พิมพ์หน้านี้ - มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: ดอกไม้ ที่ 28-11-2011 13:11:41

หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 28-11-2011 13:11:41
เก็บกระทู้ไว้  ------โมดุฯ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

***********************************************************************

สารบัญค่ะ :L2:

บทนำ : คืนหนึ่ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1739885#msg1739885)
บทที่ ๑ : หงส์เหิร (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1747170#msg1747170)
บทที่ ๒ : หงส์ปีกหัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1758484#msg1758484)
บทที่ ๓ : คมตาฟ้าซื่อสื่อรักโลมใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1767753#msg1767753)
บทที่ ๔ : ดอกฟ้าร่วง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1777681#msg1777681)
บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1788320#msg1788320)
บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1803469#msg1803469)
บทที่ ๗ : น้อยใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1807693#msg1807693)
บทที่ ๘ : เสน่หา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1819450#msg1819450)
บทที่ ๙ : น้ำตาดาว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1830154#msg1830154)
บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1840165#msg1840165)
บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1850796#msg1850796)
บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1860552#msg1860552)
บทที่ ๑๓ : กอดฉัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1869735#msg1869735)
บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1886853#msg1886853)
บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1898319#msg1898319)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1910865#msg1910865)   
บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2012195#msg2012195)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2087573#msg2087573)
ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2079297#msg2079297) 
บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2099083#msg2099083)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2105373#msg2105373)
บทที่ ๑๘ : ที่รัก(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2112970#msg2112970)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2129822#msg2129822)
บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2139333#msg2139333)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2151828#msg2151828)
บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2182003#msg2182003)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2196188#msg2196188)
บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2206436#msg2206436)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2219079#msg2219079)
บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2225594#msg2225594)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2236431#msg2236431)
บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2248407#msg2248407)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2272167#msg2272167)
บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2287909#msg2287909)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2300297#msg2300297)
บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2470692#msg2470692)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2526664#msg2526664)
บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2544151#msg2544151)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2574387#msg2574387)
บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2638708#msg2638708)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2656826#msg2656826)
บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2672665#msg2672665)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2704785#msg2704785)
บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2738296#msg2738296)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2781244#msg2781244)
บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2848053#msg2848053)   (ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg2891967#msg2891967)


************************************************************

(http://img38.picoodle.com/i5br/1_f7e_u0.jpg)

บทนำ

คืนหนึ่ง


อยุธยา, พุทธศักราช ๒๕๐๔


คืนหนึ่งยังซึ้ง ตรึงใจตรึงใจเรา
ฉันเฝ้าอิงแนบแอบอกอุ่น
ลมโชยโปรยกลิ่นผกากรุ่น
รุ่งอรุณเรืองรางสว่างฟ้า



ฟ้าจวนสาง ดาวพราวยังไม่ลับฟ้า ฟ้าสีมืดกลืนแสงสว่างเกิดเป็นแสงทองเรืองรองจับทิศตะวันออก ร่างสูงใหญ่บนเตียงตื่นนานแล้ว แต่ยังคงนอนฟังเสียงไก่ขันอย่างสงบ ทอดมองร่างๆหนึ่งที่นั่งอยู่กับพื้นกลางห้อง เฝ้ามองมือเรียวบางค่อยๆจับกลีบเสื้อสีกากีอย่างประณีต มือเรียวพรมน้ำในขันสาครลงบนผ้า  วางเตารีดนาบบนนวลตองก่อนยกขึ้นรีด  เหล็กร้อนต้องละอองน้ำเกิดเสียงดังฉ่า  พับทบอีกด้านหนึ่ง รีดทับ ซ้ำๆ..ช่ำชอง.. จนเสร็จสิ้น ใส่ไม้แขวน แขวนไว้กับตู้เสื้อผ้า


เครื่องแบบข้าราชการครูอันทรงเกียรติ


กลิ่นดอกมหาหงส์ข้างหมอนยังหอมเรื่อ แต่ไหนเลยจะหอมเท่ากลิ่นผมติดหมอนของคนรัก ชายหนุ่มฝังหน้าลงสูดกลิ่น แกล้งทำเป็นหลับตาเมื่อเห็นร่างโปร่งเดินตรงเข้ามาหา

“อาจารย์คนึง ตื่นเถอะครับ” สะกิดต้นแขนร่างที่คิดว่ายังหลับใหล แต่กลับถูกมือใหญ่คว้าไปจรดปลายจมูก “แน่ะ..ตื่นแล้วก็ไม่ยอมลุก แกล้งผมอีกแล้วหรือ”

เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆในคอ ขณะยังกุมมือบางไว้ไม่ยอมปล่อย พลางลืมตาขึ้นช้าๆ “บอกแล้วไงว่าตอนอยู่กันสองคนไม่ต้องเรียกอาจารย์ สอนไม่จำ ลงโทษเสียดีไหม”

“ลงโทษแบบไหน ให้ผมไปวิ่งรอบสนามเหมือนเมื่อก่อนน่ะหรือ อย่าลืมสิ ตอนนี้ผมเป็นอาจารย์ฝึกสอนแล้วนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนเสนาะหูเอ่ยพลางทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง จังหวะเดียวกับอีกฝ่ายค่อยๆยันกายขึ้นนั่ง

“แล้วอีกอย่าง.. ผมแค่อยากให้เกียรติอาจารย์”

คนึงถอนใจพรู รวบร่างคนรักไว้ในอ้อมกอดหลวมๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่อยากได้ยินอีกฝ่ายเรียกเขาว่าอาจารย์ เพราะทุกครั้งที่ได้ยิน ความละอายอดสูจะแล่นเข้ากัดกินใจ เขาผิด.. เขาบาปนัก.. ที่อุตริมีความสัมพันธ์แบบนี้กับลูกศิษย์ตัวเอง ซ้ำยังเป็นลูกศิษย์ผู้ชายเสียด้วย

แต่เขาห้ามใจตัวเองไม่ได้ เขารักจินดามากเหลือเกิน..

“ถ้ามีใครรู้เรื่องระหว่างเราจะเป็นยังไงนะ” ร่างในอ้อมแขนถามขึ้นราวกับอ่านใจเขาออก
“ถามทำไมหรือ” เสียงทุ้มอู้อี้แทบกลืนหายไปในลำคอเพราะเจ้าตัวฝังใบหน้าลงกับบ่าเล็กเรียว
“ท่าทางเหมือนจ้อยจะรู้แล้ว” เสียงจินดาแผ่วหวิว เต็มไปด้วยความกังวลจนรู้สึกได้ “หลังๆมานี่จ้อยมองผมแปลกๆ”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย เรารักกันมันผิดด้วยหรือ” ใบหน้าหล่อคมกดปลายจมูกบนผิวแก้มนุ่ม ก่อนหาเรื่องเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ได้ข่าวว่าจะมีอาจารย์ฝึกสอนเป็นนักเรียนนอกมาจากอังกฤษหรือ เห็นว่าอาจารย์ใหญ่ให้จินดาเป็นคนดูแลเขา”

“ไม่ใช่นักเรียนนอกธรรมดา แต่เป็นถึงหม่อมราชวงศ์เสียด้วย ท่าทางคงเจ้าเสน่ห์ไม่เบา อีกสองวันผมต้องไปรับเขาที่บ้านแพนแล้ว”

ร่างสูงใหญ่หัวเราะในคอ กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น “จะเจ้าเสน่ห์แค่ไหนกันเชียว สู้จินดาของฉันได้หรือเปล่า”
“ทำเป็นพูดดีไป พอเขามาแล้วอาจารย์จะลืมผมสิไม่ว่า”
“ไม่มีทางหรอก..”



เธอประคองตระกองกอด ตระกองกอดยอดรัก
ฉันบอกสมัคร ขอรักชั่วชีวา


.................................................................
...........................................


“อาจารย์.. อาจารย์คนึง.. อาจารย์คนึงครับ”

ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบขาวไว้ทุกข์สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกพร้อมมีมือมาสะกิด เมื่อนั้นเขาจึงตื่นจากภวังค์และรับรู้ความเป็นจริงว่าตอนนี้กำลังอยู่ที่ไหน

“อาจารย์คนึง” อาจารย์วิรัชฝ่ายภาษาอังกฤษนั่นเอง “เขาประกาศเรียกชื่อคุณให้ขึ้นไปทอดผ้าไตรแล้ว ไม่ได้ยินหรือ”

ร่างสูงชะงัก ก่อนก้มหน้ารับคำแผ่วเบา ลุกเดินไปรับผ้าไตรบังสุกุลพร้อมช่อดอกไม้จันทน์จากพานที่น้องชายร่างเล็กของผู้ตายยื่นให้ ก่อนก้าวขึ้นไปบนเมรุ วางผ้าไตรลงที่หน้าโลง ท่ามกลางสายตาของแขกในงานหลายคนที่จับจ้อง

มือใหญ่สั่นระริกแทบควบคุมไม่อยู่ สายตาคมมองรูปถ่ายที่ตั้งอยู่หน้าโลงด้วยความรักและอาลัยสุดหัวใจ ใบหน้าหวานคม ดวงตาสวยโศกทอดมองมาอย่างอ่อนโยนเช่นเดียวกับเมื่อตอนยังมีชีวิต ดวงตานี้.. ใบหน้านี้.. ชื่อนี้จะอยู่ในหัวใจเขาตลอดไป


จินดา..



เสียงปี่พาทย์ประโคมเพลงพญาโศก ขณะร่างไร้วิญญาณของคนรักกำลังมอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลี คนึงได้แต่ยืนมองควันสีขาวเป็นทางจากยอดเมรุ เคียงข้างด้วยหญิงชราและเด็กหนุ่มที่กำลังกอดรูปพี่ชายร้องไห้โฮ

“จ้อย.. พี่จินดาไม่อยู่แล้วจ้อยต้องดูแลยายให้ดีๆนะ” มือใหญ่เอื้อมไปลูบหัวอีกฝ่ายอย่างจะปลอบขวัญ “เราต้องเข้มแข็ง เป็นหลักให้ยาย รู้ไหม”

ร่างเล็กในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งกลืนก้อนสะอื้นลงคอ “ครับ..”

“ยังหนุ่มอยู่แท้ๆ ทำไมจินดาจากยายไปเร็วอย่างนี้” มือเหี่ยวย่นใช้ผ้าเช็ดน้ำหมากเช็ดน้ำตาป้อย

“ไม่ต้องห่วงนะครับยาย จินดาเป็นลูกศิษย์ผม และเป็นเพื่อนผมด้วย ยายกับน้องของจินดาก็เหมือนยายกับน้องของผม”

พลันเกิดเสียงเฮฮาอึกทึกขึ้นแถวศาลา คณะปี่พาทย์ถึงกับชะงัก บรรดาหนุ่มเหน้าสาวสวยคุยกันครื้นเครงเสียงดังเรียกสายตาหลายคนให้หันมองเป็นตาเดียว แขกในงานหลายคนวิ่งกรูกันไปดูทั้งที่ยังอยู่ในชุดดำ

“พวกนั้นใครกัน เสียมารยาทจริง” อาจารย์หนุ่มมองตาม
“คณะกลองยาวที่กำนันเสริมจ้างมาน่ะสิครับ” จ้อยตอบทั้งที่น้ำตายังเปื้อนแก้มขาว “เห็นว่าเอามาต้อนรับคุณชายที่จะมาพรุ่งนี้”


มือใหญ่กำหมัดแน่น.. ขบกรามจนข้างแก้มเป็นสันนูน

ถ้าเจ้าคุณชายนั่นไม่มาที่นี่ คนรักของเขาก็คงไม่ต้องตาย


หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์


เขานึกชิงชังคนคนนี้นักตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า!



ขอเตือนเธออย่าลืมวาจา
ที่เคยสัญญากันไว้ในคืนนั้น*




โปรดติดตามตอนต่อไป


----------------------------------------------------------------------------------------------------
*เพลงคืนหนึ่ง, พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธ์ ยุคล ประพันธ์, ธานินทร์ อินทรเทพ – จินตนา สุขสถิตย์ ขับร้อง



ดอกไม้บอกเล่า

สวัสดีทุกคนที่แวะเข้ามาค่ะ

นิยายเรื่องนี้เป็นแนววายไทยย้อนยุคเรื่องแรกในชีวิต และเป็นครั้งแรกที่ลงนิยายที่เล้าด้วยค่ะ
(ตื่นเต้นเล็กๆ :-[)
ผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้านะคะ

ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Lukaka ที่ 28-11-2011 13:20:01
ตามมาให้กำลังใจค่ะ 

คิดถึงน้องจ้อยยย  คิดถึงคุณชายเล็ก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 28-11-2011 13:36:41
Perfect! เป็นอีกเรื่องที่ชื่นชอบอย่างมากค่ะ, ใครได้เข้ามาอ่าน ขอให้อ่านไปเรื่อยๆ แล้วจะเริ่มติดและหลงตัวละครในเรื่อง. แล้วจะพบว่าความสนุกของนิยายที่เป็น "นวนิยาย" เป็นอย่างไร.

กดบวก ๑ ให้คุณดอกไม้นะคะ.

ขอบคุณค่ะ.  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 28-11-2011 14:02:24
รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 28-11-2011 14:10:57
ติดใจชื่อเรื่องจังเลย แถมคุณ Wordslinger ให้เครดิตแบบนี้ คงต้องคอยติดตามแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 28-11-2011 14:11:48
เรื่องนี้สนุกมาก ยิ่งอ่านยิ่งแซ่บ เข้ามาคอนเฟิร์ม  o13

ปล. คุณดอกไม้................................
แอร๊ยๆ  ว่างมาต่อยังคะ 
อยากได้ศุกร์หรรษหาคืนมาอ่ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 28-11-2011 14:19:58
โอ๊ะ พี่จี้ มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ติดตามๆๆๆ  :mc4:

ปล. อย่าลืมมี่จังกับโนโนะน้าาา   :z10:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: kangkaw ที่ 28-11-2011 14:36:17
ตอนรับเรื่องใหม่ค่ะ น่าสนใจมาก รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-11-2011 15:00:23
สมัยนั้น  ธรรมเนียมการเรียน คุณครู กับอาจารย์ น่าจะยังเคร่งครัดอยู่

มัธยมศึกษา  เรียน คุณครู  คุณครูใหญ่  ผู้อำนวยการ
อุดมศึกษา เรียก อาจารย์

แต่อาจารย์ใหญ่นั้น  ไม่แน่ใจว่ามีเรียกกันไหม?  ในต่างจังหวัด  หรือมีไว้เรียกเฉพาะกันแต่ใน "คณะแพทยาศาสตร์"  ลองค้นหาข้อมูลตรงนี้หน่อยนะคุณน้อง

อนึ่ง ริจะเขียนฉาก  รีดผ้าด้วยเตาถ่าน  จากประสบการณ์ที่เคยรีดมา  รู้สึกว่าที่คุณน้องบรรยายไว้ในจะทแม่งๆ ไปนิด อิอิ

เจ้สอง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 28-11-2011 15:19:50
กรี๊ดดดดดดด
เอามาลงที่นี่ด้วย
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ สุดยอดนิยาย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 28-11-2011 15:43:41
ชอบค่ะ เรื่องนี้
+1 ต้อนรับเลยจ้า  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 28-11-2011 15:51:03
มาให้กำลังใจคะ อย่าลืมไปต่อ น้องจ้อยกะพี่สิงห์ด้วยนะคะ ^^ (ได้ข่าวว่าคู่รอง 55+)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 28-11-2011 16:05:02
^
^
^
^
แฟนน้องจ้อยกับพี่สิงห์เหมือนกันใช่ไหมคะ? อิอิ. ร้ากคู่นี้มากยิ่งกว่าคู่เอกอีกนะเนี่ย. ความรักที่เกิดการเข้าใจผิดจนทำให้ใจเจ็บช้ำอย่างเหลือแสน. พี่สิงห์ผู้มีใจ "นักเลง" อย่างแท้จริง. ปลื้ม  :กอด1:

(เข้ามาหลายรอบแล้ววันนี้ แสดงให้เห็นว่ารักเรื่องนี้จริงๆ)

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 28-11-2011 16:20:11
จิ้มข้างบน
รักเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 28-11-2011 16:28:02
มาต้อนรับพี่จี้ค๊า :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 28-11-2011 16:31:05
จารย์คนึงคุณเล็กมาที่นี่ด้วย>/////////<






ปล.อยากอ่านตอนใหม่มากๆๆๆๆๆๆเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 28-11-2011 16:56:10
 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 28-11-2011 21:06:12
สมัยนั้น  ธรรมเนียมการเรียน คุณครู กับอาจารย์ น่าจะยังเคร่งครัดอยู่

มัธยมศึกษา  เรียน คุณครู  คุณครูใหญ่  ผู้อำนวยการ
อุดมศึกษา เรียก อาจารย์

แต่อาจารย์ใหญ่นั้น  ไม่แน่ใจว่ามีเรียกกันไหม?  ในต่างจังหวัด  หรือมีไว้เรียกเฉพาะกันแต่ใน "คณะแพทยาศาสตร์"  ลองค้นหาข้อมูลตรงนี้หน่อยนะคุณน้อง

อนึ่ง ริจะเขียนฉาก  รีดผ้าด้วยเตาถ่าน  จากประสบการณ์ที่เคยรีดมา  รู้สึกว่าที่คุณน้องบรรยายไว้ในจะทแม่งๆ ไปนิด อิอิ

เจ้สอง

 o22 ตะ..เตารีด!

ขอบคุณเจ้สองมากๆค่ะที่ทักเรื่องเตารีด ความจริงถามแม่มาแล้ว แต่ดันเข้าใจไปอีกอย่างซะนี่ จากนี้ไปจะจำจนตายเลยค่ะว่าเตารีดถ่านใช้ยังไง ^^ (ไปแก้แล้วค่ะ)

ส่วนเรื่องคำเรียกอาจารย์ใหญ่ คือนิยายเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากวิทยานิพนธ์ "The Far Province" เป็นบันทึกของหนุ่มน้อยไฮโซจากอังกฤษที่เข้ามาเป็นอาสาสมัครคนแรกในเมืองไทยน่ะค่ะ ดังนั้นคำเรียกอาจารย์ใหญ่ (รวมถึงรายละเอียดต่างๆ) น้องจึงอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลดังกล่่าวเป็นหลัก (ฉบับแปลภาษาไทยเรียกอาจารย์ใหญ่น่ะค่ะ^^)

สถานที่ซึ่งเป็นฉากหลักของเรื่องคือโรงเรียนฝึกหัดครู จากที่ไปค้นประวัติในหอสมุดมา สมัยนั้นก็เรียกอาจารย์-อาจารย์ใหญ่นะคะ

ขอบคุณเจ้สองมากๆค่ะสำหรับคอมเม้นท์ ยินดีน้อมรับทุกคำติชม ทุกคำวิจารณ์เป็นกำลังใจค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: januarys13 ที่ 28-11-2011 21:43:24
รอตอนต่อไปต่อไป  :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 28-11-2011 23:07:41
มาเจิมเรื่องนี้ ฮ่าๆๆ มาต่อเร็วๆนะ รออ่านอยู่

สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 29-11-2011 11:47:45
มารอด้วยคน  ชอบการใช้ภาษาจัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 29-11-2011 13:35:11
ทำไมจินดาถึงตาย

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทนำ : คืนหนึ่ง [๒๘/๑๑/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 29-11-2011 13:51:39
เป็นอีกเรื่องที่น่าติดตาม ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของอดีต....
แต่คาดว่าจะเต็มไปด้วยไฟรักในไม่ช้า :laugh:
สามคำ>>> ตาย ยัง ไง  :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 02-12-2011 20:26:35
(http://img38.picoodle.com/i5c2/1bnj_9c8_u0.jpg)

บทที่ ๑

หงส์เหิร


หงส์เหมราชเอย  สง่าผ่าเผยงามสคราญ
ณ แดนหิมพานต์ หวงตัวรักวงศ์วาน
หิมพานต์สถานสำราญมา*




โครงการอาสาสมัครต่างประเทศของอังกฤษ

หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์ นึกเกลียดคนที่อุตริก่อตั้งโครงการนี้ขึ้นมาครามครัน

ก็เพราะไอ้โครงการบ้านี่ไม่ใช่หรือ  ที่ทำให้บุตรชายคนเดียวของเอกอัครราชทูตเช่นเขาต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากเมืองศิวิไลซ์อย่างมหานครลอนดอน  มายังประเทศที่ล้าหลังอย่างที่นี่ 
   
ปกติแล้ว  แม้เขาจะทำความผิดไว้รุนแรงแค่ไหน  ท่านพ่อก็ลงโทษเขาเพียงแค่ริบเงินค่าใช้จ่าย  กักบริเวณ  หรือไม่ก็ให้ไปทำงานที่สถานทูตไทยประจำกรุงลอนดอนอันเป็นที่ทำงานของท่านพ่อ  แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะหนักถึงขั้นนี้  ทั้งที่ความผิดที่เขาก่อก็ไม่ได้รุนแรงอะไรนักหนา 

กะอีแค่ตบหน้ารุ่นน้องชาวไทยที่โรงเรียนเพราะมันบังอาจทำอาหารเช้ามาให้เขาไม่ถูกใจ 
รุ่นน้องก็ย่อมต้องตกเป็นเบี้ยล่างรุ่นพี่อยู่แล้ว  แถมยังเป็นรุ่นน้องที่มาจากประเทศหลังเขาอีกต่างหาก 

นั่นคงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ท่านพ่อทนไม่ไหว  จนตัดสินใจส่งเขาเข้าโครงการที่ว่านั่นทันทีที่เรียนจบชั้นไฮสคูล  ใช้เส้นสายวางแผนให้เขามาที่ประเทศนี้  ยื่นคำขาดให้เขาไปทำงานเป็นอาสาสมัครที่โรงเรียนในจังหวัดชื่อยาวเรียกยากนั่น
   
ท่าเตียนในยามนี้พลุกพล่านเหลือแสน  หม่อมราชวงศ์เลอมานนั่งไขว่ห้างกอดอกอยู่ในห้องพักผู้โดยสารด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ  เสียงเจ๊กร้านข้าวกระแทกตระหลิวกับกระทะเรียกลูกค้าดังลั่น  เสียงเอะอะของชาวบ้านเหม็นเหงื่อไคลในร้านกาแฟ  ไหนจะเสียงพวกคนเรือที่ขึ้นบกมานั่งโขกหมากรุกกันรอเวลาเรือออกนั่นอีก 

แม้ทุกอย่างจะน่ารำคาญจนทำให้ใบหน้างามหวานด้วยเชื้อฝรั่งที่มีอยู่เสี้ยวบูดบึ้งไปบ้าง  กระนั้นบรรดาหญิงสาวทั้งหลายก็ชม้ายชายตาคุณชายรูปงามราวพระเอกหนังกันตาหวานหยดย้อย 

“โถ..พ่อคุณทูนหัวของย่า” หม่อมดารา หรือหม่อมย่าใหญ่ของเขาเอ่ยประโยคนี้ขึ้นเป็นรอบที่สิบแล้วกระมัง “ลำบากลำบนเหลือเกินแล้ว  จากนี้ไปจะกินจะอยู่ยังไงกัน”

“ไม่ต้องไปห่วงเขาหรอกหม่อมย่าใหญ่” หม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชผู้เป็นบิดา  และดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอนถึงกับทิ้งงานมาส่งเขาด้วยพระองค์เอง “ดูถูกแผ่นดินพ่อแผ่นดินแม่ดีนัก  ต้องโดนแบบนี้ถึงจะเข็ดหลาบ  มองไม่เห็นหัวคนอื่นแบบนี้ต่อไปจะเป็นใหญ่เป็นโตได้ยังไง”
   
พระเนตรที่ทอดมองโอรสดูเด็ดขาดแน่วแน่  จนเลอมานต้องหลบตาวูบ  ทั้งโลกนี้มีเพียงท่านพ่อคนเดียวเท่านั้นที่เขาจะยอมอ่อนให้

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ” มือเหี่ยวย่นลูบใบหน้าหลานอย่างรักใคร่ “น่าจะให้คนขับรถไปส่งหรือนั่งรถไฟไปก็ยังดี.. ไปเรือเมล์แบบนี้มัน..”

“ลงไปคลุกคลีกับชาวบ้านเสียบ้าง  เผื่อนิสัยชอบดูถูกคนมันจะซาลง” ท่านชายอาทิตย์ตรัสเสียงขุ่น  พระเนตรคมวาวจ้องมองบุตรชายที่เอาแต่เสมองทางอื่น
“จะมีพายุลานเทหรือเปล่าก็ไม่รู้” หม่อมย่าใหญ่ยังมิวายเป็นห่วงร่ำไป 
“ถ้าพายุมานายท้ายเขาก็จอดรอลมนิ่งเองนั่นละ  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ตรัสพลางหันมองเด็กหนุ่มที่ยังหน้างอง้ำ “ยังไงวันนี้ก็ต้องไป  ผัดเขามาหนหนึ่งแล้วนี่” 

พลันชายหนุ่มผิวคล้ำร่างสันทัดท่าทางคล่องแคล่ววิ่งเหงื่อโซมมา  กระหืดกระหอบรายงาน “ขนของไปไว้ในเรือเรียบร้อยแล้วกระหม่อม”

“เอ้า นี่ก็จวนได้เวลาแล้ว  ลงเรือไปหาที่หาทางกันให้เรียบร้อย  เดี๋ยวประมาณ ๓-๔ โมงเย็นก็คงจะถึงบ้านแพน  จะมีเจ้าหน้าที่จากโรงเรียนมารอรับ” 
   
ร่างโปร่งหยัดกายลุกขึ้นเตรียมบังคมลา  ทว่าผู้เป็นบิดากลับเอื้อมหัตถ์กุมไหล่เขาไว้แน่น  สายพระเนตรที่ทอดมาเปี่ยมด้วยเมตตานัก
   
“จงพร้อมที่จะเรียนและพร้อมที่จะสอน  การอาสาออกไปช่วยคนอื่นนั้นฟังดูโก้  แต่จะให้ถูกต้องเรียกว่าอาสาไปรับใช้เขามากกว่า  เพราะการช่วยส่อให้คิดไปได้ว่าเราวิเศษกว่าเขา  แต่การรับใช้นั้น  ย่อมช่วยให้รู้จักเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตน  อย่างน้อยก็ไม่ดูถูกชาวบ้านว่าโง่กว่า  การพร้อมที่จะรับใช้คนที่เราไม่รู้จักกัน  จะช่วยให้จิตใจของเราเต็มเปี่ยมขึ้น”
   
“อาสาสมัครหรือ” เลอมานทำเสียงขึ้นจมูกแบบกริยาฝรั่ง “ชายไม่ได้สมัครใจเลยสักนิด  ท่านพ่อบังคับชาย”
“ที่ไม่ใช่บทลงโทษ  แต่เป็นบทเรียน  จงไปอยู่ให้เขาผูกมิตรกับเราเสมอบ่าเสมอไหล่  นับเราเป็นลูกหลาน  จะหวังอะไรยิ่งไปกว่านี้  เพราะความสำคัญของมนุษย์กับมนุษย์นั้นอยู่ตรงที่มีน้ำใจไมตรีต่อกัน  การให้วัตถุแก่กันนั้นง่าย  แต่การให้น้ำใจแก่กันสิยาก” 
   
เขาลาท่านพ่อและหม่อมย่าใหญ่พลางหันหลังมุ่งไปยังเรือเมล์สองชั้นขนาดใหญ่ทาสีแดงฉาดฉาน  นับจากนี้เขาจะต้องจากบ้าน จากครอบครัว  ไปอยู่กับคนแปลกหน้า  ไปอยู่ในดินแดนที่ไม่เคยคุ้นเป็นเวลา ๑ ปีเต็ม  คิดถึงตรงนี้แล้วก็อดใจหายไม่ได้  เขาไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าหม่อมย่าใหญ่ที่ส่งเสียงร้องไห้กระซิกแว่วมาด้วยซ้ำ 
   
สภาพภายในเรือยิ่งทำให้เขาสะอิดสะเอียนนัก  เหล่าชาวบ้านชายหญิงเด็กแก่ นั่งนอนอยู่กับพื้นเกะกะไร้ระเบียบ  ทุกสายตาหันมองเขาเป็นตาเดียวราวกับเขาเป็นสิ่งแปลกปลอมที่หลงเข้ามา 

ก็น่าอยู่หรอก  ชายหนุ่มหน้าตาผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้าน  ใบหน้างามหวานที่พิมพ์มาจากมารดาผู้เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ  เรือนผมและดวงตาสีน้ำตาลอ่อน  การแต่งกายที่พวกชาวบ้านเคยเห็นกันแค่จากพระเอกหนังฝรั่ง  อยู่ดีๆมาเดินเฉิดฉายอยู่ในเรือแดงได้อย่างไรกัน
   
“คุณชายเล็ก  เดี๋ยวก่อน เดี๊ยวๆๆๆ” นายแช่มคนรับใช้คนสนิทที่ติดสอยห้อยตามมาจากอังกฤษรีบวิ่งตาลีตาเหลือกจนเรือโคลงเมื่อเห็นคุณชายสุดที่รักเดินลิ่วๆไปยังที่นั่งยกสูงท้ายเรือ “นั่งตรงนั้นไม่ได้ขะรับคุณชาย”
   
“ทำไม” ตวัดเสียงห้วนเล่นเอาคนฟังขยาด  ดวงตาคู่สวยเหลือบมองด้วยหางตาอย่างไม่พอใจ
“คุณชายจะนั่งตรงนั้นไม่ได้นา..” หนุ่มผิวคล้ำมองซ้ายมองขวาก่อนลดเสียงลงเป็นกระซิบ “นั่นมันที่นั่งพระ” 
“แล้วนั่งไม่ได้หรือไง”
“ไม่ด๊าย..บาปกรรมตายเลย”
“แล้วจะให้นั่งตรงไหน” คุณชายจอมหยิ่งถามเสียงขุ่น “อย่าบอกนะว่าจะให้นั่งกับพื้นปนกับคนพวกนี้!”
“ชู่วๆๆๆ” สิ้นเสียงนั้นบรรดา’คนพวกนี้’ที่ว่าพากันหันมองขวับ  จนบ่าวตัวดีรีบปรามแทบไม่ทัน  หวิดจะเอามือปิดปากแดงๆนั่นให้อยู่รอมร่อ “โธ่เอ๋ย คุณชาย เบาๆหน่อยซี่  พวกคนเรือนี่นักเลงเยอะนา  ถ้าคุณชายไปไม่ถึงบ้านแพนละก็ ท่านชายอาทิตย์เล่นงานแช่มตายแน่เลยขะรับ”
“แล้วจะให้นั่งไหน”

คนสนิทเดินนำกลับไปยังส่วนหน้าเรือ  เขาจึงเพิ่งเห็นว่าหลังห้องนายท้ายมือม้านั่งวางอยู่สองสามตัว   

“นี่แหละชั้นหนึ่งแล้วคุณชาย  คุณชายนั่งตรงนี้นะ  แช่มจะเอนหลังให้ลมโกรกกะพื้น”
“เดี๋ยว!” ยังไม่ทันทรุดลงเอกเขนกให้สบายใจ  ผู้เป็นนายก็เรียกไว้เสียก่อน  ก่อนจะได้ยินคำสั่งที่เล่นเอาปาดเหงื่อ
“สกปรกแบบนี้ฉันจะนั่งได้ยังไง  แกหาอะไรมาเช็ดเก้าอี้ซิ”
     
**********************

“หวังว่าที่นั่นจะดัดนิสัยชายเล็กให้ดีขึ้นได้นะ” หม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชตรัสเมื่อส่งบุตรชายเพียงคนเดียวลงเรือไปแล้ว
“ท่านชายโหดร้ายเสียจริง  ปีนี้ชายเล็กเพิ่งจะเต็มสิบแปด  ก็ลงโทษให้ไปอยู่ไกลบ้านขนาดนั้น” น้ำตายังไม่แห้งจากดวงตาหม่อมดารา  ถึงแม้จะไม่ใช่ย่าแท้ๆ  เป็นแค่พี่สาวของย่า  แต่หญิงชราก็รักคุณชายเล็กมากราวกับหลานแท้ๆของตัวเอง 

“หม่อมย่าใหญ่ตั้งชื่อให้เขาสูงเกินไปรึเปล่า  ถึงได้ทำตัวจองหองเย่อหยิ่งมองไม่เห็นหัวคนอื่นแบบนี้”  ประโยคนี้คล้ายตรัสรำพึงกับพระองค์เอง  ขณะทอดพระเนตรเรือแดงค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากท่าฝ่ากระแสน้ำไป

****************************
   
   
ออกจากท่าเตียนตั้งแต่เช้าตรู่  เรือแดงแล่นผ่านเขตหมู่บ้านคับคั่งในเมืองหลวง  บ้านเรือนแต่ละหลังค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ  บางคราวก็พบเรือนแพจอดเต็มสองฝั่งแม่น้ำ  จนกระทั่งถึงทิวทุ่งนาเขียวขจีกว้างใหญ่ 
   
สายน้ำกว้าง ท้องฟ้าสูงโล่ง  ทำให้เด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์เบิกบานตื่นตาอยู่ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น  เมื่อนั่งหลังแข็งโต้ลมแรงนานเข้าหน่อย  ทนโคลงไปโคลงมากับเรือมากเข้านิด  อาการคลื่นเหียนเวียนไส้ก็โจมตีจนหม่อมราชวงศ์หนุ่มผุดลุกผุดนั่งเข้าออกห้องน้ำเป็นว่าเล่น  แม้จะเมาเรือแค่ไหนเขาก็ไม่คิดจะลงไปเอนหลังกับพื้นให้เสียเกียรติ  ได้แต่นั่งกุมขมับกับเก้าอี้อยู่อย่างนั้น  เดือดร้อนนายแช่มที่ต้องมาพัดวีให้ไหวๆ
   
จนเกือบ ๔ โมงเย็น  สองฝั่งแม่น้ำเริ่มเต็มไปด้วยเรือโยงผูกติดกันยาวเหยียด  ผ่านโรงสีปล่อยควันโขมง  ผ่านบ้านเรือนที่เริ่มคับคั่งขึ้น  เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเข้าสู่เขตตลาดบ้านแพน  เลอมานจึงเริ่มตรวจสอบความเรียบร้อยของเสื้อผ้า  กลัดกระดุมคอผูกไทด์ที่ตนคลายออกเมื่อเช้าให้กระชับ  โยนยาดมส้มมือที่จ่อรูจมูกมาตลอดทางคืนนายแช่ม  จัดผมเผ้าให้เรียบร้อยแล้วสวมหมวกปีกแคบ  และเมื่อเรือจอดนิ่งสนิทที่ท่า  เขาก็ก้าวย่างขึ้นฝั่งได้อย่างสง่างาม
   
   
สุภาพบุรุษหนุ่มในชุดสูทสีครีม สวมหมวกปีกสีน้ำตาล  แม้ดวงตาจะถูกแว่นดำบดบังอยู่ แต่ก็ไม่อาจปกปิดความงดงามของใบหน้านั้นได้  ยิ่งเมื่อมายืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านจอแจที่ท่าเรือ  ยิ่งดูโดดเด่นราวกับหงส์ในฝูงกา  ไม่ว่าใครจะสนใจมองจนเหลียวหลังอย่างไร  เขาก็ยังยืนเชิดหน้ามองตรงราวกับไม่สนใจชีวิตอื่นใดบนโลก   
   
“หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์ใช่ไหม” เสียงทุ้มที่เอ่ยชื่อเขาทำให้เด็กหนุ่มต้องหันไปมอง  หน้าที่เชิดอยู่แล้วต้องเชิดยิ่งกว่าเก่าด้วยอีกฝ่ายนั้นสูงกว่าเขามากนัก

“สวัสดี  ผมอาจารย์คนึง วนาสัยจากโรงเรียนฝึกหัดครูอยุธยา  ผมมารับคุณ” ดวงตาเรียวคมสีสนิมเหล็กมองเขานิ่งอย่างไม่สะท้อนอารมณ์ใด  แม้ไม่ยินร้าย  แต่ก็ไม่ยินดี 

“อ้อ” เด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์เพียงกล่าวรับสั้นๆ  ถอดแว่นออกเพื่อสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า  ใบหน้าคมคาย ร่างสูงใหญ่ในเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงขายาวสีดำ  แต่ปลอกแขนทุกข์ที่แขนซ้ายนั้นสะดุดตาสะดุดใจเขานัก  นึกฉุนเฉียวขึ้นมาครามครัน  อาจารย์บ้านนอกคนนี้กล้าดียังไงถึงแต่งตัวแบบนี้มารับเขา
   
นายแช่มหอบสัมภาระมาเต็มสองมือ  เมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายยืนอยู่กับใคร ก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม  “สวัสดีครับ”

“สวัสดี” คนึงรับไหว้พร้อมยิ้มด้วยไมตรี  เหลือบมองเด็กหนุ่มที่เอาแต่ยืนเชิดหน้า  อดคิดอย่างดูแคลนไม่ได้ว่า  ไม่อยู่เมืองนอกนานเกินไปก็คงจะเป็นที่กมลสันดานส่วนตัวถึงได้ไม่รู้จักไหว้หรือกล่าวสวัสดีคนอื่น  ดวงตาเรียวคมสำรวจหัวจรดเท้า  ดูอย่างไรก็ไม่เหมือน ‘อาสา’ สมัครสักนิด  หนักไปทาง ‘ถูกบังคับ’ เสียมากกว่า  เด็กหนุ่มร่างระหง ‘เอวองค์สารพัดไม่ขัดตา’ ผิวขาวเนียนที่เรียกว่า ‘แตงร่มใบ’ ได้ไม่ขัดปาก  ผมสีน้ำตาลอ่อนต้องประกายแดดดูราวเส้นไหม  ทว่าดวงตาแวววาวราวอัญมณีคู่นั้นกลับดีแต่มองคนอื่นอย่างเหยียดหยัน

รูปงามเสียเปล่า  คงร้ายกาจไม่ใช่เล่นจึงถูกพ่อตัวเองส่งมาดัดนิสัยที่นี่

หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดาย      ควรจะนับว่าชายโฉมยง
กระนี้หรือบิดามิพิศวาส..


คนึงและนายแช่มถือกระเป๋าเดินทางของคุณชายไว้คนละสองใบ  ในขณะที่เจ้าของกระเป๋ากลับเดินเชิดหน้าเอามือไพล่หลังไม่แยแส  อาจารย์หนุ่มเดินนำทั้งสองมายังเรือยนต์ที่จอดรออยู่ที่ท่าเพื่อเดินทางไปยังโรงเรียน

ทัศนียภาพและวิถีชีวิตชาวบ้านสองฝั่งคลองที่ผ่านสายตายิ่งทำให้เด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์รังเกียจนัก  ท้องทุ่งนากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา  ฝูงวัวควายปล่อยทุ่งพากันมากินน้ำ  กลุ่มเด็กเปลือยกายล่อนจ้อนโดดน้ำกันโครมๆ  หญิงสาวชาวบ้านในผ้าถุงเปียกแนบเนื้อนั่งขัดสีฉวีวรรณที่ท่าน้ำ  ทุกอย่างทำให้เขาอดวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล้าหลังไร้การพัฒนาไม่ได้ 

โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนตกอยู่ในสายตารังเกียจเดียดฉันท์จากผู้มารับอย่างไร

*************************
   
   
ท่าน้ำหลังโรงเรียนฝึกหัดครูอยุธยากำลังคึกคักราวกับงานวัด  ผ้าแพรเพลาะสีสดใสถูกนำมาตกแต่งจนท่าน้ำเรียบๆดูสวยสด  เหล่าคณาจารย์ต่างอยู่ในชุดแต่งกายสุภาพเรียบร้อย  นักเรียนบางส่วนที่กินนอนที่โรงเรียนก็มาออกันที่ท่าจนคับคั่ง    แม้แต่ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงก็ยังแห่กันมา 

ได้ยลโฉมคุณชายนักเรียนนอกจากอังกฤษที่ร่ำลือกันว่ารูปงามนักหนา  แถมยังได้ดูมหรสพกลองยาวที่กำนันเสริมหามาเป็นของแถม  ในชีวิตอันเรียบง่ายจนน่าเบื่อ  นานทีปีหนจะมีเรื่องครึกครื้นให้ดูชม  แล้วใครเล่าจะพลาดได้ลง 
   
จ้อยในเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงสีกากีอันเป็นเครื่องแบบของนักเรียนโรงเรียนฝึกหัดครูกำลังตื่นตาตื่นใจอยู่กับหาบเร่ที่มาจับจองที่ทางขายของหลังโรงเรียน  เดินไปเดินมาก็หยุดอยู่หน้าร้านน้ำแข็งกดสีสันสดใส  เด็กหนุ่มร่างเล็กยืนมองตาละห้อยได้ไม่ทันไรก็มีมือมาตบไหล่ดังป้าบ
   
“ตามหาตั้งนาน ที่แท้ก็มาอยู่นี่เอง” สันติฉายานายสี่ตาเพราะใส่แว่นโอบไหล่เล็กบางของเพื่อนรักไว้อย่างสนิทสนม
“เอาไหมจ้อย เดี๋ยวเราเลี้ยง” สง่าเดินมาประกบอีกคน  และไม่ทันที่จ้อยจะอ้าปากร้องห้าม  เพื่อนตัวดีก็สั่งน้ำแข็งกดกับแม่ค้าไปแล้ว  มิไยจ้อยจะโบกมือห้าม  น้ำแข็งกดรดน้ำแดงราดนมจนชุ่มก็ถูกยัดใส่มือ

“ขอบใจนะ  เดี๋ยววันหน้าเรากับยายจะทำขนมมาให้” ริมฝีปากบางว่าพลางชิมรสหวานฉ่ำแล้วยิ้มเขิน  จริงอยู่ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน  แต่จะให้เพื่อนมาเลี้ยงบ่อยๆก็ใช่เรื่อง
   
จ้อยเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เล็ก  แม่กำไลของเขาไปทำงานที่กรุงเทพ  พอคลอดเขาแล้วก็เอามาฝากให้ยายเลี้ยงแล้วตัวก็หายเข้ากลีบเมฆ  เด็กหนุ่มเคยเห็นหน้าแม่แต่เพียงในรูปถ่ายเก่าๆ  แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังอดภูมิใจไม่ได้ที่ตัวเองถอดใบหน้าแม่มาไม่ผิดเพี้ยน  ส่วนพ่อนั้นหรือ  เติบโตมาจนอายุ ๑๗ ปี  จ้อยก็ยังไม่รู้ว่าพ่อบังเกิดเกล้าของตนเป็นใคร  และเชื่อว่ายายเองก็คงไม่รู้เช่นกัน

เกิดมาก็กำพร้าพ่อแม่แล้ว  เมื่อสี่วันก่อนพี่ชายก็มาตายจากไปอีก  ชีวิตจ้อยตอนนี้จึงเหลือเพียงยายคนเดียวเป็นที่ยึดเหนี่ยว  แต่ไม่ใช่เพียงความน่าเวทนาที่ทำให้จ้อยกลายเป็นที่รักที่เอ็นดูของอาจารย์และผองเพื่อน  หากเป็นเพราะความอ่อนโยนอ่อนน้อม  และร่าเริงสดใสเหมือนแสงตะวันยามเช้า  อันเป็นนิสัยดั้งเดิมของตัวเขาเองต่างหาก
        

จ้อยเป็นเด็กดี  ไม่มีพิษมีภัยกับใคร  แต่ก็ยังไม่วายมีศัตรู

“เฮ้ย ไอ้จ้อย!” เสียงทุ้มห้าวตะโกนเรียกดังลั่นจากด้านหลัง  ไม่ต้องหันไปดูจ้อยก็รู้ว่าเสียงใคร  เพราะมีเพียงคนเดียวที่จ้องระรานเขาแบบนี้ 
   
“โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วยังกินน้ำแข็งกดอีกเรอะวะ” จริงดังคาด  นายสิงห์ลูกชายกำนันเสริมพร้อมลูกสมุน ๓-๔ คนเดินอาดๆตรงเข้ามาอย่างหาเรื่อง  ท่าทางยียวนกวนประสาทจนจ้อยเบ้ปากรังเกียจ  ถึงจะร่างเล็กผิดกันเยอะแต่เด็กหนุ่มก็จ้องหน้ามันกลับไปอย่างไม่กลัวเกรง
   
ดูเอาปะไร  เย็นย่ำสนธยาขนาดนี้ไอ้สิงห์มันยังสะเออะใส่แว่นดำ  คงจะนึกว่าตัวเองเป็นพระเอกหนังฝรั่งโก้เสียเต็มประดา     
   
“หรือว่าหมายังเลียถึงวะ  ไอ้จ้อยมันยิ่งเตี้ยๆอยู่” ไอ้ลอย สมุนคนสนิทของไอ้สิงห์เห่าหอนขึ้น  ประโยคที่จ้อยไม่เห็นว่ามันจะขำตรงไหนกลับเรียกเสียงหัวเราะจากพวกมันครื้นเครง
   
“เออว่ะ  ไหนดูหน่อยซิวะ” มือแกร่งคว้าเข้าให้ที่แขนเล็ก  อาศัยร่างกายที่สูงใหญ่กำยำกว่าดึงร่างเล็กเข้าหาตัวได้อย่างง่ายดาย  จ้อยออกแรงยื้อยุดจนน้ำแข็งกดร่วงลงพื้น 
   
ไอ้สิงห์ทำท่าเสียดมเสียดาย  พลางจับแว่นขึ้นคาดผม  เผยให้เห็นใบหน้าคมคายและดวงตาวาววับ  ดวงตาคู่นั้นจ้องวงหน้าอ่อนเยาว์ละมุนของคู่กรณีนิ่งไปอึดใจ 

‘แววเนตรเด็ดฉกาจชาตินักสู้’ ช่างขัดกันเหลือเกินกับ ‘โอษฐ์ตรูกลทับทิมจิ้มลิ้มเหลือ’

“ไปกันเถอะสันติ สง่า อย่าไปสนพวกอันธพาลเลย” จ้อยขึงตาใส่พลางหันหลังเดินหนีทั้งยังจับแขนตัวเองป้อยๆด้วยความเจ็บ  ยังไม่ทันได้เดินหนีไปดั่งใจ  คนตัวสูงกว่าก็ปราดมาขวางหน้าไว้  สายตายังจับจ้องไม่กระพริบ   
   
“ปากแดงอย่างกับผู้หญิงเลยนะเอ็ง” ไม่ว่าเปล่า  ดันเอื้อมมือมาหาเสียด้วย  มือเล็กรีบปัดมันออกทันทีก่อนจะถึงตัว  ร่างสูงทำท่าดังได้สติ  แววตาที่มองเปลี่ยนเป็นเอาเรื่องทันที  แถมยังเงื้อง่ากำปั้นขึ้น 

“หยุดนะไอ้สิงห์!!” เสียงทรงอำนาจดังฟ้าผ่าดังขึ้น  ไม่ใช่แค่ไอ้สิงห์กับพรรคพวกเท่านั้นที่ชะงัก  ทุกคนล้วนหันไปมองต้นเสียงเป็นตาเดียว  ร่างสูงใหญ่ในชุดสีกากีเดินถือตะพดอาดๆมา  ปิดหัวล้านเลี่ยนไว้ด้วยหมวกกะโล่  หนวดงอนโง้งเน้นใบหน้าให้ดูดุดันน่าเกรงขามยิ่งขึ้น 
   
“วันนี้อย่าก่อเรื่องเชียวนะ  ไม่งั้นพ่อจะแพ่นกบาลแยกให้หมดทั้งหัวโจกหางโจก” แค่กำนันเสริมเงื้อตะพดใส่  ไอ้สิงห์และพวกก็หัวหดกันเป็นแถว   
   
“ขอโทษทีนะครู  อย่าถือสาไอ้ลูกชายอันธพาลของลุงเลยนะ” ท่าทีดุร้ายที่มีต่อลูกชายแปรเปลี่ยนเป็นเมตตาอารีต่อนักเรียนฝึกหัดครูทันที  จ้อยยิ้มเจื่อน  ปากบางขยับจะเอ่ยคำว่าไม่เป็นไร..   
   
“มันยังไม่ได้เป็นครูเสียหน่อย  พ่อไปเรียกมันว่าครูทำไม” หัวโจกร่างสูงโพล่งขึ้นขัดเสียก่อน  แต่ก็จ๋อยไปอีกครั้งเมื่อผู้เป็นพ่อร่ายยาว
   
“หุบปากไปเลยไอ้สิงห์  หัดเอาอย่างครูเขาซะมั่ง  หนังสือหนังหาก็ไม่ยอมเรียน  ดีแต่ระรานชาวบ้านไปทั่ว  พวกเอ็งไปอยู่ไกลๆโน่นเลย  เดี๋ยวคุณชายเห็นเข้าจะอับอายขายขี้หน้ากันทั้งบาง”

ลูกชายกำนันได้แต่ฮึดฮัด  ก่อนจากไปยังมิวายชี้หน้าคู่กรณี  พร้อมชี้หน้าขู่อาฆาต
   
“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้จ้อย  อีกสองสามวันข้าจะไปเก็บดอกที่แผงผักยายเอ็ง  เตรียมตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 02-12-2011 20:30:08
พี่สิงห์ >////<
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 02-12-2011 20:37:43
อาจารย์ปรีชาเจ้าของร่างท้วมและใบหน้าเอื้ออารียืนยิ้มอยู่ที่ท่า  รายล้อมด้วยเหล่าคณาจารย์ที่คอยชะเง้อมองคุ้งน้ำข้างหน้าเป็นระยะ  การมาเยือนของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์คนนี้สำคัญยิ่งนัก  ด้วยว่าหม่อมราชวงศ์เลอมานคือโอรสคนเดียวของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชผู้ให้การอุปถัมภ์โรงเรียนมาช้านาน  การต้อนรับจึงจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ   
   
“เอ้าเฮ้ย  โน่นไง  เรือมาแล้ว  ตั้งแถวๆ” กำนันเสริมโวยวายขึ้นเมื่อเห็นเรือยนต์ลำหนึ่งแล่นเข้าคุ้งน้ำมา  อาจารย์ปรีชารีบกระชับคอเสื้อให้เรียบร้อย  อาจารย์อื่นที่ยืนระเกะระกะในตอนแรกต่างพากันยืนเรียงแถว  ส่วนพวกชาวบ้านรวมทั้งจ้อยและพวกพรรคต่างพากันชะเง้อชะแง้  คณะกลองยาวลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อม  ทุกคนต่างอยากเห็นหน้าอาจารย์ฝึกสอนคนใหม่ที่มียศศักดิ์สูงส่งคนนี้นัก
   
เรือยนต์แล่นเข้าเทียบท่า  อาจารย์ปรีชาพาใบหน้าเปื้อนยิ้มเข้ามายืนใกล้ๆ  ผู้ที่ขึ้นจากเรือคนแรกคืออาจารย์คนึง  และร่างโปร่งบางที่ค้อมหัวหลบหลังคาเรือก้าวขึ้นมายืนบนท่าคนต่อมาคือชายหนุ่มที่ทุกคนรอคอย
   
แม้จะเห็นจากในระยะไกล  แต่หม่อมราชวงศ์หนุ่มก็เรียกเสียงฮือฮาจากชาวบ้านได้เซ็งแซ่  บางคนชะเง้อมองคอยาวจนแทบจะตกจากตลิ่ง  ส่วนพวกสาวๆก็กระมิดกระเมี้ยนขวยเขินกันหน้าแดงก่ำ
   
“ท่านนี้คืออาจารย์ปรีชา  เป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเรา” คนึงแนะนำให้คุณชายรู้จักบุคคลที่ยืนอยู่หัวแถว 
   
“ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนของเราครับคุณชาย” อาจารย์ใหญ่วัยกลางคนเอ่ยทักทายพร้อมยิ้มกว้างจนหางตาย่น  แต่หม่อมราชวงศ์หนุ่มกลับตอบรับเพียงอาการพยักหน้าน้อยๆ.. เท่านั้น  แล้วใบหน้างามงดนั่นก็กลับมาเชิดชูคอเหมือนเก่า 
   
ไม่มีการยกมือไหว้  ไม่..แม้แต่จะถอดหมวกออก 

อาจารย์ปรีชาเพียงกระแอมในคอ  ก่อนหันไปแนะนำผู้ที่ยืนอยู่ถัดจากเขา “นี่คือกำนันเสริม  เป็นกำนันของตำบลนี้ครับ”
   
กำนันร่างใหญ่หัวเราะแหะๆ  ถอดหมวกกะโล่ออกแล้วยกมือขึ้นจะรับไหว้ตามความเคยชิน  แต่แล้วก็ต้องหัวเราะเก้อ รับไหว้เก้อ ด้วยเพราะชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ทักทายเขาด้วยอาการเดียวกับที่ทักทายอาจารย์ใหญ่ 
   
อาจารย์วิรัช หัวหน้าภาคภาษาอังกฤษก้าวขาออกมาทักทายบ้างอย่างมั่นใจ 
   
“กุดอ๊าบเต้อนูนเซอร์ เวลคั่มทู..”
“ผมพูดไทยได้ ไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ” เลอมานทะลุกลางปล้องเพราะสุดจะทนกับภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งหู  เล่นเอาอาจารย์ร่างสันทัดหน้าม้าน 
   
นายแช่มยกข้าวของขึ้นฝั่งมาได้แล้วก็ตามมายกมือไหว้ผู้มาต้อนรับทีละคนอย่างอ่อนน้อม  แนะนำตัวเสร็จสรรพว่าเป็นข้าช่วงใช้ของคุณชาย  คนึงมองบ่าวแล้วหันมองนายด้วยสายตาเหยียดหยัน  เสียแรงที่มีเชื้อเจ้า  กลับทำตัวเย่อหยิ่งจองหอง  ไม่ยอมยกมือไหว้กระทั่งอาจารย์ใหญ่หรือกำนัน
   
ดวงตาคู่สวยทอดมองแถวยาวเหยียดของคนที่พากันมาต้อนรับเขาแล้วนึกเวียนหัวขึ้นมาครามครัน  สายตาทุกคู่มองมาทางเขาเป็นจุดเดียว  เสียงซุบซิบวิจารณ์ดังเข้าหูเป็นระยะ

“สวยจริงพ่อคุณเอ๊ย  ยังกะพระเอกหนังแน่ะ”
“ขาวเป็นหยวกกล้วยเชียวว่ะ”
“ทำไมผมเขาสีอ่อนกว่าเราล่ะ”
“คงอยู่เมืองนอกนานจนเป็นฝรั่งมั้ง”
“ไอ้โง่  ไม่พ่อก็แม่เขาคงเป็นฝรั่งตะหากเล่า”


หม่อมราชวงศ์หนุ่มรู้สึกอึดอัดนัก  ไหนจะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง  ไหนจะเวียนหัวเพราะเมาเรือตั้งแต่อยู่บนเรือเมล์  มือบางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นปิดจมูกเพราะความรู้สึกคลื่นเหียนพุ่งเข้าโจมตี  แต่ก็พยายามฝืนทนเอาไว้
   
“ที่พักของผมอยู่ไหน” เขาหันไปถามอาจารย์หนุ่มที่เป็นคนพาเขามา  ให้รู้สึกตึงหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ  แถมยังมองกลับด้วยสายตาเคียดขึ้ง  จนอาจารย์ปรีชาต้องเป็นคนตอบให้

“คุณชายพักที่บ้านพักอาจารย์หลังนั้นครับ” นิ้วอูมชี้ไปทางเรือนไม้เสาคอนกรีตที่ซ่อนกายอยู่ในดงมะม่วงใบหนา “เดี๋ยวให้คนเอาของไปเก็บให้แล้วเชิญคุณชาย..”

“ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อน  กรุณาอย่าให้ใครไปรบกวน” น้ำเสียงเรียบนิ่งที่เอ่ยขึ้นทำให้หลายคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก  นายแช่มถึงกับเข้ามากระซิบประชิดตัว

“คุณชายเล็ก มันจะดีหรือ เขาจัดงานต้อนรับให้นะขะรับ” สีหน้าบ่าวหนุ่มซีดยิ่งกว่าซีด
“แกก็อยู่แทนฉันไปสิ” คุณชายกลับตอบอย่างไม่แยแส  และไม่ทันหลายคนจะคัดค้าน  ไม่ทันนายแช่มจะทัดทาน  ร่างโปร่งบางก็เดินลิ่วๆผ่านกลุ่มคนที่มองตามไปจนสุดตา 

นายสิงห์และพรรคพวกก็อยู่ในกลุ่มนั้น  ต่างมองตามคุณชายรูปงามด้วยสายตาแสนทึ่ง     

“เหมือนตุ๊กตาที่น้องข้าเล่นตอนเด็กๆเลยว่ะ” หัวโจกเอ่ยขึ้น สายตายังมองตามร่างนั้นทั้งที่เดินไปไกลแล้ว
“เสียดายเป็นผู้ชายเสียได้  ถ้าเป็นผู้หญิงละก็..” ไอ้ลอยหยักยิ้มมุมปาก  ดวงตาเจ้าเล่ห์พราวระยับ  วูบหนึ่งขณะเด็กหนุ่มสูงศักดิ์เดินผ่าน  มันได้กลิ่นหอมจางๆจากร่างนั้น 

ช่างยวนใจเสียเหลือเกิน       
         
*************************
   
หม่อมราชวงศ์เลอมานเดินกึ่งวิ่งมาที่โคนต้นหางนกยูงหน้าบ้านพัก  มือเล็กใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากแน่น  สีหน้าเขาตอนนี้ผะอืดผะอมบอกไม่ถูก  เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใครจึงตัดสินใจโก่งคออาเจียนกับโคนต้นไม้นั้น

เพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เที่ยง  สิ่งที่ผ่านพ้นลำคอออกมาจึงมีแต่น้ำย่อยขมเปรี้ยว  ทรมานเหลือเกิน..

มือหนึ่งที่ลูบหลังให้ทำให้เลอมานตกใจสะดุ้งสุดตัว   เขาเอี้ยวหลังมองขวับ  พบเด็กหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งในชุดที่คาดว่าเป็นนักเรียนของที่นี่  กำลังขยับปากจะไล่ออกไปแต่กลับถูกความคลื่นเหียนโจมตีอีกระลอกจนต้องยอมแพ้แก่รอยมืออ่อนโยนนั้น

หม่อมราชวงศ์หนุ่มทิ้งตัวลงนั่งหอบบนแคร่ไม้ไผ่โคนต้นหางนกยูง  ดวงตาคู่สวยจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เอาแต่ยิ้มด้วยสายตาไม่พอใจ  ใครใช้ให้หมอนี่มาเห็นเขาในสภาพน่าอดสูกันเล่า  สักพักร่างนั้นก็หันหลังวิ่งขึ้นบันไดไปบนบ้านแล้วประคองขันน้ำใบหนึ่งมายื่นให้     

“อาจารย์คนึงก็เหลือเกิน  ดูไม่ออกหรือไงนะว่าคุณชายเมาเรือ  หน้าซีดออกขนาดนี้” จ้อยวางขันน้ำลงกับแคร่เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมยื่นมือมารับเสียที

“นี่เป็นน้ำฝนครับคุณชาย  ไม่ต้องห่วง  ที่นี่ใครๆก็ดื่มกันทั้งนั้น” เขาเอ่ยเมื่อเห็นสายตาคลางแคลงใจของอีกฝ่าย “ถ้าไม่ดื่มก็ล้างหน้าล้างตาเสียหน่อย จะได้สดชื่น”

ผู้สูงศักดิ์กว่าคว้าขันขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้  เขาบ้วนปากแล้วลองดื่มดูด้วยความกระหาย  ให้นึกแปลกใจว่าน้ำฝนนี้ช่างชื่นใจอย่างน่าประหลาด  ดวงตาสีน้ำตาลเพ่งพิเคราะห์สารรูปเด็กหนุ่มตรงหน้า  ร่างเล็กผอมบางในเสื้อสีขาวตุ่น  กางเกงมีรอยปะชุน  รองเท้าที่ใส่ก็เป็นรองเท้าแตะเก่าๆ  แต่ดวงตาเป็นประกายและรอยยิ้มสดใสนั้นช่างเป็นมิตรชวนมอง 
   
ไม่ถึงอึดใจ  ทั้งสองก็เห็นร่างสูงร่างหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางนี้ด้วยสีหน้าขึ้งเครียด   

“กลับไปที่งานเดี๋ยวนี้!”
        
ประโยคคำสั่งนั้นทำให้หม่อมราชวงศ์เลอมานโกรธจนลมแทบออกหู  ได้แต่พยายามสะกดโทสะเอาไว้อย่างสุดกลั้น  ตั้งแต่เกิดมา  นอกจากท่านพ่อแล้ว  ไม่มีใครหน้าไหนกล้าสั่งเขามาก่อน   

“คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดกับใคร  อย่ามาใช้น้ำเสียงแบบนี้กับผม” ร่างโปร่งบางลุกพรวดขึ้น  อดหัวเสียไม่ได้ที่แม้จะลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงแล้วอีกฝ่ายก็ยังสูงกว่าเขามากนัก       
 
คนึงยิ้มหยัน  รู้สิ  กำลังพูดกับเด็กไร้มารยาท  เย่อหยิ่งจองหองน่ารังเกียจอยู่อย่างไรล่ะ  แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดไปดั่งใจคิด 

“สิ่งที่คุณทำวันนี้มันเสียมารยาทมาก”
“แล้วไง  ผมไม่ไปเสียอย่าง  คุณจะทำไม” 
“ถ้าคุณไม่กลับไป  ผมจะโทรศัพท์ไปทูลฟ้องท่านชายอาทิตย์” ชื่อบิดาที่ถูกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดนั้นทำให้เลอมานชะงัก  ยอมจำนนด้วยความไม่เต็มใจ  เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ  สะบัดหน้าเดินกลับไปที่งานอย่างเสียมิได้

จ้อยได้แต่มองตามทั้งสองพลางถอนหายใจ  ความบาดหมางไม่ลงรอยได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันแรกอย่างนี้  แล้วระยะเวลาอีก ๑ ปีที่หม่อมราชวงศ์เลอมานต้องอยู่ที่นี่  รอยร้าวนั้นจะลุกลามใหญ่โตไปสักแค่ไหน  จะถึงขั้นแตกสลายเลยหรือเปล่าหนอ 

**********************

เวลาผ่านไปจนถึงหัวค่ำ  การร่วมรับประทานอาหารเย็นกับคณะอาจารย์ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี  เลอมานยังจำสีหน้าของนายแช่มได้ดีว่ามันดีใจมากแค่ไหนที่เห็นเขากลับไป  และจำสีหน้าของเหล่าอาจารย์ทุกคนได้ดีเช่นกัน 
   
ไม่ว่ามันจะเป็นสายตาอิดหนาระอาใจ เหนื่อยหน่าย ไม่พอใจ อ่อนใจ หรืออะไรก็ตามแต่  สายตาเหล่านั้นก็ไม่อาจทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนได้  การถูกเลี้ยงดูมาอย่างฝรั่ง  แถมยังถูกหม่อมแม่พะเน้าพะนอเอาใจราวกับไข่ในหิน  ไม่ว่าเพื่อนฝูงหรือบ่าวไพร่ก็ปฏิบัติกับเขาเช่นผู้มีศักดิ์สูงกว่า  สิ่งเหล่านั้นหล่อหลอมให้หม่อมราชวงศ์เลอมานไม่เคยนึกถึงความรู้สึกใคร  ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาทั้งสิ้น

ระหว่างมื้อเขาทานได้น้อยคำ  ด้วยนึกเหยียดหยันในรสชาติสตูไก่ที่พยายามปรุงให้อร่อยเท่าต้นตำรับ  สีหน้าเขาคงแสดงออกไม่น้อยตอนที่อาจารย์ปรีชาบอกว่าแม่ครัวปรุงให้สุดฝีมือ  ทุกคนในโต๊ะถึงได้ทำหน้ากระอักกระอ่วนอย่างนั้น
   
หลังมื้ออาหารที่น่าเบื่อหน่าย  อาจารย์หนุ่มร่างสูงก็พาเขาและนายแช่มมายังห้องพักบนเรือนไม้ใต้ถุนสูงขนาด ๑๕ เสา  คะเนด้วยสายตาแล้วพบว่ามีห้องพักอื่นอีก ๓-๔ ห้อง  ผ่านห้องนั่งเล่นตรงกลาง พวกเขาถูกพามายังห้องหนึ่ง  ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปพบเตียงสองหลังตั้งอยู่คนละฝั่งห้อง  คิ้วเรียวถึงกับขมวดมุ่น 

“นั่นเตียงใคร” ใบหน้างดงามเชิดขึ้นถามอย่างไม่สบอารมณ์  ก่อนจะหันไปสำรวจทั่วห้องกว้าง  เครื่องเรือนทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเตียงนอน  ตู้เสื้อผ้า  หรือโต๊ะเขียนหนังสือ ทุกอย่างมีเป็นคู่และถูกจัดวางในลักษณะแบ่งพื้นที่ครึ่งห้อง  โดยกั้นกลางไว้ด้วยชั้นหนังสือ

“เตียงผมเอง” คำตอบของอีกฝ่ายทำให้หม่อมราชวงศ์หนุ่มแทบสำลักอากาศ “ห้องพักอาจารย์กำหนดให้อยู่ห้องละสองคน  และพอดีอาจารย์ที่เคยอยู่ห้องนี้กับผมตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว  ที่สำคัญผมก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลคุณด้วย”

“ไม่มีห้องเดี่ยวหรือ”

“ไม่มี” คนึงเอ่ยเสียงเรียบ  เรียบพอๆกับใบหน้านิ่งขึง “ที่นี่บ้านพักไม่ใช่โรงแรม”

นายแช่มเห็นประกายตาเจ้านายวาววับด้วยความไม่พอใจ  และเห็นอาจารย์ร่างสูงใหญ่ปลีกตัวไปที่โต๊ะทำงานอย่างไม่แยแส มันก็เริ่มเห็นท่าไม่ดี  รีบเข้าไปประคองคุณชายที่รักไปนั่งพักที่เตียงอย่างประจบ  และจัดแจงสัมภาระในกระเป๋าเก็บเข้าที่ 

คนึงพยายามข่มอารมณ์ไว้  เมื่อได้ยินเสียงเลอมานบ่นแต่เรื่องความคับแคบของห้องพักและไร้สิ่งอำนวยความสะดวกจากอีกฝั่งห้องแว่วมา  ฝ่ายนั้นจงใจพูดให้เขาได้ยิน  เขาแน่ใจเช่นนั้น             
          
“นี่คุณ  คุณน่ะ” ร่างโปร่งเดินมาหยุดเรียกเขาอยู่ข้างชั้นหนังสือใหญ่ที่ถูกใช้กั้นกลางห้อง “คุณชื่ออะไรนะ”

ดวงตาคมวาวขึงตาใส่อีกฝ่าย  คิ้วหนาขมวดมุ่น  เจ้าเด็กไร้มารยาทนี่จำชื่อเขาไม่ได้จริงๆหรือจงใจแกล้งถาม 
   
แต่ไม่ว่าจะสาเหตุไหนก็แสดงถึงความไม่น่าคบได้พอๆกัน
   
“เอ่อ..อ-อาจารย์คนึงขะรับ  คือ..” บ่าวหนุ่มผิวคล้ำยืนกุมเป้าถาม “คุณชายจะอาบน้ำแล้ว  ไม่ทราบว่าห้องน้ำอยู่ไหนหรือขะรับ”   

*************************

“นี่น่ะหรือห้องน้ำ”
   
เลอมานพึมพำแผ่ว  สองนายบ่าวถือไฟฉายฝ่าความมืดจากบ้านพักมาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำตามที่คนึงชี้บอก  ความจริงแล้วเรียกว่าโรงอาบน้ำน่าจะถูกกว่า  ดวงตาคู่สวยมองผนังก่อด้วยสังกะสีอย่างหยาบๆด้วยความแคลงใจ  เมื่อเปิดประตูเข้าไป  เปิดไฟสว่าง  มีอ่างใส่น้ำที่ก่อด้วยปูนขนาดใหญ่อยู่กลางห้องกว้าง  พื้นปูนเฉอะแฉะ  กลิ่นอับน่ารังเกียจทำให้ต้องยกมือขึ้นปิดจมูกโด่งรั้น     

“ไม่มีห้องน้ำที่ดีกว่านี้แล้วหรือ” ความขยะแขยงแล่นพล่านจนเด็กหนุ่มอดบ่นไม่ได้ 
“แต่อาจารย์คนึงบอกว่าใครๆก็อาบที่นี่นะขะรับ” 

เลอมานจึ๊ปากอย่างขัดใจ  รับผ้าขนหนู,เสื้อคลุมและสบู่ฝรั่งจากบ่าวมาถือไว้  แล้วไล่ให้มันออกไปเฝ้าที่หน้าโรงอาบน้ำ  กำชับนักหนาว่าอย่าให้ใครเข้ามาเด็ดขาด

นายแช่มออกไปแล้ว.. เหลือเขาอยู่คนเดียวในห้องน้ำโล่งกว้าง..

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองไปรอบๆห้องอย่างประดักประเดิด  เขาไม่เคยอาบน้ำในห้องน้ำที่กว้างขนาดนี้มาก่อน  มันโล่งเสียจนไม่ต่างอะไรกับอาบน้ำในที่แจ้ง  แต่ยังอุ่นใจอยู่บ้างเพราะมีนายแช่มเฝ้าอยู่ข้างนอก 

ไม่มีฝักบัว  ไม่มีน้ำอุ่น  ไม่มีอ่างอาบน้ำให้นอนแช่  มีแต่ขันสาครบุบๆวางอยู่บนขอบอ่าง     

เขาเหลียวมองไปรอบๆอีกครั้ง  ก่อนค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าตนออกจนเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่า  ค่อยๆอาบน้ำอย่างทุลักทุเล
เพียงน้ำขันแรกรดกายก็ร้องคราง.. มันช่างเย็นเหลือใจ   

ขันแล้วขันเล่าราดรด  มือบางค่อยๆบรรจงทำความสะอาดไปทั่วร่าง  เรือนผมสีน้ำตาลเปียกลู่  หยดน้ำเกาะพราวทั่วผิวเนียนเรียบ 

จู่ๆเด็กหนุ่มก็พลันได้ยินเสียงแกร๊กที่ประตู

มือที่กำลังละเลงฟองบนศีรษะชะงัก 

ใคร!?
นายแช่ม!?

เสียงคนคุยกันแว่วๆดังขึ้นพร้อมประตูไม้บานเก่าเปิดผางออก  ฟองสบู่ราคาแพงที่อยู่บนศีรษะเริ่มไหลเข้าตา  ทำให้เขาเห็นหน้าคนบุกรุกเข้ามาได้ไม่ชัดนัก  รู้แต่ว่าพวกนั้นมีไม่ต่ำกว่า ๒ คน!


“นั่นใคร!”            


โปรดติดตามตอนต่อไป

--------------------------------------------------------------------------------------
*เพลงหงส์เหิร, แก้ว อัจฉริยะกุล ประพันธ์, เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ขับร้อง
** ศกุนตลา



ดอกไม้ตอบเม้นท์จ้า :L2:

Lukaka
ขอบคุณที่ตามมาให้กำลังใจกันนะคะ  จะรีบกลับไปเขียนต่อเร็วๆนี้ค่ะ

Wordslinger
ขอบคุณคุณแป้งจี่มากๆเลยค่ะ คอยตามเชียร์ตลอดไม่ว่าจะบอร์ดไหน  แหะๆ (เกาหัวแก้เขิน) นิยายเรื่องนี้ก็ไม่ได้สรรพคุณดีเลิศอะไรหรอกค่า แค่คนเขียนเขียนขึ้นมาด้วยความรักเท่านั้นเอง ^^

Cocoaharry
ขอบคุณที่รอติดตามค่ะ^^

Dahlia
ชื่อเรื่อง ‘มหาหงส์’ มาจากชื่อดอกไม้ที่เราชอบมากๆเลยค่ะ

Kenshinkenchu
อ้าวนึกว่าใคร  เหมือนเจอเพื่อนเก่าเลยค่ะ มามะขอกอดที :กอด1:
ใกล้จะได้เขียนต่อแล้วค่ะ เพราะนิยายเรื่องแรกที่ต้องรีบปั่นของเราใกล้จบแล้ว  เขียนจบเมื่อไหร่เดี๋ยวรีบมาเขียนเรื่องนี้ต่อเลยค่ะ

Zymphoniz
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้ะ  ไม่ลืมมี่จังกับโนโนะแน่นอน เพราะว่าใกล้จบแล้วจ้า

Kangkaw
ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจค่ะ^^

jeaby@_@
แหะๆ มีคนชวนมาลงน่ะค่ะ ที่นี่คนเยอะดีจัง (ตื่นเต้น ตื่นคนค่ะ) ขอบคุณที่ให้กำลังใจกันเสมอไม่ว่าบอร์ดไหนนะคะ

@BUA@
ขอบคุณสำหรับคะแนนค่ะ ^^

IIMisssoMII
คุณน้ำส้มนี่เอง  ขอบคุณที่ยังรอกันนะคะ  จะรีบไปเขียนต่อเร็วๆนี้แหละค่ะ

~l3aml3ery~
555+ น้อง Bambery นี่เอง เจอกันทุกบอร์ดเลย โลกกลมหรือพรหมลิขิต^^

しろやま としんや
แหะๆๆ สรุปเลยลงทั้งหมด 3 บอร์ด วันไหนอัพพร้อมกันทีเดียว 3 บอร์ดละแย่แน่เลย ยิ่งชักช้างุ่มง่ามโลว์เทคอยู่ด้วย -_-“ สำหรับตอนใหม่  อดใจรออีกแป๊บนึงนะคะ^^

Irksome
ขอบคุณที่มาจุดประทัดต้อนรับค่ะ (อุดหูๆ)^^

januarys13
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ  เราจะอัพอาทิตย์ละตอนเน้อ

Sorso
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ สู้ๆ ฮึบๆ

iforgive
ดีใจที่ชอบค่ะ  นิยายเรื่องนี้ภาษาติดจะโบราณๆหน่อยเน้อ  (ตามอายุคนเขียน^^)

golove2
อันนี้ต้องคอยติดตามค่ะ ^^

Mio
แนวย้อนยุคเป็นแนวที่อยากเขียนมานานแล้วค่ะ  (รู้ว่าเขียนยากแต่ก็ยังอยากจะเขียน) หากมีตรงไหนผิดพลาดทักท้วงชี้แจงได้เลย ยินดีรับฟังทุกความเห็นค่ะ

สามคำ >>> ขอบ คุณ ค่า ^^

ดอกไม้
๒ ธ.ค. ๒๕๕๔
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-12-2011 20:58:53
สุดยอด  อ่านแล้วนึกภาพตามได้เป็นฉาก ๆ เลย  อาจเป็นเพราะเราก็ ส.ว. ด้วยแหละ  '^__^
โรงเรียนฝึกหัดครูสำหรับคนอื่น  แต่เป็นโรงเรียนดัดสันดานของเลอมาน  เจ๋ง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 02-12-2011 21:09:31
อยากรู้ว่าจินตาตายยังไง

ชอบอ่านนิยายแนวนี้นะคะ
แลดูขลังๆ ดี ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 02-12-2011 21:20:20
พี่สิงห์ของแป้งฯ!

 :impress2:

อ่านกี่ครั้งก็ชอบ เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะคะ, รออยู่ว่าจะมาต่อเมื่อไหร่.
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 02-12-2011 21:30:36
เป็นแม่ยกคุณชายค่ะ
อ่านกี่ครั้งก็สนุก บรรยายดีมาก
ยอดเยี่ยม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 02-12-2011 21:36:19
ลงที่เล้าแล้ว

วิ้บวิ้วววววววววววววว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ai_no_uta ที่ 02-12-2011 22:52:46
พี่จี้ ขอจ๊วบบบบบทีนึงค่า ^^

ฉีกแนวววมากอ่ะพี่ แต่จะติดตามค่ะ สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้!!!


ปล.พิมพ์เอง  เชียร์พี่จี้สุดใจขาดดิ้น!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 02-12-2011 23:15:13
จะบอกว่าชอบคู่พี่สิงห์กะน้องจ้อยมากๆๆๆๆๆเลย (คู่จารย์คนึงกะน้องเล็กก็ชอบน๊าาาา)

อ่านคู่นี้ทีไรลุ้นตลอด เฮ้ออออออ ซึนทั้งคู่อ่า(น้องจ้อยซึนยิ่งกว่า)

แต่ก็น่ารักสุดๆ>////////<

จะรออ่านตอนใหม่น๊า ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกนะจ๊ะ




ปล.อีกบอร์ดเราใช้คนละชื่อ เพราะฉะนั้นชื่อในบอร์ดนี้อาจจะไม่คุ้น แฮะๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 03-12-2011 00:04:45
เนื้อเรื่องน่าสนใจมากค่ะ อยากรู้ว่าคุณชายตัวแสบจอมยโสจะโดนปราบยังไง ทำตัวน่าหมั่นไส้เหลือเกิ๊นนนนนนนน o12 o12 o12
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 03-12-2011 01:46:34
เค้าเข้ามาเมนต์แล้วทำไมมีโฆษณามากลบชื่อไมรู้   :o12:

ลงบทหนึ่งแล้ว  เย้ๆ

เข้ามาบวกเป็ดรอวันกินมาม่า (ไม่ใช่ล่ะ) 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 03-12-2011 01:57:46
มาเป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ค่ะ
คิดถึงชายเล็กกับน้องจ้อย
ส่วนพระเอก ช่างมันเถอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ZomZaa^^ ที่ 03-12-2011 09:02:12
 :กอด1:พี่จี้ เป็นกำลังใจให้นะคับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 03-12-2011 09:44:56
ใครอ้ะ !?!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 05-12-2011 01:23:22
แช่มแอบอู้ ปล่อยใครเข้ามาล่ะเนี้ย
เห็นหลายคนคอนเฟิร์ม ว่าเรื่องนี้สนุก
เริ่มบทแรกก็สนุกจริงๆ  o13
แต่ก็ไม่แปลกใจ เพราะเรื่องแรกที่พี่จี้แต่งก็สนุกมากๆๆ
(เริ่มอ่านตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วก็ยังรออ่านอยู่ 55)

ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้ว่าพี่จี้แอบมาแต่งเรื่องนี้
(แล้วทิ้งมี่จังกับโนโนะไว้  o6) 555
รู้งี้หาเรื่องนี้อ่านรอนานแล้วววว   :interest:

สุดท้ายอยากบอกพี่จี้ว่า พี่จี้แต่งนิยายสนุกจริงๆ นะคะ แต่อย่าดองนานอีกเลยน้า  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Morethan ที่ 05-12-2011 01:41:58
ไม่นึกว่าจะเอามาลงที่นี่ด้วย >_<

เป็นกำลังใจให้นะคะ

คิดถึงทุกคนโดยเฉพาะคุณชายเป็นพิเศษ ฮา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 05-12-2011 10:08:11
สนุกและน่าาติดตามต่อมากๆ นางฟ้าชอบ  :-[
สามคำ>>> รัก คน แต่ง (ฮิ้ววว) :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 05-12-2011 14:19:09
จงมา จงมา~~~
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑ : หงส์เหิร [๒/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 05-12-2011 15:37:18
ไปเจอเรื่องนี้ในเด็กดี แต่ก็ตัดสินใจว่าไม่อ่าน
มารออ่านในเล้าดีกว่า  :z2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒ : หงส์ปีกหัก [๙/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 09-12-2011 14:51:45
(http://img38.picoodle.com/i5c9/3eks_7cb_u0.jpg)

บทที่ ๒

หงส์ปีกหัก

โอ้เจ้าหงส์ฟ้าเอย แสนงาม
เหตุไฉนถึงทรามทำตัวเย่อหยิ่งหนักหนา
อวดเป็นหงส์ทอง ลอยล่องฟ้า
เหยียดหยามปักษาพวกเดียวกันว่าต่ำเพียงดิน

อย่าหยิ่งนักเลยนะเจ้า พลาดพลั้งจะเหงา
ซบเซาเศร้าทรวงเอง *


   
เมื่อเหลือเขาอยู่เพียงคนเดียวในห้องกว้าง  คนึงถอนใจพรูขณะเดินไปเปิดหน้าต่างตรงหัวเตียง  ลมเย็นฉ่ำพัดพากลิ่นหอมเย็นของดอกมหาหงส์มาด้วย  ชายหนุ่มเผลอสูดเข้าไปเต็มปอด  ดวงตาคมกล้าแหงนมองดวงดาวพริบพราวเบื้องบน  ป่านนี้คนรักของเขาจะเงียบเหงาอ้างว้างอยู่ ณ ดาวดวงใดกัน
   
ยิ่งคิดยิ่งชอกช้ำ  ร่างคนรักของเขาเพิ่งเป็นเถ้าธุลีไปเมื่อวาน  พอมาวันนี้  เพียงเพราะการมาถึงของเด็กหนุ่มผู้จองหองคนนึง  ก็ทำให้ทุกคนสนุกสนานร่าเริง  ต้อนรับกันอย่างครึกครื้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เหมือนการตายของคนรักของเขาไร้ค่าไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ดอกหนึ่งที่ร่วงหล่นจากต้น
   
อาจารย์หนุ่มหันกลับมามองไปรอบห้อง  เดิมชั้นหนังสือนี้เคยตั้งอยู่ชิดริมผนังจนกระทั่งจินดาจากไปและเขาต้องจัดห้องใหม่ต้อนรับหม่อมราชวงศ์เลอมาน  โต๊ะเขียนหนังสือ  หรือแม้กระทั่งเตียงนอนล้วนเป็นสิ่งที่จินดาเคยใช้  ยิ่งมองยิ่งชวนระโหยไห้

ลมพัดมาซู่ใหญ่จนผ้าม่านปลิว  เสียงหรีดหริ่งระงมเงียบกริบ  พริบตานั้นคนึงได้ยินเสียงฝนกระหน่ำลั่นอยู่ในอก 

ไม่เคยอดทนถมเขื่อนขึ้นกั้นได้
คืนนี้ความทรงจำคงหลากไหลท่วมท้นอีกแล้ว

***********************

“นั่นใคร!”  เลอมานร้องถามลั่นก่อนวิ่งไปฉวยเสื้อคลุมมาปิดร่างเปลือยเปล่า  ดวงตาคมวาวจ้องผู้บุกรุกอย่างเอาเรื่อง 

จ้อย สันติและสง่าในผ้าขาวม้ายืนตะลึงอ้าปากค้าง  สง่านั้นถึงขั้นทำขันน้ำในมือร่วงกระทบพื้น  เสียงเคร้งดังลั่นเตือนสติทั้งสามให้หันหลังขวับพร้อมกัน     
   
“เสียมารยาท!  ไม่รู้หรือไงว่าฉันอาบอยู่!” เลอมานน้ำเสียงพร่าไปด้วยความโกรธ  เร่งร้อนใส่เสื้อคลุมไหมด้วยมือสั่นเทา 
“ขอโทษครับคุณชาย” จ้อยเอ่ยทั้งที่ยังหันหลังให้ “ที่นี่เป็นห้องน้ำรวม  พวกเราไม่รู้จริงๆว่าคุณชายอาบอยู่ คือ..”
   ยังไม่ทันพูดจบ  เด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์ก็เดินลิ่วๆผ่านหน้าออกไป  ทิ้งให้ทั้งสามยืนเซ่ออยู่กับความเงียบงัน
....................

“ขาวว่ะ” สง่าพูดเหมือนเพ้อ  สายตายังมองตามร่างที่เพิ่งเดินจากไป
“อะไรขาว” สันติถามพาซื่อ
“ทั้งตัวเลย”
“อืม..” เด็กหนุ่มร่างผอมสูงขยับแว่นตาพลางพยักหน้า  ก่อนสะดุ้งตั้งสติได้ “เฮ้ย ไอ้บ้านี่ ผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ  โอยๆ..เห็นทีตาจะเป็นกุ้งยิงแน่”       
   
เพื่อนทั้งสองหันไปเตรียมอาบน้ำอาบท่า  ในขณะที่จ้อยได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเป็นห่วงอาจารย์ฝึกสอนคนใหม่นัก

“ไอ้แช่ม!”  หม่อมราชวงศ์หนุ่มเรียกลั่นเมื่อออกมาหน้าโรงอาบน้ำ  แล้วให้นึกฉงนนักเมื่อไม่เห็นบ่าวยืนเฝ้าอยู่ตามที่สั่ง

“ไอ้แช่ม  ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน!  ไอ้แช่ม!!” คำนำหน้าชื่อเปลี่ยนไปจากที่เคยด้วยโทสะ  แต่เรียกไปก็ป่วยการเปล่า  ไม่มีแม้เงาของนายแช่ม  เขาจึงตัดใจเดินกลับบ้านพักเพียงลำพังอย่างกระฟัดกระเฟียด   

‘ลูกหมาตกน้ำ’
   
คนึงคิดในใจทันทีที่เห็นสารรูปเด็กหนุ่มที่เดินเนื้อตัวเปียกซ่กเข้าห้องมา  อาการเดินลงส้นและปิดประตูเสียงดังอย่างไร้มารยาทบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ใด 
   
แต่กระนั้นเขาก็เพียงเงยหน้าจากงานขึ้นมองด้วยสายตาเย็นชา  เมื่ออีกฝ่ายมายืนอยู่ริมชั้นหนังสือกั้นอาณาเขต  กระชากเสียงเรียกเขาห้วนๆ
   
“คุณ!” ร่างโปร่งหอบหนัก ดูไม่ออกว่าเพราะเหนื่อยหรือโกรธ “มีห้องน้ำอื่นอีกไหม!”
   
อาจารย์หนุ่มเหยียดมุมปากอย่างจะหยัน  ถอดแว่นที่มักใส่ประจำเวลาตรวจงานหรืออ่านหนังสือ  ดวงตาคมสำรวจฝ่ายตรงข้ามหัวจรดเท้า ผมสีน้ำตาลเรียบลู่มีฟองสบู่ไหลย้อยจนเจ้าตัวต้องคอยใช้หลังมือปาดออก  ทั้งร่างเปียกโชกจนเสื้อคลุมไหมสีน้ำเงินแนบเนื้อตัดกับผิวขาวจัด  ริมฝีปากแดงที่กระทบกันดังกึกๆ 
   
คุณชายผู้จองหองต้องมาอยู่ในสารรูปนี้  สมน้ำหน้าแล้ว

“ไม่มี” คนึงตอบไม่ยี่หระ “ทำไม  อาบไม่ได้หรือไง”
“มีคนอื่นอาบอยู่นี่”
“แล้วอาบรวมกับคนอื่นไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้!”
   
ชายหนุ่มถอนใจหนักๆด้วยความรำคาญ  ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วหันไปหยิบของบางอย่างจากตู้เสื้อผ้าส่งให้
   
“อะไร” หม่อมราชวงศ์หนุ่มถาม  มองผืนผ้าพับลายตารางในมือใหญ่ด้วยความไม่เข้าใจ
   
“ผ้าขาวม้าไง  ไม่รู้จักหรือ” ใบหน้าหล่อคมเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่ง “อยู่ที่นี่ต้องหัดอาบน้ำแต่งตัวในที่สาธารณะ  ผ้าขาวม้านี่จะขาดเสียไม่ได้  เอาไปเลยผมให้  นุ่งซะแล้วลงไปอาบที่ตุ่มหัวบันไดก็ได้”
   
เด็กหนุ่มสูงศักดิ์กัดริมฝีปากนิ่ง  ไม่ยอมยื่นมือมารับเสียที  คนึงจึงชักกลับทำท่าเหมือนจะเอาไปเก็บ “หรือจะไม่อาบก็ตามใจ  ปล่อยให้สบู่คาหัวอยู่แบบนั้นแหละ  พรุ่งนี้ผมร่วงหมดหัวอย่ามาโทษผมก็แล้วกัน”
   
คำขู่นั้นได้ผล  เมื่อร่างโปร่งบางถลันมาฉวยผ้าขาวม้าไปถือไว้  แล้วเดินกลับไปยังฝั่งตัวเอง  คนึงหัวเราะขึ้นจมูก ทั้งขันทั้งหยัน  ก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม  แล้วไม่นานนัก  เขาก็ได้เห็นเด็กหนุ่มตัวขาวในผ้าขาวม้าผืนเดียวเดินไปยังประตู
   
“เดี๋ยว..” คนึงเรียกไว้  พลางลุกขึ้นเดินไปหา
   
“อะไร” ใบหน้างามหวานหันขวับ  กระชากเสียงห้วนอย่างรำคาญ  ถอยหลังออกอย่างไว้ตัวเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาใกล้  สายตาคมวาวที่จ้องท่อนล่างของเขาชวนให้อึดอัดนัก  ฉับพลันนั้นร่างโปร่งก็สะดุ้งโหยงเมื่อมือใหญ่ฉวยปมผ้าของเขาไว้
   
“ทำอะไรน่ะ! ปล่อย!”  ร่างเล็กขู่ฟ่อเหมือนลูกแมวระแวง  มือบางพยายามยื้อยุด 
“นุ่งแบบนี้โดนน้ำสองขันก็หลุดแล้ว” น้ำเสียงและดวงตาเรียบนิ่งตรึงให้เขายืนอึ้งอยู่กับที่ยามมือใหญ่นั้นมัดปมผ้าให้ใหม่จนแน่นขึ้น  “เอ้า.. อาบให้ดีๆล่ะ เกิดทำผ้าหลุดขึ้นมา ใครมาเห็นเข้าเขาจะนึกว่าเปรต”
   
“เปรต?” คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น  “อะไรคือเปรต?”
   
อาจารย์หนุ่มเพียงหัวเราะในลำคอก่อนหันหลังจากไป  ทิ้งให้เขาลงส้นออกจากห้องไปด้วยความฉุนเฉียวยิ่งนัก 

   
คืนเดือนมืดดาวพราวพร่าง  เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงม  แต่หม่อมราชวงศ์หนุ่มไม่มีกะใจมาชื่นชมด้วยกำลังตักน้ำในตุ่มขึ้นราดหัวโครมๆ อย่างรีบเร่ง 
   
บ้านป่าเมืองเถื่อนแท้ๆ  เด็กหนุ่มคิด..
   
ถ้าตอนนี้เขาอยู่ที่บ้านในกรุงลอนดอนละก็.. อย่าว่าแต่บ้าน  แม้โรงเรียนกินนอนของเขาก็ยังมีสภาพดีกว่าที่นี่  มีห้องน้ำสะอาดมิดชิด  มีฝักบัว  มีอ่างอาบน้ำ  มีน้ำอุ่น  มีโทรทัศน์  มีวิทยุ  มีแสงไฟสว่างไสว  ไม่ทุรกันดารมืดมนเหมือนที่นี่ 
   
มือบางยกขึ้นลูบไล่หยดน้ำจากใบหน้า  นึกทุเรศตัวเองนัก  ถ้าท่านพ่อไม่บังคับละก็  เขาไม่มีทางมาเหยียบที่แผ่นดินนี้เด็ดขาด  ไร้ความเจริญ  ไร้ความศิวิไลซ์  ผู้คนหรือก็แปลกประหลาด

ยังไม่ทันครบวัน  เขาก็ทนอยู่ที่นี่แทบไม่ได้เสียแล้ว  แล้วอีก ๑ ปีข้างหน้าเล่าจะเป็นอย่างไร

เด็กหนุ่มสลัดความคิดว้าวุ่นในหัว  คว้าเสื้อคลุมขึ้นมาใส่แล้วผลัดผ้าขาวม้าเปียกๆออกวางกองไว้กับพื้น 

พลันกลิ่นหอมประหลาดก็โชยรื่นกระทบนาสิก

กลิ่นนั้นไม่หอมหวานเหมือนกลิ่นลิลลี่  ไม่ได้หอมยวนใจเหมือนกลิ่นกุหลาบ  แต่เป็นกลิ่นดอกไม้ที่หอมเย็นสะอาดใสและแสนอ่อนโยน 
   
เขาพยายามหาที่มาของกลิ่นหอม  ซึ่งก็หาได้ไม่ยากนัก
   
ข้างตุ่มมีต้นไม้ที่เขาไม่เคยเห็นขึ้นเป็นกอหนาแน่น  แต่ละยอดกอเต็มไปด้วยดอกสีขาวชูช่อสลอน  รูปทรงเหมือนผีเสื้อกางปีกโผบิน  กลิ่นนั้นเล่าหอมซึ้งตรึงใจนัก  เลอมานจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปใกล้ๆ  สัมผัสกลีบบอบบางอย่างชื่นชม 
   
ประทับใจเสียจนเด็ดติดมือขึ้นมาดอกหนึ่ง 

น่าประหลาดนัก.. ที่ดอกไม้ธรรมดาเพียงดอกเดียวสามารถจุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าที่บูดบึ้งมาทั้งวันของเขาได้อย่างง่ายดาย
      

คนึงยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน  เมื่อหม่อมราชวงศ์เลอมานกลับเข้ามาในห้องพร้อมกลิ่นหอมที่เคยคุ้น  และเมื่อหันไปดูก็จริงดังคาด  เจ้าของใบหน้าหวานฮัมเพลงหงุงหงิงอย่างอารมณ์ดี
   
ในมือมีดอกมหาหงส์คลอเคลียอยู่ใต้จมูก!

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงเข้มตวาดก้องจนร่างโปร่งชะงัก  ตกตะลึงยามร่างสูงใหญ่ก้าวอาดๆมาหาจนเรือนสะเทือน “ไปเอาดอกไม้นี่มาจากไหน” 
   
“ข้างล่าง” เลอมานตอบด้วยดวงตาฉงน  ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเมื่ออีกฝ่ายตวาดก้อง

“กล้าดียังไงมาเด็ดดอกไม้ของผม!  ไม่มีมารยาท!!”
   
ฟางเส้นสุดท้ายฟาดลงมากลางใจ  ตั้งแต่พบหน้ากัน  เขากับอาจารย์บ้านนอกคนนี้ไม่เคยพูดกันด้วยไมตรีเลยสักครั้ง  ไหนจะเสียมารยาทใส่ชุดไว้ทุกข์ไปรับ  และกี่ครั้งแล้วที่บังอาจตะคอกใส่หน้าเขา
   
“กะอีแค่ดอกไม้  หวงด้วยหรือ” เขาเชิดหน้าท้าทาย  ซ่อนดอกไม้ไว้ข้างหลังเมื่อมือใหญ่พยายามแย่งคืน  ความจริงเขาจะคืนให้ดีๆก็ย่อมได้  แต่ในเมื่ออีกฝ่ายอยากมาหยามเกียรติเขาก่อน..
   
“อยากได้ก็เอาคืนไป” สิ้นคำพูดนั้น  มือเรียวเขวี้ยงดอกไม้บอบบางลงกับพื้น  คนึงตะลึงตาค้าง  ความตะลึงแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธถึงขีดสุดเมื่อหม่อมราชวงศ์หนุ่มซ้ำรอยเท้าตนตามลงไป  บดขยี้..
   
วินาทีนั้น  ชายหนุ่มรู้สึกราวหัวใจตนถูกเหยียบย่ำเหมือนดอกมหาหงส์ดอกนั้น

ดอกไม้ของจินดา  ดอกไม้ของคนรักของเขา  ดอกไม้ที่พวกเขาร่วมกันทะนุถนอมปลูกและเฝ้ามองมันออกดอกเบ่งบาน  ขณะนี้กำลังแหลกสลายอยู่ใต้ฝ่าเท้าเด็กหนุ่มชั้นสูงแต่จิตใจต่ำทรามคนหนึ่ง     
   
ราวกับลืมตนไปชั่วขณะว่าเป็นครูอาจารย์  เป็นมนุษย์จำพวกที่ควรระงับอารมณ์โกรธได้ดีว่าใครๆ  แต่เมื่อเส้นความอดกลั้นขาดผึง  ร่างสูงใหญ่ถลันไปผลักอกคนตัวเล็กกว่าอย่างแรงจนเซ  ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในฐานะใด

“คุณ!!” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวาวโรจน์อย่างเอาเรื่อง  แผ่นอกบางหอบหนัก  “มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” 
   
ยังไม่ทันที่การทะเลาะเบาะแว้งจะบานปลายกว่านั้น  นายแช่มก็วิ่งกระหืดกระหอบเปิดประตูเข้ามาทันห้ามทัพพอดี
 
เสียงนายตะคอกถามบ่าวว่าหายหัวไปไหนมา..
เสียงบ่าวละล่ำละลักแก้ตัวว่าไปเข้าส้วม..
เสียงอาจารย์หลายคนข้างนอกมาเคาะประตูถามว่าเกิดอะไรขึ้น..

ทุกเสียงล้วนผ่านหูเขาไปเหมือนสายลมพัด  ร่างสูงย่อตัวลงเก็บดอกมหาหงส์ที่บอบช้ำแหลกสลายไว้ในอุ้งมืออย่างทะนุถนอม  ดูเอาเถิด.. กลีบช้ำถึงปานนี้  แต่กลิ่นนั้นยังหอมซึ้งนัก..
   
“อย่ามาแตะต้องดอกไม้ของผมอีก”
   
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง  ก่อนค่อยๆพามันออกมาจากความวุ่นวายสับสน  ผ่านกลุ่มอาจารย์ที่ยืนมุงหน้าห้อง  เมื่อลงบันได  เสียงของคนที่เขาหมายหัวว่าจะจงเกลียดจงชังชั่วชีวิตก็แว่วมาให้ได้ยิน
   
“เจ้าครูบ้านนอกนั่น  คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน  ท่าทางคงไม่อยากเป็นครูอยู่โรงเรียนนี้เสียแล้ว  คอยดูเถอะไอ้แช่มรับรองหมอนั่นเดือดร้อนแน่”
   
คนึงยิ้มหยันให้กับคำพูดนั้น  ขณะเดินตรงไปยังท่าน้ำ  ค่อยๆวางเจ้าดอกสีขาวลงบนผืนน้ำอย่างอ่อนโยน  เฝ้ามองสายน้ำพัดพามันไปอย่างสงบนิ่ง 
   
สายตาคมกล้าหันมองไปยังหน้าต่างห้องพักตนที่ยังเปิดไฟสว่างนวล  ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มเหยียดหยัน

ใครกันแน่ที่จะเดือดร้อน  หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์!
   
********************

ฟ้ายังมืด  เสียงระฆังตีห้าครั้งดังแว่วมาจากวัดใกล้เคียง  ผสมกับเสียงไก่โก่งคอขัน  ปลุกคนึงให้ตื่นนอนตามความเคยชิน  เขาคว้าผ้าขนหนูพาดบ่าเตรียมไปล้างหน้าล้างตา  พอหันมองไปอีกฝั่งห้อง  เห็นนายแช่มกำลังม้วนเสื่อที่ตนปูนอนปลายเตียงนายอย่างขะมักเขม้น 

“อรุณสวัสดิ์นายแช่ม  ตื่นเช้าจริง”
“อ้าวอาจารย์ อรุณสวัสดิ์ขะรับ” บ่าวหัวยุ่งยิ้มทัก  ก่อนลดเสียงลงเป็นกระซิบ “เรื่องเมื่อคืน อาจารย์อย่าโกรธคุณชายเลยนะ  คุณชายอาจเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย แต่จริงๆก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก”
   
ชายหนุ่มหัวเราะหึในคอ  หันมองคนที่ ‘ไม่ได้เลวร้ายอะไร’ ที่ยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียง  แล้วเดินออกจากห้องไป

อาจารย์หนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าจากเสื้อกุยเฮงกางเกงแพรที่ใส่ตอนนอนเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้น  นั่งจิบกาแฟอยู่กับเพื่อนอาจารย์ ๓ คนที่ห้องนั่งเล่น 
   
“คิดถึงจินดานะ” อาจารย์ประพนธ์เอ่ยเปิดประเด็นเล่นเอาเขาใจวูบ 
“ผมชงกาแฟเองไม่ได้เรื่องเลย  จินดาชงอร่อยกว่าเยอะ  ผมถึงชอบให้เขาชงให้” อาจารย์วิรัชยกกาแฟขึ้นจิบแล้วส่ายหน้า     “แล้วก็จะทำขนมเล็กๆน้อยๆมาแกล้มด้วย”
“ช่างสรรหาดอกไม้มาปลูก  เขามือเย็นนะปลูกอะไรก็งาม  สงสารแต่ดอกไม้พวกนี้  ต่อไปใครจะดูแล”
“น่าเสียดาย  คนดีๆไม่น่าอายุสั้นเลย” 
“อาจารย์คนึงล่ะว่าไง  คุณสนิทกับเขาไม่ใช่หรือ” อาจารย์วิรัชหันมาถามเมื่อเห็นเขาเอาแต่นิ่งเงียบ  คนึงกลับตอบคำถามนั้นด้วย
อาการเหม่อลอยหม่นเศร้าจนไม่มีใครกล้าถามอีก   
   
ดวงตาคมเข้มเหลือบมองนาฬิกาลูกตุ้มบนผนังบอกเวลาตีห้าครึ่ง  ครั้นหันไปมองยังห้องตัวเองแล้วต้องถอนใจเหนื่อยหน่าย  หากมีเวทมนตร์  เขาจะเสกให้คนที่อยู่ในห้องนั้นคือจินดา  ไม่ใช่เจ้าเด็กจองหองคนนั้น 

แต่คงเป็นได้เพียงความฝัน  เมื่อเขากลับเข้าห้องอีกครั้งเพื่อพบกับความจริง..
   
“คุณชายเล็ก  ตื่นได้แล้วขะรับ” บ่าวผิวคล้ำเขย่าแขนผู้เป็นนายยิกๆ “ต้องตื่นแล้วขะรับ”
   
เรียกไปก็เท่านั้น  ร่างบนเตียงเพียงครางในคอ  พลิกกายหนีอย่างรำคาญ  คนึงเห็นอาการนั้นแล้วนึกชังนัก 

ขี้เกียจเหมือนหมูไม่มีผิด

นายแช่มหันมองเขาราวจะขอความช่วยเหลือ  อาจารย์หนุ่มถอนใจเฮือกก่อนเดินไปสะกิดร่างบอบบางที่หลับสนิทบนเตียงอย่างเสียไม่ได้  คิ้วคมขมวดมุ่นเมื่อมือเรียวปัดมือเขาออกเหมือนปัดแมงหวี่แมงวัน   
   
“อือ..อะไรเล่า  อย่ายุ่งน่า..” หม่อมราชวงศ์หนุ่มบ่นงัวเงียทั้งที่ยังหลับตา  ก่อนพลิกกายหันหลังให้แล้วหลับต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ชายหนุ่มกัดฟันกรอดพลางหันมองไปรอบๆเพื่อหาสิ่งที่ต้องการ  โต๊ะเล็กถัดจากเตียงแปรสภาพเป็นโต๊ะวางเครื่องประทินผิวทั้งครีม แป้งและน้ำหอมนานา  แต่บนโต๊ะเขียนหนังสือกลับว่างเปล่าไม่มีหนังสือสักเล่ม  อ้อนั่น..มีเหยือกน้ำเหยือกหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ     

ร่างสูงเดินไปคว้าเหยือกแก้วที่มีน้ำใส่อยู่เกินครึ่งแล้วกลับมาข้างเตียง  นายแช่มตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อคาดการณ์ได้ว่าเขาจะทำอะไร
   
ซ่า!!!
   
“เฮ้ย!!” บ่าวผู้ภักดีร้องลั่น  เมื่อมือใหญ่สาดน้ำลงบนใบหน้านายของมันอย่างไร้ความลังเล  ร่างบางสะดุ้งเฮือกสุดตัวจนลุกขึ้นนั่งพรวด  ผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกลู่  หยดน้ำเกาะพราวเต็มใบหน้าหวาน  ไหลลงมาถึงส่วนอกจนเสื้อนอนแบบฝรั่งเปียกแนบเนื้อ
   
วินาทีแรกเลอมานยังสับสนระหว่างความฝันและความจริง  แต่เมื่อได้เห็นอาจารย์ร่างสูงถือเหยือกน้ำไว้ในมือด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง  โทสะก็พุ่งพล่านจนหน้าแดงก่ำ
   
“คุณทำบ้าอะไร!” อะ..ไอ้ครูบ้านนอกคนนี้บังอาจนัก  ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง  กล้าดียังไงมาสาดน้ำใส่เขาแบบนี้  ตั้งแต่เกิดมา  แม้แต่ท่านพ่อหรือหม่อมแม่ก็ยังไม่เคยทำแบบนี้กับเขา  แล้วเจ้าหมอนี่เป็นใครกัน! 
   
“ตีห้าครึ่งอาจารย์และนักเรียนที่นี่ต้องไปออกกำลังกายที่สนาม” คนึงเอ่ยเสียงเรียบ  เรียบพอๆกับใบหน้า “เชิญ”
“ออกกำลังบ้าบออะไร  ผมไม่ไป!”  หัวก็ยุ่ง หน้าก็ยับเพราะรอยผ้าห่ม แถมยังเปียกปอนไปครึ่งตัว สภาพแบบนี้เขาจะออกไปได้ยังไง
   
“ตามใจ” อาจารย์หนุ่มเอ่ยไม่ยี่หระ  แต่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับชะงักเมื่อเอ่ยประโยคถัดไป “ไว้ค่อยรายงานท่านชายอาทิตย์ทีเดียว”
            
ใช้ท่านพ่อมาขู่เขารึ  ร้ายกาจนัก  เลอมานจ้องมองคนึงตาขวางขณะถูกนายแช่มดึงแขนให้ลุกจากที่นอน  รุนหลังให้ออกจากห้อง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒ : หงส์ปีกหัก [๙/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 09-12-2011 15:03:41
ดีแต่ตีหน้าเย็นชา  หรือไม่ก็ทำหน้าดุเป็นยักษ์เป็นมาร  อยากรู้นักว่าเจ้าอาจารย์คนนี้จะมีเพื่อนคบมีคนคุยด้วยไหม  คงจะเอาแต่ตีหน้ายักษ์จนใครๆเข็ดขยาด  ชนิดเด็กเห็นก็ร้องไห้จ้าเลยกระมัง
   
“อาจารย์คนึง สวัสดีคร้าบ” กลุ่มนักเรียนชายที่ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ในสนามหันมาไหว้ทักทายอาจารย์หนุ่มอย่างพร้อมเพรียงกัน  เล่นเอาเด็กหนุ่มชั้นสูงที่เดินงัวเงียตามมาแทบหายง่วงเป็นปลิดทิ้งด้วยความประหลาดใจ
   
และที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่แต่งแต้มบนใบหน้าหล่อคม 
   
“อาจารย์  เดี๋ยววันนี้เล่นตะกร้อกันอีกนะ”
“อยากแพ้อีกก็เอาสิ” รอยยิ้มกว้าง  แววตาอ่อนโยน  คำพูดแนวสัพยอกนั้นเรียกเสียงหัวเราะได้ฮาครืน

“แล้วคุณชายล่ะ  หลับสบายดีไหมครับ” นักเรียนคนหนึ่งทักถามเขา  ซึ่งก็ได้รับคำตอบเพียงหางตามองปราด  เล่นเอานายแช่มต้องตอบแทนให้
     
เขาไม่มีอารมณ์จะตอบคำถามใคร  ดวงตาคู่สวยเอาแต่จ้องอาจารย์หนุ่มที่ถูกนักเรียนรุมล้อม

เจ้าอาจารย์บ้านนอกคนนี้  ติดจะอารมณ์ดีและป็อปปูลาร์ในหมู่นักเรียนไม่หยอก  แล้วทำไมท่าทีที่มีต่อเขาถึงได้ตรงกันข้ามราวหน้ามือกับหลังเท้า
   
มันน่าหงุดหงิดน้อยอยู่เมื่อไร   


ออกกำลังกายกันเสร็จแล้ว  ฟ้าใกล้สว่างเต็มที  ท้องฟ้าใสกระจ่างแล้วค่อยๆแดงขึ้นทางทิศตะวันออก  แสงแดดยามรุ่งอรุณอุ่นสบาย  ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัว
   
เลอมานกับนายแช่มหอบผ้าขนหนูมาใช้โรงอาบน้ำเดิมที่เคยใช้เมื่อคืน  ให้นายแช่มเฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำเช่นเคย  แต่กำชับย้ำหัวตะปูหนักกว่าเก่าด้วยกลัวมันหนีไปเข้าส้วมแบบเมื่อคืนอีก  ฝ่ายตัวเขาก็รีบอาบอย่างทุลักทุเล 
   
พออาบเสร็จเปิดประตูออกมา  ก็พบลูกตาดำๆของเหล่านักเรียนที่ยืนออรอกันอยู่เป็นสิบ  ทุกสายตามองมาด้วยความงุนงง

“คุณชายครับ  ผมว่าจะถามตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว  ทำไมคุณชายถึงมาใช้ห้องน้ำนี่ล่ะ” จ้อยในผ้าขาวม้าถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ 

เลอมานไม่เข้าใจยิ่งกว่า.. แต่แล้วกลับต้องหน้าหงายเมื่อได้รับความกระจ่าง

“ห้องน้ำอาจารย์ในบ้านพักก็มีนี่ครับ” 

******************

“คุณ!!” เสียงตวาดลั่นดังมาก่อนตัว  ตามมาด้วยเสียงเดินลงส้นและเปิดประตูดังลั่น  แต่ก็ไม่ทำให้คนึงที่กำลังสวมเสื้ออยู่อนาทรร้อนใจ
   
“หมายความว่ายังไง  ห้องน้ำในบ้านนี้ก็มี  ทำไมคุณให้ผมไปใช้ห้องน้ำนั่น  แกล้งกันนี่!” ร่างโปร่งบางในเสื้อคลุมยืนหอบอยู่ตรงหน้า  โกรธจัดจนหน้าแดงก่ำ  มีบ่าวคอยลูบหลังลูบไหล่ล่อกแล่ก 
   
“แล้วไง” ตอบแค่นั้นแล้วหันไปกลัดกระดุมต่อ  ท่าทีนั้นทำเอาอีกฝ่ายแทบเต้นผาง
   
“ทำไมคุณไม่ให้ผมใช้ห้องน้ำที่นี่ตั้งแต่แรก!  ไม่รู้หรือไงว่าผมเป็นใคร!”

“นี่มันห้องน้ำอาจารย์!  เป็นอาจารย์แล้วหรือถึงจะมาใช้!” เสียงเข้มตวาดกลับอย่างสุดกลั้น  เล่นเอาเลอมานตาเบิกกว้าง  อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง 

เจ้าอาจารย์คนนี้ตะคอกใส่เขาอีกแล้ว 

“คุณ..” เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ชี้หน้าอีกฝ่ายด้วยนิ้วสั่นเทา  แม้แต่เสียงยังสั่นพร่า “คุณจะเอายังไง  จ้องจะหาเรื่องกับผมให้ได้ใช่ไหม” 

“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาชี้หน้าผู้ใหญ่  ไม่มีมารยาท”  เสียงทุ้มใหญ่ตะคอกพลางปัดนิ้วเรียวที่ชี้หน้าตนออกอย่างแรง  คราวนี้หม่อมราชวงศ์หนุ่มถึงกับสั่นไปทั้งตัวด้วยโทสะ

“โอยๆๆ ไอ้แช่มขอละขะรับ คุณชายเล็ก อาจารย์คนึง  ไหว้เลยก็ได้เอ้า” นายแช่มครวญพลางยกมือไหว้ปะหลกๆ “อย่าทะเลาะกันเลยนะขะรับ”

“ก็แกดูสิ  เขาแกล้งฉันชัดๆ”

“ผมไม่สนใจคุณถึงขนาดจะหาเรื่องกลั่นแกล้งหรอกนะ  ถ้าไม่เพราะหน้าที่  ผมจะไม่เหลียวแลคุณเลยด้วยซ้ำ” สิ้นประโยคนั้นพอดีกับที่คนึงสวมปลอกแขนทุกข์ที่แขนซ้ายเสร็จ  ชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปอย่างไม่แยแส  ก่อนหันมากล่าวทิ้งท้ายเมื่อนึกขึ้นได้

“รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย  วันนี้อาจารย์ปรีชาเชิญคุณไปทานอาหารเช้าที่บ้านท่าน”     
   
**************************
   
บ้านอาจารย์ปรีชาตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก  สร้างยกบนพื้นเสาสูงเหมือนบ้านไทยทั่วๆไป  อาณาบริเวณนั้นแสนร่มรื่นด้วยพรรณไม้ใหญ่น้อยที่ได้รับการดูแลอย่างดี  ต้นมะม่วงใบดกหนาแตกช่อส่งกลิ่นหอมเปรี้ยว  ดอกบานชื่น ดาวเรือง ดาวกระจายเป็นแปลงชูช่อให้หน้าบ้านสวยสดใส 

อาจารย์ปรีชาพาร่างท้วมลงบันไดมาพร้อมรอยยิ้ม  คนึงยกมือไหว้อย่างนอบน้อม  นายแช่มก็ยกมือไหว้ตาม  มีอยู่คนเดียวที่เอาแต่ยืนเอามือไพล่หลังเชิดหน้านิ่ง  หากแต่อาจารย์ใหญ่ก็ยังยิ้ม.. พลางกล่าวเชิญทุกคนขึ้นไปทานอาหารเช้าบนบ้าน

สำรับอาหารเช้าของอาจารย์ใหญ่ทำให้หม่อมราชวงศ์หนุ่มถึงกับชะงัก

เปล่า.. อาจารย์ปรีชาไม่ได้ทำอาหารไทยสีแดงจัดจ้านมาต้อนรับเขา  ตรงกันข้าม  อาหารทุกอย่างล้วนทำมาเพื่อเอาอกเอาใจเขาเป็นพิเศษ  ไม่ว่าจะเป็นไข่ดาว แฮม ไส้กรอก ขนมปังปิ้ง  ไม่ต่างอะไรกับเบรคฟาสต์ที่เขาทานเมื่ออยู่อังกฤษ
   
แต่ต่างกันตรงที่ว่าทั้งหมดนั่นวางอยู่บนเสื่อไม้ไผ่ผืนบางๆ ที่ปูไว้กลางห้อง
   
อย่าบอกนะว่าจะให้เขานั่งกินกับพื้น

“เอ้า เชิญนั่งๆ ตามสบายนะ” จริงดังคาดเมื่ออาจารย์ใหญ่ผายมือเชื้อเชิญ  เลอมานพยายามซ่อนสายตาดูถูกไว้ใต้ดวงตาสีน้ำตาลใส  ขณะย่อตัวลงนั่งอย่างกระอักกระอ่วน 
   
“อ้าว  นายแช่ม  ทำไมไปนั่งซะไกล  เข้ามากินข้าวด้วยกันซี่” มือใหญ่อูมกวักเรียกบ่าวผิวคล้ำที่หลบไปนั่งพับเพียบติดเสาอย่างเจียมตัว

“มะ..ไม่ได้ขะรับ” มันรีบโบกไม้โบกมือวุ่น  ไม่มีใครทันสังเกตผู้เป็นนายถอนใจอย่างเอือมระอา “กระผมเป็นบ่าว  ไม่สมควรตีตนเสมอนายขะรับ”

“ที่นี่ไม่มีนาย ไม่มีบ่าว มีแต่มิตรสหาย มีแต่ผู้ใหญ่กับผู้น้อย  จะกินข้าวร่วมวงกันไม่ได้เชียวรึ” ถ้อยคำเสียดสีดังขึ้นจากเจ้าของใบหน้าหล่อคมที่ปรายตามองมายังเด็กหนุ่มสูงศักดิ์อย่างจงใจ  เมื่อนั้นแหละนายแช่มถึงยอมกระเถิบเข้ามาร่วมวงด้วย

วงอาหารช่างแสนครื้นเครง  อาจารย์ใหญ่และภรรยาใจดี  อาหารเช้าก็รสชาติอร่อย  คนึงและอาจารย์ปรีชาชวนนายแช่มคุยอย่างถูกคอ

คงมีแต่เลอมานคนเดียวที่ทุกข์ทรมานตลอดมื้อ  จนต้องรีบกินรีบอิ่ม 

ความไม่เคยชินกับการนั่งพื้นทำให้ขาเขาชาหนึบ  ตาตุ่มปวดจนแทบทนไม่ไหว  ขยับเปลี่ยนท่านั่งจากขัดสมาธิเป็นพับเพียบหลายต่อหลายครั้ง  กว่ามื้อเช้าที่แสนเซอร์ไพร์สจะสิ้นสุดลง 

เพียงเพื่อพบกับเซอร์ไพร์สยิ่งกว่าเมื่ออาจารย์ปรีชาเอ่ยยามส่งเขาที่หัวบันได

“อ้อ  คุณชายเล็ก  เมื่อเช้าท่านชายอาทิตย์โทรศัพท์มาที่โรงเรียน  ทรงรับสั่งให้นายแช่มกลับกรุงเทพภายในวันพรุ่งนี้” 

ดีแล้วที่อาจารย์ใหญ่บอกเขาหลังกินอาหารเช้าเสร็จ  ไม่อย่างนั้นเขาคงลำคอตีบตันฝืนกลืนอะไรไม่ลง

ใจคอท่านพ่ออยากทรมานเขาให้ตายหรือไร 

   
“แกก็ทำเรื่องมากไปได้  น่าถีบจริง  ทำเหมือนไม่เคยกินข้าวกับฉันอย่างนั้นละ” ใบหน้างามหันไปตำหนินายแช่มที่เดินตัวลีบตามต้อยๆ  หลังจากอาจารย์ปรีชาส่งพวกเขา  โดยขอกันตัวอาจารย์คนึงเอาไว้ก่อน

“โธ่คุณชาย  ก็นั่นเรากินกันแค่สองคนนี่  แต่นี่มีคนอื่นอยู่ด้วยเดี๋ยวเขาจะเก็บไปนินทา”

“แกทำแบบนั้นสิ เขาจะยิ่งเกลียดขี้หน้าฉันมากกว่า  โดยเฉพาะนายอาจารย์คนึงนั่น”

“เอ้าๆๆ ไอ้แช่มยอมแล้วขะรับ คุณชายบ่นให้พอใจเลย  เดี๋ยวแช่มไม่อยู่ด้วยแล้วจะเหงาปากไม่รู้จะบ่นใคร”

คำพูดนั้นยังผลให้คนฟังนิ่งไป  จนคนพูดใจแป้ว 

บ่าวผิวคล้ำถอนใจเฮือก  ปล่อยให้นายเดินนำไปก่อน  แล้วนิ่งมองแผ่นหลังบอบบางเดินตรงไปยังสนามหญ้ากว้างใหญ่  เบื้องหน้าคือเสาธงสูงตระหง่านและอาคารเรียนไม้หลังยาว  แสงอาทิตย์อาบไล้ร่างโปร่งดูงดงามแต่ก็ให้ความรู้สึกอ้างว้างเพียงกัน 
   
มันมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเป็นห่วงสุดแสน  เพราะเป็นเหมือนทั้งเพื่อนและทั้งบ่าวมาตั้งแต่เด็ก  มันจึงรู้จักเด็กหนุ่มที่ชื่อมรว. เลอมาน บูรพวงศ์ดีกว่าใคร

ถ้าลองได้เปิดใจให้  ได้ผูกพันกับใครแล้ว มรว.เลอมานคือเด็กหนุ่มที่เอาใจใส่ ห่วงใย และมีน้ำใจให้อย่างเอกอุทีเดียว  ซึ่งคนในกลุ่มนี้มีไม่มาก  นับนิ้วได้แค่คนในครอบครัว  เพื่อนสนิทที่อังกฤษไม่กี่คน  แล้วก็บ่าวที่ชื่อไอ้แช่มคนนี้

แต่ตรงกันข้าม  กับคนที่ไม่สนิทสนม ไม่คุ้นเคย เลอมานคือเด็กหนุ่มผู้หยิ่งจองหอง  ถือตัวและเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ  ร้ายกาจพอที่จะทำให้ใครเกลียดขี้หน้าได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เสวนาด้วย

ดังนั้น  การที่ท่านชายอาทิตย์ทิ้งคุณชายเล็กของมันไว้ท่ามกลางคนแปลกหน้าเช่นนี้จะส่งผลประการใด 
   
ยิ่งคิดยิ่งอดห่วงไม่ได้จริงๆ

****************************

อาจารย์ปรีชาเล่าเจตนารมณ์ของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชให้คนึงฟังอย่างละเอียด  เล่นเอาชายหนุ่มถอนใจเฮือก 
   
นอกจากจะมีพระประสงค์ให้โอรสมาเป็นอาจารย์ฝึกสอนวิชาภาษาอังกฤษที่นี่แล้ว  ยังต้องการให้มาเรียนภาษาไทยให้แตกฉานมากกว่าแค่ฟังออกพูดได้  และที่หนักกว่านั้นคือศึกษาวิชาการเป็นมนุษย์ที่ถูกขัดเกลาแล้ว
   
พูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คือส่งมาดัดสันดานนั่นเอง

เขาเป็นแค่อาจารย์ฝ่ายปกครองและสอนวิชาภาษาไทยธรรมดาๆคนหนึ่ง  จะเผยอตัวไป’ดัดสันดาน’คนสูงส่งเช่นนั้นได้อย่างไรกัน  แม้จะทรงอนุญาตให้สั่งสอนได้แบบที่สั่งสอนนักเรียนทั่วไปก็เถอะ

ดวงตาเอื้ออารีทอดมองร่างผู้เยาว์กว่าในกางเกงดำเสื้อเชิ้ตขาวติดแขนทุกข์  ถอนใจแผ่วเมื่อเห็นว่าใบหน้าที่เคยอ่อนโยน อารมณ์ดีอยู่เป็นนิจนั้นหมองไป
   
“ไว้ทุกข์ให้จินดาหรือ”
“ครับ”
“อืม  จะไว้ทุกข์ให้เขากี่วันล่ะ  เจ็ดวัน  ห้าสิบวัน  หรือร้อยวัน”
“หนึ่งปีครับ” คนึงเอ่ยด้วยประกายตาคมกล้าแน่วแน่ 
“อืม..” อาจารย์ใหญ่เพียงครางรับรู้ในลำคอ  พลางคิดในใจ.. หนึ่งปี.. เท่ากับเวลาที่คุณชายจะมาอยู่ที่นี่พอดีพอดิบ

มือใหญ่อูมกุมไหล่ชายหนุ่ม  จ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีสนิมเหล็กเรียบนิ่ง  ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยความเมตตา

“ครูไม่สามารถเลือกศิษย์ได้และศิษย์ก็ไม่สามารถเลือกครูได้  ระลึกไว้เสมอว่าคุณชายเป็นศิษย์ของคุณคนหนึ่ง  ต่อไปข้างหน้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  ขอให้คุณอย่าได้ลืมคำพูดของผมในวันนี้เข้าเชียวล่ะ”   
   


โปรดติดตามตอนต่อไป

--------------------------------------------------------------------------   
*เพลงหงส์ปีกหัก, สุรพล สมบัติเจริญ คำร้อง/ขับร้อง


ดอกไม้ตอบเม้นท์ค่ะ :L2:

IIMisssoMII
พี่สิงห์โผล่มาแล้วค่ะ  ขอบคุณที่ชอบพี่สิงห์นะคะ ^^

iforgive
555+ คนเขียนก็ส.ว.เหมือนกันค่ะ  คอยติดตามนะคะว่าคุณชายจะถูก ‘ดัดสันดาน’ ยังไง

Jploiiz
ชอบอ่านแนวนี้เหมือนกันค่ะ พออ่านมากๆก็เลยอยากลองเขียนแนวนี้ออกมาบ้าง ส่วนตัวเราชอบกลิ่นไอแบบย้อนยุค สะสมของเก่า แต่งตัววินเทจ ฟังเพลงสมัยคุณปู่อยู่แล้วด้วยค่ะ โบราณจริงอะไรจริง^^

รออ่านในนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ  เหมือนจูงมือเดินไปด้วยกันดี (ใครอ่านไปถึงหลักกิโลที่เก้าแล้วนั่งกินโอเลี้ยงรอก่อนนะคะ  เดี๋ยวจะรีบตามไปหา  แล้วเดินไปด้วยกันอีกค่ะ^^)

Wordslinger
คำนวณเวลาแล้ว ดูท่าจะได้ต่อตอนสิบ(ทั้งที่เด็กดีและบอร์ดอินุ)พร้อมๆกับที่เล้าเป็ดค่ะ  ตอนนี้ติดภารกิจ ขอปั่นเรื่องเก่าให้จบก่อนเน้อ

jeaby@_@
ขอบคุณที่ชอบคุณชายค่ะ (หม่อมแม่ปลื้มเอามือทาบอก) ทั้งๆที่ตอนเปิดตัว นิสัยไม่น่ารักเลยจริงๆให้ตายเถอะ

SweetSacrifice
เพื่อนขอร้องแกมบังคับให้ลงที่เล้าค่ะ เพราะคุณเธอจะได้เปิดเวบเดียวไปเลย ส่วนตัวเราเองก็คิดว่าลงที่นี่ก็น่าสนุกค่ะ สมาชิกเยอะแยะดีจังเลยเน้อ (ตื่นเต้นยังกะบ้านนอกเข้ากรุง)

ai_no_uta
มามะ จุ๊บกลับไป 1 จุ๊บ ^3^ ขอบคุณที่ตามมาให้กำลังใจจ้ะ ไม่ต้องตกใจเน้อที่เรื่องนี้ฉีกแนวจากเรื่องแรกสุดๆไปเลย เรื่องแรกพี่เขียนตอนยังวัยรุ่น(เหรอ?)  พอเวลาผ่านไป ตัวหนังสือก็โตขึ้นตามวัยน่ะจ้ะ

しろやま としんや
ขอบคุณที่ชอบพี่สิงห์กับน้องจ้อยนะคะ  อาจจะซึนทั้งคู่แต่พวกเขามีเหตุผลที่จะซึนเน้อ  รอติดตามอ่านนะคะ
อ่านจากที่ไหนเอ่ย? เด็กดีหรืออินุค่ะ  ชื่อล็อคอินอะไรบอกได้ไหม  เพราะเราจำคนอ่านได้นะ (จริงจริ๊ง)

zeen11
เนอะๆ น่าหมั่นไส้มาก (เขียนเองยังหมั่นไส้เอง) ต้องรอติดตามนะคะว่าคุณชายจะมีพัฒนาการไปในทิศทางใด  เอาใจช่วยเขานะคะ

kenshinkenchu
ขอบคุณที่มาเม้นต์ให้ค่ะ  นับวันรอกินมาม่าได้เลย  แถมเป็นมาม่าน้ำ(ตา)ตกอีกต่างหาก (ขอยืมคำพี่ DD.มา^^) ถึงจะมาม่าก็ขอสัญญาว่าจะใส่หมูเห็ดเป็ดไก่ให้ได้รับสารอาหารครบห้าหมู่ค่ะ

aorpp
อ้าว..อาจารย์คนึงน้อยใจแย่เลย 555+

ZomZaa^^
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้า^^

irksome
ใครเอ่ย? น้องจ้อยแอนด์เดอะแกงค์นี่เองจ้า ถ้าเป็นพวกสิงห์หรือลอยล่ะก็คุณชายแย่แน่

Zymphoniz
ขอบคุณที่ติดตามอ่านผลงานของพี่ทั้ง ‘ผู้ปกครองใจร้ายฯ’ และ ‘มหาหงส์’ นะคะ  บอกตามตรงว่าช่วงที่ทิ้งมี่จังกับโนโนะไปเพราะช่วงนั้นไปมุทำงานเก็บเงินรักษาคุณแม่น่ะจ้ะ (ดราม่าเรียกคะแนนสุดฤทธิ์ :o8:) พอคุณแม่หายเป็นปกติแล้วถึงได้มีเวลากลับมาเขียนนิยาย  สารภาพว่าช่วงแรกเขียนมี่จังกับโนโนะไม่ออกเลย (คงเพราะทิ้งไปนาน) เลยตัดสินใจเขียนเรื่องใหม่ คือเรื่องนี้นั่นเอง  เขียนๆไปแล้ว หัวก็ลื่นมือก็ไหล เลยมีไฟกลับไปเขียนเรื่องเก่าได้  ไม่ดองนานอีกแล้ว สัญญาค่ะ^^

Morethan
ว้าวๆ คุณMorethan นี่เอง  ขอบคุณมากนะคะที่มาเม้นต์ให้ที่นี่ด้วย  คนเขียนก็คิดถึงคุณชายเหมือนกันค่ะ (จารย์คนึง น้องจ้อย พี่สิงห์ด้วย) จะรีบกลับไปเขียนเร็วๆนะคะ

Mio
ขอบคุณที่ชอบนะคะ
สามคำ >> รัก คน อ่าน (เหมือนกันค่ะ^^)

hongzaa
มาแล้วค่า.. เจอกันอีกทีศุกร์หน้านะคะ  จะเอามาลงอาทิตย์ละตอนค่ะ

รักคนอ่านค่ะ เริ่มหนาวแล้วรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ :กอด1:
ดอกไม้
๙ ธันวาคม ๕๔


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒ : หงส์ปีกหัก [๙/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 09-12-2011 20:13:03
 o13  คุณภาพคับแก้ววววว  ชอบมากค่ะ  อยากเห็นคุณชายเป็นจำเลย(รัก)ไวๆซะแล้ว  :z1:
สามคำ>>> จุ๊บ ปา ดุ๊บ ( จูจุ๊บคนแต่งงงง)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒ : หงส์ปีกหัก [๙/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-12-2011 21:15:01
แรงด้วยกันทั้งคู่  ใหญ่ฟัดใหญ่อะไรจะเกิดขึ้นหนอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓ : คมตาฟ้าซื่อสื่อรักโลมใจ [๑๖/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 16-12-2011 15:03:14
(http://img38.picoodle.com/i5cg/0_587_u0.jpg)

บทที่ ๓

คมตาฟ้าซื่อสื่อรักโลมใจ


คมตาน้องแก้วสบแล้วไยเมิน
บาดใจเหลือเกินทรวงพี่เผชิญความขม
ตราตรึงซึ้งอยู่สู้เพียงคิดข่ม
ตางามซ้ำบ่ม อกตรมขมขื่น ดึกดื่นทุกคืนคอยใฝ่*



   
แปดโมงครึ่ง  โรงเรียนสั่นกระดิ่งเรียกนักเรียนหนุ่มอายุระหว่าง ๑๖-๑๘ ปี กว่า ๕๐๐ คนออกมายืนเข้าแถว  แต่วันนี้แตกต่างจากทุกวันเมื่อมีกลุ่มจิ๊กโก๋ประจำหมู่บ้านมาจับกลุ่มคุยกันลั่นใต้ร่มหูกวางข้างสนาม   
 
“พิลึกว่ะไอ้ลอย” ลูกชายกำนันเสริมบ่นปากเบ้  พัดหมวกปีกในมือไปมาระบายความร้อน “ถ้าเป็นโรงเรียนหญิงก็ว่าไปอย่าง  แต่นี่อะไรวะ  มาเฝ้าออกันในโรงเรียนชาย  หันไปทางไหนก็มีแต่ผู้ชาย”
   
นายสิงห์หมายถึงโรงเรียนสตรีฝึกหัดครูที่เพนียดคล้องช้าง  ที่นั่นมีบรรดานักเรียนหญิงหน้าแฉล้มแช่มช้อยเดินกันให้เกลื่อน
   
“เถอะน่าพี่สิงห์” ร่างใหญ่หนามีรอยสักเก้ายอดที่ท้ายทอยว่าพลางชะเง้อชะแง้มอง  “อย่างน้อยคุณชายก็ดูเข้าที  เป็นเพื่อนกันไว้ก็ไม่เสียหาย  เผลอๆถ้าเขามีน้องสาว ไอ้ลอยอาจจะได้เด็ดดอกฟ้าก็งานนี้”
   
“ทำเป็นพูดดี  วันก่อนพี่สิงห์ยังมาเกาะรั้วแอบดูไอ้จ้อยอยู่เลยนี่นา” ลูกสมุนร่างผอมเกร็งว่าพลางหัวเราะแหลม  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นร้องโอ๊ยเมื่อถูกลูกพี่ยันเข้าชายโครง
   
“เดี๋ยวเถอะไอ้หมาน ไอ้ปากเสีย ข้ามาแอบดูมันเมื่อไร!” มือใหญ่ถูจมูกฟุดฟิด “วันนั้นข้ามาทวงค่าดอกมันหรอกโว้ย”
   
“พวกเอ็งมาช่วยข้าหาคุณชายก่อนเร็วเข้า  เด่นๆอย่างนั้นคงหาไม่ยากหรอก”  ไอ้ลอยรีบห้ามทัพ  ทำให้ทุกคนช่วยกันมองหาอย่างที่มันบอก  ยกเว้นนายสิงห์ที่ได้แต่ส่ายหน้าระอา

   
“พวกนั้นใครกัน” หม่อมราชวงศ์หนุ่มถามบ่าวคนสนิท  ตอนนี้เขายืนหลบแดดอยู่หน้าอาคารเรียน  ไม่ได้ออกไปยืนหน้าแถวนักเรียนเหมือนอาจารย์คนอื่นๆ  ดวงตาคู่สวยมองไปทางกลุ่มนักเลงใต้ต้นหูกวางอย่างเหยียดหยัน 
   
นายแช่มเขม้นมองอยู่พักหนึ่งก็ถึงบางอ้อ  “ลูกชายกำนันเสริมไงคุณชาย  เมื่อคืนเขาก็อยู่ในงานเลี้ยง  เอ..แต่เมื่อคืนไม่ยักเห็นมีเพื่อนมาด้วย”
   
“เฮ้ยๆๆ เจอแล้วโว้ยเจอแล้ว  อยู่นั่น  แหม้..แอบไปยืนอยู่ตรงนั้นเอง  มองเผินๆนึกว่ารูปปั้นที่ไหน” ไอ้ลอยร้องลั่นขึ้นมาอย่างดีใจ “มองมาทางนี้ด้วยเว้ย  วู้!! คุณชาย! ทางนี้ วู้!”
   
ไม่เรียกเปล่า  โบกไม้โบกมือไหวๆเสียด้วย  พวกลูกสมุนก็พากันทำตาม 
   
“น่ารำคาญจริง” ริมฝีปากบางสวยบ่นอุบพลางเบือนหน้าหนี  ถ้าเป็นไปได้  เลอมานอยากแทรกกายจมหายลงไปในดินเสียเดี๋ยวนี้  เมื่อเหล่านักเรียนหน้าเสาธงหันมองเขาที หันมองเจ้าพวกนั้นที  ทั้งอับอาย ทั้งรำคาญ และทั้งโกรธที่ถูกนักเลงบ้านนอกเรียกราวกับเพื่อนเล่น 

พวกไอ้ลอยโหวกเหวกโวยวายอย่างสถุลไพร่  ไม่สนใจเหล่ามันสมองของชาติที่กำลังจะเคารพธงชาติที่มองมายังพวกมันเป็นตาเดียว  จนเมื่ออาจารย์คนึงเดินไปเจรจาด้วยตัวเอง  พวกนั้นถึงได้สงบปากสงบคำ
   
นายสิงห์มองอาจารย์ฝ่ายปกครองร่างสูงแล้วเบ้ปาก  ไอ้เกรงใจน่ะก็เกรงใจอยู่  แต่ความหมั่นไส้มันมากกว่า  ก็เจ้าอาจารย์คนนี้ไม่ใช่หรือที่แสดงท่าทีห่วงใยไอ้จ้อยนัก  ที่ไอ้จ้อยมันได้เรียนหนังสือก็เพราะได้หมอนี่ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย  เป็นญาติกันหรือก็เปล่า  ทำตัวตีสนิทผิดปกติ  แน่จริงก็จ่ายหนี้ที่มันค้างอยู่แทนมันด้วยสิวะ
   
ลูกชายกำนันคิดพลางเหลือบมองยังหัวแถว  ตำแหน่งประจำของนักเรียนฝึกหัดครูผู้เป็นลูกหนี้ของมารดาเขา  สบเข้ากับดวงตากลมโตที่จ้องมองมาอย่างตำหนิ  ปากขมุบขมิบเป็นคำด่าที่ฟังไม่ได้ยิน  นักเลงหนุ่มได้แต่ถลึงตาข่มขู่กลับไป   
   
“เรียกแล้วทำเมินว่ะ  หยิ่งแท้” ไอ้ลอยยังมองไปทางเป้าหมายของมันอย่างแน่วแน่  ใบหน้าคมเข้มด้วยไรเคราเขียวดูไม่สบอารมณ์ 
   
เป็นข้า ข้าก็เมินวะ  ก็สารรูปเอ็งมันน่ากลัวออกปานนี้  นายสิงห์คิดในใจพลางแค่นหัวเราะ  ก่อนเร่งบรรดาสมุนให้ย้ายพวกออกจากโรงเรียนไปหาอะไรที่สนุกกว่านี้ทำ  เหลือแต่ไอ้ลอยที่ยังอ้อยอิ่งรั้งท้ายไม่อยากจากไป
   
ถ้าสิงห์หันมามอง  เขาจะได้เห็นแววตาคมวาวดุดันอย่างประสงค์ร้ายจ้องเขม็งไปยังคุณชายผู้เย่อหยิ่ง  มันกัดปากพึมพำถ้อยคำที่มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นได้ยิน

“คอยดูเถอะไอ้คุณชาย  สักวันไอ้ลอยคนนี้จะสอยให้ร่วงจากฟ้าลงมาอยู่ใต้ตีน!”

***************************

หลังเข้าแถวเคารพธงชาติและสวดมนต์  หม่อมราชวงศ์เลอมานถูกอาจารย์วิรัชหัวหน้าแผนกภาษาอังกฤษพาไปที่ห้องเรียนเพื่อทำความรู้จักนักเรียนในฐานะอาจารย์ฝึกสอนคนใหม่
   
อาการกุมมือและค้อมหลังพินอบพิเทาเกินเหตุของวิรัชยังความรำคาญมาให้เขานัก
   
อาคารเรียนเป็นอาคารไม้ขนาดยาวสองชั้น  อาจารย์หนุ่มร่างสันทัดพาเขาขึ้นบันไดด้านข้างเดินตรงไปยังระเบียงด้านหลัง  เข้าไปในห้องเรียนห้องหนึ่ง  เป็นชั้นเรียนที่สะอาดสะอ้าน  หน้าต่างเปิดรับลมทุกบานกระดานดำแผ่นใหญ่ติดเต็มฝาผนังด้านหนึ่ง  นักเรียนชายสี่สิบกว่าคนในเครื่องแบบกางเกงขายาวสีกากีและเสื้อเชิ้ตขาวนั่งอยู่เต็มห้อง
   
“ผมหม่อมราชวงศ์เลอมาน  บูรพวงศ์” เด็กหนุ่มเชิดหน้าแนะนำตัวขณะเหล่านักเรียนพากันมองอย่างชื่นชมในรูปสวยงามสง่า  อาจารย์วิรัชช่วยเสริมให้เสร็จสรรพว่าเขามาจากอังกฤษและจะมาสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนนี้เป็นเวลา ๑ ปี   
   
“มีใครอยากถามอะไรคุณชายเล็กบ้าง” สิ้นเสียงอาจารย์หนุ่ม  นักเรียนร่างเล็กที่นั่งอยู่หน้าสุดก็ยกมือพรึ่บ 
   
เลอมานจำเด็กหนุ่มคนนี้ได้ขึ้นใจ  คนที่ลูบหลังให้ยามเขาอาเจียนอย่างหมดท่า.. และคนที่เห็นเขาเปลือยในโรงอาบน้ำ

ช่างเป็นการพบกันที่ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย 

จ้อยลุกขึ้นยืนเมื่อได้รับอนุญาต  แม้ดวงตากลมโตใสแป๋วและรอยยิ้มกว้างนั้นดูจะจริงใจ  แต่เขากลับรู้สึกไม่ชอบหน้านักเรียนคนนี้โดยไม่มีเหตุผล     
   
“ร้องเพลงอังกฤษให้ฟังซักเพลงสิครับ”
   
เลอมานแทบสำลักลมหายใจ  สิ้นประโยคนั้น  เหล่านักเรียนในห้องพากันปรบมือเป่าปากกันเกรียวกราว  ไม่มีใครสังเกตเห็นริมฝีปากบางที่เริ่มเม้มแน่น 
   
เจ้านักเรียนชั้นต่ำพวกนี้ทำกับเขาเหมือนเป็นตัวตลก

“หุบปาก!” เลอมานตวาดลั่น  เล่นเอาทั้งห้องเงียบกริบ  “ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นพวกนาย!”

เพราะรีบกระแทกเท้าเดินออกจากห้อง  เขาจึงไม่ทันเห็นว่าจ้อยหน้าเสียแค่ไหน  และทุกๆคนในห้องรู้สึกแย่เพียงใด  รู้เพียงแต่ว่าอาจารย์วิรัชรีบตามมาดึงแขนขอโทษขอโพยเขา  ซึ่งเขาก็ตอบคำขอโทษนั้นด้วยการสลัดแขนออกอย่างก้าวร้าว

**************************

‘ล้มเหลว’   

คนึงเขียนคำนั้นตัวใหญ่ๆด้วยปากกาสีแดงลงในใบรายงานความประพฤติวันแรกของอาจารย์ฝึกสอนคนใหม่  พลางถอนใจเฮือก  ถ้าไม่เพราะท่านชายฝากฝังเอาไว้ละก็  เขาจะไม่สนใจเจ้าเด็กจองหองคนนี้เลย 
   
ดูแลเด็กนักเรียนทั้งโรงเรียน  ยังเหนื่อยใจไม่ถึงเสี้ยวดูแลหม่อมราชวงศ์เลอมานเพียงคนเดียว   

**************************

นายแช่มจับรถไฟกลับกรุงเทพตามรับสั่งของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชในเช้าวันรุ่งขึ้น

อาจารย์ใหญ่และคนึงขับรถจี๊ปของโรงเรียนไปส่งถึงสถานีรถไฟตั้งแต่เช้ามืด  ในขณะที่ผู้เป็นนายเพียงครางรับรู้เบาๆจากใต้โปงเมื่อบ่าวหิ้วกระเป๋าไปลาที่ข้างเตียง  ไม่แม้จะเลิกผ้าห่มขึ้นมองดู  จนอาจารย์หนุ่มอดดูแคลนไม่ได้
   
โดยไม่รู้ว่าดวงตาที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มนั้นโศกเศร้าแค่ไหน


พอนายแช่มไป  วิปโยคของหม่อมราชวงศ์เลอมานก็เริ่มต้นขึ้นนับแต่นั้น 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓ : คมตาฟ้าซื่อสื่อรักโลมใจ [๑๖/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 16-12-2011 15:15:49
เด็กหนุ่มตื่นนอนเอาตอนตะวันขึ้นสายโด่ง  เพราะคนึงไปส่งนายแช่มจึงไม่มีใครปลุกเขาไปออกกำลังเช่นเมื่อวาน  ใบหน้าขาวจัดนั่งหัวยุ่งอยู่บนเตียงพร้อมความรู้สึกอ้างว้างจับใจเมื่อไม่มีบ่าวคนสนิทอยู่ใกล้เช่นทุกที
   
เขาอาบน้ำและแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่นายแช่มอุตส่าห์รีดไว้ให้ก่อนไป  หลังจากนั้นก็นั่งรอ..
   
รออยู่ร่วมครึ่งชั่วโมง  ก็ยังไม่เห็นมีใครเชิญเขาไปกินอาหารเช้า  ดังนั้นเมื่อโรงเรียนสั่นกระดิ่งเรียกเข้าแถว  เขาจึงหิ้วท้องออกไปยืนหลบแดดอย่างเสียไม่ได้ 
   
คาบเรียนช่วงเช้าผ่านไปอย่างว่างเปล่า  ถ้าไม่นั่งแกร่วที่โต๊ะประจำตัวในห้องพักครู  ก็ตามอาจารย์วิรัชไปดูการสอนที่น่าเบื่อหน่าย 
   
ทั้งเบื่อหน่าย ทั้งขัดใจ วิรัชเองพูดภาษาอังกฤษยังไม่แตกฉานด้วยซ้ำ  ออกสำเนียงก็ผิด  และเมื่อเขาโต้แย้งขึ้นมาว่าผิดต่อหน้านักเรียนทั้งห้อง  ทุกคนก็มองเขาแปลกๆ  อาจารย์วิรัชหน้าเสียเล็กน้อย  ก่อนจะเข้าสู่ท่าประจำตัวคือเอามือกุมเป้าค้อมหัวปะหลกๆ พูดครับๆๆ เหมือนหุ่นยนต์สอพลอ

   
เพียงข้ามวันกิตติศัพท์ความเย่อหยิ่งจองหองของหม่อมราชวงศ์เลอมานก็สะพัดไปทั่วโรงเรียน   

เขาเองก็รู้สึกได้ถึงความจริงข้อนี้  เมื่อเดินผ่านกลุ่มนักเรียน แม้จะพากันโค้งคำนับแต่ก็รีบๆโค้งรีบๆเดินหนีไปไม่อยากสนทนาด้วย  แม้แต่พวกอาจารย์ก็หลบหน้าเขาแปลกๆ  แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งสะเทือนนัก  เขาไม่เคยสนใจความรู้สึกของคนที่ตนไม่แยแสอยู่แล้ว
   
จะมีเหงาบ้างก็เพราะคิดถึงนายแช่มเท่านั้น


เที่ยงตรงท้องเขาร้องโครกครากเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้า  ร่างโปร่งบางเดินตามเหล่าอาจารย์ที่ชักชวนตามมารยาทให้ไปโรงอาหารด้วยกัน  แต่พอถึงแล้วก็แยกย้ายหายหัว  ทิ้งเขาให้ยืนแกร่วอยู่ลำพังอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
   
ถ้าเป็นเมื่อวานตอนนายแช่มยังอยู่  มันก็จะให้เขานั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้วไปต่อคิวยาวเหยียดให้  สักพักก็จะกลับมาพร้อมถาดหลุมอะลูมิเนียมที่มีอาหารใส่อยู่พูนสองใบ

หม่อมราชวงศ์หนุ่มนั่งรอที่โต๊ะตัวยาว  เหลียวซ้ายแลขวาเผื่อว่าจะมีใครเอาอาหารกลางวันมาให้เขา  แต่กลับพบเพียงสายตาหลายคู่ที่หันมามองแล้วก้มหน้าซุบซิบกัน  สักพักก็ทนเสียงเรียกร้องจากกระเพาะอาหารไม่ไหว  ตัดสินใจเดินไปต่อแถวที่หดสั้นเหลือแค่ ๒-๓ คนด้วยตนเอง
   
ดวงตาสีน้ำตาลมองอาหาร ๓-๔ อย่างในหม้อในถาดตรงหน้า  เขาพยายามมองหาของทอดของจืดที่ตัวเองรู้จักและพอกินได้แต่ก็เห็นแต่แกงสีจัดจ้าน  แม่นกแก้ว แม่ครัวใหญ่ร่างอ้วนของโรงเรียนยิ้มให้อย่างใจดีพลางตักกับข้าวให้เขาทั้ง ๔ อย่างเป็นกรณีพิเศษ  แถมยังเอาอะไรก็ไม่รู้ที่ปั้นเป็นผลไม้ย่อส่วนสีสดใสใส่ลงไปในหลุมหนึ่งให้ด้วย ๕-๖ ลูก 
   
เลอมานนั่งมองถาดหลุมใส่อาหารสารพัดตรงหน้าราวกับมันเป็นของแปลกประหลาดอยู่สักพัก  จนเมื่อท้องร้องโครกจนตัวเองยังสะดุ้ง  เหลียวซ้ายแลขวาก็เห็นคนอื่นกินกันเอร็ดอร่อย  มือบางจึงค่อยๆตักเจ้าก้อนกลมสีส้มนุ่มนิ่มวางลงบนข้าวราดด้วยน้ำจิ้มสีม่วงคล้ำแล้วส่งเข้าปาก 
   
แค่คำเดียวก็ได้เรื่อง..
    
“อึ่ก!”

รสชาติพิลึกพิลั่นก่อตัวขึ้นในปาก  เหมือนถั่วเละๆหวานเจี๊ยบผสมกับรสเปรี้ยวเค็มจัด  กลิ่นคาวเค็มเหมือนถุงเท้าเน่าอวลขึ้นโพรงจมูก  และที่รุนแรงที่สุดคือความเผ็ดร้อนที่แสบซ่านไปถึงคอจนทำให้เขาสำลักรุนแรง
   
“แค่กๆๆๆ” เลอมานโก่งคอไอโขลกอย่างสุดจะกลั้น  ยกมือปิดปากไม่ทันจนเศษอาหารจากปากกระเด็นเปื้อนเสื้อ  ยิ่งไอก็ยิ่งสำลัก  ยิ่งสำลักก็ยิ่งน้ำตาคลอ  รู้สึกได้ถึงเศษอาหารเข้าไปในโพรงจมูกจนแสบร้อน  นึกโทษตัวเองที่เมื่อครู่เขาไม่เอาน้ำดื่มมาด้วย
   
ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือหลายคนในโรงอาหารต่างหันมามองเขาแล้วหัวเราะคิกคักอย่างไม่เก็บอาการ
   
อายแสนอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี  แต่แผ่นดินไม่แยกลงไปให้เขาแทรก สิ่งที่ทำได้คือพยายามลุกออกไปให้พ้นสายตาขบขันของใครหลายคน  แต่ยังไม่ทันจะลุกออกไปดั่งใจ  ก็มีมือหนึ่งยื่นแก้วน้ำมาให้ตรงหน้า  มือบางรีบคว้ามาดื่มเหมือนมันเป็นน้ำทิพย์
   
“ค่อยๆดื่มนะ” จ้อยว่าพลางนั่งลงลูบหลังให้อย่างร้อนรน  “ดีขึ้นหรือยังครับ”
   
เลอมานแทบสำลักรอบสองเมื่อเห็นว่าคนที่ยื่นมือมาช่วยตนเป็นใคร  ทำไมเจ้านักเรียนซอมซ่อคนนี้ต้องมาเห็นเขาในสภาพน่าอนาถอยู่เรื่อย
   
หม่อมราชวงศ์หนุ่มเบี่ยงกายหนีมือที่ลูบหลังอย่างถือตัวทั้งที่ยังกระแอมไอ  เหลือบมองนักเรียนตัวเล็กที่ยังหน้าตื่นไม่หาย 

อ้อ..ไม่ได้มาคนเดียว  พาเพื่อนมาอีกสองคนเสียด้วย
   
“คุณชาย” จ้อยตะลึงไปเมื่อเห็นสภาพอาหารที่ยังคาช้อน “ทำไมกินลูกชุบกับน้ำพริกกะปิล่ะ”
   
“พรึ่ด!” สง่าหัวเราะออกจมูกอย่างกลั้นไม่อยู่  แต่ก็สะดุ้งไปเมื่อถูกเพื่อนตัวเล็กเตะเข้าให้ที่หน้าแข้งพร้อมจ้องตาเขียว 
   
“สันติ  ไปขอให้พี่นกแก้วเจียวไข่ให้ที” จ้อยหันไปสั่งเพื่อนใส่แว่น  ซึ่งสันติก็พยักหน้าหงึกหงักก่อนวิ่งตื๋อไปอย่างเต็มใจ
   
คุณชายยังนั่งหน้าตูมเป็นม้าหมากรุก  จนกระทั่งมือเล็กถือวิสาสะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าให้เขา  ดวงตาคู่สวยมองผ้าผืนเก่าอย่างสะอิดสะเอียน
   
“เอาผ้าสกปรกไปให้พ้นๆนะ” แหวใส่พลางปัดมือที่หวังดีออกอย่างไร้เยื่อใย  จนจ้อยหน้าเสีย 
“หน้าคุณชายตอนนี้สกปรกกว่าผ้าอีก  ข้าวออกมาทางจมูกแล้วนั่น” สง่าว่าเข้าให้อย่างเหลืออด  เลอมานตาโตเอามือปิดจมูกหมับแล้วพรวดพราดลุกขึ้นวิ่งออกจากโรงอาหารอย่างรวดเร็ว  โดยมีเสียงหัวเราะฮาครืนไล่หลัง
   
ทุกอย่างอยู่ในสายตาของอาจารย์คนึงที่ยิ้มหยันอย่างสมใจ

************************
    
หลังจากหนีความวุ่นวายมาหลบอยู่ในห้องพักได้สักพัก  เสียงเคาะประตูไม้ก็ทำให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์สะดุ้งเฮือก   
   
“คุณชาย  จ้อยเองครับ”

เจ้านั่นอีกแล้ว?!  เขาอดจึ๊ปากอย่างรำคาญไม่ได้  แต่ก็ลุกไปเปิดประตูให้แต่โดยดี

ข้าวร้อนๆโปะไข่เจียวกรอบฟูหอมกรุ่นยื่นมาให้ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้างจนตาหยี 


บุตรชายท่านทูตเพิ่งรู้สึกว่าข้าวเปล่ากับไข่เจียวเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกก็วันนี้ 

จ้อยนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้น  นิ่งมองคุณชายรับประทานอาหารกลางวันบนโต๊ะเขียนหนังสือ  จนเกลี้ยงฉาดไม่เหลือข้าวสักเม็ด เขาก็ลุกขึ้นเตรียมเก็บจาน 
   
“คุณชายเล็ก ข้าวติดผมแน่ะ” หนุ่มน้อยเอียงคอทักยิ้มๆ  ชี้ผมตัวเองบอกตำแหน่ง “ไม่ใช่  อีกข้างนึง”
   
ดวงตายิ้มได้มองอาจารย์ฝึกสอนคนใหม่ปัดผมตัวเองให้วุ่น  แต่เศษข้าวก็ยังอยู่ที่เดิม  จนมือเล็กต้องถือวิสาสะหยิบข้าวที่ติดผมตั้งแต่อยู่โรงอาหารออกให้     
   
เอาจานออกไปเก็บแล้วจ้อยก็กลับเข้ามาใหม่  นั่งลงกับพื้นอย่างสบายใจ  ไม่สนใจเจ้าของห้องที่มองตาขวางอย่างเคลือบแคลง

อยู่กันท่ามกลางความเงียบ  แต่เหมือนมีเลอมานเท่านั้นที่รู้สึกอึดอัด 
   
“คุณชายอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง” นักเรียนตัวเล็กชวนคุย  แต่ก็ได้รับคำตอบเพียงสายตาเย็นชาที่เงยขึ้นจากหนังสือแวบหนึ่ง
“คิดถึงบ้านไหมครับ” คำถามใหม่.. แต่คำตอบที่ได้เหมือนเดิม..
   
จ้อยทำปากอูดใส่คนใจดำที่พูดด้วยก็ไม่ยอมพูดด้วย  หันไปสำรวจรอบห้องแก้เก้อ  เครื่องประทินผิวนานาวางอยู่เต็มโต๊ะเล็กข้างเตียง  ตาวาวอย่างสนใจเมื่อเห็นกระเป๋าเครื่องเล่นแผ่นเสียงแต่ก็ไม่กล้าเสียมารยาทไปดูใกล้ๆ  ตะกร้าผ้าข้างตู้เสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้าอยู่เต็ม  ผ้าห่มกองเขละบนเตียงนอนยับย่น
   
“คุณชายคงไม่มีเวลา  จ้อยมาทำความสะอาดให้เอาไหม” ร่างเล็กแนะอย่างกระตือรือร้น  พลางลุกขึ้นพับผ้าห่มให้ “เก็บที่นอน  กวาดถูห้อง  รีดผ้า  ซักผ้า  ให้จ้อยทำให้นะ”
   
เสียงแค่นหัวเราะที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้มือบางชะงัก  หันไปมอง
   
“นึกว่าอะไร” ผู้สูงศักดิ์กว่าปิดหนังสือปุบ  ดวงตาคู่สวยฉายแววเหยียดหยัน  แต่ยังไม่เจ็บแสบจนหน้าชาเท่าประโยคถัดไป  “มาตีสนิทกับฉัน  ที่แท้ก็อยากได้เงินจากฉันใช่ไหม”     
   
ประตูไม้เปิดผางออก  ปรากฏร่างสูงใหญ่ของเจ้าของห้องอีกคน 

คนึงได้ยินประโยคสุดท้ายนั้นชัดเจน

“อาจารย์คนึง” นักเรียนหนุ่มทักหน้าตื่นๆ  ก่อนหันกลับไปปฏิเสธละล่ำละลักกับอีกคน “ปะ..เปล่านะครับคุณชาย.. จ้อยไม่ได้..”

“ก็เอาสิ  คิดค่าจ้างเท่าไรล่ะ” มือบางหยิบกระเป๋าสตางค์หนังขึ้นเปิดค้างไว้  เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบก็ล้วงธนบัตรสีน้ำตาลขึ้นมาหนึ่งใบโยนด้วยปลายนิ้วใส่ร่างที่ยืนเก้กัง  “เท่านี้คงพอนะ” 
   
คนึงกัดฟันกรอดเมื่อเห็นท่าทียโสนั้น  พยายามข่มโทสะไว้ยามเอ่ย “อาจารย์ใหญ่ให้คุณไปพบที่ห้องธุรการ”

เลอมานเชิดหน้าใส่ยามเดินผ่านอาจารย์ร่างสูง 

“อ้อ  ที่หน้าบันไดนั่นดอกอะไร” หันมาถามจ้อยอย่างไม่ใส่ใจคำตอบ  “ไปหามาปลูกให้ฉันหน่อย  ฉันจะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับดอกไม้ของบางคน” 
   
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองคนตัวโตเมื่อถึงประโยคสุดท้ายอย่างจงใจ  ก่อนเดินออกจากห้องไป

คนึงถอนใจอย่างสุดกลั้น  หันไปเอ็ดใส่น้องชายของอดีตคนรักเสียงเขียว
   
“กับคนแบบนี้อย่าไปทำดีด้วย รู้ไหมจ้อย” แล้วเดินเข้ามาใกล้  ลดเสียงเป็นกระซิบ
   
“เขาเป็นคนทำให้จินดาตายนะ  ลืมไปแล้วหรือ”  ทิ้งท้ายไว้อย่างรวดร้าวก่อนก้าวออกจากห้องไป  ทิ้งจ้อยไว้เพียงลำพัง
ร่างเล็กก้มหยิบธนบัตร ๑๐ บาทที่พื้น  แล้วนำมันไปวางไว้บนโต๊ะ 

*************************
   
ยามสนธยามาถึง  เสียงนกการ้องแว่วมา  โรงเรียนเข้าสู่ความเงียบสงบ  นักเรียนไปกลับต่างกลับบ้าน  นักเรียนประจำก็แยกย้ายกันกลับหอ 
   
ล่วงเข้าเวลาเย็นย่ำแบบนี้  เลอมานยิ่งรู้สึกว้าเหว่จับใจ  ร่างโปร่งนั่งคนเดียวบนม้านั่งใต้ต้นหูกวางข้างสนาม  ตรงหน้าคือกลุ่มอาจารย์และนักเรียน ๖ คน  กำลังเล่นกีฬาที่เขาไม่รู้จักอย่างสนุกสนาน  ลูกแก้วสีน้ำตาลใสมองตามลูกหวายหวือหวิวจากคนโน้นข้ามตาข่ายไปหาคนนี้ด้วยสายตาที่เหงาหงอย 
   
แสงแดดยามเย็นย้อมให้ท้องฟ้าหม่นหมองไปถนัดใจ  รวมไปถึงหัวใจของเขาตอนนี้  เขาคิดถึงบ้าน  คิดถึงท่านพ่อ คิดถึงหม่อมแม่ คิดถึงนายแช่ม  คิดถึงทุกอย่างที่ไม่ใช่ที่นี่  ทุกอย่างที่นี่ทำให้เขาอึดอัด  รู้สึกเหมือนตนเป็นสิ่งแปลกปลอมที่หลงเข้ามา  ยิ่งนึกถึงบทสนทนากับอาจารย์ใหญ่เมื่อตอนบ่ายแล้วยิ่งกลัดกลุ้ม 
   
นอกจากมีหน้าที่สอนภาษาอังกฤษนักเรียน ๒ ชั้น  เขายังต้องเรียนภาษาไทยกับนายอาจารย์คนึงนั่นด้วย
   
ลูกหวายลอยหวือมาตกอยู่แทบเท้า  เขาก้มลงเก็บให้  เงยหน้าขึ้นมาก็พบกับใบหน้าหล่อคมเรียบตึงของคนที่ไม่ถูกชะตาด้วยเอาเสียเลย 
   
ไหนว่ามีหน้าที่ดูแลเขา  ไม่เห็นจะดูแลให้สมหน้าที่สักนิด 
   
“คุณชาย  มาเล่นด้วยกันไหม” อาจารย์ประพนธ์ในเสื้อยืดกางเกงขาสั้นวิ่งเข้ามาชวน         
“นี่เรียกว่าอะไร” มือบางจับลูกกลมในมือพลิกไปมา
“ตะกร้อไง  เคยเล่นไหม” ใบหน้าเปื้อนยิ้มเอ่ยต่อเมื่อเห็นเขาส่ายหน้าดิก “ไม่ยากหรอก  เดี๋ยวผมสอนให้” 

เลอมานพยักหน้าหงึกหงัก  รอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้างามหวานเป็นครั้งแรกของวันก็ว่าได้  ประพนธ์เดาะตะกร้อให้เขาดูเป็นตัวอย่าง อธิบายกติกาคร่าวๆแล้วลองส่งให้เตะ  แม้เขาจะเตะวืดตลอด  แต่ทุกคนก็ส่งเสียงเอาใจช่วย 

แข้งเขายังไม่ได้สัมผัสลูกสักนิดตอนมีมือใหญ่มาดึงต้นแขนไว้จนชะงัก 

“พอเถอะ  เสียเวลาเปล่า” ใบหน้าหล่อคมมองมาอย่างรำคาญ  แขนแกร่งออกแรงดึงเขาออกไปจากวงตะกร้ออย่างแรงจนเซ  “เป็นผู้ดีอย่าลดตัวลงมาเล่นกีฬาของชาวบ้านเลย”
   
วาจาเชือดเฉือนนั้นเล่นเอาคนอื่นๆมองหน้ากันเลิ่กลั่ก  คนใจดีอย่างประพนธ์ถึงขั้นมองหน้าคนพูดนิ่ง 
   
แต่สำหรับเลอมาน  ความรู้สึกต่างๆหลั่งไหลพรั่งพรูจนสับสน  ทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจระคนกัน
   
ร่างโปร่งบางตัดสินใจหันหลังให้วงตะกร้อ  ซ่อนดวงตาเหว่ว้าให้พ้นจากคนใจดำ  เดินเล่นไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย  มารู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนอยู่หน้าประตูโรงเรียน
   
มือบางเกาะซี่กรงประตูโรงเรียน  อีกฝั่งหนึ่งของถนนลูกรังคือท้องทุ่งนากว้างไกล  ต้นตาลยืนต้นทิ้งระยะเป็นช่วงๆ  มองเห็นคลองเมืองอยู่ลิบๆ  ฝูงเป็ดไล่ทุ่งเดินเตาะแตะหากิน  มือบางเปิดประตูออกเบาๆเมื่อพบว่ามันไม่ได้คล้องโซ่

แดดเริ่มริบหรี่  ท้องฟ้ากลืนสีเป็นม่วงอมส้ม  เลอมานเดินไปตามถนน  ฝูงเป็ดนับร้อยเดินตามกันเป็นคลื่นดูตื่นตา  เมื่อเดินมาถึงหน้าวัดข้างโรงเรียน  เขาก็เห็นมอเตอร์ไซค์ ๒ คันมุ่งตรงมาทางนี้  เปิดไฟจ้าจนต้องยกมือป้อง
 
“นึกว่าใคร  คุณชายนี่เอง” เสียงไอ้ลอยทักก่อนที่มันจะจอดรถเสียอีก  ร่างใหญ่หนายิ้มร่า  ดวงตาเป็นประกายวาววับ

“จะไปไหนค่ำๆมืดๆ” นายสิงห์ถามบ้างด้วยความสงสัยเหลือล้น  ที่เห็นเด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์มาเดินท่อมๆอยู่ลำพัง
   
“เอ่อ..” ดวงตาคู่สวยมองหน้าชายหนุ่มทั้งสี่สลับกัน  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนแต่ก็คิดไม่ออก
   
“ผมนายสิงห์ลูกกำนันเสริม  นี่ไอ้ลอย  ไอ้หมาน  ไอ้เลิศ” หัวโจกร่างสูงแนะนำตัวเรียงคน “ที่ไปตะโกนเรียกคุณชายเมื่อเช้าไง”
   
“อ้อ”
   
ไอ้ลอยพิศมองวงหน้างามได้รูปของเด็กหนุ่มตรงหน้า  จมูกโด่งสวย  ปากได้รูป  ผมสีน้ำตาลอ่อนท่าทางนุ่มมือ  แม้ดวงตาวาวแววราวอัญมณีคู่นั้นดูหม่นเศร้าลงจากวันแรกที่พบ  แต่ก็ยังดึงดูดจนละสายตาไม่ได้ 
   
พวกผู้ดีนี่ทำไมมันสวยนักวะ  เป็นผู้ชายแท้ๆ

“พวกเรากำลังจะไปเล่นบิลเลียด  คุณชายไปด้วยกันไหม”

แม้จะแทบไม่มีทางเป็นไปได้ที่คนท่าทางถือตัวขนาดนั้นจะยอมไปกับนักเลงบ้านนอกอย่างมัน  แต่ความอ้างว้างที่มันจับได้ในดวงตานั้น  ทำให้ไอ้ลอยลองเสี่ยงดวงชักชวน  แม้แต่นายสิงห์ยังหันมองอย่างงงๆ 
   
ความหวังริบหรี่นั้นกลับลุกโชนยิ่งกว่าโยนไต้เข้ากองฟาง  เมื่อดวงหน้างดงามพยักช้าๆ 
   
“ไปสิ”
   
พวกจิ๊กโก๋หัวเราะร่าอย่างลิงโลด  โดยเฉพาะไอ้ลอยที่ดูจะดีใจกว่าใคร  มันออกปากไล่ไอ้หมานที่ซ้อนท้ายอยู่ให้ไปอัดเบียดกับอีกคัน  เพื่ออาสาเป็นสารถีให้คุณชายรูปงามนั่งซ้อน  ใจเต้นแรงเมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่เบียดกระชับแผ่นหลัง 
   
ได้กลิ่นโคโลญจน์หอมอ่อนใส  ชื่นใจเสียจนต้องสูดลึกลงปอด   


กลิ่นดอกฟ้านี่หอมจริงโว้ย  แค่กลิ่นยังหอมขนาดนี้  อยากรู้นักว่ารสชาติจะหวานขนาดไหน 



โปรดติดตามตอนต่อไป

-------------------------------------------------------------------------------------------
*เพลงคมตา, ยรรยง เสลานนท์ ขับร้อง, สวัสดิ์ คำร้อง, เอื้อ สุนทรสนาน ทำนอง


ดอกไม้ตอบเม้นค่ะ :L2:

Mio
งานนี้ใครจะรักใครก่อนต้องคอยลุ้นค่ะ ^^
สามคำ >>> จุ๊บ จ๊วบ ม๊วบ (จุ๊บคนอ่านเช่นกันค่า)

iforgive
ขิงก็ราข่าก็แรงค่ะ คอยติดตามนะคะว่าใครจะยอมใครก่อน แต่ไม่ถึงกับ ‘ใหญ่ฟัดใหญ่’ หรอกเน้อ (ภาพเฉินหลงลอยวูบเข้ามาเชียว)

ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ
แค่มีคนอ่าน  คนเขียนอย่างเราก็ดีใจแล้ว :กอด1:

ดอกไม้
๑๖ ธ.ค. ๕๔
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓ : คมตาฟ้าซื่อสื่อรักโลมใจ [๑๖/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 16-12-2011 19:59:12
 :fire:
เอ่อ จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายหน้าหวานกัน!
สามคำ>>>ลุ้น สุด ติ่ง  o22
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓ : คมตาฟ้าซื่อสื่อรักโลมใจ [๑๖/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Pizeiro ที่ 16-12-2011 20:03:17
เรื่องนี้บรรยายดีมาก

บรรยายแบบเห็นภาพเลย

รอติดตามตอนต่อไปนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓ : คมตาฟ้าซื่อสื่อรักโลมใจ [๑๖/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 19-12-2011 21:05:49
เพิ่งเห็นว่าพี่จี้มาอัพ  :z13:
พอดีเพิ่งเปิดเทอม เลยยุ่งๆ กับการตระเวนเที่ยว(!?) นิดหน่อย 555
เอ่อ...อันที่จริงแอบตามไปอ่านล่วงหน้ามาแล้ว (มันหยุดไม่ได้)
งั้นขอนอนรอตอนล่าสุดเลยแล้วกันนะคะ 
แต่จะแวะมาให้กำลังใจบ่อยๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓ : คมตาฟ้าซื่อสื่อรักโลมใจ [๑๖/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 19-12-2011 21:44:38
มาแว้ววว วว ววว

อยากฆ่าตัวเองที่ทำตัวไม่รักดี
ดันไปเจอ มหาหงส์ ในเด็กดี....
แล้วก็จะขาดใจเอง
กรี๊ดดดดดT^T

*คือชอบมากเลยโรคจิตนั้นเองกร๊ากกก แอบไลค์มากก็เพราะมีชื่อตัวเองในชื่อเรื่องด้วย 555+*
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๔ : ดอกฟ้าร่วง [๒๓/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 23-12-2011 11:53:01
(http://img38.picoodle.com/i5cm/0_7b1_u0.jpg)


บทที่ ๔

ดอกฟ้าร่วง


มองสูงส่งเกินตา เอื้อมมือสูงกว่าใดๆ
ต่อตายแล้วมาเกิดใหม่ร้อยพันชาติใดไฉนได้แต่คอย
หากว่าดอกฟ้าไม่โน้มลงมาจากฟ้าสักหน่อย
หวังดินเหินลอย ดินนั้นจะคอย จะลองเอื้อมสอยดูที*



แม้จะค่ำแล้วแต่ตลาดหัวรอก็ยังคึกคัก  อาคารไม้เรียงรายสองฝั่งถนน  ร้านขายอาหารตั้งเต็มบริเวณ  จุดไฟสว่างไสว  มีอาหารสารพัดอย่างทั้งคาวและหวาน  ชาวเมืองนั่งกันตามโต๊ะเล็กๆระหว่างร้าน  ง่วนอยู่กับการรับประทานและสนทนา  พวกนายสิงห์พาหม่อมราชวงศ์เลอมานแวะร้านขนมหวานที่แม่ค้าโฉมงามเป็นที่เลื่องลือ  ไอ้ลอยสั่งซ่าหริ่มมาให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ลองชิมเป็นครั้งแรกในชีวิต
   
ซ่าหริ่มสีสวยหอมหวานชื่นใจ  นั่งดูพวกนายสิงห์เกี้ยวแม่ค้าแล้วก็ดูครึกครื้นดี  ไอ้ลอยก้มหน้ากระซิบว่าวันนี้เจ้าหล่อนเล่นหูเล่นตาเป็นพิเศษ  สาเหตุก็เพราะมีเขานั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
   
จากนั้นพวกนักเลงหนุ่มพาเขาไปที่โรงไม้เตี้ยๆใกล้ถนนสายใหญ่ของเมือง  ภายในนั้นมีโต๊ะบิลเลียด ๒ โต๊ะ  ไม่มีเครื่องตกแต่งอย่างอื่นที่ไม่จำเป็น  แต่ไฟนั้นเปิดสว่างเป็นพิเศษ  ชายหนุ่มนับสิบในนั้นต่างทักทายพวกนายสิงห์อย่างคุ้นเคยกันดี
   
“บิลเลียดเป็นเกมของอังกฤษนี่  คุณชายเล่นเป็นไหม” ใบหน้าคมคร้ามของไอ้ลอยก้มลงถามใกล้ชิดเสียจนหน้าแทบชนกัน  เลอมานเข้าใจว่าเพราะเสียงดัง  อีกฝ่ายจึงต้องก้มลงมาพูดใกล้ๆ  คุณชายสารภาพว่าเล่นไม่เป็นและขอเป็นผู้ดู  ก่อนเดินตามนายสิงห์ที่ผายมือเชื้อเชิญนั่งที่โต๊ะ     
   
ไอ้ลอยขยับคอเสื้อกระพือไปมาปากก็บ่นว่าร้อนอบอ้าว  มือใหญ่แกะกระดุมสลัดเสื้อเชิ้ตเนื้อบางออก  อวดแผ่นอกสมบูรณ์ด้วยมัดกล้ามประดับรอยสักเสือเผ่นผาดโจน  หันมาสบกับดวงตาสีน้ำตาลใสพลางยักคิ้วยั่วล้อ
   
หม่อมราชวงศ์หนุ่มนั่งอยู่ที่โต๊ะมองเกมบิลเลียดดำเนินไป  นึกทึ่งในเรือนร่างสมชายชาตรีเช่นลอยและสิงห์นัก  ได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าวันใดที่เขาเป็นหนุ่มฉกรรจ์ก็คงได้เป็นเจ้าของรูปร่างแบบนี้บ้าง  แม้ความหวังจะค่อนข้างริบหรี่  เพราะแม้จะมีเชื้อฝรั่งอยู่เศษเสี้ยว  แต่ตนก็ได้ทางแม่ที่บอบบางนุ่มนวลมากกว่าทางพ่อที่องอาจสูงใหญ่

ของเหลวสีอำพันในแก้วตรงหน้าพร่องไปเรื่อยๆ  บรรยากาศในโรงบิลเลียดก็ครึกครื้น  ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่งในอากาศ  เสียงกริ๊กของไม้กระทบลูกสลับกับเสียงร้องเฮเป็นระยะ  ลอยสาวคิวแทงลูกลงหลุมได้แม่นยำเหมือนจับวาง  หัวใจมันพองคับอกทุกครั้งที่หันไปทีไรก็เห็นเจ้าของใบหน้างามหวานนั้นกำลังมองตนด้วยสายตาแสนทึ่ง

“คุณชาย ลองหน่อยซี” ร่างใหญ่หนาเดินตรงเข้ามายื่นไม้คิวให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์     

“ไม่เอาๆ ฉันเล่นไม่เป็น” มือเล็กโบกวุ่นวาย  ยิ้มเก่งและพูดเก่งกว่าปกติด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ “ออกไปเล่นก็ขายหน้าเขาเปล่าๆ” 

“เถอะน่า ลองดู” ลอยคะยั้นคะยอ ยัดไม้คิวใส่มือบางพลางฉุดให้ลุกขึ้น  เรียกเสียงปรบมือได้เกรียวกราว  ดวงตาดำสนิทมองมือใหม่เอาชอล์กลูบมือและเช็ดหัวคิวเลียนแบบคนอื่นอย่างนึกเอ็นดู  หัวเราะขำเมื่อร่างโปร่งบางทำหน้าเหมือนรู้ว่าการทำเช่นนั้นไม่ได้ช่วยให้แม่นยำขึ้นเลยหลังจากแทงลูกไปสองสามครั้ง..

“มา เดี๋ยวผมสอนให้” ร่างแกร่งอ้อมไปประกบด้านหลัง  ออกแรงเล็กน้อยกดร่างบอบบางให้ก้มลงกับโต๊ะ  สองร่างแนบชิดสนิทเนื้อ  มือสัมผัสมือจัดท่าให้เข้าที่  อกทาบหลัง  หน้าขาเบียดสะโพก 

“ย่อขาซ้ายลง” ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงกระซิบที่ริมหู  เด็กหนุ่มในอ้อมอกพยักหน้าทำตามอย่างว่าง่าย  และเมื่อขาเรียวย่อลง  ส่วนที่แนบชิดก็บดเบียดเข้าหายิ่งกว่าเดิม 

ไอ้ลอยแว่วเสียงกลองรัวเร็วจากที่ไหนสักแห่ง  หรือเสียงหัวใจของมันเองกันแน่                         

   
เพราะหัวโจกอย่างนายสิงห์โวยวายขึ้นมาว่าให้รีบกลับ  เหตุเพราะพรุ่งนี้มีภารกิจต้องไปเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้รายสำคัญที่ชื่อจ้อย  พวกสมุนจึงต้องเดินโงนเงนแอ่นหน้าแอ่นหลังออกจากโรงบิลเลียดอย่างเสียไม่ได้ 
   
ลอยรับอาสาไปส่งคุณชายที่โรงเรียน  มือใหญ่สะกิดร่างที่ฟุบหน้ากับโต๊ะให้ลุกขึ้น  ทันทีที่ใบหน้าแดงก่ำเงยขึ้น  ดวงตาปรือปรอย  ปากบางสดฉ่ำส่งเสียงอ้อแอ้  ทำให้ใจคนเห็นยิ่งเต้นเร็วเป็นรัวกลอง 
   
ดื่มแค่นี้ก็เมาเสียแล้ว  น่ารักจริง..


ไทรอัมพ์แล่นเร็วในความมืด  เลอมานเอียงหน้าหลบลม แก้มแนบแผ่นหลังชายหนุ่ม  แขนเล็กรัดเอวแกร่งไว้แน่น  ในความง่วงและความเมายังมีสติสัมปชัญญะหลงเหลือ  รู้สึกได้ว่ารถผ่อนจังหวะเบรกบ่อยๆ จนทั้งร่างร่นเข้าหาคนขี่ตลอดเวลา
   
จู่ๆ..
   
“โอ๊ย!”
   
รถหยุดกะทันหัน  เลอมานคล้ายถูกกระชาก  อกเบียดเข้ากับหลังกว้างของนักเลงหนุ่ม
   
“ขอโทษที” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ  เอี้ยวตัวมาดู “เจ็บหรือเปล่า”
   
เด็กหนุ่มนิ่วหน้าถามยานคาง “มีอะไร..”
   
“ปวดเบา” มันตอบเรียบๆ  หม่อมราชวงศ์หนุ่มก้าวขาลงจากรถเก้ๆกังๆ  ลอยอาจไม่ได้ตั้งใจ  แต่การขยับตัวของฝ่ายนั้นแต่ละครั้งเหมือนร่างกายขยายใหญ่ขึ้น  จึงกระทบกระทั่ง  สัมผัสเขาตลอดเวลา 

ชายหนุ่มเดินไปยังพงหญ้าข้างทาง  หันหลังให้ถนน  หันหน้าเข้าหาท้องทุ่งตะคุ่มเลือนราง  ห่างบ้านเรือนและผู้คน  เลอมานยืนพิงเบาะรถ เมินหน้าหนีภาพนั้น 
   
..............................
   
..................
   
นานเกินไปหรือเปล่า?
   
เด็กหนุ่มตระหนักถึงความเงียบที่เงียบเกินไป  ไม่มีเสียงน้ำไหลหรือรูดซิปขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น  จึงหันกลับไปดูอย่างสงสัย
   
สิ่งที่เขาเห็นคือการเคลื่อนไหวในความเลือนราง  ชายหนุ่มกำลังตัวสั่นนิดๆ  เงยหน้า  สองแขนรัวเร็ว 

วินาทีที่ยังสับสนกับภาพตรงหน้าว่าความฝันหรือความจริง  ใบหน้าคมเข้มหันมาสบตา  แล้วสะท้านขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย

“คุณชาย..”

ริมฝีปากหนาขยับเช่นนั้น

**************************

อาจารย์คนึงยืนหน้าเครียดอยู่หน้าโรงเรียนตอนที่ลอยพาคุณชายเล็กไปถึง  ร่างเล็กก้าวลงจากรถเดินโซเซ จนคนมาส่งต้องรีบปราดเข้ามาประคอง 
   
“หายไปไหนมา” อาจารย์หนุ่มเอามือไหว้หลังถามเสียงเรียบ  แต่ในดวงตาเต็มไปด้วยโทสะฉายชัด  กลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งทำหน้าที่แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี

“ม่ายต้องยุ่งง..” ใบหน้าหวานแดงก่ำถึงหู  เสียงอ้อแอ้ยานคางบอกปัดอย่างก้าวร้าว 

“ขอโทษทีอาจารย์  พวกผมแค่พาคุณชายไปเปิดหูเปิดตานิดหน่อย” ลอยคล้องแขนเล็กเข้ากับไหล่ตน  มือหยาบกร้านโอบหมับที่เอวบาง  “เดี๋ยวผมประคองคุณชายไปส่งให้เอง”

“ไม่ต้อง” อาจารย์หนุ่มกระชากข้อมือเล็กเข้าหาจนร่างโปร่งปลิวหวือติดอก  “ขอบใจมากนายลอย กลับไปได้แล้ว”

นักเลงร่างใหญ่ขับรถเครื่องหายไปในความมืด  เลอมานสะบัดข้อมือตนออกจากมือแข็งของอีกฝ่ายเพื่อจะเดินด้วยตนเอง  คนึงมองเด็กอวดเก่งที่โซซัดโซเซไปได้ ๒-๓ ก้าวก็ล้มเผละพลางส่ายหน้าหน่าย

ถ้าอาจารย์ใหญ่ไม่ฝากไว้  ถ้านี่ไม่ใช่หน้าที่  เขาจะปล่อยให้เจ้าเด็กนี่นอนกลางดินตากน้ำค้างเป็นอาหารยุงอยู่เสียตรงนี้ทั้งคืน

ร่างสูงใหญ่ตรงไปคว้าร่างที่นอนมึนงงอยู่บนพื้นขึ้นพาดบ่าแข็งแรง  ไม่สนใจหมัดเล็กที่ทุบหลังไหล่อึกอัก  ไม่สนใจเสียงอ้อแอ้ที่ก่นด่าประท้วง

“ปล่อยย.. ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ..ไอ้ครูบ้านนอก..บอกให้ปล่อย..ฉันเดินเองได้..ปล่อยซี่..”   

คนึงโยนเจ้าเด็กดื้อลงบนเตียงอย่างไม่ถนอมสักนิด  ดวงตาคู่สวยจ้องกลับอย่างเอาเรื่อง

“ออกไปข้างนอกโดยไม่ขออนุญาต  ไปเที่ยวเล่นกับพวกนักเลงหัวไม้จนดึกดื่น  แล้วก็เมามายกลับมา  รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป”

“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน!”  เลอมานตวาดใส่อย่างโอหัง “เป็นแค่ครูบ้านนอกกระจอกๆ  ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน  แกรู้ไหมว่าฉันลูกใคร!”
   
ฟังจบแค้นคั่งดังเพลิงไหม้   เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ**

แม้อาจารย์หนุ่มจะรู้ว่าฤทธิ์สุราเสริมให้ความก้าวร้าวทวีคูณขึ้น  แต่ถ้อยคำหยาบช้านั้นก็จุดไฟโทสะในหัวใจเขาจนเดือดดาล  มือใหญ่กำหมัดแน่นขณะอีกฝ่ายผินหลังให้แล้วหลับไปทั้งกลิ่นเหล้า  คราวนี้เขาคงปล่อยผ่านไปไม่ได้
   
เห็นทีจะต้องกำหราบเจ้าเด็กคนนี้ให้อยู่หมัดเสียแล้ว

**********************

   
เวลาตีสี่  เวลาที่ใครหลายคนกำลังนิทราอยู่บนที่นอนอย่างผาสุก  แต่เวลานี้ตลาดสดกลับกำลังคึกคัก  พ่อค้าแม่ขายเริ่มต้นทำมาหากินตั้งแต่แสงตะวันยังไม่อาบฟ้า  ต่างคนต่างสาละวนจัดแผงร้านของตน  รถเข็นขนผักสวนกันไปมา
   
จ้อยเองก็เช่นกัน
   
หนุ่มน้อยตื่นแต่ตีสาม  เพื่อไปเก็บผักที่ตนปลูกในแปลงหลังโรงเรียน  จากนั้นก็พายเรือที่บรรทุกผักสดมารับยายที่บ้าน  แล้วสองยายหลานก็ล่องเรือมาด้วยกันถึงตลาด
   
แผงผักของยายช้อยไม่ได้ใหญ่โตอะไร  แต่ก็มีผักสดนานาชนิดจัดวางเต็มแผง  ผักกาด กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก หัวไชเท้านั้นหลานชายเอามาจากโรงเรียน  ส่วนฟักทองลูกโต กล้วยน้ำว้าเนียนสวย ยอดตำลึงเขียวสดนั้นเป็นของที่แกปลูกเองทั้งสิ้น

ตลาดจอแจคึกคัก ผู้คนเริ่มทยอยมาจับจ่ายซื้อของ  ผักของจ้อยขายดีเพราะมีลูกค้าประจำมาเหมาซื้อไปทุกวัน  ลูกค้าขาจรแวะเวียนมาบ้างเพราะได้รอยยิ้มสดใสจากพ่อค้าหน้ามนคอยเรียกลูกค้า 
   
เหงื่อไหลอาบใบหน้าเนียนใสแต่เจ้าตัวเพียงยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเพราะสองมือกำลังหยิบมัดตำลึงห่อใบตองให้ลูกค้ามือเป็นระวิง     

“ได้แล้วจ้ะ” มือเล็กยังไม่ทันรับเงินมา ทว่า..

“เฮ้ย!”

เสียงดังกัมปนาทราวฟ้าผ่า  ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัว  ไม่ต้องหันไปมองเขาก็รู้ว่าเสียงใคร
   
“ขายดีไหมจ๊ะพ่อค้า” นายสิงห์และพรรคพวกสี่คนเดินอาดๆมายังแผงของจ้อยอย่างวางท่า  ยกเท้าข้างหนึ่งวางบนแคร่วางผักอย่างหยาบคาย  จ้อยได้แต่กำหมัดแน่นมองผักคะน้าที่เขาอุตส่าห์รดน้ำพรวนดินแหลกเละอยู่ใต้ตีนสกปรก

“พะ..พ่อสิงห์” หญิงชราละล่ำละลัก “งวดนี้ยายขอผัดไปก่อนนะพ่อนะ  พ่อสิงห์ก็รู้ว่าจินดาเพิ่งสิ้นบุญไป  จ้อยก็ยังเรียนไม่จบ  แล้วเราจะไปเอาเงินมาจากไหน”

“ไม่สน!  ถึงเวลาจ่ายดอกก็ต้องจ่าย  อย่าเบี้ยว!” ลูกชายกำนันตวาดใส่ลั่นอย่างไม่กลัวเกรง  จ้อยได้แต่กำหมัดนิ่ง  กัดริมฝีปากแน่นจนแดงช้ำ

“แหม้..เสียดายนะที่เอ็งเป็นผู้ชาย” มือหยาบใหญ่บีบคางเล็กอย่างแรงจนหน้าเบ้  ยิ่งพยายามสะบัดหนียิ่งถูกบีบแน่น  แม้กายจะอ่อนด้อยกว่าหลายเท่า  แต่ดวงตาแข็งกร้าวชิงชังนั้นบ่งบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าหัวใจเขาจะไม่มีวันยอมแพ้ “สวยๆอย่างนี้  ถ้าเป็นผู้หญิงคงเอาไปขายซ่องอีทองใบได้หลายตังค์ว่ะ” 
   
ถ้อยคำหยาบโลนนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากไอ้พวกสมุนได้ฮาครืน  ชาวบ้านหลายคนเริ่มมุงมองอยากรู้อยากเห็น  จ้อยสุดจะทนได้อีกต่อไป 

“ถุย!”

ปากแดงสวยถ่มน้ำลายใส่หน้าคนตัวโตอย่างไม่กลัวเกรง  เหล่าคนมุงเฮลั่นด้วยความสะใจ  นายสิงห์ตะลึงตาค้าง  มือใหญ่ค่อยลูบหน้าขณะดวงตาคมแดงก่ำด้วยโทสะและความอับอาย 

“ถุยน้ำลายใส่กูหรือวะไอ้จ้อย!” ตะคอกใส่แล้วกระชากคอเสื้อของนักเรียนร่างเล็กจนกระดุมกระเด็น  จ้อยซวนเซตามแรงนั้น 

ทว่า.. สายตาคมกร้าวกลับอ่อนลง  และนิ่งค้างอยู่ที่แผ่นอกเนียน  หน้าท้องขาวเรียบที่เปิดเผยออกมาพ้นเสื้อ

“มะ..มึง..กะ..กล้ามากนะ”

สิงห์แปลกใจนักที่พบว่าเสียงตนสั่นอย่างไม่รู้สาเหตุ 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๔ : ดอกฟ้าร่วง [๒๓/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 23-12-2011 12:00:16
ไอ้จ้อยมันต้องลงคาถาอาคมอะไรไว้ที่อกมันแน่ๆ  มันไปสักเสือเผ่นลงน้ำมันกับอาจารย์สำนักไหน  ถึงวิชาแก่กล้าข่มสิงห์เช่นเขาได้ง่ายดายเพียงนี้  แถมยังสักได้เรียบเนียนไม่เห็นรอยจนน่าเอามือลูบ

จ้อยดิ้นรนสุดกำลังเพื่อให้หลุดจากพันธนาการแกร่ง  แต่ยิ่งยื้อยุดเท่าไหร่ก็ยิ่งฉุดกระชากให้เนื้อหนังเปิดเผยต่อสายตาอีกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น  และเมื่อรู้สึกได้ว่ามือใหญ่นั้นแข็งแรงราวคีมเหล็กแต่ดวงตากลับเหม่อมองลงต่ำ  หลานยายช้อยจึงรวบรวมพละกำลังถีบโครมเข้าให้ที่กลางอกกำยำดังเปรี้ยง
   
“โอ๊ย!” นักเลงหนุ่มหงายหลังลงไปนอนจุกแอ้ดคลุกฝุ่น  กลุ่มคนมุงส่งเสียงเฮลั่นอย่างสะใจ  พวกไอ้ลอยเตรียมถลกแขนเสื้อเข้ามาช่วยลูกพี่  แต่กลับถูกห้ามไว้  “พวกเอ็งไม่ต้อง! ข้าจัดการเอง!”

ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นหอบหนักจนตัวโยน  จ้องมองลูกหนี้ร่างเล็กตรงหน้าราวจะกินเลือดกินเนื้อ  ก่อนถลันพรวดพราดเข้าใส่เหมือนเสือตะครุบเหยื่อ  หากแต่เหยื่ออย่างจ้อยไม่มีวันเสียล่ะที่จะยอมให้เคี้ยวได้ง่ายๆ

สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันกลางตลาด  จ้อยออกมวยแมวใส่อย่างสุดชีวิตจนอีกฝ่ายต้องปัดป้องและออกแรงจนเหนื่อยกว่าจะกดร่างเล็กกว่าลงพื้นได้อย่างราบคาบ  ร่างสูงใหญ่ขยับขึ้นคร่อมเอวเล็ก  มือหนึ่งกดไหล่บางไว้แน่น ส่วนอีกมือกำหมัดเงื้อง่าขึ้นสูง..

เพื่อที่จะชะงักค้างเติ่งในอากาศ  เพียงแค่ได้เห็นดวงตาใสๆจ้องมาอย่างหวั่นกลัวก่อนจะหลับตาปี๋

เอาอีกแล้วเหวย..

คราวนี้อะไรอีกวะ.. ใช่.. ไอ้จ้อยมันต้องลงนะหน้าทองมาแน่ๆ  แค่จ้องหน้ามัน  มือไม้คนไม่กลัวใครเช่นไอ้สิงห์ถึงได้อ่อนเปลี้ยเหมือนโดนของแบบนี้

“พี่สิงห์!  ชักช้าทำไม ต่อยมันเลยพี่!” เสียงไอ้หมานเร่งเร้าอยู่นั่น  สติลูกพี่ถึงได้กลับคืนมาแต่ก็ยังช้าไปกว่าจ้อย  เมื่อเท้าเล็กยกขึ้นถีบยันเข้าซ้ำแผลเก่าจนคนตัวโตหงายหลังซ้ำอีกรอบ

เห็นลูกพี่นอนตัวงอโอดโอยอยู่กับพื้นท่ามกลางเสียงหัวเราะของชาวบ้านทั้งตลาด  พวกลูกสมุนก็อดรนทนไม่ได้อีกต่อไป  ไอ้หมานและไอ้เลิศตรงไปคว้าร่างเบาหวิวขึ้นมายึดแขนไว้คนละข้าง  ไม่ว่าลูกหนี้ตัวแสบจะดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด  ไม่ว่ายายช้อยจะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ฟัง  ไอ้ลอยต่อยกำปั้นใส่ฝ่ามือ  ดวงตาคมวาวราวหมาป่าจ้องเหยื่อติดแร้ว
   
ไม่รั้งรอให้เสียเวลา  มันเงื้อหมัดขึ้นสูงหวังกระแทกปากเด็กอวดดีให้หลาบจำ 

“ไอ้ลอย..อย่า!!”

เปรี้ยง!!
   
ไอ้ลอยตาเหลือกเท่าไข่ห่าน  เมื่อเห็นว่าคนที่มันวาดหมัดใส่จนลงไปนอนกองตรงหน้าคือลูกพี่สิงห์  ที่เอาตัวเข้ามาขวางทางกำปั้นเมื่อไรก็ไม่รู้     
   
สิงห์ถ่มน้ำลายปนเลือดเค็มปร่าลงพื้น  จุกที่ไอ้จ้อยถีบยังไม่ทันซาก็มาเจ็บเพราะไอ้ลอยชก  ยังงงไม่หายว่าอะไรดลใจให้เขาพุ่งเข้ามาขวางทางหมัด  หรือว่าไอ้จ้อยมันเลี้ยงกุมารทองแล้วปล่อยมาสิงใจเขา  ร่างกายมันถึงปราดไปเองแบบนั้น     มือใหญ่ปาดเลือดที่ไหลย้อยมุมปาก  เห็นจ้อยมองมาหน้าตื่นเลิ่กลั่ก  ยายช้อยก็มาเกาะแขนแกร่งเขย่าไปมา

“พ่อสิงห์เอ๊ย.. ยายขอละนะ  อย่าทำจ้อยมันเลย จ้อยมันยังเด็ก” น้ำตาหญิงชราไหลพรากปานจะขาดใจ  หารู้ไม่ว่าน้ำตาในหัวใจมันไหลโกรกเป็นน้ำตก  เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ  แถมต้องมาถูกชาวบ้านรุมหัวเราะเยาะ   

แก่เฒ่าแล้วหูตาฝ้าฟางหรือไงยายช้อย  ไม่เห็นหรือว่าหลานยายไม่มีรอยขีดข่วนแม้กระผีกริ้น  ในขณะที่คนได้แผลอยู่คนเดียวก็คือไอ้สิงห์ลูกกำนันเสริมคนนี้ต่างหากเล่า 

*********************

บนเรือนไทยหลังงาม  คุณนายพูนทรัพย์นั่งมองใบหน้ายับเยินของลูกชายสุดที่รักแล้วส่ายหน้าหน่าย  มืออวบขาวทาเล็บแดงสดประคองไข่ต้มปอกค่อยๆคลึงบนใบหน้าหล่อคมเบาๆ

“โอ๊ย! เบาหน่อยสิแม่” สิงห์โอดลั่นด้วยความเจ็บ  น่าหมั่นไส้จนมารดาตีป้าบเข้าให้ที่ไหล่
   
“ลูกอีกำไลมันตัวเท่าลูกหมา  ทำอีท่าไหนถึงได้หน้าช้ำขนาดนี้ยะพ่อสิงห์” ปากถามลูกชายแต่สายตามองปราดไปยังพวกสมุนที่นั่งตัวลีบอยู่ริมเสา 
   
“ก็ไอ้พวกนี้สิ  แส่ไม่เข้าเรื่อง” หัวโจกโบ้ยความผิดให้ลูกน้องเสียอย่างนั้น “บอกพวกมันแล้วว่าอย่ายุ่งๆ  เสือกแห่กันเข้าไป  หมาจนตรอกมันก็กัดไม่เลือกแบบนี้ละ”
   
ไอ้เลิศไอ้หมานหงอหัวหด  มีแต่ไอ้ลอยที่ซ่อนรอยยิ้มหยันไว้ในดวงตา 
   
คุณนายกำนันถอนใจเฮือก  ยายช้อยค้างค่าดอกมาสองเดือนแล้ว  ตอนที่ครูจินดายังอยู่  บ้านนั้นยังพอมีเงินส่งดอกได้บ้าง  แต่สิ้นเสาหลักไปแบบนี้  เห็นทีรีดเลือดจากปูยังง่ายกว่าเก็บดอกจากยายช้อยเสียอีก  โฉนดที่ดินของฝ่ายนั้นก็ยึดมาแล้ว  ถ้ายังพิรี้พิไรท่ามากไม่ยอมจ่ายหนี้  อย่าหาว่าคุณนายพูนทรัพย์รังแกเด็กกับคนแก่ก็แล้วกัน

*********************

เช้านี้เลอมานตื่นมาพร้อมอาการปวดหัวหนึบ  หนักหัวเหมือนมีใครเอาค้อน ๑๐๐ ปอนด์ไปวางไว้  กว่าจะประคองตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก็ลำบากแล้ว  มือเล็กกุมหัว นิ่วหน้าครวญ  หากแต่ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบอาจารย์ร่วมห้องนั่งไขว่ห้างจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
   
“รีบไปอาบน้ำซะ  เช้านี้ผมมีเรื่องต้องอบรมคุณ” ใบหน้าหล่อคมสั่งด้วยแววตาเรียบนิ่ง
   
“ไม่” เด็กหนุ่มสะบัดเสียงใส่  ก่อนผินหลังให้เพื่อจะล้มตัวลงนอนต่อ  ทว่าไม่อาจทำได้ดั่งใจเพราะมือแกร่งราวคีมเหล็กตรงเข้ามาคว้าแขนเขาไว้แน่น  ออกแรงฉุดกระชากอย่างไม่ปรานีจนร่างโปร่งบางแทบตกเตียง 

“ทำอะไร!  ปล่อย!” เลอมานทั้งร้องทั้งดิ้น  แต่รูปร่างที่ต่างกันเกินไปทำให้ต่อต้านอีกฝ่ายได้ยากเหลือเกิน  ร่างสูงกว่าฉุดเขามาถึงบานกระจกที่ติดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า  เงาที่สะท้อนกลับมาทำให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ชะงักนิ่ง

เสื้อผ้ายับย่น  ผมเผ้ายุ่งเหยิง  ดวงตาแดงก่ำ  ใบหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
   
มือบางยกขึ้นลูบหน้าตน.. นี่ใคร.. ใช่เขาแน่หรือ 
 
   
“ดูสารรูปตัวเองเสียบ้าง  นี่น่ะหรือหม่อมราชวงศ์  นี่น่ะหรือลูกชายคนเดียวของเอกอัครราชทูต  จะทำอะไรหัดนึกถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูลคุณบ้าง” อาจารย์หนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม  ใบหน้างามที่หันมาจ้องด้วยดวงตาเคืองขุ่น  จนเขาต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนสั่ง.. “จะลงไปอาบเองดีๆหรือจะให้ผมลากลงไป” 
   
มือหนาบีบข้อมือเล็กไว้แน่น  เป็นสัญญาณว่าพร้อมจะทำตามที่พูดได้ทุกเมื่อ 
   
ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างเด็กถูกขัดใจ  ก่อนสะบัดมือเพื่อฉวยเสื้อคลุมแล้วไปอาบน้ำตามที่อีกฝ่ายต้องการ
   
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ  เด็กหนุ่มใช้เวลาสำอางค์อยู่หน้ากระจกเช่นทุกที  จนกระทั่งมีเสียงเข้มเรียกจากอีกฝั่งของชั้นหนังสือ

“เป็นผู้ชายจะแต่งตัวอะไรนานนัก  มานี่เดี๋ยวนี้”

มือที่กำลังจัดทรงผมอยู่ชะงัก  กลอกตาขึ้นบน ทั้งถอนใจทั้งจึ๊ปากอย่างเบื่อหน่าย  แต่ก็เดินไปอย่างเสียไม่ได้  พบอาจารย์คนึงนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ  ดวงตาสองคู่สบกันท่ามกลางความเงียบงัน

คู่หนึ่งจองหองท้าทาย   

คู่หนึ่งเรียบนิ่งเหมือนผิวน้ำนิ่งสงบ  หากแต่มีคลื่นรุนแรงปานใดอยู่ข้างใต้ไม่อาจรู้ 

“เมื่อคืนไปไหนมา” คนึงถามทำลายความเงียบ  ดวงตาคู่นั้นยังจ้องมองไม่ลดละ

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ยักไหล่  เอียงคอยิ้มเยาะ “เรื่องของผม”

“ตอบ!!”

เสียงดังจนเขาเผลอสะดุ้ง  นึกเคืองตัวเองนักที่ขวัญอ่อนง่ายดายเพียงนี้  ร่างโปร่งบางยืนเอามือไพล่หลัง  พักขาไปมาด้วยความเมื่อยขบ  เจ้าอาจารย์บ้านี่.. ใจคอจะให้เขายืนไปอีกนานแค่ไหนกัน   

“ลูกชายกำนันกับพวกพาผมไปเที่ยวตลาด  แล้วก็พาไปเล่นบิลเลียด  จากนั้นก็พาผมมาส่ง” ตอบส่งๆไปซะมันจะได้จบๆเสียที   

แต่เห็นทีเขาจะเข้าใจผิดเสียแล้ว  เมื่ออีกฝ่ายเทศนาสั่งสอนเขาเสียยืดยาวเรื่องที่ไปข้างนอกโดยไม่ขออนุญาตแถมยังเมากลับมา  เรื่องที่คบหาสมาคมกับพวกนักเลงหัวไม้  และย้ำหัวตะปูแน่นหนาว่าต่อไปนี้ห้ามเขาออกไปนอกโรงเรียนตอนกลางคืนโดยไม่ได้รับอนุญาต   

ตลอดการอบรม  เลอมานเพียงกลอกตาเบื่อหน่าย  ถอนใจเป็นระยะ  เชิดหน้ามองไปทางอื่นอย่างยียวน 

“รู้ตัวใช่ไหมว่าทำผิด” คนึงถามราวกับเข้าสู่บทสรุป  เด็กหนุ่มจึงค่อยพาใจที่เลื่อนลอยไปไกลกลับมา  ใกล้จบแล้วสินะ  เขาทั้งเบื่อทั้งเมื่อยจะตายอยู่แล้ว

“อืม” เขาพยักหน้าส่งๆ ก่อนถามกลับ “ผมไปได้หรือยัง”

“ยัง” อาจารย์หนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางเดินเข้าหา  แต่ไม้เรียวยาวเฟื้อยที่อีกฝ่ายถือติดมือมาด้วยนั่นมันอะไรกัน

“ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ  จะได้หลาบจำไม่ทำอีก”

เด็กหนุ่มถอยกรูด  มองไม้ยาวในมืออีกฝ่ายราวกับมันเป็นอาวุธประหัตประหาร  นี่อย่าบอกนะว่า..

“ผมจะตีคุณ ๓ ทีให้สมกับความผิด” ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งแววตาเอาจริงจนน่าขนลุก  เลอมานตะลึง  ตาค้าง อ้าปากหวอ

หูเขาไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม  เจ้าอาจารย์บ้านนอกคนนี้จะตีบุตรชายคนเดียวของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชอย่างนั้นหรือ  ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเกินไปแล้ว

“คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้  คุณไม่มีสิทธิ์” เขาเถียงเสียงสั่นด้วยความโกรธ 

“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์  ในเมื่อท่านชายมอบหมายให้ผมเป็นครูของคุณ  คุณอาจจะเป็นอาจารย์ฝึกสอนในสายตาคนอื่น  แต่สำหรับผม  คุณนับเป็นศิษย์  และเมื่อศิษย์ทำผิด  ครูก็ต้องลงโทษ”  ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้  ในประกายตาคู่นั้นไม่มีความเมตตาสักนิด 

“ท่านชายส่งคุณมาดัดสันดาน  ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ  กอดอกเดี๋ยวนี้!”

ลูกชายท่านทูตหอบหนักจนสั่นไปหมดทั้งตัว  มือเล็กกำหมัดแน่น  ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยถูกใครหยามเกียรติถึงขนาดนี้

“หรือไม่ก็เลือกเอา  ระหว่างให้ผมตีตรงนี้  หรือจะให้ผมรายงานความประพฤติคุณให้ท่านชายรู้” 

“ท่านพ่อกับหม่อมแม่ยังไม่เคยตีผมเลยนะ  คุณเป็นแค่ครูกระจอกๆคนหนึ่ง กล้าดียังไง  ผมจะฟ้องท่านพ่อเรื่องคุณ”

หลุดปากออกไปแล้วเลอมานถึงได้รู้ตัวว่าเขาพลาดตกลงไปในหลุมที่ตนขุดอย่างโง่เขลาที่สุด
   
ถ้าเขาฟ้องท่านพ่อตามที่ขู่  คนึงก็ต้องฟ้องท่านพ่อเรื่องเขาเช่นกัน  ไม่ต้องคิดให้เปลืองหัวก็รู้ได้ทันทีว่าท่านพ่อจะเชื่อใคร   
   
“ก็ดี  ผมจะใช้โทรศัพท์ที่ห้องธุรการโทรไปที่กระทรวงศึกษาก่อน แล้วค่อยทำหนังสือส่งไปสถานทูต” แววเหยียดหยันระยับในดวงตาคมคู่นั้น  แถมเจ้าตัวก็ทำท่าเหมือนจะเดินออกไปทำอย่างที่พูดจริงๆ

“เดี๋ยว!” เลอมานเรียกไว้ทันควัน  กัดปากแน่นก่อนกลั้นใจเอ่ย.. “ก็ได้”

และเมื่ออาจารย์หนุ่มหันกลับมา  ภาพที่เห็นคือเด็กหนุ่มร่างระหง ยืนกอดอกเตรียมพร้อมรับโทษทัณฑ์  ใบหน้างามเชิดมองไปนอกหน้าต่างอย่างทระนงในศักดิ์ศรี  แดดยามสายอาบไล้เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนจนเป็นประกายทอง 

งามผิวประไพผ่อง                   กลทาบศุภาสุพรรณ,
งามแก้มแฉล้มฉัน                       พระอรุณแอร่มละลาน***


“อยากทำอะไรก็เชิญ” ตวัดเสียงขึ้นจมูกอย่างเย่อหยิ่ง  แม้ในยามกิ่งฟ้าถูกเหนี่ยวโน้มลง

ผัวะ!!
   
ไม้เรียวฟาดลงบนสะโพกอย่างแรงจนร่างโปร่งสะดุ้งทั้งตัว  ดวงตาเอาเรื่องหันขวับมาจ้องอาจารย์หนุ่มที่เอ่ยไม่ยี่หระ “ไม้ที่หนึ่ง  โทษฐานที่ออกไปข้างนอกโดยไม่ขออนุญาต”

ผัวะ!!

“ไม้ที่สอง  โทษฐานที่สุมหัวเมามายกับพวกนักเลง”  ไม้ที่สองตามติดลงมาทั้งที่ดวงตาคู่สวยวาววับยังจับจ้องด้วยความเคียดแค้น  แม้จะเจ็บเพียงไรเขาก็ได้แก่กัดปากกลั้นไว้  จนกระทั่ง..

ผัวะ!!!

“ไม้ที่สาม  โทษฐานที่หยาบคายกับอาจารย์อย่างผม” เขาไม่ได้คิดไปเองแน่ๆว่าไม้นี้แรงและหนักกว่าสองไม้ที่ผ่านมา  ความอดทนสิ้นสุด  พังทลายลงไปพร้อมกับเกียรติที่ตนถือไว้

“ป่าเถื่อน!” ร่างเล็กกว่าตะคอกใส่  มือลูบเนินสะโพกตนป้อยๆด้วยความเจ็บ  ดวงตาคู่สวยนั้นแดงก่ำ    ไม่สนใจอาจารย์หลายคนที่มาออกันอยู่หน้าห้องเพราะเสียงคนทะเลาะกันดังลั่นไปทั้งเรือน  “รู้เอาไว้ซะด้วย  ถ้าไม่เพราะท่านพ่อบังคับ  ผมจะไม่มาเหยียบที่นี่เด็ดขาด  ประเทศไร้พัฒนา  ล้าหลัง  หาความเจริญไม่ได้  ผู้คนก็หยาบคายป่าเถื่อนแถมยังโง่!”
   
อาจารย์หนุ่มถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ยินคำดูถูกที่ลามปามถึงแผ่นดินเกิด  ทั้งที่คนพูดก็มีเชื้อสายไทยอยู่กว่าครึ่ง  แบบนี้ไม่เท่ากับดูถูกทั้งคนอื่นและดูถูกบรรพบุรุษของตนเองด้วยหรือ

มือใหญ่กำไม้เรียวในมือแน่นจนสั่นสะท้าน  ดวงตาเข้มงวดแต่เอื้ออารีที่ใช้มองนักเรียนทุกคน  บัดนี้กำลังมองนักเรียนแสนพิเศษของตนด้วยความขยะแขยงเหมือนเศษสวะชิ้นหนึ่ง       

“ดูถูกรากเหง้าของตัวเอง  อย่าว่าแต่จะเป็นครูหรือนักเรียนที่ดีเลย  เป็นคนดีก็ยังไม่ได้   กลับไปซะ  คุณมันไร้ค่าทั้งต่อโรงเรียนนี้และประเทศนี้  ผมไม่ขอมีศิษย์อย่างคุณ  และนักเรียนที่นี่ก็ไม่ขอมีครูอย่างคุณเหมือนกัน!”

“ผมไปแน่!”


โปรดติดตามตอนต่อไป

-----------------------------------------------------------------------------------------------
*ดอกฟ้าร่วง, สุรัฐ พุกกะเวส  คำร้อง, วินัย จุลละบุษปะ - มัณฑนา โมรากุล ขับร้อง
** ขุนช้างขุนแผน, สุนทรภู่
*** มัทนะพาธา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


ดอกไม้ตอบเม้นค่ะ :L2:

Mio
โชคดีที่ยังไม่เกิดอะไรขึ้นค่ะ แต่ในอนาคตข้างหน้าละก็ไม่แน่เน้อ ^^

Pizeiro
ขอบคุณมากค่ะที่ชอบลักษณะการบรรยายแบบนี้  เก่าๆเชยๆนิดนึงเน้อ คนแต่งแก่แล้ว ^^

Zymphoniz
๕๕๕+ ไปอ่านในเด็กดีมาแล้วเหรอจ๊ะ ไม่เป็นไรจ้า ดีซะอีก จะได้ไม่ขาดช่วงเนอะ อิจฉาจังได้ตระเวนเที่ยวด้วย เที่ยวเผื่อพี่ด้วยนะคะ ^^

hongzaa
สวัสดีค่ะคุณหงส์ (เลยรู้ชื่อเลย^^) แหมๆ แค่ไปอ่านในเด็กดีไม่เห็นจะไม่รักดีตรงไหนเลย^^ แค่แวะเข้ามาอ่าน  ไม่ว่าจะอ่านก่อนอ่านหลังหรืออ่านจากที่ไหนก็ตาม ก็ถือว่าเป็นกำลังใจให้เราแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ^^

รักคนอ่านเสมอ
ดอกไม้
๒๓ ธ.ค. ๕๔


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๔ : ดอกฟ้าร่วง [๒๓/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 23-12-2011 12:52:38
 :L2:

โอ้วว เลิฟๆเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๔ : ดอกฟ้าร่วง [๒๓/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 23-12-2011 21:14:05
คู่สิงห์-จ้อย  น่ารักน่าลุ้นมาก  :z1:
ส่วนคู่หลัก.....มาม่า  :a5:
สามคำให้คนแต่ง>>>เบื่อ กัน ยัง?  ( นางฟ้าจะติดตามคนแต่งไปจนจบเลย5555)  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๔ : ดอกฟ้าร่วง [๒๓/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 23-12-2011 21:51:58
+ให้กำลังใจดอกไม้จ้า

บอกตรงๆเลยนะไม่ชอบไอ้ลอยมากๆเลยอ่ะ ตัวมารพี่สิงห์กะน้องจ้อย แถมยังหวังจะแคลมคุณเล็กอีก แง่งๆๆ





คิดถึงตอนใหม่มากๆเลยจ้า แฮะๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๔ : ดอกฟ้าร่วง [๒๓/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 23-12-2011 22:37:09
ชอบคู่สิงห์จ้อย....ซึนทั้งคู่เลย  :-[
แวะมาให้กำลังใจค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๔ : ดอกฟ้าร่วง [๒๓/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Phantom ที่ 24-12-2011 00:37:05

สารภาพว่าท่ามกลางนิยายหลายเรื่อง
ชื่อเรื่องไทยๆ กลัวว่าจะพีเรียดเกินจินตนาการเรา เลยไม่ได้จิ้มอ่าน
จนวันนี้จิ้มจอเล็กแล้วพลาด ก็เลยลองเริ่มอ่าน

โอ้ววว นับถือคุณดอกไม้จริง ๆ
ให้ความรู้สึกถึงความละเมียดละไม บรรจงแต่ง ช่างประดิษฐ์ประดอยจริง ๆ เลย
อยากกด like สักหมื่นครั้ง

อ่านไปเรื่อย ๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกหม่นหมองคลอ ๆ อยู่
เพราะเรากลัวเรื่องน้ำตาท่วมเป็นทุนอยู่แล้ว
(เปิดมา เล่นเอาอึ้งเลย ตายจากกันไปซะแล้ว)
อ่านเพลิน น่าติดตามจริง ๆ
แอบเอาใจช่วยทั้งคนเย่อหยิ่งและคนใจร้ายสลับกันไปมา 555
ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ นะ
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลย

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๔ : ดอกฟ้าร่วง [๒๓/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 24-12-2011 07:37:45
สนุกมากครับ  o13

ยิ่งอ่านไป เหมือนยิ่งอ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๔ : ดอกฟ้าร่วง [๒๓/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 27-12-2011 01:01:22
ชอบสิงห์จังเลยจ๊ะ เห็นจ้อยแล้วเกิดอาการใจสั่น :กอด1: ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 30-12-2011 21:40:45
(http://img38.picoodle.com/i5cu/7m5a_5d5_u0.jpg)

บทที่ ๕

สวัสดีบางกอก



อย่าไปเลยบางกอกบอกไม่เชื่อ
อยู่กับเสือดีกว่าไปหาเขา
คนบ้านนอกคอกนาปัญญาเบา
เหมือนนกเหงา พรานซ้ำ ด้วยชำนาญ*



ไม่รู้ว่าหม่อมราชวงศ์เลอมานไปคุยกับอาจารย์ปรีชาอีท่าไหน  หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีหนังสือจากกระทรวงศึกษาธิการมาถึงโรงเรียน  เนื้อความว่าให้อาสาสมัครจากอังกฤษเดินทางไปกรุงเทพเพื่อจัดการเรื่องส่งตัวกลับโดยด่วน
   
เด็กหนุ่มสูงศักดิ์แทบตัวลอย  หลังจากได้รับข่าวดีนั้นเขาถึงกับเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่  ยิ้มหยันให้อาจารย์คนึงที่รับรู้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง  เขาคิดว่าอีกฝ่ายก็คงดีใจไม่แพ้กันที่ในที่สุดเขาก็ไปให้พ้นหูพ้นตาเสียที

เลอมานแต่งตัวอยู่หน้ากระจก  ฉีดน้ำหอมกลิ่นสะอาดหอมฟุ้ง  พรุ่งนี้เขาต้องไปกรุงเทพ  วันนี้จึงเป็นวันสุดท้ายสำหรับชีวิตในโรงเรียนบ้านนอกที่น่าเบื่อหน่ายนี่  อารมณ์ดีจนอดผิวปากเป็นทำนองเพลงแสนสุขใจไม่ได้ 
   
“คุณชายไม่อยู่จ้อยคงคิดถึงแย่” จ้อยบ่นพลางพับผ้าห่มบนเตียงให้อย่างเรียบร้อย  หลายวันมานี้นักเรียนซอมซ่อคนนี้เข้ามาทำความสะอาดให้เขาเสมออย่างที่ตกลงกันไว้ในวันก่อน  ตั้งแต่เก็บที่นอน  กวาดถูห้อง  รีดและซักเสื้อผ้า  แต่อย่างหนึ่งที่ไม่อยู่ในข้อตกลงคือเงินค่าจ้างที่ถูกวางคืนไว้บนโต๊ะทุกครั้งที่เขายื่นให้

“การให้วัตถุแก่กันนั้นง่าย  แต่การให้น้ำใจแก่กันสิยาก”

พระดำรัสของท่านพ่อที่ให้ไว้ในวันที่มาส่งเขาวูบเข้ามาในความทรงจำ  ตั้งแต่วันนั้น  เลอมานจึงมองจ้อยในแง่ดีขึ้น  จนพัฒนาเป็นความสนิทสนม   

“เอาไว้ฉันมารับไปเที่ยวกรุงเทพดีไหม” หม่อมราชวงศ์หนุ่มชวนเสียงใส  “ออกไปดูโลกภายนอกเสียบ้าง  ไม่ใช่อยู่แต่ที่นี่เป็นกบ..เอ่อ..กบในละกา”

“กบในกะลาครับ” จ้อยแก้ให้ยิ้มๆ

“เออนั่นละ”     
   
บทสนทนาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นตามความไว้เนื้อเชื่อใจที่เพิ่มขึ้น  ทั้งโรงเรียนนี้เลอมานคิดว่าเขายิ้มให้จ้อยเห็นมากกว่าใครเพื่อน  อ้อ..เขาก็ยิ้มให้นายสิงห์กับนายลอยบ่อยเหมือนกันเมื่อบังเอิญเจอกันข้างนอก  เพียงแต่ว่าสองคนนั้นไม่ได้อยู่ในโรงเรียนนี้
   
“มหาหงส์ที่จ้อยปลูกให้ก็กำลังออกดอกสวยเชียว  น่าสงสารที่เจ้าของจะทิ้งมันไป”  ดวงตาหวานเศร้าหันมองช่อดอกมหาหงส์ที่เขาตัดปักแก้ววางไว้ให้บนโต๊ะ

“มหาหงส์กลิ่นมันหอม สดชื่นดี จ้อยตัดมาให้ คุณชายจะได้สบายใจไงครับ”
“ชื่อแปลก”
“ก็รูปทรงมันเหมือนหงส์  เวลาบานเต็มที่จะเหมือนหงส์ล่องลอยอยู่ในอากาศ  งามสง่าเพราะจะค่อยๆบานจากโคนไปสู่ยอด  และอีกอย่างหงส์เป็นนกในวรรณคดี  ตระกูลสูง  เหมือนคุณชายเลย”


บทสนทนาในวันที่จ้อยเก็บดอกมหาหงส์มาให้เขาย้อนกลับมาสู่ความทรงจำจนอดอมยิ้มไม่ได้  เอื้อมมือไปหยิบมาพิศดูใกล้ๆดอกหนึ่ง  เจ้าดอกขาวสะอ้าน  กลีบบางอ่อนหวาน  แต่เกสรกลับเหยียดหยัดชูก้านดุจดั่งหงส์ผู้ทรงศักดิ์ 

ดวงตาคู่สวยหรี่มองร่างเล็กบางที่ก้มๆเงยๆขึงผ้าปูที่นอนให้เขาอย่างขะมักเขม้น  เสื้อสีขาวตุ่นซึ่งคงผ่านการซักมามากโขจนเนื้อบางจ๋อย  และรองเท้าที่ถอดทิ้งไว้ตรงหัวบันไดก็คงเป็นรองเท้าแตะบางเฉียบชนิดที่เหยียบโดนกรวดเล็กๆยังสะดุ้ง

“จ้อย” เลอมานเรียก  ยิ้มให้เมื่ออีกฝ่ายหันมาตามเสียง “มารับไปสิ”
      
นักเรียนร่างเล็กมองเงินที่มือขาวเรียวยื่นให้อย่างตกใจ 

“คุณชาย  จ้อยไม่เอาหรอก” โบกไม้โบกมือปฏิเสธวุ่น ส่ายหน้าดิกจนผมสะบัด

คุณชายกลอกตาเบื่อหน่าย  ก่อนลุกขึ้นเดินมายัดเงินนั้นใส่มือจ้อย  ความหนาของมันทำให้ร่างเล็กกว่าขนลุก  เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยจับธนบัตรสีน้ำเงินที่หนาขนาดนี้มาก่อน  แต่เมื่อทำท่าจะสะบัดหนีอีก  มือนุ่มก็กุมมือเขาเข้ากับเงินจนแน่น

“บอกว่ารับไปก็รับไปสิ อย่าหยิ่งนักเลย” เลอมานเอ็ดเสียงขุ่น  คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น “จนแล้วยังไม่เจียมอีก” 
   
จ้อยกลืนก้อนแข็งๆลงคออย่างยากเย็น  หวนนึกไปถึงค่าดอกที่ขอผัดผ่อนคุณนายพูนทรัพย์มาหลายวัน  นึกถึงพวกนายสิงห์ที่ไปทำลายแผงผักของเขากับยายถึงตลาด  หลังจากวันนั้น  ไม่ว่าพวกนักเลงนั่นจะไปไหนมาไหนก็มักมีเสียงหัวเราะเยาะจากชาวบ้านไล่หลังทุกครั้ง  โดยเฉพาะสิงห์ที่หน้าตาบวมปูดไปหลายวัน 

เงินนี้อาจจะช่วยเขากับยายได้.. แต่ว่า..

“รับไปเถอะ” คุณชายเอ่ยอย่างหน่ายเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “คิดซะว่าเป็นน้ำใจจากเพื่อนคนหนึ่ง อย่าคิดมากสิ”

มือเรียวที่ตบหลังเบาๆ  และคำว่า’เพื่อน’ที่มอบให้พร้อมรอยยิ้ม  ทำให้จ้อยใจชื้นขึ้นจนต้องเผลอยิ้มตามอีกคน

**************************

เช้าวันรุ่งขึ้นเลอมานตื่นแต่เช้าด้วยอารมณ์แจ่มใส  เพราะวันนี้แล้วที่เขาจะได้ไปให้พ้นๆจากโรงเรียนกันดารนี้เสียที  ทุกสิ่งในเช้านี้แสนสวยงามไปเสียหมด  สายลมหัวเราะ  ก้อนเมฆขาวเคลื่อนไหวอุ้ยอ้าย  ดวงตะวันเจิดจ้าราวกับจะยิ้มให้
   
เขามาพร้อมสัมภาระมากมาย  แต่วันนี้ตัดสินใจกลับไปตัวเปล่า  ทิ้งข้าวของทั้งหมดไว้เผื่อมีใครอยากได้ก็เอาไป  เขาโบกมือล่ำลาอาจารย์และนักเรียนหลายคน  วิรัชนั้นทีท่าทีโศกาอาดูรกว่าใครเพื่อน  ลาแล้วลาเล่า  พร่ำแล้วพร่ำอีกอย่างอาวรณ์
   
หารู้ไม่พอว่าคล้อยหลังเขาไปไม่ทันไร  หัวหน้าฝ่ายภาษาอังกฤษก็ถอนใจเฮือกราวยกภูเขาออกจากอก  จับกลุ่มสุมหัวนินทากับคนอื่น  จับใจความได้ว่า..ไปเสียได้ก็ดี..
 
   
คนที่ขึ้นรถจี๊ปไปส่งเขาถึงสถานีรถไฟมีเพียงอาจารย์ใหญ่และคนขับรถ  อ้อ..อาจารย์คนึงคู่ปรับตัวดีก็ไปด้วย  เพียงแต่ไม่ได้ไปในฐานะคนไปส่ง

แต่หมอนั่นต้องเดินทางไปกรุงเทพกับเขาต่างหาก
 
เพราะทางกระทรวงกำหนดให้อาสาสมัครต้องมีเจ้าหน้าที่จากโรงเรียนติดตามไปด้วยเพื่อลงชื่อเป็นพยานในการส่งตัวกลับ  หม่อมราชวงศ์หนุ่มจึงตัดสินใจเลือกอาจารย์คู่อริอย่างไม่ลังเล  เขายิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีตลอดทางจากโรงเรียนไปสถานีรถไฟ 
   
เวลาเอาคืนของหม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์มาถึงแล้ว 

ใหญ่นักใช่ไหมเมื่ออยู่ในโรงเรียนบ้านนอก  อยากรู้ว่าพอเข้ากรุงแล้วจะผยองได้สักกี่น้ำ

สถานีรถไฟอยุธยาผู้คนคลาคล่ำ  ผู้โดยสารนั่งรอรถไฟอยู่ตามม้านั่ง  มีอาหารเข้ามาขายกันถึงชานชาลา  คนขายมีทั้งเด็กเล็กหนุ่มสาวไปจนถึงผู้เฒ่า  หาบก็มีกระเดียดกระจาดกระเดียดกระด้งก็มี  กุ้งก้ามกรามต้มสีแดงน่ากิน  ทอดมันปลากรายร้อนๆแผ่นบางเฉียบ  เลอมานหันมองไปทั่วอย่างสนอกสนใจ  ก่อนเดินไปหยุดอยู่หน้ายายหาบสาแหรกขายข้าวเกรียบกุ้ง  ซื้อติดมือมาหลายห่อ  วางกองไว้บนม้านั่ง

แผงขายพัดดึงดูดความสนใจจนเด็กหนุ่มต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ  มือเรียวหยิบพัดขนนกสีขาวฝีมือประดิดประดอยประณีตขึ้นพิศอย่างชื่นชม 

“จะซื้อไปทำไม” อาจารย์หนุ่มถามเสียงเรียบอย่างรำคาญความอยู่ไม่สุขของอีกฝ่าย  ยิ่งเห็นอารมณ์ดีเป็นพิเศษเขายิ่งรำคาญนัก   

“ฝากหม่อมย่าใหญ่กับพวกหม่อมป้า” ว่าพลางลองโบกพัดในมือเล่น  ปากแดงยิ้มเรื่อเมื่อขนนกให้สัมผัสอ่อนนุ่มระผิวแก้ม “ส่วนขนมนั่นของนายแช่มกับหลานๆ”     

ดวงตาคู่สวยลุกวาวเมื่อสังเกตเห็นดิ้นเงินปักถ้อยคำไว้ตรงคอพัด

“คุณๆ นี่อ่านว่าอะไร” มือขาวยื่นด้ามพัดส่งให้แทบทิ่มหน้า  ไม่ยื่นเปล่าชะโงกหน้าเข้ามาอย่างสนใจจนชิด  จนร่างสูงใหญ่ต้องเป็นฝ่ายถอยรักษาระยะห่าง

“อ่านภาษาไทยไม่ออกหรือ” อาจารย์ถามแกมรำคาญ

“ถ้าอ่านออกแล้วจะถามหรือ” ย้อนเข้าให้  ดวงตาแวววามสดใสเหมือนพลอยสีน้ำตาล “ท่านพ่อถึงได้ให้ผมมาเรียนภาษาไทยกับคุณนี่ไงเล่า  อืม..แต่คงไม่ได้เรียนแล้วล่ะ  และไม่จำเป็นต้องเรียนด้วยเพราะผมไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน”

เพราะเกิดและเติบโตที่อังกฤษ  แม้ท่านชายอาทิตย์จะพยายามเคี่ยวเข็ญให้โอรสคนเดียวเรียนภาษาไทยให้แตกฉาน  เท่าไร  แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธบ่ายเบี่ยงตลอด  เพราะไม่สนใจ ไม่คิดว่าสำคัญ  ความรู้ภาษาไทยที่ติดตัวมาจึงมีแค่ฟังออกพูดได้

“เอ้า ตอบมาสิ เขาเขียนอะไรไว้” 

น่าหัวร่อ  เป็นถึงลูกทูตไทย  แต่อ่านภาษาไทยไม่ออก 

คนึงยิ้มหยัน  แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะงดงามแค่ไหน  แต่คำพูดแต่ละคำที่พ่นออกมาจากเรียวปากสวยคู่นั้นช่างร้ายกาจเหลือรับ  และพลอยให้คนึงมองคุณชายคนนี้อัปลักษณ์ขึ้นทุกทีๆ  เป็นถึงโอรสเอกอัครราชทูตไทยแท้ๆ  แต่กลับรังเกียจภาษาไทย

เลอมานหันไปถามหญิงคนขายแทนเมื่อเห็นคนึงหันหลังให้ไม่ตอบคำ  ชี้ด้ามโน้นด้ามนี้อย่างใคร่รู้ไปเสียหมด

“ผมจะซื้ออันนี้ให้หม่อมย่า” ร่างโปร่งบางเอาพัดปักคำว่า ’รักเธอ’ มาอวด  “อืม..ซื้ออันนี้ให้คุณดีไหม”

มือบางส่งพัดให้  อาจารย์หนุ่มรับมาอ่านใกล้ๆ  เห็นตัวอักษรปักดิ้นเงินสวยงาม

‘อย่าลืมฉัน’

“ไว้เป็นที่ระทึก  คุณจะได้ไม่ลืมผมไง” ว่าพลางหัวเราะเสียงใส  ยักคิ้วหลิ่วตายียวนก่อนหันหลังจากไป  คนึงวางพัดคืนแม่ค้า  ส่ายหน้าระอา
   
เจ้าเด็กบ้า.. พูดผิดแล้วยังไม่รู้ตัวอีก

***************************

รถไฟวิ่งเพียงหนึ่งชั่วโมงก็ถึงหัวลำโพง  นายแช่มบ่าวคนสนิทยืนยิ้มฟันขาวตัดกับผิวคล้ำอยู่ที่จุดนัดพบ  รีบวิ่งโร่เข้ามาหาทันทีที่เห็นผู้เป็นนายเดินหอบของรุงรังมา  มันรีบรับของทั้งหมดไปถือไว้แล้วเดินนำไปยังรถยนต์ที่จอดรอรับ  สองนายบ่าวคุยกันชื่นมื่นราวกับไม่ได้พบกันมาแรมปี
   
คนขับรถพาเข้าสู่ถนนเจริญกรุง  สองฟากฝั่งเต็มไปด้วยบริษัทห้างร้าน สถานทูต และบ้านพักของชาวต่างประเทศแสนสวยงามโอ่อ่า  คุณชายรู้สึกแปลกใจนักที่เจ้าอาจารย์บ้านนอกที่นั่งอยู่ข้างๆไม่แสดงอาการตื่นกรุงออกมาให้เห็น  ดวงตาคมกล้าคู่นั้นมองตรงแน่วแน่  ไม่ล่อกแล่กมองสองข้างทางเลยแม้แต่น้อย

รถหรูแล่นถึงเชิงสะพานดำรงสถิต  หม่อมราชวงศ์หนุ่มเห็นประตูเมืองอลังการมาแต่ไกล  แปลกจากประตูเมืองอื่นที่เคยเห็นเพราะนี่มีถึงสามช่องสามยอด  สนใจใคร่รู้ถึงขั้นลดกระจกลงเพื่อแหงนหน้าดูใกล้ๆเมื่อรถลอดผ่านประตูแสนวิจิตร  เทียบได้กับประตูชัยที่ฌ็องเอลิเซ่ส์ได้ทีเดียว 
   
“สวยจริง  นี่ประตูอะไรหรือนายแช่ม”
   
“แช่มจะไปรู้ได้ไงขะรับ ก็อยู่อังกฤษกับคุณชายมาตั้งแต่เล็ก”
   
“ประตูสามยอด” เสียงทุ้มที่ตอบให้เล่นเอาเลอมานชะงักหันขวับ “เมื่อก่อนมีช่องเดียวแต่พอรถมากขึ้นจึงสร้างเพิ่มอีกสองช่อง”   
   
“คุณรู้ได้ยังไง” หรี่ตาถามอย่างไม่เชื่อหู
   
“ทำไมจะไม่รู้” ใบหน้าหล่อคมหันมอง  ในแววตายิ้มเยาะ “ผมจบจากโรงเรียนฝึกหัดครูพระนคร  อยู่ที่หลังวังปารุสนี่เอง”
   
หม่อมราชวงศ์หนุ่มหน้าชาวาบจนต้องเบือนหน้าเสมองทางอื่น  ยิ่งนึกถึงกิริยาสู่รู้ของตนเมื่อครู่แล้วยิ่งแค้นใจนัก  มือที่วางบนตักขยุ้มกางเกงตนเองแน่น

ดูท่าแผนแกล้งบ้านนอกเข้ากรุงของเขาส่อแววจะเหลวเสียแล้ว
   
หลังแวะไปกราบเท้าหม่อมย่าใหญ่ที่วัง  คุณชายเล็กและอาจารย์คนึงเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งแถวราชดำเนินนอกซึ่งเป็นที่พักที่ทางกระทรวงจัดไว้ให้อาสาสมัคร  ทั้งสองจึงต้องร่วมห้องกันอีกครั้งอย่างไม่มีทางเลือก 

เช้าวันต่อมาทั้งสองตื่นแต่เช้าตรู่เดินทางไปกระทรวงศึกษาธิการเพื่อจัดการเรื่องขอย้ายโรงเรียน  ขณะเด็กหนุ่มสั่งให้พนักงานเรียกรถยนต์รับจ้างให้  อาจารย์คนึงกลับคว้าข้อมือเขากึ่งลากกึ่งจูงมาที่เสาไฟฟ้าติดธงโลหะรูปสามเหลี่ยมสีแดงดาวขาว

“อะไร! พาผมมาที่นี่ทำไม” รถรางสีน้ำตาลแถบแดงที่เคลื่อนตัวอุ้ยอ้ายตรงมาคันนั้นแทนคำตอบได้อย่างดี  ใบหน้างามหวานหันไปเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ชายหนุ่ม  “ผมไม่นั่งรถรางหรอกนะ”

รถรางจอดสนิทตรงหน้า  ร่างสูงใหญ่ออกแรง ‘ลาก’ เขาขึ้นไป  คุณชายสะบัดข้อมือฮึดฮัดไม่ยอมนั่งอยู่สักพักจนรถเคลื่อนตัว  ร่างเขาเสียหลักเซปะทะแผงอกแกร่งอย่างหมดมาดจนสาวน้อยสาวใหญ่ที่นั่งอยู่หัวเราะคิก  ในที่สุดก็ต้องยอมหย่อนก้นลงเบาะอย่างเสียไม่ได้

“บอกแล้วไงว่าไม่นั่ง” ใบหน้าสวยหันมาทำตาวาวใส่ร่างสูงที่กำลังยื่นเหรียญให้กระเป๋ารถ  พลางขมุบขมิบปากบ่น “รถบ้าอะไร  ป่านนี้ยังไม่เลิกใช้อีก  ล้าสมัย  คร่ำคริ”

อาจารย์หนุ่มหัวเราะหึขำคนปล่อยไก่ไม่รู้ตัวจนบุตรชายท่านทูตหันขวับจ้องตาขวาง 

“ไม่อยากนั่งก็ยืนสิ” ว่าพลางลุกพรวดพราด  แถมยังฉุดข้อมือเล็กให้ลุกขึ้นตามไป

“อะไรของคุณ!” ร่างเล็กเดินเซแซ่ดๆตามแรงจูง  ปากก็พร่ำบ่นไม่หยุด “จะพาผมไปไหน  ผมไม่ยืนนะ  ร้อนก็ร้อนเมื่อยก็เมื่อย ให้ตายสิ ชาตินี้ผมจะไม่นั่งรถรางอีกแล..”

ทันทีที่ถึงชานหน้ารถ  ใบหน้าที่บูดบึ้งแปรเปลี่ยนฉับพลัน  คิ้วขมวดมุ่นคลี่คลาย  ริมฝีปากบางสวยคลี่ยิ้ม  กว้างขึ้น..กว้างขึ้น..

“ว้าว..”  สายลมเย็นๆปะทะใบหน้าจนผมสีอ่อนปลิว  ทัศนียภาพกรุงเทพกระจ่างชัดเต็มสองตา  เบื้องบนคือท้องฟ้ากระจ่างใส  เบื้องล่างคืออาคารบ้านเรือนสวยงามตระการ  ผู้คนมากมายขวักไขว่  เลอมานรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนกก็ไม่ปาน  ชื่นใจเสียจนต้องเงยหน้าให้ลมตีถนัดถนี่   
   
พระโอษฐ์เมื่อแย้มยิ้ม     ใครเห็นจะปิ้มจะงวยงง**

อาจารย์หนุ่มมองรอยยิ้มของเด็กหนุ่มข้างๆแล้วชะงักนิ่ง  รอยยิ้มสดใสจริงใจที่เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก 
   
รอยยิ้มนั้นช่างละม้ายรอยยิ้มของจินดานัก

เผลอนิ่งมองเนิ่นนานจนกระทั่ง..

“คุณๆ นั่นไงกระทรวง!” หม่อมราชวงศ์หนุ่มชี้นิ้วตามอาคารสีขาวสูงตระหง่านที่ลับหลังไปเรื่อยๆ  พลางโวยวายลั่น “เลยแล้วๆ”

อาจารย์หนุ่มคล้ายดั่งได้สติ  ใบหน้าหล่อคมเลิกลั่กตะโกนลั่น “เบาธงครับ!”

กระเป๋าเป่านกหวีดปรี๊ด  กว่าคนขับในชุดสีกากีจะเตะเหล็กขัดเฟืองห้ามล้อจนรถหยุดสนิทได้ก็..

“ขอโทษนะพ่อหนุ่ม” คนขับวัยกลางคนยิ้มเผล่อวดฟันขาวตัดกับผิวคล้ำแดด  “เลยธงไปสองธง”

มือใหญ่ยื่นโอเลี้ยงในกระป๋องนมร้อยเชือกกล้วยส่งให้คนที่เอาแต่เดินลิ่วๆ 

“ไม่กิน!” คุณชายปฏิเสธน้ำใจอย่างไม่ใยดี  พร่ำบ่นอย่างหัวเสียทั้งที่ยังไม่หยุดเดิน “คุณแกล้งผมใช่ไหม  แกล้งพาขึ้นรถราง  แถมยังแกล้งให้เขาจอดเลย  ทำให้ผมต้องเดินเหนื่อยแบบนี้  สนุกนักหรือ”

ดวงตาคมมองเม็ดเหงื่อเต็มใบหน้าขาวใส  มองริมฝีปากแตกแห้งแล้วส่ายหน้า “งั้นผมกินเองทั้งสองกระป๋อง”

ร่างเล็กกว่าหยุดกึก  หันขวับมองอาจารย์หนุ่มดูดน้ำหวานสีดำจนลูกกระเดือกเป็นระลอกแล้วเผลอกลืนน้ำลายเอื๊อก  ก่อนยื่นมือไปคว้ากระป๋องหนึ่งมาดูดบ้าง  เรื่องอะไรเขาจะยอมเสียเปรียบ

อืม.. น้ำดำที่ดูเหมือนจะสกปรกนี่ที่จริงก็ชื่นใจดีไม่หยอก

*************************
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 30-12-2011 22:25:38
     
การติดต่อธุระที่กระทรวงเป็นไปอย่างสะดวก  เพราะหม่อมราชวงศ์เลอมานเป็นที่รู้จักของผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน  การจัดการเรื่องโครงการอาสาสมัครจึงง่ายกว่าที่คิด 
   
เลอมานไม่สามารถย้ายโรงเรียนได้  เพราะโรงเรียนฝึกหัดครูอีกโรงเรียนหนึ่งที่ภาคอีสานมีอาสาสมัครไปประจำเรียบร้อยแล้ว  ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นไกล  เป็นหลานชายของเซอร์สแตรฟฟอร์ด คริปส์ ซึ่งมาจากโรงเรียนเดียวกันกับเขาในอังกฤษ  ดังนั้นทางเลือกเดียวของเด็กหนุ่มในเวลานี้ก็คือต้องส่งตัวกลับไปอังกฤษเท่านั้น 
   
ยิ่งรู้ว่าจะได้กลับบ้าน  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ยิ่งลิงโลดลำพองใจนัก     

       
หลังจากเสร็จธุระที่กระทรวง  แทนที่จะกลับโรงแรม  คุณชายกลับเรียกรถยนต์รับจ้างให้ไปส่งที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ย่านเจริญกรุง  เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้อย่างสุขสันต์  ปล่อยให้อาจารย์ร่างสูงเดินตามอย่างเบื่อหน่าย 

คนึงไม่เข้าใจเลยว่าคนมีเงินจะซื้อของไปทำไมมากมายนัก  เท้าก็มีอยู่คู่เดียว  ใส่รองเท้าได้แค่ทีละคู่  ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องซื้อรองเท้าเพิ่มอีกมากมายให้สิ้นเปลือง  เลือกแล้วเลือกเล่า  ลองแล้วลองอีก  พิรี้พิไรอยู่นั่น  แถมราคาก็แพงหูฉี่แทบไม่กล้าจับทั้งรองเท้าทั้งเสื้อผ้า

ร่างโปร่งบางรับถุงกระดาษมากมายจากพนักงานมาถือไว้  เมื่อเห็นว่าสองมือเริ่มไม่พอก็หันมามองเขา 

แต่ดวงตาคู่นั้นฉายแววออกคำสั่งมากกว่าจะขอร้อง  ดังนั้นฝันไปเถอะว่าเขาจะช่วยถือให้         
   
บ่ายวันนั้น  ใครต่อใครจึงได้เห็นเด็กหนุ่มชั้นสูงผู้งดงามเลิศเลอเดินหอบถุงกระดาษกะเร้อกะรังเหมือนบ้าหอบฟาง    อยู่ในศูนย์การค้าวังบูรพา


หม่อมราชวงศ์เลอมานพาใบหน้างอง้ำมาถึงห้อง  วางข้าวของเกะกะกับพื้น  ทิ้งตัวลงบนเตียงพลางถอนใจเฮือก 

ตั้งแต่มากรุงเทพเขายังไม่ได้แกล้งเจ้าอาจารย์บ้านนอกให้สมใจสักครั้ง  คิดไปคิดมา  เขาเสียมากกว่าที่ถูกอีกฝ่ายแกล้งให้เสียหน้า  ไหนจะที่รถราง  ไหนจะที่กลางศูนย์การค้า  ด้วยการปล่อยให้เขาหอบหิ้วของพะรุงพะรังอยู่ฝ่ายเดียว

แผนชั่วร้ายลอยแวบเข้ามาในสมอง.. ริมฝีปากเรียวสวยหยักยิ้มเจ้าเล่ห์  เหลือบมองคู่กรณีที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่ข้างหน้าต่าง

เถอะน่า.. ไหนๆก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว  ขอส่งท้ายให้สะใจเสียหน่อยจะเป็นไรไป     

********************************

กรุงเทพราตรีคึกคัก  แสงไฟสว่างไสวราวกับจะแข่งแสงดวงดาวเบื้องบนให้ริบหรี่  แสงสียั่วยวนใจหลอกล่อเหล่าผีเสื้อราตรีให้ออกโบยบิน
   
หม่อมราชวงศ์เลอมานพาอาจารย์หนุ่มมาถึงหน้าไนต์คลับชื่อดังกระฉ่อนได้สำเร็จ  ตอนแรกชายหนุ่มยืนกรานไม่ยอมมาท่าเดียว  จนคุณชายต้องขู่แกมบังคับว่าหากเขาเป็นอะไรไปคนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือตัวคนึงเองและอาจารย์ปรีชาที่ดูแลเขาบกพร่อง  เท่านั้นอีกฝ่ายจึงติดตามมาด้วยอย่างเสียไม่ได้ 

บรรยากาศในไนต์คลับมืดสลัว  ผู้หญิงในนั้นแต่ละคนสวยๆ แถมแต่งตัวฉูดฉาด คอเสื้อคว้านลึกจนเห็นร่องอก  นักร้องแต่งหน้าจัดจ้าน  และเพลงที่ร้องโดยมากเป็นเพลงฝรั่ง  มีเพลงไทยบ้างนิดหน่อย  คนมาเที่ยวมีแต่ผู้ชาย  แต่งตัวทันสมัย  แต่ละโต๊ะดื่มกินเฮฮามีสาวๆหุ่นสะโอดสะองนั่งฉอเลาะรุมล้อม

คนึงนั่งทื่อในขณะที่เลอมานดูช่ำชองและสนุกสนานเต็มที่  เด็กหนุ่มเรียกผู้หญิงมาเต็มโต๊ะ  แถมยังสั่งเหล้าฝรั่งมาให้และคะยั้นคะยอให้เขาดื่ม

“ผมไม่ดื่มเหล้า” อาจารย์หนุ่มปฏิเสธเสียงเรียบ  เรียกรอยยิ้มขบขันจากบรรดาสาวๆได้ดี 

บุตรชายท่านทูตกุมมือสาวสวยขึ้นแตะจมูก  นัยน์ตาคู่สวยเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม “ฉันเต้นรำไม่เป็น  เธอสอนฉันหน่อยได้ไหม”

“ได้ซีคะ” หญิงสาวออดอ้อนซบลงตรงอกก่อนประคองกันไปที่ฟลอร์  คนึงหรี่ตามองคน ‘เต้นรำไม่เป็น’ ที่จับมือโอบเอวก้าวเท้าตามจังหวะเพลงอย่างมีลีลาแล้วส่ายหน้าในมารยาชายของฝ่ายนั้น

“แล้วคุณละคะ  เราออกไปเต้นรำกันบ้างไหม” สาวชุดแดงปากแดงกอดแขนคลอเคลีย  คนึงมองแพขนตาหนางอนยาวผิดมนุษย์อย่าพรั่นพรึง  คิ้วโก่งสวยนั่นมองปราดเดียวก็รู้ว่าโกนออกแล้วเขียนใหม่ราวกับตุ๊กตา  โหนกแก้มแดงเหมือนคนเป็นโรคผิวหนัง 

เขาแกะมือหล่อนออกพลางเขยิบออกห่างอย่างอึดอัด 

“ผมเต้นรำไม่เป็น  ขอดูเฉยๆดีกว่า” สิ้นเสียงชายหนุ่ม  สาวๆถึงกับเอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก 

ในคลับยิ่งครึกครื้นทวีคูณ  เมื่อคุณชายรูปงามควักแบงค์เป็นฟ่อนชูโบกไปมาในอากาศ  ประกาศลั่นว่าคืนนี้ทุกคนจะได้ดื่มเหล้าฟรีโดยมีเขาเป็นเจ้ามือ  เรียกเสียงเฮฮาได้ครึกโครม

ชาติตระกูลสูงแถมยังเงินหนัก  สิ่งเหล่านี้เหมือนเกสรดอกไม้หอมดึงดูดให้ใครต่อใครเข้ามารุมตอม  ไม่นานนักโต๊ะของพวกเขาสองคนก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมายทั้งชายหญิง  รุมล้อมเข้ามาอยากทำความรู้จักกับคุณชายสูงศักดิ์  คนึงดูออกว่านั่นเป็นมิตรภาพจอมปลอมทั้งสิ้น

ใบหน้างดงามแดงเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์  ยิ้มแย้มพูดคุยกับใครต่อใครเหมือนรู้จักกันมาแรมปีทั้งที่เพิ่งพบหน้า  มีสาวน้อยขนาบกายทั้งสองข้าง  คนหนึ่งคอยป้อนเบียร์  คนหนึ่งคอยป้อนบุหรี่  คนึงได้แต่ถอนใจ เลอมานอายุยังน้อย ยังขอเงินพ่อแม่อยู่แท้ๆ ถ้าเป็นลูกเป็นหลานเขาละก็ นิสัยแบบนี้จะจับตีเสียให้เข็ดทีเดียว

วงสนทนาเริ่มหันเหความสนใจมายังอาจารย์หนุ่ม 

“แล้วคุณเป็นใครหรือ  มากับคุณชายได้ยังไง” ชายหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้นอย่างสงสัยเต็มที่ 

“เขาเป็นอาจารย์  อยู่ที่โรงเรียนต่างจังหวัดที่ผมไปเป็นอาสาสมัคร” เลอมานตอบแทนให้เสร็จสรรพ 

“อ้าว  มาจากบ้านนอกหรอกหรือ” น้ำเสียงดูหมิ่นที่แฝงอยู่ในคำว่า ‘บ้านนอก’ ทำให้หลายคนหัวเราะขำ  แล้วคนเหล่านั้นก็คะยั้นคะยอให้อาจารย์บ้านนอกดื่มเหล้า  สูบบุหรี่  ซึ่งก็ได้รับแต่คำปฏิเสธ

“ผ่อนคลายหน่อยน่าอาจารย์  ครูก็คนเหมือนกันนา”     

“หรือว่าแต่งงานแล้ว  กลัวเมียจะด่า”

“หึ  แต่งงานหรือ” คุณชายหัวเราะขึ้นจมูก “วันๆไม่เห็นเขาจะสนใจอะไร  เอาแต่ทำงานๆ  แถมยังอยู่บ้านนอกอย่างนั้น  สักวันคงได้แต่งกับควายตัวเมีย”

ถ้อยคำดูถูกอย่างหยาบโลนนั้นเรียกเสียงหัวเราะได้ฮาครืน  อาจารย์หนุ่มหน้าชาวาบ ร้อนวูบไปทั้งร่างด้วยไฟโทสะ  จ้องมองคนพูดราวจะกินเลือดกินเนื้อ  เลอมานเห็นอีกฝ่ายทำหน้าอย่างนั้นยิ่งหัวร่องอหาย 

ในที่สุดแผนของเขาก็สำเร็จแล้ว

หม่อมราชวงศ์หนุ่มควงหญิงสาวไปเต้นรำกลางฟลอร์  ทิ้งคนึงไว้กับกลุ่มชายหญิงที่พยายามเซ้าซี้ให้ดื่มเหล้าแทบป้อนถึงปาก  ดวงตาสีน้ำตาลใสเหลือบมองอีกฝ่ายกระดกเหล้าทีเดียวหมดแก้วพร้อมเสียงเชียร์เซ็งแซ่แล้วกระหยิ่มในใจ  ยิ่งพอเห็นร่างสูงใหญ่ลุกไปเข้าห้องน้ำแต่กลับเดินสะดุดล้มคะมำด้วยความเมาเรียกเสียงหัวเราะได้เซ็งแซ่  เขายิ่งสาแก่ใจนัก

ดังนั้นเมื่อกลับมาที่โต๊ะอีกที  เขาจึงได้เห็นอาจารย์ผู้แสนเข้มงวดเมาแอ๋หน้าแดงก่ำอย่างหมดสภาพอยู่ในอ้อมกอดสาวๆเสียแล้ว

   
เลอมานพาคนึงกลับโรงแรมอย่างทุลักทุเล  ตอนอยู่ที่ไนต์คลับก็ได้พวกบ๋อยช่วยประคองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขึ้นรถยนต์รับจ้าง  พอมาถึงโรงแรมก็เดือดร้อนเบลล์บอยที่ต้องทิ้งหน้าที่หิ้วกระเป๋ามาหิ้วคนเมาแทน  โชคดีที่เขาไม่ได้เมามากมายเท่ากับตอนกินเหล้ากับพวกสิงห์ที่โรงบิลเลียด 

หลังจากช่วยกันหิ้วปีกอาจารย์ผู้ริอ่านดื่มเหล้ามากมายทั้งที่ดื่มไม่เป็นให้นอนลงบนเตียงได้สำเร็จ  คุณชายไม่ลืมทิปให้เบลล์บอยหนุ่มที่ช่วยเหลือก่อนเจ้านั่นจะออกจากห้องไป     

ร่างโปร่งบางยืนเท้าเอวมองคนที่นอนแผ่อยู่บนเตียงพลางหัวเราะขำ  นึกอยากให้บรรดานักเรียนมาเห็นอาจารย์จอมเข้มงวดในสภาพนี้นัก  ใบหน้าเขายังเกลื่อนยิ้มยามถอดรองเท้า ปลดเข็มขัดและดึงเสื้อออกจากกางเกงให้อีกฝ่าย  เพราะเห็นอาการนอนกระสับกระส่ายดึงคอเสื้อตัวเองอย่างอึดอัดแล้วอดเวทนาไม่ได้ 
   
ไม่ทันเห็นดวงตาที่หรี่ปรือขึ้นมอง 

คุณชายสะดุ้งเมื่อมือใหญ่คว้าหมับเข้าให้ที่ท่อนแขน  และในเสี้ยววินาทีที่บางยิ่งกว่าเศษหนึ่งส่วนแปดของเส้นผม  เขาก็ถูกกระชากเหนี่ยวเต็มแรงจนล้มลงกลางเตียง  ร่างล่ำสันพลิกขึ้นคร่อมทับอยู่เบื้องบน   กายถูกตรึงราวผีเสื้อถูกเข็มหมุดปักปีก     

ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกใจ  แผ่นอกสะท้อนขึ้นลง  เมื่อดวงตาที่จ้องเหนือใบหน้าสะท้อนเงาตนเองฉายชัดในแววตาดำดิ่งลึกเกินคาดเดา 

“จะทำอะไร!” มือเล็กยันแผ่นอกกว้างให้ออกห่าง  หากกลับไม่สะดุ้งสะเทือนเหมือนหินผา “ปล่อยผม คุณเมามากแล้วนะ” 

ใบหน้าคมสันคลี่ยิ้ม  เป็นยิ้มที่แสนเศร้าปนเปกับความปรีดาบอกไม่ถูก  ดวงตาคมแดงก่ำคลอรื้นด้วยน้ำใส  เลอมานยังไม่ทันร้องห้าม  อาจารย์หนุ่มก็โน้มใบหน้าแนบริมฝีปากบดเบียด   

อุ่น..ผ่าว.. แผดเผาปานจะลุกไหม้ 

“อื้อ..” ร่างเล็กกว่าครางประท้วงในคออึงอล  อากาศถูกช่วงชิงจนแทบหายใจไม่ออก  ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง  ทว่ายิ่งดิ้นยิ่งถูกคุกคาม  จากริมฝีปาก  คนึงพรมจูบทั่วทั้งใบหน้า  หน้าผาก  สันจมูก  ข้างแก้ม  วกกลับมาที่ริมฝีปากอีกครั้งก่อนเดินทางลัดเลาะลงซอกคอ

“ไม่!  ปล่อยผม!” ดิ้นพราดเป็นปลาโดนทุบหัวเมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสอันเข้มข้นด้วยเสน่หา  มือเรียวดึงผมคนที่ซุกไซ้ใบหน้าลงกับลำคอเขาอย่างรุนแรง  แต่อาจารย์หนุ่มมัวเมาไม่ได้สติ  ฟอนเฟ้นราวหิวกระหาย   

“คิดถึงเหลือเกิน.. คิดถึงเหลือเกิน..” ใบหน้าคมสันผละออกสบตาใกล้เสียจนจมูกสัมผัสกัน  นัยน์ตาที่ทอดมองมาเปี่ยมไปด้วยความอาลัยรักเหลือแสน  เสียงทุ้มสะอื้นระโหยไห้  เลอมานนิ่งราวถูกสะกดเมื่อมือใหญ่ประคองใบหน้าเขาไว้อย่างทะนุถนอม 

น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงบนผิวแก้ม  ทั้งร่างคล้ายกลายเป็นหินเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียก..

“จินดา..”

จินดา?  ใครกัน?   

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์สะดุ้งยามริมฝีปากร้อนผ่าวคลอเคลียข้างแก้มอ่อนหวาน  ก่อนรั้งร่างเขาเข้าไปกอดแน่น  ใจหนึ่งเขาอยากดิ้นหนีแต่อีกใจก็กลัวอีกฝ่ายจะนึกระห่ำขึ้นมาอีก  ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยยามมือใหญ่รั้งศีรษะเขาชิดอก  ลูบผมซ้ำๆอ้อยอิ่ง 

เสียงหัวใจที่เต้นเป็นกลองรัวค่อยๆคืนกลับสู่จังหวะปกติก่อนดำดิ่งลงในห้วงนิทรา..



โปรดติดตามตอนต่อไป

-----------------------------------------------------------------------------
*สวัสดีบางกอก, อาจินต์ ปัญจพรรค์ คำร้อง, อ้อย อัจฉรา ขับร้อง
** เสือโคคำฉันท์


ดอกไม้ตอบเม้นค่ะ  :L2:

Ryze
เลิฟๆคนอ่านเช่นกันค่ะ^^

Mio
จ้อยกับพี่สิงห์มาแรงค่ะ
สามคำให้คุณนางฟ้า ---> ไม่ เบื่อ เล้ยยยย (น่ารักอย่างนี้จะเบื่อได้ไง) :กอด1:

しろやま としんや
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ จะรีบกลับมาเขียนตอนใหม่เร็วๆนะคะ

Zymphoniz
๕๕๕+ น้องจ้อยอย่าซึนมาก เดี๋ยวพี่สิงห์เปลี่ยนใจไปหาไอ้ลอยแล้วจะหนาวอ๋าววว

Phantom
พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด~~
อ่านเม้นคุณ Phantom แล้วเราฮัมเพลงนี้เลยค่ะ  ขอบคุณที่เรื่องบังเอิญเล็กๆน้อยๆ ทำให้เราได้สบตากันผ่านตัวอักษรนะคะ
ขอบคุณมากๆสำหรับกำลังใจค่ะ

PetitDragon
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ กระซิบบอกว่าเรื่องนี้เราลงไว้ในเด็กดีล่วงหน้าไปถึงตอน ๑๐ นะคะ จะไปอ่านที่นั่นก่อนก็ได้ หรือจะรออ่านที่เล้าเป็ด เราก็ยินดีค่ะ

ycrazy
พี่สิงห์ซึนค่ะ ๕๕๕+ เอาใจช่วยพี่สิงห์กับน้องจ้อยนะคะ :)

ดอกไม้

๓๐ ธ.ค. ๕๔
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 30-12-2011 22:35:54
ถ้าผมเจอคนแบบนี้นะ จะเตะสลบเลย  :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 30-12-2011 23:48:00
อ้าวซะงั้น ฉากอัศจรรย์ล่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 31-12-2011 00:39:01
สามคำ>>> เชียร์ ให้ ได้ (กัน) :laugh:
Happy New year ค่ะ คนเขียน  :L2: 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 31-12-2011 00:46:07
ตอบพี่จี้ :: อย่าให้พี่สิงค์คู่กับไอลอยเล้ยยยย นึกภาพตามแล้ว..... :z3:

อ่านไปแล้วก็อ่านใหม่
เกือบไปแล้วนะคุณชาย  :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 31-12-2011 06:04:44
ขอบคุณครับ ไปอ่านมาละครับ จุใจมากๆ  o13

...ตอนล่าสุด อ่านๆ ไปจุกมาก จะว่าหวานก็หวาน จะว่าเศร้าก็เศร้า  :m17:

ไอ้พี่สิงห์ก็ปากแข็งชอบเค้ามาตั้งนานก็ไม่กล้าบอก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-12-2011 08:11:58
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: yagin ที่ 31-12-2011 13:06:51
พึ่งได้มาอ่านจร้า  ขอบอกตามตรสนุกมากเลย  ชอบตัวละครทุกตัว

สะเทือนจิตกันแทบทุกตอน เป็นกำลังใจให้คนอัพน่ะจร้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 31-12-2011 14:43:49
คำสวยมากครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 02-01-2012 03:49:46
แอบเห็นพี่บอกจะให้ พี่สิงห์คู่กะลอย  โอ้แม่เจ้า !!~ =[]=
เหมือนเอา นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวทมาคู่กันเลยอะ หนูกลัวววว T^T
เรียกหนูซะว่า คุณหงส์  หนูขนลุกซู่เลย  หนูยังเอ๊าะๆอยู่เลยคร้า น้องหงส์ดีกว่าเนอะ^0^ 5555+

จูบแล้ว  จูบแล้วววว   รับผิดชอบมั้ยคะครู!!<<เด็กดี...^0^
*แหม่!! แค่นี้ไม่ปลื้มอะ ทำไมไม่ทำเยอะกว่านี้ว้าา!!"เอา"ให้เข็ดไปเลยคร้าครู หนูหนับหนุน โหะๆ*<<ตัวจริง...=,,=


แต่ นะ แต่!!  เล่นแรงไปปะครับคุณเล็กกกก!!
แม่ยกไม่ปลื้มนะ!  ถ้าไม่เห็นแกคุณเล็กในอนาคต ที่โมเอ๊ะ โมเอะ หน้าสงสาร
ละก็นะ!!  จะเกียดๆๆ แช่งให้ก้นเป็นฝีเลย!


*ตัวเอง ได้ฤกษ์แต่งตอนใหม่จริงๆตอนไหนหรอ?  หรือว่ารอลงในเล้าจนหมดสต๊อกก่อน ถึงจะแต่งต่อ*
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 02-01-2012 21:35:13
 :z3:ทนไม่ไหวค่ะเลยไปแอบอ่านในเด็กดีก่อน อยากอ่านตอนรักกันจะแย่แล้ว :-[
คนเขียนสู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 03-01-2012 10:45:15
รอไม่ไหว ไปแอบอ่านในเว็บนู่น  อ๊ายยยยย เขิน  :o8:
แต่ตอนนี้ในเว็บนู่นก็ยังไม่อัพเลย  :a5:
รีบๆๆๆๆๆนะ
สามคำ>>> คิด ถึง มาก  :กอด1:
"หยาดหยดฝนโปรย  โรยรักระรินให้ฉ่ำใจ
ผลิดอกออกใบ กลิ่นหอมระรวยละลิ่วลอย
ให้รักค่อยเติบโต จนให้ร่มเงา
ออกผลเยียวยารักษาเมื่อยามเศร้า เกาะกิ่งไม้เนาแนบแอบอิง"

รักระริน - varoot

ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกก  :man1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ai_no_uta ที่ 03-01-2012 21:03:27
พี่จี้ สวัสดีปีใหม่จ้า^3^  เที่ยวเพลินใช่มั๊ยเนี่ยยยยย???


แฟนๆปูเสื่อรอเต็มลานแล้วจ้า
อัพหน่อยๆค่า  คิดถึงพี่สิงห์ (ยังไงเนี่ย??)


พี่จี้สู้ๆ ^3^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: zazakapp ที่ 05-01-2012 22:53:31
อ่า~~  :o8:
ตอนนี้มัน :-[ :-[

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 08-01-2012 12:59:23
ชอบจังค่ะเรื่องนี้ อ่านรวดเลย ตอนล่าสุดนี่กำลังตื่นเต้นเชียว แล้วมาต่อเร็วๆ นะคะ

เห็นว่าลงครั้งล่าสุดวันที่สามสิบ นี่ก็เพิ่งต้นเดือน งั้น สวัสดีปีใหม่นะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 08-01-2012 18:23:13
โอย~ อย่างกะดูหนังย้อนยุค ภาษาสวยมากค่ะ บรรยายได้น่าหมั่นไส้ตัวละครจริงๆ (แปลว่าเข้าถึงอารมณ์) เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมและน่าติดตามเรื่องหนึ่งเลยค่ะ  (*^^*)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 08-01-2012 18:29:54
เข้ามาสวัสดีปีใหม่พี่จี้ (ไม่ช้าไปเนอะ 555)
เรื่องนู้นจะจบแล้ว รออ่านเรื่องนี้ต่อ  :mc4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 08-01-2012 22:42:16
ชอบย้อนยุคสนุคดี ภาษาสวยดี
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-01-2012 23:34:29
ตามทันแล้วคะ

สนุกมากกกก

โดยปกติชอบนิยายย้อนยุคอยู่แล้วว

เพราะมัน ยากก

ยาก ทั้งแต่ง ทั้งอ่านเลย ภาษาต้องสลวยยย

บลาๆๆๆ


ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 09-01-2012 01:01:00
ไม่ชอบนิสัยเลอมานค่ะ

ไม่เคยเชียร์นายเอกนิสัยไม่ดีอ่ะ จนกว่าจะปรับปรุงตัวก่อนค่อยว่ากัน

รอดูพัฒนาการของตัวละครต่อไปอย่างจดจ่อ ถ้าอัพบ่อยกว่านี้ก็จะดีมากนะคะ อิอิ :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๕ : สวัสดีบางกอก [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: Phantom ที่ 09-01-2012 01:58:19

มาส่งกำลังใจเป็นของขวัญผ่านตัวอักษร   
สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :mc3:
ขอให้ได้พบแต่ความสุขตลอดปีนะคะ
ขอบคุณที่บรรจงเขียนเรื่องดี ๆ น่าติดตามมาให้ได้อ่านกัน
แอบลุ้นให้ไม่ดราม่าน้ำตาท่วมเท่านั้นแหละ 555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 10-01-2012 11:53:39
(http://img38.picoodle.com/i519/1cou_7fd_u0.jpg)

บทที่ ๖

ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา



อันรักกันอยู่ไกลถึงสุดขอบฟ้า
เหมือนชายคาเข้ามาเบียดดูเสียดสี
อันชังกันนั้นใกล้สักองคุลี
ก็เหมือนมีแนวป่ามาปิดบัง*



   
เลอมานนิ่งมองเงาสะท้อนของตนในกระจก  รอยช้ำเป็นจ้ำเขียวเด่นชัดบนลำคอขาวพ้นปกเสื้อ  น่าเกลียดนัก  มือบางพยายามขัดถูเท่าไรก็ไม่ออก  ได้แต่เอาน้ำแข็งมาประคบเผื่อมันจะจางลงบ้าง   
   
ตัวการที่ฝากรอยน่าชังไว้บนร่างกายเขายังหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว  เขาไม่ได้โกรธหรือขยะแขยงที่โดนลวนลาม  เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังเมาไม่ได้สติถึงขั้นเพ้อเห็นเขาเป็นหญิงคนรัก  แต่นึกขึ้นมาแล้วอดขำไม่ได้  เห็นวางท่านิ่งขรึมอย่างนั้นแต่ที่แท้ก็ร้ายกาจไม่ใช่เล่น  ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างอาจารย์คนึงจะมอบหัวใจให้ใครก็เป็น  และนึกสงสารผู้หญิงชื่อจินดาขึ้นมาถนัดใจ  เจออ้อมกอดรุนแรงแบบนั้นเข้าไปคงช้ำไปทั้งตัว

ร่างที่นอนเหยียดยาวบนเตียงครางอืออา ขยี้ตาไปมาก่อนค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ  แล้วจู่ๆก็เบิกตาโพลงเด้งตัวลุกขึ้น  แต่แล้วกลับต้องกุมหัวครางโอยอย่างปวดหนึบ  จนเลอมานอดขำไม่ได้  ทว่าดวงตาแดงก่ำที่จ้องเขม็งไม่ขำด้วย     

“เมื่อคืนคุณเมามาก” ร่างโปร่งกอดอกบอกยิ้มๆ  เล่นเอาคนบนเตียงชะงัก
“จริงหรือ” เสียงใหญ่แหบแห้ง  “แล้ว..ผม..ทำอะไร”
“ไม่นี่” เด็กหนุ่มยักไหล่  มุสาคำโต  แม้ผิวเนื้ออ่อนตรงรอยช้ำจะร้อนผ่าวคล้ายประท้วง “แค่ละเมอ..เพ้อเรียกชื่อ.. จินดา”
   
เห็นอาจารย์หนุ่มหน้าซีดลงทันตา  หม่อมราชวงศ์หนุ่มยิ่งยิ้มยั่วล้อ  นั่งลงบนเตียงถามเซ้าซี้  นึกขำที่อีกฝ่ายเขยิบหนีถอยกรูด “จินดาเป็นใคร  คนรักของคุณหรือ  สวยไหม”

ร่างสูงใหญ่ทำทีเป็นกระแอมไอ  แต่แล้วกลับสังเกตเห็นรอยช้ำที่ลำคอขาว  ดวงตาคมกริบราวชำแรกถึงเนื้อในจนเลอมานพยายามเกาคอปกปิด  แต่กลับยิ่งเพิ่มพิรุธ   

“คุณเองก็ไม่ใช่ย่อย  เมื่อคืนไปสนุกกับสาวที่ไหนมา” น้ำเสียงเหยียดหยันเหลือแสน “และคงสะใจมากด้วยสินะที่ฉีกหน้าผมได้” 

คำพูดนั้นทำให้หัวใจคนฟังฝ่อลงไปถนัดใจ  หน้าที่ยิ้มร่าหดเหลือสองนิ้ว  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์รู้ดีว่าเมื่อคืนเขาออกจะทำเกินไปอยู่สักหน่อย  ยิ่งด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ยิ่งทำให้คึกคะนองจนเกินเลย  ยอมรับตรงๆเลยก็ได้ว่าเขาเองก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย

คนึงโกรธเขามาก  เขารู้ตัว

ปกติก็เย็นชาใส่เขาอยู่แล้ว  แต่วันนี้กลับเย็นชาแชเชือนยิ่งกว่าเก่า  ถามหรือชวนคุยอะไรก็ไม่ยอมคุยด้วย  อย่าว่าแต่พูด  แค่สายตา  ฝ่ายนั้นยังไม่เหลือบแลเขาเลยด้วยซ้ำ  ยิ่งอยู่กันสองคนยิ่งอึดอัดใจ  ดังนั้น  หลังจากสั่งอาหารเช้าส่งถึงห้องให้อีกฝ่ายแล้ว  เขาขอฝากท้องไว้กับห้องอาหารของโรงแรมดีกว่า

เดินออกจากห้องได้ไม่กี่ก้าว  พนักงานโรงแรมก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมาหา  รายงานพร้อมหอบว่ามีโทรศัพท์ทางไกลจากอังกฤษต้องการเรียนสายกับเขา

ท่านพ่อ!!       
   

รีเซฟชั่นสาวยื่นโทรศัพท์สีดำมันเงาให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ที่เดินหน้าซีดมา  นัยน์ตาคู่สวยมองมันอย่างพรั่นพรึง  ตั้งสติถอนใจเฮือกก่อนรับมาแนบหู  “สวัสดีครับท่านพ่อ”

“ทางกระทรวงบอกพ่อว่าชายจะกลับอังกฤษ  จริงหรือ” เสียงท่านพ่อของเขายังทรงอำนาจไม่เปลี่ยน

“ครับท่านพ่อ”

เขาได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ “จะกลับมาก็ได้”  หัวใจเขาพองโตคับอกแต่กลับต้องฝ่อลงทันควันเมื่อได้ยินคำพูดถัดไป  “แต่ชายต้องทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้  จำได้ไหม  ว่าถ้ากลับบ้านก่อนครบกำหนด  ชายจะต้องทำอะไร”

“จะ..จำได้ครับ” มือที่กำหูโทรศัพท์เย็นเฉียบ  ข้อตกลงสำคัญเช่นนั้น  ไม่ใช่ว่าเขาจำไม่ได้  เพียงแต่เขาไม่คิดว่าท่านพ่อจะเอาจริง 

นึกแล้วโมโหตัวเองนัก  ท่านพ่อของเขาเฉียบขาดและจริงจังทุกเรื่องไม่ว่าเล็กหรือใหญ่  แล้วทำไมเขาถึงโง่  หลงคิดว่าท่านพ่อจะปล่อยผ่านเรื่องนี้

“ตกลงว่าจะกลับมาใช่ไหม  พ่อจะได้จัดการทางนี้ให้เรียบร้อย  รอชายกลับมา”

“ท่านพ่อ..” เขากลืนก้อนแข็งๆลงคออย่างยากลำบาก  “ชายไม่กลับไปแล้วครับ”

“หือม์.. ไม่กลับไปไหน  อังกฤษหรืออยุธยา  เป็นลูกผู้ชายพูดจาให้เด็ดขาดหน่อย” เสียงดุดันตำหนิมาทางสายโทรศัพท์  แค่ได้ยินเสียงเลอมานก็นึกออกว่าบิดาทำหน้าแบบไหนอยู่  เขาพยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้สั่น  ก่อนเอ่ยหนักแน่น

“ชายไม่กลับอังกฤษแล้วครับ” 

************************

เรื่องราวมันกลับตาลปัตรกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?  ความจริงวันนี้เขาควรจะได้นั่งเครื่องบินกลับอังกฤษไปแล้วแท้ๆ  แต่เหตุใดกลับมานั่งโต้ลมอยู่ริมหน้าต่างรถไฟกลับไปอยุธยาแบบนี้ละหนอ
   
นึกแล้วอยากเขกกะโหลกตัวเองสักร้อยครั้ง  เขาไม่น่าเดินทางมากรุงเทพให้เสียแรงเปล่า  และไม่น่าวางแผนโง่เง่าแกล้งอาจารย์คนึงด้วย  แล้วเป็นอย่างไรเล่า  เรื่องกลายมาเป็นแบบนี้เขาจะมองหน้าฝ่ายนั้นได้อย่างไร

ยังจำสีหน้ามึนตึง  ดวงตาเย็นชาคู่นั้นได้ดียามเขากลับห้องหลังคุยโทรศัพท์  แล้วบอกกับคนึงว่าเขาเปลี่ยนใจจะกลับไปที่โรงเรียนอีกครั้ง 

“จะกลับไปหรือ  คนอย่างคุณจะยอมลดตัวไปเป็นศิษย์ผู้ชายที่แต่งงานกับควายตัวเมียหรือ” วาจาเชือดเฉือนนั้นเล่นเอาเขาสะอึก  “ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลสูง  ไม่ได้ช่วยให้จิตใจคุณสูงไปด้วยเลย  เห็นทีผมคงสั่งสอนคนอย่างคุณไม่ได้” 

นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่คนึงพูดกับเขา  จากนั้นก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จากับเขาสักคำจนกระทั่งรถไฟแล่นถึงอยุธยา 


ในที่สุด หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์ ก็ต้องกลับมาที่โรงเรียนฝึกหัดครูอีกครั้งจนได้  ท่ามกลางใบหน้าตื่นตะลึงของหลายๆคน  โดยเฉพาะอาจารย์วิรัชที่ตาโตเท่าไข่ห่าน  ก่อนจะรีบฉีกยิ้มจนปากแทบถึงรูหู  พร่ำบอกซ้ำๆว่าดีใจหนักหนาที่เขากลับมา  แต่ลับหลังนั้นเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้

เวลาผ่านไปหนึ่งวัน..สองวัน..อาจารย์หนุ่มร่วมห้องก็ยังคงไม่พูดกับเขา  ซ้ำร้ายยังเอาใบประเมินการฝึกสอนมาวางคืนให้ที่โต๊ะของเขาอีก  เป็นการประกาศทางอ้อมชัดๆว่าไม่ยอมรับเขาเป็นศิษย์ 

เลอมานทนอยู่กับความอึดอัดใจอยู่ได้ไม่กี่วันก็อกแทบแตก  เขาทนความเย็นชาเฉยเมยเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว


ที่ชมรมกสิกรรมหลังโรงเรียน  หม่อมราชวงศ์หนุ่มมานั่งคุยกับพวกจ้อยที่นี่ทุกเช้าก่อนเข้าแถว  ได้มานั่งมองพวกนักเรียนรดน้ำพรวนดิน ก็เพลินตาดี  แต่วันนี้เขาแบกปัญหาหนักใจมาปรึกษาอย่างสิ้นท่า 

“จะทำยังไงดีล่ะจ้อย  ท่าทางเขาคงโกรธฉันน่าดู” ใบหน้าหวานดูกลัดกลุ้ม  ขณะนั่งมองพวกจ้อยหิ้วบัวรดน้ำให้แปลงผักกาด 

“มันก็น่าโกรธอยู่หรอก  ทำให้เขาเป็นตัวตลกอย่างนั้น” สง่าออกความเห็น  มองอาจารย์ฝึกสอนที่นั่งไกวเท้าเล่นบนแคร่พลางส่ายหน้า  แต่กลับต้องสะดุ้งเมื่อโดนบัวรดน้ำกระแทกหลัง 

“สงสัยต้องขอขมาเสียแล้วล่ะครับ” จ้อยวางบัวรดน้ำสังกะสีลงแล้วเดินมานั่งเคียงข้าง 

“อะไรนะ” คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น “ขอ..ขะมำ”

“ขอขมา” สันติแก้ให้  พวกเขาเริ่มชินแล้วกับอาการพูดผิดของอีกฝ่าย  เด็กหนุ่มยกมือดันแว่นตรงหว่างคิ้วท่าทางทรงภูมิ “ขอขมาคือการขอให้เขายกโทษให้  ส่วนใหญ่จะเป็นความผิดหนักๆ  แค่ขอโทษมันไม่พอ”

จ้อยอธิบายขั้นตอนการขอขมาให้ฟังคร่าวๆ  แค่นั้นคนฟังก็ทำหน้าแหยง “ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรือ”

“เขาเป็นผู้ใหญ่  อายุมากกว่าคุณชายตั้งรอบ  แถมเขายังเป็นอาจารย์ด้วย  เราเป็นเด็ก  เมื่อทำผิดก็ต้องขอขมา” หนุ่มน้อยอธิบายท่าทางจริงจัง  เลอมานได้แต่ถอนใจตีหน้าบอกบุญไม่รับ  แค่นึกภาพตามก็รู้สึกเสียศักดิ์ศรีเหลือเกินแล้ว  กำลังหัวเสียได้ที่ก็พอดีสายตาไปปะเข้ากับรองเท้าแตะเก่าๆที่อีกฝ่ายใส่อยู่เข้าเสียก่อน

“ยังใส่คู่เก่าอยู่อีก  คู่ใหม่ที่ฉันซื้อให้ไปไหนเสียล่ะ”

ใบหน้าอ่อนใสก้มงุดเขินอายจนเพื่อนตัวสูงต้องตอบแทนให้ “โอ๊ย..จ้อยมันรักมันหวงเสียยิ่งกว่าอะไร  แทบเอาไปนอนกอดด้วยทุกคืน”

“ที่ไม่เอามาใส่ก็เพราะกลัวจะเก่าเร็ว” สันติเสริมให้อีกคน 

“ซื้อมาให้แล้วก็ไม่ใส่  เดี๋ยวก็ยึดคืนเสียหรอก” ตำหนิอย่างไม่จริงจังนักพลางหัวเราะร่วน  เขายังจำได้ดีว่ากว่าจะยัดเยียดรองเท้าและเสื้อผ้าที่ซื้อมาจากห้างวังบูรพาให้จ้อยได้นั้นยากเย็นแค่ไหน  ฝ่ายนั้นเกรงใจจนตัวลีบ ตั้งท่าไม่รับลูกเดียว  ต้องขู่เข็ญแกมบังคับกันจนเหนื่อยถึงจะยอมรับ  ตรงข้ามกับสง่าและสันติที่รับขนมของฝากจากเขาไปแกะกินกันสบายใจเฉิบ   

ใบหน้าคมสันของใครคนหนึ่งลอยวูบเข้ามาในความคิด  ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายผิดจริง อีกฝ่ายก็เป็นถึงอาจารย์  แถมยังต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันตั้ง ๑ ปีอย่างไม่มีทางเลือก  ถึงแม้จะเสียหน้า  เขาก็จะยอมลดศักดิ์ศรีขอโทษก่อน

แต่อีกเหตุผลที่สำคัญสุด  นั่นคือข้อตกลงที่ท่านพ่อเรียกร้อง  มีค่ามากกว่าศักดิ์ศรีของเขาหลายเท่านัก 

*************************

เช้านี้เลอมานตื่นนอนตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งที่โต๊ะ  ในมือมีโพยกระดาษจดถ้อยคำขอขมาที่จ้อยจดให้  ตอนแรกจ้อยเขียนเป็นภาษาไทยแต่เพราะเขาอ่านภาษาไทยไม่ออกจึงต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษแทน  ปากแดงขมุบขมิบท่องจำอย่างตั้งอกตั้งใจ  คิ้วเรียวขมวดมุ่น 

จ้อยเปิดประตูเข้ามาพร้อมช่อดอกมหาหงส์หอมชื่น  “อาจารย์คนึงจะขึ้นมาแล้ว  คุณชายจำได้หมดหรือยัง”

“เอ่อ อืม” โอรสท่านทูตกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น 

“ต่อไปนี้อย่าเรียกอาจารย์คนึงว่าคุณๆอีกนะครับ  เรียกเขาว่าอาจารย์ รู้ไหม”

“อืม” รับคำได้แค่นั้นก็ต้องเงียบกริบเพราะคนที่กำลังพูดถึงเปิดประตูห้องเข้ามา  ส่งสายตาว่างเปล่ามายังพวกเขาแว่บหนึ่ง  ก่อนเดินไปยังฝั่งตัวเอง 

คุณชายตื่นเต้นจนแสดงออกทางสีหน้า  มือเย็นเฉียบเปิดโพยขึ้นท่องเป็นครั้งสุดท้าย  ในขณะที่จ้อยลอบส่องช่องว่างระหว่างชั้นหนังสือกั้นอาณาเขต  “คุณชาย  อาจารย์แต่งตัวเสร็จแล้ว  ไปเลย”

พานน้อยวางช่อดอกมหาหงส์ถูกยัดใส่มือ  เลอมานยังละล้าละลังยามถูกคนตัวเล็กกว่ารุนหลังให้เดินไปอีกฝั่งห้อง  มารู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนยืนอยู่ในเขตของอาจารย์หนุ่มเสียแล้ว  สายตาเย็นชาจากร่างสูงใหญ่ที่โต๊ะทำงานยิ่งทำให้เขาเกร็งไปหมด 

เด็กหนุ่มกลั้นใจย่อตัวลงคุกเข่า ก่อนเดินเข่าเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างที่ซ้อมกันไว้กับพวกจ้อย  ท่าทีเก้กังกระโดกกระเดก  แถมไปได้แค่สองสามก้าวก็สะดุดล้มหน้าทิ่ม  พานไปทางดอกไม้ไปทางจนต้องตะลีตะลานเก็บให้วุ่น  เงยหน้าขึ้นมาเห็นดวงตาเรียบนิ่งยิ่งพาใจฝ่อ  แต่เลอมานก็กัดฟันพาใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเหยเกด้วยปวดหัวเข่า   มาอยู่ตรงหน้าอาจารย์ได้อย่างทุลักทุเล 

สายตาคู่นั้นยังจ้องเขาไม่ลดละ  เอาน่า.. ก็ยังดี.. ยังดีที่ฝ่ายนั้นยอมมองหน้าเขา

“ผม หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์” ประคับประคองเสียงไว้ไม่ให้สั่น  “ขอ..ขอขมา..ต่ออาจารย์คนึงครับ  ผมไม่ได้มีเจตนาจะล้วง..ล้วง..”

“ล่วงเกินครับล่วงเกิน” จ้อยป้องปากกระซิบแก้ให้จากข้างชั้นหนังสือ 

“อ้อ เอ่อ..ผมไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินอาจารย์  ผม..ผม..” ดวงตาคมเข้มที่จ้องเขม็ง  กวาดล้างถ้อยคำที่อยู่ในสมองจนพร่าเลือนไปหมด  ทั้งที่พยายามท่องมาอย่างดีแล้วเชียว  “ผม..ผม..”

ให้ตายสิ  เขานึกถ้อยคำต่อไปไม่ออก  ทุกอย่างขาวโพลนเหมือนกระดาษเปล่า

กระดาษ..

ใช่.. เขากำโพยมาด้วยนี่นา.. แอบคลี่ดูเสียหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกน่า..

ว่าแล้วมือบางก็คลี่โพยกระดาษที่กำไว้ออก.. ต่อหน้าอาจารย์หนุ่ม

เห็นแบบนั้นแล้วจ้อยถึงกับกุมขมับ  พลางคิดในใจว่าเขาจะเก็บซากคุณชายเล็กไปจากห้องนี้อย่างไร

“ถ้าไม่มีความจริงใจที่จะขอโทษก็กลับไปเสีย” ร่างสูงตัดบทก่อนลุกขึ้นพรวด  ก้าวฉับๆผ่านร่างที่นั่งคุกเข่าอยู่

“เดี๋ยวก่อน!” เลอมานเรียกไว้ทันควัน  ลุกขึ้นยืนบ้าง  โพล่งออกไปไม่ออมเสียง  คำพูดที่ออกมาจากใจ  ไม่มีโพย  ไม่มีสคริปต์ใดใดกำหนด  “ผมขอโทษ  ผมเสียใจที่ทำกับอาจารย์แบบนั้น”   

อีกฝ่ายยอมหยุด  แต่ยังไม่ยอมหันมาเผชิญหน้า  ไม่ยอมหันมาสบดวงตาตัดพ้อ “ผมรู้ตัวว่าผมเองไม่ใช่คนดี  แต่คนเราเกิดมาจะเป็นคนดีโดยสมบูรณ์ได้ยังไงถ้าไม่มีครูอบรมสั่งสอน  คืนนั้นผมทำผิดพลาดไปเพราะขาดสติ  แต่ผมก็รู้สึกผิดและสำนึกที่จะขอโทษแล้วไงเล่า” 

อ่อนชะอ้อนเหมือนจะวอนให้ประวิง**
   
ท้ายเสียงสั่นเครือเรียกความสนใจอาจารย์หนุ่มให้หันมอง  ประสานสายตากับดวงตาสวยใสแวววาม   

“อาจารย์” คุณชายทอดเสียงระโหย  ร่างสูงใหญ่ตะลึงไปอย่างคาดไม่ถึงเมื่อคนแสนหยิ่ง แสนจองหองเดินตรงเข้าหา  มือเรียวกระพุ่มพนมเก้ๆกังๆ  ราวกับไม่รู้จะไหว้ตรงไหน  ก่อนตัดสินใจไหว้ลงไหล่เขา  ก่อนเงยใบหน้าหมดจดขึ้นวิงวอน 

“ได้โปรด..ยกโทษให้ผมเถอะ”

เขาใจเต้น..

มีใครเคยบอกไหม  ดวงตาของเด็กหนุ่มคนนี้สวย.. สวยเหลือเกิน  เหมือนมีเพชรนิลจินดาเต้นระยับอยู่ในนั้น  แข่งกันวาววาม  ราวกับมีแสงแดดซ่อนด้านในด้วยซ้ำ  ขนตาสั้นๆแต่เป็นแพเหมือนปีกผีเสื้อ..

ใกล้.. จนเหมือนได้ยินเสียงลมหายใจ 
หอม.. กลิ่นช่อมหาหงส์ในมือน้อยนั้นนัก

หอมผกาเกสรขจรขจาย    มิได้วายภุมรินถวิลปอง***

คนึงกระแอมขับไล่ความคิดฟุ้งซ่าน  รับช่อมหาหงส์มาแล้วเสเดินเอาไปวางไว้บนโต๊ะ  แสร้งเขียนอะไรยุกยิก  พูดไม่สบตา “ต่อไปพอเลิกสอนตอนเย็นก็มาเรียนพิเศษที่ห้องนี้  ถ้ามาสายครูจะหักคะแนนเรา”

คำพูดที่พูดด้วย  สรรพนามแทนตัวที่เปลี่ยนไปทำให้เลอมานยิ้มออก  หันไปส่งยิ้มให้จ้อย  ก่อนหันมามองหน้าอาจารย์ด้วยความปรีดา
   
“ขอบคุณครับอาจารย์” เสียงใสเหมือนแก้ว  ยิ้มร่าเหมือนดอกไม้บาน  อาจารย์หนุ่มมองแวบหนึ่งแล้วรีบเบือนหลบ 

หลบทำไมเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน       

*************************
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 10-01-2012 12:11:46
เช้าตรู่..

เสียงฝีเท้าวิ่งทั่กๆๆๆ ขึ้นบันไดจนเรือนไหว
เสียงไม้เรียวกระทบน่องดังเผียะ
เสียงเลอมานร้องโอ๊ย  โวยวาย “จะตีอะไรนักหนา  บอกกันดีๆก็ได้”
เสียงอาจารย์คนึงเอ็ด “สอนไม่เคยจำ  อยู่บนเรือนให้เดินเบาๆ” และอีกสารพัดจะสรรหามาเอ็ด 

อาจารย์ทุกคนที่อยู่ในเรือนไม้ได้ยินเสียงเหล่านี้เสียจนชาชิน

ในห้องน้อยริมสุด  อาจารย์หนุ่มกับลูกศิษย์ก่อสงครามย่อยๆกันไม่เว้นแต่ละวัน  ฝ่ายลูกศิษย์พกกิริยาแบบฝรั่งมาเต็มตัว  เดินเหินปราดเปรียวว่องไว  หลังแข็งก้มลำบาก  มือแข็งไหว้ใครยาก  ปากกระด้างพูดจาไม่มีหางเสียง  จนฝ่ายอาจารย์ผู้เข้มงวดเจ้าระเบียบต้องตั้งต้นสอนใหม่หมด

“ไหว้ผู้ใหญ่ให้นิ้วหัวแม่มือจรดปลายจมูก  สูงไปๆ นั่นเอาไว้ไหว้พระ”
“เวลาเดินผ่านผู้ใหญ่ให้ก้มหลังด้วย”
“เวลาคนเขากำลังพูดกันอย่าพูดสอดเข้ามา”
“อย่าเดินข้ามสิ่งของ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าเดินข้ามคนเป็นอันขาด”



ตกเย็น..
   
เสียงเพลงบทเรียนภาษาไทยจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงดังแว่วมาจากห้องน้อย  หากมองผ่านเข้าไปในบานประตูที่เปิดกว้างรับลม  จะเห็นครูศิษย์นั่งเรียนภาษาไทยกันอย่างขะมักเขม้น.. ว่อกแว่กบ้างในบางที
   
ผ้าม่านลูกไม้พัดพลิ้ว  ลมเย็นโบยโบกกลิ่นดอกไม้หอมอวล  หม่อมราชวงศ์หนุ่มนั่งอยู่ที่โต๊ะ  ในมือจรดดินสอลงบนสมุด  คัดตัวอักษรโย้หน้าโย้หลัง  หูก็ฟังเสียงเพลงจากแผ่นเสียงคลอ  เพลงที่ใครได้ฟังก็ต้องอมยิ้ม

หนูจ๋า..หนูคนดี..หนูฟังเพลงนี้แล้วจงจำให้ขึ้นใจ..
เพลงนี้พี่จะร้องน้องจำไว้..บทเรียนภาษาไทย..พี่จะร้องให้เจ้าฟัง..


เพลงสำหรับเด็กอนุบาลมาดังแว่วอยู่ในโรงเรียนฝึกหัดครู  ใครผ่านไปผ่านมาก็ชะโงกมองหน้า ‘หนูจ๋า’ กันเป็นทิวแถว  แต่ ’หนูจ๋า’ ไม่ตลกด้วย

“ต้องเริ่มตั้งแต่กอไก่เลยหรือ” ใบหน้างามเงยขึ้นประท้วงอาจารย์ผู้นั่งคุมที่อีกฝั่งโต๊ะ

“คัดก.ไก่ถึงฮ.นกฮูกให้ได้เสียก่อนเถอะ” ว่าแล้วก็ใช้ไม้บรรทัดเคาะข้อนิ้วลูกศิษย์จนมือดีด  ก่อนดุ “แล้วนั่นอะไร  ซ.โซ่โย้เป็นซ.เซ่อแล้วนั่น”

ร่างสูงถอนใจก่อนลุกขึ้นเดินอ้อมไปด้านหลังนักเรียนตัวดี  โน้มใบหน้าลงไปจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนผมนุ่ม  มือใหญ่กุมมือเรียวไว้มั่น  จับลากเส้นให้เป็นตัวหนังสือช้าๆ ทีละตัวๆ   

เพลงจากแผ่นเสียงยังคงดำเนินต่อไป

น.หนูดูยุ่ง  ม่านมุ้ง บ.ใบไม้  ป.ปลาขี้หึง  ผ.ผึ้งร้องไห้.. ***

ทันทีที่ได้ยิน  เลอมานหัวเราะคิก  หันหน้ามาถามทันควัน “อาจารย์” 

จมูกเฉียดแก้มไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด!

แต่แค่นั้นก็เล่นเอาร้อนวาบ  อาจารย์ผงะ  รีบปล่อยมือ  รีบถอยออกห่าง 

“ป.ปลากับผ.ผึ้งเป็นคนรักกันหรือ” เสียงใสถามกลั้วหัวเราะไม่รู้เรื่องรู้ราว  “อาจารย์ดูสิ  ปลาอยู่ในน้ำ จะคบกับผึ้งได้ยังไง  ฮ่าๆๆ ผึ้งก็ขี้น้อยใจซะด้วย”

ปล่อยให้นักเรียนหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างสุดขำ  คนึงเดินอ้อมชั้นหนังสือใหญ่มาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง  ซ่อนอาการของตนจากอีกฝ่าย  มือใหญ่วางลงที่อกซ้าย  ประหลาดใจนักที่มันเต้นรัวเร็วผิดปกติ   

ปลอกแขนทุกข์ยังคงวางอยู่บนโต๊ะทำงาน  อาจารย์หนุ่มเอื้อมไปหยิบมาถือไว้แน่น  เพ่งมองราวกับต้องการตอกย้ำความอาลัยลงสู่ก้นบึ้งของหัวใจ  เพ่งมองราวกับเตือนใจตน

*********************

เลอมานไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ  ว่าตั้งแต่วันนั้นอาจารย์คนึงกลับมามีท่าทีเย็นชาใส่เขาอีกแล้ว 

ฝ่ายนั้นยังคงพูดกับเขา  เพียงแต่เปลี่ยนไป  ถามคำตอบคำ  และไม่ค่อยสบตาเวลาพูด  แถมยังชอบทำหน้าบึ้งใส่  ทั้งๆที่เขายังไม่ทันทำอะไรผิดสักนิด

ไม่อยากนึกภาพเลยว่าถ้าวันใดเขาทำผิดขึ้นมาจริงๆคนึงจะโกรธเขาขนาดไหน 

ดั่งโบราณว่าไว้  เวลาวารีไม่คอยใคร  วันนั้นจึงเดินทางมาถึงรวดเร็วราวกระพริบตา


หม่อมราชวงศ์หนุ่มเดินเล่นแถวชมรมกสิกรรมเช่นทุกเช้า  นอกจากจะมีการปลูกผักเป็นแปลงเขียวละลานตา  ยังจัดสรรพื้นที่กั้นตาข่ายทำเล้าไก่ขนาดย่อมไว้ด้วย  ดวงตาคู่สวยมองลูกเจี๊ยบขนเหลืองฟูเดินตามแม่ไก่อย่างเพลิดเพลิน  คันไม้คันมืออยากโยนอะไรให้มันกินนัก

แถวนั้นไม่มีใครอยู่ให้ถามสักคน  พวกจ้อยก็กำลังพากันไปตักน้ำจากท่าขึ้นมาใส่โอ่งเตรียมไว้รดผัก  หันไปหันมาก็พบชามตราไก่บรรจุข้าวสารอยู่เต็ม 

ใครมันจะไปรู้เล่าว่าข้าวนั่นเป็นข้าวสารที่สมาชิกในชมรมแบ่งสันปันส่วนเอามาจากบ้านเพื่อรวมกันให้จ้อย  เอามาวางไว้ตรงนั้น เขาก็คิดว่าเป็นอาหารไก่น่ะซี  จ้อยและพรรคพวกมาเห็นชามเปล่าถึงกับหน้าซีด  ในขณะที่พวกแม่ไก่และลูกเจี๊ยบอิ่มหมีพีมัน     

เรื่องถึงหูอาจารย์คนึงเร็วราวกับไฟลามทุ่ง  ที่พอมาถึงก็เปิดฉากบริภาษเขาทันที     

“เราเกิดและเติบโตที่เมืองนอก  อยู่สุขสบายมาตลอด  คงไม่รู้จักความยากลำบากของคนไม่มีจะกินสินะ”

“กะอีแค่ข้าวชามเดียว  ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย”

“แค่ข้าวชามเดียวหรือ” ความโกรธระยิบในดวงตาคมดำ  “รู้ไหมว่าตอนครูเด็กๆ  ประเทศไทยประสบวิกฤติหนัก  เศรษฐกิจย่ำแย่  นักการเมืองแย่งชิงอำนาจ  ประชาชนขาดแคลนข้าว  ต้องเข้าคิวใช้บัตรแย่งกันซื้อข้าวกิน  ทั้งที่ประเทศไทยปลูกข้าวเองจนเหลือใช้”

ไปกันใหญ่แล้วเอย.. จากเรื่องข้าวสารชามเดียว  ลุกลามบานปลายเป็นปัญหาระดับชาติเทียวนั่น

“ข้าวสารแค่หยิบมืออาจไม่มีค่าเลยในสายตาเรา  แต่สำหรับคนที่เขาไม่มี  มันมีค่ามหาศาล  ต่อไปอย่าพูดแบบนี้อีก  และที่สำคัญขอโทษจ้อยและทุกคนซะ!”

“มะ..ไม่เป็นไรครับอาจารย์” จ้อยละล่ำละลัก “ผมผิดเองครับที่เอามาวางไว้ตรงนี้  ทำให้คุณชายเข้าใจผิด  ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ”

“เจ้าตัวเขายังไม่ว่าอะไรเลย  อาจารย์จะเดือดร้อนแทนทำไม  พูดกันดีๆก็ได้  ทำไมต้องดุ  ทำไมโกรธผมมากขนาดนี้” จำเลยขึ้นเสียงใส่บ้างอย่างไม่กลัวเกรง  ความน้อยใจแล่นพรูเป็นริ้วๆ 

“ขอโทษจ้อยซะ!” เสียงทุ้มตะคอกลั่น  ต่อหน้านักเรียนในชมรมนับสิบ  เลอมานทั้งโกรธทั้งเสียหน้าจนตัวสั่น  เขาเกลียดการถูกทำให้เสียศักดิ์ศรีต่อหน้าผู้คนที่สุด  ดังนั้น..คำตอบที่โทสะบงการให้พ่นออกไปก็คือ..

“ไม่!”

อย่าให้บรรยายเลยว่าสายตาที่อาจารย์คนึงมองเขานั้นดุดันน่ากลัวเพียงใด

ใช่ว่าไม่รู้สึกผิด  ใช่ว่าไม่อยากขอโทษ  เลอมานรู้สึกผิดเต็มอกและอยากขอโทษจ้อยเต็มแก่  เพียงแต่เขาไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่งบังคับ  โดยเฉพาะต่อหน้าคนเป็นฝูง 

เขายังจำสายตาจ้อยตอนกลับมาเห็นชามว่างเปล่าได้ดี  ดวงตาที่ปกติก็เศร้าอยู่แล้วยิ่งโศกสลดกว่าเดิมเป็นสิบเท่า  โดยเฉพาะเมื่อเขารู้ว่าข้าวสารนั่นมาจากน้ำใจของเพื่อนๆที่ปันข้าวสารจากบ้านคนละนิดหน่อยมารวมกัน  ความสำนึกผิดและเวทนาสงสารยิ่งกัดกินใจ  จ้อยกับยายแร้นแค้นถึงขั้นไม่มีแม้ข้าวสารจะกรอกหม้อเชียวหรือ 

เขาเอาข้าวของจ้อยไปให้ไก่หมดแล้ว  ตัวจ้อยนั้นยังมีอาหารกลางวันของโรงเรียนที่กินฟรีได้  แต่ยายของจ้อยเล่า

ช่วงเช้าเขาวิ่งไปที่โรงอาหาร  ถามหานางนกแก้วแม่ครัวใหญ่  ตั้งใจจะขอแบ่งซื้อข้าวสาร  แต่เพราะปริมาณข้าวสารในครัวก็มีไม่มากนัก  หล่อนแบ่งให้เขาได้แค่กิโลสองกิโลเท่านั้น  น้อยนิดขนาดนั้นจะกินได้สักกี่มื้อ

“คุณชายลองไปซื้อที่โรงสีสิ” แม่ครัวร่างใหญ่แนะ “โรงสีของเมียกำนัน  อยู่ไม่ไกลนักหรอก  แต่ระวังเมียกำนันล่ะ  หน้าเลือดอย่าบอกใคร”

ไวเท่าความคิด  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์รีบฝากคาบสอนตอนบ่ายของเขาให้วิรัชสอนแทน  และขอยืมจักรยานของประพนธ์ปั่นไปยังโรงสีของคุณนายพูนทรัพย์ทันควัน 

ไม่ทันฉุกคิดว่าคำว่าไม่ไกลนักของนางนกแก้ว  หมายถึงเมื่อมาทางเรือต่างหาก   

ดังนั้น.. กว่าคุณชายจะถีบจักรยานมาถึงโรงสีได้ก็เล่นเอาหอบแฮ่ก  เหงื่อโซมกายจนหลังเปียก  สุภาพสตรีวัยกลางคนร่างท้วม  ผิวขาวผ่อง  แต่งหน้าจัดจ้านที่กำลังดีดลูกคิดเป็นระวิงถึงกับชะงักเมื่อเห็นเขาไสจักรยานเข้าไป  ท่ามกลางคนงานวัยฉกรรจ์ทำงานกลางแดดจนตัวมันเลื่อมนับสิบ 

“ต๊ายตาย!! คุณชาย!!” คุณนายพูนทรัพย์ถลาออกมาต้อนรับ  ทองหยองเต็มตัว  เสื้อผ้าลายดอกฉูดฉาดจนเขาต้องหยีตา  “ลมอะไรหอบมาคะนี่”

คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นกับคำถาม  ก่อนตอบซื่อ “ลมไม่ได้หอบมา  ขี่จักรยานมา”
พลางหรี่ตามองคนตรงหน้า  ก็หน้าธรรมดานี่  ไม่เห็นจะมีเลือดอย่างที่นางนกแก้วบอกตรงไหน

มืออูมสะบัดพัดพรึ่บ ปิดปากหัวเราะคิก  ก่อนเชื้อเชิญเขาเข้าไปใน ’ออฟฟิศ’ 

‘ออฟฟิศ’ ของคุณนายช่างแสนโอ่อ่า  ข้างนอกร้อนแทบไหม้แต่ข้างในเย็นสบายด้วยพัดลมทองเหลืองส่งเสียงหึ่งๆ  โต๊ะทำงานไม้สักทอง  ชุดรับแขกไม้ชิงชันฝังมุก  มีน้ำเย็นๆจากตู้เย็นมาเสิร์ฟเขาอย่างดี  หรูหรายิ่งกว่าบ้านอาจารย์ใหญ่เสียอีก

“๔๐ บาทค่ะ” คุณนายพูนทรัพย์บอกราคาข้าวสาร ๑ ถังที่เขาต้องการซื้อ  รับเงินไปนับกรีดกรายแล้วถาม “เดี๋ยวอิฉันให้เด็กไปส่งให้ไหมคะ”

เลอมานปฏิเสธ  แค่สั่งให้เอาถุงข้าวสารขึ้นท้ายจักรยาน  และมัดให้แน่นหนาเท่านั้น  โดยไม่ลืมถามก่อนออกมา

“รู้จักบ้านจ้อยหลานยายช้อยไหม  อยู่ไหนหรือ”

บ้านจ้อยอยู่เลียบคลองท่อ  ถัดจากโรงเรียนไปไม่ไกล  แต่กว่าจะไปถึงได้เลอมานต้องผ่านอุปสรรคเหลือแสน  ไหนจะน้ำหนักข้าวสาร ๑๕ กิโลกรัมข้างหลังพาให้รถไถลลงข้างทางไปนอนเค้เก้  ไหนจะจักรยานโซ่หลุดกลางทางอีก  กว่าจะใส่กลับคืนได้ก็เล่นเอาหน้าตามือไม้มอมแมม  ไหนจะแดดเปรี้ยงที่ลงมาตรงหัว 

เขาสะโหลสะเหลหมดสภาพเต็มทีตอนเลี้ยวรถเข้าไปในบ้านจ้อย..

เด็กหนุ่มรู้สึกร้อนในอก  กล้ามเนื้อเหมือนมีเพลิงมาสุม  ริมฝีปากแห้ง  หอบหนักเหน็ดเหนื่อย  สายตาพร่ามัว  เห็นแค่ต้นมะขามใหญ่กลางลานดินกว้าง  เห็นหญิงชรานั่งตำหมากอยู่ที่แคร่  เห็นได้เพียงเท่านั้นโลกก็พลันหมุนคว้าง  แล้วทุกอย่างก็ดับมืดลง.. 

*********************
   
คนึงแปลกใจนักเมื่อเห็นว่าคาบวิชาที่เลอมานรับผิดชอบมีอาจารย์วิรัชเป็นคนสอนแทน  ซ้ำเจ้าตัวก็หายไปไม่บอกกล่าว  ถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าไปไหน 
   
จองหอง  เอาแต่ใจ  แล้วยังไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่

กลับมาเมื่อไรล่ะน่าดู!

*********************
 
“เป็นยังไงบ้างหนู..”

เสียงอ่อนอุ่นกระซิบริมหู  เลอมานกระพริบตาสองสามครั้ง  โลกยังหมุนรอบตัวเขา  ปิดเปลือกตา  ลืมขึ้นใหม่  เห็นใบหน้าเหี่ยวย่นก้มต่ำ  ในดวงตาฝ้าฟางนั้นเปี่ยมด้วยเมตตา

“ยาย..” เด็กหนุ่มครางเสียงเบา  รู้สึกได้ถึงความเย็นจากผ้าชุบน้ำค่อยๆลูบซับตามใบหน้า 

“ไปยังไงมายังไง  มาเป็นลมเป็นแล้งต่อหน้าต่อตายาย  คนแก่ใจหายหมด”

ดวงตาคู่สวยหันมองรอบกาย  จักรยานกับถุงข้าวสารนอนนิ่งอยู่ที่พื้น  ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้ม

“ไปนอนพักต่อข้างบนเถอะ  ตรงนี้แดดไล่แล้ว  ลุกไหวไหมลูก” ร่างผอมบางหากแข็งแรงค่อยๆประคองเขานุ่มนวล  เลอมานเปลี้ยไปทั้งกาย  ไม่อยากเชื่อว่าหมดสติไปนานเพียงนั้น 


บ้านจ้อย.. ไม่สิ  เรียกว่ากระท่อมจะเหมาะกว่า 

กระท่อมของจ้อยอยู่ริมคลอง  มีท่าเล็กๆยื่นลงไปในน้ำ  มียอขนาดใหญ่เอาไว้ดักปลา  กลางลานดินมีต้นมะขามใหญ่ทะมึนคล้ายเป็นประธานของไม้อื่นๆ  มะม่วง ลำไย กระถิน โกสน ซุ้มพลู ฯลฯ พืชพรรณเรียงรายถี่ห่างดูร่มรื่น  ถัดไปไม่ไกลมีกระท่อมเล็กๆหลังหนึ่ง  พื้นปูไม้ไผ่ ผนังเช่นกัน หลังคามุงใบจากสีคล้ำจัด  หม้อดินเผาเคียงกระบวยกะลามะพร้าว จัดวางใต้ซุ้มกล้วยไม้ป่า 

หน้าขอนไม้ที่ใช้แทนบันไดมีกอมหาหงส์ขึ้นหนาแน่น  กอนี้กระมังที่จ้อยแบ่งไปปลูกให้เขา

เลอมานนอนเหยียดยาวบนระเบียง  ลมเย็นพัดใบมะขามแก่ปลิวฟ่อง  หอมดอกมหาหงส์โชยมา

กลิ่นยาหอมคลุ้งในอากาศ  มือเหี่ยวย่นประคองศีรษะเขาขึ้นป้อน  ละลายความพะอืดพะอมดีทีเดียว  ทั้งยังค้นในครัวได้มะนาวมาสองซีก  ฝานเป็นเสี้ยวบางๆ คลุกเกลือกับน้ำตาล ป้อนเขาทีละคำ ให้หวานเค็มเปรี้ยวกำซาบลงคอ

เริ่มรู้สึกหายใจสะดวกมากขึ้น  มีแรงทีละนิด  ดึงหมอนที่รองขามากอดไว้  ชวนคุย

“ผมเป็นเพื่อนจ้อย” แล้วยังไงต่อดี.. “จ้อยฝากให้เอาข้าวสารมาให้ยาย”
เขาตัดสินใจโกหก  เพราะเกรงว่าถ้าบอกไปตามจริง  หญิงชราจะปฏิเสธไม่ยอมรับ

“เพื่อนเรอะ?” ดวงตาเปี่ยมเมตตาสำรวจเขา  ยิ้มจนเห็นฟันดำ “อ้อ ที่จ้อยเล่าให้ยายฟังว่ามาจากเมืองนอก  พ่อเล็กใช่ไหม”

เขายิ้มแทนคำตอบ  ดีใจที่จ้อยเล่าเรื่องตนให้ครอบครัวฟัง 

คนสองคน  ต่างวัย  ต่างชนชั้น  นั่งสนทนากันอย่างครึกครื้น 

“เมืองนอกนี่มันเป็นยังไงนะ  ตั้งแต่เกิดมายายยังไม่เคยไปไกลเกินหัวรอสักที” หญิงชราถามพลางปาดปูนสีส้มลงกับใบพลู  มีดคมควั่นหมากแห้งท่าทางชำนาญ  นั่งฟังเขาเล่าเรื่องความเจริญศิวิไลซ์ของลอนดอน  โทรศัพท์ ไฟฟ้า น้ำร้อน  แก๊ส ถนนลาดยาง   

“ลำบากไหมลูก  มาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง” มือเหี่ยวย่นลูบแขนขาวอย่างอาทร  น่าแปลกที่เลอมานไม่รู้สึกรังเกียจสักนิด 

“ผมเริ่มชินแล้ว” ว่าพลางเหลียวมองรอบตัว “แล้วบ้านยายไม่มีไฟฟ้าหรือ” 

ยายช้อยส่ายหน้าแทนคำตอบ  คว้ากระโถนเคลือบลายดอกแดงขึ้นรองรับน้ำหมาก “กำนันบอกว่าไฟยังมาไม่ถึง  ลำพังยายน่ะไม่อยากได้หรอก อยู่แบบนี้มาจนชินแล้ว  สงสารก็แต่จ้อยมัน  ต้องจุดตะเกียงอ่านหนังสือ  น้ำมันก็แพงเหลือใจ”

ดวงตาสีน้ำตาลสวยสำรวจรอบกระท่อมเก่า  อยู่ห่างกันไม่เท่าไรแท้ๆ  แต่ทำไมที่นี่ถึงมีสภาพต่างจากโรงสีของคุณนายพูนทรัพย์นัก

“พ่อเล็กว่าบ้านยายจะน้ำไหลไฟสว่าง เหมือนอย่างที่หลวงท่านบอกไหม”

“แน่นอนสิ” ริมฝีปากบางสวยคลี่ยิ้มสดใสกระจ่าง “ความจริงโครงการส่งผมมาก็เพื่อให้ผมมาช่วยพัฒนา”

อะแฮ่ม.. ถึงพระประสงค์ที่แท้จริงของท่านพ่อ  คือเพื่อดัดสันดานเขาก็เถอะ 
   
หญิงชราจ้องมองใบหน้างามนิ่ง  นัยน์ตาสีเทาเป็นประกายระยับอย่างประหลาด “ยิ้มสวยจริงลูก”

ในน้ำเสียงนั้นแฝงความอาลัย  มือเหี่ยวย่นลูบไล้ใบหน้าของเด็กหนุ่มสูงศักดิ์อย่างทะนุถนอม “ยิ้มสวยเหมือนจินดาหลานยายไม่มีผิด”

“จินดา?!” ชื่อนั้นทำให้เขาชะงัก  ความทรงจำในค่ำคืนนั้นไหลบ่าจนอุ่นซ่านที่สองแก้ม “จินดาเป็นหลานยายหรือ  เธออยู่ไหม”

ยายช้อยนิ่งมอง  ดั่งชั่งใจ 

“อยากเจอหรือลูก” ปากเปื้อนน้ำหมากยิ้มเศร้า  หันไปทางห้องเล็กๆในกระท่อม “อยู่ในห้องโน่นแน่ะ  มาสิเดี๋ยวยายจะพาไป”

ไม้ฟากลั่นออดยามเขาเยื้องย่างฝีเท้าเบากริบต้อยตาม 

โลกกลมดีแท้  นึกว่าเป็นคนอื่นคนไกล  หรือเป็นสาวบ้านไหน  ไม่นึกว่าที่แท้คนรักของอาจารย์จอมโหดนั่นคือพี่สาวของจ้อยนี่เอง  ขอยลโฉมหน่อยเถิด  อยากรู้นักว่าจะงามสักปานใด  ถึงขั้นทำให้คนหลงเพ้อละเมอหาได้
 
แค่เปิดประตูเข้าไปเลอมานก็ชะงัก  ทั้งร่างชาวาบ

ในห้องนั้นไร้วี่แววของหญิงสาวดังที่คาดไว้  แต่กรอบรูปพร้อมกระถางธูปและช่อดอกมหาหงส์บนหลังตู้นั้นแทนคำตอบได้หมดสิ้น
   
“ยาย” เขาหน้าเจื่อน “ผมขอโทษ  ผมไม่รู้ว่าเธอ..”
   
หญิงชราโบกไม้โบกมือวุ่น  เดินนำเขาไปใกล้ๆ 

ครั้นพอเห็นหน้าบุคคลที่อยู่ในรูปชัดๆ 

ใบหน้าหวานคม นัยน์ตาสวยโศกแสนอ่อนโยน  เลอมานสะท้านทั้งร่างเมื่อได้รู้ความจริงชวนสับสน


จินดา.. เป็นผู้ชาย!? 


   
โปรดติดตามตอนต่อไป
   
   
-----------------------------------------------------------------------------
* ไกลบ้าน, ชาลี อินทรวิจิตร คำร้อง, ชรินทร์ นันทนาคร ขับร้อง
** สุนทรภู่
*** เป็นอาขยาน ก.ไก่ ในสมัยนั้นค่ะ


ดอกไม้ตอบเม้นค่ะ :L2:


BBChin JungBB
ไม่ต้องเตะค่ะไม่ต้องเตะ เพราะต่อไปอาจารย์คนึงจะทำให้ชายเล็กตัวแสบเจ็บซะยิ่งกว่าโดนเตะยอดหน้าอีกค่ะ รอติดตามนะคะ^^

tonkhaw
ยังไม่มีฉากอัศจรรย์จ้า แต่เดี๋ยวก็มีเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจ้ะ

Mio
สามคำ >>> เดี๋ยว ก็ ได้ (กันค่ะ)  :-[
ขอบคุณที่ทำให้รู้จักเพลงเพราะๆอย่าง “รักระริน” นะคะ ฟังแล้วฟังอีก ฟังกี่รอบก็ไม่เบื่อเลย

Zymphoniz
๕๕๕+ ขืนให้สิงห์คู่กับลอยจริง มีหวังโดนคนอ่านรุมกระทืบแน่เลยค่ะ  เรื่องนู้นจะจบแล้ว แต่ยังมีตอนพิเศษอีกสองตอน แถมยังต้องรีไรท์อีก โอ.. อยากแยกร่างจริงๆค่ะ ณ จุดนี้

PetitDragon
ขอบคุณที่ตามไปอ่านที่อีกบอร์ดนึงนะคะ  (อีกสาเหตุนึงที่มาลงที่เล้าเป็ดก็เพราะบอร์ดนั้นลงฉาก NC ไม่ได้นี่แหละค่ะ) ตอนนี้อ่านทันถึงหลักกิโลที่เก้าแล้วสิเนี่ย นั่งกินโอเลี้ยงรอก่อนนะคะ อีกไม่นานจะกลับไปเขียนตอนที่ ๑๐ ค่ะ

roseen
เอ้ากอด.. :กอด1:

yagin
ว้าว.. ขอบคุณที่ชอบตัวละครในเรื่องนี้ทุกตัวค่ะ เพราะจากเท่าที่ลงบอร์ดอื่น เรตติ้งความเกลียดขี้หน้า คุณชายเล็กมาเป็นอันดับหนึ่งเลย (เขียนยังไงให้นายเอกโดนเกลียดได้นี่เรา) ขอบคุณที่ชอบคุณชายเล็กนะคะ

j4c9y
ขอบคุณค่ะ สงสัยเพราะเราอ่านนิยายสมัยก่อนมามาก ภาษาที่ใช้ก็เลยไปในทิศทางนั้นค่ะ โบราณๆนิดนึงเน้อ

hongzaa
๕๕๕+ จ๋าจ้าน้องหงส์ ก่อนอื่นต้องขอบคุณมากๆนะคะ ที่นำนิยายเรื่องนี้ไปแนะนำในกระทู้ “นิยายแนะนำ..เรื่องนี้ต้องอ่าน” นะคะ  สัญญาว่าจะตั้งใจเขียนตั้งใจมาอัพให้ถี่ขึ้นค่ะ 

อาจารย์ทำเยอะกว่านี้แน่จ้า  แต่รอเวลาอีกหน่อยนะจ๊ะ  อ้อ แล้วอย่าแช่งให้ชายเล็กก้นเป็นฝีเลยเน้อ เดี๋ยวใช้งานไม่ได้ขึ้นมาแล้วมันจะยุ่ง ๕๕๕+ ส่วนที่ถามถึงตอนใหม่ ตั้งใจว่าจะอัพในเล้าเป็ดให้ถึงตอน ๙ แล้วค่อยอัพตอน ๑๐ ต่อพร้อมกันทั้งสองบอร์ดค่ะ  (ฤกษ์แต่งไม่มีจ้า เพราะถนัดวิวาห์เหาะ ๕๕๕+ จริงๆคือตอนนี้ก็กำลังแต่งอยู่เรื่อยๆค่ะ แต่ไว้รอลงพร้อมกันทีเดียว)

ycrazy
เดี๋ยวก็รักกันแล้วค่ะ  อดใจรออีกนี้ดเน้อ ^^

ai_no_uta
ว้าย น้องพิมพ์รู้ทัน (สมแล้วที่เป็นน้องรักของพี่) เพิ่งกลับมาจากเจียงใหม่เจ๊า คุณแม่ของคนสำคัญของพี่ไม่สบายจ้ะ หาเกล็ดเลือดกรุ๊ปโอไม่ได้ พี่เลยขึ้นไปบริจาคเกล็ดเลือดด้วยตัวเองซะเลย (โดดงานไปอีกตะหาก) เลยอัพตอน ๖ ในเล้าช้าไปหน่อยจ้า

zazakapp
ตอนนี้แค่เบาะๆจ้า เริ่มแบบซอฟท์ๆก่อนเนอะ  เดี๋ยวตบจูบ(ของอีกคู่)จะตามมา

misso
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเล็กๆเรื่องนี้นะคะ  เราจะมาอัพที่เล้าเป็ดอาทิตย์ละตอน ขอสวัสดีปีใหม่ย้อนหลังเช่นกันค่า

เกริด้า(๐-*-๐)v
ขอบคุณมากๆที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ และขอบคุณที่ตามไปอ่านถึงอีกบอร์ดนึงนะคะ ^^ ที่บอกว่าบรรยายได้น่าหมั่นไส้นี่ รู้เลยค่ะว่าหมายถึงใคร ^^

dearmeepooh
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้และยินดีที่ได้รู้จักค่ะ  เพราะชอบอ่านแนวย้อนยุคก็เลยตัดสินใจเขียนแนวนี้ ขอบคุณที่ชอบนะคะ 

EoBen
ชอบแนวย้อนยุคเหมือนกันเลยค่ะ แต่ก็ขอสารภาพว่าเขียนยากจริงๆนั่นแหละ เพราะหลายๆครั้งเลยที่พอเขียนๆไปแล้วมานั่งนึก เอ..เราใช้คำถูกยุคถูกสมัยหรือเปล่านะ  คำๆนี้ในสมัยก่อนเขาพูดกันหรือเปล่านะ แต่โชคดีค่ะที่อ่านนิยายเก่าๆรุ่นคุณปู่มาเยอะเลยพอจะรู้คำศัพท์หรือสำนวนที่คนสมัยนั้นพูดกัน ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

silverspoon
รอดูพัฒนาการของคุณชาย และเป็นกำลังใจให้เขานะคะ เราเชื่อว่าคนเราทุกคนไม่มีใครเลวร้ายมาตั้งแต่เกิด ทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง ทุกการกระทำมีที่มา  ตัวละครในเรื่องนี้ทุกคนก็เช่นกันค่ะ ขอบคุณที่อ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ

Phantom
ขอบคุณสำหรับของขวัญเป็นกำลังใจและคำอวยพรค่ะ แหม..แต่เรื่องลุ้นให้ไม่ดราม่าน้ำตาท่วมนี่ เห็นทีคนเขียนคงต้องคิดหนัก  เพราะเราชอบดราม่าที่สุดเลย  ๕๕๕+ (ชอบทำร้ายจิตใจตัวละครตัวเองเป็นงานอดิเรกค่ะ) จะพยายามให้หวานๆขมๆเหมือนช็อคโกแลตละกันนะคะ ^^


สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังทุกคนนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆค่ะ

ด้วยรัก :กอด1:

ดอกไม้

๑๐ มกราคม ๒๕๕๕

ปล. อยากทำสารบัญของแต่ละตอนจังค่ะ แต่ทำไม่เป็น T^T ใครใจดีช่วยสอนนักเขียนโลวเทคตัวน้อยๆทีค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๓๐/๑๒/๕๔]
เริ่มหัวข้อโดย: WinterRose ที่ 10-01-2012 12:15:35
ถ้าเราจะแต่งนอยายสักเรื่อง
เราอยากแต่งให้ได้สักครึ่งของคุณดอกไม้จังเลยค่ะ
ภาษา น้ำเสียง บรรยากาศ อ่านแล้วอุ่นเชียว
อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นนิยายไทยแท้ๆ

รออยู่เสมอนะคะ เป็นแม่ยกคุณชายที่หลงรักเจ้าสิงห์ค่ะ lol
ขอให้อาจารย์คนึงชินกับคุณชายได้ในเร็ววันนะคะ
(จะให้คุณชายหายดื้อคงยาก ฮ่าๆ)
ขอให้จ้อยกับสิงห์ได้กันเร็วๆด้วย  :laugh:

----

ส่วนเรื่องลิ้งค์ คุณดอกไม้ก็อปตามนี้ไปนะคะ แต่ตอนวาง ให้ลบช่องว่างของ u r l = ออกให้หมดเลย ให้ชิดกันเป็น url=http.. ไปนะคะ ^^
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1739885#msg1739885]บทนำ[/url]
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1747170#msg1747170]บทที่ ๑[/url]
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1758484#msg1758484]บทที่ ๒[/url]
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1767753#msg1767753]บทที่ ๓[/url]
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1777681#msg1777681]บทที่ ๔[/url]
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1788320#msg1788320]บทที่ ๕[/url]
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1803469#msg1803469]บทที่ ๖[/url]
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๑๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 10-01-2012 14:24:45
ค่แตอนนี้คุณชายก็น่ารักขึ้นเยอะมากกกกแล้วอ่ะค่ะ  :mc4:

โถพ่อคุณ อุตส่าห์ขับจักรยานไปแบกข้าวสารมา

ส่วนพระเอกเราก็เริ่มมีปฏิกิริยาแว้ว  :laugh: เสร็จแน่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๑๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 10-01-2012 14:51:56
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ครั้งแรกค่ะ
อ่านแล้วติดงอมแงมเลย
สนุก อ่านแล้วติดงอมแงมเลย
มาต่อเร็วๆ นะค่ะ   :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๑๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 10-01-2012 16:27:24
ชอบจัง อ่านแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้าไปอยู่ในเรื่องจริงๆ
พอดีเป็นคนที่ชอบอ่านรื่องแนวย้อนๆอยู่แล้วด้วบวกกับฝีมือการแต่งของคนเขียนอีก
ทำให้ยิ่งชอบ หากจะขอให้ลงทุกวันก้เหมือนจะทำให้คนเขียนลำบาก
เ็นกำลังให้คนเขีนนน่ะ  รอ ร๊อ รอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๑๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: davil01 ที่ 10-01-2012 19:24:37
ใช้ภาษาได้ดีมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๑๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-01-2012 19:26:33
อ่านไปกังวลไป วู๊ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๑๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 10-01-2012 19:28:43
สามคำให้เรื่องนี้และคนเขียน>>>รัก ได้ อีก  :กอด1: :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๑๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 10-01-2012 21:40:10
อยากจะบอกว่านิยายเรื่องนี้มันใช่อ่ะค่ะ มันใช่เลยที่ใฝ่หา o13
ความละเมียดละไมของภาษา การถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตัวละครทำได้ดีเหลือเกินค่ะ
อดรนทนไม่ไหวจนต้องตามไปอ่านที่บอร์ดเด็กดีจนถึงตอนล่าสุด
 
อ่านไปหัวใจก็บีบรัด น้ำตาคลอเบ้า  :sad4:
ดราม่าสุดๆทั้งสองคู่......โอย...ไม่อยากกินมาม่าแล้วนะคะ :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๑๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 11-01-2012 18:34:41
เพิ่งเข้ามาอ่านครับ  ขอสารภาพว่าอ่านชื่อเรื่องแล้วปล่อยผ่าน แต่เมื่อมีโอกาสอ่านทำเอาวางไม่ลงเลยครับ
เรื่องสนุกมาก จะคอยติดตามอ่านต่อไปนะครับ :3123:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๑๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 11-01-2012 18:56:58
อ่านแล้วเขินๆน่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๑๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 12-01-2012 17:19:55
ชอบพีเรียท อ่านตอนแรกก็ชอบแล้ว
เดี๋ยวจะตามอ่านเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๖ : ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา [๑๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 12-01-2012 23:00:19
สู้ๆๆ ค่ะ พี่จี้ :L2:  รอรวมเล่มอยู่ (แอบกดดัน 555)
อ่านตอนนี้แล้วสงสารคุณชาย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 13-01-2012 13:52:55
(http://img38.picoodle.com/i51d/0_ee9_u0.jpg)

บทที่ ๗

น้อยใจ



แปลกใจให้ครวญคิดตรอง
ยามพบกันฉันมองดูเหมือนเธอไม่มีหัวใจ..
ไม่เคยแม้จะยิ้มมา
ดูสิทำเหมือนว่าฉันไร้ค่าหรือไร*




จินดา.. เป็นผู้ชาย?!

ความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ทำให้เลอมานชาวาบไปทั้งร่าง  คนรักของอาจารย์ผู้เคร่งขรึมคนนั้น.. เป็นผู้ชาย!?
   
“เอ่อ..แล้ว..จินดา..” ก้อนแข็งๆแล่นขึ้นมาจุกคอจนแทบพูดไม่ออก  เขาควรจะถามอย่างไรให้ไม่น่าเกลียด 
ตายยังไง? เป็นอะไรตาย?  ตายเพราะอะไร?  ทำไมถึงตาย?

“จมน้ำตาย” หญิงชราบอกให้ทั้งที่ยังไม่ทันถาม  ดวงตาหม่นเศร้ายังไม่ละสายตาจากรูปภาพบนหลังตู้ “ก่อนพ่อเล็กจะมาถึงสองสามวันเอง”

“ผม..ผมเสียใจด้วยจริงๆ” ผู้อ่อนวัยกว่าค้อมศีรษะลง  ใบหน้างดงามดูหมองไปถนัดตา  ยายช้อยเพียงยิ้มอ่อนโยนทว่าเจือความเศร้าสร้อย


มัดขนมห่อใบตองในตะกร้าหน้ารถกระเด้งกระดอนตามความขรุขระของพื้นถนน 

“อาจารย์คนึงชอบขนมสายบัว  เมื่อก่อนยายเคยฝากจินดาเอาไปให้เขาบ่อยๆ  ฝากพ่อเล็กเอาไปให้ทีนะ”

แกว่าอย่างนั้นตอนยื่นขนมส่งให้เขา 

ท้องฟ้ากว้างโล่ง   เมฆขาวลอยอ้อยอิ่งตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าจัด  หม่อมราชวงศ์หนุ่มปล่อยใจให้ลอยไปกับผืนฟ้า  จมอยู่กับความคิดเดิมซ้ำๆซากๆ

อาจารย์คนึงกับจินดารักกัน   ผู้ชายกับผู้ชายรักกันอย่างนั้นหรือ 

ความรักระหว่างเพศเดียวกัน  ใช่ว่าเขาไม่รู้จัก  ไม่เคยพบเห็น  ที่โรงเรียนกินนอนของเขาในอังกฤษ  เขาพบเจอเรื่องพรรค์นี้กับตัวเองบ่อยไป  แต่ทุกครั้งที่ถูกพวกนั้นเกี้ยวพา เขาไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด ติดจะรำคาญด้วยซ้ำ

แต่กับคราวนี้มันต่างไป 

ริมฝีปากร้อนรุ่มในค่ำคืนนั้นราวกับยังทิ้งสัมผัสอุ่นผ่าวไว้  มือหยาบใหญ่ที่ตะโบมโลมไล้ไปตามเนื้อตัว  อ้อมกอดแกร่งนั้นช่างอบอุ่นนัก  สายตาที่มองมานั้นเล่า  แสนรัก..แสนอาลัย..

ทุกอย่างแจ่มกระจ่างชัด  ยังสดใหม่ในรอยจำ 

หัวใจซุกซนอดคิดไปไม่ได้ว่า  นอกจากกอดกัน จูบกัน  คนึงกับจินดา..พวกเขาทำอะไรกันอีกไหม   จินดาจะรู้สึกอย่างไรเวลาถูกผู้ชายคนนั้นจูบกอด  รู้สึกเช่นไรเมื่อถูกผู้ชายคนนั้น.. รัก..

เรือนไม้เงียบสงบ  พวกอาจารย์คงยังไม่เลิกงานสอน  หม่อมราชวงศ์หนุ่มจอดจักรยานที่หน้าบันได  หิ้วมัดขนมขึ้นบันไดเข้าไปในห้อง
 
ห้องน้อยเงียบเชียบ  คนึงยังไม่กลับมา  เขาจึงถือวิสาสะเดินผ่านชั้นหนังสือใหญ่ไปยังฝั่งของเพื่อนร่วมห้อง  เตียงนอนสะอาดสะอ้าน  ผ้าห่มพับเรียบร้อยไว้ที่ปลายเตียง  ผิดจากของเขาที่กองเขละไว้รอจ้อยมาพับให้ทุกเช้า  โต๊ะเขียนหนังสือดูเรียบร้อย  กองหนังสือวางอยู่มุมหนึ่ง  ทุกอย่างสะท้อนให้เห็นความเจ้าระเบียบของผู้เป็นเจ้าของ

เด็กหนุ่มตัดสินใจวางมัดขนมลงบนโต๊ะ  หยิบปากกามาตั้งใจจะเขียนโน้ต ทว่ากลับหากระดาษไม่เจอ  มือบางขออนุญาตในใจแล้วเปิดลิ้นชัก 

รูปถ่ายของใครคนหนึ่งวางอยู่ในนั้น 

เห็นแวบแรกเขาก็จำได้ทันที  จินดา..

ภาพถ่ายเต็มตัวของเด็กหนุ่มร่างโปร่งบางในชุดนักเรียน  สถานที่.. สนามหญ้าหน้าโรงเรียน  เห็นเสาธงและอาคารเรียนเป็นฉากหลัง  ใบหน้าหวานคม แย้มยิ้มอ่อนโยน  ดวงตาเป็นประกาย  ดูเป็นเด็กหนุ่มอนาคตไกลผู้กำลังมีความสุขสดใสกับชีวิต 

ยายช้อยเล่าว่าจินดาเพิ่งได้เป็นอาจารย์ฝึกสอน  ดังนั้นหากเขายังมีชีวิตอยู่  คงเป็นอาจารย์ผู้เป็นที่รักของนักเรียน  เป็นพี่ชายผู้เป็นที่รักของน้องชาย  และเป็นคนรักผู้เป็นยอดดวงใจของอาจารย์คนึง 

แล้วนอกจากกอดจูบกัน  พวกเขาทำอะไรกันอีกไหม

ใบหน้าสวยหวานสั่นดิกราวกับจะขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านพิลึกพิลั่น  รีบเก็บรูปถ่ายวางลงที่เดิม  ค้นเจอเศษกระดาษใบหนึ่ง  จึงตั้งใจเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้ด้วยลายมือไก่เขี่ย

ยาย ชอย ฟาก มา ไห้           

*******************

กำลังนั่งคัดลายมือไปเรื่อยเปื่อย  หูก็ได้ยินเสียงสันติกับสง่ามาร้องเรียกโหวกเหวกอยู่ตรงหัวบันได 

“คุณชาย  คุณชายอยู่ไหม!  วู้!” เสียงทุ้มห้าวแบบนี้คือสง่าไม่ผิดแน่  เลอมานเกาะหน้าต่างชะโงกมอง  เห็นสองหนุ่มคู่หูสะพายคันเบ็ดพร้อมหิ้วถังสังกะสีใบโต 

“ไปตกกุ้งกัน” สันติแหงนหน้าชักชวน  คนถูกชวนตาโตเท่าไข่  ประกายซุกซนระยิบระยับในดวงตา  รีบพยักหน้ารับแทบไม่ทัน  ก่อนวิ่งลงบันไดโครมครามชนิดที่หากคนึงเห็นคงไม่แคล้วโดนเคาะตาตุ่ม

ไม่ทันเห็นสองสหายลอบสบตากันอย่างมีเลศนัย
   
สง่ากับสันติพาคุณชายนั่งเรือออกจากท่าหลังโรงเรียน  สง่าคัดท้าย  สันตินั่งพายอยู่ข้างหน้า  มีเลอมานนั่งสบายอยู่กลางลำเรือ  หันซ้ายหันขวาดูสองฝั่งคลองอย่างตื่นตาตื่นใจ

เลอมานสนิทกับจ้อย  และทั้งสง่ากับสันติก็เป็นเพื่อนจ้อย  เลอมานจึงพลอยสนิทกับทั้งสองคนนั้นไปด้วย  พูดคุยกันถูกคออยู่  กินข้าวกลางวันก็กินด้วยกันประจำ  เมื่อถูกชักชวนจึงตามมาง่ายๆอย่างไร้ความเคลือบแคลง

เรือจอดนิ่งกลางคลอง  สง่ากับสันติหยิบกุ้งฝอยขึ้นบี้ๆแล้วเกี่ยวเบ็ดเป็นเหยื่อ  ถือคันเบ็ดอยู่ไม่นานก็ตวัดได้กุ้งเดี๋ยวตัวเดี๋ยวตัว  เด็กหนุ่มชั้นสูงมองกุ้งแม่น้ำตัวโตที่นอนดิ้นแคร่กๆอยู่ในถังอย่างสนใจ

“พรุ่งนี้ให้พี่นกแก้วทำข้าวต้มกุ้งดีกว่า” สง่าหันมายักคิ้วให้ 

“ฉันลองหน่อยได้ไหม”ใบหน้างามคะยั้นคะยอ  ยิ้มร่าเมื่อสันติส่งคันเบ็ดให้  ในหัวกำลังฝันหวาน  เขาจะตกกุ้งตัวโตๆ  ไปฝากจ้อยกับยายช้อยสักสี่ห้าตัว  แต่ถ้าอาจารย์คนึงอยากกิน จะใจดีแบ่งให้ตัวนึงก็ได้

รอแล้วรอเล่ากุ้งชะตาขาดก็ยังไม่มาติดเบ็ด  ถือคันเบ็ดรอจนเมื่อยมือ  จนสง่าตกนำเขาไปได้สองสามตัวแล้ว 

สงสัยจะเหมือนอย่างที่ท่านพ่อเคยตรัส.. ‘ชายเป็นคนทำบาปไม่ขึ้น  ตกปลาทีไรไม่เคยได้สักตัว’   
   
ความผิดหวังคงฉายชัดในดวงตา  จนสง่าสังเกตเห็น

“ไปงมที่ท่าไหมคุณชาย  กุ้งมันชอบมาเกาะตามเสา” เด็กหนุ่มร่างสูงว่าพลางเก็บคันเบ็ด  จ้วงพายไปยังท่าน้ำที่อยู่ไม่ไกล  จอดเทียบท่าแล้วผูกเรือเข้ากับหลักอย่างชำนาญ 

คุณชายหลับตาปี๋หันหลังขวับเมื่อเห็นทั้งคู่เปลื้องผ้า  พลางถามลั่น “ทำอะไรน่ะ”

“อ้าว” สันติหัวเราะ “ก็จะงมกุ้งกันไม่ใช่หรือ  หรือคุณชายจะลงน้ำทั้งชุดนั้น”
   
หม่อมราชวงศ์หนุ่มค่อยๆหันไปพลางหรี่ตามอง  เห็นทั้งคู่นุ่งผ้าขาวม้าแล้วค่อยโล่งใจ  ก่อนก้มลงมองเสื้อโปโลสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นที่ตนสวมอยู่  ถามหวาดๆ “ฉันต้องเปลี่ยนด้วยหรือ”

“ก็แล้วแต่” สง่าว่าพลางหย่อนตัวลงน้ำ “เสื้อผ้าคุณชายเปื้อนโคลนก็ไม่เป็นไรหรอก  ยังไงก็ให้จ้อยซักให้อยู่แล้วนี่”
   
หางเสียงประชดประชัน  แต่เพราะมัวพะวงถึงจ้อยจึงไม่ทันรู้สึก
นั่นสินะ  ถ้าเขาทำเสื้อผ้าสกปรก  คนลำบากคงไม่พ้นจ้อยอีกจนได้ 

ดังนั้น  เมื่อสันติส่งผ้าขาวม้าให้  มือบางจึงรับมาผลัดเก้ๆกังๆ  ไม่นานนักทั้งเนื้อทั้งตัวเขาก็มีแค่ผ้าขาวม้าผืนเดียว  อ้อ กับกางเกงชั้นในเนื้อบางอีกตัว  ใส่เอาไว้กันผ้าหลุด 

“ว่ายน้ำเป็นไหม”  สง่าถาม  เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ “งั้นก็อย่าลงไปลึกมากแล้วกัน”

คุณชายพยักหน้าหงึกหงัก  ค่อยๆหย่อนตัวลงน้ำ  ไม่ทันสังเกตเห็นคู่หูลอบยิ้มให้กันอย่างสมใจ 
   
เพราะได้สง่ากับสันติสอน  เลอมานจึงงมกุ้งแม่น้ำสีน้ำเงินสวยสดขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก  กุ้งชุมจริงๆอย่างที่สง่าว่า  เขาผลุบๆโผล่ๆที่ท่า งมขึ้นมาตัวเล็กบ้างใหญ่บ้างอย่างเพลิดเพลิน  สักพักสองคนนั้นก็ขอตัวไปตกกุ้งที่กลางคลองต่อ  ทิ้งเขาไว้ลำพังที่ท่าน้ำ 

“ได้อีกตัวแล้ว” ร่างขาวโพลนเปียกลื่นโผล่พ้นน้ำ  ในมือชูกุ้งอีกตัวที่เพิ่งงมได้สดๆร้อนๆ ให้อีกสองคนที่อยู่กลางคลองดู 

แต่ก็ไร้วี่แวว.. มีเพียงผืนน้ำเรียบนิ่ง  ลมสงบ 

เสียงพายจ๋อมๆอยู่ไกลๆ  แต่ไม่เห็นเรือ  คงพายลับเข้าคุ้งน้ำนั่นไปแล้ว   

“สง่า!  สันติ!” อารามตกใจทำให้มือบางทิ้งกุ้งคืนน้ำ  ตะโกนลั่น  “ไปไหนกันน่ะ!”

เกือบผวาจ้วงน้ำตามไป  ดีที่ฉุกคิดขึ้นได้ว่าตนว่ายน้ำไม่เป็น  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ได้แต่ตะเกียกตะกายขึ้นฝั่ง  ยืนป้องปากตะโกนเรียก  “สง่า!  สันติ!  รอฉันด้วย!”

เงียบกริบ  มีเพียงเสียงลมเสียดใบไผ่ตอบกลับมา

ใช่แน่.. ไม่ต้องสงสัย
เขาถูกทิ้งแน่แล้ว!

แต่อย่างหนึ่งที่ต้องสงสัย.. ทำไม?


สองหนุ่มพายเรือกันไปหัวเราะกันไปอย่างสาสมใจ

“ข้าวนั่นยายช้อยกินได้เป็นอาทิตย์  เอาไปให้ไก่กินแล้วยังไม่ขอโทษสักคำ  ต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง” สง่าว่าเข้าให้อย่าเหลืออด  จ้อยเป็นเพื่อนรักของเขา  ใครทำเพื่อนเขาเสียใจ คนอย่างสง่าไม่ปล่อยไว้แน่ 

“เก่งนักก็หาทางกลับเองก็แล้วกัน” ปกติสันติเป็นคนรักสงบสมชื่อ  แต่คราวนี้คงเหลืออดจริงๆถึงได้ร่วมมือกับสง่ามาแก้แค้นให้จ้อย 

ว่าแล้วก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะลั่นไปทั้งคุ้งน้ำ

โพล้เพล้  ลมเย็นโชยมาต้องผิวกายเปียกเปลือยจนเลอมานต้องห่อไหล่สั่นสะท้าน  หลากความรู้สึกปนเปอยู่ในหัว  ไม่ใช่โกรธ  ไม่ใช่แค้น  แต่หนักไปทางสับสน น้อยใจ เสียใจและคิดไม่ถึงว่าคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจอย่างสง่าและสันติจะทำแบบนี้กับเขาได้   

ฟันเริ่มกระทบกันดังกึกกัก  เลอมานหันหาเสื้อผ้าที่ถอดไว้แล้วต้องใจหล่นวูบเมื่อคิดได้

ให้ตายสิ!  เขาถอดเสื้อผ้ากองไว้บนเรือ!  เรือที่พวกนั้นพายหนีไปแล้ว!

แดดเริ่มราลงทุกที  รัตติกาลกำลังคืบคลานมาเยือนช้าๆ  ท้องน้ำนิ่งสนิทว่างเปล่าไม่มีเรือผ่านมาสักลำ  ร่างโปร่งบางเหลียวซ้ายแลขวาหาทางกลับโรงเรียน  สองฝั่งคลองมีแต่เรือกสวนรกครึ้ม  เขาคิดว่าจะเดินตามแนวคลองไปเรื่อยๆ  เดินไปๆเดี๋ยวก็คงจะถึงโรงเรียนเอง

น้ำหยดจากชายผ้าขาวม้าลงพื้นติ๋งๆ  มือบางขยุ้มบิดไล่น้ำออกแล้วก้าวเดิน  ทว่าเพียงก้าวเดียวเลอมานก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ 

เจ็บแปล๊บ.. ที่ตรงต้นขาด้านใน

หันกลับไปมองน้ำคลองขุ่นคลั่กที่ตนเพิ่งตะกายขึ้นมาอย่างสงสัย  เขาโดนไม้เกี่ยวเป็นแผลหรือโดนอะไรกัดเข้า  ไวเท่าความคิด  เด็กหนุ่มรีบแหวกผ้าขาวม้าออกดูทันควัน   

พระเจ้า! 

ทันทีที่เห็นก็แทบเข่าอ่อน  ความขยะแขยงแล่นพรูจับหัวใจ 

สิ่งมีชีวิตคล้ายทากหรือหนอนเกาะหนึบอยู่ตรงต้นขา  ตัวเท่าหัวแม่มือ  สีดำมะเมื่อมตัดกับผิวเนื้อซีดขาว  และมันกำลังกินเลือดเขาจนตัวบวมเป่ง     

หม่อมราชวงศ์หนุ่มหมดแรงขึ้นมากะทันหัน  ทรุดลงนั่งกางขากับพื้นหมดสภาพ  ไอ้ตัวน่าเกลียดยังกัดเกาะไม่ปล่อย  ทั้งกลัว ทั้งขยะแขยง  มือเรียวลองเขี่ยๆสัตว์สยอง แต่สัมผัสหยุ่นหยุบที่ได้รับทำให้เขาผวาร้องลั่น  เหลียวซ้ายแลขวา  หากิ่งไม้มาเขี่ยแทน.. ปลายไม้งัดเข้าให้ที่กลางลำตัว  บังเกิดภาพสยองขวัญสั่นประสาท  เมื่อเจ้าตัวประหลาดยืดยาวตามแรงดึงเหมือนยางอีลาสติกดิ้นได้  ทว่าปากยังเกาะที่เก่าแถมปากแผลคล้ายจะฉีกขาดจนเลือดปริ่ม  เรียกเสียงร้องโหยหวนได้อีกคำรบ 

งัดข้อกันจนเหนื่อยหอบ  ในที่สุดเลอมานก็ยอมแพ้  ปล่อยให้เจ้าตัวดำมะเมื่อมแปะอยู่ที่เดิม  เขาตัดสินใจลุกขึ้นยืนด้วยขาสั่นเทา  กำลังจะก้าวเดินแต่แล้วก็เหมือนโชคชะตาเข้าข้าง 

เรือลำหนึ่งแจวมาตามคลอง  ดวงตาคู่สวยหรี่มองฝ่าความสลัว  มองหน้าไม่ชัดรู้เพียงแค่มีคนพายสองคน 

แต่อีกฝ่ายเห็นเขาถนัด  จำได้แม่นยำ

“คุณชาย!”
“ไปทำอะไรตรงนั้น!”

นายลอย!  นายสิงห์!  ใจชื้นขึ้นเป็นกองเมื่อได้ยินเสียงที่เคยคุ้น  ขวัญที่บินหายค่อยคืนกลับมา  เลอมานดีใจจนน้ำตาแทบคลอเบ้า  นึกว่าจะต้องเดินขาลากกลับโรงเรียนเสียแล้ว 
   
เลอมานนั่งอยู่กลางลำเรือเหมือนเช่นตอนขามา  ผิดแต่ว่าคนที่คัดท้ายคือนายลอย  และคนอยู่หัวเรือคือนายสิงห์  ไม่ใช่สง่าและสันติที่ชวนเขามาอย่างมิตรแต่กลับทำเขาได้เจ็บแสบนัก 

เด็กหนุ่มบอกผู้มาช่วยเหลือแค่ว่าเขามางมกุ้งกับเพื่อนแล้วถูกทิ้งไว้  ไม่ได้บอกว่ามีสัตว์ประหลาดลึกลับยังเกาะนิ่งอยู่ที่ขาอ่อน  แค่สองคนนั้นมาเห็นเขาในสภาพนี้ก็อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว  ขืนต้องไปนั่งกางขาให้ดู.. โอย.. แค่นึกภาพก็ลมจะจับเสียให้ได้ 

ลมจะจับ.. อืม.. ไม่อยากเชื่อว่าแค่คิด เขาก็จะเป็นลมขึ้นมาจริงๆ  ผิวน้ำข้างลำเรือเป็นระลอกชวนให้เวียนหัว  หนาวจนต้องห่อไหล่สะท้าน  ใจมันหวิวคล้ายจะวูบเสียให้ได้

เพราะนั่งอยู่ข้างหลัง  ลอยจึงเห็นความผิดปกติชัดเจน

“พี่สิงห์  เดี๋ยวก่อน” เสียงทุ้มห้าวจากท้ายเรือเรียก  ทำให้คนที่อยู่หัวเรือชะงัก  ราพายนิ่งพลางหันมามองงงๆ

อาการหัวปักหัวหงาย เอนซ้ายเอนขวาของคนที่นั่งอยู่กลางลำเรือ  ทำให้ลอยอดห่วงไม่ได้  ขืนพายต่อไปคงหัวทิ่มตกน้ำตูมเสียก่อนเป็นแน่ 

“คุณชาย  เป็นอะไรหรือเปล่า” ร่างสูงเขยิบเข้าใกล้  มือใหญ่แตะผิวเนื้อเปล่าเปลือย “ตัวเย็นเชียว  หนาวหรือ”

“ง่วง..” ใบหน้าซีดเผือดพึมพำแผ่วเบา  ตาปรือจวนหลับมิหลับแหล่  ปล่อยให้มือใหญ่คว้าร่างตนขยับถอยไปอิงไว้แนบอกอย่างไม่ขัดขืน  โอนอ่อนซบลงตรงอกกว้าง  แทบไม่รู้ตัวยามร่างสูงถอดเสื้อตนออกห่มคลุมให้ 

“ท่าไม่ค่อยดี  รีบไปเถอะว่ะ” สิงห์หันมาสั่งด้วยสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด  ลอยพยักหน้าพลางจ้วงพายสุดแขนเร็วรี่  มุ่งหน้าไปยังท่าน้ำหลังโรงเรียนฝึกหัดครู 

เลอมานไม่รู้ตัวเลยว่าสัตว์สยองที่เรียกว่าปลิงที่เกาะขาอยู่นั้นดูดเลือดอิ่มหนำเต็มที่จนคลายตัวออกนานแล้ว  ทิ้งไว้เพียงหยดเลือดที่หลั่งรินจากปากแผลไม่ขาดสาย  ซึมลงผ้าขาวม้า  หยดลงบนท้องเรืออย่างนิ่งสงบ 

อาศัยเพียงแสงตะเกียงสลัวในคืนเดือนมืด  ไม่มีใครสังเกตเห็นรอยเลือดนั้นเลยสักคน

*********************
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 13-01-2012 14:48:04
ฟ้ามืดลงทุกทีๆ  แต่ป่านฉะนี้ลูกศิษย์ตัวดีก็ยังไม่กลับมา  หะแรกคนึงฝืนตีหน้านิ่งเฉยไม่รู้ร้อนเมื่อกลับมาพบเพียงห้องว่างเปล่า  แกล้งไม่รู้หนาวเมื่อได้เวลาอาหารเย็นแล้วก็ยังไม่เห็นเงาเจ้าของดวงตาสดใสคู่นั้น 

ไม่.. เขาไม่ได้ห่วงเด็กคนนั้น  เด็กนิสัยเสีย เอาแต่ใจ ไร้ความรับผิดชอบพรรค์นั้นมีอะไรให้ห่วง
   
หายไปค่ำๆมืดๆแบบนี้  คงไม่แคล้วไปเที่ยวเล่นกับพวกนักเลงหัวไม้อีกกระมัง
 
ได้แต่บอกตัวเองว่าไอ้อาการร้อนรนนั่งไม่ติดนี่น่าจะเป็นเพราะหากคุณชายนั่นเป็นอะไรไป  หม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชจะต้องกริ้ว  และอาจลงโทษทางโรงเรียนได้  เขาแค่ห่วงชื่อเสียงของโรงเรียน  ก็เท่านั้น..

ไม่มีอะไรอื่น ‘เกินเลย’ กว่านั้น  ไม่มีแน่นอน! 
   
   
เกือบสองทุ่มแล้ว คนึงตัดสินใจจะออกไปตามหา  จ้อยอาสาไปด้วยเพราะเป็นห่วงเพื่อนต่างชนชั้น  ศิษย์อาจารย์เอาเรือออกจากท่าหลังโรงเรียน  โดยมีเป้าหมายที่บ้านกำนัน  ขณะที่มือใหญ่กำลังสาละวนคลายเชือกผูกเรือ  จ้อยที่ยืนหิ้วตะเกียงเจ้าพายุก็สังเกตเห็นเรือลำหนึ่งจ้ำพายตรงมา 

แสงตะเกียงหัวเรือวอมแวมไม่สว่างนัก  แต่จ้อยจำเรือนร่างกำยำและรูปหน้าคมสันของฝ่ายนั้นได้ขึ้นใจ  คนที่ชังแสนชัง

ไอ้สิงห์!?

มือเล็กสะกิดอาจารย์ให้เงยหน้าดู  สิงห์เองก็คล้ายจะชะงักไปเช่นกันที่เห็นเขา  หากเพียงวูบเดียว  แขนแกร่งรีบจ้วงพายจนขึ้นกล้าม  ถึงท่าแล้วรีบเหนี่ยวหลัก ดึงเรือเทียบชิด  นั่นแหละทั้งจ้อยและคนึงจึงได้เห็นสภาพร่างแบบบางที่ทอดกายเอนซบกับฝีพายท้ายเรืออย่างชัดเจน

“คุณชาย!” จ้อยร้องลั่น  ผวาเข้าไปหา  สิงห์โดดขึ้นท่า  อ้อมแขนแกร่งยื่นไปรับร่างระทดระทวยที่ลูกน้องส่งให้ขึ้นช้อนอุ้ม 

เมื่อนั้นทุกคนถึงได้เห็นชัดเต็มสองตา

ด้านหลังของผ้าขาวม้าแดงฉานชุ่มโชกด้วยเลือด  หยดติ๋งลงพื้นไม้แหมะๆ เป็นหยดแดงด่างดวง
   
ตาใสๆของจ้อยเบิกโพลงตะลึงลาน  เลือดแดงฉานหยาดไหลมาตามเรียวขาขาว  ดวงตาที่สดใสเป็นนิตย์คู่นั้นปิดสนิท  สมองน้อยๆประมวลผลได้ว่าคุณชายของเขาโดนทำร้ายไม่ต้องสงสัย  ตัวการจะเป็นใครนอกจากไอ้คนสารเลวตรงหน้านี่   

“ปล่อยคุณชายนะ  พวกเอ็งทำอะไรเขา!” ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม  กำปั้นเล็กทุบอั้กๆที่หลังไหล่ล่ำสัน  อีกฝ่ายเพียงเบี่ยงกายหลบหลีก   

“ไม่รู้โว้ย!” เสียงทุ้มห้าวตะคอกใส่อย่างเหลืออด  ถ้าไม่ติดว่าอุ้มคุณชายอยู่ละก็  จะจับไอ้เตี้ยนี่หักแข้งหักขาแล้วโยนลงน้ำเสียให้หมดฤทธิ์   

คนึงยืนตัวชา  มือสั่น  ความโกรธจากไหนไม่รู้มากมายมาสุมใจจนเดือดพล่าน  พยายามแล้วที่จะระงับมัน  แต่ก็เกินควบคุมไหว  ดวงตาคมเข้มวาววับด้วยโทสะ  กำหมัดขบกรามแน่น  เมื่อได้ประจักษ์ว่าการณ์เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด  ยิ่งคิดสภาพตัวเองที่ผุดลุกผุดนั่งกระวนกระวายยิ่งรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า

หายหัวไปทั้งวัน  กลับมาเอาเสียมืดค่ำในสภาพเนื้อตัวเกือบล่อนจ้อน  ซบอิงแอบมากับผู้ชาย  แถมยังรอยเลือดนั่นอีก 
ภาพมันฟ้องออกโต้งๆแบบนี้  จะให้เขามองเป็นอะไรได้!     

“ไปทำอะไรกันมา!” อาจารย์หนุ่มตะคอกลั่นไม่ออมเสียง   ก้าวอาดๆไปยืนตรงหน้าลูกชายกำนัน  มือใหญ่ตบหน้าคนที่เอาแต่นอนซบให้ได้สติสองสามที  ไม่แรง.. แต่ก็ไม่เบา

ดวงตาแดงก่ำค่อยๆปรือขึ้นมอง 

“มานี่!” แขนแข็งแรงกระชากร่างโปร่งบางจนลงไปกองกับพื้น  ก่อนตามไปเขย่าตัวจนหัวสั่นหัวคลอน “ครูถามว่าเราไปทำอะไรมา ตอบ!” 
    
“อาจารย์  คุณชายเจ็บอยู่นะครับ” เสียงจ้อยที่ผวาเรียกทำให้คนึงได้สติ  มือที่บีบต้นแขนขาวแน่นชะงัก  ค่อยๆคลายออก  ปรากฏรอยแดงเด่นชัด  ริมฝีปากได้รูปเม้มแน่น  สบดวงตาสีน้ำตาลใสที่มองสบแวบหนึ่งแล้วเบือนหลบ 

คมตานั้นกรีดใจเขาเสียเจ็บซิบ

อาจารย์หนุ่มช้อนอุ้มร่างเบาหวิวเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปบนเรือน  มีจ้อยตามไปติดๆ  สิงห์ก้าวขาจะขึ้นบันไดตามไปทว่ากลับชะงักเมื่อลูกน้องคนสนิทดึงแขนไว้

“หมดเรื่องของเราแล้ว กลับเถอะ” ลอยบอกด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง  แต่ลูกพี่กลับสะบัดแขนอย่างแรง  เดินขึ้นไปไม่สนใจ  ทิ้งให้อีกคนถอนใจเฮือก  เดินไปนั่งรอบนแคร่ใต้ต้นหางนกยูง

อ้อมแขนแกร่งค่อยๆวางร่างแบบบางลงบนเตียง  ทะนุถนอมเหมือนแก้ว  ราวกับเป็นคนละคนกับที่ท่าน้ำ  มือใหญ่แหวกผ้าขาวม้าออกหาที่มาของบาดแผล  เห็นแผลเล็กๆตรงต้นขาด้านใน  แผลนิดเดียว แต่กลับมีเลือดไหลไม่ยอมหยุด

“เจอคุณชายที่ท่าสวนตาแหวง  บอกว่าไปตกกุ้งกับเพื่อน” ลูกชายกำนันหยุดอยู่แค่หน้าประตูห้อง  บอกเล่าข้อมูลเท่าที่รู้แก่อีกฝ่าย  นิ่งมองเจ้าตัวเล็กที่แค่เห็นเลือดก็หน้าซีด  ใช้กระดาษซับเช็ดเลือดด้วยมือสั่นเทา 

“สงสัยถูกปลิงเกาะ” ใบหน้าหล่อคมสลดวูบ  ความรู้สึกผิดถาโถมกัดกินใจ  “จ้อย  ไปเอากล่องปฐมพยาบาลมา  ขอบุหรี่อาจารย์วิรัชมาด้วย”
   
ร่างเล็กพยักหน้าหงึกหงักก่อนวิ่งตัวปลิวไป  ชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นคนตัวโตยืนขวางประตูมองมาด้วยดวงตาเรียบนิ่ง  มือใหญ่ยื่นซองบุหรี่ส่งให้  แต่จ้อยกลับเมินหนี  ถูกกระชากต้นแขนกลับมายัดเยียดซองบุหรี่ให้อีก  หนนี้มือเล็กปัดมันเสียกระเด็นแล้ววิ่งตื๋อออกไป  ไม่แยแสว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเช่นไร

ความหวังดีของคนๆนี้  เขาไม่ต้องการ!
   
ได้กล่องปฐมพยาบาลแล้ววิ่งไปหาอาจารย์วิรัชที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงหัวบันได  ซึ่งก็ยอมปันบุหรี่ให้เมื่อร้องขอ

“รดน้ำผักแล้วหรือจ้อย” อาจารย์ร่างสันทัดถามอย่างแปลกใจ 
“ยังครับ  ว่าจะอยู่ดูแลคุณชายก่อน”
“อ้าว  เป็นอะไร”
“คุณชายโดนปลิงเกาะครับ  เอาไว้ดึกๆค่อยไปรด” หนุ่มน้อยพนมมือไหว้ขอบคุณแล้ววิ่งจากมา

เจอคนตัวโตยืนขวางหน้าห้องอยู่เช่นเคย  จ้อยเพียงเดินผ่าน มองผ่านเหมือนมองอากาศธาตุ  เข้าไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์คนึงทำแผลและห้ามเลือดให้คุณชายอย่างขะมักเขม้น  อาจารย์หนุ่มเริ่มจากเช็ดคราบเลือดรอบปากแผลแล้วฉีกมวนบุหรี่เอายาเส้นมาโปะแผลไว้เพื่อห้ามเลือด  จ้อยเจ็บแทนทุกครั้งเมื่อเห็นคุณชายสะดุ้งหรือร้องครางด้วยความเจ็บ 

เลือดหยุดไหล  จ้อยทำหน้าที่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้  เอาชุดนอนหอมสะอาดให้ใส่  เลอมานนั่งพิงหมอนอยู่บนเตียง  ดวงตาคู่สวยนั้นแดงก่ำ  ขณะถูกอาจารย์ผู้ดูแลซักไซ้ราวกับเป็นจำเลย 

“ผมไม่รู้!  ไปถามนักเรียนของอาจารย์เอาเองสิ!” คนเจ็บแหวเข้าให้อย่างเหลืออด  ปลายจมูกแดงเรื่อ  เจ็บใจ เจ็บตัว ผิดหวัง น้อยใจ หลากหลายอารมณ์ปนเปกันคุกรุ่นอยู่ในอก 

คนึงเข้าใจได้ไม่ยากว่าเป็นใคร  คนที่เลอมานสนิทสนมด้วยในโรงเรียนนี้  นอกจากจ้อยก็มีแต่สง่าและสันติเท่านั้น  จ้อยจึงถูกใช้ให้ไปตามสองสหายมาสอบสวนโดยด่วน

ร่างเล็กวิ่งตื๋อออกจากห้อง  โล่งใจที่ไม่เห็นคนตัวสูงๆยืนขวางกรอบประตู  แต่ทันทีที่ลงบันได  หนุ่มน้อยก็เข้าใจว่าตนคิดผิด 

“ดูสิวะคนเรา  อุตส่าห์ช่วยแท้ๆเสือกถูกด่าถูกทุบ  พอรู้ว่าเข้าใจผิดอย่าว่าแต่ขอโทษเลย จะขอบคุณกันซักคำก็ไม่มี” ร่างสูงใหญ่เดินจากแคร่ใต้ต้นหางนกยูงเข้ามาหาด้วยท่าทางยียวน  มีลูกสมุนคนสนิทตามติด  แต่มีหรือคนอย่างหลานยายช้อยจะกลัว 

“ไสหัวกลับไปได้แล้วไอ้สิงห์  อย่ามาเกะกะแถวนี้” นักเรียนร่างเล็กเชิดหน้าไล่ส่งอย่างไม่กลัวเกรง 

“น้อยหน่อยไอ้จ้อย  วันนั้นทำพวกกูอับอายขายหน้า กูยังไม่ได้เอาคืนเลย”  ไอ้ลอยท่าทางเดือดร้อนกว่าลูกพี่หลายเท่านัก  “แล้วพี่สิงห์แก่กว่าเอ็งตั้งกี่ปี  เอ็งเรียกเขาว่าอะไรนะ”

ดวงตาคู่ใสจ้องมองหัวหน้าอันธพาลด้วยความเกลียดชัง  เมื่ออยากฟังนักก็จะพูดให้ฟังช้าๆ ชัดๆให้สมใจ

“ไอ้ สิงห์” 

น่าแปลก  คนถูกเรียกกลับเพียงมองนิ่ง..

‘พี่สิงห์’
   
ภาพใบหน้าเด็กน้อยในชุดนักเรียน  ตาโตใสกระจ่าง  เรียกขานชื่อเขาพร้อมรอยยิ้มกว้างผ่านวูบเข้ามาในความทรงจำ

วันเวลาผ่านไป  เด็กน้อยคนนั้นเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มน้อย  น่ารัก น่าถนอมไม่เปลี่ยน  ดวงตาใสซื่อเหมือนลูกหมา  รอยยิ้มอ่อนหวานนั้นก็ยังเหมือนเดิม  หากแต่มีไว้ให้คนอื่น  ไม่ใช่เขา! 

นึกแล้วมันน่าเจ็บใจนัก!

“ถือว่าอยู่ในโรงเรียน  ทำเป็นกร่างนะมึง” สิงห์กระซิบเหี้ยม  ก้าวพรวดเดียวเข้ามากระชากข้อมือน้อยอย่างแรง  จ้อยสะดุ้งผวาเมื่อถูกคนแรงเยอะกว่าออกแรงลากไปในมุมมืด

“ไอ้สิงห์  ไอ้อันธพาล  ไอ้ชาติชั่ว  ปล่อย!” หนุ่มน้อยดิ้นปัดๆ 
   
“เออ!  กูมันอันธพาล กูมันชั่ว แล้วไงวะ!” คำด่าทอนั้นยังผลให้คนฟังโกรธจนเหวี่ยงร่างเล็กไปกระแทกกับต้นมะม่วงอย่างแรง   
   
จ้อยลูบหัวป้อยด้วยความเจ็บ  ดวงตาคู่สวยถลึงจ้องอีกฝ่ายอย่างชิงชังสุดหัวใจ  “เป็นถึงลูกกำนัน  กลับทำตัวเป็นอันธพาล  เที่ยวใช้อำนาจระรานคนไปทั่ว  คนอย่างเอ็งถ้าไม่มีพ่อคุ้มกะลาหัวให้ก็ไม่ต่างอะไรกับหมาตัวนึง”

สิงห์หยุดทันที  เหมือนถูกกระสุนพุ่งเข้าใส่

“ซักทีเถอะวะ!” ไอ้ลอยเงื้อง่ากำปั้นปราดเข้ามาหมายจะสั่งสอนเด็กปากดี  แต่กลับถูกลูกพี่ยกแขนกันไว้ 

“กลับ!” พูดแค่นั้นคนตัวโตก็หันหลังเดินลิ่วๆจากไป  ทิ้งจ้อยให้หน้าตื่นอยู่พักหนึ่งก่อนวิ่งตื๋อไปหาสง่าและสันติ 

ไอ้ลอยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด  เหวี่ยงตีนเตะปลายหญ้าระบายอารมณ์  หงุดหงิดไอ้จ้อยที่วันนี้ก็ยังเอาคืนมันไม่ได้  แต่ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่านั้นคือลูกพี่ตัวเอง  ที่ปล่อยเหยื่อที่ดิ้นเร่าๆคามือให้หลุดรอดไปได้แบบนี้

จู่ๆก็นึกถึงบทสนทนาระหว่างจ้อยกับอาจารย์วิรัชขึ้นมาได้ 

ริมฝีปากหนาหยักยิ้ม  แววตาเจ้าเล่ห์แพรวพราย  ภูมิใจกับแผนการใหม่ที่เพิ่งคิดได้สดๆร้อนๆนัก

ระหว่างทางกลับบ้าน  สิงห์เอาแต่นั่งเหม่อ แจวเรือซ้ายทีขวาทีอย่างคนใจลอย  จนต้องเอาพายราน้ำนิ่งปล่อยให้ลอยจ้วงพายไปคนเดียว

สมุนตัวโตมองอาการลูกพี่แล้วยิ้มหยันในความอ่อนหัดของอีกฝ่าย  ทำเป็นวางท่าโหดเหี้ยมใส่ได้ไม่กี่น้ำ  แค่พอไอ้เตี้ยจ้อยมันพูดกระแทกใจเข้าหน่อยก็อ่อนปวกเปียก  ดูอย่างวันก่อนที่ตลาดนั่นปะไร  เตรียมพร้อมไปโวยวายหาเรื่องเต็มที่  แต่พอเจอตาใสๆนั่นจ้องมองมา  ไอ้สิงห์ก็สิ้นฤทธิ์เป็นงูเจอเชือกกล้วย

ไอ้สิงห์  ไอ้อ่อนหัด  ไอ้กระจอก  ไอ้โตแต่ตัว  ที่จ้อยมันด่าเข้าให้ก็ถูกแล้ว  ถ้าไม่มีบารมีพ่อคุ้มกะลาหัว  คนอย่างเอ็งมันก็ไม่ต่างอะไรกับหมาตัวนึงแหละว้า 
   
ไอ้สิงห์แก่กว่าไอ้จ้อยสามปี  แต่มันสองคนเรียนทันกันจนได้อยู่ห้องเดียวกันตอนป.๕ ทำไมน่ะหรือ  ก็ไอ้สิงห์มันโง่จนสอบตกซ้ำชั้นสองปีซ้อน  ในขณะที่จ้อยมันเรียนเก่งจนได้ข้ามชั้นขึ้นมาปีนึงน่ะซี  ไอ้สิงห์จึงกลายเป็นเด็กโข่ง ตัวโตที่สุดในห้อง  แล้วดันเสือกดวงซวยได้นั่งข้างๆกับไอ้จ้อย ที่ตัวเล็กกะจ้อยร่อยสมชื่อ  โลกมันตาลปัตร  คนแก่สุดในห้องเสือกโง่สุด  แต่คนอ่อนสุดในห้องเสือกเก่งสุด  สอบได้ที่หนึ่งทุกปี  เป็นตัวแทนห้องถือพานพุ่มไหว้ครู  ได้รางวัลมารยาทงามอีกด้วย 

ตรงข้ามกับไอ้สิงห์ทุกอย่าง  ก็บอกแล้วว่าคนอย่างไอ้สิงห์มันมีดีอย่างเดียวคือเกิดมาเป็นลูกกำนัน 
 
ตอนเด็กๆ พวกมันสนิทกัน รักกันมากจนคนไม่รู้ยังนึกว่าเป็นพี่น้องกัน  ไอ้จ้อยเรียกพี่สิงห์ๆ แล้วแทนตัวเองว่าน้องจ้อยยังงั้นน้องจ้อยยังงี้  เรื่องเรียนพวกมันสองคนก็คอยช่วยเหลือกัน  อ้อ ต้องเรียกว่าไอ้จ้อยช่วยไอ้สิงห์ถึงจะถูก  เพราะมีแต่จ้อยที่เป็นฝ่ายสอนการบ้าน  ส่วนบ้านไอ้จ้อยมันจน สิงห์มันก็คอยช่วยตลอด  เอาข้าวกลางวันมาเผื่อบ้างละ  เหมาขนมที่ยายช้อยให้จ้อยหอบมาขายที่โรงเรียนบ้างละ
   
ไม่น่าเชื่อว่าพอโตขึ้นจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังตีน 

สาเหตุที่พวกมันสองคนไม่ถูกกัน  ไอ้ลอยคนนี้รู้ดีที่สุด  หึหึหึ

“ยิ้มอะไรของเอ็งวะ” สิงห์หันมามองหน้าลูกน้องคนสนิทเมื่อมันมาเทียบเรือส่งถึงท่าน้ำหน้าบ้าน 

“ไม่มีอะไรพี่” ไอ้ลอยยังยิ้มไม่หุบ  ทว่าเป็นยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์พิกล “ฉันไปล่ะ  ถ้ามีอะไรเดี๋ยวจะมาเรียก”

ทิ้งท้ายไว้เป็นปริศนาก่อนแจวเรือจากไป  ลูกชายกำนันได้แต่ส่ายหน้า 

หารู้ไม่ว่าไอ้ลอยมุ่งมาดจะพายเรือไปรับไอ้เลิศและไอ้หมาน  แล้วจะวกกลับไปที่โรงเรียนฝึกหัดครูอีกครั้ง!

นึกถึงดวงตาใสแจ๋วเหมือนลูกหมาคู่นั้นแล้วมันน่าสนุกนัก 

********************

เลอมานชะโงกหน้ามองจากหน้าต่างข้างเตียง  แสงไฟจากบนเรือนส่องให้เห็นสง่ากับสันติยืนกุมเป้าตัวลีบอยู่กลางลานดินกว้าง  เบื้องหน้าคืออาจารย์ฝ่ายปกครองผู้แสนเข้มงวด  เสี้ยวหน้าได้รูปนั้นดูนิ่งขรึม น่ายำเกรง

สองสหายสารภาพหมดเปลือกว่าจงใจแกล้งทิ้งเขาไว้  แต่ไม่คิดว่าจะเลยเถิดบานปลายจนเจ็บตัวแบบนี้  แล้วเขาก็ได้เห็นคนึงฟาดไม้เรียวที่ก้นสองคนนั้นคนละ ๕ ที  ขู่ตัดคะแนน และสั่งให้มาขอโทษเขาในวันรุ่งขึ้น  ไม่ลืมต่อว่าเรื่องที่ชวนกันไปทำบาปโดยการตกกุ้งในวันพระ  และสั่งให้เอากุ้งที่ยังไม่ตายไปปล่อยให้หมด

เฮ่อะ  พ่อคนใจบุญ
   
หม่อมราชวงศ์หนุ่มได้แต่มองอย่างนิ่งสงบ  อดคิดไปไม่ได้

ถ้า..ถ้าเป็นจินดา  ถ้าจินดาบาดเจ็บเลือดอาบมาแบบนี้  มือใหญ่นั่นจะตบหน้าให้รู้สึกตัว  จะกระชากจนเจ็บแบบที่ทำกับเขาไหม  จะตะคอกใส่หน้า  กล่าวหาว่าเขาไปก่อเรื่องเสื่อมเสียไหม 
   
ร่างสูงในเสื้อกุยเฮงกางเกงแพรเดินเข้าห้องมา  ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นดวงตาสีน้ำตาลใสจ้องเขม็ง

“ยังไม่นอนหรือ” ถามโดยไม่สบตา  ปกติเลอมานคงตอบกวนประสาทไปแล้วว่า ‘ถ้านอนแล้วจะลุกขึ้นมานั่งหรือ’ 

แต่ไม่ใช่ตอนนี้ 

“อาจารย์คิดว่าสิงห์กับลอยทำอะไรผม” เขาตัดสินใจถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่เต็มอก 

ดวงตาคมวาวเรียบนิ่ง  นิ่งพอๆกับน้ำเสียง  “ถามแบบนี้  ไม่รู้จริงๆหรือว่าแกล้งไม่รู้” 

“ผู้ชายเหมือนกัน  จะทำอะไรได้”  คนเจ็บไล่ต้อนให้จนมุม 

“ผู้ชายบางคนมันไม่เลือกหรอกนะ” ความหงุดหงิดเจือในน้ำเสียงจนจับได้  เป็นเชื้อไฟที่ทำให้คนฟังตีรวนอย่างหาเรื่อง

“อาจารย์เคยทำงั้นสิ  ถึงได้รู้ดีนัก”

เจอย้อนเข้าให้อย่างเจ็บแสบแบบนี้ คนึงถึงกับนิ่งงัน  แกล้งเบือนหลบไม่สบดวงตาคาดคั้นของอีกฝ่าย  กำลังจะหันกลับไปยังฝั่งตนแต่กลับต้องชาวาบทั้งร่างเมื่อได้ยินประโยคต่อไป       

“อย่าคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเอง  ชอบผู้ชายเหมือนกัน” ปากซีดเผือดแสยะเหยียดหยัน  “น่าขยะแขยง” 

‘น่าขยะแขยง?’

เขาไม่ได้คิดเช่นนั้น  ไม่ได้คิดเช่นนั้นเลยจริงๆ  ที่พูดออกไปเพราะแค่อยากทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวดบ้าง 
 
ได้ผล

“เอาอะไรมาพูด” คนกินปูนร้อนท้องหน้าถอดสีทันที  รีบร้อนเดินไปยังโต๊ะทำงานตัวเอง  คงจะเพิ่งเห็นโน้ตที่เขาเขียนไว้ให้
   
“ไปบ้านจ้อยมาหรือ  ไปหายายช้อยมาใช่ไหม  ไปรบกวนอะไรแก” 

ทำไมนะ?  ทำไมเขาเจ็บอีกแล้ว?  น่าแปลก  ทำไมเขาถึงเจ็บได้อย่างง่ายดายกับคำพูดเพียงแค่นี้

“นี่คือคำพูดที่อาจารย์ควรพูดหรือ” เลอมานกระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่  แม้แต่เสียงยังสั่นพร่าน่าสมเพช “แทนที่จะถามผมสักคำ  ผมกลัวไหม  ผมหนาวไหม  ผมเจ็บไหม  อาจารย์กลับไม่ถามเลย!”

พูดได้แค่นั้นแล้วก็ผินหลังให้  สะบัดผ้าห่มคลุมร่างจนมิดหัว 
   
ดูเอาเถิด  ขนาดกุ้งที่สง่ากับสันติตกได้มา  คนึงยังมีแก่ใจห่วงใยมันมากกว่าเขาเสียอีก  แบ่งปันความเมตตาที่มีให้กุ้งพวกนั้นมาให้เขาสักนิดไม่ได้หรือ  หากการทำใจให้รักและเอ็นดูเขาในฐานะศิษย์มันยากนัก  ก็เมตตาเขาในฐานะเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกคนหนึ่ง  มันลำบากยากเข็ญนักหรือ

หรือในสายตาของฝ่ายนั้น  เขามีค่าน้อยกว่ากุ้งในถังสังกะสีพวกนั้นเสียอีก  ไม่สิ  ไม่ว่าอะไรก็มีค่ามากกว่าเขาทั้งนั้น  เพราะสำหรับอาจารย์คนึงแล้ว  หม่อมราชวงศ์เลอมานคนนี้ไม่มีค่าเลยสักนิดเดียว     

มือที่ซุกอยู่ใต้หมอนกำแน่น  ความอุ่นผ่าวจากเบ้าตากลั่นกรองเป็นหยาดน้ำหยดไหลผ่านสันจมูกร่วงเผาะสู่หมอน  กัดริมฝีปากแน่นจนช้ำ  ไม่มีแม้เสียงสะอื้น  ไม่มีอาการตัวสั่น  ไม่มีวันเสียละที่เขาจะให้อีกฝ่ายมารับรู้ว่าเขาน่าสมเพชเพียงใด 

เป็นวันแรกในแผ่นดินไทยที่เขาเสียน้ำตา 

แต่หากเลอมานจะเปิดผ้าห่มที่คลุมโปงไว้จนมิดขึ้นมองสักหน่อย   ก็จะได้เห็นมือที่เอื้อมไปทำท่าคล้ายจะสัมผัสร่างที่นอนคุดคู้  ทว่าพอจวนถึงกลับชะงักนิ่ง  ก่อนเปลี่ยนใจ หรือตัดใจวางมือลงข้างตัว   

และจะได้เห็นดวงตาที่อ่อนโยนลงตามหัวใจที่อ่อนยวบนิ่งมองอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน



โปรดติดตามตอนต่อไป

----------------------------------------------------------------------------
*น้อยใจ, พรพิรุณ คำร้อง,  โฉมฉาย อรุณฉาน ขับร้อง

 
ตอบเม้นกันดีกว่า :L2:

WinterRose
แหม.. ถ้าเป็นหนังจีนคงต้องบอกว่าข้าน้อยมิบังอาจ มิบังอาจ (คารวะ 2 ที) อ่านคอมเม้นคุณแล้วเราเขินเลยล่ะ (เกาหัวแกรกๆ) ไม่เคยคิดว่าตัวเองเขียนดีอะไรเลยค่ะ แค่รู้สึกยังไงก็เขียนยังงั้น แล้วก็ความรักจับมือเขียน.. เท่านั้นเอง  ตอนนี้กำลังเริ่มเขียนตอน ๑๐ ต่อแล้วค่ะ  คาดว่าจะลงที่เล้าพร้อมกับบอร์ดอื่นไปด้วยเลย  สะดวกอ่านบอร์ดไหนก็ได้จ้า  และขอบคุณมากๆสำหรับโค้ดทำลิ้งค์สารบัญนะคะ  ว่าแต่ตัวเลข ๗ ตัวนั่นคืออะไรคะ  ถามไว้เผื่อคราวหน้าเราจะได้ทำเองโดยไม่ต้องรบกวนคนอื่นน่ะค่ะ ^^

silverspoon
คุณชายเริ่มเผยนิสัยด้านดีให้เห็นทีละนิดแล้วค่ะ  ส่วนอาจารย์ก็เริ่มหลงเด็กหน่อยๆ  ช่วยไม่ได้อ่ะเน้อ เรื่องพรรค์นี้มันไม่เข้าใครออกใคร ^^

vk_iupk
ยินดีต้อนรับและยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ^^

tonkhaw
ขอบคุณมากนะคะที่ชอบ เป็นคนเขียนนิยาย แค่มีคนอ่านก็ดีใจแล้วค่ะ ยิ่งได้คอมเม้นให้กำลังใจแบบนี้ยิ่งปลื้มตัวลอยเลย^^ ส่วนที่บอกว่าอยากให้ลงทุกวันนี่ (ปาดเหงื่อ^^”) ถ้าทำอย่างนั้นได้จริงจะวิ่งรอบสนามหลวงสองรอบเลยค่ะ  ใจจริงก็อยากอัพถี่ๆเหมือนนักเขียนหลายๆคนนะคะ  แต่เราเป็นคนเขียนช้านี่สิ T^T  ขอเป็นอาทิตย์ละตอนแล้วกันนะคะ

davil01
ขอบคุณมากค่ะ  ^^

roseen
อ๋าย.. ไม่ต้องกังวลค่ะไม่ต้องกังวล  วาระแห่งดราม่ายังมาไม่ถึงค่ะ ^^

Mio
สามคำให้น้องนางฟ้า >> รัก เช่น กัน (จ้า)

wdaisuw
ดีใจมากๆเลยค่ะที่อ่านแล้วชอบ  แต่อยากบอกว่า.. มาม่าน้ำ(ตา)ตกเนี่ย.. อร่อยนะคะ ๕๕๕+

ordkrub
ชื่อเรื่องมันเรียบมากเลยเนอะ ๕๕๕+ ตั้งใจตั้งชื่อให้เหมือนนิยายสมัยก่อนน่ะค่ะ  อยากบอกว่ามีคนอ่านเข้าใจว่าเป็นนิยายกำลังภายในด้วยนะเออ (สงสัยเพราะคำว่า ‘หงส์’ เป็นแน่แท้) ขอบคุณที่ผ่านมาแล้วไม่ผ่านไป  อยู่เป็นเพื่อนกันไปนานๆนะคะ^^

dearmeepooh
ตอนนี้แค่ซอฟท์ๆ พอให้เขินๆแก้มแดงอ้องต้องก่อนเนอะ  ไว้รอเลือดพุ่งพร้อมกันในฉากอัศจรรย์เนอะ ^^

Artemis
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้ค่ะ มามะกอดกันๆ  :กอด1:ขอบคุณมากๆเช่นกันนะคะที่แวะเข้ามาอ่าน  เขียนนิยายแล้วมีคนอ่านก็เหมือนสารที่ต้องการจะสื่อเดินทางไปถึงคนรับ  ไม่ใช่พูดใส่กำแพงอยู่คนเดียว  ขอบคุณมากนะคะ

2pmui
ชอบอะไรๆย้อนยุคเหมือนกันค่ะ  ขอบคุณที่ติดตามนะคะ^^

Zymphoniz
เดี๊ยวๆๆๆ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องรวมเล่มเลยจ้า.. เรื่องราวดำเนินมาแค่ต้นๆเรื่องเอง การรวมเล่มมันยังเป็นเรื่องของอนาคตอันยาวไกล ^^  (แต่ถ้าเป็นไปได้พี่ก็อยากรวมเล่มน่ะเน้อ) ขอบคุณที่คอยให้กำลังใจเสมอมานะจ๊ะ


รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้

๑๓ มกราคม ๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: WinterRose ที่ 13-01-2012 18:39:48
อา เราลืมนึกถึงไปเลยค่ะว่าคุณดอกไม้ต้องทราบเรื่องที่มาของ url แน่เลย
ขอโทษด้วยนะคะ  :call:
ดูที่ภาพนะจ๊ะ จิ้มตรงที่ชี้ไว้เลย

(http://i1230.photobucket.com/albums/ee484/MiaDirectorKim/Untitled-1.jpg)

แล้วพอมันเปลี่ยนหน้าปุ๊บก็ก็อป url address หน้าที่ขึ้นมาใหม่นั่นแหละ
มาใส่เป็นลิ้งค์ของแต่ละบท อย่างของบทที่ ๗ จะเป็น
 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1807693#msg1807693 ค่ะ
สงสัยตรงไหนอีก ถามได้เลยนะคะ ^^

---

อ่านตอนนี้แล้วก็ให้สงสารคุณชายที่สุดเลย
ทำไมเพื่อนๆของจ้อยใจร้ายขนาดนี้ก็ไม่รู้
อาจารย์อีก อดติกับคุณชายแท้ๆเชียว
นอกจากนิสัยรั้น เอาแต่ใจนิดหน่อยตามประสาลูกคุณหนูแล้ว
คุณชายก็ไม่ได้พิษภัยอะไรเลย จ้อยเสียอีกที่เข้าใจคุณชาย
น่าสงสารลูกรักของเรา (โอ๋คุณชายออกนอกหน้า ฮ่าๆ)

ส่วนจ้อยกับสิงห์ก้นับวันยิ่งรุนแรงขึ้นๆ
ลอยเนี่ย แววตัวร้าย(ร้ายมากด้วย!)โผล่มาแต่ไกลเลย
นิสัยไม่ดีเลย มาคบกับสิงห์ก็หวังแต่ผลประโยชน์แท้ๆ
เท่าที่ดู เนื้อแท้สิงห์ไม่ใช่นังเลงหัวไม้อะไรแบบนั้นสักหน่อย
เสียเพราะเพื่อนนี่แหละ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 13-01-2012 18:46:06
ความรู้สึกที่เลอมานมีให้กับอาจารย์คนึงมันจะใช่คำว่ารักหรือยังน่ะ
หรือเพียงอยากได้ความรักอย่างที่ทุกคนได้
แล้วความรู้สึกของอาจารย์เองล่ะ ดูท่าเหมือนจะแอบมีใจให้หน่อย
แต่ก็ยังมี จินดา คนรักเก่าถึงแม้จะไม่อยู่แล้ว
เฮ้ออ น่าอึดอัดเน้ออ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนครับ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 13-01-2012 20:57:16
สงสารคุณชาย!!!!!!!
เพิ่งจะเริ่มรู้สึกว่าคุณชายน่าสงสารก็คราวนี้แหละ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 13-01-2012 20:58:26
ติดตามๆตอนต่อไป ภาษาสวยมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 13-01-2012 21:25:38
บรรยายเรื่องตอนนี้ อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย
อินจัด  ตอนที่คุณชายถูกทิ้ง T^T
คุณชายเริ่มชอบ อาจารย์แล้วชิมิเนี่ย
แอบมี น้อยจงน้อยใจ  :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 13-01-2012 22:07:54
เรื่องนี้อ่านเพลินมาก ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 14-01-2012 14:38:24
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 14-01-2012 15:32:34
 :เฮ้อ:น่าเป็นห่วงจ้อย

กำลังจะเจอตัวเหี้ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 15-01-2012 12:11:10
เรื่องนี้ใช้ภาษาได้สวยงามมาก
ชอบการนำเพลงเก่าๆมาประกอบเนื้อเรื่อง
มันสามารถสื่อทั้งอารมณ์และความรู้สึกหรือเปรียบเทียบตัวละคร ณ ตอนนั้นได้ดี
สุดยอด!! ชอบมากเลยค่ะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 15-01-2012 14:52:44
ตอนนี้สงสารเลอมาน

และเห็นใจสิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 15-01-2012 15:46:12
อ่านยังไม่ถึงตอนสุดท้ายเลย เดี๋ยวกลับมาอ่านใหม่นะครับ

อ่านแล้วไม่ค่อมเม้นอย่าว่ากันนะครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: miya_pp ที่ 15-01-2012 16:49:37
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Phantom ที่ 15-01-2012 20:51:27


สงสารคุณชายจริง ๆ
ลุ้นกลัวจะโดนใครทำมิดีมิร้ายไปซะก่อน
ท่าทางจะต้องลุ้นอีกนานแน่ ๆ

ขอบคุณคุณดอกไม้ที่บรรจงเขียนเรื่องได้น่าติดตาม
แถมมีรูปประกอบสวย ๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 15-01-2012 22:46:57
คุณชายเหมือนเป็นเด็กน้อยที่ไม่ได้อยู่กับครอบครัวตั้งแต่เด็กอ่ะ  เลยไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนเท่าที่ควร

แต่พอพระเอกได้สอนอะไรให้แล้ว  ก็เหมือนจะดีขึ้นนะ 

รักเรื่องนี้จัง  อิอิ  มาอัพไวๆนะคะ ชอบมากๆ  +1 ให้จ้าาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 16-01-2012 00:28:08
มาให้กำลังใจก่อนมาตามอ่านค่ะ
เผอิญว่าเป็นช่วงที่ติดสี่แผ่นดินงอมแงมเลยไม่ค่อยได้เข้าเล้าเท่าไหร่
มาเจออีกทีก็ปาไป 7 ตอนเสียแล้ว!  :a5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 16-01-2012 01:59:37
เพิ่งได้มาติดตามครับผม สารภาพตามตรงตนเห็นเรื่องนี้ครั้งแรก ไม่อ่านเพราะชื่อมันดูเศร้า ๆ
แล้ววันนี้ได้เข้าไปดู บอรด์ เรื่องนี้ต้องอ่าน เลยลองแวะมาอ่าน  พออ่านจบ  ขอบอกคำสั้น ๆ
หลงรักคุณชายเลอมานไปเสียแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 16-01-2012 02:03:11
เพราะลอยแน่ๆที่ทำให้จ้อยกับสิงห์แยกกัน

แต่ว่า สงสารชายเล็กจริงๆนะ ท่านพ่อเองก็หักดิบเกินไป น้องเองก็ใช่ว่าจะสอนยากสอนเย็น

สงสารน้องอ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 16-01-2012 16:28:15
อ่าวแล้วเพลินมากๆเลยละคะ ^^
ถูกใจมากเลย
ชอบอ่านแนวย้อนยุคแบบนี้เหมือนกัน
เคยอ่านของบางเรื่องภาษามันแปลก ทะแม่งๆดี
แต่อันนี้อ่านแล้วลื่นดีคะ ชอบๆ

เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆคะ แล้วมาอีกน้า
+1 ให้จ้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: My_Rain ที่ 16-01-2012 17:08:24
สุดยอดอ่ะ อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนมีความรู้สึกถึง หมอกมาปะทะตัวตลอดเวลา
อารมณ์สีเทาอะไรประมาณนั้น  แล้วภาพในจินตนการก็แบบ เหมือนมีเส้นๆแบบหนังเก่าๆ ><
แล้วเหตุไฉนใยจ้อยกับพี่สิงค์ถึงเปลี่ยนไปละอยากรู้ๆ เวลาอ่านคู่นี้มันหวิวๆ แปลก  หุหุ
ขออย่าให้ไอ้ยอดมันเลวเกินไปเลยเหอะเดี๋ยวรับไม่ได้   
ยังไงก็รีบมาต่อนะคะ  ไม่อยากให้ขาดตอนอยากอ่านทุกๆวัน
เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยจ้าาา สู้ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 16-01-2012 20:56:50
อึดอัดกับสถานการณ์ของทั้งสี่คนมาก
น่าสงสารสิงห์ที่ชอบจ้อย แต่จ้อยก็ทำท่าเหมือนรังเกียจตัวเองซะเต็มประดาขนาดนั้น
ไหนจะตอนเด็กๆ เคยสนิทกันแบบนั้นแล้วด้วย ลูกกำนันน่าสงสารเชียว
ส่วนเลอมานกับอาจารย์คนึงนี่ก็อึดอัดสุดๆ
อาจารย์เริ่มอ่อนโยนแล้ว แต่สองคนนี้เหมือนคนปากแข็งทั้งคู่
ไม่เคยพูดจากใจตัวเอง ประชดประชันกันเข้าไป
เฮ้ออ เดี๋ยวปั๊ดให้จินดาฟื้นขึ้นมาซะเลย  o18
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 18-01-2012 01:01:23
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วประทับใจที่สุดในชีวิต
จากหนังสือท้งวายและไม่วายที่ถ้านับจำนวนแล้วคงเอามาตั้งห้องสมุดประชาชนได้แน่ๆ ^__^
อ่านที่บอร์ดโน้น แล้วก็มาอ่านที่บอร์ดนี้ จนจำรอบไม่ได้แล้วว่าอ่านไปทั้งหมดกี่รอบ
แต่เชื่อได้ว่าจำได้ทุกประโยคในเรื่อง เรียกว่าถ้าออกข้อสอบคงได้คะแนนเต็มแหง
แต่แปลกนะ ทั้งที่อ่านบ่อยจนจำได้ขึ้นใจขนาดนั้น แต่กลับไม่เคยเม้นท์เลย
เพราะว่าไม่รู้จะเม้นท์ยังไง ให้มันถ่ายทอดความรู้สึกประทับใจของตัวเองลงไปได้
ที่แน่ๆ ถ้ามีการรวมเล่มเมื่อไร ราคาเล่มละสามพันก็จะซื้้อ..จริงๆ นะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 18-01-2012 01:48:17
ไม่ต้อบขอบคุณหนูหรอกจ้า ดีใจที่นิยายดีๆที่หนูชอบ จะได้ผ่านสายตานักอ่านมากขึ้นคร้า
(เป็นโรคจิตมากเลยแบบถ้าชอบนิยายเรื่องนี้ ก็อยากให้คนอื่นชอบด้วยอะ แลมีความสุขดีไม่รู้ทำไม55+)
แค่พี่สัญญาว่าจะมาอัพบ่อยๆหนูก็แทบจะเต้นบันเล่ย์ได้แล้วจร้าาาา 555+

ไม่แช่งให้ชายเล็กเป็นฝีก็ได้.......หนูไม่ได้หวังผลอะไรเลยนะ=,.=55
ยังไง ก็รอๆๆๆ พี่สาวมาอัพนะครับ ตอนที่7แล้ว อีกนิดดดดดด เดียว~ เอิ้ก ก  กๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 18-01-2012 14:42:23
ชอบมากๆเลยครับ
ภาษาสวยดี
จะรอติดตามต่อไปนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 19-01-2012 00:52:25
รักคนแต่งที่สุดในโลกกกกก :man1:
สงสารเลอมาน น้ำตาไหลพรากกกก :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 19-01-2012 11:38:42
หลงรักคนหยิ่ง
หลงรักเรื่องนี้
หลงรัก..ทุกสิ่งอย่างที่เป็นมหาหงส์ (เอ๊ะ เค้าไม่ได้หลงรักลอยนะ ครึครึ)


"มหาหงส์" คุณค่าที่นักอ่านคู่ควร
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 19-01-2012 21:08:20
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ในวันนี้ รวดเดียวบทที่1-7เลย
เข้ามาอ่านเรื่องนี้เพราะชื่อเรื่องเป็นอันดับแรก ด้วยเป็นชื่อดอกไม้ที่ชอบเป็นพิเศษ
มหาหงส์(เจ้าดอกสะเลเต) เมื่อเข้ามาแล้วก็ไม่ผิดหวัง ด้วยชอบเรื่องราวย้อนยุคอยู่แล้ว
เนื้อเรื่องน่าสนใจชวนติดตาม เพราะสมัยโน้น สมัยยังเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูอยู่ คงซัก50-60ปีได้เนาะ
เรื่องความรักชาย-ชายในสังคมยุคนั้นนี่ จะเป็นอย่างไร ใคร่รู้จัก
แต่ว่าตอนนี้คุณชายน้อยใจครูคนึงซะแล้ว ดูเหมือนครูจะลังเลสับสนที่จะเข้าไปปลอบหรือขอโทษ
ที่เข้าใจคุณชายผิดซะด้วยซี แล้วแบบนี้จะญาติดีกันได้เมื่อไหร่หนอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 20-01-2012 11:25:57
(http://img38.picoodle.com/i51j/wattanan/0_09a_ucmz8.jpg)


บทที่ ๘

เสน่หา


 

ความรักเอย
เจ้าลอยลมมาหรือไร
มาดลจิต มาดลใจ เสน่หา
รักนี้จริงจากใจหรือเปล่า
หรือเย้าเราให้เฝ้าร่ำหา*




เมฆดำครึ้มทะมึนมาแต่ไกล  ยินเสียงไผ่เสียดกอเมื่อพบลมรวนอยู่ลิบๆ  ณ แปลงผักหลังโรงเรียน  ปรากฏร่างหนุ่มน้อยมาเดินท่อมๆรดน้ำอยู่เพียงลำพัง 

จ้อยแหงนหน้ามองท้องฟ้าดำมืดแล้วถอนใจเฮือก  มือเล็กยกขึ้นปาดเม็ดเหงื่อที่เกาะพราวบนใบหน้าอ่อนใส  มือหนึ่งยังหิ้วถังสังกะสีเปี่ยมน้ำ  หากรู้ว่าฝนตั้งเค้ามาขนาดนี้  เขาตรงดิ่งไปอาบน้ำนอนเลยก็ดี  จะได้ไม่ต้องลำบากลำบนมารดน้ำค่ำๆมืดๆ
   
มือที่กำลังหิ้วถังน้ำชะงักกึก  เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าสวบสาบมาทางด้านหลัง  ไม่ใช่แค่คนสองคนเสียด้วย!

จ้อยหันขวับไปมองทันทีตามสัญชาติญาณ  ใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม จนเผลอทำถังน้ำหลุดมือ 

ไอ้ลอย!

“ขยันจริงน้า..” ร่างสูงใหญ่เดินย่างสามขุมเข้าหา  ไม่สนใจว่าย่ำลงไปบนแปลงผักของใครบ้าง “ดึกดื่นป่านนี้ไม่หลับไม่นอน  มาให้ท่าพวกพี่หรือไงจ๊ะ”
   
ไอ้เลิศ ไอ้หมานประสานเสียงหัวเราะเสียดแทงแก้วหู  ปนเปกับเสียงฟ้าลั่นคำรามไกลๆ  แสงตะเกียงสลัวรางส่องให้เห็นแววตาประสงค์ร้าย

“พะ..พวกเอ็งมาทำไม!” จ้อยทำเป็นเสียงดังข่ม  ทว่าเสียงสั่นเทาฟ้องความหวาดกลัวในหัวใจหมดสิ้น  สองขาถอยหลังกรูด  ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆที่พวกนักเลงที่เพิ่งมีเรื่องกันมาแอบซุ่มรอเขาอยู่ค่ำๆมืดๆ  สัญชาติญาณสั่งให้เขารีบหนี  หนีไปให้เร็วที่สุด

หันหลังวิ่งได้แค่สองก้าว คนตัวโตกว่า ขายาวกว่าก็โจนพรวดเดียวถึงตัว  แขนเล็กโดนกระชากจนเจ็บ

“เฮ่ย! จะหนีไปไหน” ไอ้ลอยคำรามเหี้ยม อุ้งมือใหญ่กำรอบต้นแขนเล็ก บีบแน่นแทบหักคามือ “คิดว่าพวกกูจะปล่อยมึงง่ายๆหรือวะ” 

ผลั่วะ!!

ไม่พูดพล่ามทำเพลง  กำปั้นลุ่นๆซัดเข้าที่ใบหน้าเล็กจนหน้าหงาย  ร่างบอบบางปลิวหวือไปหาไอ้เลิศ

ปึ้ก!!

โดนไอ้เลิศสอยเข้าให้อีกหมัดที่ท้องจนลงไปนอนจุกตัวงอ  จ้อยโก่งคอไอโขลก  เลือดแดงฉานไหลโกรกออกจมูก  ซ้ำยังจุกจนแทบหายใจไม่ออก

ฝนเริ่มทิ้งเม็ด  แรกเพียงเปาะแปะ  ก่อนค่อยๆตกแรงขึ้น  คล้ายฟ้ากลั่นแกล้ง  กลบเสียงใดๆได้สนิทนัก 

“ต้องการอะไร” คนตัวเล็กเค้นเสียงถามอย่างเคืองแค้นทั้งที่ยังนอนคลุกดินเปียก  เงยใบหน้าสะบักสะบอมขึ้นถามไอ้พวกหมาหมู่

“คราวก่อนมึงทำพวกกูอับอายขายขี้หน้าชาวบ้าน  กูแค่มาเอาคืน” ไอ้ลอยชี้หน้าอาฆาต  ก่อนวาดเท้าเตะเปรี้ยงเข้าให้ที่ชายโครง 

เปรี้ยง!!

จ้อยร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด  งอร่างขดคุดคู้เหมือนสัตว์บาดเจ็บ  เนื้อตัวเปียกโชกมอมแมม  และขณะที่ร่างผอมเกร็งของไอ้หมานกระชากผมเขาขึ้นเพื่อหมายชกอีกหมัด  ไอ้ลอยก็ปรามขึ้นเสียก่อน

“เฮ้ย! พอๆ อย่าให้ช้ำมาก” ร่างสูงตระหง่านยืนค้ำหัวร่างเหยื่อที่ยับเยิน  พลางสั่ง “ไอ้หมาน  เอ็งไปตามพี่สิงห์มา  บอกว่าข้ายิงนกได้ตัวนึง  หักปีกหักหางไว้รอลูกพี่มาเชือด”

ชื่อใครอีกคนที่ได้ยินทำให้จ้อยหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ  พยายามดิ้นรนขัดขืนยามทั้งร่างถูกไอ้ลอยไอ้เลิศหิ้วหัวท้ายลากไปยังโรงเก็บอุปกรณ์ชมรม  ทว่าเป็นการดิ้นรนที่สูญเปล่า  สายตาพร่าเลือนได้แต่มองร่างผอมๆของไอ้หมานวิ่งไป..

ร่างเล็กบางถูกโยนโครมลงพื้นอย่างไร้ความปรานี  ไอ้ลอยยืนจังก้า  นิ่งมองเหยื่อตัวน้อยกระเสือกกระสนคลานหนี  สายตาหยาบโลนเพ่งพินิศเสื้อตัวบางที่เปียกแนบเนื้อ  ผิวขาวที่ต้องน้ำจนยิ่งขาวจัด  ดวงตาคู่สวยที่ฉายแววตื่นกลัวเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ  ทั้งที่เมื่อครู่ดวงตาคู่นั้นยังจองหองอวดดีอยู่แท้ๆ 

ไวเท่าความคิด  ร่างใหญ่หนาตรงเข้าขึ้นคร่อมเอวบาง  ปัดมือไม้ที่ดิ้นรนขัดขืนได้ง่ายดายเหมือนปัดแมงหวี่แมงวัน 

ฉาด!!

และเมื่อพอรำคาญมากๆเข้าก็ตบฉาดใหญ่เข้าให้ที่ใบหน้าเล็กจนหน้าหัน  แก้มขาวซีดขึ้นเป็นรอยแดงชัดเจน  จ้อยหอบหนัก  เจ็บปวดและหมดแรงเกินกว่าจะต่อสู้ขัดขืน  ได้แต่นอนหอบระทวยอยู่ใต้ร่างคนสารเลว     

นักเลงหนุ่มลงมือฉีกเสื้อตัวบางออกทันทีดังแคว่ก  แผ่นอกขาวจัดกระจ่างชัดเต็มสองตา  ดวงตาคู่ใสเบิกโพลงยิ่งทำให้ไอ้ลอยยิ้มสะใจ

“พี่ลอยจะทำอะไร” ไอ้เลิศถามงงๆ 
“เออน่ะ  เดี๋ยวสนุกแน่”

“ปล่อยกู!” จ้อยรวบรวมพละกำลังเฮือกสุดท้ายดิ้นรน  ทว่ากลับคนตัวโตชกเข้าให้ที่ท้องน้อยจนไอโขลก คุดคู้กุมท้องตัวงอ  หากแต่ยังครวญครางซ้ำๆ..

“ปล่อยกู.. ปล่อยกู”     

มือสากลูบไล้หน้าท้องขาวเนียนอย่างหยาบโลน  จ้อยสะดุ้งหวาดผวา  หยาดน้ำตาแห่งความกลัวเริ่มรินไหล  เมื่อมือคู่นั้นลัดเลาะลงต่ำ ปลดตะขอรูดซิปกางเกงขาสั้นแล้วดึงออกเหวี่ยงไว้ตรงมุมห้อง  เสียงห้าวหัวเราะกึกก้องแข่งกับเสียงฟ้าฝนคำราม
   
...................................

“อะไรของพวกเอ็งวะ!” สิงห์บ่นอย่างหัวเสีย  ทั้งที่บ่นมาตลอดทางแล้วขณะอยู่บนเรือ  หัวเสียที่โดนปลุกดึกๆดื่นๆ  หงุดหงิดที่ไอ้หมานพูดจาอมพะนำ ยื้อยุดให้ตามมันมาทั้งที่ฝนกำลังตก  ได้แต่สาวเท้าก้าวยาวๆตามลูกน้องตัวดี  “ถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจล่ะก็  ข้าจะถีบตกน้ำให้หมดทุกคนเลย”

ร่างผอมสูงเดินนำมาถึงโรงเก็บอุปกรณ์หลังโรงเรียน  เสียงร้องไห้ เสียงครวญคราง เสียงหัวเราะของใครต่อใครดังเคล้ากันไปในเสียงฝน 

เสียงร้องไห้ที่บางเบาจนน่าจะเลือนหายไปในเสียงฝนกระหน่ำ  กลับชำแรกรุกรานถึงขั้วหัวใจ  เสียงของใครคนหนึ่งที่มันจำได้ขึ้นใจตั้งแต่เล็กจนโต

จ้อย!

เสียงนั้นหอบครางถี่กระชั้น  ก่อนหวีดสูงเสียดแทงหัวใจคนได้ยินจนมือไม้อ่อนยวบ  เมื่อไอ้หมานเปิดประตูไม้เก่าคร่ำคร่า  เสียงสะอื้นไห้ยิ่งได้ยินชัดถนัดหู  ร่างสูงใหญ่สาวเท้าตามเสียง  และที่มุมห้องนั่น  ภาพที่เห็นทำให้หัวหน้าอันธพาลผู้ไม่กลัวใครถึงกับตัวชาวาบ

ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนต้องแสงตะเกียงนวลดูราวกับจะส่องประกาย  ตัวสั่นเทาราวลูกนกปีกหักกลางพายุ  ผมเผ้าเปียกปอนยุ่งเหยิงเบือนหลบคล้ายไม่อยากมองสภาพร่างกายตน  สองมือถูกร่างอ้วนใหญ่ของไอ้เลิศรวบไว้เหนือหัว  ตรงหว่างขาขาวที่กางแยกคือร่างกำยำของไอ้ลอยที่กำลังยกมือเปื้อนคราบขาวขุ่นขึ้นเลียไล้ราวกับน้ำหวานรสเลิศ 

“มาแล้วหรือพี่สิงห์” ใบหน้าคมสันหันมายิ้มยียวน  ปลายลิ้นยังแลบเลียตรงหว่างนิ้ว  เหยื่อตัวน้อยจึงค่อยหันหน้ามา

ใบหน้าที่เคยนวลใสบอบช้ำยับเยิน  รอยเลือดแดงจากจมูก  มุมปากแตก โหนกแก้ม เบ้าตาเขียวช้ำ  ดวงตาที่สดใสแวววามอยู่เสมอคู่นั้นบัดนี้แดงช้ำ มีน้ำตาไหลพรากด้วยความหวาดกลัว 

เหมือนอะไรบางอย่างในหัวใจไอ้สิงห์ถูกเฉือนขาดสะบั้น!   

“ไอ้ลอย มึง!”

เปรี้ยง!!

ร่างสูงใหญ่โจนพรวดเข้าซัดกำปั้นใส่ใบหน้าลูกน้องคนสนิทอย่างแรงจนหน้าหงาย  ก่อนหันไปเตะไอ้เลิศที่ยังงงไม่หายจนหัวซุกหัวซุน  ไอ้หมานที่ยืนที่ออยู่หน้าประตูก็โดนหมัดตะบันหน้าด้วยอีกคน  ลูกชายกำนันอาละวาดไล่ชกลูกน้องอย่างบ้าคลั่ง 
ปราดเข้าโจนเข้าชกไอ้ลอยอีกครั้งจนแม้อีกฝ่ายหงายหลังผึ่ง  สิงห์ก็ยังรัวหมัดใส่อีกหลายครั้งติดๆกัน 

ผั่วะ!! ๆ ๆ ๆ

“ไอ้ลอย!  มึงทำมันทำไม  ทำมันทำไม!” ลูกพี่กระชากคอเสื้อถาม “มึงยังเป็นลูกน้องกูอยู่หรือเปล่า” 

“ฉันต่างหากที่ต้องถามพี่ พี่สิงห์” ไอ้ลอยยังยิ้มหยันได้ทั้งที่หน้ายับเยิน  ปากโกรกเลือดถามกลับเสียดแทงใจ “พี่ยังเป็นลูกพี่เราอยู่หรือเปล่า”

“ใช่ๆๆ” ไอ้เลิศลุกขึ้น สนับสนุนไอ้ลอยเต็มที่   

“วันก่อนมันทำให้เราถูกชาวบ้านหัวเราะเยาะ พี่ลืมไปแล้วเรอะ” ไอ้หมานผสมโรงอีกเสียง 

เมื่อเห็นใบหน้าคมสันของลูกพี่นิ่งงันไป  ลอยจึงค่อยเถิบตัวหนีออกมา ลุกขึ้นยืน ใช้คมปากแทนอาวุธ “ทำไมพี่ต้องโกรธมากขนาดนี้  กะอีแค่ลูกหนี้คนเดียว  จะห่วงอะไรมันนักหนา  หรือว่า..”

“หรือว่าอะไรเรอะ” ไอ้หมาน ไอ้เลิศ ถามอย่าสอดรู้เต็มที่

“เฮ่ย..ดูท่าที่พวกเราล้อกันตอนเด็กๆจะจริงซะละมั้ง” ลอยพูดยียวนก่อนระเบิดเสียงหัวเราะลั่น  สิงห์เม้มปากแน่น  ความทรงจำไหลบ่าราวน้ำเชี่ยว

‘ไอ้สิงห์ชอบไอ้กะเทย  ไอ้สิงห์ชอบไอ้กะเทย’
‘เปล่านะ!  กูไม่ได้ชอบมัน  กูเกลียดมันจะตายไป!’


“มึงจะให้กูทำยังไง” ถ้อยคำสบประมาทนั้นทำให้ลูกชายกำนันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  กัดฟันถาม 

ไอ้ลอยตาวาววับ  หันมองเหยื่อตัวน้อยที่นอนคุดคู้  ก่อนหันมาสบตาลูกพี่  พูดไม่กระพริบตา “ล่อแม่งเลยพี่  สั่งสอนมันให้หลาบจำไปเลย” 

“พี่สิงห์  ถ้าพี่แน่จริง  พี่จัดการมันเลย” ไอ้หมานผสมโรงอีกเสียง 

สิงห์ปิดตา คิ้วขมวดคล้ายชั่งใจ  ก่อนลืมตาขึ้นเผยให้เห็นความหวาดหวั่น  “แต่มันเป็นผู้ชาย..”

“ผู้ชายสิดี  เอาเท่าไรก็ไม่ท้อง” ลูกน้องคนสนิทเอ่ย  ก่อนกระซิบเหี้ยมข้างหู “แถมเด็ดกว่าผู้หญิงซะอีก”

ความลังเลละล้าละลังยังปรากฏชัดในแววตา  ไอ้ลอยรีบยุ เร่งเร้า “เอาเลยพี่  ต่อไปมันจะได้เข็ดหลาบ  ไม่กล้าหือกับพวกเราอีกแล้ว”

ดวงตาบวมปูดปรือขึ้นอย่างยากลำบาก  แต่เมื่อเห็นชายฉกรรจ์ ๔ คนยืนตระหง่านห้อมล้อมเหนือร่าง จ้อยก็ตัวสั่นหวาดผวา 

“ฮือ..ปล่อย..” น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งเมื่อร่างคุดคู้ถูกมือหยาบกระชากพลิกหงาย  ก่อนที่มือใครอีกคนจับขาขาวแยกออกกว้าง  เพื่อให้ ‘ใครอีกคน’ แทรกตัวเข้ามา

พยายามดิ้นรน  หากแขนขาถูกตรึงไว้  มือใครเป็นมือใครบ้างก็ไม่รู้ 
   
“ฮือๆ.. ช่วยด้วย..” ใบหน้าบอบช้ำสะบัดส่ายหน้าหนี  ร่ำไห้น่าเวทนา  แต่ไม่ได้ทำให้พวกคนถ่อยนึกสงสารสักนิด

“มึงอยากร้องมึงร้องไปเลยไอ้จ้อย” ไอ้ลอยเข่นเขี้ยวเหี้ยมเกรียม “ร้องให้คนมาเห็นเลยว่านักเรียนครูอย่างมึงโดนนักเลงอย่างพวกกูจับทำเมีย”

“ไม่ใช่พวกมึง!  กูคนเดียว!” สิงห์ประท้วงลั่นหน้าตาตื่นทันที “กูคนเดียวก็พอ” 

ไอ้ลอยลอบยิ้มหยัน  ชิชะ ไอ้สิงห์ ทำเป็นหวงเรอะวะ  แต่อย่างน้อยไอ้จ้อยของเอ็งก็ถึงสวรรค์คามือข้าไปแล้ว

คิดพลาง แยกขาเรียวข้างที่ยึดอยู่ให้กว้างขึ้นอีก  ดูคล้ายอำนวยความสะดวกให้  แต่จุดประสงค์แท้จริงนั้น  คือมุ่งหมายจะลองเชิงคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่

ตลอดเวลาที่ผ่านมา  ไม่มีแม้สักวินาทีที่มันจะนับถือลูกชายกำนันเป็น ‘ลูกพี่’ ถ้าไม่เพราะบารมีกำนันผู้เป็นพ่อ  และเพราะเงินที่เจ้าแม่เงินกู้อย่างคุณนายพูนทรัพย์ผู้เป็นแม่เคยช่วยครอบครัวของมันไว้  ไม่มีวันเสียล่ะที่มันจะยกย่องไอ้เด็กอ่อนหัด และใจอ่อนเกินไปอย่างไอ้สิงห์มาเป็นลูกพี่

ความจริงลอยไม่ได้โกรธแค้นอะไรจ้อยนักหนา  เหตุที่ตลาดเมื่อวันก่อนคนเสียหน้าที่สุดไม่ใช่มัน แต่เป็นไอ้สิงห์ต่างหาก  ทว่าสาเหตุที่มันทำแบบนี้  เพราะอยากดัดหลัง ‘ลูกพี่’ บ้างก็เท่านั้น     

ลอยคว้ามือใหญ่ของลูกพี่วางลงบนเรือนกายเหยื่อ  สิงห์ชะงัก  มือสั่นจนรู้สึกได้  ลอยอยากหัวร่อให้ฟันร่วงนัก 

ถุย! ไอ้ไก่อ่อน   


สิงห์มองทัศนียภาพตรงหน้านิ่งคล้ายคนตกอยู่ในความฝัน 

ทว่าเป็นฝันร้าย! 

คนที่อยู่ในความคิด คนที่อยู่ในหัวใจมาตลอด  บัดนี้นอนเปลือยเปล่า แยกขาให้อยู่ตรงหน้า  เปิดเผยทุกส่วนในร่างกายกระจ่างชัดเต็มสองตา  หากช่างน่าอัศจรรย์ที่เขาไม่เกิดอารมณ์เสน่หาแม้แต่น้อย

ผิวเนื้อขาวเนียนละเอียดมีรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำ  ดูก็รู้ว่าถูกทำร้าย  ไหนจะใบหน้าบวมช้ำ ไหนจะน้ำตาที่ไหลพรากนั่นอีก 

มีแต่ความเวทนาสงสารโอบพันรอบหัวใจ

แล้วทำไมเขาต้องมาอยู่ตรงนี้  อยู่กลางหว่างขาขาวที่กางแยก  เพื่อทำให้ร่างน้อยๆนี้บอบช้ำลงไปอีก  ทำไมไม่ลุกหนีไปซะ!

ลุกไม่ได้!  เขาจะไปไหนไม่ได้!  ถ้าลุกหนีไป  ต่อหน้าลูกน้อง  ต่อหน้าคนกลุ่มเดียวที่ยัง ‘ยอมรับ’ ในตัวเขา  ความ ‘ยอมรับ’ นั้นอาจจะหายไป  แล้วคนอย่างเขาจะมีที่ไหนให้ยืนอีก

สองความคิดตีกันชุลมุน  ว้าวุ่น..สับสน..

บัดนี้ไอ้สิงห์จำต้องเลือก  ระหว่างศักดิ์ศรีแห่งตน  และ  ดวงใจที่เฝ้าถนอม


จะเลือกอะไรดี?!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 20-01-2012 11:37:30
ค้างง!!! จ้อยอย่าเป็นอะไรนะ  :serius2:
สิงห์อย่าทำอะไรจ้อยนะเฟ้ย แกต้องทะนุถนอมคนที่แกรักซิ
ต้องฮึดขึ้นมาแล้วจัดการพวกลูกน้องของแกซะ
หนอยลอยแกเลวมากกกกกกกกก  :m31:

Edit : อ้าวคั่นเหรอเนี่ย :a5: เค้าขอโทษนะ อ่านแล้วอินมากเลยรีบเม้น 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 20-01-2012 11:39:58
สิงห์รีบร้อนถอดเสื้อที่ตนใส่อยู่  เผยให้เห็นแผงอกแข็งแกร่งล่ำสัน  เรียกเสียงเฮลั่นจากพวกลูกน้อง.. ที่หุบปากกริบกันแทบไม่ทัน..
   
เมื่อมือใหญ่วางเสื้อตัวนั้นคลุมร่างบอบช้ำของเหยื่อตรงหน้า
   
“กูทำไม่ได้..” เสียงนั้นไม่ดังไปกว่ากระซิบ แต่หนักแน่นนัก “กูทำไม่ลง” 
   
ไอ้ลอยตาค้าง 

“ผู้ชายเหมือนกัน  กูเอาไม่ลง!  ถ้านมไม่โตกูไม่แตะให้เสียมือหรอกโว้ย!” ร่างสูงลุกขึ้นยืนพรวด ปัดเนื้อปัดตัวเหมือนรังเกียจ  หันไปเห็นลูกน้องนั่งหน้าเหวอจึงรีบสั่ง  “มัวเซ่ออะไรกันอยู่  กลับสิวะ!”

ไอ้หมาน ไอ้เลิศยอมปล่อยเหยื่อแต่โดยดี  พากันเดินงงๆออกไป  ไอ้ลอยเดินผ่านพลางแค่นหัวเราะ  สิงห์รีบกระชากคอเสื้อกลับมา กระซิบเหี้ยมเกรียมเอาเรื่อง

“ถ้ามึงมายุ่งกับไอ้จ้อยอีก  กูฆ่ามึงแน่ไอ้ลอย” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนหันหลังเดินจากไป

ทั้งสี่ฝ่าความมืดมาเกือบถึงเรืออยู่แล้ว

“กูลืมของ” ลูกพี่บอกเสียงเรียบ  ไม่เหมือนคนตกใจที่ลืมของสักนิด “พวกมึงกลับไปก่อน ไม่ต้องรอ” 

ไม่รอให้มีใครรับคำ  ร่างสูงใหญ่ก็หันหลังวิ่งกลับไปทันที  มีเพียงสายตาไอ้เลิศไอ้หมานมองตามอย่างไม่เข้าใจ  และรอยยิ้มหยันปิดไม่มิดของไอ้ลอยส่งท้าย   
   

สิงห์วิ่งฝ่าสายฝนมาถึงโรงเก็บอุปกรณ์  ใจเต้นรัวเร็วราวกับคนบ้า  ร่างน้อยๆนั้นยังนอนคุดคู้อยู่ที่เดิม  ประกายฟ้าแลบปลาบส่องลอดช่องว่างข้างฝาให้เห็นผิวเนื้อขาวเป็นระยะ  ร่างกำยำค่อยๆสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ เงียบๆ ย่อตัวลงวางมือบนต้นแขนเล็ก  ปวดแปลบในใจเมื่อร่างนั้นสะดุ้งเฮือก  กระเถิบหนีหวาดกลัว ลนลาน

“จ้อย.. จ้อยของพี่..” หัวหน้าอันธพาลกระชับร่างสั่นเทาไว้ในอ้อมแขนแกร่ง  กอดแน่นแนบอก  พึมพำข้างหูซ้ำๆ.. “ไม่ต้องกลัว พี่เอง.. พี่ไม่ทำอะไร  ไม่ต้องกลัว”

สิงห์กระบอกตาร้อนผ่าวเมื่อมือบางพยายามผลักไส  ดวงตาเขียวช้ำดูหวาดผวา จงเกลียดจงชัง  บีบเค้นหัวใจคนเก่งกล้าให้เหลือไม่ถึงเสี้ยว  จึงค่อยวางร่างในอ้อมกอดลงอย่างทะนุถนอม

“พี่ขอโทษ.. จ้อย พี่ขอโทษ” มือใหญ่เทอะทะประคองใบหน้าเล็กไว้  ค่อยๆเกลี่ยไล้รอยน้ำตา  ก่อนหันหาเสื้อผ้าของอีกฝ่าย  เจอกางเกงขาสั้นสีกากีกองเขละอยู่ด้านหนึ่ง  จึงรีบลุกไปหยิบมาสวมให้อย่างเบามือ 

ร่างบอบบางไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน  ตัวสั่นสะท้าน  สิงห์วางมือลงบนหน้าผาก  ใจหายวาบเมื่อพบว่ามันร้อนผ่าว 


“จ้อย!  จ้อยอยู่ไหน!”
“จ้อย!  วู้!  หายไปไหนของมันนะ”

ได้ยินเสียงคนร้องเรียกอยู่ข้างนอก  เพื่อนคงมาตามหาแน่แล้ว  ไวเท่าความคิด  สิงห์รีบช้อนอุ้มร่างเล็กแนบอก  เปิดประตูผางออกมาพบสง่ากับสันติยืนกางร่มร้องเรียกเพื่อนกลางสายฝน

“เฮ้ย!” เสียงทุ้มห้าวเรียก  สองสหายหันมอง  อึ้งกันไปชั่วขณะ ก่อนทิ้งร่มวิ่งกรูกันมาหา  อารามตกใจเมื่อเห็นสภาพเพื่อนรัก คิดแต่จะช่วยเพื่อนให้รอดเป็นอันดับแรก  สันติจึงพาดจ้อยขึ้นหลังสง่า ก่อนพากันวิ่งปุเลงๆไปยังบ้านพักอาจารย์ 

ทิ้งบุรุษผู้ต้องสงสัยไว้เพียงลำพังกลางสายฝนกรรโชกแรง 

************************

ข่าวนักเรียนถูกคนบุกเข้ามาทำร้ายถึงในโรงเรียนแพร่กระจายไปทั่วราวกับไฟลามทุ่ง  ชาวบ้านร้านตลาดต่างก็พากันโจษจัน  หากเรื่องใหญ่ขนาดนี้  กลับยังหาตัวคนผิดมาลงโทษไม่ได้ 
   
เพราะนักเรียนฝึกหัดครูผู้เป็นเจ้าทุกข์  ไม่ปริปากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นแม้แต่คำเดียว 

ตอนแรกอาจารย์ใหญ่ดูกระวนกระวายร้อนรนกว่าใคร  ชื่อเสียงโรงเรียนสำคัญก็จริงแต่ความปลอดภัยของนักเรียนสำคัญกว่า  ท่านจึงเสนอแนะให้แจ้งตำรวจ  แต่เจ้าทุกข์กลับยืนกรานไม่เอาความ  ครั้นพอสอบถามว่าตัวการเป็นใคร  จ้อยก็พูดแค่คืนนั้นมันมืด มองอะไรไม่เห็น  ถามว่าพวกมันมีกี่คนก็ไม่รู้  ถามอะไรก็ไม่รู้สักอย่าง  แถมสง่ากับสันติก็ดันจำไม่ได้เสียอีกว่าผู้ชายที่อุ้มเพื่อนรักของตนไว้ในคืนนั้นเป็นใคร   

‘พวกผมมัวแต่ตกใจ ก็เลยไม่ทันสังเกต’

สง่าแก้ตัวเช่นนั้น 

เลอมานก็เป็นห่วงจ้อยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร  เด็กหนุ่มเพียรแวะเวียนไปเยี่ยมคนเจ็บที่หอพักบ่อยครั้ง  แม้ตอนแรกจะกระอักกระอ่วนใจ และสง่ากับสันติจะมองหน้าเขาได้ไม่สนิทใจนัก  แต่เมื่อฝ่ายนั้นเอ่ยปากขอโทษ  เขาก็พร้อมจะยกโทษให้  ยิ่งรู้ว่าสองคนนั้นทำไปเพราะแก้แค้นให้จ้อยยิ่งโกรธไม่ลง

เขาเองก็อยากมีเพื่อนที่เป็นห่วงเป็นใย เป็นเดือดเป็นแค้นแทนตัวเองแบบนี้บ้าง

จ้อยมาเจ็บไปคนแบบนี้  คุณชายยิ่งเงื่องหงอยเศร้าซึมเข้าไปใหญ่  จ้อยนอนซมอยู่กับเตียง  มาหา มาชวนคุยไม่ได้เหมือนเก่า  ครั้นพอเขาเป็นฝ่ายไปหา จะอยู่นานๆก็เท่ากับรบกวนคนป่วย 

ส่วนคนร่วมห้องของเขาน่ะหรือ  แค่หน้า เขายังไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ

เหตุการณ์คืนก่อนเหมือนเศษเสี้ยนที่ตำคาอยู่ในใจ  มองแทบไม่เห็น  แต่แตะต้องคราใดปวดแปลบทุกที 

คุณชายเลอมานจึงสนทนากับอาจารย์คนึงเท่าที่จำเป็น  เมื่อเจอกันข้างนอกบางครั้งถึงกับเดินผ่านเลยไปด้วยซ้ำ  ยิ่งอยู่กันลำพังในห้องยิ่งไม่ต้องพูดถึง  ทั้งสองพูดคุยกันแค่ตอนเรียนหนังสือ  นอกเหนือจากนั้นก็ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุม  หรือไม่เลอมานก็จะเปิดแผ่นเสียงเพลงฝรั่งทำลายบรรยากาศน่าอึดอัด  แม้บ่อยครั้งที่หันไป  จะสบตากับฝ่ายนั้นที่เหมือนมองเขาก่อนอยู่นานแล้วก็ตามที 

พออยู่กับตัวเองบ่อยเข้า  คุณชายก็พาความคิดก้าวไปไกลตามประสาเด็กหนุ่มซึ่งอยู่ในวัยใฝ่รู้ 

“ไม่มีวิธีส่งน้ำขึ้นมาบนฝั่งหรือ” เขาเอ่ยปากถามอาจารย์ปรีชาในเช้าวันหนึ่ง  หลังจากคิดเรื่องจ้อยมาหลายวัน  “พวกนักเรียนชมรมกสิกรรมจะได้ไม่ต้องลำบากเวลารดน้ำผัก  ทั้งๆที่เราอยู่ริมคลองแท้ๆ”

“ไอ้มีน่ะมีครับ” อาจารย์วัยกลางคนทำท่านิ่งคิด “ระหัดเอย กังหันน้ำเอย เครื่องตะบันน้ำเอย ใช้ได้ทั้งนั้น  ผมเองก็อยากได้มาไว้ในโรงเรียนเหมือนกัน”

พูดถึงตรงนี้สีหน้าทดท้อลงทันควัน “เสียแต่ว่าเราไม่มีงบ  ทำเรื่องขอไปตั้งนานแล้วยังไม่มีวี่แวว  ระหัดตัวนึงราคาตั้งหลายร้อย” 

‘หลายร้อย?’ คุณชายนิ่งคิด  ราคาถูกกว่ารองเท้าที่เขากำลังใส่อยู่เสียอีก

ใบหน้าผู้อ่อนวัยกว่ายิ้มกระจ่าง  เอ่ยหนักแน่น  “เรื่องเงินไม่มีปัญหา  ผมออกให้เอง”

***********************

เลอมานเคยค่อนขอดตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเหยียบโรงเรียนนี้  ว่าอาจารย์ใหญ่เป็นคนทำอะไรเล็กๆเงียบๆไม่เป็น  ทุกอย่างต้องเอิกเกริกใหญ่โตไว้ก่อน  ดูจากงานต้อนรับเขานั่นปะไร 

วันนี้จึงรู้ว่าตนคิดผิดมาตลอด 

ชาวบ้านมากมายไม่รู้แห่กันมาจากไหนเต็มท่าน้ำหลังโรงเรียน  ทุกคนต่างพร้อมใจกันมาดูการติดตั้งระหัด 

ทั้งที่ไม่มีโทรศัพท์แท้ๆ  แต่ทำไมแค่ข่าวเล็กๆว่าเขาซื้อระหัดวิดน้ำให้โรงเรียนถึงแพร่กระจายไปเร็วและกว้างนัก  เด็กหนุ่มผู้มาจากสังคมที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนค่อนข้างเฉยชาไม่สนใจกัน  เมื่อมาเจอความสมัครสมานสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันแบบนี้ถึงกับตั้งตัวรับแทบไม่ทัน 

แต่ก็อุ่นใจดีพิลึก  เมื่อผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนตรงเข้ามาลูบหลังลูบไหล่  ยกย่องว่าเขานำความเจริญมาสู่  เด็กๆเนื้อตัวมอมแมมใส่เสื้อบ้างไม่ใส่บ้างเดินตามเขาห่างๆ  และกลุ่มที่ดีใจมากที่สุดคงไม่พ้นพวกนักเรียนชมรมกสิกรรม

เหล่าคณาจารย์มากันพร้อมหน้า  รวมทั้งอาจารย์ผู้ดูแลเขาด้วย 

อยู่กันสองคนก็ว่าอึดอัดใจแล้ว  การต้องมามองหน้ากันท่ามกลางสายตาคนมากมายยิ่งน่าอึดอัดกว่า  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์จึงพยายามหลบหน้าอีกฝ่ายอย่างแนบเนียนพลิ้วไหว  เมื่อคนึงเดินมาขณะเขากำลังคุยกับอาจารย์ใหญ่อยู่  เลอมานก็หลบฉากไปคุยกับช่างแทน 

แต่ดูเหมือนอะไรๆจะไม่ง่ายนัก

“พ่อเล็ก!” หญิงชราในโจงกระเบนสีเหล็กท่าทางทะมัดทะแมงเดินตรงเข้ามาหา  ยายช้อยไม่ได้มาดูการติดตั้งระหัด แต่แกมาเยี่ยมหลานชายที่นอนป่วยอยู่ในหอพักทุกเช้า  ใบหน้าเหี่ยวย่นยิ้มแย้มแจ่มใสทันทีที่เห็นเขา 

“อ้าว ยาย” ใบหน้างามหวานยิ้มกว้าง  ก่อนนึกขึ้นได้ว่าคนึงเคยสอนไว้ว่าเมื่อเจอผู้ใหญ่ให้ยกมือไหว้  มือเรียวจึงกระพุ่มไหว้นอบน้อม  “สวัสดีครับ”

“ไหว้พระเถอะลูก”

คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น  หันซ้ายหันขวาเลิกลั่กทั้งที่ยังพนมมือ “ไหน พระอยู่ไหน  ไม่เห็นมีเลยยาย” 

หญิงชราหัวเราะลั่นจนเห็นฟันดำ  พลางลูบแขนเขาด้วยความเอ็นดู  เสียงหัวเราะแกคงดังพอตัว จึงเรียกสายตาหลายคู่ให้หันมอง  ทว่ามีคนหนึ่งไม่มองเปล่า  สาวเท้าเข้ามาหาเสียด้วย 

คนที่เขาไม่อยากเจอหน้าที่สุด!
   

อาจารย์หนุ่มเดินตรงเข้ามาใกล้  มือยกไหว้ผู้อาวุโสแต่สายตาคมจับจ้องที่ใบหน้าละมุนของลูกศิษย์ตัวดีไม่วางตา  กี่วันแล้วที่แชเชือน  กี่วันแล้วที่มองตาแล้วเบือนหลบ   
   
ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง  เลอมานหลบหน้าหลบตาเขาอย่างเห็นได้ชัด  จะว่าไปก็น่าจะดีต่อทั้งสองฝ่าย  จะได้ไม่ต้องเสวนา ไม่ต้องใกล้ชิดกันมากนัก  แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายยิ่งหลบ เขายิ่งอยากมองหา 

และเรื่องหนึ่งที่ใคร่รู้นัก  เจ้าเด็กดื้อหลบหน้าเขาด้วยเหตุผลใด

เพราะโกรธเคืองที่เขาพูดจาไม่ถนอมน้ำใจ  หรือเพราะ..

‘ชอบผู้ชายเหมือนกัน  น่าขยะแขยง’

ร่างบางที่ยืนตัวเกร็งอยู่ข้างหญิงชรา  คล้ายจะสู้สายตา แต่ก็ไม่กล้า  ยิ่งมองยิ่งเพลินตาไม่รู้ตัว 

“พ่อเล็กหลอกยาย  จ้อยมันบอกว่ามันไม่ได้ซื้อข้าวให้ยายเสียหน่อย” คนแก่ว่าพลางตีมือเข้าที่ต้นแขนขาว  คำพูดนั้นทำให้คนึงชะงัก

“เรื่องอะไรหรือครับ”

“ก็วันนั้น พ่อเล็กปั่นรถถีบไปบ้านยาย  ไปเป็นลมเป็นแล้งหน้าแดงก่ำ  พอฟื้นขึ้นมาก็บอกว่าเอาข้าวที่จ้อยซื้อมาให้  ยายยังแปลกใจว่าจ้อยมันเอาเงินที่ไหนมาซื้อ” ยายช้อยพูดเจื้อย  แต่สีหน้าเด็กหนุ่มที่ถูกจับแขนไว้หน้าเจื่อนลงๆ  ในขณะที่หัวใจ

อาจารย์หนุ่มอ่อนยวบลงเมื่อได้รู้ความจริง

ดอกเอ๋ย..เจ้าดอกจิก  หัวใจแทบจะพลิกเสียแล้วเอย

“วันนั้นที่เราไปหายาย  ซื้อข้าวเอาไปให้แกหรอกหรือ” ทอดเสียงถามอ่อนเอื้อ  หากคนถูกถามกลับทำสีหน้ากระอักกระอ่วน  หันซ้ายหันขวาคล้ายอึดอัดเสียเต็มประดา 

“แล้วต้องขอบใจพ่อเล็กมากนะที่ซื้อเสื้อผ้า ซื้อรองเท้าใหม่ให้จ้อยมัน” หญิงชราเปลี่ยนเรื่อง  คนึงยิ่งชะงัก  ดวงตาสีเข้มมองมือเหี่ยวย่นลูบไล้ท่อนแขนขาวนิ่งงัน “เห็นจ้อยมันบอกว่าอุตส่าห์หอบหิ้วมาให้จากบางกอก  ขอบใจนะลูกนะ”

เลอมานทำหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก  มองอาจารย์ทีมองยายช้อยที  ก่อนดวงตาสุกใสคู่นั้นจะเบิกกว้างอย่างยินดี  เมื่อเห็นใครคนหนึ่งเข้ามาในคลองจักษุ

“สิงห์!” ตะโกนเรียกพลางโบกไม้โบกมือ  “ผมขอตัวก่อนนะยาย”

แล้วก็เดินแทบวิ่งไปหาลูกชายกำนันที่เดินเตร่อยู่ไม่ไกล  ทิ้งให้อาจารย์หนุ่มมองตาม..

ด้วยสายตาลึกล้ำเกินคาดเดา

“คุณชาย!” ร่างสูงใหญ่เรียกลั่นมาแต่ไกล  วันนี้มาคนเดียวไม่มีลูกน้องล้อมหน้าล้อมหลังมาด้วย  ใบหน้าคมสันหันซ้ายขวาคล้ายมองหาใคร  พอเข้าใกล้แล้วค่อยก้มหน้าถามกระซิบเสียประชิด  “เอ่อ.. ไอ้จ้อยล่ะ”

“จ้อยหรือ” เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ทำหน้าฉงน  “จ้อยไม่สบาย  นายสิงห์ไม่รู้ข่าวหรือ”

“รู้สิ” ในดวงตาคมกล้านั้นแสดงความห่วงหาอย่างเห็นได้ชัด  แม้ในน้ำเสียงยังทอดนุ่มอ่อนโยน “แต่ยังไม่หายอีกหรือ”

“ยังมีไข้อยู่  แผลตามตัวก็ยังระบม  หยุดเรียนไปหลายวันแล้ว”

สิงห์ทำท่าเหมือนจะซักถามต่อ  แต่การสนทนามีอันต้องยุติลงเท่านั้น  เมื่ออาจารย์คนึงเดินหน้าตึงเข้ามาแจ้งเสียงเรียบว่ารางน้ำและระหัดได้ถูกขนส่งมาพร้อมติดตั้งแล้ว  หม่อมราชวงศ์เลอมานควรเข้าไปดูอย่างใกล้ชิด  ในฐานะเป็นผู้ริเริ่มโครงการ

ระหัดน้ำขนาดใหญ่ที่เลอมานเป็นคนออกเงินซื้อมาทำด้วยไม้ไผ่  เฉพาะกงล้อก็มีเส้นผ่านศูนย์กลางราว ๓ เมตรเข้าไปแล้ว  ซี่กงล้อแต่ละซี่ห่างกันราวครึ่งเมตร  ติดเสื่อลำแพนกับซี่กงล้อ  กลุ่มช่างวางระหัดลงตำแหน่งในน้ำครึ่งหนึ่ง  เพื่อรับกระแสน้ำทำหน้าที่เป็นกังหันหมุนรอบแกน  โดยมีกระบอกตักน้ำทำด้วยไม้ไผ่ผูกติดกับกงล้อด้านกว้าง  เอียงทำมุมให้ตักและเทน้ำขณะกงล้อหมุน  เมื่อกระบอกน้ำอยู่ตำแหน่งสูงที่สุดจะเทน้ำลงมายังรางน้ำที่รองรับและส่งน้ำเข้าสู่แปลงเพาะปลูกได้ตามต้องการ 

คนึงลอบมองเด็กหนุ่มตัวขาวที่เฝ้าดูการติดตั้งอย่างสนอกสนใจ  ลอบมองคิ้วเรียวที่ขมวดมุ่นยามไม่เข้าใจกลไก  ลอบมองริมฝีปากแดงสวยที่คลี่ยิ้มยามเห็นระหัดเคลื่อนไหว  ลอบมองอยู่เช่นนั้นนานเท่าไรไม่รู้   

มารู้ตัวอีกที  ก็เมื่อดวงตาเฉิดฉายคู่นั้นหันมาสบประสาน  อาจารย์หนุ่มจึงรีบเบือนสายตาหลบทันควัน  กระแอมไอขับไล่ความคิดฟุ้งซ่าน 

ก็แค่น่ามอง..

ดอกเอ๋ย..เจ้าดอกโกมุท   เจ้าแสนสวยสุดของเรียมนี่เอย

ระหัดตัวใหม่ทำท่าจะไปได้ราบรื่นจนกระทั่ง..

จู่ๆ ซี่กงล้อที่หมุนตามกระแสน้ำอยู่ก็หยุดกึก  กระบอกน้ำหยุดนิ่งไม่ทำงาน  เลอมานดูอยากรู้อยากเห็นกว่าใคร  ถึงขั้นลุยน้ำลงไปดูใกล้ๆ  อาจารย์ผู้ดูแลลงน้ำตามไปทันที 

เสียงช่างหนุ่มตะโกนบอกว่าระหัดคงติดอะไรสักอย่าง  ใบหน้าสวยหวานเคร่งเครียด  ลุยน้ำลึกจนถึงระดับอก  มือบางเอื้อมไปเขย่ากระบอกน้ำกุกกัก  คนึงสาวเท้าตามติด  เตือนก็แล้ว ห้ามก็แล้ว ไล่ให้ขึ้นจากน้ำก็แล้ว แต่เด็กดื้อก็ไม่ยอมฟัง รั้นจะเขย่าให้ระหัดทำงานท่าเดียว 
   
ร่างสูงใหญ่ลุยน้ำไปอีกด้าน  พยายามช่วย  มือใหญ่กระชากซี่กงล้อทีเดียว ระหัดก็หมุนคล่อง  กระแสน้ำหนุนรวดเร็วจนคนตัวเล็กกว่าที่อยู่อีกด้านไม่ทันระวัง

กระบอกน้ำไม้ไผ่เสยเข้าให้เต็มหน้า!  แรงปะทะทำให้ร่างโปร่งบางหงายหลังจมลงไปในน้ำระดับอกได้ง่ายดาย

สีเลือดแดงจางกระจายฟุ้งในน้ำคลองสีขุ่น      

อาจารย์หนุ่มตาเบิกกว้างก่อนดำตามไปดึงตัวขึ้นมา  คุณชายไอโขลกเมื่อโผล่พ้นน้ำ ไอจนหน้าแดงตาแดงจัด ยามร่างสูงใหญ่อุ้มขึ้นจากน้ำ  วางลงบนท่า 

กลุ่มอาจารย์และชาวบ้านรายล้อมพากันฮือฮา  ใบหน้างดงามเฉิดฉันท์ถูกกระแทกจนเขียวช้ำทั้งซีกหน้า  เลือดกำเดาแดงฉานไหลโกรกจากจมูกหยดแหมะลงบนเสื้อขาว  คนึงปวดอกหนึบเมื่อคนในอ้อมแขนใช้มือรองเลือดไว้แล้วเงยดวงตาหวาดหวั่นขึ้นสบตา

โกรธ? กลัว? หรือไร? หัวใจจึงบงการให้ปากตะคอกลั่น

“จะทำอะไรหัดระวังหน่อย!  ถ้าเราเป็นอะไรไปรู้ไหมว่าใครจะเดือดร้อนบ้าง!”

ดวงตาตัดพ้อที่มองสบมา  ทำให้อาจารย์หนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น  ก่อนช้อนร่างคนเจ็บขึ้นไว้ในอ้อมแขน มุ่งตรงไปยังห้องพยาบาล   

“ทำไมถึงช่างขยันหาเรื่องให้คนอื่นปวดหัวนัก!”

หากอ้อมกอดอุ่นล้ำที่รัดแน่นนั้นตรงข้ามกันเหลือเกินกับถ้อยคำผรุสวาทที่พร่ำพ่น 


ดอกเอ๋ย..เจ้าดอกสวาท  หัวใจแทบจะขาดเสียแล้วเอย

   
โปรดติดตามตอนต่อไป

------------------------------------------------------------------------------------
* เสน่หา, มนัส ปิติสานต์ คำร้อง-ทำนอง, ศรีไศล สุชาติวุฒิ ขับร้อง
ขอบคุณภาพประกอบจากสาขาเทคโนโลยีทางการศึกษาสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการค่ะ



ตอบเม้นกัน  :L2:


Artemis
ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่รักคุณชาย  ตอนแรกคิดว่านายเอกเรื่องนี้จะมีแต่คนเกลียดซะแล้วซี  เปิดตัวมาก็น่าหมั่นไส้ขนาดนั้น  อาจารย์ทนใจแข็งได้ไม่นานหรอกค่ะ  ก็เด็กมันยั่ว..เอ๊ย ก็เด็กมันน่ารักนี่นา

WinterRose
โอ้..เข้าใจเรื่องทำลิ้งค์แจ่มแจ้งแดงแจ๋แล้วค่ะ  ขอบคุณคุณ WinterRose มากๆเลยเน้อ  เรื่องอาจารย์กับคุณชาย  เดี๋ยวอาจารย์จะได้เห็นจิตใจด้านดีของคุณชายมากขึ้นน่ะค่ะ  คาดว่าไม่นานคงใจอ่อน (นี่ก็นิดๆแล้ว) ส่วนน้องจ้อย น้องเกลียดใครไม่เป็นอยู่แล้ว ยกเว้นไอ้สิงห์กับพรรคพวก ฮ่าๆ

tonkhaw
อาจจะยังเรียกว่ารักได้ไม่เต็มปากค่ะ  อาจเป็นความรู้สึกดีๆที่เริ่มผุดขึ้น  เหมือนต้นกล้าอ่อนๆน่ะเน้อ  วันนี้ยังเล็ก แต่รดน้ำเข้าไม่นานมันก็งอกงาม  ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

ordkrub
ขอบคุณที่สงสารคุณชายนะคะ  แต่เราว่ายังไม่พอ เด็กเกรียนๆแบบนี้ ต้องโดนสั่งสอนให้แสบถึงทรวง (รังแกคนน่ารักเป็นงานอดิเรกของเราค่ะ ฮ่าๆ)

หัวแม่เท้า
ขอบคุณที่ติดตามจ้า ^^

vk_iupk
ใช่ๆ ถ้าไม่แคร์เขาก็คงไม่น้อยอกน้อยใจเขาน่ะเนอะ^^ จะว่าไปสันติกับสง่าน่าโบกให้สลบจริงๆค่ะตอนนี้ เล่นอะไรแผลงๆ

aisen
ตอนเขียนคนเขียนก็เพลินและมีความสุขมากๆเหมือนกันค่ะ ยินดีมากๆที่ความรู้สึกนั้นถูกถ่ายทอดไปถึงคนอ่าน ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ^^

ken_krub
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า  อ้าแขนรับเลย

roseen
๕๕๕+ โธ่..ไอ้ลอยเอ๊ย ชาวบ้านเขาเกลียดแกกันหมดแล้วนะเนี่ย

silent_loner
ขอบคุณมากค่ะ ส่วนตัวเป็นคนชอบเพลงเก่าอยู่แล้ว แม่ชอบเปิดให้ฟังบ่อยๆน่ะค่ะ เรารู้สึกว่าเพลงไทยสมัยก่อนนี่ใช้ภาษาได้สวยงามมากๆเลย

silverspoon
มีแต่คนสงสารพี่สิงห์แฮะ  ว้าว..เรตติ้งดีเกินคาดนะเนี่ย^^

nataxiah
ไม่เป็นไรจ้า บอกตรงๆว่าแค่แวะเข้ามาอ่านก็รู้สึกขอบคุณมากๆแล้ว  ยิ่งถ้าอ่านแล้วชอบ คนเขียนยิ่งดีใจเลยค่ะ

miya_pp
ดอกไม้เยอะแยะเลย ขอบคุณนะคะ^^

Phantom
ยังต้องลุ้นคุณชายอีกนานค่ะ ไอ้คนที่จ้องจะงาบก็มีอยู่คนเดียวนี่แหละ คุณชายก็ไม่ได้รู้ตัวเล้ย..เอ๋อซะ  ขอบคุณสำหรับกำลังใจเช่นกันนะคะ^^

silverphoenix
มามะขอกอดทีค่ะ  :กอด1: ขอบคุณมากๆเลยที่เข้าใจคุณชาย  เด็กที่ถูกสปอยล์ตั้งแต่เล็กๆ แถมไปอยู่รร.ประจำห่างพ่อห่างแม่อีก นิสัยก็เลยเป็นแบบนี้  พอถูกขัดเกลาก็ปรับปรุงตัวได้  เป็นกำลังใจให้ชายเล็กนะคะ

Jploiiz
ติดสี่แผ่นดิน? หมายถึงนิยายหรือละครเวทีคะ  ถ้าเป็นละครเวทีละก็มากอดคอกันกรี๊ดเร้ว  เราไปดูมาแล้วชอบมากๆเลยล่ะค่ะ  อาจารย์ตอนนี้ก็เริ่มหวั่นไหวนิดๆแล้วล่ะ  ส่วนที่จ้อยเกลียดสิงห์  น้องมีที่มา มีเหตุผลว่าทำไมถึงเกลียด เดี๋ยวจะค่อยๆเล่าให้ฟังนะคะ^^

mini_bilieber
ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่แวะเข้ามาอ่าน และขอบคุณไปถึงทุกคนที่นำเรื่องนี้ไปแนะนำด้วยนะคะ  จะว่าไปชื่อเรื่องก็ดูเศร้าๆละเนอะ  ดอกมหาหงส์เขาเป็นดอกไม้เศร้าๆนะเราว่า  หอมอ่อนโยน เหมือนผู้หญิงสวยๆ เรียบง่าย ใจดี แต่เข้มแข็งลึกๆ

pooinfinity
อย่างสิงห์นี่ต้องเรียกคบคนพาลพาลพาไปหาผิดค่ะ คนดีๆแต่เสียเพราะเพื่อนเลว  ส่วนเรื่องชายเล็ก  ความจริงต้องขอบคุณท่านพ่อนะคะที่ส่งมา ไม่งั้นคุณชายก็ไม่ได้เจออาจารย์น่ะซี

namngern
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ  แค่แวะเข้ามาอ่านก็ดีใจแล้ว ยิ่งอ่านแล้วชอบยิ่งดีใจใหญ่ ยินดีที่ตัวหนังสือของเราสามารถทำให้คนอ่านมีความสุข  ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

My_Rain
ว้าว..ยินดีที่เขียนแล้วทำให้คนอ่านรู้สึกได้แบบนั้นนะคะ  เรื่องความหลังของจ้อยกับพี่สิงห์ เดี๋ยวจะค่อยๆเล่าย้อนให้อ่านเรื่อยๆเน้อ  ส่วนไอ้ลอยนี่เลวขนานแท้ค่ะ (นึกถึงตัวโกงหนังไทยสมัยก่อนไว้ ประมาณนั้นเลย^^) อยากอัพให้อ่านทุกวันเหมือนกันค่ะ  แต่เขียนช้าน่ะเน้อ ได้วันละหน้าสองหน้าเอง T^T

fox
โอ๊ย..ยิ้มแก้มปริเลยค่ะ.. ลอยแล้วๆๆ ตัวลอยไปติดตอม่อรถไฟฟ้าที่กำลังสร้างอยู่หน้าปากซอยแล้ว..โอ้ววว
(แอบกระซิบว่าเราไม่เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ ยังห่างไกลจากคำว่านักเขียนมืออาชีพเยอะ แต่ที่กล้ายืนยันเลยก็คือเรื่องนี้เราเขียนด้วยความรักจริงๆ  ยินดีมากที่ความรู้สึกนั้นส่งผ่านไปถึงคนอ่าน ขอบคุณมากๆเลยค่ะ^^)

hongzaa
เพราะน้องหงส์แนะนำไว้ คนอ่านเลยมากันเยอะเลยจ้ะ ขอบคุณมากๆเน้อ  :กอด1: พี่จะพยายามอัพให้ได้อาทิตย์ละตอนนะคะ  ตอนนี้กำลังปั่นตอน ๑๐ อยู่จ้า คาดว่าคงลงได้ตามที่ตั้งใจไว้  ส่วนเรื่องนั้น.. เรามาลุ้นกันเนอะ ว่าคู่ไหนจะได้กันก่อน  แอร๊

Takamine
ขอบคุณที่ติดตามและยินดีที่ชอบจ้า^^

thearboo
รักคนอ่านเหมือนกันจ้า  อย่าเพิ่งร้องไห้น๊าอย่าเพิ่งร้อง โอ๋ๆ(ซับน้ำตาให้) เพราะเดี๋ยวคุณชายจะโดนหนักยิ่งกว่านี้อีกจ้า ^^ (รังแกคนน่ารักเป็นงานอดิเรกของเรา ฮุฮุ)

iamew
๕๕๕+ ลอยเอ๊ย เกิดมามีแต่คนเกลียด สม!  ว่าแต่ขำสโลแกนจังค่ะ^^ ลองอ่านตามแล้วลงไปนอนกลิ้งขลุกๆๆๆ (เขิลล์) 

yayee2
ชอบดอกมหาหงส์เหมือนกันเลยค่ะ  จำได้ตอนเด็กๆชอบไปยืนดมดอกมหาหงส์แล้วโดนยายเอ็ดว่าอย่าดมดอกไม้จากต้น เดี๋ยวได้ผัวแก่  เราเลยยิ่งดมใหญ่เลย  อย่างน้อยยังได้ผัวเน้อยาย ถึงจะแก่หนูก็เอา (แล้วสากตำหมากก็ลอยมา T^T)  เรื่องนี้ย้อนยุคไปเมื่อประมาณ ๕๐ ปีก่อนค่ะ  เรื่องชายรักชายในสมัยนั้น.. โอย..ยากค่ะ หนักใจแทนอาจารย์และชายเล็กเลย
   

รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้
๒๐ มกราคม ๒๕๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 20-01-2012 11:46:36
สามคำ เหี้ยที่สุด
เลวจนไม่รู้จะบรรยายยังไง
ทำได้เเม้กระทั่งคนไม่มีทางสู้
สิงห์ก็เหมือนกันห่วงแต่ศักดิ์ศรี
ไม่ห่วงคนตรงหน้ามั้งหรอไง
ปัดโถ่ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 20-01-2012 11:47:37
อ้าวมีอีกตอนนี่น่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 20-01-2012 12:00:24
อยากให้ไอ้ลอยโดนจัดหนักสักทีจริงๆ....  เกลียดมันอ้ะ!

หนูจ้อยนี่ก็ชะตากรรมน่าสงสารยิ่งนัก

เป็นห่วงคุณชายจัง...จะโดนไอ้ลอยทำอะไรมั้ยเนี่ย  ขอให้เรื่องอะไรๆก็เป็นไปด้วยดีเท้ออออ

+1  ให้จ้าา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 20-01-2012 12:14:54
คุณ silent_loner คุณ tonkhaw

ไม่เป็นไรค่ะไม่เป็นไร เราก็ต้องขอโทษด้วยค่ะที่กว่าจะอัพได้แต่ละทีช๊าาาา..ช้าาา  :sad4:

หรือจะแก่แล้ว งุ่มง่ามต้วมเตี้ยม โอไม่นะ  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 20-01-2012 12:20:10
เฮ้อ ค่อยยังชั่ว ดีนะที่ไม่ทำอะไร :เฮ้อ:
แต่จ้อยจะหายโกรธสิงห์รึเปล่า เหมือนว่าสองคนนี้เคยมีความหลังกันอยู่
ส่วนคุณชายนี่น่ารัก ดูไร้เดียงสามากอ่ะ ชอบตอนที่ถามว่าพระอยู่ไหนเนี่ยแหละ :m20:
ครูคนึงพอรู้ความจริงก็เลิกมองคุณชายในแง่ร้าย
และเลิกปากไม่ตรงกับใจได้แล้วนะ ทำอย่างนี่คุณชายน้อยใจแย่
ปล.คนเขียนเค้าชอบเพลงนี้มากๆๆเลย ขอบคุณที่ตอบเม้นนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 20-01-2012 12:51:52
ทำไมลอยถึงเลวอย่างนี้  :z6: :m31:

สิงห์ต้องสู้บ้างนะ เพื่อความรักไง  :sad11:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 20-01-2012 18:48:05
อยากให้สิงห์กล้าพอที่จะไปเยี่ยมจ้อย และกล้าพอที่จะแสดงความในใจให้จ้อยรู้ว่า สิงห์รู้สึกดีๆและเป็นห่วงจ้อย
ครูคนึงคะเข้าใจนะคะว่าที่บ่นและทำเสียงเข้มเหมือนดุคุณชายไปน่ะ ความจริงในใจเป็นห่วงคุณชายแทบขาดใจ
แต่ครูกลับไปแสดงออกตรงกันข้ามกับหัวใจ ใครเขา(คุณชาย)จะรู้ไหมล่ะ
ดอกเอ๋ย..เจ้าดอกขจร ใจพี่รอนๆ..แทบจะขาดแล้วเอย
(ใจครูคนึงห่วงคุณชาย ใจพี่สิงห์ห่วงจ้อย  )

ป.ล. อ่านไปมีแอบจิ้นไปด้วยแหละว่า ทั้งจินดากับจ้อย มีความเกี่ยวข้องกับคุณชายทางสายเลือดด้วย
      ไม่เป็นพี่น้องกัน ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน อิ อิ (ฝันเฟื่องไปแหละแก)
   
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 20-01-2012 19:06:49
น่าจะเปลื่ยนชื่อ.....นะไอ้เลว :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 20-01-2012 20:00:04
 :jul1:เลือดท่วมจอกันเลยทีเดียว

สงสารจ้อยจริงๆ เจ็บหนักกว่าใครเพื่อน

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 20-01-2012 20:31:31
สามคำให้ไอ้ลอย>>>มึง เจอ กู  :z6:
ชายเล็กกับคุณครูเริ่มหวานปะแล่มๆ  :-[
นางฟ้าชอบเรื่องนี้มากเลยยยยยยยยยยยย 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 20-01-2012 20:52:36
ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาด่าไอ่ลอย มันรู้สึกว่าไม่มีอะไรเทียบเท่าตัวมันได้เลย

ถ้าสิงห์จะตัดใจไม่คบพวกมันก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แล้วต่อไปจ้อยจะเป็นยังไง

ต่อมาที่คุณชาย โถ พ่อคุณเอ้ยยย จะเป็นไงบ้างน่ะลูก เกิดมาจะเคยเจ็บแบบนี้มั้ยน้อลูก

แล้วคุณครูล่ะ น่าจะเป็นบทเรียนบ้างนะว่า ควรจะคิดใึีคร่ครวญอะไรดูก่อน ตัวเองก็เป็นถึงครูบาอาจารย์

เริ่มอินมาก คิดว่าคุณชายเป็นลูกตัวเอง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 20-01-2012 22:00:00
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 20-01-2012 23:43:08
รู้สึกกดดันกันถ้วนหน้า
ความน้อยใจในตอนที่แล้ว ยังคงตามมาถึงตอนนี้
แถมท่าทางจะมีมากกว่าเดิมซะอีก   :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 21-01-2012 00:37:39
เวอร์ชั่นหนังสือกับละครน่ะค่ะ
ส่วนละครเวทีนี่ยังไม่มีโอกาสได้ไปดูเลย ไม่มีงบ  :z3:

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกสงสารสิงห์กับจ้อยมากๆ
สิงห์เองตอนนี้เหมือนลูกน้องคนสนิทก็ไม่เหมือนก่อนแล้ว
เหมือนที่ตามกันแรกๆ เพียงเพราะบารมีลูกชายกำนันอย่างที่ลอยว่า
แล้วตัวสิงห์เองก็ไม่อยากให้ใครว่าตัวเองได้เหมือนกัน
แต่ห่วงจ้อยก็ห่วง แต่จะทำอะไรต่อหน้าลูกน้องมันก็ไม่ได้
เลยได้แค่เก็บๆ ความรู้สึกตัวเองไว้
ส่วนจ้อยเองก็เหมือนจะเข้าใจสิงห์เข้าบ้างแล้วเพราะไม่ยอมบอกใครว่าใครเป็นคนทำ
เพราะตอนที่สิงห์วิ่งฝ่าฝนไปหาจ้อยตอนนั้นล่ะมั้ง

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 21-01-2012 00:51:54
ไอ้ลอยยยยย ขอถีบทีดิ๊  :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 21-01-2012 04:07:42
 แม้ตอนแรกๆ ดูจะยัดเยียด ความงาม ของคุณชายมากไปหน่อย  แต่หลังๆ มาก็ดูเรียบเนียนขึ้นเยอะเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 21-01-2012 06:23:20
เรื่องนี้ทำเราติดงอมแงม อ่านไม่หยุดตั้งแต่เมื่อคืน
จนตอนนี้หกโมงเช้า  :really2:

ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพล๊อตเรื่อง ภาษา ตัวละคร
มันละมุนละไม กลมกล่อม เหมือนได้ดื่มชาอุ่นๆในตอนเช้า
แต่ก็บีบหัวใจเหมือนกันนะ
แค่อาจารย์ตะคอกคุณชาย เราก็น้ำตาคลอแล้วอ่ะ  :sad4:

เมื่อไหร่จะรักกันน้อ แต่เริ่มๆแล้วสินะ คุณชายน่ารักขึ้นกว่าตอนแรกๆเยอะเลย
อาจารย์อย่าดุนักสิ
รออ่านตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 21-01-2012 06:47:56
เรื่องนี้เป็นอะไรที่ลงตัวมาก ไม่รู้จะเม้นท์อะไรเลย
คือมันใช่อ่ะกิ๊บ 555
นิดนึงเนาะ ไอ้ เหี้-ย ลอยแมร่งเลว

รักเลอมานมากมาย  นายเอกในดวงจวย เอ๊ย ~ ใจ
รักคุณดอกไม้ด้วยฮะ จุ๊บ ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 21-01-2012 12:53:25
สงสารจ้อย  ถูกนำมาเป็นเครื่องมือ  แล้วสิงห์ก็ยังไม่รู้ตัวอีกว่าถูกลูกน้องบ่อนทำลาย  สงสัยงานนี้หนักแน่
อาจารย์คนึงก็ช่างกระไร  เมื่อไหร่ปากจะตรงกับใจเสียที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Phantom ที่ 21-01-2012 22:29:24

ฉึก ฉึก ฉึก
ไอ้เราก็ลุ้นกลัวคุณชายโดนทำร้าย
กลายเป็นจ้อยโดนซะนั่น
คุณดอกไม้ใจร้ายยยยย  :z3:

แต่ยังดีที่ไม่โดนมากไปกว่านี้
สงสารจ้อยจัง  :monkeysad:

รอลุ้นเรื่องราวในตอนต่อไป
ขอบคุณที่มาอัพเรื่อย ๆ นะคะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oattie ที่ 21-01-2012 22:52:38
อ่านแล้วชอบมากเลยค่ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 21-01-2012 22:52:45
ฉึก ฉึก ฉึก
ไอ้เราก็ลุ้นกลัวคุณชายโดนทำร้าย
กลายเป็นจ้อยโดนซะนั่น
คุณดอกไม้ใจร้ายยยยย  :z3:

แต่ยังดีที่ไม่โดนมากไปกว่านี้
สงสารจ้อยจัง  :monkeysad:



ใช่เลยค่ะ พี่จี้อ่ะ ชอบให้เคะที่น่ารักโดนทำร้ายยยยย  :z3:


(แซวเล่นนะค้าาา แหะๆ  :กอด1:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: casper75 ที่ 22-01-2012 23:20:29
ชอบเรื่องนี้มากก อ่ะ
ใช้ภาษาได้สวยมาก อ่านเข้าใจง่าย เหมือนได้เข้าไปอยู๋ไปนิยายเลย

สงสารทั้งพระเอก นายเอกเลยค่ะ พระเอกต้องเสียคนรัก นายเอกก็ต้องจากบ้านมาไกล
ลุ้นให้ทั้ง 2 คนรักกันกันเร็วๆ

คู่พระรองก็น่าติดตาม เหตุการณ์อะไรที่ทำให้จ้อยจงเกลียดจงชังพี่สิงห์ขนาดนั้น

ขอบคุณคนเขียนนะค่ะ ที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่า่นกัน

แล้ก็รอตอนต่อไป อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-01-2012 10:46:59

ตกลงไปหน้า 4 แล้ว

ว่าแต่ ไม่รู้อ่านพลาดไปหรือเปล่า  จึงยังไม่รู้ว่า แฟนอาจารย์คนึงเสียเนื่องจากจมน้ำเพราะว่ายไปเอาอะไร  หรือเกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวต้อนรับ คุณชาย ยังไง

อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Huasia ที่ 26-01-2012 11:25:19
ชอบค่ะชอบ เนื้อแบบว่าแหวกแนวมากค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 26-01-2012 15:59:16
อ่านแบบรวดเดียวเลยมันหยุดไม่ได้จริงๆ
น่าติดตามสุดๆมันยังมีอะไรคาใจอยู่แอบทรมานนิดนึง555
ภาษาสวยมากไม่เคยอ่านแนวนี้มาก่อนเลย
ติดซะแล้วแหละ จะติดตามต่อๆไปนะคะ^____^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๘ : เสน่หา [๒๐/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 26-01-2012 17:06:51
พึ่งมาอ่านค่ะ

สนุกมากๆ ชอบๆค่ะ

ภาษาสลวย กลิ่นอายอดีต ช๊อบชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 27-01-2012 20:36:18

บทที่ ๙

น้ำตาดาว



เหม่อดูหมู่ดาวที่พราวพร่างฟ้า
หยาดสายน้ำตาหยดมาเหมือนว่า ช้ำใจ
โอ้ฟ้าลืมเลือนห่วงเดือนเหนือเจ้า หรือไร
เจ้าพราวผ่องใส ไม่เคยชื่นชม*



ผ้าม่านลูกไม้ขาวพลิ้วไหวในสายลมร้อน  แดดแรงจนท้องฟ้าใสกระจ่าง  เลอมานนอนตาปริบอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล  นับก้อนเมฆขาวที่เคลื่อนตัวอุ้ยอ้ายผ่านไปทีละก้อนๆ 
   
เลือดกำเดาหยุดไหลนานแล้ว  หากรอยช้ำที่ซีกแก้มยังเด่นชัด  ซ้ำยังปวดแปลบจนนอนตะแคงขวาไม่ได้ 

เมฆขาวรูปร่างคล้ายกระต่ายลอยผ่านไป  ขณะหม่อมราชวงศ์หนุ่มแว่วเสียงอาจารย์ใหญ่กับคนึงคุยกันหน้าห้องพยาบาล
   
“โอย..ผมใจหายหมด  ถ้าคุณชายเป็นอะไรไปล่ะก็ ท่านชายต้องกริ้วมากแน่” เสียงอาจารย์ใหญ่ดูกระวนกระวาย
   
“ผมมีหน้าที่ดูแลเขา  เขาบาดเจ็บแบบนี้เท่ากับผมบกพร่องต่อหน้าที่  เป็นความผิดผมเองครับ”

ยาที่อาจารย์พยาบาลทาให้แก้ฟกช้ำมันระเหยเข้าตาหรือไร  เขาถึงได้ร้อนผ่าวทั้งเบ้าตาแบบนี้   

เสียงเปิดประตูดังขึ้น  คนเจ็บหันไปมอง  แต่ก็ต้องหันกลับไปมองฟ้าเช่นเดิมเมื่อเห็นว่าผู้ที่เข้ามาในห้องคือใคร  นิ่งฟังเสียงลากเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ๆ  นิ่งฟังเสียงเปิดกระดาษหนังสือพิมพ์กรอบแกรบ

นี่คงมาเฝ้าตาม ‘หน้าที่’ สินะ 

“ยังปวดอยู่หรือเปล่า”

อ้อ.. และนี่ก็คงถามตาม ‘หน้าที่’

“อาจารย์จะไปไหนก็ไปเถอะ  ผมอยากพักผ่อน” เด็กหนุ่มเอ่ยทั้งที่สายตายังจับจ้องท้องฟ้านอกหน้าต่าง  สักพักจึงได้ยินเสียงถอนใจแผ่วเบา  ได้ยินเสียงฝีเท้าออกจากห้องไป

เหลือแต่เขาเพียงลำพังในห้องพยาบาลเงียบเหงาว่างเปล่า  ไม่มีใครมาเยี่ยมเขาสักคน 

เฝ้ามองปุยเมฆขาวบนท้องฟ้าสีฟ้าจัด  ใจหวนกระหวัดคิดถึงบ้าน  ป่านนี้ที่อังกฤษเป็นเวลาเท่าใด  ท่านพ่อ หม่อมแม่ กำลังทำอะไรอยู่  คิดถึงเขาบ้างไหม

แม้จะอยู่โรงเรียนประจำมากกว่าอยู่ที่บ้าน  แต่เมื่อบุตรชายท่านทูตเจ็บป่วยคราใด  เป็นต้องร่ำร้องขอกลับบ้านทุกที  แล้วชานนท์ เลขาหนุ่มของท่านพ่อก็จะรีบบึ่งรถมารับ  ครั้นถึงบ้านแล้วก็จะมีแต่คนมารุมล้อมเอาอกเอาใจ  ตักของหม่อมแม่อุ่นเสมอ  ข้าวต้มที่แม่นมของเขาทำก็อร่อยที่สุด  เรื่องตลกโปกฮาของนายแช่มก็ทำให้เขายิ้มหัวได้ทุกที  และมือของชานนท์ที่ลูบศีรษะเขาบ่อยๆก็อบอุ่นนัก 

ตรงข้ามกับที่นี่ทุกอย่าง  เด็กหนุ่มคิดพลางหลับตาลง..

เผื่อว่าเขาจะฝันถึง ‘บ้าน’

************************

ฟ้าเป็นสีม่วงอมส้มแล้วตอนที่เลอมานตื่นขึ้นหลังนอนหลับยาวด้วยฤทธิ์ยาแก้ปวด  มือเรียวเผลอยกขยี้ตาด้วยความเคยชิน แต่กลับต้องสะดุ้งด้วยความเจ็บเพราะเผลอไปถูกแผลช้ำเข้า
   
“ตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มเรียกใกล้ๆ มีอันให้เขาต้องสะดุ้งคำรบสอง  และเมื่อหันไปมองก็ต้องแปลกใจ 

แสงตะวันสาดส่องหรือไร  ดวงตาเรียวคมที่เคยเย็นชาอยู่เป็นนิจคู่นั้นจึงดูคล้าย ‘อบอุ่น’ ขึ้น

“ยังปวดอยู่ไหม”

เพิ่งตั้งสติได้หลังมึนงงกับแววตาและน้ำเสียงที่เปลี่ยนแปลงไป  และที่สำคัญคืออาจารย์คนึงมานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่ง

มือใหญ่ยื่นมาแตะหน้าผาก  กระแสอบอุ่นเข้มข้นจนร้อนวาบ  คนป่วยผงะเบือนหลบ  ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องหลบ 

อาจารย์หนุ่มยังทำหน้านิ่ง ยามถาม  “เดินกลับห้องไหวไหม” 

ถ้าบอกว่าเดินไม่ไหวแล้วจะทำยังไง  จะอุ้มเขากลับหรือ  ขอโทษเถอะ  เขาไม่ได้อ่อนแอเหลาะแหละปานนั้น

ใบหน้าที่ฟกช้ำไปแถบหนึ่งพยักหน้า ก่อนก้าวขาลงจากเตียง  ในขณะที่อาจารย์ทำท่าดูแลโดยไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเขาแม้แต่น้อย  จนเมื่อเขาสะดุดตรงหน้าประตูนั่นละ  แขนแข็งแรงก็โอบกระหวัดรัดเอว ประคับประคองราวกับกลัวเขาจะลงไปนอนคลุกกับพื้น 

นี่ก็คงไม่พ้น ‘หน้าที่’ อีกแล้วกระมัง

ถึงห้องน้อย  คนึงค่อยๆประคองร่างแบบบางนั่งลงบนเตียง  ก่อนเอ่ย “ภรรยาอาจารย์ใหญ่ทำข้าวต้มไว้ให้  เดี๋ยวครูจะไปเอามาให้เรา”

ดวงตาคู่สวยมองร่างสูงใหญ่เดินออกจากห้องไป  ความมืดเริ่มโรยตัวลงช้าๆ เด็กหนุ่มเดินไปเกาะหน้าต่าง  แหงนหน้ามองดาวพริบพราว  กลิ่นดอกมหาหงส์หอมอวลมาตามลม

พลันได้ยินเสียงแว่วมาจากห้องข้างๆ ห้องของอาจารย์วิรัชกับอาจารย์ประพนธ์

“จริงๆนะ ผมล่ะสะใจที่สุด” เสียงวิรัชพูดพร้อมหัวเราะก้อง  เลอมานเงี่ยหูฟัง ยิ่งได้ยินถนัดชัดเจน  “ทำกร่างดีนัก  ทำไม่เป็นแล้วยังสาระแนไปยุ่ง  อาจารย์คนึงห้ามก็ไม่ฟัง  โดนเขาแกล้งตีระหัดใส่หน้าเข้าให้ จ๋อยไปเลย”

คนแอบฟังตัวชา  มือที่เกาะหน้าต่างเย็นเฉียบ

“คุณว่าเขาตั้งใจหรือ”

“จะเหลือเรอะ” เสียงหัวหน้าฝ่ายภาษาอังกฤษฟังดูสะใจเหลือหลาย “แหม้..อาจารย์คนึงทำถูกใจผมจริงๆ ผมละหมั่นไส้เจ้าเด็กนั่นมานานแล้ว”

ขอบตาร้อนผ่าวเกินระงับ  มือเรียวสั่นระริก  หากต้องสะดุ้งหันขวับยามได้ยินเสียงเปิดประตู 

คนที่มือหนึ่งหิ้วโถข้าวต้ม  มือหนึ่งถือชามดูตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำ 

“เป็นอะไร  ปวดหัวหรือ” คนึงรีบร้อนวางของในมือลงบนโต๊ะ  ปราดเข้ามาประชิดตัว  ยื่นหลังมือแตะหน้าผาก แตะแก้มซีดขาวเป็นระวิง  หากคนป่วยกลับส่ายหน้า  สูดจมูกลึก  เลอมานจึงเพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตาเขาจะหยดมิหยดแหล่  มือบางรีบปาดทิ้งเร็วรี่  ก่อนเดินมานั่งที่โต๊ะ 

ข้าวต้มหมูหอมกรุ่นควันฉุยวางอยู่ตรงหน้า  คุณชายใช้ช้อนตักเข้าปากแล้วทำหน้าเบ้  เพียงแค่อ้าปากเขาก็ปวดร้าวไปทั้งซีกแก้ม  ต้องคอยกุมแก้มไปกินไปช้าๆ  แต่กินได้เพียงแค่สองสามคำเขาก็ต้องยอมแพ้

“อิ่มแล้วหรือ” คนนั่งจ้องอยู่อีกฝั่งโต๊ะถามพลางเลิกคิ้ว  ก่อนตักข้าวต้มขึ้นเป่า  ยื่นจ่อปากคนป่วย  “ฝืนกินอีกสักหน่อยเถอะ”

เลอมานส่ายหน้าช้าๆ  หลุบตาลงต่ำ  คำพูดที่วิรัชพูดยังกึกก้องอยู่ในหัว  คาใจนัก..

อาจารย์หนุ่มถอนใจเบาๆ  เก็บชามข้าวต้มที่พร่องไปนิดเดียวออกไป  แล้วกลับเข้ามาใหม่พร้อมอ่างเคลือบและผ้าขนหนู 

“เดี๋ยวครูจะเช็ดตัวให้” น้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา  คว้าผ้าในอ่างขึ้นบิดไล่น้ำพลางสั่ง “ถอดเสื้อผ้าสิ”     

คนฟังตาโตเท่าไข่  ขยุ้มคอเสื้อแน่น  “ผมเช็ดเองได้” 

แก้มบวมทำให้เสียงที่เปล่งออกมาอู้อี้ราวกับตัวตลก 

คนึงวางผ้าคืนน้ำ  เดินผ่านชั้นหนังสือใหญ่มายังเขตตัวเองตามมารยาท  เพื่อให้อีกฝ่ายเช็ดเนื้อเช็ดตัวอย่างสะดวกใจ  ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะ  การบ้านที่ต้องตรวจก็ยังคั่งค้างอยู่  แต่สายตาเจ้ากรรมมันคอยจะมองผ่านช่องว่างที่ชั้นหนังสือไปยังอีกฝั่งห้องอยู่เรื่อย 

ร่างโปร่งบางค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้า  บิดผ้าให้หมาดน้ำก่อนไล้ไปตามเนื้อตัวเก้ๆกังๆ  สายตาคมนิ่งมองเรือนกายที่เห็นเพียงบางส่วนราวหลงละเมอ 

ดูผิวสินวลละอองอ่อน   มะลิซ้อนดูดำไปหมดสิ้น**


เมื่อใส่ชุดนอนเสร็จเรียบร้อย  เลอมานจึงเห็นอาจารย์หนุ่มเดินข้ามเขตมาเก็บอ่างเคลือบ  ดวงตาสีน้ำตาลใสมองตามไม่วางตา  คำพูดของวิรัชยังรบกวนอยู่ในหัวไม่วางวาย

“อาจารย์” เสียงอู้อี้เรียกไว้  เท้าที่กำลังจะก้าวจากห้องชะงัก  หันมาประสานสายตา 

อาจารย์ตั้งใจหรือเปล่า? 

อนิจจา  คำถามที่กึกก้องอยู่ในหัวใจไม่อาจผ่านปากไปได้ดั่งใจคิด  เพราะเขากลัวนัก  กลัวคำตอบที่จะได้ยินเหลือเกิน

“มีอะไรหรือ” อาจารย์เป็นฝ่ายถามทำลายความเงียบงัน  เลอมานยิ่งน้ำท่วมปาก  หลุบตาลงต่ำ  กล่าวอุบอิบ

“เปล่าครับ  ไม่มีอะไร” 


คล้อยหลังอาจารย์คนึงไปไม่ทันไร  เลอมานก็แว่วเสียงคนมาเรียกเขาที่ด้านล่าง 

“คุณชาย ๆ” เสียงเรียกนั้นไม่ดังนัก  เขาจึงฟังไม่ออกว่าเสียงใคร  ครั้นชะโงกหน้าต่างมองลงไปจึงได้รู้ 

นายสิงห์!

ฝ่ายนั้นยิ้มกว้างยามเห็นหน้าเขา  เหลียวซ้ายแลขวาเหมือนกลัวใครเห็นก่อนกวักมือเป็นความหมายให้เขาลงไปหา  เลอมานยิ้มน้อยๆเท่าที่แก้มบวมตึงจะอำนวย  คว้าสเว็ตเตอร์ผ่าอกเนื้อนุ่มสวมทับเสื้อนอน  ก่อนผินกายลงไปหาด้วยหัวใจลิงโลด

ลูกชายกำนันหิ้วตะกร้าผลไม้มาด้วย  มาเยี่ยมเขาเป็นแน่แท้

ทว่าหัวใจที่พองโต ใบหน้าที่บานแฉ่งเหมือนดอกไม้ต้องแดดมีอันต้องหุบ  เมื่อได้ยินคำพูดแรกที่ออกจากปากฝ่ายนั้น

“จ้อยล่ะ”

คุณชายแอบกัดริมฝีปาก  โธ่..หลงดีใจ นึกว่าสิงห์มาเยี่ยมเขาเสียอีก 

“จ้อยเป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มถามห่วงใย แววตาอาทรถึงคนที่ถามหา  มือใหญ่กระชับตะกร้าผลไม้ในมือแน่น  ส้ม องุ่น แอปเปิล  คัดมาแต่ผลสวยๆ  ดวงตาสีน้ำตาลใสเหลือบเห็นน้ำอัดลมสีแดงในนั้นด้วย 

“ไม่รู้สิ วันนี้ยังไม่เจอเลย” เสียงอู้อี้ที่ผ่านริมฝีปากทำให้อีกฝ่ายชะงัก  เพิ่งสังเกตเห็นรอยช้ำเขียวคล้ำบนใบหน้างาม

“หน้าไปโดนอะไรมา” ดวงตาคมเข้มมองใบหน้าบวมช้ำอย่างสงสัยระคนตกใจ  เพราะสิงห์กลับไปก่อนเมื่อตอนกลางวัน จึงไม่รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้น  นิ้วมือหยาบใหญ่ค่อยๆแตะลงบนซีกแก้มแผ่วเบา “เจ็บไหมนี่”

เลอมานหัวเราะขึ้นจมูก  อดคิดอย่างขำไปไม่ได้  แก้มเขาบวมเป่งจะทิ่มหน้าอีกฝ่ายอยู่แล้ว กลับเพิ่งมาสังเกตเห็น 

“คุณชาย” หัวหน้าอันธพาลรีบวกเข้าประเด็น  ไม่รอคำตอบ “ผมอยากไปเยี่ยมจ้อย  พาไปหามันทีสิ”

“หือ” สีหน้าเด็กหนุ่มสูงศักดิ์คงแสดงความสงสัยไม่น้อย  อีกฝ่ายจึงทำท่ากระสับกระส่าย  ถูปลายจมูกตัวเองไปมา  ใบหน้าคร้ามเข้มซับสีแดงเรื่อยามโน้มใบหน้าลงมาใกล้ชิด  เอ่ยแผ่วเบาแทบเป็นกระซิบ

“ไม่เจอมันหลายวันแล้ว  นะคุณชาย พาผมไปหามันที” มือใหญ่กุมมือน้อยเขย่าวิงวอน  จนเลอมานอดขำไม่ได้  “นะคุณชาย  เดี๋ยววันหลังจะพาไปเที่ยวอีก”

“ฉันไม่ใช่เด็กนะ” เสียงใสกลั้วหัวเราะ  มือยังกุมกันไม่ปล่อย  จนเมื่อลูกชายกำนันสีหน้าเปลี่ยนไป เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นใครอยู่ด้านหลังเขา  เลอมานหันขวับมองตาม  เห็นคนตัวสูงในเสื้อกุยเฮงกางเกงแพร  ผมเปียกชื้นเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ  หน้าขาวดูบึ้งตึง 

“ทำอะไรกัน”  ถามพลางยกมือข้างหนึ่งไพล่หลัง.. คล้ายซ่อนสิ่งใดไว้ 

คนถูกถามมองหน้ากัน  สิงห์กระซิบกระซาบ “คุณชายอย่าบอกใครนะ”

“เอ่อ..” คุณชายหันไปอึกอักอ้ำอึ้ง  โดนกำชับแบบนี้แล้วจะตอบคนถามว่าอะไร  สมองประมวลข้อมูลก่อนถ่ายทอดคำตอบแบบกำปั้นทุบดิน “ยืนคุยกัน”

สายตาคมวาวที่จ้องมองมาพาให้อึดอัดชอบกล  จนเด็กหนุ่มต้องจูงแขนลูกชายกำนัน นำให้ออกเดิน  อยากไปให้ไกลๆสายตาคู่นั้น

“ค่ำมืดแล้วจะไปไหน” กระชากถามเสียงห้วน  นักเรียนตัวดีชะงักยามอาจารย์ปรูดมาขวางหน้าไว้  สองสายตาประสานกัน   

ถ้อยคำที่คนึงพูดกับอาจารย์ใหญ่  และถ้อยคำที่วิรัชพูด  คละเคล้าขุ่นมัวในหัวใจ  ดวงตาสีน้ำตาลใสจ้องหน้าอาจารย์ผู้ดูแลเขม็ง  เอ่ยวาจาตัดรอนที่แม้ลูกชายกำนันยังขนลุก

“อาจารย์ไม่ต้องห่วงหรอก  เดี๋ยวสิงห์ดูแลผมเอง” 

“อ้อ” ริมฝีปากหยักได้รูปยิ้มเยาะ “เห็นทำหน้าเศร้าซึมทั้งวัน  ที่แท้ก็รอบางคนมาเยี่ยมหรอกหรือ”   

“พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง” คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น  ตีหน้าอ่อนใสให้ยุ่งเหยิง  ก่อนจูงมือใหญ่เดินหนีไปไม่สนใจ   

คนถูกเมินยืนคว้าง  อารมณ์เคืองขุ่นปะทุจนเผลอกำหมัด  หากสัมผัสบอบบางของสิ่งที่อยู่ในอุ้งมือทำให้ต้องรีบคลายแทบไม่ทัน 

***************************
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 27-01-2012 20:46:48
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 27-01-2012 20:56:31
แบบว่า อยากอ่านมากกกกกกก

เลยไปตามอ่านที่เด็กดีเรียบร้อยแล้วคะ

รอให้ถึงตอนปัจจุบันเร็วๆ


ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 27-01-2012 20:58:12
หอพักนักเรียนเป็นอาคารไม้สองชั้น  อาจารย์ผู้ดูแลหออนุญาตให้เลอมานและสิงห์เข้าไปได้อย่างสะดวก  บุตรชายท่านทูตพาลูกชายกำนันเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง  หยุดอยู่หน้าห้องหนึ่งซึ่งเขาแวะเวียนมาประจำจนคุ้นเคย 
   
“สง่า สันติ ฉันเอง” ว่าพลางเคาะบานประตูไม้เป็นมารยาท 
   
“เข้ามาเลยคุณชาย” เสียงสง่าโหวกเหวกมาจากในห้อง  มือเรียวจึงเปิดเข้าไปไม่รั้งรอ  ปล่อยให้คนตัวโตยืนกระสับกระส่ายเก้กังอยู่นอกห้อง  ได้แต่ชะเง้อแลมอง ไม่กล้าเข้าไป
   
ห้องของพวกจ้อยกะทัดรัดพออยู่กันได้สามคนไม่แออัด  เตียงสองชั้นของสง่ากับสันติชิดผนังด้านหนึ่ง  แค่กวาดตาดูก็รู้แล้วว่าเตียงไหน โต๊ะไหนเป็นของใคร  โต๊ะรกๆ เกลื่อนไปด้วยนิตยสารมวย  ผนังข้างเตียงติดรูปโผน กิ่งเพชร กับเพชรา เชาวราษฎร์ให้พรืดไปทั้งแถบนั่นเป็นพื้นที่ของสง่า  ส่วนโต๊ะของผู้คงแก่เรียนอย่างสันตินั้น  มีตำราเรียนปนกับหนังสือธรรมะวางอย่างเป็นระเบียบ  ส่วนของจ้อยนั้นดูสะอาดสะอ้านโล่งตากว่าใคร  มีเพียงหนังสือเรียนกับดอกมหาหงส์ปักอยู่ในแก้วส่งกลิ่นหอมเย็น  ปลาตะเพียนสานเองแขวนอยู่ที่หน้าต่าง  แหวกว่ายสายลมไปมา 

จ้อยนั่งพิงหมอนอยู่บนเตียง  รายล้อมด้วยสองสหาย  ร่างเล็กเขยิบนั่งหลังตรง ยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเพื่อนผู้สูงศักดิ์

“อ่านหนังสือกันอยู่หรือ” เลอมานถามเมื่อเห็นตำราเรียนในมือทั้งสาม  และสองสามเล่มกางหราเกลื่อนเตียง

หากเมื่อนักเรียนทั้งสามเห็นหน้าผู้มาเยือนถนัดถนี่เท่านั้น  ห้องน้อยก็พลันชุลมุน
 
“คุณชาย! เจ็บมากไหมครับ” จ้อยยันกายลุกจากเตียง  กุมท้องเดินเขยกมาหา

“หนักขนาดนี้เลยเรอะ” สันติปราดเข้ามาใกล้ ขยับแว่นมองให้ชัดๆ

“ซี้ด..เห็นแล้วเจ็บแทน” สง่าทำท่าแหยง  กุมแก้มตัวเองเหมือนรอยช้ำนั้นอยู่บนหน้าตน
 
สามหนุ่มตรงเข้ามะรุมมะตุ้ม  คุณชายต้องรีบยกสองมือปราม  รีบวกเข้าเรื่องให้เร็วที่สุด       

“จ้อย มีคนมาเยี่ยมแน่ะ” ร้องบอกพลางหันมองหน้าประตู  ทั้งสามหันมองตาม  “สิงห์ เข้ามาสิ”

ลูกชายกำนันเยี่ยมหน้าเข้ามา  กระชับตะกร้าของเยี่ยมในมือแน่น กระแอมไอก่อนก้าวเข้าห้อง  ยิ่งเห็นสายตาไม่ต้อนรับของคนที่ตั้งใจมาเยี่ยมยิ่งประหม่าจนใจฝ่อ

นักเลงที่เคยเดินกร่างอยู่ในตลาด  บัดนี้กลับดูตัวลีบลงถนัดใจเมื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มนักเรียนครูโดยไร้ฝูงลูกน้องติดตาม

ตระหนักรู้ว่าสถานที่นี้ไม่ใช่ที่ของคนอย่างเขาเลยสักนิด 

แล้วที่ไหนเล่าถึงจะเหมาะ  ในบ่อน  ในซ่อง  ในร้านเหล้า  ในโรงบิลเลียดอย่างนั้นหรือ 

โสมมสิ้นดี
 
สายตาอ่อนโยนนิ่งมองคนเจ็บไม่วางตา  ร่างเล็กบางบอบช้ำทรุดนั่งลงบนเตียง  สายตาแชเชือนเบือนหนีไปมองนอกหน้าต่างราวกับหน้าเขามันน่าขยะแขยงนัก  สิงห์ถือโอกาสพิศเสี้ยวหน้าละมุน  ความอัปรีย์ที่ลูกน้องของเขาก่อไว้ยังทิ้งร่องรอยบนใบหน้า  หางคิ้ว มุมปาก ยังเขียวช้ำ   

“จ้อย  ข้ามาเยี่ยม” เสียงทุ้มเรียกแผ่ว  ทว่าใบหน้านั้นก็ยังไม่หันมา  “เอ็งเป็นยังไงบ้าง”
   
เหมือนพูดกับตุ๊กตา  ไม่มีคำตอบ  ไม่มีแม้หางตาเหลือบแลมอง

มุมหนึ่งแสนอึดอัด  แต่อีกมุมชุลมุนนัก  คู่หูลากคุณชายไปซักถามอาการเสียงโขมงโฉงเฉง  ก่อนสง่าจะโพล่งขึ้นมาว่าต้องเอาน้ำแข็งประคบ  แล้วทั้งคู่ก็ลากคุณชายถูลู่ถูกังออกจากห้อง  พาวิ่งโร่ไปหาน้ำแข็ง 

จ้อยชะงักตาเบิกกว้าง  ขยับปากจะเรียกเพื่อนไว้แต่ก็ไม่ทัน  ร่างบอบช้ำลุกขึ้นจะตามออกไป  แต่กลับซวนเซทรุดลงในอ้อมแขนแกร่งที่โผเข้ารับ  จึงรีบขืนตัวออกอย่างขยะแขยง 

ดวงตาสีเหล็กนิ่งมองนักเรียนตัวเล็กเดินกะเผลกไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ห่างจากเตียงออกไป  ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น  นี่ไอ้จ้อยมันคิดว่าเขาชั่วช้าถึงขนาดจะปล้ำมันกลางหอพักรึไง 
 
อยู่กันเพียงลำพังสองคนแบบนี้ยิ่งชวนอึดอัด  มวลอากาศรอบตัวดูอึมครึม  ปลาตะเพียนน้อยที่ขอบหน้าต่างหยุดนิ่งไม่ไหวติง 

“ข้าซื้อของมาเยี่ยม” นักเลงตัวโตเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ  กระชับตะกร้าในมือยามเดินเข้าใกล้คนป่วย “มีน้ำแดงที่เอ็งชอบด้วยนะ  กินเลยไหม”

กุลีกุจอคว้าขวดน้ำอัดลมในตะกร้า  หยิบไฟแช็คเตรียมงัดฝาจีบ 

“ไปให้พ้น!” เสียงเล็กไล่ส่ง  ไม่ไล่เปล่า  มือน้อยปัดของในมืออีกฝ่ายเสียกระเด็น  ส้มสุกลูกไม้กระจัดกระจาย 

สิงห์นิ่งมองขวดน้ำแดงกลิ้งหลุนๆไปกับพื้นไม้กระดาน 

จำได้.. ในตลาดสดจอแจ  หน้าแผงร้านน้ำแข็งไส  น้ำหวานน้ำอัดลมหลากสีเรียงรายล่อตาล่อใจหมู่เด็กที่กระหายอยากดื่มด่ำรสซาบซ่า  เด็กน้อยแก้มใสคนหนึ่งยืนป้ายน้ำมูกน้ำตา

[ “..น้องจ้อยอยากกิน  น้องจ้อยอยากกินจริงๆนะ..”

“มันแพง  ขวดละตั้งบาท” พี่ชายต่างพ่อทรุดตัวลงนั่ง  ลูบหลังลูบไหล่น้อง “ขวดนึงซื้อไข่ได้ตั้งสามใบ  ซื้อปลาทูได้ตั้งหลายตัว  เก็บไว้ซื้อปลาทูดีกว่า  จ้อยชอบปลาทูไม่ใช่หรือ”

เด็กขี้แยสูดจมูกฟืด  พึมพำ  “..น้องจ้อยอยากกิน..”

เด็กชายตัวโตอย่างสิงห์ลอบมองอยู่เงียบๆ 

“เอาอย่างนี้ไหม” พี่ชายจับไหล่น้อง “พี่จินดาจะต้มน้ำกระเจี๊ยบให้กินแทน  สีแดงๆเหมือนกัน  อร่อยกว่าด้วย  เดี๋ยวพี่ไปทำงานก่อน  แล้วพรุ่งนี้เราไปขอปันกระเจี๊ยบจากลุงอ่ำกัน  ดีไหม”

งานของพี่ที่ว่า  คืองานรับจ้างในร้านก๋วยเตี๋ยว ทั้งเสิร์ฟ ทั้งล้างจาน ค่าแรงน้อยนิด

เด็กน้อยพยักหน้าอ้อมแอ้ม  พี่ชายยิ้มกว้าง ลุกขึ้นจูงมือน้องเดิน 

เด็กชายตัวโตปรูดเข้าดักหน้า  น้องน้อยชะงัก  ก่อนคลี่ยิ้มกว้าง “พี่สิงห์”

“จินดาไปทำงานเถอะ  เราพาจ้อยไปเอง”

เด็กชายสิงห์ขี่จักรยานพาน้องซ้อนลิงโลด  แต่พอถึงที่หมายกลับแทบเข่าอ่อน  ไร่กระเจี๊ยบที่เคยรกเครื้อกลับเตียนโล่ง  ตาอ่ำให้เหตุผลว่าแกฟันทิ้งเพราะจะปลูกอย่างอื่นแทน 

แววตาน้องเศร้าสลดน่าสงสาร 

“ไปกินน้ำแดงบ้านพี่ไหม”

“ไม่เอา” ใบหน้าอ่อนใสส่ายดิก  น้ำใสเอ่อกลบตา “แม่พี่สิงห์ชอบบอกว่าน้องจ้อยเป็นลูกนังหยำฉ่า”

แปลว่าอะไรไม่รู้  แต่ความหมายไม่ดีแน่
   
พี่ดึงตัวมากอด  แสนสงสาร  ก่อนคลายออกใช้สองมือเช็ดน้ำตาเปื้อนแก้ม 

“โตขึ้นพี่จะซื้อที่กว้างๆ ปลูกบ้านหลังโตๆ” วาดแขนเป็นวงกว้างเท่าที่แขนเด็กสิบขวบจะอำนวย “จ้อยอยากปลูกอะไรพี่จะตามใจหมดเลย  อยากได้อะไรบ้าง  มหาหงส์  มะขาม  มะม่วง  แตงโม ปลูกไว้กินเยอะๆ  กระเจี๊ยบด้วยเอ้า”

นึกย้อนกลับไปก็น่าขัน  บ้านในฝัน  ปลูกต้นไม้ได้มั่วจริงๆ

“ซื้อตู้เย็นหลังโตๆ แช่น้ำแดงเยอะๆ ให้จ้อยกินคนเดียว”

“แบ่งพี่จินดากับยายด้วยได้ไหม”

“ได้สิ”
   
สองพี่น้องจูงมือกันเดินไปในแสงอาทิตย์อัสดง

“พี่จะดูแลจ้อยเอง  ดูแลตลอดไปเลย” ]



...พี่จะดูแลจ้อยเอง  ดูแลตลอดไปเลย...

คำพูดเหล่านั้นหลุดออกมาได้อย่างไร  สิงห์นึกเท่าไรก็อับจนในสิ่งที่ตัวเองเป็น


“ไปสิ!  ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง  คนเขาไล่แล้วยังยืนเซ่ออยู่ได้”

ไม่ไล่เปล่า  มือเล็กก้มหยิบแอปเปิลที่กลิ้งไปแทบเท้า ปาใส่คนตัวโต โดนเข้าที่ต้นแขน  โทสะพุ่งวาบ  นักเลงหัวไม้ปรี่เข้าไปบีบต้นแขนเล็ก มือเดียวกำได้รอบ

แอปเปิลลูกเดียวไม่ทำให้เจ็บเท่าไร  แต่ทำไมสิงห์ถึงรู้สึกรานใจนัก

เวลาเพียงไม่กี่ปี  ความสัมพันธ์ที่เป็นดั่งแก้วใส  งดงาม เปราะบาง  เกิดรอยร้าวทั้งดวงจนไม่เหลือเค้าเดิมได้อย่างไร

มือที่กำรอบต้นแขนค่อยคลายออก  นิ่งมองแววตาชิงชังตรงหน้า 

จ้อยที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่แค่พ่อค้าขายผักซอมซ่อ  ไม่ใช่แค่เด็กกำพร้าแร้นแค้น  แต่เป็นนักเรียนครู  เป็นคนมีการศึกษา  เป็นชนชั้นมันสมองของชาติ  แม้ยามเจ็บไข้ยังสุกสกาวเหมือนดาวส่องแสง

ยิ่งมองยิ่งเห็นความต่าง  ยิ่งใกล้ยิ่งรู้สึกห่างไกล    

แม้จะรู้จุดอ่อนของคนตรงหน้าดี  หนี้ที่ติดค้าง ดอกเบี้ยที่งอกเงยจนถูกยึดโฉนดที่นานั่นปะไร  แต่สิงห์ไม่อยากเอามาใช้ข่มขู่  ไม่อยากถูก ‘เกลียด’ มากไปกว่านี้ 

ใจยังหวังอยู่เต็มเปี่ยม  ว่าสักวัน รอยร้าวนั้นจะสมานคืนดังเดิม

นักเลงโตหันหลังกลับ  ก้าวออกมาจากห้อง  ข้ามผ่านผลไม้กระจัดกระจาย   โดยมีสายตาชิงชังของนักเรียนดีเด่นไล่ส่งไม่วางตา

******************************

คุณชายเล็กเดินเอามือแนบแก้มกลับเรือนไม้  ถุงน้ำแข็งที่สง่ากับสันติโปะแก้มให้ยังทิ้งความเย็นไว้จนชาไปทั้งซีกหน้า  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  เมื่อนึกถึงสภาพห้องจ้อยที่เห็นตอนกลับไปอีกที

ตะกร้าเอย  ผลไม้เอย  ขวดน้ำแดงเอย กระจายเกลื่อนพื้น  ไร้วี่แววลูกชายกำนัน  สง่าไล่เก็บของแพงอย่างแอปเปิลกัดกินเอร็ดอร่อย  แถมยังยัดใส่มือเขามาลูกหนึ่งอีกต่างหาก 

มือเล็กยกแอปเปิลแดงจัดขึ้นดม  หอม.. ได้กลิ่นแล้วชวนให้คิดถึงบ้าน  เพราะตอนอยู่อังกฤษเขากินแอปเปิลทุกวันเลยก็ว่าได้

เหลือบเห็นอาจารย์ตัวสูงยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงหัวบันได  เลอมานแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น  ตั้งใจจะเดินผ่านไปเหมือนสายลมวูบหนึ่ง  แต่ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือแข็งแรงคว้าหมับที่ต้นแขนเล็ก  กระชากให้หันมาเผชิญหน้า 

“ครูเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าตอนกลางคืนห้ามไปไหนก่อนได้รับอนุญาต” ความเคืองขุ่นปนในน้ำเสียงและแววตาเห็นได้ชัด  มือที่กำแน่นไม่คลายแรงบีบลงแม้แต่น้อย  จนนักเรียนนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ 

“ตอนผมไปกับสิงห์อาจารย์ก็เห็นนี่”

“แต่ครูยังไม่อนุญาต!”

หากดอกหางนกยูงจะร่วงลงหนึ่งดอกทุกครั้งที่คนึงตะคอกเขา  ป่านนี้ต้นหางนกยูงที่สูงตระหง่านอยู่หน้าเรือนไม้คงเหลือแต่กิ่งแห้งเหี่ยวเฉายืนต้นตาย

ทำไมนะ  ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ผิดในสายตาฝ่ายนั้นไปเสียหมด  เมื่อเขาทำผิดก็สมควรโกรธอันนี้พอเข้าใจ  แต่เมื่อเขาอยู่เฉยๆ คนึงก็ยังโกรธ  แม้บางครั้งจะพยายามทำดี  คนึงก็ยังโกรธอีก  แล้วจะให้ทำอย่างไร  ต้องทำแบบไหนถึงจะพอใจ 

สิ้นหวังทดท้อกับการเฝ้ารอเศษเสี้ยวความเมตตา  ทะเลทรายคอยฝนยังมีความหวังมากกว่าหม่อมราชวงศ์เลอมานคอยความอาทรจากอาจารย์คนึง  ใจล้าจนหมดแรงจะพยศ 

“จะลงโทษยังไงก็เชิญ  ไปหยิบไม้เรียวมาสิ” ขอบตาเขาร้อนผ่าวยามเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์  ซึ่งคงจับอารมณ์ประชดประชันในน้ำเสียงเขาได้  มือที่แข็งแรงราวคีมเหล็กจึงค่อยคลายลง  เปิดโอกาสให้เลอมานสลัดตัวพ้นจากพันธนาการ  เดินหนีเข้าห้อง

อีกฝ่ายยังตามมาราวี  “เราไม่เหมาะจะใช้ชีวิตในกฎระเบียบเลย  ทำอะไรตามใจตัวเองตลอด”

มือบางที่กำลังถอดสเว็ตเตอร์ชะงัก  หันมองเจ้าของวาจาเสียดแทงใจ  แทบผงะเมื่อเห็นอีกฝ่ายในระยะประชิด  ใกล้จนเห็นไรหนวดเขียว  เห็นเงาตัวเองฉายชัดในแววตาเคียดขึ้ง  “ตอนแรกว่าจะกลับอังกฤษแล้ว  แต่สุดท้ายก็กลับมาที่นี่  คงเพราะถูกบังคับใช่ไหม  ถ้าไม่กลับมา  ท่านชายจะไม่ยกมรดกให้งั้นสิ”

เฆี่ยนเขาสักร้อยไม้ยังไม่เจ็บเท่านี้

“ไม่ใช่” คล้ายมีก้อนแข็งๆแล่นขึ้นมาจุกคอ  เด็กหนุ่มฝืนกล้ำกลืนมันลงไปอย่างยากลำบาก  เอ่ยความจริงที่ไม่เคยคิดจะบอกใคร 
“ถ้าผมไม่กลับมา.. ท่านพ่อจะบังคับ.. ให้ผมหมั้น”

“อ้อ..” อีกฝ่ายเพียงพยักหน้ารับรู้  “ผู้หญิงคนนั้นคงขี้ริ้วน่าดูเลยสินะ”

ดวงตาสีน้ำตาลใสคลอวับเงยขึ้นสบตาคนใจดำ  คนที่กรีดใจเขาขาดวิ่นแล้วยังสาดเกลือซ้ำ 

“เปล่า..” ไอร้อนที่กระบอกตาทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนี  กระพริบตาถี่  “ผู้หญิงคนนั้น.. เป็น.. ”

กว่าจะเอ่ยได้แต่ละคำแสนยากเย็น

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรักของ..” เลอมานสูดจมูกลึก  ใบหน้าคมคายอ่อนโยนของคนที่อยู่ไกลแสนไกลทั้งในความจริงและความฝันลอยวูบเข้ามาในห้วงคำนึง “..ของเลขาท่านพ่อ  แต่ท่านพ่อไม่ทรงทราบ”

ดวงตาหลุบต่ำนิ่งมองพื้นไม้กระดานที่เริ่มพร่าเลือน  ไม่รู้หรอกว่าคำพูดตนทำให้คนฟังใจอ่อนยวบลงเพียงใด  ไม่รู้หรอกว่าสายตาที่เอาแต่เกรี้ยวกราดใส่ บัดนี้มองเขาด้วยความอ่อนโยนและสำนึกเสียใจแค่ไหน  รู้แต่ว่าไอร้อนในตาตนมันผ่าวขึ้นทุกที 

“ทำไมถึงช่างขยันหาเรื่องให้คนอื่นปวดหัวนัก!”
“ผมมีหน้าที่ดูแลเขา  เขาบาดเจ็บแบบนี้เท่ากับผมบกพร่องต่อหน้าที่”
“ผมละสะใจที่สุด  โดนเขาแกล้งตีระหัดใส่หน้าเข้าให้ จ๋อยไปเลย”

    
ปลายจมูกโด่งรั้นแดงก่ำ  เลอมานสูดจมูกลึกก่อนเงยหน้าขึ้นประสานสายตา  ถามคำถามที่รบกวนอยู่ในหัวใจมาตลอด

“อาจารย์เกลียดผมใช่ไหม” 

นึกชื่นชมตัวเอง  เขาถามคำถามนั้นออกไปได้อย่างไรโดยที่เสียงไม่สั่นพร่า  วงหน้าคมคายตรงหน้านิ่งงันคล้ายถูกสะกด  สองสายตาประสานกันท่ามกลางความเงียบงัน  เลอมานรอคำตอบอยู่ชั่วอึดใจ

ขอชมตัวเองอีกครั้ง  เขาฝืนยิ้มออกไปได้อย่างไรทั้งที่น้ำตากำลังจะไหลลงร่องแก้มเขียวช้ำ 

“ไม่ต้องพูดหรอก  ผมรู้คำตอบแล้ว” ว่าพลางผินหลังหนีขึ้นเตียงนอน  มือแข็งคว้าแขนไว้  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ก้มหน้าเอ่ยแผ่วเบา

“ผมปวดหัว  อยากนอน” 

มือที่รวบต้นแขนไว้จึงค่อยคลายออกอย่างยอมจำนน


ดึกสงัด  เสียงหรีดหริ่งเรไรระงม  กลิ่นมหาหงส์ยิ่งหอมจัดยามดึก  คืนหน้าฝนอากาศเย็นสบาย  ทว่าอาจารย์ผู้แสนเข้มงวดกลับนอนพลิกกายกระสับกระส่าย  อาศัยเพียงแสงจันทร์สลัว  ลอบมองผ่านช่องว่างระหว่างชั้นหนังสือไปยังร่างที่นอนขดกายอยู่บนเตียงอีกฝั่งห้อง     

คำถามที่เด็กคนนั้นถามยังกึกก้องอยู่ในหัวใจ 

‘เกลียด’ อย่างนั้นหรือ?

หากเลอมานถามคำถามนี้ในวันแรกๆที่พบกัน  เขาจะตอบคำถามนั้นได้ทันทีโดยไม่ลังเล  ทว่าตอนนี้.. แม้แต่ตอบใจตัวเองยังตอบไม่ได้

ยังเจ็บยอกอยู่ในอก  ประกายตาตัดพ้อนั้น  ไยจึงติดตรึงใจ  ไยจึงสั่นสะเทือนนัก 

เสียงเตียงไม้ลั่นออดจากอีกฝั่งห้อง  คนึงสะดุ้งวาบ แสร้งนอนนิ่ง  หากสายตาจ้องเขม็ง  เห็นร่างบอบบางในชุดนอนค่อยๆลุกขึ้นนั่ง  พอเสี้ยวหน้านั้นหันมา  ชายหนุ่มรีบหลับตาปี๋  เงี่ยหูฟังอยู่สักพัก จนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า  ได้ยินเสียงบานประตูไม้ลั่นออดในความเงียบ  จึงค่อยหรี่ตาขึ้นมอง 

เจ้าเด็กดื้อออกจากห้องไปเห็นหลังไวๆ 

ร่างสูงใหญ่ยันกายลุกขึ้นนั่ง  คิ้วหนาขมวดมุ่นอย่างนึกสงสัย  พรายน้ำบนนาฬิกาข้อมือที่วางไว้ข้างหมอนบอกเวลาเที่ยงคืนกว่า  เด็กนั่นจะไปไหนตอนดึกดื่นป่านนี้

อาจารย์หนุ่มก้าวลงจากเตียง  ติดตามไปด้วยฝีเท้าเบากริบ  เปิดประตูห้องอย่างเบามือไม่ให้ได้ยินเสียงบานพับลั่น  ทว่าในใจกลับร้อนรุ่มดังมีไฟสุม  หม่อมราชวงศ์เลอมานจะไปไหน.. หรือว่า..

นัดใครไว้?

ถึงนอกชาน  น้ำค้างลงเย็นจัดจนต้องห่อไหล่  กลิ่นมหาหงส์หอมเย็นคละเคล้าไปในมวลอากาศ  คนึงชะงักเมื่อแว่วเสียงสะอื้นไห้แผ่วเบามาตามลม  ค่อยๆสาวเท้าแทบย่องไปหัวบันไดซึ่งเป็นต้นเสียงนั้น

แสงจันทร์สลัวรางสาดส่องให้เห็นร่างหนึ่งซุกกายกอดเข่าอยู่กับขั้นบันไดข้างกอมหาหงส์ที่ออกดอกเต็มต้น  ไหล่เล็กบางสั่นสะท้านเหมือนลูกนกที่หลงทางมากับพายุ  เสียงสะอื้นไห้แผ่วเบานั้นเสียดแทงหัวใจคนได้ยินนัก

คนึงยืนอยู่ตรงระเบียง  ไม่กล้าก้าวขาลงบันไดไปหา  ได้แต่นิ่งฟังเงียบงัน 

“ฮึก.. ท่านพ่อ.. พี่ชานนท์.. ชายอยากกลับบ้าน..” เสียงร่ำไห้หาบ้านอย่างว้าเหว่นั้นบีบเค้นหัวใจคนฟังให้ปวดยอกด้วยความสำนึกผิด  อาจารย์หนุ่มหันหลังกลับเข้าห้อง  คว้าผ้าเช็ดหน้าของตัวเองติดมือมา

ลงบันไดได้เพียงสองขั้น  ร่างน้อยที่สั่นเทาก็สะดุ้งเฮือกหันขวับมามองอย่างรู้ตัว  พอเห็นหน้าเขาเท่านั้นดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้างอย่างกับเห็นผี   

“ผะ..ผมเห็นอาจารย์หลับแล้ว  เลยไม่กล้าขออนุญาต” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเบือนหนี  สองมือพยายามเช็ดน้ำตาเป็นระวิง  หากต้องร้องโอ๊ยออกมาเมื่อมือไปโดนแก้มที่เขียวช้ำเข้า 

อาจารย์หนุ่มนั่งลงเคียงข้าง  มือใหญ่ดึงมือเล็กออก  แสงจันทร์นวลอาบไล้เสี้ยวหน้างามละมุน  หยดน้ำตาต้องแสงจันทร์ดูราวเกล็ดเพชร  บรรจงใช้ผ้าเช็ดหน้าซับรอยน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา  ดวงตาที่แวววาวคล้ายดาวสุกใสมองเขาอย่างตกใจและไม่เข้าใจ

คนึงไม่มีคำพูดใดจะเอ่ย  เพียงจูงมือเรียวเล็กประคองให้กลับเข้าห้อง  ได้ยินเสียงสูดจมูกฟืดฟาดยิ่งบาดใจเขานัก 

   
“พรุ่งนี้ผมจะไปพบอาจารย์ใหญ่  ขอเปลี่ยนให้อาจารย์ประพนธ์ดูแลผมแทนดีไหม” เลอมานถามขึ้นเมื่อนั่งลงบนเตียง  พยายามดึงมือออกจากมืออาจารย์ที่ยังกุมมือศิษย์ไม่ปล่อย   

คนึงทรุดตัวลงนั่งเคียงข้าง  จ้องมองไม่วางตา  ก่อนลุกขึ้นไปจุดตะเกียงโคมที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ  แสงทองเรืองรองกระจ่าง  ขับผิวขาวจัดของร่างบนเตียงจนนวลเป็นประกาย

อ้อมชั้นหนังสือไปหยิบดอกมหาหงส์ที่วางอยู่ข้างหมอนประคองไว้ในอุ้งมือใหญ่อย่างทะนุถนอม  ก่อนเดินกลับมาทรุดกายลงนั่งเคียงข้างคนที่ยังมองหน้าเขาอย่างพิศวง 

อมยิ้มเมื่อดวงตาสุกใสคู่นั้นเบิกกว้าง  ยามเขายื่นเจ้าดอกขาวลออส่งให้  ลูกแก้วสีน้ำตาลใสมองหน้าเขาสลับกับดอกมหาหงส์ไปมา   

เมื่อเห็นเขาพยักหน้ายืนยัน  มือเรียวจึงค่อยยื่นมาอย่างเก้กัง  ทว่าจู่ๆกลับชะงักคล้ายนึกขึ้นได้  ดึงมือกลับไปกระพุ่มไหว้อย่างอ่อนน้อมก่อนยื่นมือมารับ 

“ขอบคุณครับ”

อาจารย์ยิ้มอ่อนโยน  มือใหญ่วางบนเรือนผมสีอ่อน  ขยี้เบาๆอย่างนึกเอ็นดู  ก่อนไล้มาตามแนวโครงหน้าเรียวได้รูป  สัมผัสคราบน้ำตาที่เริ่มแห้งจาง  จมูกโด่งได้รูปก้มลงดมกลิ่นดอกไม้หอม  ก่อนเงยหน้าขึ้นถามคำถามเสียดแทงใจ   

“อาจารย์ยังไม่ตอบผมเลย”

ร่างสูงใหญ่ถอนใจแผ่วเบา  หยิบตลับไพลบดขึ้นเปิดฝาออก  กลิ่นหอมเย็นโชยฟุ้ง  บรรจงป้ายตัวยาลงบนแก้มขวาที่เขียวช้ำให้อย่างเบามือจนเหลืองอร่ามไปทั้งซีกหน้า   

ดวงตาคู่สวยวาววับด้วยน้ำใสจ้องมองเขานิ่งงัน 

“เจ็บหรือ” มือใหญ่ชะงัก  “ครูมือหนักไปหรือเปล่า  หรือยาเข้าตา”

นักเรียนส่ายหน้าสูดจมูกลึก  “อาจารย์ไม่ต้องห่วง  ผมจะไม่พาดพิงถึงอาจารย์  ถ้าอาจารย์ใหญ่ถามว่าทำไมถึงอยากเปลี่ยน  ผมจะบอกว่าผมเรื่องมากเอง  ดีไหม” 

น้ำตาหยดหนึ่งรินไหลลงร่องแก้ม  ล้อแสงตะเกียงดูราวเพชรน้ำงาม  กลิ้งผ่านริมฝีปากที่พยายามฝืนยิ้ม

เหมือนอะไรบางอย่างในหัวใจกำลังสั่นสะเทือน  อะไรบางอย่างที่ตนเป็นคนสร้างขึ้นเองกำลังพังทลายลงช้าๆ

อ้อมแขนแกร่งคว้าร่างแบบบางเข้ามากอดแนบอก  ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตกตะลึงแค่ไหน     

“ครูขอโทษ” เสียงทุ้มพร่ากระซิบแนบหู  โยกโคลงร่างในอ้อมแขนไปมาอย่างปลอบขวัญ “ขอโทษที่ทำเล็กเจ็บ  ทำเล็กเสียใจ  ครูขอโทษ”

ความเอยความรัก         เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนไหน
เริ่มเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ     หรือเริ่มในสมองตรองจงดี***


ณ เวลานี้  คนึงขอตอบว่าหัวใจ 

ไม่ใช่สมอง! 

เลอมานกระพริบตาไล่หยาดน้ำตาที่รินไหล  ได้ยินเสียงหัวใจเต้นชิดริมหู  อ้อมแขนอุ่นล้ำที่กอดรัดแน่นส่งกระแสอบอุ่นพุ่งวาบอาบทาทั่วหัวใจ

“อาจารย์.. เสื้ออาจารย์เลอะหมดแล้ว” ส่งเสียงประท้วงอู้อี้กับอกแกร่ง  กลับยิ่งถูกกอดแน่นกว่าเดิม 

Tell me where is fancy bred,
Or in the heart, or in the head?
How begot, how nourished?
Reply, reply.


เลอมานรู้คำตอบแน่วแน่..


In the heart.



โปรดติดตามตอนต่อไป

-----------------------------------------------------------------------------------------------
*น้ำตาดาว, ธาตรี คำร้อง,  บุษยา รังสี ขับร้อง
** ศกุนตลา
*** เวนิสวาณิช


(แอ๊ ข้อความมีตัวอักษรมากเกิน ขอไปตอบเม้นข้างล่างนะคะ^^")
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 27-01-2012 20:59:37
ตอบเม้นกันเนอะ :L2:

silent_loner
ไม่เป็นไรค่ะเรื่องคอมเม้นคั่น  ดีซะอีกค่ะ  ดีใจที่ได้รู้ว่ามีคนอ่านระหว่างกำลังอัพอยู่ด้วย  ตอนนี้อาจารย์แกเริ่มเปิดใจแล้วน๊า จากนี้คงเลิกเก๊กแล้วล่ะค่ะ  ส่วนพี่สิงห์กับน้องจ้อย คู่นี้ก็คงปวดตับกันต่อไป  ส่วนเรื่องตอบเม้น  เราว่าสนุกดีนะคะ เหมือนได้คุยกับคนอ่านน่ะ ก็เลยชอบตอบเม้น (อยากบอกว่าจำคนอ่านได้ด้วยน๊า)

tonkhaw
เนอะๆๆ ตอนที่แล้วพี่สิงห์ทำตัวน่าตบบ้องหูมากเลย  แต่นับว่ายังดีนะคะที่ไม่ทำอะไรจ้อย

silverphoenix
มาร่วมมือกันแช่งให้ลอยมันเป็นหนองในกันเนอะ (สมัยนั้นยังไม่มีเอดส์) กรรมตามสนองซักทีเถิ้ด  แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ คนชั่วย่อมได้รับผลแห่งกรรมชั่วอยู่แล้ว  ตอนนี้ปล่อยมันลอยนวลไปก่อน  มารอลุ้นชายเล็กกันเนอะ  ว่าจะรอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้สักกี่น้ำ

Artemis
ข้าน้อยมิกล้า ๆ  นิยายวายเรื่องเล็กๆจากนักเขียนหน้าใหม่เรื่องนี้ ไม่กล้าเทียบชั้นนักเขียนระดับปรมาจารย์หรอกค่ะ  (แต่ก็ยินดีน้อมรับคำชมเน้อ  กระโดดเข้ากอดเลยเชียวละ)  .....

เขินค่ะ ตอบเม้นไม่ถูก ไปไม่เป็นเลย  :-[ ..คือ..อยากบอกว่าขอบคุณมากนะคะ 
 
silverspoon
พี่สิงห์ต้องเกรงใจลอยค่ะ  เพราะลอยมันเป็นเมียหลวง เอ๊ย..ไม่ช๊ายยยย (รู้สึกจะเล่นบ่อยนะมุขนี้ เหะๆ)  คือต่างคนต่างมีเหตุผลของตัวเองน่ะค่ะ  ความรักจะช่วยละลายอัตตาได้หรือไม่ เรามาลุ้นไปด้วยกันเนอะ   

yayee2
พี่สิงห์ปากแข็ง  ส่วนน้องจ้อยก็ใจแข็ง.. แล้วเมื่อไหร่มันจะเข้าใจกันล่ะคู่นี้ โธ่.. เหนื่อยแทนพี่สิงห์เลยค่ะ  ส่วนอาจารย์ตอนนี้ก็เริ่มใจดีกับคุณชายแล้วนะคะ  (เห็นไหมๆ ความใกล้ชิดทำพิษเข้าจนได้)

ดอกเอ๋ย..เจ้าดอกคุณนายตื่นสาย  คนเขียนใจละลาย เพราะคอมเม้นคนอ่านเอย.. แอร๊ย 

roseen
ไม่อาววว..ไม่เปลี่ยน  ชื่อลอยนี่เอามาจากเรื่องชุด “หลายชีวิต” ของคุณชายคึกฤทธิ์น่ะค่ะ  ชื่อเหมือนกันแต่ระดับความเลวของไอ้ลอยของคุณชายคึกฤทธิ์เลวกว่าเยอะค่ะ  มันเลวแบบ..เลวจนอยากอ้วก   

Takamine
วันนี้เลือดท่วมจอแบบเจ็บๆ ไปแล้ว  ต่อไปจะเลือดท่วมจอแบบหื่นๆ มั่งล่ะ (ว่าเข้านั่น ไม่รู้เมื่อไหร่จะดำเนินเรื่องไปถึง) ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ 

นางฟ้า
พี่ก็ชอบคอมเม้นของน้องนางฟ้าเหมือนกันค่ะ ๕๕๕+  สามคำให้ไอ้ลอยนะ.. เลว ต่อ ไป (อ้าว) เก๊าะไอ้ลอยมันเป็นตัวร้ายนี่นา

pooinfinity
เดี๋ยวดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ คิดว่าคนอ่านคงเข้าใจสิงห์มากขึ้นค่ะ ว่าทำไมต้องทนคบพวกไอ้ลอยด้วย  ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่รักคุณชาย  ถึงตอนแรกๆจะทำตัวไม่น่ารัก  แต่ตอนนี้ก็ปรับปรุงตัวแล้วน๊า

ken_krub
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ^^

@BUA@
ความน้อยใจตามมาถึงตอนนี้ด้วยค่ะ  อ๊ะ..แต่ตอนนี้อะไรๆ ดูเหมือนจะดีขึ้นแล้วนะคะ

Jploiiz
เรื่องสิงห์กับพวกไอ้ลอยนี่เดี๋ยวคงจะได้อ่านกันในตอนต่อไปค่ะ ว่าเป็นยังไงมายังไง มาเริ่มคบกันได้ยังไง  ส่วนจ้อยจะเข้าใจพี่สิงห์บ้างไหมน๊า.. เหมือนพี่สิงห์ก็แอบหวังอยู่เหมือนกันนะคะ 

Zymphoniz
ตัวเองอ่ะ แซวเค้า.. เค้าเขินนะ  :o8:
ก็เมะผู้ถึกบึกบึน พอโดนทำร้ายแล้วมันไม่น่าถนอมน่าสงสารเหมือนเคะตัวน้อยๆนี่นา  หรือไม่มันอาจจะเป็นปมอะไรสักอย่างในจิตใต้สำนึกพี่  เกิดจากการที่พี่มักจะโดนหนุ่มๆน่ารักมารังแกทำร้ายจิตใจเสมอในชีวิตจริง   เลยทำให้พี่หาทางออกด้วยการระบายกับตัวละครในนิยายตัวเองก็เป็นได้       

oaw_eang
อ๊ะ เจ้สองเข้ามาอ่านด้วย ดีใจจังค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ส่วนเรื่องยัดเยียด พอย้อนกลับไปอ่านอีกที..แว้ก จริงด้วยค่ะ  สงสัยตอนเขียนจะเสียดายวรรคทอง(เรอะ?)  ตัดใจทิ้งไม่ลงเลยเอามาใส่รวมกันหมดเลย  อะไรที่มันมากไปมันก็ไม่ดีน่ะเนอะ  ถ้ามีโอกาสได้รวมเล่มจะแก้ไขตรงจุดนี้ก็แล้วกันนะคะ 

อ้อ..ส่วนที่เจ้สองสงสัย  เจ้สองไม่ได้อ่านพลาดหรอกค่ะ  ดอกไม้ยังไม่เฉลยเองแหละว่าชายเล็กไปทำให้จินดาตายได้ยังไง  ทิ้งไว้ให้เป็นปมปริศนา  รอวันคลี่คลายจ้า 

MIkz_hotaru
พอคุณชายทำตัวน่ารักแล้ว มันก็ไม่แปลกที่จะถูก ‘รัก’ เข้าสักวัน  แต่วันนั้นไม่รู้จะมาถึงเมื่อไหร่  คงต้องค่อยเป็นค่อยไปละค่ะ  เป็นคนชอบความรักที่ค่อยๆงอกงามน่ะ  คอยเป็นกำลังใจให้พวกเขานะคะ

ต่ายน้อย
ไม่ลงตัวขนาดนั้นหรอกจ้า  จุดบกพร่องถ้าส่องดีๆก็มีให้เห็นเยอะแยะเลย  สัญญาว่าจะพัฒนาและปรับปรุงให้ดียิ่งๆขึ้นไปนะจ๊ะ  ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจก้อนโตจ้า

ordkrub
อย่างที่ลอยมันพูดแหละค่ะ  ไอ้สิงห์มันโง่  เรียนไม่เก่งแถมยังไม่ทันคน  ถูกเขาจูงจมูกเอาง่ายๆ มันน่าปลดออกจากตำแหน่งพระรองนักเชียว

Phantom
วันนี้น้องจ้อยโดนแค่นี้  แต่วันหน้าละก็ไม่แน่นะคะ  (ฮุฮุ) ไม่รู้เป็นไร มีความสุขทุกครั้งที่เห็นคนน่ารักๆ เจ็บปวดหรือร้องไห้  ท่าจะโรคจิต ^^

oattie
ขอบคุณที่ชอบค่ะ  ดีใจจังเลย^^

casper75
ภาษาไทยเราเป็นภาษาที่สวยงามมากค่ะ  ละเอียดซับซ้อน  แค่ในความหมาย ‘ผู้หญิง’ ยังมีคำเรียกได้เป็นสิบ  เขียนนิยายทีก็หยิบคำมาใช้สนุกเชียวล่ะ  ขอบคุณที่มีอารมณ์ร่วมไปกับตัวหนังสือที่เราถ่ายทอด  ในฐานะคนเขียนคนหนึ่ง  ก็ต้องขอขอบคุณคนอ่านมากๆเช่นกันค่ะ     

Huasia
แหวกแนวจนตอนแรกที่จะเอามาลงยังกล้าๆ กลัวๆ เลยค่ะ  จะว่าไปก็กลัวตั้งแต่เริ่มเขียนแล้วล่ะ  มันจะแปลกเกินไปไหม  คนจะอ่านแนวนี้กันไหม  แต่พอมาคิดอีกที  ในเมื่ออยากเขียนก็เขียนเถอะ  ประกอบกับได้กำลังใจดีๆจากคนอ่านนี่แหละค่ะ  ขอบคุณมากนะคะ 

CoMa
มันออกหม่นๆ เศร้าๆ นิดนึงเนอะ  ตามประสาคนชอบดราม่าน่ะค่ะ  ขอบคุณมากเลยที่อ่านแล้วชอบ  คนเขียนได้ยินแล้วชื่นใจที่ซู้ดดด 

ลิงน้อยสุดเอ๋อ
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้จ้า  ขอบคุณที่ชอบนะคะ ^^   

ขอบคุณเล้าเป็ด  ขอบคุณผู้ดูแลบอร์ดทุกคน  ขอบคุณคนอ่านและนักเขียนคนอื่นๆด้วยค่ะ  ขอบคุณที่ช่วยกันสร้างชุมชนน่ารักๆ ที่ทำให้ชีวิตเบิกบานขึ้นเยอะเลย   :กอด1:

ดอกไม้
๒๗ มกราคม ๒๕๕๕

ปล. คุณพระ!  ศุกร์หน้าต้องลงตอน ๑๐ แล้วสิ  ต้นฉบับยังเป็นกระดาษชิ้นๆอยู่เลยค่ะ  เดี๋ยวขอเอามาปะติดปะต่อกันก่อนเน้อ   
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: มะมะมะหมิว ที่ 27-01-2012 21:04:49
ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ ทุกอย่างลงตัวมากๆ
ขอบคุณที่มาเขียนนิยายดีๆให้พวกเราได้อ่านกันนะคะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 27-01-2012 21:11:41
จะได้อ่านตอนต่อไปแล้วววววว  :really2:

ตอนนี้สงสารคุณชายจับใจ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 27-01-2012 21:28:54
 :กอด1:  สามคำให้คู่คุณชาย>>>รัก กัน แล้ว  :-[
รักคนเขียนมากกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 27-01-2012 21:29:19
อ่านไปแล้วสงสารชายเล็ก  :monkeysad:
เหมือนทุกอย่างที่อาจารย์คนึงทำในตอนแรกเหมือนไม่ชอบกัน
ถ้าที่จริงเราไม่ได้ผิดอะไร มันก็น่าน้อยใจอยู่นะ
มาอยู่ต่างถิ่นคนเดียว เจอเรื่องมากมายแล้วยังไม่มีใครเป็นที่พักพิง
ก็จะรู้สึกอ่อนแอและคิดถึงบ้านเป็นธรรมดา
แต่พอคุณดอกไม้บอกว่าต่อไปเริ่มดีขึ้นแล้วก็ค่อยโล่งใจ
ส่วนคู่สิงห์กับจ้อยนี้ก็ไม่คืบหน้าเลย เหมือนเมื่อก่อนน่าจะมีเรื่องผิดใจกัน พี่สิงห์สู้ๆนะ
ปล.เย้!!จำได้ด้วยเหรอค่ะ ดีใจจัง  :-[

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 27-01-2012 21:34:31
คุณดอกไม้ลงถึงตอนเก้าแล้ว อาทิตย์หน้าต้องลงตอนใหม่นะคะ
รอมาสามเดือน ไม่ได้ตามอ่านในเล้า เเต่มาเมนท์เพราะอยากอ่านตอนสิบค่ะ
เเต่จะมาตามต่อที่นี่แหละ เมนท์ทุกที่เลย

รักนิยายเรื่องนี้ สุดยอดนิยายสำหรับเราค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ อย่าหายไปนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 27-01-2012 21:34:41
คุณชายเป็นคนดีมากๆ น่ารักจะตาย
ทำไมอาจารย์คนอื่นถึงไม่คิดอย่างนั้นนะ
เฮ้ออ สงสารคุณชายจัง
เราอ่านไปนี่เศร้าตาม จะนั่งร้องไห้ตามแล้ว
อาจารย์คนึงก็อย่าไปดุคุณชายมากสิ
แล้วก็ดูแลดีดีด้วยนะ

รออ่านตอนต่อไปจ้า
อย่าให้รอนานมากน้า จะขาดใจ 5555
+1 ให้น้าาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 27-01-2012 21:40:37
อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงคนสมัยก่อน มันมีกลิ่นอายยที่ย้อนยุคมากก
ชอบนะ ดูอบอุ่น แต่...จินดาตายตั้งแต่ต้น เราก็เรยยกัวการเข้ามาอ่านอะค่ะ
ไม่อยากให้มันเศร้ามาก ยังงัยก็เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 27-01-2012 21:54:30
ตอนนี้ร้องให้ไปกับคุณชายเลย วสงสารคนไกลบ้าน

นานไปผู็คนคงจะเข้าใจเนื้อแท้ของคุณชายได้ว่าไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนะ

อย่างน้อยตอนนี้พระเอกเราก็อ่อนโยนกับคุณชายมากๆ อบอุ่นหัวใจจริงๆนะ  :monkeysad: (เช็ดน้ำตาเบาๆ)

ส่วนจ้อยกับสิงห์

หนทางช่างดูยาวไกล

อยากให้พี่สิงห์ได้ดูแลน้องจ้อยไวๆจัง :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 27-01-2012 23:28:26
น้องจ้อยยยยยยยยยยยยยย  :-[

ลืมคุณชายไปชั่วขณะ  o22

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: appletokki ที่ 27-01-2012 23:40:31
เรื่องนี้สวยมากก หนูชอบแนวนี้อ่านแล้วประทับใจ
ชอบคู่สิงห์กะจ้อย มันอ๊ากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 28-01-2012 00:00:45
ไม่ได้เมนต์มาสองตอน
ตอนเก้าแล้ว เข้ามาเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ตอนนี้รอจนจะลงแดงแล้วนะคะ :m31:

หิวมาม่า ชงมาหลายๆชามเลยได้มั้ยค้าา
คิดถึงทั้งสองคู่เลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 28-01-2012 00:01:52
อ่านแล้วเคลิ้มคล้อยตามไปกับความรู้สึกของตัวละครเลยละครับ  o13

ชอบตอนที่อาจารย์คนึงกอดเลอมานแล้วโยกตัว ดูอบอุ่นมากในความคิดผม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 28-01-2012 00:39:09
“ขอโทษที่ทำเล็กเจ็บ  ทำเล็กเสียใจ  ครูขอโทษ”

หมดเลย หมดกัน พออ่านประโยคนี้ของคุณครู
ไอ้ที่น้อยใจแทนคุณเล็กมาสองสามตอน มันปลิวหายไปกับสายลมเีสียแล้ว  :-[

แล้วคุณเล็กล่ะ หวั่นไหวบ้างมั้ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 28-01-2012 00:43:37
อ่านทีไรร้องไห้ทุกที คุณชายเล็กโดดเดี่ยวอยู่ต่างบ้านต่างเมือง แล้วยังมีแต่คนหมั่นไส้อีก เฮ้อ...
ถึงตอนนี้ก็ทันอีกเวบแล้ว รอติดตามตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ  ^__^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 28-01-2012 00:49:35
คุ้นๆว่าเคยอ่านที่ไหนรึเปล่า ค้นไปค้นมา นึกออกแล้วว่าเคยอ่านที่เด็กดี แต่ไม่ได้แอด fav. ไว้ มาเจออีกทีที่นี้

ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันให้อ่านที่เล้านะค่ะ

ตัวคุณชายเอง เนื้อแท้ก็เป็นเด็กดี เพียงแต่ถือตนว่าเป็นผู้สูงศักดิ์ เลยอาจจะไว้ตัวไว้บ้างในช่วงแรกๆ แต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้าย

ชังน้องไม่ลงหรอกค่ะ ยิ่งมาเจอเรื่องแบบตอนปัจจุบันอีก น้องยิ่งน่าสงสาร คนชั่ว หน้าเนื้อใจเสือเนี่ย มีอยู่ทุกที่จริงๆไว้เว้นแต่ในเขตชนบท ยังดีที่ครูคนึงยังรู้อะไรเป็นอะไรบ้าง แม้ว่าจะมีแอบหลุดๆไป

แต่กว่าน้องจะมีความสุข สงสัยพวกแม่ๆอย่างเราคงเสียน้ำตาไปกับน้องหลายโอ่งแน่ๆ

+1 ให้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 28-01-2012 02:01:32
ในที่สุดตอนใหม่ก็จะมาแล้วววว  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 28-01-2012 08:50:50
แฟนคลับจ้อยน้ำตาตกกันแน่ๆเลย  ฮือๆๆ  สงสารอ่าาา
สิงห์ต้องเป็นคนดีนะลูกนะ  (แอบลุ้นในใจ 555)

ที่จริงเม้นในเด็กดีไปแล้วจิ๊ดนึง  แต่ตอนนั้นยังเฮิร์ตอยู่
เพราะสงสารจ้อยกับคุณชาย
เลยไม่ได้เม้นอะไรไปมากมาย  มาร่ายยาวในเล้าดีก่า  555

คุณครูคะ....คุณครูคะ....คุณครูเริ่มหวั่นไหวแล้วใช่มั้ยคะ  ฮิ้วววว

สุดท้ายอยากรู้เรื่องปริศนาการตายของจินดาจัง....

ปล.แอบสงสัยนิดนึง...พี่ชื่อจินดา...เก๋นะ...เพราะเชียว
น้องชาย...เคะน้อยน่ารักเหมือนกัน  แต่ชื่อจ้อย  = ="
5555  อย่าคิดมากๆ  แซวเล่นเฉยๆน้า

ปล2.เม้นไปแล้วรอบนึงอ่า  ไม่ติดต้องนั่งพิมใหม่หมด ในมือถือด้วย  ลำบากค่อด
ฮือๆ เศร้าาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yagin ที่ 28-01-2012 08:52:33
ไชโยๆๆๆ  ในที่สุดตอนที่รอคอยก็มาถึง

น่ารักจังเลยคุณชาย เวลานี้เปราะบางมากๆเลยน่ะเนี่ย

เอาใจลุ้นต่อไปเน้อ เป็นกำลังใจให้คนเขียนน่ะจ๊ะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 28-01-2012 09:46:05
อ่านตอนนี้เเล้วน้ำตาไหลเลย
เสียดายทั้งอดีตของสิงห์แล้วก็จ้อย
สงสารทั้งเลอมานที่ต้องมารับรู้ความรู้สึกจริงๆที่มีต่อตน
แต่ยังไงทั้งคู่ก็รู้คำตอบเเล้ว "ในหัวใจ/In the heart"

+1 ให้คนเขียนนะ เป็นกำลังใจให้
เรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เอาไปเลยสิบกระโลก
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 28-01-2012 12:16:01
จ้อยกับสิงห์ คู่นี้นี่ยังต้องลุ้นอีกต่อไป
สงสารสิงห์กับจ้อยไม่ต่างกันเลยตอนนี้
ส่วนคู่หลักอย่างเลอมานกับอาจารย์คนึงนี่ก็เริ่มแสดงความรู้สึกออกมาแล้ว
ยิ่งตอนที่อาจารย์ทายาให้เลอมาน
มันดูอบอุ่นมากเลยค่ะ

รอตอนต่อไปค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ai_no_uta ที่ 28-01-2012 13:05:22
เย้ๆๆๆ  ป.ปลา  ใจอ่อนกับผ.ผึ้ง แล้วใช่มั๊ยหล่ะ ฮ่าๆๆๆ ^^
แต่ว่านะพี่จี้  ไปไปมามา เริ่มขัดใจน้องจ้อยแล้วอ่ะ  กล้าดีมาทำร้ายจิตใจพี่สิงห์ของพิมพ์(เหรอ?!)ได้ยังไง  เดี๋ยวเห๊อะ  =__=*
จริงๆตอนนี้ดราม่าเบาๆเองเนอะ ตอนหน้าจัดให้หนักๆไปเลยนะพี่จี้ ^3^

 
ป.ล.ได้เม้นต์ให้พี่จี้ซักกะที  หลังจากวุ่นวายกับชีวิตT^T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 28-01-2012 15:30:57
ฮือๆๆๆ

อ่านแล้วน้ำตาจะไหลอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-01-2012 20:11:05
ไอ้เจ้า ** มาจาก ศกุนตลาเหรอ  ตงิดๆว่ามาจาก อิเหนาชมบุษา นะ  หรือจะจำผิดอีกแล้ว

แก่แล้วก็ไม่ดีงี้แหละ  อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Lukaka ที่ 28-01-2012 20:15:45
คิดถึงคุณชายเล็ก คิดถึงจ้อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jajajelly ที่ 28-01-2012 20:53:17
ขอบคุณนะคะ ที่แต่งนิยาย ที่เนื้อหาดีน่าิดิดตามและยังภาษาสวยอย่างนี้
เราชอบอ่านหนังสือมากๆ โดยเฉพาะพวกวรรณคดี นิยายอิงประวัติศาสตร์
คุณใข้ภาษาได้สละสลวย อ่านแล้วลื่นไหล ไม่ขัดตาขัดใจเลย ทั้งพรรณาได้จนเห็นภาพในยุคสมัยนั้นๆ
จะติดตามต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 28-01-2012 23:41:59
“ขอโทษที่ทำเล็กเจ็บ  ทำเล็กเสียใจ  ครูขอโทษ”
สั้นๆแค่นี้แหละค่ะน้ำตาร่วงเผาะๆๆเลยTT^TT
โอ๊ยจากที่อัดอั้นกันมาอยากกรีดร้องมาก><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 29-01-2012 00:32:19
แบบเห็นใจพี่สิงห์
...
แต่ก็สมน้ำหน้า...เบาๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazakapp ที่ 29-01-2012 18:17:56
ได้อ่านแล้วรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ... :impress3:

อยากบอกว่ารัก"เลอมาน" มากๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Busy836 ที่ 29-01-2012 23:11:48
อ่านแล้วเพลินดีจัง อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ ชอบมากๆเลย ทั้งกลอน ทั้งเพลง

ทั้งเรื่องราวต่างๆที่สอดแทรกเข้ามา บอกไ็ฯด้แค่ว่าเพลินมากๆ

ส่วนเนื้อเรืองก็แบบบีบคั้นอารมณ์จริงๆ ชายเล็กเป็นคนที่หยิ่ง หยิ่งจนน่าหมั่นไส้

ถ้าได้เจอคนแบบนี้จริงๆก็คงเกลียดไปแล้วอะ แต่พอได้อ่านไปเรื่อยๆ กลับรู้สึกเอ็นดู จนเกลียดไม่ลง

เข้าใจอารมณ์ครูคนึงเลยที่เดียว 5555 ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่านน๊า จะรออ่านตอนต่อไป มาเร็วๆเน้อ

ปล. ยังสงสัยอยู่ที่จินดาตายเกี่ยวไรกับคุณชายแกหว่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 30-01-2012 14:07:39
อ่านรวดเดียว 9 ตอน  อ่านแล้วเพ้อตาม นึกตามเป็นฉากๆเลย

พูดถึง 2 ตอนล่าสุดแล้วกันเนอะ คนอย่างพี่สิงห์นี่เห็นทั่วไปในผู้ชายที่รักศักดิ์ศรีแบบโง่ๆ ปากแข็งแต่ใจอ่อน แต่ดูๆไปพี่สิงห์นี่น่ารักใช่เล่น

กับคุณชายที่มานั่งร้องไห้นี่น่าสงสารโพดๆ น่ากอดปลอบใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 30-01-2012 15:49:49
คู่หลักท่าจะเริ่มคลี่คลาย  แต่คู่รอง ......  สงสารสิงห์!!!!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mamichan ที่ 30-01-2012 16:18:19
ร้องไห้อย่างจริงจัง  อ่านทีเดียว 9 ตอนรวด  :sad4:

เรื่องนี้สงสารทุกคนเลยค่ะ  โดยเฉพาะคุณชายเล็กกับพี่สิงห์ของเรา (ชอบคู่พี่สิงห์น้องจ้อยตอนเด็กมาก ๆ เลยค่ะ  ร้องไห้แบบสะอึกสะอื้นเลยทีเดียว  :o12:)

ติดตามอย่างต่อเนื่อง  รอคุณชายเล็กอยู่นะคะ  น่าสงสารที่สุด กอดทีนึง :กอด1:

+1 จ้าาาาาา o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 30-01-2012 17:52:21
เริ่มจะหวานแล้ว 1 คู่
ส่วนอีกคู่ ยังไม่ไหวจะเคลียร์

อ่านตอนนี้แล้ว หวานได้อีก >.<~  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 30-01-2012 18:30:07
ในที่สุดก็มาถึงตอนล่าสุดที่ค้างไว้.

คู่อาจารย์และคุณชายเขาค่อยๆ หวาน แบบหวานปนเค็มเหมือนรสชาติน้ำตาตอนถูกคนรักกอด. ส่วนอีกคู่! อีกคู่! พี่สิงห์ของเดี๊ยน!!!!!!!!! น้องจ้อยของเดี๊ยน!!!!!!!!! แอร๊ย เมื่อไหร่จะเข้าใจกันคะ?!  :o12:

ขอบคุณคุณดอกไม้ค่ะ อ่านอีกรอบก็ยิ่งชอบอีกครั้ง. :กอด1:

ปล. กดบวก ๑ ให้แล้วนะคะ ๓๖ + ๑ = ๓๗
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 31-01-2012 00:03:07
ใจจะขาดเพราะลุ้นให้ครูคนึงแสดงออกตามความรู้สึกของหัวใจ
เฮ้อ! ที่สุดก็สมใจซะที(แม้จะนิดนึง)ก็ถึอว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีละนะ
เพราะชายเล็กถามคำถามนี้ออกมา“อาจารย์เกลียดผมใช่ไหม”  เลยทำให้ครูคนึงได้คิดละซี
ก็เข้าใจนะว่า มีหลายปัจจัยที่ทำให้ครูรีๆรอๆน่ะ
๑.ความเป็นครู( รักคนที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์แบบชู้สาวนี่มิค่อยเหมาะนัก)
๒.ความที่เคยวางฟอร์มจนเคย
๓.ความเป็นผู้ชายยุคนู้นนนนนน
๔.(คงสำคัญที่สุดรึเปล่า)ครูคนึงเคยโทษว่า การมาของชายเล็ก
   เป็นสาเหตุที่ทำให้จินดาคนรักต้องเสียชีวิต
ก็ได้แต่หวังว่าต่อไปนี้ครูคนึงคงปล่อยวางปัจจัยเหล่านั้นลงบ้างนะ

ความเอยความรัก         เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนไหน
เริ่มเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ     หรือเริ่มในสมองตรองจงดี***
.........................................................................................
ตอบเอยตอบถ้อย                     เกิดเมื่อเห็นน้องน้อยอย่าสงสัย
ตาประสบตารักสมัครไซร้            เหมือนหนึ่งให้อาหารสำราญครัน

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 31-01-2012 10:15:37
ต่อไปก็ตอนที่ ๑๐ แล้ว :oni2:

มารอ :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Karok ที่ 31-01-2012 20:33:32
สนุกมากเลยคะจะรอตอนต่อไปนะคร้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Phantom ที่ 01-02-2012 23:18:05

จ้อยยังจะเจอหนัก ๆ อีกเหรอ ม่ายยยยยยยยยยยย  :o12:

สงสารคุณครู สงสารคุณชาย
สงสารตัวเองหลงมาติดนิยายดราม่าของคุณดอกไม้ใจร้าย  :m15:

ขอบคุณที่มาอัพต่อเนื่องนะคร้าบบ  :L2: (อิ อิ ติดสินบน เผื่อจะเปลี่ยนใจเขียนหวาน ๆ ปลอดดราม่า)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๙ : น้ำตาดาว [๒๗/๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 03-02-2012 01:06:48
รออ่านตอนใหม่อยู่นานมากแล้วนะTT^TT หวังว่าจะรีบมาลงตอนใหม่น๊า รอนานมากจริงๆๆ

คิดถึงทุกตัวละครในเรื่องนี้อ่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 03-02-2012 20:28:42
(http://img38.picoodle.com/i523/wattanan/0_812_ucmz8.jpg)

บทที่ ๑๐

ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ


ถ้าเธอตั้งใจไว้ว่าสักวัน เธออาจรักฉัน
ฉันจะรอวันนั้นเสมอ
จะเก็บหัวใจไว้เพื่อสนองรักเธอ
อดออมรักพร้อมเสนอไว้เพื่อเพียงเธอถึงวันรอคอย

ถ้าเธอจะรักฉันก็จะรอ
จะไม่ย่อท้อรอจะรอมอบดวงหทัย *




“งานวัด?” ใบหน้าอ่อนใสเงยขึ้น ละสายตาจากแปลงผักกาดเขียวสด  เม็ดเหงื่อเกาะพราวตามไรผมสีอ่อน  คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น “งานวัดคืออะไร?”
   
“คุณชายไม่เคยไปงานวัดเรอะ” สันติถามพาซื่อ  ก่อนถูกสง่าเขกหัวเข้าให้ด้วยที่วักน้ำด้ามยาวจนแว่นเลื่อนจากดั้งจมูก 
   
“ที่เมืองนอกจะไปมีงานวัดได้ยังไงเล่า ถามแปลกๆ” ข้อลำล่ำสันวักน้ำจากคูเล็กๆข้างแปลง รดใส่แปลงผักกาดเขียวสด  ระหัดที่เลอมานออกเงินซื้อสูบน้ำขึ้นมาหล่อแปลงได้เยี่ยม  พวกนักเรียนชมรมกสิกรรมไม่ต้องลำบากไปตักน้ำจากท่าให้มือด้านอีกต่อไป   

“งานวัด.. ก็ไปนั่งชิงช้าสวรรค์  ดูสาวน้อยตกน้ำ  มอเตอร์ไซค์ไต่ถัง  สนุกนะ” สง่าร่ายก่อนป้องปากพูดทั้งที่ไม่ลดเสียง  แถมยังยักคิ้วหลิ่วตา “รับรองสาวๆเพียบ”

เลอมานกลอกตาทำท่าคิด  เขานึกภาพสิ่งที่สง่าพูดไม่ออก

“เทมเปิ้ลแฟร์” จ้อยช่วยตอบให้  นึกขำเพื่อนที่พูดถึงงานวัดกลับนึกถึงแต่เรื่องโลกีย์  เด็กดีอย่างจ้อยน่ะต้อง.. “ไปไหว้พระทำบุญ  ปิดทอง  จัดแค่ปีละครั้งเองนะครับ”

เรื่องที่เป็นหัวข้อสนทนาของเหล่านักเรียนโรงเรียนฝึกหัดครู รวมไปถึงชาวบ้านชุมชนตลาดยอดในระยะนี้  เห็นทีจะไม่พ้นเรื่องงานบุญที่วัดหน้าพระเมรุจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี  ระยะทางก็ไม่ไกลจากโรงเรียนนัก  แค่ข้ามสะพานคลองเมืองไปประมาณ 2 กิโลเมตรก็ถึง

ท่ามกลางวิถีชีวิตที่สงบเงียบจนราบเรียบ  งานรื่นเริงที่นานทีปีหนจะมี  เป็นธรรมดาที่ใครๆต่างพากันพูดถึงและอยากไปจนตัวสั่น  แม้แต่คนเพิ่งมาอยู่อย่างหม่อมราชวงศ์เลอมานเองก็เถอะ

จ้อยพูดว่า Temple Fair แล้วคุณชายค่อยเข้าใจขึ้นมาหน่อย  ดวงตาคู่สวยลุกวาวเป็นประกาย  เหมือนเด็กอยากได้ของเล่น

“งั้นไปกันเถอะ  ไปคืนนี้เลยดีไหม” เสียงใสชักชวนกระตือรือร้น  หันมองคนนี้ทีคนนี้ทีอย่างจะหาพวก

จ้อยมองบุตรชายท่านทูตมานั่งยองๆ ช่วยเก็บผักแล้วอดอมยิ้มขำไม่ได้  มือขาวราวกระเบื้องเคลือบบัดนี้มอมแมมด้วยเศษดิน  และเมื่อยกขึ้นปาดเหงื่อก็ทิ้งคราบไว้บนแก้มเนียนใส  มอมแมมไม่ต่างอะไรกับลูกตาสีตาสาอย่างเขา

แต่หากเมื่อพออาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่  เด็กมอมแมมก็กลายกลับเป็นหนุ่มน้อยงามสง่าอ่าองค์  ยิ่งตอนยืนสอนภาษาอังกฤษอยู่หน้าชั้นยิ่งโดดเด่น  จนจ้อยนึกดีใจที่ในโรงเรียนไม่มีนักเรียนหญิง  ไม่อย่างนั้นคงเอาแต่จ้องครูฝึกสอนรูปหล่อกันจนไม่เป็นอันเรียน

คนอะไรจะดูดีได้ทุกกิริยาอย่างนั้น  ไม่แปลกที่ใครต่อใครจะชอบมอง ‘คุณชายเล็ก’ ของจ้อย  ก็แม้แต่จ้อยเองยังชอบมองเลย  ว่าก็ว่า.. แม้แต่อาจารย์คนึงก็เถอะ  จ้อยสังเกตได้โดยบังเอิญ  หันไปทีไรก็เห็นสายตาอาจารย์กำลังมองคุณชายอยู่เรื่อย
   
แน่ละ..
ผีเสื้อแสนสวยกางปีกอยู่ตรงหน้า  ใครเล่าจะละสายตาได้

แต่จ้อยชอบตอนนี้มากกว่า  ตอนที่คุณชายคล้ายผีเสื้อที่ปลดปีกออกคืนสู่การเป็นดักแด้  ตอนที่นั่งยองๆ กับแปลงผัก ช่วยเขาเด็ดผักกาดเขียวสด แต่พอคุ้ยเจอไส้เดือนก็แหกปากร้องลั่น  ตอนที่เพิ่งตื่นนอนตอนเช้า  นั่งหัวยุ่งสะลึมสะลืออยู่บนเตียงรอจ้อยไปเก็บที่นอนให้  ตอนที่ถือจานข้าวสวยโปะไข่เจียว  เดินตามพวกเขามานั่งกินด้วยกันที่ท่าน้ำ  เล่าเรื่องตลกขบขัน หัวเราะกันดังก้องเวิ้งน้ำ

จ้อยรู้สึกดีใจและภูมิใจ  ที่ได้เป็นคนหนึ่งที่ได้ข้ามผ่านกำแพงมิตรภาพของเลอมาน  ได้เห็นแง่มุมของคนถือตัวที่ใครหลายคนไม่มีโอกาสได้เห็น

“นะจ้อย  ไปกันเถอะนะ”

อย่างตอนนี้ก็ด้วย  มือเลอะเทอะเขย่าแขนจ้อยไปมา  ดวงตาสีน้ำตาลใสเป็นประกายเหมือนเด็ก
   
จนจ้อยนึกสงสาร  แต่เขาต้องปฏิเสธ  “จ้อยต้องช่วยยายขายขนม  ไปกับจ้อยไม่สนุกหรอก”

เลอมานทำปากอูดก่อนหันหาเป้าหมายต่อไป.. สง่ากับสันติ  สองหนุ่มมีทีท่าเลิ่กลั่กกระอักกระอ่วน

“ผมนัดกับน้องมาลี โรงเรียนฝึกหัดครูหญิงไว้แล้ว” สง่าว่ายังงั้น
“ผมก็..นัดกับน้องเนื้อแพรเหมือนกัน” สันติก็ว่ายังงี้

คุณชายเซ็งเลย  มือเรียวจิ้มๆ เขี่ยๆ ใบผักกาดเล่น

“คุณชายลองชวนอาจารย์สิ” จ้อยแนะนำเสียงใส  คุณชายยิ่งหน่ายใจเข้าไปใหญ่  คนเคร่งขรึมระเบียบจัดแบบนั้น  จะมีแก่ใจพาเขาไปเที่ยวได้ล่ะหรือ 

****************************
   
   
“ไม่” คนึงถอดแว่นวางบนโต๊ะ  ปิดหนังสือปุบ “ครูไม่ว่างถึงขนาดจะพาเราไปเที่ยวเล่นหรอกนะ”
   
กะแล้วเชียว  เลอมานถอนใจแรง  กระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกัน

ความจริงวันนี้เขาเจอคนึงตั้งหลายครั้ง  มีโอกาสจะขออนุญาตก็หลายหน  แต่พอจะเริ่มต้นพูดทีไร  ‘ปอด’ ก็ใหญ่พองคับอก  เบียดพื้นที่หัวใจจนเหลือเท่าปลาซิวทุกทีสิน่า

รอจนค่ำ  ลมเย็นสบาย กลิ่นดอกไม้หอมพรู  กะจังหวะตอนอาจารย์อารมณ์ดีๆ  อ่านหนังสือไปอมยิ้มไป  ถึงได้รวบรวมความกล้าขออนุญาตนี่ละ 

แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยอย่างนี้น่ะสิ

“นะคร้าบอาจารย์.. นะ” เสียงหวานปานจะหยด  มือเล็กเอื้อมไปเขย่าแขนล่ำสัน  ก่อนชะงักดึงมือกลับมาปิดปากเมื่อนึกขึ้นได้

เผลอทำกิริยา ‘ออดอ้อน’ เข้าใส่อย่างลืมตัวจนได้สิหนอ  แต่ขอโทษเถอะ  ในโลกนี้มีไม่กี่คนหรอกที่เขาจะทำท่าแบบนี้ให้เห็น  ซึ่งกับคนึงนี่ออกจะเป็นอะไรที่เกินคาด  หากตั้งแต่ค่ำคืนที่สองดวงใจเปิดเผยให้กัน  ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ก็ดูเปลี่ยนไปในทางที่ดี

ในห้องน้อยริมสุดบนเรือนไม้  คล้ายมีกล้าอ่อนค่อยๆผุดขึ้น  ใบอ่อนเขียวสดแทงยอดจากเนื้อดิน  ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา  แต่สัมผัสได้ด้วยใจ  รับรู้ได้ว่ามีสิ่งสะอาดพิสุทธิ์ใสกำลังค่อยๆเติบโตงอกงาม

คนึงยิ้มจาง  มองเด็กหน้าขาวตัวหอมตรงหน้า  สัมผัสอุ่นจากมือนิ่มยังทิ้งรอยไว้บนท่อนแขน 

“อ่านหนังสือให้ครูฟังก่อน” อาจารย์เสนอข้อแลกเปลี่ยน  มือใหญ่ยื่นหนังสือกวีนิพนธ์ที่อ่านค้างไว้ไปตรงหน้าศิษย์  บทกวีอิงการเมืองที่อ่านอยู่เน้นเสรีนิยมและเพื่อสังคม  ไม่น่าจะมีบทไหนมีฤทธิ์ทำให้ระรื่นใจถึงขั้นกลั้นยิ้ม 

เมื่อกี้ที่แอบอมยิ้ม  ก็เพราะเจ้าเด็กแก้มแดงๆ ที่มายืนลับๆล่อๆ ผลุบๆโผล่ๆ แอบมองเขาจากข้างชั้นหนังสือต่างหาก 

เลอมานถอนใจเฮือก  แต่ก็ยอมหยิบหนังสือเล่มบางมาเปิดหน้าที่ถูกคั่นไว้แต่โดยดี 

คนตัวโตเดินไปทิ้งกายลงบนเตียง  คงสบายกายสบายใจมากถึงขนาดต้องคราง “อาห์..” ยามแผ่นหลังสัมผัสที่นอนนุ่ม  มือแกร่งยกขึ้นหนุนหัว  ท่าทางผ่อนคลายหนักหนา

คุณชายทำหน้ามุ่ยใส่บทกวีในมือ  ลากเก้าอี้มาใกล้เตียง  เงยหน้าขึ้นมองคนบนเตียงก็เห็นแววตายั่วล้อกับรอยยิ้มแพรวพราย

ทำท่าเหมือนพร้อมจะขำเต็มที่  เหมือนคราวเขาอ่าน “เสมอ” ว่า “เส-มอ”  อ่าน “นาฬิกา” ว่า “นา-ฟิ-กา”  อ่าน “สามารถ” ว่า “สา-มา-รด” เหมือนเมื่อคืนก่อนๆ กระมัง 

ทีตัวเองออกเสียงตัว H ว่า “เฮ็ช” เขายังไม่เคยล้อสักคำ 
จะว่าไป ถ้าจะล้อคงต้องล้อทั้งโรงเรียน  เพราะ “เฮ็ช” กันทั้งโรงเรียนจริงๆ 
ไม่รู้ไปเอามาจากไหนสิน่า

กว่าเลอมานจะพากเพียรอ่านจนจบบท  ก็โดนอาจารย์หักแต้มเสียจนแทบเหลือศูนย์ 

“ผมก็อ่านจบแล้วไง  อาจารย์จะพาไปไหม” บอกกันมาตรงๆ เลยดีกว่า

“เฮ้อ.. อ่านถูกได้แค่สองคำก็อ่านผิดซะสามคำ” คนขี้แกล้งยังสงวนทีท่า  เล่นเอาเถิดเจ้าล่ออยู่นั่น 

“พอเถอะ  ไม่อยากพาไปก็พูดมาตรงๆ” คนขี้งอนปิดหนังสือปุบ  ความน้อยใจแล่นพรู  ดีนะที่เขากลืนคำพูดประชดประชัน ‘ใช่สิ ก็ผมไม่ใช่จินดานี่’ ลงคอได้ทัน  หารู้ไม่ว่าคำพูดต่อไปจะทำให้คนฟังมีอาการซะยิ่งกว่าคำพูดที่เพิ่งกลืน

“ผมไปกับพวกสิงห์ก็ได้” ว่าแล้วก็ผินหลังกลับฝั่งตัวเองอย่างปั้นปึ่ง  คนที่เมื่อกี้ยังนอนเอกเขนกอยู่บนเตียง  ลุกพรวดเดียวโจนถึงตัวได้ยังไงก็ไม่รู้

“ไม่ได้!” เสียงทุ้มห้าวมาพร้อมมือแข็งจับหมับที่ต้นแขน “ห้ามไปกับใครทั้งนั้น  เดี๋ยวครูจะพาเราไปเอง”

เลอมานค่อยยิ้มออก  ดวงตาใสกระจ่างหันมา  สุกปลั่งยิ่งกว่าดวงดาวบนฟากฟ้า  มือเล็กกระพุ่มไหว้ลงอกกว้าง  ก่อนฮัมเพลงหงุงหงิงกลับไปนอน 

ดอกมหาหงส์ที่ตัดมาปักแก้วน้ำหอมแรงกว่าทุกวัน  คนึงลูบอกซ้ายที่กำลังเต้นประท้วงคลุ้มคลั่ง  อันตราย.. มีเสน่ห์เล่ห์กลใดในแววตาคู่นั้น  ปีศาจหรือเทพบุตรตัวน้อยแฝงกายซ่อนเร้น  จึงทำให้เขาใจเต้นแรง  สูญเสียความเป็นตัวเองไปได้มากมายเช่นนี้

****************************
   
ค่ำแล้ว..
นภาแพร้วดาษดาวสกาวใส

เคยซ้อนจักรยานใครสักคนไหมเล่า  รู้สึกถึงกระแสลมที่สัมผัสแผ่นหลังไหม  เป็นลมที่ละเอียดกว่าเวลาขี่มอเตอร์ไซค์  อ่อนหวานกว่าลมจากช่องหน้าต่างรถยนต์  ได้กลิ่นมากมายหลั่งไหลเข้ามา  กลิ่นดอกไม้ที่ยิ่งดึกยิ่งหอม  กลิ่นน้ำค้างเย็นชื่น  กลิ่นสะพานไม้เก่าแก่  กลิ่นคลองเมืองที่ไหลล่องเงียบสงบราวชายชรากำลังเอนกายพักผ่อน 

หากกลิ่นที่ชัดเจนที่สุดคงเป็นกลิ่นจากแผ่นหลังกว้างตรงหน้า  เย็นชื่นหอมสะอาดจนต้องเผลอสูดเข้าปอดลึก  แม้ท้องฟ้าจะมีดาวเกลื่อนกล่นงดงามเพียงใด  ก็ไม่อาจดึงดูดสายตาเลอมานได้เท่าแผ่นหลังกว้างตรงหน้านี้เลย

“เอ้า เกาะแน่นๆ จะลงสะพานแล้วนะ” ใบหน้าคมคร้ามเอี้ยวมาบอกยิ้มๆ  เด็กหนุ่มแทบกลั้นใจยามยื่นมือไปแตะเบาๆ ที่ช่วงเอวสอบ  ลอบยิ้มในเงาจันทร์เมื่อจักรยานตราจระเข้ที่เก่าจนหาสีเดิมไม่เจอ  พาร่างเขากระเด้งกระดอนเอนเข้าหาแผ่นหลังกว้าง
   
อุ่น.. ซ่านไปถึงหัวใจ


จักรยานคันน้อยแล่นเลียบคลองสระบัว  เสียงเครื่องไฟแว่วมาแต่ไกล  ไฟหลากสีประดับประดาเรียงรายสองข้างทาง  ยิ่งใกล้เขตวัดเท่าไรผู้คนยิ่งหนาตา 

ดวงตาสีน้ำตาลใสแพรวพราวมองโน่นนี่รอบๆตัวอย่างสนใจ  หารู้ตัวไม่ว่าตนตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครตั้งแต่อาจารย์เลี้ยวรถเข้ามาในวัด  คนึงปัดขาตั้งจอดจักรยานใต้ต้นพิกุลใหญ่  ดอกเล็กหอมพรูร่วงหล่นติดเรือนผมสีอ่อน  ในขณะที่เจ้าตัวเอาแต่เบิกตากว้างอย่างตื่นใจ  ผู้คนมากมายราวกับรวมคนทั้งเกาะเมืองมาไว้ที่นี่  ต่างอุ้มลูกจูงหลาน  เสื้อผ้าสีสวยสด  ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส  ชิงช้าสวรรค์ตั้งตระหง่าน  ตรงนั้นมีม้าหมุน  ได้ยินเสียงปี่พาทย์จากโรงลิเกไกลๆด้วย 

รอยยิ้มสดใสแต่งแต้มบนใบหน้าอ่อนเยาว์  ร่างเพรียวบางเดินไปหาแผงน้ำตาลปั้นสีสวยสด  หากมือใหญ่กลับรั้งแขนไว้ได้ทัน

“ไปไหว้พระก่อน” คนึงปราม  เมื่อนั้นเลอมานจึงเพิ่งสังเกตว่าเขาตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนรอบตัวเพียงใด  ทุกก้าวย่างที่เดินไปโบสถ์  มีแต่สายตาจับจ้อง  บางคนมองตามเขาจนเหลียวหลัง  คุณชายยิ่งระมัดระวังกิริยา  ฝืนทำหน้าขรึมทั้งที่อยากยิ้มแทบขาดใจ
   
เด็กๆสวมหมวกแขกทำด้วยกระดาษ  คล้องพวงมาลัยขนมปังลูกมะยม  กำลังถือดาบไม้ไล่ตีกัน ถึงกับหยุดชะงักเมื่อเห็นเขา  มือเล็กชี้ชวนกันดู

ผิวขาวสะอาดเนียนผ่อง  ผมและดวงตาสีอ่อนกว่าใคร  แต่งตัวรึก็ไม่เหมือนคนแถวนี้  เชิ้ตแขนยาวสวมทับด้วยเสื้อกั๊กไหมพรมลายข้าวหลามตัดสีน้ำตาล  ยามเดินผ่านก็มีกลิ่นหอมๆ โชยรื่นจากตัว  ไอ้จุกไอ้แกละคงจะอดคิดไม่ได้ว่า ‘พระเอกหนังหลุดมาจากจอผ้าใบหรือไงน้อ..’

ข้างพระอุโบสถมีวิหารน้อยประดิษฐานพระพุทธรูปปิดทองอร่าม  ผู้คนมากมายห้อมล้อมองค์พระ  กลิ่นธูปควันเทียนอบอวล  คุณชายกำลังมองโน่นมองนี่เพลินๆ  ช่อดอกบัวธูปเทียนก็ถูกยัดใส่มือ  ธูปนั้นจุดมาเรียบร้อยแล้ว 
   
“ถอดรองเท้าก่อน” เสียงทุ้มบอกเบาๆ  เลอมานทำตามอย่างว่าง่าย  ถอดไปวางเคียงกันไว้ ๒ คู่

ครูสอนศิษย์ทีละขั้นตอนจนปักธูปในกระถางเรียบร้อย  เด็กหนุ่มลูกเสี้ยวแพ้ควันธูปจนจมูกแดงตาแดงก่ำอย่างน่าสงสาร  สูดจมูกฟืดๆ ยามเอื้อมมือปิดทองเปลวบนองค์พระ

“ปิดที่มือ  จะได้ลายมือสวยๆ” อาจารย์แนะนำยิ้มๆ   
“หา..” ลูกศิษย์ทำหน้างง  ทำท่าจะเอาแผ่นทองเปลวแปะหลังมือตัวเองซะนี่ 
“ไม่ใช่มือเรา” คนึงคว้ามือบางไว้แทบไม่ทัน  ส่ายหน้าระอา “มือพระซี่” 

“อ้อ” คุณชายหน้าม้าน  ได้แต่หวังว่าคงไม่มีใครเห็นเขาทำเปิ่น  ขณะปิดทองที่หัตถ์พระตามที่อาจารย์บอก  ความคิดบางอย่างก็แล่นวาบ  ทองเปลวเหลืออีกสองแผ่น  เด็กหนุ่มเลือกปิดที่พระเนตรแผ่นหนึ่ง  เขาจะได้อ่านหนังสือ(ภาษาไทย)เก่งๆ  ส่วนแผ่นสุดท้าย  มือเรียวปิดลงที่พระอุระข้างซ้าย  ตรงตำแหน่งของหัวใจ

อธิษฐาน.. ขอให้เขาได้เป็นที่รัก.. ด้วยเถิด..


ครั้นดึงมือศิษย์ออกมาจากกลุ่มคนเบียดเสียดได้สำเร็จ  คนึงจึงเพิ่งสังเกตเห็นสะเก็ดทองเปลวติดตามหน้าผากเนียนจนระยิบระยับ 

พอบอกว่าทองติดหน้าผาก  มือเล็กก็ลนลานปัด  ทว่ายิ่งปัดก็ยิ่งเกลื่อนหน้า  หล่นไปจนถึงเปลือกตา  หากเข้าตาไปละก็.. คุณชายเดินเที่ยวไม่สนุกแน่ 
   
“เล็ก  หลับตาก่อน  เดี๋ยวครูเอาออกให้”

เลอมานหลับตาลง  มือใหญ่คว้าผ้าเช็ดหน้าเนื้อนิ่ม  โน้มใบหน้าลงไปใกล้  บรรจงเช็ดเกล็ดทองที่ติดแพขนตา พลางเป่าให้อย่างแผ่วเบา

ใครไม่รู้เดินเบียดเสียดมากระแทกหลังคนึงอย่างแรงจนเซ

กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

ริมฝีปากครูก็ประทับลงบนเปลือกตาศิษย์ไปแล้ว!

ราวประกายไฟแล่นปลาบ  ต่างคนต่างสะดุ้งผงะ  ต่างผละออกเบือนหน้ากันไปคนละทาง  คนึงกระแอมไอ  เลอมานเช็ดหน้าเลิ่กลั่ก  เสียงผู้ชายกล่าวขอโทษขอโพยถูกกลบลบสำเนียงด้วยเสียงก้อนเนื้อในอกเต้นเหมือนรัวกลอง 

ความรักดูๆก็แปลก..
ไม่เอาพระเจ้าก็แจก..
ให้ลองรัก 
     
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 03-02-2012 20:37:27
พระอุโบสถตระหง่านทาสีขาวบริสุทธิ์  หน้าบันเป็นไม้แกะสลักปิดทองรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ  เลอมานถึงกับตะลึงพรึงเพริดเมื่อเข้าไปภายใน  พระพุทธรูปประธานทรงเครื่องใหญ่สีทองอร่าม  ทั้งงดงามและศักดิ์สิทธิ์  ภายในไม่อนุญาตให้จุดธูป  เขาจึงค่อยทุเลาจากอาการแสบตา 

อาจารย์พาศิษย์คุกเข่าพนมมืออธิษฐาน  ตามด้วยกราบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง  ศิษย์มองอาจารย์.. จดจำ.. ไม่น่ายาก  แค่พนมมือ  ก้มกราบ  วางมือแตะพื้น  ไม่ยาก..

ศิษย์ทำตามโดยพลัน

อาจารย์หันมาเห็นเจ้าถึงกับสะดุ้ง

ยังกะจิงโจ้เอย มาโล้สำเภา!

เคยแต่สอนไหว้  แต่ไม่เคยสอนกราบสักที
คนกระโดกกระเดกกราบไม่เป็น  ถึงได้ทำบั้นท้ายโด่งจนแทบจะทิ่มหน้าคุณป้าข้างหลังอยู่แล้ว 

“เก็บหน่อย” อาจารย์ชะโงกหน้ามากระซิบ  เมื่อเลอมานกำลังจะก้มกราบที่สอง
“ฮื๊อ  เก็บอะไร” ลูกศิษย์แทบโดดเหย็ง  ก้มมองพื้นล่อกแล่ก  “อะไร  ผมทำอะไรหล่น”
“เก็บ..” คนึงกระแอมไอ  เสียงทุ้มต่ำเอ่ยแผ่ว “ก้น..”

คุณชายทำหน้างง  งงจริงๆ  งงแบบไม่ได้เสแสร้ง “เก็บทำไม  มันก็อยู่ของมันที่เดิม” มีการยืนยันด้วยการตบปุๆ ลงเนินเนื้อให้ดูซ้ำ 

“เอาเถอะ” คนบอกชักปลงๆ  เดี๋ยวกลับไปค่อยสอนกันใหม่  ว่าแล้วก็ทนดูลูกศิษย์ตัวดีกลายร่างเป็นจิงโจ้โล้สำเภาอีกสองหน

คุณชายมองกระบอกไม้สีแดงบรรจุแท่งไม้เล็กๆ ในมือคนึงด้วยความฉงน

“เขาเรียกเซียมซี  เอาไว้เสี่ยงทาย” วงหน้าคมสันยิ้มอุ่น  เขย่าห้าหกที  แท่งไม้แท่งหนึ่งก็ร่วงหล่นจากกระบอก  ทำเอาเลอมานตาโตอย่างนึกสนุก

ครั้นพอมือใหญ่ส่งกระบอกเซียมซีให้  มือขาวเขย่าแก๊กๆ แค่สองที  แท่งไม้ทั้งกระบอกก็หกพรวดกระจายเต็มพื้นพรม  ดวงตาผิดหวังเงยขึ้นมองอาจารย์  เดือดร้อนอีกฝ่ายต้องช่วยเก็บงกๆ

“ไม่เป็นไร ลองใหม่”

ลองอีกก็หกกระจายอีก  คุณชายเงยหน้าขึ้นสบตา  ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้  คนต่อคิวยาวเป็นหางว่าว  มองมาตาเป็นกอบ 

อาจารย์เลยแก้ปัญหา  เก็บแท่งติ้วมาคละๆรวมๆกันในกระบอก  สั่งให้เลอมานหลับตาหยิบขึ้นมา ๑ แท่ง  สิ้นเรื่องสิ้นราว


คนึงได้ใบที่สอง  เลอมานได้ใบที่สิบ

“ใบที่สองเรอะครู” ชายชราเฝ้าตู้เซียมซีหัวเราะมีเลศนัย  ดวงตาสีเทาดูยั่วล้อตอนมือเหี่ยวย่นฉีกใบทำนายให้ “นั่นแน่.. ร้ายไม่เบา  เห็นหงิมๆ หยิบชิ้นปลามัน”

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ขมวดคิ้วมุ่น  ในหัวมีภาพทอดมันปลากรายที่นางนกแก้วทอดลอยแวบผ่านมา 

“ทำไมหรือลุง” เขาถามแกไปจนได้ 
“เอ๊า  เก๊าะคนได้ใบที่สองน่ะ” พ่อเฒ่าลดเสียงเป็นกระซิบ “เขาว่าจะเจอเนื้อคู่น่ะสิไอ้หนู” แล้วตะแกก็หัวเราะลั่นจนเห็นฟันดำ

‘ไอ้หนู’ ยิ่งงงหนัก  ในหัวมีภาพก้อนเนื้อหมูสองก้อนวางเคียงกันบนเขียง  รอนางนกแก้วเอาไปทอดกระเทียมพริกไทย

เอ..หรือสงสัยเขาจะหิว

คนตัวโตเลี่ยงไปยืนอ่านใบเซียมซี  อมยิ้มอยู่คนเดียว
 
                                            ใบที่สองต้องกันเหมือนจันทร์ฉาย   
เปรียบกับต้นพฤกษาคราที่ตาย      แล้วกลับกลายได้เป็นเหมือนเช่นเดิม   
ได้ผลิดอกออกใบไสวสว่าง          ต้องน้ำค้างลมเชยรำเพยเสริม

   
เลอมานเห็นอาจารย์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  ใบหน้าอ่อนใสเขยิบเข้าใกล้  ชะโงกอ่านด้วยคนอย่างใคร่รู้  คนที่เมื่อกี้ยังยิ้มเรี่ยกลับหุบยิ้มฉับ  ขึงหน้าตึงเป็นสะดึงยามหันมาดุเขา

“เป็นเด็กอย่าอ่านหนังสือข้ามไหล่ผู้ใหญ่  มันเสียมารยาท”   แล้วมือใหญ่ก็พับกระดาษแผ่นเล็กเก็บลงกระเป๋าเสื้อ  ก่อนหันมาสั่งเสียงเรียบ “อ่านของเราให้ครูฟังซิ”

เด็กหนุ่มเบ้หน้า  นี่ออกพ้นเขตโรงเรียนแล้วเขายังถูกกวดขันให้อ่านภาษาไทยอีกหรือ  แต่กระนั้นก็ยังยอมอ่านอย่างเสียไม่ได้

“ใบที่สิบ..เหมือนหงส์ที่หลงฝูง  จะพยุงชีวิตให้ผิดที่  เข้าฝูงกาฝูงนกเค้าให้เข้าที  จะหมดศรี..เสื่อมยศศักดิ์ ไม่รักตน  เสียเพราะเพื่อนเตือนไว้ด้วยใจหวัง..”

เลอมานอ่านไปเรื่อยๆ  อาจารย์หนุ่มยืนฟังเพลิน  นึกชมเปาะในใจ  เจ้าเด็กดื้ออ่านภาษาไทยคล่องขึ้นเยอะ

จนกระทั่ง..

“ถามเนื้อคู่ คู่เป็น..เป็น..” ปากแดงเรื่อขมุบขมิบสะกด  “หอ มอ อา ยอ หมาย..หมายไม้โท..”

ม้าย!

“ถามเนื้อคู่ คู่เป็นม้ายไม่ไกลนัก  เขาสม..” อ่านได้แค่นั้นก็ต้องชะงัก  เมื่อมือใหญ่ดึงใบเซียมซีออกจากมือเขาดังฟึ่บ เลอมานยังตาค้าง  ยามคนึงพับกระดาษเก็บหน้าตาเฉย  ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง  แย่งกระดาษที่คนอื่นกำลังอ่านอยู่มันไม่เสียมารยาทเลยนะอาจารย์           

“ผมยังอ่านไม่จบ” เขาประท้วง   

“ไม่ต้องอ่านแล้ว” คนร้อนตัวสั่งเสียงห้วน  เลอมานพ่นลมออกจมูกอย่างขัดใจ  แต่พอลองสังเกตดีๆ  เหมือนแก้มอาจารย์จะขึ้นสีเรื่อๆ ในแสงจันทร์นวล

“อาจารย์” คุณชายตัดสินใจถามให้หายข้องใจ “เนื้อคู่คืออะไร  ม้ายคืออะไร  เนื้อคู่เป็นม้ายมันเป็นยังไงหรือ”

คนตัวโตปวดหัวหนึบจนต้องกดหัวแม่มือนวดหว่างคิ้ว  เบือนหนีวงหน้านวลที่ลอยหน้าลอยตาถาม  ยิ่งนึกถึงกิตติศัพท์ความแม่นยำของเซียมซีที่วัดนี้ยิ่งร้อนวาบไปทั้งหน้า  รีบเบี่ยงเบนความสนใจเด็กช่างถามด้วยซุ้มสอยดาวที่มีผู้คนเนืองแน่น   

อาศัยช่วงคุณชายแหงนดูสลากหลากสีที่ผูกไว้เต็มต้นกัลปพฤกษ์  คนที่เพิ่งตีหน้าเครียดไปหยกๆ เอาแต่ลอบยิ้มให้กับประโยคนั้นในใบทำนายเซียมซีหมายเลขสิบ 

ถามเนื้อคู่ คู่เป็นหม้ายไม่ไกลนัก 

*************************

..ฮัดชาสลาม  ฮัดชาสลาม  ฮัดชาสลาม สลาม สลาม สลามมานา..
มีมาก็ต้องมีไป มีเรือใบก็มีเรือเมล์
มีปี่ก็ต้องมีฆ้อง มีคนร้องก็ต้องฮาเฮ
ฮัลเลวังกา ขอเชิญท่านมาชมลิเก..


เสียงลิเกออกแขกดังแว่วมาจากโรงลิเกท้ายวัด  ยายช้อยชะเง้อชะแง้มองจนคอยืด  หรี่ตามองเวทีที่เปิดไฟสว่างขับฉากสีสดให้โดดเด่น  ผู้คนมากมายจับจองพื้นที่หน้าเวทีเต็มไปหมด  มองจากตรงนี้หญิงชราเห็นอาบังที่รำป้ออยู่หน้าเวทีเป็นเพียงจุดขาวเล็กๆ มัวๆ

จ้อยกับยายช้อยพายเรือหอบข้าวของมาตั้งแผงตั้งแต่หัวค่ำ  ชื่อเสียงขนมยายช้อยเลื่องลือ  จนข้าวเหนียวปิ้งร้อนๆจากเตาถ่านขายดีเป็นเทน้ำเทท่า  ยายห่อข้าวเหนียวมาจากบ้านแล้วเอามาปิ้งที่วัด  คนซื้อจะได้กินข้าวเหนียวร้อนๆ สดใหม่ 
แถมพ่อค้าหน้ามนก็ช่วยเรียกลูกค้าสาวๆ ได้ดีนักแล  ขายดิบขายดีจนปิ้งแทบไม่ทัน 

จนกระทั่งลิเกออกแขกนี่ล่ะ  จ้อยเห็นได้ชัดว่ายายไม่มีกะใจจะขายแล้ว             
   
“ยายไปดูเถอะจ้ะ  เดี๋ยวหนูขายเอง” เห็นยายอยากดูลิเกจนน้ำหมากย้อยแล้วอดสงสารไม่ได้  หากหญิงชรากลับส่ายหัวด๊อกแด๊ก 

“เฮ่อะ  พระเอกจมูกยังกะลูกชมพู่  สวยสู้หลานยายก็ไม่ได้” ยายโบกไม้โบกมือให้วุ่น  หันมาหยิบห่อข้าวเหนียววางบนตะแกรง  แต่พอเผลอก็หันไปมองโรงลิเกอีก   

“ยายนั่งเฝ้าอย่างนี้  สาวๆ เขาจะนึกว่ามานั่งคุมหนูนะ” จ้อยยิ้มอย่างรู้ทัน  หยิบห่อที่ยายวางเอียงกะเท่เร่มาเรียงให้สวย “ถ้ายายไม่นั่งอยู่ด้วย  ขายหมดไปนานแล้ว”

ยายนิ่งไป  มองหน้าขาวผ่องของหลาน  แล้วก็มองไปทางแม่พวกเขียวๆ แดงๆ ที่แอบชะแง้แลตาอยู่ไม่ไกล  แกหัวเราะเฮ่อะๆ อย่างสุดแสนจะภูมิใจ 

เนื้อหอมเหมือนยายตอนสาวๆ ไม่มีผิด จ้อยเอ๋ย..

ดังนั้น  พอพวกยายธรรม ยายมี ยายสะอิ้งเดินมาชักชวนไปโรงลิเก  ยายช้อยก็คว้าตะกร้าหมากเดินตามไปต้อยๆ  คุยกันกระหนุงกระหนิงเหมือนย้อนวัยกันไปห้าสิบกว่าปี                  
      
คล้อยหลังยายไม่ทันไร  ผู้หญิงก็มารุมแผงข้าวเหนียวปิ้งของจ้อยจริงดังว่า  มีทั้งสาวน้อยจากโรงเรียนฝึกหัดครูหญิง  มีทั้งสาวแก่แม่ม่าย  ที่แวะมาซื้อทีไรก็หยิกแก้มเขาเป็นของแถมทุกที  ยิ้มหวานๆ ตาหวานๆ สาวไหนเห็นเข้าก็ใจละลายทุกราย   

แต่กลุ่มที่ลุ่มหลงเสน่ห์ของจ้อยที่สุด  คือผู้หญิงที่เตี้ยกว่าเอวจ้อยลงไป  วัยกำลังขบเผาะ ๓-๑๐ ขวบ 

จ้อยชอบเด็ก  เพราะชอบเด็กถึงได้อยากเป็นครู  เด็กๆ ก็ชอบจ้อย  โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง  พี่จ้อยยิ้มสวย  ใจดี  ชอบแถมขนมให้เสมอ

โดยเฉพาะ ‘น้ำฝน’ ลูกสาววัย ๕ ขวบของน้าแป้น คนรับใช้บ้านกำนันเสริม  แม่หนูเห็นพี่จ้อยทีไรต้องวิ่งเข้ามากอดเอวกอดแขนนัวเนียทู้กที   

นั่นไง  แค่คิดก็มาแล้ว  จูงมือกันมาสองแม่ลูก  แค่เห็นเขาเท่านั้นเด็กหญิงก็วิ่งตุบตับทั้งเท้าเปล่ามากอดหมับจนจ้อยแทบหงายหลังตกจากเก้าอี้ไม้ตัวเล็ก  เอาหน้ากลมเป็นกะโล่ทาชันเกลือกแขนเขาไปมา   

“พี่จ้อยหอมเหมือนขนมเลย” ปากแดงจิ้มลิ้มฉอเลาะ  วันนี้แม่หนูมาในชุดสวยที่สุดที่มี  เสื้อสีชมพูที่เก่าจนหม่น  มีรอยเปื่อยที่คอ  ผมม้าตัดตรงล้อมวงหน้าขาวเหมือนตุ๊กตา

น้าแป้นเป็นสาวใหญ่ร่างท้วมอายุอานามปาเข้าไปจะสี่สิบ  หากเพิ่งมีลูกหลง  หน้ากลมแป้นพิมพ์เดียวกับลูกสาวค่อนขอด  “น้อยหน่อยอีฝน  เมื่อกี้เพิ่งไปเกาะขาคนขายซาลาเปามาแหม่บๆ  โดนเขาไล่ออกมา  ขายขี้หน้าไหมล่ะ”

หนูน้อยหน้าม่อย  จ้อยนึกเอ็นดูระคนเวทนา  เลือกข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือก ไส้กล้วยอันสวยๆยื่นให้ห้าหกห่อโดยไม่คิดเงิน     

“รักพี่จ้อยที่สุด”  มือเล็กตบแปะๆ ดีอกดีใจ  ก่อนหันไปดึงชายผ้าถุงแม่ “แม่.. หนูอยากแต่งกับพี่จ้อย”   

คนถูกทาบทามหัวเราะจนน้ำตาไหล  มือเรียวโรยกากมะพร้าวลงในเตาเพื่อรมควันข้าวเหนียวให้หอมนวล  “นี่ถ้าน้ำฝนเจอคุณชายนะ  รับรองลืมพี่แน่” 

“เจอฉันแล้วทำไมหรือ” เสียงนุ่มที่แสนคุ้นเคยมาพร้อมกลิ่นหอมประจำตัว  จ้อยเงยหน้าขึ้นเห็นวงหน้าขาวแย้มยิ้มมาให้  มือไขว้หลังโน้มตัวลงสูดกลิ่นขนมบนเตา “ขายอะไรน่ะ  หอมจัง”

เด็กหญิงตัวกลมหันหลังขวับไปมองบ้าง   

แรกพบประสบพักตร์  แน่งน้อยน่ารักนักหนา

กามเทพแผลงศรรักปักอกแม่สาวน้อยดังฉึก  น้ำฝนอ้าปากค้าง เบิกตาโตมองคุณชายจนน้ำลายไหลยืด  คุณชายเอาแต่ฟังอาจารย์คนึงอธิบายให้รู้จักข้าวเหนียวปิ้งจนไม่ทันสังเกต 

หนูน้อยยิ้มขวย อ่อนระทวยไปทั้งร่าง  กำปั้นเล็กทุบหลังไหล่พ่อค้าขนมแก้เขินดังตุบตับ  จ้อยหัวเราะร่วน “หลงรักเขาตั้งแต่แรกพบเลย  พี่จ้อยอกหักซะแล้วซี”

ยิ่งพอคุณชายหันมายิ้มให้  เด็กหญิงแทบจะขดตัวม้วนเกาะติดอยู่กับหลังจ้อย 

“น้ำฝน..” จ้อยถามยั่วล้อ “พี่จ้อยกับพี่คุณชายใครหล่อกว่ากันจ๊ะ”

ตากลมป๊องจ้องมองเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลสวย  ยิ่งเห็นดวงตาสีอำพันจ้องกลับมาอย่างกรุ้มกริ่ม  แม่สาวน้อยก็ซุกหน้ากับแผ่นหลังคนรักเก่า  สะเทิ้นอายจนหน้าแดงแปร๊ดเป็นลูกตำลึงสุก  พูดอุบอิบ “พี่คุณชายหล่อกว่า”

เรียกเสียงหัวเราะได้ฮาครืน  โดยเฉพาะคนถูกชม  แม้แต่อาจารย์ผู้เคร่งขรึมยังยิ้มกว้างจนตาหยี 

เลอมานขำจนท้องแข็ง  ในบรรดาคนที่เคยเกี้ยวพาเขา  แม่หนูตากลมคนนี้อายุน้อยที่สุดเลยก็กว่าได้  แถมยังใจกล้าชนิดสาวลอนดอนมาเห็นยังต้องหลบ  และที่สำคัญ  เขาไม่เคยนึกเอ็นดูคนพวกนั้นเท่าเด็กหญิงตรงหน้า 

บุตรชายท่านทูตพิจารณาลูกสาวคนรับใช้  วงหน้าอ่อนใสไร้เดียงสาในเสื้อผ้าที่ครั้งหนึ่งคงเคยเป็นชุดสวยของคนอื่น  เท้าเปล่าเปื้อนดิน  ไม่มีองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ จำพวกสร้อยขนมปัง อมยิ้ม สายไหม น้ำตาลปั้น กังหันลม หรือลูกโป่งสวรรค์อย่างที่เด็กคนอื่นๆ มี

คุณชายตัดสินใจเดินไปซื้อลูกโป่งสวรรค์ที่ยืนเรียกลูกค้าอยู่ใกล้ๆ  แล้วกลับมาย่อตัวลงตรงหน้าเด็กน้อยที่ยังขวยเขินไม่หยุด  มือขาวผูกเชือกลูกโป่งเข้ากับข้อมือกลมป้อมหลวมๆ  โดยไม่ลืมกำชับ “ผูกไว้จะได้ไม่ทำหลุดขึ้นฟ้าเนอะ”

น้ำฝนมัวแต่เคอะเขิน  จนนักเรียนครูอย่างจ้อยต้องทักว่าไหว้ขอบคุณหรือยัง  นั่นละ มือน้อยๆ จึงกระพุ่มไหว้ถอนสายบัว   
      
สายตาที่คนึงมองลูกศิษย์ตัวดีสะท้อนความอิ่มเอิบในหัวใจอย่างไม่อาจซ่อนเร้น  ดอกไม้ที่แค่คลี่กลีบอย่างไว้ตัวในตอนแรก  บัดนี้ไกวก้านแกว่งใบ  มีประกายดาวในตา  มีแสงจันทร์นวลในแก้ม 

อาจารย์คนึงนึกอยากเป็นกระต่าย  จะได้ฝังกายในแสงจันทร์ 

“งอนแล้ว  ผู้หญิงหลายใจ” จ้อยแกล้งสะบัดหน้าหนีฉากรัก  สาละวนพลิกขนมบนเตา “เบื่อเขาแล้วตัวก็อย่ามากอดเขาซี่”

“แต่พี่จ้อยน่ารักกว่า” หนูน้อยเกิดสองจิตสองใจ  รักพี่เสียดายน้อง  รักคุณชายเสียดายพี่จ้อย  จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่  ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน..

“โอ๊ย พอๆๆ ลูกคนนี้” น้าแป้นยังหัวเราะคึ่กๆไม่หาย  มือหยาบกร้านจูงแขนกลมป้อม  พลางแกะข้าวเหนียวยื่นให้ลูกสาว “เอ้า กินขนม จะได้โตเป็นสาวเร็วๆ”
   
สองแม่ลูกจูงกันเดินไป  จ้อยมองตามจนสุดตา  ดวงตาคู่ใสหม่นแสงลง 

ภาพครอบครัวที่ได้เห็น ได้สัมผัสแม้เพียงชั่วครู่  ทำให้จ้อยอดคิดถึง ‘ครอบครัว’ ของตัวเองไม่ได้  ครอบครัวที่เคยมีกันอยู่สามคน  ยาย เขา และพี่จินดา   เขายังคงถวิลหาวันเก่าที่แสนสุข  ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีทางกลับคืนมาได้อีกแล้ว     

ปีที่แล้ว  พี่ยังมางานนี้ด้วยกัน  พี่จินดาใจดี อ่อนโยน  แต่ในความอ่อนโยน  มีหัวใจที่เข้มแข็งเคียงคู่อยู่ในนั้น  มือของพี่เขียนหนังสือได้สวย พอๆกับรับจ้างตัดอ้อยได้ฉับไวคมกริบ  เสียงของพี่กังวาน สอนหนังสือได้สนุก พอๆ กับเรียกลูกค้าได้เก่งนัก

พี่ที่น่าสงสาร  ตั้งแต่เกิดมาก็ลำบาก ทำงานหนักมาทั้งชีวิต  แม้วาระสุดท้าย  ยังจากไปอย่างอ้างว้าง  จากไปอย่างเดียวดายท่ามกลางสายน้ำเชี่ยวกรากเยียบเย็น 

“จ้อย” คุณชายละเอียดอ่อนพอจะสังเกตเห็นความอาดูรในแววตา  “เป็นอะไรหรือ”

หนุ่มน้อยปาดน้ำตาที่คลอรื้นได้ทันก่อนมันจะหยด  ตอบไปอย่างที่ใจคิด  “คิดถึงพี่จินดา”

ชื่อนั้นทำให้ทั้งคนึงและเลอมานชะงักงัน  สองสายตาประสานกันก่อนอาจารย์เป็นฝ่ายเบือนหลบก่อน  ล่ำลาพ่อค้าขนม  แล้วเดินนำศิษย์ออกมาเงียบๆ  โดยไม่มีคำพูดใดระหว่างกัน     

****************************
   
คล้อยหลังอาจารย์และคุณชายไปไม่ทันไร  หนุ่มๆ รุ่นน้องจากโรงเรียนห้าหกคนมาช่วยอุดหนุนข้าวเหนียวปิ้งของจ้อย  พ่อค้าทักทายยิ้มแย้มแจ่มใส  คนกันเองทั้งนั้นเลยหัวเราะพูดคุยกันครึกครื้น 

“หิวโว้ย!!” เสียงห้าวโวยวายดังลั่นมาแต่ไกล  จ้อยชะงักจนแทบทำห่อใบตองหล่น  มือเล็กกำแน่น  แค่ได้ยินเสียงก็ปวดมวนในกระเพาะจนอยากโก่งคอ 

“เฮ้ย! เกะกะโว้ย!” ลูกชายกำนันพร้อมลูกน้องสามคนเดินฝ่ากลุ่มคนเข้ามา  เหล่านักเรียนครูพากันหลีกทางให้  ใครมัวงกเงิ่นก็โดนมือใหญ่ผลักอกอย่างไม่ไว้หน้า  “หลีกๆๆ หลีกไปสิวะ  ใครไม่หลีกพ่อจะแจกตีนให้กินแทนข้าวเหนียวให้หมด!”

จ้อยเหลือบตามองแผงใกล้ๆ อย่างจะหาที่พึ่งเผื่อจวนตัว  แต่ต้องล้มเลิกความคิดเมื่อหันซ้ายก็เจอยายทองขายข้าวเกรียบว่าว  หันขวาก็เจอตาแม้นขายข้าวหลาม  เฒ่าชะแรแก่ชรากันทั้งนั้น

ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนเสียแล้ว

หนุ่มน้อยจ้องหัวหน้าอันธพาลที่ย่อตัวลงตรงหน้าด้วยแววตาชิงชัง  รู้สึกว่าวันนี้ไอ้สิงห์จะหล่อเป็นพิเศษ  ผมดำสนิทหวีเรียบลงน้ำมันแทบไม่กระดิกสักเส้น  เรือนกายสูงใหญ่กำยำในกางเกงยีนส์สีเข้มและเสื้อเชิ้ตลายสก็อตที่ยกปกตั้งขึ้น  ซองบุหรี่ถูกสอดไว้เหนือไหล่ ใต้เสื้อ  ใบหน้าคมคร้ามชะโงกมาใกล้จนจ้อยได้กลิ่นแป้งน้ำหอมเย็น

มันจะหล่อ จะหอมแค่ไหนก็อัปลักษณ์และเหม็นสาบนักในความรู้สึกจ้อย  ไอ้พวกหมาหมู่  พวกนักเลงชั้นต่ำที่กล้าทำระยำอัปรีย์ไว้กับเขา  ยิ่งนึกถึงค่ำคืนนั้น  จ้อยยิ่งขยะแขยงแทบขย้อน       

ไอ้ลอย ไอ้เลิศ ไอ้หมาน หยิบขนมบนเตาไปแกะกินหน้าตาเฉย  ทิ้งห่อใบตองกลาดเกลื่อนอย่างสถุลไพร่ 

“เหลือเยอะไหมพ่อค้า” ลูกชายกำนันถาม  หากดวงตาแพรวพรายนั้นกลับกระด้างลงทันควันเมื่อพ่อค้าตัวน้อยไม่ตอบคำ  ซ้ำยังมองเมินไปทางอื่นอย่างจองหอง  สิงห์กัดฟันกรอด  ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  ประกาศก้อง “ที่เหลือข้าเหมาหมด!”

“ไม่ขาย” พ่อค้าปฏิเสธเด็ดขาด  เงยหน้าจ้องตาไม่เกรงกลัว “อยากกินเท่าไรก็กิน  จะคิดซะว่าทำทาน  แต่ไม่ขาย”

ให้มันรู้ซะบ้าง  ว่าจ้อยไม่เคยอยากได้อะไรของมัน  โดยเฉพาะเงิน!   

คนตัวโตขบกรามแน่นจนข้างแก้มขึ้นเป็นสันนูน  เค้นเสียงลอดไรฟัน  “ถ้ากูจะเอา  กูต้องได้.. ทุกอย่าง”

และแล้วสิงห์ก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด  มือใหญ่ล้วงปืนลูกโม่ยิงขึ้นฟ้า! 
   
ปัง!!

ชาวบ้านหลบกันวี้ดว้าย  เด็กเล็กร้องไห้จ้ายามนักเลงโตประกาศลั่น  “เฮ้ย!  ใครหน้าไหนกล้ามาซื้อขนมไอ้จ้อย  กูจะยิงแม่งให้ไส้แตกให้หมด!”

แถมยังควักเงินห้าหกใบโยนใส่จ้อย  หนุ่มน้อยโมโหจนหน้าแดงก่ำ  จ้องมองคนตรงหน้าอย่างจงเกลียดจงชัง  ก่อนมือเล็กลนลานเก็บข้าวของ  ห่อข้าวเหนียวเอย ตะแกรงเอย เตาเอย เก็บทุกอย่างยกเว้นธนบัตรสีน้ำเงินที่กระจายเกลื่อนพื้น

“มึงมานี่!” มือแข็งราวคีมเหล็กกระชากแขนผอมบางลุกขึ้น  เรี่ยวแรงมหาศาลจนจ้อยแทบปลิวหวือเหมือนกระดาษ  แต่แม้จะอ่อนด้อยกว่าในทุกด้าน  หลานยายช้อยก็สู้สุดใจอย่างไม่ยอมแพ้       

จนกระทั่งลูกน้องสามคนตีวงล้อมเข้ามา  มือใหญ่บีบกรามเล็กแน่นจนแทบแหลกคามือ  จ้อยเจ็บจนน้ำตาคลอ  ไร้ทางสู้  หมดทางหนี  ตัวสั่นยามใบหน้าคมสันโน้มลงกระซิบเหี้ยม

“ถ้ามึงไม่ยอมไปกับกูดีๆ  กูจะให้ไอ้สามคนนี่ไปกระทืบยายมึง”   

เพียงประโยคเดียวจ้อยก็ยอมจำนน  ยอมปล่อยให้พวกอันธพาลลากแขนไปอย่างไม่รู้ชะตากรรม 

พวกมันจะพาเขาไปไหน  ยิ่งพกปืนมาด้วยแบบนี้  จะพาเขาไปฆ่าปิดปากเรื่องในคืนนั้นหรือเปล่า  หลังวัดเป็นป่าช้า  เงียบสงัดห่างไกลผู้คน  ถ้าจะมีใครถูกฆ่าตายที่นั่นก็คงไม่มีใครรู้

อย่าหาว่าจ้อยคิดเกินกว่าเหตุ  คนชาติชั่วอย่างไอ้สิงห์มันทำได้แน่  จ้อยรู้ดี  เพราะมันเคยทำมาแล้วตอนเด็ก!  ขนาดตอนปีกขายังอ่อน  มันยังเลวขนาดนั้น  แล้วตอนนี้ที่มันปีกกล้าขาแข็ง  โผผงาดร่อนถลาไม่เกรงกลัวใคร  มันจะระยำได้สักแค่ไหน  จ้อยไม่อยากจะคิด!

จ้อยหันไปทางโบสถ์  อธิษฐานต่อองค์พระในใจ  หากมันจะทำอะไร ขอร้องอย่าทำเขาถึงตาย  เขายังมียายที่ต้องดูแล  หลวงพ่อโปรดช่วยคุ้มครองให้เขารอด  เหมือนที่เคยช่วยให้เขาแคล้วคลาดมาแล้วเมื่อ ๗ ปีก่อนด้วยเถิด

****************************
   
ตั้งแต่เดินออกมาจากแผงขนมของจ้อย  คนึงกับเลอมานก็ไม่ได้พูดกันเลยแม้แต่คำเดียว  ครูศิษย์เดินเคียงกันไปเงียบๆ  ท่ามกลางเสียงผู้คนครึกครื้นเฮฮา  ทว่าในหัวใจเลอมานกลับอ้างว้างนัก

เหลือบมองร่างสูงใหญ่ข้างๆ  ใกล้กันแค่คืบแท้ๆ  แต่ในความใกล้  เด็กหนุ่มเห็นกำแพงก่อกั้นขึ้นมาอีก  หาใช่กำแพงอคติเช่นในครั้งแรกๆที่รู้จักกัน  แต่เป็นบางสิ่งที่งดงามพิสุทธิ์กว่านั้นมาก  มากเสียจนคุณชายไม่กล้าแม้แต่จะคิดทลายมัน

“เล็ก..” จู่ๆอาจารย์ก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบระหว่างกัน  เรียกทั้งที่ไม่หันมามองหน้า  สองขายังก้าวเดินช้าๆ “รู้จักจินดาใช่ไหม”

คำถามนั้นทำให้คนฟังนิ่งงันไปเสี้ยววินาที  ได้แต่ก้มหน้าตอบแผ่วเบา “ครับ”

“ปีที่แล้ว  ครูกับเขายังมาไหว้พระด้วยกันอยู่เลย  แต่ไม่ได้เดินเที่ยวกันอย่างนี้หรอกนะ  เขาต้องรีบไปรับจ้างล้างชาม  ตอนนั้นเขาเป็นแค่นักเรียนครู  ยังไม่มีเงินเดือน  งานสุจริตอะไรที่ทำแล้วได้เงิน เขาทำหมด  เด็กตัวนิดเดียว  ต้องเลี้ยงยาย เลี้ยงน้อง  ทำงานไปด้วย  เรียนไปด้วย”

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์เจ็บยอกในอก  สายตาอาจารย์ยามเอ่ยถึงใครคนนั้นช่างเรืองรอง หากเคลือบไว้ด้วยความโหยหาอาลัย  แหงนหน้ามองฟ้าคล้ายพูดกับแสงดาวเบื้องบน  ริมฝีปากหยักยิ้มอ่อนโยน

“รู้ใช่ไหมว่า.. เขากับครู..”

เท้าที่ก้าวตามต้อยๆเริ่มล้าแรงลง  “ครับ”

อาจารย์หยุดเดิน  มืออุ่นจับท่อนแขนเรียวเอาไว้แน่น  ดวงตาสีเข้มอบอุ่นจ้องลึกราวจะแทรกซอนให้ถึงหัวใจ

“ตอนนี้.. ครูคง..ยังมีใครไม่ได้” มือใหญ่เพิ่มแรงบีบแน่นขึ้น “เล็กเข้าใจใช่ไหม”

การพยักหน้าตอบผู้ใหญ่นั้นไม่สุภาพ  เลอมานรู้อยู่เต็มอก  แต่ตอนนี้ลำคอเขาตีบตันเกินกว่าจะเอ่ยวจีใดออกไป  ทำได้เพียงก้มหน้าซ่อนความรู้สึกในแววตา  พยักหน้าให้กับปลายเท้าตัวเอง   

คนึงยิ้มจาง  มือที่ยื่นไปหมายจะไล้แก้มเนียนชะงักนิ่งเมื่อคิดถึงสถานที่อันไม่เหมาะไม่ควร  จึงเปลี่ยนเป็นวางมือลงบนศีรษะทุยสวย  ลูบเรือนผมนุ่มแผ่วเบา 

“เล็กหน้าซีดๆนะ  หิวน้ำไหม”  เสียงทุ้มนุ่มถามขึ้นอย่างห่วงใย  เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอันแสนอึดอัดได้ง่ายดาย  เลอมานเงยหน้าขึ้นสูดจมูกลึก  พยายามยิ้ม  พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ 

“ผมอยากดื่ม.. ที่อาจารย์ซื้อให้ตอนไปกรุงเทพ” ลูกแก้วสีน้ำตาลใสกลอกขึ้นอย่างใช้ความคิด “เรียกอะไรน้า.. คล้ายๆ.. อเมริกาโน่..”

“โอเลี้ยง”  คนึงหัวเราะ  ก่อนกำชับ “เราอยู่นี่ละ  เดี๋ยวครูจะไปซื้อให้” 

ร่างสูงใหญ่เดินจากไปได้แค่สองสามก้าวก็ชะงัก  หันหลังเดินกลับมา  กุมมือน้อยกระชับ  คลี่ยิ้มจางๆ  ดวงตาคมเข้มทอประกายอ่อนเอื้อในแสงจันทร์นวลยามเสียงทุ้มกระซิบ  “รอครูนะ”

เลอมานยิ้มเรื่อ  พยักหน้ารัว  ดวงตาคู่สวยเปล่งประกาย  “ผมรออาจารย์ได้” เขาตอบอย่างฉะฉานมั่นใจ “นานเท่าไรผมก็จะรอ”

ผู้ชายสองคนจับมือกัน  ไม่มีใครสนใจหรอก  ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง  ยิ่งเป็นครูกับศิษย์ด้วยแล้ว  ใครเห็นก็มองว่าศิษย์นั้นน่าเอ็นดู  ครูหรือก็มีเมตตา  แค่จะจากไปซื้อน้ำยังล่ำลาอาลัยกันด้วยใจห่วง 

หารู้ไม่ 

คำพูดนั้นเป็นความหมาย  เป็นคำมั่น  เป็นสัญญา  ที่ตราตรึงซึ้งสลักอยู่ในสองดวงใจ

ไม่มีใครอื่นใดล่วงรู้!


ยกเว้นไอ้ลอยที่ยืนกอดอกอยู่ข้างซุ้มยิงปืน  หยักยิ้มเจ้าเล่ห์  นัยน์ตาแพรวพรายมองมายังทั้งคู่อย่างมีเลศนัย

   
โปรดติดตามตอนต่อไป

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
* ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ, พร พิรุณ คำร้อง, โฉมฉาย อรุณฉาน ขับร้อง
ขอบคุณภาพประกอบจาก Chelsea www.2how.com ค่ะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 03-02-2012 20:37:55
 :กอด1:น่ารัก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 03-02-2012 20:44:49
ตอบเม้นกัน  :L2:

roseen
ขอบคุณสำหรับดอกไม้จ้า  ชอบอีโมตัวนี้จัง หมีน่ารัก

EoBen
ในที่สุดก็ลงบทที่ ๑๐ พร้อมกันทุกเวบแล้วค่ะ  อ่านที่เวบไหนก็ได้ตามสะดวกเล้ย

มะมะมะหมิว
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านเช่นกันค่ะ

Zymphoniz
ตอนใหม่สดๆ จากเตามาเสิร์ฟแล้วจ้า  ขอโทษเน้อที่หายไปน้านนาน..

Artemis
หลงรักคอมเม้นของคุณ Artemis เหมือนกันค่ะ  ขอบคุณสำหรับคอมเม้นหวานๆ และขอบคุณสำหรับคะแนนนะคะ^^

นางฟ้า
เอามั่งๆ สามคำให้คู่น้องจ้อยกับพี่สิงห์  จ้อย ซวย แว้ว (T^T)  อยากบอกว่ารักคนอ่านมากๆเช่นกันจ้า

silent_loner
ขอบคุณที่เข้าใจคุณชายนะคะ  ตอนเราอยู่มหาลัยต้องจากบ้านมาเรียนไกลๆยังเหงาเลย  แล้วนี่ชายเล็กข้ามน้ำข้ามทะเลมาเชียวนะ  เพื่อนก็แทบไม่มีแถมยังโดนแกล้งอีก  ส่วนเรื่องพี่สิงห์กับน้องจ้อย  จากนี้จะเริ่มคืบหน้าแล้วจ้า (เอ๊ะ หรือแย่ลงกันแน่นะ)

jeaby@_@
มาลงตอนใหม่ตามสัญญาแล้วค่ะ  ขอโทษด้วยนะคะที่บอกว่าจะหายไปแค่เดือนสองเดือน  เอาเข้าจริงก็ปาเข้าไปสามเดือนแน่ะ T^T  ไม่หายไปนานๆแล้วค่ะ สัญญา   

namngern
เนอะๆ จริงๆคุณชายเป็นคนดีออก  เพียงแต่ว่าถ้าเจอคนที่ไม่ค่อยสนิทก็จะเก๊กๆนิดนึง  ถึงได้มีคนเขาหมั่นไส้เอา  ตอนนี้อาจารย์ก็ลดอคติลงแล้วนะคะ  จากนี้คงดูแลกันดีขึ้นแหละ  อ้อ..เราตั้งใจว่าจะมาอัพทุกวันศุกร์ค่ะ  เพราะงั้นเจอกันอีกทีศุกร์หน้านะคะ

Loveyoujung
นั่นสิเนอะ  เริ่มเปิดเรื่องมาก็ตายจากกันเลย  T^T  จริงๆเราก็บอกไม่ได้เหมือนกันค่ะว่าเรื่องนี้มันจะเศร้าไหม  คือความเศร้าของแต่ละคนมันไม่เท่ากันน่ะ ก็เลยบอกไม่ถูก  เหมือนเรากินเผ็ดใส่พริกสิบเม็ดก็ยังเฉยๆ  แต่คนไม่กินเผ็ดใส่แค่เม็ดเดียวก็เผ็ดแล้ว  เอาเป็นว่าเป็นเรื่องราวที่มีสุขเศร้าเคล้ากันไปก็แล้วกันเนอะ 

●kawfahng●
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ  ชอบดอกมหาหงส์มากๆ เหมือนกัน  สวย หอม คลาสสิค

silverspoon
จากนี้คุณชายมีอาจารย์คอยดูแลแล้วค่ะ  แต่ไม่รู้จะมีอุปสรรคอะไรหรือเปล่า  ส่วนพี่สิงห์.. อยากให้พี่สิงห์ดูแลน้องจ้อยเหมือนกัน  แต่น้องจะไม่ยอมให้พี่สิงห์ดูแลนี่สิ T^T

IIMisssoMII
ขอโทษที่พาน้องจ้อยหายไปนานนะคะ  พาตัวกลับมาส่งคืนแล้วจ้า ^^

appletokki
คนเขียนก็ชอบเวลาเขียนถึงคู่สิงห์จ้อยเหมือนกันค่ะ  น้องจ้อยน่ารักน่ารังแกที่ซู้ด 

wdaisuw
แอร๊ กินมาม่ามากเดี๋ยวผมร่วงเน้อ  เอาไปแบบซอฟท์ๆ เบาะๆก่อนละกันนะคะ  เดี๋ยวจัดชุดใหญ่ให้เลยเมื่อถึงเวลาอันควรค่ะ^^ 

Takamine
ชอบซีนนั้นมากเหมือนกันค่ะ  คือจริงๆ อาจารย์แกก็เป็นคนอบอุ่นใจดีน่ะแหละ  แต่เพราะตั้งแง่ใส่คุณชายมาตั้งแต่ต้นเลยต้องทำเย็นชาใส่เขา  ตอนนี้ทั้งคู่ก็พัฒนาความสัมพันธ์ไปในทางที่ดีแล้วนะคะ

@BUA@
คุณเล็กหวั่นไหวใจละลายเป็นขี้ผึ้งเลยค่ะ  เนี่ยน๊าคนเรา  พอเข้ามาง้อ มาทำดีด้วย  ที่คุณชายงอนๆอยู่เมื่อสองสามตอนก่อน  ก็ยอมยกโทษให้อาจารย์เลย

fox
ถึงคนอื่นๆจะหมั่นไส้  แต่ตอนนี้คุณชายก็มีอาจารย์คอยดูแล และมีเพื่อนดีๆอย่างจ้อยอยู่เคียงข้างแล้วค่ะ  ขอบคุณที่เอาใจช่วยคุณชายนะคะ^^

pooinfinity
ใช่แล้วค่ะ  ตอนแรกลงไว้ที่เด็กดีแล้วมีเพื่อนชวนมาลงที่เล้าเป็ดเพราะที่เด็กดีลงฉาก NC ไม่ได้น่ะค่ะ  (ประกอบกับคุณเธอจะอ่านในมือถือ  ลงที่นี่มันสะดวกกว่า)  ขอบคุณนะคะที่ไม่เกลียดคุณชาย  (ที่ตอนแรกๆ ทำนิสัยน่าตบกะโหลกมาก)  ตอนนี้แค่อาจารย์ไม่เย็นชาใส่  คุณชายก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ

PetitDragon
ตอนใหม่มาแล้วเน้อ  ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ

silverphoenix
๕๕๕+ เรื่องชื่อน้องจ้อย  คืองี้ค่ะ จากที่ไปถามยายช้อยมา  ได้ความว่าชื่อจินดาน่ะ แม่กำไลเป็นคนตั้งให้  ส่วนชื่อจ้อย ยายช้อยแกเป็นคนตั้งเอง  เพราะแม่เอามาฝากให้ตั้งแต่ยังแบเบาะแล้วก็หายต๋อม  ยายแกบอกมาด้วยนะคะ ว่าน้องเกิดมาตัวเล็กก็เลยให้ชื่อจ้อย  เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ^^  (ความจริงในเรื่องก็จะมีบอกเช่นกันค่ะ  แต่ตอนท้ายๆแน่ะ)

นึกถึงเด็กแถวบ้านเราเลยค่ะ  ชื่อน้องบุญเหิม  น้องโดนเพื่อนล้อเรื่องชื่อประจำ  เราก็ได้แต่บอกว่าน้องชื่อเท่ดีออก  ความหมายก็ดี  แถมไม่ซ้ำใครด้วย  พ่อแม่อุตส่าห์ตั้งให้น่ะเนอะ

yagin
จริงๆคุณชายก็เป็นคนอ่อนไหวอยู่แล้วด้วยล่ะค่ะ  ภายนอกก็ทำเป็นหยิ่งไปงั้นแหละ  ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

tonkhaw
จะค่อยๆ เปิดเผยเรื่องราวในอดีตของสิงห์กับจ้อยให้มากขึ้นค่ะ  ตอนหน้าก็น่าจะรู้แล้วละมั้งว่าทำไมถึงไม่ถูกกัน  ขอบคุณที่กด +1 ให้นะคะ

Jploiiz
คุณชายกับอาจารย์ตอนนี้ยังไม่มีอะไรค่ะ  ท่าทางเข้าใจกันดีแล้วน่ะเนอะ  ห่วงแต่น้องจ้อยค่ะตอนนี้ ^^”

ai_no_uta
อะไรเนี๊ยยยย.. ทำไมมีแต่คนสงสารพี่สิงห์ล่ะ  พี่สิงห์ออกจะเถื่อนโหด เกกมะเหรกเกเร  ต้องสงสารน้องจ้อยสิถึงจะถูก น้องจ้อยเป็นฝ่ายถูกกระทำน๊าน้องพิมพ์ T^T

ปล. เรื่องเรียนเป็นไงมั่งคะ  ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีแล้วใช่ไหม  เป็นห่วงเน้อ  มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้  ถึงพี่จะบ้าๆบอๆแต่ก็รักจริงเน้อ 

ลิงน้อยสุดเอ๋อ
ความรักก็อย่างนี้ละเนอะ  สอนให้ลิ้มรสขม เพื่อชื่นชมรสหวาน  เอาใจช่วยความรักของพวกเขานะคะ   

oaw_eang
ใช่แล้ว  มาจากศกุนตลาค่ะ  รู้สึกว่าบทต่อไปจะชมว่าปากสวยเหมือนใบไม้อ่อนด้วยล่ะ  จำได้ว่าตอนนั้นยกมือถามครูด้วยว่าใบไม้อ่อนมันสีเขียวไม่ใช่เหรอ  ครูก็ไล่ให้กลับบ้านไปดูใบไม้อ่อนอีกที  เออแฮะ  สีมันแดงๆเรื่อๆ  จากนั้นเลยทึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ มากๆเลยค่ะ  ทรงละเอียดอ่อนและโรแมนติคสุดๆ   

Lukaka
คุณชายเล็กกับน้องจ้อยมาให้หายคิดถึงแล้วจ้า^^

jajajelly
ในฐานะคนเขียนก็ต้องขอบคุณคนอ่านเช่นกันค่ะที่แวะเข้ามาอ่าน  เราก็ชอบอ่านวรรณคดีเหมือนกัน  (ทึ่งคารมเหล่ากวีสมัยก่อนมากๆ  มิน่าละ แต่ละคนถึงเมียเยอะ^^”)

CoMa
อาจารย์รู้สึกเอ็นดูคุณชายแล้ว  คาดว่าจากนี้คงไม่ทำคุณชายเสียใจอีกแล้วล่ะค่ะ  (จริงเร้อ?)

Guill
๕๕๕+ ช่างเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันเสียนี่กระไร  แต่พี่สิงห์แกก็น่าหมั่นไส้จริงๆล่ะเนอะ 

zazakapp
ขอบคุณที่รักคุณชายนะคะ  หม่อมแม่อย่างเราก็ปลาบปลื้มไปตามระเบียบ

Busy836
ตอนเขียนนิยายเรื่องนี้เรามีความสุขมากๆเลย  และดีใจมากค่ะที่คนอ่านอ่านแล้วก็มีความสุขเช่นกัน  ส่วนเรื่องการตายของจินดา  ยังคงเป็นปริศนาที่รอวันเฉลยต่อไปจ้า^^

sukie_moo
มีคนเชียร์ให้สลับคู่ด้วยล่ะค่ะ  ให้พี่สิงห์มาคู่กับคุณชาย  แล้วให้น้องจ้อยไปคู่กับอาจารย์  เราก็แบบ..เอิ่ม.. เข้าท่า  เอ๊ย..ไม่ใช่ๆๆ เปลี่ยนไม่ได้ๆ พี่สิงห์รักน้องจ้อยคนเดียวไม่แลเหลียวใครน๊า 

ordkrub
อย่าไปสงสารสิงห์มันน๊า  คนเราดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ  ที่สิงห์มันเป็นแบบนี้เพราะมันทำตัวเองแท้ๆ  จะมาโทษว่าน้องจ้อยไม่รักยังงู้นยังงี้ไม่ได้นะ  ก็ตัวเองทำตัวให้เขาเกลียดทำไมล่ะ  สิงห์เอ๊ย 

mamichan
ตอนเด็กๆ ของพี่สิงห์กับน้องจ้อยก็เป็นอะไรที่เราชอบเขียนถึงมากๆเลยค่ะ  มันน่ารัก มันอบอุ่น  เสียดาย.. มีจุดพลิกผันให้ต้องกลายมาเป็นแบบนี้  T^T  ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ

vk_iupk
คู่น้องจ้อยกับพี่สิงห์ท่าทางยังต้องเคลียร์กันอีกยาวค่ะ  หนักใจแทน T^T 

Wordslinger
มาแล้วค่ามาแล้ว  ขอโทษที่พาคุณชาย จารย์คนึง น้องจ้อย&พี่สิงห์หายไปนานนะคะ  กลับมาคราวนี้พี่สิงห์ออกมานิดเดียวเองเนอะ  เดี๋ยวตอนหน้าจัดเต็มให้เลยค่ะ^^  ขอบคุณคุณแป้งจี่มากนะคะสำหรับกำลังใจที่มีให้กันเสมอมา

yayee2
ว้าว..ขอบคุณมากๆ นะคะที่อ่านแล้ว ‘วิเคราะห์’ ที่มาที่ไปของความรู้สึกของตัวละครอย่างละเอียดเลย  บทนี้คงทำให้ได้เห็นแล้วเนอะว่าถ้าตัดอคติและทิฐิออกไป  แท้จริงแล้วอาจารย์ก็เป็นผู้ชายที่อ่อนโยนคนหนึ่ง  แต่ความจริงแล้ว..ถ้านี่เป็นความรัก  ก็เป็นความรักระหว่างครูกับศิษย์  ซึ่งถือเป็นรักต้องห้ามในสมัยนั้นทีเดียว (สมัยนี้ด้วยละ)  แถมเป็นครูกับศิษย์ที่เป็นผู้ชายด้วยกันอีกด้วย  โอ.. เครียดแทนทั้งคู่เลย  เอาใจช่วยพวกเขานะคะ ^^ 

~l3aml3ery~
ตอนที่ ๑๐ มาแล้วจ้า  ขอบคุณมากๆเลยที่ติดตามนิยายของพี่ทั้งสองเรื่องนะจ๊ะ ^^

Karok
คนอ่านอ่านแล้วสนุก คนเขียนก็มีความสุขค่ะ  ขอบคุณมากนะคะ

Phantom
น้องจ้อยจะเจอหนักไม่หนักแค่ไหน  ก็ขึ้นอยู่กับพี่สิงห์คนเดียวนั่นละคะ  (สิงห์เอ๊ย..ถนอมน้องบ้างนะลูกนะT^T) ความจริงตอนนี้ก็ไม่ดราม่าเนอะ  เอาเป็นว่าหวานมั่งดราม่ามั่ง ปนๆกันไปละกันค่ะ   

しろやま としんや
ตอนใหม่มาแล้วจ้า  ขอโทษด้วยที่หายไปนาน (กว่าที่บอกไว้) ปาเข้าไปตั้งสามเดือนแน่ะ  ต่อไปจะพยายามอัพให้ได้อาทิตย์ละครั้งค่ะ  ขอบคุณที่รออ่านเรื่องนี้นะคะ ^^ 

รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้
๓ กุมภา ๒๕๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 03-02-2012 20:50:44
คำมั่นสัญญา น่ารัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 03-02-2012 21:18:41
คนมาอ่านเยอะๆ สิคะยิ่งดี 
พี่สาวจะได้มีกำลังใจ ต่อเร็วๆ 55+^^
ขอคู่ เลอมาน อะระบะหึึ่ยกันก่อนได้มะ 555+
ให้สิงห์ทำตัวให้ดีกว่านี้ก่อน ค่อยได้จ้อยเป็นเมีย


อุวะ!!!   ถ้าเซียมซีจะแม่นขนาดนี้ 5555+!!!
แน่จริงครูก็อธิบายไปเลยซี่ว่า "หม้าย" แปลว่าอะไร
กล้าป่าววววว  กล้าป่าวครู~~~
เกือบจะจบสวยแล้วเชียวววววว มาตอนหลังๆนี้
มืดมนเลย  ให้รอ อะ รอได้นะ ครู แต่ถ้าให้รอเก้อ หรือรอนานเกิน แล้ว มคปด.
หนูไม่รู้ด้วยน๊าาาา าา  ความผิดครูล้วนๆ

เกียดอะ!   เกียดคนอย่างลอยที่สุดอะ ไม่ชอบผู้ชายแบบนี้เลย
ไม่ชอบคนแบบนี้  มันต้องเป็นตัวแปร ไม่ก็สร้างความร้าวฉานให้ คู่ครู ไม่ก็ คู่สิงห์
ไม่ก็สองคู่เลยก็เป็นได้ เกียดจังๆๆไม่ชอบเลยๆๆๆ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Lukaka ที่ 03-02-2012 21:36:34
คุณชายเล็ก กอดแน่นๆๆ คิดถึงมากกกกกกกกก  น้องจ้อยยยยยย

อิพี่สิงห์ รักน้องจ้อย แต่ดูสิ่งที่ทำกับน้องสิ ฮึยๆๆ โกรธๆๆ

ครูค่ะ ........T^T

ปล. ไอ้ลอยเลวไม่เปลี่ยน นะแก ชั้นรู้นะว่าแกคิดอะไรอยู่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 03-02-2012 21:38:25
โอ้ยยยยย พ่อสิงห์ พ่อแมน จะให้ลูกน้องไปกระทืบยายช้อย ฮ่าๆๆๆๆ :laugh:
อาจารย์ กะ ชายเล็กรักกันแล้ว อร๊ายยยยยย :impress2:
 ไอ้ลอย น่ากลัวอ่ะ :a5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 03-02-2012 21:39:32
สามคำให้ไอ้ลอย >>>อี น รก  :z6:
ถ้าคิดจะทำอะไรชายเล็กกับคุณครูแล้วก็จ้อย  ข้ามศพนางฟ้าไปก่อนเหอะ! :m31:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 03-02-2012 21:41:35
รังสีชั่วร้ายออกมาจากไอ้ลอยได้ตลอดสิน่า...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 03-02-2012 21:53:49
บรรยากาศ โรแมนติกจริงๆคุณครูกับลูกศิษย์ เซียมซีวัดไหนแม่นจริงๆ จะไปเสี่ยงด้วย
คุณครูคนึงคงไม่ให้คุณชายรอเก้อนะ คุณชายออกจะน่ารัก
ที่จริงคิดว่าครูคนึงเห็นแก่ตัวเรื่องนี้อยู่นะ คนเก่าก็ยังรัก คนใหม่ก็มีใจ คนรอถึงรู้ว่าเค้ามีใจแต่ลึกๆมันก็เจ็บนะ (อินจัด ฮ่าๆ)
ไอ้สิงห์ ยิ่งทำอย่างนั้น จ้อยยิ่งเกลียด เมื่อไหร่จะเลิกคบเพื่อนชั่วๆเสียที โกรธแทนจ้อยแล้ว

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 03-02-2012 22:03:55
ไอ้ลอยต้องเป็นมารผจญแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 03-02-2012 22:22:32
มีตัวร้ายเข้ามาหรือ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MinKKniM ที่ 03-02-2012 22:28:42
เพิ่มมาอ่าน ชอบมากค่ะ ภาษาสวยมาก

ตกหลุมรักคุณชายเล็กเข้าเต็มเปา +1นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 03-02-2012 22:29:26
แหมลอยนี่จะเป็นตัวร้ายตลอดกาลชิมิคะ :m16:

ส่วนพี่สิงห์
จะทำไรน้องจ้อยอ้ะ!! :m31:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 03-02-2012 22:31:58
 :sad11: :sad11: :sad11:ขอร้องคุณคนเขียน :monkeysad:ไม่เอาแบบไอ้ลอยข่มขืนคุณชายเล็กนะ หรือถ้าจะให้มีฉากนี้ ต้องให้พระเอกหรือไม่ก็คนอื่น ๆ มาช่วยให้ทันนะ ไม่งั๊นถ้ามาช่วยไม่ทัน :m15: เราจะปิดประตูร้องไห้ สามวันสามคืน คอยดู
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 03-02-2012 22:35:08
โอ้ยยยยยยยย ใครก็ได้ เอาไอลอยไปเก็บที  :angry2:
จะขัดขวางทุกคู่เลยใช่มั้ย?

สิงห์จะทำอะไรจ้อยอ่ะ คู่นี้มันช่างน่าอึดอัดยิ่งนัก  :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 03-02-2012 22:40:52
อ๊ายยย คุณชายกลับมาแล้วววววววว :mc4:
คราวนี้ไปเที่ยวงานวัดกันน่ารักมากเลย
บรรยายซะเห็นบรรยากาศงานชัดเลย
อ่านไปอ่านมาหิว อยากกินข้าวเหนียวปิ้งกะโอเลี้ยงซะงั้น  :laugh:

ปล.ฝากบอกคนึงด้วยว่าอย่าให้คุณชายรอนานนักนะ เดี๋ยวลอยมาฉุดไปก่อน คึคึ :bye2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 03-02-2012 23:05:50
อ่านตอนนี้ทำให้จินตนาการตามไปด้วยเรย
อยากไปงานวัดแบบนี้...ที่ต่างจังหวัดยังมีอยู่ไหมเนี่ย???
ชอบภาษาที่เขียนค่ะ อ่านแล้วมันไหลลื่น โดยเฉพาะตอนนี้
อ่านแล้วอบอุ่น
ส่วนเรื่องดราม่า เราก็เข้าใจอะค่ะ ว่าเนื้อเรื่องคงไม่หวานแหวว หรือว่าไม่เศร้าไปซะทีเดียว
ชีวิตมันก็ต้องมีคละเคล้ากันไป เน๊อะะะะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 03-02-2012 23:48:23
หวังว่าไอ้ลอยคงไม่คิดทำอะไรแย่ๆหรอกนะ
เฮ้ออออ สงสารสิงห์เหมือนกันนะ
แต่สงสารจ้อยมากกว่า เป็นเราเราก็ระแวง
เป็นกำลังใจให้คุณชายจ้า

+1 ให้น้าาา
มาต่ออีกเร็วๆเน้ออ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 03-02-2012 23:53:34
ตกลงสองคนนี้เค้าทำสัญญาใจกันแล้วใช่ไหม
เราเข้าใจถูกหรือเปล่า
 :sad4:
เล็ก รอได้ นานเท่าไหร่ก็จะรอ
คุณชายน่ารักสุดๆไปเลย
อาจารย์อย่าให้คุณชายรอเก้อน้า  :impress2:

ไอ้ลอย จะทำอะไร  :angry2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 03-02-2012 23:54:08
เอ่อ สิงห์ไหงทำตัวเลวล่ะ?

อ.บอกให้รอ นี่ทำเอาน้ำตาคลอเลย
ก่อนหน้านี้ที่เซียมซี ทำเอาดีใจไปรอบนึง แล้วพอให้รอยิ่งซึ้งมาก

แอบกลัวบรรทัดสุดท้ายว่าจะมีอะไรร้ายแรงอีกมั้ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 04-02-2012 00:19:33
เย้ ได้อ่านแล้ววว

ดีใจเว่อร์

555+

รู้ใจกันด้วยงะ :impress2:

ดีจัง

รอนะคะ

ชอบมากกกกก :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 04-02-2012 00:19:56
อาจารย์เผลอซะแล้ว...อิอิ
เหมือนกำลังจะไปได้ด้วยดีสำหรับคุณชาย  ขอให้ไอ้ลอยมันไปสู่สุคติทีเท้อออ  อย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันเลย T^T

พี่สิงห์ของน้องจ้อยนี่ก็อีกคน...ทำตัวเกเร...น่าจะมาตีก้นจริงเชียว 5555

+1 ให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 04-02-2012 00:26:09
ไม่รู้อันไหนจะน่ากังวลกว่ากัน ระหว่างจ้อยโดนสิงห์ฉุดกระชากไป
กับไอ้ลอยที่ทำท่าจะรู้มากและคงก่อความยุ่งยากแน่ๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 04-02-2012 01:09:49
ให้คำสัญญาแล้วก็รอจนถึงวันนั้นนะคะ คุณครูและคุณเล็ก

คู่จ้อยกัยสิงห์ นี่น่าสงสารกว่าเยอะ เฮ้อ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 04-02-2012 05:52:43
สถานการณ์ระหว่างคุณชายกับอาจารย์ตอนนี้ดูเหมือนจะสุข...แต่ยังมีดราม่าเบาๆ ทั้งไอ้ลอย ทั้งเรื่องจินดา

เห็นใจอาจารย์คนึง....มันยากที่จะลืมจินดา เพราะจริงๆแล้วคงลืมไม่ได้หรอก

เห็นใจคุณชาย...ที่ไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไหร่ อาจารย์คนึงถึงจะลืมคนรักเก่าได้

แต่น้อยใจอาจารย์อ่ะ ถ้ารู้ว่ายังมีคนใหม่ไม่ได้ แล้วมาทำท่าทีเหมือนให้ความหวังคุณชายทำไม   :m16: 

หรือจะต้องรอให้คุณชายโดนไอ้ลอยมันฉุดไปก่อนใช่มั๊ย?


PetitDragon
ตอนใหม่มาแล้วเน้อ  ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ


รอได้อยู่แล้วววครับ  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 04-02-2012 09:06:39
 :-[โอ๊ย ครูคนึงกะเล็กน่ารักมากเลย เซียมซีก็นะ แม่นจนครูเขินเลยอ่ะ 55555
แล้วพี่สิงค์จะทำอะไรน้องจ้อยอีกอ่าาา ไม่อยากให้จ้อยโกรธสิงค์ไปมากกว่านี้แล้ว :serius2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 04-02-2012 11:02:39
อิพี่สิงห์จะทำอะไรจ้อยน่ะ  แค่นี้ยังทำให้จ้อยเกลียดตัวเองไม่พอใช่ไหม

ไอ้ลอยนี่บ่างช่างยุ จริงๆ คนแบบนี้แหละร้ายกาจที่สุด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pk11677 ที่ 04-02-2012 11:08:37
อ่านแล้วแอบเศร้า พี่จี้แต่งนิยายมาเรียกน้ำตาอีกแล้ว
เอาไอ้ลอยไปเก็บด่วนนนนน  ชอบสิงห์มากเลย สิงห์ใจนักเลงดี "ไม่ทำ ทำไม่ได้"
พี่จี้ค่ะอยากถามว่าเรื่องนี้จะเอาไปลงในเด็กดีป่าวค่ะหรื่องว่าจะลงแต่ในนี้ค่ะ?
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kunchan ที่ 04-02-2012 13:35:08
ขอโทษนะค่ะ แอบมาอ่านรวดเดียว ยังไม่ได้เมนท์เลย
ทีแรกกะว่าจะอ่านตอนแรกอย่างเดียว แล้วค่อยกลับไปอ่านต่อที่บ้าน (ตอนนี้อยู่ที่ทำงาน)
แต่พออ่านตอนแรกจบ...เอาน่าอ่านอีกนิดเดียวจะทำงานต่อแล้ว
อ่านตอนที่สองจบ...ไม่เอาแล้วเว้ยงานน่ะ อ่านนิยายให้จบเลยแล้วกัน
...สรุป...อ่านนิยายตั้งแต่ 1-10 ในเวลางานไปแล้วค่ะ
คนเขียนรับผิดชอบด้วยนะ นิยายสนุกจนไม่เป็นอันทำงานเลย จะฟ้องผู้จัดการด้วย
สนุกมากๆ เลยค่ะ ไม่ว่าฉากไหนก็ลุ้น ฉากไหนก็สนุก ฉากไหนก็ชอบ
สงสารคุณชายเล็กมากๆ เลย คนเขียนโหดร้าย ทำกับชายเล็กได้
พี่สิงห์ก็น่าสงสาร เลวบริสุทธิ์จริงๆ (แอบลุ้นคู่นี้กว่าคู่เอกอีกค่ะ รู้สึกผิดกับครูคนึงจริง...)

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่ะ สนุกมากเลย
ขออนุญาตตามอ่านทุกตอนตลอดไปนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ...รักคนเขียน (แต่รักชายเล็กมากกว่า)
ป.ล.ฝากจัดการไอ้ลอยด้วยค่ะ ขอแบบหนักๆ เน้นๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: appletokki ที่ 04-02-2012 13:45:26
สิงห์น่าโดนตบกะโหลก ชอบเขาก็แกล้งเขาอยู่นั่นแหละ
จนจ้อยมันรังเกียจหนัายังไม่อยากมองเลย เชอะ!

ชายเล็กน่าเอ็นดูขึ้นเยอะเลย เคลิบเคลิ้ม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 04-02-2012 14:37:41
สงสารคุณชายเล็กจังเลย แต่คิดว่าคุณชายเล็กก็เข้าใจครูคนึงนะ
ขอเอาใจช่วยทั้งสองคนให้ได้ครองคู่กันในเร็ววันล่ะกันจ้ะ
ไอ้ลอย..ชื่อนี้มีแต่ความเกลียด ฉันเกลียดแกจริงๆ เพราะแกมันไม่มีความดีในตัวเลยสักนิดเดียว
ตอนนี้แกสะสมกรรมชั่วไปก่อน ฉันว่าไม่ช้ากรรมนี้จะต้องสนองแกแน่ๆ
ส่วนน้องจ้อย ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรหนอ พ่อสิงห์ช่างไม่รู้จักอ่อนสยบแข็งบ้างเลยรึรง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 04-02-2012 15:15:36
ตอบน้อง pk11677 :L2:

ในเด็กดีก็ยังลงอยู่เหมือนเดิมจ้า แต่ถ้ามีฉาก NC จะถูกตัดออก
ส่วนที่นี่จะลงเต็มจ้ะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 04-02-2012 17:56:00
โอ้ว อ่านตอนนี้แล้วหุบยิ้มไม่ได้
ปวดแก้มมากเลยค่ะ :-[
ตอนนี้ ครูและศิษย์ หัวใจใกล้กันมากขึ้นแล้ว
แต่มีหวาน ก็ต้องมีขม จะเตรียมใจไว้เนิ่นๆนะคะ :o12:

แต่คู่พี่สิงห์จะจ้อยนี่สิ หนักใจอ่ะ :เฮ้อ:
พี่สิงห์ก็ขี้ขลาดเกินไป ปล่อยให้ไอ้ชั่วลอยปั่นหัวอยู่ได้ :angry2:
เป็นห่วงภัยจากไอ้ลอยทั้งสองคู่เลยแหละค้าาา :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 04-02-2012 18:19:09
ชอบคู่สิงห์กับจ้อยแฮะ  :-[ เอ๊ะ รึผมแอบเถื่อนหว่า? ฮ่าๆ
กลัวไอ่ลอยมันจะทำอะไรคุณชายจริงๆ ร้ายกว่าสิงห์อีก ร้ายเงียบน่ากลัว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~MiKi~ ที่ 04-02-2012 18:42:14
สงสารคุณชายเล็กจังต้องรอนานแค่ไหน ยิ่งอ่านคุณชายเล็กยิ่งน่ารักชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yagin ที่ 04-02-2012 18:44:30
" เก็บก้น "  55555

น่ารักอีกแล้ว  อยากรู้ๆว่าอาจารย์จะทนได้อีกสักกี่น้ำ

แววร้ายเริ่มคืบคลานมาแล้วด้วย หุๆ สนกแน่ สู้ๆน่ะจร้า ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kissey_love ที่ 04-02-2012 20:01:56
ไอ่หย่ะ!
ติดอีกเรื่องจนได้ (ฮา)

เสียน้ำตาอีกเรื่องจนได้ T T

แต่ไม่เข้าใจเลยว่าลอย ... ทั้งๆที่ตอนต้นเรื่องดูจะมีใจให้เลอมานแท้ๆ แต่ทำไมถึงคิดอะไรแบบนั้นนะ ...

ฮื้ออออออ

ตอนนี้แบบว่านั่งกดไปพยายามภาวนาว่าขอให้มีตอนที่ 11 ฮ่าๆ

สนุกมากจริงๆได้อ่านนิยายของพี่จี้ ตั้งแต่เรื่องผู้ปกครองฯ

สัญญาว่าจะติดตามผลงานกับพี่จี้ต่อไปทุกๆเรื่อง  :n1:

 :กอด1:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 04-02-2012 20:52:41
ตอบน้อง pk11677 :L2:

ในเด็กดีก็ยังลงอยู่เหมือนเดิมจ้า แต่ถ้ามีฉาก NC จะถูกตัดออก
ส่วนที่นี่จะลงเต็มจ้ะ ^^

:m10:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 05-02-2012 07:06:19
อุว๊ากกกก ไม่ได้เข้ามานานมว๊ากกก
มาอ่านต่อ อุ๊ย เขินไปกับคุณเล็ก เลย
คุณเล็กนี่เป็นนายเอกในดววงใจผมแล้ว น่ารักมาก ๆ

รักคุณดอกไม้หลาย ๆ ฮับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 05-02-2012 07:13:58
กรี๊ดดดดดด ร้องไห้ๆ ได้อ่านเเล้วตอนที่10 ขอบคุณมากค่ะ

จ้อยจะโดนสิงห์ทำไรอะ สงสารอะ ลอยมันก็เลวจริงๆ ออกมานิดเดียวแต่เห็นความช่ัวมาเเต่ไกล

ตอนนี้อาจารย์กะคุณชายหวานปนน่ารักงุงิ คุณชายแอบฮาไร้เดียงสาจริงๆ

รอวันศุกร์ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: WinterRose ที่ 05-02-2012 10:40:08
ถึงตอนที่ 10 แล้ว
จะได้อ่านตอนที่ 11 แล้ว *น้ำตาไหลพราก*

จะรอคุณดอกไม้นะคะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 05-02-2012 11:47:38
ลอยอีกแล้วจ้า มาได้จังหวะตลอดเวลาจริง  :z3:
คราวนี้จะคิดแผนร้ายอะไรอีกละเนี่ย
แอบสงสารชายเล็กนิดๆ ก็คงต้องรอต่อไปละนะ
จะให้ครูคนึงลืมจินดาไปเลยคงจะไม่ได้
ส่วนพี่สิงห์กับน้องจ้อยนี้สถานการณ์กำลังย่ำแย่ได้ที่เลย

ปล.วัดนี่อยู่ไหนคะ อยากไปเซี่ยมซี่กะเค้าบ้าง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 05-02-2012 13:10:40
อรั๊ยยยยยส์ อะไรกันอาจารย์ บทจะหวานก็.... :-[

ปล.อยากเตะลอย ให้ลอยละลิ่ว
อร๊ากกกก ช่วยเอามันไปทิ้งที!!!
 :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 06-02-2012 08:45:06
พี่สิงห์ชอบSMกะน้องจ้อยอ่ะ                          ปล.เม้นต์ที่บอร์ดนู้นไปแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 06-02-2012 23:40:20
ถามเนื้อคู่ อยู่มิไกล

เนื้อคู่เป็นม่ายยยยยยย


อ๊ายยยยยยๆๆ

คู่นี้น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-02-2012 01:52:30
5555

มาต่อเสียที

ชื่นใจที่ได้อ่าน

ว่าแต่ติอะไรหน่อยสิ

ตอนหลังๆมา  หนูชักเขียนชมตัวเอก "เพศชาย" ด้วยสำนวนและถ้อยคำ "ชมนาง" ในวรรณคดีเยอะไปหน่อยนะ

เช่น  จ้อยมองบุตรชายท่านทูตมานั่งยองๆ ช่วยเก็บผักแล้วอดอมยิ้มขำไม่ได้  มือขาวราวกระเบื้องเคลือบบัดนี้มอมแมมด้วยเศษดิน  และเมื่อยกขึ้นปาดเหงื่อก็ทิ้งคราบไว้บนแก้มเนียนใส  มอมแมมไม่ต่างอะไรกับลูกตาสีตาสาอย่างเขา

มันได้อารมณ์เหมือนอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น-ตาโตอย่างไรไม่รู้  มือขาวราวกระเบี้องเอย  แก้มเนียนใสเอย

มันไม่ได้อารมณ์อ่านนิยาย 'ชายรักชาย' เลย 

มันเหมือนอ่านนิยายทั่วไป  แค่เปลี่ยน "เครื่องเพศ" ของตัวเอกเป็น'องคชาต'เท่านั้น  นอกนั้นชะนีชัดๆ

ความสามารถระดับหนูแล้วนี่  น่าจะหาคำมา "ชมชาย" ให้สมชายได้นะ

นายเอกมันอ้อนแอ้นเกินชายไปหน่อยนะ  ดูเพ้อๆ ไงไม่รุ้  ถึงจะบอกว่ามีเชื้อฝรั่งก็เถอะ

อารมณ์ของ จ้อย  ก็อย่าให้สาวมากนัก  พยายามคุมธีมหน่อย  เหมือนบางทีก็หลุด อารมณ์หญิง มากไปหน่อย

อย่าลืมว่า ฝ่ายรับ ต่อให้สาวมากกกกกกกกกกกกขนาดไหน  อย่างไรเสียก็เป็นชาย  ย่อมมีความคิดและอารมณ์แบบชายอยู่

ผู้ชายมักใช้เหตุผลเข้ามาตัดสินมากกว่าปล่อยให้อารมณ์พาไป

เราใช้สมองคนละซีกกัน  อย่าลืมจุดนี้ด้วย  (ทำได้ดีในส่วนของอาจารย์คนึง)

ปล. **  มาจาก ศกุนตลา จริงๆ ด้วยนั้นแหละ

ปลล.  ชอบนะที่ยายจ้อยชมจ้อยว่า "สวย"  นานแล้วไม่ค่อยได้ยินคนชมผู้ชายว่า..."สวยเหมือนรูปหล่อ"  คำโบราณแท้ๆ  อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mamichan ที่ 07-02-2012 01:53:52
 o13  คุณชายของอิช้านนนนน  ไมถึงได้น่ารักขนาดนี้เนี่ยยยยย  ครูก็อย่าให้ลูกศิษย์รอนานเกินไปนะคะ  เห็นแล้วปวดจายยยย :sad4:

ส่วนอีกคู่..... :m16: พี่สิงห์ของอิช้านนนน  ไหงทำตัวแบบเดิมอีกแล้วล่ะค๊าาาาาา

น้องจ้อยโกรธแล้วนะแบบนี้  ไปพูดเพราะ ๆ หวาน ๆ ขอโทษน้องจ้อยเลยนะ ไม่งั้น เจ๊ไม่ยกโทษให้นะ o18
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 07-02-2012 13:41:28
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย
น่ารักอ่ะรอก็รอเนอะ><
มันจะยอดมากถ้าไม่มีไอ้ลอยโผล่มาตอนท้าย :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 07-02-2012 18:29:51
หวานกันมดยังอายเลย

แต่ตอนจบไอ้ลอยโผล่มา

เรื่องวุ่นๆ มาตามอีกกระบุงโกยแน่เลย

สงสารเลอมาน และน้องจ้อยโตย T^T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: caramel toffee ที่ 07-02-2012 20:49:32
ตามมาเชียร์ที่บอร์ดนี้ค่ะ^^ ดีใจที่ได้อ่านต่อแล้ว
ตอนนี้ทำเอากลิ้งไปหลายตลบด้วยความเขินแทนคุณชาย
แต่แอบกลัวใจนายลอย ขออย่าเกิดเรื่องร้ายแรงมากเลยน๊า :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: หัดดิน เอ้ยหัดกิน ที่ 09-02-2012 01:40:14
คือเรื่องนี้สุดๆ จริงๆ ครับ
ไม่รู้จะอธิบายยังไงนอกจาก "สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดด"
ตามอ่านแน่นอนครับ คุณคนแต่ง ผมขอสมัครเป็นแฟนคลับครับ
แต่งแล้วไม่มีสะกดผิดเลย ตัวละครก็ดูจับต้องได้
ผมชอบทั้งสองคู่เลยครับ คิดแล้วสงสารสิงห์มาก

สุดท้าย ขอนิดนึงเหอะ
ลอย... มึงมันเหี้ยมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๑ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๑ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 09-02-2012 19:42:28
บทที่ ๑๑

ดอกไม้ยังปั่นไม่เสร็จ

แต่วันนี้เป็นวันเกิดเพื่อนของดอกไม้

ดอกไม้ต้องไปลั้ลลา  :m17:

จึงขอแจ้งล่วงหน้า ว่าขออัพช้าไปหนึ่งวันนะคะ

ต้องขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ไปล่ะเน้อ


(http://img38.picoodle.com/i529/wattanan/1a3h_4a5_ucmz8.jpg)

(อ่า..เปรี้ยวปาก..)

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๑ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๑ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 09-02-2012 19:48:49
ขอบคุณมากเลยที่มาบอกค่ะ รอได้เสมอ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๑ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๑ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 09-02-2012 19:50:53
อ่า รอได้นานเเค่ไหนก็รอ
คิดถึงพี่สิงห์กับจ้อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๑ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๑ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 09-02-2012 20:09:09
รออย่างใจจดใจจ่อค่ะ
 :3123:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๑ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๑ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 09-02-2012 20:19:25
ตอนนี้หวานจังครับ  แต่ก็ยังเจือเศร้า  อยากให้ทุกคนสมหวัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๑ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๑ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 09-02-2012 20:22:02
โห วันเดียวเอง แค่นี้รอได้สบายมากค่ะ  :really2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๑ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๑ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 09-02-2012 20:55:58
โอเค จะรอนะคะ  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๑ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๑ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 09-02-2012 22:16:49
จะรอนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๑ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๑ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: mamichan ที่ 11-02-2012 00:15:11
 o22 แวะมาดัน  กลัวคนแต่งไม่เห็นกระทู้ อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๑ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๑ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 11-02-2012 00:24:34
วันที่ 11 แล้วค่ะ
แอ๊ก  :z6: โดนคนเขียนเตะ
ฮ่าๆๆๆ

พรุ่งนี้เอง รอได้งับ
รอคุณชายของเค้า  :-[
(อาจารย์จะเตะเค้าอีกคนมั้ยง่ะ)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๑ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๑ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 11-02-2012 14:44:19
วันนี้แล้ว ซินะ จะได้รู้ว่าจ้อยจะเป็นไงบ้าง

อย่าดราม่า มากได้ไหมจ๊ะ ช้วงนี้หัวใจอ่อนแอ

ขอหวานๆ แบบชุ่มชื่นหัวใจแทนได้ไหมนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 11-02-2012 17:00:48
(http://img38.picoodle.com/i52b/wattanan/0_262_ucmz8.jpg)

บทที่ ๑๑

เพชฌฆาตใจ


น้องเอ๋ย.. ใครเขาเคยเหมือนพี่บ้างไหม
ช้ำ ช้ำเท่าไร พี่เป็นแผลใจ ใครจะเห็น
เจ็บอย่างนี้เจ้ายังทรมาน หรือเป็นพรานล่าใจ ผลาญหัวใจใครเล่น
หรือเจ้าเป็นเพชฌฆาตที่เชี่ยวชาญ

โปรดฆ่าพี่เสีย  อย่าอ้างเอ่ยความสงสาร
จงประหารถ้าแม้ว่าเจ้าไม่รัก*




   
จ้อยจินตนาการถึงลานประหารของตัวเองเอาไว้หลายแบบ  ในป่าช้าเงียบสงัด  ท้ายหมู่เจดีย์เรียงราย  หรือไกลออกไปหน่อยก็ที่ริมคลองสระบัว 
   
แต่ที่เห็นอยู่นี่.. ออกจะเป็นอะไรที่.. เกินความคาดหมาย!

หลังจากสิงห์ฉุดกระชากเขาออกมา  มันก็ออกปากไล่พวกลูกน้องให้ไสหัวไปไกลๆ  จนเหลือแค่เขากับมันสองคน  จ้อยยิ่งกลัวจนตัวสั่น  แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งประหลาดใจ  คล้อยหลังพวกลูกน้อง  มือหยาบใหญ่นั้นก็เบาแรงลง  จนเกือบจะเรียกได้ว่า.. นุ่มนวล 
   
แทนที่จะยิ่งเดินยิ่งมืดยิ่งเปลี่ยว  ไอ้อันธพาลกลับเดินจูงมือเขาเข้าหาแสงสว่าง  เข้าหาผู้คนเรื่อยๆ  จนมาหยุดอยู่ที่..

ชิงช้าสวรรค์สูงตระหง่าน!

“สองใบ” เสียงห้าวบอกคนขายตั๋วห้วนๆ  จ้อยยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก  เมื่อมือใหญ่ผลักเขาให้เข้าไปในกระเช้าสีสดจนแทบกลิ้งหลุนๆ  แล้วร่างใหญ่โตเป็นยักษ์ปักหลั่นก็ยัดตัวเองตามเข้ามา  กระเช้าที่แคบอยู่แล้วยิ่งดูเล็กไปทันตา   

จ้อยนั่งตัวลีบติดลูกกรงอีกฝั่ง  เหงื่อเม็ดเล็กๆ เกาะพราวเต็มหน้าผาก  คิดไปต่างๆ นานา
   
หรือมันจะรอให้กระเช้าขึ้นสู่จุดที่สูงที่สุด  แล้วค่อยเปิดประตูผลักเขาลงไป!

“เมื่อไรจะหมุนวะเฮ้ย!” นักเลงโตตะคอกถามไอ้หนุ่มขายตั๋ว 

“รอคนเต็มก่อนพี่” ร่างผอมแห้งตอบเกรงๆ 
   
“ไม่รงไม่รอแม่งแล้วโว้ย!  กูสั่งให้หมุนเดี๋ยวนี้!” มือใหญ่ล้วงแถวเอว  จ้อยสะดุ้งเฮือกหลับตาปี๋  ใจเต้นรัวรอฟังเสียงปืน  หากพอลืมตาขึ้น  กลับเห็นไอ้สิงห์ควักแบงค์ออกมาสี่ห้าใบยัดใส่มือผอมแห้ง 
   
“จ้ะๆ” คนเห็นเงินก็ตาลุกวาวรีบส่งสัญญาณมือให้เดินเครื่องชิงช้าทันที 

   
ชิงช้าสวรรค์เริ่มหมุน  กระเช้าน้อยค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นสูง  พื้นดินห่างไกลออกไปทุกที  สิงห์มองคนตัวเล็กที่นั่งหน้าซีดเบียดชิดลูกกรงแต่ลูกตาแวววาวราวลูกแมวขี้ระแวงแล้วอดขำไม่ได้  นี่ไอ้จ้อยมันนึกว่าเขาจะฆ่ามันตายคากระเช้าหรือไง
   
เห็นน้องลูบข้อมือตัวเองป้อยๆ 
   
“เจ็บหรือเปล่า” เสียงห้าวดูตระหนก  ห่วงใย  ชะโงกหน้าดูความรุนแรงที่ตนก่อไว้ให้ชัดๆ  นักเรียนครูขึงตาใส่  ชักแขนหลบไม่ยอมให้ดูง่ายๆ  จนสิงห์ต้องกัดฟันใช้กำลังบังคับ  ฉุดกระชากแขนเล็กอีกครั้งทั้งที่ไม่อยากเลย   
   
แววตาคมกร้าวดูสลดไปเมื่อเห็นรอยแดงช้ำบนข้อมือที่เล็กจนกำได้รอบ 
   
“เอ็งมันรั้น  ยอมมาดีๆ ซะแต่แรกก็คงไม่เจ็บตัว”  มือที่เมื่อครู่เพิ่งยิงปืนขึ้นฟ้า  บัดนี้กลับบรรจงลูบบนข้อมือน้อยอย่างอ่อนโยน  ปากที่เมื่อครู่เพิ่งบอกว่าจะให้ลูกน้องไปกระทืบคนแก่  ตอนนี้กำลังเป่าแผ่วๆ ใส่รอยแดงช้ำ 
   
อยู่ต่อหน้าลูกน้องเขาต้องทำตัวให้โหดเหี้ยมเข้าไว้  จะได้เป็นที่เคารพยำเกรงของพวกนั้น  ปืนที่มีก็แค่พกเหน็บเอวไว้ตามคำแนะนำของไอ้ลอย  แต่ตั้งแต่ซื้อมา ไม่เคยสักครั้งที่ปืนกระบอกนี้จะหันปากใส่ใคร  แม้แต่หมาหรือนกสักตัวก็ไม่เคย  ส่วนใหญ่หน้าที่ของมันคือเอาไว้ซ้อมมือกับกระป๋องนมบ้าง ลูกมะม่วงบ้าง  หรืออย่างเก่งก็แค่ยิงขู่ขึ้นฟ้าเช่นเมื่อกี้นี้   
   
หมาแมวสักตัวยังไม่เคยเตะ  นับประสาอะไรกับคนแก่  ที่พูดไปก็เพื่อจะขู่ไอ้จ้อยเท่านั้นละ 
   
ใครๆก็รู้กันทั้งบางว่าหลานยายช้อยถึงจะพยศอย่างไรก็รักยายยิ่งกว่าชีวิต  ต่อให้ตีให้ตายมันก็คงสู้ขาดใจ  แต่หากเปลี่ยนเป็นเอาความปลอดภัยของยายมาขู่  ม้าพยศก็เชื่องลงทันตา     

“พามานี่ทำไม” จ้อยถามเสียงห้วน  ในแววตายังไม่คลายความหวาดระแวง 
   
ดวงตาสีเข้มจ้องมองนิ่ง  เสียงหยาบกระด้างดูอ่อนโยนลงยามเอ่ย  “ตอนเด็กๆ เอ็งอยากขึ้นนักไม่ใช่เรอะ  ไอ้ชิงช้าสวรรค์เนี่ย” 

จ้อยนิ่งงัน  ความทรงจำไหลบ่าราวน้ำเชี่ยว
   
ยังจำได้  ในงานบุญประจำปี  เขาเคยแหงนมองชิงช้าสวรรค์สูงลิบจนคอตั้งบ่า  ปรารถนาจะขึ้นให้ได้สักครั้ง  อยากรู้นักว่าเมื่ออยู่บนกระเช้า  เขาจะเอื้อมมือถึงดาวถึงพระจันทร์ได้ไหม 
   
เด็กชายตัวโตคนหนึ่งแผลงฤทธิ์กับแม่หน้าชิงช้าสวรรค์

[..“หนูจะให้จ้อยขึ้นด้วย!  หนูจะให้จ้อยขึ้นด้วย!”..
   
“อย่าดื้อนะตาสิงห์!” คุณนายพูนทรัพย์ดุลูกชายคนกลาง  ข้างๆ เจ้าแม่เงินกู้คือลูกชายคนโตและลูกสาวคนเล็ก  ดช.เสมและดญ.แสงดาวมองพี่น้องตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
   
“ถ้าอยากขึ้นก็ให้มันไปขอเงินยายมันมา  รอบละตั้งบาท  แม่ไม่ออกเงินให้หรอกนะ!”
   
“หนูมีอยู่สลึงนึง  ที่เหลือแม่ออกให้ก่อนสิ!”
   
“บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ เอ๊ะลูกคนนี้นี่!” คุณนายดุลูกแล้วก็หันมาด่าจ้อย “นี่ก็อีกคน  หน้าไม่อาย  มาเดินตามเขาต้อยๆ  ทำตัวเป็นขอทานไปได้!” นิ้วชี้อวบขาวทาเล็บแดงจิ้มหน้าผากจ้อยจนหงาย
   
“ไปขอเงินแม่แกสิไป๊  อีกำไลมันหาผัวเก่งนักนี่  ถ้ามันหาเงินเก่งได้ซักครึ่งที่มันหาผัว  แกคงไม่ต้องมาเที่ยวเกาะลูกฉันแบบนี้หรอก!”
   
“พี่สิงห์..” จ้อยก้มหน้าน้ำตาคลอ  มือหนึ่งลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ อีกมือกระตุกชายเสื้อพี่ “น้องจ้อยไม่ขึ้นก็ได้  น้องจ้อยไม่อยากขึ้นแล้ว..”

เงินหนึ่งบาท.. พี่จินดาต้องขนกระสอบปุ๋ยกี่เที่ยว  ยายต้องรับจ้างเกี่ยวข้าวกี่งานกว่าจะได้มา  จ้อยไม่มีวันเอาหยาดเหงื่อของพี่กับยายมาแลกกับการที่เขาจะเข้าใกล้ดวงดาวมากขึ้นเป็นอันขาด   

สิงห์กัดฟันแน่น  จ้องแม่ตัวเองตาเขียว  ขณะมือยังจับมือน้องแน่นไม่ยอมปล่อย  เสียงเล็กประกาศลั่น 
   
“ถ้าจ้อยไม่ขึ้นหนูก็ไม่ขึ้น!” แล้วพี่ก็จูงมือน้องออกมาไม่ฟังเสียงแม่ที่ตะโกนเรียกตามหลัง 

“ชิงช้าสวรรค์อะไรกัน  มันก็งั้นๆ ละ  ไม่เห็นจะสนุกตรงไหน  เนอะจ้อย” พี่หันมาปลอบน้อง  สองมือน้อยยังเกาะเกี่ยวกัน  ตาพี่แวววาว  เป็นประกายยิ่งกว่าดาวสุกใส  จนจ้อยคิดว่า.. บางที.. เขาไม่ต้องไปไขว่คว้าหาดาวที่ไหนก็ได้ 
   
ขอแค่มีพี่.. มีเจ้าของดวงตาคู่นี้อยู่ใกล้ๆ ก็พอ
   
“เดี๋ยวพี่พาไปเล่นชิงช้าดิน  สนุกกว่าชิงช้าสวรรค์ตั้งเยอะ”
   
“ชิงช้าดิน?” จ้อยเอียงคอมองพี่สิงห์ตาแป๋ว 

พี่สิงห์ยักคิ้ว  จูงจ้อยลัดเลาะมาหยุดตรงโคนต้นมะขามใหญ่หน้ากุฏิ  ใต้ต้นมะขาม.. มีชิงช้าเก่าๆ ผูกอยู่  คงมีเด็กวัดสักคนผูกไว้  จ้อยยิ้มกว้าง  วิ่งไปนั่งอย่างลิงโลด  พี่ตามมาไกวให้เบาๆ     
   
“จ้อยอยากไปให้สูงแค่ไหน  พี่จะไกวจ้อยไปให้ถึงฟ้าเลย” พี่เพิ่มแรงขึ้น  ร้องเพลงไปด้วย “ช้าเจ้าหงส์เอย.. ปีกพี่ไม่หัก  ใครเขาไม่ผลักพี่ลง..พี่อยู่ในดงนางแย้ม”
   
จ้อยหัวเราะเอิ้กอ้าก  ลมเย็นๆ ตีหน้าพัดพากลิ่นหอมของดอกไม้มาด้วย  ใบมะขามแก่ร่วงพรูพราย  มือเล็กเอื้อมคว้าดาวเมื่อชิงช้าโยนขึ้นสูง  ก่อนเปลี่ยนใจหันมองพี่  อืม..ดาวในลูกตาพี่สวยกว่าจริงๆ ด้วย 
   
“พี่ขอฝากจมูกของพี่ด้วยเหนอ  จะได้ไปเป็นเกลอกับแก้ม” พี่สิงห์ร้องเจื้อยแจ้วตามประสาเด็ก  ไม่เข้าใจความหมายเพลงเกี้ยวที่หนุ่มๆ สาวๆ เขาร้องกันหรอก 

จ้อยหยุดชิงช้ากึก  เอี้ยวหน้าไปทวงถามพี่ “ถ้าจะฝากก็เอาจมูกมาซี่  เอาจมูกมา”

มือเล็กดึงจมูกพี่หมับ!

“เอาจมูกพี่สิงห์มาเป็นเกลอแก้มน้องจ้อยสิ” ]



..เอาจมูกพี่สิงห์มาเป็นเกลอแก้มน้องจ้อยสิ..

จ้อยหน้าแดงซ่าน  ยกมือเล็กปิดใบหน้าร้อนผะผ่าว  เขาพูดออกไปได้ยังไงนั่น  จะไร้เดียงสาอะไรขนาดนั้น

“นั่นไง  ต้นมะขามที่เราเคยเล่นชิงช้ากัน” เสียงห้าวเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ  ลูกชายกำนันบุ้ยปาก  คนซื่อเหลียวมองตาม  ต้นมะขามใหญ่ยังอยู่แต่ชิงช้าที่เคยโล้เล่นหายไป  ป่านนี้ทั้งกระดานทั้งเชือกคงถูกทิ้งร้าง  อาจในป่าช้าหรือในกองขยะที่ไหนสักแห่ง 

เมื่อโรยราผุผังย่อมถูกทิ้งขว้างทำลายเช่นนี้ 
จะชิงช้าหรือสายใยสัมพันธ์ก็ไม่ต่างกัน

คิดแล้วสะท้อนใจ  มองเพลินจนไม่รู้สึกถึงใบหน้าคมสันที่ยื่นเข้ามาใกล้แทบชิด  ดังนั้นพอจ้อยหันหน้ามาอีกที  ปลายจมูกจึงทิ่มใส่แก้มสากเข้าให้.. เต็มๆ
   
หนุ่มน้อยผงะ  ตกตะลึงยิ่งกว่าตกชิงช้าสวรรค์  หันหน้าหนีแทบไม่ทัน 

“ไอ้จ้อย เอ็งหอมแก้มข้า!” นักเลงโตทำท่าเหมือนตกใจกว่า  เสียงห้าวโวยลั่น  กุมแก้มตัวเองยังกะสาวพรหมจรรย์โดนขโมยจูบ   
   
“ก็..” เด็กดีไม่พูดคำหยาบ  จ้อยจึงกลืนคำว่า ‘เสือก’ ลงคอดังเอื๊อก “..ยื่นหน้าเข้ามาทำไมล่ะ!”
   
“เอ็ง..เอ็งรับผิดชอบเดี๋ยวนี้!” ใบหน้าคมคร้ามถลึงตาใส่  ชี้หน้าอาฆาต  พูดหน้าตาเฉยไม่อายผีสาง “ให้ข้าหอมคืนซะดีๆ”
   
จ้อยส่ายหน้ารัวจนผมสะบัด  ถดกายหนีจนตัวลีบติดลูกกรง  ไม่ว่ายังไงเขาก็เสียเปรียบ  เสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่อง  มือเล็กปัดป้องพัลวันยามถูกลูกชายกำนันกระชากร่างเข้าไปใกล้  แทบนั่งเกยอยู่บนตัก 

ข้างล่าง.. บนพื้นดิน  ไอ้จุกไอ้แกละแหงนมองชิงช้าสวรรค์คอตั้งบ่า  ชี้ชวนกันดู
   
‘ทำไมกระเช้าลูกนั้นมันสั่นๆ แกว่งๆ อย่างนั้นละน้อ’

จ้อยนั่งตัวแข็งทื่อเป็นหินยามถูกคนด้านหลังสวมกอดไว้หลวมๆ  ใบหน้าคมสันวางลงบนไหล่เล็ก  โชคดีที่กระเช้าหมุนขึ้นสูงจึงไม่มีใครเห็นหัวหน้าอันธพาลกับนักเรียนครูกอดกันบนชิงช้าสวรรค์         
   
“ช้าเจ้าหงส์เอย ปีกพี่ไม่หัก ใครเขาไม่ผลักพี่ลง พี่อยู่ในดงนางแย้ม” เสียงทุ้มต่ำกระซิบริมหู  ชี้ชวนน้องน้อยดูต้นมะขามใหญ่ 

จ้อยหันมองตามมือชี้  เกร็งคอแข็งทื่อ  รู้ทันหรอกน่า  คราวนี้ฝันไปเถอะว่าเขาจะโง่หันหน้าไปให้จมูกชนแก้มสากๆนั่นอีก
   
เห็นคนแสนดื้อนั่งนิ่งเหมือนแมวถูกดึงหลังคอแล้วสิงห์ลำพองใจนัก  ใกล้จนได้กลิ่นขนมหอมนวล  แก้มหรือก็ขาว.. เหมือนขนมหน้านวล.. อยากรู้นักว่าจะหอมหวานเหมือนกันไหม
   
“พี่ขอฝากจมูกของพี่ด้วยเหนอ จะได้ไปเป็นเกลอกับแก้ม” เกินจะยั้งใจอยู่  จมูกโด่งเป็นสันก้มลงขโมยกลิ่นหอมบนแก้มเนียน  จ้อยสะดุ้งเฮือกสุดตัว  หันมาจ้องตาขวาง  สิงห์เห็นคนตัวเล็กโกรธจนหน้าแดงก็หัวเราะขำ 

“โอ๊ย!”

มาขำไม่ออกก็อีตอนเจอศอกกระทุ้งเข้าให้เต็มรักนี่ละ 

สิงห์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ร่างเล็กที่โดดผลุงจากตักกลับไปนั่งฝั่งตรงข้าม  จุกแอ้ดขึ้นมาถึงลิ้นปี่  กว่าจะทุเลาก็ตอนกระเช้าหมุนขึ้นลงอีกรอบ       
   
“เดี๋ยวลงแล้วไปไหว้พระกัน” ชายหนุ่มกลืนลูกแน่นลงท้อง  ชักชวนกึ่งบังคับ
   
“ไม่  เดี๋ยวยายรอ” จ้อยตอบแบบไม่ต้องคิด 
   
“ป่านนี้ยายเอ็งดูลิเกน้ำหมากยืดไปแล้ว  เมื่อกี้ข้าเพิ่ง..”

เพิ่งซื้อข้าวโพดคั่วไปฝากแกที่โรงลิเกแหม่บๆ 

เรื่องสิ!  ขืนบอกมัน  มันก็รู้หมดว่าเมื่อกี้ที่เขาบอกว่าจะไปกระทืบยายช้อย  มันเป็นแค่คำขู่โง่ๆ 

“ไม่” จ้อยยังยืนยันคำเดิม  สายตาชิงชังปิดไม่มิด  “ไหว้พระด้วยกันเดี๋ยวชาติหน้าเกิดมาเจอกันอีก”
   
นักเลงโตนิ่งงัน  ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคำพูดแค่นั้นถึงทำให้เขาเจ็บนัก

เขาหัวเราะขึ้นจมูก  ซ่อนเร้นแววตาร้านรานไว้ใต้คำพูดแดกดัน “ตอนเอ็งใส่บาตร ไม่อธิษฐานไปเลยล่ะ  ว่าถ้าชาติหน้ามีจริงขออย่ามาเจอกับข้าอีก”
   
“อธิษฐานทุกวัน”  นักเรียนครูพูดหน้าตาย  “กรรมใดที่เอ็งทำไว้กับข้า  ข้าอโหสิให้  แล้วเกิดชาติหน้าอย่ามาจองเวรกันอีก”

สิงห์ตาค้าง  เขาแค่ประชดแท้ๆ  นึกไม่ถึงว่าจ้อยจะทำจริง 

                                                   เสียแรงหวังใจมุ่งผดุงหวัง
ไม่ควรชังฤามารานพาลชิงชัง        เออเป็นใจเออใครมั่งไม่น้อยใจ**


“ความจริงไม่ต้องรอชาติหน้าหรอก  แค่ชาตินี้เดี๋ยวก็คงไม่ได้เจอกันแล้ว” ปากแดงเรื่อยังพล่ามต่อ “เรียนจบแล้วข้าจะสอบบรรจุ  จะได้ย้ายไปสอนที่อื่น  ไม่ต้องเจออันธพาลอย่างเอ็งอีก”
   
ดวงตาสีนิลจ้องอีกฝ่ายนิ่งงัน 
   
“ในสายตาเอ็ง..” เสียงทุ้มสั่นพร่า “ข้าเลวขนาดนั้นเชียว”

ความเงียบแทนคำตอบได้เป็นอย่างดี

“แล้วทำไม  เอ็งไม่บอกทุกคนล่ะ  ว่าเรื่องคืนนั้น.. ข้าเป็นคนทำ” สิงห์ประคองความหวังสุดท้ายที่ริบหรี่ไว้ในอุ้งมือ  ใครจะว่าเขาเข้าข้างตัวเองยังไงก็ช่าง  แต่ที่ผ่านมาเขาเข้าใจมาตลอด  ว่าที่จ้อยไม่บอกใคร  เพราะต้องการ.. ปกป้องเขา

ขอละจ้อย.. อย่าดับมันเลย


เป็นครั้งแรกในรอบกี่ปีไม่รู้ที่จ้อยยิ้มให้  แต่ถ้าจะยิ้มแบบนี้สู้อย่ายิ้มให้เสียดีกว่า  ยิ้มเยาะหยัน  ยิ้มเหยียดหยามแบบนี้  เขาเคยได้รับมานักต่อนักแล้วจากใครต่อใคร 
   
ยิ้มหยันจากใครต่อใครที่ว่า  ยังไม่ทำให้เจ็บได้เท่ายิ้มหยันจากคนตรงหน้านี้เลย

“แค่โปรดสัตว์..”

สิงห์ชาดิกไปทั้งร่าง  อยากรู้นักว่าโรงเรียนสอนให้เป็นครูหรือเป็นอะไรกันแน่  เอ่ยคำพูดเชือดเฉือนได้โดยไม่กระพริบตาแบบนี้  น่าจะเป็นเพชฌฆาตเสียมากกว่า  เพชฌฆาตที่บั่นหัวใจเขาหลุดกระเด็นจากขั้ว แล้วเหยียบซ้ำลงดินอย่างเลือดเย็น 
   
ความเสียใจกับความโกรธตีรวนกันคลุ้มคลั่ง  ชายหนุ่มกระชากใบหน้าเล็กแหงนหงาย หมายจะฝังรสจูบ  หากจ้อยดิ้นรนจากอ้อมแขนแล้วฟาดเข้าให้เต็มฝ่ามือจนหน้าหัน  เสียงฉาดลั่นถูกกลบด้วยเสียงดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นฟ้า  สิงห์นิ่งงันเหมือนรูปปั้น  ดวงตาคมเข้มสลดลงเหมือนถูกทิ้งถ่วงลงน้ำ  หนักและจมลงในความประหลาดใจ  ในความไม่คาดฝัน  ในความเสียใจที่เกินพรรณนา   

เสี้ยวหน้าคมสันหันกลับมาช้าๆ  ประกายดอกไม้ไฟล้อแสงกับน้ำในดวงตาจนแวววาว  เค้นเสียงทุ้มลอดไรฟัน “ไอ้จ้อย  เอ็ง..”

กระเช้าเลื่อนลงแตะพื้น  ชิงช้าสวรรค์หมดรอบพอดี  ประตูถูกเปิดออกจากด้านนอก  จ้อยอาศัยตัวเล็กว่องไวโจนแผล็วออกไปทันทีก่อนอีกฝ่ายจะคว้าตัวได้ทัน 

“ไอ้จ้อย!” เสียงห้าวตะโกนไล่หลัง  หนุ่มน้อยหันกลับไปเห็นคนตัวโตลงจากกระเช้าวิ่งไล่ตามมา  จึงวิ่งหนีไม่คิดชีวิต  ค่าที่ตบหน้ามันไปเมื่อครู่  มันเอาคืนเขาถึงตายแน่! 
   
สัญชาติญาณการเอาตัวรอดสั่งให้จ้อยหนีให้เร็วที่สุด  เขาไม่มีกะใจจะเที่ยวงาน ไม่มีกะใจจะขายของอีกแล้ว  ห่วงแต่ความปลอดภัยของยายและตัวเองเท่านั้น 
   
เท้าเล็กวิ่งฝ่ากลุ่มคนไปยังโรงลิเก  ตั้งใจจะตามหายายและพากันกลับบ้านให้เร็วที่สุด!


“แม้นไม่ยอม พี่จะปล้ำ เอ๋ย..พี่จะปล้ำให้หนำใจ เป็นยังไงก็เป็นกัน..” บนเวทีลิเก  โจรป่าใจทรามกำลังจะฉุดคร่านางโมรา  เสียงปี่พาทย์ระนาดระรัวกระหึ่ม  เหล่าแม่ยกพากันตบมือเกรียวกราวชอบอกชอบใจ  แต่แล้วทุกคนต้องต๊กกะใจเมื่อจู่ๆ เด็กหนุ่มตัวขาวคนหนึ่งวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาหน้าเวที 
   
จ้อยพยายามมองหายายแต่ก็ถูกโห่ไล่
   
“ไอ้หนู ออกไป!”
“เขากะลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม”
“เหรียญสลึงอย่าบังเหรียญบาทซีโว้ย!”

จ้อยเหลียวซ้ายแลขวา  หายายก็ไม่เจอ  เจอแต่คนตัวสูงวิ่งตามมาติดๆ  เขาเผ่นแผล็วจากหน้าเวทีลิเกทันควัน  สิงห์วิ่งตามมากระหืดกระหอบ  หากทีนี้ชาวบ้านกลับพากันขวัญผวาไม่กล้าโห่ไล่ 
   
“อ้าวเฮ้ย!  เหรียญห้าโผล่มาอี๊ก  บังมิดเลยพ่อคู๊ณ!”

*************************
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 11-02-2012 17:08:19
ร้านน้ำชากาแฟของอาแปะคิวยาวเป็นหางว่าว  คนึงสั่งไว้แล้วเดินมาดูแผงขายปลาตะเพียนใบลานที่อยู่ไม่ห่างกันนัก  หันไปมองทางลูกศิษย์ที่ยืนรออยู่ไกลๆ ก็เห็นหยุดแวะแผงขายน้ำหอมเสียแล้ว
   
“หอมสนิทติดทนนาน  ทาพี่หอมน้อง  ทาน้องหอมพี่  ทาผัวหอมเมีย  ทาเมียหอมผัว  เชิญเลือกดมได้  ดมสักนิดจะติดใจเชิญเลยๆ” 

เสียงคนขายป่าวประกาศดังลั่น  ยื่นสำลีชุบน้ำหอมให้คุณชายดมก้อนแล้วก่อนเล่า 

อาจารย์หนุ่มคลี่ยิ้ม  ก่อนหันมาสนใจปลาตะเพียนหลากสีตรงหน้า  ทั้งที่แขวนห้อยระย้าและที่วางอยู่บนแคร่ไม้ไผ่  มือใหญ่หยิบเลือกตัวนั้นตัวนี้
   
“ซื้อเอาไปให้ลูกเรอะครู” หญิงชราถามยิ้มๆ ในมือเหี่ยวย่นยังสานค้างไว้ตัวหนึ่ง
   
ชายหนุ่มหัวเราะหึ  “ผมยังไม่มีลูก” ดวงตาคมหันมองร่างโปร่งบางที่ยืนดมน้ำหอมไกลๆ  ดวงตาเป็นประกายยามเอ่ยถึง “ซื้อไปให้เด็ก  จะได้ไม่ดื้อไม่ซน  ว่านอนสอนง่าย  โตเร็วๆ” 
   
“อ้อ” แม่เฒ่าช่วยเลือก  มือเหี่ยวย่นหยิบพวงตะเพียนสานยาวระย้าขึ้นชูให้ดู “นี่ไง..แม่ตะเพียนลูกสิบสอง ใหญ่ดีนะ หรือไม่ก็นี่..ลูกหก กำลังดี”
   
คนึงก้มหน้าซ่อนยิ้ม  โหนกแก้มอุ่นวาบจนขึ้นสียามเอ่ย 

“ขอเป็นตัวผู้ได้ไหมครับยาย”
 
************************

เลอมานเดินเตร่อยู่แถวซุ้มยิงปืน  กำลังมองตุ๊กตาหลากสีเรียงรายบนชั้น  เด็กผู้ชายไปจนถึงหนุ่มๆ พากันมาประลองความแม่นยำ  พลาดบ้างโดนบ้าง  และพอมีใครยิงไปถูกเป้า  ตุ๊กตานางฟ้าในตู้กระจกบนสุดก็จะหมุนเต้นระบำ  ไฟสว่างวิบวับ  คลอเสียงเพลงสดใส
   
“อยากลองไหม” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น  คุณชายถึงกับสะดุ้ง  หันขวับไปเห็นร่างสูงใหญ่ยืนชิดใกล้เสียจนเห็นเงาตัวเองในแววตาคมเข้ม 
   
“นายลอย” เด็กหนุ่มสูงศักดิ์เอ่ยทัก  หากก็ถอยห่างออกมาก้าวหนึ่ง 

ลอยมองกริยาไว้ตัวเช่นนั้นด้วยแววตาเรียบนิ่ง  ดั่งมหาสมุทรสุดลึกล้น คณนา 

ร่างกำยำเดินไปหยิบปืนยาวขึ้นประทับบ่า  สอดนิ้วในโกร่งไก  ดวงตาคมดุจเหยี่ยวหรี่เล็งเป้าหมายตรงหน้า  ทุกลีลาดูช่ำชอง  ดั่งคนที่คุ้นเคยกับปืนดี 
   
เลอมานได้แต่มองอย่างทึ่งยามกระสุนจุกน้ำปลาพุ่งกระทบตุ๊กตาล้มแม่นยำเหมือนจับวาง  ใบหน้าคมสันหันมายิ้มยักคิ้วให้  มีการเป่าปลายปืนโชว์ด้วยท่วงท่าราวพระเอกหนังจิงโก้จังโก้ 
   
“แม่นนี่” คุณชายชมเปาะ  ตบมือให้อย่างชื่นชม  ยื่นมือไปรับปืนที่มือใหญ่ส่งให้ลอง
   
“ฉันยิงไม่ค่อยแม่นหรอกนะ” เขาถ่อมตัวไว้ก่อน  ถึงจะไม่ใช่คนยิงปืนเก่ง แต่ก็เคยยิงเล่นมาบ้างตามประสาเด็กผู้ชาย  หนังคาวบอยก็เคยดูออกบ่อย 
   
เพียงประทับปืนลงบนบ่า  ร่างใหญ่หนาก็ประชิดจากด้านหลัง เอื้อมมือมาทำท่าจะจับมือเขายิง  เลอมานรีบเบี่ยงตัวหนีจากอ้อมกอดกลายๆ นั้นทันที  “ไม่เป็นไร  ฉันยิงเองได้”

ลอยยอมถอยออกมา  แต่เพียงแวบเดียวที่เข้าใกล้  กลิ่นหอมหวานจากร่างเล็กกว่าก็โชยรื่นกระทบจมูก  หมายมั่นเหลือเกินที่จะได้ลิ้มชิมสักครั้ง 
   
พรานหรี่ตามอง  เนื้อทรายจอมเย่อหยิ่ง  ไว้ตัว.. หวงเนื้อหวงตัว..
   
ไม่เห็นเหมือนตอนพาไปเที่ยวโรงบิลเลียด  ไม่เห็นเหมือนตอนที่เขากับสิงห์พายเรือไปพบยืนตัวสั่นอยู่ริมคลอง
   
เนื้อเคยชิดเนื้อ.. หากวันนี้ไยเหินห่างนัก..

อ้อ.. ไอ้ลอยนึกขึ้นได้ 
วันโน้นคุณชายเมา  ส่วนวันนั้นก็แทบไม่มีสติ     

เมา.. ไม่มีสติ..

....................................
..................
   
คุณชายยิงแม่นไม่เบา  ได้รางวัลเป็นตุ๊กตานางฟ้ามีปีก สวมมงกุฎ กระโปรงสีชมพูติดดิ้นวูบวาบ  ตอนแรกเขาตั้งท่าไม่รับท่าเดียว  แต่จู่ๆ ก็นึกถึงแววตาใสซื่อของเด็กหญิงตัวน้อยที่แผงขนมของจ้อยขึ้นมาได้  จึงยอมรับมาแต่โดยดี  หมายมาดว่าจะเอาไปเป็นของฝากให้แม่หนูตากลมคนนั้น 
   
“เออนี่ นายลอย” เลอมานโพล่งอย่างนึกขึ้นได้ “ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ  เนื้อคู่คืออะไรหรือ”
   
“เนื้อคู่..” ใบหน้าคมสันทำท่านิ่งคิด “เนื้อคู่..ก็คือ.. คนสองคนที่เกิดมาคู่กัน  รักกัน  ร่วมชีวิตด้วยกัน  เอาง่ายๆ.. เป็นผัวเมียกัน”
   
“งั้นหรือ..” เขาพูดไม่ออก  หน้าร้อนผะผ่าว  จำไม่ได้ว่าเสียงตะกุกตะกักไหมยามถาม “แล้ว..ม้ายล่ะ”
   
“หือ?” คิ้วหนาขมวดมุ่น “ม้าย.. ต้นไม้น่ะเรอะ”
   
“หอ มอ อา ยอ หมาย หมายไม้โทม้าย” เขาสะกดให้ฟัง
   
“อ๋อ หม้าย” นายลอยแก้ให้ “หม้ายคือ.. คนที่คู่ของตัวเองเพิ่งเลิกราไป  หรือตายจากไป  ถ้าเป็นผู้หญิงก็เรียกแม่หม้าย  เป็นผู้ชายก็เรียกพ่อหม้าย”

ถามเนื้อคู่ คู่เป็นหม้าย ไม่ไกลนัก..
   
กระจ่างชัดแล้วในความหมาย  ราวดอกไม้เบ่งบานอยู่ในอก 

“ถามทำไม” ดวงตาคมดำหรี่ตามองวงหน้าอ่อนเยาว์  ยามแย้มยิ้ม.. น่าดู  แก้มขาวขึ้นสีเรื่อ  น่าหอม.. ริมฝีปากแดง..น่าจูบ..
   
“อ้อ..เซียมซีน่ะ” คุณชายทำมือไม้เขย่าประกอบ  ลอยมองมือขาวแล้วจินตนาการไปไกล.. ถ้าสิ่งที่อยู่ในมือนั้น..เป็นอย่างอื่น  ที่มีขนาดใกล้เคียงกับกระบอกเซียมซี
   
“แม่นนะ เซียมซีวัดนี้  ผมก็เพิ่งไปเสี่ยงมา  ได้ใบที่หก” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่า  สายตาจับจ้องอยู่ที่ปากแดง “ถามถึงคู่ร่วมเรียงเคียงเขนย  จะได้เชยชื่นชมสมประสงค์”
   
“แปลว่าอะไรหรือ”
   
“หมายปองใครไว้  ก็จะได้เชยชมสมใจ” สายตาลดต่ำลงไปยังลำคอขาว  มีเกล็ดทองเปลวติดอยู่บนไหปลาร้า  ชายหนุ่มหักห้ามใจที่จะไม่เอื้อมมือไปลูบออกให้   
   
“อ้อ”
   
ร่างสูงใหญ่ลอบกลืนน้ำลายลงคอ  “อย่าลืมเอาไปอวดอาจารย์ล่ะ”  เขากล่าวทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนหันหลังเดินจากไป 
   
คุณชายยิ้มให้ตุ๊กตานางฟ้าอีกที 
เดี๋ยวพออาจารย์กลับมา  เห็นทีจะต้องอวดเสียหน่อยแล้ว
...........................

คนึงเดินยิ้มกลับมาที่ร้านกาแฟ  ในกระเป๋ากางเกงมีปลาตะเพียนสานตัวเท่าฝ่ามือเด็กสองตัวนอนสงบนิ่ง  ยิ่งนึกถึงคำพูดที่แม่เฒ่าพูดยิ่งอารมณ์ดี     
   
“ซื้อไปสองตัวสิครู  มันจะได้ไม่เหงา”
“งั้น.. ผมขอตัวผู้อีกตัวละกัน”
“สีแดงกับน้ำเงินเรอะ  เดี๋ยวก็ได้ตีกันตาย”
“งั้นเปลี่ยนเป็นน้ำเงินกับเหลืองก็ได้ครับ”


เขาจะยื่นเจ้าตะเพียนน้อยให้กับมือเลยดี  หรือว่าจะแอบเอาไปผูกไว้ที่หน้าต่างข้างเตียงเลอมานดี  เจ้าเด็กดื้อจะทำหน้าแบบไหนตอนได้รับของขวัญจากเขา  แก้มขาวนั้นคงแดงก่ำ  เขาจะเป็นตัวสีน้ำเงิน  แล้วเลอมานเป็นตัวสีเหลืองดีไหมหนอ..   
   
“อาจารย์!”

เสียงจ้อยตะโกนเรียกเขาดังลั่น  คนึงหันขวับไปทางต้นเสียงทันที  เห็นลูกศิษย์ตัวเล็กวิ่งฝ่ากลุ่มคนตรงมาหา  ท่าทางเหมือนวิ่งหนีใครมา 
   
“อาจารย์ช่วยผมด้วย!”
   
“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้จ้อย!”
   
คำตอบตัวโตวิ่งตามมาติดๆ  ชาวบ้านต่างพากันหลบหลีกวี้ดว้าย  จ้อยสะดุดหกล้มคางปักพื้นตรงหน้าร้านอาแปะ  คนึงรีบวิ่งตรงเข้าไปช่วยลูกศิษย์ทันที  แต่ยังช้ากว่าลูกชายกำนันที่ตรงเข้ากระชากแขนผอมบางให้ลุกขึ้น 
   
อาจารย์หนุ่มจึงได้รับรู้ว่านอกจากคางแล้ว  จ้อยยังได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า  มันแตกถลอกเลือดแดงซึมตัดกับผิวขาวจัด  ผู้คนรายล้อมพากันฮือฮา
   
ทว่าไม่มีใครสังเกตเห็นแววตานักเลงโตสลดวูบ   
 
“เอ็งจะวิ่งหนีทำไม  คิดว่าข้าจะทำอะไรเอ็ง!” เสียงห้าวตะคอกลั่นใส่คนตัวเล็กที่พยายามดิ้นรนหนี  มือใหญ่เพิ่มแรงบีบจนจ้อยหน้าเบ้ “มาพูดกันให้รู้เรื่อง!”
   
“หยุดเดี๋ยวนี้!” คนึงเข้าแทรกระหว่างทั้งสอง  ร่างสูงใหญ่ทัดเทียมกันดึงแขนเล็กออกจากมืออันธพาล  ดวงตาคมกร้าวมองสิงห์อย่างเอาเรื่อง  “มีเรื่องอะไรกัน!”

สิงห์กัดฟันกรอดเมื่อเห็นจ้อยอาศัยหลังอาจารย์เป็นที่พึ่งพิง  ทีกับข้าล่ะวิ่งหนีจะเป็นจะตาย  แต่พอมันมาถึงกับซุกหลังมันเลยเรอะวะไอ้จ้อย!

“มึงไม่ต้องเสือก!”  ความโกรธปะทุในอกเหมือนไฟโหม  โทสะบันดาลให้คนขาดสติคลุ้มคลั่งไร้เหตุผลและสามัญสำนึกเสมอ  แรงหึงหวงปิดตาสิงห์จนมืดบอดไม่รู้ดีชั่วอีกต่อไป 

ผลั่วะ!!

กำปั้นลุ่นๆ ซัดเปรี้ยงเข้าให้ที่ใบหน้าอาจารย์อย่างแรงจนเซ  ผู้คนรอบข้างพากันวี้ดว้าย  คนึงได้แต่กัดฟันข่ม  หลังมือป้ายมุมปากที่แตกซิบจนได้รสเลือด 
   
ถ้าไอ้นักเลงหมายจะประลองกำปั้นกับอาจารย์ มันคงต้องผิดหวัง  เขาไม่มีวันลดตัวลงไปแลกหมัดกับอันธพาลให้เสียเกียรติ
   
“ได้ชกครูแล้วพอใจหรือยัง” คนึงยังคุมสติได้ดีเยี่ยม  ในขณะอีกคนยังคำรามฮึ่มฮ่ำในคอเหมือนหมาบ้า “ถ้าพอใจแล้ว..ก็ปล่อยจ้อยเถอะนายสิงห์”     
   
“กูบอกว่าอย่าเสือก!” นักเลงเลือดร้อนกำหมัดแน่น  โถมเข้าใส่อาจารย์อีกครั้ง  หากยังช้ากว่าจ้อย  มือเล็กคว้าขวดน้ำอัดลมเปล่าบนโต๊ะไม้ของอาแปะ  ฟาดเปรี้ยงใส่คนบ้าดีเดือด

เปรี้ยง!!

ราวโลกหยุดหมุน  ทุกสรรพเสียงรอบข้างเงียบกริบ  ทุกคนต่างตะลึงอย่างคาดไม่ถึง  หากความตกใจนั้นยังไม่ได้แม้เศษเสี้ยวของคนที่ถูกตี 
   
เลือดแดงฉานปรี่ออกจากปลายคิ้วเข้ม! 

“เอ็งตีข้า” ฝ่ามือใหญ่ปาดหยดเหนียวที่ไหลริน  กลิ่นคาวข้นปนกลิ่นธูปเทียนจากพระอุโบสถ  จ้อยตาวาวโรจน์  ตัวสั่น  ในมือยังถือขวดแก้วที่แตกเป็นปากฉลาม 

“ไอ้ชาติชั่ว!  ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
   
“ข้าแค่..”

สิงห์พูดไม่ออก..
 
เขาไม่เคยอยากทำให้ใครเจ็บหรือเสียใจ  แต่ทำไมเขาถึงได้ทำในสิ่งที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า  เขาแค่อยากมีชีวิตสงบ เรียบง่าย มีรัก ได้รัก ได้เป็นที่รักของใครสักคนที่จะไม่มีวันทำร้ายกัน

นักเลงโตกำนาฬิกาข้อมือในมืออีกข้างแน่นจนแทบทะลุผ่านเนื้อ
   
ข้อมือจ้อยว่างโล่ง  ไม่มีสิ่งใดประดับประดานอกจากสายสิญจน์เก่าๆ  ในขณะที่นักเรียนครูคนอื่นเขามีนาฬิกาข้อมือใส่กันทั้งนั้น 
   
อุตส่าห์วาดฝันไว้สวยหรู  ว่าคืนนี้จะพาน้องเดินเที่ยวงาน  จะไหว้พระด้วยกัน  แล้วก็.. มอบนาฬิกาเรือนนี้ให้ 

ทุกอย่างกลับพังทลายไม่มีชิ้นดี!

“เอ็งตีข้า” ชายหนุ่มพูดซ้ำ  แค่นหัวเราะคล้ายจะหยันตัวเอง   
   
“ไอ้ระยำ! จะไปตายที่ไหนก็ไป!” จ้อยด่าไล่ส่งไม่ไยดี 

ไอ้หมานไอ้เลิศเพิ่งวิ่งมาถึง  สองลูกน้องอ้วนผอมเห็นลูกพี่เลือดอาบคิ้วก็ถกแขนเสื้อหมายมาดเข้าไปจัดการไอ้นักเรียนครูตัวการ  หากลูกพี่กลับตะคอกลั่น “อย่า!” 
   
“กลับโว้ย!” สิงห์สั่งเสียงห้วน  ก่อนเขวี้ยงนาฬิกาในมือลงพื้นแล้วเตะเปรี้ยงเหมือนเศษขยะ  จ้องตาจ้อยเขม็งก่อนหันหลังกลับ 
   
เมื่อรักกันไม่ได้ก็ไม่รัก
ไม่เห็นจักเกรงการสถานไหน
ไม่รักกูกูก็จักไม่รักใคร..


“แม่งเอ๊ย..” สิงห์สบถทั้งขอบตาร้อนผ่าว  บาดแผลไม่ลึก  แต่ที่เจ็บรุนแรงคือหัวใจก้อนเท่ากำปั้น 

เอ๊ะ น้ำตากูไหลทำไมฤา?***

*************************

คนึงพาจ้อยไปหายายช้อยที่โรงลิเก  หญิงชราตกใจเมื่อเห็นสภาพหลานรัก  เนื้อตัวมอมแมม คางแตกเข่าแตก  จากนั้นทั้งสามพากันไปหาเลอมานที่นั่งรออยู่นานแล้ว
   
คุณชายตั้งใจจะอวดตุ๊กตาที่ได้มาเสียหน่อยถึงกับพูดไม่ออก  อาจารย์ก็ปากแตกเหมือนไปแลกหมัดกับใครมา  ส่วนจ้อยก็บอบช้ำไปทั้งตัว 
   
“เดี๋ยวครูจะไปส่งจ้อยกับยาย” คนึงห่วงจ้อยนัก  เพิ่งมีเรื่องกับพวกนักเลงแบบนี้  กลัวมันจะดักทำร้ายเอาระหว่างทาง  “เล็กรอครูอยู่ที่นี่ได้ไหม”
   
เลอมานก็ห่วงจ้อยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า  เขาพยักหน้ารับทันที “อาจารย์ไม่ต้องห่วง” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม “ผมบอกแล้วไงว่ารอได้.. รอได้เสมอ”
      
กับคนตรงหน้านี้.. ใช่ว่าคนึงจะไม่ห่วง..
ห่วงแสนห่วง.. แทบไม่อยากปล่อยให้คลาดสายตา  แต่ติดที่ว่าเรือยายช้อยนั่งได้แค่สามคน 

คนึงนึกอยากคว้าร่างเล็กมากอดนัก  แต่เขาทำได้เพียงลูบศีรษะทุยสวยอย่างแผ่วเบา
   
“รอครูอยู่นี่นะ  แล้วครูจะรีบกลับมารับ” ดวงตาคมเข้มอ่อนแสงลง  กำชับหนักแน่น “ห้ามกลับคนเดียวเด็ดขาด  คนแปลกหน้ามาชวนไปไหนก็อย่าไป รู้ไหม”
   
เลอมานหัวเราะ  อาจารย์พูดเหมือนเขาเป็นเด็กไปได้  ดวงตาสีน้ำตาลใสได้แต่มองส่งทั้งสามจนลับสายตา 

คุณชายไม่กล้าไปไหนไกล  กลัวอาจารย์กลับมารับแล้วจะไม่เห็น  ได้แต่นั่งรออยู่แถวโรงลิเกอย่างที่อาจารย์สั่ง  นึกในใจว่าคนึงแค่พายเรือไปส่งยายช้อยที่บ้าน  แล้วก็พายไปส่งจ้อยที่โรงเรียน  หลังจากนั้นถึงค่อยกลับมารับเขา  คงใช้เวลาไม่นาน
   
หารู้ไม่.. จากคลองสระบัว  ทะลุคลองเมืองลัดเข้าคลองท่อเป็นการพายเรือทวนกระแสน้ำ  แม้คนึงและจ้อยจะช่วยกันพายสุดแรงจนล้า  หากกระแสลมและน้ำที่พัดทวนมาก็กินแรงและกินเวลานัก
   
บุตรชายท่านทูตนั่งดูลิเกจนปิดโรง  ผู้คนทยอยกันกลับจนเริ่มบางตา  เหลือเขานั่งอยู่ท่ามกลางเศษใบตอง เศษกระดาษใส่ของกินที่ถูกทิ้งไว้กลาดเกลื่อน  ก็ยังไม่เห็นแม้เงาของคนที่บอกว่าจะรีบกลับมารับ 

สายลมพัดอู้จนเลอมานต้องห่อไหล่  แหงนมองฟ้าไม่เห็นพระจันทร์เพราะถูกเมฆบดบังเสียมิด  กลิ่นฝนโชยมากับลมจนพ่อค้าแม่ขายพากันเก็บข้าวของ  แสงไฟสว่างไสวค่อยๆ ดับลงทีละดวงๆ  เลอมานยิ่งเหลียวซ้ายแลขวามองหาอาจารย์  อดยอมรับไม่ได้ว่าเขาเริ่มใจเสีย 

ฝนโปรยสายลงมาดังคาด  แม้ไม่แรงนักแต่ก็หนาวสะท้าน  เด็กหนุ่มไปนั่งหลบฝนบนเวทีลิเกที่เก็บข้าวของ ดับไฟมืด  บรรยากาศเงียบสงัดเปลี่ยนไปจากแสงสีตระการผู้คนเฮฮาเมื่อครู่ราวพลิกฝ่ามือ 
   
นั่งตรงนี้แม้มีหลังคาคุ้มหัว  แต่ฝนเปาะแปะก็ยังสาดมาต้องกาย  ในมือยังถือตุ๊กตานางฟ้าไม่ปล่อย 
   
หารู้ตัวไม่  ในมุมมืด.. พรานยังคงจับจ้อง  เนื้อทรายน้อยพลัดฝูง  ถูกทิ้งไว้เดียวดายในป่าเปลี่ยว   

จนกระทั่งมีเงาร่มคันใหญ่ยื่นมาบังฝนให้  เลอมานชะงัก  เงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าคมคร้าม  ดวงตาแวววามจ้องมองมา     
   
“นายลอย!” เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ดีใจราวกับเด็กหลงทางเจอคนรู้จัก 
   
“ผมไปส่งที่โรงเรียนให้เอาไหม” เสียงทุ้มห้าวชักชวน  ในแววตาดำดิ่งจับจ้องไม่วางตา 
   
คุณชายนิ่งคิดชั่วอึดใจ  ก่อนส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ล่ะ  เดี๋ยวอาจารย์มาแล้วไม่เจอ”
   
ลอยหัวเราะหึ “ผมเอารถเครื่องมา  แป๊บเดียวก็ถึงโรงเรียน  เผลอๆ ถึงก่อนอาจารย์คนึงจะออกมาอีก” ร่างสูงใหญ่ถือวิสาสะนั่งลงเคียงข้าง  พยายามโน้มน้าว  แต่อีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่ง 
   
“อยู่ที่นี่คนเดียวไม่กลัวหรือ” ชายหนุ่มตัดสินใจใช้ไม้เด็ด  ชะโงกหน้าไปใกล้  ลอบสูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด  กระซิบเสียงต่ำพร่า “วัดนี้ผีดุนะ”
        
คุณชายหันขวับมาจ้องตาโต  เขยิบเข้ามาชิดร่างสูงใหญ่โดยอัตโนมัติ 

......................................

เลอมานซุกหน้ากับแผ่นหลังกว้างหลบกระแสลมแรงและไอฝน  ที่ตีเข้าหน้าจนแสบตาไปหมด  จนกระทั่งรถจักรยานยนต์แล่นข้ามสะพานคลองเมือง  เด็กหนุ่มจึงเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ 
   
“นายลอย!” เขาเสียงดังแข่งกับสายลมกรูเกรียว “ทางไปโรงเรียนมันต้องเลี้ยวอีกทางไม่ใช่หรือ”
   
“นี่เป็นทางลัด” เสียงทุ้มห้าวตะโกนตอบกลับมา  ใบหน้าคมสันเอี้ยวมามอง “สบายใจได้  เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
   
“อ้อ”

ลอยหันหน้ากลับไปมองทาง  ดวงตาสีนิลวาววับ  จุดรอยยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์แพรวพราย


ถึงแน่.. ไม่ต้องห่วง

ถึงอกถึงใจเลยเชียวล่ะ  คุณชายเล็ก!


โปรดติดตามตอนต่อไป

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
* เพชฌฆาตใจ, ประดิษฐ์ อุตตะมัง คำร้อง, ชินกร ไกรลาส ขับร้อง
** กลบทพยัคฆ์ข้ามห้วย, กรมหมื่นไกรสรวิชิต
***สุจิตต์ วงษ์เทศ
ขอบคุณภาพประกอบจาก Chelsea www.2how.com ค่ะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 11-02-2012 17:19:36
ตอบเม้นกันจ้ะ :L2:

roseen
ขอบคุณจ้า ^^

Donaldye
ไม่รู้ว่าจะน่ารักกันได้นานไหมค่ะ T^T

hongzaa
รอลุ้นละกันเน้อว่าคู่ไหนจะได้อะระบะหึยกันก่อน  ส่วนพี่สิงห์นี่ ไม่รู้ว่าจะได้เป็นคนดีก่อนได้น้องจ้อยเป็นเมียไหม  พี่แกยิ่งใจร้อนอยู่ซะด้วยสิ

Lukaka
พี่สิงห์มันซึนละมั้งคะ  ขี้เก๊กอีกตะหาก  มันน่าปล่อยให้รักเขาข้างเดียวซะให้เข็ด 

~l3aml3ery~
พี่สิงห์แค่ขู่น่ะจ้าน้องแบม  แต่เป็นการขู่ที่แบบ..ควายมาก  (ก็บอกแล้วว่าพี่แกไม่ค่อยฉลาด^^”)

นางฟ้า
สามคำให้น้องนางฟ้าจ้า >> ลุ้น ตอน หน้า (แอร๊)
ตอนหน้าจ้ะตอนหน้า  ไอ้ลอยมันจะทำอะไรชายเล็กไหมน๊า..

Guill
มันเป็นตัวร้ายแบบ.. เลวบริสุทธิ์เลยล่ะค่ะไอ้ลอยเนี่ย

2pmui
ดูท่าอาจารย์คงไม่ให้ชายเล็กรอนานหรอกค่ะ  อยู่ใกล้กันทุกวันแบบนี้  น้ำตาลใกล้มดใครอดงดได้ ^^

hewlett
ไอ้ลอยมันเป็นตัวร้ายของเรื่องนี้ค่ะ  ทำหน้าที่ดีซะด้วย  จ้างร้อยเล่นซะหมื่น ๕๕๕+

หัวเเม่มือ
ตัวร้ายมาทำหน้าที่แล้วจ้า  จากที่ตอนแรกๆ แค่เลียบๆเคียงๆ มันจะเอาจริงละเน้อ

MinKKniM
ขอบคุณที่รักคุณชายค่ะ  รักน้อยๆแต่รักนานๆก็ได้ ^^

silverspoon
อ่านตอนนี้คงรู้แล้วนะคะว่าพี่สิงห์จะทำอะไรจ้อย  โถ..พ่อคู๊น.. ชวนเขามาดีๆก็ไม่ได้เนอะ

armmyrine
๕๕๕+ มันก็ไม่แน่นะคะ  อะไรก็เกิดขึ้นได้ในนิยายของเรา  คนเขียนใจร้ายเน้อ  ไม่ค่อยปรานีตัวละครตัวเองหรอก  แต่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม  ทุกสิ่งย่อมมีที่มาและที่ไป  มีเหตุผลในการกระทำนั้นๆค่ะ  (รอลุ้นต่อตอนหน้าเนอะ^^)

Zymphoniz
ลอยมันหมั่นไส้+อิจฉาพี่สิงห์  และในขณะเดียวกันก็จ้องจะงาบชายเล็ก  มันเลยกลายร่างเป็นตัวอุปสรรคของทั้งสองคู่ฉะนี้แหละจ้า

fox
ไอ้ลอยไม่ฉุดค่ะคุณ fox มันมาพาไปแบบเนียนๆ เลย  อาจารย์จะทำยังไงน๊า^^ 

Loveyoujung
เนอะๆ งานวัดเนี่ยเป็นอะไรที่เราชอบมากเลยค่ะ  ทุกวันนี้ถ้ามีโอกาสเราก็ยังชอบไปเดินงานวัดอยู่นะ  ชอบกินขนมเบื้องกับถังแตกในงานวัดม๊ากมาก  แต่ระวังพวกยิงปืนยิงหนังสติ๊กนะคะ  เห็นเขียนป้ายวางไว้บนจานลูกกระสุนว่า ๑๐ บาท  ไม่ใช่จานละ ๑๐ บาทนะ  พี่แกคิดราคาลูกละ ๑๐ บาท  จานนึงมี ๑๐ ลูก  ก็ตกจานละร้อยเชียวค่ะ  (ไม่เคยโดนกับตัวนะ  เพื่อนเอามาเล่าให้ฟังน่ะค่ะ)

namngern
ขอบคุณที่สงสารพี่สิงห์นะคะ  ตอนที่แล้วทำตัวเกรียนซะจนมีแต่คนเกลียดเลย 

MIkz_hotaru
อาจารย์กับคุณชายทำสัญญาใจกันแบบเนียนๆ แล้วจ้า 

fuku
เลเวลความเกรียนของพี่สิงห์จะพุ่งแรงมากเมื่ออยู่ต่อหน้าไอ้ลอยและลูกน้องค่ะ  จะค่อยๆ เผยให้เข้าใจนะคะว่าทำไมพี่แกต้องทำแบบนั้น 

EoBen
ใช่ค่ะ  ตอนนี้ทั้งอาจารย์และคุณชายก็เหมือนจะใจตรงกันแล้วล่ะ  แต่ยังมีอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้อาจารย์ไม่กล้าแสดงความรู้สึกมากไปกว่านี้  (แต่ตอนหน้าไม่แน่ค่ะ^^)

silverphoenix
คำอธิษฐานของคุณ silverphoenix ท่าทางจะไม่ได้ผลซะแล้วค่ะ  ก็ไอ้ลอยมันตั้งท่าจะยุ่งเกี่ยวกับคุณชายให้ได้เลย  เกิดมาเพื่อเป็นตัวโกงโดยแท้
 
@BUA@
เราว่าน่ากังวลพอๆกันเลยล่ะค่ะ  เฮ้อ :เฮ้อ:

aisen
ดูท่าชายเล็กคงไม่ต้องรอนานแล้วละค่ะ ^^

PetitDragon
อาจารย์นี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเนอะ  ในที่สุดลอยมันก็พาชายเล็กไปจนได้  รีบไปช่วยเลยนะ ฮึ่!

Artemis
อ๋อ ใช่ๆๆ คุณ Artemis เขียนเรื่อง “รักนี้ต้องมีพิน” ใช่ไหมคะ  เราแอบกดเข้าไปดูด้วยล่ะ  น้องมูนน่ารักน่าเอ็นดูเนอะ  ขอบคุณที่อ่านแล้วชอบนะคะ^^

ycrazy
อุตส่าห์ฉุดกระชากลากถูเค้า  ที่แท้ก็.. ปัดโธ่เอ๊ย พี่สิงห์

sukie_moo
ไอ้ลอยนี่มันบ่อนทำลายแท้ๆ เลยค่ะ  เอาคาแรคเตอร์มาจาก “ไอ้ลอย” จากบทประพันธ์ชุดหลายชีวิตค่ะ  มันเลวได้ทั้งๆ ที่คนอื่นยังมองว่ามันเป็นคนดี  ไม่รู้มันทำได้ยังไง

pk11677
เปล่าน๊า.. พี่ไม่ได้ชอบแต่งนิยายเรียกน้ำตาเน้อ  ใจจริงก็อยากจะเขียนแบบน่ารักใสๆ  กะเค้ามั่งแหละค่ะ  แต่พอเริ่มจะเขียนทีไรมันก็ออกมาเป็นแนวนี้ทู้กที 

kunchan
๕๕๕+ ชอบแอบอ่านนิยายในเวลางานเหมือนกันเลยค่ะ  ขนาดเจ้านายจับได้แล้วก็ยังแอบอ่านอีกจนแกปล่อยวางไปแล้ว  ส่วนเรื่องชอบคู่พี่สิงห์น้องจ้อยมากกว่านี่เป็นเรื่องปกติค่ะ^^  มีคนอ่านไม่น้อยเชียวล่ะที่ชอบคู่รองมากกว่า (โดยเฉพาะอีกบอร์ดนึงที่ลงไว้)

appletokki
เดี๋ยวจะเขียนให้น้องจ้อยเมินซะให้เข็ด ๕๕๕+

yayee2
ไอ้ลอยมันหาความดีในตัวไม่ได้จริงๆเลยเนอะ  ตอนนี้ปล่อยมันลอยนวลไปก่อนค่ะ  ไม่นานกรรมต้องตามสนองมันแน่นอน

wdaisuw
เดี๋ยวจะค่อยๆ เปิดเผยให้รู้นะคะว่าทำไมพี่สิงห์ต้องยอมไอ้ลอยแบบนี้  เผื่อคะแนนนิยมจะกระเตื้องขึ้นบ้าง  (เค้าเกลียดขี้หน้าแกหมดแล้ว พี่สิงห์เอ๊ย)

Takamine
ว้าว..คู่พี่สิงห์น้องจ้อยมาแรงแซงโค้งจริงๆ  ส่วนไอ้ลอย..พวกร้ายเงียบๆ นี่น่ากลัวจริงๆแหละค่ะ  ร้ายแบบแสดงออกยังจะดีซะกว่า 

~MiKi~
ขอบคุณที่ชอบคุณชายเล็กนะคะ ^^

yagin
อาจารย์จะทนไม่ไหวแล้วจ้า  ตบะแตกแน่ตอนหน้า ๕๕๕+

kissey_love
กรี๊ดดดดด น้องปัดนี่เอง  คิดถึงจังเลยจ้า (มามะกอดกันๆ  :กอด1:– การ์ดที่น้องปัดทำให้ยังติดอยู่บนบอร์ดเหนือโต๊ะทำงานพี่อยู่เลยเน้อ^^) ตามมาอ่านถึงนี่เลย ขอบคุณมากนะจ๊ะ 

ต่ายน้อย
คนอ่านหลงรักคุณชายเล็ก  คนเขียนอย่างเราก็เป็นปลื้มค่ะ^^

jeaby@_@
ใช้คำว่าน่ารักงุงิกับอาจารย์และคุณชายแล้วมัน..น่าร๊ากกกกจังเลยค่ะ ๕๕๕+  ส่วนไอ้ลอยยังชั่วต่อจนถึงตอนหน้าจ้า 

WinterRose
ตอนที่ ๑๑ มาแล้วค่ะ  มาอัพช้าไปวันนึงขอโทษทีเน้อ  ศุกร์หน้ามาอัพต่อเหมือนเดิมค่ะ

silent_loner
แผนร้ายของไอ้ลอยยังทูบีคอนทินิว.. ติดตามต่อตอนหน้านะคะว่ามันจะทำอะไรคุณชาย

thearboo
จริงๆ อาจารย์แกก็เป็นคนหวานนะคะ (ทีตอนแรกๆ ละทำเป็นเกลียดเขา ชิ)

しろやま としんや
คนเขียนก็ SM จ้า ๕๕๕+

ลิงน้อยสุดเอ๋อ
ถ้าจะแม่นขนาดนี้  เซียมซีไม่บอกไปเลยล่ะว่าเนื้อคู่เป็นเพศเดียวกัน เย๊ย  :a5:

oaw_eang
หงึ  เจ้สองอ่ะ  :m17: (อย่า..อย่ามาทำตัวงิงุงุงิ)
คือ..ไม่ว่าจะเป็นนิยายหรือการ์ตูน หนูจะชอบนายเอกบุคลิกพิมพ์นิยม(ของสาววาย) ตัวเล็ก บอบบาง ผิวขาว เสียงเล็ก หน้าสวย อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ  นายเอกในนิยายของหนูจะอายุไม่เกิน ๒๐ อาศัยช่วงกล้ามเนื้อยังเติบโตไม่เต็มที่ ผิวยังไม่หยาบกร้านนี่แหละ แหะๆ  ก็มันให้ความรู้สึกเหมือนลูกไก่ในกำมือ น่ารักน่าทะนุถนอมดีนี่นา (ดูเป็นสาววายเพ้อฝันม้ากมากเลยเนอะ) หนูจะพยายามลดๆ เพลาๆ ความสาวของเหล่านายเอกลงก็แล้วกันนะคะ  ขอบคุณสำหรับคำติชมค่ะเจ้สอง (กราบงามๆ ^^)

mamichan
น้องจ้อยเล่นตัวเหลือเกิน  ไม่ยอมพูดดีๆ กับพี่สิงห์ซักที  พี่แกเลยต้องใช้ไม้แข็งแบบนี้แหละจ้า 

CoMa
ไอ้ลอยยังอยู่อีกนานค่ะ  ยังเป็นตัวป่วนชาวบ้านไปจนจะกว่าจะจบเรื่องนั่นละ ^^

vk_iupk
ไอ้ลอยมันจะทำอะไร  รอลุ้นตอนหน้าเลยจ้า ^^

caramel toffee
ขอบคุณที่ตามมาเชียร์ที่เล้าด้วยนะคะ  หวังว่าอาจารย์จะไม่ปล่อยให้คุณชายรอนานเนอะ

ฟิชโช่
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้จ้า (กอดกันๆ :กอด1:) ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ^^

รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้
๑๑ ก.พ. ๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 11-02-2012 17:47:34
ไอ้ลอย! :fire:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 11-02-2012 17:54:13
อะไรกันนี่ ตอนนี้ พี่สิงห์น้องลอย ยังงมโข่งกันอยู่เลย

ส่วนคุณครูเปิดใจให้น้องเล็กเต็มที่แล้ว แต่อิลอยมาทำอย่างงี้

ได้ไงนะ ไม่ยอมๆๆๆ 

+1 ให้คุณดอกไม้ แล้วจ๊ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 11-02-2012 18:01:33
ไม่ไหวแล้ว อ่านตอนนี้แล้วใจไม่ดีเลย
T^T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 11-02-2012 18:02:31
นายลอย อย่าทำอะไรคุณชายนะ สงสารอะ แค่จ้อยก้อเศร้าจะแย่ :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 11-02-2012 18:04:36
ง่ะ ทำไมมาบอน์ดนี้ก่อน

แบบว่า อ้ายสิงห์ T T  :o12:  แรกๆอ่านมีความสุข ขยุกขยิกหัวใจ หอมแก้มจับแก้ม พี่สิงห์ตอนเด็กแทนตัวเองว่าหนูด้วย น่ารัก  :-[
แต่ตอนที่จ้อยจัดป๊าบน้ำอัดลมเลือดออกเนี่ย จ้อย ใจร้ายมากอ่ะ ...มองพี่สิงห์ให้ชัดหน่อยสิ มองให้ลึกหน่อย  :m16: ชักโกรธน้องจ้อยแล้ว...

ส่วนนายลอย.... :fire: อีโมนี้เหมาะมากกก ไม่ไหว ๆ คุณชายเอ๊ย จะรอดมือนายลอยไหม ใครจะมาช่วย แต่คิดว่าไม่ใช่คนึงแน่...สาธุ คุณชายอย่าดื่มเหล้าแล้วใช้ศอกฟันคอนายลอยให้สงบแล้วจิ๊กรถเครือ่งขี่กลับมาเลย

แม่ยกอ้ายสิงห์  :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 11-02-2012 18:06:38
ไอ้ลอย ไปเปลี่ยนชื่อเป็นไอ้เลวดีกว่า เฮอะ!! :m16:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 11-02-2012 18:09:35
ปวดใจคู่สิงห์  :serius2: กับ น้องจ้อยมาก อ่านเรื่องราวย้อนอดีตของน้องจ้อยทีไร เสียน้ำตาทุกที :z3:

รันทดแท้พ่อคุณเอ๊ย แถมยังมองไม่เห็นทางที่ทั้งคู่จะมาบรรจบกันได้อีก :monkeysad:

ยิ่งกว่าเส้นขนาน เหมือนเส้นสองเส้นที่แยกไปคนละทาง คนละโลกเลย  :m15:

แล้วคุณชายยังมาตกหลุมไอ้คนชั่วอีก  :angry2:

โดนคนเขียนวางระเบิด  :serius2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: WinterRose ที่ 11-02-2012 18:11:13
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด ขอหยาบหน่อยเถอะ ไอ้ลอย!! :3125:
ไอ้เลว!! อยากให้เขารักเขาชอบก็จีบดีๆสิโว้ย ไม่ใช่ทำแบบนี้! T^T
ครูขา ครูรีบมานะ ครูช่วยคุณเล็กด้วย ฮือออออ
ทั้งๆที่คู่นี้มีท่านี้จะหวานเยิ้มแล้วเชียว
อย่าให้ไอ้บ้าลอยมันทำอะไรคุณเล็กได้นะคะ  :monkeysad:

ส่วนเจ้าสิงห์เองก็ถึงกับเสียน้ำตา เลิกเถอะพ่อคุณ นิสัยนักเลง
เอะอะชกเอะอะต่อยแบบนี้ เห็นมั้ยว่ามันทำน้องไม่ไว้ใจ
กลุ่มก๊กที่มีนี่ก็เลิกไปเลย ไล่ไปให้หมด มีไว้ก้หนักอกหนักใจ
ใจนึงก็สงสาร เราก็เข้าใจเจ้าสิงห์นะว่าพอขึ้นหลังเสือแล้วมันลงยาก
ยิ่งจ้อยเองเราก็ยิ่งเข้าใจ เรื่องราววัยเด็กมันเทียบไม่ได้เลยกับที่เกือบโดนกระทำวันนั้น
ทำไมทุกคนต้องไม่เข้าใจกันด้วยนะ ฮืออ เราดราม่า T0T

คุณดอกไม้ใจร้ายที่สุดเลย
..ให้เรารอตั้งอาทิตย์นึงแน่ะ
โฮฮฮฮ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 11-02-2012 18:14:32
ย๊ากกกกก อยากจับอิลอยหักคอ
 :fire:
โธ่ จ้อย เปิดใจให้สิงห์หน่อยเหอะ คนอ่านปวดใจจะแย่แร้ววววว
 :m15:
โอ้ว ขอกอดคนเขียนหน่อย จุ๊บๆๆๆ
 :man1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 11-02-2012 18:20:11
 :angry2:โอ๊ย ไอ้ลอยนี่มันเลวไม่เปลี่ยน คุณชายเล็กเค้าสูงส่งแกยังจะพยายามเนอะ
แล้วจะทำสำเร็จไม่เนี่ย ห่วงคุณชายเล็ก ๆ มาก ยิ่งใสซื่ออยู่ด้วย แล้วตั้งแต่ละพยศนี่แบบน่ารักมาก
ครูคนึงมาเร็ว ๆ น้า...แล้วพายเรือ ขี่จักรยาน จะตามมอไซด์ทันมั้ย ห่วงๆๆๆ

โถ น้องจ้อยกับพี่สิงห์ อันนี้รันทดของจริง เมื่อไรจะเข้าใจกันล่ะหนอ ที่จริงพี่สิงห์ก็พยายามเยอะนะ
แต่ทิฐิในใจน้องจ้อยก็สูงมาก เฮ้อ ทำไงดีจะเข้าใจกัน คู่นี้ก็น่าลุ้นมากมาย ตอนนี้พี่สิงห์อย่างน่วมอ่ะ
สงสาร TT

ขอบคุณค่ะ...รักมหาหงส์มากมาย...(แต่เพิ่งโผล่มาตอน 10 เป็นนิวเมมเบอร์ค่า แฮ่ๆ~~)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 11-02-2012 18:40:30
อย่านะลอย


อย่าทำอะไรคุณชายเล็กของฉันนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kunchan ที่ 11-02-2012 18:50:40
คนเขียนอย่าให้ไอ้ลอยทำอะไรคุณเล็กน้า
ปวดใจอ่ะค่ะ ขอร้องละค่ะ รับไม่ด้ายยยย นายเอยไม่ซิงค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 11-02-2012 19:43:40
มาเจอในเล้าก็เลยอ่านในเล้าซะเลย...แล้วเดี๋ยวกลับไปอ่านอีกรอบในเด็กดี.....
ทำไม?...ทำไม?...สิงห์ถึงน่าสงสารจังเลย(หลังจากไม่ชอบขี้หน้ามาก่อน)........
เอ๊า...รีบทำให้จ้อยเห็นความดีซะนะน้องสิงห์เอ๋ย........
อย่าให้ปวดหัวใจไปมากกว่านี้เลยท่าน.......ถ้าชายเล็กเป็นไร...ข้าพเจ้าอกแตกตายแน่เลย............ :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: meiji ที่ 11-02-2012 20:57:17
อ่านเรื่องจ้อยกับสิงห์ทีไร น้ำตาไหลทุกที คราวนี้ ไหลสองรอบด้วย ทั้งตอนย้อนอดีต กับตอนปาขวด โอยยย ปวดใจ
ช่วยทำให้จ้อยเห็นใจจริงของสิงห์ทีเหอะ ไม่ไหวเเล้วค่าาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 11-02-2012 20:59:04
แสนสงสารพ่อสิงห์เหลือเอิน... 

ปากไม่ตรงกับใจมากๆผลออกมาก็แบบนี้แหล่ะจ้ะ  จ้อยน้อยเขาเลยไม่เชื่อใจ
ฮือๆๆ  แต่ยังไงก็สงสารสิงห์จัง  T^T 

ด้านคุณชายคนงาม  อาจารย์ก็รีบตามเข้านะ 
อย่าให้ไอ้ลอยมันได้มีโอกาสแตะคุณชายแม้แต่ปลายเล็บเชียว  เฮอะ

+1 ให้จ้ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-02-2012 20:59:34
ใจง่ายเชื่อคนง่ายเหลือเกิน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 11-02-2012 21:10:47
ตอนนี้แอบสงสารสิงห์นะ แต่สะใจเล็กๆ
ตอนหน้าทายว่าใครสักคนจะมาช่วยคุณชายเล็กทัน แต่อาจโดนลวนลามไปบ้างแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 11-02-2012 21:52:26
สิงห์น่าสงสารนะ คือเหมือนอยากเป็นที่ยอมรับเลยต้องทำตัวเถื่อนทั้งๆที่เป็นคนดี รักน้องจ้อย แอบฮาตอนพาไปนั่งชิงช้า ไอ้เราก็นึกว่าจะจับน้องจ้อยทำเมีย 555

จ้อยต้องเคยเข้าใจผิดอะไรอะป่าว เลยเกลียดพี่สิงห์ขนาดนี้ ใจแข็งมาก

ส่วนอีกคู่ มีเจ้าลอยมาเป็นมารผจญจริงๆ ขอให้อ.คนึงมาช่วยทันนะคะ

รักเรื่องนี้มาก รอวันศุกร์ค่ะ เป็นกำลังใจให้เสมอ

เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 11-02-2012 21:59:32
ลุ้นตอนต่อไปจนตัวโก่ง ไอ้ลอยจะทำอะไรคุณชายน้อ :a3:

ปล.ชอบคาแรกเตอร์ไอ้ลอยอ่ะ เท่ห์ดี แมนดี :impress2: แต่ไม่ชอบนิสัย
ปล๒.ขออย่าให้ไอ้ลอยเลวถึงขั้นไอ้ยูสูเกะนะคะพี่จี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MinKKniM ที่ 11-02-2012 22:17:15
ไอ้เลว เอ้ย ไอ้ลอยอย่าทำอะไรคุณชายเล็กของเค้านะ ใครก้อได้มาช่วยคุณชายให้ได้นะอย่าให้เป็นอะไรเลย T^T

เข้าใจจ้อยนะว่าคงจะแค้นสิงห์มาก แต่บางทีการที่จ้อยไม่รับฟังอะไรเลย ก็ทำให้สงสารสิงห์เหมือนกันนะ

+1นะคะ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mamichan ที่ 11-02-2012 22:24:12
แอบร้องไห้ตามพี่สิงห์ TT  เป็นกำลังใจให้น้องจ้อยเห็นใจจริงพี่สิงห์นะจ๊ะ

น้องจ้อยจะเห็นนาฬิกามั้ยน๊าาาา :เฮ้อ:  เชียร์พี่สิงห์สู้ ๆ

ส่วนอีกคู่......เซียมซีเชี่ยลอยจะเป็นจริงมั้ยอ่ะ  แอบกลัววววววว 
คราวก่อนก็น้องจ้อยแระ  คราวนี้คุณชายจะเป็นไงเนี่ยยยยยยย  ครูคนึงรีบ ๆ ตามหาให้เจอนะ


คนแต่งก็รีบ ๆ มาด้วยนะ  อิอิ :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: izanagi ที่ 11-02-2012 22:49:05
เห็นใจพี่สิงห์ จริงๆถ้าพูดไปเลยว่าขอโทษจ้อยเรื่องที่ผ่านมาคงจะยอมฟังมากกว่านี้หรืเปล่า
โดนจ้อยด่าขนาดนั้น เจ็บปวดแทน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ChigoRita ที่ 11-02-2012 22:51:12
 :a5: ไม่น้าาาาา ไอ้ลอย !!!!

อ่านไปก็ยิ้มไปกับความน่ารักของพี่สิงห์ค่ะ (มันน่ารักตรงไหน)

เมื่อไรน้องจ้อยจะเข้าใจพี่สิงห์ละเนี่ย ไปฟาดหัวเขาซะแบบนั้น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pk11677 ที่ 11-02-2012 23:56:16
 :angry2:กรี้ดเอานายลอยไปเก็บที่!! แล้วคุณเล็กฉันจะเป็นยังไงละที่นี้ ม่ายยยยย!!! :m31:
โอ๊ยอ่านแล้วสงสารนายสิงห์ที่สุด ปล่อยเขาไปรักกันเถอะพี่จี้
นี้ขนานน้ำจิ้มตอนแรกๆยังเศร้าเลยต่อไปนายสิงห์จะทำยังไงเนี่ย
รักเขามากแต่ก็พูดออกไปไม่ได้ อยากเป็นคนดีแต่ดันมีกรรม(ไอ้ลอย)มาบัง
สันดานดีแต่คบเพื่อนเลว โธ่ถังสิงห์ผู้น่าสงสาร ทำไม๊ ทำไมถึงเป็นงั้นไปรออ่านตอนต่อไปอยากรู้ความหลัง ของสิงห์กะจ้อยจัง
เชียร์คู่นี้!!  แต่เชียร์นักเขียนมากกว่า รีบมาอัฟนะค่ะ เป็นกำลังใจให้พร้อมเตียมชิทซู่อ่านของพี่ต้องร้องทุกที่อ่ะ
ขนานอ่านของมินามิ อ่านมันสิบกว่ารอบก็ร้องมันทุกรอบ พี่แต่งนิยายบรรยายความรู้สึกได้เก่งมากบีบอารมณ์สุดยอด o13
 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: หัดดิน เอ้ยหัดกิน ที่ 12-02-2012 00:23:05
นายลอยนี่ นับวันจะยิ่งฉายแววความเลวมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำกะจ้อยไว้รอบนึงจนนายสิงห์ของเราซวยไปแล้ว
อย่ามาทำอะไรนายเลอมานกะอาจารย์คนึงอีกเลยเหอะ

 :กอด1: คนแต่งด้วยครับ
ตั้งตารอนิยายดีๆ เสมอ ^^  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 12-02-2012 00:31:53
ไอ่ลอย...นึกแล้วเชียว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 12-02-2012 01:06:04
ใช่ๆ เราเคยโดนนะ นานมากแล้ว เลยไม่กล้าไปยิงปืนอีกเรยอะ
คือมันคงไม่เหมือนแต่ก่อนที่คนรุ่นเก่าๆ เค้าไปแล้วไม่เจออะไรอย่างนี้
ตอนนี้อ่านแล้วสงสารสิงห์มาก อ่านแล้วขัดใจจ้อยอย่างแรง จะฟังอะไรบ้างก็ไม่ได้
ไม่รู้สิ อาจจะโดนอะไรมาเยอะ แต่ว่าแบบนี้มันก็...แรงเกินไปนะ
เฮ้ออออออ เรามันคงขี้สงสารซะด้วย
ชอบรูปภาพประกอบชิงช้าสวรรค์นะคะ สวยมากกกก สีสวยได้บรรยากาศสุดๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: blackyoyo ที่ 12-02-2012 01:28:28
นายคนนี้นิ  :z6:
 
จะทำอะไรคุณเล็กกันฮะ :angry2:  อาจารย์ต้องมาช่วยให้ทันให้ได้นะ

ส่วนน้องจ้อย  :เฮ้อ: พ่อสิงห์ก็นะ ไม่รู้จะทำยังไงให้กระจ่างใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 12-02-2012 03:45:34
น้ำตาหยดแหมะๆ
สงสารพี่สิงห์  :monkeysad:
ถึงมันจะเกรียนแต่มันก็รักนะ
จ้อยไม่เข้าใจพี่เลย ฮืออออออ
เมื่อไหร่คู่นี้จะลงเอยกันได้สักที
ไม่มีวี่แววเลย น้องจ้อยยิ่งเกลียดพี่เข้าไปใหญ่

คู่ครูเหมือนจะไปได้สวยแล้ว (ถ้าไม่มีไอ้ลอยมันขัด  :z6: )
จะทำอะไรคุณชายน่ะ!!
ขอให้อาจารย์ไปทัน ขอให้คุณชายรอดพ้นด้วยเถิด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 12-02-2012 07:09:31
สงสารพี่สิงห์เหลือเกิน  ร้องไห้ตามเลยอ่ะ :sad4:
รักจ้อยขนาดนี้ แต่ก็พูดออกไปไม่ได้
กำแพงหัวใจจ้อยสูงจริงๆ

แต่ที่เซ็งกว่าคือ ไอ้ลอย มันนี่สิเลวของแท้ :angry2:
ขอให้อาจารย์คนึงมาช่วยทันด้วยนะคะ :call:



หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 12-02-2012 09:29:37
พออ่านถึง “รอครูอยู่นี่นะ  แล้วครูจะรีบกลับมารับ” ....จะโดนไอ้ลอยทำอะไรรึเปล่าววะ  !!

ขอค้างไว้อ่านต่อตอนหน้านะ....กลัวประโยคในเซียมซีที่ว่าจะได้เชยชื่นชมสมประสงค์อ่ะ  :sad4:

สงสารสิงห์อย่างแรง....คนแต่งใจร้ายกับสิงห์จัง :dont2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 12-02-2012 12:31:58
ไอ้ลอยทำเรื่องอีกแล้ว, ช่างไม่ต่างจาก "ไอ้ลอย" ในหนังสือ "หลายชีวิต" ของคุณหม่อมเลย. หวังว่าครั้งนี้คงมีใครมาช่วยคุณชายทันนะคะ. เข้าใจความรู้สึกของคุณชายเลยนะ ก็คนมันพลัดถิ่นมาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ไม่คุ้นที่ ไม่คุ้นคน ไหนเลยจะกล้าอยู่คนเดียว เห็นใครพอจะเป็นที่พึ่งได้ ก็ไม่รอช้าจะเข้าหา. ไอ้ลอยมันคงรู้ถึงข้อนี้ดีแหละ จึงได้ใช้เป็น advantage ของตน เรียกได้ว่าผู้ชายคนนี้ทั้งเจ้าเล่ห์ ทั้งชั่วช้า และมัวเมาในกามจริงๆ

ส่วนพี่สิงห์พระเอกของดิฉัน ไม่รู้จะสงสารหรือหมั่นไส้ดี. รักเขาก็รักไปเถิด แต่ทำไมต้องใจร้อนบุ่มบ่ามด้วยก็ไม่รู้. เลือดร้อนก็เขาอีกนั่นแหละ. อย่างนี้น้องจ้อยมันจะไปรับรู้ความรู้สึกได้อย่างไร.

อ่านตอนนั่งชิงช้าสวรรค์แล้วสนุกดี. เรื่องราวในอดีตก็ดูหวานจ๋อยเชียว. อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายความสัมพันธ์ในอดีตอันงดงาม แต่แม้จะอยากให้มันกลับมาเป็นเช่นเดิม ก็คงยากแล้วละซีเนอะ. ได้แต่หวังว่าพี่สิงห์จะใช้ความเป็นนักเลงลูกผู้ชายสร้างความสัมพันธ์อันใหม่ขึ้นมา.

และสิ่งที่เคยสงสัยมาโดยตลอดก็คือว่า พี่สิงห์เคยทำอะไรน้องจ้อยไว้เมื่อ ๗ ปีก่อนหรือ เหตุใดน้องจ้อยจึงได้จงเกลียดจงชังพี่นักหนา ถึงขนาดขอองค์พระให้เกิดชาติหน้าอย่าได้เจอะเจอกันอีก. มันต้องเป็นอะไรที่โหดร้ายมากๆ แน่.

ตายแล้ว. ดิฉันชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะคุณดอกไม้ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้เม้นท์ตอนก่อนหน้านี้ เพราะว่าเรื่องนี้มันเต็มไปด้วยชีวิต และข้อคิดกับเกร็ดความรู้มากมาย ดิฉันเลยต้องละเลียดอ่านทีละน้อย อ่านเพื่อซึมซาบ มิใช่อ่านเพียงเพื่อเอาความ. ค่อยๆ อ่านไปทีละตัวอักษร รับรสภาษาให้ซาบซ่าน (แอร๊ย ชักจะเว่อร์ หึหึ) เอาเป็นว่าอ่านแล้วได้ความรู้หลายเรื่อง อย่างเช่นเรื่องธนบัตรสีน้ำเงิน อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นแบงค์อะไร แต่ดิฉันก็รีบเข้าลุงเกิ้ล แล้วได้รับข้อมูลเกี่ยวกับธนบัตรในสมัยก่อนมาเยอะเลยค่ะ (แม้จะไม่แน่ใจว่าใช่ธนบัตรแบบเดียวกันกับที่กล่าวไว้ในนิยายเรื่องนี้หรือไม่ แต่ก็ได้ความรู้พอกัน) อีกอย่างหนึ่ง, ภาษาของคุณดอกไม้ทำให้ดิฉันต้องรีบไปหยิบหนังสือของครูอาจินต์ ที่มีในชั้นมาอ่าน ทั้งเรื่องเหมืองแร่ก็ดี เรื่องเจ้าพ่อเจ้าเมืองก็ดี เป็นเรื่องที่กล่าวถึงวิถีชีวิตของผู้คนในชนบท และเรื่องมหาหงส์ก็เป็นเช่นนั้นด้วย.  :กอด1:

ปล. กดบวก ๑ ให้แล้วนะคะ (๕๕ + ๑ = ๕๖)

ปปล. หวังว่าตอนต่อไปคงหวานรับวาเลนไทน์ส์นะคะ.
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 12-02-2012 14:43:10
โอ้ คุณชายเล็ก

แย่แล้วละ

อาจารย์หายไปไหนนน

มาเร็วๆเด้ออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 12-02-2012 15:09:28
สงสารสิงห์!!!!!!  แต่อย่างว่านะ  คนมันแย่ทำอะไรก็ผิดไปหมด  หวังว่าสิงห์จะกลับตัวได้และสมหวังบ้างนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 12-02-2012 15:18:52
สมกับชื่อตอน  :serius2:

คอยดูนะคะคนแต่ง ถ้าคุณเล็กเป็นอะไรไปนะ
เราจะ

จะ...

จะ.....

จะ.......

จะ.........




จะร้องไห้ให้ดูเลย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 12-02-2012 17:59:46
ไอ้ลอยยยยยย เอ็งอีกแล้วรึ เลวมากกกกกกก :m31:  :m31:
คราวที่แล้วก็จ้อย คราวนี้เล่นคุณชายเลย
ครูคนึงรีบกลับมาด่วน!!  :z6:
ส่วนคู่พี่สิงห์น้องจ้อยนี่สงสารสิงห์มาก  :m15:
คือจำทุกๆอย่างของจ้อยไดัหมดเลย
พามาขึ้นชิงช้าสวรรค์ แถมยังจะให้นาฬิกาขอมืออีก
แม้จะพยายามทำดีด้วยเท่าไรแต่ก็ไม่เป็นผล
แต่ก็ไม่น่าไปต่อยครูคนึงเลย ทำให้จ้อยเกลียดกว่าเดิมอีก
+1 กับการลุ้นตอนหน้าจนตัวโก่ง!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 12-02-2012 19:10:46
สงสารสิงห์จับใจ เข้าใจความรู้สึกเลย โดนเหยียบซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะแสดงออกไม่เป็น :z6:
ฝังคุณชายก็งานเข้าแล้ว ถ้าบทพลิกแบบ คุณชายโดนนายลอยปล้ำแล้วก็รักกัน เหมือนละครหลังข่าว จะเป็นยังไงหว่า ๕๕ คิดไปได้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kissey_love ที่ 12-02-2012 19:28:16
นายลอยจ๊ะ.....  o18

เมื่อไหร่เอ็งจะเลิกคิดชั่วๆสักที!! แมะ..

แบบว่าตอนนี้มีแต่คู่สิงห์จ้อยแหะ แอบอยากอ่านคู่เมน 55

แต่แอบสงสารสิงห์อ่ะ  :เฮ้อ: ต้องรอให้จ้อยหายซึน(?) อยากรู้เหมือนกันว่า "รอยร้าว" มันมาจากอะไร :((

---------------------------
พี่จี้  :really2:

เอิ๊กอ๊าก แม่นแล้วค้าาาา ปัดเอง กอดๆ :กอด1: 

ดีใจจังที่ยังเก็บไว้อยู่ พูดไปพูดมานี่ปัดจะจบม.6แล้วนะ 55 มองดูเหมือนนาน แต่ก็แอบใจหายที่นิยาย(วาย)เรื่องแรก จบไปแล้ว ;(

แต่ก็ดีใจที่ในที่สุดก็ลงเอยกันด้วยดี จะซื้อเก็บแน่นอนค่ะ :D

พี่จี้เองก็สบายดีนะคะ? ^^
------------------------------------------------

อยากให้ถึงวันศุกร์เร็วๆจังงงง งี๊ดๆ  :m15:

รักพี่จี้นะค้า<3
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 12-02-2012 19:55:27
อ่านตอนนี้แล้วสงสารสิงห์ที่สุด ตัวเองพยายามทำดีกับจ้อยให้เหมือนเดิมเเต่เพราะคำว่าจิ๊กโก๋กับลูกน้องมันค้ำหัวเลยต้องเเสดงกริยาให้ลูกน้องเคารพ ขืนไปอ้อดอ้อนคนอื่นเดี๋ยวลูกน้องจะมองไม่ดี ยิ่งเป็นจ้อยที่เป็นผู้ชายด้วย ยิ่งเเย่เข้าไปใหญ่ ดูจ้อยเองจะไม่เหลือเยื่อใยให้สิงห์เลยนะ ใจเเข็งมากเเถมตอนนี้ด่าได้หยาบที่สุดเท่าที่อ่านมาทั้งเรื่อง และสุดท้ายยยลอยยยยย แกจะทำอะไร เลอมานนนนน แห่ๆๆๆๆ ข่มขู่สุดฤทธิ์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 12-02-2012 19:59:29
โถ...พ่อสิงห์ สงสารพ่อนะ แต่ภาพของพ่อในใจจ้อยมึนเบี้ยวๆบูดๆมืดๆดำๆนี่เนาะ
ทำยังไงดี ใครจะไปลบภาพนั้นแล้ววาดภาพสิงห์ขึ้นใหม่แบบสวยงามในใจจ้อยล่ะ
นอกจากสิงห์เอง
 ไอ้ลอย...ไอ้คนเลว
ขอเหอะนะ ขออย่าให้ไอ้คนเลวมันมาสัมผัสคุณชายได้นะ แม้ปลายเล็บก็ไม่ให้นะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 12-02-2012 20:00:54
คู่สิงห์จ้อยนี่....โอยยยย เจ็บแทนสิงห์ อึดอัดๆๆ  :z3:
ส่วนไอลอย แกจะทำอะไรเลอมานห๊ะ !!!!  :z10:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 12-02-2012 21:09:15
นายลอยอีกแล้ว  :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: appletokki ที่ 12-02-2012 21:11:19
โอ้ยยย!ตอนนี้ทำเราร้อนใจอยากอ่านต่อไม่ไหวแล้ว
อาจารย์คนึงจะมาช่วยชายเล็กทันมั้ย กว่าจะพายเรือมาถึงอยากจะซื้อเทอร์โบมาติดเรือให้จริงๆ

ตอนที่แล้วอยากเขกกะโหลกสิงห์แต่ตอนนี้ชักสงสาร โธ่!ปานนี้ช้ำใจตายโดนจ้อยฟาดกบาล :serius2:
คราวที่แล้วไม่น่าบอกเลยว่าอยากฟาดกบาลสิงห์คนเขียนจัดให้ซะได้เลือด55

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: iGiG ที่ 13-02-2012 00:35:10
T - T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yagin ที่ 13-02-2012 01:21:56
อัยย่ะ  แบบว่าลุ้นอ่ะ แต่อีกใจนึงเราก็ชอบ ไอ้ลอย นิดนึงอ่ะ 555+

แบบว่าคือว่า  ไม่รุอ่ะ  นิสัยเจ้าเล่ห์นิดๆเจ้าชู้ถึงเนื้อถึงตัวดี 555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 13-02-2012 12:10:09
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยๆๆๆ

ชักห่วงๆ คุณชายเล็กแล้วสิเนี่ย


นายสิงห์ก็ไม่รู้จักใช้คำพูด ท่าทางดีๆกับจ้อย
โอ๊ย ขัดจริงจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 13-02-2012 13:03:17
ไอ้ลอยเลวมาก
เอามันไปเก็บที  :beat: :z6:

อาจารย์จะตามมาช่วยทันชิมิ
อย่าบอกนะว่า จินดาตายเพราะไอ้ลอย
เดาเรื่องมั่วได้อีก T^T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: BossoM ที่ 13-02-2012 15:31:59
ขอด่าไอ้ลอยก่อน

ไอ้ชั่วช้าสามานย์เลวระย่ำ อย่าคิดนะว่าจะทำอะไรเล็กได้ จารย์คนึงจะไปเด็ดหัวมึ๊งงงง  :angry2: :angry2:


สงสารพี่สิงห์ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไมๆๆ   :serius2: :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 13-02-2012 20:21:00
สามคำให้อีลอย(อีกแล้ว) >>>ฉัน ไม่ ให้! (ชายเล็ก)  :z6:
สามคำให้อาจารย์คนึง>>>มา สิ  ว้อย  :z3:
สามคำให้ตัวเอง>>>ลุ้น ตับ แตก   :z10:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 13-02-2012 21:09:07
ไอ้ลอยนี่เลวจริงๆ คุณชายเล็กอย่าเป็นอะไรนะ
พี่สิงห์ก็ปากหนักไปได้บอกไปเลยว่ารู้สึกยังไงกับจ้อย
มัวแต่แกล้งอย่างงี้จ้อยก็เกลียดสิ สมควรแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBlooDDy_KilleR ที่ 13-02-2012 23:55:13
ขอบคุณมากครับ


// ก็สมควรที่จ้อยจะโกรธละครับ ก็สิงห์เล่นไปต่อยครูของจ้อยก่อนนี่นา... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 15-02-2012 11:53:52
จ้อยใจร้ายเบาๆ เหมือนบางทีก็มองแค่ตัวเอง
เราว่าที่สิงห์ทำก็ค่อนข้างชัดเจนในระดับหนึ่งนะ แค่เปิดใจมองทำไมจะไม่เห็น

ส่วนพ่อเล็ก อย่าเป็นอะไรไปนะ ครูคนึงต้องมาช่วยทันซิ

Ps. loy! go to hell!!!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 15-02-2012 15:54:04
ครูทำไมครูถึงกล้าทิ้งเล็กไว้คนเดียวล่ะ!!!
โอ๊ยจะบ้าตายเป็นห่วงเล็กอ่ะ ไอ้ชั่วลอยห้ามทำอะไรเล็กนะ :m31:
แล้วใครจะไปช่วยเล็กได้ทันล่ะเนี่ย ครูรีบพายเรือจ้วงๆเลยนะ T_T
แล้วแล้วอินมากอ่ะพออินมากแล้วก็เลยค้างมากกกกกกก อร๊ากกกกกกกกกกกกกก :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 17-02-2012 22:10:02
มารอช่วยคุณเล็กค่า ห้ามใครทำอะไรน้า  :serius2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ares_jum ที่ 18-02-2012 09:15:57
เมื่อไหร่จะมาต่อ ฮือ ฮือ

ใจจะขาดอยู่แล้ววววววววว โอย ลุ้นๆ

 :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 18-02-2012 10:13:42
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 18-02-2012 14:20:51
โอ้ย ดราม่าทุกตอนเลยค่ะ แต่ชอบมาก ๆ เลยอะ ชอบพล็อตเรื่อง โครงเรื่อง ภาษาที่ใช้ สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: WinterRose ที่ 18-02-2012 15:50:30
เข้ามารอคุณดอกไม้ ครบอาทิตย์รึยังหว่า?
ไม่รู้อ่า แต่คิดถึงคุณดอกไม้แย้ว lol
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Phantom ที่ 18-02-2012 16:35:09

ลุ้นคุณชายมาตลอดทั้งอาทิตย์  :เฮ้อ:
ดูละครลำน้ำอัมพวา (ช่อง 3) เห็นงานวัด ชิงช้าสวรรค์ ชวนให้นึกถึงนิยายเรื่องนี้จริง ๆ

ถ้าอาจารย์คนึงเจอตัวคุณชายแบบไม่บุบสลาย
คงต้องทำโทษยกใหญ่ล่ะ ที่ว่ารับปากจะรอ แต่เอาเข้าจริงก็ไขว้เขวจนได้
จะนำภัยมาถึงตัวหรือเปล่าเนี่ย
 :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๑ : เพชฌฆาตใจ [๑๑/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ka~O ที่ 18-02-2012 16:51:17
รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 18-02-2012 19:25:18
(http://img38.picoodle.com/i52i/wattanan/0_dea_ucmz8.jpg)

บทที่ ๑๒

ยูงกระสันเมฆ


นกยูงกระสันหมายมั่นเมฆฝนมา
แหงนมองจ้องฟ้าทุกวัน
เพราะรักจะชมสมเสก  หมายรักถึงเมฆเทียวนั่น
เจ้าใฝ่กระสันผิดชั้นกันไกล

นกยูงกระสันหมายมั่นผสมพันธุ์
เหมือนเรียมกระสันขวัญใจ*



   
สิงห์ไม่แน่ใจว่าเขาพาหัวใจชอกช้ำซมซานกลับมาถึงบ้านได้อย่างไร  ในสมองลางเลือนจำได้เพียงว่าเขาขี่รถเครื่องไถลลงข้างทางหนหนึ่ง  ทิ้งร่างนอนหงายกลางผืนหญ้าอย่างไม่ไยดี  ตาพร่าจนหมู่ดาวที่เห็นบนฟ้าตรงหน้าลางเลือน  เลือดรินช้าลงแต่ยังปล่อยกลิ่นคาวซ่านเข้าโพรงจมูก  นอนนิ่งอยู่เช่นนั้นนานเท่าไรไม่รู้  ก่อนตัดสินใจลุกขึ้นพาตัวเองกลับบ้านในที่สุด

บ้าน.. ที่ไม่เคยอยากกลับ

“มาแล้วเรอะไอ้ลูกชั่ว!” นั่นไง.. แค่เลี้ยวรถเข้าเขตเรือนไทยไม้สักหลังงาม  พ่อก็ให้พรมาแต่ไกล

“มึงไปก่อเรื่องอะไรอีก!” กำนันเสริมยืนถมึงทึงอยู่หัวบันได  ในมือมีไม้ตะพดคู่กาย  สิงห์จอดรถใต้ถุนเรือน  เดินขึ้นบันไดผ่านหน้าพ่อไปไม่ทักไม่ทายสักคำ 

กำนันหนวดกระดิก  หันกลับมาคว้าแขนกำยำไว้ได้ทันก่อนไอ้ลูกตัวดีจะเดินพ้นชานเรือน  สิงห์สะบัดหนี  พ่อยิ่งโกรธจนเอาตะพดชี้หน้า

“มีคนบอกว่ามึงไปยิงปืนในวัด  งานวัดงานบุญก็ไม่เว้น  ระวังนรกจะกินหัวมึง!”

ลูกชายขบกรามกรอด  แผลที่หน้าผากเลือดอาบแดงฉานอยู่ทนโท่  พ่อมอง..แต่ไม่เห็น.. ในสายตาพ่อเห็นแต่ความเลวระยำ  เห็นแต่ความโง่  เห็นแต่ความไม่ได้ดั่งใจ 

“ไอ้ลูกไม่รักดี!” มือใหญ่ตบเข้าบ้องหูจังๆ  โลกแทบสะเทือน “เมื่อไรจะหยุดสร้างปัญหาให้กู!”

“พี่เสริม! จะตีลูกให้ได้อะไรขึ้นมา!” คุณนายพูนทรัพย์วิ่งถลาออกมาในชุดนอนกรุยกราย  โรลม้วนผมเต็มหัว  ทันทีที่เห็นแผลบนหน้าผากลูกชาย  คุณนายก็ร้องเสียงหลง “ตายแล้วตาสิงห์  เจ็บไหมลูก!” 

“นี่ก็อีกคน  ตามใจกันเข้าไป  โอ๋มันจนเสียคนหมดแล้ว”

“ทำไมทำอย่างนี้ล่ะลูก  หือ”

รำคาญ.. น่ารำคาญ.. ทั้งเสียงด่าทอของพ่อ  และความเอาใจใส่เกินไปจนเหมือนเขาเป็นเด็กน้อยของแม่  ร่างสูงใหญ่เดินหนีขึ้นพาไล  กระแทกเท้าตึงตัง  กระชากนมประตูปิดดังสนั่นอย่างไม่ออมแรง  ทิ้งตัวลงบนตั่งเตียงไม้สัก  ถึงกระนั้น..เสียงน่ารำคาญก็ยังเล็ดรอด  จนต้องเอาหมอนอุดหู 

“เวรกรรมอะไรของกูถึงได้มีลูกชั่วๆ อย่างมึง”
“เด็กผู้ชายมันก็ยังงี้ล่ะน่ะ!”
“เรอะ! ตาเสมก็ลูกชายยังได้ดิบได้ดีเป็นตำรวจ  ยัยแสงเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังขวนขวายไปเรียนตัดเสื้อ  มีใครเขาเลวเหมือนมันบ้าง  ไม่รู้ไปเอาเชื้อมาจากใคร”
“เอ๊ะ! พี่กำนันว่าฉันเรอะ”
“ก็ใครล่ะตามใจมันจนเป็นแบบนี้  คอยดูเถอะ สักวันมันจะกลายเป็นเสือเป็นโจร!”
   
มีแต่เสียงและเสียง  ผลัดกันเข้ามาหมุนวนในความรับรู้  เจาะไชเหมือนสว่าน  ชอนแทรกจนอยากลุกขึ้นอ้วกให้หมด  สำรอกเอาชีวิตออกไป  ตายโหงตายห่าให้มันจบๆเสียที

“สิงห์ น้าเอง น้าเข้าไปนะ” น้าเวก ผัวน้าแป้นเคาะบานประตูสองสามทีก่อนถือวิสาสะเข้ามาในห้อง  หิ้วกล่องยาและอ่างเคลือบใส่น้ำมาด้วย 

สิงห์แทบไม่รู้ตัวยามมือหยาบแตะแผลที่หน้าผาก  ใส่ยาให้อย่างแผ่วเบา  น้าเวกใจเย็น สมกับที่เป็นคนสวน วันๆ ขลุกอยู่กับต้นไม้  แกไม่บ่น ไม่ด่า ไม่ว่าอะไรสักคำ     

“ไปเสียท่านักเลงบ้านไหนมาล่ะ” เสียงทุ้มถามด้วยปรานี  คนอ่อนวัยกว่าไม่ตอบคำ  ปล่อยความคิดจมดิ่ง.. นิ่งงัน.. นึกถึงเจ้าของดวงตากลมโตกระจ่าง  เจ้าของแก้มเนียนราวขนมหน้านวล  มือขาวนั้นตีหนัก  ปากแดงนั้นก็ด่าได้เจ็บแสบดีแท้

เสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกันยังดังแว่วลอดฝาปะกน 

ตั้งแต่เล็กจนโต  เขาพบเจอคำดุด่า เหยียดหยาม ดูถูกมานักต่อนักจนแทบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต  อยู่บ้าน พ่อก็เปรียบเทียบกับพี่ชายและน้องสาวให้ฟังทุกวัน  อยู่โรงเรียน ครูก็ดุด่าว่าโง่  แม้เพื่อนฝูงก็ยังล้อเลียนที่เขาเป็นเด็กโข่งตัวสูงโคร่งอยู่คนเดียวในห้อง

มีเพียงคนเดียว.. เพียงคนเดียวที่ไม่เคยหัวเราะเยาะ  ไม่เคยดูหมิ่นเขา.. 

น้องจ้อย..

มันช่างน่าขำ 

ตอนนั้น.. เขาอายุ ๑๔ ปีแล้ว  แต่ยังเพิ่งเรียนอยู่แค่ชั้น ป.๗  ตัวเริ่มสูงใหญ่  เริ่มมีกล้ามเนื้อจับตามแขนขา  อกกว้าง  เสียงแตกหนุ่ม  มีไรหนวดขึ้นบางๆ  ..อยู่เพียงคนเดียวในชั้นเรียน

ยิ่งรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด
    
ในขณะที่จ้อยตัวเล็กยังไง  ก็ยังตัวเล็กอย่างนั้น.. ตัวเล็กเสียจนสิงห์กลัวแขนน้องจะหักยามหิ้วตะกร้าตามหลังยายมาจ่ายตลาดต้อยๆ 
     
เด็กผู้ชายมาเดินจ่ายกับข้าว  ไม่แคล้วโดนพวกเด็กโตมันล้อ “ไอ้กะเทย  ไอ้กะเทย”
   
ล้อได้ล้อดี  ล้อได้ทุกวันทุกวี่  ล้อจนวันนั้นจ้อยร้องไห้จ้า  จนสิงห์ที่ช่วยถือตะกร้าทนไม่ไหว  ฟาดปากมันไปหนึ่งที  ก่อนตะลุมบอนกันอุตลุด  ฝุ่นตลบอบอวล  แผงผักแผงปลาวอดวายระเนระนาด   

ตามคาด  เขาถูกตีหน้าเสาธงที่โรงเรียน  กลับไปบ้านก็ถูกพ่อตบบ้องหูซ้ำอีก 

ซ้ำร้าย.. ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ชกต่อยวันนั้น  ไอ้พวกเด็กโตในตลาดไม่ล้อจ้อยแค่คนเดียวอีกต่อไป
 
“พวกเอ็งดู  ผัวเมียมาขายขนมด้วยกันว่ะ” ไอ้ลอยหัวโจกชี้ชวนพรรคพวกดู  เมื่อเขาช่วยน้องหิ้วตะกร้าเร่ขายขนม   

“ไอ้กะเทย!  เฮ้ย ไอ้สิงห์  มึงเป็นผัวไอ้กะเทยเรอะ”
“เอ็งชอบมันล่ะสิ”
“หน้าไม่อาย  ไอ้สิงห์ชอบไอ้กะเทย  ไอ้สิงห์ชอบไอ้กะเทย”

พวกมันพากันโห่ฮาอย่างสนุกสนาน  วันแรกๆ สิงห์แค่เดินหนี  แต่พอนานวันเข้า  โดนล้อเลียนหนักขึ้นทุกที  สิงห์เริ่มทนความรู้สึกเป็นตัวตลกต่อไปไม่ไหว..

พี่ห่างเหินน้องเข้าไปทุกวัน..

จนวันนั้น..เมื่อความอดทนถึงขีดสุด  เด็กหนุ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป  พยายามแสดงให้พวกมันเห็นต่อหน้าว่าเขาไม่ได้วิปริตวิตถารอย่างที่พวกมันคิด

“กูไม่ได้ชอบมัน!  กูเกลียดมันจะตายไป!” เสียงแตกหนุ่มตะคอกลั่น  ประกาศให้รู้กันทั่ว   

สิงห์ยังจำดวงตารื้นน้ำของน้องในวันนั้นได้จนทุกวันนี้

เหตุการณ์วันนั้นไม่ได้จบลงด้วยดีหรอก  ขนาดพูดใส่หน้าอย่างนั้นแล้วพวกมันก็ยังล้อกันไม่เลิก  วงตะลุมบอนจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง  มาสงบได้ก็ตอนน้าเวกไปตามแม่เขามา 

แม่ยุติปัญหาทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย  เพียงเพราะเอาบารมีกำนันมาขู่  และเพียงเพราะ.. เงิน

หลังถูกแม่แจกเงินไปแล้ว  พวกไอ้ลอยก็มองเขาแปลกไป  สิงห์จึงเพิ่งตระหนักรู้ว่าบารมีของพ่อ  เงินของแม่  มันมีอำนาจมากมายแค่ไหน  มากมายถึงขนาดคนที่เพิ่งมีเรื่องกันออกปากชักชวนเขาในวันหนึ่ง 

“เอ็งอยากเข้ากลุ่มข้าไหมล่ะ”

สิงห์ตกลงทันทีแบบไม่ต้องคิด  หลังจากนั้น.. คล้ายหูตาที่ถูกปิดมาเนิ่นนานได้เปิดออก  เส้นทางใหม่แสนฉูดฉาด  ความคึกคะนองในวัยหนุ่มถูกปลดปล่อย  พวกไอ้ลอยไม่ล้อเขาอีกแล้ว  ไม่ด่าทอ  ไม่ดูถูก  มีแต่จะชื่นชมเมื่อเขาเอาเงินให้  หรือเมื่อเขาก่อวีรกรรมใดๆ สำเร็จ

คำก่นด่าของพ่อ  คำติเตียนของครูไม่มีผลกระทบต่อเขาอีกต่อไป

ในเมื่อเขาค้นพบมิตรภาพ  ค้นพบที่ยืน  ค้นพบกลุ่มคนที่ยอมรับในตัวเขาแล้ว  บ้านหรือโรงเรียนก็ไม่มีความหมายอีก

ยิ่งห่างเหินน้องมากขึ้นทุกที.. ทุกที..

แค่ห่างเหิน.. แต่สิงห์ไม่เคยคิด.. ไม่เคยอยาก ‘แตกหัก’ กับน้อง

จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อไอ้ลอยชักชวน  “เอ็งอยากเป็นลูกพี่ไหมวะ”

มนต์อำนาจของคำว่า ‘ลูกพี่’ นั้นช่างเย้ายวนนัก  สิงห์พยักหน้ารับทันที

“เอ็งต้องพิสูจน์ตัวเองก่อน  ไปทำตามที่ข้าบอก  ถ้าทำได้ ข้าจะให้เป็นลูกพี่” 

***************************

คนึงไปส่งจ้อยถึงหอพัก  หลังจากสง่ากับสันติพาเพื่อนไปทำแผลแล้ว  อาจารย์หนุ่มก็ไปหาอาจารย์ใหญ่  เพื่อขอเบิกรถจี๊ปแลนด์โรเวอร์เพียงคันเดียวของโรงเรียนขับบึ่งกลับไปยังวัดหน้าพระเมรุทันที 

งานวัดที่ยังรื่นเริงอยู่ตอนเขาไปส่งจ้อยกลับยาย  บัดนี้กลับเงียบสงัด  คนึงตรงไปยังโรงลิเก  ใจหายวูบเมื่อพบว่ามันว่างเปล่า  ฝนยังคงทิ้งสายเปาะแปะ  อาจารย์หนุ่มยิ่งร้อนรนเมื่อหาลูกศิษย์ไม่พบแม้เงา  เขาพยายามตะโกนเรียก  พยายามตามหาไปทั่ว  แต่ก็ไม่มีวี่แวว

จนตาแก่มือระนาดอดรนทนเสียงร้องเรียกไม่ไหว  ต้องโผล่จากมุ้งหลังโรงมาบอกเสียงงัวเงีย

“ไอ้หนุ่มหัวแดงqใช่ไหม” ตะแกพูดไปหาวไป “เห็นมีผู้ชายตัวใหญ่ๆ มารับกลับไปแล้วนี่” 

คนึงชะงักนิ่ง  ผู้ชายตัวใหญ่ๆ งั้นหรือ  “ใครครับ”

“ไม่รู๊..มันมืดๆ มองไม่ค่อยเห็น” ชายชราโบกไม้โบกมือวุ่นก่อนเดินกลับหลังโรงลิเกไป 

ชายหนุ่มกระวนกระวาย  ความคิดสับสนตีกันวุ่น  หรือจะมีอาจารย์คนอื่นมาพบเข้าแล้วรับตัวกลับไป  อาจจะสวนทางกันตอนเขาออกมา 

ฝนยังโปรยสายต่อเนื่อง  อากาศกลางดึกเย็นฉ่ำทว่าในหัวใจเขากลับร้อนรุ่มดังไฟสุม  ใจแทบหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มเมื่อกลับมาที่เรือนไม้แล้วพบเพียงจ้อยนั่งรอข่าวอยู่ที่แคร่ใต้ต้นหางนกยูง

เลอมานยังไม่กลับมา!

จ้อยยิ่งร้อนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า  หนุ่มน้อยอาสาช่วยตามหาอีกแรง 

“ผู้ชายตัวใหญ่ๆงั้นหรือครับ” ศิษย์เสนอแนะความเห็น  นึกถึงอันธพาลที่เพิ่งมีเรื่องกันมา “หรือว่าจะเป็นไอ้สิงห์!”

***************************

ไอ้ลอยพาเลอมานมาหยุดอยู่หน้าบ้านไม้สองชั้นมีรั้วรอบขอบชิด  ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดนัก  หน้าบ้านแขวนโคมไฟสีเขียวกระจ่าง  ผู้คนคลาคล่ำ  หญิงสาวในชุดนุ่งน้อยห่มน้อย  แต่งหน้าทาปากจัดจ้าน  บรรดาชายหนุ่มเมามายส่งเสียงดังฟังไม่ได้ศัพท์ 

“อะไรกัน  พามาที่นี่ทำไม” คุณชายประท้วงลั่น  เขาไม่ได้ไร้เดียงสาจนถึงขนาดไม่รู้ว่าสถานที่นี้มีไว้ทำอะไร

“แวะมาหาเพื่อนก่อน” อีกฝ่ายตอบไม่ยี่หระ 

“นายลอย” เลอมานดักหน้าไว้  เริ่มร้อนใจเต็มทน “รีบไปส่งฉันเถอะ  เดี๋ยวอาจารย์เป็นห่วง”

“แป๊บเดียวน่า” มือใหญ่ออกแรง ‘ลาก’ แขนเล็กเข้าไปอย่างไม่รีรอ 

เพียงเข้าไปในบ้าน  หญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะบ้าง  ที่ยืนคลอเคลียกับผู้ชายตามมุมโน้นมุมนี้บ้างต่างหันมามองผู้มาเยือนเป็นตาเดียว  ทุกคนพากันทักทายนายลอยอย่างสนิทสนม 

“พี่ลอย  มาแล้วหรือ  ต๊าย.. พาใครมาด้วยเนี่ย”
“โอ้โห..มีเพื่อนหล่อแบบนี้ไม่เห็นพามาแนะนำเลยน๊า..”
“หน้าตาแบบนี้จะบริการให้ถึงใจเลย”

เลอมานกลายเป็นเป้าให้เหล่าผู้หญิงแต่งตัววาบหวิวรุมล้อม  กลิ่นน้ำหอมราคาถูกฉุนเสียจนเวียนหัว  เด็กหนุ่มพยายามเบี่ยงกายหลบมือไม้พวกหล่อนที่ถือวิสาสะแตะเนื้อต้องตัว  จับมือถือแขน  ลูบหน้าลูบตา

ยอมรับ.. ว่าเขาสะอิดสะเอียน.. รับรู้ได้ถึงความสกปรกที่แทรกซึมอยู่ในความรู้สึก  กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ลอยอวลอยู่ในมวลอากาศจนอึดอัด 

“จะทำอะไรก็รีบทำ  ไม่ยังงั้นฉันจะกลับแล้ว” คุณชายขึงตาใส่  หากนักเลงหนุ่มกลับนิ่งมองด้วยดวงตาแพรวพราย  มือขาวนั่นยัง
จับตุ๊กตานางฟ้าเอาไว้แน่น  ยิ่งมาอยู่ในที่แบบนี้  หม่อมราชวงศ์หนุ่มยิ่งดูสูงส่งสะอาด  ผ่องแผ้วเสียจนน่าทำให้แปดเปื้อน 

“นั่งรอก่อนน่า  แป๊บเดียว” ไอ้ลอยรุนหลังคุณชายนั่งที่โต๊ะ  มีตาแก่กับชายหนุ่มนั่งอยู่สองสามคน  มีผู้หญิงคลอเคลียไม่ห่าง  สาวคนหนึ่งรินเหล้ายื่นให้เขา  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ถึงกับเบือนหน้าหนี 

ดวงตาคมกร้าวมองกิริยาเย่อหยิ่งนั้นพลางหยักยิ้มมุมปาก   

“เป็นอะไรไป..หืม..” เสียงทุ้มพร่ากระซิบข้างหู  เผลอเกลี่ยแก้มขาวด้วยข้อนิ้ว  หัวเราะหึเมื่อมือเรียวปัดออกอย่างไว้ตัว  ไอ้ลอยถึงกับหัวเราะหึ 

“หรือว่าคุณชาย..” ในดวงตาคู่นั้นราวจะยิ้มยั่วเย้า “..ไม่ชอบผู้หญิง”

เลอมานหันขวับ  คำพูดนั้นกระทบใจอย่างจัง  ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ่งเม้มปากแน่น  เขาคว้าแก้วเหล้าในมือสาวมากรอกปากทีเดียวหมดเรียกเสียงตบมือได้ครึกโครม  หลังมือปาดคราบของเหลวทั้งที่ยังหอบแฮ่กยามกระแทกแก้วเปล่าลงกับโต๊ะดังตึง 

พรานแสนสาสมใจ  นิ่งมองเนื้อทรายเดินลงหลุมพรางอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว 

ไอ้ลอยทิ้งคุณชายเล็กไว้กลางวงเหล้า  ตัวเองเดินขึ้นชั้นบน  เผชิญหน้ากับสาวใหญ่ร่างอวบอัดที่เดินสวนลงบันไดมา

“นั่นใคร” ดวงตาเฉี่ยวคมเหลือบมองเด็กหนุ่มแปลกหน้า  มือเรียวทาเล็บแดงคีบบุหรี่พ่นควันเป็นสาย 

“ไม่ต้องห่วงน่า..แค่ลองเล่นๆ” มือหยาบรวบร่างขาวเต่งตึงไว้ในอ้อมกอด  ประคองกลับขึ้นไปข้างบน  พอลับตาคน  ใบหน้าคมเข้มก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากเคลือบสีแดงสด  ซุกไซ้เรื่อยไล่ลงตามซอกคอ  กระซิบเสียงพร่า “ยังไงฉันก็มีพี่ทองใบคนเดียว”

แม่เล้าทรงเสน่ห์ยิ้มมุมปาก  โน้มคอชายหนุ่มตรงหน้าชิมรสปากหวานๆ ซ้ำๆ 

..................................

เหล้าเป็นบ่อเกิดของความระยำอย่างที่พระท่านสงเคราะห์ไว้  เป็นอบายมุขหรือทางแห่งความฉิบหายโดยแท้  อย่าได้แตะต้องลองเล่นเป็นของสนุกเลยทีเดียวเชียว 

ดูอย่างหม่อมราชวงศ์เลอมานตอนนี้ปะไร

วงเหล้าครึกครื้นได้ที่  กับแกล้มลำเลียงมาเรื่อยๆ  กุนเชียงย่างหอมแล้วยำ  ต้มยำโป๊ะแตกหม้อไฟ  กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ จิ้มน้ำจิ้มรสจัด  ยำหนังหมูรสเผ็ดร้อน 

เผ็ดจนเลอมานกินไม่ได้สักอย่าง  ได้แต่เทเหล้าเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่า  แต่ละหยดที่รินรดลงคอ  คล้ายน้ำดับสติรู้คิดของตนให้พร่องลงเรื่อยๆ

ท่าทีเย่อหยิ่งไว้ตัวหายไป  กลายเป็นสรวลเสเฮฮา  พูดคุยกันออกรสออกชาติ 

ด้วยอภินิหารน้ำเปลี่ยนนิสัย!

เสียงขาเตียงกระแทกพื้นดังกึงๆ เคล้าเสียงครวญครางของหญิงสาวดังแว่วมาจากชั้นสอง  หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในวงเหล้าพากันแหงนมอง  เห็นโคมไฟสีนวลแกว่งไกว

“เฮ้ยๆๆ ไอ้ข้างบนเบาๆ หน่อยโว้ย  เดี๋ยวบ้านถล่มลงมาใส่หัวข้า” ชายหนึ่งโวยขึ้นก่อนหัวเราะร่า  แม้แต่เลอมานเองก็พลอยขำ 
      
“ลุงมันแก่แล้ว  ทำอะไรๆ อย่างที่หนุ่มๆ เขาทำไม่ไหวร้อก” ตาอ่ำชายแก่หัวหงอกหันมาพูดกับเขา “แข้งขามันจะพับ  เพราะมันต้องยงโย่ยงหยก  แค่ลูบๆ คลำๆ ก็หลับสบายแล้ว”

ว่าแล้วก็ชนแก้วกันทั้งวงดังเคร้ง
   
“นี่ๆ คนเก่าเขาผูกกลอนไว้เกี่ยวกะเหล้า” ผู้เฒ่าทำท่านึกก่อนร่าย.. “หนึ่งถ้วยนงนุช  สองถ้วยพุทธวาจา  สามถ้วยแกล้วกล้าพูดจาองอาจ  สี่ถ้วยเก่งกาจผ้าขาดไม่รู้ตัว”

เลอมานหัวเราะขำ “ผมเกินสี่แก้วแล้ว..ผ้ายังไม่ขาดเลย”

ตะแกโบกไม้โบกมือวุ่น “ไฮ้ แก้วสมัยเก่ากะสมัยนี้มันผิดกัน” ว่าแล้วก็โซเซไปที่บาร์เหล้า  ก้มลงค้นหายุกยิกอย่างคนคุ้นเคยกับสถานที่ดี  มือเหี่ยวย่นหยิบเอาแก้วหนาๆ ทำเป็นเฟืองๆ รอบตัวขึ้นมาใบหนึ่ง  พวกหนุ่มรับเอาไปดูเห็นเป็นแก้วอย่างเก่าและใหญ่  สูงราวสี่นิ้วฟุต กว้างสักสามนิ้วฟุตครึ่งได้ 

“เจอเข้าไปสี่ถ้วยละผ้าขาดไม่รู้ตัวแน่” ตาอ่ำยืดตัวอย่างโอ่  เรียกเสียงเฮฮาครื้นเครงได้ทั้งโต๊ะ 

ไอ้ลอยเดินกลับมายังวงเหล้าอีกครั้ง  คุณชายที่หน้าแดงตาปรือหันไปถามเสียงอ้อแอ้ “มาแล้วหรือ..กลับกันได้รึยาง..”

คนตัวโตยิ้มกริ่ม  วางของเล่นชิ้นใหม่ลงกลางโต๊ะ 

บ้องไม้ไผ่ลำเท่าท่อนแขน!

“บ๊ะ มีเนื้อด้วย!” คนหนุ่มพากันฮือฮา  ตาวาวลิงโลด  แย่งกันเอา ‘เนื้อ’ ที่ผ่านการยำมาเรียบร้อยแล้วยัดลงที่อัดยา  สูดกันคนละซื้ดสองซื้ด  ได้ยินเสียงน้ำบุ๋งๆๆ  แล้วก็พากันตาลอยเคลิบเคลิ้ม

เลอมานย่นจมูกให้กลิ่นฉุนกึกที่อบอวลอยู่รอบตัว  เขาพอจะรู้ว่ามันคืออะไร  แต่ไม่เคยลอง  และไม่เคยคิดอยากลองด้วย 

ต้องดูดจากบ้องเดียวกัน  สกปรกตายเลย

“ลองหน่อยไหม” นักเลงหนุ่มคะยั้นคะยอยื่นให้  คุณชายก็ส่ายหน้าลูกเดียว  ปรายตามองปากกระบอกอย่างเคลือบแคลง  ผ่านน้ำลายใครมาบ้างก็ไม่รู้

ไอ้ลอยแย้มยิ้มคล้ายจะรู้ทัน  ส่งชนิดที่พันลำแล้วให้ 

บุตรชายท่านทูตค่อยยิ้มออก  ฤทธิ์สุราทำให้อยากรู้อยากลองไปเสียหมด  แถมมองเผินๆ มันก็ไม่ต่างอะไรจากบุหรี่  มือเรียวรับมาคีบใส่ปาก  โน้มลงจรดกับเปลวไฟที่อีกฝ่ายจุดให้   

“คนโบราณก็ผูกกลอนเกี่ยวกับกัญชาไว้เหมือนกัน” ไอ้ลอยเท้าคางมองคนแก้มแดงสูดควันเข้าปอดลึก  พ่นควันเป็นริ้วขาวลอยอ้อยอิ่งในอากาศ  “หนึ่งบ้องน้องนุช  สองบ้องผรุสวาจา  สามบ้องแกล้วกล้า  สี่บ้องแก้ผ้าอมยิ้ม”

“ฮะๆๆ แก้ผ้าอีกแล้ว..” เลอมานหัวเราะเอิ้กอ้าก  เมามายได้ที่  “ทำไมต้องแก้ผ้า..” 

คนตัวโตไม่ตอบคำ  เพียงมองเสี้ยวหน้าละมุนด้วยดวงตาแพรวพราวเจ้าเล่ห์ 

“ฉันไม่มีทางแก้ผ้าหรอก..” ประกาศกร้าวแล้วก็สูดเข้าปอดอีกเฮือก  น้ำเสียงยานคางนั้นมั่นใจนักหนา “ไม่เชื่อก็คอยดู”

***************************
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ares_jum ที่ 18-02-2012 19:35:14
 :sad4:

แค่นี้หรอค้าาาาา แง แง

จะเอาอีก จะเอาอีก

 :a5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 18-02-2012 19:38:39
สิงห์นอนไม่หลับ  แม้แผลที่หน้าผากจะปวดหนึบแต่ยาแก้ปวดที่น้าเวกเอามาให้ก็ยังวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง  เขาไม่มีกะใจจะกินยา  ถ้าเป็นไปได้ก็อยากตายๆ ไปซะในคืนนี้ 
   
ชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผาก  พ่นลมหายใจอย่างอัดอั้น  ความจริงจ้อยมันน่าจะทุบขวดให้เป็นปากฉลามเสียก่อนแล้วแทงเข้าที่อกเขาให้รู้แล้วรู้รอด
   
มัวแต่นอนคิดฟุ้งซ่านจนไม่ใส่ใจเสียงรถที่เลี้ยวเข้ามาในเขตบ้าน  จนกระทั่งน้าเวกมาเคาะประตูเรียกนั่นล่ะ

“สิงห์  ครูมาหา!”

จ้อย!

ร่างสูงใหญ่เด้งขึ้นลุกนั่งพรวด  ค่าที่จ้อยมันได้ร่ำเรียนเป็นนักเรียนครู  จบปีนี้ ฝึกสอนอีกปีก็ได้สอบบรรจุเป็นข้าราชการครู  ความรู้และปัญญาที่ติดตัว  ยกฐานะเด็กกำพร้ายากไร้ให้สูงส่งขึ้นได้  คนบ้านเขาจึงพากันเรียกจ้อยว่า ‘ครู’ กันหมด   

ยกเว้นแม่ของเขาเพียงคนเดียว

ความหวังที่มอดดับไปแล้วกลับลุกโชนขึ้นใหม่ราวสาดน้ำมัน  หรือพอกลับไปนึกตรึกตรองดูแล้ว  จ้อยจะนึกขึ้นได้ว่าทำแรงไป  นึกเป็นห่วงพี่ขึ้นมา  ถึงได้มาหาเอาดึกๆ ดื่นๆ

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงละพ่อจะงอนเสียให้เข็ด
 
อารามดีใจ  คนตัวโตรีบร้อนออกจากห้องทั้งที่อยู่ในกางเกงขาก๊วยตัวเดียว  อวดแผ่นอกเปลือยเปล่าอันสมบูรณ์ด้วยมัดกล้าม  ก้าวอาดๆ ผ่านพาไลลงไปยังชานเรือนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

หากพอเห็นแขกยามวิกาลที่ยืนคุยอยู่กับพ่อเท่านั้น.. รอยยิ้มบนหน้าก็ถูกลมพัดหายไปเกลี้ยง
จ้อยมาก็จริง  แต่ไอ้อาจารย์คนึงก็มาด้วย  สิงห์จ้องหน้านักเรียนครูร่างเล็กที่เอาแต่จ้องเขาอย่างจับผิดไม่วางตา 

“นายสิงห์” คนึงพยายามสงบสติอารมณ์  แต่ถึงกระนั้นก็ดูออกได้ว่าร้อนใจ “เห็นคุณชายเล็กไหม”

“ไม่รู้โว้ย!” ความหงุดหงิดก่อตัวขึ้นในดวงตาคมเข้ม   

“คุณชายหายไป  คนที่โรงลิเกบอกว่าไปกับผู้ชายตัวใหญ่” อาจารย์หนุ่มเล่าให้ฟัง  คำพูดนั้นเล่นเอาลูกชายกำนันหัวเสีย  ทำเสียงเฮอะฮะในลำคอ

ทั้งบางนี้มันมีข้าคนเดียวเรอะที่ตัวใหญ่ตัวโต! 

“ถ้าจะแก้แค้นกัน  ก็อย่าไปลงที่คนอื่น” จ้อยที่นิ่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นบ้างด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องเต็มที่  สิงห์ถึงกับชะงัก  ดวงตาคมกร้าวหรี่ลง 

ไอ้เตี้ยนี่ท่าจะเล่นของ  เพียงคำพูดสั้นๆ ถึงทำให้เขาปวดหนึบในอกซ้ายได้ขนาดนี้

“จ้อย” อาจารย์ปราม “ยังไม่รู้แน่ชัด  อย่าเพิ่งคาดโทษกัน”

“เอ็งคิดว่าข้าเลวยังงั้นเชียว” สิงห์จ้องดวงตากลมโตราวกับจะมองทะลุให้ถึงหัวใจ  อยากรู้นักว่าใจมันจะดำตัดกับหน้าขาวๆ ของมันไหม 

“ถ้าไม่ใช่เอ็งแล้วจะเป็นใคร”

เหมือนฟางที่ค่อยๆ ทิ้งลงกลางใจทีละเส้น..ทีละเส้น..

ทับถมพอกพูนขึ้นทุกที

“ครู!” กำนันที่นิ่งคิดอยู่นานโพล่งขึ้น “หรือว่าจะเป็นไอ้ลอย!”

คำพูดนั้นทำจ้อยนิ่งไป  ก่อนตาวาวอย่างนึกขึ้นได้  ทำไมเขาถึงมองข้ามไอ้สารเลวนั่นไปได้กันนะ

ในขณะที่คนึงซักถาม ‘ลูกพี่’ ของไอ้ลอยเป็นการใหญ่ “นายสิงห์พอจะรู้ไหมว่าตอนนี้นายลอยอยู่ไหน”

“จะไปรู้เรอะ” สิงห์บอกปัดส่งๆ  หลบตาวูบยามตอบ “ดึกดื่นป่านนี้  มันก็ต้องอยู่บ้านมันน่ะสิ”

สองครูศิษย์รีบลากำนันกลับไปขึ้นรถ  นักเลงโตได้แต่มองจนลับตาด้วยหัวใจร้อนรุ่ม  ใจเขาวูบตั้งแต่ตอนพ่อเอ่ยชื่อไอ้ลอยออกมาแล้ว

ได้ยินเสียงพ่อบ่นงึมงำแว่วๆ ขณะหันหลังเข้าห้อง  “ไม่รู้จะไปคบมันทำไม” แต่สิงห์ไม่ได้ใส่ใจ 

มือใหญ่กำหมัดแน่น  เหงื่อผุดซึมออกขมับ  เป็นลูกพี่ลูกน้องกันมาหลายปี  เขารู้จักคนอย่างไอ้ลอยดีเหมือนขี้กับไส้  เขารู้ว่ามันไม่กลับบ้านตัวเองนานแล้ว  รู้ดีว่ามันชอบไปซุกหัวอยู่ที่ไหน  และค่อนข้างแน่ใจด้วย ว่ามันเป็นคนพาคุณชายเลอมานไป

แต่ถึงมันจะเลวระยำยังไง  มันก็ยังได้ชื่อว่าเป็นลูกน้อง  ลูกพี่อย่างเขาจะนิ่งเฉยดูลูกน้องฉิบหายไม่ได้  ยอมรับว่าตอนนี้เขาห่วงทั้งไอ้ลอย  ห่วงทั้งคุณชายเล็กไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ไม่มีเวลาให้คิดอีกแล้ว  ร่างสูงใหญ่ก้าวพรวดลงบันไดทั้งที่ยังไม่สวมเสื้อ  คว้ารถเครื่องไทรอัมพ์คู่ใจพุ่งตะบึงไปในความมืดกลางสายฝนพรำ 
   
เขาจะต้องเจอไอ้ลอยก่อนจ้อยและคนึง!

*******************************


กลอนของไอ้ลอยใช้กับเลอมานไม่ได้!

เพราะไม่ต้องรอให้ถึงสี่  แค่สอง  คุณชายก็ทำท่าจะ ‘แก้ผ้า’ แล้ว
   
“ร้อน!” มือเรียวถอดเสื้อกั๊กไหมพรมออกทางหัว  กองไว้กับพื้นอย่างไม่ไยดี  แถมยังปลดกระดุมออกอีกสองสามเม็ด  เผยแผ่นอกขาวเรียบเนียนไม่อายสายตาใคร

โดยเฉพาะสายตาไอ้ลอยที่จ้องเอาๆ อย่างกับจะกลืนกิน 

ไม่จ้องได้หรือ  ขาวเสียขนาดนั้น  ขาวกว่าอีพวกผู้หญิงที่นั่งออเซาะป้อล้ออยู่รอบโต๊ะนี่เสียอีก  ยิ่งตอนกระพือปกเสื้อพึ่บพั่บ  เผยให้เห็นตุ่มไตสีเรื่อวับๆแวมๆ ไอ้ลอยถึงกับเผลอกลืนน้ำลายลงคอ 

เจอฤทธิ์กัญชาเข้าไป  คุณชายจอมเย่อหยิ่งยิ่งเอาแต่ยิ้ม..ยิ้ม.. แล้วก็หัวเราะ..หัวเราะ.. ตาที่หวานอยู่แล้วยิ่งเยิ้มหยาดปานจะหยด 

“นายลอย..ดูซี่..” มือเล็กคว้าแตงกวาที่วางไว้เป็นเครื่องเคียงยำ  เพิ่งเอาออกจากตู้เย็น  พอถูกอากาศข้างนอกก็มีไอน้ำเกาะพราว  นิ้วเรียวชี้ป้อแป้  หัวเราะอ้อแอ้จนตัวโคลง “แตงกวาเหงื่อออก..”

หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่รอบโต๊ะพากันฮาครืน  เมามายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น   

นักเลงหนุ่มฉกรรจ์หยิบทองหยอดสีทองสวยบนโต๊ะป้อนให้  คุณชายอ้าปากงับทันที  ริมฝีปากนุ่มนิ่มร้อนผะผ่าวโดนมือหยาบ  ไม่งับเปล่า.. เล่น ‘ดูด’ เอารสหอมหวานที่ติดอยู่ปลายนิ้วชนิดไม่ให้เหลือหลอ  ทำเอาคนป้อนถึงกับปั่นป่วน
   
พรานรออย่างใจเย็น  จนร่างบอบบางเอนอ่อนซบลงตรงอกกว้าง 

กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ โชยเรื่อกระทบจมูก  ปาโก ราบานน์ของเลอมานหยดเดียว หอมทนติดกายไปทั้งวัน  ยิ่งผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ กลิ่นหญ้าไหม้หอมหวาน  ยิ่งกระตุ้นอารมณ์พิศวาสพลุ่งพล่าน  ท้องทะเลรัญจวนป่วนปั่น  ดั่งมีคลื่นกระทบฝั่งครืนๆ อยู่ในอก

“ง่วงไหม หืม..” เสียงต่ำพร่ากระซิบอยู่ข้างหู  เกลี่ยปลายนิ้วไล้แก้มขาวเบาๆ  คลื่นซัดฝั่งแรงขึ้นจนแทบคลุ้มคลั่งเพียงคุณชายพยักหน้าหงึกหงัก 

“ไอ้ลอยจะพาไปนอนนะ” ไม่ต้องรอคำตอบ  ร่างกำยำประคองคนตัวเล็กกว่าลุกขึ้นทันที  พยุงทุลักทุเลไปที่บันได  ดวงตาสีนิลเหลือบมองวงเหล้า  เห็นไม่มีใครสนใจก็ช้อนร่างเล็กอุ้มแนบอก  พาขึ้นไปยังชั้นสอง  โดยอีกฝ่ายไม่ได้ขัดขืนแม้แต่น้อย   

บนชั้นสองของบ้าน.. กลิ่นคลุ้งของคาวคนที่ดื่มกินเลือดเนื้อวิญญาณกันยังคงลอยอวล  คนตัวโตเปิดประตูไม้ด้วยปลายเท้า  ประคองร่างอ่อนเปลี้ยลงบนเตียงนุ่มอย่างบรรจง  ประหนึ่งพรานใจเย็นเตรียมแล่เนื้อทราย  เลอมานครางเครือในคอแผ่วเบา  ดวงตาคู่สวยปรือขึ้นมอง  หัวเราะคิกคักอย่างไม่มีเหตุผล
   
มือหยาบใหญ่จัดการถอดรองเท้าให้เสร็จสรรพ  นั่งลงเคียงข้างจนเตียงยวบ  เกลี่ยไล้ปลายนิ้วไปทั่ววงหน้าอ่อนละมุน  มันยิ้มให้กับเศษทองเปลวที่ยังติดอยู่บนหน้าผากเนียน 

“หม่อมราชวงศ์เลอมาน..” เสียงต่ำเอ่ยแผ่ว “ขอชื่นใจหน่อยเถอะ”

ริมฝีปากร้อนผ่าวแตะลงบนหน้าผาก  ลากไล้มาที่สองแก้มขาว  สูดเอากลิ่นหอมชื่นลงเต็มปอด  หัวใจพองโตคับอกยามดอกฟ้าหัวเราะอย่างไม่เดียงสา 

ว่าพลางทางประจงปลงจิต        เนื้อสนิทแนบกันกระสันหา
สองชื่นรื่นรสภิรมยา                 ดั่งราหูจู่จับพระจันทร**

   
เสียงหัวเราะสดใสถูกกลืนหายลงในลำคอเมื่อปากร้อนปิดประกบ  ดูดดึงคลึงเคล้า  สอดลิ้นลงในกลีบปากบางที่เผยอเชิญชวน  กลิ่นเหล้าเจือรสน้ำตาลหวานหอมย้อมหัวใจหยาบจนลุ่มหลง  เนิ่นนาน..

ไอ้ลอยผละออกเมื่ออีกฝ่ายทำท่าราวจะขาดอากาศหายใจ  ดวงตาคู่สวยปรือปรอย  ปากอิ่มแดงช้ำชุ่มโชกด้วยน้ำลายโสโครก 

เลอมานแย้มยิ้ม.. ฤทธิ์ยาเสพติดมัวเมา  ฤทธิ์จูบเมามัว  หน้าขาวๆ ขึ้นสีแดงก่ำยามขยับริมฝีปากเอ่ยเสียงชะอ้อน   

“อาจารย์..”

ไอ้คนใจหยาบชะงักกึก             

“อาจารย์.. จูบเล็ก..อีกแล้ว..” เสียงหวานหัวเราะคิก  เอียงหน้าฉอเลาะ  วางสองมือบนต้นคอหนา  เหนี่ยวให้โน้มต่ำลง   

ความคิดบางอย่างแล่นวาบในสมองต่ำๆ  รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เข้าแทนที่อาการตะลึงงัน  สนุกละทีนี้!

“เล็ก..” ไอ้ลอยสวมรอยทันที “ครูเคยจูบเล็กหรือ”

คุณชายพยักหน้าหงึกหงัก  “ที่กรุงเทพไง..”

“งั้นครูให้จูบคืน..”

เลอมานยิ้มร่า.. โน้มต้นคอร่างสูงใหญ่ลง  แหงนเงยหน้าฝากรสจุมพิตไร้เดียงสา  ทว่าในความไร้เดียงสา  คล้ายค่อยๆ จุดไฟให้ติด 

ไอ้ลอยฮึกโหมตะโบมเคล้า  หมายมาดเผด็จสวาทให้อร่อยเหาะ  สัญชาติญาณดิบพลุ่งพล่านเหมือนน้ำเดือดบนเตาไฟ  วินาทีนี้มันขอเตะคำว่า ‘อ่อนโยน’ ลอยหวือเข้าดงกล้วย  มือหยาบกระชากเสื้อเชิ้ตราคาแพงจนสาบขาดแล่งกระดุมกระเด็น  ใบหน้าคมเข้มซุกไซ้ลงซอกคอหอม  ดูดดึงขบเม้มตีตราจนขึ้นจ้ำแดง  ไล่เรื่อยมาจนถึงแผ่นอกขาวเนียน..

โครม!! 

ใครคนหนึ่งถีบประตูเปิดออกรุนแรง  ไอ้ลอยชะงักจากเรือนร่างยวนเย้า  หันขวับมองต้นเสียงทันใด

ไอ้สิงห์!!

“ไอ้ลอย  มึงทำเหี้ยอะไร!” ลูกพี่โจนพรวดเดียวถึงตัว  หัวหูเปียกม่อล่อกม่อแลก  ผ้าพันแผลที่หัวมีเลือดแดงซึมจางๆ  หยดน้ำฝนเกาะพราวบนแผงอกกำยำ  มือใหญ่กระชากคอเสื้อลูกน้องตัวดีออกมาอย่างแรง 

ไอ้ลอยจึ๊ปากอย่างขัดใจสุดชีวิต  หมูจะหามเสือกเอาคานเข้ามาสอด       
   
สิงห์ปราดมองคนผ้าผ่อนหลุดลุ่ยบนเตียงแล้วขบกรามกรอด  มือกำคอเสื้อลูกน้องแน่นขึ้น  “มึงจะทำอย่างนี้ไม่ได้  ลูกเขามีพ่อมีแม่”

“อ้อ..” อีกฝ่ายเพียงแค่นหัวเราะ “ถ้าไม่มีพ่อไม่มีแม่อย่างไอ้จ้อยก็ทำได้งั้นสิ”

“มึง!” ลูกพี่ถลึงตาใส่  เงื้อง่ากำปั้นขึ้นหมายจะชกปากหมาๆ นั่นให้เลือดกบ  แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ  มือใหญ่ผลักอกหนาออกอย่างแรงแล้วปรูดไปดูอาการคนบนเตียง 

“มาช่วยกันสิวะ  รีบพาเขาไปส่งเร็ว!” แขนแกร่งประคองร่างระทดระทวยขึ้นอย่างทุลักทุเล  คุณชายเมามายไม่ได้สติ  เอาหน้าร้อนๆ มาซุกอกกว้างจนไอ้สิงห์ใจกระตุกวูบ  มือปลาหมึกลูบไล้หนุบหนับไปตามแผ่นหลังล่ำสัน  จนนักเลงโตอดสบถออกมาไม่ได้ “โธ่เว้ย!  นี่ก็เมาเหมือนหมา!”

ไอ้ลอยหัวเราะหึ  ไม่ใช่หมาธรรมดา  แต่เป็นหมาติดสัดเสียด้วย 

คนก่อเรื่องเดินไปจุดบุหรี่สูบหน้าประตูไม่แยแส  ขณะไฟแช็คสว่างวาบ  ดวงตาคมกริบก็เหลือบเห็นคนสองคนวิ่งขึ้นบันไดมา
   
ไอ้จ้อยกับไอ้คนึง!

จ้อยชะงักทันทีที่เห็นอดีตคู่กรณียืนจังก้าเต็มกรอบประตู  ดวงตาคู่ใสฉายแววหวาดกลัวชิงชัง  หากคนึงดูร้อนใจกว่าใคร  เม็ดเหงื่อเกาะพราวบนใบหน้าคมสัน  ร่างสูงใหญ่สาวเท้าเข้าไปหาผู้ต้องสงสัยทันที

“นายลอยเห็น..” เสียงห้าวถึงกับชะงัก  เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ

แสงไฟนวลสะท้อนเกล็ดทองเปลวเล็กๆ บนปากไอ้ลอย!

โดยไม่มีใครคาดคิด  อาจารย์หนุ่มชกปากคนตรงหน้าดังเปรี้ยง! 

จ้อยถึงกับตะลึงเมื่อเห็นคนเยือกเย็นที่ครองสติได้ดีเยี่ยมมาตลอดโจนเข้าชกปากนักเลง  ร่างใหญ่หนาตั้งหลักไม่ทันถึงกับหงายหลัง  คนึงไม่รอช้าตามไปคร่อมไว้ทันควัน  ซัดกำปั้นที่ใบหน้ามันหลายหมัด  แต่มีหรือคนอย่างไอ้ลอยจะยอมให้ชกอยู่ฝ่ายเดียว  ชายฉกรรจ์สองคนที่คล้ายกันอย่างเดียวคือเรือนร่างสูงใหญ่  นอกนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวชกต่อยกันอุตลุดกลางซ่อง

“อาจารย์! พอเถอะครับ!” จ้อยตามไปห้าม  แต่ทันทีที่เห็นร่างคนสองคนบนเตียงเท่านั้น  ทั้งร่างถึงกับชาดิกราวเลือดในกายเย็นเฉียบเป็นน้ำแข็ง

สิงห์เองก็ไม่ต่างกัน  เขาสะดุ้งตั้งแต่เห็นไอ้ลอยโดนชกหงายตึงเข้ามาในห้องแล้ว  หากคนเดียวที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยคงจะเป็นเลอมาน 

“อาจารย์..” คุณชายยังเพ้อละเมอมัวเมา  หัวเราะคิกคักเหมือนมีความสุขเต็มที่  คนถูกเรียกถึงกับยอมปล่อยคู่ชกทันที  เพียงเห็นสภาพศิษย์  อาจารย์ถึงกับปวดยอกในอก

ลูกชายกำนันตาโตเท่าไข่  จ้องนักเรียนครูตัวเล็กตาไม่กระพริบ  กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนคนึงผวามากระชากร่างบอบบางออกจากอ้อมแขนไปกอดไว้อย่างทะนุถนอม  นักเลงหนุ่มทะลึ่งกายลุกขึ้นยืนพรวด

“จ้อย.. มะ..ไม่ใช่อย่างที่เอ็งคิดนะ” เสียงห้าวตะกุกตะกักน่าสมเพชอย่างที่ไม่เคยเป็น 

จ้อยพูดไม่ออก  หรืออีกความหมายหนึ่งคือเขาไม่มีอะไรจะพูด

ไม่ได้เสียใจ  ไม่ได้ผิดหวัง  แต่เป็นความชิงชังที่เพิ่มพูนทับทวี 
เมื่อครู่ตอนไปถามที่บ้านบอกว่าไม่รู้ไม่เห็น  แล้วทำไมพอเจออีกทีถึงมากอดคุณชายเพื่อนรักของเขาไว้แบบนั้น!
   
คนึงกระชับสาบเสื้อขาดแล่งของเลอมานเข้าหากัน  ตระกองกอดแนบอกก่อนอุ้มออกไปราวจะปกป้องแก้วใสจากสถานที่โสมม  กัดฟันกรอดเมื่อมือเล็กโอบรอบคอ  ซุกไซ้ใบหน้ากับอกเขาอย่างคนไม่มีสติ  ไอ้นักเลงพวกนี้ทำอะไรคนสำคัญของเขา!   

จ้อยหันหลังตามอาจารย์ไปติดๆ  หากแขนเล็กกลับถูกเหนี่ยวรั้งไว้  “จ้อย  เอ็งฟังก่อน”

นักเรียนครูไม่ฟังคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น  แขนผอมบางพยายามสะบัดหนีจากอุ้งมือแกร่งราวคีมเหล็ก  สองคนยื้อยุดกันไปมา 

“ทำไมไม่ฟังกันเลยวะ!” สิงห์ขึ้นเสียงใส่ด้วยความโมโห  จ้อยดิ้นรนจนเป็นอิสระ  หันไปมองอาจารย์ที่ยืนรออยู่หน้าประตู 

แล้วคำพูดแรก.. ก็ออกจากปากน้อง
แล้วฟางเส้นสุดท้าย.. ก็ถูกทิ้งลงกลางใจพี่

“ไปเถอะครับอาจารย์  เราอย่าลดตัวไปยุ่งกับคนต่ำๆ พรรค์นี้เลย”

เหมือนอะไรบางอย่างในหัวสิงห์ขาดผึง  ขาดผึงไปพร้อมๆ กับก้อนเนื้อในอกที่แหลกลาญร่วงกราว  ยิ่งกว่าความเสียใจคือความโกรธ  ความแค้น  ความผิดหวัง  ความรู้สึกทั้งหมดนั่นตีรวนคลุ้มคลั่ง  ก่อเกิดเป็นพายุอารมณ์ที่พร้อมจะทำลายล้างได้ทุกเมื่อ 

สิงห์เหนี่ยวไหล่น้องกลับมา  กระแทกแผ่นหลังเล็กกับข้างฝาดังตึง 

“มึงสูงส่งนักใช่ไหม  กูต่ำนักใช่ไหม” เสียงทุ้มพร่าเหี้ยมเกรียม  ดวงตาสีนิลส่งประกายอำมหิตอย่างที่จ้อยไม่เคยเห็น “ดี.. กูจะกระชากมึงลงมาให้ต่ำกว่ากู  ทีนี้มึงจะได้รู้ว่ารสชาติของการถูกเหยียบย่ำจมตีนมันเป็นยังไง!”

“นายสิงห์! ปล่อยจ้อยเดี๋ยวนี้!” คนึงหันมาตะคอกใส่  ‘คนต่ำๆ’ ยอมปล่อย ‘คนสูงส่ง’ ทันที 

ลูกชายกำนันมองแผ่นหลังเล็กๆ ที่วิ่งตามอาจารย์ไม่เหลียวหลังด้วยแววตาผิดหวังระคนแค้น

ในเมื่อพยายามทำดีแล้วยังมองไม่เห็นหัวกัน  กูก็จะเลวให้เหมือนที่มึงด่า  จะชาติชั่วให้สมกับที่มึงตราหน้า 
ระวังตัวไว้ให้ดีไอ้จ้อย! 

มึงรอรับความระยำจากกูได้เลย!


โปรดติดตามตอนต่อไป
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
* ยูงกระสันเมฆ, วินัย จุลละปุษปะ ขับร้อง, แก้ว อัจฉริยกุล คำร้อง (ตอนพิมพ์เนื้อเพลงแอบเขินหน่อยๆ  :-[ เพลงนี้จัดว่าแรว๊งจนโดนแบนในสมัยนั้นเลยค่ะ)
** กากีกลอนสุภาพ


ขอโทษด้วยนะคะที่มาอัพช้า เนตที่บ้านเป็นอะไรไม่รู้ หรือเป็นเพราะเมื่อวานเมืองนนท์ฝนตก (เกี่ยว? :z6:)
ตอบเม้นไ่ัม่ทันด้วยฮือๆ ขอรวบยอดเป็นตอนหน้าเลยละกันนะคะ
ขอบคุณคนอ่านทุกคน ขอบคุณทุกคอมเม้นมากค่ะ  :กอด1:

รักคนอ่าน

ดอกไม้
๑๘ ก.พ. ๕๕

ปล. ใครหมั่นไส้น้องจ้อยเตรียมเฮได้เลยจ้า ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 18-02-2012 19:40:00
มาต่อแล้วหลังจากรอมานาน แต่ก็ไม่จุใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 18-02-2012 19:44:21
คุณชายเชรี่ยอะไรใจง่ายเหลือเกิน



หรือว่าจิตใจอยากลองสิ่งเลวๆดูบ้าง ถึงใครชวนไปไหนก็ไปไม่สนใจว่าใครเขาจะเป็นจะตาย


สงสารจิตใจของอีกหลายๆคนที่เป็นห่วง เสียเวลากับคนแบบนี้จริงๆ


ง่าย ง่ายเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 18-02-2012 19:50:44
จ้อยเป็นไรอ่ะ จะโดนยำหรอ

เบื่อลอยอ่ะ เเมร่งงงง

คุณชายก็เหลือเกิ้น เกิดปัญหาเพราะมาเเล้วก็ยังไม่ยอมจำอีก

คราวนี้ตื่นตื่นขึ้นมายังจะทำตัวอย่างนี้อีกไหม

ลอยเลวไปเหอะ เกลียดแล้ววว เชียร์มาตั้งนาน โ่ด่เอ้ยยยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 18-02-2012 19:55:34
เครียดจนไตจะวาย
สงสารรอบทิศเลย ยกเว้นไอ้ลอย

+__= บีบจิตมากเลยตอนนี้ *ซดน้ำใบบัวบกย้อมใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ka~O ที่ 18-02-2012 20:13:54
บอกได้คำเดียวว่าปวดตับ จ้อยเอ๋ย มองอะไรให้มันกว้าง ๆ หน่อยดิ อคติบังตาตัวเบ้อเร่อ เฮ้อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 18-02-2012 20:18:50
ตอนหน้า จ้อยจะโดนอะไร ลุ้นๆๆๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 18-02-2012 20:22:08
คุณชายไม่น่าตกหลุมพรางของลอยเลยจริงๆ  :เฮ้อ:
แอบผิดหวังอยู่ลึกๆ ยังขาดความยั้งคิดนัก แต่อาจจะเป็นเพราะยังเด็กอยู่มั้ง
ดีนะที่ครูคนึงมาทัน แต่ก็ทำให้ตัวคุณชายดูตกต่ำลงนะ
เพราะตัวเองนั้นมีการศึกษาที่สูงน่าจะรู้จักหลีกเลี่ยงอบายมุข และความมีความสุขุมกว่านี้อ่ะน่ะ
ลอยเอ็งนี่มัน เลววววววนัก  :z6: :z6:
เป็นตัวร้ายที่เลวสมบูรณ์แบบจริงๆ
ส่วนจ้อยนี้ชอบมาตอนให้เข้าใจผิดกับสิงห์ได้ตลอด
แอบสงสารสิงห์เหมือนกันนะ แต่เหมือนเมื่อก่อนตัวเองเคยทำร้ายจิตใจจ้อยมาก่อน
เลยทำให้ไม่เคยโดนมองในแง่ดีอีกเลย ตอนนี้ความอดทนก็ขาดลง
ไม่รู้ว่าต่อไปจะจะทำไม่ดีกับจ้อยยังไง
+1 เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  :L2: กำลังคิดถึงอยู่พอดี
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 18-02-2012 20:22:40
บร๊ะ!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kunchan ที่ 18-02-2012 20:36:45
โล่งอกจังเลย ชายเล็กรอดแล้ว แม่เจ้าโว้ยชายเล็กรอดด้วย
ขอบคุณคุณดอกไม้แทนชายเล็กด้วยค่ะ
แต่ว่าสงสารสิงห์จังเลย เมื่อไหร่จะเลิกคบไอ้ลอยเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ai_no_uta ที่ 18-02-2012 20:43:31
พี่จี้ ไหนบอกจะแต่งนิยายหวานๆให้อ่านไงคะ???
หวานมากกกอ่า หยดย้อยเลย(น้ำตา)
ถ้าพี่จี้จะรังแกพี่สิงห์ของพิมพ์ขนาดนี้นะ!!! 

พิมพ์จะ........ จะ.......รอ อ่านต่อไป T^Tอย่างจำยอม
มาอัพอีกไวๆนะคะ รักพี่จี้ มว๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 18-02-2012 21:05:43
โอย มันเจ้มจ้นมากค่ะ ลุ้นกันทุกนาทีเลยทีเดียวว่าคุณเ้ล็กจะรอดมั้ย เป็นห่วงมาก
ไอ้ลอยนี่มันเลวแบบขุดไม่ขึ้นนะ ควรทำไงกับมันดี เมื่อไรสิงห์จะคิดได้ว่าควรเลิกคบคนเลวแบบมัน
คุณเล็กเกือบไม่รอดแล้ว ดีนะสิงห์กับคุณครูมาตามทัน ปล่อยรอดสายตาไม่ได้เลยคนนี้ ซื่อเกินจนน่าห่วงไปหมด

สงสารสิงห์จัง รักกันแท้ ๆ แต่เพราะอายคนเลยกลายเป็นแบบนี้ไม่ได้ ยิ่งมาคบคนพาลยิ่งเลยเถิดไปกันใหญ่
เมื่อไรจะเข้าใจกันได้ละเนี่ย สิงห์ต้องเอาความอ่อนโยนเข้าสู้บ้างน้า น้องจ้อยตั้งกำแพงไว้สูงมาก

อาจารย์กลับไปอย่าดุคุณเล็กนะ คุยกันดี ๆ เดี๋ยวคุณเล็กงอนแล้วจะไปกันใหญ่

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 18-02-2012 21:11:31
ฉุดไปเหมือนจำเลยรักเลยนะคะพี่สิงห์ :ped149:

ปล. +๑ จ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oattie ที่ 18-02-2012 21:12:55
 สงสัยว่าจ้อยจะไม่รอดแน่แล้ว...   :serius2: 

 :o8: ชอบคู่สิงห์กับจ้อยตอนเด็กๆน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 18-02-2012 21:26:30
- สงสารสิงห์ที่ไม่สามารถลบภาพกระดำกระด่างของตัวเองได้
และดูเหมือนสถานการณ์ต่างๆ ก็ล้วนช่วยระบายสีเน่าๆบนภาพสิงห์มิได้หยุด
- สงสารคุณชายที่รู้ไม่เท่าทันสภาพสังคมอีกแบบ เลยตกเป็นเหยื่อของไอ้เลวบริสุทธิ์ลอย
ไอ้ลอยขอทีเหอะ :beat: :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 18-02-2012 21:47:53
ชอบพระเอกเลวๆอ่ะ ลุ้นคู่สิงห์กะจ้อยมาก
 
แต่ลอยนี่มันก็เลวจริงๆ เลวได้ใจมากค่ะ น่าจะแต่งให้ลอยเป็นพระเอกอีกเรื่องนะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 18-02-2012 21:56:02
พีีสิงห์จะกลายร่างเป็นซาตานแล้วเรอะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 18-02-2012 21:56:35
สามคำ>>ปวด ตับ ค่ะ  :m15:
โอ๊ยยยยย ก็โล่งอยู่หรอกที่มาช่วยชายเล็กได้ทัน แต่คู่จ้อยกับสิงห์นี่สิ แงๆๆๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mello-frappe ที่ 18-02-2012 22:11:20
กรี๊ดดดดดดดดดดด แทบไม่กล้าอ่านเลยค่ะคนเขียน
และแล้วตอนที่รอคอยก็มาถึง นึกว่าคุณชายจะเสร็จไอ้ลอยไปแล้ว
แต่คุณชายก็เกือบเสร็จไปแล้ว น่าเสียดายคุณชายมากที่เป็นคนมีการศึกษาแต่ไม่รู้จักแยะแยะว่าอะไรดีหรือไม่ดี หลงผิดง่ายๆ เพราะคำชวนของไอ้ลอย ไม่น่าเลย ปล่อยให้คุณชายคลาดสายตาไม่ได้เลยจริงๆ โชคดีแค่ไหนแล้วที่อาจารย์คนึงมาถึง
ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วเกลียดไอ้ลอย นิสัยเสีย ทั้งกับจ้อยแล้วก็คุณชาย
ไอ้พี่สิงห์ทำไมต้องคบกับมันด้วย รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นคนไม่ดีแล้วยังช่วยเหลือมันทำไมอีก น่ายัดกัญชาให้มันกระสันตายเลยไอ้ลอย !

อ่านคู่ของจ้อยแล้วเหมือนรู้สึกได้อ่านเรื่องของโนโนะเลย - -
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 18-02-2012 22:26:08
โอ้ยยยสงสารสิงห์ ทุกคุณบูชาโทษแท้ๆเลย :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 18-02-2012 22:28:15
สงสารสิงห์อ่า ทำอะไรน้องก็ไม่เคยเห็น
อิลอย มึง :angry2: :fire: :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 18-02-2012 22:54:07
เหมือนจะโล่งใจกับเรื่องคุณชาย แต่ก็เปล่า  :laugh: ยังค้างๆ คาๆ ยังไงก็ไม่รู้ค่ะ

ส่วนอีกคู่ เอาเข้าจริงๆ แล้วเราเข้าข้างน้องจ้อยนะ
ก็ดูไอ้พี่สิงห์มันทำแต่ละอย่างสิ มันเหมือนคนรักกันทำต่อกันตรงไหน
เอาแต่คิดอยู่ได้ว่ารักน้อง หวังดีกับน้อง แต่การกระทำที่แสดงออกดันตรงข้าม
เอาไว้ให้พี่สิงห์ยอมทิ้งศักดิ์ศรีของคำว่าลูกพี่ปลอมๆ นั่นได้เมื่อไหร่
เราค่อยเชียร์ให้สมหวังกับน้องจ้อยก็แล้วกันนะ

แต่ท่าทางจะยากแฮะ เพราะตอนหน้าดูเหมือนจะร้ายกาจกับน้องจ้อยแบบเต็มตัว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 18-02-2012 23:02:58
อร๊ายยยย คุณชายน้อย เธอช่างอ่อนต่อโลกจริงๆ

เหวอๆๆๆ พี่สิงห์กำลังจะกลายร่างแว้วววว!! ><

 :z6: อันนี้สำหรับ อิลอย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 18-02-2012 23:03:07
เมนท์ไม่ออก อ่านแล้วเกร็ง เคร็ดคอ ปวดตับ
หายใจรวยริน

ขอทำใจหนึ่งอาทิตย์ค่ะ จะเมนท์รวดเดียวตอนหน้า ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น

คุณดอกไม้ คุณเยี่ยมมาก

เลิศเลอเพอเฟคที่สุด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 18-02-2012 23:03:40
เรื่องนี้เขียนได้ดีมากเลยค่ะ
เพิ่งเข้ามาอ่านเป็นครั้งแรกก็ติดใจอ่านรวดเดียวจบเลยนะเนี่ย
ชอบทั้งโครงเรื่องและการใช้ภาษามากๆ
จะติดตามต่อไปเรื่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: หัดดิน เอ้ยหัดกิน ที่ 18-02-2012 23:32:33
มีแต่เนื้อหาบีบหัวใจ
อยากจะบ้า = ="
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 19-02-2012 00:09:26
โอย...ไปกันใหญ่แล้ว ทำไมน้องจ้อยใจแข็งอะไรอย่างนี้ พี่สิงห์ก็แจ็คพ็อตตลอดเลยวุ้ย
่ส่วนไอ้ลอย ใครก้ได้เอามันไปเก็บที เกลียดมาก ยุให้รำตำให้รั่วตลอดเวลา ฮึ่ย
อาจารย์คนึง ช่วยเล็กด้วยน๊าาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ares_jum ที่ 19-02-2012 00:28:26
 :monkeysad:

ทำไมเราอ่านไปแล้วเราสงสารสิงห์จังเลยล่ะคะ . . . .

ไม่อยากให้จ้อยเกลียดสิงห์แล้ว

เจอตอนของสิงห์กับจ้อยทีไร มันจุกอกทุกที

ขอให้ 2 คนนี้เค้าเข้าใจได้ด้วยดีด้วยนะคะ ^^


ปล. ตอนหน้าน้องจ้อยโดนจัดหนักแล้วล่ะซิ อิอิ

      ในเมื่อพูดกันด้วยวัจนภาษาไม่ได้ ก็คงต้องใช้อวัจนภาษาแล้วแหละ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 19-02-2012 00:33:34
 :m15:
คนเขียนขา
สงสารพี่สิงห์หน่อยเถิด
คนอ่านไม่ไหวน้า ฮืออออออ

เนื้อแท้พี่สิงห์ก็เป็นคนดี(ใช่ไหม?)
อย่าให้ใครเข้าใจผิดพี่ไปมากกว่านี้เลย
โดยเฉพาะน้องจ้อย

อ่านไปใจจะขาดรอนๆ  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 19-02-2012 00:46:12
ไอ้ลอยยยยย  :m31: :m31:
ฉันเกลียดแก ไอ้ระยำ! ต่ำ! ทราม!
แกไม่ตายดีแน่!!!!!!

สงสารพี่สิงห์
.. สงสารอะ  แต่ก็นะ
คิดจะทำอะไรทำไม่บอกคนอื่น เขาก็มองว่าเราเป็นคนผิดสิ
อีกอย่างยังจะไปคิดช่วยปกปิดไอ้ลอยอีก แค่คิดก็ผิดแล้ว
เห้อ ไม่น่าไปคบกับไอ้ระยำลอยนั่นเลย
ไม่งั้นพี่สิงห์คงไม่ถูกน้องจ้อยหมางเมินแบบนี้

รออ่านตอนต่อไปนะคะ
ทนไม่ไหวอะ สงสารพี่สิงห์ ทำไมคนแต่งโหดร้ายกับพี่สิงห์จัง
แต่กับไอ้ลอย เอามันกระอักเลือดได้ยิ่งดี
เลือดชั่วๆจะได้ออกจากตัวมันให้หมด !

+1 ให้นะคะ รอคอยตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 19-02-2012 00:49:01
เป็นไงละคุณชายเล็กไม่เชื่ออาจารย์เกือบโดนแล้ว เป็นไง  :m16:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 19-02-2012 01:07:05
เกลียดลอย (โคตรๆ)
รำคาญจ้อย (อคติกับสิงห์สุดๆ)
สงสารสิงห์ (ทำอะไรก็เลวร้าย แต่โง่ที่ยังคบกับลอยเพื่อ!?)
เซ็งเลอมาน(เมื่อไหร่จะรู้ว่าลอยมันเลวสักที!)
แต่ยังรออ่านนะคะ ลุ้น ฮาาๆๆๆ (ยิ่งอ่านยิ่งเครียด คือแบบไม่แฮปปี้ ลัลล้าในใจเลยสักตอนอ่าาาาา) เลิกอ่านไม่ได้มันคาใจ เอิ๊กๆXD
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: blackyoyo ที่ 19-02-2012 01:32:28
โอ้ย รู้จนจะบ้าตาย เกื่อบไม่ทันแล้ว ดีมากนายสิงห์ที่นายมาทัน

แต่จ้อย  :เฮ้อ: เมื่อไหร่จะใช่ใจฟังซะทีนะ

ส่วนนายลอย  :z6: ฉันให้แก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 19-02-2012 01:35:04
คุณช้ายยยยยยย  หวิดไปแล้วมั้ยล่ะ  คนอ่านใจหายหมดเลย
ถ้าเป็นเด็กเป็นเล็กนะ  จะจับมาตีก้นซะให้เข็ด
(เอ...ไม่ได้สิ  ไว้เป็นหน้าที่ของอาจารย์แล้วกันนะ  อิอิ)

แอบหยะแหยงแทนที่โดนมันจูบเข้า
 ตื่นมาจะจำอะไรได้มั่งมั้ยเนี่ย  เฮ้ออออ

แต่ตอนนี้ต้องยกให้สิงห์ดีกว่า  ทั้งสงสารทั้งเห็นใจ 
ก็ไม่รู้จะโทษใครดีที่ทำให้สิงห์เป็นแบบนี้
 ยังไงก็ต้องโทษเจ้าตัวเองด้วยแหล่ะ
ที่ทำให้เรื่องมันเลยเถิดจนหนูจ้อยเขาชังน้ำหน้าตัวขนาดนี้

เฮ้อออออ  หนักใจแทนคู่นี้  หวังว่าจะมีอะไรดีดีเกิดขึ้นเร็วๆนี้นะคะ  อิอิ

+1 ให้จ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: WinterRose ที่ 19-02-2012 02:16:21
พอเห็นมาต่อตอน 12 ไอ้เราก็กะจะอ่านให้เปรม
แต่พอเจอเนื้อเพลงเริ่มบทเข้าไป ลมจะใส่ค๊าาาา
เรื่องของเรื่อง ตอนเรียนปีสามวิชาการแปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ
เราต้องแปลเพลงนี้เป็นภาษาอังกฤษค่ะ (แค่คิดถึงก็จะเป็นลมอีกรอบแล้ว)

เอาล่ะ ผ่านไปๆ มาพูดถึงเนื้อเรื่อง
เฮ้อ เฮ้อ ขอถอนใจอีกสักร้อยทีเถอะค่ะ แม่ยกอย่างข้าพเจ้าสงสารเจ้าสิงห์เหลือเกิน
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น งานเป็นต้องเข้าเจ้าสิงห์ทุกครั้ง
เป็นคนสร้างปัญหาหรือก็ไม่ ปัญหาก็คอยแต่จะวิ่งเข้าหาอยู่ร่ำไป
จ้อยเองก็คงจะอคติ ทั้งจากตอนที่โดนทำร้ายใจสมัยยังเด็ก ทั้งเหตุการณ์ล่าสุด
จะให้มานั่งมีเหตุผลแยกแยะอยู่ก็คงจะเป็นเทพเป็นเทวดากันเกินไป

ยิ่งได้อ่านเหตุการณ์ในครอบครัวก็ยิ่งสงสารสิงห์
ในเมื่อพ่อกับแม่เป็นแบบนี้ สิงห์จะเป็นอย่างนี้ก็ไม่แปลกใจเลย
เราก็ไม่เข้าใจความคิดของผู้ใหญ่ เด็กที่เรียนโง่คือเด็กเลวหรือ? ถึงต้องตอกย้ำกันขนาดนั้น
ไม่แปลกหรอกที่เด็กมันจะมีปัญหา ทุกวันนี้ก็มีเห็นกันให้เกลื่อน
แค่สอบตกก็แทบจะถูกจับติดคุกทางใจแล้ว

แต่ตอนนี้แค้นไอ้ลอยสุดๆ พี่สิงห์เลิกห่วงมันไปเลย มันเห็นดีก็แต่เงินเท่านั้นแหละ
ขนาดยอมทำตัวเป็นแมงดา หลอกผู้หญิงบริการให้เขาหาเลี้ยงขนาดนี้
ไม่รู้อะไรแย่กว่า ที่ไม่พาคุณเล็กไปทำอะไรต่อมิอะไรทัยที หรือที่ให้มาพี้ มาเมาก่อนอย่างนี้
ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นว่าเลว ที่สำคัญ มันได้จูบคุณเล็กไป! เลวมาก!

แต่ขอนิดนึง คุณเล็กน่ารักม๊าก ตอนที่ร้องหาอาจารย์ เล็กอย่างงั้นอย่างงี้ โอ๊ย ไม่ไหวๆ
ถ้าเป็นพระเอกคนอื่นสงสัยคืนนี้จะไม่รอด แต่นี่เป็นอาจารย์คนึง..
ก็ไม่ทราบอาจารย์จะได้ฤกษ์ไปบวชแล้วหรือเปล่า ฮ่าๆๆ
รอมานานเลยเก็บกดไปนิด อ่านให้สนุกนะคะคุณดอกไม้ XD

รอเสมอค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 19-02-2012 03:51:24
 :เฮ้อ:.... เกือบไปแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~MiKi~ ที่ 19-02-2012 06:43:03
ทำไมคณชายเล็กเกเรอย่างนี้ ทั้งเหล้า ทั้งกัญชา จะบร้าตาย สติอยู่ไหน ก้อรู้ว่าสิ่งไม่ดีทำไมกล้าลอง น่าจับเฆี่ยนให้หลังลาย

จ้อยคิดจะฟังอะไรบ้างไหมเนี่ยะ จากสงสารชักหมั่นใส้ มีเหตุผลบ้างเหอะพ่อคุ๊ณ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 19-02-2012 12:13:54
คู่สิงห์กับจ้อยบีบหัวใจจริงๆ สงสารสิงห์มาก ทำไมไม่มีใครเข้าใจเลย
คุณชายก็เกือบโดนแล้ว เซง  :a5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 19-02-2012 12:21:00
อ่านเรื่องนี้แล้วให้อารมณ์เหมือนกับดูละครพีเรียดหลังข่าวช่อง 5 เลย

โดยเฉพาะไอ้ลอยย!!!  นี่มันตัวร้ายหนังไทยมัยก่อนชัดๆ  ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ

แอบหมั่่่นไส้จ้อยเล็กๆ...แต่หมั่นไส้สิงห์มากกว่า รักเขาแล้วไม่แสดงออก  ถึงแสดงออกก็แสดงผิดวิธี

สมควรแล้วต้องโดนเข้าใจผิดแบบนี้แหล่ะค่ะ  ....

แต่คนที่น่าเอาไปเก็บที่สุดคงจะไม่พ้นนนคุณครูคนึงกับคุณชายเล็กกต่างคนต่างไม่ระวังอะไรเลยย...

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อนะค่ะ   ปูเสื่อนอนรอค่ะ  เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 19-02-2012 12:43:16
แค่ชื่อตอน   กรี๊ดดดดด (ใครกรี๊ด)  กดไลค์ แทบไม่ทัน


สงสารเล็ก  คงไม่มีที่ลง 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: llPETCHll ที่ 19-02-2012 13:25:51
กรี๊ดดดดดดด T T

แล้วเมื่อไหร่มันจะเข้าจายก๊านนนนน T[ ]T ;;
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: นางคุ้ม ที่ 19-02-2012 15:15:10
อย่าด่าดิฉันนะคะ ถ้าอิชั้นจะเชียพี่ลอย  อร๊าย แมนสะใจมากค่ะ  จับมาทำเมียให้หมดเลยค่ะพี่ลอย  ทั้ง เล็ก นังจ้อย ไอ้สิงห์  คนึง  หน้าโง่กันดีนัก คริคริ   พี่ลอยสู้ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 19-02-2012 17:39:40
รันทดสุดๆ!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 19-02-2012 17:58:17
เข้มข้น คนึงควรจะลงโทษเด็กที่เจ็บแล้วไม่จำหน่อยนะ
เป็นเด็กเป็นเล็ก ริลองเหล้ายา คนึงต้องจับตีก้นซะให้เข็ด  :oo1:  กร๊าก (เหมือนจงใจใช้ภาพผิดนะ)
สิงห์จ้อย ตบจูบๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: looknamniiz ที่ 19-02-2012 19:03:15
จ้อยจะไรนักหนาเนี่ย สิงห์จัดการแม่มเลย
เราสงสารคุณชายนะ อยู่ที่ที่ไม่คุ้นเคย
แถมอาจารย์เล่นตัวไม่ยอมรับรักรู้สึกไงมั่งล่ะจารย์

รอตอนต่อไปไม่ไหวแล่วว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 19-02-2012 20:35:43
คือ...หมั่นไส้น้องจ้อยมากๆ มานานแระ
ตอนหน้าขอยกป้ายไฟเชียร์ให้สิงห์จัดหนักน้องจ้อยซักทีเหอะ ชิ!!

เอ่อ...ว่าแต่คุณชายของเราจะโดนอาจารย์จัดหนักบ้างไหมล่ะเนี่ย??
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 19-02-2012 22:02:20
สงสาร สิงค์

จริงๆแล้วเป็นคนดีคนนึงเลยละ

เสียตรงได้เพื่อนเลว แล้วพา กันเลว ละสิ

กลับตัวกลับใจเลิกยุ้งกับพวกเห็นแก่เงินซะ

ถ้าแมร่งยัง กวนทีนใส่ ล้อพวกแมร่งอีก ก็ค่อยยำตีนแมร่งไป

แมร่งงง

อ่านแล้วขึ้นวะ

อยากอยู่ในเรื่องมากเลย

จะก้านคอ ไอ้ลอยสักเปรี้ยงงง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 19-02-2012 23:42:13
เฮ่อโล่ง :เฮ้อ: ไอลอยยังไม่ได้ข่มขืนเลอมาน
แต่พี่สิงห์นี่ดิ เมื่อไหร่จะเข้าใจว่าศักดิ์ศรีของหัวโจกมันสู้ได้อยู่กับจ้อยไม่ได้นะ
ไม่อยากให้พี่สิงห์ทำอะไรจ้อยรุนแรงไปกว่านี้เลย สงสารทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pk11677 ที่ 20-02-2012 04:20:30
ม่ายยยยยยยยยยย   สงสารสิงห์ T__T
เก็บนายลอยคนเดี่ยวก็พอ  เกลียดมัน  :m31:

เรื่องนี้มีแนวโน้วว่าจะดราม่าน้ำตาลากเลือดอย่างหน้ากลัวโปรดให้ผู้ท่านทุกท่านเตรียมอุปรณ์ซับน้ำตากันไว้ด้วย :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 20-02-2012 12:45:15
 :L2:ขอบอกว่า อ่านถึงบทที่ 9 แล้วค่ะ
มันเศร้าจับจิต..จริงๆนะ
แล้วเมื่อไหร่น้องจ้อยจะใจอ่อนให้พี่สิงห์ เห็นมั๊ยว่า อาจารย์คนึงเริ่มใจอ่อน(รึรักแล้ว)แล้วนะ
จริงค่ะ อิฉันหาอ่านตอนที่จินดาเสียชีวิตไม่เจอ เป็นคำบอกเล่ามิใช่ทั้งตอนใช่ไหมคะ?
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 20-02-2012 16:27:29
พี่สิงห์ก็อมพะนำอยู่ได้ปกป้องมันทำไมก็ไม่รู้ไอ้ลอยเลวน่ะ :เฮ้อ:
ตัวเองเลยกลายเป็นคนเลวสมบรูณ์แบบในสายตาจ้อยไปเลยเซ็ง :เฮ้อ:

อาจารย์ก็ดีที่มาไวนะ ไม่งั้นคุณชายเล็กของอาจารย์เสร็จไอ้ลอยแน่ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 20-02-2012 20:30:18
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆ
เกลียดไอ้ลอยมากๆ
จะเห็นใจจ้อยดีไหมเนี่ย
+ 1 นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Eomoge ที่ 20-02-2012 20:40:31
จ้อยระวัง  :oo1: :oo1: นะลูก

สิงห์น่าสงสาร !!  :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ai_no_uta ที่ 23-02-2012 20:11:15
ช่วยกันดันจ้า~~~ 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 23-02-2012 23:19:14
ฮึบๆ
ดัน รอคุณชาย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 24-02-2012 02:36:09
เพิ่งจะได้มีโอกาสมาติดตาม นิยายเรื่องนี้ครับ

ผมขอชมเชยท่วงทำนองการประพันธ์  การบรรยาย การพรรณา ทำให้ผู้อ่าน รับรู้ถึง เรื่องราว การดำเนินชีวิต ของชาวไทยในอดีต  อีกทั้งการสอดแทรก ความประชดประชัน ต่อเด็กไทยสมัยใหม่ ที่โดนวัฒนธรรมต่างชาติเข้าครอบงำ จนลืมกำพืด ของความเป็นไทย ไป

ขอบคุณผู้เขียน ที่ตบแต่งนิยายเรื่องนี้ ให้เราๆ ได้อ่านครับ   ขอมาติดตามต่อครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 24-02-2012 05:03:42
โอ้ เพิ่งว่างเข้าเล้า ก็รีบมาอ่านคุณชายต่อทันที อ่านจบแทบจะกรี๊ด
สงสารคุณชายมาก  แต่ตอนนี้สงสารสิงห์มากเหมือนกัน เฮ้อ โดนเข้าใจผิดตลอดๆ
จนเริ่มจะเลวจริงซะแล้ว
รักคุณชายมากกกกกกก
รักคุณดอกไม้ด้วยครับผม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 24-02-2012 11:54:08
อาจารย์คะตอนนี้ลูกศิษย์น่าตีมากๆเลยค่ะ ริทั้งเหล้าทั้งยา  :m16:ต้องทำโทษหนักๆนะคะ อย่าใจอ่อนเชียว
ส่วนคู่สิงห์นี่อึดอัดมากยังไม่เห็นทางเคลียร์เลยค่ะ สิงห์ต้องการคนเข้าใจ ให้กำลังใจในทางที่ถูก ส่วนน้องจ้อยก็ยังเด็ก ต้องการคนปกป้อง ไมใช่ขู่เอา ขู่เอา นะคะสิงห์ :เฮ้อ:

รักเรื่องนี้มากมายค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MinKKniM ที่ 24-02-2012 22:03:50
คุณชายเล็กนี่น้าทำไมดื้ออย่างนี้ นี่ยังโชคดีที่ช่วยไว้ทันไม่งั้นแย่แน่เลย น่าจับตีจริงๆ
 แล้วไปหลุดปากเรื่องครูให้ไอ้ลอยมันรู้อีก ตายแน่เลย มันเอาเรื่องนี้มาสร้างปัญหาให้แน่ๆ
งอนคุณชายเล็กแล้ว โตแล้วทำไมยอมให้คนเลวชักจูงไปในทางที่ไม่ดี
งอนนนนนนนนมาก ชิร์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazakapp ที่ 24-02-2012 22:44:31
มานั่งรอเลอมาน~~ :t3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shabu ที่ 24-02-2012 22:49:50
รอด้วยคน คืนนี้จะได้เจอคุณชายมั้ยคะ :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 24-02-2012 23:40:01
คืนนี้ไม่สามารถค่ะ ดอกไม้ปั่นไม่ทัน  :sad4:

ขอโทษจริงๆค่ะ  ขออัพวันพรุ่งนี้นะคะ

แอบดีใจที่รู้ว่ามีคนรอ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shiki senri ที่ 25-02-2012 02:02:32
กรี้ดดดค่ะ! รักเรื่องนี้มากๆ ขอบคุณมากนะค่ะที่แต่งเรื่องนี้มาให้อ่าน ได้บรรยากาศอดีตมากๆเลยค่ะ
รอลุ้นต่อไป ยอมรับตอนแรกที่เข้ามาอ่านตอนนี้ไม่กล้าอ่านต่อเลย ทำใจกะลอยไม่ได้แต่พอเลื่อนดูเห็นครูมาแล้ว แทบกรี้ดด มีกำลังใจอ่านต่อทันที อยากรู้ตอนต่อไปแล้ววว ขอหวานๆนะคะ ติดตามค่ะ สนุกสุดๆเลย 

แนะนำเพื่อนๆที่อ่าน ลองเปิดเพลง ลาวคำหอม พร้อมนะคะได้ฟิลสุดๆ ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: meiji ที่ 25-02-2012 15:37:27
มารอค่า จะมาวันนี้รึป่าวเอ่ยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๒ : ยูงกระสันเมฆ [๑๘/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 25-02-2012 17:45:34
เหมือนอะไรๆ จะยิ่งแย่ลงไปทุกที
สิงห์ก็ลองกลับตัวกลับใจจริงๆ ซักทีสิ
เลิกคบเพื่อนแบบลอยเลยก็ได้
สิงห์น่าสงสารที่สุดแต่จะเลวให้สุดแบบนั้นก็ไม่เอานะ
จากที่ว่าจะดีขึ้นสักนิดจะกลายเป็นว่าแย่ลงกว่าเก่าไปหมด

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 25-02-2012 20:10:42
(http://img38.picoodle.com/i52p/wattanan/0_8a1_ucmz8.jpg)

บทที่ ๑๓

กอดฉัน



กอดรัดฉันไว้  กอดรัดฉันไว้
กอดเกลาเร้าใจให้คลอนทรวงไหวระรัว
ไม่หวงเนื้อตัว ไม่หวงเนื้อตัว
หากจะหวงก็หวงหัวใจ

บอกรักฉันซี  บอกรักฉันซี
บอกเป็นวจีที่ทรวง ทรวงนี้พิไร
บอกซิรักใคร บอกซิรักใคร
บอกมาแล้วจะให้รางวัล*




คนึงเหยียบคันเร่งพารถจี๊ปสีขาวห้อตะบึงฝ่าสายฝน  ที่เบาะหลังจ้อยประคองคุณชายให้นอนหนุนตัก  คนเมาทั้งเหล้าเมาทั้งยายังหัวเราะคิกคักไม่หยุด  พึมพำพูดอะไรฟังไม่ได้ศัพท์  จนจ้อยต้องก้มหน้าตะแคงหูฟัง
   
เท่านั้นก็ได้เรื่อง!

“อะ..อาจารย์!” เสียงนักเรียนครูอุทานตกใจดึงสมาธิคนขับ  คนึงเหลือบมองกระจกหลัง  เห็นจ้อยทำหน้าเหยเก “คะ..คุณชายหอมแก้มผม!”

ชายหนุ่มขบกรามกรอด  เหยียบคันเร่งแทบมิดจนรถโคลงเคลงกระเด้งกระดอนไปตามถนนขรุขระ  เขาบอกไม่ถูกว่าโกรธใครมากกว่ากัน  ระหว่างเจ้าเด็กดื้อที่ไม่อยู่รอเขาแถมยังริอ่านกินเหล้าเมายา  กับไอ้พวกอันธพาลที่ประสงค์ร้ายมอมเหล้าเสียจนเมามาย 

หรือควรโกรธตัวเอง..ที่ปล่อยให้เลอมานอยู่คนเดียว 

“อาจารย์ ขับเร็วๆ หน่อย” จ้อยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เข้าไปทุกที  “คุณชายเป็นอะไรก็ไม่รู้..เมื่อกี้ล้วงขากางเกงผมด้วย!”

.................................

กว่ารถจี๊ปจะเดินทางกลับมาถึงโรงเรียน  จ้อยก็ถูกลวนลามไปนักต่อนักจนขนลุกซู่  ขืนช้ากว่านี้อีกนิดเดียว  สงสัยเขาจะโดนคุณชายจับปล้ำคารถเป็นแน่แท้

จ้อยกลับหอพัก  ส่วนคนึงอุ้มลูกศิษย์ตัวดีตรงไปยังห้องน้ำอาจารย์ด้านหลังเรือนไม้  มือใหญ่วางร่างที่เอาแต่นัวเนียเกาะเกี่ยวไม่ปล่อยลงพื้นกระเบื้อง  กว่าจะถอดเสื้อผ้าคนเมาออกได้สำเร็จก็เล่นเอาหืดขึ้นคอ   

“ครูเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ากินเหล้า!” อาจารย์เสียงดังจนเกือบเป็นตะคอก  ตรงข้ามกันเหลือเกินกับมือที่จ้วงน้ำในอ่างค่อยๆ ราดรดลงเนื้อตัวเปลือยเปล่าอย่างอ่อนโยน 

“รู้ไหมว่าถ้าครูไปช้ากว่านี้จะเป็นยังไง” เขาวักน้ำขึ้นลูบใบหน้าอ่อนเยาว์  ระมัดระวังไม่ให้ถูกผม  ขืนนอนทั้งหัวเปียกมีหวังเจ้าเด็กดื้อจับไข้แน่

“หนาว..” น้ำเย็นเฉียบจนคุณชายหนาวสั่น  กระเถิบไปขดร่างคุดคู้อยู่ตรงมุมอ่างน้ำ  คนตัวโตยังตามติด  ดึงแขนดึงขาออกมาถูสบู่ให้ 

“ต้องให้ครูเป็นห่วงแค่ไหนถึงจะพอ!” ยิ่งนึกถึงเกล็ดทองเปลวบนปากไอ้ลอยยิ่งยอกอก  มือใหญ่บีบยาสีฟันใส่แปรง  บีบคางเล็กให้อ้าปากก่อนแปรงฟันให้

ล้างร่องรอยไอ้คนหยาบช้านั่นออกให้หมด!

กว่าจะอาบเสร็จ เลอมานก็คางสั่นจนฟันกระทบกันกึกๆ  อาจารย์หนุ่มคว้าผ้าขนหนูผืนใหญ่มาห่อร่างเปลือยเปล่า  ช้อนขึ้นอุ้มแนบอก  ศิษย์เบียดเข้าซุกอกกว้างราวกับจะหาไออุ่น  กลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้ง กลิ่นกัญชาฉุนกึกจางหายไปสิ้น  เหลือเพียงกลิ่นสบู่หอมฟุ้งอวลอยู่บนเนื้อขาวเนียน       

“ทำไมไม่รอครู!” คนึงยังบ่นไม่เลิกยามอุ้มร่างแบบบางขึ้นห้อง  บรรจงวางบนเตียงอย่างทะนุถนอม “ไหนสัญญาว่าจะรอกัน”

ประโยคท้ายแผ่วลงคล้ายรำพึงตัดพ้อ  ดวงตาคมเข้มมองร่างที่นอนระทดระทวยตรงหน้า  มือใหญ่ค่อยๆ ซับหยาดน้ำออกจากเนื้อตัวนุ่มนิ่ม  ก่อนลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้าของคุณชาย  กลิ่นบุหงาดอกไม้อบหอมโชยรื่น  เลือกชุดนอนเนื้อบางออกมาชุดหนึ่ง

“ใส่เสื้อก่อนเร็ว  เดี๋ยวเป็นหวัด” เพิ่งรู้ว่าจับคนเมาใส่เสื้อนี่มันยากกว่าจับน้องๆ แต่งตัวเมื่อตอนเป็นเด็กเสียอีก  เลอมานเอาแต่ฮึดฮัดปัดป้อง  กว่าเขาจะยัดแขนขาอีกฝ่ายลงในชุดนอนได้  กว่าจะกลัดกระดุมให้คนที่เอาแต่ยุกยิกได้ก็แทบปาดเหงื่อ 

มาชะงักเอาอีตอนที่เห็นรอยจูบแดงช้ำบนซอกคอขาว 

“เล็ก” คนึงพยายามสะกดกลั้นโทสะที่กรุ่นขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ  เค้นถามเสียงต่ำ “ใครจูบเรา”

นายสิงห์หรือนายลอย?

เลอมานมองมาตาฉ่ำเชื่อม  ปากสีเรื่อแย้มยิ้มยั่วเย้า “อาจารย์นั่นแหละ” 

อาจารย์หนุ่มสูดหายใจลึก  เริ่มนับหนึ่งถึงสิบ  โบราณว่าอย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา “โดนจูบตรงไหนอีก”

เสียงใสหัวเราะคิก  นิ้วเรียวจิ้มหน้าผากตัวเอง  เลื่อนมาจิ้มสองแก้ม  เลื่อนมาจิ้มปาก  พอเลื่อนมาจิ้มคอ  หนึ่งถึงสิบที่อาจารย์อุตส่าห์นับก็ระเบิดกระจัดกระจาย 

“ยอมให้เขาจูบทำไม!  หา!” เสียงห้าวตะคอกลั่น  มือแกร่งบีบไหล่เล็กเขย่าจนตัวคลอน  ศิษย์ถึงกับนิ่วหน้าเหยเก     

แถมแค่โดนดุนิดๆ หน่อยๆ นัยน์ตาคู่สวยก็รื้นน้ำตาขึ้นมาเสียเฉยๆ 

“Don’t scold me.” คุณชายเบะปากเหมือนพร้อมจะซัดโฮ  ซ้ำยังหลุดพูดภาษาอังกฤษเสียด้วย “Please..”

อาจารย์หนุ่มส่ายหน้า  จึ๊ปากท่าทางหงุดหงิดเต็มที่  คนโดนดุยิ่งน้ำหูน้ำตาร่วง

“Don’t hit me.” คุณชายสะอื้นฮักอย่างหมดท่า เช็ดน้ำตาป้อยๆ “It hurts”
   
คนึงลอบถอนใจ  ดึงมือเล็กที่ขยี้ตาจนแดงช้ำออก  แต่อีกฝ่ายยังดื้อดึงจนเขาต้องประคองให้ลุกขึ้นนั่ง  โอบกอดไว้แนบอก  โยกโคลงไปมา  เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบา “ไม่ตีหรอก  ไม่ดุแล้วด้วย  นิ่งซะ”

“You hit me the other day, it’s red all along. Your hit is too hard.” คนขี้แยเงยหน้าขึ้นสบตา  คำพูดหล่นพรั่งพรู

ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น  ถ้าประโยคสั้นๆ ละพอฟังออก  แต่เล่นมายาวเหยียดรัวเร็วแถมสำเนียงอังกฤษจ๋าแบบนี้.. มันสุดความสามารถในการตีความ     

“Here..”

อาจารย์เบิกตากว้างเท่าไข่ห่าน  เมื่อจู่ๆ มือเรียวก็ดึงกางเกงนอนเนื้อนิ่มลงพรืด  พลิกกายอวดเนินบั้นท้ายขาวเนียนกระจ่างแก่สายตา

คุณชายไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ  ในสติที่ถดถอยด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์  เขาแค่อยากอวดรอยนูนแดงที่เกิดขึ้นเพราะถูกอาจารย์เฆี่ยนเมื่อประมาณเดือนก่อน 

ป่านฉะนี้แล้วรอยมันคงจะยังอยู่หรอกนะ

“เลอมาน!” เสียงห้าวตวาดลั่น  แทบโจนเข้าใส่ร่างที่เปิดเผยเนื้อหนังตรงหน้า  มือใหญ่พยายามรั้งกางเกงที่ถูกถลกขึ้น  อีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย  คุณชายดิ้นขลุกขลักทั้งยังหัวเราะเอิ้กอ้าก  คงนึกว่าอาจารย์ชวนเล่นมวยปล้ำ
    
สองร่างปลุกปล้ำกันจนผ้าปูที่นอนยับย่น  ผลัดกันพลิกคว่ำพลิกหงาย  ผ้าห่มไปทาง หมอนไปทาง  กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนอาจารย์ตรึงศิษย์จอมพยศไว้กับเตียงได้สำเร็จ  จมูกชนกันโดยไม่ได้ตั้งใจ 

คนตัวโตชะงักนิ่งเหมือนถูกสะกด  ดวงตาคมเข้มมองวงหน้าละมุนตรงหน้า  ยิ่งเห็นนัยน์ตาหวานฉ่ำยิ่งพาใจเตลิด  ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นรัวอย่างไม่ไว้หน้าเจ้าของ 

อากาศหลังฝนตกเย็นชื่นแต่เหตุใดเหงื่อเม็ดเล็กจึงผุดซึมเต็มหน้าผาก  อาจารย์กลืนน้ำลายฝืดคอ  เคยบวชเรียนมาแล้วหนอคนึง วนาสัย  ท่องเอาไว้ว่า..ขันติ..ขันติ.. จงมั่นคงหนักแน่นเหมือนแผ่นดิน  ไม่ว่าคนจะเทอะไรลงไป  ไม่ว่าจะของสวยงามหรือของหอมแค่ไหน  ก็จงอย่าหวั่นไหวเป็นอันขาด   

เขาพยายามข่มใจ  แต่ทำไมแผ่นดินจึงไหวสะทกป่วนปั่น  มีเมฆที่ไหนสักแห่งอัดอั้นอยากถะถั่งชโลมพื้น  อยากเทกระหน่ำให้สาใจ  อยากคว้าเด็กหนุ่มที่ลอยหน้ายิ้มยั่วมาลงทัณฑ์   
   
นัยน์ตาเด็กหนุ่มเป็นประกายวาววาม  คนึงเสียววูบลงถึงท้องน้อย  อะไรในตาคู่นั้น  เข็มกี่เล่มซัดสาดภายใน  กล้ามเนื้อชายหนุ่มไหวระริก  เลือดในกายเดือดระอุ  โดยไม่ทันรู้ตัว  บางองคาพยพขมวดขึงตึง 

“อาจารย์” คนถูกเรียกแทบหยุดหายใจ  ริมฝีปากบางสวยขยับเป็นจังหวะ  ปลดปล่อยถ้อยคำเสียดลึกถึงวิญญาณ  “กอดผมที”

ถือขันตีทีนั้นก็ขันแตก     ทั้งศีลแทรกสูดออกกระบอกหู*    

ในหัวคนึงว่างเปล่า  ไม่มีทั้งอดีตและอนาคต  ไม่มีแม้จรรยาบรรณหรือคุณธรรมใด  ไม่มีคนอื่น  ไม่มีมนุษย์หน้าไหน  นอกจากคนที่อยู่ในอ้อมแขนเวลานี้

ใบหน้าหล่อคมโน้มลงประทับจูบบนเรียวปากอิ่ม  สุดอธิบายในความดาลใจแทบด่าวดิ้น  เมื่ออีกฝ่ายจูบตอบอย่างเต็มอกเต็มใจ  ความอ่อนโยนถูกไฟโหมกลายเป็นความหนักหน่วง  เหมือนได้ดื่มกินดวงจันทร์  ดื่มด่ำดวงดาว  กลิ่นหอมหวานพาหัวใจให้ไหลล่องลงสู่มหาสมุทรเชี่ยวกราก  ดำดิ่งลึกลงในห้วงน้ำความลุ่มหลง

เขาผละออกเมื่อร่างเล็กครางฮือ  จูบแตะแผ่วๆ ซ้ำๆ บนกลีบปากแดงเจ่อ  ก่อนลัดเลาะลงซุกไซ้ซอกคอขาวนวล  หวานแสนหวาน  หอมแสนหอม  มือใหญ่สั่นเทาปลดกระดุมเสื้อนอนเนื้อนิ่ม  แผ่นอกขาวเนียนสะท้อนแสงโคมไฟนวล  ยอดอกสีเรื่อหดเกร็งเย้ายวน  คนึงอดใจไม่ไหวจนต้องลองชิม  เรียกเสียงครางหวานหู  ความปวดแปลบวกเวียนซาบซ่านที่กึ่งกลางลำตัว 

หัวใจดวงเดิมเต้นรัวแทบทะลุอกเมื่ออีกฝ่ายแยกขาออกกว้าง  คล้ายดอกไม้แรกแย้มคลี่กลีบเบ่งบานเชิญชวนแมลงภู่ซุกไซ้เกสรหอม 

หรือคล้ายกับดักลวงล่อ  หรือคล้ายหลุมพรางลวงใจ 

ทว่าต่อให้เป็นหลุมเป็นกับดักเป็นแร้วเป็นบ่วง  เขาก็ยินดีมอบกายร่วงหล่น  ยินดีมอบใจให้ถูกรัดพัน

แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าจะไม่มีวันหลุดพ้นบ่วงเสน่หานี้ได้อีกจนชั่วชีวิตก็ตาม

บางส่วนกลางลำตัวแนบสนิทชิดเชื้อ  ชายหนุ่มกดสะโพกลงขยับเสียดสีเชื่องช้า  ดั่งเกิดประจุไฟฟ้าเวียนวนจนระอุ เลอมานสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงความปรารถนาที่แข็งขึงร้อนผ่าว  ทั้งของตนและของร่างที่คร่อมทับ  หากเป็นยามปกติเขาคงหวาดผวา  แต่ไม่ใช่ตอนนี้.. ยามที่สตินึกรู้ลางเลือน  ปล่อยร่างกายให้เคลื่อนไหวไปตามหัวใจ  ปล่อยเสียงครวญครางสั่นพร่า  ปล่อยสองแขนโอบคล้องรอบคอหนา  ปล่อยสะโพกมนหยัดรับความต้องการของอีกฝ่ายอย่างร้อนเร่า
   
คนึงเลียริมฝีปากแห้งผาก  หอบหนักจนแผ่นอกกว้างสั่นสะท้าน  มือหยาบลูบไล้ไปทั่วเรือนกายขาวผ่อง  ก่อนสอดลงใต้กางเกงนอนที่เกาะสะโพกเพียงหมิ่นเหม่  ละลานใจเมื่อร่างเล็กไหวสะเทือนเพียงเขาสัมผัสแก่นกายร้อนผ่าว  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์บิดกายเร่าไร้การควบคุมดังสายว่าวขาดลอย  ปลิวหวือไปกับลมบน  มือใหญ่รูดรั้งอ้อยอิ่งก่อนเพิ่มจังหวะรัวเร็ว 

“อ๊าาา...” เสียงครางหวานหูดังลั่น  ดังลั่นจนเกรงว่าจะได้ยินไปถึงห้องข้างๆ ที่กั้นไว้เพียงผนังไม้ฉำฉา 

ชายหนุ่มปิดเสียงนั้นไว้ด้วยจุมพิตร้อนแรงตะกรุมตะกราม  เหลือเพียงเสียงครางหวิวในลำคอ 

“อื้ออ..” ร่างบอบบางหยัดเกร็งเมื่อความปรารถนาที่ร้อนระอุของพวกเขาถูกรวบไว้ด้วยกัน  มันร้อนจัดจนน่ากลัวว่าจะมอดไหม้  อุ้งมืออุ่นรูดรั้งรุนแรงขึ้นทุกขณะ  มืออีกข้างลูบไล้วงหน้าอ่อนเยาว์ที่เหยเกด้วยแรงอารมณ์  ไม่มีคำพูดใด  มีเพียงเสียงหอบหายใจถี่กระชั้นเคล้าเสียงคราง  มีเพียงเสียงชุ่มฉ่ำเจาะแจะเหมือนน้ำล้นฝาย  มีเพียงสายตาที่จับจ้องมองกัน               
   
พายุสวาทครืนโครม  หอบเกลียวคลื่นเซาะฝั่งใจ  หอบซัดเมฆฝนลอยวนกลั่นหยดเป็นธารหวานพรั่งพรู  มือเล็กขยุ้มเสื้ออาจารย์จนยับย่น  เสียงหวานครางถี่กระชั้นขึ้นทุกที  ก่อนกระตุกเฮือกจนกล้ามเนื้อสั่นระริก  คนึงปิดเสียงกรีดร้องด้วยริมฝีปากอุ่นไว้ทันควัน

คราบขาวขุ่นหยาดหยดสู่หน้าท้องราบ  บ้างกระเซ็นลงที่นอนนุ่ม  ปนเปคละเคล้าไม่รู้ของใครเป็นของใคร  มิยินเสียงตกกระทบ  หากกรูกราวในห้วงอารมณ์  เมื่อพายุผ่านไป  อาจารย์แสนละอายและอดสู  แต่ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอิ่มเอิบซาบซ่านนัก   

ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงกอดกระชับอีกฝ่ายไว้  ต่างคนต่างหอบหนัก  เลอมานหลับตาลง  น้ำตาหยดหนึ่งร่วงเผาะจากหางตาลงสู่ที่นอนเป็นวง  อาจารย์จูบซับรอยน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

สายตาคมเห็นกลีบปากแดงเจ่อช้ำด้วยรสจูบที่เขาบดขยี้แล้วบดขยี้เล่า  หัวใจไหววูบขึ้นมาอีกครั้ง  มือใหญ่ยกขึ้นแตะแผ่วเบา  ชะงักเมื่อของเหลวขาวขุ่นที่ชุ่มปลายนิ้วแปดเปื้อนริมฝีปากที่เผยอน้อยๆ  ชายหนุ่มใช้จูบเช็ดออกให้  ลิ้มรสชาติหวานคาวอย่างไม่คิดรังเกียจ   

ศิษย์ปรือตาขึ้นมอง  ดวงตาแดงก่ำคลอหยาดน้ำใสจนหัวใจคนเห็นไหวยวบ  อาจารย์พรมจูบทั่วใบหน้า  หน้าผาก  เปลือกตา  สองแก้ม 

“นอนซะ..เด็กดี” เขารั้งร่างเล็กเข้ามาหนุนแขน  โอบกอดไว้แนบอก  คุณชายยังสะอื้นแผ่ว  เขาจูบซ้ำๆ ที่ขมับชื้นเหงื่อ

“เจ้าเนื้อละมุนเอย..” เสียงนุ่มนวลเริ่มขึ้น  ปลอบประโลมเด็กขวัญหนี “..เนื้อเจ้าอุ่นเหมือนสำลี  พี่ไม่ให้ผู้ใดต้อง  เนื้อเจ้าจะหมองศรี..” ปลายนิ้วเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผากเล็กออก  สัมผัสอ่อนโยนจนเปลือกตาบอบบางปิดลงอย่างวางใจ  ซุกร่างเข้าหาอกอุ่นล้ำ.. คล้ายจะฝากทั้งกายและใจไว้ในอ้อมแขนนี้   

เลอมานดำดิ่งลงห้วงนิทราอย่างง่ายดายด้วยเสียงทุ้มแผ่วที่ตามไปกล่อมถึงในความฝัน 

“..คนดีของพี่คนเดียวเอย..”

****************************
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 25-02-2012 20:20:26
จ้อยพายเรือแวะรับยายไปขายผักที่ตลาดตามปกติแต่เช้ามืดเช่นทุกวัน  หากวันนี้มีอย่างหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

คนทั่วตลาดยอดลือเรื่องคุณชายรูปหล่อแห่งโรงเรียนฝึกหัดครูไปเที่ยวซ่องกันให้แซ่ด

“พ่อเจ้าประคุณเอ๊ย  ท่าจะอดอยากปากแห้งน่าดู”
“มันก็แน่ละ อยู่โรงเรียนชายล้วน จะไปหาผู้หญิงที่ไหน”
“หน้าตาหรือก็ดี ไม่น่าถึงขั้นไปซื้อเขากิน”
“ชาติตระกูลสูงซะเปล่า  ทำตัวสำมะเลเทเมา”


อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ  ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดไปกรีดหิน  จ้อยไม่รู้ว่าต้นตอข่าวลือเริ่มต้นจากใคร  แต่ดูท่า.. ชาวบ้านคงมีเรื่องโพนทะนากันสนุกปากได้อีกนาน  กว่าจะไปถึงหูเจ้าตัว  เรื่องราวจะถูกใส่สีตีไข่ไปถึงไหนก็ไม่รู้

“เห็นว่าเมื่อคืนครูคนึงกับคุณชายต่อยกันที่ซ่องอีทองใบ  เรื่องจริงเรอะจ้อย” ยายธรรมแกแวะมาเลียบๆ เคียงๆ ที่แผง  ได้ฟักทองไปลูกแล้วก็ชวนคุยไม่หยุด  จ้อยได้แต่นิ่งเงียบ  รู้อิทธิฤทธิ์ปากคน  พูดไปอย่างก็พากันตีความไปอีกอย่าง  ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด  สู้นิ่งเฉยเสียดีกว่า

จะว่ากันตามจริง  เขาก็ไม่รู้จะแก้ตัวให้คุณชายว่าอะไร  ก็ ‘เรื่องจริง’ มันน่าโสภาเสียเมื่อไร  ‘คุณชายถูกพวกจิ๊กโก๋มอมเหล้าพาไปทำมิดีมิร้าย’ รู้ถึงไหนล่ะอายถึงนั่น  เผลอๆ จะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้เลยทีเดียว

ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกัน  นอกจากสังคมจะถีบหัวส่งแล้วยังถ่มน้ำลายใส่ด้วยซ้ำ 


แสงทองจับขอบฟ้าเรื่อเรืองเมื่อผักเกลี้ยงแผง  ยายหลานช่วยกันแจวเรือกลับบ้าน  จ้อยคัดท้าย  ส่วนยายพายหัวเรือจะได้เบาแรง  เสียงไม้พายกระทบน้ำดังจ๋อมๆ  หมอกเย็นกับสายลมเหนือผิวคลองพัดพาความเย็นชื่นมาต้องใบหน้า  ดอกบัวหลวงสีชมพูอ่อนชูก้านแกว่งไกว  โลกใบน้อยของจ้อยแสนสุขและสงบ
 
“เอ..วันนี้ครบกำหนดจ่ายดอกแล้ว  ตาสิงห์ไม่เห็นมา” ยายเอี้ยวหน้ามาชวนคุย  รอยยิ้มอ่อนจางบนหน้าจ้อยหายวับ 

จ้อยจะไม่สุขก็เพราะชื่อมันนี่แหละยายจ๋า

“ไอ้สิงห์มันไม่มาก็ดีแล้วนี่ยาย” หนุ่มน้อยสะบัดเสียงห้วน  หลบไม่ทันเจอลูกหมากสดจากมือยายเขวี้ยงใส่หัวดังก๊อก 

“แหม้..พลาดไป กะจะให้โดนปาก” ยายช้อยดุหลานที่ยังคลำหัวป้อยๆ “พูดไม่เพราะเลย  ยังไงเขาก็แก่กว่าเอ็งนา” 

จ้อยทำปากอูดใส่  พายต่อไปไม่พูดไม่จา

“เออ  แล้วเมื่อคืนมีเรื่องอะไรกัน  ตีกันหัวร้างข้างแตก  ดีนะคุณนายไม่มาเอาเรื่อง” 

“ก็มัน..” หลานยั้งปากไว้แทบไม่ทัน “เขามาหาเรื่องหนูก่อน”

“แปลก.. ” หญิงชราส่ายหัวด๊อกแด๊ก  พูดพึมพำ “เมื่อคืนตาสิงห์ยังเอาขนมมาให้ยายหยกๆ”

“ยายกินของมันหรือ” จ้อยสะดุ้งจนเรือโคลง  “กินทำไม  แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า  ท้องเสียไหม จะอ้วกไหม”
   
ยายทำหน้าเหมือนจ้อยเพิ่งเล่าให้ฟังว่าเจอหนวดเต่าเขากระต่าย 
    
“มันเลวแค่ไหนยายลืมไปแล้วหรือ” เสียงสั่นพร่าขึ้นจมูกจนยายต้องราพายนิ่ง  หันกลับมามองหน้าหลานให้ชัดๆ  แกเห็นแต่แววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง 

คนอาบน้ำร้อนมาก่อนถอนใจแผ่วเบา 

“จ้อยเอ๋ย..” เสียงนุ่มนวลปรานีเหมือนน้ำใสเย็น  มองหลานออกทะลุปรุโปร่ง “เด็ดดอกไว้ขั้ว เด็ดบัวไว้ใยนะลูกนะ”

จ้อยเบือนหน้าหลบสายตายาย  จับจ้องแต่คลื่นน้ำกระเพื่อมข้างกราบเรือ   ริมฝีปากบางเม้มแน่น

ไม่มีทาง  จ้อยจะไม่เด็ด  แต่จะสาดน้ำมันจุดไฟเผาให้มอดไหม้เป็นจุลไปเลยทั้งดอกทั้งบัว  เอาให้ไม่เหลือซากทั้งขั้วทั้งใย 

สิ่งที่ไอ้สิงห์เคยทำกับจ้อย  เรียกว่าเจ็บแสบยังน้อยไป  เรียกว่าชอกช้ำก็ยังเทียบกันได้ไม่ถึงเสี้ยว 
   
ความทรงจำเลวร้ายฝังรากเหมือนมีใครตอกลิ่มไว้ในก้นบึ้ง  จ้อยไม่เคยคิดจะลืม  ปล่อยให้มันฝังใจเจ็บอยู่แบบนั้น  เป็นบทเรียนสอนใจว่าอย่าได้ไว้ใจ  อย่าเคารพ เทิดทูนผู้ชายสารเลวคนนั้นอีก 

มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไรจ้อยจำไม่ได้  จำได้เพียงว่าเมื่อเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม ‘พี่สิงห์’ ของจ้อยก็เริ่มตีตัวออกห่าง  คงอายไอ้พวกเด็กโตที่มันตั้งหน้าตั้งตาล้อเลียนทุกวัน 

ใครจะมองจ้อยอย่างไรจ้อยไม่ว่า  จะล้อเลียนอย่างไรก็ช่างเขา  ในเมื่อจ้อยรู้ตัวเองดีว่าไม่ได้เป็นอย่างที่พวกนั้นพูด  สำหรับจ้อย  วาจาเชือดเฉือนจาก ‘คนอื่น’  มีค่าไม่ต่างอะไรกับเศษกรวดในรองเท้า  อาจตำเท้าเจ็บบ้างแต่พอเคาะออกก็หาย 

แต่คำพูดของคนที่มีความหมายของจ้อย  มีผลกับจิตใจจ้อยนักหนา  นับนิ้วแล้วอาจมีเพียงไม่กี่คน  ยาย.. พี่จินดา..

แน่นอน.. พี่สิงห์เป็นหนึ่งในนั้นเสมอ

มันจึงไม่ใช่แค่กรวดตำเท้าเสียแล้วเมื่อพี่สิงห์ที่จ้อยรักเหมือนพี่ชาย  พี่สิงห์ที่คอยดูแลปกป้องจ้อยมาตลอด พูดใส่หน้าว่า “กูเกลียดมันจะตายไป!” 

แต่เป็นก้อนหินหนาหนักทับกลางอก  เป็นคมมีดกรีดลึกลงเนื้อใจจนร้าวราน   

แล้วตั้งแต่นั้น.. ‘พี่สิงห์’ ก็เปลี่ยนไป 

เริ่มจากมาโรงเรียนสาย  ไม่ตั้งใจเรียน  ไม่ส่งการบ้าน  ยิ่งจ้อยพยายามดึงพี่กลับมาเท่าไร  พี่ก็ยิ่งผลักไสไล่ส่ง  พี่ไม่ช่วยจ้อยขายขนมเหมือนเมื่อก่อน  ใช้เวลาวันๆ ขลุกอยู่กับพวกเด็กโต  กลายเป็นนักเรียนคาวบอยหรือกุ๊ยเต็มตัว  เวลาแต่งชุดลูกเสือก็หมุนผ้าพันคอห้อยข้างหน้าไปข้างหลังแบบคาวบอยในหนัง  ขี่จักรยานตามกันเป็นพรวนตามนักเรียนหญิงสวยๆ  ทำเสียงประหลาดเรียกร้องความสนใจ  หนักเข้าก็ท้าตีท้าต่อยกับเด็กโตกลุ่มอื่น  จนถึงขั้นพกสนับมือหรือมีดพกมาโรงเรียน 

เบาะท้ายจักรยานที่จ้อยเคยซ้อนเสมอไม่ใช่ที่ของจ้อยอีกต่อไป  กลายเป็นที่ของนักเรียนหญิงที่สวยระดับดาราโรงเรียน 

จากที่เกะกะเกเรในโรงเรียน  ก็ลุกลามออกไปข้างนอก  กลุ่มของพี่สิงห์ชอบระรานชาวบ้านในตลาด  มั่วสุมตามโรงหนังหรือโรงบิลเลียด  พี่สิงห์เคยถูกครูจับได้ว่าสูบบุหรี่ในห้องส้วม  โดนจับตีหน้าเสาธงตามระเบียบ  แต่เช้าวันต่อมา  ครูที่หวดไม้เรียวใส่พี่ก็สะบักสะบอมนอนหยอดน้ำข้าวต้มเหมือนถูกใครรุมซ้อม  แล้วเรื่องราวก็เงียบหายเมื่อกำนันและคุณนายมาที่โรงเรียน 
   
จ้อยได้แต่มองพี่ห่างไกลออกไปทุกที  เหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกันได้อีกต่อไป

เส้นขนาน.. แม้ไม่มีวันบรรจบกัน  แต่จ้อยก็ยังยินดีที่จะลอบมองพี่อยู่ห่างๆเสมอ  ไม่ว่าพี่จะเปลี่ยนไปอย่างไร  จ้อยก็ยังห่วงพี่เหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน   

จนกระทั่งวันนั้น..

จ้อยจำวันนั้นได้ดี  เดือนสิบเอ็ดน้ำนอง  ฟ้าสูงสดใสลมเหนือเริ่มโชยมา  ข้าวออกรวงเหลืองอร่ามเต็มทุ่ง  ปุยเมฆขาวเหมือนสำลีลอยฟ่องตามแรงลม  จำได้กระทั่งนกกระยางสีขาวที่พากันบินจากไปทางทิศตะวันตกเป็นฝูงๆ บินไปๆ ไม่กลับมา  พวกมันคงจะไปหากินยังถิ่นฐานใหม่

จ้อยหิ้วตะกร้าใส่ขนมของยายไปขายที่ตลาดเหมือนเช่นทุกวัน  ขนมสายบัว ขนมใส่ไส้ ขนมกล้วย ข้าวต้มมัดฝีมือยายบรรจุเต็มตะกร้า  หนักอึ้งจนเด็กชายหิ้วตัวเอียง  แต่ก็หนักแค่ตอนขาไปเท่านั้นละ  จ้อยเดินๆ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ขายหมด  หิ้วตะกร้าเปล่ากลับบ้านทุกวัน 

บนสะพานข้ามคลอง  จ้อยเห็นพี่สิงห์เดินสวนมาแต่ไกล  ร่างสูงใหญ่อย่างหนุ่ม  มัดกล้ามจับตามแขนขา  หลังไหล่ผึ่งผาย  พี่เดินเข้ามาใกล้จนเห็นไรหนวดบางๆ เหนือริมฝีปาก  จ้อยยิ้มให้เมื่อเห็นว่าพี่มาคนเดียว

“พี่สิงห์” น้องยื่นตะกร้าขนมให้ด้วยไมตรี  ชักชวนเสียงใส “กินขนมไหม”

พี่สิงห์ชอบขนมที่ยายทำ  นอกจากจะช่วยขายแล้วบางทีก็ยังช่วยเหมา  หากตั้งแต่พี่เปลี่ยนไป  พี่ก็ไม่เคยแตะขนมของยายอีกเลย 

ความหวังริบหรี่จุดขึ้นในใจ  เผื่อจ้อยจะได้พี่สิงห์คนเดิมกลับคืนมา

“มีข้าวต้มมัดที่พี่ชอบด้วย” มือเล็กเลือกห่อขนมให้พี่  ไม่ทันสังเกตเห็นแววตารังเกียจชิงชัง 

“ไปไกลๆ ตีนกูเลยไอ้กะเทย!” เสียงแตกห้าวตวาดก้อง  ไม่เพียงตวาด  มือใหญ่ผลักอกน้องอย่างแรงจนล้มก้นจ้ำเบ้า  ตะกร้าพลัดหล่น  ขนมที่ยายบรรจงทำหกกระจัดกระจาย 

“พี่สิงห์..” ยิ่งกว่าความตกตะลึงคือความเสียใจที่ถาโถม  จ้อยเงยหน้าขึ้นมองพี่อย่างไม่เชื่อสายตา   

“อย่ามาเรียกกูว่าพี่  กูมีน้องสาวคนเดียว!” ดวงตาคมกร้าวมองลงมา  ไม่มีเยื่อใยใดทั้งสิ้น “ไอ้ลูกไม่มีพ่อมีแม่!”

พี่จะดูแลจ้อยเอง  ดูแลตลอดไปเลย..

คำพูดหนึ่งลอยวูบเข้ามา  ก่อนกระจายหายไปเหมือนเมฆขาวเจอลมเหนือพัดล่อง  พี่สิงห์ทำท่าฮึดฮัดรังเกียจเต็มที่  ซ้ำยังเตะขนมที่หกเกลื่อนลงน้ำ 

จ้อยผวาลุกขึ้นห้าม  เบะปากซัดโฮเมื่อมือใหญ่คว้าตะกร้าของยายโยนหวือจากสะพานสู่ท้องน้ำสีน้ำตาลอ่อนเบื้องล่าง  เด็กชายได้แต่เกาะราวสะพาน มองเครื่องมือทำกินของยาย มองขนมของยายลอยหายไปกับสายน้ำผ่านม่านน้ำตา

ดวงตาแดงก่ำหันมองพี่อย่างไม่เข้าใจ  พี่สิงห์หลบสายตา ก้มหน้าถูจมูกฟุดฟิด  แต่ยังไม่ทันพี่จะเดินหนีไป  มือเล็กก็คว้าแขนพี่เข้ามาเขย่าแรงๆ

“ทิ้งขนมจ้อยทำไม!  แล้ววันนี้ยายกับพี่จินดาจะเอาอะไรกิน!” จ้อยน้ำตานองหน้าแล้ว 

“ปะ..ไปให้พ้นเลยมึง!” พี่สิงห์พยายามแกะมือน้องออกจากแขน  ผลักออกอย่างแรงจนเซ  แต่จ้อยเอาแต่ร้องไห้โวยวาย  เกาะหนึบไม่ปล่อย

“โธ่โว้ย! พูดไม่รู้เรื่อง กูบอกให้ปล่อย!” มือใหญ่ผลักอกจ้อยอย่างแรงทีเดียวกระเด็น

จ้อยจำได้ดี  ว่าแผ่นหลังกระแทกราวสะพานแรงแค่ไหน  จำได้ว่าหัวใจเขาหล่นวูบไปพร้อมกับร่างที่หงายหลังร่วงจากสะพาน  จำได้แม้กระทั่งภาพท้องฟ้าสูงโล่งที่จ้อยคิดว่าคงเป็นภาพสุดท้ายที่เขาได้เห็น

ร่างจ้อยตกน้ำดังตูม  น้ำคลองหน้าหนาวเย็นเฉียบเหมือนเข็มทิ่มแทงทุกอณูเนื้อ  เย็นจัดจนทำให้เด็กว่ายน้ำแข็งอย่างจ้อยเป็นตะคริวอย่างง่ายดาย  หลังพยายามตะเกียกตะกายในสายน้ำเชี่ยวกราก 

ได้ยินเสียงคนตะโกนแว่วๆ ว่าเด็กตกน้ำอยู่ไกลๆ  แล้วจ้อยก็ไม่ได้ยินอะไรอีก  น้ำมากมายหนุนเนื่องเข้าปากเข้าจมูก  ทรมาน..ไม่มีแม้อากาศหายใจ  แล้วทุกอย่างก็ดับมืดลง

มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนสะดุ้งสำลักน้ำไอโขลกที่ริมตลิ่ง  จ้อยร้องไห้จ้าในอ้อมแขนของยายและพี่  ท่ามกลางกลุ่มคนมุงล้อม   
   
นับตั้งแต่นั้นมา  แม้แต่หน้าไอ้สิงห์  จ้อยก็ไม่มอง  ยิ่งเจ็บใจหนักเมื่อไอ้สิงห์ได้รับการยกย่องเชิดชูเป็น ‘ลูกพี่’ ทันทีหลังจากนั้น  กาลเวลาผ่านไป  พระพรหมยิ่งขีดชะตาชีวิตพวกเขาให้ห่างกันทุกที  เมื่อจ้อยพากเพียรเรียนหนังสือจนสอบเข้าโรงเรียนฝึกหัดครูได้  ส่วนไอ้สิงห์ก็เป็นนักเลงโตประจำถิ่น  เกะกะระรานรีดไถชาวบ้านไปวันๆ 

ไอ้สิงห์มันฉกชิงทุกอย่างไปจากหัวใจจ้อยจนสิ้น  ความรัก เคารพ ศรัทธา  ความไว้เนื้อเชื่อใจ  มันคงผิดหวังที่เอาชีวิตจ้อยไปไม่ได้ 

สิ่งเดียวที่ยังผูกพันทั้งสองไว้ด้วยกัน  คือหนี้ก้อนโตที่ยายไปกู้คุณนายพูนทรัพย์มาเมื่อหลายปีก่อน  ตอนพี่จินดายังอยู่  ครอบครัวจ้อยยังพอมีรายได้ หาเงินมาส่งดอกไม่เคยขาด  จนกระทั่งพี่มาจากไป  งวดที่แล้วดีที่ได้เงินจากคุณชายเล็กช่วยไว้  ส่วนเดือนนี้.. จ้อยยังหาเงินได้ไม่พอ  ตั้งใจว่าจะขอผัดไปก่อนสักวันสองวัน 


จ้อยพายเรือลำน้อยเทียบท่า  มือเล็กเหนี่ยวหลัก ดึงตัวเองขึ้นไป ก่อนหันกลับมาส่งมือให้ยายยึด  สองยายหลานไม่ได้เอะใจถึงความผิดปกติจนกระทั่งเดินเข้ามาถึงลานบ้าน       

ร่างเล็กชะงักทันทีที่เห็นแขกไม่ได้รับเชิญ  ไอ้ลอยนั่งอยู่ใต้ต้นมะขามใหญ่  ไอ้หมานเดินเตร่แถวเล้าไก่ที่ใต้ถุน  ไอ้เลิศเด็ดมะม่วงทองดำปากตะกร้อจากต้นมากัดกินมูมมาม 

และคนที่นั่งดูดบุหรี่อยู่บนหัวบันไดนั่น  จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก..ไอ้สิงห์ 

ไอ้พวกนักเลงหันมามองสองยายหลานเป็นตาเดียว  โดยเฉพาะไอ้ลูกพี่  เสี้ยวหน้าคมสันนิ่งเฉย  บนหน้าผากยังมีผ้าพันแผลปิดอยู่  แววตาของมันที่จ้องจ้อยตาไม่กระพริบดูนิ่งสงบกว่าทุกที  เย็นชา.. เหมือนไร้ความรู้สึก  คาดเดาไม่ได้เลยว่ามันกำลังคิดอะไร 

“พะ..พ่อสิงห์” หญิงชราละล่ำละลัก  “งวดนี้..ยายขอผัดไปก่อนได้ไหม”

“อะไรกันยายช้อย!” ไอ้หมานหัวเราะเสียงแหลม  “เดือนที่แล้วก็ขอผัดไปหนแล้วไม่ใช่เรอะ”
   
ลูกพี่ยังนั่งนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ที่เดิม  ในขณะที่พวกสมุนพากันย่างสามขุมเข้ามาล้อมจ้อยและยายเอาไว้  จ้อยยึดแขนยายเอาไว้แน่นดึงให้ไปหลบอยู่ข้างหลังอย่างจะปกป้อง     

“ยาย..ยายยังไม่มีจริงๆ” ยายช้อยเริ่มเสียงสั่นด้วยความกลัว “ขออีกสองสามวันนะพ่อนะ”

คำพูดที่ไม่เห็นจะตลกตรงไหน เรียกเสียงหัวเราะจากพวกมันได้เกรียวกราว  ยกเว้นลูกพี่.. ที่ยังคงมองมานิ่งงัน   

“ก็บอกว่ายังไม่มี  พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง!” จ้อยตะคอกใส่  ปัดมือไอ้ลอยที่ยื่นมาจับแก้มเขาออกอย่างแรง  พวกมันยิ่งหัวเราะกันครื้นเครง

“เอาไงดีพี่สิงห์” สมุนตัวโตหันไปถามความเห็นลูกพี่  สายตาเย็นชาคู่นั้นไม่ละไปจากจ้อยแม้สักวินาที

“ถ้าไม่มีเงิน.. งั้นก็เอาอย่างอื่น” สิงห์อัดบุหรี่จนปลายมวนแดงวาบ  พ่นควันขาวคลุ้งในอากาศ  ก่อนสั่งเสียงลั่น “เฮ้ย ค้น!”

สิ้นคำสั่งลูกพี่  พวกสมุนกระจายกันไปค้นหาของมีค่าในกระท่อมซอมซ่อ  จ้อยกับยายหน้าตาตื่นเลิกลั่ก  ไม่รู้จะห้ามใครก่อนดี  นั่น.. ไอ้หมานหาอะไรกุกกักแถวใต้ถุน  มันรื้อกระสอบถ่านกระสอบปุ๋ยระเนระนาด  แม้แต่เข่งมะม่วงที่ยายเพิ่งบ่มมันก็เทออกหมด  ไอ้เลิศพาร่างอ้วนเผละไล่จับแม่ไก่ในเล้าส่งเสียงกะต๊ากดังลั่น  ขนไก่ปลิวกระจายว่อน   

ไอ้สิงห์ได้แต่นิ่งมองจ้อยกับยายวิ่งไปห้ามคนโน้นทีคนนี้ทีด้วยดวงตาเรียบเย็น  ไม่สนใจคำวิงวอนของหญิงชราเลยสักนิด

“อย่านะ!  ยายไม่มีของมีค่าอะไรหรอกลูกเอ๋ย.. พ่อสิงห์  ห้ามลูกน้องทีลูก”

หนักที่สุดคือไอ้ลอย  มันเดินอาดๆ ผ่านลูกพี่ขึ้นไปบนกระท่อม  ค้นเชี่ยนหมากยายช้อยจนเต้าปูน ครก สาก สีผึ้ง กระปุกยาเส้นกระเด็นไปคนละทิศละทาง  เจอเศษเหรียญเศษสตางค์น้อยนิด  แล้วมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง  รื้อที่นอนหมอนมุ้ง  เปิดตู้เสื้อผ้าค้นจนกระจุยกระจาย

มันทำท่าฮึดฮัดหัวเสียเมื่อไม่เจออะไรมีค่าสักอย่าง  สายตาเจ้าเล่ห์ปรายไปยังกรอบรูปและกระถางธูปบนตู้  ร่างสูงใหญ่ก้าวอาดๆ ไปหาทันที

ยายช้อยร้องเสียงหลง  “อย่ายุ่งกะกระถางธูปจินดานะ  ไม่มีอะไรในนั้นหรอก!”

จ้อยกำลังห้ามไอ้เลิศที่ทำไก่เตลิดออกจากเล้า  ขณะที่ยายถลกโจงกระเบนวิ่งงกเงิ่นไปห้ามไอ้ลอย  หากยังไม่ทันได้ขึ้นบ้าน  ไอ้หมานก็ปราดเข้ามาขวางไว้  ไอ้คนใจชั่วผลักคนแก่ไร้ทางสู้จนล้มลงกองกับพื้น

“โอ๊ย!”

“ยาย!” จ้อยร้องลั่น  ทิ้งไก่วิ่งเข้ามาหายายที่โอดโอยอยู่กับพื้นทันที  แกลุกไม่ขึ้น จนแขนเล็กต้องประคองร่างยายเอาไว้ 

จ้อยกัดปากแน่นแทบห้อเลือด  เงยหน้าจ้องไอ้สิงห์ด้วยสายตาชิงชังสุดหัวใจ  หัวหน้าอันธพาลยังไม่ละสายตาไปจากเขาสักนิด  ดวงตาสีนิลคู่นั้นดูเย็นชาดั่งไร้หัวใจ       

“พอได้แล้ว” เสียงทุ้มห้าวสั่งลูกน้องในที่สุด  พวกสมุนรามือจากสิ่งที่ทำอยู่ทันที  ร่างสูงใหญ่ก้าวอาดๆ ลงมายืนตะหง่านค้ำหัวยายและจ้อย

“กูให้เวลามึงอีกสามวัน  ไปหาเงินมาคืนกู” เสียงต่ำห้าวหล่นจากปาก “ทั้งต้น ทั้งดอก กูจะเอาคืนให้หมด”

“หา” ยายช้อยคราง.. จ้อยเจ็บใจจนน้ำตาแห่งความแค้นคลอเบ้า  แค่ดอกยังแทบไม่มี  แล้วนี่มันจะเอาเงินต้นด้วย  เขาจะไปหาจากไหนมาให้

“ถ้าครบกำหนดแล้วยังไม่เอามาคืน  อย่าหาว่ากูไม่เตือน” มันทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้น  ขยี้ด้วยปลายเท้าจนจมหาย  พวกสมุนเดินตามกันไป  ไอ้เลิศอุ้มแม่ไก่ที่ยายเลี้ยงไว้กินไข่ไปด้วยสองตัว  มันบอกว่าจะเอาไปต้มกินแกล้มเหล้า  จ้อยได้แต่สาปส่งพวกมันจนลับตา

   
ยายช้อยพยายามลุกขึ้น  จ้อยประคับประคองไม่ห่าง  หญิงชราบอกหลานว่าแกไม่เป็นไร  แล้วสั่งให้จ้อยไปเก็บกวาดใต้ถุนที่พวกนักเลงทำเละเทะ 

ลับหลังหลาน  แกตะเกียกตะกายลนลานขึ้นบันได  เดินกะเผลกเข้าไปในห้อง ก้าวผ่านข้าวของที่ถูกรื้อกระจัดกระจาย  ตรงไปยัง.. กระถางธูปบนหลังตู้ 

มือสั่นเทาเททรายในกระถางออก  แกคุ้ยกองทรายอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนใจเฮือก ยิ้มออกอย่างโล่งใจ  แหวนทองเก่าคร่ำคร่าวงนั้นยังอยู่  เดชะบุญที่ไอ้ลอยไม่เจอเข้าเสียก่อน 

“ยาย” แว่วเสียงหลานเรียก  ยายช้อยสะดุ้งโหยงรีบเก็บแหวนโกยทรายคืนกระถางดังเดิม
“ยายทำอะไรน่ะ” จ้อยชะโงกหน้าเข้ามา  แม่เฒ่าวางกระถางธูปคืนที่เดิมทันพอดี 

“ปะ..เปล่า  ไม่มีอะไร” แกส่ายหัวด๊อกแด๊ก  ก่อนก้มหน้าก้มตาเก็บของที่เกลื่อนห้อง  หลานชายตัวเล็กตรงเข้ามาช่วย  ยายลอบมองเสี้ยวหน้าละมุนของหลานแว่บหนึ่ง     


ไม่มีอะไรจริงๆ จ้อยเอ๋ย..

มันเป็นเพียงแหวนทองเก่าๆ  สลักนามสกุลของพ่อผู้ให้กำเนิดเอ็งเอาไว้.. เท่านั้นเอง


โปรดติดตามตอนต่อไป

-----------------------------------------------------------------------------------------
*กอดฉัน, มาริษา อมาตยกุล ขับร้อง, ศรีสวัสดิ์ พิจิตวรการ คำร้อง
**นิราศวัดเจ้าฟ้า, สุนทรภู่



สวัสดีค่ะคนอ่านที่รัก :L2:

อ่านคอมเม้นตอนที่แล้ว.. แม่เจ้า แซบเข้มข้นยิ่งกว่าต้มยำอีก
หลายความคิดเห็นหลากกันไป มีคนเชียร์ไอ้ลอยด้วย โอ้ว..
แบบนี้ต้องร้องเพลง 'ชอบคนเลว' ของยุ้ย ปัทมวรรณ (โห..ฟ้องอายุซะ :z3:)
คุณชายกับอาจารย์..ระยะนี้ท้องฟ้าสงบสดใส ปล่อยให้หวานกันไปก่อนค่ะ
ยกหน้าที่ดราม่าให้น้องจ้อยกับพี่สิงห์ก็แล้วกัน^^

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกๆคอมเม้นมากๆค่ะ  :กอด1:

ดอกไม้
๒๕ ก.พ. ๕๕
 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 25-02-2012 20:38:15
ใจแหลกสลายเลยตอนอ่าน T______________________T

ทนไม่ไหวจริงๆ ชีวิตจะโหดร้ายไปไหน


ขอกระทืบไอ้ลอยได้มั้ย?
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 25-02-2012 20:39:17
อ่ะๆอ้าว...น้อยจ้อยมีที่มา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 25-02-2012 20:42:03
น้องจ้อย น้องจ้อยของพี่่ น่าสงสารโฮกกกก
สงสัยน้องจ้อยมีชื่อจริงว่า"โศรยา"แน่เลย
เจอนายหัวสิงห์กลั่นแกล้งด้วยฝามรัก  :z6: :beat:
อยากกระโดดถีบขาคู่มันจัง ไอ้ ค ว า ย เอ๊ยยยยยย
ผลักจ้อยตกน้ำ แล้วกระโดดลงไปช่วยมาละซิ ใช่ม่ะๆๆๆ

เฮ้ออออ แล้วน้องจ้อยจะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้กันล่ะ
แถมมีความลับ"แหวน"ที่ยายกับคุณดอกไม้รู้กันสองคนอีก
คนอ่านอยากรู้ใจจะขาดแล้ววววววววว

อีกคู่ก็นะ "น้ำผึ้งพระจันทร์" กันซะหวานหยดเชียว

ปล.เมื่อไรจะมีใครไปวิสามัญไอ้ลอยซักที

+1   :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 25-02-2012 20:44:51
เสียหายอีกแล้วคุณชาย บทนี้หวานแบบขมๆ งงมั้ย คือหวานแบบไม่สุดอ่ะ มันมีความรู้สึกอัดอั้นบางอย่างบอกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 25-02-2012 20:46:28
โธ่เอ๊ยยยย  พ่อสิงห์...ทำไมทำแบบนี้อีกล่ะ
แล้วเมื่อไรอะไรๆมันจะดีขึ้น 

ไม่เหมือนคู่อาจารย์กับคุณชาย 
รุดหน้าไปไกลเชียว  เอิ๊กๆๆๆ

...ปล.พ่อหนูจ้อยเป็นใครกันหว่า  กลับมาช่วยลูกด่วน!!
+1 จ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 25-02-2012 20:52:16
สงสารจ้อยกับยายจัง  :sad4: :sad4:
ทำไมชีวิตมันรันทดเยี่ยงนี้
ตอนพี่สิงห์เปลี่ยนไปแล้วด้วยซิ
มีเรื่องปมชาติกำเนิดของน้องจ้อยเพิ่มเข้ามาด้วยหละ
แอบลุ้นเบาเบาว่าน้องจ้อยอาจเป็นลูกคนใหญ่คนโตก็ได้นะ
ส่วนคุณชายกับครูคนึงก็นะ  :z1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 25-02-2012 20:53:24


เรื่องนี้มันช่างลึกลับซับซ้อนเสียจริง -___________-ll
เฮ้อ สงสารจ้อย  พี่สิงห์ก็สงสาร
ทำไมต้องมีพวกไอ้ลอยเกิดมาบนโลกใบนี้ด้วยนะ
ส่วนครูคนึงกับคุณชายก็ขออย่าให้มีอะไรแย่ๆอีกเลย
รออ่านตอนต่อไปนะคะ <3
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 25-02-2012 21:30:20
เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย  :sad4:

หมดคำพูด สงสารน้องจ้อย  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 25-02-2012 21:33:10
น่ารักเกินไปแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 25-02-2012 21:46:53
 โว๊ะ จ้อยเป็นลูกใครเนี้ย ซับซ้อนจริงๆ  o22
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 25-02-2012 21:54:31
พ่อผู้ให้กำเนิดจ้อย ใครกันเหรอ...เป็นคนยิ่งใหญ่รึป่าว อยากให้เป็นอย่างนั้นจัง
อยากให้จ้อยมีความสุขบ้าง เกิดมาอาภััพเหรอเกินลูก แล้วนี่จะไปหาเงินจากไหนมาให้เค้า...
สิงห์ทำเกินไปมั้ย...ยิ่งอ่านที่ผ่านมาวันนั้นบนสะพานก็สมอยู่ที่จ้อยจะชิงชังขนาดนั้น
สิงห์ไม่น่าหลงผิดไปได้ถึงขนาดนี้เลยเนอะ เสียดายจัง  :เฮ้อ:

คุณเล็กขาของพี่ ยั่วมากค่ะจุดนี้ หลงรักครูคนึงแล้วอ๊า ก็เค้าอ่อนโยนม้ากมาก ปากว่าแต่มือก็อ่อนโยน
แล้วรักชอบอยู่แล้วมายั่วกันแบบนี้ใครจะไหวทนล่ะเออ เรียกว่ารักแสนรัก หวงแสนหวงเลยแหละ ครูคนึงไม่ผิดซักนิดค่ะจุดนี้
แต่ว่าพรุ่งนี้ตอนตื่นจะมองหน้ากันยังไงน้า...คิดแล้วก็เขินแทน อร๊างงงงงง  :-[

ชอบทั้งสองคู่เลยค่ะ ชื่นชมภาษาเรื่องนี้จริง ๆ
ขอบคุณนิยายดี ๆ นะคะ อ่านแล้วมีความสุขมากค่ะ
รอคอยตอนหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 25-02-2012 22:07:43
ขอบคุณมากคะ อ่านแล้วทั้งสุขใจและเศร้าใจในคราวเดียวกันเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kunchan ที่ 25-02-2012 22:07:59
สงสารสิงห์อะเน้อออออ เมื่อไหร่คู่นี้จะแฮปปี้กันสักที สิงห์น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 25-02-2012 22:08:14
ในที่สุดดดดดด  :jul1:
นางฟ้าก็ได้เสียเลือดให้คู่อาจารย์กับชายเล็กแล้ว (เย่ๆๆ)
สามคำ>>>หวาน ละ มุน  :กอด1:
ส่วนคู่จ้อย-สิงห์>>>มา ม่า อืด  :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 25-02-2012 22:27:32
อับอายกับสิ่งที่หัวใจต้องการเหรอไอ้สิงห์ ไม่น่าเกิดมาเป็นคนด้วยซ้ำ

แม้แต่หัวใจตัวเองมึงก็ยังยอมรับมันไม่ได้  สิ่งดีไม่เคยรับมันเอาไว้ในหัวใจ

แต่สิ่งร้ายๆมึงเต็มใจที่จะรับและพร้อมที่จะเกลียดกับคำสอพลอของสัตว์บางตัว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ALittleN ที่ 25-02-2012 22:33:02
ใครเป็นพ่อที่แท้จริงของจ้อยเนี่ย อยากรู้ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: money loving ที่ 25-02-2012 22:36:04
สวัสดีครับ หลังจากที่เป็นนักอ่านเงามาชะนานก็ได้เวลาออกมาเม้นท์ชะทีครับ

อยากบอกว่าอ่านเรื่องที่คุณเขียนแล้วติดงอมแงม ถอนตัวไม่ได้เลย
ชอบเนื้อเรื่องและวีธีการเล่าเรื่องครับน่าสนใจ ดูปราณีต ละเมียดละมัยดีครับ ภาษาก็สวยมากครับ
เอาเป็นว่าอ่านแล้วหลงรักตัวละครในเรื่องเลยนะครับ

ตอนล่าสุดเนี้ยแอบสงสารจ้อยกะนสิงห์จัง อบฃยากให้ทังสองคนเข้าใจกันเร็วๆจัง
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะครับ  :L2:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 25-02-2012 23:02:51
ในที่สุดอาจารย์กับลูกศิษย์ก็.....  :haun4:
แต่คงจะอิ่มใจกว่านี้หากมีสติด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ส่วนพี่สิงห์ เฮ้อ...พูดไม่ออก
ถึงจะทำตัวเลวแต่ก็อดสงสารไม่ได้อยู่ดี
จ้อยก็รันทนซดมาม่าเหลือเกิน :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 25-02-2012 23:15:48
สามคำสำหรับคุณชายกับอาจารย์ "ได้ กัน แล้ว"(ใช่มั้ย?)   :laugh:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: หัดดิน เอ้ยหัดกิน ที่ 25-02-2012 23:25:18
อ่านตอนนี้แล้ว
ไม่แน่ใจว่าชีวิตเรากะชีวิตจ้อย อันไหนน่าสงสารกว่ากัน 555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oattie ที่ 25-02-2012 23:43:36
 :z6: ทำไมพี่สิงห์ทำกับน้องจ้อยแบบนี้ จะเอาคืนทั้งต้น ทั้งดอก 
พ่อของจ้อยเป็นใครกัน  อยากรู้  :z10:


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 25-02-2012 23:46:37
ชอบคาแร็กเตอร์นายเอกเรื่องนี้มากโดยเฉพาะเลอมาน  ....คู่หลักแอบหวานน

แต่คู่จ้อย กับสิงห์นี่สิ  ชอบสิงห์ตอนนี้มากกกแลดู bad boy ดีค่ะ

แต่ bad boy นานๆไม่ดีนะค่ะ เดี๋ยวคนอ่านได้กินมาม่านาน 555+

ปล.ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ แล้วจะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 25-02-2012 23:54:46
ครูคนึงกับคุณชาย  :man1:
ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสิงห์กับจ้อยเมื่อไรจะต่อกันคืนได้
สังหรณ์ในใจว่าคุณชายกับจ้อย น่าจะมีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shiki senri ที่ 25-02-2012 23:57:38
/////////>><</////// เขิลมากคะ ตอนของชายน่ารักที่สุดเลย หวานตามที่ปรารถนา
แต่จะเศร้าอุราเมื่อถึงตอนของจ้อยเอย TTTT^TTTT ภาพรวม มีความสุขจิงๆค่ะ

จ้อยเปิดประเด็นแหวนแล้ววว ต้องเป็นลูกท่านหลานเธอสักคนแน่เลย แอร้ยยยยย แค่นึกก็ตื่นเต้นแล้วว

"ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกัน  นอกจากสังคมจะถีบหัวส่งแล้วยังถ่มน้ำลายใส่ด้วยซ้ำ"

ตอนที่พี่เปิดประเด็นนี้มา เครียดเลยพานให้นึกถึงเรื่องของ ชายกะคนึง แม้ว่าต่อมาจะมีดรามารึมาม่าอีกมากน้อย ก้ขอให้ท้ายสุดได้อยู่ครองคู่รักกันด้วยนะคะ หวังว่าพี่นักเขียนจะไม่ใจร้ายกะผู้อ่านตาดำๆ มากนัก T^T

รักพี่นักเขียนคนนี้จัง ^^



หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 26-02-2012 00:04:05
โหย ชาิติกำเนิดน้องจ้อยจะเปลี่ยนไปแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 26-02-2012 00:04:33
คืนนี้ไม่สามารถค่ะ ดอกไม้ปั่นไม่ทัน  :sad4:

ขอโทษจริงๆค่ะ  ขออัพวันพรุ่งนี้นะคะ

แอบดีใจที่รู้ว่ามีคนรอ  :กอด1:


เอ่อ ถ้าคุณดอกไม้จะมาช้า แต่มาฟินขนาดนี้ละก็ คุ้มค่าการรอจริงๆค่ะ :impress3:
มั่นใจมากว่ามีคนรอเรื่องนี้เยอะเชียวละค่ะ  555
ขอถามนิดนะคะว่าเรื่องนี้ยาวมากมั้ย จะได้รู้ชะตากรรมตัวเอง
ทุกวันศุกร์ เสาร์ ต้องกระวนกระวายรีบกลับบ้าน มาเปิดจอคอมรอนิยาย
อารมณ์เดียวกับติดละครทีวี ที่ห่างหายไปนานละค่ะ เพิ่งมาเป็นเอากับเรื่องนี้ อ๊าก กกก
ถ้าจะยาวถึงห้าปีเหมือนอีกเรื่อง  :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: My_Rain ที่ 26-02-2012 00:34:09
อ่านจบบท 13 ด้วนน้ำตานองหน้าาา    :o12:   :sad4: 

ชอบบพี่สิงค์ กับ น้องจ้อยง่าา าา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 26-02-2012 01:19:29
สนุกมากค่ะ.. o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 26-02-2012 01:31:42
เฮ้อ ก็สมควรเเล้วละที่จ้อยจะเกลียด

ยังไงก็รอดูต่อไปว่าเรื่องมันจะเป็นยังไง

และ้วไอ้แหวนนั้นมันเกี่ยวอะไรนะ อยากรู้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 26-02-2012 02:18:57
“..คนดีของพี่คนเดียวเอย..”   ท่อนนี้อ่านแล้วขนลุก เห็นภาพเลย  o13


ไม่อยากให้สิงห์กับจ้อยเกลียดกันไปมากกว่านี้เลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: meiji ที่ 26-02-2012 02:22:10
ลับลมคมในมากกก จริงแท้เเล้วจ้อยเป็นใครเนี่ย อยากรู้ซะเเล้ว
ชอบทั้งสองคู่เลยค่ะ มาไวๆน้า จริงๆเเล้วอยากอ่านมากกว่าหนึ่งตอนต่อสัปดาห์ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 26-02-2012 03:31:53
คุณชายกับอาจารย์ เค้า  :m25:
อ่านครึ่งแรก มีความสุขมาก

พอครึ่งหลัง
กลับมาบีบหัวใจเหมือนเดิน  :sad4:
น้องจ้อยไม่ธรรมดาแน่ๆ
และแลดู พี่สิงห์กับน้องจ้อยเป็นเส้นขนานที่ยากจะมาบรรจบกัน

ทำร้ายกันไปทำร้ายกันมาแบบนี้
แล้วเมื่อไหร่จะดีกันอ่ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: casper75 ที่ 26-02-2012 03:56:19
ไอ้สิงห์นี่ยังไง เมื่อก่อนทำจ้อยไว้เยอะ สมควรแล้วที่จ้อยจะโกรธ
แล้วพอตอนนี้อยากทำตัวเป็นคนดีซะงั้น
 :beat:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 26-02-2012 13:00:23
จ้อย เป็นลูกคนใหญ่คนโต หรอกหรอ

วู้ๆๆ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 26-02-2012 15:02:19
โอ้ยยยยยยยยยยย

ดราม่า ๆ ๆๆ ๆๆ

สงสารทุกคน ฮือออออออ

อ่านแล้วเศร้า

อยากรู้ว่าพ่อของน้องจ้อยเป็นใคร
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 26-02-2012 15:36:55
แต่งได้เก่งมาก  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 26-02-2012 15:38:58
โอ๊ยๆๆๆ

คุณดอกไม้ สงสารทั้งสองคู่เลย

เป็นกำลังให้แต่งต่อน่ะ  แต่งเก่งจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 26-02-2012 16:28:39
ขอโทษนะคะที่เป็นนักอ่านเงา
(เพราะเพิ่งจะสมัครเข้าเล้าเป็ด หลังจากซุ่มอ่านมานาน o22)
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ อ่านแล้วได้บรรยากาศเก่าๆ

สงสารคู่พี่สิงห์กับน้องจ้อยจริงๆค่ะ น้ำตาร่วง  :sad11:
รักพี่ดอกไม้ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 26-02-2012 17:15:39
อ่านของคู่แรกแล้วก็เขิน  :-[ แต่ไม่รู้คุณชายตื่นมาสติเต็มร้อยแล้วจะเป็นยังไง

ส่วนคู่หลัง แทบอยากหาอะไรเขวี้ยงหน้าจอคอมตัวเอง
เผื่อมันจะทะลุไปกระแทกโดนแผลเก่าบนหัวไอ้พี่สิงห์บ้าง  :m31:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 26-02-2012 17:19:34
สงสารจ้อย เมื่อไหร่น้องจ้อยกับพี่สิงห์จะได้กลับมาเหมือนเดิมสักที
แบบนี้มันทรมานคนอ่านมากเลยนะ  :m15:
จ้อยกับจินดามีพ่อ? ใครกัน สลักนามสกุลลงแหวนได้ขนาดนั้นคงไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ

อาจารย์คนึงกับเลอมาน ต่อจากนี้จะต้องเจออะไรกันอีก
ถึงคนสองคนจะเข้าใจกัน รักกันในตอนนี้
แต่สังคมภายนอกนี่สิคือปัญหาใหญ่  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 26-02-2012 17:33:21
น้องจ้อย น้องจ้อยของพี่่ น่าสงสารโฮกกกก
สงสัยน้องจ้อยมีชื่อจริงว่า"โศรยา"แน่เลย
:m20: :m20: :m20:

ตอนหน้าพี่สิงห์พาไปเกาะเลยนะค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 26-02-2012 18:36:16
เอาแล้ว ชาติตระกูลน้องจ้อยต้องเริ่ดสุดๆแน่เลย หมั่นไส้พี่สิงห์ แต่ก็ชอบคู่นี้ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 26-02-2012 21:13:55
โอยย
ปมเยอะมากก
 :really2: :really2:
ไม่รู้จะสงสารใครดี
ทำไมมีแต่คนน่าสงสารเต็มไปหมดก็ไม่รู้  : :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 26-02-2012 23:12:57
เลวได้อีกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 27-02-2012 04:15:40
จะมาดราม่าอะไรตอนตี 4 เนี่ยเรา เฮ้อ
พี่สิงห์จะกลายเป็นคนเลวจริงๆ แ้ล้วหรือ นี่
ไม่อยากนึกถึงเลย ว่าอีก 3 วันจ้อยกับยายจะเจออะไรอีก

พี่สิงห์ คิดให้ดีดีนะ อย่าทำแบบนี้เลย T T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 27-02-2012 05:14:03
อ่านตอนนี้ แล้วหวานปนขมอ่ะครับ
ปมสุดท้ายนี่ แอบคิดอยู่เหมือนกันนะว่าจ้อยกับเลอมานที่รักอาจจะเป็นพี่น้องกัน อืม~

รักคุณดอกไม้ฮับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 28-02-2012 19:09:35
ความรักความเจ็บปวด ความรวดร้าวในใจ จ้อยคือคนที่น่าสงสารที่สุด
จากความรักกลายมาเป็นความเกลียด สิงห์ถึงแม้จะไม่ดีแต่เพราะว่าที่
ทำเพราะอยากเป็นลูกพี่ แล้วสิ่งๆนี้ใครจะเข้าใจละว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร
อย่างที่ล่าสุดช่วยเหลือมาเพราะลูกน้องเป็นคนทำแต่ตัวเองเป็นแพะรับบาป
ความดีไม่มีให้เห็นความเกลียดนี้จะผ่านไปได้ไหมหรือว่าจะไม่ได้ หากเป็นเช่นนี้
ช่างทำร้ายใจคนอ่านเหลือเกินจ้อยเอ๋ยชีวิตนี้น่าสงสารที่สุดเลย
ปล.อ่านแล้วเครียดดดดดดดดดดดดดดดดด o22
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 28-02-2012 20:07:20
พ่อน้องจ้อยมาช่วยหน่อยเร็ว
น้องจ้อยแย่แล้ว
คู่อาจารย์ไปไกลแ้ล้ว แต่คู่นี้ แย่กว่าเดิมอีก T^T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kjnt ที่ 29-02-2012 00:32:39
เข้ามาให้กำลังใจคนแต่งค่ะ ปกติไม่ค่อยเม้น อ่านลูกเดียว (นิสัยไม่ดี 555+)
แต่เรื่องนี้คนเขียนเขียนดี เราก็อยากให้กำลังใจ คนแต่งจะได้สงสารคนอ่านตาดำๆ :monkeysad: ที่รออ่านอยู่

ส่วนตัว..เรื่องนี้ชอบบุคลิคคุณชายมากเลย เหมือนจะหยิ่งๆแต่แท้ที่จริงแล้วเป็นคนอ่อนโยน น่ารักดีค่ะ
แต่ก็ยังงงๆนิดหน่อย ทำไมคุณชายกับคุณครูเค้ารักกันรวดเร็วจังเลยคะ โดยเฉพาะคุณครูที่เพิ่งเสียคนรักไปหมาดๆ

ยังไงก็ติดตามให้กำลังใจนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: devillpatt ที่ 29-02-2012 22:22:39
เห็นเรื่องนี้มาหลายครั้ง(สะดุดตากับชื่อเรื่อง เพราะชอบดอกไม้ชนิดนี้เหมือนกัน)แต่ไม่เคยกดเข้ามาอ่านสักที
จนเมื่อวานไม่รู้นึกยังไง เลยกดเข้ามาอ่านดูปรากฎว่า...... :serius2: :serius2:ตรูพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังงายยยยยยยยยย
ประทับใจมากค่ะ ทั้งเนื้อเรื่อง ทั้งตัวละคร ภาษาและการบรรยาย อีกอย่างนิยายวายที่เนื้อเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยจะมีใครแต่ง(แต่โดยส่วนตัวแอบชอบนะคะ แต่หาอ่านยาก)
เลยดีใจที่มีนิยายวายดีๆมาให้ติดตาม วันนี้ทั้งวันในหัวมีแต่ ครูคนึง คุณชายเล็ก ทำงานไม่รู้เรื่องเลย (ตรูคงบ้าไปแล้ว อาการหนักนะนี่ :try2:) สงสัยตกหลุมที่คุณดอกไม้ขุดดักไว้แน่ๆ อ่านเสร็จปุ๊บปีนไม่ขึ้นเลยทีนี้ :give2:
ถ้าแต่งจบแล้วกรุณารวมเล่มเถอะนะคะ อยากได้เรื่องนี้เก็บไว้จริงๆ หลงรักเรื่องนี้ไปแล้ว :กอด1:

อยากรู้จัง ทำไมถึงเลือกดอกมหาหงส์เป็นชื่อเรื่องคะ ส่วนตัวแล้วชอบดอกมหาหงส์คะ ดอกสวย หอมแบบเย็นๆ แต่หอมแรงค่ะ เลยชอบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shiki senri ที่ 02-03-2012 03:42:41
มารอค่ะ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่เราภาวนาให้วันนี้เป็นวันศุกร์ รอคอยนะค่ะ

คิดถึงเล็กจัง ครูด้วย วิ้วววๆ รอเรื่องนี้รวมเล่มนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 02-03-2012 12:21:16
ตอนนี้เล็กกับครูแอบหวานอ่ะ ฮี้วววววว
แต่เรื่องราวของน้องจ้อยกับพี่สิงห์ช่างเจ็บปวด เจ็บปวด เจ็บปวด!!! :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shiki senri ที่ 02-03-2012 22:34:23
พี่ค่ะ มารอแต่เช้าอ่ะ มาอัพเท้ออออ อยากอ่านแล้วอ่ะ ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 03-03-2012 12:21:30
คิดถึงพี่ดอกไม้  :เฮ้อ:
คิดถึงอาจารย์คะนึงกับเล็ก  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
คิดถึงพี่สิงห์กับจ้อย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:


มาต่อเร็วๆนะคะ  รอค่ะรอ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 03-03-2012 13:40:48
อ่านแล้วมันตะหงิดในใจนิดๆ ตกลงว่าคุณชายกับอาจารย์ นอนด้วยกันแล้ว หรือ แค่ช่วยกันช่วยตัวเอง
แบบ...เสร็จเพราะมือ มันสงสัยนิดๆ

ส่วนน้องจ้อยกับพี่สิงห์ เอาเถอะ เด่วพอรู้ว่าน้องจ้อยเป็นลูกใครที่นี้ล่ะ พี่สิงห์จะกลายเป็นแมวนอนหวด
เพราะทำเค้าไว้เยอะ จะโดนเอาคืนแบบจัดหนัก

รออยู้่นะค่ะ หายไปนานคิดถึงจังเลย ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 03-03-2012 17:19:38
 :m25: คุณชายยยเล็กนะคุณชายเกือบไปละไหมเนี่ย แต่ก้อหวานดี  :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 03-03-2012 18:02:06
บทที่ ๑๔

ดอกไม้ยังปั่นไม่เสร็จเลยค่ะ

ขอโทษคนอ่านทุกคนด้วยนะคะ ขอโทษจริงๆ :m5:
ช่วงนี้ทั้งงานที่บริษัทและงานฟรีแลนซ์เยอะมากๆ
อยากแยกร่างจริงๆ ค่ะ  :z3:

ขอเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์หน้านะคะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้น ขอบคุณคนอ่านทุกคน
และขอโทษที่ทำให้รออีก ๑ อาทิตย์นะคะ

(เพราะเจ้าตัวนี้แหละ ตั้งแต่มาอยู่ด้วยแม่มันก็งานชุ๊มชุม  :กอด1:)
(http://img37.picoodle.com/i533/wattanan/0_cc0_ucmz8.jpg)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 03-03-2012 18:11:31
ไม่เป็นไรค่ะ รอได้เสมอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: shiki senri ที่ 03-03-2012 18:26:16
เย้พี่ดอกไม้ แค่พี่มาคอยบอกข่าวคราวให้เรารู้ว่าพี่ยังอยู่เสมอแค่นี้ก็ดีใจแล้วค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ รอได้เสมอ ><
 ตอนที่ 14  พี่อย่าลืมเซอร์ไพรส์นะคะ ขอแบบไม่เศร้ามากก้พอ คริคริ  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 03-03-2012 18:48:07
เดี๋ยวจะไปย่องขโมยแมวมาซะ พี่จี้จะได้มีเวลาแต่งนิยาย 555

รอค่ะรอ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 03-03-2012 19:04:35
รอได้ค่ะรอได้^^
แมวเหมียวน่ารักมากๆ>_<
เห็นแล้วอยากอุ้มกลับบ้านจังสีเดียวกับตัวที่บ้านเลยได้จับมันคู่กัน555+
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: kunchan ที่ 03-03-2012 19:08:01
รอได้ค่ะ ปล.แมวน่ากินนะค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: shabu ที่ 03-03-2012 19:54:33
ว้าว แมวน้อยร้อยหมื่นชาติ ตัวจริงรึนี่ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: oattie ที่ 03-03-2012 20:29:13
 :o12:   :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: appletokki ที่ 03-03-2012 21:12:41
แมวน่ารักจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: ares_jum ที่ 03-03-2012 21:18:25
 :กอด1:

ไม่เป็นไรนะคะ ไม่ว่าอะไรหรอก

เพราะช่วงนี้หนูก็ไม่ว่างเหมือนกัน   Final !!!!!   :sad4:


เอ๊ะ !! แล้วชั้นมาทำอะไรตรงนี้ ไม่อ่านหนังสือรึไงย่ะ

ไปละ ฟิ้วววววว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: saylmya ที่ 03-03-2012 21:44:36
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้เป็นครั้งแรก แล้วนี่ก็เป็นนิยายย้อนยุคเรื่องแรกที่อ่านด้วย
อ่านรวดเดียวเลยเพราะสนุกมากๆ รู้สึกพลาดที่ไม่ได้ตามอ่านตั้งแต่แรก
เราชอบสำนวนของคุณดอกไม้นะคะ
อีกอย่างตอนนี้เราหลงรักคุณหนูเล็กเข้าเต็มเปาเลย

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: shabu ที่ 03-03-2012 22:11:39
อ่านแล้วมันตะหงิดในใจนิดๆ ตกลงว่าคุณชายกับอาจารย์ นอนด้วยกันแล้ว หรือ แค่ช่วยกันช่วยตัวเอง
แบบ...เสร็จเพราะมือ มันสงสัยนิดๆ

ฮาเม้นนี้น่ะค่ะ ทำให้เราต้องกลับไปอ่านอีกรอบ<<<จริงจังมาก
อันนี้เลยคิดว่าต้องรอดูอาการชายเล็กในตอนหน้าน่ะค่ะ ถึงจะชัดเจน 555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 03-03-2012 22:20:31
 :really2: คร้าไม่เป็นรัย  :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: Phantom ที่ 03-03-2012 22:26:25

แมวสวยมากกกก ชื่อมหาหงส์ หรือเปล่า
เอาใจช่วยให้เคลียร์งานเสร็จไวไวนะ

ตอนที่แล้วเราอ่านแต่พาร์ทของอาจารย์กับคุณชาย
ใจไม่เด็ดพอจะอ่านพาร์ทของจ้อย แหะ แหะ

รอเรื่องราวคลี่คลายหายโศกา ค่อยอ่านรวดเีดียว
ขอบคุณนะคุณดอกไม้
 :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 03-03-2012 22:35:21
อ้างถึง
อ้างจาก: pure_ka ที่ 03-03-2012 13:40:48 
อ่านแล้วมันตะหงิดในใจนิดๆ ตกลงว่าคุณชายกับอาจารย์ นอนด้วยกันแล้ว หรือ แค่ช่วยกันช่วยตัวเอง
แบบ...เสร็จเพราะมือ มันสงสัยนิดๆ

ฮาเม้นนี้น่ะค่ะ ทำให้เราต้องกลับไปอ่านอีกรอบ<<<จริงจังมาก
อันนี้เลยคิดว่าต้องรอดูอาการชายเล็กในตอนหน้าน่ะค่ะ ถึงจะชัดเจน 555

กร๊ากกกกกกกกกก

รีบมาตอบให้ก่อนเลยนะคะเนี่ย เดี๋ยวไม่แล้วใจ
ยังค่ะ ยังไม่ได้กัน อาจารย์แค่ใช้มือให้ตัวเองและคุณชายเฉยๆ จ้า  :-[

แค่ฝนตก พายุมา แต่สำเภายังไม่ได้ลัดเข้าคลองเลย (ว้าย เขิลล์ :o8:)

(คนเขียนใช้สำนวนเข้าใจยากไปหรือเปล่าคะ งั้นเดี๋ยวจะพยายามปรับปรุงใหม่ ให้เข้าใจง่ายกว่านี้นะคะ^^)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 03-03-2012 22:48:31
นานๆเข้าเล้าที  มาเจอเรื่องที่แสนจะถูกใจเข้าซะแล้วซิ  คือเราชอบอ่านแนวพีเรียดนะเพราะเรื่องราวมันค่อนข้างแบบไทยๆดี (ลูกทุ่งว่างั้น?)  นานๆจะมีแนวนี้ออกมา  ยิ่งเขียนดีแบบนี้เลยยิ่งถูกใจคูณสองค่ะ^^ แนวนี้มันยากทั้งการดำเนินเรื่องและการใช้ภาษา ประเพณีเก่าแก่และอะไรอีกมากมายเลย  นับถือคนแต่งจ้า^^

เข้ามาก็อ่านรวดเดียวเลย  มีความสุขจัง^^
ตอนนี้พอคลายใจเรื่องของอาจารย์กะคุณชายไปบ้างแล้ว  เพราะอย่างน้อยก้รู้ว่าเขาใจตรงกันและยืนยันว่าจะรอให้หัวใจของอีกคนพร้อมที่จะรัก... แต่อีกคู่หนึ่งนี่ซิ...โถ...ไม่รู้ว่าจะสงสารใครดีระหว่างพ่อนักเลงปากแข็งกับคนตัวเล็กใจแข็ง ดราม่าชวนน้ำตาไหลนะคะงานนี้  คือเข้าใจจ้อยนะว่าความเจ็บที่ได้รับในอดีตมันฝังใจให้เกลียดชัง  กับอีกคนที่รักแต่ไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรให้รู้ว่ารักเนี่ย...อืม  ทรมานทั้งคู่แฮะ  คราวนี้ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะเลวร้ายกว่าดิมไหมเพราะไม่อยากเดาเรื่องราวล่วงหน้า  รอให้คนเขียนมาเฉลยดีกว่าค่ะ  ลุ้นๆ^^

เอาใจช่วยและให้กำลังใจค่ะ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 04-03-2012 07:04:07
กร๊ากกกกกกกกกก

รีบมาตอบให้ก่อนเลยนะคะเนี่ย เดี๋ยวไม่แล้วใจ
ยังค่ะ ยังไม่ได้กัน อาจารย์แค่ใช้มือให้ตัวเองและคุณชายเฉยๆ จ้า  :-[

แค่ฝนตก พายุมา แต่สำเภายังไม่ได้ลัดเข้าคลองเลย (ว้าย เขิลล์ :o8:)

(คนเขียนใช้สำนวนเข้าใจยากไปหรือเปล่าคะ งั้นเดี๋ยวจะพยายามปรับปรุงใหม่ ให้เข้าใจง่ายกว่านี้นะคะ^^)


เคยสงสัยเหมือนกันครับ เวลาอ่านวรรณคดีไทย ตอนพระ-นางได้กัน มักจะอธิบายด้วยสภาพฝนฟ้าอากาศเหมือนกัน

ตอนนั้นเด็กๆ อ่านไปก็ไม่รู้ว่าสื่อถึงอะไร พอแก่แล้ว....อ๋อ มันอย่างนี้นี่เอง  :z1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 04-03-2012 08:49:01
ไม่ต้องปรับปรุงหรอกครับ อย่างนี้แหละดีแล้ว ผมเข้าใจครับ
รอไดซำเหมือฮับ
แมวน้อยน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 04-03-2012 18:32:24
ค้าบบบบ  รอได้

 :impress3: :impress3: :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: nan_chp ที่ 06-03-2012 13:03:34
รอด้วยคนคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [แจ้งเลื่อนอัพบทที่ ๑๔ เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะูู]
เริ่มหัวข้อโดย: shiki senri ที่ 07-03-2012 22:52:17
รอคอยค่ะ อ้ากกกก ไม่ไหวแล้ววว อยากมี time machine เร่งไปวันเสาร์แล้วอ่ะ >,<
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 09-03-2012 20:09:37
(http://img38.picoodle.com/i539/wattanan/0_c7a_ucmz8.jpg)

บทที่ ๑๔

โจรปล้นจูบ


นี่หรือคือโจรที่คอยปล้นจูบหญิง
ไม่จริง  สาบานก็ได้ไม่เคย
ไม่เคยจริงนะ?
ไม่เคย
ไม่เคยสักนิด?
ไม่เคย
อ๋อ..นิดๆ ไม่เคยเพราะเคยมามากมาย*




หม่อมราชวงศ์เลอมานฝันประหลาด
   
สถานที่.. ที่ไหนสักแห่ง  มีดอกไม้มากมายเหลือเกิน  สวย..สดสีเจิดจ้าสาดแสงแข่งกัน 

“เล็ก..”

แว่วเสียงทุ้มละมุนเรียกหา  เด็กหนุ่มก้าวเท้าตามต้นเสียงไป  ลัดเลาะเข้าป่าเกลื่อนกล่นลูกไม้  ในห้วงอากาศบรรจุกลิ่นหอม  เถาวัลย์พันเกี่ยวเป็นเกลียวมาลัย  ในเงื้อมเงาภูผาใหญ่กังวานด้วยเสียงน้ำซ่านกระทบ  ดังเป็นจังหวะ  ผีเสื้อน้อยบินมาเกาะตรงอกซ้าย ขยับปีกไหวระรัว ก่อนผละบินหนีจาก  เลอมานไล่ตามไขว่คว้า  พลัดตกลงในสระบัวเย็นชื่น 
   
สระน้อยกลับกลายเป็นห้วงทะเล  ร่างเขาจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง  หัวใจวูบหวิวระส่าย  สำลัก..แต่ไม่ยักทรมาน  ก่อนถูกมือที่มองไม่เห็นฉุดร่างลิ่วถลาขึ้นสู่ผิวน้ำ  ลอยละลิ่วสู่ท้องฟ้าเบื้องบน  ปุยเมฆกลั่นฝนเป็นหยดพรั่งพรู 
   
เขาซุกกายใต้ซอกเมฆนุ่มจนฝนหยุด  แสงอาทิตย์ส่องสายประกายสวย  เกิดสายรุ้งพาดผ่าน  นกน้อยตัวหนึ่งบินมาเกาะไหล่  กดจูบไซ้ซอกคอ..

เย็นเจี๊ยบ!

เลอมานสะดุ้งตื่น  ลืมตาโพลง  สัมผัสเย็นเฉียบที่ลำคอยังไม่จางหาย  สิ่งแรกที่เห็นคือแดดจ้าสาดส่องลอดม่านลูกไม้พลิ้ว  ตะเพียนน้อยสองตัวแหวกว่ายอยู่ใต้กรอบหน้าต่าง
   
“ตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มนุ่มอย่างในฝันดังขึ้นข้างหู  เขาหันไปมองช้าๆ  เห็นอาจารย์นิ่งมองมาด้วยสายตาที่อุ่นล้ำกว่าแสงตะวัน

เขาขยับปาก.. แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดรอด  ปากคอแห้งผากดั่งกลั้วเม็ดทราย 

คนึงวางช้อนสแตนเลสแช่เย็นในมือลง  รอยจูบแดงช้ำยังติดตรึงอยู่บนเรียวคอขาวผ่อง  สงสัยเมื่อคืนเขาจงใจซ้ำรอยคนอื่นรุนแรงไปหน่อย  มันถึงยิ่งแดงช้ำเกือบม่วงเอาตอนเช้าแบบนี้  กำลังใช้ช้อนเย็นๆ แตะรอยช้ำเพื่อกระจายเลือดคั่งออกให้จางมากที่สุดอยู่ดีๆ  ลูกศิษย์ก็ลืมตาขึ้นเสียก่อน
   
เลอมานพยายามจะลุกนั่ง  แต่แล้วกลับรู้สึกหัวหนักอึ้งจนต้องกุมขมับ  อาจารย์ขยับเข้าประคองศิษย์เอนซบแนบอก  รินชาร้อนจากปั้นน้ำบนตั่งเล็กลงถ้วยกังไส  เป่าไล่ไอร้อนก่อนยื่นจรดริมฝีปากแห้งผาก บรรจงป้อนอย่างนุ่มนวล 

ชาจีนหอมกรุ่นกำซาบผ่านลำคอ  คุณชายกระแอมไอ  ค่อยมีเสียงขึ้นทีละนิด  อาจารย์ผละออกประคองร่างเล็กนั่งเอนพิงหมอนกับหัวเตียง  มืออุ่นเกลี่ยเส้นผมนุ่มที่ยุ่งเหยิงปรกหน้าผากออก  อาการปวดหัวจี๊ดจู่โจมจนเลอมานต้องยกมือกุมขมับ
   
“ปวดหัวหรือ  ปวดมากไหม” เสียงอาจารย์ดูตระหนก  หลังมือใหญ่ไล่แตะหน้าผาก สองแก้ม ซอกคอให้วุ่น  ก่อนถอนใจโล่งอกเมื่อไม่ได้มีอุณหภูมิสูงจัดอย่างที่นึกกลัว
   
ศิษย์พยักหน้าเชื่องช้าแทนคำตอบ  นัยน์ตาแดงก่ำมองอาจารย์แวบหนึ่ง  ก่อนก้มหน้าม่อยอย่างสำนึกผิด 
   
“เมื่อคืนนี้.. เล็กเมามาก” แม้น้ำเสียงทุ้มนั้นจะอ่อนเอื้อ  ไม่มีความขุ่นเคืองปนอยู่แม้แต่น้อย  แต่เลอมานก็ยังคงรู้สึกผิดในสิ่งที่ตนทำลงไป

เขาจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ไม่ค่อยดีนัก  ความทรงจำลางเลือนเหมือนท้องฟ้าคลุ้มหมอก  จำได้เพียงนายลอยบอกว่าจะพามาส่งโรงเรียน  แต่แล้วกลับพาเขาไปที่ซ่อง  คะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้า  พอเขาปฏิเสธก็ทำหน้าคล้ายจะดูถูก  เขาเลยต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าตนก็เป็นชายชาติคนหนึ่ง  ครั้นพอเหล้าเข้าปากสักสี่ห้าแก้ว  ทุกอย่างก็พร่าเลือนไปหมด   
   
จากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง  เขาจำไม่ได้เลยจริงๆ 
   
แม้จำไม่ได้  หากสัมผัสอ่อนหวาน  อารมณ์สะท้านหวิวจากฝันประหลาดยังตราตรึง  สับสนจนไม่แน่ใจว่าเป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ 

“ผม.. กลับมาได้ยังไง” เสียงแหบพร่าหล่นจากปากซีดเผือด  สายตาจับจ้องมือตนเองที่กำผ้าห่มแน่นจนข้อนิ้วขาว 
“จำไม่ได้หรือ” คนึงวางมือลงบนศีรษะทุยสวย  ลูบผมสีอ่อนแผ่วเบา 
“อาจารย์.. ผมขอโทษ” ศิษย์พึมพำทั้งดวงตาแดงก่ำ  มือกำแน่นจนสั่นสะท้าน “มันมืด  มันเงียบ  ไม่มีใครเลย  เขาบอกว่าจะพามาส่ง ผมก็เลย..”
   
พูดยังไม่ทันจบ  เลอมานมีอันต้องสะดุ้งเมื่อมือใหญ่คว้ามือเขาไปกุมไว้ 
   
“ไม่เป็นไรครับ” ถ้อยคำปลอบประโลมดั่งน้ำใสเย็นรินรดหัวใจร้อนรุ่ม  ดวงตาสีนิลแสนอ่อนโยนที่จ้องมองมา  ราวมีมนต์สะกดตรึงสายตาเขาไว้จนไม่อาจละ  บีบมือเขาแน่นอย่างจะย้ำคำมั่น “ฟังครูนะ.. เมื่อคืน.. ครูไปรับเล็กที่นั่น  พาเล็กกลับมา  ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก.. ไม่มี..”

“ผมไม่ได้.. ทำตัวไม่ดีกับอาจารย์ใช่ไหม” ศิษย์ถามอ้อมแอ้ม  รู้ตัวเองดีว่าพอเหล้าเข้าปากแล้วจะเป็นอย่างไร  ดูจากคราวก่อนที่ถูกเฆี่ยนสามไม้นั่นสิ  ไหนจะตอนไปกรุงเทพนั่นอีก  อาจารย์โกรธจนถึงขั้นตัดครูตัดศิษย์กันเลยทีเดียว 
   
แต่อาจารย์กลับส่ายหน้ายิ้มเรื่อ  จะไม่ให้เขางงได้หรือ
   
“ไม่เลย  เมื่อคืนนี้..” หากแดดเช้าไม่หลอกตา  คล้ายเขาเห็นโหนกแก้มอาจารย์ขึ้นสีเรื่อ “เล็กเป็นเด็กดี”

สองสายตาประสานกันชั่วขณะ  จนกระทั่งคนึงกระแอมไอ  เปลี่ยนหัวข้อสนทนา 

“เล็กไม่สบาย  วันนี้ไม่ต้องไปสอนก็ได้” เสียงนุ่มเอ่ยแผ่ว “ครูก็ลาเหมือนกัน  วันนี้จะไม่ไปไหน  จะเฝ้าอยู่ข้างๆ เล็กทั้งวัน”

ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มเมื่อเห็นเด็กหนุ่มสูงศักดิ์พยักหน้าอย่างว่าง่าย  มือใหญ่ลูบซ้ำที่กลุ่มผมนุ่มละเอียด 

ข่าวเสื่อมเสียของคุณชายเดินทางเข้าหูเขาแต่เช้า  ที่โรงอาหารทั้งนักเรียนและอาจารย์ก็ลือกันให้แซ่ดเรื่องอาจารย์ฝึกสอนคนใหม่ดอดไปเที่ยวซ่อง  แม้แต่ตัวเขาเองยังถูกอาจารย์ใหญ่เรียกตัวไปตำหนิเรื่องนี้ตั้งแต่เช้า  ถูกกำชับย้ำหัวตะปูแน่นหนาว่าให้ดูแลคุณชายให้ดีกว่านี้
   
คนึงยิ้มจาง  รสชาติที่ไหลเวียนอยู่ในความทรงจำยังตรึงตรา  ปลายนิ้วเกลี่ยไล้แก้มขาวที่ดูเผือดไป  ความจริง.. ถึงอาจารย์ใหญ่จะไม่บอก  เขาก็ตั้งใจจะดูแลคนๆ นี้ให้ดีที่สุด  จะถนอมกาย ถนอมใจ  แม้หากเป็นไปได้.. ก็จะไม่ปล่อยให้คลาดสายตาอีกเลย 

***************************

เมื่อหลายปีก่อนจ้อยป่วยหนัก  ยายอุ้มจ้อยแนบอกพาไปขอยืมเงินคุณนายพูนทรัพย์  จ้อยต้องนอนโรงพยาบาลนานเป็นเดือนกว่าจะหาย  ค่าหมอค่ายาก็แพงเหลือใจ  สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือหนี้ก้อนใหญ่  แรกเริ่มเดิมทีเป็นจำนวนเงินแค่หลักพัน  แต่ครั้นยายหาเงินไปส่งดอกไม่ทัน  หนี้ก็ทบต้นทบดอกไปเรื่อยๆ  กินระยะเวลานานร่วมสิบปี  ศิริรวมหนี้ที่จ้อยกับยายต้องหามาชดใช้นับเป็นเงินร่วมสองหมื่นบาท
   
จ้อยจะไปหาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน

มือขาวยกขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลอาบหน้า  ระมัดระวังไม่ให้ฟองสบู่ที่เปื้อนเต็มมือกระเด็นเข้าตา  ร่างเล็กนั่งคุดคู้บนเก้าอี้ตัวเล็กล้างจานชามอยู่หลังร้าน  นานๆ ทีก็มีเสียงเรียกให้ช่วยยกอาหารไปส่งตามโต๊ะ
   
เวลากระชั้นเข้ามาทุกที  จ้อยไม่หวังว่าจะมีเงินก้อนใหญ่ไปคืนไอ้สิงห์หรอก  แต่อย่างน้อยขอให้มีเงินพอส่งดอก  แล้วค่อยไปขอร้องคุณนายพูนทรัพย์อีกที 
   
ถึงกระนั้น.. แค่ค่าดอกก็หายากจนเลือดตาแทบกระเด็น  เช้ามืด..จ้อยไปขายผักกับยายที่ตลาด  พอตกเย็น..แทนที่จะอ่านหนังสือหรือทำรายงานเช่นทุกที  จ้อยก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้ามุ่งมาตลาด  มีห้องแถวในตลาดอยู่หลายแถว  และห้องหนึ่งเป็นร้านขายข้าวแกง  จ้อยมารับจ้างล้างจานที่ร้านข้าวแกงเจ๊เน้ยนี่ละ 

แม้ค่าแรงจะน้อยนิด  แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย 

“จ้อย! มาช่วยยกกับแกล้มไปส่งที” เสียงเจ๊เน้ยจากในครัวร้องเรียก  หนุ่มน้อยรีบล้างมือล้างไม้ เช็ดมือกับชายเสื้อ ลุกขึ้นเดินไปรับจานจากในครัว  หากพอเห็นโต๊ะที่เจ๊บุ้ยปากให้เท่านั้นละ.. มือไม้จ้อยก็เริ่มเย็นเฉียบ  กัดปากแน่นอย่างลืมตัว
   
ไอ้สิงห์ ไอ้ลอย ไอ้หมาน ไอ้เลิศ กำลังคุยกันออกรสออกชาติ!

จ้อยพยายามสูดหายใจเข้าปอดลึก  บังคับมือไม้ไม่ให้สั่นเทา  ยามเดินเข้าไปวางจานยำหนังหมูบนโต๊ะพวกมัน  ทันทีที่เห็น  ไอ้พวกจิ๊กโก๋พากันหัวเราะลั่นสนั่นร้าน     
   
อ้อ..ไม่สิ  ยกเว้นไอ้สิงห์  ที่เอาแต่จ้องหน้าเขานิ่งงัน  ผ้าพันแผลบนหัวมันหายไปแล้ว  เหลือเพียงพลาสเตอร์สีเนื้อแผ่นเล็กๆ ติดอยู่ตรงหางคิ้ว 
   
“ฮ่าๆๆๆ มาหาเงินใช้หนี้หรือจ๊ะครู” ไอ้หมานทำเสียงแหลมเสียดแทงแก้วหู 

“ทำงานแบบนี้  กี่ชาติจะหาเงินหมื่นได้วะ” ไอ้หมูตอนเลิศค่อนขอดทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก 

“ลูกจ้างร้านนี้ หน้าตาน่ารักดีแท้” ไอ้ลอยหนักสุด  นอกจากคำพูดแล้ว  สายตามัน..มือไม้มัน..หยาบโลนจาบจ้วง น่าขยะแขยง  จ้อยปัดมือใหญ่ที่ยื่นมาลูบแก้มออกอย่างแรง  คนตัวโตกลับจุ๊ปากเหมือนปลอบเด็ก  แล้วก็พากันหัวเราะครืนจนโต๊ะอื่นหันมามองเป็นตาเดียว

‘ลูกพี่’ ยังคงนิ่งเป็นรูปปั้น  จ้อยหันไปสบดวงตาคมเข้มนั้นแว่บหนึ่ง  แววตาเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใดทำให้เขาพรั่นพรึงบอกไม่ถูก  แต่ไหนแต่ไรมา.. ดวงตาไอ้สิงห์มักสะท้อนสิ่งที่อยู่ในหัวใจของมันออกมาเสมอ  จะโกรธ จะเกลียด จะแค้น จะชัง ดวงตาคู่นั้นจะถ่ายทอดออกมาหมดอย่างไม่อาจซ่อนเร้น  หากระยะนี้มันดูแปลกไป  ทุกครั้งเมื่อมองมา  สายตาคู่นั้นแสนเย็นชาว่างเปล่า  ราวกับไร้หัวใจ  ราวกับหัวใจของมันถูกควักออกจากอกไปแล้ว
   
จนจ้อยต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหลบ  หนุ่มน้อยกำลังจะหันหลังกลับ   หากไอ้ลอยกลับเรียกไว้  มันสั่งให้เอาจานที่กินหมดแล้วกลับไปด้วย
   
จ้อยคว้าจานมาตามหน้าที่  แต่แล้วกลับต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือหนาเทอะทะของไอ้ลอยจับหมับที่มือขาว  จ้อยทั้งตกใจทั้งขยะแขยงจนเผลอสะบัดมือ  จานกระเบื้องลื่นหลุดลงไปกระทบพื้นแตกดังเปรื่อง
   
“เอ๊าๆๆ ชิบหายวายวอดหมดแล้ว!” เสียงเจ๊เน้ยโวยวายลั่นมาจากในครัว  แกเคาะตะหลิวกับกระทะเสียงดังตามอารมณ์หงุดหงิด  จ้อยหน้าถอดสีขณะย่อตัวลงเก็บกวาดเศษกระเบื้อง  แบบนี้ค่าเสียหายก็ถูกหักออกจากค่าแรงเขาน่ะซี
   
พวกนักเลงหัวเราะเกรียวกราว  ตบไม้ตบมือชอบใจ  จ้อยกัดฟันแน่น  ไม่เงยหน้าขึ้นมองก็รู้ว่าพวกมันทำสายตาแบบไหน
   
“มือเอ็งนี่มันนิ่มกว่ามือพี่เอ็งเยอะเลยว่ะ” ถูกมันเกี้ยวราวกับผู้หญิงแบบนี้ จ้อยถึงกับหมดความอดทน  ใบหน้าอ่อนเยาว์เงยขึ้น ถลึงตาใส่มันด้วยความเคียดแค้น  ไอ้ลอยยิ่งหัวเราะชอบใจ  หนำซ้ำยังดมมือตัวเองทำท่าชื่นอกชื่นใจหนักหนา  เล่นเอาจ้อยขยะแขยงจนตัวสั่น  ได้แต่รีบเก็บกวาดแล้วกลับเข้าหลังร้านโดยเร็ว

ไอ้ลอยมองตามแผ่นหลังเล็กที่เดินลิ่วๆ  สะกิดลูกพี่ด้วยปลายศอก 
   
“พี่สิงห์..” มันบุ้ยปากไปทางนักเรียนครู “เห็นมันทำหน้าไหม  จองหองนัก  มันน่าหลังมือให้เลือดกบปาก”
   
ลูกชายกำนันทำท่าคล้ายคำพูดนั้นเป็นเพียงลมผ่านหู  เอาแต่กรอกเหล้าเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่า 
   
“คงนึกว่าเป็นนักเรียนครู  ทำเป็นอวดดีใส่  ระวังเถอะพี่  ซักวันจะปราบมันไม่อยู่” ไอ้หมานเป็นลูกขุนพลอยพยัก  รินเหล้าให้ทั้งพี่ลอยพี่สิงห์อย่างประจบ 
   
“พี่สิงห์ใจดีกับมันเกินไป  เป็นฉันหน่อยไม่ได้..” ไอ้ลอยหยักยิ้มมุมปาก  ซดเหล้าโฮก

ลูกพี่คิ้วกระตุก  ตวัดถามเสียงห้วน “เป็นเอ็งแล้วทำไม”
   
“เอ๊า” มันว่าเสียงสูง  ตบมือกับเข่าดังฉาด  ก่อนลดเสียงลงเป็นกระซิบ “ถ้าฉันเป็นเจ้าหนี้มันอย่างพี่  ฉันอยากทำอะไรมันฉันก็จะทำ  ไม่มานั่งเฉยให้มันเห็นเป็นหัวหลักหัวตอแบบนี้หรอก”

สิงห์นิ่งงัน  คิดตามคำพูดมันทุกคำ

“ทำเป็นวางท่าเป็นนักเรียนครูผู้ทรงเกียรติ  ถุ้ย!” สมุนตัวโตถ่มน้ำลายลงพื้น “จะเป็นครูหรือเป็นกุ๊ย  เป็นผู้ดีหรือเป็นไพร่  เวลาน้ำแตกมันก็ทำหน้าเหมือนกันหมดละว้า” ไอ้เลิศไอ้หมานประสานเสียงหัวเราะขบขัน  เคาะแก้วเคาะจานถูกอกถูกใจ
   
“เออ พี่ลอย” ไอ้หมูเลิศหัวเราะจนพุงกระเพื่อม “พี่ว่าอย่างไอ้จ้อยมันจะเคยชักว่าวไหมพี่”
   
พวกมันสามคนคุยหยาบโลนออกรส  หัวเราะจนหน้าแดงก่ำ  แม้แต่ลูกพี่เองก็หน้าขึ้นสีเรื่อ  ไม่ใช่เพราะฤทธิ์เหล้า  ไม่ใช่เพราะขบขัน  แต่เป็นเพราะ.. เขาเผลอวาดภาพตามคำพูดพวกมันขึ้นในใจ 
   
ไม่ใช่ไม่เคย.. สิงห์ฝันถึง ‘น้อง’ บ่อยครั้ง  บางฝันก็เป็นภาพวัยเยาว์อันงดงาม  หากบางฝัน.. ต่ำช้าน่าละอายนัก  ฝันแบบนั้นทีไร  ตื่นมาตอนเช้าได้แอบไปซักกางเกงทุกที 
   
น่าขำ.. หัวหน้าอันธพาล ‘เอา’ ผู้หญิงมาทั้งซ่อง  แต่คนที่อยู่ในความฝันมาตลอด  กลับทำได้อย่างเก่งก็แค่หอมแก้ม

“พี่สิงห์คิดอะไรอยู่” ไอ้ลอยทักขึ้นเมื่อเห็นลูกพี่เอาแต่นั่งเหม่อคลึงปากแก้วเล่น  ลูกพี่สะดุ้ง  กระแอมไอกลบเกลื่อน

“ปะ..เปล่า” ถึงอย่างนั้นสมุนก็ยังตาไวพอที่จะสังเกตเห็นโหนกแก้มลูกพี่ขึ้นสีแดงเรื่อ  มันหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด  ก่อนสะกิดกระซิบกระซาบ
   
“เอาอย่างนี้ไหม  ฉันมีความคิดดีๆ”

“ความคิดดีๆ อะไรของเอ็ง” ลูกชายกำนันชะงักมือที่กำลังจะกรอกเหล้าเข้าปาก  จ้องตาลูกน้องคนสนิทอย่างใคร่รู้เต็มที 

ไอ้ลอยยิ้มพราย  ดวงตาเป็นประกายวาววับ 
   
***************************
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 09-03-2012 20:19:45
วันครบกำหนดชำระหนี้เป็นวันเสาร์  จ้อยกับยายตั้งใจจะไปหาคุณนายพูนทรัพย์ที่บ้านแต่เช้าตรู่  กลับต้องประหลาดใจเมื่อคนที่กำลังจะไปหา  กลับเป็นฝ่ายมาเยือนถึงกระท่อม
   
“ไหว้พระเถอะย่ะ” นิ้วอวบขาวประดับแหวนเพชรรับไหว้จ้อยส่งๆ  คุณนายนั่งลงบนแคร่ที่เพิ่งสั่งให้ผู้ติดตามอย่างน้าเวกเช็ดให้สะอาด  ถอดแว่นกันแดดกรอบใหญ่  บ่นว่าร้อนจนน้าเวกต้องคอยพัดให้พั่บๆ 
   
พัดแรงไปก็ไม่ได้อีก  เดี๋ยวผมหยิกเป็นหลอดของคุณนายจะเสียทรง   

“แม่ทรัพย์จ๊ะ” ยายช้อยนั่งบนแคร่ตัวเดียวกัน  แต่ทิ้งระยะห่างออกมา  เมียกำนันไม่ชอบให้คนจนเข้าใกล้เท่าไรนัก  “ยายกับจ้อยหามาได้แค่ดอก  ส่วนเงินต้น..”
   
“ฉันมาวันนี้ ก็จะมาพูดเรื่องนี้แหละ” เมียกำนันรีบเข้าประเด็น  ไม่พิรี้พิไรท่ามาก  หล่อนมองขันน้ำฝนลอยดอกมะลิที่จ้อยเอามาวางให้อย่างเคลือบแคลงในความสะอาด  ก่อนหันไปถามเจ้าตัวที่ถอยไปนั่งพับเพียบเอี้ยมเฟี้ยมอยู่กับพื้น “ตกลงจะเอายังไงล่ะ”

ดวงตาคมวาวใต้เรียวคิ้วถาวรเขม้นมองหน้าเด็กหนุ่มที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างไม่ชอบใจ  ผิวขาว  ตาสวย  ปากนิด จมูกหน่อย  พิมพ์เดียวกับอีกำไลแม่มันไม่มีผิด   

“เอาอย่างนี้ไหมล่ะไอ้จ้อย” ไม่รอฟังความเห็น  คุณนายชี้ทางออกให้เสร็จสรรพ “ช่วงนี้นังแป้นมันต้องคอยเลี้ยงลูก  ไม่ค่อยมีเวลาทำงานบ้าน  ครั้นไอ้ฉันจะหาคนมาเพิ่มก็สิ้นเปลือง  ไหนๆ หนี้สินแกก็ยังค้างอยู่อีกเยอะ  ฉันเองก็ขี้คร้านจะมาตามเก็บดอกทุกเดือนๆ” 
   
เมียกำนันจ้องตาลูกหนี้ตัวน้อยเขม็ง  พูดไม่กระพริบตา “แกไปทำงานขัดดอกให้ฉันไหมล่ะ”
   
“จ..จ๊ะ?” จ้อยแทบไม่เชื่อหูตัวเอง 
   
เจ้าหนี้ถอนใจแสนรำคาญ  แย่งพัดจากมือน้าเวกมาพัดเองพึ่บพั่บ “ฉันไม่ได้คิดเองหรอกนะ  เป็นความคิดพ่อสิงห์เขา”

ไอ้สิงห์..

ความชิงชังเปล่งประกายวาบในนัยน์ตาสีอ่อน  จ้อยกัดริมฝีปากแน่น  มือเล็กขยุ้มชายเสื้อตัวเองจนยับย่น  ยิ่งคิดยิ่งคับแค้นใจ  ไอ้สิงห์กำลังต้อนเขาให้จนตรอก  ไร้ทางออก หมดทางหนี  ถ้ามันคิดจะกลั่นแกล้งกันแบบนี้  สู้พาพวกมาซ้อมเขาให้ตายไปเลยเสียยังดีกว่า

“ป้าทรัพย์” นักเรียนครูวิงวอนจากใจ  เขาไม่อยากเป็นลูกไก่ในกำมือคนชั่วช้าอย่างมัน  ไม่อยากเลย.. “จ้อยขอเวลาอีกหน่อย  อีกปีเดียวก็เรียนจบแล้ว  จ้อยจะหามาคืนให้ทั้งต้นทั้งดอก  ช่วงนี้ขอทยอยจ่ายดอกไปก่อนไม่ได้หรือ”
   
“โอ๊ย อีกตั้งปี  ฉันรอไม่ไหวหรอกนะ  แล้วเงินเดือนครูจะซักเท่าไรกันเชียว” คุณนายเบ้ปากอุทานเสียงสูงกรีดหัวใจจ้อยนัก  “ฉันออกเงินกู้นะยะ  ไม่ใช่เปิดโรงทาน  จะได้ให้เงินคนอื่นฟรีๆ แบบนี้” 

หลานมองตายายอย่างจะขอความเห็น  คุณนายรีบหว่านล้อม “ไปอยู่กับฉัน  ที่หลับที่นอนอาหารการกินก็มีให้  แค่ขอแรงช่วยแบ่งเบางานนังแป้นมันนิดๆ หน่อยๆ  ไม่ได้เอาไปโขกสับรับใช้เยี่ยงทาสหรอกน่ะ”
   
“ไปอยู่ด้วยหรือ?” หนุ่มน้อยชะงักกึก  แค่ให้ไปทำงานก็ลำบากใจแล้ว  แล้วนี่.. “ป้าทรัพย์จะให้จ้อย..อยู่บ้านกำนันหรือ?” 
   
จ้อยมัวแต่ตกใจ  ไม่ทันสังเกตประกายความหวังความยินดีในแววตายาย
   
เจ้าหนี้พยักหน้าแทนคำตอบ  เล่นเอาจ้อยกลืนน้ำลายฝือคอ “จ้อยเลิกเรียนแล้วค่อยไปทำงานไม่ได้หรือจ๊ะ  จ้อยจะทำงานให้จนดึกเลยแล้วค่อยกลับ  แล้วพอตอนเช้าจ้อยก็จะรีบไป..”
   
“โอ๊ย พ่อคู๊ณ” คุณนายโบกไม้โบกมือ  ส่ายหน้าระอา “มัวแต่ไปๆ มาๆ เสียเวลาทำมาหากิน  ก็อยู่มันที่นั่นซะเลยจะเป็นไรไป  มีอะไรจะได้เรียกใช้ถนัด  ทำไม  ดูทำหน้าเข้า  เห็นฉันเป็นยักษ์เป็นมารหรือไงไอ้จ้อย”

จ้อยก้มหน้านิ่ง  อยากบอกว่าคนเป็นยักษ์เป็นมารน่ะ  ลูกชายของคุณนายต่างหาก

“ถ้าไม่อยากไปก็ได้  ไม่ว่ากัน  โบราณว่าอย่าข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า” เมียกำนันเปลี่ยนท่าที  แบบนี้จ้อยค่อยยิ้มออก  หากความหวังริบหรี่กลับดับวูบเหมือนเปลวเทียนกลางพายุ “แต่เห็นทีฉันต้องขอยึดที่นายายละนะ  หนี้ค้างปีดักดานแบบนี้  ยกที่นาให้ฉันซะก็ถือว่าแล้วกันไป”
   
สองยายหลานเลิ่กลั่กมองหน้ากัน 
   
“ยะ..อย่าขายที่ยายเลยนะแม่ทรัพย์  ที่ตรงนั้นมันตั้งแต่รุ่นทวดเจ้าจ้อยมัน  ยายอยากเก็บไว้ให้หลาน  โตไปมันจะได้ มีหลักมีฐาน  มีสมบัติติดตัว”
   
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ  นั่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา เล่นตัวจริงนะพ่อคุณ” เจ้าหนี้เริ่มหงุดหงิด  โบกพัดในมือไล่ความร้อนที่คุกรุ่นในใจ
   
“จ้อยเอ๋ย.. ไปอยู่กับป้าทรัพย์  ไปอยู่กับลุงกำนันเถอะลูก”  ยายช้อยลูบหลังลูบไหล่หลานชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว  ในดวงตาเปี่ยมล้นไปด้วยความรักและหวังดี “จะได้อาศัยพึ่งใบบุญ  ยายก็เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง  วันไหนยายไม่อยู่แล้ว เอ็งจะได้มีที่พึ่ง”
   
“แต่หนูเป็นห่วงยาย”
   
คุณนายเบะปากเหยียดหยัน “จะห่วงอะไรนักหนา  บ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้  แล้วอีกอย่าง  ไปทำงานให้ฉัน  ฉันมีค่าแรงให้นะยะ  เผื่อเหลือเผื่อขาดยังไงแกจะเอามาให้ยายก็ได้  ยายจะได้ไม่ต้องทำงานงกๆ”
   
“ไปเถอะจ้อยเอ๋ย  ไม่ต้องห่วงยาย” ยายยิ้มอ่อนเอื้อ    จ้อยได้แต่ก้มหน้านิ่ง 
   
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคำตอบของเขาแล้ว  ถ้าจ้อยตกลง  ที่นาของบรรพบุรุษก็ไม่ต้องถูกขาย  หนี้สินที่ติดค้างก็จะหายไป  แถมยังมีรายได้จากคุณนายมาให้ยายอีก 
   
ที่สำคัญ.. จ้อยดูออก  ว่ายายดีใจไม่น้อยที่จ้อยจะได้เข้าไปอยู่บ้านนั้น 
ความกตัญญูฝังแน่นอยู่ในสำนึกจ้อยเสมอ  หากยายอยากให้จ้อยไป  จ้อยจะทำให้ยายผิดหวังได้ลงคอหรือ

ดวงตาใสแจ๋วหากมั่นคงแน่วแน่เงยขึ้นสบตามารดาของคนที่แสนชิงชัง “ก็ได้จ้ะ  ป้าทรัพย์จะให้จ้อยไปเมื่อไร”

ริมฝีปากเคลือบสีแดงสดคลี่ยิ้มสาสมใจ

“งานบ้านฉันมีเยอะแยะ  แกเก็บของย้ายมาอยู่เสียพรุ่งนี้เลยก็แล้วกัน”

พรุ่งนี้!?  จ้อยตะโกนก้องอยู่ในหัวใจคับแค้น  เวลากระชั้นชิดเหลือเกิน  มือเล็กกำหมัดแน่น  นึกถึงใบหน้าคมคร้ามของคนที่ชังแสนชัง
   
ไอ้สิงห์..
   
******************************
   
ศาลาท่าน้ำหลังโรงเรียนแสนสงบ  มีเพียงเสียงระหัดวิดน้ำทำงานดังจ๋อมๆ  ลมเย็นพัดกลิ่นไอคลองโชยรื่น  หากเลอมานกลับเหงื่อแตกเต็มหน้า  มือขาวประคองชามตราไก่ไว้มั่น  ปากแดงเจ่อสูดซื้ดด้วยความเผ็ดร้อน   
   
คนึงมองชิ้นตั้งไฉ่กับพริกที่ถูกเขี่ยขึ้นเรียงแถวเต็มขอบชามแล้วอดหัวเราะไม่ได้  ใบหน้าเปื้อนยิ้มหันไปสั่งเจ๊กบนเรือที่คอยท่า 
   
“แปะเหล็ง  ขออีกชาม  เอาก๋วยเตี๋ยวเด็กนะ” ว่าแล้วก็แย่งชามใส่มือเด็กมากินเสียเอง  คุณชายได้แต่มองตาค้าง  ปากเจ่อจนขยับท้วงไม่ทัน  “อ้อ ตัดเส้นให้ด้วย  เด็กใช้ตะเกียบไม่เป็น”
   
ชามใหม่ถูกยื่นส่งให้  มีแต่เส้นที่ถูกหั่นจนสั้นกับลูกชิ้นและเนื้อหมู  อาจารย์คีบลูกชิ้นวางในชามให้  ยิ้มเอ็นดูเมื่ออีกฝ่ายประคองชามลงวาง พนมมือไหว้ขอบคุณ   

คลองท่อมีเจ๊กขายก๋วยเตี๋ยวเรือรสเด็ด  มีทั้งก๋วยเตี๋ยวน้ำ ก๋วยเตี๋ยวแห้งและเกี้ยมอี๋  ชามละ ๒ บาทได้หมูเต็มชาม  หากนานๆ ทีจึงจะมีอาจารย์หรือนักเรียนกวักมือเรียก  เพราะส่วนใหญ่จะพากันไปกินที่โรงอาหารกันเสียมากกว่า  ไม่ต้องเสียเงินด้วย
   
หากระยะนี้  อาจารย์ต้องพาลูกศิษย์ตัวดีออกห่างจากโรงอาหารชั่วคราว
   
ทั้งโรงเรียนโจษจันเรื่องหม่อมราชวงศ์เลอมานเที่ยวซ่องกันให้แซ่ด  ด้วยศักดิ์แห่งบุตรชายเอกอัครราชทูต  ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้า  หากพอลับหลังก็ซุบซิบกันสนุก 
   
แค่คุณชายเฉียดกรายเข้าโรงอาหาร  สายตาหลายคู่ก็มองมาเป็นตาเดียว  เลอมานถูกเลี้ยงดูมาอย่างฝรั่ง  คนึงจึงไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้าน  เด็กหนุ่มยังทำทุกอย่างเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  หากพอลองสังเกตดีๆ  เขาจับกระแสความรำคาญในดวงตาสีน้ำตาลใสได้ไม่ยากเย็น 

และแล้วสิ่งที่คนึงไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น

หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์  แสนเย่อหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี  ใจร้อนเอาแต่ใจหรือก็ที่หนึ่ง 
   
อาจารย์วิรัชมัวแต่นั่งนินทาคุณชายอยู่ที่โต๊ะอย่างสนุกปาก  คนถูกนินทาถือแก้วน้ำเดินผ่านหลังไปถึงกับชะงักกึก  คนมองไม่เห็นยังพูดจ้อยๆ  นักเรียนที่นั่งฝั่งตรงข้ามพากันขยิบตาบอก  แต่คนไม่รู้ตัวก็ยังคงไม่รู้ตัว   
    
มารู้ตัวก็อีตอนมือเรียวสาดน้ำเข้าให้เต็มหัวนั่นล่ะ 

คนปากเสียหันขวับ  กะจะหาเรื่องเต็มที่  แต่พอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้น  อึ่งอ่างพองลมก็ตัวหดเหลือเท่าลูกเขียด 
   
“What's your business in this?” เลอมานโกรธจัด  กระแทกแก้วเปล่าลงกับโต๊ะดังปึ้ง  “It's my business. What I will do and with whom is my business. Don't bother! Shut up!”

อาจารย์ลากศิษย์ออกมาแทบไม่ทัน  จนต้องพากันมากินก๋วยเตี๋ยวเรือที่ท่าหลังโรงเรียนเงียบๆ สองคนฉะนี้แล
กินไปอาจารย์ก็แอบมองหน้าศิษย์ไป  แอบมองไปอาจารย์ก็ครุ่นคิดไป
ว่าจะจับคุณชาย ‘ใส่ตะกร้าล้างน้ำ’ อย่างไรดี

คุณชายตาไวเห็นสหายร่างเล็กเดินอุ้มลังกระดาษมาแต่ไกล  มือเรียวโบกไม้โบกมือให้  คนึงหันมองตาม  จ้อยเดินตรงเข้ามาหา  แดดแรงจนต้องหยีตา  มือเล็กค่อยๆ วางลังกระดาษในมือลง  ก่อนปาดเหงื่อที่เกาะพราวเต็มหน้าผาก   
   
เลอมานหันไปสั่งก๋วยเตี๋ยวให้โดยไม่ถามสักคำ  พอหันมาอีกทีก็เห็นสมบัติของจ้อยเต็มกล่อง  หนังสือเรียนเอย  เสื้อผ้าเอย  แสนสงสัยจนอดถามไม่ได้  “เก็บของไปไหนน่ะ”
   
“อาจารย์  คุณชาย” จ้อยอึกอัก  ก้มหน้าก้มตา “พรุ่งนี้จ้อยต้องไปอยู่บ้านกำนันเสริม”
   
“หือ” คุณชายแทบสำลัก “ทำไมล่ะ”   
   
จ้อยเล่าเรื่องหนี้สิน  เรื่องทำงานขัดดอกให้คุณชายฟังหมดเปลือก 

“อะไรกัน” บุตรชายท่านทูตเคืองแค้นแทนเพื่อนนัก  มือขาวกระแทกชามลงพื้นกระดานจนลูกชิ้นกระเด้ง “ต้องไปทำงานเป็นคนรับใช้เขาแบบนี้น่ะหรือ  แล้ว..”
   
“คุณชายไม่ต้องห่วง” จ้อยแทรกขึ้นกลางคัน  รู้สึกผิดต่อเพื่อนต่างชนชั้น “ถึงจ้อยจะมาทำงานให้คุณชายไม่ได้  แต่เดี๋ยวจ้อยแนะนำคนอื่นให้” จ้อยหมายถึงงานเก็บที่นอน ทำความสะอาดห้อง ซักผ้า รีดผ้าที่เขาทำให้เลอมานมาตลอด “พวกคนงานในโรงครัวก็รับจ้างกันหลายคน”
   
“เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ  ไม่ต้องห่วงฉันหรอก” เลอมานกลอกตาหน่าย  พ่นลมออกจมูก “ไปเป็นบ่าวเขาแบบนั้น  ไม่มีศักดิ์ศรีหรือไง”

คำพูดนั้นแทงใจจ้อยดังฉึก  หนุ่มน้อยก้มหน้านิ่ง  คุณชายจึงเพิ่งรู้ตัวว่าพูดแรงไป  แต่เพราะห่วงหรอกถึงได้พูดแบบนั้น  ลูกแก้วสีน้ำตาลใสเสมองท้องน้ำไหลเอื่อย  เผื่อมันจะช่วยบรรเทาความรุ่มร้อนในใจลงได้ 

คนึงเห็นลูกศิษย์สองคนเบือนหน้ากันไปคนละทางถึงกับส่ายหน้า  เสียงทุ้มห้าวเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบน่าอึดอัด  “หนี้เท่าไรจ้อย  ครูจะช่วยเอง”
   
“มะ..ไม่เป็นไรครับอาจารย์” จ้อยหน้าตื่น  โบกไม้โบกมือวุ่น  โกหกคำโต “คือ..ความจริงผมก็อยากไปอยู่กับกำนัน    ยายก็อยากให้ไป”

อาจารย์หนุ่มมองเสี้ยวหน้าละมุนของน้องชายอดีตคนรักอย่างคลางแคลง  แต่ในเมื่อจ้อยตัดสินใจแล้ว  เขาจะว่าอะไรได้  ได้แต่ให้คำมั่นว่าถึงอย่างไรจ้อยก็ยังคงเป็นนักเรียนประจำของที่นี่  จะมานอนค้างที่หอพักเมื่อไรก็ได้  และยังมีสิทธิ์กินอาหารกลางวันฟรีที่โรงเรียนดังเดิม 
   
แต่มีเรื่องหนึ่งที่คนึงอดห่วงไม่ได้จริงๆ  “แล้วนายสิงห์ล่ะ” 

เขารู้เรื่องความบาดหมางไม่ลงรอยกันระหว่างจ้อยกับลูกชายกำนันดี  ยิ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน  ไม่ต่างอะไรกับโยนเชื้อฟืนลงในกองไฟ  เปลวเพลิงโหมไหม้ลุกฮือ 
   
ศิษย์ตัวน้อยกลับยิ้มอ่อนจาง  ดวงตาคู่สวยมองตรงแน่วแน่คล้ายไม่หวั่นกลัวสิ่งใด “ไม่เป็นไรหรอกครับ  เขาก็อยู่ของเขา  ผมก็อยู่ของผม”

คนึงถอนใจพรู  สงสัยความใจแข็งถ่ายทอดกันได้ทางสายเลือด  จ้อยถึงได้เด็ดเดี่ยวเหมือนจินดาไม่มีผิด  หนุ่มน้อยหน้าซื่อ  ท่าทางอ่อนโยนเรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย  แต่จิตใจกลับหนักแน่นเข้มแข็งเหมือนหินผา  ไม่ยอมให้ใครหรืออะไรมากระทบกระทั่งได้ง่ายๆ   
   
อดเปรียบเทียบกับอีกคนไม่ได้  ภายใต้ใบหน้าที่เคลือบไว้ด้วยความทระนง  เย่อหยิ่งจองหองจนน่าหมั่นไส้  หากพอกะเทาะเปลือกออก  หม่อมราชวงศ์เลอมานก็ไม่ต่างอะไรกับเนื้อนิ่มๆ ใต้เปลือกมะตูม  เปราะบางอ่อนไหวกว่าที่คิด
   
มะตูมอ่อนในแข็งนอก  มะกอกอ่อนนอกแข็งใน  คนเรานี่ดูกันแค่เพียงภายนอกไม่ได้จริงๆ

แล้วดูสินั่น  เจ้าลูกมะตูมนั่งหน้าตูมเป็นม้าหมากรุกไม่พูดไม่จา  เขาดูออกหรอกว่า.. กลัวเหงา
   
จ้อยเองก็คงดูออก  มือเล็กคว้าชามก๋วยเตี๋ยวที่คุณชายสั่งให้มาตักกินเอาใจ “จ้อยคงไม่มีเวลามาคุยเล่นกับคุณชายแล้ว  เพราะฉะนั้น  คุณชายอย่าดื้อกับอาจารย์นะครับ”
   
เลอมานหันมาถลึงตาใส่  ทำเอาอาจารย์หนุ่มหัวเราะ  ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นเด็ดดอกขจรที่รัดเกี่ยวเสาศาลา  เลือกแต่ช่อตูมอ่อน  วักลงล้างในน้ำคลองใส  ก่อนวางในชามก๋วยเตี๋ยวลูกศิษย์ทั้งสองคนละนิดละหน่อย     
   
“ดอกขจร  กินกับก๋วยเตี๋ยวเรืออร่อย” ใบหน้าคมสันตอบให้เมื่อเห็นเรียวคิ้วสีอ่อนขมวดยุ่ง
   
ในขณะที่จ้อยนิ่งมองช่อดอกสีเหลืองอมเขียวที่ลอยอยู่ในชามนิ่งงัน

ดอกไม้ที่เพิ่งผลิดอกตูมเป็นครั้งแรกในฤดู  สิ่งมีชีวิตที่น่ารัก  แค่ฝนพรำไม่กี่ครั้งก็เหยียดก้านชูช่อ  ฝันว่าจะได้พบแสงแดด  แล้วเป็นไงเล่า  กลับต้องถูกเด็ดกิ่งลงเพื่อลิดเอาช่ออ่อนดอกอ่อน  ลงมานอนตายอยู่ในน้ำแกงร้อนๆ
   
จ้อยหวังเพียงว่าชีวิตของเขาจะไม่เป็นเหมือนดอกขจรช่อนี้

ชีวิตหลังจากไปอยู่บ้านกำนัน  อยู่ใต้ชายคาเดียวกับไอ้สิงห์จะเป็นอย่างไร  สุดที่จ้อยจะคาดเดา  ไม่อยากคิดในทางเลวร้าย  แต่ก็ค่อนข้างแน่ใจว่าคงไม่สวยหรูนัก  บ่วงของความเป็นลูกหนี้ก็คล้องคอแน่นหนาอยู่แล้ว  หากนับแต่พรุ่งนี้ไป  จะมีแอกความเป็นขี้ข้ามากดลงบนไหล่เพิ่มอีก  ป่านนี้ไอ้สิงห์มันคงกำลังยิ้มอย่างสาใจ  ที่นักเรียนครูผู้เคยเหยียดหยามว่ามันเป็นคนชั้นต่ำ  กลับต้องกลายมาเป็นบ่าวรองมือรองตีนมันในที่สุด

ไม่อยากให้พรุ่งนี้มาถึงเลยจริงๆ

******************************
   
จ้อยกับยายพายเรือไปบ้านกำนันแต่เช้าตามที่ตกลงกันไว้กับคุณนายพูนทรัพย์  เขาไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปนอกจากลังกระดาษใบเดียว  น้าเวกน้าแป้นจูงน้ำฝนมารอรับที่ศาลาท่าน้ำ  แม่หนูน้อยดีอกดีใจถึงขั้นวิ่งถลาเข้ามากอดเอว 
   
บ้านกำนันเสริม สีตลาเป็นเรือนไทยสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง  รายล้อมด้วยพรรณไม้นานาที่จัดแต่งอย่างสวยงามร่มรื่น  ไม้ดอกสวยสดสี  กุหลาบ จำปี ชมนาด สร้อยระย้า มะลุลี มะลิลา โมก ราตรี ฯลฯ  จ้อยแทบนึกไม่ออกว่ายามดึกบ้านกำนันจะหอมหวานปานใด 

สองยายหลานประคองกันขึ้นบันได ลอดผ่านซุ้มประตูสู่ชานเรือน  กระถางไม้จัดวางเรียงรายสลับอ่างบัว  บนตั่งไม้ยกพื้น  คุณนายกำลังอิงหมอนขวานตะไบเล็บแดงสด  กำนันหยุดให้น้ำนกกรงหัวจุกที่แขวนเรียงราย  หันมายิ้มให้ทันทีที่เห็นจ้อยกับยายจูงมือกันมา  บ่าวสามพ่อแม่ลูกตามติดมาเป็นพรวน 

ผู้น้อยประนมมือไหว้อ่อนช้อย  กำนันในเสื้อกุยเฮงกางเกงแพรยิ้มกว้างอวดฟันทอง  มือใหญ่หนาประดับแหวนทองฝังหยกรับไหว้ซ้ำยังลูบหัวลูบไหล่อย่างเอ็นดู  ในขณะที่คุณนายเพียงปรายตามองเบะปากหยัน  บ่นอุบอิบคนเดียวไม่มีใครได้ยิน  “จะแห่กันมาต้อนรับทำไม  มันมาเป็นขี้ข้านะ  ไม่ใช่มาเป็นลูกเป็นหลาน”

กำนันเสริมประคองหนุ่มน้อยนั่งลงบนตั่ง  หากความเจียมตนสั่งให้จ้อยลงไปนั่งพับเพียบกับพื้น  หนูน้ำฝนประคองขันน้ำลอยดอกมะลิมาวางให้พร้อมรอยยิ้มกว้าง  เจ้าบ้านดูดีอกดีใจนักหนาที่นับจากนี้จะมีนักเรียนครูหน้ามนมาร่วมชายคา  ชมแล้วชมเล่า  ลูบหัวแล้วลูบหัวอีก  พาดพิงลูกชายคนกลางที่แสนไม่เอาไหนทีหนึ่งแล้วก็หันมาชมจ้อย 
   
“ครูมาอยู่ด้วยก็ดี  เผื่อมีอะไรจะได้สั่งสอนเจ้าสิงห์มัน  ไม่แน่นา.. มันอาจจะทำตัวดีขึ้นก็ได้” กำนันหัวเราะร่า  แต่จ้อยยิ้มเจื่อน  ยิ่งเห็นคุณนายเหยียดปากหมั่นไส้ยิ่งน้ำลายฝืดคอ
   
“ยายฝากหลานด้วยนะ  พ่อกำนัน” สายตายายปลาบปลื้มยินดี  ปากก็ฝากฝัง  มือเหี่ยวก็ลูบแขนขาวอย่างอาทร  กำนันรับปากเป็นมั่นเหมาะ  ตะแกยิ่งยิ้มชื่น 

จ้อยเดินไปส่งยายที่ท่า  อยากไปส่งให้ถึงบ้านแต่คุณนายบอกว่ามีงานรออยู่  มือเล็กกระพุ่มกราบตรงอกเหี่ยวแห้ง  ยายรั้งตัวไปกอดไว้  ลูบผมนุ่มซ้ำๆ ด้วยความรักสุดหัวใจ  “อยู่ที่นี่ต้องเชื่อฟังลุงกำนัน  เชื่อฟังป้าทรัพย์  เขาใช้ทำอะไรก็อย่าเกี่ยงงอน  เป็นผู้น้อยค่อยก้มประนมกร  หนักไปก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือนะลูกนะ”
   
หลานน้ำตาคลอ  รีบเช็ดออกก่อนที่ยายจะทันเห็น  ยายลงเรือแจวกลับบ้าน  แขนผอมแห้งวาดพายสุดแรงล้า  จ้อยได้แต่มองตามหลังยายจนลับสายตา 

ร่างเล็กเดินกลับขึ้นเรือน  กำนันเข้าห้องหนังสือไปแล้ว  ส่วนบ่าวพ่อแม่ลูกก็ถูกไล่ไปทำการทำงาน  คุณนายยืนกอดอกอยู่ข้างลังกระดาษ สัมภาระเพียงหนึ่งเดียวของบ่าวคนใหม่  ใบหน้าขาวผ่องเชิดขึ้นอย่างเดียดฉันท์
   
“ให้จ้อยเอาของไปเก็บที่ไหนจ๊ะ” จ้อยถามซื่อๆ 
   
“นี่พ่อคุณ  นึกว่ามาอยู่บ้านนี้อย่างราชารึไงยะ” คุณนายกลับแหวใส่  นิ้วเรียวจิ้มหน้าผากเล็กจนหน้าหงาย “วาดฝันว่าฉันจะเตรียมห้องส่วนตัวไว้ให้รึไง”
   
“ปะ..เปล่าจ้ะ”
   
เมียกำนันเบะปาก  ชี้มือไปทางห้องทิศตะวันออก “โน่นเลย  เอาข้าวของแกไปเก็บไว้ในห้องตาสิงห์โน่น!”

จ้อยชะงัก  ตากลมโตเบิกกว้าง  ทั้งร่างชาวาบ

ห้องไอ้สิงห์?!

“ป้าทรัพย์..” จ้อยคราง “จ้อย..จ้อยไปอยู่เรือนคนใช้กับพวกน้าเวกก็ได้”
   
“อย่ามาเรียกฉันว่าป้า  ฉันไม่ใช่พี่สาวแม่แก” คุณนายตอกกลับด้วยความขุ่นเคือง “หนอย..ให้มาอยู่บนเรือนดีๆ ไม่ชอบ  ดันอยากอยู่เรือนคนใช้ข้างล่าง  ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้แกมาอยู่บนเรือนหรอกนะ  แต่ตาสิงห์เขาขอไว้  ให้แกไปนอนด้วย  มีอะไรจะได้เรียกใช้สะดวก”

เหมือนโลกจะถล่ม  ฟ้าจะพังครืนลงมาตรงหน้าจ้อย  มือเล็กกำหมัดแน่นด้วยความคับแค้น  ที่แท้ก็ไอ้สิงห์นี่เอง  มันวางแผนทุกอย่าง  ตั้งแต่ให้แม่มารีดนาทาเร้นจะเอาเงินคืน  เสนอแนะให้เขามาทำงานขัดดอก  แค่มาอยู่ร่วมชายคากับมันจ้อยก็สะอิดสะเอียนแล้ว  นี่ต้องมาร่วมห้องกันอีก..
   
ไอ้สิงห์  ไอ้หมาลอบกัด  ไอ้หน้าตัวเมีย!

“เอ๊า ยืนเซ่ออยู่ได้  รีบไปสิยะ!” คุณนายไล่  เตะลังกระดาษส่งให้  จ้อยได้แต่ก้มหน้ารับกริยาดูหมิ่นนั้น  อุ้มลังไว้ด้วยสองแขน  ค้อมหลังผ่านคุณนายตรงไปยังห้องทิศตะวันออก
   
บานประตูไม้สีน้ำตาลแก่ปิดสนิท  จ้อยแทบกลั้นใจยามยกมือเคาะตามมารยาท 
   
“เข้ามา” เสียงทุ้มห้าวที่เคยคุ้นดังแว่วมาจากหลังบานประตู  หัวใจจ้อยเต้นรัวด้วยแรงชิงชังอยู่ในอก  มือเล็กผลักประตูเปิดเข้าไป  เสียงไม้เก่าลั่นออดราวจะต้อนรับเขาสู่ขุมนรก

‘มัน’ ยืนอยู่ตรงนั้น  ในห้องกว้างที่ประกอบด้วยเครื่องเรือนไม้ชั้นดี  ตู้เสื้อผ้าตั้งชิดผนังด้านหนึ่ง  เตียงนอนไม้สักหนาหนัก  มุ้งหลังใหญ่ครอบเสาเตียงสี่มุม  ประตูมุ้งเหน็บเกี่ยวไว้กับขอ  เผยให้เห็นผ้าห่มที่กองเขละบนที่นอนยับย่น  ‘มัน’ ยืนพิงขอบหน้าต่าง  พ่นบุหรี่ปล่อยควันเป็นสายคลุ้ง  อวดแผ่นอกเปลือยเปล่าสมบูรณ์ด้วยมัดกล้าม  ท่อนล่างมีเพียงกางเกงขาก๊วยสีเข้มผูกไว้หมิ่นสะโพก  ดวงตาคมวาวจ้องมองมาไม่วางตา 
   
ห้องสวย  แต่รกอย่างกับรังหนู  เสื้อผ้ากองเขละที่หน้าตู้  ซองบุหรี่เปล่าขยำทิ้งเกลื่อนห้อง  ขวดเหล้ากลิ้งอยู่ปลายเตียง  และถ้าจ้อยตาไม่ฝาด  คล้ายเห็นหนังสือปกขาววางอยู่บนกองผ้าห่ม       
   
หนุ่มน้อยยืนหันซ้ายหันขวาละล้าละลัง  ไม่รู้จะวางลังตรงไหน  ตัดสินใจถามเจ้าของห้องเอาดื้อๆ “จะให้วางของตรงไหน”
   
ลูกชายกำนันบุ้ยปากไปตรงปลายเตียง  จ้อยก้มลงเก็บขวดเหล้ากลิ้งโคโร่  วางสัมภาระตัวเองชิดมุมห้อง 

“วาสนากูดีแท้  ได้นักเรียนครูมาเป็นขี้ข้า” เสียงทุ้มห้าวแดกดัน  ร่างเล็กหันขวับ  ตากลมโตจ้องกลับอย่างไม่กลัวเกรง  นักเลงโตลูบปลายคาง  สายตาเจ้าเล่ห์มองสำรวจหัวจรดเท้า   
   
“จะไม่ทักทายนายเอ็งหน่อยเรอะ” ลูกชายกำนันขยี้ก้นบุหรี่กับวงกบก่อนโยนทิ้งนอกหน้าต่าง  ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาหา  ใกล้จนจ้อยเห็นเงาตัวเองสะท้อนในแววตาสีสนิมเหล็ก     
   
กลีบปากบางขยับเรียกโดยไม่หลบตาแม้แต่น้อย “ไอ้สิงห์”

คิ้วเข้มกระตุกทันที  โทสะฉายชัดในดวงตาเรียวคม  สิงห์กดเสียงต่ำถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “เอ็งเรียกข้าว่าไงนะ”
   
“ไอ้สิงห์” จ้อยพูดคำเดิม  สีหน้าไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย  รังเกียจ..ชิงชัง..

โดยไม่ทันตั้งตัว  สิงห์เงื้อมือตบฉาดลงบนปากเรื่อ  แม้มันจะยั้งแรงแล้ว  แต่มือใหญ่เป็นใบพายนั่นก็ทำเอาปากจ้อยชาเจ่อ  ความโกรธเกลียดหล่อรวมจนนักเรียนครูสั่นสะท้านไปทั้งร่าง  ดวงตาคู่สวยแข็งกร้าวจ้องคนตรงหน้าเขม็ง 
   
“เรียกใหม่”
   
จ้อยกลัวที่ไหน  “ไอ้-สิงห์”  คราวนี้ย้ำ..ช้า..ชัดกว่าเก่าด้วย

ตามคาด  มือใหญ่ซัดผลั่วะซ้ำที่เดิม  แรงกว่าเดิมจนจ้อยหน้าหัน   

“ไอ้จ้อย” สิงห์ขบกรามกรอด  ชี้หน้าคาดโทษ “ขืนเอ็งเรียกคำเดิมอีกที  ข้าจะเอาอย่างอื่นตบปากเอ็ง”

จ้อยเม้มปากแน่น  สายตาหวาดระแวงกวาดมอง ‘อย่างอื่น’ ที่ไอ้สิงห์ว่า  ที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะ? ขวดเหล้าข้างเตียง? สนับมือ?  หรืออย่างร้ายที่สุด.. จ้อยเหลือบมองลงต่ำ  เท้าหนาเทอะทะของมันนั่น  แต่ละอย่างถ้ากระแทกปากเข้าล่ะก็  มีหวังเลือดกบอย่างไม่ต้องสงสัย 

จ้อยเตรียมใจไว้แล้ว  อย่างมากก็แค่ฟันร่วง

อย่าคิดว่าหลานยายช้อยไม่กล้า!

“ไอ้สิงห์ๆๆๆๆๆๆๆ” จ้อยตะโกนใส่หน้ามันจนลมหมด  รีบโกยอากาศเข้าปอดลึกอีกเฮือก  ย้ำอีกทีเน้นๆ “ไอ้-สิงห์!”

ลูกชายกำนันถลึงตาทำหน้ายักษ์  หักข้อนิ้วดังกร๊อบๆ  ทำหน้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่คนที่เชิดหน้าท้าทาย  คำรามเสียงต่ำในคอ “เอ็งโดนแน่ไอ้จ้อย”
   
เดี๋ยวมันจะหาว่าปอดแหก  จ้อยเลยไม่หลับตาด้วยซ้ำ  แทบไม่ทันตั้งตัวยามมือใหญ่กระชากใบหน้าเขาเข้าหาจนปลิวหวือ  แล้วใบหน้าคมคร้ามก็โน้มต่ำลงมา  กดปากมันบดเบียดกับปากจ้อย 

ร้อนเหมือนโดนถ่านนาบ

“อื๊อ!!” จ้อยเบิกตาโพลง  ไม่คิดไม่ฝันว่าไอ้สิงห์จะทำแบบนี้  กำปั้นเล็กทุบหนักๆ ลงหลังไหล่ล่ำสัน  หากกลับไม่สะดุ้งสะเทือนเหมือนหินผา  ริมฝีปากหนาบดขยี้ไม่ปรานีปราศรัย  ดูดกลืนตักตวง  หนวดเคราเพิ่งขึ้นเป็นตอแข็งครูดผิวอ่อนของจ้อยจนแสบไปหมด  อ้อมแขนแกร่งกอดรัดร่างน้อยแนบแน่นจนแทบจมหายลงกับอก  จ้อยสะบัดหน้าหนี  ดิ้นรนอย่างไรก็ไม่หลุด  เนิ่นนานจนแทบขาดอากาศหายใจ 
   
สิงห์ผละออกก่อนที่จ้อยจะขาดใจตาย  แลบลิ้นเลียริมฝีปาก  จ้องมองกลีบปากอิ่มแดงช้ำราวหลงละเมอ

“ท-ทำอะไร!” จ้อยตะคอกเสียงสั่น  หลังมือเล็กเช็ดปากตัวเองอย่างขยะแขยง  พยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอด  หากยิ่งดิ้นยิ่งรัดแน่น  เหมือนงูเหลือมกำลังจะกลืนกินลูกกระต่าย  เมื่อมันโน้มหน้าลงมาจะฉกปากจ้อยอีกครั้ง  มือเล็กรีบยันปลายคางมันไว้  “อย่านะไอ้สิงห์!”
   
คำนั้นเหมือนราดน้ำมันใส่กองไฟ  คนตัวโตอุ้มร่างเล็กลอยหวือ โยนตุ้บลงบนเตียงกว้างก่อนตามลงไปคร่อมทับไว้  มือหยาบใหญ่ตรึงมือน้อยกดลงกับเตียง  จ้อยไม่ทันหนี  ไม่ทันแม้แต่จะเปล่งเสียงห้าม  ปากอุ่นผ่าวก็บดเบียดลงมาอีกครั้ง  หนักหน่วงขึ้น รุนแรงขึ้น 
   
“อื๊อออ!!” จ้อยทั้งกลัวทั้งขยะแขยงจนตัวสั่น  คราวนี้มันสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากเล็ก  ปลายลิ้นแข็งราวกระเบื้องกวาดคว้านซอกซอน  เกี่ยวพันกระหวัดกับลิ้นเล็ก  ก่อเกิดเป็นเสียงชุ่มฉ่ำเปียกชื้นคลอเคล้าเสียงครางทรมานดังระงม  สิงห์ยิ่งละลานใจ  ราวถูกผลักลงในห้วงน้ำความลุ่มหลง 
   
ยิ่งปั่นป่วนรวนเรเสน่ห์รัก     สุดจะหักวิญญาณ์เหมือนบ้าหลัง**
   
“พะ..พอ..อื๊อ..พอแล้ว!  ยอมแล้ว!” จ้อยส่ายหน้าหนี  น้ำตาคลอเบ้า  ยอมแพ้อย่างสิ้นท่า  แมวน้อยขนพองอวดเก่งวิ่งเตลิดหายไปไหนไม่รู้  เหลือแต่ลูกกระต่ายตัวสั่นระริกอยู่ใต้ร่างราชสีห์กระหายหิว  ปากคอสั่นสะท้านกระซิบแผ่ว  “ค-คุณสิงห์”

“ไม่เอา เรียกใหม่!” ร่างกำยำตะคอกทั้งหอบหนัก  จ้อยถึงกับสะดุ้งผวา  น้ำลายใสๆ ที่ปลายคางสากนั่น  ไม่รู้ของมันหรือของจ้อย  ดวงตาสีเข้มมองมาตาไม่กระพริบ  เสียงห้าวเอ่ยช้า..ชัด..


“พี่-สิงห์”



โปรดติดตามตอนต่อไป

----------------------------------------------------------------------------------------------
* โจรปล้นจูบ, ชัย อนุชิตและหฤทัย หิรัญญา ขับร้อง
** พระอภัยมณี, สุนทรภู่

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 09-03-2012 20:28:45
โอ้ยไอ้ลอย ไม่ขี้ยุ!
พี่สิงห์นี้ก็แม่งจะดีๆกับน้องหน่อยไม่ได้เลยหรือไง :m31:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 09-03-2012 20:32:23
อ่านตอนนี้แล้วนึกถึง หนังไทย ตบจูบอะ พี่สิงห์อย่ารุนแรงกับน้องจ้อยเลย
สงสารน้องจอย   :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-03-2012 20:37:11
พูดไม่ถุกกับความคิดของไอ้สิงห์ คนเหี้ยอะไรไม่มีความเป็นตัวของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก


ให้คนอื่นจูงจมูกเหมือนควาย ทำได้ทุกอย่างที่เลวร้ายกับคนที่ตัวเองเคยบอกว่าจะปกป้อง

แต่กลับมาทำร้ายคนที่ตัวเองบอกว่ารัก.....ด้วยคำพูดที่แสนเลวที่ออกมาจากปากของคนที่มันคบเป็นเพื่อน

เพื่อนที่มันได้มาจากคำยกยอเลียแข้งเลียขาเหมือนหมาตัวนึง(อุ๊ย!สงสารหมาวะ หมายังมีค่ากว่าไอ้ลอยอีก)

ความจริงใจจากเพื่อนที่ได้ก็หามีไม่  ซ้ำยังคิดจะทำร้ายคนที่มึงรักอีกเชรี่ยสิงห์สัด!


ไม่น่าจะมาเป็นคนที่ครั้งนึงไอ้จ้อยเคยเรียกว่าพี่ เสียดายคำๆนั้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 09-03-2012 20:46:51
และจากนี้คือมหกรรมตอบเม้นค่ะ  :L2:


Donaldye
เนอะๆ เกลียดมันเนอะ ไอ้ลอยเนี่ย^^

aisen
พี่สิงห์กับน้องจ้อยนอกจากงมโข่งแล้วยังมีแต่จะถอยหลังลงคลองไปทุกทีๆ ด้วยค่ะ  แต่ละตอน ความยาวประมาณ ๑๐ หน้าค่ะ  อยากเขียนให้ได้มากกว่านี้เหมือนกันแต่.. เขียนได้แค่นี้เอง ขอโทษทีน๊า T^T

fuku
ในที่สุดก็โล่งเนอะ  ไอ้ลอยมันไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าแค่กอดๆ หอมๆ  อย่าเครียดมากเน้อ..เดี๋ยวไตวายจริงๆนะแย่เลย ^^ ส่วนน้องจ้อย ยังรันทดได้อีกค่ะ

akiko
อาจารย์ปล่อยเนื้อเข้าปากเสือชัดๆ  ไอ้เสือตัวนั้นตายยากซะด้วยสิคะ  ไม่รู้ต่อไปมันจะทำอะไรอีก

IIMisssoMII
เหะๆ เราอัพตามลำดับความง่ายน่ะค่ะคุณส้ม  บอร์ดนี้อัพง่ายกว่าอีกบอร์ดนึงน่ะค่ะ ก็เลยมาที่นี่ก่อน  คุณส้มสะดวกเม้นที่ไหนก็ได้จ้า^^  ว่าแต่ตอนนี้คุณส้มหายโกรธน้องจ้อยยังเอ่ย

fox
เห็นด้วยค่ะ  ไปเปลี่ยนชื่อซะเหอะไอ้เลวเอ๊ย  ส่วนน้องจ้อย  อย่าหมั่นไส้น้องเลยนะคะ  สงสารน้องเถอะ  เพราะจากนี้  พี่สิงห์จะเอาจริงแล้ว

silverspoon
คนเขียนชอบวางระเบิดค่ะ เหะๆ  จากนี้พี่สิงห์จะโหดเต็มตัว ส่วนน้องจ้อยก็เข้าโหมดรันทดสมบูรณ์แบบนะน๊า  o18 ขอบคุณที่เข้าใจตัวละครของเราทุกคนนะคะ  ความจริงที่สิงห์โตมาเป็นแบบนี้  ก็เพราะครอบครัวด้วยแหละส่วนนึง

WinterRose
อยากจะเขียนให้เร็วกว่านี้เหมือนกันค่ะ  แต่งานรัดตัวจัง  กว่าจะได้ตอนนึงปาเข้าไปอาทิตย์นึงแน่ะ  T^T

thearboo
เห็นทีน้องจ้อยจะเปิดใจยากค่ะ  โดนทำไว้ซะขนาดนั้น T^T  คุณชายไม่ได้อ่อนต่อโลกน๊า  แค่หลงผิดไปนิดหน่อยเอง

่patsaporn
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้จ้า  เม้นตั้งแต่ตอน ๑๑ แต่เพิ่งได้ตอบเม้นกันเนอะ  (อยากบอกว่าคนเขียนก็รักคนอ่านเหมือนกันค่ะ^^)  เรื่องพ่อของจ้อยนั้น  กว่าจะเฉลยก็อีกนานเลยค่ะ  เดาเล่นๆไปก่อนเน้อว่าเป็นใคร

Artemis
คุณ Artemis มามะขอกอดที :กอด1: ผู้ชายคนนั้นช่างใจร้ายจัง  โหดร้ายมากๆ ที่ทำร้ายจิตใจคนรักได้ในขณะที่เขากำลังมีความสุข  มันหักดิบกันเกินไป ฮือๆ  คุณ  Artemis เป็นครูสอนโยคะเหมือนน้องมูนใช่ไหมคะ  ขอไปสมัครเป็นลูกศิษย์ด้วยคนได้ป่าว ^^

Pithchayoot
โชคดีที่ไอ้ลอยมันได้แค่จูบค่ะ ^^

kunchan
คนเขียนใจร้ายไม่พอที่จะให้ชายเล็กโดนไอ้ลอยปล้ำเหมือนกันค่ะ  เลยทำใจเขียนออกไปได้แค่นั้นล่ะจ้า  แหะๆ 
ส่วนพี่สิงห์กับจ้อย  จากนี้ไปเราว่าคุณ kunchan ต้องย้ายข้างมาสงสารน้องจ้อยแทนแน่เลย  พี่สิงห์อย่าใจร้ายมากนะ T^T

Yร้าย
ชายเล็กปลอดภัยดีจ้า  คนเขียนก็ใจร้ายไม่พอที่จะ(ให้ตัวโกง)ทำร้ายนายเอก  (เพราะมันควรเป็นหน้าที่ของพระเอกมากกว่า^^)

meiji
ดูท่าแล้วน้องจ้อยคงจะเห็นใจจริงของพี่สิงห์ยากซะแล้วล่ะค่ะ  พี่สิงห์หมดความอดทนที่จะทำดีด้วย  ตอนนี้เข้าโหมดโหดเต็มตัวแล้ว (ใจดีกับน้องบ้างเน้อพี่สิงห์) คนเขียนก็อยากเขียนให้ได้มากกว่าอาทิตย์ละตอนเหมือนกันค่ะ  แต่ช่วงนี้งานเยอะจังเลย  ขอเป็นอาทิตย์ละตอนเนอะ  (ถ้าอาทิตย์ไหนมาอัพไม่ทันจะแจ้งล่วงหน้านะคะ^^)

silverphoenix
พี่สิงห์นี่นอกจากปากไม่ตรงกับใจแล้วยังหลงผิดตามเพื่อนเลวๆ อีกด้วยค่ะ  แล้วแบบนี้จ้อยมันจะเห็นใจได้ยังง๊ายย  ส่วนคุณชายโดนอาจารย์ลงโทษไปเรียบโร้ยย  อิอิ  ส่วนพ่อน้องจ้อยเป็นใคร  เรื่องนี้ยังคงเป็นปริศนาต่อไปจ้า

roseen
อย่าโกรธอย่าเกลียดคุณชายเลยนะคะ  T^T  ส่วนที่ด่าไอ้สิงห์มา  ขอกดไลค์ให้เลยค่ะ โดนใจอย่างแรวง^^ 

2pmui
ว้าว..ทายแม่นสุดๆไปเลยค่ะ  ส่วนคุณชาย โดนอาจารย์ทำโทษไปแล้วเน้อออ

jeaby@_@
พี่สิงห์ได้จับน้องจ้อยทำเมียแน่ในวันใดวันหนึ่งค่ะ  และต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่หลังๆมานี่ วันศุกร์จะเป็นวันรอเก้อซะแล้ว  (ปั่นไม่ทันอ่า แงๆT_T)  ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ  เราไม่ได้เฟอร์เฟคขนาดนั้นหรอกเน้อ  (เขินเลย)

~l3aml3ery~
เทียบไอ้ลอยกะยูสุเกะแล้ว  พี่ว่าไอ้ลอยมันเลวกว่านะคะ  คือร้ายแบบ..ร้ายเงียบๆ เชือดนิ่มๆ  ยูสุกันร้ายแบบตรงไปตรงมา  บางทีก็โง่ๆด้วย  แต่ไอ้ลอยเนี่ย..พี่ว่ามันฉลาดนะ  ส่วนพี่สิงห์ไม่ฉุดน้องจ้อยหรอกค่ะ  เอาหนี้มาอ้างจนน้องหนีไปไหนไม่ได้เลย

MinKKniM
กร๊ากกก สงกะสัยจะได้ฤกษ์พาไอ้ลอยไปอำเภอ  จับมันเปลี่ยนชื่อเป็นไอ้เลวซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเล้ย คิคิ  อย่างอนคุณชายเลยนะคะ  คุณชายหลงผิดไปหน่อย  แถมเมาด้วย อย่าถือสาเลยน๊า

mamichan
เซียมซีชายเล็กเป็นจริงตามนั้นเลยค่ะ แม่นมาก ดีนะที่ของไอ้ลอยได้แค่พอหอมปากหอมคอ

izanagi
ดูท่าต่อให้พี่สิงห์ขอโทษให้ตาย น้องจ้อยก็ไม่มีวันยกโทษให้แน่เลยค่ะ น้องยิ่งใจแข็งอยู่ด้วย

ChigoRita
กร๊ากก..ขอบคุณที่มองเห็นความน่ารักของพี่สิงห์นะคะ

pk11677
ขอบคุณสำหรับแรงเชียร์นะคะ  ได้รู้ความหลังของสิงห์กับจ้อยแล้วเป็นไงมั่ง  ยังสงสารเจ้าสิงห์อยู่หรือเปล่า  โดยส่วนตัวพี่เข้าใจสิงห์มันนะ แต่ใจหนึ่งก็สมน้ำหน้าลึกๆ  (ส่วนมี่จัง..เรื่องนั้นเขียนตั้งแต่ยังเป็นสาวน้อย  ภาษามันเลยก๊องแก๊งๆไปหน่อย เหะๆ ^^”)

Guill
แต่ในที่สุดมันก็ทำอะไรคุณชายเล็กไม่ได้  โชคดีไป ฟู่วว.. แต่ในอนาคตมันก็ไม่แน่นะคะ ^^ ส่วนเรื่องที่มาของน้องจ้อย  ยังคงเป็นปริศนาจ้า

Loveyoujung
ได้อ่านบทที่ ๑๓ แล้วเข้าใจจ้อยบ้างหรือยังเอ่ย? อย่าโกรธน้องจ้อยเลยนะคะ  เพราะที่ผ่านมา พี่สิงห์ก็ทำเกินไปจริงๆ

blackyoyo
อาจารย์ยังมาช้าไปค่ะ  ถ้าพี่สิงห์มาไม่ทันละก็แย่เลย

MIkz_hotaru
ถ้ารักเขาแต่แสดงออกแบบนี้ มันก็สมควรที่เขาจะชังน้ำหน้าแหละน๊าสิงห์เอ๊ย  คนเขียนไม่สงสารพี่สิงห์หรอกค่ะ  สงสารน้องจ้อยมากกว่า (รักลูกไม่เท่ากัน) จากนี้น้องจ้อยจะไม่ค่อยได้ทำร้ายพี่สิงห์แล้วค่ะ  จะเปลี่ยนเป็นพี่สิงห์ทำร้ายน้องจ้อยมั่งละน๊า

wdaisuw
พี่สิงห์จ๋า.. รักจ้อยมากแค่ไหน  รักมากกว่าศักดิ์ศรีตัวเองหรือเปล่า  ถ้ายอมทิ้งศักดิ์ศรีจอมปลอมเพื่อจะมารักจ้อยไม่ได้  พี่ก็ต้องชีช้ำแบบนี้ต่อไปนะพี่นะ  ส่วนอาจารย์กับลูกศิษย์  วันนั้น.. วันที่มีสติทั้งสองฝ่าย  คงอีกไม่นานเกินรอค่ะ^^

PetitDragon
ก็ไอ้สิงห์มันอยากใจร้ายกับน้องจ้อยก่อนนี่นา  ^^” สองคนนี้ท่าจะคืนดีกันยากส์ค่ะ

Wordslinger
คุณแป้งจี่  :กอด1: ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ สำหรับคอมเม้นที่อ่านแล้วเล่นเอาคนเขียนตัวลอยเลย ๕๕๕+  ขอบคุณที่หา ‘สาระ’ จากนิยายเรื่องนี้เจอนะคะ  คือตอนเขียนก็ตั้งใจจะใส่เกร็ดสังคมในยุคนั้นๆ สอดแทรกไว้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเขียนออกมาได้ดีพอ ถูกต้องพอหรือเปล่า (ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ)  ส่วนเรื่องแบงค์สีน้ำเงินนี่ ในท้องเรื่องคือแบงค์ ๒๐ บาทค่ะ (เป็นธนบัตรไทยแบบที่ ๘ น่ะค่ะ^^)  ชอบครูอาจินต์เหมือนกันเลยค่ะ  นักประพันธ์ชั้นครูที่เราชื่นชอบ(ไล่ตามยุคมาเลย) ก็มีศรีบูรพา, ยาขอบ, อิงอร, รงษ์ วงศ์สวรรค์, สุวรรณี สุคนธา (รุ่นเก่าทั้งน๊าน) และที่ขาดไม่ได้คือทมยันตีค่ะ (สไตล์การสอดแทรกบทกลอนลงไปในงานเขียน เราก็เอามาจากท่านนี่แหละ^^)

EoBen
แหะๆ ระยะหลังมานี้อัพช้าตลอดเลย  ต้องขอโทษด้วยนะคะ T^T  ขอบคุณที่เข้าใจสิงห์นะคะ  คือจริงๆแล้วมันก็เป็นคนดี  แต่เพราะครอบครัวมีปัญหา  แถมได้เพื่อนเลวอีก  เลยเตลิดเลยทีนี้

ordkrub
ถ้าพี่สิงห์ไม่ยอมปรับปรุงตัว  ชาตินี้คงไม่มีทางญาติดีกับน้องจ้อยแน่เลยค่ะ

@BUA@
คุณชายเล็กไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ  อย่าร้องไห้นะ โอ๋ๆๆ  เข้าข้างน้องจ้อยเหมือนกันเลยค่ะ  :-[ เนอะๆ ตั้งแต่อ่านมายังไม่มีตอนไหนเลยที่สิงห์มันแสดงออกอย่างอ่อนโยนกับน้อง  แบบนี้มันก็สมควรแล้ว  คุณชายรู้สึกตัวแล้วก็จำอะไรไม่ได้ไปตามระเบียบ  ส่วนอาจารย์ดูท่าจะห่วงจะหวงยิ่งกว่าเก่าซะแล้วค่ะ 

silent_loner
พี่สิงห์นี่ต่อให้ทำดีแค่ไหน จ้อยก็คงไม่มีทางมองในแง่ดีได้แน่ๆเลยค่ะ เล่นทำน้องไว้ซะหนักขนาดนั้น (ขอบคุณสำหรับคะแนนนะคะ^^)  ตอนนี้คุณชายก็ได้รับผลจากอบายมุขแล้วค่ะ  โดนชาวบ้านเอาไปเม้าท์กันสนุกเลย 

Takamine
เข้าท่าค่ะ  เปลี่ยนให้ไอ้ลอยเป็นพระเอกดีไหมนะ  ได้อารมณ์ดอกฟ้ากับหมาวัดยิ่งกว่าอ.คนึงอีกนะนี่ (แอ๊ เค้าย้อเย่นน๊า) 

kissey_love
โหะๆ เดี๋ยวนี้วันศุกร์เริ่มไม่ทันแล้วจ้ะ  หลังๆมานี่เป็นวันเสาร์ตลอดเลย  พี่ขอโต้ดดด.. ในที่สุดก็รู้แล้วเนอะว่ารอยร้าวระหว่างน้องจ้อยกับพี่สิงห์มันเกิดจากอะไร  ส่วนนิยายอีกเรื่องของพี่  ตอนนี้กำลังเร่งรีไรท์หูตูบเลยจ้า  แบ่งเวลาไม่ค่อยลงตัว  ประกอบกับช่วงนี้เดินทางบ่อยด้วย  โอว..เหนื่อยจังเยย..ขอกอดน้องปัดที :กอด1:

tonkhaw
น้องจ้อยใจแข็งสุดๆเลยจ้า  คนที่ดูอ่อนโยนแบบน้องจ้อยนี่แหละตัวดี  บทจะตัดใครก็ตัดได้แบบไร้เยื่อใยทีเดียวเชียว  และจากนี้ไปพี่สิงห์ก็จะโหดของจริงแล้วล่ะเน้อ  ส่วนแหวน.. ตอนนี้ยังไม่มีบทบาทค่ะ  เป็นความลับก้นกระถางธูปรอคอยวันเฉลยต่อไป  ^^   

yayee2
จ้อยจะมองสิงห์ยังไงก็ขึ้นอยู่กับตัวพี่สิงห์เองนี่ละค่ะ  ถ้าไม่เลิกคบเพื่อนเลว  ถ้าไม่ปรับปรุงตัว  ชาตินี้ก็คงได้แต่แอบรักเขาข้างเดียวแบบนี้แหละสิงห์เอ๊ย   ส่วนน้องจ้อยกับคุณชาย จะเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดหรือเปล่า  อันนี้ต้องติดตามต่อไปค่ะ^^

Zymphoniz
คู่สิงห์กับจ้อยนี่  ต่างคนต่างเจ็บกันทั้งคู่เลยค่ะ  ในที่สุดก็ได้รู้แล้วเนอะว่าจ้อยจะโดนอะไร  อยู่ใกล้พี่สิงห์แบบนี้.. ฮี่ๆๆ น้องจ้อย โดนแน่แน่ :oo1:   ส่วนเรื่องน้องจ้อยเป็นลูกใคร  ถ้าจะให้ดี คนอ่านลืมตรงนี้ไปก่อนเลยก็ได้นะคะ  เพราะกว่าจะเฉลยก็นู่น.. อีกนานเลยค่ะ

G-NaF
ไอ้ลอยมันเป็นตัวโกงดีเด่นค่ะ  ขยั๊นขยัน โผล่มาสร้างปัญหาได้ตลอดซีน่า  ส่วนอาจารย์กับลูกศิษย์  ยังค่ะ.. ยังไม่ได้กันนะคะ  คือ.. แค่ภายนอกน่ะค่ะ (แอร๊ เขิลล์)

appletokki
กร๊ากกกก  :m20:ขำที่บอกว่าอยากจะซื้อเทอร์โบมาติดเรืออาจารย์จังเลยค่ะ  คุณappletokki ทำเราขำในที่ทำงานจนเจ้านายหันมามองเลยนะ (แอบอ่านคอมเม้นในเวลางาน^^)

yagin
บางทีตัวร้ายก็มีเสน่ห์แบบร้ายๆอ่ะเนอะ^^

ลิงน้อยสุดเอ๋อ
พี่สิงห์คงเป็นพวกแสดงความรู้สึกไม่เป็นน่ะค่ะ  ประกอบกับยิ่งอยู่ต่อหน้าพวกลูกน้อง  จะให้พวกนั้นรู้ไม่ได้เด็ดขาดเลยว่าชอบน้องจ้อย  ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ^^ 

vk_iupk
กร๊ากกก เดาเรื่องได้ตามสะดวกเลยค่า  พี่สิงห์ฝากบอก คู่อาจารย์ไปไกลแล้วใช่ไหม  ไม่ต้องห่วง  เดี๋ยวจะตามไปติดๆ ตอนนี้กำลังวางแผนจับจ้อยทำเมียอยู่  (คิคิคิ :o8:)

BossoM
ไอ้ลอยเจออาจารย์ต่อยไปชุดนึง  ยังรู้สึกไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่เลยแฮะ 

นางฟ้า
สามคำให้นางฟ้าค่ะ >> รัก นาง ฟ้า  (ขอบคุณมากนะคะ  มาเม้นให้ทุกตอนเลย จุ๊บๆ)

hewlett
พี่สิงห์คงกลัวว่าถ้าบอกไปแล้ว  เกิดจ้อยไม่รับรักขึ้นมา มันคงเจ็บยิ่งกว่าเก่าน่ะค่ะ T^T 

BlooDDy_KilleR
พี่สิงห์ก็ไม่น่าใจร้อนไปต่อยอาจารย์แบบนั้นเลย  จ้อยยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่เลยค่ะ เฮ่อ

iamew
อย่าโกรธน้องจ้อยเลยนะคะ  พี่สิงห์เคยทำน้องไว้เจ็บจริงๆ ไม่งั้นน้องคงไม่ฝังใจเจ็บมาจนป่านนี้  แต่ต่อจากนี้ไป.. สิงห์มันจะเริ่มโหดกับน้องจริงๆจังๆแล้วสิ T^T

CoMa
โชคดีค่ะที่ไอ้ลอยมันไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าแค่จูบ  ฟิ่ววว.. :เฮ้อ:

vavacoco
ขอโทษที่มาอัพช้า ทำให้รอนานนะคะ  และแล้ว..คุณชายก็ถูกอาจารย์ทำโทษไปแล้วเน้อ คิคิ  ส่วนที่ถามมาว่าเรื่องนี้ยาวไหม.. อืม..ก็ค่อนข้างยาวพอสมควรทีเดียวเลยค่ะ  แต่คราวนี้ไม่ใช้เวลาเขียนนาน ๕ ปีเหมือน Protégé แล้วค่ะ สัญญาๆ (ช่วงนั้นพอดีเจอมรสุมชีวิต T^T ก็เลยต้องหยุดเขียนไปเป็นปีเลย) เรื่องนี้ไม่ลงไหเหมือนเรื่องนั้นแล้วค่ะ ^^

threetanz
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้นะคะ (กอดกันๆ) ดีใจมากๆที่อ่านแล้วชอบค่ะ  ถึงเรื่องนี้จะดราม่า  คนเขียนก็จะพยายามเติมน้ำตาลบ้างก็แล้วกันนะคะ^^

Phantom
อยากดูลำนำอัมพวาจังค่ะ  ออกอากาศวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันทำงานของเรา เลยอดดูเลย  ได้แต่ตามดูย้อนหลังในยูทูปค่ะ (ว่าแต่คุณชายโดนอาจารย์ทำโทษไปแล้วน๊า>///<) อ้อ..แมวพี่ไม่ได้ชื่อหาหงส์หรอกจ้า  ตัวนั้นชื่อทองหล่อ (ก็เค้าหล่อไง) ส่วนอีกตัวคู่กันชื่อสุขุมวิท (ตัวนี้เค้าเรียบร้อย นิ่งๆ)

ka~O
ขอบคุณที่รอค่ะ  (ดีใจจัง มีคนรอด้วย^^) น้องจ้อยไม่ได้อคติน๊า.. น้องแค่เจ็บแล้วจำเท่านั้นเองค่ะ

ares_jum
ความยาวแต่ละตอนจะประมาณ ๑๐ หน้าเด้อค่ะ  เวลาเราอัพก็เลยจะอัพทีละครึ่ง อัพช้าไปหน่อยต้องขอโทษที (เม้นคั่นได้ค่า ดีซะอีก แสดงว่ามีคนกำลังอ่านสดๆ ตอนกะลังอัพ^^) เอาใจช่วยเรื่องไฟนอลนะคะ

ai_no_uta
น้องพิมพ์.. ก็แบบ.. หวานในแบบของพี่ไงคะ แหะๆ  เอาน่าๆ หวานจริงๆ แต่อาจจะยังไม่ใช่ตอนนี้ โดยเฉพาะน้องจ้อยกับพี่สิงห์ค่ะ T^T

oattie
จ้อยไม่รอดแน่ๆจ้า  พี่สิงห์ใช้แผนชั่วให้แม่มาพาน้องไปอยู่ใกล้ๆแล้ว  โธ่จ้อย T^T  ชอบตอนเขียนถึงจ้อยกับสิงห์ตอนเด็กเหือนกันค่ะ น่ารัก ใสๆ 

Sofa
พี่สิงห์เลวแบบ.. เลวมีปมด้อยค่ะ  คือจริงๆ เนื้อแท้ก็เป็นคนดีแหละ แต่ไปคบเพื่อนเลว เลยพากันเลวไปเลย

mello-frappe
ว้าวๆๆ เคยอ่านนิยายเรื่องแรกของพี่ด้วยเหรอคะ  ขอบคุณมากๆเน้อที่ตามมาอ่านเรื่องนี้ด้วย  คุณชายทำตัวน่าผิดหวังจริงๆแหละค่ะ  รู้ว่าของไม่ดีแล้วยังริจะลอง  แต่อย่างว่าแหละเนอะ  ของแบบนั้นห้ามกันยาก  พอได้ลองแล้วก็เตลิด  คิดซะว่าคุณชายโดนอาจารย์ทำโทษแล้วก็แล้วกันนะคะ  ปล. จะว่าไปจ้อยก็คล้ายๆโนโนะเนอะ  แต่จ้อยจะเรียบร้อยกว่า ซื่อกว่า (แต่รันทดพอๆกันเลย)

akihito
อย่าไปสงสารไอ้สิงห์มันน๊า  มันทำตัวเองโดยแท้ สมน้ำหน้ามัน  ถ้าทำดีๆกับน้องตั้งแต่แรก น้องก็ไม่เกลียดหรอก ฮึ่ (รักลูกลำเอียงชัดๆ แหะๆ^^)

Heisei
ว้าวๆๆ ยินดีต้อนรับคนอ่านคนใหม่ค่ะ (มามาะกอดกัน) ขอบคุณมากที่แวะเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ 

ฟิชโช่
ก็คนเขียนชอบมาม่านี่นา  มันก็เลยออกมาบีบหัวใจแบบนี้แหละค่ะ  แต่จะว่าไป..เราชอบความรู้สึกเจ็บหนึบตึ๊บๆตรงอกเวลาอ่านเจอฉากสะเทือนใจมากเลย (สงสัยคนเขียนซาดิสม์^^) 

Nus@nT@R@
น้องจ้อยใจแข็งเป็นหินเลยล่ะค่ะ  ถ้าพี่สิงห์อยากคืนดีกับจ้อยให้ได้  ต้องปรับปรุงตัวด่วนๆ  ส่วนชาติกำเนิดน้องจ้อย ช่วงนี้ลืมกันไปก่อนนะคะ  กว่าจะเฉลยก็อีกนานเลย

ares_jum
จากนี้น้องจ้อยเข้าโหมดรันทดแล้วค่ะ  เพราะพี่สิงห์ถือคติ ทำดีด้วยก็ไม่เห็นค่า งั้นก็เลวแมร่งซะเลย  กว่าสองคนนี้จะเข้าใจกัน ท่าจะยากแล้วล่ะค่ะ T^T

namngern
พี่ก็เข้าใจสิงห์มันนะคะ  ว่าทำไมมันถึงได้เป็นคนแบบนี้  แต่อีกใจก็สมน้ำหน้า  อยากไปคบคนพาลทำไม  ถ้าจิตใจหนักแน่นเสียอย่าง  คงไม่ต้องเสียจ้อยไปแบบนี้  แหะๆ เรื่องนี้ไม่ซับซ้อนมากขนาดนั้นหรอกค่ะ  ปมในเรื่อง  อีกไม่นานก็คงคลี่คลายแล้วล่ะ 

Aimiya
อย่ารำคาญจ้อยเลยนะคะ  น้องมีเหตุผลที่เกลียดพี่สิงห์น๊า  นิยายเรื่องนี้ก็มีบทที่ไม่รันทดนะคะ  (แต่อยู่ไหนเอ่ย)  เอาน่า.. มีจริงๆค่ะ  เร็วๆนี้ละ

~MiKi~
อย่าโกรธคุณชายเลยนะคะ  คุณชายไม่ได้เกเรน๊า  แค่หลงผิดตามไอ้ลอยไปหน่อยเท่านั้นเอง  โดนลูกยุเข้าไป แถมมันหยามหน่อยๆด้วย  ก็เลยต้องกินเหล้า  แล้วพอกินมันก็เลยติดลม  ส่วนน้องจ้อย.. อย่าหมั่นไส้จ้อยเลยนะคะ  น้องเคยถูกกระทำมาเยอะ  ก็เลยเกลียดเขาแบบนี้

mkooo
ว้าว..ประโยคที่บอกว่า “อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วไอ้อารมณ์เหมือนดูละครพีเรียดหลังข่าวช่อง ๕” อ่านแล้วตัวลอยเลยค่ะ  (เราชอบมาลัยสามชายม๊ากมาก) เย้ๆ นานๆ จะเจอคนหมั่นไส้สิงห์  ถูกใจค่ะ  ก็สิงห์มันอยากทำตัวเองนี่นา สมควรแล้วเนอะๆ  ส่วนคนเขียนก็ชอบแคแรกเตอร์นายเอกทั้งสองเหมือนกันค่ะ  ทั้งชายเล็กทั้งน้องจ้อยเลย  สองคนนี้เขาจะเหมือนกระจกส่องกันและกันอยู่ในทีนะคะ

llPETCHll
คงอีกนานเลยค่ะ  กว่าสิงห์กับจ้อยจะเข้าใจกัน  (พี่สิงห์ปรับปรุงตัวด่วนๆ)

นางคุ้ม
ไม่ว่าค่ะไม่ว่า  เชียร์ได้จิ้นได้ตามสะดวกเลยค่ะ ^^  แต่เอิ่ม.. ให้ไอ้ลอยจับทำเมียให้หมดทั้งคุณชายเล็ก จ้อย สิงห์ อ.คนึง.. แบบ.. ไม่ไหวอ่ะค่าาา T^T

looknamniiz
พี่สิงห์จัดการน้องจ้อยแน่ค่ะ  ในไม่ช้านี่แหละ T^T

ycrazy
พี่สิงห์ต้องเลือกค่ะ  ระหว่างศักดิ์ศรีของความเป็นหัวโจก  กับการได้ครอบครองหัวใจของจ้อย  ถ้าเลือกไม่ได้ก็จงค้างคาแบบนี้ต่อไป  ส่วนชาติกำเนิดของจ้อยเป็นอย่างไร  ขออุบไว้ก่อนนะคะ^^

moredee
ไม่ได้อ่านข้ามหรอกค่ะ  คนเขียนยังไม่ได้เขียนถึงฉากที่จินดาตายเลย  เพียงแต่เป็นคำพูดจากปากอาจารย์เท่านั้นค่ะ

tuek
ขอบคุณที่อ่านแล้วชอบนะคะ  เห็นใจจ้อยเถอะนะ อย่าหมั่นไส้น้องเลยนะคะ  เรื่องนี้น้องจ้อยรันทดที่สุดแล้วค่ะ T^T

Eomoge
น้องจ้อยโดน..  :oo1:แน่ๆ ฮ่าๆๆ

K3n0
ว้าว..ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้ค่ะ (จุ๊บๆ) ขอบคุณมากสำหรับคำชมนะคะ (เขินจัง)  และขอบคุณมากที่มองเห็นสาระที่สอดแทรกอยู่ในเนื้อเรื่องนอกเหนือไปจากความสนุกสนานค่ะ (มีความสนุกสนานด้วยเหรอ โศกตล๊อดๆ)

ต่ายน้อย
ขอบคุณมากค่า คนเขียนก็รักคนอ่านเหมือนกัน  :กอด1:จากนี้พี่สิงห์จะเริ่มเลวกับน้องจ้อยละเน้อ  ส่วนคุณชายกับน้องจ้อยจะเป็นพี่น้องกันหรือเปล่า  จิ้นได้ตามสะดวกเลยค่ะ  ^^

zazakapp
ขอโทษที่คนเขียนชอบทำให้รอนะคะ T^T

shabu
รู้สึกว่าหลังๆมานี่จะไม่ค่อยมีวินัยในการอัพเลย  ช้ามั่ง ไม่เป็นเวลามั่ง  ต้องขอโทษด้วยนะคะ

shiki senri
ขอบคุณมากนะคะที่รักนิยายเรื่องนี้  (เราก็รักม๊ากมาก) อยากบอกว่าเราชอบฟังเพลงลาวคำหอมตอนเขียนเหมือนกันค่ะ ^^ ความจริงน้องจ้อยเป็นลูกใครกันแน่  ลองเดากันได้ตามสะดวกเลยจ้ะ  ยังไม่เฉลยเร็วๆนี้แน่นอน  คนเขียนไม่ใจร้ายกับคนอ่านหรอกค่า (แต่ถ้าเป็นตัวละครละก็ไม่แน่น๊า อิอิ) ปล. ขอโทษด้วยนะคะที่หลังๆมานี่ทำให้รอเก้อตลอดเลย T^T

Jploiiz
ถ้าพี่สิงห์ทำตัวเลวกว่าเดิม  อะไรๆที่แย่อยู่แล้วคงยิ่งแย่ลงเยอะเลยค่ะ  แต่จะให้เลิกคบไอ้ลอยนี่ท่าจะยาก  ส่วนคุณชายกับอาจารย์  ตอนนี้ปล่อยให้หวานกันไปก่อนนะคะ

aorpp
จากนี้พี่สิงห์จะจำเลยรักกะน้องจ้อยละน๊า  ตบจูบๆ กันไปเล้ย  อยากไม่มีเงินมาใช้หนี้  ก็เอาอย่างอื่นมาชดใช้แทนละกัน  คิคิ

ณยฎา
บทที่แล้วหวานปนขมค่ะ  เพราะคุณชายทำไปโดยไม่รู้ตัวนี่นา  และเรื่องคืนนั้นจะเป็นบ่อเกิดของอะไรหลายๆอย่างในอนาคตด้วย 

nutgen
อะไรน่ารักเอ่ย  งั้นขอเหมารวมว่าคนเขียนน่ารัก  ตัวละครน่ารัก  คนอ่านก็น่ารักละกันนะคะน้องนัท^^

ALittleN
ใครเป็นพ่อน้องจ้อยกันน้อ  เดาเล่นได้ตามสบายเลยค่ะ ^^

money loving
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้ค่ะ (กอดรับขวัญ) ขอบคุณที่ชอบนิยายเรื่องนี้ ชอบภาษาแบบนี้นะคะ  ส่วนตัวเราเป็นคนชอบอ่านนิยายภาษาสวยๆ อยู่แล้ว  พอมีโอกาสได้เขียนนิยายก็อยากใช้คำสวยๆ กับเขาบ้างน่ะค่ะ  สำนวนที่ใช้ในเรื่อง  ออกจะเก่าๆ เชยๆ หน่อยตามแบบนิยายรุ่นเก่าเน้อ 

 My_Rain
ขอบคุณที่ชอบพี่สิงห์กับน้องจ้อยนะคะ  ^^

~ยำโซดาเผา~
ดีใจที่ชอบค่ะ  ตอนเขียนนิยายเรื่องนี้  คนเขียนก็มีความสุขมากๆเหมือนกัน^^

casper75
เมื่อก่อนสิงห์ทำกับจ้อยไว้เยอะจริงๆแหละค่ะ  น้องเลยฝังใจเจ็บจนป่านนี้  แต่สิงห์คงตัดใจเลิกชอบจ้อยไม่ได้ เลยต้องเอาตัวมาพัวพันกับน้องอยู่เรื่อย

vassalord4822
ขอบคุณที่ชมค่ะ  (เขินจัง) แหะๆ  ส่วนตัวแล้วคิดว่าเราไม่ได้เขียนเก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ  แค่เขียนอย่างที่อยากอ่านเท่านั้นเอง  รู้ว่ามีคนอ่านชอบก็ดีใจมากๆเลยค่ะ^^

YaoTJi
ไม่ต้องขอโทษหรอกจ้าที่เป็นนักอ่านเงา ^^ แค่แวะเข้ามาอ่าน คนเขียนก็ดีใจมากๆ แล้ว  ยิ่งคนอ่านอ่านแล้วชอบยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่เลย  แต่คอมเม้นก็ดีเหมือนกันนะ เราจะได้รู้จักกัน ได้คุยกันไง ยินดีที่รู้จักนะคะ (กอด) ตอนนี้ขณะที่คุณชายกับอาจารย์กำลังหวาน  พี่สิงห์กับน้องจ้อยจะเข้าโหมดโศกแล้วเน้อ  จะได้บาลานซ์กันไง^^

A_ay
แหะๆ  ปมเยอะ  แต่คนเขียนจะค่อยๆแก้ไปทีละปมนะคะ  ^^

pure_ka
พี่สิงห์โดนไอ้ลอยยุมาอีกที  น้องจ้อยเจอศึกหนักแน่คราวนี้ T^T ส่วนที่ถามมาว่าอาจารย์กับคุณชายได้กันหรือยัง  ขอตอบว่า..ยังจ้า^^

โดดเดี่ยวแต่ไม่
ใช่แล้วค่ะ  คิดเหมือนกันเลย  ในเรื่องนี้น้องจ้อยรันทดที่สุดแล้ว  แต่ถึงจะรันทดยังไงน้องก็ยังยึดมั่นในความดีเสมอ  หวังว่าสุดท้ายน้องจะได้พบเจอแต่สิ่งดีๆค่ะ

kjnt
ไม่เป็นไรค่ะไม่เป็นไร  เราไม่เคยมองว่าคนอ่านแล้วไม่เม้นนิสัยไม่ดีเลย^^  คือการที่เราเขียนนิยายขึ้นมาเรื่องหนึ่ง   แค่ได้เขียนเราก็มีความสุขแล้ว  ยิ่งดีใจเมื่อมีคนอ่าน  และจะยิ่งดีใจมากๆถ้าคนอ่านอ่านแล้วชอบค่ะ  บางคนอ่านแล้วเก็บไว้ในใจก็ได้  แต่ถ้าอ่านแล้วอยากคุยกับเราเราก็ยิ่งยินดีค่ะ  นี่แหละคือข้อดีของคอมเม้น  ทำให้เราได้ปรับปรุงผลงานตัวเอง  และทำให้เราได้รู้จักคนอ่านด้วย^^ ส่วนที่ถามมาว่าทำไมอาจารย์กับคุณชายรักกันเร็วจัง  ถ้าตอบแบบเอาเท่  ก็ต้องตอบว่า ‘ถ้ามีเหตุผลก็ไม่เรียกว่าความรักน่ะสิ^^’ (แอร๊ อย่าตื้บเค้าน๊า) 

เอาจริงๆ ^^ เราว่าเรื่องแบบนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน  ถ้าจะรักใครสักคนโดยใช้หัวใจมากกว่าใช้สมอง  เคยอ่านเจอกระทู้ในพันทิป  (นานมาแล้วค่ะ) มีคุณพ่อลูกติดคนหนึ่งเข้ามาตั้งกระทู้  ภรรยาของเขาเพิ่งเสียไป  แต่เขากลับรู้สึกแปลกๆ กับรุ่นน้อง(ผู้ชาย)ที่คอยเข้ามาดูแล มาช่วยเลี้ยงลูกให้  เราอ่านแล้วรู้สึกว่า..น่ารักมากเลย (ทั้งที่จริงๆเขาเครียดนะนั่น^^”) วันก่อนก็ดูหนังเรื่อง My Neighbor's Daughter เป็นเรื่องเกี่ยวกับหนุ่มใหญ่ที่มีครอบครัวแล้ว (เพิ่งมีลูกเล็กๆด้วย) แล้วดันไปมีความสัมพันธ์กับลูกสาวเพื่อนบ้านวัย ๑๗ ปี หนังสนุกดีค่ะ 

ส่วนเรื่องนี้  ถ้าจะว่ากันตามท้องเรื่อง  อาจารย์กับคุณชายคงเป็นคนเหงาๆ สองคนที่บังเอิญเดินทางมาพบกัน  และได้ใกล้ชิดกันมั้งคะ  อะไรหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นก็ล้วนเป็นใจทั้งนั้นเลย  แต่จากใจเลยนะคะ  ไม่ว่ายังไงเราก็ไม่เห็นด้วยกับความรักครั้งนี้  ถ้าเราเป็นเพื่อนอาจารย์เราคงห้ามค่ะ  เพราะไม่ว่าจะมองยังไง  รักครั้งนี้มันก็ผิดและไม่เหมาะไม่ควรไปเสียทุกอย่าง  คอยเป็นกำลังใจให้พวกเขาละกันนะคะ^^

devillpatt
แหะๆ  นิยายเรื่องนี้เนื้อเรื่องแตกต่างจากนิยายวายส่วนใหญ่เนอะ  ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของหนุ่มน้อยหลานรัฐบุรุษอังกฤษที่มาเป็นอาสาสมัครคนแรกในเมืองไทยน่ะค่ะ  (คนเขียนจิ้นกระจายตั้งแต่เห็นคำอุทิศที่รองปกในแล้ว^^)  ส่วนที่ถามมาว่าทำไมจึงเลือกดอกมหาหงส์เป็นชื่อเรื่อง  อืม.. ความจริงจะมีเฉลยในเนื้อเรื่องค่ะ  แต่บอกใบ้ให้ก่อนก็ได้ว่า ‘มหาหงส์’ หมายถึงนายเอกทั้งสองคนของเรื่องจ้า^^
     
faratellll
คุณชายเล็กรอดจากไอ้ลอยมาได้  แต่ต้องมาเจออาจารย์แทน ^^ (อ้าวก็เค้าเป็นพระเอกหนิเนอะ)

saylmya
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้นะคะ  ไม่ได้ติดตามมาตั้งแต่แรกก็ไม่เป็นไรค่ะ  ยินดีที่ได้รู้จักคนอ่านเพิ่มอีกคนนะคะ^^

sine
ว้าว..คนอ่านใหม่ มามะ กอดต้อนรับค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ  แนวย้อนยุคเขียนยากจริงๆนั่นละค่ะ ภาษาเอยสำนวนเอยต้องปรับหมดเลย  ส่วนวิถีชีวิตชาวบ้านในยุคนั้นเราก็อาศัยถามผู้หลักผู้ใหญ่ที่บ้านเอาค่ะ  ถ้ามีจุดไหนผิดพลาดไปบ้างก็ต้องขออภัยล่วงหน้านะคะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากเลยค่ะ รักคนอ่านนะ

ดอกไม้
๙ มี.ค. ๕๕

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-03-2012 20:52:45
โหดเกิ๊นพี่สิงห์ สงสารจ้อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 09-03-2012 20:58:10
อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ได้ใจดีแท้ตอนเน้ กดไลท์ อ้ายสิงห์คัก ๆ  (กดเผื่อไอ้ลอยเบา ๆ โทษฐานวางแผนชั่ววววว)

อ้างถึง
จ้อยมัวแต่ตกใจ  ไม่ทันสังเกตประกายความหวังความยินดีในแววตายาย
  นี่มันอารายยยย incest งั้นเหรอ กรี๊ดดดดดดดด *จิกหมอน จิกเม้าท์* ชอบบบบบบ เค้าชอบมากกก incest เถอะนะ ๆๆๆๆๆ
อ้างถึง
IIMisssoMII
เหะๆ เราอัพตามลำดับความง่ายน่ะค่ะคุณส้ม  บอร์ดนี้อัพง่ายกว่าอีกบอร์ดนึงน่ะค่ะ ก็เลยมาที่นี่ก่อน  คุณส้มสะดวกเม้นที่ไหนก็ได้จ้า^^  ว่าแต่ตอนนี้คุณส้มหายโกรธน้องจ้อยยังเอ่ย

หายโกรธก้อได้ค่าาา ^ ^  แต่ต้องมีคู่นี้เยอะ ๆนะ อย่าให้น้องจ้อยต้องมือไอ้ลอยเด็ดขาด  :fire:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 09-03-2012 20:58:51
โห :a5: ไอ่พี่สิงห์โหดเหลือเกิน ตบเอาๆ :sad4:
ถึงครั้งสุดท้ายจะไม่ใช้มือก้เถอะ
 :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 09-03-2012 21:19:35
คุณชายเด็ดมาก อย่าได้แคร์ พวกปากหอยปากปู
แค่อาจารย์คนึงเข้าใจก็พอแล้วเนอะ  :o8:

น้องจ้อยไปอยู่บ้านพี่สิงห์ แถมยังห้องพี่สิงห์อย่างนี้
คงต้องมีเหตุการณ์ที่ทำให้สองคนเข้าใจกันบ้าง
ใช่ไหม หรือเราหวังมากเกินไป  :o12:

คนแต่งสงสารน้องจ้อย ก็อย่าให้พี่สิงห์ทำร้ายน้องมากเกินเลยน้า
 :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 09-03-2012 21:22:22
"ไอ้ คุณ พี่ สิงห์".....

ขัดใจๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: นางคุ้ม ที่ 09-03-2012 21:33:27
อยากให้เลอมารคนเดิมกลับมาค่ะ เชิดๆ เริศๆ แรงๆ กลับมาจัดการพวกปากหอยปากปู   พิทักษ์ความยุติธรรมค่ะ  เป็นเซเลอร์มูล แอร๊ยส
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 09-03-2012 21:42:26
คู่สิงห์กับจ้อยมันส์มาก >< อยากรู้ว่าทำไมยายอยากให้จ้อยไปอยู่บ้านกำนันนักนะ
สิงห์อย่าไปหลงเชื่อลอยมากนัก  คิดเองบ้างสิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 09-03-2012 21:50:47
สิงห์จะโหดแล้ว !!!!! ........ชอบบบบบ ฮ่าๆๆๆ
ถึงจะโหดร้ายกับจ้อยไปหน่อยก็เหอะ แต่เรามันซาดิส ก๊ากกกกก  :really2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 09-03-2012 22:05:25
สิงห์สงสารน้องจ้อยบ้างสิ

ปล.จะมีฉาก nc ไหมอะเขาอยากอ่านแล้วอะ
ขอคู่สิงห์กับน้องจ้อยประเดิมคู่แรกเลยได้ไหม :oo1:(ไม่ค่อยหื่นเลยนะเนี่ย)
+ 1 นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 09-03-2012 22:11:15
ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่ยังเข้าข้างพี่สิงห์อยู่ดี หุหุ
ชอบพี่สิงห์อย่างประหลาด แต่ที่ตบจ้อยนิเกินไปนิดนะ
ที่ชอบพี่สิงห์อาจจะเป็นเพราะเห็นแต่มุมเศร้าของพี่สิงห์มั้งคะ
ในขณะที่น้องจ้อยเองไม่เคยรับฟังอะไรเลย มองแต่แง่ร้าย
แต่สรุปแล้วควายทั้งคู่ :เฮ้อ:
คนนึงก็เอาแต่ฟังคนอื่นไม่ยอมฟังตัวเอง อีกคนก็ฟังแต่ตัวเองไม่ยอมฟังคนอื่น ปวดตับจริงๆ :serius2:
ปล.เหมือนตอนนี้คุณชายกับอาจารย์จะเข้มข้นไม่เท่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 09-03-2012 22:15:04
ขอให้จ้อยเป็นพี่น้องกับคุณชาย จะได้มีฟามสุข
รักคุณชาย+อาจารย์คนึง + คุณดอกไม้มว๊าากกกกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 09-03-2012 22:22:03
เอาใจช่วยจ้อยให้เจอเนื้อแท้พี่สิงห์ที่ซ่อนอยู่ข้างในนะ
ภายใต้ความทึ่มและความกักขระของพี่สิงห์มันมีแต่จ้อยจ้อยและจ้อยอยู่คนเดียว
กว่าจะไปถึงวันนั้นหวังว่าจ้อยคงไม่ช้ำมาก (เมื่อไรตัวร้ายจะวิบัติคะ เกลียดไอลอยมากเลย)
//มอบเพลง second chance ให้จ้อยฟัง
http://www.youtube.com/v/23zrLHJahH0
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 09-03-2012 22:25:39
แอร๊ยยยยย  คู่กระต่ายน้อยกับนายจอมโง่ เอ้ย สิงห์-จ้อย กระตุกต่อมหื่นนางฟ้าจังๆ กร๊ากกกกก :laugh:
รักเรื่องนี้มาก ><;;;; สนุกและลุ้นขึ้นทุกตอนจริงๆค่ะ อ่านมาตั้งแต่ตอนแรกและจะอ่านต่อไปจนจบ อุอิ
สามคำ>>>รัก มาก มาก ( เรื่องนี้และคุณดอกไม้) :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 09-03-2012 22:28:09
คุณน้อยของพี่แสนจะใสซื่อเหลือเกิน ตื่นมาก็จำอะไรไ่ม่ได้อีก น่าห่วงมาก ๆ ค่ะ
ครูคนึงใจดีมากเลยเนอะ หลงรักๆๆ จริงของครูคนึงเลยที่ว่าคุณน้อยข้างในอ่อนมาก ๆ
คือเธอเติบโตมาแบบมีแต่คนดูแลอ่ะ ปล่อยห่างตาไม่ได้จริง ใครช่วยไปยิงไอ้ลอยทิ้งทีโคตรเกลียดมัน...

พี่สิงห์เอาน้องจ้อยมาอยู่ในกำมือจนได้...มาแบบบังคับฝืนใจก็เอาวะคนมันรักอ่ะ แต่อย่าฟังไอ้พวกไพร่ลูกน้องให้มาก
มีแต่เลว ๆ ทั้งนั้น จ้อยจับพี่สิงห์ไปเรียนต่อทีเถอะ...สงสารความรู้สึกจ้อยจังต้องมารับใช้คนอื่นใช้หนี้แบบนี้
แต่แว่ฉากในห้องนั่นหวามมาก ๆ นอนด้วยกันทุกคนแบบนี้พี่สิงห์คงโคตรสุขใจอ่ะ  :กอด1:

ขอบคุณนะค้า...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 09-03-2012 22:32:00
อัยย๊ะ นี่มันตบจูบชัดๆ สงสารน้องจ้อย แต่ชอบมาก ฮ่าๆๆ ผมบ้าไปแล้ว :haun4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: appletokki ที่ 09-03-2012 22:36:58
เย้ๆมาอัพแล้ว ดีใจจังเลย :-[
ตอนนี้สิงห์ดุเดือดมากปล้นจูบจ้อยซะ โถ่!จ้อยน้อย
ถึงเราจะสงสารจ้อยแต่เราเชียร์สิงห์นะ จัดหนักไปเลย!!

อ่านตรงความฝันของเลอมานแล้วเขินจัง  :impress2: ฝันหวานน่าดู

รออ่านตอนหน้า สาธุขอให้มาเร็ว :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 09-03-2012 22:37:37
สิงห์โหดอ้ะ...ตบ ตีจ้อยตลอด ใจร้ายยยยยยย :serius2:

แต่ตบสุดท้ายนี่ไม่เป็นไร อภัยให้
แล้วถ้าได้บ่อยๆ ก็ยิ่งดี คึคึ :z1:

ปล. แอบเสียดายแทนคุณชายนิดๆ
อุตส่าห์ได้อีโรติกกับชายในฝันทั้งที ดั๊นจำไม่ได้ซะงั้น เฮ้อ... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 09-03-2012 22:39:27
รุนแรงกับน้องงง   :เฮ้อ:

เป็นพิศาลเหรอสิงห์ :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 09-03-2012 22:51:45
ไอ้ลอย ไอ้บ่าวช่างยุ
พี่สิงห์ก็จะบ้ายุทั้งที...เบาๆมือกับจ้อยหน่อยซิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 09-03-2012 23:12:43
แอร๊ยยยย ถ้าจะเลวเเล้วตบจูบเเบบนี้ เค้ายอมก็ได้ กร๊ากกกกกกกกก

ดูท่าคุณกำนันจะเป็นคนโอบอ้อมอารี เนอะ จ้อยคงพอมีเเบคหลัง มั้งละ

คุณครูแอบกินลูกศิษย์ได้เนียนมาก มีการทำลายหลักฐานด้วยนะ


ปอลอ ขอปรบมือให้กับความพยายามในการตอบเม้นของคุณดอกไม้ ได้ใจจริงๆ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ChigoRita ที่ 09-03-2012 23:18:16
รู้สึกเหมือนกับว่าอาจารย์กับลูกศิษย์จะดีขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนพี่สิงห์กับน้องจ้อย....... :a6: ไม่อยากให้เข้าใจผิดกันแบบนี้เลย เจ็บปวดทั้งคู่ :เฮ้อ:

ตอนนี้อ่านแล้วอินมากๆค่ะ อินโคตรๆ >//<
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 09-03-2012 23:23:06

:z6: อ่านทีไรอยากกระทืบไอ้ลอยให้จมดินเสียทุกที
เกลียดมันเข้าไส้ คนอะไรเลวระยำ
สงสารคุณเล็กโดนเป็นขี้ปากชาวบ้านอีก
แต่ก็ยังดีมีครูคนึงคอยช่วยดูแลอยู่
จ้อยนี่สิ ! เฮ้อ  สิงห์คงไม่ทำน้องช้ำหรอกนะ
อยู่ด้วยกันคราวนี้ หัดพูดจากันดีๆบ้างได้ไหม
อารมณ์มันร้อนด้วยกันทั้งคู่ น้องก็ตัดรอน พี่ก็แค้นเคือง
เหนื่อยใจ แต่ขอเหอะ
เอาไอ้ลอยไปไกลๆ  ตายๆไปเหอะ !! แม่ง

รออ่านอตอนต่อไปนะจ๊ะ คราวนี้อย่าหายไปนานอีกน้า
 :กอด1: +1 ให้จ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 09-03-2012 23:34:37
ตอนนี้เพ่สิงห์เอาไปเลย ๘ คะเเนน เถื่อนไ้ด้ใจจริงๆ ชอบมาก เอาแบบนี้แหละ
แบ่งให้ไอ้ลอย ๑ คะแนน สำหรับคนต้นคิด อิอิ
แบ่งให้พี่จี้ ๑ คะแนน สำหรับคนเขียนนิยาย เทพจริงๆ :-[
ตอนหน้าคงสนุกแน่ๆ เพราะน้องจ้อยเข้าไปอยู่บ้านกำนันแล้ว คงเห็นเพ่สิงห์ทุกวัน คริๆ :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: LapiN ที่ 09-03-2012 23:47:48
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ รวดเดียวเลย
สนุกมากก หาอ่านแนวย้อนยุคอย่างนี้ยากค่ะ

แต่อ่านไปอ่านมา บอกตรงๆ ว่าแอบไปลุ้นคู่น้องจ้อยพี่สิงห์มากกว่า
เข้มข้นมากก พี่สิงห์ก็หูเบาเหลือเกิน = = ใครเป่าอะไรก็ฟังทำตามเค้าหมด
ส่วนอิน้องจ้อย ก็ไม่ฟังอะไรพี่สิงห์เลย จนสุดท้าย เลวสมใจเลยไง !!

รอติดตามนะคะ สนุกดี
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shabu ที่ 09-03-2012 23:55:06
มาแล้ววววว มีความสุขทุกครั้งที่เรื่องนี้มาต่อ ^^ ตอนนี้มาไวค่ะ ปลื้ม
เสียดายคุณชายจำไม่ได้อ่ะ อยากให้มีแวบมั่ง อะไรมั่ง จะได้หวานกันอีกน้า
ส่วนพี่สิงห์นี่ใช้ไม่ได้นะคะ ตบน้องจ้อยได้ไง เดี๋ยวปั๊ด
ก็ตัวเองเป็นคนไม่ให้เขาเรียกพี่ก่อนไม่ใช่เหรอ
ไอ้ลอยนี่เลวมากกกก ลวนลามน้องจ้อยต่อหน้า พี่สิงห์ยอมได้ไง
แล้วยังเคยลวนลามจินดาอีก คนนี้เราก็รักน้าถึงจะบทน้อย
สังหรณ์ใจว่าที่จินดาตายนี่ไอ้ลอยจะมีส่วน ก็มันเลวได้ทุกเรื่อง
คุณดอกไม้มาใบ้แล้วว่ามหาหงส์คือนายเอกทั้งสอง มิน่าหงส์ถึงต้องเติมเอสส์  ไม่ใช่ล่ะ
หมายความว่าชาติตระกูลสูงเหมือนหงส์ อย่างนั้นน้องจ้อยก็ต้องเป็นคุณชายจ้อยสินะคะ
ว้าวดีใจจังลูกเป็ดขี้เหร่จะกลายเป็นหงส์สูงส่งแล้ว
 ชักไม่อยากให้พี่สิงห์ได้คุณชายจ้อยแล้วล่ะ ไม่คู่ควร ถ้าไอ้พี่สิงห์ยังไม่ปรับปรุงตัวนะ
แล้วยังไม่เลิกคบกับไอ้ลอย ก็ปล่อยเป็นห่านต่อปายไม่ให้ร่วมวงศ์หงส์หรอก   
ไอ้ห่านลอย<<<เลวมากๆจะไม่ใส่นอหนูให้นะจ๊ะ

ขอบคุณคุณดอกไม้นะคะ เขียนเนี้อเรื่องสนุกทุกตอน บทบรรยายก็สวยงามมากๆค่ะ
อย่างความฝันคุณชายนี่ได้บรรยากาศสุดยอด มีชั้นเชิงการเขียนสวยงามมากค่ะ นับถือ
ขอบคุณที่ตอบเม้นด้วยนะคะ น่ารักที่สุด ใส่ใจคนอ่านอย่างงี้ รักกันตาย^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 09-03-2012 23:58:59
สิง เอ้ยสิง

จะเย็นช้าใส่เค้า

แต่ลึกๆแล้ว ก้คงอยากให้เค้าเรียก ตัวเอง

แบบเดิมสินะ

อยากเป็นเหมือนแต่ก่อน ก่อนที่จะทะเลาะกัน

ย่ำสิง อีกที ถ้าเพื่อน มันเหี้ยมากนัก ก็ไม่ต้องไปมีมัน

อย่างนี่ มันไม่ได้เรียกว่าเพื่อน หรอก เห็นแก่ เงิน เค้าหลอกใช้ แกอยู่รู้ตัวบางสิ สิง เอ้ยยยยย



คุณชายเล็ก เข้มแข็งมากค่ะ แม่ยกปลื้มมมม

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 10-03-2012 00:06:34
พี่สิงค์นิ รุนแรงกะจ้อยเกินไปแล้วววว  :m16: แต่ก็ฮาร์ดคอดี  :laugh:
P.S. ไม่รุจะขอบคุนหรือด่าแผนชั่วของไอ้ลอยดี     :L1: คุนดอกไม้><"
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shiki senri ที่ 10-03-2012 00:11:55
กรี้ดดด! ในที่สุดก็มาให้ได้อ่านแล้วว >< อยากบอกว่ามีความสุขจริงๆ แต่ทำไมคู่ของเล็กมีน้อยจังโดยส่วนตัวเราชอบคู่ของเล็กมากมายย แต่คู่ของจ้อยกับสิงห์ก็สนุกนะคะ จะติดตามเรื่องนี้ต่อไปค่ะ (พี่ดอกไม้ค่ะ ขอเรื่องเล็กเยอะๆนะคะ รอตอนหน้าค่ะ ^^)

ตอนที่พี่บอกว่าเรื่องพ่อของจ้อยให้เดาได้ตามสบายนั้น ตอนแรกเราคิดเลยว่า เอิ่มม..== พ่อของจ้อยอาจเป็นกำนัน แบบให้พี่สิงห์กับจ้อยมีพ่อคนเดียวกัน 55 แต่คิดไปคิดมา ไม่น่าใช่เพราะถ้าเป็นจ้อยเป็นลูกกำนันจิง จ้อยอยู่มาตั้งหลายปีกำนันจะไม่รู้อะไรเลยรึไง ถ้าเป็นกำนันตอนจ้อยป่วยยายคงไปขอความช่วยเหลือแล้วคงไม่ไปยืมนังคุณนายนั่นหรอก แต่ก้ไม่แน่ คริคริ ประเด็นกำนันเลยตกไป ส่วนที่ว่าพ่อจ้อยกับเล็กเป็นคนเดียวกัน นั้นก้น่าคิดแต่คิดว่าถ้าแบบนั้นจิงแม่จ้อยกะพ่อเล็กจะเจอกันตอนไหนเพราะพ่อเล็กก้เป็นท่านทูต แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองไม่น่าจะ...ได้ == 555 เราเลยแบนประเด็นไปว่าพ่อจ้อยคงเป็นท่านคนอื่นที่นอกเหนือจากสองคนนี้ อ่าฮะ แต่สุดท้ายมาอ่านตอนนี้ โอ้ววว ใช่เลย เราตัดสินว่ากำนันค่ะ เพราะยายท่านดูดีใจจิงเวลาจ้อยจะไปอยู่บ้านพี่สิงหืแบบ พ่อลูกอยู่ใกล้กัน คริคริ ส่วนเรื่องที่ว่าเราพูดก่อนนั้นว่าทำไมกำนันไม่รู้ อาจเป็นเพราะถ้ารู้แต่แรกเรื่องก็ไม่มันส์นะจิ คริคริ เราทายว่ากำนันคร้าาา ><

พี่ดอกไม้บอกว่าเรื่องมหาหงส์ ชื่อเรื่องได้มาจากนายเอกทั้งสอง เราเห็นด้วยค่ะ เพราะหงส์ไม่ว่าจะอยู่ไหน ลำบากยังไง หงส์ก็คือหงส์ ^^ ที่ว่ามหาหงส์นี่ มันคงไม่เกี่ยวกับดอกไม้แต่เป็นลักษณะของทั้งสองคนรึป่าว? ยังไงน้อ พิมไปงงไป แหะๆ

สิงห์น่าสงสารโดยส่วนตัวรับได้นะที่โหดกับน้องเพราะยังไงก็ทำไปเพราะรักแม้ว่ามันจะโง่จนหลงผิดไปเชื่อเพื่อนก็เถอะ สุดท้ายเราเชียร์สิงห์ให้สามารถทำให้น้องรักให้ได้ จะโหดแค่ไหนก้ยอมมม แต่ขอแค่อีลอยย ฮึ่ยย มันไม่สามารถมาแตะต้องจ้อยทำให้หมองสีได้ก้พอ พี่สิงห์ปกป้องน้องด้วย จะทารุณแค่ไหนก้ขอแค่พี่ทำได้คนเดียวพอนะคร้าา

ขอบคุณมากๆค่ะที่พี่ดอกไม้ตอบกลับ เรารู้แล้วที่ว่าคนอ่าน คอมเม้น เป็นกำลังใจคนแต่ง เพราะแค่พี่ตอบกลับเราแค่นี้ก้ดีใจมากแล้ว เราสัญญาจะติดตามพี่ต่อไปและจะคอยเม้นให้ตลอด (จะขยันให้ทุกตอนนะค่ะ) พี่จะได้รู้ว่ามีเราคอยเป็นกำลังใจและติดตามพี่อยู่ แต่เราพูดจิงๆนะอยากให้พี่รวมเล่มเรื่องนี้ >< เราจะไม่พลาดแน่นอน พี่ดอกไม้ถ้าเครียดๆกับงานก็มาแวะกับเล็กและจ้อยนะคะ จะได้ตอนหวานคริคริ โอยยย ยาวๆ ไปแล้วค่ะ สู้ๆนะค่ะ รักพี่ดอกไม้จัง ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 10-03-2012 00:52:15
 :monkeysad:เอาเป็นว่าพี่สิงห์และครู อย่าให้เจ้าจ้อยกะคุณเล็กคลาดสายตาได้เชียว เด๋วเร็จไอ้ลอย
ตัวโกงไม่ว่ายุคไหน ฉลาดเว่อๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 10-03-2012 02:44:36
ดีใจจัง ได้อ่านนิยาย ภาษาสวยๆอีกแล้ว ชอบมากคะ

รู้สึกไอ้ลอยจะได้กำไรมากไปแล้วนะคะ ขอแค่นายเอกทั้งแปดเปื้อนแค่ภายนอกเถอะคะ
ถ้าแปดเปื้อนกว่านี้ คนอ่านช้ำใจตาย อ่านทีเดียวรวดก็สงสารจับใจ
พี่สิงห์ ก็บุญหล่นทับตลอด เหมือนถูกหวยรางวัลที่1หลายๆงวด เพลีย
เป็นห่วงแต่ คู้สิงห์จ้อย กว่าจะได้รักกัน จ้อยตายก่อนอวสาน

ให้กำลังใจนะคะ คนเขียน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 10-03-2012 03:13:51
>< ทำไมทำร้านน้องจ้อยยังนี้ละคะ อ่านๆก็แอบปวกใจจี๊ดๆอะ นี้ถ้าไม่เห็นว่าสิงห์ก็มีใจให้นะจะแช่งให้ไม่ได้คู่กันเลย
ปล ทำไมไม่มีใครทำอะไรตัวร้ายอย่างลอยเลยอะ แบบเกลียดตัวร้านมากๆเลยคะ ขัดใจอะ ชอบยุตลอดเลยอะ
 :o8:แต่คุณชายนี้ได้ใจมากๆเลย ชอบตอนเอาน้ำราดคูรวิรัสอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 10-03-2012 05:07:40
สมกับเป็นโจรปล้นจูบจริงๆ  :laugh3:

หวังว่าความใกล้ชิด คงทำให้จ้อยใจอ่อนบ้างนะ  :o11:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 10-03-2012 10:29:39
ดีแล้วที่จ้อยได้มาอยู่บ้านกำนัน ไอ้ลอยจะได้ทำไรไม่ได้  :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 10-03-2012 12:42:53
พูดไม่ถุกกับความคิดของไอ้สิงห์ คนเหี้ยอะไรไม่มีความเป็นตัวของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก


ให้คนอื่นจูงจมูกเหมือนควาย ทำได้ทุกอย่างที่เลวร้ายกับคนที่ตัวเองเคยบอกว่าจะปกป้อง

แต่กลับมาทำร้ายคนที่ตัวเองบอกว่ารัก.....ด้วยคำพูดที่แสนเลวที่ออกมาจากปากของคนที่มันคบเป็นเพื่อน

เพื่อนที่มันได้มาจากคำยกยอเลียแข้งเลียขาเหมือนหมาตัวนึง(อุ๊ย!สงสารหมาวะ หมายังมีค่ากว่าไอ้ลอยอีก)

ความจริงใจจากเพื่อนที่ได้ก็หามีไม่  ซ้ำยังคิดจะทำร้ายคนที่มึงรักอีกเชรี่ยสิงห์สัด!


ไม่น่าจะมาเป็นคนที่ครั้งนึงไอ้จ้อยเคยเรียกว่าพี่ เสียดายคำๆนั้นจริงๆ

อยากบวกเป็ดให้ซักล้านตัว
ตอนแรกก็สงสารสิงห์อยู่ แต่ตอนนี้เกลียดความงี่เง่า โง่เขลา ไร้สมอง  อยากให้น้องรัก แต่ปากหมา รุนแรง ทำร้ายจิตใจ หมาตัวไหนจะรู้ว่ะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 10-03-2012 12:45:15
คู่คุณชายตอนนี้ความสัมพันธ์ดีขึ้นอยู่แล้ว
เราเลยมาเชียร์คู่สิงห์จ้อยแทน
ตอนที่แล้วยังสงสารสิงห์อยู่ พอมาตอนนี้สงสารจ้อยแทน
อะไรจะชีวิตรันทดเยี่ยงนี้!  :z3:
พี่สิงห์ก็เพลาๆ ยั้งมือหน่อยก็ได้พ่อคุณ
กว่าจะหมดหนี้เดี๋ยวน้องจ้อยช้ำเอา
ไม่รู้จะขอบคุณไอ้ลอยดีหรือไม่ที่ทำให้จ้อยได้มาอยู่กับสิงห์เนี่ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 10-03-2012 12:56:41
อ่านจบ..ได้่แต่กำหมัดแน่นๆ อยากซัดปากพี่-สิงห์ของน้องจ้อยที่น่าสงสารเหลือเกิน
อะไรจะเถื่อน ดิบ ได้ขนาดนี้  น้องจ้อยตัวนิดเดียว ไม่มีทะนุถนอม เอะอะ ก็ตบ เอะอะก็ทำร้าย
อยากรู้จริงๆ ถ้าน้องจ้อยเอายาพิษใส่ให้กิน  พี่สิงห์จะตายไหมเนี่ย 

โหดเหลือเกิน ท่าทางจะตายยากอยู่  :beat:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 10-03-2012 13:38:40
เพิ่งมาอ่านค่ะ สนุกมาก +1+เป็ดให้เลย
ตอนนี้ชอบพี่สิงห์ เถื่อนปนหวานได้ใจคนอ่านม๊ากกก อิอิ
แอบสงสัย..ทำไมยายอยากให้จ้อยมาอยู่บ้านกำนันล่ะ..
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 10-03-2012 14:37:00
คู่อาจารย์กับคุณชาย>>>>  :-[

คู่พี่สิงห์กับน้องจ้อย>>>>   :serius2: :beat: :-[ :เฮ้อ: เลือกอารมณ์ไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kunchan ที่ 10-03-2012 15:15:57
ไม่ว่ายังไงพี่สิงห์ก็น่าสงสาร โถๆ พี่สิงห์ช่างใสซื่อนัก อ่อนต่อโลกเหลือเกิน นิสัยเหมือนเด็กๆ เลย แล้วเมื่อไหร่จะได้หวานกันละ คู่คุณชายเลอมานกับอาจารย์กระเถิบไปเป็นตัวประกอบเรียบร้อย คู่จ้อยกับสิงห์สินะคู่เอก ๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 10-03-2012 16:03:05
จะบอกดอกไม้ว่า เลิฟคู่จ้อยสิงห์มากก
พี่สิงห์ช่างดิบเถื่อนได้ใจจริงๆ ทรมานน้องจ้อยเบาๆนะจ้ะ
ส่วนคุณชายกะอาจารย์ มีหวานแหววด้วย

อ่านตอนนี้วนไปมา สามรอบแล้ว อ่านแล้วไม่อยากให้ถึงบรรทัดสุดท้าย

รอตอนต่อไปค่ะ
รักดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: lunarinthesky ที่ 10-03-2012 18:00:57
 คบเพื่อนผิดคิดจนเพื่อนตาย 5555  o18

เมื่อไหร่หนาพี่สิงห์จะหลุพ้นจากไอ้ลอย ="=
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 10-03-2012 18:22:05
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน บอกเลยเกลียดไอลอยจริงๆ สิงห์เป็นลูกพี่จริงป่าวเนี่ย ทำไมต้องเกรงใจไอลอยด้วยอ่ะ ต่ิอยไปซักเปรี้ยง ทำตามใจตัวเองไมไ่ด้เหรอไง เชอะ

ปล. แอบหวังว่าได้จ้อยมาอยู่ด้วยแล้ว ความสัมพันธ์จะดีขึ้นนะ แถมแค่วันแรกก็ได้จูบไปแล้วด้วย ไวจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: หัดดิน เอ้ยหัดกิน ที่ 10-03-2012 18:26:41
อ่าว คนเขียนชอบมาม่าหรอครับ 5555
ฝากถึง "พี่สิงห์" (กลัวโดนจูบครับ เรียกพี่ท่านดีๆ หน่อยละกัน 555) ว่า
เวลารักใครซักคนหน่ะ ทำเลวทำไม่ดีกับเขา ไม่เจ็บหรอครับ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 10-03-2012 19:21:38
ครูคะนึงกับคุณชายมีทีท่าว่าจะไปได้ด้วยดี
ตอนนี้ครูเขามีแต่จะใช้ความนุ่มนวลอ่อนโยนกับคุณชายแหละ
เพราะคุณชายเข้าครองหัวใจครูเขาเต็มจนจะล้นแล้ว
ขอให้ครูจับคุณชายใส่ตะกร้าล้างน้ำได้สำเร็จทีเถอะ
ส่วนอิครูปากมอมขี้นินทาหน้าไหว้หลังหลอกคนนั้น ก็ขอให้ได้บทเรียนซะบ้างก็ดีนะคะ
 สิงห์ แกคิดเองไม่เป็น ตัดสินใจเองไม่ได้ ชื่อแต่ลูกยุของเพื่อนเลว
เพราะแกฉลาดน้อยใช่ปะ แกไม่คบหากับคนอีกระดับเพราะแกกลัวแกด้อยกว่าเขา
เลยคบคนชั้นต่ำแบบพวกไอ้ลอย แกจะได้ดูเหนือกว่าพวกมัน
แกก็เลยเป็นแบบนี้ไง
ปลาร้าพันห่อด้วย      ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา     คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา        คบเพื่อน  พาลนา
ได้แต่รายร้ายฟุ้ง       เฟื่องให้เสียพงศ์
 :เฮ้อ: กรรมของจ้อย

ป.ล. เพิ่งรู้นะว่าดอกขจรกินกะก๋วยเตี๋ยวอร่อย แถมกินดิบๆได้ด้วยเหรอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 10-03-2012 19:38:20
โหย....ได้แซ่บศิษย์รักไปแล้ว อาจารย์ปิดปากเงียบเลยอ่าาา :oo1:
หวานมากจนคนอ่านเขิน ยกใจให้เลยค่ะ o13

พี่สิงห์กับจ้อย มาแนวตบจูบอีกแล้ว ฮิๆๆๆ
โจรปล้นจูบ อร๊ายยย :-[
มาอยู่กับพี่สิงห์แบบนี้ ขอให้ความทรงจำดีๆเมื่อยังเยาว์ย้อนกลับมา
เพราะสิ่งที่ทะลายกำแพงสูงนี้ได้ คือ ความรักและความเข้าใจซึ่งกันและกันเท่านั้น
รอวันนั้นของทั้งสองนะคะ :L2:

ส่วนไอ้ลอย  :z6: :beat:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 10-03-2012 23:56:01
โอ้ จำเลยรัก2
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 11-03-2012 12:16:57
ย่อมมีหนทางที่สว่างเสมอ ในมื่อเลือกที่จะให้สิงห์และจ้อยมาพบกัน
ดังนั้นแล้ว ทุกอย่างถึงจะลำบากขนาดไหน แต่เชื่อว่าสองคนนี้จะพบกับ
ทางที่สว่างเหมือน ฟ้าหลังฝน คนทำดีย่อมได้ดี อีกคนทำไม่ดี แต่ผลของ
ของการทำดีของจ้อยจะต้องชนะใจสิงห์อย่างแน่นอน เอาใจช่วยจ้อยและสิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 11-03-2012 18:22:36
ตบจูบเลยหรอ พี่สิงห์ เร้าใจมาก

ส่วนคุณครูกับคุณเล็กนิ คุณเล็กจำไม่ได้

ใช่ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: casper75 ที่ 11-03-2012 19:14:53
ยายของจ้อยแปลกๆแฮะ เหมือนมีเรื่องปิดบังตั่งแต่เรื่องแหวนแล้ว
อย่าบอกนะว่าพ่อของจ้อยคือ....
ถ้าเป็นจริงหล่ะก็มันส์แน่ สงสารจ้อยล่วงหน้า ดูถ้าจะยังต้องเจอฤทธิ์สิงห์กับคุณนายพูนทรัพย์อีกเยอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: saylmya ที่ 11-03-2012 22:44:44
อ่านไปก็หมั่นไส้อิพี่สิงห์ไป  :3125:
หมั่นไส้กว่าไอ้ลอยมากอ่ะ
เป็นลูกพี่ซะเปล่า ให้ไอ้ลอยจูงจมูกซะงั้น ฮึ่ย!!

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: bubble ที่ 12-03-2012 00:31:57
สงสารจ้อยอ่ะ  พี่สิงห์ไม่น่าทำแบบนี้เลย

รออ่านอยู่นะครับ :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 12-03-2012 22:07:13
สวัสดีค่าคุณดอกไม้
ขอบอกว่าเรานั่งอ่านเรื่องนี้รวดเดียวตั้งแต่ต้นจนถึงตอนปัจจุบัน
แบบว่าง่วงก็ง่วงแต่พออ่านแล้วมันดันหยุดไม่ได้ซะนี้
ติดอกติดใจในความน่ารักน่าหยิกของคุณเล็กมว๊ากกกกกกกกกก
 :กอด1:

แอบกระซิบบอกคุณดอกไม้ว่าคุณเก่งมากคะ
ที่ทำให้เราน้ำตาไหลออกมาได้โดยไม่รู้ตัว
หลังจากที่ไม่ได้รน้องไห้เพราะอ่านนิยายมานานจนคิดว่าตัวเองคงด้านชาไปละ
แต่พอได้อ่านถึงตอนที่คุณเล็กร้องไห้เพราะความน้อยใจเป็นครั้งแรกน้ำตาคนอ่านก็ล่วงเผาะๆตามคุณเล็กเลย
สงสารคุณเล็กมากถึงมากที่สุด ถึงใครจะว่าเธอร้ายเธอหยิ่งขนาดไหน
แต่ใจลึกๆแล้วเราว่าคุณเล็กไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย ออกจะน่ารักน่าหยิกมากตั้งหาก

แล้วอีกเรื่องที่ขอชมเลยคือการใช้ภาษาค่ะ
อ่านแล้วแบบว่าเคลิ้มตามตลอดเรื่องขนาดบรรยายตอนทำ"รัก"ภาษาก็ยังสวยอะ ><
แถมทำเอาตอนี้เราอยากหาต้นมหาหงษ์มาปลูกซะจริง :)

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลยค่า
กำลังลุ้นกับคู่ของสิงห์กะนู๋จ้อยด้วย (อันนี้ดราม่าเวอร์ๆอะ อิอิ)

+1จัดไปให้สำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 12-03-2012 22:19:45
ก่อนอื่นเลย อยากจะบอกคุณดอกไม้ว่า เป็นคนไม่ค่อยชอบคอมเม้นใคร(เพราะ ติ ใครไม่ค่อยเป็น)
บวกกับเพราะพูดไม่ค่อยเก่งค่ะ แฮะๆ..แต่อยากจะบอกกับคุณดอกไม้ว่า

"นิยายเรื่องนี้ สอนให้เรารู้จักความอดทนในการรออย่างมาก"

ปกติจะไม่ค่อยอ่านนิยายที่อัพไว้ไม่เยอะค่ะ แต่เรื่องนี้ คุณดอกไม้อัพเมื่อไหร่ต้องตามไปอ่านเสียทุกครั้งไป
เวลารอคอยนิยายนิยายเรื่องนี้อัพช่างยาวนานเสียนี่กระไร.....หากเป็นไปได้ อยากให้คุณดอกไม้
อัพถี่ขึ้นกว่านี้ จะดีใจมากค่ะ แต่ก็เห็นใจนะค่ะ มาแต่ละตอน ยาวสะใจ ภาษาสวยสุดยอดเลยทีเดียว
ให้อารมณ์ว่าคุณดอกไม้ตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานให้คนอ่านจริงๆ 

อยาก อ้อนวอน คุกเข่า พร้อมสบตาคุณดอกไม้**

พร้อมพูดว่า "มาต่อไวๆหน่อยนะค่ะ คนอ่านจะลงแดงตายอยู่แล้ว" 555

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ส่วนเนื้อเรื่อง

อยากจะร้องโวยวายยยยย คุณเ็ล็กถ้าจะน่ารักน่าหยิกขนาดนี้ เอาใจเราไปเลยค่ะ ไม่ต้องให้ครูคนึงหรอกค่ะ

555 

ส่วนคู่สิงห์กับจ้อยนั้น แลดูเหมือน จำเลยรัก หรือไม่ก็ sm ในตอนหน้า แค่ตอนนี้ก็ปล้นจูบกันแล้ว
ตอนหน้าจะเป็นอย่างไรนี่  ลุ้นๆค่ะ ลุ้น เชียร์ให้กดกันไวๆ เดี๋ยวชักช้าสิงห์จะแห้วรับประทานเพราะไอ้ลอยคาบไปกินแทน หึหึ

รอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อนะค่ะ

เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะะะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Rywzaki ที่ 12-03-2012 22:34:52
เพิ่งติดตามเรื่องนี้ค่ะ
เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่อ่านแล้วนำ้ตาไหลพรากๆ
ขนาดอ่านไปฟังเพลง hip hop ไปด้วยนะเนี่ย 555
จนต้องปิดเพลงมาตั้งใจอ่านดีๆเลย
คุณภาพจริงๆค่ะ ภาษาสวยงาม มีครบทุกอารมณ์
เป็นกำลังให้คนเขียนนะคะ ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 14-03-2012 00:13:49
เพิ่งอ่านจบ T[]T สนุกมากกก
บางบทอ่านไปเช็ดน้ำตาไป มาม่าได้อีกนะคะ

ส่วนบทล่าสุดเนี่ย อยากวิ่งเข้าไปจับทั้งสิงห์จับจ้อยมาพูดว่า...พวกเอ็งลดทิฐิกันหน่อยซิโว๊ย!!! แล้วอย่างงี้เมื่อไหร่จะได้คุยกันดีๆ ซักที๊ !!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shiki senri ที่ 15-03-2012 20:03:07
พี่ดอกไม้ค่ะ มารอค่ะ คิดถึงเล็กมว้ากกก ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 16-03-2012 11:50:50
อ่านตอนนี้แล้ว ให้อารมณ์หนังพิศาลจริงๆ
ยังไงก็ถนอมน้องจ้อยบ้างนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 16-03-2012 12:19:41
ปูเสื่อรอค่ะ
สารภาพว่าอ่านตอน 14 ไป ห้ารอบแล้วจ้า
วนไปมา กรี๊ดดดดดด

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 17-03-2012 01:03:01
ฮึ๊บๆ ดันรอ คุณชาย  :z2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Rywzaki ที่ 17-03-2012 01:20:28
มารอๆ เชียร์ทุกคู่เลยจ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yagin ที่ 17-03-2012 01:31:19
อร้ายยยยยยยยย 

“พี่-สิงห์”  “พี่-สิงห์”   “พี่-สิงห์”  “พี่-สิงห์”
 
น่ารักที่สุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๔ : โจรปล้นจูบ [๙/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oattie ที่ 17-03-2012 08:50:55
 :-[  พี่สิงห์    เชียร์ให้ได้กับจ้อยเร็วๆ ฮ่าๆ 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 17-03-2012 12:16:26
(http://img37.picoodle.com/i53g/wattanan/wa12_850_ucmz8.jpg)


บทที่ ๑๕

น้ำตาลใกล้มด

(ครึ่งแรกนะจ๊ะ :L2:)

น้ำตาลใกล้มด หรืออดได้
ความหวานเอมใจ ชวนฤทัยให้เฝ้าพันพัว
หวานสนิทอมฤตเอมรสมดเห็นก็สั่นรัว

ลงโทษใครไหนได้ น้ำตาลฉ่ำใจ
หวานชื่นกระไร น้ำตาลเองไม่มองตัว

มวลมดหรือคิดชั่ว มดเพียงเกลือกกลั้วเพราะความที่ตัวหลงรสที่ยั่วยวนใจ
จึงเพียรเข้าไปใกล้ ด้วยความหวานน้ำตาลจูงใจ  หวังจะได้เชยชมลิ้มลอง*




ดวงตาสีเข้มมองมาตาไม่กระพริบ  เสียงห้าวเอ่ยช้า..ชัด..

“พี่-สิงห์”

จ้อยกระพริบตาปริบ  ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง  หรือบางทีเขาอาจตกใจจนหูฝาดไป 
   
ลูกชายกำนันปิดตาข่มโทสะเมื่อเห็นบ่าวคนใหม่ทำหน้าเป๋อเหลอ  เสียงห้าวเค้นถามเหี้ยมเกรียม “โดนดูดปากไปสองที  เสียงหายหมดเลยรึไง” มือใหญ่เพิ่มแรงบีบ  โน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง “งั้นเดี๋ยวข้าคืนให้”
   
“อย่า!” จ้อยลนลานหันหน้าหนี  รีบพูดปากคอสั่น “พะ..พะ..พี่สิงห์”

“ไม่ได้ยิน!” แค่เสียงห้าวตะคอกลั่น  จ้อยก็กลัวจนหัวหด
   
“พี่สิงห์!” หลับหูหลับตาแหกปากตามใจคู่อริที่กลายมาเป็นทั้งเจ้านายและเจ้าหนี้  ดวงตาคู่ใสหรี่ขึ้นมองคนตรงหน้า  เห็นตาเรียวคมมองมา  ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มอย่างสาสมใจ
   
“ก็แค่นี้” คำพูดหล่นจากปาก  ปากที่ทำท่าจะโน้มลงมาอีก  จ้อยกลัวจนตัวสั่น  เกร็งร่างแทบจมหายลงไปกับฟูกนอน  หลับตาปี๋รอรับจูบร้อนๆ ที่จะบดขยี้ปากเขาอีกครั้ง 

ผิดคาด!

ปากอุ่นๆ กดจูบลงบนหน้าผากเนียน  คนแรงเยอะ มือหนักตีนหนักอย่างสิงห์  กระทั่งเวลาจะจูบจะหอม  ปากมันยังยั้งแรงไม่ได้  แค่จูบหน้าผากยังเกิดเสียงดัง ‘จุ๊บ’  แค่จุ๊บสั้นๆ ก็เล่นเอาจ้อยสั่นไปทั้งตัวทั้งที่ไม่ได้หนาวสักนิด   
   
มือแข็งค่อยๆ คลายออก  ทิ้งไว้เพียงรอยแดงบนข้อมือเล็ก  จ้อยได้แต่มองตาปริบยามร่างใหญ่โตเป็นยักษ์ปักหลั่นผละลุกขึ้นนั่ง     

“เอ็งมันรั้น” มือหยาบยื่นมาแตะกลีบปากเจ่อช้ำแผ่วเบา “ถ้าไม่กวนประสาทข้าก่อนก็คงไม่เจ็บตัว”
   
ขวัญที่บินหายค่อยคืนกลับมา  จูงมือสติสตังกลับมาด้วย  หนุ่มน้อยเด้งตัวลุกพรวดจากเตียงทันใด  เดินแข้งขาแทบพันกันไปยืนตัวลีบอยู่ที่มุมห้อง
   
“ขะ..ขอออกไปทำงานก่อนนะ” จ้อยบอกเสียงสั่น  มือเล็กกุมชายเสื้อยืดสีซีดของตัวเองจนแน่น  อยู่กันลำพังสองต่อสองแบบนี้  ทั้งกลัว ทั้งระแวง ทั้งอึดอัด  อยากออกไปให้พ้นๆ  อยากหาอะไรทำให้มือให้หัวไม่ว่าง  ไม่อย่างนั้นจ้อยอกระเบิดตายแน่   
   
“อยากทำงาน?” สิงห์แค่นหัวเราะ  “ห้องข้ามีงานให้ทำเยอะแยะ” 
   
จ้อยกลืนน้ำลายฝืดคอ  พยักหน้าหงึกหงักอย่างจนใจ  ก่อนผลุนผลันออกไป  แล้วชั่วอึดใจต่อมา  สิงห์ก็เห็นคนตัวเล็กหนีบไม้กวาด  ถือไม้ปัดขนไก่  หิ้วถังน้ำเข้ามาอย่างทุลักทุเล 

นักเรียนครูวางของในมือลงกลางห้อง  กวาดตาไปรอบห้องรก  ประมวลความคิดว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อน  และแล้วก็ตัดสินใจเริ่มจากก้มหยิบข้าวของเกลื่อนกลาดตามพื้นเก็บให้เข้าที่  หยิบเสื้อผ้าที่กองเขละใส่ลงตะกร้า  ขวดเหล้า ซองบุหรี่เปล่าทิ้งลงถังขยะ  เขย่งสุดปลายเท้า  เอื้อมสุดแขนเพื่อปัดไม้ขนไก่ไปตามหลังตู้  ฝุ่นละอองคลุ้งลงมาเข้าตาเข้าจมูก  สำลักไอจนหน้าแดง  มือเล็กโบกเป็นระวิง  น้าแป้นคงไม่ค่อยมีเวลาอย่างที่คุณนายพูนทรัพย์ว่าจริงๆ 
   
คนตัวโตบนเตียงจับจ้องไม่วางตา 
   
“ทำไมไม่ถูพื้น” ลูกชายกำนันถามหาเรื่อง  อดปฏิเสธจากหัวใจหยาบช้าอกุศลไม่ได้ว่า.. อยากเห็นคนอวดดีในบาง ‘ท่วงท่า’
   
“เขาต้องทำจากข้างบนลงล่าง” จ้อยตอบประสาซื่อ  คนฟังยักไหล่ไม่ยี่หระ  เอนหลังบนเตียงมองคนตัวขาวทำความสะอาดห้องด้วยดวงตาแพรวพราวราวกำลังเสพมหรสพชั้นเลิศ 

มองหน้าเนียนที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเกาะพราว  มองมือขาวหยิบไม้กวาดมาไล่กวาดขะมักเขม้น   ดวงตาใสซื่อแน่วแน่จดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำ  แสงแดดส่องผ่านเสื้อเนื้อบางจนสายตาซุกซนมองทะลุปรุโปร่งถึงทรวดทรงใต้ร่มผ้า  ยิ่งมองยิ่งเพลินตาไม่รู้ตัว 
   
ราวกับความรื่นรมย์ที่ห่างหายไปจากชีวิตเนิ่นนานกลับคืนมาอีกครั้ง  แค่ได้มองหน้าจ้อยตอนนี้  สิงห์ก็สุนทรีเสียยิ่งกว่าตอนอยู่ในอ้อมกอดเหล่าอีตัวที่ซ่องนางทองใบ  ยามเมื่อเสียงเล็กเรียกเขาว่า ‘พี่สิงห์’ มันเสนาะหูแสนสุขใจยิ่งกว่าเสียงพวกสมุนโห่ร้องยินดีตอนเขาแทงลูกดำลงหลุมได้ในโรงบิลเลียดเสียอีก 
   
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรสจูบเมื่อครู่  ปากนุ่มๆ  ตัวนิ่มๆ ในอ้อมกอด  เล่นเอาหัวใจสิงห์ยังกระทุ้งอกโครมๆ ไม่หาย  ความคิดที่จะตีหน้ายักษ์วางท่ากราดเกรี้ยวใส่น้องจางหายไปสิ้น  มือใหญ่คว้าบุหรี่มาจุดสูบอย่างสบายอารมณ์ 

“ทิ้งขี้บุหรี่ลงพื้นทำไม  ข้า..เอ๊ย จ้อยเพิ่งกวาดไปนะ” ดวงตาใสแจ๋วคู่นั้นมองมาแล้ว  แม้คิ้วเรียวจะขมวดมุ่น  แม้เสียงใสๆ จะขุ่นไปหน่อยก็เถอะ  ยิ่งกวนโมโหให้จ้อยหงุดหงิดยิ่งสนุกนัก   คนขี้แกล้งจึงจงใจสะกิดขี้บุหรี่ลงพื้นอีกสองสามหน  ได้มองคนน่ารักเดินวนไปทั่ว  แถมตอนก้มกวาด  คอเสื้อกว้างก็ถ่วงลงจนเห็นแผ่นอกเรียบเนียน  มันน่ามองน้อยอยู่เมื่อไร
   
แค่แป๊บเดียว  ห้องที่สิงห์ตั้งใจทำให้รกก็สะอาดขึ้นผิดหูผิดตา  บอกตามตรงว่าสะอาดกว่าตอนน้าแป้นเข้ามาทำเสียอีก  เพราะอย่างน้อย จ้อยก็ไม่กวาดเศษผงไปซุกไว้ตามมุมโต๊ะหรือใต้เตียง 
   
และแล้วเวลาที่สิงห์รอคอยก็มาถึง 

มือเล็กจุ่มผ้าขี้ริ้วลงถังน้ำ  บิดจนหมาด  ก่อนคุกเข่าคลานสี่ขาถูผ้าเปียกไปตามแนวกระดาน  ต้นขาขาวจัดโผล่พ้นชายกางเกงขาสั้น  ยิ่งยามก้มต่ำกวาดมือเข้าใต้ตู้  สะโพกมนยิ่งลอยสูงจนเน้นเป็นรูปเป็นร่าง  สิงห์กลืนน้ำลายเอื๊อก  จ้องตาไม่กระพริบ  เริ่มร้อนอ้าวในบางที่บางแห่งตามสัญชาติญาณ 

ขนาดบุหรี่ไหม้จะหมดมวนแล้วยังไม่รู้ตัว

“โอ๊ย!”

โดนไฟจี้มือเข้าให้จนได้สิน่า! 

จ้อยหันขวับทันที  สิงห์กำลังสะบัดมือเร่าๆ อย่างน่าขายหน้า  คนคิ้วผูกโบว์เดินตรงเข้ามาหา  ย่อตัวลงเช็ดพื้นเกลื่อนกล่นขี้บุหรี่  หน้าขาวๆ ก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงหว่างขา  ได้องศาอัปรีย์พอดีพอดิบ  เล่นเอานักเลงหนุ่มหัวใจแทบหยุดเต้น         
   
“ยกขาสิ” จ้อยเงยหน้าบอก “ถ้าไม่ยกขาจะเช็ดได้ยังไง”
   
แต่สิงห์หูอื้อไปหมดแล้ว  ไม่หือไม่อือนั่งทื่อเป็นหิน  บางอย่าง.. ก็เป็นหิน
   
หินลนไฟเสียด้วย

นักเลงโตหอบหนัก  นึกอยากกระชากกางเกงตัวเองออก  เหนี่ยวรั้งใบหน้าเล็กเข้าหา  ยัดเยียดความปรารถนาแข็งขึงร้อนผ่าวลงในกลีบปากสีเรื่อ 
   
แต่เมื่อจ้อยจึ๊ปากหงุดหงิด  แค่มือนิ่มคว้าหมับที่หน้าแข้ง  คนเก่งกล้าไม่กลัวใคร  ท้าตีท้าต่อยมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ  ก็วิ่งกุมเป้าหลังโก่งออกไปนอกห้อง  ทิ้งจ้อยนั่งอึ้งมองตามตาปริบๆ
   

รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ไอ้สิงห์เอ๋ย! 

หัวหน้าอันธพาลตะโกนก้องอยู่ในหัวใจเต้นรัว  กว่าจะวิ่งลงบันไดจนเรือนสะเทือนมายังห้องน้ำข้างล่าง  น้ำเมือกอ่อนใสก็ซึมผ่านเนื้อกางเกงสีเข้มออกมาเป็นจ้ำๆ  ได้แต่ภาวนาว่าจ้อยคงไม่ทันสังเกตเห็น  มือใหญ่ข้างหนึ่งยันขอบตุ่มมังกร  อีกมือปลดกางเกงลงกองกับพื้น  ก่อนรูดรั้งความแข็งขึงร้อนผ่าวรัวเร็วไม่เว้นจังหวะ  ใบหน้าคร้ามคมบิดเบี้ยว  สูดปากครางเสียงต่ำในลำคอ  ในหัวมีแต่ใบหน้าอ่อนใสของใครคนหนึ่ง  มีแต่รสจูบหวานล้ำตราตรึง  มีแต่ภาพสะโพกกลมกลึงลอยเด่นติดตา  มือหยาบเร่งจังหวะรัวเร็วจนเกิดเสียงน้ำเสียดเนื้อ  ความสุขสมแล่นพล่าน  พลันนั้นก็ระเบิดเปรี้ยง  ธารรักขาวขุ่นปะทุเต็มอุ้งมือ  กระฉอกรุนแรงจนเปื้อนถึงลายมังกรบนตุ่ม  ร่างสูงใหญ่หอบหนัก  หยาดเหงื่อเกาะพราวทั้งตัวจนมัดกล้ามมันปลาบ  เมื่อสติกลับคืนมา  มือใหญ่รีบร้อนคว้าขันจ้วงน้ำสาดล้าง ทำลายหลักฐานให้หมดสิ้น

หนูน้ำฝนยืนเอียงคอฟังเสียงสาดน้ำโครมๆ อยู่หน้าห้องน้ำ  นิ้วเล็กจิ้มปลายคาง  พี่สิงห์แอบเอาอะไรเข้าไปกินในห้องน้ำกันน้อ  ท่าจะเผ็ดน่าดูถึงได้ครางซู้ดๆ ไม่หยุด 
   
เผ็ดเสียจนอิ่มแล้วร้อนจัดจนต้องอาบน้ำเลยทีเดียวเชียว!     

*******************************

หม่อมราชวงศ์เลอมานหอบหิ้วแผ่นเสียงพร้อมกระเป๋าเครื่องเล่นใบเขื่องกลับเรือนไม้  ระหว่างทางพบอาจารย์วิรัชเดินนอบน้อมเข้าหาหมายจะช่วยถือให้  หากคุณชายปฏิเสธอย่างเย็นชา
   
“ไม่ต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกับผม  ผมไม่ใช่สุภาพสตรี”
   
เล่นเอาคนสอพลอหน้าม้าน  ได้แต่ขบกรามกรอดลับหลัง  ทิ้งสายตาขุ่นเคืองมองตามแผ่นหลังบางที่เดินหนีลิ่วๆ   

คุณชายวางแผ่นเสียงของแพต บูนลงบนโต๊ะอย่างถนอม  ตั้งแต่หันมาใช้บทเพลงประกอบการสอน  รู้สึกเหล่าลูกศิษย์วัยหนุ่มจะคึกคักสนุกสนานขึ้นเยอะ
   
ยกเว้นเพียงคนเดียว..

นักเรียนฝึกหัดครูร่างเล็กที่นั่งอยู่หน้าสุด  ตากลมโตที่เคยกระตือรือร้น  มือเล็กที่คอยยกขึ้นถามโน่นถามนี่อยู่เสมอ  ระยะนี้ดูอ่อนล้าเหนื่อยหน่าย  บางวันก็เข้าห้องเรียนสายเป็นชั่วโมง 
   
จ้อยเป็นแบบนี้ตั้งแต่ไปอยู่บ้านกำนัน  ไม่รู้ว่าถูกนายจิกหัวใช้งานหนักหนาแค่ไหน  แถมไม่มีแม้เวลาจะมาคุยเล่นกับเขาเหมือนก่อน  มาเรียนก็สาย  พอระฆังสั่นเลิกเรียนก็รีบร้อนกลับ 

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วถอนใจพรืด  เขาลองไปติดต่อจ้างนางนกแก้วแม่ครัวใหญ่ให้มาซักรีดเสื้อผ้าให้  แต่ไม่รู้เจ้าหล่อนใช้อะไรซักผ้าให้เขา  กลิ่นถึงได้ฉุนแรงไม่หอมสะอาดอย่างที่จ้อยซักให้สักนิด  แถมเจอแรงมือนางเข้าไปครั้งเดียวก็ขยาด  เสื้อเชิ้ตเนื้อดียี่ห้อหรูของเขาเป็นรอยยับย่นไปทั้งตัว  ยับขนาดที่ว่าพอหล่อนลงมือรีดแล้วยังไม่ยอมเรียบ
   
หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์ยอมแก้ผ้าดีกว่าที่จะใส่เสื้อยับ!

ในเมื่อจ้างคนอื่นแล้วไม่ได้ดั่งใจ  คุณชายก็ตัดสินใจจะทำเองให้สิ้นเรื่องสิ้นราว!

อาจารย์คนึงยังไม่กลับมา  หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อคอโปโลกางเกงขาสั้นแล้ว  คุณชายจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ประพนธ์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่แถวนั้น  ใบหน้าคมคายดูประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเด็กหนุ่มสำอางเอี่ยมลออเดินตรงเข้าไปหา  บอกว่าจะรีดผ้าเอง 
   
“คุณชายไปเอาเตารีดมา  เดี๋ยวผมไปตัดใบตองให้” คนใจดียินดีช่วยแข็งขัน  ก่อนเดินลงบันไดไป  เลอมานกลับเข้าห้อง  วงหน้าอ่อนเยาว์ครุ่นคิด  คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นเตารีดอยู่แถวข้างเตียงอาจารย์คนึง  ร่างเพรียวบางถือวิสาสะเดินไปหยิบมาโดยไม่ขออนุญาต 
   
เตารีดถ่านทำด้วยเหล็กหนาหนักอึ้ง  มีพื้นรองเป็นเหล็กเช่นเดียวกัน  ประพนธ์ลงมือก่อไฟในเตาจนถ่านไม้ลุกแดง  ใช้ทัพพีเก่าค่อยๆ ตักถ่านแดงๆ ใส่เตารีดให้  ปล่อยให้ร้อนจนได้ที่   
   
สองคนช่วยกันรีดผ้าตรงนอกชาน  อากาศยามเย็นเคล้ากลิ่นฝนกลิ่นดินหอมชื่น  ประพนธ์สอนเลอมานจับจีบเสื้อวางลงบนผ้าผวยสีเทาที่ปูรอง  พรมน้ำจากขันสาครลงบนผ้าด้วยปลายนิ้ว  สอนให้ใช้เตารีดถ่านรีดลงกับนวลตองก่อนนำมารีดผ้าให้เรียบ  คุณชายกะน้ำหนักไม่ถูก หนักไปเบาไปไม่พอดีสักที  ทุลักทุเลจนจนมือใหญ่ต้องคอยกุมมือเล็กที่จับด้ามไม้จนเกร็ง  กะแรงและรีดไปในทิศทางที่ถูกต้อง 
   
กว่าจะได้เสื้อเรียบๆ สักตัว  เลอมานก็ถึงกับปาดเหงื่อ  นึกแปลกใจว่าจ้อยทำได้อย่างไรทีละมากมาย

ตัวแรกผ่านไป  ตัวที่สองแทนที่จะง่ายขึ้น  บุตรท่านทูตเล่นรีดเอารีดเอาไม่บันยะบันยัง  บางครั้งก็ทำเตารีดติดผ้าเสียอีกนั่น  ประพนธ์จึงต้องคอยจับมือรีดชนิดปล่อยไม่ได้เลย 
   
เขาไม่อยากเห็นคุณชายทำไฟไหม้บนเรือนไม้นักหรอก

รูปไก่ที่ตัวล็อคฝาเปิดนั้นสะดุดตา  คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน  แอบภาวนาในใจว่าขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาสังหรณ์ 
   
“คุณชาย  ไปเอาเตารีดนี่มาจากไหนหรือ” เขาถามขึ้นในที่สุด  หากพออีกฝ่ายตอบว่าเอามาจากข้างเตียงอาจารย์คนึง  ใบหน้าคร้ามคมก็คล้ายจะเผือดลง 
   
“นี่มัน..” ประพนธ์กลืนน้ำลายฝืดคอก่อนกระซิบ “..ของจินดา  อาจารย์คนึงเขาหวงของเขานะ”

ดังมีลิ่มที่มองไม่เห็นตอกลงเนื้อใจ  เพียงแค่ได้ยินชื่อใครคนนั้น  เลอมานก็หน้าเจื่อนลงทันตาเห็น 

“ทำอะไรกัน!” เสียงทุ้มห้าวดังลั่นจากด้านหลัง  สองคนที่กุมมือกันบนด้ามจับเตารีดสะดุ้งเฮือก  คุณชายสะบัดมือออกทันทีด้วยความตกใจ 
   
แรงกระเทือนส่งผลให้ถ่านแดงๆ ในเตารีดแตกปะทุ  กระเด็นออกมาเป็นสะเก็ดเพลิง  บางส่วนตกลงบนเสื้อเสียหายเป็นรู  บางส่วนกระเด็นใส่แขนขาว
   
“โอ๊ย!” เพียงเลอมานร้องลั่นด้วยความเจ็บร้อน  อาจารย์คนึงก็ปรูดเข้ามาหา  มือใหญ่คว้าหมับเอาแขนเรียวที่ถูกสะเก็ดไฟแตกใส่เป็นจุดแดงไหม้พอง  สองสายตาประสานกันชั่วขณะ  ความห่วงหาระยิบไหวในตาคู่หนึ่ง  หากอีกคู่กลับดูสลดรวดร้าว 
   
อาจารย์ประพนธ์ได้แต่มองคนเจ้าระเบียบจูงแขนลูกศิษย์ตัวดีลงบันไดไป 

“อาจารย์.. เดี๋ยว อาจารย์” เลอมานเสียงสั่นตามก้าวย่างสะเทือนไหว  คนที่เคยเอาไม้เคาะตาตุ่มตอนเขาวิ่งบนเรือน  ไฉนตอนนี้กลับลากแขนพาวิ่งลงบันไดเสียเองแบบนี้เล่า         
   
คนตัวโตหยุดกึกที่ตีนบันได  เล่นเอาร่างเล็กปะทะแผ่นหลังกว้างเพราะไม่ทันตั้งตัว  ยังไม่ทันอ้าปากถาม มือใหญ่ก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง  คว้าแขนเขาแช่ลงในตุ่มน้ำทันที 
   
“เจ็บหรือเปล่า” ก็มือเดิมอีกนั่นแหละบรรจงลูบไล้ท่อนแขนเขาแผ่วเบา  สัมผัสจากมืออุ่นๆ ส่งกระแสซ่านผ่านสายน้ำเย็นเฉียบแทรกซึมถึงหัวใจ  มืออีกข้างไล่แตะทั่วใบหน้าเขาเป็นระวิง “โดนตรงไหนอีก  ไม่โดนหน้าใช่ไหม”
   
เลอมานส่ายหน้า  ก่อนถูกจูงไปนั่งที่แคร่ไม้รวกใต้ต้นหางนกยูง  ดวงตาสีน้ำตาลใสได้แต่มองคนตัวสูงก้มๆ เงยๆ อยู่แถวแปลงดอกไม้หน้าเรือน  กลับมาอีกทีพร้อมว่านหางจระเข้หนึ่งแง่ง 
   
คุณชายย่นจมูกให้กลิ่นเหม็นเขียวฉุนกึก  แต่เนื้อว่านใสๆ เป็นเมือกลื่นน่าขยะแขยงที่มือใหญ่บรรจงแปะลงบนแผลก็บรรเทาความแสบร้อนได้ชะงัดนัก 

“ยังเจ็บอยู่ไหม” เสียงทุ้มไถ่ถาม  มือนั้นอุ่น  สายตานั้นหรือก็อ่อนโยนนัก  หากคนถูกถามกลับเพียงก้มหน้านิ่ง  ซ่อนแววตาร้าวรานไว้อย่างสุดกำลัง
   
กะอีแค่โดนไฟลวกนิดหน่อยไม่เจ็บเท่าไรหรอก  แต่แผลที่ทำให้เขา ‘เจ็บ’ กว่านั้น  อยู่ลึกลงไปในอกซ้าย ไม่มีใครมองเห็น  แผลที่เกิดจากคำพูดสั้นๆ

“ของจินดา  อาจารย์คนึงเขาหวงของเขานะ”

อาจารย์คงโกรธ  ถึงได้ตะคอกเสียงดังอย่างนั้นทันทีที่เห็นว่าเขาเอาของหวงออกมาใช้  คงโกรธที่เขาบังอาจมาทับรอยมือใครคนนั้น 
   
ถ้ารู้แต่แรก.. เขาจะไม่แตะเลยจริงๆ 


โปรดติดตามครึ่งหลังอาทิตย์หน้าจ้า^^
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะคนอ่านที่รักทุกคน^^

ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาลงแค่ครึ่งตอนแบบนี้
ช่วงนี้งานรัดตัวสุดๆไปเลย ประกอบกับต้องเร่งรีไรท์นิยายอีกเรื่องที่กำลังจะรวมเล่มด้วย
จะทิ้งช่วงเรื่องนี้ไปเลยก็ยังไงอยู่  เพราะฉะนั้นระยะนี้ขอลงทีละครึ่งตอนนะคะ นะ..นะ..น๊า  :กอด1:

ขอบคุณคนอ่านทุกคน ขอบคุณทุกๆคอมเม้นมากๆเลยนะคะ

รักคนอ่านที่ซู้ด :L2:
ดอกไม้ค่ะ

๑๗ มี.ค. ๕๕

ปล. คืนนี้จะออกเดินทางไปเขาคิชกุฏ จันทบุรีค่ะ แล้วจะเอาบุญมาฝากนะคะ^^
ปลล. ขอยกยอดตอบเม้นไปอาทิตย์หน้าทีเดียวเลยเน้อ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-03-2012 12:30:03
ขำหนูน้ำฝน ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 17-03-2012 12:33:49
ได้กัน ได้กัน ได้กัน  :laugh: ( น้องจ้อยกับไอ้พี่สิงห์ทำนางฟ้าหื่นอ่า -..-)
คู่นี้ต้องตบจูบ ฉุดกระชากลากถู ลูบไล้ ไซร้คอ แอร๊ยยยยย  :z1:
แต่คู่พ่อชายเล็กกับอาจารย์นี่จิ - -;;; จะซดมาม่ามั้ยนะ :z3:
สามคำ>>>รัก รัก รัก
ปล.เดินทางปลอดภัยนะคะ คุณดอกไม้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 17-03-2012 12:40:30

555555555 พี่สิงห์เอ๊ยย
แค่นี้ก็ทนไม่ไหวเลยหรอ
เฮ้ออ สงสารคุณชาย
มันก็อดน้อยใจไม่ได้นี่นา
เรามันมาทีหลัง แถมอาจารย์ยังรักเขามากด้วย
รออ่านครึ่งหลังจ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 17-03-2012 12:51:03
นั่งเปิดเรื่องนี้ทุกวัน ในที่สุดก็มาต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 17-03-2012 12:52:50
อ่านตอนนี้แล้วฮาพี่สิงห์จริงๆ แค่นี้ก็......ซะแล้ว 555
คุณชายเข้าใจผิดอีกแล้ว เฮ้อออ :เฮ้อ:

เดินทางปลอดภัยนะคะ พี่จี้
ดีใจที่ได้ยินว่ากำลังรีไรท์อีกเรื่องอยู่
คิดว่าลืมไปซะแล้ววว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 17-03-2012 13:08:43
ฮาสิงห์มากๆ แบบว่าฮีคงหมกมุ่นสุดจะเอ่ย  :laugh:

ส่่วนคุณชายก็น้อยใจอีกแล้ว จริงๆเราคิดว่าที่คุณครูทำเสียงดุก็เพราะหึงเลอมานกะนิพนธ์มากกว่าม้าง  :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 17-03-2012 13:23:00
ทำไมรู้สึกพี่สิงห์มันน่ารักอะ
คู่อาจารย์ก็เข้าใจผิดกันไป

รอได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 17-03-2012 13:24:39
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 17-03-2012 13:36:30
ลุ้นกันต่อไปว่าจะออกมาแบบไหน ความรักในอดีตมันจะสมหวัง
เหมือนในปัจจุบันไหม หรือว่าต้องคอยหลบๆๆซ่อนๆๆแบบไม่ให้ใครรู้
เอาใจช่วยคุณชายและน้องจ้อย ขอให้ผ่านไปได้นะครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 17-03-2012 13:42:09
พี่สิงห์ เจอน้องจ้อยเข้าไป กลายเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาไปเลย
อ๊ายยย น้องหนูน้ำฝน ได้ยินของดีเข้าแล้ว 555

อาจารย์คนึงอ่ะ เสียงดังทำไม คุณชายเจ็บตัวเลย

อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: LUCKY STAR ที่ 17-03-2012 13:44:22

เป็นเรื่องที่ดีลำดับต้นๆของเล้าเลยนะเนี่ย
เพราะว่าอ่านแล้วรู้สึกซาบซึ้ง
อิ่มเอมครบรสกลมกล่อมกำลังดี

ขอบคุณมากนะคะที่แต่งมาให้อ่านกัน
หวังว่าจะมีผลงานดีๆอย่างนี้ให้ติดตามต่อไปเรื่อยๆนะคะ

+ เป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 17-03-2012 14:30:49
บรรยายเห็นภาพ!!!!!!
หนูน้ำำ้ฝนแย่งชีน  55555+
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 17-03-2012 14:54:57
ในใจพี่สิงห์น้องจ้อยนี่ทำอะไรก็ดูเร้าอารมณ์ไปหมดเลยนะ
แอบฮาหนูน้ำฝนอ่ะ มาไงเนี่ย  :laugh:
อาจารย์คนึงจะว่าอะไรคุณชายเรื่องเตารีดรึเปล่านะ
รอครึ่งหลังนะค่ะ คนเขียนสู้ๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 17-03-2012 14:58:44
อร้าย....พี่สิงห์ >///<
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 17-03-2012 15:20:30
ฮาสิงห์อ่ะ  น้องจ้อยรักพี่สิงห์บ้างป่าวเนี่ย อยากรู้
หนูเลอมานขี้น้อยใจเหมือนกันนะเนี่ยเหอๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 17-03-2012 15:26:45
พี่สิงห์ซึนและหื่นได้ใจแม่ยกเหลือเกินเจ้าค่ะ
อร๊ายยยยยยยยย :haun4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 17-03-2012 15:32:22
รักนิยายเรื่องนี้มาก ๆ :กอด1: :กอด1:

แบบว่าน่ารัก
ตอนนี้น้องจ้อยกะพี่สิงห์น่ารักว่ะครับ :-[
อาจารย์ห้ามโกรธคุณเล็กนะครับ :sad4:

 ไปไหว้พระให้สนุก มีความสุขนะครับ พี่ดอกไม้ :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 17-03-2012 16:19:30
"พะ....พี่...พี่สิงห์"

กรี้ดดดดดดดด !! อยากกรี้ดให้ลั่นบ้าน อ๊าก!!เขินเว้ย 555+
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-03-2012 16:31:22
แหมะ

อาจารย์คนึงเค้าหวงของหรือเปล่าเบนไม่รู้หรอกนะ แต่เค้าหึงคุณชายเล็กอยู่แน่

ก็เล่นจับไม้มือรีดผ้าขนาดนั้น 

หึหึ



พี่-สิงห์


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด

สิงห์เอ้ยยย ตอนน้องไม่อยู่ละเก่งนัก

ที่งี้ละ วิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน

55555

อ่อนเอ้ยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 17-03-2012 16:33:31
อ่อย เผลอคิดตามภาพจ้อยตามที่สิงห์เห็น เฮือก... วิ่งปรู๊ด ไปกินของเผ็ดในห้องน้ำ  :haun4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 17-03-2012 18:39:05
หันไปมองคู่พี่สิงห์กับน้องจ้อย ก็ยังคงต้องส่ายหัวกระด๊อกกระแด๊ก
เหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ไม่รู้ดีจริงรึเปล่า

หันไปมองคู่อาจารย์กับคุณชาย คู่นี้ยิ่งไปกันใหญ่
ขยันคิดอะไรกันไปเองจริงๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 17-03-2012 19:25:12
สิงห์แกไม่ค่อยหื่นเลยนะ
ถ้าคนึงเห็นว่าคุณชายเอาเตารีดของจินดามาใช้จะโกรธ
คุณชายไหมอะอยากอ่านที่เหลือแล้วอะ
มาอัพต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 17-03-2012 21:54:33
= = พี่สิงห์ ตบะแตกแน่ จะทนได้นานขนาดไหน

ปล. ดีใจทีไม่มีไอ้ลอย รำคาญมัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 17-03-2012 22:04:30
งือๆๆๆ(กัดผ้าห่มสุดชีวิต ><) สงสารคุณเล็ก
แผลในใจถ้าจะเจ็บปวดรวดร้าวน่าดู
แต่จริงๆแล้วอาจารย์อาจจะไม่ได้ตวาดเพราะเหนคุณเล็กใช้เตารีดก็ได้นะ
อาจารย์อาจจะไม่ชอบที่เหนคุณเล็กกุมมือกันคนอื่น(คิดในแง่ดีเข้าไว้ อิอิ)

จ้อยหนอจ้อย...ส่งเนื้อเข้าปากเสือขนานแท้เลย
ดูท่าไม่ช้าไม่นานคงได้โดนเสือคาบไปรับประทานเป็นแน่แท้
 :เฮ้อ:

ให้มาทีละครึ่งตอนก็ได้ค่ะ แต่มาแบบถี่ได้ไหมคะ อิอิ
รักคุณดอกไม้เหมือนกันค่า
 :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: l2ockyou_l3ody! ที่ 17-03-2012 22:10:20
ขัดใจไอ้ลอย ไอ้เห้!!!!!!!!!!!!  :z6:

ไม่มีมันซักตัว .. เอ่อะ 3 ตัวเลย จ้อยกับพี่สิงห์ก็คงได้กันเพราะฟามมรักไปนานแล้วว้อย!!!
อ่านวันเดียวรวด อ่านไปร้องไป ร้องไปเยอะมากกับตอนของพี่สิงห์

ส่วนของเลอมานอ่านแล้วปวดตับ  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 17-03-2012 22:55:19
เพ่สิงห์โคดหื่นนนนน
น้องจ้อยจะรอดมั้ยเนี่ย ไม่น่ารอดนะ คืนแรกเลยเป็นไง กร๊ากกกกก
สนับสนุนให้พี่รังแกน้องด้วยวิธีนี้  :m25:
วิธีอื่นห้าม!  :m20:

โถๆๆๆ คุณชาย  :sad4:
น้อยใจไปได้ เห็นๆกันอยู่ว่า ที่อาจารย์โกรธ เพราะหึงชัดๆ!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: LapiN ที่ 17-03-2012 23:05:53
อย่าว่าแต่พี่สิงห์เลย
ขนาดเป็นเราอ่านๆไปยังอยากจะแกล้งจ้อยด้วยอีกคน
(สงสัยจะเป็นซาดิสม์นิดๆ 555+)

ส่วนคู่คุณชายกับท่านอาจารย์
ปวดจิต เรื่องจินดาไม่เคลียร์จริงๆ
เปิดอกคุยกันไปเลยดีกว่ามั้ย ไหนๆก็ ...  ไปละ อิอิ

รอติดตามจ้าาา ...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 17-03-2012 23:43:29
โหย...พี่สิงห์หื่นว่ะค่ะ...กรั่กๆๆๆ เวลาพี่สิงห์อยู่ลำพังกับจ้อยน่ะน่ารักนะ ถึงจะแกล้งจะอะไรก็ทำด้วยความรัก
แหม แค่มองน้องทำโน่นนี่ ถูพื้นก็ทนไม่ไหวซะแล้ว คืนนี้นอนด้วยกันพ่อจะทำอีท่าไหนให้ได้น้องมานอนกอดด้วย
แล้วจะทนไหวเร้อ หึๆๆ สุข ๆ แบบนี้อยากให้ไล่ลูกน้องออกให้หมดเลยโดยเฉพาะไอ้ลอย บุ่ย ชั้นเกลียดแก :angry2:

คุณเล็กของบ่าวต้องรีดผ้าเอง น่ารักขึ้นทุกวันนะคะ รู้จักทำอะไรด้วยตัวเอง...ที่ครูคนึงเค้าตะโกนนั่นเพราะหึงโหดตะหากค่า
เข้าใจผิดคิดน้อยใจไปถึงไหน...เอามาดูแลอ่อนโยนกันขนาดนั้นคุณเล็กอย่าคิดมากเลยนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 18-03-2012 01:03:48
รอคอย เธอมาแสนนาน ทรมานวิญญาณหนักหนา ระทม อยู่ในอุรา แก้ว กานดา ฉันปองเธอผู้เดียว o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 18-03-2012 01:07:33
อ้างถึง
‘จุ๊บ’  แค่จุ๊บสั้นๆ ก็เล่นเอาจ้อยสั่นไปทั้งตัวทั้งที่ไม่ได้หนาวสักนิด

น้องจ้อย"สยอง"ใช่ไหมคะ  :laugh:

ว้ายยย อ้ายสิงห์ แบบนี้ ถึงเวลาจริง ๆ จะล่มปากอ่าวไหมเนี่ย !!!!!!!


คุณชาย >>> คนมีความรักนี่มันคิดเองเออเองจริงๆ นะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 18-03-2012 01:08:39
ไอ้พี่สิงห์หื่นโคตรๆ  :haun4:


 :laugh:


อาจารย์ขี้หึงกับคุณชายขี้น้อยใจ รีบปรับความเข้าใจกันนะ...


ขออนุโมทนาบุญกับคนแต่งด้วย  เดินทางปลอดภัยนะครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-03-2012 03:35:41
ขอฝากตัวเป็นขาประจำนิยายเรื่องนี้ด้วยค่ะ
หลากหลายอารมณ์ครบรสจริง ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 18-03-2012 05:20:27
วันนี้อีพี่สิงห์มาแบบสงบก็เป็นด้วย แต่น่าสงสารนิดที่หินร้อนไฟของพี่ต้องไปดับให้ห้องน้ำ 555(สม)
น้องจ้อยตัวน้อยคงโดนบ้านนั้นใช้งานเยี่ยงทาสแน่ๆ เมื่อไหร่พ่อของจ้อยจะมาช่วยจ้อยนะ สงสารเหลือเกิน
คุณชายก็นะ ช่างคิด ช่างเก็บเรื่องในอดีตมาน้อยใจได้ตลอด สงสารอาจารย์คงต้องปวดหัวหนักกันคราวนี้

ถึงมาแค่ 50% แต่เอาใจเราไป 100 เต็มเลยค่ะ...น่ารักจริงๆ ตอนนี้  ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 18-03-2012 07:35:53
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราตั้งใจอ่านทุกคำจริงๆค่า ทั้งสวยทั้งสนุกทุกคำจริงๆ
คือเนื้อเรื่องสนุกครบรส ทั้งรัก ทั้งลุ้น บรรยากาศแบบไทยให้อารมณ์สวยงาม
และยังเกร็ดเรื่องราวโบราณที่เราไม่ทราบอย่างการรีดผ้าต้องใช้ใบตองด้วย ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้
ขอชื่นชมคนแต่งมากค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: BossoM ที่ 18-03-2012 10:30:38
โอ้โห พี่สิงห์ แจ่มมว๊ากกกกกกก
ฮิๆๆ  ช๊อบบบบบบบบบอะ
อ่านไปกรี๊ดไป อ๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 18-03-2012 11:56:38
พี่สิงห์หื่นอ่ะ :laugh:อยากเห็นจ้อยถูพื้น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 18-03-2012 13:33:34
พี่สิงห์ เอิ่มมมม  :m25:
P.S. คุณชาย คิดเยอะแฮะ ><"
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 18-03-2012 14:16:50
 เมื่อจ้อยกับสิงห์ได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ขอภาวนาให้...
ความรักที่สิงห์มีต่อจ้อย ค่อยๆให้สิงห์ปรับเปลี่ยนตัวเองจากคนหยาบๆ
มาเป็นคนอ่อนโยนลงบ้างเถอะ และขอให้สิงห์อยู่ติดบ้านกว่าเดิม
จะได้ห่างๆจากเพื่อนๆ(ลูกน้อง)พวกคนพาลสันดานหยาบซะ เผื่อนิสัยจะดีขึ้น
ข้างคุณชายก็เนอะ เผลอน้อยใจครูคะนึงไปแล้ว แล้วครูจะรู้ไหมเนี่ยว่าคุณชายน้อยใจน่ะ

ปล. คืนนี้จะออกเดินทางไปเขาคิชกุฏ จันทบุรีค่ะ แล้วจะเอาบุญมาฝากนะคะ^^     
      จ้า สาธุรับไว้ก่อน ยาหยีไปเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั่งรถขึ้นเขาลงเขา
      หึ หึ  นึกว่านั่งรถไฟเหาะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shiki senri ที่ 18-03-2012 17:45:14
เย้ๆๆๆ มาแล้วๆ คิดถึงที่สวดดดด มาเม้นก่อนคริคริ เด๋วขอตัวไปอ่านก่อนนะคะ จุ๊บุๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: YJism ที่ 18-03-2012 17:59:05
ฮือออออ อยากอ่านพาทต่อไปไวไวแล้วค่ะ >/////<
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ  :call:

ปกติจะอ่านแต่ในเด็กดี วันนี้ขอย่องมาอ่านที่นี่ละกันนะคะ
(ใจจริงอยากเม้นค่ะ ฮาฮ่าๆ เพราะปกติที่อ่านในเด็กดีแอบเม้นไม่เป็น ^^")

นายสิงห์ในที่สุดก็โดยมนต์สะกดของจ้อยเข้าไปแล้ว วะฮาฮ่าๆๆ แอบสะใจ!

ลุ้นลูกศิษย์กับอ.ด้วยค่ะ >/////< อยากรู้ว่าถ้าอ.รู้ว่าคุณชายเอาเตารีดของรักของหวงมาใช้
อ.จะหวงที่คุณชายโดนเตารีด หรือองจะหวงเตารีดมากกว่ากัน

เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ค่ะ นิยายเรื่องนี้ดีมากจริงๆค่ะ!  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: appletokki ที่ 20-03-2012 07:47:12
ตลกไอ้พี่สิงห์ ก๊ากกแต่ตลกน้องมากกว่าพี่สิงห์แอบเอาอะไรไปกินในห้องน้ำ

เล็กคิดไปเองม้างงง เราว่าอ.คนึงไม่ได้โกรธเรื่องเอาเตารีดดจินดามาใช้หรอก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shabu ที่ 20-03-2012 12:24:03
พี่สิงห์หื่นอะ ต้องชวนไปเตะบอล
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CHAH0 ที่ 20-03-2012 12:44:26
เลอมานของฉันนนนนนน  :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 20-03-2012 13:04:36
ไม่ได้เปิดคอมมานาน เปิดวันนี้เลยมาอ่านมหาหงส์ตอนหนึ่งกับอีกครึ่งแบบรวดเลยค่ะ
ตอนแรกๆก็โกรธพี่สิงห์อ่ะนะ แต่อ่านไปเรื่อยๆก็นะ พี่สิงห์หื่นอ่า หื่นแบบน่ารักๆ (เอ๊ะ! ยังไง)
คุณเล็กนี่ก็น้าาา ใจน้อยจริงอะไรจริง อาจารย์คนึงออกจะทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วงขนาดนั้น
+เป็ดให้กับความเซ็กซี่เล็กๆของจ้อยค่ะ  :-[  :-[ (แอบจิ้นตามพี่สิงห์แล้วแบบ..กรี๊ดด น่าร้ากกกกกก)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 20-03-2012 13:58:38
ต้องขออภัยคุณดอกไม้ก่อนจะเล่าถึงความรู้สึกหลังจากอ่านตอนล่าสุดนี้แล้ว, ด้วยว่าดิฉันจะพูดถึงแต่เพียงคู่พี่สิงห์และน้องจ้อยเท่านั้น และจะไม่กล่าวถึงคุณชายและครูคนึงเลย. เหตุผลก็คือว่า...พี่สิงห์คือขวัญใจของดิฉันและดิฉันรักพี่สิงห์มากๆ ค่ะ.

จากตอนล่าสุดจะเห็นได้เลยว่า แม้จะโกรธแค้นต่อการทำร้ายจิตใจที่จ้อยทำกับตนอย่างไร แต่พี่สิงห์ก็ไม่สามารถจะทำตัวเลวกับน้องได้ลงคอหรอก ดูอย่างตอนอยู่ในห้องนั่นปะไร, พี่สิงห์ก็ยังยิ้มหวานกับน้อง เมื่ิอเห็นน้องนั่งก้มลงคลานสี่ขาถูพื้น พี่สิงห์ยังหื่นและถึงกับร้องเสียงหลงเหมือนโดนน้ำร้อนและวิ่งลงไป "ปลดปล่อย" ในห้องน้ำให้เจ้าฝนมันสงสัย! เห็นหรือไม่ว่าพี่สิงห์แกน่ารักแค่ไหน! น่ารักใช่ไหมคะ น่ารักมากมาก!

คุณสมบัติของพี่สิงห์นั้นเหมาะสมกับการเป็นพระเอกมากที่สุด เพียงแต่ถูกคุณดอกไม้ลดลงมาเป็นเพียงแค่พระรองเท่านั้น แต่ไม่เป็นไร ดิฉันก็จะยังรักพี่สิงห์เช่นเดิม แม้ว่าเขาจะทำตัวงี่เง่าบ้าง น่าเตะบ้าง เลวบ้าง แต่ก็เพราะความไม่รู้ และเพราะความรักทำให้ตาบอดนั่นเอง จึงได้ทำอะไรไม่คิดลงไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ากลุ่มกับเจ้าลอยเมื่อตอนเด็กก็ดี หรือตอนกลั่นแกล้งให้น้องจ้อยมาอยู่ที่บ้านด้วยก็ดี นั่นเพราะทำไปด้วยหัวใจทั้งนั้น.

ชอบตอนเข้าห้องน้ำที่สุดเลยค่ะ...ชอบมากๆ แบบจินตนาการเห็นภาพชัดมากๆ   :-[

ขอบคุณคุณดอกไม้มากๆ นะคะ.

 :กอด1:

ปล. กดบวกเป็ดและบวกแต้มให้นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 20-03-2012 23:19:48
จ้อยจ๊ะ..  จะรอดไหมจ๊ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 21-03-2012 13:04:45
โอ๊ยฮาพี่สิงห์หื่นอ่ะเล่นซะหนูน้ำฝนงง  :laugh:
ส่วนเล็กกับครูก็ปวดตับต่างคนเข้าใจผิด เฮ้อออออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 23-03-2012 12:03:04
ให้สิงห์
"แต่รู้ไหมใครเฝ้าคอยมองดูเรื่อยมา
ร่ำรักระรินไหลล้นอุรา พี่เอย
โปรดฟังเถิดทรามเชย กลั่นจากอกเฉลย
รักพี่มิเคยเปลี่ยนไป

แต่พี่จะยังเฝ้าคอยดูแลเรื่อยไป
แม้รักมิทวนเข้าหวนกลับในครอบครอง
โปรดเถิดอย่าตัดรอน ให้น้องเพียรถนอม
พี่คงไม่ตรอมขาดใจ"

http://www.youtube.com/watch?v=NFChvSAh8XM (http://www.youtube.com/watch?v=NFChvSAh8XM)

* เพลง ถนอม โดย varoot (คนเดียวกับที่ร้องรักระริน)

เอาไว้ไปร้องให้จ้อยฟัง  :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 23-03-2012 12:09:26
รอจ้า รักคนเขียน :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 23-03-2012 12:37:29
มานั่งรอค่ะ วันนี้จะมาต่อไหมนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 23-03-2012 14:34:04
ต่อไปพี่สิงห์คงเลิกเกเรแล้วนะเพราะมีเมีย เอ้ย!! จ้อยคุม  คุคุ :z1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 23-03-2012 19:24:59
พี่สิงห์หื่นที่สุดในสามโลก น้องจ้อยทำอะไรก็คิดลามกไปหมดดดด
ถ้าเป็นแฟนกันจริงๆ แล้วจะป็นยังไง...ไม่อยากจะคิด คึคึ :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 23-03-2012 20:28:22
น้องจ้อยจะมาวันนี้ไหมหนอ
รอนะคะ  :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shabu ที่ 23-03-2012 21:58:19
มารอดูมดกินน้ำตาลค่า :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 24-03-2012 08:55:30
พี่สิงห์ หื่นขนาดนี้ จับน้องปล้ำเลย ฮ่าๆ

น้องเล็ก อ่อนไหว น่ารักกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: goonglovenut ที่ 24-03-2012 13:30:25
 :haun4:พี่สิงห์ยังมีอารมณ์หื่นอีกเน๊าะ คุณชายเล็กน่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: casper75 ที่ 24-03-2012 16:04:41
พี่สิงห์หื่น!!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 24-03-2012 19:06:24
คืนนี้จะมามั้ยน้ออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 24-03-2012 20:22:25
ขอโทษคนอ่านที่รักด้วยค่ะ

คืนนี้ไม่สามารถลงบทที่ ๑๕ ที่เหลือได้
ดอกไม้ยังปั่นไม่เสร็จเลยจ้า   :sad4:

ขอลงให้อ่านวันจันทร์นะคะ

ขอโทษจริงๆ และขอบคุณมากๆ นะคะที่รอกัน


ดอกไม้ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shabu ที่ 24-03-2012 20:35:47
วันจันทร์ก็ได้ค่า คุณดอกไม้สู้สู้ ขอบคุณที่ส่งข่าวนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 24-03-2012 20:37:28
 :กอด1:

ไม่เป็นไรค่ะ คุณดอกไม้, งั้นจะรออ่านความน่ารักน่าชังของพี่สิงห์วันจันทร์นะคะ.
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 24-03-2012 20:38:12
รับทราบค่าา  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 24-03-2012 20:40:15
รอได้เสมอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: หัดดิน เอ้ยหัดกิน ที่ 24-03-2012 20:43:09
เลอมาน เข้าใจผิดรึปล่าว??
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ละล้าละลัง ที่ 25-03-2012 02:22:34
ใจพี่ คิดถึงน้องจ้อย
เรื่องนี้คนเขียนทำให้เรารักและเอ็นดูนายรองมากเลยค่ะ
รอวันจันทร์ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 25-03-2012 14:03:42
ลอยนี่เป็นคนร้ายกาจมาก ๆ เลยนะเนี่ย ยุให้สิงห์ทำเรื่องร้าย ๆ แบบนั้น แล้วยังทำเรื่องแบบนั้นกับจ้อยอีก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสิงห์คิดยังไงกับจ้อยยังทำได้อีกนะ สิงห์น่าจะเลิกยุ่งกับลอยนะเนี่ย เพราะดูเหมือนลอยก็ไม่จริงใจกับสิงห์เลย แม่สิงห์ไม่ชอบอะไรจ้อยนักหนาหรือไง หรือว่าไม่ชอบแม่จ้อยมากกว่าเพราะเห็นว่าแม่จ้อยบ่อย ๆ แล้วพ่อจ้อยเป็นใครกันนะ ทำไมยายถึงไม่ยอมให้จ้อยรู้เรื่องแหวน แล้วยายทำไมถึงอยากให้จ้อยไปอยู่บ้านกำนันนัก เลอมานอย่าไว้ใจลอยมากนักนะ ที่จริงคะนึงน่าจะบอกเรื่องที่ลอยทำกับเลอมานไปเลย เลอมานจะได้ระวังตัว  เลอมานคิดมากเรื่องจินดามาก ๆ เลยนะเนี่ย เรื่องจินดานี่ก็น่าสงสัยอีกอย่าง ทำไมตอนแรกคะนึงถึงบอกว่าเลอมานเป็นต้นเหตุที่ทำให้จินดาจากไป เลอมานยังไม่มาเลยไม่ใช่หรือไง แล้ววิรัชอะไรนั่นแย่นะเนี่ย ทำไมทำตัวแบบนั้นกันนะ คะนึงไม่พอใจที่นิพนธ์อะไรนั่นจับมือเลอมานใช่หรือเปล่าเนี่ย สิงห์อย่าใช้งานจ้อยมากนักสิ ทำแบบนั้นไม่สงสารจ้อยหรือไง จ้อยเหนื่อยนะนั่น ตามกวาดตามเช็ดตลอด ว่าแต่ว่าใครเป็นคนช่วยจ้อยตอนนั้นนะ น่าสงสัยจัง จ้อยน่าจะรักสิงห์เหมือนกับที่สิงห์รักจ้อยนะ แต่เพราะเรื่องตอนนั้นที่สิงห์ทำแล้วยังการกระทำหลายอย่างที่สิงห์ทำในเวลาต่อมา ถึงแม้จะไม่ได้ออกมาจากใจจริงของสิงห์ แต่จ้อยคงไม่อยากกลับไปเจ็บอีกเหมือนตอนเด็ก ๆ ก็เลยทำแบบนั้นกับสิงห์ แต่จ้อยลองใช้ใจมองสิงห์ดูอีกที สิงห์ไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่จ้อยคิดหรอกนะ จ้อยจะทำอะไรพูดอะไรน่าจะคิดถึงจิตใจสิงห์บ้าง ตอนที่สิงห์พูดแบบนั้นกับจ้อยตอนนั้นจ้อยก็เสียใจมากไม่ใช่หรือ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazakapp ที่ 26-03-2012 15:42:00
สู้ๆนะคะคุณดอกไม้ จะรออ่านเต็มที่ค่ะ!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๑๗/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 26-03-2012 17:18:51
ปูเสื่อ นั่งพับเพียบ จิบไวน์มะเกี๋ยง...แกล้มถั่วต้ม รอคอย  :laugh:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 26-03-2012 18:19:18
(http://img37.picoodle.com/i53q/wattanan/0_3c7_ucmz8.jpg)


บทที่ ๑๕

น้ำตาลใกล้มด

(ครึ่งหลังจ้า :L2:)


แล้วพี่ใกล้น้อง ปองแต่เจ้า
จึงหลงมึนเมาหลงรักเจ้า พี่เฝ้าแต่รัก
เพ้อครวญใคร่ดวงใจคอยหวัง ทั้งทรวงพี่หน่วงหนัก

แล้วพี่ผิดหรือเปล่า
เห็นเพียงแต่เงาเหมือนไฟแผดเผา ฤทัยร้อนเร่ารุมรัก
เหลือยั้งใจคิดหัก
ถึงเป็นก็รักถึงตายก็รักเหมือนเจ้าสลักทรวงพี่
เอ็นดูเถิดคนดี อย่าให้รักนั้นหักทรวงพี่  รักของพี่มีเพียงรักเดียว*



อุปกรณ์รีดผ้าถูกย้ายเข้ามาในห้องน้อยตามคำสั่งของคนึง  ถึงจะไม่เข้าใจเหตุผลนักแต่ประพนธ์ก็ช่วยหอบผ้าผ่อนเข้ามาในห้องให้อย่างเต็มใจ   
   
ปลาตะเพียนน้อยสองตัวแกว่งไกวในสายลม  ชั้นหนังสือใหญ่กั้นขวางกลางห้อง  คนึงปูผ้ารองรีดหน้าเตียงศิษย์  ปูไปก็บ่นไปในความคับแคบของห้องตัวเอง
   
“ชั้นหนังสือนี่เกะกะจริง” ร่างสูงใหญ่ในชุดข้าราชการสีกากีขยับนิดเดียวก็ชนชั้นแล้ว  ใบหน้าคมคายหันมองเพื่อนร่วมวิชาชีพ “อาจารย์ประพนธ์  พรุ่งนี้ช่วยผมย้ายชั้นนี่หน่อยสิ”
   
ประพนธ์ขมวดคิ้ว  ก็ไม่นานมานี้  ก่อนหน้าคุณชายจะมาไม่กี่วัน  คนึงนั่นแหละเป็นคนขอแรงเขาย้ายชั้นหนังสือนี่มาวางขวางกลางห้อง  ไม่ทันไรจะให้ย้ายกลับที่เดิมเสียแล้ว  แต่..ช่างเถอะ
   
“สบายมาก” เขายักไหล่ไม่ยี่หระ  ค่อยๆ แขวนเสื้อที่ยังไม่ได้รีดของคุณชายกับหูจับหน้าตู้เสื้อผ้า 

หม่อมราชวงศ์หนุ่มเพิ่งตามเข้าห้องมาในตอนนั้น  ในมือมีเสื้อที่เพิ่งรีดไปได้แค่ตัวเดียว  ประสานสายตากับเจ้าของห้องแว่บหนึ่ง  ก่อนรีบเบือนหลบ
   
คนึงกระแอมไอ  ความไม่พอใจเริ่มก่อตัวเหมือนไอน้ำเหนือถ้วยชาร้อนๆ  ภาพลูกศิษย์ตัวดีกับอาจารย์ห้องข้างๆ กุมมือกันยังติดตา 

“ประพนธ์” เสียงทุ้มห้วนสั้นกว่าที่เคยเป็น  พูดกับคนหนึ่งแต่สายตากลับจับจ้องอีกคนหนึ่ง “ผมไม่มีอะไรรบกวนคุณแล้ว  ขอบคุณมากที่มาช่วยคุณชาย”

แต่คราวหลังไม่ต้อง!

เปล่าหรอก.. เขาไม่ได้เอ่ยประโยคนั้นออกไปอย่างใจคิด  เพียงแต่นิ่งมองร่างสูงเดินออกจากห้องไป 

เหลือเพียงครูศิษย์อยู่กันตามลำพังสองคน  ความเงียบงันเข้าปกคลุมจนน่าอึดอัด  ดวงตาคมเข้มจ้องมองคนที่เอาแต่ก้มหน้าจับจีบเสื้อไม่วางตา 
   
“จะรีดผ้าหรือ” อาจารย์ถามเสียงขุ่น  แย่งเสื้อที่ศิษย์บรรจงเอามือรีดให้เรียบมาทำเอง “ทำไมไม่บอกครู  ไปรบกวนประพนธ์ทำไม  ไม่เข้าเรื่อง”
   
เลอมานเม้มปากแน่น  เปลี่ยนไปคว้าเตารีด  มือใหญ่ก็กลับมาแย่งไปอีก “มานี่ ครูทำให้  ทีหลังอย่าทำเอง  ทำไม่เป็นแล้วยังอวดเก่ง  เจ็บตัวจนได้เห็นไหม”
   
อาจารย์ดุไปก้มหน้าก้มตารีดไป  ลงแรงหนักราวกับเสื้อเชิ้ตที่วางแผ่เป็นใบหน้าคมคายของคนที่บังอาจมากุมมือคนของเขา  ไม่ทันสังเกตเห็นดวงตาสีน้ำตาลเคี่ยวที่มองมาอย่างตัดพ้อ   
   
“หวงมากนักหรือ” พอเสียงสั่นๆ ถาม  คนึงก็กระแทกเตารีดลงกับที่วางดังโครม   
   
“ก็หวงน่ะซี!” เขาเสียงดังเกือบเป็นตะคอก  อยากกระชากคนไม่รู้เรื่องรู้ราวมาลงโทษนัก “ทั้งหวงทั้งห่วง  ไม่อยากให้ใครแตะเลยรู้ไหม”

ศิษย์จ้องอาจารย์ไม่วางตา  แล้วเสียงสั่นพร่าก็หล่นจากปาก “รู้แล้วล่ะว่าแตะไม่ได้” เลอมานหน้าเบ้  น้ำตาเอ่อขึ้นอย่างรวดเร็วจนร่วงผล็อยลงเสื้อที่วางแผ่เบื้องล่าง

คนึงชาดิกไปทั้งร่าง  ราวกับน้ำตาหยดนั้นรินรดลงกลางใจ  ชั่วอึดใจกว่าจะตั้งสติได้  ครั้นจะเอื้อมมือไปหา  คนขี้ใจน้อยก็ลุกพรวดหนีไปยืนกอดอกที่ริมหน้าต่าง  ร่างสูงใหญ่ผวาจะลุกตามไป  แต่แล้วเงาคนเดินผ่านแว้บๆ ตรงหน้าประตูทำให้เกิดเปลี่ยนใจเดินกลับไปลงกลอนเสียสนิท 
    
สนธยาฟ้าแดงก่ำ  แดงก่ำพอๆ กับดวงตาเด็กหนุ่มสูงศักดิ์เวลานี้  ตะวันกลมโตสาดแสงสุดท้ายแรงจ้า  ม่านลูกไม้ขาวพลิ้วไหว  มือบางปาดน้ำตาป้อย  ความเสียใจความน้อยใจยังตีรวนอยู่ในอก  เขาต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ ถึงได้ทำตัวงี่เง่าไร้เหตุผลราวกับผู้หญิง  เพียงอาจารย์ดุเข้าหน่อย  ก็เผลอทำน้ำตาเรี่ยราดอย่างง่ายดาย 
   
หรือเพราะที่ผ่านมาเขาเข้าข้างตัวเองมากเกินไป  ความอ่อนโยน  ความอาทร  ความห่วงใยที่อาจารย์มีมอบให้  ก็หลงทำให้เขาคิดไปว่าตนสำคัญกับฝ่ายนั้นเสียเต็มประดา 
   
แล้วเป็นไรเล่า  เหินบินเสียสูงเสียดฟ้า  พลาดท่าตกลงมาเจ็บอกแทบกระอัก

“ร้องไห้ทำไมคนดี หืม” เสียงทุ้มอ่อนโยนกระซิบริมหู  มือใหญ่สวมกอดช่วงเอวเล็กจากด้านหลัง “ต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ”
   
น่าแปลกนักที่เขาไม่คิดจะต่อต้านแม้สักน้อย  อยู่กันสองต่อสองทีไร  อาจารย์มักจะถูกเนื้อต้องตัวเขาเสมอ  ลูบผมบ้าง  จับมือบ้าง  กอดบ้าง  จนเขาเองก็เริ่มคุ้นชิน 
   
คุ้นชินเสียจนหากสัมผัสนี้ขาดหายไปในสักวันหนึ่ง  ในอกซ้ายคงวูบโหวง       
   
“ผมขอโทษ” เสียงเล็กสั่นเครือขึ้นจมูก “ต่อไปนี้ผมจะไม่แตะต้องของของจินดาอีก”
   
“โอย..เข้าใจผิดแล้ว  เข้าใจผิดใหญ่แล้ว” อ้อมแขนอุ่นจัดกอดรัดแน่นขึ้น “ใครบอกว่าครูหวงเตารีด”
   
“แล้วหวงอะไร  ผ้านั่นหรือ  นั่นของผมนะ”
   
“ไม่ใช่” คนึงหัวเราะเบาๆ  คลายอ้อมกอดเพื่อจับศิษย์รักหันมาจ้องตาชัดๆ  บีบปลายจมูกโด่งรั้นอย่างเอ็นดู “ครูหวงอะไร  เล็กไม่รู้จริงๆ หรือ”

ดวงตาสีเข้มทอประกายอ่อนโยนเสียจนคุณชายก้มหน้างุด  สะดุ้งวาบเมื่อมือใหญ่คว้ามือขวาเขากุมไว้
   
“เมื่อกี้ประพนธ์จับมือนี้ใช่ไหม” โดยไม่รอคำตอบ  ริมฝีปากอุ่นๆ ก็จรดแผ่วเบาลงกลางฝ่ามือนุ่ม  กำชับเสียงละมุน “อย่าให้ใครจับอีกนะ”

ศิษย์ตัวชาวาบ  ตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึง  รสจูบผะผ่าวจากกลางฝ่ามือเดินทางเร็วรี่สู่หัวใจจนเต้นรัวไม่เว้นจังหวะ  สูบฉีดขึ้นไปยังสองแก้มจนขึ้นสีเรื่อ 

กว่าสติจะมา  ไม่รู้อาจารย์เห็นแก้มเขาแดงซ่านไปถึงไหนต่อไหน  ร่างเล็กผินหลังขวับ  ซ่อนรอยยิ้มน่าละอายจากสายตาคมเข้มที่ยังคอยจับจ้อง 
   
“แน่ะ  ยังโกรธอยู่อีก” แขนล่ำสันสวมสอดกอดกระชับ  วางคางบนลาดไหล่เล็ก  ผ้าม่านลูกไม้ช่วยบดบังเสน่หาระหว่างครูศิษย์ในห้องน้อยจากสายตาคนข้างล่างได้เป็นอย่างดี 
   
“เจ้าเนื้อละมุนเอย” เสียงทุ้มนุ่มเอื้อนเอ่ยเป็นทำนองน่าฟัง “เกลียดพี่หรือว่าไร  เกลียดพี่แล้วเจ้าจะกอดใคร  สายใจเจ้าคนเดียวเอย”

เจ้าเนื้อละมุนเอย..

เลอมานสะท้านไปทั้งร่าง  คุ้นหูนัก  คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินที่ไหน  ท่วงทำนองแสนอ่อนหวาน ในรัตติกาลแสนอ่อนไหว  เพลงกล่อมเด็กสั้นๆ ดั่งกุญแจไขสลักกลอนดาล  แง้มบานประตูความทรงจำทีละน้อย

รสจุมพิตตรึงตรา  รสเสน่หาร้อนเร่า  กระจ่างสู่ความทรงจำราวแดดสาดสายสลายเมฆหมอกเลือน 

*******************************
   
เลอมานตื่นแต่ตีห้าไปออกกำลังรวมกับนักเรียนคนอื่นตามความเคยชิน  เดี๋ยวนี้เขาตื่นเองได้โดยไม่ต้องให้ใครปลุกอีกแล้ว  อาศัยเสียงระฆังวัดและเสียงไก่ขันที่ดังระงมตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง  จากนั้นก็ขลุกอยู่ที่ชมรมกสิกรรมจนเกือบเจ็ดโมงจึงค่อยกลับห้อง

ทันทีที่ผลักบานประตูไม้เข้าไป  คุณชายนึกว่าตนเข้าห้องผิด  อาจารย์คนึงกับอาจารย์ประพนธ์ที่ยืนอยู่กลางห้องกว้างหันมามองเขาแว่บหนึ่งก่อนช่วยกันจัดหนังสือคืนชั้นที่วางชิดผนัง

ชั้นหนังสือ!  ชั้นหนังสือที่เคยกั้นขวางกลางห้อง!
ตอนนี้ไฉนไปอยู่ชิดผนังแบบนี้ได้เล่า

“อา..กว้างขึ้นเยอะ” ประพนธ์ยกมือปาดเหงื่อ  เท้าเอวมองผลงานตนอย่างภาคภูมิใจ  อาจารย์ผู้ร่าเริงใจดีหันมายิ้มให้เด็กหนุ่มที่เอาแต่ยืนงง “ว่าไหมคุณชาย”

คนเคร่งขรึมยืนจัดหนังสืออยู่หน้าชั้น  ลอบยิ้มให้หนังสือในมือ 
   
ห้องกว้างขึ้น  แต่ระยะห่างระหว่างสองดวงใจใกล้ชิดกันเข้าไปทุกที 
   
คุณชายร้อนผ่าวไปทั้งสองแก้ม  ส่วนคนที่เคยตีหน้ายักษ์ใส่ตอนเขาเกาะชั้นหนังสือทำท่าจะข้ามเขตแดน  ตอนนี้กลับเอาแต่ยิ้ม..ยิ้ม..ยิ้มไม่หุบ
   
มือเล็กเกาหัวแก้ขวย  เสเดินไปหยิบๆ จับๆ ของบนโต๊ะหนังสือ  “ทีนี้..เวลาผมเปลี่ยนเสื้อ  อาจารย์ก็เห็นหมดสิ”
   
ประพนธ์หัวเราะก๊าก  “จะอายทำไม  ผู้ชายเหมือนกัน”
   
หม่อมราชวงศ์หนุ่มก้มหน้าซ่อนยิ้ม  เหลือบมองปลาตะเพียนน้อยที่หน้าต่างก็คล้ายเจ้าสองตัวนั่นจะส่งยิ้มให้  ครั้นพอเหลือบมองอาจารย์คนึง  ริมฝีปากได้รูปนั้นก็หยักยิ้ม  ดวงตาคมมองมาเป็นประกายวาววาม  เล่นเอาคุณชายก้มหน้างุด  เดินไปคว้าตะกร้าผ้าและผงซักฟอกที่ซื้อมาจากสหกรณ์  เดินผ่านหน้าอาจารย์ไปอย่างทุลักทุเล
   
“คราวนี้จะซักผ้าหรือ  ให้ผมช่วยไหม” ประพนธ์เสนอตัวอย่างบริสุทธิ์ใจ  เมื่อวานนี้แค่รีดผ้ายังเกือบทำไฟไหม้  วันนี้ถ้าซักผ้าเองมีหวังคุณชายคงทำน้ำท่วมเรือน 
      
คนึงปรูดเข้ามารวดเร็วเหมือนลมพัด  ฉวยคว้าตะกร้าหวายในมือเล็กไปถือไว้เอง  อีกมือก็จูงมือหม่อมราชวงศ์หนุ่มเดินลิ่วๆ ลงเรือนไป

ประพนธ์ลูบปลายคางมองตามงงๆ  คนเรานี่ก็แปลก  วันแรกๆ ที่คุณชายเล็กมาที่นี่  อาจารย์คนึงแสดงตนจนออกนอกหน้าว่าชังนักชังหนา  ทิ้งเจ้านกขมิ้นน้อยพลัดถิ่นให้เป็นจรกาหน้าหนูอยู่คนเดียวก็ตั้งหลายหน 
   
เวลาผ่านไปไม่นาน  ไฉนกลับตาลปัตรได้ขนาดนี้ล่ะหนอ

........................................

ที่ใต้ถุนเรือน  ถัดไปทางด้านหลังปูซีเมนต์เป็นลานซักล้าง  อาจารย์ผู้เข้มงวดกำลังปวดหัวหนึบ  เด็กหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไข่ในหินหยิบจับอะไรไม่เป็นสักอย่าง  แค่ใช้ถังตักน้ำจากโอ่งมาใส่กะละมังก็ทำท่าเหมือนตัวจะหักเสียให้ได้  แถมพอเขาเผลอ  ศิษย์ตัวดีก็เทผงซักฟอกพรวดเดียวครึ่งกล่อง  ดีที่เขาห้ามไว้ได้ทัน  ไม่อย่างนั้นคุณชายคงเทเสื้อผ้าใส่ลงในกะละมังทั้งที่ยังไม่ได้ตีฟอง 
   
คนึงตัดปัญหาด้วยการทำเองเสียให้รู้แล้วรู้รอด  เลอมานพยายามช่วย  แต่พอมือขาวๆ ขยำเสื้อในฟองสบู่หอมแรงได้ไม่ทันไร  ผิวบางๆ ก็แดงเห่อแสบร้อนไปทั้งมือ  ปลายนิ้วเรียวตึงเปรี๊ยะแทบปริอย่างน่ากลัว  จนอาจารย์คว้ามือศิษย์ไปล้างในน้ำสะอาดแทบไม่ทัน     
   
สุดท้ายแล้ว  ภาพที่เหล่าอาจารย์ในเรือนไม้เห็น  คือภาพอาจารย์ฝ่ายปกครองผู้แสนเข้มงวดในเสื้อกุยเฮงกางเกงแพรที่ถูกพันขึ้นมาถึงเข่า  กำลังนั่งกางขาขยี้ผ้าอยู่หน้ากะละมังพูนฟอง  ทั้งที่ผ้าในตะกร้านั้นไม่มีของตัวเองเลยสักชิ้นเดียว 
   
ตรงข้ามคือหม่อมราชวงศ์หนุ่มรูปงาม  อาสาสมัครจากแดนไกลที่ถูกส่งตัวมาสอนภาษาอังกฤษ  ร่างบอบบางนั่งยองๆ เงื่องหงอย  พอจะยื่นมือมาช่วยก็ถูกตีมือจนต้องกลับไปเขี่ยนิ้วเล่นตามเดิม 

หากพอลับตาคน  คุณชายมองซ้ายมองขวา  ยื่นมือไปเช็ดเหงื่อที่เกาะพราวบนใบหน้าคมสันให้อย่างแผ่วเบา  สายตาที่ทั้งสองมองกันนั้นเล่า  อ่อนหวานละมุนละไมนัก 

*******************************
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 26-03-2012 18:20:15
ไก่ชนสองตัวกระโดดตีกันจนขนพองยุ่งเหยิง  รายล้อมด้วยบรรดาชายทั้งหัวหงอกหัวดำนับสิบส่งเสียงร้องเฮๆ กันอย่างถึงรส  แน่นอน.. สถานที่อโคจรเช่นนี้  มีหรือจะรอดพ้นพรรคพวกนักเลงประจำถิ่นอย่างนายสิงห์ สีตลาไปได้  พอแดดนายบ่ายคล้อย  สิงห์มักพาลูกน้องมาขลุกอยู่ในบ่อนไก่ท้ายตลาดแบบนี้ประจำ  เป็นเรื่องปกติที่ชาวบ้านตลาดยอดเห็นจนชินตา
   
แต่ระยะนี้ดูเหมือนจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

ไอ้ลอย ไอ้เลิศ ไอ้หมานมัวแต่เฮลั่นเมื่อไก่ชนที่ลูกพี่ถือข้างกำลังได้เปรียบ  ไอ้โต้งจิกตาฝ่ายตรงข้ามเสียเลือดอาบ  มัวแต่ลุ้นจนไม่ทันสังเกตเห็นลูกพี่ผุดลุกผุดนั่ง กระสับกระส่าย  มองซ้ายมองขวา   

สิงห์สบถกร้าวในใจ

กี่โมงกี่ยามแล้วก็ไม่รู้  ไม่มีนาฬิกาสักเรือน  ห่ามึงเอ๋ย!

มันก็แน่ละ  บ่อนที่ไหนติดนาฬิกาไว้บ้าง  มีแต่จะมอมเมาอบายชนผู้โง่เขลาให้หลงวันลืมคืนทั้งสิ้น

ลูกชายกำนันจิ๊ปากหงุดหงิด  จู่ๆ ก็ก้าวอาดๆ ออกไปจากบ่อนไม่ล่ำลาใคร  ไอ้อ้วนเลิศเห็นเข้าจึงเรียกไว้  พลางถามอย่างสงสัยเต็มที  “อ้าวพี่สิงห์  จะไปไหนล่ะ”
   
“หิวข้าวโว้ย!” เสียงห้าวตอบไม่ตรงคำถามสักนิด  ไอ้เลิศทำหน้าเหมือนหมูงง  ได้แต่ยืนเป๋อเหลอมองลูกพี่คร่อมรถเครื่องบึ่งออกไป 

สิงห์บิดคันเร่งแทบเหาะ  ลมแรงตีผมเผ้าจนยุ่งเป็นกระเซิง  ถึงบ้านแล้วก็รีบตวัดขาลงจากอานก่อนเผ่นแผล็ว  ปล่อยไทรอัมพ์คู่ใจล้มนอนแอ้งแม้งไม่แยแส  พรวดพราดโจนขึ้นบันไดจนเรือนสะเทือน 

ทันพอดี!
 
“บ๊ะ! สงสัยปีนี้น้ำจะท่วมใหญ่  ไอ้สิงห์กลับมากินข้าวบ้านทุกวัน” กำนันเสริมยิ้มแต้  ท่าทางอารมณ์ดีหนักหนา 
   
ที่ศาลาเล็กนอกชาน  ตั้งตั่งโต๊ะกินข้าวไว้บนพื้นยก  สิงห์กระแอมไอแก้เก้อ  มือใหญ่สางผมให้เรียบ  เหลือบมองร่างเล็กที่กำลังตักข้าวให้มารดาตนแว่บหนึ่ง  ก่อนนั่งแหมะลงประจำที่  ถูมือไม้ท่าทางหิวโหยเต็มประดา   
   
จ้อยเลื่อนขันสาครใส่น้ำมาให้  ดูเอาเถิด.. แม้แต่น้ำล้างมือจ้อยยังเอาดอกมะลิลอยเสียหอม  มือใหญ่เทอะทะจุ่มลงล้างในน้ำเย็นชื่น  นึกไปถึงวันแรกที่เขากลับมากินข้าวบ้านอีกครั้งหลังจากฝากท้องไว้ข้างนอกมาเนิ่นนาน  พ่อกับแม่ทำหน้าอย่างกับเห็นผี 

เกือบอาทิตย์แล้วที่สิงห์ได้จ้อยมาร่วมชายคา  รู้สึกได้ว่าบ้านเรือนสะอาดสะอ้านขึ้น  เสื้อผ้าไปจนถึงที่นอนหมอนมุ้งของทุกคนสะอาดหอม  ไม่ต้องพูดถึงเรื่องฝีมือทำอาหาร  จ้อยคงได้รับถ่ายทอดมาจากยายช้อยเป็นอย่างดี  รสมือถึงได้กลมกล่อมนัก

ดวงตาสีเข้มมองมือขาวที่บรรจงตักข้าวใส่จานให้  กลิ่นข้าวหุงใหม่หอมละมุน  เบื้องหน้าคือสำรับที่จ้อยตั้งไว้เสร็จสรรพ  ขันใส่น้ำฝนลอยดอกมะลิ  กับข้าวร้อนๆ ควันฉุยหอมกรุ่น  ต้มโคล้งปลาเนื้ออ่อนกรอบ  ต้มกะทิสายบัว  ดอกขจรผัดไข่  กะปิคั่วแนมด้วยแตงกวา ยอดมะกอก ยอดมะม่วง ยอดชมพู่ หัวขมิ้นขาว 

สิงห์เริ่มน้ำลายสอ

“กินด้วยกันสิครู” กำนันชักชวนอย่างเมตตา  คุณนายพูนทรัพย์แอบเบะปากหมั่นไส้

“ไม่เป็นไรจ้ะ  จ้อยกินมาเรียบร้อยแล้ว” จ้อยปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน  พลางถอยออกไปนั่งพับเพียบกับพื้น
   
“ต๊าย!” คุณนายเสียงแหลมขึ้นมาทันที “เป็นเด็กเป็นเล็ก  ริกินก่อนผู้ใหญ่  ระวังเถอะ  ชาติหน้าแกจะเกิดเป็นหมา”
   ดวงตาค้อนควักหัวจรดเท้าเล่นเอาจ้อยเลิ่กลั่ก  “คือ..จ้อยกินที่โรงเรียนก่อนกลับมา”
   
“ก็เหมือนกันแหละ  เป็นขี้ข้าจะกินก่อนนายได้ยังไง”

หนุ่มน้อยหน้าม่อยลงถนัดตา  ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่  ทุกคนก็เอ็นดูจ้อยดี  ทั้งลุงกำนัน ทั้งน้าเวกน้าแป้น  จะมีก็แต่คุณนายพูนทรัพย์นี่แหละ  ไม่รู้ว่าโกรธเกลียดกันมาแต่ปางไหน  ไม่ว่าจ้อยจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะผิดไปเสียหมด
   
ดวงตาคู่ใสประสานกับลูกชายกำนันโดยบังเอิญ  อะไรในดวงตาคมเข้มคู่นั้นเล่า  กระแสอบอุ่นอาทรที่สะท้อนกลับมา  ทำให้จ้อยก้มหน้าหลบตาวูบแทบไม่ทัน

“เอาน่า..แม่ทรัพย์  จะอะไรนักหนา” กำนันเสริมตัดบทอย่างรำคาญ  กวาดตามองสำรับอาหาร  ยิ้มกว้างเปลี่ยนเรื่อง “แหม้..กะปิคั่ว  ไม่ได้กินนานแล้ว  สงสัยข้าวจะหมดหม้อ”
   
เห็นน้องยิ้มออก  สิงห์จึงค่อยกินลง  คนตัวโตก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จา  ผักกะสังค์ที่ขึ้นตามกระถางชวนชม  จ้อยเด็ดมาให้กินแนมกับกะปิคั่ว  เผ็ดๆ ซ่าๆ อร่อยลิ้น 

“เมื่อวานน้ำยาเหลือ  จ้อยเลยเอามาเคี่ยวทำกะปิคั่ว” นักเรียนครูยิ้มภูมิใจ  เห็นกำนันชวนคุยก็เลยอยากคุยบ้าง “ยายสอนว่าของอะไรที่เหลือๆ อย่าทิ้ง  ให้เก็บไว้  ขนาดหุงข้าว  น้ำข้าวยายยังไม่ทิ้งเลยจ้ะ  ยายจะเอามาใส่เกลือให้กิน  ที่เหลือก็เอามาล้างมือล้างหน้า”
   
“มิน่า..” สิงห์พูดเหมือนเพ้อ  มองสองแก้มขาวราวลิ้นจี่แก่จัดของน้องอย่างคนละเมอ  ทั้งวงข้าวมองมาเป็นตาเดียว  เล่นเอานักเลงโตกลืนข้าวฝืดคอ  กระแอมแก้เก้อ “มองอะไรพ่อ  ผมจะบอกว่ามิน่า.. ยายช้อยถึงหน้าไม่ค่อยเหี่ยว” ว่าแล้วก็ตักข้าวเข้าปากคำโต  เคี้ยวไปมองกรงนกที่นอกชานไปเหมือนมันน่าสนใจนักหนา   
   
หนุ่มน้อยคนซื่อขมวดคิ้วมุ่น  ไม่เหี่ยวตรงไหน  เวลายิ้มที หางตายายยังก๊ะปลาช่อนแห้งฉะเชิงเทรา

แล่ได้แปดริ้วเลยน่ะซี!

“เออเข้าท่า” กำนันหัวเราะคึ่กๆ มองหน้าศรีภรรยาตัวเองสลับกับบ่าวคนใหม่ไปมา “แม่ทรัพย์ลองดูซี  ดีกว่าไอ้ครีมคาเนโบ้อะไรนั่นของแม่อีก  อุตส่าห์ถ่อไปซื้อถึงวังบูรพา  กลับมาหน้าก็ขึ้นฝ้าเหมือนเดิม”
   
คุณนายพูนทรัพย์รู้สึกกระเดือกข้าวไม่ลงขึ้นมาเสียเฉยๆ  ยิ่งเห็นสามีสุดที่รักมองหน้าไอ้จ้อยตาเชื่อม  ในอกแทบเต้นเร่าๆ ด้วยความจงเกลียดจงชัง
   
“ถอดแม่มาไม่มีผิด  ถ้าเป็นผู้หญิงคงสวยหยาดเยิ้ม” นั่นปะไรล่ะ  คุณนายกำหมัดแน่นจนเล็บจิกลงเนื้อ  นึกอยากลุกไปฉีกอกเสียทั้งคู่

“ลุงกำนันรู้จักแม่จ้อยด้วยหรือจ๊ะ” ดวงตาสุกใสลุกวาวเป็นประกาย
   
“โอ๊ย! ทำไมจะไม่รู้จัก  แม่เราเขาสวย  สวยจนลือกันไปทั้งเกาะเมือง  งานตรุษสงกรานต์ปีนู้นมีไอ้เสือฝ้ายบ้านเหนือมาดักฉุดไป  ลุงนี่แหละไปช่วยไว้  ยิงไอ้เวรตะไลนั่นตายโหงเป็นผีเฝ้าทุ่ง”
   
จู่ๆ คุณนายก็กระแอมกระไอลั่น  จ้อยรีบยื่นขันน้ำส่งให้แทบไม่ทัน  มืออวบกลับปัดทิ้งจนน้ำกระฉอก  กระแทกช้อนลงจานดังเคร้งก่อนลุกขึ้นอย่างปั้นปึ่ง
   
“อ้าว อิ่มแล้วเรอะแม่ทรัพย์  กินน้อยจริง” กำนันพูดไล่หลัง  ตะแกสนใจเมียแค่นั้นละ  แล้วก็หันกลับมาฝอยกับจ้อยต่อ  สายตาผู้อาวุโสมองจ้อยอย่างชื่นชม “เสียดาย  นี่ถ้าครูเป็นผู้หญิงนะ  ลุงจะไปขอจากยายช้อยมาให้เป็นเมียเจ้าสิงห์มัน”

พรวด!!

หัวล้านเลี่ยนเตียนของกำนันเปียกโชก  ไอ้สิงห์เล่นพ่นน้ำใส่พ่อ  จ้อยเองก็ตื่นตกใจ  รีบลุกขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาให้ลุงกำนัน  ตัวการยังไอโขลกๆ ไม่หาย  สำลักจนหน้าแดงก่ำ  พูดขอโทษพ่อไม่ได้ ได้แต่ยกมือไหว้ปะหลกๆ 

“ไอ้ห่า ไอ้ลูกเวร มึงกินยังไงของมึง!” กำนันเสริมยกขาเงื้อง่าหมายจะถีบลูกชายตัวดี  ทว่าคนตัวโตกลับว่องไวเป็นลิง  โดดลงจากพื้นยกหลบบาทาพ่อได้ทัน  กำนันคว้าตะพดไล่ตามติดๆ “มึงอย่าหนีนะไอ้หำหมา!”

หนูน้ำฝนขึ้นเรือนมาพร้อมข้าวเหนียวมะม่วงจานใหญ่  แม่แป้นให้ยกขึ้นมาเป็นของหวาน  ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้าคือลุงกำนันคว้าตะพดไล่ตีพี่สิงห์ที่ยิ้มทะเล้นวิ่งวนรอบชานเรือน  พี่จ้อยพยายามห้ามทัพ  เอาตัวเข้ากันพี่สิงห์จากลุงกำนัน  ห้ามกันอีท่าไหนไม่รู้  มือพี่สิงห์ถึงกอดเอวพี่จ้อยของน้ำฝนหนุบหนับ  แถมคนกอดยังหัวเราะลั่นทั้งที่เพิ่งโดนตะพดเขกกะโหลก       
   
ตั้งแต่พี่จ้อยมาอยู่ด้วยนี่  บ้านนี้ครึกครื้นขึ้นเยอะทีเดียวเชียว

*******************************

จ้อยเพิ่งอาบน้ำเสร็จตอนที่เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นสิงห์กำลังนั่งเปิดหนังสือเรียนของจ้อยอย่างสนอกสนใจ  ใบหน้าคมคร้ามชะงักมองหน้าเขาครู่หนึ่ง  ก่อนมือหยาบใหญ่ปิดหนังสือวางคืนให้  แล้วเดินเลี่ยงไปจุดบุหรี่สูบเสียไกลที่ริมหน้าต่าง   
   
จ้อยเปิดสมุดหนังสือทำการบ้านไปเงียบๆ  นั่งทำกับพื้นนั่นแหละ
   
“ไม่เมื่อยรึไง” เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นในความเงียบงัน  พอจ้อยส่ายหน้าแทนคำตอบ  ก็คล้ายจะได้ยินเสียงแค่นหัวเราะแว่วมา “เอ็งมันรั้น ข้าจะซื้อโต๊ะให้ก็ไม่เอา”
   
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง  ยินเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรระงม  คนตัวโตเดินมาทิ้งกายลงเตียงกว้าง  จ้อยเงยหน้าขึ้นมอง  เห็นร่างใหญ่หนานอนตะแคงเท้าแขนจ้องมองมาไม่วางตา  ดวงตาสีเข้มเป็นประกายจนจ้อยต้องเบือนหลบ  คว้าตะเกียงน้ำมันก๊าดมาจุด  ก่อนลุกไปปิดสวิตช์ไฟที่ผนังห้อง 

ค่อยยังชั่ว.. จ้อยมองเห็นดวงตาคู่นั้นไม่ค่อยชัดแล้ว

ดวงตาที่จ้องมองมาพร้อมความรู้สึกลึกล้ำอย่างกับจะกลืนกิน
 
“เอ็งจะเปิดไฟก็ได้นะ  มันไม่แยงตาข้าหรอก  ทำแบบนี้เสียสายตาหมด”

“ไม่เป็นไร  จะได้ไม่เปลืองค่าไฟ”
   
และนี่ก็คืออีกเหตุผลหนึ่ง  ใช่ว่าจ้อยจะอยากมานั่งให้สิงห์จ้องเอาๆ แบบนี้นักหรอก  ในคืนแรกๆ จ้อยเล่นหอบการบ้านออกไปทำที่นอกชาน 
   
แต่พอเปิดไฟก็โดนคุณนายดุ “มันเปลืองไฟบ้านฉัน”
ครั้นพอเปลี่ยนมาจุดตะเกียงก็โดนดุอีก  “เดี๋ยวแกก็ทำไฟไหม้บ้านฉันพอดี”

คล้อยหลังคุณนาย  หนุ่มน้อยเลยต้องแอบย่องลงบันไดไปเงียบๆ  แอบจุดตะเกียงทำการบ้านที่แคร่ไม้ใต้ถุนเรือน  หวุดหวิดจะถูกยุงหามอยู่รอมร่อ  ถ้าสิงห์ไม่ถือกระบอกไฟฉายลงมาตามให้กลับไปทำในห้องเสียก่อน   
   
มือที่เคยผลักจ้อยตกสะพานเกือบเอาชีวิตไม่รอด  จูงมือจ้อยกลับเข้าห้องเหมือนกลัวจ้อยจะหนี  แล้วคืนนั้น.. ก็มือคู่เดิมอีกนั่นแหละ  บรรจงแต้มยาหม่องลงบนหน้าลายเป็นแมวคราวของจ้อยให้อย่างถนอม  พอจ้อยดึงดันจะทาเอง  เสียงต่ำก็ปรามทีเดียวอยู่หมัด 
 
“อย่ารั้นกับพี่”

เปลวตะเกียงร้อนขึ้นหรือไร  แค่นึกถึงตรงนี้จ้อยถึงได้ร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งหน้า  มือที่จับปากกาจรดลงบนสมุดก็คล้ายจะสั่นไหว  ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้สิงห์เรียกแทนตัวเองเช่นนั้นกับเขา  ไหนจะบังคับให้เรียกว่าพี่อีก  ทั้งที่เมื่อก่อนเจ้าตัวเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือ  “อย่ามาเรียกกูว่าพี่  กูมีน้องสาวคนเดียว”

ดวงตาใสแจ๋วเงยขึ้นมอง  ร่างสูงใหญ่บนเตียงยังอยู่ในท่าเดิม  สายตาหรือก็จับจ้องมองมาเช่นเดิมไม่เปลี่ยน  จ้อยหลบตาวูบก้มหน้าก้มตารีบทำการบ้านให้เสร็จ

อาศัยเพียงแสงตะเกียงสลัวราง  แต่ภาพที่สิงห์เห็นตรงหน้านั้นแจ่มชัดจับใจนัก  เสี้ยวหน้าเนียนผ่องสะท้อนแสงนวลดูราวจะเปล่งประกายดั่งทองทา  แม้อยู่ไกลขนาดนี้ก็ยังได้กลิ่นแป้งเด็กหอมละมุน  นิ่งมองอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งน้องเก็บสมุดหนังสือ  คว้าหมอนมุ้งและเสื่อกกที่พับเก็บไว้ชิดผนังมากางปูข้างเตียง  หมอนเก่าๆ มุ้งหม่นๆ ที่แม่จงใจเตรียมไว้ให้  แต่จ้อยเอาไปซักเสียจนสะอาดหอม  สิงห์รู้ดีเพราะลอบหอมหมอนน้องอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน 
   
มือเรียวค่อยๆ สอดชายมุ้งเหน็บใต้เสื่อกันยุงเข้า  ก่อนพนมมือกราบหมอน  แว่วเสียงเล็กสวดมนต์แผ่วเบา  คนตัวโตนอนมองอยู่เช่นนั้นจนจ้อยเป่าตะเกียงดับ  เมื่อไร้แสงตะเกียง  ยังมีแสงจันทร์เดือนหงายสาดส่องมาทางช่องหน้าต่าง  ร่างเล็กเอนกายลงนอน  ดึงผ้าผวยผืนเก่าคลุมถึงอก  สักพักเดียวจังหวะลมหายใจก็สม่ำเสมอบ่งบอกว่าหลับสนิทอย่างง่ายดาย
   
สิงห์ถอนใจพรู  น้องคงเหนื่อยนัก  พอหัวถึงหมอนถึงได้หลับเป็นตายแบบนี้  ไหนจะต้องตื่นแต่เช้ามืดมาทำงานบ้าน  กวาดถูพื้น ซักเสื้อผ้า ทำกับข้าว  เสร็จแล้วก็แต่งตัวพายเรือไปโรงเรียน  กลับมาจากโรงเรียนก็ต้องมาทำงานบ้านต่อ  แต่ถึงจะงานหนักอย่างไร  สิงห์ก็เห็นน้องทำการบ้าน อ่านหนังสือก่อนนอนทุกวัน 
   
ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มอ่อนโยนให้ร่างที่นอนขดอยู่ในมุ้ง  ตั้งใจเรียนไว้น่ะดีแล้ว  เติบใหญ่ไปภายหน้าจะได้เป็นครูอย่างที่จ้อยอยากเป็น   สิงห์นึกภาพน้องในชุดข้าราชการครูสีกากีมีเด็กๆ ล้อมหน้าล้อมหลังแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียวในแสงจันทร์สลัว     

วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นไม่รู้  ขอเพียงวันนี้พี่ยังมีจ้อยอยู่ข้างๆ แบบนี้ก็พอ 

................................
   
จันทร์เต็มดวงยังลอยขึ้นช้าๆ เปล่งแสงนวลตาอย่างไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใด  ไม่อนาทรต่อร่างสูงใหญ่ที่พลิกกายกระสับกระส่ายบนเตียง 
   
กี่ทุ่มกี่ยามแล้วก็ไม่รู้  สิงห์ยังข่มตาหลับไม่ลง  จิตใจร้อนรุ่มระส่ำระสาย ราวกับมีเปลวไฟที่มองไม่เห็นค่อยๆ ลามเลียทีละนิด 

เขาเป็นแบบนี้ทุกคืน.. ทุกคืนตั้งแต่มีจ้อยมานอนร่วมห้อง 

แต่ความปรารถนาเบื้องต่ำถูกเก็บกดฝังลึกเอาไว้  ไม่เคยเปิดเผยออกมาต่อหน้าจ้อย  เป็นความอยากถึงขั้นหิวกระหายเลยเชียว  กี่คืนแล้วที่ต้องย่องไประบายในห้องน้ำอาศัยแม่นางทั้งห้าช่วยปลดเปลื้องจนสาใจ  และถ้าพยายามจะไม่สำเร็จความใคร่แก่ตนเองในยามตื่น  เขาก็มักจะฝันว่าได้เสพสมภิรมย์รักกับคนในดวงใจเสมอ  ทว่า.. พอเรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นทีไรก็มานึกสมเพชตนภายหลังทุกครั้ง   
   
สิงห์เอ๋ย.. เอ็งมันไม่ต่างอะไรจากสัตว์  ยอมแพ้แก่ความเงี่ยนได้อย่างง่ายดาย 

แล้วคืนนี้เล่า  คนไม่รู้เรื่องรู้ราวนอนหลับสบาย  พลิกกายทีขากางเกงกว้างๆ ก็ถลกขึ้นมาถึงโคนขา  เล่นเอาคนตัวโตบนเตียงกลืนน้ำลายฝืดคอ  จ้องตาไม่กระพริบ 
   
แล้วพอจ้อยพลิกอีกที  ชายเสื้อเลิกขึ้นจนหน้าท้องแบนราบเปิดเผยสู่สายตา.. เท่านั้นละ..

ความอดทนพังครืนลงอย่างง่ายดาย

สิงห์เด้งตัวลุกพรวด  แหวกประตูมุ้งตนเดินย่องเบากริบไปหามุ้งสีหม่นตรงหน้า  มือใหญ่ค่อยๆ เลิกชายมุ้งขึ้นก่อนมุดเข้าไปหาคนที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่านอนยั่วคนอื่นแค่ไหน 

น้อยหรือแก้มซ้ายขวาก็น่าจูบ    ช่างสมรูปนี่กระไรวิไลเหลือ**

แสงจันทร์อาบไล้เสี้ยวหน้านวล  หน้านวลๆ ที่จ้อยบอกว่าใช้น้ำข้าวล้าง  ปลายนิ้วหยาบค่อยแตะลงแผ่วเบา  สัมผัสนุ่มนิ่มที่ได้รับเล่นเอาหัวใจพองโต  ถึงขั้นลูบไล้ไปมาเพลินมือ 
   
จ้อยครางอือทั้งที่ตายังปิด  ขนตายาวเป็นแพทาบแก้มใส  สิงห์ละลานใจเหลือจะกล่าว  กว่าจะรู้ตัว..ก็กดปลายจมูกลงบนแก้มขาว  สูดกลิ่นหอมละมุนเข้าเต็มปอดไปแล้ว

ร่างเล็กครางอย่างรำคาญ  ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ปรือขึ้นช้าๆ  พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็เบิกตาโพลง 

ไอ้สิงห์กำลังคร่อมเขาไว้ทั้งตัว!

“ท-ทำอะไร!” จ้อยเสียงดัง สะดุ้งผวา  หากมือใหญ่กลับตรงเข้าปิดปากเขาไว้แน่น 
   
“ชู่ว..” เสียงทุ้มกระซิบริมหู  แสงจันทร์ข้างขึ้นส่องให้เห็นแววตาสีเข้มที่ตื่นตระหนกเพียงวูบหนึ่ง  วูบหนึ่งเท่านั้น “ข้า..ข้าแค่อยากรู้ว่าใช้น้ำข้าวล้างหน้าแล้วมันดีไหม”
   
แล้วประกายตานั้นก็เปลี่ยนไป  ราวกับมีบางอย่างเข้าแทนที่  มันวูบวาบแปลกประหลาด  แค่มองจ้อยก็กลัวจนตัวสั่น  ยิ่งสะท้านไปทั้งร่างเมื่อใบหน้าคมคร้ามโน้มลงหอมแก้มเขาฟอดๆ ทั้งซ้ายขวาสลับกัน 
   
“เอ็งใช้น้ำข้าวล้างหน้าจริงหรือ  ถึงได้ทั้งนุ่ม..ทั้งหอมแบบนี้  หืมม์” เสียงต่ำสั่นพร่าด้วยแรงอารมณ์  จ้อยพยายามใจดีสู้เสือ   
   
“จะ..จะเอาหรือ  เดี๋ยวพรุ่งนี้หุงข้าวแล้วเก็บไว้ให้”
   
ร่างกำยำหัวเราะในคอ  ดวงตาคมเข้มมองมาคล้ายจะเอ็นดู  แต่ก็มีบางอย่างเคลือบแฝง  คล้ายละเลงสีดำลงในสีขาว  ทาทับด้วยสีแดง  เกิดเป็นสีสันพิลึกพิลั่นสุดคาดเดา
   
ตั้งแต่เกิดมา  ไม่เคยมีใครมองจ้อยด้วยสายตาแบบนี้.. ไม่เคยเลย..
   
จ้อยตัวแข็งทื่อเป็นหินยามจมูกโด่งเป็นสันซุกไซ้ลงซอกคอ  ฟอนเฟ้นเหมือนผีเสื้อเคล้าเกสร  พูดอู้อี้ “หอมไปทั้งตัว  เอ็งใช้อาบด้วยหรือเปล่า”
   
นักเรียนครูสะดุ้งเฮือก  บางสิ่งกำลังดุนดันเสียดสีอยู่ตรงซอกขา  มันแข็ง..มันร้อนผ่าว..มันเคลื่อนไหว.. เหมือนปลาช่อนตัวเขื่องหมายจะมุดโคลนลงไปหากิน
   
“ออกไป” จ้อยดิ้นรนขัดขืน  มือเล็กผลักแผงอกล่ำสันออก  หากสองมือกลับถูกบีบแน่นกดตรึงลงกับผืนเสื่อ
   
“ชู่ว.. อยู่เฉยๆ  อย่าดิ้น” เสียงสั่นพร่าหล่นจากปากคนหน้ามืดตามัว  จ้อยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น  ร่างเล็กดิ้นขลุกขลัก  สองขาปัดป่ายไปมา 
   
“บอกว่าอย่าดิ้น!” สิงห์คำรามลอดไรฟัน  เพิ่มแรงบีบบนข้อมือเล็ก  ขยับสะโพกบดเบียดลงมา  จ้อยสั่นสะท้านไปทั้งร่างยามเสียงต่ำกระซิบแข็งกระด้าง 

“ลืมไปแล้วหรือว่าถ้าข้าโมโหแล้วจะเป็นยังไง”


โปรดติดตามตอนต่อไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
*น้ำตาลใกล้มด, สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ คำร้อง, ปรีชา บุญยเกียรติ ขับร้อง
**สุนทรภู่



กลับมาแล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน
ขอบคุณทุกท่านที่กดเข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นมากๆ ค่ะ  :กอด1:

คือ.. เรามีเรื่องจะมาบอกทุกคนล่ะ..

อยากบอกว่า.. หลังจากลงบทที่ ๑๕ นี้แล้ว
คนเขียนขอหายตัวไปสักระยะนะคะ (อาจจะซักเดือนนึง)
ขอตัวไปรีไรท์และจัดการเรื่องรวมเล่มนิยายอีกเรื่องให้เรียบร้อยก่อนค่ะ

ที่ผ่านมา(พยายาม)ทำสองอย่างพร้อมกัน แล้วมันมึ๊นมึน :really2:
ประกอบกับโอ้เอ้อู้มานาน เกรงใจทางสนพ.มากๆ เลย ตารางเวลาเลื่อนไปหมดเพราะคนเขียนวินัยบกพร่องคนเดียว

จึงขอตัดสินใจ หยุดเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ จัดการทางนั้นเสร็จแล้วจะกลับมาเขียนต่อ

ขอโทษคนอ่านทุกคนด้วยนะคะ ที่ทำให้รอแล้วรอเล่าแบบนี้ :m5:
สัญญาว่าจะรีบกลับมาเขียนต่อค่ะ

แล้วเจอกันใหม่นะคะ

ดอกไม้
๒๖ มี.ค. ๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 26-03-2012 18:31:32
พี่สิงห์มุดมุ้งจ้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :m25:
คุณดอกไม้จะหายไปตอนเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้จริงหรอ แงๆๆๆ นางฟ้าติดเรื่องนี้มาก :sad4:
สามคำ>>>เศร้า อ่ะ ฮือ  :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 26-03-2012 18:40:38
หน้ามืดตามัว ลืมตัวลืมตน ลืมคนที่ปากบอกว่ารัก

เรียกมันว่าอะไรดี สัด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-03-2012 18:43:13
คู่หลักก็หวานเหลือเกิน
คู่เล็กยังแง่งอนกันอยู่ พี่สิงห์อย่าผลีผลามให้น้องตกใจสิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 26-03-2012 18:47:35
พรุ่งนี้จะใช้น้ำซาวข้าวล้างหน้าบ้าง >///<

ใจร้าย ทำไมต้องหยุดตอนสำคัญแบบนี้ ค้างมากคะ คุณดอกไม้ T T
สารภาพว่า อ่าน คู่หลักแบบข้าม ๆ 555++ เร่งลงมาหาน้องจ้อยกะอ้ายสิงห์ ...
ตอนหน้ามีเฮแบบเบาๆ ก็พอนะ น้องจ้อยยังเด็ก ^ ^

incest นะคะ ^ ^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 26-03-2012 19:07:32
นายสิงห์อย่าน้าาาาาาาาาาาาา น้องอุตส่าห์รู้สึกดีๆด้วบแล้วแท้ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 26-03-2012 19:17:09
คุณชายกับอาจารย์คนึงน่ารักมากกมาย อ่านไปยิ้มไปตลอด  :o8:
ส่วนคู่น้องจ้อยกับพี่สิงห์ยังคงความหื่นมิเสื่อมคลาย
ต่อไปจะหุงข้าวกินทุกวันเลย จะเอาน้ำซาวข้าวไว้ล้างหน้า คึคึ  :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 26-03-2012 20:06:21
กำลังเข้าได้เข้าเข็มคุณดอกไม้มาหยุดไปซะงั้นเลย
มันค้างมากๆอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 26-03-2012 20:21:12
คุณดอกไม้ มาทิ้งตอนใหม่ให้ลุ้นซะนาน เดือนนึงเลยหรอ




หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ละล้าละลัง ที่ 26-03-2012 20:29:25
ชอบน้องจ้อยมากเลยค่ะ ทำไงดีเนี่ย
พี่สิงห์อย่ารังแกน้องนะ อยู่เท่านี้ก็กำลังมีความสุขแล้ว อยากเห็นพี่สิงห์เอาชนะใจน้องจ้อย เมื่อไหร่กันน้อจะถึงตอนนั้น
สารภาพว่ารอคู่รองมากกว่าคู่หลักค่ะ 555
แต่คู่ อ.คนึง กับคุณชายเล็ก ก็น่ารักมากค่ะ
คุณชายขี้น้อยใจ อาจารย์คนึงขี้หึง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 26-03-2012 20:30:51
แหมพี่สิงห์ เหตุผลคุณพี่หน้ากระโดดเตะมาก
มุดเข้ามุ้งน้องแล้วมาถามเรื่องน้ำซาวข้าว o22
จ้อยเตะสักทีเถอะ :z6: ฮ่าๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 26-03-2012 20:52:26
โห กว่าจะได้อ่านอีกก็ตั้งสิ้นเดือนหน้าแน่ะ  ขาดใจตายกันพอดี
น้องจ้อยของพี่จะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ จะรักษาตัวรอดได้ไหมเนี่ย
พี่สิงห์ ทะนุถนอมน้องหน่อยแล้วกัน อย่าทำไรรุนแรงนะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: appletokki ที่ 26-03-2012 20:59:04
 :sad4: :sad4: ไม่นะ!
กำลังฮาสิงห์พ่นน้ำใส่พ่อกำนัน ชอบที่พ่อกำนันด่า'ไอ้หำหมา'ขำกลิ้งเลย
ยังมุดมุ้งค้างคาอยู่เลย กะซิกๆ
กลับมาต่อไวไวนะค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 26-03-2012 21:18:38
สมัยนั้นเตะบอลอาจหรูไป..งั้นสิงห์ไปเตะตะกร้อกัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 26-03-2012 21:22:47
ไอ้พี่สิงห์อย่าทำน้องนะ :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 26-03-2012 21:25:13
มะ ไม่เป็นไรคะ  เราเข้าใจ ก็มันจำเป็นนิเนอะ(กัดฟัน  :serius2:)
ตอนนี้กำลังได้ที่พี่สิงห์กำลังหื่นน้องกำลังหวั่นๆ
แต่ก็ทำอะไรระวังนิดนึงนะจ๊ะ
อาจารย์กับคุณชายน่ารักมากกก ถ้าจะหวานขนาดนี้
ขอบอกตามตรงว่าเห็นชื่อตอนแล้วตกใจ แต่อ่านแล้วยังไม่ค่อยรู้สึกอะไร(นอกจากหื่น :haun4:)
ตอนนี้ตามคู่รองยิ่งกว่าคู่หลักจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 26-03-2012 21:55:27
อ๊ากกกกกกกกกก ค้างคาสุดๆ สิงห์อย่างเพิ่งทำอะไรน้องจ้อยน้าาา  :z3:
1 เดือน โอเคค่าาาา อยากจะได้รวมเล่มอีกเรื่องใจจะขาดแล้ว   :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: หัดดิน เอ้ยหัดกิน ที่ 26-03-2012 22:03:02
พี่สิงห์ใจดีกะจ้อยหน่อยเหอะ ขอร้อง
สงสารจ้อย ทำงานก็หนัก อุตส่าห์เป็นลูกกตัญญูมาอยู่บ้านใช้หนี้แล้ว
อย่าได้ซวยไปมากกว่านี้อีกเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 26-03-2012 22:03:33
 :o12:คนเขียนใจร้ายใจ ทำให้อยากแล้วจะจากไปเป็นเดือน ฮืออ
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ สู้ๆ จะอดทน(ฮึบ!)รอที่จะได้อ่านพี่สิงห์น้องจ้อยต่อ :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 26-03-2012 22:35:05
ต้องรอให้สิงห์มุดมุ้งเป็นเดือนเลยเหรอคะเนี่ย แต่ไม่เป็นไรค่ะ หากงานทางโน่นเสร็จแล้ว คงได้อ่านต่อยางๆ บ่อยๆเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CeasarLover ที่ 26-03-2012 22:36:50
อ๊ากกกกก มันค้างมาก
รอที่จะอ่านเรื่องของสิงห์ต่อครับ
ติดตามคู่รอง คู่หลักช่างมัน คู่รองมันส์กว่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 26-03-2012 22:37:25
ต้องรอเดือนนึงเลยเหรอคะ...ขาดใจตายพอดี แต่ก็เข้าใจและรอได้ค่ะ...

คู่คุณเล็กกะครูคนึงน่ารักกกกก ชอบครูคนึงจัง คิดอะไรพูดไปตรง ๆ ไม่ปล่อยให้คุณเล็กเสียใจนาน
หวงก็ว่าหวง หึงก็ว่าหึง อิอิ แล้วรุ่นนี้เค้าหึงแรงด้วย...ชอบตอนซักผ้าแล้ัวคุณเล็กแอบเช็ดเหงื่อให้อ่า
น่ารักอะไรขนาดนี้...

สิงห์อ่ะ...ตลอดตอนดีมาตลอด มาอดใจหื่นไม่ไหวตอนหลังนี่เอง...ก็นะ น้องจ้อยของเราทั้งน่ารัก
ทั้งเก่ง ทั้งขยัน ทำกับข้าวก็อร่อย หน้าก็ใสวิ๊งอีก นอนใกล้กันทุกวันสิงห์ก็ห้ามใจจะแย่แล้วเหมือนกัน
จะเลยเถิดมั้ยนั่น อยากให้น้องพร้อมกว่านี้อีกนิด แต่น้องกับสิงห์ก็เบาลงมากแล้วเนอะ อ่านแล้วสุขใจ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 26-03-2012 23:03:49
หากนึกไม่ออก ให้คุณดอกไม้จินตนาการถึงฉากที่ว่า ดิฉันกำลังออกมาจากโรงหนังตอนเกือบเที่ยงคืน อยู่ๆ ก็มีชายหนุ่มหน้าตาดี การแต่งตัวภูมิฐานอย่างกับคุณชาย เขาเอ่ยปากชวนดิฉันไป...ร่วมเตียง ดิฉันตอบตกลงอย่างไม่มีข้อแม้ เพราะผู้ชายหล่อนั้นหายาก อุปมาเหมือนดั่งอ้อยอันหวานได้หล่นเข้าปากช้าง (ในที่นี้ดิฉันมิได้อ้วนอย่างช้าง!) ไหนเลยจะปล่อยให้หลุดไป

เมื่อเข้าไปในรถได้แล้ว เขาก็เริ่มเล้าโลม (ลืมบอกไปว่า รถเป็นลีมูซีน มีคนขับ และมีฉากกั้นด้านใน) ขณะที่เขาได้เปลื้องผ้าดิฉันอย่างไวว่องราวกับมืออาชีพ และทำให้ดิฉันราวกับล่องลอยอยู่ในแดนสวรรค์ เขาก็สั่งให้คนขับรถหยุดรถ แล้วมองหน้าดิฉัน ดิฉันก็มองจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลล้ำลึกของเขา...แล้วเขาก็เตะดิฉันลงจากรถ แล้วรีบขับรถออกไปอย่างไม่ไยดี  :serius2:

 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

หวังว่าคุณดอกไม้คงจะนึกภาพออก  :laugh: คือแบบ...ค้างค่ะ ค้าง!

อยากรู้จังเลยว่าพี่สิงห์จะเอาเสาลงหลุมหรือจะโดนน้องจ้อยยันเจ้าสิงห์น้อย!

แต่ไม่เป็นไรค่ะ รอได้เสมอเพื่อนิยายแสนรักเรื่องนี้ ถ้าจัดการกับนิยายเรื่องนั้นเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมรีบกลับมาต่อนิยายเรื่องนี้นะคะ และดิฉันก็สนใจนิยายเรื่องนั้นไม่น้อยไปกว่านิยายเรื่องนี้ เพราะคุณดอกไม้เขียนนิยายเรื่องนี้และนิยายเรื่องนั้นด้วยความเก่งในฝีไม้ลายมือเหมือนกัน ดังนั้นจึงทำให้นิยายเรื่องนั้นและเรื่องนี้เป็นนิยายที่ดีมากๆ ไม่ว่าจะอ่านนิยายเรื่องนี้หรือเรื่องนั้น ดิฉันก็คิดว่ามันส์ไม่แพ้กัน และหากนิยายเรื่องนั้นตีพิมพ์เสร็จ ก็กะว่าจะซื้อมาเก็บไว้อ่านเหมือนกัน  :laugh: (หวังว่าคุณดอกไม้คงไม่งงกับคำว่านิยายเรื่องนั้นและนิยายเรื่องนี้ที่ดิฉันพูดถึง)  :laugh:

ตอนนี้คุณชายกับครูคนึงต่างกระดึบเข้าหากันเล็กน้อยแล้ว ไม่นานก็จะหวานซึ้งตรึงจิต ส่วนคู่พี่สิงห์และน้องจ้อยนี่ น่าลุ้นมากค่ะ

ขอบคุณที่มาต่อตอนนี้นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 26-03-2012 23:37:39
อะไรน้าาาาาาาาาาาาาาาา
เดือนนึงเลยหรือขอรับ

**ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด**
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-03-2012 00:22:06
กว่าจะรู้ผลว่ามุดมุ้งแล้วเป็นอย่างไรต่อ ต้องรอถึงหนึ่งเดือนเลยหรือนี่ ฮือๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: LapiN ที่ 27-03-2012 00:43:58
โฮ ... กำลังค้างอย่างแรงเลยค่ะ
แต่ไม่เป็นไรค่ะ จะรอต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 27-03-2012 00:54:04
สิงห์มุดมุ้งงงง
ค้างงงงงงงง  :a5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 27-03-2012 01:05:01
จ้อยเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย โดนมุดมุ้งซะแล้วววว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 27-03-2012 01:20:40
สิงห์ใจเย็น ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 27-03-2012 06:50:34
เดี๋ยวนี้ อาจารย์คนึงหวานใหญ่เลยนะ....  :impress2:


พี่สิงห์ทนไม่ไหวแล้วววววว :oo1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pie_handsome ที่ 27-03-2012 07:27:35
เพิ่งเข้ามาอ่านที่นี่เป็นครั้งแรก เปิดมาก็คลิกเรื่องนี้
อยากบอกว่าชอบมากกกกกกกกกกกกก
ไรท์เตอร์สื่ออารมณ์ตัวละครออกมาได้ดีมากอะครับ
ทำให้คนอ่านรักตัวละครในเรื่อง
แล้วก็เกลียดไอ้ลอย กับอาจารย์ปากหวานก้นเปรี้ยว = ="

ชอบเรื่องนี้มากเลยครับ เมื่อคืนอ่านรวดเดียวจบ
ตอนเช้าตื่นมาลงทะเบียน เพื่อเข้ามาเม้นโดยเฉพาะ

สมัครสมาชิกเพราะเรื่องนี้เลยครับไรท์

รีบอัพนะครับ คนอ่านจะลงแดง T^T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 27-03-2012 07:42:28
อ่านแล้วมีความสุข แต่พอเจอคุณดอกไม้ว่าอีกเดือนเจอ
เเป่วเลยอะ แต่ไม่เป็นไร รอได้เสมอ

ชอบทุกคู่เลยค่ะ
รักเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 27-03-2012 09:07:48
อ่านแล้วฟินสุดๆ :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 27-03-2012 09:09:06
ทำไมรู้สึกหวานเจี๊ยบในใจทั้งสองคู่เลยน้าาา  อิอิ

พี่จ้อยได้โอกาสทำดีกับน้องมากขึ้นแล้วนะ 
ใช้ให้เป็นประโยชน์ด้วยล่ะ

+1 ให้จ้าา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 27-03-2012 09:09:34
ใจเย็น ใจเย็นไอ้พี่สิงห์  น้องน้อยกำลังรู้สึกดีๆด้วย ถ้าแกหักห้ามใจไม่อยู่แกอาจจะได้ร่างที่มีชีวิตแต่ไร้จิตใจของน้องอยู่เคียงข้างก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 27-03-2012 11:26:40
อยากจะกรีดร้องงงง
พี่สิงห์หักห้ามใจให้ได้นะ
รอจนกว่าจะได้หัวใจจ้อ :sad4:ยดีกว่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: goonglovenut ที่ 27-03-2012 11:40:03
 :mc4:ดีใจด้วยกับครูและคุณเล็กที่เริ่มหวานขึ้น ส่วนพี่สิงห์กับน้องจ้อยก็ค่อยๆรักกันเบาเบาไปก่อน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 27-03-2012 13:11:18
พี่สิงห์ทำไมทำงี้อ่ะคะ   :beat:  :z6:  :z3:
อยากให้ได้กันก็จริง ขอแบบสมยอมทั้งสองฝ่ายได้มั้ยอ่ะ
พี่สิงห์จับจ้อยกดอย่างนี้แล้วจ้อยจะรู้สึกแย่แค่ไหน  :angry2:

คู่คุณเล็กกับอาจารย์คนึงดีแล้วนะคะ เข้าใจกันซะที แล้วก็หวานกันซ้าาาา  :o8:

พี่ดอกไม้หายไปเป็นเดือนอย่างนี้ คิดถึงมากแน่ๆเลยค่ะ  :o12:

ป.ลิง แอบปลื้มอาจารย์ประพนธ์ค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 27-03-2012 13:21:56
สงสัยงานนี้ได้มีผิดใจกันแหง
สิงห์ไม่เคยมีความพอดีในตัวเลย!!!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 27-03-2012 16:06:06
 :laugh:สิงห์น้อยหื่นแล้ว จะเป็นยังไงต่อนะ นึกไม่ออกเลย :m10:
ตั้งเดือนนึงกว่าจะได้อ่าน  :a5:

ปล.พี่จี้จะรวมเล่มPROTEGEเหรอค่ะ :impress:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: LUCKY STAR ที่ 27-03-2012 16:33:00

RIGHT  HERE  WAITING  NA  KA 

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 27-03-2012 16:48:39
อ่านทันจนได้
อ่านมาสองคืน เมื่อคืนดิฉันนอนตีสามค่ะ
ไม่เป็นไรค่ะ รอได้ ทำทีละอย่างให้มันดีสุดๆ ไปเลยค่ะ
ว่าแต่ นิยายเรื่องที่พิมพ์ คือเรื่องอะไร ลงที่เล้าหรือเปล่าค่ะ
แรกอ่านชื่อเรื่อง มหาหงส์  คิดว่าชื่อแปลกๆ แต่ก็ข้ามไปไม่ได้อ่าน
แต่สะดุดว่า ดอกมหาหงส์ หน้าตาเป็นไงน่ะ
พอเข้ามาอ่าน สำนวนแบบนี้ชอบค่ะ แต่ก็ไม่ค่อยได้อ่านพวกเจ้าบทเจ้ากลอนนัก
เพราะบางทีมันก็หวานไปสำหรับนิยายวายๆ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 27-03-2012 19:50:21
 :haun4: อารมณ์ชะงักเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shabu ที่ 28-03-2012 11:03:48
ยอมหลีกทางให้มี่จังกับโนโนะค่ะ อยากรับกลับบ้านจะแย่แล้ว  :กอด1:
ขอตอนพิเศษหวานๆน้า ร้องไห้มาระงมทั้งเรื่องละค่ะ
ส่วนพี่สิงห์รอไปก่อนเหอะ อย่าทำอะไรน้องจ้อยสำเร็จเลย  :angry2:
ไม่อยากให้น้องเกลียดพี่เพิ่มอีกน่ะ
คุณดอกไม้รีบมาไวไวนะคะ นับวันรอ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 28-03-2012 14:49:40
แล้วจ้อยจะรอดไหมเนี่ย จะร้ายยังไงก็รักไม่มีวันเปลี่ยน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsaki ที่ 30-03-2012 14:40:45
มาแล้วคร้าบพี่จี้ คินมารายงานตัวเเล้วครับ  :-[
ในที่สุดก็หาเวลาว่างอ่านจนได้ ความรู้สึกแรกที่อ่าน ชอบบบบ จินดาน่ารักมว๊ากกก  >w<
อ่านไปอ่านมา   :a5: o22  ทำไม ใยสวรรค์ถึงเล่นตลก แง้~  :o12:  จินดาาาาา ถูกใจจินดามากเลยอ่ะไม่น่าตายเลย โฮ
ผมขอตัวไปอ่านต่อละคับ  :z2: :z2: (จินดาาาาาาาา // กรีดร้อง)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: BossoM ที่ 30-03-2012 15:46:07
อ้ายสิงห์  โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :pighaun:
อย่าใจร้อนแบบนี้สิอ้าย
ค่อยๆไต่ ค่อยๆตอม อย่าทำน้องจ้อยแบบนี้
จะได้มีอะจึ๋งๆอย่างสนุกสนาน(??)
ฮิๆๆๆๆๆ

รอคนเขียนเสมอค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsaki ที่ 30-03-2012 20:55:37
โอ้ บร๊ะเจ้า ~ อ่านไป 8 บทและ
อยากจะบอกว่า "สนุกโครตเลยครับเพ่ >w<"
และที่สำคัญก็คือ.....  จินดาน่ารักมว๊ากกกก  << เกี่ยวมั้ย ? ถึงบทน้อยแต่ป๋มชอบอ่ะ (ชอบเคะน่ารัก โฮะๆ~ :z3:)

คุณชายกับจ้อยก็น่ารักมว๊ากกเลยเพ่น้อง~ เลอมาน~  :z2: 
ส่วนพวกเมะ.... อย่าไปสนมันเลย~  :laugh:

อ่านต่อๆ~  :pig4: ขอบคุณคร๊าฟที่ลงนิยายดีๆ ให้อ่าน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ai_no_uta ที่ 30-03-2012 21:57:55
อิอิอิ คู่อาจารย์กับคณชาย หวานนนนนถูกใจมากกกกอ่ะพี่จี้
โดยเฉพาะพี่สิงห์ของพิมพ์(???)  มุดมุ้ง อิอิ ^^   
รออ่านตอนต่อไปจ้า  นานขนาดไหนก็รอค๊าบบบบ ^3^



ปล. ครึ่งหลังนี้ มาในวันเกิดพิมพ์พอดีเลยจ้า   น่ารักอ่ะ~~~
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 30-03-2012 22:32:31
อย่าหายไปนานนะครับ พี่สิงห์เขาจะค้างนาน  มันไม่ดี 555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 31-03-2012 02:11:30
จะ จะ แล้ว ค้างซะงั้นอ่ะ  :z10:
P.S. รอต่อไปคร้า สู้ๆๆคุนดอกไม้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shiki senri ที่ 31-03-2012 02:22:02
สมกับที่รอคอยย TT^TT น้องเล็กน่ารักมากกก มีความสุขจัง พี่สิงห์กะจ้อยก้กะลังได้ที่เลย จะรออ่านต่อนะค่ะ

จุ๊บๆ พี่ดอกไม้ +1 ให้น้องเล็กกะครู ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 31-03-2012 16:05:53
คู่แรกหวาน คู่หลังมัน
นึกถึงอ.คนึงนั่งกางขาซักผ้าก็อมยิ้มขำ
นึกถึงคุณเล็กส่งตาหวานก็อมยิ้มเขิน
นึกถึงจ้อยแก้มแดงๆแล้วอมยิ้มเคลิ้ม
นึกถึงพี่สิงห์ปล้ำจ้อยแล้วอ้าปากลุ้น :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 31-03-2012 18:41:42
สิง เอ้ยยย

น้องเริ่มม เกียด กลัว เอ็งน้อยลงแล้วว

จะทำให้น้องกลัวอีกหรือเล่าเนี้ยยยย


เฮ้อออ

แต่ เบนชอบนะ สยิ้วกิ๊ว ดี

ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 31-03-2012 20:09:38
มุกนายสิงห์เลี้ยน เลี่ยน  อยากกอดเขาแร้วยังมาทำเป็นฟอม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsaki ที่ 31-03-2012 20:30:49
 :z2: :z2:
ในที่สุดก็ตามทันสักที วุ้วๆ~ เย่~ เย~
ตั้งแต่อ่านมาประทับใจเรื่องนี้มากๆ ครับ บรรยายซะเห็นภาพเลย
พี่จี้เก็บรายละเอียดเรื่องได้ครบถ้วนจริงๆ ทั้งๆ ที่ไม่เคยไปอยู่ในช่วงเวลานั้น
ทุกครั้งที่พี่เขียนบรรยายผมรู้สึกว่าพี่จะเก็บข้อมูลสถานที่ต่างๆ ที่ปรากฏในเรื่องได้ดีจริงๆ
คราวก่อนทำเอาผมอยากหอบผ้าหอบผ่อนไปบอสตันจริงๆ   :o12: (ติดตรงไม่มีเงิน และโง่อังกฤษ)
คราวนี้อยากข้ามเวลา ทวิภพ กลับอดีตเหลือเกิน~ กลับไปในช่วงที่สิ่งแวดล้อมยังไม่แปดเปื้อน
(อิคินเศร้านักชาตินี้อยากลองดื่มน้ำฝนสักครั้ง แต่ติดที่ปัจจุบันมันปนเปื้อนสารเคมี)

นอกเรื่องมาเยอะและ เข้าเรื่องดีกว่าเน๊อะ~
คู่ของอาจารย์คนึงกับคุณเล็กนี่อยากจะบอกว่าหวานน้ำตาลขึ้น มันไต่มันตอมคอมฯ กันเลยทีเดียว :-[
อย่างกับคู่สามีภรรยาที่พึ่งแต่งงานกันใหม่เเน่ะ ดูถ้าว่าถ้าเเต่งกันไปจริงๆ อาจารย์คนึงน่าจะเป็นทาสให้คุณเล็กนะ :laugh:
อีกคู่หนึ่งมันต่างกันราวฟ้ากับนรก (เว่อร์) ไอ่ย๊ะ~ เดี๋ยวนี้เค้านิยม ตบจูบๆ กัน ชิมิ ? มิน่าล่ะ คะเเนนคู่นี้พุ่งปรี๊ด (อิคินโบราณ)
ปลื้มเล็กน้อย ที่จินดาได้โผล่เข้ามาในบทบ้าง อย่าคิดลืมเลือนเมื่อเธอจากไป~ อุกริ ยังรักจินดาเสมอ ฮา
พี่จี้ตัดฉากจบได้เยี่ยมมาก  :m15: น้ำตาไหลพราก~  :o12: (กะซิกๆ)  แอบแวบไปทำหนังสือผู้ปกครองรึครับ หึหึ
อย่าลืมน้าว่าอิคินรองาบหนังสืออยู่  o18
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมขอให้พี่จี้ทำงานสำเร็จนะครับ อย่าหักโหมครับ รักษาสุขภาพด้วยคร้าบบ~  :กอด1:
ขอมอบดอกไม้ให้เธอเป็น " กำ ลัง ใจ "  :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 01-04-2012 02:53:45
อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก
สมชื่อตอนจริงๆ
หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก><
น่ารักทั้ง2คู่เลยค่ะ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PRMWi ที่ 01-04-2012 03:42:09
ย๊าก ไม่รู้เลยว่าพี่จี้มาอยู่ที่นี่ ดีนะคิดถึงจัดเลยเข้าไปในเฟสแล้วก้ เอ๊ย พี่จี้ลงไทยบอยด้วย
คิคิคิ ดีใจจัง สู้ๆค่ะรอได้

แต่แบบ พี่จี้ทำไมค้างตอนแบบนี้ ><  :o12:

สิงห์เอ็งอย่าทำไรเลยเหอะ เรื่องทำไปได้สวย
มันจะซวยเพราะเองไม่ยับยั้ง ง++
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 08-04-2012 11:43:12
คนึงกับน้องเล็กหวานนนได้อีกกกกกกกก น้ำตาลขึ้นหมดแล้ววว ^^

สุดท้ายคือพี่สิงห์ก็ทนหื่นไม่ไหว ลงไปลวนลามน้องจ้อยจนได้

นั่นแหนะะะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 08-04-2012 14:47:43
เข้ามาแอบดูเพื่อจะต่อ ฮ่าๆๆๆๆ(ฝันๆ) :man1:

นอตอนต่อไป.......
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: miruku ที่ 12-04-2012 00:24:33
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขอสารภาพว่าอ่านรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุดเลยค่ะ ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกก ทั้งปมเรื่อง ยุคสมัยและภาษา เอาใจช่วยสิงห์นะ อ่านตอนงานวัดแล้วอดสงสารสิงห์ไม่ได้ อันที่จริงก็เป็นคนดีแท้ๆ แต่คบคนพาลจนกลายเป็นแบบนั้นไป จ้อยก็ใจแข็งมาก คู่ครูคนึงกับชายน้อยก็ละมุนมากกกกกกกก ชอบจริงเวลาครูหึงงงงง อยากจะลงไปดิ้นจริงๆ แต่ที่จะดิ้นกว่าคือคนเขียนหายไปเดือนนึง แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เค้าอยากอ่านต่อแล้วอ่าาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 12-04-2012 02:27:49
คนเขียนไปไหนแล้วววน้าาาา?

 :m17:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: OmSIIIn ที่ 13-04-2012 02:14:10
พึ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ชอบมากๆเลยครับคนเขียนเก่งมากๆ เรื่องสนุกมากน่าติดตามตลอดเลย ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นผู้ติดตามด้วยนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 15-04-2012 13:54:01
มานับถอยหลังค่ะ  เมื่อไหร่จะคบหนึ่งเดือนเนี่ยยยย

คิดถึงพี่ดอกไม้สุดๆเลยค่ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shiki senri ที่ 15-04-2012 19:22:29
น้องเล็กกก กก ก  ก   ก 

ครูคนึงงงง งงงง งง งงง ง  ง

จ้อยยย ยย ย ย ย ย 

พี่สิงงง งง ง งง ง  ง

จินดาาา า าาา า   าา

พี่ดอกไม้ มม มม ม ม  ม

แอร๊วววววววว คิดถึงอ่ะ เมื่อไหร่จะมาค่ะ รอ ร้อออ รอ กระซิก รอคอยเธออยู่่ คิดถึงน้องเล็กจัง ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 18-04-2012 20:22:38
สนุกมากเลยค่ะ

ชอบเรื่องนี้สุดๆ

อยากรู้ว่าพ่อของจ้อยเป้นใคร  หวังว่าคงไม่มีอะไรพลิกล็อกหรือดราม่านะคะ

เช่นจ้อยเป็นลูกของลุงกำนันหรือคุณนายไรเงี่ย

อยากรู้ว่าเรื่องนี้จะจบเศร้ารึเปล่า

ไม่อยากให้เศร้าเลย

ขอร้องให้คนเขียนแต่งจบแบบ HAPPY  ENDING  นะคะ

PLEASEEEEEEEEE
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: YJism ที่ 21-04-2012 11:39:52
คิดถึงจังค่ะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 23-04-2012 00:45:30
สนุกมาก
อยากรู้เรื่องชีวิตปลาช่อนแล้ว
ชอให้คนเขียนมาไวไวด้วยเทอญ :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 25-04-2012 21:23:15
มารอน้องจ้อยยยยยย

กะพี่สิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 27-04-2012 14:49:41
555 หนึ่งเดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก
คุณดอกไม้เป็นไงบ้างคะ คิดถึงจังค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: หัดดิน เอ้ยหัดกิน ที่ 28-04-2012 23:37:50
เกิดอะไรขึ้นกับคนแต่งคร้าบบบบบ???
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 28-04-2012 23:44:13
คิดถึงคุณครู คุณเล็ก สิงห์ จ้อย และคุณดอกไม้

ใกล้ครบเดือนแล้วนะจ๊ะ  รอตอนใหม่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 28-04-2012 23:59:44
มารอคุณดอกไม้
 :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๕ : น้ำตาลใกล้มด (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๒๖/๓/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 29-04-2012 00:01:50
นางฟ้าลงทุนซื้อตะเกียงรอส่องฉากในมุ้งแบบHD แล้วนะคุณดอกไม้  อย่าให้ตบยุงรอนานเลย เดี๋ยวทิชชูที่จะเอามาซับเลือดโดนปลวกกินหมด  :z10:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IamFe ที่ 30-04-2012 20:02:38
มาต่อเร็วๆนะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 30-04-2012 20:12:01
แอ๊~~ เค้าจะลงรูปแต่ลงไม่เป็น

ทำฉันใดดี  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 30-04-2012 20:24:41
มารอดูข่าว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 30-04-2012 20:26:57
กรี๊ดดดดดด ดอกไม้มาแล้ววว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 30-04-2012 21:23:01
มีเรื่องอะไรมาแจ้งคะ? รอฟังอยู่นะเออ

ปล. ลงรูปไม่เป็นเหมือนกัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 30-04-2012 21:33:47
มีปุ่มใส่รูปนะคะ  ถ้าใส่ไม่ได้แนะนำให้ไปฝากรูปแล้วเอามาแปะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 30-04-2012 22:08:32
ยู้ฮู้วววววววว พี่จี้อยู่ไหน?

เรื่องรูป ทำไม่เป็นเหมือนกันค่ะ แหะๆ  :m23:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mumumim ที่ 30-04-2012 22:16:58
มาปูเสื่อนอนรอค่ะ..คิดถึงพี่สิงห์อ่า ^___^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 30-04-2012 22:18:02
รอฟังข่าวจ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 01-05-2012 13:03:47
คือว่า...


(http://i1173.photobucket.com/albums/r587/WattananK/dokmaiapologize02.jpg)


เอวังด้วยประการฉะนี้เอย~~

ขอโทษจริงๆ ค่ะขอโทษน๊า จะรีบเคลียร์ทางนั้นให้เสร็จแล้วรีบกลับมาอัพค่ะ
:m5:

ปล. ขอบคุณการ์ตูนน่ารักๆ จากคุณขวัญระพีค่ะ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 01-05-2012 13:19:28
รูปน่ารักดีคะ รักเรื่องนี้ก็รอได้จ๊ะ

ปล.อย่าให้รอนานนะ พี่สิงห์ค้างในมุ้งนานจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 01-05-2012 13:20:25
 :m15: :monkeysad: :z3:
สามคำ>>รอ เพราะ รัก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 01-05-2012 13:29:17
กรี๊ดด คุณดอกไม้ขา เห็นการ์ตูนเช่นนี้แล้ว ไม่รอก็คงไม่ได้แล้วละค่ะ พี่สิงห์ของดิฉันเถื่อนและเท่ห์เหลือเกิน แค่หมัดเดียวก็ทำเอาคุณดอกไม้ถึงกับเลือดพุ่ง  :laugh: แต่น้องจ้อย(?) นี่ถึงกับเอาเตารีดนาบหน้าเลย?! คู่นี้เขาโหดทั้งผัวทั้งเมียเลยเนอะ?!  :laugh:

อีกเดือนก็รอได้ค่ะคุณขา

ปล. หน้า "ฮ้าน" หมอลำ??? คุณดอกไม้เป็นคนที่ไหนเอ่ย? อิอิ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 01-05-2012 13:33:10
เตารีดน่าจะเป็นคุณชายนะ :o8:

ไม่เป็นไร จะได้เรื่องนั้นเร็วๆ อิอิ
ปล.มีโนโน๊ะกะมี่ด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 01-05-2012 15:07:48
ตอบคุณแป้งจี่ เราคนปราจีนฯ ค่ะ (ลาวขนานแท้) :-[

อ้อ มือเตารีดคือคุณชายจ้า น้องจ้อยใช้ขวดไบเล่ย์ อูยยย :sad2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ai_no_uta ที่ 01-05-2012 15:23:43
พิมพ์ ยังยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าLike พี่สิงห์ รักพี่สิงห์  รอพี่สิงห์เหมือนเดิมมม !!!!!! :กอด1:

ถูกใจอ่ะ ฮาโพดๆๆ
 
รอๆๆๆๆ พี่จี้มาอัพไวไวนะคะ ^^  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 01-05-2012 18:24:24
การ์ตูนแบบว่าน่ารัก   จ้อยกะเล็กน่ารักมากกก

รอได้ครับ  รอได้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 01-05-2012 18:41:27
รอได้ค่ะ แต่สุดแสนทรมานใจ โฮ :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 01-05-2012 18:46:23
ชอบคำอ้ายสิงห์นัก เราสิค้างกว่า 555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 01-05-2012 19:28:12
อูย....แต่ละคนน่ากลัวที่ซู้ด
อย่างนี้ คุณดอกไม้คงต้องรีบมาลงตอนต่อไปแล้วหล่ะค่ะ
ขืนให้รอนานกว่านี้  มีหวังคงโดนพี่สิงห์แกตีเข่า เขย่าศอก
จนหักกลางลำตัวแน่นอน  อูย....ย !!!
เสียวแทนเลย...~~~~
 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 01-05-2012 19:29:18
รับทราบ จะรอต่อไปจ้า :bye2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: popeye ที่ 01-05-2012 19:35:07
หึ หึ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 01-05-2012 19:59:41
555 การตูนน่ารักมาก คุณดอกไม้สู้สู้นะคะ ช่วงนี้อากาศร้อนมากๆเราก็ทำงานได้ช้ามากเหมือนกันเข้าใจๆ ยังไงมาส่งข่าวกันอย่างนี้บ้างก็ดีใจที่สุดละค่า อย่าลืมคนอ่านเหมือนกันนะคะ
ยังเฝ้ารอด้วยความรักค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 01-05-2012 20:03:18
การ์ตูนน่ารักมากครับ คุณชายกับพี่สิงห์โหดโคตร  :sad3:

 o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 01-05-2012 20:11:09
พี่จี้ ให้พี่สิงห์ค้างนานอย่างนี้ มันไม่ดีต่อสุขภาพพี่สิงห์นะ!!!! 555
รอได้ค่ะรอ  :L2:

แอบมีโนโนะกับมี่จังโผล่มาด้วย  :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 01-05-2012 20:13:24
รอได้จ้าคุณเล็กมาขอโทษแทนขนาดนี้ ><
ว่าแต่พี่สิงห์นี้เค้ารอมานานจริงๆนะ 5555++

ปล.แอบเหนรอยปะกางเกงของพี่สิงห์
ฝีมือน้องจ้อยใช่มะนั่น ลายน่ารักเชียว อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 02-05-2012 13:44:02
การ์ตูนวาดได้น่ารักและฮามาก ชอบๆ
คุณดอกไม้เปิดตัวกรอบแรกดูน่ารักมาก แต่กรอบต่อมาๆๆๆ เยินๆๆๆ อิอิ
คุณเล็กโหดสุด เตารีดนาบหน้า หยองมว๊ากกก o22

อ่ะ รอต่ออีกเดือนนึง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 02-05-2012 20:09:06
รักแล้ว รอได้ค่ะ
 :-[

การ์ตูนน่ารักจัง
พี่สิงห์ยังค้างอยู่ในมุง  :m25:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: khalwfarng ที่ 04-05-2012 08:50:00
คุณเล็กช่างน่ารักน่ากอดน่าหอม ....>"<
ชอบคู่คุณเล็กมากเลย ถ้าหวานกันแบบนี้อีกไม่นานก็จะดราม่าขมขื่นใช่ไหม
...ขอเตรียมใจก่อน *กระซิก*
อยากอ่านคู่คุณเล็กเยอะๆ ชอบมากเลย ...ถึงขั้นเพ้อเลยทีเดียว คุณเล็ก คุณเล็ก คุณเล็ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ส่วนตาสิงห์ก็bad boy เชียว อย่าเพิ่งเผด็จศึกน้องจ้อยเลยพ่อเอ๊ย โดนเกลียดซะเปล่าๆ

กล่าวถึงไอ้ลอยบ้าง...เมื่อไหร่กรรมเวรจะตามทันคะ เพลียเหลือเกิน

สุดท้าย ...ขอกระทืบนังคุณนายทีเหอะ เดี๋ยวจะเกณฑ์คนทั้งตำบลไปกระทืบแม่ง .... แง่บๆ

ปล.สงกะสัยอยู่สองเรื่อง
พี่ของจ้อยทำไมถึงตายเพราะคุณเล็ก
ปะป๋าของจ้อยคือผู้ใด ต้องเป็นคนมีชาติตระกูลแม่นเลย(แอบคิดแว๊บนึงว่าเป็นพ่อกำนันแต่คงไม่ใช่ละ)
อีกไม่นานก็จะเฉลยแล้วใช่ไหมจ๊ะ(ไซโค)

........................................................แอบจิ้นพ่อแช่มกับคุณชาย เบาๆ...........................................................................
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsaki ที่ 04-05-2012 22:07:24
กี่เดือนก็รอได้ ขอแค่พี่ไม่ทิ้งก็พอ 555 แอบซุ่มทำ "ผู้ปกครองสินะ" 555~   :impress2:
รอๆ ~ (ขำพี่สิง 5555  :laugh: :jul3: :m20: ค้างงง~ )
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Phantom ที่ 04-05-2012 22:36:15
 :laugh:
การ์ตูนฮามากกกก น่ารักมาก
รอจ้ารอ อย่าลืมคนอ่านล่ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oattie ที่ 05-05-2012 09:29:55
การ์ตูนน่ารักมากเลยค่ะ ฮ่าๆ พี่สิงห์ยังค้างอยู่ในมุ้ง น้องจ้อยน่ารักจริงเลย ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 08-05-2012 01:16:13
รับทราบและจะรอนะคะ

อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนมีบรรยากาศชนบทสมัยก่อนห้อมล้อมเลย ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 08-05-2012 22:37:08
 :จุ๊บๆ:คิดถึงมหาหงส์เสมอจ้า รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 08-05-2012 22:44:06
จะรอจ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shiki senri ที่ 19-05-2012 01:13:43
คิดถึงน้องเล็กอ่ะ TT^TT เมื่อไหร่จะมาคร้าาาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 19-05-2012 01:18:11
5555555
มีของเซ่นแบบนี้ รอได้จ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ai_no_uta ที่ 19-05-2012 11:03:23
ดัน ดัน ดัน

 คิดถึงมากกกอ่ะพี่จี้  กลับมาอัพอีกเร็วนะคะ T^T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 20-05-2012 04:38:06
อีกเดือนก็รอได้ นี้ก็ใกล้จะครบอีกเดือนตามที่ขอแล้วนะ*ส่งสัญญาณเตือน*
ถ้ามาแบบไม่"จัดเต็ม" จะยืมเต้ารีดครูคนึงไปให้พี่เสือจัดการกับคุณดอกไม้! -คิดดูถึงความเลวร้ายละกัน-
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 20-05-2012 10:46:12
รอจร้ารอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 26-05-2012 17:51:24
จ้อยจะเป็นยังไงมั่งน้อ....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 26-05-2012 20:17:33
นับวันรอเลยได้ไหมคะ คุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 26-05-2012 20:51:58
อีก4วันนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 26-05-2012 23:32:28
 :L2: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน Coming Soon จ้า :D  :L2:

ข่าวดีจากแฟนเพจคุณดอกไม้ค่ะ แฟนคลับเตรียมต้อนรับกันแล้วน้า
จองที่นั่งแถวหน้า ส่องมุ้งน้องจ้อยค่า :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oattie ที่ 27-05-2012 20:03:58
มาจองที่นั่งค่ะ รอตอนที่ ๑๖   :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 02-06-2012 10:52:32
มารอจ้า o11
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ ๕๐% ก่อนนะคะ^^) [๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 02-06-2012 14:23:27
(http://img15.picoodle.com/i562/wattanan/0_1ab_ucmz8.jpg)

บทที่ ๑๖

ดอกฟ้ารักดอกดิน



ดอกฟ้าเป็นห่วง  กลัวตรมดวงวิญญาณ์
ดอกฟ้ายามหล่นขาดคนเมตตาถลาลงดิน
แล้วคงด่าวดิ้นสิ้นลมสิ้นใจ
ดอกฟ้าพลัดถิ่น  เราจะเชื่อลิ้นชาวดินดีไหม
กลัวไม่ทันไรจะหน่ายระอา*



องฺคชาตํ  กมฺมนิยํ  อสฺส  อรหํ  โส  ภิกฺขุเว
คนที่องคชาติไม่แข็งมีอยู่พวกเดียวเท่านั้นคือพระอรหันต์

แล้วคนอย่างไอ้สิงห์  คนที่ต่างกับพระอรหันต์ราวฟ้ากับเหว  ราวดาวดึงส์กับใต้เถรเทวทัต  จะรอดพ้นสัจธรรมข้อนี้ไปได้ล่ะหรือ

“ลืมไปแล้วหรือว่าถ้าข้าโมโหแล้วจะเป็นยังไง” เพียงเสียงต่ำเค้นลอดไรฟัน  เหยื่อตัวน้อยที่ดิ้นขลุกขลักก็ชะงักกึก  ความสมใจฉาบฉายในประกายตากระหายหื่น 
   
จ้อยเบ้หน้าเมื่อคนตัวโตครางเสียงต่ำในคอ  มันไม่ต่างจากเสียงเสือหิวที่กำลังจะได้กินเนื้อสด  ส่วนกลางลำตัวที่ร้อนผะผ่าวแถมยังแข็งเป็นหินบดเบียดลงมา  เสียดสีแนบเนื้อ  เชื่องช้า.. จ้อยทั้งกลัวทั้งขยะแขยงจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว     
   
นักเรียนครูโล่งใจเปลาะหนึ่งเมื่อมือใหญ่ปล่อยมือเขาเป็นอิสระ  หากเป็นเปลาะหนึ่งที่แสนสั้นนัก  เมื่อรู้ความจริงว่าสิงห์มันยอมปล่อยมือเขา  เพื่อใช้มือของมันข้างนั้น ‘ปล่อย’ อะไรบางอย่างที่ตึงแน่นอยู่ในกางเกงให้ออกมาสูดอากาศ 

จ้อยหลับตาปี๋  ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามอง  แค่สัมผัสที่ดุนดันผ่านเนื้อผ้าก็รับรู้ได้ถึงขนาดของมันแล้ว  เขาเบือนหน้าปิดตาแน่น  หู..ได้ยินเสียงหอบหายใจหนักหน่วง เสียงรูดรั้งเปียกลื่น เสียงหัวใจตัวเองเต้นรัวเร็วกระทุ้งอก  กาย..รู้สึกได้ถึงกระไอร้อนผ่าวของเลือดเนื้อที่คร่อมทับ  โดยเฉพาะช่วงกลางลำตัวที่แนบสนิท  ขวางกั้นไว้เพียงกางเกงนอนเนื้อบาง
   
ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไซ้ปากไซ้คอ  ร่างเล็กสะดุ้งผวา  มือข้างที่ว่างพยายามยันช่วงไหล่ล่ำสันออก  มือนั้นกลับถูกบีบแน่น  ถูกพาลัดเลาะลงต่ำ  ถูกพาไปทำความรู้จัก ‘บางสิ่ง’ ที่ผงาดอยู่เหนือท้องน้อยของจ้อย
   
แค่แตะ จ้อยก็ถึงกับสะดุ้ง
มันร้อน..มันแข็ง..มันลื่น..
มัน.. มันขยับได้ด้วย!

จ้อยร้องไห้โฮ  หวาดกลัวสุดหัวใจ  ค่ำคืนเลวร้ายที่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำย้อนกลับมาหลอกหลอน  สิงห์กลับปิดเสียงร้องนั้นไว้ด้วยจูบหนักหน่วง  ฉกชิงอากาศจนจ้อยแทบขาดใจกว่ามันจะยอมผละออก   
   
“ถ้าเอ็งร้อง..” เสียงพร่ากระซิบเหี้ยมข้างหู “ข้าจะให้แม่ยึดที่นายายเอ็ง  ข้าไม่ได้ขู่นะ”
   
นักเรียนคนซื่อได้แต่นอนน้ำตาไหล  ปล่อยให้คนใจหินจับมือน้อยบังคับ..ชักนำให้รูดรั้งความปรารถนาที่ร้อนจัดและใหญ่โตจนกำไม่รอบ  มือหยาบถลกเสื้อตัวเก่าของจ้อยขึ้นมากองไว้บนอก  มันนึกจะก้มลงจูบตรงไหนมันก็จูบ  นึกจะกัดตรงไหนมันก็กัด  เสียงแหบต่ำครางระงมน่าขยะแขยงนัก  แสงจันทร์ส่องกระทบเสี้ยวหน้าคมสันที่บิดเบี้ยว  กระทบแผงอกกำยำมันปลาบอาบเหงื่อ

เนิ่นนานเหลือเกินกว่าจะสิ้นสุด  จ้อยสะท้านหนักกว่าเก่าเมื่อไอ้สิงห์จับมือเขาเร่งจังหวะกระชั้น  ดวงตามันพร่ามัวเหมือนเดรัจฉานในฤดูผสมพันธุ์  ไอ้สิงห์หอบถี่ขึ้น แรงขึ้น จนปล่อยเสียงห้าวร้องก้องห้องกว้าง  วินาทีนั้น..ธารรักขาวขุ่นทะลักทะลายออกมาเต็มมือจ้อย  รุนแรงเหมือนฝนเดือนหก  เนืองนองเต็มหน้าท้องขาว  บางส่วนกระเซ็นสายขึ้นไปถึงใบหน้าซีดเผือด 
   
ไอ้สิงห์ยังหอบหนักตอนที่มันยอมปล่อยมือ  จ้อยสบจังหวะรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดผลักร่างกำยำออก  ก่อนผลุนผลันลุกขึ้นนั่ง 

ลูกชายกำนันคล้ายเพิ่งได้สติเดี๋ยวนั้น..

ร่างเล็กตัวสั่นเหมือนลูกนก  ดวงตาแดงช้ำฉ่ำน้ำจ้องมาอย่างจงเกลียดจงชัง  เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบของเหลวขาวขุ่น   แม้กระทั่งใบหน้า! 
   
น้องสะอื้นฮั่กยามยกมือขึ้นเช็ดรอยรักที่ข้างแก้มใส  อนิจจา  น้องเผลอใช้มือข้างที่เขาหักหาญจนแปดเปื้อน  แก้มที่เลอะอยู่แล้วยิ่งเลอะเข้าไปใหญ่   สิงห์ปวดหนึบในอกยามน้องกระเถิบหนีอย่างหวาดกลัว  สองมือเช็ดหน้าเช็ดตาเป็นระวิง
   
นักเลงโตโจนเข้าคว้าแขนเล็ก  ดวงตาสีเข้มสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
   
“พี่..พี่ขอโทษ..” เสียงห้าวหล่นจากปาก  มันสั่นพร่าจนน่าสมเพช  แววตากระหายหิวหายไปแล้ว  เหลือเพียงสำนึกเสียใจ “ต่อไปพี่จะไม่ทำอีก”

ถึงจ้อยอยากจะด่า  อยากชกหน้ามันแค่ไหน  หากปฏิกิริยาตอบสนองกลับมีเพียงเสียงหวิวผ่านลำคอตีบตัน “ปล่อย..” 

สิงห์ยอมปล่อยง่ายดาย  ร่างเล็กลนลานเปิดมุ้ง  ก่อนพรวดพราดออกจากห้อง  ทิ้งคนตัวโตมองตามอย่างละห้อยหา   ทุบกำปั้นลงพื้นตึงๆ ด้วยความหงุดหงิดตัวเอง

กลิ่นคาวจัดติดตัวจ้อยจนอยากอาเจียน  แม้จะวิ่งออกมาถึงนอกชาน  กลิ่นดอกไม้หอมเย็นพรั่งพรู  ก็ไม่อาจกลบกลิ่นความใคร่ที่ติดกายจ้อยได้     
   
คุณนายพูนทรัพย์ไม่ได้ทำห้องอาบน้ำไว้ให้ขี้ข้า  จ้อยจึงพาร่างไปหยุดตรงศาลาท่าน้ำหน้าบ้านที่ใช้อาบน้ำอยู่ทุกวัน  ยังสะอื้นไม่หายยามถอดเสื้อตัวเก่าออกทางหัว  จ้อยคงจุดไฟเผามันทิ้งไปแล้วถ้าไม่ติดว่าเขาไม่ได้มีเสื้อผ้ามากนัก  เพราะไม่ได้เอาขันติดมือมาจ้อยเลยโดดลงน้ำทั้งตัวดังตูม  มือเล็กขัดถูไปตามเนื้อตัวอย่างรังเกียจ ขยะแขยงจนขนลุกทุกครั้งเมื่อสัมผัสโดนเมือกลื่น  ไม่ลืมคว้าเสื้อลงมาซักในน้ำด้วย 
   
สักพักแน่ะกว่าจ้อยจะยอมขึ้นจากน้ำ  น้ำที่เมื่อกี้ยังเห็นใสๆ แต่จ้อยเล่นตีแปลงเสียขุ่นไปหมด  ร่างเล็กนั่งกอดเข่าหัวหูเปียกโชกอยู่ที่ท่า  ลมเย็นพัดมาต้องกายจนคางสั่น  แต่ต่อให้หนาวแค่ไหนจ้อยก็ไม่คิดจะกลับเข้าไปในห้องนั้น..
   
ห้องนั้น.. หนุ่มน้อยหันมองห้องทิศตะวันออก  เห็นแสงตะเกียงเรืองรองลอดออกมาจากช่องหน้าต่าง  น้ำตาแห่งความชิงชังคลอรื้นขึ้นมาอีก   ไอ้สิงห์ไม่ต่างอะไรจากหมา  ยามดีมันก็ดี  หากยามบ้า  มันกัดซึ่งหน้าอย่างไม่น่าให้อภัย  สันดานสัตว์หน้าขน  ไว้ใจไม่ได้แม้สักนิด  จะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก   
   
เขาจะไม่กลับเข้าไปในห้องนั้น  ไม่มีทาง!


“ทำไมไม่กลับเข้าห้อง!”

เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นด้านหลังทำจ้อยสะดุ้งโหยง  หันกลับไปก็เห็นร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่าน 
หากซุ้มไม้เลื้อยบดบังแสงจันทร์ไม่ให้ส่องกระทบแววตาร้าวรานให้จ้อยเห็น 
   
เพราะเห็นหายไปนาน  จึงออกตามหา  แต่สิงห์ไม่คิดว่าจะมาพบน้องในสภาพนี้  รานใจบอกไม่ถูก  น้องยอมนอนหนาวอยู่ที่ท่า  ยังดีกว่าเข้าไปนอนร่วมห้องกับเขา  เขามันน่าชังขนาดนั้นเลยหรือ
   
แต่พอคิดๆไป  มันก็สมควรแล้วไอ้สิงห์เอ๋ย 
   
“กลับเดี๋ยวนี้” มือใหญ่คว้าแขนเรียวให้ลุกขึ้น  จ้อยขัดขืนสุดกำลัง  มือเล็กพยายามแกะคีมเหล็กออก  คิ้วหนาขมวดมุ่นให้แก่สัมผัสแปลกประหลาด  สิงห์คว้ามือน้องขึ้นดู  ปวดหนึบในอกเมื่อเห็นว่ามันเหี่ยวซีดเหมือนมือคนแก่ 

ทำไมต้องแช่น้ำนานขนาดนั้น!

สิงห์ขบกรามกรอด  จ้อยช่างไม่นึกกลัวอะไรเลย  จินดาเพิ่งตายในคลองนี้ไปไม่ถึงสองเดือน  คนโง่ๆอย่างเขายังรู้เลยว่าผีน้ำต้องหาตัวตายตัวแทน  เกิดพี่มาเอาน้องไปอยู่ด้วยเขาจะทำอย่างไร 
   
มือหยาบออกแรงฉุดกระชาก  หนุ่มน้อยยังฮึดฮัดขัดขืนไม่หยุดจนสิงห์ต้องช้อนขึ้นอุ้มทั้งตัวปัดความรำคาญ 

“ปล่อยเดี๋ยวนี้!  เดินเองได้ ปล่อย!” กำปั้นเล็กทุบอกกว้างตุบตับ  แต่สิงห์ไม่สะเทือนสักนิด  เจ้าตัวยุ่งจามออกมาสองทีจนขายาวๆ ต้องก้าวให้เร็วขึ้น 
   
“ปล่อยสิ! บอกให้ปล่อยไง!” ถึงชานเรือนแล้วจ้อยยังโวยวายไม่เลิก 

“นั่นใครวะ!” เสียงทรงอำนาจดังลั่นมาก่อนตัว  เสียงกำนันเสริม! “ค่ำมืดดึกดื่นไม่รู้จักหลับจักนอน!”
   
สิงห์ชะงักกึก  จ้อยออกแรงโดดลงจากอ้อมแขนแกร่งลงมาเท้าแตะพื้นได้สำเร็จ  ทันก่อนกำนันจะเห็นภาพบ่าวคนใหม่อยู่ในอ้อมกอดลูกชายคนกลาง 

“ผะ..ผมเองพ่อ” เสียงห้าวตะกุกตะกักบอกพ่อที่เดินอาดๆ ตรงมาหา  กำนันตาสว่างทันทีที่เห็นสภาพนักเรียนครูร่างเล็ก

“ทำอะไรกัน!”

“ปะ..เปล่าพ่อ ไม่มีอะไร” สิงห์แก้ตัว “คือ..จ้อยมัน..ละเมอ..ละเมอไปอาบน้ำ”

จ้อยที่เอาแต่ยืนตัวสั่นด้วยความหนาวเหลือบมองคนตัวโตข้างๆ  ต้องขอบใจความร้อยลิ้นกะลาวนของไอ้สิงห์มันจริงๆ  ในขณะที่จ้อยยังนิ่งอึ้งพูดไม่ออก  มันกลับพลิกลิ้นเอาตัวรอดได้อย่างเหลือเชื่อ
   
กำนันก็เชื่อเสียด้วย  เชื่อสนิทใจ..
   
“เกือบไปแล้วไหมล่ะครู” แกครางอ้อ  ตบบ่าจ้อยปุๆ  “ดีนะที่สิงห์มันไปเห็นเข้าเสียก่อน  อยู่ด้วยกันก็ดูแลกันดีๆนะ” ประโยคหลังแกหันไปพูดกับลูกชาย  ก่อนเดินหาวหวอดๆ กลับเข้าห้องไป

คล้อยหลังกำนัน  สิงห์ฉุดกระชากจ้อยเข้าห้องทันทีไม่รีรอ  หนุ่มน้อยลนลานเปิดมุ้งเข้าไปนั่งขดทั้งตัวเปียกๆ  ร่างสูงใหญ่ได้แต่มองนิ่งงัน   
   
“ถอดเสื้อก่อน” เสียงทุ้มห้าวสั่ง  พลางเปิดมุ้งกว้างยัดตัวเองเข้าไป  จ้อยสะดุ้งเฮือกเขยิบหนี  มือเล็กขยุ้มคอเสื้อแน่น  ส่ายหน้าระรัว
   
“บ๊ะ ไอ้นี่  ข้าไม่ทำอะไรเอ็งหรอกน่า” สิงห์ตบเข่าฉาด “เปลี่ยนเสื้อเร็ว  เดี๋ยวไข้จับ”

จ้อยยังคงส่ายหน้า  ก่อนจามออกมาอีกสองที  สิงห์ไม่แน่ใจว่าที่น้องตัวสั่นสะท้านเป็นเพราะหนาวหรือเพราะกลัวเขากันแน่ 

ดวงตาคมกล้าอ่อนแสงลง  ยอมเป็นฝ่ายถอยออกมานอกมุ้ง  แต่ครั้นเห็นคนตัวเล็กยังคงมองมาอย่างเคลือบแคลง  เขาตัดสินใจเดินออกนอกประตูไป 
   
นักเลงโตเดินคอตกไปทิ้งกายลงนอนกลางเฉลียง  แววตาทดท้อนิ่งมองดวงจันทร์สุกปลั่งเบื้องบน  แว่วเสียงกุกกักมาจากในห้อง  คล้อยหลังเขา  จ้อยคงยอมลุกมาเปลี่ยนเสื้อ  ไม่เป็นไร.. คิดเสียว่าลงโทษตัวเองที่เสือกทำอะไรไม่ยั้งคิด  จึงต้องมานอนตากน้ำค้างแบบนี้

สมควรแล้ว..

*****************************
 
สิงห์มาสะดุ้งตื่นเอาตอนน้าเวกมาสะกิด  ทะลึ่งตัวลุกขึ้นพรวดจนคนปลุกยังต๊กกะใจ  ฟ้ายังไม่ทันสาง  ยินเสียงดุเหว่าแว่วมา  เคล้าเสียงตำน้ำพริกและกลิ่นแกงหอมลอยล่องมาทางครัว 
   
“ทำไมมานอนตรงนี้” ผู้มากวัยกว่าเอ่ยถามคนที่เอาแต่นั่งหัวยุ่ง 
   
สิงห์ไม่ตอบคำ  เช้ามืดหน้าฝนน้ำค้างแรงจัด  แต่เหตุใดเล่าเขาจึงอุ่นนัก..
ผ้าผวยผืนเก่าที่คลุมร่างอยู่นี่ไงคือคำตอบ

ริ้วไออุ่นแผ่ซ่าน  คนตัวโตกอดกระชับผ้าผวยแน่นขึ้น  ยกขึ้นจ่อจมูกอย่างลืมตัว  หอมอย่างนี้.. ของจ้อยชัดๆ 
   
“จ้อยล่ะน้า” เขาตัดสินใจถามถึงคนในฝันกับน้าเวก  ตะแกยกมือป้องหน้าผาก  ชะโงกส่องไปทางท่าน้ำหน้าบ้าน  เห็นเหลืองๆ พายเรือมาเทียบ 
   
“ใส่บาตรอยู่ที่ท่า” แกบุ้ยปาก  ยิ้มกริ่มเมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อย “แน่ะ  เจ้าฝนก็อยู่ด้วย  ยืนรอใส่บาตรร่วมขันกับพี่จ้อย  สงสัยเกิดชาติหน้าอยากเป็นคู่กัน”

คำพูดนั้นดั่งจุดตะเกียงในหัวใจคนฟัง  สว่าง..เรืองรอง..

“จริงเรอะน้า”

“ก็จริงสิ” น้าเวกยิ้มเย็น “โบราณท่านว่าเด็ดดอกไม้ร่วมต้น  ใส่บาตรร่วมขัน  เกิดมาคู่กัน”
   
รวดเร็วปานลมพัด  คนตัวโตลุกขึ้นวิ่งจนเรือนสะเทือนลงบันไดไปทั้งผ้าผวยคลุมร่าง  ทิ้งน้าเวกให้มองตามงงๆ  เจ้าสิงห์อยากใส่บาตร  สงสัยโลกจะกลับตาลปัตร  ตะวันขึ้นทางทิศตะวันตกเสียแล้ววันนี้ 

ลูกชายกำนันวิ่งเป็นเสือทลายห้าง ช้างทลายโขลงไปยังศาลาท่าน้ำ  ได้ยิน..อายุวัณโน สุขัง พลัง..แว่วมา  ดังนั้น.. กว่าสิงห์จะวิ่งไปถึง  ที่ท่าก็มีแต่จ้อยกับน้ำฝนที่มองมางงๆ  ส่วนเรือพระน่ะหรือ  นู่น..พายทิ้งท่าไปโขแล้ว   
   
“วู้! หลวงตา!” นักเลงป้องปากตะโกนเรียกพระทั้งยังหอบ “กลับมาก่อน! อย่าเพิ่งไป!”

เด็กวัดคัดท้ายหันมามองแล้วรีบจ้วงพายหนี  มันคงคิดว่าองคุลีมาลที่ไหนมาตะโกนโหวกเหวก 

“บาปกรรม” จ้อยเอ็ดเบาๆ  ถ้าไม่ได้อยู่กันสองคน  จ้อยไม่ค่อยกลัวคนตัวโตตรงหน้านี่เท่าไร “พระมาบิณฑบาตพระไม่รอหรอก  บิณฑบาตถึงไม่มีร.เรือ” เลือดครูขึ้นหน้า  อดไม่ได้ที่จะสอนฉอดๆ “เราคนใส่บาตรสิต้องเป็นฝ่ายรอพระ  ใส่บาตรก็เลยมีร.เรือ”

สิงห์ยืนบื้อ  จะมาสอนภาษาไทยอะไรเอาตอนนี้  คนอย่างไอ้สิงห์ สีตลา  เขียนชื่อกับนามสกุลตัวเองถูกได้ก็บุญถม

อีกอย่าง.. รอรง รอเรืออะไรนั่นมันไม่สนหรอก  ตอนนี้ในอกมันมีแต่ ‘รอรัก’ เท่านั้น
   
เห็นหนูน้อยมัวมุ่นอยู่กับวุ้นที่เหลือจากใส่บาตร  ร่างสูงใหญ่เลียบๆ เคียงๆ ถามคนตัวขาวที่ก้มหน้าก้มตาเก็บขันข้าว “เอ็งเอาผ้ามาห่มให้ข้าหรือ”

“กลัวจะหนาวตาย” จ้อยตอบโดยไม่หันมามองสักนิด  แต่แค่นั้นก็เล่นเอาหัวใจคนฟังพองโตคับอก  นายเดินตามบ่าวต้อยๆ  แม้จ้อยเดินเลี้ยวไปยังกอมหาหงส์ที่ขึ้นแน่นขนัดริมน้ำ  สิงห์ก็ยังตามติด 

“ทำอะไรน่ะ” คนตัวโตถามเมื่อเห็นมือเล็กเอื้อมไปเด็ดดอกขาวสะอ้านชูช่อ   

“เก็บดอกไม้ไปไหว้พระ” จ้อยตอบโดยไม่หันมอง  หารู้ตัวไม่ว่าคำตอบนั้นจุดประกายความสุขในหัวใจคนถามเพียงใด

เด็ดดอกไม้ร่วมต้น! 

เอ..มหาหงส์มันขึ้นเป็นกอ  แบบนี้ก็เป็น ‘เด็ดดอกไม้ร่วมกอ’ น่ะซี  เอาน่า.. มันก็คงเหมือนๆกันนั่นละ 

“มา ข้าช่วย” สิงห์ยิ้มลิงโลด  กุลีกุจอจะเอื้อมเด็ดบ้าง  เจาะจงเลือกกอเดียวกับจ้อย  หากรอยยิ้มนั้นเป็นอันต้องหุบฉับ  เมื่อมีมือที่สามยื่นเข้ามา 

มือสั้นๆ กลมๆ ป้อมๆ เสียด้วยซี

“น้ำฝน!” เสียงห้าวเอ็ดลั่น  แม่หนูน้อยเงยหน้าแป้นแล้นขึ้นสบตา  กะทิหน้าวุ้นเลอะเป็นเทือกถึงใบหู  ท่าทางเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ 

“น้ำฝน” หัวหน้าอันธพาลพยายามข่มอารมณ์  ส่งสายตาอาฆาตให้ศัตรูหัวใจวัยกระเตาะ “จะไปเล่นไหนก็ไป”

“หนูจะเด็ดดอกไม้กับพี่จ้อย” สาวน้อยสะบัดผมใส่  สิงห์ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน  นี่ถ้าเป็นผู้ชายและเป็นรุ่นเดียวกัน  พ่อจะยันโครมลงน้ำเสียให้เข็ด  แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นเด็ก  เขาเลยได้แต่ขวางไว้ทั้งตัว  มีสายตาจ้อยมองมางงๆ
   
“เรือขายขนมมานู่นแน่ะ ไปซื้อไป” ลูกชายกำนันปล่อยไม้เด็ด  ได้ผล  หนูน้อยชะเง้อมองท่าน้ำ  แต่ยังไม่วายแบบมือขอเงินยิกๆ  เล่นเอาสิงห์อยากทึ้งหัวเพราะไม่ได้พกติดตัวมาสักบาท  ต้องจูงมือป้อม ปะเหลาะให้ไปทางท่าน้ำ “อยากกินอะไรก็ซื้อเลยนะ  แต่ติดเงินไว้ก่อน  ให้เขามาคิดที่พี่” 

นั่นล่ะ  ลูกสาวน้าแป้นถึงยอมวิ่งฝุ่นตลบไปหาเรือขนม  มารหัวใจไปพ้นๆ เสียได้  คนตัวโตถึงกับถอนใจโล่งอก  มือหยาบใหญ่เอื้อมไปหาดอกมหาหงส์ดอกเดียวกับมือขาว  ปลายนิ้วสัมผัสกัน 

เหมือน ‘บังเอิญ’ แต่ ‘ตั้งใจ’

จ้อยสะดุ้งชักมือหลบแทบไม่ทัน 
   
“หายโกรธข้าหรือยัง” หัวหน้าอันธพาลยิ้มเผล่  ชะโงกหน้าเข้าหาวงหน้าอ่อนใสแทบชิด  หากคนตัวเล็กไม่ตอบคำ  ก้มหน้าก้มตาเก็บดอกไม้  สิงห์ก้มหน้าซ่อนยิ้ม  ช่วยน้องเก็บขะมักเขม้น  แต่คงหนักมือไปหน่อย  มันเลยหักติดมือมาทั้งช่อ 
   
แม้แดดเช้าจะเริ่มสาดสายมา  หากหมอกที่ลงหนาก็ยังให้รู้สึกเย็นเยือก  มือใหญ่ปลดผ้าจากบ่าตนคลี่คลุมช่วงไหล่เล็ก  จ้อยชะงักหันขวับตั้งท่าจะปฏิเสธ  หากสิงห์ไม่เปิดโอกาส  แย่งถาดดอกไม้มาถือเองแล้วเดินหนีเสียอย่างนั้น 

หนุ่มน้อยเดินแทบวิ่งตามคนตัวโต  หมายจะแย่งคืนมาถือเอง  แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมท่าเดียว  จนกระทั่งถึงชานเรือน 

และแล้วสิ่งที่จ้อยกลัวก็เกิด..   
   
“ต๊าย! ไอ้จ้อย!” เสียงคุณนายพูนทรัพย์แหวมาแต่ไกล  ร่างอวบท้วมก้าวอาดๆ จนเรือนสะเทือน  ริมฝีปากเคลือบสีแดงสดตวาดใส่บ่าวตัวเล็กไม่ออมเสียง “แกกล้าดียังไงใช้ลูกฉันถือของ!”
   
“เปล่าแม่  ผมช่วยจ้อยถือเอง” สิงห์เลิ่กลั่กปฏิเสธ  จ้อยเพิ่งแย่งถาดมาได้ก็ตอนนี้  หนุ่มน้อยได้แต่ก้มหน้าเจียมตน 
   
กลิ่นมหาหงส์หอมเย็นคลุ้งไปในอากาศ  แต่คุณนายกลับเบ้หน้า ทำจมูกฟุดฟิด “ดอกอะไรน่ะเหม็นจริง  เอาไปไกลๆ บ้านฉันเลยนะ”
   
“ดอกมหาหงส์จ้ะ” จ้อยตอบประสาซื่อ  หญิงกลางคนกลับหัวเราะเสียงแหลมคล้ายขบขันเสียเต็มประดา  หากในแววตาลุกวาวด้วยความชิงชัง
   
“แหม้..ชื่อว่านกระทายเหิน  ดัดจริตเรียกมหาหงส์  ตั้งชื่อซะสูงส่งเชียวนะ  เป็นแค่ดอกไม้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินแท้ๆ  กระแดะจริงๆ  เหมือนแกนั่นแหละไอ้จ้อย!” นิ้วขาวอวบจิ้มหน้าผากเล็กจนหน้าหงาย  ก่อนออกแรงผลักทั้งร่างจนจ้อยลงไปกองกับพื้น  ถาดเอย ดอกมหาหงส์เอย ขันข้าวเอย กระจัดกระจายเกลื่อน
   
“แม่!” สิงห์ตะลึง  นึกไม่ถึงว่าแม่จะทำแบบนี้  ร่างล่ำสันปรี่เข้าไปประคองน้องทันที  หากจ้อยขยับหนีก้มหน้าก้มตาเก็บของ  ไม่ปริปากสักคำ
   
เจ้าแม่เงินกู้พร่ำพ่นไม่จบสิ้น “ไอ้ลูกขี้ข้า  ไอ้ลูกนังหยำฉ่า  หน้อย..ดัดจริตเรียนหนังสือ  ต่อให้แกเรียนสูงยังไง  แกก็เป็นขี้ข้าอยู่วันยังค่ำ!”

คุณนายเดินลงส้นตึงๆ จากไป  สิงห์ได้แต่มองตามหลังแม่ด้วยความไม่เข้าใจ  ครั้นหันมองน้อง  เห็นมือเล็กสั่นระริกเช่นนั้นให้นึกเวทนาจับใจ  เจ้าดอกขาวกลีบบางบอบช้ำ  แต่กลิ่นยังหอมตรึงใจนัก  มือหยาบใหญ่ช่วยเก็บอย่างถนอม

หล่นพื้นแล้วคงเอาไปบูชาพระไม่ได้  สิงห์วิ่งไปหาขันมาใส่  หมายมาดว่าจะวางไว้ตรงหัวนอน

****************************


คุยกันหน่อยเนอะ :L2:

สวัสดีค่ะคนอ่านทุกคน ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า หลังจากหายต๋อมไปน๊านนาน เหะๆ
กลับมาทั้งทีก็ไม่ลงให้จบเนอะ มาแค่ครึ่งเดียวซะงั้น ^^"
แต่ปั่นไม่ทันจริงๆค่ะ กว่าจะเขียนจบตอนก็นู่นแน่ะ ต้องเลยไปอีก 2-3 วันแน่เลย
เลยเอามาให้อ่านแค่ครึ่งเดียวก่อน ไม่เป็นไรเนอะๆ อย่าโกรธกันน๊า  :m5:

ขอโทษที่ทำให้รอนาน และขอบคุณมากๆ ที่ยังรออ่านกันอยู่นะคะ
ชื่นใจทุกครั้งที่โดนไถ่ถามหรือทวงถาม ทุกๆสัญญาณเตือนที่ส่งมา แสดงให้เห็นว่ายังไม่ลืมกัน
ขอบคุณมากๆค่ะ

ดอกไม้ :กอด1:
๒ มิ.ย. ๕๕

ปล. ชื่อตอนว่าดอกฟ้ารักดอกดิน แต่ที่ลงไปยังไม่โผล่มาเลยทั้งคู่ ใครคิดถึงคุณเล็ก รอเจอกันอีกครึ่งตอนที่เหลือนะคะ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ [ดอกไม้กลับมาแล้วจ้า มีเรื่องมาบอกด้วยล่ะ^^] [๓๐/๔/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 02-06-2012 14:37:01
"ข้ารู้ว่าพวกเอ็งค้าง แต่ข้าค้างกว่า!!"
กรี๊ดประโยคนี้ของพี่สิงห์
พ่อคุณเอ๊ยค้างอยู่ในมุ้งมาตั้งเดือนนึง
โอ๊ยยยยย รักพี่สิงห์อ่าา :give2:

ถึงจะมาช้ายังไงก็รอจ้า ขอแค่อย่าทิ้งกันเท่านั้นพอ

ย้อนกลับมาดูอีกที อ่าว มาอัพให้แล้ว!!!!
โอ้ยยย ดีใจ อิแม่นิร้ายจริงๆมีความหลังฝังใจอะไรรึเปล่าเนี่ย
พี่สิงห์ตอนนี้น่ารักอ่ะ เหมือนเด็กเลย โอ้ย!! กลัวว่าจะกลับไปไม่ดีอ่ะ
ยังไงก็+1ให้จ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 02-06-2012 15:01:56
 o13 เย้ เย้  คุณดอกไม้มาแร้ว


ขอบคุณครับที่มาต่อ  สิงห์คงโล่งไปเยอะ :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 02-06-2012 15:09:40
ดีใจคุณดอกไม้กลับมาแล้ว
คิดถึงอะหายไปนานมากๆๆ
จะรอที่เหลือนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 02-06-2012 15:15:14
//ตีมือไอ้พี่สิงห์ ชิชะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 02-06-2012 15:20:47
เย้ มาแล้ว
สิงห์อัดอั้นมาตั้งเป็นเดือน :m20: จ้อยอภัยให้มันเต๊อะ
บิณฑบาตเพิ่งรู้ว่าไม่มีรอเรือ มีวิธีจำให้ด้วย ดีจัง o13
แม่สิงห์นี่ รังเกียจรังงอนอะไรจ้อยนักหนานะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 02-06-2012 15:35:15
♪ รอคอยเธอมาแสนนานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ♪
ถึงจะมาแค่ครึ่งตอนก็ดีใจมากๆๆๆๆๆๆ :z2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 02-06-2012 15:39:12
เย้ มาต่อแล้ววว

คิดถึงมากค่ะ

คุณนายใจร้าย ว่าจ้อย ตลอดอ่ะ

น้องยิ่งเสียใจ พี่สิง ข่มเหงน้ำใจ

ชิส์

 :กอด1: :กอด1: กอดปลอบซะหน่อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 02-06-2012 15:41:44
พี่สิงห์ยังคงตั้งหน้า ตั้งตาหื่นอย่างคงที่   :laugh:

รอคุณชายเล็กกะคุณครู อย่างใจจดจ่อ ><"
P.S. พึ่งรู้ว่าเพราะมีรอเรือ จึงแปลว่ารอ ส๊วดยอดดด o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 02-06-2012 15:58:33
ลงท้ายวันที่ เป็นวันที่ ๖ มิ.ย. ๕๕ ล่วงหน้าไป ๔ วันแน่ะคุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 02-06-2012 16:04:38
^
^
๕๕๕๕+ สงสัยเบลอไปหน่อยค่ะ (แอบไปแก้แล้วน๊า)

ขอบคุณที่ทักค่า  :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 02-06-2012 17:29:16
ไอ้สิงห์ แกมันบร้าที่สุด เอร้ยยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 02-06-2012 17:33:23
อร๊ายยยยย เพ่สิงห์เท่ชะมัด
แม่ย่านี่จงเกลียดจงชังอะไรนักหนานะ :a14:
+1 รอครึ่งหลังจ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 02-06-2012 17:36:27
 โถ น้อง จ้อย. ความรู้สึกของน้งง จ้อย ตอนอ้ายสิงห์หน้ามืดนี่มันน่าสงสาร เเต่ตอนเอามือเช็ดหน้านี่ >\\\\<.  ขอโดจินตอนนี้ได้ไหม 555
พาทหลัง ตอนคุณชายมาไวๆนะคะ.  จะได้อ่านน้องงจ้อยตอนต่อไปไว ๆ ^^  เอนอย่างเห็นได้ชัด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-06-2012 17:42:41
มาครึ่งนึงก่อนก็ยังดีค่ะ ได้ตามติดชีิวิตพี่สิงห์และน้องจ้อย อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: YJism ที่ 02-06-2012 17:53:39
 o13 โฮฮฮฮฮฮฮ ดีใจมากมายเลยค่ะ ในที่สุดคุณดอกไม้ก็มาต่อให้ได้ชื่นใจ อิอิ

เอาใจช่วยให้นายสิงหืเอาชนะใจน้องจ้อยได้ซะทีนะ >////< ทำตัวดีดีกับน้องหล่ะ น่าสงสารน้องเพราะน้องไม่มีใคร

คุณนายก็ร้ายได้อีก  :o12: ทำไมต้องทำกับจ้อยถึงขนาดนั้นด้วย น่าสงสารน้องจริงๆ

รอครึ่งหลังอย่างจิตใจจดจ่อค่ะ  :impress2: คิดถึงครูกับคุณชาย อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 02-06-2012 18:03:26
พี่สิงห์จ๋า ถนอมจ้อยหน่อย
หักห้ามใจตัวเองเสียบ้าง หัวใจคนบอบบางอีกไม่นานคงหวั่นไหว :o8:

ตอดเล็กตอดน้อยแต่พองาม
แต่...คนอ่านชอบพี่สิงห์หื่นๆแบบนี้แหล่ะ อร๊ายยยยยยย :haun4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 02-06-2012 18:44:28
โห่ๆๆๆ พี่สิงห์ กล้ามากทำซะน้องเบลอไปเลย สงสารจ้อยจริงเชียว

ส่วนครึ่งหลังรอคู่คุณครูกะคุณเล็กนะจ๊ะ
คุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Amheihei ที่ 02-06-2012 19:26:31
ดีใจคุณเล็กกลับมาแล้ว  :z2:ขอเป็น afc นิยายเรื่องนี้ด้วยคน เพราะชอบนิยายแนวพีเรียด คนแต่ง แต่งนิยายได้น่าอ่านมากเลย รอตอนต่อไปเน้อ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 02-06-2012 19:27:00
กรี๊ดดดดด
กรี๊ดดดดดด
กรี๊ดดดดดดด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 02-06-2012 20:42:58
ไอ้พี่สิงห์ก็อย่าออกนอกหน้านักสิ   :laugh:


นึกว่าจะไม่ได้อ่านซะแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 02-06-2012 20:55:36
เย้!!! คุณดอกไม้กลับมาแล้ววววว  :mc3: :mc2: :mc4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 02-06-2012 21:03:13
 :m25:
ไอ้พี่สิงห์รังแกน้องจ้อยของนางฟ้า อิอิ (นางฟ้าชั่วร้าย555)
สามคำให้คุณดอกไม้ค่ะ>>>คิด ถึง มาก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pie_handsome ที่ 02-06-2012 21:07:21
เรื่องนี้สนุกมากกกกก

ภาษาสวยงามสุดๆ

ชอบโคตรๆ อะครับ ^^

รีบมาอัพไวๆ นะคนเขียน

เค้ารออ่านอยู่ จะลงแดงในไม่ช้า T T

 :z13:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 02-06-2012 21:25:02
พอไม่มีไอ้ลอยคอยยุแยงอยู่ข้างๆ
ตอนพี่สิงห์รังแกหนูจ้อย
พี่สิงห์นี่น่ารักขึ้นมากๆจริง อิอิ
ทำผิดก็มีการมาง้งมาง้อ 

แต่คุณนายนี่ยังไงนะ  ท่าจะมีปมด้อยในวัยเด็กนะ
ถึงระรานเขาไปทั่วอย่างนี้  ฮื้อออ  ไม่ดีๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: khalwfarng ที่ 02-06-2012 22:06:23
คุณนายสายสมร...โผล่มาแต่ละฉาก แหม๊!!! ทำเอาหมั่นไส้ได้ทุกที!
ขอสารภาพ ชอบคู่คุณชายมาก พอถึงตอนจ้อยจะรู้สึกว่า... ไอ้หยา! ยังอ่านช่วงคุณชายไม่อิ่มหนำ
แต่พอพักการอ่านไป(เพราะคนเขียนดอง เอร๊ย ติดภารกิจ) มาอ่านอีกมีวันนี้ ตอนล่าสุด
ไม่รู้เพราะเหตุอันใด หลงรักคู่นี้ไปอีกคู่แล้วสิหน่า ฮ่าๆๆๆๆๆ
พี่สิงห์น่ารักขนาด น้องจ้อยก็น่าเอ็นดูเหลือล้น

แต่ท้านสุดและสุดท้าย...เมนคุณชายเล็กสุดที่รักยิ่ง   :m11:


*ขอบคุณสำหรับนิยายน่าอ่านเจ้าค่ะ*


 :a12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 02-06-2012 23:44:14
คิดไม่ผิดจริงๆค่ะที่แวะมาดูอีกทีก่อนปิดคอม  :impress3:

ตอนแรกนี่ พี่สิงห์...หื่นตลอดๆ ยังดีที่ไม่ทำอะไรจ้อยมากกว่านั้น
มาตอนท้ายๆ พี่สิงห์น่ารักมากเลยค่ะ  ไม่คิดว่าจะมีมุมอย่างนี้ด้วย
แต่คุณนายนี่ใจร้ายจังเลยนะคะ ไม่เห็นต้องว่ากันถึงขนาดนั้นเลย  :เฮ้อ:

ป.ล. ดีใจสุดๆเลยค่ะที่พี่ดอกไม้มาอัพแล้ว 50% ก็ยังดีค่ะ  คิดถึงมากๆเลย :กอด1:
       รอ 50% ที่เหลือนะคะสู้ๆค่า  :L2: :L2:

            :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 03-06-2012 00:12:46
แม่สิงห์ดูจะมีปัญหากับจ้อยเหลือเกินนะเนี่ย แล้วสิงห์ทำอะไรไม่ยับยั้งชั่งใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 03-06-2012 00:19:50
 :กอด1:

ตอนนี้พี่สิงห์พระเอกในดวงใจของดิฉันได้กำไรจากน้องจ้อยกลอยใจไปเต็มๆ คือก็รู้นะคะว่าหัตถกามซึ่งเกิดในมุ้งนั้นเหมือนเป็นรอยด่างพร้อยในใจของน้องจ้อย แต่ดิฉันก็ช่วยไม่ได้ที่จะพลอยดีใจไปกับพี่สิงห์ด้วย ดูท่าพ่อหนุ่มกลัดมันผู้นี้จะยังต้องพยายามอีกมากกว่าจะชนะใจน้อง

รักพี่สิงห์กับน้องจ้อยมีอุปสรรคเยอะเหลือเกิน สังคมเอย ตัวน้องจ้อยเองเอย และที่ยากเย็นที่สุดคือกรณีของคุณนายแม่พี่สิงห์ รายนั้นท่าจะไม่ยอมรับน้องจ้อยง่ายๆ แน่ๆ คิดในแง่ร้ายคือทั้งสองอาจจะไม่สมหวัง  :sad4:

ขอบคุณคุณดอกไม้มากเลยค่ะ ค่อยๆ เขียนนะคะ ไม่ต้องรีบ อยากอ่านเรื่องราวที่คุณดอกไม้ตั้งใจเขียนมากกว่าเรื่องที่เขียนแบบลวกๆ ค่ะ เพราะนิยายเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าเก็บสะสม ถ้าเกิดตีพิมพ์เมื่อไร ก็อย่าลืมบอกเล่าเก้าสิบด้วยนะคะ

ปล.กดบวก ๑ และให้เป็ดไป ๑ ตัวค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 03-06-2012 00:25:56
+1 :z2: น้องจ้อย กะพี่สิงห์  :a5:แอบกลัวพี่จ้อยอ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-06-2012 00:38:47
พี่สิงห์มันน่ารักเนอะ มัวไปหลงผิดอยู่นาน ทำให้ความรู้สึกดี ๆ หายไป
แต่ความผูกพันที่มีมายาวนานคงไม่หายไปง่าย ๆ
เก็บดอกไม้ร่วมกอแล้ว ขอให้สมหวังทีเถอะ
คุณนายแม่ร้ายเหลือเกิน กระทำต่อว่าที่ลูกสะใภ้เยี่ยงนางทาส
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 03-06-2012 04:15:11
ช่วงนี้เอาใจช่วยสิงห์เต็มที่ ทำไมนะ จะหยิบจับทำอะไรก็ผิดไปเสียทุกเรื่อง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 03-06-2012 06:33:40
ดีใจจังเลยค่ะที่เปิดมาแล้วเห็นว่ามาต่อแล้ว

สงสารจ้อยอ่า พี่สิงห์ก็หน้ามืดเชียว แล้วมารู้สึกผิดทีหลัง
แล้วตัวเองทำอะไร ความผิดก็ตกอยู่ที่จ้อย(อย่างตอนช่วยถือของ)
ดังนั้นจะทำอะไรก็นึกถึงน้องไว้เยอะๆนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 03-06-2012 07:03:51
พี่สิงห์ เกือบไปแล้วนะ
ถ้าทำมากกว่านี้ล่ะก็......ไม่อยากจะคิด
ได้ง้อจนจบเรื่องแน่เอ็ง  o18

ส่วนคุณนายนี่ยังไง หรือกำนันเคยเป็นกิ๊กกับแม่จ้อย
ถึงได้จงเกลียดจงชังขนาดนั้น  :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-06-2012 07:12:27
รอตอนต่อไปน้า :z2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 03-06-2012 08:58:09
ต้อนรับกลับบ้านครับ
สงสารสิงห์นะตอนนี้
ทำยังไงถึงจะได้ใจน้อง
เอาใจช่วย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 03-06-2012 16:18:54
พี่สิงห์หงอมาก
ทำตัวดีๆ อย่าดีแตกล่ะ
น้องจะได้ใจอ่อนให้พี่ซักที  :-[

เบื่อแม่พี่สิงห์ อะไรนักหนา
จะได้จ้อยเป็นลูกสะใภ้ไม่รู้ตัว  :z1:

รอคุณชายกับอาจารย์นะคะ
คิดถึงมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: shiki senri ที่ 03-06-2012 21:35:14
พี่สิงห์กะจ้อยยยยยยยย น่ารักอ่ะ

คิดถึงพี่ดอกไม้ที่สวดดดดดด


รอน้องเล็กกะครูคนึงอยู่นะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 03-06-2012 21:58:37
สู้ต่อไปนะคนเขียน อยากอ่านมากๆ ลุ้นจ้อยกะสิงห์ อุปสรรคเยอะเกิ๊น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 04-06-2012 22:03:01
เกลียดแม่พี่สิงห์อ้ะ อยากตบล้างน้ำสักสามท่า :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 06-06-2012 00:44:38
ตามมาอ่านเพราะเพื่อนเรคคอมเมน
ชอบมาก
อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
รออ่านคุณเล็กนะจ๊ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 06-06-2012 01:07:51
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด "พี่สิงห์" คนอ่าน ฟินนนนนนนนนมาก :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ละล้าละลัง ที่ 10-06-2012 00:02:48
คิดถึงน้องจ้อยมา 2 เดือน
พอได้อ่านก็ยังคงคิดถึงอีกอยู่ดี
หลงรักน้องจ้อยถอนตัวไม่ขึ้น
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ แบบนี้นะคะ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอค่ะ

จาก เมนน้องจ้อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ai_no_uta ที่ 10-06-2012 13:29:40
พี่จี้   คิดถึงมากๆๆๆๆๆๆเลยค่า^^

อิ่มอก อิ่มใจ มาครึ่งเดียวไม่เป็นไร เพราะครึ่งนี้มีแต่พี่สิงห์กับน้องจ้อย!!!  วะฮ่าๆๆๆ 
พี่สิงห์น่ารักอ่ะ เด็ดดอกไม่ร่วมต้นกันด้วย  ^^  รออีกครึ่งนึงอยู่นะจ๊ะพี่จี้ จุ๊บๆ




P.S. ถ้าพิมพ์จะบอกว่า ก่อนจะอ่านตอนนี้ พิมพ์ต้องย้อนไปอ่านตอนเก่าๆ ก่อน พิมพ์จับต้นชนปลายเรื่องไม่ถูกแล้ว

พี่จี้จะตะเพิดพิมพ์ออกไปจากกระทู้ป่าวเนี่ย T^T   
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsaki ที่ 10-06-2012 13:45:22
เมีี๊ยวววว ~ แว๊กๆ อัพแล้ว คุคุคุ  :impress2:
อิคุณสิงห์ง่ะ รีบร้อนจังเยย ~ รอให้เขารักก่อนแล้วค่อยทำมากกว่านี้ก็ยังได้ เอิ๊กๆ ~ :laugh:
คุณนายนี่ก็อาการหนักนะ หาเรื่องแม้แต่ดอกไม้ - -;; เหอๆ
เดาๆ ว่าแม่ของจ้อยต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ เลย พ่อของจ้อยอาจจะเป็นเศรษฐีมาจากไหนก็ได้นะ *-* (เดามั่วนะครับ)
 :laugh: :laugh: คิดถึงคุณเล็ก ~~~~  :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 15-06-2012 18:58:44
พี่สิงห์รังแกน้องจ้อย :beat: เชียร์จ้อยเอาคืนบ้าง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน มือต่อมือนะคะจ้อย :-[
คุณเล็กกกกกกกกกกกกกก  :serius2: เรียกดังๆ เผื่อคุณดอกไม้ได้ยินจะมาต่อ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: meiji ที่ 15-06-2012 21:58:40
รออีก ห้สสิบเปอร์เซนต์อยู่นะค้าาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 15-06-2012 23:38:27
อ่ากกกกกกกกกกกกกกกไอ้พี่สิงห์แกหื่นเกินไปแล้ววววววว

กระทั่งน้องฝนแกยังมองว่าเป็นมารหัวใจเลยนะ -*-
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 15-06-2012 23:54:14
สนุกจ้ะ มันจะทุกข์บ้างก็ไม่เป็นไร แต่อย่าจบเศ้าเลยน๊ะ เค้าทนไม่ได้  :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 16-06-2012 19:21:23
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทันแล้วว
เป็นเรื่องที่รักมากมายเลย
เนื่อเรื่องแบบที่ชอบ ภาษาสวย
แถมยังย้อนให้เห็นถึงการดำเนินชีวิตในสมัยก่อนได้อย่างดีเลย
รักเรื่องนี้มากจริงๆนะคะ
เพิ่งจะได้ติดตามผลงานของคุณดอกไม้เรื่องแรก
หลังจากนี้คงต้องไปตามหาอ่านกันแล้วล่ะค่ะ
^_______^

 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: luckyzaaa ที่ 16-06-2012 20:36:57
คุณดอกไม้กลับมาแว้วววววววววว  :กอด1:

ดีนะที่พี่สิงห์ไม่ได้ทำอะไรน้องมากนัก ไม่งั้นล่ะก็  :beat:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ละล้าละลัง ที่ 16-06-2012 22:39:31
สู้ๆ นะคะคนเขียน ให้กำลังใจเต็มที่
รอเสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 17-06-2012 00:21:09
เชียร์พี่สิงห์ ให้เผด็จศึกน้องจ้อยยยยยย  อิอิ  :oo1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 17-06-2012 23:50:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 21-06-2012 12:09:14
รอแล้ว รอเล่า เฝ้าแต่รอ...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 23-06-2012 18:48:43
Miss
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 26-06-2012 21:56:22
แอบมาเคาะๆดู คิดถึงพี่ดอกไม้เน้ออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 15-07-2012 09:05:42
รอคุณดอกไม้ครับ   รอคู่น้องจ้อย  รอคู่คุณเล็ก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PRMWi ที่ 15-07-2012 23:41:55
พี่จี้กลับมาแล้ว

ดีใจจังค่ะ
หายไปนานแต่ความรู้สึกเวลาอ่าน
น้องยังรู้สึกถึงอะไรเดิมๆไม่เปลี่ยนเลยย
รักเรื่องนี้จัง ขอบคุณนะค่ะที่กลับมา จุ๊บๆๆๆ o22 o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 24-07-2012 11:26:47
หายไปนานจังเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kazujin ที่ 24-07-2012 23:43:25
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ครั้งแรก ตอนแรกก็ว่าเป็นวายแบบย้อนยุคหาอ่านได้ยาก พออ่านไปได้แค่บทนำและตอนแรกเท่านั้นแหละ
โห คนเขียนใช้ภาษาได้สวยจริงๆ อ่านแล้วลื่นไหล ยิ่งอ่านตอนต่อมาพล็อตเรื่องและภาษายิ่งสกดให้อยากอ่านทุกตัวอักษร ชอบชอบ และชอบทุกอย่าง ตัวละครที่ดำเนินเรื่องได้อย่างน่าติดตาม ตอนนี้ติดงอมแงมอ่า มาต่อไวไวน้า รอติดตามผลงานอยู่ค่ะ
แล้วอีกอย่างค่ะอยากได้รวมเล่มเรื่องนี้  :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ละล้าละลัง ที่ 26-07-2012 23:44:40
รออยู่นะคะ
คิดถึงน้องจ้อยพี่สิงห์ คิดถึงคุณชายเล็กครูคนึง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (อัพ๕๐%ก่อนนะคะ^^)[๒/๖/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 27-07-2012 00:20:58
เพิ่งมาอ่านครั้วแรกค่ะ ขอบอกว่าสนุกมากภาษาสวยมากก ชื่นชมๆ
ติดตามคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 04-08-2012 13:53:13
(http://img13.picoodle.com/i584/wattanan/0_e6c_ucmz8.jpg)

ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา

เวียนเทียนเสี่ยงรัก



เทียนจงช่วยเป็นพยาน รักให้ยืนนานดั่งสัญญา
จะไม่แรมร้างราขอสาบานว่า หน้าแสงเทียน
ใจจะเฝ้ารักภักดีอยู่ คู่กันกับเธอไม่ขอเปลี่ยน
รักเธอเสมอ ใจไม่เปลี่ยน รักดังธูปเทียน เฝ้ารักเปลวไฟ*




“บ้านพี่มีดอกไม้ประหลาด จ้อยอยากเห็นไหม”

ท่ามกลางเสียงพระสวดบทพาหุง  กลางศาลาวัดที่ชาวบ้านพากันลุกขึ้นเอาข้าวไปใส่ในบาตรที่วางเรียงไว้  ต่อคิวกันยาวเป็นงูเลื้อย  เด็กชายสิงห์หลบแม่มานั่งข้างจ้อย  กระซิบกระซาบบอกให้รู้กันแค่สองคน
   
พี่ยิ้มกว้างเมื่อน้องพยักหน้าระรัว  แววตาแจ่มใสกระตือรือร้น  จ้อยก็เป็นแบบนี้  ตื่นเต้นยินดีง่ายดายกับทุกเรื่องที่เขาสรรหามามอบให้   
   
ก่อนเข้าพรรษาเป็นวันอาสาฬหบูชา  ตอนเช้าที่วัดมีการทำบุญตักบาตรและฟังธรรม  คนเฒ่าคนแก่นุ่งขาวห่มขาว  รับศีลอุโบสถ  ส่วนหนุ่มสาวและเด็กๆ ใส่บาตรแล้วก็กลับบ้าน 
   
จ้อยให้ยายแวะส่งที่ท่าน้ำหน้าบ้านกำนัน  พี่สิงห์รออยู่ก่อนแล้ว  พี่พาน้องลัดเลาะมาตามใต้ถุน  จูงมือน้อยไม่ปล่อย  จนกระทั่งถึงสวนท้ายเรือนชุ่มฉ่ำเขียวชอุ่ม  ฝูงผีเสื้อปีกสวยหลากสีบินว่อน  หมู่ผึ้งและแมลงภู่บินวน  หาดูดกินน้ำหวานจากดอกไม้ขวักไขว่  พุทธรักษา กุหลาบ ราตรี ดาวเรือง  แข่งกันเบ่งบานสดสวย 
   
หากแปลงดอกไม้ต้นสูงแค่เข่า  ดอกสีเหลืองอร่ามทิ้งช่อระย้าโดดเด่นสะดุดตาจ้อยกว่าใคร   
   
“นี่ไงดอกไม้ประหลาด” เด็กชายตัวโตชี้มือบอกน้อง  เจ้าตัวเล็กยิ้มกว้าง  ดวงตาใสแจ๋วมองดอกไม้แปลกหน้าอย่างพิศวง  ก่อนทรุดลงนั่งยองๆ ยื่นหน้ามองใกล้ๆ
   
“ดอกไม้ประหลาด” จ้อยทวนคำพี่ “สวยจัง  น้องจ้อยไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”     
   
“ดอกเข้าพรรษา” พี่อธิบาย  สายตายังจับจ้องแต่วงหน้าไร้เดียงสาที่เฝ้ามองดอกไม้อย่างชื่นชม “ออกดอกแค่ตอนเข้าพรรษาเท่านั้นนะ  เอาไปถวายพระแล้วจะได้บุญมาก  รับรอง  ทั่วเกาะเมืองไม่มีบ้านไหนปลูกหรอก”

อย่าว่าแต่ทั่วเกาะเมือง  ทั่วอยุธยาก็ยังไม่รู้จะมีหรือเปล่า  อย่างแปลงนี้แม่ก็อุตส่าห์ไปขุดมาจากสระบุรีเมื่อครั้งไปทอดผ้าป่าเมื่อปีก่อน  ดอกไม้จากเชิงเขาย้ายมาอยู่ที่ลุ่ม  น้าเวกทะนุถนอมแทบตาย  แต่แกก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นมันออกดอกเมื่อใกล้วันเข้าพรรษา   
   
ฟังพี่โอ่แล้วน้องยิ่งยิ้มกว้าง  ผีเสื้อตัวหนึ่งบินมาเกาะลงตรงไหล่ 

“ป้าทรัพย์ให้น้องจ้อยจริงๆ หรือจ๊ะ” จ้อยหันมาถามลิงโลด  เด็กชายวัย ๑๐ ขวบเห็นแล้วอดคิดไปไม่ได้  ยิ้มของน้อง  ตาของน้อง  น่ามองยิ่งกว่าเอาดอกไม้ทั้งหมดในโลกมากองรวมกันเสียอีก 

“จริงสิ”

สิงห์ไม่ได้บอกน้องหรอกว่า  ตอนแรกที่ไปบอกแม่ว่าจะขอแบ่งดอกเข้าพรรษาให้จ้อย  คนขี้หวงอย่างแม่ยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่ให้  จนกระทั่งพ่อเอ็ดว่า ‘จะหวงอะไรเด็กมันนักหนา  แค่ดอกไม้’ นั่นแหละ  แม่จึงยอมแบ่งให้อย่างเสียไม่ได้
   
ทั้งที่แม่ออกจะตามใจเขาทุกเรื่องแท้ๆ  แต่ถ้าเป็นเรื่องจ้อย  แม่จะตีหน้ายักษ์ใส่ตลอด  อย่างเรื่องนี้  ลับหลังพ่อ  เด็กชายสิงห์ก็โดนหยิกเนื้อแทบหลุด  โทษฐานที่ไปคลุกคลีกับลูกนังหยำฉ่าทั้งที่ห้ามแล้วห้ามอีก 
   
แต่ใครหน้าไหนเลยจะห้ามเขาได้  แค่เห็นน้องยิ้มให้  ก็คุ้มเหลือหลายแล้วกับรอยหยิกเขียวๆ ที่ต้นแขน 

เด็กชายตัวโตเลือกตัดเอาแต่ดอกที่มีช่อยาวๆ และเพิ่งจะบานให้น้อง ๔-๕ ช่อ 

“แม่พี่บอกว่าใครเอาดอกเข้าพรรษาไปถวายพระในวันเข้าพรรษา  ถ้าเป็นผู้หญิงชาติหน้าจะสวย  ถ้าเป็นผู้ชายชาติหน้าจะหล่อ” เพราะเหตุนี้ละมั้ง  แม่ถึงได้หวงนักหวงหนา
   
หน้าระรื่นของน้องหมองลงทันตา “งั้นแสดงว่าชาติก่อน  น้องจ้อยไม่เคยเก็บดอกเข้าพรรษาไปถวายพระแน่เลย” จ้อยลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  แต่หัวก็ยังไม่พ้นไหล่พี่  แบมือขาวซีดขึ้นมองแล้วถอนใจเฮือกๆ “ชาตินี้ถึงได้ทั้งเตี้ย  ทั้งผอมเป็นกุ้งแห้งแบบนี้” 
   
“ใครบอกว่าจ้อยไม่หล่อ” พี่หันขวับ  เถียงกลับทันควัน  เอื้อมมือไปลูบผมน้อง  ผมสั้นๆ นุ่มมือเหมือนขนแมว “คนเราน่ะดูตอนเด็กๆ ยังไม่เห็นความหล่อหรอก  ต้องรอให้เป็นหนุ่มเสียก่อนรู้ไหม”
   
เห็นน้องพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย พี่จึงค่อยยิ้มออก  ส่งช่อดอกไม้เหลืองอร่ามให้จ้อยถือเต็มมือ  ก่อนไปตัดใบตองมาห่อเพื่อกันไม่ให้ดอกไม้ช้ำ  ก่อนถีบจักรยานไปส่งน้องที่บ้านด้วยหัวใจเป็นสุข  ไม่ลืมนัดแนะกัน

“คืนนี้มาเวียนเทียนกันนะ”

****************************

ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘  บนฟ้ามีดวงจันทร์ส่องสว่างเปล่งแสงนวล  โดดเด่นอยู่ลำพังกลางท้องฟ้าสีเข้ม  ไร้แสงดาวระยิบระยับ  ดวงดาวคงถูกกวาดลงมาอยู่บนพื้นดินตรงลานโบสถ์กันหมด  หากเป็นแสงดาวแห่งศรัทธาที่สว่างไสว  ด้วยแสงไฟจากธูปเทียนนับร้อยดวง 
   
ชาวบ้านทุกเพศทุกวัย  ถือกรวยใบตองใส่ดอกไม้ธูปเทียนไปร่วมพิธีเวียนเทียนกันมากมาย  พระภิกษุสงฆ์เดินสวดมนต์นำอยู่ตอนหน้า  ถัดมาเป็นปู่ย่าตายายลุงป้าที่นุ่งขาวห่มขาวถือศีลและชาวบ้านทั่วๆ ไป  ส่วนพวกหนุ่มสาวและเด็กๆ ชอบเดินข้างท้าย  จะได้พูดคุยและเล่นกัน
   
แม่ไม่มาเวียนเทียนเพราะไม่ชอบกลิ่นธูปคละคลุ้ง  สิงห์จึงหลบพ่อมาเดินเคียงข้างจ้อยที่ท้ายขบวนได้อย่างง่ายดาย  จ้อยที่เดินอยู่กับจินดาหันมายิ้มให้ทันทีที่เห็นกัน  แสงเทียนเรืองรองส่องหน้านวลใสกระจ่าง  ท่ามกลางผู้คนมากมาย  สิงห์กลับรู้สึกเหมือนทั้งโลกมีแค่เขากับจ้อยแค่สองคน 

จนกระทั่ง..

“โอ๊ย!” จ้อยร้องลั่น  มือน้อยตะปบหลังคออย่างแสบร้อน  สิงห์หันขวับกลับไปจ้องคนที่เดินตามหลังทันที   

นึกว่าใคร  ไอ้ลอย ไอ้หมาน ไอ้เลิศ พวกเด็กเกเรในตลาดนี่เอง
 
จินดาชะโงกดูคอน้อง  เห็นเนื้ออ่อนๆ แดงเป็นรอยไหม้ก็กัดฟันกรอด  ส่งสายตาตำหนิไปให้พวกอันธพาล  ก่อนจูงมือน้องให้ถอยห่างออกมา 
   
ในขณะที่สิงห์เป็นเดือดเป็นแค้นกว่าใคร 
   
“ไอ้ลอย!  มึงเดินยังไง  ธูปโดนน้องกูแล้วเห็นไหม!”
   
“เสือกเดินช้าเองนี่หว่า  ช่วยไม่ได้” เด็กชายตัวโตยักไหล่ยียวน  ไอ้สองคนที่เหลือก็หัวเราะร่วน  ลูกชายกำนันชี้หน้าอาฆาตก่อนเดินไปประกบน้อง  สามสหายจอมเกเรแทรกผู้คนเข้าไปตามติด 
   
“เทียนดับ  ขอต่อหน่อย” ตัวหัวโจกแกล้งเป่าเทียนตัวเอง  แล้วยื่นมาขอต่อจากเจ้าตัวเล็กที่มีพี่ชายสองคนเดินขนาบข้าง  เด็กชายคนซื่อยืนเทียนให้ต่ออย่างเต็มใจ  หารู้ไม่ว่านำภัยมาถึงตัว

ไอ้ลอยแกล้งทำน้ำตาเทียนหยดใส่มือขาว 

จ้อยสะดุ้งโหยงเป็นหนที่สอง  “ต่อดีๆ ซี  โธ่ เทียนหยดใส่จ้อยแล้ว” ได้แต่โอดครวญประสาซื่อ  ลูบแขนตนป้อยๆ 
   
“ไอ้ลอย!” เห็นจ้อยเจ็บแบบนั้น  สิงห์เริ่มจะหมดความอดทน  มือที่เมื่อครู่ยังพนมอยู่กับธูปเทียน  ตอนนี้กำแน่นด้วยความเคืองขุ่น  และคงปราดไปชกหน้ามันแล้วถ้าจินดาไม่ปรามไว้ด้วยสายตา 
   
พวกเด็กเกเรเห็นอีกฝ่ายนิ่งเฉยจึงยิ่งได้ใจ  กลุ้มรุมกันขอต่อเทียนแต่กับจ้อยไม่ยอมหยุด   

“ขอต่อหน่อย..”
“ไม่เอา..”
“หน่อยน่า..”
“ไม่ให้แล้ว.. โอ๊ย.. เทียนหยดใส่จ้อยอีกแล้วนะ”
   
ความอดทนของสิงห์ขาดผึง  “ไอ้ลอย!” มือเล็กของเด็กชายวัย ๑๐ ขวบ  ผลักอกเด็กโตกว่าอย่างไอ้ลอยจนเซ  “เลิกยุ่งกับน้องกู!”

เด็กเกเรเสียหน้าที่โดนผลัก  มันชี้หน้าลูกชายกำนันอย่างมาดร้าย  เดินปรี่เข้าใส่  จ้อยได้แต่ยืนงง  และคงมีมวยหมู่ไปแล้วถ้าจินดาไม่เข้ามาขวางไอ้ลอยไว้ทั้งตัว
   
“ขอต่อเทียนหน่อย” ใบหน้าหวานคมเรียบนิ่งเล่นเอาไอ้ลอยงง  หากจินดากลับยื่นเทียนเข้าหา  เทียนที่บอกว่าดับไหงมีไฟลุกโชนสว่างจ้า 

จิ้มแขนไอ้ลอยหน้าตาเฉย!

“โอ๊ย!” เสียงที่เริ่มแตกหนุ่มร้องลั่นด้วยความแสบร้อน “จินดา! มึง..”

“จุ๊ๆๆๆๆ” เสียงคนโตข้างหน้าหันมาจุ๊ปากเตือน “อย่าเล่นกันเดี๋ยวบาป ตายไปเกิดเป็นลิงห้าร้อยชาติ” 
   
พวกเด็กเกเรชะงัก  มือที่กำหมัดเงื้อง่าค้างเติ่งในอากาศ  จินดากับสิงห์จูงมือน้องที่เอาแต่ยืนเป๋อเหลอแทรกเข้าไปในกลุ่มผู้ใหญ่  ทีนี้ไอ้พวกอันธพาลก็ไม่กล้าตามแล้ว
   
พอเวียนครบสามรอบ  ก็หันหน้าไปทางพระประธานในโบสถ์  ตั้งจิตอธิษฐานขอพรพระตามที่ตนประสงค์ 
   
“พี่สิงห์อธิษฐานอะไรหรือ” มือน้อยสะกิด  เมื่อเห็นพี่ยกธูปเทียนดอกไม้ขึ้นจบที่หน้าผากนานผิดปกติ

พี่หันมายิ้มเผล่ “อธิษฐานให้จ้อยสูง”
   
จินดาหัวเราะขำ  ในขณะที่จ้อยหน้าม้าน  เด็กน้อยทำปากอูดใส่พี่ “พูดเล่นต่อหน้าพระระวังจะเป็นเปรตปากเท่ารูเข็ม”

ลูกชายกำนันหัวเราะ  ยื่นมือไปลูบผมนุ่มอีกครั้งด้วยสายตาที่ใช้มองแต่จ้อยเพียงคนเดียว       

************************

รุ่งเช้าเป็นวันเข้าพรรษา  ชาวบ้านพากันไปทำบุญที่วัด  ทุกคนแต่งตัวสะสวยเรียบร้อยผู้หญิงนุ่งผ้าถุงใส่เสื้อหลากสี  ดูสดสวยละลานตาเหมือนดอกไม้เบ่งบาน  ทุกคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใส  ช่วยกันจัดกองผ้าป่าสามัคคี  เอาข้าวของกะปิน้ำปลาข้าวสารกล้วยอ้อยมะพร้าวและผลไม้อื่นๆ ไปกองรวมกัน  เพื่อเตรียมถวายให้เป็นของพระสงฆ์  ทุกคนล้วนสีหน้าเป็นสุขอิ่มเอิบที่ได้มาทำบุญในวันเทศกาล  แจกันทุกใบหน้าพระประธานเต็มแน่นไปด้วยดอกไม้สดหลากสี  หากดอกเข้าพรรษาสีเหลืองทิ้งช่อระย้าโดดเด่นสะดุดตากว่าใคร
   
สิงห์ถูกแม่จับแต่งตัวเสียหล่อในเสื้อลายดอกสีสันสดใส  ใบหน้าที่ปะแป้งจนขาวว่อกส่งยิ้มมาให้จ้อยแต่ไกล  แต่ยังลุกมาหาไม่ได้เพราะถูกแม่จ้องอยู่  ได้แต่เหลียวหน้าเหลียวหลังจนล่อกแล่ก 
   
แปดโมงคนก็มาพร้อมกันเต็มศาลา  ลุงมหายกไมโครโฟนขึ้นประกาศ  “เอ้า เตรียมตัวไหว้พระรับศีลกันเน้อ” แกกระแอมเสียงดังแอ้มๆ ก่อนที่จะนำกล่าวว่า อิมินาสักกาเรนะ พุทธังอะภิปูชะยามะ ชาวบ้านว่าตามเสียงกระหึ่มไปทั้งศาลา
   
ไหว้บูชาพระแล้วก็อาราธนาศีล  รับศีลจากหลวงปู่ด้วยอาการอันนอบน้อม  จากนั้นก็พากันถวายสังฆทาน  ช่วยกันประเคนอาหารคาวหวานแด่พระและสามเณร  เมื่อพระฉันข้าวแล้ว  ก็ถวายผ้าอาบน้ำฝน  ถวายผ้าป่า  พระให้พร  เป็นอันเสร็จพิธี 
   
คราวนี้ก็ถึงเวลาของพวกชาวบ้าน  ต่างร่วมรับประทานอาหาร  เสียงจานเสียงช้อนเสียงพูดคุยลั่นไปทั้งศาลา  คุณนายพูนทรัพย์กับกำนันเฮฮาปราศรัยกับลูกบ้าน  สิงห์ค่อยหลบแม่มาหาน้องได้ก็ตอนนี้
   
ยายช้อยยิ้มแต้เมื่อเห็นหนุ่มน้อยมาเบียดกระแซะหลานชายคนเล็ก  มือเหี่ยวย่นยื่นข้าวต้มมัดที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำในปิ่นโตเหลืองขลิบเขียวมาให้  แกรู้ว่าสิงห์ชอบ  จึงตั้งใจเก็บไว้ให้  เด็กชายพนมมือขอบคุณก่อนหยิบข้าวต้มมัดใส่ปากเคี้ยวแก้มตุ่ย  แล้วจูงมือน้องชวนไปวิ่งเล่นที่ลานวัดอันร่มรื่น 
   
ห่างไกลสายตาผู้คน  สิงห์ประคองมือน้อย  นิ่งมองเห็นรอยไหม้เพราะถูกเทียนหยดใส่เมื่อคืนแล้วสะท้อนใจ  เนื้ออ่อนๆ ขาวๆ ที่สิงห์ถนอมแทบตาย  กลับถูกไอ้ลอยมันเอาธูปจี้ เอาเทียนหยดใส่จนเป็นแผลพุพอง  เจ็บใจนักที่เขาดูแลน้องไม่ดีเท่าที่สัญญาไว้ต่อหน้าพระ
   
“จ้อยเจ็บไหม” พี่ถามเสียงอุ่น  น้องกลับส่ายหน้าระรัว  เอาแต่สนใจลูกแก้วสวยๆ ที่พี่เอามาฝาก 
   
ลูกชายกำนันพาน้องไปนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นพิกุล  ล้วงกระเป๋ากางเกง  หยิบใบมะลิขึ้นมาขยี้ๆ แล้วแตะลงรอยแผลบนแขนเล็กแผ่วเบา 

“เอามาจากไหนน่ะ  เด็ดของวัดมาหรือ  บาปนะ” จ้อยดึงแขนกลับ  ยายเคยสอนไว้ไม่ให้เด็ดดอกไม้ในวัด  ชาติหน้าจะเกิดมามือด้วน
   
“พี่เอามาจากบ้าน  อยู่เฉยๆ น่า” พี่เอ็ดไม่จริงจังนัก  นั่นแหละจ้อยจึงยอมนิ่ง  ปล่อยให้พี่ขยี้ใบมะลิแต้มแขนแต่โดยดี  แต่พอพี่ขยับมาแต้มที่หลังคอ  จ้อยถึงกับหดคอหัวเราะเอิ้กอ้ากด้วยความจั๊กกะจี้

“พี่สิงห์ยังไม่ได้บอกน้องจ้อยเลยว่าเมื่อคืนอธิษฐานอะไร” เสียงเล็กเจื้อยแจ้ว ถามพี่ที่กำลังก้มหน้าเป่าแขนเขาเพี้ยงๆ “เห็นอธิษฐานตั้งน้านนาน”
   
ลูกชายกำนันชะงัก  เงยหน้าขึ้นมองตาใสแจ๋วของน้อง “จ้อยอยากรู้จริงๆ หรือ” เห็นน้องพยักหน้าหงึกๆ  สิงห์ได้แต่กลืนน้ำลายฝืดคอ  “จ้อยต้องสัญญาก่อน  ถ้าพี่บอกแล้ว อย่าเกลียดพี่นะ”
   
“น้องจ้อยรักพี่จะตาย  จะเกลียดพี่ได้ยังไง” น้องพูดไปอย่างไร้เดียงสา  หารู้ไม่ว่ากำลังทำหัวใจคนได้ยินพองโตคับอก  คำว่า ‘รัก’ ที่ไม่เคยได้ยินจากปากใคร  แม้แต่พ่อกับแม่ 

สิงห์จะกอดคำนั้นของน้องไว้แนบหัวใจจนวันตาย

“จริงหรือ  รักแค่ไหน”

“รักเท่าฟ้าเลย”

เขาไม่มีวันลืมคำอธิษฐานของตนเมื่อคืนนี้  ทุกคำยังแจ่มชัด  ตราตรึงอยู่ในหัวใจ  ต่อให้เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไรสิงห์ก็ไม่มีวันลืม

พี่จ้องตาน้องที่มองมาอย่างรอคอย  ริมฝีปากเล็กขยับเอ่ย  “พี่อธิษฐานว่า..”

“ว้าก! ผีหลอกๆ ช่วยด้วย!”
“พี่ลอยรอฉันด้วย ผีหลอกๆๆ”
   
ถ้อยคำที่สิงห์จะเอื้อนเอ่ยมีเหตุให้ต้องสะดุด  เมื่อเจ้าพวกเด็กเกเรตัวแสบสามคนพากันวิ่งหน้าตาตื่นมาทางนี้  โหวกเหวกโวยวาย  ขนหัวตั้ง 
   
ทำหน้าเหมือนเพิ่งเจอผีมาอย่างนั้นแหละ

เอ๊ะ!  แต่เมื่อกี้พวกมันก็ร้องว่าผีหลอกนี่!

ไอ้ลอย ไอ้หมานวิ่งหน้าตั้งมาเกาะกลุ่มกับจ้อยและสิงห์  คางมันสั่นกึกๆ มือไม้เย็นเฉียบ  ไอ้หมูเลิศอุ้ยอ้ายกว่าใคร  มันล้มลุกคลุกคลานตามมาทีหลัง  เนื้อตัวเต็มไปด้วยขี้ดิน  หมดมาดนักเลงไม่เหลือหลอ
   
วิ่งกันมาจากทางป่าช้า!
   
“ผะ..ผี..ผีหลอกมาหรือ” พาให้จ้อยกลัวไปด้วย  เด็กชายตัวน้อยเบียดชิดพี่อย่างจะหาที่พึ่ง  วงหน้าขาวจัดซีดเผือด  พี่ได้แต่รั้งน้องไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอมปกป้อง
   
เสียงโวยวายของพวกไอ้ลอยเรียกความสนใจจากหลายคน  พวกผู้ใหญ่บนศาลาพากันลงมา  ใครคนหนึ่งดึงหูพวกมันคนละที  ส่งเสียงติเตียนกันให้ขรม “ไปเล่นแถวเชิงตะกอนกันอีกแล้วละสิ เจ้าเด็กพวกนี้” 

“ขะ..ขึ้นไปหายายกันเถอะพี่สิงห์” จ้อยเสียงสั่น  กอดแขนพี่แน่น  พากันกลับขึ้นไปบนศาลา  ลืมคำถามที่อยากรู้คำตอบนักหนาเสียสนิท 

สิงห์ได้แต่ซ่อนยิ้ม   
ยังไม่ได้บอกวันนี้ก็ไม่เป็นไร 
วันข้างหน้า.. เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่.. พี่จะบอกจ้อยแน่นอน

พี่จะบอกจ้อย..   
      
   
จบตอน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------   
*เวียนเทียนเสี่ยงรัก, ประเทือง บุญญประพันธ์ คำร้อง, บุษยา รังสี ขับร้อง


สวัสดีค่ะคนอ่านที่รัก

คนเขียนกลับมาแล้วจ้า หลังจากหายไปน้านนาน
หายไปนานเพราะคร่ำเคร่งอยู่กับการปิดต้นฉบับ Protege
(ใครสนใจคลิกแฟนเพจเลยเน้อ :o8:)
ตอนนี้เสร็จหมดแล้ว จากนี้จะมาลุยมหาหงส์ต่อละน้า
กำลังเขียนบทที่ ๑๖ ค้างไว้ แล้วคุณ Vava Coco ไปชวนชายเล็ก อ.คนึง พี่สิงห์ น้องจ้อย ไปเวียนเทียนในแฟนเพจ
จากนั้น.. ไปไงมาไงไม่รู้ ตอนพิเศษนี้ก็เลยคลอดออกมาค่ะ
อาทิตย์หน้าจะมาต่อบทที่ ๑๖ ครึ่งหลัง ระหว่างนี้อ่านตอนพิเศษไปพลางๆ ก่อนเน้อ

รักคนอ่านค่ะ :กอด1:

ดอกไม้
๔ ส.ค. ๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 04-08-2012 13:59:26
 :กอด1: คิดถึงมากๆๆๆเลยค่ะคุณดอกไม้ ฮิ้วววววว
ยินดีต้อนรับกลับเล้า อิอิ  ชอบเรื่องนี้เพราะชอบอะไรไทยๆแบบนี้
เวียนเทียนเสี่ยงรัก ฮิ้ววววว   :L2:
สามคำ>>>คิด ถึง จัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 04-08-2012 14:14:31
คุณดอกไม้พามาเวียนเทียนไม่ครบอะ
ขาดชายเล็กกับอาจารย์คนึงไปได้อย่างไร TT

ปล.ไอ้ลอยนี้มันน่าถีบจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-08-2012 14:24:04
โอย...ซึ้งจนจะร้องไห้
พี่สิงห์ น้องจ้อยน่ารักน่ากอดเหลือเกิน
พี่สิงห์ชัดเจนตั้งกะสิบขวบเลยนิ แมนมาก
เฮ้อ...อะไรทำให้เด็กน่ารักกลายมาเป็นนักเลงหัวไม้อย่างนี้
แต่พี่สิงห์ยังไม่ลืมคำอธิษฐานใช่ไหม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 04-08-2012 15:19:09
อยากมีน้องอย่างจ้อยจัง น่ารักซะ  :impress2:

แต่....พอนึกถึงตอนปัจจุบัน ที่เป็นอยู่ กลับรู้สึกเศร้าซะงั้น
พี่สิงห์เอ้ย กว่าจะได้บอกน้องคงจะอีกนาน เฮ้อ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 04-08-2012 15:37:08
โรแมนติกตั้งแต่เด็กเลยนะพี่สิงห์

 :laugh3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 04-08-2012 15:46:45
คิดถึงเรื่องนี้มาก ดีใจที่มาต่อสักที
พออ่านแล้วคิดถึงความหลังดีๆ ของจ้อยกับสิงห์ T^T
โธ่ พ่อสิงห์ ไม่น่าเล้ยยยยยยย
รออ่านคู่คุณเล็กด้วยนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 04-08-2012 15:55:49
พออ่านตอนนี้แล้วนึงถึงตอนปัจจุบันแล้วสะท้อนใจ เฮ้ออออออออออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maimeechue ที่ 04-08-2012 16:03:15
รู้สึกว่าคู่ของจ้อยเด่น(เกินไป)จัง

หรือว่าเรื่องนี้ตัวเด่นคือจ้อย?
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 04-08-2012 16:20:38
พี่สิงห์ตอนเด็กน่ารักแล้วอบอุ่นมาก!
ตอนนี้โตแล้วอย่าลืมเอาคำอธิษฐานมาบอกจ้อยนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 04-08-2012 17:27:47
แม่สิงห์ทำไมถึงไม่ชอบแม่จ้อยอะไรนักหนานะ สิงห์ตอนเด็ก ๆ น่ารักคอยดูแลจ้อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 04-08-2012 17:30:14
คิดถึง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 04-08-2012 17:40:27
คิดถึงคุณชาย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-08-2012 20:53:10
 :กอด1:น่ารักนะตอนเด็กๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 04-08-2012 20:59:44
ดอกไม้หายไปซะนานเลยหนา วันนี้กลับมาให้หายคิดถึง พร้อมพาพี่สิงห์กับน้องจ้อยมาในตอนพิเศษที่น่ารักๆด้วย
แล้วในตอนต่อของเรื่อง เมื่อไรหนอพี่สิงห์กับน้องจ้อยจะได้หวานๆน่ารักๆแบบตอนพิเศษซะที
อีกคู่ที่คิดถึงก็ครูคนึงกับคุณชายจ้ะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 04-08-2012 21:06:50
ดีใจที่จะได้อ่านต่อ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 04-08-2012 21:14:03
น้องจ้อยน่ารักกกก พี่สิงห์ตอนเด็กก็น่ารัก ฮื้ออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-08-2012 22:07:16
พี่สิงห์น้องจ้อยน่ารักซะจริง พี่สิงห์ดูแลน้องดีมาก รักน้องตั้งแต่ตอนนั้นเลยเนอะ
น้องก็น่ารัก บอกรักพี่ด้วย ไม่น่ามาเป็นแบบตอนโตกันเลย เสียดายเวลาที่โกรธกัน
พวกไอ้ลอยนี่เลวแต่เด็กเนอะ อยากจับถ่วงน้ำชะมัด ฮึ่มมม  :angry2:

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 04-08-2012 22:16:42
พี่สิงห์ถ้าไม่ดีแตกซะก่อน ป่านนี้คำขอพรก็สมหวังไปแล้วล่ะ
 :laugh:

อ่านแล้วอยากเข้าวัดทำบุญบ้างจัง

รอตอนต่อไปค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 04-08-2012 23:11:25
แหมเป็นตอนวันพระวันเจ้าไอ้เราก็ไม่อยากโกรธแค้นสร้างบาป
แต่เรื่องไอ้ลอยทีไรมันอดไม่ไหวทุกที ตายไปขอให้เกิดเป็นลิงห้าร้อยชาติ!!!
รอวันที่น้องจ้อยกับพี่สิงห์จะได้กลับมารักกันแบบตอนเด็กนะ มีความสุขจัง^____^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 05-08-2012 00:25:34
ไปเวียนเทียนมาเมื่อวันอาสาฬหบูชามาค่ะ
ได้บุญ แถมโชคดีได้อ่านนิยายสุดที่รักของคุณดอกไม้ที่แสนคิดถึง :กอด1:

ตอนพิเศษ น่ารักๆแบบนี้ หวังว่าตอนโตคงจะได้มาทำบุญร่วมชาติหวานๆกันแบบนี้อีกนะคะ  :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 05-08-2012 00:36:03
 :-[ ห่างหายไปนานมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 05-08-2012 00:40:33
คิดถึงเรื่องนี้มากกกกก พี่สิงห์อย่าลืมบอกน้องละกัน เพราะคนอ่านก็อยากรู้ว่าจะเป็นไง 555+
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 05-08-2012 11:22:32
พี่สิง์ของน้องจ้อยน่ารักกันจัง ไม่น่าเกลียดกันเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 05-08-2012 12:02:46
คิดถึงคุณดอกไม้มากๆ
รอตอนหลักอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 05-08-2012 12:25:58
พี่สิงห์น่ารักมาก ไม่น่าเปลี่ยนไปเพราะคำล้อของพวกเกเรเล้ย
พวกลอยมาแกล้งจ้อย โดนจินดาเอาคืน แถมโดนผีหลอก สมน้ำหน้า :m14:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 05-08-2012 12:51:08
ดีใจมากที่กลับมาเขียนต่อ เรากดบวกและตามไปกด like แฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารแล้วนะคะ

อยากจะขอร้องว่าถ้าพอมีเวลาก็ช่วยเล่าต่อสักนิด อย่าทิ้งไว้นานเลย งานเขียนเรื่องนี้ดีมากๆ สนุก และละเมียดละไม แต่ถ้าทิ้งไว้นานแบบข้ามปีเราก็ท้อที่จะคอยเหมือนกัน บางทีมันไม่ต่อเนื่องทั้งเนื้อหาที่คนอ่านอาจจะลืมไปแล้ว และที่สำคัญคืออารมณ์ แบบว่าไม่ได้อ่านนาน พอมาอ่านอีกที ก็ลืมไปแล้วว่า theme ของเรื่อง มันแนวใหน แต่ถ้ามีภาระทางชีวิตจริงๆก็พอจะเข้าใจ ไม่บังอาจไปคาดคั้น แต่ถ้าพอจะต่อได้ก็ช่วยเขียนต่อหน่อยนะคะ ไม่อยากค้างคา เราติดเรื่องนี้จริงๆ ลุ้นให้จ้อยกับพี่สิงห์สมหวัง (ซึ่งตอนปัจจุบันทั้งคู่ยังจูนกันไม่ติดและไกลห่างกันเหลือเกิน)

เืรื่องของคุณชายก็สนุกไม่แพ้กัน คุณดอกไม้เขียนดีไม่ว่าเขียนฝั่งใหนก็อ่านสนุกหมด ถึงอารมณ์ของตัวละครอย่างลึกซึ้ง แต่เราจะเน้นไปทางคู่สิงห์จ้อยนิดนึง  เพราะ conflict มันชัด ต่อเนื่อง และเด่นกว่า ทั้งเรื่องที่สิงห์ต่อสู้กับอัตตาความเป็นลูกผู้ชาย และ"เพศชาย" ที่ภาคภูมิใจของตัวเองซึ่งทำให้เค้ามี "ตัวตน"และที่ยืนในสังคมของเค้า และมันดันขัดแย้งกับความรักที่เปี่ยมล้นให้กับจ้อยมาตั้งแต่เด็กโดยไม่คำนึงถึงเพศ และมีตัวร้ายคอยขัดขวางรอบด้าน ทั้งลอย ทั้งแม่ และที่สำคัญคือตัวเค้าเองที่ยังไม่กล้าหาญพอจะยอมรับหัวใจตัวเอง อยากรู้มากๆว่าประเด็นขัดแย้งทั้งภายในและภายนอกของตัวละครจะถูกคลี่คลายยังไง เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งกันไปนานๆเลยนะคะ  :impress: มันค้าง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kunchan ที่ 05-08-2012 15:03:27
ในที่สุดก็มาต่อแล้ว ดีใจมากๆ เลยค่ะ แถมได้อ่านตอนพิเศษระหว่างพี่สิงห์กับน้องจ้อยอีก
สงสารสิงห์มากมาย ถ้าคิดว่านักเลงแถวบ้านมีนิสัยแบบพี่สิงห์ อืมๆๆ คงต้องมองนักเลงในอีกมุมแล้วละมั้งค่ะ 555
ปล.คิดถึงมากมาย ค่ะ ขอบคุณที่มาต่อ
ปล.2 เมื่อไหร่จะหวานกันละค่ะเนี่ย สงสารสิงห์ม๊ากกกก จาก....แม่ยกนักเลงสิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 05-08-2012 15:57:37
ไม่ได้อ่านนานมาก....มาจากเวปเด็กดี.......
ชอบเรื่องนี้มากเพราะอะไร...ก็บอกไม่ถูก
น่าจะเป็นเหมือนเรื่องราวสมัยก่อน+กลอนที่ซึ้ง ๆ
และมีบทเพลงที่สามารถลื่อถึงอารมณ์ในแต่ละตอน..
ภาษที่ใช้...บรรยายสถานที่...และทุกอย่างในเรื่อง
อ่านแล้วมันไปได้เรื่อยไม่ติดขัดโดยเฉพาะคู่พี่สิงห์น้องจ้อย....
คู่นี้เป็นคู่ที่รู้สึกว่าอ่านไปอ่านมาจะเด่นกว่าคู่หลักแล้วนะ.....
และไม่อยากให้ต้องจบด้วยความเศร้านะ...อยากให้ทั้ง 2 คู่จบแบบมีความสุขสมหวังทั้งสองเลย...สาธุ... :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 05-08-2012 16:39:34
น้ำตาจะร่วง ดีใจที่น้องจ้อย กับ พี่สิงห์ มาเวียนเทียน ให้เห็นกัน
คิดถึง...งงงงง ใจจะขาด กลับมาซะทีนะค่ะ

มามะ มาให้รับขวัญกันคนละฟอด สองฟอด ทั้ง พี่สิงห์ น้องจ้อย ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 06-08-2012 17:18:39
(http://i1081.photobucket.com/albums/j347/vava2coco/2q.jpg)
เอาดอกเข้าพรรษาหรือดอกหงส์เหิน มาไหว้พระด้วยค่ะ หวังผลได้เป็นคนงามด้วยคนนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: haruko ที่ 06-08-2012 20:16:30
น้องจ้อยกับพี่สิงห์น่ารัก ไม่น่ามีเรื่องมาทำให้หมางใจกันเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ละล้าละลัง ที่ 07-08-2012 00:36:25
ดีใจน้ำตาจะไหล
คุณดอกไม้มาเล่าเรื่องพี่สิงห์น้องจ้อยให้ฟัง

ยังรอตอนปกติด้วยใจจดจ่อนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 07-08-2012 11:18:36
คิดถึงน้องจ้อยเป็นที่สุด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 08-08-2012 00:45:48
ตอนเด็กพี่สิงห์น่ารักที่สุด
แต่พอโตขึ้นแล้ว น่า... o18
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-08-2012 01:53:05
ตอนนี้น่ารักจริงๆ

ปล.แอบกระโดดเตะไอ้ลอยได้ป่าว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 09-08-2012 13:21:48
กรี๊ดดดดดดดดดดดด พี่สิงห์ ((พระเอก)) ตัวจริง  :pighaun:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsaki ที่ 09-08-2012 23:06:46
 :impress2: :impress2:
ตอนพิเศษๆ
น้องจ้อยกับพี่สิงห์น่ารักง้ะ พี่เอกโรแมนมากกก  :z2:
แต่ทำไมน้า ปัจจุบันช่าง~   :เฮ้อ:
รอตอนที่ 15 ครึ่งหลัง  :impress2:
คิดถึงคุณเล็กมากกก ~ คิดถึงพี่จี้มากด้วย ~  :กอด1:
(รอหนังสือมาส่งที่บ้าน ฮ่าๆ  :laugh:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 09-08-2012 23:40:48
รอน้องจ้อยอยู่เลยละครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oattie ที่ 10-08-2012 21:52:45
น้องจ้อยตัวน้อยน่ารักที่สุด(ทำเสียงสูง)   :impress2:     ตกหลุมรักน้องจ้อยในวัยเด็ก แบ๊วๆ >O<
พี่สิงห์ก็เป็นคนดีดูแลน้องด้วยความรัก ช่วงวัยเด็กนี่มันมีความสุขเหลือเกิน 


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 10-08-2012 22:49:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ ตอนพิเศษวันเข้าพรรษา : เวียนเทียนเสี่ยงรัก [๔/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 11-08-2012 13:15:01
คิดถึงเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คนเขียนหายไปนานมากเลย

แต่ตอนนี้น่ารักมากๆเลยนะ

ชอบน้องจ้อยมากน่ารักที่สุดเลย

อยากอ่านของอาจารย์กับคุณชายแล้วอ่ะ

มาต่อบ่อยๆแล้วก็ยาวๆเร็วๆด้วยนะคะ

อยากอ่านมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 11-08-2012 21:23:39
(http://img15.picoodle.com/i58b/wattanan/0_5da_ucmz8.jpg)

บทที่ ๑๖

ดอกฟ้ารักดอกดิน

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


เรือนพักอาจารย์ท้ายโรงเรียนเงียบสงบ  ณ ห้องน้อยริมสุด  ห้องเล็กๆ ห้องนั้นราวกับจะเรืองรัศมีแห่งความละเมียดละไมออกมา  ตะเพียนน้อยสองตัวแกว่งไกวอยู่ในอากาศ  แว่วเสียงทุ้มอ่อนโยนขับขานเป็นท่วงทำนองแผ่วเบาล่องลอย
   
“ลมพัดเอย  พัดมาเอื่อยเอื่อย  ขุดบ่อใต้เหื้อย  อาบน้ำในขันแก้ว” มือใหญ่บรรจงผูกเงื่อนตามสาบเสื้อม่อฮ่อมบนร่างเล็ก

“นิ้วมือนิ้วตีนเหมือนเทียนฟั่น  ผมสั้นเหมือนทองเขาหล่อแล้ว..” คนึงจับช่วงไหล่บางหมุนไปมาหน้ากระจก  ดวงตาสีเข้มทอดมองอย่างชื่นชม  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์มาอยู่ในชุดแบบนี้ก็น่ามองไปอีกแบบ  ร่างเล็กบางในเสื้อม่อฮ่อม  กางเกงขาก๊วยสีน้ำเงินเข้มตัดกับผิวขาวผุดผาด 

เลอมานมองภาพตัวเองในกระจกพลางตีหน้าปุเลี่ยน  เอี้ยวคอหันมาถามอย่างไม่มั่นใจ

“หล่อแล้วจริงหรืออาจารย์” มือเล็กรีดไปตามรอยยับบนเสื้ออยู่นั่น 

คนึงหัวเราะในคอ  ลูบผมสีอ่อนนุ่มมือไปมา “อาบน้ำในขันแก้ว  หล่อแล้วไม่พักต้องแต่งเอย..”

คุณชายมุ่นคิ้ว  ยังงงไม่หาย  วันนี้วันเสาร์ จู่ๆ ก็ถูกอาจารย์ปลุกตั้งแต่ไก่โห่  จับแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เคยคุ้น  เสร็จแล้วก็จูงมือเขาเดินลิ่วๆ ไปยังเรือแจวลำน้อยที่ผูกไว้ที่ท่าน้ำท้ายโรงเรียน 

แม้ไม่รู้ว่าจะถูกพาไปไหน  พาไปทำอะไร  แต่เลอมานก็ไม่รู้สึกขัดข้องใจหรือระแวงสักนิด  ทุกครั้งที่อยู่ใกล้อาจารย์คนึง.. คนที่เขาเชื่อสุดหัวใจ  ว่าจะไม่มีทางทำร้ายกัน..
   
เหมือนที่ผ่านมา..


แดดเช้าอ่อนใส เป็นประกายในสายหมอก  เรือน้อยแล่นไปตามลำคลองนิ่งสงบ  ต้นไม้ใบหญ้าสองฝั่งเขียวชอุ่มชื้นเย็น  น้ำค้างกลั่นหยดดูแวววาวราวอัญมณีกลิ้งบนใบบัว  เลอมานนั่งหัวเรือ  หันหน้าหาอาจารย์คนึงที่นั่งคัดท้าย  ทัศนียภาพงดงามปานใดก็ไม่อาจดึงดูดใจเขาได้เท่าคนตรงหน้า 
   
ร่างสูงใหญ่อยู่ในเสื้อม่อฮ่อมกางเกงชาวนาเหมือนกัน  ต่างตรงที่มีผ้าขาวม้าคาดเอวด้วย  แขนล่ำสันวาดพายจ้วงน้ำช้าๆ  ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มส่งให้  เด็กหนุ่มจุ่มมือลงในน้ำคลองใสเย็น  โลกสุขสงบเหลือจะกล่าว  เป็นความสงบที่หาไม่ได้เลยจากมหานครศิวิไลซ์ที่เขาจากมา
   
เรือน้อยจอดนิ่งที่ท่าเมื่อถึงจุดหมาย  บุตรชายท่านทูตเบิกตากว้างให้กับท้องทุ่งนาเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา  อาจารย์ยื่นมือให้เขาจับขณะขึ้นจากเรือ  ก่อนจับจูงไปตามคันนาชุ่มน้ำค้าง  หญ้าเขียวระข้อเท้าฉ่ำเย็น  ลมโบยโบกพาใบข้าวพลิ้วเหมือนคลื่น  กบน้อยตาใสแจ๋วกระโดดหลบใต้กอข้าว  กวนโคลนใต้น้ำฟุ้งขึ้นหอมชื่นใจ
   
คันนาแคบเกินกว่าที่สองคนจะเดินเคียงข้างกันได้  คุณชายจึงเป็นฝ่ายเดินตามหลังทั้งที่มือยังถูกจับจูง  เท้าขาวเก้กัง  พยายามหลบหลีกความชื้นแฉะที่ดูเหมือนหลีกยังไงก็หลีกไม่พ้น   
   
อาจารย์เล่าว่าต้นฤดูฝนเป็นช่วงของการเตรียมดิน ขึ้นแปลง ปรับสภาพพื้นที่ให้เหมาะแก่การหว่านเพาะต้นกล้า  เลอมานขมวดคิ้วยุ่ง 

อะไรคือเตรียมดิน?  อะไรคือต้นกล้า?

หากเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ถามออกไปอย่างใจคิด  จนกระทั่งเห็นกลุ่มคนนับสิบก้มๆ เงยๆ อยู่ในแปลงที่เต็มไปด้วยโคลนเลนอยู่ไกลๆ  เสียงพูดคุยกันแว่วมาตามลม
   
“รู้ไหมว่าทำไมเครื่องแบบข้าราชการถึงเป็นสีกากี” อยู่ดีๆ ใบหน้าคมสันก็หันมาถาม 
   
“สีกากี?” เลอมานตีหน้ายุ่งกว่าเก่า  อยู่ที่นี่เหมือนเขาจะฉลาดน้อยลงทุกทีสิหนอ 
   
“สีเครื่องแบบของครูเรียกว่าสีกากี” คนึงอธิบายยิ้มๆ  ศิษย์เพิ่งถึงบางอ้อ  นึกไปถึงเครื่องแบบสีน้ำตาลอ่อนที่อาจารย์สวมใส่ทุกวันจันทร์  มือใหญ่กุมกระชับแน่นขึ้น  ส่งยิ้มอ่อนโยน “เพราะสีกากีคือสีของดิน  เหตุผลก็เพื่อให้ข้าราชการทำตัวติดดินอยู่กับประชาชน  รับใช้แผ่นดิน”

อาจารย์เดินนำไปหาพวกชาวบ้านที่โบกไม้โบกมือมาให้  ตะโกนทักทายกันเสียงดังลั่นทุ่ง  กลุ่มชายหญิงนับสิบในสภาพเนื้อตัวมอมแมมมองมาเป็นตาเดียว  แม้จะเหงื่อไหลไคลย้อย  หากแต่ละคนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส 
   
เลอมานทำตามที่อาจารย์สอน  เจอผู้ใหญ่ให้ยกมือไหว้  เด็กหนุ่มจึงยกมือไหว้ทีละคนจนแทบหน้ามืด  เล่นเอาพวกชาวบ้านพนมมือรับไหว้กันเป็นฝักถั่ว 
   
“ลุงแสง  ผมมาช่วยดำนาครับ  พาผู้ช่วยมาด้วยคนนึง  ใช้งานได้ตามใจชอบเลย” คนึงพาเขาไปหาเจ้าของที่นา  ฝากฝังเสร็จสรรพแล้วก็ตบไหล่เขาปุๆ 
   
กลุ่มชาวบ้านต่างมองหนุ่มน้อยแร่รวยสวยสะอาดที่ยืนเก้กังบนคันนา  ได้ข่าวว่าเจ้าหนูนี่มีเชื้อเจ้ามาจากเมืองนอก  ผมและนัยน์ตาสีอ่อนเหมือนไหมและพลอยสูงค่า   กระทั่งเท้ายังขาวจัดเหมือนไม่เคยต้องแดดหรือเหยียบดิน  จู่ๆ ก็ข้ามฟ้ามาโผล่อยู่กลางทุ่งนากลิ่นโคลนสาบควาย  ผิดที่ผิดทางจริงอยู่  แต่ยิ่งมองยิ่งเจริญตาเจริญใจ
   
ดั่งรุ้งแปลงแปลกฟ้าลงมาดิน
   
บางคนหันไปซุบซิบกัน  ข่าวลือเรื่องคุณชายเสเพลริอ่านเข้าซ่องยังทิ้งควันกรุ่น  หากน่าสงสัย  คนเสเพลไหงลดตัวลงมาใส่กางเกงชาวนา  แล้วใครนะว่าคุณชายกับอาจารย์คนึงต่อยกันกลางซ่อง  หากไม่ถูกกันจริง  ไฉนจูงมือกันมาช่วยลงแขกปลูกกล้าอย่างนี้เล่า
 
ฝั่งคุณชายอยากจะร้องไห้เต็มแก่

ประสบการณ์สุดสยองยังจำฝังใจ  เจอกับตัวครั้งเดียวก็เกินพอ  อะไรน่ะหรือ.. ก็เจ้า ‘ปลิง’ น่ะซี  เลอมานคิดว่าเขาจะคงจำชื่อเจ้าตัวประหลาดนั่นขึ้นใจไปจนวันตายแน่ 
   
จ้อยเล่าให้ฟังว่าปลิงชอบอยู่ในน้ำตื้นและขุ่น  ซึ่งท้องนาที่เขายืนมองอยู่นี่  มันก็.. ทั้งตื้นทั้งขุ่นคลั่กอย่างที่จ้อยว่าเสียด้วย 
   
เลอมานเงยหน้ามองหาอาจารย์  หวังให้เป็นที่พึ่ง  แต่กลับเห็นเพียงชาวบ้านมองมาตาแป๋ว  ไร้วี่แววคนตัวสูงที่เป็นคนพามา  ชาวบ้านชาวทุ่งเห็นคุณชายทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกก็พาให้นึกไปว่า  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์คงรังเกียจโคลนเลนสกปรก  ใครคนหนึ่งจึงไปหารองเท้าบู๊ตยางมาให้สวม  นั่นแหละ  เขาถึงกล้าเดินย่ำลงแปลงนาเปี่ยมน้ำ 
   
อาจารย์คนึงเพิ่งกลับเข้ามาตอนนั้น  เลอมานได้แต่ส่งสายตาเคืองขุ่นไปให้โทษฐานที่ทิ้งเขาไว้ให้ยืนเด๋อด๋า  คนตัวโตเหลือบมองรองเท้าที่เขาใส่แล้วอมยิ้ม  ก่อนยืนกล้าอ่อนมาให้กำหนึ่ง  ไม่ลืมกำชับให้ระวังบาดมือ   
   
ถึงจะไม่เคยทำมาก่อน  แต่ทุกสิ่งก็ไม่ยากเกินกว่าที่เขาจะเรียนรู้  ลุงๆ ป้าๆ ต่างสอนว่าการปักต้นกล้าที่ดีต้องหยิบครั้งละ ๓-๕ ต้น  ใช้หัวแม่มือปักลงไปลึกจนจมนิ้ว  ระยะห่างแต่ละกอประมาณคืบกว่าๆ แบบนี้ข้าวจะเติบโตสมบูรณ์ดี  คุณชายทำตามอย่างตั้งอกตั้งใจ  ปักๆ ไปก็เพลินดี 

และแล้ว.. นอกจากวิธีการดำนาที่ได้เรียนรู้  คุณชายยังได้เรียนรู้เพิ่มอีกอย่าง

ว่าการสวมรองเท้าบู๊ตยางลงแปลงนา  มันไม่ต่างอะไรกับหนูติดกาวเลยจริงๆ

โคลนเหนียวข้นดูดรองเท้าเขาจนติดหนึบ  อย่าว่าแต่ก้าวขา  ตอนนี้แค่ขยับขายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ  ดวงตาคู่สวยเหลียวมองรอบตัว  เห็นต่างคนต่างก้มๆเงยๆปักดำก็ถอนใจโล่งอก  มือมอมแมมพยายามยื้อยุดรองเท้าตัวเองกับดินโคลน  แต่ยิ่งออกแรงดึงยิ่งเหมือนโดนดูดกลับเข้าไปลึกกว่าเก่า  ยักแย่ยักยันอยู่อย่างนั้น 
   
“อ้าว เกือกติดซะแล้วเรอะ!” ป้าคนหนึ่งหันมาเห็นเข้า  แกเล่นตะโกนเสียลั่น  คุณชายเลยเป็นจุดสนใจเลยทีนี้  ใครๆ ก็กรูกันเข้ามาช่วยคนละไม้ละมือ

แต่มีอยู่คนนึงละ  เห็นเขาติดแหง็กอยู่นานแล้วแต่ไม่ยักเข้ามาช่วย  เอาแต่ยืนยิ้มอยู่ไกลๆ  เลอมานซาบซึ้งน้ำใจอาจารย์เสียจริง           

มือชาวบ้านกับขี้เลนลื่นเหลวชักเย่อกันแย่งเด็กหนุ่มสูงศักดิ์  ดึงกันไปยื้อกันมา  คุณชายซวนเซเสียหลัก  ลิ่วถลาจะเอาหน้าลงปักท้องนาแทนต้นกล้า

โอ..ไม่นะ เขายังไม่อยากเอาโคลนพอกหน้าเหมือนหม่อมแม่! 

เดชะบุญ  มือขาวยันพื้นไว้ทันก่อนหน้าจะทิ่มลงดิน  ทีนี้ทั้งสองมือสองเท้าเลยติดแหง็กแขนขากางอยู่กลางแปลงข้าว  คุณชายกลายร่างเป็นแมงกะพุ้งน้ำ  ให้ลุงป้าน้าอาหัวเราะกันครืนด้วยความเอ็นดู 
   
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงฉุนเฉียว  แต่ครานี้  เพราะอะไรไม่รู้  อาจเป็นเพราะธรรมชาติชุ่มฉ่ำรินรดใจ  อาจเป็นเพราะน้ำใสใจจริงจากลุงป้าชาวนาชาวไร่  แทนที่จะตีหน้าบูดบึ้ง  คุณชายกลับหัวเราะเอิ้กอ้ากเห็นฟันหมดปาก  เสียงใสเหมือนระฆังแก้วกังวานก้องท้องทุ่ง 
   
สนุกจัง!


เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังมาก่อนตัว  เลอมานเงยหน้าขึ้นเห็นร่างสูงใหญ่ยิ้มเรี่ยเดินเข้ามาหา  มือแข็งแรงออกแรงทีเดียวก็ฉุดแขนเขาลุกขึ้นยืนสองขาเหมือนผู้เหมือนคนได้สำเร็จ 
   
ขี้โคลนเปื้อนมาถึงข้อศอกเหมือนสวมถุงมือสีเทา 
   
อาจารย์ส่ายหน้าระอา  ในดวงตาสีเข้มฉายแววยั่วล้อ  ทำทีเป็นก้มลงปักกล้าต่อ  แต่ริมฝีปากได้รูปขยับร้องเป็นเพลง “หนูเล็กเด็กๆ ทั้งหลาย อย่านอนตื่นสายเป็นเด็กเกียจคร้าน..”
   
ชาวบ้านหัวเราะกันเฮ่อๆ ฮ่าๆ  ก็เพลงที่อาจารย์ร้องน่ะมันเพลงที่เขาเปิดกันตามโรงเรียนประถมน่ะซี 

‘หนูเล็ก’ ยืนเซ่อ  กว่าจะรู้ตัวว่าเขาร้องเพลงล้อ  แก้มก็แดงปลั่งไปถึงใบหู  ดูเถอะ..เขายังลอยหน้าลอยตาร้องไม่หยุด เลอมานหมั่นไส้เกินทน  “ตื่นเช้าจะได้เบิกบานสดชื่นสำราญ.. โอ๊ะ”
   
มือเปื้อนโคลนป้ายปากที่ร้องเพลงเข้าให้  โคลนเทาๆ เลอะเป็นปื้นตามไรหนวดเขียว  ได้เห็นคนเคร่งขรึมเช็ดหน้าเช็ดตาเลิ่กลั่กก็ตลกดี 
   
เด็กหนุ่มหัวเราะขำที่เอาคืนได้สำเร็จ  ลอยหน้าลอยตาแก้ตัวบ้าง “ผมเห็นตัวอะไรเกาะปากอาจารย์ เลยปัดออกให้”     

ดวงตาคมเข้มมองมาอย่างคาดโทษ  หยักยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์  ขายาวๆ ก้าวพรวดเข้าหา  ทำท่าเหมือนจะหักคอเขาจิ้มน้ำพริก  แม้จะดูกึ่งเล่นกึ่งจริง  แต่เลอมานก็สะดุ้งโหยง ลนลานโดดหนี  แต่ติดที่สองเท้าติดหนึบอยู่ในแปลงโคลน!
   
เขาคงหน้าทิ่มรอบสองแน่ๆ ถ้าไม่มีอ้อมแขนล่ำสันรวบเอวบางรั้งไว้แนบอก  ลุงๆ ป้าๆ หัวเราะกันร่วน  ศิษย์อาจารย์หยอกกันน่าเอ็นดูแท้

แดดเริ่มแรงทอแสงจ้า  อาบหน้าเขาจนร้อนผะผ่าว  ร่างเล็กค่อยขืนตัวออกจากอ้อมอกอุ่น  สองแก้มยังแดงซ่าน
ใช่.. เพราะแดด.. เพราะแดดแน่ๆ
แล้วเสียงหัวใจที่กระทุ้งอกโครมๆ จนหวั่นว่าใครจะได้ยินนี่เล่า  เป็นเพราะเปลวแดดด้วยไหมหนอ 

บู๊ตยางถูกถอดทิ้งไว้บนคันนา  อาจารย์จูงมือศิษย์ที่ยังแก้มแดงไม่หายลัดเลาะหลบเปลวแดดไปใต้ต้นก้ามปูใหญ่  ห่างไกลสายตาผู้คน 

มือใหญ่ล้วงลูกมะกรูดผ่าซีกออกมาจากชายพก  ไม่รู้ไปหามาจากไหน  ในขณะที่เลอมานยังยืนงง  คนตัวโตก็ย่อตัวลงนั่ง  บีบมะกรูดเค้นเอาน้ำลงฝ่ามือ  ชโลมไล้ปลีน่องขาวจัดแผ่วเบา
   
เด็กหนุ่มสะดุ้งสะท้าน  ตกใจและแปลกใจระคนกัน
   
“ทาไว้ ปลิงจะได้ไม่มาเกาะอีก” หากทันใดที่เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ย  อะไรบางอย่างก็ซึมแทรกเข้ามา  ตื้นตัน.. หวั่นไหว.. หัวใจเด็กหนุ่มเริ่มปริพองจนคับอก  ดูเถอะ  ราวกับคนึงมานั่งกลางใจ  ละเอียดอ่อนและเอาใจใส่กันประหนึ่งของล้ำค่า 
   
เหมือนต้องมนต์  เลอมานหลุดจากสรรพเสียงรอบตัว  ตามองแต่คนที่ก้มๆ เงยๆ ตรงหน้า  มือใหญ่อุ่นวาบ  ค่อยๆ บรรจงลูบไล้เหมือนปั้นดินเผา  หากขาเขาเป็นลำเทียน  คงต้องหลอมละลายคามือนั้นเป็นแน่แท้  จู่ๆ ลิ้นชักความทรงจำก็สั่นคลอน  คล้ายมีใครเคยบอกไว้ ‘คนไทยถือว่าเท้าเป็นของต่ำ’

ตกใจซ้ำสอง  ‘ใคร’ คนนั้น ก็คือคนที่นั่งเอาน้ำมะกรูดลูบเท้าให้เขาอยู่นี่แหละ

ยังจำได้ดี  สายตาคมเข้มคู่นั้นดูตำหนิ  จงเกลียดจงชัง  เสียงห้าวๆ นั่นก็ดุเขาเสียยับ  เมื่อครั้งเขาใช้นายแช่มนวดเท้าให้หลังจากต้องฝืนทนนั่งกับพื้นในช่วงแรกๆ ที่มาเหยียบที่นี่

แล้วดูตอนนี้สิ..

“อาจารย์  ผมทาเองได้” เสียงเล็กอ้อมแอ้ม  หากไม่กล้าสะบัดเท้าหนี     

“อย่าเลย ผิวบางอย่างนี้ มะกรูดกัดมือเสียเปล่าๆ” อาจารย์กลับปฏิเสธยิ้มๆ  ดวงตาอ่อนโยนเงยขึ้นมองมา  หัวใจดวงเล็กวูบไหวแกว่งไกวเหมือนต้นข้าวต้องลม     

ศิษย์อาจารย์กลับมาที่แปลงนาอีกที  คราวนี้เลอมานกล้าลงย่ำเท้าเปล่าแล้ว  คนึงดูทะมัดทะแมงจนเลอมานอดคิดไม่ได้ว่า  ปีก่อนๆ อาจารย์คงพาจินดามาทำนาแบบนี้  มือใหญ่ๆ นั่นตวัดแผล็บเดียวก็ปลูกได้ต้นหนึ่ง  ในขณะที่เขาดูเก้งก้างเก้กังกว่าใคร  ทำต้นกล้าหักคามือก็หลายต้น  จินดาจะปักกล้าขาดๆ วิ่นๆ จนเดือดร้อนอาจารย์ต้องแอบเด็ดทิ้งแล้วปลูกใหม่เหมือนเขาหรือเปล่า 
   
“เป็นอะไร เหนื่อยไหม  ร้อนหรือเปล่า” เขาเผลอแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป  ร่างสูงใหญ่จึงเข้ามาชิดใกล้  ถามไถ่อาทร “ถ้าไม่สนุกแล้วครูจะพากลับนะ”
   
“ไม่ครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้ารัว “ผม.. อยากอยู่..”

อยากอยู่.. ใกล้ๆ อาจารย์
อยากทำทุกอย่าง.. เหมือนที่ ‘ใครคนนั้น’ เคยทำ
อยากได้รับ.. เหมือนที่ ‘ใครคนนั้น’ ได้รับ
   
อาจารย์ยิ้มอ่อนบาง  เดินกลับไปหาหมวกฟางปีกกว้างมาสวมลงบนศีรษะเล็กให้  กำชับให้ใส่ติดหัว “แดดเริ่มแรงแล้ว  เดี๋ยวไม่สบายไปละแย่เลย”     
   
เลอมานค่อยยิ้มออก  รับรู้ความจริงบางอย่างที่ซึบซาบสู่หัวใจ  ว่าเพียงแค่อาจารย์ยิ้มให้  แค่อาจารย์ห่วงใย  เขาก็อุ่นในอกเหลือเกินแล้ว 
   
เขาไม่ต้องการแทนที่ใคร  และอาจารย์ก็ไม่จำเป็นต้องลืมใคร 
   
ขอเพียงวันนี้พวกเขายังยิ้มให้กัน  เพียงเท่านี้ก็มากเกินพอ..

**************************

ปฏิบัติการณ์จับคุณชายเลอมาน ‘ใส่ตะกร้าล้างน้ำ’ ของคนึงประสบความสำเร็จเกินคาด

ภาพเด็กหนุ่มอาสาสมัครย่ำแปลงนาช่วยปักกล้าอย่างร่าเริงในวันนี้  ลบล้างภาพหม่อมราชวงศ์เสเพลที่ก่อเรื่องวุ่นวายกลางซ่องในวันนั้นได้อย่างหมดจด 
   
ยิ่งตอนพักงานมาล้อมวงกินอาหารกลางวันกันในเพิงใต้ร่มไม้  มีเพียงข้าวเปล่า  เห็ดเผาห่อใบตอง  และปลาช่อนแห้งย่างเกลือ  จืดชืดแทบไม่มีรสชาติ  แต่คุณชายก็กินได้กินดีเพราะกำลังหิว  เปิบข้าวด้วยมือเป็นครั้งแรกในชีวิต  เลอะทั้งสิบนิ้วแถมยังทำเม็ดข้าวร่วงกราวเกลื่อนพื้นเป็นอาหารมด  ไม่เรื่องมากเรื่องอาหารการกินอย่างที่พวกลุงป้านึกหวั่นกันสักนิด
   
มีชะงักตาเหลือกนิดหนึ่งก็แค่ตอนที่ลุงแสงบอกว่าไอ้ที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆ อยู่คือหนูนา ไม่ใช่เนื้อไก่นั่นแหละ 
แต่พอคนึงส่งสายตาปรามๆ ไปให้  คุณชายก็กลั้นใจกลืนเอื๊อก  แล้วไม่แตะต้องมันอีกเลย     
 
บางคนก็สอนเรื่องปลูกข้าว

“ดูเถอะ กว่าจะปลูกสำเร็จไม่ใช่ง่ายๆ นะ  ต้นข้าวมีศัตรูรอบตัวไปหมด  ปลูกลงไปแล้ว ถ้าฝนลงหนักเกินไป อ้าวน้ำท่วมนา  ฝนน้อยรึดินก็แห้งแข็งใช้ไม่ได้  ถ้าโชคดีน้ำได้ระดับถูกต้อง  ก็ยังจะต้องกลัวว่าเจ้าปูมันจะแห่กันมาหนีบต้นเสียหมด  ปลูกแล้วบางทีก็ต้องปลูกใหม่  ปลูกใหม่แล้วบางทีก็ไม่ได้ดีอยู่นั่นเอง แต่ก็ต้องปลูก ไม่งั้นก็ไม่มีกิน”
   
อาจารย์ยิ้มกริ่ม  นิ่งมองศิษย์ตัวดีที่ยิ้มเจื่อน  ได้รู้แบบนี้ก็ดี  คุณชายสูงศักดิ์ที่แตะข้าวคราวละแค่แมวดม ปล่อยข้าวเหลือทิ้งเยอะแยะจะได้คำนึงถึงคุณค่าของข้าวขึ้นมาบ้าง

บางคนก็สอนเรื่องการใช้ชีวิต

“ทีหน้าทีหลังอย่าไปเที่ยวที่พรรค์นั้นอีกล่ะ  มันไม่ดี”
“กับพวกไอ้ลอย ไอ้สิงห์ก็อย่าไปคบมันมาก  จะพาเราเสียไปด้วย  รู้ไหมลูก”

อาจารย์กลั้นขำแทบแย่  ใครจะไปคิดว่าบุตรชายท่านทูตจะมีวันที่ต้องมานั่งกลางท้องนา  ก้มหน้ารับคำสั่งสอนจากผู้เฒ่าผู้แก่     

“ว่าแต่มาอยู่ตั้งนานแล้ว  ถูกใจสาวบ้านไหนบ้างหรือเปล่าล่ะ” ตาแสงเจ้าของที่นาถามแกมหยอก  เล่นเอารอบวงหัวเราะครืน  คุณชายก้มหน้างุด  ถึงกระนั้นอาจารย์ก็ยังสังเกตเห็นแก้มขาวขึ้นสีเรื่อ 
   
“ไม่.. ไม่มีหรอกครับ” กลีบปากบางอ้อมแอ้มปฏิเสธ  แก้มยิ่งแดงเป็นลูกตำลึงสุก  พวกลุงป้าคงเอาแต่หัวเราะจนไม่มีใครสังเกตเห็น       

ศิษย์อาจารย์ลอบประสานสายตากัน 

........................................................

เรื่อยเรื่อยมารอนรอน  สุริยาจรเข้าสายัณห์  กลุ่มลงแขกดำนาต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน  คนึงว่ามอมแมมแล้ว  แต่สำหรับเลอมาน  คงใช้แค่คำว่า ‘มอมแมม’ ไม่ไหว  คุณชายเลอะไปทั้งตัวเหมือนลูกหมาตะลุยโคลน  ไม่เว้นแม้กระทั่งใบหน้า  อาจารย์จึงจับจูงมือศิษย์ไปล้างตัวที่ท่า 
   
เด็กหนุ่มรับผ้าขาวม้าจากอาจารย์แล้วผลัดเก้กังทุลักทุเล  ไม่เหมือนคนึงที่แผล็บเดียวก็เหลือเพียงผ้าขาวม้าพันเอวอวดแผงอกล่ำสัน  คนตัวโตโดดลงน้ำทั้งตัว  ท่าทางฉ่ำชื่นใจหนักหนา  ตรงข้ามกับอีกคนที่ได้แต่นั่งหย่อนขาอยู่บนท่า  ก้มลงวักน้ำล้างหน้าล้างตัว 
   
“ลงมาสิ” เสียงห้าวร้องเรียก  อดขำไม่ได้เมื่อเห็นวงหน้าละมุนส่ายปฏิเสธจนผมสะบัด  คนึงยิ่งนึกครึ้มใจ  แหวกว่ายเข้าไปหา  มือใหญ่ฉุดมือน้อยที่ไม่ทันตั้งตัวจนตกน้ำดังตูม 
   
“อาจารย์! ผมว่ายน้ำไม่เป็น!” เลอมานร้องลั่น  ดิ้นตูมตามเป็นลูกหมาตกน้ำ  ขวัญเสียเมื่อได้รับรู้ว่าท่าน้ำตรงนี้ลึกจริงดังคาด  ปลายเท้าเขาหวิดๆ พื้นไปนิดเดียวเท่านั้นเอง
   
“ชู่ว.. ใจเย็นๆ ครูอยู่กับเล็กทั้งคน” เสียงทุ้มกระซิบแผ่ว  ปลอบเด็กขวัญบินได้ชะงัดนัก  มือใหญ่จับท่อนแขนขาวเหนี่ยวคล้องรอบคอ “ไม่ต้องกลัวนะครับ”
   
“อาจารย์ ปลิงจะเกาะผมไหม” เด็กหนุ่มถามปากคอสั่น  หน้าที่ขาวอยู่แล้วบัดนี้ยิ่งซีดเผือด  หยดน้ำเกาะพราว 

“ตรงนี้น้ำลึก  ไม่มีหรอก” พูดให้ใจชื้นแล้วมือใหญ่ก็จัดการล้างคราบโคลนที่เกาะแข็งบนปลายผมสีสวยให้  ปาก คอ คิ้ว คาง  ลาดไหล่  ไม่มีตรงไหนไม่เลอะ  ไม่มีตรงไหนแตะแล้วไม่นุ่ม..อุ่นวาบ..เหมือนมีประจุไฟในเนื้อ
   
ทั้งที่สายน้ำเย็นเฉียบ  แต่เนื้อตัวเปล่าเปลือยของกันและกันช่างอุ่นนัก     

ต่างจับจ้องอยู่แต่ดวงหน้าของกัน  หากพอเงยหน้าขึ้นมองบนฝั่งต้องถึงกับสะดุ้ง  หญิงชราคนหนึ่งยืนอยู่บนท่า  มาเมื่อไรไม่ให้สุ้มให้เสียง  แก่มากแล้ว  ผมขาวโพลนมุ่นเป็นมวยรุ่ยร่าย  ผิวหยาบกร้านตกกระและตาโตอย่างประหลาด
   
เลอมานรีบปล่อยคออาจารย์  แต่กระนั้นก็ยังเกาะท่อนแขนกำยำไม่ปล่อย   

“ครู” เสียงแกแหบแห้ง  เรียกคนหนึ่งแต่ตาจ้องอีกคนหนึ่งเขม็ง “ระวังให้ดี  อย่าให้ไอ้หนูใกล้น้ำ” มือเหี่ยวย่นชี้มาทางเด็กหนุ่มสูงศักดิ์  “ผีน้ำจะมาเอาตัวไป”
   
ใจคนึงกระตุกวาบ!

แม่เฒ่าพูดเพียงเท่านั้นแกก็เดินจากไป  ไปเงียบๆ เหมือนตอนมา 
   
“อาจารย์  ใครน่ะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่น  เอ่ยถามทั้งที่สองตายังจ้องร่างผอมเกร็งที่เดินไปลิบๆ   

“ยายบัว  แกสติไม่ค่อยดี” อาจารย์ตอบพลางวักน้ำล้างใบหน้าอ่อนเยาว์ “เล็กอย่าไปสนใจคำพูดแกนะ”

“ผีน้ำคืออะไรหรือ” ศิษย์ถามขึ้นมาอีก  แววตายังไม่คลายความสงสัย  หากอีกฝ่ายไม่ตอบคำ  เร่งมือล้างโคลนจากผมสีสวยรวดเร็ว 
   
เมฆทะมึนครึ้มฟ้ามาลิ่วๆ อย่างไม่มีเค้า  ราวกับใครเอาสีเทาเข้มไปละเลงไว้  อาจารย์หนุ่มแหงนมองแล้วอดกังวลไม่ได้  ดินฟ้าอากาศเอาแน่เอานอนไม่ได้เอาเสียเลย 
   
“เรารีบกลับกันเถอะ” สะอาดกันดีแล้วคนึงจึงรีบยุดมือเล็กขึ้นฝั่ง  เร่งรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพายเรือกลับ  ไม่พูดอะไรสักคำเดียว

ระหว่างทางพายเรือกลับโรงเรียนท่ามกลางเสียงฟ้าฝนไล่หลังมาครืนๆ  ข้อแขนล่ำสันจ้วงพายสุดแรง  และดูเหมือนสุ้มเสียงเคร่งขรึมของแม่เฒ่าจะติดตามคนึงมาด้วย 
   
‘ผีน้ำจะมาเอาตัวไป’ อย่างนั้นหรือ

คนึงอดคิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาไม่ได้

จินดา..

ยอมรับจากหัวใจตรงนี้เลยก็ได้ว่า  เขายังไม่เคยลืมความรักครั้งเก่า  ยังไม่เคยลืมคืนวันที่เคยมีร่วมกันมา  ไม่เคยลืมดวงตาหวานคมสวยโศกคู่นั้น  ไม่เคยลืมว่าเขาเสียใจมากแค่ไหนกับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ  และชิงชังหม่อมราชวงศ์หนุ่มผู้เป็นต้นเหตุการตายมากเพียงใด
   
จนกระทั่งคิดว่าเขาคงไม่มีวันเปิดใจรับใครเข้ามาได้อีก 
   
หากเมื่อคืนวันผันผ่านไปไม่นาน  เด็กหนุ่มคนนั้น  คนที่นั่งเอามือราน้ำเล่นอย่างไม่รู้สึกรู้สาอยู่ตรงหน้านี้  ทำให้ชุ่มชื่น เบิกบาน  เป็นยาใจ  เยียวยาบาดแผลที่ความอ้างว้างกรีดไว้จนสมานสนิท  รูปโฉมโนมพรรณนั้นไม่ต้องสงสัย  พาให้ต้องตาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็น  ดั่งชาวสวรรค์ชั้นฟ้านภาโพยม  มาประโลมโลกาให้อาวรณ์  หากสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มต้องใจ  กลับเป็นอุปนิสัยส่วนตัวที่ยิ่งได้ซึมซับยิ่งเอ็นดู  เอ็นดูมากจนละลายกำแพงอคติในใจเขาสลายสิ้น  ความชิงชังในคราแรกแปรเปลี่ยน  ค่อยๆ เพาะหน่อกล้าอ่อนขึ้นในใจ  ได้ความใกล้ชิดคอยรดน้ำให้  ยิ่งเจริญเติบโตงอกงาม
   
หากจะให้ตัดใจตอนนี้ก็ยากเสียแล้ว

ถึงต้องง้าวหลาวแหลนสักแสนเล่ม   ไม่ติดเต็มตัวฉุดพอหลุดถอน
แต่ต้องตาพาใจอาลัยวรณ์      สุดจะถอนทิ้งขว้างเสียกลางคัน**


คนึงไม่โทษเลอมาน  หากเรื่องนี้จะมีคนผิด  เขาก็ขอรับความผิดนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว

เสียงฟ้าคำรามลั่นเปรี้ยง  กระชากชายหนุ่มจากห้วงความคิด  ร่างเล็กที่หัวเรือสะดุ้งสุดตัว  สองมือยกขึ้นปิดหู  แล้วฝนก็สาดซัดเทลงมาดั่งฟ้ารั่ว  ทั้งคู่เปียกโชกในเวลาอันรวดเร็ว  สายฟ้าลั่นเปรี๊ยะบนเมฆทะมึนก่อนตามมาด้วยเสียงกัมปนาทกึกก้อง  คุณชายขดร่างเข้าหากัน  ทั้งหนาวทั้งกลัวจนตัวสั่น  คนึงยิ่งเป็นห่วงจับใจ
   
ฝนกระหน่ำทำให้ความมืดโรยตัวลงอย่างรวดเร็ว  หนทางกลับโรงเรียนยังอีกไกลนัก  คนึงตัดสินใจจ้วงพายเข้าฝั่ง  หาที่หลบฝนบนฝั่งยังปลอดภัยกว่าเท้งเต้งอยู่กลางคลอง  ฝนธรรมดาทวีความรุนแรงเป็นพายุ  ตกลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน  ลมแรงจนต้นไม้สองฝั่งคลองระเนนเอนไหว  เรือน้อยซัดเซตามแรงคลื่นลมยากจะควบคุมแม้ชายหนุ่มจะออกแรงพายสุดกำลัง 
   
“อาจารย์ ผมกลัว” เลอมานละล้าละลัง  หันมองมาด้วยดวงตาตื่นตระหนก  คนึงเป็นห่วงสุดหัวใจ
   
“เล็ก!” เสียงห้าวตะโกนแข่งสายฝน “ค่อยๆ ขยับมาหาครูนี่!”
   
มือใหญ่เอื้อมไปข้างหน้า  คล้ายจะไขว่คว้าหาร่างเล็กที่ลนลานกระเถิบมา  พอคว้าตัวได้ก็กอดไว้แน่นแนบอกราวจะปกป้อง  วินาทีนั้นคนึงจึงได้รู้ว่าเด็กหนุ่มหวาดกลัวจนตัวสั่นเพียงใด   

เปรี้ยง!!

อสุนียบาตฟาดลงต้นก้ามปูใหญ่ที่กิ่งเอนเข้าหาน้ำ  ในเสี้ยววินาทีที่ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินตั้งตัวทัน  กิ่งใหญ่โตก็หักโครมฟาดลงกลางคลองเชี่ยวกราก  เกิดเป็นคลื่นลูกโตซัดเรือน้อยตะแคงวูบ  พลิกคว่ำอย่างง่ายดาย
   
“เล็ก!” คนึงตะโกนลั่น  กอดร่างน้อยไว้แน่นอย่างหวงแหน  สองร่างตกตูมลงน้ำ  ท่ามกลางสายฝนซัดสาด  กระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลแรง  ดั่งมีมือที่มองไม่เห็นกระชากร่างเลอมานพลัดออกจากอก       

ดิ่งจมลงในห้วงน้ำมืดมิดราวหมึกดำ



โปรดติดตามตอนต่อไป
________________________________________________________________________
* ดอกฟ้ารักดอกดิน, ชรัมภ์ เทพชัยและจินตนา สุขสถิต ขับร้อง
** นิราศวัดเจ้าฟ้า, สุนทรภู่
ส่วนรูป จิ๊กมาจากอินสตราแกรมเพื่อนค่ะ :)



คุยกันเนอะ  :L2:

อะแฮ่ม..

อ่านตอนนี้แล้วอย่าเพิ่งต๊กกะใจ
มหาหงส์ยังไม่เปลี่ยนแนวไปเป็นนิยายผีหลอนวิญญาณทวงแค้นเน้อ  o22
ไม่มีผีโผล่ออกมาหรอกจ้า แค่กล่าวถึงบ้างตามท้องเรื่องเท่านั้นเอง
(เพราะฉะนี้ชายเล็กจึงเจออุบัติเหตุเกี่ยวกับน้ำบ๊อยบ่อย)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 11-08-2012 21:26:41
ตอบเม้นกันเนอะ :L2:

นางฟ้า
สามคำ>> รัก คน อ่าน (เหมือนเดิมจ้า) ยังไงก็ยังงั้น ^^

manami1155
ตอนแรกอยากเขียนตอนพิเศษในไทม์มิ่งเดียวกับเนื้อเรื่องหลักเหมือนกันค่ะ  แต่ไปๆ มาๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นสปอยนิยายตัวเองไปซะงั้น  ก็เลยย้อนเวลากลับไปเขียนตอนเด็กแทน ปล. ไอ้ลอยตอนเด็กน่าถีบ  โตขึ้นมาน่ากระทืบค่ะ

malula
พี่สิงห์เปลี่ยนไปเพราะคบเพื่อนชั่วค่ะ  เอาจรองๆ ก็คงเพราะครอบครัวด้วยแหละที่ทำให้เป็นแบบนี้ เศร้าใจ T^T

Zymphoniz
เนอะๆ พี่สิงห์น้องจ้อยตอนเด็กเป็นอะไรที่น่ารักสดใสกริ๊บกริ๊วมาก  ไม่อยากคิดถึงตอนโตเลย

PetitDragon
โตแล้วพี่สิงห์ก็ยังโรแมนติคอยู่น๊า (ตรงไหนเนี้ย)

bozang
คิดถึงคนอ่านเหมือนกันค่ะ  ดีใจจังที่ได้กลับมาเขียนต่อสักที 

pooinfinity
ตอนโตนี่คงอีกนานเลยค่ะกว่าจะเข้าใจกัน  พี่สิงห์ก็ยังคบเพื่อนเลว  น้องจ้อยก็ใจแข็งซ้า

maimeechue
เรื่องนี้มีสองคู่  น้องจ้อยกับชายเล็กเป็นนายเอกทั้งคู่จ้า  มหาหงส์คือทั้งสองคนเปรียบเทียบกัน  แต่ช่วงนี้น้องจ้อยอาจบทเยอะหน่อยเพราะเขียนบทนายเอกโดนรังแกแล้วเพลินมือทู้กทีเลย  (อย่าให้ถึงคราวชายเล็กโดนรังแกมั่งเน้อ ฮี่ๆ) ยังไงคนเขียนก็จะพยายามเฉลี่ยๆ ให้เท่าๆ กันนะคะ

Donaldye
แอร๊ย  ตอนโตพี่สิงห์ก็ยังเป็นผู้ชายน่ารักอบอุ่นอยู่น๊า (เรอะ?) ถ้าไม่ติดว่าต้องเก๊กโหดต่อหน้าพวกลูกน้องน่ะนะ  เฮ้อ.. ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้บอกน้องจ้อยค่ะ

maru
เรื่องแม่สิงห์กับแม่จ้อยยังคงเป็นปริศนาที่รอวันเฉลยจ้า  ฮุฮุ

IIMisssoMII
คิดถึงเหมือนกันค่ะคุณส้ม มามะขอกอดที :กอด1:

fox
พาคุณชายมาส่งแล้วจ้า^^

roseen
ตอนโตก็น่ารักน่ากระทืบนะคะพี่สิงห์เนี่ย

yayee2
กลับมาแล้วจ้า  คราวนี้ไม่หายไปนานๆ แล้วเน้อ  พูดถึงตอนหลักของเรื่อง  กว่าพี่สิงห์กับน้องจ้อยจะหวานกันเหมือนตอนเด็ก..คงอีกนานแน่เลย  ถ้าพี่สิงห์แกยังไม่เลิกคบเพื่อนเลวๆ ฮือๆ T^T

ordkrub
ดีใจที่ได้กลับมาเขียนต่อ และดีใจที่ยังมีคนรออ่านเช่นกันค่ะ ขอบคุณมากนะคะ (กอดดด)

kagehana
เนอะๆ วัยเด็กเป็นอะไรที่ผ่องใสบริสุทธิ์มากๆ 

่patsaporn
ถ้าพี่สิงห์ไม่มาคบเพื่อนเลวจนเสียคนซะก่อน  ป่านนี้พี่สิงห์กับน้องจ้อยคงรักกันสนั่นทุ่งไปแล้ว เสียดายเนอะ

MIkz_hotaru
ถ้าพี่สิงห์ไม่ดีแตก  คนเขียนก็คงเขียนไม่ออก ฮ่าๆ  ยังคงหลงใหลได้ปลื้มกับการเขียนพระเอกเลวๆรังแกนายเอกผู้น่าสงสารอยู่ร่ำไป ฮู้ว คนเขียนคนนี้หนิ

CoMa
เป็นลิงยังน่ารักไปสำหรับไอ้ลอยนะคะเราว่า  แหม้..มันน่าแช่งให้ไปเกิดเป็นตะกวดว่ายน้ำด๊อกแด๊กๆซะจริง  วันที่ทั้งสิงห์และจ้อยจะได้กลับมารักกันคงมาถึงในเร็ววันนี้ค่ะ  คนอ่านอดทนรอหน่อยเน้อ^^

wdaisuw
วันอาสาฬหบูชาปีนี้เราไม่ได้ไปเวียนเทียนค่ะ  แต่ตอนเช้าไปทำบุญมาน๊า  อธิษฐานขอให้มีแรงมีใจเขียนนิยายต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ (ว่าเข้าไปนั่น) ส่วนพี่สิงห์กับน้องจ้อยตอนหวานๆ คงไม่นานเกินรอจ้า

Takamine
ขอโทษน๊าที่หายไปนาน  ถึงจะหายไปนานแค่ไหนแต่ยังไงเค้าก็กลับมาแล้วน๊า ><

akihito
คิดถึงคนอ่านมากๆเหมือนกันค่า  ส่วนพี่สิงห์  เกรงว่าจะยังบอกน้องช่วงนี้ไม่ได้  บอกไปน้องก็คงไม่รับ  คนอ่านอดใจรออีกหน่อยนะคะ

hewlett
นั่นสิเนอะ  ไม่น่าเกลียดกันเลย T^T

tuek
คิดถึงคนอ่านมากเหมือนกันค่ะ  กลับมาเขียนต่อแล้วน๊า  จะลงให้สม่ำเสมอ  ไม่หายหัวไปนานๆ อีกแล้วล่ะ

$VAN$
โตแล้วพี่สิงห์ก็ยังน่ารักอยู่น๊า  (น่ารักหลบใน) เหะๆ

silverspoon
ก่อนอื่นอยากบอกว่าขอโทษนะคะที่ชอบทิ้งเรื่องนี้แล้วหายไปอยู่เรื่อย T^T  เข้าใจเลยว่าทำไมคนอ่านหลายคนถึงบอกว่าขอรอให้เขียนจบก่อนแล้วค่อยอ่านทีเดียว  เรารู้ตัวเองดีว่าเป็นคนเขียนที่ไม่ค่อยมีวินัยเท่าไร  บางทีตั้งใจจะเขียนแล้ว  แต่ก็มีอย่างอื่นมาทำให้ไขว้เขว  เสียสมาธิง่าย  แถมยังแบ่งเวลาไม่เป็นอีก  เป็นข้อเสียที่รู้ดีอยู่แก่ใจและกำลังพยายามแก้ไขค่ะ  มีรุ่นพี่นักเขียนมืออาชีพท่านหนึ่งสอนเราว่าคนเขียนที่ดีต้องรับผิดชอบต่อคนอ่านที่รออ่านอยู่  เราจำคำสอนนั้นขึ้นใจเสมอ  แต่บางทีมันก็มีเหตุให้ติดขัดอยู่เรื่อย  ประกอบกับเป็นคนเขียนช้าอีกต่างหาก T^T

เราจะพยายามนะคะ  ทิ้งเรื่องไว้นานแบบนี้มันไม่ดีเลยจริงๆ  ตอนนี้ก็เคลียร์สาเหตุที่ทำให้ต้องพักมหาหงส์ไว้เสร็จเรียบร้อยไปแล้ว  เหลือแต่งานประจำและงานฟรีแลนซ์ที่เราต้องรับผิดชอบและต้องบริหารเวลาให้เป็น  ขอบคุณคุณ Silverspoon มากเน้อที่เตือนสติกัน :)

kunchan
กร๊ากกกกก พี่ยกพี่สิงห์อดใจรออีกหน่อยนะคะ  ตอนหวานๆ น่ะมีแน่  แต่ก่อนหวานต้องผ่านรสขมก่อนเน้อ^^

Yร้าย
ในเด็กดีอัพยากจังค่ะ  บางทีมีฉากไม่เหมาะสมก็ตัดทอนออกไป  แต่ก็ยังเหลืออยู่ให้เวบมาสเตอร์ส่งข้อความมาเตือนอยู่เรื่อยสิน่า  บทที่ ๑๖ เราเลยยังไม่ได้ลงในเด็กดีเลย  รอให้จบตอนก่อนค่อยลงทีเดียวค่ะ  ขอบคุณมากนะคะที่ชอบนิยายเรื่องนี้  ส่วนเรา  เพราะชอบอะไรไทยๆ ก็เลยเขียนนิยายวายไท๊ยไทยออกมานี่แหละค่ะ  ^^

pure_ka
ขอบคุณมากนะคะที่ยังรออ่าน  และต้องขอโทษด้วยที่ปล่อยให้รอกันนานขนาดนี้  T^T

vavacoco
ว้าว..ขอบคุณสำหรับดอกไม้บูชาพระสวยๆ จ้า  ขอให้คนอ่านมหาหงส์(คนเขียนด้วยละกัน) เป็นคนงามทั้งในชาตินี้ชาติหน้าเลย ซ้าทู้

haruko
แก้วที่มันร้าวไม่นานก็คงจะแตก  ใจที่มันร้าวไม่นานก็คงจะแหลก  (โห..ร้องเพลงฟ้องอายุซะ) แต่คนเขียนเชื่อว่าอะไรที่มันร้าวไปแล้ว  ถ้าได้วิธีที่ถูกต้อง  มันสามารถกลับมาสมานกันได้น๊า  เผลอๆ อาจจะดีกว่าเก่าด้วย  รออ่านวันนั้นของน้องจ้อยกับพี่สิงห์นะคะ       

ละล้าละลัง
แฮ่ๆๆ ขอโทษที่หายไปนานไปหน่อย  ส่วนตอนพิเศษก็มาเพราะได้แรงบันดาลใจเฉียบพลันจากคนอ่านนี่แหละค่ะ^^

a_tapha
แอร๊ว บทที่ ๑๖ ครึ่งหลังไม่มีน้องจ้อยเลย  รอเจอน้องจ้อยอีกทีบทที่ ๑๗ นะคะ^^

zombi
ตอนเด็กพี่สิงห์น่ารักเนอะ  พอโตขึ้นมาแล้วน่าตื้บ ๕๕๕+

Nus@nT@R@
อนุญาตให้เตะไอ้ลอยได้เต็มทีเลยจ้า  เผื่อคนเขียนด้วยสองทีเน้อ^^

four4
พี่สิงห์ตอนเด็กพระเอกมาก  แต่พอโตขึ้นมาชักจะยังไงๆ แล้วสิ ^^”

kinsaki
เนอะๆ พอโตแล้วต่างกันตอนเด็กแบบหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย  หนังสือจะเริ่มส่งวันที่ ๓๑ ส.ค. นี้จ้า รอรับได้เล้ย (ร้องเพลงติ๊กชิโร่^^)

speedboy
แอร๊ บทที่ ๑๖ ครึ่งหลังนี้ไม่มีน้องจ้อยเลย  รอตอนหน้านะคะ^^

oattie
ตอนเด็กน้องจ้อยซื่อๆ พี่สิงห์ก็ใสๆ น่ารักดีค่ะ  ถ้ามีโอกาสอยากเขียนถึงตอนพวกเขาเด็กๆ อีกจัง

railay
ขอบคุณที่อ่านน๊า ^^

beamJ
อาจารย์กับคุณชายมาส่งให้หายคิดถึงแล้วค่ะ  ต่อไปนี้จะลงอย่างสม่ำเสมอทุกอาทิตย์เลย (ว่างแล้ว^^)

รักคนอ่านนะคะ :กอด1:

ดอกไม้
๑๑ ส.ค. ๕๕

ปลาลิง. ใครคิดถึงน้องจ้อย รออีกหน่อยนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mello-frappe ที่ 11-08-2012 21:31:26
กรี๊ดดด มาต่อแล้วววว :mc4:

------------------------------
ช็อคสุดๆ ตอนที่ยายเฒ่าโผล่มาเหมือนได้ดูหนังสยองเลยอ่ะ
แงๆ อ่านไปก็ขนลุก แอบน่ากลัวไม่น้อยเลยค่ะ
สงสารคุณชายเล็ก
กำลังได้อารมณ์แล้วเชียว ฝนมาตกอะไรตอนนี้ T^T
แต่ยายเฒ่าแย่งซีนไปหมดจริงๆ

ทำไมมีอุปสรรคอยู่เรื่อยเลย
คุณชายจะเป็นอะไรไหมเนี่ยยยย

อยากอ่านตอนต่อไปแล้ววว
ฟินไม่จบตอน ชักดิ้นชักงอตอนสุดท้ายยยย o22
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 11-08-2012 21:31:48
ปาดหน้าเค้ก รีบเข้ามาเม้นท์ก่อนอ่านครึ่งหลัง
มาต่อแล้วเจ้าค่า  ตีฆ้องร้องป่าว บอกกล่าวแฟนคลับพี่สิงห์

มามะ พี่สิงห์มาให้แฟนคลับคนนี้ หอมสักฟอด แม้จะโดนถอง+ถีบ ก็ยอม

คิดถึงจริงๆ ค่ะ  ดีใจจัง กลับจากดูไฟวันแม่ ก็เจอพี่สิงห์มายืนยิ้มหวานกวักมือ
ให้รีบๆเข้ามาทักทายกัน ^^ ดีใจ....

**********************************************

ดีใจเก้ออ่ะ ไม่มีพี่สิงห์กับน้องจ้อยเลยสักกะนิด  แต่คุณเล็ก กับ อาจารย์คนึงหวานกันขนาดนี้
ก็พอจะทำให้ชุ่มชื่นใจได้บ้าง   :impress3:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 11-08-2012 21:39:02
จะเป็นไรไหมเนี่ยยยย :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-08-2012 21:55:01
อ๊า,,,,,,,หนูเล็กอย่าเป็นอะไรไปนะ :z3:

ปล. จินดาจะมา่ช่วยใช่ป่าว ไม่อยากให้มาลากหนูเล็กไปเป็นเพื่อน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 11-08-2012 21:57:48
ม่ายยยยยยยยยยยย  :z3:
คุณดอกไม้อย่าทำร้ายเล็กนะคะ  :m15:

ดีใจที่คุณดอกไม้กลับมาแล้ววววว เรื่องโน้นเรียบร้อยแล้ว
หวังว่าเรื่องนี้เราจะได้เจอกันถี่ขึ้นใช่มั้ยคะ ฮ่าๆๆๆๆ
ขอบคุณนะคะ จะรอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yolp ที่ 11-08-2012 22:07:16
ตอนบอกผีน้ำจะมาเอาตัวไปเราแอบสะดุ้งขนลุกเลย 555 อินจัดไปหน่อย
คิดถึงครูกับเล็กมากๆค่ะ อบอุ่นหัวใจดีจริงๆ
อย่าปล่อยให้รอเล็กตอนต่อไปนานน้า อิอิ แค่นี้ก็เก็บเอาไปฝันแล้ว ยิ่งตอนนี้ค้างซะตื่นเต้นเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 11-08-2012 22:15:34
กรี๊ดดด คุณชายเล็ก อย่าเป็นอะไรนะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 11-08-2012 22:21:17
ตอนที่ยายโผล่มา แอบหลอนตาม 555
ยายอ่ะ มาขัดจังหวะสวีท  :m16:
แล้ว "หนูเล็ก" จะเป็นไงบ้างหว่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 11-08-2012 22:21:42
ง่า..กำลังสวีทหวานกันอยู่เชียว พอท้ายๆดันมีเหตุซะงั้น
ชายเล็กต้องปลอดภัยแน่นอน อาจารย์คนึงไม่มีทางปล่อยให้เปนอะไรแน่ๆ
จินดาจ๋า อย่าเอาชายเล็กไปอยู่ด้วยเลยนะ  :call:

แอบสงสารชายเล็กจังเลยคะ รักอาจารย์เข้าไปเต็มเปา
อาจารย์ก็เหมือนจะรักตอบ แต่ก็ยังลืมรักครั้งเก่าไม่ได้
 :o12:

อยากอ่านตอนหน้าไวๆจังเลยค่า
แบบว่ามันลุ้นอ่ะ ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 11-08-2012 22:27:09
ใจร้ายๆ จริงๆ คิดไปได้นะว่าเป็นสาเหตุให้จินดาต้องตาย  :m17:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 11-08-2012 22:28:07
ผีน้ำ  เรานึกถึงจินดาเลย!! เอาไปทั้งสองคนเลยนะ ให้เหลือเเต่ น้องจ้อยกะพี่สิงห์



เอียงอย่างเห็นได้ชัด 55
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 11-08-2012 22:48:30
โฮยยยยย เศร้าาา ㅠㅠ เล็กอย่าเป็นไรนะ ..
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 11-08-2012 22:53:31
ดีใจจังค่ะที่เห็นเรื่องนี้มาต่อ คิดถึงจ้ิอยแล้วค่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsaki ที่ 11-08-2012 23:12:02
วุ้ววิ๊ว~   :impress2: :impress2: อะไรจะหวานขนาดเน้~ อร๊างงง ชวนลงแขก...  (อย่าคิดลึก :angry2: ลงแขกทำนาต่างหาก~  :laugh:)
คุณเล็กกลายเป็นคนมีอดีตฝังใจกับปลิงไปและ  o22 (เป็นผม ผมก็กลัว =__=;; ถ้ามันเกาะขึ้นมาคงเอาออกยาก เจ็บ...T^T)
สะพรึง~ ที่ยายคนนั้นทัก "ผีน้ำ!?"  :a5: แง้~ ชวนให้คิดถึงจินดา (ยังไม่รู้เลยจมน้ำตายเพราะอิหยัง = =)
ทำไม! ตัดจบได้ค้างเยี่ยงนี้ TOT ทำร้ายจิตใจ... อาจารย์ครับ อย่าให้คุณเล็กอยู่ใกล้น้ำอีกนะ กลัว .... TT''

ปล. รักพี่ครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 11-08-2012 23:31:50
หายไปนานไม่รู้ว่าคุณดอกไม้จะจำได้ไหมครับเนี่ย
อ่านตอนล่าสุด  ต๊กกะใจ วูบเลยครับ  กลัวคุณชายเล็กจะเป็นอะไร
แต่พอคุณดอกไม้บอกตอนหลังก็คลายใจขึ้นมานิดส์นึงครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 12-08-2012 00:16:58
คือไม่รู้ซิคะ ว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนเราหรือเปล่า
แต่อ่านตอนนี้แล้วขนลุกวูบเลย
หนาวหลังไปหมด 
ขออย่าให้คุณชายเป็นอะไรเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oattie ที่ 12-08-2012 01:21:46
   :a5:      ถ้าคุณดอกไม้ไม่เบรกไว้ก่อน คงคิดว่าต้องมีผีโผล่มาแน่ ๆ   

ขอให้คุณชายเลอมานและคุณอาจารย์คนึงปลอดภัยด้วยเถิด  :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: GoodboyNicky ที่ 12-08-2012 01:34:27
จ้อย สิงห์์  จ้อย สิงห์ จ้อยสิงห์  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 12-08-2012 01:52:12
มาคู่ใหญ่ก็เรื่มมีรสหวานแล้วนะครับ  อย่าเป็นอะไรเลยทั้งอาจารย์และศิษย์รัก  อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 12-08-2012 02:43:20
มีอะไรให้ได้ลุ้นตล๊อดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดๆ เราเฝ้ารออ่านเสมอ  :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 12-08-2012 04:43:47
เลอมานคงไม่เป็นอะไรนะ คนึงช่วยเลอมานด้วยนะ คนึงก็ช่างคิดพาเลอมานไปดำนาเนี่ยนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 12-08-2012 07:26:43
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: กะทิน้อย ที่ 12-08-2012 09:05:07
ชอบเรื่องนี้มาก ๆ จ้า
ดอกไม้จ๋า ถึงจะมาต่อช้าไปนิ๊ดดดดดดดดด ก็ไม่เป็นไร
ขอให้มาต่อก็พอ

ชอบคู่ สิงห์ จ้อย ห้า ห้า ห้า น่ารักดี แต่แอบหวั่นใจกลัวจะเกิดเหตุการณ์ดราม่า
ส่วนคู่ คุณชายเล็ก ก็น่ารัก
โหยเรื่องนี้ดีหมดจ้า
ขอเพียงอย่าดราม่าตอนจบเป็นพอ

หุ หุ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-08-2012 10:00:33
อาจารย์คนึงทำไมหวานเยี่ยงนี้ อบอุ่น ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 12-08-2012 10:26:18
เล็กอย่าเป็นอะไรนะ
ยายมาพูดซะน่ากลัวเลยอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 12-08-2012 10:33:53
กลับมาแล้ว รักต่างชนชั้น :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 12-08-2012 10:46:04
โอย ใจหายใจคว่ำ
คุณเล็กจะเป็นไงมั่ง ว่ายน้ำก็ไม่เป็น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 12-08-2012 12:39:01
ใจกระตุกทุกทีที่พูดถึง  จินดา  ชายหนุ่มผู้มีดวงตาหวานคมสวยโศก

สู้ๆนะครับ  งิงิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 12-08-2012 13:15:52
เลอมานอย่าเป็นอะไรน้า อ๊อยยยยยยยยยยยยยย
คุณเล็กน่ารักน่าทะนุถนอมมาก อ่านแล้วเคลิ้ม กลัวปลิงกลัวนู่นนี่น่ารักมาก
อาจารย์ขา ดูแลน้องให้ดีนะ อย่าให้ผีน้ำมาเอาตัวไปนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 12-08-2012 14:25:34
คุณดอกไม้ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยย :monkeysad:  อะฮรึก.......อะฮึกกก....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 12-08-2012 15:31:29
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คุณดอกไม้มาต่อแล้ว รอเรื่องนี้มานานมากกกกกกกกกกกก ลุ้นคู่พี่สิงห์กับน้องจ้อยสุดๆไปเลย

ส่วนคู่ครูคนึงกับคุณเล็กยังมีอะไรติดๆในใจเลยเชียร์ไม่ได้เต็มที่อ่ะค่ะ

ตกลงว่าจินดาทำไมถึงตายคะ แล้วสาเหตุมาจากคุณเล็กหรือเปล่า

ถ้าจินดาตายเพราะคุณเล็กจริงๆ แล้วจะให้ครูคนึงมารักกับคุณเล็ก เราสงสารจินดาอ่ะค่ะ  :o12:  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: KajaLamode ที่ 12-08-2012 15:52:43
ชอบเรื่องนี้มากครับบ เป็นอะไรที่หามานานแล้วนิยายแบบนี้ ช่วยเขียนต่อไปเรื่อยๆเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 12-08-2012 16:00:38
แว้กกก คุณชายตกน้ำ ทำไมป้าคนนั้นแม่นแท้เหลา เค้ากลัวอ่ะเค้ากลัว
คุณชายจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ว่ายน้ำก็ไม่เป็น แต่มั่นใจว่าครูคนึงต้องช่วยได้อยู่แล้ว
คุณชายตอนไปปลูกข้าวน่ารักมาก ความหยิ่งหมดไปแล้วเหลือแต่ความน่าเอ็นดู
ครูคนึงฉลาดอ่ะที่พาเข้าหาชาวบ้านแบบนี้

รีบมาต่อนะคะ พลีสสสสส

ขอบคุณคทะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 12-08-2012 17:21:50
ศิษย์อาจารย์หวานมาก โอย....ใจละลาย
มาลุ้นตอนตกน้ำนี่แหล่ะ
แต่...จินดาคงไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 12-08-2012 22:53:52
คุณน้องเล็กอย่าเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PRMWi ที่ 13-08-2012 00:03:46
ฮือๆ ถึงพี่จี้จะบอกว่าไม่มีผีก็เถอะ แต่หนูกลัวจัง
คุณเล็กอย่าเป็นอะไรนะ คุณครูรีบๆช่วยคุณชายเร็วว

ตอนนี้เรากลัวผีน้ำจัง ㅠ ㅠ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 13-08-2012 01:04:41
ว้ากกก ผีน้ำมาแล้วววว
ช่วยคุณชายด้วยยยยย!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 13-08-2012 07:48:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 13-08-2012 08:49:34
มีของหวานมาให้ชื่นใจ
แต่ไหงจบตอนกลายเป็นยาขม  :o12:
น้องจ้อยมาปลอบใจคนอ่านหน่อยอย่าให้หวานน้อยกว่ากันนะ  o18
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 13-08-2012 10:23:07
โอ้ววว เค้าว่าคนเฒ่าคนแก่ทักแบบนี้ให้ระวังจริงๆ นะคะ คุณเล็กอย่าเป็นไรมากน้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 13-08-2012 13:45:10
ตอนหน้าจะมีผายปอดไหมค่ะ : 222222:
คุณยายน่ากลัวจัง บรื๋ย... o22
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 13-08-2012 16:09:18
ไม่น้าาาา คุณชายอย่าเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 13-08-2012 21:06:06
นิยายสนุกมากกกกกก
เราแอบลุ้นพี่สิงห์ให้ทำดีขึ้นเสียที 55555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 13-08-2012 21:51:38
แง แง :monkeysad: โดนดอกไม้แกล้งอ้ะ หลอกให้หวามไหวหัวใจอิ่มอุ่นกรุ่นไอรักผะแผ่วในช่วงต้น
แล้วมาหักโค่นใจให้ดังเปรี้ยงเยี่ยงเสียงอสนีบาตฟาดที่กลางใจในตอนท้ายได้ไงจ๊ะ
ไม่นะ ชายเล็กต้องไม่เป็นอะไรนะ ครูคนึงต้องไม่ใจสลายอีกนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 13-08-2012 22:42:11
เห็นเล็กใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้านแล้วน่ารักอ่ะ^^
ยายบัวแกเป็นแม่หมอหรอทักแม่นชะมัดเลย บรื๋ออออ
แต่เรามั่นใจยังไงครูก็ต้องช่วยเล็กได้อยู่แล้ว!!! จริงมั้ยคะครูTwT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 14-08-2012 00:35:54
รอวันสิงกฃห์กับจ้อยจะลงเอย  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 14-08-2012 13:25:07
บทบรรยายยังงามเหมือนเดิมครับ

เอาใจช่วยเล็กให้ปลอดภัยนะครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yellowswarn ที่ 15-08-2012 00:25:31
เพิ่งเคยอ่านเรื่องนี้นะคะ
อยากบอกว่า สนุกมาก ภาษาสวยงาม ชอบเพลงทุกเพลงที่อยู่ในเนื้อเรื่อง
นิยายเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกอยากย้อนเวลากลับไปมีชีวิตอยู่ในช่วงนั้นจัง
มันคงจะสงบและร่มรื่น กว่าปัจจุบันที่ร้อนจนตับจะแตก แฮะๆ

ชอบคาแรคเตอร์ของคู่พระ-นาง(?) ตอนแรกนึกว่าจินดาเป็นนางเอก
แต่ที่ไหนได้ก็จากไปตั้งแต่ต้นเรื่อง ใจหายนะคะ

อาจารย์คนึงกับหนูเล็ก น่ารักไม่หยอกนะ เขินอ่ะ จากตอนแรกที่เกลียดกันมาก
เรื่องนี้มีหลายปมเหลือเกิน ...อยากรู้ คงต้องรอเนอะ
ส่วนปมเรื่องการตายของจินดาที่บอกว่าหนูเล็กเป็นต้นเหตุ น่าติดตามมากค่ะ
ประทับใจอีกอย่างนึงคือ จ้อย จ้อยเป็นเด็กที่ดีมาก แบบว่าเพอร์เฟ็กต์จริงๆ

แต่น่าสงสาร เรื่องหนี้สินกับโดนกดขี่ข่มเหง คิดถึงไอ้เลวลอยทันที
ไอ้สิงห์ก็อีกคน รักเค้า ชอบเค้า แต่แสดงออกมาแต่ละอย่าง ตรงกันข้ามจริงๆ
แล้วจ้อยจะรู้ได้ไงล่ะเนอะ ไม่น่าไปหลงคบกับพวกไอ้ลอยเลยค่ะ ไม่น่าเลยจริงๆ

อ่านถึงตอนปัจจุบัน เจอประโยคของยายบัวแล้วใจสั่นเลยค่ะ
กลัว กลัวโดนเหมือนจินดา เรารออยู่นะ

เรื่องนี้สนุกมาก คุ้มค่าแก่การอ่าน ขอบคุณค่ะ 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tune ที่ 15-08-2012 02:41:00
กราบสวัสดีคณาอาจารย์รอบรั้วโรงเรียนฝึกหัดครูแห่งนี้นะคะ

พอดีเพื่อนแนะนำศิษย์มาค่ะ ศิษย์เพิ่งได้อ่านถึงหน้าแรก ชอบบรรยากาศมากๆเลยค่ะ
ประเดี๋ยวศิษย์อ่านทันแล้วจะรีบเร่งมาให้ความเห็นอีกนะคะ

-เม้นอย่างกริ่งเกรง- ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 15-08-2012 21:23:50
ขอบอกว่านิยายเรื่องนี้แต่งดีเกิน อ่านแล้วอินมาก หัวใจจะวาย เหอะๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 17-08-2012 22:43:28
อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ

ยายบัวแกน่ากลัวมากอ่ะ

น่าสงสารคุณชายจังเลยกลัวตัวสั่น

จะเป็นไรรึเปล่านะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๖ : ดอกฟ้ารักดอกดิน (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๑/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tune ที่ 18-08-2012 00:20:15
-กรีดร้องเสียงกึกก้องทั่วคุ้งน้ำ-


ชายเล็กและครูคนึงของศิษย์อย่าเป็นอะไรนะคะ

ภาวนาให้เจ้าจ้อยผ่านมาตักน้ำรดกอมหาหงส์ได้ทันท่วงที (รดน้ำต้นไม้เพื่ออันใดเล่าศิษย์ ตอนนี้ฝนตก- -)
หรือไอ้สิงห์ผ่านมารอใส่บาตรมีรอเรือพ่วงรอรักอะไรยังไงก็ได้ ฮือๆ


โอละพ่อ... ลุ้นระทึกเหลือเกิน เจอกันตอนหน้าเจ้าค่ะหม่อม -ยิ้มหวานแล้วไหว้แบบที่ครูคนึงสอนมา-

ปัจฉิมลิขิต. แต่ศิษย์แอบอยากพบครูจินดาอีกสักครา ตามดูเจ้าจ้อยเอ่ยถึงพี่ชายบ่อยๆเข้าชักอยากเห็นเต็มกำลัง /สรุปว่าอยากสยองขวัญ?
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 20-08-2012 18:52:10
(http://img14.picoodle.com/i58k/wattanan/0_b43_ucmz8.jpg)


บทที่ ๑๗

ชายเดียวในดวงใจ

(ครึ่งแรกจ้ะ :L2:)

อ้อมอกเธอเสมอห้องที่จะคอยป้องกันภัย
ฉันจะแอบแฝงกายอยู่ใกล้ตรงดวงใจนั้น
วงแขนเธออีกสองจะโอบกันผองโพยภัยฉกรรจ์
อ้อมอกเธอนี่เท่านั้นฉันพร้อมจะมอบดวงใจ*



“เล็ก!!” คนึงตะโกนสุดเสียงแข่งกับเสียงพายุฝน  เสียงฟ้าคำรามครืนครัน  ดั่งธรรมชาติคลุ้มคลั่งอาละวาดไม่จบสิ้น  เสียงลมเสียดวี้ดในช่องหู  กระแสน้ำเชี่ยวกรากเวียนวน  แม้กระทั่งคนว่ายน้ำแข็งอย่างเขายังยากจะทรงตัว  แล้วเด็กหนุ่มที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างเลอมานเล่า?
   
เหมือนมีใครมาปลิดหัวใจเขาออกจากขั้ว  แรงดันน้ำบีบพื้นที่ปอดจนเสียดแน่นไปทั้งอก  คนึงดำลงน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า  สองมือควานหาสะเปะสะปะใต้สายน้ำขุ่นข้น  น้ำเข้าตาจนแดงก่ำแสบพร่า  หยดนั้นจากฟ้า  หยดนั้นจากคลอง  หยดนั้นคือน้ำตาที่เอ่อขึ้นจากหัวใจเจียนสลาย  ผุดดำลงไปก็เจอแต่ห้วงน้ำมืดมิด  ครั้นพอโผล่พ้นน้ำขึ้นมาเหลียวรอบกายก็เจอแต่ท้องน้ำแปรปรวนเกลื่อนไปด้วยกิ่งไม้ใบไม้  ท่ามกลางความมืดที่เข้มข้นอย่างอำมหิต  มืดเหมือนทั้งโลกถูกแช่จนชุ่มในหมึกดำ  ชั่วขณะที่ฟ้าแลบนั่นละที่ส่องทุกอย่างให้สว่างโพลน 

“เล็ก!!” เสียงห้าวตะโกนครั้งแล้วครั้งเล่า  ดำผุดดำว่ายอยู่อย่างนั้นไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย 

ตายไม่ได้  ไม่ยอมให้ตายเด็ดขาด!
เลอมานจะมาตายต่อหน้าเขาเหมือนอย่างจินดาไม่ได้!

จนชั่วขณะหนึ่งที่ฟ้าแลบปลาบ  กลางม่านฝนพร่าเลือน  ชายหนุ่มเห็นร่างหนึ่งทะลึ่งตัวขึ้นพ้นน้ำ  แล้วร่างนั้นก็จมดิ่งลงไปอีก  “เล็ก!” เขาร้องเรียกเหมือนคนบ้า  ประกายความหวังถูกจุดขึ้น  เรี่ยวแรงไม่รู้มาจากไหน  เขาว่ายฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวกรากเข้าไปหา  ดำลงไปไขว่คว้าบ้าคลั่ง  จนสัมผัสได้ถึงผิวเนื้อเย็นชืดที่ยังเหลือแรงทุรนทุราย  มือใหญ่กระชากร่างน้อยพาขึ้นเหนือน้ำทันที

ทันทีที่ทะลึ่งตัวขึ้นพ้นน้ำ  เลอมานสูดหายใจเข้าปอดลึกก่อนสำลักไอจนตัวโยน  ตื่นตระหนกเสียขวัญ  ดิ้นรนจนคนึงกลัวพวกเขาจะพากันจมน้ำตายทั้งคู่  ชายหนุ่มตัดสินใจใช้รักแร้หนีบบ่าเล็ก  วางแขนพาดผ่านหน้าอก  ว่ายน้ำตะแคงข้างพาเลอมานเข้าฝั่ง  ทุกวินาทีที่หายใจราวมีเข็มนับพันเสียดแทงปอดจนเจ็บร้าวไปหมด
   
ถึงพื้นดินแล้วทั้งสองโผเข้ากอดกันแทบจะในทันที  เลอมานนั้นกอดด้วยความหวาดกลัวเสียขวัญ  ฝ่ายคนึงนั้นกอดดั่งกอดดวงใจที่เกือบทำพลัดลอยหาย  อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามฟ้ามาตั้งไกล  หวุดหวิดจะเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เสียแล้ว  ถ้าเขาคว้าตัวไว้ไม่ทัน  ไม่อยากคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น
   
ขอเถอะ.. เขาทนรับการสูญเสียไม่ได้อีกแล้ว
 
ร่างเล็กทั้งหอบทั้งสำลักไอจนหน้าแดงก่ำ  เนื้อตัวสั่นสะท้านเหมือนลูกนกที่หลงเข้าไปในใจกลางพายุ  หยาดน้ำฝนหยดน้ำตาเนืองนองเต็มใบหน้าขาวซีด  คนึงคลายอ้อมกอดออกเพื่อให้ร่างเล็กหายใจสะดวก  ลูบหลังลูบไหล่เรียกขวัญจนเด็กหนุ่มทุเลาความตระหนกลง   
   
ฟ้าฝนไม่ได้บรรเทาลงเลย  ซ้ำยังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ  ชายหนุ่มแหงนมองกิ่งก้านต้นมะขามสูงแล้วให้พรั่นพรึง  รู้ดีว่าเมื่อฟ้าคะนองให้หลีกเลี่ยงต้นไม้ใหญ่  อ้อมแขนล่ำสันจึงช้อนอุ้มร่างเล็กขึ้นแนบอก  หมายพาไปที่ที่ปลอดภัย  แขนเรียวคล้องรอบคอเขาแน่น  ซุกใบหน้าเข้ามาราวกับจะยึดเอาเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียว  ฟ้าแลบแปลบสว่างวาบอีกหน  ทัศนียภาพตรงหน้าขาวโพลนเพียงเสี้ยววินาที 
   
หากเพียงเสี้ยววินาทีนั้นก็ทำให้อาจารย์หนุ่มรู้ว่าตอนนี้เขากับเลอมานถูกน้ำพัดมาขึ้นฝั่งที่ใด

ที่นาของยายช้อย!

คนึงจำแนวมหาหงส์ที่ขึ้นขนัดริมตลิ่งได้  จำต้นมะม่วงเขียวเสวยที่แตกก้านกางใบปกคลุมหัวคันนาตรงนั้นได้ด้วย  เดินเลยไปอีกหน่อยก็จะพบทุ่งนาโล่งกว้าง  และที่ปลายนา  มีกระท่อมที่ยายช้อยปลูกไว้เก็บอุปกรณ์ทำนาอยู่หลังหนึ่ง
   
เขาตัดสินใจพาเลอมานไปที่นั่นทันที

กระท่อมร้างตั้งอยู่ปลายนาที่รกร้างมานานปี  ตั้งแต่ยายช้อยเอาที่นาผืนนี้ไปจำนองไว้กับเมียกำนัน  ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครมาแตะต้องมันอีก  อาจารย์หนุ่มประคองร่างเล็กขึ้นบันได  ตัวกระท่อมยกพื้นไม่สูงจากดินมากนัก  พื้นฟาก ฝาขัดแตะ หลังคามุงใบจากเริ่มหลุดร่อนตามกาลเวลา  ท่ามกลางลมฝนแปรปรวน  หาที่กำบังได้เท่านี้ก็ดีเหลือแสน   
   
ชายหนุ่มหอบหนักจนตัวโยน  หลังอุ้มพาเลอมานลัดเลาะอ้อมไปทางเรือกสวนแทนที่จะลุยลัดผ่านทุ่งนาโล่งแจ้งให้เป็นเป้าสายฟ้า  แม้จะเหนื่อยหนักเพียงใด  อ้อมแขนที่เขาค่อยประคองวางร่างเล็กลงก็ยังทะนุถนอม 
   
ดวงตาสีเข้มหันมองรอบกระท่อม  สายฟ้าแลบปลาบสาดส่องให้เห็นเคียวเกี่ยวข้าวเหน็บติดฝา  คันไถเก่าวางอิงผนังด้านหนึ่ง                   
   
เลอมานไม่สนใจสิ่งใดเลย  เด็กหนุ่มเนื้อตัวเปียกโชกนั่งกอดเข่าสั่นสะท้าน  สองมือเล็กยกขึ้นปิดหู  สะดุ้งสุดตัวทุกครั้งเมื่อฟ้าคำรามลั่นเปรี้ยง  คนึงเห็นอย่างนั้นให้นึกสงสารจับใจ   
   
คนที่ดูภายนอกเหมือนเข้มแข็ง  หากพอถึงขีดสุดของความหวาดกลัว  ไยตัวสั่นได้น่าเวทนานัก 
   
เลอมานเหมือนคนที่สร้างเกราะห่อหุ้มแข็งแกร่งไว้  เพื่อปกป้องบางสิ่งที่แสนเปราะบางภายใน  คนึงยิ่งตระหนักรู้ขึ้นทุกที  ภายใต้ท่าทีเย่อหยิ่งทระนง  มีเพียงความอ่อนแออ่อนไหวซุกซ่อนไว้

ร่างสูงใหญ่สำรวจรอบกระท่อม  ค้นเจอผ้าผวยผืนเก่าและหมอนขิดใบหนึ่งที่มุมกระท่อม  ยายช้อยคงเอาไว้ใช้เมื่อครั้งแกต้องนอนเฝ้านา  ผ้าผวยมีกลิ่นอับไปหน่อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย  คนึงสะบัดไล่ฝุ่นอยู่สองสามทีก็นำมาให้ร่างที่คู้กายสั่นเทิ้ม   
   
วงหน้าอ่อนเยาว์ซีดเผือดแทบไร้สีเลือด  หยดน้ำจากเรือนผมสีอ่อนหยดไหลลงพื้นแหมะๆ  น้ำตายังไหลพรากจากดวงตาแดงก่ำ  ชายหนุ่มใจหายวาบเมื่อแตะเนื้อตัวเปียกปอนแล้วพบว่ามันร้อนผ่าว  มือใหญ่รีบปลดเงื่อนบนสาบเสื้อที่เขาเป็นคนผูกให้เมื่อเช้าออกทันที  กางเกงชุ่มน้ำก็ด้วย  ก่อนคลี่ผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าให้  และใช้ผ้าผืนเดียวกันนั่นแหละเช็ดผมเปียกชื้นให้อย่างอ่อนโยน
   
“เล็ก” เสียงนุ่มละมุนกระซิบแผ่ว “กลัวหรือเปล่า  หนาวไหม”
   
เลอมานพยักหน้าแทนคำตอบ  กระชับผ้าผวยแนบตัว  เปราะบางเหมือนแก้วจนอาจารย์อดใจไม่ได้ที่จะรั้งศีรษะเล็กเข้ามาแนบอก  หากหยดน้ำจากเสื้อเขาสร้างรอยชื้นให้ร่างเล็กตัวสั่นขึ้นมาอีก  คนึงตัดสินใจสลัดมันออกทันที 
   
“ไม่เป็นไรนะ  ครูอยู่นี่  ครูอยู่กับเล็ก” เสียงห้าวปลอบประโลม  มือใหญ่ลงแรงยีผ้าผวยกับหลังไหล่ขาวสะอาดเพื่อหวังให้เด็กหนุ่มอบอุ่นขึ้น  ผ้าผวยเพียงผืนเดียว  เขาสละให้เลอมานทั้งหมด  เขาก็หนาว.. แต่เขาทนได้ 
   
อาจารย์รัดอ้อมแขนกระชับร่างน้อยแน่นขึ้น  ส่งกระแสไออุ่นถ่ายทอดทางเลือดเนื้อ  อาการสั่นสะท้านของเลอมานค่อยทุเลาลงแล้วเชียว  ทว่าเมื่อสายฟ้าแลบปลาบ  ก่อนติดตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่ากึกก้อง  คุณชายก็สะดุ้งสุดตัว  แขนเรียวผวากอดรัดร่างกำยำไว้จนแน่น
   
“ฮือ..ผมอยากกลับบ้าน..” น้ำตาที่แห้งไปแล้วรินไหลลงมาอีก  คนึงกอดลูกนกของเขาเอาไว้เต็มอ้อมแขน  ไม่เหลือช่องว่างใดระหว่างกัน  ทั้งกายและใจ.. มือใหญ่ลูบผมเปียกชื้น  ไล้รอยน้ำตาให้  กระซิบถ้อยคำปลอบประโลมข้างใบหูเล็ก
   
แล้วอะไรกันหนอดลจิตดลใจ  ความรัก.. ความหลง.. ความสงสาร.. หรืออะไรบางอย่างที่แม้คนึงเองก็ไม่อาจหาคำตอบ  ร่างบอบบางในอ้อมกอด  มีเลือดเนื้อ  มีอุ่นไอ  มีความโหยหาแทรกมาในมวลอากาศหนาวเหน็บ 
   
ริมฝีปากอุ่นจรดลงบนเรือนผมสีอ่อน.. ซ้ำแล้วซ้ำเล่า..   
   
หน้าผาก  เปลือกตา  ปลายจมูกโด่งรั้น  สองแก้มนิ่มเย็น  ไม่มีตรงไหนไม่ถูกชิมรส  ไม่มีตรงไหนไม่หวานละมุน  โดยเฉพาะกลีบปากอิ่มนุ่ม  หวาน.. ดั่งน้ำตาล
   
“อาจารย์..” เลอมานครางแผ่ว  คำเดียวสั้นๆ  ฉุดกระชากสติคนึงกลับคืนมาทั้งหมด  ใบหน้าที่โน้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวชะงักกึก 
   
เหมือนถูกใครตบหน้าฉาดใหญ่!  เขาทำบ้าอะไรลงไป!
คนที่อยู่ตรงหน้า  เป็นศิษย์  เป็นหม่อมราชวงศ์  เป็นเด็กหนุ่มสูงศักดิ์ที่ข้ามฟ้ามาให้เขาดูแลปกป้อง 
ในสถานการณ์เช่นนี้  เขาควรทำแบบนี้หรือ

ต้องรีบหยุดก่อนที่จะหยุดไม่ได้

เลอมานประหลาดใจไม่น้อย  เมื่อจู่ๆ อ้อมแขนอุ่นล้ำที่ซุกกายอยู่ผลักไสเขาออกอย่างรวดเร็ว  ชั่วขณะที่ฟ้าแลบสว่างโพลน  เขาเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของอีกฝ่ายแจ่มชัด  ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก  อาจารย์ก็ลุกหนีออกไปนั่งเสียไกลที่อีกฝั่งกระท่อม 
   
ทำราวกับเขาเป็นตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจ
   
“อาจารย์” ร่างเล็กขยับเข้าไปหา   

แต่เสียงห้าวก็ตวัดฉับขาดรอน “อย่าเข้ามา”

“อาจารย์..” ความกลัวทำให้เขาไม่เชื่อฟัง  แต่แล้ว..
   
“บอกว่าอย่าเข้ามา!” อาจารย์ตะคอกกลับมา  ท่ามกลางความมืด  เลอมานไม่อาจรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายทำสีหน้าแบบไหน  เพียงแค่เสียงห้ามไร้เยื่อใย  ก็ทำให้ใจเขาแทบสลายลง  ยอมถอยกลับมาอยู่ที่เดิม 

เสียงอะไรที่ดั่งแว่ว  ร่วงกราวเผาะๆ  เสียงหยาดฝนที่ซึมผ่านรอยรั่วบนหลังคามุงจากหยดลงสู่พื้นฟาก  หรือเสียงน้ำตาของเขาเอง..       
   
ร่างเล็กกอดเข่าซุกกาย  อ้อมแขนอบอุ่นที่คอยปกป้องหายไปแล้ว  เหลือเพียงผ้าผวยผืนเก่าที่ไม่ว่าจะห่มคลุมอย่างไรก็อุ่นได้ไม่เท่าไออุ่นจากกายใครคนนั้น
   
เขากลัวเสียงฟ้าร้อง  กลัวพายุฝนกระหน่ำ  และที่กลัวที่สุดคือการต้องทนฟังเสียงเหล่านั้นในความมืดมิดเพียงลำพัง

ความกลัวนี้มีที่มา..

“เมื่อก่อน..” เสียงสั่นพร่าเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ตอนผมเพิ่งเข้าโรงเรียนอีตัน” เลื่อนลอย.. เบาหวิว.. คล้ายรำพันกับตัวเอง  ไม่ได้หวังให้คำพูดนี้เดินทางฝ่าเสียงฝนไปเข้าหูอีกฝ่าย  “พวกรุ่นพี่..บอกว่าผมมาจากประเทศล้าหลัง.. ชอบแกล้งผมทุกวัน”

เลอมานหารู้ไม่  ใครอีกคนที่ตีตนออกห่าง  ได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ

“แกล้งเอาแมลงสาบมาปล่อยบนเตียง  แกล้งเอาขยะมาใส่ในล็อคเกอร์ผม” นัยน์ตาแดงช้ำจับจ้องแต่ปลายเท้าขาวซีดของตน  ริมฝีปากเผือดยังคงพร่ำเพ้อ “มีอยู่คืนหนึ่ง.. พายุแรงเหมือนวันนี้.. พวกนั้น..”
   
คนึงรอฟังด้วยใจจดจ่อ  “..ขังผมไว้ในห้องเก็บของ..คนเดียว..ผมต้องทนฟังเสียงฟ้าร้องอยู่ในนั้น.. มันมืด..มันหนาว..มันน่ากลัว”   
   
คนฟังวาดภาพเด็กชายตัวเล็กวัย ๑๒-๑๓ ตกอยู่ในวงล้อมเด็กหนุ่มฝรั่งตัวโต  ก่อนถูกผลักไสเข้าไปขังในห้อง  พวกมันทำอะไรเลอมานของเขาอีกบ้าง  แค่นึกก็ปวดอกแปลบ 

แล้วตอนนี้.. การที่เขาทิ้งคนกลัวฟ้าร้องให้นั่งตัวสั่นอยู่คนเดียว  จะแตกต่างอะไรกับพวกนั้น..

โดยไม่รู้ตัว.. ร่างสูงใหญ่ขยับกายเข้าหาทีละนิด..

“ผมต้องทำตัวเสมอกับพวกนั้น  ให้พวกเขายอมรับ.. ด้วยการดูถูกนักเรียนคนไทยด้วยกันบ้าง” พูดถึงตรงนี้ก็สะอื้นฮั่กอย่างสุดกลั้น  ซุกหน้าลงกับเข่าจนเสียงที่เปล่งออกมาอู้อี้ “ผมไม่ได้ตั้งใจเกลียดตัวเองที่เป็นคนไทย  ไม่ตั้งใจดูถูกเมืองไทย  ผมขอโทษ..”
   
ฟ้าแลบเปรี๊ยะก่อนตามมาด้วยเสียงลั่นเปรี้ยงกึกก้อง  เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว  หวีดร้องสุดเสียงด้วยความตระหนก  วินาทีนั้นทั้งร่างถูกรวบเข้าหาอ้อมแขนอบอุ่น  กอดรัดแน่นราวกับไม่มีวันปล่อย 
          
“ขวัญเอ๋ยขวัญมา” เสียงทุ้มกระซิบริมหู  กดจูบซ้ำๆ ที่เรือนผม  เลอมานไม่เข้าใจความหมายของคำที่อาจารย์พูดหรอก  แต่ประโยคสั้นๆ นั้นโอบกอดหัวใจเขาเอาไว้ทั้งดวง
   
“ฮือ..อย่าทิ้งผมไป..” แขนเล็กกอดตอบอย่างโหยหาไออุ่น  ปล่อยน้ำตาเรี่ยรายลงแผงอกล่ำสัน   

“ไม่ทิ้ง.. ครูอยู่นี่..ครูอยู่กับเล็กนะ..” คนึงคลายอ้อมกอดออกเพื่อใช้สองมือประคองใบหน้าเล็กไว้อย่างทะนุถนอม  ปลายหัวแม่มือเกลี่ยไล้รอยน้ำตา  แตะลงกลีบปากอิ่มร้อนผ่าว   
   
เขากำลังอยู่ที่นี่  ตรงนี้  มีชีวิต  เลือดเนื้อ  ลมหายใจ  มีใครคนหนึ่งกำลังเปิดเผยซอกมุมเร้นลับกับเขาหมดใจ

แทบไม่รู้ตัวยามโน้มใบหน้าลงชิมรสหวานจากริมฝีปากสั่นระริก 
   
ดั่งฉายภาพซ้ำ  เหตุการณ์เมื่อครู่ไหลวนคืนมาอีก  หากไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

อาจารย์คนึง วนาสัยและหม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์ไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่า.. จูบนั้นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล 

*********************


คุยกันเนอะ :L2:

เขียนบทนี้แล้วเข้าใจเลยว่าทำไมนิยายสมัยก่อนชอบเขียนให้พระเอกนางเอกได้กันในกระท่อมกลางฝน
แบบว่า.. ไม่รู้จะให้ไปได้กันที่ไหนจริงๆ ค่ะ ใครจะว่าน้ำเน่ายุงชุม ข้าน้อยก็ยอมล่ะ  :sad4:
อ๊ะ แต่ความจริงเรื่องนี้ก็ดำเนินเรื่องราวด้วยลีลาแบบนิยายสมัยก่อนนี่เนอะ
ขอน้ำเน่านิดนึงน่า เหะๆ (แถสีข้างถลอก)

ความจริงตั้งใจจะลงให้จบฉากเลย แต่เขียนไม่ทัน+ปั่นไม่ขึ้นค่ะ
(รับงานโคตรเศร้ามาชิ้นนึง นั่งซึมกะทือทั้งวัน เปลี่ยนฟีลกลับมาหวานไม่ไหว :m8:)
ขอต๊ะไว้ครึ่งหลังละกันนะคะ

รักคนอ่านค่ะ  :กอด1:

ดอกไม้
๒๐ ส.ค. ๕๕

ปลาลิง. น้องจ้อยพี่สิงห์อยู่ครึ่งหลังนะคะ :)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 20-08-2012 18:57:41
เอาน้องจ้อย มา!!!!!!!!!!!!!  o18

คู่นี้ได้กันก่อนคู่น้องจ้อยอีก... พี่สิงห์เอ้ยแพ้อีตาคนึงซะแล้ว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 20-08-2012 19:14:57
โอ้ยยยยย นึกว่าเล็กจะเป็นอะไรซะและ !!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 20-08-2012 19:22:30
คู่นี้ดูเหมือนเขาจะใจตรงกันแล้วนะ
รอคู่น้องจ้อยกับพี่สิงห์จ้ะ(แต่ขอแบบรันทดน้อยๆหน่อยนะจ๊ะ)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 20-08-2012 19:50:36
เล็กกกก :sad4: :sad4: :sad4: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-08-2012 19:57:25
ต้องขอบคุณฟ้าฝนซะแล้วสิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: BossoM ที่ 20-08-2012 20:01:17
คุณดอกไม้ค้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ได้โปรดลงครึ่งหลังคืนนี้เถอะน้าาาาาาาาาาา
พลีสสสสสสสสสสสสส  :sad4:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 20-08-2012 20:01:50
จะทำอะไรก็ทำเถอะ  :m25:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 20-08-2012 20:08:23
อ๊ายยยยยยยยยยยยย  จะน้ำเน่า ยุงชุม พายุพัด ลมกรรโชกแรง แค่ไหนก็อย่าได้หวั่น
นางฟ้าไปปีนกระท่อมแอบดูได้เสมอ   :laugh: //  :z10:
สามคำ>>รอ ดู อยู่  (เอ้ยยยย)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 20-08-2012 20:10:36
ขอบคุณฝนที่ตกได้เวลาพอดี หุหุ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yolp ที่ 20-08-2012 20:22:26
ชอบเพลงกล่อมเด็กที่คนึงชอบเอามาร้องปลอบเล็กมากเลยค่ะ เหมาะกับเล็กที่เหมือนแก้วเปราะบาง อ่านแล้วอินจัด น้ำตาจะไหลตาม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 20-08-2012 20:30:52
ชอบ............ในที่สุด  .................555+  เม้นท์ไม่เป็นภาษากันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 20-08-2012 20:40:34
+1 :o8: เขินอ่ะ อิอิ คนึงสอน บทใหม่ให้เลอมาน ซะแล้วอิอิ ชอบอ่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 20-08-2012 20:42:58
โถ พ่อเล็กของพี่ อ่านแล้วน้ำตาคลอ พี่เข้าใจแล้วว่ากำแพงความเย่อหยิ่งนั้นมาจากไหน  :m15: คุณชายน่าทะนุถนอมแท้ ให้เค้าได้กันทีเถอะ ตึง!!  :laugh:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 20-08-2012 20:44:28
รอสิงห์จ้อยค่ะ คนึงทำไมทำอย่างนั้น เลอมานจะคิดยังไงทำไมไม่คิดบ้าง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ละล้าละลัง ที่ 20-08-2012 20:44:48
พี่สิงห์น้องจ้อย พี่สิงห์น้องจ้อย พี่สิงห์น้องจ้อย
รออยู่นะค้าาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PRMWi ที่ 20-08-2012 20:59:54
เอาล่ะเหวยย คิคิ  พูดไรไม่ถูกเลย
แค่เล็กไม่เป็นไรก็ดีใจแล้ว ยังมีจูบสะท้านฟ้าอีก ฮี๊ววววว

อีพี่สิงห์ อย่ามัวแต่พิลี้พิไล ทำตัวดีๆ
และจัดการน้องจ้อยซะ 5555555 (แล้วแกจะดีเพื่อ???)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kissey_love ที่ 20-08-2012 21:59:45
 :a5: o22 :m25:

5555555555555555555 อาการหลังอ่านตอนนี้จบค่ะ ... คำพูดแรกที่ผุดขึ้นมาคือ "หนูเล็กจะท้องเหรอ?" //โดนพี่จี้กระโดดถีบขาคู่
อะแฮ่ม ขอเม้นท์รวดนะคะ ตั้งแต่วันเกิดหนูอ่ะ รู้สึกติดพี่จี้ไว้นานมว้ากกกกกกกกกกกกกกกกก  :กอด1:

จะบอกว่าตอนวันเกิดหนู เป็นช่วงที่หนูไปค่ายทำห้องสมุดให้เด็กตจว.พอดีค่ะ แล้วพอตอนกลางคืนก็ไปเวียนเทียนกัน ปัดก็ได้ดอกไม้ช่อนึงมา ดูเหี่ยวๆหน่อย มีคนบอกว่าชื่อ ดอกเข้าพรรษา ก็งง แล้วมันมีความหมายยังไงกับวันนี้ พอได้มาอ่านตอนนี้ถึงรู้ :] ดอกเล็กๆ แต่มีความหมายมากมายจริงๆ

แต่ไม่อยากบอกจ้อยหรอกว่า "ไม่ใช่เพราะชาติก่อนไม่ได้ถวายดอกเข้าพรรษาหรอก ลูก หนูต้องเป็นเคะในชาตินี้ต่างหาก"  //หนูจ้อยทึ้งหัว  :beat:

ความจริง... จะว่าไงล่ะ ชอบสิงห์ตอนเด็กมากกว่าน่ะค่ะ แลแก่แดดดี ๕๕๕ ไม่ใช่ๆ ดูถนุถนอมน้องจ้อยเป็นอย่างดี น่ารัก :o8:
โรแมนติคเบาๆ แอร๊ยยยยย  :-[  นิยายทุกเรื่องของพี่จี้ต้องมีการอธิษฐานทุกทีสิหน่า ๕๕ แต่มันก็ดูเป็นความรักที่เล็กๆ แต่อบอุ่นดี ตอนที่ได้ฟังว่ามีใครบางคนอธิษฐานให้เราหรือรักเรา จนได้แต่อธิษฐาน  :กอด1: สวีทมากกกกก >.,<
นึกถึงตอนเป็นเด็กเลย คือ เป็นเด็กที่แก่แดดเลยพอจะเข้าใจ ยิ่งเป็นรักครั้งแรก.. มันดูห่างไกลจากคำว่าแฮปปี้เอ็นดิ้งนะ เพราะน้อยคนจะได้คู่แท้ที่เป็นรักแรกแต่เด็ก ๕๕๕ แต่ปัดเชียร์หนูจ้อยกับพี่สิงห์ให้แฮปปี้เอ็นดิ้งละกัน  :m15: :monkeysad: หวังว่าความรักที่งอกเงยจากความผูกพันธ์จะแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับอุปสรรคเบื้องหน้านะ ^^

ป.ปลาล.ลิง. แอบอยากรู้ว่าพี่สิงห์อธิษฐานอะไรไว้อ่ะ  o18


ตอนดอกฟ้ารักดอกดินครึ่งหลัง

น่ารักเว่อร์มากกกกกกกกกกค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา    :o8: :-[ :impress2: :man1:  อ่านละเคลิ้มไปอีกสามวัน กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เชื่อไหมว่าปัดอ่านวนไปวนมาตอนนี้ ๕ รอบได้อ่ะ ๕๕๕๕๕ แบบว่ามันชอบบบบบ คริๆ
แผนจับคุณชายใส่ตระกร้าล้างน้ำเวิร์คมากค่ะ ครูคนึง //กระโดดกอดหอมแก้มหนึ่งที // โดนคุณชายเขม่นใส่ ๕๕๕๕  :กอด1:
แอบขำคุณชายตอนบอกว่าไม่อยากเอาโคลนพอกหน้าเหมือนหม่อมแม่ ใจนึงก็คิดว่าโถ เด็กหนอเด็ก อีกใจก็คิดว่าโถ ผช.หนอผช. 5555 (ขำแบบไม่มีเหตุผลมาก) มันคนละชนิดกันลูกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :jul3:

บางทีก็ชอบคุณชายมุมมึนๆแบบนี้นะ 555 น่ารักน่าเอ็นดู

แอบขำที่พี่จี้พูดตอนท้าย

อ้างถึง
อะแฮ่ม..

อ่านตอนนี้แล้วอย่าเพิ่งต๊กกะใจ
มหาหงส์ยังไม่เปลี่ยนแนวไปเป็นนิยายผีหลอนวิญญาณทวงแค้นเน้อ  o22
ไม่มีผีโผล่ออกมาหรอกจ้า แค่กล่าวถึงบ้างตามท้องเรื่องเท่านั้นเอง

เพราะตอนแรกสุดที่อ่านมันคิดไปแบบนั้นแล้วจริงๆ 5555555 คือแบบ... พอพี่จี้พูดงี้แล้ว "พี่จี้เขาอ่านใจเราออกเหรอวะ" ๕๕๕๕๕๕๕๕ ยังกับพี่จี้รู้ทัน ไม่รู้นะคะ ในส่วนท้ายมันออกแนวหม่นพิกล จนเผลอคิดไปว่า ฤๅพี่จี้จะเปลี่ยนแนว?  :serius2: น่ากลัวอ่ะ ยายแก่คนนั้น  :sad4:

แต่อยากบอกว่าประทับใจ

อ้างถึง
เขาไม่ต้องการแทนที่ใคร  และอาจารย์ก็ไม่จำเป็นต้องลืมใคร
   
ขอเพียงวันนี้พวกเขายังยิ้มให้กัน  เพียงเท่านี้ก็มากเกินพอ..

 :L2: ประทับใจความคิดนี้ของคุณชายมาก ทำให้รู้สึกว่าเป็นความรักที่บริสุทธิ์จริงๆ ไม่ใช่ทุกความรักจะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถคิดแบบนี้ได้ การที่จะรักใครสักคน โดยไม่หวังจะครอบครอง ไม่หวังจะเป็นเจ้าของ ไม่ต้องการความรักตอบแทน พอใจในสิ่งเล็กๆน้อยๆที่มีให้กัน ..

ไม่ใช่ทุกคนจะคิดได้แบบนี้นะคุณชาย  :L1:

แล้วก็ตอนสุดท้าย  :really2: อิอ๊ะ เขาจะทำอะไรกันหยออออ ไม่ยู้เยื่องงงงง :z2:  //โดน :z13:

มันหวานนนนนนนนนนนนนม้ากกกกกกกกกกกกกกก แบบนี้เลยนิยายไทย!!!!!!!! กระท่อมปลายนา  :call:
แต่แอบแบบ.. คุณครูคนึงคะ... คือ  :เฮ้อ: ทำไมไล่ลูกศิษย์อย่างนั้นล่ะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ :fire: :m31: :m16: เห็นเป็นพระเอกหรอกนะเลยไม่ด่า ฮึ! ก็รู้ว่านายเอกของเรา(?)นุ่มนิ่ม เอ็งยังไล่เขาแบบนั้น ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดเขาแท้ๆ !  :angry2: //ดึงแก้มสักที

อ้างถึง
ในสถานการณ์เช่นนี้  เขาควรทำแบบนี้หรือ

Ans. ควรรรรร!!!!!!! // โดนครูคนึงร่วมกับน้องเล็กและพี่จี้รวมพลังถีบขาคู่  :z6:

 :man1: น้ำเน่าได้ใจค่ะตอนนี้ ชอบบบบบบบบบบบบบบ อุกรี๊ดสสสสสสส์
แต่พี่จี้ไม่น่าหลุดสปอยเลยอ่ะ ตอนแรกที่อ่านไม่คิดว่าจะได้กัน แต่พอพี่จี้พูดเลยอ่อออออออออออออออออ  :z1: ตอนหน้าต้องเตรียมทิชชู่รอ ๕๕๕๕๕๕๕๕  :-[ o13

หลังจากทยอยอ่านเม้นท์นักอ่านแล้วแลทุกคนจะซัฟเฟอร์หนัก(มาก) ปัดก็เช่นเดียวกัน 555 แต่เชื่อว่าทุกคนรอได้และจะรอ  :mc4:

คอมเม้นท์รวมๆของเรื่องนี้นะค้า (มันไม่ใช่เม้นท์ติชมแต่อย่างใด แค่อยากพูด)  :z2:

สิ่งที่ปัดกลัว(ที่สุด)สำหรับเรื่องนี้บอกตามตรงมันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ปัดกลัวกระแสตอบรับของสังคมรอบข้างหลังจากรู้ว่าคนึงกับเล็กและพี่สิงห์กับจ้อยกิ๊กกันมากกว่า .. คือก็ไม่รู้ว่าจะจบยังไง บอกตามตรงเดาไม่ออกเลยจริงๆค่ะ สำหรับสังคมในสมัยนั้นชายรักชายนี่...  :เฮ้อ: :z3: อาจจะถูกกดดันอย่างหนักหรือโดนลงโทษ(แม้จะดูไร้เหตุผล)อย่างร้ายแรง ไม่โดนทางกฏหมายก็โดนจารีตประเพณี ซึ่งส่วนตัวปัดรู้สึกว่าจารีตมันน่ากลัวกว่ากฏหมายอีกนะ ...

สำหรับคู่คุณครูกับหนูเล็กนี่ยังพอมีหวัง... รึเปล่า เพราะอาจจะได้บินไปอยู่อังกฤษด้วยกัน แต่หนูจ้อยกับพี่สิงห์ล่ะ คิดแล้วปวดหัว  :serius2:

ทำได้แค่ภาวนาและลุ้นอยู่ในใจ  :กอด1:  :m15:

พี่จี้ค้า... ภาษา สำนวน เรื่ิองนี้... ดีมากๆเลยอ่ะค่ะ แบบดีมากจริงๆ เหมือนรู้สึกถูกดึงไปดึงมา เหมือนแบบต้องเรียกว่าใช้คำได้ได้อารมณ์มากๆ (มันดูส่อไปไหมนิ - -a ) ไม่มีเจตนาอื่นใดแฝงนะคะ 555  :really2:

ยังไงก็รอพี่จี้นะคะ  :L2: งานเสร็จเมื่อไหร่ พักสักหน่อยแล้วอย่าลืมทางนี้ด้วย  o13

คืนนี้ขอตัวไปฝันหวานก่อน  :man1: ฮิๆ

บับบายคับ  :bye2:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tune ที่ 20-08-2012 22:13:51


ศิษย์พอจะเดาแนวตอนนี้ได้ตั้งแต่เห็นชื่อเรื่องแล้วล่ะค่ะ
/ยิ่งแน่ใจขึ้นมากเมื่อเจอะคำว่าฝนตกหนัก และ กระท่อม

โถๆ หม่อมเลอมานผู้ทะนงตยเย่อหยิ่งดูแคลนบ้านเกิดเพราะเหตุนี้เองเล่า
ครูคนึงเข้าใจเล็กแล้วใช่ไหม ค่อๆปลอบประโลมกันเบาๆนะคะครู -ป้องปากหัวเราะเบาๆไม่ให้ดังไปกว่าเสียงฝนนอกกระท่อม-



ปล. นักเลงสิงห์กับเจ้าจ้อย... มารอครึ่งหลังอย่างใจจดจ่อเจ้าข้า ๕๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 20-08-2012 22:24:27
กระท่อมน้อยคอยรัก สำหรับอาจารย์กับคุณชายจริงๆๆ

อยากอ่านน้องจ้อยกับพี่สิงห์ มาต่อไวๆๆๆนะคะ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kazujin ที่ 20-08-2012 22:59:50
ค้าง :m25:ตอนที่แล้วค้างแบบรอลุ้นตื่นเต้น 55 มาตอนนี้ค้างแบบบบ :z3: เค้าอยากได้ครึ่งหลัง
มาไวไวน้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 20-08-2012 23:28:19
กลางกระท่อมฝนตก แหมมม 555555555555 จัดไปค่ะครูคนึง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 20-08-2012 23:34:12
คุณเล็กปลอดภัยแล้ว ดีใจ ๆ คุณเล็กบอบบางจริง ๆ นะ ต้องการการดูแลปกป้อง
ครูคนึงอย่าผลักไสน้องเลย น้องน่าสงสารมากอ่ะ น้ำตาหยดเผาะ ๆ
คุณเล็กเปิดใจให้ีครูคนึงหมดแล้ว ดูแลกันดี ๆนะ ยากจริง ๆ ความรักนี่ คอยจะมีอุปสรรคอยู่เรื่อยเนอะ

ขอบคุณค่ะ รอครึ่งหลังค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 21-08-2012 00:07:10
เกือบไปแล้วเล็ก   :sad4:

กระท่อมปลายนา ฝนตก
บรรยากาศช่างเป็นใจ
ครึ่งหลังจะเป็นยังไงน้อ  :m25:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 21-08-2012 01:10:40
ว้ายๆๆๆๆ อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 21-08-2012 01:55:13
คุณครูก้าวข้าม กรอบที่ตัวเองสร้างไว้ได้แล้ว
รอครึ่งหลัง น้องจ้อยของเราจะมีช่วงเวลาดีไกับพี่สิงห์บ้างไหมนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 21-08-2012 07:39:52
 :3123:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 21-08-2012 08:29:55
เพิ่งได้มาคอมเม้นท์ในบอร์ดนี้
ปกติจะอ่านจากอีกบอร์ดน่ะค่ะ


ดีใจที่มาต่อให้ อ่านแล้วรู้้สึกละมุนละไมมาก ภาษาสวยจริงๆค่ะ
อ่านแล้วรู้เลยว่าอาจารย์คนึงรักน้องเล็กมากแค่ไหน
แต่ฉากจมน้ำแอบน่ากลัว เป็นเพราะจินดารึเปล่า แอบขนลุกเบาๆ
ลุ้นว่าฉากหน้าจะมีฉากอะซะบะฮึ่มม มาให้อ่านมั้ย (อยากอ่านมากๆๆๆๆ)

ปล.รอตอนพี่สิงห์น้องจ้อยด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 21-08-2012 11:51:33
คนเอเชียไปอยู่เมืองฝรั่ง โดนดูถูกเสมอ
อยู่บ้านเราสบายใจที่สุด

รอคู่นี้เขาบอกรักกัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 21-08-2012 14:16:24
กว่าจะรอดมาได้ลุ้นแทบแย่
แล้วจูบนี้จะเปลี่ยนชีวิตยังไงนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 22-08-2012 00:54:04
คู่นี้ไม่มีมาม่าเหรอ หนูว้อนท์มาม่า // โดนแม่ยกตบ 555
ล้อเล่นนะค้า แค่พี่สิงห์กับน้องจ้อยก็บีบหัวใจจี๊ดๆ แล้ว
เอาความหวานของคู่หนูเล็กมาทำให้กระชุ่มกระชวยบ้าง  :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 22-08-2012 01:34:56
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  o22
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 22-08-2012 05:50:54
อ่านตอนนี้แล้วเห็นภาพเลย
ถึงจะน้ำเน่า ยุงชุม ขนาดไหนก็จะอ่านมันสนุกมากๆ
รอน้องจ้อยกับพี่สิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: DIIK ที่ 22-08-2012 12:19:03
ตอนคุณเล็กตกน้ำขนลุกวาบเลยค่ะ
หลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นก็อย่าม่าเลยน้าๆๆๆ
แค่คู่โน้นเขาม่าก็ปวดกระจิดกระใจจี๊ดๆ แล่ว  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: choijiin ที่ 22-08-2012 15:25:14
แอบเข้ามาสารภาพกับคุณดอกไม้
 :m23:
ว่าเคยเข้ามาอ่านทีนึงแล้วแต่ก็หยุดไป
เพราะยอมรับว่าตัวเองแพ้ความมาม่า
หลีกเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง ถอยห่างให้ไกลได้ก็จะถอย
แต่คราวนี้ลองรวมรวมกำลังใจเฮือกสุดท้ายเข้ามาอ่าน
เพราะทนกับความสนุกในอารมณ์บีบไม่ไหว
 :m17:

เรื่องแรกเลยที่อัดอั้นอยากบอกก็คือไอ้เหี้ยลอย
ถ้าไม่มีไอ้ห่านี่เรื่องนี้จะเป็นอะไรที่ไม่มีสีสันเลยนะ
เรื่องเลวร้ายกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ดีไม่ดีอาจจะมากกว่า 90 ก็ได้
มาจากน้ำมือและสมองของไอ้ห่านี่ทั้งนั้น
 :angry2:

พี่สิงห์ก็เหมือนเด็กมีปัญหาตัวยักษ์คนนึง
ที่โดนไอ้เลวนี่หลอกใช้ จูงจมูกให้ทำเรื่องเลวๆ
ทั้งที่จริงๆไอ้พี่สิงห์ไม่ได้มีนิสัยเลวๆแบบมัน
แต่อาจจะเป็นคนอารมณ์ร้อน โมโหร้ายไปบ้าง
เลยทำให้การกระทำออกจะเลวดิบเถื่อนไปซะหน่อย
 :laugh:

แต่ตอนนี้สงสารคุณชายนะ
เหมือนจะมีความสุขกับอาจารย์
เอาเข้าจริงๆในสมัยนั้นนี่มันเป็นเรื่องต้องห้าม
มากกว่าปัจจุบันไม่รู้กี่เท่า
แถมยังเหมือนถูกเงาของจินดาทำให้เธอต้องหน้าชื่นอกตรมอีกต่างหาก
 o7
โอ้ พระเจ้า คนอ่านได้แต่ขอให้พระดลใจคนเขียน
อย่าพาทุกคนเข้าสู่โรงงานมาม่าแบบเต็มขั้นเล้ย
สาธุๆ
 :m5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 22-08-2012 16:37:08
โอย...อ่านแล้วหัวใจราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ :monkeysad:
ต้องต่อสู้กับความผิดชอบชั่วดีอีก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 22-08-2012 22:59:18
กลัว o22 เสียใจ :m15: ตอนอาจารย์บอกว่า อย่าเข้ามา!!!
ดูอาจารย์สับสนมากนะคะ :serius2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pie_handsome ที่ 23-08-2012 09:05:49
ชอบมากครับ ถึงจะอิงพล็อตเดิมๆ ฉากเลิฟซีนในกระท่อมกลางนา
แค่อ่านตอนต้นก็เดาได้เลย ฝนตก หลบเข้ากระท่อม จากนั้นก็... (ฮ่าๆ)
แต่มันก็เป็นอะไรที่หวานและโคตรคลาสสิค ดีกว่าเมาแล้วมีอะไรกันเนอะ
แบบนี้มันโรแมนติกกว่ามากๆ เพราะเกิดจากอารมณ์พาไป (บวกความตั้งใจอีกนิดหน่อย ฮ่าๆ)
พี่ดอกไม้เขียนออกมาได้ดีมาก อินสุดๆ ไปเลย

รอพี่ดอกไม้มาอัพครับ ^^
อย่าปล่อยให้คนอ่านคิดถึงเลอมานกับคุณครูนานน้าคร้าบบบ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 24-08-2012 20:15:50
จะเกิดอไรขึ้นต่อไปอ่ะ

รู้สืกถึงลางไม่ดีไงไม่รู้แฮะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 24-08-2012 20:17:43
เห็นด้วยค่าว่าฉากกระท่อมคลาสสิกมากๆ แต่ยังไม่เคยเห็นใน y เรื่องไหนเลยนะคะเนี่ย 555
ตามตัวพี่สิงห์ น้องจ้อยมามุงกระทู้ด่วนเลยค่ะ เห็นมั้ย เค้าหวานกันแล้ว เห็นม้าย เห็นม้าย
คู่ตัวเองอย่ายอมแพ้นะ ครึ่งหลังน่ะ เอาให้หวานกว่าครูอีกนะ  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 24-08-2012 23:45:09
อร๊ายยยยยย กระท่อมร้างกลางทุ่งนาตอนฝนตก มันใช่อ่ะมันใช่>///////<
เข้าสูตรเลยอ่ะจัดไปอย่าให้เสียค่ะครู อุ๊ย นี่เราพูดอะไรออกไป5555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๐/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: darkuril ที่ 25-08-2012 11:06:37
ครูคนึงโดนอาถรรพ์กระท่อมปลายนาไปแล้วล่ะค่ะ เลย... :-[
ตอนนี้บรรยายได้กระชากหัวใจมาก ตอนคนึงดำน้ำตามหาเล็ก คนอ่านงี้หัวใจแทบจะขาดรอนๆตามไปด้วย
มาถึงตอนนี้ เราก็ได้รู้จักคุณชายเล็กเพิ่มอีกแล้วเนอะ ว่าทำไมถึงเป็นคนอย่างนั้น มันมีที่มานี่นะ น่าสงสาร ยิ่งได้รู้ก็ยิ่งรักคุณชายเล็กค่ะ (//โดนครูคนึงกระทืบ  :z6:)

ปล. ตัดได้ค้างมาก และดูเหมือนว่าต่อไปมันจะดราม่าอย่างไรชอบกล อย่าให้เป็นอย่างที่เราคิดเลยน้าา :serius2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 25-08-2012 20:34:13
บทที่ ๑๗

ชายเดียวในดวงใจ

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)



เลอมานรู้สึกว่าพื้นฟากที่ตนนั่งอยู่นุ่มนวลเหมือนปุยเมฆ  ไม่มีเพลงเหมือนในหนังที่เคยดู  มีเพียงเสียงฝนที่พลัดกระจายจากฟ้า  ไม่มีสิ่งแวดล้อมสวยงามหรือดวงดอกไม้ใด  หากลืมตาขึ้น  สายตาที่เริ่มชินกับความมืดเห็นเพียงกระท่อมเก่าซอมซ่อ 
   
แต่ที่สอดแทรกเข้ามาในความรู้สึกนึกคิด  ไยงดงามเลิศล้ำ  หวานสุดหวาน  หรือริมฝีปากของอาจารย์เคลือบด้วยน้ำผึ้ง 
   
เด็กหนุ่มหลับตาพริ้ม  เลื่อนมือขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่ม  แทรกปลายนิ้วเข้าไปในเรือนผมดกดำ  ริมฝีปากแนบชิด  แลกเปลี่ยนต่อกันและกัน  ความอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นความร้อนเร่า  ความร้อนเร่าทวีเป็นความดุดัน 

คนึงสุดจะดาลใจ  ลิ้นที่สอดเข้าในโพรงปากเล็ก  เกี่ยวกระหวัดรัดพัน  ก่อให้เกิดเสียงคล้ายน้ำไหลจากโตรกชะง่อนผา  ไม่มีจุดไหนบนร่างเล็กที่ไม่ถูกแตะต้อง  ริมฝีปาก.. สองมือ.. เดินทางกวาดไล้ไปทั่วเนื้อตัวสั่นสะท้าน  ซอกคอ  ลาดไหล่  แผ่นอกขาวเนียน  หน้าท้องเรียบ  คล้ายเรือนกายเลอมานเป็นดินแดนที่คนึงเพิ่งค้นพบ  เป็นสระน้ำเสน่หาที่น่าแหวกว่าย  คนึงนึกอยากแปลงกายเป็นปลาในสระน้อย  สำราญให้สาใจ 
   
ชายหนุ่มดึงผ้าออกจากร่างขาวผุดผาด  บนอกขาวเนียนมีจุดกะจิดริดสีเรื่อ  อดใจไม่ไหวจนต้องลองชิมรส  วูบวาบในใจ  เขาไม่อยากให้หลังสวยๆ ต้องแดงช้ำเพราะไม้ฟาก  จึงปลดผ้าผืนนั้นรองรับเลอมานไว้ 
   
ในท่าเอนหงาย  หม่อมราชวงศ์สูงศักดิ์กลับกลายเป็นเพียงคนคนหนึ่ง  น่ารักน่าใคร่น่าเสน่หา  คนึงไม่อาจรู้จริงๆ ว่าความรู้สึกที่ปะทุขึ้นนี้มาจากไหน  มีความละเมียดบาดคม  มีอารมณ์ที่แทรกมาไม่ขาดสาย  แตะมือแตะปากลงตรงไหนก็หวานหอมไปเสียสิ้น  เสียงครางหวานหูกระตุ้นเร้าให้ใจเตลิด  เมื่อชายหนุ่มส่ายศีรษะไล่รุกเอารสจากต้นขาที่สั่นไหว  มือเล็กที่เอื้อมมากดหัวดูไร้เรี่ยวแรงสิ้นดี 

เลอมานสะดุ้งเมื่อปลายนิ้วอุ่นไล้ลงซอกมุมเร้นลับ  ความเจ็บแปลบเสียดแทงเข้ามา  ร่างเล็กขยับหนีโดยสัญชาติญาณ  หากคนึงปิดริมฝีปากที่กำลังจะเปล่งเสียงร้องนั้นไว้ด้วยจูบอ่อนหวาน  ปลายนิ้วชำแรกรุกรานถึงเนื้อใน  ในเรือนกายร้อนผะผ่าวมีตาน้ำซุกซ่อนอยู่ที่ใดหนอ 
   
“อะ..อาจารย์..” เสียงหวานครางหวิว  ปลายเล็บจิกลงหัวไหล่กำยำจนขึ้นรอย  ดั่งมีมวลพายุก่อตัวในกาย  ทั้งร่างสั่นเกร็งไหวสะท้าน  ก่อนกรีดร้องออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อถึงขีดสุด       
   
เหลือเชื่อ  คนึงขยับนิ้วไม่กี่ที  ตาน้ำก็ทะลักทลาย  ความปรารถนา  ความโหยหาหลั่งรินเนืองนอง
 
เด็กหนุ่มยังนอนหอบหายใจระทวย  แต่พลัน  ไม่มีการเตือนล่วงหน้า  คนึงรุกเข้าในพื้นที่ส่วนตัว  ด้วยบางสิ่งที่ร้อนกว่า  แน่นกว่า  แข็งกว่า  ใหญ่โตกว่าปลายนิ้วหลายเท่านัก
   
เลอมานเจ็บจี๊ด  แผดเสียงลั่น  ดั่งรู้  คนึงยอมหยุดอย่างอ่อนโยน  ใบหน้าคมคร้ามก้มลงจูบหน้าผากชื้นเหงื่อ  แค่ขยับตัวนิดเดียวร่างเล็กก็สะเทือนสะท้านทั้งกายใจ  แขนเรียวโอบรัดรอบลำคอหนา       
   
อาจารย์พรมจูบทั่วใบหน้าอย่างรักใคร่  ทั้งที่เจียนขาดใจ  ทั้งอุ่น ร้อน รัดแน่น ดูดกลืน บีบรัด  ชุ่มฉ่ำจนละลานใจ ลมหายใจผะผ่าว..เหงื่อหลายล้านหยดรดลงชโลมกัน
   
คุณชายเจ็บจนความเหยเกแสดงออกทางใบหน้า  แต่พยายามกัดฟันแน่นเมื่อคนึงผ่านเข้าไป  ในอกเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย  ทั้งหวาดหวั่น ทั้งเต็มตื้น เหมือนถ่ายเทความลึกซึ้งถึงกัน ก่อเกิดเป็นสายใยผูกพันสองดวงใจ  จูงมือกันข้ามผ่านพรมแดนความเป็นอื่น 
   
“อาจารย์.. ผมรักอาจารย์” เลอมานสำลักด้วยเสียงสะอื้น  สายตา..วาจา..ถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในหัวใจออกมาจนหมดสิ้น 

รัก.. คำนั้นช่างประหลาดนัก  เหมือนเรียกฝนเรียกฟ้ามาจนสั่นสะเทือน  คำคำเดียวปลุกบางสิ่งในตัวชายหนุ่มคุโพลง  ดั่งมีผีเสื้อกระพือปีกอยู่ในตัวและหัวใจ  ในช่วงเวลาที่ปราศจากสถานะ ฐานันดรใด ปราศจากอดีตและอนาคต มีแค่ปัจจุบัน มีเพียงเลือดเนื้อร้อนเร่า หัวใจสั่นไหว กับการเอาใจใส่อีกฝ่าย ถ้อยทีถ้อยอาศัย เรียนรู้กันและกัน ปรารถนาจะให้ เต็มใจที่จะรับ
   
คนึงไม่ยับยั้งการเคลื่อนไหวอีกต่อไป 

มือใหญ่แยกขาเรียวออกกว้าง  ขยับกายถะถี่ดั่งใจปรารถนา   
   
“อะ..อ๊าาาา” เลอมานหวีดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด  เจ็บราวทั้งร่างจะฉีกออกเป็นสองซีก  หากเพียงอาจารย์มอบจูบอ่อนหวานให้  ความเจ็บร้าวก็ลดลงอย่างเหลือเชื่อ  มีความรู้สึกอื่นที่สดใหม่หวานล้ำเข้ามาแทนที่  อาจารย์สอนให้เขาเรียนรู้ความสุขสมที่ไม่เคยได้สัมผัส  ไม่เคยมีใครมอบให้  ดั่งอาจารย์ฉุดมือพาเขาดำดิ่งลงห้วงนรกเดือดพล่าน  แล้วอีกอึดใจก็พาฉุดขึ้นสรวงสวรรค์  หลับตาลงเห็นดวงดาวพลัดพราย  เหมือนมีจักรวาลเล็กๆ อยู่ใต้เปลือกตา  จักรวาลของพวกเขาสองคน  ไม่มีช่องว่าง ไม่มีพื้นที่เหลือให้เรื่องอื่นใด.. หรือคนใด   
   
ฝนภายนอกซาลงแล้ว  แต่ภายในกลับทวีความคลุ้มคลั่งปั่นป่วน  เลอมานไหวโยกไปทั้งร่างตามจังหวะที่อีกฝ่ายควบคุม  กอดรัดกันและกันแนบแน่น  เสียงหวานครางลั่นปานโลกจะสะเทือน  ลมพัดมาแรงและเร็ว  หอบดอกไม้หอมอวลกระจายฟุ้ง 
   
พายุแห่งแรงสวาทปรารถนา
ได้พัดพาเพลงแผ่วพรแว่วหวาน
ฝนน้ำค้างพร่างพรูสู่วิมาน
เริงสำราญระหว่างห้วงสองดวงใจ**


........................

คนึงเคาะไม้เรียวในมือลงพื้นอย่างใช้ความคิด  คิ้วเข้มขมวดมุ่น  บรรยากาศในห้องเรียนอึมครึมเหมือนท้องฟ้าขมุกขมัวภายนอก  นักเรียนทั้งห้องเงียบกริบ  มีเพียงเสียงไม้เรียวเคาะพื้นดังก๊อกๆ  แสนอึดอัดและกดดัน
   
แต่ดูเหมือนเจ้าเด็กนักเรียนตรงหน้านี่จะไม่สะทกสะท้านสักนิด 
   
“ทำไมมาสาย” เสียงห้าวถามห้วน  ดวงตาสีเข้มเคร่งเครียด 
   
“ไปธุระครับ” จินดาตอบกลับมาสั้นๆ  ใบหน้าหวานคมเรียบเฉย  ดวงตาคู่สวยมองสบมาแน่วแน่  ชายหนุ่มพยายามมองหาความเกรงกลัวในแววตาคู่นั้น  แต่กลับไม่พบแม้เพียงเศษเสี้ยว 

พบเพียงความอวดเก่ง  ถือดี
   
“ธุระอะไร”
   
“เรื่องส่วนตัวครับ” คำตอบแทบจะในทันที  ยังคงสู้สายตาไม่ลดละ 
   
คนึงลอบกัดฟันกรอด  กำไม้เรียวในมือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว  สายตาตำหนิสำรวจอีกฝ่ายหัวจรดเท้า  เด็กหนุ่มตรงหน้า.. จินดา  นักเรียนในความดูแลของเขาคนนี้  ร่างเล็กผอมบางอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดอกจำปาที่มีรอยปะชุนสองสามแห่ง  กางเกงขายาวสีกากีเก่าจนซีด  ผมเผ้าแม้ไม่ถึงกับยาวรุงรังแต่ก็ถือว่าผิดระเบียบ  ไม่รู้ว่าไม่มีเงินค่าตัดผมหรือจงใจทำตัวเป็นกุ๊ยกันแน่ 

แล้วนั่น.. ประกายอะไรในแววตา  ก้ำกึ่งกันระหว่างความเด็ดเดี่ยวและโอหัง  มีรอยบาดบางๆ บนแก้มขาว  มือข้างหนึ่งก็พันผ้าพันแผล  ดูท่า.. คงไม่พ้นไปหาเรื่องต่อยตีกับใครมา 
   
คนึงพิพากษาในใจ  พวกดื้อเงียบ  เด็กพวกนี้จัดการยากกว่าพวกเกะกะเกเรเสียอีก
   
ความจริง  การเรียนของจินดาถือว่าพอใช้  แต่ที่ต่ำติดลบคือระเบียบวินัย  ขนาดเป็นแค่นักเรียนครูยังมาเข้าเรียนสายเป็นชั่วโมงได้ทุกวัน  แถมบางคาบยังนั่งหลับต่อหน้าต่อตาเขาในห้องเรียน  ถ้าจบออกไปเป็นครู  จะดูแลสั่งสอนนักเรียนได้หรือ
   
คนเคร่งครัดอย่างเขาต้องสั่งสอนให้หลาบจำ

ไม้เรียวฟาดลงสะโพกนักเรียนตัวเล็ก ๑๐ ที  เขานึกทึ่งนิดหนึ่งที่จินดาไม่ส่งเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดสักนิด  ขณะที่พวกนักเรียนคนอื่นถึงกับครางอือเหมือนเจ็บแทน
   
จากนั้นมือใหญ่เปิดลิ้นชัก  คว้ากรรไกรคมกริบมายืนอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม  ดึงปอยผมที่ยาวระใบหูออกมาแล้วตัดฉับจนแหว่ง  เสียงคมกรรไกรบั่นเส้นผมนิ่มดังฉับอยู่ในความเงียบงัน  มีความตื่นตระหนกอยู่ในดวงตาคู่สวยแวบหนึ่ง  ก่อนเส้นผมที่ถูกตัดร่วงละลิ่วลงพื้น
   
นักเรียนทั้งห้องส่งเสียงฮือฮา  บางคนถึงขั้นลูบผมตัวเองอย่างเสียวไส้  อาจารย์ผู้เข้มงวดยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น  กรรไกรในมือยังคงทำหน้าที่ของมัน  ตัดปลายผมที่ยาวผิดระเบียบออกอีก ๔-๕ จุดจนทั้งหัวจินดาแหว่งวิ่นเหมือนหนูแทะ 
   
จินดาไม่ขัดขืน ไม่โอดครวญอะไรเลย  จนกระทั่งคนึงถอยออกมาพิจารณาผลงานตัวเอง 
   
หวังว่าพรุ่งนี้จะเห็นเจ้าเด็กดื้อเงียบในทรงผมที่ถูกระเบียบ 

ชายหนุ่มเห็นเงาตัวเองฉายชัดในดวงตาคู่สวยที่คลอรื้น  แต่เขาไม่สนใจ  กลับยิ่งหงุดหงิดเสียมากกว่า  เป็นผู้ชายทั้งแท่ง  โดนลงโทษแค่นี้อย่ามาบีบน้ำตาเหมือนผู้หญิงหน่อยเลย
   
ความจริง.. แค่นี้มันยังน้อยไป 
    
“ถ้าไม่อยากเรียนนัก  คาบนี้ก็ไม่ต้องเรียน” เขาสั่งเสียงกร้าว  ชี้ไปที่สนามหน้าโรงเรียน ดวงตายังไม่คลายความโกรธลงเลย “ไปวิ่งรอบสนาม ๑๐ รอบ”
   
นักเรียนทั้งห้องฮือฮากันขึ้นมาอีกครั้ง 
   
“ครับ” แต่เด็กหนุ่มตรงหน้ากลับตอบรับสั้นๆ  ก่อนวิ่งตื๋อออกไปวิ่งรอบสนามอย่างยอมรับความผิด

คนึงดึงความสนใจนักเรียนที่เหลือด้วยการสอนหนังสือดังเดิม  นาน.. นานเท่าไรก็ไม่รู้ได้  นาน.. จนเขาเกือบลืมไปแล้วว่ามีเด็กนักเรียนคนหนึ่งถูกลงโทษให้วิ่งรอบสนามอยู่ข้างนอก
   
จนกระทั่งฝนตกลงมาดังคาด  เทกระหน่ำมืดฟ้ามัวดิน  นักเรียนฝั่งริมหน้าต่างลุกขึ้นปิดหน้าต่างวุ่นวาย  อาจารย์หนุ่มออกไปยืนหน้าห้อง 
   
ตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเจ้าเด็กดื้อคนนั้นยังวิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝน  ท่าทางโผเผอ่อนล้าเต็มที  มองจากชั้นสองตรงนี้  ร่างนั้นราวกับจุดเล็กๆ จางๆ กลางใยแก้วนับหมื่นสาย 
   
เพื่อนๆ ในห้องพากันมาชะโงกดูอย่างห่วงใย
   
“อาจารย์..คือ..” นักเรียนคนหนึ่งอ้อมแอ้มเรียกเขา  พอดวงตาดุๆ หันไปมองก็ทำท่ากลัวจนหัวหด  แต่ก็ยังตั้งใจพูดสิ่งที่อยากพูด “จินดา..ตั้งแต่เช้ามืด..เขาไปรับจ้างตัดหญ้าแฝกให้พ่อผม  ผมเป็นคนจ้างเขาเอง  เห็นว่าเขาไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม  ผมก็เลย..”
   
คล้ายมีค้อนหนักๆ ตีกลางแสกหน้า
   
“แล้วทำไมไม่พูด”
   
“ก็.. ก็อาจารย์น่ากลัว  ผมก็เลย..”

ไวเท่าความคิด  อาจารย์หนุ่มวิ่งฝ่าสายฝนตรงไปยังร่างที่เดินสะโหลสะเหล  หากพอเห็นเขา  จินดาก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง..วิ่ง..และวิ่ง  วิ่งไปทั้งที่หอบเหนื่อยจนตัวโยน 
   
“จินดา!  กลับเข้าห้องเดี๋ยวนี้!” มือใหญ่กระชากต้นแขนขาว  ร่างเล็กเปียกปอนไปทั้งตัว  เสื้อบางเฉียบแนบเนื้อ  เท้าเปล่าเปื้อนโคลนเฉอะแฉะ
   
“ยังเหลืออีก ๖ รอบ” เสียงแห้งโหยตอบกลับมา  ซ้ำยังออกแรงผลักเขาออกห่างแล้วตั้งหน้าวิ่งต่อไป  คนึงใจหายวาบ  เส้นรอบสนามเป็นระยะทาง ๔๐๐ เมตร จินดาวิ่งมา ๔ รอบแล้ว.. งั้นก็..
   
“พอแล้ว!  ครูบอกให้กลับเข้าห้อง!” คนึงปราดเข้าไปหาอีกครั้ง  หากร่างเล็กกลับทรุดฮวบลงต่อหน้าต่อตา “จินดา!”
   
คนตัวโตวิ่งไปยังร่างที่นอนคว่ำหน้าสิ้นสติกับพื้นดินเจิ่งน้ำ  “จินดา!” เขาพลิกร่างบอบบางขึ้นทันที  หากใบหน้าขาวซีดที่เห็นกลับทำให้เลือดในกายทุกหยดเย็นเฉียบเป็นน้ำแข็ง
   
เส้นผมสีน้ำตาลอ่อน  ขนตายาวเป็นแพทาบแก้ม  จมูกโด่งเชิดรั้น  ริมฝีปากบางเฉียบซีดเผือดไร้สีเลือด


นี่.. ไม่ใช่จินดา..

“เล็ก!” คนึงตะโกนก้อง  ร่างน้อยแน่นิ่งราวไร้ลมหายใจ  ไม่ว่าเขาจะเขย่าหรือพร่ำเรียกเท่าไรดวงตาคู่นั้นก็ไม่ลืมขึ้น “ไม่จริง.. เล็ก!  เล็ก!”
   
มันเจ็บเหมือนมีใครมากระชากหัวใจเขาหลุดจากขั้ว 


“เล็ก!” ชายหนุ่มตะโกนสุดเสียง  เอื้อมมือคว้าไขว่ในอากาศไม่รู้ตัว

“หืม..” เสียงเล็กครางงัวเงียอยู่ใกล้ๆ  พลันนั้นคนึงสะดุ้งลืมตาโพลง! 

เลอมานนอนซบอิงอยู่ในอ้อมกอด  ดวงตาคู่ใสมองมาตาแป๋ว  กลีบปากสีเรื่อคลี่ยิ้มน้อยๆ  คนึงเหลียวมองรอบตัว  เช้าแล้ว.. แสงแรกของวันใหม่ทอสายเข้ามาตามช่องว่างข้างฝา  เสียงไก่ขันดังแว่วอยู่ไกลๆ 
   
ฝันไปหรือนี่!?

“ฝันร้ายหรือครับ” เด็กหนุ่มในอ้อมกอดถามอย่างห่วงใย  มือนุ่มนิ่มเช็ดเหงื่อที่ผุดพรายเต็มหน้าผากให้  ชายหนุ่มกลับคืนสู่ความจริงเต็มสติ  ความห่วงหาแล่นพรูจับหัวใจ  คว้ามือน้อยนั้นมาจูบซ้ำๆ  ก่อนรวบร่างขาวผุดผาดเข้ามาแนบอก  ราวกับจะตอกย้ำความจริง  ขับไล่ฝันร้ายที่ทำเอาใจหายวาบ  ร่างเล็กในอ้อมกอด มีเลือดเนื้อ มีอุ่นไอ ไม่ได้เย็นชืดอย่างในความฝัน  พรมจูบลงขมับชื้นเหงื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า   
   
ความใคร่มลายหายไปแล้ว  เหลือเพียงความอบอุ่น อ่อนหวานโอบพันรอบดวงใจจนเต็มตื้น     

เลอมานเงยหน้าจูบปลายคางคนึง  มองริมฝีปากที่คลี่ยิ้มด้วยความหลงใหล  รัดเขาอีกแน่นๆ เหมือนเด็กที่รู้แล้วว่าได้กลับบ้าน  มอบให้เขาไปหมดแล้วทั้งตัวและหัวใจ  ใส่พานประคองรองดอกไม้ยื่นให้  ดีใจเหลือเกินที่อาจารย์ไม่ปัดทิ้ง  หากกลับทะนุถนอมวางแนบไว้ข้างหัวใจ 
   
ดอกรักงอกงามขึ้นมาแล้ว  ง่ายแสนง่าย  เหมือนหยอดเมล็ดลงดินในช่วงสองสามอาทิตย์แล้วผลิกิ่งก้านใบ  หลับลงอีกไม่กี่คืน  ดอกไม้สวยหอมก็เบ่งบานรับอรุณ 

***************************

เช้าวันนั้น  อาจารย์อุ้มเขาลัดเลาะออกมาที่ริมคลอง  ใจเขาอยากเดินเองแต่ไม่รู้เรี่ยวแรงหดหายไปไหนหมด  ลมหายใจร้อนผ่าว  ลำคอแห้งผากเป็นผุยผง  รออยู่ที่ท่าไม่นานก็พบเรือชาวบ้าน  ไหว้วานให้ช่วยพาไปส่งที่โรงเรียนได้ไม่ยาก
   
เลอมานนอนซมเพราะพิษไข้อยู่สองวันสองคืนเต็ม  อย่าว่าแต่ลุกเดินเลย  แค่ขยับตัวแต่ละทีก็เจ็บระบม  ซ้ำยังแปลบปลาบตามเนื้อตัวที่เกลื่อนไปด้วยรอยจูบแดงช้ำ  ระหว่างนั้นคนึงทะนุถนอมเขาเหมือนแก้ว  เลอมานแทบไม่ต้องหยิบจับอะไร  แม้แต่เวลาจะกิน  ก็มีใครคนหนึ่งรีบร้อนจากหน้าที่การงานมาป้อนข้าวให้  ซ้ำยังคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อย่างไม่คิดรังเกียจ 

แม้ยามนอน  คนึงยังทิ้งเตียงมานอนเคียงข้าง  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์หลับใหลอย่างเป็นสุขทุกคืนในอ้อมแขนอุ่นจัดที่คอยตระกองกอด 

ล่วงเข้าวันที่สาม  อาการไข้สร่างลงแล้วจนเกือบหายเป็นปกติ  แต่อาจารย์ก็ยังไม่ยอมให้เขาออกไปไหน  ฝ่ายนั้นให้เหตุผลว่า  เขายังไม่หายดี ไม่อยากให้ออกไปต้องแดดต้องลม  แต่เลอมานพอจะเดาออกว่าอีกสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะรอยรักที่เริ่มห้อเลือดจนเปลี่ยนเป็นสีม่วงรอบลำคอเขามากกว่า  อาจารย์ถึงต้องให้สวมเสว็ตเตอร์ปิดคอไว้ยามที่มีใครมาเยี่ยมเยียน     
   
มีไม่กี่คนหรอกที่มาเยี่ยมเขา  นับนิ้วได้ก็มีอาจารย์ใหญ่และภรรยา  อาจารย์ประพนธ์  สง่า สันติและจ้อย  อ้อ.. อาจารย์วิรัชก็มาด้วยแต่ดูเป็นห่วงเป็นใยเขาเกินจริงอย่างไรพิกล

เช้านี้หม่อมราชวงศ์หนุ่มได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องเสียที  หลังจากอยู่แต่ในห้องมาตั้ง ๓ วัน  รอยจูบที่คอก็จางลงจนแทบมองไม่เห็นแล้ว  เขาจึงมาขลุกอยู่กับพวกจ้อยที่ชมรมกสิกรรมตามความเคยชิน 
   
ช่วงที่นอนป่วยโดยที่ไม่มีคนึงอยู่ใกล้ๆ ช่างน่าเบื่อหน่าย  เลอมานฆ่าเวลาด้วยการอ่านหนังสือ  ต้องเป็นหนังสือภาษาไทยด้วยเพื่อฝึกปรือ  เด็กหนุ่มจึงได้รับรู้เรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่ง 
   
ชื่อคนไทยนั้นมีความหมายต่างๆ มากมี  ไม่เหมือนชื่อฝรั่ง   
 

ณ แปลงผักกาดเขียวสด  สายลมพัดโชยไอเย็นจากคลองมากระทบใบหน้า  หอมกลิ่นดินชอุ่มฝน  แดดเช้าสาดมาตามคาคบใบมะม่วง  เป็นสายแสงเรืองรองจรดพื้นดิน  ห้องเรียนภาษาไทยที่สวยที่สุดของเลอมานก่อตัวขึ้นตรงนั้น
   
“สันติแปลว่าอะไร” เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ในเสื้อโปโลกางเกงขาสั้นเอ่ยถามเจ้าของชื่อ  ละมือจากการเด็ดวัชพืชจากแปลงผัก  เงยใบหน้าหมดจดขึ้นถามตาแป๋ว
   
“สันติ แปลว่า ความสงบสุข พีซ” สันติตอบได้ทันที  ผายมือออกเป็นวงกว้างราวกับมหาศาสดา  ดวงตาใต้กรอบแว่นกลมหลับลง  จะได้ดู ‘สงบสุข’ สมชื่อ 
   
“แล้วสง่าแปลว่าอะไร” เลอมานหันหาเป้าหมายต่อไป
   
สง่าสะดุ้งโหยง  เรียนภาษาอังกฤษมา ๖ ปีแล้ว แต่เหมือนไม่ค่อยจะเข้าหัว  ขอตอบเป็นภาษาไทยแทนคงไม่ผิด  มีการกระแอมเรียกขวัญเสียด้วย “แปลว่า  คนที่ผึ่งผาย  น่าเกรงขาม  น่ายกย่อง  ยิ่งใหญ่  องอาจ”
   
อธิบายไปก็ยืดอก กำหมัด เบ่งกล้ามอย่างนักเพาะกายไป  หารู้ไม่ว่าคำตอบนั้นทำเอาคนถามงงยิ่งกว่าเก่า   
   
“แกรนด์ แม็กซ์นิฟิเซ็นต์” จ้อยหัวเราะ  เงยหน้าจากแปลงขึ้นมาตอบให้ซะเลย
   
“โอ้ว เยส แกรนด์ แม็กนิฟิเซ็นต์” สง่าว่าเสียงสูง  ตบมือฉาด  แล้วก็พึมพำความหมายชื่อตัวเองไปมา  แหม.. แกรนด์ แม็กนิฟิเซ็นต์  มันเท่น้อยอยู่เมื่อไร
   
“แล้วจ้อยล่ะ” คุณชายหันหาเป้าหมายต่อไป 
   
“ก็เหมือนชื่อคุณชายนั่นละ” หนุ่มน้อยตอบพลางยิ้มอ่อนหวานมาให้ 
   
“หืมม์?” เลอมานงงจนคิ้วผูกโบว์  เผลอใช้ปลายนิ้วมอมแมมเกาขมับจนเลอะเป็นปื้นไม่รู้ตัว “เลอมานหรือ?”
   
“ไม่ช่าย..” จ้อยส่ายหัวจนผมสะบัดระแก้มใส “เล็กไง  ไทนี่” ไม่ตอบเปล่า  มีการจีบนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ให้ดูด้วย  สื่อความหมายว่า ‘เล็กจิ๊ดริด’
   
“อ้อ..”

“เพราะตอนเกิดจ้อยมันตัวเล็กกะจ้อยร่อย  ยายช้อยเลยตั้งชื่อให้ว่าจ้อย” สง่าแทรกเข้ามาสาธยายเพิ่ม  พวกเขาไปบ้านจ้อยบ่อย  ยายช้อยได้น้ำขาวไปสี่ซ้าห้าอึกก็เผาหลานรักเสียป่นเป็นผุยผง 
   
“ตอนแรกจ้อยเกือบชื่อแดงแล้ว  รู้ไหมทำไม” สันติเข้ามารับช่วงเป็นลูกคู่  พอเห็นคุณชายส่ายหน้า สง่าก็ตอบโพล่ง
   
“ตัวแดงแจ๋เลยน่ะสิ  แดงเหมือนลูกหนู  แม้แต่ไข่ยังแดงแปร๊ด”
   
“สง่า!” จ้อยเอ็ดเพื่อนเสียงเขียว  มือเล็กตบป้าบเข้าให้กลางหลังล่ำสัน  แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่สะเทือนสักนิด 
   
“โตขึ้นมาถึงได้ขาวจั๊วะ  คุณชายรู้ไหม  เด็กแรกเกิดมันตัวแดงๆ เหมือนกันหมด  ถ้าอยากรู้ว่าโตขึ้นจะขาวหรือดำให้ดูที่ไข่” เรื่องเรียนละไม่ค่อยเอาความ  ทีเรื่องลามกจกเปรตละของถนัดของสง่าล่ะ  “ถ้าไข่แดงก็ขาว  ถ้าไข่ดำก็ดำ  อย่างผมนี่ไง  ตอนเด็กตัวขาวจั๊วะ  ไข่ดำปี๋  โตขึ้นมาก็อย่างที่เห็นนี่แหละ”
   
“ไข่?” คุณชายไม่เข้าใจที่สง่าพูดสักคำ  ไข่แดงไข่ขาวไข่ดาวไข่เจียวอะไร  ไม่เห็นรู้เรื่อง!

“ไข่อะไรหรือจ้อย” คุณชายถามจริงจัง  ‘ซีเครียด’ เลยเชียวล่ะ
   
จ้อยกับสันติมองหน้ากัน  แล้วนายสี่ตาคงแก่เรียนก็เป็นคนตอบอ้อมแอ้ม “เอ่อ..อัณฑะ”
คนถามยิ่งทำหน้างงหนักเข้าไปใหญ่   
   
“เทสทิส” จ้อยสงเคราะห์ตอบให้เป็นภาษาอังกฤษ  ตอบโดยไม่สบตา  เอาแต่ก้มหน้าดึงหญ้างุดๆ  ก็เลยไม่ได้เห็นดวงตาคู่สวยค่อยๆ เบิกกว้าง  เลือดสูบฉีดจนแก้มขาวซับสีเลือด  ก่อนแดงเถือกไปถึงใบหู 
   
ถ้ายายช้อยมาเห็นคงอุทาน ‘หน้าแดงเป็นตูดลิงเชียวพ่อ!’

“ไฮ้ นั่นมันเอกพจน์  ไข่อยู่เป็นคู่  เป็นพหูพจน์  ต้องเทสทีสสส์” สง่าม้วนลิ้นออกเสียงสำเนียงฝรั่งด้วยลีลาเหมือนมีหนอนแก้วนอนกกอยู่ในปาก  เล่นเอาจ้อยคันไม้คันมือ  นึกอยากเอาปุ๋ยคอกยัดปากเพื่อนขึ้นมาตงิดๆ  ทีเรื่องพรรค์นี้ละฉลาดนัก 
ครานี้  เลอมานเลยได้ศัพท์ใหม่เพิ่มมาอีกคำหนึ่ง  จะจำใส่หัวไปจนตายเลยเชียว 
   
“อย่าเอาไปพูดกับอาจารย์เชียวนะ  เดี๋ยวโดนตีตาย” สันติดักคอไว้ก่อนเมื่อเห็นเพื่อนสูงศักดิ์หน้าแดงซ่าน  ตาเหม่อลอยชวนฝัน 
   
“รู้น่ะ” หม่อมราชวงศ์หนุ่มตวัดเสียงฉับ  หากกลับโพล่งขึ้นอย่างเพิ่งนึกได้ “เออนี่  ฉันถามอีกชื่อนึงสิ  ชื่อสุดท้ายแล้ว” นักเรียนกึ่งสหายทั้งสามมองมาเป็นตาเดียว  คุณชายกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก  หน้ายังแดงซ่านยามเอ่ย..
   
“คนึง.. แปลว่าอะไร”
   
สง่าเกาหัวแกรก  เพิ่งตระหนักรู้ว่านอกจากภาษาอังกฤษจะไม่กระดิก  ภาษาไทยของเขาก็ยังอ่อนหัดเหลือหลาย 
   
“แปลว่าคิดถึง..” สันติต้องเป็นคนตอบให้ 
   
“คิดถึงด้วยใจผูกพัน” โดยมีจ้อยช่วยขยายเพิ่ม 

ความหมายอันแสนอบอุ่นทำเอาหัวใจเลอมานพองโต   
‘คิดถึงด้วยใจผูกพัน’ อย่างนั้นหรือ
   
ใบหน้าอ่อนเยาว์ร้อนวูบ  ในอกราวกับมีดอกไม้เบ่งบาน  ริมฝีปากเรื่อคลี่ยิ้มอ่อนหวานให้แปลงผักโดยไม่รู้ตัว 

“แกรนด์ แม็กนิฟิเซ็นต์” สง่าพึมพำความหมายชื่อตัวเอง  คุ้นๆ คลับคล้ายคลับคลา  พอนึกออกก็ดีดนิ้วเป๊าะ “เดอะ แม็กนิฟิเซ็นต์ เซเว่น  เจ็ดเสือแดนสิงห์  คุณชายดูหรือยัง  ไปดูกันไหม  ฉายที่โรงเปรมประชา”
   
คุณชายตาลุกวาว  เอได้ยินชื่อหนังคาวบอยในดวงใจ  นำโดยสตีฟ แมคควีน  เคยดูมาสองรอบแล้วเมื่อครั้งยังอยู่อังกฤษ  ที่ต้องดูถึงสองรอบเพราะชอบแสดงนำทั้ง ๗ คน  เหลือเชื่อว่าจะได้ดูครั้งที่สามที่นี่ 
   
เลอมานพยักหน้าหงึก  นัดแนะไปดูกันในคืนวันศุกร์  หมายมาดว่าจะชวนอาจารย์คนึงไปด้วย  ยิ่งเพื่อนสูงศักดิ์ออกปากว่าจะเลี้ยง  สง่ากับสันติยิ่งตกลงทันทีไม่รีรอ  มีแต่จ้อยที่อิดออด  อ้างว่ากลัวคุณนายกำนันจะดุ  จนคุณชายต้องเคี่ยวเข็ญกึ่งบังคับให้ไปด้วยกันให้ได้  กระทั่งจ้อยจนใจ  รับปากอุบอิบ
   
สามคนที่เหลือคุยกันเรื่องหนังโขมงโฉงเฉง  หากหลานยายช้อยกลับลอบถอนใจเฮือกใหญ่  ตั้งแต่เกิดมาจ้อยยังไม่เคยไปเหยียบโรงหนังเลยสักครั้ง  เคยดูก็แต่หนังกลางแปลงตามงานวัด  มีคนมาชวนทั้งทีมีหรือจะไม่อยากไป
   
แต่ไม่รู้ว่าจะผ่านด่านคุณนายพูนทรัพย์ได้หรือเปล่าน่ะซี 

*************************
   
“ไม่ได้ย่ะ!”

นั่นไงจ้อยว่าแล้ว  แค่เอ่ยปากขออนุญาตไปดูหนังกับเพื่อนเท่านั้นละ  ยังไม่ทันได้อธิบายเหตุผลหรือชี้แจงรายละเอียดอะไรเลย  คุณนายพูนทรัพย์ก็ตั้งท่าปฏิเสธแล้ว
   
จ้อยอุตส่าห์คว้าช่วงเวลาก่อนมื้อเย็นเป็นฤกษ์ดี  คุณนายเอนกายอ่านนิยายกับหมอนขวาน  ส่วนกำนันก็กำลังบิมะละกอป้อนนกหัวจุกท่าทางอารมณ์ดี
   
เวลานี้แหละเหมาะ  จ้อยต้องรีบขออนุญาตก่อนไอ้สิงห์จะกลับมา

แต่ดูท่าจะเหลวเสียแล้ว

“แหม้..” ริมฝีปากเคลือบสีแดงสดแสยะยิ้มเหยียดหยัน  มองจิกหนุ่มน้อยที่นั่งพับเพียบกับพื้นหัวจรดเท้า  “เป็นขี้ข้าริอ่านจะเข้าโรงหนังเรอะยะ  แกว่างนักรึไง  งานกองอยู่ท่วมหัวยังคิดจะไปเที่ยวเล่น”
   
นักเรียนครูคนซื่อไม่เถียงสักคำ  ได้แต่ก้มหน้าเจียมตน  กำนันเสริมลอบถอนหายใจอยู่ไกลๆ
   
“คบเข้าไปสิเพื่อนเลวๆ น่ะ  หนอย.. พากันเข้าโรงหนัง  เดี๋ยวอีกหน่อยคงพากันไปเสียผู้เสียคน” สิ้นเสียงเมีย  กำนันถึงกับส่ายหัว  แม่ทรัพย์ด่าคนอื่นไม่ดูลูกชายตัวเองเล้ย
   
“คุณชายเล็กเป็นคนดีนะจ๊ะ” วงหน้าอ่อนใสเงยขึ้นประท้วง  ป้าทรัพย์จะว่าจ้อยอย่างไรจ้อยไม่ว่า  แต่อย่ามาว่าเพื่อนรักของจ้อย
   
“ไม่รู้ละ  ฉันบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้” คุณนายว่าเฉียบขาด “เลิกเรียนแล้วรีบกลับมาทำงาน  จะไปเที่ยวเถลไถลเหมือนใครเขาไม่ได้ อย่าลืมสิว่าแกมันไม่ได้มีพ่อมีแม่เหมือนคนอื่นเขา  จำใส่กะลาหัวไว้”
   
   
จ้อยก้มหน้าซ่อนสายตาปวดร้าว

คำว่า ‘ไอ้ลูกไม่มีพ่อมีแม่’ คล้ายลิ่มแหลมที่ตอกตรึงอยู่ในใจจ้อยตั้งแต่เด็ก  ตอกย้ำความไร้ค่า ไม่เป็นที่ต้องการของใครกระทั่งพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดมานานเนิ่น  เพราะถูกพ่อแม่ทิ้งไป  จ้อยจึงตั้งใจศึกษาเล่าเรียน  เพื่อภายภาคหน้าจะได้เป็นครูสมดั่งใจหวัง  จะได้ทำตนให้มีค่า  เป็นที่ต้องการของใครต่อใครขึ้นมาได้บ้าง 
   
แต่จ้อยไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอกย้ำดูแคลนเช่นนี้จากปากผู้ใหญ่ที่ใครต่อใครพากันยกมือไหว้

“จะอะไรกันนักหนาแม่ทรัพย์” กำนันเสริมตัดบทอย่างสุดทน  ส่ายหน้าเอือมระอาเต็มที  “ให้เด็กไปเปิดหูเปิดตาบ้างเถอะน่า  อีกอย่างครูก็เป็นเด็กดี  คงไม่ไปก่อเรื่องเสื่อมเสียที่ไหนหรอก  กดขี่ข่มเองกันเกินไปแบบนี้  ชาวบ้านรู้ถึงไหนแม่ทรัพย์นั่นแหละจะอายถึงนั่น”
   
ลุงกำนันพูดแบบนี้จ้อยค่อยยิ้มออก  ความหวังเรืองรองระยิบในดวงตาใสแจ๋วเหมือนลูกแก้ว  ตาแบบนี้ละที่คุณนายเงินกูรังเกียจนัก

“ไม่รู้ละ” ฝันไปเถอะว่าคนอย่างคุณนายจะยอมลงให้ง่ายๆ  กำนันถือท้ายมันไปคนแล้ว  แต่ไอ้จ้อยคงลืมไปว่าบ้านนี้ยังมีคนที่เป็น ‘นาย’ ของมันอีกคน 
   
“แกต้องไปขออนุญาตตาสิงห์ก่อน  ถ้าเขาให้ไปแล้วค่อยว่ากัน”

ชื่อใครอีกคนที่ได้ยินเล่นเอาใจจ้อยเต้นรัวขึ้นมาจนอึดอัดไปทั้งอก  และยิ่งสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงห้าวดังมาพร้อมฝีเท้าหนักแน่นขย่มเรือน


“ใครจะขออนุญาตอะไร!”



โปรดติดตามตอนต่อไป
________________________________________________________________________________
*ชายเดียวในดวงใจ, พยงค์ มุกดา คำร้อง, สวลี ผกาพันธ์ ขับร้อง
**สร้อยเสน่หา, อนุสรณ์ ลิ่มมณี



คุยกันเนอะ :L2:

พี่สิงห์ออกมาแล้วน๊า อืม..ออกมาทั้งทีมีบทพูดประโยคเดียว แหงะ :a5:
ขอโทษแม่ยกพี่สิงห์ด้วยนะจ๊ะ

ว่าแต่เมื่อไรอาจารย์กับหนูเล็กจะดราม่าน้อ  คนเขียนเขียนฉากหวานๆ แล้วตะครั่นตะครอ ตะพึดตะพือ รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองจนลมพิษจะขึ้นมืออยู่แล้ว  แอ๊~  :sad4:

อยากตอบเม้นจัง แต่ยังตอบไม่หมดเลย ขอต๊ะพื้นที่ไว้ก่อน  วันจันทร์เนตแรงๆ (เนตที่ทำงานค่ะ^^) จะเอามาแปะนะคะ
เราชอบตอบเม้น เหมือนได้คุยกับคนอ่าน ชอบๆ :-[

รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้
๒๕ ส.ค. ๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 25-08-2012 20:35:48
ตอบเม้นกันนะ  :L2:

mello-frappe
กลัวตอนยายเฒ่าโผล่มาเหมือนกันค่ะ (เขียนเองกลัวเองซะงั้นอ่ะคนเรา) สงสัยเราอ่านนิยายผีของครูเหม เวชกรมากไป (ช่วงเขียนมหาหงส์เราอ่านแต่นิยายเก่าๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศสมัยก่อนน่ะค่ะ) ก็เลยเขียนเองวังเวงเอง เขียนไประวังหลังไป เขียนตอนกลางคืนด้วยอ่ะ แงๆ

pure_ka
ขอโทษที่ทำให้ดีใจเก้อนะคะ  ดูสิ  จนตอนนี้พี่แกเพิ่งออกมามีบทพูดแค่คำเดียวเอง  แม่ยกพี่สิงห์อย่าเพิ่งงอนคนเขียนน๊า  ตอนหน้าพี่สิงห์น้องจ้อยจัดเต็มแน่ค่ะ ^^

nunnan
ชายเล็กปลอดภัยแล้วเน้อ  ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ

Nus@nT@R@
เอิ่ม.. เอาจริงๆ เลยนะ  คนเขียนคิดว่าจินดาไม่มาช่วยแน่  เผลอๆ จะพาตัวไปจริงๆ ด้วยซ้ำ  แต่โชคดีที่น้องเล็กคงยังไม่ถึงคราวเคราะห์ หรือไม่ก็มีกุศลผลบุญติดตัวมา  ในที่สุดก็เลยปลอดภัยจ้า

Maree
เรื่องโน้นจบแล้ว  จัดการส่งต้นฉบับเสร็จหมดแล้วค่ะ  ต่อไปจะมาอัพเรื่องนี้ให้ได้อาทิตย์ละครั้งนะคะ  อาจครั้งละตอนครึ่งตอน  ขึ้นอยู่กับอารมณ์คนเขียน..เอ๊ย! ไม่ใช่สิ ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นคนเขียนงานเยอะหรือเปล่า  (แหะๆ คล้ายจะแก้ตัวกลายๆเนอะ)

yolp
คนเขียนโรคจิตค่ะ  ชอบตัดจบให้ค้างๆคาๆ ครึ่งๆกลางๆ แหม้..มันน่าเบิ้ดกะโหลก  อีกอย่าง.. ชอบเพลงกล่อมเด็ก/เพลงปลอบเด็กสมัยก่อนมากเลยค่ะ  รู้สึกว่าคนโบราณนี่ละมุนละไมดีจัง  คนเขียนเองก็โตมากับเพลงปลอบเด็กเหมือนกันค่ะ  พวกนกกาเหว่าเอย  จิงโจ้เอย  แงะแหง่เอย ยายกับแม่ร้องให้ฟังบ๊อยบ่อย

silverspoon
ในที่สุดคุณเล็กก็ปลอดภัยแล้วเน้อ^^  และแล้วเราก็ได้รู้กันเสียทีว่าทำไมตอนแรกๆ คุณเล็กถึงหยิ่งจองหองดีแท้

Zymphoniz
เนอะๆ  ตอนยายแก่โผล่มา  นึกบรรยากาศตอนโพล้เพล้ผีตากผ้าอ้อมแล้วมันหลอนจริงๆ ด้วยอ่า T^T  ส่วนมาม่าที่ต้องการ  ไม่นานเกินรอค่ะ 

manami1155
ชายเล็กรักอาจารย์เต็มหัวใจแล้วค่ะ ส่วนอาจารย์ก็รักแล้วแหละ  แต่แสดงออกมากไม่ได้  แถมยังมีความรู้สึกผิด รู้สึกไม่เหมาะไม่ควรก้ำกึ่งกันอยู่อีก T^T

PetitDragon
ชายเล็กอาจเป็นสาเหตุจริงๆ ก็ได้นะคะ  อีกไม่นานก็จะเฉลยแล้ว  ว่าแต่..อาจารย์ตอนแรกเหมือนจะยั้งใจอยู่  แต่เอาเข้าจริงเกิดตบะแตกจนได้ ^^

IIMisssoMII
ว้าย คุณส้มลำเอียงอ่ะ  ชายเล็กกะอาจารย์น้อยใจไปร้องไห้ข้างตุ่มมังกรแล้ว  อ้อ พี่สิงห์ฝากมาบอกว่าไม่ต้องห่วงนะคะ  จะรีบตามอาจารย์  รีบไปเผด็จศึกน้องจ้อยในเร็ววัน  ฮึ่ดๆ

Jillinv
ชายเล็กปลอดภัยแล้วจ้า  แต่หลังจากนี้ไม่รับรองเน้อ^^

zazoi
คิดถึงน้องจ้อยเหมือนกันค่ะ  ตอนนี้น้องโผล่ออกมานิดเดียวเอง(พอให้หายคิดถึง) รอตอนหน้านะคะ น้องจ้อบพี่สิงห์จัดเต็มไปเล้ย^^

kinsaki
ช่วงนี้ปล่อยให้อาจารย์กับคุณชายเล็กหวานกันไปก่อนค่ะ  ฮี่ๆๆ  ส่วนเรื่องจะให้คุณชายห่างน้ำนี่ท่าจะยากเน้อ  เพราะวิถีชีวิตคนสมัยนั้นผูกพันกับน้ำมากๆ เลยเชียว

ต่ายน้อย
จำได้จ้า เราจำคนอ่านได้เสมอ (จริงๆน๊า) ตอนนี้คุณเล็กปลอดภัยแล้วจ้า  หมดห่วงไปเปลาะนึงเนอะ^^

namngern
เหะๆ อยากบอกว่าตอน ๑๖ ครึ่งหลังนี่อ่านแล้วขนลุกวูบกันหลายคนเลยค่ะ  คนเขียนเองก็ด้วย

oattie
ฮ่าๆๆ ไม่มีผีแน่นอนค่ะ  เราเองก็กลัวผีขึ้นสมองเลย  ถ้าให้เขียนเรื่องผีคงช็อคตายคาคอมซะก่อนแหงมๆ

GoodboyNicky
ตอนนี้น้องจ้อยออกมาให้หายคิดถึงแล้วน๊า  (แล้วพี่สิงห์ล่ะ.. T^T)

speedboy
อาจารย์และศิษย์รักปลอดภัยทั้งคู่ค่ะ  ช่วงนี้ปล่อยให้เขาหวานกันไปก่อนเนอะ^^

four4
โหะๆ นั่นสิ  จะเขียนให้อ่านสบายๆ ไม่ต้องลุ้นสักตอนได้ไหมเนี่ย ><  ขอบคุณที่รออ่านเสมอนะคะ

maru
ที่อาจารย์แกพาไปทำนาก็เพื่อจะช่วยสร้างภาพดีๆ และลบภาพแย่ๆ ที่ชาวบ้านเอาไปนินทาน่ะค่ะ  ฝนดันมาตกซะได้สิ แหม้.. ส่วนน้องจ้อยพี่สิงห์  รอตอนบทที่ ๑๘ นะคะ

roseen
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ (กอดดดด)

กะทิน้อย
เขินเลย  ขอบคุณที่ชอบนะคะ  อันตัวคนเขียน  ชอบอะไรที่มันดราม่าม๊ากมากกกกก ยิ่งเวลาอ่านแล้วปวดหนึบตึ้บๆ ในอกนี่ยิ่งชอบเลยค่ะ  เขียนนิยายกี่เรื่องก็เลยหนีดราม่าไม่พ้นซ้ากที

malula
จริงๆ แล้วอาจารย์แกเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยนน๊า  ถึงตอนแรกๆ จะเกรียนกับนายเอกของเราจนน่าโบกไปหน่อยก็เถอะ  ว่าแต่เรื่องกระท่อมกลางฝนเนี่ย  เข้าใจนักเขียนสมัยก่อนเลยค่ะ  บรรยากาศมันเป็นใจจริงๆน๊า  ได้อยู่กับคนที่รัก อากาศหนาวๆ เนื้อตัวเปียกปอน แอร๊ย><

tuek
คุณยายแกน่ากลัวจริงๆ นั่นแหละคะ  บรื๊อออ~~  ขอบคุณมากที่อ่านสนุกทั้งที่มันน้ำเน่านะคะ  (ถึงจะน้ำเน่ายังไง  คนเขียนจะพยายามให้ทุกการกระทำของตัวละครมีเหตุมีผลมีที่มานะคะ)

วัวพันปี
รักนี้นอกจากจะเป็นรักต่างชนชั้น  แล้วยังเป็นรักต้องห้ามอีกด้วยค่ะ  อุปสรรคเยอะแท้ (เฮ่อ..) เอาใจช่วยพวกเขานะคะว่าจะฝ่าฟันกันไปได้ยังไง^^

$VAN$
ชายเล็กว่ายน้ำไม่เป็นแบบนี้  สงสัยอาจารย์ต้องเปิดคอร์สสอนว่ายน้ำแบบตัวต่อตัวแล้วสิ ><  ตอนล่าสุดนี่คุณเล็กบอกรักอาจารย์ไปแล้วนะคะ  ส่วนอาจารย์อาจจะยังไม่ได้บอกเป็นคำพูด  ขอใช้การกระทำบอกแทนก็แล้วกันค่ะ^^

Pithchayoot
ชอบจินดาเหมือนกันค่ะ  รู้สึกว่าตัวเองใจร้ายกับเขาจังที่เขียนให้ตายจากไปตั้งแต่เริ่มเรื่อง  ถ้ามีโอกาส  จะเอ่ยถึงจินดาบ่อยๆ ก็แล้วกันนะคะ^^

bozang
ตอนแรกคุณชายขี้เก๊กมาก  แต่พอสนิทกับใครก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา  ว่าความจริงก็เป็นเด็กหนุ่มขี้กลัวคนหนึ่งค่ะ  อาจารย์รู้นิสัยส่วนนี้แล้วยิ่งถนอมใหญ่เลย

armmyrine
ช่ายยยย.. คนเขียนใจร้ายน๊า  โหดเหี้ยม อำมหิต ซาดิสม์ เลือดเย็น ชอบเห็นผู้ชายร้องไห้ที่ซู้ดดดด ฮ่าๆๆๆ

natalee22
เอาจริงๆเลยน๊า  เรื่องนี้จินดาน่าสงสารจริงๆ ค่ะ  ส่วนชายเล็กจะเป็นสาเหตุการตายของจินดาจริงๆไหม  เดี๋ยวไม่นานเราก็จะได้รู้กันค่ะ

KajaLamode
อ่านแล้วชอบก็ขอบคุณมากๆแล้วค่ะ  ดีใจที่ชอบนะคะ  จะเขียนต่อไปเรื่อยๆ ไม่ทิ้งแน่นอน เย่

่patsaporn
เป็นกุศโลบาย(เขียนถูกไหมนี่) แบบที่พวกนักการเมืองชอบทำน่ะค่ะ  เข้าหาชาวบ้านไว้ก่อน ฮ่าๆๆ  คุณชายปลอดภัยแล้วน๊า  หายห่วงได้จ้า  แต่ต่อไปจะมีอุปสรรคแบบไหนรออยู่  ต้องรอติดตามอ่านเน้อ

wdaisuw
เห็นอาจารย์หวานๆ แบบนี้  บทจะใจร้ายขึ้นมาก็เอาเรื่องเชียวล่ะค่ะ  และบอกตรงๆเลยน๊า  สิ่งที่อาจราย์ทำน่ะไม่ว่าจะมองทางไหนก็ผิดเต็มประตู  เรามาคอยลุ้นกันเนอะว่าความรักจะเอาชนะทุกสิ่งได้จริงไหม

koikoi
คุณเล็กปลอดภัยแล้ว  ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ^^

PRMWi
ใช่ค่ะ  ผีน้ำเนี่ยน่ากลัวเนอะ  ยิ่งคืนที่คนเขียนกำลังปั่นบทที่ ๑๖ ครึ่งหลังอยู่นั้น  ละคร “จุดนัดภพ” ช่องสามตอนดึกๆ ก็ดั๊นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักศึกษาที่จมน้ำตายซะด้วยสิ  แต่งหน้าซะน่ากลัวเชียว โฮๆๆ หลอนเลยค่ะ  ตอนนี้อาจารย์กับชายเล็กได้กันไปคู่นึงแล้ว  เรามาลุ้นพี่สิงห์กับน้องจ้อยกันค่ะ^^

fox
คุณชายมีบุญติดตัวมาเนอะ  ผีน้ำเลยเอาไปไม่ได้จ้ะ^^

railay
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ^^

zombi
เรื่องนี้มีขมๆ หวานๆ ปนๆกันไปค่ะ แบบ Bitter Chocolate ไง  ส่วนน้องจ้อยกับพี่สิงห์  ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวพี่สิงห์แล้วล่ะค่ะ  ว่าจะทำตัวดีๆให้น้องรักเหมือนเดิมได้หรือเปล่า  เอาใจช่วยพี่สิงห์นะคะ

NannY
ใช่ค่ะ  โบราณว่าขนาดจิ้งจกทักยังต้องระวังเลย  แล้วนี่คนทักเชียวนะ จะไม่ให้กลัวก็ยังไงอยู่  ส่วนกระท่อมกลางฝนนี่  จัดมาเพราะแบบว่า..อยากได้สถานการณ์ที่บรรยากาศเป็นใจ  เปิดเผยใจกายให้แก่กัน  จึงมาลงเอยอย่างที่ได้อ่านไปนี่แหละจ้า 

~l3aml3ery~
ฮ่าๆๆ ในที่สุดก็ได้รู้กันแล้วว่าไม่มี (แค่) ผายปอดจ้า  อาจารย์จัดเต็มแบบคอมโบ้เซ็ตเลย แอร๊ย ><

cheyp
คุณชายปลอดภัยแล้วจ้า  ไม่ต้องห่วงน๊า มีอาจารย์คอยดูแลอย่างดีค่ะ

yayee2
ฮ่าๆๆ คุณ yayee2 คอมเม้นได้ภาษาสวยเหมือนเดิมเลยนะคะ  คนเขียนก็งี้แหละค่ะ ชอบเขียนสับขาหลอกคนอ่าน  มีความสุข เอิ้กๆ  ตอนหน้าพี่สิงห์น้องจ้อยจัดเต็มค่า^^

CoMa
ยิ่งรู้จัก ชายเล็กยิ่งน่ารักนะคะ (หลงลูกชายตัวเอง) ชายเล็กรอดภัยน้ำครั้งนี้ไปได้ ไม่รู้ต่อไปจะเจออีกหรือเปล่า  อาจารย์ต้องดูแลดีๆแล้วล่ะค่ะ

suck_love
เอาใจช่วยพี่สิงห์กับน้องจ้อยกันนะคะ  วันนั้น..คงไม่นานเกินรอ

ordkrub
ขอบคุณที่ชอบลักษณะการเขียนแบบนี้นะคะ ^^

yellowswarn
ว้าววว คนอ่านใหม่ มามะกอดกันๆ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ  ขอบคุณที่ชอบนะคะ เราน่ะ ชอบอะไรเก่าๆ เพลงเก่า นิยายเก่า วิถีชีวิตผู้คนสมัยเก่า ก็เลยตั้งใจเขียนเป็นนิยายเรื่องนี้ออกมา  ขอบคุณที่ชอบพระเอกนายเอกของเรานะคะ  ตอนแรกตั้งใจจะให้อ.คนึงโหดกว่านี้อีกหน่อย และให้ชายเล็กดื้อกว่านี้อีกนิด  แต่เขียนไปเขียนมา  เหมือนตัวละครมีชีวิตเป็นของเขาเอง  หลงรักกันเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ซะอีก (แบบนี้เป็นการเขียนที่ไม่ดีนะคะ คุมตัวละครไม่อยู่) ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยค่ะ ^_^

tune
ยินดีต้อนรับสู่นิยายย้อนยุคเรื่องนี้จ้า  ฝากขอบคุณเพื่อนที่แนะนำให้อ่านด้วยนะคะ^^ จินดาเป็นตัวละครที่ชอบมากเหมือนกันค่ะ  ถ้ามีโอกาสอยากเขียนถึงสมัยที่เจออ.คนึงใหม่ๆจังเลย  ตอนนั้นอ.คนึงโหดมาก และจินดาก็ดื้อเงียบซะด้วย  ท่าจะมัน แอร๊ย><

Whatever it is
กร๊ากกกกก ไม่ได้แต่งดีขนาดนั้นหรอกจ้า (เขินเลย) ขอบคุณที่อ่านแล้วชอบนะคะ

beamJ
ชายเล็กปลอดภัยแล้วน๊า  ขอบคุณที่เป็นห่วงจ้ะ  ว่าแต่ยายบัวเรตติ้งดีแฮะ  จัดให้อีกซักฉากสองฉากเป็นไง

BossoM
ต่อไปนี้เราจะพยายามอัพอย่างมีวินัยนะคะ  จะพยายามลงให้ได้ในทุกวันเสาร์ค่ะ  ถ้าติดขัดไม่สามารถลงได้ก็จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า  ไม่หายไปนานๆแล้วจ้า

นางฟ้า
แหะๆ พี่ก็แบบว่า..ช๊อบชอบนักล่ะ อะไรที่มันน้ำเน่าๆ เนี่ย สามคำให้นางฟ้า >> ได้ กัน แล้ว (เจ้าข้าเอ๊ยย><)

~มือวางอันดับ1~
ฮิ้วว~ เป็นบทเรียนรักที่ต้องให้อ.คนึงสอนเท่านั้นค่ะ >///<

ละล้าละลัง
พี่สิงห์น้องจ้อยมาแบบเต็มๆตอนหน้าจ้า :D

kissey_love
น้องปัด (กอดดด) น้องรักของพี่  เม้นยาวได้ใจพี่มากเลยค่ะ  อ่านไปยิ้มไปเหมือนคนบ้า  ยิ้มแก้มแทบปริแล้ว ^__^ เออแน่ะ พูดถึงฉากรัก (หรือฉากNC) พี่รู้สึกว่าเรื่องนี้พี่เขียนซอฟท์ลงกว่าเรื่องแรกเยอะเลยแฮะ  สงกะสัยจะแก่แล้ว  ขนาดกลับไปอ่านฉากที่พี่เขียนในเรื่องแรกยัง..เอิ้ว..หัวใจจะวายตายคาคอม  หรือเพราะเรื่องนี้เขาได้กันแบบละมุนละไมนะ  พี่เลยเขียนแบบไม่หื่นเท่าไหร่  อืม..เป็นปริศนาต่อไป 

akiko
คู่แรกได้กันในกระท่อมกลางฝนไปแล้ว  คู่ที่สองได้กันที่ไหนดีน้าาา  คิดก่อนๆ อิๆๆ

kazujin
ต่อไปนี้จะไม่ปล่อยให้ค้างนานแล้วค่ะ  จะพยายามมาต่อให้ได้ทุกอาทิตย์นะคะ^^

MIkz_hotaru
กระท่อมปลายนา ฟ้าฝนเป็นใจ  แล้วมันจะไปเหลืออะร๊ายยยย  อร๊ายยย >///<

naja-kitase
ว้าว..ปกติอ่านที่บอร์ดไหนเหรอคะ  ต้องขอโทษคนอ่านที่บอร์ดอื่นด้วยเน้อ  คนเขียนเหมือนจะลำเอียง เอามาลงเล้าเป็ดก่อนบอร์ดอื่นอยู่เรื่อย  สาเหตุก็เพราะที่อื่น (อย่างเด็กดี) ต้องคอยตัดฉากไม่เหมาะสมออกก่อนน่ะค่ะ  ก็เลยเอาไว้อัพที่หลัง  แต่ไม่ว่าอ่านจากบอร์ดไหน เราก็รักคนอ่านเท่ากันหมดเน้อ จุ๊บๆ ^3^

both^^
จูบนี้..ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนชีวิตพวกเขายังไง  ต้องรอติดตามจ้า~

DIIK
กว่าคุณเล็กกับอาจารย์จะมาม่า  พี่สิงห์กับน้องจ้อยก็หวานพอดีค่ะ  จะได้บาลานซ์กันไง^^

choijiin
ฮ่าๆๆ ขอบคุณมากนะคะที่กลับมาอ่านต่อ  เราเข้าใจคนอ่านนะว่าบางคนก็ไม่ชอบอ่านดราม่า เพราะมันบีบหัวจายย แต่ว่าคนเขียนอ่ะชอบดราม่าม้ากมากค่ะ ขาดไม่ได้เลยล่ะ  ขอบคุณมากๆ ที่อ่านแล้ววิเคราะห์ตัวละครของเราแตกนะคะ ทั้งพี่สิงห์ ไอ้ลอยและชายเล็ก  ใช่เลย  มันเป็นแบบที่คุณ choijiin ว่ามาเลยค่ะ  ปลื้มมมม

pie_handsome
ขอบคุณที่ชอบนะคะ  เนอะๆ ฉากกระท่อมกลางฝนนี่มันคลาสสิคออก  พี่ชอบนะคะ  ต่อให้ไปเจอในนิยายเรื่องอื่นอีกก็ยังชอบอยู่ดี  รู้สึกว่ามันโรแมนติกน่ะ (ในเรือนแพก็มีฉากนี้ ชอบมากเลย><) ขอให้เขียนออกมาแล้วมีเหตุผล  มีแรงจูงใจที่จะกระทำสิ่งใดๆ ก็พอ  อ่านได้หมดจ้า

vavacoco
พี่สิงห์รับรู้คอมเม้นนี้แล้วจ้ะ  พี่แกฝากบอกว่าเดี๋ยวกลับไปคิดแผนรวบหัวรวบหางน้องจ้อยก่อน  ฮิ้วว~

darkuril
นอกจากโดนอาถรรพ์กระท่อมปลายนาแล้ว อ.คนึงยังโดนแรงหื่นจากคนเขียนด้วยค่ะ แอร๊ย><   

รักคนอ่านค้าบบ จุ๊บๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mello-frappe ที่ 25-08-2012 20:46:19
มาต่อแล้วววว :oo1:

*อีดิทค่า >.< อ่านฉากรักหวานๆ ไปเกือบละลายน่าคอม
แอร๊ยยยยย อาจารย์ทำไมร้อนแรงแบบนี้ ส่วนคุณชายก็น่ารักไม่หยอกเลยอ่ะ  o18

อ่านไปเขินไป แต่ก็นะ..อาจารย์ก็ยังคิดถึงจินดาอยู่
ไม่รู้ทำไมสงสารจินดามากๆ T^T
เมื่อก่อนตอนจินดาอยู่อาจารย์คงโหดไม่น้อยเลย พอรู้ว่าจินดาไปทำงานล่ะ สงสารจริงๆ
ตอนแรกคิดว่าไปมีเรื่องกับพวกไอ้พี่สิงห์ซะแล้ว

ชีวิตจ้อยกับจินดาน่าสงสาร เมื่อไหร่จ้อยจะได้สมหวังสักที
พี่สิงห์มาช่วยจ้อยจากแม่ตัวเองหน่อย นับวันจะเหมือนแม่มดร้ายเข้าไปทุกที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 25-08-2012 20:54:30
ตอนนี้หละ ที่รอคอย

ต่อไปขอพี่สิงห์น้องจ้อย

บ้างได้ไหมคะ คุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 25-08-2012 21:02:47
สิงห์อนุญาตเถอะ ไปด้วยกันเลยก็ได้ ไม่อยากใจร้อน แต่อยากให้สองคนนี้ดีกันไวๆจังน้า (ชั้นเกลียดคุณนายพูนทรัพย์ by the way)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: choijiin ที่ 25-08-2012 21:18:57
ว่าแต่เมื่อไรอาจารย์กับหนูเล็กจะดราม่าน้อ  คนเขียนเขียนฉากหวานๆ แล้วตะครั่นตะครอ ตะพึดตะพือ รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองจนลมพิษจะขึ้นมืออยู่แล้ว  แอ๊~

แอร๊!!!!
 :sad4:
แค่นี้ยังไม่มาม่าอีกเหรอค้าดอกไม้
ตั้งแต่ต้นเรื่องเพิ่งจะมีหวานแหววกันไม่ถึง 2 ตอนเล้ย
จะเอามาม่ามายัดปากเราอีกแล้ว
ขอเถอะว่าอย่ามาทีเป็นโรงงานน้า
เอาแค่พอเป็นกระสัยก็พอ หนู(?)รับไม่ไหว
 :o12:

แต่แหมคุณชายตอนนี้น่ารักน่าชัง
เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนจากทีแรกเลยเหอะ
น่าจับมาฟัดพร้อมกับจ้อยชะมัด น่ารักทั้งคู่
 :-[

ตอนที่ครูคณึงฝัน
เล่นเอาคนอ่านสงสารจินดาซะ
เอาไว้ชาติหน้าหรือว่าเรื่องหน้าค่อยมาใหม่นะจินดา
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 25-08-2012 21:42:30
อารายยยยยยยอ้ายสิงห์มาเเต่เสียงเองอ่ะ
น้องจ้อยก้อ บท น้อย เชียว !!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 25-08-2012 21:46:14
อ๊ายยยยยยยยยย  ในที่สุด   :mc4:  สิ่งที่นางฟ้าลุ้นไส้แตกมาตลอดก็เป็นจริง
ฟินมากค่ะ  อิอิ แต่อย่าดราม่าเยอะเลยค่ะคุณดอกไม้ ปวดใจแทนทั้งอาจารย์และเล็ก  :m15:
สามคำ>>>รัก ที่ สุด (เรื่องนี้)  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 25-08-2012 22:18:25
โอ่ยยยยพี่สิงห์ให้น้องไปนะะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 25-08-2012 22:26:22
คู่อาจารย์กับคุณชาย เรียบร้อยกันแล้ว
แล้วคู่พี่สิงห์กับน้องจ้อย เมื่อไหร่จะเรียบร้อยกันล่ะ 555  :z1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_dr ที่ 25-08-2012 22:28:41
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ,,
ลุ้นคู่พี่สิงห์น้องจ้อย ..ฮี่ๆ อยากให้น้องจ้อยไปดูหนังจัง
พี่สิงห์ไปด้วยก็ได้ ..แต่กรุณาอย่าพาลิ่วล้อที่น่าตบของพี่ไปด้วยนะ ; DD

คิก อ่านมาตั้งแต่ตอนแรก เพิ่งมาเม้นที่นี่ครั้งแรก(ขอโทษฮ้าบบบ) ..
แต่ชอบเรื่องนี้นะคะ ..บรรยากาศดี ♥

และอยากจะบอกว่าชอบคู่รองมากกว่าคู่หลักล่ะค่่ะ > <
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yellowswarn ที่ 25-08-2012 22:30:18
ตัดฉึบ!

ภาษาสวยงาม ชอบจังเลย บรรยายได้ดีมาก (ฉากนั้น)
ตกใจหมดเลยตอนพูดถึงจินดา ที่แท้ก็ฝันไป


สิงห์ต้องขอไปด้วยแน่ๆ
รอตอนต่อไปนะคะ

 :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 25-08-2012 22:33:44
คุณเล็กกับครูคนึงรักกันมาก ไม่อยากให้่มีดราม่าเลยค่ะ
คุณเล็กบอบบางเกินไป แล้วก็มีครูคนึงแค่คนเดียว ถ้ามีอะไรเธอต้องเสียใจมากแน่ ๆ
แม่พี่สิงห์อ่ะน่าเบื่อ ปากร้ายว่าจ้อยตลอด พี่สิงห์อาจอนุญาติจ๊ะ แต่คงต้องขอไปด้วยชัวร์

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: The_Beggar ที่ 25-08-2012 22:35:24
สนุกดีจ้า o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 25-08-2012 23:02:44
พี่จี้ร้ายกาจมาก ปล่อยพี่สิงห์มาแต่เสียง o18

อร๊ายย น้องจ้อยจะขออนุญาติพี่สิงห์ยังไงน้าาาา :z2:
คู่คุณเล็กต้องคราม่าหนักแน่เลย ได้กันเร็ว อิอิ :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 26-08-2012 00:19:24
พี่สิงห์ไปด้วยแน่ๆ  :laugh3:


ดราม่าระหว่างคนึงกับเล็ก ไม่มีน่ะดีแล้วครับ  :dont2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 26-08-2012 00:34:30
กรี๊ดดดดดดดด พี่สิงห์
ปล. คุณเล็กกับอาจารย์ หวานหยดย้อยหยาดเยิ้มเชียวนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 26-08-2012 00:45:10
คุณชายไปแล้ว เหลือจ้อยอีกคน  :z1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 26-08-2012 00:54:40
คนึงใจร้ายกับจินดามาก ๆ เลยนะนั่น คิดเองโดยที่ไม่ถามแล้วทำแบบนั้น ตัดผมจินดาแบบนั้นอย่างกับแกล้ง ต้องการให้ทำอะไรน่าจะบอกจินดาไปมากกว่า คนึงอ่อนโยนกับเลอมานมาก ๆ เลยนะ แม่สิงห์อะไรนักหนาไม่รู้ ใจร้ายตลอดเลย แล้วสิงห์จะว่ายังไงเรื่องที่จ้อยจะไปกับเลอมานนะนั่น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 26-08-2012 01:12:01
พี่สิงห์ อยากแก้ตัวหรือเปล่าที่เคยทำตัวไม่น่ารัก

พาน้องไปดูหนัง เลี้ยงน้ำ เลี้ยงข้าวเป็นการไถ่โทษด้วยนะ

ส่วนน้องจ้อยถ้าพี่เขาทำตัวดีๆ น้องก็พูดดี ทำดี กับพี่เขาบ้างนะ หอมแก้มสักทีก็ได้  :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 26-08-2012 01:18:49
ในที่สุดเล็กก็เสร็จคนึงจนได้
คนึงร้อนแรงมาก
สิทห์ให้จ้อยไปเถอะสงสารจ้อยบ้าง
อยากอ่านตอนของสิงห์กับจ้อยแบบหวานบ้าง
จะมีฉากแบบหวานบ้างไหมคะคุณดอกไม้
+1 นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 26-08-2012 02:04:51
อ่า เบนได้อ่านหลายตอนเลยค่ะคุณดอกไม้

อยากเม้นมากกก อยากระบายอ่ะ แงๆๆ :sad4:

ตอนคุณชายเล็กกับอาจารย์อ่ะ อ่านๆไปมันก็น่ารักอ่ะ แต่รู้ไหมเบนคิดถึงจินดาตลอดเลยอ่ะ พอคิดแล้วก็จะร้องไห้มันอึดอัด

คือเบน โรคจิตอย่างหนึ่ง เป็นพวกบูชาความรักมากกก (เวลาอ่านนิยาย ดูหนังไรเงี้ย) แบบห้ามมีคนอื่นต้องรักคนเดียว นึกออกไหมค่ะ เบนเข้าใจนะว่าจินดาตายแล้วว บทน้อย แต่ แต่ละตอนที่ออกมา ยิ่งใหญ่ซะยิ่งกว่าตัวอื่นอีกกก

แล้วตอนที่ อาจารย์พาคุณชายเล็กไปอาบน้ำ แล้วยายมาบอกว่า ผีน้ำจะพาไปอ่ะ เบนแบบ พึบขึ้นมาในหัวว จินดาตายในน้ำนิหว่า   o22 นั้นไง เป็นประเด็นอีกแระ

พอได้กันปุ๊ป ที่ฝันถึงจินดาสมัยนั้น รู้ไหม เบนร้องไห้เลยอ่ะ แบบเห้ยย ยังไม่ลืมจินดาด้วยซ้ำ เบนแทบบ้าอ่ะจริงๆๆ แมร่งเอ้ยยย

กลัวเสียเค้าไปอีกคน  แล้วแบบตอนที่น้ำซัดเข้ามา ดันเป็นแปลงนายายช้อยย บังเอิญเปล่าวะ แมร่งงไปได้กันที่อื่นไม่ได้หรอ จินดา  ดูอยู่ทำไง

เบนแบบ เห้ย เห้ย  เห้ย ทั้งเรื่องอ่ะ

แต่จากที่อ่านนะ เบนว่า จินดาเข้าใจนะ คงไม่อยากให้อาจารย์ยึดติดกับตัวเองหรอก ถ้ามีรักใหม่ได้ จะได้ไม่เสียใจ

แต่ตัวเบน แมร่งแบบ โรคจิตไง เจอแบบนี้แล้วแมร่ง เจ็บชิบหายยเลยยย ห้วงก้างโคตรร  เบนพิมไปร้องไห้ไปนะนิ

ไม่ใช่ไม่ชอบคุณชายเล็กนะ เบนชอบบ ชอบอาจารย์ด้วยเหมาะกันแหละ

แต่แบบ  :เฮ้อ: บอกไม่ถูกอ่ะ มันเลยสะเทือนใจนิดนึง

คือมันมีหลายอย่างที่เบนรู้สึกว่าอาจรย์ยังลืมไม่ได้ ตอนจึ๊กๆกันอ่ะ คุณชายเล็กบอกรักก แต่ไม่เห็นได้คำตอบบ (หรือว่าเบนอ่านไม่ดี) แถมยังฝันถึงจินดาอีกอ่ะ ใช่เรื่องปะ ตกลงเบนเข้าข้างใครเนี้ยยย งงตัวเองเบาๆๆ อย่าว่าเบน เวิ่นเว้อเลยนะค่ะ ถ้าคุณดอกไม้หรือคนอื่น อ่านคอมเม้นเบน แล้วไม่ชอบใจเบนขอโทษนะ แต่เบนอยากระบายมากอ่ะ จะว่าอี่นี่โอเว่อก็ได้  แต่อยากแชร์อ่ะ


ขอบคุณค่ะ o1




หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 26-08-2012 02:16:28
+1 คุณเล๊ก น่ารักม๊ากกกกกกกก :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 26-08-2012 06:51:27
ถึงตอนนี้จะหวานแต่ก็หวานแบบรอเศร้านะว่าไป
สงสารคุณเล็กป่วยซมเลย บอกรักอาจารย์แล้วด้วย
มีการไปแอบถามความหมายชื่อนะ
ส่วนจ้อยจะได้ไปเที่ยวกะเขาไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pie_handsome ที่ 26-08-2012 07:20:05
ชอบอ่าาาา!!
สนุกมากมาย
หวานมากมาย
จะละลายแล้วเนี่ย >_<
รอพี่ดอกไม้มาอัพคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 26-08-2012 11:34:10
อาจารย์รักคุณเล็กมาก แต่เหมือนจะยังรู้สึกผิดต่อจินดา
ชีวิตจินดากับจ้อยก็ช่างน่าสงสาร
หวังว่าพี่สิงห์จะใจดีกับจ้อยให้มากนะ
บวกๆ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 26-08-2012 11:55:01
อั๊ยยะ!!! คุณดอกไม้โปรยมาแบบนี้ ทำให้อยากรู้เรื่องของครูคนึงกับจินดาจังค่ะ

แล้วตอนนี้ครูคนึงกะคุณเล็กก็ . . . กันแล้ว แต่ยังไม่รู้เลยว่าตกลงจินดาตายเพราะอุบัติเหตุหรือเพราะคุณเล็ก เฮ้ออออออออ อยากรู้ๆๆๆๆๆๆๆ

สุดท้าย ลุ้นๆๆๆๆ ลุ้นคู่พี่สิงห์กะน้องจ้อย อยากให้เข้าใจกันเร็วๆจัง

ปอลอลิง  คุณดอกไม้ยังไม่เฉลยเลยว่าตอนนั้น(ในมุ้ง)น้องจ้อยรอดจากพี่สิงห์มาได้ยังไง อิอิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-08-2012 12:00:58
เรารักคุณชายเล็กนะ แต่อยากรู้เรื่องจินดา ทำไมชีวิตช่างน่าสงสารอย่างนี้
เหมือนอาจารย์คนึงก็คงรักเล็กมาก แต่ยังมีจินดาอยู่ในส่วนลึกในใจ
ตอนหน้าพี่สิงห์-น้องจ้อยคงได้ออกเดทกันล่ะ เนอะ...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 26-08-2012 12:04:55
ขอเม้นท์เพิ่มเป็นครั้งที่สองนะคะ

เราก็รู้สึกเศร้าและสงสารในความอาภัพของจินดาเหมือนกัน ชีวิตที่มีแต่ให้ เราเศร้ามาก แต่ถ้าอาจารย์ยังคงติดห้วงคำนึงที่มีถึงจินดาตลอด เลอมานที่ไม่รู้เรื่องอะไร (แล้วแถมมอบใจทั้งดวงไปให้อาจารย์หมดแล้ว) ก็คงจะช้ำมาก อาจารย์ก็จะติดวังวนเดิมๆ จินดาเองก็คงจากไปอย่างไม่มีความสุข ชีวิตมันต้องเดินต่อและโฟกัสที่ปัจจุบันนะ สำหรับเรามองว่าจินดาอาภัพไปแล้ว แต่จ้อยนี่แหละ ที่เป็นตัวแทนที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแบบมีความสุข (ที่ผ่านมาเจอแต่เรื่องร้ายเหลือเกิน แต่หวังว่าคงจะเป็นต้นร้ายปลายดี ผ่านมรสุมแล้วไปเจอท้องฟ้าที่สดใสอะไรประมาณนั้น) เอาใจช่วยจ้อย ไม่ใช่แค่เพื่อจ้อยแต่เพื่อจินดาและครอบครัวนี้ที่มีแต่ชีวิตที่อาภัพอับโชค (อินมากเลยชั้น :monkeysad:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 26-08-2012 12:15:37
รอลุ้นว่าพี่สิงห์จะให้น้องจ้อยไปมั้ย เกลียดคุณนายมากอ่ะ คำพูดคำจาไม่ไหวจริงๆ  :m16:
กำนัลเอาทำเมียได้ไงเนี่ย

ปล.ยังไม่พร้อมสำหรับดราม่าอาจารย์กะน้องเล็ก
ยังไม่ไ้ด้ซื้อทิชชู่เตรียมไว้เลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 26-08-2012 12:27:35
ครูคนึงกับน้องเล็กเค้าไปไกลแล้วนะแล้วจ้อยกะสิงห์ล่ะเมื่อไหร่จะไล่ทันเค้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 26-08-2012 13:31:43
ชีวิตจินดารันทดมาก :sad4:

พี่สิงห์โผล่มาประโยคเดียวนี่ แฟนคลับกรี๊ดลั่นบ้านเลยนะคะ :laugh:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 26-08-2012 14:01:25
เขิน   อิอิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fahzang ที่ 26-08-2012 14:37:30
เชียร์คู่พี่สิงห์กับหนูจ้อย

พี่สิงห์น่ารัก ๕๕๕๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 26-08-2012 15:06:13
เค้ามีอะไรกันแล้ววววว (วิ่งรอบบ้าน)
 :m25:

พี่สิงห์ก็ไปกับน้องเลย กลายเป็นเดทคู่
อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 26-08-2012 16:00:45
พี่สิงห์มีบทแล้วววววววว  คิคิ
อยากรู้จังว่าจินดาตายยังไง เกี่ยวตรงไหนกะคุณชายอ่ะ??
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: darkuril ที่ 26-08-2012 21:10:32
เป็นบทอัศจรรย์ที่เหมือนกับว่าแต่งเป็นกลอนเลยค่ะ มันคล้องจองกันดีมาก 555 ไม่เคยอ่านอะไรแบบนี้ รู้สึกว่ามันช่างเข้ากับธีมเรื่องดีแท้ :o8:
ส่วนเรื่องเขียนหวานน่ะดีแล้วนะคะ ดราม่าอย่ามากเลยนะ เค้าขอร้องง :pig4:
ตอนนี้พี่สิงห์ออกมาแค่ประโยคเดียว ทั้งหน้าฮีก็ยังไม่โผล่55 ยังไม่จุใจเลย ตอนต่อไปอยากให้มีพี่สิงห์กับจ้อยเยอะๆจัง ชอบบ :man1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MelodyKJJ ที่ 26-08-2012 21:50:59
มาต่อไวๆน้าาาาา พี่สิงห์มาแล้ว จะให้น้องจ้อยไปมั้ยเนี่ย ลุ้นมากๆอ่ะ >___<
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 26-08-2012 22:15:00
ยังอยากได้แบบหวานๆๆอยู่คะ ไม่เอาดราม่า โดยเฉพาะน้องจ้อยกับพี่สิงห์ อยากให้ลงเอยกันซะที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 26-08-2012 22:25:03
ในที่สุดอาจารย์คนึงก็ทนเสียงเรียกร้องของหัวใจไม่ไหว :-[
แถมยังอ่อนโยนมากถึงมากที่สุด
คนอ่านเขินแทนชายเล็กอ่ะ ///><///

แต่รู้สึกว่าตอนนี้มันหวาน หวานซะจนน่ากลัว
ว่าจะกลายเป็นหวานทิ้งทวนก่อนที่ความขมจะมาเยือน
ขมได้ไม่ว่านะคะคุณดอกไม้ แต่อย่านานเดี๋ยวคนอ่านสำลักน้ำตาตายซะก่อน

ไ่ม่อยากจะบอกเลยว่าพออ่านไปถึงตอนนี้อจารย์ฝันึงจินดาแล้วใจเราสั่น
กลัวมาก กลัวว่าอาจารย์จะยังอาลัยอาวรณ์ยังรู้สึกผิดกับจินดา
แล้วเดี๋ยวจะพลอยทำให้ชายเล็กเสียใจอีก
แต่ก็ยังดีที่ตอนท้ายของความฝันชายเล็กยังคงเป็นคนที่อาจารย์ห่วงหามากที่สุด

รอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อเช่นเคยค่า
ติดเรื่องนี้งอมแงมไปแล้วอ่ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 26-08-2012 23:30:25
พี่สิงห์ มาแล้ว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด พระเอกของข้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tune ที่ 26-08-2012 23:45:27
เม้นอะไรไม่ใคร่จะออกนอกจากคำว่า "เขิน" ครูคนึงกับหม่อมเล็กเหลือใจ :o8: :-[ :o8: :-[

ศิษย์ว่างานนี้จะดราม่าได้เพราะความคิดมากของท่านชายนี่แลใช่ใครอื่น ขนาดความหมายชื่อคนึงโหยหาท่านยังเก็บมาคิดเป็นตุเป็นตะบานตะไทเลยท่าน...


 แม่ยกไอ้สิงห์นักเลงโตนี่ก็ได้แต่ :a5: จริงๆนั่นล่ะค่ะ เดี๋ยวถ้าพี่สิงห์ไปโรงหนังกับน้องจ้อยแล้วเจอพวกไอ้ลอยคาดว่าจะดราม่าผิดคู่ซะก่อนนะคะ ฮ่าๆ

ปล. ใครก็ได้ยกพวกไปเฉ่งนังคุณนายพูนทรัพย์กับศิษย์ทีเจ้าค่ะ หมั่นล้ำ!!!  :m31:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 27-08-2012 07:44:39
สงสารจ้อยจังเลย
พี่สิงห์ต้องไปกับจ้อยด้วยแน่เลย
ไม่น่าปล่อยให้จ้อยไปคนเดียว
รอตอนต่อไปนะคะ
ปล.อาจารย์รักเล็กแล้วใช่ไหมอ่ะ ไม่ได้เอาเล็กมาแทนที่ใครใช่ไหม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kissey_love ที่ 27-08-2012 20:23:25
 :-[ :-[
ครุคริ อ่านตั้งนานแล้วเพิ่งมาคอมเม้นท์ เหอๆ  :really2:
อ่านครึ่งแรกของตอนนี้ยังว่าตอนนี้สั้น แบบว่าปกติเจอนิยายเรื่องอื่นจะเอ็นซีเต็มตอน กร้ากกกกกกกก แต่สั้นๆ พองามแบบนี้อาจจะดีกว่า ไม่งั้นคงเลือดท่วมหัวเอาตัวไม่รอด :jul1:
โอ้ยยยยยยยยยยยยย ตอนสภาพที่ครูคนึงเพิ่งตื่นจากฝันร้ายแล้วชายเล็กงัวเงียขึ้นมานี่... "นี่มันคู่แต่งงานใหม่ชัดชาดดดดดดด  :กอด1:"
มันใช่นะ ฉากแบบนี้! ๕๕ แต่... ปกติพี่จี้ต้องดราม่ากว่านี้ - -???? ๕๕๕
ไฉนเลยมีคู่เดียวที่ดราม่าเล่า  :z2: แต่จะว่าไปครูคนึงกับเล็กก็ดราม่าน้ำตาร่วงเผลาะไปตอนแรกๆแล้วนะคะ อืมม์... ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แอบอยากให้มีจี๊ดๆ แบบเล็กหึง.. น้อยใจ << ปัดมันซาดิสม์ไปแล้ว  :z10:
๕๕๕ หนูจ้อยกับสิงห์ ก็ไปดูหนังด้วยกันเลยสิค้าาาาาา  แต่หนูเล็ก *แอบกระซิบ "กรุณามันมือตาสิงห์ก่อนเข้าโรง" แนะนำปนคำเตือน  :really2:
แต่คู่คนึงกับเล็กจะเป็นยังไงต่อน้าาาาา เดาไม่ได้คิดไม่ออก  :serius2: (ก็ยังพยายาม =_=)
มาอัพต่อเร็วๆนะก๊าาาาา <3<3 o18
 :bye2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 31-08-2012 20:46:46
สนุกเหมือนเดิมเลย

ตอนนี้คุณชายเล็กน่ารักมากๆๆๆ

คิดถึงน้องจ้อยมากเลย

ตอนนี้ได้มีบทซะที 55555

อยากอ่านอีกเร็วๆจังเลย

จะรอนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๗ : ชายเดียวในดวงใจ (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๕/๘/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 01-09-2012 11:48:44
555+ อยากหัวเราะให้ก้องฟ้า  อาจารย์กับน้องเล็ก ในที่สุดก็....555+
ดีใจจังเลยค่ะ  สมหวังไปคู่ ถึงคนแต่งจะเตรียมมาม่าชามโตไว้ให้ซดก็ไม่เป็นไร จะเอาตอนหวานนี่หล่ะไว้ปลอบใจ ^^...
ว่าแต่ ขอเคลียร์บทพี่สิงห์สุดเท่ห์ของเราหน่อย  ออกมาแค่ประโยคเดียว 
ใจคอจะให้แม่ยกพี่สิงห์ ยกพลไปประท้วงใช่ม้าย....ยยย

ไม่ได้ดั่งใจเล้ย...ยยย

เอาเป็นว่าตอนหน้าสัญญาแล้วนะค่ะว่าจะจัดเต็มคู่น้องจ้อยกับพี่สิงห์
ตามนั้นค่ะ  สัญญาต้องเป็นสัญญา ถ้าไม่รักษาสัญญา จะให้พี่สิงห์จัดหนักคนแต่งแน่ๆ ....

^^ รักหรอกถึงหยอกเล่น  พี่สิงห์มีบทแค่ไหนก็ชื่นใจแล้วค่ะ  งวดนี้ยังดีมีตั้ง หนึ่งประโยค
แม่ยกไม่ต้องไปชะโงกดูหลังคาบ้านให้หายคิดถึง ก็ไหวอยุ่ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 01-09-2012 18:36:09

บทที่ ๑๘

ที่รัก

(ครึ่งแรกจ้ะ :L2:)


นานแล้วพี่หลงพะวงมิหน่าย
นานแล้วพี่หมายจะได้ภิรมย์
นานแล้วพี่รักคอยจักชื่นชม
นานแล้วรักเพียงลมๆ ตรมเช้าค่ำ

ที่รักนะรักแต่ใจมิกล้า
ที่ช้านะช้ามิกล้าเผยคำ
ที่คิดนะคิดกลัวอกจะช้ำ
เอ่ยคำแล้วเจ้าจะทำช้ำใจ*



“แกต้องไปขออนุญาตตาสิงห์ก่อน  ถ้าเขาให้ไปแล้วค่อยว่ากัน”

ชื่อใครอีกคนที่ได้ยินเล่นเอาใจจ้อยเต้นรัวขึ้นมาจนอึดอัดไปทั้งอก  และยิ่งสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงห้าวดังมาพร้อมฝีเท้าหนักแน่นขย่มเรือน

“ใครจะขออนุญาตอะไร!”

จ้อยก้มหน้างุด  เจ้าของเสียงเดินอาดๆ มาโน่นแล้ว  มือใหญ่ลูบผมเผ้าที่กระเซิงเพราะบิดรถเครื่องโต้ลมรีบกลับมากินข้าวบ้านจนเรียบดี 

“เดินให้มันเบาๆ หน่อยได้ไหม” กำนันเสริมเอ็ดลูกชายเสียงเขียว “มือหนักตีนหนัก  เดินทีเรือนสะเทือน  เงินทองตกใจสะดุ้งหนีหมด”
   
ไอ้สิงห์สนใจเสียที่ไหน  ร่างสูงใหญ่ทรุดลงนั่งข้างมารดา  หากดวงตาจับจ้องแต่นักเรียนครูตัวเล็กบนพื้นไม่ลดละ
   
“เมื่อกี้แม่ว่าใครจะขออนุญาตอะไร”

“ก็ไอ้จ้อยน่ะสิ มัน..”

“เอ่อ ป้าทรัพย์จ๊ะ” โพล่งออกไปแล้วจ้อยก็นึกอยากตบปากตัวเอง  การพูดแทรกผู้ใหญ่นั้นเสียมารยาทที่สุด แต่จ้อยไม่พูดแทรกไม่ได้จริงๆ นี่ “เดี๋ยวจ้อยไปยกสำรับมาเลยดีกว่า”

จ้อยและน้าแป้นช่วยกันลำเลียงสำรับมาจากในครัว  มีหนูน้ำฝนประคองขันน้ำลอยดอกมะลิเดินตามต้อยๆ 

อันว่าอาหารบ้านนานั้น  ถ้าจะทิ้งน้ำพริกเสียก็ดูจะไม่เป็นอาหารบ้านนา  วันนี้จ้อยทำต้มยำปลาช่อนที่ต้มแบบโฮกอือ  หอมเผา กระเทียมเผา พริกชี้ฟ้าแห้งเผาใส่ลงไปในแกงแล้วโรยด้วยใบกะเพรา  ส่วนตะไคร้ใบมะกรูดนั้นก็ใส่อยู่ธรรมดา  มะนาวไม่ใช้ เอาน้ำส้มมะขามเปียกแทน  กำนันตักซดแล้วครางอืออย่างโล่งคอ  หอมกลิ่นทุกอย่างที่ผสมลงไป  ส่วนน้ำพริกนั้นตำอย่างเหลวเวลาคลุกข้าวเอาปลากรอบย่างไฟป่นละเอียดโรยคลุกลงไปด้วย  ใช้แตงโมอ่อนลูกเล็กๆ ต้มสุกเป็นผักแกล้ม  ตบด้วยของหวานคือเผือกแกงบวด  ขนมหวานของจ้อยทุกชนิดหอมหวานกลมกล่อม  ไม่หวานแหลมแสบไส้  ใช้วิธีตัดเค็มนิดหนึ่งตามสูตรยายช้อย  ตักกินร้อนๆ อุ่นท้องอร่อยนัก
   
ทั้งกำนันและคุณนายดูเจริญอาหารดี  ในวงข้าวไม่มีใครคุยเรื่องจ้อยขออนุญาตไปดูหนังอีก  คล้ายทุกคนจะลืมเลือนกันไปแล้ว  หนุ่มน้อยได้แต่ลอบถอนใจโล่งอก  ถ้าไอ้สิงห์มันรู้เข้าว่าเขาริอ่านขอไปดูหนังละมีหวังบ้านแตก 

หารู้ไม่ว่าคิดผิดเสียแล้ว

หัวหน้าอันธพาลอดทนรอเวลา  กินข้าวกินปลาเสร็จแล้วเจ้านักเรียนครูตัวดีก็รีบเก็บกวาดเอาชานจามไปล้าง  พอฟ้ามืดเข้าไต้เข้าไฟ  ก็ยังอุตส่าห์หางานหาการทำชนิดหัวไม่วางหางไม่เว้น  ขนผ้าผ่อนของพ่อแม่เขามารีดเสียแทบหมดตู้  เสร็จแล้วก็เอาเครื่องทองเหลืองที่พ่อเก็บไว้ในตู้กระจกมานั่งขัดๆๆ  จ้อยเคยจะกวาดเรือนตอนกลางคืนอยู่ครั้งหนึ่งแต่ถูกแม่เขาเอ็ดว่าห้ามกวาดตอนกลางคืน  เดี๋ยวจะกวาดเงินกวาดทองออกไปด้วย  หันรีหันขวางไม่รู้จะทำอะไร  เจ้าตัวเล็กก็ถือตะเกียงกับกะลามะพร้าวไปทางท่าน้ำเห็นหลังอยู่ไวๆ 
   
ตะไคร่มันก็จับอยู่ที่ท่าแบบนั้นมาหลายปีดีดัก  นึกยังไงมาขัดเอาตอนนี้

นี่ถ้าจ้อยมันขัดเสาเรือนได้ล่ะก็มันคงทำไปแล้ว 
 
สิงห์รู้ดี  ทุกอย่างที่จ้อยทำลงไปนั้นเพียงเพื่อต้องการหลบหน้าหลบตาเขา  ก็เพราะไอ้เรื่องที่เขาอุตริไปมุดมุ้งมันเมื่อคืนก่อนโน้นนั่นแหละ 
   
แต่สุดท้าย  ยังไงก็ต้องนอนห้องเดียวกันอยู่ดี  จ้อยมันจะหนีไปไหนพ้น 

คนตัวโตแกล้งหลับอยู่บนเตียง  เสียงประตูบานพับไม้เก่าลันออดมาพร้อมกลิ่นแป้งหอมกรุ่น  ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นแรงขึ้นมา  ภาพแผ่นหลังขาวต้องแสงตะเกียงนั่งอาบน้ำอยู่ที่ท่าซึ่งเขาแอบมองผ่านหน้าต่างเมื่อครู่ยังติดตา 
   
สิงห์ยังคงปิดตานิ่ง  ความมืดมิดใต้เปลือกตามีแสงมลังเมลืองวูบไหวไปตามเปลวตะเคียงที่จ้อยถือติดมือเข้ามาด้วย  เขาเฝ้ารอจนได้ยินเสียงน้องเปิดสมุดหนังสือกรอบแกรบ 

“เอ็งจะไปดูหนังเรอะ”

ถึงจะหลับตา  แต่ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงปากกาหล่นลงพื้นกระดานดังแกร๊ก

ลูกชายกำนันค่อยๆ ลืมตาพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง  มือใหญ่แหวกประตูมุ้งเปิดออก  กางเกงขาก๊วยผูกไว้หลวมๆหมิ่นสะโพก  แผ่นอกเปลือยเปล่าล่ำสัน  ท่ามกลางแสงตะเกียงสว่างนวล  เจ้าตัวดีเล่นไปนั่งหลบทำการบ้านเสียตรงมุมห้อง
   
อยากให้จ้อยมันเห็นหน้าตัวเองตอนนี้จริงๆ  ใบหน้าอ่อนใสปะแป้งเสียขาวว่อกลายพร้อยเป็นแมวคราว  ตาที่ปกติก็โตอยู่แล้วตอนนี้เหลือกทะลานเท่าไข่ห่าน  ปากสีเรื่ออ้าๆ หุบๆ เหมือนปลาดุกฮุบเหยื่อ  สิงห์ต้องฝืนทำหน้านิ่งทั้งที่ใจอยากขำจะแย่
   
“มานี่” เสียงห้าวออกคำสั่ง  พยักหน้าเป็นเชิงบังคับ  จ้อยกลับส่ายหน้ารัวจนผมสะบัด  สิงห์ลอบยิ้มมุมปาก  ไอ้บ่าวคนนี้มันทั้งดื้อทั้งรั้นนัก  ในเมื่อเรียกแล้วไม่มา  ร่างใหญ่โตเป็นยักษ์ปักหลั่นจึงก้าวอาดๆ ไปย่อตัวนั่งอยู่ตรงหน้าคนที่นั่งตัวลีบอยู่มุมห้อง
   
แสงตะเกียงนวลส่องให้เห็นแววตาคู่ใสตื่นตระหนก  ใกล้แค่คืบ  ยิ่งใกล้  กลิ่นแป้งกลิ่นสบู่บนเนื้อนิ่มยิ่งหอมอวล  กระทั่งไอเย็นจากเรือนผมชื้นยังหวานซ่าน 

จ้อยขยับจะหนีไปทางซ้าย  ท่อนแขนกำยำยันผนังกางกั้นไว้  พอจะหนีไปทางขวา  สิงห์ก็กั้นเอาไว้อีก 
   
เลยกลายเป็นหนุ่มน้อยถูกกักอยู่ในอ้อมแขน  ไร้ทางเลี่ยง  หมดทางหนี  หากสิงห์ขยับอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น  ก็จะสามารถรวบร่างน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมอกอย่างง่ายดาย 

ห้องหรือก็แค่นี้  ดูซิจะหนีไปทางไหนพ้น  เผลอๆ อาจได้เล่นเกมปิดประตูตีแมว 

แมวตัวนี้มันน่ารักเสียด้วย
   
“ข้าถามว่าเอ็งจะไปดูหนังเรอะ” สิงห์แค่ตีหน้าเครียดอีกนิด  กดเสียงเข้มอีกหน่อย  จ้อยก็กลืนน้ำลายเอื๊อก  ปฏิเสธปากคอสั่น

“ปะ..เปล่า..”

“อย่าโกหก!” และพอเขาตะคอกใส่  ไอ้ตัวเล็กก็ถึงกับย่นคอหลับตาปี๋ “แม่ข้าเล่าให้ฟังหมดแล้ว”

นั่นแหละ  จ้อยถึงพยักหน้าอย่างยอมจำนน

“ไปกับใคร”

“คุณชายเล็ก.. อาจารย์คนึง..” ดวงตาคู่ใสจ้องมองแต่นิ้วตัวเองที่ยกขึ้นมานับ  ไม่ยอมสบตาเขาสักนิด “สันติ..แล้วก็สง่า.. ๔ คน”

สิงห์หรี่ตานิ่งคิด  อืม..ผู้ชายทั้งนั้น  ซ้ำแต่ละคนก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งสิ้นด้วย  ชายเล็กก็เคยซื้อเสื้อผ้ามาฝากจ้อยแค่คนเดียวอย่างน่าผิดสังเกต  ไอ้สันติสี่ตากับไอ้สง่าหน้าเป็นนั่นก็ชอบเดินกอดคอจ้อยของเขาอยู่เรื่อย  ส่วนไอ้คนึงยิ่งแล้วใหญ่  ภาพที่จ้อยหนีเขาไปซุกหลังมันเมื่องานวัดวันก่อนนู้นยังติดตา 
   
สรุปว่าไว้ใจไม่ได้สักคน!

“ไปเมื่อไร”
“คืนพรุ่งนี้”

ลูกชายกำนันเม้มปากแน่น  กลางวันก็มีไม่ไป  ทำไมต้องไปกันกลางค่ำกลางคืนวะ 

“ที่ไหน”
“โรงเปรมประชา”

โรงเปรมประชา?  ก็แถวบึงพระรามน่ะซี  ไกลฉิบหาย  ถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาจะไปช่วยทันได้ยังไง
 
“แล้วจะไปกันยังไง”
“คืนพรุ่งนี้  อาจารย์จะขับรถมารับ”

สิงห์แทบตบเข่าฉาด  นั่นปะไรเล่า  ไอ้คนึงเอ๋ย  ไอ้รากไส้  นี่มึงคิดจะเอาราชรถมารับน้องจ้อยของกูถึงที่เลยเรอะ
     
“หนังเรื่องอะไร” คนตัวโตเค้นเสียงลอดไรฟัน  หน้าตาถมึงทึงขึ้นทุกทีจนจ้อยหดกายเกร็งแทบจมหายไปกับฝาเรือนไม้สัก 
“เอ่อ..เจ็ดเสือแดนสิงห์” เสียงเล็กตอบปากคอสั่น 

พลันนั้น  ใบหน้าเคร่งเครียดก็คลี่คลาย  ริมฝีปากหยักยิ้มระบายบนใบหน้าคมสัน

หนังอะไรนั่น  มีชื่อเขาอยู่ในนั้นด้วย 

เมื่อเห็นน้องมองมาอย่างสับสนเหลือดี  น้องคงงงว่าเขาจะเอายังไงกับอารมณ์กันแน่  เดี๋ยวก็บึ้งเดี๋ยวก็ยิ้ม  หัวหน้าอันธพาลกระแอมกระไอ  ปรับใบหน้าให้เคร่งเครียดก่อนถาม “แล้วเอ็งมีเงินรึไง  ค่าตั๋วใบนึงไม่ใช่ถูกๆ”
   
“ปะ..เปล่า..” ร่างเล็กขยับกายอึดอัด  อึดอัดกับการสอบสวนประหนึ่งจำเลยก็ไม่ปาน “คุณชายเขาจะออกให้”

“ชายเล็กมันเป็นอะไรกับเอ็ง  ทำไมต้องให้มันเสนอหน้าออกให้” สิงห์ยังคงตีรวนอย่างหาเรื่อง  ดีชั่วไม่สน  ขอมองในแง่ร้ายไว้ก่อน  ดวงตาสีสนิมเหล็กจ้องจ้อยตาเขม็ง  ชี้หน้าประกาศกร้าว  “เอ็งจำไว้เลยไอ้จ้อย  กะอีแค่คนที่..”

คนที่พี่รักคนเดียว

เสียงห้าวสะดุดลมหายใจ  คำที่หัวใจบงการให้พูดถูกดวงตาคู่ใสที่มองมาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวสกัดกั้นไว้ที่ปลายริมฝีปาก  เขาพูดได้หรือ?  พูดออกไปแบบนั้นได้หรือ?

“แค่บ่าวข้าคนเดียว  ข้าเลี้ยงเองได้เว้ย” สิงห์กลืนคำนั้นกลับลงคอ  พ่นคำใหม่ออกไปแทนทันควัน  “ข้าจะพาเอ็งไปเอง” สั่งเฉียบขาดแล้วร่างสูงใหญ่ก็ลุกพรวด  เลี่ยงไปจุดบุหรี่สูบที่ริมหน้าต่าง  พ่นควันสีขาวลอยฟุ้งไปในกลิ่นหอมดอกไม้ชวยรื่น 
   
“ไม่เอา  ไม่ต้องไปหรอก  ไปเองได้” อยู่กันไปนานเข้า  สิงห์เริ่มรู้สึกว่าจ้อยมันมีความสามารถพิเศษอยู่อย่าง  ช่างพูดจาหลีกเลี่ยงสรรพนามได้เก่งแท้
   
“ทำไม!  ไปกับข้าแล้วมันเป็นยังไงวะ!” มือใหญ่ตบฝาเรือนดังเปรี้ยงจนจ้อยสะดุ้งตัวโยน  คราวนี้เขาโมโหจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง  “หรือเดี๋ยวนี้เป็นนักเรียนครูแล้ว  เดินกับกุ๊ยอย่างข้ามันน่าอายนักงั้นสิ!”
   
เห็นวงหน้าอ่อนเยาว์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วสิงห์นึกอยากเดินไปกระชากคอเสื้อจ้อยนัก

กระชากมาจูบสักทีสองทีให้หายรั้น!

“เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้ข้าจะพาเอ็งไปเอง  ตกลงตามนี้” สิงห์ตัดสินใจมัดมือชกเอาดื้อๆ “ถ้ารู้ว่าแอบไปกับไอ้คนึงนะ  เอ็งเจอดีแน่ไอ้จ้อย”   

ว่าแล้วก็ดับบุหรี่กับวงกบก่อนโยนทิ้งออกหน้าต่าง  ร่างกำยำโดดผลุงขึ้นเตียง  นอนหันหลังให้คล้ายไม่ยินดีรับฟังเหตุผลใด  ไม่สนใจจ้อยที่อ้าปากจะทักท้วง  ลับหลังน้อง  ริมฝีปากได้รูปยิ้มพรายอยู่คนเดียวในแสงจันทร์สลัว  เงาไม้ทาบลายบนมุ้งขาวยังดูราวนางฟ้าจับมือกันเต้นระบำ 
   
ที่มุมห้อง  จ้อยได้แต่ถอนใจออกมาอย่างอึดอัด  ลูกชายกำนันทั้งเอาแต่ใจ  ชอบบังคับ  ไม่คิดจะฟังเหตุผลกันบ้างเลย 

เขาไม่อยากไปกับสิงห์เลยสักนิด 
แต่ไม่ใช่เพราะรู้สึกอายที่ต้องเดินกับกุ๊ยหรอก 
มันมีเหตุผลอื่นที่มากกว่านั้น
   
***************************


แค่เนี้ยะ :a5:

แค่นี้แหละจ้ะ
ขอโทษน๊า ช่วงนี้คนเขียนเป็นหวัดงอมแงมเลย โงหัวขึ้นมาตั้งฉากกับพื้นแล้วมันจะฟุบอยู่เรื่อย
ขาดงานไปสองสามวันแล้ว ก็เลยมีแรงปั่นพี่สิงห์น้องจ้อยมาแค่นี้เองค่ะ  :sad4:

หายหวัดเมื่อไหร่จะปั่นต่อให้จบตอนเลย
คนอ่านก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ฮ้าดดดชิ้วว ฟืดด..

ไปละค่ะ
รักคนอ่านนะ

ดอกไม้
๑ ก.ย. ๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-09-2012 18:51:09
อ๊าา จะตามไปคุมน้องล่ะสิพี่สิงห์
ปล.พักผ่อนมากๆนะคะคุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 01-09-2012 19:03:43
 :z13:  เราชอบนะ คุณดอกไม้. ที่พี่สิงห์หึงน้องจ้อยอ้ะ.   คนที่เรารัก. ใครเข้าใกล้ก็ผิดหมดแหละ.  :interest:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 01-09-2012 19:06:36
แล้วมันเหตุผลอะไรหละจ๊ะ น้องจ้อย ถึงไม่อยากเดินกะพี่สิงห์นะ

อยากรู้จริงเชียว คริๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 01-09-2012 19:16:00
พี่สิงห์นี่น้า ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ อยากพาน้องไปเองก็พูดดีๆ ก็ได้นี่นา :m16:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 01-09-2012 19:41:14
อยากให้พี่สิงห์เคลียร์กับจ้อยสักที สงสารสิงห์อะ (แม้จ้อยจะเป็นฝ่ายที่ดูจะเสียเปรียบมากกว่าก็เถอะ)
ลุ้นๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: miruku ที่ 01-09-2012 19:51:03
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ชอบคู่พี่สิงห์กับน้องจ้อยมากกกกกกกกกกกก ชอบคู่อาจารย์กับศิษย์เหมือนกัน ขอเมนต์ย้อนไปคราวที่แล้วด้วยเลย แอบอยากอ่านเรื่องคนึงจินดาเหมือนกันนะเนี่ย แล้วก็ฉากอัศจรรย์ของคุณดอกไม้ ละมุนมากกกกกกกกกกกกกกกกกก อยากอ่านต่อแล้ว พี่สิงห์กับน้องจ้อยเนี่ย ขอให้คุณดอกไม้หายป่วยไวๆ นะคะ ติดตามเสมอ ในที่สุดก็กลับมาซักทีนะคะ ไม่เสียแรงที่รอจริงๆ คร่า  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ละล้าละลัง ที่ 01-09-2012 19:56:50
น้องจ้อยมาแล้ววววววว ขอบคุณนะคะ
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 01-09-2012 19:59:45
สงสารจินดาด้วย ทำไมอาภัพจัง คนแต่งไม่สงสารตวละครตัวนี้เลยหรือไร TwT หวังว่าเรื่องนี้จะจบประทับใจนะจ๊ะ อย่าจบดร่าม่าเชียว
ลุ้นอะ อ่านแต่ละตอนลุ้นว่าใครจะซวย จะตาย หรือจะรันทด โอ๊ย เครียด :z10:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: choijiin ที่ 01-09-2012 20:04:21
พี่สิงห์โผล่หน้ามาเรียกคะแนนแผล๊บเดียว
คุณดอกไม้ก็ถีบหัวซุนกลับเข้าโรงไปอีกแล้ว
จะสะใจดีมั้ยเนี่ย
 :laugh:  :a5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 01-09-2012 20:14:50
เหตุผลอะไรหรอจ้อย?  :oni2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 01-09-2012 20:16:25
เเค่เนี๊ยะ !!! :a5:
ยัีงไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัวกันเลย  ไม่ยอมๆๆๆๆ :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: GoodboyNicky ที่ 01-09-2012 20:33:23
สแล้วที่รอคอยน้องจ้อย. ไอ้สิงค์ก็ปากหนักไปไหนพ่อคุณ !!   :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: meiji ที่ 01-09-2012 20:33:55
ชอบมากกก ^O^
สิงห์น่ารักอ่า เก็กนี่หว่า 555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 01-09-2012 20:37:40
เหตุผลอารายยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 01-09-2012 20:51:14
พี่สิงห์ฟอร์มเยอะจิงจิ๊ง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 01-09-2012 21:31:19
แค่เนี๊ยะ :z3:

หายไวๆนะค่ะ พี่จี้ :t3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-09-2012 22:20:07
เหตุผลอื่นอะไรจ๊ะหนู พี่อยากรู้จริงๆๆๆๆ พี่สิงห์อ่ะจะหลุดคำว่าคนที่รักอยู่แล้ว ก็หลุดไปเด้ หลุดไปบ้างเหอะ
น้องจะได้รู้ใจพี่บ้าง น้องยิ่งใจแข็งอยู่ ทำแบบนี้เมื่อไรน้องจะใจอ่อนเล่า ลุ้นคู่นี้สุดตัว เพราะอีกคู่เค้าไปถึงไหนๆ กันแบ้ว
พี่สิงห์โคตรขี้หวงน้องตามประสา ที่จริงอยากไปดูหนังกันสองคนอ่ะเซ่ แอบชอบความคิดสิงห์ที่มีต่อน้อง
คือแอบหื่นตลอดเวลา กรั่กๆๆ คนอ่านก็หื่นค่ะ :z1:

ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 01-09-2012 22:40:57
ขำพี่สิงห์เหอะ
อยากลองชิมฝีมือจ้อยสักครั้ง o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 01-09-2012 22:50:44
555+

ชอบจริงๆเลยคู่นี้

ให้มันได้อย่างนี่สิ สิงห์

ชอบแกล้งน้องอยู่เรื่อยยย

กะอิแค่ชื่อหนังมีชื่อตัวเองด้วย ก็ยิ้ม คิดว่าน้องอยากดูเพราะอย่างนี้หรอ

คิดได้เนอะ  5555

อยากไปด้วยกันสองคนก้บอกเค้าไปดีๆ

ทำมาเป็นหึง อาจารย์คนึง หึงคุณชายเล็ก

สองคนนี้เข้าคู่กันอยู่แล้วเหอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 01-09-2012 22:59:51
พักผ่อนเยอะๆๆๆ
แล้วหายไวๆๆนะคะ
น้องจ้อยน่ารักอีกแล้วอ่ะ
น่าสงสารด้วย
แต่ก็สงสารสิงห์ ตอนเด็กทำกับน้องไว้เยอะ
ก็ถูกโกรธอย่างนี้แหละ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 01-09-2012 23:22:38
ชอบสิงห์อ่ะ แต่เสียอย่างเดียวชอบพูดและแสดงออกให้จ้อยเสียใจ

ปล. แต่แม่ของสิงห์นี่ ท่าทางจะก้างชิ้นใหญ่นะ ถ้าวันนึงรู้ว่าลูกชายตัวเองชอบจ้อยเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 01-09-2012 23:41:58
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย พี่สิงห์ พ่อพระเอกของน้อง อิอิ  :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 02-09-2012 00:07:03
สิงห์เป็นคนคิดมากนะนั่น แล้วสิ่งที่ควรพูดก็ไม่พูดออกมา พูดอะไรออกมาแต่ละอย่าง จ้อยจะเข้าใจความรู้สึกสิงห์เมื่อไรกัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 02-09-2012 00:45:32
เชียร์พี่สิงห์สุดใจขาดดิ้น

ดูแลหัวใจคนอ่านแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 02-09-2012 00:45:46
อั้ยยะ คิดไว้ไม่มีผิด พี่สิงห์ต้องไปด้วย
แถมจะพาไป เอ๊ะ ไปกันสองคนรึป่าวนิ?  :-[

จะเดทคู่ หรือ เดทแยก ก็ได้จ้า
ฟินทั้งน้านนนนน 55555

พี่สิงห์เลิกปากแข็งซะที รีบๆหลุดว่ารักน้องได้แล้ว
อมพนำอยู่ได้เดี๋ยวบูดหมดหรอก อิอิ

คนแต่งหายไวไวนะจ๊ะ กินยาแล้วก็พักผ่อนเยอะๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mello-frappe ที่ 02-09-2012 02:04:06
ตอนนี้พี่สิงห์ดูน่ารักจีจีค่ะ >/////<
ชอบเก๊กแต่จริงๆ ก็แอบหึง
ปากแข็งที่หนึ่งแต่น่ารักสุดพลัง แอร๊ยยยยยยย

หวังว่าตอนนี้คงไม่มีอะไรร้ายๆ เนอะ
ไอ้ลอยตัวร้ายยังไม่โผล่มาเลยยยย แงๆ ไม่ต้องโผล่มาจะโอเคที่สุดในสามโลก อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 02-09-2012 10:59:02
อ้างถึง
หนังอะไรนั่น  มีชื่อเขาอยู่ในนั้นด้วย 

แค่นี้พี่สิงห์ก็ยิ้มได้แล้ว ทั้งที่คนพูดเขาไม่ได้คิดอะไรเลย
หลงน้องเว่อร์ๆอ่ะ หุๆ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 02-09-2012 12:22:15
โหย พ่อเจ้าประคุณ สิงห์ ของแม่ยก
มาให้ชื่นใจพอหอมปากหอมคอจริงๆเลยพ่อเอ้ย
จะว่าไปถ้าลองพ่อบอกรักน้องจ้อยดูสักครั้ง สองครั้ง น้องคงไม่ต้องปวดประสาทอยู่แบบนี้

วันไปดูหนัง พ่อก็จัดหนักๆไปเลยนะ เอาแบบออกจากโรงหนัง ก็เข้าโรงแรม...

ไปจองห้องแต่งงานนะพ่อ  อย่าชวนน้องไปทำอย่างอื่น 555+



หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-09-2012 15:02:48
น้องจ้อยเก่งงานบ้านการเรือนขนาดนี้ อิจฉาอิพี่สิงห์นะนี่
คิดยังไงก็บอกน้องไปสิ มัวอ้ำอึ้งอยู่ได้

คนเขียนเทคแคร์นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 02-09-2012 15:12:58
ไอ้เลิฟยู พี่สิงห์ ได้ใจตลอดอ่ะคนนี้ o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 02-09-2012 15:25:07
(http://i1081.photobucket.com/albums/j347/vava2coco/the-magnificent-seven-1-800.jpg)
หนังเรื่องนี้รึเปล่าคะที่น้องจ้อยจะไปดู นี่มันมีแต่ผู้ชายควบม้าทั้งเรื่องเลยนี่ แล้วอย่างนี้ดูจบ พี่สิงห์มันจะหื่นขนาดไหนคะเนี่ย  :555

ปล.ไอ้รากไส้ <<<คำนี้แปลว่าอะไรคะ ไม่เคยได้ยินใครพูดเลยค่ะ เป็นคำด่าโบราณรึเปล่าคะ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pie_handsome ที่ 02-09-2012 15:39:53
สนุกมากกกกกกกครับ อ่านเพลินเลย
อ่านไปอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย ทำน้ำหกใส่คอมเลย
ตกใจ ไม่ทันเตรียมใจไว้ TT

รอพี่ดอกไม้มาอัพคร้าบบบ
หายไวๆ น้าคราบ คนอ่านก็เป็นหวัดเหมือนกัน แง้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: darkuril ที่ 02-09-2012 17:51:13

พี่สิงค์คิดมากไปรึเปล่าค้าาา :haun4:
เห็นทุกคนจะมาแย่งจ้อยไปหมดเลย 555
เหตุผลที่จ้อยไม่อยากไปกับพี่สิงห์จริงๆคืออะไรนะ?
รอติดตามค่า คราวนี้คู่นี้อย่าดราม่าอีกนะ ให้พี่สิงห์ได้กินน้ำตาลบ้าง อะไรบ้าง
แล้วก็ คุณดอกไม้ หายไวๆนะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 02-09-2012 20:39:33
ไอ้พี่สิงห์บางมุมมันก็น่ารักดีนะติดจะซื่อ ไม่ทันคนซะด้วยซ้ำถึงได้โดนไอ้ลอยมันหลอกอยู่ร่ำไปเราจะรอวันที่พี่สิงห์ตาสว่างแล้วเลิกคบกับไอ้ลอยนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 03-09-2012 11:10:13
พี่สิงห์ มีอะไรก็พูดๆ ไปเถอะ
เผื่อน้องจ้อยจะยอมๆ บ้าง  :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 03-09-2012 13:52:43
น้องจ้อยน่าเอ็นดู เห็นแล้วอยากเข้าไปฟัด (แอบเข้าใจความรู้สึกพี่สิงห์นิดๆนะ ฮ่าๆ)

พี่สิงห์เองก็น่าเอ็นดู แหม ทำนู่นทำนี่ที่แท้หึง อยากไปดูกับน้องล่ะสิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 03-09-2012 14:37:01
เฮ้ออออ สิงห์
ถ้ายังทำตัวแบบนี้ สงสัยได้กินแห้วตลอดชาติ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 03-09-2012 16:03:29
อิพี่สิงห์ชอบขู่น้อง
แต่ดูแลไว้ดีๆนะ อย่าให้คลาดสายตา เดี๋ยวไอ้หมาบ้ามันจะมางาบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kwangun ที่ 03-09-2012 16:57:33
ปากหมาอีกละพี่สิงห์ อดไปเถอะย่ะ :beat:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 03-09-2012 20:26:08
 :o8: พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ
 ชอบมากกกกกกกกกกกกกกก♥น่ารักทั้ง2คู่เลยติดตามน่ะค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jamemy ที่ 03-09-2012 21:01:56
รอ จ๋อยกะสิง :bye2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 04-09-2012 00:38:39
ไปคุมน้องละสิ
อย่างนี้เขาเรียกว่าหวง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsaki ที่ 05-09-2012 21:15:34
อ่านตอนที่ 17 โอย หวานชะมัด หวานมากๆ :z3: (อ่านตอนนี้นั่งยิ้มอยู่คนเดียว จนแม่ถามว่าเป็นอะไร  :z13: )   
แล้วในที่สุดก็ใช้มุขหนังไทย ว่ะฮ่าๆ
(ดีนะที่ไม่เบนกล้องขึ้นฝ่าเพดานแล้วตัดฉาบนั้นออก เหอๆ อันนั้นหนังไทยขนาดเเต้ครับ)
เรื่องอาจารย์กับจินดา อา...ไม่นึกเล้ยว่าจินดาจะเป็นคนดื้อ เอิ๊กๆ น่ารักซะ~
อยากรู้เรื่องของสองคนนี้ให้มากๆ  :impress2:
อ่านตอนที่ 19 ฮ่ะว๊ากก แอบขำตอนพี่สิงห์สอบปากคำ(ถาม) จ้อยงิ อะัไรจะขนาดนั้นครับ
ไอที่บอกว่าไว้ใจไม่ได้น่ะ มันพี่เองต่างหากเล่า พี่สิงห์ ก๊ากๆ 
สุดท้ายจ้อยก็ต้องยอมไปกับพี่สิงห์อยู่ดี เชื่อโผม ~
ปล.พี่ดูแลสุขภาพด้วยครับ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย  :กอด1: :bye2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_dr ที่ 06-09-2012 00:03:46
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
น้องจ้อยน่ารัก >///////< ,,คนอะไรจะน่ารังแกให้ร้องไห้ขนาดเนนนนน้ !!
ฮิ้งงงงงงงงง *
อิจฉาอิพี่สิงห์จริงจัง ..ดักทุบหัวเลยดีม้ะ ?
55555555 แต่อยากรู้จังวาเหตุผลของน้องจ้อยคืออะไรน๊าา =*=
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 06-09-2012 15:48:43
สิงห์หลงจ้อยแบบถอนตัวไม่ขึ้น เมื่อไหร่จะเผด็จศึกละพ่อ  55555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: swordtails ที่ 06-09-2012 17:10:52
ฮึกกกกกกกกกกกกก ทำไมเราถึงพบเจอนิยายเรื่องนี้ช้ามากขนาดนี้เนี่ย /ทึ้งหัวตัวเอง/

คุณดอกไม้คะ รู้ตัวไว้เถอะว่า คุณดอกไม้ทำเราหลงรัก เพียงแค่ได้อ่านงานเขียนของคุณดอกไม้ !

สำนวนภาษา น่าอ่านเหลือเกินค่ะ ทั้งสละสลวยงดงาม ถูกต้องตามไวยากรณ์ อีกทั้งยังตรวจพิสูจน์อักษรได้ยอดเยี่ยมอีกด้วย
จะหานวนิยาย ที่ควรค่าแก่การเรียกขานว่า นวนิยาย แบบนี้ได้ยากเหลือเกินจริง ๆ

เราดีใจจังที่ค้นพบนิยายเรื่องนี้ แล้วก็ต้องขอบคุณคุณดอกไม้ด้วยค่ะที่ถ่ายทอดออกมาให้ได้ผู้อ่านอย่างเราได้อ่านกัน

โดยส่วนตัวแล้ว นวนิยายที่อิงฉากสมัยเก่าแบบนี้ เราไม่ค่อยอ่านค่ะ
เพราะอ่านแล้วไม่มีความรู้สึกร่วม อ่านกี่เืรื่องก็รู้สึกว่ามัน " ไม่ใช่ "
แต่พอได้ลองอ่าน " มหาหงส์ " ของคุณดอกไม้ คุณดอกไม้รู้ไหมคะว่า เราไปไหนไม่รอดตั้งแต่ตอนที่สองแล้วค่ะ !
สารภาพตามตรงว่า ตอนแรกของเรื่องดึงความสนใจเราได้ไม่มากนัก
สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจอ่านต่อ คือ สำนวนภาษาที่ใช้ กับ ความอยากรู้ว่าจินดาตายได้อย่างไร ... เท่านั้น
แต่พอหม่อมราชวงศ์เลอมานปรากฏตัวพร้อมกับนิสัยสุดโต่งออกมาเท่านั้นล่ะ
มันก็เหมือนมีแรงดึงดูดให้เราตามเรื่องต่อ ...

คุณดอกไ้ม้ทำให้เราอยากรู้ว่าคุณชายเธอจะเอาตัวรอดในสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง ?
บ้านเมือง สภาพแวดล้อม อาหารการกิน ทุกอย่างดูแปลกตาสำหรับคุณชายไปเสียหมด
เข้ากับใครก็ไม่ได้ แถมยังกลายเป็นที่เหม็นขี้หน้าของชาวบ้านทั้งบางอีก
อ่านไปก็ไม่ได้รู้สึกเอาใจช่วยคุณชายเธอเลยค่ะ เพราะกิริยาท่าทาง รวมถึงคำพูดที่หลุดออกมาแต่ละอย่างนี่ ไม่น่ารักเอาเสียเลย
ดังนั้น ใจก็เลยเทไปข้างอาจารย์คนึงให้หาวิธีแก้เผ็ดคุณชายเธอเยอะ ๆ
แต่พอถึงฉากที่คุณดอกไม้เผยให้เห็นว่าไอ้ลอยนี่มันชักจะคิดไม่ซื่อ
ความรู้สึกหมั่นไส้ ก็กลับกลายเป็นห่วงคุณชายตัวขาวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เรียกว่า มีไอ้ลอยโผล่เข้ามาในฉากไหน เป็นอันทำให้ต้องได้ลุ้นไปเสียทุกทีสิน่า
เป็นตัวละครที่เป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินเรื่องจริง ๆ นะ ไอ้ลอยเนี่ย /หัวเราะ/
และก็เพราะไอ้ลอยนี่ด้วยเสียกระมัง ที่ทำให้อาจารย์คนึงแกกล้าเปิดใจตัวเองจริง ๆ เสียที
ดังนั้น พอคุณชายกับอาจารย์เขาหวานกัน เราก็เลยอดรู้สึกดีจนต้องยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
แต่ในขณะเดียวกัน เราก็รู้สึกเศร้าแทนจินดา .... แล้ววูบหนึ่งก็นึกโกรธอาจารย์คนึงแทนจินดาด้วย
ยิ่งตอนที่อาจารย์ช่วยคุณชายขึ้นจากตอนพลัดตกน้ำได้ แล้วเข้าไปหลบฝนในกระท่อมยายช้อย
เราก็ยิ่งสะท้อนใจ ... ความรู้สึกถึง " การมีอยู่ " ของจินดายังอยู่ภายในกระท่อมนั้น
แต่อาจารย์ก็ " กอด " คุณชายอย่างลึกซึ้ง ณ ที่นั่น มันก็เลยทำให้เรารู้สึกคล้าย ๆ กับว่า
คุณชายเขากำลังนั่งทับรอยจินดาอยู่อย่างไรอย่างนั้นเลยค่ะคุณดอกไม้ ....
แล้วก็พลอยคิดไปเองว่า ถ้าจินดามองลงมาจากท้องฟ้า จินดาจะร้องไห้ไหมนะ ?
ฉากอัศจรรย์ในกระท่อมนั่น สำหรับเราแล้ว ก็เลยให้ความรู้สึกหน่วง ๆ มากกว่าจะหวานซึ้งน่ะค่ะ  :m15:

เราไม่ได้นึกโต้แย้งความรักระหว่างอาจารย์คนึงกับคุณชายนะคะ
เราเอาใจช่วยคุณชายเสียด้วยซ้ำ แล้วก็นึกเอ็นดูมากขึ้น ตอนที่คุณชายเอ่ยปากว่า " จะรอ ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ "
แต่สำหรับอาจารย์คนึงน่ะ ... เรารู้ว่าอาจารย์คนึงไ่ม่ได้ลืมจินดา
แต่การกกกอดใครอีกคนได้อย่างลึกซึ้งด้วยความรู้สึกเสน่หา ทั้งที่คนรักเ่ก่าของตัวเองเพิ่งจากไปได้ไม่ถึงสองเดือนนี่
มันทำให้เรารู้สึกมองหน้าอาจารย์ได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่น่ะค่ะ อธิบายจริง ๆ ฟังดูขัดแย้งกันเองยังไงก็ไม่รู้ /หัวเราะ/

ในระหว่างที่เอ็นดูคุณชายเลอมานอยู่ห่าง ๆ เราก็วิ่งมาเชียร์คู่พี่สิงห์น้องจ้อยแบบชิดขอบสนามค่ะ
โดยส่วนตัวแล้วชอบคู่นี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ แล้วก็มีอารมณ์ร่วมมาก มากแบบที่ไม่คิดว่าตัวเองจะมีได้
โดยเฉพาะฉากงานวัดที่พี่สิงห์โดนน้องจ้อยฟาดด้วยขวดนั่น ...
บอกตรง ๆ ว่าคุณดอกไม้ทำเอาเราซึมตามพี่สิงห์เลยค่ะ  :sad4:
ขอชื่มชมว่า คุณดอกไม้บรรยายอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครตัวนี้ได้ดีมากจริง ๆ
ทำเอาคนอ่านอย่างเราอิน แล้วก็ประกาศตัวเป็นแม่ยกเลยทีเดียวค่ะ /ยิ้ม/

นึกเอ็นดูพี่สิงห์กับน้องจ้อยสมัยเด็กเหลือเกินค่ะ น่ารักน่าชังอะไรอย่างนี้หนอ ?
แต่แล้วก็เป็นไอ้ลอยกับพวกอีกแล้วที่คอยเสี้ยม จนกระทั่งพี่น้องที่เขารักกันต้องแตกคอ
อย่างที่บอกไปค่ะว่าเป็นแม่ยกพี่สิงห์ ดังนั้น ก็เลยพยายามหาข้อแก้ตัวให้สุดตัว
แต่ก็ไม่เจอแฮะ /หัวเราะ/ เป็นตัวพี่สิงห์เองนั่นแหละที่ทำตัวเป็นสำเภาโล้ไปโล้มาตามแรงลมปากของพวกไอ้ลอย
ถึงได้ทำให้ทุกวันนี้ ที่ควรจะได้ใกล้ชิดกับน้องน้อยกลายเป็นความห่างเหินไปเสียฉิบ
พี่สิงห์ทำตัวเองทั้งน้าน .....

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็คล้ายว่าพี่สิงห์กำลังได้รับโทษที่เคยทำให้น้องเสียใจอยู่นะคะ
ไม่รู้ทำไม ฟ้าถึงได้กลั่นแกล้งให้น้องจ้อยมาเห็นอะไร ๆ จนเข้าใจผิดได้ตลอดเวลา
อย่างตอนที่พี่สิงห์ไปช่วยคุณชายที่ซ่องนั่นก็คราวหนึ่งล่ะ .....
เป็นตัวละครที่ทำอะไรก็ผิดไปหมดเสียจริง ๆ ค่ะ แค่หายใจก็ผิดแล้ว /หัวเราะ/
และด้วยความที่เป็นแม่ยก /ย้ำอีกแล้ว/ เราก็เลยอยากให้น้องจ้อยใจเย็นกว่านี้อีกนิดหนึ่งจังค่ะ
ก่อนที่จะออกปากว่าอะไร อยากให้น้องจ้อยไ้ด้นิ่งคิดสักนิดก่อน อย่าเพิ่งด่วนเอาอคติมาบดบัง
ลองตรองให้ดี ให้ถี่ถ้วน แล้วน้องจ้อยจะค้นพบว่า แต่ละอย่างที่พี่สิงห์ทำลงไปนั้นเพราะอะไร
พี่สิงห์เขาแ่ค่ไม่รู้จักวิธีที่จะรักเท่านั้น ... ก็เลยแสดงออกมาอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น น้องจ้อยก็อย่าใจร้ายไปเลยนะจ๊ะ /ยิ้ม/

ที่มาของน้องจ้อยนี่ก็ทำเอาเราอยากรู้มากทีเดียวค่ะคุณดอกไม้ เชื่อว่าพ่อของน้อยคงเป็นคนมีเงิน
ถ้าถึงขั้นทำแหวนทองสลักชื่อนามสกุลของตัวเองได้ในสมัยนั้น ก็คงไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแล้วกระมัง
อยากรู้เหลือเกินว่าใครกันนะที่เป็นพ่อของน้อง แล้วการได้รู้ว่าใครเป็นพ่อนี่ก็คงจะเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องไปเลยด้วยสินะคะ
ถึงตอนนั้น พี่สิงห์จะทำยังไงล่ะ ? /พี่สิงห์ตะโกนบอก " ก็จะมุดมุ้งอีกน่ะสิ " *ไม่เกี่ยวเล้ย*/

รอตอนหน้าค่ะคุณดอกไม้ อยากรู้ว่า บรรยากาศตอนที่พี่สิงห์พาน้องจ้อยไปดูหนังจะออกมาเป็นอย่างไร
สู้ ๆ นะคะ ตรงนี้มีคนอ่านตาดำ ๆ คนหนึ่งที่ชื่นชอบงานเีขียนของคุณดอกไม้ คอยให้กำลังใจอยู่ค่ะ /ยิ้มกว้าง/
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fahzang ที่ 08-09-2012 13:08:56
อิพี่สิงห์น่ารักมากกกกกก

555555555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ประกาศค่ะ^^) [๘/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 08-09-2012 18:15:01
ประกาศจ้า

โบราณเขาเรียกว่าความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก
คนเขียนเพิ่งหายหวัดแท้ๆ โน้ตบุ้คคู่ชีพกลับต้องมาล้มหมอนนอนเสื่อ  :sad4:
งานเอย นิยายเอย โน่นนี่นั่นนู่นอยู่ในโน้ตบุ้คหมดเลยค่ะ
บทที่ ๑๘ (ที่เขียนยังไม่ทันจบ) ก็ค้างเติ่งอยู่ในเครื่องเช่นกัน
อาทิตย์นี้เลยไม่มีน้องจ้อยกับพี่สิงห์ให้อ่านนะคะ ขอโทษคนอ่านทุกคนด้วยเน้อ  :m5:

แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอตอบเม้นตอนที่แล้วซะหน่อยก็แล้วกันค่ะ  :L2:

Nus@nT@R@
พี่สิงห์แกกะเนียนๆ ไปออกเดทกะน้องจ้อยค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงสุขภาพคนเขียนเน้อ :)

armmyrine
คนเราเวลามีความรักนี่สมองจะหยุดทำงานค่ะ ความสามารถในการใช้เหตุผลหายไป เหลือแต่ใช้หัวใจล้วนๆ และพี่สิงห์ก็เข้าข่ายนั้น ฮิ้วว~

aisen
เดี๋ยวจะเฉลยว่าน้องจ้อยมีเหตุผลอะไรในครึ่งหลังนี่แหละจ้า

NannY
ถึงจะอยากพาน้องไปแค่ไหนก็พูดดีๆ ไม่ด๊ายไม่ได้เด็ดขาดเลยค่ะ เสียฟอร์มพี่แกแย่เลย อีกอย่างชวนดีๆ จ้อยคงไม่ยอมไป เด็กมันดื้อ ๕๕๕+

bozang
ยังเคลียร์กันตอนนี้ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวนิยายจะจบเร็วไป (ฮ่าๆ)

miruku
ชอบเรื่องระหว่างอาจารย์คนึงกับจินดาเหมือนกันค่ะ อาจารย์เฮี้ยบๆ กะลูกศิษย์รันทด ว้าวๆ อยากเขียนถึงเหมือนกันนะนี่  ถ้ามีโอกาสก็จะเล่าเรื่องของพวกเขาอีกก็แล้วกันเนอะ ^^

ละล้าละลัง
น้องจ้อยโผล่มาแป๊บเดียวก็ต้องหายไปอีก เพราะคอมคนเขียนไม่สบาย  โธ่..น้องจ้อย T^T (ขอโทษคนอ่านด้วยนะคะ)

cassper_W
ใช่ค่ะ คิดเหมือนกันว่าจินดาน่าสงสารที่สุด สิ้นบุญก่อนถึงเวลาอันควร ตอนมีชีวิตก็ลำบาก พอถึงวาระสุดท้ายก็จากไปอย่างทรมานอีก  คนเขียนช่างใจร้ายจริงหนอ T^T

choijiin
พี่สิงห์โผล่มาเรียกคะแนนแป๊บเดียว  นอกจากถูกคนเขียนถีบหัวซุนเข้าโรงเข้าม่านไปแล้ว  โน้ตบุ้คคนเขียนก็มีอันมาเสียอีก  ฮือๆๆ โถ พี่สิงห์ของน้อง  ดาวแจ้งเกิดของพี่มันช่างริบหรี่เสียจริง  (ซ่อมเสร็จแล้วจะรีบปั่นต่อเลยค่ะ^^)

PetitDragon
เหตุผลน้องจ้อยจะเฉลยในอีกครึ่งหลังค่ะ :)

IIMisssoMII
ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังน๊าคุณส้ม  แอบบอกใบ้เป็นการไถ่โทษละกันว่าตอนหน้า  พี่สิงห์น้องจ้อยได้ถึงเนื้อถึงตัวกันแน่ค่ะ^^

GoodboyNicky
พวกผู้ชายปากแข็งเนี่ยนะคะ ร้อยทั้งร้อย ใจอ่อนปวกเปียกกันทั้งน๊าน

meiji
ขอบคุณที่ชอบนิยายเรื่องนี้ และขอบคุณที่มองเห็นความน่ารักหลบในของพี่สิงห์นะคะ^^

jannie
อีกครึ่งตอนหลังก็จะได้รู้กันจ้า

silverspoon
แบบว่าคนมันขี้เก๊กอ่ะเนอะ

~l3aml3ery~
ขอบคุณที่เป็นห่วงจ้า  หวัดหายแล้วตอนนี้แข็งแรงฟิตปึ๋งปั๋ง  แต่โน้ตบุ้คมาป่วยแทนซะงั้น T^T

่patsaporn
น้องมันน่ารักด้วย พี่สิงห์ยิ่งมองยิ่งอยากกอดอยากหอม  หวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ >///< คาดว่าถ้าไปดูหนังกันพี่สิงห์คงดูหนังไม่รู้เรื่องอ่ะค่ะ  คงได้แต่ดูหน้าน้องนี่แหละ  คนมันบ้า

both^^
น้องจ้อยทำกับข้าวเก่งเพราะแบ่งหน้าที่กับพี่จินดาไว้ชัดเจน  พี่ต้องทำงานนอกบ้าน  ส่วนน้องต้องรับผิดชอบงานในบ้านค่ะ  เลยเป็นแม่ศรีเรือนฉะนี้แล

EoBen
อย่างที่บอกค่ะ คนมันบ้า (พี่สิงห์: บ้าก็บ้ารักวะเฮ้ย) คิดได้ยังไงน๊า ว่าน้องอยากไปดูหนังเพราะชื่อหนังมีชื่อตัวเองน่ะ 

beamJ
หายดีแล้วค่า  ขอบคุณที่เป็นห่วงเน้อ  เรามาเอาใจช่วยคู่น้องจ้อยพี่สิงห์กันต่อไป  คู่นี้อีกนานเลยค่ะ กว่าจะเข้าใจกัน

zazoi
ถ้าวันนึงคุณนายพูนทรัพย์รู้ว่าสิงห์ชอบน้องจ้อย  โอย..ไม่อยากจะคิด  บ้านแตกแน่ๆ เลยค่ะ T^T

four4
จริงๆ เรื่องนี้พี่สิงห์เขาก็เป็นพระเอกน๊า  (อย่างที่เคยบอกว่าเรามีสองคู่) อาจารย์เป็นพระเอกแนวอ่อนโยนใจดีไปแล้ว  ก็ขอพี่สิงห์เป็นพระเอกแนวเถื่อนๆโหดๆก็ละกัน

maru
ถ้าเรื่องน้องจ้อยละก็ พี่สิงห์แกคิดมาก คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ตลอดศกแหละค่ะ  ปากก็แค้งแข็งแหละ  ง้างด้วยคีมยังไม่อยากจะออก เฮ้อ

zombi
ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ  เหะๆ คนเขียนไม่ค่อยดูแลตัวเองเท่าไหร่จริงๆนั่นแหละ  เที่ยวก็เก่ง นอนก็ดึก หวัดเลยถามหาเลย T^T

MIkz_hotaru
คือใจจริงก็อยากเนียนๆ พาน้องไปดูหนังเองนั่นละ  แต่พูดมาแต่ละอย่างยังกะหมาสำรอกขี้  มันก็สมควรละค่ะที่น้องจะไม่เข้าใจพี่สิงห์ซ้ากที  (ลุ้นจนเหนื่อย)

mello-frappe
โว้ว ดีใจยังมีคนไม่ลืมไอ้ลอย  มันจะโผล่มาสร้างความร้าวฉานอีกไหมน๊า  รอลุ้นอีกครึ่งตอนที่เหลือนะคะ^^

$VAN$
พี่สิงห์ทั้งรักทั้งหลงเลยค่ะ (นี่ขนาดยังไม่ได้กันนะนี่ แอร๊ย>///<)

pure_ka
กร๊ากกกก  ถ้าวันไปดูหนัง  ออกจากโรงหนังแล้วพี่สิงห์พาน้องเข้าโรงแรมต่อ (ถ้าแถวนั้นมันมีอ่ะนะ) พี่สิงห์มีหวังได้ถูกเกลียดอีกแน่เลยจ้า ๕๕๕+

malula
พี่สิงห์แค่มีรักแต่แสดงความรักไม่เป็นเท่านั้นเอง  น้องจ้อยไม่เข้าใจบ้างเลย T^T

wdaisuw
ว้าว..ขอบคุณที่ชอบพี่สิงห์นะคะ :)

vavacoco
ใช่จ้ะๆๆ เรื่องนี้แหละเรื่องนี้  กร๊ากกก ว่าแต่คิดได้ไงเนี้ยว่าอิพี่สิงห์ไปดูผู้ชายควบม้าแล้วจะนึกหื่นขึ้นมาอีก โอย..(ขำจนปวดท้อง๕๕๕+) พี่สิงห์เอ๊ย  อย่าหน้ามืดเห็นน้องจ้อยเป็นม้าล่ะ  ก๊ากกก  อุ๊ย เกือบลืมที่ถาม  คำด่าพวกรากไส้  รากตับ รากปอดเนี่ย พี่โดนคุณตาด่าบ่อยม๊ากเลย ก็เลยจำมาค่ะ มันคงเป็นคำด่าสมัยโบราณ  จริงๆเวอร์ชั่นเต็มคือ ‘ห่ารากไส้’ ห่าคือโรคอหิวา  รากคืออาเจียน  คงประมาณแบบเป็นอหิวาจนอ้วกเอาไส้ออกมา (แล้วมันเป็นคำด่าได้ไงนั่น) ตาพี่มีอีกเยอะค่ะ  เดี๋ยวเอามาให้กำนันด่าพี่สิงห์อีก ๕๕๕+

pie_handsome
น้อยเนอะ  อัพมาด๊ายยแค่สี่หน้าเอง T^T  คนเขียนหายเป็นหวัดแล้วค่ะ  คนอ่านหายยังเอ่ย 

darkuril
แบบว่า..คนเราเวลารักใครแล้วสมองมักฝ่อค่ะ  พี่สิงห์แกคิดได้ไงเนี่ยแต่ละอย่าง เฮ้อ..

koikoi
ขอบคุณที่มองเห็นความน่ารักของพี่สิงห์นะคะ  จริงๆ แล้วเนื้อแท้พี่แกเป็นคนดีน๊า  เสียตรงที่คบเพื่อนเลวนี่แหละ  เลยพากันเลวไปด้วย  มงคลชีวิตยังมีบอกไว้เลย (ข้อไหนไม่รู้) ว่าอย่าคบคนพาลน่ะ  พี่สิงห์ไม่รู้จักหามาอ่านซะมั่ง

Zymphoniz
นั่นสิเนอะ  ถ้าพี่สิงห์ยอมพูดกับน้องจ้อยดีๆ  อ่อนโยนกับน้องบ้าง  ป่านนี้คงรักกันลั้ลลาไปแล้ว

kagehana
น้องน่ารักจริงๆ นั่นแหละค่ะ  เขียนเองยังหลงเองเลย  แล้วมีรึพี่สิงห์จะรอด ๕๕๕+

ordkrub
พี่สิงห์บื้ออย่างนี้ต้องให้ไอ้ลอยสอนซะแล้ว  (เอ๊ะ.. จะดีเรอะ?)

moredee
พี่สิงห์น่ะคงอยากดูแลน้องจ้อยค่ะ  แต่ไม่รู้ว่าน้องจะอยากให้ดูแลหรือเปล่า ^^”

kwangun
ปากแข็งแถมยังปากหมาอีกเนอะคนเรา  ๕๕๕+ สมควรแล้วที่น้องไม่เข้าใจซ้ากที

nong PeePee
ยินดีต้อนรับคนอ่านใหม่จ้า มามะมากอดกัน^^ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ

jamemy
รออ่านต่อเสาร์หน้านะคะ  ขอโทษจริงๆ ที่มีเหตุให้ต้องสะดุดตลอดเลย T^T

tuek
อยากไปด้วยเพราะหวังทั้งไปคุมและทั้งได้ออกเดทกับน้องจ้า  โถ..อิพี่สิงห์ บอกน้องไปตรงๆ ดีๆ น้องก็เข้าใจเอ็งแล้ว

kinsaki
๕๕๕+ คือแบบ.. บทที่ ๑๗ นี่เขียนไปแล้วเข้าใจเลยค่ะ ว่าทำไมนิยายสมัยก่อนเอะอะก็เข้ากระท่อม เพราะมันหาสถานที่ไม่ได้จริงๆ  โรงแรมก็ไม่มี  ที่บ้านก็ไม่ได้ (พ่อแม่อยู่) กร๊ากกก เลยออกมาเป็นที่กระท่อมน้อยคอยรักนี่แหละจ้า  แต่กระท่อมนี้มีความหมายนะ  เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญอีกที่หนึ่งของเรื่องเลยล่ะ ^^ ส่วนบทที่ ๑๘ พี่สิงห์สอบปากคำซะน้องจ้อยใจฝ่อไปเลย  สุดท้ายก็แค่อยากไปดูหนังกะเค้าอ่ะ  เฮ้อ..คนเรานี่น้า

destiny_dr
อั๊ย >< เนอะๆๆ คิดเหมือนกันเลยว่าน้องจ้อยน่ารัก น่าถนอม แต่ขณะเดียวกันก็น่ารังแกที่ซู้ดดด

suck_love
หากถามว่าเมื่อไหร่พี่สิงห์จะเผด็จศึกน้อง  คนเขียนก็ขอตอบว่า.. ถ้าโควตาหน้ากระดาษมันลงตัวกับโครงเรื่องที่วางไว้.. ก็..อืม.. (นับข้อนิ้วแบบซินแส) บทที่ ๑๙ นี่แหละจ้า >///<

fahzang
ตอนนี้พี่สิงห์อาจจะยังน่ารักอยู่  แต่อ่านไปเรื่อยๆ อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะคะ โฮะๆๆ ^o^

swordtails
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้จ้า  ขอบคุณมากเลยสำหรับคำบอกรักค่ะ  อรั๊ง~ เขินบิดไปบิดมา  เขาว่ากันว่างานเขียนสะท้อนตัวคนเขียน  แต่ตัวจริงเราออกจะกระโดกกระเดกแข็งกระด้างนะคะ  ไม่ได้อ่อนหวานเหมือนตัวหนังสือซักนี้ดด แฮ่ๆ 

เราเริ่มเขียนนิยายเรื่องนี้  เพราะความคิดว่า ‘อยากอ่านนิยายแบบนี้’ (ความจริงก็คิดแบบนี้กับทุกเรื่องที่เขียนนั่นแหละค่ะ^^) เวลาอ่านนิยายเก่าๆ ของนักเขียนสมัยก่อนแล้วเกิดความคิดแปลกๆ  เอ๊..ทมยันตี ว.วินิจฉัยกุล พนมเทียน อะไรเทือกนี้  ทำไมเขาไม่เขียนนิยายวายบ้างน้อ (บ้าแล้ว ใครจะไปเขียนเล่าเอ๊อ)  ในเมื่อไม่มีใครเขียนให้อ่าน ก็เลยเขียนเองซะเลยค่ะ  (ถึงจะรู้ตัวว่าไม่อาจเทียบชั้นพวกท่านก็เถอะ^^)

ตอนแรกที่เริ่มวางโครงก็มีคิดๆ เหมือนกันนะคะ  ประมาณว่า.. สนุกเหรอ(วะ) จะมีคนอ่านไหม  ใช้ภาษาแบบนี้มันเชยไปหรือเปล่า  แต่ก็ตัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปเมื่อลงมือเขียนค่ะ  เขียนไปอย่างที่อยากอ่าน  เขียนด้วยความรัก  ต้องสื่อถึงคนอ่านได้สิน่า  แล้วก็มีคนอ่านจริงๆ ด้วย  เย้ >< 

พูดถึงเนื้อเรื่องบ้าง  ในส่วนของความรักระหว่างชายเล็กกับอาจารย์คนึง  ไม่แปลกหรอกจ้าที่อ่านแล้วจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจ  เพราะคนเขียนเองก็ตั้งใจเขียนให้มันเป็นรักที่วูบไหวพร่าพรายเหมือนดอกไม้ไฟ  (อ๊าย พูดมากกว่านี้ไม่ได้เดี๋ยวกลายเป็นสปอยล์นิยายตัวเอง><) เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางความไม่เหมาะสมทั้งปวง  และทั้งสองจะต้องเผชิญหน้ากับผลแห่งความรักครั้งนี้แน่นอนค่ะ  รอติดตามเน้อ 

ปล. พิสูจน์อักษรไม่ค่อยดีเท่าไรหรอกค่ะ ตอนที่แล้วมี “ชานจาม” ด้วย แอร๊ย~ ที่ถูกมันต้อง “จานชาม” สิ  เอามาผวนกันเฉยเลย  T^T     

รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้ :L2:
๘ ก.ย. ๕๕
 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ประกาศค่ะ^^) [๘/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 08-09-2012 18:20:47
งื๊ดดดดดดดดดดดดด
อดใจรอ น้องจ้อยกะพี่สิงห์ก็ได้ ปล. แอบอยากให้อ้ายสิงห์ล่มปากอ่าวเหลือเกิน 555++
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ประกาศค่ะ^^) [๘/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: swordtails ที่ 08-09-2012 18:31:38
อร๊ายยยยยยยยยยยยย คุณดอกไม้ /ยื้อยุดไม่ให้ไป พร้อมส่งโน้ตบุ๊กให้ปั่นนิยายแทนชั่วคราว/

ขอบคุณที่แวะมาแจ้งข่าว แล้วก็คุยกันนะคะ ขอให้น้องคอมหายไว ๆ

แล้วเราจะรอติดตามตอนต่อไปแน่นอนค่ะ ^^

รักคนแต่ง ~ /ฝากความคิดถึงไปให้พี่สิงห์กับน้องจ้อยด้วยนะคะ/
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 16-09-2012 18:43:32
บทที่ ๑๘

ที่รัก

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


อย่าเหมือนน้ำค้างพราวพร่างใบพฤกษ์
พอยามดึกเหมือนดังจะดื่มกินได้
พอรุ่งร้างก็จางหายไป
รู้แน่แก่ใจได้แต่ระทมชีวี*


   
ตลาดยอดคึกคักแต่เช้ามืด  พ่อค้าแม่ขายส่งเสียงเรียกลูกค้ากันเซ็งแซ่  ผู้คนพากันมาจับจ่ายซื้อของขวักไขว่  เด็กเข็นรถขนผักส่งเสียงขอทางโหวกเหวก  เจ๊เน้ยร้านข้าวแกงเคาะตะหลิวกับกระทะเสียงดังโคร้งเคร้ง 
   
ที่ห้องแถวไม้อันเป็นที่ตั้งร้านกาแฟของเจ๊กโก  นายสิงห์และพรรคพวกมานั่งจิบกาแฟกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง  หลังรับหน้าที่จากแม่ให้มาเก็บดอกจากพวกพ่อค้าแม่ค้า  พวกเขามักมานั่งแช่ที่นี่กันทุกเช้าเพราะไอ้ลอยมันหมายตาหมวยเกี้ยลูกสาวคนงามของอาโกไว้  สิงห์ไม่ได้อยากมานักหรอก  แต่ด้วยความเป็นหัวหน้ามันค้ำคอ  ลูกน้องมันเฮไปทางไหน เขาก็ต้องเฮไปทางนั้นด้วยอย่างช่วยไม่ได้     
   
พอสิงห์กับลอยสั่งโอยั๊วะ  เจ๊กโกก็ตักน้ำร้อนจากหม้อกาแฟเทลงในถุงกาแฟที่ใส่ไว้ในเหยือกทองเหลืองบนหม้อต้มน้ำ  ยกถุงกาแฟจากเหยือกเอาไปไว้เหนือแก้ว  ปล่อยให้น้ำกาแฟค่อยๆ ไหลลงแก้วจนเกือบเต็ม  ส่วนไอ้เลิศไอ้หมานติดรสหวานจัด  กาแฟของพวกมันเลยต้อง ‘ยกล้อ’ ตัดรสขม     

หัวหน้าอันธพาลยกโอยั๊วะขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี  ควันยังลอยกรุ่นอยู่เหนือของเหลวสีดำในแก้วก้นจีบ 

สิงห์เคยเข้าโรงหนังมานักต่อนัก  กับพวกไอ้ลอยบ้าง  กับพวกสาวๆ ดาราโรงเรียนก็เคย  แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะได้เข้าไปกับจ้อย  ตอนเด็กๆ อย่างดีก็แค่นั่งดูลิเกด้วยกัน  หรือไม่ก็หนังขายยาที่กว่าจะเริ่มฉายได้ก็ประกาศขายยาวิเศษอยู่นั่นจนจ้อยหาวแล้วหาวอีก 

นานเท่าไรแล้วที่เขากับน้องไม่ได้ดูหนังด้วยกัน
   
ใบหน้าคมสันยิ้มจางให้ปาท่องโก๋ตรงหน้า  แค่คิดถึงคืนนี้  หัวใจก็อิ่มเอิบนัก  หน้าโรงหนังเปรมประชามีข้าวโพดคั่วคลุกน้ำตาลเคี่ยวกับแบะแซขายด้วย  จ้อยจะต้องชอบแน่ 

จู่ๆ คนที่อยู่ในห้วงคำนึงก็มาปรากฏตรงหน้า  เด็กหนุ่มร่างเล็กเดินหิ้วตะกร้าจนตัวเอียงผ่านหน้าร้านกาแฟไป  คนที่สิงห์คิดว่าต่อให้เห็นแค่ปลายนิ้วหรือปลายผมก็ยังจำได้  หน้าขาวๆ ตาโตๆ อย่างนี้จะมีใครอีก   

จ้อย..

พวกไอ้ลอยมัวแต่เกี้ยวพาอาหมวยคนสวยที่ยกขนมปังสังขยามาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ  หัวหน้านักเลงลุกพรวดขึ้นทันใด  วิ่งไปชะโงกมองแผ่นหลังเล็กว่าเดินไปทางไหน  ก่อนวิ่งกลับมาหาโถใส่ขนมที่วางเรียงรายอยู่บนชั้นข้างหม้อกาแฟ  มือใหญ่ลนลานล้วงหยิบโถละกำสองกำวุ่นวาย  ทั้งขนมตุ้บตั้บ  ถั่วตัด งาตัด ขนมโก๋  ขนมคอเป็ด ท็อฟฟี่นม 
   
เจ๊กโก  ชายกลางคนชาวจีนร่างผอมหัวโล้นเลี่ยน  ไว้หนวดปรกข้างปาก  ตาตี่ๆไม่มีเหล่าเต๊งของแกถึงขั้นเหลือกลานเมื่อเห็นขนมกองพูนบนโต๊ะตรงหน้า  สาละวนดีดลูกคิดได้สองเม็ด  ลูกค้าตัวโตก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง  คว้าถุงกระดาษมาโกยขนมใส่ลงไปแล้วโยนธนบัตรสีเขียวมาให้  ตะแกรีบคว้าเอาไว้แทบไม่ทัน  เผลอแผล็บเดียวเจ้านักเลงโตก็เผ่นออกจากร้านยังกับจะไปหาเรื่องใคร

ไอ้หยา.. แต่หน้าตาไหงยิ้มแฉ่งยังงั้นล่ะเหวย.. อั๊วะละเท้าฮิ้งน่อ   


จ้อยมัวแต่ยืนคุยกับยายอยู่ที่แผงขายผัก  มือเหี่ยวย่นลูบแขนเขาครั้งแล้วครั้งเล่า  คว้าไปกอดไปหอมอย่างรักใคร่  แม้ว่าเขาจะโตเป็นหนุ่มแล้ว  แต่ในสายตายาย  เขายังเป็นหลานตัวน้อยเสมอ    เสียงแหบพร่าพร่ำถามว่าเขากินข้าวกับอะไร  เมื่อคืนหลับสบายดีไหม  ลูบแขนลูบแก้มแล้วก็ทักว่าผอมไปหรือเปล่า  กระแสความห่วงใยถ่ายทอดมาจนจ้อยน้ำตาคลอเอ่อ
   
ทันใดนั้น  ตะกร้าในมือถูกใครไม่รู้มาฉุดกระชากไป  เล่นเอาจ้อยใจหล่นวูบ นึกว่าถูกวิ่งราวแต่เช้า  แต่พอหันไปเห็นว่าเป็นใครเท่านั้น  หนุ่มน้อยมีอันต้องตกใจยิ่งกว่าเก่า
   
ไอ้สิงห์!

“หิ้วเข้าไปสิของหนักน่ะ” เสียงห้าวแข็งกระด้าง  ดวงตาเรียวคมมองจ้อยหัวจรดเท้า “เอ็งถึงได้เตี้ยอยู่อย่างนี้!” เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าคมสัน  แผ่นอกกว้างกระเพื่อมขึ้นลงยังกะไปวิ่งไล่ตามใครมา

“จ้อยมันเกิดปีน้ำน้อย” ยายช้อยหัวเราะเฮ่อะๆ “ไม่เหมือนพ่อสิงห์หรอก”
   
หนุ่มน้อยเม้มปากแน่น  ขึงหน้าตึงเป็นสะดึงเย็บผ้า  อยู่ดีๆ ก็ถูกล้อสังขารแต่เช้า  มือเล็กพยายามแย่งตะกร้ากลับมา  แต่กลับถูกไอ้นักเลงโตยันหน้าผากเสียหัวซุน   
   
“ไม่ต้องเลยไอ้เตี้ย! แขนสั้นอย่างเอ็ง  กับข้าวข้าลากพื้นหมด” แขนล่ำสันคล้องตะกร้าแน่นเข้าอย่างหวงแหน “เอ็งถือนี่ละกัน” ว่าพลางโยนถุงกระดาษสีน้ำตาลในมือมาให้  จ้อยตะครุบไว้แทบไม่ทัน
   
หากพอเปิดถุงออกดูก็ต้องแปลกใจ  ขนมนมเนยอัดแน่นเต็มถุง  หนุ่มน้อยเงยหน้าที่มีแต่ความสงสัยขึ้นมอง 
   
“เอาไปฝากยายฝน” เสียงห้าวตอบห้วน  จ้อยถึงบางอ้อ  นึกไปถึงแม่หนูน้อยตากลมลูกสาวน้าแป้น  แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายกำนันต้องเสมองไปทางอื่น  ถูกปลายจมูกฟุดฟิด  กระแอมแฮ่มๆ  “แต่.. ถ้าเอ็งจะแบ่งไปกินบ้างข้าก็ไม่ว่า”
   
หญิงชราเห็นขนมหวานของโปรดหลานรักแล้วหัวเราะเฮ่อฮ่าเห็นฟันดำ “พ่อสิงห์ใจดีจริง” แกชมเปาะ  คนถูกชมเลยยิ่งยืดใหญ่  จ้อยเหลือบมองท่ายืนอย่างนักเลงแต่คล้องตะกร้าจ่ายตลาดไว้ที่แขนแล้วตีหน้าปุเลี่ยน  รู้สึกทะแม่งๆ เหมือนกลืนแกงเผ็ดใส่ไข่หวาน
   
มันเข้ากันเสียทีไหนล่ะ!

มือเหี่ยวย่นเลือกกล้วยน้ำว้าแก่จัดจนเหลี่ยมลบผลกลมเปล่งปลั่งส่งให้ลูกชายกำนันสองหวี  ให้ฟรีไม่คิดเงิน  จ้อยมองเปลือกกล้วยสีกระดังงาแล้วคิดรายการของหวานค่ำนี้ได้ทันที  หนุ่มน้อยกระพุ่มมือไหว้ลายายแล้วเดินจากมา  เขายังมีรายการอาหารสดที่ต้องซื้อยาวเป็นหางว่าว 
   
คนตัวโตหิ้วตะกร้าเดินตามต้อยๆ  พอจ้อยพยายามเอาตะกร้าคืน  ใบหน้าคมสันก็ถลึงตาใส่  จนเจ้าตัวเล็กขี้เกียจจะทวงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย 
   
ยายช้อยมองภาพลูกชายกำนันเดินตามหลานชายของแกด้วยดวงตาเปี่ยมสุข 

“กล้วยบวชชีกับข้าวต้มผัด  อยากกินอะไร” จู่ๆ ร่างเล็กหันไปถามคนที่เดินตามหลังแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  คนที่เอาแต่เดินใจลอยชะงักเท้ากึก  มองดวงตาใสซื่อแล้วนิ่งงันไปชั่วครู่ 
   
พอตั้งสติได้จึงตอบอ้อมแอ้ม “อะ..อะไรก็ได้” ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคำถามง่ายๆ แค่นี้ถึงทำหัวใจเขาพองโตได้ “ถ้าเอ็งทำ  ข้ากินได้หมด”
   
ทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้  แม้จ้อยจะป้อนยาพิษให้  เขาก็คงเต็มใจกลืนทุกหยาดหยด

จ้อยพยักหน้าหงึก  เกาปลายคางอย่างใช้ความคิด กล้วยแก่จัดกำลังดีน่าเอามาทำกล้วยบวชชีที่สุด “กล้วยบวชชีดีกว่า  ถ้าทำข้าวต้มผัดต้องรอให้งอมกว่านี้” เสียงเล็กพูดกับตัวเองลอยๆ  ก่อนเดินลิ่วไปซื้อถั่วเขียว  ตั้งใจเอามาคั่วกะเทาะเปลือกใส่ลงไปด้วย 
   
พ่อค้าแม่ค้าตลาดยอดคงต่างพากันแปลกใจ  ไหงวันนี้ไอ้นักเลงโตมาถือตะกร้าเดินจ่ายตลาดตามนักเรียนครูต้อยๆ ได้  สิงห์กระชับตะกร้าในมือแน่น  มองน้องทุกอิริยาบถ  มองปลายนิ้วเรียวจิ้มพุงปลาทูที่นอนอัดกันอยู่ในเข่ง  มองมือขาวหยิบๆ เลือกๆ หมูเนื้อแดงอย่างคล่องแคล่ว  ก่อนยื่นให้เถ้าแก่จั่นใช้ใบตองห่อเนื้อหมูผูกเงื่อนกระตุกด้วยเชือกกล้วยส่งให้  มองดวงตาคู่ใสกวาดไปทั่งกองมะพร้าวห้าวเลือกลูกเหมาะๆ  มองกลีบปากบางคลี่ยิ้มให้กับลูกเจี๊ยบย้อมสีชมพูสีเขียวที่ส่งเสียงร้องจิ๊บๆ อยู่ในลัง 
   
ตะกร้าหนักขึ้นทุกที  แต่สิงห์สุขใจขึ้นทุกครา  เผลอยิ้มตามไม่รู้ตัว  ยิ่งนึกไปถึงค่ำคืนนี้  หัวใจยิ่งอิ่มเอิบนัก

เมื่อจ้อยบอกว่าซื้อของครบตามรายการแล้ว  มือใหญ่ไม่รั้งรอ  จู่ๆ ก็ฉุดข้อมือน้อยเดินนำลิ่วๆ  พาน้องเดินออกจากตลาดสด  ลัดเลาะไปตามแนวห้องแถวไม้  แกล้งทำเมินคำถามที่น้องพร่ำถาม  แกล้งไม่ไยดีกับแรงน้อยนิดที่พยายามยื้อข้อมือตนออก  จนกระทั่งถึงที่หมาย 
   
ร้านตัดเสื้อในตลาดมีอยู่สองร้าน  สิงห์เลือกร้านที่มีเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากกรุงเทพสวมอยู่กับหุ่นโชว์หน้ากระจกใส  เขาสังเกตมานานแล้วว่าน้องไม่มี ‘ชุดเที่ยว’ ใส่เหมือนอย่างใครเขาเลยสักตัว  ที่ชายเล็กซื้อให้เมื่อวันก่อนก็เป็นชุดนักเรียน  นอกเวลาเรียน  สิงห์ก็เห็นน้องใส่แต่เสื้อยืดที่เก่าจนคอยุ่ยย้วย  เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีหม่นที่ปะชุนจนเข็มหลง  กางเกงหรือก็ใส่พวกกางเกงนักเรียนสีกากีที่เคยใส่ตอนเรียนโรงเรียนประชาบาล 
   
มือใหญ่เลือกเสื้อเชิ้ตผ้าลินินแขนสั้นสีฟ้าทาบกับร่างเล็ก  จ้อยจึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาจะซื้อเสื้อให้  เจ้าเด็กรั้นยืนกรานปฏิเสธท่าเดียว  สิงห์ทาบเสื้อกับหลังไหล่น้องไม่สนใจคำทักท้วง  ครั้นรำคาญหนักเข้าก็กลั้นใจใช้ไม้แข็ง 
   
“อย่ารั้น!” เสียงห้าวตะคอกทีเดียวจ้อยก็เงียบกริบ “คืนนี้ข้าไม่อยากเดินกับคนนุ่งผ้าขี้ริ้ว!”
   
แล้วก็หันไปจัดแจงจ่ายเงินเสร็จสรรพ  ไม่ทันสังเกตเห็นหนุ่มน้อยในชุดมอซอหน้าสลดวูบ  ก้มมองแต่ปลายเท้าตัวเอง  จนกระทั่งมือใหญ่ยื่นถุงกระดาษส่งให้  จ้อยยังไม่มีทีท่าจะยื่นมือไปรับ  จนหัวหน้าอันธพาลเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันให้กับความดื้อด้าน  บังคับยัดเยียดใส่มือเล็กจนได้ 
   
สาสมอารมณ์หมาย  คนตัวโตเดินผิวปากออกจากร้านไป  คล้ายไม่รู้ตัว  ว่าทิ้งหินก้อนเขื่องถ่วงลงในหัวใจดวงเล็กจนหนักอึ้ง 

สิงห์ดึงดันจะหิ้วตะกร้าไปส่งจ้อยถึงเรือที่ผูกไว้ที่ท่า  แต่พอจ้อยบอกว่ากำนันฝากให้ซื้อกาแฟร้านเจ๊กโก  พ่อนักเลงโตก็มีอาการอึกอักลังเลทันที 
   
ลูกน้องนั่งอยู่เต็มร้าน  เขาจะหิ้วตะกร้าเข้าไปได้อย่างไร  อายพวกมันตายโหง 

จ้อยฉลาดพอที่จะไม่ทำให้เขาหนักใจ  มือเล็กแย่งตะกร้ามาถือเอง  สิงห์ใจวูบเมื่อเห็นตะกร้าที่เขาถือได้สบายๆ  ครั้นพอน้องรับไปแล้วถึงกับต้องหิ้วสองมือ  เกร็งข้อมือแน่น  หัวหน้าอันธพาลได้แต่เดินตามร่างเล็กที่หิ้วตะกร้าจนไหล่เอียงเข้าไปในร้านเจ๊กโก
   
ไอ้ลอย ไอ้เลิศ ไอ้หมานยังนั่งหน้าสลอนอย่างที่คิดไว้จริงๆ 

“พี่สิงห์ไปไหนมา” ไอ้หมูเลิศถามซื่อๆ  ปากมันแผล็บเคี้ยวปาท่องโก๋ตุ้ยๆ  ลูกพี่กลับนั่งลงโดยไม่ตอบคำถาม 

ไอ้ลอยลอบยิ้มมุมปาก  ก้มหน้าจิบโอยั๊วะไม่สนใจ  แต่สายตาคมวาวเหลือบมองนักเรียนครูร่างเล็กที่เดินเข้ามาพร้อมกัน  จ้อยเดินผ่านพวกเขาไปสั่งกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล  เจ๊กโกยิ้มแต้ กุลีกุจอกรอกของเหลวสีน้ำเข้มลงขวดเหล้าสีขาวที่ล้างจนสะอาด  แต่พอจ้อยจะจ่ายเงินกลับต้องชะงัก  เมื่อมือเหี่ยวย่นยื่นโอเลี้ยงในกระป๋องนมร้อยเชือกกล้วยส่งให้อีกอย่าง
   
“อั๊วะแถมห้ายลื้อ” สำเนียงแต้จิ๋วปนไทยมาพร้อมรอยยิ้มแปลกประหลาด  จ้อยยืนยันจะจ่ายเงินค่าโอเลี้ยง  เจ๊กโกก็ไม่ยอมรับท่าเดียว “ไม่เป็งลาย กากี่นั้งน่า”
   
นักเรียนครูคนซื่อเลยพนมมือไหว้นอบน้อม  รอยยิ้มสดใสแต่งแต้มบนใบหน้าอ่อนเยาว์ “ขอบคุณจ้ะ”

สิงห์จ้องมองไม่วางตา  ทีกับเขาล่ะไม่เห็นยิ้มแบบนี้ให้บ้าง

คล้อยหลังจ้อย  เจ๊กโกก็ออกลาย  ร่างผอมเกร็งมองตามจนลับตาขณะเดินไปนั่งรวมกลุ่มกับตาสุ่มขี้เมาประจำตลาด 
   
เปิดฉากนินทาลับหลังอย่างหน้าไม่อาย
   
“อาจ้อยอีแซฮ่อ  โค่ไอย้ จิ๊ๆๆๆ” เจ๊กโกส่ายหน้าทำท่าเสียดมเสียดาย  โบกพัดใบตาลในมือพรึ่บๆ จนเสื้อกล้ามสีขาวพะเวิบพะวาบตามแรงลม 
   
“ไอ้จ้อยมันถอดแม่มาเปี๊ยบ  อีกำไลแม่ไอ้จ้อยมันสวย” ตาสุ่มแกคุยกะเจ๊กโกบ่อยจนพอฟังออก  ใบหน้าดำคล้ำนินทาออกรส “สวยแต่ร่านยิ่งกว่าอีตัวซะอีก  ผ่านผู้ชายมาทั้งบางแล้วมั้ง  ไอ้จ้อยกับจินดายังไม่รู้เลยว่าพ่อเดียวกันหรือเปล่า”
   
“ฮ่าย  อึมใจม่ายซั่วเค้าแป๋  อีหยำฉ่า  เมื่อก่องอีนั่งขายขนมโตงนี้” ชายจีนชี้มือไปหน้าร้าน “พวกพูชายมาตีกางแย่งอีทู้กวาง”
   
“หน้าอย่างนี้  ยิ้มหวานอย่างนี้  ถ้าเป็นผู้หญิงมันคงแรดเหมือนแม่มันนั่นแหละ”

สองคนสนทนากันสนุกปาก  หารู้ไม่ว่าปากตัวกำลังพาความซวยมาเยือน  เข้าตำราแกว่งปากหาเสี้ยนนั่นเทียว

อันธพาลหนุ่มจ้องพวกนั้นตาเขม็ง  มือใหญ่กำหมัดแน่น 
 
“อาจ้อยอีชีชี แปะแป๊ะ  หลั่นแหง๋ชิกฮุงเสี้ยว” เจ๊กโกทำท่าสูดปากแล้วก็ตบเข่าฉาด “เฮ่อ  เสียลาย  เป็งพูชายซะล่าย  นี่ถ้าอีเป็นพูหญิงนา..” 
   
“ถ้ามันเป็นผู้หญิงแล้วมึงจะทำไม!” เสียงห้าวตะคอกถามลั่น  สิงห์ทะลึ่งตัวลุกพรวดจนเก้าอี้ล้มกลิ้ง  แผงอกกำยำกระเพื่อมขึ้นลง  กำหมัดแน่นจนสั่นสะท้าน  สายตานั้นเหมือนจะเผาเจ๊กโกได้
   
อีกฝ่ายกลับลอยหน้าลอยตาตอบ “ถามล่าย  อั๊วะก็จับทำเมียน่ะซี ฮ่าๆๆ.. โอ๊ย!” 
     
กำปั้นลุ่นๆ ซัดปากไอ้เจ๊กปากหมาจนกระเด็นหงายหลัง  ร่างสูงใหญ่ไม่หนำใจตามไปคร่อมไว้แล้วรัวหมัดลงใบหน้าซีดขาวอีกหลายครั้งติดๆ กัน  ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน  หมวยเกี้ยคนงามถึงกับกรีดร้องลั่น 
   
“โอ๊ย! ไอ้เช้าโท้ว! ฝู่โบ้ เก๋าเจ้ง!” เจ๊กโกพ่นคำหยาบคายออกมาเป็นชุด  พยายามปัดป้องด้วยเรี่ยวแรงน้อยนิด  ตาสุ่มงกเงิ่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนรีบปรี่เข้ามาช่วยเพื่อน  คว้าเก้าอี้ไม้ฟาดลงหลังไอ้อันธพาลอย่างแรง 
   
ความเจ็บปลาบแล่นลามไปทั่วแผ่นหลัง  สิงห์กัดฟันข่มไว้  แล้วชกหน้าตาสุ่มกลับไปบ้างอย่างบ้าคลั่ง  เฮียโหล่งลูกชายเจ๊กโกปราดเข้ามาช่วยพ่อ  ไอ้เลิศ ไอ้หมาน โดดเข้ามาร่วมวงตะลุมบอนช่วยลูกพี่  ร้านกาแฟเจ๊กโกชุลมุนวุ่นวายไปหมด  ขวดน้ำอัดลม แก้วเปล่าปลิวหวือไปทางโน้นทีทางนี้ที  พ่อค้าแม่ค้าข้างนอกได้ยินเสียงดังก็รุมล้อมกันเข้ามาดู  นินทากันสนุกปาก  เรื่องเดิมๆ  ไอ้สิงห์ลูกชายอันธพาลของกำนันก่อเรื่องอีกแล้ว
   
มีเพียงไอ้ลอยที่ทำเป็นประคองอาหมวยคนสวยไว้อย่างปลอบขวัญ  ไม่คิดเข้ามาช่วยลูกพี่สักนิดเดียว
    
***************************

จ้อยนั่งพับเพียบแต้อยู่กับพื้น  บนตั่งไม้สักตรงหน้า  คุณนายพูนทรัพย์กำลังตรวจดูรายการข้าวของที่บ่าวคนใหม่ซื้อมาอย่างละเอียด  ซักถามราคาชนิดไม่ให้เงินทอนกระเด็นแม้สักสตางค์เดียว 
   
แล้วสิ่งที่จ้อยกลัวก็เกิดขึ้น

“นี่อะไร” มือขาวอูมหยิบห่อกระดาษขึ้นเปิดออกดู  พอเห็นว่าเป็นขนมนานาชนิดก็จ้องจ้อยตาถลน “แกเอาเงินฉันไปซื้อขนมเรอะไอ้จ้อย!”
   
“เปล่าจ้ะ” หนุ่มน้อยปฏิเสธเลิ่กลั่ก “คือ.. คุณสิงห์ซื้อมา”
   
“ของหวานทั้งนั้น  ตาสิงห์คอตื้นจะตาย  เขาไม่แตะของพวกนี้หรอกย่ะ”
   
“เขาซื้อมาฝากหนูฝนน่ะจ้ะ”
   
คุณนายกำนันหรี่ตา  เขย่าถุงดูเห็นถั่วตัดงาตัดก็เบ้หน้าหมั่นไส้ “เฮ่อะ! ยัยฝนฟันหลอทั้งปาก  ขนมแข็งๆ ทั้งนั้นมันจะเคี้ยวเข้าไปได้ยังไง” นิ้วขาวทาเล็บแดงสดจิ้มหน้าผากจ้อยจนหน้าหงาย  กำนันไปทำงานแล้ว  คุณนายเลยโขกสับบ่าวตัวดีได้อย่างไม่มีใครขัดขวาง “เขาซื้อให้แกนั่นแหละ  นี่คงไปอ้อนลูกฉันให้ซื้อให้ล่ะสิไอ้ลูกนังหยำฉ่า”
   
จ้อยหน้าซีดเผือด  ทั้งตกใจทั้งสับสน  ไอ้สิงห์จะซื้อขนมให้เขาเพื่ออะไร  กำลังขยับปากจะท้วง  คุณนายก็ค้นเจอถุงกระดาษน่าสงสัยซุกอยู่ก้นตะกร้า
   
“แล้วนี่อะไร” เมียกำนันล้วงของข้างในออกมา  พอสะบัดดูเห็นเป็นเสื้อเนื้อดีก็ทำตาโต  ขึ้นเสียงแหลมปรี๊ด “ต๊าย!  ทีนี้จะแก้ตัวว่ายังไง  เสื้อตัวเล็กอย่างนี้  ตอแหลอีกสิยะว่าตาสิงห์ซื้อใส่เองน่ะ”
   
“เขาซื้อให้จ้อยเอง” จ้อยว่าไปตามความจริง  อยากบอกคุณนายด้วยซ้ำว่าเขาไม่ได้อยากได้สักนิด
   
“อยู่ดีๆ ลูกฉันจะซื้อเสื้อให้แกทำไม!  ห๊า!”
   
“เขาบอกว่าไม่อยากไปดูหนังกับคนนุ่งผ้าขี้ริ้ว”
   
เปลือกตาเคลือบสีสดเหลือกลาน  ลูกตาแทบถลนออกมานอกเบ้า 
   
“นี่แกหน้าด้านถึงขั้นให้ลูกฉันพาไปดูหนังเลยเรอะ แล้วเขาก็ต้องออกเงินเลี้ยงแกด้วยงั้นสิ  มันจะมากไปแล้วนะไอ้ขี้ข้านี่!” ริมฝีปากแดงสดพ่นแต่ถ้อยคำระคายโสต  คนฟังได้แต่ก้มหน้านิ่ง  เพราะเหตุนี้ไงเล่าเขาถึงไม่อยากไปดูหนังกับนักเลงตัวโตเอาแต่ใจคนนั้น  “ฉันไม่ให้ไป!  แกไปบอกเขาเลยว่าฉันไม่ให้ไป  เสื้อกับขนมนี่ก็เอาไปคืนเขาซะ  ชะ! มาอยู่ไม่ทันไรก็เบียดเบียนเอาโน่นเอานี่  ดีนะที่แกเป็นผู้ชาย  ถ้าเป็นผู้หญิงคงจ้องจะจับลูกฉันแล้วสิ  โอย.. ฉันจะเป็นลม”
   
คุณนายพูนทรัพย์โยนทั้งเสื้อทั้งถุงขนมใส่หน้าจ้อย  มือขาวลูบอกที่กระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธ  ก่อนชี้หน้าหนุ่มน้อยที่เอาแต่ก้มหน้าเจียมตน  ตอกย้ำความต่ำต้อยให้คนฟังยิ่งรู้สึกด้อยค่าแทบจมดิน
   
“จำใส่กะลาหัวแกไว้เลยนะ  เกิดมาเป็นขี้ข้าก็อย่าเสือกเสนอหน้า  แกมันคนละระดับกับลูกฉัน  อย่าฝันว่าลูกอีกำไลมันจะมาเทียบลูกฉันได้!”

   
บทสนทนาเผ็ดร้อนมีอันต้องยุติลง  เมื่อเสียงเรือยนต์แว่วมาจากท่าน้ำหน้าบ้าน  จ้อยกับคุณนายเหลียวมองตาม  เห็นกำนันเสริมในชุดสีกากีเดินขึ้นเรือนมาด้วยสีหน้าเหมือนเพิ่งกินรังแตนมาจากไหน  ใบหน้าทรงอำนาจแดงก่ำ  พร่ำพ่นถ้อยคำผรุสวาทมาแต่ไกล 
   
ร่างสูงใหญ่ที่เดินตามหลังมานั้นไม่ใช่ใครอื่น  ไอ้สิงห์! 

หากพอจ้อยเห็นหน้ามันชัดๆ กลับต้องตกใจ  ใบหน้าคมสันที่เมื่อครู่ยังยิ้มย่องผ่องใสเดินตามเขาในตลาด  ตอนนี้กลับฟกช้ำดำเขียว  มุมปากแตก  คราบเลือดแห้งกรังเป็นทางจากขมับ  บางส่วนหยดลงเสื้อเชิ้ตตาสก็อตสีเข้มเป็นดวงๆ 
   
คุณนายพูนทรัพย์อุทานลั่นเมื่อเห็นหน้าลูกชาย  ร่างอวบแล่นถลาเข้าไปปลอบรับขวัญ  ไอ้สิงห์กลับสะบัดแม่ออกอย่างก้าวร้าว  ครั้นพอคุณนายถามกำนันว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ตะแกก็เล่าหมดเปลือก  ว่าไอ้สิงห์ไปมีเรื่องชกต่อยกับเจ๊กโกที่ร้านกาแฟ  เจ๊กโกแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย  เดือดร้อนแกต้องบากหน้าไปเจรจาไกล่เกลี่ย  เสียทั้งเงิน เสียทั้งหน้า

ทุกคำพูดของพ่อลอยผ่านหูไปเหมือนเป็นอากาศ  สายตาสิงห์จับจ้องอยู่ที่เด็กหนุ่มตัวเล็กที่นั่งพับเพียบตั้งแต่เดินขึ้นเรือนมา 
แค่เห็นดวงตาใสๆ คู่นั้น  เห็นใบหน้าอ่อนละมุนยังผ่องแผ้ว  ชายหนุ่มก็รู้สึกคล้ายรอยแผลบนหน้าจะทุเลาความเจ็บลง 

ทว่ามองนานไม่ได้  ในความยินดีนั้นมีความละอายอดสูเคลือบแฝง  ยิ่งเห็นน้องมองมาด้วยสายตาตระหนกกึ่งหวั่นกลัว  นักเลงโตปวดยอกในอกจนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น 
   
มือหยาบใหญ่ของพ่อกระชากคอเสื้อเขาไปกลางชาน  ผลักให้นั่งลงกับพื้นตรงข้ามนักเรียนครู  จ้อยยังดูตกใจไม่หาย  ร่างเล็กขยับจะลุกออกไป  อาจเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องในครอบครัวที่จ้อยไม่เกี่ยวด้วย 
   
“ครูไม่ต้องไป!  อยู่ตรงนี้แหละ!” เสียงดังกัมปนาทของพ่อตวาดก้องจนเจ้าตัวเล็กสะดุ้ง “ลุงจะด่าไอ้ลูกเวรนี่ต่อหน้าครู  ดูซิว่ามันจะละอายใจบ้างไหม” 

แล้วใบหน้าถมึงทึงก็หันมาทางสิงห์  กระแทกตะพดในมือลงพื้นกึงๆ
   
“มึงเห็นครูไหมไอ้สิงห์  พ่อแม่ไม่มี  บ้านก็ยากจน  เขายังอุตส่าห์พากเพียรร่ำเรียนเป็นครูได้  ไม่เหมือนมึง  เสียแรงที่เป็นลูกกู!”
   
สิงห์เงียบเหมือนคนไม่มีปาก  ดวงตาสีเข้มเสมองไปทางอื่น  กระนั้นคำพูดพ่อก็ยังเข้าหู  ทะลุทะลวงแทงใจทุกคำ 
   
“มึงอายุเท่าไรแล้ว  ยืนขึ้นมาก็สูงกว่ากูแล้ว  ต้องให้กูพูดยังไงมึงถึงจะฟัง  ตอนนี้กูอยากรู้ว่าในสมองมึงคิดอะไรอยู่  ตอนกูเท่ามึงกูเลี้ยงแม่เลี้ยงน้องได้แล้ว  แล้วดูตัวมึงสิ  ไม่เป็นโล้เป็นพาย  วันๆ สร้างแต่ความเดือดร้อน!” ถ้อยคำติเตียนพรั่งพรูจากปากพ่อ  แม่ถลาเข้ามาจะห้าม  แต่พอพ่อเอาตะพดชี้หน้าทีเดียว  แม่ก็ชะงักนิ่ง   
   
“นั่งเงียบอยู่ทำไม  ไม่มีอะไรจะพูดรึไง  ไหนบอกกูมาซิว่าเรื่องอะไรถึงต้องไปชกปากไอ้เจ๊กมัน”

คล้ายมีก้อนแข็งแล่นขึ้นมาจุกคอหอย  สิงห์พูดอะไรไม่ออก  ดวงตาสีเข้มหันมาสบตานักเรียนครูตรงหน้า  ตอบคำถามนั้นอยู่ในใจ   

พี่ยอมให้พวกมันหยามจ้อยไม่ได้.. 

อาการนั่งนิ่งเหมือนเบื้อใบ้ของลูกชาย  ยังความโกรธมาให้กำนันจนตัวสั่นเทิ้ม
            
“ไอ้ลูกทรพี!  ทำแต่เรื่องขายหน้า  หน้าของพ่อแม่ มึงเอาไปขายเสียเกลี้ยงแล้ว  มึงไม่อายบ้างรึไง  สมองมึงนอกจากเรื่องท้าตีท้าต่อยแล้วมีเรื่องดีๆ บ้างไหม  เรียนหนังสือก็ไม่เอาไหน  พอให้ทำงานก็หนีเที่ยว  ทีเรื่องชกต่อยกลับไม่ขี้เกียจสักนิด  ตอบมาซิ  ชีวิตมึงคิดจะเอายังไงต่อ  มึงอายุเท่าไรแล้ว  ผู้ชายอายุ ๒๐ เลี้ยงตัวเองได้แล้ว  ดูสารรูปมึงสิ  มีตรงไหนสมเป็นลูกกูบ้าง!”
   
ในคำดั่งมีคม  มีดกี่เล่มหั่นเฉือนเนื้อใจจนขาดเป็นริ้ว  สิงห์เงยหน้าขึ้นมองพ่อ  ในดวงตาที่คล้ายคั่งแค้นนั้นมีหยาดน้ำใสคลอเอ่อ 
   
พ่อไม่เห็นความน้อยใจ  ไม่เห็นความเสียใจ  ไม่เห็นความผิดหวัง  พ่อเห็นแต่ความระยำบัดซบ  “มองหน้ากูทำไม!  ไม่พอใจงั้นหรือ  กูพูดผิดตรงไหน!”
   
“ผมทำให้พ่อขายหน้านักใช่ไหม” เสียงแหบพร่าเค้นขึ้นจากลำคอขมปร่า “งั้นพ่อปล่อยให้ผมเกิดมาทำไม  ทำไมไม่เอาขี้เถ้ายัดปากให้ผมตายไปซะ!”
   
“หุบปากเดี๋ยวนี้! เลิกพูดไร้สาระซะที  ดีแต่โทษนั่นโทษนี่  ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิดสักอย่าง!  ไอ้ลูกไม่รักดี!” กำนันโกรธจนหน้าแดง  ฝ่ามือเทอะทะฟาดเปรี้ยงเข้าบ้องหูจนหน้าหัน  ทุกสิ่งคล้ายมืดดับลงชั่ววูบ  เจ็บจนชา  แม่ร้องเสียงหลง  ปราดเข้ามาหาเขา  ในขณะที่จ้อยตกตะลึงตัวสั่น  สิงห์ขบกรามกรอด  ลุกพรวดขึ้นยืนค้ำหัวพ่อ
   
“ผมไม่รักดีก็เพราะพ่อนั่นแหละ!  ตั้งแต่เล็กจนโต  ผมทำอะไรก็ผิดหมด  พ่อเคยพูดดีๆ กับผมไหม  คิดว่าผมอยากเป็นลูกพ่อหรือ  พ่อเย็นชาเห็นแก่ตัวแบบนี้ผมไม่อยากได้หรอก!”
   
สายตาที่พ่อมองมาเหมือนมองหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง “ไอ้ลูกชั่ว! มึงไม่ใช่ลูกกู!”  สิ้นเสียงตะคอก  พ่อเงื้อง่าตะพดในมือขึ้นสูง  แม่ถลาเข้ามากางกั้นไว้  ออกปากไล่ให้เขากลับเข้าห้อง 

ร่างกำยำเดินลงส้นปึงปังเข้าห้อง  กระแทกประตูปิดเสียงดังลั่น  กระนั้น  เสียงพ่อแม่ทะเลาะกันก็ยังเล็ดลอด..

เรื่องเดิมๆ  เหตุการณ์เก่าๆ  วนเวียนซ้ำซากไม่หยุดหย่อน
   
“ช่วงนี้ฉันงานยุ่งแทบไม่มีเวลา  ไอ้ลูกสารเลวดันมาก่อเรื่องเอาตอนนี้”
“ฉันรู้ว่าพี่งานยุ่ง  ถึงจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องคุมลูกชายบ้าง  ถ้าเขาเป็นแบบนี้ต่อไป  สักวันต้องถูกจับเข้าคุกแน่  พี่เป็นถึงกำนัน  ดูแลคนทั้งตำบล  แต่ลูกชายคนเดียวกลับสั่งสอนไม่ได้”
“สิงห์มันเสียคนตั้งแต่เด็ก  ไม่มีอนาคตแล้ว”
“ทำไมพี่พูดแบบนี้  ตาสิงห์เป็นลูกพี่นะ”
“เลี้ยงเสือตั้งแต่เด็ก  โตขึ้นก็ทำร้ายคน  เพราะเธอโอ๋เขาจนเสียคน”
“ทำไมโยนความผิดมาให้ฉัน  พี่ไม่ผิดหรือ  บอกว่าออกไปทำงาน  ไปบ้านเล็กบ้านน้อยสิไม่ว่า  ทิ้งฉันกับลูกเอาไว้ไม่เคยสนใจ  ตอนเด็กๆ ตาสิงห์เป็นเด็กดี  แต่เพราะพี่ไม่สั่งสอนถึงได้กลายเป็นแบบนี้  ถ้าฉันผิด  พี่ไม่ผิดหรือไง”
“พอๆๆ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลยน่า”

ร่างสูงใหญ่ทว่าบอบช้ำเหมือนสัตว์บาดเจ็บยืนอยู่ริมหน้าต่าง  ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรง  เหม่อมองท้องน้ำสีน้ำตาลเบื้องหน้าด้วยขอบตาร้อนผ่าว
   
เสียงเคาะประตูดังขึ้น  ปลุกสิงห์ให้ตื่นจากห้วงความคิด  ดวงตาแดงก่ำหันไปมอง  เห็นจ้อยในชุดนักเรียนครูอันทรงเกียรติเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง 

นักเลงโตแค่นหัวเราะคล้ายจะหยันตัวเอง  สูดจมูกลึก  จับจ้องวงหน้าละมุนไม่วางตา

จ้อยเอ๋ย.. ยิ้มให้พี่ชื่นใจสักนิดเถิด  มองพี่อย่างห่วงใยสักหน่อยได้ไหม  โปรยเศษรักเป็นทานแก่หัวใจพี่สักเสี้ยว  เป็นน้ำรินรดหัวใจที่แห้งผากดวงนี้ที  ต่อให้ถูกพ่อด่าว่าแค่ไหน  ต่อให้ถูกชาวบ้านแช่งชักหักกระดูกเพียงใด  ต่อให้เป็นคนไร้ค่าในสายตาใครต่อใครก็ตาม  ขอเพียงพี่ได้อยู่ในสายตาของใครคนหนึ่ง
   
เพียงคนดีของพี่คนเดียวก็พอ
   
“เอาคืนไป  ไม่อยากได้” ดวงตาสีน้ำตาลใสว่างเปล่า  มือเล็กยื่นห่อกระดาษส่งให้  ทำไมสิงห์จะจำไม่ได้  ห่อขนม ถุงกระดาษใส่เสื้อที่เขาเป็นคนยัดใส่มือจ้อยเองกับมือ  เพียงคำพูดนั้น.. เพียงแววตานั้น.. สิงห์ไม่อยากเชื่อว่ามันจะมีฤทธิ์ทำให้เขาชาวาบได้ทั้งร่าง 
   
“เอ็ง.. เอ็งว่าอะไรนะ” แผลฟกช้ำบนหน้า  หัวที่แตกเลือดอาบคล้ายเจ็บสะท้านขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ

จ้อยไม่ตอบคำ  เมื่อเห็นเขาไม่ยื่นมือไปรับคืนเสียที  มือเล็กจึงวางห่อกระดาษลงกับพื้นตรงหน้า  สิงห์ได้แต่นิ่งมองซากหัวใจตนถูกวางทิ้งอย่างไร้ค่าไม่ต่างจากเศษขยะ 

เหมือนพิษงูกรูแทรกชำแรกรวด   ให้ร้าวปวดปิ้มจิตปลิดสลาย

นักเรียนครูเงยหน้ามองด้วยสายตาเย็นชา  ริมฝีปากบางปล่อยคมมีดมากรีดใจเขาอีกแผล


“คืนนี้.. ไม่ไปดูหนังแล้ว” 


โปรดติดตามตอนต่อไป
__________________________________________________________________________
*ที่รัก, สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ คำร้อง, ชรินทร์ นันทนาคร ขับร้อง


วะฮะฮ่าฮ่า ต้องยังงี้มันถึงจะซ๊ะใจ ดราม่าเท่านั้นที่เราต้องการ  :laugh:

ไปล่ะค่ะ ขอโทษที่มาช้าไปหน่อยนะคะ

รักคนอ่านเน้อ :กอด1:

ดอกไม้
๑๖ ก.ย. ๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 16-09-2012 18:58:29
นั่นไง

 :o12:   :เฮ้อ:
โป้งคุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 16-09-2012 19:01:01
 :o8: พี่สิงห์แมนมาก
จ้อยใจอ่อนหน่อยน่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 16-09-2012 19:07:58
เมื่อไหร่สิงห์กับน้องจ้อยจะเข้าใจกัน :t3:
ตอนนี้สงสารพี่สิงห์มากๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 16-09-2012 19:21:04
เจ็บที่ใจอ้ะ :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 16-09-2012 19:21:41
โห่ ~ เพราะคุณนายพูนทรัพย์คนเดียวเลยยย
สิงห์น่าสงสารตอนนี้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 16-09-2012 19:29:23
บ๊ะ!!!  :sad4:  สงสารพ่อสิงห์  แงๆๆๆๆ  น้องจ้อยอย่าใจร้ายกับพี่สิงห์อีกคนเลย
พี่สิงห์ก็อย่าวู่วามทำร้ายน้องอีกนะ
สามคำ>>>สิงห์ สู้ สู้  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 16-09-2012 19:43:59
สงสารพี่สิงห์นะตอนนี้ ต้องเข้าใจผิดโกรธจ้อยไปใหญ่โตแน่ๆ เพราะคุณนายแท้ๆ
และที่สำคัญมีบทไอ้ลอยทีไรยิ่งเกลียดมันเพิ่มขึ้นทุกที ฮึ่ยๆๆๆๆๆๆ
ได้แต่หวังว่าคุณดอกไม้จะไม่ดราม่าหนักทำร้ายแฟนคลับนะจ้ะ^^
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะจะรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 16-09-2012 19:45:15
อ่านตอนแรกๆ แอบอมยิ้มกับความน่ารักของสิงห์
แต่ตอนจบนี่ อารมณ์ต่างกับตอนแรกลิบลับ  :o12:



ปล. ขอนอกเรื่องนิดนึง ได้รับหนังสือแล้วค่ะ งามมาก โดยเฉพาะเล่มเล็ก ><
แต่ๆๆ  ดันส่งมาช่วงใกล้สอบนี่สิ อ๊ากกกก อยากอ่าน  :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-09-2012 19:50:55
โอ้ยยยยยยย สงสารพี่สิงห์ จุกอก แอ๊กกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 16-09-2012 19:56:39
พี่สิงห์ก็ยังเป็นขวัญใจแม่ยกในเล้าต่อไป

สู้ เว้ย !!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ทานตะวัน ที่ 16-09-2012 20:00:21
เราจะโวยวายเป็นเด็กน้อยว่าคุณดอกไม้ใจร้ายปล่อยให้เราค้างเติ่งอยู่อย่างนี้ 5555 น่าสงสารพี่สิงห์นะ
น้องจ้อยก็น่าสงสาร ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลมีปมในใจของตัวเอง
แล้วยิ่งยุคสมันนั้นเรื่องอย่างนี้คงจะค่อนข้างยอมรับยาก
เป็นกำลังใจให้พี่สิงห์กับน้ิองจ้อยต่อไป รวมทั้งคุณดอกไม้ด้วยค่ะ อิอิ
ปล. คิดถึงคุณชายกับคุณครูหงะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 16-09-2012 20:07:06
เมื่อไรจะเข้าใจก๊าน  :sad4: แต่ถ้าเข้าใจกันง่ายๆ ก็ไม่ใช่คุณดอกไม้สิเนอะ ต้องผ่านความระทม เกือบจมน้ำตามาก่อนชิมิ  :z1:

ปล. เหมือนเรื่องผู้ปกครองใจร้าย เราได้รับหนังสือแล้วและอ่านรวดเดียวจบวันกว่าๆ น้ำตาท่วมและบีบคั้นหัวใจเหลือเกินกว่าจะพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ (ขอคอมเม้นท์ตรงนี้นะคะ ไม่อยากเม้นท์หน้าเพจเฟสบุค ขออภัยจริงๆ เพราะเฟสบุคชอบสาระแนรายงานว่าเราไปโพสต์ที่เพจใหนอ่ะค่ะ เราไม่อยากเปิดตัวว่าเป็นสาววายกับทุกๆคน) งานเขียนของคุณไม่มีที่ติเลยค่ะ เพราะภาษาบรรยายเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครมากๆ แต่คอนฟลิคของทั้งสองเรื่องจะคล้ายกันตรงที่ ความไม่เข้าใจกันเพราะเข้าใจผิดบางเรื่องแล้วไม่ได้เคลียร์ ทำให้คนอ่านบีบคั้นในใจไปด้วย (แล้วก็ทิ้งไปไหนไม่ได้ เพราะอยากรู้ปัญหาจะเคลียร์ยังไง) ที่ติมีนิดนึงตรงที่ พอทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ตบด้วยความหวานไม่พอยังไงไม่รู้ อิอิ น้อยเกิ๊น เรื่องนี้ พอผ่านอุปสรรคแล้วก็อย่าลืมแถมตอนน่ารักๆให้ด้วยนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Tnapat ที่ 16-09-2012 20:09:32
อยากรู้ว่าอะไรที่จะเป็นตัวเชื่อมให้สิงห์กับจ้อยเข้าใจกัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pie_handsome ที่ 16-09-2012 20:27:31
เข้าใจผิดกันแบบนี้ไม่ดีเลย
คนอ่านรวดร้าว ฮือๆ
น้องจ้อยจ๋า พี่สิงห์จ๋า
รักกันดีๆ สักทีนะ
(ปัจจุบันรักกันแล้วแต่รักแบบเลวร้ายมั่ก!)
ส่วนพี่ดอกไม้ ก็รีบอัพน้าาาาาา
อย่าปล่อยให้คนอ่านลงแดง
 คิดถึงพี่สิงห์ น้องจ้อย คุณเล็ก กับพระเอกสุดหล่อของเรานานน้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: meiji ที่ 16-09-2012 20:33:25
ขอร้องนะ บีบหัวใจมาก เมื่อไหร่คู่นี้จะดีสักทีอ่ะ T T
สงสารสิงห์ว่ะ เเต่เข้าใจว่าเรื่องมันมีหลายประเด็น สิงห์ต้องเเก้ที่ตัวเองก่อนอ่ะนะ เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 16-09-2012 20:33:46
เมื่อไหร่สองคนนี้จะเข้าใจกันสักทีนะ :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 16-09-2012 20:36:28
พระเจ้า พีสิงห์ของน้อง อย่าเพิ่งใจสลายนะคะ  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: GoodboyNicky ที่ 16-09-2012 20:42:09
เมื่อไหร่จะเข้าใจกันเนี่ย เมื่อไหร่จะเสร็จพี่สิงห์ล่ะเนี่ย น้องจ้อยก็น่ะ เหนื่อยและปวดตับมาก แต่ก็เป็นกำลังใจให้คนเขียนจร้า  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 16-09-2012 20:45:32
พระเจ้า!!! พี่จี้เขียนตอนนี้ได้ดีมากอ่ะ เหมือนเค้าไปยืนดูเค้าทะเลาะกันเลยอ่ะ o13
มันบีบหัวใจจริงๆ มีอะไรถาโถมมาให้พี่สิงห์อีกไหม  o22
สงสารพี่สิงห์ :m15:
+๑

ปล.สงสารจ้อยด้วย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 16-09-2012 20:46:19
น้ำตาคลอเลย T-T ไม่รู้จะสงสารใครดี :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: LapiN ที่ 16-09-2012 20:52:04
โอยยยย บีบหัวใจมากกก สงสารพี่สิงห์ โฮ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 16-09-2012 20:54:40
ใจจะขาดแล้วววว
สงสารสิงห์
 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 16-09-2012 21:07:17
ตัดตอนได้ทิ้งทุ่นระเบิดกันมากมายค่ะ T_T สงสารพี่สิงห์อ่าาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 16-09-2012 21:17:07
 :sad4:

พี่สิงห์ใจเย็นก่อนนะ อย่าเพิ่งโมโหนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 16-09-2012 21:51:47
สิงห์ของพี่ ทำไมถึงต้องเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้องจ้อยเอย พ่อกำนันเอย ตั้งใจจะซ้ำเติมให้พ่อสิงห์เจ็บช้ำไปถึงไหน
สงสารไม่ไหวจะเคลียร์แล้วคะ่  T T คนแต่งใจร้าย รังแกแต่น้องสิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 16-09-2012 21:59:40
บีบหัวใจเหลือเกินตอนนี้ T_________T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 16-09-2012 22:27:50
ฮือๆ   จ้อยเอ้ย 

น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 16-09-2012 22:39:28
มันดราม้าดราม่าสุดติ่งสุดไต สงสารน้องจ้อยไม่พอ ตอนนี้แล่นมาสงสารพี่สิงห์ด้วยแล้วค่ะ  :m15:

เรื่องราวตอนต้นช่างน่ารักมาก พี่สิงห์วิ่งหอบขนมไปให้น้อง ไปถือตะกร้าหนัก ๆ ให้ด้วยหน้าแสนจะบาน
แต่ต่อจากนี้คนอ่านแทบจะบ้าตาย เกลียดอีเจ๊กขายกาแฟนั่นมากมาว่าน้องจ้อยแบบนั้นได้ไง เลวจริง
สมควรที่โดนต่อยหน้าแหกแล้วล่ะ มันเป็นตัวการให้พี่สิงห์โดนด่าอีกด้วย แง สงสารพี่สิงห์
แต่ใจก็อยากให้พี่สิงห์เอาจริงเอาจังกับการทำมาหากินนะ วิธีนั้นน่าจะชนะใจน้องจ้อยที่รักได้บ้างนา

แม่สิงห์ก็ใจร้ายอ่ะว่าจ้อยสาดเสียเทเสียตลอดเวลา น้องมันไม่ได้ทำอะไรเล้ย เฮ้อ ใครจะรู้ ใครจะเข้าใจ
อารมณ์สิงห์ตอนแบบโดนพ่อด่าแล้วจ้อยมาบอกไม่ไปดูหนังด้วยนี่แบบน่าสงสารมากอ่ะ

ดราม่าแต่ชอบค่ะ!! จัดมาีอีกนะคะ ๆ (หมายถึงแต่งมาให้อ่านอีก ไม่ต้องดราม่าหนักนักก็ได้ค่ะ
คนอ่านใจจะขาด สงสารตัวละครของเราเหลือเกิน)

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 16-09-2012 23:39:08
โอ๊ยยยย สงสารสิงห์อ่ะ


ส่วนจ้อยไม่ต้องบอก สงสารมานานแล้ว 5555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: iGiG ที่ 17-09-2012 00:13:55
พี่สิงห์ T ^ T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: izanagi ที่ 17-09-2012 00:48:05
น้ำตาไหลเลย สงสารพี่สิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 17-09-2012 01:20:23
ไม่ไหวเลี้ยวววววววววววววว
จากนี้ไปเค้าจะกล้าเข้ามาอ่านมั้ยอ่ะ ดูความรักครั้งนี้หาทางจบดีๆไม่เจอเลย
ยิ่งอ่านยิ่งเจ็บ จะมีวันที่สิงห์กับจ้อยเข้าใจกันมั้ย ฮือออออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 17-09-2012 05:18:13
สิงห์เป็นห่วงจ้อย ก็พูดดี ๆ บอกไปเลยตรง ๆ ว่าเป็นห่วง ทำไมพูดแบบนั้น จ้อยยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่ สิงห์รู้สึกยังไงก็น่าจะบอกจ้อยไป บอกกับตัวเองในใจ จ้อยจะรู้ไหม แม่สิงห์ก็ร้ายกาจตลอดเวลาเลยจริง ๆ พ่อจ้อยเป็นใครกันแน่นะ น่าสงสัยจริง ๆ พ่อสิงห์ก็ทำไมไม่พูดจาดี ๆ กับสิงห์หน่อยนะ รู้ไหมว่าสิงห์เสียใจ แล้วสิงห์อย่าทำอะไรจ้อยนะ จ้อยคงไม่ได้ตั้งใจจะพูดจาแบบนั้นกับสิงห์หรอก และคงไม่ได้ตั้งใจจะทำให้สิงห์เสียใจด้วย แต่แม่สิงห์พูดจาแบบนั้บกับจ้อย จะให้จ้อยทำยังไง สงสารสิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-09-2012 09:55:21
มันเป็นวันซวยอะไรของพี่สิงห์
อุตส่าห์ทำดีตั้งหลายอย่าง ล้มเหลวไม่เป็นท่า
ถูกพ่อดุด่า ถูกน้องเมิน เจ็บอะไรเยี่ยงนี้
แล้วพี่สิงห์จะเตลิดเปิดเปิงเป็นเสือบาดเจ็บรึเปล่า
น้องจ้อยช่วยพี่สิงห์ด้วย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mymicky ที่ 17-09-2012 10:18:55

สงสารพี่สิงห์.....  เมื่อไหร่ทุกคนจะให้ความรักพี่สิงห์บ้าง 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 17-09-2012 10:27:32
น่าสงสารอ่ะ
สิงห์ก็ไม่พูดน้า ว่าเพราะอะไรถึงไปต่อยเขา
พ่อกำนันก็ไม่ค่อยแสดงออกว่ารักลูก
ส่วนคุยนายนี่น่าหมั่นไส้มากอ่ะ ทำเป็นผู้ดี ชิ!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 17-09-2012 12:42:36
ท้องอืดไปหมดแล้ว!!!!!
กินมาม่ามากเกินไป
อยากกินขนมจีบ ซาละเปาบ้างแล้วอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 17-09-2012 14:49:27
สงสารสิงห์จะตายอยู่แล้วว
จ้อยจ๋าเห็นใจสิงห์หน่อยเถอะ
ปวดหัวใจแทน TT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: darkuril ที่ 17-09-2012 17:36:57
ม่ายยยยยยยย พี่จี้ใจร้ายยยยยย แงงงงงงงงงงงงงง้  :z3:
โอ๋ๆนะพี่สิงห์ :sad11:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 17-09-2012 19:52:42
คู่สิงห์กับจ้อยคงอีกนานแน่ๆเลยกว่าจะรักกัน
เห็นใจสิงห์มันอยู่เหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-09-2012 20:48:52
โอ๊ยยย ตายๆ

อกอีแป้นจะแตก

จ้อยเอ้ยย เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยพูดวันหลังก็ได้

พี่สิงห์เค้ากำลังเจ็บปวดอยู่ ทั้งกายทั้งใจ

ยังไม่ซ้ำเติมอีก เฮ้ออ

ถึงจ้อยจะไม่รูู้้ก็เถอะว่า พี่สิงห์มันช่วยจ้อยอยู่นะ

T_T
 
 

ยังไปไ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 17-09-2012 21:03:37
ต้นเหตุที่จ้อยกับสิงห์รักกันไม่ได้น่าจะเกิดจากแม่อีกแน่ๆเลย
รู้สึกเหมือนแม่ผัวรังแกลูกสะใภ้ยากจนชะมัด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 17-09-2012 21:41:23
แล้วเมื่อไหร่จ่อยและสิงห์จะเข้าใจกันซะทีนะ ก็อยากจะเป็นใจสิงห์อยู่เหมือนกันนนะแต่ว่าสิงห์ทำตัวเองไม่ใช่เหรอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Lady~B ที่ 17-09-2012 22:13:33
สงสารสิงห์นะ

แต่อ่านๆ ไป อยากให้จ้อยเบี้ยนกะคุณชายเล็กซะงั้น 555+ :z1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kwangun ที่ 17-09-2012 22:22:36
น้ำตาไหล  :o12:  ไหนบอกรักน้องแต่รักไม่พอจะทิ้งศักดิ์ศรีนักเลงเหรอสิงห์ เฮ่ออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 17-09-2012 23:43:13
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
เรื่องกำลังจะดีอยู่แล้วเชียว

ถ้าเป็นคนที่จ้อยรักไม่ได้ ก็ขอเป็นคนที่จ้อยเกลียดที่สุดก็แล้วกัน
หัวใจที่ให้ไปทั้งดวงยังไม่เห็นคุณค่า งั้นคืนนี้เห็นดีกัน...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 18-09-2012 16:26:38
แงๆ สงสารสิงห์มากมาย ไม่มีใครเข้าใจ
ใครๆก็ไม่รักผม ขนาดพัดลมยังส่ายหน้าเลย :monkeysad:

เจ๊กโกกับเพื่อน ความคิดอุบาทว์มาก ไอ้พวกแก่ตัณหากลับ เกลียดจริงๆ :m16:
ภาษาแต้จิ๋ว เราเข้าใจเป็นบางคำ แต่บางคำก็ไม่รู้ วงเล็บแปลให้หน่อยก็ดีนะคะ แหะๆ

แม่กำไลแต่ก่อนคงทำตัวไม่ดีเท่าไหร่ ลูกๆเลยต้องมาเจอการดูถูกอย่างนี้ แย่จัง
คาดว่าพ่อกำนันเองก็คงมีประวัติเกี่ยวเนื่องกับแม่กำไลอยู่ แม่สิงห์เลยไม่ชอบจ้อยอย่างแรง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๘ : ที่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๑๖/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: นางคุ้ม ที่ 18-09-2012 20:20:43
ดิชั้นอยากให้จ้อยโดนพวกไอ้ลอยรุมโทรมเสียผู้เสียคน แล้วกลายเป็นอิตัวหยำฉาคงสะใจพิลึก 
อิชั้นคิดว่าฉากนี้จ้อยเลวมากค่ะ ไม่สมกับเป็นตัวเอกเลย มองในมุมของคนทั่วไป  ต่อให้เกลียดชัง
ชังกันแค่ไหน คนบาดเจ็บมา น้ำท่าหยูกยาก็ควรดูแลเอาใจใส่ ไม่ก็ถามไถ่บ้าง สมัยเด็กกสิงห์มัน
ก็เอ็นดูจ้อยอยู่มากนะค๊ะ หรือจ้อยลืมไปหมดเพราะแค้นบังตา แค้นเรื่องอะไรละตัวเองเป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ เมื่อไม่มีเงิน
ก็ต้องโดนเขาโขกสับ เอาแรงเข้าแทนดอกเบี้ยจ้อยมีสิทธิ์โกรธแค้นเจ้าหนี้หรอ 
ทำไมไม่โทษตัวเองที่ไปยืมเงินเขาทั้งที่รู้ว่าเขาหน้าเลือด    ถ้าจะคืนของควรอธิบายเหตุผลให้ฟังด้วย
อิชั้นว่า จ้อยเหมือนคนไม่ได้รับการศึกษา ไม่รู้อะไรควร อะไรไม่ควร ขาดเมตตา จิตใจคับแคบ
 ไม่เหมาะกับการเป็นนักเรียนครูค่ะ ไม่เหมาะจะเป็นนางเอกรองด้วยค่ะ  อิชั้นไม่ให้ผ่าน
สิงห์มันผิดที่ เกกมะเรกเกเล แต่มันก็มีความเห็นอกเห็นใจ สงสารจ้อย  ทำเพื่อจ้อย ถึงบางครั้งจะอาจมุทะลุไปบ้าง
แต่ที่สุดแล้วก็ทำเพื่อให้น้องมีความสุข ให้น้องยิ้มได้   แล้วจ้อยละ จิตใจสู้นักเลงหัวไม้คนนึงได้มั๊ยค๊ะคุณนักเรียนครู
ปล.  อยากทำแผลให้พี่สิงห์จังค่ะพี่สิงห์ขา

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 25-09-2012 10:01:36
(http://img15.picoodle.com/i59o/wattanan/0_155_ucmz8.jpg)


บทที่ ๑๙

อกเอยมันแค้น

(ครึ่งแรกจ้ะ :L2:)

อกเอยผิดหวัง ผิดหวังดังหยั่งน้ำคลอง
หยั่งจนถึงดั่งปองลึกในคลองแค่ไหน
ฝั่งนองวารี ซ้ายและขวามีเจนใจ
คลองลึกกว้างยาวเพียงใด หยั่งไปไม่ถึงซึ่งตม

อกเอยมันแค้น มันแค้นจนแน่นคับทรวง
ก้นคลองลึกหลอกลวง ถึงเพียงทรวงซ่านสม
ก้นคลองมีโคลนถึงหยั่งถึงโคลนและตม
ตมนั้นก็เป็นดั่งหล่ม ที่มีความลึกเกินหยั่ง*



“คืนนี้.. ไม่ไปดูหนังแล้ว” 
   
จ้อยสบตาสิงห์แวบหนึ่งแล้วก็เอาแต่ก้มหน้ามองพื้น  ใจหนอใจ.. เพราะอะไรจึงแปลบวาบเพียงสบสายตาคู่นั้น  ความผิดหวัง ความเสียใจ บรรจุอยู่ในประกายตาตัดพ้อนั้นเต็มเปี่ยม 
   
“ทำไม..” เสียงแหบห้าวไม่ดังไปกว่ากระซิบนั่นก็บาดลงใจจ้อยเช่นกัน  หนุ่มน้อยเอาแต่ก้มหน้านิ่ง  อับจนถ้อยคำ  ความรู้สึกผิดอัดแน่นอยู่เต็มอก  แต่จ้อยไม่รู้จะทำอย่างไร  คุณนายพูนทรัพย์บังคับให้เอามาคืน  บังคับให้ปฏิเสธไม่ไปดูหนัง  ทั้งที่รู้แก่ใจว่ามันผิดที่ผิดเวลา  แต่เดี๋ยวเขาต้องไปเข้าเรียนแล้ว  ถ้าไม่ปฏิเสธเสียแต่ตอนนี้  การปล่อยให้สิงห์รอเก้อจนเย็นจนค่ำจะไม่เป็นการทำร้ายกันยิ่งกว่าหรือ

“ข้าถามว่าทำไม!” เสียงห้าวตะคอกลั่น  ร่างสูงใหญ่ปราดเข้าประชิด  มือหยาบบีบต้นแขนเล็กจนแน่นทั้งสองข้าง  สิงห์ขบฟันกรอด  นั่นละเจ้านักเรียนครูจึงเงยหน้าขึ้นมองอย่างตื่นตระหนก  ความผิดหวังเสียใจแปรเปลี่ยนเป็นความเดือดดาลคลุ้มคลั่งอย่างง่ายดายเหมือนน้ำเดือดบนเตาไฟ 
   
เพียงถูกน้องปฏิเสธ  มันเจ็บเสียยิ่งกว่าตอนถูกไอ้พวกเจ๊กนั่นชกกลับ  เจ็บกว่าตอนถูกพ่อตบบ้องหูเสียอีก  สิงห์อยากฉีกอกขาวๆ ตรงหน้าแล้วควักหัวใจออกมาดู  อยากรู้นักว่ามันจะดำเหมือนอีกาไหม
   
“ใกล้..ใกล้สอบแล้ว.. ต้องอ่านหนังสือ” เสียงเล็กละล่ำละลัก  มือบางพยายามแกะคีมเหล็กออก  แต่สิงห์ยิ่งเพิ่มแรงบีบแน่นจนจ้อยนิ่วหน้า   
   
“งั้น..ถ้าสอบเสร็จแล้วล่ะ  ไปกับพี่ได้ไหม” พูดไปแล้วก็แสนสมเพชตนเองนัก  ถูกปฏิเสธขนาดนี้แล้วยังมีหน้าไปวิงวอนเหมือนคนโง่ 
   
“ไม่เอา  วันไหนก็ไม่ไป  ปล่อย..” ไม่ ไม่ ไม่ คำว่า ‘ไม่’ หล่นจากกลีบปากสีเรื่อนั่นกี่ครั้งแล้ว  เสียงห้าวแค่นหัวเราะ  เล่นยืนกรานกระต่ายสามขาแบบนี้  เหตุผลที่แท้จริงคือต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบหรือนักเรียนครูผู้แสนดีไม่อยากเดินกับอันธพาลสวะสังคมอย่างเขากันแน่  คิดถึงตรงนี้  มือหนาเค้นแรงลงโดยไม่รู้ตัว  เนื้อขาวๆ แทบทะลักตามง่ามมือแกร่ง  สิงห์ออกแรงนิดเดียวก็ตรึงร่างบอบบางไว้กับฝาเรือนได้อย่างง่ายดาย 
   
“อยากรู้น้ำใจเอ็งนัก” เสียงแหบพร่าลอดไรฟัน  สายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อนั้นคลอวับด้วยหยาดน้ำใส “ถ้าพี่ขาดใจตายลงต่อหน้า  เอ็งจะไปเผาผีพี่ไหม  จะเสียน้ำตาให้พี่สักหยดหรือเปล่า”
   
“ไม่..ไม่รู้.. ปล่อย!” จ้อยลนลานดิ้นปัดๆ  ต่อต้านสุดกำลัง  แต่ตัวบางๆ เหมือนตุ๊กตากระดาษจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาขัดขืนเขาได้  “ปล่อยเดี๋ยวนี้! จะไปเรียนแล้ว ปล่อย..อุ๊บ!”
   
โดยไม่ทันให้ตั้งตัว  ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงกดจูบริมฝีปากบางอิ่มทันที  ปิดกลีบปากที่ดีแต่เอ่ยถ้อยคำตัดรอนเสียด้วยจูบหักหาญบ้าคลั่ง 
   
“อื๊อ..” เสียงประท้วงถูกช่วงชิงไปเสียสิ้น  นัยน์ตาคู่สวยเบิกโพลง  ร่างเล็กดิ้นพราดเหมือนจะขาดใจ  แขนขากระแทกฝาเรือนดังตึงๆ ด้วยแรงพยศ  เสียงดังจนน่าจะได้ยินไปทั้งเรือน  แต่สิงห์กลับไม่สนใจสักนิด  คุกคามตะโบมจูบอย่างเอาแต่ใจ  เสียงลมหายใจร้อนผ่าวรุนแรงเหมือนสัตว์ป่า  ยิ่งใบหน้าเล็กพยายามส่ายหนี  ริมฝีปากรุมร้อนยิ่งตามติด  ลิ้นแข็งราวกระเบื้องสอดแทรกเข้าไป  ดูดกลืนหนักหน่วง  ไม่สนใจร่างในอ้อมกอดที่สั่นสะท้านอย่างตื่นกลัว  ฟันคมขบเม้มจนได้รสเลือดเค็มปร่าในปาก  เขารู้ว่ามันกลัว รู้ว่ามันเจ็บ  แต่ช่วยไม่ได้  มันอยากมาทำให้เขาเจ็บก่อนทำไม  ยิ่งมันดิ้นรนขัดขืน  เขายิ่งกระหน่ำความรุนแรงประเคนให้อย่างถึงอกถึงใจ 
   
ไอ้งูเห่าเลี้ยงไม่เชื่อง  แผลที่หน้าก็ได้มาเพราะอุตส่าห์ปกป้องมัน  สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเขาปกป้องมันเพื่อให้มันมาเอามีดแทงใจเขาภายหลัง  มันเจ็บเสียยิ่งกว่าเจ็บ  ความจริงมันโดนแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ!
   
เสียงทุบประตูดังรัวอยู่ภายนอก  ตามมาด้วยเสียงน้าแป้นตะโกนเรียกชื่อพวกเขาโหวกเหวก  สิงห์ยังไม่มีทีท่าจะปล่อยอีกฝ่ายเป็นอิสระ  หนุ่มน้อยยิ่งออกแรงขัดขืนสุดใจ  หัวใจเต้นรัวจนกลัวว่าจะทะลุออกมานอกอก  กลัวเหลือเกินว่าน้าแป้นจะเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพบัดสี  จนกระทั่งได้ยินเสียงบานประตูลั่นออด  น้าแป้นกำลังเปิดประตูเข้ามาแล้ว!  ทำอย่างไรดี!
   
เมื่อนั้น  ลูกชายกำนันยอมผละออกอย่างง่ายดาย  น้ำลายอ่อนใสทิ้งสายเป็นทางตามเรียวลิ้นที่ถอดถอน  น้าแป้นกับหนูน้ำฝนเข้ามาทันเห็นเพียงจ้อยทรุดกายฮวบลงกับพื้น  สองมือเล็กปาดป้ายริมฝีปากเจ่อช้ำครั้งแล้วครั้งเล่า  ตัวสั่นสะท้านเหมือนลูกนก
   
“สิงห์ทำอะไรครูน่ะ!” สองแม่ลูกปราดเข้ามาหา  ก่อนน้าแป้นหันไปถามคนที่ยืนหอบอย่างคาดโทษ “มันเรื่องอะไร ทำไมถึงต้องตีกันล่ะพ่อ”
   
หนูน้ำฝนหิ้วล่วมยาเข้ามาด้วย  สองแม่ลูกคงตั้งใจมาทำแผลให้ลูกชายกำนัน  หากดวงตาคมปลาบนั้นกลับจ้องมองจ้อยไม่วางตา  ร่างเล็กสั่นสะท้านด้วยแรงชิงชังเมื่อเห็นอีกฝ่ายแลบลิ้นเลียริมฝีปากเอร็ดอร่อย  ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มหยันก่อนเดินออกไปไม่สนใจไยดี  หากพอน้าแป้นเรียกให้มาทำแผลก่อนก็ตะคอกใส่อย่างก้าวร้าว
   
“ช่างมัน! ปล่อยให้ตายโหงตายห่าไปซะ!”

เสียงฝีเท้าตึงตังทิ้งระยะห่างออกไปแล้ว  เสียงก่นด่าของลุงกำนัน และเสียงร่ำเรียกหาของคุณนายพูนทรัพย์อึงอลอยู่ข้างนอก  ชั่วอึดใจเดียว  จ้อยก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ไทร์อัมพ์ดังกระหึ่มจากใต้ถุนเรือน   
   
เสียงเร่งเครื่องห้อตะบึงไปไกลจนหายไปจากโสตประสาท  แต่จ้อยก็ยังกอดตัวเองตัวสั่นงันงก  ไม่มีแรงแม้กระทั่งจะพยุงกายลุกขึ้น  ต้นแขนขาวขึ้นรอยแดงเป็นรูปห้านิ้วจนเห็นได้ชัด 
   
“ตายจริง! ครูปากแตกด้วย! โดนตาสิงห์ชกเอาสิเนี่ย” น้าแป้นร้องขึ้นเมื่อเห็นรอยช้ำบนริมฝีปาก  มือขาวรีบปาดเช็ดลนลาน  หนูน้ำฝนเดินไปหยิบห่อขนมและถุงเสื้อที่กระจัดกระจายขึ้นมาแกะดูอย่างสนอกสนใจ
   
“น้ำฝนเอาไปกินสิ” จ้อยเสเปลี่ยนเรื่อง  พยายามหันเหความสนใจน้าแป้นออกจากริมฝีปากเขาสักที  แต่แม่หนูน้อยกลับเบ้หน้า  ส่งห่อขนมคืนหน้าตาเฉย
   
“หนูกินไม่ได้  มีแต่ขนมแข็งๆ ไม่มีฟันเคี้ยว” ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างอวดฟันหลอ  เล่นเอาใจคนฟังกระตุกวูบ

คุณนายพูนทรัพย์พูดถูก  สิงห์ตั้งใจซื้อของพวกนี้มาให้เขา

ใบหน้าขาวซีดก้มมองพื้นนิ่ง  ความรู้สึกผิดถาโถมกัดกินใจ  ครั้นยกมือขึ้นแตะปากเจ่อช้ำของตนก็ถึงกับสะดุ้ง  คล้ายริมฝีปากผ่าวร้อนของใครคนนั้นยังติดตรึงอยู่ไม่วางวาย 

******************************

วันนี้จ้อยเรียนหนังสือไม่รู้เรื่องทั้งวัน  ทั้งที่คาบภาษาอังกฤษของหม่อมราชวงศ์เลอมานออกจะสนุกสนานครึกครื้น  คุณชายสูงศักดิ์หิ้วกระเป๋าเครื่องเล่นแผ่นเสียงมาที่ห้องเรียนแต่เช้า  ใครๆ ก็ต่างรอคอยคาบสอนของคุณชายเล็กของจ้อยกันทั้งนั้น  ค่าที่นอกจากจะได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่ๆ จากเพลงแล้ว  ยังได้ฟังเพลงฝรั่งพร้อมคำแปลที่ครูฝึกสอนรูปสวยสรรหามาใช้เป็นสื่อการสอนด้วย
   
คุณชายจะแจกกระดาษโรเนียวให้นักเรียนทุกคน  ในนั้นมีเนื้อเพลงที่ใช้สอนประจำวัน  แต่บางช่วงของเนื้อขาดหายไปเป็นช่องว่าง  รอให้นักเรียนครูทั้งหลายเขียนคำศัพท์ลงไป
   
When the moon hits your eye like a big a pizza pie, That’s amore

ทันทีที่เข็มจรดแผ่นไวนิล ๑๒ นิ้ว ทำนองเพลงคุ้นหูดังขึ้น  สง่าก็หัวเราะก๊ากอย่างห้ามไม่อยู่
   
“คุณชาย นี่มันเพลงเด๊ดสะมอเร่นี่” นักเรียนจอมทะเล้นยังหัวเราะกึกๆ ไม่หาย
   
“หือ” หม่อมราชวงศ์เลอมานขมวดคิ้วมุ่น  ดูท่าจะงงกับคำศัพท์ใหม่อยู่ไม่น้อย “เด๊ดสะมอเร่? แปลว่าอะไร”
   
“เด๊ดสะมอเร่ เก๊าะตายแหงแก๋น่ะซี” สง่าลอยหน้าลอยตาตอบ  ซ้ำสงเคราะห์ให้ด้วยการร้องเพลงยียวน “รักคนผิด คิดจนกลุ้ม หัวชมตุ่ม ขนชี้เด่..เด๊ดสะมอเร่..” เรียกเสียงหัวเราะได้ฮาครืน  ก็สง่าเล่นแปลงเขามาอีกที  บางคนมีการปรบมือให้จังหวะเสียด้วย “น้ำใจเธอ ช่างแปรปรวน ล้วนโกหก พกลมยิ่ง รักจึงรวนเร”
   
อาจารย์ฝึกสอนผู้สูงศักดิ์ยิ้มมุมปาก  นิ่งมองนักเรียนตัวแสบวาดมืออวดลีลาร้องเพลง  มือขาวเท้าแขนลงกับโต๊ะ  เคาะชอล์กในมือก๊อกๆ  ทำหน้าเหมือนสะกดอารมณ์บางอย่างไว้สุดกลั้น  เริ่มเข้าใจแล้วว่าคนเป็นครูบาอาจารย์นั้นเหนื่อยยากเพียงใด  นี่อาจเป็นกรรมที่เขาเคยทำไว้กับเหล่ามาสเซอร์ที่โรงเรียนย้อนกลับมาสนองก็เป็นได้ 
   
นึกแปลกใจตัวเองที่อารมณ์เย็นลงกว่าตอนเพิ่งมาที่นี่วันแรกๆ ลิบลับ  ถ้าเป็นเมื่อก่อน  โดนหัวเราะขนาดนี้เขาคงตวาดลั่นห้องไปแล้ว
   
มือเรียวกำชอล์กแน่น  หรี่ตากะระยะและองศาเป็นมั่นเหมาะ  เงื้อง่าขึ้นเล็ง..
 
“เมื่อยามรัก ปากก็บอกว่าจริง ว่าจะแอบจะอิง ไม่ทอดทิ้ง ฉันให้ว้า.. อุ๊บ!” ปากที่อ้ากว้างมีอันต้องหุบฉับ  สง่าโก่งคอถุยๆๆ จนหน้าแดงก่ำ  เพื่อนนักเรียนพากันหัวเราะขำ   
   
จะอะไรเสียอีก  คุณชายเล่นปาชอล์กเข้าปาก  ปาแม่นเสียด้วย 

เลอมานปัดมือสาสมใจ  มือแม่นอย่างนี้เขาหันไปเอาดีทางโปโลน้ำท่าจะเหมาะ 
อ้อ ลืมไป.. เขาว่ายน้ำไม่เป็นนี่  แต่ไม่เป็นไร  เดี๋ยวให้อาจารย์คนึงสอนให้ก็ได้  ง่ายจะตาย

“โธ่คุณเล็ก! เล่นอะไรนี่!” สง่าเช็ดปากป้อยๆ  สำลักไอจนหน้าแดงก่ำ  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์เดินตรงเข้าหา  ก้มหน้ากระซิบให้พอได้ยินกันสองคน
   
“กล้าหือกลับฉันหรือสง่า  ระวังคืนนี้จะชวดดูหนังเสียหรอก” เล่นเอาคนฟังคอหด  นั่นแน่  รู้จักคำว่า ‘หือ’ กับ ‘ชวด’ เสียด้วย  สง่าเดาว่าคุณชายคงไปได้ยินมาจากใครสักคนแล้วเอาไปถามอาจารย์ร่วมห้องเป็นแน่  เจอขู่เข้าไปแบบนั้นจอมป่วนประจำห้องก็เงียบกริบ     
   
ดวงตาสีน้ำตาลใสกวาดมองรอบห้อง  พบภาพขัดหูขัดตาอีกภาพ 
   
นักเรียนครูร่างเล็กที่นั่งอยู่หน้าห้อง  นักเรียนที่ตั้งใจเรียนที่สุดในห้อง  วันนี้กลับดูเหม่อลอยซึมเซา  ดวงตาที่เคยสดใสกระตือรือร้นอยู่เป็นนิจมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง  มือเล็กยกขึ้นแตะริมฝีปากอยู่นั่น   
   
“จ้อย!” เลอมานย่องไปตบโต๊ะดังตึง!  เรียกเสียงดังเล่นเอาคนใจลอยสะดุ้งสุดตัวลุกขึ้นพรวดพราด

“คะ-ครับ!”
   
“มัวเหม่ออะไรอยู่  อยากโดนชอล์กอีกคนหรือไง” เสียงใสตวัดขุ่นมัว  นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า  ทันทีที่เจอหน้ากันจ้อยก็เล่นบอกว่าไปดูหนังด้วยไม่ได้แล้ว  ทั้งที่เขาตั้งใจว่าจะพาไปเที่ยวให้สนุกกันแท้ๆ  ยิ่งคิดยิ่งไม่สบอารมณ์   
   
“เปล่าครับ” หนุ่มน้อยก้มหน้าตอบอุบอิบ  ยิ่งทำให้คุณชายขวางหูขวางตานัก  เห็นอยู่ว่าเหม่อแล้วยังจะเถียงข้างๆ คูๆ 
   
“ว่าแต่จ้อย  วันนั้นคุณเล็กก็เหม่อ” สง่าเจ้าเก่าขัดขึ้น  เลอมานรู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบกลางแสกหน้า
   
“อะไร เมื่อไร” เขาเลิ่กลั่กอย่างซ่อนไม่มิด “ฉันเปล่าเหม่อนะ”
   
“ช่วงนี้เลือกแต่เพลงรักมาสอน  เอ.. กำลังมีความรักหรือเปล่าคุณเล็ก” นักเรียนครูตัวแสบถามเข้าเป้าไม่เกรงใจใคร “เมื่อวานก็เพลง One night with you”
   
“นั่นสิ  คืนหนึ่งกับใครหรือ” สันติถามขึ้นมาเป็นลูกคู่  เลอมานอับจนคำตอบ  รู้สึกเหมือนถูกต้อนจนมุม  เจ้าพวกที่เหลือก็พากันเป่าปากเฮฮา  มีแต่จ้อยที่กลับไปนั่งเหม่อเหมือนเดิม 
   
“นั่นแน่.. ถามแค่นี้ทำไมต้องหน้าแดงด้วย” สง่าแซวขึ้นมาอีก  คุณชายสะดุ้งโหยง  ยกสองมือปิดแก้มร้อนผะผ่าว  คราบชอล์กบนฝ่ามือทิ้งรอยขาวเปื้อนแก้มเป็นปื้น 

ไม่รู้ตัวสักนิดว่าตกหลุมพรางเข้าแล้ว 

“ห้องนี้ครึกครื้นดีนะ  ขอเรียนด้วยคนสิ” เสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์หันมองตาม  ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกอมยิ้มอยู่หน้าประตู  มายืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ 
   
เลอมานยิ่งออกอาการเลิ่กลั่ก  สองแก้มร้อนวาบ  ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันคงแดงซ่านไปถึงใบหู  ทั้งที่เมื่อคืนนี้นอนหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดกันและกันแท้ๆ  หากพอมามองตากันต่อหน้านักเรียนทั้งห้องแบบนี้ 
   
อาจารย์คนึงไม่รอคำอนุญาต  เล่นเดินอาดๆ เข้ามานั่งลงตรงโต๊ะนักเรียนที่ว่างอยู่หน้าตาเฉย  อาจารย์ผู้เข้มงวดมาปรากฏตัวแบบนี้  ทำให้บรรยากาศการสอนดูจริงจังขึ้นมา.. นิดหน่อย
   
“ใครแกล้งคุณชายเล็กครูจะหักคะแนนให้หมด” เสียงห้าวประกาศไม่จริงจังนัก  แต่ก็เล่นเอาสง่ากับสันติหัวหด  เสียงโอดครวญดังขึ้นเซ็งแซ่ทั่วทิศ 
   
เลอมานกระแอมแก้เก้อ  เดินไปปรับเข็มเครื่องเล่นแผ่นเสียงให้เริ่มเล่นเพลงใหม่  หลบสายตาคนึงที่มองตามเขาทุกอิริยาบถด้วยดวงตาเป็นประกาย  เมื่อเหล่านักเรียนก้มหน้าก้มตาเขียนคำศัพท์ลงในเนื้อเพลง  ครูฝึกสอนร่างเล็กเดินตรวจตรารอบห้อง  ทันทีที่ผ่านหน้าคนึง  มือแข็งแรงก็คว้าแขนเขาหมับ 
   
เด็กหนุ่มชะงักงัน  ยิ่งใจสั่นเมื่อมืออบอุ่นยื่นมาเช็ดรอยเปื้อนที่แก้มออกให้อย่างอ่อนโยน  ดวงตาคู่ใสเหลียวมองรอบห้องเลิ่กลั่ก  นึกโล่งใจที่เหล่านักเรียนพากันก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรยุกยิก 

การสอนดำเนินไปตามปกติ  เลอมานก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติ  แม้หัวใจจะเต้นโครมครามทุกครั้งที่หันไปเห็นดวงตาสีเข้มทอดมองมาอย่างชื่นชม  เขาเฉลยคำศัพท์และแปลความหมายเนื้อเพลงไปตามที่เคยทำ  เหล่านักเรียนก็เฮฮากันไปอย่างเคย 

มาไม่เหมือนเคยก็ตอนที่..

มือขาวจรดตัวอักษรลงบนกระดานดำเสร็จสิ้น  ก่อนหันมาถามนักเรียนในห้อง “มีใครไม่เข้าใจคำไหนอีกบ้างไหม” ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่ว  คนที่มักยกมือขึ้นถามอยู่เสมออย่างจ้อย  ตอนนี้ก็ยังคงเหม่อลอย.. อืม.. ปล่อยไป  ส่วนคนอื่นเอาแต่นั่งเงียบ  เด็กไทยก็อย่างนี้  ไม่ค่อยกล้ายกมือถามอาจารย์ในชั้นเรียน 
   
หากใครคนหนึ่งกลับยกมือขึ้น  เลอมานตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าเป็นอาจารย์คนึง     
   
“That’s amore แปลว่าอะไรหรือ” เสียงทุ้มถามพร้อมรอยยิ้ม  ดูไม่ออกว่าไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งเขากันแน่ 
   
ริมฝีปากเรื่อเม้มแน่น  เขาละเลยคำนั้นไปเพราะเห็นว่ามันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ  รู้สึกเหมือนเลือดสูบฉีดขึ้นมาหล่อเลี้ยงจนร้อนผ่าวทั้งสองแก้ม  ความหมายที่รู้อยู่แก่ใจพาความหวานจากไหนไม่รู้มาอวลซ่านอยู่เต็มอก 
   
“เป็นภาษาอิตาลี  แปลว่า..” เลอมานสบสายตาคนถาม  ภายใต้สีหน้าที่ดูปกตินั้นคือหัวใจที่เต้นรัวจนน่ากลัวว่าจะทะลุออกมาจากอก  เผลอมองริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้ม  ริมฝีปากนี้ไม่ใช่หรือที่เมื่อคืนเพิ่งฝากรอยจุมพิตไว้บนปากเขา  คิดถึงตรงนี้แล้วใจก็สั่นหวิว  ยามเอื้อนเอ่ยความหมาย.. ความนัย..

“นี่แหละความรัก”

**********************************


แค่เนี้๊ยะ  :a5:

ย่องมาอัพเงียบๆ แล้วจากไป มาช้าแล้วยังมาน้อยอีกนะ โธ่ถัง

ดอกไม้
๒๕ ก.ย. ๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 25-09-2012 10:14:49
ง่ะอ่านแล้วน้ำตาไหล :o12:เวลาจะอ่านเลยต้องหิ้วไอเพดมาอ่านในห้องครัวเดี้ยวพ่อถามว่าเป็นอะไรอีก555
รู้สึกว่าอ่านแล้วอยากมุดเขาไปในเรื่องไปบอกความจริงพี่สิงห์กับน้องจ้อยสักที-3- :z10:
ปล.ตอนนี้กี้สนุกอีกแล้ววว :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 25-09-2012 10:28:44
ถึงจะน้อยแต่เค้าก็เขินนะ :-[ :-[ :-[ คุณชายเล็กนี่น่ารักขึ้นทุกวัน ๆ อาจารย์คนึงก็ โอ๊ยยยย อธิบายไม่ถูก :o8: :o8: :o8: ส่วนจ้อยกับพี่สิงห์ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: ยิ่งไม่มีคำบรรยาย...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 25-09-2012 10:52:18
จ้อยท่าทางจะรู้สึกไม่ดีนะนั่น ที่จริงจ้อยก็น่าจะบอกกับสิงห์ไปตรง ๆ ว่าไปไม่ได้เพราะอะไร ส่วนสิงห์ก็น่าจะอารมณ์เย็นกว่านี้หน่อย ทำอะไรลงไป สงสารจ้อยบ้างไหมนั่น คนึงกับเลอมานอย่างหวานเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 25-09-2012 11:31:52
ชีวิตสิงห์กับจ้อยมันช่างดราม่านัก ไม่เข้าใจกันสักทีเว้  o22 ดูคู่เลอมานสิ ออกจะหวาน มีมาส่งนัยยะกันกลางชั้นเรียนแบบไม่แคร์สื่ออีก นี่ถ้าเรานั่งอยู่ในห้องเรียนด้วยคงจะ เอ๊ะ อะไรยังไงคะ อาจารย์สองท่านนี้ กร๊าก :z1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 25-09-2012 11:33:47
อาจารย์คนึงหวานม๊วกกกก  :impress2: :impress2: :impress2:
จ้อยกับสิงห์ก็กำลังเข้มข้น :fire: :fire: :fire:
ขอบคุณพี่จี้ค่ะ
+๑
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 25-09-2012 11:44:09
กรี๊ดดดด คู่หลักต้อง เป็นน้องจ้อยกะอ้ายสิงห์สิ !!!!
อ้ายสิงห์ อย่าไปเจอพวกไอ้ลอยเลยนะ เดี๋ยวมันยุทำไรไม่ดีอีก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 25-09-2012 11:54:53
น้องจ้อยกับพี่สิงห์เมื่อไหร่จะหวานกันอ่ะ คนอ่านลุ้นจะแย่แล้ว  :z10:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: darkuril ที่ 25-09-2012 12:51:50
 :o12: ใช่ค่ะ รออัพมาเนิ่นนาน มาแค่เนี้ยะ ฮือออออ
แต่ก็คุ้มค่านะ จ้อยเริ่มรู้สึกผิดแล้วล่ะซี่ สมน้ำหน้า!! ไปง้อพี่สิงห์เร็วว  :z13:
ส่วนอาจารย์คนึง ไม่กลัวนักเรียนจะรู้เลยนะคะเนี่ย 55 เล่นเอาคุณชายเล็กทำตัวไม่ถูก
อ่านตอนนี้เหมือนกินยำค่ะ ทั้งเผ็ดจัดจ้านหวานจุใจกันเลยทีเดียว o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 25-09-2012 12:56:44
โอย~ โดนพี่สิงห์บีบหัวใจ T^T
จ้อยเอ๊ย รู้แล้วสินะว่าพี่เขาเอาใจ ให้ความสำคัญเรามากแค่ไหน
ต่อไปก็ดีกับเขาบ้างนะจ้อย

ส่วนอาจารย์คนึงมานิ่งๆแต่ทำคุณเล็กเขินไปหมดแล้ว :o8:

บวกๆ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-09-2012 12:57:15
อาจารย์คนึงกับคุณชายเล็กเหมือนกำลังอยู่ในวิมานสีชมพูอมม่วง วิ้ง ๆ ให้รู้สึกอิจฉายิ่งนัก
ส่วนพี่สิงห์กับน้องจ้อยอย่างกับดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง สองคู่นี้ช่างต่างกันสุดขั้ว
ขณะที่จ้อยเริ่มรู้ถึงใจพี่สิงห์หรืออาจจะเป็นใจตัวเองอยู่นั้น พี่สิงห์ก็อย่าได้ไปสร้างวีรกรรมอะไรอีกเป็นพอ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 25-09-2012 13:07:51
อาจารย์ไปถามแบบนั้น คุณชายเล็กเขินแย่เลย   :-[



พี่สิงห์สู้ๆ นะ  :o11:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 25-09-2012 14:17:17
2 คู่เนื้อเรื่องอย่างกะฟ้าและเหว โอ๊ยยย อ้ายสิงห์ ตรบมันที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 25-09-2012 16:26:22
สงสาร สิงห์ อย่าทำร้ายกันอีกเลยยย :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 25-09-2012 17:37:11
 :m15: พี่สิงห์ตัดพ้อน้องจ้อยได้น่าสงสารมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 25-09-2012 18:04:28
I can see it clearly between you two , that's amore
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 25-09-2012 18:19:15
อีสิงห์อกแตกตายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 25-09-2012 19:18:40
 :laugh: น่ารักๆชอบๆ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
มาต่อไวๆน่ะ o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 25-09-2012 20:09:32
คู่สิงห์จ้อยนี่ กว่าจะรักกัน คาดว่าคงอีกนานนนนนนน อาจจะใกล้จบเรื่องเลยทีเดียว  :เฮ้อ:
ส่วงคู่อาจารย์กะหนูเล็ก หว๊านหวาน แบ่งๆ ไปให้จ้อยหน่อยก็ดีน้าา ฮ่าๆๆ
2 คู่ มันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 25-09-2012 20:32:52
ความหวานของครูกับเล็กช่างไม่เกรงใจน้องจ้อยกับพี่สิงห์เลย มันช่างแซดดดดดดจริงๆ ฮืออออออ :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 25-09-2012 20:39:00
"นี่แหละความรัก" เข้ากันกับครูคณึง คุึณเล็ก มากเลย

ส่วนคู่คู่จ้อยกับพี่สิงห์ คงเป็น "นี่หละความทุกข์" :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 25-09-2012 21:09:13
สิงห์คงเป็นบัวใต้ตมไปอีกนาน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 25-09-2012 22:42:33
อั้ยยะ อาจารย์คนึงมี หยอดต่อหนเานักเรียนด้วย

5555

น่ารักจริงๆเลยยย

คู่จ้ิอยกับพี่สิงห์ เมื่อไหร่จะหวานหน้อ พอแหง่แม่งอนตลอดด  สีสันจริงๆ ฮ่าๆๆ

จ้อยไปง้อพี่เค้าสิ พี่เค้าห่วงแกนะเออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 25-09-2012 23:01:17
สองคู่...แต่บรรยากาศคนละขั้วโลกเลยค่ะ
จ้อยสิงห์ ยังสติลร้อนแรงอึมครึมต่อไป สงสารจ้อยจัง สงสารพี่สิงห์มากด้วย โดนปฏิเสธจากคนที่รักนี่มันเจ๊บเจ็บ
อยากให้จ้อยพูดสิ่งที่เจอออกมาบ้่าง ว่าตัวเองโดนแม่ห้ามไรเงี้ย แต่เดี๋ยวถ้าสิงห์โวยวายกับแม่จ้อยก็ต้องโดนว่าว่าฟ้องอีกเนอะ
เฮ้อ หนักใจแทน จ้อยรู้สึกผิดมาก ทำอะไรไม่รู้เรื่องแล้ว พี่สิงห์ก็เตลิดไปไหน...แอบหวังให้จ้อยง้อพี่สิงห์บ้างอ่ะ
เค้าคงดีใจมาก ๆ เนอะ...
อีกคู่หวานมาก...คุณน้อยโดนลูกศิษย์แซวกลับซะแล้ว แล้วยิ่งมาเจออาจารย์คนึงจ้องตลอดเนี่ย เขินแทนเน้อ  :-[
กลับไปห้องแกล้งงอนไม่ให้หอมซะเลยคุณน้อย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 25-09-2012 23:34:26
เมื่อไหร่ สิงหืกับจ้อย จะเข้าใจกัน เราชอบคู่นี้ที่สุดๆๆๆๆๆ ในเรื่องเลย
แต่อ่านแล้วก็ปวดใจ สิงห์เนื้อแท้เป็นคนดี ซื่อเหมือนผ้าขาว ที่ถูกคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นแม่ พ่อ เพื่อนที่ไม่ดี มาทำให้สกปรก
เกิดความคิดปิดเปี้ยว ถึงจะไม่รู้จักวิธีแสดงออกแต่ก็รัก จ้อยยากใจจริง อยากให้สิงห์มีความสุข โอ้ยยย เราปวดใจ คนแต่งใจร้าย  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ละล้าละลัง ที่ 25-09-2012 23:51:02
เค้าสงสารพี่สิงห์ ฮืออออออออออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 26-09-2012 00:12:48
คู่อาจารย์เขาหวานกันอยู่แล้ว
แต่คู่ของสิงห์กับจ้อยนี่สิเมื่อจะรักกัน
สงสารทั้งสองคนเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kai_kaka ที่ 27-09-2012 02:06:23
สนุกมากๆ   :laugh:  หาแบบนี้มานาน  :haun5:  ภาษาลื่นไหล  เนื้อเรื่องน่าติดตา   ชอบๆๆ o15 o7
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 27-09-2012 05:53:19
สงสารสิงห์อ่ะ อยากให้เห็นตอนแม่คุยกะจ้อยจริงๆ ส่วนจ้อยเองแค่บอกไปสั้นๆว่แม่สิงห์ไม่ให้ไป ทุกอย่างก็น่าจะจบแล้ว เบื่อพวกปากหนักจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 27-09-2012 20:37:59
สงสารจ้อย 

สงสารพี่สิงห์

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: The_Beggar ที่ 27-09-2012 23:34:16
อ่านคู่สิงห์กับจ้อยแล้วสงสาร :sad4:แต่พออ่านคู่อาจารย์คนึงกับคุณชายแล้วเขิน  :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 29-09-2012 17:06:31
https://www.youtube.com/v/1rTO94zFNv0?version=3&amp;hl=th_TH
ฟังเพลงนี้พอดีตอนอ่าน อินมากครับ เอาใจช่วยสิงห์  :เฮ้อ:

♫~ "โปรดเถิดเจ้าจงเผยไข รักที่พี่ฝากใจไป ซึ้งรักพี่สักเศษใจ อย่าให้รออย่างเลื่อนลอย
หากทรามเชยไม่มีใจ ทิ้งให้พี่ต้องหลงคอย รักเท่ารักก็จะถอย กลับไปนอนระทม" ~♪
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MelodyKJJ ที่ 29-09-2012 17:29:02
 :sad4: อ่า สงสารพี่สิงห์ง่าาาาาาา T T แต่แอบมีฉากกุ๊กกิ๊ก = = จูบแบบร้อนแรง 55555
รู้สึกดีทุกครั้งที่พี่เข้าถึงตัวน้อง  :-[ ใจมันเต้นๆ หวิวๆ ทุกทีที่อ่าน  :impress2:
จ้อยเริ่มสงสารแล้วเห็นความดีของพี่สิงห์แล้วใช่มั้ย รักกันไวๆน้าาาาาาา คนอ่านทรมานไม่ไหวแล้ว  :o12:
ขอบคุณมากครับ ที่อัพแล้ว มาอัพครึ่งหลังไวๆนะ 
ปล. That's amore  ทำเขินมากๆ ครูคนึง 55555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: choijiin ที่ 30-09-2012 01:18:29
จะสงสารใครดีน้อ
น้องจ้อยของพี่ก็น่าสงสารอยู่แล้ว
ตอนนี้อิพี่สิงห์ก็น่าเอ็นดูไม่แพ้กัน
โธ่อกคนอ่านเอ๋ย
เจียมตัวมั่ง กว่าจะได้อ่านน้องจ้อยรักพี่สิงห์
อกเรานี้คงพรุนกลัดหนองก่อนเป็นแน่แท้
 o7
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 30-09-2012 07:15:26
ว้ากกกก หวานขนาดนี้ มดจะขึ้นคอมมั้ยเนี่ย >w<
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yellowswarn ที่ 30-09-2012 21:25:29
หายไปนานเลยกลับมาอ่านอีกที
อมยิ้มแก้มแตกกับคู่รอง :impress2:
พี่สิงห์กับน้องจ้อย
โอ้ยยย...ขอเป็นแม่ยกพี่สิงห์อีกคนนะคะ
คนอะไรไม่รู้ ซึนว่ะ :sad4:
น้องจ้อยใจแข็งมากเลย
หงุดหงิด :a5:ตรงที่ความคิดไม่ตรงกับซะที มันเลยเป็นแบบนี้ไง

ชอบฉากโมโหนะ เชียร์ให้มีตลอดเวลาที่อ่าน
เรานิยมฉากแบบนี้อิอิ



ส่วนคู่พระ หวานกันไม่แคร์สายตานักเรียน :-[
ครูคนึง ทำเราฟิน อยากกรี๊ดเป็นภาษาเยอรมัน
ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ อยากแปลงร่างเป็นหนูเล็ก อิจฉาอ่ะ
อยากได้แบบนี้บ้าง :serius2:
ในความเห็นเรา ไม่ผิดหรอกที่คนคนหนึ่งจะเริ่มรักใครได้รวดเร็ว
ทั้งที่เพิ่งเสียที่คนรักสุดใจไป ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้หรอกค่ะ
และก็ยินดีกับชายเล็กและครูคนึง หวานกันแบบนี้ต่อไปนะ
ไม่เอานะมาม่า เค้าไม่ชอบมาม่า ไม่อยากร้องไห้ :o12:


ปล. เราชอบจิ้นสิงห์กะจ้อยเป็นเทมจีตลอดเลย อิอิ เขินอ่ะ แบบว่า สิงห์ = ท็อป จ้อย = จี อร๊ายยยยยยย ฟินยิ่งกว่าฟิน
ขอบคุณคุณดอกไม้มากๆค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๕/๙/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 01-10-2012 22:30:47


เพิ่งเข้ามาอ่านจบ ตอน 2 อาทิตย์ก่อน อู่หนังสือมาอ่านนิยาย

ปกติเราไม่ค่อยได้อ่านนิยายภาษาด้วยเยี่ยงนี้มาเท่าไหร่นัก  :really2:   :o8:

นึกขึ้นมาได้ก็เข้ามาเม้นด้วยๆเลยค่ะ ชอบมากมายก่ายกองมหาศาลเลยค่ะ

ปกติเป็นคนเม้นนิยายไม่เก่งนัก แต่อ่านแล้วยิ้มตาม เห็นภาพตาม ได้ฟีลสุดๆเลยค่ะ โดยเฉพาะฉากงานวัด ส่วนตัวชอบมากๆเลย

ค่ะ สงสารคู่พระนางรอง ลุ้นจนอึจะไม่ออกแล้ว

เคยแชร์ไว้บนเฟช เพื่อนถามไปอ่านยังออกปากชมว่าภาษาสวยมาก สวยกว่าหนังสือเป็นเล่มที่มันซื่ช้อมาอ่านอีก

 :impress2: :impress2: :impress2: ชอบจังเลยค่ะ คุณดอกไม้ อย่าลืมมาต่อตอนใหม่ไวไวนะคะ เป้นนิยายอีกเรื่อง

ที่กำลังอยู่ในดวงใจน้อยๆของคนอ่านคนนี้เลยค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 05-10-2012 11:14:25
บทที่ ๑๙

อกเอยมันแค้น

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


ตกเย็นย่ำค่ำ  เรือนไทยไม้สักหลังงามของกำนันเสริมแสนเงียบเหงา  อาหารมื้อค่ำผ่านไปอย่างอ้างว้างเนื่องจากเหลือเพียงคุณนายพูนทรัพย์นั่งกินอยู่ลำพังอย่างเดียวดาย  ตัวกำนันนั้นออกไปตั้งแต่บ่ายยังไม่กลับ  แกบ่นว่ารำคาญลูกเมียเหลือทน  แล้วก็ให้น้าเวกขับเรือยนต์พาออกไป  ไปไหนก็สุดที่จะรู้ได้  ส่วนไอ้สิงห์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณนายยิ่งแล้วใหญ่  นักเลงหนุ่มบิดรถเครื่องออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้า  ดูท่าหนนี้เตลิดไปไกลกว่าทุกที  ป่านฉะนี้ยังไม่เห็นแม้เงา 
   
กับข้าวกับปลาที่จ้อยทำค่ำนี้ดูจะจืดชืดไปเสียสิ้น  เจ้าแม่เงินกู้ดั่งกินข้าวคลุกน้ำตา  จ้อยเห็นอย่างนั้นแล้วก็อดสงสารไม่ได้  หัวอกคนเป็นแม่  หลงดีใจที่ระยะนี้ลูกชายกลับมากินข้าวบ้านทุกวัน  ผ่านไปไม่ทันไรก็เกิดเรื่องให้ลูกชายเตลิดหายไปอีก  คุณนายแตะข้าวแค่แมวดมก็รามือ  ปลีกตัวกลับเข้าห้อง  จ้อยเก็บสำรับกับข้าวเห็นเหลือบานเบอะแล้วให้รู้สึกสะท้อนใจนัก 

“น้ารึหลงดีใจ  เห็นหมู่นี้ตาสิงห์อยู่ติดบ้าน  ไม่ทันไรก็ดีแตกเสียแล้ว  เฮ่อ” น้าแป้นถอนใจเฮือก  ใบหน้าโศกสลด  จ้อยได้แต่ก้มหน้าเจียนใบตองไม่พูดจา  ดูเถอะ  ขนาดคนอื่นอย่างน้าแป้นยังสลด  แล้วผู้เป็นแม่อย่างคุณนายจะยิ่งเสียใจสักแค่ไหน  ไม่แน่.. ในห้องนอนใหญ่ที่มีปิดไฟมืดนั่น  คุณนายอาจนอนน้ำตาเปียกหมอนอยู่ก็เป็นได้
   
สิงห์โชคดีกว่าเขาตั้งเยอะที่เกิดมามีพ่อแม่สมบูรณ์พร้อม  แทนที่จะเคารพบูชาดั่งพระในเรือน  แทนที่จะถนอมใจห่วงใยความรู้สึกผู้ให้กำเนิดสักนิด  กลับทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์อยู่ร่ำไป  ระวังเถิด  ตายไปจะต้องไปแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรน้ำตาแม่ 

น้าแป้นยังถอนใจเฮือกๆ ราวกับไม่มีวันหมด  สองคนช่วยกันเจียนใบตองไว้ห่อข้าวต้มผัดใต้แสงตะเกียงเรืองรอง  รายการของหวานเปลี่ยนแปลงกะทันหัน  คืนนี้บ้านเงียบเหงา  ทำกล้วยบวชชีไปก็ไม่มีคนกิน  จึงตั้งใจว่าจะรอให้กล้วยงอมจัดแล้วเอามาทำข้าวต้มผัดแทน 
   
คิดไปก็เข้าที.. อย่างน้อย.. สิงห์ก็ชอบกินข้าวต้มผัด

ใจหนอใจ  แปลกจริง  ทั้งที่เกลียดแสนเกลียด  แล้วไยกลับจำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ได้ขึ้นใจ

“ตาสิงห์จะไปไหนด๊าย” น้าแป้นว่าเสียงสูง “หายไปทั้งวันอย่างนี้  คงไม่แคล้วไปขลุกอยู่กับพวกไอ้ลอย  เพื่อนพาเลวแท้ๆ” 
   
จ้อยเห็นด้วยอยู่ในใจ  มงคลชีวิตข้อที่หนึ่งยังว่าไว้ ‘อย่าคบคนพาล’ หากสิงห์ไม่หลงระเริงไปตามเพื่อนเลวๆ เสียก่อน  ป่านนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็คงยังสวยงามเหมือนตอนเด็กๆ

แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปอย่างใจนึก  เขาไม่ชอบนินทาคนอื่น  ทว่าเหมือนน้าแป้นจะจัดอยู่ในจำพวกตรงข้าม
   
“คนอย่างไอ้ลอยน่ะนะ มันไม่กินแต่ขี้ไม่ปี้แต่หมา” ถ้อยผรุสวาทแสนเผ็ดร้อนมีอันต้องสะดุด  เมื่อคนฟังชะงัก  เงยหน้าจ้องเขม็งคล้ายจะปราม  นักเรียนครูเหลียวซ้ายแลขวา  เห็นแม่ผ้าขาวผืนน้อยนั่งเล่นเม็ดน้อยหน่าอยู่ไกลออกไปก็โล่งใจ 
   
จ้อยไม่ชอบคำหยาบ  โดยเฉพาะคำหยาบที่พูดต่อหน้าเด็ก
 
“ขอโทษทีนะครู  น้ามันไม่มีการศึกษา คำพูดคำจาก็เป็นอย่างนี้ละ” สาวใหญ่หดคอกระซิบกระซาบ  ก่อนเล่าต่อด้วยแววตาจงเกลียดจงชัง “แต่จริงๆนะ  ไม่รู้มันจะเกิดมาทำไม ไอ้เคาะกะลามาเกิด  สันดานหมาแท้ๆ  ครูเชื่อไหม  กับน้า..หน้างอกออกฝี แถมแก่เป็นแม่มันได้ มันยังไม่เว้นเล้ย  วันก่อนที่ตลาด  มันหลอกจับมือถือแขนน้าด้วย”
   
หนุ่มน้อยเกือบพลาดเฉือนนิ้วตัวเอง  อย่าว่าแต่น้าแป้น  เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังเคยถูกมัน..

ไม่สิ.. ไม่ใช่แค่ไอ้ลอย  สิงห์ก็เคยทำกับเขาแบบนั้นเหมือนกัน

แต่.. ทำไม.. จ้อยกลับรู้สึกว่ามันต่างกัน..
   
“เฮ้อ.. ไม่รู้ตาสิงห์ไปคบมันได้ยังไง” น้าแป้นยังคงจ้อไปเรื่อย  ขณะที่จ้อยปล่อยความคิดล่องลอยไปไกลแสนไกล  มือเล็กยกขึ้นแตะริมฝีปาก.. ซ้ำๆ..

****************************
   
คืนวันศุกร์  นักเรียนชายเดินกันเป็นกลุ่มๆ หน้าโรงหนังเปรมประชา  โรงหนังทำด้วยไม้ หลังคาสังกะสี ข้างหน้าโรงติดไฟสว่างจ้า  ข้างในมีม้านั่งไม้แข็งๆ นั่งไม่สบายนักแต่ก็เหมาะสมกับการดูหนังคาวบอยอันเป็นหนังประเภทที่นิยมกันมากดี 
   
ส่วนการประกาศหนังนั้น  เขาใช้รถบรรทุกคันเล็กๆ ปิดป้ายสองข้าง ตีกลองและฉาบแล่นช้าๆ ไปทั่วเกาะเมือง  วันนี้ขณะกำลังตรวจการบ้านนักเรียนในห้องพักครู  เลอมานยังได้ยินเสียงรถประกาศแว่วมา 
   
การแปลชื่อหนังเป็นภาษาไทย  มีความมุ่งหมายที่จะเรียกร้องเร้าใจให้อยากดู  ‘The Magnificent Seven’ ก็กลายเป็น
’เจ็ดเสือแดนสิงห์’  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ยืนอ่านโปสเตอร์อีกใบที่แปะอยู่ติดกัน อืม.. ‘The Frogman’ ยังกลายเป็น ‘เสือใต้น้ำ’ เลยแฮะ  คำว่า ‘เสือ’ ปรากฏอยู่ในชื่อหนังหลายเรื่อง  จนเขาคิดว่าถ้าไม่มีคำนี้อยู่ในภาษาไทย  คนแปลคงลำบากไม่ใช่น้อย

ค่าตั๋วดูหนังตกราคาใบละ ๑๐ บาท ทีแรกเลอมานจะเป็นคนออกให้เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะเลี้ยงทั้งสง่า, สันติและอาจารย์คนึง แต่อาจารย์กลับไม่ยอมท่าเดียว  ดึงดันจะจ่ายให้ทุกคนเอง  เถียงกันอยู่นาน  จนสง่าต้องแอบกระซิบว่าการปฏิเสธน้ำใจผู้ใหญ่นั้นเสียมารยาท  เล่นเอาคุณชายหน้าเจื่อน
   
เขาแค่เกรงใจ เพราะรู้มาว่าเงินเดือนข้าราชการครูนั้นไม่ได้มากมายอะไร  ทุกวันนี้ก็เห็นคนรักจับจ่ายใช้สอยอย่างมัธยัสถ์  ไม่เคยมีสักครั้งที่จะเห็นคนึงฟุ่มเฟือย คนึงไม่เคยเที่ยวเตร่ตามสโมสรหรือโรงบิลเลียดอย่างอาจารย์คนอื่น ซ้ำยังต้องแบ่งเงินเดือนส่งฝากธนาณัติไปให้พ่อแม่ผู้ชราภาพเป็นประจำทุกเดือน
   
“ไม่ต้องห่วง  แค่นี้ครูขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก” เขาทำสีหน้าแบบไหนออกไป  เสียงทุ้มอ่อนโยนจึงหล่นจากริมฝีปากได้รูป ประกายอ่อนเอื้อจึงฉายชัดจากดวงตาสีเข้ม ความอ่อนละมุนใดคลี่พันหัวใจไว้จนอุ่นซ่าน
   
“เอาไว้เล็กค่อยตอบแทนครูวันหลัง..” ใบหน้าคมสันโน้มลงกระซิบให้พอได้ยินกันแค่สองคน “..ด้วยอย่างอื่น”

คุณชายอมยิ้มแก้มแดงเรื่อ  ความอุ่นทวีเป็นความร้อนเสียแล้วซี

จวนได้เวลาฉายหนัง  สง่ากับสันติพาคุณชายเข้าไปหาที่นั่งด้านใน  จัดแจงกันเองเสร็จสรรพไม่ปรึกษาใคร  กว่าเลอมานจะรู้ตัวอีกที  ก็ถูกจับให้นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างสองสหายแล้ว 
   
อาจารย์คนึงที่นั่งติดกับสง่ากระแอมขึ้นมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง  “สง่า  สลับที่เดี๋ยวนี้  ให้คุณชายนั่งข้างครู”
   
“อะไรเล่าอาจารย์  เด็กๆ เขาจะคุยกัน” เด็กขี้เถียงอย่างสง่าพูดแบบนี้  เล่นเอา ‘ผู้ใหญ่’ เม้มปากเป็นเส้นตรง
   
“เผื่อคุณชายฟังไม่ทันตรงไหน  พวกผมจะได้คอยอธิบายไง” สันติเข้าข้างเพื่อนเต็มที่  เลอมานได้แต่อึกอัก  เหลือบมองคนรักที่ถูกสง่านั่งขวางกั้นไว้อย่างอึดอัดใจ
   
“พูดไม่รู้ฟังนะ” อาจารย์เริ่มทำหน้าดุขึ้นมาแล้ว “หรืออยากโดนหักคะแนน”

เจอขู่แบบนี้เข้าไปคู่หูก็หัวหด  สง่าจึ๊ปากเสียดมเสียดายก่อนยอมสลับที่กับเลอมานอย่างเสียไม่ได้  ในที่สุด.. อาจารย์ก็ได้นั่งข้างศิษย์รักสาสมใจ
   
แสงไฟสว่างค่อยดับมืดลง  เหลือเพียงแสงจากจอผ้าใบตรงหน้า  เลอมานกำลังจดจ่ออย่างตื่นตาตื่นใจมีอันต้องสะดุ้งเมื่อมือที่วางไว้บนพนักถูกลูบไล้ไปมาแผ่วเบา 
   
เด็กหนุ่มสูงศักดิ์หันมองตัวการข้างกาย  คนอะไร  ทำเป็นตั้งหน้ามองตรงราวกับตั้งใจดูหนังเต็มที่  แต่มือซุกซนกลับกุมมือเขาเอาไว้จนแน่น  ค่อยๆ แทรกนิ้วกุมกระชับ  เลอมานได้แต่อมยิ้มในแสงสลัว  ใจเต้นถะถี่ขึ้นมา  มือเล็กกุมมือใหญ่นั้นไว้แน่นเหนียวเช่นเดียวกัน

*****************************
   
นาฬิกาลูกตุ้มที่แขวนไว้ข้างผนังตีเหง่งหง่างบอกเวลา ๓ ทุ่ม  จ้อยปิดหนังสือถอนใจเฮือกๆ  ตัวหนังสือที่อ่านไปไม่เข้าหัวเลยสักนิด 
   
ใจมันคอยพะวงอยู่แต่กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
   
ดึกป่านนี้แล้ว  ไอ้สิงห์จะกินข้าวหรือยัง  แผลเลือดโกรกที่ขมับจะเป็นอย่างไรบ้าง  มีใครดูแลทำแผลให้หรือยังหนอ  แล้วค่ำคืนนี้ไอ้นักเลงหัวไม้คนนั้นจะนอนที่ไหน  จะไปก่อเรื่องวิวาทกับใครอีกหรือเปล่า

เห็นไหม  เรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งนั้น  แต่จ้อยไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงหยุดคิดไม่ได้ 
   
ใจที่ลอยเหม่อไปไกลมีอันต้องชะงัก  ทั้งร่างสะดุ้งโหยง  เมื่อบานประตูไม้เปิดออกชนิดไม่ให้สุ้มให้เสียง  หากพอเห็นผู้มาเยือนถนัดตา  ริมฝีปากที่เตรียมแย้มยิ้มส่งให้มีอันต้องหุบฉับ
   
คุณนายพูนทรัพย์ในชุดนอนกรุยกรายยืนอยู่ตรงหน้า  หาใช่คนที่เขารอคอยอยู่ไม่ 

คิดถึงตรงนี้ก็ตกใจ  นี่เขากำลัง ‘รอคอย’ ไอ้สิงห์อยู่อย่างนั้นหรือ 
   
“ตาสิงห์ยังไม่กลับมาอีกหรือ” เมียกำนันถามเสียงละห้อยเมื่อกวาดตามองไปรอบห้องแล้วไม่พบลูกชายสุดที่รัก 

“ยังเลยจ้ะ” ฟังคำตอบแล้วคุณนายก็ถอนใจเฮือกๆ  เดินไปทรุดกายนั่งลงบนเตียงกว้าง  มือขาวลูบไล้หมอนลูกชายแผ่วเบา 
   
“เฮ้อ.. ป้าข่มตาหลับไม่ลงเลยจริงๆ” นัยน์ตาที่กราดเกรี้ยวใส่จ้อยอยู่เสมอ บัดนี้กลับสลดลงอย่างน่าสงสาร “จ้อยเอ๋ย  อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ  ไปตามตาสิงห์ให้หน่อยได้ไหม”
   
หนุ่มน้อยนึกประหลาดใจที่เขาไม่รู้สึกขัดข้องสักนิด  รอยยิ้มอ่อนจางเจือบนใบหน้าละมุนกระทบแสงตะเกียงเรืองรอง  เสียงอ่อนโยนรับปากผู้ใหญ่เป็นมั่นเหมาะ  เพราะอดคิดไปไม่ได้ว่าเป็นความผิดของตนเหมือนกัน  ที่ทำให้ลูกชายกำนันเตลิดออกจากบ้านไปแบบนั้น
   
ป้าทรัพย์ไหว้วานแบบนี้ก็ดีเสียอีก  อย่างน้อยจ้อยจะได้มีข้ออ้างไปตามหา  เจ้ากุ๊ยกะโหลกกะลานั่นจะได้ไม่หลงเข้าใจว่าจ้อยเป็นห่วง
   
ห่วงหรือ?  ไม่หรอก  ไม่ได้เป็นห่วง  แค่อยากรู้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่  เท่านั้นเองจริงๆ   

คล้อยหลังคุณนายพูนทรัพย์  จ้อยก็ลุกขึ้นมาจัดแจงตัวเอง  แอบยืมน้ำมันใส่ผมตันโจของสิงห์มาลูบลงผมสักนิดพอให้หายยุ่ง  คว้าเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่สิงห์ซื้อให้มาสวม  เผื่อพี่เห็น พี่จะได้ดีใจที่น้องไม่ได้เอาไปทิ้งขว้าง

และหากพบกันสองคน  หากเป็นไปได้  จ้อยก็อยากจะเอ่ยปาก ‘ขอโทษ’ สักคำ

****************************

จันทร์ไม่สกาว  ดาวจึงแข่งแสงซุกซน  ฟ้าบนมืดเหมือนผืนกำมะหยี่  ประดับอัญมณีเป็นรูปเป็นรอย  ตรงนั้นลูกไก่ ๗ ตัว  ตรงโน้นจระเข้  ตรงนู้นคันไถ 
   
หนังจบแล้ว  คนึงขับรถพาเด็กๆ เดินเที่ยวตลาดโต้รุ่งเลียบคลองเมือง  สง่ากับสันติได้ข้าวหลามคนละกระบอก  ส่วนคุณชายเดินแทะไหมฝันสีฟ้าอย่างใจลอยอ้อยอิ่ง  เดินกินกันไปคุยกันไปใต้แสงดาวพราว
   
“ทำไมทุกคนในหนังถึงพูดเสียงเดียวกันหมด” เลอมานถามสง่าและสันติถึงประเด็นข้องใจในหนังที่เพิ่งดู “แล้วทำไมผู้หญิงพูดเสียงแหลมอย่างนั้นเหมือนกันทุกคน”
   
“ไม่รู้หรอกหรือ” สง่าร้องถามแล้วหัวเราะเอิ้กอ้าก
   
“รู้หรือเปล่าว่าผู้ชายเป็นคนพากย์” สันติถามกลับ “คนพากย์คนเดียวพูดแทนหมดทุกตัว” แล้วก็หัวร่อกันใหญ่  เลอมานได้แต่พยักหน้าหงึก  เพิ่งรู้เอาเดี๋ยวนั้นเองว่าคนพากย์มีความสามารถแค่ไหน  พูดคล่องคนเดียวได้ตลอดเรื่อง  ไม่มีตะกุกตะกักเลย

อาจารย์หนุ่มเดินรั้งท้ายตามหลัง  คล้ายระมัดระวังความปลอดภัยให้นักเรียนในความดูแล  แต่สายตาจับจ้องอยู่เพียงคนเดียว 
   
“คำว่าฉิบหายแปลว่าอะไร” เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ถามซื่อๆ แต่เล่นเอาคนฟังแทบสำลัก  สันติทำหน้าเหมือนข้าวหลามติดคอขึ้นมาดื้อๆ  อาจารย์คนึงกระแอมไอ  ต่างพากันอธิบายอยู่นานกว่าเลอมานจะนึกออกว่าตรงกับภาษาอังกฤษว่า ‘Damn’ นั่นเอง 
   
“เออ คุณเล็ก” สง่าก็อยากถามบ้าง “ทำไมฝรั่งมันจูบกันแต่ละที  ขยี้ซะปากบิดปากเบี้ยว” ไม่ถามเปล่า  ทำปากยื่นปากยาวประกอบเสียด้วย  เล่นเอาคุณชายหัวเราะคิก 
   
“เมืองนอกมันหนาวละม้าง” สันติออกความเห็น  ดันแว่นขึ้นดั้งจมูกท่าทางทรงภูมิ 
   
“คุณเล็กเคยจูบใครปากบี้อย่างนั้นหรือเปล่า” สง่าเล่นถามแบบนี้  คนถูกถามถึงขั้นหน้าร้อนวาบ  เหลือบมองคนตัวโตที่เดินตามหลังมาติดๆ
   
“เคยแต่ถูกจูบ” คำตอบยิ้มๆ
   
“ฮ้า!” สง่าร้องลั่น  ตาโตเท่าไข่ห่าน “สาวฝรั่งนี่ใจกล้าขนาดนั้นเชียว”

เลอมานไม่ตอบคำ  ได้แต่ยิ้มละมุนก้มหน้าบิไหมฝันเนื้อนุ่มเข้าปาก  รสหวานซ่านแล่นลามจากปลายลิ้นสู่หัวใจ

อยากบอกสง่าเหลือเกินว่า สาวฝรั่งที่ไหน  หนุ่มไทยใกล้ตัวนี่ละ  ร้ายนักเชียว   

ศิษย์อาจารย์พากันเดินกลับมายังรถจี๊ปที่จอดไว้  สง่าตาไวกว่าใคร  เพียงเห็นเพื่อนตัวเล็กเดินมาแต่ไกลก็โบกมือร้องเรียกโหวกเหวก  ดึงดูดสายตาอีกสามคนที่เหลือให้หันมองเป็นตาเดียว
   
คนที่เป็นฝ่ายตกใจกลับเป็นจ้อย  หนุ่มน้อยทำหน้าเหมือนเด็กขโมยขนมแล้วถูกจับได้  ได้แต่ยืนทื่อเป็นตุ๊กตายอมให้สองสหายลากแขนคนละข้างมาคุยกันที่รถแต่โดยดี
   
“โอ้โห.. แล้วนี่จะไปไหน  แต่งตัวเสียเรี่ยม” สง่าเพิ่งเห็นเพื่อนรักถนัดตา  เจ้าตัวกะเปี๊ยกในเสื้อเชิ้ตตัวใหม่  รีดเรียบ  ซ้ำยังหอมกลิ่นการบูรอ่อนๆ  คนถูกสำรวจด้วยสายตาได้แต่ยืนเก้อ มือไม้ลูบผมเงอะงะเหมือนไม่รู้จะเอามือไว้ตรงไหน 
   
“ทีเราชวนละไม่ยอมมา” คุณชายโอดไม่จริงจังนัก  แต่เพียงคมตาคมปลาบเหมือนใบข้าวตวัดฉับเดียวจ้อยก็หน้าเจื่อนแล้ว   
   
“นัดสาวที่ไหนหรือจ้อย” อาจารย์คนึงแซวขึ้นมาบ้าง  เล่นเอาจ้อยโบกไม้โบกมือหน้าตาตื่น  ครั้นพอให้เหตุผลว่าคุณนายพูนทรัพย์ใช้ให้มาตามหาลูกชาย  เพื่อนๆ ของจ้อยก็บ่นเป็นเสียงเดียวกัน  ทั้งบ่นเมียกำนันที่ใช้งานไม่ดูเวล่ำเวลา  ทั้งติเตียนเจ้านักเลงที่ดีแต่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้คนอื่น
   
ยิ่งพอรู้ว่าจ้อยเดินขาลากตั้งแต่หัวตลาดยันท้ายตลาด  เที่ยวเสาะหาตามโรงบิลเลียด  แม้กระทั่งซ่องนางทองใบก็ไปด้อมๆ มองๆ มาแล้ว  เสียงบ่นก็ทวีความเผ็ดร้อนเป็นเสียงก่นด่าแทน  คนึงเห็นวงหน้าอ่อนใสชื้นเหงื่ออย่างนั้นก็สงสาร  ชักชวนกึ่งบังคับให้ขึ้นรถไปตามหาด้วยกัน 

จ้อยสุดแสนจะเกรงใจ  แต่เขาปฏิเสธอาจารย์ไม่เป็นจริงๆ 

***********************
   
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 05-10-2012 11:18:28
ดึกดื่นป่านนี้  โรงเหล้ากลับยังครึกครื้น  ปกติก็เป็นแหล่งมั่วสุมเหล่าอบายชนผู้มัวเมากับสุราอยู่แล้ว  คืนนี้ยิ่งทวีความคึกคักเป็นสิบเท่า   
   
เพราะคืนนี้มีเจ้ามือใหญ่  ประกาศอู้ฟู่ว่าจะเลี้ยงเหล้าให้กับทุกคน  ดื่มกินกันได้ไม่อั้น  แบบนี้พวกขี้เมาทั้งหลายก็หวานหมู  มากันแน่นขนัดทั้งหัวหงอกหัวดำ  ตาสุ่มขี้เมาประจำตลาดถึงขั้นนอนกองอยู่หน้าร้าน  สองมือยังกอดขวดเหล้าขาวแนบแน่นประหนึ่งเมียรัก

ทุกบาททุกสตางค์ลงบัญชีคุณนายพูนทรัพย์ ศรีตลา 

“เอ้าชนโว้ย!” เสียงห้าวประกาศลั่น  ไอ้ลอย ไอ้เลิศ ไอ้หมานเฮรับลูกพี่แล้วยกแก้วชนกันดังเคร้ง   

ขึ้นชื่อว่าเหล้าแล้วไซร้  เมื่อกินเข้าไปต้องเมาแน่ 
   
ขึ้นอยู่กับว่าจะเมามากเมาน้อยเท่านั้นแหละ

คนอย่างไอ้สิงห์  ได้ชื่อว่าเป็นนักดวดคอทองแดงแข็งโป๊ก  ค่าที่ริอ่านหัดดื่มเหล้ามาตั้งแต่นมเพิ่งแตกพาน  ดังนั้น  ทั้งที่ชายหนุ่มปักหลักนั่งดื่มมาตั้งแต่หัวค่ำ  ป่านฉะนี้ออกอาการเพียงแค่เลือดลมสูบฉีดร้อนกรุ่น  ใบหน้าคมคร้ามขึ้นสีแดงเรื่อ  แต่สุ้มเสียงยังชัดแจ๋ว  ไม่ได้ยืดยาดยานคางเหมือนขี้เมาบางคน   
   
หัวหน้าอันธพาลคึกคักเฮฮา  เฮฮาจนผิดปกติ  มีแต่ไอ้ลอยที่ดูออกว่าลูกพี่ของมันพยายามเอาเหล้าเข้ากลบรอยแตกร้าวในจิตใจ
   
ในที่สุดไอ้สิงห์คนเดิมก็กลับคืนมา  ตั้งแต่เช้า  ลูกพี่พาไปมั่วสุมอยู่ในบ่อน  พอบ่ายก็ไปต่อที่โรงบิลเลียด  ตกเย็นก็นั่งเคล้าเหล่าอีตัวที่ซ่องอีทองใบ  จนค่ำก็พากันมาที่โรงเหล้า 
   
มันต้องแบบนี้สิ  ไอ้สิงห์ที่ไอ้ลอยรู้จัก  เลวครบสูตรแบบนี้  หาดีไม่ได้แบบนี้ 
   
ไม่ใช่พอย่ำเย็นผีตากผ้าอ้อมก็รีบร้อนกลับไปกินข้าวบ้าน  อาบน้ำนอนแต่หัวค่ำเหมือนช่วงหลายวันที่ผ่านมา   

สิงห์ยกแก้วเหล้ากรอกปากแก้วแล้วแก้วเล่า  เทลงคอพรวดๆ เหมือนน้ำเปล่า  เคาะโต๊ะร้องเพลงกันโหวกเหวก  เที่ยวขุดคุ้ยเรื่องคนนั้นคนนี้ขึ้นมาคุย  หัวเราะกันอึกทึก  แต่ทุกช่วงจังหวะผีผ่าน  วงเหล้าครื้นเครงพลันเงียบกริบชั่วขณะ  ลูกพี่มองแก้วเหล้าตรงหน้าด้วยดวงตาหมองเศร้า  ไอ้ลอยเห็นแล้วได้แต่ยิ้มหยัน 
   
“ทะเลาะกับไอ้จ้อยมาล่ะสิ” ลูกน้องคนสนิทถามพลางเทของเหลวสีอำพันลงคอ  มันหรี่ตามองเห็นลูกพี่ทำท่าแทบสำลัก  ตาดำเบิกกว้าง
   
“มึงพูดอะไร” ใบหน้าคมสันแดงก่ำ  เจ็บจี๊ดตรงใจดำที่ถูกแทงอย่างจัง 
   
“เห็นที่ร้านกาแฟเมื่อเช้าก็รู้แล้ว  แค่ไอ้เจ๊กมันนินทาหน่อยเดียว  พี่ก็โดดไปชกปากมัน  แตะไม่ได้เลยสินะ” ไอ้ลอยหยิบถั่วคั่วเข้าปาก  พูดเรื่อยเปื่อยเหมือนทองไม่รู้ร้อน “แล้วเป็นไง  มันมาดูดำดูดีพี่บ้างไหม  คงไม่เลยสิ  พี่ถึงออกมาหาพวกฉันแบบนี้”
   
สิงห์นิ่งงัน  กำหมัดเกร็งแน่น  เข็มเล่มหนึ่งปักตรึงอยู่กลางใจ  เจ็บแสบเหลือดี
   
“ใช่สิ  มันเป็นนักเรียนครูนี่  อีกปีสองปีก็ได้ดิบได้ดี  มีคนยกมือไหว้ทั้งตำบล  ส่วนเรามีแต่คนถ่มน้ำลายไล่หลัง” ไอ้ลอยพล่ามไม่หยุด “นี่ขนาดมันยังไม่ได้เป็นครูนะ  ถ้ามันเป็นครูแล้วมันมิถีบหัวพี่เลยเรอะ”

เข็มเล่มเดิมกดลึกลงไปอีก

“ไอ้ลอย!  ถ้ามึงพูดอีกคำเดียว..” มือใหญ่โจนเข้าขยุ้มคอเสื้อลูกน้องคนสนิท  ดวงตาลุกโชนราวสัตว์ป่า  แต่ไม่อาจทำให้คนตรงหน้าสะดุ้งสะเทือนได้สักนิด 
   
“พี่จะชกปากฉันเหมือนไอ้เจ๊กหรือไง” ไอ้ลอยเพียงยิ้มมุมปาก  จ้องตาอย่างไม่เกรงกลัว  ก่อนเหลือบมองเห็นร่างเล็กเดินตรงเข้ามา  มันบุ้ยปากให้ลูกพี่หันไปดู “ดูสิ ใครมา”

สิงห์หันขวับ  พอเห็นว่าเป็นใครก็เท่านั้น  มือที่ขยุ้มคอเสื้อลูกน้องก็คลายออกโดยอัตโนมัติ
   
ไอ้จ้อยมันช่างอายุยืนดีแท้  พูดถึงไม่ทันขาดคำ  จู่ๆ ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า  ดวงตาสีเข้มสำรวจคนตรงหน้าหัวจรดเท้า  นักเรียนครูตัวเล็กในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าที่มองปราดเดียวก็จำได้ว่าเป็นตัวที่เขาซื้อให้เองกับมือ  วงหน้าอ่อนใสแม้จะดูประหม่า  แต่เมื่อมายืนอยู่ตรงนี้  ในสถานที่แบบนี้  จ้อยก็ดูยังผ่องแผ้วเหมือนดอกไม้ขาวหอมที่ปลิวตามแรงลมมาตกลงบนกองสวะ 
   
“มาทำไม” นักเลงโตถามเสียงห้วน  เบือนหน้าหนีไปทางอื่น  กรอกเหล้าเข้าปากอีกอึกใหญ่
   
จ้อยกลืนน้ำลายลงคอฝืดฝืน  เหงื่อออกชุ่มมือจนต้องกุมกันไว้  ไอ้ลอย ไอ้เลิศ ไอ้หมานมองมาเป็นตาเดียว แต่คนที่อยากให้มองที่สุด  กลับไม่เหลียวหันมาสักนิด 
   
หนุ่มน้อยรวบรวมความกล้าพูดออกไป “กลับบ้านเถอะ”

ยังไม่หันมาอีก..

ประโยคต่อไป  จ้อยต้องรวบรวมความกล้ามากกว่าเดิม  เติม ‘หัวใจ’ ใส่ลงไปหนึ่งเหยาะ

“เป็นห่วง”

สองคำ  เบาหวิว  แสนสั้น  แค่สองคำเท่านั้นเอง  แต่สิงห์ไม่อาจหาคำตอบให้ตัวเองได้  ว่าทำไมคำง่ายๆ สองคำแค่นั้นถึงทำให้หัวใจอันห่อเหี่ยวอับเฉา  กลับพองฟูแทบทะลุอก  ทำให้ดวงจิตอันมืดหม่น  เกิดแสงสว่างเรืองรองเหมือนดาวดวงช่วงโชนสู่ใจได้เพียงนี้   

“เอ็งห่วงพี่เป็นด้วยหรือ” นักเลงหนุ่มตวัดถามเสียงห้วน  ใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราหันมองน้อง  ดวงหน้านวลละอองผ่องใสมองมา  ดาวดวงใดบรรจุอยู่ในหน่วยตากลมโตนั้น 
   
สิงห์ตาไม่ฝาดแน่!  เขาเห็นจ้อยพยักหน้า!  นิดเดียว.. นิดเดียวเท่านั้น

เท่านั้นก็มากเกินพอแล้ว

ชายหนุ่มกระแอมไอ  บอกพวกลูกน้องโดยไม่มองหน้า “กูกลับล่ะ  เดี๋ยวแม่บ่นหูชา  ขี้เกียจฟัง” ว่าแล้วก็รีบร้อนลุกพรวดพราด  ไม่รู้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะหัวใจเต้นรัวจนเสียการทรงตัวกันแน่  ร่างสูงใหญ่จึงเสียหลักเซแซ่ด  คงจะล้มไปแล้วถ้าคนตัวเล็กไม่ปราดเข้ามาประคองไว้ 
   
ใกล้แสนใกล้  ใกล้จนได้กลิ่นแป้งละมุนอ่อนใส  เนื้อตัวหรือก็นุ่มนิ่ม  ตรงข้ามกันเหลือเกินกับเขาที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า  กล้ามเนื้อแข็งกระด้างแถมยังมอมแมมโสโครก   

คนตัวโตผละออกห่าง  โบกไม้โบกมือไล่  บอกเสียงแข็งว่าเดินเองได้

ไม่ได้รังเกียจน้อง  แค่กลัวกายใจอันโสมมของเขาจะทำให้น้องแปดเปื้อน 
   
จ้อยจึงเพียงตามหลัง  ยามสิงห์เดินออกจากโรงเหล้าด้วยกิริยาของนักเลงเกรื่องกร่างที่พยายามซ่อนหัวใจอันอิ่มเอิบไว้สุดความสามารถ 
   
ทว่ากลุ่มคนที่ยืนคุยกันอยู่ข้างรถจี๊ปสีขาวที่จอดนิ่งหน้าร้านนั้นทำให้ชายหนุ่มถึงกับชะงักนิ่ง  ทั้งร่างชาวาบ
 
ไอ้คนึง ไอ้ชายเล็ก ไอ้สง่า ไอ้สันติ!

พวกมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?

   
หัวสมองที่ถูกกระตุ้นเร้าด้วยสุรา  หัวใจที่ถูกกระตุ้นเร้าด้วยพิษรักแรงหึง  ปะติดปะต่อเรื่องราวขึ้นเองได้ไม่ยากเย็น

สิงห์เหมือนร่วงจากฟ้าลงดินแข็ง  ความเจ็บและชาเกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่ง  ดีใจแล้วพลันเสียใจ  หวานชื่นแล้วพลันขมปร่า  ชายหนุ่มไม่คิดว่าอารมณ์เหล่านั้นจะเกิดกับตัวเองในเสี้ยววินาที  เขาหันขวับจนแทบชนน้องที่เดินตามหลังมา  มือใหญ่บีบข้อมือเล็กแน่น  ลากตัวไปตรึงกับข้างฝา 
   
ท่ามกลางคนเป็นสิบในโรงเหล้า  แต่ทุกคนต่างมัวเมา  ไม่มีใครสนใจ 
   
ยกเว้นไอ้ลอยที่ลอบมองมาอย่างเงียบงัน

“หมายความว่ายังไง” นักเลงเลือดร้อนเค้นถามเสียงปร่า  ยิ่งเห็นตาใสๆ มองมาอย่างไม่เข้าใจ  ไฟฟอนยิ่งโหมกระพือในหัวใจแทบคลั่ง
   
“ทำไมถึงมาด้วยกัน!” เสียงห้าวตะคอกลั่น “ไปดูหนังกับพี่ไม่ได้  แต่ไปกับพวกมันได้ใช่ไหม!”
   
“ปะ..เปล่านะ.. แค่บังเอิญเจอกัน” จ้อยละล่ำละลักแก้ตัว  มือใหญ่ยิ่งบีบแน่นจนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
   
“งั้นหรือ” สิงห์แค่นหัวเราะ  สายตาเยาะหยันสำรวจคนตรงหน้าหัวจรดตีน “แล้วทำไมต้องแต่งตัวอย่างนี้” มือแข็งเป็นคีมเหล็กบีบคางเล็กแน่นจนหน้าเบ้  จับกระแทกกับข้างฝาดังตึงๆ  ไม่สนใจว่าน้องจะเจ็บแค่ไหน  “ผัดหน้าเสียนวลเชียวนะ  ไว้รอใครมาหอมล่ะ  หรือทั้งสี่คน”

ปีศาจตนใดสิงสู่ใจ  หรือมันซ่อนเร้นแฝงกายอยู่ในนั้นมาตั้งแต่ต้น  ดวงตาเคียดแค้นจ้องมองวงหน้าอ่อนใสราวจะกินเลือดกินเนื้อ  มือใหญ่เพิ่มแรงบีบจนจ้อยน้ำตาคลอ 
   
“ผู้ชายเดิมตามเป็นฝูงเลย  ชอบสิท่า  เอ็งชอบคนไหนล่ะ  ไอ้คนึงที่ออกเงินให้เรียน  หรือไอ้คุณชายที่ซื้อของให้  อ้อ  ไอ้สองตัวนั่นก็เคยกอดไหล่กอดคอเอ็งนี่” ใบหน้าคมสันโน้มเข้ามาใกล้  ลมหายใจรวยรินกลิ่นเหล้าคลุ้ง “ร่านเหมือนแม่ไม่มีผิด”
   
จ้อยเงยหน้ามองราวกับไม่เชื่อหู  ริมฝีปากเม้มแน่น  น้ำตาแห่งความผิดหวังคลอเบ้า  รวบรวมเรี่ยวแรงผลักร่างสูงใหญ่ออก  มือเล็กเงื้อขึ้นตบหน้าคนใจทรามจนหน้าหัน  เกิดเสียงฉาดดังสนั่น   
   
นักเลงหนุ่มเจ็บจนชา  แต่ยังไม่ถึงเสี้ยวความเจ็บที่หัวใจ  สายตาเคียดแค้นชิงชังนิ่งมองกันละกัน  น้องหอบหนักจนตัวสั่นสะท้าน  พี่ซื้ดปากยกมือลูบคาง  แต่ริมฝีปากกลับยิ้มหยันน่าพรั่นพรึง 
   
พี่โจนพรวดเดียวถึงตัว  มือใหญ่จิกผมนุ่มกระชากจนหน้าแหงน  จับกระแทกกับข้างฝาอย่างรุนแรงป่าเถื่อน 

“โอ๊ย!”

เสียงจ้อยร้องลั่นมาจากในโรงเหล้า  ดังจนได้ยินมาถึงข้างนอก  เลอมาน คนึง สง่าและสันติชะงักกึก  ไม่ต้องรอปรึกษากัน  ทั้งสี่วิ่งตรงเข้าไปข้างในทันที
   
ภาพที่เห็น  ไม่ว่าจะมองยังไง  ก็คือภาพนักเรียนครูกำลังถูกอันธพาลรังแกชัดๆ  ร่างสูงใหญ่เป็นหินผาตรึงเด็กหนุ่มตัวเล็กไว้กับข้างฝาด้วยมือเดียว  อีกมือจิกผมจ้อยไว้แน่น  มือเล็กพยายามแกะออก  ทั้งร้องทั้งดิ้นรนด้วยความเจ็บ  แต่ไอ้คนใจต่ำไม่แยแสสักนิด   
   
“ปล่อยจ้อยนะไอ้ชั่ว!” สง่าก็เลือดร้อนไม่น้อยหน้าใคร  เด็กหนุ่มตะคอกลั่น  คนึงปราดเข้าไปหมายช่วยลูกศิษย์  ในขณะที่เลอมานได้แต่ยืนเงอะงะทำอะไรไม่ถูกอยู่กับสันติผู้รักสงบสมชื่อ   
   
“เรื่องของนายกับบ่าวพวกมึงไม่เกี่ยว!” ไอ้อันธพาลชี้นิ้วกราด  มือยังคว้าแขนเล็กไว้แน่น “อย่ามาแหยม  ใครแส่กูจะยิงแม่งให้หมด!”
   
“อะไรกันแหยม  อะไรกันแส่” สถานการณ์แบบนี้คุณชายยังจะถามพาซื่อ 
   
“ก็แปลว่าเสือกน่ะซีไอ้โง่!” คนตัวสูงเด่นแค่นหัวเราะ  พ่นน้ำลายถ่มถุยดูเป็นอสุรกุ๊ยอย่างแท้จริง 
   
คนรักถูกมันสบประมาทอย่างนั้น  ขีดความอดทนของอาจารย์หนุ่มขาดผึง  ร่างสูงใหญ่ทัดเทียมกันเดินอาดไปผลักอกกว้างอย่างแรง  ฤทธิ์สุราทำให้คนกร่างเซแซ่ดไปชนโต๊ะหงายล้มระเนระนาดทั้งคนทั้งโต๊ะอย่างน่าทุเรศ  คนึงดึงจ้อยออกมาได้ทันท่วงที  เลอมานผวาไปรับ  หนุ่มน้อยถึงกับตัวสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนเพื่อนผู้สูงศักดิ์
   
เสียงโครมครามทำให้ขี้เมาทั้งร้านหันมองเป็นตาเดียว  ไอ้ลอยเพิ่งเข้ามาช่วยประคองลูกพี่ลุกขึ้น  ไอ้หมานยืนเบ่งอยู่ข้างๆ ราวกับพวกจิ้งเหลนริมถนน  ส่วนไอ้เลิศนอนกรนเหมือนหมูน้ำลายยืดนองโต๊ะไปนานแล้ว 
   
“ทำไมต้องจิกผมด้วย” เลอมานลูบผมจ้อยที่ยังตัวสั่นอย่างน่าสงสาร  คราวนี้เขาเหลือทนแล้วจริงๆ 
   
“มันเป็นขี้ข้ากู  กูจะทำอะไรกับมันก็ได้!” นักเลงโตว่ากักขฬะหยาบคาย  หน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์โทสะ
   
“แกมันใจร้ายเหมือนสัตว์ไม่มีผิด” สันติโพล่งขึ้นมาบ้าง
   
“มึงน่ะซีสัตว์!” สิงห์ร้องโต้ตอบทันควัน “ไอ้พวกสัตว์หัวสูงทำเป็นผู้ดี  ถ้านักเลงจริงก็มาสิโว้ย”

คนึงกำหมัดแน่น  ขบกรามจนข้างแก้มขึ้นเป็นสัน  สุดจะทนได้อีกต่อไป  แต่คนเป็นครูบาอาจารย์อย่างเขาไม่ควรใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา  อาจารย์รั้งแขนเด็กๆ ไว้ “กลับเถอะ” พูดกับลูกศิษย์แต่สายตาคมกร้าวมองพวกอันธพาลอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ “อย่าลดตัวลงไปแลกกับคนพวกนี้”

แต่น้ำกำลังเชี่ยว  คลื่นโถมซัดสาดคลุ้มคลั่ง  เรือใหญ่แค่ไหนก็ขวางไว้ไม่อยู่
   
“ไอ้พวกกุ๊ยชั้นต่ำ  วันๆ สร้างแต่ความเดือดร้อนให้คนอื่น  โตเป็นควายแล้วแท้ๆ” สันติชี้หน้าด่าเจ็บแสบ
   
“จ้อยใกล้จะสอบแล้ว  ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้เขาต้องอ่านหนังสือนะ  กุ๊ยอย่างแกจะไปเข้าใจอะไร  เขามีการศึกษา  ส่วนแกมันนักเลงหัวไม้โง่เง่า  ฉันถามตรงๆนะ  โปสเตอร์ตรงโน้นน่ะ  แกอ่านออกหรือเปล่า” สง่าร่ายเป็นชุด  แต่ละคำแทงใจไอ้สิงห์อย่างจัง   
   
“มึงพูดอะไร  ดูถูกกูเรอะ” มันเค้นเสียงถามคั่งแค้น  กำหมัดแน่น 
   
“แกมันกระจอก  ไอ้พวกไม่มีดีแต่ทำเป็นอวดเก่ง  อันธพาลกระจอกเอ๊ย!”

สง่าพูดไม่ทันขาดปาก  ไอ้สิงห์ก็เสือกเข้าให้ที่กกหู  นักเรียนปากกล้าเซแซ่ดไปปะทะกับเพื่อนและอาจารย์  เขาสลัดหัวตั้งหลักแล้วโจนเข้าใส่อีกครั้ง  จ้อยเข้ามาขวางก็ถูกผลักออกไปเสียไกล  และแล้ววงตะลุมบอนก็เกิดขึ้น  ปัดคำว่ากติกาทิ้งไปได้เลย  ผู้คนแตกฮือเป็นฝูงผึ้ง  ไอ้หมานซัดหมัดโครมเข้าขากรรไกรสันติจนแว่นกระเด็น    ไอ้ลอยหมายหัวเลอมานไว้  มันปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อแต่ก็ถูกคนึงตะครุบไหล่หันกลับไปชกเข้ากระโดงคางจนหน้าหัน 
   
“อย่าชกกันเลย  ขอทีเถอะ  ถ้าอยากจะชกก็มาชกจ้อยนี่!” ตัวการของเรื่องทั้งหมดปราดเข้ามากางแขนขวางกลางสง่าและไอ้สิงห์ที่ใบหน้าบอบช้ำกันทั้งคู่ 
   
พอลูกพี่หยุด  ลูกสมุนก็หยุดตาม  ไอ้หมานปล่อยคอเสื้อสันติอย่างเสียไม่ได้  ส่วนไอ้ลอยลดหมัดที่จะตะบันหน้าอาจารย์หนุ่มลง 
   
หัวหน้าอันธพาลนิ่งมองนักเรียนครูตัวเล็กตรงหน้าด้วยดวงตาคลอวับ  และโดยไม่มีใครตั้งตัวทัน  มือแข็งดั่งคีมนรกคว้าหมับเข้าที่ลำคอขาว  กระชากตรึงกับข้างฝาอย่างรุนแรง  จ้อยปิดตาแน่นตอนกำปั้นนั้นเงื้อง่าขึ้นแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็วจนลมเสียดหูดังวี้ด..

ปึ้ง!

ผิดคาด!  แทนที่จะชกหน้าจ้อย  หมัดนั้นกลับกระแทกเข้าข้างฝา  ไม่ใช่แค่ทีเดียว  แต่มันกระหน่ำชกรัวอยู่ร่วมสิบครั้ง  เสียงห้าวคำรามอย่างคลุ้มคลั่ง  ฟังเหมือนสัตว์ป่าเจ็บปวด  ต่อให้หมัดมันแข็งแค่ไหนก็คงแข็งสู้ไม้ประดู่ไม่ได้แน่  เลือดสดๆ ไหลซิบตามข้อนิ้วแตกยับ 

“มึงจะดูถูกกู กูไม่ว่า” สิงห์หอบสะท้าน  จ้องมองลึกลงไปในดวงตาตื่นตระหนก  ราวจะเค้นหาคำตอบจากส่วนลึก  มือที่บีบรอบลำคอเล็กค่อยคลายลง “แต่ทำไมต้องพาพวกมาดูถูกกูด้วย”

“แค่ก.. มะ..ไม่ใช่อย่างนั้นนะ..” จ้อยถอนสะอื้นทั้งยังสำลัก  ปฏิเสธเสียงสั่น  ครั้นพอเห็นดวงตาสีสนิมเหล็กมองมาอย่างไม่ยอมรับฟังคำใด  น้ำตาหยดหนึ่งก็ร่วงลง “ไว้สร่างเมาแล้วค่อยมาคุยกัน”
   
เพื่อนนักเรียนครูกรูกันเข้ามาลากจ้อยออกไป  หนุ่มน้อยหันมองพี่ทั้งน้ำตานองหน้า 
   
เขาไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้  ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย 

สิงห์ได้แต่มองตามด้วยสายตาปวดร้าวระคนเคียดแค้น  ไอ้ลอยจับลูกพี่ที่ยังทิ้งสายตาไว้หน้าประตูให้นั่งลงเก้าอี้  รินเหล้าให้อย่างเอาอกเอาใจ  โรงเหล้าเริ่มโล่ง  นักเลงตีกันทีผู้คนก็ซาลงไปเยอะ 

“ไม่ได้เรื่อง  เป็นฉันนะ  ป่านนี้มันท้องไปนานแล้ว” มันส่ายหน้าระอา  ยิ้มมุมปากคล้ายจะหยัน  สิงห์ไม่พูดอะไร  คว้าแก้วเหล้าซัดเข้าปากเพียวๆ  หวังราดลงไปดับไฟแค้นที่คุกรุ่น
   
หารู้ไม่ว่าให้ผลตรงกันข้าม

“มัวแต่เป็นคนดี  สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรสักอย่าง  ทั้งตัวทั้งใจ” เหล้าเป็นน้ำมันชั้นเยี่ยม  คำพูดยุยงเป็นเชื้อไฟชั้นยอด  ไอ้ลอยคอยเติมทั้งน้ำมัน  ทั้งเชื้อไฟไม่ให้พร่อง

“แต่ถ้าพี่เลว  อย่างน้อย.. พี่ยังได้ตัวมัน”


ไฟกองเดิมพลันสว่างวาบ  ลุกโชน 
   
ราวปีศาจร้ายที่พร้อมจะแผดเผาทำลายทุกสิ่งให้มอดไหม้เป็นผุยผง 


โปรดติดตามตอนต่อไป

---------------------------------------------------------------------------------------
*อกเอยมันแค้น, ธาตรี คำร้อง, ณพดฬ ชาวไร่เงิน ขับร้อง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 05-10-2012 11:25:12
ตอบเม้นกันค่ะ :L2:

BBnuna
เวลาเขียน คนเขียนก็สิงสถิตอยู่ในห้องครัวเหมือนกันค่ะ เขียนไปกินไป แฮ่ๆ (จนตัวเป็นตุ่มT^T)

armmyrine
พี่สิงห์กับน้องจ้อยท่าทางจะปวดตับกันอีกนานค่ะ เฮ่อร์ 

maru
น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อนเนอะ  น้อยจ้อยก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ คงรู้สึกผิดบ้างละค่ะ  แต่มารู้สึกเอาตอนนี้มันสายเกินไปไหมน้อ

silverspoon
ความรู้สึกจ้อยกับสิงห์จะสวนทางกันไปอีกนานนนน เลยยยยยย

~l3aml3ery~
ไม่รู้อาจารย์แกจะหวานได้สักกี่น้ำค่ะ ส่วนจ้อยกับสิงห์ เหอะๆๆ ตอนหน้า พี่สิงห์เอาจริงแล้ว ><

IIMisssoMII
น้องจ้อยกับพี่สิงห์ก็คู่หลักค่ะคุณน้ำส้ม คู่หลักทั้งสองคู่เลย แต่เหตุการณ์ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะคุณชายเดินทางมาเมืองไทย เลยดูโฟกัสไปที่คุณชายมากกว่า  ว่าแต่คุณน้ำส้มเตือนช้าไป  ไอ้พี่สิงห์โดนไอ้ลอยยุอีกแย้ว T^T

a_tapha
อย่าเพิ่งหวานซี ยังไม่ได้ขื่นขมระทมอุราสาแก่ใจคนเขียนเลยน๊า (ซาดิสม์เนอะ)

darkuril
ช่วงนี้ภารกิจรัดตัวอีรุงตุงนังค่ะ ย้ายทั้งบ้านทั้งออฟฟิศ เหนื่อยจ๊าดนัก เลยอัพช้าไปหน่อย ขอโทษนะคะ ว่าแต่อย่าสมน้ำหน้าจ้อยเลยเน้อ  น้องกำลังจะถูกลงโทษแล้วจ้า

$VAN$
ไม่รู้ว่าจ้อยเพิ่งรู้สึกผิดตอนนี้มันจะสายไปไหม  พี่สิงห์โดนไอ้ลอยยุอะไรมาอีกแล้ว T^T

malula
ขำวิมานสีชมพูอมม่วงวิ้งๆค่ะ (เห็นภาพเลย๕๕๕+) ส่วนให้พี่สิงห์หยดสร้างวีรกรรมคงยากค่ะ พี่แกเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ^^”

PetitDragon
ชายเล็กเขินแทบม้วนเลยค่ะ เล่นหวานออกสื่อ ดีนะพวกนักเรียนไม่ทันสังเกตกัน :)

NannY
พี่สิงห์จะทำมากกว่าตบอีกค่ะ เหอๆๆ

nunnan
คนเขียนไม่ทำร้ายพี่สิงห์แล้วน๊า  หันไปทำร้ายน้องจ้อยแทนล่ะ

Nus@nT@R@
เขียนมาตั้งนานแล้ว คนเขียนเพิ่งรู้สึกว่าพี่สิงห์น่าสงสารจริงๆ ก็ตรงประโยคนั้นแหละค่ะ

ณยฎา
เพราะเนอะเพลงนี้ That’s amore~

roseen
พี่สิงห์เตลิดไปหาไอ้ลอยแล้ว น้องจ้อยแย่แน่เลย T^T

nong PeePee
ขอบคุณที่ชอบนะคะ :)

Zymphoniz
กว่าพี่สิงห์กับน้องจ้อยจะรักกัน ไม่นานถึงขั้นจวนจบเรื่องหรอกจ้า เอาน่าๆ ตอนนี้อาจยังขมๆอยู่ พอบทจะหวาน คนเขียนจะเขียนให้หวานจับใจเลย คันไม้คันมือแล้ว อรั๊ง~

CoMa
เดี๋ยวพอน้องจ้อยกับพี่สิงห์หวาน คุณชายกับอาจารย์จะได้ขมบ้างไงคะ สลับกันเนอะ^^

aisen
“นี่แหละความทุกข์” ก๊ากกกกกก สิงห์กะจ้อยลูกแม่ เมื่อไหร่จะมีวันเวลาดีๆกับเขาบ้างน้อ

koikoi
พี่สิงห์ยังไม่ถึงขั้นบัวใต้ตมน๊า แค่ปริ่มๆตมค่ะ ยังมีโอกาสผุดขึ้นพ้นน้ำถ้าได้รับความโอกาสและความรักที่จริงใจ รอคอยวันนั้นของพี่สิงห์นะคะ :)

EoBen
น้องจ้อยไปง้อแล้วน๊า  แต่ไม่รู้ทำไม๊ทำไม อะไรๆมันดูจะเป็นใจให้พี่กับน้องผิดใจกันตลอด (ยังจะทำไก๋ คนเขียนแหละรู้ดีที่สุด^^”)

่patsaporn
หนักใจแทนจ้อยกับสิงห์เหมือนกันค่ะ  ดูท่าต่อจากนี้อะไรๆจะแย่ลงซะด้วย (คนเขียนก็ซ้ำเติมเข้าไป) ส่วนอาจารย์ก็ทำคุณชายเขินเลย แต่คงงอนไม่ให้หอมไม่ได้อ่ะค่ะ ถ้าอาจารย์ไม่หอมก่อนนอน คุณชายนอนไม่หลับนะ ๕๕๕+

→Yakuza★
ขอบคุณที่เข้าใจพี่สิงห์นะคะ  เราเองก็เชื่อว่าเนื้อแท้แล้วพี่สิงห์เป็นคนดี  แต่เพราะครอบครัว การเลี้ยงดู โรงเรียน เพื่อนเลว ทำให้พี่แกกลายเป็นคนแบบนี้ คนแต่งขอโทษที่ใจร้ายน๊า ก็เค้าชอบเห็นผู้ชายร้องไห้นี่นา T^T

ละล้าละลัง
สงสารพี่สิงห์กันมาเยอะแล้ว  งั้นต่อไปเรามาสงสารน้องจ้อยกันมั่งเนอะ

tuek
พอน้องจ้อยกะพี่สิงห์หวานกัน ชายเล็กกะอาจารย์ก็จะขมบ้างล่ะ เพื่อความสะมะดุลค่ะ ^^

kai_kaka
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้ค่ะ มามะมากอดกันน๊า คนอ่านอ่านแล้วชอบ คนเขียนก็ดีใจค่ะ^^

zazoi
แบบว่า.. พอไปอยู่ในสถานการณ์นั้น  จ้อยคงลำบากใจที่จะบอกว่าคุณนายเป็นคนสั่งไม่ให้ไปน่ะค่ะ  เพราะถ้าบอกความจริง  สิงห์ก็อาจจะไปเอาเรื่องกับแม่อีก  นอกจากจะไม่อยากเห็นแม่ลูกเขามีปัญหากัน น้องจ้อยก็คงคิดว่าสุดท้ายคุณนายก็มาลงที่น้องจ้อยอยู่ดี เลยไม่บอกดีกว่า (อธิบายยาวเหยียด ทำไมไม่เขียนไว้ในนิยายล่ะเอ้อ คนอ่านเขาจะได้เข้าใจ) คือเราวางคาแรกเตอร์จ้อยเป็นคนขี้เกรงใจ (ยกเว้นกับสิงห์) ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน ไม่ชอบพาดพิงบุคคลที่สามด้วยน่ะค่ะ  เลยออกมาเป็นแบบนี้ :D

Pithchayoot
น่าสงสารทั้งคู่เลย แต่ชอบจัง ดีจ้ะเด็กๆ ร้องไห้กันเข้าไป เจ็บปวดกันเข้าไป ความสะใจจงบังเกิดแก่คนเขียน อา~

The_Beggar
สองอารมณ์ดีเนอะแต่ละบท เปลี่ยนฟีลแทบไม่ทันเลยทีเดียว๕๕๕+

Takamine
ว้าวๆๆ เพลงเพราะมาก ชอบมากเลยค่ะ เคยฟังเหมือนกันจากเฟซบุคน้องที่คณะวารสาร ตอนฟังครั้งแรกก็แอบๆนึกถึงพี่สิงห์เหมือนกันน๊า ไม่นึกว่าจะมีคนคิดตรงกัน ขอบคุณมากนะคะ^^

MelodyKJJ
แอร๊ ชอบเหมือนกันเลยค่ะ ชอบบทรักของผู้ชายโหดๆ เถื่อนๆ ม้ากมาก นิยายเรื่องไหนพระเอกคาแรกเตอร์แบบนี้ล่ะโดนใจที่ซู้ดดด พอได้เขียนนิยายก็เลยต้องมีพระเอกแบบนี้มาประดับ เขียนแล้วกระชุ่มกระชวยใจค่ะ

choijiin
ถ้าคนอ่านอกพรุนกลัดหนอง คนเขียนจะไปบ่งหนองให้เองจ้า ๕๕๕+ คาดว่าไม่น่ารอนานขนาดนั้นหรอกม้าง ไม่นานเกินรอหรอก เชื่อเค้าสิ^^

fox
ตอนนี้ยังมีโอกาสหวาน ก็อยากให้หวานกันให้เต็มที่จ้า อ่ะ ยื่นไบก้อนให้ฉีดไล่มดเน้อ^^

yellowswarn
กรี๊ซซซ ชอบฉากโมโหเหมือนกันค่ะ พี่สิงห์โมโหทีน้องจ้อยช้ำตลอดอ่ะ ส่วนอาจารย์กับหนูเล็กช่วงนี้ก็หว้านหวานเขียนไปปัดมดไป ๕๕๕+ ส่วนเรื่องจิ้นพี่สิงห์กับน้องจ้อยเป็นเทมจี จิ้นได้ตามสะดวกเลยจ้า เราไม่ปิดกั้นจินตนาการคนอ่านเนอะๆ (บางคนจิ้นเป็นโน่ริทก็มีน้า) ปล.อยากบอกว่าต้องเอาคำว่าเทมจีไปเซิร์จกูเกิ้ลเลยล่ะค่ะ ความรู้เรื่องนักร้องเกาหลีของคนเขียนติดลบจริงๆ ^^”

SungMinKRu
อ่านแล้วชอบก็ดีใจมากๆเลยค่ะ ขอบคุณคุณ SungMinKRu และขอบคุณเพื่อนที่แนะนำให้อ่านด้วยนะคะ ท่ามกลางนิยายมากมาย ขอบคุณนะคะที่อ่านและชอบนิยายที่คนเขียนตัวน้อยๆ(เหรอ?) บรรจงเขียนขึ้นด้วยความรักเรื่องนี้ แค่มีคนอ่าน คนเขียนก็ดีใจแล้วค่า


ตอนนี้หายไปนานหน่อยแต่ก็ยาวน๊า :-[
ต้องขอโทษคนอ่านด้วยนะคะที่มาช้า กำลังอยู่ในช่วงย้ายบ้าน ย้ายออฟฟิศ อะไรๆก็ขลุกขลักอิหลักอิเหลื่อ
ยังไม่ได้ขอติดเนตเลย (บทนี้ก็นั่งส่งอยู่ในร้านเนต เด็กๆหันมองกันใหญ่ ยัยป้านี่มาไม๕๕๕+)

รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้  :L2:

๕ ต.ค. ๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 05-10-2012 11:48:46
อาจารย์อยากนั่งกับคุณเล็กออกนอกหน้าไปรึเปล่าเอ่ย
แต่ว่าไม่ได้เนาะ นานๆจะมีโอกาสสวีทในโรงหนัง

“เป็นห่วง”
แค่คำนี้คำเดียวจากจ้อย ทำให้คนอ่านพลอยหวามสุขไปด้วยกับพี่สิงห์ผู้น่าสงสาร
แต่แล้ว ...
พี่สิงห์ดั๊น~เข้าใจผิดจ้อย โฮ~เศร้าไม่เสร็จอีกแล้วเรา :o12:

ไอ้ลอยนี่ รู้สึกว่าตอนนี้ความเลวร้ายจะชัดเจนขึ้นมากนะ :beat: เดี๋ยวจับส่งประกวดด้วยดีกว่า เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 05-10-2012 11:56:48
พี่สิงห์กับน้องจ้อย นึกว่าจะได้หวานชื่นกันแล้วซะอีก
กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว กำลังจะดีแล้วแท้ๆ....
พี่สิงห์ก็เลือดร้อน คอยจะหึงท่าเดียว
น่าจะมาสั่งสอนจริงๆ แล้วก็เชื่อเข้าไปเถอะไอ้ลอยน่ะ
ฮึ่ยยย อ่านแล้วเจ็บปวดปนโมโห *อกเอยมันแค้น*
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: iamoumm ที่ 05-10-2012 12:04:43
อาจารย์คนึงกับคุณเล็กน่ารักไม่เปลี่ยนเลย แอบหวานกันได้ตลอดสิน่า
ขออย่าให้มีดราม่าเหมือนสิงห์หับจ้อยเลย
สิงห์หนอสิงห์คนเขาอุส่าเป็นห่วงเลยออกมาหา ปากหนอปาก
พูดอะไรไม่เคยจะคิดก่อนเลยจริง เป็นไงอะ เหมือนจะดีแล้วแท้ๆ
สุดท้ายก็อิหรอบเดิม เฮ้อ เหนื่อยใจแทนจริงๆ เมื่อไหร่จะได้เข้าใจกันสักทีน้า
อยากให้รักกันเร็วๆจังเลย ดราม่าไม่ไหวๆ
ไอ้ลอย ไอนี่ก็เลวจริง เลวแล้วเลวอีก เฮ้อ เลิกคบมันไปซะเถอะสิงห์
กลับไปดูแลจ้อยเหมือนเิดิม  :o12:
สู้ๆนะคะคุณคนเขียน  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-10-2012 12:16:15
ไปกันใหญ่แล้วไอ้พี่สิงห์ ทั้งเมาทั้งหึงมั่วไปหมด
กว่าจะได้รักกันน้องจ้อยของป้ามิน่วมแย่หรือ
ไอ้ลอยไอ้ตัวบ่าง ...
ความรู้สึกคงสวนทางกันอีกนานอย่างที่คนเขียนบอก
มีอย่างที่ไหนตอนที่พี่สิงห์อยากเอาใจน้อง ซื้อเสื้อ ซื้อขนมให้
เรื่องดันจบที่พี่สิงห์ไปมีเรื่องชกต่อย ถูกพ่อดุด่า ถูกน้องเมิน
พอมาตอนนี้น้องเป็นห่วงออกตามหา อยากขอโทษ
แล้วเป็นไง ... คนอ่านอยากบ้า มันแค้น ...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 05-10-2012 12:24:30
อยากให้ลอยโดนโทรมสัก 3 ยก รำคาญมันคิดแต่เรื่องแย่ๆ   :beat::z6: :beat:
อยากให้จ้อยเข้าใจสิงห์เร็วๆ เบื่อคุณนายด้วย เซ็งๆๆๆๆๆ  :z3:
คนแต่งอยากเห็นผู้ชายร้องไห้ก็ไปแกล้งลอยเลย เกียจมัน เลิกแกล้งสิงห์เถอะ สงสาร ปวดใจไม่ไหวแร้ววว

อกเอยมันแค้น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 05-10-2012 12:54:51
สิงห์ทำไมไม่ฟังจ้อยบ้าง จ้อยเป็นห่วงสิงห์มากรู้ไหม สงสารจ้อย สิงห์อารมณ์รุนแรงไปไหม ทำไมทำร้ายจ้อยแบบนั้น แต่จริง ๆ เพื่อน ๆ จ้อยก็ไม่น่าจะมาวุ่นวาย แล้วพูดแบบนั้นกับสิงห์นะ ไม่งั้นเรื่องคงไม่วุ่นวายขนาดนั้น สิงห์คงไม่ทำตามที่ลอยบอกหรอกนะ สิงห์จะทำอะไรคิดให้ดี ๆ อย่าทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจทีหลังเลย แค่ตอนเด็ก ๆ ไม่พอหรือไงสิงห์ อย่าเอาอารมณ์เป็นใหญ่สิ ใจเย็น ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: darkuril ที่ 05-10-2012 12:58:08
ตอนที่แล้วอ่านแล้วสงสารสิงห์ เกลียดจ้อย
ตอนนี้อ่านแล้วสงสารจ้อย -*- เกลียดพี่สิงห์
(//เพราะพี่จี้เขียนดีไป เลยอินไปหมด55)
แต่ไม่ว่าจะอ่านตอนไหนๆ ก็เกลียดไอ้ลอยอยู่ทุกตอน :m31:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 05-10-2012 13:19:46
กรี๊ดดดดดด อย่ามาเสี้ยมพี่สิงห์อย่างนี้นะ!
ใจจริงก็อยากให้น้องจ้อยเป็นของพี่สิงห์ แต่คือถ้าไปข่มเหงน้องแบบนี้
ความร้าวฉานมันก็จะยิ่งมากขึ้นๆ ดราม่ามากขึ้นอ่ะสิ งื้อออออออออออออ
เมื่อไหร่จะเข้าใจกัน โฮววววว 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 05-10-2012 13:28:37

โธ่เว้ย!!!! มันจะดีอยู่แล้วเชียว!
เกิดมาเป็นหมาบ้าทำไมตอนนี้ห๊ะ
น้องอุตส่าห์มาตาม ยังทำตัวไม่ได้เรื่องอีก
ไม่ฟังกันบ้างเลย
เป็นอย่างนี้ซะตลอด ใครจะไปทนห๊ะ!
สงสารก็สงสาร แต่ทำตัวดีๆหน่อยสิสิงห์ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
อย่าไปหลงลมปากไอ้ลอยเชียวนะ ขอร้อง
เดี๋ยวก็มองหน้ากันไม่ติดเข้าไปใหญ่หรอก

.................... เฮ้อ!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 05-10-2012 13:33:39
อ่านแล้วโมโหสิงห์จริงๆ :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

ถ้าจะหน้ามืดขนาดนี้
ก็ไม่ต้องได้จ้อยแล้ว :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 05-10-2012 13:45:09
 :a5: :a5: :a5:
ทำไมมันเป็นอย่างเง๊ พี่สิงห์อ่ะ ป่าเถื่อนจัง :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 05-10-2012 13:52:38
เกือบดีกันแล้ว อีกนิดเดียวจริงๆ
บร๊ะ สงสารทั้งคู่อ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 05-10-2012 14:52:04
บีบหัวใจพี่มาก ณ จุดนี้  :m15:
โถพี่สิงห์ เป็นเพราะการศึกษาน้อยด้วยรึป่าว ถึงใช้แต่อารมณ์ เหตุผลอะไรไม่เคยตรอง สติไม่เคยมา
เรียนน้อยไม่ว่า แต่ไม่จำเป็นต้องคิดน้อยไปด้วยนี่สิ
นี่น้องจ้อยคงต้องตกเป็นทาสอารมณ์เจ็บแค้นทั้งกายใจไปอีกนานใช่มั้ย (ตามสไตล์คุณดอกไม้) ขอตัวไปเตรียมผ้าเช็ดหน้า :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 05-10-2012 14:59:31
  :serius2: อันนี้คือโกรธนักเขียนที่ทำให้พี่สิงห์เข้าใจจ้อยผิด
 :o12: อันนี้คือสงสารทั้งสิงห์กะจ้อย.... 
 :pig4: ส่วนอันนี้จะเป็นพระคุณมากถ้านักเขียนที่น่ารักจะใจร้ายน้อยลงทำให้คู่สุดที่รักของข้าพเจ้าเข้าใจกันซะทีเถิด...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 05-10-2012 15:01:03
 :เฮ้อ: เกือบดีแล้วเชียว
พี่สิงห์ใจเย็นๆหน่อยน่ะ  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 05-10-2012 15:10:24
โอ้ยเครียดกดดัน อย่าทำอะไรจ้อยนะไอ้พี่สิงห์ :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 05-10-2012 15:11:22
สิงห์โดนไอ้ลอยยุอะไรอีกเนี่ย
สงสารจ้อยจังเลย
+1 และเป็ดนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 05-10-2012 15:49:08
สงสารรรรรรรรรรรรรรรร ทั้ังพี่สิงห์&จ้อย  (รักสองคนนี้ที่สุดดดดดด)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 05-10-2012 16:11:29
สงสารคุณนายอ่ะ เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่
แต่ตอนนี้อยากจะกระโดดถีบไอ้ลอยที่สุด  :z6: :z6:
ทำไมแกไปยุสิงห์มันอย่างงั้นวะ!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-10-2012 16:32:29
 :z6: เกลียด (อิ) ลอยมาก  :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 05-10-2012 18:12:36
โหวตไอ้ลอยให้เป็นตัวเลวแห่งปี (เห็นอยู่ในเซ็งเป็ดอวอร์ดหลายเม้นท์อยู่นะคะ)
จะด่ามันว่าไรดีกลัวหยาบคายคันปากยิบๆๆๆจ้างอันธพาลไปรุมอัดแม่ม!! พี่สิงห์ออกห่างจากมันเถอนะ
มันทำให้สิงห์ยิ่งดูแย่ทั้งในสายตาน้องและสายตาทุกคน

โฮ้ย...ท้อแท้กับคู่นี้เหลือหลาย น้องอุตส่าห์ใส่ชุดที่พี่ซื้อให้ไปตามหาอยากให้ชื่นใจ
พอเจอก็บอกว่าเป็นห่วง จะดีอยู่แล้ว สิงห์ไม่น่าขาดสติแบบนี้เลย เค้ารักเค้าหวงของเค้าก็เข้าใจ
แต่บางทีสติและความเชื่อมั่นก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่งั้นสิงห์คงต้องจับจ้อยมัดไว้อยู่บ้านอ่ะ
กลายเป็นเรื่องชกต่อยใหญ่โตไปเลย หาว่ามาดูถูกกันอีก เรื่องนี้ยิ่งเป็นปมด้อยสิงห์อยู่ด้วย
กลับบ้านไปนอนหัวค่ำให้น้องจ้อยทำกับข้าวให้กิน คุยกันจุ๋งจิ๋ง หรือไปช่วยพ่อทำงานดีกว่าเนอะ
 ดีกว่ากินเหล้ากับลูกน้องเลว ๆ อีก
เอิ่ม...หลังจากไอ้หมาลอยพูดแบบนั้น พี่สิงห์ไม่ยิ่งรุนแรงกับน้องเหรอ...ไม่น้า~~~
น้องจ้อยทั้งบอบบาง อ่อนหวาน น่ารัก คนอ่านหวงม้ากมากค่ะ

ครูคะนึงกับคุณเล็กสติลหว้านหวานยิ่งกว่าสายไหมที่คุณเล็กกิน มีจับมือกันในโรงหนัง
ตอนคุณเล็กพูดถึงเรื่องจูบน่ารักชะมัด

ขอบคุณค่า...ตอนหน้าอยากอ่านเร็ว ๆ มากเลย เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 05-10-2012 19:21:42
 :เฮ้อ:  ตอนหน้าท่าทางน้องจ้อยมิวายโดนไอ้พี่สิงห์ปู้ยี่ปู้ยำช้ำไปทั้งร่างแน่
สงสารแต่อยากอ่าน (อ่าว อินางฟ้า...)
สามคำ>>>อย่า เลว ร้าย (กว่านี้)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 05-10-2012 21:21:23
ถึงจะได้ตัวน้องแต่ต้องแลกกับการถูกเกลียด มันจะคุ้มกันเหรอ หวังว่าสิงห์จะไม่เลือกเดินทางผิดนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: frenzy19 ที่ 05-10-2012 22:04:39
เกลียดไอ้ลอย   :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31:



สงสารน้องจ้อย   :monkeysad: :monkeysad:

เอาอีก เอาอีก เอาอีก  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: haha-23 ที่ 05-10-2012 22:06:27
 :z3: :z3: :z3:
 :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 05-10-2012 22:13:34
ไอ้ลอยยยย ฉันจะโหวดแกเป็นดาวร้ายยยแห่งปีเลวจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 05-10-2012 22:15:15
ไอ้สิงห์นี่โง่งี่เง่าได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 05-10-2012 22:18:13
ไอ้ลอยขี้ยุจัง!!!!  :m31:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 05-10-2012 23:24:53
อ่านไปอ่านมาเพลิน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 05-10-2012 23:57:19
โอ๊ะ เกือบจะลงตัวทุกอย่างแล้วน๊า

พี่สิง ก็เข้าใจน้องผิดทุกทีอ่ะ

อย่าไปฟังไอ้ลอยมันนะ

ได้แต่ตัวน้อง แล้วใจน้องละไม่เอาแล้วหรอ

พอใจแล้วหรอแค่นั้นอะ แล้วถ้าวันนึงน้องหนีเอ็งไปละ เอ็งจะทำไง

ทำดีแล้วได้ทั้งตัว ทั้งใจน้องไม่ดีกว่าหรอ

อย่าไปฟังมันนะ เรื่องแค่นี้คิดเองได้ ไม่ต้องเรียนจบหรอกก

+1 จ๊า จุ๊ฟๆ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 06-10-2012 00:16:49
สงสารจ้อย      อยากให้ครั้งแรกของจ้อย  นุ่มนวล  อ่อนหวานเหมือนของครูเล็กจังเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 06-10-2012 04:09:11
เอาไอ้ลอยไปทิ้งที่ดงกล้วยทีเถอะ เห็นแล้วอยากฆ่ามาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 06-10-2012 11:17:33
โอย.....ละลายกับคู่อาจารย์ศิษย์จะหวานไปไหน โฮกกกกกก :pighaun:

ส่วนไอ้ลอยเป็นตัวจุดชนวนทุกเรื่องเลยจริงๆ  :angry2:
ตอนหน้าลุ้นฉากตบจูบๆ ค่ะ คริๆ :oo1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 06-10-2012 12:32:40
ตอนที่จ้อยบอกว่าเป็นห่วง รู้สึกล่องลอยตามสิงห์เลย
แต่พอออกมานอกร้านเท่านั้นแหละ...เอาแล้ว เข้าใจผิดกันอีกแล้ว เหมือนตกจากฟ้าตามสิงห์มาติดๆ  :z3:

พี่สิงห์อย่าทำตามคำยุของไอลอยน้า โอ้ย ไม่อยากจะคิด  :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 06-10-2012 15:22:09



สงสารสิงค์กับจ้อย รันทดแท้ เฮ้อ

อีลอยที่มันตัว เห้ แห่งปีจริง เห้ๆ โครตต กระทืบๆ  :z6: :beat: :m31: :m16:


อินไปหน่อย แฮะๆ  :m23: :m23: :m23:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 06-10-2012 16:05:45
สงสารทั้งคู่เลย จ้อยเองก็เกรงใจเกินไป ไม่พูดในสิ่งที่ตัวเองคิด นี่ขนาดแค่บอกว่าเป็นห่วงเบาๆ สิงห์ยังดีใจขนาดนี้ ถ้าสองคนนี้เข้าใจกันเมื่อไหร่ คิดว่าคนที่มีความสุขที่สุดคงเป็นจ้อยและสิงห์แน่ๆ


ปล. เกลียดลอยจริงๆ เมื่อไหร่สิงห์จะเจอบัณฑิตบ้าง เจอแต่คนพาล อย่างนี้จะทำให้จ้อยรักได้ยังไงเนี่ย อ่านตอนนี้แล้วมีแววว่าสิงห์จะพยายามเอาตัวจ้อยมาให้ได้ ถ้าทำสำเร็จ ก็ขอให้ได้ใจมาไวๆนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 06-10-2012 22:50:15
ตอนแรกสงสารจ้อยที่ถูกคุณนายด่า

แต่ต่อมาสงสารสิงห์มากกกกกกกกกกกกกก

ฮืออออออออออออออออออออออออ

เรายังค้างคาใจเรื่องที่สิงห์กับจ้อยเป็นพี่น้องกันอยู่นะ

จากที่ในเรื่องมีคนบอกว่าแม่จ้อยสวย

แล้วที่คุณนายพูนทรัพย์ว่ากำนันไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยอีก

กลุ้มมมมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 06-10-2012 23:02:11
อยากให้มาต่ออีกเร็วๆจังเลย

จะรอนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 06-10-2012 23:25:44
กำลังจะดีอยุ่แล้ววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pie_handsome ที่ 07-10-2012 00:41:15
อ้ากกกกกกกกกกกก  อยากอ่านต่ออออออ
ไม่ไหวแล้วอะคร้าบบ รีบมาอัพไวๆ น้า
แบบว่า สนุกมาก ^^ จะอัพกี่ทีก็ยังสนุกไม่เปลี่ยน
ยิ่งน่าติดตามมากขึ้นทุกทีๆ ด้วย
เป็นกำลังใจให้ครับ รีบๆ มาอัพก่อนคนอ่านจะลงแดงตายนะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ลู่เคอOlive♥ ที่ 07-10-2012 15:52:42
เห็นเรื่องนี้ตั้งนาน แต่ไม่คิดจะอ่าน ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองพลาดอย่างนี้ :z3:
ชอบภาษาที่ใช้แต่งมาก
สนุกมาก ชอบสุดๆ อะ นั่งร้องไห้ตาม
เมื่อไหร่พี่สิงห์กับจ้อยจะเข้าใจกันสักที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 07-10-2012 16:12:41
สนุกมากค่ะ
รู้สึกโอเคกับคู่ของอาจารย์คนึงกับน้องเล็กมาก
คู่นี้น่ารัก อ่านแล้วอบอุ่นในหัวใจ

แต่หงุดหงิดคู่จ้อยกับสิงห์มากค่ะ หนึ่งตอนดี สามตอนงี่เง่า
รู้สึกยังกับดูละครช่องหลากสี สิงห์ก็ไม่มีความคิด คิดเองไม่เป็น
เหอๆๆๆ ........

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PRMWi ที่ 07-10-2012 21:53:40
อยากให้พี่สิงห์กะจ้อยพูดกันดีๆ
อยากให้รักกันเร็ว ไม่อยากให้ดราม่ามาก
ไม่อยากให้สุขแค่สองสามตอนสุดท้ายแบบเรื่องนู้นน

ฮ่าๆ แต่ถาพี่จี้เขียนหนูก็พร้อมอ่านค่ะ
แต่ตอนนี้มันปวดหัวใจ
เบื่อลอย เฮ้ออ ตอนจบจะดีใจมากถ้าไอ้ลอยตายเพราะพี่สิงห์ฆ่า คิคิ


สุดท้ายนี้ ถ้าน้องจ้อยจะไม่รอดมือพี่สิงห์จริงๆ
ขอให้พี่สิงห์ไม่เมาและไม่รุนแรงกะน้องนัก
สงสารน้องเหอะ ตัวเท่าลูกแมว เวลากลัวก็ได้แต่ขู่จนขนพอง
แต่ลองเอามือไปลูบขนพองๆ พี่สิงห์ก็ต้องรู้นะ ว่ามันนิ่มและแบบบาง
แถมยังนุ่มมือกว่าตอนที่ยังไม่พองขนอีกค่ะ :)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 07-10-2012 23:16:58
 :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 08-10-2012 00:06:51
ให้สามคำ >>> เผา ไอ้ ลอย
นิสัยเลวจริงไรจริงไอ้ลอยเนี่ย พี่สิงห์ก็คบเข้าไป
เดี๋ยวชีวิตก็เจริญหรอก พี่!
น้องจ้อยอุตส่าห์คิดดี ทำดี ดูอิคนพี่ทำเข้า เฮ้อ....สงสารน้องอ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: moomew ที่ 08-10-2012 01:57:35
เขียนภาษานิยายได้สวยมากๆๆครับ
อ่านแล้วจะเอาไปปรับใช้กับนิยายตัวเองมั้ง คิคิ

อ่านมาสองวันแร๊ะ อิอิ

ติดตามมาต่อนะครับ
ชอบ ชายมาน มากกกกก กับจ้อย ดูเป็น หนูมาลี สู้ชีวิตดี อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 08-10-2012 08:34:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: smileiiz ที่ 09-10-2012 09:10:22
บักลอยๆๆๆๆ แก..แก่...แก้...แก๊...แก๋  :angry2:
โอ๊ยยยยยยย อยากเดินเข้าไป เอาเอ็มสิบหกกราดยิงใส่นาง แล้วตามด้วยนั่งยาง สุดท้ายจับโยนใส่บ่อปลาคราฟฟ หุ้ยยยยย ขัดใจจริงๆ

คนเข้ากำลังจะเข้าอกเข้าใจ ฮ่วย!! เพลีย :seng2ped:

เรื่องนี้เขียนได้สุดยอดมากค่ะ ตามตั้งแต่ ผู้ปกครอง ฯ และเรื่องนี้ เรียกน้ำตาได้ทุกเรื่องจริงๆสิเอ๊าาา  o13
ชอบมากค่ะ ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆ ออกมาให้ได้ติดตามนะคะ

รักคุณดอกไม้ที่สู๊ดดดดดด จุ๊บ! :impress2:

รอๆๆๆ ลุ้นๆๆ ให้พี่กับน้องเค้าเข้าใจกันเร็วนะเคอะ

และก็รอให้อีกคู่ขมเร็วๆ อยากดราม่า 5555  :z2:


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 09-10-2012 09:45:24
อ่านตอนทะเลาะกัน
น้องจ้อย พี่สิงห์ คุยกันหน่อยมั๊ย อย่าเพิ่งด่วนตัดสิน ไอ้พี่สิงห์ อารมณ์ร้อนไปนะ

เอิ่มคุณดอกไม้คะ
อ้างถึง
“มัวแต่เป็นคนดี  สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรสักอย่าง  ทั้งตัวทั้งใจ” เหล้าเป็นน้ำมันชั้นเยี่ยม  คำพูดยุยงเป็นเชื้อไฟชั้นยอด  ไอ้ลอยคอยเติมทั้งน้ำมัน  ทั้งเชื้อไฟไม่ให้พร่อง

“แต่ถ้าพี่เลว  อย่างน้อย.. พี่ยังได้ตัวมัน”
ยุแบบนี้ก้อยุเถอะคะ อย่างน้องจ้อยต้องได้ตัวมาก่อน ใจที่เอนเอียงถึงจะยอมรับ :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 10-10-2012 12:56:11
เห็นลอยทำตัวได้สมเป็น "บ่างช่างยุ" ได้อย่างสมศักดิ์ศรีจริงๆ เกลียดตัวละครตัวนี้จัง
สงสารก็แต่สิงห์กับจ้อย ที่ค่อยๆเริ่มโน้มเอียงเข้าหากัน กลับมามีเรื่องให้มันแย่ลงไปอีก เฮ้ออออออ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ai_no_uta ที่ 10-10-2012 19:56:47
พี่สิงห์!!!!! หยาบช้าอ๊าาาาาๆๆๆๆ มากเลยวุ๊ย คิดเองเออเองไปหมดเลย แล้วก็เลิกทีเหอะไอ้นิสัยปากไม่ตรงกับใจ หูเบา คบเพื่อนเอี๊ยๆอย่างนี้อ่ะ
 (คือ มันไม่มีดีเลยว่างั้น =_=")

จริงๆอยากจะหมดรักพี่สิงห์แล้วนะพี่จี้
แต่เห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่าก่อนของเรา เห็นว่าพิมพ์รักพี่สิงห์มานานหรอกนะ (เป็นตุเป็นตะ=_=")
ถ้าพี่สิงห์ เลิกคบเพื่อนต่ำๆแบบนี้ได้เมื่อไหร่  เราค่อยคุยกันนะจ๊ะ (ไปกันใหญ่!!!!)


ปล.คิดถึงมากกกกทั้งนิยาย และคนเขียน จู๊บบๆ


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kunchan ที่ 10-10-2012 21:05:26
TT^TT รังแกพี่สิงห์กันแบบนี้ เอามีดมาแทงกันเถอะค่ะ คนอ่านตัวเล็กๆ ผู้นี้จะปกป้องพี่สิงห์ด้วยชีวิต โฮๆๆๆๆ ทำไมทำกับพี่สิงห์เยี่ยงนี้ น่าสงสาร ไม่อยากบอกเลยว่าตอนนี้ครูคนึงกับชายเล็กเป็นคู่รองไปแล้วค่ะ ข้ามมาอ่านคู่พี่สิงห์กับน้องจ้อยก่อนทุกที ลุ้นม๊ากกกกกกกกกกกกกกก คนเขียนใจร้าย.....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 10-10-2012 21:56:35
ไอ้พี่สิงห์ก็ขี้หึงไม่ฟังอะไรเลยอ่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 11-10-2012 21:03:47
เกลียดไอ้ลอยมาก ชอบยุยงให้คนเกลียดกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 12-10-2012 04:32:29
สิงห์เอ้ย ถ้าแกไม่โง่ ก็บ้าเต็มทน น้องมาตามก็หาว่าพาเพื่อนมาดุถูก
ก็เอาเถอะ แม่ยกแก ก็ยังยกธงสะบัดเชียร์แกอยู่ ทั้งๆี่ที่ใจอยากจะฟาดตีให้หลังลาย
โทษฐาน ทั้งโง่ งี่เง่า แถมหูเบา เฮ้อ..เซ็ง ขอเหล้าแก้วดิ ....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 13-10-2012 15:39:53
เอาเลยพี่สิงห์ ข่มขืนน้องจ้อย ซะหึหึ   :pighaun:   :haun4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 14-10-2012 20:05:51
สงสารจ้อยอ่าาาาาาาาา

ตอนหน้าจะถูกสิงห์ทำแบบนั้นจริงๆเหรอเนี่ย

เฮ้อออออออออออออออ

เมื่อไหร่สิงห์จะเลิกยุ่งกับพวกไอ้ลอยซะที

มันเลวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: อากาศใต้ผ้าห่ม ที่ 14-10-2012 20:31:58
ไอ้ลอยช่างยุพี่สิงห์จริง ๆ หมั่นไส้  :m31:
ไม่อยากให้พี่สิงห์ไปเชื่อไอ้ลอยมันนะ มันเลว

ไปขืนใจจ้อย มีแต่น้องจะเกลียด จะเสียใจมากกว่า
อยากให้พี่สิงห์แสดงดราม่าสำออยเรียกคะแนนสงสาร
พอจ้อยใจอ่อน เคลิ้ม ๆ เดี๋ยวมันไปเป็นไปตามธรรมชาติเอง

 :impress2:

อดทนอีกหน่อยนะพี่สิงห์ อีกนิดเดียว จ้อยจะใจอ่อนแล้ว
อย่าไปเพิ่งไปทำร้ายไปขืนใจน้องนะพี่สิงห์ อดทนไว้ก่อน


น้องจ้อยก็เห็นใจพี่สิงห์ไว ๆ เถอะ
พี่สิงห์ออกจะน่าสงสารนะ มีแต่คนด่า  :sad4:


แต่คนเขียนรีบมาต่อไว ๆ หน่อยนะ
คนอ่านอดทนไม่ไหววววแล้ว เป็นห่วงพี่สิงห์



ปล.คาดว่าจริง ๆ แล้ว น้องจ้อยเป็นลูกกำนัน
พี่สิงห์เป็นลูกชู้งี้ป่าว แต่ไม่อยากให้เป็นงั้นนะ
ใจร้ายกับพี่สิงห์เกินไป แต่ถ้าจ้อยกับสิงห์เป็นลูกกำนันทั้งคู่
ก็เท่ากับว่าสองคนนั้นเป็นพี่น้องกัน แต่ก็ดีนะ ชาวบ้านจะได้ไม่สงสัย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 14-10-2012 20:45:01

ปล.คาดว่าจริง ๆ แล้ว น้องจ้อยเป็นลูกกำนัน
พี่สิงห์เป็นลูกชู้งี้ป่าว แต่ไม่อยากให้เป็นงั้นนะ
ใจร้ายกับพี่สิงห์เกินไป แต่ถ้าจ้อยกับสิงห์เป็นลูกกำนันทั้งคู่
ก็เท่ากับว่าสองคนนั้นเป็นพี่น้องกัน แต่ก็ดีนะ ชาวบ้านจะได้ไม่สงสัย


คิดเหมือนเรพนี้เลยค่ะ ...   :z3:

ตามอ่านมาตั้งแต่ต้น ภาษาสวยมากๆเลย อ่านแล้วแบบ ละมุนยังไงก็ไม่รู้
คุณเลอมานตอนแรกเราแอบหมั่นไส้นะ 5555555 แต่หลังๆมาน่ารักเหลือแหล่   :-[
มาคู่พี่สิงห์ หงุดหงิดพี่สิงห์มากอ่ะ แบบชอบเค้าแล้วทำไมไม่พูดกับเค้าดีๆวะฮะ  :beat:
มาเจอไอลอยอีกละ ไอเลวเอ๊ยยยยย แต่ถ้าพี่สิงห์มันไม่เชื่อซะอย่างจะกรอกหูยังไงก็ไม่ทำหรอก  :m31: :m31: แต่ยิ่งยุขึ้นอยู่ กลัวจะไปปล้ำน้อง ฮ่วยยยย อยากให้ทำดีๆกะน้อง  :o8: 

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 14-10-2012 23:51:16
ปวดใจ  เมนท์ไม่ออกเลยครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 16-10-2012 00:45:15
พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย พี่สิงห์ น้องจ้อย  :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๙ : อกเอยมันแค้น (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๕/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tune ที่ 22-10-2012 20:20:04
คุณครูขาขออนุญาติกรีดร้องค่ะ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ไอ้ลอย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ถ้าไม่มีไอ้ลอยอีกสักบทคุณครูฝึกหัดจะรักพี่สิงห์แล้วใช่ไหม?
อกเอยมันแค้น นี่ไม่ใช่พี่สิงห์แค้นน้องจ้อยอย่างเดียวนะคะ คนอ่านก็แค้นไอ้ลอยกันถ้วนหน้านะคะนะ หึหึ

ปล. เด๊ดสะมอเร่ จริงๆค่ะ ตายค่ะตาย ฟินร่างแหลกตายกับครูคนึงครูเล็ก นี่ขนาดห้องเรียนนะคะครู ที่รโหฐานนี่ยังไงคะครู ๕๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 29-10-2012 00:28:14
(http://img14.picoodle.com/i5as/chihiro/0_576_u90ve.jpg)

บทที่ ๒๐

ยิ่งกว่าการฆ่า



ถ้าเธอเกลียดฉันแล้วลวงฉันฆ่า
ฉันจะไม่ว่าไม่ว่าอะไรสักนิด
เพราะว่าการเกลียด จะต้องล้างกันด้วยชีวิต
ฉันจึงขอมอบอุทิศให้ชีวิตที่เธอต้องการ

แต่นี่บอกรัก รักฉันล้นใจ
แล้วจึงทำไม แล้วจึงทำไมประหาร*




โบราณว่าพายุมักมาในวันที่ฟ้าใสที่สุด

โบราณว่าไว้ไม่มีผิดเลย

ดูอย่างวันนี้ปะไร  เหตุการณ์ในตลาดเมื่อเช้ายังติดตรึงอยู่ในหัวใจ  พี่มาช่วยหิ้วตะกร้าเดินจ่ายตลาดตามหลังต้อยๆ ซื้อขนม ซื้อเสื้อใหม่ให้ ถึงวิธีการออกจะพิลึกไปหน่อย ห่ามไปนิด  แต่ภายหลังจ้อยก็เข้าใจแล้วว่ามันคือความปรารถนาดี
   
ท้องฟ้าเมื่อเช้าช่างสดสวย  เมฆขาวเคลื่อนตัวอุ้ยอ้าย สายลมฝากรักกับต้นไม้ใบหญ้าพลิ้วไหว  แล้วเหตุใดหนอ เพียงไม่ทันชั่วข้ามคืน เรื่องราวมันกลับตาลปัตรได้ถึงเพียงนี้

หลังพายุอารมณ์สงบลง  คนึงพาเด็กๆ ออกมาจากสถานที่อโคจร  ตอนแรกอาจารย์และผองเพื่อนชักชวนกึ่งบังคับให้จ้อยไปนอนค้างที่หอพักนักเรียน  แต่จ้อยให้เหตุผลว่าไม่อยากมีปัญหากับคุณนายพูนทรัพย์  เพราะไม่รู้ว่าคุณนายจะดุด่าไหมถ้าบ่าวไปค้างคืนที่อื่นโดยไม่บอกกล่าว 
   
ทุกคนตีสีหน้าห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด  แต่จ้อยก็พูดให้คลายใจว่าคืนนี้จ้อยจะไปนอนเรือนบ่าวกับน้าแป้นและหนูน้ำฝน  อีกอย่าง.. ดูจากสภาพนายสิงห์  เมามายขนาดนั้นคืนนี้คงไม่กลับไปนอนบ้านแน่ 

   
‘ร่านเหมือนแม่ไม่มีผิด’

ตลอดทางที่รถจี๊ปแล่นฝ่าความมืด  คำพูดนั้นยังกึกก้องอยู่ในใจจ้อยไม่วางวาย  น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วเอ่อรื้นขึ้นมาอีกครั้ง  มือเล็กรีบปาดมันทิ้ง  แหงนหน้ามองหมู่ดาวพริบพราวเบื้องบน  คืนนี้ฟ้าสวยจริงๆ ดาวสุกใสกระจัดกระจายเกลื่อน 
   
ฟ้าสวยแบบนี้  จะมีพายุใดสาดมาซัดมาอีกไหม

หนุ่มน้อยคงยังไม่รู้ว่าพายุที่อำมหิตอย่างแท้จริง  กำลังก่อตัวอย่างเงียบเชียบ  รอเวลาครืนโครมมา
   
เหตุการณ์ในโรงเหล้า  เป็นแค่ครึ่งแรกของพายุ  อีกไม่นานหรอก  หลังของพายุจะเริ่มพัดเข้ามา  หนักและรุนแรงกว่าครึ่งแรกหลายเท่าตัว!

************************
   
คุณนายยังถ่างตารออยู่จริงๆ อย่างที่จ้อยคิด  แกหน้าสลดลงทันทีที่ไม่เห็นลูกชายกลับมากับจ้อยด้วย  ไหนจะรอยฟกช้ำดำเขียวบนหน้าเหล่านักเรียนครู  ฟ้องถึงความระยำตำบอนของลูกชายสุดที่รัก  ดีที่สง่าและสันติไม่ติดใจเอาเรื่อง  ผองเพื่อนเพียงเห็นจ้อยเข้าเรือนน้าแป้นไปแล้วก็เบาใจ  พากันเดินทางกลับโรงเรียน 

คล้อยหลังอาจารย์ไปไม่ทันไร  รอยฝุ่นที่เกิดจากล้อยางบดดินยังลอยกรุ่น  จ้อยยังไม่ทันเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอนเลยด้วยซ้ำ  เรือนกำนันก็มีอาคันตุกะยามวิกาลมาเยือนอีกหนึ่ง  หนนี้เป็นผู้หญิงเสียด้วย
   
จ้อยกำลังเดินเอาผ้าขาวม้าพาดไหล่  ถือขันน้ำกับสบู่ตั้งใจไปอาบน้ำที่ตีนท่า  นั่นละ จึงพอดีได้เห็นกัน 
   
น้ำเสียงกังวานใสฟังดูร้อนรนนั้นร่ำเรียกครูๆ มาแต่ไกล  แข่งกับเสียงพายจ้วงน้ำดังจ๋อมๆ  ช่วงจังหวะถี่กระชั้น  บ่งบอกว่าคนพายเร่งร้อนเพียงใด

แสงตะเกียงหัวเรือส่องให้เห็นเรือนร่างเต่งตึงอวบอัดสมเป็นอิสตรี  ในเสื้อแขนกุดตัวหลวมกับผ้าถุงลายดอก  ใบหน้างามแฉล้มดูตื่นตระหนก  จ้อยถึงกับตกตะลึงเมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนเป็นใคร

พี่ทองใบ!

ไม่ผิดหรอก  ทั้งชุมชนตลาดยอด  มีผู้หญิงชื่อทองใบอยู่แค่คนเดียว  พี่ทองใบแม่เล้าเรือนโคมเขียวท้ายตลาดนั่นละ 

นักเรียนครูได้แต่ยืนงง  หาเหตุผลไม่ได้ว่าเจ้าหล่อนมาหาเขาทำไมดึกๆ ดื่นๆ

ไม่รอให้ถาม  คำตอบก็เร็วรี่ปรี่เข้ามา
 
“ครู! แย่แล้ว!” นางทองใบร้องร้อนรน  ขณะราพายเข้าเทียบท่า 

“พี่ทองใบ” จ้อยย่อตัวลงช่วยเหนี่ยวกราบเรือเข้ามา “มีอะไรหรือจ๊ะ  รีบร้อนมาดึกดื่นป่านนี้”
   
สาวใหญ่หอบตัวโยน  เม็ดเหงื่อผุดซึมเต็มหน้า  ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางฉาบเปิดเผยความงามอันเป็นธรรมชาติ  ซึ่งไม่มีใครพบเห็นได้บ่อยนัก  คงเป็นเรื่องด่วนจริงๆ  แม่เล้าคนงามจึงออกจากบ้านทั้งหน้าโล้นๆ 
   
“โอย.. ครู.. แย่แล้ว” หล่อนหอบถะถี่  พูดจาแทบไม่เป็นคำ “ยาย..ยายช้อย..”

ชื่อยายที่ได้ยินทำให้จ้อยตัวชาวาบ  หัวใจหล่นวูบลงไปกองพื้น  แทบไม่รู้ตัวยามมือขาวเอื้อมมาบีบต้นแขนเขาแน่น  ดวงตาคู่สวยตื่นโพลง  ริมฝีปากอิ่มเอ่ยร้อนรน   
   
“ยายช้อยล้มที่ท้ายตลาด!”

*************************
   
หรือนี่จะเป็นพายุใหญ่หลังฟ้าใสดั่งโบราณว่า  ในเรือน้อยของนางทองใบ  จ้อยจ้วงพายสุดแขน สุดแรงล้า  ผืนน้ำคลองสะท้อนแสงตะเกียงเป็นริ้วดูพร่าเลือนไปเพราะน้ำตาที่เอ่อขึ้นคลอเบ้า  ทุกลมหายใจเข้าออก  มีเพียงคำเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวอก
   
ยายจ๋า.. ยายจ๋า..

แม่เล้าคนงามนั่งคัดท้าย  ปากพูดพร่ำไปเรื่อย  “ยายช้อยแกไปตัดใบตองที่ดงกล้วยท้ายตลาด  พี่ไปเจอแกพอดี  เห็นบอกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีเงินซื้อข้าวกิน  เลยต้องมาทำขนมขายอย่างเมื่อก่อน  นี่ก็มาตัดใบตองไปห่อขนม  น่าสงสาร  แก่ปูนนี้ยังต้องทำงานงกๆ” แต่ละคำเฉือนใจจ้อยจนแหว่งวิ่น  “พี่สังหรณ์ใจไม่ดี  เลยกลับเข้าไปดูแกอีก  ก็เจอแกนอนล้มอยู่ใต้กอกล้วยแล้ว”
   
“ยาย..” คำเดียวที่อยู่ในอกหล่นจากริมฝีปากซีดเผือด  เร่งพายเร็วขึ้นจนหอบหนัก  ใจเสียแทบแตกป่น  ในหัวใจสั่นไหวคิดไปต่างๆ นานา  หากยายเป็นอะไรไปเขาจะอยู่อย่างไร  ในโลกนี้จ้อยไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากยาย  พี่ชายก็เพิ่งจากไปเมื่อเกือบสามเดือนก่อน  หากยายต้องมาจากไปอีก  ชีวิตนี้จ้อยจะเหลือใคร 
   
จ้อยไม่ดีเอง  มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานที่บ้านกำนัน  ระยะหลังมานี้จ้อยห่างยายออกไปอย่างเห็นได้ชัด  ทั้งที่ยายก็แก่ปูนนั้น  เจ็บป่วยบ้างหรือไม่ก็ไม่เคยถาม  อยู่ใกล้กันแค่นี้แต่ไม่เคยไปดูดำดูดี  ถ้ายายเป็นอะไรไป  จ้อยจะไม่ยกโทษให้ตัวเองเลย

“ที่นี่ล่ะ” นางทองใบคัดท้ายเรือเข้าเทียบท่า  จ้อยแหงนมองทัศนียภาพบนตลิ่ง  มีแต่ต้นกล้วย  ต้นกล้วย  และต้นกล้วย  มืดมิด  เงียบสงัด  เงียบจนจ้อยได้ยินเสียงหัวใจสะเทือนไหวอยู่ในอก
   
“ยายจ๋า!” หนุ่มน้อยโดดขึ้นท่าไม่รีรอ  ยันเรือโคลงจนแม่เล้าคนงามต้องนั่งยึดกราบเรือประคองเรือให้อยู่นิ่ง 
   
“ยายจ๋า!  ยาย!” เสียงเล็กร่ำเรียกยายเหมือนคนบ้า  อารามรีบร้อนทำให้ลืมหยิบตะเกียงติดมือมา  หันไปทางใดจึงพบเพียงความมืดมิด  เท้าขาวย่ำลงใบตองแห้งกรอบอย่างไม่กลัวงูเงี้ยวเขี้ยวขอ  แทรกตัวเบียดเข้าไปในดงกล้วยน้ำว้าแน่นขนัด  มือบางผลักต้นกล้วยเย็นชื้นบุกฝ่าเข้าไป  ร้องเรียกยายไม่ขาดปาก  “ยาย!  หนูมาแล้ว  ยาย!”
   
จ้อยตะโกนจนเสียงแห้ง  จนเหนื่อยหอบ  ฉับพลันนั้น  เกิดเสียงกรอบแกรบดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน  อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวนี่เอง  หัวอกแห้งผากดั่งได้น้ำรินรด  มือเล็กยกขึ้นปาดเหงื่อ  สาวเท้าตามต้นเสียง 
   
“ยายจ๋า!” จ้อยแทบวิ่งเข้าไปหา  ในความมืด  ปรากฏเงาร่างตะคุ่มยืนอยู่ในดงกล้วย  ใกล้แค่สองก้าว  ลางสังหรณ์บางอย่างแล่นพรู  บ่งบอกให้รู้ว่าคนตรงหน้านี้ไม่ใช่ยาย 
   
ตัวสูงใหญ่  ไม่ใช่ผู้หญิงแน่!

แสงตะเกียงวอมแวมที่นางทองใบถือตามมา  ค่อยๆ กระจ่างขึ้นทีละนิด  สาดส่องต้องร่างคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจ้อย  จากรางเลือนจนแจ่มชัด 
   
เลือดในกายทุกหยดเย็นเฉียบเป็นน้ำแข็ง!

ไอ้ลอย!

จ้อยชะงักนิ่ง  คนที่ไม่คาดฝันว่าจะได้เจอ  คนที่ไม่อยากเจอที่สุดในเวลานี้  บัดนี้มายืนอยู่ตรงหน้า  ร่างสูงใหญ่ตระมื่นเหมือนหินผา  แสงตะเกียงนวลส่องให้เห็นดวงตาดำเข้มมองมาเหมือนเสือมองเหยื่อ  หยักยิ้มมุมปากน่าพรั่นพรึง
   
เสียงใบตองกรอบแกรบด้านหลัง  จ้อยหันขวับ  พบแม่เล้าคนงามถือตะเกียงมองมา  แววตาร้อนรนหายไปไหน  เหลือเพียงความเรียบนิ่งฉาบทาและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เยือกเย็น 
   
“พี่ทองใบ  นี่มัน..” จ้อยละล่ำละลัก  สับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก  หากพอเห็นนักเลงตัวโตยื่นธนบัตรสีเขียวส่งให้  มือขาวทาเล็บแดงยื่นไปรับ  สอดเก็บไว้ใต้คอเสื้อ  วินาทีนั้นทุกอย่างก็กระจ่าง

จ้อยยืนตัวสั่น  รู้สึกเหมือนฟ้าทั้งผืนถล่มลงมา 

“ไหนล่ะของแถม” สาวใหญ่ทรงเสน่ห์ทาบมือลงบนกล้ามอกแน่นตึง  ลูบไล้อ้อยอิ่ง  ช้อนสายตาขึ้นมองยั่วยวน 
   
“เดี๋ยวให้แน่” เสียงต่ำกระซิบแหบพร่า  กุมมือขาวขึ้นจรดริมฝีปาก  ทว่าสายตาดั่งงูพิษชำเลืองมาทางคนตัวเล็กที่พยายามทรงตัวด้วยสองขาสั่นเทา 
   
“เก็บแรงไว้ให้พี่ด้วยนะ” นางนกต่อเหลียวมามองตามสายตา  ยิ้มหยัน “อย่าเอาไปลงที่ครูเสียหมดล่ะ” 

ความหวังของจ้อยริบหรี่ลงพร้อมแสงตะเกียงที่ร่างอวบอัดเดินหิ้วจากไป  ร่างเล็กหอบหนักจนไหล่สั่นสะท้าน  ความหวาดกลัวลามเลียเหมือนเปลวไฟ  สองขาค่อยๆ ก้าวถอยหลังเงอะงะ     
   
ไอ้ลอยหัวเราะหึ  สาวเท้าเข้าหาทีละก้าวอย่างใจเย็น  มันช่างฉลาดและเจ้าเล่ห์  ชาติก่อนมันคงเป็นจิ้งจอกที่ใช้เล่ห์เพทุบายล่าเหยื่อเพื่อขบกินหัวใจ  ริมฝีปากยิ้มกระตุก  แต่ดวงตาไม่ไหวติง 

*************************



หายไปนานนนนนนน กลับมาที ลงแค่ตดมด  :เฮ้อ:

จริงๆ เขียนไว้เยอะกว่านี้ค่ะ แต่มันยังขาดๆ เกินๆ แถมสัญญากับคนอ่านที่รักไว้แล้วว่าจะลงให้ได้ภายในอาทิตย์นี้
ก็เลยดริฟท์มาในวินาทีสุดท้ายแบบเส้นยาแดงผ่าสิบเอ็ด
(แล้วทันไหม? ไม่ทัน เลยเที่ยงคืนไปครึ่งชั่วโมง  :z3:)

อีกครึ่งที่เหลือ อีกไม่นานค่ะ

รักคนอ่านนะคะ

ดอกไม้
๒๘ ต.ค. ๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 29-10-2012 00:30:26
มาช่วยจ้อยเร็วว :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 29-10-2012 00:35:06
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

พี่ดอกไม้ !!!! ฆ่าหนูเถอะ ฆ่าหนูT^T
ถ้าจะคางแบบนี้ อิพี่สิงห์!!!! มาช่วยน้อง!!!!
จะได้รู้ไปเลยว่าไอลอยมันเลวววววววววววว!!

อย่าให้น้องเป็นอะไรนะ พี่ดอกไม้ใจร้าย!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 29-10-2012 00:39:32
สิงห์ร่วมแผนการนี้กับลอยด้วยหรือเปล่าเนี่ย ถ้าสิงห์ร่วมด้วย จ้อยจะเสียใจแค่ไหนก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 29-10-2012 00:45:05
เฮ้ย ไรเนี่ยยยยย
น้อง จ้อย น่าสงสารคนอย่างไอ้ลอยมันเลวชาติหมาจริง ๆ
อ้ายสิงห์ล่ะ อยู่ไหน !!!!
เอาตอนต่อไปมาเถอะคุณมากั๊กๆ เเบบนีิ้อย่างเลย ลุ้นขี้เเตก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 29-10-2012 00:47:03
ตายแล้วว อย่าทำจ้ออยเค้านะ  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PRMWi ที่ 29-10-2012 00:47:53
ฮื่ออๆๆ รีบเข้าาด้วยความไวแสงเมื่อเห็นพี่จี้โพสในเฟสบุค


แง๊งๆๆๆ พี่ลอยต้องจับตัวน้องจ้อยไปให้พี่สิงค์แน่เลย(มั้ง)
ทำไงดีอ่ะ เฮ้อออ สงสาน้องมั่งเห้อ ตัวนิดเดียว รังแกอยู่ได้   :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 29-10-2012 00:54:07
กรี๊ดดดดดดดดดดด ค้าง!!!!!
ครึ่งหลังด่วนๆ
ไอ้ลอย ไอ้เลว ไอ้*#**}^%{%<<>}^•
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 29-10-2012 01:00:30
เกิดมาเพื่อเลวจริงๆ ไอ้ลอยยยยยยยย :z6:
พี่สิงห์มาช่วยน้องจ้อยเร็วๆนะ :serius2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yellowswarn ที่ 29-10-2012 01:03:17
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ทำไมตัดฉับแบบนี้้ี
แล้วจะเป็นยังไงต่อล่ะเนี้ยะ

 :z6:
ลุ้นนนนนนนนนนนนนนนน
มารอทุกวันเลยนะคะ



ช้าขนาดไหน คนอ่านก็รอได้ค่ะ
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: special ที่ 29-10-2012 01:10:24
ค้างแบบที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

(หวังว่าคงไม่ใช่พี่สิงห์ให้ไอ้ลอยวางแผนนี้ให้นะ ฮือออ)
พี่สิงห์กรุณาจัดการไอ้ลอยให้ลอยไปไหนก็ได้เสียทีเถอะค่ะ
เกลียดไอ้ลอยแบบไม่ไหวแล้วจริงๆ อร๊ากกกกกกกกกก


 

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-10-2012 01:13:39
 :z6:  :beat:  ไอ้ลอย ไอ้ชั่ว
ขออย่าให้พี่สิงห์อยู่ในแผนนี้ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: moomew ที่ 29-10-2012 01:55:50
มาต่อเลยนะคนเขียน

งอลละจะตามไปจิกถึงเพจ คอยดู หุหุ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: อากาศใต้ผ้าห่ม ที่ 29-10-2012 02:36:18
อ๊ากกกกกกกกกก มาสั้นไม่ว่า
สั้นแล้วยังค้างอีก โฮกกกกกกกกกกกก
เค้ารอมาตั้งหลายวันหลายคืนหลายชั่วโมง

ทำไมคนเเขียนทำกับเค้าแบบนี้ น้ำตาจะไหล :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 29-10-2012 05:12:24
แล้วจ้อยจะรอดมั๊ยเนี่ย  :a5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 29-10-2012 06:52:03
จ้อย   ไม่นะะะะะะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 29-10-2012 09:20:46

สิงห์แกคงไม่ร่วมด้วยหรอกนะใช่ไหม??????
สาธุ คุณพระคุณเจ้า ช่วยคุ้มครองจ้อยให้ลูกด้วยเถิด
อย่าให้จ้อยเสร็จไอ้ชั่วอย่างไอ้ลอยเลย
;_;
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 29-10-2012 10:28:23
พี่สิงห์ไปไหนมาช่วยครูเร็ว :laugh:
อีลอยอีเลว  :z3:สั้นไปยังไม่หายคิดถึงเลย♥♥♥
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 29-10-2012 10:36:56
โถ่ๆๆๆ น้องจ้อย น่าสงสารจริงเชียว รอครึ่งหลังแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 29-10-2012 10:48:14
หญิงร้ายชายชั่ว!!
อย่าบอกนะว่าพี่สิงห์รู้เห็นเป็นใจ :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 29-10-2012 10:52:12
ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวลอยมันจะลากไปให้สิงห์หรอกนะ
ทองใบ เธอมันแย่มาก !! :m31:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 29-10-2012 12:01:03
ดูจากชื่อตอนแล้วคง..   :beat:
กะรอให้จบแล้วมาอ่านรวดเดียวจังเลยเรื่องนี้ แต่เห็นแล้วมันก็ห้ามมือไม่ได้   :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 29-10-2012 12:13:27
ไม่นะ.....ไอ้ลอยอย่าทำอะไรจ้อยนะ
สิงห์แกมาช่วยน้องที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 29-10-2012 15:51:48
ไอ้พี่สิงห์ไปมุดหัวอยู่รูไหนรีบมาช่วยน้องจ้อยที :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 29-10-2012 16:48:22
ชะลอยน้องจ้อยของพี่จะงานงอก อิพี่สิงห์ หายตัว หายศีรษะไปไหนจ๊ะ  น้องจะแย่แล้ว รีบย้าย...ตัวมาช่วยน้องจ้อยซะดีดี
อย่าทำให้แฟนคลับต้องเอาธงฟาดนะ  ฮึ่ม!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: putiinez ที่ 29-10-2012 17:26:48
ไม่นะจ้อยยยย
อีตาพี่สิงห์มาช่วยเร็วๆๆ ครูจะแย่แล้ววว
แงงง ยัยทองใบนึกว่าจะเป็นคนดี เลวทั้งไอ้ลอยทั้งยัยผู้หญิงเลย นี่แหนะ เอาไป :z6:  :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: lalitalx ที่ 29-10-2012 18:16:01
โอ้วววว ชื่อตอนมันช่าง  :z3: :z3:
ท่านดอกไม้อย่าได้หายไปนาน คนอ่านเหมือนจะยิ่งกว่าถูกฆ่า TT
แล้วใครจะฆ่าละเนี่ย  o18
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 29-10-2012 18:37:12
โอ้ย ค้างฉากได้ทรมานใจสุดๆ  :serius2: :serius2: :serius2:
สงสารน้องจ้อย จะร้องไห้แล้วค่า :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 29-10-2012 19:11:59
น่ากลัวมาก ไอ้ลอยมาคนเดียวเหรอ  พี่สิงห์ล่ะ ถ้าพี่สิงห์ไม่มาน้องจ้อยแย่แน่
แต่ถ้าสิงห์มาแต่หน้ามืดจ้อยก็แย่ไม่ต่างกัน เป็นห่วงจ้อยจัง
ไอ้ลอยนี่เลวเล๊วเลวววววว ด่าว่าอะไรดีถึงจะเหมาะกับมัน ฮึ่ม  :m31:

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 29-10-2012 19:16:45
เห็นคอมเม้นแล้วไม่กล้าอ่านค่ะ  :sad4:

แต่มาบอกว่า รออยู่เสมอนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 29-10-2012 19:22:08
แล้วใครจะมาช่วยจ้อย

ทำแบบนี้ฆ่ากันเลยดีกว่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 29-10-2012 20:02:32
ไอ้ลอย ชิงหมาเกิด!  :fire:

พี่สิงห์ตามมาช่วยน้องเร็วๆ หน่อยสิ แต่สังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าพรหมจรรย์น้องจ้อยจะตกเป็นของไอ้ลอย  :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 29-10-2012 21:17:31
นางฟ้ายอมยกน้องจ้อยให้กับไอ้พี่สิงห์คนเดี๊ยววววววววววววววววว
คุณดอกไม้ขา อย่าให้ไอ้ลอยทำน้องเลย  :sad4:
สามคำ>>>หนู ขอ ร้อง   :z10:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: frenzy19 ที่ 29-10-2012 21:34:51
ไอ้ลอย เลวววววววววววว  :fire: :fire: :m31: :m31:


น้องจ้อย ต้องรอด  (นะคะ ) :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 29-10-2012 22:37:18
หวังว่าจ้อยจะลอดพ้นมือมารนะ นายลอยเนี่ยแล้วได้ใจจริง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-10-2012 22:38:10
ไม่เอาไอ้ลอย ๆๆๆ
อย่าทำกับน้องจ้อยอย่างนี้
อย่าฆ่ากันด้วยวิธีนี้เลย บ่าวขอร้อง...งืด...งืด  :dont2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ละล้าละลัง ที่ 29-10-2012 22:40:52
เอ๊ยยยยยยยยยย
อย่ามาทำอะไรน้องจ้อยเค้านะ
ขอร้องล่ะนะคะคุณดอกไม้  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: momoshiro ที่ 31-10-2012 02:57:58
อยากจะบอกจากใจเลยล่ะค่ะว่า... ภาษาของคุณสวยมากๆ อ่านแล้วเป็นปลื้มเสียจริง : )

แต่ไม่ปลื้มก็ตอนนี้ล่ะ ตอนที่น้องจ้อยโดนหลอกนี่ล่ะ ทำไมลอยมัน... เป็นคนที่มีด้านดียวจริงๆนะ ลอยเป็นละครที่มีด้านเดียวไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆให้ตายเถอะ ร้ายซะขยาดอยากเอาไม้ตะพตพ่อกำนันฟาดหัวให้เลือดอาบจริงๆเชียว

เห็นชื่อตอนแล้ว... ยิ่งกว่าการฆ่า... มีแววว่าน้องจ้อยจะไม่รอดเงื้อมือมารน่ะสิ (คิดไปก่อน) เอ๊ะยิ่งกว่าการฆ่านี่จะมาจากที่น้องจ้อยโดนหลอกว่ายายล้มแล้วเจอสถานะการณ์เลวร้าย ความรู้สึกแบบว่า ฆ่ากูให้ตายเสียจะดีกว่า อย่าทำเหมือนกับว่าแกล้งให้ตายทั้งเป็น แบบมันยิ่งกว่าการฆ่าซะอีก โอ๊ยยย นี่ฉันเป็นอะไร

ขอเถอะนะพลีสสส สงสารน้องจ้อยเถอะ แต่ใจจริงสงสารพี่สิงห์ที่สุดนะ หัวใจพี่สิงห์จะบอบช้ำและเจ็บกว่าน้องจ้อยนะคะคุณดอกไม้ *ไซโค*

ด้วยรัก : )
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MelodyKJJ ที่ 31-10-2012 08:22:28
 :z3: :z3: :z3: :z3: อ๊ากกกกกกกกกกกกก ทำไมมันค้างอย่างนี้อ่า
อ่านแล้วแบบ ตื่นเต้น แล้วก็ลุ้นไปกับจ้อยมากๆ สงสารเป็นที่สุด   :o12:
ไอ้ลอย นี่แกจะเลวไปถึงไหนฮะ ไอ้ชั่ว ฮืออออออ อย่าทำจ้อยน้าาาาาา
พี่จะมาช่วยน้องเหมือนเคยอีกรึเปล่า ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ย๊ากกกกกกกกก
มาต่อไวๆนะคร๊าบบบบบบบบบ ไม่ไหวแล้ว ในเล้าเหลือเรื่องนี้เรื่องเดียวแล้วที่ตามอยู่  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 31-10-2012 22:19:32
พี่สิงห์หยุด งอนน้องสักพัก

มาช่วยน้องก่อน ไอ้ลอยมันมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: LapiN ที่ 31-10-2012 22:44:10
ยิ่งกว่าฆ่าจริงๆด้วย
... คนแต่งนะที่ยิ่งกว่าฆ่าคนอ่าน ฮือๆค้างมากกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 31-10-2012 22:50:24
ยิ่งกว่าการค้าง

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: The_Beggar ที่ 31-10-2012 23:25:37
ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าวิกฤตสำหรับจ้อยจริงๆ หวังว่าจ้อยจะรอดนะ (เพราะจ้อยต้องเป็นของนายสิงห์เท่านั้น อิๆ)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 31-10-2012 23:36:02
พี่สิงห์ ช่วยน้องจ้อย ด่วนนนนนนนนนนนนนนนจ้า!!!  :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 01-11-2012 00:02:48
โอยจะเป็นลม
ไม่นะ...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 03-11-2012 23:14:23
ไอ้ลอยอีกแล้ว พี่สิงห์ยอมให้มันทำเหรอ
น้องจ้อยจะรอดไหมนี่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: conan1 ที่ 04-11-2012 05:46:42
จ้อยเป็นนักเรียนครู น่าจะมีจิตวิทยาจัดการกับเด็กมีปัญหาอย่างสิงห์เสียหน่อยน้าาา  หรือสมัยนั้นยังไม่มีการสอนจิตวิทยานักเรียนครูหว่าา 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MelodyKJJ ที่ 04-11-2012 10:30:29
 :z3: :z3:จะนานไปแล้วน้าาาาาา ได้โปรด :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ลู่เคอOlive♥ ที่ 04-11-2012 11:06:11
 :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 04-11-2012 23:06:11
จ้อย ฮือออออออออออ

พี่ดอกไม้อย่าให้จ้อยเป็นอะไรเลยนะ  ขอร้องละ ฮือออออออออ

ใครก็ได้ไปช่วยน้องที่ 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: swordtails ที่ 05-11-2012 17:31:33
คุณดอกไมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม้ !!!! /ตัวอยู่กรุงเทพแต่อยากจะกรีดร้องให้ดังลั่นไปถึงนราธิวาส/

โฮฮฮฮฮฮฮ ทำไมคุณดอกไม้ถึงทำกับคู่พี่สิงห์น้องจ้อยแบบนี้ล่ะค่ะ T^T
เหตุการณ์ตอนเช้ากับช่วงเย็นย่ำค่ำคืนช่างกลับตาลปัตร หน้ามือเป็นหลังเท้า นี่มันอะไรก๊านนนนน !!!!

เรารู้สึกได้ทุกตอนเลยว่า คู่พี่สิงห์กับน้องจ้อยเนี่ย มัน " สวนทาง " กันตลอดเลยนะ
ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูด อ้อ ความคิดก็ด้วยค่ะ !
คนหนึ่งคิดอย่างหนึ่ง ... ส่วนอีกคนก็คิดอีกอย่าง
หลายครั้งอ่านแล้วก็อึดอัดขัดจิตเป็นบ้า T^T อยากตะโกนใส่จังว่า " อย่าคิดแทนกันได้ไหม "
ใช่ ... เวลาจะพูดจะทำอะไร เราควรจะนึกถึงความรู้สึกของคนอื่นด้วย
แต่ในกรณีของพี่สิงห์และน้องจ้อยเนี่ย ต่างคนต่างคิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายมากเกินไป
มากเกินไปจนไม่กล้าพูดออกมา ทั้ง ๆ ที่ ถ้าได้พูดออกมา อะไรหลาย ๆ อย่างมันจะง่ายมากขึ้นทีเดียว
แต่ก็ ... ไม่มีใครยอมพูดออกมาสักที ปากหนักกันทั้งคู่จริง ๆ

ถ้าพี่สิงห์พูดออกไปว่า ที่ไปทะเลาะวิวาทในตลาดนั่นเพราะอะไร ?
มีหรือน้องจ้อยจะใจจืดใจดำ ด่าทอพี่สิงห์ได้ลงคอ ?
เอาล่ะ อาจมีต่อว่าบ้างว่า ดีแต่ใช้กำลัง แต่ ... ผลลัพธ์ของมันไม่มีทางลงเอยได้ร้ายกาจรุนแรงแบบที่เป็นอยู่นี่แน่ ๆ

ส่วนน้องจ้อยก็เหมือนกัน หลายครั้งที่น้องจ้อยปากไวเกินไป แล้วก็มานั่งนึกเสียใจทีหลัง
ถ้าหนูคิดให้มาก ไตร่ตรองให้ดี ไม่เอาอคติที่เกิดขึ้นเพราะเรื่องเก่าก่อนยกขึ้นมาบังตา
หนูก็จะเห็นว่าความรู้สึกของพี่สิงห์ที่มีต่อหนูน่ะมันอ่อนโยนมากแค่ไหน
ใช่ว่าพี่สิงห์เป็นคนอ่่านยากเสียเมื่อไหร่กันเล่า ?

ฮึ้ยยยยย อ่านแล้วอยากจะพุ่งเข้าไปในจอ ลากทั้งคู่ให้มานั่งประจันหน้ากันแล้วก็พ่นไฟใส่เสียจริง ๆ ค่ะ  :m31:

แล้วนี่ .. โอ๊ยยยยย อะไรกันอีก !!!
อะไรมันจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ผีซ้ำด้ำพลอย ซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อน ซวยซ้ำสองไม่เป็นรองใครได้เท่านี้อีกไหม !
ปกติมีแค่ไอ้ลอยคนเดียวก็รับมือได้หนักหนาอยู่แล้ว คราวนี้มากันเป็นแพ็คคู่กับแม่ทองใบ
แล้วน้องจ้อยของพี่สิงห์จะรอดไหม T^T ฮึกกกก พี่สิงห์ สร่างเมาด่วนค่ะ  :z6:

รอตอนต่อไปด้วยใจร้าวรานค่ะ  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 06-11-2012 00:48:00
รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์ รักจ้อย+พี่สิงห์  :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: อากาศใต้ผ้าห่ม ที่ 07-11-2012 16:48:06

มันยิ่งกว่าการฆ่าจริง ๆ ค้างมานานกว่า ....
11 วัน = 264 ชั่วโมง = 15840 นาที = 950400 วินาที

แล้วคนเขียนยังจะมาเถียงว่าไม่ได้ดองอีกรึ?
ถ้าดองไข่เค็มตอนนี้ไข่ก็เค็มจนขายได้แล้ว


 :sad4: คนเขียนใจร้ายยิ่งกว่าไอ้ลอยยยยยยยยยอีกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 07-11-2012 17:34:48
อยากอ่านต่อมาก จนอ่านซ้ำมาสามรอบแล้ว โฮฮอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 09-11-2012 08:11:41
ลุ้นคู่รองมากกว่า
ทำไมรังแกจ้อยอย่างนี้
พี่สิงห์บ้ามาช่วยน้องด่วน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 09-11-2012 20:22:41
โอยยยยย อ่านเรื่องนี้ทีไรสงสารสิงห์มากๆ รักเค้าแต่ทำตัวไม่ถูก บอกไม่เป็น แล้วเป็นไง ใช่จะเจ็บคนเดียว ทำจ้อยเจ็บไปด้วย
แล้วตอนนี้มันยังไง ไอลอยมันจะข่มเหงเองหรือจับมาให้สิงห์เนี่ย หวังว่าจะเป็นแบบที่สองนะ ไม่งั้นจะกรีดร้องให้ก้องบอร์ดเลยค่า
เผื่อไอสิงห์ได้ยินไม่ชัด จะได้มาช่วยจ้อยได้ทัน อิอิ


ปล. เมื่อไหร่สิงห์จะเลิกคบไอลอยแล้วไปเข้ากลุ่มเพื่อนจ้อยสักทีนะ จะได้เป็นผู้เป็นคนกับเค้ามากกว่านี้ จะบอกว่าตอนนี้ลุ้นคู่นี้มากค่า อยากให้มีความสุขกันสักที เสียน้ำตามาเยอะแล้ว ฮือๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 11-11-2012 19:43:46
 :กอด1:

เข้ามารอพี่สิงห์ที่รักนะคะ คุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๒๘/๑๐/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MelodyKJJ ที่ 11-11-2012 20:57:39
โอยยยยย จะอ่านเป็นรอบที่ห้าแล้วนะครับ ถ้าไม่มาอัพอ่ะ  :z3:
ได้โปรด อัพเถอะครับ please :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 11-11-2012 22:13:57
บทที่ ๒๐

ยิ่งกว่าการฆ่า

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


ไอ้ลอยหัวเราะหึ  สาวเท้าเข้าหาทีละก้าวอย่างใจเย็น  มันช่างฉลาดและเจ้าเล่ห์  ชาติก่อนมันคงเป็นจิ้งจอกที่ใช้เล่ห์เพทุบายล่าเหยื่อเพื่อขบกินหัวใจ  ริมฝีปากยิ้มกระตุก  แต่ดวงตาไม่ไหวติง 

นักเรียนครูคนซื่อหายใจไม่ทั่วท้อง  เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมเต็มหน้าผาก  มือไม้เย็นเฉียบ  หวาดกลัวชิงชังจับหัวใจ  จนจ้อยคิดว่าหากผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นเสือสาง  เป็นภูตผี  จ้อยอาจไม่กลัวมากเท่านี้ด้วยซ้ำ 
   
เจอเสือเจอผียังดีเสียกว่า!

ในหัวสมองตีกันวุ่น  จ้อยจะสู้ หรือจะหนี  ถ้าจะสู้  สู้แรงมันไม่ได้แน่  แต่ถ้าจะหนี  ยังพอมีทาง! 
      
สองขาสั่นเทาถอยหลังกรูด  ไอ้คนใจมารหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ  ยามจ้อยหันหลังขวับตั้งใจจะวิ่งหนีไม่คิดชีวิต  แต่วิ่งไปได้สองก้าวก็ชนตุบเข้ากับร่างหนึ่งอย่างจัง 

“เคี้ยกๆๆๆๆ”

ท่ามกลางความมืดมิดจนมองไม่เห็นหน้า  แต่เสียงหัวเราะแหลมเสียดแทงใจนั้นบอกให้จ้อยรู้ได้ไม่ยากว่าเป็นใคร

ไอ้หมาน!  มันมายืนอยู่ข้างหลังจ้อยตั้งแต่เมื่อไร! 
   
จ้อยทั้งโกรธทั้งกลัวจนแทบร้องไห้  เริ่มตระหนักว่าเขาพาตัวเองเข้าสู่มุมอับของชีวิตโดยแท้  โง่แสนโง่  วิชาความรู้ที่พากเพียรเรียนมาไม่ช่วยให้เขาทันคนขึ้นเลยสักนิด 

หัวใจคล้ายถูกมือปีศาจบีบเค้นจนแตกป่น  ลำพังไอ้ลอยคนเดียว  จ้อยก็ไม่รู้จะเอาตัวรอดยังไงแล้ว  แล้วนี่.. ดันมีลูกน้องจอมจัญไรของมันเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง  หากไอ้ลอยเป็นเสือสาง  ไอ้หมานก็ไม่ต่างอะไรกับงูพิษ  ตัวไม่ใหญ่แต่พิษสงร้ายกาจ  ถนัดนักเรื่องลอบกัดคนจากด้านหลัง  จ้อยไม่เคยสบายใจเลยเมื่อดวงตาเรียวเล็กของมันจ้องมองมา
   
เหมือนที่ยายเคยว่าไว้

‘คนตางู  คบไม่ได้’   
   
ในบรรดาลูกน้องของสิงห์  คนที่จ้อยกลัวที่สุดก็คือไอ้ลอย  รองลงมาคือไอ้หมานนี่แหละ 

บัดนี้พวกมันทั้งสองกำลังย่างสามขุมเข้าหา  ไอ้หมานกางมือกางไม้เหมือนชวนเล่นตี่จับ  หนุ่มน้อยหันซ้ายหันขวา  ไม่รู้จะหนีไปทางใดดี  ได้แต่ลนลานถอยกรูด  ความมืดและดงกล้วยรกเรื้อช่วยเพิ่มพูนอุปสรรค  เท้าเล็กสะดุดกิ่งไม้ซวนเซ  ในเมื่อหมดทางหนี  จ้อยก็จะขอสู้กับพวกมันถวายชีวิต 
   
“ยะ..อย่าเข้ามานะ!” เสียงเล็กตะโกนใส่  ไม่วายสั่นพร่าฟ้องความหวาดกลัวในใจจนหมดสิ้น  มือบางฉวย ‘อะไรก็ได้’ รอบตัว  หวังใช้แทนอาวุธสู้สุดใจ
   
“บอกว่าอย่าเข้ามา!” โธ่เอ๋ย.. จ้อยคว้าได้แต่ก้านกล้วยเปราะๆ  ตีหมาหมามันยังไม่ร้องเลย 

ภาพคนตัวเล็กกวัดแกว่งก้านกล้วยสะเปะสะปะ  ปากเก่งราวกับว่าข้าแน่  ยังความสบใจมาสู่พวกคนชั่วเหลือหลาย  เสียงหัวเราะทุ้มต่ำและเล็กแหลมเคล้ากัน  สั่นสะเทือนประสาทจ้อยแทบเป็นบ้า
   
ร่างผอมเกร็งของไอ้หมานโจนเข้าใส่  แย่งอาวุธในมือจ้อยไปหักดังเป๊าะโยนทิ้งข้ามไหล่อย่างง่ายดาย  นักเรียนครูหอบหนักจนตัวโยน  หัวใจเต้นรัวเร็วจนเจ็บอก  วินาทีที่หันหลังวิ่งหนี  ไอ้ลอยก็ตะครุบตัวไว้ได้ทันในก้าวเดียว  อ้อมแขนกำยำกอดรัดแน่นจากด้านหลัง  จ้อยดิ้นรนด้วยความขยะแขยงจับขั้วหัวใจ
   
“ปล่อย! ปล่อยกู!” เสียงเล็กร้องลั่นอย่างเสียขวัญ  มือบางพยายามแกะแขนล่ำสันที่กอดรัดแน่น  ออกแรงขัดขืนสุดชีวิต  ทว่าคนใจโฉดยิ่งรัดเหมือนงูเหลือมรัดเหยื่อ  เรี่ยวแรงมหาศาลยกจ้อยลอยหวือทั้งตัวจนเท้าแทบไม่ติดพื้น
   
“ไอ้พวกชาติชั่ว! ปล่อยกู!” เสียงจ้อยเดินทางไปไม่ถึงจิตใจมืดบอดของพวกมันสักนิด “ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย! ยายจ๋า!”     
   ความหวาดกลัวของเหยื่อ  เป็นความหฤหรรษ์ของผู้ล่าโดยแท้  พวกมันพากันหัวเราะร่วน 

“ร้องไปเลย” เสียงแหบต่ำก้มลงกระซิบริมหู  มันเปล่งเสียง ฮึบ เบาๆ ออกแรงเขย่าร่างเล็กเพื่อกอดรัดได้แน่นขึ้น
   
“โอ๊ย” จ้อยเจ็บจนน้ำตาเล็ด  เจ็บเหมือนซี่โครงจะหัก 
   
“ร้องให้ตายก็ไม่มีใครได้ยินมึงหรอกไอ้จ้อย” ไอ้ลอยพึมพำเสียงหื่นเหี้ยม  ปลายจมูกเสียดไซร้ตามไรผมชื้น  จ้อยพยายามเบี่ยงกายหนี  ขนลุกเกรียวด้วยความขยะแขยง  ถูกหนอนไต่ยังไม่รังเกียจเท่านี้ 
   
“เก็บเสียงไว้ครางดีกว่าน่า” ไอ้หมานว่าเป็นลูกคู่  คำพูดมันกระตุกหัวใจดวงเล็กหล่นวูบ  คราง.. ครางอะไร..
   
หากความกลัวเป็นเหล็กแหลม  ตอนนี้ใจจ้อยคงพรุนพังลงทั้งดวง
   
“ช่วยด้วย!  ใครก็ได้ช่วยที! ช่วยด้วย!” หนุ่มน้อยตะโกนแล้วตะโกนเล่าจนเสียงแหบแห้ง  ออกแรงดิ้นรนเท่าไรก็ไม่หลุดพ้น  ยิ่งขัดขืนยิ่งล้าแรงลงไปทุกที  ผมเผ้าที่อุตส่าห์หวีเรียบมาจากบ้านยุ่งกระเซิง  เสื้อใหม่ที่ลงทุนรีดเรียบกริบบัดนี้ทั้งยับย่นทั้งเปียกเหงื่อโชก  ไม่เหลือสภาพเดิมตอนจ้อยตั้งใจออกมาตามพี่ที่ตลาดสักนิด     
   
“อย่าดิ้นเลย เหนื่อยเปล่า” ไอ้ลอยกระซิบอีกครั้ง  หนนี้มันไซ้ลงซอกคอ  จ้อยดิ้นหนีเร่าๆ  แก้มซ้ายขวายิ่งถูกมันหอมเอาๆ ดังฟอดๆ       
   
“เก็บแรงไว้ตอนพวกกูซอยเถอะ” ไอ้หมานว่าหยาบคาย  หัวเราะเสียงแหลมเสียดแก้วหู 
   
“ทายซิ.. คืนนี้มึงจะมีผัวกี่คน?” คำถามจากไอ้ลอยย้ำหัวตะปูถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับจ้อยได้ปรุโปร่ง  หนุ่มน้อยชาดิกไปทั้งร่างด้วยความสะพรึง   

ความทรงจำในค่ำคืนเลวร้ายไหลบ่าราวละรอกคลื่น  เสียงสายฝนรุนแรงซัดสาด  เสียงสายฟ้าคำรามกึกก้อง  เสียงพวกคนใจโฉดหัวเราะครื้นเครง 
   
เสียงครวญครางเจียนขาดใจของเขาเอง  เขาที่นอนเปลือยเปล่าแยกขาอยู่ใต้ร่างผู้ชาย ๔ คน

ไม่..

จ้อยยอมให้มันเกิดขึ้นกับจ้อยไม่ได้  ถ้าหากมันเกิดขึ้น  ชีวิตของจ้อยจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป  ชีวิตของจ้อยจะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง  กลายเป็นสิ่งแตกหักชำรุดที่ไม่อาจซ่อมแซมได้  รอเวลาถูกโยนทิ้งลงถังขยะในที่สุด

ไม่ยอม!

ฟันคมงับลงท่อนแขนกำยำชนิดจมเขี้ยว  ไอ้ลอยร้องลั่น  จ้อยสบจังหวะที่อ้อมแขนแกร่งคลายออกเพราะความเจ็บปวด  สลัดมันทีเดียวหลุด  ทันทีที่เป็นอิสระ  หนุ่มน้อยก็ตั้งใจโกยอ้าว  แต่ไปได้เพียงสองก้าวก็ถูกไอ้หมานจับตัวไว้  ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่อย่างนั้น       
   
“มึงเป็นหมาเรอะ” ไอ้ลอยซี้ดปาก  รสเค็มคาวติดปลายลิ้นฟ้องว่าจ้อยกัดมันจนถึงเลือด “ดี! กูจะล่อให้ครางอย่างหมาเลย”
   
ร่างสูงใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่นกระโจมเข้ามา  ถึงแขนจะถูกไอ้หมานยึดไว้  แต่จ้อยก็ยังมีแรงพอโดดยันมันเข้าที่ยอดอกดังปึ้ก  แรงไม่มาก  แต่ก็เล่นเอามันเซได้ก็แล้วกัน
   
คนขี้ยาอย่างไอ้หมาน  จ้อยพอสู้กับมันไหว  กำปั้นเล็กชกโครมเข้าให้  จ้อยปล่อยมวยแมวเข้าใส่  ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง  จนมันยอมคลายมือออก  เมื่อนั้นจึงเตลิดหนีไม่คิดชีวิต 

ร่างเล็กวิ่งกระเซอะกระเซิงอยู่ในดงกล้วยกว้างใหญ่  ได้ยินเสียงพวกมันไล่ล่ามาข้างหลังแต่จ้อยก็ไม่คิดเหลียวไปมอง  รองเท้าแตะกระเด็นหายไปเมื่อไรไม่รู้  หนุ่มน้อยย่ำลงใบตองแห้งกรอบด้วยเท้าเปล่า  ไม่สนใจคมหญ้าที่บาดขาขาวจนเลือดซิบ  ไม่สนใจหนามไหน่ไม้แห้งที่ทิ่มตำ  ความหวาดกลัวสั่งให้เขาหนี!  หนีไปให้เร็วที่สุด!  หนีไปที่ไหนก็ได้ให้พ้นจากนรกขุมนี้!
   
เหมือนพระมาโปรด!

ท่ามกลางความมืดมิดอย่างทมิฬ  จ้อยเห็นแสงสว่างวอมแวมอยู่ข้างหน้า  บ้านคน!  บ้านใครไม่รู้  ในวินาทีวิกฤติเช่นนี้  เหมือนคนกำลังจมน้ำแล้วมีกิ่งไม้ยื่นมาให้  สองขาที่เริ่มล้าแรงวิ่งกะเผลกไปหาแสงสว่าง
   
ณ ที่แห่งนั้น  ท้ายดงกล้วยรกครึ้ม  แสงตะเกียงสลัวสาดส่องมาจากกระท่อมเก่าทะมอทะแม  หลังคามุงจาก  ฝาขัดแตะพอคุ้มแดดคุ้มฝน  เสียงน้ำคลองไหลเอื่อยอยู่ไม่ไกล  กลิ่นหอมเย็นของดอกมหาหงส์โชยมาตามลม
   
“ช่วยด้วย!” จ้อยถลาเข้าไปทางประตูที่เปิดกว้าง  หอบหนักเหน็ดเหนื่อย  ร้องขอความช่วยเหลือจาก ‘ใครก็ได้’ ที่อยู่ในนั้น

โต๊ะไม้ตัวใหญ่ตั้งอยู่ชิดผนัง  ‘ใครคนหนึ่ง’ นั่งอยู่ตรงนั้น  คนที่จ้อยจำได้ไม่มีวันลืม
   
ลูกชายกำนันนั่งดื่มเหล้าเงียบๆ  มือแกร่งคว้าแก้วเหล้ากระดกเข้าปาก  กลืนอึกๆ จนลูกกระเดือกเป็นระลอก  เขาดูไม่ใส่ใจสักนิด  ดั่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีใครคนหนึ่งวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา
   
“พี่..พี่สิงห์!” จ้อยละล่ำละลัก  ปราดเข้าไปหาเหมือนลูกหมาหนีตาย  หูตั้งหางกระดิก  ดีใจน้ำตาแทบร่วง  ร่างสั่นสะท้านโผเข้ากอดแขนพี่  หวังคว้าเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้าย  “พี่สิงห์ช่วยด้วย!  พี่สิงห์!” 
    
จ้อยเขย่าแขนกำยำจนแก้วเหล้ากระฉอก  เสี้ยวหน้าคมสันค่อยๆ หันมา  จ้อยยิ้มทั้งหอบ  พร่ำเรียกชื่อพี่ซ้ำๆ เหมือนคนบ้า
   
แสงตะเกียงหรุบหรี่เหลือเกิน  จ้อยไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าพี่สิงห์มองจ้อยด้วยดวงตาแบบไหน  รู้เพียงว่าเขาเงยหน้าขึ้นมองหน้ากัน  แล้วใบหน้าคมคายนั้นก็ค่อยๆ ก้มลงต่ำ..

จนสายตาอยู่ระดับเดียวกับหน้าอก!

จ้อยชะงัก  ก้มลงมองตามสายตาพี่  เมื่อนั้นจึงเพิ่งรู้สภาพตัวเองว่าผ้าผ่อนหลุดลุ่ย  กระดุมหลุดไปสองสามเม็ดจนสาบเสื้อแยกกว้าง  เปิดเผยเนื้อหนังโดยไม่ได้ตั้งใจ  หัวไหล่แทบจะโผล่ออกมาแล้ว  สงสัยจะเป็นเพราะตอนเขาสู้กับไอ้หมานเมื่อกี้ 
   
มือเล็กกระชับสาบเสื้อเข้าหากันโดยสัญชาติญาณ  แต่พอพยายามจะกลัดกระดุม  มือแข็งราวคีมเหล็กก็คว้าข้อมือจ้อยหมับ 
   
“พี่สิงห์..”  สติเริ่มคืนมาทีละนิด  จ้อยเพิ่งฉุกพิจารณาทุกสิ่งรอบกาย  กลิ่นสาบสางระเหยคละคลุ้ง  ขวดเหล้าระเกะระกะ  ก้นบุหรี่เกลื่อนพื้น 
   
“พี่..” จ้อยครางแผ่ว  ลางสังหรณ์แปลกประหลาดเริ่มก่อตัว  จ้อยจะถอยหนีเมื่อร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ยืนขึ้น  แต่มือแข็งแรงดึงรั้งไว้  เมื่อพี่ยืนเต็มความสูง  เทียบกันแล้วเหมือนกำแพงหินผากับกอหญ้าเล็กๆ ประจันหน้ากัน 
   
ดวงตาแดงก่ำมองสบมา  ยามนั้นจึงเห็นดวงตาเข้มลึก  กระหายด้วยปรารถนา  น่าสะพรึงกลัว  เงาอันมโหฬารและถมึงทึงของพี่ที่ตะเกียงกระป๋องวอมแวมบันดาลให้เกิดขึ้น  ทาบอยู่กับผนังไม้เก่า  พี่กำลังจ้องมองมาด้วยสายตาของเสือที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ 
   
พ่อพระมาโปรดหายไปไหน  กลับกลายเป็นเงื้อมเงาปีศาจไหวระยับในประกายตา  เสียงกลองดังระงมขึ้นจากไหนกัน 

ไม่ใช่.. มันคือเสียงหัวใจอันเต้นไม่เป็นส่ำของจ้อยเองต่างหาก  เต้นรุนแรงเสียจนเจ็บในอก 

“พี่สิงห์..” เสียงสั่นพร่าพยายามเหนี่ยวรั้งให้ ‘พี่’ กลับมา  แต่คนตรงหน้า.. เงียบงัน.. เฉยชา..

ดั่งไม่เข้าใจภาษามนุษย์ 

“หึๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังมาก่อนตัว  จ้อยหันขวับ  ไอ้ลอย ไอ้หมาน เดินหน้าระรื่นเข้ามา  จ้อยเพิ่งเห็นว่ามีไอ้หมูตอนเลิศนั่งสัปหงกอยู่แถวหน้าประตูอีกคน

เสียดแปลบในอกดังเข็มนับพันทิ่มแทง 

ไม่จริง..
   
จ้อยกำลังฝันร้ายอยู่ใช่ไหม..


นักเรียนครูหันกลับมามองพี่  ดวงตากระหายคู่นั้นยังนิ่งมองมาด้วยแววของเสือมองเหยื่อเช่นเดิม
   
แต่จ้อยไม่ใช่เหยื่อ.. จ้อยเป็น ‘น้อง’ ของ ‘พี่’
   
ไม่ใช่หรือ..


จ้อยยืนตัวสั่น  มือสั่น  แม้ดวงตาที่มองพี่ก็ยังไหวระริก  ขอบตาร้อนผ่าวรุนแรง  ภาพพี่ดูพร่าเลือนลงไป 
   
“พี่เป็นลูกพี่  พี่เอาก่อนเลย” เสียงไอ้ลอยดั่งคำสั่งประหาร  วินาทีที่พี่รวบร่างจ้อยเข้าไปกอดรัดแน่น  วินาทีนั้น.. ดั่งคมดาบเฉือนขั้วหัวใจขาดสะบั้น
   
ฆ่าจ้อยเถิด.. ฆ่าจ้อยเสียดีกว่า..

สิงห์ยังตกอยู่ในฤทธิ์ของมึนเมา  กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่โชยฟุ้งอยู่ในลมหายใจร้อนระอุ  แขนกำยำรัดแน่น  จ้อยดิ้นรนหนีสุดชีวิตแต่ก็ไร้ผล  ใบหน้าคมคร้ามโน้มลง  บดขยี้กลีบปากสั่นระริกอย่างรุนแรง  ยิ่งจ้อยส่ายหน้าหนี  พี่ยิ่งตระโบมจูบคลุ้มคลั่ง  ลิ้นแข็งราวกระเบื้องยัดเยียดเข้ามาในโพรงปากเล็ก  ดูดดุนรุนแรง  จ้อยส่ายหน้าหนี  พี่ยิ่งรุกหนักขึ้นทุกที  การดิ้นรนเปลี่ยนเป็นปะทะ  สองมือเล็กทั้งผลักไส  ทั้งทุบตี  ทั้งกรีดข่วนสะเปะสะปะ  กระท่อมแทบไหวสะเทือน  จ้อยผลักศีรษะ  พี่ยิ่งดื้อดึง  จ้อยกรีดร้อง  พี่ยิ่งย่ามใจลำพอง 
   
ชายหนุ่มยิ้มเป็นประกาย  เมื่อเห็นร่างเล็กตัวสั่นในอ้อมกอด  น้ำตาเอ่ออาบแก้ม  ร่างแข็งแรงยิ่งกอดรัดแน่น 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: smileiiz ที่ 11-11-2012 22:16:01
เข้ามากรี๊ดดดดดดด ก่อนอ่านครึ่งหลัง ค๊า ฮื๊อออออออออ เหมือนกับรอดพ้นจากบ่วงมาร (รึป่าววว).

 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 11-11-2012 22:21:42
พี่จะดูแลจ้อยเอง  ดูแลตลอดไปเลย..
   
พี่กระชากจ้อยเข้าไปหาโต๊ะใหญ่  มือหนากวาดแก้วกวาดขวดเหล้าบนโต๊ะลงพื้นแตกเปรื่อง  ออกแรงน้อยนิดก็ยกร่างเบาหวิวขึ้นไปเกยพาดบนโต๊ะอย่างง่ายดาย 
   
“อย่า!!” จ้อยกรีดร้องลั่น  แต่คล้ายพี่ไม่ได้ยิน  ร่างเล็กพยายามกระถดหนี  แต่กลับถูกกระชากข้อเท้าลากเข้าหาอย่างป่าเถื่อน  สองขาพยายามถีบถอง  สองมือพยายามผลักไส  พี่ยิ่งรุนแรงเข้าใส่  ร่างกำยำโถมลงทับจ้อยทั้งตัว 
   
ลูกน้องพี่กรูกันเข้ามาอำนวยความสะดวก  ไอ้ลอยเตะไอ้หมูเลิศที่นอนอืดให้ลุกขึ้นมาช่วยกัน  ร่างอ้วนเผละสะดุ้งโหยง  มันหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นภาพความรุนแรงตรงหน้า
   
เสียงร้องไห้คร่ำครวญของจ้อย  เสียงหัวเราะสาใจของไอ้ลอยไอ้หมาน  เสียงหอบครางหื่นกระหายของสิงห์  เสียงการปะทะ ต่อสู้ ดิ้นรน โครมครามจนกระท่อมแทบไหวสะเทือน   

คนขี้ขลาดอย่างไอ้เลิศยืนเงอะงะ  ในขณะที่ไอ้ลอยรี่เข้ามายึดข้อมือน้อยทั้งสองข้างกดตรึงกับโต๊ะ  ไอ้หมานจับข้อเท้าเล็กข้างหนึ่งแยกออก  ให้ลูกพี่แทรกกายเบียดเสียดเข้ามาถนัดถนี่
   
“อย่า!  ปล่อยกู! ปล่อย!” จ้อยกรีดร้องปานจะขาดใจ  น้ำหูน้ำตาไหลพรากเต็มหน้า  ร่างน้อยทุรนทุรายอยู่ในกลุ่มชายฉกรรจ์ ๓ คน 
   
“ไม่!! พี่สิงห์! อย่า!” เสียงเล็กผวาร้องลั่น  เมื่อสิงห์กระชากเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของจ้อยขาดควากออก  และดึงกางเกงขาสั้นและกางเกงชั้นในของจ้อยออกด้วยการออกแรงเพียงครั้งเดียวเช่นกัน  ซอกมุมเร้นลับเปิดเผยต่อหน้าสายตา ๔ คู่ 
   
“วู้ว.. ขาวโว้ย!” ไอ้ลอยคราวอู้ให้กับผิวกายขาวผ่อง  ขาวเสียยิ่งกว่าพวกอีตัวในซ่อง 

สิงห์ตระโบมจูบหื่นกระหาย  ลมหายใจของนักเลงหนุ่มมีแต่กลิ่นเหล้าอวลซ่านคละคลุ้ง  เมื่อผสมปนเปกับกลิ่นยาสูบแล้วกลายเป็นกลิ่นอายโสมมที่ทำให้จ้อยแทบคลั่งด้วยความขยะแขยง  ริมฝีปาก  หน้าผาก  สองแก้ม  ใบหู  ไม่มีส่วนไหนไม่ถูกบดขยี้  เหมือนเสือตะกรุมตะกรามกินเหยื่ออย่างหิวโหย  มือหยาบหนาสำรวจไปทั่วเรือนกาย  ยิ่งจ้อยบิดกายหนีเร่าๆ  เหมือนยิ่งยั่วยุอารมณ์อีกฝ่ายให้พลุ่งพล่าน   
   
ริมฝีปากร้อนเหมือนถ่านนาบไซ้ลงซอกคอ  ขบกัดเนื้ออ่อนจนเจ็บแปลบ  ฟอนเฟ้นไปทั่ว  ไหปลาร้า  ลาดไหล่เนียน แผ่นอกเปลือยที่กระเพื่อมขึ้นลงแรงถี่  เหมือนร่างกายจ้อยเป็นอาหารอันโอชะที่เขาต้องกัดกินให้สิ้นซาก 
   
“อ๊ะ!” จ้อยสะดุ้งวาบเมื่อปากอุ่นครอบลงยอดอก  ลิ้นสากระคายไล้เลียดูดกลืนสลับกันไปมาทั้งสองข้างอย่างหื่นกระหาย  ร่างเล็กดิ้นพราด  แอ่นกายบิดหนีไปมา  กลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้มือใหญ่ช้อนแผ่นหลังเล็กป้อนเนื้อหวานเข้าปากเอร็ดอร่อย 
   
“ไหนว่าถ้านมไม่โตจะไม่แตะให้เสียมือ  นี่ทั้งเลียทั้งดูดอร่อยไปเลยนะ” ไอ้ลอยหัวเราะร่วน  บางส่วนในร่างกายร้อนอ้าวแข็งตึงตามสัญชาติญาณดิบ  ไอ้หมานไม่พูดอะไร  ได้แต่สูดปากสูดคอ  จ้องมองภาพการทารุณตรงหน้าด้วยดวงตาวาววับ 

จ้อยสะดุ้งเฮือกทุกครั้งที่ริมฝีปากอุ่นกดจูบไปทั่วหน้าท้องขาว  สะอื้นไห้หนักขึ้นทั้งที่ยังขัดขืนไม่หยุด  ดิ้นหนีเร่าๆ เมื่อมือหยาบกระด้างกอบกุมส่วนที่อ่อนไหวไว้เต็มอุ้งมือ  รูดรั้งรัวเร็ว 
   
“ฮือ..พี่..พี่สิงห์..อย่า..” เสียงวิงวอนที่ปนเคล้ากับเสียงลมหายใจขาดห้วง  จ้อยไม่รู้เลยว่ามันช่างยั่วเย้าอารมณ์อีกฝ่ายจนคุกรุ่น  ใบหน้าคมสันเงยขึ้นมองกัน  แลบลิ้นเลียริมฝีปาก  หัวเราะเสียงต่ำในลำคอ  ก่อนก้มลงทำสิ่งที่จ้อยคาดไม่ถึง

ปากร้อนครอบลงแก่นกายสีเรื่อ  จ้อยผวากระตุกสุดตัว!

“ไม่!!” มิไยจ้อยจะร้องห้ามจนเสียงแห้ง  สิงห์ยังคงดูดกลืนส่วนนั้นอย่างโหยหา  สองมือจับสะโพกเล็กไว้แน่น  ดื่มกินตะกรุมตะกราม  ลามเลียไปถึงช่องทางคับแคบสีเรื่อ  ถ่มน้ำลายลงอย่างกักขฬะ  ก่อนสอดแทรกนิ้วแข็งชอนไชลงลึก 

“เจ็บ!!” เสียงเล็กกรีดร้องคับกระท่อม  สะบัดกายเร่าๆ จนไอ้ลอยไอ้หมานต้องเพิ่มแรงตรึงไว้  นิ้วยาวกระแทกกระทั้นระรัว  ปากร้อนผ่าวยังคงทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง  จ้อยพยายามหนีบขาเข้าหากัน  กลับถูกไอ้หมานยกแยกออกกว้างกว่าเดิม 

อย่างนี้เอง.. ความทุรนทุรายเหมือนถูกแผดเผาจากส่วนลึกที่สุด  เสียงหัวเราะของปีศาจดังก้องอยู่ในเปลวไฟ  ความหึงหวง  ความเคียดแค้น  ความมัวเมา  จับมือกันเริงร่าย 
   
หักหาญ อุกอาจ ปราศจากความยับยั้งชั่งใจหรือความหวาดเกรงใดๆ เป็นการกระทำเยี่ยงสัตว์โดยแท้ 

ร่างเล็กหอบสะท้าน  ทั้งที่กลัวแสนกลัว  ทั้งที่ขยะแขยงจับขั้วหัวใจ  แต่ความเสียวซ่านที่น่ารังเกียจก่อตัวขึ้น  ชั่ววินาทีที่ร่างกายไม่เชื่อฟังคำสั่งจากสมอง  เหมือนจุดเปลวไฟใต้น้ำ  ค่อยๆ ลามเลีย แผดเผา  จนประทั่งประทุ   
   
ทั้งร่างสั่นกระตุก  เกร็งสะท้าน  ปลดปล่อยสายธารหวานล้ำหลั่งริน  กระฉูดกระฉอก  ให้อีกฝ่ายดูดกลืนลงคอจนหมดสิ้น   
   
“แตกแล้วโว้ย  ข้นเชียว  ไม่ค่อยได้เอาออกสิมึง” เสียงไอ้ลอยโห่ฮาหยาบคาย  เสียงไอ้หมานเป่าปากเป็นลูกคู่  ผ่านหูจ้อยไปเหมือนสายลมบางเบา  เสียงที่แจ่มชัดที่สุดคือเสียงหัวใจเต้นเป็นกลองรัว  เสียงลมหายใจหอบสะท้านรวยรินของตัวเอง 
   
และของ ‘พี่’

ไม่สิ.. ไม่ใช่พี่  ไม่มีพี่สิงห์ของจ้อยอีกแล้ว  นับจากวินาทีนี้  พี่สิงห์ของจ้อย.. ความรักของจ้อย.. ตายไปจากใจจ้อยแล้วจนหมดสิ้น 
   
เหลือเพียง ‘มัน’
   
เดรัจฉานในร่างคน!


จ้อยหลับตาลง  ปล่อยน้ำตาหยดหนึ่งรินไหลจากหางตา  อยากหลับลงแล้วตื่นขึ้นอีกครั้ง  เพื่อพบว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี่เป็นเพียงฝันไป
   
หารู้ไม่ว่า ‘ฝันร้าย’ ที่แท้จริง  กำลังจะเริ่มต้นขึ้น! 

‘มัน’ พลิกร่างจ้อยให้คว่ำลงด้วยเรี่ยวแรงดั่งช้างสาร  หน้าท้องจ้อยกระแทกกับขอบโต๊ะจนจุกเสียดไปหมด  มันระดมจูบไซ้ไปทั่วแผ่นหลัง  ส่งเสียงฮึ่มฮ่ำในคอเมื่อเสื้อขาดรุ่งริ่งของจ้อยเป็นอุปสรรค  มันถลกเสื้อเชิ้ตที่ซื้อให้จ้อยเองกับมือขึ้นไปกองอยู่บนราวคอ  ร่างมันปลาบด้วยหยาดเหงื่อลดระดับลงทาบทับอยู่เหนือแผ่นหลังจ้อย  กลิ่นลมหายใจอวลซ่านรุนแรงยิ่งขึ้น  มือหยาบลูบไล้ไปทั่วก่อนเลาะลงต่ำขยี้ขยำเนินเนื้อสะโพกขาวจนแทบนิ่มเหลวคามือ
   
ชั่วขณะที่มันผละออกไป  จ้อยได้ยินเสียงกระชากเสื้อ  เสียงรูดซิป  ตามมาด้วยเสียงครางอู้จากพวกลูกน้องของมัน
   
“โอ้โห!”
   
“วู้ว!”

ร่างเล็กตัวสั่นสะท้าน  เมื่อมันโถมลงทาบทับอีกครั้ง  อวัยวะที่มีชื่อเรียกหยาบคายชิ้นนั้นของมันกำลังตื่นตัวเต็มที่  และถูไถอยู่กับต้นขาขาวที่ฉ่ำไปด้วยหยาดเมือกของจ้อย 

ชายหนุ่มพยายามผ่านเข้าไปในเรือนกายสั่นสะท้าน  ดั่งเรือลำใหญ่พยายามลัดเข้าคลองน้อย  พอจ้อยอ้าปากจะเปล่งเสียงก็ปิดเสียด้วยจูบรุนแรง  หางตามีหยดน้ำไหลหยาด  สิงห์เกือบแผดเสียงเหมือนหมาป่ากระชากคอลูกแกะ  เมื่อท่อนฟืนร้อนวาบดุนดันเข้าไปในกลีบดอกไม้แรกแย้ม  แผดเผาแทบลุกไหม้
   
“อ๊าา!!” จ้อยกรีดร้องสุดเสียง  เจ็บเหมือนร่างกายจะฉีกออกเป็นสองส่วน  มือเล็กที่ถูกตรึงไว้ออกแรงตะกุยโต๊ะจนเนื้อไม้เป็นรอยเล็บครูด 
   
“เฮ่ย ถ้ารูมันเล็ก ต้องแหกขากว้างๆ” ไอ้ลอยสั่งไอ้หมาน  มันกักขฬะทั้งคำพูดและการกระทำ  มือหยาบรวบข้อมือน้อยไว้ด้วยมือเดียว  อีกมือกดแผ่นหลัง  ดวงตาวาวโรจน์จ้องมองส่วนที่เชื่อมต่อเขม็ง “ไว้หลวมอย่างอีทองใบค่อยหนีบ”
   
เหมือนงูพิษ  เหมือนปีศาจ  เหมือนเหล็กแหลม  น่าชิงชัง  น่าขยะแขยง  น่าสะพรึงกลัว  ทิ่มแทงทะลวงเข้ามา 

“เจ็บ!” จ้อยสำลัก  น้ำตาพรูเหมือนตาน้ำทลาย  “เอาออกไป!  ออกไป!” ความเจ็บปวดมาจากไหนกัน  เบียดเสียดแทรกแซงในร่างกาย 

มือเทอะทะเป็นใบพายจับเอวเล็กกระชากเข้าหาเป็นจังหวะเดียวกับสะโพกแกร่งที่กระแทกสวนเข้าใส่ไม่หยุด  ถะโถมถั่งถี่  ระรี่ระรัว  จ้อยร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด  น้ำตาไหลพรากอาบแก้มเผือดซีด     
   
“ดิ้นพราดเลยเว้ย!  ไอ้เหี้ยอ้วน มาช่วยกันจับสิวะ!” เสียงห้าวของไอ้ลอยตะโกนสั่งไอ้เลิศที่เอาแต่ยืนเงอะงะด้วยความขลาดอยู่กลางกระท่อม 
   
“พ..พี่ลอย.. มันเป็นผู้ชายนะ” ใบหน้าอ้วนอูมเหยเกดั่งจะร้องไห้  ละล้าละลังไม่กล้าเข้าร่วมการข่มขืนกระทำชำเราอย่างป่าเถื่อนครั้งนี้ 
   
“ผู้ชายแล้วยังไง! เอาได้เหมือนกัน!” ไอ้ลอยหงุดหงิดใส่ความไม่ได้อย่างใจ  ก่อนหันมาพยักพเยิดกับคนหูอื้อตามัว “ใช่ไหมพี่สิงห์”

สิงห์ไม่ตอบคำ  นัยน์ตาเหลือกลอยเหมือนหลุดพ้นจากโลกขึ้นไปสวรรค์ชั้นฟ้า  ใบหน้าเปลี่ยนไป  ละม้ายเจ็บปวด  แต่หากสุขสม  สะโพกแกร่งเดี๋ยวขยับเป็นจังหวะถี่  เดี๋ยวสอดแทรกเนิบช้า  เดี๋ยวกระแทกเน้นแรงลึกล้ำ  เสียงขาโต๊ะลั่นเสียดสีกับพื้นกระดานดังออดแอด  เสียงเนื้อต่อเนื้อกระทบกัน  เสียงครวญครางราวจะขาดใจของจ้อย  และเสียงหอบครางอย่างซ่านกระสันของสิงห์  นานาสรรพเสียง  ปะปนคละเคล้า 

นี่มันนรกขุมไหนกัน!

“ถ้ามึงไม่กล้าก็ออกไปดูต้นทางเลยไอ้สัตว์!” ไอ้ลอยตวาดใส่คนขี้ขลาด  ไอ้เลิศจำต้องเดินตัวสั่นงันงกออกไปข้างนอก 
   
เสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างทรมานยังเล็ดลอดตามออกมา  เนิ่นนานราวไม่มีวันจบสิ้น  ดงกล้วยท้ายตลาดรกร้างห่างไกลผู้คน  ต่อให้จ้อยร้องจนคอแตกตายก็ไม่มีคนหรือหมาแมวที่ไหนได้ยิน 

สิงห์ฆ่าจ้อยทั้งเป็นด้วยสัมผัสทารุณ  ร่างบอบบางสะท้านสะเทือนไปตามแรงกระแทกกระทั้น  ชายหนุ่มแหงนหน้าส่งเสียงครางกระเส่า  สีหน้าบ่งบอกถึงความหฤหรรษ์  มือหยาบใหญ่ขยำลงเนินเนื้อขาวซีดจนเป็นรอยบุ๋มลงไปตามนิ้วทั้งสิบ  เลือดสดๆ ไหลอาบลงไปตามลำขาขาว 

เนิ่นนาน.. จนจ้อยเริ่มอ่อนล้า  ไร้เรี่ยวแรงขัดขืน  ได้แต่นอนทอดร่างเป็นเหยื่อสังเวยฝูงผีห่าซาตาน  ร่างเล็กแน่นิ่งดั่งไร้วิญญาณ  มือหยาบใหญ่จับร่างอ่อนเปลี้ยพลิกคว่ำจำหงายได้ดั่งใจเหมือนเล่นตุ๊กตา 
   
ไอ้ลอยไม่ต้องคอยจับจ้อยตรึงอีกแล้ว  มันทนดูลูกพี่ตระโบมกินอย่างสาสมใจอยู่พักหนึ่ง  เกิดอดใจไม่ไหวขอร่วมวงด้วย..
   
ตามที่ตกลงกัน..


“ปากล่างได้กินเยอะแล้วนะ หืม์..” ร่างสูงใหญ่เดินเข้าหาร่างที่นอนแผ่หงายอยู่บนโต๊ะสั่นสะเทือน  “ปากบนยังไม่ได้กินเลยนี่..” 
   มือใหญ่ตบแก้มซีดเผือดเบาๆ  ดวงตาคู่สวยเหม่อลอยคว้างราวกับไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป  ขนตาชุ่มน้ำติดกันเป็นแพเหมือนปีกผีเสื้อต้องน้ำค้าง  ไอ้ลอยบีบคางเล็กเบาๆ หมายให้กลีบปากบางเปิดออก 
   
แล้วรับความร้อนระอุของมันเข้าไปในโพรงปากที่ดีแต่พ่นถ้อยคำอวดดีนั่น

แก่นกายใหญ่โตจดจ่ออยู่ห่างจากปากเล็กไม่กี่เซ็น 

ผลั่วะ!

กำปั้นลุ่นๆ ของไอ้สิงห์ซัดเปรี้ยงใส่หน้ามันทีเดียวกระเด็น  วินาทีที่ไอ้ลอยมัวแต่จดจ่ออยู่แต่กับอาวุธประจำกายจนไม่ทันระวัง  มารู้ตัวอีกทีก็เซถลาไปกระแทกผนังกระท่อมเข้าแล้ว
   
“อะไรวะ!” มันลุกขึ้นโวยวายลั่น  เจ็บซี้ดที่มุมปาก  ได้รสเค็มปร่าแทรกปลายลิ้น  ไอ้สิงห์ต่อยมันจนได้เลือด! 

ลูกพี่ไม่ตอบ  แต่ดวงตาแดงก่ำแข็งกร้าว  และสองแขนที่รั้งร่างน้อยขึ้นกอดแนบอกอย่างหวงแหนนั้นแทนคำตอบได้ทุกสิ่ง 
   
มันกอดคนที่มันย่ำยีไว้แน่นเต็มสองแขน  แสงตะเกียงสะท้อนร่างเปลือยเปล่ามันปลาบด้วยหยาดเหงื่อและน้ำลายโสโครก  เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแดงช้ำและรอยฟันขบกัด  ซบร่างระทดระทวยอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง  บางส่วนยังเชื่อมติดกัน 
   
“ตกลงกันไว้แล้วนะว่าเอามันได้ทุกคน” ไอ้ลอยทวงสัญญา  พลางสาวเท้าเข้าหา  อีกฝ่ายคำรามฮึ่มใส่เหมือนหมาบ้า  ดวงตาวาวโรจน์ราวกับพร้อมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อ

ไอ้ลอยหัวเราะหึ  ขบกรามกรอดให้ไอ้จ่าฝูงเฮงซวยที่เก็บเหยื่อไว้กินคนเดียวไม่เผื่อแผ่ลูกฝูง         
   
มันจัดการเก็บอาวุธที่ยังแข็งตึงคั่งค้างรอการปลดปล่อยลงกางเกงยีนส์เนื้อหนาอย่างอึดอัด  ก่อนเดินออกไปนอกกระท่อม  ไอ้หมานเดินตามไปงงๆ  ท้วงถามว่าจะไปไหนก็ไม่ได้รับคำตอบ
   
ที่หน้ากระท่อม  ร่างอ้วนเผละของไอ้เลิศยังนั่งกอดเข่าตัวสั่น  มันยกเท้ายันโครมไปทีแล้วเดินอาดๆ ไปหารถเครื่องที่จอดไว้  โดดขึ้นคร่อม  สตาร์ท บิดคันเร่งกระหึ่ม  ก่อนกระชากเครื่องตะบึงไปชนิดไอ้หมานโดดซ้อนแทบไม่ทัน 

มุ่งหน้าไปทางซ่องนางทองใบ

ไอ้เลิศเยี่ยมหน้าไปดูในกระท่อม  เสียงกรีดร้อง เสียงดิ้นรนขัดขืนเงียบหายไปนานแล้ว  เหลือเพียงเสียงครางคำรามหื่นกระหายของคนที่มันยกย่องเป็นลูกพี่
   
สิงห์เหมือนคนคลุ้มคลั่ง  พาจ้อยเคลื่อนไหวด้วยพลังมหาศาล  ร่างเล็กถูกผลักให้นอนราบบนพื้นเสื่อ  มือหยาบแยกขาเรียวออกกว้างก่อนยกขึ้นพาดบนลาดไหล่ที่เส้นเลือดปูดโปน 

จ้อยหยุดร้องไห้นานแล้ว  แต่น้ำตายังไหลไม่ขาดสาย  ร่างกายโยกโยนเหมือนเรือในทะเล  อับปางด้วยคลื่นลม  พายุโหมกระหน่ำสุดควบคุมได้  ดวงตาแดงช้ำว่างเปล่าจ้องมองใบหน้าบิดเบี้ยวเสียวกระสันที่อยู่ห่างแค่คืบนิ่งงัน  มือที่ตกเปลี้ยอยู่ข้างกายยกขึ้นช้าๆ  แตะลงบนเสี้ยวหน้าคมสัน  ไล้ลงจากหน้าผาก หางคิ้ว ปลายตา ข้างแก้ม
   
ดวงดาวที่สวยที่สุด  เคยบรรจุอยู่ในดวงตานี้  ดาวดวงที่หายลับไปเมื่อ ๗ ปีก่อน  ค่อยๆ เปล่งแสงเรืองรองขึ้นเมื่อเช้า  หากกลับดับวูบลงอีกครั้งในคืนนี้  ปีศาจตนใดขโมยดาวสุกใสของจ้อยไป  จ้อยไม่เห็นอะไรเลยในตาคู่นั้น  นอกจากความหื่นกระหาย  มืดบอดเหมือนสัตว์ป่ากระหายเลือด 
   
ใช่แน่ๆ  เดรัจฉานในร่างคน  กำลังฉีกทึ้งจ้อยเป็นชิ้นๆ  กัดกินเลือดเนื้อ หัวใจจ้อยจนแหลกเละ  แม้เป็นเศษซากแล้ว  มันยังตะกรุมตะกรามกินไม่หยุด 
   
ตลอดเวลาสิงห์ไม่พูดอะไรเลยสักคำ  ราวกับมันละทิ้งจิตวิญญาณมนุษย์  กลายเป็นเดรัจฉานไปแล้วในค่ำคืนนี้  มันคว้ามือน้อยมากดจูบลงไปกลางฝ่ามือ  ก่อนวางมือข้างเดิมนั้นให้พาดลงลาดไหล่  แต่จ้อยกลับทำตกเปลี้ยลงข้างกาย  ดั่งคนไร้วิญญาณ 

ในสมองพร่าเลือน  ในสายตาพร่ามัว  ปรากฏภาพแห่งวัยเยาว์แจ่มใสกระจ่างชัด  ฟ้าสดสวยสูงโล่ง  รวงข้าวพลิ้วไหว  พี่น้องเดินเคียงกันไปตามคันนาชุ่มน้ำค้าง

เด็กชายตัวโตจูงมือน้องน้อย  มือนั้นแข็งแรง  อบอุ่นนัก  เสียงสดใสร้องเพลงเรือที่เคยได้ยินพวกลุงป้าน้าอาร้องเล่นกันหน้าน้ำนอง   

“จะเสี่ยงสัตย์อธิษฐาน ขอให้เป็นพยาน อย่าคลาดไป
ถ้าน้องเป็นน้ำ ตัวพี่จะตามเป็นปลา จะได้เย็นอุรา พี่ชาย
ถ้าน้องเป็นข้าว พี่จะขอเป็นเคียว พี่จะได้ตามไปเกี่ยว ฉาดไป
ถ้าน้องเป็นไม้ พี่จะขอเป็นนก จะได้ชื่นอกชื่นใจ..”


เสียงเล็กร้องรับเจื้อยแจ้ว

“เหลืองเอยใบยอ  หอมช่อมะเขือเปราะ
รักกันให้มั่น  เหมือนเชือกขันชะเนาะ
สามปีสี่เดือน  อย่าให้เลื่อนสักเปลาะ
รักน้องให้มั่นเหมาะใจเอย”

   

รักน้องให้มั่นเหมาะใจเอย..

   
น้ำตายังไหลรินลงอย่างเงียบเชียบ  ความเจ็บปวดซาลงจนชาด้าน  ทว่าที่เจ็บที่สุดคือหัวใจที่แหลกสลาย  แตกละเอียดเป็นเศษแก้วป่น  ร่วงหล่นกรูกราว  บาดเลือดเฉือนเนื้อ

จ้อยจะฝังมันไว้ที่นี่.. หัวใจที่แหลกสลาย.. ความรักที่พังทลายของจ้อย..

ลูกชายกำนันเปล่งเสียงร้องลั่นห้อง  กระแทกกายเข้ามาเป็นครั้งสุดท้าย  หลั่งรินความอำมหิตเคลือบอาดูรลงในส่วนที่ลึกที่สุด  หนุ่มน้อยรู้สึกถึงอาการสั่นสะท้านก่อนซบลงแน่นิ่ง  เหงื่อซึมท่วมตัว  กลิ่นของมันคาวจัด  จ้อยเบือนหน้าหนีไปอีกทาง  ความขมเปรี้ยวแล่นเอ่อขึ้นตามลำคอ  ทอดกายปล่อยแขนขาแข็งทื่อ

ในขณะที่ ‘มัน’ ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด  แต่จ้อยกลับตกลงมา..

เด็กหนุ่มร่วงลงเหวลึกชั้นแล้วชั้นเล่าไม่มีสิ้นสุด  มีเพียงความว่างเปล่าเสียดสีอณูเนื้อกาย  โพรงดำมืดของจิตใจคนขยายออก  ดูดกลืนจ้อยลงไป 


ดิ่งละลิ่วสู่ดินแดนแห่งการไม่อาจอภัยชั่วนิรันดร์


โปรดติดตามตอนต่อไป
   
___________________________________________________________________________   
* ยิ่งกว่าการฆ่า, สุรัฐ พุกกะเวส - คำร้อง, พิทยา บุญยรัตพันธ์ - ขับร้อง



เฮ้อ.. ขออนุญาตสงบนิ่ง ๑ นาที
ไว้อาลัยให้ความรักของน้องจ้อยค่ะ

รักคนอ่านเสมอ (ถึงเราจะเขียนช้าอัพช้า T^T)
ดอกไม้

๑๑ พ.ย. ๕๕

ปล. ขอมอบสิ่งนี้ให้พี่สิงห์

(http://img15.picoodle.com/i5bb/wattanan/0_4c1_ucmz8.jpg)
(ขอบคุณ Facebook สมาคมมุขเสี่ยวฯค่ะ :L2:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: midnightblue ที่ 11-11-2012 22:23:44
โอ๊ยยยยย ปวดตับ :o12: :o12:

เกลียดไอ้ลอยใครมายิงมันทิ้งซักทีซิ  :m16: :m31:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: smileiiz ที่ 11-11-2012 22:27:36
อ่านจบ ตาย ค๊าาาาาา พี่สิงค์บ้าาาาาาาาาาา ฮื๊อออออออ :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: moomew ที่ 11-11-2012 22:30:23
กร้สสสสสสสสสสสสสสส

มาแล้ว รอรอรอรอรอ น่ะๆๆๆ :really2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 11-11-2012 22:33:27
น่าสงสารน้องจ้อยจริงๆๆ

 :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PRMWi ที่ 11-11-2012 22:40:11
สมองไม่ประมวลผล รับรู้แต่ว่าเสียใจ…
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 11-11-2012 22:42:06
ปวดตับบบ
เกลียดการแค้นกันไปมาอ่ะะะ  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 11-11-2012 22:43:41
โอ้ย หดหู่แทนจ้อย แล้วแบบนี้จะมีความหวังให้รักกันได้อยู่มั้ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 11-11-2012 22:56:07
น้ำตาไหล
สงสารน้องจ้อยอ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 11-11-2012 22:56:23
สงสารจ้อยอ่าาาาา ㅠ [ ]ㅠ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 11-11-2012 22:57:07
 :o12:

ทำไมพี่สิงห์ต้องทำอย่างนี้ อย่าทำให้น้องจ้อยต้องเอาใจออกห่างพี่ไปมากกว่านี้เลยนะ กระซิกๆ

ไอ้ห่าลอย  :angry2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 11-11-2012 22:58:28
 :m15: :m15: :m15: ร้องไห้เลยค่ะ สงสารจ้อยมาก พี่สิงห์บ้าไปแล้ว เตรียมรับผลการกระทำของตัวเองได้เลย
อยากได้จ้อยหนีไปไกล ๆ จากสัตว์เดรัจฉานพวกนี้นัก แต่จ้อยก็มียาย ไปไหนไม่ได้อีก หมดแล้วจิตใจจ้อย
พี่สิงห์มันเมามันไร้สติมากเกินไป ชั้นเกลียดแกจริงๆ นะตอนนี้ ที่เลวมากคือไอ้พวกนั้นอยู่ด้วยตอนมันย่ำยีจ้อย
ยังดีที่พอไอ้ลอยมันจะร่วมทำมันยังดึงน้องมากอดไว้ ไม่งั้นชั้นสาบส่งแกจริงๆ นะ

ตอนต้นเรื่องที่ไอ้พี่สิงห์เมาอยู่ที่กระท่อม ถ้าน้องจ้อยไม่หนีออกมาได้จากพวกไอ้ลอยไอ้หมาน น้องจ้อยต้อง
โดนข่มขืนจากไอ้ลอยใช่มั้ย แค่คิดก็ขนลุกแล้วนะ

เศร้ามากค่ะ เศร้าจริง ๆ ยิ่งตอนจ้อยนึกถึงอดีตที่เค้าเคยรักกันพี่น้องยิ่งแบบ เฮ้อ คู่นี้มันจะยังไงกันต่อคะเนี่ย   :monkeysad:


ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ละล้าละลัง ที่ 11-11-2012 23:01:20
น้องจ้อยของพี่ จะทำยังไงดี
ไอ้พี่สิงห์!! อุตส่าห์เชียร์มานาน ทำไมทำโง่ๆ อย่างนี้ น้องจ้อยไม่มีวันอภัยให้แกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 11-11-2012 23:05:04
โว๊ยยยยย ไอ้พี่สิงห์!!
เมาจนขาดสติ ทำร้ายน้องจ้อยเยี่ยงเดรัจฉาน
แล้วงี้เมื่อไหร่จะเข้าใจกัน ห๊ะ?! T______T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 11-11-2012 23:06:42
คนแต่งใจร้ายมากจริงๆ เราปวดใจกับสิงห์และจ้อย เพราะคนรอบข้างทำให้ทุกอย่างพัง

เรามองไม่ออกเลยว่าจะลงเอยกันได้ไง เสียใจ :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 11-11-2012 23:08:10
ฮือออ สงสารจ้อยที่สุด เกลียดไอลอยมากๆๆๆๆๆๆ เืมื่อไหร่เวรกรรมจะตามมันทันสักที เฮ้อ.. :angry2: :angry2:

ว่าแต่สิงห์เถอะ ต่อไปจะทำยังไงเี่นี่ย ถ้าปกติอาจยังมีลุ้น แต่รอบนี้ยากแน่ๆ  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 11-11-2012 23:08:27
สารภาพเลยว่าคิดไว้แล้วว่าต้องลงเอยอย่างนี้

และตัวเราเองก็ยอมรับว่าเราอ่านแบบผ่านที่สุดเท่าที่จะผ่านๆได้ (จบภายใน 45 วิ)

อย่าโกรธเราเลยนะ คุณเขียนได้ละเอียดดีจริงๆ เพราะความละเอียดละเมียดละไมนี่แหละ ที่มันทำร้ายหัวใจเราสุดๆ

เราไม่สามารถเสพได้จริงๆ นอกจากรอพายุพัดผ่านไปก่อน (ซึ่งก็ไม่รู้เมื่อไร)

เราเข้าใจอารมณ์ของตัวละครดี แต่เป็นคนที่ยอมรับฉากข่มขืนไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะจากนักเขียนมากฝีมือ ยิ่งอินจริงอะไรจริง

นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าลากจ้อยมาซ้อมให้น่วมซะอีก การข่มขืนมันคือการทำร้ายร่างกาย จิตใจ และเหยียบย่ำศักดิ์ศรีมนุษย์อย่างทารุณที่สุด

ไม่รู้สิ ถ้าในชีวิตจริง คงยากที่คนคนนึง จะย้อนหลับมาลงเอยกับคนที่ฆ่าเราให้ตายทั้งเป็นได้

แต่เราก็เชื่อฝีมือคุณดอกไม้  ว่าจะดำเนินเรื่องให้ไปสู่จุดที่ลงเอยไ้ด้ ถึงแม้ว่าตัวเอกจะต้องบอบช้ำจนคนอ่านคิดว่า น่าจะตายแบบไม่ได้ผุดได้เกิดมาอีกครั้งแล้วก็เถอะ เราจะติดตามเสมอ แต่ถ้าตอนไหนเราอ่านผ่านๆ เราก็คงต้องสารภาพตามตรง จิตตกจริงๆ พอๆกับดูหนังสยองขวัญ อาชญกรรมแบบแรงๆจำพวก Last house on the left ของ เวส คราเวนอะไรอย่างนั้นเลยอ่ะ
(ใครจะว่าเว่อร์ก็ยอม) (นี่จิตตกยิ่งกว่า เพราะคนที่ทำกับจ้อย คือคนที่รักจ้อยมากที่สุด)

ถ้าจะแนะนำอะไรอย่างหนึ่ง เวลามีฉากนายเอกโดนข่มขืน ขอให้ setting มีแค่ พระเอก กับนายเอกได้มั้ย ให้เค้าประกอบกิจกรรมนี้ขึ้นกันสองคนอ่ะ หรือมากสุด มีตัวร้ายหลักอีกหนึ่งคนก็ได้ แต่อย่ามีสมุนนู่นนี่นั่นมาช่วยจับช่วยยืนดูเลย รู้สึกเหมือนคนอ่านเป็นประจักษ์พยานการรุมโทรมยังไม่รู้ (ซึ่งเป็นอาชญกรรมที่เรากลัวและหดหู่ที่สุด)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t365/udompk_pank/Lasthouseontheleft-1.jpg)

keep repeating, it's just a fiction  :dont2:

(ขออภัยถ้าเราเยอะไปนะคะ)

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 11-11-2012 23:09:40
ทำไงดี อ่านแล้วรู้สึกแย่มากเลย
พอดีเราอินกับนิยายมากกกกกกกก น่ะค่ะ คุณแต่งนิยายดีมากเลยนะคะทำให้เรารู้สึกแย่ได้ขนาดนี้ o13 ชมจริงๆนะ 555555555555555
พี่สิงห์นี่ดีแต่โง่นะ ไม่ใช่เป็นคนดีแต่โง่ แต่โง่จริงๆ
ใช้แต่อารมณ์ เดรัจฉานเหมือนที่จ้อยเปรียบ :)
ถ้าจ้อยกับสิงห์จะลงเอยกันเมื่อไหร่ (คงจะอีกนาน) ขอหวานๆๆๆๆๆให้จำนวนตอนพอๆกับดราม่านะ -__- คู่นี้ มองไม่เห็นเลย
อยากจะรอให้เรื่องนี้จบแล้วมาอ่านทีเดียวจัง แบบปรื๊ดดดดเดียวจบ แต่ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า   :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 11-11-2012 23:21:16
การใช้อารมณ์มากกว่าสติจะนำไปสู่ความพินาศ แล้วสิงห์ก็จะได้บทเรียนที่มีค่าอีกบทหนึ่ง ก็หวังว่าหลังจากบทเรียนครั้งนี้จะทำให้สิงห์โตขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: treerat002 ที่ 11-11-2012 23:22:56
สิงห์เอ๊ย!!! จากที่เลวร้ายอยู่แล้ว มันกลับกลายเป็นยิ่งกว่าหายนะ  :z3:

สงสารจ้อย...แต่ส่วนหนึ่งก็ไม่ชอบนะ พ่อจะซื่อไปไหน...ก่อนหน้านี้เขา "รัก" ตัวเองขนาดไหน ไม่เคยสะกิดใจบ้างเลยหรือ  :เฮ้อ:

ไม่มีใครผิด...แต่ก็ไม่มีใครถูก

หลังจากนี้คงจะไม่มีวันดีกันได้แล้วสินะ...ตราบใดที่จ้อยยังตามืดบอดอยู่ละก็  :sad2:

รู้ทั้งรู้ว่าที่นายสิงห์ทำมันผิด...แต่ทำไมใจมันถึงเอนเอียงมาให้กว่าครึ่งนะ....แค่รู้สึกว่าสิ่งที่จ้อยทำ...มันไม่ค่อยยุติธรรมกับความรู้สึกของสิงห์ เท่านั้นเอง

รัก...จะรอต่อไปค่ะ  :z10:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kwangun ที่ 11-11-2012 23:29:17
ยิ่งกว่าการฆ่าคนอ่านอีกค่ะคุณดอกไม้ :m15: 
ร้องไห้หนักกว่าน้องจ้อยแล้วตอนนี้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-11-2012 23:30:43
พี่สิงห์ไม่น่าเลย ขาดสติจนไม่รู้อะไรเป็นอะไร
ส่วนอิลอย เกลียดมันจริงๆ ทำไมสิงห์ไม่กระทืบมันให้ตายไปเลยนะ ชิส์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 11-11-2012 23:30:53
เจ็บปวด เจ็บปวด T___T  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 11-11-2012 23:37:53
ไป/ม่ถูกเลยคะ คุณดอกไม้
ㅠ ㅠ
เศร้า เจ็บปวด มากเลย บรรยายได้ดีมาก ดีจนเราอินสุดๆ คิดเลยว่า ผญ ที่ถูกข่มขืนก้อคงแบบนี้
ไอ้เชี่ยลอยเลวสุดๆ เกลียดมันอ่ะ ถ้้ามีเรื่องของมันนะ ใหิมันมีควาทรักได้ เเต่จงอย่าได้สมหวังเลย
ยังดีที่ครั้งนี้เปฺนการข่มขืน ไม่ใช่การรุมโทรม
สมชื่อตอนจริง ๆ ยิ่งกว่าการฆ่า เราเปฺนจ้อยนะถ้าขนาดพี่สิงห์ยอมให้คนอื่นทำ คงตายห่าไปต่อหน้ามันเเล้วล่ะ
สงสารจ้อย เสื้อผ้าก้อไม่มี พรุ่งนี้จะกลับยังไง ใครๆ ก้อรุ้หมดเเล้วว่า นักเรียนครูเป็นเมียผู้ชาย
บวกหนึ่งคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 11-11-2012 23:40:28
 :เฮ้อ:  ไม่รู้จะเม้นอะไรเลยค่ะ  แต่งดีมากๆจนอินไปเลยค่ะคุณดอกไม้  :sad4:
แอบโล่งใจที่น้องจ้อยเป็นของพี่สิงห์คนเดียว 
รอวัน ' หวาน '  ค่ะ
วันนี้ไม่มีสามคำให้ แต่ขอให้กอดคุณดอกไม้แทนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 11-11-2012 23:40:57
ไอ้ลอยเคยเอากับหมาเรอะ ถึงรุ้ว่า หมามันครางไง ?
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 11-11-2012 23:54:21
สงสารจ้อยมาก ไม่นึกเลยว่าเรื่องมันเลวร้ายถึงขนาดนี้

โดนข่มขืนคงเป็นอะไรที่เจ็บทั้งกายช้ำทั้งใจ คงเป็นตราบาปที่ติดตัวอยู่ตลอดไป ลบไม่ออก

เเละหวังว่าจ้อยจะดีขึ้นในเร็ววัน

ส่วนสิงห์นั้นทำเรื่องที่เลวร้ายเหลือเกิน

เป็นเพราะพิษน้ำเมาเปลี่ยนคน กระหน่ำซ้ำให้เรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม

เเต่ถึงเเม้ว่าตอนที่สิงห์กำลังย่ำยีคนที่ตนรักอยู่นั้น เเม้จะไม่มีสติเเต่ห้วงลึกในอนุสติก็ยังคงห่วงน้องของตนเช่นเดิม

น่าเศร้าที่ตอนนี้ พี่ชายนั้นได้เลือนหายไป กลายเป็นความชิงชัง เฉกเช่นเดียวกับที่มีเเก่สัตว์เดรัจฉานหรือมากกว่านั้น

คิดว่าการที่สิงห์กับจ้อยจะเป็นคู่รักหวานชื่นกันนั้นคงจะเป็นเรื่องยากเสียเเล้ว

ความเข้มเเข็งของครูคงจะมีมากขึ้นเเละทิฐิที่ก่อตัวคงไม่ลดหย่อนอย่างง่ายได้

ขอบคุณคุณดอกไม้ที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างชัดเจน จนขวัญเสียตามจ้อยเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: yellowswarn ที่ 12-11-2012 00:25:09
คุณดอกไม้คะ เราดีใจมากที่คุณดอกไม้มาต่อแล้ว
แต่ครึ่งหลังนี่แทบจะทำให้เราร้องไห้
ไม่เคยอินขนาดนี้

สงสารจ้อยมาก คุณดอกไม้ถ่ายทอดอารมณ์ของจ้อยออกมาได้ดีมาก
ไม่เคยอ่านนิยายเรื่องไหน แล้วรู้สึกเกลียดฉากแบบนี้ (ปกติชอบ ฮาา)
 :o12:
ไม่อยากพูดถึงสิงห์ ปล่อยไว้ก่อน
เกลียดไอ้เหี้* ลอย
ตอนต่อไปจะเป็นยังไง ไม่กล้าเดาเลยค่ะ

สงสารจ้อยจริงๆ จ้อยจะเป็นยังไง ฮือออออ เจ็บปวดมากเลยค่ะ
 :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MelodyKJJ ที่ 12-11-2012 00:25:49
 :z3: :z3:ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้หรืออ่อนแออะไรนะครับ แต่ว่า.....มันเกินไปแล้วจริงๆ สำหรับเด็กผู้ชายคนนึง
พี่เสีย อยู่กับยายสองคน ยากจน ทุกสิ่งทุกอย่าง มันมากพอแล้ว แต่นี่ คนที่เป็นเหมือนพี่ คนที่ตนรัก และ
สัญญาว่าจะดูแลกันไปตลอด กลับเป็นคนที่ฆ่าตัวเองจนตายทั้งเป็น มันโหดร้าย รุนแรงเกินไปจริงๆสำหรับจ้อย
อ๊ากกกกกกกกกกกกก ไม่ไหวแล้วน้าาาา มันเจ็บ ในอกมากๆเลย กว่าจะพิมพ์ได้นี่ นั่งทำใจนานมากอ่ะ
ว่าควรจะเมนท์อะไรก่อนดี แบบว่า อยากจะตะโกนลั่นห้อง แต่เนื่องจากมันดึกมาก และเมทก็อยู่ครบ  :z3:
ทำไมนะ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าใช้ประโยคนี้กี่ครั้งแล้วสำหรับเรื่องนี้ ตอนนี้ยอมแพ้แล้วจริงๆครับ สุดท้าย
คงไม่สมหวังหรอกใช่มั้ย มันไม่เหลือแม้แต่ความรู้สึกว่า เค้าเป็นมนุษย์เหมือนเราแล้วอ่ะ เพราะฉะนั้น แม้แต่จะรัก
คงไม่มีทางอีกแล้ว  :o12: นี่ยังดีนะ ที่ไอ้ลอยไอ้เลวใจชั่วและ ไอ้หมาหมาน ไม่ได้ทำลายชีวิตของมนุษย์คนนึง
ไว้อาลัยจริงๆตอนนี้ อารมณ์แบบ ไม่รู้เลย เฉื่อยๆชาๆ นี่จะนอนหลับมั้ยเนี่ย เรียนแปดโมงเช้า T T ปกติชอบเอ็นซี
นะครับ แต่ตอนนี้รู้สึกรังเกียจและไม่อยากอ่านเลยจริงๆ มันเกินคำว่าสงสารไปแล้วอ่ะ คนนึงถึงสวรรค์ กลับอีกคน
ลงนรกขุมที่ลึกที่สุด ยังไงก็ขอบคุณมากครับ ที่มาอัพวันนี้ให้ได้อ่านกัน รอตอนต่อไปนะครับ พูดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ T T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 12-11-2012 00:28:23
คู่นี้จะแฮปปี้รึเปล่าคะเนี่ย
สงสารทั้ง2คนเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: อากาศใต้ผ้าห่ม ที่ 12-11-2012 00:30:36
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ  :sad4:
อยากให้เรื่องคืนนั้นเป็นเพียงฝันไป

พี่สิงห์ไปฟังไอ้ลอยทำไม เลวมากกกกกก
แต่ก็ยังดีที่น้องจ้อยยังเป็นของพี่สิงห์คนเดียว


อ่านแล้วอยากจะร้องไห้  :o12:
สงสารน้องจ้อย สงสารพี่สิงห์ด้วย
พี่สิงห์ก็นะไปทำน้องแบบนี้ น้องมันก็เกลียดดิ
แล้วงี้จะง้อยังไง โฮฮฮฮฮ พี่สิงงงงงห์ อ๊ากกกกกกก  :z3:

อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาจะไหล ดีใจที่คนเขียนมาอัพ
สงสารน้องจ้อย อนาถใจกับพี่สิงห์ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ






หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 12-11-2012 00:39:24

อยากจะสงสารจ้อยมันก็ไม่สุด :เฮ้อ:
ทำได้แค่สมน้ำหน้าสิงห์อย่างบอกไม่ถูก  :beat:

จริงๆแล้วคิดว่าถ้าจ้อยโดนลอย โดนหมานไปด้วย
สิงห์มันจะเจ็บช้ำน้ำใจแค่ไหนนะ :z13: :z13:

*จิตตก  ปาดเหงื่อ :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 12-11-2012 01:01:11
สิงห์เอ้ย โดนเกลียดชั่วชีวิตแน่ๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 12-11-2012 01:02:00
 :L2:แต่งได้กระชากใจจริงๆ ขอแสดงความนับถือ คุณเก่งมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 12-11-2012 03:21:17
เนื้อเรื่องตอนนี้ทำให้อ่านละเมียดไม่ได้จริงๆ

สงสารที่สุดคือสิงห์ การทำร้ายคนที่เรารักตัวเราเจ็บว่าหลายเท่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 12-11-2012 05:34:37
อ่านตอนนี้แล้วแอบเผื่อใจไว้เลยว่า มีเปอเซนต์สูงที่พี่สิงห์จะเสียน้องไปตลอดกาล

 :เฮ้อ:




หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jamemy ที่ 12-11-2012 07:34:21
แล้วจะรักกันยังงัยร้ายซะขนาดนี้
 :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 12-11-2012 08:42:58
ก่อนอ่าน มาจุดธูปบอกเจ้าป่า เจ้าเขา ช่วยให้น้องจ้อยเราปลอดภัยเถอะ
กลัวจริงๆ ว่าคนที่ได้น้องจ้อยจะไม่ใช่อิพี่สิงห์

*******************************************

กลับมาดับธูป แล้วปล่อยวางจิตใจ

ถึงดีหน่อยที่ยังไงก็ยังเป็นพี่สิงห์ คนดี..ของเราที่ทำร้ายน้องจ้อย

แย่จัง....เป็นอีกเรื่องแล้วสิ ที่เราอ่านแล้ว ...หม่น เราหยุดอ่านตั้งแต่ตอนที่ลอยกับหมานช่วยกันทารุณน้องจ้อย

เพราะจินตนาการออกว่า สิ่งที่เราภาวนาคงไม่เกิดขึ้น สิงห์คงไม่หยุดแล้วหันไปชกไอ้ลอย กับ ไอ้หมาน ให้สลบ
แล้วพาน้องกลับบ้านอย่างปลอดภัย ใช่ไหมค่ะ

เราเคยเป็นแบบนี้มาครั้งนึง ตอนอ่านเรื่อง หรือจะให้เป็นเพียงแค่ความทรงจำ ของคุณภัคD
ความรู้สึกแบบนั้นกำลังกลับมาอีกแล้ว  และ เรากลัว..

เราีรักพี่สิงห์ กับ น้องจ้อยมาก ให้คนที่เรารักมาทำร้ายกันเอง  มันเกินจะรับไหวจริงๆค่ะ

ขอไม่อ่านต่อนะค่ะ  เอาไว้ทำใจได้ แม่ยกพี่สิงห์และน้องจ้อย คนนี้จะกลับมานะค่ะ

 :กอด1: ขอบคุณนะค่ะน้องดอกไม้ น้องแต่งได้ดีมาก  แต่เป็นที่แฟนคลับพี่สิงห์คนนี้อ่อนแอเกินค่ะ :กอด1:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 12-11-2012 09:18:43
เศร้าไปนะคะ หมดคำจะพูด ชอบนิยายของคุณดอกไม้มากกกกก
แต่สำหรับตอนนี้ เจ็บปวดเกินไปสำหรับเราค่ะ

เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 12-11-2012 09:39:38
สิงห์ทำไมใ้ช้แต่อารมณ์แบบนั้น ทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงฟังคำยุยงของพวกนั้น ยังดีที่ไม่ขาดสติขนาดให้พวกนั้นมายุ่งกับจ้อยด้วย เพราะที่ทำมาก็ไร้สติมากพออยู่แล้ว ตอนนี้สงสารจ้อย แ่ต่ต่อไปคงต้องสงสารสิงห์ เพราะไม่รู้จ้อยจะทำยังไงกับสิงห์ต่อไป แต่คิดว่ายังไงความรักที่จ้อยมีต่อสิงห์ไม่น่าจะหายไปง่าย ๆ หรอกมั้ง แต่ความรู้สึกอื่นคงจะท่วมท้นมากกว่าก็เท่านั้น เพราะถูกสิงห์ทำแบบนั้นนี่นะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-11-2012 11:16:56
รันทด หดหู่จนเหลือจะเอ่ย
พี่สิงห์มันโง่ โง่สุดจะหาอะไรเปรียบ
กับคนที่รักมัน และมันรักเขาสุดหัวใจยังทำกันได้ถึงเพียงนี้
หวังว่าน้องจ้อยจะตื่นจากฝันร้ายนี้เสียที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 12-11-2012 11:32:10
ขออนุญาติอ่านผ่านๆนะคะ
ไว้ทำใจได้จะอ่านใหม่ :m15:

 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 12-11-2012 11:51:36
คุณดอกไม้แต่งเก่งมาก
ตอนนี้เราอึ้งและหดหู่มากค่ะ
เมนท์ไม่ออก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: My_Rain ที่ 12-11-2012 12:39:58
แต่งดีเกินไป. แต่งดีเกินไปจริงๆ

ไอ้ลอยนี่มันนนน...จริงๆ สงสารน้องจ้อยสุดๆหลังจากนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
ต่อจากนี้คงถึงคราวพี่สิงค์ตกนรกทั้งเป็นแล้วละ.
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 12-11-2012 14:59:27
สารภาพเลยว่าคิดไว้แล้วว่าต้องลงเอยอย่างนี้

และตัวเราเองก็ยอมรับว่าเราอ่านแบบผ่านที่สุดเท่าที่จะผ่านๆได้ (จบภายใน 45 วิ)

อย่าโกรธเราเลยนะ คุณเขียนได้ละเอียดดีจริงๆ เพราะความละเอียดละเมียดละไมนี่แหละ ที่มันทำร้ายหัวใจเราสุดๆ

เราไม่สามารถเสพได้จริงๆ นอกจากรอพายุพัดผ่านไปก่อน (ซึ่งก็ไม่รู้เมื่อไร)

เราเข้าใจอารมณ์ของตัวละครดี แต่เป็นคนที่ยอมรับฉากข่มขืนไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะจากนักเขียนมากฝีมือ ยิ่งอินจริงอะไรจริง

นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าลากจ้อยมาซ้อมให้น่วมซะอีก การข่มขืนมันคือการทำร้ายร่างกาย จิตใจ และเหยียบย่ำศักดิ์ศรีมนุษย์อย่างทารุณที่สุด

ไม่รู้สิ ถ้าในชีวิตจริง คงยากที่คนคนนึง จะย้อนหลับมาลงเอยกับคนที่ฆ่าเราให้ตายทั้งเป็นได้

แต่เราก็เชื่อฝีมือคุณดอกไม้  ว่าจะดำเนินเรื่องให้ไปสู่จุดที่ลงเอยไ้ด้ ถึงแม้ว่าตัวเอกจะต้องบอบช้ำจนคนอ่านคิดว่า น่าจะตายแบบไม่ได้ผุดได้เกิดมาอีกครั้งแล้วก็เถอะ เราจะติดตามเสมอ แต่ถ้าตอนไหนเราอ่านผ่านๆ เราก็คงต้องสารภาพตามตรง จิตตกจริงๆ พอๆกับดูหนังสยองขวัญ อาชญกรรมแบบแรงๆจำพวก Last house on the left ของ เวส คราเวนอะไรอย่างนั้นเลยอ่ะ
(ใครจะว่าเว่อร์ก็ยอม) (นี่จิตตกยิ่งกว่า เพราะคนที่ทำกับจ้อย คือคนที่รักจ้อยมากที่สุด)

ถ้าจะแนะนำอะไรอย่างหนึ่ง เวลามีฉากนายเอกโดนข่มขืน ขอให้ setting มีแค่ พระเอก กับนายเอกได้มั้ย ให้เค้าประกอบกิจกรรมนี้ขึ้นกันสองคนอ่ะ หรือมากสุด มีตัวร้ายหลักอีกหนึ่งคนก็ได้ แต่อย่ามีสมุนนู่นนี่นั่นมาช่วยจับช่วยยืนดูเลย รู้สึกเหมือนคนอ่านเป็นประจักษ์พยานการรุมโทรมยังไม่รู้ (ซึ่งเป็นอาชญกรรมที่เรากลัวและหดหู่ที่สุด)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t365/udompk_pank/Lasthouseontheleft-1.jpg)

keep repeating, it's just a fiction  :dont2:

(ขออภัยถ้าเราเยอะไปนะคะ)


เห็นด้วยครับ
สลดใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 12-11-2012 15:14:42

อ่านเจอว่าพี่ของจ้อยตายยังไม่ถึงสามเดือน...


เรากลับรู้สึกว่าคนที่บอกว่ารักมากปานดวงใจ
แต่นี่คนรักตายยังไม่ครบทำบุญร้อยวันก็ไปรักคนใหม่มากปานดวงใจอีกแล้ว

รักกันง่ายดีจริงๆ

( ไม่ได้ว่าคนแต่งนะคะ---แค่รู้สึกอินไปหน่อย )

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 12-11-2012 15:41:37
ตกลงว่า ไอ้พี่สิงห์รู้เห็นเป็นใจให้ไอ้ลอยจับจ้อยมาจริงๆเหรอเนี่ย หรือมันสติแตกไปแล้ว :serius2:
อ่านตอนนี้ ต้องทำใจ ฝืนอ่าน
จ้อยโดนขืนใจ แบบมีผู้ชมเลวๆอีกสาม เห็นทุกซอกหลืบ :sad4:
ปวดใจจัง :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: conan1 ที่ 12-11-2012 15:43:31
คนที่ทั้งไอคิวและอีคิวต่ำแบบสิงห์ ใครได้เป็นแฟนซวยตายชัก ไม่มีสมองคิดอะไรเองเล้ยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 12-11-2012 15:56:35
T^T สิงห์ ไอเลว แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้ให้คนอื่นมาร่วมวงด้วย
จ้อยอย่าไปให้อภัยมัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: lalitalx ที่ 12-11-2012 18:31:43
หวังว่าจะลงเอยกันเร็วๆนะคะ TT ดูท่าจะดราม่ากันอีกนาน

ยังไงก็รักคู่นี้นะคะ  :กอด1:

พึ่งมาอ่านอีกรอบ ขออนุญาติดิท
ตอนแรกเค้าอ่านเมื่อคืนผ่านๆ ง่วงมาก
เราแอบกลัวว่าสิงห์จะเสียจ้อยไป TT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 12-11-2012 18:34:49
อ่านฉากแบบผ่านๆ อย่างรวดเร็ว รู้สึกเสียใจไปกับจ้อยมากๆ

สิงห์นี่เข้าสองตำรา พ่อแม่รังแกฉัน + คบคนพาล พาลพาไปหาผิด ขอให้กลับใจได้เร็วๆ นะ สิงห์ (แต่จ้อยจะให้อภัยรึเปล่าค่อยว่ากันทีหลัง)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 12-11-2012 18:50:51
อีพี่สิงห์แกเลวมากทำครูฉันได้อีเลว :m31:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 12-11-2012 19:04:22
สิงห์เอ้ยย เอ็งได้น้องสมใจเอ็งแล้วสิ

เป็นยังไงละ สุขไหมละ สุขกาย แล้ว สุขใจด้วยไหม

แล้วต่อไปพวกเอ็งจะมองหน้ากันยังไง

น้องมันเกลียดเอ็งเข้ากระดูกดำแล้วละ

ใจน้อง เอ็งคงไม่มีทางได้แล้วละ





เบน  อ่านแล้วอึดอัดมากค่ะ คุณดอกไม้ ยิ่งอ่านก้ยิ่งรอ รอให้สิงห์มันหยุด ซะที แต่ก็ไม่ น้ำตาจะไหล


จะเสี่ยงสัตย์อธิษฐาน ขอให้เป็นพยาน อย่าคลาดไป
ถ้าน้องเป็นน้ำ ตัวพี่จะตามเป็นปลา จะได้เย็นอุรา พี่ชาย
ถ้าน้องเป็นข้าว พี่จะขอเป็นเคียว พี่จะได้ตามไปเกี่ยว ฉาดไป
ถ้าน้องเป็นไม้ พี่จะขอเป็นนก จะได้ชื่นอกชื่นใจ..”

คงไม่มีวันนั้นอีกแล้วมั้ง มันไม่เหมือนเดิมแล้วว

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: The_Beggar ที่ 12-11-2012 20:39:59
โฮ~จ้อยน่าสงสารอ่ะ พี่สิงห์ใจร้าย :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 12-11-2012 20:52:43
ไม่กล้าอ่าน :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 12-11-2012 20:59:42
สงสารจ้อยมากๆ
สิงห์ไม่น่าทำแบบนี้เลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 12-11-2012 21:22:21
ผลของการกระทำนี้ จะต้องทรมาณใจคนอ่านแน่นอน
สงสารจ้อยจริงๆ
ปล.คนอ่านซาดิสต์ จ้อยฆ่าตัวตายโลดดดด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: patchybelle ที่ 13-11-2012 00:01:25
พี่สิงห์ ไม่น่าเลยนะ แต่ถ้ารู้ผิดชอบชั่วดีตั้งแต่แรกก็คงไม่ใช่ไอ้สิงห์
หวังว่าจะรู้ตัว
หวังว่าเรื่องมันจะดีขึ้น
สงสารน้องจ้อยมากกกกกกกกกกกก  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า (ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^^) [๑๑/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 13-11-2012 00:07:54
สมการรอคอยมากกกกกกกก พี่สิงห์ โหด โฉด ชั่วได้ใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก อร๊าย>>>เป็นพระเอกที่ทำให้ฟินไปแปดโลก  o13   :oo1:   :jul1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 13-11-2012 00:42:31
ถึง.. คนอ่านที่รัก  :กอด1:

เปิดอกคุยกันสักหน่อยเนอะ :)

(หมายเหตุ : ข้อเขียนนี้ไม่ได้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของนิยายค่ะ  อ่านได้ตามสบาย ไม่ต้องกลัวโดนสปอยล์นะคะูู^^)

ลังเลอยู่นานว่าเขียนให้ผู้อ่านอ่านกันตอนนี้เลยมันจะดีเหรอ  คือใจจริงตั้งใจจะเขียนบทความนี้เป็นคำนำ/คำตามของผู้แต่งตอนรวมเล่มเลยนะคะนี่  แต่มาฉุกใจอยากเขียน  หลังจากลงบทที่ ๒๐ ไปแล้ว  ได้รับเสียงตอบรับครึกโครมไปในทางเดียวกัน  เลยอดใจไม่ไหว  อยากออกมาชี้แจงจากใจค่ะ

นิยายเรื่อง ‘มหาหงส์’ ถือกำเนิดขึ้นมาโดยยึดธีมหลักเป็นภาษิตบทหนึ่งจากเรื่องพระศุนหเศป พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  บทที่ว่า..

ผู้ที่เกิดมาในตระกูลต่ำแล้ว
แต่ประพฤติตนดี
ก็เสมอกับยกตัวเองให้ขึ้นสู่ชาติอันสูง

ผู้ที่เกิดมาในตระกูลสูงแล้ว
แต่ประพฤติตนไม่ดี
ก็เสมอกับสาปตนเองให้ตกไปเป็นคนชาติต่ำ


มหาหงส์นั้น  เป็นดอกไม้มีนามสูง  กลีบบางอ่อนหวาน  เกสรเหยียดหยัดชูก้าน  ดุจดั่งหงส์ผู้ทรงศักดิ์  แต่ก้านใบของมหาหงส์ไม่สูงจากดินมากนัก  ส่วนลำต้นนั้นอยู่ใต้ดินเลยทีเดียว   

พอจะเดาออกกันไหมคะ  ว่า ‘มหาหงส์’ ในเรื่องนี้หมายถึงอะไร / หมายถึงใคร?

ใช่แล้วค่ะ ‘มหาหงส์’ คือนายเอกทั้งสองของเรื่องนี้นี่เอง  (อย่างที่เคยเอ่ยถึงตอนตอบคอมเม้นท์ใครสักคนในเล้านี่ละ 
อะแฮ่ม.. นิยายเรื่องนี้เน้นนายเอกค่ะ ส่วนพระเอก  เกิดมาเป็นไม้ประดับโดยแท้ ๕๕๕+)

คุณชายเลอมานเป็นหงส์จากสายเลือด จากวงศ์ตระกูล  ส่วนน้องจ้อย  เป็นหงส์จากเนื้อใน  เป็นหงส์จากการยืนหยัดและภาคภูมิในการทำสิ่งดีงาม  จิตใจเมตตาและอ่อนโยน เหมือนมหาหงส์  ดอกไม้หอมที่ทั้งเข้มแข็งและอ่อนหวาน  แม้ลำต้นจะต่ำติดดินแค่ไหนก็ตาม

บทที่ ๒๐ : ยิ่งกว่าการฆ่า เป็นบทที่ใช้เวลาเขียนนานจริงๆ  ไม่ใช่ไม่มีเวลา  แต่เขียนช้า  สปีดตก  เพราะเขียนไปต้องหยุดพักหายใจไป  หยุดพักไปนั่งมองฟ้ามองดาวเป็นระยะๆ  (อ้อ หยุดพักไปดูเดอะวอยส์ด้วย หุหุ^^)

ผู้แต่งตั้งใจบีบน้องจ้อยเข้าสู่มุมอับที่สุดในชีวิต  เพื่อจะทำให้ผู้อ่านเห็นว่า  คนเรานั้นต่อให้ถูกทำร้าย ถูกทำให้แปดเปื้อนสักเพียงไหน  หากหัวใจยังยึดมั่นอยู่ในความดีงาม  คุณค่าแห่งตนนั้นไม่อาจถูกทำลายย่อยยับตามลงไปด้วยเลย

นิยายเป็นอย่างไร  ชีวิตจริงก็เป็นอย่างนั้น  บ่อยครั้งที่คนเราถูกเหยียบย่ำ  ถูกทำร้ายให้เจ็บปวด  ถูกทำลายศักดิ์ศรี  จนท้อถอย  ยอมจำนนต่อโชคชะตา  แต่ผู้แต่งเชื่อมั่นเหลือเกินว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดของมนุษย์คือหัวใจที่ดีงาม  หากเรารักษาหัวใจของเราไว้ได้  ก็ไม่สามารถมีใครมาทำลายมันได้แน่นอน 

น้องจ้อยเป็นมหาหงส์ที่แม้จะ ‘กลีบจมแผ่นดินสิ้นสูญราคา’ แต่ ‘กลิ่นนั้นหนายังหอมเป็นค่าผูกพัน’

บอกไว้ตรงนี้เลยเพื่อให้ผู้อ่านสบายใจได้  น้องจ้อยไม่ฆ่าตัวตายเพราะเหตุการณ์นี้แน่นอนค่ะ  การฆ่าตัวตายนั้นเป็นบาปมหันต์  บาปหนักเทียบเท่าฆ่าพ่อฆ่าแม่  น้องไม่สิ้นคิดทำเรื่องร้ายรุนแรงแบบนั้นแน่นอน

ผู้แต่งยังขอยืนยัน ว่านิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นโดยมีจุดประสงค์ดังกล่าว  ไม่ได้มีเจตนายัดเยียดความรุนแรงแก่ผู้อ่าน  เพื่อสนองความต้องการของผู้แต่งแต่อย่างใดค่ะ 

ขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากนะคะ  พวกคุณทำให้เรารู้เลยว่าทุกคนรักน้องจ้อยของเรามากแค่ไหน  ถ้าน้องรู้ น้องต้องดีใจมากๆ แน่ค่ะ 

รักคนอ่านเสมอ

ดอกไม้
๑๒ พ.ย. ๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: special ที่ 13-11-2012 00:56:09
นั่งอ่านตามจนทัน แล้วก็เป็นฉากที่หนักมากๆๆๆๆๆๆๆ

คิดว่าน้องจ้อยไม่น่าฆ่าตัวตาย แต่กำลังคิดตามอยู่ว่าเมื่อไหร่กันน๊าที่จะได้รักกันกับพี่สิงห์

บอกตามตรงแอบเชียร์คู่นี้มากๆ เพราะดูอุปสรรคเยอะเหลือเกิน เข้าใจผิดไปมา T_T

ยังไงก็ติดตามรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 13-11-2012 02:02:09
ความในใจของคนอ่านค่ะ
รักนิยายเรื่องนี้ของคุณดอกไม้มากๆเลยค่ะ
แต่บอกตามตรง ว่าช่วงนี้หยุดพักการอ่านตอนใหม่ๆมาสามสี่ตอนแล้ว
เพราะมันบีบหัวใจเหลือเกิน ขำตัวเองจริงๆ เวลาคุณดอกไม้ลงตอนใหม่ ไม่กล้าอ่านนิยาย ได้แต่แอบอ่านคอมเม้นท์ท่านอื่นๆ
ว่าเรื่องราวมันพอจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นหรือยัง ถ้ายังก็ขอแปะโป้งไว้รวบยอดอ่านทีเดียวตอนจบเลย
เนื่องจากคุณดอกไม้แต่งได้สุดยอดมากกกกก บ้างทีอินจัด วันนั้นจะซึมไปทั้งวันเลย
อยากให้ถึงวันที่น้องจ้อยมีความสุขเร็วๆจังเลยค่ะ

+1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 13-11-2012 02:14:48
ไม่ได้คิดว่าจ้อยจะทำอย่างนั้นเลย เป็นห่วงแต่สิงห์ก็เท่านั้นว่าต่อไปจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: momoshiro ที่ 13-11-2012 02:26:37
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


"ยากนักหัวใจดวงน้อย จะคล้อยคืนสู่ใจพี่"


บายค่ะ อิตาพี่สิงห์!! เม้นแค่นี้แหละ ใจสลายไปกับน้องจ้อยยย หัวใจดวงน้อยๆของน้องคงบอบช้ำไม่ต่างกับใจพี่กระมัง อารมณ์แท้ๆเชยวพ่อคุณ

#กอดคุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 13-11-2012 07:18:37
ยังดีที่อย่างน้อยเราก็รู้แน่ๆ ว่า จะดีจะชั่วอย่างไร สองคนนี้ก็คู่กัน


ลองให้จ้อยไปได้กับคนอื่นสิ...เจ็บปวดกว่านี้หลายเท่า


ปล เคยอ่านเรื่องนึงในเล้านี้แหละ นายเอกไปเป็นเมียอีกคน (ไม่ใช่3pด้วยนะ) เจอแบบนั้นเข้าไปกินอะไรไม่ลงเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 13-11-2012 07:37:55
บอกตามตรงเจ้าค่ะ เห็นชื่อของตอนที่ 20 แล้ว ครั้งแรกไม่กล้าอ่านทำใจอยู่หลายวัน อ่านก็อ่านวะ....แล้วเป็นไงล่ะ...เฮ้อ........
สิงห์ของช้านนนนนนนนนนนนน...........อย่างที่ท่านนักแต่งบอกคนที่มีจิตใจดีทำยังไงก็ต้องดีอยู่วันยังค่ำ (ถึงบางครั้งอยากเลวก็เถอะ..55..) แบบนี้ต้องให้น้องจ้อยตัวน้อยของเรา พยายามดึงพี่สิงห์ที่แสนจะรักน้องให้กลับมาเป็นพี่สิงห์คนเดิมของน้องจ้อยให้ได้....เพราะโดยเนื้อแท้ของพี่สิงห์แล้ว พี่สิงห์รักน้องมากที่สุดในชีวิต มันต้องมีโอกาสที่พี่สิงห์ต้องเปิดหู เปิดตา เปิดใจออกมารับรู้ความรู้สึกของน้อง และตัวน้องจ้อยเองถ้าจำไม่ผิด คิดว่าน้องก็มีความรู้สึกที่ดีกับพี่คนนี้เหมือนกัน อาจจะยังไม่รู้ตัวเฉย ๆ ก็ได้ว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน.... ได้โปรดเถิดท่านนักแต่งคนดี...หยิบยื่นโอกาสให้กับสิงห์ร้ายที่ไม่ได้เลวโดยกำเนิดซักครั้งนะเจ้าคะ.........(รู้สึกอินี่เรียกร้องมาไป   :z6:  เฮ้ย...ไม่อาววววววววววววว...)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 13-11-2012 11:09:08
หนูเข้าใจแนวการเขียนของพี่จี้ค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 13-11-2012 11:30:09
ยังไงก็ขออย่าเศร้าเยอะมากนะคะ ผ่านมันไปเร็วหน่อยก็ดีค่ะ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: conan1 ที่ 13-11-2012 11:46:12
อยากให้ตอนจบสองคนนี้ไม่ได้คู่กัน  แบนพระเอกที่ไปข่มขืนชาวบ้านแนวละครหลังข่าว  ในชีวิตจริงคนบ้าที่ไหนมันจะไปรักคนที่ข่มขืนตัวเองลง แถมยังให้ลูกน้องมาช่วยจับอีก-*-

น่าจะให้ประมาณว่าไอลอยพาไปทำอะไรชั่วๆแล้วติดคุกตลอดชีวิตบารมีพ่อก็ช่วยไม่ได้    ตอนอยู่ในคุกก็ให้โดนข่มขืนเองไปเลยไง  ยังไงกรรมมันก็คงคืนสนอง หนีไม่พ้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะอโหสิให้หรือไม่  มันก็ทำกรรมไปแล้ว  กรรมข่มขืนเป็นกรรมหนัก  โทษตามกฎหมายก็หนัก  อยากให้เรื่องนี้แสดงถึงผลกรรมของตัวละครด้วยจัง  ปัญหาครอบครัว(อันเล็กน้อย)หรือคำยุยงของคนอื่นมันก็แค่ข้ออ้าง  สุดท้ายคนที่กระทำต่างหากที่สร้างบาปสร้างกรรมเอาไว้

ยังไงจ้อยก็คู่ควรกับคนที่ดีกว่านี้   ไม่ใช่ผู้ชายโง่ๆไม่มีสมองทำตามแต่คำยุยงของคนอื่น  เวลาบรรยายถึงความคิดสิงห์รู้สึกเลยว่ามันโง่เกินเยียวยา เหมือนคนไอคิวต่ำเกินมาตรฐาน  แถมยังพ่วงอีคิวต่ำเข้ามาอีก  ซึ่งของอย่างนี้มันพัฒนากันไม่ได้่ง่ายๆ  มันอยู่ในระบบสมองแล้ว  จ้อยโชคร้ายมามากแล้วขออย่าโชคร้ายไปตลอดชีวิตด้วยการคู่กับสิงห์เลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 13-11-2012 12:00:24
ได้อ่านบทชี้แจ้งแล้วยิ่งชอบนิยายเรื่องนี้มากขึ้นไปกว่าเดิมอีก ชอบหลักคิด แนวคิด และแนวเขียนของคุณมากค่ะ จริงๆ แล้วก็สังเกตมานานแล้วว่า คุณดอกไม้จะเน้นน้ำหนักหรือความเอาใจใส่ไปที่ตัวละครนายเอกทั้งสองคน และจะเน้นหนักยิ่งกว่าไปที่น้องจ้อย และดิฉันก็ชื่นชอบน้องจ้อยเป็นพิเศษ มิใช่เพราะจ้อยคู่กับพี่สิงห์ (ซึ่งดิฉันรักมาก) แต่เพราะปมปัญหาและอารมณ์ความรู้สึก และการที่ต้องต่อสู้กับอุปสรรคพร้อมฟันฝ่าขวากหนามที่ดาหน้ากันเข้ามาในชีวิตต่างหากที่ทำให้น้องจ้อยเป็นดั่ง "เพชร" ในตม หรือ "ช้างเผือก" ในป่า.

ขอบคุณคุณดอกไม้ค่ะ

ปล. บวกเป็ด และบวกคะแนนให้แล้วนะคะ อ้อ ถ้าเกิดรวมเล่มพิมพ์ ก็จะขอยกมือจองด้วยคนนะคะ (ประทับใจจาก "นิยายอีกเรื่อง" มาแล้ว หึหึ)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 13-11-2012 15:15:18
อ่านคำชี้แจง แล้วค่อยมีแรงใจกลับไปอ่านตอนนี้ให้จบ

น้องจ้อยไม่ฆ่าตัวตาย แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ  ไม่ขออะไรมาก ^^

ไม่ใช่แค่คนเขียนที่เขียนไป พักทำใจไป  แม่ยกพี่สิงห์+น้องจ้อยคนนี้ ก็อ่านไป ถอนหายใจไป

นานมาก..กก ค่ะกว่าจะอ่านต่อนนี้จบได้  มันบาดใจจนเลือดซิบ น้ำตาไม่ไหล เพราะมันตกในทุกหยาดหยด

ขอโทษนะค่ะ  ขอว่าพี่สิงห์ หยาบๆ อย่าโกรธกันนะค่ะ

พี่สิงห์ ถ้าแกจะเห้...ขนาดนี้  เอามีดมาแล่เนื้อ เถือหนัง น้องจ้อยเลยดีไหม

ฆ่าให้ตายทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่นี่ สุดท้ายแกนั่นหล่ะ ที่บาปกรรมจะออนไลน์ เล่นงานแกจนตายทั้งเป็น เหมือนกัน

โอ๊ย !!! พี่สิงห์ มันเลว มันชั่ว จนอยากจะโดดเตะขาคู่ แล้วกระทืบซ้ำ ให้จมดิน แล้วงัดขึ้นมาเตะซ้ำๆๆๆ

น้องจ้อยจ๋า  ไม่เป็นไรนะลูก ถือว่าให้ทานหมามันกิน  ถึงตัวจะมีราคีคาว  แต่ใจน้องต้องหาญกล้า ต่อสู้ ฝ่าฝัน
ความชั่วร้ายให้ได้นะลูก  แม่ยกน้องจ้อยคนนี้ รักน้องจ้อยนะลูก

อย่าเศร้า อย่าร้องไห้นานนัก  แม่เห็นแล้วไม่สบายใจ พาลกินข้าวกินปลาไม่ลง T T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 13-11-2012 16:00:14
คิดว่าคนอย่างจ้อยไม่มีทางคิดสั้นแน่นอน

ขอให้สิงห์โดนเยอะๆ บ้าง นะคะ (อยากให้คู่คนอื่นเพื่อความสะใจ แต่จริงๆ สองคนนี้รัก ผูกพันกันมานาน แต่ด้วยความหลงผิดของนายสิงห์ ทำให้เรื่องมันแย่ลงเรื่อยๆ)

รอติดตามตอนต่อไปค่า ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 13-11-2012 17:24:43
ทำไมไอ้พี่สิงห์เป็นคนแบบนี้ว้าาาาาาา
เกือบจะดีได้อยู่แล้วเชียว มันน่าโมโหจริงๆ
เรื่องนี้ไอ้พี่สิงห์มีความดีอยู่นิดเดียวคือที่ไม่ให้พวกไอ้ลอยร่วมวงด้วย=______=
น้องจ้อยน่าส่งสารที่สุด TT^TT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 13-11-2012 19:50:00
อ่านจบครั้งแรกคว่ำขันไอ้พี่สิงห์ไปแล้วค่า ทำขนาดนี้กับน้องจ้อย ไม่ต้องไปโทษไอ้ลอยหรือคนอื่นเลย โทษตัวเองเหอะ เลือกเชื่อแต่คนเลวๆ โกธรพี่สิงห์เต็มๆ จนคิดว่าถึงน้องจ้อยจะทำอะไรเอาคืนบ้าง ขนาดเอามีกปักอกมันสักที จะไม่ว่าน้องเลยสักคำ
ยังไงน้องก็เป็นเด็ก เป็นผู้ชาย แถมเป็นนักเรียนครูที่เรียนจบมาจะเป็นที่นับหน้า ถือตา มีเกียรติ ในสังคมสมัยนั้นมาก ที่พี่สิงห์ทำไม่เพียงทำร้ายร่างกาย แต่ทำลายจิตใจและเหยียบย่ำศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจทุกอย่างของน้อง

เฮ้อ แต่พอผ่านไปสองวัน เข้ามาอ่านที่คุณดอกไม้อธิบายเพิ่มเติม รู้ว่าน้องจ้อยจะไม่เป็นอะไรมาก ก็ใจอ่อน ให้โอกาสพี่สิงห์อีกครั้งก็ได้ เดินไปหงายขันที่คว่ำไว้ขึ้นมา แต่ครั้งสุดท้ายแล้วน้า ถ้าไอ้พี่สิงห์ยังไม่สำนึก ปรับปรุงตัว จะยึดบทพระเอกคืน จัดให้เป็นผู้ร้ายเต็มตัวแบบไอ้ลอยไปเล้ยย :angry2:

ส่วนน้องจ้อยน่าสงสารที่สุด ที่คนคิดว่าน้องจ้อยจะตายนี่คงเป็นเพราะน้องเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงออกและขี้เกรงใจคน คงไม่กล้าไปขอให้ใครช่วย หรือลุกขึ้นสู้ เรียกร้องอะไร มองๆไปก็เหมือนไม่มีที่พึ่ง ยายก็แก่เฒ่ายากจน เพื่อนฝูงครูก็เกรงใจไม่อยากรบกวน กำนันหรือคุณนายยิ่งไม่กล้าให้ช่วยใหญ่  ให้คุณดอกไม้ช่วยจ้อยละกันนะคะ สงสารน้อง
ให้จ้อยเข้มแข็ง ผ่านพ้นทุกเรื่องและยืดหยัดได้นะคะ :กอด1:

เฮ้ออออ เข้าใจเลยที่คุณดอกไม้ใช้เวลาเขียนตอนนี้นาน เราอ่านอย่างเดียว ยังพูดไม่ออก ต้องหลบไปทำใจสักพัก ถึงกลับมาเขียนเม้นได้
ยังไงก็ยังมีความหวังในพี่สิงห์-น้องจ้อยอยู่นะคะ และจะรอ วันที่ไอ้พี่สิงห์ได้กินข้าวต้มผัดของโปรด ที่น้องจ้อยตั้งใจทำให้สุดฝีมืออีกครั้งแต่อย่านานนนนเกินไปน้าค้า คนอ่าน คนเชียร์ จะขาดใจตายก่อนนน   :sad11:

ปล.ถ้าไอ้พี่สิงห์ยังไม่สำนึก อนุญาตให้จ้อยใส่ยาพิษลงข้าวต้มผัดได้นะลูก o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 13-11-2012 20:16:35
+1 ให้ค่ะ ดราม่า จิตตก กดดัน อ่านแล้วเครียด แต่ยังสนุกและจะติดตามต่อแน่นอน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 13-11-2012 20:43:55
ฮืออออออออออออออออออออ  ไอ้สิงห์มันใจร้ายที่สุด

เกลียดมันอ่ะ  เกลียดไอ้ลอยด้วย

สงสารน้องจ้อยที่สุดเลยยยยย

อยากอ่านต่อ รีบมาเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 13-11-2012 21:15:19
แนวคิดของเรื่องนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆค่ะ อ่านแล้วรู้สึกเข้าใจถึงเนื้อแท้ของนิยายมากขึ้น
คุณดอกไม้เขียนดีมากจริงๆ นับถือเลยค่ะ  เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่มีความรู้สึกว่าคำว่ารอคอยนั้นมีค่ามากเลยค่ะ แต่ละตอนนั้นช่างคุ้มค่าแก่การรอคอยจริงๆ  ได้อ่านิยายภาษางามๆแบบนี้แล้วรู้สึกดี เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนชอบฟังเพลงลูกกรุงอยู่แล้วมาอ่านเรื่องนี้อาจจะทำให้อินได้ง่ายด้วยมั้งคะ 55555 ในฐานะแฟนคลับของมหาหงส์ที่อ่านมาตั้งแต่ตอนแรก ก็จะขอยืนยันว่าจะอ่านต่อไปจนจบเล้ย  :กอด1:  รักเสมอไม่เปลี่ยนแปลง.....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: khuan ที่ 13-11-2012 21:24:31
ไม่กล้าอ่าน.....บทที่ 20 อะ เศร้าเกิ๊น...

รอเรื่องคลี่คลายก่อน ขอบทที่ 21 โลด....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 13-11-2012 22:29:39
เพิ่งรู้ความหมายของดอกมหาหงษ์ค่ะ ตรงกับจ้อยจริงๆด้วยค่ะ แต่ยังไงหวังว่าสุดท้าย จ้อยกับสิงห์จะได้พบความสุขด้วยกันนะคะ
สงสารทั้งคู่มากมายค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-11-2012 22:56:47
น้องจ้อยดีโดยเนื้อใน และคิดว่าน้องต้องกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง
ตั้งแต่เด็กจนโต ลำบากมาตลอด ถูกคนดูถูกเหยียดหยามแต่ก็มีมานะอุตสาหะ
พากเพียรร่ำเรียนหาความรู้ใส่ตัว อีกอย่างจ้อยยังมีห่วงคือยายที่แก่แล้ว คงไม่คิดตัดช่องน้อยแแต่พอตัว
จ้อยกับพี่สิงห์ต่างก็ใจตรงกัน แต่มีวิบากกรรมมาขวางกั้น ก็ได้แต่ภาวนาว่า พี่สิงห์มันยังมีบุญที่จะได้ครองรักกับจ้อยในที่สุด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ละล้าละลัง ที่ 14-11-2012 00:31:36
มาอ่านคำชี้แจงแล้ว ก็ยังสงสารน้องจ้อยอยู่ดีค่ะ
เรื่องนี้ถือว่าอินมาก
เคยได้อ่านมาว่าสิ่งหนึ่งที่จะทำให้คนมาคู่กันได้คือบุญต้องเสมอกัน
ไอ้พี่สิงห์ต้องทำบุญอย่างหนักเลยล่ะถึงจะคู่น้องจ้อยได้
ตอนนี้โกรธไอ้พี่สิงห์มากค่ะ แต่ทำไม๊ ทำไม ในใจลึกๆ ก็ยังอยากให้สมหวังกับน้องจ้อยอยู่ดี  :serius2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 14-11-2012 13:00:58

บทนี้คุณดอกไม้เขียนบรรยายได้ดีมาก...แม้ไม่มีถ้อยคำหยาบโลน
แม้เป็นเพียงแค่ฉากพระเอกที่ข่มขืนนายเอกเช่นเดียวกับนิยายเรื่องอื่นๆ
...แต่คุณดอกไม้ สามารถทำให้มันขมขื่น เจ็บปวด สวยงาม และแสนเศร้าได้
...........เป็นฉากที่อิมแพ็คความรู้สึกผู้อ่านมากๆ...ทำให้เราเข้าไปในความเจ็บปวดของน้องจ้อย
...และเดาได้ถึงความเจ็บปวดที่จะตามมาภายหลังอารมณ์ชั่ววูบ...ของคนที่ทำร้ายคนที่เรารักที่สุดได้

ยิ่งพอได้อ่านความหมายของมหาหงส์แล้ว...เรื่องนี้ยิ่งดูทรงคุณค่าขึ้นไปอีก

เป็นกำลังใจให้สร้างผลงานดีๆแบบนี้ต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 14-11-2012 16:11:36
รีบๆมาต่อนะ จะได้หลุดพ้นซะที แง้ๆๆๆ

ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา เศร้าเวอร์!!!!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 15-11-2012 22:35:39
ยังยืนยันคำเดิม สงสารพี่สิงห์
เพราะรู้ว่าน้องจ้อยเข้มแข็ง ต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้แน่ๆ
เพราะรู้ว่าน้องจ้อยใจแข็ง ต้องทำดีอีกเท่าไหร่พี่-น้องถึงพูดภาษาเดียวกัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 16-11-2012 00:12:33
โอ้ยยยยยยยย อินมาก น้ำตาไหลพรากๆๆ
สิงห์เอ้ย อนาคต เอ็งได้รับกรรมที่ก่อไว้อย่างสาสมแน่

"ดิ่งละลิ่วสู่ดินแดนแห่งการไม่อาจอภัยชั่วนิรันดร์"

หลังจากนี้ คงได้สงสารสิงห์แทนจ้อยเป็นแน่แท้  :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PRMWi ที่ 17-11-2012 01:11:30
พี่จี้ค่ะ อ่านในตอนที่น้องจ้อยโดนพี่สิงห์ขื่นใจหนูยังไม่ร้องไห้เลย แค่เสียใจ

แต่อ่านความในใจพี่ หนูร้องไห้แหล่ะ คิดภาพออกเลย
สู้ๆนะค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: อากาศใต้ผ้าห่ม ที่ 17-11-2012 03:23:33
น้องจ้อยไม่ห่วงเท่าไหร่
รู้ว่ายังไงน้องก็เป็นคนดี


แต่พี่สิงห์นี่ดิ คนดีที่เลวเพราะโง่
น่าเป็นห่วงที่สุด โอ๊ยยยยยยยยย เครียด :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 17-11-2012 14:01:49
ฤทธิ์น้ำเมาจริงๆ

ขอ  :beat: และ  :z6: พี่สิงห์นะค่ะ

ดูว่าจะลงเอยยังไง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aeka ที่ 21-11-2012 18:36:19
รักคุณดอกไม้ ชอบพี่สิงห์แบบเวอร์ชั่นโหด สงสารจ้อย คอยคุณดอกไม้มาต่อนะคับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (สืบเนื่องมาจากบทที่ ๒๐ ค่ะ^_^) [๑๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 22-11-2012 01:37:13
(http://img14.picoodle.com/i5bl/wattanan/0_c36_ucmz8.jpg)

บทที่ ๒๑

คนใจมาร

(ครึ่งแรกจ้ะ :L2:)

พอเสียทีรักนี้มันเศร้า  ทำเอาปวดร้าววิญญาณ
มีแต่ประหัตประหาร
แสนทรมานจะทนรักกันเพื่อสิ่งใด

ต่อให้เธอมาคุกเข่าเฝ้าขอคืนดี
ฉันไม่มีให้อภัย
เธอทำฉันแค้นแสนปวดใจ หมดสิ้นเยื่อใย
ขอไกลพ้นคนใจมาร*



ตะวันแทบส่องตรงหัวแล้วตอนที่สิงห์เริ่มรู้สึกตัว  แสงแดดจ้าส่องลอดช่องว่างผนังไม้ขัดแตะเป็นริ้ววงกระจัดกระจาย  ในอนุสติลางเลือน  ชายหนุ่มรู้สึกร้อนอ้าวดั่งกอดกองไฟ  แต่ไม่รู้เหตุใด  อ้อมแขนแกร่งจึงไม่ยอมคลายออกจากกองไฟนั้น
   
เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก  หวังพบต้นเหตุแห่งความร้อนรุ่มที่แผดเผาแผ่นอกเขาแทบไหม้ 

ใบหน้าคมสันซบอยู่กับกลุ่มผมชื้น  ชายหนุ่มถึงกับผงะ  ความง่วงงุนด้วยฤทธิ์สุราตกค้างหายวับไปเป็นปลิดทิ้ง  ร่างกำยำกอดรัดน้องน้อยจากด้านหลังไว้แน่นแนบอก  แทบคร่อมทับทั้งตัว  ใบหน้าซีดเซียวแนบกับผืนเสื่อ  ไรผมเปียกชื้นระต้นคอชุ่มเหงื่อ  เปลือกตาบอบบางปิดสนิท  ทิ้งรอยน้ำตาเป็นคราบบนแก้มขาว 

เนื้อตัวร้อนผ่าวดั่งไฟ! 

“จ้อย..” เสียงสั่นพร่าเปล่งออกมาจากลำคอแห้งผาก  กลิ่นคาวแปลกประหลาดอวลซ่านกระทบจมูก  ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ  ค่อยๆ ขยับกายออกจากร่างปวกเปียก  พลันนั้นหัวใจก็หล่นวูบ     

บางส่วนยังเชื่อมต่อกัน..

เสียงต่ำครางแหบเครือยามค่อยๆ ถอดถอนกายออก  ร่างในอ้อมกอดกระตุกเฮือกทั้งที่ไม่รู้สึกตัว  ของเหลวขาวขุ่นหยาดไหลตามลงมาเป็นทาง  ปนเปด้วยเลือดแดงฉาน 

เลือด.. เลือดเต็มไปหมด  เกรอะกรังเต็มหว่างขาขาว  แม้กระทั่งหน้าขาของเขา.. ก็มีแต่คราบเลือด..     

ใครทำน้อง?!


เลือดฉีดพุ่งจากเท้าถึงศีรษะ  หากฉับพลันก็หมดแรงตกวูบ


กูเอง..


ชายหนุ่มระลึกถึงเสียงกรีดร้องลางเลือนในกระท่อมคับแคบ  กระทั่งโรยลงเป็นเสียงสะอื้นไห้  ความทรงจำย้อนกลับสู่ค่ำคืนอัปยศ

สารภาพจากหัวใจมืดบอด  เมื่อคืนเขาโกรธน้องมาก  ทั้งโกรธทั้งเสียใจจนอยากขยี้ให้แหลกเหลวคามือ  อยากทำลายให้ย่อยยับคาอก  อยากยัดเยียดความเป็นเจ้าของ  ตีตราจองทั่วเรือนกาย   
   
เวลาคนเราโกรธ เสียใจ ความก้าวร้าวหยาบกระด้างผุดขึ้นได้เหมือนเปลวไฟแลบเลีย  เหมือนน้ำไหลบ่า  ซัดมา สาดมา จนไร้สติสำนึกใดๆ  ยิ่งได้ไอ้ลอยยุยง  ได้เหล้ากี่หมื่นกี่แสนหยดสาดเทลงหัวใจลุกไหม้  ก่อเกิดเป็นกองไฟร้ายแรง  แผดเผาความรักเพียงหนึ่งเดียวมอดไหม้เป็นกองเถ้าถ่าน

เพียงแต่สิงห์ไม่คิดว่าเขาจะลงมือกับน้องรุนแรงขนาดนี้

“จ้อย..” เสียงแหบพร่ายังพร่ำเรียกน้อง  แต่เจ้าตัวน้อยนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง  มีเพียงลมหายใจร้อนผ่าวและแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงช้าๆ เท่านั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าร่างนี้ยังมีลมหายใจ 

น้ำตาเดรัจฉานเอ่อท้นล้นขอบตา  หัวใจแทบแหลกสลายลงราวกับถูกใครจับแช่ในน้ำกรด  มือหยาบเทอะทะลูบไล้ไปตามใบหน้าซีดเผือด  ริมฝีปากแห้งผากไร้สีเลือด 

“จ้อย.. จ้อยของพี่..จ้อย..” คนใจชั่วยังพึมพำซ้ำๆ อย่างไร้สติ  สองแขนแกร่งตระกองกอดน้องแนบอก  นี่ใช่ฝีมือมนุษย์ทำต่อกันจริงหรือ  หรือผีห่าซาตานจากนรกขุมไหนมาสิงสู่ใจเขากันแน่  ร่างอ่อนเปลี้ยบอบช้ำไปทั้งตัว  รอยจูบแดงช้ำ  รอยฟันขบกัด  รอยมือเขียวคล้ำกระจัดกระจายทั่วเรือนร่าง  คราบเลือด.. คราบของเหลวขาวขุ่นแห้งกรังอยู่เต็มหน้าขา  หัวศอกหัวเข่าน้องถลอกปอกเปิก  โต๊ะไม้ตัวใหญ่ที่เขานั่งกินเหล้าอยู่เมื่อคืนพังพาบลงไปกองกับพื้น  ส่วนเสื่อที่รองรับร่างจ้อยอยู่ก็ขาดวิ่น  จ้อยคงดิ้นแรงจนตาเสื่อครากออกจากกัน 

ความจริง.. เมื่อคืนนี้.. มันเป็นคืนที่เราตกลงกันไว้ว่าจะไปดูหนังด้วยกันไม่ใช่หรือ  พี่วาดฝันไว้.. ไม่ว่าหนังจะสนุกแค่ไหน.. พี่ก็จะไม่จ้องให้เสียเวลา.. พี่จะจ้องแต่หน้าน้อง  จะลอบเฝ้ามองหน่วยตากลมโตที่เบิกกว้างขึ้นเมื่อตื่นเต้น  มองกลีบปากสีเรื่อที่คลี่ยิ้มสดใส  มองแก้มขาวที่เมื่อสะท้อนกับแสงจากจอผ้าใบ  มันคงนวลเปล่งปลั่งน่ามอง.. น่าหอม.. แล้วพี่จะลอบจับมือน้องในความมืด  ต่อให้น้องพยายามแกะอย่างไรพี่ก็จะไม่ปล่อย  หนังเลิกแล้วพี่จะพาน้องออกมากินข้าว  น้องชอบน้ำแดง ชอบข้าวหมูแดง พี่จะพาไปกิน  ริมฝีปากน้องคงแดงเรื่อเพียงดื่มน้ำแดงรสซ่าเข้าไปแค่ไม่กี่อึก  แล้วพี่จะพาน้องกลับบ้าน  จอดแวะชวนน้องดูดาวที่ริมบึงพระราม  ก่อนนอน.. พี่ก็จะฝากจมูกไว้เป็นเกลอแก้มน้องสักที 
   
แล้วเหตุการณ์มาจบลงแบบนี้ได้ยังไงกัน  มาจบลงที่กระท่อมโสมมนี้ได้ยังไง  ทำไมถึงเป็นแบบนี้

ใจคอฟ้าดินจะกลั่นแกล้งเราสองคนไปถึงไหนจึงจะพอใจ

อย่าเลย..อย่าโทษฟ้าดิน..

กูทำเอง  กูทำเองทั้งนั้น!


“ตื่นแล้วเรอะพี่” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง  สิงห์หันขวับ  เห็นไอ้เลิศยืนลับๆ ล่อๆ อยู่หน้ากระท่อม  ลูกพี่รีบเช็ดขอบตาร้อนผ่าวด้วยท่อนแขน 

มืออ้วนอูมยื่นซากเสื้อผ้าส่งให้  ดวงตาขลาดเขลาหลุบลงต่ำ  มันไม่เจริญหูเจริญตานักหรอกไอ้ภาพผู้ชายล่อนจ้อนสองคนกอดกันนี่  ยิ่งคนหนึ่งบอบช้ำไปทั้งตัวอย่างกับถูกรุมโทรมด้วยแล้ว..
   
ลูกพี่รับเสื้อเชิ้ตตาสก็อตที่กระดุมขาดทั้งแถบไปคลี่คลุมท่อนล่างให้ร่างในอ้อมกอด  ก่อนรีบร้อนสวมกางเกงลวกๆ ให้ตัวเองบ้าง 

“เมื่อคืน..” สิงห์หันถามลูกน้องตัวอ้วน  ดวงตาแดงก่ำจ้องหน้าเขม็ง “มีใครแตะมันบ้าง”

ถามเองแล้วก็เจ็บเอง  คำพูดตนดั่งคมมีดเฉือนลงเนื้อใจ  แต่อดคิดไปไม่ได้  ในเมื่อสภาพจ้อย.. ย่อยยับขนาดนี้..

“แตะหรือ?” คนตัวอ้วนกลอกตาคิด  แต่ละวินาทีบีบเค้นหัวใจคนรอคำตอบจนเหลือไม่ถึงเสี้ยว “ก็ทุกคนแหละ..”
   
มันตอบประสาซื่อ  หารู้ไม่  หัวใจคนฟังแทบป่นลงตรงนั้น 

ลูกพี่ตัวชาวาบจากปลายเท้าขึ้นมาถึงเส้นผม  กำหมัดเกร็งแน่นสั่นสะท้าน  ดวงตาแดงก่ำไหวระริก 

“พี่สิงห์.. พี่ลอย..” มันยกนิ้วขึ้นนับไปเรื่อย  ปากก็พูดเจื้อย “ไอ้หมาน ฉันด้วย  แตะกันหมด..โอ๊ย!”

กำปั้นแข็งโกกกระแทกเข้ามุมปาก  แรงจนก้อนเนื้อเผละผละกระเด็นล้มคว่ำ  ไม่พูดพร่ำทำเพลง  ไม่ทันได้แก้ตัว  ร่างบึกบึนก็โถมเข้าใส่  รัวกำปั้นใส่หน้าไม่ยั้ง  แววตาดั่งหมาบ้ากระหายเลือด 

“พี่สิงห์ โอ๊ย! อย่าพี่!” ไอ้เลิศปัดป้องพัลวัน  ลูกพี่คล้ายคนบ้าคลั่ง  ในแววตาดั่งหมาบ้านั้นเอ่อท้นด้วยหยาดน้ำใส 

“มึงทำมันทำไม!” เสียงห้าวตะคอกสุดเสียง  มือแกร่งกระชากคอเสื้อเบี้ยล่างขึ้นเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน  พอเงื้อง่ากำปั้นอีกที  คนใจเสาะก็ยกมือป้องหัวหด 

“ฉะ..ฉันแค่แตะเท้ามัน..แป๊บเดียว” มันปากคอสั่นพั่บ “พี่ลอยจับแขน  ไอ้หมานจับขา  ให้พี่เอามัน..”

สิงห์ชะงักหมัด  ไอ้เลิศยังปิดตาละล่ำละลัก “คนอื่นแค่แตะ  มีพี่เอามันคนเดียว  ฉัน..ฉันแทบไม่ได้แตะด้วยซ้ำ”
   
ชายหนุ่มไม่เคยนึกชังความโง่ของลูกน้องตัวอ้วนเท่าครั้งนี้  ขืนมันอธิบายช้ากว่านี้อีกหน่อย  ได้ตายคาตีนเขาแน่  แล้วรายต่อไปก็คือไอ้ลอย ไอ้หมาน!

“ไอ้ควายเอ๊ย!” ทำกูใจหายหมด  ลูกพี่ยันโครมเข้าไปทีจนมันหงายหลังอีกรอบ  ถอนใจโล่งอก  หากบางอย่างแล่นวาบเข้าเสียดใจ     

โล่งหรือ?  โล่งอกหาเหี้ยอะไรไอ้สิงห์

ในเมื่อสิ่งที่มึงทำ  ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์นรก  ยังมีหน้ามาโล่งใจที่น้องตกเป็นของมึง  เพราะถูกมึงบังคับขืนใจทำลายเสียย่อยยับคามือแบบนี้อีกหรือ?! 

คนตัวโตปรูดไปหาร่างที่นอนนิ่ง  มือใหญ่วางบนหน้าผาก  ใจหายเมื่อพบว่ามันร้อนเป็นไฟ  นักเลงโตผู้กล้าแกร่งถึงกับเงอะงะทำอะไรไม่ถูก  กลัวว่าแตะเพียงนิด  ร่างน้อยนี้จะแหลกสลายลงต่อหน้า  เดือดร้อนไอ้เลิศต้องเอาเสื้อลูกพี่ไปชุบน้ำคลองก่อนบิดหมาดมายื่นส่งให้  สิงห์รับมาเช็ดไปตามเนื้อตัวบอบบางมอมแมมอย่างถนอมสุดหัวใจ

ราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อคืน

คราบเลือดที่หน้าขามากมายจนคนตุ๊ต๊ะต้องวิ่งไปกลับกระท่อม-ท่าน้ำ ๔-๕ รอบ  คราบเลือด คราบคาว คราบดินแปดเปื้อนถูกเช็ดออกไปหมด  เหลือเพียงรอยช้ำเป็นจ้ำเกลื่อนผิวขาวซีด

เพียง ๓-๔ วัน  ร่องรอยพวกนั้นก็จางหาย  แต่รอยแผลที่ใจน้องเล่า  กี่เดือน..กี่ปี..จะเลือนลบ

เช็ดตัวก็แล้ว  แต่ความร้อนไม่ได้บรรเทาลงเลย  ไม่แม้แต่จะรู้สึกตัวตื่นด้วยซ้ำ  สิงห์ยิ่งใจสั่น  ใส่เสื้อผ้าให้น้องอย่างเบามือ  ชุดเดิมที่น้องใส่มาตามเขาที่โรงเหล้าเมื่อคืน  ชุดเดียวกับที่เขาฉีกกระชากจนขาดควากออก  กางเกงขาสั้นสีกากีมีรอยขาดแถวเอว  ส่วนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนตัวใหม่.. สภาพไม่ต่างอะไรกับผ้าขี้ริ้ว  หากเป็นผ้าขี้ริ้วเปื้อนเลือด

สิงห์กอดร่างย่อยยับไว้แนบอก  โยกโคลงไปมา  ขอบตาร้อนผ่าว  กดจูบย้ำซ้ำๆ บนหน้าผากร้อนจัด  พร่ำพูดคำเดิมเวียนวน   

“พี่ขอโทษ.. พี่ขอโทษ..”

ไอ้เลิศหน้าสลด  นั่งซึมเป็นหมูหงอย  มันไม่ได้ญาติดีกับนักเรียนครูจอมอวดเก่งนักหรอก  ออกจะเป็นอริกันด้วยซ้ำ  เวลาพี่ลอยแซวแล้วถูกตอกกลับจนหน้าม้าน  มันเคยนึกอยากโดดชกปากไอ้จ้อยแทนลูกพี่ด้วยซ้ำ  แต่พอเห็นเด็กหนุ่มตัวเท่าลูกหมา ผอมบางกล้องแกล้งมาตกอยู่ในสภาพนี้  มันอดสะท้อนใจไม่ได้ 

อย่างน้อย.. ก็คนเคยเห็นกันตั้งแต่เด็ก..

“กูจะพามันไปหาหมอ” เสียงห้าวดังขึ้นปลุกไอ้เลิศสะดุ้งจากภวังค์  เงยหน้าขึ้นเห็นหัวหน้าอันธพาลช้อนร่างปวกเปียกขึ้นอุ้มทะนุถนอม 

“พี่..พี่สิงห์..” มันว่าละล่ำละลัก  หน้าซีดเป็นหมูต้ม “จะดีเรอะพี่”

“มึงไปเอาเรือมา” สิงห์ไม่ฟังคำทัดทานใด  อุ้มคนเจ็บเดินอาดออกนอกกระท่อม  ตะวันลงตรงหัว  แดดจัดจนต้องหยีตา 

“เกิดหมอสาวมาถึงเรา  จะซวยกันหมดนะพี่” ไอ้เลิศวิ่งตามตุบตับ  ตีหน้าเลิ่กลั่กร้อนรนปนขลาดเขลา  หากลูกพี่ไม่แยแส  สายตาจดจ่ออยู่แต่กับร่างในอ้อมแขน  เฝ้าประคับประคองให้พ้นไอแดดจ้า  ก้าวยาวๆ ไปยังตีนท่าไม่รอช้า   

“พี่สิงห์!  ถ้ามันแจ้งตำรวจเอาพี่เข้าคุกล่ะ!” สมุนตัวอ้วนยังไม่ละความพยายาม  ปรูดมาขวางไว้ทั้งตัว  นักเลงโตรำคาญเต็มที  มือไม่ว่างจึงยกเท้ายันโครมเข้าให้  สองแขนยังกอดร่างร้อนผ่าวกระชับแนบอก  นัยน์ตาขุ่นขวางจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง  ก่อนเอ่ยวาจาประกาศิต   

“มันเป็นเมียกู!” สิงห์พูดไม่กะพริบตา  เพราะหากกะพริบเพียงครั้งเดียว  หยาดน้ำที่เอ่อท้นคงร่วงหล่นประจานความอ่อนแอต่อหน้าลูกน้อง “กูจะปล่อยให้เมียตายต่อหน้าไม่ได้!” 

********************


แวะมาอัพจึ๋งนึงค่ะ แหะๆ  :o8:

รักคนอ่านเหมือนถ่านรักขี้เถ้า

ดอกไม้

๒๒ พ.ย. ๕๕

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ryokijung ที่ 22-11-2012 01:50:10
แบบนี้เหมือนตบหัวแล้วลูบหลังเลยเนอะ  :angry2:
คิดว่าจ้อยคงไม่ใจอ่อนหรอก ชิส์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-11-2012 01:59:32
เจ็บทั้งคนทำ และคนถูกทำ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: special ที่ 22-11-2012 02:01:39
พี่สิงห์กว่าพี่จะรู้สึกตัวก็เมื่อเช้า
พี่ทำร้ายน้องจ้อยของพี่ไปแล้ว
ต่อจากนี้สภาพจิตใจจ้อยและสิงห์คงแย่ไม่ต่างกัน ฮืออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 22-11-2012 02:03:06
ทำดียังไงจะชดเชยสิ่งที่ทำลงไปได้หรอพี่สิงห์ ฮือออ สงสารจ้อย :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: อากาศใต้ผ้าห่ม ที่ 22-11-2012 02:50:42
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก  :o12:
พี่สิงงงงงงงงงห์ จะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย
ฉันละกลุ้มปานกับว่าตัวเองเป็นผู้ช่วยพี่สิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 22-11-2012 03:16:55
สงสารทั้งสิงห์ทั้งจ้อย มันมีปัจจัยภายนอกหลายอย่างที่ทำให้สิงห์กับจ้อยปฏิบัติตัวต่อกันดีๆไม่ได้ เช่นพวกไอ้ลอย หรือแม่ของสิงห์เป็นต้น ถ้าไม่มีคนพวกนี้ป่านนี้แฮปปี้ไปนานแล้ว

เข้าใจอารมณ์พี่สิงห์ ถึงจะรังแกน้องยังไง แต่ก็รักน้องมาก ดูท่าพร้อมจะชดใช้ให้จ้อยแล้วหลังจากนี้ เพียงแต่จ้อยจะยอมรับรึเปล่า  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 22-11-2012 04:38:48
ฮือ...อ

อ่านไม่จบอ่ะ ได้แค่ 4 บรรทัด
พ่อสิงห์ของแม่ ถูกประนามว่า คนชั่ว เดรัจฉาน
ใจอิแม่จะขาดแล้วพ่อเอ้ย
(แล้วไม่ห่วงพ่อจ้อยบ้างเลยเหรอ ไ้ด้ยินเสียงแม่ดอกไม้ตะโกนถาม)

ชะรอย พ่อจ้อยของแม่ คงเป็นลูกเมียน้อย แม่ดอกไม้แกถึงได้รังแกมาหลายบทแล้ว

พ่อจ้อย แม่สิงห์ เอาไว้แม่แข็งแรงมากกว่านี้นะพ่อ แม่จะมาดูแลพวกหนูต่อ

ตอนนี้แม่ขอยกชายผ้าซิ่นซับน้ำตา  แล้วรีบถลาไปซบอกพ่อลอย
แอบพกมีดไปแทงให้มันขาดใจคามือแม่ด้วยแล้วพ่อ

ฮือ...อ แม่ดอกไม้ใจร้าย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 22-11-2012 05:06:31
สงสารจ้อยจริงๆ
จะทำยังไงต่อละสิงห์คราวนี้ถ้าจ้อยฟื้นขึ้นมา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 22-11-2012 06:41:09
พี่สิงห์ พระเอกมาก  มากจนมองไม่เห็นว่าทำร้ายน้องจ้อยมากแค่ไหน

สาธุขอให้ชาวบ้านรู้  ให้รับผิดชอบนัองจ้อย


คิดถึงคุณชายเล็กจัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 22-11-2012 06:44:15
ทีนี้ก็มาลุ้นกันว่า เมียพี่สิงห์จะยอมให้อภัยเมื่อไหร่  :o11:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 22-11-2012 07:17:04
อ่านแล้วน้ำตาไหล
สงสารจ้อย ต่อให้สิงห์รู้สึกผิดแค่ไหนก็ตาม
รอครึ่งหลังค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 22-11-2012 07:24:24
จ้อยจะรู้สึกยังไงเนี่ย
พี่สิงห์ทำกับจ้อยขนาดนี้ ....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 22-11-2012 07:35:35
พูดคำว่าเมียได้เต็มปากเลยนะ
แต่พอจ้อยตื่นมาจะยอกรับหรอค่ะ คำว่า "เมีย" อ่ะ

ตอนนี้อ่านแล้วหดหู่ไงชอบกลแหะ  :o11:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 22-11-2012 07:46:22
อ๊าาาก รักนี้ทรมานจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: popeye ที่ 22-11-2012 07:56:47
มารอลุ้นว่าน้องจ้อยจะใจอ่อนเมื่อไร
พี่สิงห์ รีบทำตัวเองให้ดีๆเพื่อน้องนะ


,
,,
ปล. คิดถึงคุณชายเล็กค่ะ ♥
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 22-11-2012 07:58:32
ฮือออออ สงสารรร :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 22-11-2012 08:07:47
เพิ่งมาทราบว่ามีคำชี้แจงด้วย 555
เราไม่มีปัญหากะความรุนแรงที่เกิดขึ้นนะ เพราะ มันสมูท ตามเรื่องราวที่ควรจะเป็นขอวตัวละคร

สำหรับตอนนี้ สั้นมากกกกกกกก ค้างด้วย ครึ่งหลัง ไม่ต้องเอาคุณชายนะ เอาน้องจ้อยเนี่ยแหละ
คุณชายแกโอเคแระ ปล่อยคู่นั้นไป
ลุ้นคู่น้องจ้อยดีกว่า
ส่วน ไอ้เชี่ยลอย 
ให้เมิงเจ็บมากกว่าที่สิงห์และจ้อยเจ็บ สะใจแท้ !!!!
ขออนุญาตที่หยาบคาย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 22-11-2012 08:25:57
ผลของการทำอะไรไม่คิด เมาหัวราน้ำจนขาดสติ
เตรียมรับบทลงโทษจากต้อยได้เลยไอ้พี่สิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Aon ที่ 22-11-2012 08:34:59
แค่เพราะอารมณ์ชั่ววูบแท้ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: treerat002 ที่ 22-11-2012 09:10:24
ส่วนตัวเราเอ็นดูสิงห์นะ แต่ครั้งนี้ (อันที่จริงมันก็เกือบทุกครั้ง) เอ็งผิดจริง ๆ

จ้อยเองพอฟื้นมาก็คงจะโกรธเกลียดซะยิ่งกว่าเดิม.....เฮ้อ~

รอตอนต่อไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 22-11-2012 09:12:05

อารมณ์ยังเหมือนเดิม
ยังคงคิดเหมือนตอนที่แล้ว ยิ่งกว่าการฆ่า..
ตายไปซะยังดีกว่ายังมีชีวิตอยู่แล้วเจอกับความโหดร้ายแบบนี้
ถึงพี่สิงห์จะยอมรับผิด ถึงจะสงสาร
แต่ขอสงสารน้องมากกว่าแล้วกัน 

อยากรู้ว่าจ้อยฟื้นมาแล้วจะเป็นยังไง
เดาไม่ถูกเลย (ไม่กล้าเดาด้วยแหละ)
รออ่านตอนต่อไปค่ะคุณดอกไม้
ขอตัววิ่งไปร้องไห้ก่อน  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nutjisub ที่ 22-11-2012 09:23:53
เพิ่งได้มีโอกาสมาอ่านเรื่องนี้  สนุกมาก เป็นงานเขียนที่ใช้ภาษาสวยงาม บรรยายได้นึกภาพตามได้ อ่านแล้วประทับใจ ซาบซึ้งใจ เศร้าใจ อึดอัดใจ สงสารน้องจ้อย มาก ๆๆ  ร้องให้จนตาบวมเลย 
ขอบคุณคนเขียนมาก ๆๆ ที่แต่งเรื่องดี ๆ มาให้อ่าน รบกวนช่วยแต่งให้จบด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 22-11-2012 09:29:51
สิงห์กว่าจะได้สตินะว่าทำอะไรลงไป ทำอะไรใช้แต่อารมณ์จริง ๆ แล้วทีนี้ทำไง สงสารสิงห์นะแค่เห็นสภาพจ้อยสิงห์ก็แย่แบบนี้แล้ว แล้วถ้าจ้อยได้สติขึ้นมาไม่รู้ว่าจ้อยจะืทำยังไงกับสิงห์จะพูดอะไรกับสิงห์ ถึงตอนนั้นเกรงว่าสิงห์คงจะต้องเสียใจมากกว่านี้แน่ ๆ เลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pie_handsome ที่ 22-11-2012 09:41:45
สนุกที่สุดอะ!!!
พี่สิงห์น่ารักมากกกกกกก
อยากให้สองคนนี้ดีกันไวๆ จัง TT
คนเขียนรีบมาอัพไวๆ นะครับ
คนอ่านจะลงแดงอยู่แล้ววววววว

พี่นักเขียนฟิตๆ สู้ๆ ไฟท์ๆ มาอัพไวๆ นะ!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 22-11-2012 10:40:50
จะเอาน้ำแดงมาง้ออีกมั้ย พี่สิงห์ :m29:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 22-11-2012 10:52:22
เฮ้อออออออออออออออ ยังดีนะที่สิงห์สำนึกผิดแล้วก็คิดได้แบบนี้น่ะ

ต่อไปนี้สิงห์ก็ดูแลจ้อยให้ดีๆ แล้วก็เลิกคบกะไอ้เพื่อนเลวๆพวกนั้นได้แล้ว

ถึงแม้จ้อยจะไม่ให้อภัยง่ายๆ แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นเวลาที่สิงห์จะได้พิสูจน์ตัวเองนะ

ต่อให้น้องจะโกรธ จะเกลียด จะเย็นชา หรือร้ายใส่แค่ไหน มันก็สมควรแล้ว เพราะสิ่งที่สิงห์ทำมันร้ายแรงจริงๆ

รัก ปกป้อง ดูแล เอาใจใส่น้องให้มากๆ ค่อยๆประคับประคอง รักษา เยียวยาแผลในใจของน้องนะสิงห์นะ

เอาใจช่วย ให้ทั้งสองคนเข้าใจกันได้โดยเร็ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tankungza ที่ 22-11-2012 10:53:14
ในที่สุกก็ตามทัน :mc4: :mc4:
จะเป็นยังไงต่อเนี้ยลุ้นๆกลัวน้องจะไม่ให้อภัยพี่กลังเกียดไปมากกว่านี้ :z3: :o12:
ไอ้ลอยมึงไปตายซะ :z6: :beat:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: GoodboyNicky ที่ 22-11-2012 11:01:26
สมับที่รอคอยมานานรึป่าว ? สงสารใครดีน่ะ ใจหนึ่งก็ดีใจที่สองคนเป็นของกันและกัน แต่ถ้าจ้อยฟื้นขึ้นมาล่ะจะเป็นยังไงเจ็บตับไว้รอต้มมาม่าไว้เลยจ้า สู้ๆน่ะดอกไม้เอาใจช่วย  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 22-11-2012 11:11:16
เฮ้อ สิงห์เอ๊ย จะโทษเหตุการณ์ โทษเหล้า โทษไอ้ลอย ก็ย่อมได้
แต่ที่สำคัญ คือใจเอ็ง ที่ไม่ยอมควบคุมไว้ ปล่อยตนไหลลงตามอารมณ์ชั่ว
บทเรียนนี้แพงนัก คงต้องชดใช้อย่างสาหัส
แล้วก็เลิกคบเหล้ากับไอ้ลอยซะ เลิกวู่วามด้วย

บวกๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kwangun ที่ 22-11-2012 11:42:12
หมดหวังกับคู่นี้เลย  :z3:  ไม่ลงเอยก็รับได้นะ คุณดอกไม้เขียนดีมากกกกกก
ทำให้เรารู้สึกว่ามันเกินไปที่คนรักกันจะทำกันแบบนี้ ลาก่อนพ่อสิงห์ อยากให้จ้อยได้เป็นมหาหงส์ที่ชูช่อสวยงามซะที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 22-11-2012 14:00:31
พาจ้อยไปหาหมอไป๊ โกรธพี่สิงห์ วิ่งหนีไปร้องให้หลังตุ่ม  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 22-11-2012 14:03:51
น้องไม่สบายต้องพาไปหาหมอหนะถูกแล้ว...รีบเลยพี่สิงห์
ไม่รู้ว่าจ้อยตื่นมาแล้วจะเป็นยังไง...แค่คิดก็เศร้าแล้วคะ...T_T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 22-11-2012 14:28:11
T_____T
พูดไม่ออกเลยจริงๆ
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ถ้าจ้อยฟื้นมันจะเกิดไรขึ้นมั่งนะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 22-11-2012 15:44:36
ทำไงดีล่ะ เริ่มสงสารสิงห์ซะแล้วสิ
เห็นอนาคตสิงห์รำไร เฮ้ออออ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 22-11-2012 16:33:46
สงสารจ้อยมากกกกก

อยากให้ลอยโดนจัดหนักสักที ยุเรื่องเลวๆ ละเก่งนัก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 22-11-2012 18:05:41
เป็นนิยายที่โคตรเศร้าที่สุดในเล้าเป็ดค่ะตอนนี้  :monkeysad: อ่านทีไร ถอนใจเฮือก เศร้าสลดคอตกทุกที
สิงห์มาสำนึกตอนนี้ไม่ทันแล้ว เหล้ากับคำยุพาให้ไร้สติ ย้อนกลับคืนมาไม่ได้
คือถ้าสิงห์มีสติจะไม่เป็นแบบนี้ สิ่งที่สิงห์นึกถึงที่อยากทำกับน้องพาน้องไปดูหนัง
ไปเดินเล่นโน่นนี่พออ่านยิ่งสะท้อนใจมาก เสียใจที่ต้องมาเป็นแบบนี้
เหตุการณ์นี้จะพาสติมาอยู่กับตัวสิงห์มากขึ้นมั้ย ถ้าคิดไม่ได้คราวนี้ก็ไม่ไหวแล้วนะ
เพราะเมื่อจ้อยฟื้นก็เหมือนนรกสำหรับสิงห์แน่ ๆ รับกรรมไปซะเถอะ สงสารสิงห์นะ
แต่สงสารจ้อยมากกว่ามากกกกกกกกกกกกกกก 
น้องจ้อยของคนอ่านช้ำไปทั้งตัวเลย ฮือๆๆๆ  :m15:  :m15:

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 22-11-2012 19:01:17
พี่สิงห์สำนึกผิดช้าไปน่ะค่ะ :z6:
สงสารครู  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 22-11-2012 19:07:37
“มันเป็นเมียกู!” , “กูจะปล่อยให้เมียตายต่อหน้าไม่ได้!” 

ชอบจังคำพูดพี่สิงห์

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 22-11-2012 20:36:40
เศร้าใจแทนทั้งสองคนจริง ๆ

มาถึงขนาดนี้แล้วสิงห์จะยังคบไอ้ลอยต่ออีกมั้ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 22-11-2012 20:57:54
คงต้องรอให้จ้อยตื่นมาซะก่อน
คิดว่าจ้อยคงไม่อยากอยู่เห็นหน้าสิงห์เเน่ๆ
แต่สิงห์คงจะบังคับ
ถึงตอนนั้นสิงห์ควรทำตามใจตัวเองเสียที
เเม้มันอาจไม่ทันเเล้วก็ตาม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 22-11-2012 21:07:14
พูดยากนะที่จะให้กลับมารักคนที่ข่มขืนตัวได้ใหม่อีกครั้งน่ะ :m15:

สิงห์แย่แน่ๆงานนี้ จ้อยตัวเล็กแต่ใจเด็ดนะ

ไม่งั้นจะจำฝังใจได้ไงว่าสิงห์เคยบอกเกลียดตัวน่ะ มันนานมากนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ละล้าละลัง ที่ 22-11-2012 21:39:47
ไอ้พี่สีงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
อยากจะกระโดดถีบให้ขี้เถ้าออกจากปากนัก ฮึ่ยๆๆ  :z6:
มารู้สึกตัวอะไรเอาตอนนี้ มาบอกอะไรเอาตอนนี้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 22-11-2012 21:52:57
เฮ้อ....ไม่รู้ว่าสิงห์ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ในการรักษาแผลใจของจ้อยนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 22-11-2012 22:16:19
.....ที่พี่สิงห์ ทำไปก็เพราะความมึนเมา ตัณหา แต่พี่ก็รักน้องจ้อยนะ...... แอร๊กกกกกกกกกกก ฟิน!!!  :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kai_kaka ที่ 22-11-2012 23:00:09
โอ๊ยลุ้นจนตับไตไส้พุ้งเกร็ง  :sad3:  แต่มานิดเดียว :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: smileiiz ที่ 23-11-2012 01:35:02
อธิบาย บ่ ถูกจร้า  :a5: o22 :เฮ้อ: :z2: :z10: :impress2:   :angry2: ผสมปนเปกันไปหม๊ดดดด

รักพี่จ้อยน้องสิงห์ เอ้ย!! พี่สิงห์น้องจร้า นะเคอะ ;)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Airongkun ที่ 23-11-2012 08:46:43
กว่าเราจะรักกันได้ รู้ไหมยากเย็นยิ่งเอย
จนกว่าจะได้ชมเชย เคียงเขนยสมดังฤทัย
ต้องคอยถนอมรักอยู่ ชื่นชู้สู้ออมจิตใจ
แม้มีอุปสรรคใด กั้นไว้คงทลายลง

แล้วเธอมาโกรธเคืองฉัน ทุกวันคอยเฝ้าพะวง
ผิดนิดเดียว เธอตัดได้ลงหรือน้ำใจ

น้องจ้อยยยยยยยยยยยยยยยยยย ผิดนิดเดียวจริงๆ ผิดที่บอกว่ารักช้าไป
ไอ้สิงห์ ไอ้คนใจชั่ววววววววววววววว ไม่รอฟังน้องเลย ไปตายซะไป งืออออออๆๆๆๆๆ

คุณดอกไม้เขียนดีจริงๆ เพิ่งจะได้อ่าน แล้วก็คิดว่าเราพลาดนิยายดีๆ อย่างนี้ไปได้ยังไงตั้งนาน
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 23-11-2012 19:51:57
สงสารน้องจังเลย

แต่น้องจ้อยอย่าโกรธพี่สิงห์นานเลยนะ  พี่เค้าไม่ได้ตั้งใจ

ก็เค้าอยากให้ดีกันเร็วอ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 23-11-2012 20:11:25
โฮ............อยากบอกว่าเราสงสารสิงห์มากกว่าจ้อยอีกอ่ะ เพราะต่อไปคงเจ็บมากที่จะถูกคนที่รักเกลียด วิธีแก้ปมของสิงห์และจ้อยที่จริงแก้ง่ายมากเพียงแค่สิงห์ซื่อตรงต่อหัวใจตัวเอง บอกออกไปให้น้องได้รู้ และทำในสิ่งที่ใจต้องการให้น้องได้สัมผัสว่าสิงห์รักน้องจริงๆ

แต่นั่นคงเป็นเมื่อก่อน หลังจากนี้ไม่อยากคิดเลยว่าต้องทำอย่างไรจ้อยถึงจะใจอ่อน นอกจากพิสูจน์ให้น้องเชื่อจริงๆว่ารักน้อง แถมมีเรื่องแม่สิงห์อีก ถ้ารู้เรื่องเข้าจ้อยจะเป็นไงเนี่ย เฮ้อ....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: The_Beggar ที่ 23-11-2012 21:32:45
สงสาร้อยมากเลยเค่อะ :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MelodyKJJ ที่ 23-11-2012 21:52:55
 :sad4: เมื่อวานเน็ตเล่นไม่ได้ เลยได้มาอ่านวันนี้เลย แบบว่า รอคอยมากจริงๆง่ะ ในเล้าเหลือไม่กี่เรื่อง
แล้วจริงๆครับที่ตามอยู่ ดีใจมากๆอัพแล้ว แต่อีกใจก็แบบจะเป็นยังไงว้าาาา สุดท้ายคนทำก็ยอมรับผิด
แต่ก็นะ ถ้าให้อภัยกันได้ง่ายๆ ก็คงทำกันไปเยอะแล้วล่ะ ทำกับน้องซะขนาดนั้น บรรยายได้เห็นภาพแบบ
สุดยอดมากๆครับ คุณดอกไม้  :o8: แบบว่า แต่งดีสุดๆเลยครับ เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว ก็ได้เห็น
พัฒนาการทั้งตัวเรื่องเอง และก็ตัวละครเอง หวังว่าครึ่งหลังจ้อยจะฟื้นแล้วนะครับ ตอนนี้ก็ยังรู้สึกทรมานใจ
น้อยกว่าตอนที่แล้วล่ะนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าครึ่งหลังจะเป็นยังไงนี่สิ เดาไม่ออก และไม่อยากเดาเลยจริงๆ สำหรับเรื่องนี้ :laugh:
มาต่อไวๆนะคร๊าบบบบ คนรออ่านเยอะมากกกกกกกก 55555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 24-11-2012 02:09:19
หายไปนานเลยค่ะ คิดถึงเรื่องนี้มากกกกกกกก
ก็หอเน็ตไม่ดีเอาเสียเลย อดเข้าเล่าตั้งหลายเดือน!

อ่านถึงตอนนี้แล้วมันหน่วงที่ใจไม่หายเลยค่ะ
สงสารใครดี? จ้อย พี่สิงห์? เฮ้ออออ
แค่อารมณ์ ความหึงหวง อะไรหลายๆ อย่างก็ทำให้ผลของมันออกมาเป็นแบบนี้ได้
กว่าจะรู้ตัวมันก็สายเกินไปนะพี่สิงห์
ความรู้สึกน้องน่ะมันจะเอากลับมาเหมือนเดิมได้แล้วหรอ?
สงสารจ้อยจับใจ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zitraphat ที่ 24-11-2012 17:40:33
ชอบ ความละมุน แต่เกลียดรสขื่นขมคอ... :L2:

แอบเพ้อว่าสิงห์ไม่ใช่ลูกพ่อกำนันแต่เป็น ลูกแม่กับเสือที่เคยมาดักฉุดแม่ของจ้อย

ส่วนจ้อยกับจินดาต่างหากที่เป็นลูกพ่อกำนันตัวจริง   :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 25-11-2012 00:25:18
เบนแอบอิ้งๆ สิงห์อยู่เหมือนกัน

พี่ห่าซาตาน ที่ไหนมันเข้าสิง หน้อ ถึงได้ทำกันถึงเพียงนี้

ชาติทั้งชาติยังไม่รู้เลยว่าจะให้อภัยกันได้หรือเปล่า

แล้วต่อไป จะมองหน้าน้องยังไง

แล้วน้องจะอยู่ยังไง

เอ็งเคยคิดบ้างมั้ยย


เอาเถอะไหนๆก็ไหนๆแล้ว หลังจากนี้ก็เอ็นดุน้องหน่อยละกัน

โธ่ มันน่านัก

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 25-11-2012 06:17:31
อ่านจนทันเกือบตาย

สนุกดี เพิ่งได้อ่าน

ลอยเลวได้ใจจิงๆ สิงจัดลูกน้องเอาลอยสักทีสิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aeka ที่ 25-11-2012 16:02:06
สนุกมาก อย่างงี้น้องจ้อยต้องเอาคืนให้สาสม
ยังคอยติดตามอ่านอยู่น้า คุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 28-11-2012 16:42:20
พี่สิงห์จะไถ่โทษหมดมั้ยเนี่ย
สภาพจ้อยน่าสงสารมากจิงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 28-11-2012 18:06:56
ไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์ต่อไป พลาดซะแล้วสิงห์เอ๊ย :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 28-11-2012 23:12:26
พี่สิงห์เอ๋ยกว่าจะรู้ตัวได้สติก็สายไปเสียแล้ว
สงสารน้องจ้อยที่สุด :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 30-11-2012 06:33:37
อ่านรวดเดียวเลย ยี่สิบเอ็ดตอน ณ จุดนี้บอกก่อนค่ะว่าชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
เคยเห็นชื่อเรื่องมาพักนึงแล้วแต่ไม่ได้เข้ามาอ่านเพราะมันแปลก ๆ แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้หลงเข้ามาได้
แล้วก็หลงจริง ๆ ลืมเรื่องอื่นที่้อ่านค้างไว้หมดเลยอ่านเรื่องนี้เรื่องเดียว จำไม่ได้ว่าอ่านกี่วันแต่อ่านตลอด (ได้แต่เช้ากับก่อนนอนเพราะต้องทำงานค่ะ) รักทุกตัวละครยกเว้นได้ลอยดูเลี้ยงไม่ซื่อ พร้อมจะลอบกัดทุกคนกระทั่งสิงห์
แต่จะิพิศวาสพี่สิงห์เป็นพิเศษค่ะ เนื้อแท้เป็นคนดีแต่เพราะไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ไม่รู้จักวิธีแสดงออก แต่นั่นเขาเรียกว่าซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง น้องจ้อยน่ารักมากอยากเอามาดูเล่น (น่ารัก) แต่ถ้าบรรยายถึงจินดาทีไรน้ำตาไหลเสียทุกที เห็นถึงความทุกข์ยากของเขา
ผู้ชายตัวเล็กแต่ต้องทำงานหนัก ดายหญ้าตัดอ้อย น่าสงสารมาก ใจจริงไม่อยากให้ตาย แต่ถ้าไม่ตายเลอมานก็ไม่ได้ออกมาหาอาจารย์คนึง อีกอย่างที่ทำให้รักเรื่องนี้คือภาษาค่ะ สละสลวยอ่านแล้วไหลลื่นไม่ติดขัด และชอบบรรยากาศย้อนยุคมันคลาสสิค(พอดีข่วงนี้ติดเพลงลูกกรุงด้วยเข้ากัน)
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะคะ หากมีรวมเล่มจะอุดหนุนทันทีค่ะ ป.ล.ตอนนี้ให้แม่หาดอกมหาหงส์มาปลูกแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 30-11-2012 18:57:22
ไม่มีคำบรรยายใดๆๆ นอกว่าเครียดและทุกข์ทรมาน
คนเขียนช่างเขียนได้ซะ อ่านจนปวดหัวไปหมด
ขอตัวกินยาคลายเครียด เครียดเกินไปหรือเปล่าครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 02-12-2012 13:21:27
รอด้วยใจจดจ่ออออออออออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aeka ที่ 02-12-2012 21:06:38
ยังรอผลงานดีๆ ที่น่าประทับใจของคุณดอกไม้อยู่น้า
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ ถึงตอนต่อไป
ขอบคุรสำหรับนิยายดีๆน้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MelodyKJJ ที่ 02-12-2012 22:30:10
 :z3: :z3: :z3: ไปค่ายเพิ่งกลับมา มหาหงส์ก็ยังไม่อัพพพพพพพ T T ได้โปรดอัพเถอะน้าาาาา
คุณดอกไม้  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งแรกค่ะ^_^) [๒๒/๑๑/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 03-12-2012 07:13:32
ครึ่งแรกหลายวันแล้วนะ  มาต่อตอนใหม่แล้วได้อ่ะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 04-12-2012 00:36:44
บทที่ ๒๑

คนใจมาร

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)   



สถานีอนามัยคลองสระบัวแทบแตกตื่นเมื่ออยู่ๆ ก็มีนักเลงโตอุ้มคนเจ็บวิ่งขึ้นบันไดมาจนอาคารไม้แทบสะเทือน  ในสภาพดูไม่ได้ทั้งคู่ 
   
“ช่วยทีหมอ” คนพามายืนหอบหนักจนแผ่นอกเปลือยกระเพื่อมถี่  เม็ดเหงื่อผุดเต็มใบหน้าคมสันที่ดูอิดโรย  ผมเผ้ายุ่งกระเซิง  รอยเล็บข่วนเต็มหน้า  กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่โชยหึ่งจนบางคนต้องลอบอุดจมูก 
   
พยาบาลวิชาชีพแต่ชาวบ้านมักเรียกกันว่าหมออนามัยยืนนิ่ง  ดวงตาคู่สวยมองคนเจ็บอย่างตะลึงไป  หนุ่มน้อยตัวบางนอนระทดระทวยอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง  ถูกห่อร่างไว้ด้วยผ้าผวยสีหม่น  หน้าซีดแทบไร้สีเลือด  แขนอ่อนเปลี้ยตกห้อยอยู่ข้างตัว  มองปราดเดียวก็รู้ว่าอันธพาลตัวเขื่องประจำตำบลไปก่อเรื่องทำร้ายร่างกายใครมาอีก 
   
แต่มันน่าแปลกตรงที่ผู้ร้ายที่ไหนจะอุ้มเหยื่อกระชับแนบอกอย่างหวงแหนปานนี้ 

การรักษาพยาบาลเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว  สิงห์วางร่างน้อยลงบนเตียงคนไข้อย่างทะนุถนอม  ทันทีที่หญิงสาวแกะห่อผ้าผวยออก  สภาพคนเจ็บทำให้หล่อนครางในคออย่างหดหู่ใจ
   
“ไปโดนอะไรมานี่” หมออนามัยถามลูกชายกำนัน  ก่อนค่อยๆ เหน็บปรอทกับซอกรักแร้คนสิ้นสติอย่างเบามือ 

เงียบ.. คนตัวโตเอาแต่ยืนทื่อเหมือนโดนเย็บปาก  ดวงตาสีเข้มจับจ้องแต่วงหน้าซีดเผือดบนหมอน 

“ไข้สูงมาก” หญิงสาวว่าหลังเพ่งสายตาดูปรอทในมือ “จะฉีดยาลดไข้ให้นะคะ”
   
สิงห์พยักหน้ารับ  กุลีกุจอถลกแขนเสื้อสีฟ้าอ่อนขึ้นจนถึงหัวไหล่  รอยแดงช้ำเป็นรูปห้านิ้วเด่นชัดบนผิวเนื้อขาวจัด  ยิ่งเห็นสายตาคาดโทษมองมา  ชายหนุ่มได้แต่หลบสายตานั้น  ลำคอแห้งผากจนแม้แต่กลืนน้ำลายยังฝืดเคือง
   
“ฉีดที่สะโพกค่ะ” เสียงหวานห้วนกริบ  “ช่วยจับเขานอนคว่ำที”
   
นักเลงโตรับคำเงอะงะ  ค่อยๆ พลิกร่างปวกเปียกให้นอนคว่ำอย่างเบามือ เผยให้เห็นรอยเลือดแดงซึมผ่านเนื้อกางเกงด้านหลังเป็นวง 
   
หมออนามัยชะงัก  แทบทำเข็มฉีดยาหลุดมือ  บรรยากาศในห้องหัตถการที่อึมครึมอยู่แล้วยิ่งทวีความอึดอัดเจียนระเบิด หล่อนจ้องหน้าชายใจโฉดด้วยสายตาเหมือนมองสวะชิ้นหนึ่ง 
   
แต่แล้วต้องแปลกใจ  ในแววตาเข้มลึกคู่นั้น ไม่มีความร้อนรน ไม่มีความเลิ่กลั่กกลัวความผิด
   
มีเพียงความระทมหม่นเศร้า มีความห่วงหาเจียนขาดใจ จับจ้องอยู่แต่คนเจ็บไม่วางตา

มือสั่นเทาดึงขอบกางเกงขาดวิ่นลง เนื้อสะโพกขาวเป็นรอยเขียวช้ำไม่ทำให้ประหลาดใจอีกแล้ว มีเพียงความสงสาร ความเห็นใจกดทับห้วงอารมณ์จนหนักอึ้ง
   
“จะให้ดูแผลให้ไหม” หล่อนถามเสียงสั่นหลังฉีดยาเสร็จ  หางเสียงหายไปแล้ว 

สิงห์ชั่งใจชั่วขณะ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า แล้วผ้าม่านสีฟ้าก่อนก็ถูกรูดปิด กางกั้นเขาออกมา สิงห์ไม่เห็นแผลน้อง แต่ถุงมือและสำลีเปื้อนเลือดที่ถูกทิ้งลงถังขยะเป็นเครื่องยืนยันได้ดี 
   
ว่าเขาระยำยิ่งกว่าสัตว์นรก

********************
   
หนูน้ำฝนนั่งเล่นอยู่ที่ซุ้มดอกเข็มแดงตีนท่า  มือน้อยบรรจงเด็ดดอกเข็มดอกน้อย  ดึงเกสรออก  ปากแดงดูดน้ำหวานจุ๊บ  แล้วเอาก้านดอกร้อยต่อกันเป็นสายสร้อยยาว  ร้อยรอบข้อมือตัวเองได้แล้วเส้นหนึ่ง  ตั้งใจจะร้อยเป็นสร้อยคอให้พี่จ้อยอีกเส้น 
   
พี่จ้อยหายไป คุณนายบ่นใหญ่ น้ำฝนก็เลยมานั่งรอ

เรือแจวลำหนึ่งพายมาเทียบเงียบๆ  หน้ากลมเหมือนวงพระจันทร์เงยขึ้นมอง  ทันใดนั้นดวงตากลมใสก็เบิกกว้าง  ปล่อยสร้อยดอกเข็มในมือร่วงลงพื้น
   
ลูกชายกำนันอุ้มพี่จ้อยของน้ำฝนขึ้นจากเรือ  ตาสวยๆ ที่มองน้ำฝนอย่างอาทรปิดสนิท  ปากแดงๆ ที่ชอบยิ้มหวานให้ตอนนี้กลับขาวซีดเหมือนกระดาษ  มือขาวที่ลูบผมน้ำฝนอย่างอ่อนโยนเสมอตกเปลี้ยลงข้างตัว 
   
แม่หนูน้อยนิ่งมองพี่จ้อยในอ้อมแขนพี่สิงห์ด้วยขอบตาร้อนผ่าว

“พ่อกับแม่พี่อยู่ไหม” เสียงแหบห้าวถามมาพร้อมสายตาหม่นเศร้า  น้ำฝนส่ายหน้ารัว  จนน่ากลัวน้ำตาจะพลัดกระเด็น  และแล้ว  พอลูกชายกำนันอุ้มนักเรียนครูตัวเล็กผ่านหน้าไป  เด็กหญิงตัวน้อยก็ปล่อยโฮ 
   
สิงห์ค่อยๆ วางร่างไร้สติลงบนเตียง ทะนุถนอมดั่งแก้วใส มือใหญ่เกลี่ยปอยผมชื้นที่ปรกหน้าผากให้ เนื้อตัวนุ่มนิ่มทุเลาความร้อนลงเพียงนิด ชายหนุ่มตั้งใจจะเช็ดตัวให้น้อง แต่ทันใดนั้นน้าเวก น้าแป้นและลูกสาวตัวน้อยก็กรูกันเข้าห้องมา
   
สองผัวเมียชะงักเมื่อเห็นสภาพนักเรียนครูคนดี น้าแป้นยกมือทาบอก ส่วนน้าเวกมองหน้าคนเจ็บบนเตียงสลับกับลูกชายกำนันไปมา
   
ร่องรอยฟกช้ำตามเนื้อตัวบ่งบอกให้รู้ว่านี่ไม่ใช่คนป่วยไข้ธรรมดา  แต่เป็นเหยื่อที่ผ่านการถูกทำร้ายมาเป็นแน่แท้ 

แล้วสารพัดคำถามก็ระดมยิงเข้าใส่

“ครูเป็นอะไร”

“ไปโดนอะไรมา  มีเรื่องกันมาหรือ”

“ใครนะมันทำได้ลง  ใจร้ายเหมือนยักษ์มาร”

“สิงห์ไปเจอครูที่ไหนหรือ”

ชายหนุ่มไม่เคยนึกรำคาญสองผัวเมียเท่านี้มาก่อน

“เลิกถามเสียทีได้ไหม!” เลิกตอกย้ำความบัดซบของเขากันเสียที! เสียงห้าวตะคอกลั่น มือใหญ่ตบหัวเตียงดังเปรี้ยง นัยน์ตาขุ่นขวางจ้องทั้งคู่เขม็ง
   
น้าเวกน้าแป้นเงียบกริบ หนูน้ำฝนยืนสะอึกสะอื้นอยู่ไม่ห่างกัน สิงห์ขบกรามกรอด ดวงตาแดงก่ำเสมองออกนอกหน้าต่าง ละอาย? อดสู? มองหน้าใครไม่ติด

ฆาตกรที่มีชนักติดหลังมันรู้สึกแบบนี้กันทุกคนไหม?

“รู้ตัวคนทำไหม” 
“แจ้งตำรวจจับได้นะ” 
“ทำกับคนไม่มีทางสู้ได้ลงคอ  ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ”
“ระวังเถอะ กรรมจะตามสนองสักวัน” 

 
อะไรอีกนะ ที่หมออนามัยคนนั้นจงใจพูดเข้าหู วิปริต.. อำมหิต.. ใจทมิฬหินชาติ.. แม้ไม่ได้เอ่ยถึงโดยตรง แต่สิงห์ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่เข้าใจว่าหมายถึงใคร
      
“ให้น้าช่วยไหมสิงห์” น้าแป้นเสนอตัวเข้ามา  กุลีกุจอจะหาเสื้อผ้าใหม่ให้จ้อยเปลี่ยน  แกไม่คิดว่านักเลงที่ถนัดแต่เรื่องท้าตีท้าต่อยจะดูแลคนเจ็บเป็น
   
“ไม่เป็นไร  ผมทำเอง” สิงห์กลับปฏิเสธสิ้นทุกความหวังดี "พวกน้ามีงานอะไรก็ไปทำเถอะ"
     
เปล่าหรอก.. เขาไม่ได้กลัวร่องรอยบนเนื้อตัวน้องจะเป็นหลักฐานยืนยันความอำมหิตของตน แค่.. ห่วง..หวง..ไม่อยากให้ใครแตะต้อง
     
โดนไล่ทางอ้อมแบบนี้ สองผัวเมียได้แต่มองหน้ากัน ก่อนจูงมือลูกสาวตัวน้อยออกจากห้องไป
        
ทันทีที่อยู่กันตามลำพัง ชายหนุ่มกระวีกระวาดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้อง กางเกงที่ทั้งเก่าทั้งเปื่อยนั่นถูกโยนทิ้งลงถังผงไม่ไยดี ส่วนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่เพิ่งใส่ครั้งแรก ถ้าได้ซักเอาคราบเลือดตรงชายเสื้อออก  ได้เย็บกระดุมที่ถูกฉีกขาดกระเด็นกลับเข้าไปใหม่ก็คงใส่ได้เหมือนเก่า เอาผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดบรรจงเช็ดไปตามเนื้อตัวชอกช้ำอย่างเบามือเพื่อให้ความร้อนบรรเทาลง น้าแป้นสงเคราะห์ต้มฟ้าทะลายโจรใส่ชามกระเบื้องมาให้ แกบอกว่าไล่ไข้ได้ชะงัดนัก   
       
ยาต้มสีเขียวจางทิ้งควันพออุ่นๆ แค่ดมดูก็รู้ว่าความขมคงไม่ทิ้งกันกับบอระเพ็ดเท่าไร สิงห์จับน้องนอนหนุนตัก มือเทอะทะที่เคยจับแต่ไม้หน้าสามต่อยตีคนอื่น บรรจงตักยาขึ้นเป่าเบาๆ ก่อนค่อยๆ ป้อนลงริมฝีปากแตกแห้ง คนไม่รู้สึกตัวไม่กลืนยาสักนิด ได้แต่ปล่อยของเหลวไหลออกมุมปากให้เลอะเทอะ
   
“ให้น้าทำเถอะสิงห์” น้าแป้นเสียงอ่อน สีหน้าเหมือนทนดูไม่ได้ แกมองสภาพนักเลงโตอย่างเวทนาเต็มที “เราก็ไปอาบน้ำอาบท่าเสียเถอะ เหม็นเหล้าหึ่งไปหมดทั้งตัว เดี๋ยวคุณนายกลับมาได้โดนเรียกไปซักให้วุ่น”
   
สาวใหญ่คว้าร่างบอบบางคืนหมอน  คนตัวโตจำใจต้องลุกออกไป
   
“ใส่ยาที่หน้าซะด้วยนะ” แกหมายถึงรอยข่วนลายพร้อยบนใบหน้าคมสัน  บุ้ยปากไปยังตลับยาหม่องที่วางไว้ให้บนโต๊ะ “ถ้าดูแลตัวเองยังไม่ได้ ก็อย่าริไปคิดดูแลคนอื่น”
   
ประโยคสุดท้ายแกพูดไม่มองหน้า  ไม่ทันได้เห็นแววตาสลดวูบของลูกชายกำนัน

เมื่อสิงห์กลับเข้าห้องอีกทีหลังอาบน้ำเสร็จ  น้าแป้นยังนั่งอยู่ข้างเตียง  แกลุกออกจากห้องไปคล้ายส่งต่อหน้าที่ให้เขา  น้ำต้มฟ้าทะลายโจรพร่องลงไปเพียงนิด
   
ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงเคียงข้างคนเจ็บ  วงหน้าขาวจัดของคนป่วยวางบนหมอนราวกับจะเทียบเคียงความซีดเซียวให้เด่นชัดยิ่งขึ้น  นิ้วแข็งแรงเอื้อมแตะไล้แก้มนุ่มผะแผ่ว  ความรู้สึกบางอย่างเอ่อท้นขึ้นจากส่วนลึกจนร้อนผ่าวสองตา  มือใหญ่คว้ามือน้อยกุมแนบแก้มสาก  กดจูบลงไป  มือที่จับปากกาอยู่เป็นนิตย์ถึงแม้จะกรำงานหนักมาบ้างแต่ก็ยังนุ่มนิ่ม  ผิดเหลือเกินกับมือหนาเทอะทะที่ดีแต่สวมสนับมือตีรันฟันแทงไปวันๆ   
   
ความสุขของเขา ความสุขที่แท้จริงของเขา อยู่ที่เจ้าของหัวใจก้อนเท่ากำปั้นเล็กๆ ก้อนนี้ อยู่ที่เจ้าของดวงตาคู่ใสเหมือนลูกแก้วที่ยังปิดสนิทคู่นี้  ถ้าดวงตาคู่นี้ไม่แลเหลียวเขาอีก ถ้าหัวใจดวงนี้ชิงชังเขาเสียแล้ว นับจากนี้.. เขาจะมีวันได้สัมผัสกับ ‘ความสุข’ อีกไหม
   
เขาประคองมือบอบบางไว้อย่างหวงแหน  แนบหน้าจูบหลังมือซ้ำๆ  ขอเก็บกักเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้  เพราะไม่รู้ว่าเมื่อน้องลืมตาขึ้นมาแล้ว  เขาจะมีโอกาสได้ทำแบบนี้อีกไหม 
   
สะท้อนใจเมื่อเห็นปลายเล็บที่ตัดสั้นปอกเปิกไปหมด  บางเล็บฉีกออกจนเลือดซิบ  เศษไม้ยังติดอยู่ในซอกเล็บด้วยซ้ำ  สิงห์กระวีกระวาดหากรรไกรตัดเล็บ  ขลิบเล็มปลายเล็บบอบช้ำให้อย่างเบามือ           
   
เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วเปิดออก  น้าแป้นกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมแก้วใสขึ้นควันกรุ่น  แกเบิกตากว้างให้กับภาพที่เห็น
   
“สิงห์ทำอะไรน่ะ!” สาวใหญ่ร้องเสียงหลง  รีบร้อนวางแก้วในมือลง  สิงห์ทำหน้าเหลอหลา  เขาแค่ตัดเล็บให้  แต่น้าแป้นเล่นโวยวายเสียยังกับเขาตัดนิ้วหรือตัดคอน้อง 
   
“โบราณเขาถือ” แกว่าเสียงต่ำ  ดึงมือน้องออกจากมือเขา “ห้ามตัดเล็บคนหลับ  ไม่งั้นขวัญจะกลับเข้าตัวไม่ถูก รู้ไหม”
   
ใบหน้าคมคร้ามหดเหลือสองนิ้ว  ละล่ำละลักสิ้นมาดนักเลง “จริงหรือน้า  แค่.. แค่ตัดเล็บเอง จ้อยจะกลับมาไม่ถูกเลยหรือ”
   
“ก็ใช่น่ะซี ห้ามแต่งหน้าทาแป้ง ห้ามตัดผมตัดเล็บ” ย้ำหัวตะปูแล้วแกก็ยัดเยียดหอมแดงทุบต้มใส่มือชายหนุ่ม  กลิ่นฉุนแรงพวยพุ่ง  สิงห์แทบเบ้หน้าหนี  แต่ก็ถูกบ่าวรุ่นน้าบังคับให้กลืนให้หมด  แกว่าจะได้สร่างเมา  หายตาหูแดงเสียที
   
สิงห์อยากบอกแกเหลือเกิน  เขาสร่างเมาตั้งแต่ตื่นมาเห็นสภาพน้องแล้ว  ส่วนไอ้ตาที่ยังแดงๆ อยู่นี่  มันก็ไม่ใช่เพราะอาการเมาค้างหรอก   

.....................................

เวลาผ่านไปรวดเร็วกระไร  จากเช้าสู่สาย  บ่ายล่วงย่ำเย็น  แสงสุดท้ายแรงจ้าสาดส่องเข้ามาในห้อง  แม้จะปิดหน้าต่างแล้วแต่ก็ยังลอดผ่านช่องลมฉลุลาย  ตกต้องใบหน้าขาวซีดบนเตียง  สิงห์ยังคงนั่งอยู่ข้างน้องไม่หนีไปไหน  หันหลังกำบังแดดให้ด้วยใจรอคอย 
   
คุณนายพูนทรัพย์เข้ามาหาทันทีที่กลับจากโรงสี  แทบเต้นผางเมื่อเห็นบ่าวตัวดียึดเตียงไม้สักของลูกชายสุดที่รักเอาไว้คนเดียว  ร่าวอวบท้วมแทบถลาไปกระชากคนเจ็บลงมา  สิงห์เข้าขวางไว้ทั้งตัว  ให้เหตุผลทันควันว่าจ้อยไม่สบาย 
   
“สำออย” ปากแดงเบ้บิดดูแคลน “แค่ใช้ไปตามลูกฉันหน่อยเดียว  ทำเป็นดัดจริตไข้ขึ้น”

คำแม่กระตุกใจเขาหล่นวูบ

“อะ..อะไรนะแม่” สิงห์รู้สึกเหมือนกลืนกรวดแข็ง  ตกหล่นลงถ่วงใจ “เมื่อคืน.. แม่ใช้จ้อยไปตามผมหรือ  จ้อย.. ไม่ได้.. ออกไปดูหนังกับเพื่อนหรือ”
   
“ลองไปสิฉันจะฉีกอกให้” คุณนายพ่นลมออกจมูก  นึกอยากจิ้มหน้าผากขาวสักทีด้วยความหมั่นไส้  “อย่าเพิ่งตายล่ะไอ้จ้อย  แกยังใช้หนี้ฉันไม่หมด”

แม่ชักชวนออกไปกินข้าว  สิงห์ได้แต่ส่ายหน้าด้วยอาการของคนไร้วิญญาณ  ไม่แม้แต่จะมองร่างท้วมที่ถอนใจหน่ายตะบึงตะบอนออกไปสักนิด 
   
สักพักน้าแป้นเอาข้าวเย็นเข้ามาให้  พ่อก็เข้ามาดูอาการนักเรียนครูคนดีด้วย  มือใหญ่แตะลงหน้าผาก  ลูบผมอย่างอาทร  ไม่ลืมกำชับให้เขาดูแลน้องให้ดีๆ  สิงห์ได้แต่พยักหน้ารับเชื่องช้า  ก่อนเช็ดตัวให้น้องอีกหน

ดาวขึ้นสู่ฟ้า  พระจันทร์ปรากฏโฉม  ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างทุรนทุราย  สิงห์ไม่อาจข่มตาหลับลงได้  ได้แต่สอดแขนแทนหมอน  กอดเนื้อตัวผะผ่าวของน้องไว้แนบอก  ต้องใช้น้ำตาเยียบเย็นกี่หยดชโลมลง  ความร้อนบนผิวเนื้อนิ่มจึงจะบรรเทาลงได้  ต้องใช้หยาดเลือดจากหัวใจพี่สักกี่หยด  ความเลวที่พี่ทำไว้กับน้องจึงจะทุเลาลง  หรือต้องรอไปจนกว่าชีวีจะหาไม่ 
   
จนรุ่งสาง  เสียงไก่ขันเคล้าเสียงดุเหว่ากังวานแว่ว  แสงทองเรืองรองจับขอบฟ้า  เปลือกตาคู่นั้นยังคงปิดสนิท  สิงห์เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง  จ้อยหมดสตินานเกินไปแล้วหรือเปล่า
   
หรือที่จ้อยยังไม่ตื่น  เพราะเขาเสนอหน้าไปตัดเล็บให้  ขวัญที่บินหายเลยยังไม่กลับเข้าร่างอย่างที่น้าแป้นบอก     
   
เขาช่างโง่นัก  ทำอะไรลงไปแต่ละอย่างมีแต่ประจานความโง่เขลา  เรียนหนังสือก็ไม่ได้เรื่อง  พ่อพูดถูก  เพื่อนของจ้อยพูดเมื่อคืนก็ถูก  เขามันพวกไม่มีดีแต่ทำเป็นอวดเก่ง โง่เหมือนบัวใต้น้ำที่ชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีวันโผล่พ้นน้ำมาสัมผัสแสงตะวัน  โง่อย่างนี้ทำไมไม่ไปเกิดเป็นควายเสียให้รู้แล้วรู้รอด 
   
และที่โง่ที่สุดคือสิ่งที่ทำลงไปเมื่อคืนนี้ 

มือหยาบประคองใบหน้าเล็กเอาไว้  ขอบตาร้อนผ่าว  วงหน้าซีดเซียวตรงหน้าดูพร่าเลือนลงไป “จ้อยของพี่.. ไปเที่ยวอยู่ที่ไหนหืมม์..” เสียงทุ้มพร่าเค้นขึ้นจากหัวใจขื่นขม  เกลี่ยปลายนิ้วไล้ลงแก้มนิ่ม  กระซิบริมหูซ้ำๆ “กลับมาได้แล้ว  กลับมาหาพี่เถอะ”

ในความลางเลือน  พร่ามัวเหมือนสายหมอก  จ้อยรู้สึกได้.. มีสัมผัสละเอียด อุ่น แตะลงแผ่วเบาตรงหน้าผาก  สักพักเลื่อนไปที่แก้ม  อะไรนะ?  ผีเสื้อหรือเปล่า? หนุ่มน้อยนึกอยากปัดออกแต่ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา  สักพัก.. มีหยดเย็นร่วงตกกระทบแก้ม  ฝนตกหรือ.. ไม่ใช่  แล้วอะไรกันนะ  อืม.. หรือว่าผีเสื้อมีน้ำตากับเขาด้วยหรือ  มีจูบแผ่วเบาวนเวียนเหมือนสายลมพัดผ่าน  มีกระไออุ่นเอื้อเคลื่อนวงล้อมเหมือนถูกกอดรัดครั้งแล้วครั้งเล่า

ใคร?  จ้อยอยากร้องถาม  แต่ไม่มีเสียงออกจากลำคอสักนิด  มันแห้งผากดั่งกลืนผงทราย  ที่นี่ที่ไหนกัน  ร้อนเหลือเกิน.. ร้อน.. หิวน้ำ.. ยายจ๋า.. ยายอยู่ไหน..

“ยาย..” เสียงแหบแห้งหล่นจากริมฝีปากเผือดสี  เปลือกตายังปิดสนิท  ไม่รับรู้ว่าทำให้ใครคนหนึ่งยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจเพียงใด
   
“จ้อย..” สิงห์สูดจมูกฟืด  ปาดน้ำตาด้วยท่อนแขน  รั้งร่างอ่อนเปลี้ยขึ้นกอดแนบอก 
   
“ยายจ๋า..” หนุ่มน้อยพึมพำ  เบาหวิวเหมือนมาจากที่ไกลแสนไกล “หนูหิวน้ำ..”
   
คนตัวโตกุลีกุจอคว้าขันสาครใบน้อยตรงตั่งหัวเตียง  ช้อนคอน้องขึ้นเพื่อจ่อขันเย็นแนบริมฝีปาก  น้ำในขันพร่องหายทีละนิด
   
“ค่อยๆ จิบนะ” เสียงอ่อนเอื้อกระซิบแผ่ว  คนเจ็บค่อยๆ ปรือตาหนักอึ้งขึ้นมอง  หากทันใดนั้นเองก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อรับรู้ว่าอยู่ในอ้อมกอดใคร

ฝันร้ายเหมือนไฟนรก  ลามแลบแสบอกกายสิ้น!**

ในความป่วยไข้  สติที่กลับคืนมา  พาความทรงจำเลวร้ายระรัวทุบกระหน่ำ  ค่ำคืนอำมหิต  ครั้งแล้วครั้งเล่าที่มันตักตวงจากร่างกายนี้  กว่ามันจะสงบลง  ทั้งกายและใจจ้อยก็บอบช้ำเหมือนผ่านการโบยตีแสนสาหัส  ในสำนึกรู้คิดสุดท้าย  มันโถมตัวลงกอดจ้อยไว้แน่น  จ้อยหลับตาลง  ไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
   
แต่แล้วจ้อยก็ตื่น  เพื่อพบกับโลกที่เปลี่ยนไป
   
แสงแดดเช้าไม่สดสวย  เสียงนกร้องไม่ไพเราะอีกต่อไป

ร่างเล็กดิ้นรนจากอ้อมกอด  สิงห์ยอมคลายออกแต่โดยดี  ไม่รั้ง  ไม่ยื้อไว้  ได้แต่มองภาพคนตัวเล็กกระเถิบลนลานไปอีกฝั่งเตียงด้วยหัวใจร้าวราน  มือใหญ่ยื่นไปหา  น้องกลับผวาสะดุ้งเฮือก  ขดตัวเหมือนลูกแมวขวัญหนี  ทำเหมือนเขาเป็นตัวอะไรสักอย่างที่น่าชิงชัง         
    
“จ้อย..” ชายหนุ่มเสียงพร่า  ขอร้อง..อย่ามองพี่ด้วยสายตานั้น  สายตาที่เหมือนมองอะไรสักอย่าง  สวะ?  ไม่สิ  สวะยังดีเสียกว่า  ถึงจะน่ารังเกียจน่าขยะแขยงเพียงใด  มันก็ไม่เคยทำให้ใครเจ็บ  หมาขี้เรื้อน?  ไม่ใช่  หมาขี้เรื้อนมันยังไม่เคยกัดคนไม่มีทางสู้  โดยเฉพาะคนคนนั้น  เป็นคนที่มันพร่ำบอกกับตัวเองว่ารักนักรักหนา

สายตานั้นมันปนเปกันระหว่าง.. โกรธ.. เกลียด.. และหวาดกลัว.. 

ใบหน้าขาวซีด  ริมฝีปากแตกแห้งเม้มแน่น  ตัวสั่นสะท้านเหมือนลูกนก  ประกายเจิดจ้าจากแสงอาทิตย์  ยังไม่เท่าสิ่งที่สะท้อนร่วงจากดวงตาน้อง  กัดกร่อนใจยิ่งกว่าน้ำกรด
   
“อย่าเข้ามา” เสียงห้ามแผ่ว..เบาหวิว.. เขยิบหนีไปสุดฝั่งเตียง  แค่ขยับเพียงนิดก็เจ็บร้าวไปทั้งตัวจนต้องนิ่วหน้า  คนตัวโตโผเข้ามาด้วยความห่วงหา  แม้สิงห์ไม่มีทีท่าคุกคาม  แต่ความทรงจำเลวร้ายไม่เคยปรานี  ไม่เคยผ่อนปรนต่อหัวใจดวงใด 
   
จ้อยลนลานหนีจนพลัดตกเตียงกระแทกพื้นดังตุ้บ  ไม่มีเสียงร้องสักแอะ  หรืออีกนัยหนึ่งคือเจ็บจนร้องไม่ออก  ร้าวระบมไปทั้งร่าง  สิงห์อ้อมฝั่งเตียงไปดูน้องทันควัน  อ้อมแขนแข็งแรงประคับประคองกอดไว้
   
“ออกไป..” ร่างเล็กน้ำหูน้ำตานองหน้า  เนื้อตัวผะผ่าวดิ้นขลุกขลักด้วยเรี่ยวแรงน้อยนิดที่มี  ยิ่งถูกกอดแน่นยิ่งเกร็งตัวจนสั่นสะท้าน
   
“จ้อย..พี่เอง..พี่ไม่ทำอะไร..” สิงห์น้ำตาร่วง  น้องจะโกรธจะเกลียดเขายังไงก็ได้  จะตบหน้าจะทุบตีอย่างไรจะยอมหมอบราบคาบแก้วให้ทำ  อยากเหยียบย่ำขยี้ให้จมดินอย่างไรจะไม่วิงวอนขอความเมตตาสักน้อย  แต่ขออย่างเดียว.. อย่าหวาดกลัวกันเหมือนพี่เป็นปีศาจนรกแบบนี้
   
“อย่า! กลัวแล้ว..” เสียงพร่าร้องออกมาเป็นคำสุดท้าย  ก่อนจะหมดสติลงอีกครั้งในอ้อมแขนอสูรกายที่ยังกอดรัดแน่น     

สิงห์มองน้องแน่นิ่งในอ้อมกอดผ่านม่านน้ำตาพร่าเลือน

เลือดหยดอดอยากตรากตรำ  มิช้ำอกชอกฉะนี้เลย**


โปรดติดตามตอนต่อไป

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
*คนใจมาร, ไพบูลย์ บุตรขัน คำร้อง, ดาวใจ ไพจิตร ขับร้อง
**อุชเชนี



อะแฮ่ม.. จริงๆ ยังมีต่ออีกหน่อย แต่โควต้าหน้ากระดาษหมด ประกอบกับทิ้งช่วงมานานแล้วเลยตัดจบตอนแต่เพียงเท่านี้ค่ะ
โถ..จ้อยเอ๋ย ฟื้นขึ้นมาได้แค่แป๊บเดี๊ยะ แม่เอ็งใจร้ายตัดจบตอนเอาดื้อๆ  :เฮ้อ:

เจอกันบทต่อไปค่ะ

รักคนอ่านเหมือนบ้านรักหลังคา :กอด1:

ดอกไม้ค่ะ
๓ ธ.ค. ๕๕

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-12-2012 00:50:15
 :z3: :z3: :z3:

กลับมาต่ออีกสักนิดเหอะ พลีสสสสสสสสส  :m15:

ไม่รู้ว่าจะสมน้ำหน้าหรือสงสารอิพี่สิงห์ดีนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: special ที่ 04-12-2012 00:54:06
สงสารทั้งจ้อยสงสารทั้งพี่สิงห์

พี่สิงห์ตอนรู้จากแม่ยิ่งรู้สึกผิด

คู่นี้จะได้สมหวังกันไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 04-12-2012 01:44:42
ฮือ....เค้าจะสงสารใครดี
มันบีบหัวใจเกินไป
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wijii ที่ 04-12-2012 01:48:56
ร้องไห้ สงสารทั้งคู่เลย ;((
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 04-12-2012 02:10:24
สงสารสิงห์จัง
สิงห์สำนึกผิดแล้ว จ้อยยกโทดเถอะนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 04-12-2012 02:19:43
หดหู่จัง สงสารทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 04-12-2012 02:21:23
ไม่รู้จะสงสารใครดี

สงสารตัวเองละกัน 555 (ฮากลบเกลื่อน)

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: อากาศใต้ผ้าห่ม ที่ 04-12-2012 02:55:07
อ๊ากกกกกกกกก โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

 :sad4: ไม่รู้จะพูดยังไง .....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: GoodboyNicky ที่ 04-12-2012 03:56:40
สู้ๆเน้อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 04-12-2012 05:55:30
น้ำตาซึม   


ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 04-12-2012 06:35:57
สงสารสิงห์ สงสารจ้อย จ้อยเป็นแบบนี้สิงห์คงเจ็บปวดมาก แม่สิงห์จะอะไรกับจ้อยนักหนา แต่อย่างน้อยสิงห์ก็รู้แล้วว่าเข้าใจจ้อยผิด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 04-12-2012 06:49:12
 :mc4: :mc4:

ฉลองให้ตัวเอง อ่านทันแล้ว แถมมาทันตอน  :เฮ้อ: :เฮ้อ: โครตบีบหัวใจ แม่ยกพี่สิงห์อย่างเรา


พูดไม่ออกบอกไม่ถูก  :z3: :z3: ไม่มีคำแก้ตัวใดๆสำหรับพี่สิงห์ ก็ได้แต่หวังว่าวันนี้ วันที่พี่รู้จักตัวเองดีแล้ว มันจะส่งให้พี่พยายามถีบตัวออกมาจากการเป็นบัวในตมซะทีนะ


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 04-12-2012 06:51:20
พี่สิงห์ไม่ได้ตั้งใจนะจ้อย ㅠㅡㅠ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 04-12-2012 07:18:59
ถามหน่อย แม่ดอกไม้ !! เกลียดอะไร พ่อสิงห์ พ่อจ้อย นักหนา
ถึงได้ให้น้องตื่นมาแล้วหวาดผวา รังเกียจ พ่อสิงห์ ขนาดนี้

ถ้าให้เอามีดมาเถือหนัง แม่ยก พ่อสิงห์ พ่อจ้อย แทนการให้น้องหายโกรธพ่อสิงห์ไวๆ
แม่ดอกไม้พอจะให้กันได้ไหม ถึงพ่อสิงห์จะเลว ก็เพราะรัก เพราะขาดสติ

พอพ่อสิงห์ได้คิดก็กลับมาเป็นคนดีเหมือนเดิมเห็นไหม นี่แสดงว่าพ่อ ไม่ได้ร้ายมาแต่กำเนิด  แต่อาจเพราะขาดความยับยั้งชั่งใจ

แม่ดอกไม้ ช่วยบอกพ่อจ้อย ให้หน่อยนะ ว่าอย่าโกรธพ่อสิงห์นาน เอาแค่พอผู้คนไม่ครหา
ว่าน้องใจง่าย ให้อภัยไว น้องค่อยหายโกรธก็ได้

อย่าให้น้องหนีหายนะ  ไม่งั้น แม่ยก พ่อสิงห์ จะยกพลไปรื้อหลังคาบ้านแม่ดอกไม้

เห็นบอกรักคนอ่านเหมือนบ้านรักหลังคา ก็ถ้ารังแกพ่อสิงห์มากๆ แม่ยกพ่อสิงห์ก็จะไป
รื้อหลังคาที่รักนัก รักหนา ลงซะ

จะได้ไม่ต้องรักกันต่อไป   สงสารพ่อสิงห์ พ่อจ้อย จับใจ T T

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 04-12-2012 07:49:02
สงสารพ่อสิงห์จับใจ สงสารน้องจ้อยด้วย
ความทรงจำที่แสนเลวร้าย ฝังแน่นยากจะลืมเลือน
ฮือออออออ แล้วเมื่อไหร่จะดีกันเล่า???? T________T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: AiiSoul ที่ 04-12-2012 08:29:55
ตายๆ อย่างนี้ได้ร้องไห้เป็นเผาเต่าอีกหลายสิบตอนแน่ๆ
เหล้าเข้าปากทำให้คนกลายเป็นปีศาจแท้ๆ
สงสารน้องจ้อย แต่ก็สงสารสิงห์ด้วยเหมือนกัน

เพื่อนไม่ดีอย่างลอยไม่รู้จะคบไปทำไม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-12-2012 09:07:30
พี่สิงห์พยายามเข้า ถึงมันจะลางเลือนเต็มทีก็เหอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 04-12-2012 09:16:18
แล้วคนอื่นเค้ารุ้ไหม ว่า จ้อย ... หวังว่าคนทำแผลให้คงไม่พูดมากอ่ะนะ
อ้ายพี่สิงห์ ต้อง พิสูจน์ ตัว อย่างหนักและนานเลย เรื่องข่มขืน แม้จะรักก้อเถอะ อภัยยากว่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 04-12-2012 10:36:17
ขอให้ทั้งสองคนผ่านอุปสรรคอันใหญ่หลวงนี้ให้ได้โดยเร็ว

ต่อจากนี้ขอให้สิงห์ยอมให้น้องได้ทุกอย่างอย่างที่คิดนะ

อย่าให้ใครหรืออารมณ์ใดๆ มาทำให้สิงห์ทำน้องเจ็บแบบที่ผ่านมาอีกเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 04-12-2012 11:20:33
ทรมานใจได้อีก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 04-12-2012 13:14:39
สงสารจ้อยอะ
เป็นแบบนี้อีกนานกว่าจะรักกัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 04-12-2012 14:14:02
อ่านแล้วต้องไปหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำตาก่อน  :monkeysad:  :monkeysad:

เศร้ามากเลยอ่ะ สงสารทั้งสิงห์ทั้งจ้อยเลย เมื่อไหร่คู่นี้เค้าจะหวานกันนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 04-12-2012 16:23:03
อ่านตอนนี้แล้วยอมรับเลยว่าสะเทือนใจมากครับ อินจัด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 04-12-2012 18:04:07
ปวดใจไปกับพี่สิงห์ น้องจ้อยที่สุด. อยากมีบทระทึกของครูคนึงคุณเล็กบ้าง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-12-2012 18:13:46
พี่สิงห์มันจะขาดใจตายมั้ย สงสารมันนะ พอสติมาปัญญาก็เกิดว่าตัวเองเคยโง่เคยงี่เง่าขนาดไหน
ขอให้ประคองสติให้อยู่กับตัวได้ตลอดนะ สงสัยว่าสิงห์จะบอกเรื่องจ้อยกับพ่อแม่ไหม
แม่สิงห์ก็ร้ายเหลือเกิน ถ้ารู้จ้อยแย่แน่

น้องจ้อยของพี่บอบช้ำไปหมดทั้งกายใจ “แสงแดดเช้าไม่สดสวย  เสียงนกร้องไม่ไพเราะอีกต่อไป”
ประโยคนี้เศร้ามากนะ หลอนพี่สิงห์ไปแล้วด้วย แต่แม้คนอ่านจะโกรธสิงห์ขนาดไหน
คนที่จะทำให้จ้อยดีขึ้นได้ก็เป็นสิงห์แค่คนเดียว หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 04-12-2012 19:00:57
สงสารปนสมน้ำน่าพี่สิงห์ ครูสู้ๆน่ะ  :กอด1:
มาต่อไวๆน่ะค่ะรักคนเขียน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 04-12-2012 20:40:21
สงสารทั้งคู่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 04-12-2012 20:55:36
เฮ้อออออ สงสารใครดีล่ะเนี้ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 04-12-2012 21:16:01
หวังว่าสิงห์คงคิดได้และเลิกทำตัวเลว ๆเสียทีนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 04-12-2012 21:29:28
อยากจะสงสารสิงห์นะ แต่ก็สงสารไม่ลงจริงๆ
ทำอะไรไม่รู้จักคิดถึงผล นี่นะหรือคำที่พรำ่ว่ารักน้องนักหนา
รักตัวเองมากกว่าละมั้ง
จ้อยกลัวน่ะไม่ผิดหรอกไม่กลัวซิผิดปกติแน่ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 04-12-2012 22:10:32
เวลาเท่านั้นที่จะช่วยรักษาแผลใจได้ ไม่รู้ว่ามันจะทำให้สิงห์คิดได้หรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 04-12-2012 22:33:19
สงสารทั้งน้องจ้อยทั้งพี่สิงห์เลย  ฮืออออออออออ

เมื่อไหร่ทุกอย่างจะดีขึ้นซะที เศร้ามากกกกกกกกกก

อยากอ่านอีก รีบมาต่อเร็วๆนะค้าาาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: oattie ที่ 04-12-2012 23:19:45
ไม่ได้ตามอ่านมานาน กลับมาอ่านอีกทีดร่าม่าเต็มๆ พี่สิงห์ไม่น่าเลย
ชอบคค่ะที่บอกว่ารักคนอ่านเหมือนบ้านรักหลังคา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 04-12-2012 23:53:10
รู้ว่าผิดก็ต้องแก้ไข
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 05-12-2012 00:28:18
สงสารสิงห์ เมื่อไหร่แม่ดอกไม้จะเลิกใจร้ายกับสิงห์กับน้องจ้อยสักที

แฟนคลับอย่างเราน้ำตาไหลเป็นขัน ขัน  แล้วยังไม่พอใจแม่ดอกไม้อีกเหรอจ๊ะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 05-12-2012 00:58:18
สงสารพี่สิงห์ แต่ความรักที่พี่สิงหืมีต่อน้องจ้อย ต้องทำให้ชนะทุกอย่างได้  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nemonoy ที่ 05-12-2012 17:03:47
อ่านไปน้ำตาก็ไหลไป จะเศร้ากว่านี้อีกไหมคะ สงสารจ้อยT_T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 06-12-2012 15:58:07
 :sad11:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 06-12-2012 17:09:20
ขอสารภาพว่าหยุดอ่านไปช่วงหนึ่งเพราะใจยังไม่นิ่ง
พอทำใจได้กลับมาอ่านต่อก็ยังต้องยอมรับความเอาอยู่(จริงๆ)ของคนแต่ง
รอคอยตอนต่อไปด้วยความกระวนกระวายครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 08-12-2012 08:47:54
รอคอยตอนต่อไปอย่างใจหวิวๆ เหอะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 08-12-2012 16:57:28
ยังมีหวังกับพ่อสิงห์ หันหัวเรือใหม่ยังทัน กลับลำซะ โชคดีที่ข้างในของแกมันขาว (เพิ่มความฉลาดอีกหน่อย เป๊ะเลย)
จ้อยเป็นดั่งมหาหงส์นี่นะ จิตใจเธอดี คงอภัยให้...มั้ง?!! รึเปล่า? //อยากให้ลงกันด้วยดี อยากให้เค้าได้กันเนียนๆ

ป.ล. รักคนเขียน เหมือนนกกระเรียน ที่มีัรักอมตะ . . . บอกรักจัดเต็ม ฉลองพึ่งได้ log in ตามมานาน ปลื้มดอกไม้สุดๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๑ : คนใจมาร(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๓/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-12-2012 21:18:12
เข้ามารอน้องจ้อย-พี่สิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 09-12-2012 23:32:17
บทที่ ๒๒

ดอกหญ้า

(ครึ่งแรกจ้ะ :L2:)


หวงก็จะยื้อ  ขายก็จะซื้อ  หากเธอนั้นคือดอกหญ้า
ฉันกลัวเกรงว่า  เขาจะย่ำซ้ำเหยียบให้เฉา

ฉันไม่เคยรัก  ฉันไม่เคยหลง  ไม่เคยสงสารใครเท่า
สายตาเธอเศร้า  ยิ้มเธอโศกเหมือนกล่อมโลกฝัน

ดอกหญ้ายอดรัก  ขอจงประจักษ์ใจฉัน
ยอดชู้คู่ขวัญ  เธอกับฉันเชื่อมชีวิตกันเถิดหนา*




ร่างเล็กนั่งพิงหัวเตียง  หลังจากหมดสติไปได้สักพัก  คนคลุ้มคลั่งเมื่อครู่ดูสงบสติอารมณ์ลง  ถ้าไม่เพราะหมดแรงจะหนี  ก็คงรู้ตัวแล้วว่าหนีไปไหนไม่พ้นตราบใดที่สิงห์ยังนั่งจ้องอยู่อย่างนี้  ผ้าผืนเล็กหมาดน้ำร่วงแปะอยู่ข้างตัว  พี่เอื้อมไปหยิบมาวางคืนอ่าง  น้องสะดุ้งน้อยๆ ก่อนกระเถิบหนีไปสุดฝั่งเตียง 
   
สิงห์ถอนใจพรู  แววตาโศกสลดเหมือนเงาไม้แห้งเฉาบนผิวน้ำนิ่ง  มือใหญ่ยื่นไปแตะหน้าผาก  ศีรษะเล็กผงะหลบ  ทำท่าราวกับโดนถ่านร้อนจี้ 
   
“จะกลับบ้าน” ฟื้นขึ้นมาอีกทีจ้อยก็พึมพำพูดอยู่แค่นี้  ราวกับไม่รู้จักคำอื่นในโลกนี้แล้ว 
   
“กลับไม่ได้” เขาเสียงแข็ง  จ้องหน้าน้องที่ดวงตา  น้องเอาแต่มองพื้น  ไม่สบตากันสักนิด  “ไม่ให้กลับ” เขาย้ำอีก  กลัวน้องกลับไปแล้ว  จะไม่กลับมาที่นี่อีกต่อไป 
   
ตาดำที่นิ่งขึงมีหยาดน้ำท้นเอ่อขึ้นมา  สิงห์ใจไหววูบ  เสียงอ่อนลง “เอ็งไม่สบายอยู่  ถ้ายายเห็น เดี๋ยวยายเป็นห่วงนะ”
   
ปากสีเรื่อที่ชุ่มชื้นขึ้นเพราะเขาไล้น้ำเคลือบให้ยามหลับใหลเม้มสนิท  มือบางกำผ้าแพรบนตักแน่นจนข้อนิ้วขาว 
   
“กินข้าว แล้วจะได้กินยา” เสียงทุ้มฟังวิงวอนมากกว่าจะเป็นคำสั่ง  มือหยาบคนข้าวต้มข้นในชามเบาๆ  จ้วงตักครึ่งช้อน  เป่าแผ่วๆ ก่อนยื่นป้อน 
   
จ้อยเบือนหน้าหนีทันที 

“อย่าดื้อ” เขาปรามเสียงต่ำ  เอาไว้หายดีแล้ว  อยากพยศยังไงก็ได้  แต่ไม่ใช่ตอนนี้  “กินหน่อยเร็ว เด็กดี” สิงห์คะยั้นคะยอ  ช้อนปริ่มข้าวต้มหอมอ่อนๆ ยื่นใกล้เข้ามาแทบแตะปาก  หากมือเล็กกลับยกขึ้นปัดทิ้งอย่างไม่ใยดี 
   
ช้อนสังกะสีกระเด็นไปกลางห้อง  สิงห์ถึงกับผงะ  มองน้องอย่างไม่เชื่อสายตา 
   
ในร่างกายที่สั่นสะท้านคล้ายหวาดกลัว  ทว่า.. สายตาที่จ้องมองมา  ชิงชัง  ปราดเดียว  คมฉาดเหมือนใบข้าว  ตวัดฉับ  กรีดใจจนแปลบวาบ   

ในเมื่อไม้นวมไม่ได้ผล  สิงห์จึงจนใจใช้ไม้แข็ง 

ร่างสูงใหญ่วางชามข้าวลงก่อนออกจากห้องไป  จ้อยรอฟังเสียงบานไม้ปิดแล้วถอนใจหนัก  น้ำตาที่กักเก็บไว้ร่วงเผาะลงแพรนวล  จ้อยแค่อยากไปจากที่นี่  ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเห็นหน้าคนใจหิน  จ้อยแค่อยากกลับบ้าน  แค่คิดถึงยายจับใจ
   
ใจจริงจ้อยอยากปัดให้คว่ำทั้งชามด้วยซ้ำ  แต่ยายและพี่ไม่เคยสั่งสอนให้ทิ้งข้าว  เมื่อกี้.. แค่ปัดข้าวครึ่งช้อน  ถ้ายายรู้จ้อยต้องโดนตีมือแน่ 

ครู่เดียวลูกชายกำนันก็กลับเข้ามาอีกครั้ง  หนนี้จูงเด็กหญิงตัวกลมตามเข้ามาด้วย  จ้อยเหลือบมองอย่างเคลือบแคลง 

“น้ำฝน  ดูพี่จ้อยให้กินข้าวด้วย” เสียงห้าวสั่งห้วน  ชี้หน้าคาดโทษ “จำที่สั่งได้ใช่ไหม”
   
เด็กหญิงพยักหน้าหงึก  คนตัวโตจึงเดินออกจากห้องไป  มือกลมป้อมตักข้าวเป่าปู้ดจนปากจู๋แล้วยื่นป้อน “พี่จ้อย อ้ามมม..” ปากแดงอ้ากว้างเห็นฟันน้ำนมครบ ๒๔ ซี่  คนเจ็บกลับส่ายหน้าเบาๆ อ่อนล้าแม้แต่จะยกมุมปากยิ้ม 

‘พี่ชั่วเสียแล้ว’ จ้อยโอดครวญอยู่ในหัวใจหม่นไหม้  เบือนหน้าหนีวงหน้าผ่องใสบริสุทธิ์  ไม่กล้าสบดวงตาใสแจ๋วที่มองมาอย่างไร้เดียงสา 
   
พี่สกปรกเสียแล้ว  ถูกเขาเหยียบย่ำทำลายกลายเป็นขยะ  ผ้าขาวอย่างหนูอย่าเข้ามาใกล้พี่เลย 

ไม่นานเกินรอ  เจ้าของห้องก็เดินปึงปังกลับเข้ามา  ทันทีที่เห็นข้าวต้มยังเต็มชามเท่านั้น   
   
“พี่สั่งว่ายังไง!” เสียงห้าวตะคอกใส่เด็ก  จ้อยตกใจสะดุ้งเฮือก “หื๊อ!” มือหนึ่งคว้าข้อมือกลมป้อม  มือหนึ่งเงื้อง่าจะฟาดก้น  แม่หนูน้องแผดเสียงจ้า  แหกปากร้องไห้จนเห็นลิ้นไก่   
   
“อย่า!” จ้อยห้ามลั่น  ลนลานคลานมาหาชามอย่างสิ้นท่า  ละล่ำละลักแทบไม่เป็นคำ “กิน.. กินแล้ว” มือสั่นเทาตักข้าวแตะปลายช้อนเข้าปาก  ขอบตาร้อนผ่าว  มองนักเลงโตตรงหน้าอย่างชิงชัง 
   
คนใจยักษ์  แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ยังไม่ละเว้น 

นายบ่าวต่างวัยลอบสบตากัน  แม่หนูยังสะอึกสะอื้นฮึกฮัก 
   
แต่ถ้าจ้อยสังเกตดีๆ  จะพบว่าคนร้องไห้จ้าไม่มีน้ำตาสักหยด

อาศัยตอนคนเจ็บเผลอ  คนตัวสูงอุ้มหนูน้อยเดินปรูดออกจากห้อง  พามานอกชาน  สิงห์ยังเหลือบมองห้องตนเป็นระยะอย่างระแวง 
   
“เมื่อกี้พี่ทำเราเจ็บหรือ” เขาวางเด็กลง  กระซิบเสียงแผ่วคล้ายกลัวใครได้ยิน  คว้าข้อมือน้อยมาเป่าเพี้ยงหาย
   
“ป่าววว” สาวน้อยส่ายหน้าจนผมสะบัด 
   
“เอ๊า” ลูกชายกำนันเสียงสูง  แทบตบเข่าฉาด “ร้องเสียดัง  ตกใจหมด”
   
“เก๊าะพี่สิงห์บอกให้หนูร้องนี่” ว่าแล้วมือเล็กก็แบหรายื่นมาตรงหน้า  สิงห์หยิกแก้มกลมอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนวางเหรียญห้าลงไป  เจ้าหล่อนหัวเราะเอิ้กอ้าก  ชายหนุ่มก็พลอยได้ยิ้ม 
   
แผนตัดไม้ข่มนามสำมะริดผล


สิงห์ไม่เคยเบื่อหน่ายที่จะเฝ้าดูแลน้อง  ไม่รังเกียจที่จะเช็ดคราบอาเจียนขาวข้นที่จ้อยพ่นออกมานองพื้นหลังฝืนใจกลืนข้าวไปได้ไม่กี่คำ  ไม่เกี่ยงงอนที่จะเช็ดตัวทำความสะอาดให้น้องถึงปลายนิ้วเท้า 

แต่สำหรับน้อง.. ทุกอย่างคงตรงข้ามกัน   

จ้อยเย็นชาเฉยเมยเหมือนภูเขาน้ำแข็ง  อย่าว่าแต่ยิ้มให้  แม้แต่หางตา  จ้อยยังไม่อยากจะเหลือบแลเขาด้วยซ้ำ  เจ้าตัวเล็กเอาแต่นอนนิ่ง  ซุกกายอยู่ใต้ผ้าห่ม  จะพยุงตัวขึ้นนั่งก็ต่อเมื่อพ่อเขาหรือน้าเวกน้าแป้นเข้ามาเยี่ยมดูอาการนั่นละ   
   
แต่พอเขาเผลอทิ้งน้องไว้คนเดียวเมื่อไรละได้เรื่อง 

ฟากฟ้าเป็นสีส้มแกมน้ำเงินแล้วตอนที่เขาทิ้งน้องไปอาบน้ำ  ไม่สิ.. เรียกว่าวิ่งผ่านน้ำจะถูกกว่า  เผลอแผล็บเดียว  กลับเข้าห้องอีกทีก็พบเพียงห้องว่างเปล่า 
   
สิงห์ร้อนรนออกตามหา  สภาพแบบนั้นจ้อยจะหนีไปไหนได้ไกล  แล้วก็จริงดังคาด  เจ้าตัวเล็กนั่งซบอิงอยู่กับหัวบันได  แสงอาทิตย์อัสดงอาบวงหน้าขาวซีดเหมือนทาสีส้มบนกระดาษขาว  มือเล็กแตะหน้าผาก ปิดตาแน่นจนคิ้วขมวด  ตัวโงนเงนเหมือนทรงตัวนั่งไม่อยู่  ไม่รู้ว่าฝืนสังขารมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร 
   
น้องสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อเขาแตะมือลงไหล่  เขยิบหนีลนลาน  และคงกลิ้งตกบันไดไปแล้วถ้าเขาไม่รวบเอวเล็กเข้าแนบอกไว้ทันท่วงที 
   
“จะกลับบ้าน” จะมีคำไหนหล่นจากปากจ้อยอีกไหมนอกจากคำนี้  ร่างผะผ่าวขืนตัวออกจากอ้อมแขน  ทำตัวหนักเมื่อเขาจะช้อนอุ้มกลับห้อง  แต่เรี่ยวแรงแค่นั้นมีหรือจะสู้แรงเขาได้ 
   
“ปล่อย..” เสียงเล็กสั่นพร่าเมื่อถูกเขาอุ้มลอยหวือจากพื้น  คำเดียวสั้นๆ ยังความรานใจมาสู่คนฟังนัก  คำเดียวสั้นๆ ที่มาพร้อมแววตาหวาดผวา  เนื้อตัวสั่นสะท้าน  และน้ำตาหยดหนึ่งที่รินร่วงลง 


คืนแล้วคืนเล่า  น้องอาการดีขึ้นทีละนิด  สิงห์ดีใจที่น้องหาย  แต่ความห่วงพะวงซุกซ่อนในส่วนลึก  กลัวน้องปีกแข็งแล้วก็พร้อมจะบินหนีไปได้ทุกเวลา 

คืนนี้จันทร์ลอยคล้อยต่ำ  จ้อยนอนกอดตัวเองอยู่ในมุ้งสีหม่น  พอเรี่ยวแรงเริ่มมี  จ้อยย่องลงจากเตียงไม้สักหนาหนัก  ปูเสื่อกางมุ้งซุกกายปลายเตียงตามวิถีที่ขี้ข้าควรเป็น  เจ้าของห้องเคยพยายามอุ้มจ้อยกลับเตียง  แต่จ้อยก็หนีเข้ามุ้งอีกเมื่อมันเผลอ  จนมันอ่อนใจได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
   
ผ้ามุ้งบางเบาหรือจะกันจ้อยจากมันได้  มันตามเข้ามาหาจ้อยอีก  สวมสอดกอดกระชับจากด้านหลัง  จ้อยรู้สึกได้ถึงเสียงก้อนเนื้อในอกกว้างเต้นตุบสัมผัสแผ่นหลัง  น่าแปลก.. มันยังมีหัวใจอยู่อีกหรือ
   
จ้อยขยะแขยง  รังเกียจ  ชิงชัง  แต่จ้อยไม่ต่อต้าน  ไม่ขัดขืน  ได้แต่นอนทื่อเป็นท่อนไม้  กลัวว่าหากขัดขืนแล้ว  มันจะทำร้ายจ้อยอีก  หลายหนมันลูบหัว  จูบหน้าผาก  จูบแก้ม  ไล้รอยน้ำตาให้  สัมผัสแผ่วเบาราวปีกผีเสื้อ  ทุกอย่างยิ่งทำให้จ้อยอยากขย้อน  สะอื้นแผ่วจนตัวสะท้าน  ส่งกระแสชิงชังไปให้มันรู้ว่าจ้อย ‘เกลียด’ มันเพียงใด     
   
นับแต่พ้นค่ำคืนวิปริต  โลกใบน้อยของจ้อยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป  สิ่งใดที่เคยสดสวยกลับกลายเป็นหมองเศร้า  หากสิ่งใดที่เคยน่ากลัวก็กลับทวีความน่ากลัวขึ้นไปอีก   เช่นความมืด.. ความมืดน่ากลัวนัก  ทุกครั้งที่แสงอุ่นนวลของโคมอัจกลับที่ห้อยแขวนกลางห้องดับวูบลง  ความทรงจำจ้อยหวนสู่ค่ำคืนนั้นทุกครั้ง 
   
จ้อยไม่เคยเจ็บปวดเท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ  แม้ชีวิตจะเคี่ยวกรำความยากลำบากมามาก  แต่ไม่เคยมีครั้งไหนทารุณเหมือนครั้งนี้  หลับตา.. สิ่งที่หลอกหลอนคือภาพผู้ชายกำลังเคลื่อนไหวบนร่าง  ครั้นพอลืมตาขึ้น  ความจริงก็ไม่เคยปลอบประโลมใจ
   
เจ็บที่สุด  เมื่อไรฝันร้ายจะหายไป  จ้อยจะมีโอกาสตื่นขึ้นอีกไหมในโลกแสนสุขใบเดิม 

เช่นในคืนนี้  จ้อยสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย  เพียงเพื่อพบความจริงที่เลวร้ายกว่า

ใบหน้าคมคร้ามจ่ออยู่ใกล้แค่คืบ  ดวงตาคู่นั้นปิดสนิท  ผ่อนลมหายใจยาวเป็นจังหวะอย่างคนจมอยู่ในห้วงนิทรา  แขนกำยำพาดอยู่บนตัวจ้อย  มือเล็กค่อยๆ ยกมันออก  หนาหนักเหมือนท่อนไม้แข็ง  ก่อนขยับลุกออกมานอกมุ้ง  ทุกการเคลื่อนไหวเงียบเชียบ  เบากริบ  ระแวดระวังกลัวมันจะตื่น  จ้อยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ 
   
หนุ่มน้อยถอนใจแผ่วเมื่อหลุดพ้นจากกรงกอด  ดวงตาไหวระริกเหลียวมองไปรอบห้องมืด  จ้อยแค่อยากมีที่คุ้มหัวที่อบอุ่น  เป็นสุข.. ความจริงไม่ต้องอบอุ่นมาก  ไม่ต้องเปี่ยมสุขนักก็ได้  ขอเพียงแค่ซอกมุมเล็กๆ ที่ปลอดภัย  ไม่ต้องนอนผวากลัวใครจะมาทำร้าย  ขอแค่พื้นที่เล็กๆ  ที่ความมืดไม่รังแกใจ  อนิจจา.. เรือนไทยไม้สักของกำนัน  แสนกว้างใหญ่  สูงค่า  แต่หาความอุ่นใจเทียบเท่าพื้นที่เล็กๆ เช่นตักยายไม่มี

ท้ายเรือนไทยหลังงามมีเรือกสวนรกครึ้มของกำนันเสริม  น้าเวกคนสวนมือเย็นปลูกและดูแลพืชพันธุ์ทุกต้นด้วยความเอาใจใส่  จ้อยเดินลัดเลาะตามทางคดเคี้ยว  ผ่านไม้ต้นไม้ดอกนานา  มะม่วง ขนุน มะยม หางนกยูงฝรั่งยืนต้นทะมึนในความสงัด  จำปา จำปี ดอกพุด ดอกแก้ว กระดังงา มะลิ กุหลาบ ยิ่งดึกยิ่งส่งกลิ่นหอมแรงแข่งกันจนอวลฟุ้ง 
   
จ้อยมัวแต่พะวงเหลียวหลังล่อกแล่ก  จนแทบสะดุดกิ่งไม้หกล้ม  กลัวเหลือเกินว่า ‘มัน’ จะตามมา  จ้อยทนอยู่ในห้องนั้นไม่ได้  แค่เห็นหน้าใครคนนั้นก็เจ็บปวดราวกับถูกทุบตีกระหน่ำ  ความมืดน่ากลัวก็จริง  แต่ยังน่ากลัวน้อยกว่า ‘มัน’  ..คนที่นอนอยู่ในห้องนั้น..

สู้จากมาอยู่ไกลถึงในสวน
เพื่อมาครวญมาหมองแอบร้องไห้
เพื่อดิ้นรนดำรงกายพอหายใจ
เพื่อมาตายไกลๆ คนใจดำ**


ใต้ต้นมะดันใบดกหนามีกอมหาหงส์ขึ้นแน่นขนัด  ที่นี่ละ  มิดชิดเหมาะสำหรับซ่อนตัวที่สุด  จ้อยแทรกกายเข้าไปนั่งแปะลงกับพื้นเย็นชื้น  สองมือกอดรั้งตัวเองแน่น  จะมีงูหรือมีตะขาบจ้อยก็ไม่สน  เพราะอสรพิษพวกนั้นยังน่ากลัวน่าชิงชังน้อยกว่าคนที่นอนอยู่ในห้องนั่น  จ้อยจะซ่อนตัวอยู่ตรงนี้  ไม่มีใครเห็นจ้อย  ไม่มีใครมาจับตัวไป  ไม่มีใครมาทำร้าย  จ้อยจะซ่อนเงียบๆ  นั่งนิ่งไม่กระดุกกระดิก  จะได้ไม่มีใครหาเจอ
   
มหาหงส์ออกดอกขาวเต็มช่อส่งกลิ่นหอมเย็น  แสงจันทร์ส่องชโลมกลีบบอบบางจนนวลกระจ่าง  สวยเหลือเกิน  เงยหน้ามองขึ้นไปจากตรงนี้ เจ้าดอกขาวสะอ้านดูสูงส่งเกินเอื้อม  ยายเคยบอกว่าจ้อยกับพี่จินดาเหมือนมหาหงส์  แม้เรามาจากดิน  เกิดจากที่ต่ำ  แต่วิชาความรู้และคุณงามความดีจะทำให้เราชูช่อขึ้นไป  ขาวสะอาด  บริสุทธิ์  กำจายกลิ่นหอมเฟื่องฟุ้งแดนดิน 

ก้อนสะอื้นแล่นลามขึ้นเสียดอกจนหายใจขัด  กระบอกตาร้อนผ่าว  จ้อยไม่ใช่มหาหงส์หรอกยายจ๋า  นี่ต่างหาก.. จ้อยอยู่ตรงนี้..
   
จ้อยก้มหน้าลง  ดวงตาพร่าพรายก้มมองพื้นข้างตัว  มือสั่นระริกเอื้อมไปแตะแผ่วเบา

ดอกหญ้าต้นข้างกายปลายหักพับ
ซบยอดกับโคนต้นคอยคนย่ำ
เพราะอ่อนแอจึงเข็ญเป็นประจำ
เจ้าอย่าซ้ำเลยเพื่อน.. เราเหมือนกัน**


 
อย่าให้บรรยายเลยว่าสิงห์รู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นน้องในสภาพนั้น!

เขาตื่นกลางดึก  สะดุ้งใจหายเมื่อรู้ว่าน้องไม่อยู่ในห้อง  เที่ยวตามหาจนทั่ว  เดินลัดเลาะไปในสวนหลังบ้าน  เหงื่อเม็ดโตผุดพรายอาบแผ่นอกกำยำจนมันปลาบ  มือใหญ่ถือไฟฉายส่องกราดทั่วไป  จนแสงจ้าส่องกระทบเข้ากับร่างเล็กที่นั่งขดอยู่ในกอมหาหงส์   
   
จ้อยเองก็เห็นเขาแล้วแน่ๆ  ถึงได้ขดตัว  ซุกหน้ากับเข่าแน่น และถ้าหูไม่ฝาด  เสียงสะอื้นแผ่วหวิวล่องลอยมาตามลม 
   
ชั่วอึดใจที่คล้ายทั้งร่างเจ็บชาราวห่อหุ้มด้วยน้ำแข็ง  ก้อนเนื้อในอกถูกบีบรัดแทบแตกป่น  สิงห์ร้อนผ่าวที่สองตาขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
   
มือใหญ่ดับไฟฉาย  เรือกสวนกลับคืนสู่ความมืด  มีเพียงแสงจันทร์สลัวลางสาดส่อง  นักเลงโตเดินตัวชากลับไป 

ได้ตัวน้องมาแล้วอย่างไรเล่า  ไม่เห็นจะดีอย่างที่ไอ้ลอยบอกสักนิด 
   
สองขาพาร่างเลื่อนลอยมาหยุดอยู่หน้าเรือนบ่าว  ดึกป่านนี้น้าเวกน้าแป้นคงหลับแล้ว  แต่สิงห์ต้องจำใจเคาะบานไม้ตึงตังพลางส่งเสียงเรียก
   
น้าเวกเปิดประตูออกมา  หัวหูยุ่งเหยิง 
   
“ขอยืมตัวน้ำฝนหน่อย” ลูกชายกำนันแจ้งความจำนง 
   
“หา” ตะแกแทบหายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง “มันดึกแล้วนาสิงห์  น้องหลับไปแล้ว”
   
“ขอร้องล่ะน้า” สิงห์ยกมือไหว้ท่วมหัว  ผู้มากวัยกว่าถอนใจอึดอัด  ทว่าอะไรบางอย่าง.. อะไรบางอย่างในดวงตาหม่นเศร้าครู่นั้น  ทำให้แกยอมปลุกลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาแต่โดยดี

เด็กหญิงตัวกลมหาวหวอดๆ  ในอ้อมแขนยังกอดตุ๊กตานางฟ้าที่พี่คุณชายฝากพี่จ้อยเอามาให้  ตาปรือแทบปิด  ถ้าไม่ได้มือใหญ่จับจูงนำทางคงสะดุดล้มหัวปักพื้นไปแล้ว 
   
จู่ๆ พี่สิงห์ก็หยุดกึก  น้ำฝนเดินไม่ดูเลยชนขาพี่สิงห์ดังตุบ  ตอนนั้นเลยเพิ่งรู้ตัวว่าพี่สิงห์พามาใต้ต้นมะม่วงที่น้ำฝนชอบมาปีนเล่นบ่อยๆ  พี่สิงห์ย่อตัวลงจับไหล่น้ำฝนไว้แน่นเชียว   

“น้ำฝนรักพี่จ้อยไหม” พี่สิงห์ถามแบบนี้  น้ำฝนตาสว่างเลย  รีบพยักหน้าหงึกหงัก  มันแน่อยู่แล้ว  รองจากพ่อแม่  น้ำฝนรักพี่จ้อยที่สุด  ถึงพี่คุณชายจะหล่อกว่า  แต่พี่คุณชายก็มาทีหลังพี่จ้อย

ว่าแต่พี่สิงห์จะกระซิบทำไมนะ

“พี่จ้อยอยู่ตรงโน้น  เห็นไหม” เขาชี้มือไปทางกอมหาหงส์ที่น้ำฝนชอบแอบไปยืนดม  มันหอมดี  แต่แม่ว่าตลอด  บอกว่าดมดอกไม้จากต้นเดี๋ยวได้ผัวแก่  แต่น้ำฝนว่าถ้าแก่กว่าซัก ๑๒ ปีอย่างพี่จ้อยก็ไม่เป็นไรหรอกแม่จ๋า
   
“น้ำฝนไปหาพี่จ้อยนะ  พาพี่จ้อยไปนอนบนบ้าน  ไปนอนในห้อง” หือ  ผีเข้าพี่สิงห์หรือเปล่า  วันนี้ไหงเสียงอุ่น..อ่อนโยนจัง.. ปกติออกจะเสียงดัง  เอะอะมะเทิ่ง  ชอบดุชอบตวาดอยู่เรื่อย
   
ว่าแต่น้ำฝนไม่เข้าใจเลยว่าพี่จ้อยไปอยู่ตรงนั้นทำไม  เล่นซ่อนแอบกันหรือ  แม่เคยบอกว่าเล่นซ่อนแอบตอนกลางคืนผีจะลักตัวไปซ่อนนี่นา  พี่จ้อยนี่เล่นไม่เข้าเรื่องเลย
   
“ถ้าพี่จ้อยจะให้หนูนอนด้วย  หนูก็นอนเป็นเพื่อนพี่จ้อยนะ  แล้วบอกพี่จ้อยว่า.. คืนนี้พี่สิงห์ไม่กลับบ้าน  ไม่ต้องห่วง  ไม่ต้องกลัวนะ”
   
น้ำฝนคงทำหน้าเป๋อเหลอน่าดูชม  พี่สิงห์ถึงได้ถามย้ำ “รักพี่จ้อยไหม” น้ำฝนพยักหน้าอีกที 
   
“งั้นทำอย่างที่พี่บอก  นะ”

พี่สิงห์ดึงตัวน้ำฝนไปกอดไว้  กอดแน่น.. แน่นจนน้ำฝนแทบหายใจไม่ออก 
   
เอ.. หยดอะไรมันร่วงลงไหล่เผาะๆ

“ฝากกอดของพี่ไปกอดพี่จ้อยด้วย  กอดพี่จ้อยแทนพี่ที” พี่สิงห์กระซิบอยู่ข้างหู  เอ..เป็นหวัดหรือเปล่า  เสียงถึงขึ้นจมูก  พี่จ้อยเอาไข้มาติดพี่สิงห์ซะละม้าง
   
“แล้วพี่สิงห์ไม่รักพี่จ้อยหรือ” น้ำฝนถามบ้างตอนเขาคลายอ้อมกอดออก  เห็นตาฉ่ำๆ แดงๆ ในแสงจันทร์สลัวๆ 
   
“รัก..” พี่สิงห์ยิ้ม  แต่ทำไมน้ำฝนรู้สึกว่ามันเศร้าจัง 
   
“ทำไมไม่กอดเอง  กอดหนูไม่อุ่นหรอก” 
   
พี่สิงห์นิ่งไปนิดนึง  น้ำฝนถามอะไรผิด  “แต่พี่กอดพี่จ้อยไม่ได้.. กอดไม่ได้..” เขาสูดจมูกฟืด  ก่อนรุนหลังน้ำฝน “ไปเร็ว  ยุงกัดพี่จ้อยแย่แล้ว  อย่าบอกพี่จ้อยนะว่าพี่อยู่ตรงนี้” 

จากตรงนี้.. โคนมะม่วงใหญ่ใบดกครึ้ม  สิงห์แอบมองเด็กหญิงเดินไปหาจ้อยจากตรงนี้  เห็นจ้อยสะดุ้งเมื่อมือเล็กแตะไหล่  หากพอรู้ว่าเป็นใครก็คว้าเข้าไปกอดแน่น  ร้องไห้โฮ 
   
เขาได้แต่เฝ้ามองด้วยใจร้าวราน 

สิงห์ได้แต่เฝ้ามองเงียบเชียบเหมือนกาฝากเกาะต้นมะม่วง  เฝ้ามองน้ำฝนจูงมือจ้อยขึ้นเรือนไป  เสียงสะอื้นค่อยๆ แผ่วหาย  แสงโคมไฟสว่างเล็ดลอดจากบานหน้าต่างห้องทิศตะวันออก     
   
เขานั่งอยู่ ณ ตรงนั้น  เงยหน้าขึ้นมองจันทร์เสี้ยวเกี่ยวแขวนบนฟากฟ้า  ขอบตาระบม  หัวใจระทม

ขอแค่เพียงสักคราวได้ไหม  ที่จันทร์จะทอแสงมา  แม้รู้ดีว่ามันคงไม่ได้ช่วยอะไรมาก  แต่อย่างน้อยอาจทำให้น้ำตาอุ่นขึ้น


รอหัวใจเจ็บน้อยลง


ติดตามต่อครึ่งหลังจ้า
__________________________________________________________________
* ดอกหญ้า, ชาลี อินทรวิจิตร คำร้อง, สุเทพ วงศ์กำแหง ขับร้อง
**เกษมสุข บุณยมาลิก



บ้าจริง.. เขียนตอนนี้ไปน้ำตาไหล  “แม้เรามาจากดิน  เกิดจากที่ต่ำ  แต่วิชาความรู้และคุณงามความดีจะทำให้เราชูช่อขึ้นไป” วรรคนี้แอบเอาคำสอนของพ่อมา พอเขียนถึงก็เลยคิดถึงพ่อ  (พ่อเราไม่อยู่แล้วค่ะ T_T)

แล้วเขียนๆ ไป  ชักเริ่มสงสารหนูจ้อยขึ้นมาตะหงิดๆ แล้วซี (ที่ผ่านมาไม่เคยสงสารเลยว่างั้น =..=) เอางี้นะเด็กๆ เหตุการณ์ต่างๆ มันก็ต้องดำเนินไปตามครรลองอ่ะนะ  แต่เดี๋ยวพอบทพวกเอ็งจะหวานกัน  แม่เอ็งจะเขียนให้สวีทหยดมดชักแถวเลยเอ้า (ตบเข่าฉาด) จริงๆ นะ ให้ดิ้นตายเถอะ  ปล. รออีกหน่อยนะพวกเอ็ง (คนอ่านด้วยนะจ๊ะ^__^)

รักคนอ่านเหมือนถ่านรักเตา ฮิ้ววว  :-[

ดอกไม้
๙ ธ.ค. ๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 09-12-2012 23:41:50
สิงห์เอ๊ยยย.....ทำเขาไว้ขนาดนั้นก็ต้องทำใจนะ ขอให้แผลกายแผลใจจ้อยหายไวๆ

ปล.คิดถึงคุณชายจังค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 09-12-2012 23:44:35
hurt เหลือเกิน น้ำตาร่วงเผาะ :m15:

ไม่มีไรจะพูด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 09-12-2012 23:45:43
ฮือออออออออออออเศร้า เริ่มสงสารพี่สิงห์แล้ว
แต่ว่า...ก็สงสารจ้อยมากกว่าอยู่ดี เสียใจต่อไปก่อนนะพี่สิงห์  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 09-12-2012 23:49:53
สงสารสิงห์เหมือนกันนะต้องมองอยู่ไกลๆจะแตะก็ไม่ได้
ทำเค้าเจ็บก็ต้องใช้เวลารักษานะสิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: MelodyKJJ ที่ 09-12-2012 23:53:51
ในที่สุดก็มาต่อแล้ว  :sad4: มันทำร้ายจิตใจมากเลยอ่ะ แต่สิงห์ก็เป็นคนที่ทำให้จ้อยเป็นแบบนี้เองนี่นา
แอบสงสารนะ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง = = ร้องไห้ตามทั้งน้องทั้งพี่มาหลายรอบแล้ว ครึ่งหลังขอยิ้มบ้างได้มั้ยครับ
คุณดอกไม้  :o8: สงสารสองคนนี้จับใจเลยจริงๆ  :z3:
แอบคิดถึงคุณเล็กอยู่เหมือนกัน  :-[ มาต่อครึ่งหลังไวๆนะคร๊าบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: SaTan_G ที่ 09-12-2012 23:59:25
คนเขียนอย่าใจร้ายกับจ้อยมากเลยค่ะ สงสารรรรร
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 10-12-2012 00:04:20
น้ำตาซึม โคตรเศร้าเลยอ่ะ  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 10-12-2012 00:05:09
พี่สิงห์ พยายามเข้า มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ช่วยได้มั่งล่ะ
เศร้าเลย ตอน ฝากกอด เนี่ย เหมือนพี่สิงห์ รุ้ตัวล่ะ ว่า ตัวเองอยู่ตรงไหน ㅠ ㅠ
ตอนหน้า มาเร็วๆเถอะ ไม่เอา ครูคนึงนะ 555
ให้น้องจ้้อยกะพี่สิงห์ มีความสุขหน่อยเถอะ
ว่าแต่ เชี่ยลอยอยู่ไหน !!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 10-12-2012 00:08:48
แปะโป้ง เค้ายังไม่กล้าอ่านอยู่ดี
เฝ้ารอวันฟ้าใสของน้องจ้อย
+1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 10-12-2012 00:10:47
อ่านตอนนี้แล้วสงสารสิงห์มาก เผลอๆมากกว่าจ้อยอีก  :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 10-12-2012 00:12:38
น้ำตาร่วงเลยตอนนี้
สงสารพี่สิงห์
 :sad4:

เม้นไม่ออกบอกไม่ถูก
รู้แต่ใจจะขาดตามพี่สิงห์ไปแล้วค่ะคุณดอกไม้

ปล.เค้าแอบคิดถึงชายเล็กอ่ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-12-2012 00:14:25
ตอนมันเลว มันก็เลวได้ใจ
พอมันเศร้า ก็พาเราน้ำตาไหลไปด้วย
อิพี่สิงห์เอ็งนี่น้า...
สงสารน้องจ้อยเหลือเกิน ทั้งเจ็บทั้งกลัว
แล้วต้องมานอนร่วมห้องอยู่ทุกคืนวัน
ชีวิตไฉนมืดมนไร้แสงสว่างเช่นนี้
หวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะทำให้พี่สิงห์เกิดพุทธิปัญญาขึ้นมาสักนิด
กลับตัวกลับใจมาเป็นคนธรรมดาเสียที เลิกชีวิตนักเลง เลิกคบเพื่อนเลว ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: momoshiro ที่ 10-12-2012 00:16:37
หนูจะรออย่างที่แม่บอกนะจ๊ะ : )

จริงๆพี่สิงห์แค่..พลาดเพราะคำยุยงของไอ้ลอยนี่นา ใจพี่สิงห์ไม่เคยเกลียดน้อง น้องก็ไม่ได้เกลียดพี่หรอกอยากให้น้องรู้จังว่าพี่ทำเพราะหึงเพราะหวง พี่รักมากก็เอาอารมณ์มาเป็นที่ตั้ง

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 10-12-2012 00:23:46
ดราม่าน้ำตาหยด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: papa_paolo ที่ 10-12-2012 00:38:27
อ่านแล้วน้ำตาร่วงงงงง
 :sad4: :sad4: :sad4:



 :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 10-12-2012 00:42:27
อ่านแล้วก็ได้น้ำตามันทุกครั้ง  :m15: :m15: :m15:
อยากให้จ้อยหายจากอาการนี้ อยากให้ได้เจอยายสักครั้งทั้งความดีและการศึกษาจ้อยมีหมด จ้อยไม่เป็นแค่ดอกหญ้าแน่นอน
อย่าตกต่ำเพราะคนอื่นเลยเนอะ ร้องตอนนี้ไม่ได้สงสารน้องจ้อยอย่างเดียว สงสารอีพี่สิงห์ด้วย
อยากกอดก็กอดไม่ได้ เค้าไม่ต้องการ ทำเองรับเอง กรรมใดใครก่อ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 10-12-2012 00:44:45
ตามมาอ่านจนถึงตอนล่าสุดแล้ว
อ่านไปร้องไห้ไป สงสารจ้อยมากมายกับตอนล่าสุด
ไม่รู้ว่าอะไรจะช่วยเยียวยาให้จ้อยให้จากความหวาดกลัวในครั้ืงนี้ได้
ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรที่เลวร้ายกว่านี้เกิดขึ้นกับจ้อยอีก
กลัวจังว่าจ้อยจะรับไม่ได้แล้วคิดทำอะไรไม่ดีขึ้นมา
โอ่ยยยยยยยยยยยย ไม่อยากจะคิด

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
ชอบมาก ๆ เลยค่ะ  รอตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 10-12-2012 00:52:11
สงสารสิงห์ เห้อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: อากาศใต้ผ้าห่ม ที่ 10-12-2012 00:56:04
ปาดน้ำตา โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ  :o12:

สงสารทั้งพี่สิงห์ ทั้งน้องจ้อย  :sad4:
พี่สิงห์เอ้ยพลาดแล้ว รีบไปบอกขอโทษน้อง
บอกว่ารักน้อง แล้วจะสัญญาอะไรก็รีบทำเถอะพี่เอ๋ย

ไอ้ลอยยยยยย ไอ้ความคิดชั่ว
ข้าจะจ้างคนไปรุมทะลวงเอ็ง!!!!  :m31:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: XOXO ที่ 10-12-2012 01:01:54
น้ำตาตกใน ฮือออออ สงสารพี่สิงห์ ทุกอย่างเกิดจากความรักจ้อยทั้งนั้น (แต่ขาดสติไปเยอะเลยนะ) รักกันไวๆ สาธุๆค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-12-2012 01:24:26
โอ๊ย สงสารจ้อยมาก อ่านไปร้องไห้ไป ฮือๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PRMWi ที่ 10-12-2012 01:25:44
หนูรักพี่จี้นะ



ห้ะ! อะไร!?    นั่นหล่ะ.  แค่อยากบอก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 10-12-2012 01:28:50
สงสารทั้งคู่จริงๆ รักนี้มันสาหัสยิ่งนัก T_T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wijii ที่ 10-12-2012 01:32:30
สงสารน้องจ้อย

อนากจะสงสารไอ้สิงห์มันด้วย แต่ไว้มันทำตัวให้ดีกว่านี้ค่อยสงสารมัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: LapiN ที่ 10-12-2012 03:04:34
อ่านตอนนี้แล้วอยากจะร้อง คนรักกันทำไมต้องเกิดเรื่องอย่างนี้ด้วย สงสารทั้งจ้อยทั้งสิงฆ์เลย T_T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: peary ที่ 10-12-2012 03:31:42
น้ำตาหยดแหมะๆ T_T สงสารจ้อย และสงสารพี่สิงห์ อยากจะสมน้ำหน้าที่ทำตัวเอง...แต่พี่สิงห์น่าสงสารจริงๆนะ T^T
รออ่านวันที่ทั้งสองคนจะหวานกันสักที...คุณดอกไม้สัญญาแล้วนะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ รออ่านต่ออย่างใจจดจ่อ :)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 10-12-2012 05:17:03
ทรมานทั้งสองคนไม่รู้จะนานแค่ไหน ถึงจะมองหน้ากันได้

T.T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 10-12-2012 07:00:11
โอ๊ยยยยย....สงสารจ้อยจริงๆเห็นใจสิงห์มันด้วย
แต่สิงห์มันทำตัวของมันเอง
รอตอนที่จะสวีทกันแต่เมื่อไหร่ละเนี่ย
คิดถึงคุณชายกับอาจารย์แล้ว
+1 นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: midnightblue ที่ 10-12-2012 07:29:24
อร๊ายยยยย งั้นรีบเขียนต่เร็วๆเลยค่ะ
จะได้ถึงตอนมดชักแถว สวีทหวานแหวซักที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 10-12-2012 08:02:08
สงสารพี่สิงห์  :o12: :sad4:
จ้อย เฮ้อออออออออออออออออออ  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 10-12-2012 08:54:07
อ่านแล้วน้ำตาไหล
สงสารมาก แบบว่าเศร้า
รอตอนต่อไปนะ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 10-12-2012 08:58:53
แล้วจะต้องรออีกนานไหมคุณดอกไม้ ไอ้บทหวานที่ว่านะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 10-12-2012 10:08:07
อ่านตอนนี้แล้วจะร้องไห้ให้ได้เลยจริงๆ
สงสารทั้งคู่ ตอนที่สิงห์เรียกน้ำฝนมาตามจ้อย มันบีบหัวใจมาก
จะรอวันหวานนะคะคุณดอกไม้ อยากโดนมดกัดแล้วเอย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 10-12-2012 11:04:09
 :sad11: เศร้า

ชักจะรำคาญจ้อยละน้ายอมๆเขาไปเหอะ :z3:

ฝนน่ารักอ่ะ อ่ะให้ดอกไม้ฝน :3123:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 10-12-2012 11:05:29
สงสารสิงห์ เห็นจ้อยเป็นแบบนั้นสิงห์คงจะเจ็บปวดมาก แต่สิงห์ต้องไม่ละความพยายามนะ และก็พูดกับจ้อยตรง ๆ ได้แล้ว รู้สึกยังไงก็พูดกับจ้อยสิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 10-12-2012 11:56:49
น้ำตาคลอออ สงสารสิงห์ สงสารจ้อย ขอให้กลับมาหวานและเข้าใจกันไวไว

แล้วก็ขอให้ไอ่ลอย ตายแบบทรมานๆ เอาให้กระอักเลือดออกมาเลยนะ แม่ดอกไม้ o18
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 10-12-2012 12:30:07
เมื่อไหร่ดราม่านี้จะจบลง TT^TT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 10-12-2012 12:47:58
ฮือๆ น้ำตาซึมเลย :impress3:
มันหนึบในอก สงสารทั้งสองคน
ยังดีที่มีน้องหนูน้ำฝนเป็นผู้ช่วยพี่สิงห์ ดูแลจ้อยได้บ้าง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 10-12-2012 13:04:35
T________T
ขมขื่น  พูดไม่ออกเลย :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 10-12-2012 13:36:50
ข้าสงสารเอ็งเหลือเกินสิงห์  :sad4: :sad4:


ยังไม่สายๆ ขอจงอย่าท้อถอย อย่าให้กิเลสตัณหา มาครอบงำฉุดเราให้ลงไปอยู่ในตม เอาสันดานที่ดีของเอ็งมาสู้สันดานเสียของคนอื่นได้แล้ว  แล้ววันที่จันทร์ จะทอแสงมาที่เอ็ง ต้องมาถึงแน่นอน  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 10-12-2012 14:57:09
เห็นแม่ดอกไม้บอกว่า พ่อของแม่ดอกไม้ไม่อยู่แล้ว แม่ยกพี่สิงห์ไม่ขอถามให้มากความ

เอาเป็นว่า ถ้าพ่อของแม่ดอกไม้รู้ว่า วิชาความรู้ที่แม่ดอกไม้มี ช่วยทำให้ใครๆหลายคนมีความสุข
กับสิ่งที่แม่ดอกไม้ตั้งใจเขียนให้อ่าน  แม่ยกพี่สิงห์ว่า พ่อของแม่ดอกไม้คงปลื้มใจมากๆ ^^

ไม่ถามให้มากความอีกเหมือนกันว่า เมื่อไหร่ที่พ่อสิงห์กับพ่อจ้อยจะมีความสุข
เพราะเรื่องแบบนั้นคงอีกนาน  รับประกันด้วยความเศร้าที่มันยังไม่มีท่าทีจะเบาบางเลย

น้องกลายเป็นคนกลัวความมืด กลัวพ่อสิงห์ จนจับใจ แม่ยกเห็นแล้วน้ำตาจะไหล พาลกินข้าวไม่ลง
ว่าแล้วก็ไปฟาด หนมจีน+น้ำยา ชามที่สาม แทน T T


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 10-12-2012 16:57:04
อัยยะ น้องจ้อยเเขยงสิงห์ขนาดนี้
ยังหวังบทหวานได้อีกหรอเนี๊ย

เฮ้อ  เศร้าจัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 10-12-2012 17:24:21
สงสารสิงห์มากมายจ้า ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 10-12-2012 22:20:07
เฮ้ออออ สิงห์เอ้ยยยยยยย  :m15:
ขอให้เวลาจ้อยหน่อยนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kai_kaka ที่ 10-12-2012 22:51:14
เจ็บทั้งคู่  :o12: พี่สิงห์เอาความดีชนะใจน้องจ๋อยก็แล้วกัน เรื่องอย่างนี้ต้องใช้เวลาo4
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 11-12-2012 01:39:58
โอยยย อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ
สงสารสิงห์จิงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 11-12-2012 11:55:02
ขณะกำลังเริ่มอ่าน และ  ก็เปิดเพลงฟังเรื่อย  ๆ  แบบแรนด้อม   

ตรงที่สิงห์ฝากกอดไปให้จ้อย  น้ำตาเริ่มปริ่ม  เพลง สายตาคู่นั้นก็เล่นพอดี 

อ่านไปเรื่อย ๆ  เขื่อนน้ำตาแตกเลย   

ขอบคุณนะครับคุณดอกไม้ 


(ตอน ม ปลาย เรียนวิชาภาษาไทย   ครูบอกว่า ภาษาไทยเป็นภาษาที่สวยงามสละสลวย

ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง   แต่พอมานั่งอ่านมหาหงส์  ก็รู้เลยว่า   ภาษาไทย  สวยงาม  สวยงามจริงๆ  ขอบคุณอีกครั้งนะครับ)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 11-12-2012 14:22:58
 :m31: :m31: :m31:ไอ้ลอยนี่เลวได้ใจจริง :z6: :z6: :z6:


ว่าแต่ไอ้พี่สิงห์นี่รักเค้าก็ทำตัวให้มันดีๆดิสงสารจ้อย :กอด1: :กอด1: :กอด1:


รออออออออออจ้า :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pie_handsome ที่ 11-12-2012 17:33:13
อยากอ่านต่อ อยากอ่านต่ออออ แล้วอ่า TT
สนุกมากเลยครับพี่ดอกไม้
แบบว่าเศร้าจนน้ำตาไหล TT สงสารทั้งพี่สิงห์น้องจ้อย
อยากให้กลับมาดีกันไวๆ
รีบๆ มาอัพนะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 12-12-2012 09:45:08
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:จ้อยก็สงสารสิงห์ก็สงสารอะ :z13: :z13:


รอออออออออออออออออออออออออออจ้า :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 13-12-2012 01:34:59
สงัดกริบ...น้ำตารื้น...sad ได้ใจจริงๆ เวลาอย่างเดียวเลยใช่มั้ยที่ต้องการ / จ้อยใจแข็งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้วงานนี้จะได้หวานกันอีท่าไหนว๊า จริงๆต้องถามว่า "เมื่อไหร่" มากกว่าสินะ / แล้วสิงห์อ่ะ จะไหวมั้ย? จะเข้าหาเป็นมั้ย? แล้วจะแสดงออกยังไงให้รู้ว่ารัก? แล้วน้องจะให้โอกาสเหรอ? ว้ากกก มีแต่ประโยคคำถาม ที่อีกนานกว่าจะได้คำตอบ(รึเปล่า?) . . . โศกสาด

เจ็บสุดตอนที่น้องเรียกพี่ว่า "มัน" ทุกครั้ง...ขนาดแค่เป็นความคิดในใจนะ แกเอ้ย จุกตึ้บ!!

ขณะนั่งอ่าน คนข้างๆถามว่า
"ทำอะไรน่ะ?" เลยหันไปตอบว่า
"ก็อ่านหนังสือ"
"...เหรอ นึกว่า นั่งสมาธิ"
"เหอะๆๆๆ" หันไปหัวเราะแหยๆเบาๆ
เอ่อ...ไอ้สิงห์มันเอาอยู่น่ะ ทำซะนิ่งเลย แต่จะให้อธิบายยังไงได้ล่ะเนี่ย โฮะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 13-12-2012 22:16:36
ตอนนี้ร้องไห้เลย

สงสารทั้งจ้อยและสิงห์

รีบมาต่ออีกเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: patchybelle ที่ 13-12-2012 23:05:08
ร้องไห้ น้ำตาไหล  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: aeka ที่ 13-12-2012 23:06:23
สมน้ำหน้า 5555+
ชอบตอนดราม่าแบบนี้จัง
ให้ง้อให้เข็ด


รอคุณดอกไม้ต่อปาย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 13-12-2012 23:57:49
น้ำตาซึมก่อนนอน ใจก็สงสารจ้อย ใจก็สงสารสิงห์ จ้อยเอ๊ย พี่สิงห์นักเอ็งนะรักมากด้วย
แต่ที่ทำก็หนักหนาเอาการอยู่ จะให้อภัยกันง่าย ๆ ก็ไม่เรื่อง สมัยก่อนเรื่องอย่างนี้มันเลวร้าย
อย่างว่าจ้อยรับภาระกับการที่ต้องทำหน้าที่แทนพี่จินดาด้วย หนูน้ำฝนน่ารัก ภาวนาให้สองคนนี้เข้าใจกันในเร็ววัน
ป.ล. รอนานมากกกกกก เลยค่า แต่ก็จะรอต่อไป ขอบคุณนะคะ สนุกมาก ภาษาสละสลวย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 16-12-2012 21:05:17
 :o12: น้ำตาคลอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 17-12-2012 13:48:20
น่าสงสารอ่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 17-12-2012 20:30:33
เศร้าสุด ๆ :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 18-12-2012 11:41:39
 :sad4: :sad4: :sad4:หายไปไหนนนนนนนนนนนนนนนนนนนอะ


 :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 18-12-2012 14:55:27
ทรมานใจเหลือเกิน เมื่อไหร่สิงห์และจ้อยจะคืนดีกัน ทรมานที่สุด :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 19-12-2012 11:16:55
บทที่ ๒๒

ดอกหญ้า

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


โลกของจ้อยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วจริงๆ

ตลาดยอดตอนใกล้รุ่งเคยคึกคักจอแจอย่างไร วันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น  ทั้งพ่อค้าแม่ขายและคนซื้อต่างยิ้มแย้มรับวันใหม่อย่างแจ่มใส  แต่ในความรู้สึกจ้อย  ทั้งสายตา รอยยิ้ม และคำทักทายที่ส่งมาให้ล้วนกรีดลงในใจเหมือนรอยมีด
   
หลังจากหายดีเป็นปกติแล้ว  คุณนายก็ให้จ้อยออกมาจ่ายตลาดดังเดิม  จ้อยไม่อยากออกมาเลย  ไม่กล้าเจอสายตาผู้คน  เถ้าแก่จั่นแผงขายหมูที่ส่งยิ้มมาให้นั่นจะรู้เรื่องระยำอัปรีย์ที่เกิดกับจ้อยหรือเปล่า  เจ๊เน้ยร้านข้าวแกงที่ร้องทักเสียงใสเพราะจ้อยหายไปหลายวันนั่นเล่าจะรู้ไหม 
   
ภายใต้สายตาและรอยยิ้มเหล่านั้น  มีความสมเพช มีความสะอิดสะเอียดซุกซ่อนอยู่หรือไม่   

จ้อยเดินก้มหน้างุด  หลบสายตาผู้คนเหมือนวัวสันหลังหวะ  ไม่ว่าใครจะทักทายอะไรก็เอาแต่ก้มหน้า  ตะกร้าใหญ่หนักอึ้งที่คล้องแขนอยู่ยังไม่หนักหนาเท่าสิ่งที่กดทับอยู่ในหัวใจ  อึดอัดเจียนบ้า
   
เมื่ออยู่บ้านกำนัน  จ้อยพยายามหลบหน้าหลบตาไอ้สารเลวที่มันทำลายจ้อย  ไม่รู้ว่าฟ้าเข้าข้างหรือมันจงใจ  เพราะหลังๆ มานี่มันไม่ระรานจ้อยอีก  ตอนกลางคืนจ้อยก็ครองห้องมันอย่างสบายใจ  จ้อยไม่สนหรอกว่ามันจะไปซุกหัวนอนที่ไหน  ขอเพียงอย่าอยู่กันลำพังสองคนได้เป็นพอ

แต่ดูท่า.. วันนี้ฟ้าคงไม่เข้าข้างจ้อยเสียแล้ว     

ไอ้ลอย ไอ้หมาน ไอ้เลิศนั่งละเลียดกาแฟอยู่หน้าร้านเจ๊กโก!

เพราะจ้อยมัวแต่ก้มหน้าเดิน  กว่าจะเงยหน้าขึ้นมาเห็นพวกมันก็อยู่ในระยะใกล้แค่ไม่กี่ก้าวเสียแล้ว  จู่ๆ มือไม้ก็สั่นระริก  เหงื่อชุ่มมือทั้งที่เย็นเฉียบ  สองขาถอยหลังเงอะงะ  มัวแต่พะวงหน้าไม่พะวงหลังให้ดีเลยชนกับป้าข้างหลังดังโครม  แกเอ็ดตะโรใหญ่  ยิ่งดึงดูดสายตาใครต่อใครให้หันมอง
   
รวมถึงพวกมันด้วย! 

ไอ้ลอยละสายตาจากหมวยเกี้ยคนสวยหันมองจ้อย  มันหยักยิ้มเจ้าเล่ห์  เขวี้ยงบุหรี่ลงพื้นแล้วลุกเดินมาหา  จ้อยยืนตัวสั่น มือสั่น เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายเต็มหน้าผาก  สายตาที่มันมองมา แวววาวเหมือนงูพิษ
   
“โอ้เมียเมียเอ๋ย ดูซิทำเฉยอยู่ได้ไม่ฟังเลย ยียวนตามเคย หรือเชยกับชู้เสียเพลิน” มันลอยหน้าร้องเพลงระรื่น ไม่ละสายตาไปจากจ้อยสักนิด ไอ้หมานหัวเราะเป็นลูกคู่ ไอ้เลิศลุกขึ้นบ้าง แต่เปลี่ยนใจกลับไปคว้าซาลาเปาทอดยัดใส่ปากอีกชิ้น ก่อนตามมาสมทบลูกพี่ พวกมันพากันกลุ้มรุมเข้ามา
   
แล้วดูเพลงที่มันร้อง  ความหมายส่อเสียดลงในใจจนเจ็บแปลบ  จ้อยขอบตาร้อนผ่าว  จู่ๆ ก็ปวดมวนในกระเพาะตีตื้นขึ้นมาถึงลำคอ  เหลียวมองรอบตัวล่อกแล่กกลัวใครได้ยิน  ยิ่งพยายามเดินหนีพวกมันยิ่งตามมาล้อมหน้าล้อมหลัง   
   
“โอ้เมียอย่าหนี พี่รักจึงเย้า กระเซ้าเมียเล่นหรอกคนดี มาเร็วเร็วซี ให้ผัวหอมทีเถิดเมียจ๋าเมีย” ไอ้ลอยยื่นหน้ายื่นตาเข้ามา  มือหยาบเชยคางจ้อย  จ้อยสะบัดหน้าหนี  ปัดมือมันออกทันทีอย่างรังเกียจ  คนหน้าด้านกลับไม่รู้สึก  เอาแต่พากันหัวเราะร่วน  หน้ามันคงหนาชนิดเอากระเบนกรางไม่เจ็บ 
   
“มันเป็นเมียพี่สิงห์ไม่ใช่เรอะพี่” ไอ้หมูเลิศกระซิบท้วงประสาซื่อ  เล่นเอาลูกพี่หุบยิ้มฉับ  หันไปกระทุ้งศอกใส่คนปากรั่วจนตัวงอ  จ้อยสบจังหวะรีบเดินหนี 
   
“ไงจ๊ะครู” มันยังตามมาดักหน้าอีก “ตั้งแต่มีผัวนี่.. มีน้ำมีนวลขึ้นเยอะเลยนะ”
   
มันไม่ได้ทำอะไรจ้อยเลย  สองมือมันล้วงกระเป๋ายียวน  ไม่ได้ทุบตีกันสักนิด  แต่ทำไมจ้อยถึงเจ็บอย่างนี้   
   
“หุบปากนะ” นักเรียนครูเค้นเสียงลอดไรฟัน  น้ำอุ่นๆ เริ่มกลบสองตา  จ้อยพูดไปก็เปล่าดาย  ต่อให้มันยอมหุบปาก  แต่สายตามัน.. รอยยิ้มมันอีกเล่า  เชือดใจจ้อยได้เจ็บแสบไม่ต่างกัน
   
“โอ๊ย ครูต้องหาอะไรมาอุดปากฉันก่อนละจ้ะฉันถึงจะหยุด” ไอ้ลอยทำเสียงนอบน้อมกวนประสาท  สายตาเหลือบมองลงต่ำ  แลบลิ้นเลียริมฝีปาก “เหมือนพี่สิงห์วันนั้นไง.. ทั้งดูด..ทั้งกลืน..น่าอร่อย”
   
จ้อยตัวสั่นเทิ้มไปหมดแล้ว  ก้มหน้าเดินหนีทันที  ไอ้ลอยตามมาดักหน้าทันควัน

“ตะกร้าหนักอย่างนี้ฉันถือให้ดีกว่าพี่สะใภ้” ไม่พูดเปล่า  มือใหญ่คว้าตะกร้าจ่ายตลาดของจ้อย  แย่งไปได้อย่างง่ายดาย 
   
“เอาคืนมา!” คนตัวเล็กพยายามยื้อคืนสุดชีวิต  ไอ้ลอยมือไวกว่าฉกไปไว้ข้างหลัง  จ้อยเอื้อมไปแย่งคืน  มันก็ส่งต่อให้ไอ้หมาน  ไอ้หมานส่งต่อให้ไอ้เลิศที่เอาแต่เงอะงะ  จ้อยเริ่มหัวหมุน  ถลาไปหาคนโน้นทีคนนี้ทีพัลวัน  พวกมันคงสนุกสนานถึงได้หัวเราะกันครื้นเครงเหมือนเล่นลิงชิงบอล 
   
ตะกร้าวนกลับมาอยู่ในมือไอ้ลอย  จ้อยรี่เข้าไปฉุดคืน  มันออกแรงชักกะเย่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจงใจปล่อยมือออก  คนไม่ทันยั้งแรงจึงหงายหลังก้นจ้ำเบ้า  ความเจ็บแล่นวาบจนปลาบไปทั้งตัว 
   
ตะกร้าหล่นเค้เก้อยู่กับพื้นอย่างไร้ค่า  อาหารสดแห้งกระจัดกระจาย  ไข่ไก่แตก เนื้อหมูทะลักจากห่อใบตอง มะนาวไปทาง หอมกระเทียมไปทาง ขนมครกของน้ำฝนก็เปื้อนดินเสียแล้ว
   
ยิ่งกว่าเจ็บตัวคือเจ็บใจ  น้ำตาที่กักเก็บไว้พรูผล็อยเหมือนตาน้ำทะลัก  จ้อยลนลานคลานสี่ขาเก็บของคืนตะกร้า  มะนาวลูกหนึ่งกลิ้งหลุนๆ ให้ตามไปเก็บ  ลูกกลมเจ้ากรรมดันกลิ้งเข้าไปหาเท้าไอ้ลอย  มันเหยียบย่ำลงอย่างไม่ใยดี  จ้อยขบฟันกรอด  วูบหนึ่งนึกเอะใจหันมองรอบตัว  ใครต่อใครพากันมองมาแล้ว 
   
“โอ๊ะ กางเกงเปื้อนเลือดแน่ะครู” ไอ้หมานร้องทักเสียงดัง  จ้อยสะดุ้งเฮือกลุกขึ้นเหลียวดูเลิ่กลั่กตามประสาคนซื่อ  ไม่จริง  นี่จ้อยเผลอเอากางเกงวันนั้นมาใส่หรือ  ไม่ใช่  ไอ้สิงห์ทิ้งไปแล้วนี่  หรือแผลจ้อยยังไม่หาย  พอออกแรงเดินมากๆ ก็เลือดซึม  หรือเพราะจ้อยล้มกระแทกพื้นเมื่อกี้   ไหน! มันอยู่ตรงไหน  เห็นชัดไหม  เป็นวงกว้างมากหรือเปล่า 
   
ไอ้ลอย ไอ้หมานพากันหัวเราะร่วนเหมือนดูจำอวดก็ไม่ปาน
   
“แค่โคลนน่ะ” ไอ้เลิศสงเคราะห์ให้ด้วยใจเวทนา  จ้อยหน้าชาไปทั้งแถบ  นี่เขาโง่อีกแล้ว  โง่จนถูกมันหลอกเล่นเป็นตัวตลกซ้ำๆ ซากๆ   

“อะไรกัน!” เสียงห้าวตะโกนลั่นมาก่อนตัว  สิงห์เพิ่งไปเก็บดอกเบี้ยให้แม่จากฝั่งโน้น  เลี้ยวมุมห้องแถวไม้มาก็เห็นน้องตกอยู่ในวงล้อมสมุนตัวเองแล้ว  “พวกมึงทำอะไร!”
   
มือใหญ่ปรูดมาผลักอกไอ้ลอยจนเซ  ย่อตัวลงช่วยน้องเก็บของตามพื้น  ไอ้เลิศกุลีกุจอช่วยเก็บบ้าง  น้องไม่พูดกับเขาสักคำ  ไม่แม้แต่จะมองหน้า  เมื่อมือแตะกันโดยไม่ได้ตั้งใจก็สะบัดหนีอย่างรังเกียจ  คราบน้ำตาบนแก้มขาวทำให้ลูกกำนันขบกรามจนข้างแก้มขึ้นเป็นสัน
   
“ข้าวใหม่ปลามัน  ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน” ไอ้ลอยว่า  ถ้าสิงห์เงยหน้าขึ้นมาก็จะเห็นแววตาเย้ยหยัน “แต่ถ้าพี่เบื่อแล้ว  ก็โยนมาให้พวกฉันนะ” 
   
คำพูดนั้นดูถูกจ้อยถึงขีดสุด  ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดขึ้นขยุ้มคอเสื้อคนปากพล่อย
   
“หน้าอย่างนี้ ขาวอย่างนี้ ถ้าเป็นเมียฉันนะ” มันกระซิบเสียงพร่า จ้องตาไม่สะท้านสะทก “ฉันจะเอาวันละสามเวลา ให้หลังติดฟูกไม่ต้องลุกเลย”
   
สุดจะทนได้อีกต่อไป  สิงห์ซัดกำปั้นใส่หน้าไอ้ลอยอย่างแรง  ร่างใหญ่หนาเซแซ่ดล้มใส่แผงปลาทูวายวอด  ผู้คนแตกฮือ  แต่คนเจ็บยังมีหน้าลุกขึ้นยิ้มยวน  ลูกพี่เงื้อง่าหมายจะซ้ำอีกหมัดแต่ไอ้เลิศร้องบอกก่อนว่าจ้อยหนีไปนู่นแล้ว  นั่นแหละหัวหน้าอันธพาลถึงได้จ้ำอ้าวตามนักเรียนครูลิ่วๆ   

เหมือนลูกหมาตามเจ้าของไม่มีผิด

จ้อยก้มหน้าเดินงุดๆ ทั้งน้ำตานองหน้า เดินให้เร็วที่สุดเท่าที่สองขาล้าแรงจะอำนวย  จะชนใครต่อใครบ้างไม่สนใจแล้ว  ได้ยินเสียงมันร้องเรียกจ้อยก็ไม่คิดจะหันไปมอง  ร่างเล็กหลบวูบเข้าซอกห้องแถวไม้  ตรงมุมอับมีขยะสดทิ้งกองเป็นเข่งๆ ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง 
   
จะว่าไป.. ที่แบบนี้ก็เหมาะสมกับจ้อยดี

เสียงร้องเรียกผ่านไป  มันคงเดินเลยไปเพราะไม่รู้ว่าจ้อยอยู่ในซอกนี่  มือเล็กอุดปากแน่น  กลั้นเสียงสะอื้นได้ แต่น้ำตาที่พรั่งพรูคงต้องปล่อยเลยตามเลย  จ้อยทรุดลงนั่งกองกับพื้น  แสนสมเพชตัวเองนัก  สกปรก โสโครก จนต้องถูกคนอื่นเขาดูถูก  นี่หรือคนที่ต่อไปภายหน้าจะได้เป็นครู  ไร้ค่าขนาดนี้จะเอาหน้าที่ไหนไปสั่งสอนคนอื่น 

***************************
   
จ้อยพาน้ำฝนมาอยู่ในสวนท้ายเรือนตามเคย  หลังจากพาสังขารมอมแมมกลับมาจากตลาด  โชคดีที่คุณนายไปโรงสีแล้ว  ไม่อย่างนั้นจ้อยโดนสวดสามวันไม่จบแน่ว่าจ่ายตลาดอีท่าไหน กับข้าวกับปลาถึงแหลกเละเปรอะเปื้อนเป็นขยะ 
   
อยู่กับน้ำฝนแล้วจ้อยสบายใจเพียงใด  อยู่กับต้นไม้ใบหญ้าจ้อยก็สบายใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน  แม่หนูน้อยคอยพูดคุยเป็นเพื่อนให้คลายเหงา  ส่วนต้นไม้ก็ไม่มีสายตาจ้องจับผิด  ไม่มีคำพูดดูแคลนให้จ้อยต้องคอยหวาดระแวงเหมือนอยู่ต่อหน้าผู้คน     
   
ซุ้มเฟื่องฟ้าแดงออกดอกสะพรั่ง  น้ำฝนเก็บดอกแดงที่ร่วงตามพื้นมาใส่กะลา  ซอยหญ้าใส่ลงไป  ติ๊ต่างว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวเอามาเสิร์ฟให้พี่จ้อยที่ติ๊ต่างว่าเป็นลูกค้า
   
จ้อยอมยิ้ม  ทำท่าอ้ำๆ แล้วชมเปาะว่าอร่อย  แค่นี้สาวน้อยก็ยิ้มเขินม้วนต้วน 
   
โคนต้นมีกิ่งเฟื่องฟ้าที่น้าเวกเพิ่งลิดออก  จ้อยเด็ดดอกมาขยี้ๆ แป๊บเดียวก็คั้นได้หยาดแดงติดปลายนิ้ว  นักเรียนครูคว้ามือกลมป้อมมาแต้มสีแดงบนเล็บให้  แม่หนูหัวเราะชอบใจใหญ่  ทีนี้น้ำฝนก็เล็บแดงเหมือนคุณนายพูนทรัพย์แล้ว       
   
“ทาปากได้ไหมพี่จ้อย” วงหน้าไร้เดียงสาเงยขึ้นมอง  เล็บแดงแล้วน้ำฝนก็อยากปากแดงด้วย 
   
จ้อยพยักหน้า  น้ำฝนรีบทำปากจู๋ไว้รอท่าเชียว  จ้อยเลยไปเด็ดมาขยี้อีกดอก  ทว่าหนนี้.. นัยน์ตาหม่นเศร้ามองกลีบดอกช้ำในมือนิ่งงัน       
   
โถ..ดอกไม้.. ได้ฝนฉ่ำชุ่มก็ผลิดอกแตกใบ  เหยียดช่อไปหาฟ้า  กลับถูกเขาลิดกิ่งลงมา  ถูกขยี้จนแหลกเหลว  หมดสิ้นความสดสวย
   
ชีวิตจ้อยก็คงไม่ต่างจากมันเท่าไร 

“พู่จู้ย” เสียงใสเรียกชื่อเขาทั้งที่ยังห่อปากปลุกจ้อยจากห้วงความคิด  จ้อยรีบสูดจมูกฟืด  รับคำเงอะงะก่อนบรรจงแต้มสีลงบนปากนุ่มนิ่มอย่างเบามือ
   
“ปากแดงแล้วจ้ะ” จ้อยชมเปาะ 
   
แม่หนูยิ้มแฉ่ง  ตากลมใสจ้องหน้าจ้อยตาปริบๆ แล้วนิ้วสั้นๆ ก็จิ้มจึ้กลงปากจ้อย “แต่พี่จ้อยปากแดงอยู่แล้ว ไม่ต้องทา” ว่าแล้วแม่สาวน้อยก๋ากั่นก็ขโมยจูบที่แก้มหนุ่มฟอดใหญ่  ทิ้งคราบแดงบนแก้มขาวเป็นรูปปากจิ๊ดริด 
   
เล่นเอาจ้อยหัวเราะออก  ความไร้เดียงสาของเด็กน้อย  ปัดเป่าความเศร้าหมองที่ยังตกค้างจากเมื่อเช้าหายวับ

น้าเวกกวาดสารพัดกิ่งที่เพิ่งตัดทิ้งมากองรวมกัน  กะรอให้แห้งแล้วเผาทีเดียว  แกหันมายิ้มให้คู่ซี้ต่างวัยแล้วออกปากขอแรงจ้อยไปช่วยงาน
   
“แยกหน่อมหาหงส์บ้าง โตเร็วเหลือเกิน แป้บๆ ก็แทงยอดกันอุตลุด” น้าเวกคว้าเสียมมาเซาะดินกึกๆ  งัดและพลิกฟื้นจนหน่ออ่อนถูกดึงขึ้นโดยง่าย  จ้อยก้มๆ เงยๆ อยู่ใกล้ๆ  ส่วนเด็กหญิงตัวน้อยไปขุดดินทำเบ้าขนมครกแถวใต้ต้นมะม่วงแล้ว   

ผู้มากวัยกว่ามองหนุ่มน้อยด้วยห่วงใยระคนเอ็นดู  หน้าแบบนี้.. ถ้าเป็นผู้หญิงก็สวยฉิบหาย  แต่เมื่อเป็นผู้ชายก็สำอางไปอีกแบบ  หากวันนี้หน้าขาวๆ ดูซีดเซียวกว่าเคย  จะว่าไป.. ตั้งแต่หายไข้  เจ้าลูกหมาน้อยตาใสของแกเอาแต่ตีหน้าเศร้าๆ ขรึมๆ ทั้งวัน  นานน้านถึงจะยิ้มออกมาสักทีอย่างเมื่อครู่ที่นั่งเล่นอยู่กับยายตัวแสบ 
   
แกเห็นจ้อยยิ้มแล้วชื่นใจบอกไม่ถูก  ไอ้เด็กคนนี้  เวลายิ้มทีโลกก็เหมือนจะยิ้มตามไปด้วย     
   
“อัญชันกำลังแตกได้ที่” แกชี้ให้จ้อยชมเถาไม้เลื้อย  ดอกน้ำเงินอมม่วงประดับประดาตัดกับใบเขียวสด “ดอกมันกินได้นะ ชุบแป้งทอดก็ดี ใส่ขนมก็สีสวย”
   
จ้อยเลยเล่าให้ฟังบ้างว่าตอนเด็กๆ ยายเคยเอาอัญชันมาทาคิ้วให้  น้าเวกหัวเราะเฮ่อะๆ บอกว่ายายช้อยน่าขยี้อัญชันทาเหนือปากเหนือคางจ้อยด้วย หนวดเครามันจะได้ครึ้มเขียวมาดแมนอย่างหนุ่มๆ คนอื่นเขาบ้าง 
   
นี่อาไร้ หน้าตาแขนขาเกลี้ยงเกลา  ไอ้พวกทโมนมันถึงล้อว่าเป็นกะเทยตั้งแต่เด็กๆ 
   
อะแฮ่ม  แต่ไอ้ประโยคหลังนี่น้าไม่ได้พูดออกไปหรอกเน้อ 
 
แกชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย  ชี้ให้จ้อยดูต้นทองหลางแตกช่อสีส้ม  บอกว่าใบอ่อนๆ ของมันเอามากินกับส้มตำ เมี่ยงคำ และปลาแนมอร่อยนัก  แต่ถ้าเป็นใบเพสลาดก็เอาไปชุบแป้งทอดอย่างเดียวกับใบเล็บครุฑและใบพริกกินกับน้ำพริกกะปิแสนเข้ากัน
   
จ้อยพยักหน้าเออออไปตามเรื่อง  ยิ้มกริ่มอยู่ในใจ  น้าเวกเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเสียแล้ว   

“อ้าวสิงห์  วันนี้นึกยังไงเข้าสวน” น้าเวกเอ่ยทักคนที่เดินดุ่มเข้ามา  แค่จ้อยได้ยินชื่อนั้น.. มือที่กำลังดึงหน่อมหาหงส์พลันชะงักกึก  รอยยิ้มที่แต้มบนหน้าหายวับ 
   
อารมณ์รื่นระเหิดหายเหมือนน้ำค้างกลางแดด  แม้เสียงลมเสียดกับใบมะม่วงยังฟังคล้ายเสียงหัวเราะเยาะ

ลูกชายกำนันหอบจนอกสะท้าน  เที่ยวตามหาน้องทั่วตลาด  พอกลับมาถึงบ้านถึงได้รู้ว่ามาขลุกอยู่ในสวนนี่เอง  เขาถอนใจโล่งอก  ดวงตาสีเข้มเพ่งมองเสี้ยวหน้าละมุนที่ไม่หันมาแลกันสักนิด   
   
แล้วอะไรนั่น!  รอยแดงๆ บนแก้มใส  เลือดหรืออะไรกัน!  ความห่วงหาแล่นพล่าน  สิงห์ปรูดเข้ามาประชิด  น้องสะดุ้งเฮือกแต่เขาไม่สนใจ  มือใหญ่ประคองใบหน้าเล็กไว้หมายพิศดูให้ชัดๆ  จ้อยกลับสะบัดหน้าหนี  แถมถอยร่นไปอยู่ข้างๆ น้าเวก 
   
คนสวนเอาแต่แซะดินไม่ทันได้สนใจ  เงยหน้าขึ้นมาอีกที  ก็เห็นไอ้ตัวเล็กมานั่งข้างๆ แล้ว 
   
“โน่นพวงชมพู ฟ้าประดิษฐ์ เล็บมือนาง พวกนี้เป็นไม้เลื้อยต้องแต่งมันดีๆ” แกว่าไปเรื่อย “พวงครามปีที่แล้วบ้าใบพอๆ กับชมนาด คอยดูเถอะ ปีนี้พ่อจะบังคับให้สำลักคายดอกให้ได้เชียว”
   
“ทำได้ด้วยหรือน้า” สิงห์ถามไปอย่างนั้นเอง  สายตายังไม่ละไปจากวงหน้าละมุนที่ก้มมองแต่พื้นเหมือนมันมีเพชรซ่อนอยู่ในนั้น 
พอมองดีๆ ถึงได้รู้ว่าสีแดงที่แก้มน้องคงเป็นแค่สีจากดอกอะไรสักดอกแถวนี้  หาใช่เลือดอย่างที่ตกอกตกใจไม่
   
คิดไปก็แสนสมเพชตัวเอง  รอยแดงแค่กระผีกริ้นทำเป็นห่วงจะเป็นจะตาย  ทีเลือดแดงฉานเต็มหน้าขาน้องคืนนั้นเล่า  เขากลับทำได้ลงคอ

“ทำไมจะไม่ได้ ต้นไม้บางชนิดหยุดให้น้ำหน่อยก็ตัวสั่นกลัวตาย อยากทิ้งพันธุ์เอาไว้ก็แตกดอกกันสว่างไสว  บางจำพวกเอาไฟลนผ่าวๆ แหม้..ออกลูกแทบไม่ทัน” น้าเวกตอบพลางหัวเราะจนหางตาเป็นริ้ว 

เสียงน้าแป้นร้องเรียกลูกสาวตัวน้อยให้ไปช่วยถูบ้านไกลๆ  น้ำฝนรีบทิ้งกะลาวิ่งตุบตับไปหาแม่  ขืนมัวบิดตะกูดมีหวังได้โดนแม่บิดเนื้อหลุด 
   
จ้อยทำท่าจะตามไปด้วย  แต่น้าเวกร้องขอแรงให้ช่วยแยกหน่อมหาหงส์เสียก่อน  หนุ่มน้อยเลยต้องทนอยู่ด้วยใจอึดอัด 
   
สิงห์เห็นน้องทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วรานใจนัก 

“ดื้อด้าน  เลี้ยงดีๆ ไม่ชอบ  ชอบให้ใช้กำลัง” แกหมายถึงพันธุ์ไม้ออกดอกออกลูกยากทั้งหลายแหล่  มือหยาบเอื้อมไปหยิกใบเล็บมือนาง  ทำหน้าหมั่นเขี้ยวยังกะหยิกแก้มสาว  ก่อนหันมาทางลูกชายกำนัน “กับต้นไม้น่ะทำได้  แต่กับคนอย่าไปทำเชียวนา”
   
พูดถึงดอกไม้อยู่ดีๆ  น้าเวกวกมาเรื่องคนได้อย่างไรก็ไม่รู้

แกหันมองเห็นลูกสาวตัวน้อยวิ่งไปไกลลิบแล้วก็หันมากระซิบกับสองหนุ่ม  “นี่.. น้าจะเตือนให้  เห็นเป็นผู้ชายทั้งคู่  จ้อยน่ะน้าไม่ห่วง  แต่สิงห์นี่สิ  อย่าไปเอาตามไอ้ลอยมันมาก  เขาลือกันว่ามันเป็นลูกเสือลูกโจร”   

ชายกลางคนกดเสียงเข้มจริงจัง  ไม่รู้อะไรดลใจให้จู่ๆ แกมาสั่งสอนเขาเรื่องนี้

“น้าเห็นช่วงนี้สิงห์เหม่อๆ ใจลอยเหมือนคิดถึงใครทั้งวัน  อาการแบบนี้น้าเคยเป็น  เขาเรียกคนกะลังมีฟามรัก” ตะแกยิ้มเผล่  กระทุ้งศอกใส่อย่างจะแซว  ”หมายตาลูกสาวบ้านไหนอยู่หรือเปล่าล่ะเรา”

สิงห์ไม่ตอบคำ  สายตาจับจ้องแต่คนที่นั่งก้มหน้าดึงหญ้างุดๆ 

“ผู้หญิงน่ะต้องเอาใจ  ทะนุถนอมฟูมฟัก  เหมือนปลูกต้นไม้แหละ  ค่อยๆ รดน้ำพรวนดิน  ค่อยๆ เฝ้ามองมันเติบโต  สักวันหนึ่งดอกมันจะบานสะพรั่ง  รากมันจะหยั่งลงลึก  ลมแรงแค่ไหนก็โค่นไม่ได้  อย่าไปใช้กำลัง  อย่าไปฉุดคร่าลูกเขาเมียใครเชียวนา  อย่างนั้นมันไม่ใช่การร่วมรัก  แต่เป็นการข่มขืนกระทำชำเรา  ไอ้ที่เป็นสวรรค์ของเรา  ก็จะเป็นนรกของอีกฝ่ายไป  ผู้ชายคนไหนที่ทำแบบนั้น  รู้ไว้เถิดว่าความเป็นชายได้หมดไปแล้ว  คงเหลือแต่ความเป็นสัตว์ป่าหรืออมนุษย์ในร่างคนเท่านั้น”

ลมแรงขึ้นหรือไรหนอ  ภาพน้องในสายตาจึงดูพร่าเลือนไป  ม่านน้ำใดเอ่อขังในขอบตาจนล้นปรี่

“มันทั้งผิดกฎหมายแถมยังเสื่อมศักดิ์ศรีชายชาตรีไม่มีเหลือหลอ  เรียกว่าตัดออกจากบัญชีมนุษย์ได้เลย  อย่าได้ทำเชียวนะสิงห์  ตราบใดที่คิดว่าตัวเองไม่ใช่สัตว์หรือต่ำกว่าสัตว์” 

คำพูดแกดั่งคมสิ่วตอกลงในใจเขาแทบทลายลงทั้งดวง 


“เพราะอย่างน้อย  สัตว์มันก็ไม่ข่มขืนกัน”


โปรดติดตามตอนต่อไป


--------------------------------------------------------------------------------------------
* ดอกหญ้า, ชาลี อินทรวิจิตร คำร้อง, สุเทพ วงศ์กำแหง ขับร้อง
**เกษมสุข บุณยมาลิก




ขอโทษนะคะ งวดนี้มาช้าไปหน่อย ช่วงปลายปีงานเยอะท่วมหัวตัวเป็นเกลียวเลยเชียว  :เฮ้อ:
ใครคิดถึงชายเล็กรอตอนหน้าเน้อ ย้ายโลเกชั่นกันมั่ง อยู่แต่บ้านกำนันเบื่อเต็มที เริ่มคิดถึงรร.แล้วสิ

รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้
๑๙ ธ.ค. ๕๕
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 19-12-2012 12:19:51
โ อ่ยยย เมื่อไหร่ อ้ายสิงห์กะน้องจ้อยจะได้คุยกันสักที
ตอนหน้า มาเร็วหน่อยนะ เป็นของขวัญปีใหม่ ได้โปรด ให้สองคนนี้ได้คุย ให้โอกาสอ้ายสิงห์อีกครั้ง
ส่วน เชี่ยลอย ระวังตัวไว้นะ อย่าให้เจอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 19-12-2012 12:27:45
ไอ้ลอยนี่มันร้ายสุดๆ ถ้ามีคู่ขอให้มันเป็นรับโดนทำบ้าง ฮึ่มๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 19-12-2012 12:31:54
อ่านแล้วปวดใจให้กับสิงห์
คำพูดมันคงทำให้สิงห์ช้ำ
แถมด้วยการกระทำของน้องคงยิ่งกว่ามีดมากรีด
นี่แหละกรรม!!!!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 19-12-2012 12:41:51
แหม้ น้าเวกแกสอนเจ้าสิงห์ได้ดีแท้ๆ
น่าจะสอนนานแล้วนะ จะได้ไม่เกิดเรื่อง
แล้วสิงห์ก็จัดการให้ไอ้ลอยมันหุบปากบ้างนะ
มันทำให้น้องเสียใจแย่แล้วน่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 19-12-2012 12:45:30
น้าเวกพูดได้ถูกใจเหลือเกิน

จะมีอะไรที่มาม่ามากกว่านี้ไหม


เเต่พักหลังมานี้คุณชายหายไปเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 19-12-2012 13:06:32
อืม............รอคอยตอนต่อไปน๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 19-12-2012 13:12:13
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:เมื่อไรจะเข้าใจกันชักทีอะคู่นี้ :L2: :L2: :L2:


รออออออออออออออจ้า :bye2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-12-2012 13:17:31
น้าเวกพูดเหมือนรู้ดีเลย
แต่สายไปแล้ว อิพี่สิงห์มันทำไปทั้งหมดนั่นแล้ว
ง้อต่อไปอย่าได้ละความพยายาม
พี่สิงห์สู้ ๆ
เมื่อไหร่เนื้อคู่ไอ้ลอยจะเกิด จะได้เอามันไปอบรมสั่งสอนเสียที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 19-12-2012 13:36:03
ท่าทางลอยจะอยู่ยั้งยืนยงไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PRMWi ที่ 19-12-2012 15:13:04
น้าเวก นานๆมีบททีเล่นซะจุกเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 19-12-2012 16:13:33
 :z3:อีลอยหอยลาย (?) อย่าเจอนะแก  แม่จะเล่นให้ใช้การไม่ได้เลย  o18
พ่อสิงห์สู้ๆนะคะ นางฟ้าเป็นกำลังใจห่างๆ รู้ว่าสำนึกผิดแล้ว แต่ก็ต้องพยายามง้อน้องด้วยนะ น้องน่าสงสารมาก
สามคำ>>>สิงห์ สู้ สู้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 19-12-2012 16:28:01
 :m15: :m15: :m15: :m15:   อยากให้น้องจ้อยไปอยู่ที่ไหนก็ได้ไกล ๆ
เขียนบทให้ไปอยู่เมืองนอกนาน ๆ เลยก็ยิ่งดี  :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 19-12-2012 16:33:49
เศร้าเมื่อไหร่ไอ้ลอยมันจะพบจุดจบซักที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 19-12-2012 17:08:24
คนเขียนทำร้ายจ้อย แต่มันก็ทำร้ายยสิงส์ไปในตัวด้วยยยยย :sad4: :sad4: :o12:
ประโยคสุดท้ายอ่านแล้วเจ็บจี๊ดเลยยย :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 19-12-2012 17:31:11
สิงห์ใจเย็นเน้อ
เฮ้อ...เพราะรักคำเดียวจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: อากาศใต้ผ้าห่ม ที่ 19-12-2012 18:33:20
เดี๋ยววววก่อน อย่าเพิ่งไปโรงเรียน
จบตอนแล้วยังรู้สึกค้าง ๆ อยู่เลย


ตอนนี้แหละพี่สิงห์ ได้โอกาสแล้ว กระโดดกอดน้า
บีบน้ำตา ดราม่า สารภาพผิดไปเลย เปิดใจกับน้า
ลืม ๆ ไปซะว่าน้องจ้อยนั่งฟังอยู่ตรงนั้น สารภาพให้หมดดด
เผื่อน้องรู้ความจริงแล้วจะเห็นใจมั่ง พี่สิงห์ พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจนะ  :sad4:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 19-12-2012 18:40:05
อยากเอาเท้ายัดปากไอ้ลอยจัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nopkar ที่ 19-12-2012 18:59:51
เพิ่งอ่านไปได้แค่ 10 บทเอง.....สนุกอะไรขนาดนี้ ...ภาษาสวยๆแบบนี้ขอปรบมือให้เลยนะครับ...ขอบคุณคนแต่งมากๆ...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 19-12-2012 19:01:51
สงสารทั้งคู่เลย พี่สิงห์เชื่อที่น้าพูดเหอะ สิ่งที่น้าเตือนเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องไอ้ลอย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: kwangun ที่ 19-12-2012 19:04:53
เอ็งต่ำกว่าสัตว์นะพ่อสิงห์ แล้วก็เลิกคบไอ้พวกนั้นซะทีเถอะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: special ที่ 19-12-2012 19:10:02
ถ้าน้าสอนพี่สิงห์เร็วกว่านี้พี่สิงห์คงไม่ทำแบบนี้กับน้องจ้อย ฮือๆๆๆ

เกลียดไอ้ลอยแบบเข้ากระดูกดำมากๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 19-12-2012 19:18:29
ละเมียดละไม แต่บาด... เขียนเก่งเหลือเกิน คนเค้าตีกัน ภาษายังนวลอ่ะคนเรา เลิฟๆ <3 / งานนี้เจอน้าเวกเข้าไป สิงห์กลายเป็นราชาแผลสดอ่ะ ฉึกๆๆๆๆ เข้าตัวทั้งหมด เวรจริงแก . . . น้ำตามาเมื่อสาย ลูกชายชั้นเง่าแท้ๆ

ป.ล. สำหรับไอ้ลอย "เจี๋ยน...จั๋งซี่มันต้อง...เจี๋ยน" เอาให้กุดอย่าเหลือตอ หั่นเป็นลูกเต๋าโยนให้เป็ดบ้าง สับละเอียดโปรยเลี้ยงปลานิลบ้าง ตามสะดวก ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 19-12-2012 19:23:00
ฉึ่ก ๆ น้าเวกด่าได้โดนใจเหลือเกิน แม้ไม่ได้ตั้งใจแต่โดนใจสิงห์จนน้ำตาร่วงเหอะ  :sad11:
พี่สิงห์สำนึกแล้วแหละ เหลือแต่จะแก้ไขยังไง และประคองสติให้อยู่กับตัวเองตลอดไปอย่างไรมากกว่า
ไอ้เพื่อนหรือลูกน้องเลว ๆ ก็เลิกคบเหอะ มันไม่เห็นจะมีความเคารพเกรงใจอะไรเลย ดูที่มันทำสิ
เลวสิ้นดีนะไอ้ลอย สมรางวัลตัวร้ายแห่งปีที่ชั้นมอบให้แกจริง ๆ อยากให้มันตายอ่ะบอกตรง ๆ
แต่ไม่รู้จะมีวิธีไหน คุณดอกไม้ช่วยได้มั้ยคะ (คนอ่านก็อินเกิ้น)
น้องจ้อยหวาดผวากับทุกอย่างจะมีความสุขอีกทีเมื่อไรไม่รู้ น้อยเนื้อต่ำใจตัวเองแบบสุด ๆ ด้วย
ตอนพี่สิงห์ผวาวิ่งมาหาน้องเพราะเป็นห่วงนั่นก็น่าสงสารพี่สิงห์เนอะ

คิดถึงคุณเล็กของเราเช่นกันค่ะ ตอนหน้าได้เจอแล้ว

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 19-12-2012 19:54:50
ลอยเนี่ยร้ายจนไม่รู้จะร้ายยังไงเลยนะเนี่ย เป็นคนที่แย่จริง ๆ เลย สงสารจ้อย สิงห์ก็น่าจะจัดการอะไรพวกนั้นบ้างนะเนี่ย ปล่อยให้มายุ่งกับจ้อยอยู่ได้ จ้อยก็คิดมากจริง ๆ แล้วเมื่อไรจ้อยจะดีขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nemonoy ที่ 19-12-2012 19:56:24
 :monkeysad:อ่านไปท้ายๆตอน แล้วก็แน่นในอก อดสงสารพี่สิงห์ไม่ได้ ดูยังไงก็ไม่เห็นทางที่จะทำให้จ้อยเหมือนเดิมได้เลย
เรื่องนี้จะเศร้า จะดราม่า จะบีบหัวใจ จะให้เสียน้ำตาก็จะอ่านต่อไปนะคะ แต่ขออย่างเดียวคือตอนจบให้พี่สิงห์กับน้องจ้อยมีความสุขเถอะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 19-12-2012 21:08:11
น้าเวกคมมากอ่ะ
แทงใจสิงฟ์ฉึกๆๆๆๆๆเลย
คิดถึงชายเล็กกับอาจารย์คนึงเหมือนกันค่ะ
รีบมาต่อเร็วๆน้าาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 19-12-2012 21:11:39
ไอลอยแกไปตายซะ  :z6:  :z6:  :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ทานตะวัน ที่ 19-12-2012 21:38:34
ใช่แล้วค่ะ
ตอนนี้คิดถึงคุณชายมากเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 19-12-2012 22:01:23
พวกไอ้ลอยนี่ยังชั่วไม่เลิกนะ  :beat:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 19-12-2012 22:02:04
อ้างถึง
“เพราะอย่างน้อย  สัตว์มันก็ไม่ข่มขืนกัน”

แทงโดนใจสิงห์เต็มๆเลยใช่ไหมเนี่ย แต่ก็นะสิ่งที่เกิดไปแล้วก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ดังนั้นต้องพยายามทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเพราะฉะนั้นสิงห์ก็ต้องอดทน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 20-12-2012 00:17:14
สงสารน้องจ้อยยย :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 20-12-2012 01:50:23
น้าเวกพูดเหมือนรุ้เลย 5555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: smileiiz ที่ 20-12-2012 14:57:38
 :z6: พี่ชายเราโดนซ้ำ 55555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 20-12-2012 15:44:22
 โฮ อัดพ่อสิงห์แบบนี้ เอาปืนมายิงมันเลยไป๊  น่าสงสารจริงๆ

เจอเข้าไปหลายดอกแบบนี้ พ่อสิงห์เรามีหวังอกกลัดหนองกันพอดี
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 24-12-2012 17:20:30
สุดท้ายความทรมานนี้ใครจะเป็นคนเยียวยาละ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nopkar ที่ 24-12-2012 17:27:41
อ่านตามทันแล้ว...ดีใจจัง....

...ปมเรื่องราวที่มันกันแน่นของสิงห์อยู่ตอนนี้..เกิดจากหลายปมค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน...
...เป็นทั้งปมที่สิงห์ขมวดขึ้นเองโดยเจตนาและไม่เจตนา...

...อย่างไรก็ดี...มันคือ "ปมของสิงห์" ..ค่อย ๆ แกะมันด้วยสติและความรักนะ...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 24-12-2012 18:31:19
อยากถีบไอ้ลอยจริงๆสิงห์ต่อยแค่นี่มันน้อยไป
สงสารจ้อยจังเลยเมื่อไหร่คู่นี้จะรักกันสักทีคงอีกนานแน่ๆเลย

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 24-12-2012 21:08:49
เจ็บปะละมึง สิงห์เอ้ยย ความสุขแค่ข้ามคืนจริงๆ

ที่เหลือมันคือความจริง ฝันร้ายชัดๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: finn~luv ที่ 27-12-2012 20:57:54
งื้อออออออ พี่จี้นี่นา!!
ขอกรี๊ดก่อน 555555 มาเจอเรื่องนี้เพราะเพื่อนแนะนำมา
พออ่านไปได้นิดนึง แล้วก็เห็นว่าเป็นพี่จี้แต่ง กรี๊ดเลย ตกใจเลย เพราะคนละแนวกับพี่ไคน้องโนโนะเลยอ้ะ 55555555
แต่สุดยอดมากค่ะ นี่ขนาดอ่านไปไม่กี่ตอนเอง
เดี๋ยวขอตัวไปอ่านต่อก่อนแล้วมาเม้นให้อีกรอบน้า ฮิฮิ

ปล. ลงชื่อยูสเก่าแก่จากบอร์ดนู้น สาวก~โฮจัง[[,,hope,,]] 
ปล.2 พี่จี้จะจำเราได้มั้ยน้า :-[ :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 27-12-2012 21:08:59
หายไปนานแล้วนะคะ หนูรออ่านอยู่น้าาาา

สงสารพี่สิงห์มากเลยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: finn~luv ที่ 28-12-2012 21:14:00
อ่านถึงตอนล่าสุดแล้วค่ะ  :o12:
ทำไมอ่านไปทรมานใจไปแบบนี้ ฮรื้ออออออออ เวลาอ่านเหมือนถูกสูบพลังไปจนหมด

สงสารคู่พี่สิงห์กับน้องจ้อยมากเลยค่ะ บีบหัวใจเหลือเกิน ก่อนที่น้องจ้อยจะโดนพี่สิงห์ทำอะไรป่าเถื่อนแบบนี้
ยอมรับว่าสงสารพี่สิงห์สุดหัวใจ แล้วก็ได้แต่หงุดหงิดว่าทำไมจ้อยถึงใจแข็งแบบนี้ อาจเป็นเพราะเราได้รู้ว่าที่พี่สิงห์ทำไปแต่ละอย่างพี่สิงห์ทำเพราะรักทั้งนั้น (แต่เพราะความซึนเกินมนุษย์ทำอะไรกลายเป็นรุนแรงไปหมดซะนี่!) กลายเป็นพี่สิงห์ทำอะไรก็ผิดไปหมดเลย
แต่พอถึงตอนนี้ จ้อยโดนทำรุนแรงไปจริงๆ จะเกลียดอิพี่สิงห์ไปตลอดชาติก็เป็นได้แล้วล่ะค่ะ ณ จุดนี้  :z3: :z3:
ทั้งหมดทั้งมวลขอก่นด่า ไอ้ลอย สุดแรงเกิำด!!!!! อยากกระื้ทืบหน้าจริงๆให้ตาย!!! พี่สิงห์ไม่น่าไปคบกับคนแบบมันเลย ถูกฉุดให้ต่ำลงแท้ๆ

ขอพักเรื่องคู่นี้ไว้แล้วไปที่คู่หลักบ้าง555555
ใครว่าไงไม่รู้ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบสงสารคุณชายตลอดเวลาเลยค่ะ มาจากตระกูลสูง เป็นผู้ดีแบบแท้ๆ แต่กลับโดนให้มาอยู่ในที่แบบนี้
บางทีท่านพ่ออาจจะคิดน้อยไป หลายครั้งแล้วมั้ยว่าลูกชายเกือบเสียคนไปแล้ว เกือบโดนข่มขืนแล้วด้วยซ้ำ แต่ยังโชคดีที่รอดมาได้ทุกครั้ง
ท่านพ่อได้คิดมั้ยว่าคุณชายจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ เราโกรธท่านพ่อมากค่ะ ขอบอกไว้ตรงนี้เลย!!!! (นี่เราคิดมากไปรึเปล่าคะพี่จี้ 555555)

เรื่องครูคนึงก็เหมือนกัน คุณชายรักและยกให้หมดไปแล้วอ่ะ ให้หมดเลยจริงๆ หมดจนเรากลัว
ว่าแล้วต่อไปจะเป็นยังไง คุณชาย ม.ร.ว. เชียวนะคะ สมัยก่อนด้วย โอย ไปกันใหญ่ แค่คิดก็เตรียมปวดตับล่วงหน้าแล้วล่ะ
เอาจริงเราแอบไม่เชียร์ครูคนึงเต็มร้อยเท่าไร ครูเหมือนจะอ่อนโยน แต่มือไวใช่เล่นนะคะ อย่างคืนที่ไปช่วยคุณชายออกมา สุดท้ายตัวเองก็มาต่อเอง แถมในกระท่อมนั่น ก็ 'กอด' คุณชายแล้วด้วย คุณชายไม่สบายอยู่ด้วยนะตอนนั้น ไม่ควรอ่ะครู!!!  (คิดมากเกินไปอีกแล้วรึเปล่าคะ 555555)
สรุปทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามาคือหนูอินเกินไปค่ะ เขียนซะยาวเลยอย่ารำคาญนะคะ 
ก็พี่จี้แต่งดีจนเราอินปวดตับตามตัวละครไปหมดแล้วนี่นา
เป็นกำลังใจให้นะคะ  :กอด1: :กอด1:

ปล. ลงชื่อเก่าแก่อีกครั้งค่ะ สาวก~โฮจัง [[,,hope,,]]
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๒ : ดอกหญ้า(ครึ่งหลังมาแล้วจ้า^_^) [๑๙/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 30-12-2012 02:15:33
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้
ชอบทั้งสองคู่เลยค่ะ  :-[
คู่คุณชายกำลังหวานชื่นได้ใจ
แต่คู่น้องจ้อยนี่สิ อ่านไปเศร้าไป  :sad4:
สงสารทั้งคู่เลยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 31-12-2012 21:35:23
(http://img15.picoodle.com/i5cv/chihiro/3lih_6bb_u90ve.jpg)

บทที่ ๒๓

หวงรัก

(ครึ่งแรกจ้ะ :L2:)


เธอเป็นของรักของหวงที่ห่วงอาลัย
เป็นดวงใจ ฉันจึงห่วงใยใฝ่ปอง
กายและใจของเราต่างเป็นเจ้าของ
หากไม่ครอบครองเดี๋ยวของรักต้องหลุดลอยไป
รักจริงถึงห่วง ไม่ใช่หลอกลวงรักจริงถึงห่วงดวงใจ
จะเป็นจะตายก็ไม่ยอมให้ใคร แม้ใครชิงแย่งไปฉันยอมตายเอย*
*



จ้อยกลับมาเรียนอีกครั้งหลังจากหยุดเรียนไปร่วมอาทิตย์

ที่หน้าชั้นเรียน  หม่อมราชวงศ์เลอมานกำลังสอนภาษาอังกฤษไปตามปกติ  เสียงเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงกังวานก้อง  เสียงคุณชายอธิบายคำศัพท์ฟังดูแจ่มใส  เสียงเพื่อนนักเรียนรอบห้องหัวเราะกันครึกครื้น  ทว่านานาสรรพเสียงเหล่านั้นไม่เข้าหัวจ้อยเลยสักนิด
   
วงหน้าละมุนเรียบเฉยไม่ยิ้มแย้มอย่างเคย  มือเล็กจรดปากกาลงบนสมุด  เขียนตัวอักษรไปเรื่อยเปื่อยทั้งที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  มาสะดุดกึกเอาก็ตอนที่..
   
ปากกาจ้อยหมึกหมดเสียแล้ว 

จ้อยลากปากกาไป  แต่ไร้หมึกสีน้ำเงินจากปลายหัวลูกลื่น  แรงกดก่อให้เกิดรอยขีดบนเส้นบรรทัด  จ้อยสะบัดปากการาคาไม่กี่สตางค์แล้วลองเขียนใหม่  หากผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังเป็นเช่นเดิม  จ้อยลองขีดเขียนลงกระดาษสะเปะสะปะ  ยิ่งเขียน  ปากกาไร้หมึกยิ่งทวีความไร้ค่าของมันทุกที 
   
ไม่ต่างจากเจ้าของมันนักหรอก 
   
นักเรียนครูก้มดูใต้เก๊ะ  เผื่อจะเจอปากกาแท่งอื่น  แต่ก็พบเพียงสมุดหนังสือของตน  เขาถอนใจเฮือก  แย่แล้วซี  แล้วแบบนี้จะเอาอะไรเขียน  เห็นทีตอนพักกลางวันต้องไปซื้อที่สหกรณ์ใหม่สักด้าม  ครั้นล้วงลงกระเป๋ากางเกงก็ยิ่งสลด  เมื่อพบความจริงว่าเขาไม่มีเงินติดตัวมาสักสตางค์
   
อนาถตัวเองนัก  แม้แต่ปากกาด้ามเดียวยังไม่มีปัญญาซื้อ  จ้อยลองกดปากกาลงบนกระดาษอีกซ้ำๆ  เผื่อปาฏิหาริย์จะบันดาลให้มีน้ำหมึกออกมาดังเดิม     

“จ้อย!” เสียงสดใสมาพร้อมมือแตะป้าบลงไหล่  คนฟุ้งซ่านไม่ทันตั้งตัวเลยสะดุ้งโหยงแทบตกเก้าอี้  จ้อยหันขวับคุณชายเล่นแบบนี้ใจเขาแทบร่วงไปอยู่ตาตุ่ม     
   
“ฉันขอโทษ ไม่คิดว่าจะตกใจ..ขนาดนี้” คุณชายเสียงอ่อนลง  ดวงตาสีน้ำตาลใสมองมาอย่างประหลาดใจ  จ้อยหลบตาวูบ 
   
กี่วันแล้วนะที่เขาสบสายตาใครต่อใครตรงๆ ไม่ได้  ยิ่งเป็นสัมผัสยิ่งไม่ต้องพูดถึง  โดยเฉพาะสัมผัสจากผู้ชาย  ขนาดเมื่อเช้า  สง่าและสันติเข้ามากอดไหล่กอดคอ  จ้อยยังสะบัดหนีจนเพื่อนรักทั้งสองถึงกับแปลกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง 
   
จ้อยมองตาคุณชายไม่ได้  ครั้นจะเมินหน้าหนีก็เสียมารยาท  ได้แต่ก้มหน้ายามวงหน้าผ่องแผ้วโน้มลงมาใกล้
   
โอ้ คุณชายเหน็บปากกาไว้ที่กระเป๋าเสื้อด้วย  โก้จริงหนา  ปลอกสีทองเตะตา  คาดว่าราคาก็คงจะแพงไม่หยอก  ปากการาคาไม่กี่สตางค์ของจ้อยคงเทียบไม่ติดแม้แต่เศษเสี้ยว 
   
ของมันแน่อยู่แล้ว  หม่อมราชวงศ์สูงศักดิ์  สูงส่ง  มั่งมีและเพียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง  คนที่เกิดมาต้อยต่ำซ้ำยังถูกเหยียบย่ำให้ต่ำซ้ำลงไปอีกอย่างจ้อยจะเอาอะไรไปเทียบ       
   
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงอ่อนโยนไถ่ถามห่วงใย 
   
“ปะ..เปล่าครับ” จ้อยกลับส่ายหน้ารัว 
   
“หน้าซีดเชียว  ไม่สบายยังไม่หายหรือ” มือขาวยื่นมาแตะหน้าผาก  ทว่าคนตัวเล็กกับผงะหลบ  ซ้ำยังปัดมือคุณชายทิ้งอย่างไม่ใยดี
   
“ผมไม่เป็นไร!” นักเรียนครูเสียงดังเกือบเป็นตะคอก  หม่อมราชวงศ์หนุ่มนิ่งงัน  จ้อยถึงกับชะงักเมื่อรู้ตัวว่าเผลอแสดงกิริยาเสื่อมทรามออกไป  ดวงตาเศร้าหมองหลุบลงต่ำ  เอ่ยเสียงแผ่ว “ผมไม่เป็นไรจริงๆ”
   
เพื่อนนักเรียนรอบห้องเริ่มหันมามองกันแล้ว 
   
“ไปห้องพยาบาลนะ  เดี๋ยวฉันพาไปเอง” เนื้อตัวหอมสะอาดเข้ามาใกล้  ประคองจ้อยให้ลุกขึ้น  จ้อยร้อนผ่าวที่กระบอกตาขึ้นมาเฉยๆ  คุณชายตัวหอมเหลือเกิน  เชิ้ตที่ใส่มีตราลูกศรที่กระเป๋าเสื้อ  คงราคาแพงน่าดู  แถมยังสะอาดและรีดเรียบกริบ 
   
ต้องอย่างนี้สิถึงเรียกได้เต็มปากว่า ‘หงส์’
   
จ้อยสูดจมูกลึกยามก้มดูสารรูปตัวเองบ้าง  เสื้อจ้อยเก่ามากแล้วเพราะตกทอดมาจากพี่จินดาอีกที  ผ่านการซักมาหลายครั้งจนเนื้อบางจ๋อย  สีจำปาซีดจนเป็นจำปาเน่า  ซ้ำยังยับย่นไปทั้งตัวเพราะจ้อยต้องทำงานบ้านจนไม่มีเวลารีด 
   
ถ้าคุณชายเป็นหงส์  แล้วจ้อยจะเป็นอะไรดี..

กา?

คุณชายเข้ามาประคองจ้อยแบบนี้  สีดำของกาจะตกใส่ปีกขาวของหงส์ไหม 

“ฉันจะพาจ้อยไปห้องพยาบาล อ่านหนังสือกันไปก่อนนะ” คุณชายหันไปสั่งนักเรียนทั้งห้อง  มือยังจับจูงจ้อยไม่ปล่อย “สง่าจดชื่อคนคุยกันด้วย  เดี๋ยวฉันกลับมา”       

**********************

เลอมานนิ่งมองร่างเล็กที่นอนขดบนเตียงพยาบาลด้วยความห่วงใย  จ้อยแปลกไปจริงๆ ด้วย เมื่อครู่แค่อาจารย์ห้องพยาบาลซึ่งเป็นผู้ชายเดินมาแตะหน้าผาก  จ้อยก็สะดุ้งเสียตัวโยน  ทำท่าเหมือนสัมผัสจากคนอื่นเป็นหนามแหลมจนต้องคอยหลบเลี่ยงอย่างนั้นละ
   
“จ้อย เป็นอะไรหรือเปล่า” คุณชายแตะมือลงไหล่เล็ก  แน่ะ.. สะดุ้งอีกแล้ว “มีอะไรก็บอกฉันได้นะ เพื่อนกันไม่ใช่หรือ”
   
คนป่วยกลับไม่ตอบคำ  ได้แต่ส่ายหน้ารัวก่อนดึงผ้าห่มขึ้นคลุมมิดหัว  เป็นอวัจนภาษาสื่อว่าไม่อยากเสวนากับใครทั้งสิ้น 
   
บุตรท่านทูตถอนใจพรู  ได้แต่นั่งมองเพื่อนรักอยู่ข้างเตียงอย่างนั้น  อดคิดในใจไม่ได้  ว่าใครทำเพื่อนของเขาเป็นแบบนี้กันหนา 
   
เห็นทีต้องทำอะไรสักอย่างเสียแล้ว

****************************

ตอนเย็นหลังโรงเรียนเลิกแล้วเป็นเวลาที่เลอมานชอบที่สุด  ช่วงเวลาที่ได้พักผ่อนหย่อนใจกับผองเพื่อนนักเรียน  สรรหากีฬามาเล่นกัน  มีสนามเดียวก็แบ่งพื้นที่กัน  มุมโน้นเตะตะกร้อกันเฮๆ  ส่วนเลอมาน อาจารย์คนึง อาจารย์ประพนธ์ สง่า สันติและผองเพื่อนเกือบสิบคนจับกลุ่มเล่นฟุตบอลที่อีกฝั่งสนาม
   
ไม่มีเสื้อทีมอย่างเป็นทางการหรอก  ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดในการแยกสองทีมออกจากกันก็คือ.. ทีมถอดเสื้อ  กับทีมใส่เสื้อ 
 
เพื่อความยุติธรรมผู้เล่นทั้งหมดก็ต้องโอน้อยออกเพื่อแบ่งทีมกัน  เลอมานเพิ่งรู้จักโอน้อยออกจากที่นี่แหละ  ตอนอยู่อังกฤษรู้จักแต่ hammer-paper-scissors ออกไปออกมา  ผลสรุปว่านัดนั้นคุณชายได้อยู่ทีมถอดเสื้อ  ส่วนอาจารย์ที่รักอยู่ทีมใส่เสื้อ
เขารีบสลัดเสื้อโปโลเนื้อดีออกทางหัว  โชว์แผ่นอกเปลือยเปล่าไม่อายสายตาใคร  ก็ผู้ชายเหมือนกันจะอายไปใยเล่า  แถมยังมีนักเรียนเปลือยอกโชว์เป็นเพื่อนตั้งหลายคน

ผิวนอกร่มผ้าว่าขาวแล้ว  ไอ้ที่อยู่ใต้ร่มผ้าแดดส่องไม่ถึงมันขาวเสียยิ่งกว่า  คนตัวบางผิวขาวผ่องมาอยู่ท่ามกลางชายกำยำผิวคร้ามแดดก็เลยดูโดดเด่นดั่งหงส์ในฝูงกาเป็นธรรมดา  ใครต่อใครพากันมองมาบ้าง  แต่จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก  เพื่อนฝูงกันทั้งนั้น 
   
หากพอเริ่มเล่นเท่านั้น  ลูกหนังลอยสูงเหนือผืนหญ้า  คนโน้นเตะไปคนนี้เตะมา  พอบอลมาเข้าเท้าคุณชายทีไร  คุณชายไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอาจารย์คนึงถึงจงใจสกัดหน้าสกัดหลังเขาเพียงคนเดียวอยู่ได้นะ  จะว่าไป.. สายตาคมเข้มคู่นั้นจับจ้องเขาไม่วางตาตั้งแต่เริ่มถอดเสื้อเลยด้วยซ้ำ 

อาจารย์เป็นอะไรไป?  เขาทำอะไรผิด?

ยิ่งตอนคนึงทำลูกออก  ต้องไปทุ่มลูกจากข้างสนาม  เขารับไว้ได้แต่ถูกอาจารย์ประพนธ์ถลาเข้ามาคลุกวงใน  สองคนโรมรันกันจนฝุ่นกลัด  พอรู้สึกตัวอีกที  อาจารย์หนุ่มใจดีก็โถมลงทับเขาทั้งตัว  ตัวหนักไม่เบาเล่นเอาเลอมานจุกแอ้ดแต่ไม่วายหัวเราะร่า  ก็มันสนุกจริงๆ นี่  มิน่า.. คนไทยถึงชอบพูดกันว่า ‘กีฬาเป็นยาวิเศษ’
   
แล้วใครนั่น  เดินตีหน้ายักษ์มาแต่ไกล 
   
“พอแล้ว!” เสียงห้าวๆ ตวาดห้วนๆ  มือแข็งแรงฉุดคนที่นอนแผ่อยู่กลางหญ้าให้ลุกขึ้นอย่างง่ายดาย “เล็กเปลี่ยนทีมกับครูเดี๋ยวนี้!”
   
เผด็จการ! เผด็จการอย่างที่สุด! เลอมานได้แต่อ้าปากค้างเมื่อถูกมือใหญ่ปัดเศษหญ้าที่ติดตามหลังไหล่ชื้นเหงื่อออกให้  สมาชิกที่เหลือพากันรุมล้อมเข้ามา  ต่างมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ 
   
“ใส่เสื้อซะ!” แล้วคนกินรังแตนก็สลัดเสื้อออกยื่นให้  พอเห็นเขายังทำหน้าเป๋อเหลอก็จับใส่ให้เองเสียอย่างนั้น 
   
“อาจารย์” เลอมานโอดทั้งหัวผลุบโผล่อยู่ใต้คอเสื้อ  สองแก้มแดงซ่าน  กลิ่นที่เคยคุ้นกระตุ้นเตือนความทรงจำหวามไหว  แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยืนยันว่ากลิ่นเหงื่อบนกล้ามเนื้อตึงแน่นตอนใกล้รุ่งอุ่นอวลกว่ากันเยอะ 
   
อาจารย์อ่อนโยนเสมอ  แต่พอบทจะร้อนแรงขึ้นมา  ก็ละลายเขาแทบหยดเป็นเทียนไข  อาจารย์ใจดีก็จริง  แต่พอบทจะดุขึ้นมา  แค่ตาวาวๆ ปราดมาฉับเดียว  หม่อมราชวงศ์เลอมานก็หุบเล็บเก็บเขี้ยวแทบไม่ทัน     
       
นี่ถ้าท่านพ่อมาเห็นเข้า  คงไม่แคล้วตรัสว่า.. เจ้าเสือร้ายกลายเป็นแมวเหมียวไปเสียแล้ว

ถูกใครต่อใครร้องทักว่าหน้าแดงจนเลอมานยิ่งร้อนหน้าหนัก  อาจารย์คนึงได้ทีพาเขาไปพักริมสนาม  ถือโอกาสสวดเสียยกใหญ่ว่าทีหน้าทีหลังอย่าเปิดเผยเนื้อหนังมังสาต่อหน้าผู้ชายทั้งฝูงแบบนี้อีก  ครั้นพอเขาถามเหตุผล อาจารย์กลับอึกอักเสียนี่ 
หากโหนกแก้มขึ้นสีเรื่อแทนคำตอบได้เป็นอย่างดี 

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์อมยิ้ม  มองคนตัวโตเปลือยท่อนบนวิ่งไปรวมกลุ่มกับเหล่านักเรียน  แบบนี้ภาษาไทยเรียกว่าอะไรนะ หวง? ห่วง? หึง? หึ่ง? อืม..จะอะไรก็ช่าง  เขารู้สึกดีจัง   

แสงสุดท้ายอาบผืนหญ้าเป็นสีทองอมส้ม  จูบลาทุกสรรพสิ่งบนโลกอย่างอ้อยอิ่ง  การแข่งขันดำเนินไปอย่างดุเดือด  แต่เลอมานไม่ได้มองเจ้าลูกกลมๆ แม้แต่น้อย  ตามันคอยแต่จะจับจ้องเพียงคนคนเดียวนั่นละ 

หากจู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้  นักเรียนครูตัวเล็กที่ปกติเคยมาร่วมวงด้วยกันเสมอ  แต่วันนี้กลับหายตัวไปไหนเสียเล่าหนอ 

**************************
   
ปกติห้องสมุดประจำโรงเรียนก็เงียบเชียบอยู่แล้ว  ยิ่งเป็นเวลาเย็นย่ำยิ่งเงียบเหงาเข้าไปใหญ่  แสงตะวันสีทองส่องผ่านผ้าม่านลูกไม้พลิ้วก่อเป็นลวดลายทาบบนชั้นหนังสือไม้หนาหนัก  พื้นกระดานมันปลาบเยียบเย็น  โต๊ะเก้าอี้ตั้งเรียงรายอยู่ในความสงัดยามสนธยา   
   
นั่นไง  จ้อยอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย  นั่งอ่านหนังสือขะมักเขม้นอยู่คนเดียว  กางตำราวางกองเป็นฆ้องวง  สาบานนะว่าอ่านทั้งหมดนั่นจบได้ภายในวันเดียว 
   
“จ้อย” เลอมานว่าเขาลดเสียงแล้วนะ  แต่จ้อยก็ยังไม่วายสะดุ้ง “หลบมาอยู่ที่นี่เอง”
   
คนตัวเล็กกว่าไม่ตอบคำ  ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อเหมือนมันน่ามองกว่าหน้าเขาหนักหนา  แต่เขาไม่ถือเคืองหรอก  ได้แต่ถือวิสาสะนั่งลงตรงข้าม  เท้าคางมองวงหน้าอ่อนเยาว์ที่ดูซูบเซียวลง

“ไปฉายหนังกัน” จู่ๆ เลอมานก็โพล่งขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย 
   
“ครับ?”
   
บุตรชายท่านทูตหัวเราะขำ  จ้อยตีหน้างงเป็นไก่ตาแตก  คิ้วเรียวๆ ยุ่งแทบผูกโบว์  อ้าปากค้างเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู
   
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่จ้อยใช้เวลาหลังเลิกเรียนอยู่ที่ห้องสมุดแทนที่จะอยู่ร่องผักหลังตึกเรียนอันเป็นที่ตั้งของชมรมกสิกรรมหรือไปเตะฟุตบอล เตะตะกร้อกับเพื่อนๆ เหมือนก่อน  เขาไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนรัก  แม้จะอยากรู้แค่ไหนหากอีกฝ่ายไม่อยากบอกเขาก็ไม่คาดคั้น  ได้แต่เฝ้าห่วงใยอยู่ห่างๆ  พยายามหาทางให้จ้อยสดชื่นขึ้น 

“อาจารย์จะพาไปฉายหนังนอกเมือง  ไปกันเถอะนะจ้อย  สง่ากับสันติก็ไป” เขาคะยั้นคะยอ อยากให้จ้อยไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เผื่อจะลืมเรื่องเศร้าหมองในใจ “เอาหนังไปฉาย เอาขนมไปเลี้ยงพวกเด็กๆ น่าสนุกออกนะ”

แผนนี้เขานอนคุยกับอาจารย์คนึงตั้งนาน  ใช่แล้ว.. นอนคุย  ไม่ผิดหรอก  หลังๆ มานี้อาจารย์ย้ายมานอนเตียงเขาเสมอ  เพราะเตียงเขาติดฝั่งระเบียง  เผื่อเวลามี.. ‘อะไร’ เสียงจะได้ไม่เล็ดรอดไปยังห้องอาจารย์ประพนธ์และวิรัช  อย่างเมื่อคืน  อาจารย์นอนเอกเขนกอ่านหนังสือสบายใจ  เขาแค่ถอดแว่นตาออกให้  เกยคางบนอกกว้างทำตาปริบๆ  อาจารย์ยังไม่ยอมปิดหนังสือ  เขาเลยชะโงกไปจูบเบาๆ ที่ปลายคาง  แค่นี้อาจารย์ก็ยอมสิโรราบตามใจเขาสิ้นทุกสิ่งอัน

จนช่วยกันคิด ‘ทริป’ สนุกๆ นี้ขึ้นมา

“ไปเถอะนะ มีแต่พวกเราแล้วก็เด็กๆ” ไม่มีคนที่ทำให้จ้อยเป็นแบบนี้หรอก..

เมื่อเห็นตะกอนความกังวลลอยขุ่นในแววตา คุณชายข้ามฝั่งมาโอบไหล่เล็กไว้แน่น  โยกโคลงเบาๆ  จ้อยก้มหน้าเงียบเชียบ และเมื่อเขาดึงศีรษะเพื่อนมาแนบอก  จ้อยก็ตัวอ่อนเหมือนลูกแมว  ไม่มีทีท่าขัดขืนแต่อย่างใด  เขาเลยอนุมานเอาว่านั่นคือคำตอบตกลง

คนไทยไม่ค่อยแสดงความรักความห่วงใยด้วยการกอดกัน  หารู้ไม่ว่าอานุภาพมันช่างยิ่งใหญ่  แค่กอดเบาๆ หัวใจเหน็บหนาวก็อุ่นขึ้นได้อย่างง่ายดาย 

เหมือนจ้อยในตอนนี้.. 

(ติดตามต่อครึ่งหลังจ้ะ :L2:)

**********************


สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๖ ค่ะคนอ่านที่รัก  :mc4:

ใจจริงอยากเขียนให้จบตอนเลยแล้วลงทีเดียวเป็นของขวัญปีใหม่ แต่มันเข็นไม่ขึ้นค่ะพี่น้อง (ได้หยุดงานตั้งห้าวัน แต่มัวตะลอนไปโน่นมานี่ฉันจะตีก้นเธอ) เลยปั่นมาได้แค่นี้

ถึงจะสั้นไปหน่อย แต่ก็ขอเอาฤกษ์เอาชัย อัพนิยายรับปีใหม่ และถือโอกาสอวยพรคนอ่านที่น่ารักให้มีความสุขมากๆ นะคะ สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้า ขอให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ กินอิ่มนอนหลับ ได้อยู่กับคนที่รัก มีวายให้เสพตลอดปี ไชโย  :L2:

รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้
คืนส่งท้ายปีเก่า ๒๕๕๕


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 31-12-2012 21:56:46
จิ้มจึกๆ

คิดถึงคุณชาย กับอาจารย์ เป็นยังไงบ้าง หวานหยดย้อยกันเหมือนเดิม

คงมีคู่จ้อยนี่ละ ที่ยัง ทะมึงตึงอยู่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 31-12-2012 22:07:24
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ สุขภาพแข็งแรงๆ

สงสารจ้อยจัง แค่ความขาดสติของสิงห์ครั้งเดียวทำให้จ้อยกลายเป็นคนมีปมไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 31-12-2012 22:17:07
หวังว่าคุณเล็ก จะช่วยเยียวยาจิตใจจ้อยให้ดีขึ้นได้บ้าง


สงสารทั้งสองคนจริงๆ หวังว่าอะไรมันจะดีขึ้นในเร็ววันนี้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: moomew ที่ 31-12-2012 22:40:06
สนุกมากคับ
รอตั้งแต่ตอนแรกๆๆ
อ่านแล้วฟินจัง


แต่เสียอย่างที่คนเขียนอัพช้ามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 :a5:


อยากจะงอลแต่ก็งอลไม่ลง :o8:


ปล.อยากจะถามเรื่องการเขียนนิยายเกี่ยวกับคูณชาย ราชนิกุลสูงศักดิ์ว่ามีเทคนิคยังไงจังเลยครับ ถามหลังไมค์ได้ปะคับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 31-12-2012 22:44:26
Happy new year คะ ของเราเข้าวันที่ 1 มกรา ล่ะ :)
ชอบ คุณชายนะ แต่ไม่ชอบ อีตาคนึง !!!
น้องจ้อย ลองถามคุณชายนะ ฝ่ายเดียวกัน วิธีที่ทำให้อีกฝ่ายสิโรราบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 31-12-2012 22:58:47
ปวดใจ :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 31-12-2012 23:00:54
เรื่องของคุณชายหวานแต่เรื่องของจ้อยมันช่างขมยิ่งนัก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 31-12-2012 23:09:37
ยิ่งอ่านก็ยิ่งสงสารจ้อยเพิ่มขึ้นตลอด
กลัวเหลือเกินว่าจ้อยจะถูกสถานการณ์บีบคั้นมาก ๆ
หวังว่าจ้อยคงจะไม่คิดสั้น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 31-12-2012 23:14:39
จ้อยน่าสงสารคิดว่าตัวเองต่ำต้อยตลอดเอาตัวเองไปเทียบกับคุณชายอีก
คุณค่าของคนอยู่ที่จิตใจนะจ้อยเอ๊ย เมื่อไรจ้อยจะหายจิตตกเป็นห่วงจัง
ยิ่งตอนปากกาหมดไม่มีเงินซื้อ โอ๊ย จะน่าสงสารไปไหน
แล้วยังอาการกลัวคนอื่นโดนตัวอีก

คุณชายของเรายังสดใสน่ารักเหมือนเดิม ใจดีมากด้วย บริสุทธิ์จนน่าเป็นห่วงเหมือนกัน
ตอนเตะบอลอาจารย์คนึงเค้าหึงจ้า น่าหึงจะตาย ตัวขาว ๆ มาคลุกกับคนอื่นต่อหน้าต่อตา
พระเอกเราไม่ทนจ้า

จ้อยจะไปกับพวกคุณชายรึป่าว อยากให้ได้ไปเที่ยวบ้าง แต่ไปก็มีปัญหาอีก

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุขทุกวันนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: frenzy19 ที่ 31-12-2012 23:16:03
สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :mc4: :mc4:


ชอบเรื่องนี้มาก สนุก ชอบๆๆๆๆๆ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 31-12-2012 23:31:17
ชีวิตน้องจ้อยแสนรันทด
ขอให้หมอกคลายหลังปีใหม่ :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 01-01-2013 00:59:33
จ้อยน่าสงสารเนอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 01-01-2013 01:05:12
จ้อยคิดมากจริง ๆ ทำไมว่าตัวเองแบบนั้น เลอมานรู้สึกหึ่งอะไรนั่นจะไม่ใช่ความรู้สึกหรือเปล่า คนึงขี้หวงน่าดูเลยนะ สิงห์น่าจะคุยกับจ้อยนะ บอกความรู้สึกตัวเองให้จ้อยฟังสิสิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-01-2013 02:24:38
คุณชายเล็กช่างดูดีมีความสุขเหลือเกิน อาจารย์คนึงก็หวงออกนอกหน้า
ส่วนน้องจ้อยของเรายังต่ำต้อยหม่นหมองเช่นเดิม
ชีวิตคนเดินดินเหมือนกัน แต่ช่างแตกต่างกันจริง ๆ
คุณชายเล็กเป็นผู้เยียวยาน้องจ้อยหรือนี่

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-01-2013 02:40:56
คุณชายกับครูคนึงก็ยังรักกันดี
แต่เมื่อไร น้องจ้อยของเราจะหายมืดมนเสียที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 01-01-2013 03:45:39
เมื่อไหร่จ้อยจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมนะ ยิ่งอ่านยิ่งสงสาร  :เฮ้อ:

สวัสดีปีใหม่ด้วยค่ะ :mc3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 01-01-2013 12:16:02
แบบนี้คงอีกนานกว่าจะหายนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: lalitalx ที่ 01-01-2013 13:00:58
เห้ออ เมื่อไหร่จ้อยจะหายสักที TT
เศร้าอะ พี่สิงห์จะทำไงละนี่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: nopkar ที่ 01-01-2013 13:24:34
ง่ะะะะ จ้อยยังเศร้าอยู่เลยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 01-01-2013 20:46:35
สงสารน้องจ้อย เฮ้อออออออ :เฮ้อ:
อ่านไปก็อยากต่อยหน้าพี่สิงห์กับลูกน้องไป  :m31: :m31:

รอตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 01-01-2013 21:51:57
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
สงสารจ้อย เมื่อไหร่จะสดใสเหมือนเดิมซักที อยากให้ดีกันกับสิงห์เร็วๆจัง
คุณชายกับอาจารย์น่ารักมากกกกกกกกกก ขอให้เป็นแบบนี้ไปตลอด อย่าได้มีอุปสรรคใดๆเลย
อยากอ่านต่ออีกเร็วๆ รีบมานะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 02-01-2013 11:07:25
รอ เมื่อไหร่คู่จ้อยจะลงเอยสะที  เหนื่อยลุ้นแล้ว

จ้อยยังกะคนบ้าละตอนนี้  ลอยๆตลอด

สวัสดีปีใหม่ :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 06-01-2013 00:43:43
น้องจ้อยน่าสงสาร  :sad4:
คุณชายทำให้จ้อยกลับมาร่าเริงเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 07-01-2013 00:49:02
คู่คุณชายหวานไม่สร่าง  :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 08-01-2013 04:31:35
มีคุณชายกับครูคนึงมาให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ

แต่เรื่องจ้อยก็ยังน่าเศร้าอยู่ดี สงสารจ้อยจัง TvT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 08-01-2013 11:12:18
ค่าของคนอยู่ที่จิตใจ....ถ้าคิดไม่ดี ทำไม่ได้ ถึงจะสูงแค่ไหน ก็ร่วงหล่อนลงใต้พื้นได้เหมือนกัน....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 08-01-2013 15:17:02
เมื่อไหร่จ้อยจะหายสักทีสงสารมากๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 10-01-2013 00:19:45
 :z13: :z13: :z13:รออออออออออครึ่งหลังจ้า :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 10-01-2013 20:18:46
เหยียบย่ำซ้ำเติมตัวเองอยู่นั่น เงยหน้าซะทีนะจ้อย . . . เผื่อจะมองเห็นพี่สิงห์ / m15นะ จุดนี้
แถมปากกาก็ดันหมึกหมดอีก ไรว๊า อย่างเซ็ง, ซวยซ้ำซ้อน

เลอมานช่างเลอค่า กอดทีเดียว ส่งพลังเข้าตัวน้องจ้อยได้เลยจ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: iiam ที่ 12-01-2013 23:42:22
ไม่ใช่ไปๆมาๆ  จ้อยกับสิงห์เป็นพี่น้องพ่อเดียวกันนะ TT อย่านะ ไม่นะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : วาสนากระต่าย(อัพรับปีใหม่จ้า^_^) [๓๑/๑๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: The_Beggar ที่ 14-01-2013 20:00:28
มาต่อเร็วๆนะ เพราะมันค้างงงงง~
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 24-01-2013 01:15:23
บทที่ ๒๓

หวงรัก

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


การจะพานักเรียนครูออกไปเที่ยวนั้น  โตๆ เป็นหนุ่มกันแล้วไม่จำเป็นต้องขออนุญาตผู้ปกครองหรอก  แต่กรณีนี้คงต้องละเว้นจ้อยไว้คนหนึ่ง
 
คุณชายกับคนึงพาจ้อยไปขออนุญาตยายช้อย  ไปขออนุญาตกำนันด้วยตัวเองเสร็จสรรพ  ผู้ปกครองรายแรกนั้นไม่มีปัญหาหรอก  แต่รายที่สองนี่สิ 

กำนันเสริมยิ้มแย้มแจ่มใส  อนุญาตให้จ้อยไปอย่างยินดี  แต่คุณนายพูนทรัพย์กลับตีหน้าบอกบุญไม่รับ  อ้างนั่นอ้างนี่  สารพัดจะสรรหามาอ้าง  บอกว่าขาดจ้อยไปใครจะช่วยงานบ้างละ  ไปเที่ยวนอกเกาะเมืองต้องมีค่าใช้จ่ายบ้างละ  คุณนายอ้างที  กำนันก็ขัดคอเมียที  หวุดหวิดจะตีกันอยู่รอมร่อ  จนคนึงกับเลอมานถึงกับมองหน้ากัน  ว่ามาทำให้ผัวเมียเขาทะเลาะกันหรือเปล่าหนอ 

ลูกชายกำนันขึ้นเรือนมาตอนนั้นพอดี  นักเรียนครูตัวเล็กที่นั่งตัวลีบแปะกับพื้น  ยิ่งก้มหน้างุดตัวหดจนแทบจมหายลงไปกับพื้นกระดาน

นายสิงห์ สีตลาเพียงปรายตามอง  ก่อนเดินผ่านผู้มาเยือนไปโดยไม่ทักทายสักคำ  กำนันรีบขอโทษขอโพยแทนลูกชายมารยาททรามยกใหญ่

คนตัวโตเดินไปให้น้ำนกในกรงอยู่ไม่ไกล  ไม่ข้องแวะ ไม่ใส่ใจวงสนทนาสักนิด  แต่ก็แกร่วอยู่แถวนั้นไม่ยอมไปไหน
 
“ตกลงจะพาครูไปกี่วันละ” กำนันถามรวบรัด  ตะแกรำคาญเมียเต็มที
 
“ไปเช้าวันเสาร์  ค้างคืนที่บางบาลคืนหนึ่งก็กลับครับ” สิ้นเสียงอาจารย์คนึง  เสียงขันสาครใบน้อยตกพื้นดังเคร้งก็ตามมา  ทุกคนหันขวับตามต้นเสียง  เห็นนักเลงโตเลิ่กลั่กเก็บขันอยู่ข้างกรงนก  กระแอมไอแก้เก้อก่อนหันเหไปหาอ่างบัวแทน
 
จนฟ้าเริ่มมืด  คุณชายกับอาจารย์ขอตัวกลับโรงเรียน  โดยพาจ้อยกลับไปด้วย  ให้เหตุผลว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นมาเตรียมของแต่เช้ามืด  กำนันลงไปส่งขึ้นรถ  คล้อยหลังผู้มาเยือน  คนที่เอาแต่นั่งจ่อมปลิดใบบัวไม่เลิกราได้แต่เงยหน้ามองตามแผ่นหลังเล็กๆ ไปด้วยแววตาละห้อยหา   

คุณชายกับอาจารย์หารู้ไม่  คนที่เอาแต่ก้มๆ เงยๆ แถวอ่างบัวดั่งไม่ใส่ใจ  จับถ้อยความการสนทนาได้ทุกคำ 

*************************

คณะอาจารย์นักเรียนเตรียมออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่  ท้องฟ้าผ่องใสเหมือนใบหน้าทุกคน  ต่างยิ้มแย้มเริงร่า ค่าที่นานทีปีหนจะได้ไปเที่ยวต่างอำเภอกันสักที  สง่ากับสันติแต่งตัวหล่อเฟี้ยว  ผมลงน้ำมันเรียบกริบแทบไม่กระดิกสักเส้น  จนอาจารย์ประพนธ์ร้องทักว่าโรงเรียนบางบาลเป็นโรงเรียนประถม  ไม่มีสาวน้อยมัธยมหน้าแฉล้มให้เกี้ยวหรอก 

จ้อยยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นสองสหายโอดครวญเซ็งแซ่  เลอมานลอบมองแล้วอดอมยิ้มไม่ได้  นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่เห็นรอยยิ้มของจ้อย  อยากขอบคุณแสงตะวันเหลือเกินที่แต่งแต้มสองแก้มขาวซีดนั้นให้แดงเรื่อขึ้น 

นอกจากกลุ่มอาจารย์นักเรียนแล้วยังมีคนจากหน่วยหนังเร่อีก ๓-๔ คน  ต่างทยอยขนเครื่องทำไฟ เครื่องฉายหนัง ขึ้นรถจี๊ป ดอดจ์สีขาวอย่างขะมักเขม้น  จ้อยช่วยยกกระเป๋าฟิล์มหนังที่จะเอาไปฉายขึ้นรถด้วยอีกแรง 

หนักไม่ใช่เล่น  หนุ่มน้อยผอมกล้องแกล้งถึงกับเซแซ่ด 

“มา ข้าช่วย” เสียงทุ้มห้าวมาพร้อมมือแข็งแรงคว้ากระเป๋าหนังใบโตจากมือจ้อยไปอย่างง่ายดาย 

ไม่ต้องเงยหน้ามองจ้อยก็รู้ว่าใคร

ไอ้สิงห์!

คนตัวเล็กผงะหนีทันที  ตาเบิกกว้างอย่างกับเห็นผี  ยามนั้นคณะเดินทางจึงละมือจากสิ่งที่ทำ  หันมามอง ‘คนแปลกหน้า’ เป็นตาเดียว

เมฆดำทะมึนก้อนใดมาพร้อมกับชายหนุ่มคนนั้น  ไล่ต้อนแสงตะวันบนหน้าจ้อยหายเกลี้ยง 

จ้อยมือสั่นจนระงับไม่อยู่  สองขาถอยหลังกรูดไปยืนเบียดข้างหม่อมราชวงศ์เลอมานโดยไม่รู้ตัว 

นี่มันอะไรกัน!  ในหัวจ้อยมีแต่คำถามเต็มไปหมด  มันมาได้อย่างไร  มันมาทำไม  มันต้องการอะไร?!   

แววตานักเลงโตสลดวูบ  สายตาใครต่อใครที่มองมาอย่างไม่ต้อนรับ  ไม่อาจกร่อนใจเขาได้เท่าสายตาชิงชังของน้องเลย

สง่ากับสันติเดินอาดๆ เข้ามาขวางหน้า  มันแน่ละ.. พวกนั้นไม่มีวันลืมเหตุการณ์วิวาทที่เกิดขึ้นในโรงเหล้าคืนก่อนโน้นได้หรอก  คุณชายเลอมานกับอาจารย์คนึงก็เช่นกัน  ไม่มีสักคนที่จะมองเขาอย่างเป็นมิตร
 
เขารู้.. มันน่าอาย  มันน่าสมเพช  เหมือนคนหน้าด้านที่บังอาจเข้ามาเหยียบถิ่นคนที่เคยมีเรื่องกัน  ทั้งที่รู้แก่ใจว่าจะถูกต้อนรับแบบนี้  แต่เขาก็ยังจงใจจะมา

“มึงมาทำไม!” สง่าเลือดร้อนกว่าใคร  ตะคอกใส่หน้าด้วยสายตาแข็งกร้าว  ผลักไหล่หัวหน้าอันธพาลอย่างแรงจนเซ “ถ้าจะมาหาเรื่องกันก็กลับไปซะ!”

“ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างมึง!” สันติได้ทีขี่แพะไล่  ผลักอกกว้างๆ นั้นบ้างตามเพื่อน  ก่อนเตรียมตั้งการ์ดรับเผื่อเจอหมัดสวน

ทว่าคนถูกผลักไสไล่ส่งไม่โต้ตอบสักนิด  ไม่มีแม้สายตากราดเกรี้ยว  ชายหนุ่มมองหาคนที่มีสายตาชิงชังน้อยที่สุด  ซึ่งคืออาจารย์คนึง.. ไม่สิ.. เรียกว่าชิงชังน้อยที่สุดคงไม่ถูก  ดวงตาสีเข้มคู่นั้น.. ‘เรียบเฉย’ ที่สุดต่างหาก 

“คนนอกไปด้วยได้ไหม” เสียงทุ้มห้าวมั่นคงแน่วแน่  ใครต่อใครต่างมองมาอย่างประหลาดใจ  คนพวกนั้นจะรู้ไหมว่าประโยคสั้นๆ ที่เอ่ยจบลงในไม่กี่วินาที  ไอ้สิงห์ใช้เวลาเตรียมใจมาทั้งคืน 

เขาหันมองน้อง  เจ้าตัวเล็กจับมือคุณชายเลอมานไว้แน่น  ก้มหน้าก้มตา  ไม่ยอมมองหน้ากันเลย 

“ได้ไหม.. ครับ” เขาวิงวอนอาจารย์คนึงอีกครั้ง  เติมหางเสียงลงไปด้วยอย่างคนมีการศึกษาเขาพูดกัน 

ขั้นแรกอาจารย์หนุ่มตีสีหน้าประหลาดใจ  ตามมาด้วยความลำบากใจ  หันไปสบสายตาคุณชายที่ยืนอยู่เคียงกัน 

“ครูก็ไม่ได้อยากกีดกันอะไรนายสิงห์หรอกนะ” อาจารย์ถอนใจอึดอัด “แต่ว่า.. เรามีที่ไม่พอ”

สิ้นคำปฏิเสธกลายๆ นั้น  แววตานักเลงสลดวูบลงอย่างน่าสงสาร  แต่คนึงไม่ได้โกหกสักนิด  รถจี๊ปที่เขาทำหน้าที่เป็นคนขับ  แค่เลอมาน  สง่า สันติและจ้อย ก็นั่งกันเพียบคันแล้ว  ส่วนรถฉายหนังก็มีประพนธ์ และคนจากหน่วยฉายหนังอีก ๓ คน ไหนจะข้าวของอีก 

“แกจะเกาะหลังคาไปก็ได้นะ” สง่าเหยียดหยันเต็มที่ “ของถนัดไม่ใช่เรอะ  ปกติก็เกาะพ่อเกาะแม่กินอยู่แล้วนี่”

“สง่า” อาจารย์ปรามเสียงห้วน

“นู่น..ท้ายรถหนังยังมีที่  ไปนั่งกองกับเครื่องปั่นไฟเอาไหมล่ะ” สันติว่าเป็นเรื่องขัน
 
“ได้” แต่ที่น่าขันยิ่งกว่าคือสีหน้านักเลงโตที่พยักหน้าตกลงทันทีอย่างกระตือรือร้น  กระชับกระเป๋าเสื้อผ้าในมือแน่นขึ้น “ยังไงก็ได้ ขอแค่ได้ไปก็พอ”

สง่ากับสันติโห่ฮากันใหญ่ด้วยความสมเพชกึ่งขบขัน  ถ้อยคำหยามหมิ่นมากมายพรั่งพรูมา  ว่าเป็นกุ๊ยชั้นต่ำแต่ริอ่านอยากไปเที่ยวกับนักเรียนครูบ้างละ  ว่าพ่อแม่ไม่มีปัญญาพาไปนอกเกาะเมืองหรือไงบ้างละ  แต่สิงห์กลับปล่อยไปเป็นลมผ่านหู  สายตาจับจ้องอยู่ที่นักเรียนครูตัวเล็กที่เอาแต่ก้มหน้านิ่งเพียงคนเดียว

“เอ้า ไปก็ไป” เลอมานปรึกษากับอาจารย์อยู่ครู่หนึ่งก็ตอบตกลง “ไปกันหลายๆ คนก็น่าสนุกดี  เนอะจ้อย” คุณชายหันไปพยักพเยิดกับจ้อย  ซึ่งเอาแต่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก 

“มันจะไปด้วยทำไมว้า  เสียบรรยากาศฉิบ” สง่าโอดแว่วๆ  เตะปลายหญ้าไปเรื่อยอย่างเซ็งอารมณ์  ตรงข้ามกับลูกชายกำนันที่ยิ้มปากฉีกถึงรูหู  กระวีกระวาดขอบคุณอาจารย์และคุณชาย  ช่วยขนของขันแข็ง

สิ่งที่เขาทำมันโง่  สิงห์รู้ดี  แต่ชีวิตนี้เขาเคยทำเรื่องที่โง่บัดซบที่สุดมาแล้ว  จากนี้จึงไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป  สารภาพเลยก็ได้  ว่าเมื่อวานตอนอาจารย์บอกว่าจะพาจ้อยไปค้างคืนที่อื่น  หัวใจไอ้สิงห์ระส่ำระส่ายไปด้วยพิษรักห่วงหวง  พะวงไปหมดทุกอย่าง  น้องจะกินอยู่อย่างไร จะนอนกับใคร  ไม่อยากปล่อยให้ห่างสายตา  แค่คืนเดียวที่จ้อยจะจากไป  ไอ้สิงห์ก็รู้สึกเหมือนมีไฟสุมในอก 

จนต้องแบกหน้ามาขอติดตามไปด้วยแบบนี้ 

แล้วดูน้องสิ  คนอื่นแต่งตัวกันหล่อเหลา  มีกระเป๋าเสื้อผ้าใส่สัมภาระกันคนละใบ  จ้อยกลับมีเพียงย่ามพระเก่าๆ  เห็นแล้วอดสะท้อนใจไม่ได้ 

กระเป๋าฟิล์มหนังใบโตวางบนพื้น ๕-๖ ใบ  สิงห์กุลีกุจอจะยกขึ้นรถให้  แต่คุณชายปรามไว้เสียก่อน  บอกให้เอาไปแค่เรื่องที่จะฉาย  ขืนเอาไปทั้งหมด  เขาได้เกาะหลังคาไปอย่างที่สง่าค่อนขอดแน่ 

“เอาเรื่องทรามวัยกับไอ้ตูบไปก็พอ” คุณชายบอกชื่อหนังที่จะเอาไปฉาย  สิงห์พยักหน้าแข็งขัน  ก่อนหันหาแนวกระเป๋าเรียงราย 

ว่าแต่.. มันใบไหนกันล่ะ? 

แต่ละใบมีกระดาษเขียนชื่อหนังติดอยู่  คุณชายบอกว่าเรื่อง ‘ทรามวัยกับไอ้ตูบ’ อย่างนั้นหรือ  หัวหน้าอันธพาลพึมพำชื่อหนังแผ่วเบา  สอดส่ายสายตาไปทีละใบๆ 

มองหาใบที่ขึ้นต้นด้วยตัว ‘ซ’

แปลก.. ไม่เห็นมีเลย

“เอ่อ.. ใบซ้ายสุดน่ะ” เสียงอาจารย์คนึงสงเคราะห์บอกให้  คนความรู้เท่าหางอึ่งมองตาม  คิ้วหนาขมวดมุ่น  นี่มันขึ้นต้นด้วย ท.ทหาร ไม่ใช่หรือ     

มัวแต่ยืนงง  สองสหายก็เดินมากระแทกไหล่  คว้ากระเป๋าใบนั้นไปเสียก่อน  ขุดด้วยปากถากด้วยตาเต็มที่

“ไอ้โง่เอ๊ย”

“ฮะๆๆ แค่นี้ก็อ่านไม่ออก”

เสียงหัวเราะเยาะดังแว่วมา  สิงห์เอาแต่ยืนทื่อ  เขาไม่โกรธ  ไม่โกรธเลยสักนิด  มันเป็นความจริง  เขามันโง่กินเกลือกินกะปิอย่างที่พวกนั้นพูด  ในแววตาดำดิ่งนิ่งลึก  มีเพียงความอดสูตนเองกัดกินใจ   


การเดินทางครั้งนี้อลวนอลเวงดีแท้  เลอมานอดคิดไม่ได้  ไหนจะเซอร์ไพร์สที่จู่ๆ ลูกชายกำนันก็มาขอเดินทางไปด้วย  กำลังจะออกเดินทางแล้วแท้ๆ  ก็เจอเรื่องเซอร์ไพร์สรอบสอง  เมื่อจ้อยมากระซิบบอกว่าไม่อยากไปด้วยแล้วเพราะรู้สึกไม่สบายขึ้นมาเฉยๆ  เล่นเอาสง่าโวยลั่น  แล้วคุณชายก็พบเรื่องเซอร์ไพร์สรอบที่สาม  เมื่อนายสิงห์ที่โดดขึ้นท้ายรถฉายหนังไปแล้วเกิดวิ่งตะบึงตะบอนมาแตะแก้มแตะหน้าผากจ้อยเป็นระวิง  ดูเป็นห่วงเป็นใยกันเกินเหตุอย่างไรพิกล 

พอจ้อยไม่ไป  นายสิงห์ก็จะไม่ไปบ้าง  พอนายสิงห์ไม่ไป  จ้อยก็นึกจะไปขึ้นมา  พอจ้อยจะไป  นายสิงห์ก็ร้องจะไปด้วยอีก  เถียงกันไปเถียงกันมา  น่าเวียนหัวที่สุด  จนอาจารย์คนึงต้องเอ็ดว่าเลิกเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกันเสียที  ตะวันขึ้นสายโด่งแล้ว  นั่นล่ะถึงได้เลิกเถียงกัน 

สรุป.. ก็ไปกันทั้งคู่นั่นแหละ   


แสงแดดเดือนสิงหาคมแรงกล้า  จนทุกสิ่งทุกอย่างดูสีเผือดไปหมด  มองเห็นเปลวแดดยิบๆ ไหวระริกบนทางลูกรัง  ออกจากเกาะเมืองสัก ๑๐ กิโลเมตรก็ถึงโรงเรียนบางบาล  ตะวันเกือบตรงหัวแล้ว 

อาคารเรียนไม้เก่าซีดเพราะโดดฝนชะแดดเผา  เสาธงโดดเดี่ยวหน้าโรงเรียนก็เอนเอียงทำท่าจะหักมิหักแหล่  อาจารย์และนักเรียนครูก้าวลงจากรถด้วยท่าทีสง่างาม  มีเพียงลูกชายกำนันที่ตัวงอลงมาอย่างหมดมาดเพราะความเมื่อยขบ  ร่างใหญ่โตเป็นซุงค้ำเพนียดต้องนั่งงอก่องอขิงอยู่กับกองเครื่องปั่นไฟและเครื่องฉายหนังท้ายรถ  ตะคริวแทบกินตาย

มีครูหลายคนออกมาต้อนรับ  ต่างยกมือไหว้ทักทายกันอย่างคุ้นเคย  บ่งบอกว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่คนึงมาที่นี่  อาจารย์หนุ่มแนะนำหม่อมราชวงศ์เลอมานแก่ครูใหญ่ว่าเป็นอาสาสมัครจากอังกฤษ  แนะนำสง่า สันติและจ้อยว่าเป็นนักเรียนฝึกหัดครู  ครั้นพอถึงไอ้หนุ่มตัวโตที่ยืนนวดไหล่หน้ายุ่ง  เหล่าครูบางบาลต่างชะงักกึก  มองสารรูปเถื่อนถ่อยหัวจรดเท้า

ถ้าบอกว่าเป็นโจรก็เชื่อละ 

“นายสิงห์  ลูกชายกำนันเสริมน่ะครับ  เขาอยากมาด้วย” คนึงแนะนำไปแล้วเหล่าครูก็ทำหน้าแหยง  ก็กิตติศัพท์นักเลงหัวไม้กระฉ่อนเสียขนาดนั้น  สิงห์พนมมือไหว้โกกเกก  ครูน้อยครูใหญ่รับไหว้ทันที  ปากหัวเราะแหะๆ แต่ในใจคิดไปทางเดียวกัน

อย่ามามีเรื่องกับนักเลงถิ่นนี้ก็แล้วกันพ่อคุณ! 

เจ้าบ้านเชื้อเชิญคณะผู้มาเยือนขึ้นไปพักบนโรงเรียน  เด็กๆ ที่ยืนออกันเป็นกลุ่มใหญ่ใต้ร่มไม้  เดินตามหย็อยๆ ขึ้นไปถึงบนตึกเรียน  แอบหลบอยู่ตามขอบประตู  ในกลุ่มครูจากเกาะเมือง  ใครคนหนึ่งโดดเด่นกว่าใคร  ผิวผ่องดุจละอองทอง  นัยน์ตาสุกใสดั่งพลอยอำพัน  ร่างโปร่งบางสำอางสะโอดสะอง  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่แหละ.. คุณชายสูงส่งเชื้อไขศักดินาที่เขาร่ำลือ  เด็กน้อยเนื้อตัวมอมแมมที่วันๆ ขลุกอยู่แต่กับกลิ่นโคลนสาบควายต่างจับจ้องเป็นตาเดียว 

“เด็กๆ ส่วนใหญ่ไปช่วยที่บ้านทำงาน  จนค่ำละกว่าจะมานี่  แล้วเราก็จะเริ่มฉายหนังให้เขาดู  แล้วทีนี้ก็จะมีการขอให้เล็กลุกขึ้นปราศรัยอย่างไรล่ะ” อาจารย์คนึงเล่าขั้นตอนคร่าวๆ ให้ฟัง  เลอมานถามว่าจะให้พูดเรื่องอะไร  คำตอบก็บอกว่าอยากจะพูดเรื่องอะไรก็ได้ 

คุณชายเหลือบมองกรอบประตู  เห็นหัวดำๆ ผลุบโผล่เป็นกระรอก  นัยน์ตาเล็กๆ นับสิบคู่มองมา  ยิ่งรู้ว่าถูกจับตามอง  คุณชายยิ่งระมัดกริยา  ท่วงท่าสง่าผ่าเผย  มุมปากแย้มยิ้มเพียงนิดอย่างไว้ตัวอยู่ในที 

หากพอเข้าโรงอาหารเพื่อรับประทานอาหารกลางวันตามคำเชื้อเชิญ  ‘ตัว’ ที่ถือไว้ก็หนักจนเผลอสลัดทิ้งไม่รู้ตัว 

ในโรงอาหาร  ผู้คนขวักไขว่  ส่วนมากเป็นผู้หญิง  และทุกคนกำลังทำงานกันขะมักเขม้น  แม่ครัววัยกลางคนเทแป้งที่ผสมจากข้าวเจ้าต้มสุกแล้วลงในถุงผ้าขาว  มีจานทองเจาะรูเอาไว้  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ปราดเข้าไปยืนตาโตอยู่ข้างหม้อใหญ่ที่มีไอขาวลอยกรุ่น  มองแป้งไหลเป็นเส้นสายลงในน้ำเดือดๆ ด้วยอาการเหมือนเด็กเห็นของเล่น  แล้วก็ครางว่า

“โอ้ สปาเกตตี้” 

อาจารย์คนึงยิ้มเอ็นดู  แม่ครัวปล่อยก๊าก  แก้ให้ใหม่ “ขนมจีนจ้า”

พอได้ยินว่า ‘ขนม’ คุณชายก็ตาลุกวาว  มาเริ่มไม่แน่ใจก็อีตอนร่วมสำรับ  จ้อยตักน้ำยากะทิสีส้มเนื้อปลาข้นคลั่กราด ‘ขนม’ เส้นขดๆ สีขาวให้  เห็นพวกสง่ากับสันติกินกันเอร็ดอร่อย  โดยเฉพาะนายสิงห์  ถึงจะเลี่ยงไปนั่งหลบกินลำพังอยู่มุมเสา  แต่ก็เห็นเดินมาเติมใหม่สองสามรอบ 

เลอมานเลยเอาส้อมม้วนเส้นยาวๆ เข้าปากบ้าง  แต่ทันใดก็แปล๊บซ่านประสาทจนเพดานแทบหด 

โอย! มันเผ็ดจนแทบพ่นไฟได้ 

คนึงหัวเราะ  มองหน้าขาวๆ ขึ้นสีเรื่อที่สองแก้ม  ปากแดงราวชาดจิ้มเจ่อจนหุบไม่ลง  น้ำตาคลอหน่วยราวกับจะไว้อาลัยให้ปลาช่อนในน้ำยา  อาจารย์เลยเปลี่ยนเมนูให้ใหม่เสร็จสรรพ

“นี่อะไร” น้ำลายจะยืด  สูดเก็บคืนปากแทบไม่ทัน  คุณชายมองน้ำแกงแดงๆ ที่ราด ‘ขนม’ อย่างเคลือบแคลง  ขอระแวงไว้ก่อน
 
“น้ำพริก”

“ไม่เอา!” แค่ ‘ยา’ ยังเผ็ดปากห้อย  แล้ว ‘พริก’ ล่ะจะขนาดไหน
 
“ไม่เผ็ดหรอก  หวานๆ  ลองดู  เอ้า” ผู้ใหญ่ปะเหลาะเสียงนุ่ม  ตักใส่ช้อนยื่นป้อนเอาใจ  ฝ่ายเด็กก็งอแงปั้นปึ่ง  ปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาด

“ไม่!”

อาจารย์เสือกช้อนยัดใส่ปากดังกรึบ  เลอมานตาค้าง  รสหวานกลมกล่อมอวลซ่านอยู่ในปาก  เคี้ยวๆ ไปก็มีถั่วกรุบๆ  อืม.. อร่อยแฮะ 

สรุป.. มื้อนั้น  คุณชายซัดขนมจีนน้ำพริกเสียสองจาน  เล่นเอาแม่ครัวบางบาลยิ้มแต้ไปตามๆ กัน


(มีต่อจ้ะ)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 24-01-2013 01:16:15
จบมื้ออาหาร  ยังมีเวลาให้พักผ่อนกันตามอัธยาศัยอีกเยอะ  ประพนธ์,คนึงและเลอมานไปคุยกับครูใหญ่  สง่ากับสันติวิ่งโร่ไปตะลอนๆ ที่ชายทุ่ง  จ้อยอยากไปด้วยอยู่หรอก  แต่ครั้นจะให้ทิ้งสำรับเกลื่อนกลาดเต็มโต๊ะ  เห็นทีจะไม่ใช่วิสัยของจ้อย  ยายเคยสอนเสมอๆ ว่ากินแล้วให้เก็บทุกครั้ง  ถึงหนนี้จ้อยจะมาในฐานะแขกก็เถอะ

มือขาวเก็บจานชามวางซ้อนกันเรียบร้อย  ป้าคนหนึ่งปรูดเข้ามา “ไม่ต้องหรอกครู  เดี๋ยวป้าทำเอง”

“ไม่เป็นไรจ้ะ” จ้อยยิ้มอ่อนหวาน “ช่วยกัน  จะได้เสร็จไวๆ ไง”

ผู้มากวัยกว่าโบกไม้โบกมือใหญ่  แต่หนุ่มน้อยสนใจที่ไหน  เก็บจานชามวางใส่ถาดเรียบร้อย  หากพอจะยกออกมาก็มีมือใหญ่ๆ มาแย่งไป   

ของที่หนักจนจ้อยต้องเกร็งข้อมือ  แต่มันกลับถือสบายปร๋อ  เอาไปวางไว้ข้างวงล้างจานท้ายโรงครัว  ถลกแขนเสื้อขึ้นช่วยล้างแข็งขัน  จ้อยเม้มปากแน่น  ไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้เลย  แต่บอกป้าแกไว้แล้วว่าจะช่วยก็ต้องช่วย 

ตลอดเวลามันไม่ปริปากเลยสักคำ  ตั้งใจล้างจนน่าขัน  หากแค่มือเฉียดกันใต้น้ำสบู่กรด  จ้อยยังสะอิดสะเอียนเสียยิ่งกว่าแตะต้องอาจม  ได้แต่เก็บความชิงชังไว้ใต้ดวงตาเรียบนิ่ง  ยิ่งใกล้มัน จ้อยยิ่งเหมือนหายใจไม่ออกเข้าไปทุกที

นักเรียนครูละมือ  มันอยากล้างก็ให้มันล้างไป  จ้อยไปทำอย่างอื่นก็ได้ 


จ้อยแน่ใจ  มันจงใจกวนประสาทกันแน่แท้ 

น่ารำคาญ  จ้อยพยายามเดินหนีแต่มันยังตามติดแจ  เกาะแกะวอแวไม่เลิกรา  ราวกับมีสายตาไว้มองแต่จ้อยเพียงคนเดียว  จ้อยเลี่ยงไปช่วยป้าๆ ปอกหอมกระเทียม  มันยังหน้าด้านไปเบียดกระแซะ  คว้ามีดมาปอกกระเทียมด้วยมือเทอะทะเป็นใบพายนั่น  คิดหรือว่าจ้อยจะทนให้มันนั่งข้างๆ ได้  จ้อยเลยลุกไปช่วยคั้นน้ำมะนาวแทน  แน่ะ.. มันยังตามมาอีก  จ้อยยิ่งหนีมันยิ่งตาม  มันยิ่งตามจ้อยยิ่งหนี  หลากความรู้สึกปนเป  ชิงชัง ขยะแขยง.. กลัว..

จ้อยไม่อยากอยู่ในโรงครัวแล้ว  เดินออกไปหาสง่ากับสันติดีกว่า  อีกหน  ที่มันทำท่าจะวิ่งตามมา 

“พ่อหนุ่ม  ตัวใหญ่ตัวโตแบบนี้  ป้าขอแรงยกหม้อน้ำยาหน่อยเร้ว” ป้าคนหนึ่งร้องเรียก  กวักมือหย็อยๆ  เสียงสวรรค์มาโปรดจ้อยโดยแท้  เห็นมันทำหน้าอักอ่วน  มองมาทางจ้อยทีแล้วก็มองไปทางป้าที  ก่อนตัดใจเดินไปช่วยยกหม้อให้ในที่สุด   

เรื่องอะไรจ้อยจะอยู่ให้โง่ล่ะ

   
ที่หน้าโรงเรียน  เด็กๆ จับกลุ่มเล่นหยอดหลุม ทอยกอง ปั่นแปะอยู่ตามร่มไม้  เด็กนักเรียนหญิงบางคนหันมองจ้อยแล้วยิ้มเอียงอาย  ยิ่งจ้อยส่งยิ้มกลับไปให้ยิ่งพากันเขินม้วนต้วน  จ้อยพยายามมองหาเพื่อนซี้ ไม่รู้พากันไปเที่ยวเล่นที่ไหน  กลับพบเพียงคุณชายเลอมานกับอาจารย์คนึงเดินคุยกันไปใต้แนวต้นมะม่วงใบหนา เป็นหลังคาปกคลุมทางเกวียน 

หนุ่มน้อยตั้งท่าจะวิ่งตามไป  เกาะกลุ่มกันไว้อุ่นใจดี 

แต่อะไรบางอย่าง  ทำให้สองเท้าหยุดกึก
   
อะไรบางอย่าง.. สายตาที่พวกเขามองกัน  อาจารย์เอียงหูลงมา  คุณชายป้องปากกระซิบ  แล้วหัวร่อต่อกระซิกกัน  อาจารย์เกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผากให้  ปลายนิ้วที่เกาะเกี่ยวกัน

ทำราวกับโลกนี้มีเพียงพวกเขาสองคน 

จ้อยกลืนน้ำลายฝืดคอ  เริ่มเอะใจถึงบางสิ่ง  ตัดสินใจไม่เข้าไปยุ่งดีกว่า  จ้อยหันหลังกลับ  ตกใจสะดุ้งโหยง  เด็กๆ เนื้อตัวมอมแมมเป็นสิบเดินตามมาตั้งแต่เมื่อไร 



ในโรงอาหาร  หัวหน้าอันธพาลโดนเรียกใช้งานหัวหมุน  ป้าๆ ทั้งหลายคิดว่าเขาเป็นคนงานที่ติดรถมากับคณะครู  ถึงได้ใช้งานไม่บันยะบันยัง  ชายหนุ่มเริ่มใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  คอยมองแต่ทางออกโรงอาหารล่อกแล่ก  พอปลีกตัวออกมาได้ก็วิ่งหน้าตั้ง 

จ้อยหายไปไหนแล้ว!

สิงห์เหลียวซ้ายแลขวามองหากระสับกระส่าย  ความห่วงหวงตีขึ้นจนปั่นป่วนในหัวอก  เที่ยวเสาะหาเจ้าตัวเล็กไปทั่ว  ขึ้นไปดูบนอาคารเรียนก็แล้ว  เที่ยวหาตามร่มไม้ริมสนามหญ้าก็แล้ว  วกไปดูที่โรงอาหารอีกทีก็ยังไม่เห็นแม้เงา  ชายหนุ่มตัดสินใจเดินอ้อมไปหลังโรงเรียน  ได้ยินเสียงเด็กๆ หัวเราะแว่วมา  สองเท้าค่อยๆ ติดตามไป

และแล้ว.. เขาก็ได้เห็น

ที่ศาลาท่าน้ำหลังน้อย  แดดร่มลมตก  น้ำคลองใสเย็นไหลเอื่อย  จ้อยนั่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมเด็กๆ ร่วมสิบคน  ร่างสูงใหญ่เร้นกายหลังต้นมะม่วง  ลอบมองภาพงามงดนั้นไกลๆ  หมายจดจำไว้ในหัวใจนานเท่านาน 

นัยน์ตาเด็กๆ แวววามสุกใส  ครั้งหนึ่งจ้อยก็เคยมีแววตาแบบนั้น  บริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ทว่าแฝงเร้นด้วยความเข้มแข็ง  แล้วใครหนอใคร  ใครพรากดาวดวงช่วงโชนในแววตาจ้อยไป

เขาเองไม่ใช่หรือ..

“เอ้า คนสุดท้ายแล้วนะ” วงหน้าเนียนผ่องแย้มยิ้ม  สายตายังจดจ่ออยู่กับปลายนิ้วจิ๋วหลิวในมือ  เสียงกรรไกรตัดเล็บดังแก้บๆ แข่งกับเสียงคุณครู “ทีหลังอย่าปล่อยให้เล็บดำล่ะ  มันสกปรก พอหยิบของกินใส่ปาก เชื้อโรคก็จะลงท้อง เข้าใจไหม”

เด็กๆ พยักหน้าหงึกหงัก  ใส่เสื้อบ้างไม่ใส่เสื้อบ้าง  ที่เป็นผู้หญิงก็ผมยุ่งกระเซิง  ที่เป็นผู้ชายก็ไว้จุกไว้แกละ ไม่ก็ไถเกรียนเป็นลานบิน  ใบหน้าเนื้อตัวมอมแมมด้วยคราบฝุ่นดิน  แต่อย่างน้อยเล็บมือทั้งสิบก็สะอาดขึ้นล่ะ  ก็พี่ครูเล่นจับมาตัดเล็บเสียหมด 

พี่คุณชายตัวขาวหน้าฝรั่ง แปลกตาน่ามองก็จริง แต่ดูสูงส่งเหมือนเดือนดวงเด่นฟ้า น่ามองเพียงใดก็คล้ายไกลเกินเอื้อม  แต่พี่ครูตัวเล็ก ตาหวานๆ ยิ้มสวยๆ เหมือนดอกไม้โน้มกิ่ง  เจริญตาเจริญใจ  จับต้องได้ เอื้อมถึงไหว
 
“เล่านิทาน!”

“พี่ครูบอกว่าถ้ายอมให้ตัดเล็บจะเล่านิทาน!”

ตัดเล็บเสร็จเด็กๆ ก็ร้องกันเซ็งแซ่  ‘พี่ครู’ หัวเราะร่วน  คล้ายเมฆหมอกที่สุมอยู่ในอกจากเกาะเมืองมาสลายลงที่นี่  รอยยิ้มของเด็กๆ ทำให้จ้อยชุ่มชื่นใจได้เสมอ 

“ก็ได้  อืม.. เรื่องจันทโครพเนอะ” จ้อยรู้จักนิทานไม่กี่เรื่องหรอก  ที่เลือกเรื่องนี้เพราะดูลิเกกับยายบ่อยจนจำได้  เด็กๆ พยักหน้าหงึกหงัก 

เรื่องราวจากปากนักเรียนครูดึงดูดเด็กๆ บ้านนาให้ฟังกันนิ่ง  จ้องมองคนเล่าตาแป๋ว  พี่ครูเสียงใสเสนาะเหมือนดนตรี  หารู้ไม่  มีเด็กโข่งอยู่คน  แอบฟังเงียบๆ ไกลๆ อยู่หลังต้นมะม่วง  ดวงตาคมเข้มนิ่งมอง  แสนรักแสนใคร่  หากแฝงความทอดอาลัยในแววตามิจาง..

“จากนั้น.. จันทโครพก็พานางโมราเดินทางต่อไป  แต่ระหว่างทางได้พบกับ..”

“โอ๊ย!” มดแดงเจ้ากรรมร่วงจากต้นมะม่วงลงหลังคอ  กัดหนึบเจ็บแปล๊บ  นักเลงโตสะดุ้งโหยงจากที่ซ่อน  ปัดเสื้อแสงเป็นพัลวัน  พอเงยหน้ามองอีกที  ก็เห็นเหล่าเด็กน้อยมองมาเป็นตาเดียว  บางคนชี้มือเขม็ง  ก่อนตะเบ็งเสียงพร้อมเพรียงกัน 

“โจรป่า!”

สิงห์ขบฟันกรอด  หนอย! ไอ้เด็กพวกนี้  แค่เมื่อเช้ารีบร้อนออกจากบ้านไปนิด  ไม่ทันได้โกน  หนวดเครามันก็เลยขึ้นเขียวพรืดไปหน่อยแค่นี้  มาโจรป่งโจรป่าอะไรกันละโว้ย!

และเป็นไปตามคาด  น้องมองมาอย่างตกตะลึง  รอยยิ้มบนหน้าหายวับ  ชายหนุ่มเป็นเดือดเป็นแค้นยิ่งนัก 

มดเฮงซวย!  อย่าให้กูเจอตัวนะมึง!

เห็นน้องทำหน้าเหมือนกลืนบอระเพ็ด  เขาเองก็ขื่นขมไม่ต่างกัน  เสียงเล่านิทานเจื้อยแจ้วเป็นอันจบสิ้นลง  เด็กๆ หันไปเขย่าแขนคนเล่าชุลมุน 

“พี่ครู  เล่าต่อสิ”

“จบแล้วจ้ะ” จ้อยบอกปัดเอาดื้อๆ  ไม่ยิ้มสักนิด   

“อ้าว” พ่อหนูแม่หนูงงกันใหญ่  “โจรป่าเพิ่งออกเอง”

“เหมือนลิเกไง  เล่นไม่เคยจบซักเรื่อง” สิ้นเหตุผลกำปั้นทุบดิน  นักเรียนครูตัวเล็กลุกขึ้นพรวด  เดินลิ่วๆ ออกจากศาลา  ทิ้งเด็กๆ มองตามด้วยความงงงวย

น้องเดินผ่านหน้า  ไม่แม้แต่จะมองกันสักนิด  สิงห์รั้งต้นแขนเล็กไว้ทันควัน  แต่เรี่ยวแรงคงเยอะไปหน่อยจึงดูเหมือนกระชาก  คนตัวบางปลิวหวือปะทะแผงอกแกร่ง 

“ปล่อย!” หน้าที่ขาวอยู่แล้วซีดเผือดเป็นกระดาษ  พยายามขืนตัวออก  สิงห์ยิ่งรวบกอดไว้  ทรมานเหลือเกินกับความไร้ตัวตน 

“จ้อย  มองพี่สักหน่อยได้ไหม” เสียงต่ำแหบเครือวิงวอน  สองแขนกำยำกอดรัดแน่น  กอดรัดดวงใจที่ทำหลุดลอย 

หินก้อนหนึ่งลอยหวือกระทบหัวดังก๊อก 

“หยุดนะโจรป่า!” เสียงเล็กแหวดแหวขึ้น  ตามมาด้วยก้อนหินก้อนกรวดระดมปาใส่อีกนับสิบ  เด็กๆ กลุ้มรุมกันเข้ามา  ส่งเสียงเซ็งแซ่ 

“โจรป่า! อย่าทำจันทโครพ!”

“นิฉัยไม่ยี” บางคนยังพูดไม่ชัดเลยเอ้า 

“โจรป่าไปไกลๆ เลย”

กำปั้นน้อยๆ รัวทุบเข้าใส่  แข้งขาเตี้ยตะแหมะแขะถีบเตะสะเปะสะปะ  ‘โจรป่า’ หลบหลีกพัลวัน  จ้อยอาศัยช่วงชุลมุนสะบัดหลุด  หลบหนีว่องไว  กว่าสิงห์จะหลุดจากฝูงเจ้าถิ่นตัวจิ๋วได้  น้องก็วิ่งเตลิดหายไปแล้ว 

คนตัวโตวิ่งตามมาที่สนามหน้าโรงเรียน  คนจากหน่วยฉายหนังกำลังช่วยกันกางจอผ้าใบ  โดยการผูกมุมผ้าขาวกับเสาไม้ไผ่ที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น  แล้วช่วยกันยกเสาทั้งสองลงปักในหลุมที่ขุดไว้รอ  ขึงผ้าขาวผืนใหญ่ระหว่างเสาไม้ไผ่สูงลิ่ว ๒ ต้น 

แล้วนั่นอะไร.. ไอ้เด็กอวดเก่ง  ตัวเท่าลูกหมา  ยักแย่ยักยันไปตั้งเสาไม้ไผ่กับเขาด้วย  ลำใหญ่กว่าขามันเสียอีก 

ท่ามกลางคนมากมาย  สิงห์ไม่กล้ารุกรานโจ่งแจ้ง  ได้แต่เสนอหน้าเข้าไปช่วย  คราวนี้จ้อยจะเดินหนีก็ไม่ได้  เพราะหากปล่อยมือ  เท่ากับเสาไม้ไผ่ที่ช่วยกันเอาลงหลุมจะพังโค่นลงมา  น้องตีหน้ากระอักกระอ่วนจนตั้งเสาเสร็จ  ทันใดก็เดินหนีไม่แยแส  สิงห์รีบตามไปเร็วรี่

ลมแรงพัดวูบมา  ฝุ่นดินแห้งแดงคลุ้ง  จอผ้าที่ยังขึงไม่ตึงดีต้านลมจนโป่งพอง  เสาไม้ไผ่ลำหนาที่ยังไม่ทันกลบดินฝังแคลนคลอนโยกเยก   

เอนเอียงไปทางคนตัวเล็กที่เอาแต่เดินลิ่วๆ ไม่รู้ตัวสักนิด!   

พี่ปราดไปหาน้อง  ด้วยฝีเท้าที่หากจับสถิติกัน  เหรียญทองจะไปไหนเสีย  มือที่ก่อเรื่องเลวระยำมานักต่อนัก  คว้าร่างเล็กกอดรัดไว้แนบอก  เพียงเสี้ยววินาที  รวดเร็วแค่กะพริบตา  เสียงของแข็งกระทบกันดังสนั่นลั่นเปรี้ยงเข้ามาในโสตประสาท  เหมือนโลกถล่มทลาย 

ผู้คนต่างร้องลั่นด้วยความตกใจ  ในอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด  ผ้าขาวถูกกระชากตามลงมา  กองยับกลางลานดิน 

สิงห์ปิดตาแน่น  สองแขนยังรัดน้องแนบอกไม่ปล่อย  เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง  สิ่งแรกที่ห่วงพะวงรุนแรงก็เจ้าตัวเล็กในอ้อมกอด  ใบหน้าข้างใต้ซีดเผือด  ตัวสั่นเหมือนลูกนก 

เลือดแดงฉานหยดเป็นวงบนหน้าผากน้อง  เขาใจหล่นวูบ  ปากคอสั่นสะท้าน “จ้อย.. จ้อยของพี่.. จ้อยเจ็บไหม..”
   
มือใหญ่เทอะทะลนลานปาดเลือดออก  หากสุดท้าย.. ใต้คราบเลือดแดงเข้ม  มีเพียงผิวเนื้อขาวนวล  ไร้ซึ่งบาดแผลใดๆ 
   
   
แล้วเลือดใคร?

   
สติคืนมาทีละนิด  พร้อมความเจ็บร้าวที่หลังศีรษะ  คนโง่เง่าเพิ่งตระหนักรู้


เลือดกูเอง..



โปรดติดตามตอนต่อไป
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
*หวงรัก, สมศักดิ์ เทพานนท์ คำร้อง, ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ ขับร้อง


ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อตอนนะคะ ตอนแรกตั้งใจจะเขียนให้ถึงฉากกลางคืน
แต่โควต้าหน้ากระดาษไม่พอ ก็เลยต้องตัดฉับ เปลี่ยนชื่อตอนใหม่ เพราะเดือนยังไม่ขึ้น กระต่ายก็เลยยังไม่เพ้อละเมอหา  :o8:

หายไปนานนนนนนน..เลยเนอะ เกือบเดือนแน่ะ  :sad4: ขอโทษคนอ่านด้วยนะคะ
ต้องเป็นเพราะย้ายที่อยู่แน่เลย บ้านใหม่ชานเมืองช่างเงียบเหงา คนเขียนก็เลยว้าเหว่ห่อเหี่ยว ซึมเศร้าหดหู่ ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรเล้ย ห่างไกลห้าง ห่้่างไกลโรงหนัง ห่างไกลแหล่งของกิน ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งเงี้ยบเงี้ยบ

โทษฟ้าโทษฝนไปเรื่อย โทษตัวคนเขียนเองเหอะ โธ่  :z6:

รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้
๒๔ ม.ค. ๕๖
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: hades ที่ 24-01-2013 01:31:55
กรี๊ดดดดดดด มาแล้วววววววววว
ดีใจมากเลยค่ะะ คิดถึงพี่สิงห์กับน้องจ้อยจะแย่ :sad4:

สงสารสิงห์จับใจ น้อยจ้อยใจอ่อนเร็วๆน้าาาา  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 24-01-2013 01:42:07
แล้วที่นี้ จ้อย จะยอมให้อภับ สิงห์ มั้ยน้า

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 24-01-2013 01:49:03
สงสารสิงห์ ร้องไห้เลย  :sad4: จ้อย พี่สิงห์สำนึกละลูก ให้อภัยพี่สิงห์นะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 24-01-2013 02:02:42
สงสารสิงห์จับใจ  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 24-01-2013 02:37:25
สังเวชใจในวงเวียนชีวิตของพี่สิงห์น้องจ้อยมาก

น่าสงสารทั้งคู่เลย

อยากให้นาฏกรรมนี้เป็น สุขนาฏกรรมเร็วๆนะคะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 24-01-2013 06:54:48
โฮฮฮฮ พี่สิงห์ ㅠㅡㅠ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 24-01-2013 07:22:18
โจรป่าทำคะแนนขนาดนี้ ยอมเจ็บตัวแทน จ้อยจะว่าอย่างไร


ครูกับคุณชายนี่หวานกันตลอดดด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 24-01-2013 07:54:34
 :o12: :o12:

พ่อสิงห์ของพี่ หวังว่าเหตุการณ์นี้ จะช่วยให้จ้อย หันมาเห็นพี่ในสายตาอีกครั้ง


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 24-01-2013 08:15:45
 :m15: :m15:ทำขนาดนี้จ้อยจะใจอ่อนบ้างไหมอะเริ่มจะสงสารพี่สิงห์แล้วอะดิ :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:



จะรออออออออออจ้า :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 24-01-2013 08:58:27
อยากให้จ้อยหายเศร้าไวๆจังเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nutjisub ที่ 24-01-2013 09:21:15
อ่านเรื่องนี้แล้วเศร้าจังเลย แต่คนเขียน เขียนเก่งมากเลยนะค่ะ อยากเห็นตอนจ้อยกับสิงห์มีความสุขบ้าง ชีวิตจ้อยเศร้าเกินไป  ถ้าเรื่องนี้จบแล้วจะรวมเล่มเป็นหนังสือจะซื้อเก็บไว้เลย เพราะชอบมาก ๆๆๆๆ เป็นกำลังใจให้คนเขียน สู้ ๆๆ นะค่ะ 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 24-01-2013 10:00:52
อยากให้น้องจ้อยกับพี่สิงห์มีความสุขกันซะที Pleasssssssssssss :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-01-2013 10:34:11
ความพยายามของพี่สิงห์ต้องสำเร็จในเร็ว ๆ นี้แน่ สู้ ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: popeye ที่ 24-01-2013 11:14:50
น้องจ้อย เห็นใจพี่สิงห์ทีน๊ะ
สงสารพี่สิงห์แย่แล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 24-01-2013 11:33:41
ขอให้เข้าใจกันเร็วๆ   :sad4:
โกรธเกลียดกันแบบนี้มันหน่วงๆอ่ะ  :impress3:  เค้ามะชอบ  :เฮ้อ:

สงสารสิงห์จริงๆ  :m15: รีบกลับตัวกลับใจเปลี่ยนตัวใหม่ คนอื่นเค้าจะได้ยอมรับ และจะได้ทัดเทียมจ้อยบ้าง  :3123:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 24-01-2013 12:07:30
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 24-01-2013 12:34:22
อ่านความรู้สึกจ้อยแล้ว รู้สึกหมดหวังแทนสิงห์
จ้อยทั้งเกลียดชัง ขยะแขยง กลัว ความรู้สึกนี้จะอยู่ไปอีกนานไหมหนอ

ส่วนสิงห์ที่คอยตามรัก ตามทำทุกอย่างเพื่อจ้อย ดูแล ช่วยเหลือ ปกป้อง
ดูแล้วน่าสงสาร เวทนา แต่ก็ซาบซึ้งมาก ฮือๆ น้ำตาหยดเลยคุณดอกไม้ขา :monkeysad:

บวกๆค่ะ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-01-2013 14:46:37
ว้ายๆๆ มาต่อแล้ว
ชอบตอนเด็กๆรุมโจรป่า
หวังว่าพี่ครูคงเห็นใจโจรป่านะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: yellowswarn ที่ 24-01-2013 18:54:53
พี่สิงห์อย่าเป็นอะไรน้าาาา

ไม่รู้จะสงสารใครดี

จ้อยคงจะรู้แล้วสินะ

ความสัมพันธ์ของครูคนึงกับเลอมาน

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย

คู่นี้หวานไม่เผื่อแผ่คู่สิงห์-จ้อยเลยอ่ะ

อยากอ่านต่อ

ขอบคุณนะคะ

 :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 24-01-2013 19:12:11
น้ำตาซึม   :monkeysad:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 24-01-2013 19:19:53
คู่นี้ไม่รุ้เมื่อไหรจะดีกันได้ สิง ก้ืำกัยเค้าไว้เยอะ ทำดีจะทันไหมสิงเอ้ยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 24-01-2013 19:23:09
เชียร์พี่สิงห์สุดใจเลยตอนนี้   o13
จ้อยใจอ่อนสักนิดเหอะน่ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 24-01-2013 19:30:21
สิงห์อย่าเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 24-01-2013 19:32:26

แง๊ สงสารพี่สิงห์
จ้อย ขอร้องเหอะนะ
ไม่ต้องหายโกรธก็ได้
แต่ค่อยๆคุยดีๆกับพี่สิงห์หน่อยเถอะ
ใจเราจะขาดแทนพี่สิงห์อยู่แล้ว
ฮืออออออออ
รออ่านตอนต่อไปจ้าาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 24-01-2013 19:36:32
ต้องเอาเลือดหัวไอ้สิงห์ออกอีกซักกี่ครั้ง น้องถึงจะมองมันบ้างก็ไม่รู้... / ว่าแต่โจรป่าออกโรงมาให้เด็กรุม พอดีเวลามากอ่ะ 555
อยากให้สิงห์กลับไปเรียนจัง เผื่อแต้มต่อจะดีขึ้นบ้าง ทำการทำงานด้วยไรด้วยยิ่งดี //แม่ยกขอแดนซ์เชียร์ :110011:
ป.ล. ชักจะลืมไปแล้ว ว่าพี่สิงห์กับน้องจ้อย อายุเท่าไหร่กันบ้าง?
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 24-01-2013 19:58:14
อย่าโทษเรื่องย้ายบ้านคะ
โมโหคุณดอกไม้แทนพี่สิงห์ กว่าจะมาต่อตอนต่อไปเพื่อง้อน้องจ้อย ก้อนานร่วมเดือน !! ชิ ชิ
พี่สิงห์เอาเลือดหัั่วชั่วๆ ออกแล้ว จากนั้นก้อได้เวลา ค่อยๆ เติมความหวาน นิดๆ หน่อยๆ เถอะนะคะ
คนอ่านขอร้อง ไม่สงสารอ้ายสิงห์ ก้อ สงสารคนอ่านเถอะ
บวกหนึ่งที่เอาเลือดหัวไอ้พี่สิงห์ออก 55++
โอมมม ตอนหน้าจงมาในสามวันเจ็ดวัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 24-01-2013 20:27:18
อ่านตอนนี้แล้วเบา ๆ สบายอกสบายใจ ปกติมันหนักหน่วงม้ากค่ะ
ความรู้สึกขณะอ่านคือสงสารพี่สิงห์จัง ดูต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ๆ พวกคนอื่นก็อย่าดูถูกพี่สิงห์กันได้มั้ยอ่า
สงสารนะเออ  :monkeysad: แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาก็พาให้คนตัดสินใจในตัวสิงห์ไปหมดแล้วเนอะ
ิยิ่งตอนหยิบกล่องหนังไม่ได้เพราะอ่านหนังสือไม่ออกแบบน่าสงสารมาก อยากให้น้องจ้อยสอนหนังสือพี่เลย
ดีใจที่น้องจ้อยได้ไปเที่ยวกับเค้าเนอะ และกำลังคิดว่าพี่สิงห์มันจะได้ทนได้เหรอ แล้วก็จริงที่เค้าทนไม่ได้
ต้องตามไปแม้จะลำบากแค่ไหนก็ตาม ซึ้งค่ะ~ น้องยังเต็มไปด้วยความรังเกียจ ส่วนสิงห์สายตานี้ก็มีแต่น้องคนเดียว
ตามต้อย ๆ ทั้งที่ตัวเบ้อเริ่มคิดตามก็ตลกนะ แต่ก็น่ารักมากด้วย นี่เอาตัวไปบังน้องแบบนี้น้องคงเห็นใจเพิ่มขึ้นจิ๊ดนึงเนอะ
พี่สิงห์สู้ ๆ สิ่งที่ต้องทำสิ่งแรกคือเลิกคบกับพวกเลวนะ แล้วชีวิตจะดีเอง  :call:

ขอบคุณค่ะ  :L2: :3123: :L1:  อยากอ่านตอนหน้าสุดดๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 24-01-2013 20:55:58
แม่ดอกไม้ใจร้ายมากๆ....นี่จะให้ถึงตายเลยมั๊ยเนี่ย
ต้องให้เลือดตกยางออกกันเลยเหรอ  ไม่รักพ่อสิงห์บ้างเลยใช่ไหม

ก็รู้หรอกว่าพ่อสิงห์ทำผิดมาก แต่ให้ถึงกับมีเสียเลือดเสียเนื้อนี่

มันไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ...T T

พ่อสิงห์ของแม่ อย่าเป็นไรมากนะ T T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 24-01-2013 21:36:39
สันติกับสง่าใจร้ายจังเลยนะ ทำไมต้องพูดจากับสิงห์ขนาดนั้นด้วย สงสารสิงห์ สิงห์คงเจ็บปวดมากกับท่าทางของจ้อย สิงห์จะเป็นอะไรหรือเปล่า อย่าเป็นอะไรไปนะ แล้วนี่ถ้าแม่สิงห์รู้จะไม่ว่าจ้อยอีกหรือเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nopkar ที่ 25-01-2013 10:20:29
ลุ้นให้ได้คุยกันดีๆสักวัน...ถึงแม้จะช้าเสียหน่อย...ก็รอได้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 25-01-2013 11:10:56
พี่สิงห์พระเอกโคตรๆ  :m1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 25-01-2013 13:19:23
สิงห์น่าสงสารมากเลยยยย  :sad4:
น้องจ้อยใจอ่อนเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 25-01-2013 17:27:28
กรี๊ด!!!!!!!! เป็นไงต่อเนี่ย ค้างๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 25-01-2013 18:54:27
สงสารสิงห์อ่ะ รู้ว่าสิงห์ทำผิดมากแต่อยากให้น้องจ้อยยกโทษให้สิงห์แล้วอ่ะ
อยากอ่านอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: pie_handsome ที่ 26-01-2013 08:11:42
ฮืออออ โดนคนเขียนทำร้ายยยยย
น้ำไหลเลยยย TT เศร้าอะ
สงสารทั้งจ้อยทั้งสิงห์
ปล. ชอบนิยายเรื่องนี้มาก ทั้งสองคู่เลย
คู่เลอมานกับครู ก็น่ารักสุดๆ
มาคู่จ้อยคู่สิงห์ยิ่งชอบใหญ่
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแนว yaoi ที่หนุกที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลยครับ
ฉากเรทก็กำลังพอดี ไม่ได้เน้นเรื่องแบบนั้นจนน่ารังเกียจ
เป๊ะอะ!
มาอัพต่อไวๆ นะครับพี่คนเขียน!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 26-01-2013 12:41:23
สงสารสิงห์มากกกกกกกกกก  :o12:
แต่ก็นะ เข้าใจอารมณ์จ้อย ใครจะรักคนที่ข่มขืนตัวเองได้ลงหว่า จากตอนแรกที่ไม่ถูกกันยังมาโดนงี้อีก จะให้เปลี่ยนใจง่ายๆมันคงยาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 29-01-2013 12:34:13
ความรักมันอิ่มอกครูคนึงกับคุณชายเนอะ เลยไม่ค่อยระวังตัวจ้อยเลยสังเกตเห็นน่ะ

แล้วก็สิงห์อยากสงสารนะแต่ก็ทำใจไม่ค่อยได้ คงต้องใช้เวลาอย่างเดียวเท่านั้นล่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 29-01-2013 19:51:29
ไม่กล้าอ่านมาหลายตอน
รอวันคู่สิงห์จ้อยรู้ใจกันนะ
เริ่มมาถูกทางทำดีไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๓ : หวงรัก(ครึ่งหลังจ้า^_^) [๒๔ ม.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 06-02-2013 20:44:51
มารอ พ่อสิงห์ น้องจ้อย  ใกล้ปีใหม่จีนแล้ว ขอสัก 2 ตอนใหม่ เป็นของขวัญหน่อยสิ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 09-02-2013 00:41:38
(http://img15.picoodle.com/i5cv/chihiro/3lih_6bb_u90ve.jpg)

บทที่ ๒๔

วาสนากระต่าย


นึกถึงตัวเราแล้วเศร้าใจ
เห็นจะเหมือนกระต่ายไพรที่หลงใหลจันทร์เพ็ญ
ยิ่งคิดยิ่งเศร้าโอ้อกเราใครไม่เห็น
ยิ่งนานยิ่งเป็นเหมือนกระต่ายที่หมายจันทร์*




ไอ้สิงห์เย็บหัวไปสี่เข็ม

จ้อยรับรู้ข่าวนั้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง  ความจริงก็ไม่ได้อยากรู้นักหรอก  แต่ทั้งสง่า สันติและเหล่าครูบางบาลจับกลุ่มคุยกันใหญ่  ลมก็เลยหอบมาเข้าหู  มันก็แค่นั้นเอง
   
อาจารย์คนึงกับคุณชายเล็กเป็นคนพามันไปหาหมอ  ป่านนี้คงพามันไปนอนพักที่ไหนสักแห่ง  ดีแล้ว  ขอให้มันหลับยาวไปถึงพรุ่งนี้เลยยิ่งดี  จะได้เลิกตามวอแวจ้อยเสียที  รำคาญเต็มทน 
   
ภาพเลือดแดงฉานจากปลายผมสีเข้มหยดติ๋งๆ เป็นน้ำก๊อกยังติดตา  แค่นั้นไม่กี่วันก็หาย  ความจริงเลือดหัวมันตกแค่นี้ยังน้อยไป  เลือดในกายจ้อยที่ตกต้องกระท่อมโสมมนั่นเล่า  กี่เดือนกี่ปีจะเลือนลบ 
   
ไม่เพียงหยดเลือดที่ไหลพรากลงย้อมเสื้อมันจนชุ่มเท่านั้นที่ติดตา  หยดน้ำที่คลออยู่ในลูกตามันยามชะเง้อหาจ้อยที่ไม่ใยดีมันสักนิด  ก็ติดตาจ้อยเช่นกัน  แต่ช่างหัวมันปะไร  ใครใช้ให้มันเสนอหน้าเอาหัวมารับเสานั่นแทนจ้อย   

อากาศที่ไม่มีมันมาใช้ลมหายใจร่วมกันช่างแสนสดชื่น  ภาพในคลองสายตาที่ไม่มีมันมาเกะกะก็งดงามไปหมด  จ้อยช่วยจัดเตรียมสถานที่ด้วยความปลอดโปร่งใจ  จะมีหงุดหงิดนิดหน่อยก็ตอนที่คุณชายเลอมานมาบอกให้ไปดูอาการมันบ้าง 
   
“เขาอุตส่าห์เจ็บแทนจ้อยนะ”  คุณชายว่าอย่างนั้น 

อยากรู้นัก  ถ้าคุณชายรู้ว่ามันทำอะไรกับจ้อยบ้าง  ยังจะเมตตามันอยู่ไหม 

อย่ากระนั้นเลย  ชีวิตนี้จ้อยปฏิเสธใครเป็นที่ไหน ใครสั่งให้ทำอะไรก็ทำ  เพียงคนเดียวที่ขอต่อต้านไปชั่วชีวิตคือไอ้สิงห์  ยิ่งเป็นคุณชายเล็กขอร้องด้วยแล้ว  จ้อยเลยจำใจย่องขึ้นอาคารเรียนไปดูมัน 
   
จ้อยเยี่ยมหน้าเข้าไปมอง  ในห้องเรียน  โต๊ะเก้าอี้ถูกเก็บต้อนไว้รวมกันที่ผนังห้อง  เหลือที่ว่างโล่งไว้ให้พวกเขานอนกันคืนนี้  ไอ้สิงห์ปูเสื่อนอนตะแคงชิดฝาด้านหนึ่ง  มีผ้าผวยผืนบางห่มคลุม  ผ้าพันแผลพันอยู่รอบหัวมีรอยเลือดซึมจางๆ  จ้อยมองด้วยดวงตาเรียบเฉย  ไม่แม้แต่จะย่างเท้าเข้าไป  แค่เห็นว่ามันยังไม่ตายจ้อยก็หันหลังกลับ   

คุณชายให้มาดู  จ้อยก็มา ‘ดู’ แล้วนี่ไง

จ้อยไม่ผิดนะ

*************************

รอนรอนอ่อนอัสดง พระสุริยงเย็นยอแสง 

คนึงเดินตามหาศิษย์รักไปทั่ว  ครูใหญ่เรียกตัวไปคุยด้วยแป๊บเดียว  หันมาอีกทีคนตัวเล็กก็หายไปเสียแล้ว 
   
“น้ำขึ้น!  น้ำลง!  น้ำลง!  น้ำขึ้น!  น้ำขึ้น!” เสียงเด็กๆ เจื้อยแจ้วอยู่หน้าโรงเรียน  ชายหนุ่มสาวเท้าตามไป  เห็นเด็กโขยงใหญ่จับกลุ่มเล่นกันสนุกสนาน 
   
มีเด็กโค่งอยู่คน  แฝงตัวแนบเนียนอยู่ในกลุ่ม  โดดเข้าโดดออกวงกลมที่ขีดไว้บนพื้น  หัวเราะเอิ้กอ้ากจนหน้าแดงก่ำ 
   
“น้ำขึ้น!” เด็กโค่งโดดออกมานอกวงกลมคนเดียวโด่เด่  พวกที่เหลือพากันโห่ฮาลั่นทุ่ง
   
“แพ้แล้ว! แพ้แล้ว!” แล้วก็รุมเข้ามาเกาะแข้งเกาะขาคนแพ้กันนัวเนีย 
   
“โอย แพ้แล้วจ้า! แพ้แล้ว” เลอมานชูมือสิโรราบ  เด็กๆ มะรุมมะตุ้มไม่เลิกจนพากันหงายหลังหกคะเมนทั้งกลุ่มจนฝุ่นตลบ  สาวน้อยใจกล้าคนหนึ่งขโมยจูบที่แก้มขาวด้วยดังฟอด  ทำเอาคุณชายหัวเราะลั่น
   
ดอกฟ้าที่ดูไว้เนื้อไว้ตัวในตอนแรก  โน้มกิ่งลงมาคลุกคลีด้วยแบบนี้  พ่อหนูแม่หนูเทหัวใจยกให้ทั้งกระจาดเลย       

“อายุเท่าไรแล้ว” เสียงเข้มๆ ต่ำๆ ดังอยู่เหนือหัว  คุณชายเงยหน้าขึ้นมอง  เห็นใบหน้าคมคร้ามมองลงมา  ขึงหน้าเรียบตึง  มีเพียงดวงตาที่เป็นประกายพราว
   
คนอะไร  ตายิ้มได้

เลอมานหัวเราะร่า วงหน้าอ่อนใสมอมแมมเป็นเด็กๆ  ยื่นมือให้อีกฝ่ายช่วยฉุดดึงขึ้น  ส่วนเด็กๆ น่ะหรือ  กระเจิดกระเจิงกันไปโดดเหย็งๆ เล่นน้ำขึ้นน้ำลงต่อแล้ว
   
“ไปอาบน้ำกัน  จะมืดแล้ว” ปลายนิ้วหยาบเกลี่ยรอยดินบนแก้มขาวแผ่วเบา
   
เด็กดีพยักหน้าอย่างว่าง่าย  แต่ไม่วายฉุกใจขึ้น  “นายสิงห์ล่ะครับ” สุ้มเสียงดูห่วงใย ‘หนูเล็ก’ ของคนึง ใจดีเสมอ แม้กับคนที่เคยชกหน้าตัว “ไข้ขึ้นแบบนั้น  จะมีแรงลุกหรือเปล่าไม่รู้”
   
“เดี๋ยวให้ใครไปเช็ดตัวให้ก็ได้” อาจารย์ตัดบท  จูงมือน้อยเดินลิ่วๆ

‘ใครก็ได้’ ที่ไม่ใช่ ‘หนูเล็ก’ ของครู!


ห้องอาบน้ำโรงเรียนบางบาลมีอยู่ห้องเดียว  พอประพนธ์เห็นคนึงกับเลอมานเข้าไปพร้อมกันเท่านั้นก็ถอนใจเฮือกใหญ่ 
   
“ไป  ไปอาบที่ท่ากัน” ครูใจดีหันมาโอบไหล่สง่าและสันติที่นุ่งผ้าขาวม้าต่อคิวรอ  “ลองสองคนนี้เข้าพร้อมกันละก็  รอไปเถอะ  เที่ยงคืนก็ไม่ได้อาบ”
   
ประพนธ์ก็พูดเกินจริงไปนิด  แต่สิ่งหนึ่งที่จริงแท้แน่นอนคือ  ตอนอยู่โรงเรียนฝึกหัดครู  เขาเห็นคนึงกับเลอมานเข้าไปอาบน้ำด้วยกันจนชินตา  เขาเคยรอใช้ห้องน้ำต่อ  รอจนเงก  วิรัชที่อาบอีกห้องนึงออกมาแล้ว  เขาเข้าไปอาบต่อจนออกมาอีกคน  แต่สองคนนั้นก็ยังไม่เสร็จเสียที 
   
เข้าใจว่าหม่อมราชวงศ์เลอมานคงสำอางไม่เบา  อาบน้ำที ขัดสีฉวีวรรณเสียเป็นชั่วโมง
   
ประพนธ์พาสง่าและสันติจากไป  จ้อยในผ้าขาวม้าผืนเดียวยังเก้กัง  มองประตูไม้ปุปะอย่างเคลือบแคลง  ไม่ได้ยินเสียงใดนอกจากเสียงน้ำจากขันตกกระทบพื้นดังซู่ๆ 
   
ไม่มีอะไรน่า  ก็แค่ผู้ชายอาบน้ำด้วยกัน  เรื่องธรรมดาออกจะตายไป  เขายังเคยอาบพร้อมสง่าและสันติเลย 

กำลังจะหันหลังกลับ  ตามพวกเพื่อนๆ ไปติดๆ  พลันเสียงหัวเราะคิกคักก็เล็ดลอดออกมา  จ้อยชะงักกึก  ภาพอาจารย์เคียงคู่ไปกับคุณชายใต้แนวมะม่วงเมื่อกลางวันยังติดตา  ปลายนิ้วเกาะเกี่ยวกัน
   
เสียงหัวเราะเงียบลงแล้ว  จ้อยสะบัดหน้า  สลัดความคิดเพ้อเจ้อออกจากหัว  พร่ำบอกตัวเองเป็นครั้งที่ร้อย 

ไม่มีอะไรหรอกน่า..


สง่า สันติและจ้อยที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เนื้อตัวหอมฟุ้งในชุดลำลอง  นั่งล้อมอ่างเคลือบเปี่ยมน้ำอยู่หน้าประตู  มีผ้าขนหนูผืนเล็กนอนแช่ลอยวน  ต่างทำสีหน้ากระอักกระอ่วน  ลูกกะตาหวาดระแวงจ้องมองกันและกัน  ต่อหน้าต่อตาคนเจ็บที่นอนเอนอยู่มุมห้อง 
   
“ใครล่ะ?” สง่าโพล่งขึ้นในที่สุด 
   
“ก็ใครล่ะ?” สันติก็ย้อนเข้าให้
   
“ไม่เอานะ” สง่าทำท่าแหยงเสียเต็มประดา
   
“ไม่เอาเหมือนกัน” สันติก็ส่ายหน้าจนแว่นแทบหลุด 
   
จ้อยถอนใจพรืด เสนอทางออกง่ายๆ “งั้นโอน้อยออกกัน  ใครแพ้..” ดวงตาเคลือบแคลงเหลือบมองคนตัวโตที่มุมห้อง  ปราดเดียว  ราวกับกลัวเสียสายตา “..เป็นคนเช็ดตัว”
   
ทีแรกสองสหายก็ตกลงดิบดี  แต่พอสะบัดมือจะออกขาวดำเท่านั้นก็วงแตก  สง่าถอยกรูด  บอกว่าโอกาสแพ้มีถึงหนึ่งในสาม  เรื่องอะไรเขาจะยอม  สันติก็อีกคน  จู่ๆ ก็เกิดปอดลอยขึ้นมาเสียนี่ 

จ้อยละหน่าย  ไม่รู้จะกลัวอะไรกันนักหนา  แค่เช็ดตัวให้ไอ้สิงห์แค่นี้ 
 
ที่สนามหน้าโรงเรียน  เครื่องทำไฟเริ่มปั่นไฟฟ้า  เสียงประกาศให้ทราบทั่วว่าค่ำนี้จะมีการฉายภาพยนตร์ดังออกจากเครื่องขยายเสียง  แข่งกับเสียงสองหนุ่มที่เถียงกันเซ็งแซ่  พากันเกี่ยงโยนกลองอยู่นั่น   
   
“จ้อยนั่นแหละ!” สง่าโยนมาให้จ้อยดังตู้ม  คนตั้งตัวไม่ทันถึงกับหน้าเหลอ “มันเจ็บเพราะช่วยจ้อยไม่ใช่รึไง  รับผิดชอบเองซี่”
   
“ใช่ๆ ไปเช็ดตัวให้มันเลย” ทียังงี้ละ  สันติเข้ากับสง่าเป็นปี่เป็นขลุ่ย  เมื่อกี้เพิ่งกัดกันแทบตายแท้ๆ
   
ยิ่งได้อาจารย์ประพนธ์มาร้องเรียกให้ลงไปช่วยกันจัดที่ทาง  สองสหายเผ่นแผล็วรวดเร็วราวลมพัด  ทิ้งจ้อยให้อยู่ลำพังกับคนที่ไม่อยากแม้แต่จะใช้อากาศร่วมกัน 

สิงห์นิ่งมองคนที่ทำท่าเหมือนถูกทิ้งไว้ในกรงเสือ  ไอ้ตัวเล็กกระเถิบไปนั่งเสียติดประตู  กระสับกระส่าย  กระวนกระวาย  เหลียวซ้ายแลขวาล่อกแล่ก 
   
แต่ไม่มีแม้เสี้ยววินาที  ที่ดวงตาคู่นั้นจะหันมามองกัน
   
ถึงยาแก้ปวดเริ่มหมดฤทธิ์  ถึงแผลเย็บที่หัวจะเจ็บหนึบ  คนคอทั่งสันหลังเหล็กอย่างเขาก็ยังพอมีแรงลุกไหว  หากเพียงขยับตัวนิดเดียวเท่านั้น  จ้อยก็สะดุ้งโหยง  ทำท่าจะปรูดออกไปนอกห้อง 
   
“อย่าเพิ่งไป” เสียงแหบห้าวรั้งไว้ “อยู่ก่อน”
   
นักเรียนครูชะงัก  แต่ยังไม่ยอมหันมา 
   
“ถ้าออกไปตอนนี้ เดี๋ยวคนเขาจะรู้.. ว่าเอ็งมันใจดำ” สิ้นคำพูดนั้น  คนฟังก็หันขวับ  ตาวาวๆ จ้องเขม็ง  แต่แข้งขาสั่นพั่บถอยกรูด  หนีเสือเจ็บที่ค่อยๆ ย่างเข้าหาทีละก้าวๆ 
   
เพียงเพื่อก้มลงประคองอ่างน้ำใบนั้นกลับไปยังที่ของตน

ที่อีกมุมห้อง  แมวน้อยยังทำขนพองไม่เลิก 

ใจดำหรือ  จ้อยขบฟันกรอด  มันหาว่าจ้อยใจดำ

ถึงจ้อยจะใจดำ  อย่างน้อย.. ก็ยังดีกว่ามันละ

คนไม่มีหัวใจ

“แค่เช็ดตัว  ข้าทำเองก็ได้  ไม่ต้องลำบากคุณครูหรอก” หัวหน้าอันธพาลอดพ้อไม่ได้  วูบหนึ่งหน้ามืดเหมือนจะเซ  น้ำในอ่างเคลือบกระฉอกไปนิด  แต่ก็ลากสังขารกลับมามุมห้องได้ในที่สุด “แต่รอให้ข้าเช็ดตัวเสร็จแล้วค่อยออกไปเถอะ”
   
คนเจ็บค่อยๆ เปลื้องเสื้อออก  เผยให้เห็นแผงอกกำยำหอบสะท้าน  มือเทอะทะบิดผ้าให้หมาดก่อนลูบหน้าลูบแขนให้ความร้อนบรรเทา 
   
น้ำเย็นเฉียบ  คงเป็นจ้อยหรือนักเรียนครูสักคนจ้วงตักจากโอ่งส่งๆ  ไม่ได้มีแก่ใจจะเอาน้ำร้อนผสมให้อุ่น  ชายหนุ่มยิ้มหยันให้ความน่าสมเพชของตน  จะหวังอะไรมากมาย  ก็แค่กุ๊ยชั้นต่ำคนหนึ่งที่เสนอหน้าติดตามมาเอง 
   
มีใครขอให้มาหรือก็เปล่า

สิงห์หนาวจนเริ่มสั่น  แต่พยายามปกปิดไว้สุดกำลัง  ดวงตาแดงก่ำด้วยพิษไข้เหลือบมองอีกมุมห้อง  เจ้าตัวเล็กนั่งกอดเข่าเงียบเชียบ  ก้มมองแต่พื้นกระดาน   
   
อย่างที่บอก  เขามันถึก เถื่อน ถ่อย ร้อยวันพันปีจะล้มหมอนนอนเสื่อสักหน  ขนาดไปมีเรื่องต่อยตีกันมา  แม่เอาไข่ต้มคลึงหน้า  เอาไพลทาสักหน่อยก็ลุกเดินปร๋อ   
   
แล้ว.. วันที่มือนุ่มนวลอ่อนโยนคู่นั้นเช็ดตัวให้.. ผ่านมานานเท่าไรแล้วหนอ..

ภาพความทรงจำย้อนคืนเหมือนฟิล์มหนังในวงล้อ  อีกแหละ  เด็กชายคนเดิมแผลงฤทธิ์กับแม่จนเรือนสะเทือน


[“ไม่เอา!  หนูจะรอจ้อยมาเช็ดตัวให้!” เด็กชายสิงห์ดิ้นปัดๆ บนเตียงกว้าง  ผ้าห่มไปทาง หมอนไปทาง  ทั้งที่เจ็บไข้ก็ยังมีเรี่ยวแรงพยศ  ข้างเตียงคือแม่และน้าแป้นมองมาอย่างระอาใจ 
   
น้าแป้นมือหนัก  เช็ดตัวทีลงแรงยังกะรูดเมือกปลาไหล  แม่ก็เหมือนกัน  เล็บยาวๆ ชอบขีดขูดตัวเขาอยู่เรื่อย  น้ำก็เย็นเจี๊ยบ  โดนตัวทีตะพ้านจะกินตาย 
   
“จ้อยบอกว่าจะมา  หนูจะรอจ้อย! แค่กๆๆๆ” ตะเบ็งสุดเสียงแล้วก็โก่งคอไอโขลก  แม่ได้แต่ถอนใจ  สักพัก  เสียงเล็กก็แว่วมาพร้อมเสียงฝีเท้าตึงตัง
   
“พี่สิงห์!  พี่สิงห์จ๋า”

หัวใจของเด็กชายวัย ๑๐ ขวบพองโตลิงโลด
   
จ้อยมาแล้ว!

น้องตัวนิดเดียว  แต่ดูแลคนป่วยคล่องแคล่ว  มือน้อยๆ เทน้ำร้อนจากกระติกลงผสมในอ่างน้ำให้ด้วย  แม่อดแขวะไม่ได้เมื่อเห็นเขานอนนิ่งยอมให้น้องเช็ดตัวอย่างว่าง่าย
   
“เล่นกันอีท่าไหน  ทำไมลูกฉันได้ไข้มาคนเดียว”
   
เล่นจับปลาตามท้องร่องกันธรรมดานี่แหละ  แต่อย่างหนึ่งที่ไม่ได้บอกแม่  คือตอนขากลับ  เขากางร่มคุ้มกระหม่อมบางๆ ให้น้อง  ตัวเองเปียกปอนก็ช่างมัน 
   
อยู่กันสองคน  สิงห์แกล้งมือไม้ปวกเปียกเป็นตุ๊กตาให้น้องจับใส่เสื้อแสง  ประแป้งหอมกรุ่น  เสร็จแล้วใบหน้าเล็กก้มลงดมหัวเขาฟุดฟิด
   
“ตุเชียว” จ้อยย่นหน้า  ปากแทบขึ้นไปติดจมูก  ก่อนยิ้มกว้าง “เดี๋ยวหายไข้แล้วน้องจ้อยสระผมให้น้า”
   
จากนั้น  ทุกเย็นย่ำ  เด็กชายเฝ้ารอฟังเสียงไม้พายกระทบน้ำจ๋อมๆ  ตามด้วยเสียงใสเจื้อยแจ้ว พี่สิงห์จ๋า.. พี่สิงห์จ๋า.. กับข้าวที่น้าแป้นทำดูจะขมแปร่งฝืดคอไปเสียสิ้น  แต่ไม่รู้ทำไม  ข้าวต้มใส่เกลือจืดๆ ที่น้องหิ้วใส่หม้ออวยใบน้อยติดมือมา  สิงห์ถึงกินได้กินดี] 


หากตอนนี้  เจ้าตัวน้อยนั้น  แม้แต่หน้าเขาก็ไม่หันมามอง

**********************

(ติดตามต่อครึ่งหลังจ้า :L2:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 09-02-2013 01:03:48
พี่สิงห์น่าสงสารรร  :sad4:
น้องจ้อยใจแข็งจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 09-02-2013 01:04:23
ตอนนี้เราสงสาร สิงห์ จัง

อยากให้ จ้อย มาดูแลสักเล็กน้อยก็ยังดี

รอตอนต่อไปจ้า

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 09-02-2013 01:08:01
ช่วงดอกไม้เม้ามอย  :-[

ซี้ดดด.. หมู่นี้ดอกไม้นิ้วล็อคบ่อยจังเลยค่ะ เป็นทีเจ็บสุดๆ น้ำตางี้ไหลพราก  :sad4: บอกเจ้านายว่าต้องเป็นเพราะหนูเขียนหนังสือมากไปแน่ๆ เลย แต่เจ้านายสุดที่รักบอกว่า "ฉันว่าแกเล่นเกมส์มากไปมากกว่าละม้าง"

ห๊ะ! รู้ได้ไง  o22 เอ๊ย! ไม่จริงนะคะ ดอกไม้ติดเกมส์อยู่เกมส์เดียวเองจริงๆ นะ เล่นจบแล้วด้วย น้ำตาไหลพรากกก..(อีกที) เกมส์อะไรน้า ทำไมมันดราม่าอย่างนี้ ไม่คิดเลยว่าเกิดมาชาตินี้จะต้องมาเสียน้ำตาให้เกมส์ ฮือๆๆ

ว่าแต่.. มีใครเล่น The Walking Dead บ้างคะ อยากหาเพื่อนเม้ามากนะจุดนี้ เพิ่งเล่นจบหมาดๆ แต่เหมือนเกมส์จบอารมณ์ไม่จบ ซึมกระทือกินข้าวกินปลาไม่ได้ไปวันนึงเลย เค้าพยายามดีที่สุดแล้วนะ แต่ทำไมมันออกมาอีแบบนี้ล่ะโธ่ ฮือๆๆๆ

<<SPOIL นะจ๊ะ ใครเล่นยังไม่จบอย่าคลิ๊กนะ>>
http://www.youtube.com/watch?v=uySCbs0hykY

เม้าต่อๆ ช่วงนี้ที่ทำงานดอกไม้กำลังทำหนังสือเสียงเพื่อคนตาบอดกันค่ะ ส่วนใหญ่เราจะเอานิทานตอนสั้นๆ หรือนิทานคติธรรมมาอ่านกัน แล้วอยู่ดีๆ ก็มีพี่คนนึงพูดว่า "ทำไมเราไม่เอานิยายเกย์ของไอ้ดอกไม้มาอ่านกันมั่ง(วะ)" เท่านั้นละแม่เอ๊ย กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เลยค่ะ  :impress2: บ้างว่ามันต้องมีคนใส่ใจ ณ จุดนี้กันบ้าง บ้างว่ามันต้องมีคนตาบอดเป็นสาววายบ้างละน่า ช่วยกันจับนักพากย์ชายคนโน้นคนนี้มาจิ้นกันใหญ่เลยน่อ ดอกไม้ก็กรี๊ดกร๊าดไปกะเค้าด้วย

แต่พอเจ้านายทิ้งระเบิดปุ๊บ "พวกเอ็งจะบ้าเรอะ! :m31:" ก็วงแตกกระจายจ้า แต่แหม.. มันน่าทำจริงๆเนอะ

เอิ่ม.. มาเที่ยวนี้รู้สึกจะพูดมาก สงสัยเก็บกดค่ะ ตั้งแต่ย้ายบ้าน วันๆ ไม่ได้เจอใครเลยนอกจากเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ทำงาน ดอกไม้ว้าเห่ T^T

พอดีกว่า สุขสันต์วันปีใหม่จีนเน้อ เฮงๆๆ กันถ้วนหน้าค่า  :mc4:

รักคนอ่าน

ดอกไม้
วันตรุษจีน ๒๕๕๖
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 09-02-2013 01:32:27
โอ้ย สงสารสิงห์  เมื่อไหร่จ้อยจะหายโกรธ
 
Walking Dead เราไม่ได้เล่น แต่เราติดตามดูแคชเกมของคุณ Heart Rocker ตลอดค่ะ ชอบมาก เล่นเกมได้ฮาดี ฮ่าๆ
ไม่น่าเชื่อว่าคุณดอกไม้เล่นเกมแนวๆนี้ด้วย  o22
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 09-02-2013 01:34:36
ขอตอบเรื่องเกมก่อนนะคะ

คุณดอกไม้มีกี่ซีซั่นคะ แล้วมีไฟล์แบ่งปันเรามั้ย (พร้อมแครค) เราดูแต่ซีรีย์ค่ะ อยากเล่นเกมเหมือนกัน

ส่วนสปอยล์เรารู้แล้วค่ะ (รู้ทั้งสปอยล์เกม และสปอยล์มิดซีซั่นที่กำลัวจะมาถึงนี้)

เรื่องนี้หายห่วงค่ะ ดาร์คและหดหู่หมด ทั้งการ์ตูน ทั้งซีรี่ย์ ทั้งเกม  o22 ยังไงก้ตั้งหน้าตั้งตารอซีรี่ย์ค่ะ ถึงแม้สปอยล์ที่รู้มาจะทำให้หมดกำลังใจในชีวิตก็ตาม  :o12: (หวังว่ามันคงจะไม่จริงอ่ะ) ถึงขั้นเปลี่ยนโชว์รันเนอร์คนใหม่เลย เธอเดินเรื่องได้บีบหัวใจเกิน เซ็งจอร์จ

ต่อไปคอมเม้นท์นิยาย

อ่านเรื่องสิงห์จ้อยทีไร มันเต็มตื้นทุกที อบอุ่นแบบน้ำตาคลอ ทุกช่วงวันที่ผ่านมามันหวานน่ารักมาก ทั้งคู่ผูกพันกันมากขนาดนี้แท้ๆ  :sad4: ขอให้วิบากกรรมผ่านไปเร็วๆเถอะ จะอดทนรอ ขอแค่ตอนหวานก็นานๆหน่อย ไม่เลี่ยนเเน่นอน ยินยอมอ่าน ชดเชยที่ถูกคนเขียนทรมานใจมายาวนานเหลือเกิน  :impress3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 09-02-2013 02:34:08
อดทนไว้พี่สิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 09-02-2013 06:00:16
ในหมู่คนตาบอดอาจจะมีสาววายก้อได้ อย่าปิดโอกาสเค้าสิ :)
อีกนิด ให้อีกนิดกะการใจเเข็งของน้องจ้อย
ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ 555
ส่วนอีตาคนึง ไม่ผ่านคะ หื่นจริง สักวันจ้อยคงรู้จากคู่นี่กระมัง
อีตาคนึงคงลืมจินดาไปแล้ว
ตอนหน้า มาเร็วๆ เถอะ ได้กลิ่นหวานๆ
ส่วนคู่ในห้องน้ำก้อให้อยู่ไปก่อนนะ นานๆ เลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 09-02-2013 06:46:00
จ้อยใจแข็งจัง  จะโทษใครได้ที่ทำให้น้องกลายเป็นคนแบบนี้

แต่สิ่งเดียว ที่พี่คิดต่อให้สิงห์โกรธและรังเกียจจ้อยแค่ไหน สิงห์ก็จะไม่มีวันเลิกรักและเป็นห่วงจ้อย


แต่สำหรับจ้อยสงสัยสิ่งเดียว ที่จะทำให้จ้อยสบายใจขึ้นมีความสุขขึ้น คือวันที่ไม่มีสิงห์ตลอดไปหล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 09-02-2013 07:02:54
เมื่อไหร่สองคนนี้จะลงเอยกันสักที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 09-02-2013 07:23:31
ตอนนี้ชักจะหงุดหงิดน้องจ้อยแล้ว จะทิฐิเยอะไปไหน แค่เช็ดตัวให้เองตอนที่ตัวเองเจ็บไอ้สิงห์นี่แหล่ะที่ช่วยดูแลถึงจะเป็นคนทำแต่คนทำผิดแล้วสำนึกก็สมควรให้อภัยไม่ใช่เหรอ สงสารสิงห์มากตอนที่เรียกจ้อยว่า "ครู" รู้สึกเลยว่าสิงห์เจ็บปวดแค่ไหน เป็นกำลังใจให้สิงห์ พยายามเข้านะสิงห์ซักวันนึงแหล่ะความจริงใจจะเป็นผล ป.ล.ตอนนี้น้อยจัง T^T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 09-02-2013 08:39:56
คิดถึงวันเก่าๆ แล้วมันเศร้าน้อพี่สิงห์
ทำตัวเองแท้ๆ เลย เรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 09-02-2013 09:39:36
 :m15: :m15: :m15:เริ่มสงสารสิงห์มานิดละ :m15: :m15: :m15:


จอยใจแข็งมากกกกกกกกกกกกอะ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-02-2013 11:18:58
ก็ยังอึมครึม นึกถึงช่วงสมัยเด็กของสองคนนี้แล้วชื่นใจ คงจะมีแต่เรื่องราวในอดีตละมั้งที่พอจะเยียวยาความทุกข์ของสิงห์ตอนนี้ได้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 09-02-2013 11:59:46
บีบหัวใจดีแท้ ชอบอารมณ์นี้แฮะ (ออกแนวมาโซ :laugh:)
เสียอย่างเดียว สั้นเกิ๊น
จัดมาอีก บีบแรงๆหลายๆรอบอีก :laugh:
สิงห์ยังมีแรงจับผ้า ก็เช็ดตัวเองไปแหละ
ความทรงจำแสนสุขนั่น ก็เอาไว้ปลอบประโลมใจไปเถิด
สำนึกได้หรือยังว่าไปคบเพื่อนพาล เพื่อนพาลพาทำผิดน่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 09-02-2013 13:12:21
รับกรรมไปก่ออน สักวันน้องคงให้ออภัยรับจกรร
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 09-02-2013 13:18:46
สงสารอ้ายสิงห์ ขนาดนี้แล้วใจยังใจแข็งเหลือเกิน
ตอนสิงห์ตัดพ้อ มันคล้ายๆกับสิงห์เริ่มตัดใจ
สิ่งที่เคยทำไว้มันหนักหนาสาหัสก็จริง
แต่ในเมื่อสำนึกผิด ยอมทำขนาดนี้แล้วอีกคนยังไม่มีทีท่่าจะให้อภัย
ต่อให้เก่งกล้ามาจากไหน ก็ย่อมมีวันท้อเหมือนกัน
อยากรู้ว่าถ้าวันหนึ่งสิงห์ตัดใจ จ้อยจะมีความสุขกว่าวันนี้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 09-02-2013 13:27:12
สงสารพี่สิงห์ง่าาาาาาาาาา

รักขนาดนี้ ยอมขนาดนี้ ตามมาขนาดนี้ แค่เช็ดตัวให้ยังไม่ทำให้อีกหรอ จ้อย

โอ้ยยยย ไม่เคยรักสิงห์จริงๆหรอ ตอนเด็กไม่จำบ้างเลยหรอ

มาต่อให้ไวเลยค่ะ มันค้างมาก น้ำตาซึมเพราะพี่สิงห์ล้วนๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 09-02-2013 13:56:48
กรรมเกิดขึ้นเพราะการกระทำ แต่เราต้อทำใจยอมรับมัน จนกว่าว่าวันหนึ่งๆสิ่งเหล่านี้จะหายไป
นั้นคือ บาดแผลที่ใจของกันและกัน ให้กำลังใจจ้อยและสิงห์เสมอครับ :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-02-2013 14:09:41
มันต้องใช้เวลาเน้อพี่สิงห์ อดทน...อดทน...อดทน ท่องให้ขึ้นใจ
น้องจ้อย พี่สิงห์ตอนเด็กนี่มันน่ารักจริงจริ๊ง...

จู้หนี่ซุ่นลี่ (ขอให้ประสบความสำเร็จ) สวัสดีวันปีใหม่จีนจ้า...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 09-02-2013 15:05:36
สู้ต่อไปนะพี่สิงห์  :o11:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 09-02-2013 16:06:31
น้ำตาตกรับวันตรุษจีน  :monkeysad: :monkeysad: :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 09-02-2013 19:46:20
สงสารพี่สิงห์จับใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 09-02-2013 19:53:53
 :เฮ้อ: สงสารน่ะจ้อยใจอ่อนหน่อยสิ  :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 09-02-2013 20:01:08
ตรุษจีน แล้วแม่ดอกไม้ก็ยังทำร้ายพี่สิงห์ไม่เลิก

ใจคอจะให้คนป่วยตายเพราะหนาวเพิ่มอีกหรือไง ใจร้าย T T

น้องจ้อยอ่ะ ก็รู้นะว่าพี่สิงห์ มันเลว มันชั่ว มันระยำ มันหล่อ เอ๊ะ!!! อันนี้นอกประเด็น

แต่มันก็เจ็บแทนเรานะ น้ำใจนิดหน่อยแค่เช็ดตัวให้ คงไม่ถึงกับทำให้มือสึกหรอกมั้ง (อินี่!!อินเกิ๊น)

เฮ้อ อยากให้อั่งเปาแม่ดอกไม้ จัดหนักให้สักดอก สองดอก ในฐานะรักพ่อสิงห์ได้ใจจริงๆ

เอาเป็นว่า ซินเจียยู่อี่  ซินนี้ฮวดใช้นะค่ะ  อั่งเปาไม่ต้องเอาแล้วกัน ถ้ายังรังแกพี่สิงห์ไม่เลิกแบบนี้555

หรือว่าแม่ยกพี่สิงห์จะเอาประทัดไปจัดหนักหน้าบ้านแม่ดอกไม้ดี  555

มีความสุขมากๆ นะค่ะ  เงินทองไหลมาเทมา ทำอะไรก็ขอให้ เฮงๆ ดีๆ

สุขสันต์วันตรุษจีนค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 09-02-2013 21:15:05
ครูคะนึงกับคุณชายหวานงุ้งงิงตลอด แต่ดูไม่ค่อยปกปิดความรู้สึกตัวเองเท่าไร
กลัววันหนึ่งคนอื่นรู้แล้วจะเดือดร้อนกันอ่ะสิ
น้องจ้อยใจแข็งมาก แต่ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น พี่สิงห์เช็ดตัวไปหนาวไปน่าสงสารว่ะค่ะ
แล้วขากลับนั่งรถลำบากลำบนอีกจะไหวมั้ยเนี่ย อดีตช่างแสนหวาน เฮ้อ มันจะกลับมาอีกมั้ย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: kai_kaka ที่ 09-02-2013 22:12:32
 :serius2:ไม่คุยกันมันจะเข้าใจไม่ละนั้น ต่างคนต่างคิดไปเอง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 09-02-2013 23:48:14
เอาน่าสิงห์เอ๊ย สิ่งที่เอ็งทำกับจ้อยมันหนักหนาสาหัสกว่านี้เยอะ ตอนนั้นน้องซมไปตั้งกี่วัน ทั้งอับอายทั้งเสียใจไปตั้งเท่าไหร่

การเชื่อใจโจรกลับใจมันยากกว่าปกติเป็นหลายเท่าอยู่แล้วล่ะ

แล้วยิ่งเป็นการถูกทรยศจากคนที่เรา(เคย)รักและไว้ใจด้วยนี่ มันยิ่งเจ็บๆๆๆๆๆๆๆๆ จนแทบจะสาปส่ง ไม่เผาผีกันเลยนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 10-02-2013 01:28:04
สงสารสิงห์จนไม่รู้จะสงสารยังไง แล้วอย่างนี้จะไม่ยิ่งไม่สบายหนักเข้าไปอีกหรือนั่น สิงห์ไม่สบายขนาดนี้ยังห่วงกลัวคนจะว่าจ้อยอีกนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 10-02-2013 02:12:58
มีแต่อดีตที่ไม่หวนคืน สงสารพี่สิงห์ต่อไป
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 10-02-2013 10:19:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย(ครึ่งแรกจ้า^_^) [๙ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 11-02-2013 20:08:29
 :เฮ้อ: อ่านรวดเดียวเลย บางตอนเล่นเอาน้ำตาพรากเลย  :monkeysad:
บางตอนก็หวาน  :กอด1: แต่ตอนนี้อยากสงสารสิงห์ขึ้นมาตะหงิดๆ แระ  :m15:
ถึงแม้ว่ามันชั่วไปนิด  :m16: แต่ก็เพราะมีคนยุ และก็เพราะว่ามันโง่ เอ่ออ แรงไป
ก็เพราะว่ามันฉลาดน้อย ก็เลยเชื่อพวกไอ้ลอยได้ง่ายๆ มันก็เลยกลายเป็นเช่นนี้
หวังว่ามันจะคิดได้เลิกคบไอ้ลอยสักทีนะ  :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (มาร่วมสนุกกิจกรรมรับวาเลนไทน์กันจ้า^_^) [๑๒ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 12-02-2013 12:45:49
:L2: วันแห่งความรักใกล้เข้ามาแล้วเนอะ :L2:

ดอกไม้เลยมีกิจกรรมเล็กๆ เป็นของขวัญจากใจคนเขียนนิยายตัวน้อยๆ (เหรอ? :a5:) มอบให้แด่คนอ่านจ้า

เพียงตอบว่าคุณ "รัก" ตัวละครตัวใดจากนิยายเรื่องมหาหงส์ที่สุด พร้อมเหตุผล
(หรือตัวละครจากนิยายเรื่องอื่นๆ ของดอกไม้ก็ได้ค่ะ ถ้าเคยอ่าน)

ดอกไม้จะเลือกมาหนึ่งคำตอบ แล้วรับไปเล้ย
น้ำหอมกลิ่นมหาหงส์ จากแบรนด์น้ำหอมไทย Butterfly ขนาด ๑๐ cc. ๑ ขวดจ้า
(จริงๆ กลิ่นนี้ชื่อ Orange Blossom แต่กลิ่น heart note คือมหาหงส์ค่ะ)

(http://img14.picoodle.com/i52b/wattanan/2v01_68a_ucmz8.jpg)

สนใจร่วมสนุก จิ้มแฟนเพจด้านล่างได้เลยจ้า
ส่งคำตอบในเพจ ได้ถึงเที่ยงคืนวันที่ ๑๔ ก.พ. นะคะ


รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (มาร่วมสนุกกิจกรรมรับวาเลนไทน์กันจ้า^_^) [๑๒ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ลู่เคอOlive♥ ที่ 12-02-2013 18:44:45
 :sad4: สงสารสิงห์มาก ถึกขนาดนี้ ป่วยทีคงหนัก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (มาร่วมสนุกกิจกรรมรับวาเลนไทน์กันจ้า^_^) [๑๒ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 12-02-2013 20:02:19
รักพี่สิงห์มากที่สุดค่ะ

เพราะพี่สิงห์จริงใจ รักเดียว ใจเดียว ถึงจะโง่และหูเบาไปหน่อย แต่เพื่อน้องจ้อย พี่สิงห์รักมากเลยอ่ะ
ทั้งแมนและรักมากขนาดนี้ รักมาตั้งแต่เด็กอย่างงี้แล้วด้วย นับถือในความรักของพี่สิงห์มากๆค่ะ
ยิ่งจ้อยใจร้ายกับพี่สิงห์ตอนไหน คนอ่านก็น้ำตาซึมสงสารพี่สิงห์ทุกตอนเลยอ่าา

จริงๆแล้วอยากมีแฟนแบบพี่สิงห์ หมายถึงในเรื่องความรักนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (มาร่วมสนุกกิจกรรมรับวาเลนไทน์กันจ้า^_^) [๑๒ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Tnapat ที่ 12-02-2013 20:23:33
ชอบพี่สิงห์ เพราะอ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นตัวละครที่ถูกความรักกระทำมากที่สุด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (มาร่วมสนุกกิจกรรมรับวาเลนไทน์กันจ้า^_^) [๑๒ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 12-02-2013 22:09:31
ชอบพี่สิงห์ค่ะ เพราะรู้สึกว่าถึงจะชั่วยังไง ก็รักน้องจ้อยแค่คนเดียว และถึงจะเป็นอันธพาลก็ไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมทำร้ายใคร

ที่ทำไม่ดีส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะเพื่อนยุให้ทำ ทั้งที่บางครั้งไม่ได้อยากจะทำเลย เป็นตัวละครที่ซื่อๆ แต่ปากกับใจไม่ตรงกัน

ทำให้โดนคนอื่นมองในแง่ร้ายตลอด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (มาร่วมสนุกกิจกรรมรับวาเลนไทน์กันจ้า^_^) [๑๒ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 14-02-2013 00:10:32
 :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (มาร่วมสนุกกิจกรรมรับวาเลนไทน์กันจ้า^_^) [๑๒ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 14-02-2013 13:50:19
สารภาพว่าตั้งใจดองไม่อ่านมาช่วงหนึ่ง
อยากเข้ามาอ่านทีเดียวหลายๆตอน
ไม่งั้นอ่านจบตอนทีเครียดที
แต่เที่ยวนี้ปรากฏว่าเดาผิด สะสมจำนวนไว้ไม่มากพอ
ทำเอากระวนกระวาย อยากรู้ว่าคู่จ้อย สิงห์เมื่อไหร่จะคลี่คลาย
อวยพรดอกไม้ย้อนหลัง ตั้งแต่ปีใหม่ ตรุษจีน ยันวาเลนไทน์เลยครับ
คิดถึงเสมอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (มาร่วมสนุกกิจกรรมรับวาเลนไทน์กันจ้า^_^) [๑๒ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: annie ที่ 21-02-2013 01:47:54
สงสารสิงห์ เมื่อไหร่จะมีความสุขจริงๆ กับเค้าซักที
 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 23-02-2013 02:11:27
บทที่ ๒๔

วาสนากระต่าย

(ครึ่งหลังจ้า :L2:)


จันทร์กระจ่างกลางโพยมดั่งโคมแก้ว

คณะอาจารย์และนักเรียนจากโรงเรียนฝึกหัดครูฉายหนังกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียน  ผ้าขาวผืนใหญ่ขึงตึงโดดเด่น  เด็กๆ และชาวบ้านทั้งหนุ่มสาวไปถึงคนแก่นั่งเป็นกลุ่มๆ กับพื้นละลานตา  ด้านข้างมีเก้าอี้ ๒-๓ ตัวสำหรับกลุ่มอาจารย์ผู้เอาหนังมาฉาย  แบ่งปันความสนุกสนานให้เด็กๆ ในที่ห่างไกลกันดาร  สันติกับสง่านั่งแปะกับพื้นไม่ห่างนัก  สักพัก  จ้อยก็เดินลงจากอาคารเรียนมาสมทบอีกคน 

ก่อนฉายหนัง  ประพนธ์ไปประกาศที่ไมโครโฟนข้างจอ  เกริ่นนำนิดหน่อย  ก่อนแนะนำหัวเรือใหญ่ที่จัดกิจกรรมนี้ขึ้น  นาม.. หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์ ถูกประกาศก้อง  เด็กๆ ตบมือเกรียวกราว 

คุณชายซ่อนความเก้อเขินไว้ใต้รอยยิ้มละมุนแนบเนียน  สองขามัวแต่รีๆ รอๆ  คนึงเลยสงเคราะห์ผลักให้ออกไปเบาๆ หนึ่งที

“สวัสดีครับ” พอจับไมค์ท่ามกลางสายตาประมาณครึ่งร้อย  ท่วงท่าองอาจผ่าเผยเฉกราชนิกูลก็ฉายส่อง  “ผมมาจากโครงการอาสาสมัครต่างประเทศของอังกฤษ”

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์เริ่มบรรยาย  เหล่าคนฟังต่างกระซิบกระซาบกัน  ส่วนพวกสาวๆ จ้องตาหยาดเยิ้ม

“ประเทศไทยเราแม้จะไม่ร่ำรวยทางเศรษฐกิจเหมือนบางประเทศ  แต่เราก็ไม่ล้าหลังใครในด้านวัฒนธรรม  ถ้าไม่ได้ออกมาด้วยตนเอง  ผมก็จะไม่ทราบว่าสภาพชนบทที่แท้จริงเป็นอย่างไร” รอยยิ้มอ่อนหวาน  น้ำเสียงนุ่มนวล  ท่วงท่าสง่างามตรูตาน่ายลขึ้นทุกที

อาจารย์คนึงทอดมองอย่างชื่นชม   

“ไม่ใช่แค่ผมมาสอนเด็กๆ หรือชาวบ้านเท่านั้น  แต่เด็กๆ และชาวบ้านก็สอนผมเช่นเดียวกัน” ทุกคำพูดล้วนออกมาจากใจ  ถ่ายทอดผ่านแววตาสีอำพันระยับ  ชนิดที่หากข้าเก่าเต่าเลี้ยงอย่างนายแช่มมาเห็นคงตบอกผาง

คุณชายเล็กเปลี่ยนไปเจ้าข้าเอ๋ย!

“ผมรักที่นี่  และรักคนที่นี่ด้วย” ถ้อยคำลงท้ายตรึงใจ  หากไม่มีใครสังเกต  ยามเอ่ยคำว่า ‘รัก’ สายตาคนพูดจับจ้องอยู่ที่คนคนเดียว 

อาจารย์หนุ่มหน้าคมคายที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่ตรงโน้นนั่นไง

สิ้นเสียงปรบมือเกรียว  เลอมานกลับมานั่งที่ด้วยความโล่งอก  แต่แล้วก็ถูกผลักออกไปใหม่อีกทีจนได้สิน่า

จะใครเสียอีก  ก็คนเดิมนั่นแหละ

“ร้องเพลงให้เด็กๆ ฟังสักเพลงนึงซี่” คนพิลึก  พูดเบาๆ ไม่เป็นหรือไง  ทำไมต้องประกาศลั่นให้ได้ยินกันทั่วด้วย  กลุ่มคนดูที่ครึกครื้นกันอยู่แล้วก็ยิ่งคึกคักเข้าไปใหญ่  เมื่อครู่มีแค่เสียงปรบมือ  หนนี้มีเสียงเป่าปากเหมือนนกกางเขนดงกันให้ลั่น 
ราชนิกูลสูงศักดิ์หรือนั่นที่ออกไปยืนยิ้มเขิน  เหน็บปอยผมทัดหู  จรดไมโครโฟนกับปลายคาง  กัดริมฝีปากคล้ายกำลังตัดสินใจ  ก้มหน้าเกาหัวแกรกๆ   
 
และแล้ว.. บทเพลงที่ชาวบ้านไม่คุ้นหูก็ลำเลียงผ่านกลีบปากสีสด 

“This old man He played 1 He played knick knack on my thumb.” เสียงสดใสร้องเป็นทำนองน่าฟัง รอยซุกซนระยับในดวงตา “with a knick knack patty wack give a dog a bone this old man came rolling home.”
   
เด็กๆ ตบมือเป็นจังหวะ  เสียงแอคคอร์เดี้ยนบรรเลงคลอจากหน่วยฉายหนังคนหนึ่งที่นึกสนุกขอร่วมวงด้วย  เลอมานเลือกเพลงสอนนับเลขที่เคยร้องตั้งแต่เด็กๆ ชื่อ นิค-แนค แพดดี้-แว็ค ปรากฏว่าเลือกถูกทีเดียว  เด็กๆ เริ่มกิ๊กกั๊กกันก่อน  แล้วกลายเป็นเฮ่อๆ ฮ่าๆ ดังขึ้นทุกที  การแสดงของคุณชายได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยม 
   
จ้อยที่กำลังง่วนอยู่กับการแจกพวงอ้อยควั่นเสียบปลายตอกให้เด็กๆ ยังต้องเงยหน้ามอง  บอกแล้ว.. จ้อยชอบคุณชายตอนนี้ที่สุด  ยามที่ผีเสื้อสวยสง่าสลัดปีกวาววามทิ้ง  หวนกลับคืนสู่การเป็นดักแด้ 
   
ไม่มีท่าเอามือไพล่หลัง  เชิดหน้ามองคนด้วยปลายจมูก  มีเพียงรอยยิ้มสดใส  หัวเราะจนตาหยี 
   
และ.. ไม่ได้มีเพียงแค่จ้อย, สง่า, สันติและอาจารย์คนึงที่ได้เห็นแง่มุมนี้ของคุณชายอีกต่อไป  หม่อมราชวงศ์เลอมานจะรู้ตัวไหม  ว่ายามแย้มยิ้ม  ทำให้โลกสดใสขึ้นมาเพียงใด
   
อาจารย์คนึงมอง ‘หนูเล็ก’ ของตนไม่วางตา  ดวงตาปลาบปลื้มปิดไม่มิด  ความรู้สึกบางอย่างเต็มตื้นขึ้นมาในอก  เขาภูมิใจหนุ่มน้อยคนนี้นัก
   
เนื้อเพลงท่อนสุดท้ายสิ้นสุดลง  แอคคอเดี้ยนทิ้งตัวโน้ตบอกลาอ้อยอิ่ง  คนดูตบมือกันสนั่น  นักร้องมือสมัครเล่นโค้งขอบคุณก่อนเดินกลับมานั่งที่  มือเล็กลูบอกป้อยๆ ด้วยยังตื่นเต้นไม่หาย  แต่รอยยิ้มไม่เคยจางจากใบหน้า 
   
แสงไฟรายล้อมดับมืดลง  เหลือไว้เพียงแสงสว่างจากจอผ้าใบผืนใหญ่  คนึงคว้ามือน้อยมาแทรกนิ้วกุมกระชับ  กระซิบบอกสั้นๆ
   
“เก่งมาก” สายตาที่มองมานั้นเล่า  อุ่น..หวาน..ละมุน.. คนถูกมองต้องหลบตาวูบ  ก่อนที่หัวใจจะถูก.. หลอมละลาย

ม้วนหนังเริ่มหมุน  เรื่องราวของเจ้าแทรมป์ สุนัขจรจัดผู้มีหัวใจดั่งทอง และเลดี้ สุนัขพันธุ์ดีผู้สูงศักดิ์เริ่มดำเนินไป  เหล่าคนดูโดยเฉพาะเด็กๆ ต่างตั้งหน้าตั้งตาจับจ้อง  มองไปที่จอผ้าใบสีขาวที่ถูกขึงตึงรองรับ  พร้อมกับเสียงพากย์ที่ช่วยเร่งเร้าบรรยากาศและอารมณ์ในการรับชม  ทั้งปิติ ทั้งเศร้า ทั้งหัวเราะ ทั้งขบขัน  และจบลงด้วยความประทับใจเมื่อเรื่องราวเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด

หนังจบแล้ว  จอผ้าใบดับมืด  แต่ความสุขยังเรืองรองเต็มหัวใจทุกคน  เด็กๆ บางส่วนกลับบ้าน  แต่ส่วนใหญ่ยังนั่งล้อมหม้อกล้วยบวชชีที่จ้อยกับแม่ครัวช่วยกันทำ  สง่ากับสันติช่วยตักแจก  จับกลุ่มนั่งกินกันตามแคร่ใต้ร่มหูกวาง
   
คืนนั้นชาวบางบาลมาพบปะกันในโรงศาลา  ท่ามกลางแสงสว่างและเสียงฟู่ๆ ของตะเกียงเจ้าพายุ  วงเสวนาเริ่มขึ้น  แน่นอน.. จะขาดเหล้าเสียก็กระไร
   
ชายชราคนหนึ่งนุ่งกางเกงขาก๊วยสีน้ำเงิน  เสื้อชาวนาไม่กลัดกระดุม  มีผ้าขาวม้าพาดไหล่  เผยให้เห็นรอยซี่โครงแห่งความชรา  แกถือกระป๋องยาสูบติดมือมาด้วย  จัดแจงวางใบตองแห้ง  หยิบยาเส้นใส่บนใบตอง  แล้วมวนอย่างเชี่ยวชาญออกมาเป็นมวนโต  หนากว่าซิการ์เสียอีก  พอถึงตอนจุดไฟ  แกงัดเอากระบอกไม้ไผ่ท่อนสั้นๆ  ข้างในบรรจุนุ่น  และเอาเหล็กตอกหินให้ลูกไฟตกลงไป  เป่านุ่นจนแดงทั่ว  แล้วก้มดูดบุหรี่กับไฟ  เลอมานจ้องดูด้วยความเพลิดเพลิน  ไม่เคยเห็นวิธีจุดบุหรี่อย่างนี้มาก่อน  คนึงจึงเล่าให้ฟังว่าสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง  ไม่มีไม้ขีด  ไม่มีน้ำมันใช้  เลยหันมาตอกหินกันเช่นนี้  และบางคนยังใช้อยู่จนปัจจุบัน 

หม่อมราชวงศ์หนุ่มอยู่ในวงล้อมชาวบ้านเหมือนดาวล้อมเดือน  ดูเหมือนใครๆ ก็อยากรู้เรื่องเมืองฝรั่งกันทั้งนั้น 
   
“จริงไหมที่เขาว่า  ถ้าจะไปเมืองฝรั่งละก้อ  ต้องไปทางนี้” ผู้ถามชี้มือลงไปยังพื้นดิน  คนอื่นๆ พากันหัวร่อ
   
“นั่นอเมริกาครับ” เลอมานตอบยิ้มๆ “บ้านผมอยู่ทิศนั้น” ว่าแล้วก็ชี้ไปยังจุดจุดหนึ่งใต้ขอบฟ้า 
   
“เอ.. จะไปถึงได้ยังไงหว่า  มิต้องเดินกลับหัวเรอะ” เสียงถามกันพึมพำเกือบไม่ได้ยิน 
   
“เฮ้อ  อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า” หนุ่มหนึ่งแย้งขึ้น “ก็เดินข้ามทุ่งไปตรงๆ อย่างนั้นแหละ แล้วมันก็โค้งต่ำลงไปโค้งต่ำลงไปรู้ไหมล่ะ” ว่าพลางทำท่าทางประกอบเสร็จสรรพ  สุ้มเสียงเออออพอเข้าใจเซ็งแซ่   
   
ชาวบ้านแปลกใจกันมากที่เมืองไทยกับเมืองฝรั่งมีอะไรแตกต่างกันหลายอย่าง  จริงหรือที่บ้านเขาไม่กินข้าวกันทุกมื้อเหมือนบ้านบางบาล  ไม่น่าเชื่อเลย  ยิ่งพอคุณชายเล่าว่าหน้าหนาวบ้านเขาหนาวจนน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง  ชาวบ้านก็ร้องกันลั่นว่า “ถ้าไปเป็นตายแน่”
   
ครูใหญ่ส่งแก้วเหล้ามาให้  “เอ้า  ดวดให้หมดแก้วเลย” เหล้าที่ดื่มกันอยู่นั้นราคาถูก  ร่ำลือกันนักหนาว่ามีฤทธิ์เดชแรงและเร็ว  แค่กลิ่นก็รู้แล้ว  เลอมานรีบส่ายหน้าปฏิเสธว่าสู้ไม่ไหว 
   
“ไม่ได้ๆ ต้องกินให้หมด” ใครๆ ร้องบอก “ไม่หมดจะหาว่าดูถูกผู้หลักผู้ใหญ่นะ”
   
คุณชายยิ้มเจื่อน  อากาศออกจะเย็นแต่เหงื่อเริ่มตกขมับ  พอจะรู้ตัวอยู่ว่าเมาแล้ว ‘เรื้อน’ ขนาดไหน  ครั้นหันหาอาจารย์คนึงหวังหาที่พึ่ง  แต่อาจารย์กลับพยักหน้าเป็นนัยว่าให้ดื่ม  มือบางจึงยกแก้วขึ้นจรดปาก  เงยหัวค่อยๆ ดื่มเข้าไปรวดเดียวจนไม่เหลือสักหยด  แล้วก็ตีหน้าเหยเก  ร้อนผ่าวตั้งแต่ลำคอ  วาบไปถึงท้องถึงใจพระเดชพระคุณ  ใครต่อใครตบมืออย่างทึ่งไปตามกัน 
   
คนึงมองด้วยความเอ็นดู  เลอมานกลายเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายไปตั้งแต่เมื่อไร  และอีกอย่าง  โดนเข้าไปแค่แก้วเดียวคงไม่หนักหนาเท่าไรหรอกละมัง 
   
หารู้ไม่  อาจารย์ประเมินสมรรถภาพศิษย์รักสูงไปเสียแล้ว
 
ผ่านไปชั่วเคี้ยวหมากจืด  น้ำเมาก็ออกฤทธิ์  คุณชายเริ่มนั่งตัวตรงไม่ได้  ต้องกระดืบไปหาเสาพิงหลัง  สองแก้มแดงปลั่งเป็นตำลึงสุก  เห็นคนคนเดียวมีสองหัวไปซะได้ 
   
วงสนทนากำลังครึกครื้น  คนึงและประพนธ์คุยกับชาวบ้านอย่างออกรส  หม่อมราชวงศ์หนุ่มอาศัยช่วงไม่มีใครเห็น  ปลีกตัวเดินโงนเงนขึ้นราวบันไดกลับเข้าห้องพัก  เห็นมุ้งหลังใหญ่กางไว้รอท่าก็มุดเข้าไปทันที 
   
เอ๊ะ!  มีใครนอนอยู่ก่อน.. ใครกัน? 
   
อ้อ  นายสิงห์นี่เอง
   
เลอมานงัวเงียเต็มที  ตาหลุบหลู่จะหลับมิหลับแหล่  มือบางลากหมอนมานอนข้างหัวหน้าอันธพาล  พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย  ถ้าโลกจะถล่มลงมาตอนนี้ก็ไม่ไยดีแล้ว 
   
ฤทธิ์ยา  ทำให้สิงห์หลับนาน..หลับลึก.. ชนิดเสียงจากลำโพงฉายหนังดังลั่นยังปลุกเขาไม่ได้ 
   
แต่ต้องมาสะดุ้งตื่น  เพราะแขนนุ่มนิ่มที่โอบรัดกอดหมับจากด้านหลัง

ใครวะ!

นักเลงโตหน้าร้อนผ่าว  หนุ่มน้อยปริศนา.. หนุ่มน้อยแน่นอน  เพราะไม่มีก้อนโตๆ สองก้อนตำหลัง  แถมมือไม้ขาวเกลี้ยงเกลาเหมือนเพิ่งพ้นวัยเด็กมาได้ไม่นาน   ไม่กอดเปล่า.. มีการซุกใบหน้าแนบแผ่นหลัง  นุ่ม.. อุ่น.. หอม..
   
จ้อยหรือเปล่า?
   
หรือนี่จะเป็นความฝัน?  ต้องฝันไปแน่ๆ
   
ใบหน้าคมคร้ามเอี้ยวขวับ  หมายพิสูจน์ให้รู้แน่ชัด  หากนี่เป็นความฝัน  ก็จะขอกักเก็บไว้แนบใจนานเท่านาน 

เพราะอีกฝ่ายซุกหน้าแน่น  สิงห์จึงเห็นเพียงกลุ่มผมนุ่มหอม  ยามต้องแสงตะเกียงกระป๋องสว่างนวล  ดูเรืองรองราวเส้นไหม  ร่างกำยำพลิกกลับไปทั้งตัว  มือใหญ่ช้อนประคองใบหน้าละมุนไว้อย่างทะนุถนอม 
   
หากทันทีที่กระจ่างชัดเต็มสองตา

เฮ้ย!
   
ไอ้ชายเล็ก!
         
นักเลงโตผละออกห่างเหมือนต้องของร้อน  คนหลับสนิทเริ่มสะลึมสะลือตื่น  ดวงตาหวานฉ่ำปรือปรอย  ปากแดงพึมพำฉะอ้อน “อาจารย์..”
   
เหวย!  เรียกใคร! 
   
ไม่เรียกเปล่า  มีการโอบแขนรัดเขาไว้ทั้งตัว  “กู้ดไนท์คิสก่อนเร็ว..”

ไอ้สิงห์รู้สึกเหมือนไข้จะขึ้น
   
แล้วอะไรวะคิดๆ  ลูกคิดเรอะ? ไม่มีหรอก  อยู่ที่โรงสีโน่น  แม่ข้าใช้อยู่ประจำ

เฮ้ย! (อีกที) ยื่นหน้าเข้ามาทำไม!  มีการหลับตาพริ้ม  ทำปากเจ่ออีกด้วย!

ถ้าเป็นจ้อยละก็  ไอ้สิงห์จะไม่ลังเลเลยที่จะกดปากลงไปบนปากแดงฉ่ำนั่น  แต่นี่.. ไม่ใช่จ้อย! 

“โอ๊ย!” เจอฝ่าเท้ายันชายโครงเข้าให้! บุตรชายท่านทูตกลิ้งหลุนๆ เป็นลูกขนุน แต่หาเข็ดไม่  คนหัวหูยุ่งเหยิงคลานตุบตับกลับมาหา  หูตาแดงก่ำ  เกาะแขนกำยำหนึบแน่นยังกะปลิง  “ฮือ.. ไม่รักเล็กแล้วหรือ”
   
ไอ้สิงห์ทำอะไรไม่ถูก  อยากจะสลบเหมือดไปเลยให้รู้แล้วรู้รอด 
   
“เล็ก!” เสียงห้าวดังลั่น  ลูกชายกำนันหันขวับ  เห็นร่างสูงใหญ่ทะมื่นอยู่นอกมุ้ง  ไม่ถึงอึดใจ.. ใครคนนั้นก็เปิดมุ้งยัดตัวเองเข้ามา 

ไอ้คนึง!
   
โลกมันกลับตาลปัตรไปแล้วหรือไร  หรือเขากำลังไข้ขึ้นจนสมองมึนงงไปหมดกันแน่  อาจารย์หนุ่มในเสื้อผ้าป่านกางเกงแพร  รี่เข้ามาดึงคุณชายที่เอาแต่นัวเนียอยู่กับเขาออกทันที
   
“ทำไมมานอนนี่” สุ้มเสียงเอ็ดกลายๆ แต่ครั้นมองดวงตา  สิงห์เห็นแต่แววตาแบบเดียวกับที่เขามองจ้อยยามอยู่กับผู้ชายอื่น สองแขนโอบรั้งร่างเล็กไว้แนบอก  พอคนเมาเห็นผู้มาใหม่เต็มสองตา  มือขาวๆ ก็ตวัดรอบลำคออาจารย์หมับ  ซบอกกว้างครางหงุงหงิงเหมือนลูกแมว 
   
“พวกเรานอนห้องโน้น  เดี๋ยวครูพาไปนอนนะ” เสียงกระซิบทุ้มละมุนยามอาจารย์ช้อนศิษย์ขึ้นอุ้ม  พาออกไปนอกมุ้ง  ปล่อยไอ้สิงห์นอนมองตาค้าง

คนทึ่มทื่ออย่างเขายังดูออก

สองคนนี้.. ไม่ธรรมดาเสียแล้ว

   
อาจารย์หนุ่มพาศิษย์รักมาอีกห้อง  ต้องขอบคุณครูใหญ่โรงเรียนบางบาล  ที่แยกห้องไว้ให้สำหรับคุณชายโดยเฉพาะ  แต่ครั้นจะให้นอนคนเดียว  คนปอดลอยอย่างเลอมานหรือจะยอม
   
ห้องนี้พิเศษสมฐานะ  มุ้งหลังใหม่กว่าและมีฟูกนอนรองทับบนผืนเสื่ออีกชั้น  คนึงค่อยวางร่างในอ้อมกอดลงอย่างทะนุถนอม  เลอมานเหยียดร่างครางอือในคอ  เหมือนลูกแมวน้อยหาท่านอนเปี่ยมสุข
   
สุขใดจะเทียบทอดกายในอ้อมกอดคนรักไม่มี 
   
วงหน้าละไมหลับพริ้ม  คนึงสละแขนให้เด็กหนุ่มหนุนแทนหมอน  ปลายนิ้วเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผากแผ่วเบา  กระซิบเสียงอุ่นที่ริมหู “รู้ไหม  คืนนี้ใครๆ มองเล็กของครูมากกว่ามองหนังซะอีก”
   
เปลือกตาบอบบางลืมขึ้นเชื่องช้า  วาดยิ้มหวานละมุน “แต่เล็กมองอาจารย์คนเดียว”

อาจารย์จ้องมองดวงตาสุกใสนิ่งงัน  น่าแปลก.. เขาเคยมองดวงตาคู่นี้มานักต่อนัก  ส่งผ่านความรู้สึกถึงกันมาไม่รู้กี่ครา  หากคืนนี้.. ไยตรึงตาตรึงใจ  ไม่อาจละสายตา  จ้องมองราวกับว่าจากนี้จะไม่มีวาสนาได้มองอีก

เลอมาน ‘งาม’ จริงๆ  งามเหมือนรูปหล่อที่เทวาบรรจงปั้น  ขนงเนศเกศแก้มตรูตรา  ดังจันทราผุดผ่องละอองนวล  ใครหนอช่างตั้งชื่อให้เหมาะเจาะฉะนี้  งามรูปแล้วยังงามใจ  ตัวสูงศักดิ์เพียงใด หัวใจก็สูงส่งทัดเทียมกัน 
   
จมูกโด่งเป็นสันกดลงสูดกลิ่นหอมที่แก้มนุ่ม  บางสิ่งวูบไหวอยู่ในอก  สั่นสะเทือนเคลื่อนคลอน     

ดั่งลอยฟ้ามาให้ชมตามลมปลิว
แล้วลอยลิ่วลับไปเสียไกลตา**


อีกไม่กี่เดือนก็ต้องกลับไป
   
ระยะทางจากอยุธยาไปลอนดอนไกลเท่าไร
   
ค่าตั๋วเรือบินแพงมากไหม
   
ต้องใช้เงินเดือนข้าราชการครูจนๆ กี่เดือนถึงจะซื้อได้มา   

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 23-02-2013 02:12:25
“ถ้าจะไปบ้านเล็ก..” ชายหนุ่มนึกถึงคำพูดชาวบ้านเมื่อหัวค่ำขึ้นมาได้ “ก็เดินข้ามทุ่งไปตรงๆ  แล้วมันก็โค้งต่ำลงไปโค้งต่ำลงไปเองอย่างนั้นหรือ  กี่ปีหนอกว่าจะถึง..” ประโยคสุดท้าย.. รำพัน.. ทอดอาลัย..
   
“เล็กไม่กลับ” จันทร์ดวงน้อยโพล่งขึ้นทันที  รัดอ้อมแขนแน่นเข้า “เล็กจะอยู่ที่นี่  จะอยู่กับอาจารย์”
   
“หื้อ” คนฟังหัวเราะในคอ “ท่านพ่อเล็กจะยอมหรือ”
   
“ไม่กลับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้ารัวกับอกกว้าง “ท่านพ่อเอาช้างมาลากก็ไม่กลับ” หากสุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นมองตา “จะอยู่จนกว่าอาจารย์จะไล่” 

อาจารย์ยิ้มพราย  จรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียน  นึกถึงภาพเมื่อหัวค่ำ  หม่อมราชวงศ์หนุ่มออกไปปราศรัย ออกไปร้องเพลง  ดั่งดวงจันทร์ผ่องใสนวลกระจ่าง  เขาเล่า..เป็นเพียงกระต่ายที่ได้แต่เฝ้ามองจากพื้นดินอย่างชื่นชม  หากบัดนี้จันทร์นวลทอดกายลงในอ้อมกอด 
   
เป็นวาสนาของกระต่ายผู้ต่ำต้อยเหลือเกิน

เพ็ญพระจันทร์นั้นสว่างแต่ข้างขึ้น
กระต่ายมึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า
อันทรามวัยใสสุกทุกเวลา
น้ำใจข้าเมามึนทั้งขึ้นแรม***


คืนนี้.. ณ ที่นี่มีสองกระต่าย  ต่างหมายจันทร์กันคนละดวง 
   
หนึ่งนั้นเป็นกระต่ายเจ็บเสียด้วย 

พอถูกทำให้ตื่น  สิงห์จะข่มตาหลับอีกทีก็ยากเย็น  ร่างสูงใหญ่ลุกจากที่นอน  โผเผไปเกาะหน้าต่าง  อยากบุหรี่ฉิบหาย  แต่ต้องอดทนไว้  ที่นี่มีแต่เด็กๆ  มายืนพ่นควันฉุยเด็กจะเหม็นกันเสียเปล่าๆ  แถมพวกนักเรียนครู  ก็ไม่เห็นมีใครสูบบุหรี่กัน 
   
นอกหน้าต่าง.. บนฟ้า.. มีจันทร์นวลเปล่งแสงสุกใส  เบื้องล่าง.. จันทร์อีกดวงทอแสงจัดจ้าไม่ต่างกัน 

บนแคร่ไม้รวกใต้ต้นหูกวาง  จ้อยอยู่ในวงล้อมเด็กๆ อีกแล้ว 

จันทร์เต็มดวงสุกสว่างราวกับโคมทองกลางฟ้า  จ้อยนั่งมองพวกเด็กผู้ชายวิ่งไล่เหยียบเงากันกลางลานแล้วหัวเราะขำ  พวกเด็กผู้หญิงนั่งล้อมไม่ห่าง  เล่านู่นเล่านี่ให้ฟังครื้นเครง  พอจ้อยถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร  ก็ยกมือแย่งกันเล่าชนิดฟังแทบไม่ทัน 
   
จ้อยเคยคิดว่าเรือชีวิตของจ้อยผุพังเต็มที  เต็มไปด้วยรอยรั่วร้าวที่ไม่รู้จะอับปางลงใต้ท้องน้ำวันใด  ไม่รู้จะฝ่าลมฝนไปถึงจุดหมายปลายฝั่งได้หรือไม่ 
   
จ้อยเคยคิดเช่นนั้น
   
หากวันนี้  แสงจันทร์นวลและรอยยิ้มไร้เดียงสา แววตาใสบริสุทธิ์ เสมือนชันชั้นดีที่มายาท้องเรือ สมานรอยรั่วได้สนิท  หัวใจแหลกยับของจ้อยถูกประกอบขึ้นใหม่  จ้อยรู้แล้วว่าเรือชีวิตของจ้อยจะมุ่งหน้าลอยลำไปในทิศทางใด  จ้อยจะต้องไปให้ถึง
   
ชันยาเรือ  เด็กๆ (เยียว)ยาหัวใจ

ยิ่งเป็นครู  มิใช่เป็นเพียงเรือที่จะพาตนไปฝั่ง  แต่ต้องพาศิษย์ไปด้วย  แล้วเรือจ้างผุพัง  จะส่งศิษย์ถึงฝั่งได้อย่างไร

ขอบคุณคุณชายเล็กที่พาจ้อยมาที่นี่  มาพบ ‘ยา’ ชั้นดี 

“โตขึ้นหนูจะเป็นครูเหมือนพี่ครู” เด็กหญิงผมหยิกขอดคนหนึ่งเล่าบ้าง  หากไม่ทันขาดคำ 
   
“พี่ครูๆๆ” พวกทโมนที่ไล่เหยียบเงากันก็กรูเข้ามา “อีสี่คนนี้มันชอบพี่  มันบอกว่าโตขึ้นจะเป็นแฟนพี่ครู”
   
มีเสียงตีไหล่กันผัวะผะ  จ้อยถึงกับปล่อยก๊าก “โอ้โห  สี่คนเชียว  เลือกไม่ถูกเลย” พี่ครูนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็โพล่งขึ้น “เอาอย่างนี้  ใครร้องเพลงจันทร์เจ้าได้มาเป็นแฟนกันเลย” 
   
สิ้นเสียงพี่ครู  เด็กๆ ทั้งหญิงชายยืนตัวตรงแหน่ว  เสียงเจื้อยแจ้วขับขานพร้อมเพรียงกัน 
   
“จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง ขอแหวนทองแดง ผูกมือน้องข้า..”

“ขอช้างขอม้าให้น้องข้าขี่  ขอเก้าอี้ให้น้องข้านั่ง..” ไม่มีใครรู้  ตรงหน้าต่างสูงขึ้นไป  เด็กโค่งคนหนึ่งเปล่งเสียงแหบพร่าแผ่วเบา  ร้องเพลงจันทร์เจ้ากับเขาด้วย

‘ใครร้องเพลงจันทร์เจ้าได้มาเป็นแฟนกัน’
   
เอ็งอย่าผิดคำพูดนะจ้อย 
   
เด็กๆ ร้องจบก็เฮขึ้นมาพร้อมกัน  โทษฐานที่เป็น ‘แฟน’ กันแล้ว  พี่ครูเลยแจกจูบเข้าให้ที่แก้มคนละที  ใบหน้าคมคร้ามมองตามแล้วคลี่ยิ้มละมุน 
   
ไม่กล้าเสนอหน้าไปให้น้องจูบแก้มด้วยหรอก  แค่เห็นน้องกลับมายิ้มได้อีกครั้ง  ไอ้สิงห์ก็สุขใจเหลือเกินแล้ว 

เจ้าก็แก้วแวววาวจงห้าวหาญ
แม้ในธารแสงยังกล้าสง่าสม
อย่าเซาซบสยบท้นหม่นระทม
ถึงกลางตมเพชรประกายยังพรายพราว****


******************************

ความสุขของไอ้สิงห์ผ่านไปไวเหมือนไฟลามปลายด้าย 

ดึกดื่น  เด็กๆ และชาวบ้านกลับกันหมดแล้ว  เหล่านักเรียนครูได้เวลาเข้านอนกันเสียที 
   
สิงห์นอนนิ่งอยู่ในมุ้ง  นิ่งฟังเสียงพวกนักเรียนครู
   
เกี่ยงกันว่าใคร.. จะเป็นคนนอนติดเขา 
   
เขานอนนิ่งเหมือนหลับสนิท  ใครอยากพูดอะไร  จะได้พูดกันมาเลยไม่ต้องเกรงใจ.. หรือไว้หน้าใดๆทั้งสิ้น 

ครูบางบาลคนหนึ่งมาขอโทษขอโพย  เพราะไม่รู้ว่าจะมี ‘คนนอก’ ติดตามมาด้วยอีกหนึ่ง  จึงเตรียมขนาดมุ้งไว้ให้เล็กเกินไป 
   
“ใครสาระแนตามมาก็ไปนอนนอกมุ้งเลยไป” สง่าออกปากค่อนขอดคนแรก  กลิ่นละมุดโชยหึ่ง  คงไม่แคล้วไปร่วมวงไพบูลย์กับชาวบ้านมาแน่ๆ 
   
“อย่าให้มันเกินไปนักสง่า” อาจารย์ประพนธ์ก็โชยนิดๆ “เขาไม่สบายอยู่นะ  ไม่เห็นหรือไง” บ่นงึมงำแล้วก็เปิดมุ้งไปนอนริมสุด  เว้นที่ว่างตรงกลางไว้ให้นักเรียนครูทั้งสามหน่อ 
   
“รีบนอนกันได้แล้ว  พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” สิ้นเสียงอาจารย์  ดั่งสิ้นสัญญาณเป่านกหวีดปล่อยตัวนักวิ่ง  สง่ากับสันติคลานตุบตับเข้าจับจองที่ทันที  ทิ้งจ้อยให้ยืนเซ่อ  ก็จ้อยนึกว่าเพื่อนจะปรึกษากันก่อน 

เห็นที่ว่างที่เหลืออยู่แค่คืบระหว่างสันติกับ.. ‘มัน’ แล้ว  จ้อยอยากจะร้องไห้   

หนุ่มน้อยแทรกร่างเข้าไปในที่คับแคบ  เบียดมาทางสันติแทบเกาะหลังกัน  เหมือนไอ้ที่นอนอยู่อีกฝั่งเป็นอสรพิษไม่ใช่คน 
   
“โอ๊ยจ้อย ดับตะเกียงเสียทีสิ  แยงตาจะบอดอยู่แล้ว” สง่าโวยขึ้นมาทั้งหลับตา 
   
“ไม่..ไม่ดับได้ไหม..”
   
จ้อยพูดไม่ทันขาดคำ  สง่าก็เปิดมุ้งมุดหัวออกไปเป่าตะเกียงปู้ด  ทั้งห้องมืดสนิทเหมือนหลับตา

หัวใจจ้อยเต้นถะถี่ขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ  มืดเหลือเกิน  มืด.. มืดเหมือนคืนนั้น  คืนที่จ้อยย่ำเข้าดงกล้วยไปตามหายาย 

เหมือนถูกความทรงจำเลวร้ายรัวทุบกระหน่ำ จ้อยนอนตัวสั่นอยู่ในความมืด ใครคนหนึ่งขยับตัวเบียดมาโดน  จ้อยสะดุ้งสุดตัว  ใครกัน?!  สันติ.. หรือ ‘มัน’  ใครนอนทางขวา  ใครนอนทางซ้ายกันนะ  มันมืดไปหมด  มืดจนไม่รู้หัวรู้หาง  จ้อยสับสนไปหมดแล้ว 
   
จ้อยเริ่มหายใจไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ!

น้ำตาเอ่อท้นขอบตาจนแสบพร่า ทำไมจ้อยเป็นอย่างนี้จ้อยก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน  รู้เพียงว่าจ้อยกลัว  กลัวจับขั้วหัวใจ 
        
สายตาที่เริ่มชินกับความมืดไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่อย่างน้อย.. จ้อยก็รู้แล้วว่าสันตินอนอยู่ฝั่งไหน
        
"สัน..สันติ" เสียงสั่นพร่ากระซิบเบาหวิว มือเล็กกระตุกชายเสื้อเพื่อน "แลก..แลกที่กันเถอะ..นะ.."
        
คนกำลังหลับปัดมือจ้อยออกอย่างรำคาญเต็มที ยิ่งพร่ำวิงวอนเท่าไร เพื่อนยิ่งหลับได้หลับดีไม่แยแสกันเลยสักนิด น้ำตาจ้อยจะร่วงอยู่มะรอมมะร่อ
        
หนุ่มน้อยคงไม่รู้ ใครอีกคนหนึ่งที่นอนผินหลังให้ ใจเอ๋ยจะขาดลงรอนๆ

จ้อยลุกออกจากมุ้งเบากริบ จ้อยทนนอนที่น่ีไม่ได้ ทนนอนข้างมันไม่ได้ อาศัยเพียงแสงจันทร์ที่ส่องผ่านบานหน้าต่าง นักเรียนครูตัวเล็กคลำทางไปห้องนอนหม่อมราชวงศ์เลอมานและอาจารย์คนึง หมายมาดจะขอซุกหัวนอนด้วยคน
         
ดึกสงัด หรีดหริ่งเรไรครวญระงม จ้อยแตะมือลงบานประตูไม้เก่า เปิดออกแผ่วเบา ไม่ได้เคาะก่อน ไม่ได้ส่งเสียงขออนุญาต ดึกแล้วจ้อยไม่อยากรบกวน แค่จะขอเข้าไปนอนด้วยเงียบๆ
         
บานประตูค่อยๆ เปิดอ้า แสงจันทร์แจ่มฟ้าสาดกระทบสองร่างในม่านมุ้งสลัว

ทันทีที่เห็นถนัดตา จ้อยตะลึงตาเบิกโพลงอยู่ในความมืด!

อาจารย์คนึงอยู่บนตัวคุณชายเล็ก!

หนุ่มน้อยพูดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก สองมือปิดประตูคืนให้ดั่งคนไร้วิญญาณ สองขาถอยหลังเงอะงะ ในหัวกลวงเปล่าเหมือนมีกระแสลมพัดผ่าน

จ้อยมาเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นเข้าเสียแล้ว

ร่างเล็กหันขวับหมายจะกลับห้องเดิม หากทันทีท่ีหันไปก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อกี้ว่าตกใจแล้ว ครานี้เห็นทีต้องคูณเข้าไปอีกสิบ
        
ร่างสูงใหญ่ยืนทะมึนอยู่ในความมืด!

จ้อยถอยกรูดจนหลังติดฝา ไม่เข้าใจเลยว่ามันย่องตามมาตั้งแต่เมื่อไร และที่น่าตกใจ มันตามจ้อยมาทำไม!
        
แสงจันทร์สะท้อนใบหน้าคมสัน มันมองจ้อยนิ่งงัน ชั่วอึดใจ มันก็เดินหันหลังลงบันไดไป ไม่มีส่วนใดของร่างกายแตะต้องตัวจ้อย นอกจากแววตาโศกสลด รวดร้าว

ไม่พูดอะไรสักคำเดียว!
   
หนุ่มน้อยยังสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก อยู่ดีๆ มันก็ลุกขึ้นมามองหน้ากัน แล้วอยู่ดีๆ ก็หันหลังเดินจากไป  พอสติกลับคืนมา  จ้อยรีบกลับเข้าห้อง  ในมุ้งฝั่งริมสุดไร้วี่แววของ ‘มัน’ จ้อยถอนใจโล่งอก  มันจะไปนอนที่ไหนก็ช่าง ขออย่างเดียว อย่ามานอนใกล้กันเป็นพอ 
   
กว่าจ้อยจะข่มตาหลับลงได้ก็ดึกดื่นค่อนคืน ในหัวมีแต่ภาพอาจารย์ที่เคารพและคุณชายเพื่อนรักกำลังกอดจูบกัน  ก่อกวนวกวนอยู่ในอกไม่วางวาย 

******************************

รุ่งอรุณฟ้าสางสว่างแล้ว

คณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนฝึกหัดครูเตรียมตัวเดินทางกลับ  เช้านี้จ้อยพูดน้อยกว่าทุกวัน  ยิ่งกับอาจารย์คนึงและเลอมาน จ้อยแค่ถามคำตอบคำ
   
จ้อยแค่พูดน้อย  แต่มีคนหนึ่ง.. ไม่ปริปากพูดอะไรเลยตั้งแต่เช้า 
   
อาการไข้ของมันเหมือนจะหนักยิ่งกว่าเก่า  มันหลบไปนั่งหลับพิงรถจี๊ปดอดจ์ของหน่วยฉายหนัง  คุณชายเลอมานไปแตะมือตรงหน้าผากมันแล้วอุทานลั่นว่าร้อนดั่งไฟ  มันแค่ปรือตาขึ้นมองแล้วก็หลับต่อ

จ้อยไม่ได้บอกใครว่าเมื่อคืนมันลงไปนอนข้างล่าง  จ้อยไม่คิดจะแยแสมันเลยสักนิด  ทำตัวเอง  สมควรแล้ว  มันจะไปตายโหงตายห่าที่ไหนก็เรื่องของมัน

ไม่ว่าคุณชายจะทำอะไรก็ดูขวางหูขวางตาจ้อยไปเสียหมด  แต่ที่ทำให้จ้อยโกรธเอามากๆ ก็ตอนกำลังจะเคลื่อนพลกลับกันนี่ละ

มีอย่างที่ไหน  สั่งให้สง่ากับสันติไปนั่งรถหน่วยฉายหนัง  แล้วให้คนไข้กลับอย่างไอ้สิงห์มานั่งข้างจ้อยแทน!

มันมาอย่างไรก็ควรกลับไปอย่างนั้นสิ!

สง่ากับสันติโวยวายกันตามประสา  แต่พออาจารย์คนึงยื่นคำขาดก็เดินคอตกไปนั่งเบียดกันในรถฉายหนังอย่างเสียไม่ได้  ต่างกับจ้อยที่ได้แต่เก็บงำความไม่พอใจเอาไว้ภายใน 

ล่ำลาเหล่าครูบางบาลและเด็กๆ เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลากลับ  รถจี๊ปสีขาวโขยกเขยกไปตามทางลูกรัง  ข้างหน้า คุณชายนั่งคู่อาจารย์ที่ทำหน้าที่คนขับ  ข้างหลัง  จ้อยนั่งตัวลีบแนบประตูเคียงคู่กับมัน  ที่พิงศีรษะกับกระจกรถหลับใหลไม่ได้สติ  รถตกหลุมที  มันก็เอนมาซบจ้อยที  จ้อยได้แต่ผลักกลับไปอย่างขยะแขยงเต็มทน  หัวมันโขกกระจกดังโป๊ก  แต่มันเพียงลืมตาสลึมสะลือแล้วหลับต่อไม่รู้สึกรู้สา

คู่ชู้ชื่นข้างหน้ามีความสุขกันจริง  คุณชายปั้นข้าวเหนียวหมูทอดที่แม่ครัวบางบาลทำให้เป็นเสบียงเป็นก้อนพอดีคำแล้วยื่นป้อนให้อาจารย์คนึง  จ้อยแทบจะเบือนหน้าหนี 

ผิดหวังในตัวทั้งคู่สุดแสน   

ถ้าเป็นเมื่อก่อน  ก่อนที่จ้อยจะมาเห็นภาพเมื่อคืน  จ้อยคงไม่รู้สึกอะไรกับภาพตรงหน้า  ก็แค่ศิษย์คนหนึ่งป้อนข้าวป้อนน้ำอาจารย์ที่มือไม่ว่างเพราะกำลังขับรถ  แต่เพราะจ้อยรู้ ‘ความจริง’ แล้ว ยิ่งมองยิ่งขัดตา 
   
สิ่งใดใดที่ผิดทำนองคลองธรรม  จ้อยไม่ชอบไปเสียทั้งสิ้น  แล้วนี่อะไร  เป็นศิษย์อาจารย์กัน  ซ้ำยังเป็น.. ผู้ชาย..กับผู้ชาย
   
ดั่งกลืนน้ำลายตนเอง  แล้ว.. จ้อยกับ ‘มัน’ เล่า  ผู้ชายกับผู้ชายเหมือนกันไม่ใช่หรือ 

จ้อยปฏิเสธอึงอลอยู่ในอก  ไม่มีทาง! ยิ่งกับมัน ยิ่งไม่มีทาง!  สิ่งที่มันทำกับจ้อย  เพราะถูกมันบังคับข่มเหง  ส่วนที่จ้อยเคย ‘รัก’ มันเมื่อครั้งยังเยาว์  นั่นก็เป็นความรักแบบพี่น้อง  หากนับจากนี้ไป  แม้เศษเสี้ยวความรักไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็อย่าหวังว่ามันจะได้รับจากจ้อยเลย 
     
ทางเกวียนขรุขระทำรถเอียงวูบ  คนไม่ได้สติเอนตุบลงบนตักจ้อย เจ้าตัวเล็กสะดุ้งโหยง  พยายามยกหัวหนักๆ ออกไป  แต่คล้ายมันไม่รู้สึกตัวสักนิด 
   
ใบหน้าคมสันร้อนผะผ่าว  เหงื่อเม็ดโตผุดซึมเต็มหน้าผาก  ผ้าพันแผลเริ่มมอมแมม  คงเพราะไม่มีใครมีแก่ใจจะเปลี่ยนให้  จ้อยออกแรงยกหัวมันออกอีก  หากหนักอึ้งดั่งหินผา 
   
วูบหนึ่ง.. บางสิ่ง.. ตรึงตรา.. วูบไหวอยู่ในหัวใจ   
     
[น้ำคลองสีน้ำตาลอ่อนไหลเอื่อย  ลมทุ่งพัดมาเย็นชื่น  เด็กชายตัวโตจูงมือน้อยลัดเลาะริมคลอง  ในมือมีคันเบ็ด  ข้างเอวมีตะข้องใบย่อม
   
“ตกปลาเป็นบาป  ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  ผีดศีลข้อหนึ่ง” เสียงเล็กเจื้อยแจ้ว

“ตกไปกินไม่บาปหรอก” พี่สิงห์ชี้แจง  ก่อนตีหน้ายักษ์ “พูดมากเดี๋ยวจับจ้อยหักแข้งหักขากินแทนปลาเสียนี่!”
   
จ้อยหัวเราะเอิ้กอ้าก  หลบหลีกพัลวันเมื่อพี่ทำท่าจะคว้าแขนไปหักกินจริงๆ  โลกของจ้อยแสนไร้เดียงสา  มีความเป็นเด็ก เป็นน้อง และไว้วางใจในตัวพี่ยิ่งนัก 
   
พี่ปลดตะข้องออกจากเอว  ดึงปูออกมา  ฉีกอกออกจากกัน  ฉวยมะนาวจากกระเป๋ากางเกง  ผ่าด้วยมีดพับ  บีบใส่กระดองคลุกเคล้าจนมันเหลืองย่องจับตัวเป็นก้อน
   
จากนั้นหักก้านละหุ่งที่พกมาเป็นกำ  ดึงจนเห็นใยสีขาวบางเหนียว  ใช้พันมันปูทำเหยื่อ  ไม่ถึงสองนาทีก็เรียบร้อย  เหวี่ยงฟึ่บ! เบ็ดก็จุ่มลงน้ำ  พี่ขยับตัวนั่งพิงต้นไม้ เอนกายสบายอารมณ์ 
   
เมฆขาวลอยเต็มฟ้า  แดดทุ่งร้อนจ้าแต่ใต้ต้นตะแบกกลับเย็นสบาย  เสียงลมกับใบไม้เสียดสีแสนเสนาะ  ทุกอย่างเงียบสงบ  มีความสุขนัก 
   
“ไปนั่งอะไรตรงนั้น  มาอยู่ใกล้ๆพี่นี่สิ” พี่กวักมือเรียกจ้อยที่หนีไปนั่งเสียไกล 
   
“ไม่เอา” จ้อยส่ายหน้ารัว จิ่มดินจิ้มหญ้าเล่นไปตามเรื่อง “ยายบอกว่าอย่าอยู่ใกล้คนตกปลา  เดี๋ยวโดนเบ็ดตวัดมาเกี่ยวตา”
   
“มานี่จ้อย” พี่เรียกอีกที  จ้อยเงยหน้าขึ้นมอง  เมื่อนั้นจึงเห็นดวงตาสีนิลเข้มข้น “ไม่ต้องกลัวหรอก  ถ้าพี่ทำเบ็ดเกี่ยวตาจ้อย จะควักลูกตาตัวเองให้แทน”
   
จ้อยอุ่นใจ  ยินคำสัญญาหนักแน่นก็ยิ้มออก  ขยับเข้าใกล้พี่  จู่ๆ จากท่านั่ง  พี่เอนกายลงเอาตักจ้อยแทนหมอน  หนุนนอนสบาย

“เอาหัวพี่ทับไว้  จ้อยจะได้ไม่ปลิวหายไปไหนอีก” ]
   

เออหนอ.. ครั้งหนึ่ง  จ้อยเคยยอมให้มันนอนหนุนตักด้วย 
เหตุการณ์เนิ่นนานมาแล้วแท้ๆ
   
แต่ไม่รู้เหตุใด  ฝั่งน้ำเย็นย่ำนั้น  ตรึงอยู่ในความทรงจำมิจาง 

******************************

คนึงกับเลอมานแวะส่งนายสิงห์ที่บ้าน  ดีที่กำนันและคุณนายพูนทรัพย์ไม่อยู่ทั้งคู่  ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงโดนกักตัวไว้ตอบคำถามแน่ว่าพาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไปทำอะไรมา  และคนที่โดนหนักที่สุดก็คงไม่พ้นจ้อย  ที่ร่ำร้องจะไปโรงเรียนก่อนท่าเดียว

ถึงโรงเรียน  คนึงพาเลอมานไปหาอาจารย์ปรีชาก่อนเป็นอันดับแรก  หมายจะรายงานความสำเร็จลุล่วงด้วยดีของการพาอาสาสมัครไปฉายหนังนอกเมือง
   
ทั้งสองกลับเป็นฝ่ายประหลาดใจ 

“ท่านชายอาทิตย์มีจดหมายมา” อาจารย์ปรีชาบอกข่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “แจ้งว่าจะเสด็จมาโรงเรียน”


โปรดติดตามตอนต่อไป

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
*วาสนากระต่าย, มัณฑนา โมรากุล คำร้อง, เอื้อ สุนทรสนาน ขับร้อง
**สุนทรภู่
***นิทานเวตาล
****อุชเชนี

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 23-02-2013 02:40:49
จ้อยจ๋าาาาาาาา  ใจอ่อนลดลงได้แล้วววววววว
แจ๊คพ็อตจ้อยไปเห็นของดีกลางดึกเลย อร๊ายยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 23-02-2013 02:46:31
ช่วงดอกไม้เม้ามอย  :L2:

ตอนนี้ตั้งใจว่าจะอัพตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แต่ก็มีเหตุให้ล่าช้าคลาดเคลื่อนจนได้ค่ะ คือเมื่อช่วงอาทิตย์ก่อน ดอกไม้วุ่นวายอยู่กับงานแต่งงานเพื่อนเลิฟมา ไอ้วุ่นงานน่ะไม่เท่าไหร่ค่ะคนอ่านที่รัก แต่เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นเพราะ..ดอกไม้ไปเจาะหู

อ๊ะ..งงล่ะสิ ฮุฮุ

คือ..ด้วยความอยากสวย อยากเริ่ดอ่ะเนอะ เลยไปเจาะหูเป็นรอบที่สามในชีวิต (หลังจากปล่อยให้ตันไปสองรอบ) คนเจาะให้ยังถามเลยว่าหนูนึกยังไงมาเจาะหูตอนอายุ..(ตรุ๊ดดด:เซ็นเซอร์)..คะเนี่ย ดอกไม้ได้แต่หัวเราะแหะๆ บอกไปว่าเดี๋ยวต้องไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว อยากใส่ตุ้มหูตุ้งติ้งๆระย้าระย้อยกะเค้ามั่งอ่ะค่ะ  :o8:

ว้าย..งานมีวันเสาร์ แร่ดไปเจาะหูวันจันทร์ แผลมันจะแห้งทันเรอะ แม่นแล้วค่ะ ไม่แห้งหรอก แถมตุ้มหูที่ใส่เปลี่ยนก็อย่างหนักเลย เจ๊บเจ็บแหละ แต่อยากสวยต้องอดทนค่ะ ฮึก..

สรุป ไปสวยๆเริ่ดๆอยู่ในงานได้ไม่ทันไร เช้ามานอกจากจะเมาหมดสภาพ ขนตาปลอมหลุด ถุงมือหาย ขนนกบนหัวกระจายว่อน สิ่งที่ตามมาคือ..หูติดเชื้อค่ะ แอร๊  :sad4: แถมวันต่อมา.. มันลามมาต่อมน้ำเหลืองที่ข้างหูด้วย โอ้วม่ายยยย โตเท่าลูกลำไยเลย เดือดร้อนไปหาหมออี๊กก ฮ่วย แรงจะปั่นนิยายเลยไม่มีค่ะ ไข้ขึ้นนอนซม (หรือนี่จะเป็นกรรมที่ดอกไม้ทำกะพี่สิงห์นะ ฮือๆ)

สรุป(อีกที) โดนจับใส่ตุ้มหูห่วงทองๆ ไปอีกนานจนกว่าแผลจะหายเลยค่ะ ห้ามเปลี่ยนตุ้มหูเด็ดขาด ชีช้ำที่สุด

อีกหนึ่งความเลินเล่อที่ต้องแจ้งให้คนอ่านทราบ (เพราะส่งผลต่อช่วงเวลาอัพนิยาย) คือ.. ดอกไม้เสร่อไปรับงานซ้อนกันค่ะ งานแปลนั่นแล ปกติวางมือแล้วแต่รับให้น้องชายทำแทน แล้วทีนี้ เจือกรับสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ปรึกษาน้องก่อน มันก็รับเจ้าอื่นไปแล้วเช่นกัน (ก็นึกว่ามันว่างอ่ะ) รับคำลูกค้าไปแล้วด้วย ดอกไม้เลยต้องโชว์สปิริตแก้ปัญหาด้วยการ.. ทำเองแม่มเลยค่ะ (ขี้เกียจอ่ะ :เฮ้อ:) แต่ไม่เป็นไร แค่สามเรื่องอาทิตย์เดียวก็เสร็จค่ะ ขอไปปั่นงานก่อนเดี๋ยวกลับมาดราม่าคุณชาย/จารย์คนึงต่อเน้อ

เม้ามาตั้งเยอะ ไม่ได้เกี่ยวกับนิยายเล้ย งั้นขอพูดถึงนิยายนิดนึงก็ได้ค่ะ เพื่อความสมดุล ถ้าพี่สิงห์น้องจ้อยค่อยๆ ดีขึ้น จารย์คนึงกับคุณชายจะค่อยๆแย่ลงนะคะ  :กอด1:

ไปดีกว่า ดึกแล้วคุณขา

รักคนอ่านค่ะ
ดอกไม้

๒๓ ก.พ. ๕๖

ปล. เฉลยกิจกรรมวันวาเลนไทน์แล้วนะคะที่เพจ 'จิฮิโร่และดอกไม้' ผู้ได้รับรางวัลคือน้อง PRIMWI ของขวัญไปถึงมือน้องเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวไว้โอกาสหน้าดอกไม้จะหาอะไรมาเล่นกันอีกน้า


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-02-2013 03:36:40
น้ำตาจะไหลอ่านพี่สิงห์น้องจ้อย คู่นี้เหมือนพระจันทร์ข้างแรม หมองหม่นเหลือแสน
สงสารพี่สิงห์ที่ถูกเมินไม่ไยดี หนำซ้ำถ้ารู้ว่าน้องก่นด่าสาปแช่งอยู่ในใจ มันคงไปโดดน้ำตายแน่ ๆ
ความทรงจำสวย ๆ เมื่อวัยเยาว์จะช่วยอะไรได้บ้างไหมหนอ
ส่วนคุณชายเล็กกับอาจารย์คนึง หวานจนคนอ่านเขินอาย
หวานไม่ทันเท่าไหร่อุปสรรคก้อนใหญ่ก็มาเยือนถึงที่ แต่ละคู่จะลงเอยอย่างไรหนอ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 23-02-2013 06:20:58
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะครับ   หายไวๆ

ขอบคุณครับ :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 23-02-2013 06:58:07
อ่านสิงห์ทีไรเป็นได้เสียน้ำตาทุกที ตอนที่สิงห์ยืนร้องเพลงจันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า แถมยังยอมไปนอนข้างล่างเพื่อให้น้องได้นอนสบาย ๆ จ้อยใจร้ายเกินไปแล้ว ต้องสิงห์ตายก่อนใช่มั้ยถึงจะยอมยกโทษให้ #อินจัด *น้ำตาไหล*
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 23-02-2013 07:52:32
บอกกงๆ นะ ว่าเริ่มรำคาญจ้อยมาก


สำหรับจ้อย ไม่ว่าใคร คนไหนจะดี จริงใจ ต่อตัวจ้อยเท่าไหร่ ถ้า คนเหล่านั้น ทำผิด หรือ ผิด ในสายตาจ้อย ความดี ความหวังดีจริงใจเหล่านั้น ไม่มีมีค่าอะไรเลย จ้อยจะมองคนเหล่าันั้นเปลี่ยนไปทันที

สิงห์ก็ตายๆไปซะเถอะ จะไปได้จบๆไปบางอย่างยื้อไปก็ไม่มีประโยชน์

ส่วนคุณเล็กอย่านะ  :sad4: เรื่องพี่สิงห์ ยังไม่เคลียร์ มาม่าจะมาอีกคู่แล้วเหรอ ต้มน้ำไม่ทันแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 23-02-2013 08:15:52
เอาเล้ย แม่ดอกไม้จะทำร้ายคนไหนอื่น ก็ตามใจเลย งานถนัดแล้วนิ ชริ !!!
แล้วเมื่อไหร่พ่อสิงห์กับพ่อจ้อยจะดีขึ้นหล่ะ เห็นมีแต่ทรงๆ กับ ทรุดๆ
นี่ก็จะหันไปเล่นพ่อเล็กกับอาจารย์อีกคู่แล้ว  ยังมีคู่ไหนอีกที่แม่ดอกไม้ยังไม่ได้จัดการ
ก็จัดหนักมาพร้อมๆกันเลยทีเดียวก็ดีนะ คนอ่านจะได้ช้ำทีเดียว ช้ำบ่อยๆ ใจมันรับไม่ค่อยไหว

555  รักนะถึงล้อเล่น  แต่อย่าจัดหนักพ่อสิงห์ให้มันเยอะนัก แม่ยกพ่อสิงห์ไม่ปลื้ม
แล้วพอไม่ปลื้ม เราก็จะไปบึ้มบ้านแม่ดอกไม้ เอาง่ายๆ 555

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 23-02-2013 08:33:14
อยากให้ดีขึ้นทั้งคู่อ่ะค่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 23-02-2013 09:01:06
สิงห์ ตัดใจสะดีไหมมมมม
ส่วนจ้อยย ไปอยู่คนเดียวเถอะ ถ้าอะไรๆๆมันก็ไม่เป็นที่ชอบของคุณ  :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 23-02-2013 10:24:44
ครูกะชายเล็กหวานไม่เกรงใจคนใกล้เคียงเลยนะ แบ่งๆความหวานให้สิงห์กะจ้อยบ้าง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 23-02-2013 11:11:26
จ้อยร้ายยยย o8
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 23-02-2013 11:34:35
คุณดอกไม้นี่ชอบแกล้งอ่ะ

ขอดีขึ้นทั้งคู่ไม่ได้หรอ????? ทำให้ต้องกลับกันล่ะ เศร้าที่สุด!!!!!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 23-02-2013 11:56:41
เห็นใจสิทห์มันนะ
จ้อยมันก็ใจแข็งมากๆ
ตอนนี้จ้อยไม่ชอบอาจารย์คนึงกับคุณชายเล็กไปอีกด้วย

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 23-02-2013 12:21:40
คงจะต้องใช้กำลังแสงอาทิตย์ในระยะประชิดแล้วล่ะ ถึงจะละลายภูเขาน้ำแข็งก้อนมหึมาในใจจ้อยได้

คู่ของคุณชายน่ารักมากๆ แต่อาจจะมีดราม่าแล้ว ก็ดีค่ะ พันกันยุ่งเหยิงให้มากๆ 555 คนอ่านเป็นมาโซคิส
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 23-02-2013 13:03:48
จะได้เห็นคู่สิงห์-จ้อยหวาน กันบ้างแล้ว :m4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 23-02-2013 13:22:19
โอ๊ย ใจจะขาดรอนๆตามพี่สิงห์ โดนรังเกียจปานนี้ :impress3:
จ้อยเองก็ดูเหมือนจะดีขึ้นแล้ว ได้เด็กๆเป็นยาใจ
แต่ยังเกลียดกลัวสิงห์อยู่มาก แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นไม่สงสารคนป่วยเลยนะ
แถมยังไม่เจอช็อตเด็ด ทำเอาสับสนไปหมด
พวกสง่านี่ก็นิสัยไม่ค่อยดีนะ :m16:
เรื่องของอาจารย์กับคุณเล็กไม่เป็นความลับเสียแล้ว
ดราม่าของคู่นี้จะกำลังมา หวานชื่นได้ไม่เท่าไหร่เล้ย

บวกๆ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-02-2013 14:59:51
คุณชายเลอมานน่ารักมาก สดใสสุด ๆ แต่ก็เหมือนแก้วที่บอบบางถ้ามีอะไรมากระทบจะน่ากลัวมาก
อาจารย์คนึงปลื้มลูกศิษย์สุด ๆ ขำคนเมาเรื้อนอ่ะ จะไปกอดจูบเค้า ดีนะเป็นสิงห์ เป็นคนอื่นก็อันตรายอีก
ห่างตาไม่ได้เลยคนนี้ จ้อยเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นซะแล้ว ผ่าง!!!!!!!!!!!

ตอนสิงห์ร้องเพลงเหมือนพวกเด็กน่าสงสารอีกแล้ว ได้แต่แอบมองเค้าไกล ๆ ไปนอนห่าง ๆ
มองห่าง ๆ เฮ้อ ทำตัวเองนี่เนอะ รอฟ้าดินให้อภัยละกัน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 23-02-2013 16:04:51
โอยยยยยยย หม้อเก่ายังไม่อีดเลยนะมาม่า
ต้องเตรียมต้มน้ำรอมาม่าใหม่อีกแล้ว ม่ายยยยยยยย
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
แต่ยังไงก็จะรอนะคะ  :เฮ้อ:

ขอบคุณ คุณดอกไม้สำหรับนิยายสนุกค่ะ จะรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 23-02-2013 16:19:34
จ้อยเจอแจคพอตพอดีเลย โถ่ กร๊ากกก สองคนนี้เค้าก็หวานกันจริงๆ  :m25:

จ้อยจ้ะเห็นแก่ความหลังครั้งเก่าให้อภัยพี่สิงห์ สงสารรรรรร
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 23-02-2013 17:59:22
อะ,,,น้องจ้อยเจอช็อตเด็ดจนได้
จ้อยยังคงคอนเซปใจร้ายได้อย่างดีเยี่ยม แต่ก็ยังแอบมีนึกถึงเหุตการณ์ตอนเด็กๆ
ปล.คู่ครูคนึงจะต้มมาม่าแล้วเหรอนี่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 23-02-2013 20:12:16
ตามสบายเลยคะ
ขอให้ตาคนึงกะคุณชาย แย่ๆๆๆๆๆๆ แย่มากๆๆๆๆๆ
 555++

แม่ยกพี่สิงห์น้องจ้อยเต็มตัวคะ งานนี้
อ้างถึง
ขอไปปั่นงานก่อนเดี๋ยวกลับมาดราม่าคุณชาย/จารย์คนึงต่อเน้อ  
คำผิดคะ
ต้อง ขอไปปั่นงานก่อนเดี๋ยวกลับมาดราม่าพี่สิงห์กะน้องจ้อยต่อเน้อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: annie ที่ 23-02-2013 22:47:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 24-02-2013 02:07:08
สงสารสิงห์ คงจะเสียใจน่าดูที่เห็นจ้อยเป็นแบบนั้น แต่จ้อยใจร้ายไปไหม ถึงแม้สิงห์จะทำให้จ้อยเจ็บ แต่การกระทำของจ้อยไร้น้ำใจเกินไปไหมนั่น แล้วยังเรื่องคนึงเล็กอีก ทั้ง ๆ ที่สองคนนั้นดีกับจ้อยแท้ ๆ จ้อยยังคิดแบบนั้นได้ลงคอนะ ไม่รู้จะว่ายังไงดีเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 24-02-2013 17:13:35
สงสารพี่สิงห์จุงงง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 24-02-2013 17:15:44
อ่านแล้วอินกะตัวละครจ้อยจังเลยครับ  o13 ถ้าไม่ติดว่ามียายอยู่ จะเชียร์ให้จ้อยหนีไปอยู่ที่อื่นไกลๆเลย ๕๕ อินจัด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ลู่เคอOlive♥ ที่ 24-02-2013 23:22:49
จ้อยไม่ใจอ่อนสักนิดเลย สุดยอดจริงๆ
มาม่ารสใหม่กำลังจะมาสินะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: pie_handsome ที่ 25-02-2013 09:20:53
"ถ้าพี่สิงห์น้องจ้อยค่อยๆ ดีขึ้น จารย์คนึงกับคุณชายจะค่อยๆแย่ลงนะคะ"
โหดมากครับพี่ดอกไม้ แต่ยังไงก็จะอ่านง่ะ 5 5 5 5 5
ปล.สนุกมากครับ ชอบเรื่องนี้ที่สุด อินที่สุด น่ารักที่สุด รักที่สุด... ที่สุด ที่สุด 5 5 5 5 5
มาอัพไวๆ น้าคร้าบ ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 25-02-2013 10:15:59
สงสารพี่สิงส์เนอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 25-02-2013 12:33:23
จ้อยกลายเป็นไม่ชอบคุณชายกะอาจารย์ไปเลยแฮะ
สงสารสิงห์จัง จ้อยใจแข็งมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: banazjj ที่ 25-02-2013 13:06:15
สงสารพี่สิงห์จริงๆ จ้อยเอ้ยยยยยยยสงสารมันบ้างงงงงง  :o12:
ท่าทางต่อไปๆ คุณชายกับอาจารย์นะดราม่า :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 25-02-2013 15:54:24
การกระทำที่ขาดการยั้งคิด นำมาซึ่งความสูญเสีย เสียทั้งใจ และเสียทั้งความรู้สึก
แต่เวลาจะมาเยียวยาให้ทุกแย่งนั้นดีขึ้น หากแต่จ้อยสิงห์เปิดใจและยอมรับความจริง
ความทุกข์ทรมานที่สุดของความรัก คือการไม่สมหวังในรัก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: moomew ที่ 25-02-2013 20:11:18
ยืดดดดดดดดดดดดดดดดดง่าส

เมื่อไหร่จะสมหวังเสียที
เนื้อเรื่องเริ่มแรก ดีมาก
คุณชายเป็นคนดำเนินเรื่องทั้งหมด

กลางๆ ชักอึดด ยืดไปมา อยากให้เข้าใจกันเร็วววจุงเบยคับบบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 25-02-2013 21:10:02
ไม่น่าเลยจ้อย มาเจอคุณชายกะอาจารย์กำลังฟิชเชอริ่งกัน เหนื่อยใจแทนจิงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 26-02-2013 06:36:46
ชะอุ๊ยว้าย ฉากอัศจรรย์ที่จ้อยไปเห็นเข้า จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนมั้ย?
จากที่จ้อยขาวเป็นขาว ดำเป็นดำ อยู่แล้ว... จะยิ่งคัดดำทิ้งออกไปจากสารบบเลยมั้ย? น่ากลัวนะ o22
ไอ้สิงห์ แกเน่าหนักแน่อ่ะ ถ้าเป็นงั้น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 26-02-2013 14:34:44
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 26-02-2013 14:37:22
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: iiam ที่ 26-02-2013 20:17:10
โธ่ จ้อย  T T

พี่สิงห์ ฮือออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 27-02-2013 01:22:40
ปวดใจมากพี่สิงห์เจ้าคะ เมื่อไหร่จ้อยจะเข้าใจซะที

มาม่าพี่สิงห์ยังไม่หาย เหมือนลางมาม่าคุณชายจะมาอีกระลอกละ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: mink2538 ที่ 27-02-2013 09:40:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 27-02-2013 10:07:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 27-02-2013 10:22:12
เรื่องนี้เพื่อนแนะนำให้อ่านค่ะ
อ่านแล้วบอกได้สองคำ เสพติด
ยิ่งอ่านยิ่งเครียดยิ่งปวดตับ อะไรมันจะขนาดนั้น แต่ก็เข้าในเรื่องราวในช่วงเวลานั้นนะคะ
ตัวละคร สำหรับจ้อยที่ถูกกระทำ จากเด็กน้อยใสซื่อ บริสุทธิ์ ไม่แปลกที่มองโลกในแง่ร้าย
มันเป็นพัฒนาการของตัวละครนะเราว่า
คู่อาจารย์คนึง กะ เลอมาน อย่ามาม่ามากนะคะ เราหัวใจอ่อนแอ (โหย แค่ที่ผ่านมาก็น่าจะรู้แล้วว่ามันจะมาม่าขนาดไหน
เตรียมเจ็บจิตได้)
แค่อ่านเมื่อคืน ก็แบบเจ็บอก จนแอบนอนไม่หลับ มันอินอ่า
เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: saylmya ที่ 27-02-2013 15:12:00
งานเริ่มจะเข้าคู่หวานอีกล่ะ  :laugh:

สงสารอิพี่สิงห์จัง เมื่อไหร่น้องจ้อยจะใจอ่อนซักนิดนะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 28-02-2013 08:50:50
 :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: benz-sirilada ที่ 05-03-2013 12:29:27
รอพี่สิงห์และน้องจ้อยอยู่น่ะค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: sanein ที่ 28-03-2013 23:15:30
คิดถึงจุงเบยยยย :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 28-03-2013 23:55:18
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: finn~luv ที่ 29-03-2013 22:53:11
โอยยย พี่จี้ ยิ่งอ่านยิ่งอึดอัดมากเลย ทุกคู่เลยนะคะเนี่ย
อย่างที่เคยพูดไปว่า คู่ของคุณครูกับคุณชาย คุณชายเล็กสูงเกินไป สูงจริงๆนะ
แต่ดันมารักกับครูคนึงที่นอกจากจะต่ำศักดิ์กว่าแล้วยังเป็นผู้ชายอีก เชื่อว่ายังไงเดี๋ยวต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆๆๆ
แล้วนี่ก็รู้สึกว่าเค้าลางเริ่มมาซะแล้วสิ  :o12: :o12:
ยังไม่พร้อมดราม่าาาา แงงงงง
ขนาดอ่านตอนนี้ที่รักกันอยู่ ยังไม่รู้สึกหวิวหวานตามเลยนะ
มันให้ความรู้สึกหวาดกลัวหวาดระแวงอะไรทำนองนั้น ว่าปัญหาจะมาเมื่อไร ไม่สบายใจตลอดเลย

ส่วนอีกคู่ บอกได้คำเดียวว่าสงสารสิงห์จับใจค่ะ  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: iiam ที่ 14-04-2013 22:05:15
คิดถึงพี่สิงห์น้องจ้อยจังค่ะ  TT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 14-04-2013 22:44:25
คิดถึง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 28-04-2013 20:22:27
ยู้ฮู...งานแปลหนักเกินไปหรือเปล่าคะนี่  :laugh: รีบๆ กลับมานะคะ แฟนรออยู่ค่า.
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 28-04-2013 20:34:02
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: verdaslyful ที่ 13-05-2013 15:07:05
 :z3: :z3: ไม่น่าเลยยยยยยยย


ยังไม่อยากเจอมาม่าชามโตตต


ตอนนี้  :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 18-05-2013 21:55:28
คุณชายเล็กเป็นอย่างไรบ้างน้อ...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 24-05-2013 10:54:42
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: verdaslyful ที่ 25-05-2013 12:01:47
 :call: :call: ได้โปรด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ruins ที่ 27-05-2013 00:40:33
รอคุณดอกไม้มาต่อไวๆ
อย่ามาช้าน่ะไม่งั้นจะลักพาตัว
แมวที่บ้านคุณดอกไม้มาให้หมดเลย
อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: benz-sirilada ที่ 29-05-2013 16:05:36
ยังรอคุณดอกไม้อยู่นะค้าฟฟฟฟ
ได้โปรดดดดดดดดดดดด มาต่อเถอะครับ
 :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 30-05-2013 20:28:34
ผมยังรออยู่นะครับ  :katai5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Ali$a฿eth ที่ 31-05-2013 00:59:43
เพิ่งเคยเข้ามา .......อ่านรวดเดียวจน(เกือบ)จบในสองวัน

เพื่อนเคยส่งลิ๊งมาให้อ่าน แต่อ่านแต่แรกจบ บอกเพื่อนว่ามันไม่มายด์ ไม่ใช่ 'เป๊ก เลยปิดไป


แต่ด้วยเหตุอะไร เปิดไปเจอ อยู่ๆก็กดอ่าน แล้วก็เริ่มอ่านใหม่ ไปช้าๆ (บทไหนมีมมาม่าพรีเรียดจะช้าเป็นพิเศษจะบ่อน้ำตาแตกตามเสมอ :hao5:)

ขอกลืนน้ำลายตัวเองเลย ที่บอกว่าไม่ใช่แนว เรื่องแบบนี้ต่างหากที่ชอบยมากๆ เนื้อเรื่องสนุกมาก

ชอบคำ ภาษา และสำนวนแบบนี้ มันดูอ่อนหวาน มองเห็นภาพชัดเจน และให้อารมณ์ร่วมในขณะอ่าน

รู้สึกคิดผิดจริงๆที่ตอนนั้นไม่ได้ลองอ่าน เลยมาเจอนิยายดีๆแบบนี้ช้าไป  :hao5: (แต่น่าจะทันอยู่นะคะ  :mew2:)


ตัวละคร แต่ละตัวมีนิสัยที่ต่าง เกิดจากเหตุและผลที่หล่อหลอมออกมา ให้เป็นเช่นนั้น

อ่านถึงตอนนี้ก็ชื่นใจกับคุณเล้กกับครูคนึง ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาแล้ว(แต่อนาคนอีกเรื่อง :hao3:)

คู่ของจ้อยกับสิงห์ อันนี้พรีมาม่ามาก อ่านแล้ว บทจะสงสารจ้อย ก็สงสาร แต่บทพ่อสิงห์จะน่าสงสาร ก็เอียงใจไปสงสาร

แต่น้องโดนทำร้ายด้วยคำพูด และการกระทำ (โดยไม่ยั้งคิดของพ่อสิงห์) คนๆหนึ่งโดนข่มขืน ไอ้ครั้นจะให้อภัยกันเลยก็๋....




ก็ง่ายไป   เลยมารอดูว่า พ่อสิงห์จะปรับปรุงตัวทำอะไรให้มันดีขึ้น กับครูจ้อยจะยอมเปิดใจอีกซักครั้งใหม่


รอตอนต่อไป รอพรีเรียดมาม่าคะ  :hao6:


กด+ กดเป็ด  กดกำลังใจส่งไปให้คะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: หนูนก รัชนก ที่ 31-05-2013 07:00:04
มาต่อ นะเค่อ

นกรออ่านค่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 31-05-2013 23:39:50
คิดถึงแล้วว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 13-06-2013 21:52:20

พึ่งเข้ามาอ่าน...สนุกมาก ๆ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 14-06-2013 10:10:01
ตามมาจากห้องแนะนำนิยาย ไม่ผิดหวังเลยค่ะ รออ่านอยู่คะ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 14-06-2013 22:51:03
คิดถึงครูจ้อยอ้ะพี่ดอกไม้ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: verdaslyful ที่ 14-06-2013 22:52:12
 :z2: :z2: รอฉันๆรอเธออยู่แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: benz-sirilada ที่ 15-06-2013 12:01:19
 :call:   :call:   :call:   :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๔ : วาสนากระต่าย (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒๓ ก.พ. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 17-06-2013 20:46:10
โอ้ว่าจะครบสี่เดือนแล้วเธอจ๋า  มาร้างราหนีหน้าไม่หาสู่
ประชาชีมานั่งเฝ้า คอยค๊อยคอยจ้อยสิงห์ครู จู้ฮุกกรู วอนวู้ฮู้ อัพเถิดเอย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (แวะมาส่งข่าวคราวจ้า^^) [๒๒ มิ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 23-06-2013 00:05:21
สวัสดีค่ะคนอ่านที่รัก^^

ดอกไม้หายหัวไปน้านนานเนอะ แหะๆ
วันนี้สบโอกาสเลยเข้ามารายงานสถานการณ์ดองเค็ม
ตอนนี้เรื่องสั้นที่เขียนให้กลุ่มเฮอร์มิทเปิดจองแล้วจ้า ส่วนต้นฉบับเหลืออีกนิดเดียวก็เรียบร้อย
จวนจะได้เวลากลับไปเขียนมหาหงส์ต่อละเน้อ
 
ขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะ และขอบคุณมากๆ เลยที่ยังไม่ลืมกัน^_^

(http://img10.picoodle.com/i56m/wattanan/0_368_ucmz8.jpg)


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (แวะมาส่งข่าวคราวจ้า^^) [๒๒ มิ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 23-06-2013 03:20:47
จ้า

รอได้เสมอ    จ้า   
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (แวะมาส่งข่าวคราวจ้า^^) [๒๒ มิ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 23-06-2013 04:16:48
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (แวะมาส่งข่าวคราวจ้า^^) [๒๒ มิ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 23-06-2013 04:25:06
ยังคอย ยังคอย ยังคอยเธออยู่ ทุกลมหายใจ หลายเดือนเฝ้าคอยยังทนอยู่ไหว
รับปากกันหน่อยอย่าปล่อยละเมอ เฝ้าเพ้อรักใคร่
อย่าปล่อยให้ถึงละเมอกอดหมอน... //ตอบด้วยเพลงยังคอย - ชรินทร์ นันทนาคร ต่อด้วย
ไม่ลืม ไม่ลืม ไม่เลือน ชั่วเดือนและปี...ขอเพียงแต่เธอ อย่าเผลอลืมก่อน
ส่วนฉันแน่นอน ไม่เคยจะลืม ยังจำรสหวานนั้นซึมซ่านใจ
ไม่เคยแหนงหน่ายเปลี่ยนใจหลงลืม... //ลืมไม่ลง - สุรพล สมบัติเจริญ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (แวะมาส่งข่าวคราวจ้า^^) [๒๒ มิ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 23-06-2013 04:51:41
 :pig4: ที่แวะมาแจ้งข่าวนะค่ะ ลงชื่อรอด้วยคน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (แวะมาส่งข่าวคราวจ้า^^) [๒๒ มิ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 23-06-2013 08:23:19
ครูกับชายเล็ก สิงห์กะจ้อย จะกลับมาแล้ว ดีใจๆๆ คะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (แวะมาส่งข่าวคราวจ้า^^) [๒๒ มิ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nnA ที่ 01-07-2013 15:37:25
 :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (แวะมาส่งข่าวคราวจ้า^^) [๒๒ มิ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nnA ที่ 02-07-2013 20:03:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (แวะมาส่งข่าวคราวจ้า^^) [๒๒ มิ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 22-07-2013 08:27:55
อ่านรวดเดียวตามทันแล้วค่ะ

นิยายเรื่องนี้เลอค่ามากๆเลย อ่านแล้วรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเหมือนดูละครย้อนยุคเลยค่ะ
คิดถึงคุณชายเล็กกับอ.คนึงนะคะ อยากรู้ใจจะขาดแล้วค่ะการมาของท่านพ่อจะทำให้ความรักที่หวานชื่นของทั้งคู่เปลี่ยนไปหรือไม่ อย่างไร และจ้อยจะรังเกียจคุณชายกับอาจารย์หรือไม่ด้วย
และก็จ้อยกับสิงห์ด้วย เมื่อไหร่สิงห์จะกล้าตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้องและเปิดเผยความหวังดีความรักให้น้องจ้อยรู้แบบดีๆกับเค้าเนี่ย
(แต่พอเข้าใจได้ค่ะว่าตัวละครคือคนสมัยก่อน) หลังๆมานี่คนอ่านรู้สึกว่าน้องจ้อยเป็นนายเอกหลักไปแล้วไม่รู้ทำไม 55เพราะสงสารน้องเค้ามากด้วยมั้งคะ
จะติดตามต่อไปค่ะ ขอบคุณคุณดอกไม้นะคะทีี่สร้างสรรค์นิยายดีๆเรื่องนี้ออกมา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (แวะมาส่งข่าวคราวจ้า^^) [๒๒ มิ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 28-07-2013 16:08:38
รออยู่ค้าบ :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (แวะมาส่งข่าวคราวจ้า^^) [๒๒ มิ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 14-08-2013 17:35:43
คิดถึงจังค่ะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ (แวะมาส่งข่าวคราวจ้า^^) [๒๒ มิ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: verdaslyful ที่ 31-08-2013 16:23:49
 :call: :call: คิดถึงจังกลับมาที ~~~~~~~~
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 31-08-2013 23:57:56
(http://img15.picoodle.com/i58v/chihiro/0_8da_u90ve.jpg)

บทที่ ๒๕

ศักดินากับยาจก



ช่องว่างระหว่างเราห่างกันเหลือเกิน
ไม่มีสะพานไหนจะทอดเดินถึงได้
ถึงเธอไม่คิดรังเกียจแต่เกียรติเธอสูงเกินใจ
ความรักความใคร่ไม่อาจร่วมฝัน*


   
เฮลิคอปเตอร์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าคันนั้น  ค่อยๆ ไต่ระดับลงช้าๆ ทีละนิด  ใบพัดหมุนวนก่อลมแรงประหนึ่งพายุกำลังจะมา  ฝุ่นดินเศษหญ้าปลิวว่อน  ณ สนามหญ้าหน้าโรงเรียนซึ่งถูกดัดแปลงเป็นลานจอดชั่วคราว  คณาจารย์และเหล่านักเรียนนับสิบที่พื้นเบื้องล่างต่างป้องหน้าหยีตามองอย่างตื่นตาราวกับไม่เคยพบเห็น
 
แมลงปอเหล็กยักษ์ค่อยๆ ร่อนลงแตะพื้นดิน  ลมแรงขึ้นตามใบพัดที่ยังหมุนส่งเสียงคำรามหึ่ง  คณะต้อนรับที่ยืนเรียงเป็นระเบียบถึงกับเสียขบวนไปชั่วขณะ  จ้อยรับหน้าที่เป็นตัวแทนนักเรียนครูประคองพานพวงมาลัยไว้มั่นต้านแรงลม   
   
ลมแรง.. พัดพาหัวใจคนึงไหวระส่าย  เสียงเครื่องยนต์กระหึ่ม  หรือจะสู้เสียงก้อนเนื้อในอกซ้ายที่เต้นรัวเร็วด้วยแรงกดดัน  ในเครื่องแบบข้าราชการครูสีกากี  เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมเต็มหน้าผาก  อาจารย์หนุ่มเคยพบปะเสวนากับ ‘เจ้าขุนมูลนาย’ มาหลายหน  แต่ไม่เคยมีครั้งไหนทำเขาตื่นเต้นเท่าครั้งนี้
   
สัมผัสอบอุ่นแตะแผ่วเบาที่มือกร้าน  ร่างสูงใหญ่ชะงัก  หันมองข้างกาย  ดวงตาสีน้ำตาลใสของคนรักมองมาอย่างห่วงใย  บทสนทนาเมื่อคืนวาบเข้ามาในความทรงจำ

[“อาจารย์ตื่นเต้นหรือเปล่า” เลอมานถามแผ่ว  คนึงยกมือที่ก่ายหน้าผากลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มที่เกยอยู่บนอกกว้างแผ่วเบา
   
“อืม..” ด้วยความซื่อตรงจากใจ  พรุ่งนี้.. เขาจะได้พบบิดาผู้สูงศักดิ์ของคนรักเป็นครั้งแรก  ไม่ตื่นเต้นอย่างไรไหว “ท่านพ่อของเล็กดุไหม”
   
“ดุครับ” คำตอบทันควันนั้นทำเอาคนฟังครางโอย  ใจฝ่อจนต้องซบหน้าลงกับหมอน  เดือดร้อนเลอมานต้องตามไปงัดขึ้น มือขาวบอบบางประคองใบหน้าเขาไว้ “อาจารย์ไม่ต้องกลัว  ถึงท่านจะดุ  ก็ใช่ว่าจะดุอย่างไม่มีเหตุผล” คำปลอบโยนทำให้คลายความเครียดลงเพียงนิด
   
คุณชายยิ้มอ่อนหวาน  จูบเบาๆ ที่คางสาก  นี่ต่างหากที่ปัดเป่าความกังวลปลิวหาย
   
“เมื่อก่อนเล็กกลัวท่านพ่อที่สุดในชีวิต  แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” เสียงเล็กฉอเลาะ  ซบหน้าลงกับอกกว้าง  เกลี่ยปลายนิ้วแผ่วเบาบนกล้ามอกตึงแน่น
   
“หืม” เขาผงกศีรษะขึ้นมอง “แล้วเล็กกลัวอะไรที่สุด”
   
วงหน้าอ่อนเยาว์เงยขึ้น  ในดวงตาที่งดงามกว่าดาวฉายเปล่งประกายเรืองรอง
   
“กลัวอาจารย์ไม่รัก”]


มือใหญ่กุมมือน้อยกระชับแน่น  ดั่งจะย้ำเตือน 
   
เราตกลงกันไว้.. ความรู้สึกใดที่มีต่อกัน  เราจะลั่นดาลมันไว้ในห้วงหัวใจ  กักขังจองจำ  ไม่ปล่อยให้เล็ดรอดออกไปให้ใครสังเกตเห็น  วันนี้.. เราจะแสดงตนเป็นเพียงอาจารย์และศิษย์ที่ผูกพันห่วงใย  จะไม่มีทีท่าใดเกินเลยไปกว่านั้น  หนึ่งวัน.. จนกว่าท่านชายอาทิตย์และหม่อมดาราจะเสด็จกลับ 
   
เฮลิคอปเตอร์จอดนิ่ง  เครื่องดับสนิท  ประตูเลื่อนเปิดออก  อาจารย์ศิษย์คลายมือออกจากกันทันใด
   
ไม่มีใครสังเกตเห็น  เพราะทุกสายตาจับจ้องสุภาพบุรุษและสตรีที่ก้าวลงมาอย่างสง่างาม  มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่ายิ่งยศศักดินาผิดสามัญชนทั่วไป 
   
ทั้งชาวตลาดและชาวทุ่งยืนออกันอยู่ตามร่มไม้  บ้างหลบตามแนวทางเดินอาคารเรียน  เสียงลือเสียงเล่าอ้างบอกกันปากต่อปากว่า ‘เจ้า’ จะเสด็จมา  จึงพร้อมใจกันแห่มาหมายจะชื่นชมบารมีเป็นบุญตาสักครั้ง  แถมยังได้เห็น ‘ฮอ’ ของจริง  ไม่ใช่เพียงภาพเคลื่อนไหวบนจอผ้าใบหนังขายยา
   
อาจารย์ใหญ่ค้อมบังคมรับเสด็จหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัช  บุรุษวัยกลางคนร่างสูงใหญ่มาในเสื้อโปโลกางเกงสแล็คสีน้ำตาล  ดูลำลองเรียบง่าย  แต่ราศีก็ยังจับในทุกท่วงท่า  ริมฝีปากใต้แนวหนวดเข้มยิ้มกว้าง  แตะไหล่อาจารย์ใหญ่อย่างเป็นกันเอง  บ่งบอกถึงความสนิทสนม  จ้อยค้อมตัวลงยื่นพานรองพวงมาลัยแด่หม่อมดารา  สตรีสูงวัยผมสีดอกเลาแต่ท่าทางยังแข็งแรงและงามสง่า  หลังตรงไม่งองุ้มเช่นหญิงชราทั่วไป  ใบหน้าที่มีริ้วรอยตามวัยเรียบนิ่งอย่างไว้ตัวอยู่ในที  มีชายหนุ่มตัวสูงท่าทางภูมิฐานติดตามมาด้วยอีกคน  ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย  คนึงคาดเดาด้วยสายตา  น่าจะเป็นเลขาอัครราชทูต  ‘พี่ชานนท์’ ของคุณชายเล็ก 
   
หม่อมราชวงศ์เลอมานบังคมท่านพ่อและหม่อมย่า  ทันทีที่เห็นหน้าหลานรัก  ‘ตัว’ ที่หญิงผู้มากศักดิ์ ‘ถือ’ ไว้พลันมลายสิ้น  มือเหี่ยวย่นดึงร่างเด็กหนุ่มไปกอดแน่น  ลูบหน้าลูบตา  หยาดน้ำคลอในดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่  กระทั่งหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชต้องกระแอมเตือน  อาจารย์คนึงได้แต่มองภาพคนรักในวงล้อมครอบครัวในระยะที่ห่างออกมา  เฉกเช่น คนนอก 
   
อาจารย์ปรีชาผายมือเชื้อเชิญคณะผู้มาเยือน  นำทางไปยังเรือนรับรอง  นอกจากเหล่าอาจารย์  มีแต่นักเรียนมารยาทดีเด่นอย่างจ้อยที่ได้รับมอบหมายให้ถวายการรับใช้ใกล้ชิด  ส่วนพวกลิงทโมนอย่างสง่าและสันติได้แต่ชะเง้อมองคอยืดอยู่ในกลุ่มนักเรียนครูที่มารอรับ’เด็จ 
   
“นั่นเรอะพ่อชายเล็ก” สง่าพึมพำ  ตายังจ้องอยู่ที่กลุ่มราชนิกูลไม่วางตา 
   
“อืม” สันติขยับแว่นชะเง้อมองทางเดียวกัน
   
นักเรียนครูตัวแสบกลืนน้ำลายเอื๊อก  คุณพระคุณเจ้า  คนลูกนั่งเรือเมล์มา  แต่คนพ่อ.. ‘เด็จจากฟ้าลงมาสู่ดินยังกะอินทรีทองเชียวเหวย “แล้ว..ผู้หญิงล่ะ..หน้าคุ้นๆ ชอบกล”
   
“หม่อมย่าคุณชายเล็ก” สันติตอบหน่ายๆ  ถ้าสง่าจะเงยหน้าจากนิตยสารมวยขึ้นมาอ่านคอลัมน์สังคมในหนังสือพิมพ์บ้าง  คำถามนี้คงไม่หลุดจากปาก “ชายากรมหลวงบูรพพิบูลย์ศักดิ์”
   
“ห๊า! อดีตผบ.กรมทหารอากาศน่ะเรอะ!” สง่าตาเหลือกเท่าไข่  เสียงดังจนใครต่อใครหันมอง  ต้องรีบหดคอกระซิบกระซาบแทบไม่ทัน “ปะ..เป็นปู่ชายเล็ก..เอ๊ย..คุณชายเล็กเรอะ”
   
นายสี่ตาพยักหน้าหงึก  ดันแว่นขึ้นสันจมูกท่าทางทรงภูมิ  ส่วนอีกคนน่ะหรือ.. หน้างี้ซีดเอาๆ
   
อันหม่อมราชวงศ์นั้นมีหลายประเภท  ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ ๒๙ ปีก่อน  ระบบศักดินาก็เลือนรางไป  ตระกูลขุนนางหลายตระกูลมีเพียงนามสกุลไว้ประดับบารมี  แต่เนื้อในกลวงโบ๋  ไม่ได้มั่งคั่งมั่งมีเหมือนแต่ก่อน  บางตระกูลขายสมบัติเก่ากินไปวันๆ 
   
สง่ารู้.. หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์ไม่ได้จัดอยู่จำพวกนั้นหรอก  แค่รู้ว่าเป็นบุตรชายท่านทูตก็รู้แล้วว่าเจ้าเด็กหนุ่มเชื้อฝรั่งคนนี้เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติเพียงใด ยิ่งวันนี้.. เมื่อได้รู้เทือกเถาที่ ‘คุณชายเล็ก’ สืบเชื้อสาย  จึงได้หูตาสว่างขึ้นมาเหมือนถูกไฟสปอตไลท์ส่อง
   
เด็กหนุ่มที่มีพ่อ.. เอ๊ย..ท่านพ่อเป็นอัครราชทูต  มีปู่.. เอ๊ย.. เด็จปู่เป็นอดีตแม่ทัพ  วาสนาบารมีจะมากมายก่ายกองสักปานไหน  ปีกหางแบบใดที่พร้อมจะกางออกปกป้อง
   
เทียบกันกับลูกตาสีตาสาอย่างเขาแล้ว..
   
ตายละวาไอ้หง่าเอ๋ย..
   
“นี่สันติ..” นักเรียนตัวดีเหงื่อตกขมับ  ยืนตัวลีบยังกะกลัว ‘เจ้า’ จะเห็นชนักที่ติดหลัง “แกว่า.. คุณชายเล็กเขาจะฟ้องท่านพ่อเรื่องที่เราเคยแกล้งเขาให้เดินแก้ผ้ากลับโรงเรียนไหมวะ”
   
“ไม่ม้าง  เพื่อนกันน่า”
   
“เพื่อนกะผีสิ” สง่าว้ากเพ้ย “ลูกหลานเจ้าที่ไหนจะลดตัวลงมาเป็นเพื่อนเรา”
   
สันติมุ่นคิ้วยุ่ง  มองไปทางกลุ่ม ‘เจ้า’ ที่เดินไปไกลลิบ  อดคิดตามไม่ได้จริงๆ..
   
******************************
   
เรือนไม้ของอาจารย์ปรีชาก็ถูกดัดแปลงเป็นเรือนรับรองแขกชั่วคราว  ท่านชายอาทิตย์ทอดเนตรผ้าแพรเพลาะสีสดใสที่ผูกโยงกับราวบันไดแล้วอดแย้มสรวลไม่ได้  มือใหญ่ตบบ่าสหายเก่าผู้เป็นเจ้าของบ้านอย่างหยอกล้ออยู่ในที
อาจารย์ปรีชาไม่ว่าอะไร  แต่ใจอดคิดไม่ได้
   
จะไม่ให้เอิกเกริกอย่างไรไหว  กิตติศัพท์ความเจ้ายศเจ้าอย่างของหม่อมดาราเลื่องลือกันทั่วพระนคร  หากลำพังท่านชายผู้สมถะเรียบง่ายเสด็จมาพระองค์เดียว  เหล่าคณาจารย์คงไม่ต้องเตรียมการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติขนาดนี้
   
“พอดีมาธุระที่กรุงเทพ  ไหนๆ ก็มาเมืองไทยแล้วเลยแวะมาเยี่ยมอาสาสมัครเสียหน่อย” หม่อมเจ้าอาทิตย์บุ้ยบ้ายไปทางบุตรชายที่ถูกหม่อมย่าลูบหน้าลูบหลังอยู่นั่น “บอกแล้วว่ามาอย่างไม่เป็นทางการ  ไม่เห็นต้องเอิกเกริกเลย”
อาจารย์ใหญ่แย้มยิ้ม  จะไม่ให้เอิกเกริกอย่างไรไหว  เล่นเสด็จมาทางฮอ  ไก่หลับอยู่ในเล้ายังต้องผงกหัวขึ้นมองเทียวนั่น 
   
เรือนไม้ที่แสนเรียบง่ายวันนี้ผิดตาไป  ไม่เสียแรงที่เกณฑ์พวกนักเรียนครูมาช่วยกันตกแต่งคนละไม้ละมือ  โถงกว้างที่เคยโล่งโจ้งบัดนี้มีชุดเก้าอี้ไม้สักสลักลายเครือเถาที่ลงทุนไปหยิบยืมจากกำนันเสริม  กรุ่นกลิ่นดอกไม้สดกำจายจากระย้าทรงเครื่องกลางเพดานห้อง  ตาข่ายหน้าช้างที่แขวนไว้ตามหน้าต่างไหวเอื่อยตามแรงลม  งานดอกไม้พวกนี้ก็ได้จ้อยนี่แหละเป็นโต้โผในการจัดทำ  เกณฑ์พรรคพวกมานั่งร้อยนั่งเย็บกันจนดึกดื่น  ทุกอย่างที่เตรียมไว้ล้วนได้ผลดี  ดูจากสีหน้าพึงพอใจเปี่ยมล้นของหม่อมดารา 
   
เลอมานเห็นการตกแต่งแล้วอมยิ้ม  แต่ไหนแต่ไรมาเรือนอาจารย์ใหญ่เคยมีเก้าอี้เสียที่ไหน  เพราะคนไทยเคยชินกับการนั่งพื้นเป็นกิจวัตร  ทีตอนเขามา  จะกินข้าวหรือจะนั่งคุยยังต้องพับเพียบกับพื้นจนปวดตาตุ่ม 
   
แต่ดีแล้ว.. ที่วันนี้มีโต๊ะเก้าอี้ให้  ท่านพ่อน่ะไม่เท่าไร  แต่หม่อมย่านี่สิ 
   
นอกจากพวงดอกไม้ห้อยระย้าที่จ้อยเป็นคนร้อย  เลอมานยังไม่เห็นผู้เป็นย่าชื่นชมสิ่งใด  ตั้งแต่ลงจากฮอ  ริมฝีปากเคลือบสีลิปสติกฝรั่งยังพร่ำโอดครวญร้อยจบไม่เบื่อ
   
“ผอมลงหรือเปล่าลูก” มือเหี่ยวย่นจับตัวเขาหมุนหน้าหมุนหลัง  ผู้เป็นหลานได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ   
   
ชุดเก้าอี้นั้นมีสามชิ้น  สั้นสองยาวหนึ่ง  สิริรวมแล้วก็นั่งได้สี่คนละ  ผู้เป็นแขกกับเจ้าบ้านนั้นต้องนั่งอยู่แล้วเป็นมั่นแม่น 
   
วิถีชีวิตแบบไทยที่คลุกคลีมากว่าครึ่งปีขัดเกลาเลอมานจนซึมซับมารยาทและความอ่อนน้อมไว้ในหัวใจอันเคยแข็งกระด้าง  จากที่เคยนึกจะนั่งตรงไหนก็นั่ง  นึกจะยืนตรงไหนก็ยืน  ไม่สนว่าจะค้ำหัวใครหรือไม่  บัดนี้เกิดสามัญสำนึก.. เขาเป็นผู้น้อย.. ควรนั่งกับพื้นจะเหมาะสมกว่า 

เด็กหนุ่มจึงกระอักกระอ่วนใจไม่น้อยเมื่อหม่อมย่าจับเขาให้นั่งเก้าอี้ตัวยาวเดียวกันด้วยมือที่แน่นหนึบเป็นตุ๊กแก 

“ดูสิ คล้ำลงด้วย” หม่อมย่าครวญเสียงละห้อย  เลอมานมองแขนตัวเองแล้วอยากหัวเราะ  นี่เรียกว่า ‘คล้ำ’ แล้ว?  ถ้าเห็นสง่าหรืออย่าง..นายสิงห์ลูกชายกำนัน  หม่อมย่าจะไม่ร้องว่า ‘ไปคลุกกองถ่านที่ไหนมา’ เลยหรือ?
   
ร่างเล็กบางในเครื่องแบบนักเรียนครูเดินเข่าเข้ามา  ในมือประคองถาดใส่แก้วน้ำเอาไว้  คุณชายมองอย่างอดทึ่งไม่ได้  จ้อยทำได้อย่างไร  ถ้าเป็นเขาละก็.. แค่สองก้าว  แก้วกับถาดคงกระเด็นไปคนละทางแล้ว
   
มือขาวราวหยวกกล้วยวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะทีละใบด้วยกิริยาเรียบร้อยน่าจับตา  หม่อมเจ้าอาทิตย์ทอดเนตรอย่างชื่นชม   
   
ในขณะที่คุณชายกระอักกระอ่วนไม่น้อย  เขานั่งชูคออยู่บนเก้าอี้  มี ‘เพื่อนรัก’ คลานเข่ามาเสิร์ฟน้ำให้ 
เพื่อนรัก.. ที่เย็นชาเฉยเมยใส่เขามาร่วมอาทิตย์แล้ว  ตั้งแต่กลับจากไปฉายหนังที่โรงเรียนบางบาล
เลอมานพยายามคิดว่าเขาไปทำอะไรให้จ้อยไม่พอใจ  แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก
   
“จ้อยเป็นนักเรียนดีเด่นของเรากระหม่อม” อาจารย์ปรีชาแนะนำ “ผลการเรียนก็ดี มารยาทก็ดี”
   
“กิริยาท่าทางเข้าท่า” ท่านชายทอดเนตรหนุ่มน้อยตรงหน้าด้วยความเอ็นดู 
   
“หามิได้กระหม่อม” จ้อยทูลนอบน้อมพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน  ผู้มากวัยกว่ายิ่งพึงใจนัก  นี่คือดอกผลอันงอกงามของต้นไม้นามว่า ‘การศึกษา’ ที่พระองค์มีส่วนทะนุบำรุง  เงินที่ถวายให้โรงเรียนเพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กเรียนดีและด้อยโอกาสเป็นดั่งปุ๋ย  ไม่เสียแรงเปล่าเลยจริงๆ
   
“ดอกไม้ที่แขวนอยู่นี่จ้อยก็เป็นคนร้อยนะครับ” หม่อมราชวงศ์เลอมานชี้ชวนให้ดูพวงระย้ากลางห้อง  หมายจะเอาใจเพื่อนผู้หมางเมิน  แต่กระนั้น.. รอยยิ้มบนปากเรื่อที่เมื่อกี้ยังมอบให้ท่านพ่ออยู่เลย  กลับหุบลงทันทีที่เขาเอ่ยถึง
   
“เก่งจริงพ่อคุณ” หม่อมดาราแหงนหน้ามองกลางห้อง “ฝีมืออย่างกับชาววัง” ท่านชมจากใจจริง  มิได้มีเจตนากระทบชิ่งใคร  แต่เล่นเอาชาววังตัวจริงอย่างเลอมานหน้าม้าน  คนอะไรแค่จับดอกไม้ก็ช้ำ  ขนาดเมื่อคืน  เขาพยายามมาช่วยจ้อยร้อยดอกไม้  ทิ่มๆ แทงๆ ไปได้สองดอก  เข็มแหลมก็ตำนิ้วเข้าให้
   
‘ไปนอนเถอะครับ’ จ้อยว่าไม่มองหน้า ‘ยิ่งช่วยก็ยิ่งช้า’
   
คำว่า ‘ตัวถ่วง’ แปะหน้าหรา  เลอมานเดินคอตกพาหัวใจซึมเซาไปให้อาจารย์คนึงปลอบ  โชคดีที่ยังมีอาจารย์  มีอ้อมแขนอบอุ่นไว้รอท่าเสมอที่ห้องน้อยห้องนั้น 
   
คนอะไร  คิดถึงปุ๊บก็มาปั๊บ   
   
ความรู้สึกอึดอัดที่ต้องนั่งบนที่สูงกว่าเช่นนี้  กับจ้อยยังไม่เท่าไร  แต่พอร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งพ้นกรอบประตูเข้ามาเท่านั้น 
   
เก้าอี้เต็มเสียแล้ว.. อาจารย์คนึงจะนั่งตรงไหนได้..
   
ดวงตาสีเข้มมองมาปลาบเดียว  และแล้ว.. ผู้ชายตัวโตในชุดสีกากีก็ย่อตัวลงนั่งบนพื้นตรงหน้า.. แทบเท้า..
   
มีหรือเลอมานจะยอม! 
   
เด็กหนุ่มสูงศักดิ์สลัดมือหม่อมย่าที่เฝ้ากุมอยู่ทีเดียวหลุด  ก่อนปราดไปนั่งพับเพียบแต้เคียงข้างอาจารย์หนุ่ม  ท่วงท่าเหมือนนกจิ้งโครงโผลงเกาะกิ่ง  กระโดกกระเดกหาใดเทียบไม่มี
   
หม่อมย่าดูไม่ค่อยโปรด  หากท่านชายแย้มสรวลพึงพระทัยยิ่ง  โอรสจอมเย่อหยิ่งรู้มารยาทขึ้นเยอะ  จากที่เคยไม่เห็นหัวเหล่ามาสเซอร์ในคอลเลจ  บัดนี้กลับนั่งลงเอี้ยมเฟี้ยมเคียงข้างอาจารย์หนุ่ม  พับเพียบเรียบร้อยไม่ขัดตา
   
ใครเล่าจะรู้ ในอกเลอมาน  ไหนเลยจะปล่อยดวงใจวางไว้แทบเท้าได้ 
   
อาจารย์ปรีชาแนะนำคนึงแก่ผู้มาเยือน  ว่านี่แหละคืออาจารย์ผู้ดูแลและเพื่อนร่วมห้องของหม่อมราชวงศ์เลอมาน  ท่านชายตรัสชมว่าหน่วยก้านเข้าที  หม่อมย่าก็ว่าหน้าตาหล่อเหลา  อาจารย์หนุ่มตอบชัดเจนฉาดฉานทุกถ้อยคำ  ใช้ราชาศัพท์ได้ไม่ผิดเพี้ยน  เล่นเอาคุณชายอมยิ้มภูมิใจในตัวคนรักล้นอก  อย่างน้อย.. สร้างความประทับใจแรกพบได้ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง 
   
ไม่ทันถึง ๕ นาที  คุณชายชักจะเมื่อย  วาดขาสลับข้างพับเพียบด้วยกิริยาเหมือนลิงล้างก้นอวดท่านพ่อไปหนึ่งคำรบ 
   
อาจารย์ปรีชามองตามแล้วหัวเราะ “ฝรั่งน่ะ  บางทีเราก็ไม่ค่อยเข้าใจเขา”
   
“หืม อาจารย์หมายความว่ายังไงรึ”
   
“ดูอย่างคุณชายเล็กนี่สิกระหม่อม  เดินช้าๆ เป็นเสียเมื่อไร  เธอต้องวิ่งขึ้นวิ่งลง  เดินจ้ำพรวดๆ คนไทยดูแล้วไม่เข้าใจ  ว่าจะรีบไปไหน” อาจารย์ตัวอ้วนกลืนคำว่า ‘ไล่วัวไล่ควาย’ ลงคอดังเอื๊อก “เวลาคุณชายวิ่งลงกระได  ถ้าหัวทิ่มลงมาจะไม่มีใครแปลกใจเลย”
   
ท่านพ่อสรวลลั่น  ดูแล้ว.. อาจารย์ใหญ่กับท่านพ่อคงรู้จักกันดีในระดับหนึ่งแน่  วงสนทนาจึงครึกครื้นเช่นนี้  เลอมานรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกไปเสี้ยวหนึ่ง 
   
ดวงตาคู่ใสเหลือบมองคนรักข้างกาย  ฝ่ายนั้นเก็บอาการได้ดีเยี่ยม  เสี้ยวหน้าคมสันเรียบเฉย  ไม่แม้แต่จะปรายตามองเขาสักนิด  หากพอเลอมานแตะมือใหญ่ที่เท้าแขนอยู่ข้างตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ  จึงได้รู้ว่ามืออาจารย์เย็นเฉียบ
   
คุณชายเปลี่ยนข้างพับเพียบ  เท้ามือลงข้างมืออาจารย์บ้าง 
เพียงปลายก้อยสัมผัสกัน  หม่อมย่าหรือท่านพ่อคงไม่ทันสังเกตเห็นหรอกกระมัง?
   
เจ้าบ้านและแขกโอภาปราศรัยกันไป  จ้อยแวบลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมจัดสำรับอาหารเที่ยง  ผ่านอาจารย์ประพนธ์ที่กำลังเสวนากับเลขาของหม่อมเจ้าอาทิตย์ที่แคร่ไม้รวกตีนบันได  นี่ละ.. พี่ชานนท์ที่คุณชายเล็กพูดถึงบ่อยๆ  ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่  หน้าตาจัดว่าหล่อเหลาเอาการ  เขาหันมายิ้มให้จ้อย  แววตาอ่อนโยนเป็นประกาย  จ้อยยกมุมปากยิ้มตามมารยาทกลับไปให้
   
ผู้ชายคนนี้มีอะไรบางอย่างคล้ายอาจารย์คนึง
   
หรือผู้ชายลักษณะนี้จะเป็น ‘สเปค’ ของคุณชายเล็ก  หึ.. แค่นึกถึง  จ้อยก็ขมวดคิ้วไม่รู้ตัว  นึกชังขึ้นมาเสียเฉยๆ  ไม่อยากเสวนา  ไม่อยากแม้จะเห็นหน้า  อดละอายใจแทนไม่ได้  เสียทีเป็นถึงลูกท่านหลานเธอ  แล้วดูสิดู  วันนี้ต้องมานั่งตีหน้าซื่อต่อหน้าผู้ให้กำเนิด  นี่ถ้าท่านพ่อของหม่อมราชวงศ์เลอมานรู้ว่าลูกชายลักลอบได้เสียกับผู้ชายด้วยกัน  คงอยากผู้คอตายวันละสามหนเป็นแน่
   
ตั้งแต่กลับจากบางบาล  ทันทีที่ทราบว่าหม่อมเจ้าอาทิตย์จะเสด็จมา  อาจารย์คนึงก็เกณฑ์นักเรียนบางส่วนให้มาช่วยทำความสะอาด จัดเตรียมสถานที่ ทำริ้ว ทำผ้าตกแต่ง ซึ่งแน่นอนว่ามีจ้อยอยู่ในนั้นด้วย  ยิ่งก่อนวันเสด็จต้องเตรียมอาหาร  จ้อยเลยไม่ได้ไปเหยียบบ้านกำนันมาร่วมอาทิตย์แล้ว
   
ขี้ข้าจะหายหัวไปนานอย่างนี้  คุณนายพูนทรัพย์โวยวายแน่ละ  อาจารย์คนึงเลยตัดปัญหาด้วยการไปขออนุญาตด้วยตนเอง  แล้วกลับมาเล่าให้จ้อยฟังว่าทีแรกคุณนายก็ตะบึงตะบอน  แต่พอเห็นหนังสือรับรองลงลายเซ็นอาจารย์ใหญ่ระบุนามหม่อมเจ้าเอกอัครราชทูต  คุณนายก็หุบปากกริบ 
   
จ้อยไม่ได้ถามถึงคนอื่น  แต่รู้อยู่แก่ใจ  ขาดจ้อยไปคน  ลุงกำนันคงขาดลูกมือช่วยคัดลอกเอกสาร  น้าแป้นคงทำกับข้าวคนเดียวหัวหมุน  น้าเวกคงเหนื่อยหนักกว่าเก่า  และแม่หนูน้ำฝนคงคิดถึงจ้อยน่าดู  ส่วนอีกคนที่เหลือ..
   
ไอ้สิงห์..
   
มันจะเป็นตายร้ายดียังไง  แผลที่หัวจะเน่ากลัดหนองไปแล้วก็ช่าง  จ้อยไม่สนหรอก  จ้อยไม่แยแสมันสักนิด 
   
สองสามวันหลังจากกลับจากบางบาล  ทุกเช้าตอนเข้าแถว  สง่ามาสะกิดจ้อย  บอกว่าเห็นมันมาเกาะรั้วโรงเรียนชะเง้อมองหา  จ้อยยังไม่แม้แต่จะหันไปมอง
   
ใครจะหาว่าใจร้ายก็เชิญ  ความใจดีของจ้อย  ทำร้ายจ้อยมามากพอแล้ว 
   
จ้อยคนเดิมตายไปแล้ว  จ้อยฝังไว้ในกระท่อมระยำนั่น  ขุดหลุมลึกก่อนเอาดินฝังกลบ  เอาหัวใจโง่เขลาเสียบไม้ปักประจานไว้แทนป้ายชื่อ 
   
ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้  จ้อยจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายจ้อยอีก

******************************

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 01-09-2013 00:05:30
ท้ายเรือนอาจารย์ใหญ่มีระเบียงกว้างขวาง  ลมพัดโชยเอื่อยเสียดใบมะม่วงเป็นทำนองไหวระริก  พวงปลาตะเพียนใบลานแหวกว่ายตามมุมชายคา  วงสนทนาได้ย้ายมาที่นี่ 
   
ชุดโต๊ะรับประทานอาหารไม้สักแกะสลักลายป่าหิมพานต์ที่ตั้งอยู่กลางชานนั้นไม่ค่อยเข้ากันกับพื้นไม้กระดานเก่าเท่าไร  แต่ได้สายดอกรักร้อยโยงสลับด้วยอุบะดอกจำปาส่งกลิ่นหอมอวลตกแต่งตามแนวกันสาด  ระเบียงดาษๆ ที่อาจารย์ใหญ่เอาไว้นั่งแปะกินข้าวกับพื้นหรือไม่ก็ก๊งเหล้ากับเหล่าอาจารย์น้อยก็ดูเลอค่าขึ้นมาในบัดดล 
   
คนึงได้รับเกียรติให้ร่วมโต๊ะเสวย  นอกจากอาจารย์ปรีชาและเลขาท่านทูตแล้ว  ที่นั่งร่วมโต๊ะกันอยู่นี้ล้วนสายเลือดศักดินาทั้งสิ้น  ทั้งหม่อมเจ้าอาทิตย์ที่ประทับหัวโต๊ะ  หม่อมดาราที่นั่งฝั่งตรงข้ามประจันหน้าเขา  และหม่อมราชวงศ์เลอมานที่นั่งอยู่เคียงข้างกันนี้ 
   
คุณชายองอาจผึ่งผาย  ท่าทีกริยางามจับตา  หลังไหล่ผึ่งผาย  จะจับแก้วจับช้อนก็ดูเข้าทีไปเสียสิ้น  ราวกับคนละคนกับเจ้าหนุ่มน้อยที่นั่งสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ตีนท่าเมื่อวันก่อนลิบลับ
   
เพชร.. ก็ควรอยู่บนยอดเรือน  ใครเล่าเอามาวางกับเปือกตม
   
โชคดีที่สำรับเป็นกับข้าวชาวกรุงเก่าทั้งสิ้น  จ้อยทยอยลำเลียงมาเสิร์ฟให้  ทั้งแกงส้มปลาช่อน  น้ำพริกกุ้งแกล้มปลาย่าง  เคียงผักพื้นบ้านอย่างผักบุ้ง ดอกโสน ดอกแค  ต้มกะทิสายบัว  ไก่บ้านรวนน้ำปลา  มียำตะไคร้ไว้เอาใจหม่อมดารา  ขืนเป็นอาหารฝรั่ง  มีมีดส้อมช้อนเรียงรายเป็นตับ  เห็นทีเขาต้องปล่อยไก่กลางโต๊ะอาหารแน่ 
   
แรกเริ่มหัวข้อสนทนาก็เป็นเรื่องทั่วไป  โรงเรียน  นักเรียน  หลักสูตรการสอน  เรื่องภารกิจของคุณชายเล็กที่ได้ทำมาในช่วงเวลาครึ่งปีที่อยู่ที่นี่ 
   
อาจารย์หนุ่มไม่เข้าใจว่าประเด็นพูดคุยมาตกอยู่ที่ตัวเขา อาจารย์บ้านนอกธรรมดาๆ คนหนึ่งได้อย่างไร
   
“อาจารย์คนึงต้องมาดูแลชายเล็ก  คงเหนื่อยน่าดูสินะ” ท่านชายตรัสถามพลางแย้มพระโอษฐ์  แววตาเปี่ยมด้วยปรานี  หากคนถูกถามกลืนน้ำลายลงคอฝืดฝืน
   
เหนื่อยกว่าดูแลนักเรียนทั้งโรงเรียนอีกกระหม่อม..
   
“ไม่เลยกระหม่อม  ชายเล็กเป็นเด็กดี  ตั้งใจสอน ตั้งใจเรียนรู้” สิ่งที่อยู่ในใจก็ยังคงลั่นดาลอยู่ในนั้นมิดชิด   

เหนื่อยกายน่ะไม่เท่าไร  แต่เหนื่อยใจนั้นหนักหนานัก 
เขาไม่อาจปฏิเสธ  ว่าระหว่างวันคืนแสนชื่นมื่น  หากเมื่ออยู่คนเดียวคราใด  อดหนักเหนื่อยใจกับความสัมพันธ์ซ่อนเร้นนี้ไม่ได้ 
ดั่งเรือใบไม้เริงระริกในสายธารา  ไม่รู้เลยว่าจะถูกชะตากรรมซัดพาไปจบลงที่ใด 
   
“ดื้อนักก็ลงไม้เรียวสักที  ฉันอนุญาต” เอกอัครราชทูตตรัสพลางสรวลก้อง  ทว่าในหัวอกคนฟัง  ความละอายอดสูก่อตัวขึ้นเงียบเชียบใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง  อย่าว่าแต่ลงไม้  ลง ‘อย่างอื่น’ ก็เคยมาแล้ว  หากทรงทราบเข้า  จะยังยิ้มหัวเราะให้เขาแบบนี้ได้อยู่ไหม 
   
อาจารย์หนุ่มเหลือบมองคนรักข้างกาย  หม่อมราชวงศ์เลอมานตักไก่รวนบริการหม่อมย่า  วงหน้าเปื้อนยิ้มละไม 
   
“อาจารย์คนึงจบครูมาจากไหนรึ” ท่านชายตรัสถาม
   
“โรงเรียนฝึกหัดครูพระนครกระหม่อม” หลักสูตร ๓ ปี ฝึกสอนอีก ๑ ปีก่อนสอบบรรจุเป็นข้าราชการ  ถูกส่งมาประจำที่นี่  หากคนึงไม่คิดจะต่อความยาว  ภาวนาในใจให้หัวข้อสนทนาอยู่ห่างไกลจากเขาที่สุด 
   
“อ้อ..หลังวังปารุสก์นั่นเอง” คำอธิษฐานเป็นผล  ท่านชายเปลี่ยนประเด็น “สมัยเจ้าเล็กเด็กๆ ก็เคยพาไปที่วัง  ไม่แน่อาจจะเคยเห็นกันก็ได้นะ”
   
ชายหนุ่มรำพึงในใจ  อาจเคยเห็น.. อาจเคยสวนกัน.. ยามครอบครัวบูรพวงศ์นั่งอยู่ในรถบูอิคคันหรู  อาจเคยสวนกับเขาที่เดินอยู่ริมถนน 
   
“พ่อคนึงเป็นคนที่ไหนล่ะ” หนนี้หม่อมดาราถามขึ้นมาบ้าง  คนึงชะงักมือที่ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ  ตอบสุภาพ
   
“บ้านเกิดผมอยู่สิงห์บุรีครับ”
   
“ที่บ้านทำมาหากินอะไร”
   
คำภาวนาของเขาไม่เป็นผลเสียแล้ว “ครอบครัวผมทำนาครับ”
   
“เข้าทีนี่  ลูกชาวนาได้ดิบได้ดีเป็นข้าราชการ  พ่อแม่คงภูมิใจไม่เบา” ถ้อยคำผู้มากวัยดูชื่นชม  ไร้ความเดียดฉันท์สักนิด  แต่เหตุใดส่งผลให้คนฟังแปลบยอกในอก 
   
“แล้วมีพี่น้องกี่คนล่ะ” หม่อมย่าของเลอมานยังตั้งหน้าตั้งตาสอบประวัติ  ท่านชายทรงกระแอมขึ้นเบาๆ  ราวจะทักท้วงผู้เป็นมารดา  หากก็ถูกดวงตาคมกริบตวัดค้อนให้หนึ่งที  เขาจะทำกระไรได้นอกจากตอบไปตามตรง
   
“๖ คนครับ  ผมเป็นพี่คนโต”
   
“ฮะๆ มิน่าล่ะถึงปราบเจ้าเล็กอยู่” หม่อมเจ้าอาทิตย์สรวลขึ้น  เปลี่ยนประเด็นอย่างแนบเนียน “ปกติเคยยอมใครเสียที่ไหน  แล้วดูสิมาเจออีกที  เชื่องเป็นแมว”
   
อาจารย์หนุ่มก้มหน้าซ่อนยิ้ม  แมวนอนหวดน่ะสิไม่ว่า
   
“ผมพนันกับนายแช่มเอาไว้  ว่าคุณชายจะอยู่ได้กี่วัน  นายแช่มว่าอาทิตย์นึง  ผมว่าสามวัน” เลขาหนุ่มเอ่ยขึ้นบ้าง “ฮะๆๆๆ ลงท้ายเลยไม่ได้กินกันทั้งคู่” เรียกเสียงหัวเราะได้ครื้นเครง  มีเพียงคนถูกพาดพิงแหละ  หน้างอง้ำเป็นจวักตักข้าว
   
จนกระทั่ง..
   
หม่อมดาราปรายตามองหลานรัก “เกินครึ่งปีแล้วยังไม่เห็นร้องอยากกลับ  คงไม่ได้ถูกใจลูกสาวบ้านไหนเข้าหรอกนะ”
   
“เปล่านะครับ!” ครูศิษย์ประสานเสียงขึ้นพร้อมเพรียงกัน  ก่อนระลึกได้ว่าทำกริยามิควร  ต่างกระแอมกระไอแก้เก้อ 
   
เอ.. อาหารมื้อนี้ก็ไม่มี ‘ปูน’ เหตุใด ‘ร้อนท้อง’ กันทั้งสองคน
   
“ย่ารู้จ้ะ  ชายเล็กไม่มีทางใฝ่ต่ำอย่างนั้น” ริมฝีปากเคลือบสีสดกรีดยิ้มอ่อนหวาน  หารู้ไม่.. กรีดลงหัวใจคนฟังในคราเดียวกัน 

ใต้ผ้าลูกไม้ขาวคลุมโต๊ะ  มือที่คนึงวางบนตักกำแน่นจนกางเกงยับย่น  หากมีมือขาว นุ่มนวลแตะลงแผ่วเบา  ปลายนิ้วเรียวค่อยๆ แทรกลงกุมกระชับ  อาการเกร็งสะท้านก็คลี่คลาย  ลมหายใจที่ติดขัดค่อยเป็นปกติ 
   
ไม่มีใครรู้  จ้อยยืนรอบริการอยู่ด้านหลังเห็นภาพนั้นเต็มสองตา  แทบเบือนหน้าหนี  ทุเรศลูกตาสิ้นดี  เบื้องหน้าพ่อทำเป็นยิ้มหัว  แต่ลับหลัง.. ใต้โต๊ะ.. แอบกุมมือกันไม่อายฟ้าดิน  ระวังเถิดกรรมจะตามสนองเข้าสักวัน 
   
“เอ้อ พ่อคนึงจ๊ะ” หม่อมดารามองมาด้วยดวงตาที่เจือรอยยิ้ม  ยิ้มที่มากด้วยความเอ็นดู  หวานปานน้ำผึ้ง หากถ้อยวจีถัดไปไม่ต่างอะไรกับยาพิษ “ไม่ทราบว่าได้เงินเดือนกี่มากน้อยรึ”
   
คนึงชะงักเหมือนต้องกระสุน 
   
“หม่อมย่า” หม่อมเจ้าอาทิตย์ปราม  ไม่นึกว่าผู้เป็นมารดาจะกล้าถามในเรื่องที่เสียมารยาทอย่างร้ายกาจเช่นนี้ 
   
“อะไรกันท่านชาย” สตรีผู้สูงศักดิ์หายอมไม่ “ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะ  แค่อยากรู้ว่ารัฐเขาให้ค่าตอบแทนเรือจ้างเท่าไร  อีกอย่างพ่อคนึงก็เป็นคนดูแลชายเล็ก  เผื่อเหลือเผื่อขาดยังไงจะได้ช่วยเหลือเจือจุนกันได้”
   
ทั้งที่ไม่มีคำใดรุนแรง ใยสั่นสะเทือนหัวใจคนฟังแทบพังภินท์  ใต้โต๊ะ.. มือนุ่มนวลบีบมือเขาแน่นเข้า ชายหนุ่มเหลือบมองดอกฟ้าข้างกาย  เห็นสายตาห่วงใยมองมา   
   
ใบหน้าคมสันพยายามฝืนยิ้ม  จำใจบอกตัวเลขที่แม้แต่เลอมานก็ยังไม่รู้
   
“๔๕๐ บาทครับ”
   
“ตายจริง!” หม่อมย่าโอดลั่น  ยกมือประดับแหวนทับทิมล้อมเพชรขึ้นทาบอก “ทำไมมันน้อยอย่างนี้ล่ะพ่อ แล้วพอกินพอใช้รึ”
   
ดวงตาสีเข้มหลุบลง  ริมฝีปากยังเจือยิ้มจาง  เงินเดือนเท่านั้น  หากอาศัยอดออมเอา ก็พอมีเหลือเก็บ หากเขาไม่ได้พูดออกไป  ยอมนิ่งเงียบเป็นผู้รับฟัง 
   
“เงิน ๔๕๐ ชายเล็กใช้วันเดียวก็หมดแล้ว”
   
“หม่อมย่า..” คนถูกพาดพิงท้วงขึ้น 
   
“หม่อมย่าใหญ่ก็พูดเกินไปครับ” เลขาท่านทูตที่อีกฝั่งโต๊ะพยายามแก้สถานการณ์  บุคลิกร่าเริงจริงใจดึงดูดทุกคนให้มองตาม “คุณชายใช้ไม่หมดหรอก  เหลือตั้งสองบาท”
   
“พี่ชานนท์!”
   
บรรยากาศขมวดตึงค่อยคลี่คลาย  แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะ  มีเพียงคนึงเท่านั้นที่หัวเราะไม่ออก
   
“เสียดายฉันไม่มีเส้นสายในกระทรวงศึกษาฯ ไม่อย่างนั้นจะจัดการเรื่องเงินเดือนข้าราชการครูให้” สุภาพสตรีสูงศักดิ์ยังไม่เลิกครวญ “อภิโธ่เอ๋ย.. พ่อพิมพ์ของชาติแท้ๆ  สมัยนี้นายแบงค์เขายังได้กันเป็นพัน”


(จบครึ่งแรกค่ะ)  :กอด1:

ช่วงดอกไม้เม้ามอย  :L2:

เอ่อ..

(หลบตามองพื้น)

คือ..

(เอานิ้วจิ้มกัน)

แบบว่า..  :katai5:

ขอโทษค่ะ ฮืออ.. สงสัยทิ้งช่วงไปนานนนนนน พอกลับมาเขียนอีกทีมันก็เลยเขียนไม่ใคร่จะออก กระซิกๆ
ก็เลยทำให้รอนานอย่างนี้ละค่ะ ขอโทษจริงๆ น๊า (ไหว้สี่ทิศ)
แต่นี่ขัดสนิมที่เกาะมือออกแล้ว งานก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ไม่หัวหกก้นขวิดเหมือนเมื่อช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
ก็หวังว่าจะมาต่ออย่างสม่ำเสมอขึ้นนะคะ ดอกไม้จะพยายามนะ
ขอบคุณคนอ่านทุกท่านค่ะ

รักคนอ่านเสมอ :mew1:

ดอกไม้

ส.ค. ๕๖
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: saylmya ที่ 01-09-2013 00:10:45
 :katai2-1:

ขยี้ตาก่อนกดเข้ามา คิดว่าตาฝาดไป
คิดถึงเรื่องนี้ที่สุด

สาสารอาจารย์มาก T T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: narongyut ที่ 01-09-2013 00:11:28
 :mew6: จ้อยยเอ้ยเมื่อไรใจจ้อยถึงจะมีความสุขบ้าง สงสารจ้อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 01-09-2013 00:15:36
สงสารครูคนึงจัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: มาดามดัน ที่ 01-09-2013 00:16:17
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

มาแว้วววววววรอนานมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: moomew ที่ 01-09-2013 00:18:05
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
แอร๊ยยยยยยยยยยยยส์
มาต่อเสียที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 01-09-2013 00:26:55
แอร๊ย..อ่านจบปุ๊ปได้กลิ่นมาม่าลอยมาเลย
สมชื่อตอนแท้ๆ ศักดินากับยาจก
สงสารอาจารย์คนึงมาก คงรู้สึกต่ำต้อยมากเลยสินะ
แอบเคืองจ้อยอะ มีแช่งชายเล็กกับอาจารย์ด้วย
โป่งจ้อยแล้ว ><"
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 01-09-2013 00:31:00
จ้อยใจร้ายกับสิงห์ไม่พอ ยังใจร้ายกับเลอมานอีก สงสารคนึง คิดถึงสิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Zymphoniz ที่ 01-09-2013 00:40:03
ในที่สุดก็กลับมา  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: MysticMicky ที่ 01-09-2013 00:41:46
เกาะแน่นๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 01-09-2013 00:56:54
แหม ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าหม่อมย่ามีแบ็คกราวด์ชีวิตยังไง และยังไม่รู้เรื่องเหนือใต้

แต่ก็อดหมั่นไส้อยากตบคนแก่มิได้  :laugh:

ส่วนจ้ิอย โบราณแท้ลูก คิดว่าการรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องผิดบาป

ให้เวลาจ้อยสักนิด วันที่หัวใจถูกกระเทาะเปลือกประเพณีออก และมองเห็นว่าความรักแท้จริงปราฏกได้ทุกเพศคงจะมาถึง

(แต่คงนาน เพราะคนเขียนหายบ่อย แอ๊ก!!! โดนถีบ :z6:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 01-09-2013 01:48:26
กรีดร้องด้วยความยินดีค่า welcome back

จ้อยรังเกียจคุณชายกับครูคนึงไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 01-09-2013 07:47:35
คำพูดของหม่อมย่า ฟังแล้วจี๊ดใจอย่างแรง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 01-09-2013 09:24:44
หนูจ้อยยยยย    อะพิโธ่  เข้าใจกันผิดจนคิดแต่เรื่องร้ายๆไปเสียแล้ววว
แต่ก็น่าเป็นห่วงอาจารย์กับม.ร.ว.เลอมานนะ ไม่รู้จะลงเอยอีท่าไหน
หวังว่าอาจารย์คงไม่ถอดใจนะคะ  เข้มแข็งๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 01-09-2013 09:40:52
นับวัน จะรู้สึกไม่ดีกับจ้อยเอาอ่ะ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-09-2013 09:53:21
รอคอยเธอมาแสนนาน.......................ในที่สุดก็ได้อ่านเสียที

จะว่าหม่อมย่าร้ายก็ไม่ได้หรอก ท่านก็พูดไปตามปกตินั่นแหละ
คนมีชะนักปักหลังทำให้อยู่ไม่สุข ไหนจะความต่างศักดิ์ต่างฐานะกันอีก
มองไม่เห็นอนาคตร่วมกันเลย นอกจากรอหม่อมย่าไปสวรรค์ (ไม่ได้แช่งนะ)
ส่วนจ้อยตอนนี้มองโลกในแง่ร้ายไปหมด ตัวเองทุกข์ เลยมองความสุขของคนอื่นเป็นบาป
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: mutoo ที่ 01-09-2013 12:08:58
เกลียดความคิดเลวๆของจ้อยนะ จริงๆ
นิสัยดีๆมันหายไปไหนวะ ความเห็นอกเห็นใจ เข้าอกเข้าใจ
อิเด็กนี่ควรโดนข่มขืนถูกแระ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Ali$a฿eth ที่ 01-09-2013 12:15:39
คำพูดหม่อมช่างจี้แทง แทรกกลาใจครูโดยแท้


จ้อย บอกตัวเองคนเก่าตายไปแล้ว จ้อยจะไม่มีวันให้ใครมาทำร้ายจ้อยอีก

จ้อยลืมไปหรือปล่าวตอนนี้จ้อยทำร้ายคุณเล็กอยู่ในทีเหมือนกัน


จ้อยรับไมไ่ด้เพราะจ้อยเคยโดนทำแบบนั้นหรือเปล่า จ้อยถึงรับไมได้ หึ


รอวันที่จ้อยจะเขาใจคุณเล็กนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 01-09-2013 13:31:31
มาต่อแล้วววววววววววว ดีใจมากๆ เดาเรื่องไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 01-09-2013 13:37:12
T.T มาแล้ววว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 01-09-2013 14:05:38

ใฝ่ต่ำ ???

ประทานโทษนะคะหม่อมย่า---ด้วยความเคารพอย่างสูง
จะผู้ดีตีนแดงหรือไพร่มันก็กิน---ขี้---ปี้---นอน
เป็นมนุษย์ขี้เหม็นเหมือนกันทั้งนั้นล่ะค่ะ
หรือจะเถียงว่าขี้ของผู้ดีมันหอม

ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มาจากไหน
แต่สุดท้ายก็ต้องลงไปนอนในโลงเหมือนกันทั้งนั้นล่ะค่า

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-09-2013 17:55:22
เศร้าเนอะ อ.คนึง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 01-09-2013 19:31:56
จ้อยนี่ยังไงรึ ทำไมเป็นเยี่ยงนี้

อยู่ดีๆก็เกิดไม่ชอบขึ้นมา อะไรกันนนนน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 01-09-2013 20:14:14
สงสารคนรักกันสู้นะ
ส่วนจ้อยเมื่อไหร่ที่รู้จักคำว่ารักก็จะเข้าใจเองแหละ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 01-09-2013 22:02:52
แล้วตัวเองเล่าจ้อยเอ๋ย  เป็นหงส์มาจากที่ใด
ถึงได้เที่ยวรังเกียจคนนั้นคนนี้เขาไปทั่ว
หรือเพราะยายบอกว่าเจ้าเป็นหงส์ที่เกิดจากดินเลยคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสกว่าคนอื่น
เราไม่ปลื้มเจ้านัก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: เมล่อนคอซอง ที่ 02-09-2013 02:22:55
จ้อยนี่เเอบร้ายเงียบรึเปล่าคะ :mew5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 02-09-2013 03:30:44
ตอนนี้สงสารอ.คนึงเป็นอย่างมาก
แต่จ้อยทำตัวได้น่า...เอิ่ม จริงๆ เราสงสารจ้อยนะที่โดนแบบนั้น
แต่พอนึกถึงสิ่งที่จ้อยทำกับสิงห์แล้วเราก็ไม่ชอบเหมือนกัน
ตอนสิงห์ยังพยายามคืนดีด้วย ทำดีด้วยก็ไม่ฟังอะไรเลยด่าทอตลอด
พอจะโดนทำร้ายก็มาเรียกร้องอยากให้เขากลับเป็นเหมือนเมื่อก่อน
ทั้งที่ตัวเองยังไม่ยอมกลับเป็นเหมือนเมื่อก่อนด้วยซ้ำ
แล้วตอนนี้ยิ่งทำตัวแย่ๆ ไปกันใหญ่ เฮ้อ รอวันที่ใจจ้อยจะมีคำว่าอโหสิ และอภัยละกัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 02-09-2013 07:00:03
อึดอัดแทนอาจารย์มากๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 02-09-2013 10:49:57
โอ้ยเจ็บปวดอะ สงสารอาจารย์ หม่อมย่าก็ถามอะไรไม่รู้ จะว่ารู้เรื่องแล้วแกล้งก็คงไม่ใช่อุปสรรค์ใหญ่หลวงจริงๆ

ส่วนจ้อยก็อะไรก็ไม่รู้ไม่น่ารักเลยทำไมทำตัวแบบนี้ ชายเล็กจะเป็นอะไรก็เรื่องของเค้า เค้าก็มีบุญคุณกับตัวจ้อยตั้งหลายอย่าง ไม่น่ามองแบบนั้นเลย แต่ก็คงเป็นเรื่องตอนนั้นด้วยแหละก็เลยมอง กลุ่มรักร่วมเพศไม่ดี แล้วถ้ารู้ว่าอาจารย์กับพี่ชายตัวเองเคยรักกันมาก่อนจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 02-09-2013 14:04:38
โถ น้องจ้อยของพี่ มีบทนิดเดียว อ้ายสิงห์ก้อ มีแค่ถูกอ้่างถึงแค่นั้นเอง
คุณดอกไม้ใจร้าย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 02-09-2013 14:53:20
เอาใจช่วย อาจารย์คนึงกับชายเล็ก นะ

ขอให้ผ่านุปสรรคไปได้ด้วยดี

จ้อย เองก็ควรที่จะเปิดใจยอมรับในสิ่งที่เพื่อนเป็นบ้างนะ ชายเล็ก เองเค้าก็ไม่ได้อยากปิดบังหรอก

พยายามปรับความเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกันนะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 02-09-2013 20:49:00
ดีใจที่เรื่องนี้อัพค่ะ รออยู่ตลอด :กอด1:
คำพูดหม่อมย่านี่ทำให้รำคาญใจบ้างเล็กน้อย
แต่ความรู้สึกของจ้อยนี่สิ ทำเอาสลดใจสะเทือนใจหนักหน่วง
แต่เข้าใจนะ จ้อยเคยโดนผู้ชายลวนลามข่มขืน ความรังเกียจมันรุนแรง :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 02-09-2013 21:35:16
จ้อยนะจ้อย...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 02-09-2013 23:55:26
คุณดอกไม้กลับมาแล้ววววว  :katai2-1: 
ยังไม่ลืมนางฟ้าได้ใช่บ่   พี่รู้มั้ย ฉันมารอพี่ที่เล้าเป็ดทุกวันเลย.....:katai5:
คิดถึงจริงๆ มาจุ๊บสองที (ซ้ายขวา ม๊วบๆ) 
เอ่อ.... เข้าเรื่องๆ  ลุ้นว่าความจะแตกมั้ยนะคู่ครูกะชายเล็ก ส่วนคู่จ้อยนี่ส่งน้ำตาไปแทน ฮือๆ อยากได้หวานๆบ้างแล้วง่ะคู่นี้

รีบๆมาต่อนะคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: josephine ที่ 03-09-2013 06:46:05
คุณดอกไม้  เพิ่งมีโอกาสตัดสินใจเข้ามาอ่าน  สนุกมาก ๆ ถูกใจจริง ๆ
อ่านไป อ่านไป ก็ยิ่งไม่อยากให้จบตอนล่าสุด   สงสารทั้งสิงห์ สงสาร
ทั้งอาจารย์คนึง  คุณดอกไม้เขียนเรื่องอื่น ๆ อีกหรือเปล่า จะได้ตามไป
อ่าน  รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ เฮ้อ  :hao7:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-09-2013 11:08:25
เราว่าเราเข้าใจในแนวนิสัยของจ้อยนะ แต่ก็ยังอดถอนหายใจเบาๆไม่ได้

มุมมองโลกของหนูยังไงมันก็ยังดูใสสะอาดปราศจากกลิ่นคาวอยู่ดี :ling2:

ทุกอย่างต้องถูกต้องอยู่ในทำนองคลองธรรมไปหมด

สงสารครูคนึงกับชายเล็ก อ่านเรื่องนี้แล้วเข้าใจอารมณ์ดอกฟ้ากับหมาวัดเอามากๆ :z3:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nutjisub ที่ 03-09-2013 11:13:52
ดีใจมากที่คนเขียนมาต่อแล้ว ทีแรกคิดว่าคงไม่มาต่อเสียแล้ว ตราบใจที่จ้อยยังไม่มีความสุข มันก็ยังหน่วง ๆๆ อยู่เรื่อย ๆๆ จ้อยเลยกลายเป็น
คนมองโลกในแง่ร้ายไปเลย อยากได้จ้อยคนเดิมคืนมา สงสารสิงห์มาก เมื่อไรสิงห์จะทำตัวให้น่านับถือ กลับเนื้อกลับตัวทำตัวให้ดูน่าคู่ควรกลับจ้อยเสียที
สำหรับคุณชายเล็กกับอาจารย์คนึงเห็นแวว ดราม่า มาแต่ไกล คนสมัยก่อนคงทำใจยากในการรับเรื่องแบบนี้ หวังว่าคงจะเก็บเป็นความลับไว้
ให้ได้นานแสนนาน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 06-09-2013 16:38:21
สงสารอาจารย์คนึง ขยี้กันจังเรื่องความห่างชั้น...ก็รู้ทั้งรู้ กระซิกๆ
พีเรียตแบบนี้ ไม่เคยเห็นจบสวยซักคู่ นี่เราต้องเตรียมเศร้าไว้ก่อนเลยมั้ย โฮๆๆๆๆ
จ้อย เธอไร้หัวใจไปเรียบร้อยแล้วหรือ นี่ก็ไม่เห็นทางเหมือนกัน ว่าจะกลับมาโลกสวยได้อย่างไร
สิงห์ เจ้าซวยแท้ ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน เึค้าถึงจะเข้าใจ เห็นใจ มีใจ ...แงๆๆๆๆ คุณดอกไม้ช่วยด้วยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 06-09-2013 19:17:51
เย่ๆๆ มาต่อแล้ว รออยู่ทุกวันนะครับ เปนกำลังใจให้กับคนเขียน ^^ อยากให้จบแบบดีๆ ไม่อยากให้มีเรื่องที่จะต้องเสียน้ำตาเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 07-09-2013 00:16:15
 :katai1: รออยู่เสมอเลยค้าบบบ ชอบมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: My_Rain ที่ 07-09-2013 01:27:35
นึกว่าตาฝาดไปซะอีกที่เห็นคุณดอกไม้มาอัพ  o18
สงสารคุณครูจังเลยยย น้องจ้อยนี่ก็เป็นไรไปนะะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: verdaslyful ที่ 14-09-2013 21:56:17
 :sad11: :sad11: สงสารครูจังงงงงง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 21-09-2013 00:10:02
มาต่อแล้ว (เพิ่งเห็น)

มองไม่เห็นอนาคตของอาจารย์คนึงกะเล็กเลย :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 22-09-2013 21:37:56
อ่านถึงบทที่ 16 อยู่จ้า แต่อยากคอมเม้นต์มากก ล


เราหลงรักจินดาตั้งแต่ตอนแรกที่อ่าน ชอบจินดามากกก เป็นไรไม่รู้ รู้สึกอยากให้จินดากลับมา


อ่านถึงตอนนี้เราว่าถ้าจะเป็นผีน้ำเอาตัวเลอมานไปจริงๆ คงไม่ใช่จินดาหรอกม๊างงงงง เพราะจินดาของเค้าเป็นคนดี :กอด1:


รู้สึกใจหายตอนที่อ่านถึงตอนที่จินดาจากไป รู้สึกเหมือนคนึงจะแสดงอารมณ์โศกเศร้าไม่เต็มที่ยังไงไม่รู้ :jul3ไม่ิห็นรำพึงรำพันอะไรเล่อะ  อยากถามครูคนึงว่าตอนนี้ยังไว้ทุกข์ให้จินดาอยู่หรือเปล่า บอกเองนะว่าะไว้ให้ครบปี :z2:


รักจินดาเสมอ  :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: mineholic. ที่ 01-10-2013 23:27:33
มาอัพแล้ว :sad4:

สงสารครูกับชายเล็ก :o12:
ไม่ค่อยชอบจ้อยลุคนี้เลยแฮะ..
ใจร้ายกะสิงห์ยังพอว่าแต่มาใจร้ายกะคุณชายนี่... :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: DoubleBass ที่ 23-10-2013 22:10:59
พึ่งอ่านถึงตอน22 อดใจไม่ไหวขอมายืนขึ้นปรบมือรัวให้กับคำสอนน้าเวกมากๆ
กระแทกและบาดจิตสำนึกกันให้ขาดวิ่นจริงๆ ประทับใจค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๓๑ ส.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: มาดามดัน ที่ 23-10-2013 22:15:15
รอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 28-10-2013 02:45:36
บทที่ ๒๕

ศักดินากับยาจก

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


อาจารย์หนุ่มไม่เอ่ยคำใด  นี่คือสัจธรรม  ข้าราชการครูไม่ว่ายุคสมัยใดก็เงินเดือนน้อยเช่นนี้  ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มอ่อนจาง  หากแสงกลเที่เคยฉายฉานในดวงตาเป็นนิจหม่นวูบลง  มือใหญ่รวบช้อนคืนจานและไม่แตะต้องอาหารใดอีกเลย
   
สำรับของคาวถูกทยอยลำเลียงออกไป แทนที่ด้วยสำรับของหวาน น้ำมะตูมร้อนรินมาในถ้วยกาแฟลายน้ำทองรูปนกไม้  ซึ่งแน่นอน.. ยืมมาจากกำนันอีกแหละ
   
“อย่างชายเล็กนี่  เขาสนใจจะเรียนกฎหมาย” หม่อมเจ้าอาทิตย์หันพักตร์มาทางบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน  “ถ้าไม่พามาดัดนิสัยเสียก่อนป่านนี้คงเดินกร่างอยู่ในเคมบริดจ์”
   
ชื่อมหาวิทยาลัยชั้นสูงที่เปล่งจากพระโอษฐ์บั่นทอนหัวใจอาจารย์บ้านนอกจนบิ่นไปหนึ่งเสี้ยว
   
“ท่านพ่อครับ” ราชนิกูลหนุ่มน้อยพูดขึ้น “ชายว่าเป็นครูก็สนุกดี”
   
“หือม์” ผู้เป็นบิดาขมวดขนงมุ่น
   
“เป็นอาจารย์ที่อังกฤษก็เข้าทีดีนะ เรียนจบปริญญาเอกก็ได้เป็นดอกเตอร์ เป็นหม่อมราชวงศ์ดอกเตอร์ โก้ไม่เบา” หม่อมดาราวาดฝันพลางยกถ้วยน้ำมะตูมขึ้นจิบ
   
“ชายอยากเป็นครูที่นี่ค่ะหม่อมย่า”
   
คนึงหันขวับ  มองคนรักอย่างไม่เชื่อสายตา
   
“อะไรนะ!” หม่อมย่าแทบสำลักน้ำมะตูม  ดวงตาคมกริบปราดไปทางอาจารย์หนุ่ม “ตัวอย่างก็มีให้เห็น อยากเป็นอย่างนี้รึไง”
   
“ตอนนี้การศึกษาไทยยังไม่ทั่วถึง  เด็กๆ ยากจนอีกมากที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ” รอยยิ้มอ่อนหวาน หากน้ำเสียงฉาดฉานและตางามคู่นั้นเป็นประกายแน่วแน่นัก “อยู่ที่นี่ชายเห็นมาหมดค่ะหม่อมย่า  เด็กตัวเล็กๆ ต้องออกไปทำนา เลี้ยงควาย  ทั้งที่วัยเท่านี้พวกเขาควรอยู่ในห้องเรียน”
   
ท่านชายอาทิตย์อดมองบุตรชายอย่างทึ่งมิได้  วงหน้าเอี่ยมสำอาง  หากดวงตาแกร่งกล้าหนักแน่นนัก “ไม่เบาๆ”
   
“ได้อย่างไรกัน! ฉันไม่ยอมหรอกนะ!” หม่อมดาราแหวลั่น  ทีท่าจะยาวจนท่านทูตต้องตัดบท
   
“เรื่องของอนาคต อย่าเพิ่งคิดไปไกลเลย”
   
สุภาพสตรีสูงศักดิ์พื้นเสียมิรู้หาย  เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปสิ้น  ไม่เว้นกระทั่งเสียงช้อนกระทบแก้วจากอาจารย์หนุ่มฝั่งตรงข้าม “อย่าคนแก้วดังสิพ่อ  ผู้ดีเขาไม่ทำกัน” 
   
เลอมานมองหน้าเก้อกระดากของคนรักอย่างเห็นใจสุดแสน  คนแก่บางครั้งก็พาลพาโลเป็นเด็กๆ
   
“อาจารย์มือหนักน่ะค่ะ ปกติจับแต่ชอล์คกับไม้เรียว” คุณชายพยายามแก้เกี้ยว  หากหลุดปากออกไปแล้วจึงได้รู้ว่าพลาดมหันต์
   
“ไม้เรียวรึ! ตายจริง!” เสียงโอดแหลมสูง “โตเป็นหนุ่มกันแล้วยังต้องลงไม้กันอีกรึนี่!”
   
“ช่างหม้อตีหม้อไม่หวังฉาน ดั่งอาจารย์ตีศิษย์ให้วิทยานะหม่อมย่า” ผู้เป็นบิดาเสียอีกกลับแย้มโอษฐ์สรวลราวทองไม่รู้ร้อน “โบราณยังว่าไม้เรียวสร้างคน”
   
หม่อมย่าค้อนควักไปหนึ่งที  ก่อนหันมาคาดคั้นกับอาจารย์หนุ่ม “แล้วเคยตีหลานฉันหรือเปล่า!”
   
เลอมานอึกอักพิพักพิพ่วน  ส่วนคนึงขึงหน้าตึงเรียบราวไร้อารมณ์ใด  และแล้วทั้งคู่ก็เปล่งเสียงพร้อมเพรียงกัน
   
“ไม่เคยครับ” / “เคยครับ”
   
สุภาพสตรีสูงศักดิ์หรี่ตามอง  การณ์มันพิกลอยู่  หลานรักปฏิเสธว่าไม่  แต่อาจารย์กลับยืดอกรับเสียอย่างนั้น  ไม่โจทย์ก็จำเลย  ต้องมีฝ่ายหนึ่งมุสาแน่ละ  แต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอ  โจทย์ให้การปกป้องจำเลยเสียอย่างนั้น
   
ดูท่า.. อาจารย์บ้านนอกลูกชาวนาคนนี้  จะมีอิทธิพลกับเลอมานเอาการ

******************************
   
หลังมื้ออาหารอันน่าอึดอัด  อาจารย์หนุ่มลอบถอนใจแผ่วเบา  หมายจะบรรเทาความอัดอั้นในอกลงสักนิด  หากไม่ทันไร  ก็มีเหตุให้หนักอกดังยกภูเขาหลวงประดังเข้ามาอีกระลอก
   
จู่ๆ หม่อมดารา ชายากรมหลวงบูรพพิบูลย์ศักดิ์ ก็เอ่ยปากอยากให้เขาพาเที่ยวชมโรงเรียน.. ตามลำพัง!?
   
คนึงจะทำเช่นไรได้  ได้แต่เพียงรับคำอย่างสุภาพ  ผายมือเชื้อเชิญสตรีผู้มากยศย่างเยื้องดำเนินไป  จากปลายหางตา  ยังเห็นคนรักมองมาอย่างห่วงใยสุดแสน  เยื่อใยที่ถ่ายทอดมายังคงเหนียวแน่น  แต่เหตุใด  เหมือนห่างไกลออกไปทุกที 
   
จะขาดรอนลงวันใด.. หัวใจอาจารย์บ้านนอกจนๆ คนหนึ่งไม่อาจล่วงรู้ได้เลย

ดีที่ต้นมะม่วงใหญ่ใบดกหนาให้ร่มเงาปกคลุมเป็นแนว  หาไม่อาจารย์หนุ่มคงต้องหาร่มมากางให้หม่อมดาราเป็นแม่นมั่น  เขาชี้มือให้ดูแนวร่องผักเขียวขจี  ผลิตผลของชมรมกสิกรรมที่แสนภาคภูมิใจ  ผู้เป็นแขกกลับปรายตามองเพียงนิด  และแล้ว.. คนที่เอ่ยปากว่าอยากให้พาชมโรงเรียน  กลับเป็นฝ่ายเดินนำมาหยุดที่ศาลาท่าน้ำ   
   
ลมเย็นเหนือผิวคลองพัดพากลิ่นชื่นมากระทบหน้า  หากหม่อมดาราคงมีอะไรบางอย่างระอุอยู่ในอก  มือเหี่ยวย่นจึงคว้าพัดไม้จันทน์จากกระเป๋าถือมาโบกพรึ่บพรั่บ  ท้าวเธอปรายตามองม้านั่งไม้อย่างแคลงใจในความสะอาด  ก่อนหันมาทางอาจารย์หนุ่ม  ในดวงตามีคำสั่ง  วินาทีนี้.. เขาพึงรู้หน้าที่ของตน   
   
มือใหญ่ล้วงผ้าเช็ดหน้าสีเข้มจากกระเป๋ากางเกง  ใช้เช็ดที่นั่งหรือ?  แค่เช็ดคงไม่สะอาดพอ  อย่ากระไรเลย  คนึงค่อยๆ คลี่ผ้าผืนบางลงบนผืนไม้  ก่อนผายมือเชื้อเชิญ 
   
อนงค์ผู้ทรงศักดิ์หย่อนตัวนั่งทันทีไม่รีรอ 
   
แล้วเขาเล่า.. จะยืนหัวโด่ค้ำหัวผู้ใหญ่นั้นเสียมารยาทยิ่ง  เขาเม้มริมฝีปากแน่น  ค่อยๆ ทรุดกายลงพับเพียบกับพื้นไม้กระดาน  จะมีที่ใดเหมาะกับผู้ต่ำต้อยมากไปกว่านี้เล่า
   
แม้ชราภาพหากหม่อมดารายังงามสง่าทุกท่วงท่า  ลำตัวตั้งตรง  หน้าเชิด  ดวงตาคมกริบทอดมองน้ำคลองไหลเอื่อย “ฉันอยากถามอะไรสักหน่อย  รบกวนครูตอบฉันมาตามตรง”
   
“ขอรับ” คนึงทำได้เพียงรับคำอย่างอ่อนน้อม
   
“ชายเล็กเธอเป็นลูกชายคนเดียวของท่านชายอาทิตย์” อารัมบทเริ่มขึ้น  ผู้ฟังไหวยอกในอกขึ้นมาอย่างประหลาด พอจะจับทิศทางการสนทนาครั้งนี้ได้เลาๆ “คงจะทราบดี”
   
“ขอรับ”
   
“อยู่ที่นี่มีผู้หญิงมาเกาะแกะหลานฉันบ้างหรือเปล่า” ผู้มากวัยยิงคำถามเข้าเป้า  นั่นปะไร  เขาเดาไว้ไม่มีผิด 
   
“ไม่มีขอรับ”
   
เขามิได้มุสา  ที่นี่.. ไม่มีผู้หญิงมาเกาะแกะหม่อมราชวงศ์เลอมานจริงๆ  จะมีก็เพียง.. เขา.. อาจารย์บ้านนอก  ลูกชายชาวนา  หมาวัดที่ชื่อคนึง วนาสัยคนนี้
   
“แน่ใจนะ” ดวงตาคมกริบหรี่มอง  หากเห็นใบหน้าแน่วแน่แล้วก็ถอนใจพรู “เฮ้อ ได้ยินครูพูดแบบนี้ฉันค่อยเบาใจชายเล็กเธอเป็นผู้สืบสกุลบูรพวงศ์ ท่านชายตั้งความหวังไว้สูง คู่ครองก็ต้องเป็นผู้หญิงที่คู่ควรกัน”
   
อาจารย์หนุ่มอับจนถ้อยคำ  สายตาหลุบต่ำจับจ้องแต่รองเท้าส้นสูงหนังมันปลาบประดับอัญมณีของสตรีผู้สูงศักดิ์  เทียบกับเสื้อสีกากีที่เริ่มซีดจางของตน

ต่ำชาติและปราศนรุปถัม       ภกช้ำอุรายาว
แร้นทรัพยะยับยศ ณ คราว    ทุกขกว้างบ่บางเบา


“ความจริงท่านชายอาทิตย์หาคู่หมายไว้ให้แล้ว  เป็นหม่อมราชวงศ์เหมือนกัน  เป็นกุลสตรีเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและชาติตระกูล  กลับไปอีหรอบเมื่อไรเห็นทีต้องหมั้นหมายกันให้เป็นเรื่องเป็นราว” ถ้อยคำหลากมาดั่งน้ำไหล กัดเซาะตลิ่งหัวใจคนฟังทีละนิด “ฉันก็กลัวแต่ช่วง ๑ ปีที่อยู่ที่นี่ คุณชายจะไปคว้าพวกไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเสียก่อน”

มือใหญ่ที่วางบนตักกำแน่น  ทอดมองท้องน้ำสีน้ำตาลไหลเอื่อยนิ่งงัน

แค้นใจบ่ใส่ชลกะโหลก     บ่ชะโงกจะดูเงา
น้ำหน้ากะลาศิรษเรา         ฤจะหมายตะกายสูง

    
“คุณชายเลอมานเธอเป็นคนมีเสน่ห์ เป็นสุภาพบุรุษอ่อนหวานให้เกียรติผู้หญิง แม่พวกสาวๆ เลยตามฝากรักกันตั้งแต่อีหรอบยันพระนคร สาวๆ น่ะไม่เท่าไร แต่พวกหนุ่มๆ นี่สิ หึ พูดแล้วขนลุก” มือเหี่ยวย่นลูบแขนตน ตีสีหน้าขยะแขยงเต็มประดา “อยู่อีหรอบ ชายเล็กพักโรงเรียนประจำ วันดีคืนดีเกิดมีเรื่องชกต่อยกัน มีรุ่นพี่ผู้ชายมาเกี้ยว คนของเราไม่เล่นด้วยเลยฟาดปากเข้าให้ เป็นเรื่องเป็นราวถึงห้องผู้อำนวยการ ท่านชายปิดโอษฐ์เงียบ ดีนะที่ฉันไปรีดจากนายชานนท์มาได้ ถึงได้รู้เรื่อง”
   
อาจารย์หนุ่มได้แต่ก้มหน้า  ดั่งพร้างัดปากไม่ออก

“นี่ก็โรงเรียนชายล้วนเหมือนกันนี่ หวังว่าคงไม่มีพวกวิปริตผิดเพศแบบนั้นนะ” ท้าวเธอหันมาจ้องหน้า ชนักที่กลางหลังฝังลึกลงยังตำแหน่งหัวใจ
   
“จะว่าไปครูก็เก่งนะ ปกติคุณชายเธอไม่เคยยอมใครจริงๆ แต่ดูจากวันนี้ ท่าทีเธอก็เชื่อฟังครูอยู่เอาการ  ฉันอยากจะฝากครูช่วยดูแลหลานฉันด้วย คอยระแวดระวังให้ที อย่าให้พวกไม่มีสกุลรุนชาติที่ไหนมาเกาะแกะเธอได้” ถ้อยวจีชื่นชมอย่างจริงใจ หากประโยคถัดไป  ยังให้คนฟังแทบกระอัก
   
“ฉันจะให้ค่าจ้างครูเป็นพิเศษ”
   
ฟ่อนธนบัตรสีแดงใหม่เอี่ยมในมือเหี่ยวย่นนั้น  เพียงคะเนด้วยสายตาคร่าวๆ  คนึงก็รู้ว่ามันมากกว่าเงินเดือนทั้งปีของเขาเสียอีก 
   
เงินจำนวนนี้.. คือค่าจ้าง.. ให้เขาทุ่มเทปกป้องหม่อมราชวงศ์เลอมานด้วยใจจงภักดิ์
ปกป้องจากพวก ‘ไม่มีสกุลรุนชาติ’ เช่นเขา..
ชายหนุ่มรู้สึกราวหัวใจรักแห่งตนถูกตีราคา  เทียบเท่าเพียงเศษเงินของศักดินา
เจ็บปานปืนนายต้อง  ตำพักตร์
   
“ผม.. ผมรับไม่ได้ขอรับ” เสียงห้าวสั่นพร่าดั่งมีก้อนแข็งแล่นลามขึ้นจุกอก  มือกำแน่นจนสั่นสะท้าน
   
“อย่าเล่นตัวนักเลยพ่อ” สุ้มเสียงท้าวเธอหงุดหงิด “รับไว้  พ่อจะได้มีเงินส่งไปให้พ่อแม่ที่บ้านนอก  ลำพังเงินเดือนครูจะมีเหลือเก็บสักกี่มากน้อย” มืออันประดับเครื่องเพชรพราววางฟ่อนเงินนั้นไว้กับม้านั่ง  ก่อนลุกขึ้นกรีดกรายจรลีกลับไปยังเรือนอาจารย์ใหญ่  ทิ้งอาจารย์หนุ่มนิ่งงันเบื้อใบ้ไว้ลำพัง

ลมชายคลองพัดมาวูบหนึ่ง  ผ้าเช็ดหน้าไพร่ที่ปูรองให้ประทับขยับพะเวิบก่อนปลิดปลิวลอยคว้าง  ร่อนลงแตะผิวน้ำไหลเอื่อย  หากเงินฟ่อนที่ราชนิกูลวางให้กลับยังอยู่ที่เดิม  คนึงมองด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนหันหลังเดินจากไป  ไม่แตะต้องเงินนั้นแม้ปลายนิ้ว 

คางคกผงกมุขเผยอ    จิตเห่อจะปีนยูง
เป็นหมูจะคู่อศวจูง         จรได้ไฉนนา**


ขายาวๆ พาร่างเลื่อนลอยมาหยุดอยู่แถวเรือนอาจารย์ใหญ่  ที่แคร่ไม้รวกตีนบันได  หม่อมราชวงศ์เลอมานหัวร่อต่อกระซิกกับเลขาท่านทูต  ท่าทีสนิทสนมกันยิ่งนัก 
   
รัศมี ‘ผู้ดี’ เรืองรองหัวจรดเท้า  อ่าอำไพจนคนึงไม่กล้าเฉียดกรายเข้าไปใกล้  เกรงกลิ่นโคลนสาบควายในสายเลือดจะทำให้มันหม่นลง 
   
“โอ้โห กล้องถ่ายรูป!” ดวงตาสุกใสเบิกกว้าง  ก่อนโผเข้ากอดคอคนตัวสูงกว่า “พี่ชานนท์ซื้อให้ชายหรือ”
   
“พี่แค่เป็นคนไปซื้อ” สายตาละมุนละไม  มือใหญ่ขยี้เรือนผมเด็กขี้อ้อนอย่างมันเขี้ยว “ส่วนคนออกเงินน่ะ  ท่านพ่อของชายเล็กนู่น”
   
“ของเยอรมันเสียด้วย  แบบที่ชายอยากได้เลย” แล้วทั้งคู่ก็ศึกษาวิธีใช้กันกระหนุงกระหนิง  แก้มแทบจะชิดแก้มอยู่รอมร่อ 
   
ผู้ลอบมองจากมุมห่างไกลเม้มริมฝีปากแน่น  ต้องผู้ชายอย่างนี้สินะ  จึงจะ ‘มีสกุลรุนชาติ’ คู่ควรกับคุณชายเล็ก 
หากทันใด!  ฟันเฟืองความคิดหยุดกึง!
ผู้ชาย?  คู่ควร?   
มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?!  เขาคิดบ้าอะไรออกไป?
กับผู้ชายที่ศักดิ์ทัดเทียมกันยังเป็นไปไม่ได้  แล้วผู้ชายที่ค่าด้อยเพียงดินเช่นเขาเล่า
   
“อาจารย์!” เลอมานหันมาเห็นเขาเข้า  เสียงใสร้องเรียกพร้อมวิ่งตื๋อเข้ามาหาทันใด  วงหน้าอ่อนเยาว์เริงร่าเหมือนเด็ก  ชูกล้องถ่ายรูปราคาแพงในมือขึ้นอวดอย่างภาคภูมิใจ “อาจารย์ดูสิ  ท่านพ่อซื้อให้เล็กเป็นรางวัล”
   
อาจารย์ยิ้มฝืดฝืน “สวยดี”
   
“เดี๋ยวเล็กจะเอาไปอวดพวกเพื่อนๆ  พวกนั้นต้องชอบแน่” เพื่อนๆ? คงหมายถึงจ้อย สง่าและสันติ “แล้วจะถ่ายรูปให้หมดทุกคนเลย  ถ่ายรูปอาจารย์ด้วย”
   
ดวงตาอ่อนระโหยมองกล้องถ่ายรูปใหม่แกะกล่องในมือขาว  รอยปั๊มนูนเป็นตัวอักษร Leica บนฝาปิดเลนส์  โวคาไนท์สีดำเป็นมันตัดกับโลหะสีเงินวาว  สายคล้องหนังถัก  ราคามันจะสักปานใด  เงินเดือนเขาทั้งปียังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำกระมัง 

******************************

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 28-10-2013 02:55:29
ควันสีเทาลอยอ้อยอิ่งในอากาศ  ท่านชายอาทิตย์คลึงบุหรี่กลีบบัวในมือไปมา  รสชาตินุ่มละมุนยังตรึงปลายลิ้น  หอมกลิ่นดอกปีบอ่อนๆ  บุหรี่ฝรั่งยี่ห้อไหนก็สู้ไม่ได้ 
   
“เมียลื้อยำบุหรี่อร่อยว่ะ” สุรเสียงชื่นชมจากใจ  ก่อนจรดมวนสูดควันเข้าโอษฐ์อีกรอบ  ณ ระเบียงไม้เรือนอาจารย์ใหญ่  เหลือเพียงเจ้าของบ้านกับแขกกิตติมศักดิ์ตามลำพัง
   
“ขอบพระทัยกระหม่อม” ร่างอ้วนท้วนค้อมศีรษะรับ   
   
“ลื้ออย่าดัดจริต” กลักไม้ขีดในหัตถ์บินหวือ  อาจารย์คว้าหมับรับไว้ทันก่อนมันจะกระทบหัว  หัวเราะจนพุงกระเพื่อม “อยู่กันสองคน เรียกกันเหมือนก่อนเถอะว่ะเช้า”
   
น้ำเสียงที่ใช้  นามกรที่ไม่มีใครเรียกบ่อยนัก  บ่งบอกถึงความสนิทชิดเชื้อ
   
“เมียลื้อสวยนะ” ท่านทูตปรายตามองหญิงวัยกลางคนที่ก้มๆ เงยๆ เก็บดอกบานชื่นให้หม่อมย่าเบื้องล่าง  ริมฝีปากพ่นควันเป็นสายยาว 
   
“สวยสู้เมียเจ้าไม่ได้หรอก” อาจารย์ปรีชามีรอยยิ้มเปื้อนหน้าตลอดเวลา  “ดูลูกชายสิยังงามขนาดนี้  แม่เล่าจะงามขนาดไหน”
   
หม่อมเจ้าอาทิตย์แย้มสรวล “ลื้อนี่ยิ่งแก่ยิ่งอ้วน” กำปั้นแข็งตุ๊ยพุงหยุ่นๆ ไปที “ตอนหนุ่มๆ พระเอกยี่เกยังอาย”
   
“สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง” อาจารย์สอนเจ้าเข้าให้ “ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง.. เจ้าเอ๋ย  ทุกอย่างนั่นแหละ”
   
บุรุษสูงศักดิ์มองสหายเก่าเต็มตา  จากหนุ่มน้อยนักเรียนครูสะโอดสะอง  วันเวลาผันผ่านกลายเป็นผู้อำนวยการตัวอ้วน  หากแววตายังแจ่มใสและยังชอบพร่ำสอนเหมือนเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนไม่มีผิดสิน่า
   
ท่านชายกระแอมไอ  ปล่อยให้อดีตลอยผ่านไปกับสายลมโชยพัด 
   
“จริงสิ” ทรงเปลี่ยนหัวข้อสนทนากะทันหัน “ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ยุ่งยาก.. เรื่องชายเล็ก”

“หือ?” ใบหน้าอ้วนอูมย่นคิ้วผูกเป็นโบ 
   
“ตอนแรกบอกว่าชายเล็กจะเดินทางมาวันนั้น  แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มา  เลื่อนกำหนดการออกไปสามวัน  แถมทางอั้วะยังไม่ได้แจ้งล่วงหน้าด้วย” ท่านชายเท้าความไปถึงเมื่อราวครึ่งปีก่อน “ทางนี้เลยส่งคนไปรับเก้อเลยสินะ  ต้องขอโทษด้วยจริงๆ  คนที่ไปรับชายเล็กใช่อาจารย์คนึงหรือเปล่า”
   
“อืม..”
   
“เดี๋ยวอั้วะต้องขอโทษเขาสักหน่อย  ฐานที่เจ้าเล็กทำเสียเรื่อง  ทำป่วยการเมืองไม่ยอมมา  เสียเวลาคนอื่นเขาแท้ๆ”
   
“อาจารย์คนึงไปรับเที่ยวหลัง  เที่ยวแรกน่ะ.. อีกคนนึง” อาจารย์ปรีชาดันแว่นขึ้นสันจมูก  แววตาแจ่มใสหายไป  คงไว้แต่ความจริงจัง “ชื่อจินดา  เป็นอาจารย์ฝึกสอน”
   
“งั้นหรอกรึ” ท่านทูตครางในคอ “เขาอยู่ไหมเล่า  อยากจะขอโทษจริงๆ  เรียกมาพบหน่อยเป็นไร”
   
ร่างอ้วนท้วมขยับตัวอึดอัด “คือ.. จินดาเขา..”
   
“ท่านพ่อ!!” คำตอบถูกขัดด้วยเสียงสดใสเจื้อยแจ้วมาก่อนตัว  ตามด้วยเสียงฝีเท้าวิ่งตึงตังจนเรือนไหว  ผู้เป็นบิดาส่ายพักตร์หน่าย  เลอมานฝืนสำรวมได้ไม่เท่าไร  กริยาแบบฝรั่งที่ติดตัวมาก็เปิดเผยเสียแล้ว 
   
วงหน้าอ่อนใสยิ้มร่า  ถลาเข้ามากอดชนิดทรงตั้งตัวไม่ทัน  “ขอบคุณครับสำหรับของขวัญ  ชายอยากได้มานานแล้ว”
   
อาจารย์หนุ่มเดินติดตามเข้ามาทรุดนั่งลงข้างอาจารย์ใหญ่  ภาพที่เห็นตรงหน้า  หม่อมเจ้าอาทิตย์ดุบุตรชายคนเดียวโทษฐานวิ่งบนเรือน  หากพอเจอรอยยิ้มออดอ้อนเข้าไป  มือใหญ่นั่นก็ยีเรือนผมสีอ่อนด้วยความเอ็นดู  เป็นนายแบบจำเป็นให้หม่อมราชวงศ์เลอมานถ่ายรูปด้วยกล้องใหม่ไปโดยปริยาย 
   
คนึงมองเลอมานเต็มตา จะมีใครรู้ไหม  ในความจองหองไว้ตัวและเอาแต่ใจ  สิ่งมีชีวิตที่อ่อนไหวและเปราะบางว่ายวนอยู่ในดวงตาเย่อหยิ่งคู่นั้น 
   
อีกครั้งแล้วในชีวิต  ที่อาจารย์หนุ่มสับสนวุ่นวายใจอย่างหนัก  เหมือนเจอคลื่นซัดซ้ำซ้อน  ลูกแล้วลูกเล่า  แช่มึนอยู่ในน้ำ  ไม่ใช่ทะเลที่เอาแน่เอานอนไม่ได้  หัวใจตนเองต่างหาก 
   
จะถอยหลัง  หรือจะเดินหน้าต่อ  ในอกยังวกวนว้าวุ่น  เวิ้งฟ้าฟากสมุทรว่ากว้างใหญ่ยังพอหยั่งถึง  แต่ที่ไม่อาจคาดคะเนคือใจตนเองนี่แหละ
   
จะทำฉันใดดีนะอกเอ๋ย 

สองพ่อลูกผู้สูงศักดิ์ถ่ายรูปกันสำราญใจ  เลอมานจูงแขนท่านชายพาไปหามุมสวยๆ  ฉากหลังเป็นคลองใสไหลเย็น  อาจารย์ปรีชาทอดถอนใจ  คำตอบที่ไม่ทันได้ตอบยังติดตรึงอยู่ในหัว
   
“อาจารย์คนึง” เสียงเรียกแผ่วเบา “คือ.. เรื่องจินดาน่ะ”
   
ชื่อนั้นสั่นสะเทือนหัวอกคนได้ยินนัก 
   
“นี่มันก็นานมากแล้วนะ  ไม่เห็นทำบุญร้อยวันเสียที  ครอบครัวเขาขาดเหลืออะไรหรือเปล่า” อาจารย์ปรีชาว่าจริงจัง  สีหน้าปนเปกันอยู่ระหว่างเคร่งเครียดและอาลัย  ในขณะที่คนึงตัวชาวาบ
   
เขา.. เขาลืมไปด้วยซ้ำว่าจินดาจากไปเกินร้อยวันแล้ว!
ไม่สิ.. นี่มันจะล่วงเข้าสองร้อยวันแล้วกระมัง   
   
“ทำบุญให้เขาหน่อย  วิญญาณเขาจะได้ไปสู่สุคติ  เดี๋ยวจะน้อยใจ  ว่าเรามีคนใหม่แล้วลืมคนเก่า”
   
แน่ละ.. ‘คนใหม่คนเก่า’ ของอาจารย์ปรีชาหมายถึง ‘ครูฝึกสอน’ ทว่าในความรู้สึกของคนึง  คำนั้นกินความหมายลึกล้ำนัก 
   
‘คนรักเก่า’ กับ ‘คนรักใหม่’
   
ใช่.. เขารู้ตัว  เขาเป็นผู้ชายสารเลวที่คนรักเก่าตายจากไปไม่ทันไร  ก็เปิดใจรับคนรักใหม่เข้ามาแทนที่  คนรักใหม่ที่ว่า.. เป็นคนที่ผู้ใหญ่ฝากฝังให้เขาดูแลเป็นศิษย์  ซ้ำยังเป็นถึงหม่อมราชวงศ์ 
   
ระหว่างเขากับเลอมาน  ไม่ว่าจะมองทางใดก็เห็นแต่ความไม่ถูกไม่ควร  ผิดทำนองคลองธรรม ผิดประเพณี ผิดจารีตสังคมไปเสียสิ้น  ซ้ำยัง.. ผิดวาจาที่เคยให้ไว้กับใครคนหนึ่ง 
   
มือใหญ่บนตักกำแน่นจนกางเกงสีกากียับย่น  เมฆหมอกคละคลุ้มในอกเริ่มคลี่คลาย  เปิดเผยให้เห็นทางออกที่เขาควรเลือก  ชัดเจนขึ้นทุกที..


โปรดติดตามตอนต่อไป
______________________________________________________________________
*ศักดินากับยาจก, จงรัก จันทร์คณา คำร้อง, ธานินทร์ อินทรเทพ ขับร้อง
**นิทานเวตาล   



ช่วงดอกไม้เม้ามอย

เอิ่ม..... เม้าไม่ออก ฮือออออออ
เค้าขอโต้ดดด เค้าพยายามแล้ว แต่ก็ได้เท่านี้ แถมช้ามากกกกด้วย
แถมยังไม่มีพี่สิงห์อีกต่างหาก เค้าผิดไปแย้ววว~ งุงิ  :mew2:
(จะแอ๊บแบ๊วเพื่อ?  :z6:)
ขอโทษแม่ยกพี่สิงห์ด้วยนะคะ คือตอนแรกว่าจะเขียนต่อให้ถึงฉากพี่สิงห์แหละ แต่ไม่ทัน เลยยกไปไว้ตอนหน้า
รอตอนหน้านะจ๊ะ เค้าจะพยายามเขียนเร็วๆ นะ แต่ช่วงนี้งานเยอะจริงๆ พับเผื่อย ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก็เงี้ย ฮือออออ  :mew6:

รักคนอ่านเหมือนเดิมเน้อ

ดอกไม้
๒๘ ต.ค. ๕๖
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: NO.666 ที่ 28-10-2013 03:19:13
เพิ่งตามมาอ่านได้ไม่นาน ประทับใจทั้งเนื่้อเรื่องและการใช้ภาษามาก ชอบลักษณะนิสัยของตัวละครหลายๆ ตัวที่มีความเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ดีเกินไป และในการแสดงความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวก็ยังก็เหมือนกับคนจริงๆ ที่มีความรู้สึก สำนึก
สรุปคือ ชอบคะ ลุ้นคู่สิงห์ หุหุอยู่มาก
ขอบคุณคนเขียนนะคะที่เขียนผลงานดีๆ มาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 28-10-2013 06:11:05
ฉันมารอพี่สิงห์กับน้องจ้อยทุกวันเลยนะถึงจะช้าแต่ฉันก็รอ
สงสารอาจารย์คนึงมาก แล้วก็ชักจะไม่ค่อยชอบใจหม่อมย่าถือยศแล้วล่ะ
ชอบเหยียดคนเหมือนเลอมานแรกๆ เลย ต้องจับมาให้ว่าที่หลานเขยสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว
รอพี่สิงห์ผู้รักจริงต่อไปค่ะ ตอนหน้าอย่าเครียดมากเลยนะคะ แค่นี้ก็สงสารเหล่าพระเอกมากแล้ว
ช้าก็ไม่ว่ากันค่ะ ผลงานดีมีคุณภาพต้องใช้เวลากรั่นกรองนานหน่อย
รอตอนต่อไปนะคะ...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 28-10-2013 06:16:38
เห้อ.....สงสารครูคนึง รักครั้งนี้อุปสรรคเพียบ
พอนึกถึงจินดาก็เศร้าเข้าไปอีก ครูคนึงจะทำไงต่อไปเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 28-10-2013 08:09:19
สงสารจารย์คนึงเหลือเกิน แต่ก็สงสารคุณชายไม่น้อยกว่ากัน
คนมันรักนี่ จะให้ทำไงได้หล่ะ จะยากดี มีจน ก้อรักแล้วกัน 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-10-2013 11:37:21
มองไม่เห็นอนาคตเลยสำหรับอาจารย์คนึงกับคุณชาย
ตอนอยู่สองคนมันก็ลืม ๆ ข้อเท็จจริงในชีวิตไปได้บ้าง
พอหม่อมย่ามาย้ำชัดอย่างนี้ ได้แต่ปลง
เป็นคนจนไม่มีสิทธิมีความสุขหรือไงนะ
พูดถึงจินดาก็เศร้าเหลือใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 28-10-2013 12:09:49
หม่อมย่านี่ก็แค่คนที่เกิดในราชวงศ์สูงแต่ความคิดสติปัญญาไม่ได้สูงไปด้วยเลย มนุษย์เราทุกคนเท่าเทียม สูงต่ำอยู่ที่การทำตัวจริงๆนะ ไอ้เรื่องเลือดสีน้ำเงิน ราชนิกุลอะไร มันก็แค่การสมมุติขึ้นมาเองของมนุษย์ ก็กินขี้ปี้นอนเหมือนกันหมดแหละวะ เทียบไปแล้วเลอมานยังอยู่ในจุดที่เป็นบัวพ้นน้ำมากกว่า หม่อมย่ามีเงินมียศถาบรรดาศักดิ์ที่จะส่งลูกหลานไปเรียนเพื่ออัพเกรดตัวเองให้โก้หรูเเละเหยียบหัวคนอื่น ในขณะที่เลอมานมาถึงจุดที่เข้าใจแล้วว่าความรู้ที่มีค่า คือความรู้ที่เอาไว้ช่วยเหลือผู้อื่น การพบกันของเลอมานกับครูคนึงจึงมีความหมายไม่ใช่แค่พบรัก แต่หมายถึงการการชุบชีวิตคนนึงที่เปลือกนอกเหมือนเป็นนายเทวดาบนวิมานแต่จิตใจกลับต่ำตมไร้สาระไปวันๆให้ขึ้นมาอยู่พ้นน้ำ เพราะสติปัญญาถูกส่องกระจ่าง

ถึงกระนั้น เปลือกก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆของสังคมไทย และยิ่งสังคมสมัยก่อนอีก การแตกแถวและกรอบที่สังคมกำหนดคือการผิดจารีตขั้นรุนแรง เพราะสังคมเราเป็นสังคมรวมกลุ่ม (collectivism) ใครทำอะไรผิดแผกไปจากคนอื่นย่อมโดนจับตามอง เบาะๆก็แค่เม้าธ์ หนักๆ ก็ประณามเด่นชัดให้อับอายและไม่ยอมรับ ช่างเป็น conflict ที่หนักหน่วง ยังไม่รวมเรื่องของจินดาผู้อาภัพ วาสนาน้อยในใจของครูคนึงอีก เราบอกเลยว่าคุณดอกไม้เขียนนิยายได้เศร้ามากๆ เศร้าจนบางทีไม่อยากอ่าน เพราะเขียนดีเกินไปค่ะ 55 แต่ก็นะ โลกนี้ก็มีเรื่องเศร้าเต็มไปหมดจริงๆแหละ มันอยู่ที่ว่าตัวเราเอง และตัวละครในนิยายจะวางมันลงได้รึป่าว อะไรที่หวนคืนไม่ได้แล้วก็ต้องปล่อยมันไป
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 28-10-2013 14:31:17
อาจารย์ อย่าทิ้งเล็กน่ะะะ  :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-10-2013 14:47:22
โอ้ยยย คุณดอกไม้เบนใจจะขาด กับอาจารย์คำนึง

ทำไมมีแต่เรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่ตลอดเวลา ทั้งยศ ทั้งตำแหน่ง อำนาจ เงิน เพศ

ทุกอย่างล้วนไม่คู่ควร

แล้วยังมาเรื่องครูจินดาอีก แล้วต่อไปจะเป็นยังไง

อาจารย์จะถอยออกไปไหม แล้วชายเล็กจะทำยังไง

T_T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 28-10-2013 16:04:39

ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ต่อ
แต่ชอบเรื่องของสิงห์กับจ้อยมากกว่า
เพราะไม่ค่อยชอบเรื่องของคนึงกับเลอมานเท่าไหร่

นี่ถ้าไม่มีใครทักก็คงจะยังไม่รู้ว่าต้องทำบุญให้คนรักเก่าที่ตายไปแล้ว
ปล่อยเวลาให้ผ่านไปตั้งเนิ่นนานเพราะมัวแต่สำเริงสำราญกับคนใหม่จนลืมไปหมดทุกสิ่ง

เราผิดหวังกับคนึงมากๆเลย
ในขณะที่สิงห์ถึงมันจะเหี้ยยังไง
แต่มันก็ยังรักเดียวใจเดียวมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง

ขอบคุณคนแต่งมากนะสำหรับนิยายสนุกๆถึงรอนานแต่ยังไงก็จะรอ

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 28-10-2013 17:38:15
อยากรู้ว่าจินดาตายยังไง :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 28-10-2013 18:40:35
โอ๊ยยยยยยยยย :ling3:ทำไมมันเป็นอย่างนี้

 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 28-10-2013 18:41:10
คนึงอย่าคิดเองเออเอง ถามเลอมานก่อนดีไหม แล้วสิงห์จ้อยเป็นยังไงบ้าง พ่อเลอมานกับผู้อำนวยการแปลก ๆ นะนั่น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 28-10-2013 19:12:15
สงสารอาจารย์คนึงจัง

คิดจะเลือกทางไหนหรอคะ ถอยสินะ ฮือออออออออออออออ  :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 28-10-2013 19:54:22
น่าสงสารคุณครูจังเลยแต่ต้องเข้มแข็งในรักเพื่อชายเล็กนะคะ

อุปสรรคมักทำให้รักงอกเงยและยาวนานตลอดไปคะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 28-10-2013 22:16:18
ช่วงนี้มีแต่ความเศร้าอบอวล
ขอฉากน่ารักๆให้ชื่นใจ ใช่น้องจ้องเห็นความดีของพี่สิงส์บ้าง ได้ไหม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Motion_Lover ที่ 28-10-2013 23:20:23
รักทุกตัวละครในมหาหงส์ของคุณดอกไม้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายที่สวยงามและตรึงใจเช่นนี้นะคะ :)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: punomenon ที่ 28-10-2013 23:54:08
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :katai4:
ตับจะพังแล้วค่ะ มันหน่วงเกินไป ทำใจไม่ได้ ทรมาน อ๊ากกกกกกก :ling1:
แบบนี้ถอยแน่เลยใช่ไหมอ่ะ อดทนไว้สิ แล้วไหนเลอมานบอกแต่งกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ไง?
อย่าให้หมั้นหมายกันนะ ไม่ได้เด็ดขาด สู้สิ สู้!!!! อย่ายอมแพ้กับเรื่องแค่นี้
เลิกคิดถึงจินดาได้แล้ว เลอมานอยู่ที่นี่ทั้งคนนะ

โอ๊ยยยย อินมาก :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 29-10-2013 00:13:43
อาจารย์คนึงจะตัดสินใจอะไรก้อคิดดีๆก่อนนะคะ
ถามความรู้สึกชายเล็กด้วย
ลางมาม่ามาแต่ไกลเลยค่าคุณดอกไม้
รักนี้อุปสรรคช่างเยอะนัก TT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Ali$a฿eth ที่ 30-10-2013 22:51:39
อกครูมิแตกสลายเหรอคะ


ปล.คำสวยมากคะ อ่านแล้วชุ่มหัวใจมากคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 31-10-2013 03:05:55
สงสารครูจริงๆ
รอสิงห์กับจ้อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 31-10-2013 10:56:04
อ่านแล้วปวดใจ เฮ้อออออออออออออ //รักคนที่ไม่ควรรัก   :sad4:  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 31-10-2013 18:03:16
สงสารครูคนึงสุดหัวใจเลยตอนนี้  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 06-11-2013 06:06:35
ครึ่งหลังเจ็บหนักเข้าไปอีก ก้นเหวมาก
จนแต้มแทน จะไปต่อยังไงล่ะทีนี้
มองไปข้างหน้า เห็นแต่มาม่าอ่ะ...
จะจบสวยมั้ยเนี่ย!? รออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 12-11-2013 00:26:54
หม่อมย่าดาราโหดร้าย. 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๘ ต.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: iiam ที่ 15-11-2013 23:08:26
คิดถึงพี่สิงห์ น้องจ้อย TT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 16-11-2013 01:08:34
(http://img10.picoodle.com/i5bf/wattanan/1_d20_ucmz8.jpg)

บทที่ ๒๖

เหลือความดีให้พี่บ้าง   

(ครึ่งแรกฮะ :L2:)

เหลือความดีให้พี่บ้างน้อง
พี่นอนน้ำตาหลั่งนองหมองในดวงใจพี่
โอ้น้องเอยก่อนเก่าเจ้าเคยภักดี
หวานถ้อยคำพาที แต่บัดนี้ไยเฝ้าประณาม
โถ..ยามชังเจ้าว่าพี่ร้าย
ก่อนเคยรักก็เปลี่ยนใจ กลายกลับมองเลยข้าม*

   

กลางเดือนสิบ แม่โพสพจัดแจงแต่งตัวจะตั้งท้อง ท้องนาที่เคยเขียวขจีเริ่มกลายเป็นสีอมไพลนวลๆ ด้วยต้นข้าวที่เริ่มออกรวง  ลมทุ่งพัดมาทีก็พลิ้วไหวเป็นระลอกราวกับผืนพรมสุดลูกหูลูกตา
   
ลมทุ่งเย็นอยู่หรอก  แต่ยามนี้หัวใจนักเลงหนุ่มอย่างไอ้สิงห์กลับร้อนรุ่มเหมือนไฟสุมขอน 
   
เมียรักเมียขวัญไม่กลับบ้านมาร่วมอาทิตย์แล้วน่ะซี!
   
ณ ชานเรือนกว้างขวางของกำนัน  ไอ้สิงห์นั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน  ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดหวิดจะทุบกำปั้นลงเสื่อจันทบูรผืนโต  ผัวเจ็บปางตายไม่เคยมาดูดำดูดี  บอกว่าจะอยู่โรงเรียนเตรียมงานต้อนรับคณะเจ้าห่าเหวอะไรนั่น  พอมันไม่กลับบ้าน  เขารึสู้อุตส่าห์แบกหน้าแบกหัวบากๆ ไปเยี่ยมๆ มองๆ มันถึงโรงเรียน  จะหันมาเหลียวแลกันบ้างสักนิดก็ไม่เคย  ไอ้จ้อยนะไอ้จ้อย  เอ็งมันใจดำยิ่งกว่าอีกา!   
   
น้าเวกเด็ดดอกอัญชันใส่ขันรองหินเสียพูน  แกมาแหวกๆ กบาลลูกชายกำนันแล้วก็ขยี้ดอกน้ำเงินเข้มลงรอยแผลเป็นที่เริ่มแห้งให้
   
“ผมเลยไม่ขึ้นเลยสิงห์เอ๋ย” แกบ่นพึม  เท่านั้นก็ทำคนฟังสะดุ้งโหยง
   
“ผมไม่ขึ้น?!” ไอ้สิงห์ตาเหลือก  แหวกหัวตัวเองอย่างพะวงในความหล่อสุดแสน “จะหัวล้านไหมน้า” ฉิบหาย! ขนาดผมดกๆ ดำๆ เมียยังตีจาก  ถ้ากูหัวล้านเป็นลานบินล่ะมึงเอ๋ย  เมียคงหอบผ้าหนีวันละ ๓ รอบ
   
“หมายถึงแค่ตรงแผลเป็นนี่” นิ้วสากๆ เคาะกระหม่อมนักเลงโตก๊อกๆ “ไม่เห็นหรอก  ผมมันยาวลงมาปิดหมด”
   
พูดไปยังงั้น  แต่ลูกกะตาเหลือบมองหัวเลี่ยนเตียนโล่งของกำนันที่ยืนให้น้ำนกหัวจุกอยู่ไม่ไกล..
   
แกคงคิดในใจ.. แต่ถ้าแก่ตัวไปมันคงไม่แคล้วเหมือนพ่อเอ็งหรอกว่ะไอ้สิงห์เอ๋ย..
   
“จ้อยมันจะกลับมาเมื่อไรน้า” ลูกชายกำนันถามคำถามนี้เป็นรอบที่สิบของวันได้  หากคำตอบก็ยังเหมือนเดิม  น้าเวกส่ายหัวไม่รู้ไม่ชี้ 
   
ร่างกำยำขยับลุกพรวดพราด  ร้อนรนจะไปตามหา  หากคนมากวัยกว่ารั้งไหล่ไว้ทันควัน “ไม่ต้องไปตามหรอก  ครูคงมีธุระ  สิงห์จะเอาอะไรบอกน้ามาก็ได้”
   
สิงห์กัดริมฝีปาก  ในสายตาน้าเวก  แกคงเห็นเขากระวนกระวายเพราะขาดขี้ข้าช่วงใช้? 
   
อยากจะประกาศให้รู้กันเสียตรงนี้  ไอ้จ้อยไม่ใช่ขี้ข้าของเขาอีกแล้ว  มันเป็นนายของเขาต่างหาก.. เป็นนายหัวใจเพียงหนึ่งเดียว 
   
น้าแป้นกับน้ำฝนกลับมาพร้อมเสียงหัวเราะครื้นเครง  สองแม่ลูกเพิ่งกลับจากไปดู ‘เจ้า’ ที่โรงเรียนฝึกหัดครู  สองมือหิ้วหม้ออวยปิ่นโตรุงรัง  น้ำฝนหนีบสมุดดินสอใหม่เอี่ยมมาด้วย   คนเห็นเล่าให้คนไม่ได้เห็นฟังไม่ขาดปาก  สารพัดเรื่องเล่า  พ่อคุณชายหล่อยังกะพระเอกหนังฝรั่งเอย  ฮอลำใหญ่เหมือนในหนังกลางแปลงเอย  มีอาหารแจกฟรีที่โรงทานเอย
   
แต่ไอ้สิงห์อยากรู้คำเดียว
   
“จ้อยมันจะกลับมาเมื่อไรน้า” คำถามเดิมหล่นจากปากเป็นรอบที่สิบเบ็ด
   
“เจ้าจะกลับกันแล้วนี่  เดี๋ยวครูคงมาแล้วล่ะ  ไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้” แล้วน้าแป้นก็หันไปฝอยกะผัวต่อ “จะว่าไปครูของเราก็มีราศีนะพ่อมึ๊ง  ดูน้ำนวลขึ้นจับหน้า  สวยกินกันไม่ลงกับลูกท่านหลานเธอเชียวล่ะ”
   
ไอ้สิงห์ฟังแล้วเหงื่อตกขมับ  ความห่วงหาในคราแรกเริ่มแปรเปลี่ยน  มีความหวง.. หึง.. เจือเข้าปนทีละนิด
   
เห็นทีมะม่วงพวงงามนามเจ้าจ้อยเนื้อหอม  ไม่ช้าคงจะร่วงหล่นลงนอกชายคาบ้านกำนันเป็นแน่  มดแดงตัวเป้งที่มีวาสนาได้ลิ้มรสฉ่ำหวานไปแค่ครั้งเดียวมีหรือจะยอม!
   
นักเลงหนุ่มไม่รอช้า  คว้าเสื้อแสงใส่แล้วโจนพรวดพราดลงบันได  กำนันเสริมด่าไล่หลังมาแว่วๆ “มึงจะรีบไปตามควายที่ไหนวะ!”
   
ถ้าควายน่ารักอย่างนี้  ไอ้สิงห์ขอไถนาจนขาดใจตายคาแปลงล่ะ!

*************************

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราฉันใด  งานต้อนรับคณะเจ้าก็มีวันจบลงไปฉันนั้น  เฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่คงพาหม่อมย่ากับท่านพ่อเสด็จไปถึงบางปะอินแล้ว  ทว่าโรงเรียนฝึกหัดครูยังวุ่นเป็นจุลกฐิน  ทั้งอาจารย์และนักเรียนร่วมแรงกันเก็บของและทำความสะอาดพัลวัน  โรงอาหารใหญ่ที่แปรสภาพเป็นโรงทานจากน้ำพระทัยท่านชายอาทิตย์ยังคึกคักไปด้วยชาวบ้านและเด็กๆ
   
เลอมานรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก  ก่อนจากไปหม่อมย่ายังพร่ำกอดพร่ำหอมเขาไม่รู้จักเบื่อ  ต่อหน้าสายตาคณาจารย์และนักเรียนจนอดประดักประเดิดไม่ได้  จากนั้นอาจารย์ปรีชาก็เรียกตัวไปพบเพื่อคุยเรื่องสรุปผลงาน  กว่าเด็กหนุ่มสูงศักดิ์จะปลีกตัวมาได้  ก็เห็นเพื่อนๆ ช่วยกันยกโต๊ะเก้าอี้ลำเลียงลงจากเรือนคนละไม้ละมือแล้ว
   
มือขาวผ่องอย่างคนไม่เคยต้องงานหนักคว้าหมับเข้าที่เก้าอี้ไม้ที่สันติกำลังทุลักทุเลยก  นายสี่ตาชะงักกึก  ตีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก 
   
จู่ๆ สันติก็ขาแข็งก้าวไม่ออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น  คุณชายนิ่วหน้าฉงน  และยังไม่ทันไร  อาจารย์วิรัชหัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษก็พรวดพราดหน้าตาตื่นเข้ามา  ฟาดผ่ามือลงกบาลสันติดังเพี๊ยะ
   
“กล้าดียังไงมาใช้คุณชายยกของ!” อาจารย์ตวาดใส่  โมโหหน้าดำหน้าแดงยังกะสันติไปฆ่าบุพการีแก 
   
“ผะ..ผมเปล่านะ!” นักเรียนคลำหัวป้อย “เลอมาน..เอ๊ย! คุณชายเลอมานเขามาช่วยเอง”
   
ครั้นเลอมานบอกว่าไม่เป็นไร  อาจารย์วิรัชก็เข้าสู่ท่าประจำตัว  มือกุมเป้า  ค้อมหลังนอบน้อม  สุ้มเสียงเกรี้ยวกราดลดลงสุภาพนิ่มนวลทันควัน “ไม่เป็นไรมิได้ขอรับคุณชาย  กระผมเกรงคุณชายจะเหนื่อย  ให้พวกนักเรียนมันทำกันเถอะขอรับ”
   
เลอมานมุ่นคิ้วให้ความพิลึกพิลั่น  ส่ายหน้าหน่ายก่อนหันไปช่วยคนอื่นแทน  แต่น่าแปลก  ไม่ว่าเขาจะปราดเข้าไปหยิบจับอะไร  ต้องมีคนมาพินอบพิเทารับของนั้นไปถือเองเสียทุกครา       
   
ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด?
   
เมื่ออาจารย์วิรัช ‘เชิญ’ เขาไปนั่งเฉยๆ  เลอมานยังพอทน  แต่ครั้นมีคำสั่งให้คนไปเอาน้ำมาให้เขาดื่มนี่เห็นทีจะทนไม่ไหวล่ะ
   
คุณชายเดินหนีกลับเรือนไม้  ความสอพลอของคนบางคนดูทีจะรุนแรงขึ้นในวันนี้  เขาว่า.. เขาเอากล้องตัวใหม่ไปถ่ายรูปเล่นกับพวกจ้อย สง่าและสันติดีกว่า  พวกนั้นจะต้องชอบแน่ๆ  เผลอๆ จะแย่งกันเป็นนายแบบหรือช่างภาพกันสนุกเชียว 

   
หากผิดคาด..
   
ทันทีที่บุตรท่านทูตวิ่งไปหากลุ่มเพื่อน  อวดกล้องถ่ายรูปราคาแพง ของขวัญจากท่านพ่อที่แสนภูมิใจ  แล้วยื่นให้ลองหยิบจับดูเท่านั้น..
   
“มะ..ไม่เอาหรอกคุณชาย ผมไม่กล้าจับ” สง่าโดดหนีราวกับไอ้ที่ยื่นให้เป็นงูพิษไม่ใช่กล้องถ่ายรูป  เลอมานเลยหันหาสันติ 
   
“แพงน่าดู  เดี๋ยวผมทำหล่นละเป็นเรื่อง” นายสี่ตาทำหน้าขยาดแหยง  เลอมานเลยหันหาจ้อย..
   
รายนี้หนักสุด.. แม้หน้ายังไม่มองกันเลย..
ไม่รู้ว่าต้นหูกวางต้นนั้นมันมีอะไรน่ามองกว่าหน้าเขานัก..
   
“ไม่เป็นไรๆ” คุณชายทำเป็นไม่ใส่ใจ  ไม่ละความพยายามง่ายๆ “งั้นมาถ่ายรูปเล่นกันหน่อยไหม” มือขาวๆ เปิดหน้ากล้อง หมุนไกเลื่อนฟิล์มอย่างที่พี่ชานนท์สอน  หากพอยกขึ้นจ่อลูกตาเท่านั้น  สง่ากับสันติก็โดดหนีกันโหยงเหยง
   
เลอมานลดกล้องลง  สิ่งที่สะท้อนในดวงตาคือความไม่เข้าใจ
   
“น้ำหน้าอย่างพวกผม  คุณชายจะถ่ายไปทำม้าย” สง่าโบกมือวุ่นวาย “เก็บไว้ถ่ายคนที่เขาคู่ควรเถอะ”
    
เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งเหมือนเบื้อใบ้  ถ้ากดชัตเตอร์ตอนนี้  ภาพที่ประทับลงบนฟิล์มราคาแพงเห็นทีจะเป็นแววตามิตรสหายที่เคยร่วมกอดคอกันมา  ที่ยามนี้ไม่เหลือความสนิทสนมเหมือนเก่าก่อนอีกแล้ว 
   
จ้อยเป็นคนเดินจากไปก่อน  สง่ากับสันติมองหน้ากันก่อนเก้กังค้อมหัวให้เขาแล้วตามกันไป  หม่อมราชวงศ์เลอมานยังอยู่กับความสับสน  แต่มิวายตะโกนเรียก ‘เพื่อน’
   
“รอฉันด้วย!” สองเท้าวิ่งตามเพื่อนที่ไม่แม้จะเหลียวหลังมามอง “จะไปไหนกันหรือ”
   
พอเพื่อนบอกว่า ‘ไปเตะบอลกัน’ คนฟังอดน้อยใจไม่ได้  ไม่มีชวนกันสักคำนะคนเรา
   
ถึงอย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์เอากล้องคล้องคอเดินตามไปจนถึงสนาม  ทั้งนักเรียนและอาจารย์ร่วมสิบที่นั่งๆ นอนๆ ผ่อนคลายกันอยู่ดูจะ ‘เกร็ง’ ขึ้นทันทีที่เห็นเขา  พอเลอมานเอ่ยปากขอร่วมเล่นด้วย  ทุกคนก็มองหน้ากัน  และแล้ว.. จ้อยก็เป็นคนตัดรอนสั้นๆ ว่า “คนครบแล้วครับ”
   
เลอมานยิ้มเจื่อน  ไม่เป็นไร  ก็คนครบแล้วจริงๆ เขาจะฝืนแทรกเข้าไปเล่นก็กระไรอยู่  เลยได้แต่นั่งดูอยู่ขอบสนาม  ยกกล้องขึ้นกดชัตเตอร์ไปตามเรื่อง  แต่พอมีคนเตะลูกลอยหวือเฉียดหัวเขาไปหน่อยเดียวเท่านั้น  กีฬาครื้นเครงอลเวงก็แปรผัน  ผู้เล่นทุกคนชะงักกึกในความเงียบงันที่คลี่คลุม 
   
“อย่ามานั่งตรงนี้เลยครับ” นักเรียนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “มันอันตราย”
   
“เกิดบอลโดนกล้องพังไป  พวกผมไม่มีปัญญาใช้ให้หรอกนะ” ส่วนคำนี้เป็นของสง่า  ทุกคนมองหน้าคุณชายข้างสนามเป็นตาเดียว 
   
ไม่มีใครเอ่ยปาก ‘ไล่’ เขาสักคำ 
แต่เหตุใดเลอมานได้ยินกึกก้องหัวใจ
สายตาทุกคนกำลังพูดว่า ‘จะไปไหนก็ไป’ เป็นเสียงเดียวกัน
   
โอรสในหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัช บูรพวงศ์เดินคอตกออกจากสนามบอล  ไม่เป็นไร.. ทุกคนจะเปลี่ยนแปลงไปด้วยเหตุใดก็สุดปัญญาที่เลอมานจะคาดคิด 
   
สองขาพาร่างซึมเซาตรงไปยังเรือนพัก
   
ไม่เป็นไร.. ที่นั่นยังมีอาจารย์คนึง..
   
ถึงอย่างไร.. เขาก็ยังมีอาจารย์คนึง..

คล้อยหลังหม่อมราชวงศ์หนุ่ม  ทุกคนพากันถอนใจโล่งอก 
   
‘หงส์’ ออกไปจากฝูง ‘อีกา’ ได้เสียที
   
ดูท่าการมาเยือนของหม่อมเจ้าอาทิตย์และหม่อมดารา  จะตอกย้ำความยิ่งยศทรงศักดิ์ของเลอมานยิ่งขึ้นไปอีก  อาจารย์คนหนึ่งรี่เข้าไปแพ่นกะโหลกนักเรียนแข้งทองที่หวุดหวิดจะเตะบอลไปโดนหัว ‘เจ้า’
   
“เกิดลูกท่านหลานเธอบาดเจ็บอะไรไป  หม่อมย่าหม่อมปู่เขาจะมาเฉ่งกบาลเอ็ง!”

*************************
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 16-11-2013 01:17:07
พระอาทิตย์คล้อยดวงลงต่ำ  ฟ้าเบื้องตะวันตกแดงเหมือนสีครั่ง  คล้ายๆ กันกับอกไอ้สิงห์ในตอนนี้  แค่เปลี่ยนจาก ร.เรือเป็น ล.ลิงซะ
   
อกเอ๋ยมันจะ ‘คลั่ง’ เสียให้ได้! 
   
ตะวันลูกโตแดงฉานหรือจะมาเดือดดาลเท่าอกพี่  มันเต้นเร่าไปด้วยไฟในทรวง  ยิ่งได้ลมเพชรหึงช่วยกระพือ  ยิ่งลุกโชนลามไหม้ 
   
ไม่ให้คลั่งอย่างไรไหว  ไอ้เรารึสู้อุตส่าห์แบกหน้ามาตาม  นักเลงเกกมะเหรกอาจหาญเดินดุ่มเข้ามาในสถานศึกษาอันทรงเกียรติ  จะได้รับการต้อนรับเช่นไรก็ไม่คร้ามสักนิด  จะถูกพวกครูไล่หรือถูกพวกนักเรียนมองด้วยสายตาดูถูกก็จะเตรียมใจรับ
   
แต่ที่ไม่ได้เตรียมใจจะมาเห็นคือภาพไอ้จ้อยอยู่ในวงล้อมผู้ชายนับสิบ  เสื้อแสงไม่ใส่  ไล่เตะบอลดึงหลังดึงไหล่กัน  เบียดกระแซะเนื้อเสียดเนื้อ  บางช่วงมีการล้มคลุกลงไปนอนกับพื้น  ฟัดกลิ้งกันนัวเนีย       
   
หนอย! หลงคิดว่าจะมาเห็นนักเรียนครูคนดีกำลังทำงานง่วน  แล้วดูสิดู!  นี่น่ะหรือทำงานของมัน  นี่น่ะหรือเหตุผลที่มันไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง 
   
แล้วดูหน้ามัน  น้ำนวลราศีขึ้นจับใบหน้าจริงอย่างที่น้าแป้นว่า  ดวงตากลมโตแจ่มใสเป็นสุข  ปากสีเรื่อยิ้มร่าเบิกบาน
   
มันผิดกับตอนอยู่กับเขาหน้ามือเป็นหลังตีน!
   
สิงห์คิดจะมาตามน้องกลับไปดีๆ  แต่อนิจจา.. ความหึงหวงมันไม่เข้าใครออกใคร  ดังนั้น  พอไอ้ตัวเล็กมันเตะลูกเข้าประตูที่มีแต่โครงได้  ผู้ชายทั้งฝูงที่ไม่ใส่เสื้อเหมือนกันก็เฮโลเข้ามากลุ้มรุมมัน  กอดคอกอดไหล่แทบจะได้เสียกันกลางสนาม!
   
ความอดทนของนักเลงหนุ่มขาดสะบั้นลงในครานั้นเอง!
   
“เฮ้ย!!” เสียงห้าวกึกก้องกัมปนาท  กลบเสียงเฮฮาของเหล่านักบอลสมัครเล่นเสียสนิท  ทุกคนในสนามชะงักกึก  หันมองต้นเสียงเป็นทางเดียวกัน 

ทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร  หัวใจจ้อยแทบร่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม!
   
ร่างสูงใหญ่ก้าวอาดๆ ตรงมา  จ้อยไม่รู้เลยว่ามันมาแอบซุ่มอยู่แถวนี้ตั้งแต่เมื่อไร  สีหน้ามันถมึงทึงเหมือนยักษ์มาร  สายตากราดเกรี้ยวจ้องเขม็ง  แต่ละก้าวสะเทือนพสุธาและน่ากลัวว่าจะสะเทือนมาถึงใจจ้อยด้วย
   
โบราณว่าช้างไล่แล่นเลี่ยงหลบ  ด้วยความลืมตัวและกลัวจับใจ  จ้อยเลยหนีไปหลบหลังอ.ประพนธ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ  ยักษ์ปักหลั่นที่มุ่งตรงมายิ่งหน้าแดงก่ำ ร่ำๆ เหมือนจะเห็นควันพ่นออกทางหู  มือหยาบกระด้างกระชากแขนจ้อยออกมาอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม  แถมยังผลักไหล่อาจารย์เสียอีก 

จ้อยกัดริมฝีปากแน่น  เชื่อโบราณแล้วบานบุรีจริงๆ  ถ้าช้างมันจ้องจะไล่  มดปลวกหน้าไหนมันก็กระทืบตายได้หมดละ

“กลับบ้าน” เสียงห้าวลอดไรฟัน  มือแข็งบีบแขนจ้อยแน่นขึ้นจนต้องนิ่วหน้า  ตาที่มองมาคลับคล้ายจะทะลุทะลวงถึงภายใน  จ้อยถอดเสื้อเตะบอลกับเพื่อนมานานปีไม่เคยรู้สึกอะไร  แต่ทำไมพออยู่ต่อหน้ามัน  กลับรู้สึกเปลือยเปล่าจนต้องยกสองแขนโอบตัวเองไว้

จ้อยเพิ่งตระหนักว่ากำลังตัวสั่นจนไหล่สะท้านก็ตอนนี้

ถึงจะกลัวจับใจ  แต่ฝันไปเถอะว่าจ้อยจะยอมตามมันกลับไปง่ายๆ  หนุ่มน้อยพยายามยื้อไว้สุดกำลัง  ใครต่อใครมองมาเป็นตาเดียว  ไอ้คนใจมารยิ่งโมโหจนเลือดขึ้นหน้า

“จะยอมไปดีๆ หรือจะให้ข้าลากคอกลับไป!” มันตะคอกใส่หน้าอย่างมาดร้าย  จ้อยไม่พูดกับมันสักคำ  ส่งเพียงสายตาชิงชังสุดแสนไปให้  ออกแรงต่อต้านเพิ่มขึ้นอีก  มันยักยิ้มมุมปาก  ก่อนกระชากจ้อยเข้าหา  ก้มลงกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน 

“ไม่สิ ข้าอุ้มเอ็งไปดีกว่า ให้สมกับที่เป็นผัวเมียกันไง” เสียงต่ำๆ กดลึกๆ ในคอ  ได้ยินอย่างนั้นจ้อยยิ่งตัวสั่น  ทั้งโกรธทั้งกลัวปนเป  หอบหนักแผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลง  ถลึงตาแข็งกร้าวใส่มัน  คนตั้งเยอะแยะ  ถ้ามันกล้าก็หน้าหนาเกินคนแล้ว! 

“อย่านึกนะว่าข้าไม่กล้า” ราวกับมันอ่านใจออก “ลองแหยมเข้ามาสิ ข้าจะด่าให้ว่าอย่ามาเสือกเรื่องของผัวเมีย” เสียงที่ไม่ดังไปกว่ากระซิบบาดลึกราวคมมีด

สง่ากับสันติเริ่มกรูเข้ามา  โหวกเหวกโวยวายให้ขรม  จ้อยรู้ว่าเพื่อนไม่เคยทิ้งกัน  แต่ขอร้อง.. ไม่ใช่ตอนนี้!

“ถ้าเอ็งไม่กลัวเขารู้กันทั้งโรงเรียนก็เอาเลย!” ไอ้สิงห์ตะคอกลั่น  มือแข็งเป็นคีมเหล็กกระชากจ้อยเข้าไปปะทะแผงอกแกร่ง  มันทำท่าจะช้อนจ้อยขึ้นอุ้มจริงๆ!

“อย่า!” จ้อยร้องลั่น  นั่นแหละมันจึงยอมรั้งมือ  เสียงเล็กสั่นพั่บพร่ำบอกเพื่อนๆ ว่าจ้อยไม่เป็นไร  ถึงเวลาที่จ้อยต้องกลับบ้านกำนันแล้ว 

ในสายตาผองเพื่อนและเหล่าอาจารย์  ภาพฉุดกระชากลากถูตรงหน้า  ก็แค่นายคนหนึ่งมาตามบ่าวไพร่กลับไปทำงาน  แต่ในอกจ้อย  นี่คือ ‘ผู้ล่า’ , ‘สัตว์ร้าย’ กำลังออกล่า ‘เหยื่อ’ , ‘ลูกไก่ในกำมือ’

เมื่อไรหนอจ้อยจะหนีมันพ้นสักที!   

มันลากจ้อยมาโยนใส่เรือแจวที่จอดรออยู่ตีนท่าท้ายโรงเรียน  ใจจ้อยฝ่อลงอีก  ความคิดที่จะโดดลงรถเครื่องหนีมันเป็นอันต้องพับเก็บ  มันเองก็คงรู้ทันจึงได้เอาเรือมารอรับไปเชือดกันแบบนี้  เสื้อนักเรียนตัวเก่ากับตำราเรียนของจ้อยที่มันคว้ามาจากข้างสนามถูกโยนโครมตามลงมา  จ้อยฉวยเสื้อมาจะใส่ปิดบังผิวเปล่าเปลือยให้พ้นจากสายตามัน  มันกลับกระชากคืนกลับไป   

“ไม่ต้องใส่! เดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดี!” คำมันกระตุกใจจ้อยหล่นวูบ  พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง 

คงไม่ได้หมายถึง ‘เดี๋ยวก็ต้องถอดเสื้ออาบน้ำอยู่ดี’ แน่!

จ้อยตรงเข้ายื้อแย่งเสื้อจากมันจนเรือโคลง  มันไม่ยอมคืนให้ง่ายๆ  จนต้องวักน้ำสาดหน้ามันไปทีนั่นแหละ  จ้อยจึงสบจังหวะแย่งคืนกลับมา 

“กับกูทำเป็นหวง! ทีกับผู้ชายทั้งฝูง  เสือกถอดเสื้อได้นะไอ้จ้อย!” มันค่อนขอดเมื่อเห็นจ้อยลนลานกลัดกระดุม  จ้อยไม่คิดจะขยายความ  ว่าที่ถอดเสื้อเพราะแบ่งกลุ่มเตะบอลกัน  คนโง่ดักดานแถมยังไม่ฟังใครอย่างมันคงไม่มีวันเข้าใจ 

ตะวันรีรออ้อยอิ่ง  แต่เผลอประเดี๋ยวเดียวก็ทิ้งดวงจมฮวบ  เหลือแค่แสงขีดรอยเหมือนมีดบาดแก้มฟ้า  ไผ่ลำเขียวเพรียวแน่น  แตกกอเชิญลมล้อใบเต็มสองข้างทาง  ยินเสียงไก่กระพือปีกแข่งเสียงนกเรียกคู่กลับรังอยู่แว่วๆ  เรือน้อยล่องมาตามลำคลอง  ไอ้สิงห์คัดท้ายอยู่ข้างหลัง  วาดพายอ้อยอิ่งราวกับไม่อยากให้ถึงบ้านเร็วนัก 

จ้อยไม่พูดกับมันสักคำเดียว  ร่างเล็กนั่งหันหน้าออกหัวเรือ  แม้แต่หน้าก็ไม่อยากเห็น   

“มึงไปเรียนหรือไปให้ท่าผู้ชายกันแน่!” ไอ้สิงห์เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ “อย่าแรดให้มันมากนัก”

วาจามันทำจ้อยกำหมัดแน่น  นี่ล่ะ.. ดังคำโบราณว่าไว้  เสือจะกลายเป็นลูกแกะนั้นยังไม่เคยมี  ท่าทางหงอๆ เชื่องๆ ของมันตอนไปฉายหนังเมื่ออาทิตย์ก่อนคงเป็นเพียงภาพลวงที่มันฝืนสร้างตบตาคนอื่น  นี่ต่างหากสันดานแท้จริงของมัน

“ถ้าไปเรียนหนังสือแล้วเที่ยวไปกอดคอผู้ชายแบบนี้  ไม่ต้องรงต้องเรียนแม่งแล้ว!”

“เสือก!” จ้อยหันไปตวาดใส่มันด้วยความเหลืออด  ทั้งที่ไม่เคยพูดคำนี้มาก่อนในชีวิต  แต่วินาทีนี้ขอประเคนให้มันเป็นคนแรก 
คำแรกในรอบเกือบเดือนที่จ้อยพูดกับมัน  คงชื่นใจพระเดชพระคุณเหลือหลาย  มันโกรธจนหน้าแดงจัด  แผ่นอกกว้างกระเพื่อมรุนแรงตามจังหวะลมหายใจขุ่นมัว 

“ไม่เสือกไม่ได้! กูเป็นผัวมึง!” มันตะคอกลั่นคุ้งน้ำ  เกิดเสียงสะท้อนสองพยางค์สุดท้ายใส่หูจ้อยไม่จบสิ้น  สุดจะทนอีกต่อไป  จ้อยกัดฟันกรอด  เขวี้ยงกะลาวิดน้ำใส่หน้ามัน  โดนหน้าผากจังๆ ดังก๊อกจนมันลูบหัวป้อย

ความเดือดดาลไหวระยับในดวงตาราวเปลวไฟ  คนตัวโตชี้หน้ามาดร้าย  ไม่พูดพร่ำทำเพลง  มันทิ้งพายลงท้องเรือก่อนปรูดเข้ามาจนเรือโคลง  อ้อมแขนกำยำคว้าคนตัวเล็กไปกอดรัดแน่น  ไม่สนใจว่าอยู่กลางน้ำกลางคลอง 

“หรือมึงลืมไปแล้ว!  ต้องให้กูย้ำอีกสักทีให้จำใช่ไหม!”


ตัดชึ้บ!!!
(ติดตามต่อในครึ่งหลังเร็วๆ นี้นะฮะ :hao7:)

ยังคงรักคนอ่านเสมอไม่แปรเปลี่ยน

ดอกไม้
๑๖ พ.ย. ๕๖

ปล. รู้สึกว่าภาพประกอบไม่ค่อยเข้ากับเนื้อเรื่องทุกทีๆ แบบว่า..เริ่มหมดมุข เอารูปแมวเล็กแมวใหญ่ที่เซฟเก็บไว้มาแปะไปก่อนละกันเด้อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 16-11-2013 01:17:15
เอาจ้อยไปเก็บไปปป
สงสารเล็กจังงง  :mew4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 16-11-2013 01:23:08
 :katai1:
พูดกันดีๆไม่ได้ไง๊
ชอบเล่น sm ตลอด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: kwangun ที่ 16-11-2013 01:33:36
ทำอย่างนี้อย่าว่าแต่ความดีอะ ความทรงจำก็ไม่เหลือให้ย่ะ ชิ แต่น้องจ้อยไม่น่ารักเลย สงสารเลอมาน yy
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 16-11-2013 05:01:24
:a5: :a5: :a5:
อร๊ายยย กำลังเพลินพี่สิงห์กับน้องจ้อย
ใจร้ายยย :monkeysad:

สงสารเลอมานจับใจ :m15:

+๑
+เป็ด
 o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-11-2013 06:19:39
เลอมานน่าสงสารจัง มิตรภาพที่มีไม่เหมือนเดิมซะแล้ว
ส่วนจ้อยกัยสิงห์ เมื่อไรจะเข้าใจกันเสียที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 16-11-2013 06:53:27
เถื่อน ถ่อม สมเป็นพ่อสิงห์ลูกรักแม่ซะเหลือเกิน อยากจะเขวี้ยงเชี่ยนหมากใส่
ไอ้บ้าเอ้ย !!! อ่อนโยนนะ ทำเป็นไหม จะไปตามเมีย หรือ จะไปฆ่าเมีย เอาให้แน่ แก
หึงไม่รู้เรื่อง รู้ราว อีกหน่อยเมียหนี จะน้ำตาเช็ดหัวเข่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-11-2013 07:11:13
อีกแล้วนะไอ้สิงห์ชาตินี้จ้อยคงใจอ่อนหรอก
คุณชายน่าสงสารจัง หม่อมย่าพ่นพิษซะแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 16-11-2013 07:32:43
สงสารเล็กอะ สูงศักดิ์ก็ใช่ว่าจะดี แล้วอาจารย์คนึงก็จะมาตัดใจเสียอีก เลยจะไม่เหลือใครเลยทีนี้ กลับเหอะเลอมาน เป็นเราเองก็คงทั้งอึดอัดทั้งน้อยใจเหมือนกัน  แล้วจ้อยนะไม่ชอบขี้หน้าแล้วจริงๆ ตัวเองดีตายล่ะ :m16:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: peerzaa ที่ 16-11-2013 07:38:03
 :angry2: อ้ายยยยยยยยสิงห์ พูดดีๆไม่เป็นเลยนะเอ็ง มันน่านัก :m16:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 16-11-2013 07:39:22
ทั้งขำทั้งสงสารสิงห์ อยากให้จ่อยใจอ่อนเร็วๆจังเลยยยยยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 16-11-2013 08:52:59
 :katai5:

สนุกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 16-11-2013 10:28:00
เฮ้อออออออ
รอบนี้สงสารทั้งเล็กสงสารทั้งจ้อย
ไม่รู้จะเจออะไรกันบ้าง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 16-11-2013 10:57:34
 :hao7: ตัดได้โหดร้ายมาก ใจจะขาดรอนๆแล้ว รีบมาต่อด่วนครับ :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 16-11-2013 11:06:00
เฮ้อ เศร้า  :เฮ้อ:

ฆ่าเลอมานให้ตายไป๊ เกิดมาผิดที่ เดาว่าคนึงก็คงหมางเมินเหมือนกัน แล้วทีนี้ะหันหน้าไปหาใครล่ะ


ส่วนพี่สิงห์ หึงอย่างเดียวเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 16-11-2013 11:52:16
ตัดค้างชึบ! ได้เศร้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 16-11-2013 12:53:37
สมกับที่รอคอยมานานแสนนาน ยังสนุกเหมือนเดิม
สงสารเลอมานมาก คนอื่นๆ ไม่น่าทำอย่างนั้นกับคุณชายเล็กเลย
ส่วนน้องจ้อยภาวนาให้โดนพี่สิงห์จัดการให้้อยู่หมัดจะได้เลิกอวดดีสักที
จะโกรธจนหน้ามืดไปไหน พี่สิงห์น่าสงสารจะตายอยู่แล้ว
มองตาพี่สิงห์จะรู้เองพี่เขารักน้องแค่ไหน
สนุกมากค่ะ รอครึ่งหลังอย่างใจจดใจจ่อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 16-11-2013 16:57:36
รอลุ้นเปนกำลังใจต่อไปคับๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Julytastic ที่ 16-11-2013 17:44:05
กรี๊ดดดด ไม่ได้อ่านมหาหงส์ซะนาน ไม่รู้ว่ามาต่อแล้ว

ฮือออ ตอนแรกก็สงสารอาจารย์คนึงนะ แต่อ่านไปอ่านมากลับสงสารคุณชายเลอมานแทน คงจะเหงาน่าดู
หวังว่าหลังจากที่อาจารย์ฟังหม่อมดาราพูดมา อาจารย์คงจะไม่เก็บมาคิดจนประพฤติตัวกับคุณชายเหมือนคนอื่นๆนะ T T

แล้วก็คิดถึ๊งคิดถึงงงงพี่สิงห์
อยากอ่านตอนหน้าใจจะขาดรอนๆแล้ว อ่อนโยนมั่งได้มั้ยพี่ คราวนี้จ้อยจะโกรธพี่สิงห์มากกว่าเดิมมั้ยเนี่ย :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 16-11-2013 19:43:03
ถ้าจะตัดชึ่บขนาดนี้ก็ฆ่าคนอ่านให้ตายซะค่ะ ฮรืออออ ค้างมาก  :katai1:

ดราม่าหนักหน่วงมันทุกตรง ถ้าจิตไม่แข็งอ่านนิยายคุณดอกไม้ไม่ได้จริง ๆ นะคะ พาลจะบ้าเอา
ไล่ตามอ่านตั้งแต่ตอนคุณพ่อกับคุณย่ามา โอ๊ย อกจะแตกแทนอาจารย์ เมื่อไรจะกลับกันไป๊
คนอ่านใจจะขาดแทนอาจารย์แล้วค่ะ อาจารย์ต้องเย็นชากับน้องเล็กแน่ ๆ ฮือ ไม่อยากคิดว่าเธอ
จะเตลิดไปไหน เพราะเธออ่อนแอและเปราะบางมาก เพื่อน ๆก็ไม่สนใจแล้วอีกด้วย
กว่าจะปรับตัวเข้ากันได้ตั้งนาน มาเป็นแบบนี้โคตรเศร้านะ สงสารๆๆๆๆๆ แต่ด้านครูคนึงก็แบบนะ
ใครก็ต้องคิดว่าตัวเองต่ำต้อยกว่า ไหนจะเรื่องจินดาที่รู้สึกผิดขึ้นมาอีก โอ๊ย ดราม่ามากค่ะ

น้องจ้อยยยยยยยย ตัวเล็ก ๆ แต่ใจแข็งเหลือเกินลูก แต่เข้าใจเพราะน้องโดนทำมาเยอะ
พี่สิงห์แกก็นะอดทนได้จุดประมาณหนึ่ง แต่อย่าให้หึงขึ้นหน้าเพราะจะลืมทุกอย่าง
ตะโกนว่าเป็นผัวลั่นคุ้งน้ำกันเลย เอาดี ๆ สิพ่อเอ๊ย น้องยังไม่หายงอนนะเออ
เดี๋ยวรอคว่ำไปหรอก คู่นี้ก็แบบดราม่ามากอีกเช่นกัน อยากหวีดค่ะ 555

ขอบคุณนะคะ สัญญาว่าจะมาต่อเร็ว ๆ นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 16-11-2013 20:32:40
สิงห์กับจ้อยน่ารักมากอิอิ :o8: :o8: รีบมาต่อน่ะค่ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 16-11-2013 20:53:35
รูปแมวเล็กที่กำลังขบหัวแมวใหญ่จนหน้าเหยเกนั่น จ้อยกับสิงห์อ๊ะป่าว หุๆๆ^^
สงสารสิงห์นะ หึงหวงเพราะรักมากแค่ไหน จ้อยไม่เคยรับรู้ ไม่ซาบซึ้งแถมยังเกลียดกลัวขยะแขยง
โอ๊ยปวดใจแทน
ส่วนอีกคู่ก็ เฮ้อ เศร้า เครียด มึน :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: NO.666 ที่ 17-11-2013 02:03:32
สงสารเล็กงะ สงสารสิงห์ กับจ้อยด้วย
เมื่อไหรจะมีความสุขกันเสียทีนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 17-11-2013 10:18:21
ขอบคุณครับ


คิดถึงชายเล็ก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 17-11-2013 15:11:58
สงสารจ้อยจัง ไอ้สิงห์ก็โหดเกิ้นนนนน :monkeysad:

ส่วนชายเล็ก ก็เหมือนกัน สงสารๆๆๆๆๆๆๆๆ  :m15: :m15:
ฮืออออออออออออ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 18-11-2013 14:50:35
เฮ้อสิงห์เอ้ยย ถ้าอยากให้น้องดีด้วยคงต้องรอชาติหน้าแล้วละ เรื่องเก่ายังไม่ทันหาย เอามาเพิ่มอีกแระ

ตอนนี้เลอมานน่าสงสารอะ เพื่อนที่เคยเป็นเพื่อนเกรง กันหมดเลย อาจารย์ก็หายไปไหนไม่รู้ อย่าว่าแต่คนอื่นเลยขนาดอาตจารย์ยังคิดว่าตัวเองต่ำต้อย กว่าเลย อนาคตของทั้งคู่จะเป็นยังไงเนี้ย



ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 18-11-2013 15:02:02
ตอนที่แล้วสงสารอาจารย์คนึงจับจิต มาตอนนี้สงสารคุณชายเล็กจับใจ
เหมือนไม่มีที่อยู่ ทั้งๆ ที่ปรับตัวได้แล้วแท้ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nutjisub ที่ 18-11-2013 15:17:00
สงสารคุณชายเล็กมากบอกตรง ๆๆ คุณชายเล็กทำอะไรผิดทำไมทุกคนต้องรังเกียจด้วย นี่ถ้าไปห้องเจออาจารย์คนึง ทำห่างเหินคุณชายจะยิ่งเจ็บ สงสารจังเลย คุณชายเล็ก สู้ ๆๆๆ คุณชายเล็กสู้ตาย
ส่วนคู่ จ้อยกับสิงห์ เลิกลุ้นนานและ สิงห์ก็บื้อ จ้อยก็ดื้อ และมีทิฐิ ชาตินี้จะรักกันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 18-11-2013 15:34:53
กรี้ดดดดดดดดดดดด (พี่สิงห์) สงสาร (จ้อย) มันหน่อยสัดนิด 555+ //จัดหนักเลย กลางคลองนี่แหละ
เศร้าาาาาาาาาาาาา ไปนะ คุณชายเลอมาน ไม่มีใครเล่นด้วย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 22-11-2013 09:34:20
โอ้ยไอ่สิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 06-12-2013 05:44:59
ตามอ่านมารวดเดียว สงสารชายเล็กจริงๆ
ปล จ้อย ตอนแรกชอบจ้อยมากเลยนะ แต่ตอนนี้ขอโบกแปดทีรัวๆ จ้อยจะร้ายกับตัวต้นเหตุก็ทำไป
แต่การที่จ้อยมาพาลกับชายเล็กอีกคน นี่แบ่บ ลดอันดับความชอบลงไปน้อยกว่าไอ้ลอยเลยนะ เหิมมมมมมมม เคืองง
เอาจ้อยคนดีกลับมานะจ้อยยยยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 06-12-2013 10:16:57
มาทวงครึ่งหลังค่ะ o11
[/size]
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 06-12-2013 12:43:12
คุณดอกไม้ //ตอนต่อไปขอแบบพี่สิงห์จัดหนัก 555+

แต่มาคิดอีกที สงสาร"จ้อย"

รอ รอ รอ ยังไงก็ได้ขอแค่คุณดอกไม้มาต่อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๖ พ.ย. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: maxiyorka ที่ 06-12-2013 13:17:14
ภาษาสวยมากเลยค่ะ ชอบมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 21-12-2013 23:02:51
บทที่ ๒๖

เหลือความดีให้พี่บ้าง   

(ครึ่งหลังฮะ :L2:)


“หรือมึงลืมไปแล้ว!  ต้องให้กูย้ำอีกสักทีให้จำใช่ไหม!” มือแข็งราวคีมเหล็กบีบคางจ้อยแน่น  ริมฝีปากรุมร้อนประกบลงมา  ร้อนวาบเหมือนถ่านนาบ  จ้อยดิ้นรนสุดชีวิต  กำปั้นเล็กรัวทุบถองพัลวัน  ยิ่งรุนแรงใส่ ไอ้สิงห์ยิ่งหยาบกระด้างคืนกลับ  สัมผัสสากระคายด้วยตอหนวดเคราแข็งๆ ซุกไซ้ลงซอกคอ 

“อย่า!” จ้อยผลักมัน มันยิ่งกอดรัดแน่น  แรงปะทะทำให้เรือน้อยเอียงวูบ  น้ำทะลักเข้ากราบเรือ  ตำราสองสามเล่มที่วางไว้แตะน้ำไปนิด  จ้อยใจหล่นวูบ “อย่า! เดี๋ยวหนังสือเปียก!”

คนตัวโตชะงัก  ดวงตาพราวระยับจ้องมองมา  มุมปากยักยิ้มเจ้าเล่ห์
เจ้าตัวเล็กหอบหายใจถะถี่ 
ดะ..เดี๋ยว..จ้อยไม่ได้หมายความว่า..   

ถ้าเป็นบนฝั่งละทำได้ใช่ไหม?!
   
หัวสมองบ้องตื้นอย่างไอ้สิงห์ตีความได้เช่นนั้นแหละ  ชักช้าอยู่ไยเล่า  ข้อลำล่ำสันพรวดเข้าคว้าไม้พาย  ไอ้ตัวจ้อยที่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่เมื่อครู่ก็ผวามาแย่งคืนไปจากมือ  เรื่องอะไรสิงห์จะคืนให้  ใจมันหมายมาดแต่จะวาดพายเข้าฝั่งที่เต็มไปด้วยเรือกสนรกเรื้อ  หนังสือจะได้ไม่เปียกสมใจมัน  แต่ ‘อย่างอื่น’ ละเปียกแทนแน่ๆ  พ่อจะล่อให้ฉ่ำให้ชุ่มโชกสาสมใจเชียวล่ะ 
   
นี่มันพายไม้ประดู่  แต่ไอ้จ้อยมันยื้อแย่งเสียยังกะพายทอง  เรี่ยวแรงเท่ามดอย่างมันหรือจะสู้เขาได้  ลูกกำนันกระชากสุดแรง  ลูกแมวขนพองก็ปลิวหวือมาปะทะแผงอก  ท่อนแขนกำยำกอดรัดแน่น  หอมแก้มขาวอีกฟอดเรียกน้ำย่อย  คนพยศเหลือร้ายก็ฟาดเปรี้ยงเข้าให้เต็มกกหู  สองคนฟัดกันกลางคลองจนเรือน้อยโคลงวูบลอยวน 
   
“เฮ้ยๆๆๆ!” เสียงเอะอะมะเทิ่งดังขึ้นจากด้านหลัง “ไอ้ลำนั้นมันอะไรกันวะ!”
   
ทั้งคู่ชะงักกึก  ไอ้สิงห์หันขวับ  ยอมปล่อยเหยื่อในอุ้งมือทันที  อ๋อ นึกว่าใคร  เถ้าแก่จั่นเจ้าของแผงหมูในตลาดพายเรือบรรทุกใบตองมาเต็มลำ  หนอย ไอ้เจ๊กตื่นไฟ  มึงจะโผล่มาทำไมตอนนี้!
   
“ตีกันทำไม  เดี๋ยวก็ตกน้ำตกท่า” ผู้มากวัยกว่าเตือนด้วยเป็นห่วง  คนเสียเส้นที่ถูกขัดจังหวะกระฟัดกระเฟียด  ส่วนอีกคน.. นั่งหอบฮั่กๆ อยู่หัวเรือ  “โพล้เพล้อย่างนี้ ไม่รู้จักกลัว..เอ่อ กันบ้างเลย”
   
แกกลืนคำว่า ‘ผีน้ำ’ ลงคอไว้ทัน  โบราณเขาถือ  พายเรือกลางค่ำกลางคืนไม่ให้พูดถึง   
   
ชายจีนตัวกลมเป็นกระปุกตั้งฉ่ายเหลียวซ้ายแลขวา  ลมพัดวูบมาพาเย็นเยือก
   
ดูหรือนั่น.. เรือล่มแถวบ้านแพนแท้ๆ  เกณฑ์คนงมหาเท่าไรก็ไม่เห็น  อีกสามวันให้หลังกลับลอยมาเกยฝั่งที่ท่าท้ายโรงเรียน  แปลกประหลาด  ราวกับมีสิ่งใดผูกพันห่วงหา 
   
เถ้าแก่จั่นคันปากเหลือประมาณ  อยากจะทักถามผู้เป็น ‘น้องชาย’ ที่นั่งตัวสั่นอยู่หัวเรือว่า.. “จ้อยเอ๋ย.. นี่ก็ล่วงมานานโขแล้ว  เมื่อไรจะทำบุญร้อยวันให้พี่ลื้อสักที”
   
คนเขาลือกันทั้งบาง  ไอ้สุ่มขี้เหล้าประจำตลาด  มันพายเรือกลับทางนี้  พอผ่านคุ้งน้ำท้ายโรงเรียนฝึกหัดครูมาหน่อย  ก็มีมือขาวซีดโผล่ขึ้นจากน้ำมาจับหัวเรือ 
   
ไอ้สุ่มมันขี้เมา  พูดอะไรต้องเอาตะแกรงร่อนสองน้ำ  คนเลยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง  แต่แกไม่สนละ  เรื่องมันพอมีเค้า  แกเชื่อไว้ก่อนเป็นดี 
   
เช้าก่อนเถอะ  แกจะทักยายช้อยเรื่องงานบุญร้อยวันครูจินดา  แต่ตอนนี้  ขอพายตีคู่กับเรือลูกชายกำนันเป็นเพื่อนแก้เสียวสันหลังไปก่อนก็แล้วกัน

กว่าจะถึงเรือนกำนันก็มืดค่ำเข้าไต้เข้าไฟ  ไอ้ตัวจ้อยมันกอดตำราเรียนไว้แนบอก  ตลอดทางลูกชายกำนันเอาแต่แจวเรือนิ่ง  เจ๊กจั่นชวนคุยก็ตีหน้ายักษ์ใส่  ไม่พูดอะไรจนคำเดียว 
   
คล้อยหลังเจ้าของแผงหมู  ข้อแขนล่ำสันฉุดเหยื่อตัวน้อยขึ้นจากเรือ  เรือนทั้งหลังเงียบเชียบ  มีเสียงตำน้ำพริกดังมาจากในครัว  แว่วเสียงดีดลูกคิดป๊อกแป๊กมาจากห้องแม่  ส่วนพ่อ.. ดูท่าคงไม่อยู่ติดบ้านอีกตามเคย
   
นักเรียนครูพยายามขัดขืนสุดเรี่ยวแรงที่มี  เล็บคมๆ จิกลงท่อนแขนแกร่งจนขึ้นรอย  คนใจหินหรือจะแยแส  ไอ้สิงห์ออกแรงลากลิ่วๆ 
   
ความรักเหมือนโคถึก  กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดจากคอกไป   บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะผูกไว้   ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง  บ่หวนคิดถึงเจ็บกาย**


“ป่นแน่ไอ้จ้อย คืนนี้ข้าจะขยี้เอ็งให้ป่น” เสียงห้าวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน  ได้ยินอย่างนั้นจ้อยยิ่งสั่นผวา  ต่อต้านหนัก  ยิ่งพอถูกลากมาถึงหน้าห้อง  พอจะมองเห็นชะตากรรมตัวเองทันที  ร่างเล็กดิ้นพราด  ทั้งมือทั้งเท้าระรัวทุบถีบไม่ยั้ง  ตำราเรียนจะร่วงกระจัดกระจายก็ไม่สนใจแล้ว  คนตัวโตกลับไม่สะเทือนสักนิด  มือใหญ่กระชากประตูบานเฟี้ยมเปิด  ผลักจ้อยเข้าไปก่อนหันมาลงดาลแน่นหนา 
   
ในห้องนรกที่จ้อยพยายามหลีกลี้  ความกลัวรัวเข้าชำแรก  แทรกมาในความมืดสลัว  แม้เพียงจะหายใจยังติดขัดเหมือนมีอะไรมาจุกคอ  เงาทะมึนสูงใหญ่ย่างเข้าหา  ดูน่ากลัวราวปีศาจ  จ้อยถอยหนีทีละก้าวเงอะงะจนจนมุม
   
จ้อยอยากกรีดร้องเมื่อ ‘มัน’ ล่วงล้ำเข้ามาทุกที  ขาสั่น ไหล่สะท้าน แผ่นหลังติดฝาปะกน  ริมฝีปากรุมร้อนแนบลงบดเบียดดุดัน  นักเรียนครูสะท้านในอก  นี่ริมฝีปากคนหรืออสรพิษ  จ้อยกำลังถูกจูบหรือถูกงูพิษกัด  ไร้ซึ่งความหวามหวานอาทรเฉกเช่นคุณชายเลอมานได้รับจากอาจารย์คนึง  มีเพียงความทรมาน..รวดร้าว..ราวพิษสีดำพุ่งตรงถึงหัวใจ  มือหยาบกระด้างสอดเข้าใต้อกเสื้อ  ลากไล้หยาบโลนไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้อง     
   
งูพิษผละออก  จ้อยขยับปากจะร้อง  มันก็ส่งเสียงชู่ว “อยากเสียงดังให้แม่ข้าได้ยินหรือ” มันขู่เสียงต่ำ  อีกมือเลื่อนเข้าอีกทาง  ลากแผ่วบนแผ่นหลังเย็นยะเยือก  มือหนึ่งตลบชายเสื้อนักเรียนตัวเก่าขึ้น  จ้อยสะดุ้งเฮือกเมื่อริมฝีปากผ่าวแนบลง  ตวัดลิ้นลงปลายตุ่มไต
   
ราวกับก้อนเนื้อในอกจะหยุดเต้นฉับพลัน  หรือไม่ก็คงถูกมันกัดกินไปหมดสิ้น  ความทรมานกรูแทรกเข้าทุกอณูเนื้อ  จ้อยเริ่มหายใจไม่ออก  หอบหนักถะถี่  ลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ  ตัวเกร็งจนสั่นสะท้าน 
   
สิงห์ชะงัก  ยอมผละออกเมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ  ทันทีที่ปล่อยมือ  น้องก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้นราวกับตุ๊กตาหมดลาน  เสียงหอบหายใจถี่กระชั้นขึ้นทุกขณะ  นักเลงหนุ่มเริ่มใจไม่ดี  รีบผวาเข้าจุดโคมอัจกลับทันใดเพื่อขับไล่ความมืดมิด   
   
ร่างเล็กกอดเข่าซุกกาย  ไหล่สะท้านเป็นลูกนก  มือขาวเกร็งจิกลงเนื้อเข่าจนเป็นรอย  แสงนวลตาสาดส่องกระทบดวงตาฉ่ำด้วยน้ำใสคลอคลอง   
   
บาดหัวใจราวคมมีด!
   
มีด.. ที่เอาไว้บากคอ ‘โคถึกที่คึกพิโรธ’ ในโรงฆ่าสัตว์!
     
ร่างสูงใหญ่ทรุดกายลงตรงหน้า  เอื้อมมือไปหา.. อนิจจา.. แค่นั้นน้องก็ผวาจนตัวสั่น  ถอยร่นจนแทบแทรกลงไปในฝาเรือน  ทว่าดวงตาที่มองมา  เปี่ยมด้วยความคั่งแค้น จงเกลียดจงชัง
   
ลมเพชรหึงอ่อนกำลังลงง่ายดายด้วยน้ำตาเพียงหยดเดียว
   
‘คืนนี้จะขยี้ให้ป่น’ อย่างนั้นหรือ?  ทั้งที่หมายมาดไว้เช่นนั้น  แต่ตอนนี้สิงห์เริ่มไม่แน่ใจ  ใคร? ‘ขยี้’ ใคร? ให้ป่นกันแน่?
   
ใช่หัวใจเขาหรือไม่ที่ถูกทำให้แตกป่น  ด้วยละไอหยาดน้ำที่คลอวับอยู่ในดวงตาคู่นั้น 
   
“จ้อย..” นักเลงโตครางแผ่ว  สองมือยื่นไปหมายจะรั้งน้องมากอดประโลมขวัญ  พลันชะงักเพียงเห็นน้องผวาเฮือก  ถอยร่น  ทว่าดวงตาแข็งกร้าวชิงชัง
   
แค่สายตาก็พาให้เจ็บแสบเหมือนถูกจับแช่ในน้ำกรด  พออาการ ‘หน้ามืดตามัว’ หาย ‘สติ’ ก็ค่อยคืนมา  ความจริงความผิดน้องก็แค่กระผีกริ้น  แค่ถอดเสื้อเล่นบอลกับเพื่อน  แต่ทำไมเขาต้องโมโหหึงจนลุกลามใหญ่โตก็ไม่อาจรู้  รู้เพียงแค่เห็นน้องสนิทสนมยิ้มแย้มเล่นหัวกับชายอื่น  หัวใจมันเหมือนถูกเด็ดออกจากขั้ว
   
พี่แค่.. คิดถึง.. แค่ห่วง.. หวง.. มากเกินไป
   
เขาโมโหตัวเอง  ลุกขึ้นเตะขาเตียงเปรี้ยง  กี่หนแล้วที่เป็นแบบนี้  พอหึงขึ้นหน้าก็ฟาดงวงฟาดงาไม่ฟังใคร  เอากำลังเข้าหักหาญท่าเดียว  สันดาน!
   
น้องยังกอดเข่าอยู่กับพื้น  มองมาอย่างหวาดระแวง  ไอ้สิงห์ทนอยู่ในห้องนี้ไม่ได้อีก  ขืนอยู่ต่อ  สายตานั้นอาจขยี้ใจเขาแตกป่นมากกว่านี้ 
   
หัวหน้าอันธพาลสวนกับมารดาที่พาไล  มืออวบขาวรั้งแขนไว้หมับ
   
“ไอ้จ้อยมันกลับมาแล้วเรอะ” คุณนายกระซิบกระซาบ  สิงห์เพียงพยักหน้าส่งๆ สลัดมือแม่ออกแล้วเดินขย่มธรณีจากไป 
   
คุณนายเงินกู้หันมองห้องลูกชาย  หมั่นไส้เหลือคณา  นังแป้นเที่ยวชมกรอกหูว่า ‘ครู’ ราศีจับ  คุณนายได้แต่เบะปาก  น้ำหน้าอย่างลูกอีกำไลน่ะเรอะจะมีวาสนาได้ถือพานถวายพวงมาลัยดอกไม้ให้เจ้า  ลูกอีหยำฉ่าอย่างมัน  เทียบกะลูกชายแกไม่ติดด้วยซ้ำไป   
   
ตำราเรียน ๓-๔ เล่มกองเกะกะอยู่หน้าประตู  คุณนายหอบเข้าไปโยนใส่นักเรียนครูคนดีที่กอดเข่าตัวสั่นอยู่ภายใน
   
จ้อยรีบปาดน้ำตาทิ้ง  กลืนก้อนสะอื้นกลับคืนลงไปในอก  คล้อยหลังไอ้สิงห์ไม่ทันไร  คุณนายใจร้ายก็พรวดพราดเข้ามาอีก  บ้านหลังนี้มันนรกของจ้อยชัดๆ!
   
“ไงยะพ่อตัวดี  กว่าจะเสด็จกลับมาได้  แหม้” เสียงแหลมสูงค่อนขอด  ปากแดงแสยะเหยียดหยัน “อยู่มันแต่โรงเรียนนั่นแหละ  จะเรียนให้เป็นเจ้าคนนายคนวันนี้วันพรุ่งเลยหรือไง!”
   
จากนั้นคุณนายก็สวดยับ  สาธยายถึงงานบ้านร้อยแปดที่ไม่มีคนทำตอนจ้อยไม่อยู่  ลำเลิกถึงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่รดกะลาหัว  ตอกย้ำถึงหนี้ก้อนโตที่จ้อยมองไม่เห็นทางเลยว่าจะชดใช้หมดได้อย่างไร
   
“ฉันว่าแกไม่ต้องเรียนหนังสือแล้วดีกว่าไอ้จ้อย! เสียเวล่ำเวลา” เจ้าแม่เงินกู้ว่า “สันดานขี้ข้าจะร่ำเรียนไปทำไมนักหนา”
   
หนุ่มน้อยชะงัก  เงยดวงตาแข็งกร้าวขึ้นมองทันควัน 
   
“อ๊อมองหน้า?” คุณนายเริ่มถลกผ้านุ่งเท้าเอว  โทสะแล่นพล่านในแววตาเป็นริ้วๆ “เดี๋ยวนี้กล้ามองหน้าฉันยังงี้เรอะยะ!”
   
“จ้อยจะเรียน” จ้อยเป็นลูกหนี้ก็จริง  แต่มันเรื่องอะไรที่คุณนายต้องริบอนาคตของจ้อยไปเป็นดอกเบี้ยแบบนี้ 
   
“ฉันไม่ให้เรียน! แกจะทำไม! ฉันมีสิทธิ์! แกมันขี้ข้า” ปลายนิ้วสั่นระริกชี้หน้า  ปลายเท้าก็วาดเตะตำราเรียนที่วางแปะกับพื้นอย่างหยาบคาย “ลองไปเรียนสิ พรุ่งนี้ฉันจะริบที่ยายแกให้หมดเลย! ขายๆ มันไปซะ!”
   
นักเรียนครูคลานลนลานไปหาหนังสือ  หนังสือเรียนของจ้อยเก่ามากแล้วเพราะตกทอดมาจากพี่จินดาอีกที  สองมือเล็กคว้ามากอดแนบอกอย่างหวงแหน “จ้อยจะเรียน!”
   
คุณนายพูนทรัพย์คำรามในคออย่างน่ากลัว  ก่อนทำสิ่งที่จ้อยคาดไม่ถึง! 
   
มือขาวสะอาดกระชากตำราไปจากอก  แล้วฉีกควากออกต่อหน้า!  จ้อยมองอย่างตื่นตะลึงทั้งน้ำตาคลอเบ้า  ควากแรกปกถูกฉีกออกจากตัวเล่ม  ควากต่อๆ มาถูกดึงหลุดออกเป็นแผ่นๆ  และแล้วคุณนายก็กราดเกรี้ยวทั้งขยำทั้งขยี้ทั้งฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
   
“ป้าทรัพย์!” หนุ่มน้อยร้องเสียงหลง  ผวาเข้ายื้อแย่ง  ให้สาบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เถิด  จ้อยอ่อนน้อมถ่อมตนกับผู้อาวุโสมาตลอดชีวิต  อย่าว่าแต่ขั้นลงไม้ลงมือ  แม้กระทั่งยืนค้ำหัวผู้ใหญ่จ้อยยังไม่เคยทำ  แต่หนนี้จ้อยทนไม่ได้อีกต่อไป!
   
หัวใจจ้อยถูกลูกชายคุณนายทำลายย่อยยับ  เหลือเพียงเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งการศึกษาที่ทำให้จ้อยรู้สึกว่าชีวิตยังมีค่า  ขอร้อง.. อย่าทำลายความหวังสุดท้าย  อย่าดับเปลวเทียนริบหรี่ในชีวิตจ้อยลงเลย  หาไม่.. ชีวิตนี้จะมีความหมายอะไรอีก  คงไม่ต่างจากก้อนเนื้อที่ยังหายใจได้  ใช้ชีวิตไร้ค่าไปวันๆ 

อนิจจา.. ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ  สตรีสูงวัยตรงหน้ายิ่งทวีความคลุ้มคลั่ง  ตำราเรียนที่จ้อยหวงแหนนักหนา  ตำราเรียนที่จ้อยพร่ำกราบเช้าเย็น  บัดนี้กระจัดกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยเกลื่อนห้อง  หลานยายช้อยไล่เก็บทีละชิ้นทั้งน้ำตานองหน้า  เท่านั้นยังไม่หนำใจ  คนหัวหูยุ่งเหยิง  เดือดดาลจนหน้าแดงก่ำ  ก็ปราดเข้าไปคว้าตำราของจ้อยที่วางอยู่มุมห้องมาฉีกทำลายอีก  ปากก็พร่ำ.. “ไอ้ขี้ข้า!  อย่าริจะมาได้ดีเกินหน้าลูกกู!”

“พอแล้ว!” จ้อยพรวดขึ้นยื้อยุด  แขนเล็กๆ ผลักอกผู้มากวัยกว่าอย่างสุดทานทน  คนไม่ได้ตั้งตัวหงายหลังก้นจ้ำเบ้า  แกหอบจนตัวสั่น  เลือดฉีดขึ้นหน้าจนแดงก่ำ  กรีดร้องแทบไม่เป็นภาษามนุษย์ 
   
“ไอ้..ไอ้จ้อย มึงกล้าผลักกู!” สตรีที่คนยกมือไหว้ทั้งตำบลแค้นคลั่งอยู่กับพื้น  ทุกคำรีดเร้นออกมาจากหัวใจชิงชัง “ลูกอีดอกทอง มึงผลักกู!”
   
จ้อยยังกอดตำราย่อยยับไว้กับอก  อก..ที่บรรจุหัวใจย่อยยับไม่ต่างจากเศษกระดาษที่ถูกฉีกเกลื่อน  คุณนายยังไม่สาสมใจอีกหรือ  ไม่สิ.. ดูท่าจะเดือดดาลกว่าเก่าเป็นทวีคูณด้วยซ้ำ  ทำลายตำราเรียนจ้อยไปแล้วยังไม่หนำใจ  แกปรูดไปหาหีบหวายใบเก่าที่มุมห้อง  รื้อชุดนักเรียนของจ้อยที่พับเก็บอยู่ในนั้นออกมา! 
   
“ฮือ.. ป้าทรัพย์ พอได้แล้ว!” ร่างเล็กรี่เข้าห้าม  พยายามยื้อคืนสุดกำลัง 
   
“มึง! มึงอย่าเรียนเลยไอ้ขี้ข้า! กูไม่ให้มึงเรียน!” คุณนายฮึดฮัดอาละวาดเหมือนคนบ้า  สองมือดึงทึ้งเสื้อเชิ้ตสีหม่น  แต่เนื้อผ้าไม่เหมือนกระดาษ  แค่สองมือเปล่าตัดไม่ขาดดั่งใจแก! 
   
เจ้าแม่เงินกู้หอบชุดนักเรียนขี้ข้าโอหังออกจากห้อง  จ้อยตามไปทันที  เสียงโหวกเหวกโวยวายเคล้าเสียงร่ำไห้เรียกน้าแป้นกับน้ำฝนขึ้นมาดู  คุณนายโยนกองผ้าไว้กลางชานเรือนก่อนเดินตึงตังเข้าห้อง  จ้อยผวาเข้าไปกอดชุดนักเรียนแนบอก  ใจหายวาบเมื่อเห็นคนใจร้ายกลับออกมา.. พร้อมกรรไกรคมวาวในมือ!
   
“ป้าทรัพย์! อย่า! ฮือ..” เหตุการณ์จากนั้นชุลมุนสุดบรรยาย  เมียกำนันยื้อแย่งชุดนักเรียนที่จ้อยกอดไว้  ใช้กรรไกรตัดฉับๆ อย่างบ้าคลั่ง  จ้อยกรีดร้องลั่นปานดวงใจถูกคร่าไปพร้อมชุดนักเรียนอันทรงเกียรติที่กลายสภาพเป็นเศษผ้าขี้ริ้ว  น้าแป้นได้แต่ร้องห้าม  ส่วนหนูน้าฝนร้องไห้โฮ 
   
“หัดตักน้ำใส่กะโหลกซะบ้าง!  เป็นไม้เท้าอย่าสะเออะมายาวกว่าถ่อ  อยู่เป็นขี้ข้าที่นี่ไปจนตายเถอะมึง!” เสื้อเอย กางเกงเอย ถูกคุณนายตัดเสียรุ่ยร่ายเป็นเศษผ้า  คมกรรไกรเฉียดมือขาวที่พยายามยื้ออย่างน่าหวาดเสียว 
   
และแล้ว.. สิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดก็เกิดขึ้น!
   
“โอ๊ย!” จ้อยร้องลั่น  ทรุดฮวบลงกุมมือตัวเองแน่น  เลือดแดงฉานไหลทะลักจากง่ามนิ้ว  เนืองนองหยดแประลงพื้นเป็นดวงๆ 
   
ทุกคนตกตะลึง  ยิ่งเด็กหญิงถึงขั้นร้องไห้กรี๊ดๆ 
   
กรรไกรคมวาวด้ามแดงที่คุณนายพูนทรัพย์ใช้ตัดผ้ามาตลอด  ตอนนี้กลับเอามาใช้ตัดเนื้อคนโดยไม่ได้ตั้งใจ!  แน่นอน  แกไม่ได้ตั้งใจจริงๆ  แกแค่คิดจะตัดชุดนักเรียนไอ้บ่าวตัวดีให้ขาดวิ่น  มันจะได้ไม่มีปัญญาไปโรงเรียนได้อีก  แต่ไอ้ขี้ข้าเสือกเอามือมาขวางคมกรรไกรทำไม! 
   
ในแววตาตระหนก  มีความรู้สึกผิดลอยวูบ  แต่แค่เพียงแวบเดียว  แกรีบปัดความรู้สึกนั้นทิ้งเช่นเดียวกับกรรไกรเปื้อนเลือดที่ถูกโยนลงพื้น           
   
“ดะ..ดี! มือขาดไปเลย! สมน้ำหน้า!” นางพูนทรัพย์เสียงสั่น  เอาความกราดเกรี้ยวเข้ากลบเกลื่อน “ดูซิจะเอามือที่ไหนเขียนหนังสือ!”
   
หนุ่มน้อยสะอื้นฮั่ก  คมกรรไกรเฉือนเนื้อ  เจ็บปวดเหลือประมาณ  แต่ยังไม่ร้าวรานเท่าคมวาจาที่ผู้อาวุโสพ่นใส่หน้า  เฉือนใจแหลกยับไม่เหลือชิ้นดี!  น้าแป้นปรูดเข้ามาดู  แกครางหวิวในคอเมื่อเห็นแผลฉกรรจ์บนมือน้อย  คมกรรไกรกินลึกเข้าไปจนเห็นเนื้อขาวๆ โผล่ออกมาจากมืออาบเลือด   
   
“เอะอะอะไรกัน! แม่!” เสียงฝีเท้าตึงตังจนเรือนสะเทือน  ครั้นพอเห็นมือโชกเลือดของเจ้าตัวจ้อยเท่านั้น.. “จ้อย!” คนตัวโตผวาเข้าไปประคอง  เอาเศษเสื้อนักเรียนที่ถูกตัดจนวิ่นนั่นแหละห้ามเลือด 
   
เศษเสื้อนักเรียนที่ถูกตัดจนวิ่น?!
   
“แม่!” เสียงห้าวหันไปตะคอกมารดา  หลักฐานทนโท่แบบนี้  ตัวการจะเป็นใครไปได้ “แม่ทำอะไร!”
   
คุณนายฟังเสียที่ไหน  แกเบะปากเชอะแล้วเดินขาปัดเข้าห้อง  สิงห์ไม่มีเวลาพิรี้พิไร  วงแขนล่ำสันช้อนร่างคนเจ็บขึ้นอุ้มแนบอก  เขาต้องพาน้องไปโรงหมอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
   
จ้อยไร้เรี่ยวแรงจะพยศเช่นเคย  ดวงตานิ่งขึงดั่งไม่จดจ่อต่อสิ่งใด  สิ่งเดียวที่จับจ้องคือมือขวาของตนที่ถูกห่อหุ้มด้วยเศษชุดนักเรียนเปื้อนเลือด  ได้แต่ทอดร่างราวตุ๊กตาในอ้อมอกอุ่นจัด  สิ่งเดียวในห้วงคำนึงคือคำพูดของคุณนายเมื่อครู่ 
   
‘ดูซิจะเอามือที่ไหนเขียนหนังสือ’   
   
มือขวาที่เจ็บ.. ชา.. แทบไร้ความรู้สึก.. พาให้ใจเสีย..
   
จ้อยจะเขียนหนังสือได้อีกไหม..

*************************

(มีต่อจ้ะ :hao7:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 21-12-2013 23:14:07
“อาจารย์มาแล้ว!” เสียงสดใสเจื้อยแจ้วทันทีที่คนึงเปิดประตูเข้าไปในห้อง “หายไปไหนมาครับ เล็กรอตั้งนาน” ร่างขาวลออ เนื้อตัวหอมสะอาดเข้ามากอดแขน  ความดีใจไหวระยิบในดวงตา  สดใสเหมือนเด็ก 
   
“ครู..” คนึงอับจนถ้อยคำ  ค่อยๆ แกะมือที่เกาะแขนออกอย่างนุ่มนวล “ครูไปทำงาน.. เอ่อ.. ตรวจการบ้าน”
   
เด็กหนุ่มมองมาตาแป๋ว  แววตาบ่งบอกว่าเชื่อหมดใจ  คนมุสาเสียอีกต้องเป็นฝ่ายหลบสายตา  เขาไม่ได้หายไปตรวจการบ้านจริงดังว่า  แต่แค่ขอเวลาไป ‘ทำใจ’
   
ความเอ๋ยความรัก.. ยากยิ่งนัก.. จะหักใจลา..
   
ลาจากใดจะทรมานเท่า.. ลาจากทั้งที่ยังเห็นหน้า..

อาจารย์หนุ่มกลับเข้ามาอีกทีหลังอาบน้ำเสร็จ  ศิษย์รักยังนั่งรออยู่บนเตียง.. ของเขา  ร่างสูงใหญ่เดินไปทรุดกายนั่งลงที่โต๊ะทำงาน  หยิบแว่นมาสวม  เปิดนู่นเปิดนี่ไปเรื่อย 
   
“อาจารย์มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” สมกับเป็นเลอมาน  จับความรู้สึกในสีหน้าคนออกง่ายดายเหลือเกิน “หม่อมย่าคุยอะไรกับอาจารย์หรือครับ” มือเล็กนวดไหล่ให้อย่างเอาใจ
   
คนึงถอนใจพรู  ยังไม่ละสายตาจากหนังสือตรงหน้า  บอก ‘ทั้งหมด’ ได้หรือ 
   
“ท่านฝากฝัง.. ให้ดูแลบุตรชายคนเดียวของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชให้ดี”
   
อย่าให้มีพวกไม่มีสกุลรุนชาติที่ไหนมาเกาะแกะ...
   
ประโยคนั้นไม่ได้พูดออกไปดั่งใจคิด
   
“หม่อมราชวงศ์เลอมานเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลบูรพวงศ์  คู่ครองต้องเป็นคนที่คู่ควรกัน” อาจารย์หันมองศิษย์เต็มตา  ดวงหน้าผ่องใส  ริมฝีปากได้รูปยักยิ้มละมุน 
   
“อาจารย์..นี่มันสมัยไหนกันแล้ว  เล็กเป็นแค่หม่อมราชวงศ์เอง” ร่างเล็กทรุดลงนั่งกับพื้น  วางศีรษะลงบนตักเขา  เหมือนลูกแมวออดอ้อน “ถ้ามีลูก  ลูกก็เป็นหม่อมหลวง  ถ้ามีหลาน..หลานก็ไม่มีหม่อมอะไรนำหน้าแล้ว  เป็นนายเป็นนางสาวเหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ”
   
เด็กหนุ่มพูดเจื้อย  หารู้ไม่  ในคำพูดที่เหมือนไม่มีอะไร  ตอกลิ่มแหลมลึกลงหัวใจคนฟังทีละนิด 
   
มีลูก.. มีหลาน..
   
สิ่งนี้มิใช่หรือที่ผู้เป็นบุพการีเฝ้าปรารถนาจาก ‘ลูกชายคนเดียว’
   
สืบเชื้อสายวงศ์ตระกูล! 
   
อุปสรรครักนี้มิใช่แค่ชนชั้นที่แตกต่างเสียแล้วคนึง วนาสัย 
   
หากศักดินาฐานันดรเป็นกำแพงหินสูงชัน  ขนบประเพณีที่ไม่มีวันยอมรับความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย  คงเป็นดั่งมหานทีสีทันดร  อย่างแรก.. ยังพอปีนป่ายข้ามไปไหว  หากอย่างหลัง.. แค่มองหาฝั่งยังไม่เห็น
   
คนึงหลับตา ตรงหน้าคือกำแพงหินสูงลิบ  ถัดไปคือมหานทีเวิ้งว้าง  ความฝันที่จะได้ครองคู่กับหม่อมราชวงศ์เลอมานคือขอบฝั่งไกลโพ้นสุดสายตา  เขาจะตะเกียกตะกายข้ามไปได้อย่างไรกัน
   
ลำพังตัวเองยังไม่เท่าไร  เขาจะฉุดเลอมานลงมาแปดเปื้อนไปด้วยไม่ได้  เกียรติยศของมรว.เลอมาน  อย่าได้มาพังทลายลงเพราะเขาเลย
   
มือหยาบใหญ่วางลงบนศีรษะทุยสวย  ลูบไล้เส้นผมนุ่มมือแผ่วเบา  ขอสัญญาด้วยหัวใจต่อหม่อมดารา บูรพวงศ์  เขาจะคอยระแวดระวังให้ที  จะไม่ให้มีคนไม่มีสกุลรุนชาติที่ไหนมาเกาะแกะหม่อมราชวงศ์เลอมานได้ 
   
แม้กระทั่งตัวเขาเอง!
   
แต่คนอย่างคุณชายเล็ก  ให้บอกไปตรงๆ  เด็กรั้นอย่างนี้ไม่มีวันยอมแน่
   
จะทำฉันใดดีนะอกเอ๋ย.. 

*************************

ร่างผอมบางซีดเซียวหลับสนิทบนเตียงไม้สัก  หน้าขาวเท่ากับสีหมอนที่รองรับศีรษะ  สิงห์นั่งแปะอยู่กับพื้นข้างเตียง  นิ่งมองมือข้างขวาของน้องที่พันไว้ด้วยผ้าพันแผลหนาเตอะ 
   
น้องถูกกรรไกรกินเนื้อตรงง่ามมือระหว่างหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้  บากลึกเกือบถึงกระดูก  เย็บไปสิบกว่าเข็ม  หมอสั่งให้ไปล้างแผลที่อนามัยทุกวัน  และข้อสำคัญห้ามให้แผลโดนน้ำเด็ดขาด 
   
หัวหน้าอันธพาลทอดสายตาโศกสลด  นี่หรือ.. เขาพาน้องกลับบ้านมาเพื่อให้มาเผชิญเคราะห์เช่นนี้หรือ  แผลลึกเอาการ  บ่งบอกว่าแม่เขาไม่ยั้งแรงเลย  แต่ถึงกระนั้น  ไอ้สิงห์ก็ยังปักใจเชื่อว่าแม่ไม่ได้ตั้งใจเล่นงานจ้อยถึงขั้นเลือดตกยางออกแบบนี้
มือใหญ่คว้าหมอนขิดมาหนุนนอนแอ้งแม้งกับพื้นหน้าเตียง  มุ้งเมิ้งไม่ต้องกาง  เกิดน้องตื่นขึ้นมากลางดึกจะเรียกหาอะไร  แค่ใช้ตีนสะกิดเขาก็พร้อมจะลุกทันที
   
สิงห์หลับไปนานเท่าไรไม่รู้ได้  มาสะดุ้งตื่นเอาเมื่อได้ยินเสียงกุกกักๆ  ร่างสูงใหญ่เด้งตัวลุกขึ้นพรวด  สิ่งแรกที่มองหาคือร่างน้อยที่นอนนิ่งบนเตียง  ใจหายวาบเมื่อพบเพียงเตียงว่างเปล่า!
   
แสงตะเกียงริบหรี่ที่จุดทิ้งไว้สะท้อนให้เห็นเงาตะคุ่มนั่งอยู่มุมห้อง  ชายหนุ่มถอนใจโล่งอก  ไขไส้ตะเกียงขึ้น  แสงสว่างกระจ่างเป็นวง  เมื่อนั้นจึงเห็นชัดเต็มตา 
   
น้องกำลังนั่งเก็บเศษกระดาษ.. ไม่สิ.. เรียกว่าตำราเรียนที่ถูกแม่เขาฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจะเหมาะกว่า  มือสั่นเทาค่อยๆ หยิบทีละแผ่น..ทีละชิ้น.. พยายามวางต่อกันให้เป็นหนังสือดังเดิม..
   
ฝนทั่งให้เป็นเข็มยังง่ายกว่ากระมัง
   
“จ้อย..” เสียงต่ำครางแผ่วในคอ  ขยับเข้าไปหา  น้องไม่เงยหน้ามองกันสักนิด  ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน
   
น้องใช้มือซ้ายหยิบปากกาที่หล่นอยู่แถวนั้นวางใส่มือขวา.. พยายามกำมือ..
   
กำไม่ได้..
   
ดวงตาว่างเปล่ามองปากกาในมือที่พอกด้วยผ้าพันแผลนิ่งงัน
   
สิงห์กลืนก้อนแข็งๆ ที่แล่นขึ้นจุกคอ  ก่อนเสียงทุ้มเอ่ยปลอบประโลม “แผลมันตึง..” มือใหญ่แตะแผ่วเบาที่มือสั่นระริก “..เลยจับปากกาไม่ได้  เดี๋ยวก็หายนะจ้อย”
   
ดวงหน้าซีดเผือดเงยขึ้นมองกัน  แสงตะเกียงนวลส่องให้เห็นหน่วยตาดำมีหยาดน้ำใสคลอคลอง
   
“ต้องการแบบนี้ใช่ไหม” เสียงแหบพร่าแผ่วหวิว “ที่บีบบังคับให้มาอยู่ด้วย  เพื่อมารังแกกันอย่างนี้ใช่ไหม” คนฟังได้แต่มองนิ่งงัน
   
“กูเกลียดมึง  กูจะเกลียดมึงไปจนวันตาย” สุ้มเสียงเบาบาง.. แต่เต็มเปี่ยมด้วยความชิงชังทุกถ้อยคำ  แววตานั้นเล่า.. ประหัตประหารใจกันจนไม่เหลือชิ้นดี 
   
แม้หัวใจแทบภินท์พัง  หากมือแข็งยังมีแรงเอื้อมไปหา  แตะซับหยดน้ำตาที่ทิ้งลงแก้มขาวแผ่วเบา 
   
ใครเลยจะรู้ดีเท่าเขา  นักเรียนครูผู้อ่อนโยน  ว่านอนสอนง่าย  กิริยานอบน้อม  ลึกลงไปในอกซ้าย  หัวใจที่ซ่อนอยู่ในนั้นแข็งปานหินผา  แต่วันนี้.. หินผามีรอยผุกร่อน  ทำท่าจะพังทลาย 
   
“ไม่เป็นไร..” เสียงเขาอ่อนโยนเช่นพี่ชายเอ่ยต่อน้องน้อย “เดี๋ยวจ้อยก็หาย  เดี๋ยวก็เขียนหนังสือได้.. นะ..”
   
“กูเกลียดมึง..”
   
“จ้ะ” รอยยิ้มของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย  ดั่งพยายามบังคับสุดความสามารถ  หยาดน้ำรื้นสองตาจนเป็นไอฝ้าฟาง  มือหยาบใหญ่แตะลงมือน้อย  วางหัวใจไร้ค่าทั้งดวงลงไปบนนั้น “จ้อยต้องหาย  เชื่อพี่.. ”   
   
ตอนเด็ก.. พี่เคยบอกว่า.. ถ้าพี่ทำเบ็ดเกี่ยวตาจ้อยบอด  พี่จะควักลูกตาตัวเองให้แทน
   
พี่อาจขลาดล้ำซ้ำเขลา ใจเบาไร้แกนแก่นสาร..
   
แต่คำใดที่พี่เคยพูดไว้  พี่หมายความตามนั้นทุกคำ!

   
จันทร์ลอยดวงเด่นกลางผืนฟ้ามืด  เรือนไทยทั้งหลังเงียบกริบราวไร้ความเคลื่อนไหว  ทว่าที่นอกชาน  หัวหน้าอันธพาลยังนั่งอยู่ท่ามกลางกองเศษตำราและชุดนักเรียนที่ถูกตัดจนขาดเป็นผ้าขี้ริ้ว  มือใหญ่สาละวนเอาแป้งเปียกแปะกระดาษต่อกัน  สักพักก็ถอนใจพรืด  ไม่ได้เรื่องเลย.. ยับเยินขนาดนี้  ยิ่งพยายามยิ่งเลอะเทอะกว่าเก่า  เปลี่ยนไปคว้ากล่องเข็มของแม่  สนเข็มอยู่นานกับแสงตะเกียงพร่าไหว  หากพอฝีเย็บสะเปะสะปะเดินหน้าเป็นตะขาบขาคดได้ไม่เท่าไร  ปลายเข็มแหลมก็ทิ่มนิ้วเข้าให้  เรียกหยดเลือดแต้มผ้าขาวเป็นวง
   
ลูกชายกำนันกำลังสะบัดมือเร่าๆ  ตอนน้าแป้นหิ้วตะเกียงน้ำมันขึ้นเรือนมา “ไม่ไหวหรอกสิงห์เอ๋ย” สุ้มเสียงเปี่ยมไปด้วยความอาทร  แกทรุดตัวนั่งลงใกล้ๆ คว้าเศษเสื้อในมือใหญ่ไปเพ่งดูแล้วก็ส่ายหน้า
   
“แล้ววันจันทร์จ้อยมันจะเอาอะไรไปเรียนล่ะน้า” นักเลงโตถามแผ่ว  ลูบรอยเย็บเส็งเคร็งบนเศษผ้าแผ่วเบา  เข็มเย็บผ้ามันเล็กกว่าไม้หน้าสามตั้งเยอะ  ทำไมควบคุมทิศทางยากเย็นนัก
   
“ชุดนักเรียนนี่ไปให้นังแมวที่ตลาดมันตัดให้ก็ได้  วัดตัวครูไป  แต่คงเสร็จไม่ทันวันจันทร์หรอก” น้าแป้นช่วยแนะให้ “ส่วนหนังสือนี่น้าจนใจจริงๆ  ตลาดหัวรอจะมีขายไหมหือ”
   
สิงห์ถอนใจพรู  ไอ้ชุดนักเรียนน่ะพอหาทางได้  แต่ตำราเรียนนี่สิ  บางเล่ม.. คนโง่เง่าอย่างเขาอ่านปกไม่ออกด้วยซ้ำ  บางเล่มเป็นภาษาปะกิดเสียอีก  แล้วจะหันหน้าไปพึ่งใครดี  พ่อ? ไม่ได้!  ขืนให้พ่อรู้เรื่องนี้ละบ้านแตกแน่  พวกไอ้ลอย?  เฮ่อะ!  ไอ้พวกนั้นเลิกพูดได้เลย 
   
ใบหน้าเย่อหยิ่งทว่าดวงตาจริงใจของใครคนหนึ่งผ่านวาบเข้ามาในความคิด  นักเลงหนุ่มค่อยจุดยิ้มแห่งความหวังกลางแสงตะเกียงสลัว
   
เขาลืมคุณชายเล็กไปได้อย่างไรกัน!
   

โปรดติดตามตอนต่อไป

-----------------------------------------------------------------------------------------------------
*เหลือความดีให้พี่บ้าง, นนท์ปิญา คำร้อง, ธานินทร์ อินทรเทพ ขับร้อง
**มัทนะพาธา    



แหะๆ (หลบตาคนอ่านแล้วค่อยๆย่องตอดออกไป :katai5:)

ดอกไม้
๒๑ ธ.ค. ๕๖
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 21-12-2013 23:24:58
โธ่มาตอนนี้ สวสาร สิงห์จับใจ โดนน้องจ้อยด่าว่า อย่างไรก็"จ๊ะ" คำเดียว เห้อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 21-12-2013 23:27:58
 :z3: :z3: มันทรมานใจดีจัง แต่ชอบครับ ฮ่าๆ
อยากอ่านอีกไวๆ เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: iiam ที่ 21-12-2013 23:32:07

สงสารทุกคนในเรื่อง TT

รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ ลุ้นมาก จริงๆ TT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 21-12-2013 23:35:12
ฮืออออ สงสารน้องจ้อยน้ำตาไหล  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 21-12-2013 23:37:57
จ้อยจะด่าจะว่าอย่างไร พี่สิงห์ก็ได้แต่ จ้ะ โอ๊ยยยย สงสารละเกิน  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 21-12-2013 23:55:34
โอยยยยยยยย นำตาไหลเลย สงสารน้องจ้อยอย่างที่สุด 
สงสารพี่สิงห์ด้วยยยยยยยยยย  โอยยยยยยยยยยย  ทรมานแท้ล่าาาาา
รักกันๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 22-12-2013 00:05:55
 :sad11:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 22-12-2013 00:17:09
กูเกลียดมึง :m15: :monkeysad: :sad11: :o12: :impress3:
รู้สึกเจ็บมากๆอ่ะ รับรู้ได้ถึงความเกลียดชังของจ้อยเลย
อาจจะเป็นกับจ้อยที่เป็นคนพูดเพราะ พอพูดคำนี้มันเลยทำให้เจ็บเป็น๒เท่า

สงสารพี่สิงห์

เกลียดแม่ผัว ...สันดาน(ขอยืมคำพี่สิงห์นะค่ะ)

ปล.นอนไม่หลับ  :laugh:

+๑
+เป็ด
 o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 22-12-2013 00:20:37
มันรันทดมากจนไม่อยากอ่านแล้ว

ขออภัยคนเขียนจริงๆ เหมือนโดนผลักตกน้ำแล้วโดนเหยียบหัวซ้ำไม่ให้โผล่อ่ะ

คนเขียนเขียนดีไม่มีที่ติเลยค่ะ เราถึงไม่อยากอ่านช่วงนี้เท่าไร มันอินและมันหดหู่นะ เหมือนมองไม่เห็นฝั่ง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 22-12-2013 00:30:01
มีแต่เรื่องดราม่า โฮฮฮฮฮ  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 22-12-2013 00:46:20
มันแบบว่า....เฮ้อออออ หน่วงสุดๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 22-12-2013 09:59:03
 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Julytastic ที่ 22-12-2013 10:01:08
สงสารจ้อย แต่สงสารพี่สิงห์มากกว่า
ตอนที่จ้อยบอกพี่สิงห์กูเกลียดมึง แล้วพี่สิงห์รับคำว่าจ้ะ แบบโอ้ยยย น้ำตาจะเล็ด :katai1:
แต่พออ่านถึงตอนที่พี่สิงห์เอาหนังสือกับชุดนักเรียนของจ้อยมาแปะมาเย็บ นี่น้ำตาไหลเลย พี่สิงห์ดีมากเลยอะ ฮืออออออ  :sad4:
แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จ้อยจะรักพี่สิงห์หนออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 22-12-2013 10:13:54
ยิ่งอ่านยิ่งทุกข์ พี่สิงห์ พ่อจ้อย ทำไมมันรันทดเหลือเกินพ่อเอ้ย

ยังไงก้อขอให้พี่สิงห์ช่วยน้องให้มากที่สุดที่จะมากได้นะพ่อนะ

น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อนนะพ่อนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: narunarutoboyz ที่ 22-12-2013 11:40:11
คือว่าจะเม้นมาตั้งเเต่ 2 ตอนที่เเล้ว แต่ยังนึกอะไรมาเขียนไม่ได้เลย
เรื่องนี้มันกินใจเรามากเลยค่ะ ที่ทำได้มีเเต่ไปเม้นสั้นๆที่หน้าเพจ
แต่วันนี้เราว่ามันถึงเวลาเเล้ว นึกไม่ออกก็จะเม้น
ตั้งเเต่อ่านเรื่องนี้มา ไม่ว่าจะเป็นภาษาที่ใช้ หรือบรรยากาศของเรื่อง หรือตัวละคร มันทำเราอินหมดเลยค่ะ
สงสารทุกคนเลย ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์คนึง-คุณเล็ก สิงห์-จ้อย หรือเเม้เเต่ครูจินดาเองก็เถอะ
เรานึกไม่ออกจริงๆว่าดราม่าเรื่องนี้จะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหน สำหรับสิงห์-จ้อย เรายังจะพอมโนได้บ้าง
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะจบกันได้ดีเเค่ไหนก็เถอะ ที่น่าเป็นห่วงจริงๆก็คือ อ.คนึง-คุณเล็ก เพราะเท่าที่ดูสมัยก่อนของไทยเค้าไม่ยอมรับเลย
ยิ่งเป็นชนชั้นสูงยิ่งเเล้วใหญ่ แม้เราจะเคยอ่านหนังสือ "นายใน" สมัยร.ที่ 5 แต่ก็นั่นแหล่ะ
ดูจากคุณย่าที่นิสัยเเบบนี้ จะไปโทษท่านก็ไม่ได้ สมัยนี้เหยียดคนเเค่ไหน สมัยนั้นยิ่งมากกว่าหลายเท่า
ท่านพ่อของคุณเล็กดูเป็นคนใจดีเปิดกว้าง แต่ก็นั่นเเหล่ะ ถ้าเป็นเรื่องความรักครั้งนี้ของลูกชาย
เราก็เดาใจท่านไม่ถูกเลย

อ่านเเล้วรู้สึกเเย่ตามตัวละครจังเลยค่ะ ยิ่งตอนที่สิงห์ข่มเหงรังแกจ้อย เพราะคำยุยงของไอ้ลอย
ตอนนั้นเราร้องไห้ไปกับน้องเลย เพราะตอนนั้นน้องใส่เสื้อมาเพื่อง้อพี่ จ้อยเรียกสิงห์ว่าพี่แล้ว
แต่ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ เราอยากให้สิงห์เลิกบเพื่อนคนนี้อ่ะ
เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เมื่อไหร่คุณดอกไม้จะให้สิงห์เลิกกับเพื่อนคนนี้ซักทีก็ไม่รู้
แล้วพอมาตอนนี้อีก แม่สิงห์ทำเกินไปแล้ว จริงๆควรให้พ่อรู้ไปเลย ความลับมันไม่มีในโลกหรอก
ตอนนี้สงสารจ้อยมากเลย แต่บางทีก็โกรธจ้อยตอนที่เค้าทำเป็นรังเกียจคุณเล็กนะ
เรื่องนี้คุณเล็กก็น่าสงสารพอกันเลยอ่ะ คุณเล็กตอนเเรกอาจจะดูนิสัยไม่ดี แต่เพราะเค้าอยูกับสังคมเเบบนั้นมา
เเต่พออยู่ไปอยู่มาก็รู้ว่าเนื้อเเท้คุณเล็กไม่ได้เป็นเเบบนั้น ก็อยากให้จ้อยมองที่ใจกับสิ่งที่เล็กทำให้จ้อยกันมากกว่านะ

เฮ้อออออ พูดถึงประโยค "ความลับไม่มีในโลก" เเล้ว ก็รู้เหมือนกันว่าอะไรๆก็ต้องเปิดเผย
ด้านสิงห์เองพอถึงเวลาเรื่องนี้ก็จะต้องมีคนรู้ พ่อสิงห์เราว่าไม่เท่าไหร่ดูจะเบากว่าพ่อของเล็ก
เพราะเห็นมาตลอดว่าจ้อยถูกรังแก แต่ตัวเเม่นี่สิ ปัญหาจริงๆเเน่ นางไม่ยอมเเน่ๆ
เฮ้ออออออออออออออออออออออออ  :เฮ้อ:

มีเเต่เรื่องหนักใจทั้งนั้นเลยอ่ะคุณดอกไม้ เมื่อไหร่น้ออออออ ที่มันจะจบซักที
เราอยากให้เรื่องนี้จบนะ เพราะเราไม่ชอบดราม่าแนวนี้เลย
มันเจ็บปวดมากๆเลยอ่ะ มันน่าอึดอัด เรามองไม่เห็นทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะของใครเลยอ่ะ
สมัยก่อนเรื่องพวกนี้ไม่ได้รับการยอมรับเลยยยยยย
ไม่เเน่ว่าพวกเค้าอาจจะได้อยู่กันเงียบๆ โดยที่รู้กันเเค่ในครอบครัว แล้วเล็กอาจมาเป็นครูที่นี่เลย
ส่วนเรื่องของสิงห์จ้อย ก็น่าจะคล้ายๆกัน แต่คนที่รู้และน่าจะเป็นปัญหาให้คู่นี้เพิ่มอีก ก็น่าจะเป็นไอ้ลอย

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด อึดอัดเจ้าค่าาาาาาาาาาาาาา
คุณดอกไม้ เราไม่อยากเดา ไม่อยากรับรู้ความจริงอันเเสนโหดร้ายเลย
แต่จะทำอะไรได้ เพราะเราก็ยังอยากรู้ให้ถึงที่สุดเหมือนกัน
ก็สัญญาว่า ต่อให้ดราม่ากว่านี้(ฮือๆๆๆๆ) แต่จะติดตามกนไปอย่าสุดชีวิตเลยค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้มีเเรงมาแต่งต่อไวๆ มีเเรงกลับมาลงอย่างต่อเนื่อง
เพราะเราอยากผ่านดราม่าให้พ้นไปเร็วๆ จะรอนะคะ สู้ๆค่าาาา

 :กอด1: :L2: :sad4: :m15: :monkeysad:

ปล.อยากรู้ว่าตอนจบมันแฮ๊ปปี้เอ็นดิ้งมั๊ยอ่าาา :ling3:


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 22-12-2013 11:59:26
นึกว่าพี่สิงห์จะได้ทบทวนความหลังซะแล้ว
แต่น้องจ้อยเจอแบบนี้น่าสงสารจริงๆค่ะ เห้อออ หวังว่าจะได้มีอนาคตดีๆเร็วๆเน้อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 22-12-2013 12:48:15
อื้อหือ  :เฮ้อ: ไม่ว่าจะเป็นคู่ของอาจารย์คนึงกับชายเล็ก หรือ คู่ของสิงห์กับจ้อย ก็ล้วนแต่มองว่ามาบรรจบกันยากเหลือเกิน เหนื่อยแทน :z10:   คุณดอกไม้เขียนได้ดีมากค่ะ ฉุดอารมณ์นักอ่านล่วงเหวเลยอ่ะ :m15: สงสารสิงห์ อย่าโกรธสิงห์มันเลย มาโงงงงงงงงงงงงง่    จ้อยให้อภัยมันและค่อยๆ สั่งสอนมันเอาน้าาาาาาาาา   อย่าเกลียดสิงห์มันเลยยยยยยยยยยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 22-12-2013 12:57:57
อ่านแล้วบีบหัวใจมาก ไม่ว่าใครก็น่าสงสารทั้งนั้น

โดยเฉพาะพี่สิงห์ตอนจ้อยบอกเกลียด  :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: kissazazel ที่ 22-12-2013 14:02:32
นั่นปะไร อิฉันว่าแล้ว ขนมาม่ากันมาเป็นกระบุงเชียว

พี่สิงห์เอ๊ย น่าสงสารยิ่งนัก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: moo...I3in ที่ 22-12-2013 14:48:10
สงสารทั้งคู่ ทั้งหน่วงทั้งบีบคั้น เอาใจช่วยสิงห์ให้จ้อยเห็นความดีเร็วๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 22-12-2013 15:51:27
แม่สิงห์จะอะไรกันนักหนานะนั่น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 22-12-2013 17:06:51
แม่พี่สิงห์โกรธเกลียดอะไรจ้อยมากมายขนาดนั้น
มีปมหลังอะไรหรือเปล่า ดูรุนแรงเกินไป
 :mew5:

ตอนนี้น้ำตาไหลให้พี่สิงห์อีกแล้ว
เข้าโหมดพ่อคนดีให้ได้นะตลอดนะพ่อ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: punomenon ที่ 22-12-2013 18:07:53
 :ling1: โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เรื่องนี้ยกให้เป็นนิยายที่สนุกที่สุดในปี2013เลยค่ะ

ขอบอกว่าตามอ่านไม่ต่ำกว่าสิบรอบได้ มันหน่วงมาก ปวดตับปวดไต บีบหัวใจสุดๆ

คนึงก็พระเอกเกิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนน อย่ามาบอกว่ารักแล้วทำแบบนี้นะ :katai1:

ตอนโดนทิ้งเลอมานคงเสียศูนย์แหงมๆ สงสารน้องบ้างเถอะ อะไรๆก็กำลังจะดีขึ้น

หม่อมย่านะหม่อมย่า  :z3: อ๊ากกก อยากพ่นไฟ :fire: :angry2: :angry2:



จ้อยก็น่าสงสาร มือจะเป็นอะไรไหม ขอให้มือกลับมาใช้ได้เหมือนเดิมนะ คู่หลักว่ารอดยากแล้ว

คู่รองนี่สิ ไม่เห็นทางรอดสักกะนิดเลย ยิ่งอ่านยิ่งลงเหว อะไรๆก็แย่ไปหมด ฮือออออออ :hao5:

จะรอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: narongyut ที่ 22-12-2013 18:57:28
 :mew6:  จ้อยเอ้ยเมื่อไหรจ้อยจะพ้นจากทุกข์เสียทีอยากให้จ้อยมีความสุขบ้างครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 22-12-2013 20:39:00
อ่านทีไรก็ร้องไห้ อึ้ง ตะลึง เพริด ไปกับอารมณ์ของตัวละคร คุณดอกไม้เก่งจังค่ะ
น้องจ้อย ใจแข็งปานหินผาจริง ๆ โคตรมองไม่เห็นทางที่จะลงเอยกันได้ สิงห์ต้องทำดีซักกี่ปีถึงจะได้ใจน้อง
อะไรจะทำให้น้องคนน่ารักกลับมาได้ เรื่องราวมันไปไกลใหญ่โต เจ็บปวดนะกับสายตาที่น้องมอง
แต่จ้อยเองก็เจออะไรมาเยอะมาก น่าสงสาร คุณนายแม่ทำไมใจร้ายแบบนี้ล่ะ ทำผิดต้องยอมรับสิ
เอาแต่อารมณ์ สิงห์เหมือนแม่นี่เองแหละ สงสารตอนฉีกหนังสือน้อง....ฮืออออ

แค่คิดถึงสิ่งที่ครูคณึงอาจจะทำคนอ่านก็ปวดใจจี๊ด คุณเล็กยังวิ่งด๊องแด๊งน่ารักอยู่รอบตัวอยู่เลย
ถ้าต้องเสียใจจะพังไปขนาดไหน คนนี้แข็งนอกอ่อนใน ยิ่งตอนนี้อ่อนทั้งนอกและในกับครูคณึง
พระคุ้มครองนะคะคุณเล็ก พวกมารมันก็ยิ่งจ้อง

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: mahaki ที่ 22-12-2013 20:44:06
จ้อยเธอก็เป็นนายเอกนะจ๊ะจะเกลียดครูกับเล็กไปทำไม :ruready
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 23-12-2013 04:43:47
อ่านถึงหน้า 33
จองไว้ก่อนกิกิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 23-12-2013 06:08:52
อ่านเรื่องนี้ทีไรน้ำตาซึมทุกที ตอนนี้น่าสงสารทุกตัวละครยกเว้นแม่พี่สิงห์
เหม่อยากจะเข้าไปในฉากแล้วกระโดดขาคู่ถีบหน้าป้าแกจริงๆ
ทำไมใจร้ายนัก อิจฉาจ้อยกลัวได้ดีกว่าลูกตัวเองซะงั้น เลอมานกับอาจารย์ก็หดหู่
จริงอย่างที่อาจารย์ว่าถ้ารักกันก็มีทายาทไม่ได้
ป.ล. ช้ายังไงก็รอค่ะ มาช้ายังดีกว่าไม่มา ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: อากาศใต้ผ้าห่ม ที่ 23-12-2013 06:31:11
คนเขียนใจร้าย
ดูทำกับพี่สิงห์น้องจ้อยสิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 23-12-2013 08:05:31
สงสารจ้อยจริงๆ เห็นใจสิงห์มันด้วย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 23-12-2013 10:39:12
เฮ้อออ

สงสารชายเล็กที่ญาติผู้ใหญ่ไม่เข้าใจกับความรัก เพื่อนมิตรสหายที่คบกันมา ก็ไม่กล้าเข้าไกลเพราะ เพราะเกรงจะทำให้ฝั่งผู้ใหญ่ไม่พอใจ แม้แต่คนรักเอง ยังต้องห้ามใจ ไม่ให้ถล่ำลึกไปกว่านี้เลย แล้วแบบนี้อาจารย์มาทำให้ชายเล็กรักทำไม ในเมื่อก็รู้อยู่แต่แรกแล้วว่ามีเชื้อเจ้า นอกจากเรื่องยศ ตำแหน่งด้อยกว่าแล้ว ยังเป็นชายทั้งคู่อีก


สงสารอาจารย์คนึงเสียคนรักไป พอเริ่มมีความรักใหม่ก็ไม่คู่ควร

สงสารจ้อย โดนข่มเหงรังแก แม้แต่จะสู้ก็ยังทำไม่ได้

สงสารสิงค์รักเค้าแทบตาย แต่แสดงออกไม่เป็น




ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-12-2013 11:40:26
วิบากกรรมยังไม่หมดง่าย ๆ โผล่มาทีไรน้องจ้อยของเรายับเยินทุกที
น่าจะมีอะไรให้พี่สิงห์มันได้ไถ่โทษบ้างก็คงคราวนี้แหละ หวังว่านะ

คู่อาจารย์กับลูกศิษย์นั่นก็หนักไม่แพ้กัน
คนอ่านก้มหน้าซดมาม่าต่อไป...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: nutjisub ที่ 23-12-2013 13:00:11
เรื่องนี้ คนเขียนอารมณ์ไม่ดีหรือเปล่าค่ะ 555 ทำไมเขียนฟิคออกมาได้ Drama หาความสุขให้ตัวละครไม่เจอมาหลายตอนแล้วนะเนี่ยมันค้างนะคะ คนเขียนสู้ ๆๆ ช่วยให้ผ่านช่วงน่าอึดอัดไปเสียทีเถิด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 24-12-2013 15:31:11
โอ้ยๆ   สงสารจ้อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 26-12-2013 19:05:55
สงสารทุกคู่เลยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 26-12-2013 22:32:28
ตายๆๆๆ ไม่ได้อ่านตั้งนาน น้องจ้อยของพี่ เมื่อไหร่จะได่หวานๆ หวามๆ มั่ง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: NO.666 ที่ 27-12-2013 02:23:22
สงสารจ้อยมาก สงสารสิงห์ด้วย สิงห์เป็นตัวละครที่เหมือนจริงอยู่หลายส่วน มีทั้งโมหะ โทษะ ไร้ความยับยั้งชั่งใจ จนทำให้ตนเป็นทุกข์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 28-12-2013 03:07:09
สงสารจ้อยที่ต้องมาตกเคราะห์เราะร้ายแบบนี้ เมื่อไหร่จะแฮปปี้บ้าง
เลอมานก็อีกไม่นานต้องเศร้าอีก ไม่อยากจะให้เปนเช่นนั้นเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Gaem ที่ 28-12-2013 05:27:18
หนักหน่วงจริงๆ ฮื่อ!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 31-12-2013 00:08:44
คุณดอกไม้คะรีบมาเชียวนะคะขอร้อง!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: Noockie ที่ 15-01-2014 21:25:17
เห้ยยย เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกจัง ชอบมาก
แนะนำให้คุณดอกไม้แต่งต่อให้เสร็จแล้วมาลงทีเดียว 555
อิชั้นจิได้ไม่ค้าง (เจอทุบ)

ปกติอิชั้นเป็นมนุษย์ที่ไม่อ่านนิยายที่ยังแต่งไม่จบ
แต่อิชั้นชอบชื่อเรื่อง และชอบแนวพีเรียดแนวย้อนยุคอย่างนี้อยู่แล้ว
อ่านๆไปก็เลยติด  สนุกสุดๆ

รออยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้ สู้ๆนะ จูบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๖ : เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๒๑ ธ.ค. ๕๖]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 16-01-2014 00:04:38
โอ๊ย ร้องไห้อะ หน่วงมาก สงสารทุกตัวละคร
พีคที่สุดตอนจ้อยบอกว่าเกลียด แล้วสิงห์ตอบรับดีๆ น้ำตาไหลเลย
ส่วนคู่คนึง อุส่าได้รักกันแล้ว ไม่อยากให้คนึงคิดแบบนั้นเลยอะ :เฮ้อ:
พออ่านแล้วก็อดจินตนาการเหตุการณ์ของเล็กกับคนึงต่อไม่ได้
ไม่อยากให้คนึงหมางเมิน หรือเกิดเหตุการณ์อะไรที่เล็กตัดสินใจกลับไปต่างประเทศเลย
ความรู้สึกของแต่ละคู่ตอนนี้ นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะจบลงดีๆยังไง
เราอินมากกก ค้างมากกกกกกกกกกกกกกก มากที่สุดด  :katai1: :katai1:
รีบมาต่อนะคะผู้เขียน  :oni3: :จุ๊บๆ: จุ๊บๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 17-01-2014 00:30:59
สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะคนอ่านที่รัก

หายไปนานเลย กลับมาคราวนี้เลยขอมารายงานสถานการณ์ชีวิตของเราให้คนอ่านรู้ค่ะ

ปีใหม่ ๒๕๕๗ นี้ คงฝังอยู่ในความทรงจำของดอกไม้ตลอดไป

คืนส่งท้ายปีเก่า ดอกไม้อยู่บนรถตู้กำลังเดินทางกลับบ้าน ข้างๆ คือคุณแม่ ถัดไปด้านหลังคือร่างไร้วิญญาณของน้องชายคนเดียวของดอกไม้ที่นอนอยู่ในโลงศพ เราแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มหนึ่งในจังหวัดตาก ดอกไม้มองนาฬิกาแล้วหันไปบอกแม่ว่า "เที่ยงคืนแล้วแม่" โดยไม่ได้คิดอะไร แค่จะบอกเวลาเฉยๆ แต่แม่ของดอกไม้ยิ้มแล้วพูดว่า "สวัสดีปีใหม่นะลูก" แม่รวบตัวดอกไม้เข้าไปกอดแล้วอวยพร "ขอให้ชีวิตหนูมีแต่ความสุขความเจริญ สุขภาพแข็งแรง อยู่กับแม่นานๆ นะลูกนะ" ท้องฟ้าด้านหนึ่งจุดพลุสว่างไสว ผู้คนด้านนอกยิ้มแย้มและกล่าวสวัสดีปีใหม่แก่กัน แต่ดอกไม้กับแม่กอดกันอยู่ในรถ อยู่ในความเงียบงัน..

ถ้าใครติดตามกันมาตลอดก็คงพอทราบว่าดอกไม้เสียพ่อไปเมื่อปี ๒๕๕๑ (ระหว่างกำลังเขียนนิยายเรื่องผู้ปกครองใจร้ายฯ) พ่อของดอกไม้จากไปอย่างกระทันหันด้วยภาวะหัวใจขาดเลือด เนื่องจากหลอดเลือดหัวใจตีบ ดอกไม้ไม่นึกเลยว่า ๖ ปีต่อมา น้องชายเพียงคนเดียวก็มาจากไปด้วยโรคเดียวกันอีก จากไปอย่างกระทันหัน ไม่ทันได้ร่ำลา น้องนอนหลับไปเฉยๆ แล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

ยอมรับว่าการจากไปนี้เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของครอบครัวดอกไม้เลยค่ะ แต่ดอกไม้และแม่เข้มแข็งกันมาก ถึงจะเจ็บปวดและเสียใจแค่ไหน พวกเราก็พยายามดำรงชีวิตกันต่อไปนะคะ ดอกไม้เพิ่งมีเวลาและเริ่มปรับสภาพจิตใจได้ จึงแวะมาแจ้งข่าวให้คนอ่านทราบนี่ละค่ะ

ดอกไม้ไม่ทิ้งนิยายแน่นอนค่ะ ไม่ว่ายังไงก็จะยังเขียนต่อและจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแรงเขียน แต่ช่วงนี้ขอเวลาทำใจสักพักนะคะ สมองมันตื้อ คิดอะไรไม่ค่อยออก เห็นอะไรก็คิดถึงน้องไปหมด แม้กระทั่งนิยายเรื่องมหาหงส์ ดอกไม้ก็ปรึกษาน้องเรื่องข้อมูลต่างๆตลอด แม้กระทั่งชื่อเรื่อง น้องก็เป็นคนช่วยคิดค่ะ น้องเป็นแอดมินเพจให้ดอกไม้ด้วยช่วงที่ดอกไม้งานยุ่ง ช่วงนี้นิยายอาจไม่ได้มาอัพสักพักนะคะ ดอกไม้ขอตั้งหลัก ขอทำใจ แล้วจะกลับมาอัพแน่นอนค่ะ ไม่ทิ้งแน่นอน เพราะนิยายและคนอ่านนี่แหละเป็นเครื่องเยียวยาใจชั้นดีเลย

ด้วยรักจากใจค่ะ
ดอกไม้
๑๖ ม.ค. ๕๗

ปล. พ่อก็เป็น น้องก็เป็นแบบนี้ ดอกไม้กลัวจะได้รับมรดกกรรมจังเลยค่ะ ได้แต่พยายามรักษาสุขภาพ ออกกำลังกายเยอะๆ ห่างไกลเหล้าเบียร์บุหรี่ เดี๋ยวกลับจากไปปฏิบัติธรรม ว่าจะไปตรวจหัวใจสักทีค่ะ
:mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 17-01-2014 00:48:49
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะคะ
ทุกๆครอบครัวย่อมมีช่วงเวลาแห่งการจากลาที่เจ็บปวดนี้ ขอให้คุณดอกไม้เข้มแข็ง ดูแลตัวเองและคุณแม่นะคะ
และขอขอบคุณที่เข้ามาแจ้งข่าวคราวให้ผู้อ่านรับทราบ (ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวนิยาย)
เชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านก็รักและเป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้เช่นกันค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 17-01-2014 01:13:04
 :กอด1:เป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้นะคะ

(ตัวอันตรายของชีวิต>>กาแฟ ของหวานๆมันๆ นมเนยวิปครีม  ผงชูรส  ผงอร่อยทั้งหลายก็ด้วยนะอันตรายทั้งนั้น 
แถมด้วยของต้องห้ามปลาไร้เพศกับไข่ที่เลี้ยงด้วยฮอร์โมน)

ผัก ผลไม้สดๆที่ล้างจนมั่นใจเหมาะสำหรับเราๆค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 17-01-2014 03:32:48
เป็นกำลังใจให้พี่ดอกไม้ค่ะ แข็งแรงขึ้นทั้งกายและใจในเร็ววันนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 17-01-2014 05:44:40

สู้ ๆ ครับคุณดอกไม้     :L1:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 17-01-2014 08:04:44
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 17-01-2014 08:20:15
ขอแสดงความเสียใจเรื่องน้องชายของคุณดอกไม้ และขอเป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ดำรงตนด้วยความเข้มแข็ง อย่าได้ยอมแพ้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: lunarinthesky ที่ 17-01-2014 08:48:31
เสียใจด้วยนะคะ แต่เมื่อชีวิตยังไม่สิ้นก็ดิ้นกันไปเนอะ

สู้ ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 17-01-2014 09:29:48
สู้ๆนะคะพี่ดอกไม้เป็นกำลังใจให้อีกคนนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 17-01-2014 09:54:40
เป็นกำลังใจให้นะคะ เราก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาเหมือนกัน เข้าใจเลยค่ะ ของเราหาทางออกด้วยการทำตัวเองให้มันยุ่งอยู่ตลอดเวลา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-01-2014 09:57:52
เสียใจด้วยนะคะคุณดอกไม้ คุณดอกไม้และคุณแม่รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

ยิ่งช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ระวังจะไม่สบาย

เรื่องนิยายรอได้คะ ไม่ต้องห่วงนะคะ

ทำใจให้สบายเถอะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 17-01-2014 09:59:04
เป็นกำลังใจให้ค่ะ เข้มแข็งและแข็งแรงเข้าไว้ ไม่ใช่เพื่อตัวคุณเองแต่เพื่อดวงใจของคุณนะคะ


สู้ๆค่ัะ สัญญาว่าจะรอต่อไปแน่นอนค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 17-01-2014 10:01:57
 :L2: สู้ๆค่ะ ขอให้เจอแต่สิ่งดีๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 17-01-2014 10:32:33
เสียใจด้วยนะคะ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: iiam ที่ 17-01-2014 11:44:17
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้อยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: YJism ที่ 17-01-2014 11:53:18
สู้ ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้เข้มแข็งมาก ๆ ค่ะ

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 17-01-2014 12:34:02
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ผ่านคืนวันช่วงนี้ไปได้ด้วยดี
ฝากความระลึกถึงและความปรารถนาดีถึงคุณแม่ด้วย
บวกและเป็ดดีใจที่บอกว่าจะไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้
 :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: MaEwA ที่ 17-01-2014 14:39:52
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆค่ะ ดุแลตัวเองรักษาสุขภาพนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 17-01-2014 14:51:07
ขอแสดงความเสียใจกับคุณดอกไม้ด้วยนะค่ะ

ถึงแม้คนที่เรารักจะจากไปแต่ก็ยังมีคนที่อยู่คอยเป็นกำลังใจให้นะค่ะ

เราเองก็เพิ่งเสียปู่ไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่ แต่เราก็ต้องอยู่และเข้มแข็งเพื่อคนที่ยังอยู่เคียงข้างเรานะค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 17-01-2014 16:55:01
รักษาสุขภาพคะรอพี่สิงน้อวจ้อยเสมอ
เราคนเป็น ยังไงต้องดำเนินชีวิตต่อไปสู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Artemis ที่ 17-01-2014 17:02:09
ขอแสดงความเสียใจ และขอเป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้เข้มแข็งอย่างถึงที่สุดค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: MinKKniM ที่ 17-01-2014 17:12:09
ขอแสดงความเสียใจนะคะ คุณดอกไม้กับคุณแม่เข้มแข็งมาก

คุณดอกไม้และคุณแม่เป็นกำลังใจให้กันและกัน จับมือกันผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกันนะคะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 17-01-2014 20:18:48
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 17-01-2014 20:42:37
ทุกอย่างมันไม่ใช่แค่จะผ่านไป แต่มันจะผ่านไปด้วยดี ขอให้จิตคุณดอกไม้เเข็งแรงในเร็ววันนะคะ เป็นกำลังใจให้ เชื่อให้ เชื่อว่าทุกอย่างจะดีและสดใส คุณกับคุณแม่จะมีชีวิตที่ดีร่วมกัน สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 17-01-2014 20:44:19
ทุกอย่างมันไม่ใช่แค่จะผ่านไป แต่มันจะผ่านไปด้วยดี ขอให้จิตคุณดอกไม้เเข็งแรงในเร็ววันนะคะ เป็นกำลังใจให้ เชื่อให้ เชื่อว่าทุกอย่างจะดีและสดใส คุณกับคุณแม่จะมีชีวิตที่ดีร่วมกัน สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ДηοηγМ ที่ 17-01-2014 20:46:18
ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ
ขอให้ดวงวิญญานได้ไปสู่สุคติ

คุณดอกไม้ต้องดูแลสุขภาพและหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 17-01-2014 21:01:31
เสียใจด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Miw_Miw@In Love ที่ 17-01-2014 21:39:09
สู้ๆนะค่ะ คนที่อยู่ก็ต้องมีชีวิตเพื่อเดินหน้าต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 17-01-2014 21:40:07
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะคุณดอกไม้

ขอให้คุณและคุณแม่สุขภาพแข็งแรงทั้งกายและจิตใจค่ะ

สู้ๆ

 :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 18-01-2014 00:25:12
เสียใจด้วยนะคะคุณดอกไม้
เรื่องนิยาย พร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาต่อก็ได้ค่ะ เรารอได้สบายมาก
รักษาสุขภาพ อย่าลืมไปตรวจหัวใจด้วยนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 18-01-2014 00:32:16
รออยู่เสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: SoulFighter ที่ 18-01-2014 00:52:38
ขอแสดงความเสียใจกับคุณดอกไม้ด้วยและเป็นกำลังใจให้นะคะ

...รอเสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 18-01-2014 12:19:52
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับคุณดอกไม้

ขอให้คุณดอกไม้ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 18-01-2014 18:55:04
แสดงความเสียใจด้วยนะคะ  :L2:

แล้วก็เป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ  :กอด1:

พร้อมเมืี่อไหร่ก็กลับมานะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: frenzy19 ที่ 18-01-2014 19:17:53
ขอแสดงความเสียใจ และ เป็นกำลังใจให้ค่ะ 

เราทุกคนต้องผ่าน และประสบกับ สิ่งนั้น สู้ๆค่ะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 18-01-2014 23:18:36
เป็นกำลังใจให้นะครับ รักษาสุขภาพด้วย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 18-01-2014 23:24:42
ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ และก็เป็นกำลังใจให้นะคะ และก็จะรอค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 18-01-2014 23:49:00
สู้นะคะพี่ดอกไม้ คนที่จากไปแล้วคงย้อนกลับมาไม่ได้
พี่ดอกไม้ก็พยายามดูแลคนที่เหลืออยู่ให้ดีนะคะ
เราไม่รู้ว่าจะจากลากันวันไหน สิ่งที่เราทำได้คือบอกรักกัน
และทำวันนี้ให้ดีที่สุด ให้ไม่ต้องเสียใจเมื่อต่อไปข้างหน้าแล้วมาย้อนถามตัวเอง
เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ รอติดตามค่ะ นานแค่ไหนก็จะรอ
คิดถึงพี่ดอกไม้กับตัวละครพี่ทุกตัวเลย
ขอให้น้องของพี่ดอกไม้หลับให้สบายนะคะ
เราเชื่อว่าพี่ดอกไม้คงดูแลคุณแม่ทดแทนส่วนของน้องชายได้เป็นอย่างดี

ปล. เป็นกำลังใจอยู่ในมุมเล็กๆที่เรียกว่าเล้านะคะ :)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Julytastic ที่ 20-01-2014 22:51:17
ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ
คุณดอกไม้ต้องเข้มแข็งนะคะ รักษาสุขภาพของตัวเองให้ดีๆ
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ค่ะ สู้ๆ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Noockie ที่ 02-02-2014 21:33:59
คุณดอกไม้คะ

สู้ๆนะคะ ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย

คนรอบข้างเราหลายๆคนก็เสียแอบคุณน้องชายเหมือนกันค่ะ

เราที่ยังมีชีวิตอยูู่ก็ต้องสู้ต่อไป

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 05-02-2014 13:38:44
 :monkeysad: เสียใจด้วยนะคะกับเรื่องน้องชายของคุณดอกไม้ ติดตามอ่านมาตั้งแต่ผู้ปกครองใจร้าย ตั้งแต่ที่ยังอยู่ในบอร์ด chihironovelนู่นเลย เข้าใจว่าเวลามีอะไรหนักๆผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวก็ทำให้เหนื่อยจนไม่คิดอยากจะทำอะไรได้ง่ายๆ  ยังไงก็เป็นกำลังใจให้อยู่เสมอนะคะ นิยายจะลงช้าลงเร็วก็ไม่เป็นไร รักษาสุขภาพกายใจของคุณดอกไม้ให้แข็งแรงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดแล้วค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 06-02-2014 23:17:18
พี่ดอกไม้สู้ๆไว้นะคะ หนูเป็นกำลังใจให้ กอดกันน้าๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Sirimongkol ที่ 07-02-2014 23:05:16
เป็นกำลังใจให้นะคับ ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ เชื่อว่าหลังจากนี้คุณดอกไม้จะพบเจอแต่สิ่งดีๆนะคับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 07-02-2014 23:29:02
 :L2: นอกจากดูแลร่างกายแล้ว อย่าลืมดูแลจิตใจด้วยนะคะ
ความเครียดก็เป็น ปัจจัยหนึ่งที่ควรเลี่ยง
พาคุณแม่ไปตรวจด้วยกัน ก็ดีนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 08-02-2014 11:37:55
ในฐานะแฟนนิยายคนหนึ่ง นางฟ้าขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะคุณดอกไม้

ขอให้คุณดอกไม้กับคุณแม่จิตใจแข็งแรงโดยไวค่ะ

ยังติดตามให้กำลังใจและรออยู่เสมอค่ะ


นางฟ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 09-02-2014 16:46:31
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ : แจ้งข่าวสำคัญค่ะ [๑๖ ม.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Julytastic ที่ 24-02-2014 14:14:34
คิดถึงจ้อยกับพี่สิงห์จังเลยค่ะคุณดอกไม้ :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 04-03-2014 00:16:40
(http://img10.imagefra.me/i733/chihiro/29_882_u90ve.jpg)

บทที่ ๒๗

คนเลวของเธอ   

(ครึ่งแรกฮะ :L2:)


อยากร้องไห้..
เกิดเป็นชายมีความรักเหมือนกองไฟ
มีดวงใจเหมือนกองเพลิง
ปล่อยใจรักเขาจนเหลิง
โธ่เอ๋ย.. สิ้นแล้วที่เคยเริงใจ

ลืมเธอลงคงไม่ช้ำใจหรอกเธอ  อนาถรักจนอดเพ้อไม่ได้
ต่อนี้ไปไม่ขอยอมเป็นสุดที่รักของใคร
ขอให้ฉันเป็นคนเลวของเธอ*



เช้านี้ประหลาดนัก  หม่อมราชวงศ์หนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม 

   อ้อมแขนอุ่นล้ำที่คอยตระกองกอด.. เสียงทุ้มนุ่มที่เคยกระซิบปลุกให้ตื่น.. กลิ่นหอมเย็นของดอกมหาหงส์ที่เคยมีใครคนหนึ่งเด็ดมาวางไว้ให้ข้างหมอน.. เช้านี้.. สิ่งเหล่านั้นหายไปไหนหมด

   ร่างขาวสะอ้านนั่งหัวหูยุ่งอยู่บนเตียง  มือบอบบางอย่างคนไม่เคยต้องงานหนักค่อยๆ บรรจงพับผ้าแพรเพลาะทบวางไว้ปลายเตียงอย่างเรียบร้อย  งานเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้เขาพอทำเองได้  แต่หากเป็นงานหนักอย่างซักผ้ารีดผ้านั่นล่ะ  เจอฤทธิ์เดชแพ้สบู่กรดไปทีเดียว  อาจารย์คนึงก็ไม่ให้เขาแตะต้องงานพวกนั้นอีก

   ที่นอนข้างกายว่างเปล่าเย็นเยียบดั่งคนที่นอนอยู่เคียงข้างลุกออกไปนานแล้ว  ราชนิกูลหนุ่มน้อยยิ้มกริ่ม  อาจารย์นี่หนาน่านักเชียว  มีธุระร้อนอะไรหนอถึงไม่ยอมปลุกกันแบบนี้  กลับมาเมื่อไร  เขาต้องแกล้งงอนให้ง้อเสียให้เข็ด 

   ไร้ช่อหอมข้างหมอนอย่างที่เคย  อืม.. ดูทีวันนี้มหาหงส์คงไม่ออกดอกกระมัง  เด็กหนุ่มผิวปากเป็นเพลงแสนสุขใจขณะลงบันไดไปอาบน้ำข้างล่าง  หากไม่ทันไรก็ต้องชะงัก..

ที่ตีนบันได  กอมหาหงส์ออกดอกขาวพราวเต็มต้น 
   
   ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบ  หากเลอมานรีบปัดมันทิ้งทันใด 

ไม่มีอะไรหรอกน่า.. ไม่มีอะไรหรอก..

อาจารย์คงจะลืม.. คงมีธุระด่วน  ต้องรีบร้อนไปจนไม่ทันได้ปลุกเขา  ไม่ทันได้จูบอรุณสวัสดิ์  และลืมเก็บดอกไม้ที่เขาชอบที่สุดมาวางไว้ข้างหมอนให้

ใช่แล้ว.. อาจารย์ต้องลืมแน่นอน..

   อาจารย์คนึงไม่อยู่เสียคนหนึ่ง  คุณชายรู้สึกดั่งแขนขาหายไปข้างหนึ่งอย่างไรพิกล  ปกติมื้อเช้าวันเสาร์-อาทิตย์อย่างนี้  ฟ้าสางพอมองเห็นลายมือ  คนึงก็จะพาเขาไปฝากท้องที่บ้านอาจารย์ใหญ่  หากวันนี้เขาตื่นนอนเสียสายโด่งเพราะไม่มีคนปลุก  ต้องเร่ระเห็จไปโรงอาหารตามลำพัง  แต่ยังก้าวขาไม่ทันพ้นเขตเรือนพัก  อาจารย์วิรัชหัวหน้าฝ่ายภาษาอังกฤษกับนักเรียนสองสามคนก็ประคองถาด กระเตงหม้ออวยถ้วยชามรามไหกันมาแต่ไกล

   น่าเบื่อ น่าอึดอัด กระแสสอพลออบอวลรอบตัว คุณชายผูกคิ้วนิ่วหน้า อาจารย์วิรัชจะรู้บ้างไหมว่าการเลื่อนเก้าอี้ให้นั่งนี้  เป็นมารยาทที่พึงกระทำต่อสุภาพสตรีเท่านั้น  เขาไม่ใช่ผู้หญิง!  ไม่ต้องเลื่อนเก้าอี้ให้เขาก็ได้  ห้องรับแขกสับสนวุ่นวายไปหมด  นักเรียนสองสามคนที่ดูท่าไม่แคล้วถูกเกณฑ์มาพากันจัดเตรียมอาหารเช้าให้เขา  ลุกลี้ลุกลนจนน่าเวทนา.. แต่หากพอเจอสายตาอาจารย์คนอื่นในเรือนพักมองมาแปลกๆ  เลอมานก็หันมา ‘เวทนา’ ตัวเองแทน

   ตั้งแต่ท่านพ่อและหม่อมย่าเสด็จมา  ทุกสายตาที่มองเขาเปลี่ยนแปลงไปทั้งสิ้น  มีความกริ่งเกรง  มีความขยาด  มีความเหินห่าง  มีความเจียมตน  ปะปนคละเคล้ากันไป 

   นี่มันยิ่งกว่าตอนที่เขามาที่นี่ใหม่ๆ ด้วยซ้ำ 

   คุณชายเล็กคิดถึงอาจารย์สุดใจ  เมื่อไรหนอจะกลับมา..

   ตกสายหน่อยเลอมานไปเดินเล่นแถวชมรมกสิกรรมอย่างเคย  หากทุกอย่างกลับไม่เหมือน ‘เคย’ อีกต่อไป  นักเรียนสมาชิกชมรมพากันปรามลั่นเมื่อเขาย่อตัวลงทำท่าจะช่วยเก็บผัก  ครั้นพอหันไปช่วยหิ้วบัวรดน้ำแทน  ก็ต้องมีคนถลามาแย่งไปจากมือทุกที  ยิ่งสันติกับสง่าละไม่ต้องพูดถึง  สองคนนั้นเอาแต่หลบหน้าหลบตา  จนเลอมานระอาที่จะตามไปคุยด้วยแล้ว

   ความเปลี่ยนแปลงแจ่มชัดขึ้นทุกที  ราชนิกูลหนุ่มถอนใจระโหย  ขณะผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ข้างเล้าไก่  ประคองกล้องราคาแพงจับภาพฝูงลูกเจี๊ยบขนเหลืองฟูที่เดินตามแม่ต้อยๆ  กดชัตเตอร์แต่ละทีก็กัดกร่อนหัวใจไปที

   วันก่อน.. ท่านพ่อตรัสถามว่า ‘อยู่ที่นี่มีเพื่อนเยอะไหม’ 

   วันนี้.. คุณชายอยากตอบเหลือใจ

   นี่ไงครับ.. มีเยอะแยะ  เป็นฝูงเลย..

   จากตรงนี้  เลอมานแลเห็นร่างสูงใหญ่เป็นยักษ์มักกะสันมาทำลับๆ ล่อๆ อยู่แถวตีนท่า  คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความสงกา  ครั้นพอบุรุษปริศนาเดินมาหาใกล้เข้าก็ถึงบางอ้อ 

   นึกว่าใคร  ที่แท้ก็นายสิงห์  ลูกชายกำนันนี่เอง!

   ใบหน้าคมสันซีดเผือดอย่างคนทุกข์หนัก  ดวงตาสีสนิมเหล็กคู่นั้นวาววับไปด้วยความหวังทันทีที่เห็นเขา  มือหนึ่งหิ้วถุงกระดาษใบเขื่องมาด้วย

   “คุณชายเล็ก..” ท่าทีลุกลี้ลุกลน  มือหยาบกร้านคว้ามือเขาไปกุมแน่น เขย่าแรงๆ “ช่วยผมด้วย  ช่วยจ้อยด้วย”
   เลอมานสับสน  จับต้นชนปลายไม่ถูก  คิ้วผูกกันเป็นโบว์ 

   อย่ากระไรเลย  ท่านพ่อตรัสสอนไว้ว่าอย่าเห่อศักดิ์ทะนงตัวจะมัวหมอง  ถึงจะเป็นราชนิกูล  เขาจะมัวไว้ยศปฏิเสธที่จะช่วยเหลือลูกชาวบ้านคนหนึ่งได้ลงคอเชียวหรือ  จะว่าไปแล้ว  ไม่ใช่เพียงนายสิงห์เท่านั้นที่มาขอความช่วยเหลือ  นายสิงห์ก็เป็นฝ่าย ‘ช่วย’ เขาเหมือนกันโดยไม่รู้ตัว

   ‘ช่วย’ ให้เขารู้ว่ายังมีคนบางคนที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไป

   ‘ช่วย’ ให้เขารู้ว่ายังมีใครเห็นเขาอยู่ในสายตา
 
   แต่อดสงสัยไม่ได้  ‘ช่วยจ้อยด้วย’ ที่เจ้านักเลงหัวไม้พูด  หมายความว่ายังไง?  ถามอะไรก็ไม่ตอบ  ขอดูของในถุงตรงนี้ก็ไม่ได้  คุยกันที่ศาลาริมท่าก็ไม่ได้  ที่แคร่ไม้รวกหน้าเรือนพักก็ไม่ได้  จำเพาะเจาะจงว่าต้องในห้องหับรโหฐาน  เป็นความลับอย่างยิ่งยวด  คุยกันเพียงสองคนเท่านั้น  จะให้ใครรู้เห็นด้วยไม่ได้เด็ดขาด! 

   หม่อมราชวงศ์หนุ่มพกความข้องใจติดตัวขณะแอบพาหัวหน้าอันธพาลเข้าไปในห้อง  ด้อมๆ มองๆ หลบๆ ซ่อนๆ  พอเข้าห้องได้ก็หับประตูเสียสนิท   

   ความข้องใจกระจ่างชัด  ทันทีที่เห็น ‘เศษขยะ’ ที่อยู่ในถุงกระดาษใบนั้น! 

   ไม่สิ.. ต้องเรียกว่าเศษเสื้อผ้า เศษตำราเรียนที่ถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ ถึงจะถูก!  เสื้อเชิ้ตสีหม่นเป็นสีดอกจำปาแบบนี้  ทำไมเลอมานจะจำไม่ได้ว่าเป็นของจ้อย!

   แววตาที่มีแต่เครื่องหมายคำถามเงยขึ้นมองนักเลงตรงหน้า  ใบหน้าคมสันก้มลงอย่างคนสำนึกผิด  เลอมานรู้สึกเหมือนมีพายุลูกย่อมๆ ก่ออวลหมุนวนในร่างกาย  แม้ลมหายใจยังถี่กระชั้นไม่รู้ตัว 

   หนังสือเรียนที่เพื่อนรักถนอมนักหนา  ชุดนักเรียนตกทอดมาจากพี่ชาย  ใส่แล้วใส่อีกจนเนื้อบางจ๋อย เจ้าตัวยังไม่ยอมทิ้ง  กลับต้องมาถูกทำลายเสียย่อยยับ!  นี่มันเรื่องอะไรกัน 

   “ฝีมือใคร” เสียงแหบพร่าเค้นขึ้นจากลำคอ  ป่วยการถาม!  จำเลยเอาแต่ก้มหน้าจำนน  แบบนี้คำตอบมันจะเป็นใครไปได้  “ทำกันขนาดนี้เลยหรือ” หยาดน้ำรื้นๆ หล่อเลี้ยงเต็มตาจนภาพใบหน้าถ่อยเถื่อนตรงหน้าพร่ามัวไปหมด 

   ไอ้ผู้ร้ายปากแข็งไม่ยอมปริปากสักคำ  ต้องใช้กำปั้นง้างสักทีให้คายเหตุผลออกมา!   

   ผลั่วะ!!

   คุณชายชกหน้าไอ้สิงห์อย่างแรงจนหน้าหัน  ใครจะทนได้เมื่อรู้ว่าเพื่อนรักถูกสับเล่นเป็นเขียงแบบนี้  นักเลงโตเซแซ่ดเป็นกระดาษผิดรูปร่างใหญ่ทะมึน  คงเพราะไม่ทันตั้งตัว  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์อยากไปประเคนหมัดซ้ำ  ถ้ามันไม่พนมมือไหว้  วิงวอนเขาด้วยเสียงระห้อยโหยเสียก่อน

   “คุณชายช่วยที  ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครแล้ว”   

***************************
   
   พายุอ่อนกำลังลง  แต่ฟ้ายังไม่ใสเสียทีเดียว  รอยขุ่นมัวยังปรากฏในดวงตาสีน้ำตาลเคี่ยว  มือขาวสะอาดหยิบเศษขยะในถุงมาวางแผ่พลางลูบปลายคางคิดหนัก  ทั้งตำราทั้งชุดนักเรียนย่อยยับหมดสภาพ  หากจะให้ซ่อมแซมขึ้นใหม่จากซากนี่?  หึ.. จูงช้างลอดรูเข็มเสียยังง่ายกว่า

   ร่างโปร่งบางพรวดพราดลุกขึ้นเปิดตู้เสื้อผ้า  เลือกเสื้อเชิ้ตกับกางเกงที่สีพอจะกลืนกันกับชุดนักเรียนฝึกหัดครู  คว้าได้กางเกงสีน้ำตาลสองสามตัว  แม้ไม่ใช่สีกากีอย่างที่จ้อยใส่แต่ก็พอแก้ขัดได้อยู่หรอก  ลองทาบดูกับตัว  หมุนไปหมุนมาหน้ากระจก  อืม.. จ้อยเตี้ยกว่าเขา  หัวเลยใบหูเขามานิดนึงได้กระมัง  แบบนี้ขากางเกงยาวไปแน่  คงต้องตัดออกสัก..

   คุณชายหันไปสบตาไอ้อันธพาลที่นั่งมองตาปริบๆ อยู่กับพื้นแล้วพาหัวเสีย  มือที่กำลังจะปลดตะขอกางเกงตัวเองชะงักกึก 
   “มองอะไร!” เสียงก็ขุ่นตาก็ขวาง “ฉันจะเปลี่ยนกางเกง!” 

   ยักษ์ปักหลั่นรับคำเอ้อๆ อ้าๆ เงอะงะ  ตาเผลอมองตามมือขาวที่ค้างอยู่ตรงขอบกางเกง  “เร็วสิ!” เลอมานเอ็ดเข้าให้อีกที  มันถึงนั่งหันหลังให้อย่างว่าง่ายเหมือนหมาเชื่องๆ  หม่อมราชวงศ์หนุ่มเปลี่ยนกางเกงพึ่บพั่บ  คะเนด้วยสายตาแล้วคว้าปากกามาขีดรอยแถวชายกางเกงรวดเร็ว  เขาก็ไม่ได้อยากจะแก้ผ้าต่อหน้าไอ้เถื่อนนี่นักหรอก  แต่ถ้าไม่ลองใส่มันกะขนาดตัวจ้อยไม่ถูกนี่

   แล้วพอเลอมานจะถอดกางเกงที่ตั้งใจจะยกให้จ้อยออก...

   ประตูไม้เปิดแอ๊ด  คนที่เขาเฝ้าตามหามาตั้งแต่เช้า  กลับโผล่มาในเวลาที่ไม่อยากเจอที่สุด!

   อาจารย์คนึง!

   คุณชายจังงังอยู่ในท่าทางที่มองอย่างไรก็ยากจะให้คิดไปทางอื่น  ซิปอ้าซ่า  ขอบกางเกงเกาะหมิ่นเหม่ที่เนินสะโพก  เห็นไปถึงกางเกงชั้นในขาวสะอาด  ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างอย่างตกตะลึง  ไม่ต่างอะไรกับคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา 

   ถอดกางเกงคนเดียวไม่ว่า  แต่นี่.. มีไอ้นักเลงหัวไม้นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่กับพื้นด้วย!  มันมองอาจารย์ที  แล้วก็เหลียวมามองเขาทีงงๆ 

   “อะ..อาจารย์” เลอมานดึงกางเกงขึ้นทันใด  “มะ..ไม่ใช่อย่างที่อาจารย์คิดนะครับ” เขาละล่ำละลัก  ปรูดเข้าไปหาคนรักที่เอาแต่ยืนนิ่ง  หมายปรับความเข้าใจ  หากตระหนักรู้ได้ถึงสายตาของบุคคลที่สาม  มือบางที่เตรียมโผเข้าเกาะแขนกำยำจึงค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ 

   อาจารย์มองมาด้วยสายตาเรียบ..นิ่ง.. เหมือนท้องทะเลสงบ  แต่เลอมานรับรู้ได้  มีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างเงียบเชียบ  ร่างสูงใหญ่เดินผ่านหน้าเขาไปหยิบหนังสือที่โต๊ะทำงานแล้วเดินออกจากห้องไป  เงียบๆ.. เช่นตอนมา

   ลงแบบนี้หึงแน่ๆ  หึงแน่นอน!   

   โอย.. คุณชายอยากจะทึ้งหัว  นัยน์ตาขุ่นขวางหันขวับไปมองไอ้ตัวการที่ป่านนี้ก็ยังเอาแต่นั่งหน้าเซ่อทำตาปริบๆ  ปาหมอนใส่มันไปทีเป็นการระบายอารมณ์ 

   เชื่อไหมเล่า.. เห็นอาจารย์เคร่งขรึมแบบนี้  บทจะหึงหวงขึ้นมาที  น้อยหน้าใครเขาน้อยอยู่เมื่อไร  พวงแก้มเขาแทบระบมไปทั้งซ้ายขวาเชียวละกว่าอาจารย์จะตอกย้ำความเป็นเจ้าของจนสาสมใจ  แต่อดปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีทุกครั้งที่อาจารย์หวง  คนเรา.. จะหวงสิ่งใด.. ก็ต่อเมื่อสิ่งนั้น ‘มีค่า’ ควรแก่การหวงแหนไม่ใช่หรือ?

   นึกถึงตรงนี้ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างประหลาด  คุณชายไม่รู้ตัวหรอกว่าแสดงสีหน้าอะไรออกไป  ไม่รู้หรอกว่าสองแก้มซับสีเรื่อขึ้นเพียงไหน  เจ้านักเลงหัวไม้มันถึงได้จ้องเอาๆ ด้วยสายตาพิลึกพิลั่น

   “มองอะไร!” เลอมานตวาดแหว  รวบรวมเสื้อผ้าที่จะให้จ้อยพับใส่ถุงกระดาษ  แก้ปัญหาไปเปลาะ  ทีนี้ก็เหลือแค่ตำราเรียนละ “เร็วๆ เลย  เดี๋ยวไปหาซื้อหนังสือให้จ้อยกัน”

   อาจารย์.. เล็กห่วงความรู้สึกของอาจารย์เหลือเกิน  แต่วินาทีนี้  เล็กห่วงจ้อยที่สุด  ขอไปจัดการเรื่องจ้อยก่อน  แล้วจะกลับมาง้ออาจารย์นะครับ  อาจารย์จะลงโทษอย่างไรเล็กจะยอมทุกอย่าง 

   ราชนิกูลหนุ่มคว้ากระเป๋าสตางค์ก่อนก้าวออกจากห้อง  นายสิงห์ลอบย่นจมูกตามหลัง  ถามมาได้ว่ามองอะไร  ถ้าไม่ติดว่าต้องขอความช่วยเหลือละก็  มันจะตอกเข้าให้ 

   มองคนเพี้ยนยังไงเล่า!  อยู่ดีๆ ก็ตาเยิ้ม  อยู่ดีๆ ก็แก้มแดง!   

***************************

   นับเป็นภาพประหลาดที่หาดูได้ยาก  หม่อมราชวงศ์หนุ่มน้อยเอี่ยมสำอางซ้อนท้ายรถเครื่องคันโตของนักเลงหัวไม้รูปแร้งดูร่างร้ายรุงรัง  คนทั้งตลาดหัวรอมองตามเป็นตาเดียว  คุณชายแสนอึดอัดใจ  ใช่ว่าเขาจะอยากออกมากับนายสิงห์สองต่อสองไกลขนาดนี้  ติดตรงที่ว่าตำราเรียนหลักสูตรครู ป. กศ. ชั้นปีที่สองของจ้อย  ไปหาซื้อที่สหกรณ์โรงเรียนก็แจ้งว่าหมด  เพราะรับมาพอดีจำนวนนักเรียน  ไปถามอาจารย์ใหญ่ ท่านก็ว่าไม่มี  จนต้องพากันบากหน้ามาถึงตลาดหัวรอนี่ละ 

   คุณชายถามทางชาวบ้าน  จนตามมาเจอร้านขายเครื่องเขียนและแบบเรียนที่ใหญ่ที่สุดในตลาด  ภาพที่เห็นคือห้องแถวไม้  หน้าร้านเป็นตู้ยาวสูงระดับอกตั้งเรียงต่อกัน ๓-๔ ใบ  บนตู้ตั้งกระบอกใส่ดินสอแบบต่างๆ และไม้บรรทัดซึ่งมีทั้งที่ทำด้วยเหล็ก ไม้และพลาสติก  ไม้บรรทัดที่ได้รับความนิยมมากเห็นจะเป็นไม้บรรทัดพลาสติกที่มีตารางสูตรคูณ  ในตู้ใส่ปากกาลูกลื่น  ยี่ห้อชไนเดอร์ของเยอรมนี  บิคของฝรั่งเศส  ปากกาหมึกซึมไพล็อตของญี่ปุ่น, ฮีโร่ของจีน

   ริมฝาด้านหนึ่งตั้งตู้เทินขายหนังสือปกอ่อนปกแข็งเรียงกันเป็นพรืด  ราชนิกูลหนุ่มตาลุกวาว  เห็นความหวังรำไร 

   แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ  ไล่สายตาไปทีละเล่ม  มีแต่หนังสือเพลงเล่มละบาท หนังสือการ์ตูน  หนังสือวัดเกาะ  หนังสือธรรมะจำพวกเจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน  หนังสือเรียนที่พอจะเห็นบ้างก็เป็นของระดับประถมทั้งสิ้น   

   เลอมานคอตก  น่ากลัวจะคว้าน้ำเหลวเสียแล้ว

   พอแจ้งเจตจำนง  เจ้าของร้านก็เอากระดาษมายื่นให้พลางบอกให้ไปซื้อที่นี่  คุณชายรับมาอ่าน  และแล้วหน้าขาวๆ ก็ซีดเผือดลงไปอีกจนแทบสีเดียวกับกระดาษในมือ  ไอ้สิงห์มาเลียบๆ เคียงๆ ถาม  เลอมานขบฟันกรอดยื่นกระดาษส่งให้แทบทิ่มหน้า “อ่านไม่ออกหรือเล่า อ่านไม่ออกหรือ!” พอเห็นท่าจะอ่านไม่ออกจริง  เลยสงเคราะห์อ่านให้  “สำนักพิมพ์เกษมสันต์  ตึกใหม่โค้งรถรางนางเลิ้ง  สี่แยกจักรพรรดิพงศ์” จนถึงคำสุดท้าย  คุณชายแทบระเบิดเสียง “พระนคร!” 

   นักเลงโตหน้าเจื่อนจ๋อยเป็นหมาหงอย  ส่วนบุตรท่านทูตยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่หาย  ตาคมตวัดแจกค้อนไปหนึ่งที  ไม่ให้หัวเสียได้อย่างไร 

   ในเมื่อต้องถ่อไปถึงพระนคร!   

***************************
   
   เมฆขาวลอยเกลื่อนฟ้าและเจื่อนสีลงตามดวงตะวัน  อีกไม่นานพลบค่ำจะมาเยือน  โลกด้านสว่างจะจางเข้าหาด้านมืด เกลี่ยเคล้า จนดาวลอยขึ้นประฟ้า  ลมบ้านนาพัดมาเพียงโชยแผ่ว   
   ป่านฉะนี้ศิษย์รักยังไม่กลับมา  คนึงอดปฏิเสธไม่ได้ว่าห่วงใยท่วมท้นหัวใจ  มือใหญ่คว้าเก้าอี้มานั่งรอที่ระเบียง  ชะแง้มองแต่ทางทิศที่เลอมานจะต้องเดินกลับมาไม่ว่างเว้น  เหมือนสัตว์เลี้ยงผู้ภักดีเฝ้ารอเจ้าของ

   เจ้าเด็กคนนั้น.. ไม่สิ.. หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์ต่างหาก.. จะรู้บ้างไหมว่าเมื่อเช้า  เขาต้องใช้ความข่มกลั้นเพียงใด  ฝืนทำนิ่งเฉยทั้งที่ใจอยากไล่ตะเพิดลูกชายกำนัน  และคว้าตัวคุณชายมาคาดคั้นแทบขาดใจ

   หากเป็นคนึง วนาสัยคนนั้น  คนึงผู้งมงายในความรักโดยไม่ยี่หระต่อความเป็นจริง  คนึงผู้อ่อนไหวปล่อยใจให้เอนเอียงเพราะความใกล้ชิด  คนึงคนนั้นคงไม่มีวันยอมให้เลอมานอยู่กับเจ้านักเลงนั่นสองต่อสองแน่

   แต่ไม่ใช่คนึงคนนี้..

   ไม่มีหรอกอัศวินม้าขาว  หรือเจ้าชายในเทพนิยาย  เขามันก็แค่ ‘หมาวัด’ ที่ริอ่านหมายปอง ‘ดอกฟ้า’

   กาลมันกลับตาลปัตรตรงที่ดอกฟ้าก็ยอมโน้มกิ่งลงมาหา  ท่ามกลางความไม่เหมาะสมทั้งปวง  ผูกพันรัดแน่น  ดอกฟ้าอาจยังเยาว์และเขลานัก  จึงเห็นกงจักรเป็นดอกบัว

   ถ้าหาก.. ‘หมาวัด’ แว้งกัดสักที  ‘ดอกฟ้า’ จะตัดใจได้ไหม 

   ในความมืดสลัว  ตาคมกริบเห็นร่างโปร่งบางเดินมาแต่ไกลเป็นเงาตะคุ่ม  คนที่นั่งถ่างตารอมาทั้งวันรีบผลุนผลันเข้าห้อง  ทำประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ไม่มีใครรอคอยการกลับมาของใครทั้งสิ้น

   คนที่นั่งเขียนอะไรยุกยิกอยู่บนโต๊ะทำงานรู้ได้ว่าคุณชายเข้ามาในห้องโดยอาศัยฟังเสียงประตูไม้ลั่นออด  ไม่มีแม้หางตาเหลือบแลมอง  ทั้งที่อยากหันไปมองใจแทบขาด 

   “อาจารย์..” เสียงหวานทอดฉะอ้อน  คนึงได้ยินเสียงวางถุงกระดาษกรอบแกรบลงบนโต๊ะ  แล้วร่างปราดเปรียวก็รี่เข้ามาหา  ชะโงกหน้ามาเสียใกล้ 

   ดวงตาสีเข้มมองลอดแว่น  ใบหน้าขาวลออยังผ่องใส  แย้มยิ้มฉอเลาะ  อาจารย์หนุ่มซ่อนความโล่งใจไว้ใต้ใบหน้าเรียบนิ่งอย่างแนบเนียนที่สุด  กวาดตาสำรวจทั่วตัว  ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ  ปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว

   “อาจารย์  เรื่องเมื่อเช้า  เล็กอธิบายได้นะ” เสียงเสนาะ  อ่อนโยน  เจือความกังวลเบาบาง  หวานสุดหวาน  แต่บางทีความหวาน..กับความขม.. ก็ใกล้กันเพียงนิด     

   คนึงหันมาให้ความสำคัญกับงานตรงหน้า  ไม่เอ่ยคำใด 

   เริ่มเสียทีเถิดคนึง  อย่ารั้งรออะไรอีกเลย 

   สายใยสัมพันธ์จะฟั่นเป็นเกลียวเหนียวแน่นปานใด  เขาต้องค่อยๆ ตัดให้ขาด  ทีละนิด.. ทีละนิด..

   แล้ววันหนึ่ง.. เมื่อหม่อมราชวงศ์เลอมานโตขึ้น  ยามใดที่มองย้อนกลับมา  จะต้องขอบคุณเขาที่ทำแบบนี้

ในสถานการณ์แบบนี้  คนใจร้ายเขาทำกันอย่างไรหนอ 

   บุตรชายท่านทูตเริ่มใจเสีย  เขายอมรับว่าตนผิด  ตอนแรกคาดไว้ว่าจะไปกับนายสิงห์แค่ตลาดหัวรอ  แต่เหตุการณ์กลับแปรผันจนต้องกระเตงกันขึ้นรถไฟไปถึงกรุงเทพ  ไม่ว่าจะนักเรียนนอกหรือบ้านนอก  พอเข้ากรุงก็เปิ่นเทิ่นกะโหลกกะลาพอกันทั้งคู่  แทบตายกว่าเขากับนายสิงห์จะหาซื้อหนังสือเรียนให้จ้อยได้สำเร็จ  บทจะกลับพากันหลงทางจนหวิดไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้าย 
   กลับมาเห็นอาจารย์หน้าบึ้งอยู่ก็หวังปรับความเข้าใจ  แต่ใยกลับนิ่งเฉยเงียบงันราวกับเขาไม่มีตัวตน  ไม่มีแม้คำถามสักคำอย่างที่ควรเป็น 

   “อาจารย์โกรธเล็กหรือ” มือนุ่มแตะแผ่วเบาที่ต้นแขนล่ำสัน  หากอีกฝ่ายกลับปัดทิ้งเหมือนรังเกียจเสียเต็มประดา  เด็กหนุ่มชะงักกับท่าทีนั้น “อาจารย์..” เสียงครางแผ่วหวิว  เงยดวงตาที่มีแต่ความไม่เข้าใจขึ้นมองยอดรัก.. ยอดบูชา..

   คนึงมองดวงตาคู่นั้นด้วยความเย็นชา  มองตาลูกหมาตัวหนึ่งยังอบอุ่นกว่านี้ 

   “คราวหลังจะนัดใครมาก็บอกกันได้  ผมจะได้หลีกทางให้” คนึงเสียงกระด้าง  ตัดรอนไร้เยื่อใย  ถอดแว่นออกวางคืนโต๊ะ 

   “อาจารย์..”

   “มันก็ไม่แปลกหรอกที่คุณชายจะเบื่อผม  ผมเองยังเบื่อคุณเลยหม่อมราชวงศ์เลอมาน” ในน้ำเสียง  ไม่มีความประชดประชัน  ไม่มีความหึงหวง  ทุกถ้อยคำตรงไปตรงมา  แม้ในดวงตายังแห้งแล้งว่างเปล่า 

   “อะ..อาจารย์พูดอะไร” เลอมานเสียงสั่น  เด็กเอ๋ย.. เจ้าอ่อนไหวนัก  แค่นี้ก็น้ำตาคลอหน่วย  หัวใจเล่าจะสั่นสะเทือนปานใด  วูบหนึ่ง.. ความสงสารถาโถมเข้ามา  คนึงรีบปัดทิ้ง  บอกตัวเองว่าอย่าใจอ่อน!

   เมื่อใดที่เล็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่  มองย้อนกลับมา  เล็กจะขอบใจครูที่ครูทำแบบนี้

   คนใจร้ายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  จ้องลึกลงในดวงตารื้นน้ำ  มุมปากหยักยิ้มเยาะ  พูดไม่กะพริบตา “อะไรที่ได้มาง่ายๆ มันก็น่าเบื่อแบบนี้ละ”
   
   เขี้ยวแรกฝังรอยลง  กลีบดอกฟ้าแหว่งเป็นรอย..

***************************

(จบครึ่งแรกจ้ะ :hao5:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 04-03-2014 00:20:01
จิ้มมมมมมมมมม



*********************

คิดถึงพี่สิงห์ น้องจ้อย คุณเล็ก อาจารย์คนึง แล้วก็พี่ดอกไม้สุดๆเลยค่ะ ขอกอดหน่อย :กอด1:

อาการหน่วงก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลย  :เฮ้อ:

มาม่าอืดเต็มท้องแล้วค่ะ และคาดว่าคงอืดไปอีกนาน

อาจารย์คิดไปเองรึเปล่าคะ ถามเล็กบ้างรึยังเนี่ยว่ามีความสุขไหมที่อาจารย์ทำแบบนี้

อาการหลังอ่านจบ >>  :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 04-03-2014 00:23:32
ขอบคุณที่มาให้หายคิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง นะคะคุณดอกไม้ :L2:

แต่อาจารย์คนึง กับ คุณเล็ก ทำเราหน่วงหัวใจอีกแล้วววววววววววว :mew5: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: mahaki ที่ 04-03-2014 00:24:45
แค่ครึ่งเดียวก็หน่วงไปทั้งใจแล้ว :ling3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 04-03-2014 00:31:02
ช่วงดอกไม้เม้ามอย :hao7:

สวัสดีค่าคนอ่านที่รัก

กลับมาแล้วจ้าหลังจากหายไปนานนนนนนนนนน ขอบคุณทุกๆ กำลังใจมากๆ นะคะ ตอนนี้ดอกไม้กะแม่สภาพจิตใจค่อนข้างโอเคแล้วล่ะ  หันหน้าเข้าหาพระธรรมค่ะ ได้พระช่วยไว้ ไม่งั้นแย่แน่ๆเลย ได้รับรู้และเข้าใจสัจธรรม  ทุกสิ่งในโลกนี้ไม่เที่ยง  สัจธรรมน่ะเข้าใจนะ  แต่ที่ไม่เข้าใจเลยคือทำไม๊ทำไมดอกไม้ถึงคิดถึงน้องชายมากมายขนาดนี้น๊าาา คิดถึงทุกวันเลยค่ะบ่องตง

เพราะไปปฏิบัติธรรมบ่อย ถือศีลบ่อย เดี๋ยวนี้เลยกลายเป็นคนธรรมะธรรมโมนะคะ (เหรอ วันนั้นยังเห็นไฝว้กะลูกค้าอยู่เลยหนิ เอิ่ม.. :hao7:) ส่วนสุขภาพร่างกายก็แข็งแรงดีค่ะ คนอ่านที่รักไม่ต้องห่วงนะคะ เราจะรักษาสุขภาพ กินอาหารมีประโยชน์และออกกำลังกายเยอะๆ ฮึบๆๆ (หนุ่มๆ หล่อล่ำเต็มฟิตเนสเลยวู้~ :hao6:)

งานก็เยอะอยู่เป็นปกติค่ะ แต่ถ้าเป็นงานช่วงกลางคืน ดอกไม้จะไม่รับแล้ว เอาเวลามาออกกำลังกาย ปั่นนิยาย นอนหัวค่ำดีกว่า (เอ่อ..ได้ข่าวเมื่อคืนนอนตีสาม แง้ว) แต่ช่วงนี้ดอกไม้ต้องกลับบ้านที่ตจว.บ่อยหน่อยค่ะ กลับไปหาแม่ทุกอาทิตย์ ปกติวันอาทิตย์จะเป็นวันที่กั๊กไว้เขียนนิยาย พอต้องไปใช้เวลากับครอบครัว เวลาตรงนี้เลยหดหายไป แต่ไม่เป็นไร จะพยายามเขียนให้ได้เยอะๆ ช่วงหลังเลิกงานนะคะ

ขอบคุณคนอ่านที่ยังติดตามอ่านอยู่เน้อ รักนะคะ ม๊วฟๆๆ  :mew1:

ดอกไม้
๓ มี.ค. ๕๗

ปล. น้องจ้อยอยู่ครึ่งหลังนะฮะ
ปล.2 ภาพประกอบเริ่มไม่เข้ากะนิยายขึ้นทุกที....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 04-03-2014 00:31:37
จบครึ่งแรกแบบน้ำตาร่วงเผาะเลยคะคุณดอกไม้ TT
คนฟังเจ็บ คนพูดยิ่งเจ็บกว่า
สงสารทั้งอาจารย์ทั้งชายเล็กเลยค่ะ

 :m15: :monkeysad: :sad11: :impress3: :sad4: :o12: :hao5: :mew4: :mew6:

กี่อีโมก็แทนความเศร้าและความค้างที่คุณดอกไม้ให้ไว้ไม่หมดจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Gaem ที่ 04-03-2014 00:41:29
ช็อคมั้ยให้ทาย?  ฮื่อออออ  :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 04-03-2014 00:52:31
หน่วงมาก อาจารย์อย่าทำแบบนี้ ฮืออออออ :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Julytastic ที่ 04-03-2014 08:11:56
คุณดอกไม้ทำร้ายยยยย  :sad4:
สงสารทั้งอาจารย์คนึง ทั้งคุณชาย แต่สงสารคุณชายมากกว่าเพราะไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลย
อาจารย์คนึงอย่าคิดไปเองได้มั้ย ฝืนทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองก็เจ็บเอง
อ่านนิยายเรื่องนี้ทีไร ต้องเจ็บกระดองใจทุกที
แต่ก็ยังอยากอ่านอยู่เรื่อยๆ 55555
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะคะ มาต่อตอนหน้าไวๆเน้อ
อยากรู้ว่าหลังจากที่พี่สิงห์ซื้อทั้งชุดนักเรียนกับหนังสือเรียนใหม่ให้จ้อยแล้ว จ้อยจะรู้สึกยังไง
กลัวใจจ้อย จะหมางเมินกับพี่สิงห์แบบเดิมจริงจริ๊ง :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-03-2014 08:35:37
คนรักที่นอนร่วมเรียงเคียงหมอนกรีดหัวใจกันด้วยคำพูดแบบนี้ ฆ่ากันให้ตายเสียยังดีกว่า

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 04-03-2014 08:43:50
น้องจ้อย ?
ดูแลคุณแม่ ดูแลตัวเองด้วนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: kissazazel ที่ 04-03-2014 09:17:55
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะครับ

แต่คุณดอกไม้จัดหนักมาเลยนะครับ

เข้าใจความรู้สึกครูคนึงนะ แต่ก็สงสารหนูเลอมาน

อยากจะเข้าไปข่วนหน้าครูคนึงมากตอนนี้

แอบคิดถึงน้องจ้อย รักพี่สิงห์ได้แล้วเถอะ สงสารพี่สิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 04-03-2014 09:41:22
แค่ครึ่งแรกมันก็หน่วงแล้วอ่ะ
สงสารทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 04-03-2014 10:25:18
หน่วงดีจริงๆ อิอิ
อยากให้คุณเล็กวีนเลย ดูสิครูคนึงจะทำยังไง :o211:

รออ่าน(สภาพ)จ้อยตอนหลัง

ปล.พี่สิงห์เท่สุดๆเลย ฮ่าๆๆ FCพี่สิงห์ :ped149:

+๑
+เป็ด
 o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 04-03-2014 11:20:08
แค่ครึ่งแรกก็น้ำตาคลอตามคุณชายเล็กแล้ววววว
แอบสงสารพี่สิงห์ด้วย เป็นนักเลงสิ้นลายเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: nutjisub ที่ 04-03-2014 11:58:48
เบื่ออาจารย์คนึง ทำร้ายจิตใจเล็กมากเกินไป คนรักกันเขาไม่ทำกันอย่างนี้หรอก เบื่อพวกคิดเองเออเอง ที่สุด
ต้อนรับการกลับมาของคุณดอกไม้สู้ๆ ช่วยปั่นให้พ้นช่วงดราม่าเสียทีเถอะคะ :hao5: :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 04-03-2014 12:15:52
สงสารทุกคู่เลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 04-03-2014 14:01:56
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ ครับ สู้ๆ

---------------------------------------------
รอน้องจ้อย กับพี่สิงห์ ด้วยใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: supernatural ที่ 04-03-2014 21:57:23
รำคาญบทจ้อยอ่ะแต่ชอบคู่หลักมากเลยจ้าครูหนุ่มกะคุณชายชอบบบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 04-03-2014 22:57:56
คุณชายกับพี่สิงห์ ก็เคมีเข้ากันดีนะ
ครูคนึงเป็นใคร เราไม่รู้จักกันชั่วคราวนะ
 :m16:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 06-03-2014 19:41:23
เศร้าจังเลย โดนมรสุมทุกคน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 07-03-2014 20:38:35
อ่ะ มาอ่านอีกมี่มาม่าชามโตชามที่ 2 มาล่ะ

เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะคะ หมั่นตรวจสุขภาพประจำปีทั้งคุณและแม่นะคะ
เวลาเจอจะได้รีบรักษา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 08-03-2014 01:21:47
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 08-03-2014 10:51:25
สงสารคุณชายเล็กอะครับ  ฮือๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Noockie ที่ 08-03-2014 13:50:05
แง คุณชายน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 08-03-2014 23:05:06
สงสารเลอมาน คนึงทำไมใจร้ายแบบนั้น คิดเองเออเองเคยถามเลอมานบ้างไหมว่ารู้สึกยังไง ต้องการอะไร ย่าเลอมานจะรู้ไหมทำอะไรลงไป สงสารสิงห์ สิงห์ไม่ได้ทำสักหน่อย เลอมานเข้าใจผิดนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 10-03-2014 21:22:31
 :sad4: รันทดสุดๆ สงสารทุกคน เมื่อไหร่จะเข้าใจกัน :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 12-03-2014 15:48:35
เจ็บ  บอกได้คำเดียวว่า "เจ็บ"
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 17-03-2014 21:55:20
บียคั้นหัวใจ คนจะรักกันช่างยากลำบาก รออ่านคู่สิงห์จ้อยนะคะ :ling1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 17-03-2014 22:42:50
อ.คนึง ใจร้าย
คิดว่าทำแบบนี้แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเหรอ
คิดว่าเจ็บเสียตั้งแต่วันนี้เพื่ออนาคตที่ดีของคุณชาย?

ถ้าคุณชายเสียมาก ประชดตัวเองด้วยการทำตัวสัมเลเทเมา คบคนพาลจนเสียผู้เสียคน
อ.คนึงจะเสียใจไหม

ความรักเป็นเรื่องที่สองคนร่วมกันสร้าง
ถ้าความรักครั้งนี้จะต้องจบลง
อีกฝ่ายมีสิทธิ์ที่จะรู้ ความเป็นไป ไม่ใช่หรือ

ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนที่ไม่มีเหตุผล โลกหมุนรอบตัวเอง
ก็เห็นด้วยกับการกระทำของอ.
แต่คุณชายมีเหตุผลและรักศักดิ์ศรี ทำไมถึงเลือกทางนี้
หรือเพราะยังเยาว์

ปล. คอมเมนท์ตามอารณ์ในมุมผู้ถูกกระทำ ขออย่าได้ถือสา
เพราะถ้าเป็นตัวเองก็ทำแบบครูเหมือนกัน ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ครึ่งแรกฮะ) [๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: punomenon ที่ 17-03-2014 23:14:33
 :เฮ้อ:

หน่วงจิตจริงๆเรื่องนี้ ทำไมทำแบบนี้นะ :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 24-03-2014 00:08:34
(http://img10.imagefra.me/i63n/chihiro/0_7ba_u90ve.jpg)

บทที่ ๒๗

คนเลวของเธอ   

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


   ถึงจะเป็นวันอาทิตย์  แต่จ้อยก็ตื่นแต่ไก่โห่เหมือนเช่นทุกวัน  ดวงตาเหม่อคว้างมองมือขวาที่พอกผ้าพันแผลนิ่งงัน  มันบวมปริเหมือนมือกบที่เอามาเผาไฟ  เพียงขยับแม้ปลายนิ้วก็เจ็บแปลบ  ยามเช้าอากาศเย็นชื่น  ดูท่าเมื่อคืนฝนคงตก  หนุ่มน้อยสูดไอชื้นเข้ามาในอกที่ว่างโหวงอย่างประหลาด  ชุดนักเรียนตำราเรียนถูกทำลายเสียป่นปี้  แบบนี้.. พรุ่งนี้จ้อยจะเอาอะไรไปเรียนหนังสือ 
   
จ้อยเก็บที่นอนไปพับไว้มุมห้องด้วยมือเดียวอย่างทุลักทุเล  หันไปมองที่เตียงใหญ่ว่างเปล่า  ไอ้สิงห์คงยังไม่กลับมา  เมื่อวานนี้มันหายหัวไปไหนไม่รู้ทั้งวัน  แต่ช่างหัวมันเถิด  มันจะไปไหนก็เรื่องของมัน  ดีเสียอีก  ไม่ต้องมาอยู่เกะกะลูกตา  มีก็แต่น้าแป้นกับน้าเวกที่ห่วงใยจ้อยนัก  คอยดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้  จ้อยแทบไม่ต้องหยิบจับอะไร  งานบ้านงานเรือนก็ทำแทนให้ทุกอย่าง  แม้จะกินข้าวยังจะป้อนให้  จ้อยรีบปฏิเสธแทบไม่ทัน  มือขวาเจ็บแต่ก็ยังมีมือซ้าย  แค่กินข้าวแค่นี้ไม่หนักหนาอะไร  ผลหรือ.. จ้อยทำข้าวหกกะเรี่ยกะราด  สุดท้ายน้าแป้นก็บังคับป้อนเอาจนได้     
   
ดวงตาคู่ใสหันไปเห็นอะไรบางอย่างที่มุมทำการบ้านประจำ  ถุงกระดาษใบเขื่องสองถุง  น่าแปลก.. เมื่อวานยังไม่เห็นมี  ใครเอามาวางไว้ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร?  มือเล็กค่อยคลี่ออกดูอย่างใคร่รู้เต็มที หากทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน  ดวงตาหม่นหมองก็เบิกกว้าง  คล้ายแสงตะวันจะส่องลงมาไล่พยับเมฆครึ้ม
   
กางเกงสีกากี  เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวอย่างละสองตัว  กลิ่นหอมสะอาด  พับมาเรียบร้อย  ส่วนอีกถุง  บรรจุตำราเรียนใหม่เอี่ยมอ่อง  ปกมันปลาบไม่มีแพ้รอยยับสักนิด 
   
จ้อยยิ้มกว้างยิ่งกว่ากว้าง  หอบถุงกระดาษวิ่งตึงตังออกไปด้วยความดีใจ  เจอน้าแป้นกำลังถูพื้นพาไลอยู่พอดี  จ้อยถามทั้งรอยยิ้มสดใสว่าใครซื้อให้จ้อย  น้าแป้นนิ่งคิดอยู่อึดใจแล้วก็ร้องอ้อ! เสียงสูงปรี๊ด “ละ..ลุงกำนันจ้า แกไปหาซื้อมาให้ครูเมื่อวานนี้”
   รอยยิ้มยินดีแต่งแต้มบนใบหน้าอ่อนใส  กอดชุดนักเรียนกับตำราใหม่ไว้แน่นแนบอก  ดวงตาที่เคยหม่นเศร้ามาทั้งวานนี้  บัดนี้เคลือบความหวังอันเปรมปรีดิ์จับตาน่ามอง 
   
ผู้มากวัยกว่ามองรอยยิ้มนั้นด้วยความชื่นใจ  แต่พอหนุ่มน้อยพรวดพราดลุกขึ้น บอกว่าจะไปขอบคุณลุงกำนันเท่านั้นแหละ
   
“เดี๋ยวครู!” น้าแป้นคว้าข้อมือผอมบางไว้แทบไม่ทัน ละล่ำละลักบอก “ลุง..ลุงกำนันไม่อยู่ แกออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว”
   พอครูพยักหน้าหงึกหงัก เดินหอบถุงใบเขื่องพร้อมรอยยิ้มเรื่อจากไป แกก็ถอนใจยาวโล่งอก
   
อภิโธ่อภิถัง.. ลุงกำนันคนดีของครูไม่กลับบ้านมาสามสี่วันแล้ว  แล้วแกจะเอาหูตาที่ไหนมารับรู้ว่าครูถูกคุณนายเอาตะไกรหั่นมือ จะเอามือตีนที่ไหนถ่อไปซื้อตำราใหม่มาให้  ลงอีแบบนี้จะมีใคร้..
   
สาวใหญ่หันไปมองตู้ไม้สักหลังใหญ่ชิดผนัง  ไอ้เสือซุ่มค่อยๆ โผล่หน้ารกเรื้อออกมา  ที่แท้ก็แอบดูอยู่ตั้งแต่ต้น
   
“ขอบคุณนะน้า” มือหนาเทอะทะพนมไหว้ท่วมหัว  หากสายตายังทอดตามร่างเล็กที่เดินไปไกลลิบๆ “เมื่อวานก็ช่วยดูมันให้ ขอบคุณจริงๆ”
   
แกโบกมือวุ่น “ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงสิงห์ไม่ฝาก ครูเจ็บขนาดนี้ น้าต้องช่วยดูอยู่แล้ว” ว่าแล้วก็ก้มหน้าถูพื้นต่องกๆๆ
   ลูกชายกำนันมองตามแผ่นหลังเล็กนั้นไม่ละสายตา  ภาพเมื่อกี้.. งดงามดุจเทวาเสกสรร  เปล่งประกายยิ่งกว่าดวงตะวัน  น้องยิ้มแก้มเรื่อ  ดวงตาเรืองรอง  สองมือกอดชุดนักเรียนกับตำราที่เขาบากหน้าไปหามาให้แนบอกอย่างทะนุถนอม  ชุดนักเรียนกับตำราที่ปริปากไม่ได้ว่าเขาหามาทูนให้  หาไม่มันคงถูกขว้างทิ้ง

   ถ้าสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นเป็นหัวใจของพี่  ถ้า.. รอยยิ้มนั้น.. เจ้ามอบให้กับพี่  ไอ้สิงห์ไม่อยากจะคิด  ไม่กล้าจะฝันใฝ่  หากวันนั้นมีจริง  หัวอกเอ๋ยจะเบ่งบานปานดอกไม้เพียงใด 

   นี่ขนาดลอบมองไกลๆ  พี่ยังสุขหัวใจถึงเพียงนี้   

***************************
   
   จ้อยในผ้าขาวม้าประคองขันรองหินด้วยมือเดียว  เดินเลียบคลองไปตามสะพานไม้เคี่ยมกว้าง ๒ แผ่นที่ปลูกเหนือพื้นดินราว ๑ เมตร  ผ่านเรือกสวนรกครึ้มของกำนันเสริม 

   ไข้ไม่มี  วันนี้อาบน้ำเสียทีคงได้  ดีกว่านอนนิ่งเป็นภาระให้น้าเวกเช็ดตัวให้แบบเมื่อวาน 

   ความจริงจ้อยไม่ต้องลำบากลำบนมาอาบไกลถึงท้ายสวนแบบนี้ก็ได้  ท่าน้ำหน้าเรือนก็มี  ท้ายเรือนก็มี  ถ้าไม่ติดตรงมีไอ้ตัวจัญไรมันชอบมาด้อมๆ มองๆ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  หะแรกมันก็ลอบมองจากหน้าต่างห้องนอน  แต่ยิ่งนับวันยิ่งรุกหนัก  บ้านช่องออกใหญ่โต  ทำไมมันต้องจำเพาะมาวนเวียนอยู่แต่ที่ตีนท่า  เจาะจงเวลาตอนที่จ้อยอาบน้ำทุกคราไป  มายืนเต๊ะจุ๊ยดูดบุหรี่บ้าง  เอารถเครื่องมาขัดๆ ถูๆ บ้าง  หรือไม่มีอะไรจะทำก็มานั่งผิวปากรับลมเสียเฉยๆ  อย่ากระไรเลย  แค่นึกถึงหน้ามันจ้อยก็สะอิดสะเอียนเหลือทน 

   ท้ายสวน  จ้อยวางขันและผ้าผลัดลงบนท่าเล็กๆ ที่น้าเวกต่อยื่นลงไปในคลอง  ด้านหลังเป็นลำประโดงคดเคี้ยว  มะพร้าวเอย  มะม่วงเอยปลูกเรียงกันเป็นแนว  ฝนซา  แดดส่อง  ปลาซิวลง  พวกมันว่ายตามน้ำวนเวียนมาเป็นฝูงๆ นับพันนับหมื่นตัว  ข้างท้องของมันเป็นสีขาว  สะท้อนกับน้ำและแสงแดดเป็นประกายวับๆ  พืชผักทั่วไปที่เกิดในน้ำต่างทอดยอด  ผักบุ้ง ผักกระเฉด  ผักแว่นยอดอวบขาวสะอาด  พอเด็ดหรือหักคงจะเกิดเสียงดังเป๊าะกรอบน่ากิน  จนจ้อยอดใจไม่ไหว  มือข้างที่ไม่เจ็บรวบผ้าขาวม้าถลกขึ้นสูงจนเห็นต้นขาขาวสะอาดราวหยวกกล้วย  เดินดุ่มลงน้ำเลาะตลิ่ง  ก้มๆ เงยๆ เด็ดยอดผักบุ้งเอาไปให้น้าแป้นทำกับข้าวมื้อเย็น
   คนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเก็บผักหารู้ตัวไม่  ใครคนหนึ่งย่องตามติดมาเงียบเชียบ  ณ เวลานี้จะเป็นใครไปได้เล่า

   ลูกชายกำนันอาศัยต้นมะพร้าวน้ำหอมกำบังกาย  เห็นตัวขาวๆ ลิบๆ อยู่ที่ตีนท่า  ไกลไป.. คนตัวโตขยับใกล้เข้าไปอีก  ตัดสินใจลุยน้ำลงลำประโดง  เปียกเปิกไม่สนละ  มือใหญ่เอากอผักบุ้งโปะหัวไว้แล้วโผล่ขึ้นดู  เหมือนนกกระเจ่าเฝ้าปลาทำตาปริบๆ
อู้ฮู.. ไอ้หยั่งที่เขาว่าจาวตาลหรือลูกส้มโออ่อนนั้นอย่ายกมาพูดเลย  บั้นท้ายไอ้จ้อยมันลูกมะพร้าวอ่อนชัดๆ  ทั้งกลมทั้งครัดเคร่ง  ยามผ้าขะม้าเปียกลื่นแนบเนื้อเมื่อไร  ไอ้สิงห์หวิดจะขาดใจตายอยู่กลางลำประโดง  เนื้อตัวหรือเล่า  ขาวสะอ้านปานจะเย้ยมะลิให้ได้อาย  ไอ้ตุ่มไตสีแดงเรื่อนั่นก็ชูเชิด  เหมือนกะจะบีบหัวใจนักเลงหนุ่มให้ยุบลงไปเดี๋ยวนั้น

   ช้าก่อนไอ้ฉิบหาย!  นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดอกุศล  มือ!  มือน้อยๆ ข้างนั้น  มือที่หมอสั่งนักสั่งหนาว่าห้ามโดนน้ำ 

   แล้วไอ้ตัวดีทำอวดเก่งลงไปเก็บผัก  มือมันจุ่มน้ำไปบ้างหรือยังวะนั่น!?

   ความห่วงหาสั่งไอ้นักเลงโตให้คลานกระดืบๆ ขึ้นตลิ่งทั้งกอผักบุ้งยังเต็มหัว  ใบไม้แห้งส่งเสียงดังกรอบแกรบ  เป้าหมายที่ซุ่มมองอยู่นานหันขวับ  ชะรอยจะคิดว่าเป็นตัวอะไรที่ชอบลากไก่ไปกินในน้ำเป็นแน่แท้ 

   พ่อเจ้าประคุณจึงเขวี้ยงก้อนหินมาโดนกบาลไอ้สิงห์อย่างจัง! 

   “โอ๊ย!” ร่างสูงใหญ่ทะลึ่งพรวดขึ้นจากลำประโดง  สารรูปดูไม่ได้  เปียกปอนทั้งตัว  ผักบุ้งคาหัวหู  จอกแหนติดเต็มตามแผ่นอกเปลือยเปล่ากำยำ 

   เจ้าตัวจ้อยตกตะลึงตาเบิกโพลง  เห็นตัวเหี้ยจริงๆ มันยังตกใจน้อยกว่านี้อีกกระมัง  มือเล็กคว้าขัน  ทำท่าจะเดินหนีไปให้พ้นๆ  หากไอ้สิงห์โจนพรวดเดียวถึงตัว  ฝันไปเถิดว่าจะยอมให้หนีไปง่ายๆ  มันมาซ้ายสิงห์ก็ดักซ้าย  มาขวาสิงห์ก็ดักขวา  สุดท้ายก็จนมุมอยู่บนท่านั่นแหละ

   สองแขนเล็กกอดตัวเองไว้แน่นราวจะปิดบังนวลเนื้อขาวเนียนให้พ้นจากสายตาเขา  ดวงตาดำจ้องมาราวจะกินเลือดกินเนื้อ 

   “มาทำไม!” ไอ้ตัวเล็กตะคอกถาม  ถอยร่นจนอีกก้าวเดียวก็คงตกน้ำตูม 

   นักเลงโตเงอะงะ  หาคำตอบไม่เจอ  ลงท้ายก็ขายผ้าเอาหน้ารอด “มาเก็บผักบุ้ง!” มือใหญ่คว้ากอผักบุ้งที่ติดตามหลังไหล่ยื่นให้ดูด้วยเอ้า!  หากพอเห็นสภาพกระจะตาแล้ว..

   เก็บผักบุ้งบ้านมึงซีไอ้สิงห์  แก่หง่อมจนใบเหลืองเหนียว  ควายยังเคี้ยวไม่ขาดเลย!

   “เอ็งจะอาบน้ำเรอะ” เข้าเรื่องเถิดจะเกิดผล  น้องไม่ตอบคำ  หน่วยตาดำยังซ่อนแววระแวง “หมอไม่ให้แผลโดนน้ำ  เอ็งจะอาบเองยังไง” พี่แกว่งมือลงล้างในน้ำคลองใส  ก่อนคว้าขันจ้วงน้ำเตรียมพร้อม “มา เดี๋ยวข้าอาบให้”

   “ไม่ต้อง!” คำตอบทันควัน  กอดรั้งตัวเองแน่นขึ้นอีก  ลูกตาลนลานส่องหาทางหนีทีไล่  ไอ้สิงห์หรือจะปล่อยให้รอดเงื้อมมือ  คนตัวโตยืนจังก้าเต็มท่าน้ำ  มือแกร่งคว้าแขนกระชากเข้าหา  พูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่องก็คงต้องใช้กำลัง 

   “ปล่อยกู!” ร่างเล็กดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต  ทั้งผลักทั้งถีบพัลวัน  นักเลงโตรำคาญสุดแสน  นี่ถ้ามือมันไม่เจ็บละก็คงได้มียันโครมลงน้ำกันบ้าง 

   แต่ในเมื่อทำคนไม่ได้  แล้วอะไรเอ่ยรับกรรม?

   “โว้ย!” เสียงกร้าวสบถด้วยโทสะ  มือใหญ่เขวี้ยงขันสาครลอยหวือไปกลางคลอง  ขันใบน้อยลอยเท้งเต้งอยู่บนกอผักตบเขียวขจี “เก่งนักก็ไปเอามาสิไป!”

   เอาซิเอา  อยากดูน้ำหน้า ‘คนเก่ง’ นัก

   ‘คนเก่ง’ เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง  กัดริมฝีปากแน่น  และแล้ว.. สายตาคู่นั้นก็มองมา.. มีรอยรื้นน้ำ.. สายตาแบบนั้น.. สายตาเหมือนลูกสัตว์ตัวเล็กๆ โดนรังแก

   “โธ่โว้ย!”

   นักเลงหนุ่มไม่เคยรู้สึกทุเรศตัวเองเท่านี้มาก่อนในชีวิต  เขวี้ยงขันมันไปเพื่ออะไร  เพื่อให้อีกชั่วอึดใจก็ว่ายน้ำตาลีตาเหลือกไปเอาขันคืนให้มันเช่นนี้น่ะเรอะ?!

   “เอ็งมันรั้น!” หัวหน้าอันธพาลหอบแฮ่กขณะตะกายกลับขึ้นท่า  หยดน้ำเกาะพราวทั้งหลังไหล่  กางเกงขาก๊วยแนบเนื้อรัดท่อนขากำยำ  เขาแอบเห็นคนแสนรั้นเบือนหน้าหนี  “รู้ไหมถ้าแผลโดนน้ำจะเป็นยังไง  มือเอ็ง.. สักพักจะกลัดหนอง  เป็นแผลเน่า  แมงวันบินมาหยอดไข่  สักพักก็หนอนไต่ยั้วเยี้ย  กลายเป็นไอ้มือเน่า  แล้วหมอก็จะตัดมือเอ็งทิ้ง!”    เขาขู่เป็นเรื่องเป็นราว  รอยสบใจฉายชัดในแววตาเมื่อเห็นนวลหน้าผ่องใสเจื่อนลงๆ “แล้วเอ็งจะเอามือที่ไหนเขียนหนังสือ!”

   คำนั้นดั่งตอกตะปูปิดฝาโลง 

   นักเรียนครูยกมือตัวเองขึ้นดูอย่างชั่งใจ  ใจ.. ที่เริ่มเอนเอียง  สักพัก.. ก็ยอมนั่งลงอย่างว่าง่าย 

   “หันหน้ามา” ไม่รู้มันจะหันหลังให้หาพระแสงอะไร  ต้องให้ดุให้ว่ามันถึงยอมอิดออดหันหน้ามาหา  แก้มสะท้อนแดดใส  นวลเหมือนแป้งในใบตองอ่อน  ขนตายาวเป็นแพเหนือดวงตาที่ไม่ยอมมองมาสักนิด 

   น้ำขันแรกราดลงไหล่  เจ้าตัวจ้อยนั่งนิ่งยอมให้ราดน้ำแต่โดยดี  แต่พอมือหยาบแตะแขนมันยกขึ้นเท่านั้น

   “อย่าจับ!” เสียงเล็กขู่ฟ่อ  ถ้าเป็นแมวคงขนพองไปทั้งหัวหาง 

   “อยากจับตายห่าละ  แขนเล็กยังกะแขนลิง!” พี่ว่าเข้าให้  ผลักหัวน้องไปที  “เอ้า จะถูตรงไหนก็ถู เดี๋ยวราดน้ำให้”

   เป็นการอาบน้ำที่สุดแสนชุลมุนชุลเก  แค่จะถูหลังให้  คนเจ็บก็โมโหแย่งขันคืนมา  โขกกบาลไอ้สิงห์เข้าเต็มรัก  แถมตอนจะผลัดผ้า  สิงห์เอาผ้าขาวม้าผืนที่เตรียมมาพันเอวเล็กไว้  สั่งให้น้องจับปมให้ดี  ก่อนมือใหญ่ล้วงเข้าไปกระตุกผ้าเปียก  ทำอีท่าไหนไม่ทราบได้  ผ้าเปียกผ้าแห้งหลุดผลั่วะออกมาพร้อมกันเผยเนื้อสะโพกขาวสล้างไปกว่าครึ่ง  สิงห์ตะลึงจ้องตาเหลือก  ขณะที่น้องโมโหควันออกหู  รัวทุบอั้กๆ ไปตามหลังไหล่ล่ำสัน 

   “โอ๊ยๆๆๆ” เสียงห้าวร้องลั่น  ปัดป้องพัลวัน “เอ็งเห็นข้าเป็นลูกกระท้อนเรอะถึงได้ทุบเอาทุบเอา!” 

   เรียกว่ากว่าจ้อยจะอาบเสร็จ  ลูกชายกำนันก็น่วมไปทั้งตัว

   ดวงตาคู่ใสมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินเข้าดงไปลิบๆ  คนประสาท!  ไปมาเหมือนลมเพลมพัด  จ้อยยกมือขวาขึ้นดู  เนื้อตัวสะอาดสะอ้านมีหยดน้ำเกาะพราว  แต่มือข้างนี้ไม่มีแม้ละอองน้ำกระเซ็น 

   จะว่าไป.. ท่าน้ำนี้ไม่ใช่หรือเล่า.. 

   ริมตลิ่ง  ลำพูต้นนั้นยังอยู่  หน้าน้ำขึ้น  กิ่งใบโน้มลงจรดพื้นน้ำ  ตกกลางคืนที่ท่านี้คงเรืองรองไปด้วยแสงหิ่งห้อย 

   กี่หน.. ที่เด็กชายตัวน้อยได้แต่มองเด็กอื่นจับกลุ่มเล่นลูกข่างกันในตลาด  ของเล่นยอดนิยมที่จ้อยได้แต่มองน้ำลายยืด  อยากได้จับใจแต่ก็ไม่กล้าขอเงินยายไปซื้อ  แต่มีมืออบอุ่นของใครคนหนึ่ง  พาจ้อยมาที่นี่ 

   เขาเด็ดลูกลำพูกลมแบนมาให้  เหลาไม้เสียบตรงกลาง  สอนให้จ้อยเล่นแทนลูกข่าง  ยามลูกลำพูหมุนอย่างตั้งอกตั้งใจดั่งนักเต้นเริงระบำ  เกสรสีชมพูเหมือนเกสรม่าเหมี่ยวสะบัดพลิ้ว  เด็กชายตัวน้อยจ้องตาวาวตีมือแปะๆ ชอบอกชอบใจ  ครั้นพอเงยหน้าขึ้น  ก็พบว่า ‘ใครคนนั้น’ จ้องมองจ้อยอยู่นานแล้ว 

   “พี่ฉิง” จ้อยยังพูดไม่ชัดเลย 

   เขาหัวเราะเห็นฟันขาว “พี่สิงห์หรอก  พูดชัดๆ ซี”

   จ้อยยังเด็กมาก  แต่ทุกความทรงจำยังกระจ่างชัด       

   ลูกลำพูลูกหนึ่งร่วงลงสู่คลอง  จ้อยได้แต่มองมันไหลลอยตามกระแสน้ำไป
   
   น้ำไหลไปมักไม่ไหลทวน
   ชีวิตเราไม่มีหวน  ไม่กลับทวนเหมือนกัน


   ชีวิตที่ไม่ต่างอะไรกับอยู่ในกรงขัง  จะหาความเริงใจสักนิดก็หามีไม่  ถึงจะเจ็บแต่จ้อยก็ยังต้องทำงาน  ที่นอกชาน.. จ้อยกับน้ำฝนกำลังช่วยกันรีดกลีบบัวเพื่อเอาไปมวนบุหรี่  แม่หนูน้อยดูจะชอบอกชอบใจกับหน้าที่ปลิดกลีบสีชมพูอ่อน  เกสรหอมละมุน  เรณูที่เป็นละอองเหลืองๆ ติดเต็มมือกลมป้อมเหมือนผงทอง  สีชมพูอ่อนหวานของกลีบบัวจะหายไปทันทีที่ถูกเตารีดอุ่นๆ นาบ  กลายเป็นสีชมพูอมเทาหม่น

   คงเหมือนชีวิตของจ้อย

   ‘มัน’ ก็ยังวนๆ เวียนๆ อยู่แถวนี้ไม่ห่าง  ประเดี๋ยวก็ให้อาหารปลาในอ่างบัว  ประเดี๋ยวก็เที่ยวไปเคาะๆ กรงนกที่แขวนเรียงราย  สักพัก.. คุณนายพูนทรัพย์ก็กลับมาจากโรงสี  ดูประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั่งเอ้เต้ติดบ้านก็เป็นด้วย

   “ตาสิงห์ เมื่อวานไปไหนมา” คุณนายถามลูกชายที่เงยหน้าเหรอหราขึ้นมอง “มีคนเห็นเราที่ตลาดหัวรอกับ..กับใครน้า..” คิ้วโก่งดำขมวดย่น  ราวกับกำลังนึกคำพูดที่เหมาะสม “อ้อ! กะท่านชาย  ท่านชายที่มาจากเมืองฝรั่งน่ะ”

   คุณนายเลื่อนบรรดาศักดิ์ให้หม่อมราชวงศ์เลอมานเสียฉิบ  จ้อยได้แต่ทำงานเงียบๆ  ไม่ได้คิดจะแอบฟังนะ  แต่ลมมันพามาเข้าหูเอง 

   มันอึกอักเอ้ออ้า  แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธสักคำ  อย่างนี้นี่เอง.. ที่เมื่อวานมันหายไปทั้งวัน  นึกว่าไปตายโหงตายห่าที่ไหน  ที่แท้ก็ไปเที่ยวกับคุณชายเล็ก 

   มันคงจะเบื่อจ้อยแล้วกระมัง.. ตอนนี้คงกำลังคิดปองดอกฟ้า 

   “ดีแล้วลูกดีแล้ว” เสียงคุณนายเพราะพริ้ง  ไม่ต้องเงยหน้าดูก็รู้ว่ายิ้มบานเต็มหน้า “รู้จักคบค้ากะคนระดับนี้มั่ง  อย่าไปสุงสิงกับพวกขี้ข้าขี้ครอกให้มันมากนัก” ตาคมกริบปรายมาทางจ้อย  ริมฝีปากเหยียดแสยะ “คนมันเกิดมาต่ำยังไง๊ยังไงมันก็ต่ำอยู่วันยังค่ำ  เรียนหนังสือไปก็เท่านั้น  สันดานขี้ข้า!”

   แกไม่ได้เอ่ยชื่อ  แต่หมายถึงจ้อยแน่นอน  หนุ่มน้อยไม่คิดจะต่อคำ  ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามอง  ทำได้เพียงกลืนก้อนแข็งๆ ที่แล่นขึ้นจนตื้อลงคอ  มือเล็กยกกระจาดที่เต็มไปด้วยกลีบบัวสีหม่นขึ้น  หมายจะไปให้พ้นๆ จากตรงนี้ 

   “เดี๋ยวไอ้จ้อย!” คุณนายเรียกไว้ทันที “ผ้าผ่อนเต็มตะกร้า  แกซักหรือยัง”

   “แม่บอกว่ากลับมาจากตลาดจะซักจ้ะ” เด็กหญิงอาสาตอบแทนให้ 

   ปากแดงเหยียดยิ้มแสยะ “แหม้.. วิเศษวิโสเหลือเกิ๊น  กะอีแค่มือเจ็บทำสำออยนักนะ  สบายนักนี่  จะทำอะไรก็มีแต่คนเสนอหน้ามาช่วย” แกว่าเสียงสูง  กอดอกมองบ่าวตัวเล็กด้วยปลายตา  และแล้ว.. คุณนายกำนันก็สั่งให้เด็กหญิงลงไปช่วยพ่อเอาชันยาเรือที่ใต้ถุน  แม่หนูอิดออดอยู่อึดใจ  พอโดนดุเข้าให้ถึงได้ยอมลงเรือนไปแต่โดยดี 

   “ส่วนแก ไอ้จ้อย” นรกขุมไหนจะร่วงลงหัวกบาลจ้อยอีก “เอาผ้าของทุกคนไปซักให้หมด!  เร็วๆ เข้า เดี๋ยวไม่ทันแดด”

   จ้อยชะงักนิ่ง  นั่นประไร  ออกจากแอกก็เข้าไถเลยเชียว  มือขวาที่พอกผ้าพันแผลดูจะทวีความเจ็บขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
 
   “เอ๊ะ ไอ้นี่  สั่งแล้วยังมามองหน้า  รีบไปสิ ไป๊!” ผู้อาวุโสชี้หน้าเท้าเอวไล่ส่ง  ลงแบบนี้จ้อยจะทำอะไรได้  เกิดมาเป็นขี้ข้าก็ได้แต่ก้มหน้าจำทน

(มีต่อจ้ะ :hao7:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 24-03-2014 00:21:35
นักเรียนครูรวบรวมเสื้อผ้าที่ใช้แล้วของทั้งกำนัน คุณนายและลูกชายใส่ตะกร้าหวายใบใหญ่กระเตงลงมาที่ลานซักผ้าอย่างทุลักทุเล  คุณนายช่างใจดำนัก  กีดกันคนที่พอจะช่วยเหลือได้ไปหมดสิ้น  ซ้ำยังจงใจสั่งให้ซักผ้าแบบนี้  มือจ้อยจะหนีน้ำไปไหนพ้น

   ลานซักผ้าอยู่หน้าเรือนครัว  หนุ่มน้อยค่อยๆ เตรียมอุปกรณ์ทั้งหลายแหล่  ทั้งเปลสังกะสีหนารูปยาวรี  อ่างเคลือบกลม  และแผ่นคราดไม้หยักช่วยครูดผ้าหนาที่สกปรก  มือเล็กเปิดน้ำผ่านสายยางลงอ่างเคลือบ  เพียงลงมือแยกผ้าเนื้อหนาของกำนัน  และผ้าเนื้อดีบอบบางของคุณนายออกจากกัน  ทันใดนั้น.. อัศวินขี่ควายดำก็มาปรากฏกาย

จู่ๆ มันก็พรวดพราดเข้ามา  แย่งผ้าในตะกร้าที่จ้อยกำลังแยกยกไปวางข้างตัว  ลับๆ ล่อๆ ล่อกๆ แล่กๆ เหมือนกลัวใครเห็น 

   “บอกมาว่าทำยังไงบ้าง” ร่างใหญ่โตเป็นยักษ์มักกะสันนั่งแปะลงบนม้านั่งตัวเล็กหน้ากะละมัง  พอเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ตีหน้าเหรอหราก็ขู่เสียงเฉียบ “เร็วๆ สิวะ! เดี๋ยวแม่ข้าก็มาเห็นเข้าหรอก”

จ้อยอึกอัก  ทำอะไรไม่ถูก  มันควรแล้วหรือที่เขาจะมาใช้ศัตรูซักผ้าให้  ที่สำคัญ.. วันนี้.. มันช่วยเหลือเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว 
   สิงห์สุดจะทนกับความเบื้อใบ้ไม่ทันใจ  เลยคว้าสบู่กรดก้อนสีฟ้าขาวประเดิมถูลงบนเนื้อผ้า

เสื้อผ้าไหมสีปีกแมงทับของคุณนายพูนทรัพย์!

   “อย่า!” เสียงเล็กร้องห้ามลั่น  มือใหญ่ชะงักกึก  “ของป้าทรัพย์ต้องใช้นี่ซัก” มือบอบบางยื่นโหลแก้วบรรจุผงสีขาวสะอาดส่งให้  นักเลงหนุ่มคว้าไปส่องดู  มีรอยปากกาขีดพร้อมระบุวันที่ซื้อเสร็จสรรพ  ด้วยลายมือผู้เป็นมารดา 

“ส่วนที่เหลือใช้สบู่ซันไลต์” จ้อยชี้ไปทางสบู่สีเหลืองก้อนโตชนิดปาหัวหมาแตก “ยกเว้นกางเกงยีนส์นั่น  ใช้สบู่กรด”
   ไอ้สิงห์ย่นจมูก  ก็พอจะรู้อยู่ว่าแม่เขาหน้าเลือด  แต่คาดไม่ถึงว่าจะขนาดนี้  ผ้าตัวเอง  ใช้แฟ้บราคาแพงซักอยู่คนเดียว! 

อีกอย่างที่คาดไม่ถึง..  ซักผ้านี่มัน.. กินแรงฉิบหาย!!

ทุกทีจ้อยมันซักคนเดียวได้ยังไง  แถมเสร็จแล้วยังมีแรงแต่งเนื้อแต่งตัวไปโรงเรียน  มีแรงเรียนหนังสือทั้งวันอีก  ยิ่งถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์แบบนี้  งานบ้านอีกสารพัดก็กองสุมรอให้ไปจัดการ  จ้อยมันทำได้ยังไง?

หนุ่มน้อยนั่งตาปริบอยู่หน้าอ่างเคลือบพูนฟอง ๒-๓ ใบ  หัวหน้าอันธพาลที่ท้าตีท้าต่อยมาทั้งตำบลกำลังนั่งขยี้ผ้าด้วยเรี่ยวแรงเหมือนวัวควายอยู่ตรงหน้านี่  คิ้วหนาขมวดมุ่น  สายตาแน่วแน่อย่างตั้งใจ  เม็ดเหงื่อผุดซึมตามไรผมดำสนิท  กระทั่งแผ่นอกกำยำจนมันปลาบ  จ้อยนึกละอายขึ้นมา  เพราะนี่มันงานของจ้อยชัดๆ  แต่พอยื่นมือไปแค่หมายจะใช้มือเดียวซักน้ำสะอาดให้เท่านั้น 

“เอ็งนั่งเฉยๆ!” มันขู่เสียงเหี้ยม  ขัดกันเหลือเกินกับมือที่กำลังขยี้เสื้อแพรเนื้อบางเบาจนฟองฟอด “เดี๋ยวมือโดนน้ำ!”
จ้อยเลยได้แต่นั่งนิ่ง  หุบเล็บเก็บเขี้ยวเอาไว้พยศกันวันหลัง 

ไม่ทันไรก็ได้เรื่อง  มือหยาบที่ตะโบมโหมแรงลงกับผ้า  ทำฟองกระเด็นใส่ตาตัวเองเข้าให้!

“โอ๊ย!” มันทำตัวเองนะ  จ้อยไม่เกี่ยว! “แสบตาโว้ย!” มันร้องเป็นควายถูกเชือด  พยายามเช็ดตากับหัวไหล่  จ้อยจะนิ่งดูดายก็กระไรอยู่  อารามตกใจ  ทำอะไรไม่ถูก  จ้อยลนลานเข้าเรือนครัว  คว้ากระปุกเกลือเม็ดเทพรวดเต็มฝ่ามือแล้ววิ่งกลับมาหามัน  อาศัยจังหวะที่มันแหกปาก  จ้อยก็โปะเกลือเข้าปากมันทีเดียวหมดกำ

ทีนี้มันเลยหายแสบตาเป็นปลิดทิ้ง  เปลี่ยนเป็นเค็มขึ้นสมองแทน  หน้าย่นยู่ยี่เหมือนผ้าขี้ริ้วแช่น้ำ  แทบไม่มีสีเลือดที่หน้าเพราะมันคงกรูกันไปเลี้ยงไตหมด 

“เอ็งจะฆ่าพี่รึไง!” มันตวาดใส่  พ่นเกลือในปากใส่จ้อยกราวๆ  จ้อยต้องเบือนหน้าหลบ  นี่จ้อยไม่ได้แกล้งมันนะสาบานได้  อ้อ  แล้วอย่านึกว่าจ้อยห่วงมันล่ะ  ก็แค่กลัวมันตาบอดแล้วจ้อยจะต้องมีภาระดูแลคนพิการขึ้นมาอีกอย่างก็เท่านั้น

   ผลสุดท้ายน่ะหรือ.. เสื้อผ้าทั้งหมดถูกนำขึ้นตากบนราวลวดเรียบร้อย  มือใหญ่คู่นั้นสะบัดผ้าแรงจนน่ากลัวตะเข็บขาด  งานเบาๆ ที่ไม่ต้องถูกน้ำอย่างเอาไม้หนีบผ้าหนีบเสื้อกันไม่ให้ร่วงเวลาต้องลม  เป็นงานเดียวที่มันยอมให้จ้อยแตะ

ลมโบยโบกพัดมา  หอมไอแดดจางๆ  มันเปียกปอนทั้งตัวยังกะไปมุดน้ำที่ไหนมา  ส่วนจ้อย.. เหมือนเดิม.. ไม่มีแม้ละอองน้ำกระเซ็น 

***************************
   
รุ่งเช้า..
เมื่อขอบฟ้าพร่าพราวราวทองทาบ

สิงห์นั่งดูดบุหรี่อยู่ที่นอกชาน  นิ่งมองท้องฟ้าเคลือบสีทองเรืองรอง  บัวหลวงบัวสายบานสะพรั่งกลางคลองสีน้ำตาลอ่อน  หากอยู่ใกล้ๆ คงได้เห็นฝูงแมงปอบินว่อนลอยวน   

เสียงฝีเท้าทำให้นักเลงหนุ่มหันขวับ  ดวงตาสีเข้มนิ่งมองน้องน้อยในชุดนักเรียนครูที่เขาหามาให้  สองมือกอดตำราเรียนที่เขาซื้อมาให้  ชายหนุ่มมองมันด้วยความเต็มตื้น  ท่าทางคงยังไม่รู้ว่าทั้งหมดนั่นเป็นฝีมือเขา ไม่ใช่พ่อ  แต่ไม่เป็นไร  ไม่รู้อย่างนี้แหละดีแล้ว

จ้อยดูประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นเขานั่งอยู่ตรงนี้  ใบหน้าอ่อนใสอึกอักเหมือนไม่รู้จะทายทักกันเช่นไร  คนตัวโตลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  “เดี๋ยวไปส่ง”

   “ไปเองได้” ประโยคนั้นสั้น ห้วน หลบสายตา  แถมทำท่าจะเดินหนีลงเรือนไป 

“เดินไป?” เขาถามเสียงต่ำ “กี่ปีชาติจะถึง”

เขาเห็นความลังเลในดวงตาสีน้ำตาลอ่อน  มือใหญ่ดับบุหรี่โยนทิ้ง  แตะแขนเล็กนำทางไปที่ท่าน้ำหน้าบ้าน “ไปเถอะ เดี๋ยวเข้าเรียนสาย”

ริมฝีปากได้รูปลอบยิ้มสบใจ  เจ้าตัวเล็กต้อยตามติดมาแต่โดยดี  ไม่มีพยศเลยสักนิดเดียว

คลองใสไหลเย็นเงียบสงบ  ต้นไม้ใบหน้าเขียวชอุ่มระบัดใบ  แดดหอมจนไม่มีใครอาลัยฝน  หลั่งลงเคลือบคลุมทุกตารางนิ้วในท้องทุ่ง  ริ้วแดดส่องกระทบผิวน้ำระยิบระยับเหมือนเกล็ดเพชร  งดงาม.. แต่ฝีพายไม่ละสายตาจากสิ่งใด  นอกจากแผ่นหลังเล็กๆ ของคนตรงหน้า  หัวใจอิ่มเอิบพองโตขึ้นมาอย่างประหลาด

สิงห์แวะที่ท่าท้ายโรงเรียน  มือใหญ่คว้าหัวหลักเหนี่ยวเรือเข้าเทียบท่า  ร่างเล็กที่หัวเรือลุกขึ้นเดินไป  มิวายหันมามองหน้ากัน

   “เอ่อ..” จ้อยก้มหน้างุด  กลีบปากสีเรื่อพึมพำอะไรบางอย่าง  รอบกายสงบจนนักเลงหนุ่มจับใจความได้ว่า..
   
ขอบคุณ...

เท่านั้นก็ผินหลังทำท่าจะเดินจากไป

   “เดี๋ยว!” เสียงห้าวเรียกไว้ทันควัน  เจ้าตัวจ้อยชะงักกึก  หันกลับมามอง  เครื่องหมายคำถามเต็มใบหน้า  ร่างสูงใหญ่ก้าวขึ้นจากเรือ  เดินอาดๆ ไปหา 

   เพียงเพื่อจะปัดเศษใบมะขามที่เกาะอยู่บนไหล่เล็กให้..
   จ้อยนิ่งขึงเหมือนรูปปั้นจนน่าขัน  มือใหญ่คู่นั้นยังสาละวนจัดชุดนักเรียนให้เข้ารูป  ดึงจีบแขนเสื้อจนเรียบสวย  สองมือจับบ่าเล็กไว้  กวาดตามองด้วยความชื่นชม  รอยยิ้มระบายเกลื่อนหน้า

“ตั้งใจเรียนนะครู” เสียงทุ้มละมุนลงกว่าที่เคย  พูดแค่นั้นก็หันหลังลงเรือไป  แต่มิวายมองนักเรียนครูเดินไปจนลับสายตา 

ถึงใจน้องหมองหมางไปอย่างนี้
   แต่ใจพี่ยังรักนั้นหนักหนา
   เหมือนแมงภู่อยู่ที่พุ่มปทุมา
   จะรอรายั้งหยุดนั้นสุดใจ**


***************************

Why does my heart go on beating?
Why do these eyes of mine cry?
Don’t they know it’s the end of the world?
It ended when you say goodbye***

   
“โอ๊ย ทำไมเพลงมันเศร้าแท้” สง่าโอดขึ้นหลังจากเลอมานเดินออกจากห้อง  เสียงเพลงจากแผ่นไวนีลยังดำเนินไป  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ออกมายืนมองท้องฟ้านอกห้องเรียน  เสียงพวกนักเรียนบ่นยังลอยมาเข้าหู  ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้าหรอก  เดี๋ยวนี้ทุกคนเกรงใจเขาขึ้นเยอะ  บรรยากาศในห้องเรียนเมื่อมีเขาอยู่หน้าชั้นสงบเงียบขึ้นมาก  ไม่มีใครแซว ไม่มีใครพูดยวนกวนโมโห  เขาเองก็ไม่ต้องปาชอล์คใส่ใคร  แค่ดำเนินการสอนไปเงียบๆ ให้หมดคาบไปวันๆ 
   แต่เลอมานชอบแบบเมื่อก่อนมากกว่า..

บุคคลในวงกลมมิตรภาพของเลอมานดูจะเหลืออยู่เพียงสองจำพวก  หนึ่ง.. เอาอกเอาใจ สอพลอจนเกินไป หรือไม่ก็ สอง.. ไม่แยแส ไม่ใยดีกัน  ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา  แต่ไม่ว่าจะจำพวกไหนก็ตามแต่  ยังความอดสูสู่หัวอกเขาได้เพียงกัน 

คนอื่นทิ้งระยะห่างจากเขายังไม่เจ็บปวดเท่าไร  แต่อาจารย์คนึงนี่สิ  ‘เบื่อ’ งั้นหรือ?  อาจารย์พูดคำนั้นออกมาได้อย่างไร  รู้หรือไม่ว่าแค่คำนั้นก็ทำให้เขานอนน้ำตาเปียกหมอนทั้งคืน  ตอนแรกเขาเข้าใจว่าอาจารย์คงโกรธและหึงหวงที่เขาหายไปกับนายสิงห์ทั้งวัน  คำนั้น.. อาจารย์คงพูดออกมาด้วยความโกรธ 

   แต่พอเวลาผ่านไป  ‘คำนั้น’ มีน้ำหนักขึ้นจนน่าตกใจ  จนแสนปวดร้าว  ทุกอย่างที่อาจารย์ทำ  ทุกคำที่อาจารย์พูด  ล้วนแสดงออกถึงความ ‘เบื่อ’ อย่างชัดเจน  ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป  แม้แต่ดวงตาคู่นั้นยามมองเขา  เลอมานพยายามมองหาความรักที่เคยเปี่ยมล้นอยู่ในนั้น  แต่ก็หาไม่เจอ 

คนเรานั้น.. เมื่อรู้สึกว่าได้รับความรักจะรู้สึกหัวใจพองโต  แถมโลกทั้งใบจะเล็กลงจนเหมือนคว้ามาได้ในอุ้งมือ  แต่พอความรักจางหายไป  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่ามาก็กลับตรงข้ามกัน  โลกใบเดิมขยายขนาดขึ้น  แต่หัวใจถูกบีบจนเล็กลงๆ  ท่ามกลางโลกกว้างใหญ่  เลอมานกลับอ้างว้างเหมือนถูกทิ้งไว้อยู่เดียวดาย

เด็กหนุ่มไหวไหล่เพื่อจะรั้งตัวเองอยู่ในอ้อมกอดตน  ราวต้นไม้ขึ้นผิดที่  ผลิดอกผิดฤดูกาล  หรือสายน้ำหลงทางวกเวียนขึ้นดิน  มีแต่จะระเหยหายไป  มีแต่จะกลายเป็นของแปลกปลอม  กลับบ้านดีไหม  หรืออยู่ที่นี่  อยู่กับผู้ชายที่มอบความรักแสนหวานให้  แต่ก็เปลี่ยนแปลงจากเทพบุตรเป็นซาตานในชั่วข้ามคืน 

อย่างเมื่อเช้านี้  อาจารย์ใหญ่ประกาศประชุมอาจารย์ทุกคน  รวมถึงอาสาสมัครฝึกสอนเช่นเขาด้วย  ขณะนั่งกลางวงล้อมผู้ชายเจ็ดแปดคน  แม้ทุกคนจะพูดคุยกันอย่างรื่นเริงสนิทสนม  เด็กหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแปลกหน้า  เคว้งคว้าง.. ราวเก้าอี้ที่นั่งอยู่เป็นสิ่งเดียวในจักรวาล 

คนึงเหลียวมาหา  เลอมานส่งสายตาไถ่ถาม  ก่อนหน้านี้แค่ขยับตัว  คนึงก็เข้าไปเดินกลางใจ  แต่เวลานี้  เขาเบือนหน้ากลับไปฟังอาจารย์ที่นั่งข้างๆ อย่างตั้งใจ 

ผลการประชุมหรือ?  ทุกคนมีรายงานการปฏิบัติหน้าที่ของตนถ้วนหน้า  ยกเว้นเขาเพียงคนเดียว  อาจารย์ใหญ่ซึ่งปกติใจดีมาตลอด  แต่หากเป็นเรื่องงาน  ท่านก็ต้องว่าไปตามผิดถูก  หม่อมราชวงศ์เลอมานจึงถูกตำหนิอย่างช่วยไม่ได้ 

ความจริง.. เรื่องนี้เขาผิดเต็มประตู  อาจารย์ใหญ่แจ้งเรื่องนัดประชุมตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์แล้ว  วันที่เขาหายไปกับนายสิงห์ทั้งวันนั่นอย่างไรเล่า  แต่อาจารย์คนึงก็เหลือเกิน  ทำไมถึงไม่ยอมบอกกันบ้าง

ตกเย็น  อาจารย์วิรัชกับอาจารย์ประพนธ์เลยมาออกันเต็มห้อง  อาสาช่วยให้คำแนะนำเรื่องสรุปงานที่เขาต้องทำส่ง  อาจารย์วิรัชก็ยังเหมือนเดิม  ประจบสอพลอเหลือรับ  ใบไม้สะบัดพลิ้วได้เพราะลมฉันใด ลิ้นอ.วิรัชก็พลิ้วได้ด้วยผลประโยชน์ฉันนั้น  อย่างที่ใครสักคนกล่าวไว้ว่าพวกลิ้นกระดาษทราย น้ำลายเชลแล็คไม่มีผิด 

ไม่อย่างนั้นจะมากระซิบบอกเขาหรือว่า.. “กลับอังกฤษไปแล้ว  อย่าลืมฝากฝังกระผมกับท่านพ่อเรื่องงานในสถานทูตด้วยนะขอรับ”

   “อาจารย์คนึงไปไหนเล่า  ทำไมไม่มาช่วยสอนคุณชาย” อาจารย์ประพนธ์ถามเมื่อเหลียวรอบห้องไม่เห็นแม้เงาของสมาชิกร่วมห้องอีกคน

หม่อมราชวงศ์หนุ่มกลืนน้ำลายลงคอฝืดฝืน  ตอบไม่สบตา “ไม่รู้สิครับ  เขาคงงานยุ่ง” อย่าว่าแต่คนอื่นเลย  แม้แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าอาจารย์ไปไหน  ระยะนี้ตกเย็นไม่ค่อยเห็นหน้ากันเหมือนเคย  แถมบางคืน.. กว่าอาจารย์จะกลับเขาก็หลับไปแล้วด้วยซ้ำ

   “นั่นสินะ  เห็นว่าต้องเตรียมงานทำบุญกระดูกให้จินดานี่” อาจารย์ประพนธ์ว่า  เด็กหนุ่มสูงสักดิ์ชะงัก  เสียวยอกในอกโดยไม่รู้เหตุ  แค่เพียงได้ยินชื่อนั้น.. จินดา..

“ศิษย์รักเขานี่นะ” อาจารย์วิรัชเสริม

“งั้นหรือครับ”

“ตอนยังอยู่ละก็ทั้งรักทั้งหวงเชียวละ” อาจารย์ประพนธ์เล่าให้ฟัง  ความจริงที่เลอมานเองก็ไม่เคยรู้ “พอไม่อยู่แล้วทำอาจารย์คนึงกินไม่ได้นอนไม่หลับเลย  จนคุณชายมาอยู่ได้สักพักละถึงดีขึ้น” ว่าพลางชี้นิ้วไปทางเตียงนอน “เมื่อก่อนจินดาก็นอนเตียงคุณชายนี่ละ”

“อย่างว่า  เขาเห็นกันมาแต่เด็ก  คนึงเขาสอนจินดามา  พอเรียนจบก็ได้มาฝึกสอนโรงเรียนเดียวกันอีก” วิรัชว่า “ถ้าสักคนเป็นผู้หญิง  แห่ขันหมากคงดังทั่วทุ่งไปแล้ว”

“จะเป็นผู้หญิงได้ยังไง  นี่โรงเรียนชายล้วน”

“นั่นสินะ ฮะๆๆๆ”

   “เอ้อ ว่าแต่คุณชายจะไปร่วมงานบุญด้วยไหม  นี่อาจารย์คนึงเขาชวนพวกผมด้วยนะ” ประพนธ์หันมาชวนเขา  เล่นเอาคุณชายอึ้งไปอีกรอบ..

ทุกคนรู้กันหมด  แต่อาจารย์คนึงไม่เคยบอกเขาเลยสักคำ  ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องนี้กระมัง

***************************

คนึงกลับห้องพักตอนสามทุ่มกว่า  หลังจากมัวคุยกับยายช้อยที่บ้าน  พยายามถ่วงเวลาจนเห็นว่ารบกวนแกเกินไป  จึงขอตัวกลับ  แต่ยังมิวายโอ้เอ้อยู่กับวงเสวนาของอาจารย์ใหญ่  เขาไม่อยากกลับถึงห้องพักเร็วนัก  เหตุผลสำคัญ.. เขาไม่อยากกลับห้องมาเห็นหน้าใครบางคน 

ร่างสูงใหญ่เดินฝีเท้าเบากริบขึ้นกระไดกลับไปที่ห้อง  ได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีแว่วมาจากตึกนอนของนักเรียน  มือหนาผลักประตูเปิดออกแผ่วเบา  ไฟในห้องยังสว่าง  เลอมานคงเปิดไว้รอเขา  นัยย์ตาสีเข้มอ่อนแสงลง  อดสะท้อนใจไม่ได้ 
   ร่างนุ่มละมุนหอมกรุ่นฟุบหลับอยู่กับโต๊ะหนังสือ  ดูท่าคงตรากตรำกับงานที่อาจารย์ปรีชาสั่งพอตัว  ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นปากกายังคาอยู่ในหว่างนิ้วเรียวขาว  ชายหนุ่มค่อยๆ หยิบออกให้  แล้วนั่นอะไร  สิ่งที่เจ้าเด็กดื้อเอาหน้าทับไว้  รายงานผลสรุปการเรียนการสอนประจำปี  คนึงค่อยๆ ดึงออกแผ่วเบา  เอามาอ่านอย่างตั้งใจ  ไม่ไหว  ขนาดฝากให้วิรัชกับประพนธ์มาช่วยสอนให้ก็ยังทำผิดอยู่หลายจุด  ภาษาไทยก็ยังเขียนผิดๆ ถูกๆ  อาจารย์หนุ่มส่ายหน้าให้ความไม่เอาไหน  ก่อนคว้าปากกามาแก้ไขให้เท่าที่พอจะทำได้

“อาจารย์..” สีปากพลิ้วราวกับจิ้มลิ้นจี่แต้มละเมอเรียกเขาแผ่วเบา  เปลือกตายังคงปิดสนิท  คนึงได้แต่ทอดมองนิ่งงัน  ฝันถึงเขาอยู่หรือเปล่าหนอ  ถ้าฝันอยู่  ก็อย่าเพิ่งตื่นขึ้นมาพบความจริงอันโหดร้ายจากผู้ชายคนนี้เลย 
   กลิ่นกายหอมสะอาดกระทบนาสิกประสาทจนคนึงยากจะหักใจข่ม  ปลายจมูกโด่งเป็นสันก้มลงหมายจะสูดกลิ่นหอมที่แสนอาลัยกักเก็บไว้ในหัวใจส่วนที่ลึกที่สุด

“อือ..” เด็กหนุ่มครางในคอแผ่วเบา  คนึงรีบผงะออกห่างทันใด  และแล้วเปลือกตาบอบบางก็กะพริบปริบ 

คุณชายตื่นเต็มตา  ตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าผู้มายืนตรงหน้าเป็นใคร “อาจารย์มานานแล้วหรือ”

คนึงไม่ตอบคำ  สายตาเย็นชาเข้ามาแทนที่แววตาอ่อนโยนเมื่อครู่เสียสิ้น 

ตัดบัวอย่าเหลือใย  ตัดใบอย่าเหลือขั้ว!

บุตรชายท่านทูตถอนใจพรู  พบเจอความเย็นชาแบบนี้มาบ่อยแล้วก็จริง  แต่เขายังทำใจให้ชินไม่ได้เสียที 

“เห็นอาจารย์ประพนธ์บอกว่าจะจัดงานทำบุญให้.. จินดาหรือครับ” เขาพยายามชวนคุย  ไขว่คว้าหาความจริงในคราเดียวกัน  “ผมไปด้วยคนได้ไหม”

แล้วนี่หรือคำตอบที่ได้รับ..

“คุณชายไม่ต้องยุ่งหรอก  จัดการเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” อาจารย์ตอบเหมือนไม่ยี่หระสักนิด “แต่คงไม่มีปัญหาแล้วสินะ  ได้ข่าวว่าอาจารย์วิรัชกับอาจารย์ประพนธ์มาสอนถึงในห้องนี่”

   “ผมทำไม่เป็น..” เลอมานตอบอุบอิบ  หยิบรายงานบนโต๊ะขึ้นดู  เอ.. ใครมาเขียนแก้ให้เต็มไปหมด  อาจารย์ประพนธ์กระมัง

“คุณชายนี่ดีจริงนะ  ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เคยสิ้นไร้ไม้ตอก  มีแต่คนเอ็นดู” ถ้อยคำเสียดสีเห็นได้ชัด  ครั้นเงยหน้าขึ้นดูก็เห็นตาความเหยียดหยัน  นั่นใช่สายตาอาจารย์คนึงหรือ? “อยู่อังกฤษก็มีพี่ชานนท์  มาอยู่นี่ไม่ทันไรก็คว้าเอาผม  สักพักก็มีนายสิงห์มาหาถึงห้อง  อีกวันก็มีประพนธ์กับวิรัชมาประจ๋อประแจ๋  สนุกมากไหม”

ความเงียบงันไหลบ่าเข้ามา  เลอมานพูดไม่ออก  แม้ลมหายใจยังติดขัด  สายตาพร่าพรายคล้ายเมฆหมอกบดบัง  อาจารย์เป็นอะไร  พูดจาตัดรอนหัวใจเขาได้ไม่เว้นวัน  เขาไปทำอะไรให้  พูดมาแต่ละคำ  เหมือนไม่ใช่คนรักกัน 

   เหมือนเกลียดกันมาแต่ชาติปางไหน..

   “อาจารย์พูดอะไร..” เด็กหนุ่มริมฝีปากสั่น “เล็กรักอาจารย์คนเดียว”

“หึ” คนึงหัวเราะขึ้นจมูก  ผินหลังทำท่าจะเดินหนี  หม่อมราชวงศ์หนุ่มทิ้งยศศักดิ์ทั้งปวงกองไว้  ปรูดไปคว้าแขนแกร่ง  ทวงถามอย่างไร้ศักดิ์ศรี “อาจารย์เป็นอะไรไป  เรารักกันไม่ใช่หรือ”

ชายคนรักหันหน้ามา  ยิ้มเยาะหยันทั้งดวงตาอย่างเลือดเย็น 

“ตลกดี  แค่ได้นอนด้วยกันก็นึกว่ารักกัน”

   ในดวงตาที่เคยสัญญาฝากใจ
กลับมีน้ำตาอาบไว้ ล้นเอ่อ
เก็บน้ำตาเอาไว้ทำไม ร้องไห้สิเธอ
เพื่อเธอจะยิ่งเกลียดฉัน..

   

โปรดติดตามตอนต่อไป
__________________________________________________________________________
*คนเลวของเธอ, กวี สัตโกวิท คำร้อง, ชรินทร์ นันทนาคร ขับร้อง
**พระอภัยมณี, สุนทรภู่    
***The End of The World, Skeeter Davis



ช่วงดอกไม้เม้ามอย :L2:

เอิ่ม... ๑..๒..๓..๔... (นับนิ้วงึมงำ) ๒๐ วันพอดีเป๊ะเลยค่ะ สำหรับเวลาในการเขียนครึ่งหลังนี้
ห่างจากครึ่งแรกที่อัพไป ๒๐ วัน ไม่ทิ้งช่วงเป็นเดือนแล้วนะเอ้อ
ดอกไม้จะพยายามนะคะ จาก ๒๐ วัน ต่อไปจะให้เหลือ ๑๕ วัน ๑๐ วัน และจะพยายามเป็น ๗ วันต่อตอนให้ได้เลย ฮูเร่!

รักคนอ่านเหมือนหนมตาลรักใบตอง

ดอกไม้ค่ะ
๒๓ มี.ค. ๕๗

ปล. ไม่ทันได้ตรวจคำผิดเลยค่ะ ขออภัยถ้าอาจมีบ้างนะคะ เดี๋ยวว่างๆ จะมาตรวจทานแก้ไขอีกทีเน้อ  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 24-03-2014 00:35:23
จะร้องให้เศร้าเหลือเกิน  ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น  แต่ก็แอบคิดเหมือนกันว่าถ้ารักกันต่อไปแล้วจะทำยังไงกับครอบครัวของเล็ก  ฝ่ายนั้นจะยอมเหรอ  เรื่องนี้จบ แฮปปี้ไหมเนี้ยยย :เฮ้อ:  รอคุณดอกไม้ทำตามที่มุ่งหวัง 55 จาก 20 เป็น 10  แล้วเหลือแค่ 7 ถึงวันนั้นจุดพลุฉลองด้วยความปิติยินดี :mc4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 24-03-2014 00:59:12
สงสารเลอมาน คนึงคิดว่าทำแบบนี้ดีแล้วจริง ๆ หรือ สิงห์น่ารัก จ้อยเมื่อไรจะใจอ่อนนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 24-03-2014 01:05:34
พี่ฉิงกับน้องจ้อยน่ารักมากกกก แอบหวาน แม้เพียงนิดๆหน่อยๆก็ชุ่มชื่นใจ

คู่หลังนี่สิหนทางมืดมนมาก จะเจอแสงสว่างที่ปลายทางมั้ย สงสารทั้งครูคนึงทั้งเล็ก T_T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 24-03-2014 09:11:51
สงสารคุณเล็กอ่ะ อย่าจบเศร้านะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-03-2014 09:48:25
คู่พี่สิงห์-น้องจ้อย กำลังจะเบ่งบาน ด้วยความมานะอดทนของพี่สิงห์
ส่วนคู่อ.คนึง-ชายเล็ก กำลังจะเฉาตาย มันน่าจะมีวิธีที่จากกันได้โดยไม่ต้องทำร้ายกันสิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 24-03-2014 10:21:56
พอคู่พี่สิงห์-น้องจ้อยเริ่มจะดีขึ้น
คู่ อ.คนึง-คุณชาย ก็ทำเราน้ำตาไหลอีกละ  :sad4:

ปล.ดีใจกับสถิติการอัพที่เร็วขึ้นของดอกไม้ค่าาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: kissazazel ที่ 24-03-2014 10:28:55
อีกคู่อาการค่อยๆ ทุเลาลง

แต่อีกคู่นี่สิ อาการทรุดลงเรื่อยๆ

อย่าให้ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อเลยนะ คุณดอกไม้

อิฉันใจไม่ดี

ปล.ขึงป้ายเชียร์พี่สิงห์สุดใจ ความดีชนะทุกสิ่ง พี่สิงห์เป็นคนดีแบบนี้ให้ตลอดนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-03-2014 10:45:28
 :sad4: คนึง...ใจร้ายเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: punomenon ที่ 24-03-2014 11:02:37
*บีบคออาจารย์คนึง*  :fire:

ประโยคสุดท้ายนั่น แรงงงงงง ร้ายยยยยยยย ขอกรีดร้องงงงงงง!!!

ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะ คิดเองเออเองแบบสุดๆอ่ะ
ไม่มีใจจะสู้เพื่อเลอมานเลยเหรอ แค่นี้ก็ยอมแพ้ซะแล้ว
แบบนี้เขาไม่เรียกเจียมตัว แต่เขาเรียกปอดแหกนะคะอาจารย์ (อินมาก)
พอมีอุปสรรคเข้าหน่อยก็ตัดใจซะแล้ว แถมยังทำร้ายจิตใจกันอีก
ไม่สู้ก็บอกไปตรงๆเถอะค่ะว่าไม่สู้ อย่าทำร้ายอีกฝ่ายเลย มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
ก่อนหน้านี้อจารย์ก็ใจร้ายกับเลอมานไปตั้งเท่าไหร่ เลอมานยังรัก
ของแค่นี้ไม่ทำให้เลอมานตัดใจหรอกค่ะ คิดบ้างสิคะ

โอ๊ยยยยยยย ขอยาดมหน่อย 555555555 :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: fern_event ที่ 24-03-2014 11:13:10
แอบซุ่มอ่านมาตั้งนาน ได้มาสมัครไอดีก็เพราะเรื่องนี้แหละ...
ฮืออออ สงสารคุณชายเล็ก อาจารย์คณึงใจร้ายยยย ตัดรอนความรักของคุณชายได้ลงคอ
ทำแบบนี้มันไม่น่ารักเลยนะคะ น่าให้สิงค์หักคอจิ้มน้ำพริกเสียให้เข็ด
รอนะคะ จะอัพทุกวัน สิบวัน สิบห้าวัน เดือนนึง สามเดือน หรือปีนึงก็จะรอ ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้ไรท์สู้ต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Julytastic ที่ 24-03-2014 11:35:24
คู่พี่สิงห์กับจ้อยนี่เหมือนเขาจะโอเคขึ้นกว่าเดิมแล้วรึเปล่าน้า :o8:
แต่แค่นี้ก็ยิ้มแก้มแทบแตกแล้ว ชอบตอนที่พี่สิงห์บอกจ้อยว่าตั้งใจเรียนนะครู งื้อออ น่ารักมากกก  :o8:
พออีกคู่ทำท่าเหมือนจะดีขึ้น อีกคู่ก็กำลังแย่
สงสารคุณชายเหลือเกิน ทำไมอาจารย์คนึงใจร้ายอย่างนี้นะ :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 24-03-2014 11:59:49
สู้ต่อไปนะพี่สิงห์ :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 24-03-2014 13:30:17
ขอเน้นๆ น้องจ้อยเน้ออออ 555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: anonacity ที่ 24-03-2014 15:10:44
อยากให้จ้อยกับสิงห์คืนดีไวๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-03-2014 17:37:55
น้องจ้อยจะรักมีฉิงแบบคนรักได้ยังไงน๊อ แล้วทุกคน จะต้องเจ็บอีกนานเท่าไร
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 24-03-2014 17:45:01
ขอรับความเจ็บปวดจากคุณชายเล็กสักครึ่งนะครับ...คุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 24-03-2014 18:47:17
คนึงพูดแรงจัง  :angry2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 24-03-2014 19:53:25
เจ็บปวดกับประโยคสุดท้ายของอาจารย์คนึงมาก

ทำกะชายเล็กได้ลงคอ ฮื้อๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 24-03-2014 20:07:11
เศร้าอะสงสารคุณชายมากๆๆๆ
และก็สงสารอาจารย์ด้วย
ส่วนสิงห์กับจ้อยก็อยากให้ดีกันไวๆจังเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 24-03-2014 20:24:24
ขำพี่สิงห์มากเลยค่ะ   :m20: น่ารักซะ

เป็นตอนที่อ่านแล้วสบายใจมากที่สุดเลย หลังจากที่กินมาม่าพร้อมซดน้ำใบบัวบกไปหลายรอบ

แต่คู่อ.คนึงกับคุณเล็ก หน่วงอีกแล้ว น้ำตาร่วงเผลาะๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 24-03-2014 20:47:46
พี่ฉิง น้องจ้อย เริ่มมีบทมุ้งมิ้งกุ้งกิ้ง
ในขณะที่อีกคู่ เอ่อ คือ  :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 24-03-2014 23:49:18
 :z3: :z3: สลับคู่ดราม่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 25-03-2014 00:06:46
อ.คนึงสุดจะทน
บันใจให้พี่สิงห์ดีกว่า
ตอนที่ฟองเข้าตา แอบลุ้นให้มีฉากหวานๆบ้าง
แต่น้องจ้อยทำเสียบรรยากาศหมดเลย
สู้ต่อไปนะพี่สิงห์ เชื่อว่าสักวัน น้องต้องเห็นหัวใจงามๆดวงนี้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 25-03-2014 00:27:52
เบื่ออาจาร์ยแล้วนะเนี่ย ใจสู้ไม่ได้ครึ่งของเลอมานเลย
ตกลงว่ารักจริง หรือก็รักไปงั้นๆ ชิชะ #อินไปมั้ย55

คู่พี่สิงห์กำลังเริ่มดีซินะ ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 25-03-2014 11:28:27
โอ๊ยยยยย มันบีบหัวใจ  :sad4:
อ่านไปก็ร้องไห้ไป ยิ่งอ่านยิ่งอยากติดตามต่อ แต่ก็เศร้าสุดขั้ววววว
บางท่อนไม่กล้าอ่านเลยค่ะ กลัวใจสลายซะก่อน  :o12:

อาจารย์ใจร้ายเกินไปแล้วนะ มีอะไรก็คุยกันสิ อย่าทำแบบนี้กับเล็กเลย รักกันก็คุยกันซะนะ อ่านไปเศร้าไปบีบหัวใจไป อย่างนี้เล็กต้องเอาคืนเยอะๆเลยนะลูกนะ

สิงห์เริ่มทำตัวดีขึ้นมามั่งแล้วสิ ค่อยๆพยายามเข้านะ ความรักมันต้องใช้ความละเมียดละไม ค่อยเป็นค่อยไป จ้อยก็เด็ก แล้วไปทำแบบนั้นกับน้องเข้า น้องไม่แค้นจนอยากฆ่าให้ตายก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วไอ้สิงห์เอ่ย

เป็นกำลังใจให้พี่ดอกไม้นะคะ เรื่องนี้อ่านแล้วชอบมากๆ ภาษาสวย คำผิดแทบไม่มีเลย แล้วก็เห็นบรรยากาศเก่าๆให้ชื่นใจอีกต่างหาก ชอบมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ  :กอด1:

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 25-03-2014 12:14:25
อาจารย์ ทำไมพูดแบบนี้ วิธีอื่นไม่มีหรอไง

ขนาดคนนอกอย่างเบนได้ยินยังรับไม่ได้เลย

แต่คุณเล็ก คุณเล็กเป็นแฟนอาจารย์นะ พูดแบบนี้มันมากเกินไปแล้ว



คุณดอกไม้รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 26-03-2014 22:46:34
ติดมากขอบอก อ่านแบบไม่วางเลยตลอด 27 ตอน
สงสารทุกคน ทุกๆคนต่างมีจุดที่เจ็บเป็นของตัวเอง
แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมต้องทำร้ายกัน
ทั้งอาจารย์คนึง ทั้งสิงห์ คิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายบ้างเถอะ
สิ่งที่มำกับเล็กไม่ได้ทำให้เค้าดีใจเลย มีแต่จะทำให้ทุกข์ใจมากต่างหากนะครูคนึง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: อากาศใต้ผ้าห่ม ที่ 30-03-2014 01:01:00
กำลังฟินน้องจ้อยกับพี่ฉิงอยู่ดี ๆ
มาเจออาจารย์ใจร้ายละหน่วงใจเลย
ฆ่ามาปาดคอเลยซะดีไหมเนี่ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๗ : คนเลวของเธอ (ค่อนหลังค่ะ) [๒๓ มี.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐DeAchieS๐ ที่ 02-04-2014 11:38:01

สนุกมากกกกกกกกกกก
หน่วงจิตหน่วงใจสุดๆ

ฮือๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 10-04-2014 22:50:28
(http://img10.imagefra.me/i14a/chihiro/d87x_37a_u90ve.jpg)

บทที่ ๒๘

ขยี้รัก

(ครึ่งแรกฮะ :L2:)


หากแม้หัวใจฉันเป็นกระดาษ
ป่านนี้คงขาด คงขาดไม่มีชิ้นดี
เพราะมือของใคร ของคุณน่ะซี
คว้าใจไปขยี้ ฤดีเศร้าซมไม่หาย

นี่เพราะหัวใจไม่ใช่กระดาษ
ไม่ยับไม่ขาดมีแต่ระทมฤทัย
ฉันมีน้ำตาและมีจิตใจ
รักเคยรินโลมให้แล้วไยกลับทำเฉยเมย*



จันทร์เสี้ยวรูปเคียวแขวนเกี่ยวอยู่กลางฟ้าดำมืด  เรือนไทยไม้สักของกำนันเสริมเงียบสงบ  หากในห้องทิศตะวันออก  แสงสว่างนวลจากโคมอัจกลับยังเรืองรอง  ปรากฏร่างสองร่างนั่งเคียงกันรายล้อมด้วยสมุดหนังสือเรียงราย 

เป็นภาพแปลกประหลาดขัดตา  หนึ่งคือนักเรียนครู  อีกหนึ่งคือนักเลงอันธพาล  กำลังสุมหัวทำการบ้านด้วยกันคร่ำเคร่ง

“ดาวดวงช่วงโชติ รุ่งโรจน์รัศมี ร่อนเร่ในเมฆี จรลีเลื่อนลอย” นักเรียนครูท่องอาขยาน  ส่วนนักเลงจรดดินสอลงสมุดเขียนตามคำบอก  มือหยาบใหญ่ที่เคยจับแต่ไม้หน้าสามไม่ก็สนับมือต่อยตีกับชาวบ้านไปทั่ว  ร้างราดินสอมานาน  ลายมือที่ออกมาจึงโย้หน้าเย้หลัง  แต่รอยกดหนักแน่นจนน่ากลัวกระดาษทะลุ 

ไม้บรรทัดพลาสติกในมือนักเรียนครูพาดเพี้ยะเข้าให้บนหลังมือใหญ่  ตามจำนวนคำที่เขียนผิด 

แค่ ‘โชติ’ ยังไม่รอด  ‘โรจน์’ กับ ‘รัศมี’ ก็ไม่เหลือ  และแน่นอน  ‘เมฆี’ กับ ‘จรลี’ ก็ไม่หลอ 

ลำบากนักเรียนครูต้องบอกแก้ให้แทบทุกคำ 

จ้อยเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าคิดถูกหรือไม่ที่ยอมให้สิงห์ช่วยทำการบ้าน  แต่เขาลองพยายามทำด้วยตัวเองแล้ว  มือขวาไม่บวมแล้วแต่ก็ยังเจ็บ  อย่าว่าแต่จับดินสอเขียนหนังสือ  แม้แต่จะกำยังทำไม่ได้  พอลองเขียนด้วยมือซ้ายแทน  ยิ่งทุลักทุเลกว่าเก่า  ลายมือที่ออกมาเละยิ่งกว่าตีนไก่เขี่ย  จ้อยใจเสียไปหมด  กลัวเหลือเกิน.. กลัวว่าจะกลับมาเขียนหนังสือไม่ได้อีกต่อไป 

จ้อยตะบี้ตะบันละเลงยางลบกับสมุดการบ้าน  ขี้ยางลบต้องกระเด็นเข้าตาแน่ๆ  ขอบตาถึงได้ร้อนผะผ่าวไปหมด  แทบไม่รู้ตัวว่าหัวหน้าอันธพาลกลับเข้าห้องมาตั้งแต่เมื่อไร  มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนมือใหญ่แย่งสมุดการบ้านไปจากมือ 

ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดสิน่า!

   มือเล็กคว้ายางลบสีน้ำตาลก้อนเขื่องมาถูกับกระดาษจนขี้ยางลบกระจายเกลื่อน  พ่อเจ้าประคุณเล่นเขียนผิดแทบทุกคำ! 

   “นี่เอ็งยังใช้ยางลบโรงสีอยู่อีกเรอะ!” เสียงห้าวโวยขันๆ  แย่งยางลบจากมือจ้อยไปส่องแล้วหัวเราะเฮ่อะ  ก่อนลุกขึ้นไปเปิดกล่องเหล็กเก่าๆ บนหลังตู้  โยนอะไรบางอย่างมาตรงหน้าจ้อย

ยางลบ? 

มือน้อยหยิบขึ้นดู  ยางลบนั่นแหละ  มันดูเก่าแล้ว  แต่ยังใช้การได้  อักษรตัวเอเลือนรางบนเนื้อยางสีขาวหม่น  เพ่งไปเพ่งมา  จ้อยก็เห็นรอยฟันกัดเล็กๆ ที่มุมยางลบ 

   ใบหน้าขาวจัดแดงซ่าน  ลมหวนหอบความหลังประเดประดังเข้ามาในหัวอก  ยางลบก้อนนี้หรือเล่า  ที่เด็กชายยากจนคนหนึ่งได้แต่จ้องตาเป็นมัน  เนื้อยางขาวสะอาด  มีกลิ่นหอมเหมือนหมากฝรั่ง  ตรงหัวเป็นสีเขียวใสคล้ายเจลลี่น่ากิน  ‘ตอนนั้น’ มันวางอยู่บนโต๊ะข้างๆ กัน  โต๊ะของพี่ชายตัวใหญ่ที่แก่กว่าจ้อยสามปีแต่ซ้ำชั้นสองปีซ้อนจนได้เรียนห้องเดียวกัน 

   เด็กชายที่เคยใช้แต่ยางลบโรงสีก้อนเขื่องแอบกลืนน้ำลายเอื๊อก  จ้อย.. จ้อยแค่อยากรู้ว่ามันรสชาติอย่างไร  จะหอมหวานเหมือนกลิ่นของมันไหม  อาศัยจังหวะเจ้าของเผลอ  มือเล็กก็คว้าใส่ปากหมับ!

‘จ้อย!’ พี่หันมาเห็นเข้าพอดี ‘กัดยางลบพี่ทำไม!’

หลังเลิกเรียนวันนั้น  จ้อยเลยได้หมากฝรั่งที่พี่พาไปซื้อจากสหกรณ์เป็นกอบเป็นกำ  มีเหลือเผื่อแผ่ไปถึงพี่จินดาด้วย 

ใบหน้าเล็กสะบัดไล่ความคิดบ้าบอออกจากหัว  มุ่งมั่นอยู่กับการใช้ยางลบก้อนนั้นนั่นแหละลบคำผิดอย่างเอาเป็นเอาตาย  ลบไปให้ถึงรอยฟันอันน่าอดสูนั่น  แต่สิ่งหนึ่งที่น่าแปลกใจ.. ไม่น่าเชื่อว่ามันยังเก็บยางลบก้อนนี้เอาไว้ 

“แสนรักจักใคร่ได้   ไม่มีใครจักช่วยสอย” ทำการบ้านต่อเถิด  นักเรียนครูบอกถ้อยคำต่อไป  คนฟังยิ้มร่า ตาลุกวาว

   “คำนี้ง่าย ข้าเขียนได้!” มือใหญ่คว้าสมุดไปเขียนแข็งขัน  แต่เขียนไปแค่คำเดียวก็ชะงัก “แสน.. แล้วอะไรนะ” ดวงตาสีเข้มแพรวพราวเจ้าเล่ห์จ้องมองมา

   “แสนรั..” จ้อยโดนหาเรื่องเข้าแล้วไง  ช่างมัน บอกไปส่งๆ เถิด “แสนรักจักใคร่ได้”

“อะไรนะ” คนตัวโตทำไขหู 

“เอ๊ะ!?” จ้อยรู้สึกเหมือนถูกกระตุกหนวดแมว  ชักมีมะโหขึ้นมาตะหงิดๆ

“ก็ข้าได้ยินไม่ชัด”

   “แสนรัก”

   “รัก?”

   “รักน่ะซี!”

   นักเลงโตยิ้มมีเลศนัยแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเขียน  ทิ้งจ้อยให้ควันออกหู  หนอยไอ้หน้าด้าน!  เมื่อกี้บอกได้ยินไม่ชัด  แล้วเขียนคำที่เหลือออกมาจนจบประโยคได้ยังไง!?  อารามหมั่นไส้  มือเล็กคว้าไม้บรรทัดซัดต้นแขนกำยำเต็มแรง 

   ไม้บรรทัดหักเลย!

   เสียงห้าวหัวเราะร่วน  มันจะเจ็บจะปวดสักนิดไม่มี  ลงแบบนี้ไม่ใช่แค่หน้าแล้วที่ด้าน  มันด้านทั้งตัว! 

   “พรุ่งนี้ข้าไปช่วยงานบุญพี่เอ็งนะ” มันหันมากระซิบตอนทำการบ้านเสร็จ  พอจ้อยไม่ตอบคำก็กุมมือจ้อยหมับ  ส่งสายตาเว้าวอนเหมือนหมาหิวน้ำข้าว  จ้อยเลยพยักหน้าไปส่งๆ  แค่นั้นมันก็ดีอกดีใจหนักหนา  กุลีกุจอช่วยเก็บสมุดหนังสือ  ช่วยกางมุ้งปูที่นอนให้

   ไม่ได้อยากให้ไปอะไรนักหรอก  แต่งานบุญแบบนี้  ถ้าปฏิเสธ จ้อยก็บาปเปล่าๆ 

   จ้อยไม่ได้อยากให้มันไปนักหรอก  จริงๆ นะ!

*******************************
   
   ฟ้าบ้านนาเช้าวันนี้ช่างเศร้าหมอง  ปุยเมฆสีขาวที่เคยล่องลอยเชื่องช้าก็พากันหดหายไปหมดสิ้น  สีน้ำเงินอ่อนของท้องนภาจึงมองดูเวิ้งว้างว้าเหว่นัก

หม่อมราชวงศ์หนุ่มลัดเลาะมาตามทางเกวียนโดยลำพัง  สอบถามใครต่อใครได้ความมาว่าวันนี้เป็นวันงานบุญบรรจุกระดูกของจินดา  ทั้งที่เขาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นขนาดนั้น  แต่กลับไม่มีสักคนที่จะเอ่ยปากชักชวน

   ยิ่งคนร่วมห้องของเขาด้วยแล้ว..

   นึกถึงตรงนี้แล้วกระบอกตาก็ร้อนผ่าว  ผืนดินลูกรังที่ย่ำอยู่ดูพร่าเลือนไปหมด  ไม่น่าเชื่อเลย.. คำพูดไม่กี่คำ  เชือดหัวใจเขาขาดสะบั้น  หลังพูดคำนั้นออกมาอาจารย์ก็ออกจากห้องไป  ไม่อยู่รับรู้ผลจากสิ่งที่ตนพูด  ไม่อยู่รับรู้ว่าคืนนั้นเขาร้องไห้ทั้งคืน  ร้องจนเจ็บหน้าอก  เจ็บเหมือนหัวใจมันแหลกสลายอยู่ข้างใน 

   นี่หมายความว่า.. ที่ผ่านมา.. อาจารย์คนึงไม่เคยรักเขาเลย?

   สิ่งที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วเกินกว่าเด็กหนุ่มที่ยังเยาว์และเขลานักอย่างเลอมานจะเข้าใจ 

   อนิจจา.. คนเคยรัก..
   ประหลาดนัก.. มาหักหาญ..

   งานบุญจัดขึ้นที่วัดเล็กๆ ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก  อาศัยเดินเท้าไม่เกินสิบห้านาทีก็ถึง  ดวงตาสีอ่อนเห็นยอดเจดีย์โผล่พ้นต้นไม้ขึ้นมา  ยอดแหลมขาวตัดกับสีท้องฟ้ามลังเมลือง   

   รู้ดีว่าต้องเจออาจารย์ที่นี่แน่  และรู้ดีว่าอาจารย์ไม่อยากเจอเขา  แต่งานนี้เขาต้องไป  เพราะเป็นงานบุญ  ยายช้อยก็เป็นคนที่เคารพนับถือ  และยังเป็นญาติที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของจ้อย  ร่างโปร่งบางหยิบผ้าเช็ดหน้าซับหยาดเหงื่อที่เกาะตามไรผมชื้นขณะเดินเข้าสู่วัด  บริเวณวัดกว้างขวาง  ปลูกมะพร้าวมะม่วงไว้เต็ม  ภายในวัดร่มเย็นเสมอ  กุฏิทุกหลังเป็นไม้  ศาลาการเปรียญใหญ่โตโอ่โถง 

   บนศาลากำลังพลุกพล่าน  คนมาช่วยงานกันเต็ม  ที่ยุ่งที่สุดคืองานครัว  พวกอาจารย์ประพนธ์หุงข้าวกระทะอยู่ใต้ต้นมะม่วงใหญ่  กำลังทำข้าวตังแจกเด็กๆ 

   “อ้าว!” อาจารย์หนุ่มร้องทักอย่างประหลาดใจ “กินข้าวตังไหมคุณชาย” ขอบคุณที่มีแก่ใจเอื้อเฟื้อ  มือใหญ่คดข้าวออกหมดกระทะแล้ว  เหลือข้าวตังติดก้นกระทะอยู่  แกเอาเกลือ น้ำตาลมะพร้าวทาจนทั่ว  โรยด้วยมะพร้าวทั้งกากทิ้งไว้จนกรอบกินอร่อย  ทำท่าจะหยิบส่งให้เขาชิ้นหนึ่ง

   “เดี๊ยว!ๆๆๆๆๆ” ใครคนหนึ่งส่งเสียงมาก่อนตัวเหมือนรถไฟสายด่วน  เล่นเอาประพนธ์ชะงักกึก 

   “คุณชาย โธ่!” วิรัชกระหืดกระหอบเพราะวิ่งมาแต่ไกล  หน้าตาแดงก่ำ “จะมาทำไมไม่บอก” จอมสอพลอแทบทึ้งหัว  เห็นความยุ่งยากลำบากใจฉายชัดในแววตา 

   เลอมานถอนใจหน่ายตอนวิรัชเที่ยวสั่งคนโน้นคนนี้ให้หาน้ำหาท่า  จัดข้าวตังใส่จานมารับรองเขา  น่ารำคาญ น่าอึดอัด  จนหม่อมราชวงศ์หนุ่มต้องเดินหนีเข้าไปในครัว

   ในครัวกำลังสนุก  เสียงขูดมะพร้าว  โขลกน้ำพริก สับไก่ ดังลั่นครัว  เสียงยั่วเย้าเฮฮาของบรรดาแม่ครัวดังอยู่ตลอดเวลา 

   “เฮ้ย เจ้ามา!” ป้าคนหนึ่งร้องขึ้นเมื่อเห็นเขา  หันบอกต่อกันไปเป็นทอดๆ  และแล้วเสียงพูดคุยอึงมี่เมื่อครู่ก็เงียบกริบ  ทุกคนมองเขาเป็นตาเดียว  มีเสียงกระซิบแว่วๆ ลอยเข้าหู “ใครเชิญมาวะ”

   หลายคนอึกอัก  หญิงชราที่นั่งขูดมะพร้าวอยู่ถึงขั้นลงมานั่งพับเพียบกับพื้น 

   “คุณชาย เหวยข้าวก่อนเพคะ” ท่าทางป้าคนนี้จะดูยี่เกมากไปหน่อย  บรรยากาศเป็นกันเองหายวับไป  ทุกคนดูจะเกร็งและทำตัวไม่ถูกกันไปหมด 

   “ยังไม่หิวเลย  เดี๋ยวผมช่วยทำงานก่อนแล้วค่อยกินพร้อมกันก็ได้” เลอมานตรงเข้าไปยังกลุ่มที่กำลังปอกบอน  เท่านั้นละ  เสียงร้องห้ามก็เอ็ดอึงขึ้นทันที

   เด็กหนุ่มถอนใจพรู  ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน  ไม่ว่าจะทำอะไร  เขาก็แลดูเหมือนเป็นส่วนเกิน  เมื่อก่อนพวกชาวบ้านไม่เป็นแบบนี้.. ดูเหมือนจะตั้งแต่หม่อมย่ากับท่านพ่อเด็จมานั่นละ 

   ช่างเถอะ  ต่อไปนี้คงต้องเริ่มปลงเสียที

   “จ้อยอยู่ไหนหรือครับ” เขาตัดสินใจถามหา ‘เพื่อน’ ที่ไม่แน่ใจว่าฝ่ายนั้นจะเห็นว่าเขาเป็น ‘เพื่อน’ หรือเปล่า 

   ใครสักคนชี้นิ้วไปทางห้องเก็บของท้ายครัว  เลอมานกล่าวขอบคุณแล้วเดินตามไปทันที  คล้อยหลังไม่ทันไร  กลุ่มแม่ครัวก็สุมหัวซุบซิบ

   “คนนี้ไม่ใช่หรือเล่า  ที่ครูจินดาเขา..”

   “ชู่ว!” ยายขูดมะพร้าวแทบน้ำหมากกระเด็น “เดี๋ยวเขาได้ยินก็ให้พ่อมากุดหัวเอ็งหรอก”

   “ก็มันจริงไม่ใช่เรอะ  คนเขารู้กันทั้งบาง”

   “ถ้าจินดาไม่ตาย  คุณชายก็อาจตายแทน  หรือไม่ก็ตายทั้งคู่”

   “ช่างมันเถิด  เรื่องมันแล้วไปแล้ว  คิดเสียว่าจินดาเขามีกรรม”

   “น่าสงสาร  ผ่านไปตั้งครึ่งค่อนปีกว่าจะได้บรรจุกระดูก”

   เสียงคนโน้นคนนี้ซุบซิบนินทาเบาแสนเบา  เลอมานไม่ได้ยินหรอก  ดวงตาสีอ่อนสำรวจไปรอบๆ  เวลามีงานบุญทีไร  ไม่พ้นแกงบอน แกงหัวตาล ต้มเค็มฟัก กวนลอดช่อง ขนมจีน  ร่างโปร่งบางเดินไปยังห้องเก็บของ  ได้ยินเสียงแว่วออกมาจากบานประตูไม้ที่แง้มอยู่เล็กน้อย 

   “ถอดเสื้อสิ” คุณชายหูผึ่ง  นี่มันเสียงจ้อย!

   “ไม่เอา” ส่วนนี่เสียงนายสิงห์ !

   “อยู่เฉยๆ”

   “อย่าจ้อย”

   ทำอะไรกัน!? 

(ติดตามต่อครึ่งหลังจ้ะ :hao7:)


ช่วงดอกไม้เม้ามอย

ครือ.. เก๊าก๋อโต้ดดดดด  :hao5:
นับปฏิทินงึมงัมๆ สิริรวมเวลาได้ ๑๕ วัน ขุ่นพระ! หายไปครึ่งเดือน เก๊าปั่นนิยายได้แค่ ๓ หน้า!?!?
เก๊าอยากจะร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสายสะดือ โฮรววววว
ผิดจากที่ตั้งใจไว้เยอะ แต่เก๊ายอมรับผิดว่าช่วงก่อนวันหยุดยาว งานเก๊าเยอะมากจริงๆ แงงงงงง~
คือ..แบบ.. เก๊าก็รู้นะว่าอัพแค่นี้มันน่าเกลี๊ยดน่าเกลียด แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้เก๊าจะไปปฏิบัติธรรม ๓ วัน
เก๊ากลัวหายหัวไปนานเกิน เลยโผล่หัวมาอัพสักจึ๋งนึง
แล้วเก๊าจะพยายามปั่นให้จบตอนก่อนเปิดเทอม วันที่ ๑๖ เม.ย. นะก๊ะ
หวังว่าลูกๆ หลานๆ คงไม่มานัวเนียคลอเคลียจนเก๊าไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวเกินไปนะ

เก๊าไปล่ะ งุงิ  :mew2:

อ้อ.. เที่ยวสงกรานต์ให้สนุก เล่นน้ำอย่างมีสติ เมาไม่ขับ เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยนะคะทุกท่าน ม๊วฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: narunarutoboyz ที่ 10-04-2014 23:08:28
จิ้มไว้ก่อนนะคะ

เอาเป็นว่าสงกรานต์นี้ขอให้คุณดอกไม้เเละครอบครัวเดินทางปลอดภัยค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 10-04-2014 23:17:09
พี่สิงห์-น้องจ้อยมุ้งมิ้งน่ารักเชียว
สงสารก็แต่คุณชาย  :monkeysad:

รอครึ่งหลังน้าาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakarang ที่ 10-04-2014 23:17:20
ฮือออออออ เศร้าเหลือเกิน
เมื่อไหร่จะผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้ไปเสียที......
สงสารคุณชายมากก


เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้ะ สุดยอดมาก ภาษาไพเราะอ่านเพลิน ทำเอาน้ำตาหยดแทบจะทุกตอนที่ได้อ่าน แต่เค้ามีไรจะบอก อย่าโกรธเค้านะ บางครั้งเค้าคิดอยากให้จบเร็วๆด้วยซ้ำ ทั้งที่สนุก ทั้งที่น่าสนใจ แต่มันเศร้า อยากให้จบแล้วตอนพิเศษหวานๆเยอะๆ มากกว่า

ไม่งั้นก้ รีบผ่านช่วงอึมครึมไปไวไวนะ


---------

ส่วนน้องจ้อย กับพี่สิงห์ ดูท่าทีจะมีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น 

,,,,,,,,,,,,,,Good night
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Julytastic ที่ 10-04-2014 23:26:52
โอยยย น้ำตาจะไหล ในที่สุดพี่สิงห์กับจ้อยก็เริ่มมีบทมุ้งมิ้งเสียที หลังจากดราม่ามายาวนาน :heaven
แถมคุณดอกไม้ยังทิ้งระเบิดลูกใหญ่ ไว้ท้ายบทอีก ค้างมากค่ะ :ling1:
ตอนนี้สงสารคุณชายมาก เหมือนอยู่ตัวคนเดียวเลย แถมอาจารย์คนึงยังมาเป็นแบบนี้ด้วยอีก เฮ้อ
ตอนแรกอีกคู่นึงหมองหม่น อีกคู่นึงสดใส ตอนนี้สลับกันซะแล้ว เมื่อไหร่จะมีความสุขกันสองคู่กันซะทีคะ คุณดอกไม้ :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-04-2014 23:27:33
นานแค่ไหนก็รอ น้อยแค่ไหนก็อ่านจ้า

คู่พี่สิงห์น้องจ้อยเหมือนพระจันทร์ข้างขึ้น ส่วนคู่อาจารย์คนึงกับชายเล็กเหมือนข้างแรม

อ่านเมื่อไหร่ก็เจ็บ แต่ก็เต็มใจรอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-04-2014 23:28:44
สิงห์-จ้อยกำลังไปได้ดี (รึป่าว)
ส่วนคุณเล็กก็ยังคงน่าสงสารต่อไป
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: anonacity ที่ 10-04-2014 23:37:07
เชียร์สิงห์ จ้อยค่ะ น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 11-04-2014 08:58:43
^_____^
น้องจ้อยชักโหดเด้
อ้ายสิงห์กลัวจะตาย 555
น่ารักๆๆๆๆ ชอบๆๆ
อ่านข้ามคุณชายไปเลย ก๊ากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 11-04-2014 16:17:10
ปริ่มกับคู่พี่สิงห์กับจ้อยมา
แต่สงสารคุณชาย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 11-04-2014 16:43:47
น้องจ้อยพี่สิงห์ทำอะไรกันนนน :z1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 11-04-2014 20:09:27
พี่สิงห์ กับน้องจ้อย :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 11-04-2014 20:54:12
เศร้าจริงๆค่ะ พาร์ทเลอมาน รับไม่ได้ เกลียดทุกคนแถวนั้น เลอมานตายๆไปเลยมั้ย (อิน)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 11-04-2014 21:13:13
สิงห์จ้อยกำลังน่ารักเลย อ่านแล้วอมยิ้ม^^
ต่อมาเจอช่วงคุณชาย ...หม่นเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 12-04-2014 01:22:12
โอ๊ะๆ น้องจ้อยจะทำอันใดพี่สิงห์รึเจ้าคะ (ติดคำยี่เกจากคุณยาย) :laugh:
โอ๊ยตาย คู่นี้เขาน่ารักกันจริงนะเจ้าคะคุณชาย *แอบนั่งพับเพัียบหลังชายเล็กแล้วแอบดูด้วย*

ส่วนชายเล็กอย่าเศร้าไปกว่านี้เลยนะเจ้าคะ สู้ๆอดทนนะเจ้าคะ อีกประเดี๋ยวเดียวทุกอย่างต้องดีขึ้นเจ้าค่ะ :กอด1:


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 12-04-2014 09:46:58
สิงห์กะจ้อยดูงุงิเชียว

เป็นห่วงคุณชายเล็ก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 13-04-2014 13:56:59
สงสารคุณชาย :monkeysad: ปล. อัพช้าดีกว่าไม่อัพค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 14-04-2014 03:11:41
สงสารเลอมาน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 14-04-2014 07:20:39
สงสารคุณชายอ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 18-04-2014 21:05:48
ค้างอ่ะ55555555 มาต่อไวๆนะพี่ดอกไม้ :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 18-04-2014 21:40:54
ตัดฉึบได้น่าลุ้นมากครับ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: armlporsch ที่ 19-04-2014 22:35:07
คุณชายดูเหมือนจะไม่มีใครกล้าอยู่ใกล้เลย  จะมีก็แต่พวกสอพลอนั่นวุ่นวายจนน่ารำคาญ 
แล้วยิ่งมาเจออาจารย์คนึงเป็นแบบนี้เข้าไปอีก  น่าสงสารจัง
แต่คู่น้องจ้อยกับพี่สิงห์ก็เริ่มที่จะพูดคุยกันดีๆ ราบรื่นขึ้นแล้ว
สงสารก็แต่คู่คุณชายกับอาจารย์คนึงที่เมื่อไหร่จะดีขึ้นบ้าง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 22-04-2014 15:37:02
ลุ้นๆ รอติดตามเสมอ อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: hibatsumoe ที่ 24-04-2014 19:31:01
โถ คุณพี่ขา จะแกล้งทรมานแม่ยกทั้งหลายแหล่ไปถึงไหน
น้องสงสารคุณเล็กจับจิต ไปทางไหนก็เหมือนผิดที่ ครูที่บอกว่ารักหนักหนาก็มาทิ้งห่าง

หวานอยู่ดีๆ คุณน้องเหมือนวูบพริบตา

แต่ส่วนจ้อยน้องกลับเบื่อนางเบาๆอ่ะ แอบอคติที่นางรังเกียจคู่คุณเล็กอ่ะ
อ่านไป เหมือนนางอิจฉาที่คู่นู้นเขาหวาน แต่นางไม่ได้รับความรักแบบนั้นอ่ะ
เพราะในขณะที่นางบอกว่ารังเกียจแต่นางก็มองว่าเขาหวาน เขารักกัน

เอ๊ะ! ยังไง

// ตามมาเพราะเพื่อนแนะนำ จริงๆเราเห็นนานแล้วค่ะ 555
แต่กลัวดราม่า เพิ่งได้มาอ่านวันนี้
อ่านตอนแรกจบเลื่อนอ่านต่อแทบไม่ทัน ติดหนึบตามทันในวันเดียว
ไม่ทันแล้ว ลุ้นตามจนหน่วงใจไปหมดแล้วเจ้าค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 04-05-2014 11:24:48
เฮ้อ....น่าสงสารคุนชายแท้ล่ะ  เป็นแบบนี้ก็หนักใจไม่น้อย เมื่อไหร่เรื่องร้ายๆมันจะผ่านไปซะที รอลุ้นอยู่นะครับ เปนกำลังใจให้น๊าคยนเขียน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 04-05-2014 18:36:00
คนเขียนหายไปไหนหนอ  :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (จึ๋งนึงค่ะ T^T) [๑๐ เม.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 04-05-2014 21:53:43
มานั่งๆนอนๆรอพี่ดอกไม้ค่ะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 12-05-2014 09:48:32
บทที่ ๒๘

ขยี้รัก

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)   



“ถอดเสื้อสิ” คุณชายหูผึ่ง  นี่มันเสียงจ้อย!

   “ไม่เอา” ส่วนนี่เสียงนายสิงห์ !

   “อยู่เฉยๆ”

   “อย่าจ้อย”

   ทำอะไรกัน!? 

ไวเท่าความคิด  เลอมานกระชากประตูเปิดเร็วพลัน!  และแล้วก็ได้เห็นเต็มตา  หัวหน้าอันธพาลลูกชายกำนันกับนักเรียนครูดีเด่นอยู่กันสองต่อสองในห้องเก็บของมืดๆ อับๆ  ทั้งคู่สะดุ้งโหยงเหมือนเด็กถูกจับได้  ชะงักในท่าเหมือนกำลังยื้อยุดอะไรกันอยู่  นายสิงห์เสื้อแสงหลุดลุ่ย  ปัดป้องมือเล็กที่กำลังกระชากคอเสื้อ  มองปราดเดียวก็รู้ว่าจ้อยเป็นฝ่ายคุกคาม 

   คุณชายยืนจังงัง  หรือโลกมันกลับตาลปัตร  ลูกแมวขู่เสือจนหัวหดก็มีด้วย?

   “ทำอะไรกันน่ะ?” ผู้บุกรุกถามตาค้าง  คนถูกจับได้ปล่อยมือจากกัน  กระเถิบออกไปยืนห่างกันเป็นวา  เลอมานเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ให้หายสงกา  เมื่อนั้นจึงเห็นชัด

   นักเลงโตเกาเนื้อตัวแกรกๆ  สาบเสื้อหลุดแล่งจากกัน  เผยให้เห็นผื่นแดงเป็นปื้นลามทั่วลำคอจนถึงแผงอกกำยำ 

   “แพ้บอน” จ้อยเฉลยเสียงห้วน  ในมือซ้ายยังถือชามใส่ใบพลูตำกับเหล้าขาวกลิ่นเหม็นเขียวโชยหึ่ง “บอกแล้วว่าอย่ามายุ่ง  แส่ไม่เข้าเรื่อง”

   “ข้าแค่อยากช่วยปอก  ไม่คิดว่าจะแพ้นี่” นายสิงห์เสียงอ่อย 

   “ปากบอนน่ะซีถึงแพ้บอน” คงไม่ได้คิดไปเองกระมัง  ดูจ้อยไม่ค่อยอยากเสวนากับเขานัก  แม้หน้ายังไม่อยากจะมอง
   
   “อย่าเลย  เดี๋ยวมือเอ็งเปื้อน” สิงห์รวบมือขาวไว้  สายตาที่มองกัน  ห่วงใยอาทร  เหมือนสายตาที่อาจารย์เคยมองเขาไม่ผิดเพี้ยน 

   “อยากให้คนอื่นทาให้ล่ะสิ” จ้อยปรายหางตามองมาทางเขา 

   “ฉันทาให้ก็ได้นะ” เลอมานเสนอตัวแข็งขัน  มัวแต่อยากช่วยเพื่อนจนไม่ทันรู้สึกถึงรอยประชดประชันในน้ำเสียงจ้อย

   “เออ! ดีเลยคุณชาย มาๆ” นายสิงห์ก็กระไร  ดีอกดีใจออกนอกหน้า  มีการถอดเสื้อแสงเตรียมพร้อม

   จ้อยกระแทกชามตาไก่ลงโต๊ะดังตึ้ง  ผลุนผลันเดินออกไป  ไม่พูดอะไรสักคำ 

   สมุนไพรสูตรพื้นบ้าน  จะแก้ให้ได้ผลชะงัด  แน่ละว่าต้อง ‘แก้ผ้า’ ทา  บุตรชายท่านทูตเลยพาลูกชายกำนันมาล้างตัวที่ลานซีเมนต์ท้ายศาลา  หาผ้าขาวม้าให้ผลัดเสร็จสรรพ  แล้วมือขาวก็ละเลงยาสูตรโบราณอันประกอบไปด้วยใบพลูตำกับเหล้าขาวลงทั่วหลังไหล่ล่ำสัน 

   ในหัวอกปลอดโปร่งขึ้นมาอย่างประหลาด  นักเลงโตไม่มีทีท่าที่เลอมานสุดแสนเบื่อหน่าย  เช่นกริ่งเกรงหรือสอพลอเขาเช่นคนอื่นแม้แต่น้อย  ซ้ำยังพูดคุยเล่นหัวอย่างที่เคยเป็น  มีการรายงานสถานการณ์หลังจากจ้อยได้รับตำราเรียนกับชุดนักเรียนใหม่ด้วยสีหน้าแช่มชื่น  หัวใจที่แห้งแล้งอับเฉาของคุณชายก็คล้ายเบิกบานขึ้นมาทันตาเมื่อได้รับรู้ว่าเพื่อนยินดีกับ ’ของขวัญ’ จากเขามากเพียงใด 

   มายิ้มไม่ออกก็ตอนที่เสี้ยวหน้าผ่องแผ้วหันไปมองข้างหลัง  ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น  กำลังมองมาด้วยสายตาเย็นชา  ดูการณ์คงมายืนอยู่ตรงนั้นได้นานแล้ว 

   “อาจารย์..” เสียงระโหยเค้นขึ้นจากลำคอแห้งผาก  ดวงตาอาจารย์แลเลยไปยังคนเปลือยท่อนบนเผยแผงอกกำยำ  ที่กำลังสวมเสื้อไม่รู้เรื่องรู้ราวสักนิด  มุมปากได้รูปหยักขึ้นคล้ายจะหยัน  ก่อนเดินจากไปไม่ปริปากสักคำ 

   เลอมานรีบล้างมือ  สาวเท้าตามคนรักไปติดๆ  คนึงไปรวมกลุ่มกับพวกผู้ชายที่กำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่  ติดกระดาษเขียวๆ แดงๆ ตามชายคา  บ้างก็เตรียมอาสนะสงฆ์  บาตรน้ำมนต์  ทุกคนช่วยกันด้วยความเต็มใจ 

   มือขาวหยิบกระดาษสีรูปสามเหลี่ยมหมายจะช่วยติด  ฉับพลันก็โดนแย่งไปจากมือ 

   “มาทำไม” เสียงห้าวถามห้วนอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครเขาขอให้มา”

   เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ  รู้ว่าเสียมารยาท  เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรส่ายหัวตอบผู้ใหญ่  แต่.. เขาพูดไม่ออก 

   หากเป็นเมื่อก่อน  ลองส่ายหัวด๊อกแด๊กแบบนี้  เป็นต้องโดนอาจารย์ดึงแก้มด้วยความหมั่นเขี้ยวไปแล้ว  หากตอนนี้..

   “น่ารำคาญ” เสียงต่ำกดลึกๆ ในคอ “ดูซิมาทำให้คนอื่นเขาวุ่นวายกันหมด”

   หม่อมราชวงศ์หนุ่มหันมองตามสายตาอาจารย์  เห็นชาวบ้านสองสามคนกำลังกุลีกุจอจัดวางเก้าอี้ไม้สัก ใครคนหนึ่งถือแจกันดอกไม้สดมา  ดูท่าคงเตรียมไว้รับรองเขา  เลอมานครางในคออย่างอ่อนใจสุดแสน  ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้   

   ลูกชายกำนันแบกโต๊ะไม้หนาหนักด้วยตัวคนเดียวมาวางตึง  เสียงดังจนโดนเอ็ดว่าอย่ามือหนักตีนหนัก  อาจารย์หนุ่มมองตามแล้วหัวเราะในคอ

   “อ้อ  หรือว่ามาหาใคร” มุมปากยกหยัน “กับผมยังต่ำไม่พอใช่ไหมถึงได้ลงไปเกลือกกลั้วกับกุ๊ยพรรค์นั้น”

   เลอมานตัวชา.. หน้าชา..

   “เคยได้ยินแต่เทวดาติดใจง้วนดินจนไม่อยากกลับสวรรค์  เพิ่งรู้ว่าบางทีก็อยากจะลองโคลนตมดูบ้าง  เกิดมาสูงเสียเปล่า” สายตาคนรักเย็นชาจับจิต  พูดอะไรที่เลอมานไม่เข้าใจ แต่แน่ใจว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ “ทำตัวใฝ่ต่ำ”

   ถ้อยวจีสุดท้ายแทงใจจนเป็นรอยแผล  เขาแทบก้าวขาไม่ออก  แทบไม่รู้ตัวยามใครสักคนมาจูงพาไปนั่งที่โต๊ะรับรอง  แทบไม่รู้ตัวยามใครสักคนเดินเข่าประคองแก้วน้ำเข้ามาวางให้ 

   ขั้นตอนพิธีเริ่มขึ้น  ชาวบ้านนั่งเรียงรายกับพื้นเกลื่อนศาลา  มีเขาคนเดียวที่ถูกจัดให้นั่งเก้าอี้สูงเด่น.. โดดเดี่ยว.. กลิ่นธูปควันเทียนอวลฟุ้งจนตาพร่า  พระภิกษุนั่งเรียงกันรับธูปเทียน ดอกไม้ บุหรี่ ไม้ขีดไฟ สบง จีวรจากชาวบ้าน  มีการแสดงพระธรรมเทศนา  พอเทศน์จบ  หลวงพ่อประกาศว่าบางคนจะรับศีล  ไม่กินข้าวหลังเพลและจะนอนที่วัดในคืนนี้ 

   คนึง จ้อย ยายช้อย และ..นายสิงห์  รวมอยู่ในกลุ่มที่เข้าไปรับศีล 

   เลอมานขยับลงจากเก้าอี้  คลานเข่าเข้าไปหากลุ่มนั้น  ไม่มีใครสนใจสักคนโดยเฉพาะจ้อยและอาจารย์  มีเพียงยายช้อยที่หันมายิ้มรับ  เขากระพุ่มมือไหว้นบน้อม  มือเหี่ยวย่นวางลงบนหัวอย่างปรานี 

   ดั่งมีหยาดน้ำเย็นชื่นชโลมลงหัวใจแห้งผาก

   “พ่อเล็กจะรับศีลแปดด้วยหรือลูก” หญิงชราถามอาทร 

   “อย่าเลย” เสียงห้าวขัดขึ้น  อาจารย์คนึงมองมาเพียงหางตา “บุญที่คนคนนี้ส่งไปให้  ดูท่าจินดาคงไม่ยอมรับหรอกครับ”

   “ต่อหน้าพระพูดอะไรอย่างนั้น” ยายช้อยตีไหล่ล่ำสันดังเพี้ยะ  เลอมานนึกเอะใจ  ทำไม?  หากดวงวิญญาณของจินดามีจริง  มีเหตุผลอะไรที่ต้องชังเขา “ไหวหรือลูก?  ต้องอดข้าวเย็นนะ  เดี๋ยวจะพาลปวดท้องไส้” ผู้อาวุโสถามไถ่อย่างห่วงใย  เลอมานขมวดคิ้วมุ่น

   “ศีลแปดคืออะไรครับ” เขาไม่รู้จักจริงๆ  ตะแกเลยต้องสาธยายให้ฟังยืดยาว  จับใจความได้ว่าห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามลักขโมย ห้ามผิดลูกผิดเมีย ห้ามพูดปด ห้ามดื่มเหล้า ห้ามกินหลังเที่ยง ห้ามร้องเพลงเล่นดนตรีหรือใส่เครื่องประดับหรือทาของหอม และสุดท้ายห้ามนอนบนที่นอนอ่อนนุ่ม 

   สามข้อสุดท้ายยากเอาการ  ถ้าเช่นนั้นเขาขอไม่รับศีลก็แล้วกัน     

   สำเร็จพิธีทางพระแล้ว  ก็มาถึงขั้นตอนนำกระดูกของจินดาบรรจุในเจดีย์  ดวงตาสีน้ำตาลใสมองโกศทองเหลืองในมืออาจารย์คนึงนิ่งงัน  ครั้งหนึ่ง.. กระดูกที่อยู่ในโกศนั้นเคยมีเลือดเนื้อ  เคยมีชีวิตโลดแล่นอยู่บนโลก  เคยเป็นยอดรักยอดดวงใจของคนรักของเขา 

   ดั่งมีก้อนแข็งๆ แล่นลามขึ้นจุกคอ  จินดาจากไปนานแล้ว  แต่ยังฝังรอยรักฝากรอยอาลัยไว้ในหัวใจคนที่ยังอยู่  เขารับรู้ได้จากดวงตาอาจารย์ยามประคองโกศใบน้อยเดินนำหน้าไปยังเจดีย์

   หม่อมราชวงศ์หนุ่มติดตามไปห่างๆ  ตระหนักรู้ว่า ณ ที่แห่งนั้น  ไม่ใช่ที่ของเขาแม้แต่น้อย  กระทั่งพื้นที่ในหัวใจอาจารย์  ป่านฉะนี้ก็คงไม่ใช่ของเขาด้วยเสียแล้วกระมัง  พระสงฆ์ ๔ รูปสวดบังสุกุลส่งให้เจ้าของกระดูกไปสู่สุคติ  ท่วงทำนองกังวานสะท้านใจ 
   สายตาหลายคนมองมา  ราวกับมีอะไรบางอย่างกดทับความรู้สึกจนหนักอึ้ง  อะไรบางอย่างที่บอกว่าเขาเป็นส่วนเกิน  เด็กหนุ่มกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอ  ก่อนเดินกลับโรงเรียนไปเงียบๆ 

   ตะวันคล้อยดวงลงต่ำ  ยามเย็นที่แสนจะว้าเหว่ก็มาถึง  เป็นเวลาที่เลอมานไม่อยากให้มีเลย  เสียงนกกาเรียกรังและเสียงกระดึงควาย  ทำให้ดูเศร้าวังเวง  เหมือนอยู่ในเมืองร้างกลางป่าดง  หม่อมราชวงศ์หนุ่มตัดสินใจกลับไปที่วัดอีกครั้ง  สารภาพจากใจเลยก็ได้  เขาคิดถึงอาจารย์จับใจ 

   พบคุณประสกทั้งหลายยังอยู่กันเต็ม  นั่งอ่านหนังสือบ้าง คุยกันบ้าง มีกลุ่มนึงกำลังช่วยมัคทายกแก้ไขต่อเติมตัวอักษรที่จารลงสมุดใบลาน 

   เลอมานมองหาชายคนรัก  เจออาจารย์กำลังกวาดใบไม้อยู่หน้าเจดีย์.. ของจินดา  เสียงลมแรงพัดมา  ต้นโพธิ์ใหญ่แกว่งใบกระทบกันดังกราวๆ  ได้ยินแล้วชวนให้รู้สึกวังเวงเงียบเหงานัก 

   คนึงชะงัก  เงยหน้ามองคนที่มาปรากฏตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา 

   ใบหน้าคมสันเบือนหนีดวงตาหม่นแสงคู่นั้น  ขบกรามแน่นราวจะข่มกลั้นความรู้สึก  ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยพบใคร ‘ดื้อ’ เท่านี้ 
   ทำไม.. ทำไมถึงไม่ยอมตัดใจ..

   เขาพูดจาทำร้ายจิตใจขนาดนั้น  จะโกรธจะเกลียดสักนิดก็หามีไม่  ต้องทำอย่างไรถึงจะยอมรับเสียที  ว่าอาจารย์บ้านนอกต่ำต้อยคนนี้มันไม่มีค่าคู่ควรที่หม่อมราชวงศ์เลอมานจะรักเลย! 

   “ถามจริงๆ เถอะคุณชาย  ไม่ละอายบ้างหรือ  ผมพูดขนาดนั้นแล้วยังมาเดินตามอยู่ได้” เขาว่าไม่มองหน้า  หนีดวงตาละห้อยหาที่บีบรัดหัวใจ 

   “เล็กจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าอาจารย์จะบอกว่าเล็กผิดอะไร” เด็กหนุ่มถามซื่อตรง  ทำเอาคนึงอึ้ง  พูดไม่ออก  หาคำตอบไม่ได้ 
   เลอมานไม่ผิด  แต่ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างครูกับศิษย์  ระหว่างราชนิกุลกับคนธรรมดา  และระหว่างผู้ชายด้วยกันต่างหากที่ผิด!

   “อาจารย์” เสียงแห้งโหยเรียกขาน  มือเล็กแตะแผ่วเบาที่ต้นแขน “อาจารย์ไม่รักเล็กแล้วจริงหรือ”

   คนึงหันไป  เห็นดวงตาวาววามดุจน้ำค้างมองสบมา  เพียงเสี้ยววินาทีที่บอบบาง  คั่นอยู่ระหว่างผิด-ชอบ ชั่ว-ดี  เขาจะกระชากร่างแบบบางมากอดแนบอก  หรือจะผลักไสไล่ส่ง? 

   ชายหนุ่มเลือกประการหลัง! 

   มือแข็งแรงผลักไหล่เล็กจนเซ “ผมเคยพูดหรือว่าผมรักคุณ!” เสียงห้าวตะคอกใส่ “เคยพูดไหม!”

   เลอมานส่ายหน้า 

   “คนที่ผมรักคือคนนี้!” อาจารย์หนุ่มชี้นิ้วไปทางเจดีย์  รูปขาวดำที่ติดอยู่เหนือชื่อ ‘จินดา’ คล้ายจะมองสบมาราวกับร่วมเป็นสักขีพยาน “ผมอุตส่าห์เฝ้ารอเขา  รอจนกว่าจะพ้นสภาพความเป็นศิษย์อาจารย์กัน แล้วคุณก็มาพรากเขาไป!”

   ดวงตาคมกล้าปิดลงอย่างข่มกลั้น  เขาไม่เคยคิดจะบอกเลอมานถึงความจริงนี้  โชคชะตาหรือกรรมเวรกันหนอที่พรากคนหนึ่งไป  แล้วก็ส่งอีกคนหนึ่งมาให้  การมาถึงของคนหนึ่ง  แลกกับการจากลานิรันดร์กาลของอีกคน

   แต่หากบอกไป  อาจทำให้เลอมานตัดใจได้เสียที! 

   “คิดว่าผมจะรักคนที่ทำให้คนรักตัวเองตายได้ลงคอหรือ?” เสียงทุ้มลึกเย็นชา  คำถามสั้นๆ ทำเอาเลอมานสะท้านไปทั้งร่าง 

   เขาน่ะหรือ.. ทำให้จินดา.. ตาย?

   “อาจารย์หมายความว่าอะไร” คำถามย้อนกลับเต็มไปด้วยความสับสน “เล็กไม่เข้าใจ”

   “คุณเป็นคนทำให้จินดาตาย  ไม่รู้ตัวเลยหรือ”

   เมฆหมอกยังคละคลุ้มอยู่ในหัวจนหม่นมืด  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  เขาจะไปทำให้จินดาตายได้อย่างไร  เขากับจินดาไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน  ถ้าจำไม่ผิด  จินดาจากไปก่อนเขามาที่นี่ ๓ วันด้วยซ้ำ

   ก่อนเขามาที่นี่ ๓ วัน!?

   ตัวเลขที่ตรงกันกระตุ้นเตือนความทรงจำบางอย่าง  เลอมานใจหายวูบ!

   วันที่จินดาตายคือวันที่เขา...

   “จำวันที่คุณเดินทางมาที่นี่ได้ไหม  คุณบอกว่าจะมาวันไหน”

   ๙ พฤษภาคม ท่านพ่อรับสั่งให้เขาเดินทางมาโรงเรียนฝึกหัดครูวันนั้น  เพื่อมาถึงก่อนที่โรงเรียนจะเปิด  เพื่อมาเตรียมความพร้อม  เพื่อปรับตัวให้คุ้นชินกับสถานที่และสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ 

   “แล้ววันนั้นคุณมาไหม”

   เขา.. เขาไม่ยอมมา.. ท่านพ่ออุตส่าห์บินมาถึงเมืองไทยเพื่อรอส่งเขา  อุตส่าห์ให้นายแช่มไปเตรียมซื้อตั๋วไว้รอเสร็จสรรพ  หม่อมย่าก็อุตส่าห์แต่งเนื้อแต่งตัวเตรียมไปส่งเขาแล้ว 

   แต่เขาก็ทำเสียเรื่อง  ทำเป็นนอนซมอยู่บนเตียง  แกล้งป่วยการเมืองว่าเป็นไข้จนเดินทางไม่ไหว  หวังว่าท่านพ่อจะตัดสินพระทัยส่งเขากลับอังกฤษ  แต่พอทรงจับได้  ก็รับสั่งให้เขารีบเดินทางใน ๓ วันถัดมา   

   “การมาเยือนของคุณเป็นเรื่องใหญ่  คุณเป็นอาสาสมัครจากโครงการต่างประเทศ  เป็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชผู้มีคุณูปถัมป์แก่โรงเรียน  ทางเราจึงเลือกคนที่ดีที่สุด  เหมาะสมกับคุณที่สุดให้ทำหน้าที่ดูแลคุณ” ประกายตาคนเล่าสะเทือนไหว “จินดาเป็นคนที่ถูกเลือก  เพราะเขาวัยใกล้เคียงกับคุณที่สุด”

   หัวใจคนฟังก็ไหวยอกไม่ต่างกัน

   “เขาออกไปรับคุณ  นั่งเรือยนต์ออกไป  ตั้งใจจะไปรอรับที่บ้านแพน”

   บ้านแพน.. ท่าเรือใหญ่  กว่าจะไปถึง  ต้องแล่นเรือผ่านคลองเมือง  ทะลุไปออกแม่น้ำเจ้าพระยา 

   ภาพท้องน้ำกว้างใหญ่วาบเข้ามาในรอยจำ  เลอมานหนาวเยือกในอกจนต้องยกสองมือกอดตัวเองแน่น 

   “ต้นเดือนพฤษภา..” เสียงห้าวเค้นขื่นขม “ฝนต้นฤดู.. พายุฤดูร้อนมันรุนแรงแค่ไหน  คุณคงไม่เคยเห็น  ยิ่งพายุกลางแม่น้ำด้วยแล้ว”

   “อาจารย์...ผม..” เด็กหนุ่มตัวสั่น  รอยรื้นแล่นขึ้นเกาะแพขนตา  เขา.. เขาไม่ได้ตั้งใจ..

   “ถ้าคุณมาตามกำหนด  ก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แต่นี่เขารอคุณอยู่จนค่ำ  ถึงได้นั่งเรือกลับมาตอนกลางคืน” ดวงตาคู่นั้นวาวโรจน์ “ถ้าคุณจะไม่มา  ทำไมถึงไม่แจ้งทางเราก่อน  เราจะได้ไม่ส่งคนออกไปตาย!”

   ตาย!

   อาจารย์เน้นคำนั้นใส่หน้า  ความรู้สึกผิดถาโถมกดทับ  เลอมานแทบทรงกายไม่อยู่ 

   “ผม.. ผมขอโทษ..” เสียงที่เดินทางผ่านก้อนสะอื้นนั้นช่างสั่นพร่าน่าสมเพช  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังปล่อยน้ำตาหยาดไหลเป็นสาย  ดวงตาพร่ามัวแลเลยไปยังรูปหน้าเจดีย์  ลมโชยพัดมาวูบหนึ่ง  ราวจะกรีดหัวใจเขาแหลกยับ “จินดา.. ผมขอโทษ..”

   “ทีนี้คงเข้าใจแล้วสิ  ผมแค่เห็นคุณเป็นตัวแทนของเขาเท่านั้น” พอเถิดอาจารย์  แค่นี้ใจเขาก็ป่นปี้ไปหมดแล้ว “มีคนใจง่ายเสนอตัวให้  เป็นใครจะไม่เอา”

   ร่างโปร่งบางซวนเซ  เขาต้องล้มลงไปกองกับพื้นแน่ๆ หากไม่มีมือแข็งแรงคว้าต้นแขนไว้ทัน  มือคู่นั้นบีบแน่นจนเขานิ่วหน้า 
 
   “จำเอาไว้ให้ดีหม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์  ผมไม่เคยรักคุณ” ประโยคสุดท้ายคนพูดสะบัดมือ  ร่างที่ทรงตัวด้วยสองขาสั่นเทาเซแซ่ดไปปะทะกับต้นมะม่วงใหญ่ 

   “อาจารย์.. เล็กขอโทษ..” เด็กหนุ่มโผเข้าเกาะแขนคนรักทั้งน้ำตานองหน้า  หมดสิ้นแล้วรูปลักษณ์ราชนิกูลผู้งามสง่าและเย่อหยิ่ง  เขาก็ไม่ต่างอะไรกับลูกหมาตัวนึงที่กำลังวิงวอนให้เจ้าของลูบหัวมันอีกสักครั้ง 

   “เขาเขี่ยทิ้งแล้วยังมาเดินตามต้อยๆ อยู่ได้  น่ารำคาญ!” อาจารย์สะบัดแขนหนี “เด็กฝรั่งเป็นอย่างนี้เหมือนกันหมดหรือเปล่า!”
   จากนั้น.. อาจารย์ตะคอกคำหนึ่งออกมา  พยางค์เดียวสั้นๆ  คำภาษาไทยที่เลอมานไม่เข้าใจความหมาย 

   แต่ภาษากาย  สื่อให้เขาเข้าใจแล้ว  ว่าไม่เหลือเยื่อใยใดต่อกันอีกต่อไป 

   “อาจารย์ผิดศีลข้อหนึ่ง.. ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต” เสียงเล็กพึมพำแผ่วหวิว  คนึงจะรู้ไหม  หัวใจเขายับเยินปานใด “อาจารย์ฆ่าเล็ก  ตายทั้งเป็น..”

   อาจารย์หนุ่มเบือนหน้าหนีเหมือนรำคาญเต็มที  รอจนเสียงฝีเท้าย่ำบนใบไม้แห้งทิ้งระยะห่างออกไป  เสี้ยวหน้าคมสันจึงหันกลับมามองแผ่นหลังเล็กอย่างโหยหาอาลัย 

   หากเลอมานจะหันกลับมาสักนิด  คงได้เห็นหยาดน้ำที่รินไหลจากดวงตาที่สะท้อนดวงใจลาญสลาย

   ไม่ต่างกัน...

*************************

   จ้อยกำลังอ่านตำราเรียนอยู่บนศาลา  มีไอ้สิงห์คอยส่องตะเกียงให้อยู่ไม่ห่าง  ร่างสูงใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่ในชุดขาวทั้งตัวน่าพิลึกพิลั่น  จ้อยเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้ตัวว่าถูกจ้อง  เห็นตาดำเหมือนถ่านจ้องมาตาเชื่อม

   จ้องหน้าจ้อย จ้อยจะไม่ว่าสักคำ  นี่ลูกกะตามันมองต่ำอยู่แถวอกเสื้อ  จ้อยก้มลงสำรวจตัวเองจึงได้รู้ว่าคอเสื้อผ้าฝ้ายทั้งขาวทั้งบางจ๋อย  ยิ่งตอนจ้อยก้มหน้าอ่านหนังสือ  คอเสื้อยิ่งถ่วงคว้านลึกเห็นไปถึงไหนต่อไหน!

   มันหัวเราะแหะเมื่อถูกจับได้  จ้อยขมุบขมิบปากด่าไม่ออกเสียง  ไอ้อัปรีย์  ในวัดในวายังไม่วายคิดอกุศล  ถ้าไม่กลัวศีลขาดจ้อยจะซัดกบาลมันให้จั๋งหนับ!  มาดูจ้อยทำไม  ไปดูอกขาวๆ ของคุณชายเล็กโน่นสิไป!

   มือเล็กคว้าผ้าขาวม้ามาพันรอบคอ  จังหวะเดียวกับที่อาจารย์คนึงกระหืดกระหอบมา 

   “จ้อย” เสียงห้าวดูร้อนรนนัก  เม็ดเหงื่อซึมตามไรผมดำสนิท “ตามไปอยู่เป็นเพื่อนชายเล็กที”

   หนุ่มน้อยไม่รู้หรอกว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง  แค่ได้ยินชื่อนั้นใจก็ต่อต้านขึ้นมาเฉยๆ  มันธุระกงการอะไรของจ้อยเล่า “แต่จ้อยอยากนอนกับยาย..”

   “งั้น..” อาจารย์หันหาคนอื่นทันใด  คนที่ใกล้ตัวที่สุด “นายสิงห์..” 

   “จ้อยไปก็ได้ครับ!” จ้อยทะลุกลางปล้องขึ้นมาเฉยๆ  อยากจะตีมือตัวเอง  ทำไมต้องยกขึ้นด้วย  ไม่ได้อยู่ในห้องเรียนเสียหน่อย อีกอย่าง.. โอย.. พูดแทรกผู้ใหญ่นี่มันเสียมารยาทที่สุด 

   “เดี๋ยวพี่ไปเอง  ขี่รถเครื่องไปแป๊บเดียว” ไอ้สิงห์เสนอตัวไม่เข้าท่า  จ้อยหันไปจ้องตาขวาง

   “ทำไม  อยากให้ชายเล็กซ้อนท้ายนักสิ” หางเสียงสะบัดประชดประชัน “ไปเที่ยวด้วยกันถึงบางกอกยังไม่พอใจรึไง”

   “เอ็งพูดอะไรของเอ็งวะ” มันทำหน้าเหมือนหมางง  จ้อยเบือนหน้าหนีเสีย  ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจ้อยพูดอะไรออกไป 

   “เร็วเข้า” อาจารย์ร้อนรนจะแย่แล้ว “ชายเล็กเพิ่งออกไปเมื่อกี้  เดี๋ยวคงตามทัน” มือใหญ่ฉุดจ้อยให้ลุกขึ้น  กระซิบจริงจัง “อย่าบอกว่าครูสั่งนะ”
   
   ที่หน้าวัด  จ้อยเห็นแผ่นหลังขาวๆ เดินอยู่ไกลๆ บนทางเกวียน  หนุ่มน้อยหิ้วตะเกียงรั้ววิ่งตามไปทั่กๆๆ  หม่อมราชวงศ์เลอมานเดินช้าเหมือนคนหมดแรง  ตามทันได้ไม่ยาก

   เสี้ยวหน้าขาวจัดสะท้อนแสงตะเกียงเป็นสีนวลดูประหลาดใจที่อยู่ดีๆ ก็มีคนวิ่งตามมา  นึกแล้วก็น่าเวทนา  มืดๆ ค่ำๆ มาเดินอยู่คนเดียว  ไฟก็ไม่มี 

   “เขา.. เขาให้ไปส่งคุณชาย” จ้อยตอบคำถามในดวงตาคู่นั้น 

   “เขาไหน?” เสียงแหบแห้งถามกลับ  ทำเอาจ้อยเม้มปากแน่น  โธ่.. อาจารย์คนึงไม่ให้บอกว่าอาจารย์สั่ง  ครั้นจะบอกว่าจ้อยเองแหละที่ตั้งใจมาเดินเป็นเพื่อน  ก็เกรงว่าคุณชายผู้สูงส่งจะเข้าใจผิดว่าจ้อยเป็นห่วงเป็นใยอะไรปานนั้น

   “ยายสั่ง” มุสาไปแล้วก็อยากเขกมะเหงกตัวเอง  อาจารย์หนออาจารย์  ทำจ้อยศีลขาดจนได้ โธ่ๆๆๆ

   “จ้อย..” เสียงระโหยเค้นขึ้น  จ้อยเพิ่งสังเกตว่าดวงตาที่เคยแจ่มใสเป็นนิจนั้นแดงช้ำ ฉ่ำน้ำใสคลอคลอง  แสงตะเกียงนวลราวจะสะท้อนให้เห็นรอยน้ำตาอาบหน้า

   ร้องไห้มาหรือ?!

   “...แปลว่าอะไร” เลอมานเอ่ยคำขึ้นมาคำหนึ่ง  เล่นเอาจ้อยสะดุ้งโหยง   

   “ไปเอามาจากไหน  ไปฟังใครพูดมา” จ้อยคาดคั้น  คิ้วขมวดไม่รู้ตัว “หรือมีใครพูดแบบนี้กับคุณชาย”

   “ทำ..ทำไมหรือ” เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกมาอีก  ริมฝีปากคล้ายจะบิดเบี้ยวราวกับกลั้นไว้เต็มกลืน “มัน.. ร้ายแรงมากเลยหรือ”

   จ้อยไม่ตอบ  เอาแต่จ้องหน้าตาขวาง  บอกมาก่อนว่าไปได้ยิน ‘คำนั้น’ มาจากไหน

   “คือ.. ฉัน.. อ่านเจอในหนังสือ”

   “หนังสืออะไร  ทำไมมีคำแบบนี้” ชายเล็กนี่น่าตีจริงๆ  แต่อย่างน้อย.. จ้อยก็โล่งอกไปเปลาะ  นึกว่าไปถูกใครพูดใส่หน้ามา  อย่างที่.. จ้อยเคยโดน “ไปยืมหนังสือปกขาวของสง่ามาสินะ  โธ่  เรื่องดีๆ มีไม่อ่าน  ไปอ่านของพรรค์นั้น”

   “มันเป็นคำด่า” จ้อยสาธยาย  คนฟังดูชะงักไป “เอาไว้ด่าผู้หญิงแพศยา” คุณชายดูไม่เข้าใจ  แน่ละ.. นี่มันศัพท์ยากเอาการ “สำส่อน” ว้า.. ก็ยังทำหน้าไม่เข้าใจอีก

   จ้อยพยายามงัดภูมิภาษาอังกฤษมาใช้   

   “whore เอ๊ะ.. ไม่สิ  ผู้หญิงหากินยังคิดเงิน” จ้อยเกาปลายคางอย่างใช้ความคิด  กลอกตาขึ้นมองท้องฟ้าระยับดาว   เดินไปพูดไปเรื่อย “อืม.. slut ละมั้ง slut ไม่คิดเงิน  ชอบเข้าหาผู้ชายไม่เลือกหน้า”

   คำนี้แหละใกล้เคียงที่สุด!   

   “คุณชายอย่าเผลอเอาไปพูดกับใครเชียวนะ” จ้อยหันขวับไปมองคนข้างๆ เรื่องนี้ต้องย้ำหัวตะปูกันหน่อย  แต่.. อ้าว.. หม่อมราชวงศ์เลอมานไปไหน  หยุดเดินตั้งแต่เมื่อไร  ดูซิปล่อยให้จ้อยพูดคนเดียวยังกะคนบ้า

   ร่างโปร่งบางทรุดลงกับพื้นไม่ห่างนัก  จ้อยใจหายวูบ!  หิ้วตะเกียงรั้ววิ่งกลับไป  ดวงไฟวูบไหวเป็นลูกโยน 

   “คุณชายเล็ก.. คุณชายเล็ก..” จ้อยแตะมือลงไหล่สั่นสะท้าน  ใบหน้านองน้ำตาเงยขึ้นมอง  แขนขาวไขว่คว้าตัวจ้อยราวจะหาที่ยึดเหนี่ยว  จ้อยไม่ชอบคุณชายนักหรอก  แต่อะไรบางอย่าง.. สั่งให้โอบร่างเปราะบางนี้เอาไว้ 

   เลอมานกอดเพื่อนรักเอาไว้แน่น  ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น  ตะเกียงกลิ้งโค่โร่อยู่กับพื้น  หากยังเปล่งแสงเรืองรอง 

   โธ่คนเคยภักดิ์
   เชือดรักด้วยวาจา
   น้ำเอยน้ำตา
   จะหล่นลงเรี่ยราย


   เลอมานไม่เคยรู้ ‘ซึ้ง’ ถึงความหมายของภาษาไทยคำใดเท่านี้

   ‘ร่าน..’


โปรดติดตามตอนต่อไป


หนูเล็กขอโทษค่ะ หนูเล็กมาช้า  :mew2:
หนูเล็กกำลังท้องลูกของคุณเขม  หมอเลยไม่ให้นั่งนานน่ะค่ะ
หนูเล็กว่าท้องนี้ต้องเป็นลูกชายแน่เลยค่ะ อารมณ์หนูเล็กเกรี้ยวกราดปานจะหินหัวผัวซะขนาดนี้
เนอะคะเนอะ  :hao5:

รักคนอ่านนะก๊ะ

หนูเล็ก (ก่อนบ่ายคลายเครียด :hao7:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: lovelyfever ที่ 12-05-2014 10:04:04
หนึบหัวใจ...
สงสารคุณชายเล็ก...
ตอนนี้เหมือนตัวคนเดียว ไปไหนทำอะไรไม่มีใครต้อนรับ ไม่มีใครสนใจ ทำผิดเรื่องอะไรตัวเองยังไม่รู้เลย

อ่านแล้วโมโห โมโหคนรอบตัวคุณชายทั้งหมดเลย :fire: โดยเฉพาะอาจารย์คนึงเนี่ย :fire:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: mild09 ที่ 12-05-2014 10:10:29
สงสารคุณชายเล็กจับจิต

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 12-05-2014 10:12:35
ฆ่าตัวตายไปอีกคนเถอะชายเล็ก นายเอกตายไปคนนึงก็ไม่เป็นไรนะ อยากให้เลอมานทรมานใจ และคนรอบข้างด้วย
รันทดแท้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 12-05-2014 10:28:23
ขยี้จริงๆครับ คุณดอกไม้
ร้องไห้แต่เช้าเลย สงสารคุณชาย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: narunarutoboyz ที่ 12-05-2014 10:32:57
จ้อยกับสิงห์ดีขึ้นจริงๆ แต่แบบนี้มันก็ไม่ได้ต่างเลยเนอะ ยกภูเขาออกจากอกได้ลูกนึง ก็มาเจอภูเขาน้ำเเข็งลูกใหญ่มากๆๆๆๆอีก
ทีงี้ทำมาเป็นห่วงนะไอ้คนึงบ้า ความคิดแบบนี้เหรอที่คนเป็นอาจารย์เค้าคิดกัน โหดร้ายที่สุดเลย
แบบนี้ขอให้กรรมตามสนองหนักๆเลย ให้เจ็บกว่าที่เล็กเจ็บ ทำไมไม่คุยกัน ทำไมไม่ช่วยกันเเก้ปัญหา
มันทุเรศตรงที่เเกได้เล็กเเล้วอ่ะ ถ้ายังไม่เคยมีอะไรกันจะไม่รู้สึกเเย่เลย
ตัวเองล่วงเกินเค้าไปแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุดเซ่ หรือเพราะเล็กไม่ใช่ผู้หญิง?
ถ้าเจียมตัวจริง ทำไมไม่คิดได้ตั้งเเต่เเรกวะ พอได้เล็กแล้วแกมาป๊อดเหรอ โถ่ไอ้กร๊วก!!! เฮงซวยว่ะ
เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ถ้าคิดได้แค่นี้ก้ไปตายซะ!!! :z6:
ผู้ชายแบบนี้ สำหรับผู้หญิง ยังไม่อยากได้มาทำพันธุ์เลย สงสารมดลูกตัวเอง :a14:

ขอโทษที่อินมากๆๆๆๆๆ แต่โกรธคนึงจริงๆนะ เล็กเหมือนตัวคนเดียวเลย มันไม่เหมือนเกรงกลัวบารมีพ่อเล็กหรอกนะ
ทุกคนทำเหมือนรังเกียจเล็กอ่ะ แย่ที่สุด นี่เหรอชาวบ้านตาดำๆ มีน้ำใจ ซื่อๆ เค้าคิดเเบบนี้กันเหรอ เเย่ว่ะ!!!

จ้อย.....ช่วยเล็กด้วยนะ อยู่เป็นเพื่อนเล็กนะ คุณเล็กสู้ๆนะ ถ้าคุณเล็กผ่านตรงนี้ไปได้
คุณเล็กจะเข้มเเข็งขึ้นอีกเยอะเลย ฮรืออออออ :m15:

ดีใจที่กลับมาต่ออีกครึ่ง นี่ต้องรอตอนใหม่อีนานเลยเนอะ  :เฮ้อ:
จะยังไงก็ตาม ก็จะเป็นกำลังใจเเละติดตามจนวินาทีสุดท้ายแน่นอนค่ะ  :L2:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Julytastic ที่ 12-05-2014 10:37:43
โมโหอาจารย์คนึงมากกกกกกก
โอ้ยยย ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้นะ ใจแข็งเป็นบ้า
สงสารคุณชายเลอมาน อ่านแล้วบีบหัวใจสุดๆ :sad4:

พูดถึงอีกคู่ ตอนนี้แบบอ่านไปยิ้มไป
จ้อยคงไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่าการกระทำของตัวเองนี่มันเรียกว่าหึงพี่สิงห์ชัดๆ :hao7:
อยากให้คู่นี้มีโมเมนต์หวานๆกันมั่งจัง เห็นใจแม่ยกคู่นี้ด้วยนะคะ 555

อยากอ่านตอนหน้าแล้วค่ะคุณดอกไม้ เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 12-05-2014 10:41:46
โอยยยยย น้ำตาไหล...สงสารคุณชายเล็กมากอะ
เหมือนไม่มีใครเลย แถมอาจารย์ยังพูดทำร้ายกันอีก
 :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-05-2014 10:52:27
คนอ่านก็ไม่ไหวแล้วคุณชายเล็ก จะตายตาม เจ็บปวดหัวใจ สงสารเหลือเกิน

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 12-05-2014 11:01:45
ชายเล็กไปเหอะ ไปให้ไกล กลับอังกฤษไปเลยยิ่งดี  :o12: จะได้ไม่ต้องมาเจอคนใจร้ายแบบนี้ ทำร้ายกันมากไปแล้ว นี่ร้องไห้แต่หัววันเลยอ่ะ ฮือออ

อาจารย์ใจร้ายมาก มีอะไรทำไมไม่พูดไม่บอกกันดีๆ ได้เขาไปแล้วก็ทำกับเขาแบบนี้น่ะหรอ ตัวเองไม่ใช่รึไงที่ดึงให้เขาลงมาน่ะ พอได้เขาไปแล้วก็ผลักไสไล่ส่งเขาอย่างนี้น่ะหรอ! เป็นผู้ชายแน่รึเปล่าน่ะอาจารย์!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 12-05-2014 11:20:16
 :sad4: :ling1: :monkeysad:
สงสารชายเล็กแบบจับขั้วหัวใจเลยค่ะ
ครึ่งหลังนี้แบบซีนอารมณ์มากกกก
บัีบคั้นหัวใจกันสุดๆไปเลย
คำพูดแต่ละคำของอาจารย์คนึงบาดลึกยิ่งกว่ามีด
เข้าใจว่าอาจารย์มีเหตุผลว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้
แต่มันก็น่าจะมีทางเลือกอื่นดีกว่าวิธีนี้อะ

ชายเล็กน่าสงสารมาก
หัวเดียวกระเทียมลีบเลยอยากกระโดดเข้าไปกอดปลอบมากกกกกก

คุณแมนูเล็กคะ ตอนต่อไปขอมาเร็วๆนิสนึงได้ไหมฮับ
คนอ่านกะลีังอินแบบขั้นสุด  :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: SoulFighter ที่ 12-05-2014 11:22:24
ยิ่งอ่านยิ่งเกลียดอาจารย์ ทำไมอ่ะ ทำไมทำต้องทำกับเล็กถึงขนาดนี้ สงสารคุณชายสุดใจ เหมือนเด็กน้อยซื่อๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับเค้า โดนเค้าด่าเอาก็ไม่รู้ความหมาย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Kanya97 ที่ 12-05-2014 11:43:44
มาต่อไวๆเถอะค่ะ ไม่ไหวแล้ว ㅠ.ㅠ อยากอ่านต่ออออ ฮืออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 12-05-2014 11:59:34
งื้อ น้องจ้อย ออกมานิดเดียวเอง
ช่างหัวตาแก่คนึง 555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: kissazazel ที่ 12-05-2014 13:15:26
สงสารชายเล็ก

ทั้งๆ ที่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์ต้องทำ

แต่ก็ยังสงสารชายเล็กมาก ไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่าง ไม่ได้ทำผิดอะไร

กลับต้องมาเจออะไรแบบนี้

แต่อีกคู่นี่ จ้อยเริ่มออกอาการเล็กๆ น้อยๆ ละ

ยินดีกับพี่สิงห์ด้วย



หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 12-05-2014 14:04:42
มาม่า ชามโต สุกได้ที่ ปรุงได้รส
คุณชายเล็กกลับไปพระนครเถอะ ก็ถ้าจะโดนพูดให้เจ็บช้ำขนาดนี้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 12-05-2014 15:23:35
แรงไปนะคำว่าร่านเนี้ยอาจารย์!!! พูดมาได้ยังไง ฮืออออ สงสารชายเล็กจังเลยยยยยย  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 12-05-2014 15:56:27
คือแบบว่าอาจาร์ยไม่สมควรเป็นอาจาร์ยค่ะ เป็นคนที่ตรรกะบิดเบือน
แต่ไม่สมควรได้คนอย่างคุณเล็กไปด้วยค่ะ รักไม่จริงคือการเสียสละนั่นแหละค่ะ เห๊อะ (อินค่ะอินน 555)
ถ้าเป็นปัญญาชน ถึงระดับเป็นอาจาร์ยให้ความรู้คนอื่นได้ คงรู้นะคะ
ว่าการพูดดีๆ จะช่วยอะไรได้บ้าง ... อย่างน้อยก็ไม่จำเป็นต้องหักดิบแรงใส่แบบนี้
คำๆ นั้นไม่ควรจะออกมา ... ถึงแม้ว่าจะต้องการผลักไสอีกคนไปมากแค่ไหนก็ตาม
นี่ขนาดอาจาร์ยยอมหักดิบเพราะรักนะเนี่ย ถ้าอาจาร์ยไม่รัก สงสัยคุณเล็กหงายเงิบกว่านี้ โฮกฮากกกกกก



ปล . อินล้วนๆ T_T อยากให้ผ่านพ้นดราม่าไปซักที โฮ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-05-2014 17:29:30
โอ๊ยย   สงสารคุณชายเล็กถูกคนรักด่าด้วยคำๆนั้น คงเจ็บแวดและเสียใจน่าดู ดีไม่ดีคงได้ตรอมใจตาย เห้ออออ
ปล.เกลียดอาจารย์แล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 12-05-2014 19:09:11
ใจจะขาดสงสารคุณเล็ก TT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 12-05-2014 19:20:02
อาจารย์ใจร้ายไม่รักอาจารย์แล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: josephine ที่ 12-05-2014 19:39:26
บีดรัดหัวใจเหลือเกิน  โอ้ย ขอทุบหน้าอดแรง ๆ สี่ที  เล็กเจ็บเหลือเกิน 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 12-05-2014 20:21:08
ทนไม่ไหวต้องเข้ามาอ่าน
อาจารย์แม่ง ป๊อด พอเจอพ่อแม่เขาก็ไม่กล้าสู้ ไม่คิดจะสู้เลยด้วยซ้ำ ก็รู้มาตั้งแต่ต้นไม่ใช่เหรอว่าเขาสูงศักดิ์ขนาดไหน
เพิ่งได้สติหรือไง พอจะเอาก็หวานใส่ทำดีสารพัด พอจะเลิกก็ทำวิธีห่วยแตกแบบนี้
สงสารคุณชาย ไม่รู้เรื่องอะไร ทำมาร้องไห้ตอนด่าเขาเสร็จนี่ไม่สงสารหรอกนะ คนโดนคือคุณชาย เหอๆ
ที่โมโหคือก็รู้ตั้งแต่ต้นไม่ใช่เหรอ?????
ละยังจะลากจินดามาอีก ให้คุณชายรู้สึกแย่ รู้สึกผิดอีก
อินมากพูดเลย555555555555555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 12-05-2014 21:03:38
เกลียดจารย์
เดี๋ยวปั๊ดยุให้พี่สิงห์รวบสองซะนี่
 :hao6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 12-05-2014 23:37:28
คนึงใจร้ายมาก ๆ เลย เลอมานคงรู้สึกแย่มาก ๆ แค่สิ่งที่คนึงทำก็คงเสียใจแทบแย่แล้วยังมารู้เรื่องจินดาอีก จ้อยหึงสิงห์ใช่ไหมนั่น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 13-05-2014 09:40:13
สงสารชายเล็กอ่าาาาาาาาาาา จ้อยกลับมาเป็นเพื่อนชายเล็กเหมือนเดิมเถอะนะ

ชายเล็กไม่เหลือใครแล้วอ่ะ จริงๆแล้วที่เป็นแบบนี้เพราะหม่อมย่านะ ไม่ใช่เพราะชายเล็กซะหน่อย



ปล. จ้อยหึงสิงห์กะชายเล็กด้วยอ่ะ น่ารักๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 13-05-2014 11:05:37
 :impress3: ฮือๆๆ อ.จ.ใจร้ายยยย
คุณชายน่าสงสารที่สุด
หมดทิชชู่ไปหลายแผ่นเบย :o12:

จ้อยทำไมต้องหงุดหงิดที่สิงห์กับคุณชายดีต่อกันนะ เอ๊ะๆๆๆ o18
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: knoxziekanoon ที่ 13-05-2014 11:20:32
อ่านแล้วใจขาดเรื่องนี้ทุกคนน่าสงสารทุกคน เฮ้ออ...อออออ อ่านไปน้ำตาจะไหล
จะจบเเบบมีความสุขมั้ยหนอ??? รักและสงสารทุกคนในเรื่อง แต่บางทีก็คิดว่าจ้อยก็เกินไปคะ เรื่องตัวเองไม่เท่าไหร่แต่เรื่อง ชายเล็กกับ อ.คนึงนี่ จ้อยไม่ควรจะคิดหรือแสดงกริยาอย่างนั้น ช่วงหลังๆนี้เลยไม่ค่อยชอบจ้อยเท่าไหร่พึ่งเข้ามาอ่านคะ สนุกตั้งแต่ตอนแรกจนตอนปัจจุบัน
ป.ล คนอ่านมีน้องจูมอยู่ที่บ้านด้วยคะ ชอบตั้งแต่น้องจูมแล้ววว..ววว
 บอกตรงๆว่าที่เข้ามาอ่านเพราะชื่อ แต่พอเห็นว่าคนเขียนเป็นคุณดอกไม้ก็ แบบ ดีใจมากๆๆๆ ชอบการเขียนของคุณดอกไม้คะ เป็นกำลังใจให้จะติดตามต่อไปนะคะ ตอนนี้ก็กำลังจะอ่าน เรื่อง   "Protege : ผู้ปกครองใจร้ายกับนายตัวแสบ" ต่อคะ พึ่งหาได้  และจะรอติดตามเรื่องนี้ด้วยนะคะ 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 13-05-2014 15:26:13
โอ๊ย ปวดใจที่สุด  :z3: อ่านไปก็น้ำตาซึม สงสารเล็ก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 13-05-2014 19:55:06
จ้อยหวงสิงห์หรอ?
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 14-05-2014 21:19:15
 :o12: :o12: :o12:

น้ำตาไหลเลย เล็กน่าสงสารมากๆ จ้อยก็เลิกทิฐิเถอะนะ เล็กไม่เหลือใครแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: madamtokjai ที่ 14-05-2014 22:18:58
เพิ่งได้มีโอกาศเข้ามาอ่านค่ะ ชอบเนื้อเรื่องมาก ภาษามันพาให้เนื้อเรืองดูละมุนๆ ชอบนิสัยของตัวละครทุกตัวเลยยย เป็นกำลังใจให้นะคะ จะตามอ่านคืนนี้ให้ทันเลย และรอตอนใหม่ด้วยค่ะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 14-05-2014 22:32:22
คุณเล็ก ร้องไห้ให้พอเลยค่ะ คนใจร้ายแบบนั้น
รู้นะว่าอยากให้ตัดใจ แต่เลือกวิธีอื่นได้มั้ย
แบบนี้มันเหมือนฆ่ากันทั้งเป็นจริงๆ คุณเล็กน่าสงสารที่สุด ไม่ได้รู้เรื่องอะไร
พายุนะ พายุ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องธรรมชาติ
แต่เอามาโทษคนเนี่ยนะ คนหมู่บ้านนี้คิดได้ยังไงอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 15-05-2014 08:01:50
ay8p^[bmwvh8o7' ใช้สมองส่วนไหนถึงได้ด่าคำนั้นออกมา คนเป็นอาจารย์นี่คิิดได้แค่นี้เหรอ เลวเอ้ย
ดราม่ารีบๆไปเถอะ ไม่ไหวแล้ว สงสารชายเล็ก  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 15-05-2014 10:40:04
หึ๊ เค้ายอมมอบตัวให้เพราะความรัก แต่สิ่งตอบแทนคือคำว่า ร่าน งั้นเหรอ

เหตุการณ์ ข้างหน้าจะเป้นยังไงก็ตามนะคะ อาจารย์ ขอให้อาจารย์จำไว้อย่างนึงว่า คำๆนี้มันจะจดจะจารณ์อยู่ในหัวใจคุณชายตลอดไป

ต่อให้วันข้างหน้าคืนดีกัน แผลเป็นแผลนี้มันยังคงฝังอยู่ในใจคุณชายเสมอ จำไว้นะคะ จำไว้ให้ดี
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 17-05-2014 14:22:34
คุณชายน่าสงสารรรร
ครูคนึงช่างทำได้ลง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 19-05-2014 14:58:20
 :a5: :a5: :a5:
เอาอีกๆ ดราม่าให้เต็มที่เลย :monkeysad:

ปล.เมียไอ้ลอยเป็นใครค่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 19-05-2014 16:17:00
สงสารชายเล็กมากๆ
ก็รู้อยู่หรอกว่าอาจารย์อยากจะตัดใจ
แต่มันแรงไปไหมถ้าชายเล็กเป็นอะไรขึ้นมา
จะมาเสียใจไม่ได้นะ
เหมือนจ้อยจะหึงชายเล็ก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Wannida ที่ 23-05-2014 16:43:22
เหมือนมีใครเอาใจไปถ่วงน้ำเลย  หน่วง น้ำตาซึมเลย
รีบมาต่อน่ะค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: riangkarn ที่ 01-06-2014 14:57:34
อยากะบอกว่า เรากดเข้ามาดูทุกวันเลยค่ะ ว่าอัพรึยัง
ติดเรื่องนี้สุดๆ
ยังไงก็รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: jambool ที่ 01-06-2014 21:17:32
 :sad4:  พึ่งได้อ่านผลงานของคุณดอกไม้ครั้งแรก
อยากจะบอกว่า ชอบมากค่ะ  o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 03-06-2014 15:51:57
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกก   ภาษาสวยมากกกกกกกกกกกก
สนุกจนอดใจให้อ่านพรุ่งนี้ไม่ไหวต้องอ่านให้จบภายในวันนี้
สนุกมากๆๆๆๆค่ะไม่นึกว่าจะสนุกขนาดนี้   ตอนแรกอ่าน
คิดว่าจะน่าเบื่อๆภาษาเยอะๆดำเนินเรื่องเอื่ยๆแต่พออ่านแล้วติดหนึบ
พอตอนหวาน  คนอ่านก็เผลอยิ้ม  พอตอนเศร้าก็น้ำตารื้น  สงสารสิงห์จับใจ
ชอบสิงห์มากกกกกก   แอบเกลียดจ้อยที่ทำไม่ดีใส่สิงห์
แต่พอตอนหลังแล้วน่ารักมากกกกก   จ้อยมีหึงสิงห์ด้วย
คุณชายก็น่ารักที่สุด    คนึงงี่เง่ามีไม่มีเหตุผลชอบคิดแทนคนอื่น
ถึงจะรู้ว่าหวังดีแต่ก็ไม่ชอบอ่ะ  คุณชายน่ารักจะตาย
ตอนกลางๆอ่านตอนสิงห์กับจ้อยนี่เจ็บเศร้ามาก
แต่ก็มาดีใจมากตอนที่จ้อยเริ่มรู้ใจตัวเอง  น่ารักจัง
สิงห์น่ารักที่สุด   สง่ากับสันติก็ฮาๆแอบแทรกอารมณ์ขัน
พอคู่นึงหวาน  คู่นึงก็เศร้า  พอคู่นึงเริ่มหวาน  อีกคู่ก็ดราม่า
แต่ยังไงก็เชียร์จ้อยสิงห์สุดกู้  ตอนที่นักเลงอันธพาลอย่างสิงห์
พยายามทำอะไรเพื่อช่วยเหลือคนที่ตัวเองรัก   เราว่ามันน่ารักกกก>///<
สุดท้ายนี่เราไม่น่าเข้ามาอ่านเลยเพราะคนเขียนเขียนเก่งเกินไป
ทำให้เราอารมณ์ค้าง   ต้องรอ  มันทรมานเหมือนสิงห์รอจ้อยให้หันมารัก T-T
มาอัพเร็วๆๆๆๆๆๆๆน่ะค่ะ  เรารอต่อไปไม่ไหวแล้ว  ทั้งลุ่นคู่คุณชาย
และรักคู่จ้อยสิงห์  น่ารักอ่ะ  น่ารักมากๆๆๆๆ  เต็มอิ่มมากๆ
มาอัพไวๆน่ะค่ะคุณดอกไม้  ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ให้อ่านค่ะ:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Fujoshi ที่ 03-06-2014 21:27:15
เพิ่งอ่านเรื่องนี้
คุณดอกไม่้ใช้ภาษาสวยมากเลยค่ะ
มีผลงานเรื่องอ่นๆอีกมั้ยคะ อยากติดตาม

สุดท้ายนี้
รักพี่สิงห์มากมาย :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 04-06-2014 14:53:30
จ้อย อย่าพึ่งโกธรเกียดชายเล็กเลย

ตอนนี้ชายเล็กเหมือนตายทั้งเป็น

ไม่มีคนสนใจ โดนคนรักเหยียบย่ำ

เพื่อนก็ไม่คุยด้วย

คนอื่นๆก็มองแปลกๆ

ทุกสิ่งทุกอย่าง มันแย่ไปหมด

โกธรมากก อ่านแล้วโกธรอาจารย์มาก

คุณชายผิดอะไร ทำไมถึงทำร้ายกันได้มากขนาดนี้

นี่หรือคือคนรักกัน ถ้าไม่อยากดึงดอกฟ้า แล้วมาทำให้รักทำไม

แล้วมาฆ่ากันตายด้วยคำพูดพวกนี้หรือ นอกจากชายเล็กจะไม่โกธรแล้ว

ยังโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุในเรื่องนี้อีก

แล้วอย่างนี้ชายเล็กจะอยุ่ได้ยังไง


โธ่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 05-06-2014 14:33:38
สงสารเล็กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก   :sad4:

เขินพี่สิงห์..
แต่พี่เลิกคบพวกไอ้ลอยเถอะ มีความคิดเป็นของตัวเองได้แล้ว
อย่าไปฟังคำยุของพวกนั้นมากเลย สุดท้ายพี่ก็ซวยอยู่คนเดียวเนี่ย
อยากทำไรก็ทำดิ สนใจแค่ความรู้สึกของคนที่พี่รักก็พอ

โคตรอิน อยากโดดถีบพวกไอ้ลอย  :z6:

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะๆๆ
รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 06-06-2014 08:11:14
ถ้าไม่มาต่อ คนอ่านจะร้องไห้แล้วน่ะค่ะ T.T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 10-06-2014 04:32:27
คิดถึงน้องช่อยพี่ฉิงจังเลยฮะ     
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 11-06-2014 14:49:32
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมากเลยค่ะ ชอบคู่สิงห์กับจ้อยมาก ><

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: white_destiny ที่ 11-06-2014 18:24:09
แปะโป้ง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 11-06-2014 21:52:32
โหครูถ้าจะด่ากันขนาดนี้ เขาไม่เรียกว่ารักแล้ว ไอ้คนเห็นแก่ตัว :angry2:
ตอนรักก็อ่อนหวานเชียว พอตอนนี้กลัวตัวไม่คู่ควร
เออ ตอนนี้แกนี่สมกับคำว่าไม่คู่ควรม้ากกกก :angry2:
จะตัดรัก แต่ต้องทำร้ายด้วยคำพูดแรงขนาดนี้ด้วยเหรอนี่ นี่หรือคนที่ยังรักกัน
อย่ามาอ้างเหตุผลงี่เง่าหน่อยเลย
ชายเล็กเลิกรักมันไปเลย :m31:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Wannida ที่ 11-06-2014 22:29:33
ถ้าไม่มาต่อ คนอ่านจะร้องไห้แล้วน่ะค่ะ T.T



ความรู้สึกเดียวกัน รอทุกวันเลย   ค้างคา า สุดๆ  T^T   :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 12-06-2014 11:52:07
เพิ่งได้ติดตามค่ะ  :hao5: สงสารน้องจ้อยมากอ่ะ กลั้นใจอ่านตอนที่ถูกขืนใจอ่านผ่านๆ ยังสะเทือนใจมาก ถึงมากที่สุด พ่อสิงห์ก็น่าสงสาร จะไม่มีผู้ใดดลใจให้พ่อได้หูตาสว่างมีความคิดได้บ้างเลยหรือจ้ะ

รอตอนต่อไปค่ะ :mew6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 12-06-2014 13:16:28
คิดถึงครู     คุณชาย
คิดถึงสิงห์. จ้อย
คิดถึงคุณดอกไมัค่ะT.T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 12-06-2014 16:45:03

หายไปนานแล้วนะ

นั่งทาง 'เน็ต'  ตามหา คนเขียนก่อน

อึ๊บ

(http://i719.photobucket.com/albums/ww193/peeoun01/5-87.jpg)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 12-06-2014 21:54:52
เรื่องนี้ภาษาสวยมากที่สุด

แต่ตอนนี้สงสารคุณเล็กมาก

อาจารย์ก็ใจร้ายเกินไป  ทำกับคนรักได้ลงคอ   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 12-06-2014 23:40:53
สงสารคุณชายเล็กงะ เจอที่พักใจแล้ว แต่ยังต้องทุกข์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: chiroyuki ที่ 13-06-2014 02:11:52
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ใจร้ายมากกกกกก ทำร้ายกันได้ลงคอ
สงสารชายเล็ก เป็นกำลังใจให้นะ
นักเขียนด้วยนะคะ ถ่ายทอดผ่านตัวอักษรได้เยี่ยมมาก อ่านแล้วแทบร้องไห้
อินจัดดด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๘ : ขยี้รัก (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๒ พ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: prince_elloit ที่ 14-06-2014 20:10:50
ฮรืออออออออออออออออ T T จ้อยกับสิงห์ อุตส่าห์ดีขึ้นแล้ว คู่นี้ก็มาเป็นแบบนี้เร้อออออออออออออ อ๊าาาาาา อยากให้ออกเป็นเล่มไวๆ ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 18-06-2014 01:28:51
(http://img10.imagefra.me/i16h/chihiro/0_5cc_u90ve.jpg)

บทที่ ๒๙

แล้วจะรู้ว่าพี่รัก

(ครึ่งแรกนะแจ๊ะ :L2:)

พี่นี้อุตส่าห์ถนอมดวงใจไว้ให้นวลนาง
ไม่เคยจืดจางร้างรา
รักเดียวใจเดียวเกี่ยวข้องไม่ขาดด้วยปรารถนา
แต่น้องไม่มาเห็นดวงใจพี่

ถ้าแม้นพี่ผ่าใจได้ในทรวงล้วงให้เธอดู
ก็คงจะรู้เสียที
หรือมีทางใดให้น้องรู้เห็นเพื่อเป็นสักขี
จะเอาใจนี้วางเป็นเดิมพัน*



หลังงานบุญบรรจุกระดูกจินดา  นางพูนทรัพย์เมียกำนันเสริมดูจะเคียดขึ้งถมึงทึงยิ่งกว่าเก่า  ค่าที่รู้ว่าลูกชายบังเกิดเกล้าอย่างนายสิงห์ไปเฝ้าพะเน้าพะนอเอาใจหลานยายช้อยเกินเหตุ  อะแฮ่ม.. จะเรียกว่า ‘รับใช้’ อย่างที่ไอ้ลอยมันว่าก็คงไม่ผิดนักหรอก  เถ้าแก่เนี้ยโรงสีแค้นคั่งดั่งอกบรรจุด้วยดินประสิว  มีอย่างที่ไหน  คนเป็นนายเสือกไปรับใช้คนเป็นขี้ข้า  ชาวบ้านเห็นกันหมดทั้งบางเสียแล้วกระมัง 

โอย..โอย.. แล้วแบบนี้แกจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน  ลูกสิงห์หนอ..ลูกสิงห์ของแม่.. จากที่แม่เคยได้พึ่งพาลูกคอยตามเก็บดอกเบี้ย, ค่าเช่าที่นาแลค่าเช่าแผงในตลาด  บัดนี้ลูกรักเริ่มเปลี่ยนไป  คราบนักเลงโตลอกหายไปทีละนิด  มันก็ดีอยู่ดอกที่หมู่นี้ลูกอยู่ติดบ้าน  แต่ดูไปดูมา  ชะรอยลูกสิงห์ทูนหัวของแม่จะติดไอ้จ้อย ไอ้ขี้ข้าหน้าขาวนั่นเสียมากกว่า 

   ลูกหนอลูก.. เย็นชาหมางเมินแม่ไปตั้งแต่ตอนแม่เอาตะไกรหั่นมือหลานยายช้อย  แม่ไม่ว่าสักคำ  แต่นี่.. ไอ้ลอยมันมาเล่าให้ฟังว่าลูกเดินตามมันต้อยๆ เหมือนลูกหมาตามเจ้าของ  ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าวันงานนั่น  ลูกแม่ถือศีลแปดศีลสิบอะไรกับเขาด้วย  โอย.. อกแม่แทบจะขาดเด็ดวันละเจ็ดท่อน  ลูกแม่จะสลัดคราบนักเลงน่าเกรงขามไปเป็นพ่อมหาเสียแล้วหรือไร 

แม่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ  บาตรน่ะจะใส่ทำไมนัก  เปลืองข้าวสีข้าวสุก  บุญน่ะจะทำไปทำไมนัก  ไม่เห็นจะได้อะไรตอบแทน  เอาเวลาไปทำเงินทำทองเสียยังดีกว่า

ลูกแม่เปลี่ยนไปแบบนี้  ตัวการมันจะเป็นใครไปได้  ถ้าไม่ใช่ลูกอีดอกทอง  ลูกอีช็อกการี  ลูกอีหยำฉ่า  โอ๊ย!! ยิ่งคิดแม่ยิ่งยิว!

   คุณนายยืนหน้าง้ำเป็นจวักอยู่ที่ตีนท่า  น้าแป้นที่เพิ่งรับพรพระหลังใส่บาตรหมาดๆ หันมองด้วยความพรั่นพรึง  ถึงว่า.. ตะกี้รู้สึกเหมือนมีรังสีอำมหิตแผ่มากระทบหลังซ่านๆ  ที่แท้เมียกำนันก็มายืนทำหน้ายักษ์อยู่นี่เอง 

ยักษ์  คำนี้ไม่ผิดหรอก  ปกตินางพูนทรัพย์ก็ไม่ใคร่จะชอบใจอยู่แล้วเมื่อเห็นบ่าวในเรือนทำบุญใส่บาตร  คุณนายคงจะคิดไปว่าเอาข้าวสารจากโรงสีของแกมาให้พระฉันทำไมเปล่าๆ ปลี้ๆ  คนอาไร้.. ตระหนี่ขี้ไม่ให้หมากิน  แล้วยิ่งตั้งแต่งานบุญกระดูกจินดา  แม่เจ้าประคุณยิ่งคลุ้มคลั่งดั่งยักษี  ถ้าแม่เป็นนางพันธุรัฐ  แม่คงจะไล่ฉีกเนื้อพระธิดาทั้ง ๑๒ กินจนหมดสิ้น  แต่นี่แม่หาใช่ยักษ์ไม่  แล้วแม่จะฟาดงวงฟาดงากับใครได้  ถ้าไม่ใช่พวกบ่าวรองมือรองตีนทั้งหลาย  และคนที่โดนหนักสุดจะเป็นใครไปเสียได้

   คิดไม่ทันขาดห้วง  เสียงไม้พายกระทบน้ำจ๋อมๆ ดังแว่วมา  ยายช้อยพายเรือเข้ามาหาตีนท่าด้วยแรงล้าตามวัยอันชราภาพ  น้าแป้นยื่นมือไปสงเคราะห์เหนี่ยวกราบเรือให้เข้ามาชิดท่าให้

รอยยิ้มแต่งแต้มเต็มใบหน้าเหี่ยวย่น  นัยน์ตาสีเทาแลเลยไปยังคุณนายเมียกำนันที่ยืนกอดอกหน้าบึ้งอยู่ไม่ไกล  ก่อนมือผอมเกร็งคว้าถุงกระดาษเก่าๆ ยื่นให้น้าแป้น

สาวใหญ่เปิดออกดู  เห็นไข่ไก่ต้มร่วมสิบฟองอัดแน่นอยู่ภายใน  ยังอุ่นระอุกรุ่นมือ  มีกระป๋องโอวัลตินด้วย  หมุนฝาออกดูก็เจอน้ำพริกเผาสีแดงเข้มผัดกับหมูสับ  น้ำมันเคลือบวาวดูน่ากิน

“ฝากให้จ้อยมันทีแม่แป้น  นี่ของชอบมันทั้งนั้น” หญิงชราเฉลย  คุณนายพูนทรัพย์เดินมาชะโงกมองอย่างใคร่รู้  น้าแป้นสังเกตเห็นมุมปากแดงสดยิ้มเหยียด 

“ไม่รู้มันไปทำอีท่าไหน  มีดบาดมือเสียได้” แกยังเล่าเจื้อย  น้าแป้นได้แต่พุทโธ่พุทถังอยู่ในใจ  ชะรอยครูคงมุสายายเป็นแน่แท้

“มือเจ็บแบบนั้นหยิบจับอะไรก็ลำบาก  โชคดีที่ได้พ่อสิงห์คอยดูแลไปรับไปส่ง  ขอบใจแม่ทรัพย์นะจ๊ะ” ประโยคหลังนี่  น้าแป้นรู้สึกได้ถึงกระไอร้อนผ่าวๆ จากคุณนายแผ่ซ่านมากระทบหลัง  เป็นจิตสังหารอันน่าพรั่นพรึงเชียวล่ะ  แต่ดูท่ายายจะไม่รู้เรื่องอะไรเล้ย  เห็นกงจักรเป็นดอกบัวแท้ๆ ยายเอ๋ยยาย

   “เอามานี่!” มือขาวอูมแย่งถุงไข่ต้มไปจากมือน้าแป้น “เดี๋ยวฉันเอาไปให้มันเอง”
   ยายช้อยยิ้มร่า  พนมมือท่วมหัว  ปากก็พร่ำขอบอกขอบใจ “ฝากดูแลหลานยายด้วยนะแม่ทรัพย์  คิดเสียว่าแม่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของจ้อยมันนะ”

คุณนายเดินสะบัดตูดจากไป  น้าแป้นแอบเบะปากใส่ลับหลัง  ฮี่โธ่  ร่มโพธิ์ร่มไทรกะผีน่ะซี  ร่มตาลร่มมะพร้าวละไม่ว่า  วันดีคืนดีจะร่วงลงใส่หัวกบาลเมื่อไรก็ไม่รู้ 

โธ่ถัง.. ครูเอ๋ยครู.. คราวนี้จะเจออะไรอีกล่ะนี่
   
*****************************

ในห้องเรียนคาบวิชาภาษาอังกฤษของหม่อมราชวงศ์เลอมาน  กลับไม่เห็นแม้เงาของครูฝึกสอนหน้ามน  อาจารย์วิรัชวิ่งกระหืดกระหอบมาสั่งให้อ่านหนังสือกันเอาเอง  สักพักก็วิ่งกลับไป  ทิ้งเสียงบ่นอย่างระอาในความเหนื่อยยากที่ต้องวิ่งรอกสอนทั้งสองชั้นปีเอาไว้ 

จ้อยเชื่อฟังอาจารย์  หยิบตำรามาตั้งใจจะทำแบบฝึกหัด  หากพอมือขวาที่ยังพอกด้วยผ้าพันแผลหนาเตอะลองหยิบปากกา  นิ้วชี้และหัวแม่มือที่ยังปวดตึงกลับบังคับให้ออกมาเป็นคำไม่ได้ดั่งใจ  กว่าจะได้แต่ละตัวช่างเชื่องช้า  ซ้ำตัวอักษรที่ออกมาก็โย้หน้าเย้หลังไม่ต่างจากลายมือเด็กอนุบาลหัดเขียน

ดวงตาโศกสลดมองมือขวาตัวเองนิ่งงัน..

จ้อย.. จ้อยจะกลับมาเขียนหนังสือได้เหมือนเดิมอีกไหม.. ไม่ต้องลายมือสวยจนชนะเลิศประกวดคัดลายมือได้รางวัล ๑ สลึงอย่างเมื่อเทอมก่อนก็ได้  ขอแค่เขียนให้อ่านออกเป็นคำ  และวันหนึ่ง.. หากจ้อยต้องจับชอล์กเขียนบนกระดานดำ..

เครื่องบินกระดาษลำหนึ่งปลิวหวือมาปักหัว  จ้อยตื่นจากห้วงความคิด  หันขวับไปมองคนปาตาขุ่นขวาง  สง่ายิ้มแหยก้มหน้าขอโทษปะหลกๆ  นักเรียนดีเด่นแสนอิดหนาระอาใจ  ก็คนอื่นๆ ในห้องต่างก็เฮโลสาระพาชวนกันคุยเจี๊ยวจ๊าว  บ้างก็ปาของใส่กันไปมา  หลังห้องถึงขั้นจับกลุ่มร้องเพลงเคาะโต๊ะกันสนุกสนาน

วุ่นวาย.. น่าปวดหัวที่สุด 

เสียงเพลงฝรั่งที่เคยบรรเลงผ่านแผ่นเสียงไวนีลหายไปสิ้น  เหลือแต่เสียงแห่งความอึกทึกของเหล่าทโมนทั้งหลาย

บรรยากาศในห้องเรียนคาบวิชาภาษาอังกฤษเป็นแบบนี้มาได้สักพักแล้ว  ตั้งแต่งานบุญบรรจุกระดูกพี่จินดานั่นแหละ

เขาว่ากันว่าหม่อมราชวงศ์เลอมานเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง  ไม่คิดจะกระดิกกระเดี้ยไปสอน  เรื่องยังไม่ถึงหูอาจารย์ใหญ่  เพราะทั้งเหล่าครูน้อยและนักเรียนไม่มีใครกล้าคาบข่าวไปฟ้อง

อย่าว่าแต่ในห้องเรียนเลย  ทั้งโรงเรียนเกลื่อนไปด้วยเสียงติฉินนินทากระซิบกระซาบ 

“เห็นไหมเล่า ลูกท่านหลานเธอ  ไม่ทันไรก็ดีแตก”
“นึกว่าจะขยันได้นาน สุดท้ายก็เหลิง”
   “เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ!”
   “ผู้ดีจับจด!”

   
หนุ่มน้อยก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ  จ้อยไม่คิดจะสนใจเรื่องคุณชายเลอมานนักหรอก  ก็บอกไปแล้วว่าจ้อยไม่ชอบ  ฝ่ายนั้นจะเป็นจะตายอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของจ้อยสักนิด 

กมฺมุนา วตฺตติโลโก  สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม!

*****************************

แล้วจ้อยมายืนหัวโด่อยู่หน้าเรือนพักอาจารย์แบบนี้ได้อย่างไรกัน!?

จ้อยไม่รู้ตัวเลยจริงๆ นะ  สาบานสิเอ้า! 

นักเรียนดีเด่นเม้มปากแน่น  สูดลมหายใจลึกราวจะรวบรวมความกล้าหรืออะไรต่อมิอะไรเข้ามาในอก  ทุกอย่างเงียบสงัด  ได้ยินเสียงลมกระทบใบมะม่วงแผ่วๆ  จ้อยรู้สึกได้.. ชีวิตชีวาที่เคยมีขาดหายไป  แม้กระทั่งกอมหาหงส์ตีนบันไดยังถูกปล่อยปละจนดอกใบโรยเหลือง  สองขาก้าวขึ้นบันไดตรงดิ่งไปยังห้องริมสุด  ห้องของอาจารย์คนึงและหม่อมราชวงศ์เลอมาน   

ไม่มีเสียงเพลงคลอแว่วออกมาจากห้องนี้  ไม่มีกลิ่นหอมโชยชายจากกายเด็กหนุ่มสำรวยเจ้าของห้องดังเช่นเคย

บานประตูไม้ปิดสนิท  จ้อยชั่งใจอยู่ครู่ก่อนตัดสินใจเคาะเป็นมารยาท 

   เงียบ.. ไม่มีสรรพเสียงใดตอบกลับมา  จ้อยเคาะอีก  ก็ยังเงียบอีก  ราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ในห้อง  หนุ่มน้อยเม้มปากแน่น  ขอเถอะ.. ความอดทนจ้อยมีมากก็จริง  แต่ไม่ได้มีไว้สำหรับคนบางคน 

จ้อยมัวมาทำอะไรอยู่นี่  เสียเวลาเปล่าๆ ปลี้ๆ  เปิดผลั่วะเข้าไปเลยให้รู้เรื่องรู้ราว! 

นั่นปะไรเล่า  ไอ้ที่นอนอุตุคลุมโปงมิดหัวอยู่บนเตียงนั่นไม่ใช่คนหรือ  เอาแต่นอนนิ่งไม่หือไม่อือ  รู้บ้างไหมว่าจ้อยเคาะประตูจนข้อนิ้วจะด้านอยู่แล้ว! 

ดวงตาคู่ใสสำรวจไปรอบห้อง  ไร้วี่แววของอาจารย์คนึง  เขาว่ากันว่าเดี๋ยวนี้อาจารย์ชอบไปนอนค้างที่อื่น  หอพักนักเรียนบ้าง  เรือนอาจารย์ใหญ่บ้าง  อ้างว่าติดธุระสารพัน  แต่ปากคนลือกันให้แซ่ดว่าหม่อมราชวงศ์สูงศักดิ์คงมิแคล้วออกลายให้อาจารย์ร่วมห้องทนอยู่ด้วยไม่ได้ 

แต่จ้อยว่าจ้อยพอจะมองออก  ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร

ตอนแรกจ้อยก็ได้แต่เงียบตอนได้ยินคนเขาพูด  หนักเข้าก็ตวาดไปบ้างว่าไอ้นิสัยขี้นินทานี่คนเป็น ‘ลูกผู้ชาย’ เขาไม่ทำกัน  ทั้งนักเรียนทั้งอาจารย์ปากหอยปากปูพากันหุบปากกริบ 

จ้อยไม่ได้คิดจะปกป้องอะไรคุณชายหรอก  จ้อยก็แค่ไม่ชอบคนขี้นินทา  แล้วดูสิดู.. คนตกเป็นขี้ปากคนทั้งโรงเรียนยังเอาแต่นอนนิ่ง 

“นี่” สุ้มเสียงแข็งกระด้าง  ก็บอกไปแล้วว่าจ้อยไม่ชอบคุณชาย  ไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้มธุรสวาจาด้วย  “ทำไมไม่ไปสอน” จ้อยละชังคนไร้ความรับผิดชอบนัก 

มีเสียงครางอือแผ่วๆ จากใต้ผ้าห่ม  จ้อยตัดสินใจเดินไปเขย่าก้อนผ้าขยุกขยุยบนเตียงแรงๆ

   “ฉันไม่สบาย..” เสียงพร่าตอบกลับมา  พลิกกายหนี “ปวดหัว..”

คนฟังถอนใจเฮ่อ  ปวดหัว?  เติม ‘ใจ’ ต่อท้ายเข้าไปด้วยท่าจะเหมาะกว่า 

หนุ่มน้อยดึงผ้าห่มพรืด  เผยให้เห็นใบหน้าขาวจัดจนเกือบซีด  ผมสีอ่อนยุ่งเหยิง  คุณชายหยีตาที่ค่อนข้างแดงช้ำดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้าหนีกันดื้อๆ  จ้อยส่ายหน้าระอาใจ  แต่ก็อดสอดมือเข้าใต้ผ้าควานหาหน้าผากอีกฝ่ายไม่ได้ 

พอแตะโดนก็ต้องเม้มปากแน่น  ไม่เห็นจะตัวร้อนสักนิด!

“ป่วยการเมืองนี่” นักเรียนดีเด่นค่อน  พยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ “ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้  ไปทำงานทำการเสียบ้าง  รู้ไหมคนเขานินทากันทั้งโรงเรียนแล้ว”

“ช่างสิ” คำตอบตัดรอนไร้เยื่อใยอู้อี้มาจากใต้ผ้าห่ม 

จ้อยคิ้วกระตุก  หลับตาข่มกลั้น  อืม.. ความอดทนยังพอมีอยู่ “เที่ยงกว่าแล้ว  ไม่หิวหรือ”

   “อย่ามายุ่ง!”

   ไม่ไล่เปล่า  ปลายเท้าใต้ผ้ายังสะบัดอย่างจะถีบส่งด้วย  เท่านั้นแหละ  ความอดทนของจ้อยก็ขาดผึง หนุ่มน้อยหอบหนักจนอกกระเพื่อม  สอดส่ายสายตามองหาอะไรบางอย่าง  นั่นไง!  ข้างโต๊ะอาจารย์คนึง  ยืมมาใช้ประเดี๋ยวคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง 

ไม้เรียวหวายยาวกว่าวา!  น้ำหนักเหมาะมือดีจริง! 

“จะลุกดีๆ หรือจะลุกด้วยน้ำตา” ขอยืมสำนวนในละครวิทยุที่น้าแป้นชอบเปิดฟังมาพูดหน่อยเถอะ  จ้อยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน  กระชับไม้เรียวในมือแน่นเข้า 

“ไม่!”

เท่านั้นละ  แขนขาวเงื้อขึ้นสูง  ฟาดไม้เรียวลงส่วนที่คาดว่าเป็นสะโพกสุดแรงเกิด “ลุก! ขึ้น! เดี๋ยว! นี้!”

เพี๊ยะ!  เพี๊ยะ!  เพี๊ยะ!  เพี๊ยะ!

แต่ละไม้ แต่ละพยางค์คล้องจองเป็นจังหวะเดียวกันราวเสียงดนตรี  มีเสียงร้อง “โอ๊ยๆๆ” สอดประสานเป็นคอรัสด้วยแหละ

“ฉันเจ็บนะ!” คนป่วยโอดลั่น  สะบัดผ้าห่มพรึ่บ  มีเรี่ยวแรงเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทั้งผมเผ้ายุ่งเหยิง  และพอจ้อยเงื้อไม้เรียวอีกที  คุณชายก็ป้องหน้าสิ้นท่า “ลุกแล้วๆๆ ลุกก็ได้!  ไม่ต้องตีแล้ว!”

จ้อยทิ้งไม้เรียวลงพื้น  คนหวาดระแวงสะดุ้งเป็นกุ้งเต้น  ก็บอกแล้วไม่ฟัง  ลุกขึ้นดีๆ ตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องลงไม้ลงมือกันแบบนี้หรอก 
   
และแล้ว.. คนที่เมื่อกี้ตีกันแทบตาย  บัดนี้มานั่งบนเตียงเคียงกัน.. ฉันท์มิตร  เฉกเช่นที่เคยเป็น 

   แดดเที่ยงส่องลอดผ้าม่านขาวสะท้อนให้เห็นใบหน้าซูบเซียว  โหนกแก้มคล้ายจะสูงขึ้น  ริมฝีปากมัวลงหรือเพราะไร้สีเลือด  หรือเป็นเพราะหัวใจอ่อนแรง 

ไม่นึกเลยว่าแรงคำบริภาษจะส่งผลถึงใจคนมากมายขนาดนี้ 

คำคำนั้น.. คำว่า.. ‘ร่าน’

ทำไมจ้อยจะเดาไม่ออกว่าใครเป็นคนพูด  ถ้าชายเล็กไปอ่านเจอมาจากหนังสือจริง  เหตุใดพอรู้ความหมายแล้วถึงทรุดลงไปกองกับพื้นขนาดนั้น  ซ้ำท่าทีอาจารย์คนึงก็แปลกไป  จากเคยตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋  ไยมาเหินห่างกันง่ายดายเพียงชั่วข้ามคืน  จ้อยลอบสังเกตมาสักระยะแล้ว

นี่ละหนา.. ความสุขสำราญที่มีความผิดบาปเป็นรากฐาน  คือความทุกข์ทรมานที่รอเวลาอยู่โดยแท้ 

คนโดนเพี๊ยะไป ๔ ทีนั่งซึมเหมือนคนถูกกระทำคุณไสย์  จ้อยพยายามซักถามถึงเหตุแห่งการเก็บตัวอยู่แต่ในห้องอย่างไรอีกฝ่ายก็เอาแต่อ้อมแอ้มว่าไม่สบายท่าเดียว   

หนุ่มน้อยถอนใจส่ายหน้าหน่าย  ชั่วชีวิตนี้จ้อยถูกคนหลอกมามากมายแล้ว  อย่าหวังเลยว่าจากนี้จะยอมให้ใครมาตบตากันอีก

ยิ่งคน ‘ไม่มีเหลี่ยม’ , ‘ไม่ซับซ้อน’ อย่างคุณชายเล็กด้วยแล้ว..

ฝันไปเถอะ!

   “ทะเลาะกับอาจารย์คนึงใช่ไหม” เพียงคำถามสั้นๆ  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ก็ชะงักเหมือนโดนจี้ใจดำ  ดวงตาแดงช้ำมีน้ำใสคลอรื้น 

จากนั้น.. คนเป็นไข้ใจก็ปล่อยโฮ  พรั่งพรูทุกอย่างออกมาโดยไม่คิดปิดบังอำพราง  บอกจนสิ้นไส้  ดุจควักเครื่องในออกมาวางเรียง  เล่ากระทั่งเรื่องพี่จินดาเคยเป็นคนรักของอาจารย์คนึง 

น่าประหลาดที่จ้อยรับรู้ความจริงข้อนี้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง  ไม่ตกใจเท่าที่ควรจะเป็น  หรือเพราะจ้อยก็พอรู้  แต่ที่ผ่านมา  พยายามหลอกตัวเองว่ามันไม่จริง

   รวมทั้งหมดที่คุณชายเล่ามา  จ้อยย่อความเป็นคำนำเนื้อเรื่องสรุปแล้วจับใจความได้สั้นๆ  ก็แค่.. มีรัก.. หมดรัก.. ชีวิตนี้ผันแปรไม่แน่นอน  เรื่องธรรมดาสามัญของโลกแท้ๆ 

ก็แค่.. ผู้ชายใจโลเลคนหนึ่ง  ควรค่าอะไรกับการมอบหัวใจให้ 

“ตัดใจเสีย” จ้อยเสนอทางออกง่ายๆ  ความรักระหว่างครูกับศิษย์  ระหว่างสามัญชนกับศักดินา  ไม่ว่าจะมองทางใดก็ไม่เห็นทางออก

“ไม่ต้องตัดหรอก  แค่นี้ใจฉันมันก็ไม่เหลือชิ้นดีแล้ว” เลอมานเถียงทั้งน้ำตาแล้วก็หันไปซบหน้าปล่อยโฮกับหมอน  ทิ้งให้จ้อยเกาหัวแกรก

อืม.. ดูท่าคุณชายคงต้องเรียนรู้สำนวนไทยอีกจม

นักเรียนครูสุดแสนสงสาร  หม่อมราชวงศ์เลอมานเจอแค่นี้ยังอาการหนักแทบทุรนทุราย “ลองมาเจออย่างจ้อยบ้าง  มิผูกคอตายเลยหรือ” 

เลอมานไม่ได้ถามเพื่อนว่าเคยเจออะไร  เอาแต่เถียงไม่ลดละ “จ้อยจะไปรู้อะไร  จ้อยยังไม่เคยรักใครจริงๆ นี่”

“ทำไมจะไม่เคย!” จ้อยเถียงกลับบ้าง “จ้อยรักยาย  รักพี่จินดา”

“ไม่ใช่รักแบบนั้น” คุณชายปาดน้ำตาทิ้ง “รักแบบชู้สาวสิ  แต่เอ๊ะ..” วงหน้าซีดขาวทำท่านึกขึ้นได้  “ถ้าผู้ชายด้วยกันเขาเรียกอะไร  ชู้หนุ่ม?”

   จ้อยละปวดใจ  ช้ำทรวงจะตายแล้วยังไม่วายพาซื่อ 

หากคำนั้นสะกิดใจนัก  รักแบบชู้สาว  หรือชู้หนุ่มของหม่อมราชวงศ์เลอมาน  สำหรับจ้อยแล้วจะมีใครเป็นไปได้ 

ใบหน้าคมคร้ามของใครคนหนึ่งลอยวาบเข้ามา  จ้อยรีบสะบัดหน้ารุนแรง  ไม่จริง!  แวบแรกในห้วงคำนึง  จ้อยนึกถึงคนสารเลวคนนั้นได้ยังไง

เลอมานยังสะอื้นไม่หาย “จ้อยไม่มีทางเข้าใจ  เคยถูกใครดูแลเอาใจใส่ถนอมเหมือนไข่ในหินไหมเล่า”

   จ้อยคิดตามอย่างว่าง่าย.. อืม.. ถูกดูแลเอาใจใส่อย่างนั้นหรือ

   ไม่มีหรอก!  ไอ้คนตัวยักษ์อัปลักษณ์นั่นดีแต่สร้างความรำคาญใจเสียละมากกว่า  ดูเอาเถอะ  เป็นผู้ชายอยู่ดีๆ ไม่ชอบ  มาวุ่นวายอะไรกับผู้ชายด้วยกัน  จะว่าหน้าตาสวยหวานสักนิดก็หาไม่  ดูไหล่  ดูหลัง  ดูกล้ามเนื้ออันเคร่งครัด  เมื่อเช้าตอนที่ขี่รถเครื่องมาส่งจ้อยที่โรงเรียน  กลิ่นเหงื่อก็ฉุน...

จ้อยสำลักเล็กน้อยเมื่อฉุกคิดได้ว่า  เขาไปจดจำกลิ่นกายของนายนั่นทำไม!!

“แล้วอยู่ดีๆ ก็มาผลักไสไล่ส่ง  ฮือ..” คุณชายยังโศกกำสรด “ลองมาถูกทิ้งอย่างฉันดูบ้างซี”

เด็กหนุ่มรู้สึกหน้าร้อนผ่าว  ถ้าไอ้สิงห์มันทิ้งจ้อยไป... จ้อยก็คง....

.....................

..............

นักเรียนครูคนดีอยากตบหน้าตัวเองสักฉาด  จะคิดนานทำไม!  มันจะไปตายโหงตายห่าที่ไหนก็เรื่องของมันสิ!  จ้อยสะบัดหน้าไล่ความคิดบ้าบอออกจากหัว  ตอนนี้.. เวลานี้.. คนที่จ้อยต้องให้ความสนใจคือหม่อมราชวงศ์เลอมานพิการรักคนนี้  และคนที่จ้อยต้องโกรธที่สุด  คืออาจารย์คนึง วนาสัยใจหินคนนั้น! 
   
*****************************


(ติดตามต่อครึ่งหลังนะแจ๊ะ :hao7:)

ย่องมาลงเงียบๆ แฮ้~ ครึ่งแรกสั๊นสั้นเนอะ เดี๋ยวที่เหลือจะปั่นยาวๆเลยละกันนะคะ

หลังจากลงบทที่ ๒๘ ไป อ.คนึงโดนด่าจมดินเลย ดีค่ะดี เกลียดอ.เยอะๆๆ เลยค่ะ เพราะหากวันไหนผลจากการกระทำของอาจารย์ย้อนคืนสนอง วันนั้นคนอ่านจะได้ไม่สงสารอาจารย์เกินไปนะคะ เมื่อไหร่จะถึงวันนั้นน๊า เขียนต่อไปเนอะ บึ๊ดจ้ำบึ้ดๆ  :katai5:

รักคนอ่านเหมือนจานรักช้อน ม๊วฟฟฟฟ

ดอกไม้ค่ะ
๑๘ มิ.ย. ๕๗
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: iiam ที่ 18-06-2014 02:12:59


น้องจ้อยยอมรับตัวเองสักทีซี่ ><~~
ชอบพี่สิงห์ก็บอก   :-[


เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ  :mew1:



หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Julytastic ที่ 18-06-2014 02:22:44
แหมๆๆ จ้อยไม่รู้ตัวเลยสินะว่าเริ่มให้พี่สิงห์เข้ามานั่งอยู่ในใจแล้ว :o8:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 18-06-2014 06:19:53
เรื่องของน้องจ้อยกำลังจะไปในที่ดี แต่ของคุณเล็กกลับแย่ลง สงสารคุณเล็กมาก
ถึงจะมาแค่ครึ่งเดียวก็ดีใจค่ะ ลุ้นให้คนแต่งแต่งต่อจนจบนะคะ รักเรื่องนี้มาก สำนวนภาษาสวยมากเลย
รอครึ่งหลังนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 18-06-2014 06:31:21
คุณดอกไม้ขอแบบยาวววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว :mew1: :mew1: :mew1: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: WARA ที่ 18-06-2014 06:55:52
สงสาร คุณชายเลอมานพิการรัก :hao5:  :hao5: คุณดอกไม้แต่งเก่งมากค่ะ สำนวนการเขียนมีเอกลักษร์มาก สนุกมากๆ รักเรื่องนี้มากเลยค่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-06-2014 06:57:03
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: josephine ที่ 18-06-2014 07:31:06
เกลียดอาจารย์คนึง  แบบนี้เรียกว่ารักหรือ  รักคือการเสียสละหรือนี่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 18-06-2014 07:31:21
จ้อยมันน่ารัก
รอครึ่งหลังค่าา
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 18-06-2014 07:44:01
สงสารสิงห์กับเลอมาน เฮ้อ...
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 18-06-2014 08:22:03
ชู้หนุ่ม  ชายเล็กถึงแม้นจะชีช้ำยังไม่วายจะเปรียบเทียบ น่ารักอ่ะ



เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะฮะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 18-06-2014 08:34:42
สาวๆ เค้า คุยกันแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 18-06-2014 08:48:06
เฝ้ามองเรื่องนี้อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ 
อยากอ่านต่อแต่ก็กลัวค้างเหลือเกิน T T
คนแต่งชอบหายนาน  :z3:
ถ้าแต่งจบรวมเล่ม เราคงไม่พลาดแน่นอน
สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: kissazazel ที่ 18-06-2014 08:49:19
น้องจ้อย น้องจ้อย น้องจ้อย

ฮิ้วววววววว รู้สึกตัวได้แล้วนะจ๊ะ

อิฉันรอลุ้นอยู่เจ้าค่ะ

ส่วนอีกคู่ก็ดำดิ่งสู่ใต้ทะเลลึกต่อไป
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 18-06-2014 08:54:04
รออ่านพาร์ทพี่สิงห์กะน้องจ้อย
คุณนายจะทำอะไรจ้อยอีกหนอ จะจงเกลียดจงชังจ้อยไปถึงไหน เมื่อไหร่จะคิดได้เสียที
อยากจะยุให้สิงห์พาจ้อยกะยายหนีไปอยู่ที่อื่นซะจริง ไม่ก็เอาเงินมาใช้หนี้ไปซะให้หมดๆ
จะได้ไม่ต้องทนให้คุณนายโขกสับอยู่แบบนี้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: feather7074 ที่ 18-06-2014 09:56:05
 :fire:    :m31:

เอาคืนอาจารย์คนึงให้สาสมกับที่ทำร้ายจิตใจคุณชายเลยค่ะ

ใจร้ายมาก ทำกับคุณชายแบบนี้ได้ไง   :angry2:   อาจารย์โดนเอาคืนจะไม่สงสารเลย!!     :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 18-06-2014 10:57:23
 โถๆ คุณชายเล็กช่างใสซื่อ ทั้งน่ารักและน่าสงสาร
น้องจ้อยก็อย่าฝืนความรู้สึกตัวเองเลย
อย่าเกลียดชายเล็ก อย่าเกลียดพี่สิงห์เลยนะ

ครึ่งแรกสั้นไปนิด รอครึ่งหลังฮะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 18-06-2014 11:00:27
สงสารคุณเล็กที่สุด  :ling3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 18-06-2014 11:10:49
จ้อยถือว่ามีสติมากเลยนะตัวเองก็โดนมาหนักหนาสากันต์ เหมือนกัน

ถึงแม้ใจจะบอกว่าเกียดชายเล็กอย่างนู้นอย่างนี้

แต่ก็ยังคงเป็นห่วงเสมอ คงรู้สึกเหมือนหัวอกเดียวกัน โดนคนที่รักที่ไวใจทำซะถึงขนาดนี้ มันเจ็บเสียเหลือเกิน

ยิ่งกว่าแร่เนื้อเอาเกลือทาเสียอีก

คุณชายเล็กรีบหายซะที เถอะคะ อย่างที่จ้อยพูดแหละ ก็แค่ผู้ชายใจโลเล

เหตุผลที่ทิ้งไปฟังไม่ขึ้น ยังไงก็รู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าคุณชายเล็กเป็นยังไง

แล้วมาครบกันทำไมตั้งแต่แรก มาทำให้รักด้วยทำไม มาทำดีดด้วยทำไม

เพื่ออะไร แล้วสุดท้ายก็มาทำร้ายจิตใจกัน โดยอ้างว่าไม่คู้ควร เลอค่าจ๊าาา


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 18-06-2014 12:57:08
กับอาจารย์คนึงยังรู้สึกเฉยๆนะ เพราะรู้เหตุผลว่าหวังดีกับชายเล็กจริง  แต่เพื่อนๆคนอื่นนี่สิอยู่กันมาได้สักพัก ยังไม่รู้อีกเหรอว่าชายเล็กเป็นคนยังไง อยู่ดีๆก็ทำเย็นชาไม่สนใจ เหมือนชายเล็กไม่ใช่เพื่อนซะงั้น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 18-06-2014 13:01:21
รักหนอรัก
ใยเจ้าทำให้คนเราทุกข์หนักหนา
ซ้ำทำใจเราเฝ้าเพ้อคนึงหา
ถ้าสุดท้ายคือจากลา
ฉันนั้นหนาไม่อยากรู้จัก "รัก" เลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 18-06-2014 14:42:48
นิยายเรื่องนี้มีอะไรที่คาดไม่ถึงตลอด น่าติดตามครับ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 18-06-2014 14:56:41
รอจนจะตรอมใจแล้วน่ะค่ะคุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 18-06-2014 15:11:34
รอครึ่งหลัง อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 18-06-2014 19:21:37
น้องจ้อยหนุ่มซึนกับเล็กคนซื่อ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 18-06-2014 19:23:11
ไม่ชอบการกระทำของอาจารย์คนึง

จะทำให้คุณชายเล็กเสียใจไปถึงไหนกัน

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-06-2014 19:50:05
ตอนนี้ให้สาว ๆ เขาปรึกษากันปลอบใจกันเองเนอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 18-06-2014 20:46:45
ชอกช้ำระกำทรวง  :hao3:

แอบฮา "ชู้หนุ่ม" :m20:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 18-06-2014 21:02:03
สงสารเลอมาน แม่สิงห์จะทำอะไรจ้อยอีก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 18-06-2014 21:12:43
จ้อยจะซึนไปถึงไหน อ่านแล้วขำก๊าก
ตอนนี้คงได้แต่ฝากคุณชายเล็กไว้กับจ้อยกับพี่สิงห์แล้วล่ะ
ส่วนอีกคนไปไหนก็ไป  :m16:

ปล พี่สิงห์ไม่ออกโรงเลยตอนนี้ คิดถุงนะตะเอง :mew3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 18-06-2014 22:10:21
โอ้ยยยยยยยยยยยยย
อ่านจบแล้วแทบจะดึงผมตัวเองหมดหัว
เครียดมากกกกก คือแบบมันเจ็บหน่วงในอก
สงสารชายเล็กแบบสุดๆ
 :hao5: :katai1: :sad4:

ขอบคุณจ่อยมากๆๆๆๆ
ที่ช่วยอยู่เป็นเพื่อนชายเล็ก
ถ้าไม่มีจ่อยชายเล็กคงนอนแห้งอยู่ใต้ผ้าห่มตายไปละ - -"
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 19-06-2014 13:17:39
คุณชายเล็ก ทูนหัวของกบ
หวังว่าอะไร อะไรมันจะดีขึ้นนะ
จะได้หมดทุกข์หมดโศกกันเสียที
เรื่องชู้หนุ่ม(?) ก็พักๆ ไปก่อน 555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 19-06-2014 18:53:12
สนุกเหมือนเคยและยังรอเช่นเดิมค่ะ
จ้อยดูแรงขึ้นน่ะค่ะคุณชายยังแบ็วเหมือนเคย><
ชอบให้สิงห์เกลียมัว อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 21-06-2014 00:53:16
หมั่นไส้คุณนายพูนทรัพย์มากค่ะ รอฉากเวรกรรมตามนางทันนะคะคุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: thebook ที่ 21-06-2014 18:49:13
รีบมาต่อนะครับ กำลังสนุกเลย  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 21-06-2014 18:54:54
สงสารมาก จ้อยอย่าทิ้งคุณชายไปอีกคนนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 21-06-2014 19:53:11
ถ้าอยู่ในสถานะเดียวกับอ.คนึง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำวิธีไหนให้คุณชายตัดใจ

เห็นใจนะคะ :mew6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: DemonzZ ที่ 23-06-2014 18:57:38
ตั้งแต่ผมเป็นสมาชิกมาจนจะครบ 1 ปี (ไม่นับเวลาที่มาอ่านนิยายในเล้า) ผมไม่เคยแสดงความคิดเห็นเลยครับ
ดังนั้น ผมจึงขอมอบความเห็นแรกให้กับนิยายของคุณดอกไม้ครับ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้แต่ง  :L2:

ผมชอบนิยายเรื่องนี้มากๆ เพราะเป็นแนวที่ผมชอบ

แนวที่มีกลิ่นไอของชนบท กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า ท้องทุ่ง วิถีชีวิตของคนในสมัยก่อน

ถึงกับต้องไปเดินหาซื้อ ต้นมหาหงส์ มาปลูกเลยครับ

สุดท้ายนี้ ผมอยากขอบคุณ คุณดอกไม้ ที่สร้างงานเขียนคุณภาพให้ผมและสมาชิกทุกๆ คนได้อ่านกัน

ขอบคุณจากใจ  :L1:

.......................................................

รอบรอบรั้วเรียงรายขจายกลิ่น
ดอกบางบิ่นบอบเบาเจ้าขาวสวย
ชันช่อชูชวนชมสมสำรวย
ลางสลวยแฝงเสน่ห์ให้เหหัน
สเลเต ชาติเกิดก้ำเจ้าต่ำต้อย
แต่มิด้อยค่าควรสวนสวรรค์
โดดเด่นกว่า มาลา นานา พรรณ
ขาวเจ้านั้นขาวสะอาดปราศมลทิน
หอมมิใช่แปรงเปล่งเก่งเกินกว่า
ผองผกาทั้งมวลชวนถวิล
หอมแค่หอมปรายโปรยโรยระริน
เพียงได้กลิ่นสุนทรีดังวิมาน
สัมผัสนั้นพลันวาบกำซาบซึ้ง
เมื่อครั้งหนึ่งในห้วงไหวหัวใจหวาน
สเลเตข้างรั้วยั่วเบิกบาน
พร้อมตำนานรักจริงใจเธอให้ฉัน
สเลเตโรยกลิ่นเตือนเหมือนสักขี
ดอกเจ้าสีขาวย้ำให้จำมั่น
วันที่มอบหัวใจให้ต่อกัน
วันที่ฉันเข้าใจเราเข้าใจรัก
แล้วคราใดที่หัวใจสงสัยเธอ
อาจจะเผลอยามห่างไปให้ห่วงหนัก
สเลเตเจ้าจะบาน พยานรัก
ให้ตระหนักว่าสองเราจะเข้าใจ

ประพันธ์โดย : ม้าก้านกล้วย

- สเลเต -
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ruins ที่ 24-06-2014 11:51:13
 :hao5:
นั่งกัดผ้าเช็ดหน้า
อ่านแล้วอึน ๆ เดาอะไรกับเรื่องนี้ไม่ออกจริง ๆ
แต่สนุกมากค่ะ
เป็นกำลังใจให้
แล้วก็รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
(เดี๋ยวตามไปเร่งที่ห้องโอเคร๊ไหมคุณพี่)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 25-06-2014 15:22:38
อ่านจนตามทัน พยายามอ่านช้าๆไม่อยากอ่านตามทันเลย อยากอ่านเรื่อยๆ >< สำนวนการเขียน(โครต)ดีเลยอ่ะชอบมากๆเลยนะคะแต่งดีมากๆเลย ชอบตัวละครทุกตัวเลยรู้สึกอินไปกับมัน
คนแรกก็คุณชายเลอมานนะคะ ตอนแรกอยากบอกว่าอ๊ายยนังเด็กบ้าทำไมทำตัวแบบนี้ ไม่มีสัมมาคาระวะเอาซะเลย แต่หลังๆทำไมน่ารักแบบนี้แบบตามคนึงต้อยๆเลยอ่ะ น่ารักมากเลย แต่ตอนนี้สิน่าสงสารที่สุดใจสามโลก เอาใจช่วยนะคะคุณชาย

ต่อไปคนึง อาจารย์คนึง!!! ตอนแรกครูมาอย่างดีอ่ะค่ะ คนดีมากกกกกก แบบอ่อนโยนจังเลย(ตอนรักกันแล้วอ่ะนะ) แต่ตอนนี้สิคะครูขา ก็ยังถือว่าเป็นคนดีอยู่แต่ดีแบบนี่มันทำร้ายจิตใจนะรู้ไหม แต่ครูคิดว่าแบบนี้ดีที่สุดแล้ว มันก็อาจจะดีเพราะยังไงคนที่มีฐานะต่ำกว่าก็ต้องแบบยังไงอ่ะคิดว่าตัวเองคู่ควรไหมใช่ไหมคะ แต่มันน่าสงสารนะไม่สงสารเลอมานหรอคะครู หลังๆครูจะต้องใจอ่อนเชื่อสิ ในความคิดเราเราไม่คิดว่าครูผิดนะ เพราะอย่างที่บอกไปตอนแรกเนอะ คนเราคิดไม่เหมือนกันเนอะ เอาใจช่วยอีกคนละกัน สู้ไปซึ่งๆหน้าเลยค่ะ รู้ว่ามันยากแต่ก็ไม่ลองไม่รู้เนอะ

ไปที่ต่อไป จ้อย จ้อย จ้อย (ฮา) คนนี้ก็คนดีเนอะ ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากบอกว่า ใจอ่อนกับพี่สิงห์เร็วนะคะ(ฮา)(FCพี่สิงห์มาเองเลย)อย่าเกลียดคุณชายเลย เดี๋ยวเธอก็รักพี่สิงฆ์ ก็เป็นชายกับชายเหมือนกันนั่นแหละ(ฮา)

มาที่พี่สิงห์(ขวัญใจมหาชน)(หรอ?) ตอนแรกเมิง(ขอหยาบหน่อย)นี่คล้อยตามพวกเหลือเกินนะ เหมือนไม่มีหัวคิดเลยเนอะ(ฮา)ใครยุอะไรก็ทำตาม โธ่ ไม่น่าเลยพี่สิงห์ แถมข่มขืนจ้อยอีกจะบ้าตายวายชีวาวันละสามรอบ แถมชิบหน้ามืดตามัวหึงโหด แต่หลังๆมานี่พยายามทำตัวดีขึ้นเยอะเลยมดีแล้วๆชิงใจจ้อยมันให้ได้อ่ะ เอาใจช่วย
สรุปแล้วเอาใจช่วยทุกคนเนอะ
คนแต่งเขียนดีมากเลยทำเอาเราอินทุกอย่างเลย อยากอ่านสิงห์กับจ้อยหวานกันเร็วๆ><
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ อย่านานน้าเดี๋ยวคนอ่านลืม ขี้ลืมอยู่ด้วย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: thebook ที่ 26-06-2014 09:31:22
อย่าหายไปนานสิครับ ผมคิดถึง  :sad4: :sad4: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: jnfmamai ที่ 03-07-2014 23:48:29
เฝ้ารอการอัพอย่างใจเย็น...  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Simple ที่ 06-07-2014 20:02:31
เข้ามาเป็นแฟนคลับเรื่องนี้อีกคน

ชอบทั้งสองคู่เลย แต่เหมือนจะเอนไปคู่รอง

คู่สิงห์กับจ้อยมากกว่า ชอบฉากที่สิงห์อาบนำ้ให้จ้อย

แล้วจ้อยเอาขันเคาะหัวสิงห์ดูน่ารักมากๆ ฮาหน่อยๆ

ภาษาสวยมาก เนื้อเรื่องน่าติดตามตลอด ชอบคับ :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: jnfmamai ที่ 15-07-2014 00:55:01
จะครบเดือนแล้วน้าาาาาา  :hao5:

รออ่านทุกวันเลยนะคะคนแต่ง  :hao3:

 มาลงไวๆน้าาา เป็นกำลังใจให้เสมอ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 15-07-2014 12:23:53
คุณชายเล็ก ทูนหัวของกบ
กบยังรอคุณชายเล็กนะเจ้าคะ
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: LYNN ที่ 18-07-2014 01:07:30
แวะเข้ามาเตือนว่า 1 เดือนพอดี.....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 18-07-2014 08:21:21
นานมากค่ะ  เสียใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 21-07-2014 01:13:17
คาดว่าครูคนึงโดนเอาคืนหนักกว่าแน่ๆ
ตามอ่านมาวันนึงเต็มๆค่ะ โฮกกกกสนุกมากกกก
อยากให้คุณดอกไม้มาต่อเร็วๆจัง อยากรู้เรื่องของคุณเล็ก
สงสารนางมากกกกกกกกกกกกกก กลับอังกฤษเลย
อยู่ไปก็ไม่มีใครสนใจฮึยยยย

โนคอมเม้นกับจ้อยสิงห์ ไม่ชอบที่จ้อยทำกับคุณเล็ก
แค่รู้แค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้แล้วตัวเองล่ะ... หนักกว่าคุณเล็กอีก
มองจ้อยแบบติดลบมากยิ่งตอนที่คุณเล็กจับมือกะครูคนึงตอนกินข้าว
ละจ้อยแอบเค้นในใจ โหยยยยโมโหหหหหห นั้นมันคนที่ช่วยแกมาตลอด
ถูกแล้วล่ะ คุณเล็กเค้าหงส์จริงๆ จ้อยนี่อะไรไม่รู้
แต่ขอปาไรใส่สิงห์ค่ะ ไม่แมนเลย เชื่อแต่คนอื่น เชื่อสมองตัวเองบ้าง
แม่ก็ร้ายลูกยังซื่อบื่ออีก ไม่ไหวๆๆๆๆๆ รำ

อยากให้คุณดอกไม้มาต่อเร็วๆมากค่ะะะะ
จะอยู่เคียงข้างคุณเล็กเอง
ขอด่าครูคนึงก่อนจบรีพรายส์ คำพูดคำจานี่เชือดใจคนฟังมาก
รักมากแค่ไหน คุณเล็กถอยก็ไม่ผิด
โอ้ยยิ่งคิดยิ่งเครียดดดดด มองไม่เห็นทางที่คุณเล็กกะครูคนึงจะประจบกันได้เลย พรากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 22-07-2014 23:58:53
 :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 23-07-2014 12:00:51
รอคุณดอกไม้
รอทุกตัวละครจ้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 23-07-2014 15:19:59
รอจ้าาาา คิดถึงงงงงงง :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: jj_girl ที่ 24-07-2014 12:36:35
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทัน

เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ถอนหายใจเป็นร้อยครั้งแล้วล่ะมั้ง

คุณดอกไม้เขียนเรื่องได้ดีมากจริงๆค่ะ นับถือๆ  :pig4:



วิ่งเข้าวิ่งออกเล้าเป็ดมาก็นานเป็นปีสองปี     แล้วฉันพลาดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 29-07-2014 11:34:51
แฟนคลับถามถึงกันกรม  มาต่อเถอะค่ะ T.T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 02-08-2014 23:37:51
ขอแปะไว้ก่อนนะค้าาาาาาา :3123:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 03-08-2014 08:22:10
นานไป  ใจมันท้อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๘ มิ.ย. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 04-08-2014 20:05:26
พิโถ่ถังงงง  เราะท่านหญิงดารารึเปล่า? ตอนแรกว่าน้องจ้อยน่าสงสารแล้ว ตอนนี้เลอมานน่าสงสารกว่า :ling1: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 08-08-2014 01:28:08
บทที่ ๒๙

แล้วจะรู้ว่าพี่รัก

(ครึ่งหลังนะแจ๊ะ :L2:)   


แม้ต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด  แต่จ้อยก็ ‘แงะ’ หม่อมราชวงศ์เลอมานออกจากที่นอน  บังคับให้ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้า  และลากไปโรงอาหารได้สำเร็จ 

จ้อยยังยืนยันคำเดิม  เขาไม่ได้ห่วงใยอะไรนักหรอก  ก็แค่กลัวคุณชายจะตรอมใจตายคาห้อง  ทิ้งตำนานสยองขวัญของวิญญาณอาลัยรักไว้หลอกหลอนเหล่าอาจารย์และนักเรียนทั้งโรงเรียนฝึกหัดครู 

   แม้อกจะไหม้ไส้จะขมปานใด  แต่ด้วยขัตติยะมานะที่เจือจางไหลเวียนอยู่ในมโนนึก  สั่งให้เลอมานรักษากิริยาได้อย่างดีเยี่ยม  นอกจากเสื้อผ้าเรียบกริบหอมสะอาดและเรือนผมที่ไม่กระดิกสักเส้น  ท่วงท่ายังสง่างามไม่บกพร่อง  หลังตรง  ปลายหูขนานไหล่ผึ่งผาย  แม้วงหน้าที่เชิดตรงนั้นจะเผือดสีไปบ้างก็ตามที 

   เขาเป็นหลานแม่ทัพ  เป็นลูกนักการทูต  หากเด็จปู่และท่านพ่อมาทอดเนตรเห็นเขาถูกพิษรักเล่นงานจนทรุดโทรมเป็นผีตายซาก  คงไม่แคล้วกัดลิ้นสิ้นพระทัยตายวันละหลายหน

   เพลาเที่ยงกว่าผู้คนในโรงอาหารยังคลาคล่ำ  เพียงเด็กหนุ่มสูงศักดิ์ปรากฏกาย  ทุกสายตาก็มองมาเป็นตาเดียว  มีหันไปกระซิบกระซาบกันบ้าง

   พวกเขา – จ้อยและเลอมานหาสนใจไม่  หรืออีกนัยคือ ‘พยายาม’ ไม่สนใจ

   “คุณชายรออยู่นี่นะ” น้ำเสียงเป็นประโยคบอกเล่า  หากในดวงตา  ชี้ชัดว่านี่เป็น ‘คำสั่ง’ หน้าจ้อยมีรอยยิ้มด้วย  หากเป็นยิ้มที่ดูอิหลักอิเหลื่อชอบกล “วันนี้พี่นกแก้วทำราดหน้าด้วย  เดี๋ยวจ้อยไปเอามาให้”

   บุตรท่านทูตรับคำเป็นมั่นเหมาะ  นั่งหลังตรงหน้าเชิดรอเพื่อนอยู่ที่โต๊ะ  พยายามเค้นความเข้มแข็งที่ยังหลงเหลือออกมา  มันเป็นการเสียหน้า ที่ต้องเติมคำว่า ‘อย่างยิ่ง’ ต่อท้าย  หากเขาแสดงท่าทีระทดท้อออกมาต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน 

   ดวงตาสีน้ำตาลใสกวาดมองไปรอบๆ  หากเพียงเห็นร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่ง  ความทระนงที่อุตส่าห์เค้นขึ้นหล่อเลี้ยงนัยน์ตาก็พลันมลายหายไปสิ้น 

   ห่างไปไม่ไกล  อาจารย์คนึงร่วมโต๊ะอยู่กับเพื่อนอาจารย์  สรวลเสเฮฮา  ไม่ปรายตามาทางนี้สักนิด

   เลอมานมองคนรักละห้อยหา  เรือนร่างสูงใหญ่  เส้นผมสีดำสนิท  จมูกโด่งเป็นสันรับกับเครื่องหน้าคมคาย  ทุกสิ่งทุกอย่างตราตรึงในรอยจำ  ติดตามไปแม้ในฝันทุกค่ำคืน  เขา.. เขาคิดถึงอาจารย์เหลือเกิน..

   ความเข้มแข็งพ่ายแพ้ลงอย่างย่อยยับ  เหมือนเรือน้อยกลางคลื่นลมแปรปรวน  ซัดเซกลางคลื่นเสน่หา  อับปางลงสู่มหาสมุทรกว้างใหญ่อันมีนามว่า ‘ความรัก’

   กว่าจะรู้ตัวอีกที  เด็กหนุ่มก็ไปหยุดยืนอยู่ตรงโต๊ะนั้นแล้ว

   “อาจารย์..” เสียงที่เค้นขึ้นจากลำคอแผ่วหวิวเหลือเชื่อ  ทุกคนในโต๊ะหันมองเป็นตาเดียว  หากสายตาใครต่อใครไม่อาจสั่นคลอนใจเขาได้เท่าสายตาของคนคนเดียว

   คนรัก.. ไม่สิ.. อดีตคนรักเหลือบมองกันเพียงหางตา  จากนั้นก็ไม่หันมาอีกเลย

   คนที่เหลือสบตากันกระอักกระอ่วน  ไม่มีแม้สักคนเชื้อเชิญให้นั่งร่วมโต๊ะ  หากเขาไม่แยแสใคร  เขาสนใจเพียงเจ้าของดวงตาสีนิลคู่นั้น 

   “อาจารย์สบายดีไหมครับ” พูดออกไปแล้วสมเพชนัก  นี่หรือคำที่คนเคยร่วมเรียงเคียงหมอนทักทายกัน  หากเขานึกคำพูดที่ดีกว่านี้ไม่ออก 

   คนึงไม่เหลียวมองกันเลย  เสี้ยวหน้าคมสันเบือนหนีไปทางอื่น  เลอมานได้แต่กลืนก้อนสะอื้นลงอก  ทำไม?  แค่มองหน้ากันสักหน่อยก็ไม่ได้หรือ  ทำไมทำอย่างกับเขาเป็นเศษสวะน่าชัง  เขาเสียอีกที่มองอีกฝ่ายไม่ละสายตา  แม้แต่วิธีที่มือใหญ่คลึงรอบปากแก้วอย่างที่เจ้าตัวทำเสมอยามให้ความคิด  เขาก็ยังคิดถึง       

   จ้อยประคองชามราดหน้ากลับมาที่โต๊ะ  ทันทีที่เห็นเลอมานยืนทื่ออยู่ข้างโต๊ะนั้น  รอยยิ้มที่บรรจงปั้นไว้ตบตาชาวบ้านว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจางหายไปวับ  โทสะพุ่งวาบ  หม่อมราชวงศ์สูงศักดิ์หรือไรที่ยืนตาละห้อยอยู่นั่น  หรือลูกหมาตัวหนึ่งที่วอนขอให้ใครก็ได้โยนเศษอาหารให้มันสักนิด! 

   นักเรียนครูปรี่เข้าไปหาเด็กไม่รักดี “คุณชายเล็ก” กระซิบเสียงแผ่ว  มือข้างที่ไม่เจ็บกระตุกชายเสื้อเชิ้ตราคาแพงยิกๆ “ไปเถอะ”
   ดูเถอะ.. สนใจเสียที่ไหน  หากคุณชายหันมามองหน้าจ้อยตอนนี้จะได้เห็นลูกตาถลึงแทบฉีก  หูตึงหรือไรไม่ทราบ  หรือความรักมันบังตาจนหูหนวกตาบอดไปหมด 

   “กลับไปที่โต๊ะเดี๋ยวนี้” ประโยคชักชวนทวีความเข้มข้นขึ้นกลายเป็นคำสั่ง  เลอมานยังโยกโย้ไม่เข้าท่า  หากดวงตาที่หันกลับมามีรอยรื้นแจ่มชัด

   อย่าเชียวนะ!  อย่าได้ทำน้ำตาหยดตรงนี้!

   “ไม่รักหน้ารักชื่อหรือไง” หลานยายช้อยกระซิบกรอด  ฉุดข้อมือหลานรัฐบุรุษกลับโต๊ะ  ออกแรงแทบลาก!  พอถึงโต๊ะก็แทบว้ากเพ้ย 

   “เข้าไปหาเขาทำไม” จ้อยเอ็ดไม่ไว้หน้า  หากรักษาระดับเสียงไว้พอได้ยินกันแค่สองคน “เห็นไหม  แม้แต่หน้าคุณเขายังไม่อยากมองเลย”    

   มือเล็กสาละวนหมุนพวงเครื่องปรุงตักนั่นโรยนี่  หากหางตายังเห็นคนหัวดื้อเหลียวกลับไปมองโต๊ะนั้น “อย่าหันไปเชียวนะ”
   เลอมานสะอื้นเงียบๆ  หมดกัน.. ทั้งที่เขาตั้งใจจะเข้มแข็ง  หากเพียงเห็นหน้า  หัวใจทั้งดวงก็ไหวยวบ  พลังชีวิตคล้ายจะถูกดวงตาหมางเมินคู่นั้นสูบหายไปจนสิ้น  รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผืนดินแห้งผาก  ไม่มีแม้น้ำสักหยดหล่อเลี้ยง

   ยกเว้นในม่านตา...

   “อย่าร้อง..” จ้อยกระซิบ  ในเสียงทอดเอื้อมีความอาทรเจือปน “ไม่อายเขาหรือ  คนมองกันใหญ่แล้ว”

   เลอมานเพิ่งรู้ตัว  เขาทำน้ำตาร่วงลงชามราดหน้าเผาะๆ   

   จ้อยถอนใจพรู  มองหน้าคนปาดน้ำหูน้ำตา  สลับกับลูกตาสับปะรดของพวกสอดรู้สอดเห็น 

   “โธ่.. คุณชาย” จู่ๆ จ้อยก็โพล่งเสียงดัง “กินเผ็ดไม่ได้แล้วใส่พริกทำไม”

   คุณชายหายเศร้าไปอึดใจ  ก้มมองชามราดหน้าตัวเองงงๆ  ใสแจ๋ว  ไม่มีแม้เศษพริก  ก็แน่ละ.. จะไปมีได้ยังไง  เขาไม่ได้โรยพริกลงไปสักหน่อย

   “ดูสิเผ็ดจนน้ำหูน้ำตาไหล ฮะๆๆๆๆ” จ้อยหัวเราะร่วนอย่างขบขันเสียเต็มประดา  อาศัยตอนเลอมานยังเป็นไก่ตาแตก  หนุ่มน้อยก็ลุกพรวด  บอกสั้นๆ ว่าไปกินที่อื่นกันเถอะ  อีกฝ่ายก็ลุกตามอย่างว่าง่าย 

   “ถือเองนะ  จ้อยมือเจ็บ” จ้อยรีรอ  ให้คุณชายเดินนำหน้าไปก่อน  เดี๋ยวจะคอยระวังหลัง  เผื่อคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจะวิ่งปรูดกลับไปที่โต๊ะนั้น

   นั่นปะไร  ไม่วายเหลียวหลังไปมองละห้อยหา  จ้อยอยากจะซัดหลังสักเพี๊ยะ

   อ้อ.. มือจ้อยไม่ว่าง  เปลี่ยนเป็นเอาราดหน้ายีหัวเสียดีไหม!

   จ้อยละหน่ายนัก  เด็กดื้อ  ไม่เชื่อฟัง  มีลูกศิษย์แบบนี้จะจับตีให้เข็ดหลาบทีเดียวเชียว

*************************

   ราดหน้าชามนี้เค็มแท้แน่แล้ว  ไม่ต้องเติมน้ำปลา  อาศัยหยดน้ำจากดวงตาหม่อมราชวงศ์เลอมานร่วงลงชามเผาะๆ 

   ร้องไปเถิด.. อยากร้องก็ร้องไป.. ที่นี่  ศาลาน้อยริมท่าท้ายโรงเรียน  ไม่มีใครเห็น  อยากร้องแค่ไหนก็ร้องออกมาเสียให้พอ  จ้อยจะไม่ห้ามแม้คำเดียว 

   น้ำในคลองใส  ลมเย็นผะแผ่ว  เถาขจรที่ขึ้นพันเลื้อยรอบเสาคงไม่ปากเปราะไปบอกใคร  ว่ามีคนใจสลายคนหนึ่งร้องไห้อย่างน่าอับอายอยู่ที่นี่

   จ้อยเอ็ดเพื่อนให้กินเสียบ้าง  อย่าเอาแต่ร้องไห้ร้องห่ม  มือสั่นเทาก็ตักราดหน้าเข้าปากอย่างว่าง่าย  พอลิ้นรับรสก็เบ้หน้าเหยเก  เค็มล่ะซี 

   เลอมานฝืนกินไปได้แค่แมวดม  จ้อยไม่บังคับกันอีกต่อไป 

   น้ำคลองสีน้ำตาลใสไหลเอื่อย  กอผักตบชวาลอยน้ำผ่านหน้าไป  จ้อยถอดรองเท้าถุงเท้าพันขากางเกงขึ้น  จุ่มเท้าลงในน้ำใสเย็น  มองท้องฟ้านับก้อนเมฆไปเรื่อยเปื่อย  ป่านนี้คงได้เวลาเข้าเรียนแล้ว  แต่ช่างเถิด  โดดเรียนสักคาบคะแนนสอบจ้อยคงไม่ลดลงหรอก 

   “จ้อย..” จู่ๆ เสียงแหบแห้งก็เรียก  จ้อยหันมอง  เห็นดวงตาแดงช้ำเต็มไปด้วยความโศกา “โกรธฉันหรือเปล่า”

   “เรื่องอะไร” จ้อยถามกลับ  เบือนหน้าหนีไปมองท้องน้ำ  จ้อยโกรธคุณชายจริงๆ  ค่าที่ลักลอบมีความสัมพันธ์กับอาจารย์ซึ่งเป็นผู้ชายด้วยกัน  โกรธคนหน้ามืดตามัวที่ไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ตนทำนั้น ‘ผิด’ และ ‘บาป’ เพียงใด  ไม่รู้ตัวเลยว่าสุดท้ายแล้วคนที่ต้องเจ็บและเสียใจที่สุดคือตัวเอง  หนำซ้ำชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอาจต้องมามัวหมองไปด้วย 

   “เรื่อง..” เสียงเลอมานขาดห้วง  คล้ายกำลังกลืนก้อนแข็งลงคอ “พี่ชายจ้อย..”

   จ้อยหันขวับ  จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง 

   ความสำนึกผิดพรั่งพรูเป็นสายน้ำหลาก “ฉันขอโทษ.. ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้เขา..”

   “ไม่เกี่ยวกันเลย” คนฟังโพล่งขึ้นกลางคัน “คุณชายเป็นพระพิรุณหรือ  สั่งฟ้าสั่งฝนให้เทลงมาวันนั้นหรือ” ดวงตากลมใสเคลือบความเข้มแข็งวาววาม “พี่จินดาจมน้ำตาย  เพราะวันนั้นมีพายุลานเท  ไม่ใช่ความผิดคุณชายเลย  อย่าโทษตัวเอง”

   “ฉันขอโทษ.. ฉันขอโทษ..” บุตรท่านทูตสะอื้นฮั่ก  น้ำตาพรู “ฉันนึกว่าจ้อยโกรธฉันเพราะเรื่องนี้.. ฉันขอโทษจริงๆ”
   จ้อยคว้ามือสั่นสะท้านที่เอาแต่เช็ดน้ำตามากุมไว้  ใจไหวยวบ  มือที่อยู่ในมือให้ความรู้สึกแปลกประหลาด  เหมือนกำลังอุ้มปลาเล็กๆ ตัวหนึ่งไว้  สัมผัสความเย็นชืดที่รอไออุ่น  ไร้ญาติขาดมิตร  เถลือกไถล  ดวงตาใสแจ๋วซึ่งละม้ายโหยหาแอ่งน้ำของตัวเอง 

   ให้ตายสิ  จ้อยขบปากแน่น  ทำไมผู้ชายคนนี้มีความเศร้าและเปราะบางในตัวเองมากขนาดนี้  จ้อยมองเพื่อนอย่างแสนสงสาร  เวทนาจับใจ

   ยังมิหนำซ้ำมากำพร้ามิตร
   มิรู้จะคิดปลงลงที่ไหน
   จะหารักสักคนก็จนใจ
   ที่ฝากไข้ฝากผีไม่มีเลย**


แขนเล็กโอบไหล่เพื่อนเอาไว้  รั้งร่างที่สั่นสะท้านเข้ามา.. กอด..

   กอด.. เช่นที่เลอมานเคยกอดจ้อยเมื่อครั้งจ้อยซุกกายอยู่ในหุบเหวดำมืด  มือเย็นชืดคู่นั้น  มือที่เคยฉุดจ้อยขึ้นมาพบแสงสว่าง  จ้อยบีบมันเอาไว้แน่น 

   สายลมอันใดหนอพัดพาเด็กหนุ่มสองคนที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวมานั่งเคียงข้างกัน  ปลอบประโลมกันและกันในยามทุกข์เช่นนี้  โชคชะตาหรือเล่า   

   ดวงตาสีอ่อนทอดมองท้องน้ำไหลเอื่อย  หรือชีวิตก็เป็นเช่นนี้  เหมือนกระแสน้ำ  ที่บางครั้งไหลมารวมกันแล้วแยกเป็นสาขา  วันนี้พบ.. วันหน้าก็ต้องจาก.. หากแต่วันที่ยังอยู่ด้วยกัน  มิควรถนอมรักใคร่กลมเกลียวกันไว้ดีกว่าหรือ  เพราะวันใดที่ต้องจากกัน  เราจะได้ไม่ต้องมาเสียใจว่าครั้งยังชิดใกล้  เรายังดีต่อกันไม่พอ

   หม่อมราชวงศ์เลอมานมาอยู่ที่นี่ได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว  อีกไม่กี่เดือนก็ต้องกลับอังกฤษ  กลับไปมีชีวิตของตัวเอง  เข้าเรียนมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของโลก  จบออกมาเป็นนักกฎหมายอย่างที่ท่านพ่อปรารถนาให้เป็น  ส่วนจ้อยก็อยู่บนทางสายเก่าของจ้อย  เรียนหนังสือของจ้อยต่อไป  เรียนจบเมื่อไรก็สอบบรรจุเป็น…

   ครู....

   จ้อยชะงัก  ความคิดสะดุดอยู่ที่คำว่า ‘ครู’

   หนุ่มน้อยก้มมองมือขวาของตนที่ยังมีผ้าพันแผลพอกหนา  ขยับนิ้วทั้งห้าได้  แต่หากแปลบตึงทุกครั้งยามที่พยายามกำมือทำท่าจับปากกา.. จับชอล์ก..

   จ้อยมองเห็นเส้นทางอนาคตของจ้อยแยกออกเป็นสองทาง 

   ทางหนึ่ง.. ครู..

   อีกทางหนึ่ง.. คนพิการ..

*****************************

ย่ำค่ำ  อากาศขมุกขมัวเหมือนกางมุ้งเปื้อนฝุ่นคลุมครอบท้องฟ้า  หัวใจของจ้อยก็หม่นมัวไม่ต่างกัน 

   ในครัวของเรือนกำนัน  จ้อยสาละวนเก็บกวาดสำรับอาหารที่นายเพิ่งกินเสร็จ  ความจริงจ้อยเบาแรงลงไปเยอะ  เพราะจานชามแต่ละใบเรียบเกลี้ยงไม่มีแม้เศษอาหารสักนิด  ใครไม่รู้คงเข้าใจว่าเสน่ห์ปลายจวักของจ้อยอร่อยเลิศล้ำ  ถ้วยชามรามไหที่เก็บกลับมาจึงเกลี้ยงเกลาราวกับมุดหน้าลงไปเลียแบบนี้

   จากนั้นจึงได้เวลาอาหารของจ้อย  มือเล็กเปิดฝาหม้อแล้วถอนใจ  ข้าวหอมมะลิที่หุงใหม่หอมกรุ่นเมื่อตอนเย็นถูกกวาดเสียเกลี้ยงหม้อ  เหลือแต่ข้าวเย็นแข็งโกกที่หุงตั้งแต่เช้าคาอยู่ก้นหม้อบุบๆ ใบนี้  มือเล็กๆ ค่อยๆ กวาดมันออกมา  เอาเถอะ.. คิดเสียว่ากินข้าวตัง 

   กระป๋องในน้ำพริกฝีมือยายวางหลบอยู่ในซอกตู้กับข้าว  จ้อยหยิบออกมาเปิดฝาดู  ใจแป้วไปเมื่อพบว่ามันแห้งขอดเหลือติดก้นกระป๋อง  ไข่ต้มสิบฟองของยายหมดไปหลายวันแล้ว  ถึงจ้อยจะพยายามจำกัดจำเขี่ยอย่างไร  แต่วันหมดอายุของไข่ต้มก็สั้นเกินกว่าที่จะเก็บไว้กินได้หลายๆ วัน  มือขาวตักข้าวแข็งเป็นกรวดคลุกน้ำพริกชืดหืนเข้าปาก  ไม่เป็นไรหรอก  แค่นี้ไม่หนักหนา  จ้อยถูกกระทำมามากกว่านี้จ้อยยังผ่านมันมาได้ 

   น้าแป้นเปิดประตูเข้ามาเห็นจ้อยนั่งกินข้าวหน้าเตา  ดวงตาแกสลดเหมือนจะร้องไห้  ในมือมีหม้อแกงว่างเปล่าเหลือแต่เศษใบมะกรูดติดอยู่ขอบหม้อ

   “ครู..” เสียงแกสั่นเครือ “น้าพยายามห้ามแล้ว  แต่คุณนายสาดทิ้งหมด”

   จ้อยเพียงปรายตามองแสดงอาการรับรู้  น้าแป้นถอนใจหนักก่อนปรูดเข้ามาเหมือนอดรนทนไม่ได้ “ครูรอเดี๋ยวนะ  น้าจะเจียวไข่ให้”

   “น้ายังไม่เข็ดอีกหรือ” หนุ่มน้อยพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “วันก่อนก็แอบเจียวไข่ให้จ้อย  ป้าทรัพย์มานับไข่ตอนเช้า  เห็นหายไปใบหนึ่ง  แกโกรธถึงขั้นหักเงินน้า”

   หน้าหญิงกลางคนหม่นลงเหมือนราหูอม จ้อยยิ้มปลอบใจ “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ  จ้อยไม่อยากให้น้าเดือดร้อน”

   หากในหัวจ้อยยังนึกถึงคำพูดของเมียกำนัน  ครั้งแกโยนกับข้าวที่ยายฝากมาใส่หน้าจ้อย 

   “ไหนๆ ยายแกก็ฝากมาให้แกกินคนเดียวแล้ว  แกก็กินของยายแกไปก็แล้วกัน!”

   เรือนครัวสั่นสะเทือนกึงๆ เหมือนจะถล่ม  ร่างสูงใหญ่ทะมึนบุกเข้ามาราวพายุ  ไม่ต้องหันไปมองจ้อยก็รู้ว่าใคร  เอะอะมะเทิ่งเป็นช้างทะลายโขลงแบบนี้มีอยู่คนเดียวในบ้าน 

   จ้อยรีบซ่อนชามอาหารเย็นที่เพิ่งกลืนไปได้สองคำ  จ้อยไม่ได้อาย  แต่จ้อยไม่อยากให้มันมาเห็นจ้อยในสภาพน่าเวทนา  จ้อยไม่อยากได้รับความสงสารจากมัน 

   แต่มีหรือจะพ้นสายตาไอ้สิงห์ไปได้ 

   มือใหญ่รี่เข้าไปคว้าชามข้าว  เพ่งมองแล้วหัวใจสลดวูบ  ปลายข้าวแข็งเป็นกรวดคลุกกับเศษน้ำพริกเก่าสีคล้ำ  ข้าวหมายังมีสภาพดีกว่านี้  เอาไอ้ที่อยู่ในชามนี่เทให้หมามันยังยกขาเยี่ยวใส่เลย! 

   แผ่นอกกว้างกระเพื่อมรุนแรง  ถึงว่า.. เขาสังเกตมาระยะหนึ่งแล้วว่าน้องซูบลง  กับข้าวกับปลาที่กินทุกวันก็เห็นแม่เททิ้งให้หมาหมด  หลงนึกไปว่าจ้อยคงกินกับพวกน้าแป้น  ที่ไหนได้  ไปรีดเอาความกับมารดา  แกบงการไว้เสร็จสรรพ  จัดแจงให้จ้อยทำงานจนต้องกินข้าวเป็นคนสุดท้าย  แม้แต่ของเหลือจากสำรับของบ่าวยังถูกเททิ้งไม่เหลือหลอ  แล้วสั่งให้จ้อยกินแต่น้ำพริกกับไข่ต้มที่ยายช้อยเอามาให้!   

   มือใหญ่ได้แต่กำหมัดแน่น  เขาจะทำอะไรได้  ในเมื่อคนที่โกรธสุดจิตสุดใจในตอนนี้คือ.. ผู้ให้กำเนิด 

   “กี่วันแล้ว” เสียงห้าวเค้นถามลอดไรฟัน “กินแบบนี้มากี่วันแล้ว” ดวงตาวาวโรจน์จ้องวงหน้าซูบซีดตรงหน้าเขม็ง  น้องไม่ตอบ  ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้ากัน

   “อา..อาทิตย์กว่าแล้วจ้ะ” น้าแป้นละล่ำละลักตอบให้  สิงห์กัดฟันกรอด  ฉวยคว้าข้อมือเล็ก  เรี่ยวแรงน้อยนิดพยายามขัดขืน  แต่นักเลงหนุ่มยิ่งบีบแน่นเหมือนคีมเหล็ก  ลากหัวซุนออกไปจากครัว  ตรงไปยังมอเตอร์ไซค์คันยักษ์ที่จอดไว้ใต้ถุนเรือน 

   “จะไปไหน!!” นั่นปะไร  เสียงตะคอกกราดเกรี้ยวดังลงมาจากหัวบันได  แม่ยืนเท้าเอวจังก้าเป็นยักษ์ขมูขีอยู่บนนั้น 

   “พาน้องไปกินข้าว!” สิงห์ตะโกนตอบไม่ยำเกรง  มือยังกำมือน้องแน่นยิ่งกว่าแน่น 

   “น้องเรอะ!?” แม่กรีดเสียงแหลมสูง “แกเรียกใครว่าน้องนะตาสิงห์!”

   ไม่รู้ว่าคำนั้นมันมีอะไรนักหนา  จึงมีฤทธิ์ให้แม่เต้นผางเป็นเจ้าเข้า  เหตุการณ์จากนั้นสุดแสนชุลมุนชุลเก  มีข้าวของถูกเขวี้ยงลอยมาเป็นห่าฝน  ไอ้สิงห์เอาตัวหนาๆ ของตนเป็นกำแพงบังจ้อยเอาไว้  แสงไฟที่ส่องลอดออกมาจากเรือนส่องให้เห็นหน้าน้องขาวซีดเป็นกระดาษ 

   แม่เคย ‘ตามใจ’ เขามาทุกเรื่อง  ยกเว้นแต่เรื่องจ้อย  ที่ดูเหมือนให้ตายก็ไม่มีวันลงให้  คำด่าจำพวก ‘ไอ้ลูกไม่รักดี’ ‘ไอ้ลูกทรพี’ ‘เห็นขี้ดีกว่าไส้’ แหวกว่ายอากาศมาเข้าหู  สิงห์ไม่เข้าใจเลย  ว่าแค่การที่เขารักใครสักคนหนึ่งสุดหัวใจมันอกตัญญูต่อแม่ตรงไหน

   “หยุดนะ!” แม่ร้องลั่นเมื่อเห็นเขาคว้ามอเตอร์ไซค์ “รถเครื่องที่แกขี่มันก็เงินแม่!”

   นักเลงหนุ่มขบกรามแน่น  สายตาที่มองผู้ให้กำเนิดเปี่ยมด้วยความผิดหวังสุดแสน  มือใหญ่เขวี้ยงกุญแจรถทิ้งลงพื้นไม่ใยดี  ฉุดมือน้องจ้ำเดินเร็วรี่หนีเสียงด่าทอโหวกเหวกไม่หยุด

   ตรงไปยังท่าน้ำหลังบ้าน  เรือน้อยของน้าเวกจอดอยู่ตรงนั้น

*******************************

(มีต่อก่ะ :hao7:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 08-08-2014 01:46:21
ค่ำแล้วตลาดโต้รุ่งยังคึกคัก  จ้อยนั่งตัวลีบอยู่ในร้านข้าวหมูแดงชื่อกระฉ่อน  คนนั่งเต็มทุกโต๊ะ  เสียงสั่งอาหารวุ่นวายจอแจ  จ้อยยังอกสั่นขวัญบินกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่หาย  ตั้งแต่รู้จักไอ้สิงห์มา  เพิ่งเคยเห็นมันทะเลาะกับแม่ใหญ่โตก็วันนี้  คุณนายพูนทรัพย์ก็เช่นกัน  จ้อยเพิ่งเคยเห็นแกด่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนรุนแรงขนาดนี้ 

เพราะจ้อยหรือ?

มือใหญ่วางขวดน้ำแดงลงตรงหน้า  เปิดฝาปักหลอดมาให้เสร็จสรรพ  จ้อยเพียงเหลือบมองแล้วเบือนหน้าหนี  แอบลูบข้อมือตัวเองป้อยๆ  ไม่ได้สมัครใจมากับมันสักนิด  ถูกมันฉุดกระชากลากถูมาทั้งนั้น 

   คนตัวโตถอนใจแผ่วเบา  ลากเก้าอี้หัวโล้นมานั่งชิดอย่างถือวิสาสะ  จ้อยเขยิบหนีออกห่างจนไหล่แทบไปเกยกะหน้าอกนางแบบในปฏิทินข้างฝา  มันทำท่าขยำไหล่ตัวเองอย่างเมื่อยขบ  ก็แน่ละ.. พายจ้ำเอาๆ จากบ้านกำนันมาถึงตลาดในชั่วเคี้ยวหมากจืดเช่นนี้  ไม่เมื่อยได้อย่างไรไหว 

   “กินอะไรดี” มันถาม  จ้อยสั่นหัวแทนคำตอบ 

   “ไม่หิวหรือ” มันถามอีก  จ้อยก็ส่ายหน้าอีก 

   “แต่เมื่อกี้เอ็ง..” 

   “บอกว่าไม่หิว!” จ้อยตะคอกใส่อย่างหมดความอดทน  แต่แล้ว...

   โครกกกกกกกกกกกกกก

   ท้องไส้ประท้วงอย่างหน้าไม่อาย  จ้อยมองหน้าไอ้สิงห์แล้วเม้มปากแน่น  ดังออกปานนี้มันต้องได้ยินแน่ๆ  สองมือกุมท้องตัวเองไว้  มันจะได้ไม่ส่งเสียงโครกครากประจานใครได้อีก 

   หนุ่มน้อยเบือนหน้าหนีสายตาคู่นั้น  ป่านนี้มันคงยิ้มหยัน  เยาะเย้ยคนอวดดีที่ปากเก่งบอกว่าไม่หิว  แต่แท้จริงแล้วไส้กิ่วแทบจะขาด 

   “ข้าวหมูแดงจานนึง  พิเศษด้วย!” เสียงห้าวตะโกนสั่ง  เฮียเจ้าของร้านรับคำเสียงดัง  จ้อยหันมองหน้ามัน  ดวงตาคู่นั้นยังจ้องมองมา  ทว่าไม่มีแม้เศษเสี้ยวความขบขันสักนิด  ผิดจากที่คาดเอาไว้โข 

   มันมองจ้อยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

   “กินน้ำ” มือใหญ่คว้าขวดน้ำแดง  ดึงหลอดยื่นมาจ่อปาก  จ้อยเบือนหน้าหลบ  อยากจะจองหองบอกว่าไม่กินอยู่หรอก  แต่สีแดงสดสวยนั้นล่อใจเสียจริง  หยดน้ำเกาะพราวรอบขวดท่าทางเย็นเฉียบ  รสชาติมันจะยังหวานซ่าชื่นใจเหมือนเดิม  เหมือนเมื่อตอนจ้อยได้ลิ้มรสมันครั้งสุดท้ายเมื่อหลายปีก่อนโน้นไหม 

   จ้อยกลืนน้ำลายเอื๊อก  เหล่ตามองปลายหลอดที่มันจะป้อนให้ “กินเองได้” เสียงเล็กอ้อมแอ้ม  ยื่นมือไปรับ  มันทำท่าเหมือนไม่ยอมปล่อยให้  แต่สุดท้ายก็ยอม  เหมือนอยากจะ ‘ตามใจ’     

   ขวดน้ำแดงสีสวยมาอยู่ในมือซ้ายของจ้อยได้สำเร็จ  มันเย็นเจี๊ยบจนจ้อยต้องใช้มือขวาที่เจ็บช่วยประคอง  แต่ทว่า.. ขวดลื่นเกินไป  หรือมือจ้อยไม่มีเอ็นอย่างไรไม่ทราบได้ 

   ริมฝีปากยังไม่ทันจรดหลอดด้วยซ้ำ  ขวดแก้วเย็นๆ ก็ลื่นหลุดมือลงพื้นซีเมนต์แตกเปรื่อง  ของเหลวสีแดงเป็นฟองกระจายไหลไร้ทิศทาง  หลายสายตาในร้านหันมองเป็นตาเดียว   

   จ้อยหน้าเสีย  แต่ลึกลงไปในอก  ใจเสียยิ่งกว่า  ดวงตาตื่นตระหนกมองมือขวาตัวเองนิ่ง  มันสั่นสะท้านจนจ้อยต้องกุมเอาไว้บนตัก 

   ไอ้สิงห์ไม่พูดอะไรสักคำ  หัวหน้าอันธพาลย่อตัวลงเก็บเศษขวดแก้วแทบเท้าจ้อยให้  และเมื่อมันเงยหน้าขึ้นมา.. จ้อยก็เห็น.. สายตาที่เต็มไปด้วย.. อะไรบางอย่าง.. อะไรบางอย่างที่ดั่งจะปลอบประโลมหัวใจ

   “กินข้าวซะ” มันว่าเสียงเรียบ “เดี๋ยวพี่จะพาไปหาหมอ  วันนี้ครบกำหนดตัดไหมแล้วไม่ใช่หรือ”

   ทีนี้.. พอน้ำแดงขวดใหม่ยกมาเสิร์ฟ  จ้อยก็สิ้นพยศ  ยอมให้มือใหญ่ๆ คู่นั้นป้อนน้ำให้แต่โดยดี  กระทั่งข้าวหมูแดงจานโตนั่นด้วย  ตอนแรกก็ทำเก่งจะกินเองด้วยมือซ้ายอยู่หรอก  แต่พอจ้อยทำช้อนสังกะสีงอเป็นเลขเจ็ดและทำข้าวหกเกลื่อนเท่านั้น  จ้อยก็จำใจให้มันป้อนอย่างหมดท่า 

   “อิ่มแล้ว” เสียงเล็กอุบอิบ  เบือนหน้าหนีมือใหญ่ที่ยื่นช้อนจ่อปาก  สิงห์เลิกคิ้วฉงน  มองจานข้าวหมูแดงที่ถูกตักกินไปได้แค่สองคำอย่างไม่เข้าใจ 

   “อิ่มเร็วนักเล่า”

   “เอ่อ..” วงหน้าอ่อนใสก้มงุด “ห่อกลับบ้านได้ไหม”

   “ทำไมไม่กินให้หมดที่นี่  จะห่อกลับทำไม”

   จ้อยไม่บอกหรอก  เรื่องอะไรจะบอกให้มันสมเพชเปล่าๆ  หัวเด็ดตีนขาดจ้อยก็ไม่บอก

   “แล้ว..” เสียงเล็กอ้อมแอ้ม “เดี๋ยวไปหายายนะ” พูดได้แค่นั้นก็ต้องเบือนหน้าหลบลูกตาที่มองมาราวกับจะทะลุทะลวงถึงเนื้อใน  สายตาที่ทอดนิ่ง.. อุ่นเอื้อ.. เอ็นดู..

   มันมองจ้อยเช่นนั้นอยู่ชั่วอึดใจ 

   “เอ็งจะบ้าหรือไง” สุดท้ายก็โพล่งลั่น  ทำหน้าเหมือนอยากเขกมะเหงกจ้อยเต็มแก่ “คิดว่ายายช้อยจะมีฟันเคี้ยวเรอะ  หมูกรอบเอย กุนเชียงเอย” ปากก็บ่น มือก็คว้าช้อนที่เพิ่งรวบเรียบร้อยตักหมูแดงชิ้นโตยัดใส่ปากจ้อย “เอ็งนั่นแหละ กินเข้าไปให้หมด”

   จ้อยเคี้ยวตาเหลือกตาปลิ้น  นี่.. ไอ้สิงห์มันรู้ได้ยังไง?     

   จ้อยยังไม่ได้บอกมันสักคำว่ายายไม่เคยกินข้าวหมูแดงมาก่อนเลยในชีวิต  และจ้อยก็แค่.. อยากให้ยายได้กินของอร่อยอย่างจ้อยในตอนนี้บ้าง

   “เฮีย! ข้าวหมูตุ๋นใส่ห่อ” มันตะโกนสั่งลั่นร้าน ก่อนหันมาบอกจ้อย “ยายเอ็งต้องกินของนิ่มสิ  หมูตุ๋นร้านนี้เขาเคี่ยวเปื่อย  โดนลิ้นก็แทบละลาย” 

   มีการยักคิ้วให้  ส่วนมือก็ยังอุตส่าห์เขี่ยกุนเชียงเก็บไว้ให้จ้อยกินเป็นอันดับสุดท้าย

   มันชักจะรู้ใจจ้อยดีเกินไปแล้ว!?

***********************

   สถานีอนามัยยังไม่ปิดทำการตอนที่พวกเขาไปถึง  หมออนามัยเอ็ดเล็กน้อยว่านึกว่าจะลืมนัดตัดไหมวันนี้เสียแล้ว  แต่พอเห็นแผลก็ชมเปาะว่าแผลสะอาดดี  แบบนี้สิถึงได้หายเร็วและไม่ลุกลามเป็นแผลเรื้อรัง  บ่งบอกถึงการดูแลอย่างดี  ไม่ให้โดนน้ำ  แถมยังล้างแผลอย่างเอาใจใส่อย่างเสมอด้วย

   สิงห์อยากจะยืดอกภูมิใจอยู่หรอก  แต่พอเห็นหน้าซีดขาวแทบไร้สีเลือดของน้องแล้ว  หัวใจก็พลันยวบลงไปอีก  มือน้อยข้างนั้นสั่นสะท้านจนอีกข้างต้องกุมไว้  รอยกังวลฉายชัดในดวงตา

   ใครเลยจะรู้.. ในหัวอกอันว้าวุ่น  จ้อยคิดไปสะระตะ  มันก็ไม่เจ็บปวดแล้ว  แต่ทำไมจ้อยยังจับปากกาไม่ได้  หยิบจับอะไรก็ลื่นหลุดมือไปเสียหมด  เพราะคุณนายพูนทรัพย์ตัดเส้นเอ็นจ้อยขาดจริงๆ หรือจ้อยแค่วิตกจริตเกินไปกันแน่  อาการไหนคือจินตนาการที่จ้อยสร้างขึ้น  อาการไหนคือความจริง  มันตีกันจนสับสนยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว 

   มือเทอะทะเป็นใบพายวางลงบนมือเล็กแผ่วเบา  จ้อยสะดุ้งเฮือก  หาใช่เพราะรังเกียจไม่  หากเพราะกระแสอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาจากมือนั้นต่างหาก 

   น่าแปลก.. จ้อยไม่สะบัดมือหนี  และมือข้างนั้นก็ค่อยๆ สงบนิ่งลง

   หัวใจของจ้อยเองก็เช่นกัน 

   เสร็จสิ้นกระบวนการในเวลาไม่นานนัก  ความมืดโรยตัวลงคลุมท้องฟ้า  จันทร์เสี้ยวเกี่ยวแขวนเปล่งแสงสีเงินยวง  มืดจนมองไม่เห็นลายมือ  แต่จ้อยก็ยังเอาแต่จ้องมือขวาที่ว่างเปล่าของตน  มันเป็นอิสระจากพันธนาการผ้าพันแผลแล้ว  แต่จ้อยยังเอาแต่กำๆ แบๆ มือตัวเองอยู่นั่น 

   บนเรือน้อย  สิงห์คัดท้ายพาน้องกลับบ้าน  เบื้องบนคือดวงดาวกะพริบพราวอยู่กลางฟ้า  เบื้องล่างคือท้องน้ำระยับวาว  เสียงลมไหวไผ่ริมคลองดังซู่ๆ สลับกับเสียงวาดพายจ๋อมๆ  แสงตะเกียงตรงหัวเรือส่องให้เห็นเจ้าตัวเล็กที่ยังเอาแต่ก้มหน้ามองฝ่ามือตน  แน่วแน่อยู่เช่นนั้นจนไม่สนใจทัศนียภาพรอบข้าง  เรือน้อยลัดเข้าคลองท่อ  สิ่งซึ่งบ่งบอกว่าใกล้ถึงบ้านยายช้อยเข้าไปทุกทีคือต้นลำพูสองฝั่งแน่นขนัด  และ ณ คุ้งน้ำนั้น.. จุดสีทองเรืองแสงนับหมื่นพันกระจัดกระจายเรื่อเรืองดั่งหลงทางเข้ามาในแดนดาว
   หิ่งห้อยบางตัวบินผ่านหน้าเขาไป  ที่เกาะตามกิ่งลำพูก็เปล่งแสงวูบวาบจนตาพร่า  งดงามดั่งภาพฝัน.. แต่น้องไม่สนใจจะมองสักนิด 

   นักเลงหนุ่มถอนใจแผ่วเบา  ข้อลำล่ำสันคัดท้ายเรือเข้าเทียบตลิ่ง  ก่อนขยับเข้าไปใกล้แผ่นหลังเล็ก  นั่นละ.. เจ้าตัวดีจึงหันขวับกลับมา 

   “จอดเรือทำไม!” เสียงเล็กขู่ฟ่อ 

   “ขอดูมือหน่อย” เขาพูดดีๆ  ไม่มีแม้ความกรรโชกสักนิด  หากไอ้ตัวจ้อยดันถลึงตาใส่  กุมมือตัวเองไว้แน่น  ขยับถอยกรูดยามเขาชะโงกตัวเอื้อมหยิบตะเกียงมาวางตรงหน้า  แสงวอมแวมสะท้อนให้เห็นหน่วยตาดำมีแววระแวงฉายชัด

   “ยังเจ็บอยู่ไหม” เขาถาม  น้องยังเอาแต่จ้องหน้า  ทำท่าเหมือนกลับพร้อมจะโดดน้ำตูมหนีไปได้ทุกเมื่อ  พิรี้พิไรแบบนี้เป็นเมื่อก่อนเขาคงใช้กำลังกระชากมือข้างนั้นมาแล้ว 

   แต่คืนนี้.. ตรงนี้.. ไอ้สิงห์ทำได้แค่สบดวงตาคู่นั้นนิ่งงัน

   “กลัวเขียนหนังสือไม่ได้หรือ” คำถามอุ่นเอื้อ  ชายหนุ่มเห็นดวงตาคู่นั้นหม่นแสงลง  ก้มมองมือตัวเองอีกครั้ง “ลองเขียนหนังสือดูไหม” เขาชักชวนกระตือรือร้น  จ้อยเงยหน้าขึ้นมองงงๆ  คิ้วมุ่นเป็นโบว์ 

   ครั้นพอมือใหญ่ล้วงกระเป๋ากางเกง  ยื่นอะไรบางอย่างไปให้  จ้อยเอาแต่มองมันนิ่งงัน

   ปากกาด้ามหนึ่ง..

   ปากกาที่เขาไปขอยืมเจ้าหน้าที่อนามัยมาเมื่อกี้  ยี่ห้อบิค  สีเหลืองสลับดำ  ปากเรียวแหลม 

   “ลองเขียนดู” เขาคะยั้นคะยอ  เจ้าตัวเล็กกัดริมฝีปากชั่งใจ  ก่อนมือสั่นเทายื่นมารับ  ดวงตาคู่นั้นสับสนปนเปกันอยู่ระหว่างความกลัวและความกล้า  มองปากกาในมือดั่งเครื่องชี้ชะตา

   สิงห์แบมือยื่นไปตรงหน้าเมื่อเห็นน้องยังลังเล “เอ้า.. เขียนกับมือพี่ก็ได้” และแล้ว.. มือขวาอันสั่นเทาข้างนั้นก็จรดปากกาลง   

   ธรรมชาติของคนเรา  ยามต้องเขียนตัวหนังสือสักตัวหรือคำสักคำ  เขาเขียนอะไรกันหรือ?

   แน่นอน.. ชื่อตัวเอง..

   ท่ามกลางแสงตะเกียงสว่างนวล  คำว่า ‘จ้อย’ บนฝ่ามือเขาแจ่มชัดยิ่งกว่าสิ่งใด 

   “เขียนได้ไหม”

   ใบหน้าเล็กพยักรัวให้ฝ่ามือเทอะทะ  เขาคะยั้นคะยออีก “ลองเขียนอีกก็ได้  เขียนเยอะๆ”

   ตอนนี้ฝ่ามือเขามันเต็มไปด้วยคำว่า จ้อย.. จ้อย.. จ้อย.. แล้วก็.. จ้อย  บางสิ่งบางอย่างค่อยๆ ถ่ายเทลงสู่หัวใจ

   “เขียนได้แล้ว” จ้อยโพล่งออกมาด้วยความดีใจ  เงยใบหน้าประดับรอยยิ้มสดใสขึ้นมองกัน  เก็บดาวบนฟ้ามาร้อยเรียง  ยังไม่เจิดจ้าเท่า

   หัวใจเอ๋ย.. ไม่เคยไหวคลอนถึงเพียงนี้

   ไอ้สิงห์ได้แต่มองรอยยิ้มนั้นผ่านสายตาพร่าพราย  ฝูงหิ่งห้อยหรือม่านน้ำที่เอ่อขึ้นจากหัวใจเต็มตื้นกันแน่ที่ทำให้เป็นเช่นนั้น  หัวใจเกิดเต้นรัวขึ้นมาอีก  เมฆที่ตั้งเค้าในอกพลันแตกสลาย  ฝนที่เคยโปรยสายจนฟ้าและดินไม่มีช่องว่างก็ขาดเม็ดทิ้งช่วง  เหมือนมีแสงทองสาดมา

   เพียงรอยยิ้มหนึ่ง.. จุดจันทร์แจ่มขึ้นในสายตา..

   ดวงใจอันมืดมน  ไม่มืดมิดอีกต่อไป   

   หัวอกอันตรมไหม้  ก็ไม่ขมขื่นอีก

   ซ้ำยัง.. หวาน.. หวานฉ่ำยิ่งกว่าวันที่เขาได้ตักตวงริมฝีปากนั้น  หวานฉ่ำยิ่งกว่าวันที่เขาได้ครอบครองน้องทั้งเรือนกาย 

   ชายหนุ่มอยากวางมือลงบนกลุ่มผมนุ่มนั้นนัก  แต่เขาต้องหักใจ  เพราะแค่รอยยิ้มเดียว.. ก็คล้ายจะหล่อเลี้ยงใจไอ้สิงห์ได้ชั่วชีวิตแล้ว   

   ถึงบ้านยายช้อย  กระท่อมเก่ามอซอนิ่งสงบอยู่ในความสงัดริมน้ำ  ความมืดสนิทบ่งบอกว่ายายเข้านอนไปนานแล้ว  แต่พอหลานรักส่งเสียงร้องเรียกหา  หญิงชราก็ตื่นขึ้นพร้อมดวงใจอันปิติ 

   ข้าวหมูตุ๋นในห่อเอร็ดอร่อยกว่าทุกมื้อในชีวิต  ยายไม่ยอมกินคนเดียว  แกว่ากินข้าวไปแล้ว  เลยคะยั้นคะยอชักชวนกินด้วยกัน  ไอ้สิงห์แตะไปแค่แมวดม  เพราะใจมันอิ่มเอิบมาตั้งแต่ตรงริมน้ำนั่น

   จ้อยหยิบจับช้อนแคล่วคล่องกระฉับกระเฉง  ไม่มีทีท่าสั่นกลัวจะทำลื่นหลุดมืออีก  นักเลงหนุ่มจึงได้รู้ความจริงอีกอย่างว่า ‘ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว’ จริงๆ

   ข้าวหมดห่อ  หลานก็ทำท่าจะลากลับ  แอกความเป็น ‘ขี้ข้า’ ยังค้ำคอ  หากลูกชายกำนันบอกว่าดึกมากแล้ว  ให้นอนเสียที่บ้านนี่แหละ  ครั้นพอร่างสูงใหญ่ทำท่าจะลงจากกระท่อมเท่านั้น  มือเหี่ยวย่นก็คว้าต้นแขนเอาไว้

   “ดึกแล้ว  พ่อสิงห์ก็ค้างที่นี่สักคืนซี”

   ดวงตาสีเข้มเหลือบมองเจ้าตัวจ้อย  เห็นไม่พูดไม่ว่ากระไร  เอาแต่นั่งมองลายบนพื้นกระดาน 

   ใครจะรู้บ้างไหม  ว่าบัดนี้หัวใจไอ้สิงห์มันพองโตเกินกำปั้นกำ 

************************

ลูกชายกำนันตื่นแต่เช้ามืดโดยไม่ต้องให้ใครปลุก  เสียงจ้อยกุกกักอยู่ในครัว  ส่วนยายกำลังง่วนอยู่กับอะไรบางอย่างในความมืด
นอกกระท่อม  เสียงไก่ขันถี่ขึ้นเรื่อยๆ

   “ตื่นแต่เช้าเชียวพ่อ” หญิงชราทักทายแจ่มใส 

   “นอนไม่หลับน่ะยาย” นักเลงหนุ่มเกาหัวแกรกแก้เก้อ 

   “นอนไม่สบายสินะ” แกยิ้มกว้างเห็นฟันดำ “บ้านยายเล็กแค่นี้ คนอยู่บ้านหลังโตอย่างพ่อสิงห์คงไม่ชิน”

   เปล่าหรอกยายจ๋า.. ไอ้สิงห์อมยิ้มในหน้า  ยายคงไม่รู้ว่าระยะหลังเขาตื่นแต่เช้าจนเคยชินแล้ว  ขืนนอนตื่นสายก็อดอาบน้ำให้จ้อย  อดช่วยทำกับข้าวและทำงานบ้านต่างๆ แทนมัน  อดใส่บาตรร่วมขันและอดพายเรือไปส่งมันที่โรงเรียนน่ะซี 

   เพียงแต่เมื่อคืนนี้มันวิเศษกว่าทุกคืน  กว่าพวกเขาจะอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ  ยายก็เข้ามุ้งยึดริมหนึ่งไปครองแล้ว  พวกเขาสบตากันอยู่ในความเงียบ  จ้อยไม่ได้พูดอะไรตอนเปิดมุ้งเข้าไปนอนข้างยาย  เหลือที่ว่างฝั่งหนึ่งไว้ให้เขา 

   สิงห์ใจระรัวเป็นตีกลอง  มันตื่นเต้น  มันตื้นตันในหัวใจ  แบบนี้ใครเล่าจะข่มตาหลับลง 

   “ตื่นแต่เช้าก็ดีจะได้เห็นแสงเงินแสงทอง” เสียงยายปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ 

   “แสงเงินแสงทองเป็นอย่างไรหรือยาย” หัวหน้าอันธพาลว่าพลางเงยหน้ามองขอบฟ้า

   “แสงเงินจะมาก่อนแสงทอง  ที่เห็นฟ้าเหลือบๆ เรื่อๆ นั่นแหละแสงเงิน  เดี๋ยวสายหน่อยก็จะเห็นแสงทองที่สะท้อนจากตะวัน”
   สิงห์เพ่งขึ้นไปบนฟ้าสีเทา  แสงเงินเรื่อเรืองอยู่ทางทิศตะวันออก  ฟากฟ้าเปิดแย้ม  ดวงดาวและความมืดกำลังจะถูกไล่  บรรยากาศยามเช้าเหมือนให้ความหวังแก่ชีวิต  ไก่จากหลายบ้านขันรับอรุณฟังดูเบิกบาน  ชายหนุ่มยังคงเฝ้ารอแสงทองอยู่เงียบๆ 

   มันแบมือขวาออกดู  รอยปากกาคำว่า ‘จ้อย’ ยังเขียวพรืดอยู่เต็ม  ต้องอาบน้ำระวังแทบตายกว่าจะเก็บไว้ให้มันยังคงอยู่เช่นนี้
   หากเชื่อเถิด.. ตัวหนังสือ.. สักวันต้องเลือนลบ  แต่ชื่อนั้น.. เจ้าของชื่อนั้น.. จะสลักจารึกอยู่ในหัวใจเขาตราบนานเท่านาน

   จ้อยสาละวนอยู่ในครัวไม้ฟาก  จ้วงข้าวสารสี่ห้าฟายมือหุงในหม้อดินเก่าคร่ำ  เช้านี้ต้องหุงให้มากหน่อยเพราะมีคนท้องยุ้งพุงกระสอบมาร่วมสำรับด้วย 

ห   นุ่มน้อยลงจากกระท่อมมุ่งหน้าเข้าสวน  ผ่านคนตัวโตที่กำลังกวาดใบไม้แห้งแกรกๆ  ยายสอนเสมอว่าคนตื่นเช้าได้กินผักยอดปลาย  คนตื่นสายได้กินผักยอดด้วน  จ้อยก็นึกว่าคนอย่างไอ้สิงห์มันคงจะได้กินผักยอดด้วนทั้งปีทั้งชาติ  แต่ที่ไหนได้  หลังๆ มานี้มันตื่นเช้าเสมอ  เผลอๆ จะตื่นก่อนจ้อยเสียอีก

   เถาบวบที่เคยออกดอกสีเหลืองบนร้านที่ทำด้วยไม้ไผ่สีสุก  บัดนี้ออกผลยาวอวบอ้วนเขียวงามน่ากิน  จ้อยเลือกเด็ดเอาแต่ที่อ่อนๆ  แถมด้วยตำลึงสดๆ อีกกำมือกลับเข้ามาในกระท่อม  ดึงปลาย่างที่เหน็บไว้กะตับหญ้าคาเหนือเตาไฟ  เลือกเอาออกมาโขลกในครกเสียงขรม  พักเดียวก็เทน้ำลงหม้อดินยกขึ้นตั้ง  พอเดือดพลุ่ง  บุบหัวหอมหย่อนลงไป  นั่งมองดูเปลวไฟจากกองฟืนเต้นระริกเร่า 

   เสียงดุเหว่าแว่วมา  เคล้ากับเสียงห้าวๆ อย่างหนุ่มฉกรรจ์กับเสียงยายคุยกัน  หัวเราะร่าเริง  เสนาะในโสตอย่างน่าประหลาด     

   ทั้งสามคนล้อมวงกินข้าวกันนอกชานกระท่อม  สรวลเสเฮฮา  เป็นบรรยากาศที่จ้อยไม่ได้สัมผัสมานานเนิ่น  กับข้าวบ้านนาอย่างต้มโคล้งปลาย่าง, ผัดบวบและน้ำพริกผักจิ้มดั่งเป็นอาหารเลิศรส  ยายดูเจริญอาหาร  ส่วนไอ้สิงห์.. จ้อยเห็นมันพุ้ยเอาพุ้ยเอา  ข้าวจานที่สามเข้าไปแล้ว 

   จ้อยก็นั่งกินของจ้อยอยู่ดีๆ  แต่ยายส่งสายตามา  มองหน้าจ้อยกับหม้อข้าวกับจานว่างเปล่าของไอ้สิงห์สลับกัน  เล่นเอาจ้อยขมวดคิ้ว  ก็ใครนะเอาหม้อข้าวมาวางไว้ข้างจ้อย 

   เล่นบังคับกันทางสายตาอย่างนี้  จ้อยจะทำอะไรได้ 

   “ไอ้..” นักเรียนครูพลั้งปาก  รีบกลืนลงคอแล้วพูดใหม่อ้อมแอ้ม “..พี่สิงห์”

   “จ๋า” มันขานอ่อนหวาน  แต่จ้อยทำไขหู 

   “เติมข้าวไหม” จ้อยชวนอย่างเสียไม่ได้

   “จ้ะ” มันยื่นจานเปล่ามา  สายตางี้หยาดเยิ้มเป็นน้ำเชื่อม  เล่นเอาจ้อยต้องรีบซดน้ำแกง 

   เอาเปรี้ยวตัดหวานน่ะซี! 

จ้อยไม่รู้ว่าทำไมยายถึงดูเบิกบานนัก  จะว่าดีใจที่จ้อยกลับมาหาหลังจากไม่ได้แวะมาเสียนานก็ไม่น่าใช่  สายตาที่ยายมองจ้อยสลับกับไอ้สิงห์  เป็นประกายอิ่มเอิบเปี่ยมสุข  แถมยังพร่ำย้ำไม่ขาดปาก  ให้รักใคร่กลมเกลียว  ดูแลกันและกันแบบนี้  จ้อยทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก  ในขณะที่ไอ้สิงห์รีบกระดิกหางรับคำเป็นมั่นเหมาะ  นี่ถ้าจ้อยเป็นผู้หญิง  ยายคงจัดจ้อยใส่พานประเคนมันไปแล้วกระมัง

   ตะวันขึ้นสายโด่ง  ช่วงเวลาแห่งการล่ำลามาถึง  ไอ้สิงห์ต้องกลับบ้าน  และจ้อยก็ต้องกลับไป ‘นรก’ ของจ้อยเสียที  ยายหายเข้าไปในสวนตั้งใจจะไปตัดกล้วยห่ามๆ เอาไปฝากคุณนายพูนทรัพย์  ปล่อยจ้อยกับมันสาละวนเอาเรือออกอยู่ที่ตีนท่า 

   ลำคลองเงียบสงบ  นานๆ ทีจะมีเรือผ่านมาสักลำ  ดอกมหาหงส์แน่นขนัดริมน้ำส่งกลิ่นหอมเย็น  หมู่ผีเสื้อปีกสวยบินวนตอมเกสร  จ้อยยกยอคันน้อยที่ท่าขึ้น  มีปลาสร้อย ปลาแขยงติดอยู่ท้องยอหลายตัว  ตั้งใจจะเอาไปฝากน้าแป้น  ไอ้สิงห์รีบกุลีกุจอมาช่วย  คัดปลาแยกใส่ถังสังกะสี 

   ชั่วขณะหนึ่ง  มือต่อมือสัมผัสกัน.. โดยไม่ตั้งใจ  หากมือใหญ่เทอะทะกลับคว้ามือจ้อยเอาไว้  จ้อยเงยหน้าขึ้นมองมัน  เห็นดวงตาสีสนิทเหล็กมองตรงมา  ดวงตาที่มีแต่ความแน่วแน่.. ซื่อตรง..

   “พี่ขอโทษ..” เสียงทุ้มแผ่วหวิว  จับมือจ้อยแน่น “พี่เห็นจ้อยอยู่สูง.. ห่างไกลพี่ไปทุกที  พี่กลัวสักวันจะเอื้อมไม่ถึง” จ้อยก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่สะบัดหนี  ไม่แม้แต่จะหลบตา  หรือเพราะพรายน้ำระริกไหวในดวงตาคู่นั้น “แทนที่พี่จะตะเกียกตะกายขึ้นไปหาจ้อย  พี่กลับดึงจ้อยให้ต่ำลงมา”

   เสียงที่ไม่ดังไปกว่ากระซิบนั้น  หนักแน่นชัดเจนทุกถ้อยคำ  ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  คว้าถังสังกะสีจ้วงน้ำหล่อเลี้ยงปลาก่อนวางลงหัวเรือ  แล้วจากนั้น.. ไอ้นักเลงโตก็ก้าวลงไปนั่งแหมะในเรือ.. คนเดียว..

   จ้อยทำท่าจะไต่เดียะตามไป  จ้อยต้องกลับไปทำงานใช้หนี้  แต่แขนกำยำกลับใช้พายยันตีนท่า  เบนหัวเรือห่างไป 

   “จ้อย.. ถ้าแม่พี่ทำกับจ้อยถึงขนาดนี้  อย่าอยู่บ้านพี่อีกเลย” ไม่มีแม้ส่วนใดของร่างกายยื่นมาแตะต้อง  หากสายตาคู่นั้น.. ราวกับโอบอุ้มทั้งตัวและหัวใจของจ้อยเอาไว้ “พี่จะปล่อยจ้อยไป.. ต่อจากนี้กลับมาอยู่กับยายเถอะ”

   ยายกลับมาพร้อมกล้วยน้ำว้าสีเหลืองนวล  แกดูแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นมันลงเรือไปคนเดียว 

   จ้อยพูดอะไรไม่ออก  ทำอะไรไม่ถูก  ในสมองว้าวุ่นปนเป  ได้แต่มองแผ่นหลังกว้างพายเรือจากไปจนลับสายตาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไรกับอิสรภาพที่มาเร็วเกินตั้งรับ  จ้อยควรจะดีใจใช่ไหม?  แต่ทำไมจู่ๆ ถึงรู้สึกว่างเปล่า  ราวกับอกซ้ายกลวงกลายเป็นช่องว่างมีลมหนาวพัดผ่านไป 

   ราวกับมันเอาหัวใจของจ้อยไปด้วย..
    

โปรดติดตามตอนต่อไป

------------------------------------------------------------------------------------------------------
* แล้วจะรู้ว่าพี่รัก, คำร้อง ไพบูลย์ บุตรขัน, ขับร้อง ทูล ทองใจ
** สุนทรภู่


มาช้ามากๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ ขอโทษคนอ่านด้วยนะคะ ช่วงนี้ดอกไม้งานเยอะมากจริงๆ คิวงานเต็มทุกวันจันทร์ยันอาทิตย์ วันไหนเลิกไม่ดึกมากก็พอมีเวลามาเขียนต่อนิดๆ หน่อยๆ แต่ส่วนใหญ่จะกลับบ้านแล้วทิ้งร่างลงเตียงค่ะ น้ำท่าไม่อาบ อายไลเนอร์ไม่ล้งไม่ล้างแม่ม กรี๊ดดดดดดด ซกมก เยาวชนอย่าลอกเลียนนะคะ  :hao5:

ตอนนี้ถึงจะมาช้าไปหน่อย (ไม่หน่อยละมั้ง) แต่ก็มายาวเป็นพิเศษเลยนะคะ คิดเสียว่าชดเชยที่มาช้าละกันเด้อ เค้าไปนอนก่อนละคะ เจอคำผิดตรงไหนฝากแก้ให้ด้วยนะคะ (อ้าวอิชุ่ย :katai1:) เค้าง่วง เค้าไปนอนละ น้ำยังไม่อาบเลย ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยอาบสองรอบละกันค่ะ คร่อกกกกกก  :katai5:

รักคนอ่านนะคะ

ดอกไม้
๘ ส.ค. ๕๗
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: banazjj ที่ 08-08-2014 02:17:08
โชคดีที่ยังไม่นอน สงสารคุณชาย กับพี่สิงห์ล่ะเกิ๊นนนนน  :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ละอองฝน ที่ 08-08-2014 02:29:07
 ชอบนิยายเรื่องนี้มากค่ะ มากแบบมากที่สุด
อ่านไปร้องไห้ไปหลายตอนมาก
ตอนนี้ก็เหมือนกัน คือดีใจที่จ้อยดีกับคุณชายแล้ว แต่ก็ยังหน่วงสงสารคุณชายอยู่
อาจารย์คนึงใจแข็งมากๆ ทั้งที่ทำแล้วเจ็บเองยิ่งกว่าก็ยังทนทำต่อไป แต่คุณชายเล็กจะไม่ไหวเอานะ ทรมานแทนเลยค่ะ
ต่อมาก็เรื่องพี่สิงห์กับจ้อย
อยากกรีดร้องเลยกับความพยายามของพี่สิงห์ เราน้ำตาไหลเลยนะคุณดอกไม้ ตอนที่พี่สิงห์ขอโทษน้อง
คือเรารอให้เขาพูดจริงจังแล้วน้องรับฟังมาหลายตอนแล้ว มันปิติในอก บรรยายไม่ถูกเลย  คืออินมากๆ 5555
รักเรื่องนี้นะคะ เห็นคุณดอกไม้บอกไม่มีเวลาเราก็เข้าใจ ยังไงก็จะรอค่ะ รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ รีบๆมานะคะ ^____^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: MaEwA ที่ 08-08-2014 02:54:27
 :o12: :sad4: ฟิคนี้มันบีบบบบบบบหัวใจคนอ่านจริงๆค่ะ ปวดใจน้ำตาจะไหล  อินนนนนเข้าไปกับตัวละคร ชอบมาๆเลยค่ะ กับภาษาหนังสือที่แต่งได้สวยขนาดนี้ ชอบฟิคเรื่องนี้มากๆๆๆ 
สงสารจ้อย ชัวิตเมื่อไหร่จะมีความสุขกับบเข้าหนอ

ขอบคุณที่มาต่อค่าา....รอฟิคเรื่องนี้เสมอ โชคดีที่คืนนี้นอนดึก รักคนแต่ง ดุแลสุขภาพด้วยนะคะ สุ้ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 08-08-2014 03:08:18
ตอนนี้ พี่สิงห์ แม๊นแมน ส่วน อิตาครู ปล่อยมันไปเหอะ อีกแค่ 3 เดือน คุณชายก็ไม่ต้องเจอคนห่วยๆอีกต่อไป

แอบหวังอยากให้พาจ้อยไปด้วยจัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-08-2014 03:16:10
ดีใจที่จ้อยกับสิงห์เหมือนจะดีกันแล้ว พออ่านตอนที่พี่สิงห์ขอโทษและบอกจะปล่อยจ้อยไป.....น้ำตาไหลพรากเลย ฮืออออ  :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 08-08-2014 05:51:25
ถึงจะมาช้ามากกกกก แต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอย เรื่องของเลอมานแย่ลง แต่จ้อยกับสิงห์ดีขึ้นเรื่อยๆ
หวังว่าอีนังคุณนายจะไม่มาราวีน้องจ้อยอีก แล้วก็อยากให้พี่สิงห์ทำตัวสูงค่าเพื่อจะได้เท่ากับน้องจ้อยด้วย
ขอบคุณคุณดอกไม้ ถึงจะหายไปนานแต่ก็ไม่ทิ้งเรื่องนี้ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 08-08-2014 06:30:28
สงสารคุณชายจัง ครูทำกับคุณชายแบบนี้ได้ไง
จ้อยกลับมาอยู่กับยายเถอะดีแล้ว ยัยคุณนายนั่นร้ายกาจเกิ๊น ทำไมจองเวรจ้อยขนาดนั้นก็ไม่รุ้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 08-08-2014 07:01:58
สงสารคุณชาย T^T
ชอบคู่สิงห์จ้อยมากๆ
หวังว่าจ้อยจะรู้ใจตัวเองสักทีน่ะ
สิงห์นี่รักจ้อยมาจากใจจริงๆ
ยอมเปลี่ยนตัวเองทุกอย่าง
ลุ้นคู่นี้มากๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 08-08-2014 07:37:14
สงสารคุณชายมากกกกกกกก หัวใจของคนึงทำด้วยอะไร ใจร้ายเกินไปแล้ว คุณชายจะต้องกินข้าวเคล้าน้ำตาไปอีกกี่มื้อ ทนหน่อยยะคุณชาย อีกไม่กี่เดือนก็จะได้กลับบ้านแล้ว

คู่น้องจ้อยกับพี่สิงห์น่ารักอ่ะ พี่สิงค์ใจเย็นมาก ถ้าน้องแรงมาพี่สิงห์จะนิ่ง นิ่งสงบสยบน้องจ้อยกันเลยทีเดียว ตอนนี้คู่ของพี่สิงห์กับน้องจ้อยกำลังดีขึ้นมากๆๆๆ อย่ามีอะไรมาพรากความสุขนี้ไปเลยนะ

ขอบคุณคุณดอกไม้ที่มาต่อให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 08-08-2014 07:39:55
ขอกอดไอ้พี่สิงห์หน่อยนะจ้อย :กอด1: :กอด1: ไอ้พี่สิงห์ o13 o13 o13

รักคนเขียนนะคะ  :mew1: :mew1:

๘ ส.ค. ๕๗
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 08-08-2014 07:41:45
พี่สิงห์มันน่ารักกกกกกก  :z3:
ปล่อยจ้อยกลับบ้านพอ อย่าปล่อยจ้อยหลุดมือนาๆๆ

ส่วนอาจารย์... ขอ  :z6: โมโห!!!
คุณชายสู้ๆ ดีใจที่คุณชายกับจ้อยเหมือนจะกลับมาดีกันแล้ว ^_____^

รอตอนต่อไป เย้ๆ คนเขียนสู้ๆนะคะ
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: nemonoy ที่ 08-08-2014 08:29:43
อ่านตอนนี้ แล้วรักพี่สิงห์ >_<
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 08-08-2014 09:21:26
แม้จะโง่เง่า แต่ก็มีหัวจิตหัวใจ ตอนนี้เริ่มกลับมารู้สึกดีกับจ้อยบ้างแล้ว ทั้งเรื่องคุณเล็กกับสิงห์ ดูท่าว่าจ้อยจะเป็นคนช่วยพยุงคนทั้งสองไว้ 

อย่างที่จ้อยพูดก็ถูก เล็กไม่ได้เป็นพระพิรุณ แม้จะผิดนัดแต่ก็ใช่ว่าอยากจะทำให้อีกคนตาย :mew2:

อาจารย์คนึงก็ทำเกินไป แต่กรุณาทำให้ตลอด เราจะรอดูผลกรรมที่คุณทำ

ปล. แต่กลัวว่าจ้อยกับพี่สิงห์จะเป็นพี่น้องพ่อเดียวกันเสียจริงๆ ถ้าเป็นพี่น้องกับเล็กก็ว่าไปอย่าง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-08-2014 10:46:21
ไอ้พี่สิงห์พี่แมนมาก สมเป็นพระเอกตัวจริง
ไม่เคยคิดว่าไอ้นักเลงหัวไม้ จะหวานละมุนละไมได้ขนาดนี้
หัวอกแม่ยกอิ่มเอมนัก
ส่วนคุณชายเล็ก เรื่องมันเศร้าจนพูดไม่ออก

จ้อยเงยหน้าขึ้นมองมัน  เห็นดวงตาสีสนิทเหล็ก>>>>>>>>>สนิม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 08-08-2014 12:29:15
ในที่สุดก็อัพแล้วววว  :o12: เข้ามาเล้าเพราะรออ่านเรื่องนี้เลย
สงสารเล็กจัง
ช่วงหลังพอพี่สิงห์ไม่ได้ใช้อารมณ์แล้วเป็นผู้ชายที่ดีมากเลยนะ :o8:
หวังว่าน้องจ้อยจะรู้ใจตัวเองเร็วๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: josephine ที่ 08-08-2014 17:24:51
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ แบบนี้  รอได้ค่ะ รอได้ แต่ถ้าให้ดี  ลาออกจากงานมาแต่งนิยายดีกว่าเนอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 08-08-2014 17:54:21
กรี๊ดดดดดด
จุใจมากกกก น้องจ้อย กะ อ้ายพี่สิงห์
อ่านไป ยิ้มไป หัวใจ มันพองๆ ไงไม่รุ้
มาตอบจะจบ มันก้อร้าวรานแบบ เปลี่ยม สุข
Incest ?
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: SoulFighter ที่ 08-08-2014 19:28:00
ตอนนี้พี่สิงห์เอาใจไปเต็มๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 09-08-2014 07:09:11
เซ็งครูคนึงว่ะ อยากจะให้จ้อยร่อนจานราดหน้าใส่หัวจริง สงสารคุณชายเล็ก ฮือออออ ทนหน่อยย่ะจะได้กลับไปอยู่ในที่ของตัวเองแล่ว  :hao5:

ปล.คนเขียนรบกวนใส่หน้าที่อัพให้หน่อยน่ะคร่าจะได้หาง่ายๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 09-08-2014 09:22:56
ตอนนี้สิงห์ได้ใจไปเต็มๆเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 09-08-2014 13:40:32
จะทำร้ายจิตใจคุณชายไปถึงไหนห๊ะครูคนึง ตอบด้วย ทนไม่ไหวแล้วนะเออ

ส่วนน้องจ้อยกับพี่สิงห์ ความสัมพันธ์ก็ดีวันดีคืน  เหลือแต่มนุษย์ป้าคนใจร้าย

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: nonbungsanovii ที่ 09-08-2014 14:45:55
สงสารคุณชาย  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Simple ที่ 09-08-2014 15:49:15
พี่สิงห์เวลาเลวก็เลวได้ใจ พอจะดีก็ดีใจหาย

แล้วยังมาขโมยหัวใจจ้อยอีก(เฮ่ออออออออออ รู้ใจตัวเองซะที)

เชียร์พี่สิงห์กับน้องจ้อยสุดๆ ชอบคู่นี้มาก

ส่วนอีกคู่ ถ้าเลอมานตัดใจได้ คุณครูคนึงจะทำไง อยากรู้จริงๆ

ปล ดีใจมากมายที่มาต่อแล้ว :heaven ขอบคุณ คุณดอกไม้ที่งานยุ่งมาก

แม้แต่หน้าที่แต่งแล้วยังไม่ล้างออก แต่สละเวลามาแต่งนิยายต่อให้ได้อ่านกัน :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: SungJimun ที่ 09-08-2014 18:29:56
ในที่สุดก็ตามอ่านทันจนได้ค่า
สงสารคุณเล็กจังเลย ไม่ได้ทำอะไรให้แต่ทำไมสังคมต้องตัดสินตัวเค้าด้วย
คนึงอีกคน ถามเขาหรือยังว่าอะไรที่คุณเล็กต้องการจริงๆ
แทนที่จะทำให้ทุกวันที่ผ่านไปมีความหมาย มีความสุขที่สุด
กลับกลายเป็นว่าเลือกที่จะทำร้ายคนรักด้วยตัวเอง เออแปลกดี
ตอนแรกโกรธสิงห์นะ ไปๆมาๆก็เริ่มโกรธจ้อยด้วย เพิ่งจะมารู้สึกดีตอนหลังๆนี่แหละ
อยากจ้างใครซักคนให้ไปยิงกบาลไอ้ลอยให้มันรู้แล้วรู้รอด
เพราะมันคนเดียวทำเอาคนอื่นต้องตกนรกทั้งเป็น เลวแบบไม่รู้จะด่ายังไงจริงๆ
ปล่อยให้มันอยู่มันก็คอยแต่จะจองล้างจองผลาญคนอื่นไม่ให้มีความสุข
ฆ่าๆมันทิ้งไปเหอะ หนักแผ่นดินมาก คนแบบนี้  :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 09-08-2014 20:09:00
คุณชายเล็กน่าสงสารเหลือเกิน

พี่สิงห์น้องจ้อยนี่ก็หวานอ่านแล้วยิ้ม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 10-08-2014 03:35:57
แม่สิงห์นี่น่าสงสัยมากจะอะไรกับจ้อยนักหนา สิงห์จะทำแบบนี้จริง ๆ หรือ แต่ทำแบบนี้อาจจะทำให้จ้อยรู้ตัวสักทีหรือเปล่านะ ส่วนคนึงจะใจร้ายไปถึงไหน สงสารเลอมาน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: LYNN ที่ 10-08-2014 04:21:29
โอ๊ยยยยย แกเอ๊ย!! ไอ้ที่โกรธๆเกลียดๆพี่สิงห์มา มาเจอตอนนี้เข้าไปตอนเดียวหัวใจนี่ยวบเลย!
นู่นแน่ะพ่อ! ใจข้าไหลลงไปรวมเสียกับน้ำตาที่หยดแหมะลงชามราดหน้าของคุณชายเล็กนั่น!
เลิกโกรธเลิกเกลียดพอสิงห์กันระนาวทั้งเล้าเป็ดเสียกระมัง?!

แล้วไงเล่าทีนี้...หันไปโกรธครูคณึงกันแทนพ่อสิงห์เสียเป็นแถบๆเชียว....
สงสารรึก็สงสาร...แต่ไม่รู้จะช่วยยังไงดีจริงๆคุณชายเล็กของบ่าว...งานนี้ต้องรอครูคณึงนั่นแหละ...
ถ้าคิดได้แล้วก็อย่าพิไรเลยพ่อ...ดูแลหัวใจดวงน้อยๆที่บอบช้ำของคุณชายเล็กด้วย...จะเป็นบุญคุณของบ่าวนัก!

จะว่าไป...พี่สิงห์ก็ว่าง่ายไป...ไอ้ตัวพี่น่ะไม่เท่าไหร่แต่คุณนายแม่พี่นั่นน่ะจะปล่อยน้องหรือ?
ไหนว่าจะยึดที่กันอยู่...แบบนี้น้องจะไปซุกหัวนอนที่ไหนกันเล่า?

ปล.แล้วกล้วยนั่นไม่เอาไป...อยากกินกล้วยบวชชีจัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 10-08-2014 07:49:33
สิงห์น่ารักมาก แต่ทำไมตะหงิดๆเหมือนสองคนนี้จะเป็นพี่น้องต่างแม่กัน สงสารคุณชายเล็กมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 10-08-2014 13:20:24
สิงห์รู้ใจจ้อยทุกอย่าง ดีกับจ้อยปานนี้ จ้อยจะหวั่นไหว จะรักพี่บ้างหรือยัง :mew3:
ส่วนอาจารย์คนึง ใจแข็งเหลือเกิน ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วหรือไง  :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 10-08-2014 20:43:00
นี่เหรอ คำพูดของคนไม่มีการศึกษา อย่างสิงห์ ช่างอบอุ่นมากมาย ต่างจาก คุณครูคนึง สลัดรัก เหมือนเป็นสิ่งไร้ค่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Tonglee ที่ 11-08-2014 17:46:27
พี่ดอกไม้  หนูเพิ่งเคยอ่านนิยายของพี่
ตามอ่านมาสี่วัน หนูตามอ่านทันละนะ
มาต่อเร็วๆนะ นิยายพี่บีบหัวใจหนูมากอะ
หนูจำไม่ได้ว่าร้องไห้มากี่รอบแล้วอะ จริงๆ หนูโคดอินอะ
สงสารเล็ก ฮือ ตอนนี้พี่สิงห์ไอ้จ้อยดีขึ้นมากแล้ว จ้อยแง้มใจให้พี่สิงแล้ว TwT
เหลือแต่เล็ก หนูเล็กของตอง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 13-08-2014 07:17:58
จ้อย  อย่าถือทิฐินะ อะไรปล่อยได้ก็ปล่อย เค้ารัก ถ้ามันไม่หนักหนา ก็รักเค้าตอบบ้าง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 13-08-2014 10:30:12
ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Motion_Lover ที่ 14-08-2014 16:04:32
รักพี่สิงห์และน้องจ้อยมากค่ะ
เอาใจช่วยคู่คุณชายด้วยนะคะ (อ้าว ได้ข่าวว่านี่คู่หลัก เอิ๊กๆ)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 18-08-2014 00:55:06
ขุ่งพี่ อยู่ดีๆก็ปล่อยมือเนี่ยนะ!! :a5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 21-08-2014 09:59:16
สงสารทั้งเล็กทั้งจ้อย ทำไมถึงโดนทำร้ายได้ขนาดนี้
สิงห์ทำดีมากเลย ไม่ว่าสุดท้ายจะยังไง แต่สิงห์ก็เลือกความสุขของจ้อยมากกว่าของตัวเอง

ส่วนอีตาครูคณินก็ปล่อยไปเถอะ ถ้าจะคิดได้แค่นี้น่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 21-08-2014 14:34:43
คิดถึงอ้ายสิงห์ เมื่อไหร่จะมา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 23-08-2014 12:02:45
แล้วจะรู้ว่าพี่รัก
#เชื่อแล้วพี่สิงห์ เอ้ยยยยยยยยย   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 24-08-2014 03:10:04
ชอบมาก อินมาก ร้องไห้ก็มากก

เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ รวดเด๊ียวจนถึงตอนนี้เลย เห็นชื่อเรื่องมานานแล้วก็เถอะ แต่ไม่ได้กดเข้ามาอ่านเพราะเห็นเป็นนิยายสมัยก่อน แต่พอได้ลองอ่านนิยายพีเรียดเรื่องนึงเข้า ความคิดก็เปลี่ยนไปเลย กลายเป็นอยากอ่านแนวนี้อีกเรื่อยๆ

เลยลองกดเรื่องนี้มาอ่านแบบว่า สนุกมากๆเลยค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: nanami253 ที่ 24-08-2014 16:57:39
 :sad4: :sad11: :sad11: สงสารคู่จ้อยกับสิงห์จับใจ   เมื่อไหร่น้องจ้อยของพี่สิงห์จะมีความสุขสักที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 25-08-2014 01:59:09
น่ารักทั้งคู่เลยอ่ะ จ้อยก็น่ะ รักเขาก็ไม่บอก สงสารคุณชายจัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: thebook ที่ 30-08-2014 01:18:57
ชอบสิงห์มากๆๆๆๆๆๆๆ อยากเห็นคู่นี้หวานกันแล้วอ่ะ จะคอยติดตามนะครับ   :katai1::o8: :z2: :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 09-09-2014 22:46:54
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ซึ้งมาก ที่สิงห์ดีกับจ้อยขนาดนี้ แล้วก็พูดในสิ่งที่หัวใจบอกเสียที

ส่วนคู่(?) ถ้ายังเรียกว่าคู่ได้ของ คุณชายเล็กของกบ... อยากให้มีมือที่สามมาดามใจคุณชายเล็กของกบมาก โมโหอีตาอาจารย์คนึง หึม!!! มันน่านัก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: MiniMick00 ที่ 13-09-2014 17:58:21
รอคอยสุดๆเลยคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: frenzy19 ที่ 27-09-2014 22:28:02
คิดถึงคุณดอกไม้จังค่ะ  :mew6: :mew6: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 28-09-2014 10:37:42
คิดถึงคุณเล็ก  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: thebook ที่ 28-09-2014 20:10:33
คิดถึงพี่สิงห์  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Teddysdeath ที่ 29-09-2014 04:52:51
พี่สิงห์เวลาห่างจากพวกไอ้ลอยนี่มันช่างน่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 29-09-2014 08:41:16
รอๆๆๆ อ้ายสิงห์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: SLEEPERINDY ที่ 01-10-2014 23:59:17
เมื่อไหร่จะมานะ อยากอ่าจพี่สิงห์แล้วเน้อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Meowww ที่ 04-10-2014 12:47:14
คิดถึงพี่สิงห์กับน้องจ้อย   :hao7:

คุณชายเล็กด้วย   :-[


รอๆๆๆๆ   :z2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: SLEEPERINDY ที่ 05-10-2014 00:16:22
เมื่อไหร่พี่สิงห์จะมา น้องจ้อยรอนานอล้ว่แล้ว :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๒๙ : แล้วจะรู้ว่าพี่รัก (ครึ่งหลังค่ะ^^) [๘ ส.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nae_Nae ที่ 05-10-2014 02:15:39
รีบมาน้าาา เค้ารออออ T^T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 19-10-2014 00:34:45
(http://img15.imagefra.me/i1ai/chihiro/dkrh_9cb_u90ve.jpg)

บทที่ ๓๐

ขอรักคืน

(ครึ่งแรกจ้า :L2:)

ห่วงสวาทขาดคลายคลอน
ปวดร้าวใจรอนๆ ฉันต้องนอนร้องไห้
เธอเป็นสุดที่รักจากใจ
แม้ผิดพลั้งไปให้อภัยเสมอมา
โอ้รักใครทำให้พรากกัน
จงรู้ว่าฉันเฝ้าโศกศัลย์ครวญหา
ใจเดียวซื่อตรงและบูชา
ยังรักหนักหนา กรุณาขอรักคืน*



รุ่งสาง.. ละไอหมอกบางยังคลุมฟ้าเป็นม่านสีขาว  ไอเย็นโรยลงจับตัวจนคนึง วนาสัยต้องห่อไหล่  ดวงตาสีเข้มมองเรือนไม้ตรงหน้าผ่านม่านหมอกสลัวราง  สักพักแดดอ่อนคงทอมา  เปลี่ยนหมอกขาวเป็นน้ำค้างร่วงลงเกาะตามใบหญ้า

แล้วเช้านี้.. จะมีน้ำค้างแห่งความโศกตรมหยดใดเกาะอยู่บนแก้มนวลของคนที่นอนหลับใหลอยู่ในห้องน้อยริมสุดนั่นเหมือนเช่นคืนก่อนๆ นี้ไหมหนอ

คนตัวโตย่างฝีเท้าขึ้นบันไดเงียบกริบ  เพราะรักอาลัยหรือเพราะใจไม่เจียมกันแน่ที่สั่งให้เขามาที่นี่  มือใหญ่เปิดและปิดประตูอย่างเบามือที่สุด 

   ณ ริมหน้าต่างบานนั้น  ปลาตะเพียนสานสองตัวที่ถูกแขวนไว้ยังอยู่ที่เดิม  มันสงบนิ่งไม่ติงไหว  เช่นเดียวกับร่างที่นอนขดคู้อยู่บนเตียง  ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น  ข่มกลั้นบางสิ่งที่ปะทุขึ้นมาในอก

   คนึงไม่กล้านั่งบนเตียง  กลัวความไหวยวบจะปลุกให้หนุ่มน้อยตื่น  ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งกับพื้นกระดานเย็นเฉียบ  ความจริง.. ตรงนี้ก็เหมาะสมดีแล้วกับฐานะต่ำต้อยอย่างเขา 

เสี้ยวหน้าอ่อนเยาว์ซบอยู่กับหมอนขาวสะอาด  ผมสีน้ำตาลสวยยุ่งเหยิง  นั่นปะไรเล่า  คราบน้ำตาจางๆ ทิ้งรอยไว้บนแก้มอีกแล้ว  อาจารย์หนุ่มยื่นมือเกลี่ยไล้ด้วยปลายนิ้วแผ่วเบา  เด็กหนอเด็ก  เคยขี้เซาอย่างไรก็ยังขี้เซาอย่างนั้น  คนเขาแอบมานั่งมองหน้าทุกวันก็ยังไม่รู้เรื่อง

ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงอย่างรวดร้าว  ยามนิ้วสากระคายแตะแผ่วเบาบนแก้มนุ่ม  เล็กเอ๋ย.. หนูเล็กของครู.. ทำไมต้องเป็นหม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์  ทำไมต้องเป็นลูกหลานเจ้าขุนมูลนาย  เป็นเจ้าเด็กดื้อของครู  เป็นหนูเล็กของครูไม่ได้หรือ  เลอมานจะรู้บ้างไหม  คนที่ดูใจร้ายเหลือเกินคนนี้  เก่งได้แต่เพียงต่อหน้าเท่านั้น  พอลับหลังได้แต่มองตามละห้อยหา  พอความคิดถึงทำร้ายหนักเข้าก็ย่องเข้ามาดูหน้าไม่ต่างอะไรจากแมวขโมย 

   กลิ่นแป้งอ่อนจางกระทบจมูก  กลิ่นที่คุ้นเคยเหลือเกิน  หากเป็นเมื่อก่อน  เขาจะไม่รีรอเลยที่จะรั้งร่างนี้เข้ามาแนบอกแล้วสูดกลิ่นหอมที่สองแก้มขาวแรงๆ เสียให้ชื่นใจ

   กลิ่นหอมเบาบาง  จากจางจากจิต
   หน้านวลชวนพิศ  ยังติดในฝัน


   หากบัดนี้.. แค่คิด.. ยังมิอาจเอื้อม..

   หากรู้วันพบ  จำต้องจากกัน
   จะหอมกลิ่นนั้น  ให้นานกว่าเดิม


   เวทมนต์กลใดเล่า  กระไอเหน็บหนาวในเช้าอ้างว้าง  หรือแสงทองที่ส่องลอดผ้าม่านลงมากระทบแก้มเนียนเป็นนวลตอง  หรือปีศาจตนใดสิงสู่ใจชั่วขณะ 

   ปลายจมูกโด่งเป็นสันฝังลงแก้มนุ่ม  สูดกลิ่นหอมที่แสนอาลัยไว้เพียงแผ่วเบา 

   โดยไม่คาดคิด  เปลือกตาบอบบางกะพริบปริบ  แมวขโมยตกใจแทบหัวใจหยุดเต้น!  ผงะถอยห่างทันที!

   “อือ..” หนูเล็กของครูครางแผ่ว  ขยี้ตาป้อยๆ  “อาจารย์..” สุ้มเสียงงัวเงียเหมือนเด็กตื่นไม่เต็มตา  หากพอเห็นผู้มาเยือนกระจะตาเท่านั้น

   “อาจารย์..” หนุ่มน้อยสำลักถ้อยคำ “อาจารย์มาหาเล็ก..” กระแสยินดีปนเปกับความพิศวง  มือขาวยื่นไขว่คว้า  หากคนตีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกลับผลุนผลันเดินหนี 

   “อาจารย์!” เลอมานหรือจะยอม  ร่างโปร่งบางพรวดพราดลงจากเตียง  แต่เพราะความงัวเงียหรือเพราะดีใจเกินไปก็มิอาจทราบได้  ราชนิกูลหนุ่มก้าวพลาดลงกองจุ้มปุกอยู่หน้าเตียงนั่นเอง

   “เล็ก!” คนึงเหมือนนักแสดงหลุดจากบทบาท  โขนยักษ์เกรี้ยวกราดหลุดกระเด็นไปไหนไม่รู้  เหลือแต่เนื้อแท้แห่งครูหนุ่มผู้มิอาจตัดใจจากรัก  ร่างสูงใหญ่ถลันเข้ากอดตระกองดวงใจ  พลิกมือพลิกไม้ดูทีหรือว่ามีตรงไหนบุบสลายหรือไม่   

   “อาจารย์..” ดวงตาสีน้ำตาลใสมองมาอย่างเต็มตื้น “ไม่เกลียดเล็กแล้วหรือ” คนึงคล้ายถูกตบหน้า  ชายหนุ่มคุมหัวใจไว้แทบวายไม่ให้เผลอรั้งร่างขาวลออมากอดแนบอก  เขาจะตอบคำถามนั้นอย่างไรได้  ในเมื่อความเกลียดมันไม่มีหลงเหลืออยู่แล้วนับแต่มีความรักมาแทนที่ 

   ไปเถิด  ขืนอยู่นานกว่านี้.. กำแพงสูงที่อุตส่าห์ก่อขึ้นอย่างยากลำบากเพื่อกั้นระหว่างเขาและเลอมานจะพังทลายลงเสียเปล่าๆ 

อาจารย์หนุ่มผละออกห่าง  ก่อนพรวดพราดออกจากห้องโดยไม่มีคำพูดใดสักคำ  ปล่อยหนุ่มน้อยที่ยังนั่งกองกับพื้นมองตามจนลับตา 
   
   อาจารย์ยังรักเขาอยู่แน่นอน  เลอมานมั่นใจเช่นนั้น

   เหตุการณ์เมื่อเช้า  ดั่งเชื้อไฟจุดประกายกองเถ้าถ่านที่เจียนมอดดับเต็มทีให้ลุกโชนขึ้นมาอีก  ความหวังอันริบหรี่กลับเรืองรองขึ้นอีกครั้ง 

   เขาจะทำทุกอย่างเพื่อเหนี่ยวรั้งความรักคืนมา!

*****************************

   เดือนสิบเอ็ดข้าวในนาเขียวชอุ่มโตเต็มที่ และพากันตั้งท้องรอเวลาออกรวง สายฝนซึ่งเคยตกชุกก็จะทิ้งระยะห่าง ฟ้าที่มีเมฆดำลอยต่ำ จะถูกลมพัดลอยขึ้นเบื้องสูง แล้วสายลมอีกชนิดหนึ่งก็จะโชยพัดมาเป็นระลอกๆ แสนสดชื่น ชาวนาเรียกลมชนิดนี้ว่า ‘ลมข้าวเบา’ พอลมข้าวเบาพัดมา ข้าวเบาก็จะพากันออกรวงชูช่อเหลืองทองชี้ขึ้นไปอวดท้องฟ้า แต่ข้าวหนักจะยังไม่ออกเพราะยังไม่ถึงเวลา

   จ้อยวาดพายพาเรือน้อยลัดเลาะไปตามคลองท่อ  เสียงพายกระทบน้ำดังจ๋อมๆ ในหัวใจว่างโหวงอย่างประหลาด  ดังลมข้าวเบาพัดพาบางสิ่งพรากจากไป 

   คิ้วเรียวขมวดมุ่น  อดสงกาไม่ได้  จ้อยก็ได้กลับมาอยู่กับยายดังเดิมแล้ว  ไม่ต้องกลับไปเป็นขี้ข้ารองมือรองตีนใครที่บ้านกำนันอีก  นับแต่วันที่ไอ้สิงห์บอกว่าจะปล่อยจ้อยไป  มันก็ทำเช่นคำพูดทุกคำ  สองวันหลังจากนั้น  น้าเวกก็พายเรือมาหาถึงบ้าน  จ้อยเผลอใจหายแวบ  นึกว่าจะถูกตามตัวกลับไป  ที่ไหนได้  ตะแกเอาโฉนดที่นาของยายยื่นมาให้  พูดแค่ว่าไอ้สิงห์ฝากเอามาคืน  เล่นเอาจ้อยกะยายมองหน้ากันตาปริบๆ 

   จ้อยน่าจะมีความสุขกับชีวิตที่ดำเนินไปตามปกติเช่นก่อน  แต่เหตุใด.. จึงรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งขาดหายไปตลอดเวลา 

   ตลาดยอดยามใกล้รุ่งยังคึกคักเช่นทุกวัน  ทุกอย่างยังเหมือนเดิม  พ่อค้าแม่ขายส่งเสียงเจื้อยแจ้ว  เด็กเข็นผักเดินสวนกันขวักไขว่  ผู้คนมาจับจ่ายคลาคล่ำดังเดิม  หากสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป  คือจ้อยไม่ได้มาเดินตลาดในฐานะคนรับใช้หนีบเงินนายมาซื้อกับข้าวอีกแล้ว 

   อ้อ.. และอีกอย่างที่เปลี่ยนไป.. กลุ่มนักเลงคุมตลาดที่เที่ยวเดินกร่างทวงค่าแผงอยู่อาดๆ นั่น.. ขาดหายไปคน..

   ไอ้ลอย ไอ้หมาน ไอ้หมูเลิศเดินใหญ่คับตลาด  ไอ้ลอยนั้นมาดบ่งบอกว่าเป็นหัวหน้าฝูงเต็มที่ 

   ....ไม่มีวี่แววไอ้สิงห์....

   จ้อยรีบเดินเลี่ยงหลบพวกมันมาอีกทาง  ไม่อยากเผชิญหน้า  หากในอกอดครุ่นคิดไม่ได้  ไอ้สิงห์หายไปไหน  จ้อยไม่เจอมันหลายวันแล้ว  ที่ตลาดก็ไม่เจอ  จ้อยเคย(บังเอิญ)พายเรือผ่านบ้านกำนัน (บังเอิญจริงๆ นะ)  ลองสอดส่ายสายตามองหา  ก็ไม่มีวี่แวว  ปกติมันชอบมาเกาะรั้วโรงเรียนแอบมองจ้อยเสมอ  ระยะนี้กลับไม่มีแม้เงา 

   หากจะลองตรองดูให้ดี  จ้อยไม่เห็นมันอีกเลยตั้งแต่วันที่มันบอกว่าจะปล่อยจ้อยไป 

   จ้อยไม่เข้าใจเลยว่าจ้อยจะเฝ้าพะวงถึงมันทำไม 

   ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจ้อยต้องถลาเข้าไปหาน้าแป้นทันทีที่เห็นแกยืนจิ้มเนื้อหมูอยู่หน้าแผงเฮียจั่นด้วย 

   และไม่เข้าใจเลยว่า.. คำถามแรกที่หลุดจากปากจ้อย  ทำไมถึงเป็นชื่อมัน?!

   “โอ๊ย ครู เรื่องมันยาว” หญิงกลางคนว่าเสียงสูง  จูงมือจ้อยมาที่ลับตาคน  ทำท่าคันปากเต็มแก่เหมือนแมงเม้าชอนไชยุบยิบ “ไอ้คืนนั้นนั่นแหละ  คืนที่พ่อสิงห์เฟี่ยงกุญแจรถเครื่องใส่แม่ แล้วก็พาครูกลับบ้านไปนั่นแหละ”

   ถ้อยคำพรั่งพรูเหมือนน้ำหลาก  จ้อยรับฟังนิ่งงัน  หัวอกเอ๋ยสะท้อนสะเทือน

   “วันรุ่งขึ้นนะครูเอ๋ย  ยังกะฟ้าถล่มใส่หลังคาบ้านกำนัน  พอคุณนายปะหน้าลูกชายเข้าเท่านั้นแหละ”

   ‘หายหัวไปไหนมาตาสิงห์! แล้วทำไมกลับมาคนเดียว  ลูกอีกะหรี่มันหายไปไหน!’
   ‘อยู่บ้าน!’
   ‘ห๊ะ! บ้านไหน มันจะไปไหนได้ก็บ้านนายมันอยู่ที่นี่  มันเป็นขี้ข้าบ้านนี้!’
   ‘ผมพาจ้อยไปส่งบ้านแล้ว  ไม่ให้กลับมาที่นี่แล้ว’


   “ครูเอ๋ย  แม่เจ้าประคุณดิ้นเร่าๆ หยั่งก๊ะองค์ประทับ  มือไม้มีเท่าไรแกประเคนใส่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ยั้ง  ปากก็พร่ำด่า  ไอ้ลูกเนรคุณ  ไอ้ลูกทรพี  ไอ้ลูกโง่  ตาสิงห์ได้แต่ยืนบื้อใบ้ให้แม่ทุบเป็นกระท้อน”

   ‘มึงมันก็เป็นเสียอย่างนี้แล้วกูจะมองหน้าใครได้  คนเขาจะได้ค่อนกันทั้งบางว่าลูกอีกำไลมันได้ดิบได้ดีกว่าลูกกู! อุตส่าห์เอามันมาเป็นขี้ข้าแล้ว  มึงยังเสือกโง่ปล่อยมันไปอีก!’ 
   
   “โอ๊ยครู  ถึงกงนี้น้ากะตาเวกหันมองหน้ากันตาปริบๆ  นี่ตกลงว่าแม่ทรัพย์แกอิจฉาแม่กำไลเรอะที่ลูกเขารักดีกว่าลูกตัว  พ่อสิงห์ก็อึ้งไป  มองแม่น้ำตาคลอ  ถามเสียงสั่นว่าแม่รักผมหรือรักหน้าตัวเองกันแน่  แม่ทรัพย์เองก็คับแค้นใจจนน้ำตาร่วงเผาะๆ”

‘แล้วหนี้มันล่ะจะเอายังไง!’

   “คุณนายแกหงายไพ่ใบสุดท้าย  ตานี้ครูรู้ไหมว่าพ่อสิงห์ว่ายังไง” แกกลืนน้ำลายเอื๊อก “เขาบอกว่า..”

   ‘ผมจะใช้หนี้แทนน้องเอง!’

   “เท่านั้นละครูเอ๋ย  แกตะเพิดไล่ลูกยังกะหมูกะหมา  หยิบจับอะไรได้แม่เฟี่ยงใส่ไม่ยั้ง  ปากก็ตะคอกไสหัวไปเลย  มึงไม่ใช่ลูกกู!  ฝ่ายลูกชายก็ว่า..แม่ใจยักษ์ใจมารแบบนี้ก็ไม่ใช่แม่ผมเหมือนกัน  แล้วก็ผลุนผลันลงเรือน  แต่สักพักเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ย้อนกลับขึ้นมาใหม่  พ่อสิงห์กลับมาเอาอะไรรู้ไหม” น้าแป้นหยุดพักหายใจหายคอ “โฉนดที่นายายช้อยอย่างไรเล่า!”

   หัวใจคนฟังคล้ายเต้นผิดจังหวะ  ภาพโฉนดที่นาของยายที่ได้คืนมาเมื่อหลายวันก่อนยังติดตรึง 

   “นอกนั้นสมบัติพัสถานอะไรพ่อไม่ได้หยิบไปสักอย่าง  ไปแต่ตัว  ไปแต่ตัวเลยจริงๆ  รถเครื่องก็จอดทิ้งไว้หยั่งเก่า  เดินดุ่มๆ ลัดทุ่งไป  หางตาพ่อยังไม่เหลียวมามอง  คุณนายแกก็ด่าไล่หลัง” 

   ‘มึงไปเลย!  ไปตายโหงตายห่าที่ไหนก็ไปเลย!  ไอ้ลูกไม่รักดี!  ไม่รักดีพอกันทั้งพ่อทั้งลูก!  แน่จริงเอาตัวให้รอด  อย่าซมซานกลับมากราบตีนกูก็แล้วกัน!’

   “แล้ว..” จ้อยเพิ่งมีโอกาสได้ปริปากพูด “น้ารู้ไหม.. ว่าเขาไปไหน”

   “เฮ่อะ  ไปไหนไม่ไป  เหมือนจะเหยียบหน้าแม่ให้ได้อาย” แกส่ายหัวดิก  ก่อนชี้มือไปทางขอบฟ้าทิศตะวันออก “นู้น.. ระเห็จไปถึงโรงสีเล็กของเถ้าแก่ฮง  ตรงคุ้งหัวแหลมโน้น!”


-------------------------------------------------แค่เนี๊ยะะะะ :a5:-------------------------------------

แค่นี้แหละจ้ะ แหะๆๆ  :hao5:
ดองมานานมากกกกก เพราะช่วงนี้งานยุ่งมากจริงๆ ค่ะ
จะรีบมาต่อที่เหลือนะคะ ถ้าครึ่งแรกมาแค่นี้ ที่เหลือก็จะยาวววววววละค่ะ

ถึงจะเขียนช้า แต่ดอกไม้ก็รักคนอ่านนะ มุมิ  :กอด1:

ดอกไม้
๑๙ ต.ค. ๕๗


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: frenzy19 ที่ 19-10-2014 00:38:50
+1 ก่อนอ่านนน 


คิดถึงงงงงงงงคุณดอกไม้ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 19-10-2014 01:08:01
มาสั้นๆ แต่จี๊ดใจมากค่ะ
หนูเล็กจะอดทน สู้เพื่อความรักใช่ไหม ส่วนสิงห์ก็ทำเพื่อน้องจ้อยๆ จริงๆ
ปล.รีบมานะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 19-10-2014 01:13:27
คิดถึงมากกกกก คิดถึงจ้อย สิงห์ เล็ก คนึง คุณดอกไม้ ฮือๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 19-10-2014 01:37:58
เลอมานสู้ ๆ แล้วสิงห์ไปทำอะไรที่นั่น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 19-10-2014 01:49:45
แง หนูเล็กเริ่มมีหวังละ สู้ๆนะคุณชาย
อิครูมันจะได้หลุดมาดซักที หมั่นไส้นัก

แล้วๆๆ พี่สิงห์ไปไหนนั้น เป็นห่วงเขาก็ไปหาเขาสิน้องจ้อย
 :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 19-10-2014 05:41:17
มันจะดราม่าอีกนานมั้ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-10-2014 09:32:13
แต่ละคู่เจ้าประคุณเอ๋ย ลุ้นแทบขาดใจ
เข้าหน้าหนาวแล้ว ให้หนุ่ม ๆ ได้กอดกันคลายหนาวหน่อยก็จะเป็นพระคุณยิ่ง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 19-10-2014 10:35:18
กอดหมับคุณดอกไม้
มาต่อแล้ว น้ำตาจิไหล
เล็กสู้น่ะ อ.คนึงต้องแพ้ความรัก ความจริงใจแน่ๆ

จอยเห็นความดีของสิงห์บ้างมัั้ย
เปิดใจให้สิงห์อีกครั้งนะ
เค้ารออีกครึ่ง(ยาวๆ)อยู่น่าาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 19-10-2014 11:31:57
รู้สึกเข้าใจสิงห์นะ ทำดีด้วยแล้วไม่ชอบ
งั้นก็ทำร้ายๆ บ้างแล้วกัน 55555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 19-10-2014 11:44:45
คนอ่านก็รักคนเขียนค่ะ :กอด1:
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 19-10-2014 13:57:16
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย คิดถึงไอ้สิงห์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เห็นความดี(?)ของมันรึยัง

ครูคนึงก็ด้วยจะทำร้ายตัวเองและคนที่รักไปถึงไหน
อยากอ่านต่อใจจะขาดแล้วเอ้ยยยยยยยย

สู้ๆนะคะคนแต่ง><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: josephine ที่ 19-10-2014 16:04:47
สนุกเหมือนเดิม  ขอบคุณที่มาต่อให้ค่ะ  รักคนเขียน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 19-10-2014 19:11:12
หนูเล็กมาแล้ว 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ละอองฝน ที่ 19-10-2014 20:11:49
รอได้เสมอค่ะ >O<
ตอนนี้อาจารย์คนึงเริ่มทนไม่ไหวแล้วสินะคะ
เหมือนคำว่าต่างชนต่างชั้นมันค้ำคออยู่ แต่อาจารย์คะ ถ้ามันจะค้ำคอจะหายใจไม่ออก รอนจะขาดใจตายอยู่รอมร่อแล้ว มิสู้อาจารย์ผลักมันทิ้งไปเสียดีกว่าหรือคะ สงสารคุณเล็กมาก สงสารอาจารย์ด้วย  :hao5: :hao5:
เราเริ่มรู้สึกว่าทีมสิงห์จ้อยกำลังไปได้ดีใช่ไหมคะคุณดอกไม้ ต่อไปนี้จะเป็นยามยากที่จะพิสูจน์รักแท้ของพี่สิงห์กับน้องจ้อยแล้วววววววววว :-[ :-[ :-[ รอคุณดอกไม้มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 19-10-2014 21:22:43
สงสารเลอมานน สงสารครูด้วย :mew6: :mew6:
อยากให้เลอมานสู้ต่อไป อย่ายอมแพ้นะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: killtjae ที่ 19-10-2014 21:32:35
กรี๊ดดดด มาต่อแล้วววว
รอคอยเรื่องนี้มากๆ ต้องค่อยๆอ่านละเมียดทีละตัวอักษร กลัวจบเร็ว 555

พี่สิงห์สู้ๆนะ สร้างเนื้อสร้างตัวให้ได้นะ อย่ายอมแพ้น้องจ้อย
หนูเล็กก็กำลังจะกลับมาแล้ว เย้ๆ รอตอนต่อไปค่าาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: nemonoy ที่ 19-10-2014 22:27:40
รักคนเขียน รักนิยายเรื่องนี้ ยังคอยตามอยู่เรื่อยๆนะคะ มาช้ายังไง แต่ขอให้จบแบบสมหวังนะคะ ^_^ ลุ้นคู่จ้อยกับพี่สิงห์ รักตัวละครเรื่องนี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 20-10-2014 01:48:53
ว้าว น่าติดตามมากๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nae_Nae ที่ 20-10-2014 02:22:01
ฮือออ มาแล้วว ดีใจจจ  เรื่องกำลังจะดีขึ้นแล้วววว   
มาต่อเร็วๆนะ เรารออออคุณ เรารักคุณณณณ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 20-10-2014 03:30:13
กรี๊ดดด อ้ายสิงห์ไปทำงานใช่ไหม ????
เริ่ด อ่ะ เอาใจช่วยๆๆๆ
จ้อยเอ้ยยยย อีกนิดๆๆๆๆ อีกนิดเดียวนะ สมหวัง รุ้ตัว รุ้ใจ ให้ พี่สิงห์ เขาชื่นใจหน่อย
ออกมายืนด้วยลำแข้งแบบนี้ น้องจ้อยก้อไปสอนพี่สิงห์อ่านหนังสือนะ พี่สิงหัวไว แป๊บเดียว เก่ง ทำงานหาเงิน ให้จ้อย เป็นเถ้าแก่เนี๊ยะเลย


ปล ห๊า มีอีกคู่ด้วยรึ 5555 ลืมมมม ไปเลย

รอครึ่งหลังนะคะ
ขอน้องจ้อย พี่สิงห์เยอะ ๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Teddysdeath ที่ 20-10-2014 03:56:28
ว้าวววว คะแนนจิตพิสัยพุ่งพรวดๆเลยนะพี่สิงห์นะ :impress2:

ดีใจจัง มาต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 20-10-2014 07:14:11
เจอกันอีกครา ปีใหม่หรือเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 20-10-2014 19:14:01
ยิ่งอ่านยิ่งรักพี่สิงห์ พอพี่ทำดีงี้แล้วพี่โคตรน่ารักเลย
พี่ออกจากกลุ่มพวกไอ้ลอยแล้วใช่ไหม ใช่เถอะ  :sad4:

ส่วนหนูเล็กของครู ก็ยังน่าสงสารเหมือนเดิม ฮรื่ออออ
แต่คราวนี้เหมือนอะไรๆกำลังจะดีขึ้น..รึเปล่า

มาแค่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่าาา รอตอนต่อไปนะคะ คนเขียนสู้ๆ  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 23-10-2014 01:29:32
ขอบคุณ และสวัสดีพร้อม ++ ค่ะ

เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ และ อ.คนึง,คุณชายเล็ก,นายสิงห์และน้องจ้อยนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 23-10-2014 02:08:16
พี่สิงห์จะเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว :o8:
จ้อยก็เริ่มชอบสิงห์แล้วด้วย ดีจังเลย
ชอบคู่นี้ รอต่อจ้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 23-10-2014 11:01:57
อาจารย์คนึง อย่าใจร้ายกับคุณชายเล็กอีกเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 23-10-2014 12:55:39
สงสารหนูเล็ก อาจารย์คนึงเลิกทำร้ายจิตใจกันสักท
อย่าวิิตกกังวลในเรื่องความไม่เหมาะสมอีกเลยนะ
เห็นแก่ความรักที่ทั้งสองมีให้กันเถิิด มาต่อสู้อุปสรรคด้วยกัน
ส่วนบักสิงห์กลับตัวกลับใจเพื่อจ้อย พิิสูจน์ตัวเองให้สำเร็จนะ
จ้อยใจอ่อนลงเยอะแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Tonglee ที่ 24-10-2014 07:41:18
คิดถึงมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 24-10-2014 09:34:22
มานิดนึงก็เอา ดีกว่าไม่มา
สงสารเล็กเหมือนเดิม 2-3 ตอนที่แล้ว
หมั่นไส้ครูคนึงเหลือเกิน 55555555555555555
พอมาตอนนี้เริ่มโอเคขึ้นมานิด

รอที่เหลืออยู่นะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Julytastic ที่ 24-10-2014 12:37:22
อยากอ่านต่อแล้วค่าาา :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 24-10-2014 13:10:16
-------------------------------------------------แค่เนี๊ยะะะะ :a5:-------------------------------------
ก็ยังดี :pig4: :pig4: :pig4:

มาอีกนะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Noockie ที่ 25-10-2014 22:39:52
แค่นี้ก็ดีแล้วค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 26-10-2014 13:30:12
เง้อ พี่สิงห์  :m15: หายไปเช่นนี้แล้วใจน้องเล่าจัทำเช่นไร
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 26-10-2014 17:03:23
โอมๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 31-10-2014 16:59:43
พ่อสิงห์จะไปเป็นจับกังฤๅพ่อ
เถ้าแก่ฮงดูแลพ่อสิงห์ดีๆหนา ไม่เช่นนั้นจะโดนเหล่าแม่ยกรุม o18

หนูเล็กสู้ๆน๊า :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: thebook ที่ 03-11-2014 11:43:05
เข้ามารอครับ  :m15: :z3: :z3: :ling1: :z3: :z13:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: MiniMick00 ที่ 06-11-2014 09:48:34
เราสงสารทั้งอาจารย์และคุณเล็กเลยอะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 07-11-2014 17:10:27
ฮัลโหล น้องจ้อย พี่สิงหฺ ปีนี้ลอยกระทงที่ไหนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 07-11-2014 18:18:18
รอค่ะ ชอบพี่สิงห์กับจ้อย มากกว่า อาจารย์กับหนูเล็กแล้วนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 23-11-2014 21:53:10
 :katai1: :katai1: :katai1:
อยากอ่านแล้ววววววว รอน้าา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 23-11-2014 23:14:59
คิดถึงงงง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: iiam ที่ 24-11-2014 01:38:04

พ่อลอยนี่จะเปลี่ยนตัวเองได้มั้ยนะ

อยากให้ไอ้ลอยมีอีกด้านง่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 01-12-2014 20:42:40
ทั้งลุ้นทั้งค้างทั้งดีใจที่มาต่อ
ขอบคุณคุณดอกไม้มากๆคะถ้าไม่มีเวลาต่อจริงๆลงเป็นการ์ตูนให้ฟินก็ยังดีค่ะTT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (จึ๋งนึงค่ะ ^^") [๑๙ ต.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 02-12-2014 02:28:17
รอคอยย เธอมาแส๊นนนนนน นานนนนนน  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 02-12-2014 14:12:47
บทที่ ๓๐

ขอรักคืน

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


ซื้อกับข้าวกับปลาไปให้ยายแล้วจ้อยก็พาหัวสมองมึนชามาโรงเรียน  ระฆังเคารพธงชาติยังไม่ตี  เหล่านักเรียนครูเดินแกร่วเกลื่อนสนาม  หากจ้อยไม่สนใจใคร  ในหัวอกอันว้าวุ่นเต็มไปด้วยคำถาม  ไอ้สิงห์ทะเลาะกับแม่เพราะจ้อยหรือ?  มันไปทำอะไรที่โรงสีเถ้าแก่ฮง? ที่มันพูดว่าจะใช้หนี้แทนจ้อยนั้น มันหมายความว่าอะไร?  และมันออกจากบ้านไปตัวเปล่าแบบนั้น  จะกินจะอยู่อย่างไร  ยิ่งคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อพรรค์นั้นด้วยแล้ว..

   “จ้อย!” เสียงสดใสร้องเรียกเล่นเอาจ้อยสะดุ้ง  ความคิดสะระตะหยุดชะงัก  หม่อมราชวงศ์เลอมานกระหืดกระหอบมา  ใบหน้าเปื้อนยิ้มแจ่มใสผิดจากทุกวัน  มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง  ลากจ้อยลิ่วๆ ไปใต้ต้นหูกวางใหญ่  ยิงคำถามเข้าใส่จนจ้อยตั้งตัวไม่ทัน

   “พี่จินดาของจ้อยน่ะ” คำถามกระมิดกระเมี้ยน “เขาดูแลอาจารย์อย่างไรบ้าง”

   ก็จ้อยมัวแต่พะวงถึงไอ้สิงห์ของจ้อย  เลยไม่ทันได้ทักท้วงอะไร  ไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำว่าเพื่อนต่างชนชั้นจะอยากรู้ไปทำไม  เขาถามมาจ้อยก็ตอบไปซื่อๆ  ละเอียดยิบเท่าที่ความทรงจำของจ้อยจะอำนวย

   คุณชายพยักหน้ารับคำอย่างตั้งใจแล้วเริงรื่นจากไป  จ้อยมองตามงงๆ ได้ไม่นานก็ต้องกลับมาครุ่นคิดเรื่องของจ้อยต่อ.. คุ้งหัวแหลมอยู่ตั้งไกล  ถ้าจ้อยจะไปเสียตั้งแต่เที่ยงนี้  จะกลับมาเข้าเรียนคาบบ่ายทันไหมนะ   

   เลอมานลิ่วกลับเรือนพักลิงโลด  ถ้อยสาธยายของจ้อยอยู่ในหัวแจ่มชัดทุกคำโดยไม่ต้องอาศัยอะไรมาจด  เอาความรักแทนปากกา  เอาหัวใจมั่นคงของเขาแทนกระดาษ รายละเอียดทุกอย่างของอาจารย์ผู้เป็นดวงใจจักไม่มีวันเลือนลบ 

   “พี่จินดาเขาก็ดูแลทุกอย่างเท่าที่คนเป็นศิษย์เอกควรทำแหละ  ห้องหับก็เก็บกวาดเช็ดถูให้  เรือนพักอาจารย์ไม่มีแม่บ้าน  พวกอาจารย์ต้องทำความสะอาดเองทั้งนั้น  มีแต่อาจารย์คนึงที่มีพี่จินดาคอยดูแล  จริงๆ อาจารย์ก็ไม่อยากให้พี่ทำหรอกนะ  แต่ดูเหมือนพี่จะยินดีทำให้เอง  ตื่นเช้ามาที่หลับที่นอนก็เก็บให้  อาจารย์คนึงเขาชอบดอกมหาหงส์  พี่ก็จะเด็ดจากต้นที่ตีนบันไดไปวางไว้ข้างหมอนให้ทุกเช้า  แล้วก็เตรียมกาแฟเตรียมอาหารเช้า  กาแฟนี่อาจารย์เขากินกาแฟดำนะ  อ้อ เสื้อผ้าก็เหมือนกัน  พี่จินดาเขาคอยซักรีดให้ตลอด  ดูแลเสียจนอาจารย์คนอื่นเขาแซวว่าถ้าพี่เป็นผู้หญิง  เสียงแห่ขันหมากคงดังลั่นทุ่ง”

   เลอมานหมายใจมั่นแม่น

จินดา.. ขออย่าได้ห่วงอาจารย์เลย  จากนี้เขาจะดูแลแทนให้เอง  จะทำให้ดีเทียบเท่าที่จินดาเคยทำ

   อาจารย์.. ช่องว่างในอกซ้ายที่เกิดกลวงขึ้นนับแต่จินดาจากไป  เล็กจะเป็นคนถมมันเอง!

*****************************

ณ ห้องพักอาจารย์  คนึง วนาสัยนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่โต๊ะทำงาน  การบ้านนักเรียนที่เปิดผ่านไปแต่ละหน้าไม่ได้เข้าหัวเลยสักนิด  ใจมันเฝ้าพะวงแต่รอยหวานละมุนที่ยังเจือจางอยู่บนริมฝีปาก

ไม่น่าเลย  เมื่อเช้านี้พลาดเข้าจนได้  ถูกจับได้เสียแล้ว  เพราะความ ‘ตัดไม่ขาด’ ตัวเดียว  จะทำให้กำแพงที่เขาพากเพียรก่อมาพังทลายหมด  กำลังคิดว่าจะแก้ไขความผิดพลาดนี้อย่างไร  ดวงหน้าผ่องแผ้วของโจทย์ที่เขาย่องเข้าหาเมื่อเช้าก็โผล่พ้นขอบประตูเข้ามา  ราวกับจะมาทวงจูบที่จำเลยคนนี้ขโมยไป

   “อาจารย์..” เสียงใสกังวานมาพร้อมรอยยิ้มเปื้อนแก้ม  โดยไม่รอคำอนุญาต  ร่างโปร่งบางประคองถ้วยกาแฟเดินกร๊องแกร๊งเข้ามา  คนึงมองอย่างพรึงเพริด 

   ยอมรับว่าชั่วขณะหนึ่ง  แสงเช้าอาจหลอกตา  เขาเห็นภาพใครอีกคนทับซ้อน

ถ้วยกาแฟกระเบื้องคู่ใจถูกวางลงบนโต๊ะด้วยทีท่าที่พยายามระงับ ‘ความกระโดกกระเดก’ ไว้อย่างสุดความสามารถ  ก่อนถอยออกไปยืนอมยิ้ม  หูตาวับวาว

   วันนี้มาแปลก?! 

ถ้วยกาแฟตรงหน้า  คราบกาแฟเป็นรอยกระฉอกตรงขอบแก้ว  แถมยังมีผงสีน้ำตาลหกเกลื่อนจานรอง  ไอร้อนยังลอยกรุ่นอยู่เหนือของเหลวสีน้ำตาลใสที่ดูจะเจือจางกว่าปกติ 

ความเอ็นดูแผ่ซ่านขึ้นมาจากก้นบึ้ง  หากเขาพยายามปกปิดไว้ภายใต้ใบหน้าขึงตึงอย่างแนบเนียน  หนูเล็กของครู.. ตั้งใจชงกาแฟมาให้ครูหรือ?  ดอกฟ้าที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไข่ในหิน  มีแต่คนเฝ้าพะเน้าพะนอเอาใจ  อุตส่าห์ชงกาแฟมาให้หมาวัดอย่างครูหรือ?

กาแฟหน้าตาขี้ริ้ว  หากคนึงแน่ใจว่าคนชง  ใส่หัวใจมาด้วยเต็มเปี่ยม

หัวใจที่เขาไม่อาจเอื้อม

หัวใจที่เขาพยายามผลักไส

คนึงรีบปัดความเอ็นดูทิ้ง  ความรักที่เกิดขึ้นชั่ววูบในวันนี้มันจะทำลายชีวิตของเล็กจนพังพินาศในวันหน้า  เพื่อให้วันนั้นมาไม่ถึง  เกลียดชังครูเถิด.. หนูเล็กของครู

มือใหญ่ยกกาแฟขึ้นจิบอย่างเสียมิได้  แค่ปลายลิ้นแตะก็กระแทกถ้วยคืนจานดังเปรื่อง  เล่นเอาคนที่รอคำชมใจจดจ่อหน้าเสีย

“รสชาติเหมือนน้ำล้างแก้ว” แค่ผรุสวาจาไม่พอ  ซ้ำสาดที่เหลือออกนอกหน้าต่างให้ช้ำเล่น “คราวหลังไม่ต้องชงมา  เสียดายของ”

คนึงไม่ทันได้อยู่ดูสีหน้าหม่อมราชวงศ์เลอมาน  ไม่ทันได้เห็นว่าดวงตาที่มองมาอย่างปวดร้าวนั้นมีน้ำตาเอ่อคลอหรือไม่  แค่เห็นริมฝีปากคู่นั้นเม้มแน่น  ชายหนุ่มก็เก็บหนังสือบนโต๊ะปึงปัง  เดินหนีออกมาไม่สนใจ 

ถ้าจะมีหัวใจใครอยู่ในกาแฟแก้วนั้น  ป่านนี้มันคงนองไหลไร้ค่าไปกับพื้นดิน  รอแสงแดดส่องมาก็ระเหยหายไปในที่สุด 

*****************************

   สิ่งที่เต้นตุบอยู่ในอกซ้ายของมนุษย์นั้นน่าประหลาดนัก  มันก็แค่ก้อนเนื้อเท่ากำปั้น  ใครจะเชื่อ.. แค่มีความรักบรรจุอยู่ภายใน  เหมือนใยรักหนาแน่นร้อยรัดเป็นเกลียวฟั่น  จะตัดจะดึงอย่างไรก็ไม่ขาดเสียที 

   อย่าว่าแต่อาจารย์คนึงเลยที่จะแปลกใจ  เลอมานเองยังแปลกใจตน  ตั้งแต่จำความได้  เขาไม่เคยหยิบจับงานบ้านเลยสักครั้ง  แม้จะอยู่โรงเรียนประจำ  แต่บุตรชายท่านทูตก็มีคนรับใช้คอยทำทุกอย่างให้เสมอ  เขาเคยมองว่างานพวกนี้คืองานชั้นต่ำ  และงานชั้นต่ำก็ต้องเป็นของคนชั้นต่ำ  คนเกิดมาสูงส่งเหมือนหงส์ในกรงทองอย่างเขาหรือจะลดตัวลงไปหยิบจับ

   แล้วนี่อะไร...

   หม่อมราชวงศ์หนุ่มค่อยๆ จับจีบแขนเสื้อเชิ้ตวางบนผ้าผวยปูรอง  ปลายนิ้วจุ่มน้ำในขันรองหินพรมลงพอชื้น  หยิบเตารีดที่บรรจุถ่านร้อนไว้เต็มนาบลงใบตองด้านนวล  ก่อนยกมาวางบนเสื้อที่วางแผ่ตรงหน้า

เครื่องแบบข้าราชการสีกากีของอาจารย์คนึง

เตารีดยิ่งดูจะทวีความหนักอึ้ง  เมื่อมือเขาแสบร้อนและแดงเป็นปื้นแบบนี้  จะอะไรเสียอีก  ก็ตอนกลางวันเขาหอบเสื้อผ้าอาจารย์มาซัก  อาศัยช่วงทุกคนพักเที่ยงพอดี  เด็กหนุ่มไม่คิดว่าจะมีใครมาเห็น  ที่ไหนได้  อาจารย์โผล่มาที่ลานซักล้างเงียบๆ  มาตอนไหนไม่มา  ทำไมต้องมาเห็นตอนเขากำลังกอดเสื้ออาจารย์แนบอก  จรดปลายจมูกสูดกลิ่นกายที่ยังหลงเหลืออย่างน่าอาย 

อาจารย์ยืนมองนิ่งตอนเขาใช้ถังสังกะสีตักน้ำจากตุ่มมาเทใส่กะละมังทุลักทุเล  แล้วพอเขาตีฟองพูนเป็นภูเขา  ฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงของผงซักฟอกก็สำแดงเดช  มือที่ไม่เคยแตะงานหนักทั้งแสบและร้อนผ่าวไปหมด  เขาไม่บ่นสักคำ  ได้แต่กัดฟันอดทน 
พอหันไปสบตาอาจารย์  ดวงตาคู่นั้นมองมาอย่างสมเพช  ค่อนแคะให้คำหนึ่งว่าซักให้สะอาดก็แล้วกัน  ก่อนจากไปอย่างไม่ใยดี

หึ!  คิดหรือว่าคนอย่างเขาจะยอมแพ้  จะทำทุกอย่างให้อาจารย์ยอมรับให้ได้ละ 

หรือความพยายามจะสัมฤทธิ์ผล  เมื่อกำลังรีดผ้าอยู่ดีๆ อาจารย์ก็เปิดประตูเข้ามา!

“อาจารย์!” เลอมานดีใจจนออกนอกหน้า  อาจารย์กลับมาแล้ว  คืนนี้จะมานอนที่นี่  จะไม่ทิ้งเขาไปไหนอีกแล้วใช่ไหม 

หากคนที่เพิ่งเข้ามากลับตีหน้ายักษ์ “ทำอะไรอีก!?” คำถามหงุดหงิด “พอได้แล้ว  เอาไปเก็บไป  ไม่ต้องมาทำให้ผมหรอก”

“จินดาทำได้เล็กก็ทำได้” เลอมานเถียงคำไม่ตกฟาก  ทว่าเมื่อดวงตาสีเข้มคู่นั้นหยุดนิ่งลงตรงมือแดงจัดที่จับหูเตารีดแน่น  คนปากเก่งรีบเอามือกุมกันไว้ 

   เสียงทุ้มครางอ้อ “เพราะอย่างนี้สินะถึงพากเพียรมาทำนู่นทำนี่ให้” เขาหัวเราะในคอดั่งจะเยาะ  และแล้วประโยคถัดมา  ก็ส่งผลให้ความยินดีที่ได้เจอหน้าคนรักระเหิดหายดั่งละอองน้ำที่ถูกเตารีดนาบ

   “ที่ห้ามนี่ผมไม่ได้ห่วงคุณนะ  ผมห่วงเสื้อผมมากกว่า” เสียงทุ้มค่อนไม่ดูดำดูดี “เกิดเสียหายไป ครูจนๆ อย่างผมไม่มีปัญญาซื้อใหม่หรอก”

   “ถ้ามันขาด  ผมจะซื้อให้ใหม่ก็ได้” คนรั้นหายอมแพ้ไม่  คว้าเตารีดนาบลงเสื้อซ้ำๆ  พยายามทำเหมือนช่ำชอง  แต่ก็ทุลักทุเลเต็มทน 

   “ตัวไหนก็ไม่เหมือนตัวนี้  ตัวนี้มีรอยมือจินดา” สิ้นคำพูดนั้น  มือเรียวชะงักงัน “ผมไม่อยากให้คุณแตะด้วยซ้ำ”

   ไม่ใช่เพียงความยินดีแล้วที่ระเหิดหาย  หัวใจชั้นลึกลงไปดั่งถูกถ่านร้อนนาบจนเกรียมไหม้  ผะผ่าวมาถึงกระบอกตา 

   เตารีดเจ้ากรรมทำพิษซ้ำ  ถ่านไม้ที่ลุกแดงอยู่ในรังจู่ๆ ก็แตกปุ  กระเด็นตกลงบนเนื้อผ้า  คนไม่ทันยั้งคิดรีบหยิบออก.. ด้วยปลายนิ้ว! 

   “ทำอะไร!” เสียงห้าวตะคอกลั่น  คนตัวโตก้าวปราดเดียวถึงตัว “จนได้สิน่า!” เขาดุเสียงดังจนเลอมานสะดุ้ง  มือใหญ่ข้างนั้นยื่นมา.. ทำท่าจะคว้ามือกัน  ก่อนชะงัก  หันไปคว้าเสื้อแทน  คนเจ็บตัวได้แต่กุมมือกันหน้าม่อย   

   อ้อ.. ห่วงเสื้อ.. เสื้อที่จินดาเคยรีด.. 

   เขาหายไปครู่หนึ่ง  กลับมาพร้อมแง่งว่านหางจระเข้โยนลงบนตัก “ทาซะ  เกิดลูกหลานเขาเป็นอะไรไป  ผมชดใช้ท่านพ่อคุณไม่ไหวหรอก”

   เด็กหนุ่มสูงศักดิ์หยิบมาทาเซื่องซึม  อ้อ.. ห่วงท่านพ่อจะพิโรธ..

   ภารกิจวันแรกล้มเหลว..

   ไม่ได้เรื่องเลย.. ไม่ได้เรื่องสักอย่าง.. 

   แต่เลอมานหายอมแพ้ไม่  คอยดูก็แล้วกัน  วันพรุ่งนี้  วันต่อๆ ไป  เขาต้องทำได้ดีกว่านี้แน่  รับรอง! 

*****************************
   
   แดดอ่อนเหลืองรำไรพาสีเหลืองทองคำฉาบทิวเมฆไกลโพ้น  แสงสีหมากสุกกระจายทั่วฟ้า  ฉาบหน้าจ้อยจนต้องหยีตา  ท้องน้ำสะท้อนแดดเป็นประกายระยับ  นกยางสีขาวเกาะกลุ่มไกวปีกช้าพาฝูงกลับรวงรัง  เสียงกระดึงจากคอวัวของพวกเกวียนขนถ่านดังแว่วมาแต่ไกล  กิ่งตาลแห้งถูกลมตีเสียงดังแกรกกราก   

   โรงสีไฟของเถ้าแก่ฮงอยู่ไกลไปทางเบื้องตะวันตกลิบๆ พู้น  จ้อยต้องพายเรือพ้นปากคลองเมืองออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา  เข้าหน้าหนาวแบบนี้  แม่น้ำจะมีคลื่นลมแรง  ลมพัดล่องพาเรือบดของจ้อยไปฉิวๆ แทบไม่ต้องออกแรงพายให้เมื่อย     

   แม้ใจจ้อยจะบินไปโรงสีตั้งแต่ตอนพักเที่ยง  แต่ก็คิดถูกแล้วที่ค่อยออกมาตอนเลิกเรียน  ระยะทางอันไกลโขบวกกับเปลวแดดยามเที่ยง  ไหนจะขากลับที่ต้องพายเรือทวนน้ำ  จ้อยคงกลับมาเข้าเรียนคาบบ่ายไม่ทันแน่ๆ 

   จ้อยพาเรือเฉียงข้ามแม่น้ำ  หนีคุ้งน้ำยาวไปฝั่งหัวแหลม  โรงสีที่ตั้งทะมึนอยู่ริมน้ำเหมือนปราสาทขังยักษ์อยู่ภายในก็ปรากฏแก่สายตา  เสียงเครื่องยนต์อันเกิดจากเชื้อเพลิงแกลบส่งเสียงหึ่งๆ สะท้อนไปทั่ว  สะพานปูนที่ทอดจากโรงสีออกไปริมน้ำมีโป๊ะจอดเรือ  เรือบรรทุกข้าวเปลือกขนาดสามเกวียนจอดนิ่งริมฝั่ง   คนงานหลายคนยังทำงานง่วน  เสียงพูดคุยดังแว่วอยู่ไกลๆ 

   จ้อยจอดเรือเทียบโป๊ะแล้วก้าวขึ้นไป  จับกังไม่ใส่เสื้อเนื้อตัวมันปลาบนับสิบชะงักมอง  ทั้งคนที่ใช้ขอเหนี่ยวกระสอบข้าวเปลือกลงมา  ทั้งคนที่มีกระสอบหนักร้อยสิบโลอยู่บนหลัง

   มันแน่ล่ะ  นักเรียนครูสะอาดสะอ้านมาโผล่อยู่กลางดงกุลี  ใครต่อใครย่อมหันมองเป็นตาเดียว  สายตาบางคู่.. มองมาอย่างสอดรู้  แต่มีบางคู่.. มองเอามองเอาด้วยลูกตาวาววับ 

   จ้อยพยายามมองหาคนที่มาตามหา  ใจหนึ่งก็ประหวั่นกับสถานที่และผู้คนอันไม่เคยคุ้น  หากอีกใจที่แฝงลงไปลึกเร้น  มีความยินดีซุกซ่อน  จ้อยจะได้เจอหน้ามัน  หลังจากไม่ได้เจอมาตั้งนาน

   “มาหาใครเรอะ” เสียงห้าวๆ ดังขึ้นข้างหลัง  จ้อยหันไปมอง  คนงานรุ่นพ่อตัวดำเป็นเหนี่ยง  ริมฝีปากหนาคาบมวนยาเส้นพ่นปุ๋ยๆ  แกมองหัวจรดเท้าเห็นเครื่องแบบแล้วก็ตัดสินใจเรียก “ครู” 

   “รู้จักนายสิงห์ไหมจ๊ะ” หนุ่มน้อยถามนอบน้อม

   “สิงห์ไหนวะ”

   “ลูก..ลูกชายกำนันเสริม”

   “อ้อ” แกหัวเราะเฮ่อะ “ไอ้ตะเข้คับคลองน่ะเรอะ” นักเรียนครูนึกฉงนกับฉายานั้น  ตะเข้คับคลอง?  ทำไมจึงเป็นตะเข้คับคลอง?

   “นู่น” ชายคนงานบุ้ยปาก  นิ้วอันหยาบกร้านและเล็บดำเขรอะชี้ไปทางโคนต้นไม้ใหญ่  จ้อยหันมองตามมือชี้  ไม่ยักกะเห็นลูกชายกำนัน  เห็นแต่คนงานคนหนึ่งนั่งหันหลังให้  ผมยาวระบัดต้นคอ  ผิวคล้ำแดดมันปลาบ  กล้ามเนื้อหลังไหล่ล่ำสันเป็นมัด  ดูจากท่าทางแล้วคงกำลังพุ้ยข้าวเข้าปาก 

   จ้อยสายหน้าระอา  เอาเถิด.. ถามคนนี้ไม่ได้ความ  เปลี่ยนไปถามคนนั้นแทนก็ได้  หนุ่มน้อยสาวเท้าเข้าไปใกล้  ก้มหน้าลงถาม
   “น้าครับ” สิ้นเสียงจ้อย  ชายแปลกหน้าหันมาทันใด “น้าพอจะรู้..”

   แค่ใบหน้านั้นหันมา  ถ้อยคำที่จ้อยจะพูดติดขัดอยู่ในลำคอ  ต่างฝ่ายต่างตกใจ! 

   ‘มัน’ ตกใจที่เห็นจ้อยมาที่นี่  แต่จ้อยตกใจเสียยิ่งกว่า  อยู่ใกล้กันแค่คืบ  แต่จ้อยจำ ‘มัน’ ไม่ได้

   ไอ้สิงห์....

   ร่างสูงทะมึนผึงขึ้นยืนตระหง่าน  จ้อยจึงได้เห็นมันเต็มตา  มัน.. มันเปลี่ยนไปมากจริงๆ  เมื่อก่อนนี้.. ถึงมันจะเถื่อนถ่อยเป็นสันดานอย่างไร  แต่พออยู่ใต้เสื้อผ้าราคาแพง  มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ  มีลูกน้องล้อมหน้าล้อมหลัง  มันจึงยังมีราศีลูกชายกำนันจับ  แล้วดูตอนนี้.. คนตัวยักษ์ตรงหน้าหมดมาดนักเลงคุมตลาด  ใบหน้ารกเครา  เนื้อตัวอาบเหงื่อมีแต่ร่องรอยเคี่ยวกรำลำเค็ญ  กางเกงขาก๊วยที่ใส่มอมแมมและเก่าจนเนื้อน่าย     

   เหมือน.. เหมือนกุลี  เหมือนโจรป่า!

   สิ่งเดียวที่เหมือนเดิมคือสายตาที่มันมองจ้อย

   นักเรียนครูเพิ่งสังเกต  ในห่อใบตองที่ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นข้าว  พอได้เห็นใกล้ๆ  แท้จริงแล้วมันคือ.. มันคือหัวมันขี้หนูต้ม

   ราคาถูกที่สุดในบรรดาของกินที่แม่ค้าหาบสาแหรกมาขายหน้าโรงสี 

   “มาทำไม!” มันต้อนรับจ้อยด้วยการตะคอกใส่หน้า  หนวดครึ้มเหนือริมฝีปากยังมีเศษมันต้มสีขาวติด “กลับไป!”

   นักเรียนครูเม้มปากแน่น  ไม่ต้อนรับไม่ว่า  ยังมีหน้ามาไล่กันอีก 

   “เอ็งมายังไง”

   “พะ..พายเรือมา..” เสียงเล็กตะกุกตะกัก  และโดยไม่ฟังอีร้าค่าอีรม  มือใหญ่เทอะทะก็คว้าแขนจ้อยหมับ  จ้อยถึงกับสะดุ้ง  ไอ้
สิงห์มันมือหยาบ..จ้อยรู้.. แต่หนนี้มือมันแข็งกระด้างและสากระคายมากขึ้นกว่าเก่า  มันลากจ้อยหัวซุนกลับมาที่โป๊ะ  พวกคนงานมองตามเป็นตาเดียว

   “ดงเสือดงตะเข้ทั้งนั้น  กลับไปซะ” มันกระซิบลอดไรฟัน  แทบจะโยนจ้อยลงเรือ “แล้วอย่ามาอีก!”

   จ้อยหน้าชา  อย่าว่าแต่หน้า.. หัวใจก็เหมือนจะชาวาบไปด้วยความผิดหวังความเสียหน้าประดังประเด  ดูรึ  คนเขาอุตส่าห์มาหา  มันจะดีใจที่เห็นหน้ากันสักนิดก็หาไม่  ไม่นึกเลยว่าคนที่เคยเดินตามกันต้อยๆ จะมาไล่จ้อยเหมือนหมูเหมือนหมาอย่างนี้  ไหนจะตกใจกับสารรูปมัน  อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่า.. ตั้งแต่พ้นชายคาบ้านกำนันมาอาศัยลำแข้งตัวเองที่นี่  มันใช้ชีวิตแบบไหน  มันกินอยู่อย่างไร  มันลำบากมากไหม

   นึกแล้วอยากตบหน้าตัวเองสักฉาด!  มันยังไม่ห่วงจ้อยเลยสักนิด  แล้วจ้อยจะเป็นห่วงมันทำไม!

   จ้อยคิดอยู่ในใจตลอดทางที่จ้ำพายทวนกระแสน้ำกลับบ้าน  คอยดูเถอะ  จ้อยจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก  ถ้าเห็นจ้อยมาหามันอีกล่ะก็  เรียกจ้อยว่าลูกหมาได้เลย!

*****************************
   
(มีต่อจ้า :hao7:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 02-12-2014 14:53:32
   “บ๊อกๆ”

   หลานยายช้อยสะดุ้งโหยง  เอ๊ะ!  ไอ้ลูกหมานี่มันยวนจริง  กวนประสาทที่สุด!  คนเตะบอลกันหน้าโรงเรียนเยอะแยะไม่ไปไล่เห่า  มาเดินเห่าบ๊อกแบ๊กตามจ้อยอยู่ได้!       
   
“ไปไป๊ ชิ่วๆ” นักเรียนครูบ่นหงุงหงิง  ไล่ไอ้ตูบไปให้พ้นๆ พลางประคองห่อใบตองในมืออย่างหวงแหน  หันซ้ายหันขวาไม่เห็นใครก็ผลุบหายเข้าไปในประตูเงียบเชียบ

   สี่ห้าวันมานี้  สองสหาย จ้อยและเลอมาน ต่างยุ่งขิง  ต่างวุ่นวายอยู่กับธุระของตน  ธุระของเลอมานจะเป็นอะไรไปได้  นอกเสียจากปรนนิบัติดูแลอาจารย์สุดที่รัก  แต่ทุกสิ่งที่ทำไปเหมือนตบมือข้างเดียว.. ไม่สิ.. ตบมือข้างเดียวยังดีไป  เรียกว่าตบมือไปแล้วเจอลูกถีบสวนกลับมาเสียดีกว่า 

   หลังจากเช้าวันนั้น  ไม่มีเลยสักวันที่กาแฟซึ่งเขาตั้งใจชงให้จะถูกอาจารย์แตะต้อง  ไม่กินไม่ว่า  เททิ้งให้ดูต่อหน้าด้วยซ้ำ  กับข้าวกับปลาที่ซื้อหามาบ้าง เอามาจากโรงอาหารตระเตรียมไว้ให้บ้างก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน  อาจจะดีกว่าหน่อยตรงที่ไม่ถูกสาดทิ้งลงถังขยะ  แต่พอเลอมานมาเห็นอาหารแห่งความรักของตนกองเขละอยู่ในชามข้าวหมาใต้ถุนเรือนแล้ว  อกเอ๋ยมันเจียนจะขาดเสียให้ได้

   อ้อ.. มีบางอย่างที่อาจารย์ไม่ปฏิเสธ  หรือเรียกอีกนัยคืออยู่ในภาวะที่ปฏิเสธไม่ได้  อย่างเช่นดอกมหาหงส์ที่เขาเพียรไปตัดมาวางไว้ข้างหมอนอาจารย์ทุกคืน  อาจารย์ไม่ยักกะเอาไปทิ้ง  แต่ก็มีเหตุผลเสียดแทงใจมาบอกว่า.. เพราะมันเป็นดอกไม้ที่จินดาปลูก  ส่วนเสื้อผ้าที่เขาตั้งใจหอบไปซักรีดให้ด้วยตัวเองนั้น  แรกๆ อาจารย์ก็ห้ามอยู่หรอก  แต่สักพักคงเห็นว่าห้ามไปเขาก็ดันทุรังเอามาซักให้อยู่ดี  เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย  เช่นเดียวกันกับงานปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดห้องที่เขาทำให้ทุกวัน   
   
แค่ไม่กี่วัน  มือเขาก็มีแต่แผลเต็มไปหมด  แต่มันเทียบกันไม่ได้เลยกับแผลที่ใจ  แผลจากการถูกคนรักถากถางตัดเยื่อใย  จะยับเยินสักปานใดก็ลองคิดดูเถิด 

   น่าประหลาด  ถูกรังแกใจถึงปานนี้  หม่อมราชวงศ์หนุ่มยังไม่ยอมละเลิกความพยายาม
   
คุณชายเลอมานงานยุ่งแค่ไหน  จ้อยก็งานยุ่งไม่แพ้กันแหละ  ออกจะหนักกว่าด้วยซ้ำเพราะต้องถ่อไปถึงคุ้งหัวแหลมพู้น  ความจริงโดนมันไล่ตะเพิดมาหนนึงแล้วจ้อยก็เจ็บจำ  ย้ำหัวตะปูว่าจะไม่ไปเหยียบที่นั่นเป็นครั้งที่สอง  ฝังใจอยู่เช่นนั้นได้สองวันกระมัง  น้าแป้นก็วิ่งโร่มาหาถึงตลาด  คาบความมาบอกว่าคุณนายพูนทรัพย์ดีใจนักหนาที่รู้ว่าจ้อยไปเยี่ยมไปหามัน  ฝากจ้อยไปดูมันบ่อยๆ แทนแกที  เพราะตัวแกเป็นแม่จะบากหน้าไปง้อลูกก็ใช่เรื่อง  จ้อยได้แต่รับฟังด้วยใบหน้างอง้ำเป็นจวัก

   จ้อยละอยากรู้นัก  ถ้าคนที่พายเรือไปหามันถึงโรงสีเป็นคุณชายเลอมาน  จะถูกมันไล่เหมือนหมูเหมือนหมาแบบนี้ไหม  เลยสะบัดเสียงใส่น้าแป้นไปว่า

   ‘เขาไม่อยากเห็นหน้าจ้อยละมั้ง  ไปขอคุณชายเล็กโน่นซี  ถ้าเป็นคุณชายเล็กไปหา  เขาอาจดีใจก็ได้’

   น้าแป้นงง  แกถามว่าคุณชายฝรั่งมาเกี่ยวอะไรด้วย  จ้อยเลยเริ่มมีมะโห  พาลพาโลใส่แกไปว่าก็วันก่อนนู้นเขาซ้อนรถเครื่องไปเที่ยวกันไม่ใช่หรือ  ไปหัวรอไม่พอ  ถ่อนั่งรถไฟไปถึงพระนครด้วยซ้ำ!? 

   แกทำตาปริบๆ อยู่สองทีก่อนระเบิดเสียงหัวเราะลั่น ‘โอ๊ยครูเอ๋ย  นี่พ่อช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย’ แกหัวร่องอหาย  ตีแขนจ้อยป้าบๆ ‘เขาพากันไปซื้อหนังสือเรียนให้ครูสิเล่า  ตาสิงห์เขาอ่านหนังสือไม่ออก  ไอ้น้าเองก็จนปัญญา  ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครเลยไปหาคุณชายฝรั่งให้ช่วย’

   คราวนี้เลยกลายเป็นจ้อยบ้างที่อึ้งเหมือนถูกตีแสกหน้า  กลิ่นหนังสือใหม่อันหอมอวลความหวังที่กอดตระกองไว้แนบอกวันนั้นยังฟุ้งอยู่มิจาง

   ใจอันขึงตึงด้วยทิฐิของจ้อยก็พลันหย่อนยวบลงอย่างง่ายดาย 

   นั่นละ  จ้อยเลยจำใจไปหามันที่โรงสีไฟอีก  อย่าเชียวนะ.. อย่าคิดว่าจ้อยดูดำดูดีมันนักหนา  จ้อยก็แค่สงสารคนแก่ลูกหายอย่างคุณนายพูนทรัพย์เท่านั้น  จะสละเวลาไปดูมันบ้างนานๆ ทีก็ได้! 

   นานๆ ทีที่ว่า  ก็แค่วันละครั้งหลังเลิกเรียนเอง  แต่บางวันช่วงพักเที่ยงจ้อยก็แว่บไป  พอระฆังดังปุ๊บ  นู่น.. หลานยายช้อยไปนู่น  ลิ่วๆ ไปโรงอาหาร  มื้อกลางวันมีอะไรก็จัดแจงใส่ปิ่นโต  หายตัวไปไม่มีใครรู้เห็น  กลับมานั่งเรียนคาบบ่ายอีกทีด้วยเสื้อเปียกเหงื่อโชก 

   ยอมรับว่าวันแรกๆ จ้อยหัวเสียไม่เบา  ก็มันไล่กันอีกแล้ว!  แต่พอยืนกรานไม่กลับเสียอย่าง  ใครจะมีน้ำอดน้ำทนมาไล่กันได้ทั้งวัน  มันก็ต้องปลีกตัวไปทำงาน  มายืนเถียงกับจ้อยนานๆ ก็ไม่ได้  สายตาคนงานคนอื่นมองมาวาววับ  ไหนจะเสียงเถ้าแก่ฮงโวยวายหาว่ามันอู้  สุดท้ายมันเลยได้แต่ปล่อยให้จ้อยนั่งจ๋องเฝ้าปิ่นโตอยู่ใต้ร่มไม้อย่างนั้น

   ยิ่งวัน.. ความหัวเสียของจ้อยก็แปรเปลี่ยน  พอจะเดาออกแล้วว่าทำไมมันไม่อยากให้จ้อยอยู่ที่นี่นานนัก 

   นักเลงโตที่เคยเดินกร่าง  มามีกระสอบข้าวสารแบกอยู่บนหลังไหล่เปลือยเปล่าแบบนี้.. จ้อยไม่เคยเห็น  ท่ามกลางเปลวแดดที่เต้นระยับ  มันเดินตีนเปล่าแบกกระสอบหนักอึ้งเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า  มีอยู่วัน.. จ้อยไปหาแล้วไม่เห็นมันอย่างเคย  ถามใครก็ได้ความว่ามันไปกับเรือบรรทุกข้าวเปลือก  เถ้าแก่ฮงกะเวลาน้ำลงพลาด  เรือติดค้างอยู่ในลำคลอง  ทำเอาจ้อยใจหายวาบ  มันไปทั้งแต่เช้า  ข้าวเช้าข้าวเที่ยงจะตกถึงท้องบ้างหรือยังก็ไม่อาจรู้

   พอน้ำเริ่มขึ้นบ่ายสามโมงเย็นนั่นแหละ  มันถึงได้กลับมา  หิวซ่กจนมือไม้สั่น  และแล้ววันนั้นสำรับที่จ้อยอุตส่าห์กระเตงไปก็ไม่เป็นหมันเหมือนที่ผ่านมาอีก  มือใหญ่เทอะทะงัดปิ่นโตพุ้ยข้าวผัดเย็นชืดเข้าปากไม่พูดไม่จา  จ้อยได้แต่นิ่งมองด้วยความรู้สึกที่ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจ้อยจะมีให้มันได้อีกครั้ง

   ทั้งเอ็นดู.. ทั้งห่วงใย.. 
     
หัวใจอันแข็งกระด้างและเต็มไปด้วยความชิงชังก็ดั่งจะหลอมละลายลง

   นั่นแหละ.. ทั้งเลอมานทั้งจ้อยต่างมีธุระหนักอึ้ง  ต่างจึงไม่มีเวลา ไม่มีกะใจมาพูดคุยปรับทุกข์กันเท่าไร  ถ้าไม่ใช่ในห้องเรียนแล้ว  ทั้งคู่แทบไม่เจอหน้ากันเลยด้วยกระมัง

   จนกระทั่ง.. มาปะหน้ากันที่นี่..

   โรงครัวของนางนกแก้ว

   ก็ไม่มีอะไรมาก  แค่ต่างคิดว่าหากลองร่ายเสน่ห์ปลายจวัก  ทำอาหารให้ ‘เป้าหมาย’ ของตนด้วยตนเอง  บางทีผลแห่งความพยายาม  อาจส่งให้ต่างมีตัวตนในสายตาใครคนนั้นขึ้นมาบ้าง 

   จ้อยยืนงงทำตาปริบ  อุตส่าห์แอบย่องเข้ามาเงียบๆ หลังเลิกเรียน  ในห้องครัวที่คิดว่าไม่มีใคร  กลับเจอหม่อมราชวงศ์สูงศักดิ์ยืนงกๆ เงิ่นๆ หน้าเตา 

   “คุณชายมาทำอะไร”

   “ทะ..ทำกับข้าว” คำตอบตะกุกตะกัก  มิหนำซ้ำ.. ต่างซ่อน ‘อะไรบางอย่าง’ ไว้ข้างหลังพร้อมเพรียงกัน  ของจ้อยเป็นปลาทูน้อยนอนอัดกันอยู่ในเข่ง  ส่วนของคุณชายเป็นปลานิลตัวโตพันห่อมาในใบตอง 

   โฮ่.. เงินหนากว่า  ปลาเลยตัวใหญ่กว่า 

   หากคนมีปลาตัวใหญ่กว่า  กลับไม่มีปัญญาทำให้มัน ‘กินได้’

   จ้อยร้องลั่นตอนคุณชายเล็กทำท่าจะโยนปลานิลตัวเป้งลงกระทะทั้งหัวทั้งหาง  ปรูดเข้าไปแย่งมาแทบไม่ทัน  ไม่แย่งได้หรือ  ปลานิลตาใสแจ๋ว หัวหางยังไม่ได้ตัด ไส้ยังไม่ได้ควักเลยด้วยซ้ำ!

“ทำไมไม่ให้เขาทำมาให้ล่ะ” นักเรียนครูเอ็ดเข้าให้ “ขอดเกล็ด ควักไส้ ตัดหัว”

   “ฉันไม่รู้นี่..” บุตรท่านทูตหน้าม่อย

   “หาเรื่องให้จ้อยมือเลอะแท้ๆ” ปากก็บ่น มือก็ขอดเกล็ดปลาควากๆๆ “ว่าแต่ซื้อมาทำไมน่ะ  แล้วทำไมต้องเอามาทอดเอง”

   “เอ่อ.. ก็..” คุณชายอึกอัก “แล้วจ้อยล่ะ  ทุกทีกินที่โรงอาหารไม่ใช่หรือ” ชะ!  ถามแล้วย้อน  เล่นเอาเส้นที่ขมับจ้อยตึงเปรี๊ยะ  ช่างเถอะ  งั้นอย่าถามเลย  จ้อยไม่อยากให้ใครถูกสาวไส้ออกมาเหมือนปลาตัวนี้  ไม่ว่าจะคุณชายเล็กหรือตัวจ้อยเอง 

   เดชะบุญจริงๆ ที่จ้อยเข้ามาเจอคุณชายเล็กที่นี่  หาไม่แล้วโรงครัวอาจต้องวอดวายเปิดเปิงไปแล้ว  มีอย่างที่ไหน  เทน้ำมันเสียท่วมกระทะ  จ้อยบอกให้รอให้น้ำมันร้อนคุณชายก็รอจนควันขึ้นโขมงแล้วปลาชุ่มน้ำทั้งตัวก็ถูกโยนโครมลงกระทะ

   โอ้โห.. นี่มันระเบิดลูกย่อมๆ  เสียงฉ่ามาพร้อมน้ำมันร้อนๆ กระเด็นเปรี๊ยะปร๊ะเป็นห่าฝน  ตัวการน่ะโดดเหยงเป็นกุ้งเต้น  คว้าฝาหม้อเบอร์หกสิบมาป้อง  มือหนึ่งถือตะหลิว  ยังกะอัศวินยักแย่ยักยัน

   จ้อยไม่มีเวลาไปช่วยมากนักหรอก  เพราะจ้อยก็ต้องดูปลาทูในกระทะจ้อยเหมือนกัน  ได้แต่คอยส่งเสียงช่วย “เบาไฟๆ ไฟแรงเกินไปแล้ว! รีบกลับปลาเร็วเดี๋ยวไหม้!  เดี๋ยว กลับข้างเดียวพอ อีกข้างไม่ต้องรีบกลับ!”

   สมรภูมิย่อมๆ ผ่านไป  ผลคือปลานิลตัวใหญ่  ด้านหนึ่งไหม้  ด้านหนึ่งไม่สุก  เนื้อตัวล่อนจ้อนไร้หนัง  เพราะมันไปไหม้ติดก้นกระทะเละเทะเป็นเทือกเสียหมดแล้ว  พื้นครัวยันผนังมีแต่รอยน้ำมันกระดำกระด่าง  เลอมานได้แต่ถอนใจมองปลาอัปลักษณ์ในจาน  ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้  แขนขาวๆ มีรอยลวกแดงเป็นจุดๆ  โชคดีเท่าไรแล้วที่ไม่กระเด็นใส่หน้า 

   ปลาทูของจ้อยนอนมาในจานเรียบร้อย  เหลืองทองกรอบสวยดูน่ากิน  คุณชายมองสองจานสลับกันตาละห้อย

   “น่ากินเนอะ” หมายถึงปลาทูของจ้อยแหละ “ขอฉันตัวนึงสิ” สุ้มเสียงเว้าวอนเหลือหลาย

   “ไม่ให้!” จ้อยปฏิเสธฉับไร้เยื่อใย

   “ขอฉันตัวนึงเถอะน้า”

   “ยังไงก็ไม่ให้!”

   “ขี้งก!”

   อย่ามาเร้าหรือเสียให้ยาก  จ้อยซื้อมาแค่สี่ตัวเอง  ขืนให้คุณชายไปตัว  พี่สิงห์ของจ้อยกินไม่อิ่มขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ!?

*****************************
   
   เย็นนี้จ้อยพายเรือไปโรงสีเถ้าแก่ฮงเช่นทุกวัน  แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างไปคือในปิ่นโตเถาเก่ามีกับข้าวที่จ้อยลงมือทำด้วยตนเอง  และหัวใจที่หมายมั่นเหลือเกินว่าวันนี้ ‘เขา’ คงยอมให้จ้อยได้เข้าไปถึงที่รโหฐานเสียที  จ้อยแค่อยากรู้ว่าเขาซุกหัวนอนที่ไหน  ริ้นจะไต่ไรจะตอมบ้างหรือไม่เท่านั้นเอง

   ร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ที่โป๊ะ  ระยะหลังนี้เขามารอรับจ้อยทุกวัน 

   “ทำไมวันนี้มาเสียเย็นย่ำ” แสงตะวันรอนอาบใบหน้ารกเคราถมึงทึง  มือแข็งแรงยุดข้อมือเล็กขึ้นไป  จ้อยอมยิ้ม  ถามแบบนี้.. แสดงว่า.. รอคอยกันอยู่สิหนอ

   คนงานส่วนใหญ่กลับกันหมดแล้ว  เหลืออยู่ไม่กี่คนที่พักที่กระท่อมซึ่งเถ้าแก่ฮงปลูกไว้ท้ายโรงสีสำหรับกุลีแร้นแค้น  ต่างทักทายจ้อยอย่างกันเอง เรียกครูๆ กันให้ขรม  จ้อยก็ส่งยิ้มให้ไว้ก่อน  แต่ดูเหมือนอดีตอันธพาลจะไม่ค่อยพอใจ  มือใหญ่ดึงมือจ้อยเดินลิ่วๆ  ปากก็พร่ำบ่นไปตลอดทาง  จะมาทำไม.. ใครเขาขอให้มา.. มาได้ทุกวี่ทุกวัน.. พวกเสือพวกตะเข้มันจ้องกันตาเป็นมันรู้ไหม..

   บ่นไปเถิด  บ่นได้บ่นไป  แต่มือแข็งแรงนั้นยังเกาะเกี่ยวมือจ้อยไม่ปล่อย  มีเสียงเป่าปากเป็นนกอีแซวไล่หลัง  แต่จ้อยหาได้สนใจไม่  ใจมันเต้นรัวเมื่อถูกพาลัดเลาะไปท้ายโรงสี 

   จ้อยจะได้เห็นแล้วว่าเขากินอยู่อย่างไร 

   กระท่อมริมคลองหลังนั้นปุปะอนาถานัก  แม้โรงควายกำนันเสริมยังใหญ่โตเสียกว่า  หลังคามุงจากไว้หยาบๆ  ไอ้ข้างฝาที่โหว่ก็ได้ใบตาลเอามาปะมาปิดไว้แค่พอซังกะตายขอไปที  ถัดจากกระท่อมไปไม่ไกลมีท่าเล็กๆ ต่อลวกๆ ยื่นลงไปในคลอง

   จ้อยยืนมองนิ่งงัน  คนตัวโตปลดผ้าขาวม้าเคียนเอวออกปัดแคร่ไม้รวกหน้ากระท่อมให้ “วันหลังถ้าจะมาก็มานั่งรอตรงนี้  อย่าไปนั่งให้ไอ้พวกนั้นมันจ้องเอาๆ แบบนั้นอีก” ปัดกวาดเสร็จแล้วก็ทำท่าจะจากไป 

   จ้อยหรือจะยอมให้หนีหน้ากันไปไหนอีก  ร่างเล็กหิ้วปิ่นโตมาดักหน้า “กินข้าวหรือยัง”

   “ไม่หิว” ใบหน้ารกเคราตอบห้วน 

   “แต่คราวนี้ลงมือทำเองเลยนะ” หลานยายช้อยอวดสรรพคุณ  “ที่มาช้าเพราะมัวแต่ทำกับข้าวอยู่นี่แหละ”

   สิงห์แอบกลืนน้ำลายเอื๊อก เหลือบมองกับข้าวในเถาปิ่นโตเหลืองขลิบเขียวที่มือเล็กบรรจงแกะออกวางเรียงราย มองปราดเดียวก็รู้ว่ามีแต่ของชอบของเขาทั้งสิ้น

   "กินข้าวเถอะ" เสียงใสคะยั้นคะยอ เลื่อนสำรับมาให้ตรงหน้า คนใจหินกลับมองเมินไปทางอื่น

   "กลับไปซะ" เขาว่าไม่ดูดำดูดี "ที่แบบนี้ไม่เหมาะกับครูหรอก เอากับข้าวกลับไปด้วย พี่ไม่หิว"

   ถูกเขาไล่อีกแล้วสิ

   น่าแปลกที่จ้อยไม่ยักโกรธ ถูกตะเพิดแค่นี้คิดหรือว่าจ้อยจะพับฐานกลับง่ายๆ

   คนเรานี่หนา.. ปากก็ไล่ส่ง  หน้าตาก็ถมึงทึงขึ้งเครียด  แต่ทำไมท้องไส้มันร้องโครกครากประท้วงอย่างนั้นเล่า 

   "โถ..น่าสงสารปลาทูจ๋า" จ้อยทำตาละห้อย ทำเสียงระโหย ประคับประคองปลาทูทอดตัวอ้วนไว้ในอุ้งมือ "ยอมตายให้เขากิน เขากลับไม่เหลียวแลเลยเนอะ" มีการพยักพเยิดกับปลาทูในมือด้วยเอ้า

   พี่หันมามองแล้ว แล้วดูทำหน้าเข้า จ้อยไม่ได้มีเขามีเขี้ยวงอกออกมาสักหน่อย  จ้อยแค่.. พูดกับปลาทูเอง

   "โถ..ปลาทูจ๋าอย่าร้องไห้" จ้อยเอาปลาทูมาแตะแก้มประหนึ่งจะปลอบขวัญ  จ้อยก็ทำแบบนี้เสมอแหละเวลาเจอเด็กกินข้าวยากเย็น  แต่ไม่นึกว่าวันหนึ่งจะได้เอามาใช้กับเด็กโค่งตัวเท่ายักษ์

   "พี่..พี่ไม่ใช่เด็กนักเรียนของเอ็งนะ" เสียงห้าวตะกุกตะกัก แก้มบุ๋มอย่างคนพยายามกลั้นยิ้ม จ้อยอมยิ้มขำยามวางปลาทูคืนปิ่นโต
จัดแจงยื่นปิ่นโตชั้นล่างที่มีข้าวสวยหอมๆ อยู่พูนยื่นให้  อย่ากระไรเลย  จ้อยมือเล็กกว่า  ให้จ้อยแกะก้างปลาให้สะดวกกว่าเยอะ  ครั้นเหลือบมองมือใหญ่เทอะทะ  อื้อหือ.. เล็บดำปี๋  ไล่ให้ไปล้างมือก่อนกินข้าวแทบไม่ทัน  และจ้อยว่า.. วันหลังจ้อยเอากรรไกรตัดเล็บติดมาด้วยดีกว่า 

   จ้อยมองพี่กินข้าวด้วยความปลาบปลื้มใจ  น้ำพริกปลาย่าง  ผักบุ้งยอดอ่อนที่เก็บจากริมคลอง  ต้มโคล้งปลาช่อนถูกตักซดเอาๆ  เขาชวนกินด้วยกัน  จ้อยเลยแบ่งข้าวใส่ฝาปิ่นโตมานั่งเคี้ยวเอื้อง  ไม่อยากบอกเลยว่าแค่เห็นเขากินเอร็ดอร่อยจ้อยก็อิ่มอกอิ่มใจ 
มือน้อยบรรจงแกะปลาให้เพลิดเพลินไม่รู้ตัว 

   เอ๊ะ.. จ้อยทอดปลามา ๔ ตัว

   แล้วทำไมในปิ่นโตมีแค่ ๓ ตัว?!

   หนุ่มน้อยสุดแสนสงสัย  มองหาในปิ่นโตชั้นนั้นชั้นนี้ก็แล้ว  นับหัวปลาทูที่ถูกแกะทิ้งก็แล้ว  นับอย่างไรก็ได้แค่ ๓ ตัว!  ตัวที่สี่มันหายไปไหน!  แมวที่ไหนมาคาบไป 

   หรือว่า.....

   เลอมาน!!

   จ้อยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน  หัวเสียเหลือหลาย  ให้ตายสิน่า  หม่อมราชวงศ์สูงศักดิ์มาแอบลักปลาจ้อยไปแบบนี้  มันน่าตีนักเชียว  แล้วแอบลักไปตอนไหนก็ไม่รู้  ไวเป็นปรอทจริงๆ  ไม่ได้การ!  พรุ่งนี้ก่อนเถอะ  จ้อยจะจัดการแมวขโมยให้เข็ดหลาบเชียวคอยดู!

*****************************
   
(ยังมีอีกน๊า :hao7:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 02-12-2014 14:55:10
   “เมี้ยวววว” แมวขาวตัวอ้วนโดดตุบขึ้นมาบนแคร่  เล่นเอาเลอมานสะดุ้งโหยง  ยกถาดกับข้าวอันประกอบไปด้วยปลาทอดและน้ำพริกปลาทูที่ขอแบ่งภรรยาอาจารย์ใหญ่มาหนีเจ้าแมวจ้าละหวั่น 

   “ไปไป๊! ชิ่ว!” พอไล่แล้วเจ้าสี่ขาก็ลงไปป้วนเปี้ยนแถวใต้แคร่  เอาสีข้างนุ่มๆ ถูไถแข้งเขา  ทิ้งขนขาวๆ ติดตามกางเกงชุดนอนเป็นเทือก  ส่งเสียงครางในคอครืดๆ  คนขี้หวงเห็นแล้วก็ใจอ่อน “ถ้าจะกินก็รอก่อนแล้วกัน  อาจารย์กินเหลือแล้วจะเก็บไว้ให้  ตกลงนะ” มีการสัญญิงสัญญากัน  ประหนึ่งว่ามันฟังรู้เรื่อง

   เลอมานถอนใจยาว  ม่านสีดำเริ่มคลี่คลุมแผ่นฟ้ากว้าง  บรรยากาศยามโพล้เพล้ช่างเหว่ว้านัก เสียงนกเพรียกหากันบินกลับรวงรัง  แล้วรังหัวใจของเขาเล่า  ป่านฉะนี้ทำไมยังไม่มา 

เด็กหนุ่มท้องร้องจ๊อก  เลยเวลามื้อเย็นมานานแล้วแต่เขาก็ปักหลักรอจะกินพร้อมกัน  หลังจากนั่งตบยุงอยู่พักใหญ่  อาจารย์คนึงก็กลับมา  เสื้อกุยเฮงกางเกงแพรที่สวมอยู่บ่งบอกว่าอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว 

ร่างสูงใหญ่เดินตรงไปยังบันได  ประหนึ่งมองไม่เห็นคนที่นั่งเฝ้าสำรับกับข้าวที่แคร่  เลอมานรีบปรูดไปดักหน้า  “อาจารย์ ทำไมเพิ่งกลับมาล่ะครับ”

คำตอบที่ได้รับคือสายตาเย็นชา  หากคนรั้นหาได้ยอมแพ้ไม่ “เล็กทำกับข้าวไว้รออาจารย์”

   “ผมไม่หิว”

   “แต่เล็กทำเองเลยนะครับ” เสียงใสคะยั้นคะยอ  ยื่นจานปลานิลทอดขึ้นอวดด้วยดวงหน้าแช่มชื่น  ปลานิลหน้าตาขี้เหร่  แต่ปลาทูตัวน้อยที่อยู่เคียงกันนั้น  เต็มสิบให้ร้อยคะแนนเลย 

อะแฮ่ม.. เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยซื้อคืนให้จ้อยละกัน 

ท่ามกลางแสงไฟสลัว  อาจารย์เห็นรอยแดงเป็นจุดๆ บนแขนขาวแน่แท้  ดวงตาเขาหรี่ลง  จ้องมองนิ่ง

“เพื่ออะไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ย “คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร” คุณชายยังวาดยิ้มสุกใส  แม้อีกฝ่ายตั้งท่าจะปฏิเสธกันอีก.. ซ้ำแล้วซ้ำเล่า..

“อาจจะสู้ที่จินดาทำไม่ได้  แต่เล็กตั้งใจทำให้อาจารย์จริงๆ” ใบหน้าอ่อนเยาว์ก้มลงซ่อนยิ้มในแสงจันทร์นวล  จานกับข้าวที่ยื่นให้  ดั่งพานรองหัวใจที่ยอมพลี

...และโดยไม่คาดคิด...

เพล้งงงง!!!

มือใหญ่ปัดจานลงพื้นแตกเปรื่อง  จานเอย ปลานิลขี้ริ้วเอยกระเด็นไปคนละทิศละทาง

ปลานิลที่เขาตั้งใจทอดแทบตาย..

หัวใจรักของเขาที่ยินยอมทุ่มเทให้..

เหตุใดจึงไร้ค่าเพียงนี้..

น้ำตาจากไหนไม่รู้เอ่อขึ้นกลบตา  อาจารย์ผลุนผลันขึ้นบันได  เลอมานวิ่งตาม  จนกระทั่งถึงในห้องสะอาดเรี่ยมที่เตรียมพร้อมไว้รอคนรัก  กลิ่นหอมเย็นของดอกมหาหงส์ที่ถูกจัดวางไว้ตามจุดต่างๆ ทั้งบนโต๊ะทำงาน ทั้งข้างหมอนส่งกลิ่นหอมอวล 

คนึงหันมองรอบห้องเพริดไป  ทุกสิ่งทุกอย่าง  เหมือนที่จินดาเคยทำให้ไม่ผิดเพี้ยน

“ทั้งหมดที่เล็กทำ  เล็กแค่อยากให้รู้ว่าเล็กทำเพื่ออาจารย์ได้” สุ้มเสียงเลอมานแผ่วหวิว หากชัดเจนหนักแน่นนัก “จะลำบากแค่ไหน จะยากดีมีจน เล็กก็มีความสุข  ขอแค่เราอยู่ด้วยกัน”

อาจารย์หนุ่มขบกรามกรอด  มือแข็งแรงคว้าต้นแขนเล็กหมับ 

   “อยากจะเป็นตัวแทนจินดาอย่างนั้นหรือ” เสียงต่ำๆ กระซิบลอดไรฟัน  บุตรท่านทูตเงยหน้ามองใบหน้าถมึงทึง  หากในดวงตาแข็งกร้าว  ผสานไปด้วยความรู้สึกปนเปที่เขาอ่านไม่ออก

   “เล็กไม่ได้หวังจะแทนที่ใคร  แต่สิ่งใดที่จินดาทำได้  เล็กก็ทำได้”

   แม้กระทั่งดูแลและรักอาจารย์ให้เหมือนที่จินดารัก

   ประโยคนี้เขาไม่ได้พูดออกไป  แต่ทุกการกระทำที่ผ่านมา  อาจารย์ยังไม่เข้าใจอีกหรือ
   
“ทำทุกอย่างที่จินดาทำได้? หึ” อาจารย์แค่นหัวเราะ “ซักผ้าก็ไม่ได้เรื่อง  รีดผ้าก็ทำยับทำไหม้  ชงกาแฟก็เหมือนน้ำล้างแก้ว  ทำกับข้าว คนยังกินไม่ได้เลย” เด็กหนุ่มสะอื้นลึกในอก  น้ำตาคลอ..

รู้แล้วล่ะว่าเทียบไม่ได้..

“แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่คุณชายทำได้ดีกว่าเขา” มือแข็งแกร่งกระชากร่างเล็กปะทะแผงอกแกร่ง  เลอมานตกใจเกินตั้งรับ  ไม่ทันได้เปล่งเสียงใดเพราะริมฝีปากถูกประกบปิด  ฝากฝังรสจูบดุดันรุนแรง  ปลายลิ้นสอดแทรกลง  ดูดกลืนทุกอย่างไปสิ้น  เด็กหนุ่มตัวสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขน  แทบขาดอากาศหายใจกว่าอาจารย์จะผละออก 

ร่างเล็กหอบหนัก  สะดุ้งอีกหนเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวจูบไซ้ตามซอกคอ  สัมผัสที่ร้างรามานานหลอมหัวใจเขาไหวยวบ  โอนอ่อน.. ยอมสิ้นทุกสิ่ง.. ดั่งมงกุฎสวยมีคมหนามซ่อน  คนึงยื่นให้  เลอมานรับไว้  สวมศีรษะด้วยความเต็มใจ

   สองแก้มขาวถูกหอมเอาๆ ดังฟอดๆ เหมือนคนกระหายหิว 

“แก้มจินดาไม่นุ่มอย่างนี้” เพียงคำพูดเดียว  กระชากหัวใจที่ทะยานขึ้นฟ้าเขวี้ยงลงดินแข็ง  คุณชายชะงักนิ่ง  มงกุฎหนามบาดลึก  เขาหอมซ้ำอีกข้าง ไล้ข้อนิ้วลูบแก้มขาวอ้อยอิ่ง “ยิ่งวันไหนไปทำงานกลางแจ้งแก้มก็คล้ำแดด  ไม่ขาวอย่างนี้ด้วย”

กระบอกตาเขาร้อนผ่าว 

   “มือเขากร้านเพราะทำงานหนักทุกวัน  ไม่นิ่มเหมือนมือคุณชายหรอก” อาจารย์คว้ามือขาวขึ้นกดจูบลงกลาง
ฝ่ามือ  เลอมานพูดไม่ออก  ดั่งมีก้อนแข็งแล่นลามขึ้นจุกคอ “เนื้อตัวหรือเล่า  อย่างดีก็แป้งราคาถูกๆ ไม่หอมกลิ่นสบู่นอกแบบนี้”

จมูกโด่งเป็นสันไล่รุกรานไปทั่ว  สองแก้ม  ซอกคอ  เสื้อชุดนอนถูกปลดกระดุมออกทีละเม็ด 

   “กว่าจะได้ตัวเขามาครองก็ยากแสนยาก  ผมเฝ้ารอ  แสดงความจริงใจให้เขาเห็นอยู่เป็นปี” เลอมานตัวสั่น  หอบหายใจหนักขึ้นทุกที  แต่กลับไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน  ฝ่ามือร้อนและริมฝีปากผ่าวที่สำรวจไปทั่วเรือนกาย 

   “ไม่เหมือนคนบางคน  แค่ผมทำดีด้วยนิดหน่อย  ไม่กี่เดือนก็ทอดกายให้แล้ว” ทุกจุดที่ถูกสัมผัส  ดั่งถูกแส้ที่มองไม่เห็นโบยตีแสนสาหัส

   “ผมถึงรักเขามากกว่า  ทั้งที่เขาไม่มีอะไรดีสู้คุณชายได้เลยสักอย่าง” เลอมานมองหน้าคนรักผ่านม่านน้ำพร่าเลือน  เพียงกะพริบตาเดียว  หยาดน้ำที่เอ่อคลอก็ไหลพรากลง

   “ผมไม่ได้พิศวาสอะไรคุณหรอก  คุณชายเล็ก” ดวงตาสีนิลที่มองมา  หิวกระหายเหมือนเสือมองเหยื่อ  เด็กหนุ่มตัวสั่น  พยายามสลัดจากอ้อมแขน 

   นี่ไม่ใช่.. นี่ไม่ใช่อาจารย์ที่เขารู้จัก..

   แค่คิดจะหนี  ต้นแขนก็ถูกมือแข็งแรงกระชากกลับมาจนตัวปลิว  เหวี่ยงหวือลงบนเตียง 

   “แต่ในเมื่อคุณเสนอตัวให้ขนาดนี้  ผมก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน  จะสนองให้ก็ได้  คิดเสียว่าแก้ขัด”

   ความกลัว ความเสียใจ แข่งกันแล่นเข้าเสียดแทงหัวอก  บุตรท่านทูตตัวสั่น  สองขาปัดป่ายหาทางหนี  ช่อดอกมหาหงส์ที่บรรจงวางไว้ข้างหมอนหล่นลงพื้น  ฝ่าเท้าอาจารย์เหยียบย่ำมันไม่ใยดี  ร่างสูงใหญ่โถมทับลงมา 

*****************************

   อดีตนักเลงโตก่ายหน้าผากเอนหลังพิงกองฟาง  แหงนมองฟ้าบ้านนาดาระดาดด้วยดวงดาว  เจ้าประคุณเอ๋ยสายลมเย็นโชยกลิ่นดอกไม้มาชื่นหัวใจ  ถ้ามีน้องมาแนบข้างดูดาวด้วยกันจะชื่นหัวใจสักปานไหน  อนาถนักหนาด้วยหนทางที่จะได้น้องมาร่วมเรียงเคียงหมอนนั้นมันสุดกู่  ตะก่อนเป็นลูกชายกำนันมั่งมียังถูกรังเกียจเดียดฉันท์  หนนี้ถูกแม่ตัดหางปล่อยวัดเหลือแต่ตัวอาศัยงานกุลีเลี้ยงชีพไปวันๆ  แล้วหมาแมวที่ไหนมันจะมาแลเหลียว 

   สิงห์ถอนใจพรู  อดคิดไม่ได้  ที่โผล่หน้าแวะเวียนมาหาทุกวันนี่  คงไม่แคล้วถูกแม่เขาอ้อนวอนให้มา  น้าแป้นก็คงช่วยกรอกหู  คนใจอ่อนอย่างจ้อยหรือจะปฏิเสธ 

   ดาวจระเข้โผล่หัวขึ้นมาแล้ว  ได้เวลากลับเสียที  ป่านฉะนี้มันคงหอบปิ่นโตกลับบ้านไปแล้วกระมัง

   ปิ่นโตเถาน้อยยังวางอยู่บนแคร่ไม้รวกตอนสิงห์กลับมาอีกที  ไร้วี่แววนักเรียนครูตัวดี  ที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่นี่

   ใช่.. ไม่ผิดหรอก  เป็นชั่วโมงเลยแหละ  ตั้งแต่ผีตากผ้าอ้อมจนกระทั่งดาวจระเข้ขึ้น   

   สิงห์ยอมรับว่าเขาจงใจถ่วงเวลาไม่ยอมกลับที่พัก  ดึงเวลาให้ยาวนานออกไป 

   “กลับไปได้แล้ว” ฟาดข้าวเกลี้ยงแล้วก็ไล่ส่งอีกที  แค่ยอมกินข้าวที่มันเอามาให้ก็ถือว่ารอมชอมเกินพอ

   “จะรอ” มันเสือกทำหน้าเหลอไม่รู้เรื่อง 

   “ไม่ต้องรอ  นาน!”

   “รอได้” ไอ้ตัวเล็กยืนยันคำเดิม  ดวงตาใสแจ๋วแน่วแน่

   แล้วไงเล่า  ไอ้คนที่บอกว่าจะรอ  แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เปิดแน่บไม่เห็นหัว  เข็มเล่มหนึ่งสะกิดกลางใจ  ไหนบอกว่าจะรอกัน?

   แถมทิ้งปิ่นโตเถาน้อยไว้ให้ดูต่างหน้าอีกต่างหาก  เข็มเล่มเดิมกดลึกลงไปอีก  พรุ่งนี้.. จะไม่มีคนกระเตงปิ่นโตมาให้แล้วสินะ
   เสียงกุกกักดังมาจากในกระท่อมกงโกรย  ประตูปุปะเปิดแง้มออก 

   “กลับมาแล้วหรือ” คนที่คิดว่ากลับไปแล้ว  โผล่หน้าออกมา  ยิ้มร่า ดวงตาสุกใส  แสงตะเกียงเรืองรองสะท้อนวงหน้ามอมแมม  ผมเผ้ายุ่งเหยิง  เสื้อนักเรียนปล่อยชายออก  พันขากางเกงขึ้นมาถึงเข่า  ค่อยๆ ไต่ลูกบันไดที่ทำด้วยไม้ไผ่ลงมา “ไปคุยกับเถ้าแก่นานจัง”

   “ก็บอกแล้วว่านาน” ใต้ใบหน้าถมึงทึง  กระแสยินดีซุกซ่อนในส่วนลึก  ไปคุยกะเถ้าแก่ที่ไหน  พี่ไปนอนดูดาวเฝ้าฝันถึงเอ็งมาต่างหาก 

   ทำไมเขาถึงพูดคำนั้น  คำอื่นที่ปั้นเตรียมไว้ในหัว  คำที่ตั้งใจจะพ่นใส่หน้ายามเห็นไอ้ตัวจ้อยยังไม่ยอมกลับบ้าน  คำประเภท ‘ทำไมยังอยู่!’ หรือหนักหน่อยก็.. ‘เสือกไม่เข้าเรื่อง!’ คำพวกนั้นเล่าหายไปไหน 

   นี่หรือคนกำลัง ‘ตัดใจ’ 

   “เข้าไปทำอะไร” คำถามห้วน สั้น แม้หน้ายังไม่อยากมอง 

   “ยุงกัด เลยเข้าไปรอข้างใน” นักเรียนครูเกาแขนแกรกๆ  บุ้ยบ้ายไปในกระท่อม “แล้ว.. เห็นฝุ่นเยอะ  เลยถูพื้นให้” 

   เอาเลยไอ้สิงห์  สถานการณ์นี้ คำว่า ‘เสือกไม่เข้าเรื่อง!’ เหมาะที่สุด  ตะคอกใส่หน้าแม่งเลย

   เอาเลย!  ตะคอกเลย!

   “สะ..” เสือก!  เสือกไงไอ้สิงห์! เสือก! ด่าให้แม่งร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับไปหายายมันเลยไป๊ เสือก!

   “เสื..” เสือกไงไอ้เหี้ย!

   เสือก!

   “เสื้อเอ็งเปื้อนหมด”

   โธ่เอ๋ย ไอ้เวรตะไล ไอ้สังคะโลก ไอ้กะโปกหมา! ไอ้ห่ารากตับ! 

   “มาทายาก่อน” สิงห์ลากน้องมานั่งที่แคร่  มือสากเหมือนหนังกระเบนค่อยแต้มยาหม่องแห้งขอดก้นตลับลงรอยแดงบนท่อนแขนขาวแผ่วเบา

   ไอ้สิงห์เอ๋ย  แพ้ทางหมดรูป  ถ้าเป็นมวยก็โดนน็อคตั้งแต่ยกแรก 

   “เอาอะไรถูน่ะ” ผ้ามอมเหม่ในมือน้อยมันคุ้นๆ ลูกตาพิกล 

   “ผ้าขี้ริ้วน่ะซี”

   คนตัวโตถอนใจหน่าย “นั่นมันเสื้อพี่” มีอยู่ตัวเดียวด้วย  ดูดู๋แล้วคืนนี้กูจะเอาอะไรใส่นอน  ลมหนาวยิ่งพัดตึงๆ

   จ้อยทำตาประหลับประเหลือก  เหมือนจะบอกว่าผ้าขี้ริ้วที่บ้านมันสะอาดกว่านี้ด้วยซ้ำ  พร่ำขอโทษไม่ขาดปาก  ทำท่าเหมือนจะซักคืนให้เดี๋ยวนั้น

   “ไม่ต้องซักหรอก” พี่แย่งมาโยนลงแคร่สิ้นเรื่องสิ้นราว ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ไป ค่ำแล้ว เดี๋ยวไปส่ง” ว่าพลางฉวยฉุดข้อมือเล็ก 

   “เดี๋ยว” หากแรงน้อยนิดขืนรั้งไว้

   ไอ้สิงห์แทบซวนเซลงทั้งกายและใจ  หาใช่ด้วยแรงเท่ามดที่ดึงรั้งไว้ไม่  แต่เพราะลูกตาแวววาวที่มองตรงมา  เพราะเสียงใสๆ ที่เอื้อนเอ่ยสั้นๆ

   “คืนนี้.. นอนนี่ก็ได้”    


โปรดติดตามตอนต่อไป
_______________________________________________________________________
* ขอรักคืน, สมศักดิ์ เทพานนท์ คำร้อง, รวงทอง ทองลั่นทม ขับร้อง


ช่วงดอกไม้เม้ามอย :L2:

สวัสดีค่ะคนอ่านที่รัก เค้ากลับมาต่อแล้วนะ หายไปนานแต่ตอนนี้ก็ยาวนะก๊ะ
ตอนนี้อัพไปทำงานไป ติดขัดตรงไหน พบคำผิดคำซ้ำประปรายต้องขอโทษด้วยนะคะ
จบตอนนี้พูดได้คำเดียว....จ้อย.. เอ็งมันแฮ่น  :-[
รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้
๒ ธ.ค. ๕๗
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: narunarutoboyz ที่ 02-12-2014 14:56:26
ขอคืนเเล้วไปเริ่มใหม่ > < มาเเว้ววววววว ขอจิ้มก่อนนะคะคุณดอกไม้ เด๋วมาเม้นค่าาาาา
อาจจะกลับมาช้า ยังไงอย่าลืมวกมาอ่านนะคะ

------------------------------------------------------------------------

เเอร๊ยยยยย "พี่สิงห์ของจ้อย"  :hao7: ตอนนี้จ้อยน่ารักมากกกกกก ไม่ได้ยินประโยคนี้จากปากจ้อยนานเเค่ไหนเเล้วเนี่ยยยย
ตอนนี้น่าเอ็นดูสุดๆไปเลย พี่สิงห์นี่ก็แหมมมมม ใจเเข็งกับน้องได้เเค่นั้นหราาาาาา เเล้วมาดูสิ...น้องมาขอนอนด้วยเเบบนี้
จะทำยังไง กิ๊วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แต่ตัดกลับมาที่คุณเล็ก มันช่างเเตกต่างอะไรยังงี้ เหมือนที่คุณดอกไม้บอกถ้าสถานการณ์จ้อยเริ่มดีขึ้นเมื่อไหร่
ของคุณเล็กจะเเย่ลง ไอ้ครูนี่ก็ครูเเค่ตำแหน่งจริงๆ เป็นถึงครูความคิดยังสู้ไอ้พี่สิงห์ใจนักเลงของน้องก็ไม่ได้
พี่สิงห์ก็พยายามผลักไส รู้ตัวว่าตัวเองไม่ดีพอสำหรับจ้อย รู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรกับว่าที่คุณครู
แต่เค้าก็ไม่ได้ทำร้ายจิตใจจ้อยแบบที่คนเป็นครูทำเลย
จะบอกว่าสถานะของคุณเล็กไม่เหมือนจ้อย ก็ถ้ามองดีๆ มันต่างกันตรงไหน ครูอย่างนายก็ไม่ต่างอะไรกับพี่สิงห์
ความทุกข์จะมาเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ ชีวิตจะอยู่ได้นานเเค่ไหนก็ไม่มีใครรู้อีก
ทำไมไม่เอาเวลาที่อยู่ด้วยกันทำมันให้ดีที่สุดล่ะ เวลาที่ต้องจากกันจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ
ทำไมไม่สู้ไปด้วยกันวะ ขี้ขลาด คุณเล็กคิดจะเอาผู้ชายคนนี้เป็นที่พึ่งจริงๆเหรอ
ขนาดสู้เพื่อเราเค้ายังทำสู้คุณเล็กไม่ได้เลย เค้าปกป้องคุณเล็กไม่ได้หรอก ปล่อยเค้าไปเถอะ
ถ้าการที่เค้าคิดว่าการปกป้องเราคือการทำให้เราเสียใจ ก็ปล่อยแม่งไปไกลๆเลย ไอ้คนเฮงซวย
เออ!!! ใช่!!! ไอ้คะนึง แกมันเป็นเเค่ไอ้กระจอก ไอ้ครูกระจอก ไอ้จอมห่วย
รู้จักที่ต่ำที่สูงน่ะมันดี...แต่ถ้ารู้จักจริงๆแกต้องไม่ทำตั้งเเต่เเรก แต่นี่แกทำไปเเล้ว เสือกมาทำดัดจริตคิดได้ ทุเรศที่สุด
สักวันแกต้องเสียใจมากกว่าที่คุณเล็กเสียใจ!!!! :z6: :beat:

หนูเล็กสู้ๆนะคะ หนูเล็กจะต้องผ่านมันไปให้ได้ หนูเล็กมีค่าเสมอ   :กอด1:

ปล.หนูเล็กน่ารักจังเลยตอนที่ไปขโมยปลาของจ้อย น่าเอ็นดูที่สุด ใครไม่รู้ไม่เห็นไม่เป็นไรนะลูก เจ้รู้เจ้เห็น
ม่ะ.....โอ๋ๆๆๆๆๆๆกันน๊าาาา  :man1: :man1:

เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้เเละจะติดตามเรื่องนี้จนกว่าจะรวมเล่มเลย อิอิอิอิอิอิอิอิ
 :L2:

ปลล.อีกนานมั๊ยคะคุณดอกไม้กว่าคุณเล็กจะเป็นฝ่ายเอาคืนซะที อยากให้คุณเล็กเลิกตามเเล้ว อีกนานมั๊ยคะ  :sad5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 02-12-2014 15:01:11
เกลียดอาจารย์แล้วอ่ะ
ถ้าจะเลวใส่เล็กขนาดนี้ก็อย่ารักกันเลย
เรายังเสียใจมากกกถ้าเราเป็นเล็กคงไม่ทนจริงๆ
สงสารเล็ก ฮืออออออกลับประเทศเลยค่า
เอาให้ช้ำกันไปข้าง อาจารย์ใจร้าย

แต่ตลกตอนเลอมานขโมยปลาทูจ้อย5555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: iiam ที่ 02-12-2014 15:23:12

ฮ้อยยยย >< พ่อตะเข้คับคลอง  :m1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 02-12-2014 15:45:37
อาจารย์จะฝืนไปได้นานแค่ไหน? สงสารคุณชายจัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nae_Nae ที่ 02-12-2014 15:49:37
งื้ออออ สงสารคุณชายเล็ก  :hao5: :o12:  ฟินจ้อยยยย  ให้มันได้ยั่งงี้จ้อยยยยยยยยยยยย   หุหุหุหุ :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Julytastic ที่ 02-12-2014 16:10:51
โอยยยยยย อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่าาาา
ถ้าจ้อยจะรุกขนาดนี้ พี่สิงห์ทนไหวก็ให้มันรู้ไป :hao7:
ตอนนี้มันน่ารักมากกกก
ชอบประโยคนี้มาก >> พี่สิงห์ของจ้อยกินไม่อิ่มขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ!?
ตกลงยอมรับแล้วสินะ ว่าพี่สิงห์ของจ้อย :hao3:
ส่วนอาจารย์คนึง :beat: :beat:
อาจารย์คะะะ ยอมเถอะค่ะ สงสารคุณชายจนไม่รู้จะสงสารยังไงแล้ว :o12:
รออ่านตอนต่อไปนะคะ คุณดอกไม้ :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 02-12-2014 16:25:55
โอยยยย จ้อยจะแฮดแล้ววววว
น้องค้างคืนกับปู้จายยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Wannida ที่ 02-12-2014 16:31:42
จุใจมาก แต่รู้สึกว่าเสพเท่าไหร่ก็ไม่ยักพอ อ  :katai1:
ขอบคุณที่กลับมาแต่งต่อค่ะคุณดอกไม้
หน่วงคู่คุณชาย เมื่อไหร่จะพบความสุขสักกะที
น้ำตาก็พาลจิไหล  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 02-12-2014 16:38:06
พี่สิงห์ของจ้อยน่ารักมากเลยยย คู่นี้น่ารักมากกกกก น้องจ้อยน่ารักสุดๆ แต่เกลียดอาจารย์คนึงอ่ะ สงสารเลอมานด้วย จะทำร้ายจืตใจกันไปถึงไหน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 02-12-2014 17:05:53
ฟินเว่อร์ คุ้ทกะที่รอคอย มานาน ตอนหน้าหวานกว่านี้แน่
น้องจ้อยเอ้ยยยยยย อิอิ คืนนี้ จิเป็นไงน้าาา ขอเถอะคุณดอกไม้ ตอนหน้ามาไวๆ งามๆ นะคะ
ชอบมากเรื่องนี้
ฮามาก ตรง หมากะแมว 555 หลุดขำเลย
น้องจ้อยนี่ ใจแข็งเหมือนนะ ไม่ยอมให้ปลาทู ปกติให้แน่ๆ
โดนแมว ขโมยซะงั้น


เราว่า คนึง พลาดล่ะ ที่กอดเล็กแบบนี้ เชื่อเถอะ ตัวเองจิใจอ่อนเอง

โอ้ยยยยย คิดถึงคืนนี้ของ พี่สิงห์ กะน้องจ้อย
เนี่ย !!! น้องจ้อย ทิ้งยายมาเลยนะเออ !!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 02-12-2014 17:25:39
กรี๊ดดดดดดดดด  มาอย่างยาว  ชิส์  อ.คนึง  ใจแข็งเหลือเกินนะ
 
ไม้ลวก  ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 02-12-2014 18:06:27
อ่านไปใจจะขาด สงสารคุณเล็ก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 02-12-2014 18:07:47
คุณชาย....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 02-12-2014 18:25:03
เสื้อเปื้อนหมด
โอ๊ยพ่อนักเลงโต ที่แท้ก็กลัวเมีย
ว่าแต่คืนนี้อย่าให้พลาดนะพ่อ น้องจ้อยเปิดทางให้ขนาดนี้ละ
 :hao6:

ส่วนชายเล็ก พี่สนับสนุนให้น้องหนีจารย์ใจร้ายกลับวังไปเลยค่ะ
ไม่ยงไม่อยู่มันแล้ว ก่อนไปฝากตบด้วยสองที
นี่หรือคนรักกัน ต้องให้เล็กเจ็บอีกแค่ไหน
 :m31:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 02-12-2014 19:22:48
อ้ายสิงห์ เอ็งอย่าได้เสียชื่อตะเข้คับคลอง เอ็งจงจับรวบหัวรัดหางครูจ้อยบัดเดี๋ยวนี้อย่าได้ช้า อ้อยควั่นขาวๆ มาวางล่อตาล่อใจถึงชานจมูกขนาดนี้ ขืนเอ็งยังปล่อยให้รอดไปได้ ข้าจะแพ่นกบาลเอ็งด้วยตะพด!

แม่นางดอกไม้เจ้าขา ตอนหน้าจะมาเมื่อใดเจ้าคะ? อิฉันจะมาเฝ้ารออยู่ท่าน้ำทุกวันเลยค่ะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-12-2014 19:58:23
จ้อย....เธอกำลังอ่อยพี่สิงห์ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 02-12-2014 20:13:46
สองคู่ อารมณ์ต่างกันราวกับฟ้ากับเหว  o12

อาจารย์คนึง นี่ ไอ้ขี้แพ้ ของแท้ (ขออภัยถ้าแรง) คือคุณชายก็พูดแล้วว่าพร้อมจะเคียงข้าง ยังจะไม่เคารพการตัดสินใจของคุณชายอีกหรอ? ไม่คิดจะสู้ไปพร้อมกัน คือจะเอาแต่หนีว่างั้น ทำไมไม่ปล่อยให้เขาคิดเองตัดสินใจเองบ้าง ไปคิดแทนเขาว่านี่แหละดีกับเขาแล้วมันก็เหมือนยัดเยียดสิ่งที่ไม่ใช่ใส่หัวคนอื่น ไร้ประโยชน์ ไม่ชอบอาจารย์ อยากให้อาจารย์เสียคุณชายไปอีกคน จะสมน้ำหน้าซ้ำ ไหนๆคนเขียนก็ขยี้หัวใจคนอ่านจนแหลกลานแล้วนี่  :o211:

ต่างกันกับพี่สิงห์น้องจ้อย เมฆหมอกร้ายๆที่พี่สิงห์และพรรคพวกเคยทำกับจ้อยดูเหมือนจะจางลงแล้ว แต่เราก็ยังไม่ลืม ยังไม่ลืมว่าไอ้ตัวโกงเลวชาติจะกลับมาตอนไหนนะ เตรียมพร้อมลุยมันแทนน้องจ้อย  :fcuk: พี่สิงห์การศึกษาน้อย แต่ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองมากกว่าอีก ร้ายกับจ้อยไม่ลง จะพูดเสือกยังพูดไม่ลงเลย พี่สิงห์น่ารักมากๆ  :z8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: madamtokjai ที่ 02-12-2014 20:38:19
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

น้ำตาไหล สุดท้ายก็มาซ๊ากกกที ขอบคุณที่มาต่อค่าาาาา เรื่องนี้เป็นอะไรที่รอนานมากก แต่ยินดีที่จะรอค่าาา ต้องทำใจก่อนกดอ่าน หามุมสงบๆ และตอนกดอ่านใจสั่นมากบอกเลยยย 5555

ปกติเวลาจะอ่านตอนใหม่ บางทีต้องย้อนกลับไปอ่านตอยก่อนหน้าจะได้ต่อติด แต่เรื่องนี้ไม่ต้องย้อนเลยยย จดจำได้ทุกตอน บางทีระหว่างรอก็กลับไปอ่านซ้ำๆ อ่านแล้วใจหวิวทุกครั้ง

เรื่องพี่สิงห์กับจ้อยท่าทางจะไปได้ดีแล้ว แต่อาจารย์กับเล็กนี่แบบช้ำเลือดช้ำหนองมาก คุณดอกไม้ทิ้งระเบิดไว้อีกแล้ว อยากกอ่านอีก ครืดด ครืดดด!(ตะกุยข้างฝา) มาต่อเร็วๆนะคะ รออยู่ รอตลอดไปค่าาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 02-12-2014 21:37:14
เขินมั้ยให้ทาย?
คู่จ้อยกะสิงห์นี่มุ้งมิ้งดี
แต่ทำไมคู่คนึงกับคุณเล็กช่างรันทดแท้?
ทีแรกๆโน่นดราม่าอยากตบอิพี่สิงห์
มาหลังๆฝากเอาฝ่าเท้าป้ายหน้าจารย์คนึง
เจ็ดแม่!!!! เค้าทำถึงขนาดแล้วยังใจแข็งอีก!
พอเค้าไม่อยู่เถอะแล้วแกจะรู้สึก!
พอคู่นึงเริ่มหวาน..อีกคู่ก็เริ่มมาม่า
รออ่านตอนต่อไป ชอบนิสัยพี่สิงห์มัน
ถึงทีแรกๆมันออกจะชั่วๆแต่มันก็น่ารักดี
แถมรักเมียมากจนโดนแม่ไล่ออกจากบ้าน
อยากบอกว่าพาร์ทก่อนๆหน้านี้ที่สิงห์ข่มขืนน้อง
คนอ่านนี้ร้องไห้น้ำมูกไหล กลัวแม่มาเห็นก็กลัว
เป็นกำลังใจให้คนแต่ง
รู้สึกว่าเรื่องนี้จะมีมาหลายปีแล้ว
ขออย่างเดียวคนแต่งอย่าหาย
เพราะทำใจไม่ได้แน่ๆ ติดมากนี่บอกเลย

 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: banazjj ที่ 02-12-2014 21:46:49
คุณเล็กพอเหอะเราสงสาร กลับพระนครปล่อยให้อาจารย์แกแห้งเหี่ยวมโนไปคนเดียวเหอะ

ทำขนาดนี้นี่มันทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว คิดมากนู้นนี่อยู่ได้ อ่านตอนอาจารย์กับคุณเล็กแล้วร้องไห้เลย

แต่พอมาอ่านจ้อยกับสิงห์ โห้ยยยยยยอะไรเนี่ยย น้องจ้อยน่ารักมาก มุ๊งมิ๊งเป็นที่สุด

เล่นกับปลาทูคืออะไร แบ๊วนะเราอะ พี่สิงห์นี่ก็น่ารัก จะตัดใจแต่ก็ทำไม่ได้ อ่านแล้วชุ่มชื่นหัวใจมาก

ถึงคุณดอกไม้จะมาช้า เราก็รอได้นะ เพราะเวลาอ่านนิยายคุณดอกไม้แล้วรู้เลย ทุกประโยคเลย

ใส่ใจมาก ภาษาสวยมาก คือคิดว่าคงไม่ได้แต่งได้เร็วๆลวกๆ อ่านแล้วเพลินสุด

ตอนที่จ้อยไปหาพี่สิงห์ที่โรงสี เราเห็นภาพเลย ฉากหลังชนบท ฉากคลอง ต้นตาล ตะวันใกล้ตกดิน

คิดออกมาก ตอนนี้มายาวเราอ่านแล้วเดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวน้ำตาลซึม สุดยอดอะคุณดอกไม้

แล้วเราจะรอตอนต่อไปนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 02-12-2014 21:59:26
คุณเล็ก เจ็บ ป่วย จมน้ำ ตื่นมาเอ๋อซะเลย ลืมมันให้หมด แล้วให้ไอ้อาจารย์มันดูผลของการกระทำของตัวมันเองซะ

เรื่องจินดา ผ่านมาแทนที่จะจำไว้เป็นบทเรียนว่าชีวิตคนเรามันถูกพรากไปได้ง่ายดายขนาดไหน นี่ยังไม่สำนึก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-12-2014 23:36:03
อยากจะกรีดร้องให้กับทั้งสองคู่ แต่คนละความหมาย
พี่สิงห์น้องจ้อย มันน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิ๊น...
ส่วนคุณชายเล็กกับความเพียรพยายามที่ถูกเหยียบย่ำครั้งแล้วครั้งเล่า
อิอ.คนึงมันจะเหี้ยมไปไหน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Teddysdeath ที่ 02-12-2014 23:52:04
ยอมแพ้ซะเถอะพี่สิงห์ ยังไงเอ็งก็สู้พลังมุ้งมิ้งน้องจ้อยไม่ได้ :laugh:

คุณเล็กมาเป็นของเราเถอะ ปล่อยอีอาจารย์มันไป  :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 03-12-2014 00:40:40
 :hao5: มาต่อแล้วว
ดีใจมากๆ

อ่านช่วงของเล็กกับคนึงแล้วยังปวดใจเหมือนเดิม
เมื่อไหร่คนึงถึงจะเลิกทำร้ายจิตใจของเล็กนะ หรือต้องรอให้เป็นอะไรไปก่อน :hao4:
ชอบช่วงที่จ้อยกับอยู่สิงห์จัง
พี่สิงห์จะด่าน้องก็ยังไม่กล้า
อนาคตกลัวเมียแน่นอน ฮ่าๆๆๆ
 :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ละอองฝน ที่ 03-12-2014 00:43:07
เริ่มที่คู่แรกก่อน
คุณชายทำถึงขนาดนี้ ทำไมอ.คนึงใจร้ายอย่างนี้นะ
คือเราร้องไห้เลยค่ะคุณดอกไม้ หัวใจมันหวิวมาก
ใจร้ายอย่างหาอะไรมาเปรียบไม่ได้เลย
คิดอยู่ในหัวประโยคนึงนะว่า ต้องให้ตายต่อหน้าไหม ถึงจะยอมพูดกันดีๆ
สงสารคุณชายเล็กมาก มากถึงมากที่สุด คนมีหัวใจแค่ดวงเดียวนะ
ถ้ามันพัง มันแตกสลายไปแล้ว จะไปหาเอาที่ไหนมาให้ใหม่
เราโกรธอ.คนึงจนไม่รู้จะยกโทษให้ได้ด้วยเหตุผลอะไรเลยค่ะ
แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณชายเล็กคนดีต่อไปนะคะ ;-;

ต่อมาเป็นคู่โปรด คู่รัก อิอิ
พี่สิงห์ซึนอ่าาาาาา
น้องจ้อยก็น่ารักสุดๆ
ตอนอ่านประโยคที่จ้อยคิด พี่สิงห์ของจ้อย
เรากรี๊ดลั่นทุ่งเลยค่ะคุณดอกไม้ >O<
น้องจ้อยยอมแล้วใช่ป่ะ ยอมรับว่ารักเขาแล้ววววว อิอิอิ
ส่วนพี่สิงห์ก็ตลกมาก ทั้งรัก ทั้งห่วง แต่ก็ซึนมากๆด้วย 555
สุดท้ายก็ต้องยอมลงให้คุณครูคนเก่งอยู่ดี >/////<
รอดูตอนหน้าว่าพี่สิงห์จะทำยังไง
ไอ้ประโยคที่น้องบอกว่าจะนอนด้วยนั่นน่ะ
เราเป็นพี่สิงห์คนหัวใจวายตายก่อน 555555

ส่วนสุดท้าย
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆ นะคะ
ที่คุณดอกไม้มาต่อให้อ่านเเบบย้าวยาว
อ่านสะใจมาก เราจะรอตอนต่อไปค่ะ
รักและเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ

ปล.ถ้ารวมเล่มเรายกมือจองคนแรกเลยค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 03-12-2014 00:50:20
พอคู่สิงห์จ้อยดี คูอาจารย์เล็กกลับแย่ลงซะงั้น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 03-12-2014 06:19:25
คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หายไปนานมาก แต่ก็ยาวคุ้มค่า อ่านไปน้ำตาคลอบ้างอมยิ้มบ้าง
สงสารพี่สิงห์ ทำงานหนักเพราะน้องดีแล้วที่น้องจ้อยยอมใจอ่อน
ตรงกันข้ามกับคุณชาย ทำงานหนักแต่อาจารย์ยังใจร้าย
ไม่อยากให้ดราม่ากว่านี้ สงสารคุณชาย เอาใจช่วยทั้งพี่สิงห์ น้องจ้อย คุณชายเลอมานและคุณดอกไม้นะคะ
รอคอยตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 03-12-2014 06:46:18
สงสารเล็กจังอย่าทนอีกเลยนะ เขาว่าเขาก็เจ็บที่ทำร้ายเล็กแล้วทำไมไม่คิดละว่าเล็กจะเจ็บเจียนตายแค่ไหน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 03-12-2014 06:46:26
ทำไมใจร้ายจัง สงสารคุณเล็ก :mew6: :mew6: จุุ๊บไอ้จ้อยหน่อย  :mew1: :mew1: :mew1: น่ารักไปแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 03-12-2014 08:06:29
เรื่องของจ้อยกับสิงห์ ดูดีกว่าของคุณชายเยอะเลย
ถ้ารักกันไม่ได้ แต่ต้องทำร้ายกันขนาดนี้เลยเรอะ
ไม่เข้าใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 03-12-2014 09:03:34
ขโมยปลาทู กร๊ากกกก :m20: :m20: ฉากนี้น่ารักทั้งคู่
ไม่รู้สิ อ่านตอนนี้แล้วชื่นใจ มิตรภาพระหว่างเล็กกับจ้อย มันค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ จนมองเห็นความเป็นเพื่อนแท้กันได้ไม่ยาก
สิงห์ก็กำลังดี ไม่โอเวอร์แอคติ้งเกินเหมือนอาจารย์คนึง ที่ทำเกินไปจริง คือทำแล้วอ้างแต่ว่าทำเพื่อเลอมาน เหอๆ
สะใจคุณนายพูนทรัพย์ ที่ต้องมาง้อจ้อย เกลียดคนอย่างเธอมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 03-12-2014 12:23:02
โธ่เอ้ยคุณครูเจ้าขาทำไมทำร้ายเฆี่ยนใจกันขนาดนี่
คืออ่านไปก็รู้สึกเจ็บจี๊ดๆในใจตาม(โครตอินเลย) สงสารคุณเล็กมากเลย คิดนะว่าอยากให้เป็นแบบในละครเลยไหม ที่หนีกลับบ้านเกิด(?)ไปเลย หรือไม่ต้องสนใจมันแล้วไอ้พระเอกเนี่ย ฮึ่ย ให้มันรู้ซะบ้าง แต่ก็เข้าใจนะคะว่ามันคนละชั้นกันเรื่องฐานะ แต่ไม่ลองคุยกันก่อนหล่ะ แบบนี่เขาเรียดว่าคนรักกันหรอคะ

ส่วนจ้อย แฮ่นค่าาาาาาาาาาาาาาาาา
ปากหนักนะเธอน่ะ(ฮา) เสนอตั๋วนอนห้องบ่าวเลยก่ะค่า ถูกใจแม่ยก555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 03-12-2014 16:09:01
น้องจ้อยใจเริ่มอ่อนและโคตรน่ารักกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 04-12-2014 11:47:12
อื้อหือ สงสารคุณเล็ก
ทำไมอาจารย์คนึงใจร้ายอย่างนี้
มองว่าเป็นตัวแทนก็ว่าแย่แล้ว
นี่ถึงขั้นว่าแก้ขัด

 :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 04-12-2014 16:15:44
เลอมาน กับ จ้อย เป็นอะไรที่สลับขั้วกันมาก ฝั่งนึงรัก ฝั่งนึงเกลียด สนุกดีๆ มาต่อบ่อยๆนะครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: josephine ที่ 04-12-2014 16:34:14
ลุ้นมากกกกกกกก ทั้งสองคุ่เลย
ขอบคุณที่มาต่อให้จ้า  รักคนแต่ง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 04-12-2014 18:48:34
จ้อยกับพี่สิงห์น่ารัก
แต่อีกคู่นี่โคม่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: แค่ความทรงจำ ที่ 04-12-2014 21:22:23
เห็นมาต่อแล้วดีใจสุดๆ เลย  :katai2-1:

ครึ่งหลังมานี่คู่ สิงห์กะจ้อย น่ารักกันจริงๆเลย ตลกอีกต่างหา  :-[ :o8:

ส่วนคู่ อาจารย์คนึงกะคุณชายเล็ก เออ เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่ชอบเลย ทำลายจิตใจกันได้ลงคอ :angry2:

หาใหม่ให้ชายเล็กเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Noockie ที่ 05-12-2014 08:58:40
ดีอะ อ่านก่อนสอบ 555  :hao3:

ขอบคุณนะคะ สนุกมากเลย จะติดตามต่อไป :hao7:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: MiniMick00 ที่ 06-12-2014 12:48:49
อ่านคู่ของอาจารย์กับคุณเล็กทีไรน้ำตาจะไหลทุกที สงสารคุณเล็กมาก  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 06-12-2014 14:55:26
 :sad11:จับใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 09-12-2014 10:13:15
แอร๊ยยย... คู่พี่สิงห์น้องจ้อยมันกริ๊วกร๊าววว
น้องจ้อยรุกแล้วนะเออ

ส่วนอีกคู่นี่ สงสารหนูเล็กมากมาย
ถูกทำร้ายจิตใจตลอด
อ.คนึงพอเถอะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 09-12-2014 20:55:47
จ้อย-สิงห์ ตอนนี้กำลังน่ารักเลย :-[
เลอมาน ช่างพยายามดีเหลือเกิน แต่คราวนี้เจอขืนใจ จะสู้ต่อไหวหรือ อาจารย์ใจแข็งจริงๆ ทำร้ายคนรักได้ถึงเพียงนี้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 09-12-2014 23:03:40
ชอบตรง โอ้ เงินหนาก็ได้ปลาตัวใหญ่ :pandalaugh: กะตอนขโมยปลาทู น่ารักมากกก :m32:

ดูสิพระเอกทั้งคู่จะทนลูกตื้อนายเอกได้ไหม  :hao3:

ปล.หนูจิ้นคู่เพ่สิงห์กะน้องจ้อยไปไกลแล้วนะคะ  :haun4: :katai5:ตอนหน้าจัดเต็มนะค่ะ :m10:

+๑ o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 11-12-2014 03:50:00
รอ ร๊อ รอ   :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 11-12-2014 10:53:07
ncสองคู่เลยค่าตอน
หน้า55555
คู่คุณชายแนวซาดิส์ตบจูบ คู่จ้อยเป็นแบบปรับความเข้าใจ55555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 11-12-2014 23:31:26
จ้อยน่ารัก สิงห์ก็น่ารัก คู่นี้น่ารัก เอาไปเลย ๑๐ คะแนน <3<3<3
คนึง - ให้มันธรรมดาลูก </3 ไม่ปลื้มคะ เจ๊บอกเลย ดื่มวีต้าแล้วไปตายซะ มาใจร้ายกับคุณเล็กของกบได้ยังไง (-*-)
อยากให้คุณเล็กไปรักคนอื่นจริงๆ หึ๊ย!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 13-12-2014 03:42:17
เข้ามารอหนูจ้อย กับ ชายเล็ก ทุกวัน  มาต่อเร็วๆ นะค่ะ  :katai4: :hao3: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 15-12-2014 10:51:56
สนุกมากๆเลย ตัวละครแต่ละตัวดูมีสีสัน ความน่ารักขึ้นเยอะเลย
โดยเฉพาะจ้อย และเลอมาน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 17-12-2014 20:18:15
คิดถึงคุณดอกไม้  รออยู่นะคะ :mew2: :sad4: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Teddysdeath ที่ 18-12-2014 16:22:28
วันนี้เข้ามาอ่านซ้ำ
ก็เลยค้างซ้ำ :hao5:

คิดถึงพี่ฉิงน้องจ้อยมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 18-12-2014 21:33:53
คร้างงงงงงงงงงง :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: benz-sirilada ที่ 19-12-2014 15:42:20
สงสารชายเล็กจัง สู้ต่อไปนะ ส่วนพี่สิงห์ของจ้อยเริ่มจะไปด้วยดีแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: disney ที่ 20-12-2014 06:50:58
ยังติดตามอ่านอยู่ตลอดนะคะ

เป็นเรื่องที่ภาษาสวยมากค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 21-12-2014 18:12:04
มาต่อเหอะ  มาต่อเหอะ  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 22-12-2014 21:15:30
คิดถึงนะ  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 29-12-2014 18:19:37
รอคุณดอกไม้ทุกวันนะคะ  มาต่อเร็วๆนะ  :mew2: :m15: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: vanila ที่ 30-12-2014 10:42:53
ยอมรับเลยว่าเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมานี้นอนอ่านเรื่องนี้ทั้งวันอ่านแล้วหยุดไม่ได้
ถ้าไม่ง่วนอนก้คงไม่หยุดอ่าน บอกเลยว่าสนุกมากกกกกกก ติดอ่ะติด
แนวพีเรียดแบบนี้ไม่ค่อยมีให้อ่านเลย อีกอย่างนิยายวายแบบบรรยายความรู้สึก
บรรยายเรื่องราวแบบนี้ก็กาอ่านได้น้อยนะ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการบรรยายแบบไดาอารี่มากกว่า (ที่เราเจอ)
เห็นตอนแรกๆอัพตังแต่ปี ๕๕ เรื่อยมาจนถึง ๒ ธ.ค ๕๗
เป็นนิยายที่ยาวนานมากจริงๆ ฮ่าาาา เรานี่นึกว่าไรเตอร์จะแต่งไม่จบซะแล้ว
พอเห็นอัพวันล่าสุดค่อยกับเห็นเม้นในแฟนเพจ ที่ไรต์เตอร์ตอบนี่บอกเลยว่าโล่งมากค่ะ
ถ้าเรื่องนี้แต่งไม่จบเราคงเสียดายแย่แน่ๆ


เรื่องนี้มีสองคู่ แต่คู่ที่เราชอบที่สสุดคือพี่สิงห์กับน้องจ้อย พี่สิงห์รักน้องจ้อยมากกกกกก แต่ว่าแสดงออกผิดวิธีมากไปหน่อย
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด จริงๆ แต่ก้น่าสงสารพี่สิงห์นะ ดูเหมือนเป็นเด็กมีปมมีปัญหา แล้วแบบหาทางออกไม่เจอ
อยากมีที่ยืนเป็นของตัวเองอยากมีคนยอมรับ พอไอลอยมาให้เป็นลูกกพี่แล้วพาลงเหว ทีนี้ก้ไปกันใหญ่เลย
ส่วนเรื่องที่กระทำชำเราน้องก็รับไม่ได้เหมือนกัน สงสารน้องสุดหัวใจ ทำไมน้องต้องมาเจอเรื่องร้ายๆตลอดเลย
มันก็สมควรแล้วนะที่จะโดนน้องชิงชังซะขนาดนั้น เพราะอารมณ์ชั่ววูบโดยแท้ คิดก่อนนะพี่สิงห์นะ
ก็ยังดีนะที่จิตใต้สำนึกพี่สิงห์ปกป้องน้องจากพวกไอ้ลอยไอ้หมานไอเลิศได้ ไม่อย่างชีวิตน้องคงเหมือนตกนรกทั้งเป็นยิ่งกว่านี้
แอบน้ำตาไหลตอนที่น้องจ้อยแอบหนีพี่สิงห์ไปหลบอยู่ใต้ต้นไม้ข้างกอมหาหงส์แล้วไปตามน้องน้ำฝนให้มาพาพี่จ้อยไปนอน
ณ จุดๆนี้สงสารทั้งพี่สิงห์ทั้งน้องจ้อยมากๆ เศร้าอะไรอย่างนี้ คุณนายพูนทรัพย์นี่ก็เหลือเกิน จะจงเกลียดจงชังอะไรน้องปานนั้น
แอบดีใจนะที่พี่สิงห์ยอมปล่อยน้องไป แต่หลังจากพี่สิงห์ปล่อยไปกลับกลายเป็นน้องจ้อยซะเองนี่ที่ไปหา
สงสัยตอนนี้พี่สิงห์ใกล้จะได้รับการให้อภัยจากน้อยจ้อยแล้วสิน้า คริคริ
ดีจังค่ะรู้สึกอยากให้ความสุขกลับมาหาคู่นี้สักทีเหมือนตอนเด็กๆที่เคยมีกันและกัน


ส่วนเรื่องคุณชายเล็กกับอาจารย์ เรารู้สึกว่าความรักของคู่นี้เกิดง่ายไปนิสนึง โอเคคือคุณชายเล็กเค้าก็ไม่ใช่มาแทนที่จินดาหรอก
แต่คือจินดาเพิ่งตายงัย อาจารย์ก้มีรักใหม่แล้ว แอบสงสารจินดา ไม่น่าจากไปเลย (คือยากอาจารย์คนึงมีเมียสองคนฮ่าาาาา (ไม่ใช่ละ =.=))
แต่เรื่องความรักกไม่เข้าใครออกใครนี่เนอะ อาจารย์ก็ไม่ได้ลืมจินดาสักหน่อย ตอนแรกก็แอบรับนิสัยชายเล็กไม่ไหวเหมือนกันนะ
คนอะไรเย่อยิ่งชะมัด แต่พออยู่ไปๆ ขายเล็กก็เป็นคนนิสัยดีคนนึงเลยทีเดียวชอบฉากในวัดที่เสี่ยงเซียมซีจังค่ะ
น่ารักอ่ะ จารยืแอบอมยิ้มมุ้งมิ้งอยู่คนเดียว แต่ตอนนี้สงสารชายเล็กมากกกกกกกๆๆ โดนทุกคนหมางเมินไม่เว้นแม้แต่คนรัก
เหมือนอยู่ตัวคนเดียวที่ต่างถิ่นต่างแดน หันหน้าไปหาใครก็ไม่มีใครช่วยปลอบใจ ครั้นจะหันไปหาอาจารย์คนึงแต่รายนั้นก็กำลังจะตีจาก
ด้วยศักดินาของคนรักที่มิกลาอาจเอื้อมแล้วเป็นการตีจากที่เย็นชามากกก หักดิบกันชัดๆ เลิกเย็นชาใส่ชายเล็กได้แล้วนะ เด๋วชายเล็กทนไม่ไหว
ส่วนจะหันไปหาจ้อย จ้อยก้ดันเข้าใจคุณชายเล็กผิดดีอีก (อาจารย์ก้น่าจะล๊อคประตูให้ดีก่อนจะทำอะไรนะคะ (=v=))
แต่ก็ยังดีที่ตอนนี้จ้อยกับชายเล็กดูเหมือนสองคนนี้จะกลับมาเหมือนเดิม หรือสองคนนี้จะเป็นพี่น้องต่างแม่กันนะ
แล้วทำไมยายช้อยถึงดูดีใจที่พี่สิงห์กับน้องเข้ากันได้ดี ทำไมถึงดีใจที่น้องจ้อยไปอยู่บ้านกำนัน หวังว่าคงไม่มีซัมติงอะไรน้า


ยังงัยก็รอตอนต่อไปของมหาหงส์นะค๊าคุณดอกไม้ ^w^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๐ : ขอรักคืน (ครึ่งหลังมาแว้ว^^) [๒ ธ.ค. ๕๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Motion_Lover ที่ 02-01-2015 10:34:12
คุณดอกไม้ขา สบายดีไหมคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ด้วยนะคะ ปีที่แล้วผ่านเรื่องเสียใจมา ปีนี้เริ่มต้นใหม่นะคะ
ขอให้สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตคุณดอกไม้ค่ะ และขอให้คุณดอกไม้และคุณแม่สุขภาพแข็งแรงนะคะ

เข้าเรื่องนิยายกันบ้าง จะบอกว่ารอนิยายของคุณดอกไม้ได้เสมอนะคะ
ไม่ต้องเร่งรีบ หรือรู้สึกผิดที่มาต่อช้าเลยค่ะ
มันคือความเสียสละอย่างที่สุดแล้วที่คุณดอกไม้แต่งนิยายดีๆ ภาษาสวยแบบนี้ให้พวกเราอ่านกันฟรีๆ
ฉะนั้นเอาที่คุณดอกไม้สบายใจเลยนะคะ อยากอัพเมื่อไหร่ แฟนๆ ก็รออ่านอยู่เสมอค่ะ

สำหรับตอนนี้ ชอบการบรรยายของคุณดอกไม้อีกแล้ว โดยเฉพาะวรรคนี้ค่ะ

"แดดอ่อนเหลืองรำไรพาสีเหลืองทองคำฉาบทิวเมฆไกลโพ้น  แสงสีหมากสุกกระจายทั่วฟ้า  ฉาบหน้าจ้อยจนต้องหยีตา  ท้องน้ำสะท้อนแดดเป็นประกายระยับ  นกยางสีขาวเกาะกลุ่มไกวปีกช้าพาฝูงกลับรวงรัง  เสียงกระดึงจากคอวัวของพวกเกวียนขนถ่านดังแว่วมาแต่ไกล  กิ่งตาลแห้งถูกลมตีเสียงดังแกรกกราก"

คุณดอกไม้บรรยายได้งดงามเหลือเกินนน
และนี่ก็เพียงส่วนหนึ่งนะคะ เราเองก็ชอบหลายๆ บทบรรยายจากในเรื่องนี้อีกมากค่ะ

คู่โปรดของเราคือคู่น้องจ้อยกับพี่สิงห์ค่ะ ตอนนี้เราดีใจเหลือหลาย ที่น้องจ้อยเริ่มหันมาทำดีกับพี่สิงห์แล้ว
เรียกว่าเริ่มเปิดใจได้แล้วกระมัง?... อ่านแล้วก็ให้รู้สึกยิ้มเขินมีความสุขได้บ้าง
ตอนที่ผ่านๆ มา รู้สึกสงสารพี่สิงห์เหลือเกินค่ะ แม้ว่าจะทำผิดไปแต่แรกก็เถอะ แต่เราก็ยังเชียร์พี่สิงห์สุดใจอยุ่ดี

ผิดกับคู่อ.คนึงกับชายเล็ก ช่างน่าสงสารกันทั้งคู่นะคะ แต่ก็โกรธอ.คนึงค่ะ ที่ตัดสินใจด้วยวิธีนี้
อยากให้ลองหันหน้าเข้าหากัน ปรึกษากันว่าจะทำยังไงกับความรักครั้งนี้ดีกว่า ในเมื่อทั้งคู่ก็ใจตรงกันแบบนี้
หรือถ้าจะต้องปล่อยชายเล็กไปใช้ชีวิตอันสูงค่าทีหลัง ก็ค่อยตัดสินใจอีกครั้งเมื่อถึงเวลาไม่ดีกว่าหรือ?
ทำไมไม่ทำทุกวันให้มีความสุข และมีคุณค่า ตราบเท่าที่ยังเหลือเวลาให้อยู่ด้วยกันล่ะ

อินมากค่ะเรื่องนี้ รักมากๆ ถ้าคุณดอกไม้แต่งจบเมื่อไหร่ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจให้คุณดอกไม้รวมเล่มด้วยเถิดดด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 02-01-2015 16:41:12
(http://img10.imagefra.me/i712/wattanan/0_48c_ucmz8.jpg)

บทที่ ๓๑

คำสารภาพของชายโฉด

(ครึ่งแรกจ้ะ :L2:)

แทบเท้าขอเอากายสยบลง
เพราะผมปลงใจตก ดุจนรกซาบซึ้งบุญญา
เจ็บช้ำเหมือนมีกรรมบังตา
พ้นบ่วงเวรนั้นมาน้ำตานองหน้าร้าวราน

อย่าเมินให้มัวหมองอุรา
ผมอุตส่าห์ด้านมาสารภาพกราบกราน
เจ็บใจก็จงประหาร
น้ำตาพรมซ่านรินผ่านจากใจ*



   จ้อย.. เอ็งรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา
 
   นี่เอ็งบ้า หรือเอ็งเมา!?

   “เฮ้ย!” เสียงห้าวตะคอกลั่น  ปัดข้อมือน้องแทบกระเด็น “ไม่ได้!”

   ยังอีก.. ยังพูดไม่รู้ฟัง  มีการหันมาจ้องหน้า  ในดวงตาโศกสลดเหลือแสน  โอ๊ย! กูอยากจะบ้า!  โดนนักเลงบางอื่นถีบยอดหน้ากูยังไม่เจ็บเท่านี้! 

   “มะ..ไม่ต้องมามองหน้า!” ใจแข็งไว้ไอ้สิงห์เอ๋ย “ข้าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้  ไป๊ กลับไปซะ!” ไม่ไล่เปล่า  ฝ่ามือใหญ่ผลักไหล่เล็กจนหัวซุน 

   “ไม่ห่วงกันเลย..” สุ้มเสียงนั้นอาดูรจับจิต  หน่วยตาดำมีรอยรื้นวาวใสสะท้อนแสงตะเกียงนวล “ขากลับน้ำไหลขึ้นเต็มตลิ่ง  มืดก็มืด  หนาวก็หนาว  ลมพัดแรงจนมีแต่คลื่นหัวหงอก  กว่าจะพายข้ามฝั่งแม่น้ำได้เรือเกือบล่ม” สิงห์กลืนน้ำลายเอื๊อก  จ้อยมันหมายถึงยอดคลื่นที่ถูกลมแรงพัดจนน้ำแตกกระเซ็นเป็นฝอยขาว  “ดูซิดู  พายงัดจนมือพองไปหมดแล้ว”

   นักเลงหนุ่มก้มลงมองมือเล็กจ้อยที่แบหราตรงหน้า  โธ่เอ๋ย! ทำไมมันแดงก่ำยังงั้น!?   

   “ถ้าเกิดเรือล่มขึ้นมา  จ้อยว่ายน้ำแข็งก็จริง  แต่อากาศหนาวแบบนี้  ตะคริวจะกินตายเสียก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้” ลมหนาวช่างเป็นใจ  หวีดหวิวเสียจนไอ้สิงห์ใจสั่น  ยืนอยู่บนบกยังขนาดนี้  แล้วอีตอนน้องลอยเท้งเต้งอยู่กลางปากแม่น้ำเล่าจะขนาดไหน
 
   “ช่างเถิด” นักเรียนครูสะบัดเสียงใส่  ผินหลังเดินจากไปดื้อๆ “เกิดจ้อยเป็นอะไรขึ้นมา  จ้อยฝากยายด้วยก็แล้วกัน”

   ไอ้สิงห์ปรูดไปดักหน้าไว้แทบไม่ทัน  หมดกัน.. ใจที่แข็งทะนานปานหินผา  ตอนนี้มันถูกดวงตาตัดพ้อคู่นั้นหลอมเป็นขี้ผึ้งหล่อเทียนพรรษาหมดแล้วเจ้าข้าเอ๋ย     

   “เอ็งจะนอนที่นี่ก็นอนไป  เดี๋ยวข้าไปนอนที่อื่นเอง!” 

...............................
   
   น้ำเอยน้ำคำ  เจ็บอกปิ้มป้ำน้ำตาไหล

   จ้อยมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยหรือ!?

   หลานยายช้อยน้อยใจเหลือจะกล่าว  มือบางกระชับผ้าผวยห่อร่างแน่นเข้า  เสื่อแข็งกระด้างที่รองกายไม่ได้ช่วยให้อุ่นขึ้นเลย  ลมหนาวพัดผ่านช่องโหว่ตามฝาขัดแตะเข้ามาเย็นเยือก  หนาวสะท้านจับขั้วหัวใจ  จ้อยอยากรู้จริงๆ  คนที่นอนอยู่กระท่อมโน้น  เขาจะนอนหนาวเหมือนกับจ้อยในตอนนี้ไหม  มุ้งสีหม่นปลิวพะเยิบ  นี่มุ้งมันเก่าหรือมันสกปรกจึงมีสีแบบนี้  แต่ละด้านประปรายด้วยรูโหว่ที่ถูกมัดขยุ้มไว้ด้วยยางวงอย่างมักง่าย  เขาทนนอนมุ้งแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน  ไม่ได้การ.. พรุ่งนี้จ้อยต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว 

   ข่มตาเท่าไรก็ยากจะหลับ  หลากสรรพเสียงอึงอลอยู่ในหัว  ทำแบบนี้ทำไม.. นักเรียนครูดีเด่นถาม  ไม่รู้สิ.. เด็กชายตัวจ้อยบนชิงช้าใต้ต้มมะขามพึมพำ 

   อภัยให้มันแล้วหรือ.. เหยื่ออาชญากรรมในกระท่อมร้างท้วงขึ้น

   จ้อยก็แค่อยากรู้ว่าพี่จะหนีจ้อยไปไหนอีก.. หนุ่มน้อยในหมู่หิ่งห้อยวับวาวซ่อนยิ้มจางกลางแสงจันทร์นวล 
 
*****************************
   
   มือแข็งแรงกดไหล่เล็กบางเอาไว้  เลอมานไร้ทางหนี  เหมือนทั้งกายถูกความคลุ้มคลั่งตอกตรึงเอาไว้แน่นหนา
 
   “อา..อาจารย์..อย่า..” คำวิงวอนสำลักจากริมฝีปากสั่นระริก “ไม่เอา..พอได้แล้ว..”

   เขาฟังที่ไหน  หรือเทพบุตรกำลังจะกลายร่างเป็นซาตาน  ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงมา  เป้าหมายคือริมฝีปาก  ไม่มีการแวะเวียนพรมจุมพิตตามหน้าผากหรือสองแก้ม  เขาจูบ.. จูบและจูบเหมือนไปตายอดตายอยากมาจากไหน 

   ความอ่อนหวานหรือ?  ความนุ่มนวลหรือ?  ไม่มีเลย  ไม่มีเลยสักนิด 

   ไยรักเราแล้วกลับแปรรังแกใจ...

   หม่อมราชวงศ์หนุ่มส่ายหน้าหนี  ความโหยกระหายตามติดไม่ลดละ  มือที่พยายามผลักไสถูกกดไว้กับเตียง  ปลายลิ้นร้อนดูดกลืนดั่งปีศาจ  เลอมานถูกรุกไล่จนศีรษะแทบจมหายลงไปกับหมอน  เด็กหนุ่มดิ้นรน  ต่อต้าน  กว่าจะรู้ตัวอีกที.. รสเค็มคาวก็ปร่าอยู่ในปาก

   ได้เลือดเข้าแล้ว..

   เจ็บด้วยกันทั้งคู่  ร่างสูงใหญ่ชะงัก  เงยหน้าขึ้นสบตากันในเสียงหอบหายใจระรัว  ดวงตาสีนิลมองมาเหมือนเสือมองเหยื่อ  ปาดริมฝีปากด้วยหลังมือ 

   “อย่า.. อย่าทำแบบนี้..” เลอมานวิงวอนอย่างไม่อำพราง  สะอื้นลึกในอกหมองไหม้  นี่เล็กนะ.. หนูเล็กของอาจารย์  คนที่รักและเทิดทูนอาจารย์สุดหัวใจ 

   ไม่ใช่เหยื่อ.. ที่พอกระหายใคร่ก็มาตะโบมกินให้สมใจอยาก     

   “ทำไมล่ะ  อยากเป็นตัวแทนจินดาไม่ใช่หรือ  ทำทุกอย่างแทนเขาได้ไม่ใช่หรือ!” มุมปากได้รูปเยาะหยัน  ในดวงตาดุดันลุกโชนด้วยเปลวไฟ  คุณชายตัวสั่น  ยามสุดที่รักโน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง 

   “ไม่เอา!  พอได้แล้ว!  ปล่อยผม!” เขากรีดร้องสุดเสียงเมื่อความหวาดกลัวแล่นเข้าจู่โจม  ดิ้นรนกระเสือกกระสน  ผมสีอ่อนกระจัดกระจายเกลื่อนหมอนขาวสะอาด  ฝ่ามือใหญ่กลับตรงเข้าปิดปากหมับ  เหลือเล็ดรอดเพียงเสียงอู้อี้และลมหายใจหอบสะท้าน 

   “ชู่วว..” ใบหน้าคมคายโน้มลงใกล้  ส่งเสียงเหมือนปลอบขวัญเด็กโยเย  แต่หัวอกคนฟังสั่นสะท้านเป็นรัวกลอง “อยากเสียงดังให้ข้างห้องเขารู้กันหมดหรือไง”

   เลอมานส่ายหน้ารัว  และพอเขาปล่อยมือ  คำแรกที่หล่นจากปากคือ “อาจารย์.. เล็กขอร้อง..”

   วิงวอนไปก็เปล่าประโยชน์  แค่เห็นดวงตาคุโชนคู่นั้นเด็กหนุ่มก็รู้แล้วว่าไม่มีอีกแล้วบทรักที่เรียงร้อยงดงามราวโศลกกวี  สิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้คือความหื่นกระหาย  กราดเกรี้ยว  คำดูถูก  คำหยามหมิ่น  ขอเถิด.. อย่าทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเศษขยะไปมากกว่านี้เลย

   โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า  มือหยาบใหญ่สอดเข้ากางเกงนอนเนื้อนุ่ม  ตะโบมเนินสะโพกจนแทบเหลวฟ่าม  ขยำขยี้เหมือนเป็นแค่ดินน้ำมัน

   “เล็กไม่ชอบแบบนี้ หยุดนะ!” เลอมานสั่นสะท้าน  หากยิ่งดิ้นรนเหมือนยิ่งเติมเชื้อไฟให้อีกฝ่าย  มือแข็งแรงเพิ่มน้ำหนักกดที่หัวไหล่จนเจ็บ  กางเกงถูกดึงลงกองแถวหัวเข่า  สัมผัสจากมือหยาบที่รุกรานส่วนกลางลำตัวไม่มีแม้เศษเสี้ยวความอ่อนโยน  ศิษย์ไม่ทันจะร้องห้าม  อาจารย์ก้มลงใช้ริมฝีปากดูดเอารสชาติ.. เหมือนหิวโหย.. เลอมานผวาเฮือก  คนึงจาบจ้วงและตะกละตะกลามอย่างมาก  เมื่อกระถดตัวออกห่างก็ถูกคว้าข้อเท้าลากกลับมา  ยิ่งกระเสือกกระสนยิ่งถูกประกบกินเลอะปากเลอะคอ 

   เจ้าเนื้อละมุนเอย.. เนื้อเจ้าอุ่นเหมือนสำลี
   พี่ไม่ให้ผู้ใดต้อง  เนื้อเจ้าจะหมองศรี


   ใครหนอเคยร้องเพลงนี้กล่อมเขา  นับจากนี้คงไม่มีอีกแล้ว

   “ฮึก.. ปล่อยผม ปล่อยๆๆๆ” กำปั้นเล็กทุบอั่กๆ ตามหลังไหล่ล่ำสัน “ออกไป..ออกไปจากตัวผม!”

   “จะไล่ผมไปไหน  นี่มันเตียงผม!” อาจารย์ตะคอกใส่หน้า “คุณต่างหากมาหาผมเอง  มาเสนอให้ผมถึงเตียงเองหม่อมราชวงศ์เลอมาน!”

   เลอมานทิ้งน้ำตาพรากลงสองขมับ  ตระหนักถึงความจริงอันน่าอดสู 

   ใครกันที่ยินยอมพร้อมใจ  เสนอกายพลีให้ความต่ำตมเคลือบไล้ 

   เขาเองไม่ใช่หรือ! 

   “อาจารย์ เล็กเจ็บ!” เลอมานสำลัก  น้ำตาพรูพร่าง  มืออ่อนล้ายื่นออกไปผลักแผ่นอกกว้างเบื้องหน้า  คนึงชะงัก  มือขยับช้าลง  ชะโงกลงมาจูบ  ปรนเปรอ..แผ่วเบา..ดั่งหลอกล่อ  เพียงชั่วครู่มือข้างนั้นขยับรัวอีกครั้ง  ไม่แยแสว่าเขาจะรู้สึกเช่นไร 

   ท่ามกลางความกลัว  ความเจ็บ  มีความเสียวซ่านอันน่าชิงชังก่อตัวขึ้น  ร่างกายตอบสนองเองตามสัญชาติญาณ  เลอมานยิ่งขยะแขยงตัวเอง  ถูกเขาหักหาญเอาถึงเพียงนี้ยังมิวายมีอารมณ์ร่วม  เมื่อความใคร่เค้นหัวใจแทบแตกเป็นเสี่ยง  หม่อมราชวงศ์หนุ่มสะท้านสั่นและเกินกลั้นควบคุมเสียง  เกินการยับยั้งสิ่งที่แตกปะทุภายใน  ปลดปล่อยตัวเองปลิวสู่นรกเดือดพล่านในสรวงสวรรค์  สายธารขุ่นขาวหลั่งกระเซ็นเต็มหน้าขา 

   เสียงที่กรีดร้องเมื่ออารมณ์เดินทางถึงจุดสูงสุด  ฟังเหมือนเสียงสัตว์ตัวเล็กๆ ที่บาดเจ็บเจียนตาย

   เหมือนอาหารลวกๆ หนึ่งมื้อ  อาจารย์ลุกออกไปยืนข้างเตียง  เช็ดมือที่เปื้อนคราบคาวกับขากางเกง  เหมือนเช็ดปากหลังกินข้าว
   สารพัดคำทำร้ายใจ  คำใดก็ไม่อาจเทียบได้เลยกับคำสั้นๆ 

   “เสร็จเร็วกว่าจินดาเสียอีก..”
   
เลอมานน้ำตาร่วงเผาะ  ปากซีดขาวสั่นระริก  เสียงที่ผ่านลำคอแผ่วหวิวดั่งเค้นขึ้นจากหัวใจแหลกสลาย “ผมเกลียดอาจารย์..”

   “ดี..” เขายิ้ม.. ยิ้มเหมือนอะไรบางอย่างลุล่วงสำเร็จ “วันข้างหน้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  อย่าลืมความรู้สึกในวันนี้เสียล่ะ”   
   บนเตียงยับย่น  ร่างที่ถูกทอดทิ้งนอนเหม่อลอย  ปล่อยแขนขาตกเปลี้ย  หยาดน้ำตารินไหล  เสื้อหลุดลุ่ย  กางเกงถูกดึงรั้งลง  สารรูปไม่ต่างอะไรจากจานข้าวเกลื่อนเศษอาหารที่ถูกหมาตะกละสักตัวกินเหลือไว้ 
 
   เสมือนหงส์ปีกหักลงปักตม
   สุดสิ้นสีทองที่ผ่องแผ้ว
   จะกลายเป็นกาแล้วเพราะขื่นขม**


   เลอมานไม่รู้หรอก  ว่าขณะที่นอนนิ่งขังตัวเองอยู่ในหุบเหวดำมืดไร้ทางออกนั้น  คนใจร้ายเหลือเกินที่เดินเลื่อนลอยลงเรือนมา  หันกลับไปมองห้องน้อยริมสุดนิ่งนาน  แสงไฟนวลจากหน้าต่างมลังเมลืองด้วยม่านน้ำตาพร่าพราย  หัวใจแหลกสลาย.. ไม่ต่างกัน..

*****************************

   จ้อยยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่หน้าห้องเลอมาน  โจทย์คดีขโมยปลาทูเป็นเดือดเป็นแค้นยิ่งนัก  ค่าที่ริมาลักไปไม่บอกกล่าว  จึงรีบแล่นมาแต่เช้าหมายจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

   มือเล็กเปิดประตูผลัวะเข้าไปอย่างไม่ยำเกรง  มารยงมารยาทไม่ต้องมีกันล่ะ  ก็อยากมาเสียมารยาทกับจ้อยก่อนทำไม!

   คุณชายตัวแสบคุดคู้คลุมโปงอยู่บนเตียง  เฮ่อะ!  ขี้ขโมยไม่พอ ยังขี้เกียจตัวเป็นขนอีก สายโด่งป่านนี้ยังจะนอนกินบ้านกินเมือง  มือเล็กกระชากผ้าห่มที่คลุมมิดถึงหัวออกทันที!

แล้ว.. นี่มันอะไร!?  ใบหน้าซีดขาว  ผมสีอ่อนยุ่งเหยิง  ดวงตาแดงช้ำอย่างคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก  ผ้าผ่อนหรือเล่า?  ทำไมมันหลุดลุ่ยแบบนั้น  กางเกงงี้แทบจะเกาะสะโพกไม่อยู่อยู่แล้ว 

   “คุณชาย” จ้อยยอมรับว่าตกใจไม่น้อย “เป็นอะไร”

   เพื่อนสูงศักดิ์ไม่ตอบคำ  มีเพียงเสียงสะอื้นแผ่วหวิว  พยายามซุกหน้าลงกับหมอน  จ้อยคว้าไหล่เพื่อนให้หันกลับมา  หนุ่มน้อยไม่คิดเลยว่าแค่แตะเบาๆ จะเรียกเสียงร้องอย่างเจ็บปวดได้แบบนี้ 

   พอเลอมานหันมา  จ้อยเห็นชัดเต็มสองตา  รอยช้ำเป็นจ้ำเกลื่อนไปหมด  ทั้งซอกคอ  ทั้งลาดไหล่  ริมฝีปากยิ่งไม่ต้องพูดถึง  มันบวมเจ่อยังกับเอาไปขยี้กะอะไรมา 

   “นี่.. นี่มันอะไรกัน ใครทำ” จ้อยละล่ำละลัก “อาจารย์หรือ”

ลางสังหรณ์แล่นพรู  โดยไม่รอคำตอบ  มือเล็กลนลานเปิดผ้าห่ม พลิกหมอนสำรวจสภาพเตียงพัลวัน  น้ำตาเอ่อเบ้าไม่รู้ตัว  แค่คิดว่าเพื่อนเจออย่างที่ตัวเองเคยเจอก็ใจจะขาด  คนอย่างคุณชายเล็ก  เปราะบางเกินกว่าจะรับมือกับเรื่องโหดร้ายแบบนี้

   “เปล่า.. ไม่ใช่เตียงนี้” เลอมานเหมือนอ่านใจกันออก  จ้อยชะงักก่อนปรูดไปดูเตียงอาจารย์ 

..คราบของเหลวขาวขุ่นเกลื่อนที่นอนยับย่น..

นักเรียนครูยืนอึ้งเหมือนโดนยาสั่ง 

   “ฉันผิดเอง.. ฉันทำตัวเอง.. ไปเสนอให้เขาถึงเตียงเอง..” เสียงเลอมานแผ่วหวิวมาจากอีกฝั่งห้อง    “ฉันอยากกลับบ้าน.. ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว..” สิ้นคำพูดก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น

   จ้อยขบกรามกรอด  โมโหจัดเหมือนถูกใครเด็ดหัวใจลงเคี่ยวในน้ำมันเดือดพล่าน  บอกไม่ถูกว่าโมโหใครมากกว่ากันระหว่างเลอมานกับอาจารย์คนึง  มือเล็กจัดการถลกผ้าปูที่นอนแปดเปื้อนออกโยนโครมลงตะกร้าผ้า  กระเตงเข้าเอวลงไปซัก  ให้ตายสิ!  นี่มันใช่กงการของจ้อยไหม  ธุระจ้อยก็มี  ไหนจะต้องทำกับข้าวไปให้พี่สิงห์  ไหนจะกลับมาเอายา เอาที่นอนหมอนมุ้งไปเพิ่มที่กระท่อม 

แต่เห็นเลอมานในสภาพนี้จ้อยทนดูไม่ได้จริงๆ!

   จ้อยกลับขึ้นมาใหม่หลังตากผ้าปูที่นอนเสร็จ  คว้ากระเป๋าเดินทางของคุณชายมากางหรา  เปิดตู้กวาดเสื้อผ้าทั้งราวโยนโครมตามลงไป  ร่างยับเยินบนเตียงผงกหัวขึ้นมามองงงๆ  “จ้อย.. ทำอะไร”

   คนที่พยายามกระทืบกระเป๋าอันอัดแน่นไปด้วยสัมภาระให้ปิดลงให้ได้หันมาตะคอกใส่ “ถูกเขาทำขนาดนี้แล้วจะหน้าทนอยู่ต่อทำไม!”

   ดังนั้นพอคนึงกลับมาที่ห้องอีกครั้งตอนเย็นย่ำ  จึงเห็นเพียงเตียงนอนว่างเปล่า  พื้นที่ฝั่งหม่อมราชวงศ์เลอมานราวกับไม่เคยมีคนอยู่อาศัย  โต๊ะทำงานสะอาดเรียบ  ไม่มีแม้น้ำหอมสักขวดหรือปากกาสักด้าม  เหลือทิ้งไว้เพียงช่อมหาหงส์โรยราให้ดูต่างหน้า  ความหวั่นไหวแล่นพรูเข้าจับจิต  อาจารย์หนุ่มปรูดไปเปิดตู้เสื้อผ้า  ใจหายวาบเมื่อพบเพียงความว่างเปล่า

   เขาเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อคืนเหยียบย่ำหัวใจคุณชายเล็กเสียแหลกเหลวไม่เหลือชิ้น  และก็เตรียมใจรับผลที่จะเกิดขึ้นไว้หลายรูปแบบ  แต่คนึงไม่ได้เผื่อใจไว้กับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้

   หนูเล็กหายไปไหน!?  หนีครูไปไหน!?

   วันเสาร์แบบนี้  อาจารย์คนอื่นๆ ถ้าไม่กลับบ้านก็เข้าไปเที่ยวในตัวเมืองกันหมด  ชายหนุ่มไม่รู้จะหันหน้าหาใคร  ร่างสูงใหญ่ตัดสินใจไปเรือนอาจารย์ปรีชา  ระหว่างทางก็ครุ่นคิด  เลอมานจะไปไหนได้ในเวลาแค่นี้  กลับพระนคร? หรือกลับบ้านที่อังกฤษไปแล้ว? ไม่มีทาง.. เป็นไปไม่ได้.. 

   คิดอีกที  นี่คือสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่หรือ  เขาอยากให้เลอมานตัดใจจากเขาแล้วรีบกลับอังกฤษไปเสีย  กลับไปเรียนต่อ  กลับไปแต่งงานอย่างที่ท่านพ่อปรารถนา  กลับไปมีชีวิตที่ดี  กลับไปเดินหนทางที่ถูกต้อง

   เพียงแต่.. นี่มันกะทันหันเกินไป 

   อาจารย์ร่างอ้วนกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน  คนึงไม่พูดพร่ำทำเพลง  ยิงคำถามเข้าใส่ทันที

   “อ้าว” ผู้อำนวยการทำหน้าประหลาดใจ “เขาไม่ได้บอกคุณหรอกหรือ”

*****************************

ติดตามต่อครึ่งหลังจ้า

สวัสดีปีใหม่ค่าคนอ่านที่รัก

ปีใหม่นี้และปีต่อๆ ไป ขอให้คนอ่านทุกท่านมีความสุขมากๆ นะคะ สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีกำลังกายกำลังใจเข้มแข็ง หากมีปัญหาใดๆ เข้ามาในชีวิตก็ขอให้ก้าวผ่านไปอย่างมีสติและกล้าหาญ ใช้ชีวิตให้สนุกสนานถ้วนหน้ากันนะคะ เย้! ดอกไม้ตั้งใจจะเขียนมหาหงส์ให้จบภายในปี ๒๕๕๘ นี่แหละค่ะ เอาใจช่วยด้วยเด้อ ฮึบๆๆ

ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆ เลยค่ะ เป็นของขวัญปีใหม่ที่ชื่นใจที่สุดเลย ดอกไม้อาจไม่ได้ตอบ แต่ทุกข้อความได้อ่านหมดและเซฟเก็บไว้เรียบร้อย ขอบตุณมากๆเลยนะคะ สำหรับกำลังใจที่แสนดี อยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว ปีหน้าก็ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกปีนะคะ เขียนเรื่องนี้จบแล้วจะได้ขึ้นเรื่องใหม่ที่มีพี่ลอยเป็นพระเอกเสียที เฮ่!

สวัสดีปีใหม่คร้าบบบบ

ดอกไม้
๒ ม.ค. ๕๘
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 02-01-2015 16:58:28
อิอาจารย์ต้องการอะไรกันแน่วะ ย้อนแย้งว่ะ เล็กหนุูต้องจำนะว่าโดนทำอะไรไว้บ้าง

อย่ายอมคืนดีง่ายๆเชียว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: banazjj ที่ 02-01-2015 17:01:06
น้องจ้อยอ้อนน่ารักจัง อย่างนี้ไม่นานพี่สิงห์ก็ใจอ่อนหมดสิ แพ้ทางงงง

ส่วนอาจารย์นี่ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากสมน้ำหน้า!!!  :katai1:

สวัสดีปีใหม่ คุณดอกไม้นะคะ สุขภาพแข็งแรง อ่านมหาหงส์มาก็หลายปี

เวลาหายไปนานๆนี่รอคอยมากๆ แต่พอมาต่อทีแม้จะนิดหน่อย ก็มีความสุขมากๆแล้วค่ะ

บรรยากาศและภาษาในฟิคเรื่องนี้เป็นอะไรที่เราชอบรองมาจากเนื้อเรื่อง  ^^ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-ha ที่ 02-01-2015 17:12:37
 :mew1:สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: SoulFighter ที่ 02-01-2015 17:27:11
ฮืออออ  :hao5:
สงสารหนูเล็ก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 02-01-2015 17:27:18
สิงห์...เอ็งนี่อ่อนชะมัด. อ้อยถูกประเคนมาใกล้ปากช้างแล้วเอ็งยังดันออกห่าง?

ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณดอกไม้, ติดตามเรื่องนี้มานาน. วันก่อนยังเอา Protege มาอ่านอยู่เลยค่ะ คาดว่ารวมเล่มเรื่องมหาหงส์นี้จะมีสักสี่หรือห้าเล่มเป็นอย่างต่ำใช่ไหมคะ จะได้อ่านกันให้เรี่ยมไปเลย. อิอิ

 :mew1:

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรง สมองปลอดโปร่งโล่งสบายจะได้มีจินตนาการมาเขียนเรื่องให้อ่านได้เยอะๆ  :mew3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 02-01-2015 17:29:01
โฑอ กำลังเข้มข้น อย่าซ้ำเติมภัยร้ายให้เลอมานอีกนะคะ แค่นี้หงษ์บอบบางก็ตกสลายพอแล้ว  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 02-01-2015 17:35:36
อ่านจบแล้วอยากกรี๊ดมากกกกกกกกกกกกกกก  :katai1:  :serius2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-01-2015 17:42:21
ปกติเกลียดอ.คนึงมากตั้งกะทำแย่ ๆ กับชายเล็ก แต่มาตอนนี้สงสารจับใจ
ชอบจ้อย รักจ้อย ลุ้นจ้อยกะพี่สิงห์

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 02-01-2015 17:47:33
น้องจ้อยยยยย
นางช่าง !!! 555 อ่านแล้วฮาาาา ตอนมาหาแมวขโมยปลา


ตอนต่อไปมาไวๆเถอิด คิดถึงอ้ายสิงห์ น้องจ้อย
เนี่ยจะนอน พอเห็น อัพ รีบมาเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-01-2015 18:26:32
โอยยยย จี๊ดได้ทุกตอน 5555
น้องจ้อยของเรารุกซะพี่สิงห์จะทนไม่ไหวแล้วนะ
ส่วนหนูเล็กก็น่าสงสาร คราวนี้ขอให้จ้อยพาไปซ่อนไกลๆเลย ไม่อยากอยู่ใกล้กันนักใช่ไหมครูคนึง คราวนี้คงสมใจอยาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: jambool ที่ 02-01-2015 18:29:18
 :o8: :-[  กรีดร้องงงงงง  ขอบคุณสำหรับของขวัญปีใหม่ค่ะ

สงสารคุณเล็กกกกกก  อาจารย์ใจร้ายเกินไปจริงๆนะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 02-01-2015 18:53:18
เป็นเรื่องที่ใช้เวลาเดินทางยาวนานมาก แต่เวลาเห็นอัพทีไร ก็ต้องเปิดเข้ามาอ่านทุกที
ชอบมากๆค่ะ และรอครึ่งหลังอยู่นะคะคุณดอกไม้ สงสารเล็กสุดขีดเลยนาทีนี้ โกรธอาจารย์แล้ว!  :m16:
พี่สิงห์เอ๋ย น้องเขามาหาแล้วก็ดูแลน้องหน่อยสิลูก  o18

ถ้าเรื่องนี้ตีพิมพ์เมื่อไหร่ ขอจองหนึ่งเซตเลยแน่นอนค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinebj ที่ 02-01-2015 18:59:44
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ค้างอย่างแรง :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
ยังไงก็รีบกลับมาต่อนะ รออยู่จ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 02-01-2015 19:02:10
เห็นคุณดอกไม้มาอัพ นึกว่าตาฝาด ดีใจมากจริงๆ ค่ะ
แต่อาจารย์อารายยยยยของอารจารย์ฮะ!!
ทำกับชายเล็กอย่างนี้มันเกินไปหน่อยมั้ง
ที่สำคัญอ.ปรีชาทำคนอ่านค้างมากๆ ไม่บอกอะไรคะอาจารยยยย์?????
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Wannida ที่ 02-01-2015 19:46:32
 ทั้งที่อ่านแล้วอยากแต่งกลอนสักบทแต่คิดไม่ออก
หน่วง ง รอค่า า  สวัสดีปีใหม่นะค่ะ ขอบคุณที่กลับมาต่อ  o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 02-01-2015 19:49:04
โอ๊ยมันบาดลึกในใจ
สงสารเล็ก
สมน้ำหน้าอ.คนึง อยากจะกรี๊ดใส่หน้าแล้วพูดว่า เป็นไงละ ตัวเองไม่ได้เจ็บคนเดียวและเจ็บที่สุดนะคะ อิโธ่เป็นผู้ใหญ่ก็กล้ายอมรับกับความเป็นจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นหน่อยดิ่

มาต่อเร็วๆนะคะคนแต่งชอบอ่ะ (ถึงจะอ่านอ.คนึงแล้วของขึ้นก็เถอะ)

สวัสดีปีใหม่ค่ะ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 02-01-2015 20:36:24
ชูป้ายไฟเชียร์น้องจ้อยจีบพี่สิงให้ติดน๊าาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Nae_Nae ที่ 02-01-2015 20:37:03
จัดมาค่ะ จัดมาาาาา  ด่วนๆนะ ค้างมากมายยย เอาให้เจ็บลึกกกก สุดใจไปเลยยย ฮือออ อินนนน  :z3:  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 02-01-2015 20:46:56
สมน้ำหน้า ไปแล้วไม่ต้องกลับมาหามันอีกนะคุณเล็ก อย่าลืมสิ่งที่มันเคยทำร้ายคุณเล็กไว้ จงเกลียดมันจนตายจากไปเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 02-01-2015 23:07:43
จ้อยดีมาก ยังไงก็คนหัวอกเดียวกัน
อีตาคนึงนี่ งี่เง่า คิดได้ยังไง ทำร้ายคนที่ตัวรักนักรักหนาได้ลงคอ
แล้วยังเอาไปเปรียบกับคนรักเก่าให้ช้ำใจอีก
พอเขาไปก็วิ่งโร่ตามหา ที่ทำนี่หวังดีตายล่ะ  เกลียดมากผู้ชายแบบนี้
ตัวเองกลัวโดนทิ้ง กลัวไม่คู่ควร แต่ไม่พยายามทำอะไรเลย อ้างแค่นี้ไม่สมควรรักแล้วชายเล็กเอ้ย
ชายเล็กหนีไปอังกฤษเลย อย่ากลับมารักคนโง่แบบนี่อีกเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Teddysdeath ที่ 02-01-2015 23:08:24
ร่วมสมน้ำหน้าด้วยอีกคน :hao3:


น้องจ้อยมันร้ายยยยยย พี่สิงห์ก็เก่งนะ ไม่ตกหลุมพรางได้เนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: nemonoy ที่ 02-01-2015 23:14:57
ขอบคุณ&คิดถึงคุณดอกไม้ค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ ^_^ ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักคู่สิงห์-จ้อย
แต่ก็ลุ้นให้คู่หลักเค้าดีกันไวๆเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 02-01-2015 23:58:50
สงสารทั้ง อาจารย์ ทั้ง เลอมาน เลย

เศร้าจังเจ็บกันไปหมดเพราะต้องฝืนใจทำ

น้องจ้อย ดูท่าจะเป็นห่วง พี่สิงห์ เอาเรื่องอยู่น้า 555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 03-01-2015 15:24:19
อาจารย์คะ ดูปากนี่นะ 'สมน้ำหน้า'
ชัดป่ะะะะะ
 :laugh:

น้องจ้อยอ้อนพี่ฉิงอ่ะะะะะ สักวันพี่ต้องใจอ่อนแน่ๆๆๆ
 :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 03-01-2015 21:55:18
สนุกมากกกกกกกก อาจารย์นี่นะ น่าตีจริงๆ พยายามทำให้เค้าไป พอเค้าไปจะไปตามรึไง ชิ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 03-01-2015 21:56:42
 :monkeysad:   :monkeysad: ทำร้ายหนูเล็กทำไม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 03-01-2015 22:10:48
สวัสดีปีใหม่ค่ะคนเขียน

เรึ่องนี้เป็นอีกเรื่องที่อ่านตามๆมาตลอดและมาหาตอนใหม่ทุกวัน  ปกติไม่ชอบเรึาองรันทดแต่เรึ่องยอมอย่างเต็มอกเต็มใจเพราะว่าทั้งเนึ้อเรื่องและภาษาสนุก+สละสลวยมาก ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอ่านเรึ่องนี้อยุ่ริมคลอง มีลมพัดเย็นในสมัยก่อนโน้น

อ.คนึงนี่ก็เข้าใจอาจารย์นะ เลอมานนี้ไกลกว่าเอื้อมจริงๆ อย่างพี่ชายจ้อยนั่นยังเป็นอะไรที่เป็นไปได้เพราะสถานะไม่ได้ต่างกันมากแต่เอาความคับแค้นมาลงที่เลอมานก็ใช่ที่ แถมยามที่ได้เสพสุขที่ธรรมดาไม่อาจได้เอื้อมหรือแอ้มอาจารย์ก็มาทำเสียหมด เพราะรักถึงแตะต้อง  ในขณะที่สิงห์เพราะรักถึงไม่แตะ  ความขาดความเกิน ความไม่สมดุลย์ของสองคู่นี้เดินเป็นเส้นให้เราเอามาเปรียบเทียบกันได้ชัดเจนดี  เชียร์ทั้งคู่ คู้หนึ่งท่ายังจะมีความเป็นไปได้ แต่อีกคู่นี่ยังมองไม่เห็นทางไปเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 03-01-2015 23:15:14
 :z6: :z6: จะตามหาเล็กอีกเพื่ออะไรเรอะ (ตอบ!!)
ทำกันขนาดนี้ คิดหรือเปล่าว่าจะต้องเสียใจกันแค่ไหน (น้ำตาไหล)
สงสารเล็ก อย่ามาอ้างว่าทำเพื่อให้ตัดใจ อาจารย์คนึงคุณไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอก
มีวิธีการอีกเยอะแยะมากกมาย แต่คุณเลือกที่จะทำร้ายกัน
เราไม่มีความเห็นใจให้คุณเลย
เล็กเค้าจากไปแล้ว ดีใจมากเลยที่เล็กมีจ้อย
จบความรักแค่นี้เถอะ ถึงมีเหตุผลแต่มันไม่ใช่ป่ะว่ะ (ขึ้นและอิน)

แทนที่จะทำบบนี้ สู้หายไปเองเลยตั้งแต่แรกดีกว่ามั้ยจารย์ (เชอะ :angry2:)




ปล. อินมาก ขอโทษค่ะ :sad2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 04-01-2015 00:58:19
กรี๊ดดดดดด เห็นขึ้นอัพเดทใหม่ก็รีบพุ่งตัวเข้ามา

ช่วงนี้คู่น้องจ้อยฟินสุดๆไปเลย :man1:
แต่คู่เล็ก ..... :katai1: อยากจะกระโดดถีบขาคู่อาจารย์คนึงซักที

กำลังอินน้ำตามาเลย
ตัดฉับบบบ  :a5: อะจ๊ากก

//สวัสดีปีใหม่นะคะคุณดอกไม้ จะติดตามผลงานดีๆของคุณไปเรื่อยๆนะคะ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Nutaro0330 ที่ 04-01-2015 19:58:20
เข้มข้นมาก อยากอ่านต่อเร็วๆเเล้ว
สวัสดีปีใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 04-01-2015 22:58:34
ตามมาดูทุกวันเลยค่ะ  คิดถึงคุณดอกไม้มากกกก   o13

คิดว่าจะไม่มาต่อซะแล้วววว   มาต่อไวไวนะคะ  :sad4: :hao5:

สงสารคุณชาย  ชอบพี่ฉิงกับน้องจ้อย ส่วนอาจารย์ต้องโดนนี่ :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: vanila ที่ 05-01-2015 11:53:56

ฮือออออออออออออออออออออออออ
สงสารหนูเล็กกกกกกก ทำไมอาจารย์ต้องทำร้ายกันขนาดนี้
หนูเล็กหนีไปก้ดีแล้วอย่าให้อาจารย์เจอตัวง่ายๆนะแอบโกดๆ
คนรักกันย่อมมีความปรารถนาดีให้แก่กัน
แต่อาจารย์ทำแบบนี้แแล้วแน่ใจหรอว่ามันเป้นผลดีกับหนูเล็กจริงๆ

ส่วนจ้อยนางแรงขึ้นทุกวัน
จ้อยที่เรียบร้อยน่ารักของหนูหายไปไหนแล้วววว
แต่นางก้แรงแบบน่ารักอ่ะนะ XD
แอบฮาที่ตอนแรกจะมาจัดการคุณชายเล็กเรื่องปลาทู
ไปๆมาๆเป็นเอาผ้าปูไปซักใหซะนี่ แถมพาคุณชายเล็กหนีไปอีก เลิศที่สุดอ่ะ ฮ่าาา

ปุลุ สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่าคุณดอกไม้ ^w^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 05-01-2015 13:28:54
สวัสดี ปีใหม่ ติตตามผลงานคุณดอกไม้นะค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 05-01-2015 20:51:12
โถ่หนูเล็กน่าสงสารจริงๆ



ขอคาดคะเนว่าจ้อยต้องเอาหนุเล็กไปไว้ที่กระท่อมของไอ้ยักษ์แน่ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: la.moonta ที่ 08-01-2015 20:38:57
มาต่อเร็วๆ นะคะ
รออยู่เน้อออออออออ
คิดถึงพี่สิงห์ น้องจ้อยแล้วอ่าาาา
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 09-01-2015 13:59:01
อีตาคนึง (-*-) ฉันขอสาบแช่งให้ชายเล็กไปเจอคนอื่นที่ดีกว่าแกเถอะ หมั่นไส้
งานนี้ต้องยกความดีให้จ้อยไปเต็มๆ หึม! มันน่านัก สมควรที่เค้าจะหนีไป
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 09-01-2015 17:21:57
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:


ทำกันขนาดนี้ ไม่ต้องคุยกันแล้ว  :angry2: :angry2: :angry2:

ไปเลยนู๋เล็ก อย่าไปสนใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: เกรียนเหมียว ที่ 09-01-2015 18:13:54

สวัสดีปีใหม่(ย้อนหลังนะคะ) ขอให้ผู้แต่งมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆค่ะ
อยากขอบคุณสำหรับ นิยายดีๆ ประทับใจมากค่ะทั้งภาษา ทั้งเนื้อเรื่อง เรียกว่าอ่านแล้ว ฟินฮ่าๆ ถูกจริตอิฉัน..ถึงบางตอนอ่านแล้วอยากจะจับ อ.คนึงมาเขย่าๆ ทำไมๆ ถึงทำกับเล็กได้ดดดดดดดดด.... :beat: สงสารชายเล็กของบ่าวจริงๆ )
 :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 11-01-2015 07:01:39
สมน้ำหน้าอาจารย์คนึง อยากทำร้ายร่างกายและจิตใจของหนูเล็กดีนัก
อยู่ทนไปก็เสียเวลาเปล่าๆ หนีกลับบ้านเป็นดีที่สุด ให้คนทางนี้ช้ำใจตายไปเลยยิ่งดี
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 14-01-2015 19:48:27
เข้ามาดูทุกวัน  คิดถึงจ้อย  คิดถึงชายเล็ก  :mew2: :mew2:
 

รออยู่นะคะคุณดอกไม้   :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 15-01-2015 01:26:07
น่าสงสารแท้ แต่กำลังมันส์ มาต่อบ่อยๆนะครับ ติดตามอยู่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: zizits ที่ 15-01-2015 01:28:01
เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง เสียน้ำตาไปเป็นลิตรๆ
นี่พิมพ์เป็นเล่มใหรือยังคะ อยากได้มากกก :ling1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: keinoo ที่ 16-01-2015 01:26:59
 :ling1: :ling1: :ling1:
สนุกจังง่ะ !!! ทำไมได้ครบทุกอารมณ์ยังงี้!!
เค้าชอบพ่อสิงห์กับชายเล็กอ่ะ  :-[
พ่อสิงห์ช่าง โง่และเถื่อน ถ่อย ได้ใจมากค่ะ หายากนะเคอะ พระเอก โง่และเถื่อนเนี่ย ส่วนใหญ่จะเป็นเถื่อนไฮโซ 555+
อันนี้มาแบบโง่นำมาเลย 555+
ส่วนชายเล็กน่ารักใสซื่อตัวจริงเลย อิมพอร์ตด้วย วุ้ย!น่ารั๊กก  :o8:
แต่เรื่องนี้ประทับใจเราที่สุด คือ ตัวละครที่ ชื่อ 'ลอย'
อ่านนิยายในเล้ามาก้อเย้อ(นอกเล้ามาก้อมาก) ตัวร้ายในนิยายวายส่วนใหญ่จะไม่ค่อย
โดดเด่นในความรู้สึกเรานะ ต่อให้ก่อสารพัดเรื่องมากมายในเรื่องนั้นๆเลยก้อตาม
 แต่มาเจอ ลอย ในเรื่องนี้เราอ่านไปก้อแอบกลัวมัน แบบว่ากลัวมันจะทำนุ่น นี่ นั่น ให้ยุ่งกันใหญ่ไรงี้
แต่ปรากฎว่า ลอย ก้อไม่ค่อยก่อเรื่องนะ 555+ แบบว่าเหมือนมันดูไม่ใช่ตัวละครสำคัญอะไร
แต่อ่านๆไปต้องนึกถึงมันตลอดเรื่อง (ถึงแม้หลายตอนจะไม่มีมันโผล่มาเลยก้อตาม)
เอ๊ะ!หรือเราชอบมโนไปเยอะเอง เลยกลัวดราม่าจัดจนพาลระแวงตัวร้ายก่อเรื่อง
ให้บ่อน้ำตาคนอ่านแตกกระเจิง  :hao7:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 18-01-2015 13:50:48
ครึ่งหลังอยู่หนายยยยยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 19-01-2015 11:34:39
 :katai5: :katai5:   รอครึ่งหลังอยู่นะคะ   มาต่อไวไวน่ะ   :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 19-01-2015 15:13:40
 :z6:

เห้อ  ความเอยความรัก....

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 19-01-2015 16:38:42
มาร้อ มารอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: PHA_ ที่ 19-01-2015 17:55:40
ยังร้อ ยังรอ :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 20-01-2015 00:55:52
มาส่องง :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 20-01-2015 09:02:18
คู่ของคนึงยังต้องซดมาม่าอีกนานแน่ๆ
แต่สิงห์กับจ้อยนี่เรารักเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 23-01-2015 22:57:30
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:   มาส่องครึ่งหลังทู๊กกกกกกกวัน    :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: kittisak Intarasarn ที่ 25-01-2015 19:53:27
นิยายเนื่องนี้มีอายุกว่า 3 ปี  เขียนดี สนุกมากมายครับ

ตัวละครดูสัมผัสได้ ขอเขียนถึงตัวละครหน่อย
คะนึง เลอมาน   ความรักที่ไม่มีวันเป็นไปได้เลน  1.ศิษบ์รักกับครู 2รักต่างชนชั้น3รักเพศเดียวกัน     คือมันประเด็นหนักทั้งนั้น  ผมเป็น อ.คนึงก็คงทำแบบนั้น เพราะความผิดทั้งหมดเกิดจากตัวเอง อ่อนไหวง่าย แพ้ความใกล้ชิด

2จ้อย  สิงห์ ความรักมีโอกาสเป็นไปได้สูง เพราะต่างฝ่ายต่างมอบรักแท้ให้แก่กัน

จะรออ่านจนจบนะครับ  มาอัพบ่อยๆอย่าปล่อยเป็นนิยาย  อายุ4ปีเลย  สามปีก็มากโขแล้ว 555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 26-01-2015 20:41:07
อยากอ่านเป็นการ์ตูนสั้นๆอ่าค่ะ  น่ารักดี >____<
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 29-01-2015 00:48:09
 :mew2: :mew2:   ยังรออยู่นะคะคุณดอกไม้    :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งแรกจ้า^^) [๒ ม.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: benz-sirilada ที่ 02-02-2015 15:46:38
รอ ร้อ รอ
อยากบอกว่าคิดถึงน้องจ้อย กับพี่สิงห์เหลือเกินเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 02-02-2015 20:40:24
หัวเรื่องเปลี่ยนแล้ว รอจ๊า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 02-02-2015 20:57:22
(http://img15.imagefra.me/i222/wattanan/34_035_ucmz8.jpg)

บทที่ ๓๑

คำสารภาพของชายโฉด

(ครึ่งหลังจ้า :L2:)


ลมทุ่งพัดมารวยริน  หอบเอากลิ่นมหาหงส์และดอกแก้วที่ปลูกไว้ชายน้ำโชยเข้ามาถึงในกระท่อม  บานเย็นคลี่ดอกสีสดจ้าออกรับแดดอ่อนที่กำลังจะลับลาทิวเขา  นกกระจิบกระจาบตลอดจนยางกรอกขยับปีกโบกโบยบินกลับรวงรัง  ต้นพุทราเนื้อดีข้างกระท่อมกำลังจอแจเซ็งแซ่ด้วยสำเนียงนกกระจอกที่กำลังจะเข้ารัง  กระดึงคอวัวกำลังกลับบ้านดังกังวานแว่วมาแต่ไกล  กลางความเงียบสงัดของชายทุ่งยามสายัณห์

   แม่เฒ่าช้อยวางมือจากกระด้งหมากที่แกเก็บเข้ามาไว้ข้างในหลังจากฝานตากแดดไว้เกือบทั้งวัน  ก่อนเข้าไปในครัว  ดูปลาดุกที่ปิ้งไว้จนเหลืองหอมน่ากิน  เหยาะน้ำปลาทำเองซึ่งหมักจากปลาสร้อยเนื้อหวานลงถ้วยตะไลใบจิ๋ว

   ห่วง ‘สมาชิกใหม่’ จะกินต้มกะทิหัวปลาช่อนแห้งกับใบมะขามที่เจ้าจ้อยมันทำไว้ไม่เป็น 

   “พ่อเล็ก!” แกออกไปป้องปากตะโกนหน้ากระท่อม  ต้องเรียกอีกสองหน  หนุ่มน้อยที่นั่งเดียวดายอยู่ที่ท่าน้ำจึงหันมา “มากินข้าวเถอะลูก”

   พิลึกคนจริง  ยังหนุ่มยังแน่น  นั่งเงื่องหงอยมองฟ้ามองน้ำอยู่ได้เป็นนานสองนาน

   มื้อเย็นผ่านไปอย่างเงียบเหงา  ยายช้อยเปิบข้าวเอร็ดอร่อย  ขณะที่เลอมานเอาแต่ใช้ช้อนสังกะสีเขี่ยข้าวเหม่อลอย  แสงตะเกียงนวลสะท้อนความระทมหม่นไหม้ฉาบใบหน้า    

กระท่อมนี้ไม่มีไฟฟ้า  มีแต่ตะเกียงกระป๋องใส่น้ำมันมะพร้าว  ไม่มีปล่องครอบ  ขนาดก็ไม่ใหญ่โตนัก  ไส้ตะเกียงใช้ด้ายดิบ  แสงไฟวอมแวมด้วยสายลมหนาวหวีดหวิว  ตะเกียงอย่างใหญ่ที่สุดของยายคือตะเกียงเจ้าพายุที่จ้อยเอาติดหัวเรือพายหายไปตั้งพักใหญ่แล้ว 

   พูดถึงแล้วยังต๊กกะใจไม่หาย  แกกะลังตะบันหมากอยู่ดีๆ  หลานรักก็พาหนุ่มน้อยหน้ามนมาถึงบ้าน  กระหืดกระหอบยังก๊ะหนีใครมา  หอบข้าวของมาพะเรอเกวียน  ให้เหตุผลเสร็จสรรพว่าหม่อมราชวงศ์อาสาสมัครจากอังกฤษอยากศึกษาวิถีชีวิตชาวบ้านอย่างใกล้ชิด  จึงอยากมาขออาศัยอยู่กับยายสักระยะไม่มีกำหนด  ยายก็ได้แต่ปาดน้ำหมากเออออ  มันก็ดีเหมือนกัน  เพราะอยู่คนเดียวยายก็เหงาปาก  จ้อยมันถูกคุณนายพูนทรัพย์ปล่อยตัวมาทั้งที  ยายก็นึกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนยายให้ชื่นใจ  ที่ไหนได้  ช่วงนี้พ่อไม่เคยอยู่ติดบ้าน  ร่อนไปร่อนมายังกะแมวหง่าว  ไม่รู้ไปติดสาวบ้านไหน  อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน  มันเอาคุณชายเล็กมาส่ง  อยู่ทำต้มส้มกะทิไว้หม้อ  เสร็จก็ตักโกยใส่หม้ออวย  เปิดแน่บหายไปไหนแล้วไม่รู้  ไม่ไปตัวเปล่า  เอาหมอนกับผ้าห่มไปด้วยสิหนอ

   ระหว่างมื้อ  พ่อเล็กแทบไม่พูดอะไร  ถามคำตอบคำ  แน่นอนยายเป็นคนถาม  อร่อยไหม  กินได้ไหม  ยายแกะปลาให้ไหม  และแน่นอน.. คำตอบที่ได้  มีแค่.. ครับ.. ครับ.. ไม่ครับ..

   คนอาบน้ำร้อนมาเจ็ดสิบกว่าปีพอจะมองออกว่าเจ้าหนุ่มคนนี้เป็นไข้ใจแสนสาหัส  เพียงแต่ไม่ถามเท่านั้น

   ลมกลางฤดูหนาวพัดแรงจัด  อากาศเย็นเยือก  ความมืดโรยตัวลงคลี่คลุมฟ้าอย่างรวดเร็ว  หญิงชราชาวนากับหม่อมราชวงศ์บุตรชายท่านทูตนอนร่วมมุ้งเดียวกัน  ยายช้อยนอนหัวค่ำจนชาชิน  แต่อีกคนดูจะตรงข้าม

   ในความเงียบงันอันมืดมิด  หญิงชราแว่วเสียงร้องไห้ดังแผ่วมา  แกนอนฟังอยู่อย่างนั้นสักพัก  ถอนใจและปลดปลง  สายตาที่เริ่มชินกับความมืดเห็นแผ่นหลังที่นอนตะแคงให้สั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น

ยายช้อยลุกขึ้นจุดตะเกียง  แสงนวลทอทั่วกระท่อมคับแคบ  มือเหี่ยวย่นเอื้อมไปวางบนศีรษะราชนิกูลหนุ่มแผ่วเบา  คนถูกสัมผัสยิ่งสะอื้นหนักจนตัวโยน  และโดยไม่คาดคิด  เลอมานซุกหน้าเข้ามานอนหนุนตักยาย  กอดเอวผอมบางเอาไว้แน่นอย่างเด็กขวัญหาย

แม่เฒ่าทอดถอนใจ  จะยิ่งใหญ่ยืนยงมาจากไหน  พอร้องไห้แล้วก็เหมือนเด็กตัวเล็กๆ กันทุกคน 

“สวดมนต์กันไหม” เสียงนั้นปรานีนัก  มือข้างนั้นยังลูบเรือนผมนุ่มช้าๆ  เลอมานรู้สึกราวกับมีหยาดหยดเย็นชื่นชโลมลงมา 
หัวอกอันตรมไหม้ดั่งจะทุเลาลง “ยายมีหนังสือสวดมนต์  พระท่านให้มา  หนูอ่านออกไหม”

เขาสูดจมูกฟืด  พยักหน้ากับตัก  มือหยาบกร้านอย่างคนกรำงานหนักมาทั้งชีวิตประคองหน้านวลเอาไว้  พลางพิศ

“เอ๊อ..ตาสวยนะเรา” ยายทำเสียงเล็กยังกะพูดกับเด็กน้อย  เกลี่ยรอยน้ำตาบนแก้มให้ “แต่ชอบทำตาเศร้า  คิ้วก็ดก.. แต่ชอบขมวดคิ้ว  อย่างกับคนใจขุ่น” ทีนี้แกไล้หัวคิ้วอันมุ่นยุ่ง “คลายขมวดนั้นเสียลูก  ใจจะได้เย็นลง”

และแล้วคืนนี้.. เสียงบทสวดชุมนุมเทวดา  บทกรวดน้ำ  บทแผ่เมตตาก็แว่วคลอเสียงลมหนาวจากกระท่อมน้อยริมคลอง   
ที่ไหนได้  สัพเพสัตตายังไม่ทันจะจบดี  ผู้อ่อนวัยกว่าก็เงียบเสียง  ฟุบลงแน่นิ่งกับหมอน  บทสวดมนต์ดั่งยากล่อมจิตใจชั้นเลิศ  คลี่ปมหัวใจอันว้าวุ่นด้วยความง่วงงุนแทนที่  ยายช้อยอมยิ้มจาง  แกจัดท่าจัดทางเจ้าหนุ่มน้อยให้นอนเหยียดสบาย  โอ้โห.. ชุดนอนผ้าไหมเสียด้วย  แบบที่พวกฝรั่งมันใส่กันในหนังขายยา  ขัดกันเหลือเกินกับเสื่อผืนเก่าและมุ้งสีหม่น  ผิวหรือก็บางนุ่มนิ่มนัก  ตื่นเช้ามาจะเป็นรอยเสื่อหรือเปล่าก็ไม่รู้  ตะแกดึงผ้าผวยขึ้นห่มคลุมให้ถึงหน้าอก  ตบปุๆ ลงตรงตำแหน่งหัวใจแผ่วเบาอย่างที่เคยทำยามหลานตัวน้อยทั้งสองร้องโยเยครั้งยังเป็นทารก

หม่อมราชวงศ์หนุ่มครางอือในคอแผ่วเบา  แม่เฒ่าจับใจความได้แค่.. “อาจารย์..”

*****************************

ตะเพียนน้อยสองตัวที่แขวนไว้ขอบหน้าต่างกวัดไกวรุนแรงตามกระแสลมหนาว  คนึงเดินไปปลดมันออกเสียด้วยเกรงว่าลมจะพัดแรงจนมันร่วงหล่นลงไป  หาไม่.. เขาคงไม่มีอะไรไว้เป็นเครื่องแทนใจถึงความรักงดงามที่ครั้งหนึ่งเคยได้ครอบครองอีก

ความรักที่เกิดขึ้นแล้วจบลงอย่างง่ายดาย 

ห้องน้อยที่ไม่มีเลอมานอยู่ด้วยอ้างว้างนัก  ความอาดูรกลุ้มรุมเข้าจับจิตจนอาจารย์หนุ่มยากจะข่มตาหลับ  หนูเล็กไปอยู่กับยายช้อย  ไปอยู่กับจ้อย  ให้เหตุผลแก่อาจารย์ปรีชาอย่างน่าฟังว่าอยากใกล้ชิดวิถีชีวิตชาวบ้านเสียด้วย  ดีแล้ว.. เพราะยายช้อยก็เป็นคนดี  จ้อยก็ไว้ใจได้  อย่างน้อยคนึงก็หมดห่วง

เขาทำถูกแล้ว.. เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว.. ชายหนุ่มพร่ำบอกหัวใจตัวเองในค่ำคืนเงียบงัน  เตียงตัวเองก็มี  แต่เหตุใดเขาจึงย้ายมานอนเตียงของหม่อมราชวงศ์เลอมานก็ไม่อาจรู้ได้  ดูซิกลิ่นแป้งหอมอ่อนๆ ยังติดตรึงอยู่บนหมอน  เขาเพียรจูบแล้วจูบเล่า 

หมอนข้างที่เลอมานเคยใช้  เขาเอามากอดก่ายเต็มสองแขน  แค่นี้ครูคงฝันว่าได้กอดหนูเล็กไว้ในอ้อมอก

ป่านนี้คนดีของครูจะเป็นอย่างไรบ้าง  บ้านยายช้อยมีเพียงเสื่อกับมุ้งเก่าๆ  ผ้าผวยบางๆ นั่นจะคุ้มกันลมหนาวเจ้าได้ไหม 

คิดถึง.. คิดถึง.. คิดถึงสุดหัวใจ  อยากเห็นหน้า.. อยากได้ยินเสียงเหลือเกิน

แต่ต่อให้คิดถึงเจียนขาดใจแค่ไหน  เขาจะไม่เยื้องกรายเข้าไปใกล้บ้านหลังนั้น  จะไม่โผล่ไปให้เห็นหน้า  แค่เจอกันที่โรงเรียน  แค่ได้ลอบมองห่างๆ  แค่ได้รู้ว่าอยู่สุขสบายดี  แค่นี้คงพอหล่อเลี้ยงหัวใจอับเฉา  ตัดบัวต้องอย่าเหลือใย

คนึงผ่อนลมหายใจหนักจิต  หัวใจเอ๋ยจะทนทรมานได้ไหม  จะแข็งแกร่งอยู่ได้สักกี่วัน

*****************************

ในกระท่อมรจนา.. เอ๊ย! กระท่อมท้ายโรงสีเถ้าแก่ฮง  ครูจ้อยกำลังเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กโค่งฟังอย่างออกรสออกชาติ

“เจอไอ้เข้!” หนุ่มน้อยประกาศชื่อเรื่อง  คนฟังร้องห๊าตกตะลึง 

ทีนี้ก็ถึงตอนสาธยายร่ายความ “กลางแม่น้ำนั่น  ขี้หมาของมันก้อนเบ้อเริ่มเทิ่มบนหัว  กางมือกางตีน แผ่หลาตัวยาวใหญ่” เจ้าตัวเล็กเล่าออกท่าออกทาง  กางมือจนสุดแขน  มีเสียงทุ้มห้าวอื้อหือเอ้อหาเป็นลูกคู่ “ขนหัวงี้ลุกซู่  สักพักมันจมบุ๋มลงในน้ำ  จ้อยรีบจ้ำเสียแทบตาย  กลัวมันจะมาหนุนท้องเรือ  ถ้ากลับไปมีหวังมันยังรอกินจ้อยอยู่แน่ๆ”

เล่าไปมือน้อยก็บรรจงแต้มไพลลงหลังไหล่ล่ำสันที่เกลื่อนไปด้วยรอยช้ำจากงานหนัก  บีบนวดให้ตามแนวบ่าแน่นตึง 

คนที่นั่งหันหลังให้หัวเราะหึ “พี่น่ากลัวกว่าไอ้เข้อีก  เอ็งไม่กลัวหรือ”

กระท่อมน้อยเกิดความเงียบงันขึ้นหนึ่งอึดใจ 

พี่หารู้ไม่  ในความเงียบ  น้องกำลังบรรจงก่ออิฐสร้างสะพานคอนกรีตเสริมใยเหล็กทอดไปให้  ไม่เดินข้ามมาก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว

“ถ้ากลัวก็คงไม่มา” 

   ไอ้สิงห์หันขวับไปมองหน้าน้อง  เห็นดวงตาลึกล้ำความหมายมองสบมาแน่วแน่  พุทโธ่เอ๋ย.. เทวดาอุ้มสมเสียละกระมัง  มองเข้าไปในตาพ่อเจ้าประคุณหนไรหัวใจมันเต้นตูมตามเลือดลมแล่นซู่ยังไงพิกล  ถ้าดูให้ดีก็หยั่งที่เขาว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจเห็นนัยๆ  ก็แทบจะโมเมเอาได้ว่าน้องไม่ได้รังเกียจอะไรพี่เลยแม้แต่น้อย 

   แสงตะเกียงนวลจับแก้มงามลออตา  นัยน์ตาคู่นั้นชวนให้อารมณ์พลุ่งพล่าน  ริมฝีปากเรื่อเผยอน้อยๆ  กลิ่นแป้งหอมอวลบนเนื้อนิ่ม  หัวอกแห้งแล้งของหนุ่มฉกรรจ์อดใจไม่ได้อีกต่อไป  มือหยาบใหญ่เหนี่ยวร่างเล็กเข้ามาหา  เขาทันเห็นความหวาดหวั่นในดวงตาคู่นั้นชั่วแวบ  ก่อนประทับจูบลงไปบนปากอิ่มแผ่วเบา  ค่อยแตะ.. ค่อยต้อง.. ดั่งกลัวน้องเจ้าจะช้ำ   

   สุภาพราวแสงพระจันทร์ในคืนเมฆจับกลีบ และอ่อนโยนราวสายลมที่เคล้ากลิ่นหอมดอกไม้โชยมา

   ลมหนาวเอย.. หาได้พัดมาเพียงกลิ่นดอกไม้ไม่  วูบนี้ลมมาแรงและเร็ว  พัดหม้ออวยที่เหน็บไว้กะข้างฝาหล่นเคร้ง  นักเลงหนุ่มสะดุ้งสุดตัว  ดั่งหม้ออวยเฮงซวยนั้นร่วงลงหัวกบาลหนักๆ 

   จู่ๆ พี่ก็ผลักน้องออกห่าง  ใบหน้ารกเคราตื่นตระหนกยังกะคนเพิ่งก่อคดีอุกฉกรรจ์  ร่างสูงทะมึนผลุนผลันลงกระท่อม  ยังแปลกใจว่าตัวเองดีหรือบ้า  ขนาดอยู่ด้วยกันสองต่อสองในบรรยากาศอย่างนี้แล้วยังไม่ได้น้อง  ถ้าหักโหมเอามีหรือเจ้าตัวเล็กจะไม่เรียบร้อยโรงเรียนไอ้สิงห์  แต่ไอ้นักเลงหนุ่มมันปักใจเอาไว้แล้ว  ต่อจากนี้เรื่องหักโหมน้ำใจกันจะไม่มีอีกต่อไป! 

“จะไปไหนน่ะ” คนถูกผลักไสเยี่ยมหน้ามาจากกระท่อม  แสงตะเกียงสลัวส่องหน้าขาวๆ ที่ยังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น  อย่าว่าแต่เอ็ง  ข้าเองก็สับสน!

“จะก่อไฟผิง!” พี่เสียงขุ่นใส่  ทึ้งหัวกบาลรุงรัง  เดินงุ่นง่านไปคว้าดุ้นฟืนมากองๆ หน้าแคร่  จุดไม้ขีดก่อไฟแป๊บเดียวก็สว่างโชน  อดีตอันธพาลไม่ได้หันไปมองน้องอีก  อาศัยฟังเสียงไม้ฟากลั่นออดก็พอจะเดาได้ว่าจ้อยมันยืนมองอยู่อย่างนั้นชั่วดูดยาเส้นหนึ่งมวน

ด้วยดวงตาที่ผิดหวังสุดแสน.. ซึ่งไอ้สิงห์หารู้ไม่ 

ร่างสูงใหญ่ปักหลักนั่งตรองไม่ตกอยู่เช่นนั้นจนน้ำค้างลง  ความทุกข์เทวษทิ่มแทงจนอกร้าวระบม 

ยินเสียงไม้ฟากลั่นเอียดอาด  จ้อยโผล่หน้าออกมาอีก “ไม่หนาวหรือ  ขึ้นมาเถอะ”

คนใจแข็งไม่แม้แต่จะมองหน้า  จ้องแต่เปลวไฟระริกเร่าราวกับจะเพ่งเตโชกสิณให้บรรลุ  มือใหญ่กระชับผ้าขาวม้าห่อร่างกำยำแน่นเข้า  หนาว.. หนาวฉิบหาย.. หนาวแบบนี้ถ้าได้กอดเนื้อตัวอุ่นๆ นิ่มๆ เนียนๆ สวรรค์ชั้นไหนจะลอยลงมารับกู

“เป็นอะไร” คำถามดังมาจากกระท่อม “รังเกียจอะไรกันนักหนา  หรือหน่ายกันแล้ว”

หัวใจแข็งเป็นหินเกิดเต้นระรัวขึ้นมาอีก “วะ!” เขาทำดุกลบเกลื่อน “เอ็งนี่ยังไง  ถามอะไรไม่เข้าเรื่อง”

“ไม่ยังไงหรอก” น้องตัดพ้อเสียงเครือ “รู้แล้วล่ะ  มันกรรมเวรแต่ชาติก่อนของจ้อยเอง  ถูกเขากินแล้วก็เขวี้ยงทิ้ง  บอกมาสักคำสิว่ารังเกียจ  จะหอบผ้าหนีไปให้พ้นหน้าคืนนี้เลย”

“พี่ไม่เคยคิดยังงั้น” คนตัวโตเถียงทันควัน 

“แล้วยังไงล่ะ!” เจ้าตัวเล็กขึ้นเสียงใส่  ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง  สิงห์ฮึดฮัดตัดสินใจไม่ถูกว่าจะกระชากคนช่างหาเรื่องมาตบกะโหลกเรียกสติสักทีดีหรือกระชากมาจูบให้รู้แล้วรู้รอดดี!

“เข้าใจแล้ว..” ไม่ทันขาดคำ  น้องผลุนผลันเข้ากระท่อม  เก็บข้าวของไม่ฟังเสียงใคร “ถ้าไอ้เข้ตัวนั้นมันยังอยู่ก็ปล่อยให้มันกินจ้อยไปเลย  เป็นอาหารไอ้เข้เสียยังมีประโยชน์กว่ามาอยู่ขวางหูขวางตาใคร”

พี่โจนพรวดเดียวถึงตัว  แขนน้อยๆ เท่าแขนลิงนี่ทำไมมันคว้ายากนัก  ฮึดฮัดปัดป้องไม่พอ  จ้อยมันตบเอาตีเอาตามแผงอกแลหลังไหล่  โธ่เอ๋ย.. เมื่อกี้เอ็งเพิ่งทายาให้พี่หยกๆ 

“ตอนแรกรึตามเรานักตามเราหนา” น้ำตาที่คลอเอ่อทำท่าจะหยดแหมะ  เก็บผ้าผ่อนผ้าผวยที่เพิ่งเอามามือเป็นระวิง  ปากก็พร่ำพ้อ “ไอ้เราเกือบจะใจอ่อนแล้วกลับทิ้งกันเฉยเลย!  ไอ้คนใจดำ!”

เจ้าตัวจ้อยหอบผ้าทำท่าจะลงกะได  พี่โจนเข้ารวบกอดไว้ทั้งตัว  มันพยศเหลือร้าย  ทั้งผลักทั้งตบทั้งทุบ  พี่ไม่รู้จะทำฉันใดก็กระชากร่างน้องตรึงไว้กับฝา  แรงไหวสั่นกระท่อมกระเทือน  เสียงภาชนะที่แขวนไว้กะฝาด้านนั้นหล่นกระทบพื้นดังเปรื่องปร่าง 
กล่องเหล็กใส่ซิกาแรตใบย่อมที่เหน็บไว้กะตับจากก็พลอยร่วงลงมาด้วย  ร่วงตรงไหนไม่ร่วง  ร่วงใส่กลางกบาลเจ้าตัวแสบ  เหมาะเหม็งดีแท้   

“โอ๊ย!”

“จ้อย!” สิงห์รี่เข้าประคองคนที่ทรุดลงกองสิ้นท่ากะพื้น  มือหยาบเที่ยวจับหัวหูดูว่าระคายตรงไหนมั่ง “เจ็บไหมหื๊อ!”

พี่มัวแต่เป่าเพี้ยงหาย  แต่สายตาน้องหยุดอยู่ที่พื้นไม้ฟาก  กล่องเหล็กเปิดอ้า  แบงค์สองสามใบยับยู่ยี่  เหรียญเล็กเหรียญน้อยประดามีกระจัดกระจาย   

น้องมองกองเหรียญกับหน้าพี่สลับกัน  คนตัวโตหันไปก้มเก็บเงินงุดๆ ไม่พูดไม่จา 

“เงินก็มีนี่” จ้อยถามพลางช่วยเก็บ แบงค์มูลค่าไม่มากนักหรอกมีแต่สีน้ำเงินสีเทา “ทำไมไม่เอาไปซื้อข้าวกิน  กินแต่มันต้มอยู่ได้ตั้งหลายวัน”

“ไม่ได้” เขาโพล่งแล้วนิ่งไปอย่างจะรวบรวมความกล้า จนเป็นนานจึงเฉลย “เงินนี่  พี่เก็บไว้ใช้หนี้ให้เอ็ง”

ถึงมาดแม้นตกยากต้องถากหญ้า  จะอาสาแทนน้องอย่าหมองศรี

จ้อยนิ่งงันไปชั่วขณะ  ดวงตาอันสื่อถึงดวงใจเต็มตื้นนั้นส่งผลให้คนหยาบช้าหัวอกเต้นโครมครามเหมือนเอากลองเภรีเข้าไปย่ำอยู่ในนั้นสักพันใบ  สิงห์กุมมือน้องไว้แน่น  จ้องแต่ดวงตาวาววามคู่นั้นด้วยความรู้สึกอันท่วมท้น

“อย่าไปเลย..” เขารวบร่างเล็กมากอดแน่นแนบอก  พรั่งพรูสิ่งที่อยู่ในหัวใจหมดสิ้น “พี่คิดถึงจ้อย.. คิดถึงแต่จ้อย.. จะทำอะไรก็เห็นแต่หน้าจ้อย” เขากดจมูกลงสูดกลิ่นผมนุ่ม “แต่พอจ้อยมายืนอยู่ตรงหน้า  พี่กลัว.. กลัวว่าคนเลวๆ อย่างพี่จะเผลอทำอะไรให้จ้อยเกลียดอีก”

เขาประคองใบหน้าน้องไว้  จ้องมองดวงตาที่ไม่เหลือเศษเสี้ยวความชิงชังราวกับอยู่ในห้วงฝัน 

จ้อยไม่เคยมองพี่ด้วยสายตานี้มานานแค่ไหนแล้ว..

“หนนี้ต่อให้จ้อยร้องจะกลับ พี่ก็ไม่ปล่อยให้กลับแล้ว” เสียงทุ้มกระซิบแผ่ว  เขากุมมือน้อยแนบลงตรงตำแหน่งหัวใจเต้น “เอ็นดูพี่เถิด..”

   พี่จูบ.. มันเป็นจูบที่อ่อนโยน.. ขลาดเขลา.. ก่อนทวีเป็นจูบที่หิวกระหาย  น้องเงยหน้ารับเหมือนรอคอยมาชั่วชีวิต  ทุกสัมผัสสะท้านสะเทือนตราตรึง 

ลมหนาวไม่หนาวอีกต่อไป  ใยรักถักทอล้อมร่างทั้งสองไว้เกิดเป็นสายใยอบอุ่นหวานล้ำ  หวาน.. หวานสุดหวาน.. เอาน้ำตาลทั้งโลกลงเคี่ยวแล้วตักป้อนจะหวานได้เท่าจูบนี้ไหม  น่าแปลก.. จ้อยคิดว่าจ้อยจะเกลียดกลัวพี่มากกว่านี้  แต่เหตุใดจึงยอมให้เขากอดจูบโดยง่าย  หรือแท้จริงแล้ว.. จ้อยไม่เคยเกลียดพี่เลยชั่วชีวิต 

(มีต่อจ้ะ :katai5:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 02-02-2015 21:16:05
ราวกับจ้อยลืมสิ้นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในกระท่อมอัปรีย์นั่น  ส่วนลึกเร้นแห่งความทรงจำปริเปิดออก  จ้อยจำได้แต่พี่ชายที่ประคับประคองจ้อยเสมอไม่ว่าจะไปไหน  สายตาที่มองแต่จ้อย  สองมือที่คอยดูแลปกป้อง  และหัวใจที่จ้อยเชื่อมั่นเหลือเกินว่ามีแต่จ้อยเพียงคนเดียวเท่านั้นอยู่ภายใน 

   สิงห์ผละริมฝีปากออกเพื่อมองตาน้อง  ลูบแก้มขาวนั้นซ้ำๆ อย่างไม่รู้เบื่อ  ยิ่งกว่าเนื้อหนังมังสาตึงแน่นและหอมไปทั้งร่าง  คือสายตาอันเปี่ยมไปด้วยความรัก  คือหัวใจที่เปิดประตูกว้าง  เชื้อเชิญหัวใจอีกดวงเข้าไปอยู่ภายในอย่างยินดี  ริมฝีปากเหนือไรเคราครึ้มหยักยิ้ม  มองหน้านวลด้วยดวงตาพร่าพราย  ดีใจยิ่งกว่ามณีร่วงจากฟ้าลงมาให้คว้าเก็บ 
    
คนในอ้อมแขนส่งยิ้มให้  ใบหน้าขาว  ตากลมใส  แก้มแดงเรื่อ  ผิวเนื้อเนียนลื่น  กลิ่นสดชื่นรวยรินมา  ตาสะอาดเหมือนน้ำใสในลำธาร  มีแสงจันทร์หรือไร  ในความเยือกเย็นและอุ่นผ่าว  หรือเป็นดวงดาวกันแน่ทอประกายระยิบระยับส่องใส 

   ชายหนุ่มโหมจูบทั้งแก้ม คาง ซอกคอ  เรียกเสียงหัวเราะคิกอย่างจั๊กจี้  พอริมฝีปากเล็กเลื่อนมาประกบกับริมฝีปากเขา  สิงห์ก็ลืมตัวสิ้น  ประคองร่างน้องลงเอนกับเสื่อผืนเก่า  มือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อตัวบางของน้องออก  แผ่นอกเปลือยเปล่าขาวผ่องช่างท้าทายเชื้อเชิญให้มือใหญ่ตะโบมโลมไล้  ลูบเอาด้วยฝ่ามืออันหยาบกร้าน  ร่างบอบบางแอ่นกายขึ้นรับอย่างรัญจวน  เสียงหวานครางเป็นสุขเมื่อคนตัวโตนาบริมฝีปากร้อนผ่าวลงบนหน้าท้อง  ต้นขาเกร็งเข้าหากัน  พี่คลายมันออกด้วยจูบแผ่วเบา  เขาเลื่อนริมฝีปากต่ำลงมาพร้อมกับมือดึงกางเกงขาสั้นออกจากกายเล็กกะทัดรัด  พริบตาเดียวร่างน้อยๆ นั้นก็เปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าต่อตา 

เสียงทุ้มครางต่ำในคออย่างสมปรารถนาเมื่อกายเปลือยเปล่าสีน้ำตาลทาบทับลงไปบนเรือนร่างขาวผ่องเหมือนกลีบมะลิสด  จ้อยผวาสะดุ้ง  แต่พี่ก็ปลอบประโลมด้วยจูบรับขวัญ  หอมเอา.. จูบเอา.. ไม่รู้เบื่อรู้หน่าย  แทบไม่มีส่วนไหนของร่างกายไม่ถูกแตะต้อง  ท่ามกลางลมหนาว  แต่ราวกับมีประจุไฟฟ้าแปลบปลาบลงมาทุกครั้ง.. ทุกจุด.. ที่ริมฝีปากคู่นั้นสัมผัส  บางจุดพี่ค่อยแตะเหมือนผีเสื้อร่อนลงเกาะดอกไม้  บางจุดพี่ดูดดึงเหมือนทารกหิวกระหาย  และบางจุด.. พี่ตะโบมกลืนกินตะกละตะกลาม  เหมือนเด็กอนาถาได้ลิ้มรสไอศกรีมเป็นครั้งแรกในชีวิต

ไม่ว่าจุดไหน.. ตำแหน่งใด.. น้องเต็มใจและเชื้อเชิญยิ่ง  ประเคนให้หมดจิตหมดใจ  ทั้งหยัดกายขึ้นรับ  ทั้งแยกขากว้างอย่างยินดี  บางทียังเรียกร้องเอาด้วยฝ่ามือสั่นเทาที่กดหัวพี่ลงมา

ร่างสูงใหญ่ผละออกมามองร่างขาวผุดผาดกลางแสงตะเกียงนวลอย่างละลานใจ  ปาดริมฝีปากฉ่ำหยาดเมือกด้วยท่อนแขนล่ำสั่น  แผ่นอกสะท้านถี่รัวไม่ต่างกัน  ตะเกียงน้ำมันมะพร้าวสะท้อนร่างขาวโพลนที่นอนหอบหายใจรัวบนผืนเสื่อ  รอยช้ำสีกลีบกุหลาบประทับทั่วเรือนกายฉ่ำชื้นด้วยหยาดเหงื่อและน้ำลาย  หนาวหรือไร.. ปลายมือปลายเท้าเจ้าแดงจัด  แม้แต่ปลายแกนกายที่ตื่นตัวเต็มที่นั่นก็แดงช้ำอย่างเลือดคั่ง  หรือพี่รุนแรงกับเจ้าเกินไป..

“เจ็บหรือเปล่า” เสียงทุ้มกระซิบถามขลาดเขลา  น้องส่ายหน้า  ดวงตาหวานฉ่ำที่ทอดมองมา  สุ้มเสียงเล่า.. หวาน.. ไม่แพ้กัน

“หนาว..” น้องยื่นมือมาหาอย่างจะไขว่คว้าไออุ่น  สิงห์ให้น้องนอนหนาวไม่ได้อีกต่อไป  ร่างกำยำโผเข้าใส่อย่างไม่รีรอ  สองกายกระหวัดรัดกันอย่างสุดรักสุดใคร่  ไฟแห่งความปรารถนาลุกลามไหม้  เปลือกเขรอะแห่งความชิงชังกะเทาะออก  เหลือเพียงเนื้อในแห่งรักอันสวยพิสุทธิ์ดั่งดวงแก้ว  เรียกวันคืนอันหวานชื่นกลับมาอีกคำรบหนึ่ง 

   สิงห์ให้น้ำหนักสะเทือนถี่รัว  ร่างจ้อยโยกโยน  แตกพลัดกระจัดกระจายยิ่งกว่าเรืออับปาง  แต่พี่ดั่งกอบกู้เรือนั้นไว้ด้วยสองมือที่ประคองใบหน้าเล็กอย่างทะนุถนอม  พรมจูบอ่อนหวานซ้ำๆ  เสียงเคียดเค้นแหบต่ำของพี่  เสียงครางหวานหูของน้อง  ไม่รู้ดังก้องถึงคุ้งน้ำไหน  ตัวตนไม่เหลือ สามัญสำนึกไม่เหลือ หัวใจลอยลิ่วไม่รู้แห่งหน ปล่อยตัวตามแรงโหมอารมณ์ ปาก มือ ลิ้น ขา สะโพก เอว แผ่นหลัง ทุกส่วนเริงระบำเหมือนมีชีวิตของมันเอง  จนถึงที่สุด  ข้างในกระตุกรัดแน่น  โอบอุ้บ.. รองรับ.. แต่ปลดปล่อยตัวเองเหมือนตาน้ำที่ถูกแซะ  ทะลักทะลาย 

   วินาทีนั้น  สิงห์เพิ่งรู้จริงๆ ว่าในอกยังมีหัวใจ  และในหัวใจยังมีดอกไม้สะพรั่งเพียงนี้ 

*****************************

   ฟ้าสาง  เสียงดุเหว่ากังวานแว่วหวานมา  ปลุกนายสิงห์ สีตลาให้ตื่นขึ้นในเช้าที่ลมหนาวโบยโบก  หนาวแค่เพียงกาย  แต่หัวใจหนุ่มนั้นอบอุ่นหวานซ่านยิ่งนัก  แม้จะตื่นมาพบเพียงผืนเสื่อว่างเปล่า  แต่กลิ่นข้าวหุงหอมที่โชยมา  บอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังอีกต่อไป

ตะวันยังมิเผยดวง  เห็นเพียงแสงรำไรพอมองเห็นลายมือ  หากแผ่นหลังขาวๆ ที่นั่งอยู่ริมท่านั้นจับตานัก  ไอหมอกเย็น  กลิ่นดินหอม  น้ำค้างประตามใบหญ้าดั่งอัญมณีปูทางให้เขาเหยียบย่างไปหายอดดวงใจ  เสียงไก่ขันดังแว่วดั่งแตรประโคมรับขวัญอันอิ่มเอิบ

น้อง.. ไม่สิ.. เมีย.. เวลานี้คงเรียก ‘เมีย’ ได้แล้วสิหนอ  ร่างเล็กในผ้าขาวม้าผืนเดียวกำลังลงแรงขยี้ผ้าขะมักเขม้น  จ้อยคงรีบซักให้ทันแดด  มือแข็งแรงคลี่ผ้าขาวม้าที่ติดมือมาลงคลุมไหล่เล็กให้ก่อนนั่งลงเคียงข้าง  น้ำในคลองที่วักขึ้นล้างหน้าวันนี้เย็นชื่นกว่าทุกวัน  มันซ่านเข้าไปถึงหัวใจ 

   ชายหนุ่มแค่อยากมองหน้าน้องเงียบๆ อยู่อย่างนั้น  มองให้แน่ชัดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้ฝันไป  ค่ำคืนที่อ่อนหวาน.. ค่ำคืนที่ร้อนเร่า.. ค่ำคืนที่เจ้าสมัครใจทอดกายให้พี่เชยชม  ไม่มีการกุมเหงน้ำใจกันสักนิด  มีแต่ความรักความห่วงหา  แสงเงินแสงทองส่องพ้นขอบฟ้ามากระทบลงช่วงไหล่เล็ก  ผิวขาวๆ เกลื่อนไปด้วยรอยช้ำแดงเป็นจ้ำ

มองไปมองมาลูกกะตาเจ้ากรรมก็ไพล่ไปเห็นอะไรแว้บๆ ใต้ร่มผ้าเข้าให้  พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย  จ้อยมันจะรู้ตัวมั่งหรือเปล่าหนอว่าชายผ้าขาวม้าที่รั้งขึ้นไปถึงหน้าขามันนั้น  บัดนี้กำลังแหวกอ้าออกโชว์ขาอ่อนขาวเนียนอย่างชัดเจนแจ่มแจ๋วเสียนี่กระไรเลย  คอหอยนักเลงหนุ่มถึงกับแห้งผาก  จะกลืนน้ำลายสักอึกยังฝืดคอ

   มือเล็กที่กำลังขยี้ผ้าอยู่ชะงักกึก  พอเงยหน้าขึ้นมองเห็นสายตาฉ่ำเยิ้มชอนไชไปใต้ผ้านุ่งก็รีบหุบขาหมับ  คนตัวโตรีบกระแอมแก้เก้อคว้าสบู่มาถูตัวพัลวัน  อนิจจาดันคว้าสบู่กรดตราธงเสียนี่  รีบล้างน้ำออกแทบไม่ทัน  ดูเดชขาอ่อนมั่งเหอะ  อานุภาพมันร้ายแรงปานใด  ขาสวยจนเมื่อคืนอดเอาแก้มเข้าไปเคลียไม่ได้  ยิ่งนึกถึงรสรักอันตราตรึง  อะไรที่มันสงบอยู่ดีๆ ก็ทำท่าจะแผลงผงาดขึ้นมาอีกแล้วพุทโธ่เอ๋ย   

“จ้อย..” เสียงห้าวกระซิบแผ่ว  เบียดกระแซะเข้าไปหาน้อง  ยื่นหน้ายื่นตาทำท่าจะหอมสักฟอดให้ชื่นใจ

“ไม่เอา..” จ้อยซ่อนยิ้ม  เบี่ยงหน้าหลบพัลวัน “เดี๋ยวมีคนเห็น”

“ไม่มีใครหรอก” คราวนี้แขนกำยำโอบรัดน้องไว้ทั้งตัว  ดูหรือจะหนีไปไหนพ้น “เถอะน่า..นะ..”

“ฮื้ออ..” นักเรียนครูปัดป้องพอเป็นพิธี  และพอริมฝีปากกำลังจะแนบลงไปบนแก้มขาวๆ ให้ชื่นใจสักฟอด...

“เฮ้ย! ไอ้สิงห์โว้ย!” เสียงเอะอะมะเทิ่งดังมาจากด้านหลัง คู่ที่กำลังกอดกันดีๆ เมื่อกี้ดีดตัวจากกันหยั่งกะติดสปริง  ไอ้สิงห์แทบทุบกำปั้นลงพื้นอย่างมีมะโห

ไอ้ทิดปลั่ง กุลีโรงสีนี้ อาศัยนอนอยู่กระท่อมด้านหลังโน้น ไปมาหาสู่กันประจำ  แต่ปกติไม่เคยมาเช้าขนาดนี้นี่เฮ้ย!

“อ้าว.. เมื่อคืนครูนอนนี่เรอะ” หนุ่มรุ่นพี่ทักทายเมื่อเห็นจ้อย  ในมืออุ้มไอ้โต้งขนดำเป็นเงามาตัว

“มึงมาทำไม!” ลูกชายกำนันทักกลับไปบ้างด้วยความเคารพ

“กูพาไก่มาล้างหน้า”

   คนฟังทั้งสองสะอึกอึ้ก  ก้มหน้าซ่อนแก้มแดงซ่าน  หากทิดปลั่งเอาแต่แกว่งผ้าลงน้ำคลองเอามาเช็ดหน้าไอ้โต้ง  หาได้สนใจไม่  กระทั่งแกเงยหน้าขึ้นอีกที “ฮั่นแน่ะ” แกหรี่ตามองพ่อนักเลงตกยาก “ชักเอาใหญ่แล้วนะมึง  ไหนว่าจะทำงานเก็บเงิน  นี่ดอดไปตีหม้อที่ไหนมา”

   สิงห์หน้าร้อนฉ่า  ก้มลงสำรวจตัวเอง  ฉิบหาย!  รอยแดงเป็นจ้ำๆ ให้เกลื่อน

สายตาซอกแซ่กหันไปมองจ้อยมั่ง “ไปคนเดียวไม่ว่า  พาครูไปเสียเด็กด้วยนะมึง”

คู่วัวผัวเมียกระชับผ้าขาวม้าห่อตัวดังฟึ่บ  ปกป้องสันหลังหวะไม่ให้แร้งกาที่ไหนลงมาจิกกิน

“ยะ..ยุงกัดกูหรอก!” สิงห์เถียงปากคอสั่น 

“ยุงเหี้ยอะไร! ปากเท่าหอยโข่ง!” ทิดปลั่งตวาดใส่เข้าให้  เล่นเอาจ้อยคลำปากหมับ  สิงห์คว้ามือน้องลง  อย่ามีพิรุธสิทูนหัว  ปากเอ็งน่ารักกว่าปากหอยโข่งเยอะ  ไม่ต้องกังวล 

ตัวเสือกอุ้มไก่เดินกลับไป  สิงห์ถอนใจเฮือก  กอขอคอไปได้เสียที 

“ไอ้สิงห์!” คนที่เดินไปไกลแล้วอยู่ดีๆ ก็ตะโกนลั่น “กระท่อมมึงโย้!” ว่าพลางชี้โบ๊ชี้เบ๊  สิงห์หันมองตาม  ฉิบหาย! กระท่อมเอียงไปข้างจริงๆ ด้วย

“เมื่อคืนมีพายุเรอะวะ  ไอ้ข้าก็หลับไม่รู้เรื่อง” ว่าแล้วก็เกาหัวแกรกๆ เดินจากไป 

คู่ข้าวใหม่ปลามันลอบส่งยิ้มให้กัน 

พายุสวาทสิไม่ว่า..

*****************************

ท้ายตลาดซึ่งเป็นที่ตั้งของเรือนโคมเขียวอันเงียบสงบในตอนเช้า หากคึกคักครื้นเครงเหลือหลายในตอนตะวันตกดิน ทว่าเพลาสายโด่งเช่นวันนี้ผิดแผกกว่าทุกวัน

ไอ้อ้วนเลิศและไอ้หมาน  สองคู่หูสมุนไอ้ลอยนักเลงเขื่องประจำตลาด  พวกมันพากันเฮโลวิ่งขึ้นบันไดโครมคราม  ตรงเข้าเคาะประตูห้องนอนใหญ่ถี่รัวกัมปนาทดั่งระเบิดลงก็ไม่ปาน  ร้องเรียกพี่ลอยๆๆ กันให้ขรม  เคาะอยู่นานบานประตูก็ถูกกระชากเปิดผางออก

ร่างที่ก้าวออกมานั้นใหญ่บึกอย่างวัวเปลี่ยว สูงตระหง่าน อกแตกแผงกำยำ ใบหน้าทะมื่น หนวดเคราขึ้นเป็นไรเขียวครึ้ม ตาแดงดั่งแสงเพลิงฉายฉาน  ทั้งตัวมีเพียงผ้าขาวม้าพันท่อนล่างไว้หมิ่นเหม่ 

“เคาะหาเหี้ยอะไรแต่เช้า!” เสียงคำรามทะลักล้นออกมาจากลำคอ “กูเพิ่งได้นอนเมื่อตอนหัวรุ่ง”

สองสมุนหงอคอหด  ไอ้หมานเยี่ยมๆ มองๆ เข้าไปในห้อง  พบกะหรี่สะคราญสามนางนอนเกลือกอยู่บนเตียงยับย่น  ผ้าผ่อนหลุดลุ่ยไม่ติดตัว 

๓ คนเชียว  สงกะสัยช่วงนี้พี่ลอยจะหงุดหงิดเป็นพิเศษ 

ก็ไอ้พี่สิงห์มันลาออกจากการเป็นลูกคุณนายพูนทรัพย์แล้ว  รายได้ของกลุ่มก็พลอยหดหาย  พี่ลอยไม่รู้จะหันไปไถกะตังค์ใครน่ะซี้

ไอ้อ้วนเลิศเป็นคนเริ่มเรื่อง 

“เมื่อเช้าคุณนายทรัพย์แกให้พวกเราไปตามเก็บดอกที่กระท่อมยายช้อย”

“เกี่ยวอะไรกับกู” ไอ้ลอยจุดบุหรี่สูบ  เปลวไฟแดงวาบที่ปลายมวน  เฮ้อ.. น่าเบื่อหน่าย  ชีวิตช่วงนี้มันน่าเบื่อหน่าย  มันขี้คร้านจะระรานอะไรไอ้จ้อยอีก  ตอนนี้คู่นั้น..หมายถึงไอ้สิงห์กะไอ้จ้อย กลายเป็นของเบื่อสำหรับมันไปเสียแล้ว  หาความสนุกตื่นเต้นไม่ได้อีกต่อไป

“พวกมึงแหละไป” ร่างสูงใหญ่ยืนพิงกรอบประตู  เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  พ่นควันเป็นสายคลุ้ง “แต่ระวังด้วยล่ะ  จินดามันชอบซ่อนพร้าไว้ใต้หมอน  ไม่รู้ไอ้จ้อยมันจะทำเหมือนพี่มันไหม”

“ไปก็ไม่เจอไอ้จ้อยหรอก  แต่จะเจอหลานคนใหม่ยายช้อยแทน” ไอ้เลิศว่า

“หือ?”

“เมื่อเช้าที่ตลาดเขาฮือฮากันใหญ่  ยายช้อยพาใครไปขายผักด้วยรู้ไหม”

“ไอ้ชายเล็กน่ะซี้!” ไอ้หมานตอบให้เสร็จสรรพ  ชื่อนั้นกระตุกความสนใจได้ชะงัดนัก “ยายเฒ่าก็เที่ยวโอ่ไปทั่ว  บอกว่าหลานคนใหม่มาขออยู่ด้วย  ผักงี้ขายดีแผล็บเดียวเกลี้ยงแผง  ทั้งสาวแก่แม่หม้ายต่อคิวกันเป็นหางว่าว”

“พี่ไม่ไปงั้นพวกฉันไปล่ะ” สองสหายร่ำลาก่อนหันหลังกลับ  ทว่ามือแข็งๆ คว้าไหล่ไว้ทันท่วงที   

“เดี๋ยว..” ลูกพี่ยิ้มมุมปากเหี้ยมเกรียม  แววตาเปล่งประกาย “กูไปเอง”

เรื่องสนุกกำลังรออยู่! 


โปรดติดตามตอนต่อไป


สวัสดีค่าคนอ่านที่รัก

กลับมาแร้ว ครบหนึ่งเดือนพอดีเลยคิคิ ช่วงนี้อากาศรวนเรเนอะ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว วันดีคืนดีมีฝนอี๊ก ฮ่วย! นี่ดอกไม้ก็เป็นหวัดอยู่นะคะนี่ นึกว่าจะมาปั่นครึ่งหลังอัพวันนี้ไม่ทันซะแล้ว พอดีลูกค้าไลน์มาเลื่อนนัดค่ะ เย้ๆ เลยมีเวลาปั่นนิยายต่อได้ฮึบๆๆ

รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ เป็นห่วงเน้อ

รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้
๒ ก.พ. ๕๘
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 02-02-2015 21:20:59
สลับกันหวาน และเศร้าสินะ  :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-02-2015 21:23:56
ดราม่าไม่จบไม่สิ้น  ชายเล็กเอ๊ยยยยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 02-02-2015 21:24:24
ครึ่งหลัง ต้องยกให้กับคู่สิงห์จ้อย
หวานปานน้ำผึ้ง
 :o8:
ส่วนเล็กก็เจ็บไปรักไป
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 02-02-2015 21:34:22
ในที่สุดสิงห์ก็ทลายกำแพงของจ้อยลงได้ซะที

ที่นี่ก็มาลุ้นคู่ของอาจารย์จะผ่านอุปสรรคกันได้หรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Teddysdeath ที่ 02-02-2015 21:43:33
เกลียดไอ้ลอยมันจริงๆเลย :beat:


พี่สิงห์น้องจ้อยทำกระท่อมพังไปเลยน้ารอบหน้าน่ะ  :z1: :hao6: :pighaun:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-02-2015 21:52:15
ไอ้ลอยออกโรง ดูซิว่าอาจารย์คนึงจะนิ่งเฉยปล่อยให้ชายเล็กตกในมือโจร
หมั่นไส้แกมเอ็นดูไอ้คู่รักข้าวใหม่ปลามัน หนอย...เล่นซะกระท่อมโย้
คนเขียนช่างรจนาถ้อยคำได้สัมผัสอารมณ์ยิ่ง ไม่ว่าจะบทหวาน บทเศร้า บทโศก
ใช้เวลาอ่านนานมาก ค่อยละเลียดกับภาษาและอารมณ์ตัวละคร ไม่อยากให้จบ เพราะไม่รู้จะมาอีกเมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Julytastic ที่ 02-02-2015 22:00:27
กรี๊ดดดดด เขารักกันจนกระท่อมเอียงเลยเรอะ :hao7:
คู่พี่สิงห์-จ้อยนี่บทจะหวานก็เอาซะอ่านไปเขินไปเลยเนี่ย
ชอบมากกกกกกค่า :ling1:
สงสารคุณชายเลอมานจริงๆ
ไม่รู้จะโดนไอ้ลอยทำอะไรมั้ยเนี่ย
อาจารย์คนึงรีบมาช่วยคุณชายด่วนๆเลยนะ :serius2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 02-02-2015 22:06:51
ไม่อยากอ่านแล้ว คุณดอกไม้เขียนดราม่าและอาชญากรรมได้โหดร้ายต่อใจมาก นี่คือคำชมนะ ไม่ได้ต่อว่า อินจนไม่อยากอ่าน ตั้งแต่สมัยอุดหนุนหนังสือ คู่พี่น้องญี่ปุ่นอ่ะค่ะ ที่มีสองเล่ม เล่มแรกเราอ่านรอบเดียว ไม่เคยกลับไปอ่านซ้ำเลย มันเศร้า อ่านซ้ำแต่เล่มสอง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 02-02-2015 22:10:56
 :hao6: :hao6:    น้องจ้อยกับพี่ฉิง หวานมากกกกก น่าร๊ากกกกก    :z1: :z1:

 :m15: :m15:   แต่คุณชายกับอาจารย์ นี่ยังอาการหนัก    :monkeysad: :monkeysad:

 :เฮ้อ: :เฮ้อ:   ไอ้ลอยจะไปทำอะไร ชายเล็กอีกล่ะเนี้ย   :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 02-02-2015 22:17:22
ไม่มีเสื้อใส่คืนนี้ แค่ก็มีคนมานอนเคียง ถือว่าคุ้มสุดๆ

คุณชายต้องเสียนำ้ตาอีกกี่ตุ่มถึงจะยอมตัดใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 02-02-2015 22:23:19
สองคู่ผลัดกันหวานผลัดกันขม...
พี่สิงห์น้องจ้อยถึงกับกระท่อมโย้  :-[
ห่วงแต่คุณชาย จะโดนไอ้ลอยรังแกอะไรอีก
แค่นี้ก็น่าสงสารแล้ว   :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 02-02-2015 22:25:33
ลอยนี่จะวุ่นวายไปถึงไหน สิงห์จ้อยเข้าใจกันแล้วดีจัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: MaEwA ที่ 02-02-2015 22:29:29
 :-[ :o8: หวานยิ่งกว่าน้ำคาลคาราเมล กลมกล่อมที่สุดเลยยยย ฟินมากกกกจ้อยกะพี่สิงห์  โอ้ยยย....น่ารัก ไม่รุ้จะบอกยังไงดีค่ะ
แต่งได้เก่งสุดๆไปเลย  o13  ไม่เสียกับการรอคอย

ส่วนอีกคุ่ ........ :ling1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 02-02-2015 22:30:32
ดีใจกับพี่สิงงงงงงง
จุดพลุๆๆๆๆๆ
น่ารักมากกกกก  ฮามากตอน  กขค มาขัด  5555555
ไอ่ลอยแกอย่าทำชั่วกับครูนะเว้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 02-02-2015 22:43:30
พี่สิงห์กับน้องจ้อยอย่างน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 02-02-2015 22:54:41
ดีใจมากเลยเห็นมาอัพ น้ำตาจิไหลครับผมครับ

อาจารย์นี่คือยังสมน้ำหน้าอยู่ค่ะ(หัวเราะแบบชั่วร้าย) สงสารแต่เล็กปลาบู่ อาศัยอยู่..เฮ้ยไม่ใช่(มาเป็นเพลง)
สงสารเล็กอ่ะ เดี๋ยวไอ้ลอยไปแวะปากหมาและการกระทำหมาๆใส่ยิ่งน่าสงสาร แต่ถ้าอาจารย์คนึงรู้นี่กลับสะใจค่ะ
อาจารย์ควรจะสวดมนต์เหมือนยายช้อยบ้างนะคะเผื่อจะรู้ว่าควรทำยังไงกับความรักตัวเอง(พูดแล้วขึ้นบ่นสามวันก็ไม่จบ)

ตอนนี้จ้อยกับไอ้สิงห์คือแย่งซีนอ่ะ เขาค่อยๆหวาน ฮึ่ยยย แบ่งมาให้อีกคู่บ้างสิเธอ5555

ชอบนิยายเรื่องนี้มากเลยบอกตรง>< บรรยายคือดีมากภาษางี้กินใจๆ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 03-02-2015 00:12:00
ยายน่ารักถึงได้มีหลานน่ารักแบบจินดาแล้วก็จ้อย o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 03-02-2015 02:44:55
 :jul1: เลือดหมดตัว
อาจารย์คนึงทำเล็กเจ็บ เจ็บเองซะบ้างก็ดี :m16:
ส่วนไอ้ลอย จะมาสร้างความวุ่นวายอะไรอีกล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 03-02-2015 03:08:23
อินพี่สิงห์-จ้อยค่ะ  มากๆ

แต่คู่คุณเล็กกับอาจารย์นี่......
กลัวพวกไอ้ลอยทำชั่วอะไรอีก
พวกนี้เป็นพวกที่ชั่วจริงๆ
สิงห์ก็แค่คล้อยตามพวกมัน

อย่าได้โหดกับคุณเล็กมากนักเน้อ
อย่าให้พวกไอ้ลอยมาทำอะไรคุณเล็กเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 03-02-2015 03:38:57
กรรมของคุณชายจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 03-02-2015 05:47:20
เกือบจะได้ "ล้างหน้าไก่" แล้วเชียว!
อ่านของคุณเลอมานร้องไห้ แต่อ่านของจ้อยแล้วอมยิ้ม
แล้วพอมาถึงท้ายตอนก็เครียดอีกกลัวคุณชายโดนไอ้ลอยจัดการ
โมโหครูคนึงจะพระเอกไปไหน ทำแบบนี้ไม่เรียกว่ารักสักหน่อย
รักก็ต้องปกป้องซิ ไม่ใช่หลบๆ ซ่อนๆ
ป.ล. มาเดือนละตอนใช่มั้ย งั้นวันที่ 2/3/58 เจอกันนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 03-02-2015 06:58:22
อร้าง    ศึกชิงนาย   


ขอบคุณที่มาต่อนะครับคุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 03-02-2015 07:27:04
เมื่อไหร่ชายเล็กจะยื้มได้เสียที  :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 03-02-2015 13:44:48
คู่จ้อยเริ่มจากไม่เข้าใจกันจนรักกันเสียที
แถมเรือนโย้เลย อิอิ

แต่คู่ของเล็กช่างเศร้าๆ
หวังว่าไอ้ลอยจะไปกระตุ้นอะไรอาจารย์คนึงได้บ้างนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: keinoo ที่ 03-02-2015 15:33:14
 :serius2:
ม่ายยยนะ อย่าทำอาไรชายเล็กเลย แค่นี้ก้อน่าสงสารจะแย่แร้วววว :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: banazjj ที่ 03-02-2015 15:51:15
น้องจ้อยยยยทำไมน้องจ้อยอ่อยอย่างนี้ล่ะ งือออออพี่สิงห์แพ้ทางน้องจ้อยจนได้
ตอนเอาเรื่องจระเข้มาอ้างนี่น่ารักที่สุด คิดถึงปากเล็กๆเจื้อยแจ้ว >.<
แล้วยังรุนแรงกันจนกระท่อมโย้อีก เขินไปสิ น่ารัก
ไอ้ลอยนี่ก็ยังไม่ไปไหนอีก ถ้ามาแกล้งคุณเล็ก ก็ขออย่าให้คุณเล็กเป็นไรเลย
แค่นี้ก็ระทมมากแล้ว สงสาร ส่วนอาจารย์ สมน้ำหน้า :P
เดือนหน้าเจอกันนะคะ 5555 #นิยายรายเดือน
สู้นะคะคุณดอกไม้  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: vanila ที่ 03-02-2015 20:29:44
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
พี่สิงห์กับน้องจ้อยตกลงปลงใจกันแล้ววววว งานนุ่มนวลงานหวานละมุนนี่มาเต็ม แอร๊ยเขิน >//////<
กว่าพี่สิงห์จะยอมเดินข้ามสะพานเสริมใยเหล็กที่น้องจ้อยทอดให้นี่ก็ต้องรอให้น้องอนก่อนสินะ คิคิ
จากตอนนี้รู้สึกว่าพี่สิงห์รักน้องจ้อยมากจริงๆ ยิ่งตอนที่บอกว่าจะใฃ้หนี้คืนแทนน้องนี่ฟิลลิ่งแบบกินใจมากกกก
ยอมกินมันแทนกินข้าว โอ๊ยยยยพ่อยอดขมองอิ่มน้องจ้อยไม่ใจอ่อนยวบยาบครั้งนี้ก้ให้มันรู้ไป
นี่บอกเลยว่าถ้าน้องจ้อยไม่รับรักพี่สิงห์พี่นี่แหละจะรับรักพี่สิงห์แทนน้องจ้อยเอง XD
ถ้าพี่สิงห์ไม่ถูกชังจูงไปในทางที่ไม่ดีป่านนี้เราเชื่อว่าพี่สิงห์คงรักันสนั่นทุ่งอย่างที่คุณดอกไม้บอกไปแล้วสิน้อ
แต่อย่างว่ารักแทย่อมมีอุปสรรคอ่ะเนอะ แล้วอีกอย่างจริงๆคู่นี้อาจจะไม่เคยไม่รักกันสักวินาทีเลยก้ได้ ปลื้มปริ่ม มีความสุขสักที

เหลือแต่คู่คุณชายเล็กกับอาจารย์ เมื่อไหร่อาจารย์จะคิดได้ รู้หรือเปล่าว่ชายเล็กต้องนอนร้องไห้ทุกคืน
นี่ถ้าไม่มียายช้อยช่วยปลอบใจมีหวังชายเล็กคงไมได้นอนต้องนอนร้องไห้ทั้งคืนแน่ๆ
ก็เข้าใจแหละว่าอาจารย์ทำไปเพราะหวังดีอยากให้ชายเล็กได้สิ่งที่ดีมีความสุข
แต่ความหวังดีนี้มันกลายเป็นการทำร้ายความรู้สึกกันทั้งสองฝ่าย แล้วแบบนี้จะมีความสุขได้ยังงัย
อย่าลืมว่าความสุขของชายเลล็กคืออาจารย์นะ ระวังไอ้ลอยด้วยมันจะมาแล้วววไปปกป้องชายเล็กเร็วอาจารย์

ปุลุ ดีใจมากค่ะที่มาต่ออยากอ่านใจจะขาด เมื่อไหร่คุณดอกไม้จะร่วมเล่มค้า รออยู่น้า อยากได้หนังสือ ชอบมากๆเรื่องนี้  ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 04-02-2015 08:46:44
โอ้วววว ลพี่สิงห์ ฟินเลยล่ะเซ่
สมใจเราล่ะ

น่ารักมากคู่นี้

ขอบคุณคะ
ติดตามเสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 04-02-2015 11:42:30
ฟินเบย น้องจ้อยอ่อยพี่สิงห์จนตบะแตก กระท่อมโย้เชียว อิอิ
ตื่นมายังหวานชื่นรื่นรมย์กันต่อได้อีกนิด น่าร็อกอ่ะ :-[

ชายเล็กน่าสงสารจัง กำลังเศร้าๆอยู่ แล้วนี่กะลังจะโดนไอ้ลอยกะพวกไปกลั่นแกล้งอิ๊ก :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 04-02-2015 12:14:43
นอนตาหลับซะที พี่สิงห์กะจอยร่วมหอลงโลงก้นแว้ววววววววววววววววววววววววววว  :ling1: :katai4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 04-02-2015 13:58:10
สิงห์จ้อยหวานกันเหลือเกิน
ไอ้ลอยแกคิดจะทำอะไรคุณชาย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: kittisak Intarasarn ที่ 04-02-2015 21:45:26
คุณดอกไม้ลงเดือนละครั้ง ใช่ไหมครับ  พอดีเพิ่งตามอ่านจนทัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 04-02-2015 22:58:09
ว๊าวววว ได้กันเสียแล้ว อิอิน่ารักมว๊ากกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 05-02-2015 00:44:05
เขียนดีอะไรแบบนี้ !
งดงาม งดงามมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 05-02-2015 11:52:18
เล่นซะกระท่อมเอียงเลยนะ พี่สิงห์ น้องจ้อย

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 05-02-2015 13:40:46
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

พี่สิงห์&น้องจ้อย  ลงเอยกันแล้ว แอร้ยยยๆ 
ส่วนเลอมาน กับอาจารย์คนึง คงต้องดราม่ากันต่อไป

#ขอบคุณคุณดอกไม้นะครับ สำหรับผลงานดีๆ ติดตามเสมอครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Noockie ที่ 07-02-2015 18:16:19
ขอบคุณนะคะคุณดอกไม้
ชอบดราม่ามากค่ะ จัดมานักๆเลย
 :m4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 08-02-2015 08:23:44
 :m25:
พี่สิงห์น้องจ้อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: เกรียนเหมียว ที่ 08-02-2015 22:07:10
 :katai2-1: ดีใจจังเจ้าค่ะมาต่อแล้ว   คู่นายสิงห์น้องจ้อย นิน่ารักจริงๆ  เหลือแต่ ชายเล็กทูลหัวของบ่าว จะโดน ไอ้ลอย ทำอะไรรึเปล่าเนี่ยยยย เฮ้อ... :katai1: 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: mineholic. ที่ 09-02-2015 09:24:44
มารอคุณนิตย์ :-[
เค้ายังจำได้อยู่นะว่าคุณดอกไม้จะให้คุณนิตมาคู่กับลอย :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 11-02-2015 16:44:08
 :hao3:   รอคุณดอกไม้ทู๊กกกกกกวัน    :hao3:

 :katai5:   วันนี้ก็ยังรอเหมือนเดิม   :katai5:

       :L2:     :L2:     :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: chi0chi0 ที่ 14-02-2015 22:55:09
พี่จี้ๆๆๆ............คิดถึงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

นี่ตามมาจาก Protege  ไปเจอเฟสพี่จี้จนมาเจอว่าตอนนี้พี่จี้เป็นคุณดอกไม้ และ....มหาหงส์!!!!! 

ก็เลยได้รู้ว่า............พลาด Protege แบบรวมเล่ม T^T  :a5:  ช่วงนั้นยุ่งมากๆ ห่างหาย  พอมาเช็คอีกที อ้าว!! จบไปแล้วแต่ เอ๊ะๆ มีเฟส มีเรื่องใหม่  :กอด1:  ชอบงานพี่จี้มากๆๆๆ  อ่านแล้วอิน กระแทกใจ ยิ่งมาเจอเรื่องนี้ 
 :z3: ไอ่ลอยยยย  ไปตายซะะะะ  ครูคะ กลับไปตามคุณชายมาเถอะค่ะ  พลีสสสสสสสสสส

ขอบคุณพี่จี้มากๆนะคะ ที่มีเรื่องใหม่ให้ตามอ่าน ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีๆให้เสพ (ติด  ติดจริงจัง ถึงขั้นให้รูมเมทลองอ่านแล้วติดไปด้วย ไม่ทำงานทำการส่งอาจารย์ ทั้งๆที่นางไม่ใช่แนวนี้ 555)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: echbah ที่ 18-02-2015 14:53:46
สนุกมากกกก
อยากให้มาต่อบ่อยๆจังเลยครับ กลัวอยู่ไม่ทันอ่านจนจบ :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 22-02-2015 22:31:15
แวะมาส่อง  :m7:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: thebook ที่ 26-02-2015 22:48:46
เข้ามารอครับ :z13: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: nonnn ที่ 27-02-2015 13:06:33
+เป็ดให้ทุกตอนเลยนะคะ  :mc4:

จริงๆเห็นเรื่องมหาหงส์ในเล้ามานานแล้ว กดแฟ่บเอาไว้ก็นาน
ไม่ได้เริ่มอ่านเลยสักที พอว่างๆลองมาอ่านดู แค่ตอนแรกก็น่าติดตามแล้ว
อ่านตอนต่อไปเรื่อยๆนี่ติดหนึบเลย ไม่อยากออกจากบ้านไปไหนเพราะเรื่องนี้โดยเฉพาะ
ภาษาสวยมากค่ะ ชื่นชมคุณดอกไม้มากจริงๆที่ทำให้เราในฐานะคนอ่านอินตามตัวละครทุกตัวได้
ใช้เวลาอ่านทั้งหมดประมาณสามวันจนถึงตอนล่าสุด อยากบอกว่าตอนนี้ค้างมากกกก


ทั้งสองคู่น่าติดตามไม่แพ้กัน แต่โดยส่วนตัว...เราชอบคุณชายเล็กมากๆค่ะ
ชอบมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ปรากฏตัวให้เห็นแล้ว ไม่รู้ทำไม
แรกๆดูหยิ่ง เชิดหน้าดูถูกคนอื่นไปทั่ว แต่หลังจากมาพบรักกับอาจารย์คนึงแล้ว
เลอมานดูเป็นผู้เป็นคน เป็นนายเอกที่น่ารักน่าฟัดได้ทุกตอนเลยจริงๆ
เสียดายตรงที่อาจารย์คนึงไม่ได้หื่นเท่านายสิงห์ 5555 ไม่งั้นเลอมานคงช้ำไปหมดทั้งตัวแล้วแน่นอน
แล้วพออาจารย์กับเลอมานเค้าหวานกัน ก็หวานชนิดที่มดขึ้นจนคนอ่านจะเป็นเบาหวานได้แล้ว
หวานกันแบบแอบโรแมนติกหน่อยๆด้วย ชอบที่เลอมานยอมลงให้อาจารย์แค่คนเดียว
รักหม่อมราชวงศ์คนนี้ขึ้นมาทันทีเลย...


แต่ตอนที่ท่านอาทิตย์ธวัชกับคุณย่าดารามาหาถึงโรงเรียนนี่เราไม่ค่อยชอบเลย
คุณพ่อของเลอมานนี่ไม่เท่าไหร่ แต่หม่อมย่านี่สิ ทำไมดูถูกคนเก่งขนาดนี้
ไม่ชอบตั้งแต่พูดเรื่องเงินเดือนครูแล้ว ทำไมต้องเอามาเปรียบเทียบแล้วใช้คำว่าเห็นใจเข้ามาแทน
ฟังยังไงก็ไม่ได้คิดว่าเป็นห่วงอะไรหรอก คนทั่วไปก็รู้แล้วว่าต้องการดูถูกแบ่งแยกชนชั้น
ยิ่งตอนที่ไปขอร้องให้อาจารย์ช่วยดูแลเลอมานให้ โอ๊ยยยย "เกลือกกลัวกับคนชั้นต่ำ"
รู้สึกว่าประโยคนี้ฟังแล้วเจ็บหัวใจมาก สงสารอาจารย์เลย อุตส่าห์รักอุตส่าห์ถนอมเลอมานแทบตาย
สุดท้ายต้องหักห้ามใจตัวเองเพราะแค่ความไม่เหมาะสมนี่นะ??


ยิ่งตอนที่อาจารย์ทำเมินทำเป็นไม่รักไม่สนใจเลอมานยิ่งแล้วใหญ่
อ่านไปก็เจ็บหัวใจไปตามๆกัน กับคำว่า "ร่าน" นี่ก็อีก โอ๊ยยยย ทำไมอาจารย์ถึงทำแบบนี้
เลอมานรู้ความหมายแล้วมันเจ็บมากนะ ถ้าจะตัดใจจริงๆก็ไม่น่าจะทำร้ายกันด้วยวิธีนี้อ่ะไม่เห็นด้วย
แต่ก็ยอมรับใจเลอมานจริงๆว่ารักอาจารย์มาก ถึงไม่โกรธไม่เกลียดที่อาจารย์จะทำร้ายๆใส่
พยายามชนะหัวใจอาจารย์แทบทุกวิธี งานบ้านงานเรือนก็เอาใจเข้าสู้ไม่อั้น
จนสุดท้ายมันคงถึงขั้นอดทนไม่ไหวจริงๆ อาจารย์ก็อาจารย์....จะขืนใจเลอมานเพราะคำว่าตัวแทนไปทำไม
ทำแบบนี้ตัวเองก็เจ็บทั้งนั้น เป็น M หรอถึงได้ชอบทำอะไรให้ตัวเองเจ็บตลอด

แล้วเป็นไงล่ะ พอเลอมานเค้าหนีไปก็เศร้าใจ คิดถึงเค้าแทบทนไม่ไหว
แต่ก็ยังจะพยายามใจแข็งด้วยการไม่ไปเจอหน้า ไม่ไปอธิบายอะไรให้เลอมานเข้าใจอีก
อยากรู้ว่าถ้าไอ้ลอยมันทำอะไรชั่วๆกับเลอมานไปแล้วอาจารย์จะยังนิ่งดูดายได้อยู่ไหม
เหลืออีกไม่กี่เดือนเลอมานก็ต้องกลับไปอังกฤษแล้ว ถึงตอนนั้นอาจารย์กับเลอมานจะทำยังไง
ทางออกของคู่นี้ดูแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าเทียบกับคู่ของจ้อย

พูดถึงไอ้ลอยแล้วก็หมั่นไส้ ไม่ชอบตั้งแต่ตอนไปยุ่งกับจ้อยแล้ว
มันเลวยิ่งกว่าเลวอีก ในหัวคงมีแต่เรื่องชั่วๆ คิดอะไรแต่ละทีทำคนอื่นเค้าเดือดร้อนกันทั้งนั้น
อยากให้ไอ้ลอยได้รับกรรมที่ตัวเองก่อบ้าง นี่ก็คงยังไม่เข็ดหรือไม่สำนึกอะไรเลย
คิดอะไรชั่วๆอีกล่ะ คราวนี้ดันพุ่งเป้าไปที่เลอมานด้วย ยายช้อยคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก
ยิ่งอาจารย์นี่ไม่ต้องคาดหวัง จะไปรู้เรื่องอะไร เพราะชะล่าใจคิดว่าเลอมานอยู่กับยายช้อยแล้วจะปลอดภัย?
โอยๆๆๆๆๆ เลอมานอย่าไปหลงกลของไอ้ลอยชั่วช้าสารเลวนี่เข้าล่ะ...


ปล.คู่ของนายสิงห์กับน้องจ้อยตอนนี้เค้าเคลียร์กันแล้ส เข้าใจกันแล้ว
พอคืนดีกันก็หวานซะ หวานกว่าคู่ของอาจารย์ก่อนหน้าซะอีก
โว้ๆๆๆๆๆ กระท่อมโย้นี่คืออะไร นายสิงห์ได้ทำสมใจอย่างจนฟ้าสางเลยหรือเปล่าหว่า555


เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้เขียนเรื่องนี้ต่อไปนะคะ
สนุกมากจริงๆ ขอสมัครตัวเป็นแฟนคลับเรื่องมหาหงส์อีกคนค่ะ
ยังไงถ้ามีการรวมเล่มขอชูมือขึ้นจองเป็นคนแรกเลยนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ClioNe ที่ 28-02-2015 21:44:55
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๑ : คำสารภาพของชายโฉด (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒ ก.พ. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: la.moonta ที่ 12-03-2015 11:30:10
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
คู่นึงปรับความเข้าใจกันได้แล้ว จะแฮปปี้เอนดิ้งหรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณนายพูนทรัพย์
อีกคู่นึงไม่รู้ชะตากรรมจะเป็นยังไง อยากให้คุณชายเลอมานหนีไปให้ไกลๆ
ปล่อยให้คนใจร้ายมันช้ำชอกต่อไป ฮ่าๆๆๆๆ

ยังมีอีกเรื่องนึงที่คาใจ จริงๆ แล้วจ้อยเป็นลูกคนใหญ่คนโตใช่ไหม
เห็นคุณดอกไม้ปูเรื่องมาแบบนั้น จำไม่ได้ว่าสร้อยข้อมือหรือข้อเท้า หรืออะไร แอบลืมไปแล้ว
แอบลุ้นอยู่เหมือนกันว่าใช่ไหม ถ้าใช่นี่เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ
กลิ่นดราม่ายังคงเข้มข้น รอให้แฮปปี้เอนดิ้งทั้งสองคู่น้าาาา

เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ด้วยค่ะ  :man1: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๕ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 15-03-2015 02:46:56
(http://img17.imagefra.me/i73e/wattanan/1_44c_ucmz8.jpg)

บทที่ ๓๒

วานลมจูบ

(ครึ่งแรกค่ะ :L2:)

ไม่มีใครรู้ว่าฉันรักเธอ  รักยิ่งสิ่งใด
เฝ้าแต่ห่วงใย ห่วงหวงจนเงาของร่างเธอ
ห่วงหวงดวงตามากกว่าฟ้าห่วงดาวเสมอ
หวงริมปากเธอ ยิ่งกุหลาบหวงกลีบของมัน

อยากจะจูบก็ได้แต่ห่วง ก็ได้แต่หวง
ไม่เคยลุล่วงแม้ในความฝัน
ฉันคนจนยากได้แต่รำพัน
เฝ้าวอนลมนั้นให้ช่วยจูบแทน*



คนทั้งบางรู้กันว่าถ้าไม่จำเป็น  ไอ้ลอยไม่ไปเหยียบกระท่อมยายช้อย  บ้างก็ว่ากันว่าเพราะมันไม่ถูกกับจ้อย  จะว่าไปก็แปลก  เพราะมันก็ไม่ถูกกับจินดาเหมือนกัน  แต่ก่อนร่อนชะไร.. ตอนที่ครูจินดายังอยู่  มันกลับแวะเวียนไปมาหาสู่ประจำ 

มันบอกว่ามันไปตามทวงหนี้ครูจินดา  ทว่าตั้งแต่จินดาจากไป  มันก็มาเหยียบที่นี่แทบนับครั้งได้

ไม่มีใครรู้เหตุผล  นอกเสียจากตัวมันเอง 

สุริยานั้นลอยดวงโด่งขึ้นมาเหนือเรียวไผ่เป็นไหนๆ ท้องทุ่งสว่างจ้าด้วยแสงแดดเฉิดฉัน กระท่อมหลังน้อยริมคลองยังคงเงียบเชียบ มีเพียงเสียงแม่ไก่กุกเรียกลูกคุ้ยเขี่ยหาอาหาร และเสียงใบตาลต้องลมสีกันดังโกรกกราก ท่ามกลางไม้ดอกไม้ผลมากมีที่ยายช้อยปลูกไว้ร่มรื่น  ไอ้ลอยผูกเรือไว้ก่อนก้าวขึ้นไปบนท่า  จุดบุหรี่สูบด้วยสีหน้าไม่บอกอารมณ์ใด
 
รอบกายไร้วี่แววผู้คน  ร่างสูงใหญ่ไต่บันไดขึ้นไปบนกระท่อม  เปิดประตูไม้ฟากอย่างย่ามใจ  จะลงกลอนลงดาลไว้ก็หาไม่  บ้านนอกบ้านนาแถบนี้ไม่เคยมีเสือมีโจร  ไม่เคยมีเรื่องร้ายแรงนอกจากโจรลักควายที่กระท่อมสับปะรังเคหลังนี้ไม่ใช่เป้าหมายของมัน  ทุกอย่างสงบร่มเย็น

เว้นเสียแต่คืนนั้น..

คลองน้อยวับแวมด้วยแสงหิ่งห้อย  กระท่อมน้อยเป็นหอรอรัก  หอมกลิ่นดอกไม้ชวยมา  ในคืนไร้แสงจันทร์ดาวประฟ้า  ร่างขาวโพลนนอนระทวยสะท้านอยู่บนผืนเสื่อ 

“เบาๆ หน่อยนะ  ดอกไม้ดอกนี้แบบบางนัก  พี่ลอยทะมึนไปทั้งตัวอย่างนี้หากไม่สงสาร  จินดาคงขาดใจตาย”

“ไม่มีใครตายหรอกทูนหัว..”


หึ.. ไม่มีใครตายหรอก..

นอกจากเอ็งที่ตายจากข้าไป จินดา!

กรอบรูปบนหลังตู้บานนั้นยังอยู่ดี  เป็นสิ่งเดียวที่มันไม่คิดแตะต้องในวันที่ตามไอ้สิงห์มาทวงหนี้ยายช้อยเมื่อหลายเดือนก่อน  ดวงตาสวยโศกในภาพถ่ายนั้นมองกลับมาอย่างเย็นชาเหมือนเมื่อครั้งยังมีชีวิต 

จินดา.. เอ็งนะเอ็ง.. ตามหลอกหลอนให้ข้าว้าวุ่นได้ไม่วายเว้น  ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย 

ร่างสูงใหญ่หันหนีภาพนั้นก่อนก้าวลงจากกระท่อม  ลัดเลาะเข้าไปในเรือกสวน  เงียบ.. สงบ.. มีเพียงเสียงสายลมหยอกล้อใบไม้กรูเกรียว  สลับกับเสียงแม่ไก่พาลูกคุ้ยเขี่ยหาเศษข้าวเปลือก  เงียบแบบนี้  เห็นทียายช้อยคงไม่อยู่บ้าน  ชะรอยคงพาหลานคนใหม่ไปตะลอนๆ ที่ไหนกระมัง   

จนกระทั่งถึงค้างพลูที่แม่เฒ่าปลูกไว้กินกับหมาก  นักเลงหนุ่มหยุดยืนหลบข้างต้นมะม่วงเหมือนเสือซุ่ม

ร่างโปร่งบางในเสื้อคอโปโลและกางเกงขาสั้นสะอาดสะอ้าน  ผมสีอ่อนเป็นประกายกับแสงแดด  ปลายเท้าคะเย่อเขย่ง  มือขาวเหมือนกระเบื้องกำลังเอื้อมเด็ดใบพลูทุลักทุเล  ตะกร้าใบย่อมวางอยู่กับพื้นไม่ห่างกัน 

อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย  คุณชายเลยพยายามช่วยงานยายเท่าที่พอช่วยได้  อย่างงานนี้.. ยายให้มาเก็บใบพลู  กำชับนักหนาให้เด็ดใบที่สามจากยอด  กินกับหมากกำลังดีไม่อ่อนไม่แก่เกินไป  เลอมานเพียรนับจนตาหูลาย  ไอ้ที่ต่ำๆ ก็เก็บไปหมดแล้ว  ที่ยังเหลือก็สูงเกินมือเอื้อมถึงนี่แหละ 

หารู้ไม่ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาใครบางคน

ดวงตาวาววับจ้องเรียวขาขาวตาเป็นมัน  ยกมือลูบปลายคางสากอย่างใช้ความคิด  แม่เจ้าโว้ย  ขาวหยั่งกะคนตีนไม่เคยแตะดิน 
ร่างสูงใหญ่สาวเท้าเงียบเชียบเข้าหาจากด้านหลัง  คนตกเป็นเป้าไม่รู้ตัวสักนิด  ถ้าไม่มัวแต่นับใบพลูเพลินก็คงใจลอยคิดถึงใครอยู่  เด็กอะไร  สัญชาติญาณเอาตัวรอดไม่มีเลย  เหมือนแมวเลี้ยงเชื่องๆ  เอาไปปล่อยป่าคงโดนเสือกัดตาย

ต่างจากจินดาโดยสิ้นเชิง  ลองเขาย่องเข้าหาแบบนี้  แค่สองก้าวมันก็รู้ตัวหันมาประเคนสันมือใส่บ้องหูเข้าให้แล้ว  คนอะไรร้ายกาจเหลือรับ  แต่ร้ายๆ อย่างนั้นละไอ้ลอยถูกใจนัก 

เหมือนเสือตะครุบเหยื่อ  โดยไม่ให้สุ้มให้เสียง  อันธพาลบ้านนารวบกอดร่างหม่อมราชวงศ์หนุ่มไว้จากด้านหลัง  คนถูกกอดสะดุ้งเฮือก

ไม่ขัดขืนสักนิด..

อ้อมแขนแข็งแกร่ง  รั้งร่างเขาเข้าไปกอดแน่นจนแทบจมหายลงไปกับแผงอกกำยำ  วูบแรกในเสี้ยวคำนึง  เลอมานนึกถึงคนเพียงคนเดียว

“อาจารย์” เสียงที่หลุดจากปากแผ่วหวิวและเต็มไปด้วยรอยอาลัย 

แต่ทว่า..

“หึ” ไม่ใช่เสียงอาจารย์!  หัวใจเด็กหนุ่มกระตุกวาบ!  ขืนตัวออกจากอ้อมกอดทันควัน  และจังหวะที่เอี้ยวตัวไปมอง  ปลายจมูกก็ทิ่มเข้ากับแก้มสากที่จงใจยื่นเข้าหา 

“นายลอย!” มือเล็กถูจมูกจนแดงก่ำ  คนฉวยโอกาสระเบิดเสียงหัวเราะก้อง  นกกระจอกหลายตัวโผขึ้นจากยอดมะม่วงกรูเกรียว

“ถูกเขากอดแบบนี้บ่อยล่ะสิ” ตาที่มองมาคลับคล้ายจะทะลุทะลวงถึงภายใน  เลอมานหลบตาวูบ 

“มะ..มาหายายหรือ” เขาทำเป็นไม่ได้ยิน “ยายไม่อยู่” ว่าพลางก้มหน้าก้มตาเดินหนี  หนีจากนักเลงหนุ่มผู้มีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านที่ยังหัวเราะไล่หลัง

เพราะรีบลนลานเกินไปหรือไรไม่ทราบได้  คนเอาแต่ที่ก้มหน้าเดินงุดๆ แทบชนกับใครคนหนึ่งที่แถวหน้ากระท่อม 

ร่างสูงใหญ่ในชุดข้าราชการสีกากี  เห็นแค่ปลายเท้าเลอมานก็จำได้

อาจารย์คนึง!

มวลอากาศรอบตัวราวกับหยุดเคลื่อนไหวฉับพลัน  เด็กหนุ่มหายใจติดขัดขึ้นมาดื้อๆ  แดดกล้าฉายส่องเสี้ยวหน้าคมคายที่ตามไปหลอกหลอนในฝันทุกคืน 

เขา.. เขาคิดถึงอาจารย์เหลือเกิน.. 

ภายใต้ใบหน้าที่นิ่งขึงราวกับรูปปั้น  เลอมานจะรู้บ้างไหมว่าหัวใจที่ซ่อนอยู่นั้นสั่นไหวเพียงใด  ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดอาจารย์ฝ่ายปกครองผู้เข้มงวดจึงมายืนเฝ้าหน้าประตูโรงเรียนตั้งแต่เช้าเหมือนคนบ้า  จวบจนได้เวลาเข้าเรียนก็ยังยืนเฝ้าอยู่อย่างนั้น  นักเรียนคนอื่นหัวหดกันหมด  พาลนึกไปว่าเขากวดขันเรื่องมาสาย  แต่กลับไม่มีใครเห็นเขาลงโทษคนมาสายเลยสักคน
คาบเช้าผ่านไปอย่างว้าวุ่น  คนึงไม่มีกะจิตกะใจสอน  เฝ้ารอให้ช่วงพักเที่ยงมาถึงเร็วๆ  เพียงเพื่อจะพายเรือออกมาอย่างเงียบเชียบ

ถึงจะพยายามฝืนทำเป็นเย็นชาเข้มงวดอย่างไร  แต่ดวงตาที่ห่วงหาอาลัยนั้นสื่อความหมายชัดเจน

เลอมานหันหลังเดินหนี  คนึงรี่ไปคว้าข้อมือไว้ทันควัน

“หนูเล็ก..” คำพูดที่ไม่ได้ผ่านสมองกลั่นกรองหล่นจากปาก  อาจารย์หนุ่มนึกอยากตบปากตัวเองนัก “คุณชาย” นี่สิ.. ถึงจะถูกต้อง “เห็นคุณไม่ไปโรงเรียน  ผมเลยมาตาม”

เขาอยากจะใช้คำพูดที่ดีกว่านี้  ใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่านี้  อยากบอกไปตรงๆ ว่าคิดถึงมากเพียงใด  อยากรำพันรักกันเหมือนเมื่อครั้งกระต่ายมีวาสนาได้ฝังกายในดวงจันทร์  แต่ไม่อาจเอื้อม..

เลอมานพยายามแกะมือออก  แต่เขายิ่งยึดแน่น  อีกฝ่ายยิ่งฮึดฮัด  เขายิ่งยื้อยุด  แต่คงแรงไปหน่อย  ร่างเล็กกว่าจะเซเข้ามาปะทะแผงอก

“โอ้โห..” เสียงทุ้มห้าวดังมาจากท้ายกระท่อม ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยิ้มยียวนออกมา ตบมือเหมือนได้ดูละครชั้นเลิศ “ยังกะผัวเมียทะเลาะกันแล้วเมียหอบผ้าหนี”

ไอ้ลอย! 

คนึงใจกระตุกวูบ  รีบปล่อยมือทันใด  เขายอมรับว่าตกใจ  ตกใจที่เห็นคนชาติชั่วอย่างมันมาอยู่ที่นี่ 

เลอมานอยู่บ้านยายช้อย  ไม่น่าไว้ใจดังคาดเสียแล้ว!

“กลับโรงเรียนเดี๋ยวนี้” อาจารย์ออกคำสั่ง

“ผมไม่กลับ” เด็กดื้อสะบัดเสียงใส่  ในแววตาร้าวรานฉายชัด “จะกลับไปเพื่ออะไร”

“ที่นี่.. ไม่ปลอดภัย” เขากระซิบ  เหลือบมองคนที่นั่งผิวปากมองนกมองไม้สบายใจบนแคร่

“พูดเหมือนผมอยู่กับอาจารย์แล้วปลอดภัยนัก?”

ถูกย้อนแบบนี้อาจารย์ถึงกับอึ้ง  ดวงตาสีเข้มหรี่ลงอย่างรานใจ

“ค่อยพูดค่อยจากันนะ  ลิ้นกับฟันกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา” ตัวเสือกแซวมาเข้าหู  เขาขบกรามกรอด  พลาดแล้วที่ยอมปล่อยเลอมานห่างหูห่างตาแบบนี้  แม้ใจจะอยากลากเจ้าเด็กรั้นไปคุยกันสองคน  แต่การทำแบบนั้นยิ่งเพิ่มพิรุธ  ปากหมาตาผีอย่างไอ้ลอยมันไม่ยอมปล่อยแน่ 

“จะไปจะมาไม่เคยบอกกล่าว” เขาดุ  พยายามใช้คำพูดเช่น ‘อาจารย์’ คนหนึ่งคุยกับ ‘ศิษย์’

“ รู้ไหมว่าคนอื่นเขา..” คำว่า ‘เป็นห่วง’ ถูกเก็บกลืนลงคอ “..เดือดร้อนแค่ไหน”

“มาง้อทั้งที  พูดดีๆ หน่อยก็ไม่ได้” อีกครั้งที่ไอ้ลอยสอดขึ้น  ยักคิ้วหลิ่วตาเจ้าเล่ห์  หันไปพยักพเยิดกับคนที่ยืนบื้อ “เนอะ..หนูเล็ก”

ชื่อเรียกอันเป็นสิทธิ์ของเขาเพียงคนเดียวส่งผลให้คนฟังกำหมัดแน่น  พยายามรักษาท่าทีไว้สุดระงับ 

“ผมลาหยุดหนึ่งวัน  ขออนุญาตอาจารย์ปรีชาแล้ว” หม่อมราชวงศ์หนุ่มพยายามตัดบท “พรุ่งนี้ผมจะไปโรงเรียน”

“ดีเลย  ให้ผมไปส่งที่โรงเรียนไหม” นักเลงหนุ่มเสนอหน้า “อย่างคุณชาย  ผมมารับทุกวันก็ยังได้”

“ไม่ต้อง!” อาจารย์แทรกขึ้นทันใด ดึงแขนศิษย์ไว้อย่างหวงแหน “ผมจะมารับคุณเอง”

คนึงไม่รู้ว่าเขาจะมีน้ำอดน้ำทนไม่ตะบันหมัดใส่หน้ากวนบาทาของไอ้ลอยได้อีกกี่น้ำ  เดชะบุญที่ยายช้อยเดินอาดๆ หน้าตาตื่นตรงเข้ามาเสียก่อน  แกคงตกใจไม่น้อยที่พบผู้มาเยือนอย่างเขาและไอ้ลอยอยู่ที่นี่พร้อมหน้ากัน  เขาน่ะไม่เท่าไรหรอก

“อ้าวครู พ่อลอย” แม่เฒ่าหน้าซีดเป็นไก่ต้ม “มา..มาที่นี่มีเรื่องอะไรรึ”

มันกอดอกสาธยายว่าคุณนายพูนทรัพย์ให้มาเก็บดอก  ถึงจะยกต้นให้แล้ว  แต่ดอกที่ยังค้างอยู่อย่างไรก็ต้องจ่ายให้หมด

“ตอน.. ตอนนี้ยายไม่มีหรอกพ่อ” ยายละล่ำละลัก “ขอผัดไปก่อนได้ไหม”

“ได้สิ วันหลังค่อยมาใหม่” มันตกปากรับคำง่ายดายจนยายช้อยแปลกใจ  ก่อนหันมาทางเด็กหนุ่มสูงศักดิ์  หูตาวับวาวราวจะกลืนกิน

“จะมาทุกวันเลย..คอยดู”

********************************

หญ้าเขียวระบัดแตกใบอ่อนชุ่มหยาดน้ำค้าง  เสียงน้ำไหลเซาะมาตามรากไม้ที่ขึ้นอยู่สองฝั่งลำปะโดง  ระฆังทองของชีวิตคนบ้านนาผูกอยู่ที่คอควาย  เสียงเกราะและเสียงกระดึงบริสุทธิ์ผุดผ่อง  พอค่ำลงเสียงกลองย่ำค่ำก็ดังแว่วมาจากหอกลองของวัด 
วิถีชนบทใสสะอาดชำระล้างโศกตรมในหัวใจหม่อมราชวงศ์หนุ่มได้ชะงัดนัก  หากความไม่โสภาอย่างเดียวที่พบเจอก็คือ.. ไอ้ลอย..

หากเลอมานไม่เคยปริปากบอกความอึดอัดใจนี้กับใคร  แม้กระทั่งยายช้อย

ฝ่ายแม่เฒ่าน่ะหรือ  ได้แต่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่มาเยือนกระท่อม  มีหนุ่มๆ มาหาหัวกระไดไม่แห้ง  ไอ้ลอยมันมาทุกวันจริงๆ ดั่งลั่นวาจา  บางวันก็สองเวลาเช้า-เย็น  กะเวลาที่คุณชายสูงศักดิ์อยู่กระท่อมพอดีพอดิบ  ออกปากว่าคุณนายให้มาเก็บดอกเบี้ยที่คั่งค้าง  แต่พอยายบอกว่ายังไม่มีมันก็ไม่ถือสาหาความอะไร  ไม่อาละวาดทำลายข้าวของเอาไปขัดดอกอย่างที่เคยทำ  ได้แต่มองหลานชายคนใหม่ของยายตาเชื่อม  ไม่ว่าคุณชายเล็กจะทำอะไรมันต้องเสนอหน้าไปสอดอยู่เรื่อย 

ฝ่ายอาจารย์คนึงก็น้อยหน้าอยู่เมื่อไร  เช้ามาก็เห็นมานั่งรออยู่ที่ท่าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่  รอรับพ่อเล็กไปโรงเรียนพร้อมกัน  ตกเย็นก็พายเรือมาส่ง  ส่งแล้วก็ใช่ว่าจะกลับเลย  พอเจอไอ้ลอยคอยท่าอยู่เท่านั้นละ  พ่อคนึงปักหลักอยู่ยาวจนมืดค่ำ  ยายคิดว่าครูคงไม่อยากให้คุณชายเล็กไปคลุกคลีตีโมงกะนักเลงหัวไม้อย่างไอ้ลอยมันมาก  ถึงได้คอยมาดูแลปกป้องกันแบบนี้

พ่อเล็กก็ช่างกระไรเลย  จะพูดดีๆ ให้ครูชื่นใจสักคำไม่มี  เป็นต้องปั้นปึ่งใส่กันอยู่ร่ำไป  แหม่..นี่ถ้าเป็นผู้หญิงสักคน  ยายคงนึกไปว่าเขาพ่อแง่แม่งอนอะไรกันมา  อีกฝ่ายถึงต้องมาตามง้อขอคืนดีแบบนี้  บางค่ำครูก็แค่อาศัยฝากท้องมื้อเย็น  หากบางคืนครูก็ปลงใจนอนค้างที่นี่ 

กระท่อมสัปปะรังเคของยาย  พ่อเล็กมาอยู่พักเดียว  ดูหรูหราขึ้นมาทันตาเห็น  ห้องนอนนั้นจัดไว้น่ารักเป็นหนักหนา  ที่นอนนุ่มปูบนเสื่อ  วางหมอนขาวสะอาดเคียงแพรเพลาะ ราคาไม่ใช่ถูกๆ ตะเกียงลานทองเหลืองขัดไว้เป็นเงาวับ มีครอบแก้วใสกระจ่างตา ตู้ผ้าวางซ้อนกันอยู่มุมห้อง ทั้งคนโทน้ำวางเป็นระเบียบ  คนมีกะตังก็งี้  ไปชี้ๆ เลือกๆ ที่ตลาดแผล็บเดียว  สักพักเรือสำปั้นก็ทยอยส่งข้าวของมาถึงกระท่อม

ส่วนไอ้จ้อยของยายน่ะรึ  โอ๊ย..อย่าไปถามถึงมันเลย  นู่น..มันสารภาพออกมาแล้วว่าไปอยู่กะพ่อสิงห์ลูกกำนันเสริมที่โรงสีเถ้าแก่ฮง  ยายจะไปว่าอะไรได้  ดีใจเสียอีก  เพราะความปรารถนาอย่างหนึ่งของยายคือการได้เห็นเจ้าสองคนนี้กลับมารักใคร่กลมเกลียวกันเหมือนตอนเด็กๆ  ยายเลยแทบจับเจ้าจ้อยใส่พานประเคน  หลานตัวดีทำหน้าตูมเป็นดอกบัว  บอกว่าคุณนายพูนทรัพย์ฝากให้ไปดูแลลูกชายหรอก  ยายได้แต่หัวเราะเฮ่อะๆ  ไปเถิดจ้อยเอ๋ย  ไปอยู่ดูแลพี่เขา  มันจะแวะมาหายายบ้างก็เพื่อมาเอากับข้าวกับปลาไปให้พี่  วันดีคืนดี  มันหิ้วเตาอั้งโล่ของยายไปใบนึงด้วยแหละ 

ฝ่ายครูคนึงน่ะหรือ  เห็นดูแลศิษย์รักดั่งจงอางหวงไข่แบบนี้  แต่บางทีก็รอดหูรอดตา  อย่างวันที่ครูต้องไปประชุมในตัวจังหวัด  มาเฝ้าพ่อเล็กไม่ได้อย่างทุกที.. เช่นวันนี้อย่างไรเล่า

เช้าแล้วหนา.. ขอบฟ้าขลิบทองรองอรุณ

หม่อมราชวงศ์หนุ่มดูแม่เฒ่าทำคันเบ็ดอย่างสนอกสนใจ  ไม้ไผ่ผ่าซีกแบนๆ ใหญ่ขนาดนิ้วมือ เหลาให้เรียว ตรงปลายควั่นเป็นร่องสำหรับผูกสายเบ็ด  ลนไฟเพื่อดัดให้ปลายงอเล็กน้อย ทุกขั้นตอนยายทำอย่างชำนาญ  แป๊บเดียวก็ได้คันเบ็ดยาวสองศอก ตรงโคนเสี้ยมให้แหลมเพื่อปักลงดิน  ส่วนสายเบ็ดนั้นยายควั่นด้วยป่าน  ต่อไปก็ถึงขั้นตอนทุบลูกมะเกลือมาย้อมให้เชือกป่านทนน้ำ

“อ้าว! ทำไมเหลืออยู่แค่นี้!” หญิงชราเอ็ดตะโรเมื่อเห็นลูกมะเกลือที่แกเก็บมาเต็มขัน  เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง 

“เมื่อกี้จ้อยหยิบใส่กระเป๋าก่อนไป” คุณชายสารภาพเสียงอ่อย “ผมนึกว่าเขาขอยายแล้ว”

ยายส่ายหน้าทำปากจิ๊จ๊ะ  บ่นพึมพำว่ามันขอตั้งแต่เมื่อไร “ไอ้หลานคนนี้  ไปเอานิสัยลักเล็กขโมยน้อยแบบนี้มาจากไหน” อดีตโจรขโมยปลาทูหน้าม่อย  มือขาวสะอาดนับมะเกลือที่เหลืออยู่หกลูกไปมา

“แล้วจะเอาลูกมะเกลือไปทำอะไร พิลึกคน” แม่เฒ่าส่ายหน้าหน่าย  ก่อนสั่งให้เขารออยู่ตรงนี้  แกจะเข้าป่าไปเก็บมาเพิ่มให้พอกับจำนวนเชือกป่านขดใหญ่   

ยายเดินลิบๆ ลับเข้าแนวไม้เขียวครึ้มท้ายสวนไปแล้ว  เหลือเพียงหม่อมราชวงศ์หนุ่มนั่งอยู่บนแคร่หน้ากระท่อมท่ามกลาง ‘ของเล่น’ มากมี  คันเบ็ดเพิ่งลนไฟใหม่ๆ  แหจับปลาที่ยังถักไม่เสร็จผูกโยงอยู่กับกิ่งขนุน  แหนี่เห็นยายบอกว่าจะย้อมเหมือนกัน  วิธีย้อมก็ง่าย  ยายบอกว่าแค่ทุบมะเกลือให้แตกแล้วเอายางสีดำของมันมาย้อม 

อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย  ดังนั้น.. เล็กจะช่วยยายทุบมะเกลือนะครับ

   ครกหินใบเขื่องวางอยู่ไม่ห่างกัน เลอมานคว้ามาวางใกล้ๆ โยนลูกมะเกลือแก่สีดำสนิทลงไป คว้าสากหินหนักอึ้งขึ้นมาทำท่าจะตำทุลักทุเล แต่เขาเคยขอยายตำหมากมาแล้ว แค่นี้คงไม่ยากกว่ากันเท่าไร

“ผมช่วย” เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นใกล้ตัว  เด็กหนุ่มชะงัก  เงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าคร้ามคมยื่นเข้ามาเสียใกล้  ผงะหนีแทบไม่ทัน
ไอ้ลอยยักยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนนั่งลงเคียงข้าง  เลอมานเขยิบออกห่าง  นึกเกลียดตัวเองที่ประสารทสัมผัสเขาบกพร่องนัก  มีคนมายืนใกล้ขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัว

“เดี๋ยวมือขาวๆ จะเปื้อนหมด” มือหยาบใหญ่ถือวิสาสะจับมือเขา  คนเย่อหยิ่งรีบสะบัดมือหนี  มันไม่ถือสา  เอาแต่ยิ้มเล่นหัว “ยางมันดำ ถ้าติดมือเข้าละก็ ล้างไม่ออกไปหลายวัน”

“ยายไม่อยู่” เขาบอกห้วน  ผินหน้าหนี  ไม่อยากเสวนา

“โถๆๆ หนูเล็ก” มันจุ๊ปากเหมือนปลอบเด็ก  เลอมานทำตาขวางใส่ อีกครั้งแล้วที่มันจาบจ้วงเรียกเขาแบบนี้ “ไม่รู้ตัวอีกหรือ  ที่ไอ้ลอยเทียวไปเทียวมาเช้าค่ำ  ไอ้ลอยมาหาใคร”

หูตาแพรวพราวจ้องหน้าเขาราวจะกลืนกิน  อีกครั้งที่ราชนิกุลหนุ่มรู้สึกแขยงผู้ชายคนนี้ขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ  ดวงตาสีอ่อนนิ่งมองร่างกำยำเอนหลังเท้าแขนกับแคร่ผ่อนคลายเหลือหลาย

“ทะเลาะอะไรกับอาจารย์” จู่ๆ มันก็ถามขึ้น  สายตาจับจ้องอยู่ที่ผ้าขาวม้าสองผืนที่ตากไว้คู่กันบนราวไม้ไผ่  ของเขากับอาจารย์  เมื่อคืนอาจารย์นอนค้างที่นี่

เลอมานไม่ตอบ  วงหน้าคมเข้มหันมาจ้องหน้าเขาเขม็ง 

“ได้กันบ่อยแล้วสิ”

“พูดอะไร!” เขาเสียงดัง  โกรธจนหน้าแดงก่ำ “ระวังปากบ้างนะ!” ในหัวใจเหมือนมีใครมาตีกลองไม่เป็นส่ำ  สะท้อนสะเทือน  กระทบกระทั่ง 

“อ้าว แบบนี้มันไม่ผิดกฎหรือ อาจารย์กับลูกศิษย์เป็นผัวเมียกันแบบนี้” มันลอยหน้าลอยตา “ชาวบ้านเขาจะว่ายังไงน้า ถ้ารู้ว่าอาจารย์ที่ตัวยกมือไหว้เอาลูกศิษย์ตัวเองทำเมีย  ลูกศิษย์ผู้ชายเสียด้วย”

“ฉันกับอาจารย์ไม่ได้มีอะไรกัน!” เลอมานโพล่งออกไปด้วยความเหลืออด  ความกระดากกระเดื่องระงมเข้าจับใจจนสั่นสะท้าน
ดวงตาคมดุจเหยี่ยวคู่นั้นหรี่มองราวจะจ้องให้ปรุถึงเนื้อใน  มุมปากยกยิ้มหยัน

“ถุ้ย! ไอ้พวกผู้ดี!” มันถ่มน้ำลายลงพื้น กักขฬะเยี่ยงสถุลไพร่ ว่าหยาบคายไม่อายปาก

“เอากันจนน้ำเต็มโอ่งแล้วยังบอกว่าไม่มีอะไรกัน!”


.......................................

ติดตามต่อครึ่งหลังฮ่ะ :hao7:

ค่อยๆ ย่องมาอัพ หลบตาคนอ่านเป็นระยะๆ ๕๕๕๕๕๕๕+ จะมีใครอยากตื้บเก๊าบ้างมั้ยน้อ
ครึ่งแรกสั้นไปนิด เดี๋ยวไปชดเชยให้ในครึ่งหลังนะคะ และคาดว่าครึ่งหลังคงไม่ปาเข้าไปเดือนครึ่งแบบนี้ เพราะแอบเขียนเก็บไว้แล้วบางฉาก เอามาแปะๆ ต่อๆ กัน เขียนเพิ่มอีกนิดหน่อย รอกันอีกนิดนะคะ

อ้อ เรื่องระหว่างพี่ลอยกับจินดา คนเขียนตั้งใจเขียนเพิ่มขึ้นมาเพื่อปูทางไปยังเรื่องต่อไป 'ดอกฟ้าในมือโจร' ที่พี่ลอยเป็นพระเอกน่ะค่ะ ไม่ต้องประหลาดใจเน้อ ที่จู่ๆก็พูดถึงคู่นี้ แต่จริงๆ ก็แอบหยอดๆไว้ประปรายนะ ว่าคู่นี้เค้ามีซัมติงกัน จะมีใครพอนึกออกมั้ยน้อ นานจัดดดด

สามปีแล้วนะเรื่องนี้ แต่ตั้งใจว่าจะเอาให้จบในปีนี้แหละค่ะ ฮึบๆๆ  :katai5:

รักคนอ่าน

ดอกไม้
๑๕ มี.ค. ๕๘

ปล. ไม่ได้เช็คคำผิด ถ้าเจอฝากทักด้วยนะคะ กร๊ากกกกก ชุ่ยตัลหลอดดด
ปล.2 ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ ถึงจะไม่ได้ตอบ แต่เราอ่านทุกคอมเม้น ขอบคุณมากๆเลยค่ะ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 15-03-2015 02:55:39
แทบไม่เชื่อสายตา ดีที่วันนี้นอนดึก  :z3:

ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ แต่รีบคอมเม้นท์ กลัวไม่ได้เป็นคนแรก

แหม...ดอกฟ้าในมือโจร แค่ชื่อเรื่องก็ฟินจนต้องกระโดดโลดเต้นยักย้ายส่ายเอวดุ๊กดิ๊ก คุณขา...เอาเรื่องใหม่มาลงให้อ่านสลับกับเรื่องนี้ก็ไม่เลวนะคะ

ปล. ขอตัวไปอ่านเนื้อเรื่องก่อนนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 15-03-2015 04:39:21
รอวันที่หนูเล็กมีความสุข อาจารย์คนึงช้ำใจตาย 555555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 15-03-2015 05:01:33
ลอยกับจินดาแสดงว่าได้กันมาแล้ว
แล้วอ.คนึงล่ะแกก็อยู่กับจินดาก่อนอีกฝ่ายจมน้ำตายไม่ใช่หรือ?
ใครเป็นตัวจริงกันแน่?
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: frenzy19 ที่ 15-03-2015 05:06:33
ถ้า ดอกฟ้าในมือโจร ลอยคู่กับจินดา  งั้นจินดาก้อต้องตายใช่มั๊ยคุณดอกไม้ :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: jambool ที่ 15-03-2015 07:36:51
 :-[ :katai2-1:
คิดถึงมากกกกกกก  หนูเล็กกกกกกก
รอติดตามไอ้ลอยไปเป็นพระเอกเรื่องใหม่เลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 15-03-2015 08:06:00
หรือจินดาจะกลับมาเกิดใหม่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-03-2015 09:11:38
ปกติเกลียดไอ้ลอยหนักหนา มาตอนนี้ไม่ค่อยรู้สึกแบบนั้น คงเพราะอย่างน้อยมันก็มีหัวใจ
และหวังว่าคู่พ่อแง่แม่งอนครูกับลูกศิษย์จะลงเอยด้วยดี
ที่ช็อกก็คงเป็นไอ้ลอยกับจินดานี่สิ มาได้ไง
เห็นเรียบร้อย ๆ เธอควบสองเลยหรือ
ส่วนคู่ข้าวใหม่ปลามันที่โรงสีเถ้าแก่ฮงน่าหมั่นไส้จริง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: caramely ที่ 15-03-2015 09:27:59
 :mc4: กรี้ดดดดดด  คุณดอกไม้อัพแล้ว  :katai2-1:
:a5: :a5:  คู่ลอยกับจินดานี่มันเอิ่มมมม....
จินดานี่เหมือนจะเรียบร้อยนะ แต่นางแรงอ่ะ
ควบสองเลยหรือไร   ครูคนึงก็นะ หวงก้างว่ะ  o16


ส่วนอีคู่ข้าวใหม่ปลามันท้ายโรงสีนี่น่าหมั่นไส้ยิ่งนัก
  :laugh: :laugh: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 15-03-2015 09:59:11
 :ling1: ขอบคุณมากๆ ค่ะที่มาต่อ  :hao7: คิดถึงจ้อยกับพี่สิงห์ อาจารย์คนึงก็ทำอะไรสักอย่างเถอะ สงสารเลอมาน  :hao5:

ป.ล 1 เรื่องดอกฟ้าในมือโจรที่คุณดอกไม้บอกก็ต้องจบเศร้าน่ะสิคะ  ใช่ม้ายยยย :hao4:
ป.ล 2 นอกเรื่องนิดนึง พึ่งได้อ่านเรื่องชมพูพิทพ์ใจค่ะ ชอบมาก น้องจูมออนหมาน้อยน่ารักมากกกกกกก  o18
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 15-03-2015 10:32:24
รอคอยยยย เธอมาแสนนานนนน ~
ดีใจจังมาอัพแล้ว

สงสารหนูเล็กอะ เมื่อไรจะคืนดีกับอาจารย์หนอ
ส่วนเจ้าจ้อยนี่น่าตีนัก ไปติดผู้ชายทิ้งยายทิ้งหนูเล็กซะนี่
ว่าแต่ไอ้ลอยกับจินดานี่ยังไง อยากรู้
รอครึ่งหลังนะค้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Rouk_Uknow ที่ 15-03-2015 11:09:05
ขยี้ตา ดูตอน อ้าว อัพแล้วววววววววววว
กดเข้ามาอ่านรั่วๆ คิดถึง เลอมาน มากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Noockie ที่ 15-03-2015 12:41:40
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 15-03-2015 15:55:24
นึกว่าตาฝาด!!!!//ร้องลั่นบ้านของจริง
อย่าหายไปนานอีกเลยนะคะ

ชิชะจินดา ร้ายนะเราน่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 15-03-2015 15:58:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 15-03-2015 16:52:43
อ่าว ลอยกับจินดา คือยังไงอ่า จินดาตายไปแล้วนี่
 :hao5: ดราม่ามาแต่ไกล

หมั่นไส้ครูคนึง เดี๋ยวก็เชียร์ไอ้ลอยซะนี่

ตลกจ้อยขโมยของไปอยู่กับพี่สิงห์ น่ารักกกกก
 :mew3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 15-03-2015 21:16:27
โถ่ๆ คู่น้องจ้อยก็ลงเอยเสียกระท่อมโย้ไปข้างแล้ว  คู่อาจารย์ก็ดีๆหน่อยเถอะค่ะะะะ    พ่อแง่แม่งอนลูกจะตั้งทีมฟุตบอล+ตัวสำรอง คนอ่านอ่านแล้วจะขาดใจจจจจจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 15-03-2015 22:35:58
ลอยจินดาหรือ ยังไงกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 15-03-2015 22:39:11
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: เกรียนเหมียว ที่ 15-03-2015 23:22:53
 :katai2-1: เปิดเข้ามา อุ้ยมาต่อแล้ว อิฉัน ดีใจจจจจจ ยิ่งกว่าโบนัสออก 555  ขอบคุณมากคร่าาาาา  :mew1:  อ่านตอนนี้แล้วอยาก วางมวยกับนายลอย ชิชะ  พูดแต่ละอย่าง แต่ก็นะ..เพราะอิตานี่มาก็เลยมีคนมาเฝ้า  ชายเล็กของบ่าว คริคริคริ   :hao7:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: chi0chi0 ที่ 15-03-2015 23:52:31
โอยยย  รักพี่จี้ (กอดหน่อยๆ)  หมั่นไส้คู่ใหม่ปลามันปลายนาจริงอะไรจริง  นี่อะไร  หนูจ้อยทิ้งยายไม่พอยังมีตอดเล็กตอดน้อยอีก 5555

อ่านตอนนี้แล้วค่อยเห็นไอ้ลอยเป็นผู้เป็นคนมาหน่อย  แม้ว่าจะยังหมั่นไส้นิสัยมันเหมือนเดิม อย่างน้อยมันก็เคย"รัก" เนอะ

โฮะๆๆ ครูคนึง  เป็นไงล่ะ เป็นไง..... :hao3:

 :z13:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 15-03-2015 23:55:05
อ่านตอนนี้แล้วมีความคิดเรื่องไอ้ลอยเปลี่ยนไปเลย
รู้สึกว่ามันน่าสงสารยังไงก็ไม่รู้ :เฮ้อ:
อาจารย์คนึงต้องการอะไรกันแน่อะ
เรื่องจินดาเคยอยู่กับอาจารย์คนึง อาจารย์รักอยู่ฝ่ายเดียวหรือเปล่านะ

ปล.คิดถึงมากค่ะ ในที่สุดก็มาต่อ :o12: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Nae_Nae ที่ 16-03-2015 03:56:11
รักกกกกกกกกก รักเรื่องนี้ มากกกกก  ทุกคนเป็นตัวละครตัวกลมอ่ะ มีทุกมุม ปลื้มปริ่มมม
 
ปล.เรื่องไอ้ลอยกับจินดาก็อยากอ่าน  แต่อีกใจก็แบบ ฮือออออ ต้องเจ็บซ้ำระกำทรวงเป็นแน่แท้ 
ปล2. รออนะคะๆ รักคนเขียน <3
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: suphasit ที่ 16-03-2015 04:13:16
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 16-03-2015 06:23:10
อร๊ายยยย
คนที่เอากันเต็มโอ่งน่ะ ตอนนี้คงเป็น น้องจ้อย กะพี่สิงห์ แน่ๆๆ
ปล จินดา กะนายลอย ???
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 16-03-2015 09:26:33
 :pig4: :pig4: :pig4: ชอบชอบให้อีก3ปีเลย มาเรื่อยๆนะ รอเรื่องใหม่ด้วยค่ะ นายลอยกวนดีชอบ :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 16-03-2015 09:32:01
อ้าว แล้วอย่างงี้กับอาจารย์คนึงคืออะไรอะะ
ถ้าจินดาได้กับไอ้ลอย งงแหละ

ยังไงเค้าก็รู้สึกว่าลอยน่ากลัว เหมือนมีอะไรในใจ
แถมเป็นโจรตัวจริงมากกว่าพี่สิงห์ของจ้อยเยอะเลย
หรือว่าจินดายังไม่ตาย คอยมองดูเล็กกับอาจารย์คนึง? (เค้าคิดมา เค้ายอมรับ)

รอเฉลยคะ

แต่ขออย่าให้ไอ้ลอยข่มเหงเล็กเลยนะ
แค่นี้ก็น่าสงสารเกินไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 16-03-2015 14:37:31
กรีดร้องรัวๆๆๆๆๆๆ ดีใจจุงเบยยยยยยยย สนุกเหมือนเดิมเลยค่ะ ขอแอบถามนิดนึงเรื่องนี้ไม่ได้จบเศร้าใช่มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 16-03-2015 21:34:44
โอ๊ยยยย ทำไมน้อยแท้!!
จินดากับลอยนี่ยังไง จินดาควบสองเลยเหรอ หลอกครูคนึงด้วยหรือเปล่าเนี่ย
คิดถึงหนูจ้อยด้วย ครึ่งหลังเอาหนูจ้อยมาให้แม่ยกหน่อยนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: แค่ความทรงจำ ที่ 17-03-2015 00:42:12
 :a5:  :a5:

ลอยกะจินดา เอ๊ะ คู่นี้ยังไง รออ่านๆ ต้องดราม่าแน่ๆ

อาจาย์กะหนูเล็กดีกันไวๆนะ จะได้ทันพ่อสิงห์กะน้องจ้อย  :laugh:  :laugh:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: iiam ที่ 17-03-2015 17:32:06
ทำไมจินดาถึงตายง่าาา

เพราะคนึง? เพราะลอย?

หนูคิดมาก มากๆ T T



เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะ ^-^  :กอด1:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Meowww ที่ 17-03-2015 21:58:23
อ่านเรื่องนี้แล้วชอบพี่สิงห์ น้องจ้อย  :ling1: :z2: :hao6:

แต่ติดใจเรื่องหนึ่ง ตอนช่วงที่ไอ้ลอยจับน้องจ้อยไป แล้วพูดประมาณว่าทำให้น้องจ้อยถึงสวรรค์แล้ว ไอ้พี่สิงห์มาช้าไปอะไรประมาณนี้ ติดใจว่าตกลงน้องจ้อยยังไม่เสร็จไอ้ลอยใช่ไหมอ่ะ  :o12: :mew5: :katai1:
รบกวนคนใจดีช่วยตอบข้อข้องใจให้ด้วยค้า เพราะชอบน้องจ้อยมาก อยากให้ได้กับพี่สิงห์คนเดียวอ่ะ  :hao5: :oo1: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 18-03-2015 16:47:39
ยายจะได้ยินไหมเนี่ย ที่ลอยพูดขนาดนี้ สงสารคุณชาย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: --รมยกร-- ที่ 19-03-2015 16:54:02
เคยอ่านเรื่องนี้ อีกเวปนึง
กลับมาอ่านตั้งแต่ต้นอีกครั้ง
ยังคงตราตรึงใจทุกครั้งที่ได้อ่าน

คู่รอง บทจ้อยจะใจอ่อนก็อ่อนซะพลิกฝ่ามือ ทอดสะพานหลายทอด ได้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู 
คู่หลัก อาจารย์ของหนูเล็กก็ใจดำเกินทน ทำร้ายคนรักด้วยคำพูดช้ำแล้ว ช้ำเล่า ไม่รู้ทนเห็นคนที่เรารักนอนร้องไห้ทุกวันได้ยังไง
แถมยังทำตัวประหนึ่งหมาหวงก้าง อ้างว่ากลัวคนอื่นทำร้าย
แต่การโดนทำร้ายจากคนที่เรารัก มันสาหัสมากกว่าหลายเท่านัก
ขัดใจกับอาจารย์คนึงที่สุด :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

รัก นัก เขียน รักคุณดอกไม้ รักนิยายดีๆเรื่องนี้ และสุดท้ายรักมหาหงส์

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: @@@ ที่ 19-03-2015 17:15:11
เบื่อ อาจารย์คนึง
เหอะ คุณชายต้องตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ เพราะตัวเองแท้ๆ  :katai1:

พี่สิงห์ กะ น้องน้อย หลังผ่านมรสุมมาแล้ว มุ้งมิ้งมาก   :hao6:


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: WARA ที่ 19-03-2015 18:01:54
ช็อคเรื่องจินดาเหมือนกัน คงต้องกลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่แรก ไอ้ลอยด้วยเหมือนคนละความรู้สึกกับที่ผ่านๆมา คือสงสารจินดามาก และเกลียดไอ้ลอยเข้าไส้ ถ้าไอ้ลอยเคยรักกะจินดาก็ไม่น่าทำกับจ้อยแรงมากแบบที่ผ่านๆมาเลยนะคะ ปรับอารมณ์ไม่ทันจริงๆง่า :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 19-03-2015 20:08:36
^
^
อย่าเพิ่งตัดสินอะไรจากสิ่งที่เห็นนะคะ ความจริงอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ได้
ไม่ได้การ ต้องรีบเขียนตอนต่อไปเสียแล้วซี รีบเขียนรีบเฉลย
คนอ่านสับสนกันหมดแล้ว
 :hao7:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: lalitalx ที่ 19-03-2015 21:44:32
แอบรู้สึกคุณเล็กกับลอยแอบเคมีเข้ากันเล็กๆ ?  :z6:  โดนอาจารย์กระทืบ 555555555
คุณชายน่ารักมากค่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: feelinlove ที่ 22-03-2015 01:59:59
รู้สึกผิดหวังในตัวจินดา จินดาเป็นตัวละครที่แม้ตายตั้งแต่เริ่มเรื่องแต่เราชอบมาก
ไม่น่าทำแบบนั้นเลย นึกมาตลอดว่าเป็นคนดี น่าสงสาร เฮ้ออออ ผิดหวังอ่ะ
สงสารอาจารย์คณึงด้วยที่คนที่ตัวเองรักไม่ได้เป็นนางฟ้าอย่างที่เทิดทูน
เสียดายจินดา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 24-03-2015 01:34:37
ติดตามต่อรอลุ้นมากมายค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาต่อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: หมีจำศีล ที่ 25-03-2015 01:37:59
เข้ามาอ่านครั้งแรก รวดเดียวตั้งแต่บ่ายสองถึงตีหนึ่ง อื้อหือออออ รู้สึกโชคดีมากเลยค่ะที่ได้พบเจอ และรู้สึกดีขึ้นเพิ่มอีกเป็นสองเท่าเมื่อเห็นการอัพนิยายหลายๆตอนก่อนหน้า อ่านไป เดี๋ยวขมวดคิ้ว เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวยิ้มเหมือนคนบ้า พี่ท่านเอ๊ย! อ่านแล้วจิกเค้นอารมณ์ในอกจริงๆ นี่เป็นติ่งนิยมแนว SM นะคะ คู่คณึง-คุณเล็ก อ่านตอนแรกๆนึกว่าจะมาแนวจำเลยรัก ต้องทรมานเพื่อชดใช้ชีวิตอะไรแบบนี้ ปรากฎว่าคู่พี่สิงห์แอนด์น้องจ้อยปาดหน้าเค้กคนอ่านมาเลยค่ะ ฮ่าๆ ขอชูป้ายไฟโบกสะบัดเป็นแฟนคลับของคุณดอกไม้รัวๆเลยค่ะ เป็นหนึ่งในนิยายไม่กี่เรื่องที่เราเคยอ่านมา แล้วรู้สึกว่ามันเหมือนเอามุมมองชีวิตจริงในแต่ล่ะด้านสร้างขึ้นมาเป็นตัวละคร มันทำให้เราอินจัดจนแทบไม่เป็นอันทำอะไรเลย ไหนจะบทบรรยายซีนอารมณ์ของแต่ล่ะคน ไหนจะบทบรรยายถึงสถานที่รอบๆที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนย้อนไปอยู่ในช่วงเวลาสมัยนั้นจริงๆ ไหนจะถ้อยภาษาไทยที่สวยละมุนละไม จับใจด้วยกลอนเชิงเถียบแล่เรียงเกริ่นนำต้นฉากแต่ล่ะบท เอื้ออออออออ ตั้งแต่เริ่มอ่านนิยายวายตั้งแต่อายุสิบสองจนถึงสิบเก้า นี่เป็นโลกใบใหม่ที่ทำให้เราประทับใจมากๆเลยค่ะ เราเป็นคนชอบอ่านนิยายวายเพราะชอบเสพฉากรุนแรงและช่วงที่มีอะไรกัน แต่นิยายของคุณดอกไม้เหมือนอ่านวรรณกรรมย้อนยุคสักเล่ม แล้วภาษาสวยจนแบบ... #อ๊ากกกกกก มันหักเหจุดมุ่งหมายการอ่านของเราให้เป็นอีกแบบนึงไปเลย นี่รู้สึกเหมือนกำลังเสพบทประพันธ์ร้อยแก้วง่ะ ดีงามมาก

#เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ ♡♡♡
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 25-03-2015 13:39:46
เอ้าาาาาสรุปจินดาอย่างไงเนี่ย
รำคาญลอยว่ะ ไปไกลๆๆๆเกะกะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: vanila ที่ 28-03-2015 14:26:15
รู้สีกว่าสั้นจิงค่ะ ฮ่าาาาาาา แต่ไม่เป็นไรเราจะตั้งใจครึ่งหลังแทน ฮี่ๆๆๆ
อาจารย์คนึงจะมัวพิรี้พิไรไม่ได้แล้วนะไอ้ลอยนี่มาเต็มแล้วนะ
เกือบเห็นใจไอ้ลอยตอนที่รำพึงรำพันถึงจินดา
มาเปลี่ยนใจก็ตอนที่มาเกี๊ยวพาราสีหนูเล็กนี่แหละ
คะแนนติดลบไปอีกไอ้ลอย ว่าแต่ถ้าจินดาเคยรักกะนายลอย
แล้วอาจารย์คนึงนี่อะไรยังงัยกับจินดา  อยากอ่านดอกฟ้าในมือโจรแล้ว >w<
เอาจริงๆไม่อยากให้จินดาตายเลยตั้งแต่ต้นเรื่ืองแล้ว ไม่อยากให้มีใครตายในเรื่องเลย
ยิ่งพอมารู้ว่าจินดามีคู่แบบนี้นี่ยิ่งแบบสงสารจินดาาาาา ฮือออออออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งแรกฮะ^^) [๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Koduck ที่ 03-04-2015 21:33:51
รอครับ คิดถึง :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 06-04-2015 03:13:27
บทที่ ๓๒

วานลมจูบ

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


“ฉันกับอาจารย์ไม่ได้มีอะไรกัน!” เลอมานโพล่งออกไปด้วยความเหลืออด  ความกระดากกระเดื่องระงมเข้าจับใจจนสั่นสะท้าน
ดวงตาคมดุจเหยี่ยวคู่นั้นหรี่มองราวจะจ้องให้ปรุถึงเนื้อใน  มุมปากยกยิ้มหยัน

“ถุ้ย! ไอ้พวกผู้ดี!” มันถ่มน้ำลายลงพื้น กักขฬะเยี่ยงสถุลไพร่ ว่าหยาบคายไม่อายปาก “เอากันจนน้ำเต็มโอ่งแล้วยังบอกว่าไม่มีอะไรกัน!”

“กะ..แก..แกพูดอะไร” หม่อมราชวงศ์หนุ่มลุกขึ้นยืนพรวด หัวใจนั้นเล่า อย่าให้พูดถึงเลย มันเต้นระงมเป็นรัวกลอง “อย่ามาใส่ความ อาจารย์ไม่ใช่คนแบบนั้น”

“ชาวบ้านเขาสงสัยกันว่าคุณชายมาอยู่บ้านยายช้อยทำไม  แถมมีคนเห็นอาจารย์ไปมาหาสู่ทุกเช้าทุกเย็น  เขาคงไม่คิดว่ามาหายายช้อยหรอกมั้ง”

“เขามาดูฉันตามหน้าที่!” ใบหน้าอ่อนเยาว์แดงจัด ปากคอสั่นสะท้าน “ที..ทีแกยังมาเลย!”

“เอ้า! ไอ้ลอยชอบคุณชาย ไม่มาหาคุณชายจะให้ไปหาควายที่ไหน” มันลอยหน้ายิ้มยวน “ผมมันก็แบบนี้ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่เหมือนคนบางคนหรอก” มือกักขฬะยื่นมา เกลี่ยไล้พวงแก้มขาว “ดูซิ.. คงถูกเขาทำช้ำใจมาสินะ ถึงได้หอบผ้าหนีมานี่”

เลอมานปัดมือมันทิ้ง  หอบหายใจสั่นสะท้านด้วยความโกรธ เกลียด ขยะแขยง

และมีความหวั่นกลัวซุกซ่อน..

“ไม่ต้องกลัวผมไปบอกใครหรอก ผมไม่ใช่คนปากโป้ง” มันพูดราวอ่านใจกันออก  และก่อนที่คำพูดและสายตาซอกซอนจะทำให้เลอมานอึดอัดไปมากกว่านั้น  ยายช้อยก็เดินมาจากท้ายกระท่อมพร้อมลูกมะเกลือ  สองคนต่างวัยเสวนากันเรื่องดอกเบี้ย  ดอกเบี้ยที่มาทวงทีไร  ยายก็ไม่เคยมีจ่ายสักหน  คนทวงก็ไม่ว่ากระไร  ได้แต่ทิ้งท้ายเหมือนทุกวันว่า.. วันหลังจะมาใหม่.. แล้วพายเรือจากไปเงียบๆ

ทิ้งเลอมานไว้กับความว้าวุ่น หวั่นวิตก ผู้ชายคนนี้ทำไมมองเขากับอาจารย์ทะลุปรุโปร่ง  และสายตาที่คาดเดาไม่ได้คู่นั้นไม่อาจบอกได้เลยว่ามันคิดจะทำอะไร

เขาไม่ห่วงตัวเองหรอก  ไม่เคยสนใจสายตาคนอื่นมาแต่ไหนแต่ไร  ใครจะมองจะว่าอย่างไรก็ช่าง  แต่ตอนนี้  เลอมานอดร้อนรนใจไม่ได้  เพราะมีคนหนึ่งที่เขาต้องห่วง  ห่วงเสียยิ่งกว่าตัวเอง..

อาจารย์คนึง..

********************************

ย่ำค่ำพระอาทิตย์ตกดิน เสียงกลองวัดดังตูมๆ เป็นจังหวะย่ำส่งพระสุริยาดังมาจากวัด เป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงเวลาจุดตะเกียง  กระท่อมน้อยริมคลองเงียบสงบ ควันลอยอ้อยอิ่งมาจากข้าวเดือดที่ผุดพล่านอยู่ในหม้อดินบนเตา

ระยะนี้กุลีทั้งโรงสีกำลังประสบปัญหาน้ำกัดเท้าเป็นแผลกันถ้วนทั่ว เพราะเถ้าแก่ฮงบัญชาให้แบกขี้เถ้าแกลบลุยน้ำทุกวี่วัน เว้นเสียแต่ไอ้สิงห์คนเดียวที่รอดพ้น มือตีนยังอยู่ดี ไม่มีส่วนไหนเป็นแผลเปื่อยให้ลำบากซื้อหยูกยามารักษา

เพราะใครเล่า?

มือเล็กโขลกลูกมะเกลือที่เอามาจากยายในครกบดยา เค้นได้น้ำยางสีดำสนิท ก่อนหันมาคว้าข้อตีนเทอะทะของพี่ลากเข้าหาตัว
พี่หดเท้าหนี ละอาย กระดากกระเดื่อง เท้าเป็นของต่ำใครก็รู้

“อย่าเลยจ้อย” เสียงทุ้มอ้อมแอ้ม “หนนี้พี่ทำเองเถอะ”

“ไหนๆ มือจ้อยก็เปื้อนแล้ว อย่าเรื่องมาก” จ้อยเอ็ดเสียงเขียว ตรงข้ามกันเหลือเกินกับมือบอบบางที่ชโลมยางมะเกลือลงฝ่าเท้าหยาบกร้านอย่างไม่คิดรังเกียจ ละเอียดอ่อน ใส่ใจ กระทั่งซอกนิ้วยังทาให้ถ้วนทั่ว

ลูกมะเกลือนอกจากใช้ย้อมแหและอวนแล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยแก้น้ำกัดเท้าได้ชะงัดนัก จ้อยสรรหามาทาให้เขาตั้งแต่ยังไม่เป็นแผลเพื่อป้องกัน  ผลคือไอ้สิงห์รอดจากภัยน้ำกัดเท้าเพียงคนเดียวในโรงสี แต่เท้าจะดำเป็นปื้นนานเลยล่ะกว่าจะหาย

สิงห์หัวเราะในคอ  มองจ้อยด้วยดวงตาเป็นประกาย  ชื่นชมและหวงแหนประหนึ่งได้ครอบครองสิ่งสูงค่าสักชิ้น

นักเรียนครูล้างมือล้างไม้ก่อนกลับมานั่งที่เดิม  เห็นวงหน้าคมสันสะท้อนแสงตะเกียงนวลมองมาตาฉ่ำ  ยิ้มหวานจัดเหมือนจาวตาลเชื่อม  ร่างกำยำเขยิบเข้าหา รั้งจ้อยขึ้นมานั่งบนตัก กอดรัดแทบจมหายลงไปกับอ้อมอกสมบูรณ์ด้วยมัดกล้ามคร้ามเกรียม ฝังจมูกลงสองแก้มและซอกคอ  หอมเอาๆ ดั่งไม่กลัวจะช้ำ

จ้อยหัวเราะคิก เอียงหน้าหนีเพราะจั๊กจี้  รุนเขาไว้แล้วกระซิบปรามพอเป็นพิธี พี่ทำงานหนักทั้งวันจนกล้ามเนื้อที่กำยำอยู่แล้วยิ่งบึกบึนแข็งโป๊ก กอดจ้อยแต่ละทีน่ากลัวว่ากระดูกจะหัก พี่จะลนจ้อยแทบละลายด้วยความร้อนจากอ้อมแขนนั้น.. ก่อนจะร่วมเนื้อในกันดังเช่นทุกค่ำคืนที่ผ่านมา

เดี๋ยวนี้เนื้อตัวพี่หอมสะอาด ไม่ได้เหม็นกลิ่นสาบเหงื่อดังแต่ก่อนแล้วนะ  ฝีมือจ้อยนี่แหละ  ตอนอาบน้ำก็เอากาบมะพร้าวชุบน้ำมันก๊าดถูๆ ให้ตรงหลังคอ  พี่แหกปากเหมือนควายถูกเชือด  ผลคือขี้ไคลหลุดออกมาเป็นก้อนแทบเอาไปปั้นควายได้ 
ส่วนหน้าตารกเรื้อเป็นโจรป่า  จ้อยก็ยืมปัตตาเลี่ยนของโรงเรียนมาไถให้เสียเกลี้ยงเกลา  ไม่ทำให้ได้หรือ  วันก่อนไปโรงเรียน  สง่ามันทักว่าจ้อยเอาแปรงที่ไหนขัดหน้ามา  เป็นริ้วแดงเถือกไปทั้งหน้าและซอกคอ เล่นเอาจ้อยหน้าแดงซ่าน เอาน้ำเย็นล้างหน้าตั้งนานกว่าจะหาย 

มือเล็กจับปลายคางสากพลิกซ้ายขวา  หล่อขนาดนี้  บอกใครว่าเป็นกุลี ใครเขาจะเชื่อน้อ

พิศได้ไม่นานก็อดสะท้อนใจไม่ได้  พี่สิงห์ของจ้อยจะทำงานแบกหามแบบนี้ไปถึงเมื่อไรกัน

“เมื่อไรจะกลับบ้าน” จ้อยลูบแก้มสากระคายของพี่แผ่วเบา “อยู่แบบนี้ไม่ลำบากหรือ”

“พี่ไม่เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อนด้วยซ้ำ” เขารัดจ้อยแน่นเข้าอีก แน่นจนได้ยินเสียงหัวใจอีกดวงเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน “ขอแค่มีจ้อยก็พอ”

จ้อยได้แต่ถอนใจ  หนีเข้ามุ้ง ที่หลับที่นอนที่ผิดกับเครื่องนอนชั้นดีในเรือนกำนันเยอะ เสื่อกกแข็งกระด้าง หมอนใบเก่าและมุ้งสีหม่น  พี่ตามมานอนข้างกัน  รั้งจ้อยไปกอดแนบอก  เกลี่ยปลายผมจ้อยทัดหู สายตาที่มองมาฉ่ำหวานเป็นประกายในแสงตะเกียงนวล 

“วันก่อนป้าทรัพย์ถามถึงพี่ด้วย ไม่เป็นห่วงแม่หรือ”

ดูเหมือนคำพูดจ้อยจะไล่อารมณ์ละมุนไปสิ้น แค่เอ่ยถึง ‘แม่’ พี่ก็ดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที “ยังไงพี่ก็ต้องหาเงินใช้หนี้ให้หมดก่อน” 

“ไม่ต้องแล้ว” นักเรียนครูทอดถอนใจ “แม่พี่ยกให้จ้อยแล้ว เหลือแค่ดอกเบี้ยที่ค้างไว้นิดหน่อยเอง”

“ไม่ได้” เขาเสียงแข็ง  คลายอ้อมกอดออกเพื่อนอนหงายก่ายหน้าผาก “แม่พี่อาจยอมแต่พี่ไม่ยอม ใครเขาจะว่าจ้อยกับยายได้ที่มาเอาเงินแม่พี่ไปเปล่าๆ”

“มันมีนะ..” จ้อยกระซิบ เขยิบเข้าไปเกยคางบนแผงอกแกร่ง คลายมือบนหน้าผากพี่ออก “เงินที่ยกให้กันแล้วไม่ต้องคืนน่ะ”

“ไม่มีหรอก”

“มีจริงๆนะ..” เสียงจ้อยเบายิ่งกว่าเบา  ไม่กล้ามองหน้าพี่ด้วยซ้ำ ได้แต่ก้มหน้างุด พูดอุบอิบ “สินสอดไง” 

“ห๊ะ?!” พี่เด้งตัวลุกขึ้นทันควัน โอยๆ.. น่าอายน้อยอยู่หรือ เลือดฉีดขึ้นหน้าจนร้อนผ่าว จ้อยรีบดึงผ้าผวยผืนเก่าขึ้นคลุมโปงมิดหัวเป็นดักแด้ “เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”

มือแข็งแรงเขย่าเนื้อตัว  พยายามดึงผ้าผวยออก จ้อยยิ่งเขินหัวหูแดงก่ำ รู้สึกเหมือนตัวจะสุกเป็นกุ้ง เมื่อกี้.. อะไรดลใจให้พูดออกไปแบบนั้น

“สินสอดนี่คืออะไรน้อ” เขาถามหน้าตาย เสียงทุ้มทอดต่ำลึกๆ ในคอ  โน้มหน้าลงมาใกล้แค่ปลายจมูกแตะกัน “พี่มันโง่ ความรู้น้อย สอนพี่หน่อยสิครู”

แก้มขาวจัดมีสีเลือดเปล่งปลั่งขึ้น  มือใหญ่เอื้อมมาเชยคางจ้อยพร้อมรั้งกายเข้าหา ริมฝีปากอุ่นๆ พรมจูบหนักหน่วง หัวใจที่ซ่อนอยู่ใต้อกกำยำยินดีปรีดานัก แล้วรสอ่อนหวานบนปลายลิ้นเล็กก็ทำให้ลืมสิ้นว่าเขาได้จูบน้องซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างหิวกระหาย และนึกอยากกลืนกินทั้งหมดที่มีอยู่ในกายน่าเสน่หา

จ้อยพริ้มตาลง ปล่อยเพียงหัวใจไหวละล่องไปกับรสจูบหวานล้ำตราตรึง ดึงหัวใจดวงน้อยรัญจวนวาบหวิวสั่น และโดยได้ยางอาย จ้อยร่ำร้องถึงอย่างอื่นอีกนอกจากแค่จูบ

ธรรมชาตินั้นร้ายกาจนัก มันสั่งสอนเข้าให้โดยไม่จำเป็นต้องร่ำเรียนมาจากไหน ลมจะพัด ดอกไม้จะบาน ลูกมะพร้าวนั้นใครเอาน้ำเข้าไปใส่ไว้เล่า ถึงเวลามันก็มีน้ำหอมหวานชื่นใจเต็มลูกขึ้นมาเอง

เช่นในตอนนี้  เพียงร่างกายทั้งสองกอดกระหวัดเป็นเนื้อเดียวก็เหมือนแล่นตูมลงไปในห้วยธารที่กระแสน้ำพัดผ่านรุนแรงเหลือล้ำ จ้อยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นห้วงธารเชี่ยวกราก มีพี่สิงห์โผลงผุดแหวกว่ายในสายน้ำเริงใจ ไม่ต้องมีใครสอนใครทั้งนั้น หัวใจนี่แหละนำทาง

จนกระทั่งตะวันจะโผล่พ้นขอบฟ้า เสียงดุเหว่าแว่วมาจากยอดไม้สุดไกล อากาศก็หนาวปานนี้ แต่ร่างเปลือยเปล่าที่กอดก่ายกันในมุ้งหม่นนั้นอบอุ่นนัก จ้อยซบอิงอยู่ในอ้อมแขนพี่ นอนคิดตรองไม่ตก

จะอยู่กันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หรือ?

ถ้าพี่ไม่ยอมกลับบ้าน อย่างน้อย..จ้อยก็อยากให้พี่เรียนหนังสือ จ้อยนี่แหละจะสอนให้เอง เคยพูดเรื่องนี้กันหลายหนแต่พี่ก็เอาแต่บอกปัดทุกคราวไป ร่ำแต่บอกว่าแค่นี้พี่อยู่ได้.. เมียคนเดียวพี่เลี้ยงได้..

จ้อยไม่ได้รังเกียจ  แต่จ้อยแค่เป็นห่วงอนาคตพี่

เห็นทีต้องทำอะไรสักอย่างเสียแล้ว

********************************
   
เช้านี้เหมือนทุกวัน เช้าตรู่เริ่มงาน กุลีสิบกว่าคนของโรงสีเถ้าแก่ฮงกรูกันมาเข้าแถวยาวหน้าโกดัง พี่สิงห์ของจ้อยชิงตำแหน่งหัวแถวได้เหมือนทุกวัน หัวแถวสำคัญ เพราะจะได้บัตรประจำตัวหมายเลขหนึ่ง เริ่มแบกกระสอบเป็นคนแรก เท่ากับว่าโอกาสที่จะได้จำนวนเที่ยวมากกว่าใครก็มีมากขึ้นไปด้วย

ปกติจ้อยไม่ค่อยมานั่งเฝ้าพี่สิงห์ทำงานแบบนี้ แต่ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันหยุด เลยสบจังหวะมานั่งให้กำลังใจ เฝ้าปิ่นโตรอพี่อยู่บนแคร่ใต้ร่มก้ามปูใหญ่ไม่ห่างกัน

อาชีพจับกังเป็นอาชีพที่เหนื่อยนัก ทำงานหนักจนเหงื่อตกร้อยหวาย ต้องแบกของหนัก ๑๐๐ กิโลขึ้นหลังเดินไปเดินมาวันละไม่รู้กี่เที่ยว เถ้าแก่ฮงก็สุดโหด ไม่มีรถเข็นให้ กุลีทุกคนต้องเดินจากโกดังถึงระวางเรือเป็นระยะทางประมาณ ๕๐ เมตรได้ แลกค่าแรงเที่ยวละ ๒๐ สตางค์

ที่ต้นทางหน้าโกดัง ชายคนหนึ่งมีหน้าที่เอาตะกาวเกี่ยวกระสอบข้าวลงวางบนหลังสิงห์ให้ เมื่อสิงห์แบกกระสอบผ่านโต๊ะเสมียน ซึ่งคืออาหมวยลูกสาวเถ้าแก่ฮงนั่นแหละ เสมียนจะส่งไม้ติ้วให้หนึ่งอัน ไม้ติ้วรูปร่างคล้ายตะเกียบแต่ปลายด้านหนึ่งแบนเหมือนไม้แคะขนมถ้วย และบนปลายที่แบนนั้นจะเขียนหมายเลขประจำตัวกุลีเอาไว้ เมื่อไปถึงปลายทางที่เรือ สิงห์จะคืนไม้ติ้วให้กับเถ้าแก่ฮงที่ยืนดักอยู่หน้าปากระวางเรือโป๊ะเหล็กขนาดห้าร้อยตัน

วนเวียนอยู่อย่างนี้จะกว่าจะหมดวัน พี่สิงห์ไม่รู้หรอกว่า เจ้าหนุ่มน้อยที่นั่งเฝ้าปิ่นโตอยู่นั้นจับตามองพี่อยู่ทุกฝีก้าว

ไม่คลาดสายตา..

(มีต่อจ่ะ :hao7:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 06-04-2015 03:27:55
จวบจนอาทิตย์อัสดง ได้เวลาเลิกงานกันเสียที กุลีแต่ละคนที่ตรากตรำอาบเหงื่อต่างน้ำกันมาทั้งวันยืนเข้าแถวเรียงรายหน้าโต๊ะทำงานเถ้าแก่ฮงในออฟฟิศเปิดพัดลมเย็นฉ่ำ

การจ่ายค่าจ้างนั้นไม่ได้คิดเป็นรายวัน แต่จะจ่ายตามจำนวนที่แต่ละคนแบกได้ ลูกชายกำนันในสภาพเหงื่อโซมเต็มตัว ผิวที่คล้ำลงเพราะตากแดดจัดทั้งวันจนเป็นสีน้ำตาลเข้มยื่นบัตรหมายเลขหนึ่งให้เถ้าแก่ที่กำลังดีดลูกคิดง่วน

ปกติจ้อยไม่เคยยุ่งกับรายได้ของพี่เลย ยกเว้นวันนี้.. หนุ่มน้อยเข้ามาดูการจ่ายค่าจ้างกับเขาด้วยอีกคน

ชายจีนวัยกลางคนร่างอ้วนนับไม้ติ้วหมายเลขหนึ่งที่สิงห์ยื่นให้หน้าระวางเรือ ก่อนขานเสียงดัง “๘๒ อัน!”

จ้อยขมวดคิ้วครุ่นคิด..

มืออูมอันประดับด้วยแหวนหยกเม็ดโตดีดลูกคิดป๊อกแป๊ก “ไอ้สิงห์ นี่ค่าแรงของลื้อวันนี้”

ธนบัตรยับย่นและสตางค์เหรียญถูกยื่นมาให้ นักเลงตกยากรับมาโดยไม่นับสักนิด ไม่ลืมพนมมือไหว้ขอบคุณ สิงห์เดินมาหาน้อง ยิ้มฟันขาวตัดกับผิวเกรียมไหม้ หลังไหล่ล่ำสันยังเกลื่อนร่องรอยตรากตรำ จูงมือเล็กหมายจะกลับกระท่อมไปพักผ่อนเสียที
แต่จ้อยรั้งพี่เอาไว้ หัวคิ้วยังมุ่นไม่คลายยามแบมือขอเงินจากพี่ไปนับ เล่นเอาสิงห์ยืนบื้อ ร้อยวันพันปีจ้อยไม่เคยอยากรู้เรื่องเงินทองของเขา

มือขาวนับเงินไปมาหน้าตาเคร่งเครียด นับแล้วนับอีกจนแน่ใจ!

“หมายเลขสอง ไอ้ทิดปลั่ง วันนี้ลื้อได้..”

“เดี๋ยวก่อนเถ้าแก่!” เสียงเล็กขัดจังหวะ ทุกคนชะงักกึก มองนักเรียนครูหนุ่มน้อยที่เดินเข้ามากลางวงเป็นตาเดียว ใบหน้าอ่อนใส หากดวงตาแน่วแน่ สิงห์มองน้องอย่างตะลึงไป เพราะสีหน้าจ้อยผิดไปจากที่เคยเป็น

“ผมมาขอลูกสาวเถ้าแก่นับไม้ติ้วเบอร์หนึ่งเมื่อเช้า” จ้อยว่าเสียงเรียบ “มีทั้งหมด ๑๐๐ แท่ง”
มือเล็กคว้ากระบอกไม้ติ้ว “ถ้าวันนี้พี่สิงห์แบกข้าวสารได้ ๘๒ รอบอย่างเถ้าแก่ว่า ไม้ติ้วเบอร์หนึ่งในนี้ต้องเหลือเท่าไรครับ” ไอ้พี่สิงห์พยายามนับเงอะงะ นับนิ้วทั้งสิบไปมา แทบจะงัดนิ้วตีนมานับด้วยรอมร่อ จนจ้อยถอนใจพรืดอย่างอ่อนใจ “๑๘ แท่ง”

นักเรียนครูเทไม้ติ้วออกมานับต่อหน้าทุกคน “แต่นี่นับยังไงก็ได้ ๑๑ แท่ง” ดวงตาวาวใสหันไปคาดคั้นเจ้าของโรงสี “มันหายไปไหน ๗ แท่งครับเถ้าแก่”

ทุกคนมองเถ้าแก่เป็นตาเดียว

“ส่วนมัดนี้ เป็นไม้ติ้วที่พี่สิงห์ส่งให้เถ้าแก่ที่ระวางเรือ เถ้าแก่บอกว่า ๘๒ แท่ง” จ้อยชูมัดที่วางอยู่บนโต๊ะ “รวมกับไม้ติ้วที่เหลือบนโต๊ะเสมียน ๑๑ แท่ง ถึงไม่เท่ากับร้อยแท่งละครับ เถ้าแก่ตอบผมหน่อย ไม้ติ้วหายไปไหน ๗ แท่ง”

“อ่า..” ชายจีนร่างอ้วนอึกอัก เหงื่อตกหัวล้านมันแผล่บ

“ผมนั่งดูพี่สิงห์ทำงานทั้งวัน ผมนับรอบที่พี่เขาแบกกระสอบได้ ๘๙ รอบนะครับ” สิ้นสุดคำเฉลย ไอ้สิงห์ตบโต๊ะเถ้าแก่ดังเปรี้ยง!

“ไอ้ฮง!” เสียงห้าวดังกัมปนาท เล่นเอาคนฉ้อฉลสะดุ้งโหยง

“ยังไม่หมดนะ” จ้อยถอนใจ “เถ้าแก่บอกพี่สิงห์แบกได้ ๘๒ รอบ รอบละ ๒๐ สตางค์ ค่าแรงต้องเป็นเท่าไร”

อีกครั้งที่สิงห์นับเงอะงะ “๑,๖๔๐สตางค์ หรือ ๑๖ บาท ๔๐ สตางค์” หากจ้อยคำนวณรวดเร็วราวกับในหัวบรรจุลูกคิด “แต่ทำไมผมนับได้ ๑๖ บาท ๒๐ สตางค์ล่ะ อีก ๒๐ สตางค์หายไปไหน”

“นี่มันหมายความว่า..” นักเลงหนุ่มเริ่มพอเห็นเค้าลาง

“เขาโกงพี่สองต่อ” จ้อยปิดประตูตีแมว “โกงไม้ติ้วไม่พอ ยังโกงค่าแรงอีก ถ้ายอมรับเงินจำนวนนี้รู้ไหมว่าวันนี้เท่ากับพี่แบกข้าวสารฟรีกี่รอบ”

เกิดความเงียบงันน่าอึดอัดขึ้นในออฟฟิศ แทบได้ยินเสียงหัวใจเถ้าแก่ฮงเต้นรัวไม่เป็นส่ำ เคล้ากับเสียงไฟพิโรธโหมในหัวใจไอ้สิงห์ดังเปรี๊ยะๆ รอเวลาระเบิดอย่างอดทน

“๘ รอบ!” จ้อยเฉลยอย่างสุดกลั้น เท่านั้นก็ระเบิดลงตูม! 

“ไอ้ฮงเดี้ย!” ร่างกำยำโผนเข้าชกปากเถ้าแก่ฮงจนหงายหลังร่วงจากเก้าอี้ คนงานแตกฮือเป็นฝูงผึ้ง วุ่นวายโกลาหล

“ไอ้สิงห์!” เถ้าแก่ตะเกียกตะกายขึ้นยืน มือกุมปากที่แตกเลือดอาบ “ทำไมลื้อทำกะอั๊วะอย่างนี้!”

“ยังน้อยไปน่ะซีไอ้หมูตอน!” สิงห์ร้องออกมาอย่างโกรธเคือง ชี้หน้าอาฆาต “เอ็งไปถามกุลีทั้งโรงสีดูซิว่าคนจัญไรพรรค์นี้มันน่ายิงทิ้งเสียมากกว่าชกไหม นี่ข้าคิดว่าเอ็งเคยมีบุญคุณรับข้าไว้ ไม่งั้นพ่อจะยิงเสียให้ไส้ออกมาลากดิน”

“อย่ายิง! อย่ายิงอั๊วะ!” เถ้าแก่โดดเหย็งไปหลบหลังโต๊ะ

“บอกมาว่าเอ็งโกงคนอื่นเขากี่หนแล้ว!”

“หนเดียว หนเดียวจริงๆ ให้ตายโหงตายห่า ให้เจ้าลากคอ..” แกพนมมือไหว้ปะหลกๆ

“ไม่ต้องสาบาน! เอ็งเอาเงินคืนมาให้ข้า อยู่กะเอ็งไม่ได้เสียแล้ว กินน้ำเห็นปลิง”

เถ้าแก่ฮงรีบดึงลิ้นชัก นับเงินส่งให้งกเงิ่น

“ที่โรงสีคุณนายพูนทรัพย์ให้ค่าแรงกระสอบละสลึง มากกว่าที่นี่ตั้ง ๕ สตางค์” จ้อยประกาศ คนงานที่เหลือฮือฮา บ้างหันไปปรึกษากัน “ถึงแกจะตระหนี่ แต่อย่างน้อยก็ไม่เคยคดโกงใคร”

กับไอ้สิงห์แกยังโกงได้ แล้วกับคนงานคนอื่นเล่าจะเหลืออะไร ไม่พูดพร่ำทำเพลง ฝูงกุลีลุกฮือกรูกันเข้ามาหมายจะรุมสะกรัมคนคด จ้อยรีบห้ามไว้ทันใด บอกให้แจ้งตำรวจดีกว่า พยานวัตถุพยานบุคคลก็มีพร้อมหมด จำเลยดิ้นไม่หลุดแน่

ได้ยินคำว่าตำรวจ นายฮงก็กลัวหัวหด “อย่าๆๆ อั๊วะยอมเลี้ยวๆ อย่าแจ้งปอลิก!”

เถ้าแก่ฮงสิ้นสภาพ  แกพนมมือเหนือหัวอ้อนวอนปะหลกๆ ไอ้ห้ามไม่ให้แจ้งความน่ะห้ามได้ แต่ห้ามไม่ให้คนงานแห่กันลาออกทั้งกระบิเห็นทีคงห้ามไม่ไหวละ รับเงินงวดสุดท้ายแล้ว ทุกคนพร้อมใจตบเท้ากันลาออก หน้าที่ขาวอยู่แล้วของเถ้าแก่ยิ่งซีดเป็นไก่ต้ม นึกถึงหายนะของโรงสีที่ไม่มีกุลีแบกข้าวสารได้ลางๆ

สุดท้ายนายฮงถึงกับขอร้องให้สิงห์อยู่ทำงานต่อ มีสิทธิพิเศษให้มากมายสารพัด กระท่อมริมคลองก็จะให้อยู่ฟรี แถมค่าแรงก็จะเพิ่มให้เป็นสองเท่าด้วยเอ้า!

สิงห์ไม่อยากกลับบ้านอยู่แล้ว เจอข้อเสนอดีๆ แบบนี้จึงปลงใจยอมทำงานต่อให้ แต่มีข้อแม้ว่าเถ้าแก่ฮงต้องห้ามโกงค่าแรงคนงานอีกเด็ดขาด ไม่ใช่เพียงกับเขา แต่หมายรวมถึงกุลีทุกคน

จบสิ้นกระบวนความ สิงห์หันมองน้อง.. มอง ‘ครู’.. มอง ‘พ่อพิมพ์ของชาติ’ เจ้าตัวดียืนรอเขาอยู่หน้าประตู แสงตะวันอร่ามเรืองฉาบเสี้ยวหน้าอ่อนเยาว์ราวทองทา ริมฝีปากเรื่อคลี่ยิ้มให้ ดวงตาเป็นประกายเฉิดฉาน

มีการยักคิ้วให้หนึ่งทีด้วย!

ร้ายนักเจ้าตัวแสบ

นักเลงหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ สายตาที่มองจ้อย  ชื่นชมและเชิดชูดั่งมองเพชรน้ำงามที่ผ่านการเจียระไนจนเป็นประกายล้อแสง  เพชรไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ยังเป็นเพชร  จะจมดินเปื้อนโคลนอย่างไร จะเคยถูกแม่เขาโขกสับ จะเคยถูกเขาเหยียบย่ำเพียงไหน ก็ไม่อาจลดทอนคุณค่า

เป็นยอดเมียแก้วที่ควรค่าแก่การภาคภูมิใจอย่างแท้จริง

   สิงห์ก้มมองตัวเอง  แล้วเขา.. สารรูปแบบนี้ สภาพทุเรศแบบนี้ คู่ควรกับน้องแล้วหรือ?

“ความรู้น้อยก็ถูกคนอื่นเขารังแกแบบนี้” จ้อยเปรยขึ้นบนแคร่หน้ากระท่อม  สองคนเอนหลังมองดูฟ้าประดับดาวด้วยกัน ใต้ผ้าห่มผืนเดียว “อาจไม่ใช่รังแกด้วยกำลัง แต่เขาก็รังแกพี่ด้วยสมอง”

กองไฟที่ก่อไว้เพิ่มความอบอุ่นลุกโชน “ทีนี้จะเรียนหนังสือกับจ้อยได้หรือยัง” จ้อยหันหน้ามาถาม ดวงตาสุกใสสว่างกว่าดาวดวงใด  สาดแสงกระจ่างใจอันเคยมืดบอด

ไอ้สิงห์มีคำตอบแล้ว

ความรู้คู่เปรียบด้วย     กำลัง กายเฮย
สุจริตคือเกราะบัง     ศาสตร์พ้อง
ปัญญาประดุจดัง       อาวุธ!


********************************

ชีวิตนี้เห็นทีเลอมานจะหนีผู้ชายสองคนนี้ไม่พ้น

หนึ่งคืออาจารย์คนึง

สองคือไอ้ลอย!

ทั้งสองต่างมีผลกระทบต่อจิตใจทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอยู่ใกล้คนไหนก็พาลให้อึดอัดใจไปเสียหมด อาจารย์ก็ทำให้ถวิลหาไม่รู้คลาย ที่อยากตัดก็ตัดไม่ขาดเสียที ส่วนไอ้ลอยก็น่ารำคาญไม่มีใครเทียบ

และที่หนักที่สุดคือยามที่ทั้งสองอยู่พร้อมหน้ากัน

อาจารย์คนึงก็ยังคงเป็นอาจารย์คนึง เคร่งขรึม เย็นชา ไม่พูดไม่จากระไร แต่สายตาคู่นั้นคอยสอดส่องเขาแทบไม่คลาด ส่วนไอ้ลอย.. ตรงข้ามกันทุกอย่าง เจ้าหมอนี่ปากว่ามือถึงเป็นที่สุด สายตาซอกแซกคอยแต่จะจ้องจับผิดเขากับอาจารย์ทุกฝีก้าว และที่สำคัญ อาชีพอันธพาลเห็นทีจะว่างงานจัด  มันจึงมีเวลามาตอแยเขาบ่อยกว่าอาจารย์

เช่นวันนั้น.. ยายช้อยกำลังสอนหม่อมราชวงศ์หนุ่มยาเรือแต่เช้าตรู่ แกสอนเรื่องราวเกี่ยวกับเรืออยู่สองกรณี อย่างแรกเกี่ยวกับหลักการจราจรทางน้ำ “หลีกรถหลีกรา หลีกซ้าย หลีกเรือหลีกพาย หลีกขวา” ชาวบ้านใช้เรือเป็นหลักใหญ่ พายเรือในลำคลองต้องหลีกกับเรือที่พายสวนมา ถ้าไม่แอบชิดขวาไว้ไม่ถูกเขาชน ก็ไม่พ้นพายเรือชนเขาตลอดทาง

อย่างที่สอง คือการยาเรือ “ยาเรือยาแพ ยาข้างนอก ยาขันยาจอก ยาข้างใน”

การยาเรือไม่ให้รั่ว ต้องยาชันตามแนวเรือด้านนอก จึงจะปิดแนวเรือได้แน่นสนิท แรงดันของน้ำนอกลำเรือไม่สามารถซึมทะลุเข้ามาในเรือได้ เรือยายช้อยทั้งหมดเป็นฝีมือต่อเรือของสามีผู้ล่วงลับซึ่งบากไม้ตามแนวนอกเรือเป็นร่องเพื่อการยาชัน ในขณะที่แนวเรือข้างใน ไม้จะแนบชิดสนิทกัน

เลอมานใช้แปรงปาดชันเหนียวข้นยาตามแนวเรือเพลินๆ ได้ไม่นาน

“เจ้านกน้อยน่ารักร้องทักว่า ไปไหนมาหนูเล็กเด็กชายหญิง..” มันมาแล้ว ขับขานบทกลอนกวนประสาทขึ้นท่ามาหน้าตาเฉย เลอมานไม่ชอบเลย คำว่า ‘หนูเล็ก’ มันจงใจหมายถึงเขาแน่แท้

คำนี้เขาสงวนไว้ให้อาจารย์เรียกคนเดียว!

ร่างใหญ่โตนั่งลงเคียงข้าง เลอมานเหลือบตามองก็เห็นลูกตาวาววับจ้องเอาจ้องเอา ไม่เคยเห็นคนหรือ!?

“..ทั้งรูปร่างหน้าตาน่ารักจริง ข้ายิ่งดูก็ยิ่งจำเริญตา” มือหยาบถือวิสาสะลูบแก้มเขา คุณชายสะดุ้งเหมือนถูกของร้อน ปัดมือมันออกอย่างรังเกียจ ลุกพรวดพราดเดินหนีไปเตรียมอาบน้ำอาบท่าไปโรงเรียน ปล่อยให้มันอาสายาเรือลำนั้นแทนเขาไป

น่ารำคาญสุดจะทน ใครเขาขอให้มา!

แสงเงินแสงทองจับขอบฟ้าไม่ทันไร ร่างสูงใหญ่ในชุดข้าราชการสีกากีก็พายเรือมาเทียบท่าอีกคน มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าหม้อใบใหญ่ใส่น้ำตั้งเตาจนเดือด เทผสมกับน้ำเย็นเฉียบจนขึ้นไอในตุ่มท้ายกระท่อม

...ให้เขาอาบ...

ทีตอนนี้ละทำเป็นห่วง อาจารย์ไม่รู้หรือว่าท่าทีเย็นชาที่อาจารย์มีต่อเขาก่อนหน้านี้ บาดลึกราวมีดน้ำแข็ง เชือดหัวใจเขาแทบขาดจากขั้ว  เจ็บปวดรุนแรง ทรมานเสียยิ่งกว่าอาบน้ำเย็นในฤดูหนาวเสียอีก

หรือไม่.. อาจารย์คงแค่ทำตามหน้าที่ ถึงจะตัดขาดจากสถานภาพ ‘คนรัก’ แต่ยังเหลือสถานภาพ ‘ผู้ดูแล’ เป็นบ่วงค้ำคอ พอถึงเวลาจึงมาเทียวรับเทียวส่งไม่ขาดเช่นนี้

อาจารย์มาเพราะอ้างรับส่งตามหน้าที่ เช่นนั้นเขาจะหัดพายเรือ ส่วนไอ้ลอย.. มันอ้างมาทวงหนี้ เช่นนั้นเขาจะใช้หนี้แทนจ้อยเสียให้หมดสิ้น!

ถ้าเขาพายเรือไปโรงเรียนเองได้ อาจารย์คงไม่หาข้ออ้างมาวอแววุ่นวายกับชีวิตอีก

   ตกเย็น.. เลอมานไปที่เรือไม้ลำเล็กที่เพิ่งช่วยยายช้อยยาเมื่อเช้า ปลดเชือกล่ามเรือ ปีนขึ้นยืนบนเรือและใช้ไม้ถ่ออย่างที่เคยเห็น เรือหมุนเป็นวง บางครั้งไม้ถ่อติดจมในโคลน แต่สุดท้ายเขาก็พาเรือออกจากฝั่งได้  ออกไปไกลเรื่อยๆ ไกลจนไม้ถ่อไม่ถึงพื้น เลอมานเก็บไม้ถ่อแล้วใช้พายแทน เรือเริ่มหมุนเป็นวงอีก บางทีก็ไปซ้าย บางทีก็ไปขวา ไม่อาจควบคุมทิศทางได้ เขาเริ่มรู้สึกกลัว เรือแล่นไกลจากบ้านยายช้อยมากขึ้นทุกที

   ตอนยายช้อยพายเรือนั้นดูง่ายดาย  ครั้นพอเขาลองทำด้วยตัวเองกลับยากเย็นเข็ญใจ  หน้าหนาวเช่นนี้  ความมืดโรยตัวลงอย่างรวดเร็ว อากาศเย็นยะเยือก  หม่อมราชวงศ์หนุ่มตะโกนเรียกยาย  ขณะเดียวกันก็พยายามใช้ไม้พายจ้วงให้เรือเคลื่อนเข้าฝั่ง  แต่เรือกลับหมุนเป็นวงและห่างออกไปทุกทีๆ  เลอมานเพิ่งสังเกตว่าบัดนี้น้ำในเรือเพิ่มถึงระดับแข้งแล้ว ไม่มีอะไรจะตักน้ำออกจากเรือได้นอกจากใช้มือวิดทีละนิด

น่าแปลก! เรือลำนี้ยาแล้วนี่ ทำไมยังมีรูรั่ว!

   “ยายครับ! ช่วยด้วย!” หนุ่มน้อยตะโกนด้วยความหวาดหวั่น สองมือล้าจากการพายเรือเป็นวงและวิดน้ำจนแทบยกไม่ขึ้น
   น้ำซึมเข้าในเรือมากขึ้นทุกทีๆ เหลือเพียงคืบกว่าก็ถึงกราบเรือ หนุ่มน้อยรู้สึกถึงอันตราย ณ ขีดสุดของความกลัว เขาตะโกนเรียกคนที่เกลียดแสนเกลียด เกลียดเสียจนต้องหนีมาตกระกำลำบากอยู่ที่นี่  เหตุใดจึงเรียกเขาก็ไม่อาจรู้หัวใจตน

   “อาจารย์! ช่วยเล็กด้วย!”

   ที่ท่าน้ำปรากฏร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่าน  จากตรงนี้ เลอมานมองหน้าใครคนนั้นไม่ถนัด บวกกับม่านน้ำตาที่เอ่อขึ้นกลบตา เขามองไม่ออกว่านั่นคืออาจารย์.. หรือไอ้ลอย

   “อาจารย์!” คุณชายตะโกนสุดเสียง “ช่วยเล็กด้วย!”

   ‘ใครคนนั้น’ โจนลงน้ำตูม แหวกว่ายฝ่ากระแสน้ำเข้ามาหา เลอมานเริ่มใจชื้น หากพอเข้ามาใกล้ เริ่มเห็นชัดถนัดตา.. ไม่ใช่อาจารย์..

   ไอ้ลอย!

   “นะ..นายลอย ช่วยฉันด้วย” คุณชายวิงวอน ปัดความเดียดฉันท์และศักดิ์ศรีทิ้งลงกระแสน้ำอย่างสิ้นท่า ในแสงสุดท้ายยามอัสดง เขาเห็นใบหน้าชุ่มน้ำนั้นยิ้มพราย

   มือใหญ่ยึดกราบด้านหนึ่ง ออกแรงกระชากจนเรือโคลง คนบนเรือใจหล่นวูบ เมื่อกี้เรือเกือบคว่ำ อีกนิดเดียวเขาก็ตกน้ำแล้ว

   “นายลอย! ไม่เล่นนะ!”

   มันหาได้ฟังไม่ ดวงตาดำสนิทมองมาอย่างหมายมาด ออกแรงโยกเรืออีกหนจนโคลงเคลงไปทั้งลำ น้ำทะลักเข้าทางกราบเรือ ยิ่งเขากรีดร้องเหมือนมันยิ่งสบอารมณ์  โยกโคลงเรือเหมือนเล่นตุ๊กตา

   กว่าจะรู้ว่ามันเอาจริง!  มือใหญ่คู่นั้นก็กดกราบเรือลงสุดกำลัง  เรือที่เพียบน้ำอยู่แล้วพลิกคว่ำง่ายดายเหมือนพลิกกะลามะพร้าว  เลอมานหล่นตูมลงน้ำเสียงดังสนั่น! 

   เขาพยายามตะเกียกตะกาย  แขนขาล้าแรงตีน้ำตูมตาม จู่ๆ ก็ปวดแปลบกะทันหัน น้ำเย็นจัดทำให้เส้นเลือดหดตัวจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่ทัน ตะคริวจับทันที!

   เลอมานรวบรวมกำลังทะลึ่งตัวขึ้นสูดอากาศเหนือน้ำ กลับถูกมือแข็งแรงกดศีรษะลงไปใต้น้ำอีก

   เด็กหนุ่มสำลัก ในหูที่อื้ออึงไปด้วยเสียงคลื่นน้ำและเสียงแขนขาตัวเองตะเกียกตะกายครืนโครม เขาได้ยินเสียงแหบห้าวอำมหิตกระซิบเลือดเย็น

“ไงไอ้ผู้ดี เข้าใจความรู้สึกคนจะจมน้ำตายหรือยัง”


โปรดติดตามตอนต่อไป
___________________________________________________________________________
*วานลมจูบ, สง่า อารัมภีร คำร้อง, ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ ขับร้อง

มาแล้วค่า หนนี้เค้ามาเร็วมั้ยๆ ไม่ถึงเดือนเลยเค้าอัพแล้วนะ เย้ๆ ถ้าเป็นไปได้เค้าจะพยายามอัพให้ถี่กว่านี้นะคะ ไม่แน่..ต่อไปอาจได้อาทิตย์ละตอนก็ได้ คิๆๆๆ

ครึ่งตอนแรกมีคนฮือฮาเรื่องจินดากันเยอะเลย หนักไปทางสับสนและพลิกล็อคกันน่าดูถล่มทลายนะคะ(ว้าย..เพลงฟ้องอายุ) ดอกไม้ขอยกที่ชี้แจงในเพจ 'จิฮิโร่และดอกไม้' มาแปะไว้ตรงนี้อีกทีละกันเน้อ เผื่อมีใครยังไม่เห็น

**ขออนุญาตชี้แจงกรณี "ลอยxจินดา" ค่ะ**

ใจจริงแล้วดอกไม้ไม่นิยมการอธิบายเนื้อหาในนิยายด้วยวิธีนี้นะคะ ส่วนตัวคิดว่านิยายที่ดีควรเขียนให้คนอ่านเข้าใจด้วยตัวนิยายเอง แต่เนื่องจากคนเขียนรู้ตัวว่าเป็นคนเขียนช้า+ไม่ค่อยมีเวลาเขียน กว่าปมนี้จะคลาย เกรงว่าจะคนอ่านค้างคาใจกันนานค่ะ เลยต้องออกมาแถลงข่าวคู่นี้นี่แล

- เพราะมีเสียงเรียกร้องจากคนอ่านให้เขียนเรื่องที่ไอ้ลอยเป็นพระเอก
- ดอกไม้เลยจะเขียน "ดอกฟ้าในมือโจร" ให้มันเป็นพระเอกสมใจ
- แต่คาแรกเตอร์ไอ้ลอยในมหาหงส์ เลวบริสุทธิ์จริงๆ เลือดเย็น ไร้หัวใจ แล้วถ้ามันเป็นพระเอก มันจะรักใครสักคนได้รึ? ่
- ไหนๆ ในมหาหงส์ ก็จงใจเขียนให้คนอ่านรู้สึกถึง "อะไรบางอย่าง" ระหว่างลอยและจินดาอยู่แล้ว
- จินดาจึงถูกยกมาพูดถึง ต่อเติมนิดหน่อย เพื่อเสริมให้ตัวละครไอ้ลอย มีมิติ มีหัวใจ เจ็บได้ รักเป็นค่ะ
- จินดารักครูคนึงนี่ แล้วทำไมได้กะไอ้ลอย งง? หรือนางควบสอง? อันนี้ไม่บอก แต่อยากให้ตามอ่านนะคะ ทุกอย่างจะเฉลยในดอกฟ้าในมือโจร
- แต่จะค่อยๆ คลายปมนี้ทีละนิดในมหาหงส์
- ทุกการกระทำของทุกตัวละคร มีเหตุผลค่ะ และทุกคำที่ดอกไม้เขียน ก็มีที่มาที่ไป และเชื่อมโยงกันเช่นกัน แต่เพราะเขียนช้าไง กว่าจะเฉลย คนอ่านลืมพอดี T^T
- จินดาไม่ใช่ "ดอกฟ้า" ดังนั้นนายเอก "ดอกฟ้าในมือโจร" ไม่ใช่จินดาค่ะ
- ดอกฟ้าในมือโจรเป็นเหตุการณ์หลังมหาหงส์ประมาณ ๕-๖ ปีค่ะ
- มีเสียงเรียกร้องให้เขียนคู่กัน อัพให้อ่านคู่กัน แต่ไม่สามารถค่ะ เนื้อเรื่องในดอกฟ้าฯ มันสปอยมหาหงส์อ่ะจ้าา

เจอกันใหม่ตอนหน้าเน้อ รักคนอ่านค่า

ดอกไม้
๖ เม.ย. ๒๕๕๘
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 06-04-2015 03:33:55
จิ้มมมม  :z13:  :hao6:

โอ้ยยยส นี่นายลอยมาแก้แค้นเลอมานหรออออ  :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: feelinlove ที่ 06-04-2015 04:28:58
นายลอยนี่เข้าใจยากจัง เดาใจไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ มันชั่วจนไม่น่าเป็นพระเอกได้เลยนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 06-04-2015 05:48:40
โชคดีของสิงห์ที่มีน้องจ้อย  :กอด1:

สงสารแต่หนูเล็ก  :o12:

ครูคนึงกับไอ้ลอยมันน่าหมั่นไส้  :z6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 06-04-2015 06:01:44
เย้มาแล้ววววว     :กอด1:

ชอบเลอมานมากค่ะ น่ารักมากกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: zizits ที่ 06-04-2015 06:44:14
เค้ารอรวมเล่ม อยากได้มั่กกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 06-04-2015 07:01:51
สิงห์มันยอมน้องทุกอย่างจริงๆน่ารักมาก
อาจารย์จะมาช่วยทันมั้ย
รออ่านดอกฟ้าในมือโจรอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 06-04-2015 07:15:07
กำลังจะว่าจินดาอาจจะไม่ตายก็ได้
แต่พออ่านทอล์คคนแต่งแล้วปัดออกไปได้
ส่วนตัวกำลังมโนว่า

จินดากับลอยอาจจะชอบกันได้กันมานาน
ตั้งแต่ยังรุ่นๆอยู่ ส่วนอ.คณึงก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าลอย
อ.คณึงรักจินดามานาน อดใจรอจนจินดาเรียนจบมาใช้ชีวิตด้วยกัน
ถ้าหากว่าจินดาที่เป็นครูมาคบค้ากับลอยที่เป็นนักเลง
เกรงว่าจะไม่มีอนาคตเพราะคำครหาของชาวบ้านยิ่งสมัยก่อนด้วย
จินดาจึงต้องตัดใจจากลอยมาหาอ.คณึง
คนเราก็มีนะที่จะรักคนสองคนพร้อมๆกัน
โดยเฉพาะอีกฝ่ายที่ดีกับตนมานาน

เมื่อก่อนลอยก็เป็นคนมาเก็บดอกเบี้ยไม่อยากคิดว่าจินดาจะจ่ายแบบ au naturel.
แต่ก็เป็นไปได้ โดยเฉพาะไม่ได้มีปัญหาเรื่องการผลัดผ่อนดอกเบี้ย คนเก็บยอมให้ตลอด

จินดารักไม่ได้รักลอยแต่รักอ.คณึง
กลับกันจินดารักลอยไมไ่ด้รักอ.คณึงแต่แ.คณึงเป็นทางเลือกดีกว่า

จบการมโนแต่เพียงเท่านี้ ไปรอลุ้นตอนต่อไปดีกว่า
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ

ป.ล  จินดานี่เป็นเวรเป็นกรรมให้กับคุณเล็กพอๆกับที่คุณเล็กเป็นเวะเป็นดรรมให้กับจินดาเลยทีเดียว
       แถมมีเจ้ากรรมนายเวรอีก 2 ท่าน มาตามกับคุณเล็กแทนจินดา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 06-04-2015 07:40:34
ยังหาเวลาอ่านทั้งเรื่องไม่ได้ ข้ามมาอ่านสามบทท้าย กรี๊ดดดด ขอกอดคุณดอกไม้สักทีได้ไหมคะ!

ชื่นชมคุณดอกไม้มากเลยค่ะ ภาษาสวยละมุมละไมมาก กระชับได้ใจความแต่อ่านแล้วอิน เห็นภาพตาม และเข้าใจตัวละคร เหมือนได้อยู่ในยุคนั้นจริงๆ

ทุกคนมีที่มาที่ไปเสมือนมีชีวิตจริง คุณทำได้อย่างไร !  อีกทั้งภาษาที่อ่านแล้วมีความสุขจั๊กจี้หัวใจ

ทึ่งและชื่นชมคุณดอกไม้ค่ะ

 เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 06-04-2015 08:58:18
เฮ้ออ ไอ้สิงห์นี่มันหลงเมียเกินต้านทานจริงๆ คู่นี้ก็แฮปปี้กันไป
ส่วนหนูเล็กก็นะ สู้ๆละกัน อย่าใจอ่อนกับอาจารย์คนึงมันมาก ....เอาเข้าจริงคงใจอ่อนอ่ะ เห่อๆ แมนๆคุยกันหน่อยหนูเล็ก ! ห้าๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: sataav ที่ 06-04-2015 10:47:08
โอ๊ย สงสารหนูเล็กมาก
คุณชายแกไม่ได้ผิดเลยนะ !
บอกเลย หงุดหงิดทุกครั้งที่มีคนมาโทษว่าหนูเล็กทำให้จินดาตาย

โธ่ หนูเล็กของบ่าว หนีกลับอังกฤษเถอะ เบื่อให้พวกใจร้ายแล้ว :hao5:

รีบมาอัพต่อนะคะ ค้าง
รออ่านทุกวันเลยค่ะ บอกเลย ฮี่ ฮี่ ฮี่

ป.ล. เบื่อคู่ใหม่ปลามันซะเหลือเกิน แหม่ สวีทวี๊ดวิ๊วว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: lalitalx ที่ 06-04-2015 11:10:08
นายลอยทำเพื่อนแก้แค้นให้จินดารึเปล่า ? ไอคำว่าความรู้สึกของคนจะจมน้ำอะ
อยากอ่านดอกฟ้าเร็วๆแล้วววว  :hao6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: หมีจำศีล ที่ 06-04-2015 12:30:09
เย้ๆ อัพแล้ว ฮือออออ ดีใจ :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 06-04-2015 13:30:47
ขอบคุณค่า
แล้วก็จะติดตามดอกฟ้าในมือโจรด้วยย
ให้ดอกฟ้าเป็นคุณชายได้ไหม เกลียดอาจารย์แล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: nonnn ที่ 06-04-2015 14:06:26
+เป็ดให้ทุกตอนเหมือนเดิมค่ะ
รักนักเขียนมาก ดีใจสุดๆที่มาต่อครึ่งหลังแล้ว
จากครึ่งแรกที่อ่านๆไปก็มีความสงสัยในความสัมพันธ์ของจินดากับลอยพอสมควร
คือสองคนนี้เคยมีอะไรกันทั้งๆที่ตอนนั้นจินดาคบกับคนึง??
แต่พอมาอ่านคำแถลงการณ์ของนักเขียนแล้วเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น
อยากให้นักเขียนมาต่อทุกวันเลย ฮาาาาา


ตอนนี้ที่สัมผัสได้ชัดเจนกระแทกลูกตาขั้นสุดยอดก็คือคู่จ้อยกับสิงห์นี่แหละ
หวานจนมดทั่วโลกเดินเท้ามาขึ้นหน้าจอกันแล้วจ้า
เหมือนจะสลับกันหวานระหว่างคู่คนึง♥หนูเล็กนะ
ก่อนหน้าอาจารย์กับหนูเล็กนี่หวานกันมาก คู่จ้อยกับสิงห์ก็ระทมทุกข์ดราม่ากันไปสิ
แต่พอตอนนี้บทจะหวานก็หวานกันจริงๆ ครั้งนี้สิงห์คงต้องยอมเรียนหนังสือกับจ้อยจริงๆแล้ว
ฉลาดขึ้นมาบ้างก็ดีเหมือนกันนะ เอาใจช่วยให้สิงห์ใช้สมองมากกว่ากำลัง55555


ส่วนอาจารย์คนึง...บางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าที่มาดีกับเล็กตอนหลังนี่คือมาง้อ?
รู้ว่าตัวเองทำผิดกับเล็กแล้วอยากคืนดีด้วยแบบนี้ใช่เปล่า
เหมือนอาจารย์ก็คงอยากใกล้เล็ก อยากดูแลเล็กเหมือนเก่า
แต่มันติดเหตุผลที่ว่าชนชั้นมันต่างกันแล้วก็คำพูดของคุณย่าด้วยใช่ไหม
เรื่องนี้พูดแล้วก็เหนื่อยใจแทน เพราะดูเหมือนว่าคุณย่าเองก็ไม่ใช่คนจะยอมรับเรื่องนี้ง่ายๆ
ยิ่งความรักระหว่างเพศเดียวกันด้วย ถ้าถึงวันที่คุณย่ารู้ความจริงจะไม่แย่หนักกว่าเดิมหรอ
อีกเรื่องคือลอย...รายนี้เป็นมารผจญของคนอื่นตลอด มาทีไรซวยได้ทุกที
ตอนแรกแอบคิดว่าลอยอาจจะสนใจเล็กจริงๆก็ได้ถึงมาหาได้แทบทุกวัน
ไหนจะอาศัยจังหวะคอยลวนลามเล็กตลอดอีก จะไม่คิดเลยก็แปลก

แต่พอมาอ่านตอนท้ายของครึ่งหลังแล้วเริ่มไม่แน่ใจจุดประสงค์ของลอย
เหมือนการที่ลอยเข้ามาใกล้เล็กเพื่อต้องการเอาคืนให้จินดาหรือเปล่า?
ไม่งั้นจะผลักเรือให้ล่มจนเล็กจมน้ำไปทำไม ยังมีหน้ามาถามอีกว่าเข้าใจอารมณ์ของคนจมน้ำแล้วหรือยัง
คิดว่ายังไงจุดประสงค์หลักของลอยต้องมีจินดามาเกี่ยวด้วยแน่นอน

แล้วเรื่องของเรื่องคืดเล็กก็ยังไม่รู้ลึกตื้นหนาบางกับความสัมพันธ์ของ ลอย จินดา กับคนึงอีก
ถ้าต้องมารู้เรื่องเพิ่มต่อจากนี้จะไม่แย่กว่าเดิมหรือเกิดราม่าขึ้นอีกหรอ คือตอนนี้กลัวมาก
แต่ที่กลัวหนักสุดคือกลัวเล็กจะเป็นอะไรไปก่อนนี่แหละ อาจารย์รีบๆมาช่วยเล็กเหอะ
ดูท่าไอ้ลอยแล้วมันน่าจะเอาจริง เหมือนคิดวางแผนนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
ก็ไอ้ที่เรือมันรั่วได้ก็คงเป็นเพราะฝีมือไอ้ลอยมันนี่แหละ .... :ling1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 06-04-2015 14:19:42
จ้อย o13 o13 o13 เลอมานจะเป็นไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 06-04-2015 14:35:00
คุณชายของบ่าว   :o12: :o12:

จ้อยกับสิงห์  :o8: :o8:

ส่วนคุณดอกไม้    :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-04-2015 16:33:31
อ้าวไอ้ลอย มาแก้แค้นให้จินดางั้นหรือ คุณชายยังไม่พ้นเคราะห์กรรมเสียที
ส่วนคู่สิงห์จ้อย ได้ดีเพราะเมียว่างั้น
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วเจ้าจอม ที่ 06-04-2015 18:02:54
รอตอนต่อไป มันค้างคาใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 06-04-2015 18:42:58
พี่สิงห์น้องจ้อยก็หวานกันไป...
ส่วนหนูเล็ก เคราะห์ซ้ำกรรมซัด  :sad4:
ว่าแล้วเชียวไอ้ลอยมันแค้น
อาจารย์มาช่วยทีเร้ววว
ปล.ถ้าเรื่องนี้อัพถี่ขึ้นจริงๆ จะดีใจมากกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 06-04-2015 18:57:29
คนเขียนยังเป็นนัมเบอร์วันแห่งการแกล้งนายเอกเหมือนเดิม  :laugh:

คือ คุณชายเล็กไม่เกี่ยวอะไรเลยกับการตายของจินดา การที่คุณชายจะมาไม่มา ถ้าคนมันจะต้องตายก็ต้องตาย ใช่ว่าคุณชายไปจับจินดากดน้ำเมื่อไร  คุณเล็กไม่ผิดเลยที่เกิดมารวย สูงส่ง เพราะคุณชายเล็กเลือกเกิดไม่ได้

คุณชายเล็กอย่างน้อยก็พยายามแล้วที่จะเป็นคนรักที่ดี เป็นเพื่อนร่วมชุมชนที่ดี แต่ก็โดนคนรักโง่เง่า ไม่ยอมสู้เคียงข้าง ชาวบ้านโง่เง่า ใจบอดเกินจะเห็นมิตรภาพจากใจไร้พรมแดนของสถานะที่คุณชายยื่นให้ ตัวร้ายที่โง่งมกับอดีตและไม่มีสมองแยกแยะ เราอัดอั้นมากกก 555 บอกเลยอินสุดๆ (ถือว่าเป็นคำชมนะคะ เขียนดีจริงๆ) อยากให้คุณชายเลิกอ่อนแอ และสู้คนสักที ในเมื่อเหยียดและกีดกันฉันดีนัก เหยียบพวกมันให้จม teen อย่าให้เผยอมาเทียบเท่าเราเลยค่ะ อยากทอดทิ้งเราทั้งๆที่เราพยายามจะรวมตัวด้วยแล้วดีนัก  ถถถถ  แล้วตอบแทนคนที่ดีกับเราให้สมควรแล้วจากมาเถอะ  จากมาเลย พูดแล้วมันเขี้ยว หรือไม่ก็จมน้ำตายไปอีกคนก็ดีนะ คราวนี้อาจารย์คนึงได้ตายทั้งเป็นไปตลอดชีวิตแน่ สมน้ำหน้า แต่ไม่ดี เพราะยังไม่ได้เอาคืนพวกชาวบ้านและเพื่อนร่วมงานโง่ๆ 5555 บอกแล้วอิน ขออภัยค่ะถ้าเลยเถิด ขอเม้นจบแค่นี้แหละ หวังว่าเม้นนี้คงไม่ทำใครขัดเคืองนะคะ   
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 06-04-2015 20:37:57
อ่านทีไรก็สนุก สำนวนเพราะจับใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: leefever ที่ 06-04-2015 21:01:46
ความจริงก้น่าสงสารนะที่จินดาตาย แต่มันก้ไม่ใช่ความผิดเลอมานทั้งหมดหรอก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 06-04-2015 22:19:20
น่ากลัวจัง คุณชายจะเป็นยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: แค่ความทรงจำ ที่ 06-04-2015 22:25:59
 :a5:  :serius2:

อะไร? ยังไง? คือ?  “ไงไอ้ผู้ดี เข้าใจความรู้สึกคนจะจมน้ำตายหรือยัง”

สงสารหนูเล็กจริงๆ เลย อาจารย์มาช่วยเร็วๆ

คู่พ่อสิงห์กะน้องจ้อยจะน่ารักไปไหนเนี้ย  :o8: คนละอารมณ์กับอีกคู่เลย

รอๆ อ่าน ดอกฟ้าในมือโจร จ้าาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 06-04-2015 23:13:03
อาทิตย์ละตอนจริงหรือเปล่าา :hao7:
ไอ้ลอยจะแก้แค้นให้จินดาหรอ อย่าทำอะไรเล็กนะะ :ling1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Erh ที่ 07-04-2015 00:25:22
น้องจ้อยคือเริ่ดเวอร์ พี่สิงห์รักหลงบูชาหัวปักหัวปำแน่
ว่าแต่ไอ้ลอยนี่จะแก้แค้นแทนจินดาเรอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Nae_Nae ที่ 07-04-2015 02:05:58
สงสารไอ้ลอยยย รักจินดามาก  เกลียดหนูเล็กที่ทำให้จินดาตาย? T^T
ปล. ถ้ามาอาทิตย์ละครั้งนะ เค้าสัญญาจะตั้งใจอ่านหนังสือเรียนให้เท่าอ่านนิยาย 5555555
ปล.ของ ปล.ยังไงก็ได้ จบแฮปปี้เป็นพอ นะคะ แค่อ่านแ่ช่วงดราม่าเค้ายังร้องไห้ไม่ไหวเลยอ่ะ คุณดอกไม้สงสารเค้านะ T^T
รักและรออออ ทั้งตอนต่อและเรื่องใหม่ 55555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 07-04-2015 22:07:33
โอ๊ย สปอยด์ ดอกฟ้าในมือโจร ไว้ได้อย่างกรีดร้องมากค่ะ!
แถมทิ้งท้ายไว้ให้ลุ้นจนฉี่แทบเล็ดอีก คู่น้องจ้อยหมดห่วงแล้วเหลือแต่เลอมาน
หวังว่าครูคนึงจะไปช่วยทันนะคะ เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 08-04-2015 11:06:50
ฟินนนนนนนนนนนนนนนน คู่พี่สิงห์&จ้อย เป็นที่สุดดดดด รักกันๆ
ส่วนอีกคู่นึง ไอ้ลอยจะทำอะไร หนูเล็ก ลึกๆแล้วสมน้ำหน้าอาจารย์คนึง สม!!!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 08-04-2015 13:39:31
โถ่ หนูเล็ก... หนีเสือปะจระเข้ แท้ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: tantaku ที่ 08-04-2015 18:22:18
 :katai4: :katai4: :katai4:
จินดาาาาาาาาา
โอ้ยตามอ่านรวดสองวัน เหนื่อยโฮกกกกก คืออวยจินดาไงงง ทำไม อ.คนึง รักใครได้เร็วไปไหม ทำไมถึงลืมวันครบร้อยวันจินดา เเล้วไว้อาลัยหนึ่งปีอีกล่ะ เเม่งๆๆๆๆๆๆๆ //โอ้ยอิน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 10-04-2015 13:49:01
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: disney ที่ 11-04-2015 00:28:47
ห่ะ เลวอย่างไอ้ลอยได้เป็นพระเอก

นิสัยเกินรับได้นะคร้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Noockie ที่ 11-04-2015 17:53:50
 o13 สนุกมากค่ะ ติดตามต่อไป
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 14-04-2015 19:29:31
ขอบคุณวันหยุดสงกรานต์ที่ทำให้พบกับนิยายคุณภาพเรื่องนี้

สนุกมากค่ะ! ชอบ ติดแล้วด้วยอ่ะ ยามหวานก็หวานจนน้ำตาลอาย

ยามดราม่าก็ดราม่าจนน้ำตาเปียกหมอน (อันที่จริงไม่ค่อยถนัดแนวนี้

เพราะจะอินมาก...สลัดอารมณ์ไม่ค่อยหลุดถ้าเจอช่วงหม่นใจจะหม่นไปทั้งวัน

อิชั้นนี่ยืนปรบมือดังๆ ให้คนเขียนเลยค่ะ เขียนได้ดีมากจริงๆ

เอ็นดูหนูเล็กกับหนูจ้อย รักพี่สิงห์กับอาจารย์คนึง

ถึงแม้หลังๆ มานี้อาจารย์จะทำร้ายจิตใจหนูเล็กของอินชั้นมาก

มากจนเกินจะรับแต่เหตุผลที่ว่าทำไปทั้งหมดเพราะรัก...รักมาก

ก็พอจะลุ้นให้หนูเล็กรีบๆ รู้ความจริงไวๆ ลุ้นให้คู่นี้ได้ไปต่อ

อาจารย์คนึงจ๋า... อันของสูงแม้ปองต้องจิต ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ครองหรือจ๊ะอาจารย์

สิ่งที่คนรอบตัวมี่หนูเล็กรักต่างอ้างว่าทำไปเพื่อหนูเล็ก แต่ดูหนูเล็กตอนนี้สิ

ความสุขแม้สักนิดก็ไม่ปรากฏในรอยตา แถมยังต้องมาถูกคนใจบาปหยาบช้ารังแกเอาอีก

พูดแล้วน้ำตาจะไหล....ㅠ____ㅠ

ทางฝั่งหนูจ้อยก็กำลังไปได้ดี กว่าจะดีก็รีดน้ำตาอิชั้น.ไปหลายหยด

รอวันที่พ่อกำนันกับคุณนายพูนทรัพย์จะเข้าใจ...สู้ๆ นะทุกคน รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: vanila ที่ 16-04-2015 00:28:59
อาจารรรรรรรรรรรรรรรรรย์ ช่วยหนูเล็กด้วยยยยยยยย หนูเล็กแย่แล้ววววววววว
จุดประสงค์ที่ไอ้ลอยทำทีเป็นสนใจหนูเล็กก้เพื่อทำแบบนี้เรอะ
นี่เป็นการแก้แค้นให้จินดารึป่าว นึกภาพไม่ออกเลยว่าไอ้ลอยจะมีความรักอีกครั้งในดอกฟ้าในมือโจร
แอบเงิบนิดนึงค่ะที่ิคิดว่าจินดาคู่กะไอลอย โมเมสุดริด ฮ่าาาา นึกว่าเป้นเหตุการณ์ก่อนมหาหงส์
แล้วใครจะเป้นดอกฟ้าผู้ที่จะโชคดีหรือโชคร้ายคนนั้นกัน
หวังว่าตอนนั้นไอ้ลอยคงจะมีหัวใจกับเค้าชึ้นมาบ้างนะ เพราะมันตอนนี้ไรหัวใจเหลือเกิน

ตอนนี้ยาวจริงค่ะแต่ว่าค้างมากกกกกก คอยตอนหน้าอยู่น้าค้าาาาารีบมาน้า ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Koduck ที่ 05-05-2015 13:04:12
ครบ1เดือนแล้วครับ มารอๆๆๆๆๆๆ :z3: :sad4: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 07-05-2015 11:28:34
 :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Wannida ที่ 07-05-2015 12:34:10
มาแล้ว ว อยากให้มาอัพถี่ๆ เป็นเรื่องแรกที่อ่านในเล้าแล้วชอบมาก
 เรื่องแรกเลยที่เข้ามาอ่านแล้วอยากสมัครสมาชิกเพื่อที่จะให้
กำลังใจคนแต่ง เรื่องมันค้างคามาก อาจารย์น่าจะไม่มาแต่ลอยแหละจะช่วยตอนวินาทีสุดท้าย
ลอยไม่เลวขนาดนั้นหรอก(?)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๒ : วานลมจูบ (ครึ่งหลังฮะ^^) [๖ เม.ย. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: sataav ที่ 10-05-2015 12:01:38
คิดถึงคุณดอกไม้จังเลยน้าา
อยากอ่านมหาหงส์มากด้วยน้าา

เอ๋ จะมาอัพเมื่อไหร่น้อออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 10-05-2015 13:45:20
(http://img17.imagefra.me/i85a/wattanan/0_962_ucmz8.gif)

บทที่ ๓๓

ตัดไม่ขาด

   
จะตัดอื่นหมื่นแสนถึงเหนียวแน่นคงมั่น
ยังฟาดฟันให้ขาดได้
แต่ตัดสวาทให้ขาดจากใจ สุดตัดทอนถอนไป
แม้เพียรเพียงใดไม่ขาดบรรเทา

จะตัดใจห้ามรัก เหลือจะหักใจห้าม
รักยิ่งตามมาเหมือนเงา*


   
เลอมานรวบรวมกำลังทะลึ่งตัวขึ้นสูดอากาศเหนือน้ำ กลับถูกมือแข็งแรงกดศีรษะลงไปใต้น้ำอีก
   
เด็กหนุ่มสำลัก ในหูที่อื้ออึงไปด้วยเสียงคลื่นน้ำและเสียงแขนขาตัวเองตะเกียกตะกายครืนโครม เขาได้ยินเสียงแหบห้าวอำมหิตกระซิบเลือดเย็น

“ไงไอ้ผู้ดี เข้าใจความรู้สึกคนจะจมน้ำตายหรือยัง”

เนิ่นนาน.. กับความทรมานที่ไหลบ่ามากับกระแสน้ำที่หนุนเนื่องเข้าคอและจมูก ความดันใต้น้ำบีบรัดจนหน้าอกเหมือนถูกหินหนักๆ มากดทับไว้ เนิ่นนาน.. ฝ่ามือข้างนั้นคลายออก เลอมานรีบผุดขึ้นเหนือน้ำโกยอากาศเข้าปอดทั้งสำลักจนหูตาแดงก่ำ  เรือน้อยลอยหายไปไกลแล้ว สิ่งใกล้มือที่เขาพอจะไขว่คว้าไว้ได้ก็คือ.. มัน!

ไอ้ลอยมองมานิ่งงัน มุมปากกระตุกยิ้ม แต่ดวงตาไม่ไหวติง

“เล็ก!!”

ในหูตาที่อื้อพร่าไปด้วยความหวาดกลัวล้นหัวใจ เลอมานได้ยินเสียงห้าวๆ ตะโกนเรียกชื่อเขาก้องคุ้งน้ำ ตามมาด้วยเสียงคลื่นน้ำแตกกระสานซานเซ็น กว่าจะรู้ตัวอีกที มือแข็งแรงก็คว้าเอวเขาเข้าไปแนบกับแผงอกอุ่นแน่น สายน้ำยามโพล้เพล้เย็นเยียบ แต่กระแสไออุ่นจากเลือดเนื้อที่ถ่ายทอดมาค่อยคลายความหวาดกลัวที่กร่อนใจลงทีละนิด

หัวใจคนเรานี่ก็แปลก กับคนหนึ่ง.. หวาดกลัวชิงชังราวกับเห็นปีศาจนรก หากกับอีกคนหนึ่ง.. แค่เรียกชื่อ  ก็แทบพลีหัวใจลงวางแทบเท้าเขา  จะเหยียบย่ำหรือเอาไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็ยอม  เช่นตอนนี้  หม่อมราชวงศ์หนุ่มเกาะอาจารย์ไว้แน่นเหมือนลูกค่างตกน้ำ เขื่อนน้ำตาทลายพลั่กๆ อย่างไม่อาย ร้องโฮเหมือนเด็กขวัญหนี

เขาไม่เคยเปิดเผยหมดจิตหมดใจแบบนี้กับใคร ยกเว้นอาจารย์.. แค่อาจารย์คนเดียว

เสียงทุ้มห้าวกระซิบที่ข้างหูเบาๆ คำที่เลอมานไม่ได้ยินจากปากอาจารย์มาแสนนานแล้ว “ขวัญเอ๋ยขวัญมา..”

ไอ้ตัวการยังลอยคออยู่กลางน้ำ มันยิ้มเผล่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “แค่ล้อเล่นน่ะ”

คนึงกัดฟันกรอดจนข้างแก้มขึ้นเป็นสัน  กระชับร่างในอ้อมแขนแน่นเข้าดั่งคำสัญญากว่าเลอมานจะปลอดภัยตราบใดที่เขายังอยู่ตรงนี้ โชคดีที่มาทันเห็นไอ้นักเลงชั้นต่ำกำลังกดหัวเลอมานลงใต้น้ำ  วินาทีนั้นยอมรับว่าหัวใจราวกับถูกปลิดออกจากขั้ว

อาจารย์หนุ่มแหวกว่ายสายน้ำเข้าไปหาไอ้คนที่ยังลอยหน้าลอยตา ซัดกำปั้นลงคางมันจนหน้าสะบัดกลางน้ำ

“อย่ามาแตะต้องคุณชายอีก!” เขาชี้หน้าอาฆาต ก่อนพาศิษย์รักขึ้นฝั่งไปไม่เหลียวหลัง  ร้องเรียกผ้าผวยจากยายช้อยลั่น ประคองร่างที่สั่นสะท้านเป็นลูกนกลงนั่งกับตีนท่า เลอมานเปียกทั่วทั้งหัวหูหน้าตาแดงก่ำ มือใหญ่ถอดเสื้อโปโลเนื้อดีออกทางหัว คุณชายยิ่งกอดตัวเองแน่นเข้าด้วยความหนาว คนึงรีบคว้าผ้าผวยจากยายที่ยังหน้าตาตื่นไม่หายคลุมลงไหล่เล็ก ออกแรงเช็ดเนื้อตัวเปียกปอนให้อย่างจะเรียกความอบอุ่น

ยังมีเรื่องต้องสอบสวนกันอีกเยอะ!

กลางคลองสีน้ำตาลใส  ไอ้ลอยมองตามทั้งคู่ไปด้วยแววตามาดร้าย มือใหญ่ลูบปลายคางที่เจ็บราวกับจะบิดไปข้างหนึ่ง ถ่มรสคาวเค็มในปากทิ้งลงน้ำอย่างกักขฬะ

ครูศิษย์กันประสาอะไร  ดูสายตาที่ไอ้คนึงมองมันสิเล่า  ราวกับจะฆ่าให้แตกป่นไปเสียกลางน้ำ มาดร้ายราวจงอางหวงไข่  ครูศิษย์ที่ไหนจะประคบประหงม ถนอมกันแบบนี้  ถ้าไม่มียายช้อยยืนเป็นก้างขวางคออยู่ตรงนั้นสักคน  เผลอๆ พ่อคงเล่นหนังสดให้ปลาดูที่ตีนท่า!

“ไงละมึง คนดีของมึง คนที่มึงรักนักรักหนา” มันกัดฟันกรอด ดวงตาแดงก่ำวาวโรจน์  เปรยกับลมกับฟ้า “ยังไม่ทันข้ามปี มันมีคนใหม่แล้ว มึงเห็นไหม!” ท่อนแขนกำยำฟาดลงน้ำคลุ้มคลั่ง  ราวจะฝากความแค้นไปกับสายน้ำให้ใครคนหนึ่งรับรู้

สายน้ำไหลล่องเอื่อย.. สายน้ำที่ไม่หวนคืน..

[ เรือน้อยลอยลำเข้าหากอบัวช้าๆ มือเล็กค่อยจับก้านดอกดึงเบาๆ ดอกบัวสีขาวมีสายยาวเป็นวาหลุดออกมา สายบัวส่วนที่อยู่ลึกสีเกือบขาวเพราะความอ่อน จินดาขดสายบัวเป็นวงเพื่อสะดวกในการเก็บอย่างคล่องแคล่ว

นักเลงหนุ่มที่นิ่งรออยู่ใต้กอบัวทะลึ่งตัวโผล่พรวดขึ้นพ้นน้ำ คนบนเรือตกใจจนเรือโคลง เรียกเสียงหัวเราะจากคนขี้แกล้งกึกก้องคุ้งน้ำ

หากอีกฝ่ายดูจะไม่สนุกด้วย ใบหน้าอ่อนเยาว์เรียบตึงเย็นชาเหมือนรูปปั้น

“ทำอะไร” ไอ้ลอยถามกรุ้มกริ่ม

ไม่มีคำตอบ เหมือนพูดกับคนหูหนวก มือขาวเปื้อนคราบโคลนจ้วงพายหนี

“เดี๋ยว..” ร่างกำยำว่ายน้ำตามติด เท้าศอกลงกราบเรือ รอยสักเสือเผ่นประทับหราบนแผ่นอกล่ำสัน ยื่นตายื่นตากระซิบกระซาบ
“ผัวถามก็ตอบให้ชื่นใจหน่อยซี่”

จินดาหันขวับ อ้อ.. ไม่ใช่รูปปั้นนี่ และไม่ได้หูหนวกด้วย ตาสวยๆ ถลึงใส่ ถอดความหมายได้เป็นคำด่าที่หยาบเอาการ แต่เขาไม่ถือสา

“ทำงานงกๆ เลี้ยงน้องเลี้ยงยาย ไม่มีน้องสักคนมึงคงสบายกว่านี้”

แน้.. ไม่พูดไม่จา  ไม่ใช่รูปปั้น ไม่ได้หูหนวก  แต่คงเป็นใบ้กระมังหวา

“ไม่ไปโรงเรียนหรือ หนีเรียนแบบนี้เดี๋ยวก็โดนครูตีอีกหรอก” ไอ้ลอยไม่ลดละ “อ้อ เดี๋ยวนี้คงตีเมียไม่ลงแล้วมั้ง”

ไม้พายฟาดเปรี้ยงลง ดีนะที่หลบทัน หาไม่คงหลังเดาะ

“เขาให้เกียรติกู เขาจะรอกูเรียนจบ” ดอกพิกุลร่วงจากปากได้เสียที “เขาเป็นคนดี ไม่เหมือนมึง! ไอ้สัตว์นรก!”

พ่นมาคำแรกก็เจ็บแสบดีแท้  ชักไม่แน่ใจแล้วว่าที่ร่วงมามันพิกุลหรือตำแยกันแน่  แสบๆ คันๆ พิลึก แต่แบบนี้แหละ.. ไอ้ลอยชอบนัก

นี่แหละจินดา  เห็นเงียบๆ ซ่อนความแข็งกร้าวไม่ยอมใครมาแต่เล็กแต่น้อย เหมือนใบข้าวเขียวๆ เห็นปลิวสะบัดตามลมอ่อนช้อย ลองลูบดูสิ ได้เลือดติดปลายนิ้วไม่รู้ตัว ถึงจะยากจนแต่มันก็รักศักดิ์ศรี รักเกียรติ วันๆ ดีแต่ทำหน้าบึ้งตึงเย็นชา ภาระหนักที่แบกไว้บนสองบ่าทำให้มันเป็นผู้ใหญ่เกินตัวมาแต่เล็ก

มันไม่เคยยอมอ่อนให้ใคร  จนมาเจอไอ้ครูคนึงนั่น!

จินดาเอ๋ย.. ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายคือมึง กูจะโพนทะนาให้ทั่ว เอาให้มันอยู่สอนที่นี่ไม่ได้! แต่เพราะกูไม่อยากทำให้มึงเดือดร้อน!

“กูมาเก็บดอกให้ป้าทรัพย์” ลอยเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ จินดาบอกสั้นๆ ว่าเดี๋ยวไปเอาให้ ก่อนพายกลับเข้าฝั่ง นักเลงหนุ่มว่ายน้ำตามติด

ร่างเล็กบางหายเข้าไปในกระท่อม เบือนหน้าหนีร่างกำยำเปียกปอนที่ก้าวขึ้นท่าตามมา ทั่วบริเวณเงียบสงบ ยายช้อยคงไม่อยู่ มันถือวิสาสะตามไปเงียบเชียบ

ตามไปถึงในห้องนอน!

คนที่ก้มๆ เงยๆ หยิบเงินจากในตู้ตกใจจนตัวโยนเมื่อหันมาเห็นร่างสูงใหญ่ยืนพิงกรอบประตู

“เข้ามาทำไม!” จินดาตวาดเสียงกร้าว หากสองขากลับถอดกรูด

ไม่พูดพร่ำทำเพลง คนตัวโตย่างสามขุมเข้าหา รวบตัวคนปากเก่งเข้ามาในอ้อมกอด ระดมจูบซุกไซ้ย่ามใจ มิไยที่เสียงเล็กจะก่นด่าลั่นกระท่อม รัวกำปั้นทุบทั่วหลังไหล่ เรี่ยวแรงที่มากกว่ากดร่างบอบบางลงผืนเสื่อง่ายดาย หักหาญตักตวงเอาเช่นที่เคยได้

หวังให้มาถมในอกอันกลวงเปล่า อนิจจา.. ถมเท่าไรไม่เคยเต็ม

ฝ่ามือเล็กตบฉาดเข้าให้จนหน้าหัน อีกมือสอดเข้าใต้หมอน กระซิบเหี้ยมเกรียมผิดดวงหน้าละมุนงามจับตา

“ลืมแล้วใช่ไหมว่ากูซ่อนอะไรไว้ใต้นี้” ]

**********************************

ค่ำมืดแล้ว บ้านนาทะมึนเห็นวอมแวมอยู่ก็แต่ตามชานบ้านที่ผู้คนยังมิเสร็จงานที่ล่ามาแต่เย็น ทั้งทำปลาและผ่าหมากตามประสาชาวบ้านนอก แหงนมองฟ้าก็เห็นดาวพรายพราวราวอัญมณีแต้มบนผืนกำมะหยี่

แม่เฒ่าช้อยเข้านอนนานแล้ว หากแสงตะเกียงนวลยังส่องมะลังมะเลืองจากแคร่ไม้รวกหน้ากระท่อม สองครูศิษย์ยังมิอาจข่มตาหลับ กองไฟที่ก่อไว้ให้ความอบอุ่นคุโชน

“อธิบายมาซิ” อาจารย์หนุ่มสอบเสียงเครียด ร่างสูงใหญ่อยู่ในเสื้อกุยเฮงกางเกงแพร บ่งบอกให้รู้ว่าคืนนี้ค้างที่นี่ “มันเรื่องอะไรถึงไปอยู่กลางน้ำกับไอ้ลอยได้”

ศิษย์นิ่งเฉยเหมือนรูปสลัก คนึงทอดถอนใจ ลมหนาวพัดกรู มือใหญ่รั้งผ้าผวยที่เจ้าเด็กรั้นคลุมตัวไว้หลวมๆ ให้กระชับมิดชิด

“อาจารย์จะใส่ใจทำไม” เลอมานสะบัดเสียงใส่ “ห่วงผมด้วยหรือ”

“ไม่ห่วงไม่ได้” คำตอบทันที “มันเป็นหน้าที่” เสียงทุ้มเย็นชา หากแววตาอาทรและมือที่ไล่แตะหน้าผากเล็กและสองแก้มนั้นอุ่นจัดอย่างมิอาจซ่อนเร้น

เจ้าเด็กดื้อจะรู้ไหม ว่าเขารู้สึกอย่างไรตอนเห็นอีกฝ่ายทุรนทุรายอยู่กลางน้ำนั่น ใจเอ๋ยเจียนจะขาด นึกโทษตัวเองที่ผิดเวลา ถ้าเขามาช้ากว่านี้เล่าจะเป็นอย่างไร

อยากกระชากกลับโรงเรียนเสียเดี๋ยวนี้ กลับไปอยู่ห้องน้อยห้องเดิม อย่างน้อยก็ยังอยู่ใกล้หูใกล้ตา แล้วเขาเองจะเป็นฝ่ายหลบไปซุกหัวนอนที่อื่น

เลอมานจามออกมา ถูปลายจมูกแดงก่ำ แสงสว่างจากกองไฟสะท้อนแก้มแดงปลั่ง ร่างสูงใหญ่ผลุนผลันขึ้นกระท่อม ก่อนกลับออกมาพร้อมชามยาต้มฟ้าทะลายโจร บังคับเคี่ยวเข็ญให้กินยาอีกระลอก ความจริงเขาให้เลอมานกินยาลดไข้ไปแล้วสองเม็ด แต่เพื่อความสบายใจ กินมันทั้งสองขนานเลยก็แล้วกัน

(มีต่อจ้ะ :hao7:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 10-05-2015 13:49:09
 :z13:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 10-05-2015 14:02:19
“ผมเอาเรือมาหัดพาย” ในที่สุดเจ้าเด็กรั้นก็ยอมเฉลย “ถ้าผมพายเรือเป็น จะได้ไม่ต้องรบกวนอาจารย์มารับส่งผมอีก”

อาจารย์หนุ่มครางลึกในคอ คำพูดง่ายๆ นั้นบีบคั้นหัวใจเขาได้เหลือเชื่อ

“เจอกันที่โรงเรียนก็คิดเสียว่าผมเป็นอากาศ อดทนหน่อย อีกไม่กี่เดือนผมก็กลับแล้ว ไม่ต้องอยู่รกหูรกตาใครอีก” ดวงตารื้นน้ำมองสบมา วาจาตัดรอน.. หากสายตาเล่า.. มีแต่เยื่อใย

ตัดไม่ขาด..

คนึงทอดถอนใจ เลอมานยังเด็กนัก..
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น  ก็แค่หัวใจสองดวง ที่บังเอิญมาเจอกันในคืนวันอันว้าเหว่
แค่ความหลง.. แค่ความเหงา.. พัดเพหัวใจมาต้องกัน  ก็แค่นั้น

“ก็ดี” เสียงทุ้มแผ่วหวิว จ้องดวงตาคู่นั้นไม่คลาด  ใช่.. ก็ดี.. เขาต้องการให้เป็นแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ แล้วอาการเจ็บยอกในอกนี้คืออะไร

“ถ้าอย่างนั้นผมจะสอนคุณเอง” สิ้นคำเอ่ย ดอกฟ้าหันมองอย่างไม่เชื่อสายตา หมาวัดหมายมั่นอยู่ในใจ ต่อให้คุณชายพายเรือเป็นแล้ว คิดหรือว่าเขาจะไม่มาเฝ้าดูแล

ใครเล่าจะกล้าปล่อยเลอมานไว้กับคนอย่างไอ้ลอย!

**********************************

แสงแดดกระจ่างไม่ร้อนนัก ลมชวยพัดอ่อน อากาศเย็นรื่นชื่นใจได้กลิ่นละไอแดด เรือน้อยลอยไปช้าๆ ตามลำคลอง คนึงคัดท้าย เลอมานนั่งกระทงหน้า หัวเรือแหวกกอหญ้ากอบัว ตัดผิวน้ำเป็นระลอกพลิ้วออกไปสองข้าง ปลาน้อยกระโดดโหยงลอยขึ้นมาพ้นน้ำด้วยความตกใจ เสียงปลาช่อนฮุบเหยื่อในพุ่มไม้ นกเป็ดน้ำฝูงใหญ่บินข้ามหัวไปไกลลิบๆ

เหนือผิวน้ำใสสะอาด บนท้องฟ้าสีคราม ก้อนเมฆรวมตัวกันประหนึ่งความรักที่ก่อเกิดขึ้น  เพื่อจะแตกสลายไปด้วยกาลเวลา สุดลูกหูลูกตาจรดเส้นขอบฟ้านั้นคือทุ่งข้าวสีทองอร่าม ปลายเรียวของใบข้าวสะบัดพลิ้วเป็นคลื่นหยอกล้อผีเสื้อและแมลงปอสีสวย  ที่ริมบึงโสนกำลังแข่งกันอวดช่อดอกสีเหลือง กลีบที่โรยแล้วร่วงลงเป็นแพอยู่บนผิวน้ำ  นกยางขาวบินตัดทุ่งนาสีทองและท้องฟ้าสีครามใสไปฝูงแล้วฝูงเล่า

คนึงนิ่งมองเด็กหนุ่มที่หัวเรือ ดวงหน้าอ่อนเยาว์ดูตื่นเต้นและเพริดกับธรรมชาติรอบตัวไปเสียทุกอย่าง มือขาวยกกล้องราคาแพงที่ติดมาด้วยลั่นชัตเตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งมองยิ่งเพลินตา

เหมือนครั้งที่พวกเขาเคยมาพายเรือเล่นกันแบบนี้ คล้ายความรู้สึกและหัวใจอันเมินหมางก็ถูกดึงย้อนกลับไป กำแพงหนาที่ก่อไว้ค่อยๆ พังทลายลงกอง เมื่อก่อน.. เขาเคยพาคุณชายมาดำนา ลอยเรือตามลำคลองใสเส้นนี้ ต่างกันตรงที่วันนั้นท้องนาเป็นสีโคลนรอการเพาะกล้า หากบัดนี้เป็นสีทองอร่ามด้วยข้าวเต็มรวง

เบื้องใต้ผิวน้ำพริบพลิ้ว ฝูงปลาแหวกว่ายอวดเกล็ดประกายเงินยวง พวกชาวนาต่างออกทอดแหยกยอกันเป็นกลุ่ม  หลายคนออกยิงนกตกปลา  เสียงปืนดังอยู่เป็นระยะ  นกบินหนีไปมาจากหนองโน้นไปหนองนี้  บนฟ้านั่น.. ฝูงนกยางสีขาวนับสิบบินตัดแผ่นฟ้าสีครามใส งดงามราวจิตรกรรมที่ธรรมชาติเสกสร้าง  ชะล้างความหม่นหมองในอกสิ้น หม่อมราชวงศ์หนุ่มยกกล้องขึ้นเก็บภาพนั้นไว้ด้วยใจอิ่มเอิบ

เลอมานเอาข้าวที่แบ่งใส่ฝาปิ่นโตโรยลงไปในน้ำนิดหนึ่ง  ฝูงปลาซิวว่ายเข้ามาแย่งกันเป็นกลุ่ม ปลาหมอตัวใหญ่ค่อยๆ ว่ายเข้ามาใกล้อย่างระมัดระวัง  เด็กหนุ่มสูดอากาศสดชื่นเข้าปอด อดคิดถึงบ้านเมืองที่จากมาไม่ได้  คนไทยช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินนี้  มันช่างอุดมสมบูรณ์  อาหารมีให้กินอย่างเหลือเฟือ  ผัก ปลา ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องปลูก สายบัว ผักบุ้ง กุ้งหอยปูปลา หากินได้ง่ายดายดาษดื่น มันเป็นชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรน  ไม่ต้องแก่งแย่งแข่งขันกัน

หม่อมราชวงศ์หนุ่มใจหายวาบเมื่อคิดว่าอีกไม่นานเขาก็ต้องจากที่นี่ไป  และเมื่อวันนั้นมาถึง  ชีวิตของเขาคงต้องกลับไปสู่ความสับสนวุ่นวายในเมืองใหญ่ หาความสงบสุขร่มเย็นไม่ได้  และคงไม่มีโอกาสมาลอยเรือเล่นชายทุ่งแบบนี้อีกแล้ว

คนึงเห็นสีหน้าที่สลดลง แขนกำยำจึงวาดหัวเรือเข้าใต้ร่มจิก ดอกสายสร้อยสีแดงย้อยยาวลงจรดพื้นน้ำ ห่างออกไปทางขวา บัวกางกลีบออกรับแดด อวดความงามบริสุทธิ์ตระการตา

“ใจลอยไปไหน  พามาหัดพายเรือนะ ไม่ได้พามาเที่ยวเล่น” เขาทำเสียงดุ แต่ดวงตาพราวระยับ เลอมานมองมาด้วยสายตาเหมือนเด็กถูกขัดใจ “ขยับมาหาครูนี่”

เขาสั่ง เด็กหนุ่มวางกล้องในมือใส่ตะกร้าปิ่นโตที่ยายช้อยเตรียมให้ก่อนถอยหลังเขยิบมา อาจารย์ซ้อนหลัง ดึงไหล่เล็กเข้าไปชิดอก จับมือขาวให้หัดพาย เหมือนเมื่อครั้งเคยจับมือเขียนตัวอักษรไทย

ชิดเหลือเกิน.. ใกล้เหลือเกิน.. ใกล้แค่ปลายเล็บ ใกล้จนกระแสไออุ่นจากแผ่นหลังเล็กถ่ายทอดสู่อกเขา กลิ่นแป้งเด็กหอมอ่อนเคล้ามากับกลิ่นน้ำ กลิ่นทุ่ง กลิ่นลมหนาวที่พัดกรูต้องกาย

คนึงหักห้ามใจเหลือเกินที่จะไม่ฝังปลายจมูกลงบนแก้มขาวที่อยู่ใกล้แค่คืบ

“พาย.. แล้วก็งัด” ครูจับมือศิษย์หัดพาย “บิดด้ามพายให้ใบพายเป็นหางเสือควบคุมทิศทาง ทำได้ไหม” เขากำชับเมื่อเลอมานพยักหน้า “ท่องไว้ พาย..งัด..พาย..งัด”

คนึงถอดเสื้อออก เผยให้เห็นแผงอกล่ำสัน แว่บหนึ่งเห็นเจ้าเด็กดื้อเหลือบมองก่อนเบือนหน้าหนี ร่างสูงใหญ่โดดจากเรือลงไปลอยคอ เนื่องจากเกรงน้ำหนักตัวเขาจะทำให้เลอมานลำบาก ชายหนุ่มว่ายน้ำไปเกาะกิ่งจิกห่างจากเรือไปพอสมควร

“น้ำลึกนะตรงนี้” เขาไม่ได้ตั้งใจขู่ นึกเอ็นดูเมื่อเห็นคนบนเรือหน้าเสีย “เอาล่ะ พายมาหาครูเร็ว”

เลอมานดูตั้งใจมาก มือเล็กกระชับด้ามพายมั่น ออกแรงจ้วงพายอย่างที่เขาสอน ท่าทีเก้กัง ปากสีเรื่อ
พึมพำ..พาย..งัด..พาย..งัด.. คนึงยิ่งให้เอ็นดู

เรือไม่เดินหน้าสักนิด มันเบนหัวไปทางซ้าย ยิ่งคนพายออกแรงจ้วง เรือยิ่งหมุนเป็นวงอยู่ที่เดิม

เสียงห้าวหัวเราะก้องคุ้งน้ำ ฝีพายมองมาอย่างขัดใจ คงอายและนึกว่าเขาเยาะเย้ย เขาพยายามกลั้นหัวเราะ ตะโกนสั่งให้คัดซ้าย คัดขวา เลอมานตั้งใจพายแทบตาย แต่เรือก็ยังหมุนเป็นวงเหมือนเดิม

คุณชายคงท้อแล้ว หยุดพายเอาเสียดื้อๆ ใจคงนึกอยากเขวี้ยงไม้พายลงน้ำเต็มที ดูซิพายจนเหนื่อย แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลง เม็ดเหงื่อเกาะพราวเต็มหน้า เหมือนหยดน้ำค้างบนใบบัวนวล

“โอ๊ย!” จู่ๆ เสียงห้าวก็ร้องเจ็บปวด คนบนเรือชะงักมอง ตาเบิกกว้าง “เล็กช่วยด้วย! ครูเป็นตะคริว!”

ร่างสูงใหญ่ตีน้ำโครมคราม หัวผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ใต้กิ่งจิก ทำท่าเหมือนจะจมอยู่รอมร่อ ร้องโหยหวนไม่ขาดปากนัยว่าทรมานสุดแสน

“อาจารย์!” เลอมานร้องเสียงหลง เท่านั้นละเหตุมหัศจรรย์ก็บังเกิด มือเล็กคว้าไม้พายจ้วงเอาๆ เรืองี้แล่นปรู๊ดยังกะติดเครื่องยนต์

ความเร็วขนาดนี้ แซงเรือหางยาวที่แล่นรับส่งคนจากบ้านแพนมาเกาะเมืองได้เลย

“อาจารย์!” เรือมาประชิดตัว เสียงเล็กสั่นพร่า แขนขาวยื่นมาไขว่คว้า ลนลานดึงตัวเขาขึ้นจากน้ำ คนโดนตะคริวจับตะกายขึ้นเรือได้ไม่ทันไร มือสั่นระริกไล่แตะตามเนื้อตัว ท่อนขากำยำ แผงอกเปลือย คงพอรู้มาบ้างว่าคนเป็นตะคริวนั้นไม่พ้นที่ขาและท้อง
“อาจารย์เจ็บไหม เจ็บตรงไหนครับ” เสียงเล็กสั่นพร่าตื่นตระหนก น้ำตาจะหยดมิหยดแหล่

แต่ภาพเรือน้อยแล่นฉิวเมื่อครู่ยังติดตา คนึงฝืนแสดงละครไม่ไหวอีกต่อไป เขาระเบิดเสียงหัวเราะกึกก้อง ทั้งขำทั้งเอ็นดู

“อาจารย์!” เลอมานรู้ตัวแล้วว่าโดนแกล้ง “เล่นอะไรแบบนี้!”

เจ้าเด็กดื้อทำปั้นปึ่ง หนีออกไปนั่งหันหลังให้ที่ท้ายเรือ อาจารย์หนุ่มพยายามกลั้นขำตามไปสวมกอดไว้หลวมๆ จากด้านหลัง

“ครูขอโทษ ๆ” เขาพร่ำบอกเสียงแผ่วริมใบหู “ไม่เอาน่า หนูเล็กไม่โกรธครูนะ”

“ไม่ต้องมากอดเล็ก!” เลอมานหันมา ซัดเพียะลงหัวไหล่ล่ำสัน หากคนตีกลับเป็นฝ่ายร้อง อาจารย์คว้ามือเล็กขึ้นมาดู รอยแดงเป็นปื้นทั่วมือขาว คืนนี้คงไม่แคล้วเป็นตุ่มน้ำให้ยายช้อยใช้เข็มบ่งออกให้แน่ๆ เขากุมมือน้อยขึ้นจรดริมฝีปาก เป่าเพี้ยงหายแผ่วเบา

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก” หม่อมราชวงศ์หนุ่มพ้อ โธ่.. เขาผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่แกล้งอีก มือใหญ่ประคองใบหน้าอ่อนเยาว์ไว้ หัวแม่มือเกลี่ยไล้แก้มขาวแผ่วเบา “รู้ไหมเล็กตกใจแทบตาย!” เขาเชื่อ ดวงตาสวยๆ รื้นน้ำแทบเรี่ยหยดแบบนี้ เขาเชื่อหมดใจ

ไม่ดีเลย.. เป็นแบบนี้ไม่ดีเลย..

เขาพยายามตีตัวออกห่างแทบตาย สุดท้าย.. กลับมาเป็นแบบนี้อีกจนได้

แค่คนหัวใจเว้าแหว่งสองคน บังเอิญมาเจอกันในคืนวันอันเหว่าว้า

แค่อ้อมแขนโอบอุ่น ในคืนที่อ้างว้างเดียวดาย

ไม่ใช่ความรัก..

แต่เหตุใด ดวงตาทั้งคู่กลับนิ่งมองกันลึกล้ำ ณ ป่าโสนร่มครึ้ม ดอกโสนลอยน้ำเกลื่อนไปตามลมเหมือนมีสีเหลืองแต้มอยู่บนผิวน้ำใส กอไผ่ริมคลองโยกตัวไปมาเป็นเสียงดนตรี ณ ที่แห่งนี้ คนสองคนบนเรือน้อย ริมฝีปากทั้งสองดึงดูดเข้าหากัน แตะกันแผ่วเบาเหมือนกลีบโสนร่วงลงผืนน้ำใส

ปัง! ปัง!

เสียงปืนดังซ้อนกันขึ้นสองนัด นกยางสีขาวหล่นผล็อยลงลอยกลางน้ำขนกระจายต่อหน้าเลอมาน เด็กหนุ่มร้องด้วยความตกใจ ทั้งครูศิษย์รีบผละออกจากกัน มีเสียงโวยวายด้วยความดีใจของคนยิงนก ตะโดนบอกกันลั่นอย่างแสนสมใจ เจ้าของเสียงปืนรีบจ้ำเรือเข้ามา

“ไอ้ลอย” คนึงพึมพำ ใจหายวูบ เหมือนพบปีศาจร้ายกลางวันแสกๆ ดวงตาคู่นั้นมองมาวับวามยามเห็นเขากับเลอมานออกมาด้วยกันตามลำพัง

บนเรือของมันยังมีคนอื่นอีก นางทองใบเจ้าของเรือนโคมเขียว

“เห็นไหม ข้าบอกแล้ว แถวนี้มีนกให้ยิงเยอะ” นักเลงหนุ่มหันไปบอก.. เรืออีกลำ.. แล่นตามมาติดๆ ตาสุ่มขี้เมากับเฮียเส็งเจ้าของร้านเหล้าใหญ่ในตลาด..

หัวใจอาจารย์หนุ่มเต้นถะถี่ จูบเมื่อครู่.. สี่คนนี้เห็นเข้าแล้วหรือเปล่า

“อ้าว! นึกว่าใคร” ไอ้ลอยทำตกใจ ทำเหมือนเพิ่งมองเห็นพวกเขา “คุณชายกับครูมาจู๋จี๋กันอยู่นี่เอง พวกผมมาขัดจังหวะหรือเปล่า”

คนึงไม่ตอบคำ กระทั่งเรือสองลำแล่นผ่านไป มีเสียงหัวเราะ เสียงซุบซิบไล่หลัง

อาจารย์เหงื่อผุดซึมขมับ กุมมือศิษย์รักไว้แน่น

เค้าลางหายนะคืบคลานมาแล้ว..

ติดตามต่อครึ่งหลังค่ะ :katai5:


สวัสดีค่าคนอ่านที่รัก

มาอัพต่อแล้วน๊า ตอนที่แล้วอัพไว แต่ตอนนี้ก็กลับมาอัพช้าอีก แอร๊ เก๊าก๋อโต้ด :mew2: ช่วงนี้เก๊างานเยอะน่ะ เลิกงานประจำแล้วมีจ๊อบนอกต่ออีก ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะตะบี้ตะบันรับงานตาหูเหลือกทำไม ทำไปทำมาก็ชักเหนื่อยๆ เนอะ เฮ้อออ ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวเจ้าของงานมาเห็น อุ๊บส์

ตั้งใจจะเขียนให้จบในปีนี้แหละค่ะ อีกไม่เกิน ๕ ตอนก็จบแล้วล่ะ (คิดว่านะ) เพราะนี่ก็เรื่องดำเนินมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว ใครที่เคยเกลียดๆ อาจารย์คนึงเอาไว้ ก็ขอให้ใจแข็งอย่าสงสารอาจารย์เกินไปเมื่อผลจากสิ่งที่อาจารย์ทำสะท้อนมาหาตัวละกันเน้อ อ๊ะ นี่เค้าไม่ได้สปอย์ชิมิ >_< ส่วนไอ้ลอยกะจินดา ในมหาหงส์คงไม่พูดถึงแล้วล่ะค่ะ ใครอยากรู้ตื้นลึกหนาบางก็ติดตามอ่าน 'ดอกฟ้าในมือโจร' ละกันเด้อ

รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะคนอ่าน ช่วงนี้ตอนเช้าร้อนชิบผาย ร้อนตับแตกเปรี๊ยะๆ ร้อนจนตัวจะไหม้ พอตกบ่ายฝนกระหน่ำซะงั้น โถวววว ชีวิตคนกทม.

รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้
๑๐ พ.ค. ๕๘

ปล. เจอคำผิดฝากแก้ฝากทักด้วยนะคะ ไปล่ะเดี๋ยวสามโมงเพื่อนมารับไปทำงาน..อีกแล้ว...เบี่ยยยย :katai5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-05-2015 14:37:17
แค่คนหัวใจเว้าแหว่งสองคน บังเอิญมาเจอกันในคืนวันอันเหว่าว้า>>>>>>>>>>เหว่ว้า

แอร๊ยยย สองคนนี้จะเจอวิบากกรรมอะไรอีกหนอ
กะลังจะสวีทสักหน่อย ไอ้ลอยเป็นมารมาผจญซะได้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: narunarutoboyz ที่ 10-05-2015 14:49:53
อ่านตอนนี้เเล้วใจคอไม่ดีเลย เหลืออีกตั้ง 5 ตอน... โอยยยยย ดราม่าทั้งนั้นเลยที่รออยู่ :ling3:
เเต่ถ้าจบเเล้ว.......อย่าลืมรวมเล่มนะคะ อิอิ

อย่าหักโหมมากนะคะ ช่วงนี้อากาศร้อนมากเกินไป ถ้าเครียดมากๆระวังจะป่วยนะคะ
ดูแลสุขภาพด้วยเน่ออออออ

รอตอนต่อไปอย่างห่วงๆและหน่วงๆ งื้อออออ :กอด1:

ปล.ยังทำใจยอมรับไอ้ลอยเป็นพระเอกในเรื่องใหม่ไม่ลงเลยจริงๆนะ -_-


หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 10-05-2015 14:54:31
คนเขียนช่างสร้าง ความขัดแย้ง ระหว่างตัวละครได้แน่นมาก ไม่กลวง
ใจหนึ่งเราก็เข้าใจลอยนะ เขาคงรักและเห็นใจจินดา คนวาสนาน้อย คงแค้นแทนที่ความรักที่จินดาเชิดชูเเปรเปลี่ยนไปหาคนอื่นภายในเวลาไม่นานหลังจากจินดาตาย แต่คุณชายเล็กก็ไม่ผิดเลย เขาแค่เดินเข้ามา มาทำหน้าที่ฝึกตัวเองเพราะโดนพ่อส่งมา ความรักมันเป็นเรื่องประหลาด มันห้ามกันไม่ได้ คนสันดานพาลก็จ้องแต่จะแก้แค้นให้สมกับความพาลของตัวเอง ปล่อยวางไม่ลง ไม่ใจกว้างและฉลาดพอจะเข้าใจธรรมดาของโลก สงสารทุกฝ่าย ทั้งจินดาที่วาสนาน้อยเหลือเกิน พอจะเข้าใจลอย สงสารที่สุดคือคุณชายเล็ก เหยื่อในทุกๆด้าน เกิดมาเปราะบางเหลือเกินพ่อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 10-05-2015 15:11:21
อาจารย์คนึงตอนนี้ทำให้ใจอ่อน อยากยกคุณชายให้
แต่ดอกฟ้าต้องเป็นของนายลอยสินะ ㅠ ㅠ
 :heaven
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 10-05-2015 15:22:43
ขอบคุณคุณดอกไม้มากๆ เลยค่ะ สำหรับตอนล่าสุด อีก ๕ ตอนที่เหลือนี่คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหมดเลยใช่ไหมคะ? จัดเต็มเลยค่ะ รับได้ทุกอย่าง  :hao5: แต่คุณดอกไม้คงรวมเล่มใช่ไหมคะ พร้อมกับตอนพิเศษอีกราวหนึ่งเล่มใหญ่ แฮ่ๆ

ขอบคุณค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 10-05-2015 15:38:46
พี่สิงห์ อยู่หนายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-05-2015 15:57:20
เกลียดนายลอยจัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: banazjj ที่ 10-05-2015 16:25:16
คุณเล็กของเค้าต้องเจออะไรอีกกกกก
ปล่อยอาจารย์รับกรรมไปคนเดียวเลยยยย
เล็กเจ็บมาพอแล้ว (นี่ก็อินมาก)  :katai1:
อีก 5ตอนจะจบแล้วเหรอ จบแล้วคงคิดถึงแย่
ชอบฟิคพีเรียด ภาษาสวยแบบนี้  :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 10-05-2015 16:44:14
เอาไอ้ลอยมาลอยคอ ถ่วงหินดีไหม!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 10-05-2015 16:59:19
ดั่งซีรีส์มหากาพย์ ยาว 4-5 ปี
อย่าให้รอนานนักเลย คุณดอกไม้
เราค้าง
 :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 10-05-2015 18:02:56
ลอยมันเป็นอันธพาลก็ทำในสิ่งที่มันถนัดก็คือพาล
จินดาเลือกรักอาจารย์ก็เพราะอาจารย์ดีกว่า
ไอ้ลอยก็คงต้องทำอะไรไว้แน่ๆจินดาถึงเปลี่ยนใจ
เมื่อก่อนมันไม่ได้ทำอะไรก็เพราะว่ารักจินดาแต่ตอนนี้มันไม่แคร์แล้วสิ
สงสารทั้ง 2 คนนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Wannida ที่ 10-05-2015 18:47:22
ใครก็ได้ เก็บนายลอยที!
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 10-05-2015 19:21:29
ซวยเเล้วเอ๋ย อาจารย์คนึงรีบบอกหนูเล็กไปซะวา่ทำไมต้องทำแบบนี้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 10-05-2015 19:38:52
กลับมาน่ารักกันแล้ว น้ำตาจะไหล หน่วงมานาน
แต่เจอไอลอยแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องดีแน่ รอติดตามนะค้าา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 10-05-2015 19:46:52
ทำไมลอยมีคู่  แบบลอยต้องโดนเก็บ   :z6:


สงสารอาจารย์  กับเล็กอุปสรรคมากมายเหลือเกิน :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: กลีบผักกาด ที่ 10-05-2015 19:48:45
อาจารย์คนึงต้องสู้เพื่อหนูเล็กนะ อยากรุ้ว่าคู่ของนายลอยเป็นไง ไม่ใช่ต้องเจ็บตัวจนบางตายเลยหรอ แล้ววิธีขอความรักของนายลอยจะเป็นยังไง ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 10-05-2015 21:36:44
คิดถึงพี่สิงห์กับน้องจ้อย ครึ่งหลังจะได้เจอมั้ยน้าาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Noockie ที่ 10-05-2015 23:11:59
สนุกมาก o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 10-05-2015 23:33:54
คุณชายขา...คุณชายเลอมานของบ่าวช่างน่าสงสาร ㅠ_ㅠ

ท้องบ่าวยังไม่ย่อยมาม่าชามก่อน คราวนี้จะมาเป็นหม้ออีกแล้ว

โอยยยยย อกบ่าวจะถูกน้ำตาท่วมก่อนจบเรื่องไหมคุณชายจ๋า

เป็นกำลังใจให้ทั้งคุณชาย ทั้งอาจารย์ และทั้งคนเขียนนะคะ

#เราจะผ่านหม้อมาม่าไปด้วยกัน ....

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: nonnn ที่ 11-05-2015 00:23:01
+เป็ด  o13

อ่านเพลิน-อินจัด-ลุ้นตาม อารมณ์นี้รวมกันอยู่ในตอนเดียวเลย
กลัวว่าเลอมานจะเป็นอะไร กลัวไอ้ลอยมันทำเลวๆกับเลอมานก่อนอาจารย์คนึงจะตามมาทัน
ถือว่าโล่งใจไปเปราะหนึ่ง อย่างน้อยเลอมานก็ปลอดภัย
ดีที่อาจารย์คนึงมาช่วยทัน เลอมานตัวสั่นขวัญหายไปหมดแล้ว
ไอ้ลอยมันเลวแบบไม่มีใครเปรียบได้ ตอนก่อนยังคิดสงสารมันอยู่เลย
แต่ตอนที่มันกดเลอมานจมน้ำนี่ความเกลียดผุดวาบขึ้นมาในหัวทันที
ไม่ให้อภัย ยังไงก็ไม่ยอม มาทำร้ายๆใส่เลอมานเพื่ออะไร เลอมานไปทำอะไรให้
อาจจะเกี่ยวกับจินดาก็ส่วนนึง แต่ก็ไม่น่าจะเอาเรื่องนี้มาโยงกันมั่วดิ จินดาก็ส่วนจินดา
เข้าใจอารมณ์ของเลอมานนะ ถ้ารู้ว่าการตายของจินดามันเกี่ยวกับตัวเองด้วย
แต่ถ้าคิดตามหลักจริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของเลอมานทั้งหมดนี่
เรื่องที่เกิดขึ้นกับจินดาไม่มีใครรู้หรอกว่ามันจะเป็นแบบนี้ เกือบร้อยเปอร์เซนต์ที่มันเกิดก็เพราะอุบัติเหตุทั้งนั้นล่ะ
ตรงนี้ก็ยังไม่รู้เรื่องระหว่างลอย+จินดาว่าเป็นมายังไง ลึกซึ้งขนาดไหนถึงไม่สามารถฟันธงอะไรได้
เท่าที่อ่านมาคิดว่าสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีๆบางอย่างที่ลอยมีให้จินดานะ
แต่ขั้นรักนี่ก็ยังไม่แน่ใจ ที่จริงส่วนตัวแล้วอยากจะฟันธงอยู่เหมือนกันว่าลอยแอบรักจินดามาก่อนอาจารย์คนึง
พอจินดาหันมาคบกับอาจารย์คนึงถาวร จินดาก็เริ่มตีตัวออกห่าง ทำหมางเมินไม่สนใจ
จะเรียกความสนใจกลับมาได้ก็ต้องทำตัวชั่วๆใส่ให้จินดาหันมามองบ้าง...คิดแบบนี้พอจะเข้าเคล้าได้บ้างหรือเปล่าหว่า
แต่เรื่องความรู้สึกนึกคิดของจินดาอันนี้เดาไม่ได้เลย เปิดเรื่องมาไม่นานจินดาก็ไปแล้ว

เหลือก็แต่คนข้างหลังที่รู้สึกว่าคนรู้เรื่องจริงๆจะมีแค่ลอยกับอาจารย์คนึง??

แอบลุ้นอยู่ว่าอาจารย์คนึงจะยอมรับตัวเองได้ตอนไหน
โดยเฉพาะตอนสอนเลอมานพายเรือนี่แอบมีความหวัง
ไหนจะตอนแกล้งจมน้ำ แล้วเลอมานเกิดพายเรือเป็นในทันทีทันใดเพื่อรีบเข้าไปช่วยอาจารย์ด้วยความเป็นห่วง
มีจับเนื้อจับตัวอาจารย์พร้อมถามด้วยเสียงสั่นๆอีกว่าเป็นอะไรเจ็บตรงไหนไหม
กิริยาท่าทางแบบธรรมชาติของเลอมานทำคนอ่านบิดตัวเขินแทน คนอะไรน่ารักน่ากอดขนาดนี้
เลอมานไม่ต้องทำอะไรมากก็มีเสน่ห์อยู่แล้ว ยังทึ่งกับอาจารย์คนึงอยู่เหมือนกัน
ทำไมถึงอดใจไหวเวลาอยู่ใกล้เลอมาน ตอนที่ต้องเข้ามาโอบหลังเพื่อช่วยสอนพายเรือนี่ไง
ถือเป็นบุรุษที่มีความอดทนยิ่ง และเหนือไปกว่านั้นคือเป็นบุรุษนิยมความ M
ชอบทำร้ายให้ตัวเองเจ็บปวดเล่นอยู่เรื่อย รู้ว่ารักว่าเป็นห่วงเขาแล้วแต่ก็ยังทำนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก

ไอ้เราก็คิดว่าสองคนนี้เขาจะปรับความเข้าใจกันได้บ้างแล้ว
อย่างน้อยๆก็ค่อยๆเข้าไปใกล้กันมากขึ้น ยอมฟังยอมอธิบายให้เข้าใจกันมากขึ้น
ตอนเผลอขยับตัวชิดใกล้แนบปากต่อปากกัน แอร๊ยยย รู้สึกได้ถึงความหอมหวานละมุนมันลอยโชยมาตามสายลม
ถ้าไม่มีเสียง ปัง ปัง ดังขัดบรรยากาศโรแมนติคเข้ามาซะก่อน จะดีกว่านี้มากถ้าคนยิงปืนไม่ใช่ไอ้ลอย *เบะปากแรงๆ
แอบหวั่นใจว่าทั้งไอ้ลอยทั้งคนอื่นๆจะเห็นฉากอันไม่พึงประสงค์ ดูจากคำพูดและท่าทางของไอ้ลอยแล้วไม่น่าจะใช่เรื่องดีเท่าไร
ทุกคนต้องรู้ความสัมพันธ์ของอาจารย์กับเลอมานแล้วแน่ๆ รู้สึกกลิ่นมาม่าโชยมาแต่ไกลเลย
โอยๆๆๆๆๆ อาจารย์จะทำยังไง แล้วเลอมานจะเป็นยังไงต่อไปบ้าง อยากรู้แล้ว
ยิ่งนักเขียนทำเหมือน(จะ)สปรอยเนื้อเรื่องคร่าวๆคนอ่านยิ่งใจหาย
ไม่นะม่ายยยยย มันต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน หนูเลอมานเค้าเจ็บพอแล้ว
ถ้ายังมีเรื่องอะไรทำให้เลอมานชอกช้ำใจอีก เค้าจะทนได้เยี่ยงไร อยากจับเลอมานใส่กระเป๋ากลับบ้านเสียจริง
มานี่มะ ถ้าอาจารย์ยังทำเป็นไม่สนใจก็เมินไปซะ หันมาหาพี่ดีกว่านะจ๊ะน้องเลอมาน
พี่สัญญาว่าจะเลี้ยงดูน้องเลอมานเป็นอย่างดี ยุงไม่ให้ไตไรไม่ให้ตอมแม้นคนึงมาขอร้องอ้อนวอนพี่ก็จะไม่ให้ *จิ้มๆ

ปล.มันต้องมีวันที่หนูเลอมานต้องกลับบ้านแน่นอน แล้วถ้าถึงวันนั้นดราม่าจะหนักหนาสาหัสเหมือนดั่งพายุทอร์นาโดหรือไม่
ปล.2 เมื่อไรคุณย่าจะยอมเปิดใจ ยอมคิดอะไรกว้างๆว่าอาชีพครูก็ไม่ได้ด้อยกว่าอาชีพอื่น
ที่สำคัญเมื่อไรคุณย่าจะหยุดพูดจาดูถูกเหยียดหยามคนรักของหนูเลอมานได้สักที เลอมานก็รีบเปิดตัวคนรักหน่อยสิจ๊ะเบบี๋
ปล.3 เป็นกำลังใจให้นักเขียนสู้ๆกับงานหลักด้วยนะคะ และขอภาวนาให้นักเขียนมีเวลาว่างมาอัพนิยายตอนต่อไปด้วย
คิดถึงเรื่องนี้มากกก เข้ามาตามทุกวัน รีเฟรชไปไม่รู้กี่ครั้ง เผื่อจะเจอแจ๊กพอตเนื้อเรื่องยาวๆมาสักตอนสองตอนก็ยังดี
ปล.4 รอเรื่องนี้รวมเล่มและขอตอนพิเศษเพิ่มมาอีกหลายๆตอน ยาวเป็นมหากาพย์คนอ่านก็ไม่ว่า555
ปล.5 เข้าใจว่าปล.อาจมาเยอะหน่อย แต่ปล.สุดท้ายนี้อยากบอกนักเขียนว่า เรารักคุณมากค่ะ จุ๊บๆๆๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 11-05-2015 05:32:14
เอาเข้าจริงๆ ไอ้ลอยมันก็น่าสงสารนะ มันคงรักจินดามาก คู่ลอยจินดานี่น่าจะดราม่าหนักที่สุด
เป็นกำลังใจให้ครูคนึงใจกล้ามากกว่านี้นะคะ ป.ล.รอหนูจ้อยกับพี่สิงห์ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: sataav ที่ 11-05-2015 08:02:23
อ่านจบแล้วแบบ
โธ่ หนูเล็ก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดสุด ๆ

น่าสงสารหนูเล็กมาก  :hao5:

แต่เอาจริง ๆ ก็สงสารนายลอยนะ
นายลอยคงรักจินดา แล้วดูท่าคงจะรักมากด้วย
แต่คงไปทำอะไรเขานั่นแหละ เขาถึงได้โกรธนายลอยขนาดนั้น

แต่ยังไงรักมันอ่ะเนอะ คงเคืองหนูเล็กไม่น้อยแหละ

ง่าาา แต่ว่าหนูเล็กไม่ได้ตั้งใจนะ นายลอย
ทำไมทำร้ายเด็กน่ารักแบบนี้ได้ลงคอ  :sad4:

ตอนนี้ก็รอดูคู่นี้ฝ่าฝันอุปสรรคต่อไปค่ะ
ส่วนคู่สิงห์จ้อย โอ๊ยย คู่นั้นมันหวานกันจนหมดขึ้นจอหมดละ
แต่ก็นะ คู่นั้นก็ผ่านอะไรมาเยอะพอตัว กว่าจะหวานได้ขนาดนี้

เพราะฉะนั้น อาจารย์คนึงกับหนูเล็กก็สู้ ๆ นะ อย่ายอมแพ้ เผื่อจะได้หวานแบบคู่นั้นบ้าง  o13

จะว่าไป ยังแอบเคืองที่อาจารย์คนึงทำกับเลอมานนะ
ชิ แต่เอาเถอะ เดี๋ยวก็คงโดนอะไรบ้างแล้วละ

สุดท้ายนี้ก็ เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะคะ
นิยายเรื่องนี้เราตามมานานมาก เราตามตั้งแต่ย้ายโรงเรียนเข้า ม.ปลาย
จนตอนนี้จบ ม.6 นั่งรอเข้ามหา'ลัยแล้วคะ 5 5 5

แน่นอนอยู่แล้วว่า เรื่องนี้เราผูกพันธ์พอตัวเลยละคะ
คิดแล้วแอบใจหายเหมือนกัน อีก 5 ตอนกว่า ๆ ก็จบซะแล้ว โธ่

คิดถึง Moment ที่แอบอ่านนิยายเรื่องนี้ในโทรศัพท์คาบฟิสิกส์ซะเหลือเกิน  :impress3: (เลว ? )

เอาเป็นว่า ยังไงเราก็จะรอตามนิยายเรื่องนี้ไปจนจบนะคะ   :o12:

ป.ล. แต่ถึงมหาหงส์จะจบไปแล้ว
เราก็ยังคงติดดอกฟ้าในมือโจรแน่นอน (ไปแอบอ่านในมหา'ลัยแทน เอิ๊ก ๆ )
ดูท่าแล้ว เราคงต้องขอแอบสงสารนายเอกของไอ้ลอยล่วงหน้า
มาเป็นคนรักลอยชีวิตไม่น่าง่ายนักหรอก เหอ ๆ สู้ ๆ นะ คนซวยในอนาคต
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 11-05-2015 09:45:34
จะมีมาม่าชามใหญ่ใช่มั่ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 11-05-2015 13:55:38
 :hao5: :hao5: :hao5: มาดูว่าจะชามโตไหม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: sapphire_yaoi ที่ 11-05-2015 17:21:25
สนุกมากค่ะตามอ่านมาสักพักแล้วพึ่งอ่านทันตอนล่าสุด.......
สารภาพว่าตอนแรกๆไม่ชอบคู่จ้อยกับพี่สิงห์แต่ตอนหลังมานี่ชอบมากค่ะ2คนนี้น่ารักจัง ชอบผู้ชายแบบพี่สิงห์ :laugh:
ปล.ไม่รู้คนอื่นคิดเหมือนกันมั้ยแต่นี่แอบิดว่าเอ๊ะพี่สิ้งห์กับน้องจ้อยเขาจะเป็นพี่น้องคนล่ะแม่กันรึป่าว.......
คู่อาจารย์กับคุณเล็กนี่ยังมองไม่เห็นทางออกถ้าพ่อกับย่าคุณเล็กรู้จะเป็นยังไงสงสารจับใจ :sad11:
ปล.สุดท้าย จริงๆเกลียดลอยมาจนมา2-3ตอนล่าสุดรู้สึกชอบซะงั้น 5555 อยากอ่านเรื่องลอยแล้วค่ะคนแบบนี้ไม่แคล้วไปฉุดเขามาแน่ๆ :z6:
ถึงคุณดอกไม้คนเขียนสู้ๆนะคะรออ่านเสมอ อิ้อิ้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: แค่ความทรงจำ ที่ 11-05-2015 19:14:34
ไม่นะ ไม่อยากให้มีดราม่าเลย

สู้ๆนะ อาจารย์คนึงกะหนูเล็ก

เออ อีกคู่คงหวานจนมดขึ้นรอบบ้านแล้วมั้ง 555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: white choc~ ที่ 11-05-2015 21:04:08
ไล่ตามอ่านทันละ ชอบมากกกก สนุกมากกก ^^  :m4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: vanila ที่ 14-05-2015 22:21:53
ห๊าาอีกห้าตอนจะจบแล้วอ๋อคะ o22
รู้สึกเหมือนไม่อยากให้จบเบาเบา
แต่มันก้นานแล้วอ่ะเนอะ คงถึงเวลาแล้ว ฮ่าาา
ขอตอนพิเศษในหนังสือด้วยน้าค้า ><
เค้าอยากได้หนังสือเรื่องนี้มากมากเลยรออยู่นะคะ

นายลอยทำเสียเรื่องนะจารย์กะหนูเล็กยังไม่ทันจะเข้าใจดีเลย
มีเรื่องอีกแล้วเอาใจช่วยหนูเล็กอาจารย์และคุณดอกไม้นะค้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 15-05-2015 00:46:33
 :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 17-05-2015 00:04:18
อัพตอนไหนเนี่ย ไม่ทันเข้ามาดู :z3:
อ่านสปอยแล้ว ตอนถัดไปดราม่าชัว o22
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Death_note ที่ 17-05-2015 11:56:40
รออยู่นะครัชช นายลอยจะทำอะไรหนูเล็กอีกก ม่ะยอมน้าาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 22-05-2015 12:41:33
เพิ่งได้มาตามอ่าน สนุกมากอ่านเพลินเลย

คนที่ตามอ่านมา 4-5 ปีนี่ นับถือจริงๆ อดทนรอกันเก่งมากๆเลย

เรื่องนี้ ชอบสิงห์กับจ้อยที่สุด ลุ้นมากเดาว่าจ้อยเป็นลูกกำนัน แต่สิงห์ไม่ใช่

เกลียดไอ้ลอยที่สุด ไม่ชอบมากๆ อยากให้มันโดนอะไรที่สาสมกับความเลวของมัน

ส่วนคู่คุณชาย ชอบชายเล็กน่ารักดี แต่ไม่ชอบคนึงเป็นครูประเภทไหนกัน เอาลูกศิษย์ทำเมียแม่งทุกคน

จินดาก็แอ๊บเป็นคนดี
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: disney ที่ 24-05-2015 16:09:06
ไอ้ลอยต้องหาเรื่องมาให้ครูกะเล็กแน่เลย

เกลียดมันจริงๆ

นึกภาพมันเป็นพระเอกอีกเรื่องไม่ออกเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 24-05-2015 19:31:06
พี่สิงห์ อยู่หนายยยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 27-05-2015 12:24:11
เพิ่งจะอ่านทัน สนุกมากทั้งสองคู่ เป็นกำลังใจให้พี่สิงห์-น้องจ้อย ชายเล็ก-อาจารย์คนึง o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Koduck ที่ 13-06-2015 12:11:19
มารอนะครับ :z13: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 14-06-2015 09:39:21
 :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Chalysse ที่ 16-06-2015 01:19:01
เข้ามารออย่างมีความหวัง :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: mida ที่ 17-06-2015 21:09:51
อ่านทันแว้วววว นอนตีสามมาสามวัน ไปบินไม่มีสมาธิเลย อยากให้ลงเร็ว จะได้มาอ่านต่อ เป็นเอามากจริงจัง ขอบคุณสำหรับนิยายภาษาสวยๆนะครับ รีบมาต่อให้จบเร็วๆนะครับ รักคนเขียน ^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 22-06-2015 07:17:46
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 24-06-2015 13:14:14
แหมมมมมมม ไอ้ลอย น่าหมั่นไส้มากกกกก
อาจารย์&เล็ก ถ้าจะตัดกันควรจะให้มันขาดกว่านี้นะ เอาล่ะสิหายนะกำลังจะเข้ามา
 
ติดตามครับ ให้กำลังใจคนแต่งเหมือนเดิม ^___^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 24-06-2015 15:39:57
I will wait till you up this novel.
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 24-06-2015 17:46:05
อ่านแล้วอ่านอีก
มาต่อสักทีเถอะครับ
 :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: phutawan ที่ 28-06-2015 22:15:16
คอย อยุาน่ะค่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 08-07-2015 07:42:03
 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 21-07-2015 13:11:18
มาเถิด คุณ ดอกไม้ !!!
 :katai5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: wishper ที่ 21-07-2015 14:51:43
มาเถิดต่อเถิดหนาาาาาา   :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: MEMEMAY ที่ 22-07-2015 23:17:01
แอบเข้าใจและเห็นใจนายลอยนะ  :mew2:

มาต่อเถอะนะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Kerberosyuiiz ที่ 26-07-2015 21:07:18
ถึงตอนที่ 11 แล้ววว
ชอบไอ่ลอยจัง 5555555 :hao3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: domeloly ที่ 27-07-2015 05:21:16
มาต่อไวๆนะครับ
มันมากกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 31-07-2015 12:37:53
ยังรออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 31-07-2015 22:53:34
 :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 04-08-2015 07:29:48
ยังรออยู่นะคะคุณดอกไม้     :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: 404notfound ที่ 11-08-2015 07:44:35
ไม่เคยอ่านนิยายที่ภาษาสวยงามแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ
เนื้อเรื่องก็สนุกสมเหตุสมผล
เป็นนิยายที่ชอบที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาในชีวิตเลยค่ะ
ไม่ได้เวอร์นะคะ แค่ชอบมากจริงๆ
รู้สึกดีใจมากเลยค่ะที่หลงเข้ามาอ่าน
ไม่งั้นคงไม่ได้อ่านนิยายที่ดีแบบนี้
ขอบคุณคุณดอกไม้มากนะคะสำหรับนิยายวายดีๆ
 :mew1: :L1:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 15-08-2015 14:43:07
มาปูเสื่อรออ่านค้าบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Noockie ที่ 16-08-2015 09:18:34
รออยู่นะคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: กลีบผักกาด ที่ 16-08-2015 18:27:44
อาจารย์มาช่วยหนูเล็กเร็ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งแรกค่ะ^^) [๑๐ พ.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 16-08-2015 19:01:21
คิดถึงแล้ว :man1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 16-08-2015 20:41:16
ไหนๆ ครึ่งหลัง ตาไม่ฟาดใช่ไหม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 16-08-2015 20:54:55
ไหนอะ ไหนๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 16-08-2015 20:59:42
บทที่ ๓๓

ตัดไม่ขาด

(ครึ่งหลังฮ่ะ :L2:)


วิถีบ้านนายังดำเนินไปตามปกติ พระอาทิตย์ยังทอแสงเรื่อเรืองสะท้อนหยาดน้ำค้างที่เกาะตามใบหญ้า ข้าวในนายังทองอร่าม ชาวบ้านยังเก็บผักหักฟืนหาปูปลาริมหนองและท้องทุ่ง เรือหางยาวแล่นฉิวไปตามคลองเมือง ชุมชนตลาดยังคึกคัก ในความปกตินั้น.. มีบางอย่างค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ ในสภากาแฟยามเช้า ในวงน้ำเมายามเย็น ในวงไพ่ที่แม่บ้านว่างงานนัดกันสุมหัว ในวงพนันไก่และไฮโลท้ายตลาด ในสายตาที่ชาวบ้านจับจ้อง ในถ้อยวาจาที่หลายคนหันไปซุบซิบกัน

ทว่าคนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนายังมิได้ระแคะระคายเลยสักนิดเดียว

หม่อมราชวงศ์สูงศักดิ์มาเดินองอาจอยู่ในตลาดขวักไขว่ โดดเด่นเหมือนหงส์ในฝูงกา ใครต่อใครล้วนหันมอง เลอมานเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นปกติที่เขาจะถูกจับตาเมื่อไปไหนมาไหน แต่เจ้าตัวหาเอะใจสักนิดไม่ ว่ามีการหันไปกระซิบกระซาบกันหลังจากนั้นด้วย

เด็กหนุ่มขยับนาฬิกาพกในมือไปมาดั่งจะบอกลากันเป็นรั้งสุดท้าย ตัวเรือนทำจากทองคำแท้สลักลวดลายวิจิตร นาฬิกาเรือนนี้หม่อมย่ามอบให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อเขาอายุครบ ๑๕ ปี.. เอ..หรือ ๑๖ ปีก็ไม่ทราบได้ ทรัพย์ศฤงคารของเลอมานมีมากมีจนมิอาจจดจำที่มาได้หวาดไหว

ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เขาจะลดตัวลงมาเหยียบสถานที่แบบนี้

สถานธนาภิบาล!

หรือไอ้ที่ชาวบ้านเรียกกันว่าโรงรับจำนำนั่นแหละ

เหตุผลที่เขาเอานาฬิการาคาเรือนหมื่นมาที่นี่น่ะหรือ ตัวการมันจะเป็นใครไปได้หากไม่ใช่ไอ้ลอย!

ความพยายามฝึกพายเรือเพื่อกำจัดอาจารย์ออกไปจากชีวิตล้มเหลวไม่เป็นท่า หนำซ้ำกุญแจใจที่พยายามลั่นดาลลงกลอนไม่ให้อดีตรักกล้ำกรายเข้ามาอีกก็ดูท่าจะถูกสะเดาะเอาโดยง่าย แค่ได้ใกล้ชิดกัน ถูกเขากอดนิด จูบหน่อย ก็เผลอถลำใจ.. ใจที่พร้อมถลำ ไม่หวั่นหล่มรักเหวลึก

เลอมานปลงใจ หากอาจารย์อยากจะมาก็มา เขาไม่ฝืนห้าม แต่กับไอ้ลอยมันผิดกัน ไอ้หมอนี่เหมือนเหลือบไรในชีวิต หากเป็นไปได้ก็อยากบี้ให้ตายจะได้ไม่มาไต่ตอมกันอีก

ในเมื่อมันขยันมาทวงหนี้ทวงดอกเบี้ยนัก คุณชายอยากรู้จริง หนนี้ถ้าจ้อยกับยายมีเงินไปใช้คืนให้ ทีนี้มันจะหาข้ออ้างอะไรเสนอหน้ามายุ่งกับเขาอีก!

ร่างโปร่งบางก้าวเข้าไปในโรงรับจำนำอย่างหมายมั่น หารู้ไม่ ทุกอิริยาบถอยู่ในสายตาชาวบ้านร้านตลาดเป็นตาเดียว
จากนี้อีกวันสองวัน ในสภากาแฟ ในวงน้ำเมา ในวงไพ่ วงพนันไก่และไฮโล คงไม่แคล้วมีหัวข้อสนทนาใหม่กันอีกแล้ว

**********************************

ระยะนี้อดีตอันธพาลบ้านนามีความสุขนัก คนเราพอตกอยู่ในห้วงรัก กระท่อมน้อยก็กลายเป็นเวียงวังทอง กระสอบข้าวสารที่แบกขึ้นหลังเที่ยวแล้วเที่ยวเล่าก็คล้ายจะเบาดุจปุยนุ่น มันปรีเปรมเสียนี่กระไร มันวาบหวิวเหมือนเดินตีนไม่ติดดิน เนื้อตัวมันเบาโหวงเหมือนร่างกายทะลุเป็นปล้องอ้อปล้องแขม และหัวใจนั้นโบยบินอย่างว่าวติดลมบนเทียมเมฆโน้น

แค่คิดถึงเมื่อคืน เลือดหนุ่มก็ฉีดขึ้นหน้ากำซาบซ่าน

“ทำไมพี่ถึงกอดจ้อยแรงนักนะ กระดูกกระเดี้ยวจะหักหมดแล้ว”
   
เสียงหวานกระซิบที่ริมหู ร่างบอบบางโยกโยนเหมือนเรือกลางทะเล ใต้ร่างกำยำที่เคลื่อนไหวด้วยพลังคลุ้มคลั่ง

จ้อยมันเกิดธาตุไหนกันแน่น้อ ตะก่อนเคยเข้าใจว่าธาตุดิน มันถึงได้เย็นชาบึ้งตึงใส่เขาได้ทั้งวัน หนนี้ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ธาตุไฟเสียละมากกว่า แตะมือแตะปากตรงไหนก็เหมือนละลายพี่ได้หมด แผดเผาพี่แทบไหม้กระเจิดกระเจิง

ในสายตากุลีทั้งโรงสีเห็นแล้วก็ชื่นชมแกมอิจฉา ไอ้สิงห์มีหนุ่มน้อยหน้ามนมาปรนนิบัติพัดวี หาข้าวหาปลาให้กินไม่ขาด หากไม่มีใครมองเห็นไปเกินกว่าพี่ชายและน้องชายที่รักใคร่กลมเกลียว

“มีน้องมาอยู่เป็นเพื่อนก็ดี ชีวิตเอ็งจะหายเหงาเหมือนข่าน้ำสลัดใบ” ขนาดไอ้ทิดปลั่งยังว่าไว้อย่างนั้น

จำนวนกระสอบที่ไอ้สิงห์แบกได้ต่อวันลดลงอย่างเห็นได้ชัด ตามช่วงเวลาที่เหม่อลอยมองฟ้าอมยิ้มคนเดียวอยู่ได้นั่นแล

นี่ละหนา.. สายใยที่ผูกพันกันไว้ในกระแสใจอันล้ำลึก

ฝั่งจ้อยจึงไม่น้อยหน้า นักเรียนครูคนดีนั่งตาเยิ้มตาลอยอยู่ที่ท่าน้ำหลังโรงเรียน แก้มนวลใส เลือดฝาดเปล่งปลั่ง ได้เนื้อได้น้ำจนใครต่อใครพากันทัก

ตั้งแต่พี่สิงห์ยอมให้จ้อยสอนหนังสือให้ ช่วงเวลาหลังกินข้าวเย็นก็เป็นเวลาที่จ้อยเริ่มงานสอน ‘งาน’ ที่ไม่ได้ค่าจ้างอื่นใด นอกไปจากความรู้ที่เพิ่มพูนขึ้นในกะโหลกอันหนาทึบของพี่ ตกย่ำค่ำเย็น อาศัยเพียงแสงตะเกียงนวล ครูตัวเล็กกับศิษย์ตัวโตจดจ่ออยู่หน้าตำราและแบบฝึกหัดเด็กประถม เคี่ยวเข็ญแทบหืดขึ้นคอ ไม้บรรทัดพลาสติกหักไปหลายด้ามเพราะเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ครูก็ซัดเพี้ยะเข้าให้บนหลังไหล่ล่ำสัน

ผลของความพยายาม ในที่สุดพี่สิงห์ของจ้อยก็อ่านหนังสือออกแล้ว คิดเลขบวกลบคูณหารได้ แถมภาษาอังกฤษที่ไม่เคยกระดิกหู อย่างน้อยตอนนี้ก็ท่องเอบีซีกับเขาได้เหมือนกันละ

อยู่นอกมุ้ง จ้อยเป็นครู พี่เป็นศิษย์ แต่พอเข้ามุ้งแล้วพี่กลับกลายเป็นครูจ้อย สอนบทนั้นบทนี้ให้มากมายเต็มไปหมด นึกขึ้นมาแล้วก็..

“จ้อย!”

ร่างเล็กสะดุ้งโหยง ห้วงฝันหวามไหวมลายหายไปสิ้น หันหลังไปเห็นเลอมานกระหืดกระหอบมา “ตามหาตั้งนาน มานั่งเหม่ออยู่นี่เอง”

คุณชายนั่งลงเคียงข้างทันใด “ยายกับจ้อยติดหนี้คุณนายพูนทรัพย์อยู่เท่าไร” แถมยังเข้าประเด็นทันทีไม่อ้อมค้อม เล่นเอาจ้อยตั้งตัวไม่ทัน

“เอ่อ.. ประมาณสองหมื่นเห็นจะได้”

มือขาวสะอาดควักธนบัตรเป็นฟ่อนมาจากกระเป๋ากางเกง ความหนาของมันทำจ้อยถึงกับตกตะลึง กะด้วยสายตาคร่าวๆ น่าจะมีมูลค่าสูงกว่าหนี้ของจ้อยเสียอีก

และที่ทำให้ตกใจกว่านั้นคือคำประกาศหนักแน่นจากเพื่อนสูงศักดิ์

“ฉันจะใช้หนี้ให้จ้อยเอง!”

หะแรกนั้นคุณชายออกปากจะใช้คืนให้ทั้งต้นทั้งดอก ชนิดถอนรากถอนโคน แต่คนอย่างจ้อยหรือจะยอม แล้วคนอย่างเลอมานหรือจะยอมเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างรั้น แต่ความรั้นของจ้อยเทียบกับเลอมานแล้วยังห่างไกลนัก

โดนตอกหน้าว่าหนี้ของจ้อยทำให้คุณชายโดนไอ้ลอยรังควาญอย่างไร นักเรียนคนยากก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก สุดท้ายก็แบ่งรับแบ่งสู้ พบกันครึ่งทาง สรุปความได้ว่าจ้อยยินดีรับแค่ดอกเบี้ยหลักพันเท่านั้น ส่วนไอ้เงินต้นหลักหมื่นน่ะคุณชายเก็บเอาไว้เถิด

“จ้อยยืมเท่านั้นนะ เรียนจบสอบบรรจุเป็นครูได้เมื่อไรจ้อยจะหามาคืน”

**********************************

   หม่อมราชวงศ์เลอมานเดินออกจากโรงรับจำนำพร้อมเงินเป็นฟ่อนได้ไม่ทันไร ชาวบ้านร้านตลาดก็มีประเด็นใหม่เป็นหัวข้อสนทนาสนุกปากกันอีกหน

เมื่อคนึง วนาสัย อาจารย์หนุ่มหล่อแห่งโรงเรียนฝึกหัดครูผู้ไม่มีทีท่าจะว่าออกเรือนสักทีทั้งที่อายุปาเข้าเลขสามไปแล้ว อาจารย์ที่เคร่งครัด เคร่งขรึมน่าเคารพ ซ้ำยังขึ้นชื่อเรื่องมัธยัสถ์ยิ่ง ไม่เคยเถลไถล ไม่เคยเอาเงินไปถลุงในร้านเหล้าหรือโรงบิลเลียดอย่างอาจารย์คนอื่น

จู่ๆ อาจารย์คนึงก็ควักเงินสั่งซื้อไม้มะยมหอมจากโรงเลื่อยมาจำนวนหนึ่ง สำหรับต่อเรือหัวแหลมลำเล็กติดเครื่องหางยาว ยี่ห้อวิสคอนซินตัวละหลายร้อย ใครถามก็ตอบเรียบๆ ว่าต่อเรือไว้ให้เป็นสมบัติของโรงเรียน

ชาวบ้านโพนทะนากันไป ต่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อาจารย์คนึงอยู่มานมนานแล้ว อยู่ดีๆ นึกอย่างไรมาสั่งต่อเรือเอาป่านนี้ ซ้ำค่าไม้ ค่าต่อเรือ ค่าเครื่องยนต์นั้นเล่า ลำพังเงินเดือนครูจะหามาได้หรือ

“คนนึงมาขายนาฬิกาปุ๊บ อีกคนก็มีเงินซื้อเรือปั๊บ” บ้างก็จับสังเกตอย่างนั้น

สังคมชนบท ไม่ว่าใครทำอะไรก็รู้กันทั่วทุกหัวระแหง ตาบุญมานอนผวาตกเตียงที่บ้านแก อีกสองวันให้หลังก็รู้กันทั้งบาง ซ้ำยังใส่สีตีไข่ว่าแกถูกเมียถีบกระเด็นโทษฐานมีเมียน้อยเสียฉิบ

โบราณถึงว่าปากคนยาวกว่าปากกา

**********************************

(มีต่อจ้ะ :hao7:)

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 16-08-2015 21:17:35
และแล้ว.. ‘วันปลดหนี้’ ก็มาถึง
   
คุณชายเล็กมาในชุดเต็มยศ เต็มยศเสียยิ่งกว่าวันที่เดินทางมาเหยียบที่โรงเรียนชนบทนี่เสียอีก ร่างโปร่งบางอยู่ในสูทสีครีมนวล เนื้อผ้าเรียบกริบ รีดกลีบโง้ง งามสง่าผึ่งผายเสียยิ่งกว่าพระเอกหนัง รองเท้าหนังมันปลาบแทบส่องหน้าได้ เหน็บปากกาด้ามทองที่อกเสื้อเสียด้วย กลิ่นน้ำหอมราคาแพงฟุ้งกำจาย ใส่น้ำมันผมจนเรียบแปล้ชนิดแมงวันเกาะยังลื่น
   
นี่.. แค่ไปบ้านกำนัน ทำท่าเสียอย่างกับจะเดินทางกลับอังกฤษ

เพราะไม่ได้นัดล่วงหน้า คุณนายพูนทรัพย์จึงตกใจอย่างกับเห็นผีเมื่อเห็นพวกเขาสองคนไปเยือนถึงตีนบันได กับจ้อยน่ะไม่เท่าไร แต่กับคุณชายเล็กนี่สิ

“ทะ..ท่านชาย!” เมียกำนันเลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เลอมานเสียฉิบ ตาลีตาเหลือกร้องเรียกน้าแป้นให้รีบตระเตรียมต้อนรับ

แขกสูงศักดิ์เดินนำหน้าเจ้าของบ้านขึ้นบันไดโดยไม่รอให้เชื้อเชิญ สองมือไพล่หลัง เชิดหน้าจองหองเหลือหลาย หญิงกลางคนกุลีกุจอตามไป เงอะงะทำตัวไม่ถูก แกคงไม่คิดว่าจู่ๆ จะมี ‘เจ้า’ มาเยือนถึงบ้าน

จ้อยไม่คิดจะมาเหยียบที่นี่อีกแท้ๆ แต่คุณชายเล็กบังคับให้มาจ้อยจะขัดใจเธออย่างไรได้

คุณนายโรงสีลนลานปัดๆ ตั่งไม้สักด้วยมือเปล่าก่อนผายมือเชื้อเชิญ ‘เจ้า’ ประทับนั่ง ดูท่าการมาเยือนของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชกับหม่อมดาราจะส่งผลกระทบต่อความเกรงฟ้าสูงแผ่นดินต่ำของนางพูนทรัพย์มากโข จ้อยอดสำรวจหญิงคราวแม่ที่เคยรังแกจ้อยไว้สารพัดไม่ได้ ร่างที่เคยอ้วนท้วม วันนี้ดูซูบลงไป ปกติคุณนายแต่งหน้าจัด ปากแดงคิ้วโก่งแม้ตอนอยู่บ้าน หากวันนี้กลับดูซีดเซียวไปถนัดตา

เมียกำนันเงอะงะไม่รู้จะวางตัวเองลงตรงไหนจึงจะถูกจะควร หันไปหันมาแกก็นั่งแปะลงกะพื้นแทบเท้าเลอมาน

โอ๊ย! จ้อยอยากจะตบหน้าผากตัวเองสักป้าบ! ไอ้ ‘เจ้า’ ก็นั่งเฉย ไม่ทัดทานให้แกขึ้นมานั่งระดับเดียวกันสักคำ จ้อยถอนใจเฮือก พลางย่อตัวลงนั่งกับพื้นอีกด้าน

น้าแป้นประคองขันลอยน้ำดอกมะลิมา แกเห็นเจ้านายนั่งพื้น ส่วนหนุ่มสำรวยที่นั่งบนตั่งนั่น รัศมีเจ้าอ่าองค์ทรงเดชไปหมด โอ้โห..แกเลยเล่นคลานเข่าเสียตั้งแต่หัวกระไดเข้ามา คุณนายหันไปเห็นเข้าก็ตวาดแว้ด ไล่ให้น้าแป้นไปชงกาแฟใส่แก้ว พร้อมนำน้ำเปล่าทั้งร้อนเย็นมาถวาย

โธ่! ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์กับหมอนี่ก็ได้ป้าทรัพย์

ชักไม่แน่ใจแล้วว่า คนที่นั่งวางเขื่องอยู่บนตั่งไม้สักทองนั่นมันหม่อมราชวงศ์เลอมานหรือท้าวสามล พ่อเจ้าประคุณเต๊ะท่าจนน่าถีบให้ตกตั่ง!

แล้วขาน่ะจะถ่างไปไหน หุบลงหน่อยเถอะ!

“ท่านชายเสด็จมามีเรื่องอะไรเรอะเพคะ” คุณนายถามนอบน้อมแทบหมอบกราบ จ้อยได้แต่นั่งอึดอัด เลอมานนะเลอมาน ถ้ารู้ว่ามาแล้วจะเป็นแบบนี้ ไม่พามาก็ดีหรอก!

“ได้ข่าวว่าจ้อยติดหนี้คุณนายพูนทรัพย์มากอยู่” คุณชายตรัส.. เอ๊ย พูดด้วยสำเนียงแบบพระราชาตามวิกยี่เก “จ้อยเป็นเพื่อนของเรา ไม่สิ.. ที่ถูกควรเรียก..” ดวงตาสีน้ำตาลใสหันมองจ้อย

“..พระสหาย”

จ้อยแทบสำลักน้ำฝนลอยดอกมะลิ!

คุณชายยิ้มละไม ดึงแขนจ้อยให้ขึ้นมานั่งระดับเดียวกัน จ้อยขืนไว้สุดชีวิต เป็นตายอย่างไรจ้อยก็ไม่นั่งค้ำหัวผู้ใหญ่

ที่สำคัญ! นั่นน่ะ.. ‘แม่ผัว’ จ้อยนะ!

“เล็ก!” จ้อยปรามไม่ออกเสียง พอมีมะโหขึ้นมายศศักดิ์ก็กระเด็นกระดอน แต่ท้าวเธอสนที่ไหน จ้อยต้องแอบหยิกแขนไปทีเล่นเอาครางซี้ดนั่นแหละ

คนถูกสถาปนาเป็นพระสหายหมาดๆ ทำตาพองใส่ เล่นพิเรนทร์อะไรแบบนี้!

“อะแฮ่ม” เลอมานกระแอมกลบเกลื่อน “หนี้ของพระสหายก็เท่ากับหนี้ของเราด้วย”

คุณนายทำตาปริบ ครั้นพอเลอมานยื่นซองกระดาษสีน้ำตาลให้ มือสั่นเทายื่นไปรับมาเหมือนคนไม่รู้ตัว แกเปิดดูเห็นแบงค์สีแดงเป็นฟ่อนก็เริ่มเบะปาก

“ไม่เอาแล้ว อิฉันไม่เอาอะไรทั้งนั้น..” จู่ๆ น้ำตาคนเป็นแม่ก็พรั่งพรูอย่างน่าสงสาร “อิฉันไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ขอแค่ให้ลูกชายอิฉันกลับบ้าน..”

เล่นเอาผู้มาเยือนทั้งสองมองหน้ากันเงียบงัน

วันเอาคืน(แทนเพื่อน)ของเลอมานล้มเหลวไม่เป็นท่า เจอน้ำตาคนแก่เรี่ยรายแบบนี้ ใครจะใจไม้ไส้ระกำรังแกกันลง ยิ่งเห็นแกร่ำไห้ถึงลูกชายอย่างน่าเวทนา คนไกลบ้านก็ชักคิดถึงแม่ขึ้นมาตงิดๆ

สุดท้ายคุณนายพูนทรัพย์ก็ไม่เอาอะไรสักอย่าง เงินต้นก็ไม่เอา ดอกเบี้ยก็ไม่เอา เอาแต่ฟูมฟายน้ำตานองหน้า รำพันพิลาปว่าเมื่อไรลูกสิงห์ของแม่จะกลับบ้าน

เลอมานได้แต่เก็บเงินคืนกระเป๋ากางเกงเงียบๆ

แต่มีอยู่เรื่องต้องย้ำหัวตะปูกันหน่อย “แล้วคุณนายก็อย่าสั่งให้ไอ้..” เขายั้งปากไว้แทบไม่ทัน “..อย่าสั่งให้นายลอยไปรีดทานาเร้นกับยายช้อยที่บ้านอีก”

“รีดนาทาเร้นครับ” จ้อยแก้ให้หน่ายๆ

นางพูนทรัพย์พยักหน้ารับคำทั้งน้ำตา

“แล้วนี่.. มากันอย่างไรรึเพคะ” เจ้าบ้านถามเมื่อพาสังขารกระย่องกระแย่งมาส่งถึงตีนบันได แกเหลียวซ้ายแลขวา ไม่ยักกะเห็นเรือหรือรถสักคัน

“รถพระที่นั่ง” เลอมานตอบฉะฉาน เล่นเอาจ้อยแทบสะดุดขั้นบันไดหัวทิ่ม “จอดอยู่ตรงโน้นแน่ะ ไม่ต้องส่งหรอก” มือขาวชี้ไปทางตะวันออกลิบๆ คุณนายมองตามทำหน้างง

สองสหายลัดเลาะมาตามป่าไผ่ นั่นไง! ‘รถพระที่นั่ง’ นอนเค้เก้อยู่ใต้กอไผ่สีสุก จอดดีๆ ไม่ได้เพราะขาตั้งหักน่ะซี!

ข้าวระเนนเอนพลิ้วลิ่วลมลู่
เฉกคลื่นตรูสมุทรทองรังรองแสง

เดือนอ้ายแรม  ทุ่งนาก็กลายเป็นสีทอง  ข้าวเหลืองอร่ามไปตลอดทุ่ง  ลมหนาวโชยมาอ่อนๆ  เสียงกังหันครางแผ่วๆ อยู่บนยอดไม้  เป็นเครื่องเตือนให้รู้ว่าถึงฤดูเกี่ยวข้าวแล้ว  ครอบครัวชาวนากำลังจะมีข้าวใหม่กลิ่นหอมอ่อนนุ่มกินกัน

จักรยานคันเก่าโขยกออดแอดไปตามทางเกวียน พระสหายจ้อยเป็นคนขี่ มีคุณชายเลอมานซ้อนท้าย

“คุณชายไม่น่ารักเลย” จ้อยเสียงดังแข่งกับสายลมกรูเกรียว “รู้ตัวไหมว่าที่ทำลงไปวันนี้มันไม่ดี ถึงอย่างไรแกก็เป็นผู้ใหญ่” ถึงอย่างไร.. แกก็เป็นแม่.. ของคนที่จ้อยรัก..

มิหนำซ้ำ ใบหน้าอิดโรย ท่าทีอ่อนล้าดั่งคนเจ็บไข้ของเมียกำนันติดอยู่ในหัวจ้อย สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด

เลอมานทำไขหู กางแขนระต้นหญ้าข้างทางเรื่อยเปื่อย เล่นเอาจ้อยกลอกตาระอา

“พระสหายจ้อยงั้นเรอะ” จ้อยฉิวขึ้นจมูก “เฮอะ เดี๋ยวเหาก็ได้ขึ้นหัวจ้อยกันพอดี”

“เหา!” คนซ้อนร้องเสียงหลง “จ้อยเป็นเหาเรอะ! ไปไกลๆ เลยนะ!” ไม่พูดเปล่า สองมือผลักจ้อยจนหัวซุน ก่อนโดดออกจากอานรถด้วยความรังเกียจเสียเต็มประดา

ผลจากการดีดตัวไม่มีปี่มีขลุ่ย รถถีบเสียหลักทันที จ้อยแหกปากลั่น ประคองจักรยานตุปัดตุเป๋จนขากาง ใช้สองเท้าแทนเบรคหยุดรถได้ทันจนฝุ่นตลบก่อนที่มันจะไถลตกถนน

คนที่เกือบลงไปนอนแช่ปลักควาย หลับตาข่มกลั้นความรู้สึกที่กำลังจะระเบิด “มันเป็นสำนวน!” จ้อยหันมาตะโกนใส่คุณชายที่นอนแอ้งแม้งคลุกฝุ่นหมดสภาพ “อิเดี้ยมน่ะอิเดี้ยม ยูโน๊ว์!?”

เลอมานกะพริบตาปริบ ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาก่อน และแล้วจ้อยที่โมโหจนหอบหนักอยู่สองสามทีก็หัวเราะตามขึ้นมา พลางลงจากจักรยานมาช่วยดึงเพื่อนให้ลุกขึ้น

กระดึงคอวัวส่งเสียงกรุ๋งกริ๋ง เกวียนเล่มหนึ่งโขยกเขยกมาตามทาง บรรทุกคนงานลงแขกเกี่ยวข้าวมาเต็ม

“อ้าวคุณชาย” ชายขับเกวียนร้องทัก “ครูคนึงเขาต่อเรือให้ สวยอย่าบอกใคร ทำไมไม่ไปนั่งเรือ มาลำบากลำบนปั่นรถถีบเก่าๆ กันอยู่ทำม้าย”

เลอมานกับจ้อยมองหน้ากันด้วยความสงสัย ไม่ทันสังเกตสายตาคนบนเกวียนที่ค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป

จับจ้องมาราวจะยิ้มเยาะ..

**********************************

เรือหางยาวที่คนึงสั่งให้คนต่อขึ้นนั้นเป็นเรือหัวแหลมท้ายตัดขนาดเล็ก จุคนได้ ๒-๓ คน ในส่วนเครื่องต่อเพลาติดใบจักร มีแปลกเพิ่มเติมไปจากลำอื่นคือมีหางเสือใบเล็กที่ทำด้วยไม้ติดไว้ช่วงท้าย ใต้ท้องเรือในน้ำเจาะกระดานฝังกระบอกแป๊บเหล็ก โยงด้วยลวดสลิงจากหางเสือถึงพวงมาลัยที่ติดตั้งอยู่หน้าม้านั่งคนขับเรือ แค่ติดเครื่องแล้วนั่งมองตรงไปข้างหน้า ไม่ต้องตะแคงข้าง ไม่ต้องคอยระวังมือจับของเครื่อง เพียงหมุนพวงมาลัยก็บังคับซ้ายขวาได้สะดวก

คนึงลองขับเรือที่ท่าหลังโรงเรียน ของใหม่ดึงดูดความสนใจทั้งเหล่าอาจารย์และนักเรียน กลิ่นสี กลิ่นเชลแล็กยังเตะจมูก

อาจารย์หนุ่มบอกว่าเรือลำนี้เป็นสมบัติของโรงเรียน แต่เอาเข้าจริงเมื่อมีกิจต้องเดินทางไปไหน พาหนะก็ไม่พ้นรถแลนโรเวอร์คันเก่าอยู่ดี

ส่วนเรือใหม่นั้นหรือ..

เสียงเครื่องยนต์วิสคอนซินแหวกสายน้ำมุ่งไปบ้านยายช้อยแต่รุ่งสาง เด็กหนุ่มสูงศักดิ์มองเรือใหม่ตาเป็นประกายเหมือนเด็กเห็นของเล่นใหม่ คนึงยังไม่ได้เอ่ยคำใดสักคำ หากเพียงสบสายตาที่มองมาลึกล้ำ เลอมานรู้ได้ทันใด

อาจารย์ต่อเรือลำนี้เพื่อเขา!

รอยอุ่นที่ริมฝีปากในวันนั้นดังจะร้อนวาบขึ้นมา

ด้วยความเป็นคนซุกซน อยู่นิ่งไม่เป็น อยากรู้อยากลองไปทุกสิ่ง ดังนั้นเมื่ออาจารย์บอกว่าจะสอนขับ ศิษย์ก็แทบโดดลงเรือทันทีไม่รีรอ

ก่อนอื่นดึงเครื่องให้ติดแล้วเบาเครื่องก่อน ปลดห่วงคล้องมือจับ วางเพลาติดใบจักรลงน้ำ เลอมานทำตามอย่างว่าง่าย เขาเคยลองขับรถยนต์ของท่านพ่อมาแล้ว แค่เรือติดเครื่องจึงไม่น่าเกินความสามารถ

หนแรกนั้นเรือวิ่งช้าๆในคลอง เลอมานบิดมือไปข้างหลังเร่งคันเร่งนิดเดียว หัวเรือยกเชิดขึ้นพ้นน้ำเกือบครึ่งลำเรือ วิ่งฉิวขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มใจพองอยู่ในอก นึกขอบคุณคนที่ต่อเรือลำนี้ให้

พอคล่องดีแล้ว อาจารย์พาลัดเลาะจากคลองออกแม่น้ำ มุ่งหน้าไปตลาด การแล่นเรือไปตามลำคลองยามเช้าจะตกอยู่ในสายตาผู้คนสองฝั่งคลองมากเป็นพิเศษ เพราะยังไม่ทันออกไปไร่ไปนา มีกิจกรรมต้องหันหน้าลงคลอง เช่น ตักบาตรพระที่พายเรือมาเป็นสายสีเหลือง ล้างถ้วยชาม ล้างผัก ล้างปลาที่สะพานท่าน้ำ ตลอดจนล้างหน้าอาบน้ำ หรือรอซื้อกาแฟเจ้าประจำที่มากับเรือสำปั้นลำใหญ่

ดังนั้น.. เสียงหัวเราะ รอยยิ้มเบิกบานแจ่มจ้าจากเรือยนต์คันน้อยของครูศิษย์จึงมีประจักษ์พยานความสุขเป็นชาวบ้านแทบทั้งบาง
เลอมานสุขใจเสียจนไม่สนสายตาสองฝั่งคลอง ส่วนคนึง.. เพียงอยากทำทุกอย่างให้ดูเป็น ‘ปกติ’ คนไม่มีความลับ ทำสิ่งใดย่อมเปิดเผยมิใช่หรือ พวกลักกินขโมยกินต่างหากที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ

แต่ใครเลยจะคาดคิด..

ถึงตลาดยอด การจราจรเริ่มคับคั่ง มีเรือหางยาวลำใหญ่กว่า เสียงดังกว่าแล่นตามหลังมาแล้วแซงไปอย่างรวดเร็ว คลื่นน้ำหนุนจนเรือโคลงเคลง เลอมานรีบหมุนพวงมาลัยกลับขวาเมื่อเห็นหัวเรือพุ่งไปทางซ้าย!

ซึ่งทางซ้าย.. มีเรือสำปั้นพายเฉียงแม่น้ำมุ่งตรงมาจะจอดเทียบท่า เด็กหนุ่มควบคุมพวงมาลัยไม่ทัน!

“เล็ก! ดับเครื่องเร็ว!” คนึงร้องบอก รีบคว้าพายงัดเรือไว้ไม่ให้ชนกัน ศิษย์รีบร้อนดับเครื่องจนหางเรือปัด ท้ายชนโครมเข้ากลางเรือสำปั้น อาจารย์ตกใจโดดเข้ามาดึงศิษย์รักไปไว้แนบอก!

เรือสิ้นฤทธิ์หยุดสนิทเมื่อได้เกยกราบเรือสำปั้นกลางลำ น้ำไหลอู้เข้าไปในเรือที่เอียงกะเท่เร่

เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็ว เสียงโครมครามดึงความสนใจชาวบ้านและพ่อค้าแม่ขายสองฝั่งคลอง หลายคนวี้ดว้ายเซ็งแซ่

“อั๊วซี้เลี้ยวว้า!” อาแปะนายท้ายเรือสำปั้นร้องลั่น สองคนที่กอดกันตกตะลึงดั่งได้สติ ช่วยกันผลักเรือสองลำให้ลอยหลุดจากกัน

ลงท้ายทั้งครูศิษย์ต่างช่วยกันวิดน้ำในเรือสำปั้นให้เรียบร้อย พร่ำขอโทษไม่ขาดปาก ชาวบ้านเห็นกันทั่ว  แม้แค่ชั่วเสี้ยววินาที ที่อาจารย์กับศิษย์รักกอดกันกลมกลางลำคลอง

อะไรหลายอย่างช่างประกอบกันเหมาะเหม็งยิ่งกว่าสลักเดือย

‘ที่ไอ้ลอยว่าไว้ไม่มีผิดเลย’
‘วันนั้นอีทองใบเห็นกะตาว่าเขาจูบกัน’
‘ไอ้สุ่มบอกว่าเขากอดกันกลางคลอง’
ฯลฯ


ชาวบ้านโพนทะนาเป็นเสียงเดียวกันว่า.. อาจารย์คนึงต่อเรือไว้ลอยลำจู๋จี๋กับศิษย์รัก ซ้ำเงินที่ใช้ก็คงไม่แคล้วเงินจากหม่อมราชวงศ์เลอมาน!

ระยำสิ้นดี อัปรีย์จัญไร!


โปรดติดตามตอนต่อไป

_____________________________________________________________________
*ตัดไม่ขาด, นคร ถนอมทรัพย์ คำร้อง, สุเทพ วงศ์กำแหง ขับร้อง

มาแล้วๆๆๆๆ เค้า! กลับ! มา! แล้ว! เย้ๆๆๆๆ
หายไปเกือบสามเดือน ยังมีคนรออ่าน เค้าดีใจมากๆเลยค่ะ ขอบคุณมากเลยนะที่ยังรอกัน และขอโทษด้วยที่หายไปนาน แมวเหมียวเค้าไม่สบายน่ะค่ะ เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งเต้านมระยะลุกลาม ช่วงที่ผ่านมามัวแต่วุ่นวายกับการดูแลแมวป่วยค่ะ แต่ในที่สุดน้องแมวก็จากไปแล้วค่ะ ไปอย่างสงบเมื่อวานนี้เอง :mew6:

รักคนอ่านนะ

ดอกไม้
๑๖ ส.ค. ๕๘
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 16-08-2015 21:22:28
อุ๊ยต๊ายยยยย
เรื่องคาวๆ ผุดออกมาล่ะ
พี่สิงห์กลับบ้านเถอะๆ
เสียใจกับน้องแมวด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 16-08-2015 21:23:04
ไพเราะเพราะพริ้งราวกับบทเพลง
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกอิ่มเอมจังเลยคะ
ภาษาอ่านแล้วเหมือนฟังเพลงใจรัก
เบา....หวาน...ละมุน...สวยงาม
อากัปกิริยาทั่วไป  คนเขียนบรรยายได้สวยงามเหลือเกิน
///////////////////////////////////////////////////////////
 ดีใจที่คู่สิงห์กับจ้อยลงเอยกันด้วยดีแล้ว
หวานยิ่งกว่าน้ำตาลเชื่อม
ชอบใจตรงแม่ผัวนี่แหล่ะ...หึ..หึ..
เหลือแต่คู่คะนึงกับเลอมาน
จะขมกว่าบอระเพ็ดหรือเปล่าน่ะ
โบราณว่าไว้...........ข่าวลือยิ่งกว่า...ไฟลามทุ่ง
ขอบคุณที่มาต่อคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 16-08-2015 21:37:34
มาแว้วววววววววววววววววววว :katai2-1: :katai4: :ling1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 16-08-2015 21:48:14
มันสั้นเนอะ

อยากอ่านอีกจังค่ะ

เรื่องของคุณดอกไม้เป็นเรื่องเดียวเลยที่เราอิน

อินแบบระทมทุกข์ไปด้วย เมื่อไรเลอมานจะหมดเคราะห์นะ

ถึงแม้ตอนของป้าทรัพย์จะฮาก็เถอะแต่สงสารเลอมานอ่ะ พ่อคนซื่อไม่ทันใคร โดนสังคมรังแก แต่อีกใจนึง นี่อาจจะเป็นบทพิสูจน์ของการเติบโตของเลอมานก็ได้ การที่ท่านพ่อส่งมาอยู่ในอีกทีหนึ่งคงจะสอนบทเรียนชีวิตที่แสน tough ให้ลูกน่ะแหละ มันต้องมีความหมายในทุกๆการกระทำอยู่เเล้ว

ปล. เสียใจด้วยเรื่องแมว น้องไปสบายแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ナマケモノ~ず ที่ 16-08-2015 21:54:50
คู่นึงหวานน้ำตาลเกาะขึ้นเรื่อยๆ

อีกคู่นึงก็โศกต่อเนื่องเลย



หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 16-08-2015 22:06:39
งื้อออ อาจารย์กับหนูเล็กเพิ่งจะเริ่มๆดีกัน
ไอ้ลอยมันก็เอาปัญหามาให้อีกแล้ววว  :sad4:

ปล.เสียใจเรื่องน้องแมวด้วยน้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-08-2015 22:14:48
คุณเล็กจะทนคำนินทาได้ไหม ครูคนึงจะช่วยคุณเล็กได้รึป่าว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: feelinlove ที่ 16-08-2015 22:36:28
โอย สงสารอาจารย์คณึง พวกชาวบ้านนี่ก็นะ ไม่ใช่เรื่องของตัวแท้ๆ จะยุ่งยากกับเขาทำไม
คงอีกประมาณ 4 ตอนก็จะจบแล้วใช่ไหมคะ เฮ้อออออ ใจหายจังเลย ตามอ่านมาหลายปี
 :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 16-08-2015 23:12:31
 :o12: กว่าจะมาต่อ ฮือๆๆๆ แทบจะลืมตอนก่อน
เมื่อไหร่อุปสรรคความรักของเล็กจะหมดซะทีอะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Motion_Lover ที่ 16-08-2015 23:17:20
เป็นกำลังใจให้นะคะคุณดอกไม้
*กอดดด*
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 16-08-2015 23:42:26
ชีวิตพี่สิงห์น้องจ้อยนี่ดี๊ดีเนอะ
คนอ่านก็เพ้อตาม
 :mew3:

ส่วนอีกคู่เหมือนจะดี
แต่มีชาวบ้านมาเสื_ก (เอ่อ มามีส่วนร่วม)
จริงๆไม่ต้องสนใจได้มั้ย เบื่อเสียงนกเสียงกาที่สุด
 :angry2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Nae_Nae ที่ 17-08-2015 01:06:17
ขอบคุณที่มาเขียนต่อให้อ่านนะค้าาาา
ป.ล. อย่าดราม่านานได้มั้ยยย เค้าสงสารหนูเล็ก T^T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 17-08-2015 04:50:10
 :hao7: ชอบเวลาจ้อยกับเลอมานอยู่ด้วยกันค่ะ ฮามาก  :m20:  ดีใจมากค่ะที่มาต่อ กรี้ดดดดด  :katai2-1:

ขอแสดงความเสียใจกับแมวของคุณดอกไม้ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: akkharadech ที่ 17-08-2015 09:59:47
มาแล้วววว ดีใจจังเลย ชอบเรื่องนี้มาก พลอตดีภาษาสวย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 17-08-2015 10:12:25
ข่าวลือ น่ากลัวกว่าไฟไหม้
ทำอย่างไรดีน้ออออ ให้คู่นี้หนูเล็กมีความสุขเสียที
หรือต้องให้อาจารย์คนึงตามหนูเล็กกลับอังกฤษ
เฮ้อ ไอ้ลอยนะไอ้ลอย เกลียดแกจริงๆ

คู่จ้อยดี๊ดีน่าาา หวานเว่อ กลับบ้านได้แล้วละ
แม่ผัว ชอบคำนี้อ่ะจ้อยย


เสียใจเรื่องแมวด้วยนะคะ มันไปสบายไม่ต้องเจ็บปวดอะไรแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: manutty ที่ 17-08-2015 15:33:09
การนินทานี่มีทุกยุคทุกสมัยจริงๆ มนุษย์ก็เป็นแบบนี้แหละ สนใจแต่เรื่องคนอื่นจนมองข้ามเรื่องตัวเอง ไม่นึกถึงคุณความดีที่อาจารย์คนึงกับเลอมานได้ทำให้หมู่บ้าน ได้สอนลูกหลานตัวเอง กลับมองแต่เรื่องไม่ดีแล้วเอามาคุยเป็นเรื่องสนุกปาก ขอให้โดนสั่งสอนหน่อยเถอะ พวกชาวบ้านปากมอม  :beat:   แอบชอบน้องจ้อยที่สงสาร แม่ผัว แหม ตั้งแต่เป็นเมียพี่สิงห์นี่ยอมรับเต็มปากเต็มคำเลยนะน้องจ้อย แถมลดความดื้อไปเยอะเลย มีแต่ความหวาน  :-[  ส่วนคุณเล็กกับครูคนึง ก็เหมือนจะดีกันโดยไม่รู้ตัวนะ ขอให้ทั้งคู่ฝ่าฟันไปด้วยกันให้ได้นะ อย่าไปสนใจพวกปากหอยปากปู สู้เพื่อความรักของตัวเองให้ได้นะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-08-2015 16:54:48
ขำคุณนายพูนทรัพย์กับชายเล็ก ทำไปได้
ส่วนวิบากกรรมคู่อาจารย์ลูกศิษย์เมื่อไหร่จะหมดเสียที
คราวนี้ท่าจะเรื่องใหญ่ ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านคงไม่จบง่าย ๆ
คู่รักหวานเว่อร์ ข้ามไป หมั่นไส้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 17-08-2015 17:21:49
จะร้ายหรือจะดีก็ขอให้มีสติกันไว้นะ

เอาใจช่วยมากๆ ทั้งคุณเล็ก ทั้งคุณครูนะคะ

ไอ้ลอยนะไอ้ลอยป่วนเขาไปหมด

อยากจะให้ถึงคราวของมันไวๆ ละเกิน

แม่จะตามไปสมน้ำหน้าทุกบททุกตอนเลยเชียว!!

.
.
.
ส่วนคู่รักทรหดนั้นไซร้ สวีทกันจนน้ำในคลองหวานไปหมดแล้ว

อีกไม่นานภรรเมียที่แสนดีคงได้ฤกษ์พาสามีกุลีมีการศึกษากลับมาสู่อ้อมอกแม่แล้วสินะ

นู๋จ้อยจ๋า...เรียกแม่ผัวสิลูก คึคึคึ >_<


ปล.ขอให้น้องแมวไปสู่ภพภูมิที่ดี น้องไม่เจ็บไม่ปวดแล้วเนอะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ /กอดแน่น  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 17-08-2015 21:49:21
เสียใจกับการจากไปของน้องแมวด้วยค่ะ  :hao5: เข้าใจดีเลยว่าเวลาสัตว์เลี้ยงตายเป็นยังไง TT

นึกว่าตาฝาดเห็นเลอมานอัพ สรุปอัพจริงๆ ด้วยยย  :กอด1:

โดนซุบซิบนินทาแบบนี้แล้วเลอมานจะรับได้ไหม..

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Thanking ที่ 17-08-2015 21:59:47
ดีใจมากที่กลับมาค่ะ เจ้าเหมียวไปสบายแล้วนะคะ เข้มแข็งนะ
คุณดอกไม้หายไป  3 เดือนเองเหรอ??? เรารู้สึกว่ามันนานกว่านั้นมากๆ เพราะเข้ามาคอยแทบทุกวันน่ะ
ขอกอดแน่นๆ ทีนึงจ้ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 17-08-2015 22:53:30
เสียใจกับเรื่องแมวของคุณดอกไม้ด้วยนะคะ แล้วก็ดีใจที่คุณดอกไม้กลับมา สงสารคุณชายเล็กกับครูคนึงจังเลยค่ะ ลมปากคนนี่น่ากลัวจริงๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 18-08-2015 06:27:14
ลอยนี่น้าาา น่าจับมาลงหวายซะให้เข็ด

** เสียใจเรื่องน้องเหมียวด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 19-08-2015 11:31:57
ดีใจที่มาอัพต่อนะคะ
มีเรื่องให้นินทาแบบนี้จะรอดมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: กลีบผักกาด ที่ 19-08-2015 20:04:15
นึกว่าตาฝาด คู่จ้อยก็หวานจนน้ำตาลขึ้น ส่วนเล็กกับอาจารย์ไม่ทันไรก็หน่วงก็แล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: 404notfound ที่ 19-08-2015 20:15:48
ทั้งหวานทั้งขำและดราม่าภายในตอนเดียว
รักนิยายเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ :mew1:

เสียใจเรื่องน้องแมวของคุณดอกไม้ด้วยนะคะ....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 19-08-2015 23:16:49
นี่แหละหนาที่เขาว่า อันนินทา กาเล เหมือนเทน้ำ คนเรานี่ก็นะ ชอบไปทำเฒ่าเรื่องเพื่อนอยู่ได้ สงสารหนูเล็กกับอาจารย์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: แค่ความทรงจำ ที่ 20-08-2015 01:46:05
สงสาร คุณชายเล็กกับอาจารย์คนึงมากๆ  :mew6: :mew6:

อีกคู่ก็น่ารักเชียว

สู้ๆ

ลุ้นๆ ต่อไป
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Chocolate1134 ที่ 21-08-2015 23:03:01
โอ๊ย เพิ่งเคยเข้ามาอ่านค่ะ อ่านรวดเดียวถึงตอนปัจจุบันเลย รู้สึกอินหนักค่ะ ก่อนจะมาถึงตอนนี้หมดน้ำตาไปเป็นขันเลย ฮื้ออออ  :z3:

ส่วนนายลอยนะ นายลอยยยยยยย มันน่าจับหัวกดน้ำให้ตายไปๆเล้ยยย ผัวเมียเขาเพิ่งจะดีกันนน ทำครอบครัวเจาแตกแยกหมดด  :angry2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: PHEROMONE♥ ที่ 22-08-2015 19:31:36
ชอบพี่สิงห์กะน้องจ้อย ❤
มาต่อบ่อยๆน้าา :กอด1:
เสียใจกะน้องแมวด้วยนะครับ  :L2: :sad11:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: poyhoney ที่ 31-08-2015 13:50:22
ชอบเรื่องนี้มากเลย อ่านแล้วเอาไปฝันด้วย5555
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้นะ และก็รอรวมเล่ม รอมาอัพเรื่อยๆด้วย
ชอบมากค่ะ :laugh:  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: la.moonta ที่ 10-09-2015 01:17:15
กรี๊ดดดดด เพิ่งกลับมาอ่านค่ะ เห็นว่ามาต่อแล้วเลยดีใจมาก
รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: SoulFighter ที่ 25-09-2015 20:47:52
คิดถึงเรื่องนี้จัง

 :m17:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 29-09-2015 15:45:28
รอค้าาาาาาาาาา :ling1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: เกรียนเหมียว ที่ 05-10-2015 10:08:49

แวะมาบอกคิดถึง และยังรอเรื่องนี้เสมอเจ้าค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 05-10-2015 11:49:21
รอนะคะ หายไปนานแค่ไหนก็ได้ แต่อย่านานกว่าตอน Protege ก็พอ เดี๋ยวจะลงแดงซะก่อน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Sailordews ที่ 08-10-2015 12:45:25
ขอแสดงความเสียใจเรื่องน้องแมวด้วยนะคะคุณดอกไม้ ._. เป็นกำลังใจให้นะคะ รักนิยายเรื่องนี้มาก จะรอค่ะ ชาวบ้านอย่าทำอะไรอาจารย์คนึงเลยเถอะเนาะ 555 TvT :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: PHEROMONE♥ ที่ 24-10-2015 16:32:46
คิดถึงอ่ะ :กอด1: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 24-10-2015 17:01:33
เข้ามาฝากความคิดถึงจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 24-10-2015 17:13:15
เลอมาน  :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Koduck ที่ 25-11-2015 17:10:39
รอออออออออออออออออออออ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: nonnn ที่ 26-11-2015 12:29:08
พอคู่จ้อยหวานแล้ว ก็ดันมาซดมาม่าต่อกับคู่อาจารย์คนึง
เหมือนว่าเค้าจะเข้าใจกันแล้ว เลอมานก็ดูจะเข้าหาอาจารย์มากขึ้น
อาจารย์เองก็ดูจะใจอ่อน เล่นบทตัวร้ายไม่ลง สุดท้ายก็ต้องมาตามดูแลกันอยู่ดี
เสียอยู่อย่างเดียว พวกชาวบ้านที่นินทา งานหลักไม่ทำ เอาดีด้านการยุ่งเรื่องคนอื่นอย่างเดียว
ก็ไม่เข้าใจว่าจะอยากรู้เรื่องของคนอื่นไปทำไม สนใจเรื่องของตัวเองก่อนดีมั้ย
เรื่องไหนจริงไม่จริงขอได้หยิบเอามานินทาก่อนเป็นอย่างแรก โม้ไปเกินครึ่งเรื่องได้แล้วมั้งน่ะ

แล้วไหนจะมีคนตาดีไปเห็นตอนอาจารย์กับเลอมานจูบกันอีก ล่าสุดก็กอดกันกลมอยู่บนเรือ
นั่นมันอุบัติเหตุค่ะคุ๊ณ ใครเค้าจะบ้าไปยืนกอดกันให้ทุกสายตาจ้องมองแล้วเอาไปนินทาล่ะคะนั่น
คิดบ้างสิคะ คิดๆ อย่าดีแต่สักจะเอาเรื่องของคนอื่นไปกล่าวหาในทางเสียหายหน่อยเลย
เรื่องใช้หนี้ก็ถือว่าจบกันไปแล้ว คราวนี้ถึงไอ้ลอยมันจะไม่มายุ่งกับเลอมานอีก
แต่ก็คงไม่พ้นขี้ปากของชาวบ้าน คงโพทะนากันไปทั่วบางแล้วล่ะ
นี่ก็ไม่อยากจะคิดว่าดราม่าขั้นต่อไปจะเป็นยังไง ไม่ใช่ว่าไปถึงหูท่านพ่อและคุณย่าของเลอมานนะ
อย่างท่านพ่อนี่ไม่เท่าไหร่ แต่คุณย่านี่แหละ งานนี้แค่คำว่าสตรองก็เอาไม่อยู่
เพราะแค่ครั้งแรกที่เจอหน้าอาจารย์ คุณย่าก็ออกตัวแรงดูถูกกันไปซะขนาดนั้นแล้ว
ยิ่งมาเจอข่าวไม่ดีกับหลานตัวเองแบบนี้อีก งานใหญ่งานหลวงและงานช้างจัดมาเต็มที่อย่างแน่นอน
สงสารก็แต่เลอมานกับอาจารย์นี่แหละ ใจออกจะตรงกันแล้ว ใยต้องมีอุปสรรคเข้ามาขวางกั้นอีก

ถึงจะอ่านแล้วแอบเจ็บปวดใจตามคู่อาจารย์คนึงกะเลอมาน
แต่เรื่องจ้อยนี่ต้องหลุดขำ โดยเฉพาะคำว่าแม่ผัว อื้อหือ ยอมรับได้เต็มปากแล้วนะจ้อย ฮ่าๆๆ
ยังไงคู่นี้ก็ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว เหลือก็แต่ต้องลุ้นคู่อาจารย์กันต่อไป


และยังคงเฝ้ารอการอัพนิยายทุกวันทุกเวลา หายไปนานแล้วเน้อ กลับมาเถอะ เราอยากเจอ(+เป็ดให้ๆ)
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นักเขียนเหมือนเดิมนะคะ เรื่องน้องแมวขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ
ว่างเมื่อไหร่ก็อย่าลืมมาอัพนิยายเรื่องนี้ด้วยเน้อ เรายังรออยู่เสมอ สู้ๆและรักษาสุขภาพด้วยค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: poyhoney ที่ 10-12-2015 07:28:40
หายไปนานมากเลย คิดถึงละนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 10-12-2015 11:11:12
ยังรอเรื่อยๆเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: pedchara ที่ 13-12-2015 22:34:42
รอกลับมาสานต่อนะคะ 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Noockie ที่ 15-12-2015 21:27:33
รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 18-12-2015 23:07:25
4 ปีแล้วมาลงต่อให้จบหน่อยค่าาา  คิดถึง พี่สิงห์ ไอ้จ้อย อาจารย์คนิง คุณชายเล็ก จะแย่แล้วววว....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 14-01-2016 03:10:38
คิดถึงอะ นานจัง :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 17-01-2016 17:42:09
 :mew2:miss you
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: watcharet ที่ 29-02-2016 00:17:10
ยังรอเหมือนเดิม มาให้กำลังใจนะครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-03-2016 21:34:32
คิดถึงเลอมาน  :o8:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: muio ที่ 01-03-2016 22:17:25
ยังรอเสมอค่ะ
เป็นนิยายที่เขียนดี เนื้อเรื่องดี ดีทุกอย่างอยากให้มาต่อให้จบมากๆคะ
  :mew6: :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: riangkarn ที่ 06-03-2016 08:58:10
ยังรออยู่นะค้าาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 06-03-2016 09:57:21
เลอมานนน  :ling3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 06-03-2016 14:11:20
ยังรออยู่อีกคนค่ะ อยากให้มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 06-03-2016 14:42:33
เข้ามาบอกว่าคิดถึงเธออยู่เสมอนะตัวเอง  :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 19-03-2016 22:13:38
คุณดอกไม้ไปไหนเอ่ย คิดถึง กลับมาเถิด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: poyhoney ที่ 20-03-2016 18:43:20
ยังรอ และยังคงรอ :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 20-03-2016 22:44:42
เลอมานนน  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 21-03-2016 14:28:29
นี่คือ มหากาพย์ดราม่าตับพัง  อ่านไปตับพังไป อาห์

รายการปมที่คุณคนเขียนไม่เฉลย
ผู้ให้กำเนิดจ้อยคือใคร
สาเหตุที่เจ๊พูนทรัพไม่ชอบแม่จ้อย
บักลอยและจินดา

บางตอนนี่พาหงุดหงิดมากๆค่ะ คือ คือคุยกันมากขึ้นหน่อย มัวแต่ใช้อารมณ์อยู่นั้น
จ้อย แกไม่ชอบเกย์ชิมิ แต่สิงค์เป็นผัวแกนะ
สิงค์ พบจิตแพทย์ด่วน ลากแม่เอ็งไปด้วย แต่เก๊าเข้าข้างเอ็งนะ เข้าใจความเก็บกดของเอ็ง
เล็กกี้ โถอีหนูวววววว มามะ เดี๋ยวปลอบ
คนึง ชักตุ้ดนะยะ รักเล็กจริงต้องเข้มแข็งแมนๆหน่อย มาถอยตั้งแต่ยังไม่เจอขวากหนามเนี่ยนะ ไอบร้าาาา

คุณคนเขียนบรรยายลักษณะของชาวบ้านได้ดีมากค่ะ เป็นลักษณะชาวบ้านที่เราโคตรเกลียดอ่ะ มันใช่อ่ะ
ทั้งสู่รู้ ชอบใส่ไข่ใส่ความ เชื่อข่าวลือง่ายๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: enjoyvs ที่ 24-03-2016 20:04:59
อ่านไปอ่านมา รู้สึกจะลงแดงตายแทนครูคนึงกับคุณหนูเล็ก
ไม่มีใครดูดำดูดีเลย มีแต่คนจะเหยียบย่ำ น่าสงสาร :hao5:
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: enjoyvs ที่ 13-04-2016 19:27:36
คิดถึงคุณชายเล็กที่น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๓ : ตัดไม่ขาด (ครึ่งหลังมาแล้วฮ่า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-04-2016 00:11:50
มาต่อยัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 14-04-2016 12:12:35
บทที่ ๓๔

ขอบฟ้ากำแพงดิน

(ครึ่งแรกจ้ะ :L2:)

(http://img15.imagefra.me/i34e/wattanan/0_94c_ucmz8.jpg)

พี่รักทรามวัยด้วยใจเรียกร้อง
นวลน้องผ่องศรี
ความรักอย่างนี้ สุดหนีจากคำหยามหมิ่น
ดั่งข้ามขอบฟ้าแหงนปีนป่าย
ไม่อาจข้ามง่ายดั่งขอบดิน*



ลมกลางฤดูหนาวพัดแรงจัด อากาศเย็นเยือก แลกลางวันก็รวดเร็วนัก ยามเช้าพระอาทิตย์ลอยดวงขึ้นเหนือเรียวไผ่ สาดแสงอร่ามเรืองไปทั่วท้องทุ่ง กระทบกับข้าวในนาที่ออกรวงเหลืองอร่ามรอเคียวเก็บเกี่ยว ฝูงกระจาบกระจิบบินว่อนเต็มท้องฟ้า อรุณรุ่ง จ้อยพายเรือไปตามลำคลองสงบเย็น ควันไฟม้วนตัวลอยขึ้นอ้อยอิ่งตามลานบ้านลานกระท่อม เห็นเด็กๆ และผู้ใหญ่ต่างห้อมล้อมผิงกองไฟกัน บางบ้านมีแนวกระบอกไม้ไผ่เผาไฟส่งกลิ่นกรุ่น อีกสักพักลูกเด็กเล็กแดงคงมีข้าวหลามหอมนุ่มไว้กินกัน

พวกเขาหนาวกาย แต่คงอุ่นหัวใจ

เรือน้อยจอดเทียบท่าหน้าเรือนไทยของกำนันเสริม จ้อยจำต้องกลับมาที่นี่อีกหน เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่อาจลบภาพคุณนายพูนทรัพย์ไปจากห้วงความคิดเสียที

ภาพที่ติดอยู่ในหัวจนแกะไม่ออก ไม่ใช่ภาพเมียกำนันผู้มีสง่าราศี ไม่ใช่ภาพเจ้าแม่เงินกู้ที่เดินอาดวางเขื่องไปทั่วตลาด ไม่ใช่ภาพเจ้าหนี้ใจยักษ์ที่โขกสับจ้อยเล่นเป็นเขียง

แต่เป็นภาพใบหน้าซูบเซียวอิดโรยของหญิงกลางคนคนหนึ่งกำลังคร่ำครวญหาลูกอย่างน่าเวทนา

ภาพ ‘แม่’ ของคนที่จ้อยรัก..

เพราะเหตุนี้เล่า หนุ่มน้อยจึงหิ้วปิ่นโตมายืนทื่ออยู่ตีนบันไดเรือนกำนันแต่เช้าแบบนี้

เรือนไทยไม้สักทองหลังงามเงียบเหงา ดูท่า.. ลุงกำนันจะไม่อยู่บ้านอีกตามเคย น้าแป้นยิ้มแต้มารับ แต่เมียกำนันที่น้าแป้นพาเข้าไปเยี่ยมถึงในห้องนี่สิ

เวลาไร้เครื่องสำอางฉาบหน้า คุณนายดูชรากว่าอายุจริงไปโข

“มึงมาทำไม อีลูกกะหรี่” เสียงแหบแห้งต้อนรับจ้อยไม่เข้าท่าเอาเสียเลย แต่จ้อยทำไขหู ยกมือไหว้นอบน้อมก่อนเดินไปวางเถาปิ่นโตบนโต๊ะเล็กข้างเตียง

คุณนายห่างไกลคำว่า ‘หนาว’ นัก ร่างอวบท้วมในเสื้อกันหนาวผ้าสำลีสีสด นอนขดอยู่บนที่นอนนุ่มห่มคลุมด้วยผ้านวมหนา หากดวงหน้าและแววตา อ้างว้าง แห้งผาก หนาวเหน็บจนน่าเวทนา

“ป้าทรัพย์ไม่สบาย จ้อยมาเยี่ยม”

นางพูนทรัพย์เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู ก่อนแหกปากลั่น “กูสบายดี! มึงไปให้พ้นหน้ากู ไป๊!”

สารพัดข้าวของระดมเขวี้ยงใส่ สารพัดคำระคายโสต ลูกอีดอกทอง ลูกอีหยำฉ่า ลูกอีชอกกาลี คำไหนที่สื่อถึงแม่จ้อยได้ แกขนมาด่าไม่เหลือ จนกระทั่งน้าแป้นมาดึงแขนจ้อยออกไป ปิดประตูทันเถาปิ่นโตกระแทกบานไม้หลุดกระจายเป็นชิ้นอย่างหวุดหวิด

ในห้องนอนที่สภาพเหมือนก่อสงครามย่อมๆ คุณนายเงินกู้นั่งหอบจนตัวสั่นสะท้าน

เด็กเวร! ไล่แล้วยังมาตีหน้าซื่อ หน้าขาวๆ ตาใสๆ นี่แหละ บีบหัวใจนัก ยิ่งมองยิ่งเหมือนเห็นอีกำไลมายืนยิ้มเยาะตรงหน้า

“เวรกรรมอะไรของกู..” แกหอบหนัก มือกำตรงหัวใจที่เต้นรัวตุบๆ น้ำตาแห่งความชิงชังไหลพรากอาบสองแก้ม “แม่มึงแย่งผัวกู แล้วมึงยังมาแย่งลูกกูไปอีก!”

**********************************

ตกบ่ายจ้อยกลับไปรอพี่สิงห์ที่โรงสี วันนี้พี่ไปกับเรือบรรทุกข้าว ลอยลำไปรับซื้อข้าวเปลือกจนถึงยุ้งฉางชาวบ้าน เรือออกแต่เช้าพร้อมกระสอบเปล่าเป็นมัดๆ พอตกเย็นก็จะกลับมาพร้อมข้าวเปลือกแน่นกระสอบล้นลำเรือ
   
จ้อยเก็บกวาดกระท่อมน้อยจนสะอาดเรี่ยม ขนผ้าผ่อนไปซัก เตรียมหุงหาข้าวปลาไว้รอพี่ จนทิดปลั่งกระท่อมนู้นแซว ถ้าจ้อยเป็นผู้หญิงเสียหน่อย สิ้นหน้าหนาวนี้เสียงแห่ขันหมากคงลั่นทุ่ง

สนธยาหน้าหนาวนั้นมาเร็วนัก อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็วปุบปับ มีกลิ่นหมอกกลิ่นฝุ่น ผสมกลิ่นฟางข้าวกรุ่นในอากาศ กองเกวียนมุ่งกลับบ้านส่งเสียงกึงกังจากอีกฝั่งคลอง ฝุ่นลอยฟุ้งขึ้นเป็นลำในท้องฟ้า เสียงกระดึงที่ผูกคอควายดังเหมือนสัญญาณเตือนว่าสายัณห์จะมาเยือนแล้วอีกครา ควันไฟจะลอยอ้อยอิ่งม้วนตัวขึ้นรวมกับยวงหมอกสีเทา ลอยเรี่ยเป็นแนวระหว่างยอดไม้และท้องฟ้า เหมือนใครเอาสำลีมาฟ่องไว้ ครู่ใหญ่.. ราตรีก็กางปีกผึงลงมาทันที

แมลงแข่งกันร้องเพลงกล่อมทุ่ง..

แสงตะเกียงวอมแวมขึ้นหน้ากระท่อมหลังน้อย..

จ้อยเก็บสมุดการบ้านก่อนคลานเข้ามุ้งที่มีพี่นอนรออยู่ก่อนแล้ว พี่คว้าตัวจ้อยไปนอนหนุนแขน จ้อยก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด

“คืนนี้จะหยุดตีข้าวสักคืน” พี่พึมพำ มองมาตาเชื่อม

“ทำไมล่ะ”

“ก็พี่เหนื่อย พักบ้างซี” ปลายนิ้วหยาบเกลี่ยเบาๆ ที่แก้มขาวอย่างสื่อความนัย “คืนนี้อยากนอนกอดเมีย”

จ้อยหัวเราะในคอ เหนื่อยมาทั้งวันยังจะมีแรงอีกน้อ ระยะนี้จ้อยมานอนกับพี่สิงห์ตลอด มือเล็กลูบเสี้ยวหน้าได้รูป พี่คว้าไปหอมฟอดกลางมือแรงๆ แล้วรั้งจ้อยไปกอดแนบอก พี่ตัวเกรียมเพราะกรำแดดกรำงาน แต่จ้อยก็รับรู้ได้ว่าพี่มีความสุขที่สุด

“พี่ไม่คิดถึงแม่หรือ” คำพูดเดียวสั้นๆ กวาดความสุขในหน้าพี่หายวับ “แกไม่สบายนะ”

ร่างสูงใหญ่ขยับเหมือนอึดอัด อ้อมกอดแน่นๆ เมื่อกี้ก็คลายลง

“น้าแป้นบอกนอนซมกับเตียงมาหลายวันแล้ว” เป็นไข้ใจ ตรอมตรมเพราะคิดถึงลูก จ้อยได้แต่คิด ไม่ได้พูดออกไป

“พี่ไม่คิดจะกลับไป แกเคยไล่พี่อย่างกับหมูกับหมา เคยทำกับจ้อยไว้ยังไงลืมแล้วหรือ” หน้าเกรียมๆ ขึงขังขึ้นมา “ไม่สบายเรอะ โรคเรียกร้องความสนใจน่ะซี”

จ้อยไม่ชอบป้าทรัพย์ก็จริง แต่ที่ไม่ชอบยิ่งกว่าคือลูกทรพี “ใครว่าแม่ คนนั้นไม่เจริญหรอกนะ” ว่าแล้วก็นอนหันหลังให้

มือใหญ่ๆ เอื้อมมาสะกิดต้นแขน จ้อยเพี้ยะเข้าให้ งอนแล้ว เพราะฉะนั้นคืนนี้อย่าฝันว่าจะได้แตะ!

จ้อยยังแน่วแน่ว่าจะไปเยี่ยมป้าทรัพย์ทุกวัน มิใช่อยากจะเอาความดีชนะใจแม่ผัว จากหัวอกลูกไม่มีแม่คนหนึ่ง จ้อยเพียงแค่สงสารและเห็นใจแกเหลือจะพรรณนา

**********************************

อรุณฤดูหนาวนั้นมีกลิ่นแตกต่างกันออกไป
   
ยามใกล้รุ่งสาง กลิ่นหมอกหนักๆ เกลือกกลิ่นใบไม้เปียก กลิ่นดินชื้นและกลิ่นน้ำค้างสด ยะเยือกซ่านไปในโพรงจมูก จนดวงตะวันฉายโฉม กลิ่นเหล่านี้จะค่อยเจือจางลง มีกลิ่นแดดหอมอุ่นเข้ามาแทนที่
   
ดวงตะวันเป็นสีชมพูอมแสด สีเดียวกับที่หม่อมราชวงศ์เลอมานเห็นเรื่อๆ อยู่บนสองแก้มตนทุกครั้งยามส่องกระจก หน้าหนาวนี่เสียอยู่อย่าง ลมแรงจัดทำให้แก้มเด็กๆ ตึงและแห้ง ผิวเลอมานคงไม่ต่างจากผิวเด็กเท่าไร มันจึงทั้งตึงทั้งแดงจัดทุกครั้งที่ต้องลม  นี่ถ้าไม่ได้เครื่องประทินผิวที่อุตส่าห์หอบหิ้วมาจากอังกฤษช่วยไว้ แก้มเขาต้องแตกเป็นดินระแหงแน่

ถึงหน้าหนาวจะทำให้แก้มตึง แต่เลอมานก็รักมันยิ่งนัก เพราะหน้าหนาวมีสิ่งน่ารักทดแทนให้มากมาย ทั้งของกินอร่อยๆ อย่างมันเทศหมกขี้เถ้าร้อน ข้าวหลามมันย่องหอมฉุยของยาย พวกเขา – ยายช้อย, จ้อย, อาจารย์และเขาเอง ช่วยกันตัดไม้ไผ่ กรอกข้าวเหนียวลงกระบอก ผิงไฟหอมๆ กันสนุก ซึ่งพอสุกแล้ว จ้อยก็หอบเอาไปฝากพี่สิงห์ของจ้อยถึงโรงสีอีกตามเคย

ไหนจะของเล่นแปลกๆ อย่างกังหันสีสวยฝีมืออาจารย์ที่ครางหวีดหวิวล้อลมอยู่หน้ากระท่อม
 
และว่าวปักเป้าสีขาวที่อาจารย์ทำให้เองกับมือตัวนี้
   
วันๆ เลอมานไปโรงเรียนแล้วก็กลับบ้านยายช้อย ไม่ค่อยได้เสวนากับเพื่อนๆ เท่าไร แหม.. จะใส่ไม้ยมกหลังคำว่าเพื่อนก็ดูจะเยอะไป เพราะพอนับนิ้วเข้าจริงๆ ‘เพื่อน’ ของเลอมานก็มีแค่คนเดียวคือจ้อย  อาจารย์คงห่วงเขาจะเหงา แค่เห็นเขานั่งเหม่อมองว่าวหลากสีลอยฟ่องในท้องฟ้า เช้าวันนี้ก็เห็นเหลาไม้ขึ้นโครงให้พร้อมกระดาษสีที่ซื้อมาจากสหกรณ์

กระดาษสีที่สหกรณ์ก็ขายดีในช่วงนี้ สีขาวเป็นสีที่ราคาถูกที่สุด แต่ก็เป็นสีที่เขาชอบที่สุด

ดอกไม้กลางนาบานไสว ลมเย็นพัดแผ่ว หอบเอากลิ่นรวงข้าวสุกจากท้องทุ่งมาแตะจมูก ฟ้าสูงโล่งไร้เมฆราวกับใครเอาผ้าสีครามมาขึงไว้

เพราะอาจารย์ชำนาญกว่า เลอมานจึงต้องเป็นฝ่ายถือว่าววิ่งถอยหลังไปไกลๆ อาจารย์กะระยะได้ที่แล้วก็ร้องบอกให้ปล่อยขาดคำ ว่าวก็ส่ายหัวดุกดิกเริงลม โยนตัวขึ้นไปเรื่อยๆ อาจารย์กระตุกเชือกเป็นจังหวะและปล่อยด้ายจากกระป๋องช้าๆ ว่าวผกสูงขึ้นๆ สีขาวของมันตัดกับฟ้าครามเด่นชัด ในที่สุด..ก็ติดลมลอยอยู่บนฟ้าอย่างงามสง่า เคียงข้างว่าวของคนอื่นที่ติดลมบนอยู่ก่อนหน้า

“เห็นฝีมือผมไหม” เลอมานภูมิใจนัก แหงนหน้ามองว่าวสีขาวส่ายหัวเล่นลมเริงอย่างชื่นชม  มันช่างสวยงาม.. เป็นอิสระ..

“น้อยๆ หน่อย มันไม่ขึ้นหรอกถ้าครูไม่ชักให้” อาจารย์ว่ายิ้มๆ แขกเกี่ยวข้าวสามสี่คนแถวนั้นหัวเราะคิก มีเสียงกระซิบแว่วเข้าหูมา.. คำพูดที่เลอมานฟังแล้วได้แต่มุ่นคิ้ว หมู่นี้ชาวบ้านพูดอะไรไม่เห็นเข้าใจเลย

“เจ้าฝรั่งข้างรั้ว น้องจะสุกคาขั้วไว้คอยใคร พี่มาคอยอยู่กกต้น เมื่อไรจะหล่นสักใบ” แขกเกี่ยวข้าวแถวนั้นมองมา ปากว่ากลอนยี่เกลอยมาเข้าหูอีก เลอมานไม่เข้าใจนัยแฝงเร้น รู้เพียงว่ารำคาญเล็กน้อยที่ถูกสายตาจับจ้อง

อยากกลับโรงเรียนเหลือเกิน อยากมีเวลาอยู่กันตามลำพังสองคน แต่จะใจง่ายตามอาจารย์กลับตอนนี้ก็ไม่เข้าที ตอนจากมาเล่นหอบผ้าหอบผ่อนหนี ให้เหตุผลกับอาจารย์ใหญ่ไว้เสียสวยหรูขนาดนั้น

แต่ช่างเถิด.. ขอแค่ตอนนี้เขายังมีอาจารย์อยู่ข้างๆ

เขารักหน้าหนาว.. เพราะเป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่ใกล้อาจารย์แบบนี้นี่แหละ

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์แหงนหน้ามองฟ้า ว่าวสีขาวเริงลม.. ล่องลอย.. อิสระ.. อดคิดถึงชีวิตตนมิได้ กำหนดกลับอังกฤษใกล้เข้ามาทุกที ชีวิตนี้เขาทำตามที่ท่านพ่อบัญชามาตลอด ขอสักครั้งได้ไหมที่ชีวิตจะเป็นของเขาอย่างแท้จริง

เขาตัดสินใจแล้ว


ทุ่งสีทองอร่ามถูกคมเคียวเกี่ยวหมดไปเป็นแถบๆ ทุ่งนาดูเวิ้งว้างไปถนัดตา ช่างเร็วแท้ สองสามวันก่อนเลอมานยังเห็นมันสุกปลั่งโอนเอนล้อลมหนาวอยู่เลย เสร็จจากเก็บเกี่ยว ชาวนาพากันขนข้าวกลับบ้าน คันนาถูกบากเป็นทางเกวียน ยามเย็น เกวียนจะแล่นตามกันเข้าหมู่บ้านเป็นขบวนยาว ฝุ่นเป็นลำๆ ลอยฟุ้งขึ้นสู่ฟ้า แข่งกับควันไฟเผาไร่

เรือยนต์ของครูศิษย์แล่นมาตามคลอง แขกเกี่ยวข้าว ชาวบ้านที่เสร็จงานนา เรือทุกลำที่พายสวนไปล้วนมองตามเป็นตาเดียว

พ้นคลองคดเคี้ยว ต้นก้ามปูใหญ่ยืนเด่นตระหง่าน กิ่งก้านอันใหญ่โตโน้มลงจรดผิวน้ำ เลอมานจำได้ทันที คุ้งน้ำนี้มิใช่หรือ ในวันที่พายุฝนกระหน่ำ กิ่งก้ามปูที่โดนสายฟ้าฟาดยังหักคาทิ้งร่องรอยความทรงจำ
   
มองข้ามท้องทุ่งสีฟางแห้งไป ลิบๆ ตานั้นคือกระท่อมหลังน้อย ความหวานซ่านจากไหนไม่รู้อวลขึ้นในอก

“อาจารย์..” คุณชายว่าอ้อมแอ้ม  รอให้คนึงเบาเครื่องจึงเอ่ย “คืนนี้.. เล็กไม่อยากกลับบ้านยาย”

“ไม่ได้” คำตอบทันที “ถ้าไม่กลับบ้านยายก็ต้องกลับโรงเรียน แล้วครูจะไปนอนที่อื่นเอง”

“เล็กออกมากับอาจารย์ ยายไม่เป็นห่วงหรอก!” เด็กรั้นเสียงดังแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ที่กระหึ่มขึ้น

“ไม่ได้!” อาจารย์เสียงดังเป็นตะคอก

เลอมานเสียใจระคนน้อยใจ ร่างโปร่งบางผินหลังให้ กอดเข่าไม่พูดไม่จา หากหันไปสักนิดจะได้เห็นสีหน้าของคนพยายามหักใจแล้วหักใจเล่า กระวนกระวาย ละล้าละลัง เลียริมฝีปากแห้งผาก เรือวิ่งฉิวในคราแรก และโดยไม่คาดคิด พอถึงที่ลับตาคน กลับแวะดับเครื่องจอดใต้ร่มลำพู เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร อาจารย์คว้าศิษย์มาจูบอย่างโหยหา

ใครจะรู้ ว่าเจ้าความรักนั้นเข้าจู่โจมหัวใจเราตั้งแต่เมื่อไร เวลานาทีใด และมันมีความหมายเช่นไรแก่ชีวิตบ้าง โธ่เอ๋ย.. อย่าว่าเลยกับความรัก

แค่ตัวเรา ก็ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำไป ว่ารักเกิดขึ้นเมื่อใด และจะสิ้นสุดลงที่ตรงไหน

เรารู้แต่เพียงว่า หัวใจเราเฝ้าครวญพร่ำรำพันถึงชีวิตที่เป็นอิสระ ไขว่คว้าหารังอันอบอุ่นพร้อมจะพิงพัก

เลอมานเหมือนดอกไม้แห้งผากเจอฝนแรกจากฟ้ามารินรด ปรารถนาเพียงน้ำค้างสักหยาดหยดชโลมใจ แม้พยายามยับยั้งแล้ว แต่ฟ้าฝนที่อัดอั้นจะหลั่งชโลมพื้นมีหรือจะหักห้ามอยู่ พายุซัดมาสาดมา กลัวเหลือเกินว่าดอกไม้จะชอกช้ำ แต่คล้ายเจ้าจะยินดี คลี่กลีบน้อยรอรับอย่างเต็มอกเต็มใจ

ณ วิมานนี้.. เป็นโลกส่วนตัวของทั้งคู่ที่ไม่มีใครกรายกล้ำ กลิ่นฟางนั้นหอมอย่างมีเสน่ห์ เลอมานไม่เคยนอนที่ไหนเป็นสุขเหมือนที่นี่  ไม่ว่าบนฟูกนุ่มหนาชั้นดีแค่ไหน ก็ไม่อาจเปรียบได้กับพื้นไม้ฟากเก่าๆ ในกระท่อมสัปปะรังเค ในคืนแรมที่ฟ้ามืดสนิท ดวงดาวจุมพิตฟ้าพราวสวย ดอกไม้ส่งกลิ่นหอมระรวยมาแตะจมูก เลอมานอิงแอบอยู่กับอ้อมอกอุ่น

“อาจารย์ เล็กตัดสินใจแล้ว” หม่อมราชวงศ์หนุ่มเกยคางกับอกคนรัก ยิ้มละไมเมื่อแขนกำยำโอบรัดเขาไว้แน่น ข้างนอกหนาว แต่ในนี้อุ่น เสื้อเขาหายไปไหนไม่รู้ สงสัยพลัดหลุดจากตัวตั้งแต่หน้ากระท่อม

“ครบกำหนดแล้วเล็กจะไม่กลับอังกฤษ เล็กจะอยู่ที่นี่ เป็นครูที่นี่” สองสายตาสบกันเมื่อเอ่ยคำมั่น “เล็กจะอยู่กับอาจารย์”

“ครูก็จะไม่ปล่อยมือเล็กอีก” คนึงกอดเจ้าสุดหัวใจไว้แน่น จูบซ้ำๆ ที่ขมับชื้นเหงื่อ ไม่มีอีกแล้วขอบฟ้าไกลเกินเอื้อม ไม่มีอีกแล้วกำแพงฐานันดรใดๆ มีแต่หัวใจสองดวงที่ร้อยรวงกันไว้ด้วยใยรัก

เออหนอ.. วันวารแห่งวัยเยาว์ ช่างโง่เขลา.. ช่างไร้เดียงสา.. ช่างเพ้อฝันอะไรเช่นนั้น และทั้งหมดทั้งสิ้นนี้เกิดขึ้นเพราะมีรักอยู่ในหัวใจ ทุกสิ่งทุกอย่างก็สว่างไสว สดใสงดงาม

เลอมานไม่ฝันถึงสิ่งใดอีกในคืนวันอันอ่อนหวานเช่นนี้

ใครเลยจะรู้.. โลกมีสองด้านเสมอ ความฝันยิ่งสวยงาม ความเป็นจริงยิ่งร้าวราน

(ติดตามต่อครึ่งหลังค่ะ)  :hao7:


เค้ากลับมาแล้วค่า หายไปนานเลย คิดถึงเค้ามั้ย ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 14-04-2016 12:14:23
ฮือออ นึกว่าตาฝาดดดดดดดดดดดดดด  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 14-04-2016 12:40:31
โอ๊ย!!!!! เริ่ดด แต่เหมือนจะมีพายุเข้าอีกนะเราว่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 14-04-2016 12:44:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-04-2016 12:45:26
ฮือ.....ดีใจที่กลับมา
แต่ทำไมต้องพกมาม่ามาด้วย :(
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 14-04-2016 12:45:59
แงงงงงง กลับมาก็ทิ้งดราม่าไว้ต่อเนื่องเลย ยังไงก็ดีใจที่คุณดอกไม้กลับมานะคะ ทำใจไว้แต่แรกแล้วว่าถ้าคุณดอกไม้เขียน ความดราม่าคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตอนที่เขียนด้วยนามปากกาจิฮิโระ แค่ข้ามประเทศมาเป็นฝั่งไทยเท่านั้นเอง ยังรออีกครึ่งที่เหลือนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: kai_kaka ที่ 14-04-2016 13:25:26
ดี :L2:ใจที่มีชีวิตอยู่ค่ะ ขอตอนรับกลับมาคะๆ๐ :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 14-04-2016 16:03:31
แอร๊ยยยย กลับมาแล้ว  :katai2-1:
รอมานาน คิดถึงมากกก
อย่าหายไปนานอีกนะ รอครึ่งหลังค่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: monday012 ที่ 14-04-2016 16:17:06
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 14-04-2016 16:42:13
คิดถึงมากๆๆๆๆ
อย่าหายไปนานๆอีกเลยนะจ๊ะ
คนอ่านลุ้นใจจิขาดดดดด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: feelinlove ที่ 14-04-2016 17:12:31
ขอชมคุณดอกไม้ว่าแต่งได้ดีจริงๆ ยังไม่เจอพีเรียดวายเรื่องไหนใช้ภาษาสวยแบบนี้
ชอบมากค่ะ แต่กลัวใจจัง กลัวจะ Bad end แงงงงงง สู้ๆ น้า เราเข้ามาดูบ่อย
ยังอ่านตอนเดิมที่ชอบซ้ำๆ อยู่ มาอัพทีถึงจะนานก็ไม่ต้องกลับไปเริ่มอ่านใหม่หมด 55555

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 14-04-2016 19:25:15
มาต่อแล้ว คิดถึง มหาหงส์มากค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: enjoyvs ที่ 14-04-2016 20:03:09
รู้สึกว่าในอนาคตคุณครูคนึง ต้องเจอกำแพงพ่อตาที่สูงเฉียดฟ้ารออยู่แน่นอน ไหนจะพวกชาวและคนอื่นๆอีก ฮือ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 14-04-2016 20:11:59
กลับมาแล้ว  :mc4:  ดีใจมากเลยค่ะ  :hao5:
ขอบคุณที่กลับมาเขียนต่อนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 14-04-2016 21:19:37
งือออ อ่านไปนี่กลัวใจไปตลอด คิดถึงเรื่องนี้เสมอเลยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 14-04-2016 22:04:59
คิดถึงน้อยจ้อยกับพี่สิงห์มากๆๆๆๆๆ ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 14-04-2016 22:19:07
คิดถึงคุณชายยยยย  :impress2: :impress2:
ดีใจที่มาต่อมากๆเลย ขอบคุณนะคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-04-2016 22:26:01
แง้...ไม่เอาความจริง ไม่อยากร้าวราน อยากอยู่ในฝันหวานนาน ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหนอน ที่ 14-04-2016 22:33:34
คือดีใจอ่ะ ปริ่มมาก มาเขียนต่อแล้ว ยังไม่ได้อ่านเลย มาเมนต์ก่อนแล้วค่อยอ่าน

รอมานาน ฮืออออออออออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: riangkarn ที่ 14-04-2016 23:29:34
นึกว่าตาฝาดนะคะเนี่ย ดีใจแทบตาย

เดี๋ยวจะต้องมีอุปสรรคไรอีกแน่ๆเลย

รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 15-04-2016 00:05:18
ไม่ได้อ่านนานมากๆแล้ว มาอ่านอีกครั้งมีความสุขมากๆ จะรออ่านตอนต่อๆไป จนจบครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 15-04-2016 12:09:36
ชอบมากค่ะ
ขนาดเอ็นซียังบรรยายได้สวยงามมาก
โดยเฉพาะดอกไม้ยอมคลี่กลีบ ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า
จ้อยยังเป็นลูกสะใภ้ที่ดีเหมือนเดิม
สงสารสิงห์  อดเลยคืนนี้ ฮึ่ม..
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Chandra ที่ 15-04-2016 17:45:57
ในที่สุด ปีนี้ก็มาต่อแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆ
รออยู่ตลอดนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 15-04-2016 18:28:03
รอคอยครึ่งหลัง สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ คุณนักเขียน^^
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 15-04-2016 21:43:00
ดีใจที่สุด มาเสียที ขอบอกชอบบรรยายธรรมชาติมาก  o13 o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 16-04-2016 09:28:49
มาต่อแล้ว ดีใจมากๆ
คิดถึงจ้อย กับคุณเล็ก
พี่สิงห์ กับอาจารย์
อยากให้ทั้ง2คู่
หมดทุกข์หมดโศกสักที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinebj ที่ 16-04-2016 10:08:33
มาอัพบ่อยๆนะ อย่าค้างนาน :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: paloy ที่ 17-04-2016 10:08:50
อ่านหลายรอบแล้ว ชอบมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 17-04-2016 12:48:13
มาต่อแล้ว!!!!เย้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Noockie ที่ 17-04-2016 23:22:19
เย้ๆๆ รอตั้งนาน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Thanking ที่ 18-04-2016 04:13:05
ดีใจมากค่ะที่กลับมาเขียนต่อแล้ว ปลื้มปริ่มมากที่แวะเข้ามาเห็นน่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 20-04-2016 04:27:43
อุปสรรค์ช่างเยอะยิ่งนัก

สงสารอาจารย์กับหนูเล็กจัง :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 25-04-2016 03:40:47
ในที่สุดหนูเล็กของกบก็กอบกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้นได้  :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 28-04-2016 01:15:03
ครูจูบ ฮร้าย.. เขิลอีก มันละมุนละไมมาก...
ลุ้นๆทุกตัวอักษร อยากให้จบดี
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-05-2016 14:11:39
(https://pbs.twimg.com/media/Bkh805iCMAEoy5N.jpg)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: hunhan ที่ 04-06-2016 11:16:17
สุดยอดจริงๆเรื่องนี้ สนุกครบทุกรสไม่มีคำบรรยาย เรามาช้าไป แต่ก็ตามอ่านจนทัน บอกได้คำเดียวว่า กราบ555  :mew1: นิยายที่ภาษางดงาม เราชอบน้องจ้อยกับพี่สิงห์มาก อร้ายยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 05-06-2016 00:31:02
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: feelinlove ที่ 09-06-2016 17:42:41
คุณดอกไม้ขาาาา สู้ๆ น้า ยังรออยู่เสมอนะ
ตอนเฉลยปมน้องจ้อยจะเป็นไงน้า เรื่องแหวนนั่นอีก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: chi0chi0 ที่ 10-06-2016 14:15:08
จะต้องตื่นจากฝันแล้วเหรอคะ โฮ :hao5:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 10-06-2016 15:07:54
28/11/2011 - 10/6/2016  นิยายครึ่งศตวรรษ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Noockie ที่ 11-06-2016 20:47:05
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Sailordews ที่ 07-07-2016 15:54:22
กลับมาเสิร์ชดูนิยายเรื่องนี้เพราะคิดถึง ปรากฎว่าตกใจมาก กรี๊เดดดดด คุณดอกไม้มาเขียนต่อแล้วววว ฮืออออ ขอบคุณมากๆนะคะที่มาต่อ เป็นกำลังใจให้ รอครึ่งหลังค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ เม.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: huoan ที่ 09-07-2016 00:02:39
 :-[ อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 22-07-2016 05:50:33
บทที่ ๓๔

ขอบฟ้ากำแพงดิน

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


อาจารย์จูบปลุกศิษย์รักตั้งแต่ได้ยินเสียงดุเหว่าขับขาน เลอมานอิดออดไม่อยากลุก ทำไมช่วงเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปเร็วนัก ฟ้ายังไม่สางดีเลยตอนพวกเขาล่องเรือตามคลองกลับไปยังบ้านยายช้อย

ปิดควันไฟไว้ไม่มิดฉันใด ความรักอันผิดบาปก็เร้นไว้ได้ไม่นานฉันนั้น

เรือสำปั้นบรรทุกแขกเกี่ยวข้าวมาเต็มลำ สวนกันก่อนถึงบ้านยายแป๊บเดียว คนึงคิดว่าตนตื่นเช้าแล้ว แต่ชาวนาที่ต้องทำงานแข่งกับตะวันกลุ่มนี้ตื่นเช้ากว่า

ทุกสายตามองมาอย่างจ้องจับผิดเฉกเช่นทุกที หากครานี้.. ไม่มีเพียงแค่สายตาอีกแล้ว

“บ้านยายช้อยอยู่ฝั่งกะโน้นไม่ใช่เรอะ ทำไมมาจากทางนี้กันละพ่อ” ลุงคนหนึ่งถามซึ่งหน้าอย่างไม่ยำเกรง

“ไปไหนกันมาแต่เช้ามืด” คนอื่นๆ ก็พลอยผสมโรง หรืออาจสงสัยกันอยู่นานแล้ว แต่ไม่มีครั้งไหนที่จำเลยจำนนต่อหลักฐานเท่าครั้งนี้

“นั่นมันชุดเมื่อวานหรือเปล่า” ใครคนหนึ่งทัก เลอมานสะดุ้ง ขยุ้มคอเสื้อโปโลเนื้อดีที่ใส่อยู่แน่น ก้มหน้าก้มตา เพิ่มพิรุธให้ตัวเองขึ้นไปอีก

“หรือเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้าน”

แล้วหัวเราะเยาะหยันก็ครื้นเครงขึ้นทั้งลำเรือ วัวสันหลังหวะได้แต่มองหน้ากัน

แสงเงินแสงทองยังไม่จับฟ้าเมื่อเรือยนต์แล่นมาถึงบ้านยายช้อย เลอมานให้นึกแปลกใจเมื่อเห็นเรือแจวลำเก่าของยายจอดเทียบอยู่ที่ท่า พืชผักเขียวสดยังเพียบเรือ

หญิงชรานั่งอยู่นอกชาน มองมาด้วยสายตาว่างเปล่า

“กลับมาจากตลาดเร็วจังครับ” ราชนิกูลหนุ่มเสียงใสกลบพิรุธ ทั้งที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ

แม่เฒ่าไม่พูดไม่จา ก้มหน้าตะบันหมากไปเงียบๆ ความเงียบงันเข้าคลุมจนน่าอึดอัด เลอมานคลานเข่าเข้าไปหา คว้าครกตำหมากในมือเหี่ยวย่นมาช่วยตำให้อย่างประจบเช่นทุกที

ยายช้อยหันไปปาดหมาดลงใบพลู ..ไม่กลับได้หรือ หวิดจะตีปากคนที่ตลาด อยู่ไม่ได้จนต้องกลับมา

“พ่อเล็กหายไปไหนเมื่อคืนกับครู” แกตัดสินใจถามตรงๆ มือขาวที่กำลังตำหมากชะงักกึก “มาจากฝั่งกะนี้ คงไม่ได้ไปค้างที่โรงเรียนหรอกใช่ไหม”

จำเลยทั้งคู่นั่งเบื้อใบ้เหมือนไม่มีปาก

“ที่เขาพูดกัน.. มันจริงใช่ไหม” ถามไปแล้วหัวใจคนแก่ก็สั่นหวิว ก็ไอ้ที่เขาพูดกัน กับไอ้ที่สองตาแกเห็นอยู่ทุกวันทุกวี่ มันคลาดกันน้อยอยู่เมื่อไร

อาจารย์หนุ่มนั่งเงียบไม่เอ่ยคำ แต่มือใหญ่ที่วางลงบนมือน้อยที่สั่นระริกนั้นตอบคำถามจะแจ้ง

แม่เฒ่าถึงแก่กระจ่างใจ พ่นลมออกจมูกพรู อภิโธ่เอ๋ย!

“พวกสาระแนมันถามยายทุกวัน ว่าชายเล็กกับครูคนึงเขาได้เสียกันแล้วจริงไหม ยายก็ได้แต่ไล่ให้มันเอาปากไปรูดตำแย” เสียงคนแก่สั่นเครือ “เขาลือกันทั้งตลาด”

ลือกันทั้งเกาะเมือง.. เผลอๆ ลือกันไปถึงบ้านแพน.. พวกนักเลงตีไก่จากผักไห่ มันยังโพนทะนากันในโรงเหล้า เรื่องคาวๆ ฉาวโฉ่มันไปไวเหมือนไฟลามทุ่ง

เลอมานเจ็บที่หัวใจเหมือนใครมาเด็ดออกจากขั้ว น้ำตาหยดหนึ่งร่วงเผาะลงพื้นไม้ฟาก

“ยายจ๋า..” เด็กหนุ่มเรียกเสียงเครือ เหนือกว่าความตกใจคือความเสียใจ “ยายรังเกียจเล็กหรือเปล่า..” หม่อมราชวงศ์สูงศักดิ์คลานเข้าหาหญิงชราชาวนา ประนมมือกราบลงตรงตัก “เล็กขอโทษที่ทำให้ยายเดือดร้อน..”

ยายช้อยปาดหยดน้ำที่คลอหัวตา มือที่วางลงบนหัวยังอบอุ่นและเปี่ยมด้วยปรานีเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน

“ยายไม่เห็นว่าเล็กกับครูจะสร้างความเดือดร้อนให้ใครตรงไหน” เท่านั้นเลอมานก็เบะปากซัดโฮ โผเข้ากอดยายแน่นเหมือนเด็กตัวเล็กๆ และมือเหี่ยวย่นคู่เดิมนั่นแหละเช็ดน้ำตาให้ซ้ำๆ “แต่คนอื่นจะทำให้เล็กกับครูเดือดร้อน ต่อไปนี้ทำอะไรต้องระวังตัวนะลูก..”

เหตุการณ์นี้คนที่สมควรโดนเทศนาที่สุด ไม่พ้นอาจารย์คนึง

“แล้วนี่จะทำอย่างไรกันต่อไป ชาวบ้านมันโพนทะนากันทั่วแบบนี้” แม่เฒ่าก้มหน้าตะบันหมากเสียแหลก ลงแรงยังกะกลางครกมีเจ้าตัวดีทั้งคู่อยู่ในนั้น “เล็กยังเด็ก ทำอะไรไม่ยั้งคิด แต่ครูหนอครู ครูเป็นผู้ใหญ่แล้วแท้ๆ คิดอะไรทำไมไม่คิดให้ยาวกว่านี้”

จำเลยได้แต่มองหน้ายายนิ่ง หากมือใหญ่ยังวางบนมือเล็กอยู่เช่นนั้น

หนแรกคนึงตั้งใจจะพาเลอมานเก็บข้าวของกลับโรงเรียนเสียในเช้านี้ เพราะไม่อยากให้ยายพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย แต่แกค้านไว้เสียก่อน ให้เหตุผลว่าคนเขาจะค่อนเอาว่าหอบผ้าตามกันไปตามกันมา และย้ำนักหนาว่าระยะนี้อย่าเพิ่งไปมาหาสู่ เรื่องไปรับส่งเลอมานที่โรงเรียนนั้นเดี๋ยวแกจะหาทางเอง

อยู่กันเงียบๆ ให้เรื่องมันซาสักพัก เดี๋ยวมีเรื่องใหม่คนมันก็ลืมเรื่องเก่า

ที่ท่าน้ำ.. ยายช้อยยืนรอส่งอาจารย์หนุ่ม เลอมานถูกไล่ให้ไปเก็บตัวอยู่ในกระท่อม ขืนมายืนพิรี้พิไรคู่กัน เดี๋ยวคนปากหมาตาผีมันมาเห็นก็ไม่แคล้วตกเป็นขี้ปากอีก

คนึงกราบลายายตรงอกผอมแห้ง ขอบคุณในทุกสิ่งทุกอย่าง

“ยายไม่ต้องห่วงเล็กนะครับ” ดวงตาสีนิลมองมาแน่วแน่ “ต่อไปภายหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะแบกรับทุกอย่าง” เสียงทุ้มหนักแน่นยามเอ่ยค่ำมั่น “จะปกป้องสุดกำลังที่คนอย่างผมจะทำได้”

เรือยนต์ลำน้อยแล่นฉิวไปไกลลิบ แม่เฒ่ามองส่งจนลับตา

..ครูคนึง.. ยายห่วงครูมากกว่าเล็กเสียอีก..

**********************************

คนึงแวะตลาดก่อนถึงโรงเรียน และตั้งใจเข้าร้านกาแฟ ใจอยากรู้นักว่าที่ยายบอกว่าเขาลือกันนั้น.. ลือกันไปไกลขนาดไหน ผลกระทบ.. รุนแรงเท่าใด..

ณ ที่นั่น.. เขาได้พบชาวบ้านมากหน้าหลายตากำลังนั่งครื้นเครงกันอยู่

สภากาแฟกำลังคึก บ้างกินเหล้า บ้างดื่มกาแฟ หนุ่มๆ โจษกันถึงวงดนตรีและนักเต้นอวดสะดือที่จะมาเล่น คนแก่ซุบซิบเรื่องวัวหาย ผู้ใหญ่บ้านคุยเรื่องเงินเดือน ๘๐ บาทไม่พอเลี้ยงข้าวเจ้านาย ครูน้อยปรับทุกข์เรื่องค่าเงินบาทลด ของแพงหูฉี่ แต่เงินเดือนไม่ขึ้น

หากเพียงเขากรายเข้าหา ถ้อยสำเนียงสรวลเสพลันสงัด เหมือนมันมีก้านกิ่งให้หักเด็ดทิ้งได้กระนั้น

เขาฝืนแต่งยิ้มทักทาย ทว่าหาได้มีใครไหนจะเหลียวแลมอง ต่างพากันเมินสิ้น แล้วอีกเป็นนานเหมือนตกนรกหมกไหม้ เขาได้ยินใครตะโกนทะลุขึ้นกลางปล้องของความเงียบงันนั้น

“ครูอัปรีย์อย่างนี้กูไม่เคยพบเคยเห็น..”

ถ้อยกังวานนั้นทั้งหยันทั้งปรามาส

“ยังจะมีน้ำหน้าอยู่ดูผู้คนบางนี้ได้อีก เอาหัวไปจิ้มขี้เสียดีกว่า” และใครอีกคนเปรยขึ้นบ้างอย่างท้าทาย

“เอาลูกศิษย์ทำเมียไม่ว่า นี่ล่อลูกศิษย์ผู้ชายเสียด้วย หมามันยังไม่ระยำอย่างนี้”

“ต่อหน้าต่อตาคนทั้งตลาดยังกอดกันกลม แล้วลับหลังมันจะขนาดไหนกันวะ”

“ครูหยั่งนี้มีด้วยเรอะ ไอ้ศิษย์ก็พอกัน ตอนอยู่เมืองนอกคงมีผัวมาบานตะไทแล้วมั้ง”

คนึง วนาสัยจำได้ว่าในหูเขาอึงอล เลือดฉีดซ่านจากหนังหัวถึงฝ่าเท้า ทั้งเจ็บทั้งเคืองแค้นปนเป มือใหญ่กำแน่นจนเจ็บ ริมฝีปากขยับหมายจะต่อรอนด้วยวาจา หากสายตาหลายคู่เขม้นมองมาราวกับจะฉีกเนื้อเขาเป็นริ้ว ความละอายอดสูก็กรูเข้าชำแรกในหัวอก

เขามันเลวริยำจริงเหมือนปากว่าของเพื่อนร่วมบางเหล่านั้น หนำซ้ำเลอมานต้องมาพลอยเป็นปลาติดหลังแหไปด้วย

**********************************

น้าแป้นคาบข่าวมาบอกจ้อยที่ตลาดว่าคุณนายพูนทรัพย์ปวดท้องหนักและอาเจียนไม่หยุดเมื่อคืน จ้อยใจหล่นวูบ แล่นไปหาเหมือนติดปีก ระหว่างทางแวะรับหมออนามัยประจำตำบลขึ้นเรือไปด้วย ที่เรือนกำนัน จ้อยเจอคุณนายกำลังนอนซมหมดสง่าราศี หน้าซีดเผือดแทบไร้สีเลือด น้าแป้นป้องปากฟ้องว่าระยะหลังนี้คุณนายแอบเปิดตู้เหล้านอกของผัวมากรอกปากเป็นน้ำเปล่าทุกวี่วัน

“กูไล่ทุกวัน มึงก็ยังมาได้ทุกวัน” นางพูนทรัพย์นอนสิ้นสภาพเป็นปลาขาดน้ำ แต่ยังพอมีแรงด่าจ้อย “หน้าด้านเหมือนแม่”

หมอตรวจพบว่าแกเป็นแผลในกระเพาะ ให้น้ำเกลือจ่ายหยูกยาเสร็จแล้วน้าเวกก็พายเรือไปส่ง จ้อยรีบไปต้มข้าวต้มใส่เกลือมาป้อนคนป่วย แกผงกหัวขึ้นมองก่อนใช้เรี่ยวแรงอันน้อยนิดปัดช้อนในมือจ้อยกระเด็นอีก จ้อยได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ เหลือบมองนาฬิกาข้างผนัง สายแล้ว จ้อยต้องรีบไปโรงเรียน และต้องแวะไปรับคุณชายเลอมานก่อนตามบัญชาของยาย

แต่คืนนั้นจ้อยก็มานอนเป็นเพื่อนแก คนป่วยต้องได้รับการดูแลไม่ใช่หรือ ในเมื่อลูกแท้ๆ เอาแต่ถือทิฐิ ไม่ยอมเชื่อว่าแม่ป่วย ยืนกรานไม่ยอมกลับบ้านท่าเดียว ก็เป็นหน้าที่สะใภ้อย่างจ้อยต้องทำแทน อย่าว่ากระไรเลย.. ต่อให้จ้อยไม่ได้รักพี่สิงห์ เห็นคนแก่ป่วยนอนซมแบบนี้จ้อยก็นิ่งดูดายไม่ได้

จ้อยปูเสื่อนอนข้างเตียง คนเจ็บออกปากไล่ แต่ไล่ได้คำเดียว อาหารเย็นผสมน้ำย่อยเหม็นเปรี้ยวก็พุ่งออกปาก จ้อยคว้ากระโถนรองรับไว้ได้อย่างหวุดหวิด หาน้ำท่าให้บ้วนปาก เช็ดหน้าเช็ดตาให้เสร็จสรรพ และแล้วคนพยศเหลือร้ายก็สิ้นท่าหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

รุ่งขึ้นจ้อยพยายามให้แกกินข้าว ตอนแรกแกก็เบือนหน้าหนี หนนี้ดีหน่อย แค่เบือนหน้าหนี ไม่ปัดกระเด็นเหมือนเมื่อวาน หรือไม่มีแรงก็ไม่รู้

จ้อยต้องโอ้โลมปฏิโลมอยู่นาน แกมาใจอ่อนเอาตอนจ้อยบอกว่าพี่สิงห์ชอบกินปลาแดงทอดขมิ้นฝีมือจ้อยก่อนไปทำงานเหลือหลาย ฟาดเสียเกลี้ยงฉาด คุณนายชะงักมอง แกคงแค่อยากรู้ว่ารสเปรี้ยวหวานอย่างไรที่แตะลิ้นลูกชาย ดวงตาอิดโรยฉ่ำน้ำยามเคี้ยวข้าวต้มที่จ้อยป้อนให้เองกับมือ

“แต่พี่สิงห์ไม่กินข้าวต้มหรอก” จ้อยชวนคุย “พี่เขาว่าเดี๋ยวไม่มีแรง รายนั้นกินข้าวทีแทบกวาดเกลี้ยงหม้อ”

“ลูกฉันผอมลงหรือเปล่า” เสียงแหบแห้งเอ่ยถาม

“ตัวโตยังกะตึก” เนื้องี้แข็งโป๊ก กอดจ้อยทีกระดูกแทบน่วม ประโยคหลังนี้จ้อยได้แต่คิดพลางอมยิ้มในหน้า “แต่ดำไปเยอะ ดึกๆ ดื่นๆ ยิ้มทีเห็นแต่ฟัน”

จ้อยเล่าเจื้อยแจ้วว่าเดี๋ยวนี้พี่สิงห์เขียนหนังสือเก่ง ลายมือก็สวยเสียด้วย ภาษาปะกิดยังเขียนได้เลยด้วยซ้ำ คุณนายซบหน้าแนบหมอนฟังด้วยดวงตาเป็นประกาย

จ้อยยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้ แกรับไปเปิดดู เห็นธนบัตรสีเขียวเป็นปึกอยู่ในนั้น จ้อยบอกว่าพี่สิงห์ฝากค่าน้ำพักน้ำแรงมาให้แม่ เท่านั้นคุณนายก็กุมซองเก่าๆ แนบอก

“ลูกของแม่ แม่ไม่อยากได้เงิน” น้ำตาไหลรินน่าเวทนา “แม่อยากให้ลูกกลับมา..”

ทั้งเรือนหลังงามไร้วี่แววลุงกำนัน น้าแป้นแอบกระซิบว่าแกไปติดแม่ค้าแตงโมที่บางปะหัน จ้อยได้แต่ครางเครือในคอ ก็วันก่อนยังได้ข่าวว่าแกไปขลุกอยู่กับผู้ช่วยปลัดสาวสวยที่บ้านแพนมาหยกๆ

นักเรียนครูกัดฟันเข่นเขี้ยว หวังว่าความเจ้าชู้จะไม่สืบทอดกันทางสายเลือด ลองไอ้พี่สิงห์นอกใจจ้อยล่ะก็ พ่อจะแพ่นให้กบาลแยกให้ดู

หนุ่มน้อยหาเวลาไปบ้านกำนันสม่ำเสมอไม่ขาด ถึงตอนนี้ยายจะโยนภาระรับส่งคุณชายเลอมานมาให้จ้อยก็ตามที ตอนเย็นส่งคุณชายถึงบ้านแล้วจ้อยก็แล่นมา แต่บางหนก็กระเตงพ่อคนรูปหล่อมาให้หนูน้ำฝนนั่งมองตาเยิ้มด้วย วันไหนเพื่อนสูงศักดิ์มา เมียกำนันที่เริ่มแข็งแรงขึ้นจะตวาดจ้อยแว้ดๆ หาว่าพาท่านชายมาแบบไม่ให้แกตั้งตัว สำรับรับรองอะไรก็ไม่มีสักอย่าง จ้อยเลยลากคุณชายนั่นแหละไปเป็นลูกมือในครัว และแล้วเย็นนั้นสามคนก็ร่วมมื้อข้าวเย็นกันสำราญใจ ปลาจะไหม้ ข้าวจะแฉะไปบ้างก็ช่างประไรมี

ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว นอกจากจะแยกเลอมานให้ห่างจากอาจารย์คนึงสักระยะตามคำสั่งยายได้แล้ว เรือนกำนันอันเงียบเหงาก็ครื้นเครงขึ้นอักโข ยิ้มของคุณนายที่จ้อยไม่เคยเห็น มามีวาสนาได้ยลก็ตอนนี้

จ้อยเอากล้วยน้ำว้าจากสวนยายมาให้แม่พี่สิงห์อย่างต่อเนื่อง บังคับให้แกกินวันละสามลูกเป็นอย่างต่ำ เพราะอาการปวดกระเพาะของแกยังไม่หายสนิท หากวันนี้.. พอจ้อยเห็นกล้วยหวีเก่างอมดำคาหวีแล้วก็ดุเข้าให้

“กูกินจนหน้าจะเป็นลิงอยู่แล้ว!” คุณนายแว้ดใส่

เลอมานหัวเราะพรืด

“ยังนะ ยังไม่เป็นลิง ขนยังไม่ขึ้น” แล้วลูกกะตาสีอำพันก็จ้องแกเอาจ้องแกเอา ก่อนหันไปถามเพื่อน “กินกล้วยมากๆ แล้วหน้าจะเป็นลิงได้หรือจ้อย”

“งี่เง่า!” นักเรียนซอมซ่อตวาดราชนิกูล ต๊าย! คุณนายลมจะใส่ มันกล้าด่าท่านชายเลยเชียวรึ! คนโดนด่าก็หัวเราะร่วน จะเจ็บแสบสักนิดไม่มี พิลึก! “งั้นจ้อยก็เป็นลิงตั้งนานแล้ว ตอนเล็กๆ ยายป้อนแต่กล้วย”

“พวกทโมน เมื่อไรจะไปให้พ้นหูพ้นตา” แกขมุบขมิบ เกรงจะกระทบพระกรรณท่านชายเลอมานแล้วจะโดนมหาดเล็กตามมากุดหัว

หากในคำบ่นเหนื่อยหน่าย มีรอยยิ้มซ่อนอยู่ตรงมุมปาก ซ่อนอยู่ในดวงตาระยับพราย

จ้อยกับเลอมานกลับไปไม่ทันไร นางพูนทรัพย์รู้สึกว่าเรือนไทยหลังโตเงียบเหงาอย่างประหลาด
หญิงกลางคนเดินไปเกาะระเบียงมองตามเรือแจวลำน้อยที่ห่างไกลสายตาออกไปเรื่อยๆ แสงอาทิตย์อัสดงฉาบท้องน้ำเป็นริ้วสีทอง ดูสิดู อยู่ไกลออกปานนั้นเสียงโหวกเหวกโวยวายยังดังมาถึงนี่ ดูเหมือนจะเถียงอะไรกันสักอย่าง แต่สักพักก็พากันหัวเราะก้องคุ้งน้ำ

ยายช้อย.. ถึงจะยากจนข้นแค้น แต่หากมีหลานคนดีคอยออดอ้อนเอาอกเอาใจ แกคงมีความสุข กระท่อมเล็กแคบซอมซ่อ คงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสดใส

น่าอิจฉา..

อีกำไล ลูกมึงประเสริฐนัก ขนาดคนที่เคยร้ายกับมันอย่างกู มันยังมาดูแล มาประคับประคองยามป่วยไข้ ไม่อยากจะคิด.. ถ้ากูเป็นแม่แท้ๆ ของมัน มันจะทำให้กูชื่นใจสักปานใด

อดคิดถึงลูกสิงห์ ลูกสุดสวาทของแม่ไม่ได้ รายนั้นอย่าว่าแต่มาป้อนข้าว เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แม่อย่างนี้เลย แค่อยู่ติดบ้านให้แม่เห็นหน้าสักนิดก็หามีไม่ จะห่วงใยแม่สักนิดไม่มีเลย หรือต้องรอให้แม่ตายก่อนถึงจะมาเผาผี คิดถึงตรงนี้แล้วน้ำตาแห่งความน้อยใจก็ไหลลงเงียบเชียบ 

“อีกำไลนะอีกำไล” เสียงคุณนายสั่นสะท้าน “มึงมันบุญมีแต่กรรมบัง มีลูกดีขนาดนี้ กลับไม่มีวาสนาได้อยู่ชื่นชม”

แว่วเสียงนกกาบินกลับรังเป็นฝูงๆ นกมันยังบินกลับรังกลับคอน แต่เหตุใดลูกกูถึงไม่กลับมา

ลูกของกู.. กับลูกของมึง.. ทำไมมันถึงต่างกันนัก..

“ลูกกูสู้ลูกมึงไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว..” น้ำตาหยดหนึ่งร่วงบนหลังมือที่กำราวระเบียงแน่น “กูแพ้มึงแล้ว.. แพ้มึงย่อยยับ..”

**********************************

อันทิฐินั้นจะถือกับใครก็ถือไป แต่ถือทิฐิกับบุพการีมันใช้ได้หรือ?

สองสามวันมานี้ไม่รู้ว่าพี่สิงห์รำคาญที่จ้อยเซ้าซี้ให้กลับบ้านหรือไรไม่ทราบ พอมืดเข้าไต้เข้าไฟ กินข้าวกินปลาแล้วพ่อเจ้าประคุณก็หนีไปตีข้าวกับกุลีคนอื่นเสียอย่างนั้น ประจวบกับจ้อยเองก็ไปดูแลคุณนายพูนทรัพย์ กระท่อมรจนาเลยร้างอยู่หลายคืน มีคืนนี้แหละปะเหมาะเคราะห์ดีอยู่กันพร้อมหน้า

สภาพแกน่าเวทนาจริงๆ แต่พอจ้อยบอกให้พี่กลับไปกราบขอโทษแม่อีกครั้ง พี่กลับปัดมือระอา ทำนองว่าให้หยุดพล่ามเสียที

“ลูกทรพี” จ้อยด่าเข้าให้อย่างเหลืออด “ลองทิ้งแม่ได้ สักวันพี่ก็คงทิ้งเมียได้เหมือนกัน!”

ที่จ้อยเกลียดที่สุดคือคนอกตัญญู!

“หนนี้แกอ้วกเป็นเลือดด้วย!” คำพูดอาจเกินจริงไปหน่อย แต่น้ำตาแห่งความผิดหวังที่คลอเบ้านั้นเป็นของแท้
พี่สิงห์ชะงักเหมือนต้องกระสุน

“แม่พี่ป่วยหนักจริงๆ จ้อยไม่ได้มุสา” จ้อยเอาซองยาของแม่ผัวมาวางหราให้ดูเป็นหลักฐาน “พ่อพี่ก็ไปมีบ้านเล็กอีกแล้ว ทิ้งให้แม่พี่นอนร้องไห้อยู่คนเดียวทุกคืน”

“เอ็งพูดจริงหรือจ้อย..”

“จ้อยบอกพี่ทุกวัน เคยเชื่อกันบ้างไหมเล่า”

“แม่อ้วกเป็นเลือดเลยหรือ..” เสียงทุ้มแผ่วหวิว ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวทุกครั้งเมื่อได้ยินคำว่า ‘แม่’ บัดนี้กลับสลดวูบลง

“จะโกรธอะไรแกนักหนา ถ้าแค่อภัยให้แม่ยังทำไม่ได้ ชาตินี้อย่าหวังเลยว่าจะเจริญ!”

“แม่.. แม่..” พี่กระสับกระส่าย ร้อนรน พึมพำอยู่เช่นนั้น ราวกับไม่รู้จักคำอื่นในโลกนี้อีกแล้ว “แม่จ๋า..” และแล้วร่างสูงใหญ่ก็พรวดพราดลงบันไดทั้งท่อนบนเปลือยเปล่า

“เดี๋ยว! อากาศมันเย็น พี่ใส่เสื้อก่อน” หนุ่มน้อยคว้าเสื้อพี่วิ่งตามไป “จ้อยไปด้วย!”

ดึกดื่นคืนนั้น หากใครพายเรือผ่านไปบ้านกำนันเสริม จะได้ยินเสียงแหบห้าวพร่ำตะโกนร้องหาแม่เหมือนคนบ้า กึกก้องอยู่ในความสงัดยามราตรี

ถ้านี่เป็นฉากในละคร ก็เป็นฉากจบที่เปี่ยมไปด้วยความสุขมากล้น ลูกผู้กลับใจและแม่ผู้ตระหนักรู้แล้วว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดนั้น หาใช่ทรัพย์สินใดๆ ไม่

ไอ้สิงห์วิ่งโครมครามขึ้นบันได ผู้เป็นแม่พาสังขารอิดโรยมาหา โผเข้ากอดกันดั่งพลัดพรากมานานเนิ่น

“ลูกแม่ ลูกสิงห์ของแม่ ลูกแม่กลับมาแล้ว” ปากแตกแห้งพึมพำชื่อลูกไม่ขาดปาก ไอ้สิงห์ประคองหน้าแม่ไว้ แม่ผอมไปมาก หน้าซูบซีดไม่มีน้ำนวล

“แม่จ๋า หนูขอโทษ” นักเลงหนุ่มปล่อยโฮ ทรุดลงกราบตีนแม่ นางพูนทรัพย์ประคองกอดลูกไว้เต็มอ้อมแขน โยกโคลงลูกชายตัวยักษ์ไปมาเหมือนเด็กเล็กๆ ทั้งลูบทั้งจูบผมสากระคายประหนึ่งเป็นเส้นไหมสูงค่า เหมือนของรักที่จากพรากกลับได้คืน น้ำตาแห่งความยินดีไหลลง

เมียกำนันแลเลยมาทางจ้อย ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความตื้นตันและขอบคุณ

**********************************

(มีต่อเน้อ :katai5:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 22-07-2016 06:06:12
เกิดข่าวใหม่กระพือลือลั่นไปทั่วเกาะเมือง เบียดข่าวคาวเรื่องอาจารย์คนึงกับคุณชายเลอมานให้ตกกรอบข่าวเด่นประจำสภากาแฟไปได้ชั่วคราว

แล้วไอ้เรื่องใหม่ที่ว่านี้ระดับความน่าสนใจมันถึงขั้นสะเทือนตำบลเสียด้วย

ไม่สะเทือนได้หรือ เมื่อไอ้สิงห์ ไอ้นักเลงหัวไม้ที่เคยท้าต่อยท้าตีไปทั่ว ไอ้ลูกเวรที่ถูกพ่อแม่ตัดหางปล่อยวัดจนต้องซมซานมาตกอับเป็นจับกังโรงสีเถ้าแก่ฮง วันดีคืนดี มันออกจากงานกุลี กลับบ้านไปดูแลแม่อย่างที่ลูกกตัญญูพึงกระทำ และหลังจากนั้นไม่กี่วัน เขาลือกันทั้งตลาดว่าคุณนายพูนทรัพย์พามันไปสอนงานที่โรงสี ไม่ได้เป็นงานแบกหาม แต่เป็นงานนั่งโต๊ะโก้เสียไม่มี

ใครมันสอดรู้นักก็ชอบมาถามจ้อย เพราะตอนนี้เจ้านักเรียนครูคนดีก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวกำนันกลายๆ เข้านอกออกในเป็นว่าเล่น ไม่มาหาคุณนายพูนทรัพย์ที่เรือน ก็แล่นไปโรงสี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า

จ้อยมันจะไปหาใครได้ ถ้าไม่พ้นไปหาไอ้สิงห์..อะแฮ่ม..เดี๋ยวนี้เรียกไอ้สิงห์ไม่ได้แล้วเน้อ ใครหลุดปากออกมาก็ตะครุบปากตัวเองกันหมุบหมับ เดี๋ยวใครมันปากหมาคาบไปบอก ทีนี้ดอกเบี้ยเอย ค่าเช่าที่เอย ค่าเช่าแผงเอย หรือกระทั่งจะไปขอกู้เงินมาใช้
หนี้ถั่วโปไฮโล เห็นทีคงผ่อนผันต่อรองกันยากล่ะทีนี้

วันหนึ่งคงจะเป็นคุณสิงห์ หรือเถ้าแก่สิงห์ในไม่ช้า หรือไม่แน่ภายภาคหน้า เมื่อกำนันเสริมใกล้หมดวาระ มันจะลงสมัครเลือกตั้งตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านเพื่อรอรับคัดเลือกเป็นกำนันต่อจากพ่อก็ย่อมได้ ฐานเสียงมากมายจะไปไหนเสีย
 
มีทั้งเงิน ทั้งบารมี บ้างก็ชื่นชมว่าดี พ่อเจ้าประคุณน่าจะฝักใฝ่เอาการเอางานแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เสียดายมัวแต่สำมะเลเทเมาอยู่เป็นนาน แต่บ้างที่ชอบดูความฉิบหายของคนอื่นเป็นของสนุกก็สบประมาทว่าคนโง่ดักดาน เขียนก.ไก่ถึงฮ.นกฮูกยังไม่ถูกอย่างไอ้สิงห์น่ะหรือจะมาช่วยแม่ดูแลกิจการ ขาพนันก็ท้ากันใหญ่ว่ามันจะดีได้สักกี่น้ำ บ้างก็ว่า ๓ วัน บ้างก็ว่า ๗ วัน
   
ทว่า.. เกิดเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้พวกปากปลาร้าต้องเปลี่ยนใจ

ปลายเดือนอ้าย ฝนเริ่มจาง น้ำเต็มตลิ่ง กระแสน้ำไหลเชี่ยว ใส สะอาด ไม่ขุ่นเหมือนฤดูทำนาหรือฤดูน้ำหลาก ช่วงเวลาแห่งการนวดข้าวเปลือกขายเวียนมาถึงอีกคำรบ

ทุกอย่างของชาวนาฝากไว้ที่รวงข้าว  รวงข้าวอันจะเปลี่ยนเป็นเงินสำหรับซื้ออาหารยังชีพ ซื้อหยูกยา ซ่อมบ้านเรือนผุผัง ใช้หนี้ใช้สิน กระทั่งเป็นค่าศึกษาเล่าเรียนลูกเต้า

ซึ่งรวงข้าวจะแปรเป็นเงินได้ก็ต้องผ่านโรงสี

โรงสีของนางพูนทรัพย์ใหญ่โตที่สุดแล้วในเกาะเมือง คาดกันว่าแม้ทั่วกรุงเก่าก็ยังไม่มีที่ใดเทียบเท่า ตึกสองชั้นสีขาวยืนตระหง่านอยู่ภายในรั้วคอนกรีต สนามหญ้าตัดเรียบ ไม้ดอกไม้ใบบานสลอน ด้านหลังมียุ้งข้าวขนาดโรงเรียนประชาบาลสองหลังทอดตัวอยู่อย่างทรนง ประตูมันเปิดอ้ารอรับเกวียนบรรทุกข้าวซึ่งวิ่งเข้าออกเหมือนเป็นลมหายใจของมัน

ภายในห้องรับแขกปูด้วยพรมสีเลือดนก บังตาปลิวสะบัดตามแรงพัดลมอยู่พั่บๆ แจกันจีนโบราณอวดราคาอยู่บนโต๊ะประดับมุก เครื่องสังคโลกอวดลวดลายและราคาอยู่ในตู้โชว์

คุณนายพูนทรัพย์โยกตัวขึ้นจากเก้าอี้นอน จิบชาโฮกหนึ่ง มองชายชาวนาตรงหน้าหัวจรดตีน

“จะให้ราคาผมเท่าไร” ชายคนยากถามราคาข้าวด้วยกิริยานอบน้อม ก้มตัว สานมือเข้าด้วยกัน เหมือนพูดกับเจ้าเมือง

“ซื้อข้าวตกแบบนี้มันเสี่ยง ปีหน้าไม่รู้น้ำท่ามันจะมีหรือเปล่า ถังละ ๔ บาทแล้วกัน เห็นใจลื้อ”

สิงห์ที่นั่งจดบัญชีให้แม่อยู่ที่โต๊ะชะงัก กัดปากอย่างลืมตัว ข้าวเปลือกถังละ ๔ บาทถูกเหมือนแกลบ แล้วข้าวสารทำไมมันถึงถังละ ๔๐-๕๐ บาท ข้าวเปลือกสามถังสีแล้วได้ข้าวสารถังกว่า แล้วโรงสียังขายแกลบและรำได้อีก แม่ตั้งราคาซื้อเอาตามใจชอบ ทีชาวนาเป็นฝ่ายซื้อบ้าง แม่ก็ตั้งราคาขายให้อีก

ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน

“ตกลงขายเกวียนหนึ่ง”

“รับรองไม่เบี้ยวนะ เอ้าเซ็นสัญญา” คุณนายโรงสีเตรียมกระดาษพร้อมหมึกพิมพ์ลายนิ้วมือ หากลูกชายยืนขึ้นเต็มความสูง ห้ามแม่เอาไว้ทันท่วงที

สองแม่ลูกตกลงกันอยู่พักหนึ่ง แล้วเสียงคุณนายก็แหวออกมาจากออฟฟิศ กุลีที่แบกกระสอบข้าวกันหน้าโกดังยังสะดุ้งโหยง

“จะบ้าเรอะตาสิงห์!” นางพูนทรัพย์เอามือทาบอก “ถังละ ๘ บาท แม่จะเอากำไรจากไหน!”

“ไม่ต้องกำไรมากก็ได้แม่” ลูกชายให้เหตุผล “ชาวนาหาเงินได้ปีละครั้ง ให้เขาลืมตาอ้าปากได้บ้างเถอะ”

“คนจะแห่มาที่นี่กันหมด ทำอย่างนี้ระวังพวกโรงสีอื่นมันจะหมายหัวแกเอา”

“ก็ให้มันมา” สิงห์ว่าเสียงต่ำ เหลือบตามองปืนลูกซองที่เหน็บไว้ข้างฝา ผู้เป็นแม่ได้แต่ทอดถอนใจ เป็นอย่างไรก็เป็นกัน

ข่าวลือสะพัด ไอ้ทิดสมบ้านใต้ขายข้าวตกได้เกวียนละ ๘๐๐ อย่างที่ไม่เคยมีโรงสีไหนให้ราคานี้มาก่อน อย่าว่าแต่ราคาข้าว กระทั่งค่าเช่าที่เช่าแผงและดอกเบี้ยก็ยังถูกลง เสียงชื่นชมยกย่องตามมา นายสิงห์ สีตลาไปไหนมาไหน เดี๋ยวนี้เริ่มมีคนยกมือไหว้

*************************

แต่ข่าวน่ายกย่องของคนดีๆ จะนินทาสนุกปากเท่าข่าวคาวๆ ของคนชั่วๆ หรือ?

คนึงกับเลอมานจึงยังคงถูกชาวบ้านจ้องจับผิด จำเลยผู้วิปริตกำลังถูกสังคมลงทัณฑ์อย่างเงียบเชียบ ไม่มีการใช้ความรุนแรงเพื่อเบียดเบียนหรือใช้กำลังประทุษร้าย

สังคมพิพากษากันไปแล้วว่า.. ในเมื่อทั้งคู่เลือกที่จะเอาแต่ได้ เห็นแก่ความสุขส่วนตนอันขัดต่อจารีตอันดีงาม จึงสมควรแล้วที่จะได้รับโทษทัณฑ์คือการต่อต้านจากสังคม โดยการปิดกั้น ตัดขาด และปฏิเสธที่จะมองเห็นตัวตนของพวกเขา หวังว่าการกระทำเช่นนี้จะทำให้คนระยำหยาบช้าทั้งสองสำนึกผิด

ตั้งแต่พากันมองแบบทะลุผ่านและเดินหนีไปแบบไม่สนใจ ประหนึ่งว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตน หรือเมื่อกำลังคุยกันอยู่เป็นกลุ่ม แล้วเมื่อคนึงหรือเลอมานเดินผ่านมา ก็หยุดการสนทนาอย่างฉับพลัน หันมามองเหมือนเห็นอากาศธาตุแวบหนึ่ง ก่อนเดินแยกย้ายวงกันออกไปจากที่นั่น แล้วไปจับกลุ่มคุยกันใหม่อีกที่หนึ่ง

ไปจนถึงถูกทำให้รู้สึกว่าไม่เป็นที่ต้อนรับ ไม่เชื้อเชิญเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ คนึงไปเดินตลาดไม่ได้อีก เนื่องจากไม่มีร้านไหนยินดีขายของให้ แม้แต่กาแฟสักถุงยังต้องไหว้วานให้จ้อยไปซื้อ และไม่มีเพื่อนครูคนใดชวนเขาไปสังสรรค์ตามร้านอาหารหรือโรงบิลเลียดอีกเลย

นี่แหละหนา.. พรหมทัณฑ์..

การแยกกันอยู่อย่างที่ยายช้อยแนะนำ เหมือนแค่เป็นการไม่ทำให้เรื่องโหมกระพือบานปลายไปมากกว่านี้เท่านั้น แต่ห้ามเพลิงไว้ไม่ให้มีควัน ห้ามคนจะรักกันมันห้ามได้หรือ ท่ามกลางกระแสต่อต้าน จึงยังมีข่าวลืออยู่แว่วๆ ว่าเห็นพวกเขาสองคนนัดพบกันตรงโน้นตรงนี้ จริงบ้างไม่จริงบ้าง ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจ้าตัว

ส่วนในโรงเรียนนั้น แม้อาจารย์ปรีชาจะเพียงเรียกตัวคนึงไปตักเตือน ไม่มีการลงโทษหรือแม้แต่ลงทัณฑ์บน เพราะไม่มีหลักฐานแห่งความผิดนอกเหนือไปจากคำพูดปากต่อปากของชาวบ้าน แต่บรรดาครูน้อยและนักเรียนทั่วไปต่างมองทั้งสองด้วยสายตาที่แปลกไปทั้งสิ้น มีเพียงจ้อยที่ยังเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน หนำซ้ำยังกระหนาบเลอมานไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางเสียอยู่หมัดในฐานะผู้ดูแลพิเศษ (ตามคำสั่งของยาย) และยังปากคมใส่คนอื่นๆ ที่มาเซ้าซี้ถามเรื่องความสัมพันธ์เกินเลยของครูศิษย์เจ้าปัญหาเสียจนหน้าหงายไปหลายหนด้วย

แต่นั่นแล.. ห้ามอาทิตย์ห้ามดวงจันทร์ หยุดแค่นั้นค่อยห้ามดวงใจ..

ยามเย็นสุริยายอแสง เลอมานนั่งแกร่วรอจ้อยพาไปส่งบ้านยายช้อยเช่นทุกที มือขาวสะอาดพลิกกล้องถ่ายรูปราคาแพงในมือไปมา ช่องดูจำนวนภาพที่ถ่ายไปอยู่ที่ ๓๒  ถ่ายอีกไม่กี่ภาพเท่านั้นฟิล์มก็จะหมดม้วนแล้ว จวนถึงเวลาเข้าเมืองเอาฟิล์มไปล้างเสียที

อาคารเรียนไม้หลังยาวตระหง่านในแสงสีทอง เลอมานยกกล้องขึ้นเก็บภาพนั้นเอาไว้ เอาล่ะ.. ๓๓ แล้ว

ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งผ่านเข้ามาในช่องมองภาพ แม้จะเห็นจากระยะไกลเลอมานก็รู้ได้ทันที คนที่อยู่ในหัวใจทุกห้วงขณะจิต คนที่ใกล้แสนใกล้ แต่เหมือนห่างไกลเหลือแสน วันนี้ทั้งวันทำได้เพียงสบตากันยามเดินสวนผ่าน แม้จะเอื้อมมือไปสัมผัสกันสักครั้งยังไม่กล้า สายตาคนจ้องจับผิดกันทั้งโรงเรียนอย่างนั้น

หม่อมราชวงศ์หนุ่มลดกล้องลง จริงด้วยสิหนอ.. เขายังไม่มีภาพถ่ายคู่กับอาจารย์เลย..

ดวงตาสีน้ำตาลใสสำรวจรอบตัว กลางสนามหญ้ากว้าง.. นั่นวงฟุตบอล นั่นวงตะกร้อ จับกลุ่มเล่นกันอยู่เฮๆ อ้าว.. จากโรงอาหารลิบๆ นั่น จ้อยกำลังเดินตรงมาหาพอดี

เพื่อนรักเห็นเขาถือกล้องเดินไปหาอาจารย์ด้วยตาวาววับก็รี่เข้ามาขวาง กระแอมแฮ่มๆ ปราม ดั่งรู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร

“จ้อย มาถ่ายรูปคู่กันหน่อย” เลอมานเปลี่ยนเป้าหมายไปหาจ้อย

“จะเอาไปทำไม”

“เอาไปทำรายงานส่งโครงการ” ว่าพลางร้องเรียกอาจารย์ประพนธ์ที่ยืนแกร่วอยู่ริมสนามให้ช่วยถ่ายให้ “ฉันจะลงรูปจ้อย เขียนบอกว่านี่คือเพื่อนรักของฉัน”

แค่ได้ยินคำว่า ‘เพื่อนรัก’ คนใจแข็งซ้ำยังปากแข็งก็ทำเป็นพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้

อาจารย์ประพนธ์ใจดี หันมาเห็นเลอมานจะถ่ายรูปไปทำรายงาน มีการให้นักฟุตบอลทโมนทั้งหลายมายืนเรียงแถวเต๊ะท่าให้ถ่ายรูปด้วย

แชะ.. แชะ.. เสียงชัตเตอร์ลั่นสลับกับเสียงเลื่อนฟิล์มกังวานต่อเนื่อง

และแล้ว.. ณ ที่ ๓๕ ภาพ เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนรักที่ยืนมองอยู่ห่างๆ เงียบๆ

ภาพสุดท้าย..

“อาจารย์” ยามเลอมานเอ่ยคำนี้ จะมีใครจับได้ไหมว่าอ่อนหวานกว่าทุกคำที่เคยเอ่ย “ให้เกียรติถ่ายรูปคู่กับผมสักรูป”

คนึงยิ้มอ่อนบางแทนคำตอบ ยังคงรักษาระยะห่าง แต่สายตาที่ทั้งสองมองกันนั้นเล่า จะมีใครจับได้ไหมว่าลึกซึ้งเพียงใด

“ในวิทยานิพนธ์ของผมจะมีรูปอาจารย์ บอกว่าคนคนนี้คือ..”

คนที่ผมรัก.. 

“อาจารย์ผู้ดูแลผม” คำที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยถูกถ่ายทอดทางดวงตาไปหมดสิ้น

จ้อยอาสาเป็นตากล้องจำเป็นให้ เลอมานหมุนปรับอะไรไปมาอยู่พักหนึ่งก็ยื่นให้เพื่อนรัก ไม่ลืมกำชับว่าอย่าถ่ายพลาดเด็ดขาด
ทั้งสองขยับเข้ามาชิดใกล้ สบสายตากันชั่ววินาทีก่อนหันไปมองกล้องเมื่อจ้อยเริ่มนับหนึ่ง.. สอง.. สาม

ภาพสุดท้ายของฟิล์มม้วนนั้น คือภาพหม่อมราชวงศ์หนุ่มน้อยอาสาสมัครจากแดนไกล เคียงข้างอยู่กับอาจารย์หนุ่มในชุดข้าราชการสีกากี กลางสนามหญ้าเขียว มีเสาธงโบกสะบัดและอาคารเรียนหลังยาวอยู่เบื้องหลัง เป็นฉากชีวิตที่บรรจุเรื่องราวไว้มากมายในช่วงเวลาเกือบปีที่พ้นผ่าน

สนามนี้ที่เขาเคยถูกคนึงปลุกแต่ไก่โห่ให้มาทำกายบริหารพร้อมนักเรียนคนอื่น ต้นหูกวางริมสนามนั่น.. เขาเคยแอบยืนหลบแดด แต่ก็ถูกลากให้ออกมาเข้าแถวกลางแดดเปรี้ยง ที่มุมโน้น.. เขาเคยขอเล่นตะกร้อแล้วถูกไล่ตะเพิด แต่อีกไม่กี่เดือนถัดมาก็มาถอดเสื้อเตะบอลคลุกฝุ่นกันกลางสนามนี้ อาคารเรียนไม้หลังยาว.. ทางเดินมันปลาบที่เขาเคยร่วมลงแว็กซ์กับเหล่านักเรียนครู บันไดที่เคยวิ่งตึงตังลงมาจนถูกอาจารย์เรียกไปเคาะตาตุ่ม และทางเดินนี้แหละที่เขาลอบมองเข้าไปในห้องทุกครั้งที่ผ่านห้องที่คนึงกำลังยืนสอนอยู่หน้าชั้น ไหนจะห้องเรียนที่เคยวิ่งรอกสอนนักเรียนทั้งสองชั้นปี บางคาบสอนอยู่ดีๆ อาจารย์ก็เข้ามานั่งอมยิ้มดูเขาสอนด้วย

ในแผ่นไม้ทุกแผ่น ในต้นหญ้าทุกต้น มีแต่ความทรงจำงดงามนัก

เลอมานบอกตัวเอง นี่จะไม่ใช่ความทรงจำ เขาจะต้องได้ถ่ายรูปกับอาจารย์ที่นี่อีกหลายต่อหลายครั้ง จะต้องได้ใช้ชีวิตในฉากหลังเช่นนี้ต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

จะไม่มีอะไรมาพรากจากไป..

**********************************
   
จ้อยมาส่งเลอมานที่กระท่อมได้ไม่ทันไร ก็แบ่งกับข้าวกับปลาใส่ปิ่นโตแล่นหายไปโรงสีนางพูนทรัพย์อีกแล้ว บางวันก็ไม่กลับมานอนบ้านเสียด้วย ยายช้อยไม่ทัดทานสักคำ ออกจะยินดีด้วยซ้ำ ยิ่งรู้ว่าระยะหลังมานี้เจ้าแม่เงินกู้ไม่ได้รังคัดรังแกจ้อยเหมือนเก่า แม่เฒ่าแทบอยากย้ายสำมะโนครัวหลานรักไปบ้านนู้นเสียให้รู้แล้วรู้รอด

ฝ่ายคุณชายได้แต่ส่ายหน้าระอา รู้ว่าเพื่อนกำลังตกอยู่ในห้วงรัก ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็หยุดไม่อยู่หรอก

เห็นเพื่อนมีความสุขเลอมานก็ดีใจด้วย แต่พอเปรียบเทียบกับความรักของตนแล้วช่างอนาถใจนัก วันนี้ทั้งวัน จะได้แตะเนื้อต้องตัวอาจารย์สักนิดก็หามีไม่ แค่ชายเสื้อถูกกันนิดเดียวตอนยืนถ่ายรูปคู่กัน คนนั้นคนนี้ยังจ้องเอาจ้องเอาลูกตาแทบทะลุ

ทำไมนะ จ้อยกับสิงห์ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน สองคนนั้นไม่เห็นถูกสังคมรุมประณามอย่างเขา มีแต่จะยกย่องชื่นชมด้วยซ้ำ ว่าจ้อยเข้ามาทำให้ลูกกำนันเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้ ไปไหนมาไหนด้วยกันผู้คนก็เอ็นดู ทักทายว่าเหมือนเป็นพี่น้องที่กลมเกลียวกันดี

เพราะอะไร.. เพราะอาจารย์เป็นอาจารย์ เขาเป็นศิษย์ เพราะอาจารย์เป็นลูกชาวนา เขาเป็นหม่อมราชวงศ์ อย่างนั้นหรือ

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์นั่งไกวเท้าเงื่องหงอยอยู่ที่ท่า มองฟ้ามองน้ำไปเรื่อยเปื่อย นั่น.. เรือแจวลำหนึ่งผ่านมา ชาวบ้านชายหญิงสองสามคนในเรือหันมามองเขาแล้วหันไปซุบซิบกันอีกแล้ว เลอมานได้แต่เชิดหน้าใส่ ช่างปะไร เขาไม่ได้ขอข้าวคนพวกนี้กินสักหน่อย!

น่ารำคาญ!

แล้วนู่น.. ตัวน่ารำคาญอีกตัวพายเรือพ้นคุ้งน้ำมาลิบๆ เพียงแวบแรกที่เห็นอาการปวดมวนในท้องก็จู่โจมจนอยากขย้อน

เขากับอาจารย์ต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้เพราะมันนี่แหละ! ไอ้ลอย! ไอ้เลว!

มันจอดเรือเทียบท่า จงใจมาหาเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ร่างใหญ่บึกอย่างวัวเปลี่ยวสาวเท้าตรงมา เลอมานลุกขึ้นเผชิญหน้า แม้ใจหนึ่งอยากเดินหนีไปให้พ้นๆ แต่อีกใจก็ประท้วงว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องเกรงกลัวมัน

“เป็นไง..” มันทักทายเสียงต่ำ ยิ้มมุมปากยียวน “ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านสนุกไหม”

พ่นมาคำแรกก็หาเรื่องกันเลย! คุณชายกัดปากแน่น ระงับโทสะที่ปะทุขึ้น

“มาทำไม”

“มาดูหน้าคนหน้าด้าน” มันว่าไม่ยำเกรง “เขาด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง ยังทำลอยหน้าลอยตาเป็นทองไม่รู้ร้อน”

“ไม่ต้องมาถึงนี่ก็ได้ แค่ส่องกระจกแกก็เห็นแล้ว” เลอมานย้อนเข้าให้ เหมือนมีเปลวไฟเต้นระยิบจากฝ่าเท้าลามขึ้นหัวหู มันกล้าดีอย่างไรมาด่าเขา!

“ปากเก่งจริงๆ..”

จงใจมากวนประสาทกันแบบนี้ ป่วยการจะเสวนาด้วย หม่อมราชวงศ์หนุ่มผลุนผลันเดินหนี ร่างสูงทะมึนตามติด

“ปล่อยไปแบบนี้นานเข้า คนลำบากจะไม่ใช่คุณชาย แต่เป็นอาจารย์คนึง” คำพูดนั้นทำเลอมานชะงักกึก ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเฉือนอกเขาดั่งคมมีด

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ฉุกคิด จริงของมัน เขาไม่เดือดร้อนกับเหตุการณ์นี้

แต่อาจารย์เล่า...

“คนเป็นครูบาอาจารย์ต้องมีศีลธรรม” มันจุดบุหรี่ “ก่อเรื่องระยำไว้แบบนี้ สักวันอยู่บางนี้ไม่ได้แน่”

เลอมานคิดตามทุกถ้อยคำ จริงดั่งว่า.. คนไทยทำไมชอบวุ่นวายกับเรื่องคนอื่นนัก

“มีประวัติไม่ดี ขอต่อใบอนุญาตก็คงผ่านยาก” มันว่าต่อ เขาคงทำหน้างงพิลึก มันจึงขยาย “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ รู้จักไหม ข้าราชการต้องต่อทุก ๕ ปี”

ยอมรับว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย

“ถ้าไม่ผ่านก็ไม่หนักหนาอะไรร้อก” มันพ่นควันบุหรี่เป็นสายคลุ้งในอากาศ “แค่เป็นครูต่อไปไม่ได้เท่านั้นเอง”

ความอดทนของเด็กหนุ่มสิ้นสุดลงตรงนั้น!

“แกต้องการอะไร” เลอมานกัดฟันถาม มันกำลังข่มขู่ หรือกำลังแนะนำ ในหัวสมองสับสนมึนชาไปหมด หากสิ่งเดียวที่แจ่มชัดคือใบหน้าของชายคนรัก

เขาไม่อยากให้อาจารย์เดือดร้อน

“ผมช่วยคุณได้เสมอ คุณเล็ก” มันขยี้ก้นบุหรี่ด้วยปลายเท้า โน้มหน้าลงมาจ้องเขาด้วยดวงตาวาวระยับเป็นประกาย “แค่ทำตามที่ผมบอกเท่านั้น”

**********************************

และแล้วเลอมานก็พาตัวเองมาอยู่ตรงนี้จนได้ ในเรือแจวลำน้อยลอยล่องกลางคลองใส หม่อมราชวงศ์หนุ่มนั่งหัวเรือ มีไอ้ลอยคัดท้าย แสงตะวันจวนลาลับขอบฟ้าเข้าไปทุกที

โดยไร้ข้อกังขา โดยไร้ความระแวงใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงความห่วงใยคนรักท่วมท้นอก เด็กหนุ่มคิดว่าต่อให้มันจะชกเขาสักสี่ซ้าห้าหมัด หรือซัดเขาจนหมอบสักยก หากมันแลกมาซึ่งอนาคตของอาจารย์ เขาก็ยินยอม

แต่นี่มันเสนอตัวว่าจะช่วย

วิธีมันเข้าทีอยู่ มันบอกจะพาเขาไปซ่องนางทองใบ ทำตัวเจ้าชู้เสเพล คลุกควงผู้หญิงสักคนสองคนให้ชาวบ้านเห็น ขี้คร้านข่าวคาวที่โหมกระพือกันอยู่จะดับลบกลบหาย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าไอ้นักเลงหนุ่มนี่มีอิทธิพลต่อผู้คนบางนี้เอาการ ดูจากการที่มันเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องเขากับอาจารย์เป็นคนแรก ในเมื่อมันเป็นคนจุดได้ มันก็ควรเป็นคนดับได้ดังปากว่า

เลอมานนั่งเกร็งอึดอัดมาตลอดทาง จนกระทั่งผ่านชุมชนตลาดยอด ฝีพายกลับแจวเรือผ่านไปอ้อยอิ่ง ท่าแล้วท่าเล่าที่มันผ่านมา เขาเริ่มเอะใจ ดวงตาหวาดระแวงมองไปสองฝั่งคลองเบื้องหน้า อีกนิดเดียวก็พ้นตลาดแล้ว

“จะพาไปถึงไหน” เขาหันมาแหวใส่ “จอดที่ท่านี้ก็เดินไปท้ายตลาดได้”

มันไม่ตอบคำ แต่ดวงตาที่มองมาอย่างมาดร้าย และรอยยิ้มกระตุกที่มุมปากนั้นทำให้เลอมานพรั่นพรึงไปทั้งร่าง

“หันเรือกลับเดี๋ยวนี้!” เขาสั่ง มันสนใจที่ไหน เอาแต่ผิวปากเป็นทำนองยียวน สายตาจาบจ้วงมองราวจะทะลุทะลวงถึงเนื้อใน และเมื่อมันกวาดสายตาลงต่ำ ลูกตาควานช้อนเข้าไปใต้กางเกงขาสั้น มันเลียปากแผล็บ!

เขาพลาดแล้ว!

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์แทบสำลักลมหายใจ หัวใจเต้นถะถี่ นี่คือความกลัวหรือความเกลียดชังกันแน่ ร่างโปร่งบางรี่เข้าไปแย่งไม้พายจากมือมัน เรือโคลงจนแทบเสียหลัก มือแกร่งราวคีมเหล็กกลับคว้าลำคอขาวไว้หมับ กระชากทั้งร่างเข้าหาจนได้กลิ่นลมหายใจอวลควันบุหรี่

“มึงอย่าฤทธิ์มาก!” จิ้งจอกชั่วกระซิบแหบพร่า “ให้กูขย่มสักทีสองที กูจะช่วยแก้ข่าวมึงกับผัวให้หมด”

มันเพิ่มแรงบีบจนเขาสำลัก

“มึงจะได้อยู่ที่นี่นานๆ อยู่ให้กูเอานานๆ” ประกายตามันโชนอย่างไฟ “ไม่ดีหรือ มึงจะได้มีผัวสองคน ไว้เปลี่ยนรสชาติ กูแบ่งกับไอ้คนึงได้ กูไม่ถือ”

แค่มันสะบัดมือ เลอมานก็เซไปกระแทกกราบเรือจนเรือเอียงวูบ น้ำทะลักเข้ามา ความโกรธแค้นประดัง เลือดชิงกันไหลทั่วเรือนกายอันสั่นเทิ้ม เลอมานขบริมฝีปาก น้ำตาแห่งความชิงชังคลอเบ้า หัวใจเต้นแรงถี่เหมือนจะโลดเร่าพ้นจากอก คนอะไรเลวระยำได้เพียงนี้

โกรธมันไม่พอ ซ้ำยังโกรธความโง่ของตน โง่ที่หลงตามมันมา!

นิจจาเอ๋ย แค่มันเอาอนาคตของอาจารย์มาขู่ ความฉลาดที่เคยมีก็ลืมพาความเฉลียวมาด้วย ความรักปิดหูปิดตาจนมืดบอดไปสิ้น เหมือนลืมไปแล้วว่าไม่กี่วันก่อน ไอ้สารเลวนี่แหละทำให้เขาเกือบจมน้ำตายคาคลอง!

เลอมานหันซ้ายหันขวาล่อกแล่กบนเรือโคลงเคลง คืบก็น้ำ ศอกก็น้ำ เขาจะหนีไปไหนได้!

โดยไม่มีใครรู้ คล้อยหลังจ้อยพาเลอมานกลับไปไม่ทันไร อาจารย์หนุ่มระส่ำระส่ายในหัวอกโดยไม่รู้สาเหตุ อาจเพราะสายตาที่เลอมานมองเขาตอนถ่ายรูปคู่กัน หรืออาจเพราะรักอาลัย หรืออาจเพราะบางสิ่งดลใจดลจิต เหมือนของรักกำลังจะจากพราก คนึงติดตามมาที่กระท่อมยายช้อย ยิ่งแม่เฒ่าเล่าให้ฟังด้วยสีหน้าไม่สู้ดีว่าเลอมานขออนุญาตไปเที่ยวในตลาดกับไอ้ลอยด้วยแล้ว หัวใจหนุ่มสะเทือนไหวแทบพลัดออกจากอก

ลางสังหรณ์แล่นพรู ขณะบังคับเรือยนต์ลำน้อยออกตามหา แล้วสิ่งที่เห็นมันผิดกับที่คาดไว้อยู่เมื่อไร!

สองคนยื้อยุดกันบนเรือลำน้อยจนเรือเอียงวูบ อาจารย์รีบเร่งเครื่องประชิด เสียงเครื่องยนต์ก้องไปทั้งคุ้ง

“อาจารย์!” เสียงเลอมานร้องหาเขา พร่ำวอนชวนใจจะขาด มือขาวที่ไม่เคยแปดเปื้อนสิ่งใดคว้ากราบเรือเขาไว้ราวเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้าย หมายจะข้ามเรือเข้ามา คนึงคว้ามือศิษย์รักเอาไว้ พยายามดึงเข้าหา ไอ้ลอยกลับใช้ไม้พายยันเรือออกห่าง เลอมานแทบพลัดตกน้ำ!

“กูจะประกาศให้ทั่ว!” เสียงมันดังกึกก้อง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจนเรือโคลง ปกติคนตีกันก็เรียกความสนใจได้มากพออยู่แล้ว นี่ยิ่งเป็นคนที่กำลังมีข่าวฉาวโฉ่ ทุกสายตาบนฝั่งมองมาเป็นตาเดียว ชาวบ้านร้านตลาด บ้างออกมายืนออกันริมฝั่ง บ้างเปิดหน้าต่างชะโงกดู พวกบนสะพานยังหยุดยืนมอง ไม่มีใครอยากพลาดเรื่องเด็ด

สองครูศิษย์เหมือนถูกลากมาประหารกลางถนน

“ไอ้เล็กมันไม่ใช่คนแรก ก่อนหน้านี้จินดาก็ถูกไอ้ครูเหี้ยนี่จับทำเมีย สั่งสอนกันมาตั้งแต่เด็กแท้ๆ ครูระยำอัปปรีย์พรรค์นี้ก็มีโว้ย!”
เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบทิศ

“ถ้าไอ้เล็กกลับเมืองนอกเมื่อไร ไม่รู้มันจะคว้าเด็กคนไหนทำเมียอีก ลูกหลานใครก็ระวังไว้ให้ดีเองก็แล้วกัน!”

สุดจะทนอีกต่อไป คนึงยืนขึ้นคว้าด้ามพายฟาดปากไอ้ลอยสุดแรงดังเปรี้ยง คนปากชั่วพลัดกระเด็นจากเรือดังตูม มันไม่ไปตัวเปล่า หากเหนี่ยวกราบเรือที่เลอมานทรงตัวอยู่หมิ่นเหม่พลิกคว่ำลงไปด้วย

น้ำกระจายซ่านเซ็น ร่างทั้งสองจมหายลงไปใต้น้ำราวถูกกระชาก

ใบพัดเรือ!   

คนึงรีบดับเครื่องอย่างรวดเร็ว แต่ช้าไปเสียแล้ว ท่ามกลางเสียงชาวบ้านกรีดร้อง เกิดสีแดงฉาดฉานกระจายผุดขึ้น ปนเคล้าอยู่ในกระแสน้ำสีน้ำตาลลอยวน


โปรดติดตามตอนต่อไป


ย่องมาอัพ แล้วก็ย่องจากไป หุหุหุ  :katai5:

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 22-07-2016 07:36:27
ปวดหัวใจกับครูคุณชายกับอาจารย์
สงสารมาก ปากคนนี่จริงๆ
เรื่องแบบนี้ละชอบเม้าท์กันนัก

ส่วนจ้อยนี่น่ารัก สมเป็นสะใภ้ที่ดีจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: --รมยกร-- ที่ 22-07-2016 08:44:40
ทำใจไว้มากกับเรื่องนี้ในตอนจบ เพราะตามยุค ตามสมัย ตามฐานันดร มันไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะจบแบบสวยงาม
ถึงตอนจบอาจไม่สวยงามเพราะทั้งคู่อาจไม่ได้เคียงคู่
หรืออาจมีโศกนาฏกรรมอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
แต่ความรักของท่านชายกับครูบ้านนอกมันจะติดตรึงในใจไม่เสื่อมคลาย
ยังรออ่านเสมอ นานๆมาทีก็ยังรอ
จบแล้วจะรอชื้อหนังสือด้วย....
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 22-07-2016 09:50:12
เลือดนี่ขอให้เป็นเลือดชั่วๆของไอ้hereลอยได้มั้ยคะะะะะ น่าตายมาก รำมันนน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: WinterRose ที่ 22-07-2016 11:12:39
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ ไม่ไหวแล้ว ขอร้องไห้ก่อนเลยค่ะ
เจ็บปวดกับสิ่งที่อาจารย์กับคุณชายเล็กต้องเจอ ยิ่งอ่านยิ่งเห็นภาพ ยิ่งเจ็บตามไปด้วย
บีบหัวใจไปหมดเลย ได้แต่สงสัยว่าเขาทำผิดอะไรกันขนาดนั้นเลยเหรอ
และไม่ว่าคู่นี้จะจบสวยงามรึไม่ ขอให้เป็นคุณดอกไม้แต่ง เราเชื่อว่าเราจะยอมรับได้
เราเชื่อใจฝีมือ และมุมมองของคุณดอกไม้นะคะ :)

จบตอนก็ลุ้นมากๆ อีก ขอให้เป็นเลือดของไอ้เลวไอ้ลอยทีเถอะ
เสียแขนเสียขาไปสักข้างสองข้าง เผื่อจะได้สติขึ้นมาบ้าง
ตัวทำชั่วทำเลว เสเพลไม่เป็นโล้เป็นพาย จินดาเขาเลยไม่รักไม่เลือก
แต่ดันพาลใส่คนดีๆ อีกคนที่จินดาเขารัก จนตามจองล้างจองผลาญชีวิตเขาแบบนี้ มันใช่เรอะ
ไอ้ลอยต้องการอะไรจากครู จะให้ครูไม่ต้องรักใคร อยู่เป็นทาสความรักของจินดาไปชั่วชีวิต ทั้งที่แกไม่ผิดอะไรเลย
หรือจะให้คุณชายตายชดใช้ให้จินดาเหรอ คุณชายไม่ได้เป็นคนว่ายน้ำไปคว่ำเรือจินดานะโว้ย
กลัวเวรกลัวกรรมบ้างเถอะ เอ็งไม่ใช่ผู้พิพากษาชีวิตใครนะไอ้เลว

ตอนนี้ถ้าไม่มีพี่สิงห์กับเมียรัก สงสัยเรานอนซม หดหู่ไปครึ่งวันแน่ๆ เลยค่ะ
คู่นี้ไม่รู้จะหวานกันไปไหน จ้อยนี่นับวันยิ่งเหมาะกับสิงห์
ผัวเป็นสิงห์ เมียเป็นแม่เสือ ดุจริงๆ ให้ตายเถอะพ่อคุณ ดุตั้งแต่เพื่อน จนผัว ดุยันแม่ผัวแน่ะ หลานยายช้อยคนนี้ 555
อยู่ส่งเสริมกันแบบนี้ไปนานๆ นะคะ รอดูชีวิตที่ประสบความสำเร็จของพี่สิงห์น้องจ้อยค่า

เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้เสมอนะจ๊ะ เรายังรอเสมอ นานแค่ไหนก็ยังรอจ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 22-07-2016 11:25:21
ชอบที่จ้อยพูดว่า
พี่ทิ้งแม่แบบนี้
สักวันคงทิ้งเมียด้วยเหมือนกัน
ชอบบบบย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: SLEEPERINDY ที่ 22-07-2016 12:07:56
นึกว่าตาฝาด กลับมาอัพต่อแล้ว
ปักไว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่าน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 22-07-2016 12:45:10
โอ๊ยยยย ใครโดนใบพัดละเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 22-07-2016 13:39:25
โอยย ใจจะขาด ลุ้นมาก
กลัวตอนจบของเรื่องนี้จัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 22-07-2016 13:48:01
ยอมรับว่าไม่ได้อ่านทุกตัวอักษรเหมือนทุกที เพราะใจไม่แข็งพอ สงสารคุณครู กับคุณเล็กอ่ะ :m15: แต่คู่จ้อยและพี่สิงห์คือดีงามอ่ะค่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: feelinlove ที่ 22-07-2016 14:56:51
ไอ้ลอยนี่เลวเกินไปอ่ะ คนอะไรเลวได้ขนาดนี้
สงสารครูคณึง พวกชาวบ้านคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน
เฮ้อออ คงอีไม่กี่ตอนก็จบแล้วเนาะ คุณดอกไม้ตั้งใจไว้ยังไง
คิดไม่ออกเลยว่าจะแฮปปี้กันอีท่าไหน ฮืออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 22-07-2016 16:40:56
ถึงจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นมากมาย ถึงในการณ์ข้างหน้าอาจไม่หวานชวนฝัน แต่ขอให้อย่างทิ้งความทรงจำของรักครั้งนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 22-07-2016 17:45:02
พูดไม่ออก เรื่องจริงทั้งนั้นที่ครูคนึงไม่เคยยับยั้งชั่งใจ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-07-2016 22:40:12
โอยยยย ไม่ไหว ๆ กระชากใจเกินไปแล้ว
ฮือ ... ไม่อยากรู้ว่าเลือดใคร
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: kao9x ที่ 23-07-2016 00:14:26
ในที่สุดก็มา มีความปลื้มปริ่ม คิดถึงงงง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Teddysdeath ที่ 23-07-2016 04:42:53
มาด้วยความหน่วงสุดพลัง

เกลียดไอ้ลอยมันจริงๆเล้ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Mayris ที่ 23-07-2016 10:24:24
อูยยยย ค้าง รู้สึกใจหวิวๆ ขออย่าให้มีใครโดนใบพัดตายเลย เอาแค่เจ็บๆพอ ต่อจะให้เป็นลอยก็ตาม อย่าขออย่าให้ถึงขั้นจากตายเลยนะคะ ใจร้าว ฮือออออออ  :o12:

รู้สึกว่านายลอยต้องมีปมอะไรบางอย่าง คงจะรักจินดามากเลยแค้นแบบไม่อยากให้ชีวิตครูคนึงต้องมีความสุขเลย อะไรแบบนี้ แต่ก็โหดร้ายมากเกินไปที่จะมาลงที่คนอื่นนะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 23-07-2016 11:09:26
โอ้ย เรื่องมันเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 23-07-2016 12:39:07
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: oniisanbaka ที่ 24-07-2016 23:38:35
จะเป็นครูแล้งมานั่งเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้ใช้ได้เหรอจ้อย ทั้งความคิดแบบโบราณอีก เฮ้อ ยิ่งอ่านยิ่งไม่นิยมตัวละครตัวนี้เท่าไหร ส่วนคู่หลักก็น่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืองานกำลังงอก! แง๊ งานเข้าแล้ว เป็นกำลังใจให้คนแต่งคร้าบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: oniisanbaka ที่ 24-07-2016 23:48:32
จ้อยเอ้ยถ้ายังเป็นคนมีความคิดแคบๆแบบนี้ระวังจะอยู่ตัวคนเดียวเอานะ มีอย่างที่ไหนไอเราก็นึกว่าเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์โดยแท้ เพชรต่ให้เปื้นโคลนเนื้อในก็ยังเป็นเพชร อีกาต่อให้ย้อมสีขาวก็ไม่อาจเป็นหงส์ นี่อินมาก เป็นกำลังใจให้คนแต่งคร้าบ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: oniisanbaka ที่ 24-07-2016 23:56:38
จริงๆอยากให้พี่สิงห์จับจ้อยล่ามโซ่ขังไว้ให้กระอักเลือดตายไปเลย ฮึ่มๆ คุณชายโดนแบบนี้เข้าไป คงเสียใจไม่น้อย เฮ้อ ฃ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: oniisanbaka ที่ 25-07-2016 00:41:35
อีลอย อีดอกทอง อิไม้พลองหักครึ่ง อิมีสลึไม่ครบบาท อีขาดสติ อิกะปิไม้เค็ม อิวัวเล็มหญ้าอ่อน อิบ่อนไม่พนัน อิไส้ตัน อิกังหันไม่พัด ไม่รู้จะด่าอะไรนางแล้ว ถ้านางจะเลวร้ายขนาดนี้ คนแต่งจัดให้นางสักทีเลยยย หมั่นนางเข้าไส้แล้วจ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: oniisanbaka ที่ 25-07-2016 01:04:54
ดูท่าลอยคงไม่ได้ใช้กรรมต่อไปแล้วละ ฮึ จินดาคงไม่อยากให้ชั่วๆอย่างเอ็งใช้ชีวิตต่อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: กลายเป็นอดีต ที่ 01-08-2016 01:53:56
โอ๊ยย ยังอ่านก็ยิ่งทรมานใจมากๆเลย   :hao5:   :hao5:

มาต่อๆ ไวๆนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: 404notfound ที่ 07-08-2016 12:54:27
ขออย่าให้คุณเล็กของบ่าวเป็นอะไรเลยนะเจ้าค่ะ  :call:
เพราะที่เป็นอยู่ก็รันทดมากพอแล้ว  :monkeysad:
ถ้าคุณหนูเล็กเป็นอะไร บ่าวคงทำใจไม่ได้ :z3: :ling1:
 ขอให้คุณเล็กปลอดภัยนะคะ :call:. *กอดขาคุณดอกไม้ pleaseeeeeeeeeeee........  :mew6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 07-08-2016 22:08:55
โอย เครียดดดด สงสารอาจารย์กับหนูเล็ก
ตอนท้ายนั้นขอให้เป็นเลือดไอ้ลอยเห๊อะ

ตอนต่อไปมาเร็วๆน้า มันค้าง ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 27-08-2016 14:04:43
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 27-08-2016 21:52:02
สงสารครูกับเล็กมาก   ไอ้ลอยนี่มันชั่วจริงๆ  เกลียดมัน  ตอนนี้พี่สิงห์เริ่มดีวันดีคืน จ้อยก็น่ารัก ทั้งผัวรัก  แม่ผัวก็เอ็นดู
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: therappizdrum ที่ 09-09-2016 23:53:25
ไอ้ลอยทำไมชั่วยังไงก็ชั่วอย่างนั้น

ตอนจบลุ้นมากค่ะ ไม่กล้าเดาตอนหน้าเลย ฮือออออออ

เพราะจะเป็นใครครูคนึงก็ชีวิตเปลี่ยนทั้งนั้น


สงสารครูกับหนูเล็กทำไมโดนไอ้ลอยจองล้างจองผลาญไม่เลิก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 16-09-2016 23:04:53
 :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 17-09-2016 10:13:40
พี่สิงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 30-09-2016 10:24:12
 :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 30-09-2016 10:53:30
สงสารคุณชายเล็ก สงาารอาจารย์คนึง มันบีบคั้นมาก เกลียดไอ้ลอยที่สุด ไม่เลิกสักที อะไรกับจินดาหนักหนา เง้อ... เหนื่อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 02-10-2016 17:09:45
ไม่เคยอ่านเรื่องนี้เลย แต่ตามมาจากการชี้เป้าของพี่แป้งจี่ครับ เลยลองอ่านดู แล้วก็ค้นพบว่า...ภาษาสวยมาก! มากจริงๆ คุณดอกไม้ใช้สำนวนการ ‘เปรียบตรง’ ในการบรรยายอวัจนภาษา รวมถึงการพรรณนาสภาพแวดล้อมของท้องเรื่อง ทำให้ดูละเมียดละไม นับว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง

ประเด็นแรกที่เห็นได้ชัดเจนคือเรื่องเอกลักษณ์ความเป็นไทย ส่วนตัวผมคิดเห็นว่า เรื่องนี้เน้นเอกลักษณ์ความเป็นวัฒนธรรมไทยในสมัยโบราณได้อย่างชัดเจนมาก มีเหตุผลนุ่มลึก มีเสน่ห์ และน่าติดตาม สำหรับผม เป็นวรรณกรรมที่เหมาะสมให้ผู้อ่านสมัยใหม่ที่อยากเรียนรู้วัฒนธรรมไทย และละเมียดละไมกับความละเอียดอ่อนของสังคมสมัยก่อน ได้ลิ้มรสอย่างซาบซ่าน

อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้เขียนมานานแล้ว (ตั้งแต่ปี 2011) และถ้าเป็นปัจจุบัน ผมเห็นว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเหมาะสมกับผู้อ่านที่เป็นวัย ‘ผู้ใหญ่’ ระดับหนึ่ง เพราะว่าผู้อ่านในยุคสมัยใหม่นี้ (2015 เป็นต้นมา) ของประเทศไทย ค่อนข้างรับค่านิยมของต่างชาติมาค่อนข้างมาก จนทำให้มองเห็นคุณค่าวัฒนธรรม รวมถึงค่านิยมของไทยโบราณลดลง (และนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดลัทธิชังชาติ) มีความคิดเชิงเสรีนิยมมากขึ้น จนเห็นว่าความเคารพนับถือในระบบศักดินาเป็นเรื่องไร้สาระ การทำบุญด้วยสิ่งแปลกๆคือสิ่งที่รับไม่ได้ อาชีพที่ทำเงินได้น้อย เช่นครู คืออาชีพที่ควรถูกเหยียดหยาม ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลมันขัดกับ ‘แก่น’ ของค่านิยมสมัยก่อน ดังนั้นแนวการบรรยายในเรื่องนี้ ที่ตีแผ่และให้ความสำคัญกับคุณค่าด้านประเพณี จึงเป็นสิ่งที่ผู้อ่านสมัยใหม่มักจะไม่ให้ความสำคัญ

ประเด็นที่สอง คือเรื่องของมิติวรรณกรรม เรื่องนี้เติมเต็มมิติของวรรณกรรมได้ครบทุกองค์ประกอบครับ ไม่ว่าจะเป็นการบรรยาย เค้าโครงเรื่อง หรือแม้แต่มิติของตัวละคร การเชื่อมโยงพื้นเพของตัวละครชาวบ้านถือว่าทำออกมาได้ดีมาก(สิงห์ จ้อย จินดา คะนึง) ขณะที่การบรรยายแตะพื้นเพของระบบศักดินามีให้เห็นน้อย (คุณชายเลอมาน) ผมเห็นแค่สองซีน คือซีนแรกที่คุณชายเลอมานมาถึงบ้านบางแพนี้ การบรรยายบ่งบอกตัวตนและพื้นเพระบบศักดินาได้ชัดเจน และซีนที่สองคือซีนที่หม่อมดาราและหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชเข้ามาเยี่ยม ซึ่งการสนิทสนมของท่านชายกับพระสหายเป็นเรื่องดี แต่คำพูดคำจาคนเขียนอาจจะตั้งใจทำให้ท่านดู ‘ติดดิน’ มากไปเสียหน่อย

เค้าโครงเรื่องถือว่าสร้างออกมาได้ดีมาก ผมชอบคู่รองมากกว่านะครับโดยส่วนตัว สิงห์กับจ้อยนี่เป็นอะไรที่น่าสนใจ หนึ่งคือมันเห็นอนาคตมากกว่าคู่หลัก ไม่มีกำแพงกีดกั้นที่เป็นไปไม่ได้ยกเว้นเรื่องเพศสภาพ และสองคือเพราะเราไม่ค่อยเห็นพล็อตแนวนี้ในตลาดวรรณกรรมเลย (ส่วนมากมักตบจูบๆแล้วก็ไม่มีอะไรมารองรับ ได้ๆกันแล้วก็รักๆกัน งงพอสมควร) ผมคิดว่าพล็อตแบบคู่รองนี่แหละ ‘ถูกจริต’ ผมในระดับหนึ่งเลยทีเดียว อีกทั้งเค้าโครงเรื่องของคู่หลักแสดงออกชัดเจนมากว่าเล่นกับประเด็นศีลธรรมได้อย่างน่าหวาดเสียว คือหนึ่ง มาแนวศิษย์อาจารย์ จำได้ว่าอายุทั้งสองคนห่างกันเป็นรอบ (อย่างต่ำก็สิบสองปีล่ะ) สองคือด้วยฐานันดร หม่อมราชวงศ์(แถมเป็นลูกคนเดียว) กับประชาชนที่ไม่ติดยศศักดิ์ ในฐานะคู่รักเพศสภาพเดียวกัน และสามคือเอาทั้งสองข้อแรกไปใส่ในค่านิยมยุคอยุธยาต้นรัชกาลภูมิพล จะเห็นได้ว่ามันค่อนข้างหมื่นเหม่มากในการสร้างบทจบครับ

สำหรับเรื่องมิติของตัวละครแยกแต่ละตัว รวมถึงการเชื่อมโยงความสัมพันธ์เชิงความรู้สึก ทำออกได้ดีมากๆในบางคู่ แต่ในบางคู่ก็ค่อนข้างรวบรัดระดับหนึ่งเหมือนกัน อธิบายคือ ในคู่รอง สิงห์-จ้อย ตัวเค้าโครงแน่นมาก มีอดีตรำลึก มีการบรรยายความรู้สึกที่สับสน ลังเล หวนหา และการสำนึกได้ในความผิด มีการเท้าความ ตัวเส้นการดำเนินเรื่องแยกก็ทำออกมาได้ดีมาก เห็นความรู้สึกที่ลังเล เห็นความชัดเจนของสภาพสังคมที่มีผลต่อจิตใจเด็ก ที่จับใจมากคือ เราจะเห็นประเด็นเชิงจิตวิทยาหลากหลายมากจากคาแรกเตอร์รองในเรื่องนี้ครับ ไม่ว่าจะเป็น
- การ Social Bullying จากเหล่าเด็กๆในอาณัติ มีผลต่อความสัมพันธ์ของเด็กที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก (การกลั่นแกล้งนี้เป็นได้ทั้งการล้อ การไม่ยอมรับ หรือการทำร้ายร่างกาย)
- ความรู้สึกอยากเอาชนะต่อคนที่อยากกดขี่ (คุณแม่สิงห์ กับคุณแม่ของจ้อยที่คาดว่าน่าจะเป็นหญิงงามเมือง และพาลไปถึงจ้อย)
- ความมั่นคงในรักแม้ว่าจะมีนิสัยเป็นอันธพาลของลอย (ผมคิดว่าลอยชอบจินดามาก มากจนปักใจและรักแบบเทิดทูน) ลอยเป็นคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจมาก เพราะเขาอยู่ระหว่างเส้นบางๆของแสงสว่างที่จินดาส่องให้ กับความมืดดำของกิเลสโสมมที่เข้าไปเกลือกลั้ว การยึดติดกับจินดาของลอยเป็นอะไรที่รุนแรงและน่าเคารพมากในด้านความมั่นคงเชิงความรู้สึก
- ชาติกำเนิดของจ้อยที่ยังคงเป็นปริศนา และอาจนำพามายังความดราม่า

อย่างที่เห็นว่าเป้าหมายของเรื่องค่อนข้างชัดเจนมาก ตัวพล็อตไม่ซับซ้อนแต่ละเอียดและเจาะลึกในประเด็นสำคัญๆ เรียกได้ว่าพล็อตพื้นๆแต่มีมิติและสมจริงสูงมาก อีกทั้งด้านของท้องเรื่องและการบรรยายก็ทำให้เรียกผู้อ่านได้ดีด้วยครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๔ : ขอบฟ้ากำแพงดิน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๒ ก.ค. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 14-10-2016 21:26:26
ถ้าตัดเรื่องปากหมาและขี้เสือกออกไป เราว่าไอ้ลอยมันก็คงจะน่ารักนะ แลดูนางก็รักจินดาดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 14-11-2016 21:54:44
(http://img17.imagefra.me/i9be/wattanan/0_46e_ucmz8.jpg)

บทที่ ๓๕

คนจะรักกัน

(ครึ่งแรกจ้ะ :L2:)

คนจะรักกันผูกพันหมายมั่นลงไป
จะบุกน้ำลุยไฟ ปล่อยให้เขาไปตามปรารถนา
คนเขารักกัน ใครจะกีดกันฉันทา
ต่อให้น้ำต่อให้ฟ้า กั้นขวางหน้าอย่าหวังห้ามได้

คนลงรักกัน กำแพงแข็งกั้นก็พัง
สุดจะฝืนยืนนั่ง สุดแรงพลังจะห้ามปรามไหว
คนเขารักกัน คงมั่นจากขั้วหัวใจ
บีบบังคับ ดับไม่ไหว ตราบสิ้นไร้ชีวัน*



ใบพัดเรือ!   

คนึงรีบดับเครื่องอย่างรวดเร็ว แต่ช้าไปเสียแล้ว ท่ามกลางเสียงชาวบ้านกรีดร้อง เกิดสีแดงฉาดฉานกระจายผุดขึ้น ปนเคล้าอยู่ในกระแสน้ำสีน้ำตาลลอยวน

“เล็ก!” เขาร้องสุดเสียง ใจหายเหมือนมีใครเอาฉมวกแทงทะลุอก ร่างสูงใหญ่โจนลงน้ำทั้งชุดข้าราชการครู พื้นน้ำแตกกระจายซ่านเซ็น

มีเสียงฮือฮาขึ้นเมื่อร่างใครคนหนึ่งทะลึ่งพรวดขึ้นเหนือผิวน้ำ

ไอ้ลอย!

เลือดแดงฉานอาบเต็มหน้า ย้อมน้ำคลองเป็นสีแดงขุ่นข้น ชายฉกรรจ์สองสามคนลงน้ำไปช่วยลากมันขึ้นฝั่ง และอีกสามสี่คนพุ่งลงน้ำช่วยคนึงตามหาอีกคนที่จมลงไปแล้วยังไม่โผล่ขึ้นมา 

อาจารย์หนุ่มควานเปะปะไปทั่ว สักพักก็โผล่ขึ้นสูดหายใจ ก่อนดำลงไปใหม่แทบจะทันที

แสงตะวันลาลับไปแล้ว ท้องฟ้าและผืนน้ำดำมืดยิ่งเป็นอุปสรรค เขาตะโกนเรียกเลอมานครั้งแล้วครั้งเล่า เรียกด้วยชื่ออันมีตัวเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์เรียก

ชาวบ้านที่มุงดูมองหน้ากัน มีเสียงซุบซิบแผ่วเบา เล็ก.. หนูเล็ก.. เล็กของครู.. คำเหล่านี้มันใช่คำที่ครูพึงเรียกศิษย์ ใช่คำที่ข้าราชการต่ำต้อยพึงเรียกราชนิกูลหรือ

นอกเสียจากว่า..

เขายังคงดำผุดดำโผล่อยู่อย่างนั้น อย่างสิ้นหวัง แต่ก็ไม่ยอมหยุด ทุกวินาทีที่ผ่านไป เฉือนเนื้อใจแหว่งวิ่นไปทีละนิดจนไม่เหลือแม้เศษเสี้ยว กี่นาทีแล้วที่เลอมานยังไม่โผล่ขึ้นมา เขาไม่ได้ดูนาฬิกา แต่ไม่ใช่ระยะเวลาที่คนร่างกายแข็งแรงทนกลั้นหายใจได้แน่ มันนานกว่านั้นไปเท่าไรแล้ว

คนที่ลงไปช่วยดำ พากันฉุดเขากลับขึ้นฝั่ง เขาสะบัดแขนแล้วมุดกลับลงไปอีก เมื่อหมดแรงที่จะกลั้นหายใจแม้สักเฮือกเล็กๆ เขาเกาะเรือซบหน้า ทั้งร่างอ่อนปวกเปียก เสื้อผ้าและเส้นผมชุ่มโชก

มีเสียงโหวกเหวกดังขึ้นห่างจากท่าออกไป คนึงหันมองตาม เห็นชายฉกรรจ์สองคนโบกมือเรียก แสงไฟและแสงตะเกียงวอมแวมจากฝั่งสะท้อนร่างขาวซีดที่เพิ่งงมขึ้นจากน้ำได้ คอพับร่องแร่ง กลุ่มผมสีอ่อนกระจายระผืนน้ำ

“เล็ก!!” เสียงตะโกนนั้นใครฟังก็รู้ว่าออกมาจากหัวใจแหลกสลาย อาจารย์หนุ่มว่ายน้ำเข้าไปคว้าร่างศิษย์รักไว้ในอ้อมแขน เนื้อตัวเย็นชืดเหมือนปลาตาย หัวใจเอ๋ยแทบขาดลงตรงนั้น

คนึงพาเลอมานกลับฝั่ง วางร่างอ่อนปวกเปียกลงกับพื้นดิน กดท้องให้น้ำทะลักออกปาก ผิวหน้าซีดเผือดแทบไร้สีเลือด เม็ดน้ำเกาะทั่วตัว

“ว่ายน้ำก็ไม่เป็น ซ้ำยังมาโดนตะคริวกินอีก”

“ขนาดคนว่ายน้ำแข็งยังแทบเอาตัวไม่รอด”

สรรพเสียงวิจารณ์กันขรม เขาใจหายเหมือนใครมาเด็ดออกจากขั้ว ตาแดงก่ำจ้องมองร่างบนพื้นดินแฉะซึ่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ยังเป็นคนรักของเขา เนื้อหนังยังอบอุ่น มีลมหายใจ มีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้ม เมื่อครู่ก่อนแยกกันที่โรงเรียนยังถ่ายรูปคู่กันอยู่ สุ้มเสียงยามเรียกชื่อเขาช่างอ่อนหวานนัก แต่บัดนี้อะไรเล่า.. ร่างเปียกปอนซีดขาวแน่นิ่ง ดวงตาคู่นั้นปิดสนิทราวกับจะไม่ลืมขึ้นมามองหน้ากันอีกแล้ว

เขายอมไม่ได้

“เล็ก..เล็ก..” เขาพร่ำเรียก มือแข็งแรงออกแรงกดลงหน้าอกคนรักซ้ำๆ

“มันตายแล้ว! สมน้ำหน้า!” เสียงแหบห้าวตะโกนขึ้น ไอ้ลอยโงนเงนยืนขึ้นเต็มความสูง ผ้าขาวม้าที่มีคนยื่นให้ซับเลือดชุ่มโชกแดงฉาน “ผีเมียเก่าเอาเมียใหม่มึงไปเป็นผีน้ำแน่ๆ สมน้ำหน้าพวกมึงทั้งคู่!”

ชาวบ้านฮือฮารุมล้อมกันเข้ามา คำพูดมันทำให้เขาฉุกคิด เหตุการณ์ที่ไม่อยู่ในความทรงจำนานแล้วกลับผุดขึ้นมา หญิงชราที่เคยทักว่าระวังผีน้ำจะมาเอาตัวเลอมานไป

จินดา.. จริงหรือ?

เขาคิดอยู่ในอกคลุ้มคลั่ง ขณะจับศีรษะเลอมานให้หงายเงย ครอบริมฝีปากลงไปบนปากเย็นชืดซ้ำๆ

หลายคนอุทานเอ็ดอึง บ้างเอามือทาบอก บ้างเบือนหน้าหนีภาพบัดสีลูกตา

“มันเกือบจมน้ำตายกี่ครั้งแล้ว! ใช่แน่ๆ” ไอ้ลอยยังไม่หยุดพล่าม เลือดชั่วไหลอาบเต็มหน้าจนแดงฉาน คนึงใจหายวาบ เลอมานเคยประสบอุบัติเหตุทางน้ำมากี่ครั้งแล้ว ไหนจะวันที่เขาพลาดทำระหัดตีหน้า วันนั้นที่พายุคะนองกระหน่ำ และวันก่อนที่ท่าหน้าบ้านยายช้อยอีก

จินดา.. จริงหรือ?

อาจารย์หนุ่มหอบหนัก เขาเพียรเป่าลมจนสุดลมหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทำไม.. หน้าอกเลอมานไม่ขยับสักนิด

จะจากครูไปแบบนี้จริงๆ หรือ..

“จินดา.. อย่าเอาเล็กไป..” เสียงกระซิบวิงวอนแหบพร่า น้ำตาเอ่อขึ้นกลบสองตา สองแขนที่ออกแรงกดหน้าอกเลอมานเริ่มอ่อนล้า ความหวังริบหรี่ลงไปทุกที..ทุกที..

ฝันร้ายในวันที่เขาได้ครอบครองเด็กคนนี้ทั้งตัวและใจกลับมาหลอกหลอน  ใบหน้าขาวเป็นกระดาษยังคงติดตา หรือจะเป็นอย่างที่โบราณบอก.. ว่าฝันเช้ามักเป็นจริงเสมอ

เขายอมไม่ได้!

สิงห์กับจ้อยแหวกฝูงคนเข้ามา ไอ้หมูเลิศขี่รถเครื่องไปบอกพวกเขาที่โรงสีว่าเกิดเรื่องที่ท้ายตลาด จ้อยนั้นพอรู้ว่าเลอมานจมน้ำก็ตกใจจนตำราร่วงจากมือ จากนั้นก็เร่งร้อนพากันมาดูให้เห็นกับตา

“มันตายแล้ว! มันตายแล้ว! มันตายโหง! วู้! สะใจโว้ย!” ไอ้คนชั่วหัวเราะเหมือนคนบ้า “จินดา! เอาไอ้เด็กนี่ไปเป็นผีเฝ้าคุ้งน้ำแทนมึงเลย!”

ไอ้สิงห์ทนไม่ไหวอีกต่อไป ปราดเข้าไปถีบอดีตลูกน้องล้มโครม ชาวบ้านหลายคนลุกฮือหมายมาร่วมรุมกระทืบ มันหนีกระเซอะกระเซิงเข้าไปในตลาด ทิ้งเสียงหัวเราะสะใจลอยแว่วมาตามลม

“ครูขอร้อง เอาครูไปแทนก็ได้ จะทำยังไงก็ได้” เสียงแหบพร่านั้นครวญขึ้นจากอกระโหยไห้ ริมฝีปากบิดเบี้ยวไม่เหลือเค้าคนเคยเข้มแข็ง หยดน้ำที่เกาะพราวเต็มหน้า ไม่มีใครแยกออกว่าหยดไหนน้ำคลอง หยดไหนน้ำตา

“อย่าเอาเล็กไป..”

ท้องฟ้าของครู สายน้ำของครู ดวงตะวันของครู ดอกไม้สดใสของครู ความหวังของครู ยอดดวงใจของครู อย่าจากครูไปแบบนี้!
เลอมานไม่เคยตัวรู้ว่าสำคัญกับเขามากแค่ไหน แม้แต่คำที่เจ้าตัวอยากได้ยินนักหนาเขาก็ไม่เคยปริปากให้ได้ยินสักครั้ง

“คืนเล็กให้ครู.. ”

ได้ยินอาจารย์พร่ำเรียกจินดา จ้อยวิ่งหายเข้าไปบ้านใครคนหนึ่งแล้วกลับออกมาพร้อมธูป จุดหนึ่งดอกพนมมือเหนือหัวแล้วปักไว้ริมตลิ่งด้วยดวงตาแดงก่ำ

“ให้ครูตายแทนก็ได้ อย่าเอาเล็กไป..” คนึงครอบริมฝีปากลงไปบนปากซีดเผือดของเลอมาน เงยหน้าขึ้นสูดอากาศ แล้วกดปากลงไป ทำเช่นนั้นอยู่ซ้ำๆ และโดยไม่มีใครคาดคิด ธูปยังไม่ทันหมดดอก ร่างเปียกโชกที่นอนแน่นิ่งจู่ๆ กระตุกตัวโยน สำลักน้ำพรวดออกปาก

อย่าให้เอ่ยเลยว่าอาจารย์หนุ่มดีใจเพียงใด  บอกไม่ได้ว่าแม้นคว้าแก้วมณีที่พลัดหล่นหายกลับคืนมาได้จะดีใจได้เท่านี้ไหม

เลอมานสำลักไอโขลกๆ ใบหน้าซีดขาวมีสีเลือดขึ้นทีละนิดจนแดงก่ำ คนึงพร่ำลูบหลังไหล่สั่นสะท้าน น้ำตาแห่งความดีใจหยดร่วง ความอบอุ่นเลิศล้ำแล่นปราดเข้าจับใจ ราชนิกูลหนุ่มสำลักเรียกชื่อเขากระท่อนกระแท่น ก่อนโผเข้าหาอ้อมอก เขารัดร่างเล็กไว้แน่น ราวกับจะให้ละลายไปกับอกกว้าง ตัดสรรพสิ่งรอบตัวออกราวกับทั้งโลกนี้มีเพียงพวกเขาเท่านั้น

เขาดีใจ ดีใจเหลือเกิน ดีใจจนเกือบ.. จูบแก้มขาวซีดที่เริ่มมีไออุ่นขึ้นทีละนิด

จ้อยแตะไหล่อาจารย์เรียกสติ อาจารย์หนุ่มเงยหน้าขึ้น ปะสายตาชาวบ้านรายล้อม สายตาทุกคู่ที่จ้องมองมา หลากหลายความรู้สึก มีทั้งรังเกียจ ขยะแขยง สมเพชเวทนา หดหู่ใจ อาจารย์หนุ่มกอดร่างศิษย์แนบอก โยกไปมาคล้ายจะเห่กล่อม อย่างหวงแหน อย่างปกป้องจากสายตาที่มุ่งประหัตประหาร รังเกียจเดียดฉัน

ทว่า.. เขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม เพราะลุแก่ใจ จากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่มีสิ่งใดเลวร้ายไปกว่าการสูญเสียเลอมานไปชั่วชีวิตอีกแล้ว

ร่างสูงใหญ่อุ้มศิษย์รักลงเรือแล้วขับออกไปด้วยสายตาว่างเปล่า สงบนิ่ง

ดั่งเหยื่อเคราะห์ร้ายที่พร้อมเผชิญชะตากรรม แม้ต้องถูกแขวนอย่างหมิ่นเหม่อยู่บนเส้นใยที่ซับซ้อนยุ่งเหยิงของจารีต

รอคอยหายนะอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้..

*******************************

(มีต่อจ้า :hao7:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 14-11-2016 22:04:03
ไม่เศร้าได้มั้ยฮะ

อ่านแค่นี้ก็แน่นจนหายใจไม่ออกแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 14-11-2016 22:13:46
มาแล้ว วี้ดว้าย  :mc4: :mc4: :mc4:

หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ไหนๆ อาจารย์ก็ยอมสู้ดูสักตั้งแล้ว 

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 14-11-2016 22:23:56
หลังจากอุบัติเหตุที่ท่าน้ำกลางตลาดวันนั้น อาการเหมือนคนเสียสติของคนึงก็เป็นโจทก์ฟ้องตัวเอง ให้คนทั้งหลายเห็นว่าข่าวเลื่องลือที่ตนได้ยินมานั้นถูกต้องทุกประการ คนทั้งตลาดเป็นพยานรู้เห็นกันหมด

และเป็นธรรมดาของคนกลุ่มเล็กที่มีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด เมื่อคนใดวิปลาสผิดปกติ คนหมู่มากในกลุ่มนั้นก็จะเริ่มตีตัวออกห่างเหมือนกับว่าจะคัดผู้ที่แตกต่างนั้นออกจากสังคม ยิ่งฝ่ายหนึ่งเป็นครูผู้ชาวบ้านทั้งบางเคารพนับถือ และอีกฝ่ายเป็นถึงหม่อมราชวงศ์ ผลลัพธ์จึงรุนแรงกว่าที่เคยเป็น

คนึงพาเลอมานกลับบ้านพักท้ายโรงเรียนทันทีในวันนั้น  เพราะอย่างน้อยในห้องน้อยก็ไม่มีเสียงก่นด่าสาปแช่งให้ได้ยิน  ไม่มีสายตาดูแคลนให้เห็น  โดยมีสิงห์กับจ้อยทยอยขนข้าวของที่กระท่อมยายช้อยกลับคืนมาให้

ราชนิกูลหนุ่มน้อยจับไข้นอนซมอยู่หลายวัน  อาจารย์ปรีชาอนุญาตให้ไม่ต้องไปสอนสักระยะจนกว่าจะแข็งแรงดี คนึงเฝ้าดูแลไม่ห่าง  ราวจะกางกั้นคนรักจากความวุ่นวายทั้งปวง

ความวุ่นวายที่มาเยือนถึงหน้าประตูโรงเรียน..

ถึงดวงตะวันจะเลยหัวไป ๓ วา แต่เปลวแดดยังแผดเปรี้ยงๆ ปานจะแผดเผาสรรพสิ่งให้วอดวายไปจากโลกา  เสียงอึงอลเกี่ยวกับข่าวคาวสองครูศิษย์ลักลอบได้เสียกันก็กระโจนไปไม่หยุดหย่อน

กลุ่มชาวบ้านทั้งหัวหงอกหัวดำร่วมสิบดาหน้ามาตามถนนโรยกรวด อุกอาจเหิมเกริมผ่านประตูโรงเรียนเข้ามาถึงหน้าเสาธง  ส่งเสียงกึกก้องราวจะขับไล่เสนียดจัญไรให้พ้นไปจากสถานศึกษาอันศักดิ์สิทธิ์

อาจารย์ปรีชาเห็นท่าไม่ดี รีบสั่งให้อาจารย์ประพนธ์กวาดต้อนเหล่านักเรียนครูที่อยากรู้อยากเห็นออกนอกหน้าขึ้นตึกไปให้หมดเพื่อความปลอดภัย

“พวกเราไม่ยอม! เรื่องแบบนี้ยอมไม่ได้โว้ย!” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งโวยวาย ชูกำปั้นขึ้นไปในอากาศ

คนึง วนาสัยกัดริมฝีปากแน่น คนพวกนี้แห่กันมาเพราะเขาเป็นเหตุแน่แท้ จึงมิได้คิดหลบหนี อาจารย์หนุ่มประจันหน้าดั่งจำเลยผู้ยอมจำนน

“มีอะไรกันพ่อแม่พี่น้อง” อาจารย์ปรีชาปรี่มาห้ามทัพ “แห่กันมาส่งเสียงดังในสถานศึกษาแบบนี้ทำไม”

“ผอ.คิดดูนะ” ป้าเจ้าของห้องแถวท้ายตลาดถลกผ้านุ่งจังก้า “โรงเรียนลูกหลานเราเราต้องรักษา ปล่อยให้มีครูบาอาจารย์ผิดศีลธรรมแบบนี้อยู่ได้ยังไง”

“ครูกับลูกศิษย์กอดกันกลมกลางตลาด แบบนี้มันผิดไหม!” ลุงคนหนึ่งโพล่งขึ้นบ้าง

“ผิด!” พวกที่เหลือเฮรับกันเป็นลูกคู่

แล้วนานาสรรพเสียงก็อึงอล เรียกเหล่านักเรียนครูโผล่หัวมาดูทางหน้าต่างแทบไม่เหลือที่ว่าง

“ถ้าครูดี ลูกศิษย์คงไม่เข้าหาแน่นอน!”

“มันก็ไม่แน่ ของอย่างนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังร้อก”

“รู้เห็นเป็นใจกันน่ะซี้”

“แต่ไหนแต่ไรมา โรงเรียนนี้ไม่เคยเสื่อมเสีย พวกเรายอมไม่ได้!”

“การศึกษาจะฉิบหาย ก็เพราะครูเหี้ยๆ นี่แหละ!”

คนึงเคยบอกแก่ใจตน เขาจะต้องหนักแน่น ต้องอดทน เพื่อปกป้องดวงแก้วบริสุทธิ์ที่ถูกทำให้มัวหมองเพราะเขาทั้งสิ้น  เขาจะต้องหนักแน่น  ดั่งหินผาที่พร้อมเผชิญทุกความแปรปรวนวิปโยค พร้อมปกป้องคนที่ตนรัก

“มีครูเลวๆ อยู่ได้ ก็เพราะชาวบ้านอย่างพวกเราไม่สนใจ แต่มันถึงเวลาแล้ว เราต้องช่วยกัน!”

“ใช่ๆ ออกไปๆๆ” กลุ่มคนคลั่งโทสะกรูกันเข้ามา  ใครคนหนึ่งผลักเขาจนเซ เขาไม่ตอบโต้ ไม่แม้แต่จะปริปากแก้ต่างให้ตน

หินผาแตกระแหงลงทุกที ถ้อยผรุสวาทเหล่านั้นดั่งสายฟ้าลั่นเปรี้ยงระลอกแล้วระลอกเล่า ราวจะแผดเผาให้วายวอด ให้แตกดับลงเดี๋ยวนั้น

อาจารย์ปรีชาร้องห้ามลั่น พวกประพนธ์กับวิรัชก็ปราดเข้ามากันผู้คนออกไป ทุกสิ่งชุลมุนวุ่นวายเหมือนขุมนรก หินก้อนหนึ่งลอยหวือกระทบเข้าหน้าผากอย่างจังจนอาจารย์หนุ่มทรุดลงกับพื้น เครื่องแบบข้าราชการสีกากีเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดินและหยดเลือดแดงฉานที่ไหลอาบหน้าย้อยหยดลงปลายคาง

เสียงตะโกนห้ามของเหล่าอาจารย์ไม่เข้าหัวสักนิด สิ่งเดียวที่ทะลุทะลวงโสตประสาทเข้ามามีแต่เสียงก่นด่า สาปแช่ง ขับไล่

“ถ้าครูดี ก็มีคนนับถือ เสียแรงพวกกูยกมือไหว้อยู่ตั้งนาน เสียมือจริงๆ ถุ้ย!” น้ำลายถ่มถุยเฉียดหัวไปนิดเดียว

“ไล่ออกไปซะ ครูแบบนี้อยู่ไม่ได้แล้ว ถ้ามันอยู่เราจะเอาลูกหลานเราออก ออกไปซะ!”

“ครูแบบนี้มันไม่ใช่ครู ออกไป!”

“ออกไปๆๆๆ!”

ภูผาแทบด่าวดิ้นเป็นผุยผง..

*******************************
   
หลังเหตุการณ์วุ่นวายผ่านพ้นไป อาจารย์ปรีชาเรียกคนึงไปพบเพื่อสอบสวนในเย็นวันนั้น 

อาจารย์หนุ่มไปตามเวลานัดหมาย ไปทั้งผ้าสำลียังแปะหน้าผากที่โดนปาหินใส่เมื่อเช้า ณ เรือนพักข้าราชการอันสมถะของผู้อำนวยการ ภรรยาท่านกำลังปูเสื่อจัดสำรับมือเย็นกับพื้นนอกชาน

“มาๆๆ กินข้าวกินปลากันก่อน” อาจารย์ใหญ่ชักชวนพร้อมรอยยิ้ม “ขืนคุยก่อนเดี๋ยวคุณกินข้าวไม่ลง” ว่าติดตลกแล้วก็หัวเราะเฮ่อฮ่า หมายจะให้เขาผ่อนคลาย

ผ่านมื้ออาหารอันเรียบง่ายแล้วก็ถึงเวลา ‘สอบสวน’

ห้องสอบสวนของคนึง คือนอกชานที่เพิ่งนั่งล้อมวงกินข้าวกันไปนั่นแหละ นอกชานที่อาจารย์ปรีชาชอบมานั่งผ่อนคลายหลังเลิกงาน มองดูนักเรียนอาจารย์เดินไปมา ร้องทักอย่างกันเอง บางวันก็ชวนเหล่าครูน้อยมานั่งล้อมวงสังสรรค์พร้อมเหล้าฝรั่งสักแบน บางวันก็กวักมือเรียกเขาไปแบ่งกับข้าวหรือขนมที่ภรรยาท่านทำเอาไปฝากเลอมาน

ใต้แสงไฟโคมพอสว่างเรื่อเรือง คนึงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิที่ลอยอยู่ในขันสาคร

อาจารย์สูบบุหรี่กลีบบัวพันเอง หยิบมวนหนึ่งส่งให้เขา พร้อมจุดไม้ขีดให้เสร็จสรรพ

“ความจริงแล้ว..” คนึงเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ คลึงมวนสีชมพูหม่นในมือไปมา “พวกเรารักกันครับ”

คนอาบน้ำร้อนมาก่อนอัดควันนุ่มนวลเข้าปอด ก่อนพ่นออกมาเป็นสายคลุ้ง “รู้ตั้งนานแล้วล่ะ”

อาจารย์หนุ่มค้นพบว่าตัวเองไม่ได้ตกใจสักนิด ผู้บังคับบัญชาไม่ทำให้เขารู้สึกเหมือนเด็กทำความผิดแล้วถูกจับได้ ทุกอย่างสงบ.. เยือกเย็น.. เรียบง่าย.. เหมือนกำลังเปิดใจพูดกับคนในครอบครัวสักคน

“เล็กเขาบอกว่า..” ชื่อเรียกนั้นบอกความสนิทสนมเป็นที่ยิ่ง หากคล้ายคนพูดจะฉุกใจได้ “คุณชายเขาบอกว่าเขาจะไม่กลับอังกฤษ จะอยู่เป็นครูที่นี่”

“อืม..” ผู้มากวัยกว่าลูบปลายคาง ตีสีหน้าหนักใจ “เห็นทีจะยาก”

“ผมทราบครับ”

“ไอ้เจ้า.. เอ่อ.. ท่านชายอาทิตย์” ผู้อำนวยการหลุดปากเอ่ยคำแทนตัวที่บ่งบอกความสนิทสนมอย่างยิ่งเช่นกัน “รายนั้นไม่เท่าไร ที่น่าหนักใจคือหม่อมดารา หวังว่าเรื่องนี้คงไม่ไปถึงพระเนตรพระกรรณ”

ทุกอย่างตกอยู่ในความสงัด ยินเพียงเสียงลมหนาวและแมลงกลางคืนกรีดปีก

อาจารย์วัยกลางคนพ่นลมหายใจพรู “เฮ้อ.. เจอรุ่นลูกมาแล้วยังต้องมาเจอรุ่นหลานอีกหนอ..”

“ครับ?”

“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” ท่านโบกไม้โบกมือ ดับบุหรี่ในมือกับที่เขี่ย ก่อนลุกขึ้นบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบ “รอให้ชายเล็กพ้นสภาพอาสาสมัครจากโครงการเสียก่อน พ้นสถานะครูศิษย์เมื่อไรแล้วค่อยว่ากัน แต่ด้วยเหตุผลทางวินัย ผมจำเป็นต้องทำทัณฑ์บนอาจารย์ไว้ก่อนนะ”

คนึงรับคำอย่างผู้ไม่ระย่อต่อชะตากรรมใดๆ อีกแล้ว

อาจารย์ปรีชามายืนส่งที่หัวบันได ดวงตาอย่างผู้กรำโลกมามากมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินลับหายไปในความมืดจนลับตา

“เฮ่อ ความรัก..” ข้าราชการวัยใกล้เกษียรเปรยไปกับลมฟ้า กับดวงดาวและหมู่เมฆที่เคลื่อนเข้าบดบังจันทร์ “มันเข้าใครออกใครที่ไหน” 

*******************************
   
เสียงสวดมนต์แว่วมาจากหอพักนักเรียนแล้วตอนที่คนึงกลับถึงห้อง  อาจารย์หนุ่มอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย  ชะล้างคราบฝุ่นดินที่ถูกผลักลงไปนอนวัดพื้นจนสะอาดเอี่ยม  กระทั่งชุดข้าราชการเปื้อนเลือดก็แอบเอาไปฝากประพนธ์ไว้ก่อน

เขาแค่ไม่อยากให้เลอมานเห็น

แต่ผ้าพันแผลที่คาหัวมันฟ้องอยู่ทนโท่

ทันทีที่เปิดประตู  กลิ่นหอมอ่อนๆ รวยริน  กลิ่นดอกมหาหงส์ปักหล่อน้ำไว้ในแก้วใส

“อาจารย์!” เลอมานยังรอเขาอยู่ เสียงใสบอกความประหลาดใจ “หน้าอาจารย์ไปโดนอะไรมา” ร่างบอบบางโผเผลงจากเตียงมาหา ชายหนุ่มปราดไปประคองไว้ในอ้อมแขน พิษไข้ตั้งแต่คืนวิปโยคนั้นยังไม่สร่างดีแท้ๆ 

“ครูหกล้ม”

คนฟังทำหน้าเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ตอนสายๆ เล็กได้ยินเสียงดังมาจากหน้าโรงเรียน  เกิดอะไรขึ้นหรือครับ” ปากเล็กๆ ยิงคำถามเข้าใส่เป็นชุด “ตอนกลางวันจ้อยมากินข้าวเป็นเพื่อน เล็กถามก็ไม่ยอมตอบ”

คนึงไม่ตอบคำ ได้แต่ยิ้มอ่อนบาง

“ต้องมีอะไรแน่ๆ” หนุ่มน้อยยังไม่คลายกังขา “เล็กได้ยินอาจารย์วิรัชบ่น ว่าวันนี้มีผู้ปกครองมาพานักเรียนลาออกไปสองคน” 

“เด็กดื้อ..” อาจารย์ทิ้งตัวลงเตียงศิษย์  ตบที่นอนข้างตัวปุๆ “มานอนได้แล้ว”

ไฟโคมดับลง  หลงเหลือแสงที่ส่องจากภายนอกเลือนราง  หน้าต่างเปิดแง้มไว้เพียงเล็กน้อย  ปล่อยลมกลางคืนแผ่วผ่านเข้ามา หอม..หอมกลิ่นดอกมหาหงส์ กับความหอมนวลๆ ของคนในอ้อมอก

“อาจารย์..” เสียงเล็กกระซิบขึ้นกลางความเงียบงัน

“หือ”

“เราหนีไปด้วยกันไหม” ศิษย์ขยับขึ้นมาเกยคางบนอกกว้าง  แก้มนวลซับสีระเรื่อนั้นคล้ายแก้วเนื้อดี  ดวงตาบริสุทธิ์ สดใสดุจเด็กน้อย

อาจารย์หัวเราะในคอ “หนีไปไหนดีล่ะ”

“บ้านอาจารย์ที่สิงห์บุรี” ดวงตาสีอำพันเป็นประกายวาววาม “เล็กยังไม่เคยไปเลย”

ทุกค่ำคืน.. พวกเขานอนคุยกันอย่างนี้ คุยกันสัพเพเหระ ดินฟ้าอากาศก็คุย พระจันทร์ดวงดาวก็คุย คุยกันราวจะชดเชยช่วงเวลาที่เหินห่างกันไป ตระกองกอดกันไว้ในอ้อมแขนราวกับจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกันอีก

“ไปอยู่กับครูต้องทำนานะ” มือใหญ่คว้ามือน้อยขึ้นมา กดจูบลงกลางฝ่ามือ  บอบบางนุ่มนิ่มเหลือเกิน “เล็กทำไหวหรือ”

“ถ้าอาจารย์สอนเดี๋ยวเล็กก็ทำได้”

“แล้วจากนั้นล่ะ.. อืม..” ชายหนุ่มนิ่วหน้าใช้ความคิด  ลูบผมสีสวยเพลินมือ “พอเล็กท้อง ครูก็อุ้มลูกพาเล็กไปขอขมาท่านพ่อกับหม่อมย่า” พูดไปแล้วก็ขำตัวเอง  เขาคงอ่านนิยายมากเกินไป

“อาจารย์ก็พูดเรื่อยเปื่อย” เลอมานซบลงกับอกกว้าง  ซ่อนใบหน้าแดงจัดเป็นลูกตำลึงสุก “เล็กเป็นผู้ชายจะท้องได้ยังไง”

สักอึดใจ.. เจ้าตัวแสบคว้ามือเขาวางลงบนท้องน้อยตน  รำพึงแผ่วหวิว “เฮ้อ.. อยากมีลูกกับอาจารย์จัง..” อยู่ดีๆ อกใจคนึงก็ป่วนปั่น  ป่วนปั่นจนต้องรัดร่างเล็กแทบจมหายลงไปกับอก

“ลูกเราถ้าเป็นผู้ชายต้องหล่อแน่ๆ เพราะเราหล่อทั้งคู่” เสียงทุ้มกลั้วหัวเราะ

..คนหลงตัวเอง.. ปากเล็กขมุบขมิบ

“ถ้าหม่อมย่าเห็นหลาน ขี้คร้านจะเอ็นดู”

“ไม่ๆๆ เล็กน่ะเป็นหลาน” อาจารย์แก้ให้ “ลูกของเล็กก็ต้องเป็นเหลนหม่อมย่า”

“อ้อ..” เลอมานพยักหน้าหงึก “แล้วหม่อมย่าก็จะยอมให้เราแต่งงานกัน”

“สินสอดจะแพงไหมน้อ” อาจารย์หนุ่มจูบคนรักเบาๆ ที่ขมับ “ครูขายที่ขายนาขายควายหมดแล้วไม่รู้จะพอค่าสินสอดเมียไหม”

เขารู้ตัวดี ต่ำต้อย ต่ำศักดิ์ ไร้สง่าราศี เป็นดั่งหมาวัด ดั่งควายไถนา จนมีดอกฟ้าเข้ามาในชีวิต มีแก่ใจโน้มกิ่งลงมาหา สักน้อยหนึ่งก็ไม่เคยรังเกียจ มีแต่เคารพเทิดทูน

อะไรสักอย่างเอ่อท้นขึ้นมาในอก คนึงรับรู้ว่าตัวเองเป็นที่รักมากมายเพียงใด แต่ไม่เคย..จะรู้สึกสั่นสะเทือนฉับพลันทันใดเท่าในครั้งนี้

ป่านนี้.. ทุกคนจะสาปแช่งอีกสักปานไหน

คนอย่างครูจะฝันจะหวังอะไรอีก

หัวใจรักที่ใสบริสุทธิ์ของเลอมาน หัวใจดวงนั้นถูกวางลงในมือเขา เป็นวาสนารักเท่าไรแล้ว การได้พบคนคนนี้ คือสิ่งสวยงามที่สุดในชีวิตแล้ว

จากนี้.. แม้ชีวิตจะพังภินท์ จะย่อยยับก็ปล่อยมันไป ขอแค่เพียงเลอมานยังผ่องแผ้วเฉกเช่นวันแรกที่ยังไม่ถูกเขาทำให้แปดเปื้อน

คนึงวางหัวใจต่ำต้อยลงฝ่ามือเล็กบางนั้น สาบานจะปกป้องจนกว่าชีวีจะหาไม่


*******************************

ติดตามต่อครึ่งหลังค่ะ :katai5:

ไม่ค่อยมีอารมณ์เขียนนิยายเลยค่ะ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาแห่งการสูญเสียจริงๆ เฮ้อออ
ยังไงก็จะพยายามเขียนเรื่อยๆ ถึงจะสปีดหอยทากนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆ เราอ่านและเซฟเก็บหมด ถึงจะไม่มีเวลาตอบ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

ดอกไม้

๑๔ พ.ย. ๕๙
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 14-11-2016 22:37:33
ช่วงตอนที่เล็กคุยกับอาจารย์ เรืองพากันหนี ทำไมเราถึงน้ำตาซึมๆนะ สงสารทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-11-2016 22:39:21
ทั้งหวานทั้งเศร้าเคล้ากันไป
แต่ดีใจที่เลอมานยังอยู่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-11-2016 22:41:31
สงสารครูกับหนูเล็กจัง ไม่รู้จะทนต่อแรงกดดัน ขับไล่ ของชาวบ้านได้แค่ไหน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 14-11-2016 22:58:47
คิดถึงมากกก ในที่สุดก็มาแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: hunhan ที่ 14-11-2016 23:11:15
จุก555 คำเดียวที่พูดได้ตอนนี้ คุณดอกไม้บรรยายมาทำให้น้ำตาเราแทบไหล ทำไมใจคนมันดำถึงเพียงนี้ ทำไมกันนะ ความจริงคือรู้แหละว่าเรื่องแบบนี้สมัยนั้นมันค่อนข้างยากที่จะรับได้ แต่แค่เค้าสองคนรักกันมันผิดมากเลยหรอ ตอนที่ครูพูดว่าเล็กจะท้องนี้คือฉันร้อง สะทือนใจมากๆ สักวัน ฟ้าหลั่งฝนจะสดใสเสมอ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เค้ารักกัน คนอื่นไม่ต้องเห็นด้วยก็ได้ แต่แค่ให้เขาได้รักกันและอยู่ด้วยกันก็พอแล้ว ฮือๆๆ อินมากกก 
#ไอ้ลอยยยยยย ชั่วมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 14-11-2016 23:18:42
ต่อไปก็ขุดหลุมฝัง แล้วเอาหินรุมปาจนตายแบบประเทศมุสลิมแล้วใช่ป่าวคะ ถ้าถึงเลเวลนั้นก็ไม่แปลกใจเเล้ว ดราม่าเรื่องนี้โหดตริมๆ

ปล. ตอนแรกเกลียดไอ้ลอยมาก ตอนนี้ฉุกใจคิดได้ เธอคงรักจินดามากนะ จนคุ้มคลั่งจากการสูญเสียอยู่ไม่สร่าง น่าเวทนาแท้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 15-11-2016 05:32:57
สงสารคุณครูกับเล็กจัง  :hao5: :hao5:

มาต่อไวๆๆๆน๊าาาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Thanking ที่ 15-11-2016 06:32:13
ขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณ
ขอบคุณผู้เขียนที่พาหนูเล็กกับอาจารย์กลับมาหาอีกครั้ง ขอส่งกำลังใจไปถึงผู้เขียนด้วยค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 15-11-2016 07:14:50
ขอบคุณคุณดอกไม้นะคะ ทีนำครู& หนูเล็กกลับมาให้อ่าน ซาบซึ้งไปกับเนื้อเรื่องมากๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Motion_Lover ที่ 15-11-2016 07:31:39
ฮรืออ จะมีไหมคะวันที่อ่านเรื่องนี้แล้วแฮปปี้พร้อมกันทั้งสองคู่ วันนั้นแฟนอย่างเราๆ คงสุขน่าดู ตอนนี้จ้อยกับพี่สิงห์กำลังแฮปปี้ม๊ากกก แต่คู่ครูกับหนูเล็กนี่สิ กลัววใจครูยอมแพ้เป็นฝ่ายจากไปอีกก T^T ปล. เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้เสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 15-11-2016 07:52:17
ชาวบ้านขี้เสือกมากอะ รำคาญ อิลอยก็โรคจิต มันจะมีคู่จริงๆเหรอ ผู้ร้ายชั่วๆแล้วชีวิตได้ดีนี่ยังจะมีอีกเหรอ ลำไย ชีวิตคุณเล็กก็ไม่รู้จะรันทดอะไรหนักหนา ทีสิงห์กับจ้อยยังไม่เห็นเป็นไรเลย :katai4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: therappizdrum ที่ 15-11-2016 08:46:33
ไอ้ลอยนี่ก็ดวงแข็งไปนะ

ดีใจกลับมาต่อแล้ววว ฮืออออ รอครึ่งหลังค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 15-11-2016 09:15:06
ขอกลับไปพักใจก่อนนะคะ ช่วงนี้รู้สึกว่าใจไม่ค่อยแข็งแรง ขนาดเรื่องนี้นานๆมาที อ่านกี่ทีก็หนักหน่วงบีบคั้นหัวใจเหลือเกินค่ะ :ling2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 15-11-2016 11:51:37
 :hao5: ทำไมต้องรังเกียจขนาดนั้นกันเนาะคนเรา แต่ก็ก็ออกจะชื่นชมอาจารย์กันซะเยอะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 15-11-2016 13:02:34
 :hao5: :mew4: :hao5: :mew4:   ไม่สงสารกันเลยเหรอ เค้ารักกันนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: muio ที่ 15-11-2016 14:50:41
รอและติดตามตลอดเลยค่ะคุณดอกไม้ เป็นกำลังใจนะคะ เป็นเรื่องที่ดีมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Yforever ที่ 15-11-2016 21:28:23
เฮ้อออ ทำไมความรักของคู่นี้ถึงอุปสรรคเยอะจัง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: 404notfound ที่ 20-11-2016 19:19:19
คิดไว้แล้วเชียวว่าอ.ปรีชากับคุณชายอาทิตย์นี้มีซัมติงกันมาก่อนใข่มั้ยค่ะ
ครูคนึงกับเลอมานจับมือกันไว้สู้ไปด้วยกันนะคะ
ขอให้ผ่านอุปสรรคทั้งหลายไปให้ได้
อย่ายอมแพ้หม่อมย่าค่ะ ความรักชนะทุกอย่าง :mew6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: nopkar ที่ 25-11-2016 10:34:31
ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาอ่านนิยายเท่าไหร่ แต่พอได้กลับมาอ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกผ่อนคลาย (ทั้งๆที่เนื้อเรื่องยังลุ้นทุกตอน 5555) ที่รู้สึกผ่อนคลายเพราะได้อ่านนิยายภาษาสวยๆ บรรยายภาพได้ชัดเจน  ขอบคุณมากๆนะครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 27-11-2016 14:57:45
สงสารเล็กกับครู ฮืออออออออออออ
รออ่านอยู่เสมอ และเป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: DATAs ที่ 01-12-2016 11:47:55
ขอให้จบแบบแฮบปี้นะ  ฮรือออออ  สงสารทั้งค่   :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 15-12-2016 23:57:04
ขอบคุณนะคะที่มาต่อ นิยายสนุกและงดงามเหมือนเดิม เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 16-12-2016 09:04:29
สนุกและซาบซึ้งมากค่ะ
น้ำตาแทบไหล
เป็นวิจิตรวรรณกรรมชั้นดี
ที่เรายกนิ้วให้เลย
เลิฟฟฟ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 16-12-2016 22:41:59
ความรักทุกแบบเป็นสิ่งสวยงามหมดทั้งนั้น
อยากให้ชาวบ้านเข้าใจครูกับเล็กจัง TT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 18-12-2016 20:10:14
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Ruszel ที่ 21-12-2016 20:20:08
 :hao5: รักเรื่องนี้ที่สุดที่เคยอ่านมา แอบตามมานานมาก สู้ๆนะคะไรท์  :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 16-01-2017 09:06:22
น้ำตาซึมเลยค่ะ ความรักของทั้งคู่ต้องผ่านอะไรบ้าง ช่วงที่เล็กกับอาจารย์คนึงคุยกันเราร้องไห้เลยค่ะ ฮือออ รอตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ รอรวมเล่มด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 20-01-2017 05:42:54
คือ..มันมองไม่เห็นความHappy endingเลย  ยังไงหนอยังไง?...ฉุดกระชากหัวใจคนอ่านกันสุดๆ 
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 22-01-2017 19:38:17
รออ่านต่อนะคะ สนุกมาก อ่านแล้วติดงอมแงมเลย สงสารเลอมานกับอาจารย์คนึงมาก จะเศร้าไปไหน แต่ว่าประเด็นรุ่นลูกนี่ ใช่ตัวผอ.กับพ่อเลอมานหรือเปล่าน้า? แอบจิ้นคู่นี้เล็กๆ ฮ่าๆ รออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 25-01-2017 23:04:48
เศร้าเลย  :mew6:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 07-02-2017 12:39:50
เศร้าๆๆ รอไรท์ :hao7:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙]
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 07-02-2017 15:59:38
มันคือเรื่องจริงที่มีในนิยายเท่านั้นเองง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 27-03-2017 23:03:40
บทที่ ๓๕

คนจะรักกัน

(ครึ่งหลังฮะ :L2:)   


ดูเหมือนเทวาจะจงใจให้ความทมิฬหินชาติมาครอบงำหัวใจชาวบ้านไปเสียสิ้น  เหตุประท้วงที่หน้าโรงเรียนยิ่งทวีความรุนแรงและบานปลายขึ้นทุกวัน
   
นายสิงห์ สีตลาสังเกตการณ์อยู่ทุกเช้า ตั้งแต่จ้อยกลับไปเล่าให้ฟังว่ามีพวกชาวบ้านในตลาดมาประท้วงขับไล่อาจารย์คนึงถึงหน้าโรงเรียน  ครั้นพอถามว่าพวกที่มาก่อเรื่องมีใครบ้าง  รู้ชื่อเสียงเรียงนามแต่ละคนแล้วอดีตนักเลงหนุ่มอดนึกเอะใจมิได้  ตั้งแต่นั้น  หลังจากมาส่งเมียเข้าเรียนแล้วก็อยู่โยงเฝ้าดู  ซ้ำบางวันก็ไปเสนอหน้าช่วยพวกอาจารย์กันชาวบ้านบ้าคลั่งออกไปด้วยอีกแรง
   
หลายวันผ่านไป  ไอ้สิงห์จับพิรุธได้หลายประการ

ก็ไอ้อีทั้งหัวหงอกหัวดำเหล่านั้น  ไม่มิตรสหายร่วมวงน้ำเมาไอ้ลอยก็ทาสกามอีทองใบทั้งสิ้น!
   
“วันนี้ต้องรู้เรื่องให้ได้!” นั่นไง นักเรียนขึ้นตึกกันหมดแล้วก็ดาหน้ากันมายังกะตั้งเวลาเอาไว้ ที่ชูกำปั้นเหย็งๆ มานั่นคือตาสุ่มขี้เมาสมาชิกวงเหล้าไอ้ลอยมันล่ะ
   
“ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปเลย เอาไว้ไม่ได้แล้ว” อีนี่ก็ติดเงินไอ้ลอยหลายร้อยอยู่
   
“พ่อแม่พี่น้อง ฟังทางนี้  ครูล่อลวงลูกศิษย์ตัวเอง ผิดไหม!” ใครคนหนึ่งตั้งหน้าตั้งตาเป็นหัวโจก ถุย! วันก่อนเห็นไอ้ห่านี่เอาหน้าคลุกขาอ่อนอีทองใบที่ซ่องท้ายตลาด
   
“ผิดแน่นอน!” ไอ้พวกลูกคู่ทั้งหลาย  คนคุ้นหน้าในบ่อนไก่และโรงเหล้าทั้งนั้น
   
“แถมเป็นลูกศิษย์ผู้ชายด้วย มันผิดไหม!” หัวโจกถามนำ
   
“ผิดแน่นอน!” ที่เหลือก็ขานรับพร้อมเพรียง
   
“ในโรงเรียนมีครูเลวๆ แบบนี้อยู่เพราะชาวบ้านอย่างพวกเราไม่สนใจ เมื่อไรจะตาสว่างกันเสียที มัวไปหลงเคารพนับถือมันอยู่ได้” คำพูดคำจาหยั่งก๊ะใครมันมาเขียนบทให้ท่อง ไอ้สิงห์ได้ยินแล้วคันฝ่าตีนยิบๆ
   
“เอาไว้ไม่ได้โว้ย แบบนี้ต้องไล่ออกไป!” นั่น ยายบุญธรรมเจ้าของห้องแถวท้ายตลาด ผ่านโลกมาจนฝาดหมากเปลี่ยนฟันเป็นสีนิลยังชูกำปั้นเหย็งๆ ไม่อายลูกหลาน “ออกไปโว้ย! ออกไปให้พ้น หมู่บ้านเราไม่ต้อนรับพวกอัปรีย์จัญไร ออกไป!”
   
เห็นคนึงเดินออกหน้ามา ตามมาด้วยเหล่าอาจารย์เป็นกลุ่ม ลูกชายกำนันที่สังเกตอยู่นานทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นก่อนนวยนาดมาสมทบ
   
“หลายวันแล้วนะ ยังหน้าด้านทำเป็นทองไม่รู้ร้อน” ตาแก่ขี้เมาชี้หน้าอาจารย์หนุ่ม ก่อนหันหาลูกคู่ “พวกเรายอมไหม!”
   
แล้วสรรพเสียง ไม่ยอม ๆ ๆ ออกไป ๆ ๆ ก็โห่ฮาขับไล่กันให้ขรม โหวกเหวก โวยวาย สถุลไพร่อยู่ในสถานศึกษาอย่างไม่ยำเกรง
   
“ไม่ต้องตะโกนกันหรอก พูดจากันดีๆ ก็ได้” อาจารย์ปรีชายกสองมือปราม ท่าทางแกอ่อนใจเต็มที

“พวกคุณอยากให้ผมย้ายไปที่ไหน” คนึงโพล่งขึ้นบ้าง สมกับเป็นครูบาอาจารย์ ชายหนุ่มยังสุภาพ ให้เกียรติทุกคนเสมอ “ถึงผมจะไม่ได้เกิดที่นี่ แต่ก็อยู่ที่นี่ เป็นครูที่นี่มาสิบกว่าปี และคงตายที่นี่”

“มึงได้ตายที่นี่สมใจแน่ ตายคาตีนพวกกูนี่แหละ” ขี้เหล้าวัยคะนองประจำบ่อนชี้หน้าก๋า พวกที่เหลือก็กรูกันเข้ามา

“จะไปที่ไหนก็ไป แต่ไม่ใช่โรงเรียนนี้!”

“มึงมันไม่ใช่ครูแล้ว!”

“มึงทำผิดศีลธรรมยังไงก็รู้อยู่แก่ใจ!” 

เหตุเริ่มบานปลายจวนจะกลายเป็นตะลุมบอนหมู่ ไอ้สิงห์อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป “มากล่าวหากันแบบนี้มีหลักฐานหรือเปล่า!” เสียงห้าวตะเบ็งลั่น พอถูกถามถึงหลักฐาน คนปากถือศีลทั้งหลายก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กเป็นไก่

“พวกมึงเคยเห็นเขาเอากันหรือ!” ถามมันลุ่นๆ กงๆ ยังงี้แหละ กับไอ้อีพวกนี้ สุภาพด้วยก็เปลืองน้ำลายเปล่า

“ทะ..เท่าที่เห็นนี่ยังไม่ชัดเจนอีกเรอะ!” ชัดช้า! มีคนเถียง

“กูรู้นะว่าใครใช้พวกมึงมา และมาเพราะอะไร คงได้เงินมาเยอะสินะ” อดีตหัวหน้าอันธพาลปัจจุบันเจ้าของโรงสีชี้หน้าเรียงตัว  ดั่งถูกจี้ใจ พวกมันหลบตาวูบ “หลายหนแล้วนะพวกมึง ถ้าวันนี้พวกมึงไม่กลับไปกันดีๆ มีเรื่องกะกูแน่”

“มึงจะทำไมห๊า มึงจะทำไม” หัวโจกลอยหน้าท้าทายเหย็งๆ

มือใหญ่ล้วงแถวบั้นเอว งัดปืนลูกโม่สมิธชูขึ้นฟ้า ง้างนกแล้วเหนี่ยวไกเปรี้ยง เสียงปืนแผดขึ้นแทนคำตอบ ทั้งหัวหงอกหัวดำแตกฮือเป็นฝูงผึ้ง

“จะกลับกันไปดีๆ หรือจะเป็นผีกลับไป!”

นับหนึ่งยังไม่ทันถึงสิบ ไอ้ที่กลุ้มรุมกันอยู่เป็นฝูงเมื่อครู่พลัดกระจายหายวับ วิ่งเตลิดผ้านุ่งผ้าถุงปลิว ทางใครทางมัน ไม่สามัคคีกันเหมือนอีตอนขามาเลยโว้ย!

เหล่าคณาจารย์อ้าปากค้าง อาจารย์วิรัชนั่งอุดหูซุกอยู่กอต้นเข็ม อาจารย์คนึงตำหนิเสียงขุ่นว่าอย่าทำแบบนี้อีก สิงห์ได้แต่กลอกตาหน่าย ลองไม่ทำงี้จะยันพวกมันเอาไว้ได้หรือ จ้อยวิ่งตึงตังลงอาคารเรียนมาทำหน้าเหมือนอยากตบกบาลผัวเต็มแก่ ติดตรงที่อยู่ต่อหน้าคน น้องให้เกียรติพี่เสมอ ได้แต่จ้องตาขุ่นกินเลือดกินเนื้อ สิงห์โอบไหล่น้องไว้อย่างจะขอโทษ สาบานว่าคืนนี้พี่จะนอนรอให้เอ็งมาตบเอาตบเอาได้เต็มที่ จะเอามือตบ เอาปากตบ หรือเอาตะโพกตบตรงไหนก็สุดแต่ใจเมียเลย 

แต่กูขอจัดการไอ้ลอยก่อนก็แล้วกัน! กำหราบมันไม่ได้ อย่ามาเรียกกูว่าไอ้สิงห์ลูกกำนันเสริมให้ขายหน้าไปถึงพ่อ!

ดูท่าจะไม่ใช่เทวามาดลใจชาวบ้านเสียแล้ว

ฝีมือไอ้ชาติชั่วลอยนี่แหละ!

ไอ้สิงห์บอกแก่ใจตน  มันจะปล่อยให้ไอ้ลอยอยู่เป็นเสี้ยนตำตีนเช่นนี้ไม่ได้อีกต่อไป

*******************************

แดดผีตากผ้าอ้อมเหลืองเหมือนกลีบดอกบวบ อาบทาสาดส่องห้องแถวร้านรวงในตลาดยอดเป็นสีสวย ณ ซ่องอีทองใบท้ายตลาด ไอ้ลอยสิงสถิตอยู่เหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง วันนี้มันใจใหญ่พอดู คว้าใบสีแดงส่งให้ตาสุ่มวิ่งไปโรงเหล้าเจ๊กขู สักครู่เหล้าขาวก็ถูกแบกมาจนอกตั้ง แค่ไก่ในเล้ากับเหล้าวันละสี่ซ้าห้าขวดเลี้ยงพวกพ้อง มันเรื่องขี้ฝุ่นเสียเหลือเกิน  ตั้งกะมันสถาปนาตนเป็นเจ้ามือบ่อนโปไพ่ ก็รุ่มรวยขึ้นทันตา แค่จามทีเดียวก็มีคนถือยาไฮเป๊กแก้หวัดวิ่งมาส่งให้ปานจะชนกันรากเลือด

และเป็นธรรมชาติของคนเราเมื่อถูกเยินยอปอปั้น ก็มักจะลืมตัวเอาง่ายๆ ความชั่วช้าสามานย์ในดวงกมลก็พวยพุ่งขึ้นง่ายดายเหมือนสุมไฟ

วงเหล้าคุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น  มองปราดเดียวก็รู้ว่ากลุ่มเดียวกับที่ยกโขยงไปขับไล่ครูคนึงถึงโรงเรียนนั่นแหละ คุยกันไปถามกันไป ขวดเหล้าพร่องเอาๆ ดั่งมีใครมาเจาะไว้  เสียงดังเฮฮาขึ้นเรื่อยๆ  จับใจความสนทนาได้ว่าจะตั้งขบวนไปไล่ไอ้ครูจัญไรอีกสักสองสามวัน ขี้คร้านตำรวจจะมาสาวไส้เอาจนได้

“กูละหมั่นไส้มันมานานนัก” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งว่า “ไปไหนมาไหนชาวบ้านสนใจกันเหลือเกิน ขึ้นนั่งบนเรือนไหนเขาก็อุ้มหมอนกับสาดผืนใหม่มาปูวางต้อนรับขับสู้ ข้าวปลาอาหารก็หาพวกนกหรือไก่มาต้มแกงให้กินเป็นพิเศษเสียอีก”

“ยิ่งอีสาวๆ บางนี้ก็พากันชม้ายชายตาให้ปานลูกตาจะหล่น ตั้งแต่สาวแก่แม่ม่ายยันอีสาวรุ่นกระเตาะเพิ่งหัดทาปากลามไปถึงหู” หนุ่มกระทงคนหนึ่งสมทบ “ลองหน้าอย่างกูไปทักมันเข้าซี หางตายังไม่อยากจะแล”

“แล้วเป็นไรเล่า ขวัญใจสาวๆ ทั้งบาง เสือกจัญไรไฟลน ชอบผู้ชายด้วยกันเอง” อีกคนก็สมทบเป็นลูกคู่ ความผิดเพียงครั้งเดียว ทำเอาคุณงามความดีที่เคยสั่งสมมาหายวับ

“ถึงว่า..มันครองโสดอยู่ได้ตั้งนาน”

“รุมกระทืบมันสักทีเถอะ คนกระจอกๆ หยั่งมันคงไม่มีปัญญาสู้” ไอ้หนุ่มที่ท่าจะแค้นมานานว่า “ราคาแหนบถอนขนคิ้วนางเอกลิเกยังแพงกว่าเงินเดือนมันเป็นไหนๆ”

“ช่วยกันจับมันแขวนคอดีไหม” ใครอีกคนออกความเห็นรวบรัด พอน้ำเมาเข้าปากก็ห้าวเป้งไม่กลัวคุกตะราง “พวกเราเสียงข้างมากนี่หว่า ตั้งข้อหาว่ามันเป็นครูจัญไรล่อลูกศิษย์ผู้ชายด้วยกันเท่านั้นก็สิ้นเรื่อง”

“เฮ่ย ไม่ต้องถึงขนานนั้น นั่นมันหยั่งกะในหนังคาบอย” ไอ้ลอยปรามลูกฝูง ผ้าพันแผลยังพันรอบหัวทนโท่ “กูให้เวลาอีกไม่เกินสามวัน เรื่องถึงตำรวจแน่”

มือใหญ่คลึงปากแก้ว ยิ้มจางในหน้า หากดวงตาคุโชนดั่งไฟ

ไอ้คนึง อย่าฝันเลยว่ามึงจะอยู่บางนี้ได้อีกต่อไป อย่าหมายว่าจะเชิดหน้าเป็นครูได้อีกในชีวิตนี้ ชีวิตมึงต้องพินาศคามือคนอย่างกู!

ดึกสงัด.. ทั้งหมู่บ้านอยู่ในโอบกอดของความมืดมิด ลมทุ่งพัดหวีดหวิว เสียงฆ้องใหญ่หึ่งๆ มาแต่ไกล ทุกคนรู้ว่าเป็นเวลาเสร็จพิธีวิปัสสนาของหลวงพ่อในวัดยามเที่ยงคืน วงเหล้าเพิ่งเลิกรา ไอ้ลอยเดินโซเซด้วยฤทธิ์น้ำเมาลัดสวนกลับบ้าน แสงพระจันทร์ยากจะสาดลงถึงพื้นดิน เพราะมะม่วง ลำไยยืนต้น กิ่งต่อกิ่งเบียดกันเป็นพรืด แน่นไปทั้งขนัดสวน

จุดไฟสีแดงวาบขึ้นในดงตรงหน้า มองเผินๆ เหมือนหิ่งห้อย หากเพ่งตาดูอีกทีให้แน่ชัด นักเลงหนุ่มเห็นเป็นเงาร่างคนยืนพิงต้นมะม่วงดูดบุหรี่อยู่ โครงร่างสูงใหญ่กำยำบ่งบอกให้รู้ได้ไม่ยาก

“อ้าว พี่สิงห์” ในคำทักนั้นยียวน “มายืนทำอะไรมืดๆ”

“ยืนปั้นตีนรอมึง” เสียงทุ้มห้าวตอบเยือกเย็น

แม้ในเงาสลัวราง มันรู้สึกได้ถึงความประสงค์ร้าย ไอ้สิงห์มาดักรอค่ำๆ มืดๆ คงไม่ได้มาดีแน่ “คิดจะทำอะไร ฉันลูกน้องพี่นา”

“หน้าไม่เหมือนพ่อ กูฉะได้หมด”

“มึงมากับใคร” สัญชาติญาณนักล่าทำงาน ไอ้ลอยเหลียวหลังระแวดระวัง หากอีกฝ่ายกลับหัวเราะต่ำๆ ในลำคอ

“อย่าห่วง กูไม่ใช่หมาหมู่ ไม่ใช่หมาลอบกัดอย่างมึงด้วย” ลูกกำนันทิ้งบุหรี่ลงพื้น ขยี้ด้วยปลายเท้า แววตาสะท้อนแสงจันทร์วาว เหมือนตาหมาป่า “ออกไปจากบางนี้ซะ อย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีก”

ทุกสรรพสิ่งตกอยู่ในความสงัดชั่วอึดใจ และแล้วไอ้ลอยก็ระเบิดเสียงหัวเราะกึกก้อง “ถุย! ไอ้สิงห์ เอ๊ะ..ไม่สิ คุณสิงห์ เอ.. หรือเถ้าแก่สิงห์ดี” มันชี้หน้าไม่ยำเกรง “มึงเป็นใครถึงมาสั่งกู!”

ในความสงัดของราตรีกาล ชาวบ้านร้านตลาดแลชาวนาต่างหลับใหล ลมหนาวโกรกลอดฝาหวิวหวือ กังหันปลายนาครางโหยหวนเข้าไปกัดหัวใจ

เสียงปืนนัดหนึ่งกึกก้องขึ้นที่ดงเปลี่ยวท้ายตลาด ใครต่อใครพากันนอนสะดุ้ง ต่างคิดว่าเกิดการปล้นกันขึ้นแล้ว เสียงปืนกลางดงขณะน้ำเจิ่งนองดังไปไกลมาก ได้ยินกันทั้งบาง

จวบจนฆ้องใหญ่ในวัดดังบอกเวลาตีห้าเหมือนวันก่อนๆ ฝูงอีการ่อนจากรวงรังประดังเสียงอยู่แกๆ เหมือนมันจะบอกพ่อแม่พี่น้องว่าถ้าอยากรู้ว่าเมื่อคืนนี้ใครยิงใครก็ให้ไปถามไอ้สิงห์ ลูกชายกำนันเสริมกับคุณนายพูนทรัพย์เจ้าของโรงสีใหญ่โน่นเถิด

พอตะวันขึ้นส่องหล้า เสียงนกกาบนยอดมะพร้าวเงียบหาย ตั้งแต่นั้นมา ชาวชุมชนตลาดยอด ไม่มีใครพบเห็นไอ้ลอยอีกต่อไป มันหายตัวไปอย่างไร้วี่แวว

ชุมนุมขับไล่อาจารย์คนึงก็พลอยไม่มีอีกนับแต่นั้น ขาดจ่าฝูงไปคน ลูกฝูงก็สงบเสงี่ยมเจียมตัว มีเพียงอีทองใบและไอ้อีสองสามคนเท่านั้นไปควานหาเบาะแสการหายตัวไปของมัน โบราณว่าเป็นต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ แต่นี่ไม่มีใครเห็นทั้งคนทั้งศพ ในชุมสวนริมคลองที่มาของเสียงปืนปริศนา ไม่พบแม้แต่ซากหรือเบาะแสใด เห็นเพียงร่องรอยการต่อสู้จนดินราบและคราบเลือดกรังเกาะใบหญ้า รอยเลือดกระเสือกกระสนเป็นทางไปยังลำประโดง

บ้างก็ว่าหรือมันจะตายห่าเป็นผีน้ำตามจินดาไปเสียแล้ว

แต่ส่วนใหญ่จะโมทนาสาธุ ไปเสียเถิดไอ้จัญไร เผื่อแผ่นดินบางนี้มันจะสูงขึ้นสักคืบสองคืบ

*******************************

(มีต่อฮะ :katai5:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 27-03-2017 23:20:29
ต้นเดือนสาม ลมหนาวโกรกมารุนแรงขึ้น กังหันหมุนหวือๆ ตลอดวัน  หรือชีวิตก็เช่นนี้  ไม่มีแน่แท้ เอาแน่อะไรไม่ได้ เหมือนกังหัน เหมือนดินฟ้าอากาศหมุนเวียนเปลี่ยนผัน
   
ไม่มีพวกชาวบ้านรวมกลุ่มกันมาขับไล่ที่โรงเรียนอีกแล้ว แต่ข่าวคาวของคนึงและเลอมานก็ยังคงแพร่กระจายออกไป  ดังเนื้อร้ายที่ยากจะหายาวิเศษใดมาถ่ายถอน  กระพือพัดไปราวไฟลามทุ่ง  ชื่อของพวกเขาติดอยู่ที่ริมฝีปากคนทั้งปวง  ทะยานจากปากนี้ไปสู่ปากนั้น
   
ในวงเหล้า.. ไม่ว่าจะวงเหล้าโรงกับแม่โขงในตลาด  ไปยันถึงใต้ร่มมะม่วงใบหนาริมนาอันเป็นที่ชุมนุมคอเหล้าเถื่อนแลหัวเหล้าสาโท  ไม่มีใครไม่พูดถึงเรื่องนี้  ในวงไพ่.. ตั้งแต่วงไพ่ท้ายตลาด  ไปจนถึงวงไพ่คุณนายเมียปลัด เมียผู้ว่า เมียนายอำเภอ เมียอธิการ ลมปากพาเรื่องฉาวโฉ่ไปไกลราวติดปีกบิน  ไปไกลจนถึงกระทรวงศึกษาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก..
   
..ไปไกลจนถึงวังบูรพวงศ์ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป..

ขอบฟ้าด้านตะวันออกกวาดม่านสีดำออก แสงสีเงินทองระยิบระยับพร้อมกับวาดโค้งทาบทาไปบนเวิ้งฟ้า เสียงไก่ขันดังวะแว่ว อรุณรุ่งของวันใหม่มาถึงแล้ว

ทุกสิ่งสงบ..สวยงาม..เช่นปกติ  หามีใครรู้เลยว่าจะมีบางสิ่งเกิดขึ้น  บางสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตอาจารย์ผู้ต่ำต้อยให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

รถจี๊ปเปิดประทุนสองคันห้อตะบึงมาตามถนนโรยกรวด  ชาวนาที่กำลังลงแรงอยู่ในทุ่งต่างชะงักเงยหัวมอง  เปิดงอบดูเห็นสีกากีนั่งมาด้วยคันละสองสามนาย  ส่วนรถที่ตามหลังมานั้นเล่า  งามสง่าหาใดเปรียบ  มันเป็นรถที่ชาวบ้านแถวนี้จะเห็นกันแค่ในหนังขายยา  สีดำเงาวับสะท้อนเปลวแดด  ทรวดทรงหน้าตาหรูหราบ่งบอกฐานะผู้อยู่ในรถได้เป็นอย่างดี 

มหาเศรษฐีหรือเจ้านายท่านใดอยู่ในรถคันนั้น

ขบวนรถเลี้ยวเข้าไปในโรงเรียนฝึกหัดครูก่อนจอดนิ่ง  ฝุ่นตลบลอยฟุ้ง  เจ้าหน้าที่ตำรวจ ๕ นายเร่งร้อนลงจากรถก่อนกรูขึ้นไปบนอาคารเรียนไม้  เสียงเครื่องยนต์ครางฮึ่มฮั่มเรียกอาจารย์ปรีชาออกมาจากห้องผู้อำนวยการ

คนึงกำลังสอนอยู่หน้าชั้น ตอนที่เสียงเคาะบานประตูดังขึ้น  แล้วทั้ง ๕ นายก็ย่ำกึงกังเข้ามาในห้องเรียนโดยไม่รอให้ใครอนุญาต
หัวใจเขาหล่นวูบเหมือนถูกใครเอาหินถ่วง  เหล่านักเรียนถึงกับตกตะลึง  บ้างนั่งนิ่งเป็นหิน  บ้างกรูกันไปอออยู่ท้ายห้อง  เสียงโต๊ะเก้าอี้ดังครืดคราด

จ้อย สันติ สง่า มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“อาจารย์คนึง วนาสัยใช่ไหม” เสียงทุ้มห้าวทรงอำนาจถามเขา “ขอเชิญไปให้ปากคำที่โรงพักด้วย”

หม่อมราชวงศ์เลอมานที่สอนอยู่ห้องข้างๆ พรวดพราดเข้ามา  ได้ยินประโยคสุดท้ายเต็มสองรูหู

“ข้อหากระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษา” หลายคนฮือฮา  กระดาษใบหนึ่งกางออกตรงหน้า  อาจารย์หนุ่มรับมาด้วยมือสั่นเทา

ตำรวจที่มายัดเยียดข้อหาให้เขา  มีช่อชัยพฤกษ์สองชั้นบนกระบังหมวก  บนไหล่นั้นเล่า.. ดาวสองดวงใต้พระมงกุฎและ.. นั่น สัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงอำนาจสั่งการอันยิ่งยศ..

ช่อนายพล..

ผู้ที่พานายตำรวจระดับนี้มาลากคอผู้ต้องหาคดีเล็กๆ ยศศักดิ์และอำนาจจะยิ่งใหญ่ปานใด

“อะ..อะไรกัน!” เลอมานตะโกนถามแปร่งปร่า ถลันมายืนเคียงข้างชายคนรัก “ใครเป็นคนแจ้งความ!”

“ฉันนี่แหละ!” เสียงแหลมสูงดังขึ้น  ทุกคนหันมองเป็นตาเดียว  สุภาพสตรีสูงวัยในเสื้อผ้าราคาแพงก้าวฉับๆ เข้ามาในห้อง  เหล่านักเรียนครูฮือฮา

หม่อมดารา บูรพวงศ์ ชายาในกรมหลวงบูรพพิบูลย์ศักดิ์  หม่อมย่าของเลอมาน!

เหมือนฟ้าแปลบลงมาเดี๋ยวนั้น  มันเสียวปลาบไปถึงก้นบึ้งหัวใจชายต่ำต้อย  ความวิปโยคโบยบินมาหาคนึงก่อนลมหนาวเดือนกุมภาจะจากไปเสียแล้ว

“ปรีชา! พาหลานฉันไปที่อื่น!” สิ้นเสียงบัญชา  อาจารย์ใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังทำหน้าอึกอัก  หากพอสายตาคมกริบตวัดเข้าทีเดียว  ก็จนใจดึงแขนราชนิกูลหนุ่มออกไปจากห้อง

“เล็กไม่ไป! หม่อมย่าจะทำอะไร!” เลอมานพยศเหลือร้าย  ทั้งดิ้นรนทั้งสะบัดแขนจนอาจารย์ปรีชาแทบต้านทานไม่ไหว 

“อย่าทำเสียเรื่อง!” ร้อนถึงท้าวเธอต้องลงมือเอง  มือเหี่ยวย่นบีบต้นแขนหลานรักแน่น  กระซิบลอดไรฟัน “นี่ย่ากำลังช่วยเราอยู่นะตาเล็ก”

“ไม่เป็นไร..” เสียงที่ทำให้หนุ่มน้อยสงบลงได้กลับเป็นเสียงแผ่วหวิวของคนึง เขาพยายามกล้ำกลืน แต่มันคงตะกุกตะกักเพราะอื้ออึงไปหมดข้างใน หนทางข้างหน้ามืดมน.. ไม่เห็นทาง.. “เล็กไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวครูจัดการเอง”

เลอมานถูกพาตัวออกไปไม่ทันไร  หม่อมดาราก็เปิดฉากบริภาษดุเดือด  ต่อหน้านักเรียนทั้งห้อง  ไม่รวมพวกที่มาออกันอยู่หน้าประตูสอดรู้สอดเห็น

“เสียแรงที่ไว้ใจฝากให้ดูแลหลานฉัน  ไม่นึกเลยว่าจะทำเรื่องบัดซบเสียเองแบบนี้!” สายตาคุโชนเหมือนจะลุกไหม้มาในอากาศ “แกล่อลวงหลานฉันใช่ไหม! เป็นความจริงใช่ไหม!”

ดั่งลานประหารกลางธารกำนัล  หากคนึงไม่เห็นภาพใด ไม่เห็นหน้าใคร ทุกอย่างลางเลือนไปหมด ที่แจ่มชัดในหัวใจมีเพียงรอยยิ้มและดวงตาใสกระจ่างของหม่อมราชวงศ์เลอมานเท่านั้น 

หนูเล็กของครู...

“ครับ” คนึงยอมรับ เสียงที่ไม่ดังไปกว่ากระซิบนั้นหนักแน่นนัก “คุณชายเล็กไม่เกี่ยว ผมเป็นคนล่อลวงเขาเอง”

“นั่นไง! ยอมรับจนได้!” ท้าวเธอชี้นิ้วกราดเกรี้ยว  หากในความเกรี้ยวกราด  ดวงตามีแววสาสมใจ “ผู้การ! จับมันไปเลย!”

จากนั้น.. มีสัมผัสของโลหะเย็นๆ รอบข้อมือ เสียงใครสักคนพูดปาวๆ ข้างหู.. คุณมีสิทธิที่จะให้การ.. ถ้อยคำของคุณจะถูกใช้เป็นพยานหลักฐาน.. ปรึกษาทนายความ.. อะไรสักอย่างยืดยาว  ผ่านไปเหมือนลมผ่านหู

ปล่อยชีวิตไปตามแต่ชะตากรรมจะนำพา

อาจารย์หนุ่มอนาคตไกลถูกตำรวจควบคุมตัวไปยังรถที่จอดรออยู่ท่ามกลางประจักษ์พยานมากมาย  ทั้งครูและนักเรียน  บ้างเวทนา บ้างอดกังขามิได้  ด้วยรู้ทั้งรู้ว่าความจริงคืออะไร  ทว่าไม่มีใครกล้าปริปาก

จ้อยวิ่งตามฝูงคนลงมาถึงข้างล่าง  ดวงตาที่มองอาจารย์นั้นแดงก่ำ  น้ำตาคลอรื้น 

หม่อมราชวงศ์เลอมานวิ่งจนฝุ่นตลบมาหาชายคนรัก  กลับถูกตำรวจกีดกันไว้  อาจารย์ปรีชาพยายามรั้งให้กลับเข้าห้องไป

“อาจารย์ไม่ได้ทำอะไรผิด! เราไม่ได้ทำอะไรผิด!” เด็กหนุ่มตะโกนสุดเสียง  เพียงเห็นห่วงโลหะบนข้อมือที่เคยเกาะกุมกันและกัน

รอยยิ้มที่หันไปแห้งแล้ง  คนึงรู้สึกถึงรอยชื้นในดวงตา  อยากจะเอื้อมมือไปกุมมือบอบบางคู่นั้นไว้  อยากจะกางแขนปกป้อง  อยากจะเป็นปราการให้ความปลอดภัย  แต่สองมือถูกตีตรวนไว้อย่างนี้   

ตะวันดวงน้อย  วงหน้าละมุนดั่งแสงสูรย์ส่องหล้า  ยามนี้มีน้ำตารินรดลงสองแก้ม

สิ่งเดียวที่ไม่มีวันปล่อยไป  จะถนอมปกป้องไว้ตราบชีวีจะหาไม่  คืออนาคตและศักดิ์ศรีของเจ้า  ยอดดวงใจของครู

*******************************

เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเขียนรายงาน เสร็จสรรพแล้วอ่านดังๆ ให้จำเลยฟัง จากนั้นส่งปากกาลูกลื่นให้เซ็นชื่อรับสารภาพ คนึงเซ็นทันทีแบบไม่ต้องคิด

“ดีแล้วที่สารภาพ” หม่อมดารากอดอกยืนดูอยู่ไม่ห่าง “ฉาวโฉ่ไปคนเดียว อย่าลากหลานฉันไปแปดเปื้อนด้วย”

“รับสารภาพเสียก็ดี” พลตำรวจตรีอดีตลูกน้องจอมทัพผู้ถูกชายาท่านสั่งให้ไปควบคุมตัวจำเลยว่าพลางลงนามบนกระดาษ “จะได้ลดโทษเป็นเบา”

“โทษเบาที่ไหน!” ชายาในเสด็จกรมหลวงบูรพฯ แหวขึ้นทันควัน “ทั้งข้อหาล่อลวง ซ้ำยังทำผิดวินัยครูอย่างร้ายกาจ อย่างไรฉันก็ยอมไม่ได้!”

หม่อมดารารับสั่งให้ตำรวจขังคนึงไว้ แม้ตำรวจบอกควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้เพียง ๔๘ ชม. ท้าวเธอว่าต่อให้ ๑ ชั่วโมงก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้จบให้ได้

“ยื่นเรื่องต่อศาลให้เร็วที่สุด! จะปล่อยให้หลานฉันและชื่อเสียงตระกูลบูรพวงศ์เสื่อมเสียไปมากกว่านี้ไม่ได้!”

ดวงตาเกลียดชังสุดแสนหันมองอาจารย์หนุ่มที่กำลังถูกคุมตัวไปห้องขัง “ความคิดถึงบาปบุญคุณโทษไม่หลงเหลืออยู่ในหัวจิตหัวใจแล้วหรือ”

ลูกกรงเหล็กเปิดออก  และแล้ว.. ตะรางดวงใจ คือป้ายสุดท้ายของคนึง วนาสัย ชายหนุ่มหงายฝ่ามือชื้นเหงื่อขึ้นดู พบว่ามันซีดขาวแทบไร้สีเลือด ด้วยมือข้างนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะคว้าอิสรภาพและศักดิ์ศรีในชีวิตตนกลับมาได้ไหม เหมือนกับว่าโลกทั้งโลกมืดมิด เสียงร้องของปีศาจดังขึ้นพร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตาและฉุดกระชากลากดึงอนาคตของเขาไป

พื้นห้องขังเย็นเยียบกระตุ้นเตือนให้เขาสำนึกในเหล่ากออันต่ำต้อยของตน ได้แต่ก้มหน้ากัดฟันนิ่ง เลอมานคือปลายทางแห่งความปรารถนา คือแก้วตาดวงใจ เดือนหงายคืนนั้นเราสัญญาต่อกันว่าครบกำหนดแล้วเลอมานจะอยู่เป็นครูที่นี่ต่อไป จะร่วมชีวิตกันด้วยความดีงามและมั่นคง

คงเป็นเพียงภาพฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง..

*******************************
   
อาจารย์ปรีชานั่งกุมขมับอยู่ที่โต๊ะทำงาน  ไอเย็นจากลมหนาวโชยชายผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาไม่ได้ทำให้ความร้อนรุ่มในใจบรรเทาลงสักนิด  ปลายนิ้วนวดหว่างคิ้วที่มุ่นเขม็ง จากนี้จะทำอย่างไรดี ฝ่ายหนึ่งก็อาจารย์ที่รักและเอ็นดูเหมือนลูกหลาน อีกฝ่ายก็มารดาของเพื่อนรัก

“เฮ้อ...” คนกลัดกลุ้มระบายลมหายใจ  ไหนจะหม่อมราชวงศ์เลอมานที่เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง  กลัวเหลือเกินว่าอารมณ์ชั่ววูบจะดลใจให้คิดอะไรตื้นๆ ตามประสาวัยรุ่น  ดีที่เจ้าจ้อยมาขอเข้าไปอยู่เป็นเพื่อน  อย่างน้อยก็ยังวางใจไปได้ชั่วครู่ชั่วยาม 
   
แล้วต่อจากนี้จะทำอย่างไรดี...

“ผอ.ครับ” อาจารย์ประพนธ์กระหืดกระหอบเข้ามา “มีเจ้าหน้าที่จากเขตมาขอพบ”

ผู้อำนวยการโรงเรียนฝึกหัดครูลุกขึ้นต้อนรับชายหนุ่มในชุดข้าราชการสีกากี

“สวัสดีครับ ผมเป็นตัวแทนมาจากสำนักงานก.ค.ศ.” ผู้มาเยือนแนะนำตัวเสร็จสรรพ ก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้ผู้ฟังชาวาบไปทั้งร่าง  แม้จะนึกไว้แล้วว่าวันใดวันหนึ่งต้องเกิดเรื่องแบบนี้

“คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย มีมติให้ปลดอาจารย์คนึง วนาสัยออกจากราชการ”


โปรดติดตามตอนต่อไป


แหม... แค่คนสวยจะอัพนิยาย พายุฤดูร้อนก็บุก ๓๔ จังหวัด คึ่ๆๆๆๆ :hao7:
เรื่องไอ้ลอยตัดฉึบให้ค้างคาใจเล่น ไว้อ่านเต็มๆ เรื่องหน้าละกันเน้อ
ขอบคุณคนอ่านที่ทวงถามเสมอมิได้ขาด ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยกึ่งกรรโชก
ฝากคนโน้นคนนี้มาถามมั่งก็มี ดอกไม้ดีใจที่สุด ขอบคุณนะฮะที่ยังรอคอยกันเสมอมา
ตอนหน้าจบแล้วนะฮะ อ๊ะ..ยังไม่รวมบทส่งท้าย ตอนพิเศษและไซด์สตอรี่มากมายก่ายกองนะ
(แล้วมันต่างกันตรงไหนอ่ะ ไม่รู้ไม่ชี้ เรียกให้ดูเยอะๆ ไว้ก่อน คึ่ๆๆๆ)

รักคนอ่านนะฮะ

ดอกไม้

๒๗ มี.ค. ๖๐
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 27-03-2017 23:23:45
แง้งงงงงงงงง  :sad4: :katai1: อาจารย์ขา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 27-03-2017 23:45:22
ง่ะ เศร้ามากกกกก ค้างมากกกก
รักของเล็กกับอาจารย์จะไม่สมหวังจริงๆเหรอ
มันทรมาณใจคนอ่านจริงๆนะคะคุณดอกไม้
แล้วตอนทอล์กยังบอกว่าตอนหน้าจบอีก

หืมมมมม....จบยังงัย จบแบบไหน
ตอนนี้อาจารย์ยังโดนจับเข้าคุก
แถมยังจะโดนให้ออกจากราชการอยู่เลย
งงในงงมากกกกก

แต่ยังงัยก้ยังเชื่อว่าคุณดอกไม้ไม่น่าจะทำร้ายคนอ่านไปมากกว่านี้แล้วละเนอะ
คงจะได้อ่านฉากแฮปปี้รักกันหวานชื่นเนอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 27-03-2017 23:55:20
อ่านแล้วกดดันแทน สงสารทั้งคู่เลยอ่า
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 28-03-2017 00:15:41
สงสารรรรร  :o12:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Pamaipraewa ที่ 28-03-2017 00:45:06
ตามอ่านแบบยาวนาน

ตอนหน้าจบเหรอคะ//ร้องไห้ ไม่กล้าอ่าน กลัวน้ำตาไหล

แต่ก็จะรอค่ะ นิยายเรื่องนี้ดีมากๆ รออ่านของลอยด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-03-2017 00:52:20
อ่านไปก็ใจจะขาด สงสารหนูเล็กและครู ความต่างของชนชั้นนี้จะเอาอะไรมาถมให้เต็ม ลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 28-03-2017 01:50:30
โฮ.....ชีวิตรักขิงหนูเล็กกับครูคนึงทำไมมันถึงเศร้าขนาดนี้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 28-03-2017 04:32:46
น่าสงสารหนูเล็ก TT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 28-03-2017 11:53:12
มากับพายุ อย่าไปกับพายุละกัน  :mew1: :mew1: :mew1: คิดถึง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 28-03-2017 14:23:18
ตะวันละจากท้องฟ้าไปแล้ว ช่างเป็นคืนที่เหน็บหนาวหัวใจเสียจริง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 28-03-2017 15:01:53
ตกใจนึกว่าตาฝาด   คุณดอกไม้อัพแล้ว    สงสารครูคนงเหลือเกิน รักและอุตส่าห์หันกลับมาเผชิญปัญหาเพื่อจะอยู่สู้ไปกับเลอมานแท้ๆ   สิงห์ดีเหลือเกิน จ้อยเลือกคนไม่ผิดจริงๆ   ขอให้ทั้งสองคู่ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขกับเขาเถอะ  เอาหม่อมย่าไปเก็บทีค่ะ 
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: feelinlove ที่ 28-03-2017 15:21:23
ไอ้ลอยไม่ตายชัวร์ป๊าบ ใจจริงอยากให้ตายมาก แต่ถ้าตายก็จะไม่มีเรื่องต่อไปสินะคะ T^T
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 28-03-2017 16:49:04
ขอบคุณสำหรับอัพเดตค่า ขอตัวกลับไปอ่านตั้งแต่ตอนที่หนึ่งใหม่อีกรอบนะคะ จะได้รือฟื้นอารมณ์ร่วม (ฮา)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: therappizdrum ที่ 28-03-2017 17:39:11
ฮืออออออ กลับมาต่อแล้วววว ต้องย้อนอ่านเลยทีเดียวววว


สงสารอ.คนึงกับหนูเล็ก ยศฐานราเป็นอุปสรรคจริงๆ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: nonnn ที่ 28-03-2017 21:34:02
งื้อออออ คุณดอกไม้มาต่อแล้ววววว คิดถึงหนูเล็ก...
ตอนล่าสุดนี่อ่านจบแล้วจะร้องไห้ สงสารความรักของทั้งสองคน
นอกจากจะโดนขี้ปากชาวบ้านแล้ว ยังต้องมาเจอกับไอ้ลอยเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่จบไม่สิ้นอีก
ล่าสุดเหมือนเรื่องจะกลับมาดีเพราะได้ฮีโร่อย่างสิงห์เข้ามาช่วย
แต่ไหงมันดูเลวร้ายกว่าเดิมตอนหม่อมย่าเข้ามาจัดนี่ล่ะ ปวดใจกันไปสิ
ช็อตที่ยิงยาวแล้วน้ำตาจะไหลออกมา คงเป็นตอนที่ครูคนึงหันไปมองเล็กก่อนขึ้นรถตำรวจ
ไหนเลยจะความรักความอาลัยที่มีต่อเล็กอีก คือยอมสารภาพเพราะไม่อยากให้เล็กต้องเสียหาย
โหยยยยย จะหาคนดีๆแบบนี้ได้ที่ไหนอีก หม่อมย่าน่าจะลองเปิดใจ ลองรับฟังทั้งเล็กทั้งครูคนึงบ้าง
เข้าใจว่าเกียรติ ศักดิ์ศรี ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเป็นเรื่องสำคัญ แต่ความสุขเล็กๆน้อยๆของลูกของหลานเอง
ก็น่าจะมองให้เป็นเรื่องแรกมาก่อนเรื่องอื่นๆไม่ใช่เหรอ ปวดใจสุดๆก็ตอนท้ายเรื่องที่ต้องมารับรู้ว่า
ครูคนึงโดนปลดออกจากอาชีพที่รักมาเป็นสิบปี แค่ต้องติดคุกติดตะรางก็สูญเสียกันไปตั้งเท่าไหร่แล้ว
นี่ดูเหมือนหม่อมย่ากะจะเอาให้ครูคนึงไม่มีอะไรได้ตั้งตัวเลย อื้อหืออออ ปวดหัวใจเข้าไปอีก
ความรักของสองคนนี้ดูเหมือนเส้นขนาน ดูจะเข้ามาบรรจบกันไม่ได้ หาทางออกที่ดีก็ยังไม่เจอเลย
หม่อมย่าดูออกจะใจแข็งซะขนาดนั้น ใครจะเข้ามาเป็นฮีโร่อีกสักคนเพื่อช่วยสองคนนี้
แบบ...ไม่ไหวแล้วววว ไม่ไหวจริงๆๆๆ มันบีบหัวใจมากมาย ดราม่ามาแบบไม่ใช่ทิ้งโครมแล้วจี๊ด
แต่มาแบบหน่วงยิงยาว อารมณ์ค้าง สตีลความเจ็บปวดไปตามตัวละครแบบไม่หาย

พอรู้ว่าตอนหน้าช่วงจบของเรื่องแล้ว คุณพระยิ่งกว่า เดาเรื่องไม่ได้เลยว่าจะมาแนวไหน
คุณดอกไม้โปรยว่าอาจจะไม่ใช่ตอนจบของจริง เพราะยังมีบทส่งท้ายและสเปเชียลอีก
เราก็ขอให้มันมีอะไรเซอร์ไพร์สบ้างเถอะ อย่างน้อยๆขอให้หนูเล็กกับครูคนึงเค้าได้รักกันแบบสุขใจจริงๆบ้าง พลีส
เราเชียร์ให้เค้ารักกันมานาน เพราะฉะนั้นเราก็ยังคงคาดหวังต่อไปว่าเค้าจะได้รักกันถึงจะมีอุปสรรคชิ้นใหญ่มาขวางแค่ไหนก็ตาม

เอาเป็นว่า...รออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ
และที่สำคัญ เรายังตั้งหน้าตั้งตารอเรื่องใหม่ของนายลอย ที่คาดว่าจะมาเฉลยปมต่างๆให้ได้รู้ด้วยเน้อ
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะคะ บวกเป็ดให้เรียบร้อยจ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 28-03-2017 22:24:06
สงสารรรรร :ling1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 28-03-2017 22:42:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 29-03-2017 00:29:43
ไม่นะ ถึงจะเคยหมั่นไส้อิอาจารย์แต่แบบนี้ก็เกินไปนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 29-03-2017 19:57:01
สงสารอาจารย์กับเล็ก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: oiw08 ที่ 01-04-2017 23:04:30
สงสารทุกตัวละคร T_T อ่าาไปร้องไห้ไป รอตอนต่อไปอยู่นะคะ ขอจบแบบhappyได้ไหมคะ เสียน้ำตาไปเยอะแล้วกับเรื่องนี้ อินสุดๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: R.michi ที่ 15-05-2017 09:49:47
เมื่อไหร่จะมาาาาา :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: 404notfound ที่ 18-05-2017 22:08:29
คิดถึงเรื่องนี้ที่สุด 
สงสารอยากจะร้องไห้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้
ไอ้ลอยมันจะไปเป็นพระเอกเรื่องใหม่
แต่เรื่องนี้เอ็งเลวมาก อ้ายชั่ว
สมควรถูกพี่สิงห์จัดการ
หม่อมย่าทำไมจับเขาพรากกันแบบนี้มันบาปนะคะ
สงสารมันเสียใจที่สุด อยากให้เขาอยู่ด้วยกัน
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: awila ที่ 28-05-2017 16:04:55
กลับมาอ่านอีกรอบ เจออัพเดทพอดี ไม่คิดว่าคุณดอกไม้จะมาต่อดีใจมาก
ตอบจบจะจบยังไงเราก็รับได้ค่ะ ด้วยความต่างของฐานะและยุคสมัย เราทำใจได้ถ้าจะจบแบบไม่แฮปปี้ ถึงแม้จะแอบหวังว่านิยายนี้จะจบแบบนิยายไม่อิงหลักควาาจริงก็ตาม555
คิดถึงเรื่องนี้มากจริงๆ มาต่อไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่าา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Damon ที่ 08-07-2017 14:32:39
มาดันค่ะ รอเสมอ ขำอีลอย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 09-07-2017 13:11:50
คิดถึงเรื่องนี้จัง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: lanlanmai ที่ 29-07-2017 04:14:04
 :o12: ไม่เจอนิยายดีๆแบบนี้มานานแล้วค่ะ ฟินคู่สิงห์จ้อย แต่เศร้าคู่คนึงเล็กเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 29-07-2017 07:32:50
คิดถึงจังเลยค่ะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 14-08-2017 21:09:29
เล็กจะเป็นยังไงน้อ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๕ : คนจะรักกัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๒๗ มี.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 14-08-2017 21:22:23
คิดถึงแล้วหนาแก้วตา  :hao5: :hao5:

จะอ่านอีกรอบก็สงสารตัวเอง  :ling2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 15-08-2017 00:33:12
บทที่ ๓๖

ไม่มีวัน

(ครึ่งแรกจ้า  :L2:)

สิ้นกันแล้วเรา สิ้นความมัวเมา สิ้นคำบัญชา
สิ้นความรัก สิ้นเมตตา สิ้นวาสนากันที



“คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย มีมติให้ปลดอาจารย์คนึง วนาสัยออกจากราชการ”
   
ถ้อยคำจากตัวแทนสำนักงานเขตยังกึกก้องอยู่ในหัวอาจารย์ปรีชาไม่วางวาย    

ข้าราชการครูที่กระทำการอันไม่สมควรทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตนหรือไม่ ถือเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง นอกจากนั้นยังเป็นความผิดทางอาญาเสียด้วย  คนึงได้รับการลงโทษทางอาญาไปแล้ว และการลงโทษทางวินัยก็ตามมาติดๆ ชนิดไม่ให้เวลาหายใจหายคอกันบ้างเลย

“กรณีที่ครูล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนถือเป็นเรื่องล่อแหลมมาก และเป็นเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่มีการลดโทษให้อย่างแน่นอน อย่างต่ำต้องถูกปลดออกจากราชการ ซึ่งหากผู้บังคับบัญชาปิดบังพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาก็จะต้องได้รับโทษด้วย”
   
ผู้อำนวยการโรงเรียนฝึกหัดครูเอนหลังพิงเก้าอี้ในห้องทำงาน ระบายลมหายใจอย่างหดหู่  เหม่อมองไปยังเสาธงที่เพิ่งถูกเชิญธงลงจากยอดเสา อาคารเรียนไม้ถูกแสงอัสดงย้อมเป็นสีทองอร่าม หรือนอกจากคนึงแล้ว เขาเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเรื่องอุกฉกรรจ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ปกครองของตนด้วย

“เพราะเราต้องการให้วงการครูมีความโปร่งใส ซึ่งโทษขั้นต่ำคือไล่ออกและไม่มีการลดหย่อน เพราะข้าราชการครูไม่เพียงแต่มีวินัยข้าราชการกำกับ แต่ยังมีเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพครูที่ต้องยึดถืออีกด้วย” 
   
อดนึกถึงคู่รักคู่วิปโยคไม่ได้ คนหนึ่งก็ถูกจองจำอยู่ในโรงพัก ส่วนอีกคน.. ก็มีตรวนที่มองไม่เห็นอันมีนามว่าเกียรติแห่งศักดินาผูกมัดไว้แน่น หม่อมดารามีบัญชาให้กักบริเวณผู้เป็นหลานไว้แต่ในเรือนพักผู้อำนวยการ แม้ก้าวเดียวก็มิอาจย่างกรายออกมาได้เพราะนอกจากลงทุนมาเฝ้าหลานด้วยตัวเองแล้ว ท้าวเธอยังสั่งลูกน้องผัว.. เอ๊ย ลูกน้องสวามีมาเดินคุมเชิงกันให้รอบเรือนยังกะควบคุมตัวนักโทษอุกฉกรรจ์ก็มิปาน

***********************************

ห้องรับรองแขกของอาจารย์ปรีชาต้องกลายสภาพมาเป็นห้องขังของหม่อมราชวงศ์เลอมานโดยชั่วคราว ผู้ที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วถูกอำนาจศักดินาบันดาลให้เป็นผู้เสียหายจากคดีฉาวโฉ่ บัดนี้.. เมื่อมาอยู่ต่อหน้าผู้เป็นย่าเพียงลำพัง เลอมานก็ไม่ต่างอะไรกับจำเลยดีๆ นี่เอง ถูกซักเสียจนเปื่อยเป็นกระดาษเช็ดน้ำตา

“คนเป็นครูบาอาจารย์ควรสั่งสอนนักเรียน ไม่ใช่มาล่อลวงนักเรียนตัวเองให้หลงผิด” พระชายาในกรมหลวงบูรพฯ ตราหน้าอาจารย์อัปรีย์ด้วยความโกรธเกรี้ยว “ดีที่มันยอมสารภาพแล้วว่าเป็นฝ่ายล่วงละเมิดเรา ยอมง่ายๆ แบบนี้ก็ดี”

“สารภาพอะไรกัน” หัวอกเลอมานแหว่งวิ่นเป็นริ้ว ทวงถามเสียงสั่นพร่า คราบน้ำตายังไม่จากจากแก้มด้วยซ้ำ “ทำไมอาจารย์พูดแบบนั้น”

หม่อมย่าหันมา นัยน์ตาโกรธเกรี้ยวดั่งสุมไฟ “เราก็อีกคน พ่อตัวดี! อย่ามาตีหน้าแบบนี้ให้ย่าเห็นนะ!” ปลายนิ้วเหี่ยวย่นประดับแหวนเพชรจิ้มหน้าผากหลานจนหน้าหงาย “ก่อเรื่องเสื่อมเสีย ทำให้ย่าขายหน้า นักข่าวไม่แห่กันมาสาวไส้ก็บุญหัว ย่าลงทุนลงแรงไปตั้งเท่าไร กว่าจะทำให้คนเขาเชื่อว่าเราถูกครูสารเลวนั่นล่อลวง เราอย่ามาทำให้เสียเรื่อง!”

“เล็กไม่ได้ถูกล่อลวง! เรารักกัน!” หนุ่มน้อยประท้วงทันควัน “เล็กเป็นคนเข้าหาเขาก่อนด้วยซ้ำ”

“พูดออกมาได้ไม่อายปาก! ทรพี!” ท้าวเธอสั่นสะท้านทั่วสรรพางค์กาย หน้าแดงก่ำด้วยโลหิตสูบฉีด “อยู่แต่ในนี้ไปเถอะ! จนกว่าย่าจะจัดการเรื่องนี้จบ อย่าฝันเลยว่าจะได้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวัน ”

หม่อมดาราก้าวฉับออกจากห้องราวกับทนอยู่ดูหน้าหลานอีกต่อไปไม่ได้แม้วินาทีเดียว ก่อนประตูไม้เก่าจะปิดลงดังปัง เลอมานเห็นชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบทหารยืนคุมเชิงอยู่หน้าห้องสองคน หม่อมราชวงศ์หนุ่มซบหน้าลงโศกกำสรด เสียงลั่นดาลกุญแจจากด้านนอกราวกับจะบีบหัวใจเขาให้แหลกสลายป่นปี้

ขอบฟ้าเบื้องตะวันตกเป็นสีแดงแกมเหลืองดั่งเป็นแผลช้ำเลือด สีเดียวกับหัวใจเขาเวลานี้หรือเปล่าหนอ เสียงแจ้วๆ ของฝูงนกเอี้ยงเลี้ยงควายเฒ่ากลับเงียบหาย เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องรับรัตติกาลมาแทนที่ นกยังบินกลับรังกลับคอน แล้วรังหัวใจของเขาเล่าอยู่แห่งหนใดกันแน่  อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจนพบรังที่ปรารถนาจะพิงพักจนวันตาย แต่เหตุใดจึงกลับกลายมาเป็นเช่นนี้  ความฝันที่จะอยู่ที่นี่เคียงข้างอาจารย์จนวันตายจะเป็นได้เพียงความฝันเท่านั้นหรือ

***********************************

ลมหัวค่ำโชยมาพร้อมเสียงนกกาบินกลับรัง  เงาขมุกขมัวโรยม่านสีดำลงมาจนท้องฟ้ามืดมิด  หากโรงสีใหญ่ของนางพูนทรัพย์ยังวอมแวมแสงไฟที่สว่างออกมาจากในออฟฟิศ
   
คุณนายนั่งปักผ้าอยู่บนเก้าอี้โยกสบายใจ  ตั้งแต่ลูกชายมารับผิดชอบงานในโรงสีให้ แกก็มีเวลาพักผ่อนนั่งๆ นอนๆ กับเขาบ้าง หลังจากหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับกองตัวเลขมาค่อนชีวิต

จ้อยนั่งซึมกระทืออยู่กับกองสมุดบัญชีไม่พูดไม่จา  นิ่งเงียบอยู่เช่นนั้นตั้งแต่ลากสังขารซังกระตายกลับมาหลังเลิกเรียน  เมื่อพี่สิงห์มาดูแลโรงสี  เมียกำนันก็ให้จ้อยติดตามมาด้วย  แกบอกว่าจ้อยเป็นคนละเอียดรอบคอบ  ควรมาช่วยพี่เขาทำบัญชี  จ้อยจึงเข้านอกออกในประหนึ่งเป็นลูกสะใภ้.. เอ๊ย ลูกชายคุณนายพูนทรัพย์อีกคนหนึ่งก็มิปาน

“ครู มาช่วยสนเข็มให้ป้าหน่อย” คุณนายเรียกจ้อย  หนุ่มน้อยวางปากกาในมือลงเดินไปสนด้ายสีแดงใส่รูเข็มให้แก  บนตักหญิงกลางคนมีปลอกหมอนสีขาวสะอาดปักลายดอกไม้สดใส  แกเคยบอกว่าปักให้พี่สิงห์ใบหนึ่ง  พอดีด้ายเหลือเลยจะปักให้จ้อยอีกใบด้วยเอาบุญ

“เฮ้อ..” ผู้มากวัยกว่าถอนใจ  แกเห็นหน้าเงื่องหงอยของจ้อยแล้วคงเดาอะไรได้ไม่ยาก “คิดมากเรื่องเพื่อนสิท่า”

จ้อยพยักหน้าหงึก  และพอมืออวบอูมยื่นมาลูบหัว  นักเรียนครูก็ทรุดกายลงนั่งพับเพียบกับพื้นเคียงข้างกัน 

“ท่านชายเล็กไม่ควรที่จะคิดสั้นอย่างนี้” แม่พี่สิงห์รู้ข่าวก่อนจ้อยจะเล่าให้ฟังเสียอีก หม่อมดาราพาตำรวจมาลากคออาจารย์คนึงเข้าคุกทั้งที  มันเรื่องเล็กอยู่หรือเล่า  คนเขาโจทย์กันให้ค่อนทั้งบาง “ความรักของคนในวัยนี้น่ะมันจะจีรังไปได้สักเท่าไร ถ้าเจ้าตัวไม่เกิดระหองระแหงจนตัดสวาทกันขึ้นเองผู้ใหญ่ก็มักจะช่วยตัดให้อยู่ดี”

จ้อยสะอึกลึกในอก  ถ้าป้าทรัพย์รู้ว่าเมื่อคืนพี่สิงห์กับจ้อยทำอะไรกันไปบ้างจะยังเมตตาลูบหัวจ้อยลงอยู่ไหม 

“แล้วเอ็งได้ตรัสอะไรกับเพื่อนบ้างหรือเปล่าล่ะ” เวลาผ่านไป  คุณนายก็ยังใช้ราชาศัพท์ผิดๆ ถูกๆ

“ชายเล็กถูกกักบริเวณอยู่แต่ในห้องเสียแล้ว” จ้อยตอบเสียงอ่อย “ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้คุยกันอีกเมื่อไร”

สองคนสองวัยนั่งคุยปรับทุกข์กันอยู่เช่นนั้น  จนได้ยินเสียงคนงานจอแจมาจากตีนท่า  บ่งบอกว่าพี่สิงห์ของจ้อยกลับมาจากไปคุมเรือรับซื้อข้าวเปลือกที่ผักไห่แล้ว 

หนุ่มน้อยกระวีกระวาดลุกขึ้นเตรียมน้ำมาต้อนรับ  ร่างองอาจผึ่งผายเดินผ่านประตูเข้ามาพลางปาดเหงื่อบนใบหน้าคมคร้ามด้วยแขนเสื้อ  มือใหญ่รับขันน้ำฝนเย็นชื่นใจที่จ้อยส่งให้ไปดื่มรวดเดียวแทบหมดขันก่อนส่งคืนตาเชื่อม  นี่ถ้าแม่ไม่นั่งหัวโด่อยู่  คงได้รวบตัวเมียไปกอด หอมเอาๆ ทั้งแก้มซ้ายขวาแล้ว

บทจะเอางานเอาการพี่สิงห์ของจ้อยก็จริงจังพอตัว  จ้อยได้แต่ลอบมองยิ้มๆ ตอนสองแม่ลูกเขาคุยเรื่องงานกัน “รับจ้างเกี่ยวข้าวใกล้จะหมดหน้าแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มมีพวกเผาถ่าน หรือตัดไม้ส่งให้เราทอนเป็นฟืน”

เจ้าแม่เงินกู้เบ้หน้าเมื่อได้ยินชื่อสิ่งของด้อยค่าอย่างถ่านอย่างฟืน “จะได้อัฐสักเท่าไรเชียว”

“อะไรได้เงินก็ต้องเอาไว้ก่อน” พี่สิงห์ว่า แต่ประโยคถัดมาปรายตามาทางจ้อย “เก็บเงินแต่งเมีย”

จ้อยถลึงตาใส่แทบพลัดจากเบ้า พูดจาประเจิดประเจ้อ! 

แต่พอมองไปทางคุณนาย กลับชื่นชมลูกชายไปตามเรื่อง มันก็ปกติของชายหนุ่มที่หน้าที่การงานลงหลักปักฐานมั่นคงแล้วจะคิดเรื่องมีครอบครัว  มิได้ระแคะระคายอะไรสักน้อย เฮ้อ! โล่งอก!

“ครูจะนอนที่นี่หรือจะกลับไปหายาย” ป้าทรัพย์หันถามจ้อยขณะเก็บของเตรียมกลับเรือนกำนัน  น้าเวกคงนั่งตบยุงรออยู่ที่ท่า
“ดึกแล้วนอนนี่ดีกว่า  อยู่เป็นเพื่อนพี่สิงห์เขา” แกเชื้อเชิญด้วยเอ็นดู  ความจริงแล้วจ้อยก็นอนค้างที่นี่มากกว่าที่บ้านตัวเองเสียอีก

เกือบพ้นธรณีประตูไปแล้วคุณนายเพิ่งนึกขึ้นได้ “ความจริงยายช้อยก็แก่แล้ว  ย้ายมาอยู่บ้านป้าก็ได้จะได้มีคนดูแล  ป้าจะได้มีคนอยู่เป็นเพื่อน  ครูก็ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา”

“จริงหรือแม่!” สิงห์ดีใจเป็นล้นพ้น  จ้อยหยิกเข้าให้จนสะดุ้ง  อย่าออกนอกหน้าให้มันเกินไปนัก

“ลุงกำนันจะไม่ว่าอะไรหรือจ๊ะ” ความเจียมตนสั่งให้จ้อยถามออกไป   

“โอ๊ย! รายนั้นจะไปว่าอาไร๊” แกว่าเสียงสูง “เผลอๆ จะดีใจจนกระโดดโลดเต้นสิไม่ว่า”

ดอกไม้ความสุขค่อยๆ ผลิบานขึ้นในใจจ้อย  ต่อแต่นี้ยายจะได้ไม่ลำบาก  และจ้อยก็จะมีเวลาดูแลทั้งยายทั้งป้าทรัพย์โดยไม่ต้องพายเรือไปๆ มาๆ ให้เหนื่อยอีกต่อไป  อะไรก็ไม่สำคัญเท่า.. จ้อยจะได้อยู่ใกล้ๆ คนที่จ้อยรัก..

จ้อยเหลือบมอง ‘คนที่จ้อยรัก’ จึงรู้ว่าอีกฝ่ายมองมาอยู่ก่อนแล้ว  แขนกำยำวาดลงโอบไหล่เล็กบางเอาไว้ ดูเผินๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากพี่ชายโอบไหลน้องน้อย

“แม่ไปล่ะ  ดูน้องด้วยนะตาสิงห์” ป้าทรัพย์มองพี่สิงห์แล้วก็มองจ้อยด้วยสายตาสื่อความหมายบางอย่าง “ครู.. ฝากพี่เขาด้วยนะ” 

คล้อยหลังเจ้าแม่เงินกู้ไม่ทันไร  ลูกชายตัวดีของแกก็หับประตูหน้าต่างเสียสนิท  ก่อนรวบตัวจ้อยไปกอดแน่น  หอมเอาๆ ทั้งแก้มซ้ายขวาอย่างกะตายอดตายอยาก คนอะไรมือหนักตีนหนัก  จ้อยจะน่วมไปทั้งตัวอยู่แล้ว 

“อย่านะ คนยิ่งอารมณ์ไม่ดี” มือเล็กยันปลายคางสากออกห่าง  ไม่ได้เล่นตัว  แต่จ้อยอารมณ์ไม่ดีจริงๆ “จ้อยเป็นห่วงเล็กกับอาจารย์”

พี่สิงห์คงรู้ข่าวแล้ว  ในดวงตาสีสนิมเหล็กจึงสลดวูบลง  กับเลอมานเขาก็สนิทกันฉันท์มิตร  รู้ว่ามิตรทุกข์อย่างนี้เลยพลอยทุกข์ใจกันไปด้วย  นิ่งฟังเสียงลมหายใจกันอยู่สักพัก  อยู่ดีๆ พี่ก็โพล่งขึ้นทำลายความเงียบงัน  “พี่มีของมาให้จ้อยด้วย!”

คนตัวโตกุลีกุจอออกไปข้างนอก  สักพักก็กลับเข้ามาพร้อม.. กรงนก? กรงนกนั่นแหละ ถึงจะมีผ้าคลุมอยู่  แต่จ้อยก็ดูออกว่ามันคือกรงนก  จ้อยได้แต่มองพี่ด้วยความไม่เข้าใจ  นี่ไปเก็บนกตกรังมาจากไหนอีกล่ะหือ 

มือใหญ่ดึงผ้าคลุมกรงออก  จ้อยจึงได้เห็นมัน  นกเอี้ยง!  ปีกสีน้ำตาลเข้ม  ใต้ตาสีเหลืองสดตัดกับขนดำขลับที่หัวอย่างสะดุดตา  มันเอียงคอมองจ้อยด้วยลูกตาใสๆ น่าเอ็นดู “ดีเลย จ้อยเป็นนกเอี้ยง” จ้อยกอดกรงมันเอาไว้  รอยยิ้มค่อยระบายในหน้า “งั้นพี่ก็เป็นควายเฒ่าสิ เนอะ”

“ถ้าได้อยู่กับจ้อยตลอดไป ให้เป็นวัวเป็นควายพี่ก็ยอม” ดวงตาที่มองมาหวานยิ่งกว่าจาวตาลเชื่อม มืออบอุ่นลูบผมจ้อยเบาๆ “มันพูดได้ด้วยนะ”

“หือ” จ้อยวางกรงไอ้เอี้ยงลงบนตั่ง ก่อนนั่งลงข้างมัน  พี่สิงห์นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นไม่ห่างกัน

“เรียกมันสิ เอี้ยงจ๋าๆ” พี่คะยั้นคะยอ

จ้อยว่าง่ายขึ้นมาทันที ทำเสียงเล็กเช่นเวลาคุยกับเด็กน้อยเรียกเอี้ยงจ๋าๆ ตามพี่บอก  จนนานสองนาน เอี้ยงจ๋าก็เอาแต่มองมาตาปริบๆ   

“มันพูดได้จริงหรือ” หนุ่มน้อยชักไม่แน่ใจ 

“จริง! พี่สอนมันอยู่ตั้งนาน”

“หรือมันค่ำแล้ว  เอี้ยงมันง่วงหรือเปล่า” จ้อยตั้งข้อสงสัย ความจริงถึงมันจะพูดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร สิ่งใดที่พี่เอามาให้ จ้อยรักหมดทุกอย่างนั่นแหละ “ไม่เล่นแล้ว จ้อยไปหาอะไรให้มันกินดีกว่า”

คนเสียหน้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่นก “ไอ้เอี้ยง มึงจะพูดหรือไม่พูด” มือหยาบใหญ่แทบเขย่ากรงกึงๆ “ถ้าไม่พูดพรุ่งนี้หลวงพ่อได้ฉันแกงป่านกสับแน่”

จ้อยส่ายหน้าระอา  หันไปเก็บเอกสารบนโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยดีกว่าฟังคนบ้าเถียงกับนก  สักพัก.. เสียงใสเจื้อยแจ้วก็แว่วมา..

รักคู้... รักคู้...

หนุ่มน้อยหันไปมองอย่างพรึงเพริด  ดวงตากลมใสเบิกกว้าง  เจ้าเอี้ยงตัวน้อยยังขับขานไม่หยุดราวกับมันพูดได้อยู่แค่นี้ รักคู้.. รักคู้..

“กว่าจะพูดนะไอ้นกโง่ เล่นเอากูเหงื่อตก” พี่สิงห์ปาดเหงื่อ มองจ้อยด้วยดวงตาพราวระยับ

รักคู้..

รักครู.. สินะ..

“พี่นั่นแหละโง่” แก้มขาวๆ แดงซ่านจนต้องก้มหน้างุด ทำเป็นนั่งเล่นกับนกแก้เขิน “คำง่ายๆ แค่นี้พูดเองก็ได้ ไม่เห็นต้องไปลำบากเอี้ยงมัน”

“ความจริงพี่ก็บอกจ้อยทุกวันอยู่แล้ว จ้อยไม่รู้หรือ” คนตัวโตคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้า คว้ามือจ้อยไปแนบแก้ม

“ชีวิตพี่มันไร้ค่ายิ่งกว่าสะเก็ดตีนเมรุ จนมีจ้อยมาช่วยทำให้เป็นผู้เป็นคน” ริมฝีปากร้อนผ่าวกดจูบลงกลางฝ่ามือเล็ก  ในดวงตาที่มองสบมา  มันไม่ใช่เพียงความหวาน  มันมีความซื่อตรง คงมั่น พร้อมจะมอบกายถวายชีวิตลงแทบตักจ้อย 

ความรู้สึกที่อ่อนบางเหมือนใยน้ำค้างขาวนวลบนยอดหญ้าถ่ายเทสู่ใจจ้อยจนเต็มตื้น  นักเรียนครูก้มลงไปกอดร่างกำยำไว้เต็มอ้อมอก  น้ำตาแห่งความสุขใช่ไหมที่คลอหน่วยตาจนแสงไฟฝ้าฟาง  จ้อยจะอยู่กับพี่.. จะดูแลพี่ตลอดไป.. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจ้อยก็ไม่กลัวทั้งนั้น 

ขอเพียงจ้อยได้อยู่กับพี่..

“จ้อยสอนมันพูดบ้างได้ไหม” นักเรียนครูอมยิ้มเขินอาย โน้มหน้าลงไปข้างหูพี่ กระซิบคำคำหนึ่งแผ่วเบา 

พี่ได้ยินพลันตาลุกวาว  ก่อนโจนเข้าใส่น้องทั้งตัวจนพากันล้มลงบนตั่งไม้สักกว้าง  ริมฝีปากร้อนผ่าวจูบเอาๆ อย่างย่ามใจ 

“อย่านะ!” จ้อยยันอกผึ่งผายออกห่างแทบไม่ทัน คนอะไรใจเร็วใจร้อน ไม่ให้เวลาหายใจหายคอกันมั่ง “เดี๋ยวคนเห็น”

“ใครหน้าไหนมันจะเข้ามา เขารีบกลับบ้านไปนอดกอดเมียกันหมดแล้ว”

จ้อยปัดป้องพอเป็นพิธี “ถ้าพี่ไม่อายคน ก็อายเอี้ยงมันบ้าง”

พี่สิงห์สลัดเสื้อออกทางหัวรวดเร็ว  เดินเอาไปคลุมกรงไว้  ก่อนหันมายิ้มเผล่ “แค่นี้มันก็ไม่เห็นแล้ว”

น้องส่งยิ้มเจิดจ้าให้พี่  อ้าแขนรอรับร่างกำยำที่ถาโถมลงมา

จ้อยเจ็บปวดทรมานมานานเหลือเกิน  ถูกรังแกมานักต่อนักเสียจนหัวใจป่นปี้  แต่นับจากนี้ชีวิตจะมีแต่แสงตะวันสาดส่อง  โลกจะไม่มืดมนอีกต่อไป 

***********************************

(มีต่อจ้า :hao7:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 15-08-2017 00:46:39
เดือนครึ่งดวงโผล่พ้นขอบเมฆพร้อมเปล่งแสงจ้า ค้างคาวแตกพรูลงจากปลายตาลพร้อมส่งเสียงแคว๊กๆ  หัวลมยามดึกกระโจนลงจากยอดไม้ พัดหวือหวิวผ่านช่องลมเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมจนผิวกายอาจารย์หนุ่มสะท้าน

คนึงกระสับกระส่ายห่วงหน้าพะวงหลัง ยากจะข่มตาหลับลง แสงเดือนที่สาดเข้ามาช่างสลัวเย็นชืดไร้ชีวิตชีวาราวกับหว่านโปรยความโดดเดี่ยวให้เขาโดยเฉพาะ แล้วอกใจเขาก็ไหวยะเยือกขึ้นด้วยอาการหวั่นวิตกอะไรบางอย่าง ราวกับกองทุกข์ที่นั่งจมอยู่นี่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด 

จันทร์เอยเคยเปล่งแสงนวลจ้า  บัดนี้ราวกับมีหยาดน้ำตาเคลือบจนริบหรี่  หนูเล็กของครู.. มองพระจันทร์ดวงเดียวกันกับครูอยู่ไหม  ป่านฉะนี้คนดีของครูจะเป็นอย่างไรบ้าง

สุดปัญญาของพี่แล้ว.. จันทร์เจ้าเอย..

***********************************

เลอมานเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ข้าวปลาไม่กิน ไม่เสวนากับผู้ใด  รู้สึกเหมือนทิศทั้งแปดมืดมิดและเงียบสงัดราวกับป่าช้า เสียงสะอึกสะอื้นดังระงมในหัวอก น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด นับแต่นี้ชีวิตอาจารย์และเขาจะเป็นอย่างไร อนาคตที่เคยวาดฝันร่วมกันไว้จะมีทางเป็นจริงไปได้หรือ  หรีดหริ่งเรไรกรีดปีกร้องโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่ใจเขาไหวหวั่นจวนจะขาด ราชนิกูลหนุ่มเยี่ยมหน้าฝ่าความมืดออกไปนอกหน้าต่าง วาดหวังว่าจะเห็นคนรักเดินกลับมา แต่กลับไม่มีอะไรเคลื่อนไหวแม้จะจ้องอยู่นานแล้ว  เขาแหงนหน้าขึ้นมองหมู่ดาวที่โปรยแสงระยิบระยับบนฟ้าดำ ก่อนซบหน้ากับสองฝ่ามือสั่นระริกร้อนผ่าว เสียงสะอึกสะอื้นครวญแผ่วขึ้นอีกครั้ง

จนเมื่อไก่เริ่มขันรับวันใหม่ อากาศเช้าตรู่เย็นเยือกลิ้มเลียอยู่ทั่วไป ลมบางเบาโบยโบก เงาขมุกขมัวคลี่คลายออกเชื่องช้า ขอบฟ้าด้านตะวันออกแจ่มกระจ่าง ประดับแสงเงินแสงทองระยิบระยับ ไก่ตบปีกแล้วขันอำลาขึ้นเจื้อยแจ้ว เลอมานจึงค่อยลุกจากพื้นที่นั่งกอดเข่าพิงฝามาเงียบๆ ทั้งคืน จิตใจยังสลึมสลัว ระเหระหน เด็กหนุ่มหลับตาลง ก่อนลืมขึ้นอีกครั้งเพื่อให้ชินกับแสงสว่างที่ค่อยๆ ง้างตีนฟ้าขึ้น

ในเช้าที่ฟ้าแจ่มใสเช่นนี้ จิตใจเขากลับหมองมัวเหลือจะกล่าว เด็กหนุ่มอยากอยู่นิ่งๆ เหม่อมองท้องฟ้าสุดไกล เฝ้ามองดวงตะวันขึ้นแล้วตก ตกแล้วขึ้น หมกมุ่นอยู่กับความคิดเดียวดายโดยไม่แตะต้องอาหารใดๆ ทั้งสิ้น

กงล้อแห่งเวลาหมุนไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง โลกยังหมุนรอบตัวเองและดวงอาทิตย์ไม่แปรเปลี่ยน จะมีก็แต่สรรพสิ่งและผู้คนบนโลกใบนี้เท่านั้น.. ที่ผันแปรเปลี่ยนไป

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เลอมานต้องกินน้ำตาต่างข้าวมาเป็นเวลาสามวันจนผ่ายผอม  ในหัวอกหนุ่มน้อยจะหาความรู้สึกอื่นนอกจากความห่วงหาและความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาเป็นไม่มีอีกแล้ว  จนบางคราวนึกอยากจะหลับไปแล้วไม่ขอตื่นขึ้นมาอีกเลย

เสียงดุเหว่าแว่วมายามรุ่งสาง พร้อมๆ กับเสียงหวูดรถไฟถอนสะอื้น แผ่วครวญหวนเศร้า ฟังแล้วอาดูรจับใจ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น  เลอมานไม่มีแม้กะใจจะหันไปมอง คงมิแคล้วหม่อมย่า หรืออาจารย์ปรีชา ไม่ก็พลทหารบริวารสักคนนำอาหารเช้าเข้ามาให้อย่างเช่นทุกวัน

“เอากลับไป ผมไม่หิว” ราชนิกูลหนุ่มกล่าวทั้งที่สายตายังจับจ้องตะวันสีหมากสุกลอดทิวไม้มาอาบท้องทุ่งเป็นสีทองอร่าม ครั้งหนึ่งว่าวสีขาวของเขากับอาจารย์เคยโบยบินอยู่บนผืนฟ้านั้น มันช่างเป็นอิสรเสรี

“จ้อยเอง” เสียงที่เคยคุ้นดังขึ้นก่อนบานประตูเปิดแอ้ด เลอมานหันขวับเมื่อรู้ว่าเป็นเพื่อนรัก หัวใจที่หม่นมัวมานานดั่งมีแสงตะวันส่อง  ยามมองเพื่อนประคองถาดข้าวต้มหมูควันลอยหอมกรุ่นวางลงโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง ก่อนดึงมือเพื่อนนั่งลงบนที่นอนนุ่มเคียงกัน

“ฉันนึกว่าจะไม่ได้เจอจ้อยแล้ว” เสียงเขาสั่นพร่า นัยน์ตาแดงช้ำอย่างคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

“มาดูเด็กดื้อ ได้ข่าวว่าไม่ยอมกินอะไรเลย” มืออบอุ่นของเพื่อนไล้แก้มเขาแผ่วเบา “หม่อมดาราเลยยอมให้จ้อยเข้ามา ท่านทราบว่าจ้อยปราบเด็กดื้อเก่ง”

เจ้านาฬิกาปลุกกาเหว่ายังไม่ยอมลดราวาเสียง พร้อมเพรียงกันเรียกขานเลอมานอยู่นั่นว่า.. ตื่นเช้า.. ตื่นเช้า..

หวนนึกไปถึงยามรุ่งสางในห้องน้อย ห้องที่เคยมีเขากับอาจารย์ร่วมเรียงเคียงหมอน อาจารย์ชอบมาเลียนเสียงนกกาเหว่าปลุกเขาที่ข้างหูแบบนี้.. ตื่นเช้า.. ตื่นเช้า..

“ทำไมกาเหว่ามันถึงไปไข่ให้อีกาฟักนะ จ้อยว่าจริงหรือเปล่า” เขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง นึกถึงเพลงที่อาจารย์เคยร้องกล่อม ถนอมไว้ในรังนอน ซ่อนเอาเหยื่อมาให้กิน ปีกเจ้ายังอ่อนคลอแคล ท้อแท้จะสอนบิน..

“ไม่จริงเขาไม่เอาไปร้องเป็นเพลงกล่อมเด็กหรอก” จ้อยว่า “แล้วที่มันชอบไข่ให้อีกาฟักน่ะ เป็นเพราะนิสัยขี้เกียจของมันไง ไม่ก็อีกาตัวมันดำเหมือนกาเหว่า ตัวก็โตเกือบเท่ากัน มันเลยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเมียมัน” จ้อยก็พูดไปเรื่อย เล่าเป็นนิทานหลอกเด็กเลยเชียว เลอมานหัวเราะอย่างคนรู้ทัน เพื่อนก็ทำเสียงขึงขัง “เห็นทีเราต้องไปถามมันแล้วล่ะ”

ไม่พูดเปล่า พรรคพวกเดินลิ่วไปเกาะขอบหน้าต่าง ชะโงกหน้าไปหาต้นมะม่วงข้างเรือน ตะโกนถามด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน “ทำไมพวกเอ็งชอบไปไข่ทิ้งให้อีกาฟักหือ..”

กาเหว่ามันไม่ยอมตอบ แต่พากันบินพึ่บๆ ไปจับยอดมะม่วงอีกฝั่ง

“เออ แล้วทำไมมันถึงชอบร้องตอนรุ่งสาง” เลอมานยังไม่ยอมหยุดเป็นบุรุษเจ้าปัญหา

“มันร้องหาคู่มันไง”

“จริงด้วย..” ราชนิกูลหนุ่มพยักหน้าเซื่องซึม จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่เคยเห็นกาเหว่าหรือนกชนิดไหน นกสวน นกบ้าน นกน้ำ นกทุ่ง แตกฝูงมา มันก็มักอยู่กันเป็นคู่ๆ ไม่เคยเห็นมันอยู่โดดเดี่ยว

“หรือไม่ก็หายเมา งัวเงียขึ้นมาต๊กกะใจ ลูกข้าหายไปไหนน้อ” พอเห็นเขาทำหน้าเศร้า จ้อยก็เล่านิทานอีกแล้ว “เหมือนตอนเล็กลืมตุ๊กตางานวัดที่จะให้น้ำฝนไว้ที่ซ่องนางทองใบไงล่ะ ตื่นมาแล้วเรียกหาใหญ่ ลำบากจ้อยต้องไปเอามาคืนให้” ประโยคหลังนี่จ้อยขมุบขมิบปากบ่น

“จริงด้วย..” ดวงตาสีอำพันหม่นหมองลงอีก “คืนนั้นถ้าอาจารย์ไม่ไปช่วยฉันไว้ล่ะก็..”

คืนนั้น.. คืนแรกที่อาจารย์จูบเล็กโดยที่รู้ว่าเป็นเล็กจริงๆ ไม่เหมือนจูบแรกที่พระนคร.. ที่อาจารย์เมาเสียจนเผลอจูบเล็กเพราะคิดว่าเล็กเป็นคนอื่น

รู้ตัวอีกที จ้อยก็พาเขามานั่งที่เตียงตอนไหนไม่รู้ ตักข้าวต้มอุ่นๆ ขึ้นเป่าก่อนยื่นป้อน คนเป็นไข้ใจได้แต่ส่ายหัว

“อาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง” ในที่สุดก็อดถามออกไปไม่ได้

“ยังอยู่ที่โรงพัก รอดำเนินคดี” เลอมานไม่รู้หรอกว่าจ้อยพยายามหลีกเลี่ยงคำว่า ‘ฝากขัง’ และไม่รู้ด้วยว่า.. อาจารย์ปรีชาบอกว่าตามกฏหมาย คนึงต้องถูกพิพากษาจำคุกอย่างต่ำก็.. ๗ – ๑๕ ปี

พยายามแล้วพยายามเล่า  ในที่สุดจ้อยก็ทำได้แค่ยัดเยียดโอวัลตินร้อนให้แก้วเดียว

“ต้องกิน” คนพูดพลอยเสียงเครือไปด้วย “เดี๋ยวล้มไป อายเขา..”

เลอมานรับมาแต่โดยดี หากดื่มได้แค่ครึ่งถ้วยก็วาง

“ดื่มให้หมดซี่” เพื่อนคะยั้นคะยอ เลอมานได้แต่สั่นศีรษะ รอบกายอ้างว้างว่างเปล่า ลมหนาวกรีดผิวบาดลึกกว่าทุกวัน

ประตูเปิดผาง  หม่อมดาราที่ท่าทางจะรอดูผลนอกห้องอยู่นานเดินอาดๆ ตรงมาหา

“ยอมกินอะไรหรือยัง” ท่านหันถามจ้อย หากพอเห็นถ้วยโอวัลตินพร่องไปแค่ครึ่งเดียวก็ทำท่าจะกริ้วขึ้นมาอีก “ทำไม! เห็นหน้าย่าแล้วผะอืดผะอมรึไง ต้องเห็นหน้าไอ้ครูนั่นใช่ไหมถึงจะยอมกิน”

ผู้เป็นหลานได้แต่ก้มหน้านิ่ง  มือที่อยู่บนตักกำแน่นจนสั่นสะท้าน

“รอดูมันติดตะรางเถอะ อย่างต่ำก็ ๒๐ ปี น้อยกว่านี้ฉันไม่ยอม” ดวงตาดังไฟสุมนั่นบอกให้รู้ว่าท่านทำจริงแน่ “จะได้ไม่ออกมาทำระยำกับลูกหลานใครอีก”

“ยี่..ยี่สิบปีเลยหรือ” เลอมานเงยหน้ามองผู้เป็นย่าอย่างไม่เชื่อหู พอหันหาเพื่อน เพื่อนก็หลบตาวูบ  ยี่สิบปี.. เป็นไปได้แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย  ความจริงชาวบ้านเขาลือกันให้แซ่ดด้วยซ้ำว่าหากจะทำให้อาจารย์คนึงหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ผู้ทรงอำนาจอย่างหม่อมดารายังทำได้ง่ายดาย ครูบ้านนอกลูกชาวนาจนๆ จะเอาอะไรไปคัดง้างภริยาแม่ทัพฟ้า

“หม่อมย่า.. เล็กขอร้อง..” หนุ่มน้อยปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น  โผเผไปเกาะแขนผู้เป็นย่า “ปล่อยอาจารย์ไปได้ไหม”

“ย่าตามใจเรามามากพอแล้ว!”

“หม่อมย่า..เล็กขอ..” ร่างไร้เรี่ยวแรงทรุดลงกอดขา ใบหน้าที่เงยขึ้นมีแต่หยดน้ำตาไหลพรากเป็นทาง

“เสียชาติที่เกิดมาเป็นหลานจอมพล” ท่านว่าเสียงสั่น ดวงตาวาวโรจน์นั้นคลอวับด้วยน้ำตาเช่นกัน “ดูสารรูปเข้า เหมือนตัวอะไรสักอย่าง”

“จะให้เล็กทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น.. ช่วยอาจารย์ด้วย” เขายอมแล้ว ยอมหมดทุกอย่าง จะสั่งให้ไปตายที่ไหนก็ยอม

“พูดจริงใช่ไหม!” เลอมานพยักหน้าระรัว

“เราต้องกลับอังกฤษให้เร็วที่สุด กลับไปแล้วหมั้นกับหญิงก้อยทันทีโดยไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น! ทำได้ไหม!”

“หม่อมย่า..”

โลกอันสงบ โลกที่เลอมานคิดว่าเป็นสุข สมบูรณ์พร้อมทลายลงในพริบตา เด็กหนุ่มปล่อยแขนอ่อนเปลี้ยตกลงข้างตัว ทรุดลงต่อหน้าผู้เป็นย่าคล้ายกองอะไรสักกอง ไม่มีเสียงคร่ำครวญ จะมีก็แต่น้ำตาเหมือนสายธารพังทลายจากทำนบ

“ทำได้ไหม! ถ้าทำไม่ได้ก็..”

“เล็กยอม..” เสียงที่ออกจากริมฝีปากซีดเซียวช่างแผ่วหวิว แต่แววตานั้นแน่วแน่นัก “จะเอาเล็กไปฆ่าให้ตายเล็กก็ยอม”

“ดี!” ท้าวเธอชี้หน้าคาดโทษ “ลูกผู้ชายพูดแล้วห้ามคืนคำนะ! เตรียมเก็บข้าวของได้แล้ว ย่าจะรีบติดต่อทางพ่อเราให้เร็วที่สุด!” 

************************

ติดตามต่อครึ่งหลังเด้อจ้า  :hao7:

เอ้าคุยกันหน่อยยยย

จำได้ว่าเคยบอกไว้ว่าตอนนี้เป็นตอนจบ (ที่จะมีบทส่งท้ายอีกนิดนึง) คือตอนแรกก็คิดว่าจะยัด..เอ๊ย..จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดได้จบในสิบหน้ากว่าๆ จากที่วางโครงไว้แล้วคิดว่าจะเขียนหมดน่ะนะคะ แต่พอมาลงรายละเอียดแล้ว..ไม่หมดจ้า เลยหั่นเป็นสองตอนดีกว่า เพราะฉะนั้น บทนี้ยังไม่ใช่ตอนจบนะคะ จริงๆ เค้าก็วางโครงไว้จนจบละล่ะ แต่ขอเวลาใส่ดีเทลหน่อยน้า

นี่อยากบอกว่าเข้ามาดูหน้านิยายตัวเองทุกวันเลย กลัวโดนจับเข้าห้องดำ..เอ๊ย..ห้องนิยายที่ยังไม่ต่อจนจบม้ากมากเลยค่ะ เพราะเอาจริงๆ นี่ก็เลยสามเดือนมานานโข.. หายไปกี่เดือนเนี่ย.. โอ๊ย รู้สึกว่านิ้วจะไม่พอนับ  :hao5:

ไปล่ะ มาซะดึกเลย อ่านจบแล้วแยกย้ายกันเข้านอนนะคะ ฝันดีราตรีสวัสดิ์จ้า

ดอกไม้

๑๕ ส.ค. ๖๐
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 15-08-2017 01:27:43
ไม่นะ หม่อมย่าาาาาา ฮืออออ อย่าทำร้ายจิตใจหลานเลยย

มองไม่เห็นหนทางที่ความรักจะสมหวังเลย ใครจะมาช่วยความรักของครูจน ๆ คนนึงกับลูกหลานท่านหลานเธอให้สมหวังได้ ถ้ามีก็คงเป็นคู่แท้ต่อกัน  :hao5:

-------
ขอบคุณที่มาต่อค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 15-08-2017 01:28:08
ได้อ่านต่อแล้ว คิดถึงงงงงงงงงงงง~ :pig4:
ยังคงสงสารคุณชายเช่นเดิม
ได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี
  :กอด1:  :กอด1:

//แอบหมั่นไส้พี่สิงห์คนหลงเมียจังค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 15-08-2017 05:24:43
ต้องมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับภูมิหลังของจ้อย


อ้าวววว สายมโนก็มาาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 15-08-2017 05:58:53
ฮือออออ
รักนี้ของเล็กกับอาจารย์ช่างมืดมนเหลือเกิน
คนนึงโดนขังคุก อีกคนโดนกักบริเวณ
ไม่อยากเดาเลยค่ะ ว่ามันจะไปจบลงที่ตรงไหน

สวนทางกับความรักของจ้อยกับพี่สิงห์
เดาว่าแม่พี่สิงห์น่าจะรู้แล้วแต่ไม่ว่าอะไร

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
คิดถึงเรื่องนี้มากกกกกก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 15-08-2017 06:58:40
ปาดน้ำตาสงสารครูกับชายเล็กมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: feelinlove ที่ 15-08-2017 07:11:06
หม่อมย่าใจร้ายมาก ไม่ห่วงจิตใจเล็กบ้างเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 15-08-2017 07:49:35
ดีใจที่คุณดอกไม้มาต่อสงสารทั้งอาจารย์กับเล็กส่วน้อยกับสิงห์ก็สมหวังกันแล้วเหมือนคุณนายจะรู้นะว่าสิงห์กับจ้อยเป็นอะไรกัน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-08-2017 08:45:55
สงสารชายเล็ก ทำไม๊ ทำไม รักนี้จึงมีแต่น้ำตา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 15-08-2017 09:36:52
ฮัลโหล! เซอร์ไพรส์มาก ในที่สุดเธอก็มา นี่ยอมรับว่าลืมๆ รายละเอียดช่วงต้นๆ ไปแล้วนะนี่ ไม่เป็นไร จะกลับไปอ่านอีกรอบเพื่อรื้อฟื้น คุณดอกไม้คะ...รูปเล่มของเรื่องนี้จะมีเมื่อไรหรือคะ อิฉันอยากอ่านเป็นแบบเล่มมากๆ เลยค่ะ ^_____^

ป.ล. อิฉันคิดว่าการเอานิยายใดๆ เข้าห้องนั้นต้องเป็นเรื่องที่ยังเขียนไม่จบและไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เป็นเวลาสามเดือนนะคะ แต่นิยายเรื่องนี้ของคุณดอกไม้ไม่น่ามีปัญหาเพราะว่ามีแฟนๆ มาคอยรีพลายให้เพื่อให้มันเคลื่อนไหวอยู่ตลอดค่า ดังนั้นยอหอ...อย่าห่วง อิอิ
ป.ป.ล. อยากอุดหนุนรูปเล่มจริงๆ นะคะคุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: mildmildss ที่ 15-08-2017 11:16:59
ยืดยื้อมากเลย เมื่อไหร่จะมีความสุข หรือจะจบแบบนี้ :katai4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 15-08-2017 12:27:33
เล็กกลับไปเรียนให้จบ รอปีกกล้าขาแข็ง ค่อยกลับมายังไม่สาย
เชื่อว่าอาจารย์รอเล็กได้
ถ้ามีความรักต้องมีความหวัง
สู้ๆนะ ทั้งสองคน

ส่วนอีกคู่น้าน
หมั่นไส้จังค่ะ หอมเมียเช้า หอมเมียเย็น
 :-[
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 15-08-2017 15:47:55
เลอมานผู้น่าสงสาร ยอมใช้มีดกรีดตัดขั่วใจตัวเองเพื่อคนรัก อาจารย์คนึงก็น่าสงสาร อย่าให้มีดราม่าคู่จ้อยมาเสริมเลย ><
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 15-08-2017 20:44:33
สงสารทุกคน :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Thanking ที่ 15-08-2017 22:37:17
นานแค่ไหนก็รอได้จ้ะสำหรับเรื่องนี้ ขอบคุณที่มาลงให้อ่านต่อนะคะ ยังคงรักเรื่องนี้เหนียวแน่นจ้า  :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Rose_Apple ที่ 15-08-2017 23:41:40
จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาค่ะ เรื่องมันบีบเข้ามาเรื่อยๆ เจอเรื่องแย่ๆมาข้าวปลาไม่ได้กินต้องโดนคำพูดเสียดแทงหัวใจซ้ำไปอีก .... /ขอทิชชู่สักสิบม้วนมาซับน้ำตาทีเถอะ  :m15:

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 16-08-2017 15:01:21
รอตอนต่อไปทั้งน้ำตา คนแก่ไม่ใจอ่อนเลยเหรอ :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 16-08-2017 19:22:17
 :sad4: :sad4: ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้มานาน ตอนนั้นอ่านตอนเรียนปีหนึ่ง ปีสอง ตอนนี้เรียนจบแล้ว ดีใจมากๆ เลยค่ะ ที่ได้อ่านอีกครั้ง จนตอนนี้จะจบแล้ว ฮืออออ สงสารทั้งหนูเล็กและคุณครู จะทำยังไงน้อออ เราช้ำใจแทนเหลือเกิน  :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 17-08-2017 22:02:49
ผมโอเคนะครับ ถ้าคู่หลักของเลอมานไม่ได้จบแบบ Happy Ending เพราะถ้าเราจะพูดถึงความรู้สึกอิ่มเอมที่เราจะได้จากการที่มีตอนจบแบบสุขนิยม ผมคิดว่าคู่ของจ้อยกับสิงห์ก็น่าจะตอบโจทย์ของเราแล้ว (สังเกตจากวิถีชีวิตต่างจังหวัด แถมตัวบ้านของสิงห์ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครมาจับตามอง และตัวจ้อยเองก็น่ารักน่าเอ็นดู มันเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อมของเลอมานไม่ติดเลยครับ) การที่เรามีคู่นึงเป็นตัวส่งความรู้สึกที่ดีแล้ว การที่อีกคู่จะจบแบบไม่สุขนิยม ผมว่ามันเป็นการเปรียบเทียบที่ดีนะครับ และยิ่งทำให้วรรณกรรมเรื่องนี้น่าสนใจขึ้นมากในสายตานักวิเคราะห์

เพราะถ้าเรามองกันจริงๆ พิจารณาจากบริบทสังคมย้อนยุคในสมัยนั้นในเมืองหลวง และฐานะทางสภาพแวดล้อมทั้งหมดของตัวละครเอก จะเห็นได้ว่ามันเป็นไปแทบไม่ได้เลยที่เลอมานจะประสบความสำเร็จในแง่ชีวิตรักร่วมเพศของตนเอง อีกทั้งตัวเลอมานเองก็มีกรอบชีวิตและบริบทที่ต้องก้าวไปอย่างรัดกุมมาก (เรียนจบต่างประเทศ สภาพแวดล้อมครอบครัวสูงส่งมีคนจับตามองมาก แถมยังเป็นลูกชายคนเดียวอีกด้วย ข่าวสารและการซุบซิบนินทามีผลต่อการสั่นสะเทือนชื่อเสียงมากครับ)

และการที่ถ้าคู่ของเลอมานจบแบบ Sad End จะทำให้วรรณกรรมเรื่องนี้สร้างคุณค่าทางสังคมเชิงปรัชญาอย่างหนึ่งที่ผมแทบไม่พบเลยในปัจจุบันที่ผู้อ่านยึดติดกับผลลัพธ์ (ด้วยค่านิยมของสังคมทุนนิยม) นั่นคือ “The true meaning of expenditure isn’t the Goal, but it is the journey.”

...เพราะเป้าหมายที่ล้มเหลวลงทุกครั้งจะก่อให้เกิดประกายแห่งความคิดและการเรียนรู้อดีตครับ การมองเป้าหมายที่สำเร็จตลอดเวลาไม่ได้การันตีว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับทุกๆคน การที่ถ้าเลอมานจะไม่สมหวัง แล้วร้อยเรียงเรื่องราวนั้นส่งต่อผ่านไปยังคนรุ่นหลังเพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องเจอ สิ่งที่เขาต้องประสบ ความละเมียดละไมของความรู้สึกที่เขาได้รับมันมาโดยไม่มีการแบ่งแยกของเพศ ให้มันเป็นอุทาหรณ์ มันเป็นการชี้ความนัยเชิงปรัชญาออกมาได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังไม่ขัดกับความรู้อิ่มเอมที่คนอ่านคาดหวังจะได้จากวรรณกรรมสุขนิยมอีกด้วย (เรื่องจากเราจะได้จากคู่ของจ้อย) ผมคิดว่าตรงนี้เป็นข้อคิดที่จะให้คนอ่านได้อย่างน่าสนใจมากเลยครับ

และถามว่าสิ่งที่ประทับใจผมในเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องของมิติความแน่นของตัวละคร ความสมจริง แบ็คกราวน์และเหตุผลของการกระทำของทุกๆตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นลอย สิงห์ จ้อย จินดา มันมีมิติและเหตุผลรองรับไม่ว่าจะดีหรือเลว และการบรรยายที่เหมือนเราได้เข้าไปอยู่ในยุคสมัยนั้น ความงดงามของภาษาและพล็อต ทั้งหมดเหล่านี้คือเสน่ห์ของเรื่องมหาหงส์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ครับ ดังนั้นสำหรับผม ถ้าให้เลือกระหว่างการจบลงแบบที่ไม่มีองค์ประกอบข้างต้นมารองรับ กับการจบแบบทิ้งความนัยโดยมีองค์ประกอบด้านบนรองรับ ผมเลือกทางเลือกที่สองนะครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: muio ที่ 06-09-2017 00:44:13
รอติดตามอ่านมาตลอดเลยค่ะะ ชอบมากๆเลย แต่งออกมาเยอะๆนะคะคุณดอกไม้ รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Sailordews ที่ 24-09-2017 09:31:36
ไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งๆก็ยังมีฟีลที่อยากจะกระโดดเข้าไปในเรื่องทุกรอบเลยค่ะ โอ๊ยยยย ทำไมการรับรู้ความจริงทุกด้านมันเจ็บปวดขนาดนี้นน  :z3:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวกระดาษ97 ที่ 18-10-2017 00:08:33
ยังรออยู่แต่งดีมาก ฮื้ออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Ruszel ที่ 06-11-2017 23:33:27
รอเธอมานานแสนนาน ทรมานถึงนานขาดใจ สู้ๆจ้า 55555  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: garden 12 ที่ 10-11-2017 15:50:47
รออยู่นะค้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Somporn ที่ 10-11-2017 16:54:33
รอติดตามครับผม
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ปากกาหมึกซึม ที่ 23-11-2017 01:56:57
อ่านแล้วนั่งร้องไห้ สลับกับยิ้มไป

รอนักเขียนมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Chayra ที่ 17-12-2017 11:52:17
รอ...ร้อออออออ.......รออออออออออ

 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 28-01-2018 22:39:51
เข้ามาอ่านนึกว่าจบแล้ววอ่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: khunbuck ที่ 13-02-2018 00:49:27

รออยู่เสมอนะคะ คุณดอกไม้ คราวนี้หายไปนานเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 04-05-2018 22:07:37
ไม่ได้เข้ามาอ่านนานมาก แต่ไม่เคยลืมนิยายเรื่องนี้
ยังรอที่จะอ่านจนถึงตอนจบ ขอโหวตให้เป็นนิยายในดวงใจ
และเป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ในการทำผลงานชิ้นนี้ให้สำเร็จ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 11-05-2018 06:08:15
TT เสียงร่ำไห้ของคนรอ มาเถอะค่า อยากให้รวมเล่มมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Tawes ที่ 10-06-2018 22:19:00
ก็..... เคยเข้ามาอ่านนิยายในเล้าบ้างบางครั้งค่ะ ไม่เคยเมนต์เลย เพราะงงกับหน้าเว็บและระบบมาก

ชอบเรื่องนี้มากค่ะ เหมือนได้กลับไปอ่านนิยายเก่าๆ เหมือนๆ ร้อยป่า ร่มฉัตร อะไรประมาณนี้ ชอบจนพยายามหาวิธี reply ตั้งนาน)

และถ้าจะกรุณานักอ่านที่กำลังจะลงแดง ได้โปรดมาเขียนต่อเถอะเจ้าค่ะ  :call:

รอเสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 12-07-2018 22:54:24
พักนี้ฝนตกบ่อย เมื่อไหร่จะมาหนอ  :katai5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๕ ส.ค. ๒๕๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Chakaimook ที่ 17-07-2018 11:36:11
สมัครเล้ามาเป็นปี ไม่เคยเม้นเรื่องไหนเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยค่ะ อ่านรวดสองวันแบบไม่หลับไม่นอน5555 สู้ๆนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 16-08-2018 05:32:04
บทที่ ๓๖

ไม่มีวัน

(ครึ่งหลังจ้า :L2:)


หม่อมดารายอมถอนฟ้องอาจารย์คนึงดั่งลั่นวาจาเอาไว้ต่อหลานชายอันเป็นที่รัก

ขั้นตอนการพาตัวอาจารย์หนุ่มออกมารวดเร็วง่ายดายไม่ต่างกับตอนลากคอเข้าคุมขัง หรือผู้มีอำนาจวาสนาก็เป็นเช่นนี้ เปลี่ยนชะตาชีวิตมดปลวกได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ อาศัยเพียงผู้อำนวยการโรงเรียนฝึกหัดครูถือกระดาษแผ่นเดียวขึ้นโรงพัก ไม่กี่อึดใจ อิสรภาพก็หวนคืนสู่ชีวิตคนึง วนาสัยอีกครั้ง

ในห้องธุรการ โรงเรียนฝึกหัดครู อาจารย์หนุ่มรับหมายจากผู้บังคับบัญชามาอ่านด้วยมือสั่นเทา

เมื่อพิจารณาถึงสถานภาพของนายคนึง วนาสัยซึ่งเป็นข้าราชการครูแต่มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศต่อหม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา แม้มิใช่นักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของนายคนึง อีกทั้งพนักงานสอบสวนก็ได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ ประกอบกับจำเลยยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา จึงมีความเห็นสั่งฟ้องนายคนึงในความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราและกระทำอนาจาร  แม้หม่อมราชวงศ์เลอมานได้ถอนคำร้องทุกข์ในภายหลัง  เป็นเหตุให้การดำเนินคดีอาญาต่อนายคนึงระงับแล้วก็ตาม  ก็ไม่อาจทำให้นายคนึงพ้นจากการกระทำผิดทางวินัย

การกระทำของนายคนึงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา ๙๔ วรรค ๓ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ถูกลงโทษให้ไล่ออกจากราชการ

คนึงวางกระดาษหัวครุฑคืนโต๊ะด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ดวงตาเหม่อลอยไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย ถูกไล่ออกจากข้าราชการ คำนี้สาหัสนักสำหรับลูกชาวนาผู้เป็นความหวังของพ่อแม่เช่นเขา ถูกไล่ออก.. ก็จะไม่ได้รับการอนุญาตต่อใบประกอบวิชาชีพครู นั่นหมายถึงการจบอาชีพครูไปด้วย หวนนึกถึงเครื่องแบบข้าราชการสีกากีที่นับจากนี้คงไม่มีโอกาสได้สวมอีก ความภาคภูมิใจของพ่อแม่คงสูญสิ้นลงครานี้

อาจารย์ปรีชามองมาด้วยความห่วงใย ขยับตัวอึดอัดเหมือนยังมีบางสิ่งค้างคาอยู่ คนึงวอนให้บอกเขามาเลยไม่ต้องอมพะนำ ไม่ต้องเกรงใจหรือกลัวว่าหัวใจเขาจะรับไม่ไหว

“คุณชายเล็กไม่มีโอกาสได้อยู่ทำหน้าที่อาสาสมัครของโครงการจนครบวาระ” ในที่สุดผู้มากวัยกว่าก็เอ่ยปาก “หม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชจะเสด็จมารับบุตรชายคนเดียวกลับอังกฤษด้วยพระองค์เองในอีกห้าวัน”

อาจารย์หนุ่ม.. ไม่สิ.. อดีต.. อดีตอาจารย์พาสมองมึนชาเดินลัดสนามกว้างกลับเรือนพัก แดดอุ่นออกแล้ว แสงที่ลอดช่องว่างใบไม้ลงมาให้ความระยับบนใบหญ้า หากเช้ากว่านี้เขาคงได้เห็นประกายสีทองเล็กๆ น่าพิศวง ตรงนั้น..ตรงนี้.. เคยเห็นไหมเวลาหยดน้ำค้างกระทบต้องมุมหักเห เกิดเป็นดาวเล็กๆ กระจัดกระจาย วอมแสงเป็นประกายทอง กระทบเข้าตาปริบๆ

แต่พอแดดไล่มา อยู่ไหนนะ เจ้าจุดสีทองน่าเอ็นดู อยู่ไหน..

ไม่มีอะไรเลย นอกจากใบหญ้า น้ำค้าง และความว่างที่ทบขึ้นเป็นชั้นๆ จนกว่าจะถึงท้องฟ้าสีคราม ฟ้าฤดูหนาวสวยเหลือเกิน ตกกลางคืนคงเกลื่อนดาวดารดาษ สูงส่ง..สุดสอย.. เดินทางข้ามกี่ขอบขัณฑ์ ก็ไม่มีวันคว้ามาครอง

ดาวบนผืนหญ้าก็ละเลือนหาย ดาวบนท้องฟ้า.. ก็จนปัญญาจะเอื้อมถึง..

คนึงซมซานกลับถึงห้องพักอย่างคนไร้วิญญาณ นัยน์ตาคมดำกวาดมองไปทั่วห้อง ห้อง..ที่ไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป โชคดีที่ผู้บังคับบัญชายังเมตตาให้เขาอยู่ที่นี่ได้ต่อจนกว่าจะหาลู่ทางได้ และคำขอร้องที่เขาวิงวอนจากหัวใจ ว่าอย่าให้เลอมานรู้เป็นอันขาดว่าเขาถูกไล่ออกแล้ว ท่านก็ตกปากรับคำเป็นมั่นเหมาะ

ชายหนุ่มเปิดตู้เสื้อผ้า เขาควรเริ่มเก็บข้าวของได้แล้ว นั่น.. เครื่องแบบข้าราชการสีกากีที่เคยสวมใส่ทุกวันจันทร์ ชุดปกติขาวครูรวมไปจนถึงอินทรธนู เครื่องหมายสังกัดและเครื่องราชแพรแถบ เขาไม่มีสิทธิ์สวมมันอีกต่อไป รวมไปถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรีความเป็นครูที่ใช้ความพากเพียรร่วมสิบปีของเขาและหยาดเหงื่อแรงงานชั่วชีวิตของบุพการีแลกมา ต่อแต่นี้จะไร้ค่ายิ่งกว่าปลักตม

หันไปมองอีกฝั่งห้อง มันเงียบงันว่างเปล่าราวกับไม่เคยมีคนอยู่อาศัย หม่อมดาราคงบัญชาให้คนมาเก็บข้าวของของเลอมานไปหมดแล้ว ที่ริมหน้าต่าง ตะเพียนน้อยสองตัวแกว่งไกวอยู่ สีซีดจางไปตามวันเวลา เตียงนอนว่างเปล่า เขาซบหน้าลงกับหมอนขาวสะอาดที่เจ้าเด็กดื้อเคยนอนหนุน

หนูเล็กของครู.. ก่อนจะพรากจากกัน จะมีวาสนาได้เห็นหน้าเจ้าอีกครั้งหรือไม่ก็ยังไม่รู้ชะตากรรม

ถ้าชีวิตคือละคร ละครชีวิตของคนึง วนาสัยคงเป็นบทบาทที่จบลงด้วยความปวดร้าว สุขได้ไม่นานก็ทุกข์ สมหวังไม่นานก็ต้องผิดหวัง ได้ครองรักแล้วกลับถูกจำพรากซ้ำซากเวียนวน  และใครเล่าเป็นผู้ลิขิตชีวิตของเขา หม่อมดารา.. หรือปีศาจตนใด หรือมือที่มองไม่เห็นของจารีตฉีกทึ้งเขาเป็นชิ้นๆ ดั่งความวิปโยคเป็นเสมือนหนึ่งทาสที่ติดตามคนึงไปทุกฝีก้าว

มืดมิดดั่งหมึกแล้วโลกนี้ ฟ้าสะท้านคำรามคำรน พายุโหมฮือมาอีกครั้งและติดต่อกันยาวนาน หัวใจคนึงแดดิ้นแทบจะขาดอยู่รอมร่อ สูญสิ้นหมดทั้งชีวิตแล้ว ความฝันบรรเจิดได้ติดปีกโบยบินเข้ากลีบเมฆ ทิ้งไว้แต่เงาทมิฬหินชาติแล้วขยี้ร่างอ่อนระโหยให้แหลกลาญ หัวใจเขาเดียวดายเหมือนตกอยู่กลางทุ่งกว้าง สิ่งที่หักห้ามมานานก็พรั่งพรูลงอาบหมอน เขาปล่อยให้มันหลั่งออกมาเพื่อเป็นอนุสรณ์การจากไปของเลอมานอย่างไม่อายฟ้าดิน ความรักอันต่ำต้อยของเขามันช่างสิ้นหวังและจบลงด้วยการพลัดพราก

เจียมกะลาหัวเสียแต่แรกก็คงไม่เจ็บอย่างนี้ หัวใจด้านหนึ่งหยามเหยียดมา แต่อีกด้าน ที่พิสุทธิ์สว่างใส ก็ปลอบประโลมว่าการได้รักและได้ครอบครองหัวใจหม่อมราชวงศ์เลอมาน ทำให้ครั้งหนึ่งในชีวิตเขาเคยมีความสุขมากเพียงใด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม

***********************************

เลอมานมีแต่ความซึมเซา ไม่พูดไม่จากับผู้ใดไปตลอดวัน แม้กับเพื่อนสนิทอย่างเจ้าจ้อยยังถามคำตอบคำ ความเป็นไปเหล่านี้ผู้เป็นย่าย่อมซึมทราบได้ดีว่าเกิดแต่เหตุอันใด  หม่อมดาราถึงแก่ทอดถอนใจด้วยความหม่นหมอง ถ้าจะดูหัวใจของท้าวเธอเวลานี้แล้ว ก็ไม่ผิดแผกอะไรกับโจโฉ  เมื่อครั้งเกลี้ยกล่อมได้กวนอูมาเลี้ยงไว้  ถึงจะปรนปรืออย่างถึงขนาดแล้ว  กวนอูก็ยังมิวายระลึกถึงเล่าปี่อยู่นั่นเอง  กวนอูมีความซื่อสัตย์ต่อเล่าปี่ฉันใด  เลอมานก็ยังคงมีความรักต่อชายผู้เป็นยอดชีวิตของเขาฉันนั้น

ดังนั้น.. พอจู่ๆ หลานรักออกปากขออนุญาตให้จ้อยพาไปวัด ไปไหว้พระให้จิตใจสงบ ไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง หม่อมดาราจึงยอมให้ไปอย่างเสียไม่ได้ ห้ามคนไม่ให้ไปวัดก็บาปเปล่าๆ แต่มีข้อแม้ว่าต้องกลับมาภายในเวลาที่กำหนด และห้ามลักลอบไปพบนายคนึง วนาสัยเป็นอันขาด

เรือน้อยล่องมาในคลองใส จ้อยคัดท้าย เลอมานนั่งหัวเรือ ดวงตาสีอำพันกวาดมองไปรอบๆ อย่างกับว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นทัศนียภาพเช่นนี้อีก

พอแสงอรุณสาดสว่าง ท้องนาก็พลันกลับมามีชีวิตใหม่ พระอาทิตย์ไขแสงอุทัยสาดมาต้องแผ่นดิน นาที่เก็บเกี่ยวไปสิ้นเหลือแต่ซังเหลืองอร่าม เหมือนเป็นตอหญ้าทาด้วยทองธรรมชาติ ไผ่สีสุกเบียดกันส่งเสียงเสนาะ นกต้อยตีวิดก็ออกเหินลม บัวสายออกดอกแดงลอยเกลื่อนอยู่กับกอผักตบที่ออกดอกสีฟ้า ดอกบวบที่ขึ้นมิเลือกแล้งเลือกฝน นั่นดอกแคที่ยายช้อยเคยเก็บมาทำแกงส้มให้กินตัดไข้เอาไว้ก่อนลำบากตัวถึงล้มหมอนนอนเสื่อ มะละกอตัวเมียและพริกขี้นกขึ้นดกระย้าเขียว กระถินชายทุ่งแตกช่ออ่อน ขอบบึงมีคันเบ็ดที่ชาวนาเอาไส้เดือนไปเกี่ยวล่อปลาช่อน มันโก่งและสั่นคลอน คงติดปลาตัวโตเป็นแน่ มื้อเช้าวันนี้ชาวนาบ้านนั้นคงไม่พ้นต้มยำปลากินกัน มันเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เป็นสุข

“จ้อยรู้ไหม ที่ลอนดอนน่ะ ไม่มีหรอกที่เขาจะมามัวนั่งเหม่อดูสายลมแสงแดดอย่างบ้านเรา” เลอมานยิ้มเศร้า  ยามเอ่ยคำว่า ‘บ้านเรา’ ออกมาอย่างไม่ขัดปาก นัยน์ตายังบวมเป็นเครื่องหมายของการร้องไห้อย่างสาหัส  ร่องรอยความเศร้าหมองยังไม่ลบเลือนไปจากใบหน้าหมดจด “คนเขาหาเงินกันตัวเป็นเกลียว เช้าก็ออกจากรังเหมือนแม่นกเที่ยวหาเหยื่อ ทุกคนเอาแต่ดูนาฬิกา ไม่มีหรอกที่จะตื่นตอนไก่ขัน และพักผ่อนเมื่อนกบินกลับรัง และไม่มีหรอกทุ่งนาฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาอย่างนี้ มีแต่บ้าน ตึก แล้วก็รถยนต์”

จ้อยไม่ว่ากระไร มือน้อยงัดไม้พายเชื่องช้า ราวกับให้เพื่อนซึมซับภาพตรงหน้าไว้ให้นานที่สุด

วัดหน้าพระเมรุในยามไม่มีงานบุญประจำปีดูเงียบสงบ ต้นโพธิ์แกรกกรากต้องลมดั่งจะเอ่ยคำลา ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ความทรงจำ ไม่กี่เดือนมานี้เองมิใช่หรือที่อาจารย์พาเขาซ้อนท้ายจักรยานข้ามสะพานคูเมืองมาที่นี่ ร่วมบุญช่วยกันปิดทองพระอธิษฐานและเสี่ยงเซียมซี ตรงนั้นเวทีลิเก ตรงนั้นจอหนังกางแปลง ตรงนั้นชิงช้าสวรรค์สูงคอตั้งบ่า ทุกที่ทุกแห่งล้วนมีภาพของอาจารย์ผู้เป็นที่รักก่อกวนวกวนอยู่ในอก

จ้อยเดินนำไปทางพระอุโบสถสีขาวสะอาด เลอมานตามไปเชื่องช้า พระพุทธรูปทรงเครื่องหล่อสำริดขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ภายใน หนนี้หม่อมราชวงศ์หนุ่มก้มลงกราบเบญจางคประดิษฐ์เรียบร้อยไม่กระโดกกระเดกเช่นครั้งก่อน มือขาวสะอาดพนมอธิษฐานต่อหน้าองค์พระสงบนิ่ง เขาขอเพียงได้พบหน้าอาจารย์อีกสักครั้งก่อนจำพรากจากกันไป

ระลึกถึงใบเซียมซีที่เคยเสี่ยงได้ ‘เจอเนื้อคู่คู่เป็นหม้ายไม่ไกลนัก’ คำทำนายที่ต้องไปถามจ้อยในภายหลังจึงเข้าใจถ่องแท้ในความหมายที่เล่นเอาหน้าแดงทุกครั้งที่มองหน้าอาจารย์ วาดฝันสวยงามว่าพวกเขาจะได้อยู่เคียงข้างกันตลอดไป

สุดท้ายโลกนี้มีอะไรจีรังบ้าง..

กระบอกสีแดงบรรจุไม้ติ้วอัดแน่นอยู่ตรงหน้า เด็กหนุ่มสูงศักดิ์คว้ามาเขย่า นึกถึงคราวก่อนที่เขาทำไม้ติ้วหล่นกระจัดกระจายขายขี้หน้า เดือดร้อนอาจารย์ต้องตามเก็บให้งกๆ

ไม้ติ้วแท่งหนึ่งร่วงหล่นลงมา..

“ใบที่สี่แหละจ้อย” เลอมานสูดจมูกลึก มือที่จับแท่งไม้เล็กๆ สั่นระริก จ้อยพาไปที่โต๊ะเซียมซีหน้าอุโบสถ ชายชราคนหนึ่งฉีกใบเซียมซีหมายเลขสี่ยื่นให้ จ้อยก้มลงอ่านเพียงบรรทัดแรกก็มองหน้าเลอมานนิ่ง

หม่อมราชวงศ์หนุ่มใจเต้นเป็นรัวกลอง ขอร้องเพื่อนเสียงสั่นพร่า “ให้เล็กอ่านเถอะ..”

จากนั้น.. ตัวอักษรไม่กี่บรรทัดก็พร่าเลือนไปด้วยน้ำกลบสองตา..
   
ใบที่สี่ชี้ชัดความพลัดพราก   
เหมือนต้องจากคู่ไปไกลสถาน
ดังลูกไก่พลัดวงหลงไปนาน   
กว่าจะพานพบหน้าก็ช้าจัง
ต้องอุตส่าห์อดกลั้นถึงนานหน่อย 
แล้วจึงค่อยเป็นสุขในยุคหลัง
จงประคองตนไว้อย่าให้พลั้ง 
ดวงจิตตั้งหวังสมานสามัคคี
เร่งนอบนบเคารพอยู่ที่ผู้ใหญ่ 
คอยตามไปใช้พินิจกิจวิถี
เหมือนดวงจันทร์ส่องฟ้าในราตรี
เมื่อแสงศรีสุริยันตะวันรอน


กระดาษแผ่นเล็กๆ ใบเดียวเหมือนจะหนักอึ้งจนพลัดทำหลุดมือ หัวใจที่อ่อนล้าอยู่แล้วก็แทบปลิวหายออกจากขั้ว จ้อยโผเข้าประคองไหล่เล็กเอาไว้เมื่อเห็นเพื่อนทำท่าจะทรุดลงกอง

“เล็ก.. สัญญากับเพื่อนได้ไหมว่าจะมีสติ” จ้อยบีบไหล่เพื่อนแน่น “เล็กเป็นหลานแม่ทัพ หลานทหาร ต้องเข้มแข็งอย่างทหารให้ได้”

เลอมานพยักหน้าทั้งสะอื้น น้ำที่คลอในตาพลัดร่วงผล็อยๆ

“ถึงต้องพลัดพรากไปอยู่ต่างถิ่นแดนไกล ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งถึงได้พบประสบกัน” ผู้เฒ่าเฝ้าโต๊ะเซียมซีขยายความ นัยน์ตาสีเทามองมาอย่างอาทร “แต่ดวงของพวกเอ็งทั้งคู่จะเป็นคู่แท้ที่เกื้อกูลกัน ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดร่วมกันก็ได้ผลสำเร็จลุล่วง”

“จะมีวันนั้นหรือ” คุณชายน้ำตานองหน้าแล้ว “เล็กต้องรอไปจนถึงเมื่อไร”

“สัญญาต่อหน้าพระ เล็กต้องเข้มแข็งนะ” จ้อยเตือนสติเพื่อน ความเจ็บปวดแล่นลึกอยู่ในสายตาที่มองสบกันแน่วแน่นั้น

ดังลูกไก่พลัดวงหลงไปนาน
กว่าจะพานพบหน้าก็ช้าจัง..


***********************************

(มีต่อจ้ะ :katai5:)
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 16-08-2018 05:51:22
ตะวันคล้อยทุ่ง แลลิบออกไปเบื้องหน้าคือท้องทุ่งเวิ้งว้างเหลืองอร่ามด้วยแสงแดดผีตากผ้าอ้อม ผู้คนทยอยกันกลับจากงานนา นกปูดร้องแว่วๆ มาจากหลังป่าสะแก นกกวักรวมกลุ่มร้องแซ่เตือนให้รู้ว่าใกล้ค่ำ

ยายช้อยกลับมาพร้อมปลาเล็กปลาใหญ่ กระทั่งปลาสวายหรือปลากรายก็ยังมี แกรีบทำปลาผ่าท้องเอาขี้และไส้ออก หลานรักอยู่ติดบ้านเสียที กะว่าเย็นนี้จะทำต้มยำเชิงปลากรายซดกันให้รื่น ด้านจ้อยนั้น.. ก่อไฟพักเดียวกลิ่นหอมของข้าวใหม่ก็อบอวลออกมาจากเตาไฟ หม้อสีดำคล่ำหุงเดือดคลั่กๆ อยู่บนเตา
   
พอตกค่ำดาวประฟ้า สองยายหลานก็ตั้งสำรับกันที่นอกชาน

นักเรียนครูเขี่ยข้าวในจานอ้อยอิ่ง นึกถึงหน้าหม่นหมองของเลอมานแล้วสงสารจับใจ หรือความรักต่างชนชั้นก็เป็นเช่นนี้ อดหันมองตัวเองไม่ได้.. จะมีเหตุอันใดไหมให้จ้อยกับพี่สิงห์ต้องพรากจากกันไกล หากแม้นวันนั้นมาถึงจริง จ้อยจะอดทนมีแรงยืนอยู่ได้สักครึ่งของเลอมานไหม

ไม่มีวันหรอกน่า.. จ้อยสะบัดความคิดเพ้อเจ้อออกจากหัว ความรักของจ้อยที่ขมขื่นมานานกำลังหวานชื่น หนทางทอดยาวไปข้างหน้ามีแต่ดอกไม้สะพรั่งสองข้างทาง ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะทำให้จ้อยกับพี่ต้องจากกัน

“ยายจ๋า..หนูมีเรื่องจะบอก” จ้อยอ้อมแอ้ม ช้อนสังกะสีเขี่ยเนื้อปลาที่ยายแกะวางลงจานให้ไปมา “ไม่รู้ว่าบอกไปแล้วยายจะว่าอะไรหรือเปล่า”

แม่เฒ่าทำเสียงอืออาในคอเป็นเชิงรับรู้ ก่อนตักน้ำแกงขึ้นซดโฮก

“คือ.. ป้าทรัพย์..” จ้อยขัดเขินเกินจะกล่าว หากในดวงตาเป็นประกายวาววาม “แกจะให้หนูกับยายไปอยู่ด้วยกันที่บ้านลุงกำนัน”

ยายช้อยชะงัก แทบสำลักน้ำแกง “จริงหรือจ้อย” ตาแกเบิกกว้างอย่างตกตะลึง แต่ในความตกตะลึงนั้น.. ปิติเหลือเกิน “ป้าทรัพย์หรือพ่อกำนันเป็นคนชวนเอ็ง”

“ป้าทรัพย์จ้ะ” จ้อยส่งยิ้มเจิดจ้าให้ยาย ยิ้มจากดวงใจอันเปี่ยมสุข “แกบอกหนูว่าลุงกำนันก็ยินดี ต่อไปนี้เราจะเป็นครอบครัวเดียวกัน แกกับลุงเสริมจะรักจ้อยเหมือนลูกเหมือนหลาน”

ยายมองจ้อยเพริดไป ในดวงตาสีเทามีน้ำตาคลอเบ้ากระทบแสงตะเกียงวาววาม

จ้อยคลานเข้าไปหายาย ซบหน้าลงกับอกผ่ายผอม ยายผอมเหลือเกิน หายใจแต่ละทีซี่โครงแทบขยายออกมานอกอก มือเหี่ยวย่นลูบหัวจ้อยแผ่วเบา จ้อยคว้ามือนั้นมาแนบแก้มอย่างรักใคร่บูชา มือยายกร้านกรำอย่างคนทำงานหนักมาทั้งชีวิต ก็มือคู่นี้มิใช่หรือที่ทะนุถนอมเลี้ยงดูจ้อยมาจนเติบใหญ่ นับจากนี้ยายจะไม่ต้องลำบากอีกแล้ว จ้อย พี่สิงห์ ป้าทรัพย์ ลุงเสริม จะไม่ปล่อยให้ยายอดมื้อกินมื้อ ไม่ต้องนอนปวดหลังบนเสื่อหยาบกระด้าง ไม่ต้องห่อกายด้วยผ้าผวยผืนเก่ายามลมหนาวหวีดหวิวผ่านรูที่ฝากระท่อมอีกต่อไป

ถึงจ้อยจะยากจน แต่ก็เป็นสุขเสมอเมื่ออยู่ในอ้อมกอดยาย ต่อแต่นี้เราจะไม่ต้องแยกกันอีกแล้ว จ้อยจะได้อยู่กับคนที่จ้อยรักตลอดไป ทั้งยาย..ทั้งพี่สิงห์..จะไม่มีอะไรมาพรากจากไป..

อดคิดถึงเลอมานไม่ได้ ราชนิกูลผู้เพียบพร้อมไปทุกอย่าง ทว่าหนทางรักระหว่างเลอมานและอาจารย์คนึงกลับดูมืดมนไปทั้งแปดด้าน จ้อยสิอดอยากยากจนมาทั้งชีวิต แต่หนทางข้างหน้ากลับมีแต่ความสว่างไสว ต่อไปนี้จ้อยจะได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับพี่สิงห์ เช้ามาก็ได้เห็นหน้า ตกเย็นเลิกเรียนมาก็ได้เจอกัน อีกปีเดียวเท่านั้นจ้อยก็จะเรียนจบ จ้อยจะสอบบรรจุเป็นครูอย่างที่ใฝ่ฝัน ส่วนพี่สิงห์ก็ดูแลโรงสีไป

คนที่จ้อยรักจะอยู่เคียงข้างจ้อยตลอดไป ทั้งยาย..ทั้งพี่สิงห์..

จ้อยมีความสุขเหลือเกินยายจ๋า

“ดีจริงๆ จ้อยเอ๋ย” เสียงยายสั่นเครือปนสะอื้น อ้อมแขนผ่ายผอมโอบกอดจ้อยไว้ โยกโคลงเบาๆ เหมือนคราวจ้อยเป็นเด็ก “ยายรอวันนี้มานาน..รอมานานเหลือเกิน..”

มือเหี่ยวย่นประคองใบหน้าจ้อยเอาไว้ ในดวงตาที่มองสบมามีน้ำตาหยาดไหล

“ป้าทรัพย์เขาได้บอกอะไรหนูอีกหรือเปล่า”

จ้อยส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ยายอยากให้เอ็งได้ไปอยู่บ้านนั้นมานานแล้ว ในที่สุดก็มีวันนี้” ยายปาดน้ำที่คลอหัวตา ลูบผมจ้อยซ้ำๆ “แม่ทรัพย์เขายอมรับเอ็งแล้วจ้อย ถ้าพ่อกำนันเขารู้ เขาก็ต้องยอมรับเอ็งเหมือนกัน ยายดีใจเหลือเกินลูกเอ๋ย”

คำพูดยายสะกิดใจจ้อย ยอมรับ? ทำไมต้องยอมรับ? ยอมรับในฐานะอะไร? หากไม่ทันได้ถาม หญิงชราก็โผเผลุกขึ้นหายเข้าไปในตัวกระท่อม จ้อยชะโงกหน้ามองตามไป ในแสงตะเกียงเรื่อเรือง เห็นยายเอื้อมหยิบกระถางธูปพี่จินดาออกมาเทลงผ้าขาว คุ้ยเขี่ยอยู่สักพักก็กลับออกมา

พร้อม ‘อะไรบางอย่าง’ ในมือ

ต่อเมื่อยายนั่งลงตรงหน้า จ้อยจึงเห็นว่ามันเป็นแหวนวงหนึ่ง คงเก่ามากแล้ว ความสุกปลั่งหายไปตามกาลเวลา ยายค่อยๆ เช็ดมันกับชายเสื้อคอกระเช้าตัวเก่าอย่างทะนุถนอม ก่อนวางมันลงในมือจ้อย

ท่ามกลางความสับสนงุนงง จ้อยดูออกว่ามันเป็นแหวนทองคำแท้ ยิ่งค่าทองสูงทองยิ่งอ่อนจนวงบิดเบี้ยว มีแต่เศรษฐีที่ทำทองแบบนี้สวมใส่ติดตัว

และเมื่อจ้อยส่องมันกับแสงตะเกียง รอยสลักคำว่า ‘สีตลา’ ปรากฏเด่นชัด

นามสกุลพี่สิงห์?

ทำไมแหวนนามสกุลพี่สิงห์ถึงมาอยู่กับยาย?

ลางสังหรณ์แปลกประหลาดแล่นพรูเป็นริ้วๆ ค่อยๆ แทรกซึมจับขั้วหัวใจ

“ปีนั้นแม่เอ็งถูกไอ้เสือฝ้ายบ้านใต้ดักฉุกไป โชคดีที่พ่อเสริมเขาตามไปช่วยไว้ได้ทัน ยิงไอ้เสือฝ้ายตายเป็นผีเฝ้าทุ่ง” เรื่องนี้จ้อยพอรู้มาบ้าง ยายเคยเล่า.. ลุงกำนันก็เคยเล่า.. เรื่องฉาวโฉ่ระดับตำนานของหมู่บ้าน มีแม่จ้อยเป็นนางเอก ลุงเสริมเป็นพระเอก.. จ้อยพอรู้..

แต่เรื่องราวหลังจากนี้.. จ้อยไม่เคยรู้..

“เขาให้แหวนวงนี้กับแม่เอ็งไว้” ยายจ้องจ้อยที่ดวงตา “แล้วจากนั้น.. แม่กำไลก็มีเอ็ง..”

เสียงฟ้าคำรามครืนครันมา ลมเย็นหอบกลิ่นไอฝนแรกของปีมาต้องกาย จ้อยสั่นสะท้านไปทั้งตัว “ยาย..ยายพูดอะไร..” แม้เสียงที่หล่นจากปากก็สั่นพร่า

“ตอนยังเล็กเอ็งเป็นไข้หนักเกือบตาย ยายไม่มีเงินค่าหมอเลยอุ้มเอ็งไปหาพ่อเสริม ถ้าเขารู้ว่าเอ็งเป็นลูกเขาไม่ปล่อยให้เอ็งตายแน่ แต่ไปปะเอาแม่ทรัพย์เข้าเสียก่อน”

ลูกหรือ.. ใคร.. ใครเป็นลูกใคร..

“แม่ทรัพย์เขาเลยให้เงินมาก้อนใหญ่ ให้ตาเวกพาไปหาหมอในเมืองเสร็จสรรพ ค่ายาเอ็งตอนนั้นแกออกให้หมดทุกบาททุกสตางค์ แต่มีข้อแม้..” ยายหยุดเช็ดน้ำหมาก “แลกกับการไม่บอกพ่อเสริมว่าเอ็งเป็นลูกเขา”

ไม่จริง.. ไม่มีทาง.. พี่สิงห์..

พี่สิงห์ของจ้อย..

‘จะเสี่ยงสัตย์อธิษฐาน ขอให้เป็นพยาน อย่าคลาดไป
ถ้าน้องเป็นน้ำ ตัวพี่จะตามเป็นปลา จะได้เย็นอุรา พี่ชาย..’


จ้อยเผลอกำแหวนในมือแน่น ลมฝนกรรโชกแรงเกินไปหรือ ทั้งตัวและหัวใจจ้อยจึงชาดิกราวถูกจับแช่ในน้ำกรด

“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้สักคน มีแค่ยายกับแม่ทรัพย์ที่รู้ เขากลัวพ่อเสริมจะรักเอ็งมากกว่าตาสิงห์ คงกลัวเอ็งจะไปแย่งสมบัติลูกเขา” 

‘ถ้าพี่ทำเบ็ดเกี่ยวตาจ้อย จะควักลูกตาตัวเองให้แทน’

“ยายพูดอะไร..” เสียงจ้อยแผ่วหวิวดั่งเค้นขึ้นจากหัวใจเจียนสลาย ภาพยายตรงหน้าพร่ามัวเลือนราง

“ยายเห็นเอ็งกับตาสิงห์รักกันแต่เด็กก็เบาใจ ที่ไหนได้.. มาไม่ถูกกันเอาตอนโต ใจยายจะขาดเสียให้ได้” แต่ละคำพูดยายที่หล่นลง กรีดเฉือนใจจ้อยเป็นริ้วๆ จ้อยส่ายหน้าหนีความจริงที่รุมเข้าฉีกทึ้งหัวอก สองมือกอดตัวเองไว้แน่น

‘พี่คิดถึงจ้อย.. คิดถึงแต่จ้อย.. จะทำอะไรก็เห็นแต่หน้าจ้อย’

“พี่น้อง.. อย่างไรเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ตอนนี้เห็นพวกเอ็งรักกันขนาดนี้ ยายนอนตายตาหลับแล้วลูก”

“ยายพูดอะไร!” จ้อยตะเบ็งสุดเสียงทั้งน้ำตานองหน้า “ยายโกหก!”

“จ้อย..” แม่เฒ่าชะงัก มองจ้อยอย่างตกตะลึง เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออก หลานชายคนดี.. แม้คำน้อยก็หาได้พูดให้ขัดหูไม่

“ยายโกหก! หนูไม่เชื่อ! ไม่จริง! ยายโกหกหนู!” จ้อยตะคอกใส่ยายเหมือนคนเสียสติ ส่ายหน้ารัวน้ำหูน้ำตาพลัดกระเด็น
   
‘สินสอดนี่คืออะไรน้อ พี่มันโง่ ความรู้น้อย สอนพี่หน่อยสิครู’
    
ไม่จริง.. พี่สิงห์ของจ้อย..

“จ้อย.. จ้อย..โกรธยายหรือลูก” แขนผ่ายผอมพยายามไขว่คว้า จ้อยปัดป้องเหมือนอ้อมแขนที่เคยโอบอุ้มเป็นเงื้อมเงาปีศาจน่ารังเกียจ

ปีศาจที่นำความจริงมาสู่ ความจริงอันน่าอดสูเกินใจจะแบกรับ “ยายขอโทษ ขอโทษที่เลี้ยงเอ็งมาลำบาก ถ้าบอกพ่อเสริมไปตั้งแต่วันนั้น เอ็งคงไม่ต้องมาอดอยากอยู่กับยาย ยายขอโทษลูก..”

ไม่! จ้อยไม่ได้โกรธยายเรื่องนั้น!

จ้อยยกสองมือขึ้นอุดหู ราวจะหนีความจริงที่กรีดหัวใจเป็นรอยบากลึกซ้ำๆ ปากก็ยังพึมพำพร่ำเรียก.. “พี่สิงห์..พี่สิงห์..”

“เอ็งกับพี่สิงห์จะได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ แล้วอย่างไรล่ะจ้อย ไม่ดีหรือลูก” ยายโผเผเข้ามากอด จ้อยผลักยายจนเซ เขวี้ยงแหวนแห่งความอัปยศใส่หน้ายาย ดวงตาแข็งกร้าว ตะโกนสุดเสียง

คำที่แม่เฒ่าไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินจากปากหลานชายผู้เป็นที่รัก

“หนูเกลียดยาย!”

นักเรียนครูคนดีผลุนผลันลงบันไดจนกระท่อมสะเทือน “จ้อย! จ้อยจะไปไหนลูก!” เสียงยายไต่บันไดตามลงมา เสียงยายร่ำเรียกชื่อจ้อยไล่หลังมาปนกับเสียงฝนฟังดูปวดร้าวเจียนขาดใจ แต่จ้อยไม่แม้แต่จะเหลียวไปมอง 

ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายเหมือนใยแก้วนับหมื่นสาย จ้อยวิ่งกระเซอะกระเซิงไปตามทางเกวียนเหมือนคนบ้า รองเท้าก็ไม่ได้ใส่ติดมา ถนนบ้านนานั้นทางมันก็ไอ้ดินปนฝุ่น ครั้นฝนเทลงมาหนักก็พลันแฉะฉ่ำเปียกเละเป็นโคลนตม หรือความจริงจ้อยเป็นบ้าไปเสียเลยจริงๆ ยังดีกว่าต้องมารับรู้ความจริงน่าอดสูแบบนี้

จ้อยไม่อยากเป็นลูกกำนัน จ้อยอยากเป็นหลานยายเหมือนเดิม พายเรือข้ามคลองไปมาระหว่างโรงสีและกระท่อมยายเหมือนเดิม จ้อยไม่อยากเป็นลูกกำนัน จ้อยอยากเป็นหลานยายเหมือนเดิม จ้อยไม่อยากเป็นลูกกำนัน.. จ้อยไม่อยากเป็นน้องชายพ่อเดียวกันกับพี่สิงห์!

ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาเค้นคอจ้อยแทบแตกป่น ราวกับมีฝูงปีศาจตะเกียกตะกายดึงแขนขา ฉุดกระชากจ้อยลงขุมอเวจี จ้อยต้องรีบสลัดพวกมันออกตอนนี้ ตอนนี้ยังมีโอกาส หากยอมให้มันลากลงไปแล้ว จ้อยจะติดอยู่ในนั้นตลอดไป กอดกรงหนามความผิดบาปไว้แนบอกจนวันตาย จ้อยวิ่งเตลิด จ้อยจะไปไหน หนีไปไหนพวกมันก็ตามรังควาญ หลอกหลอน

นักเรียนครูสะดุดล้มพลั่กกลางดินเลนเปียกแฉะ สองแขนโอบกอดร่างเปียกปอนเปรอะเปื้อนไว้กลางสายฝนเหน็บหนาว ฟ้าคำรามครืนๆ ราวจะเย้ยชะตาชีวิต ไม่ไยดีคนคนหนึ่งที่กำลังร่ำไห้ปานจะขาดใจ

‘ถ้าได้อยู่กับจ้อยตลอดไป ให้เป็นวัวเป็นควายพี่ก็ยอม’

***********************************


เสียงทุบประตูดังระรัวชำแรกเสียงฝนปลุกนายสิงห์ สีตลาให้ตื่นขึ้นกลางดึก ร่างสูงใหญ่ผลุนผลันลงจากเตียงนอนหลังออฟฟิศ เร่งร้อนไปเปิดประตูทั้งกางเกงขาก๊วยตัวเดียว เสื้อแสงยังไม่ทันใส่ด้วยซ้ำ

ดึกแบบนี้ ต้องมีใครมีธุระร้อนแน่ๆ โจรที่ไหนแอบมาลักควายลูกบ้านพ่อหรือเปล่าก็ไม่รู้ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นกูจะไล่ยิงให้ดับด้วยลูกซอง!

หากพอประตูเปิดผางเท่านั้น

“จ้อย!” ร่างบอบบางที่ยืนตัวสั่นสะท้านอยู่ตรงหน้ากลับทำให้ตะลึงไม่ใช่น้อย “มาได้ยังไง!”

สารรูปจ้อยดูแทบไม่ได้ เปียกโชกไปหมดทั้งตัวเหมือนไปมุดน้ำมา ลงอีแบบนี้คือฝ่าฝนมาแบบไม่ต้องสงสัย ขี้ดินขี้เลนเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าเต็มไปหมด พี่รับร่างซวนเซเจียนล้มไว้เต็มสองแขน ประคองเข้ามาข้างใน กุลีกุจอหาผ้าขนหนูมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ 

พี่ถามอะไรไม่รู้มากมายเต็มไปหมด ไม่ได้เข้าหัวจ้อยสักคำ จ้อยมองแต่หน้าพี่.. กลางแสงตะเกียงสลัว อะไรๆ ก็พร่าเลือน แต่สายตาพี่ยามมองจ้อยช่างแจ่มชัดนัก

“พี่สิงห์..” เสียงแผ่วหวิวหล่นจากปากสั่นระริก นัยน์ตาเป็นประกายสีดำราวถ่านเปียกน้ำจ้องพี่ที่ดวงตา “ไม่ว่าจ้อยจะเป็นยังไง พี่ก็รักจ้อยใช่ไหม”

พี่พยักหน้ารัว และพอพี่จะถามอะไรอีก จ้อยก็ปิดปากช่างซักนั้นไว้ด้วยริมฝีปากเย็นชืดของจ้อย

จ้อยยอมให้ผีห่าซาตานลากคอมาที่นี่ ขอแค่ได้อยู่กับพี่ จะพาจ้อยไปนรกขุมไหนก็ยอม อยู่ในอ้อมกอดพี่ จ้อยไม่นึกถึงอะไรทั้งสิ้น ไม่มีหน้ายาย ไม่มีหน้ากำนันเสริม ไม่มีหน้าใคร จะอาชีพครูผู้ทรงเกียรติจ้อยก็ไม่ได้นึกถึง มีแต่จ้อยกับพี่ มีแต่พี่กับจ้อยเท่านั้น

พี่ผละออกเมื่อจ้อยหอบหนักปานจะขาดใจ เมื่อนั้นจ้อยจึงได้เห็นนัยน์ตาที่บรรจุบางสิ่งบางอย่างเปี่ยมล้น ยามพี่เอ่ยชื่อจ้อยมันช่างอ่อนโยนเหมือนโศลกแห่งรักอันเพราะพริ้ง จ้อยจะทนได้หรือหากต้องจากอ้อมกอดนี้ไป ความร้อนแผ่ไล่จากแก้มไปหาใบหู ฉีดซ่านทั่วอณูเนื้อ

เหลือเพียงเนื้อเปล่าๆ กดถูเสียดสีกันตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้ มีความรัก มีความห่วงหา มีความปรารถนาเจียนคลั่งหลอมรวมอยู่ในความร้อนผ่าวที่เคลื่อนไหวในเรือนกาย ตัวโตยังกะยักษ์มาร มือตีนใหญ่แผงอกเป็นพะเนิน เนื้อกล้ามมองดูเหมือนจะหักคอวัวตาย ยามแขนกำยำกระหวัดรั้งรัด จ้อยแทบน่วมไปทั้งตัว แต่ทั้งหมดนี้จ้อยรักจ้อยบูชาของจ้อยนัก  เหมือนร่ำร้องให้พี่กอดจ้อยแรงกว่าทุกที เรือใหญ่โลดแล่นไปบนยอดคลื่น บางคราวหัวเรือจุ่มลงไปแตะคลื่นเพียงนิดเดียว บางคราวพุ่งดิ่งกระแทกกระทั้นลงไปเกือบหมดลำ คลื่นลูกใหญ่กระแทกโครมคราม ทะเลไกวส่ายหมุนและเรือชุ่มโชกด้วยหยาดน้ำเป็นมันเลื่อมพราย

หากนรกจะหวานขนาดนี้ จ้อยยินดีอยู่ในนั้นนิจนิรันดร์

***********************************

รุ่งอรุณเลือนรางสว่างแล้ว

สองพี่น้องยังคงกอดก่ายกันบนที่นอนยับย่น ผ้าผ่อนหลุดลุ่ยไม่ติดตัว พี่เป็นฝ่ายสะดุ้งตื่นก่อนยามเสียงเคาะประตูดังระรัว คราวนี้มีเสียงคนร้องเรียกโหวกเหวกด้วย

“สิงห์! สิงห์เอ๊ย!” เสียงน้าเวกฟังดูเร่งร้อน สลับกับเสียงทุบประตูกึงๆ “สิงห์ตื่นเร็ว!”

พี่ปลุกน้องตื่นด้วยจูบแผ่วเบาตรงหน้าผาก จ้อยรู้สึกตัวรีบลุกขึ้นจัดแจงสวมเสื้อผ้า น้าเวกรู้ว่าพวกเขารักใคร่กันฉันพี่น้องก็จริง แต่พี่น้อง..ให้สนิทกันแค่ไหนคงไม่แก้ผ้านอนกอดกันหรอก

เมื่อพี่สิงห์เปิดประตูออฟฟิศ น้าเวกพรวดพราดเข้ามา “โอยครู!” แกร้องเมื่อเห็นจ้อย “เขาตามหากันให้ควั่ก นึกแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่” 

“ตามหาจ้อยแต่เช้า มีเรื่องอะไรหรือน้า” พี่สิงห์เป็นฝ่ายถาม ชายกลางคนเปลี่ยนท่าทีจากเร่งร้อนเป็นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ครู.. ทำใจดีๆ ไว้นะ” น้าเวกละล่ำละลัก “ยายช้อย..”

ใจจ้อยหล่นวูบเมื่อได้ยินชื่อยาย..

“ยายช้อยตายแล้ว”


โปรดติดตามตอนต่อไป

__________________________________________________________________
*ไม่มีวัน, ป.ชื่นประโยชน์ คำร้อง, สวลี ผกาพันธุ์ ขับร้อง


ครบรอบหนึ่งปีพอดี๊ แฮ่!  :mew1:
(ยังอีก..ยังหน้าระรื่นไม่รู้สึกรู้สา)
ตอนหน้าจบละน๊า แต่ยังเหลือบทส่งท้ายสั้นๆ และตอนพิเศษไซด์สตอรี่อีกสองสามตอนจ้า
บวกลบไม่เกินนี้ สุดแท้แต่จะนึกออกน๊า
เจอกันตอนหน้าคับพ้ม

ดอกไม้

๑๖ ส.ค. ๖๑
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 16-08-2018 06:07:11
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ
ยังไงก็จะจบแล้ว อย่าให้คนอ่านรอนานนะคะ เป็นกำลังใจให้ จะกลับไปอ่านตอนหนึ่งใหม่รอตอนจบนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 16-08-2018 06:43:58
ฮืออออออออออออออิ
คุณดอกไม้กลับมาพร้อมมรสุมลูกใหญ่มาก
กว่าจ้อยกับพี่สิงห์จะรักกันก้ยากแล้ว ยังมีอุปสรรคอีก
แล้วหนูเล็กที่ต้องจากอ.คนึงไปไดลแสนไกล

ตอนหน้าจะจบแล้วจริงๆเหรอคะ
ถ้าอย่างนั้นขอตอนพิเศษหวานๆ
สักตอนสองตอนให้กระชุ่มกระชวย
แทนหัวใจที่บอบช้ำจะได้ไหมหนอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-08-2018 07:14:32
โอ๊ยยย ทรมาน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 16-08-2018 07:59:21
ไม่ว่าจะอัพตอนไหน สำนวนพี่ดอกไม้ก้สวยมากกกกกก ภาษาสวยจนอยากร้องไห้

ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายเรื่องนี้ ถ้าพี่รวมเล่มหนูเก็บแน่ๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-08-2018 08:13:58
สำนวนภาษาสวยงามเช่นเคย แต่ตัวละครก็น่าสงสาร น่าเวทนาเหมือนเดิม
เมื่อไหร่จะหมดทุกข์กันเสียที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 16-08-2018 08:35:04

ขอบคุณคุณดอกไม้มากๆเลยค่ะที่มาต่อ
ฮือออออ คิดถึงมากๆเลยค่ะ ตอนก่อนหน้าว่าพีคแล้ว
ตอนนี้พีคกว่า สงสารจ้อย สงสารทุกคน
สงสารยายช้อย ฮือ สารภาพว่าตามมาตั้งแต่ตอนแรกๆ
ทุกวันนี้ก็ยังตามอยู่ มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านงานคุณดอกไม้
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้เสมอ
ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
งานเหนื่อยก็พัก ขอบคุณมากๆค่ะที่คิดถึงกัน <3
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 16-08-2018 12:10:35
ครูคนึงผิดวินัย มาตั้งแต่ จินดา แล้วนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: narongyut ที่ 16-08-2018 14:43:16
สู้ๆนะะครับ​ ทุกคน​
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 16-08-2018 15:40:10
Bless my soul! คุณดอกไม้มาแล้ว พร้อมกับระเบิดลูกใหญ่ (แค่จะดูว่าตอนท้ายๆ เป็นอย่างไร แต่ดันไปเห็นประโยคนั้นเสียก่อน ฮือ...งั้นขอกลับไปอ่านตอนแรกๆ ก่อนนะคะ ทำใจบ่ได้

ป.ล. ขอบคุณมากๆ ค่ะ รักเรื่องนี้จริงๆ อยากจับเล่ม อยากเก็บไว้อ่านนานๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 16-08-2018 18:43:16
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: mookim ที่ 17-08-2018 08:48:10
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ครั้งแรกค่ะ ยาวๆ
ส่วนตัวเป็นคนเม้นไม่ค่อยเก่ง
แต่อยากบอกว่า เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องนึงที่ชอบมาก ไม่สิ ต้องบอกว่า รักเลย... ทั้งการใช้ภาษา  การบรรยาย สื่ออารมณ์ตัวละคร ฯ
บอกเลยว่า สุดจริงๆ บทจะยิ้มก็ยิ้มแก้มแตก เศร้าก็เศร้าใจหาย บางตอนถึงกับน้ำตามซึม


รอลุ้นกับบทสรุปของเรื่องกันต่อไป ...

สุดท้ายนี้อยากบอกว่า

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้ได้อ่านนะคะ รัก.

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: nemonoy ที่ 17-08-2018 10:28:04
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ กลับมาก็ปวดใจเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 17-08-2018 19:11:33
คุณดอกไม้กลับมาแล้วกลับมาพร้อมความพรีคของจ้อยและสิงห์ไหนจะยายช้อยตายอีกสงสารจ้อยเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 17-08-2018 23:23:32
นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม :z3:

คุณดอกไม้มาต่อนิยายแล้ว

ฮืออออออออผ่านไปต้อง 1 ปีแหนะกว่าจะมา :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 18-08-2018 09:02:35
 :pig4: :pig4: :pig4: ที่มาต่อจ้า   :mew4: :mew4: สงสารจ้อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 27-08-2018 02:12:14
โอ้โห ใจเราาาา แงงง ก็ว่าอยู่ว่าพี่สิงห์กับจ้อยนี่ดีจังน้าา  อุปสรรคหมดแล้วบวกกับเห็นคุณคนเขียนบอกว่าจะจบแล้ว เราก็คิดว่ายังไงก็คงไม่มีระเบิดลูกไหนถูกซ่อนไว้อีกแล้วล่ะ แต่กลับกลายเป็นตอนที่ไม่อ่อนโยนต่อใจเลยค่ะ อีกคู่นึงพอมีหวังแล้ว หลังจากอ่านใบทำนาย แต่อีกคู่นึงเหมือนฟ้าผ่าลงดื้อๆ เกียมผ้าซับน้ำตาสำหรับตอนหน้าพร้อมแล้วค่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 29-08-2018 17:00:00
มรสุมช่างหนักหน่วงเหมือนช่วงนี้เลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 10-09-2018 12:14:27
มาม่าชามใหญ่มากกกกกกกกก  จ้อยกับเลอมาน จะผ่านเรื่องนี้ไปได้ยังไง
ยังมีคนึง ที่เศร้าสุดอีกคนหนึ่ง ส่วนพี่สิงห์ถ้ารู้ความจริงจะเป็นยังไงนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 23-09-2018 16:27:20
ดราม่ายังคงไม่จบไม่สิ้น เสมอต้นเสมอปลายจริงๆค่ะสำหรับดราม่าเรื่องนี้ เรายังคิดไม่ออกเลยว่าเรื่องราวจะลงเอยยังไง รอไรท์กลับมาต่อนะคะ เพราะอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวของอาจารย์คณึงกับหนูเล็กจะจบลงแบบไหน แต่สำหรับพี่สิงห์กับน้องจ้อยหวานมดขึ้นบ้านมาก แล้วอยู่ๆก็มีดราม่าพี่น้องเข้ามาอีก ไหนจะเรื่องยายช้อย พ่อกำนัน แม่กำไล คุณนายทรัพย์อีก กำลังจะเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว แอบหวังว่าจ้อยจะไม่ใช่ลูกของกำนันเสริมจริงๆด้วยเถอะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: 30267 ที่ 19-10-2018 22:36:06
 :sad4: สงสารครูกับหนูเล็กมาก ๆ เลย เจ็บปวดเสมอ ๆ อยากให้แฮปปี้ / น้ำตานอง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 05-11-2018 02:00:21
สงสารยาย จ้อยคงรู้สึกผิด ครูน่าสงสาร สงสารทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 08-01-2019 22:27:43
โอ๊ยยยยย ทำไมน่าสงสารทุกคนแบบนี้ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 11-01-2019 16:20:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงพิษ ธิดาซาตาน ที่ 27-01-2019 11:34:44
รอคุณดอกไม้มาต่อให้จบนานเหลือเกิน ขอบคุณคุณดอกไม้มากนะคะ ที่เขียนเรื่องราวที่สนุกวิจิตรงดงามได้ขนาดนี้ ส่วนตัวแอบชอบคู่ จินดา กับ ไอ่ลอยมาก รู้สึกมีเคมีแปลกๆ อยากอ่าน-ดอกฟ้าในมือโจร-แล้วเจ้าค่ะ ใจจะขาด เป็นกำลังใจให้เขียนต่อไปจนจบนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 29-01-2019 13:23:17
จะมีใรสมหวังบ้างไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Gimlongdeep ที่ 03-02-2019 14:07:27
ดีใจมากกกกกกกกที่คุณดอกไม้มาต่อให้ รอคอยเรื่องนี้จริงๆแบบดีใจมากๆประทัับใจจริงๆยังคงชอบสำนวนการเขียนมากค่ะ รอลุ้นจริงๆทั้งที่มาขนาดนี้ จะร้องกับความรักของพวกเขามากกก :ling1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๖ : ไม่มีวัน (ครึ่งหลังจ้า^^) [๑๖ ส.ค. ๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 16-02-2019 10:23:42
รออยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 12-03-2019 00:08:35
บทที่ ๓๗

คอย

(ครึ่งแรกจ้ะ :L2:)

แต่นี้คงคอยนานแสนจะนาน
เหตุเพราะมารมาขวางกางกั้น จากกันเป็นรอยอาลัย
แต่นี้คงเพียงแต่หวังรอคอย แต่นี้เป็นรอยติดตรึงหัวใจ
เหมือนตกอยู่ในอเวจี

โอ้ดวงใจเอ๋ย เคยชื่นฉ่ำ ลิขิตขีดนำเพียงนี้
ซากรักเตือนใจตราบจนชีวัน ไม่ขอลืมกันจวบจนชีวี
ฝากเพียงคำนี้ไปตามสายลม*


พิธีสวดพระอภิธรรมศพที่ตั้งอยู่บนศาลาดูยิ่งใหญ่อลังการประหนึ่งผู้ที่นอนอยู่ในหีบทองในสีขาวแกะลายพิกุลและเทพพนมฐานสามชั้นนั้นคือผู้สูงศักดิ์ เปี่ยมฐานะและลาภยศ ดอกไม้หน้าศพจัดทำพิเศษเป็นสวนน้ำตก ดอกไม้นานา ซ่อนกลิ่น กุหลาบ เบญจมาศ หน้าวัว กล้วยไม้ ตกแต่งประดับประดาสวยสด

“งานศพยายช้อยอลังการปานนี้เทียว” ผู้เฒ่าหนึ่งลากสังขารกระย่องกระแย่งขึ้นมาเห็นความตระการตาแล้วอดตั้งคำถามไม่ได้

“ไม่อลังการได้รึ” อีกผู้เฒ่าตอบพลางปาดน้ำหมาก “แม่ยายกำนันทั้งคนก็ต้องสมเกียรติกันหน่อย”
ใช้คำว่า ‘สมเกียรติ’ ไม่ได้ เพราะยายไม่ได้มีเกียรติอันใดให้ยกย่อง แค่หญิงชราชาวนายากไร้ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่ลูกหลานพระยานาหมื่นจากไหน

จ้อยในเครื่องแบบนักเรียนครูนั่งพับเพียบสงบนิ่งอยู่หน้าโลง สายตาทอดมองเพียงเปลวไฟตะเกียงระริกเร่าตรงหน้า เมื่อมีแขกมาก็ยกมือไหว้ จุดธูปส่งให้เหมือนหุ่นยนต์ ไม่พูดอะไรสักคำ

“เฮ้อ.. กว่ากำนันจะรู้ยายช้อยก็ลาโลกไปแล้ว”
“ยังดีกว่าไม่รู้เลย อย่างน้อยครูจะได้มีคนดูแล”
“ยายแกไปสบายแล้ว หักห้ามใจนะลูก”
“ปล่อยแม่ยายกะลูกลำบากมาเกือบยี่สิบปี กำนันเองก็คงเสียใจ”
“ก็เขาไม่รู้ แม่ทรัพย์น่ะซี้ สั่งให้ปิดไว้ทำไมกัน”
“จะอะไรเสียอีก หวงสมบัติไว้ให้ลูกตัวนั่นแหละ”

นานาสรรพเสียง บางคำพูดกับจ้อย บางคำหันไปพูดกันเอง ทุกคำผ่านไปเหมือนลมพัดผ่าน

จ้อยจำไม่ได้ว่าจ้อยพูดครั้งสุดท้ายเมื่อไร เมื่อวันที่น้าเวกไปตามจ้อยที่โรงสีพี่สิงห์นั่นละมั้ง จ้อยกับพี่ตามน้าเวกไปที่อนามัย ที่นั่น..จ้อยพบกำนันเสริม ป้าทรัพย์ รออยู่ก่อนแล้ว

และร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงนั่น ต่อให้มีผ้าขาวคลุมหัวจรดเท้า จ้อยก็ไม่มีวันลืม

ยายจ๋า...

หมออนามัยบอกว่ายายถูกงูกัด กว่าจะมีคนไปเจอกลางคันนาก็พบว่าเป็นศพไปแล้ว กำนันบอกว่าในมือยายกำบางสิ่งไว้แน่น แงะออกดูพบว่าเป็นแหวนทองสลักนามสกุลสีตลาที่แกเคยมอบให้แม่ของจ้อยเอาไว้ ป้าทรัพย์ร้องห่มร้องไห้ พร่ำขอโทษที่บังคับยายให้ปิดบังมาตลอดหลายปี ขอโทษที่เห็นแก่ตัว ขอโทษที่อิจฉา ขอโทษที่กลัวลูกแม่กำไลจะเป็นที่รักของกำนันเสริมมากกว่าลูกชายแก ป้าทรัพย์เข้ามากอดจ้อย พร่ำขอโทษทั้งน้ำตา ชาวบ้านแถวนั้นตบเข่าฉาด มีเสียงพึมพำว่านี่ละหนาซื้อหวยไม่ถูก ถึงว่าทำไมเมียกำนันถึงรังเกียจรังแกจ้อยเสียขนาดนั้น

พี่สิงห์เองก็นิ่งตะลึงไป แต่จ้อยไม่สนใจสิ่งใดเลย จ้อยโผเข้ากอดร่างเย็นเยียบของยาย เขย่าร่างไร้วิญญาณ ร่ำไห้ปานจะขาดใจ และเมื่อกำนันมากอดจ้อย เรียกจ้อยว่าลูก จ้อยอยากล้มลงสิ้นสติตรงนั้นแล้วตื่นขึ้นใหม่ในโลกที่ไม่มีใครทั้งนั้นนอกจากยายกับจ้อย

คำพูดสุดท้ายที่จ้อยพูดกับยาย.. จ้อยบอกยายว่าอะไร..

จ้อยบอกยายว่าอะไร..

“หนูเกลียดยาย!”

ไม่จริง..ไม่จริง.. หนูโกหก หนูไม่เคยเกลียดยาย หนูรักยาย หนูรักยายที่สุด พี่สิงห์เข้ามากอดจ้อย เช็ดน้ำตาให้จ้อยบอกจ้อยอย่าให้น้ำตาตกต้องร่างยาย ยายจะเป็นห่วง ยายจะไม่สงบ บอกจ้อยอย่างนั้นทั้งที่พี่เองก็น้ำตาไหล
แต่ต่อให้พร่ำเรียก พร่ำขอโทษ พร่ำบอกว่ารักยายอย่างไร ยายก็ไม่มีวันตื่นขึ้นมารับฟัง มือคู่นั้นไม่มีวันลูบหัวและยกโทษให้จ้อยอีกแล้ว 

หลังจากการตายของยาย เรื่องฉาวโฉ่ของกำนันเสริมและแม่กำไลของจ้อยมีอันถูกลากไส้ออกมาให้ชาวบ้านรู้กันจนหมดทั้งบาง เนื้อความก็คล้ายๆ ละครน้ำเน่าที่พวกผู้ใหญ่ชอบฟังกันทางวิทยุ เรื่องมีอยู่ว่าตอนพี่จินดายังเล็กแม่กำไลถูกเสือฝ้ายบ้านใต้มาดักฉุดไปกลางงานบุญประจำปี กำนันเสริมตามไปช่วยไว้ ยิงเสือฝ้ายตายโหงเป็นผีเฝ้าทุ่ง เข้าตำราวีรบุรุษกับสาวงาม กำนันหนุ่มกับแม่ค้าสาวรอนแรมมาด้วยกัน เห็นอกเห็นใจกัน ก็เกิดผูกสมัครรักใคร่เกิดสายสัมพันธ์กันขึ้น บางคนก็ว่าเขาหมายตากันมานานแต่ติดตรงกำนันมีเมียอยู่แล้วเลยทำอะไรไม่ได้

หลังจากนั้น ๙ เดือนแม่กำไลก็ให้กำเนิดจ้อย กำนันเสริมนึกเอะใจแต่เห็นแม่กำไลเงียบเฉยก็ปล่อยเลยตามเลย คนบางนี้ตราหน้าแม่ว่าสำส่อนอยู่แล้ว ดังนั้นใครจะเป็นพ่อของจ้อย จะรู้ไปใยมี และพอจ้อยตั้งไข่ได้ไม่ทันไร แม่ก็หนีหายไปกับพ่อค้าแตงโมจากบางปะหัน เป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่ส่งข่าวคราว ทิ้งพี่จินดากับจ้อยไว้ให้ยายเลี้ยงตามลำพัง

ราวกับจะชดเชยความผิดบาปในใจ ทั้งกำนันและเมียบอกจ้อยว่าจะเป็นเจ้าภาพจัดงานศพยายอย่างดี ซึ่งก็.. ดีเกินกว่าที่จ้อยคิดด้วยซ้ำ

ไหนจะเตรียมสถานที่ตั้งโรงเลี้ยง โรงครัว เมื่อเริ่มงานก็มีการตกแต่งโลงอย่างวิจิตร ตอนกลางคืนมีสวดพระอภิธรรม กลางวันทำบุญถวายสังฆทาน เตรียมอาหารไว้จัดเลี้ยงผู้มาฟังสวดและนั่งเพื่อนศพ มีมหรสพตลอด ๓ คืน คณะหนังสดที่กำนันหามา เดินทางมาด้วยเรือเอี้ยมจุ๊น ล่องลงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาเลยทีเดียว ตัวแสดงมากมายทั้งพลยักษ์พลลิง บนศาลาหน้าวัดก็มีมโหรีปี่พาทย์ ร้องส่งกัน ประโคมกันทุกคืนดังกระหึ่ม ชาวบ้านแห่มาดูกันเนืองแน่น ราวกับงานศพของยายเป็นงานประจำปี การเลี้ยงอาหารตอนกลางคืนมีถั่วลิสงคั่วกับน้ำชา มีขนมแห้ง ขนมสด ข้าวต้ม เกี้ยมอี๋ กระเพาะปลา มีการล้มหมู ล้มวัว รองรับแขกที่จะมาเป็นจำนวนมากตามบารมีกำนันเสริม และคุณนายพูนทรัพย์ สีตลา

ทั้งคู่ยืนทักทายผู้มาร่วมงานอยู่หน้าศาลาการเปรียญ ในชุดสีดำสุภาพตัดจากผ้าไหมชั้นดี ในขณะที่ร่างที่นอนในโลงอยู่ในเสื้อผ้าฝ้ายสีหม่นและผ้าถุงผืนเก่า ชุดเก่งของยายที่นานทีปีหนจะเอาออกจากหีบมาใส่ทีเฉพาะเวลามีงานบุญที่วัด แขกเหรื่อที่น่าจะมีเพียงชาวบ้านที่นับถือยายช้อย,เพื่อนนักเรียนและอาจารย์ของจ้อยไม่กี่คน กลับกลายเป็นงานใหญ่ที่แม้แต่นายอำเภอและผู้ว่าฯยังต้องให้เกียรติมา

หากไม่ได้ภาพถ่ายของยายที่อาจารย์คนึงเอามาให้ บอกว่ากล้องของคุณชายเลอมานถ่ายภาพยายเอาไว้โขอยู่ ยายคงไม่มีรูปตั้งหน้าศพ และจ้อยคงสับสนว่าจ้อยนั่งอยู่ในงานศพใครกันแน่ กลางดึกคืนแรกจ้อยปูเสื่อนอนเฝ้ายาย ลมพัดแรงอื้ออึง บานเฟี้ยมหน้าต่างกระแทกกึงกัง จ้อยสะดุ้งตื่น แวบแรกนึกห่วงยาย ฝนมาฟ้าร้องยายจะอยู่คนเดียวอย่างไร จ้อยจะลงจากศาลาหากพี่สิงห์ที่นอนอยู่เคียงกันคว้ามือไว้ ถามจ้อยจะไปไหน จ้อยบอกจ้อยจะไปหายาย พี่ดึงจ้อยเข้าไปกอดแนบอก กระซิบเสียงเครือว่ายายนอนอยู่ที่นี่.. ตรงหน้าเรานี่..

อ้อ.. จ้อยจึงเพิ่งนึกได้.. ยายตายแล้ว.. ยายไม่อยู่กับจ้อยแล้ว..

มีเสียงโฆษกประกาศต้อนรับเชื้อเชิญแขกเข้าสู่โรงเลี้ยงเพื่อรับประทานอาหาร เหมือนงานศพผู้รากมากดีสักคน เหมือนไม่ใช่งานศพหญิงชาวนายากไร้ เหมือนร่างที่นอนอยู่ในหีบทองในแกะลายเทพพนมนั้นไม่ใช่ยายช้อยของจ้อย ไม่ใช่ยายที่ลุกมาจุดตะเกียงน้ำมันแต่เช้ามืด เดินเบากริบบนไม้ฟากออดแอด หุงข้าวส่งกลิ่นหอมอวลปลุกจ้อยให้ตื่น ลุกขึ้นช่วยยายห่อข้าวต้มผัด ห่อขนมกล้วย ปั้นขนมต้ม กลัดขนมใส่ไส้ เสร็จแล้วลำเลียงทุกอย่างลงเรือ สองคนยายหลานพายเรือกันไปตลาดตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เรือน้อยล่องไปตามคลอง สงบ ใสเย็น แสงเงินแสงทองฉาบทาขอบฟ้าทิศตะวันออกทีละนิด

กำนันเสริมไม่อายใครที่จะแนะนำกับทุกคนว่าจ้อยคือลูกชายคนเล็ก ทั้งสองให้คำมั่นว่าชีวิตจ้อยจากนี้จะไม่ลำบากอีก ทั้งสองจะรับจ้อยเป็นลูก จะให้จ้อยย้ายไปอยู่ร่วมชายคา ไม่ใช่ในฐานะเด็กรับใช้ขัดดอกเหมือนเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ในฐานะลูกชายคนเล็กของบ้าน จะดูแลส่งเสียจ้อยเป็นอย่างดี

หากสำหรับจ้อย ไม่มียาย..ก็ไม่มีอะไรดีทั้งนั้น..

*********************

หม่อมราชวงศ์เลอมานรับรู้ข่าวร้ายด้วยความตกตะลึง แก้วน้ำที่ถืออยู่แทบพลัดหลุดมือไป

เป็นไปได้อย่างไรกัน? เลอมานประท้วงอึงอลอยู่ในอกหมองไหม้ ครั้งล่าสุดที่พบกัน ยายยังแข็งแรงดีอยู่เลย
อาจารย์ปรีชาผู้แจ้งข่าวบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันและไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และบอกว่าชีวิตก็เป็นเช่นนี้ เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ ไม่มีใครหรือสิ่งใดคงอยู่กับเราตลอดไป เมื่อวานยังพูดคุยกันอยู่ วันรุ่งขึ้นกลับไม่ได้เห็นหน้ากันอีกตลอดกาล

แม้ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันในกระท่อมน้อยนั้นช่างมีความหมาย เป็นช่วงเวลาที่เลอมานจะจดจำไว้เป็นคืนวันอันแสนสุขตราบชั่วชีวิต ยายช้อยใจดี มีเมตตา เล็กไม่มีวันลืมมืออบอุ่นที่เคยลูบหัว เคยแกะปลาให้กิน เคยไล้รอยคิ้วขมวดมุ่นให้คลาย มือที่เคยประคับประคองเล็กไว้ในวันที่ไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นยืน

ยายจากไปกะทันหัน เล็กยังเสียใจขนาดนี้ แล้วหลานแท้ๆ ที่อยู่กับยายมาตลอดอย่างจ้อยเล่าจะขนาดไหน

กำหนดการพิธีนั้นช่างบีบคั้นหัวใจ เล็กได้รับรู้จากอาจารย์ปรีชาในวันนั้นเองว่าหลังจากวันเผาศพยาย เช้าวันรุ่งขึ้นเล็กต้องเดินทางกลับอังกฤษ เป็นวันที่หม่อมย่าและท่านพ่อกำหนดไว้แล้วอย่างไม่อาจเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงได้เลย

ศพยายช้อยตั้งสวด ๓ คืน คืนนี้ก็คืนที่สองแล้ว หมายความว่าเล็กมีเวลาอีก ๒ วัน วันสวดคืนสุดท้าย และวันเผาเท่านั้นที่จะไปกราบลายาย กราบลาผู้มีพระคุณของเล็กเป็นครั้งสุดท้าย

“ย่าไม่อนุญาต!” หม่อมย่ายังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพัศดี โดยมีเล็กเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ เล็กคิดไว้แล้วว่าต้องถูกปฏิเสธ แต่ที่คาดไม่ถึงว่าจะหล่นจากปากท่านคือประโยคถัดไป “กะอีแค่งานศพยายแก่ชาวนาจนๆ จะไปทำไม!”
เล็กมองหม่อมย่าอย่างตะลึงไป ยายจ๋า.. ย่าแท้ๆ ของเล็กเป็นสุภาพสตรีแบบที่คนในสังคมเรียกว่าหญิงสูงศักดิ์ เป็นภริยาอดีตแม่ทัพฟ้า เป็นลูกหลานเจ้าขุนมูลนาย มือไม่เคยด้านอย่างคนที่เคยทำงานหนักเหมือนยาย

เล็กไม่คิดเลยว่าย่าแท้ๆ ของเล็กจะใจดำเหมือนอีกา ‘ยายแก่ชาวนาจนๆ’ อย่างนั้นหรือ หากท่านทราบว่ายายแก่ชาวนาจนๆ อย่างยายเคยช่วยเล็กไว้มากแค่ไหน อยากรู้ว่าท่านจะปฏิเสธคำขอของเล็กได้ลงคอไหม ท่านไม่มีทางรู้หรอกว่าตลอดระยะเวลาเกือบปีที่เล็กอยู่ที่นี่ ทั้งยายและจ้อยมีความหมายต่อหัวใจของเล็กมากเพียงใด

นอกจากอยากไปกราบลายายเป็นครั้งสุดท้าย เล็กเป็นห่วงจ้อยเหลือเกิน เพื่อนรักของเล็ก.. ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

“ร่ำร้องอยากไปขนาดนี้ ไม่ใช่อยากไปเจอไอ้ครูนั่นในงานหรอกหรือ” หม่อมย่าเบ้หน้าเดียดฉัน อย่างนี้นี่เอง เหตุผลแท้จริงที่ท่านไม่อยากให้เล็กไปหายาย “ฝันไปเถอะตาเล็กว่าย่าจะปล่อยเราไป!”

เล็กนิ่งขึงไป ในใจเหมือนมีเมฆหมอกหนาเคลือบคลุมลงมาเรื่อยๆ ย่าแท้ๆ ของเล็กใจดำอย่างร้ายกาจ หากจะกักขังกันเช่นนี้ทำไมไม่หาโซ่มาล่ามไว้เลยเล่า

เหลือเวลาอีกเพียง ๒ วัน เล็กจะต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้!

****************************

ลมพัดมาจากทางใต้ คลองน้ำใสไหลรินเอื่อย ตะวันกำลังต่ำลงเรื่อยๆ อีกไม่นานก็จะเหลือแค่แสงขีดรอยบนแก้มฟ้า จ้อยมานั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำเช่นนี้นานเท่าไรแล้วมิอาจรู้ได้ เสียงวงปี่พาทย์บรรเลงเพลงธรณีกันแสงแว่วมา ผู้คนเริ่มทยอยกันมาฟังสวดอภิธรรมเป็นคืนที่สาม

แต่หัวใจนักเรียนหนุ่มกลับลอยละเมอไปไกลแสนไกล ใบหน้าของยายวูบผ่านเข้ามา ..ไปเถิดจ้อยเอ๋ย ไปอยู่ดูแลพี่เขา พ่อสิงห์ยายฝากน้องด้วย.. ใบหน้าพี่สิงห์วูบผ่านเข้ามา จ้อยนึกถึงร่างกายที่กอดรัดกับพี่ชายพ่อเดียวกัน ใจเอยด้านชาลงทุกที

จ้อยอยากกลับไปเป็นจ้อยคนเก่า เด็กกะโปโลเนื้อตัวมอมแมม วิ่งเล่นตามท้องไร่ท้องนา น้ำมูกป้ายแก้มเกรอะกรัง ทว่า.. ชีวิตครั้งนั้นมันก็ดีกว่าตอนนี้

แม้จะลำบากตรากตรำ อดมื้อกินมื้อ เจ็บที่สุดก็แค่ตอนวิ่งเล่นตกท้องร่อง เสื้อนักเรียนที่มีอยู่ตัวเดียวเปรอะเปื้อนจนยายวิ่งไปรูดก้านมะยมฟาดน่อง เคยเบื่อยาย เคยเบื่อพี่ แต่จ้อยก็ยังไม่เคยผ่านประสบการณ์หลายๆ อย่างที่ร้าวทารุณตกค้างในก้นบึ้งใจ

น้ำตายังคงหยาดตกอย่างเยียบเย็น เนืองนองในอกที่เต้นช้าลงทุกขณะ ความมืดดำหนาหนักทอดทาบลงบนหัวใจ จนกระทั่งมาสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกได้ถึงรอยไล้แผ่วเบาบนแก้ม

“พี่เรียกอยู่นานแล้ว” จ้อยหันไปก็เห็นพี่ พี่ที่เมื่อ ๓ คืนก่อนยังอยู่ในอ้อมแขนกัน แสงอัสดงฉาบใบหน้าหล่อเหลาเป็นสีทอง “ไม่หันมาสักที” สายตาพี่ยามมองจ้อยยังเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน หากจะมีเพิ่มบ้างคือพี่สงสารจ้อยมากกว่าเก่า สงสารที่จ้อยต้องมาเสียยายไปอย่างกะทันหัน แต่นอกนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย พี่ถนอมจ้อยยิ่งกว่าเก่าด้วยซ้ำ ราวกับพี่ไม่รู้สึกอะไรเลยที่แท้จริงเราเป็นพี่น้องกัน

แต่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว..

สิงห์แตะข้อมือน้อยเพื่อจูงน้องไปกินข้าว วันนี้พยายามเคี่ยวเข็นกันหลายหนแต่จ้อยก็แตะแค่แมวดม น้องกลับดึงมือออก แผ่วเบา.. ไม่ได้รุนแรงสักน้อย

แต่ไอ้สิงห์เห็นแววตานั้น เงียบงันเหมือนก้นน้ำบ่อลึกสุดหยั่ง กระทั่งไอ้สิงห์เองก็ยังเข้าไปไม่ถึง

เลอมานไม่มีทางรู้เลยว่าจ้อยทุกข์ระทมเพียงไหน แทบไม่มีใครได้ยินเสียงจ้อยเลยตั้งแต่ยายจากไป น้ำตาไม่ไหลสักหยด แต่ใครต่อใครดูก็รู้ว่ามันเนืองนองอยู่ภายใน ไอ้สิงห์ยังคงดูแลประคับประคองน้องตลอดเวลา ราวกับคำว่าพี่น้องพ่อเดียวกันไม่ได้มีผลอะไรทั้งสิ้น เพื่อนๆ ของจ้อย ทั้งสง่า สันติ ขลุกอยู่ที่วัด อาจารย์ปรีชา อาจารย์ประพนธ์ อาจารย์วิรัชก็มาหมด ยิ่งอาจารย์คนึงยิ่งอยู่ตลอด อยู่เหมือนเป็นญาติมากกว่าเป็นแขก และไม่เคยใส่เครื่องแบบข้าราชการเหมือนเพื่อนครูคนอื่นเลยทั้งเลี้ยงพระกลางวันและฟังสวดกลางคืน

คืนสุดท้ายแล้ว ผู้อำนวยการและคณะครูจากโรงเรียนฝึกหัดครูเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพ อดีตอาจารย์หนุ่มอยู่ในชุดสุภาพ เสื้อเชิ้ตขาวกางเกงสแล็คดำ เขาไม่มีโอกาสกลับไปสวมชุดสีกากีอีกแล้ว ครูคนึงถูกไล่ออก ชาวบ้านโจษจันกันทั่ว ชื่อของเขายังติดอยู่บนริมฝีปากที่ซุบซิบกัน แต่โชคดี หนนี้.. ไม่มีชื่อเลอมานอยู่ในคำติฉินนั้นแล้ว สายตาเดียดฉันท์ยังจ้องมองมา ชาวบ้านไม่อยากเสวนาด้วย แต่เขาต้องอดทน เขามาเพื่อยาย เพื่อจ้อย

และเพื่อความหวังว่าจะได้พบเลอมานเป็นครั้งสุดท้าย

อาจารย์ปรีชาบอกว่าหลังจากเสร็จพิธีฌาปนกิจยายช้อยในวันพรุ่งนี้ วันรุ่งขึ้นหลังจากนั้นหม่อมดาราจะพาคุณชายเล็กกลับอังกฤษแล้ว

หัวใจต้อยต่ำไหวสะท้าน แม้จะเจียมใจเจียมตนไว้แล้ว แต่เมื่อความเป็นจริงมาถึงมันช่างกะทันหันเกินตั้งรับ วันรุ่งขึ้นหลังจากเผายายช้อนงั้นหรือ เช่นนั้นก็หมายความว่าเขามีเวลาแค่วันพรุ่งนี้เพียงวันเดียวเท่านั้น

อย่างน้อย.. ขอให้พวกเขามีโอกาสได้กล่าวคำลากันสักครั้ง

****************************

ยังเช้าอยู่มาก ตะวันยังลอยดวงไม่พ้นขอบทุ่ง ทอแสงอ่อนโยนงดงามเมื่อมองผ่านม่านหมอกออกไป น้ำค้างยังเกาะพราวพรายอยู่ตามปลายหญ้าสนามหน้าโรงเรียนเหมือนไข่มุกสดใส ไก่สองสามตัวที่อาจารย์ปรีชาเลี้ยงไว้โผลงจากคอน เริ่มคุ้ยเขี่ยหากินอยู่บนพื้น นกเล็กๆ บินออกจากรังเพื่อหาอาหาร ละเมาะไม้ไกวโยกกิ่งก้านและดอกหญ้าโอนอ่อนกับกระแสลม ผีเสื้อหลากสีสันกระพือปีกบินว่อนอยู่เต็มท้องฟ้า

ทุกสิ่งสวยงามสมเป็นวันเดินทางไกลของหญิงชราผู้มีความหมายต่อหัวใจเลอมานเหลือเกิน

หม่อมราชวงศ์หนุ่มแต่งตัวแต่เช้าตรู่ เสื้อเชิ้ตขาวสะอาดกางเกงสีดำรีดเรียบกริบ ดวงตาสีน้ำตาลแน่วแน่ในกระจกมองกลับมา วันนี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะได้ไปกราบลายาย เป็นตายร้ายดีอย่างไรเขาจะต้องไปร่วมพิธีให้ได้

แน่นอนว่าไม่ง่าย แค่หม่อมย่าเข้ามาเห็นเขาแต่งตัวเรี่ยม ก็แทบแล่นมาฉีกอกเขาแล้ว

“พูดไม่รู้ฟังนะ!” ท่านชราแล้ว แต่เรี่ยวแรงยังเหลือเฟือ กระชากแขนเขาแทบหัก “ย่าบอกเรากี่ครั้งแล้ว บอกเรากี่ครั้งแล้วตาเล็ก!”

เสียงดังขนาดนี้ ใครกันจะกล้ายุ่ง บรรดาทหารรับใช้แค่เยี่ยมๆมองๆอยู่หน้าประตู มิมีใครกล้าเข้ามา ท้าวเธอยังโวยวายไม่หยุด แทบจะฟาดฝ่ามือลงสะโพกเขาอยู่แล้ว วุ่นวายจนเลอมานไม่ทันสังเกตว่าทหารที่เมื่อครู่ยังเฝ้าอยู่หน้าประตูพากันวิ่งกรูลงไปข้างล่างตั้งแต่เมื่อไร

จนกระทั่ง..

“ถ้าไปกับผมคงไม่เป็นไรมังครับหม่อมย่า”

เสียงทรงอำนาจดังขึ้นจากหน้าประตู หม่อมดาราชะงักมือที่เงื้อขึ้นเตรียมฟาดหลานรัก เลอมานหันไปตามต้นเสียง

“ท่านพ่อ!”


โปรดติดตามตอนต่อไป


แค่เนี้ยะ!  :a5:
แค่นี้ละจ้ะ มาก็น้อย แถมบทจะอัพก็อัพแบบไม่มีปี่มี่ขลุ่ย แฮร่
ครึ่งหลังจะมาต่อให้ยาววววๆ เลยค่ะ

รักคนอ่านนะ

ดอกไม้
๑๑ มี.ค. ๖๒
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: adnrak ที่ 12-03-2019 00:23:41
กรี๊ด  ไม่อยากเชื่อว่าจะได้อ่านต่อ

ขอบคุณมากที่กลับมา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 12-03-2019 00:54:56
คิดถึงมากๆเลยค่ะ TvT
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 12-03-2019 00:58:54
กลับมาแล้วววววววว คุณเล็กของบ่าว ถึงมาน้อยจนน่าใจหาแต่ดีใจที่มาค่ะ กลัวคุณคนเขียนจะทิ้งไปซะแล้ว ว่าแต่ท่านพ่อเป็นความหวังได้มั้ยคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 12-03-2019 01:29:22
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 12-03-2019 01:45:08
คิดถึงคุณเล็กที่สุดเลยค่ะ สงสารจ้อยทุกเรื่องประเดประดังมาหาจ้อยหมดเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-03-2019 06:52:25
ฮืออออ สงสารจ้อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-03-2019 07:14:44
จ้อยไม่ใช่ลูกกำนันแต่เป็นลูกเสือฝ้ายแม่กำไลกลับมายืนยันซิ กลับมา ๆๆ
ส่วนหม่อมย่านั้นไม่แช่งก็คงตายอยู่ดี แต่อย่าอยู่นานนัก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 12-03-2019 09:53:37
กรี๊ดกรี๊ดกรี๊ด มาต่อแล้ว :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 12-03-2019 15:01:49
จ้อยต้องสู้ๆนะ พี่สิงห์ช่วยน้องด้วย
รอตอนต่อไปนะคะะะะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 12-03-2019 21:39:46
จ้อยเอ๋ยลูกโอ๋ :sad4:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: narongyut ที่ 12-03-2019 22:12:09
คิดถึง​สุดหัวใจครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 12-03-2019 23:46:39
เศร้าค้างมาจากตอนที่แล้ว8เดือน
จะเศร้าอีกจะเป็นอารายยยยยย

ฮืออออออออ อาจารย์คนึง หนูเล็ก จ้อย พี่สิงห์
ทำไมชีวิตรันทดกันทุกคนเลย
เมื่อไหร่จะได้เจอความสุขกันสักที
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 13-03-2019 00:01:19
มาต่อแต่ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม
สงสารรรรรรรร แงงงงงง :hao5:

อยากจะให้เรื่องคลายลงไวๆสักที เง้อ :m15:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 13-03-2019 20:15:11
คิดถึงเรื่องนี้มากเลยยย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 13-03-2019 23:37:40
กลับมาต่อแล้วคิดถึงมากๆ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 14-03-2019 13:21:15
บีบหัวใจเหลือ นี่แอบเสียน้ำตาไปหลายซียเลยนะเนี่ย รักจริงๆเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 15-03-2019 12:41:52
ดีใจมากที่มาต่อค่ะเพราะช็อคค้างเรื่องจ้อยมาครึ่งปีแล้ว
สงสารมากจริงๆ เหมือนทุกอย่างถาโถมใส่จ้อย สู้นะลูก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 18-03-2019 04:34:52
ยังเศร้าต่อไป ยังคงมองไม่เห็นทางออก ชอกช้ำใจกันทุกคน ปลิ่มมากค่ะที่มาต่อ รอคัมแบ๊คตลอด อ่านมานี่ยังไม่(น่าจะ)เคยเม้นต์ อยากจะบอกเหลือเกินว่านิยายเรื่องนี้มันดีจริงๆ ควรค่าแก่การเก็บเป็นเล่มไว้มาก กว่าจะจบก็คงเก็บเงินไว้เปย์ได้แล้ว 55555 รอมาต่ออีกครึ่งหลังนะคะ ถ้าอัพบ่อยไม่ได้ นานๆอัพทีก็โอเค ไม่เท,พอค่ะ อิอิ ^^ ขอบคุณนะคะที่มาอัพ คิดถึงมาก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: R.michi ที่ 30-03-2019 08:10:21
ตอนเห็นว่าอัพเดท นึกว่าฝันไป
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 12-04-2019 15:05:27
อ่านถึงตอนสิงห์ป่วยตอนไปฉายหนัง มีคนเห็นใจสิงห์ อันนี้เราก็เข้าใจ แต่คนที่รำคาญจ้อยหรือไม่ชอบจ้อยเพราะไม่ยอมให้อภัยสักทีนี่เราว่า “การโดนข่มขืนมันเป็นเรื่องที่หนักหนามากนะ” ถ้าเกิดในชีวิตจริง ซึ่งนิยายก็สมมติให้ตัวละครเป็นชีวิตจริงในเรื่องเรื่องนั้น ถ้าสิงห์ไม่ใช่พระเอกทุกคนอาจจะมองเปลี่ยนไปก็ได้ เอ้า อินเกิน ขออภัยด้วย55555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 13-04-2019 01:24:38
ขอบคุณคนเขียนมาก เป็นเรื่องที่เล่าออกมาทางภาษาเขียนได้ดี เราชอบความสวยงามของกลอนที่ใส่มาในเรื่องมาก ทั้งต้นเรื่องและระหว่างการพูดคุยกันของตัวละคร เราจะรอตอนต่อไป อยากอ่านไปถึงคู่ของลอยเลย อยากรู้ว่าหนีไปไหน เหมือนตอนเด็กๆหน่อยจินดากับลอยก็มีใจให้กันรึเปล่าแล้วลอยทำอะไรจินดาถึงถอยห่างเพราะอันธพาลหรือเปล่าหรือไปมีใคร มีความสงสัยและอยากอ่านต่อมากเราเข้าใจจ้อยนะว่าความรู้สึกสูญเสียคนที่รักทั้งที่ไม่ได้พูดดีส่งท้ายมันทรมาน แต่เวลาจะช่วยทำให้ดีขึ้นเอง สุดท้ายนี้ คุณดอกไม้สู้ๆนะ มาต่อนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 08-05-2019 10:08:00
บีบหัวใจจริงๆ เสียน้ำตาไปเท่าไหร่แล้วสำหรับเรื่องนี้ ฮือๆ รอไรท์ มาต่อครึ่งหลังไวๆน้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Warapich ที่ 19-05-2019 00:00:51
อ่านครั้งแรกรู้สึกว่า เราเพิ่งมาค้นพบนิยายดีๆแบบนี้ได้ไงเนี่ยยยย สนุกมากกกก คุณดอกไม้ทำให้เรารู้สึกอินกับตัวละครแต่ละตัวมากๆ ไม่ใช่เฉพาะคู่พระนาย แต่ตัวละครอื่นๆที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้เราก็อิน ตัวละครทุกตัวมีปมของตัวเองอ่ะ ไม่ใช่อยู่ๆก็ร้ายใส่ ชอบค่ะ เราร้องไห้ตามหลายบทเลย แต่เวลาตัวละครมีความสุขเราก็อ่านไปยิ้มไป ภาษาสวยมากกกกก(กอไก่ล้านตัว)  อ่านแล้วชอบอ่ะเหมือนเห็นภาพบรรยากาศเก่าๆ กลอนทั้งหลายเพราะมาก มันทำให้เนื้อเรื่องมีเสน่ห์ ไม่ง่ายเลยที่จะเขียนแต่ละบทออกมาได้ดีแบบนี้แน่ๆ ติดตามนะคะ ยังคงรอคอย ให้กำลังใจเสมอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 20-06-2019 09:40:00
คิดถึงมาก มาตามอ่านอยู่ตลอด ให้กำลังใจนักเขียนนะครับ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 19-09-2019 14:45:32
มารอนักเขียน นะครับ อยากรู้บทสรุปของเรื่องนี้ #คิดถึงพี่สิงห์&จ้อย #คิดถึงอาจารย์คนึง&คุณชายเล็ก
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-09-2019 20:07:19
นิยายเรื่องนี้อายุเกือบแปดปีแล้ว แม่เจ้า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งแรกจ้า^^) [๑๑ มี.ค. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 23-09-2019 20:14:37
มาต่อเถอะค่ะ
ได้โปรด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกไม้ ที่ 24-09-2019 01:10:53
บทที่ ๓๗

คอย

(ครึ่งหลัง ๒๐% จ้า :L2:)


“ถ้าไปกับผมคงไม่เป็นไรมังครับหม่อมย่า”

เสียงทรงอำนาจดังขึ้นจากหน้าประตู หม่อมดาราชะงักมือที่เงื้อขึ้นเตรียมฟาดหลานรัก เลอมานหันไปตามต้นเสียง

“ท่านพ่อ!”

เมื่อสองเดือนก่อนการมาเยือนของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชยังความอื้ออึงไปทั่วท้องทุ่ง แต่หากหนนี้ ทรงเสด็จมาเป็นการส่วนพระองค์ เงียบเชียบไร้พิธีรีตองวุ่นวาย ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าแม้กระทั่งหม่อมดาราหรือตัวเลอมานเอง

ไม่รู้เพราะต้องการความเป็นส่วนพระองค์ หรือเพราะไม่อยากโหมไฟข่าวคาวของบุตรอันเป็นที่รักไปมากกว่านี้ มิมีผู้ใดหยั่งรู้ได้

“ผมมารับชายเล็ก” พระองค์ตรัสเรียบง่าย ถอดหมวกวินสันออกวางบนโต๊ะเล็กข้างเตียง “เตรียมตัวเรียบร้อยหรือยังล่ะเรา พรุ่งนี้ต้องเดินทางแล้วนะ”

“เตรียมตัวอะไรกัน!” หม่อมดาราพ่นลมออกจมูก ถือโอกาสฟ้อง “ร่ำๆ จะออกไปหาครูจัญไรนั่นท่าเดียว!” 

“เล็กแค่อยากไปงานศพยายของเพื่อน!”

“อาจารย์ปรีชาเล่าให้ฟังหมดแล้วล่ะ” ทรงเอนกายพิงพนักเก้าอี้ นวดหว่างขนงขมวดมุ่น “ก็ไปสิ เอ.. เขาเผากี่โมง” ประโยคหลังนี่ทรงหันไปถามอาจารย์ปรีชาที่ยืนเยื้องออกไป

“สี่โมงเย็นพะย่ะ..”

“ไม่ได้นะ!” เสียงแหวแทรกขึ้น “ถ้าไปเจอครูเลวนั่นจะทำอย่างไร ไหนจะขี้ปากชาวบ้านอีก”

พระพักตร์เปี่ยมล้นด้วยเมตตาทอดเนตรบุตรชายเพียงคนเดียว ดวงตาสีน้ำตาลรื้นน้ำมองสบมา เจ้าตัวดี.. ทำให้พ่อเครียดแสนเครียด แต่ก็แสนสงสารจับพระหทัย

“ผมอยู่ทั้งคน ใครกล้าก็ลอง” ท่านชายตรัสเด็ดเดี่ยวพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนหันหาผู้เป็นมารดา “ห้ามคนไม่ให้ไปงานศพบาปกรรมนะครับหม่อมย่า”

ได้ยินดังนั้น เลอมานก้มลงกราบแทบบาทผู้เป็นบิดา ทิ้งหยดน้ำตาไว้ที่รองบาทท่าน

ยายจ๋า.. ในที่สุดเล็กก็ได้ไปกราบลายาย..

***************************

สายน้ำเย็นฉ่ำขันหนึ่งราดรดลงมา จ้อยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนาวจนสั่น สายน้ำชะล้างเอาเส้นผมที่เพิ่งโกนออกลงไปกองรวมกันที่ฝ่าตีน ผ่านไปห้าหกขัน เส้นโลมาบนหัวจ้อยก็ไม่เหลือสักเส้นไม่ว่าจะผมหรือคิ้ว

กำนันเสริมยื่นผ้าขนหนูมาให้เช็ดหน้าเช็ดตา จ้อยหันมองพี่สิงห์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างกัน ผมพี่คงหนากว่าจึงเสร็จช้ากว่า เสียงเข้มร้องโวยวายเมื่อปอยผมที่ถูกโกนร่วงเข้าตา จนถูกพ่อแพ่นกบาลเข้าให้ โทษฐานที่จะเป็นเณรอยู่รอมร่อแล้วยังไม่รู้จักสำรวมกายวาจา

ใช่แล้ว.. พี่สิงห์บอกว่าจะบวชหน้าไฟเป็นเพื่อนจ้อย

ตอนพี่มาบอก จ้อยไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าพี่จะบวชหรือไม่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใจจ้อยได้

กำนันเตรียมจีวรไว้ให้เสร็จสรรพ จ้อยกับพี่สิงห์ที่หัวโล่งเตียนทั้งคู่ประนมมือประคองผ้าไตรเข้าไปหาพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อให้กราบ อัญชลี วันทา อภิวาทแล้วกล่าวเป็นภาษาบาลีให้จ้อยกับพี่ว่าตาม พี่อุกอักขลุกขลักนิดหน่อยตามประสาคนห่างวัดห่างเจ้า
ทว่าจนถึงขั้นตอนใกล้บวชเสร็จ ครองผ้าเหลืองกันเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ หลวงพ่อถามว่ายินดีบวชใช่ไหม พี่ตอบยินดีบวชครับเสียงดังฉะฉาน

จ้อยกลับนิ่งไป ไอ้สิงห์..เอ๊ย เณรสิงห์ถึงกับก้มลงดูหน้าน้องว่าหลับในไปแล้วหรือไร สักอึดใจ.. เสียงยินดีครับ ก็เปล่งออกมาจากริมฝีปากแผ่วหวิว

เณรจ้อยก้าวออกจากโบสถ์ จีวรสีส้มตัดกับผิวขาวจัด ตรงข้ามกับเณรพี่ ผิวคล้ำล่ำสันเป็นมัดกล้ามใหญ่บึกเหมือนใครจับวัวเปลี่ยวมานุ่งผ้าเหลือง ถึงจะออกจากงานกุลีมาช่วยแม่ดูแลโรงสีแล้วแต่ร่องรอยกรากกรำก็ยังเลือนรางบนหลังไหล่ เสร็จพิธีพอดีได้เวลาฉันเพล พระและเณรศีลไม่เท่ากัน จึงไม่ได้นั่งฉันอาหารร่วมกัน เณรสิงห์กับเณรจ้อยถูกจัดให้แยกวงออกมานั่งฉันกันเพียงสองรูป

ท่ามกลางวงภัตตาหารคาวหวาน จ้อยอดคิดถึงยายอีกไม่ได้จริงๆ พูดให้ถูกคือไม่มีวินาทีไหนเลยที่จ้อยไม่คิดถึงยาย จ้อยนึกอยากบวชให้ยายมาตลอด แต่ไม่คิดเลยว่าต้องมาบวชจูงราชรถเข็นโลงศพยายอย่างนี้

เณรจ้อยหันมองโลงศพยาย อีกสักครู่จะมีพิธีเคลื่อนศพไปตั้งที่เมรุ จะมีการจัดพิธีให้ลูกหลานขอขมาศพ จ้อยยอมขึ้นไปก็ได้ แต่จ้อยจะไม่กล่าวคำขอขมา กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง อะโหสิกัมมังโหตุ จ้อยจะไม่ขออโหสิกรรมต่อยาย จ้อยไม่อยากให้ยายยกโทษให้จ้อยเช่นเดียวกับที่จ้อยไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองชั่วชีวิต จ้อยจะขอชดใช้หนี้กรรมนี้ทั้งในชาตินี้และทุกภพทุกชาติไป

อาจารย์ประพนธ์กระหืดกระหอบมาบอกกำนันเสริมว่าเดี๋ยวหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชกับคุณชายเลอมานจะมา เล่นเอากำนันตาเหลือก เจ้าเสด็จมากะทันหันไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้จะเตรียมต้อนรับทันรึ อาจารย์ประพนธ์บอกว่าท่านมารับลูกชายกลับพรุ่งนี้ เห็นยายช้อยมีพระคุณต่อเลอมานจึงประสงค์ให้เกียรติมา เป็นการเสด็จส่วนพระองค์ ไม่ต้องมากพิธีรีตอง

ถ้อยสนทนาลอยมาเข้าหู เณรสิงห์ตักขนมจีนแกงไก่เข้าปากแล้วถอนใจพรู “เพื่อนเราจะจากไปเสียแล้ว นึกแล้วก็ใจหาย”

จ้อยรับรู้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ใครจะมา..ใครจะไป..ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของจ้อยอีกต่อไป

เณรตัวโตมองน้องเห็นนั่งเหม่อนิ่ง ถ้าไม่ติดว่าครองผ้าเหลืองอยู่ก็จะแกะปลาทูในวงภัตตาหารวางลงจานข้าวให้อยู่หรอก ได้แต่กระซิบบอกเณรน้องให้ฉันข้าวเสียบ้าง วันนี้ต้องร่วมพิธีอีกมากมายกว่าจะได้กินข้าวอีกทีก็ตอนสึกหลังเสร็จพิธีเผานู่น เดี๋ยวจะพาลเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน

จ้อยกลับมองจานข้าวตรงหน้านิ่งงัน ราวกับตัดขาดจากทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ไปแล้ว

****************************

หม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชเสด็จมาเป็นการส่วนพระองค์ ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า กำนันและภรรยาไม่ได้เตรียมตัวถึงกับเลิ่กลั่ก แต่ทรงไม่ถือพระองค์แม้สักน้อย นั่งเก้าอี้ไม้สักตัวเดียวกันกับผู้ว่าฯอย่างเป็นกันเอง

ใครมันจะไปคิดว่างานประชุมเพลิงยายแก่ชาวนาคนหนึ่ง จะมีเชื้อพระวงศ์ยศหม่อมเจ้าเสด็จมาเป็นองค์ประธานในงาน อย่าว่าแต่กำนันเสริมกับคุณนายพูนทรัพย์เล้ย พวกชาวบ้านที่เหลือก็พากันเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกเลยสักคน พวกอ้ายอีที่จ้องชะเง้อคอยาวเฝ้าดูหน้าประตูวัดว่าคุณชายเลอมานจะเสด็จมาร่ำลาครูคนึงผัวเขาหรือเปล่าก็พากันคอหดเป็นแถบๆ

เลอมานกับท่านพ่อมาถึงตอนหนังหน้าไฟเล่นแล้ว ตกสี่โมงเย็นราวๆนั้น บรรดาแขกเหรื่อเตรียมจะขึ้นวางดอกไม้จันทน์เผาหลอก ท่านตั้งใจมาแค่ทันเวลาเผาเพราะไม่อยากให้เลอมานนั่งเป็นขี้ปากชาวบ้านนานนัก
   
มโหรีปี่พาทย์ประโคมขลัง หนังสดหน้าเมรุเล่นบทเบญจกายแปลง เรื่องราวของหนุมานกับนางเบญจกาย ตอนคู่รักพลัดพรากจากกัน เสียงซอ เสียงปี่ โทนรำมะนา เคล้าเสียงหญิงสาวขับร้องเอื้อนเป็นทำนองโหยไห้วังเวงจับใจ
   
เมื่อไรจะได้มาเยือน เมื่อไรจะได้มาเยือน ดั่งดวงเดือนขาดดารา..
ขาดเจ้าดังพี่ขาดจิต ขาดเจ้าดังพี่ขาดจิต ขาดชีวิต ขาดชีวา..
เหมือนฝันเพียงชั่วคืน ตกใจตื่นนองน้ำตา เอย..

   
หม่อมราชวงศ์เลอมานดูสง่างามนักโดยเฉพาะเมื่ออยู่เคียงข้างหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชผู้เป็นบิดา เมื่อมาอยู่ในชุดสูทกางเกงสแล็คสีดำ ผิวที่ขาวอยู่แล้วของคุณชายเล็กยิ่งขาวผ่องขึ้นไปอีกราวจะเรืองแสง ผมสีน้ำตาลอ่อนหวีเสยลงน้ำมันเรียบร้อย บนตักมีช่อดอกไม้จันทน์วางไว้
   
ทว่า.. โดยไม่มีใครเห็น โดยไม่มีใครรู้.. เสี้ยวหน้าคมคายพยายามมองหาชายคนรัก ในวันนี้อาจารย์น่าจะอยู่ในชุดขาวปกติ เครื่องแบบสีขาวที่ข้าราชการต้องใส่เมื่อร่วมพิธีการสำคัญ ชุดสีขาวในงานสีดำ โดดเด่นมองหาง่ายอยู่แล้ว แต่เลอมานเห็นเพียงอาจารย์ปรีชาวิ่งวุ่นทั่วงาน เห็นเพียงอาจารย์ประพนธ์ อาจารย์วิรัชยืนจับกลุ่มอยู่หน้าเมรุ
   
ไร้วี่แววอาจารย์คนึง
   
อาจารย์ของเล็ก.. อาจารย์อยู่ไหน..

เขาไม่อาจลุกจากที่นั่งเพื่อไปเดินหา แม้ท่าทางเหลียวซ้ายแลขวาก็มิสมควรทำอย่างยิ่ง เล็กไม่อยากให้ใครตำหนิถึงพ่อ ไม่อยากให้ใครหมิ่นพระเกียรติ แค่ท่านพามาก็ถือว่าเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้แล้ว

ได้เวลาประชุมเพลิง หม่อมราชวงศ์หนุ่มขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ตามหลังท่านพ่อ มือขาวกราบลงตรงโลงยายช้อย แสนรักแสนอาลัย ขอบพระคุณในทุกอย่างที่ยายเคยมอบให้ และขอให้ดวงวิญญาณของยายเดินทางไปสู่สุคติ เล็กจะไม่มีวันลืมมืออบอุ่นที่วางลงบนหัวในคืนนั้นชั่วชีวิต ร่างโปร่งบางก้าวลงจากเมรุ เห็นสันติ สง่า ยืนแจกของชำร่วยอยู่ตีนบันได ไม่มีคำทักทายใดนอกจากรอยยิ้มเฉกเช่นเพื่อนมีให้กันแต่ครั้งก่อน

ของชำร่วยเป็นยาดมหลอดขาวห่ออยู่ในถุงตาข่ายมัดเชือกดำแสนเรียบง่าย เลอมานอาสาช่วยเพื่อนแจก และพยายามมองหาอาจารย์คนึงในเวลาเดียวกัน

เหล่าคณาจารย์ ข้าราชการ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านร้านตลาด พ่อค้าแม่ขาย คนคุ้นหน้าคุ้นตาทยอยขึ้นไปจนหมด จนท้ายขบวนคนเริ่มซา จึงเห็นอาจารย์คนึงเดินลงบันไดมา ไม่ใช่ชุดขาวปกติ แต่เป็นเพียงเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงสีดำ

อาจารย์เดินตรงมาหาเหมือนเห็นเขาอยู่ก่อนแล้ว เลอมานเสียอีกที่มองใบหน้าที่แสนคิดถึงอย่างเพริดไป สายตาใครต่อใครมองมาอย่างจ้องจับผิด ราวกับรอคอยฉากเด็ดนี้มานานแล้ว หม่อมราชวงศ์หนุ่มน้อยพยายามรักษากริยาสุดระงับ มีคำพูดในอกมากมายอยากเอื้อนเอ่ยออกไป เล็กคิดถึงอาจารย์เหลือเกิน อาจารย์สบายดีไหม ทำไมดูวูบไป กินข้าวบ้างหรือเปล่า ทำไมไม่ใส่ชุดข้าราชการสีขาวเหมือนคนอื่น พรุ่งนี้เล็กจะจากไปแล้ว ถ้าเล็กจะเขียนจดหมายถึงอาจารย์ต้องจ่าหน้าซองที่อยู่โรงเรียนฝึกหัดครูหรือที่ไหน และ.. ชั่วชีวิตนี้เราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกหรือไม่

แต่ไม่มีคำใดเลยหลุดจากปาก มีเพียงสายตาที่จ้องมองกัน เลอมานน้ำตาคลอเอ่อ หัวใจสั่นไหว เพียงเสี้ยววินาทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกัน ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าคนหนึ่งส่งของให้คนหนึ่ง อาจารย์รับยาดมของชำร่วยแล้วหันหลังจากไปเงียบๆ
   
หนุ่มน้อยใจเต้นระส่ำ ไม่ใช่เพียงอาจารย์ที่ได้รับของไป ในอุ้งมือที่กำแน่นจนสั่นสะท้าน เขาได้รับกระดาษพับเล็กๆ กลับคืนมาจากมือใหญ่นั้นด้วย
   
เหมือนมีใครจุดเทียนขึ้นในคืนมืดมน หนุ่มน้อยเก็บกระดาษพับทบไม่ใหญ่เกินเหรียญสลึงนั้นใส่กระเป๋ากางเกง ไม่มีแก่ใจยื่นของชำร่วยให้ใครอีกเลย

**********************

(แค่เนี้ยะ! :a5:)

แค่นี้ก่อนนะคะ แห่ะๆ บอกตามตรงว่าอัพเอาตัวรอด แก้ขัดไปก่อนนิยายจะปลิว โอ๊ยยยย ใครถีบพี่  :z6:
จะพยายามหาเวลามาอัพต่อในเร็ววันค่ะ
ขอบคุณมากๆ ที่ยังติดตามกันอยู่น๊า แหม..พอมีข่าวเล้าจะลบนิยายดอง กล่องข้อความดอกไม้แทบระเบิดเลยค่ะ
ขอบคุณทุกแรงกดดัน..เอ๊ย ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ

รักคนอ่าน

ดอกไม้
๒๔ มี.ค. ๖๒
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 24-09-2019 07:46:50
รักคนเขียนเช่นกันค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-09-2019 07:53:21
เอาใจช่วยชายเล็กกับอาจารย์คนึง
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Panza ที่ 24-09-2019 08:25:10
เศร้าแสนเศร้า รอต่อไปค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาต่อให้ เข็นให้เป็นรูปเล่มให้ได้นะคะจะรอค่ะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 24-09-2019 10:45:29
 :pig4: รอนะคะ :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 24-09-2019 13:23:22
สงสารทั้งเล็กของกบ และอาจารย์เลย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 24-09-2019 22:06:56
กลัวใจจ้อยจะบวช ทิ้งพี่สิงห์เหลือเกิน ไม่เอาแบบนี้นะคุณดอกไม้
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 24-09-2019 22:39:02
ฮืออออออออออ
แอบส่งจดหมายให้กันแบบนี้
จะนัดแนะพากันหนีใช่ไหมคะ
หนีเลยๆๆๆ หนีไปให้ไกลๆ

ดีใจมากๆเลยนะคะที่คุณดอกไม้มาอัพ
นึกว่าจะโดนลบไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 25-09-2019 19:26:16
เศร้าเลยค่ะ สงสารจ้อยมาก แบบโลกของจ้อยถล่มลงมาแล้วอ่ะ ต่อจากนี้จ้อยจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง
ยังดีนะที่อาจารย์ยังส่งจดหมายให้น้องเล็ก ขอให้ได้พบกันเร็วๆนี้นะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 28-09-2019 11:50:08
ร้องไห้หนักมาก สูญเสียยายช้อย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 29-09-2019 01:35:17
เหมือนเฉือนใจเราออกทีละหน่อยตามเปอร์เซ็นที่มาเลยล่ะค่ะ ตอนนี้พายุหนักเหลือเกิน ฟ้าหลังฝนจะสดใสจริงๆใช่ไหมคะ ตอนนี้ไม่มีใครมีความสุขสักคน ฮืออ สงสารไปหมด
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 29-09-2019 22:31:16
พอคุณดอกไม้อัพที ก็กลับไปอ่านย้อนเริ่มต้นใหม่อีกที ปวดหัวใจมากเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่าพออ่านต่อเนื่องใหม่มันอินจริงๆ ร้องไห้หลายตอนมาก อ่านอีกก็ร้องไห้อีก รักยายช้อยที่สุด รักมือของยายที่คอยลูบหัวเล็กและจ้อยทุกครั้งที่ทุกข์ ไม่มีมือคู่นั้นแล้ว  :o12:

ดูจ้อยยังปล่อยวางไม่ได้ ยังโทษตัวเอง  กลัวเหลือเกินว่าจ้อยจะบวชต่อไม่ยอมสึก

ส่วนอาจารย์กับคุณชาย ดูไม่เห็นวี่แววที่จะสมหวังเลย ยิ่งจากคุณดอกไม้แจ้งไว้ว่าอีก แค่ 1-2 ตอนก็จบ ยิ่งดูมืดมนที่จะให้หม่อมย่าหยุดขวาง

 มีเพียงความหวังเล็กๆ ที่เรารู้สึกว่ายังแอบเห็นปมที่ถูกคุณดอกไม้วางไว้ คืดที่ครูปรีชาพูดว่า “จากรุ่นลูกแล้วยังมารุ่นหลาน ความรักมันไม่เข้าใครออกใคร” ใช่ไหมนะ??

ไม่ว่าจะออกมารูปแบบใด? จบแบบไหน?  สำหรับนิยายเรื่องนี้เรารับได้หมดค่ะ สวยงาม สมค่าการติดตามและรอคอยเสมอมา

รอคอยตอนต่อไปอย่างมีความหวังนะคะ รักคุณดอกไม้ค่ะ

ปล. อยากให้เล้ากดดันคุณดอกไม้ บ่อยๆจัง จะได้มาต่อเร็วๆ แบบตอนนี้อีก 55555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Boonrang ที่ 30-09-2019 01:38:41
เเง่น้องจ้อยของพี่
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: mildmildss ที่ 30-09-2019 23:07:34
จบดีมั้ยคะคนเขียน ใจไม่ค่อยจะดีเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Sailordews ที่ 13-10-2019 17:37:26
คุณดอกไม้มาต่อทุกครั้ง เราก็ต้องตามกลับไปอ่านเสียตั้งแต่ตอนแรกทุกครั้งเลยค่ะ ไม่งั้นมันไม่ได้ฟีล แล้วก็เป็นเหมือนเดิมทุกครั้งคือเราก็ร้องไห้เป็นเผาเต่าไปซะทุกรอบ 555555555555 แงงงงงงงงงง ขอความกรุณาความอนุเคราะห์ อย่าจบเศร้าเลยนะคะ เห็นแก่ความพยายามลุ้นเอาใจช่วยทั้งครูคนึง คุณเล็ก น้องจ้อยพี่สิงห์มาหลายปีตั้งแต่ลงเล้าใหม่ๆ จบดีๆให้กันเถิดนะคะ เป็นกำลังใจให้และเฝ้ารอเหมือนเดิมค่ะะ  :L2: :sad11:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 28-11-2019 12:57:54
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดด ลุ้นมากจะเป็นยังไงต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 07-04-2020 23:35:08
สงสารคุณชายจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 24-04-2020 11:18:58
ยังมารอนักเขียนอยู่นะครับ ช่วงนี้ โควิด19 ระบาด รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับทุกคน
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: EVE910 ที่ 09-05-2020 15:42:20
 :mew6: :mew6: รออ่านนะค่ะ

หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: นมสดปีโป้ปั่น ที่ 09-05-2020 18:31:21
รอๆๆนะคะ น่าจะจบในปีสองปีนี้เเล้วเเหละ(มั้ง) อ่านเรื่องไหนมาไม่เคยรู้สึกเเบบนี้มาก่อยชอบมากกกกกก ปล.สู้ๆนะคะ ช่วงโควิด19ก็ระวังกันไว้น้า :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: TaddyC ที่ 12-05-2020 14:02:18
 :mew4:ขอบคุณ คุณดอกไม้ คนเขียนเรื่องนี้ด้วยครับ 
 :sad4:ยอมรับได้ไม่อายเลยว่าสองสามตอนท้ายๆนี้ผมร้องไห้ น้ำตาไหลพรากๆ ตอนอ่านตลอดเลย
   ยิ่งตอนยายช้อยตาย ผมต้องหยุดอ่านสักพักถึงได้อ่านต่อ พออ่านอีกน้ำตาก็ไหลอีก
   สงสารทั้งอาจารญ์คนึก กับหนูเล็ก   สงสารจ้อย ที่คนรักแสนรัก กลับกลายมาเป็นพี่ชายต่างแม่
   หน่ำซ้ำยังมาเสียยายอันเป็นที่รักไป คำสุดท้ายที่คุยกัน ดันเป็นคำที่ ยากจะลบออกจากความทรงจำอันเลวร้ายได้
   เศร้าใจจริงๆ
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: TaddyC ที่ 19-06-2020 09:21:56
คิดถึง เลยกลับมาอ่านอีกครั้ง นิยายรายปี :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Sailordews ที่ 08-09-2020 02:05:47
แวะเวียนเข้ามาบอกว่าไม่ได้ไปไหน รอคุณดอกไม้อยู่เสมอนะคะ นิยายในดวงใจเลยค่ะ คิดถึงเลยมาอ่านใหม่อีกรอบ 5555555555555  :monkeysad: o13
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: jelatin99 ที่ 18-09-2020 21:05:57
แอบอ่านที่ออฟฟิศ แล้วก็นั่งน้ำตาซึมน้ำตาไหล จนเพื่อนตกใจว่าเป็นอะไร 

ยิ่งอ่านตอนหลังๆ ยิ่งจิตตก บีบหัวใจมาก ประหนึ่งเป็นเลอมาน เป็นจ้อยเสียเอง

นั่งลุ้นว่าจะจบแบบ happy ending หรือ sad ending แต่หวังใจว่าจะเป็น happy ending สมหวังทั้งสองคู่เลย

รอคุณดอกไม้มาต่อใจจดจ่อนะคะ

ปล สงสัยว่าท่านชายอาทิตย์กับครูปรีชาในอดีต น่าจะมีความรู้สึกเกินเพื่อนเหมือนกันน้าาาา
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๐ : ถ้าเธอจะรัก ฉันก็จะรอ [๓/๒/๕๕]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 28-04-2021 23:19:21
ทีตัวเองออกเสียงตัว H ว่า “เฮ็ช” เขายังไม่เคยล้อสักคำ 
จะว่าไป ถ้าจะล้อคงต้องล้อทั้งโรงเรียน  เพราะ “เฮ็ช” กันทั้งโรงเรียนจริงๆ 
ไม่รู้ไปเอามาจากไหนสิน่า
ถ้าอยู่อังกฤษนานๆคลุกคลีกับชนทุกชั้นจะพบว่าเกือบครึ่งออกเสียงว่าเฮ็ชจริงๆ พวกนี้คือพวกสำเนียงค๊อกนี่ซึ่งเป็นชนชั้นล่างสุด และพวกนี้ก็เป็นบรรพบุรุษของชาวออสเตรเลียทั้งหลายซึ่งคนอังกฤษเองยังรับสำเนียงออสซี่ไม่ได้
เคยมีอ.ท่านนึงวิเคราะห์เรื่องภาษาอังกฤษของคนไทยไว้น่าสนใจมาก คนไทยออกเสียงผิดเยอะแยะไปหมด เช่นคำว่า Produce คนไทยจะอ่านว่าโพรดิ๊วส์ทุกคน ส่วนอเมริกันจะอ่านว่า โพรดู๊ซ อังกฤษโดยทั่วไปจะอ่านว่า พร๊อด-ยูซ ส่วนพวกสำเนียงค๊อกนี่และออสซี่จะอ่านว่าโพรดิวซ์ ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ อังกฤษเข้าครอบครองอินเดีย และชาวอินเดียจะทำงานรับใช้ซึ่งคลุกคลีกับพวกค๊อกนี่ และแน่นอนชาวอินเดียก็ได้สำเนียงนี้ติดตัวไปลามไปถึงพม่าที่อยู่ติดๆกันด้วย (ในขณะที่มาเลย์เป็นเมืองขึ้นเหมือนกันแต่ไม่ได้ออกเสียงสำเนียงค๊อกนี่แบบอินเดีย) และคนอินเดียก็เข้ามาทำมาหากินในเมืองไทย ทำงานเป็นล่าม สอนภาษาอังกฤษ คนไทยเลยรับสำเนียงค๊อกนี่มาเต็มๆ ที่น่าประนามที่คือครูไทย เรียนลิงกวิซติคเรียกโฟนีติด มีคู่มือการออกเสียงให้ค้น แต่ก็งี่เง่าอ่านโพรดิ๊วซ์มาตลอด คำว่า Error อังกฤษและอเมริกันอ่านว่า แออเรอะ แต่ค๊อกนี่อ่านเออเร่อรวมถึงพี่ไทยด้วย คำว่า Value อังกฤษและอเมริกันอ่านว่า แวล-ยู อเมริกันบางคนอ่านว่า วาล-ยู แต่ค๊อกนี่และพี่ไทยอ่านว่า แว-ลู่ นี่คือสาเหตุใหญ่ที่คนไทยฟังฝรั่งพูดไม่รู้เรื่อง จะโทษต้องโทษครู ต้องตบปากพวกนี้ที่สอนความวิบัติหายนะให่นักเรียนไทย
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: mikimj ที่ 04-05-2021 01:36:43
หลงเข้ามาอ่านแล้วติดงอมแงมมากค่ะ

แต่ขุ่นพระ คนแต่งไม่อัพนานมากๆใจบ่าดี

อยากรู้ตอนจบมากๆเลย อยากให้จบแบบแฮปปี้ ชอบสำนวนการเขียนนะคะ

ถึงแม้ว่าพล็อตเรื่องค่อนข้างดราม่าและมีปมเพิ่มขึ้นมาตลอดไม่คลี่คลาย

เอาใจช่วยอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: เกี๊ยวกงจื่อ ที่ 13-05-2021 11:35:46
มาร่วมฉลอง​หนึ่งทศวรรษ​มหาหงส์​ครับ​ ยังเป็นนิยายในความทรงจำเสมอ​ เป็นกำลังใจให้​ผู้เขียนตลอดมาครับ​ :)​
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 05-06-2021 22:44:51
นานแล้วนะที่รอเธอ :L1: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Nongsea13 ที่ 07-06-2021 02:10:44
มาต่อให้จบเถอะค่ะ อีกแค่นิดเดียว  เราไม่ได้อ่านหน้าสุดท้ายก่อน โดยหวังว่าจะเห็นบทสรุป ที่ไม่ว่าจะร้ายหรือดี ของตัวละคร ได้รับการส่งท้ายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: TaddyC ที่ 26-07-2021 20:00:50
ผ่านมา 1ปี แล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะได้อ่านตอนต่อไปเรยยยยยยยยย :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 15-08-2021 15:31:27
คิดถึงเรื่องนี้จังค่ะ รอเสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-08-2021 18:43:38
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 04-09-2021 10:34:09
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Sailordews ที่ 12-11-2021 13:14:09
ใครไม่รอแต่เรารอค่า ล่าสุดอ่านตั้งแต่มัธยม จนตอนนี้ทำงานละค่ะทุกคน 555555555555555 แต่ยังเป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้เสมอนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 27-11-2021 23:43:02
คิดถึงจังเลยรอคอยการกลับมาเสมอค่า
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 18-02-2022 21:15:55
ล็อกอินเล้าเป็ดมารอคุณดอกไม้ค่ะ555555
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: hunhan ที่ 20-03-2022 23:06:41
คิดถึงมากกกก กลับมาอ่านซ้ำอีกครั้ง ยังประทับใจเหมือนเดิม ฮือ ขอให้พี่สิงห์เป็นน้ำคอยชโลมให้น้องจ้อยดีขึ้นนะ ไม่อยากให้เจ็บปวดอีกแล้ว ส่วนคู่คุณเล็กกับอาจารย์ ปวดใจเหลือเกิน เมื่อไหร่จะสมหวัง กระดาษนั่นคือคำมั่นหรือเปล่า รอเสมอนะคะ รักเรื่องนี้มาก รักที่สุด นานแค่ไหนก็จะรอ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 01-04-2022 17:26:08
คิดถึงเรื่องนี้มากค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 20-05-2022 13:16:46
อ่านตั้งแต่มัธยมจนตอนนี้เรียนเอกแล้วค่ะ ยังอ่านซ้ำ ยังรอนะคะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: muio ที่ 07-01-2023 22:20:59
 :mew2: คิดถึงนะคะ รออ่านทุกปี ทุกวันนี้ก็ยังกลับมาอ่าน หวังว่าสักวันคุณดอกไม้จะกลับมาเขียนให้จบและเปิดพรีออเด้อนะคะ เป็นเรื่องที่สุดในดวงใจจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 24-03-2024 23:21:52
2024 แล้วยังคิดถึงเรื่องนี้เสมอนะคะ