พิมพ์หน้านี้ - (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.70 ดิว แอ้ ไปหาลูกๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: PFlove ที่ 27-12-2023 19:42:07

หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.70 ดิว แอ้ ไปหาลูกๆ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 27-12-2023 19:42:07
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
หัวข้อ: Re: รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้องๆรักกัน) รีไรท์ใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 27-12-2023 19:43:42
สารบัญ
1.แนะนำ
2. EP.1 ถูกเนรเทศ 1  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73679.msg4064766#msg4064766)
3. EP.2 ถูกเนรเทศ 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73679.msg4064767#msg4064767)
4. EP.3 บอยXแจ้ค ก็แค่เส้นบางๆ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73679.msg4064769#msg4064769)
5. EP.4 (ดิวXแอ้Xติ๊ก)ผมแค่อิจฉา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73679.msg4064770#msg4064770)
ุ6. EP.5 (ติ๊กXพาย)คู่ปรับคอยเตือนสติติ๊ก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73679.msg4064771#msg4064771)
ึ7. EP.6 (แอ้Xดิว) ฉลองเปลี่ยนห้องนอนใหม่ NC  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73679.msg4064775#msg4064775)
8. EP.7 (บอยXแจ็ค) รักแหละดูออก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73679.msg4064776#msg4064776)
9.EP.7.1 (บอยxแจ็ค)หรือว่าผมจะเสียเขาไปแล้วจริงๆ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73679.msg4064777#msg4064777)
10. EP.8 (แจ็คxดิว)เคลียร์กัน  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73679.msg4064778#msg4064778)
11. EP.9 (แจ็คXบอย) สุดท้ายผมยอม  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73679.msg4064779#msg4064779)
12. EP.10 (ดิวX แอ้) NC ครั้งแรกก็แจ็คพ๊อตเลย 1  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73679.msg4064782#msg4064782)
13. EP.10.1  (ดิวX แอ้) NC ครั้งแรกก็แจ็คพ๊อตเลย 2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73679.msg4064784#msg4064784)
14. EP.11 (ดิวXแอ้) ลูกแฝดของเขาสองคน  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73679.msg4064788#msg4064788)
หัวข้อ: รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้องๆรักกัน) รีไรท์ แนะนำเนื้อเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 27-12-2023 20:51:55
             คำเตือน นิยายเรื่องนี้คนแต่งได้แต่งมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น เนื้อเรื่องจินตนาการขึ้นมาเอง เป็นแนวผู้ชายท้องได้ ถ้าไม่ชอบแนวนี้กดออกได้เลยค่ะ นิยายเรื่องนี้ไม่มีหลักวิชาการใดๆ มาอ้างอิง เนื้อหาอาจจะไม่ถูกต้อง เพราะนิยายเรื่องนี้แต่งจากจินตนาการของคนแต่งทั้งหมดค่ะ ถ้าผิดพลาดประการใดไรท์ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ไรท์ไม่มีเจตนาจะพาดพิงถึงองค์กร หน่วยงาน หรือสถาบันใด วิชาชีพใด หรือบุคคลอื่นใด ให้เกิดความเสียหาย ชื่อตัวละครและสถานที่ถูกสมมุติขึ้นมาเท่านั้นค่ะ ไม่มีอยู่จริง
เนื้อเรื่องบิดเบือนจากความจริงมาก
มีคำหยาบคาย (จะพยายามใช้ให้น้อยๆ)
มีNC บ้างประปรายช่วงหลังๆ ช่วงแรกอาจจะมีแต่ไม่เยอะมั้ง
เรื่องนี้มีหลายคู่หน่อยนะคะ หวังว่าจะไม่งงกันนะคะ
   
       นิยายเรื่องได้นำมาเขียนใหม่อีกครั้งเพราะว่าเนื้อหายังต้องแก้ไขเยอะเลย หวังว่าจะมีคนอ่านที่ชอบแนวพิสดาร นิยายเรื่องนี้เป็นแนวผู้ชายท้องได้ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

         หกตระกูลที่มีอิทธิพล   พ่อของพวกเขาเป็นลูกๆ ของผู้มีอิทธิพลและร่ำรวยมหาศาลแต่ทว่าโชคร้ายตอนเกิดรัฐประหารรุ่นของพ่อของพ่อๆพวกเขา ถูกผู้ก่อการร้ายฆ่าเสียชีวิตทั้งหกตระกูล ทั้งหกตระกูลนี้มีความเชื่อมโยงกันและสุดท้าย เหลือไว้แค่พ่อพวกเขาที่เป็นตัวแทนของแต่ล่ะตระกูลที่รอดชีวิต คนที่เข้าไปช่วยพวกเขามาได้เป็นนายทหารหนุ่มไฟแรงในตอนนั้น เขายังหนุ่มและมีความสามารถแต่ว่าวันนั้นเขาไปไม่ทันที่จะช่วยไว้ทั้งหมดและเขาได้ทำหน้าที่ดูแลและสอนเขาแทนพ่อแม่ที่ถูกสังหารไปในฐานะผู้ปกครองนับจากนั้น เขาได้เข้ายึดอำนาจมาดูแลและปกครององค์กรนี้ชั่วคราว

      จนกระทั้งพ่อๆ ของพวกเขาพร้อมจะดูแลและบริหารจัดการเองได้ และด้วยความโชคดีที่พ่อๆ ของพ่อพวกเขา มีทรัพย์สมบัติมากมายและธุรกิจ ทีได้จากแต่ล่ะตระกูล พวกได้รับการช่วยเหลือจากสี่พี่น้องสายเลือดทหารสี่เหล่าทัพ เข้ามาให้ความช่วยเหลือและช่วยกอบกู้ทุกอย่างกลับคืนมาได้ จนกลับมามีอำนาจเหมือนเช่นที่ตระกูลของพวกเขาเคยมีและไม่มีใครไม่รู้จักพวกเขา และสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้จักพวกเขาดีนั้นคือ เขาเป็นเกย์ แต่ว่าการมีธุรกิจมากมายมันทำให้พวกเขาต้องมีทายาทและทายาทเขาก็มากจากหลักวิทยาศาสตร์ โดยมีหนึ่งในห้าตระกูลที่เป็นแพทย์และแพทย์ทหาร มีความสามารถในการทำเด็กหลอดแก้ว ลูกๆของพวกเขาก็มาจากวิธีนี้ทั้งหมด (มีรวยช่วยไม่ได้จริงๆ) 

   หลังจากที่กอบกู้ทุกอย่างมาได้ด้วยความสามารถ เขาก็ได้ก่อตั้งองค์กรลับขึ้นมา องค์กรนี้มีอิทธิพลทางธุรกิจและเป็นนายทุนให้กับองค์กรต่างๆทั่วโลก องค์กรของเขาได้คัดสรรเลือกเด็กที่จะมาเป็นผู้นำหนึ่งคนจากลูกชุดล่าสุดที่เขาได้มาจากวิธีวิทยาศาสตร์ หลังจากที่พวกเขาได้รวบรวมนักวิจัยระดับศาสตราจารย์เพื่อมาร่วมวิจัยผลงานชิ้นใหม่ ที่สามารถทำให้เด็กผู้ชายตั้งครรภ์ได้ พวกเขาตั้งใจเพื่อนำมาใช่ในการคัดสรรเพื่อหาคนที่เหมาะสมเพื่อจะได้สืบทอดทายาทสายเลือดบริสุทธิ์ที่ได้มาจากเด็กที่เขาเลือกมาและจะมีหนึ่งในนั้น จะมีแค่คนเดียวที่ต้องเป็นผู้นำและเขายังได้สิทธิพิเศษคือเขาจะมีทายาทรุ่นต่อไปเพื่อสืบทอดผู้นำ

        แต่โครงการนี้กลับโดนกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยคัดค้านและ จากกลุ่มสตรีบางส่วน ที่ยังมีความคิดที่ล่าสมัยอยู่ พวกเขาไม่เห็นด้วยกับหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ ว่าควรจะมอบให้ผู้ชายทำได้เหมือนต้น พวกเขาจึงคัดค้านและสั่งให้ปิดห้องวิจัยนี้ทันที แต่ยังมีอีกคนที่ต้องการแย่งชิงอำนาจไปใช่ในทางที่ผิดและเขาต้องการยึดโครงการนี้เพื่อไปทำสิ่งที่ผิดต่อมนุษย์ชาติเช่นกัน นั้นคือตระกูลของคามิน อดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่  เขาคือผู้ต้องสงสัยในการสังหารพ่อของพ่อพวกเขาอีกทีและเขาได้พาครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ ไปอยู่อย่างผู้ลี่ภัย เขาหลบไปเพื่อจะกลับมาทวงอำนาจอีกครั้ง       ภารกิจนี้จะเป็นของรุ่นลูกๆของพวกเขาแล้ว แล้วเด็กเหล่านี้จะทำได้หรือไม่

        แต่ตอนนี้พวกเขาได้ทำให้ลุงหนึ่งพี่ชายที่ดูแลพ่อๆ ถึงลุงหนึ่งจะคืนอำนวจทั้งหมดให้พ่อของพวกเขาแล้วเพราะว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้มันแต่ว่าเขาก็ยังเป็นที่เคารพและทุกการตัดสินใจยังคงผ่านลุงหนึ่งอยู่ดี และตอนนี้ลุงหนึ่งกำลังโกรธพวกเขามากที่ทำตัวเหลวไหลเพราะว่ารุ่นนี้เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง เป็นรุ่นที่ลุงหนึ่งกลัวว่าพวกเขากำลังจะพยายามเปลี่ยนกฏที่มีมาตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามายึดครองเพื่อดุแลแทนและยังเป็นรุ่นที่เรียกได้ว่า รุ่นขัดใจลุงหนึ่งเลยทีเดียว
เป็นรุ่นใจร้อนคอยหาแต่เรื่องไม่หยุดไม่หย่อน ทั้งที่จะเข้ามหาวิทยาลัยกันอยู่แล้ว ลุงหนึ่งจึงสั่งให้พวกเขา กลับไปเป็นนักเรียนชั้นมัธยมอีกครั้ง นี้คือการลงโทษ และโรงเรียนที่เขากำลังถูกส่งตัวไปนั้น มีปัญหามากมายหลายอย่างรอเขาอยู่ มีกลุ่มคนที่ต้องการให้โรงเรียนนี่ถูกหยุบ มีกลุ่มคนที่มีอิทธิพลเป็นพวกมาเฟียร์ท้องที่และยังมีกลุ่มเด็กเกเรที่หลงผิด คอยมาหาเรื่องกับเด็กในโรงรียนที่เขาจะถูกส่วตัวไป ปัญหาที่ยิ่งใหญ่แบบนี้พวกเขาจะทำได้หรือไม่

   (https://i.ibb.co/56TWn95/d8de07ebc09949ac4266a302ecf39bb4.jpg) (https://ibb.co/rmkGctZ) แจ็ค

    (https://i.ibb.co/j5xfJ9V/fe69089ee5a4368bfa808c1bab765ff2.jpg) (https://ibb.co/YWKQ04D) บอย

(https://i.ibb.co/jvSKV4w/Dew.jpg) (https://imgbb.com/)  ดิว
     
(https://i.ibb.co/p4ZyxxQ/image.jpg) (https://ibb.co/h2Hfyyc)  แอ้

    ติ๊ก

   พาย


หัวข้อ: รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้องๆรักกัน) รีไรท์ใหม่ EP.1 ถูกเนรเทศ 1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 27-12-2023 22:18:01
 
EP.1 ถูกเนรเทศ 1
            Part's ดิว  ผมชื่อดิว ชื่อจริง ศุภมงคล เดชาโรจนภูวดล บิดาผมคือ ศาสตราจารย์ ดร. พลเอก ภาณุเดช เดชาโรธรภูวดล พ่อผมเป็นแพทย์ทหารและเป็นผู้อำนวยการดูแลโรงพยาบาลในค่ายทหาร พ่อผมยังมีโรงพยาบาลหลายสาขา สาขาที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในกรุงเทพเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงเรื่องการทำ IVF
           
            ส่วนอาภีมปภพเป็นผู้ดูแลค่ายทหาร ตอนนี้อาภีมปภพติดยศนายพลแล้ว แถมยังเป็นคนรักของพ่อผมด้วยและเป็นพ่อตาในอนาคตของผม แต่พ่อตาผมยังไม่รู้เพราะลูกของพ่อเขาสนิทกับผม ตั้งแต่วัยเด็ก อาภีมขอให้พ่อดูแลแอ้กับผมมาพร้อมๆ กัน ดูแลกันมาตั้งแต่ยังเล็กๆ แถมเราเกิดวันเดียวกันอายุเท่ากันเพราะเราเกิดมาเพื่อบริหารองค์กรและเกิดมาพร้อมกับหน้าที่ที่ไม่อยากเลือกแต่ผมก็จะเลือกทำตามที่ใจของผมต้องการ

             แต่ว่าผมต้องหาข้อหักล้างกับลุงหนึ่งให้ได้ว่าทำไม ผมไม่อยากได้ตำแหน่งบ้าบอที่จะไปยืนคู่กับบอย อย่างที่เขาต้องการ ผมจะไม่ยอมให้องค์กรมาครอบงำจิตใจผมแน่นอน ดังนั้นพวกผมถูกเรียกว่ารุ่นขัดใจลุงหนึ่งเกือบทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นรุ่นหลานที่แสบที่สุดของลุงหนึ่งเลยทีเดียว
 
              “ดิว อย่าลืมอ่านหนังสือและเตรียมตัดสินใจว่าจะไปทางไหน พ่อจะได้แนะนำเราได้ถูก ดิว” พ่อภาณุเดชหรือนายแพทย์พันเอก ภาณุเดช คุณหมอทารทีเก่งเรื่องการทำคลอดและทำเด็กหลอดแก้ว
ขณะนี้รถเก๋งคันหรูของพ่อผมแต่ว่าคนขับคือพี่ชายคนโตของบ้านดอกเด็ก แต่ล่ะคนจะมีชื่อขึ้นต้นเหมือนๆกัน ดังนั้นจะแยกไปแต่ล่ะบ้านของแต่ล่ะตระกูล เช่นบ้านของผม ก็จะขึ้นต้นด้วยดอเด็กทั้งหมด พี่ดิม พี่ดรีม พี่โดม พี่ด้า พี่เดฟ พี่แดน พี่เดย์ พี่ดิ๊บและผมดิว ตอนแรกก็จบที่ผมแต่จู่ๆพ่อก็ได้ไอ้เดียร์มาเป็นน้องคนสุดท้องพวกผมซะงั้น
 
       พวกผมกำลังถูกส่งไปเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายอีกครั้งจากที่เรียนจบแล้วพร้อมเข้ามหาวิทยาลัย  พวกผมเลยต้องหยุดและเปลี่ยนมาเป็นเรียนออนไลน์แทนบางวิชาเพื่อเครียมเข้าสู่รั่วมหาวิทยาลัยของจริง อันนี้สิทธิ์พิเศษที่ลุงหนึ่งช่วยให้พวกผมไม่เสียเวลาฟรีแต่ว่าเรื่องทำโทษยังคงต้องทำเหมือนเดิม ระยะเวลาหนึ่งปีนี้
             พวกผมต้องแก้ปัญหาทีเกิดขึ้นในโรงเรียน อันนี้ทำให้พวกผมถึงกับขมวดคิ้วไปตามๆกัน ก็ผมไม่ใช่ผู้อำนวยการนี่ครับและสาเหตุที่พวกผมต้องมาก็เพราะว่าพวกผมดันไปมีเรื่องชกต่อยกับลูกนักการเมืองและไอ้คนนี้มันก็เป็นเพื่อนกับไอ้ฌอน ลูกของอีกตระกูลที่อยากจะแย่งอำนาจพวกผมไป ผมไม่รู้ว่าเขาคือใครแต่ว่าเขาชื่อคามิน เขาอยากให้ลูกชายของเขาขึ้นแท่นแทนบอย ถามว่าไอ้ฌอนมันเหมาะสมไหม

           ผมว่ามันไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นผู้นำองค์กร มันมีเรื่องยาเสพติด เรื่องผู้หญิงและอีกอย่างมันปิดบังบางอย่างที่ไม่โป่รงใส มันน่าจะมีประวัติฆ่าคนตายแต่ว่าไม่มีใครกล้าเอาผิดมันได้ บรรดาพ่อผมมีอิทธิพลก็จริงแต่คนล่ะหน่วยงานเหมือนคนกับคนละสีแล้วคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องประมาณนั้นเพราะว่าคุณคามินเขามีพวกพ้องที่ได้ตำแหน่งก็เพราะเขาทั้งนั้นดังนั้น ไม่แปลกที่เขาจะช่วยเหลือกันและสิ่งที่ทำให้เขายังคงรอดพ้นไม่ถูกเอาผิด นั้นคือเขามีเงินที่จะซื้อใจคนพวกนี้แต่บรรดาพ่อผมไม่เกรงกลัวอยู่แล้ว พวกผมแบคดีกว่า
       แต่จะว่าไปมันเป็นการลงโทษที่ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย อยากจะให้พวกผมเข้ามาช่วยบริหารองค์กรแต่ดันให้พวกผมหยุดที่จะเข้ามหาวิทยาลัยเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องนี่น่ะ ผมนั่งเปิดหนังสือฟุตบอลทีผมเอามาด้วยดูอย่างเสียมิได้ แต่จะว่าไปก็ดีอยู่น่ะ ผมจะได้อยู่ใกล้ๆแอ้ มากขึ้น ผมนะมีคนรักแล้วและคนรักของผมก็พิเศษซะด้วย ผมรู้เรื่องในองค์กรมากกว่าคนอื่นๆจากพ่อผมเองแต่ผมเป็นคนที่เก็บรักษาความลับได้ด้เพราะว่าพ่อขอผมเอาไว้ไม่อย่างนั้นพ่อคงไม่ไว้ใจที่จะเล่าทุกอย่างให้ผมฟังแน่นอน อันนี้กฎเหล็กบ้านดอเด็กเลยทีเดียว
         “ไกล้ถึงแล้วน่ะดิว” พ่อผมพูด ผมเหลือบไปมอง ที่พักหลังเขาแต่ว่าไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมแต่คงเป็นปัญหาของอีกหลายคน โดยเฉพาะพวกชอบท่องราตรีอย่างไอ้แจ็ค ไอ้ติ๊กและพาย
 
    “ดิว นี่คือสิ่งที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเรา ว่าพวกเราจะมีประสิทธิภาพแค่ไหนที่จะเข้าไปดูแลองค์กรขนาดใหญ่เพราะว่าที่มานี้ แค่โรงเรียนเอง พ่อคิดว่าเราทำได้' พ่อภาณุเดชพูดกับผม ผมนั่งหน้ามากับพี่ดิม พี่ชายคนโต พี่ดิมหันมาหยักคิ้วให้ผม
 
        “ดิว ก็อาศัยช่วงนี้ที่ว่างๆ อ่านตำราเตรียมตัวเป็นแพทย์ก่อนน่ะ พ่อจะให้เราเรียนพื้นฐานก่อน อ่านไปล่วงหน้าเลยเพราะต้องอยู่ที่นี่อีกหลายเดือนหรือจนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย” พ่อของผมพูด ผมต้องละสายตาจากหนังสือฟุตบอล (ใช่ ผมคลั่งไคล้ฟุตบอลมาก ผมเกือบจะได้เป็นนักฟุตบอลทีมเยาวชนแต่ว่าผมมีเรื่องซะก่อน ผมเลยต้องลาออกไม่ได้ไปต่อแต่ไอ้คนที่ทำให้ผมไม่ได้ไปต่อมันก็ไม่ได้ไปเหมือนกันเพราะว่ามันเจ็บหนักเพราะหมัดผมเอง มันเลยได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มแทน)  ผมหันหน้ามามองหน้าผมพ่อผม เป็นเชิงถามว่าปัญหาที่โรงเรียนที่พวกผมต้องไปจัดการนี้มันเยอะเลยเหรอ
 
         “ใช่แล้วดิว ปัญหาตรงนี้ค่อนข้างเยอะ พ่ออยากให้เรามีสติในการแก้ปัญหากันนะดิว” พ่อหันมาบอกผม ค่อนข้างซีเรียส ผมรู้ว่าพ่อๆถึงจะไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมาแต่ว่าเขารักกันและดูแลกัน ยิ่งกว่าพี่น้องท้องเดียวกันซะอีก ดังนั้นน้องชายพ่อเจอปัญหาก็จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทันทีที่ทำได้
 
         “ถ้าอยากจะให้ลุงหนี่งเชื่อใจในฝีมือก็ต้องจัดการตรงจุดนี้ให้ได้และถ้าทำได้ ก็ไม่ต้องไปแคร์ว่าใครจะพูดถึงเรายังไง ถ้าเราอยู่ได้ด้วยความสามารถ มันจะกลายเป็นที่ยอมรับเอง เหมือนที่พ่่อๆทุกคนทำกันมา “พ่อหันมาพูดกับผม ผมแค่พยักหน้าเบาๆ
        “เรื่องห้องนอนที่เขาจัดให้นอนสองคนน่ะ พ่อจัดการให้แล้วน่ะ เราได้นอนกับแอ้” พ่อผมพูด ผมได้ยินแบบนี้ กำหมัดทันที
       “เก็บอาการหน่อยครับมึงครับ เขาให้มาแก้ปัญหาไม่ได้มาเพิ่มปัญหา ของเก่ายังไม่เคลียร์อย่าพึ่งรับงานใหม่มานะมึงนะ” พี่ดิมรีบทักท้วงทันที ผมหันมามองพี่ชายคนโต (ผมยังมีบางสิ่งที่บอกใครไม่ได้และนี้คือเหตุผลที่ผมไม่อยากทิ้งบ้านมาเลยจริงๆ แอ้ก็คิดเหมือนกันแต่สิ่งที่เกิดขึ้น มันยังไม่อาจจะบอกใครได้แม้กระทั้งเพื่อนที่เกิดวันเดียวกัน)
    “และมึงก็ช่วยใจเย็นสักนิดน่ะนะครับ ไอ้นักมวย ถ้ามึงยังหัวร้อนอีกละก่อ อาจจะได้ย้ายสำมะโนครัวมาที่นี่แบบถาวรเลย” พี่ดิมทำไมมันถึงได้ต่างจากพ่อผมเหลือเกิน พ่อน่ะให้กำลังใจแต่พี่นี้พูดมานี้ กำลังใจหดหมดเลยเนี๊ยะ!! นี้มันตัดกำลังกันชัดๆ
 
       “คราวนี้บ้านพ่อจะมีห้องว่างห้องหนึ่งทันที สมบัติพ่อก็ว่างหนึ่งส่วน” พี่ดิมบอกผมพร้อมกับฉีกยิ้มให้น้องด้วย ผมหันไปมองดิม ว่ายังไม่ทันไรจะไล่น้องออกจากบ้านพ่อเลยเหรอ T_T
 
       พี่คนนี้ชื่อดิม พี่ชายคนโตของผมบ้านผมใครก็รู้จักในนาม บ้านดอเด็ก พี่ดิม คือร้อยโท ศิรเดช เพิ่งผ่านพ้นวัยเบญเพศมาหมาดๆ พี่ดิมเป็นหมอทหารสุดโหดที่ล่าปีกมาประดับจนแน่นหน้าอก พี่ดิมคือทีมแพทย์ทหารที่อาสาไปรบเยอะมา และได้ไปฝึกยุทธวิธีใหม่กับต่างชาติ ต่างประเทศ แถมมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับทหารต่างชาติ พี่ดิมไปพร้อมกันกับคู่หูสุดโหดที่เป็นพี่ชายของเมียผม (ปล.พี่แกยังไม่รู้เลยแต่ถ้ารู้นี้ ดิวตายแน่ๆ คาตีนพี่อ้น ดิวเลยขอปิดไว้ก่อนนะครับอ้น)
 
      ตอนนี้รถที่มาส่งผมให้มาอยู่ไกลโพ้นแบบนี้ ไม่มีบ้านใครเลย มีหลังเดียวโดดเดียวเดียวดาย ใครมาสร้างว่ะผมคิดในใจ ผมหันไปมองหน้าพี่ดิม พี่แกยืนฉีกยิ้มให้ผมด้วยแต่รอยยิ้มนี้คือยิ้มที่พี่กำลังสมน้ำหน้าผมอยู่ชัดๆและถึงผมจะชอบความเงียบก็เถอะ ผมก็ยังอยากอยู่ที่บ้านมากกว่า บ้านที่มีครบ พ่อ พี่ชาย น้องชาย (แม้จะกวนไปหน่อย) และยังมีบางสิ่งที่สำคัญกับผมและแอ้มากอยู่ด้วย
 
     “พ่อ! นั้นอาภีม อาภีมพึ่งจะมาถึงเหมือนกันพ่อ” พี่ดิมหันไปมองก่อนจะหันมาบอกพ่อผม พ่อหันไปมองรถที่อาภีมนั่งมา ที่กำลังเลี้ยวเข้ามาจอดด้านในเหมือนกันและไม่ใช่ใครอื่น บ้านอออ่าง บ้านภรรยาสุดหล่อของผมนั้นเอง คนที่ขับมาก็คือพี่อ้น รถแรงแตกต่างจากรถของพ่อผม เรียบหรูดูดี วิ่งนิ่มมากหายใจยังดังกว่าเลย แต่ว่ารถพี่อ้นนี้แรงดีจริงๆ เสียงดัง วันนี้พี่อ้นเอารถเขามาเอง ส่วนพี่ดิมผมพ่อให้เอารถพ่อมาแทน เหมือนพ่อผมจะมีแผนการอะไรเอาไว้หรือเปล่าถึงได้ไม่ให้พี่ดิมเอารถแกมา ผมยืนมองรถคันนั้น พี่อ้นเลื่อนเปิดกระจกก่อนเพื่อจะได้ทักทายพี่ดิมแต่ว่าพี่อ้นโดนพี่ดิมชิ่งทักซะก่อน สองคนนี้คู่หูที่มีพี่อ้นต้องมีพี่ดิมแต่ว่าพี่แกกินกันไม่ลงจริงๆ
   
      “ไอ้อ้น รถมึงจะเน้นเสียงไปทำไมเพราะว่าออกตัวช้าเหมือนเต่าอยู่ดี ไม่อย่างนั้นคงแซงกูไปแล้ว เห็นไหมรถพ่อกูรุ่นคลาสสิกนั่งนิ่มมากแต่ยังเร็วกว่ามึงเลย” พี่ดิมรีบแซวพี่อ้นทันที ผมหันไปมองพี่ดิมอย่าทำว่าที่พี่เมียผมโกรธจะได้ไหม
 
      “กูก็อยากแซงมึงน่ะแต่พ่อกันหันมามองกู ประมาณว่า เบาได้เบาเถอะลูกแล้วกูที่รักพ่อขนาดนี้จะกล้าเหรอไอ้ดิมครับ” พี่อ้นลงจากรถมาได้ก็สวนพี่ดิมทันที
 
      “ไม่อย่างนั้น มึงไม่ได้แอ้มกูหรอกไอ้ดิม!!” พี่อ้นพูด ผมหันมามองพี่ดิมอีกที นี้คือคู่หูกันแบบนั้น พูด!! ข่มกันน่าดู พี่ดิมหรี่ตาลงมองผม
 
      “พี่ดิมจะไปทำให้พี่อ้นโกรธทำไมเนี่ย” ผมถามพี่ดิม พี่ดิมยิ้มกริ่มให้ผม
 
      “กูไม่ได้ทำมันโกรธกูแต่ว่ากูจะทำให้มันแค้นมึงฝั่งหุ่นเลยถ้ามันรู้ว่ามึงแอบเจาะไข่แดงน้องรักของมันไปแล้ว อันนั้นน่ะ น่ากลัวกว่าอีก” พี่ดิมพูดกระซิบกับ ผมหันไปมองช้าๆ นี่พี่กล้าส่งน้องไปให้พี่อ้นเพื่อนรักของพี่เฉือดเลยเหรอ
 
      “และไอ้พี่เขยมึงนี่น่ะ มีคติในหัวมันอยู่น่ะ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ” พี่ดิมกระซิบกับผม นี้ใช่คติแน่เหรอ
“ดังนั้นมังนั้นแหละที่อย่าทำให้เพื่อนรักอ้นของกูตต้องตั้งข้อสงสัยมึงขึ้นมา” พี่ดิมพูดพร้อมกับหยักคิ้วให้ผมสองทีติด ผมมองบนเพราะว่าไม่ได้ช่วยน้องเลยที่พูดมานั้นน่ะ
 
      พี่อ้นกำลังเดินอ้อมไปเปิดประตูให้อาภีมลงมา พี่ดิมรีบยกมือไหว้อาภีม ผมก็เช่นกัน พี่ดิมฉีกยิ้มให้พี่อ้นทั้งที่เมื่อกี้พี่ยังเมาส์พี่อ้นกับผมอยู่เลยน่ะ และอีกคนที่ตามลงมานั้นคือคนที่ผมรอคอย รอให้เดินลงมาเพราะว่าอยากจะวิ่งเข้าไปหาและขอสักทีเถอะคิดถึงเหลือเกินแต่ทว่า….
 
     “ปึก” มีคนเอาฝ่ามือมากันผมไว้ซะก่อน
 
     “ไอ้นี่!! มึงกลัวไม่ได้กินบาทาพี่เมียมึงเหรอ” พี่ดิมขยับมากระซิบถามผม
 
     “กฎของบ้าน กฎของพี่ชาย ถ้าน้องจะโดนซั่มเขาต้องประเคนเท้าหนักๆ ให้ก่อน มึงอยากได้แล้วเหรอ พร้อมแล้วเหรอที่จะเข้าไปกอดน้องไอ้อ้นมันต่อหน้าต่อตาแบบนั้น” พี่ดิมพูดเชิงกระซิบพร้อมกับเลิกคิ้วสูงแบบนี้
 
      “กูไม่เข้าไปห้ามนะมึงกูไม่อยากได้ลูกหลง กูเป็นพี่ที่รักน้องมากแต่อันนี้แยกแยะเอาไว้ในฐานที่เข้าใจกัน ว่าไอ้อ้นมันตีนหนัก” พี่ดิมพูดพร้อมพยักพเยิดให้ผมเข้าไปซิ พี่เล่นบอกสรรพคุณมาขนาดนี้ผมควรจะเข้าไปอีกเหรอ ผมเลยต้องยืนส่งยิ้มให้แอ้เฉยๆ แอ้ยืนมองผมก่อนจะหันไปมองพี่อ้น ส่วนพ่อผมนี่เดินตรงไปหาอาภีมทันที ไม่เกรงใจลูกๆ เลย
 
      “ทำไมพ่อทำได้อ่ะ” ผมถามพี่อ้น
 
      “อ้าวไอ้นี่!! พ่อเขาสอบผ่านไปนานแล้วมึง แต่ของมึงพึ่งส่งใบสมัครไม่ใช่เหรอและไอ้อ้นมันยังไม่เรียกตัวมึงเลย” พี่ดิมพูด
 
     “แต่ว่าผมน่ะเป็น…” ผมพูด
 
    “คุณพ่อวัยใส ใจแตกตั้งแต่ยังไม่สิบแปด” พี่ดิมพูดชมผม ชมแบบนี้เล่นเอาเขินเลยผม
 
    “ไม่มีสำนึกแถมยังเขินอีก ไอ้หน้าด้าน!!” พี่ดิมพูดชมอยู่นั่นแหละ จนกระทั่งพี่อ้นเดินเข้ามาหาผมสองคน เขามองผมกับพี่ดิมสลับกันไปมา ก่อนจะมาหยุดที่ผมตรงๆ ผมนี้เหงื่อแตกทันที
 
    “นี่มันสีหน้าคนที่โดนทำโทษเหรอวะ” พี่อ้นถามผม ผมหันไปมองแอ้เขาเดินตามพี่อ้นเข้ามาแบบนิ่งๆ
 
    “ต้องอย่างน้องกูนี่ สีหน้าแบบนี้ถึงจะถูกไอ้ดิว ทำหน้าสลด มึงสลดเป็นไหม!!” พี่อ้นถามผมพร้อมกับหันหลังไปชี้น้องรักของพี่เขา แอ้
 
    “สำนึกผิดอ่ะรู้จักไหม “พี่อ้นหันมาถามผมอีก
 
   “สมน้ำหน้าเล่นซ่ากันไม่เกรงใจใคร สุดท้ายโดยเนรเทศมาอยู่ในป่าเขาลำเนาไพร เวิ้งว้างมาก นี้ไม่มีเพื่อนบ้านให้พวกมึงชวนปาร์ตี้กันเลยเหรอ” พี่อ้นพูดพร้อมกับมองไปรอบๆ มันเป็นเรื่องจริง ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย ตั้งตะหง่าน อยู่หลังเดียวเลยแต่มีรั่วรอบขอบชิด
 
    “มันไม่ต่างจากคุก ยินดีด้วยครับมึงครับ” พี่อ้นพูดและยิ้มให้ผม ผมหันมาพยักหน้ากับแอ้ แอ้อ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ด้วย หนังสือการ์ตูนแสลมดังที่ชอบอ่านมาก อ่านตลอด ติดตัวตลอดเลยด้วย อ่านกี่รอบก็ไม่เคยเบื่อ ส่วนผมเองก็บ้าฟุตบอล อ่านและดูทุกช่องทางที่มีฟุตบอล ผมเคยใฝ่ฝันว่าอยากเป็นนักฟุตบอล ผมเก่งและมีพรสวรรค์ และที่เก่งไม่ใช่ใครอื่น คนที่สอนผมคือพี่เดฟ พี่เดฟเกือบจะได้ติดทีมชาติ ถ้าไม่มีเรื่องเอารองเท้าสตั้น ได้ผลและคนที่มาพักที่นี้กลับตัดสินใจกลับก่อนกันเกือบหมด

******

              Part’ s แอ้ (นายเอกของดิว) ผมชื่อแอ้ ชื่อเล่นน่ารักแต่ก่อนไม่ได้ชื่อแอ้ ชื่อน้องอะไรสักอย่างผมก็ไม่รู้แต่ว่าผมป่วยหนักมากตอนเด็กๆ จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด พอเปลี่ยนชื่อเล่นผมเท่านั้นแหละ ผมก็ไม่ป่วยอีกเลยและผมก็ใช้ชื่อเล่นนี้มาตลอด ชื่อจริงของผมคือ ภรัณยู ผมเป็นลูกชายพ่อภีมปภพ นายพลที่ดูแลค่ายทหาร พ่อผมมีลูกหลายคน เรียกได้ว่าเยอะที่สุดในบรรดาพี่น้องห้าคน ผมเป็นเด็กพิเศษ ความพิเศษที่ไม่ได้อยากได้แต่ว่าผมเลือกไม่ได้และอีกอย่าง ผมไม่ได้เป็นคนถูกเลือกดังนั้น ผมเหมือนคนอยู่ไม่ถูกทีถูกเวลา อยู่ในช่วงที่เขาต้องการให้ยุติเรื่องโครงการนี้แต่ผมกับเป็นคนที่ต้องมีสิ่งนั้นในตัวผมเพราะความจำเป็นแต่เหตุผลใดผมไม่รู้พ่อภีมไม่เคยบอกผมเรื่องนั้นเลย ทั้งที่โครงการผู้ชายท้องได้เขาได้ยุติลงไปแล้วและให้แค่คนเดียวที่เราขอเพื่อสืบทายาทผู้นำองค์กรนั้นคือบอยเท่านั้น
 
           ถามว่าผมรู้ได้ยังไงว่าผมท้องได้เหมือนกับบอย ก็วันที่ผมพลาดกับไอ้ดิววันนั้นแหละและนั้นผมถึงได้รู้ทั้งที่พ่อภาเองก็ยังไม่แน่ชัดมาก่อนว่าผมจะท้องได้เหมือนกันและมันก็ไม่ได้พลาดครั้งเดียว พอพลาดแล้วมันได้ใจ ตอนนี้มาห้าคนแล้ว แถมผมก็ยังไม่สามารถจะบอกเรื่องนี้กับใครได้ แม้จะทั้งพ่อภีมของผมเองและพี่ๆ เพื่อนๆ ของผมด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งคนที่สนิทมากอย่างติ๊กเพราะสิ่งที่เปิดเผยไป มันกระทบต่อองค์กรและคนที่จะเป็นผู้นำองค์กรอย่างบอยและที่กระทบมากผมกลัวจะเป็นพ่อภา
 
         “แอ้” ดิวมันขยับเข้ามาหาผม ไอ้นี้ก็มีโอกาสไม่ได้เลยน่ะ ผมละสายตาจากหนังสือหันไปมองหน้าไอ้ดิว พร้อมกับหันไปมองพี่อ้นกับพี่ดิม เขายืนดูคลิปวีดีโอกันอยู่สองคน
 
        “หมับ” นั้นไง มาจนได้มือมันน่ะ มากอดเอวผมจนได้ ผมรีบปัดออกพร้อมกับพยักพเยิดไปที่พี่อ้น ที่ยืนอยู่ มันไม่รู้หรือไงว่าพี่ผมยืนหัวโด่อยู่นั้นเพราะว่าเรื่องของผมยังไม่มีใครรู้เลยแต่จะมาแตกเพราะมันทุกที
 
        “อย่าดิว!” น้ำเสียงลอดไรฟันออกมาพร้อมกับพยายามดันไอ้หื่นนี่ออก มันหื่นไม่เกรงใจใครเลย ดิวมองหน้าผมแถมยังดื้อดึงไม่ยอมถอยออกไปอีก
 
      “มึงไม่เห็นเหรอพี่กูยืนอยู่นั้น” ผมพูด
 
     “พี่อ้นกับพี่ดิมเขายุ่ง นะ น่ะแอ้” ดิวพูด
 
     “มึงอย่าหาเรื่องได้ป่ะดิว “ผมหันมากำราบไอ้หื่นข้างๆผม
 
     “อ่านหนังสือเหรอ “ดิวถามผม ผมหันไปมองหน้าไอ้ดิว
   
     “กูยืนฟังเพลงอยู่มั้ง” ผมพูด ดิวยิ้ม มันกวนผมได้ดีจริงๆ
 
     “เอาอะไรมาบ้าง” ดิวถามผม
 
     “ก็หนังสือสำหรับอ่านเตรียมไปสอบทหาร โน้ตบุคเพราะว่ากูต้องติวออนไลน์กับพี่อ้นทุกวันหลังเลิกเรียนและของใช้อื่น” ผมพูด
 
     “เอายาทีพ่อให้ทาน มาด้วยหรือเปล่า” ดิงถามผม น้ำเสียงมันดูเป็นห่วงผมมาก ผมยิ้มตรงนี้แหละ
 
    “ไม่อยากให้แอ้ปวดท้องอ่ะ เป็นห่วง “ดิวพูดสายตาคู่นี้มันทำให้ผมใจอ่อนทุกทีและสุดท้ายไอ้คนตรงหน้าก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมมาก หนังสือที่ผมถือไว้ก็ลดลงเพราะว่ามันเหมือนโดนมนต์สะกด แต่จังหวะนั้นรถหรูแล่นเข้ามาพอดี ผมรีบผลักดิวออกจนกระเด็นออกไป เพราะไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครอยู่ในรถนั้น ติ๊ก ลูกชายคนเล็กของอาภาคย์
 
     ผมเข้าใจความรู้สึกของติ๊กน่ะ เราเคยสนิทกันมากสามคน ไปไหนมาไหนด้วยกันแต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป ในวันที่ผมกับดิวพลาดแต่ที่พลาดเพราะดิว มีใจให้ผมมานานแล้ว ถามว่าผมรู้ไหม ผมรู้ว่าดิวชอบผม แต่ผมเองที่กันมันไว้ไม่ให้มันแสดงออกเพราะอะไรนะเหรอ ผมรู้ว่าอีกคนก็มีใจให้ดิวเช่นกัน

    “ลูกแหง๋ของแอ้มาแล้วน่ะ ไอ้ลูกติ๊กอ่ะ” ดิวพูด มันพูดเชิงประชด มันไม่ใช่ผมนี่ มันไม่เข้าใจหรอกว่าการเป็นคนกลางและเป็นคนที่รู้ทุกอย่างแต่พูดไม่ได้ อีกคนก็ไม่รับฟังอีกคนก็คอยแต่คิดว่าว่าผมนั้นแย่งหัวใจอีกคนไป ดังนั้นเลยไม่มีใครเข้าใจผมสักคน
 
     ทันทีที่รถเบนซ์คันหรูสีบอร์นคันหรู รถนำเข้าเข้ามาจอดสนิท เสียงเครื่องยนต์ดับสนิท ประตูรถด้านคนขับเปิดออก ไม่ต้องเดาให้มาเลยว่าใครขับมา ผมว่าพี่ตุ๊ พี่ชายคนโตบ้านตอเต่า พี่ตุ๊เคยเป็นเพื่อนสนิทกับพี่อ้น พี่ดิมมาก่อน เคยดูแลพวกผมตอนพากันไปเที่ยว ภาพนั้นผมจำได้ดี พี่อ้น พี่ดิม พี่ตุ๊และพี่โจแต่พอทุกคนโตและต่างพากันไปเรียนมหาวิทยาลัยกัน ภาพนั้นก็หายไปและสิ่งที่หายไปด้วยคือมิตรภาพของพี่ๆ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ติ๊กมันเองยังไม่รู้เลย
 
       “สวัสดีครับพี่ตุ๊” ผมกับไอ้ดิวยกมือไหว้พี่ตุ๊พร้อมกัน ไหว้แบบเกรงกลัว บรรดาพี่ๆ พี่ตุ๊นี่ดูแล้วดุที่สุดแถมเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนปกครองนักเรียนเยอะแยะ
 
      “หวัดดีวะ โชคดีน่ะที่ยังตื่นกันมาไหวน่ะ ได้ข่าวว่าไปส่งท้ายกันมาไม่ใช่เหรอ ” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับมองผมกับพี่ๆคนละที ผมหันไปมองพี่อ้นกับพี่ดิมเช่นกันแต่พี่ทั้งสองก็ยกมือไม่รู้จะแก้ตัวให้ผมยังไง
 
     “ช่วยไม่ได้ คลิปพวกมัน ใครก็เข้าไปดูเพราะเขากลัวคุยกันไม่รู้เรื่อง ดังงข้ามคืนเลย นี้ไปจะห้าล้านวิวแล้วมึง” พี่อ้นพูด
 
      “ภายในแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองและห้าล้านวิวนี้มันทำให้ถูกส่งมาอยู่ไกลโพ้นขนาดนี้ เร็วไหมล่ะ” พี่อ้นพูดต่อ
 
      “ว่าแต่ ท่านผอเถอะครับ สบายดีไหมครับ ไม่ว่างเจอกันเลยนะครับช่วงนี้ งานยุ่งเหรอ” พี่อ้นพูดทักทายพี่ตุ๊ พี่ตุ๊หันมามองพี่อ้นแว๊ปหนึ่ง
 
      “ก็ไม่ได้ว่างมากจนลอยไปลอยมาเหมือนพ่อพวงมาลัยเหมือนมึงสองคนนิ ว่างมากและดูออก” พี่ตุ๊พูดมองพี่อ้นแค่แว๊ปเดียวก็หันไปเพื่อเปิดประตูให้ลุงภาคย์ลงมาจากรถ
 
        หลังจากที่ลุงภาคย์เดินลงมาพร้อมกับพยักหน้ากับพี่ตุ๊ แสดงว่าอีกคนไม่ยอมลงมาจากรถแน่นอน เมื่อตอนเช้าตรู่ผมโทรหามัน มันก็โวยวายไม่อยากจะมาเพราะว่าไม่อยากไปอยู่ที่กันดารแต่ผมเดาว่ามันคงนั่งร้องไห้มาตลอดทางเข้าเพราะว่ามันกันดารกว่าพี่พวกผมจินตนาการกันเอาไว้อีก ไม่มีเพื่อนบ้านเลยสักหลังแต่สภาพบ้านหรูพอสมควรไม่ถึงกับหรูหรามาก แต่ดีกว่าบ้านแถวนี้ ผมไม่แปลกใจถ้ามันจะไม่อยากก้าวขาลงมาจากรถหรูๆ ของมัน ติ๊กคงรู้ว่าชีวิตติดหรูมันคงหายไปพักใหญ่ๆ เลย
 
       “จัดการด้วยน่ะตุ๊ น้องเราไม่ลงมาจากรถ” อาภาคย์หันไปบอกพี่ตุ๊ ผมสองคนยกมือไหว้อาภาคย์และพี่ๆ ผมเช่นกัน อาภาคย์เป็นน้องชายพ่อภา (พ่อสามีผม) และเป็นพี่ชายของพ่อผมพ่อภีม ผมเลยเรียกลุงส่วนดิวก็เรียกอาครับ
   
       “พ่อเราไปไหนล่ะ พี่ชายกับน้องชายลุงน่ะ” ลุงภาคย์ถามพวกผม
 
       “พ่อผมกับลุงภา ไปดูใบครับลุง” พี่อ้นเป็นคนตอบ คำตอบนี้ทำเอาให้ผม ไอ้ดิว และพี่ดิม สะบัดหน้าหันไปมองพี่อ้นพร้อมกันทันที
 
       “อ้าว!! ไปตอนไหนล่ะแล้วไม่มาด้วยกันเหรอ” อาภาคย์ตกใจก่อนจะหันมาถามพวกผม
 
      “ไม่เห็นบอกกันเลยว่าจะไม่มา “อาภาคย์พูดเชิงต่อว่าเล็กน้อย
 
      “มาครับลุงแต่ว่าพากันไปดูใบ แต่ไปดูใบไม้ใบยาด้านข้างๆโน้นนะครับ แต่ถ้ายังหายไปนานๆอีก ผมคิดว่า พ่อผมกับลุงภาคงจะไปยังปักกิ่งกันต่อ ปักกิ่งไม้ใบหญ้ากันต่อแน่นอนครับลุง” พี่อ้นตอบ อาภาคย์มองพี่อ้นก่อนจะหันไปมองพี่ตุ๊อีกที ส่วนพี่ดิมยืนกุมหน้าผากทันที
 
      (กูอยากเลิกคบไอ้พี่เขยมึงจริงๆ ถ้าทำได้) พี่ดิมกระซิบข้างหูผม แถมยังเรียกพี่เขยอีกต่างหาก ผมหันมามองพี่ดิม อย่าเรียกแบบนั้นดิ
 
     “เออตุ๊!! “ลุงภาคย์เรียกพี่ตุ๊ คนที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ามองพี่อ้น พี่อ้นก็หยักคิ้วหยอกๆ ให้พี่ตุ๊อีก
 
     “แบบนี้ ที่บ้านเรียกกวนตีนนะพ่อ” พี่ตุ๊พูด ลุงภาคย์พยักหน้ารับทันที
 
     “อันที่จริง น้องชายลุงนี่ ค่อนข้างเรียบร้อยน่ะ ลูกชายมันไปเอามาจากไหนวะ เกรียนๆ แบบนี้” อาภาคย์พูด
 
     “ใครก็แปลกใจครับลุง นึกว่าพ่อไปเก็บผมมาจากถังขยะ” พี่อ้นพูด บ้านผมน่ะเกรียนทั้งบ้านเลยมีผมนี่แหละที่ไม่เกรียนเพราะกลัวพี่อ้น หรือว่าจะเป็นผมเองต่างหากพ่อไปเก็บมาจากถังขยะกันแน่
 
     ลุงภาคย์ก็เดินไปตามที่พี่อ้นชี้นิ้วไปว่าพ่อกับลุงภาเดินหายไปด้วยกัน คงแอบไปคุยอะไรกันแน่ๆ ผมหันมามองพี่ตุ๊ ดูท่าจะงานเข้า ไอ้ติ๊กไม่ยอมออกมา
 
    “แอ้เรียกเพื่อนเราลงให้พี่ทีซิ ไม่ยอมลง ร้องไห้หนักมาก ให้มาอยู่ที่นี้ทำยังกะพี่กับพ่อพาไปส่งอยู่เรือนจำจริงๆ อย่างนั้นแหละ” พี่ตุ๊พูด
 
     “ไม่ใช่แต่มันก็เหมือนมาก เหมือนติดคุกเลย ดูดิ ไม่มีอะไร ไม่ต่างกันเลย ไปอยู่เกาะสวาทหาดสวรรค์ยังดีกว่า ให้อยู่นี้ไม่เอาอ่ะ ไม่ลง!!!” ไอ้ติ๊กมันตะโกนออกมา จังหวะนั้น โทรศัพท์พี่ตุ๊ดังขึ้นพอดี ผมพยักหน้ากับพี่ตุ๊ว่าผมคุยกับไอ้ติ๊กมันเอง
 
     “ติ๊ก ออกมาดิว่ะ ถึงแล้ว” แอ้บอกคนที่นั่งอยู่ในรถ
 
     “ไม่ลง กูจะกลับบ้านกูและบ้านนี้แม่งตั้งอยู่หลังเดียวเลย บ้านใกล้เลือนเคียงก็ไม่มี ไม่ต้องถามหาเพื่อนบ้านเลย ไม่มีนแน่นอน มีแต่ทุ่งหญ้า สัญญาณมือถือก็มีเหมือนไม่มี โทรออกก็ไม่ได้ ห่วยแตก ห้างสรรพสินค้าก็ไกลฉิบหายเลย กูไม่อยู่ กูจะกลับบ้าน) )) )) )” ติ๊กพูดและทำท่าจะไม่ยอมลงมา
 
     “เข้าไปกันเถอะแอ้ ปล่อยให้เด็กโขร่งนี้ไป งอแงไม่ไหวน่ะแบบนี้ อายุตั้งเท่าไหร่แล้ว อันที่จริงมันน่าจะกลับไปเรียนอนุบาลแทนมัธยมปลายน่ะ วุฒิภาวะไม่เพียงพอ” ไอ้ดิวพูด ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามัน นี้มึงช่วยแล้วเหรอ แต่ว่ามันกลับก็ได้ผล ไอ้คนที่ผมว่าอยู่ก็รีบหมุดออกมาจากรถเก๋งคันหรูทันที
 
     “ไอ้ดิวมึงว่ากูเหรอ ใครวะเด็กโขjง!!” ติ๊กพูดและมันก็หลงกลของผมเต็ม เสียงกดล๊อกประตูดังจากรีโมทของพี่ตุ๊ พี่เขาหันมายกมือแท็กทีมกับไอ้ดิวทันที
 
     “ไอ้ดิว!!!! ไอ้เชี่ย!! หลอกกูลงมาทำไมเนี่ย!!” ไอ้ติ๊กหันไปด่าไอ้ดิวทันที ไอ้ดิว มันหยักไหล่ก่อนจะเดินหันหลังเข้าบ้านไป ผมหันมามองติ๊ก พี่ๆ ก็พากันเดินเข้าบ้านไปแล้วด้วย ผมมองหน้ามัน ผมพยักหน้าว่าตามเข้าไปด้านในเถอะ ติ๊กมันก็เดินไปด้วยกดมือถือไปด้วย ผมมองหน้ามัน ผมเดาว่าเขายังไม่ได้ติดตั้งอะไรให้ตอนนี้ สัญญาณอินเทอร์เน็ตยังไม่มีแน่นอน ส่วนสัญญาณมือถือไม่ต้องถามถึง ต่ำมากถึงมากที่สุด
 
    “ไม่มีสัญญาณ จะอยู่ยังไงวะ “ติ๊กถามขึ้น
 
     “ก็ดีน่ะ มึงเคยโพสต์ไม่ใช่เหรอว่าจะไปอยู่ป่าเบื่อความวุ่นวาย” ผมพูด
 
      “แต่นั้นกูหมายถึงถ้ามีอินเทอร์เน็ตโว้ย!!แต่นี่ไม่มีอะไรเลย สัญญาณอะไรก็แทบจะไม่มี มึงให้กูอยู่ยังไงไอ้แอ้” ติ๊กพูด ผมมองไอ้ดิวมันหันมามองผมเป็นระยะๆ ผมเดาสายตามันได้ มันไม่ค่อยพอใจที่ผมคอยตามใจติ๊ก ก็ผมเหมือนพยายามเชื่อมให้ดิวกับติ๊กและผมกลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม ไม่ใช่ให้มันมีแค่ผมคนเดียวแบบนี้

       TBC....
หัวข้อ: ( รีไรท์ใหม่ ) รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้องๆรักกัน) EP.2 ถูกเนรเทศ 2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 28-12-2023 08:57:01
     
  EP.2 ถูกเนรเทศ 2
       Part’ s ดิว ผมนั่งมองแอ้ ที่นั่งเอาใจไอ้ติ๊กน่าดู ผมไม่เข้าใจว่าทำไม ผมก็รู้ว่าไอ้ติ๊กกับผมและแอ้น่ะเคยสนิทกันมากแต่ว่าคนเรามันก็ต้องมีช่องว่างระหว่างกันบ้างและที่สำคัญ ตอนนั้นไอ้ติ๊กมันเริ่มเข้าวงการบันเทิง ทั้งที่ลุงหนึ่งเรียกมันไปว่าเรื่องรับงานเล่นหนังเล่นละครถ่ายแบบ แถมถ่ายแบบนี้ก็หวิวซะไม่มี ลุงหนึ่งเขาไม่ชอบ มันก็ขัดใจเขาตลอดและตอนนั้นมันทำให้ผมได้แสดงให้แอ้รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับแอ้ จนสุดท้ายผมก็ทำให้แอ้เป็นของผม ผมรู้ว่าหัวใจแอ้ก็คือของผมมานานแล้วเช่นกันแต่นี่…อะไรพอเจอไอ้ติ๊ก ไปกับมันทันที

     ผมนั่งมองก่อนจะหันมาเห็นสมาชิกอีก บ้านพ.พาน มาถึงแล้ว นั้นคือพาย น้องพายเป็นน้องคนเล็กของบ้านพอพาน ลูกชายอาเปรมดิ์น้องชายของบรรดาพ่อผมแต่ไม่ใช่คนเล็กที่สุด ยังมีอาเป้อีกคนแต่เท่าที่ผมทราบ อาเป้ไม่ใช่หนึ่งในห้าตระกูล ผมก็ยกมือไหว้อาเปรมดิ์ ส่วนน้องพายนี้เดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรู กางเกงน้องสั้นมาก พี่อ้นกันพี่ดิมเขานั่งดื่มน้ำกันและหันมาเจอน้องพายเข้าให้
      “พล้วด!!!” น้ำกระฉอกออกมาทันทีจากพี่สองคน
      “แคร็กๆๆๆ” พี่อ้นพี่ดิมพากันสำลักน้ำไปตามๆ กัน
      “แหม แค่นี้ก็ไม่เก็บอาการนะพี่ดิมพี่อ้น” พายพูด
      “ใจสั่นเลยทันทีที่เห็นอะไรสั้นๆ แบบนี้ ออกมานี้ปรึกษาใครบ้างยังเนี๊ยะ!! “พี่อ้นถามพาย น้ำเสียงประชดชัดๆ เลย
      “มาเดินป่าน่ะไม่ได้มาเดินชายหาดครับน้องครับ” พี่อ้นพูด
     “พี่อ้น ดูอากาศเมืองไทยซิร้อนขนาดนี้ ถ้าไม่เกรงใจว่าพ่อมาส่ง คงใส่บิกินนี่มาแล้วพี่” พายพูด
     “บุญแท้ๆ ที่ยังคิดได้…เนอะ!!” พี่อ้นพูด น้องพายแอบค้อนพี่อ้นก่อนจะเดินมาหาผม ยิ้มแบบนี้มันสร้างความสยดสยองให้ดิวหนักเชียว
     “ดิว พายคิดคิดถึงอ่ะ กอดทีดิน่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีผู้ชายล่ำๆ ให้กอด” พายพูด
     “ไม่ดีกว่าแค่ยิ้มให้ก็ดีใจแล้ว” ผมรีบห้ามเพราะว่าพี่พีชหันมามองพอดี พี่เขายิ่งหวงน้องอยู่และที่สำคัญ ผมไม่ถนัดแบบพาย
      “ทำไมอ่ะ” ยังมาถามอีก ผมชี้นิ้วไปที่พี่มึงนั้นพี่พีช ที่ยืนเท่อยู่ตรงนั้น ถึงไม่ใช่พี่แพทแต่พี่แกก็โหดไม่แพ้กัน ผมรู้ว่ามาว่าพี่แกอยู่หน่วยเดลต้าฟอร์ทอยู่น่ะตอนนี้ถึงจะพึ่งจบใหม่ก็เถอะแต่ผมแอบคิดในใจไอ้คนที่อยากกอดก็ไม่ได้กอด
       “อีพาย มึงมาถึงก็ว้อนท์เลยน่ะ “ติ๊กหันมาพูดกับพาย
       “อิจฉากูละซิ “พายพูด
       “เออ แอ้กูปวดฉี่ว่ะ ไปห้องน้ำกับกูหน่อยดิ” ผมหันมามองแอ้ว่าไปไหนอีก แอ้สั่นหัวให้ผมเบาๆ ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับติ๊กเพราะว่ามันเจาะจงชวนแอ้ทันที
        “ท่อไอ้ติ๊กมันติดกับท่อมึงเหรอแอ้ มึงไม่ต้องเซย์เยสกับมันบ่อยก็ได้น่ะแอ้ ให้มันไปเองบ้างเถอะ” พายถามแอ้ก่อนจะนั่งลง
        “ต่อให้กูปฏิเสธมันก็ลากกูไปอยู่ดีป่ะพาย” แอ้พูด ผมน่ะไม่เคยเห็นแอ้ปฏเสธไอ้ติ๊กสักครั้ง น้อยมาก
        “งั้นเราไปกันบ้างไหมอ่ะดิว ไหนๆ ไปด้วยกันสี่คนเลยแต่แบ่งเป็นสองคู่ไง แข่งกันดูซิว่าใครจะ ฟินกว่ากัน” พายหันมาชวนผมไป ผมนี้อยากจะเป็นลม ผมรีบโบกมือทันทีไม่เอา
       “ไม่เอาอะ ดิวยังไม่ปวดและพึ่งไปเข้ามาด้วย” ผมซิรีบปฏิเสธพายทันทีผมเดินหนีไปที่ตรงหน้าต่างแทนทันที ไปมองบรรยากาศรอบๆ จะว่าไปก็ดีอยู่น่ะ ร่มรื่นดีแต่น่าแปลกว่าบ้านหลังนี้ถูกสร้างเอาไว้ทำไมหลังเดียวโดดเดี่ยวขนาดนี้ ผมเห็นพ่อผมกับอาภีมและอาภาคย์เดินคุยกันมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมาพร้อมกันแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องหนักใจเกิดขึ้นแน่ๆ
        “ดิว” พี่ดิมเดินมาสะกิดผม ผมหันไปมองพี่ดิม
        “พี่ดิม พ่อมีเรื่องอะไรหรือเปล่าพี่ ดูสีหน้าพ่อ สีหน้าอาภีมและอาภาคย์ เหมือนมีเรื่องเลยอ่ะ” ผมถามพี่ดิม ผมว่าพี่ดิมน่าจะรู้ดี พี่ดิมมองหน้าผม
       “ถามทำไมล่ะ” พี่ดิมถามผมกลับ
      “ถ้ามีและเป็นเรื่องของพวกผม ผมอยากช่วยไงพี่ดิม” ผมบอกพี่ดิม
      “พี่เชื่อว่าพ่อคงจัดการมันได้นะดิวแต่ถ้าดิวอยากจะช่วย ก็แค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมาให้สำเร็จ แค่นี้ หนึ่งปีเองก็ได้กลับไปใช้ชีวิตปกติแล้ว จัดการที่ลุงหนึ่งบอกมาให้ได้ แค่นี้ก็ช่วยพ่อได้เยอะแล้วดิว แค่พวกเราไม่ทำให้อะไรมันแย่ลง แค่นี่แหละพี่ว่าพอแล้ว” พี่ดิมบอกผม ผมเข้าใจที่พี่ดิมบอก

           ภารกิจที่ผมได้รับกันคืออะไรกันแน่ผมเองยังไม่รู้เลยแล้วผมจะทำมันยังได้ยังไง เห็นบอกว่ามีพวกมีอิทธิพล ทำให้เด็กเรียนเก่งๆ ย้ายไปจนหมดเหลือไว้แต่เด็กเกเร แล้วพวกผมจะไปทำอะไรกับมันได้ ถ้าไม่ให้ใช้กำลังเพราะที่โดนทำโทษก็เพราะพวกผมใช่กำลังกับพวกปากดีทั้งนั้น ให้ไปยืนคุยกับพวกมันเหรอ ผมว่าไม่มีทางหรอกมั้ง
          “ห้องน้ำแม่งไม่เหมือนห้องน้ำที่ที่บ้านเลยไม่ทันสมัยเลย อ่างอาบน้ำก็ไม่มี ถ้าต้องอยู่ กูให้พ่อเอาอ่างกุชชี่มาลงดีกว่า” ติ๊กพูดไปบ่นไป ผมหันไปมองทั้งสามคนเดินออกมาพร้อมกัน ผมหันไปมองก่อนจะหันมาพี่ชายผม เขากอดอกมองทั้งสามคนเช่นกัน ผมยอมรับว่าบ้านผมนั้นมีอะไรคุยกันได้ทุกเรื่อง พี่ดิมพยักพเยิดกับผม ผมหรี่ตามองพี่ชายว่าอะไร จะสื่ออะไรกันแน่
           “นี่มึงยังจะหึงแอ้อีกเหรอ กูดูแล้วก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่า สมาคมเมียทั้งนั้นเลยสามคนนั้นน่ะ” พี่ดิมพูด ผมหันมามองมันแน่เหรอ เมียผมเห็นแบบนี้ก็ออกจะแมนน่ะ
            “เออ ยอมรับว่าแอ้ ดูแมนกว่าสองคนนั้นเยอะแต่ไม่น่าจะใช่อย่างที่มึงคิดน่ะพี่ว่า” พี่ดิมพูด
           “สาวเสียบเปล่าเมียมึงอ่ะ” พี่ดิมพูด ผมหันมามองไม่ใช่
           “มึงโดนยัง!” ยังถามกล้าถามมาได้
           “ไม่เคย!!” ผมบอกปฏิเสธทันที

        พ่อผมกับอาภีมและลุงภาเดินกลับเข้ามาพอดีและตรงไปยังห้องนั่งเล่นอีกห้องที่นี้เขามีสองห้องนั่งเล่นและที่พวกผมนั่งกันอยู่เป็นบาร์ที่เขาจัดเอาไว้ เอาใจขาดื่ม จะว่าไปก็เอาใจอยู่น่ะ ให้ดื่มได้ที่นี้แต่ห้ามออกไปไหนแน่นอน
         “ไอ้ดิม มึงได้ดาวน์โหลด คลิปน้องๆ เขามาดูกันหรือยังว่ะ ถ้ายังรีบนะมึงก่อนจะโดนลบ” พี่อ้นพูด คลิปฉาวที่พวกผมไปทำจนได้เรื่องนะเหรอ
         “ไอ้ตุ๊มึงอ่ะ ดาวน์โหลดหรือยังว่ะ เดี๋ยวคุยกับใครเขาไม่รู้เรื่องหรอกว่า น้องๆ ที่รักของพวกเราไปทำอะไรไว้ โด่งดังไปไกล” พี่อ้นแซวพี่ดิมทันที พี่ดิมหันมามองก่อนจะวางปากกาที่ใช้คู่กับไอแพตคู่ใจของพี่เขา ส่วนพี่อ้นเขาดูจากมือถือรุ่นใหม่หน้าจอใหญ่ยักษ์
      “ไม่เอาแล้ว เมมกูเต็มเพราะคลิปพวกมันนี่แหละ” พี่ดิมพูด ผมเอามือแตะหน้าผากตัวเอง พี่ควรจะปฏิเสธเขาบ้างก็ได้น่ะ พูดแบบนี้มันช่วยเขาซ้ำเติมน้องตัวเองแท้ๆ
       (มาดิ มึงอยากบวกก็เปิดมา พวกกูพร้อมบวก มึงแม่งปากดี ปากน่าวางเท้าว่ะ รองเท้ากูเล็กแต่หนักว่ะ เอาไหม?) พี่อ้นเปิดคลิปเสียง อันนี้เสียงไอ้ติ๊กเลย อยากบวกก็เปิดมา
      “อันนี้น้องมึงอ่ะไอ้ตุ๊” พี่อ้นพูด พี่ตุ๊หันมามองไอ้ติ๊กทันที
       “พี่อ้นเปิดไปช่วงนาทีที่ยี่สิบกว่าดิ” ติ๊กพูด พี่อ้นก็เปิดไปอีกจนถึงที่ติ๊กบอก
       “อุบ๊ะ!! ไอ้แอ้ มึงฟาดเขาแบบนี้ ใครต้องไปจ่ายค่าทำจมูกมันว่ะมึง ดูดิ ไอ้เชี้ย! เบี้ยวไปเลยมึง” พี่อ้นพูด นั้นเมียผม ถึงได้บอกว่าเมียผมไม่อ่อนแอ่น แบบนี้ที่ผมชอบ
       “เดี๋ยวน่ะไอ้ดิม ห้านาทีต่อมา น้องมึงแม่งโชว์ท่ายาก หนุมานถวายแหวนเขาไป ถึงกับสลบกลางอากาศเลยนะมึง นี้ขนาดมึงบอกพ่อมึงลุงกูอ่ะ ว่ามึงก็อดทนแล้วน่ะแน่เหรอ “พี่อ้นพูดพร้อมกับหันมามองหน้าผม
        “พ่อกูเห็นแล้ว ช๊อตฟิลพ่อกูมาก มันวางยาสลบเขาด้วยมวยไทยพี่กูยังทำไมได้เลย และนี่มันก็แม่ไม้มวยไทยที่พ่อกูเองส่งไปเรียนมาแท้ๆ พ่อบอกว่ากูคิดผิดจริงๆ “พี่ดิมพูด พวกพี่อ้นพี่ดิมเขาคุยกันเป็นเรื่องตลกแต่พวกผมนี้คือ ช๊อตฟิลตรงที่ชะตาชีวิตเปลี่ยนในช่วงข้ามคืนเท่านั้นเอง ชีวิตที่ได้เป็นนิสิตนักศึกษาแต่กลับกลายเป็นว่ามาเป็นเด็กมัธยมเหมือนเดิม
        “พากันฟ้าดเขาไม่ยั้งแบบนี้แล้วมานั่งคอตกกันทำไมครับ น้องๆ ครับ” พี่อ้นถามทุกคน
        “ทำไม ไม่คิดซะก่อน จะได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยกันอยู่แล้วหรือว่าอยากเป็นเด็กมัธยมไปเรื่อยๆ” พี่อ้นพูด แต่ล่ะคนหันมามองหน้ากัน
        “แต่ชุดมัธยมมันก็น่ารักอยู่น่ะ พี่นี่ก็ชอบมาก” พี่อ้นพูด
        “วัยกำลังน่าทานเลย “พี่อ้นพูดอีก
        “แต่ฟังน่ะ พวกพี่ๆ ก็โดนกันมาเหมือนๆ ที่เราโดนนั่นแหละ อดทนบ้าง ทำอะไรคิดถึงพ่อหน่อย “พี่อ้นพูดสอนพวกผม ผมหันมามองเมียผม แอ้ พี่อ้นกำลังจะให้โอวาทว่างั้น
         “พวกพี่น่ะ อดทนมาก!! น่ะที่ผ่านๆ มา” พี่อ้นพูดสีหน้าจริงจังมาก
         “อดทนที่จะไม่ฟาดปากพวกนั้นน่ะเหรอพี่อ้น ทำได้ไงอ่ะ พวกผมนี่ โอ๊ย!! ทนไม่ได้อ่ะ” พายพูด
          “อดทนที่ฟังพ่อบ่นแทนโว้ย ฮาๆ” พี่อ้นพูดพวกผมถไลไปกับโต๊ะพร้อมกันเลย
          “แต่ไอ้พวกนั้นน่ะ มันหมอบตั้งแต่มันเริ่มต้นแล้ว ไม่ต้องรอมันพูดจบ พี่ก็ไม่ทนครับ!!!” พี่อ้นพูดแต่อันนี้หักมุมมาก
          “คือมึงจะบอกน้องๆ ว่า มึงก็ไม่ได้ยืนนิ่งๆ ว่างั้นเถอะ มึงก็ใส่เขาเหมือนกันไอ้อ้น” พี่ตุ๊หันมาพูด
          “อ้าว!! กูก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะโว้ย แต่กูไม่ด่ากลับเพราะกูด่าไม่ทัน แต่มือเท้ากูนี้ไวครับทันตลอด” พี่อ้นพูด ผมหันมาพยักหน้าพร้อมกันแล้วพี่เขาจะพูดทำไมว่ะ มันก็เหมือนๆ กัน
          “โธ่!! ฟังตั้งนาน สรุปที่พี่โดนน่ะคือโดนพ่อด่ามาเหมือนๆ กัน” ไอ้ติ๊กพูด
          “มีรถแล่นเข้ามาจอดแล้วว่ะ สงสัยไอ้แจ็คมาแล้วเนี่ย “ติ๊กรีบพูด ไอ้แจ็คนี่แหละที่ความอดทนต่ำกว่าคนอื่น มันใส่ไม่กลัวเลยแต่ทุกครั้งจบลงที่ผมทุกทีเพราะว่าพวกมันไม่ได้มีแม่ไม้มวยไทยเหมือนผม เสียงพ่อผมคุยกันทักทายอาภูมิ อาภูมิเป็นน้องชายของพ่อผมอีกที อาภูมินี้อยู่ที่ดูไบ เป็นเศรษฐีที่นั่นและลูกๆ ของอาภูมิก็มีเชื้อสายชีคด้วย รูปร่างหน้าตาแต่ล่ะคนคือหนุ่มหล่อแห่งแดนทะเลทรายทั้งบ้าน โดยเฉพาะไอ้แจ็ค ฉายาของไอ้นี่ ที่พวกนี้เขาเรียกว่าไอ้แจ็คผู้มาเพื่อฆ่าเพื่อน มาทีไรงานเข้าเพื่อนทุกที ผมนั่งมองคนที่เดินเข้ามา มาอย่างหล่อ ก็พ่อรวยช่วยไม่ได้ ใช้ของแบรนด์เนม ไม่มีชิ้นไหนที่ไม่ใช่แบรนด์เนมสักชิ้น
*****

         Part’ s แจ็ค อีกตระกูลที่จากแดนทะเลทราย ผมชื่อเล่นชื่อแจ็ค ไม่ใช่แจ็คดอสันแน่นอน ผมยาวมากพูดเลย ผมเป็นลูกชายพ่อภูมิ หรือ ภูมินทร์ ส่วนผมชื่อจริง แจ็คสัน ไคล์ เอวาสกี้ พ่อผมเป็นตระกูลที่มาจากเศรษฐีดูไบ พ่อผมมีธุรกิจมากมายที่นั้น พ่อผมเป็นหนึ่งในห้าตระกูลดังที่มีอิทธิพลแต่ว่าครอบครัวพ่อผมถูกฆาตกรรมและได้มารวมกันใหม่พร้อมความเข้มแข็งมากกว่าเดิม พ่อผมคือหนึ่งในเศรษฐี ดูไบที่ใครก็รู้จักกันทั่วโลก พ่อผมมีลูกโดยการแต่งงานกับเศรษฐีที่ดูไบและต่อมาพ่อผมก็เลิกกับคนที่เรียกได้ว่าเป็นแม่ของพวกผม เท่าที่ผมทราบ เขาไม่เคยเลี้ยงผมเลยเพราะว่าพ่อผมทำข้อตกลงเอาไว้ว่าแค่ให้กำเนิดอย่างเดียว พ่อผมเลี้ยงผมเองมาตลอด  ทำให้พวกผมรักพ่อผมมากกว่าและเขาก็ไม่เคยมาให้พวกผมเจอีกเลยหลับจากคลอดผมแล้ว 

            บ้านของผมคือบ้านจอจาน ขึ้นต้นด้วยจอจานกันหมด พี่ชายคนโต พี่โจ พี่โจ้ (สองคนนี้หัวปีท้ายปี) พี่เจมส์ พี่เจน พี่เจส พี่เจฟฟี่ พี่เจและผมแจ็ค น้องเล็กสุด แสบสุดๆ จนพ่อกุมขมับแต่สิ่งที่ผมทำเพราะผมเป็นคนมีความคิดที่เป็นของผมเอง ผมมีเส้นทางของผมเองแต่ด้วยความที่พ่อผมคือนายทุนใหญ่ที่สุดในองค์กร มีธุรกิจหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ดูไบ หรือทางยุรูป อเมริกา ลอนดอน และอีกหลายที่ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอันไหนดี มันยุ่งไปหมด พี่ผมบางคนก็ต้องเรียนและช่วยพ่อไปด้วย (อันนี้พ่อบอกมันคือสิ่งที่ดีในการเริ่มต้น เราเริ่มก่อนก็ได้ก่อน)
           พ่อผมไม่เหมือนพ่อบ้านอื่นๆ ที่เขามีลูกโดยการจ้างอุ้มบุญกันแต่ของพ่อยอมลงทุนแต่งงานเพื่อให้ได้ทายาทมาเชยชมและมันก็ทำให้พ่อผมสะบั้นรักลุงณะไปพักใหญ่แต่พ่อผมก็มีดี กลับมาง้อลุงณะได้อีกครั้งแต่ผมนี่ซิ มันเหมือนซ้ำรอยเดิมยังไงก็ไม่รู้แม้จะเหตุผลไม่เหมือนกัน ตรงที่ว่า เขาเป็นคนหายไปไม่ใช่ผมที่หายไป จะใครละน้องชายคนเล็กบ้านบอใบไม้ บอย

        ผมรู้ว่าบอยคือใครสำคัญกับองค์กรแค่ไหนและรู้ด้วยว่า เขาไม่ต้องการเลือกผม หรือว่าที่บอยหายไปเพราะว่าบอยเชื่อเขามากกว่าผมกันแน่ ว่าผมไม่ดีพอเท่ากับ ไอ้ดิว!!! ที่เขาเลือก แต่ไอ้ดิวมันก็บอกผมว่ามันไมได้ไปมันยุ่งตลอดแต่ผมก็ไม่เห็นหัวมันมาพักใหญ่แล้วน่ะ มันยังยังไงของมันก็ไม่รู้
          “แจ็ค “พ่อเรียกผม ผมนั่งเล่นมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่ ผมไม่เข้าใจว่าผมจะต้องไปทำหน้าที่อะไรแบบนี้ทำไม ใช่ผมซ่ากันมากจนลุงหนึ่งต้องเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขพฤติกรรมของผมคนอื่นๆ ผมไม่ได้เรียนที่นี้ผมเรียนที่ต่างประเทศแต่ชอบบินมาซ่าที่นี้กับพวกมันนี่แหละพึ่งโดนไปเดือนก่อนหนักที่สุด แต่ว่าเมื่อคืนก่อนก็โดนมาอีก เรียกว่างานเก่ายังไม่เคลียร์งานใหม่มารอคิวแล้ว
          “ทำไมผมต้องไปด้วยอ่ะพ่อและไหนจะให้เรียนมหาวิทยาลัยอีก แต่นี่อะไรต้องไปเป็นเด็กมัธยมปลายอีก ตกลงให้ผมทำอะไรกันแน่พ่อ “ผมถามพ่อผมด้วยความหงุดหงิด แต่ผมไม่ได้หงุดหงิดพ่อผมน่ะ ผมหงุดหงิดคนที่พยายามบงการชีวิตพวกผมนี่แหละ
           “ก็เราน่ะ ไปทำเรื่องกันเอาไว้ และมันก็ทำให้หลายๆ คนมองว่า เราใช้อิทธิพลของพ่อทำเรื่องพวกนี้ แจ็ค” พ่อผมพูดก่อนจะหันมามองหน้าผมพร้อมกับถอนหายใจยาวๆ เพราะลูกชายหัวดื้อคนนี้ ผมนี่ดื้อที่สุดในบรรดาลูกชายของพ่อผม ผมน่าจะเป็นลูกชายคนเดียวที่ทำให้พ่อถอนหายใจบ่อยที่สุด ก็ผมไม่ชอบให้ใครบังคับ ผมชอบทำตามความคิดของผมเอง ผมชอบอิสระ
           “แจ็ค บอยก็มาน่ะ บอยเขาขอมา” พ่อบอกผม ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ ก็สาเหตุมาจากที่เขาหายหน้าหายตาไปจากผมหลายปี เรียกว่ามาทำให้รักและตีจาก บอยคือหนุ่มที่มีนัยต์ตาสีฟ้า ผมสีควันบุหรี่ หน้าหวานราวกับสตรี น่ารักน่าถนอมตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เจอ

        ผมเจอเขาเมื่อสามปีที่แล้ว บอยมาพักและเรียนที่เดียวกับพวกผม ความทรงจำที่แสนหวานในตอนวัยเด็ก แต่ว่ามันพังลงวันที่บอยต้องกลับไปที่อังกฤษโดยไม่ได้กลับมาอีกและหายไปโดยที่ผมเองก็ติดต่อไม่ได้ เหมือนถูกตัดขาดกันไปเลย น่าแปลกทั้งที่พ่อผมก็เจอลุงณะ แต่ว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ลุงณะ ไม่พอใจผมอยู่
         “แจ็ค” พ่อเรียกผมอีกครั้ง
         “เขามาทำไมอ่ะพ่อ เขาหายไปจากพวกผมสามปีแล้วน่ะ” ผมพูด
          “บอยคือคนสำคัญขององค์กรนะแจ็ค ไม่ว่ายังไงเราต้องช่วยกันดูแลบอย ไม่ว่าบอยเขาจะมาในฐานะอะไรก็ตาม พ่ออยากให้เราช่วยกันดูแลบอย ทำได้ไหมแจ็ค พ่อขอล่ะ” พ่อผมพูด ผมหันไปมองพ่อผม พ่อพูดจริงเหรอ เขาทิ้งผมไป เขาทำให้ผมเจ็บ เจ็บจนกินไม่ได้นอนไม่หลับและที่ผมเป็นแบบนี้ มีแต่เรื่องจนถึงหูลุงหนึ่งก็เพราะเขาน่ะ
          “แจ็ค บอยเขาน่าจะมีเหตุผล” พ่อผมพูด ผมหันไปมองนอกรถเก๋งหรู
           “ผมไม่สนใจเหตุผลเขาแล้วพ่อ เขาหายไปหลายปี ไม่ยอมติดต่อกลับมาเลย ผมว่า ผม ผม ควรจะเลิกคิดเรื่องเขาได้แล้วพ่อ” ผมพูด สายตาผมมองไปด้านนอกรถ ไม่มีอะไรนอกจากต้นไม้ใบหญ้า
          “งั้นก็ตามใจน่ะ อย่ามานั่งร้องไห้ทีหลังอีกล่ะ” พ่อผมพูดด้วยความเอือมระอาก่อนจะหันไปสนใจไอแพตของพ่อผมต่อไป ผมแค่หันไปมองพ่อผมแว๊ปหนึ่ง นี้พ่อไม่ง้อกันเลยเหรอ
          “แต่ผมยังไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องแค่นี่เอง ทำไมพวกผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยอ่ะพ่อ เขาใช้ตรรกะอะไรของเขาอ่ะพ่อ” ผมถามพ่อผม พ่อเป็นฝ่ายหันมามองผมก่อนจะวางไอแพตลง
         “และนี่อะไร ส่งผมมาอยู่ตะเข็บชายแดนแบบนี้อ่ะพ่อ” ผมพูดพร้อมกับผายมือไปด้านนอกรถ
         “พ่อว่ามันดีสำหรับเราน่ะและเราจะได้มีสมาธิในการเรียนออนไลน์และจะได้ไม่ไปหาเรื่องกับใครเขาเพราะว่าหัวร้อน น่าจะทั้งแก้งเลยก็ว่าได้ “พ่อผมพูด ผมอยากจะบ้าตาย

      นี้ตกลงผมต้องทำหลายๆ หน้าที่ไปพร้อมๆ กันอย่างนั้นเหรอ ไหนจะภารกิจอะไรก็ไม่รู้ที่ลุงหนึ่งจะมอบหมายให้ผมกับเพื่อนๆ ต้องกลับมาเป็นนักเรียนมัธยมปลายเพื่อแก้ไขปัญหาในโรงเรียนให้อาภูมิ เพราะว่าโรงเรียนสาขานี้เป็นสาขาที่มีปัญหามากที่สุดและที่ผมแปลกใจเพราะว่าพวกเรียนจบแล้วและพวกผมควรจะได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยกันได้แล้ว ไปใช้ชีวิตติดหรู อยากทำอะไรก็ได้ทำแต่นี่มันหมดแล้ว ต้องอดทนให้ได้ถึงหนึ่งปีเลย และอีกอย่างผมยังต้องมาเจอคนที่เคยรัก รักมากแต่ว่าเขาหายไปจากผม สามปี แล้วผมจะทำหน้ายังไงดีว่ะ
         “พ่อ ตกลงแล้ว เขากีดกันผมกับบอยเพราะว่าเขาอยากให้บอยคู่กับไอ้ดิว ใช่ไหมพ่อ” ผมหันมาถามพ่อผม
         “แล้วแจ็คคิดว่าไงล่ะ” พ่อหันมาถามผมแทน
          “ผม ไม่รู้อ่ะพ่อ ผมไม่ดีตรงไหน สู้ไอ้ดิวไม่ได้เหรอ “ผมถามพ่อผม พ่อวางไอแพดลงก่อนจะหันมามองหน้าผมอีกครั้ง
           “แจ็คก็ต้องทำให้เขาเห็นซิว่าลูกชายพ่อมีดี สิ่งที่จะพิสูจน์ว่าเราดี คือความสามารถ พ่อเชื่อว่าแจ็คทำได้และถ้าแจ็คอยากได้ใจบอย แจ็คต้องพยายามเยอะกว่าคนอื่น ก่อนที่คู่แข่งอีกคนจะมา…” พ่อพูดผมหันไปมองหน้าพ่อผม มีอีกคนที่เขาเลือกนอกจากไอ้ดิวเหรอ
          “แต่เขาไม่ได้มาเพื่อต้องการบอย เขาจะมาทำให้บอยหลุดพ้นตำแหน่ง เราต้องการใครสักที่มีความสามารถจะยืนอยู่เคียงบอยได้” พ่อผมพูดจังหวะนั้นรถหรูของผมก็แล่นมาจอดที่บ้านหลังหนึ่ง ที่ตั้งตระหง่านโดดเดี่ยวอยู่กลางป่าแต่ทว่า มันดูมีรั่วรอบขอบชิด เป็นบ้านหรูอยู่หลังเดียวเลย แถมไกลมาจากในตัวเมือง
           “พ่อแน่ใจแล้วเหรอพ่อที่ให้พวกผมที่ไม่เคยอยู่อะไรแบบนี้มาอยู่ด้วยกันที่นี้ ผมว่าคนแรกที่จะประสาทกินคือไอ้ติ๊ก” ผมพูด พ่อหันมามองหน้าผม
         “อันนี้ก็คือการดัดนิสัย อยู่แบบนี้บ้างก็ดีน่ะ จะได้ไม่ต้องออกไปหาเรื่องกับใครเขาอีก “พ่อผมก่อนจะพยักหน้ากับคนขับรถ พี่เขาลงไปพร้อมกับเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้พ่อกับผมลง รถที่พี่โจนั่งมาด้วยก็ขับเข้ามาด้านในเช่นกัน ผมมองดูแล้ว มีรถหลายบ้านมาจอดรออยู่แล้ว ผมมองบนทันทีตอ่ให้บ้านจะดูทันสมัยแต่สิ่งแววดล้อมมันเหมือนได้มาอยู่ในคุกชัดๆ
          “ครับผม ได้ครับ ถ้ายังไง ผมให้ทางเลขาฯเป็นคนติดต่อไปอีกที ได้ครับ ครับผม ขอบคุณครับ” พี่โจเดินลงมาจากรถอีกคัน ผมเดาได้ว่าพ่อกับพี่โจไม่ได้กลับพร้อมกันแน่นอน ถึงได้มารถสองคันแบบนี้ พ่อลงมาจากรถก็มองไปรอบๆ มีรถจอดหลายคันเลย
          “เข้าไปด้านในเลยน่ะ พ่อจะโทรศัพท์หาลุงณะก่อน” พ่อบอกผมแถมบอกด้วยว่าจะโทรหาหวานใจพ่อผม ผมแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พ่อผม พ่อหันมาชี้นิ้วห้ามผมพูดอะไรวิดีโอผมหันไปมองพี่โจ พี่โจพยักหน้าว่าให้ผมทำตามที่พ่อผมพูดเถอะ ผมเลยจำใจเดินเข้าไปอย่างหาเสียมิได้ ใจผมอยากไปใช้ชีวิตหรูๆ พ่อให้มาทั้งทีแต่ว่านี้อะไร มาติดกับบ้านที่ไม่หรูเท่าบ้านผม ไม่ได้สมาร์ตโฮมเหมือนบ้านผม บ้านผมมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากแต่ว่าบ้านนี้เรียกได้ว่าล้าสมัยมากสำหรับผม

         ทันทีที่ผมเดินเข้าไปด้านในผมก็เจอห้องโถงและแยกไปเป็นห้องนั่งเล่นอีกสองห้อง ผมได้ยินเสียงอาและลุงๆกำลังคุยกันอยู่อีกห้องหนึ่ง ผมเดินเข้าไปด้านในทันทีเพื่อไปหาพวกเพื่อนๆ ดิว แอ้ ติ๊กและพาย ติ๊กมันหันมามองผมก่อน ผมยกมือไหว้พี่ดิม พี่อ้นและพี่ตุ๊ที่นั่งอยู่กับไอแพตของเขา
             “หล่อไม่บันยะบันยังเลยน่ะ ไอ้รูปหล่อ พ่อรวย หัวก็ร้อน บุญแค่ไหนไม่ได้ไปนอนคุก” พี่อ้นพูดก่อนจะหมุนโทรศัพท์ที่พี่เขาดูกันอยู่ มันคือคลิปวิดีโอที่พวกผมไปมีเรื่องส่งท้ายวันที่เรียนจบ
             “ไอ้แจ็คว่าแต่พี่โจมึงอ่ะ” พี่อ้นถามผมเสียงดัง ผมชี้ไปด้านหลังว่ากำลังตามมา ผมเดินไปหาไอ้ติ๊ก ติ๊กมองหน้าผม ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกได้ว่า ไม่ได้อยากมาเลยสักนิด พายก็ห้าสิบห้าสิบ ส่วนไอ้แอ้นี้มันเฉยจนผมเองก็เดาไม่ได้ว่ามันรู้สึกยังไง ไอ้ดิวนี่ยิ่งชิวมาก คือมันคงชอบแบบนี้อยู่แล้ว
              “ดูจากหน้ามึง คงตื่นเต้นน่าดูซิท่าที่ได้มาอยู่ที่ไกลมากและเวิ้งว้าง เหมือนหลงทางอยู่กลางป่าแบบนี้” ไอ้ติ๊กหันมาพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งสุดขีด
ผมนั่งลงทันทีและพี่โจก็เดินเข้ามาพอดี แต่ว่าพี่อ้นรีบลุกไปและเข้าไปกอดคอพี่โจ เขาพากันเดินหายออกไปกันทันที แต่ผมไม่แปลกใจเลยพี่อ้นพี่โจ พี่ดิมและพี่ตุ๊ เขาสนิทกันมาก่อน แม้จะคนละสายงานกันก็ตาม พ่อผมนายทุกใหญ่ของกองทัพด้วย สนับสนุนหลายด้านไม่แปลกที่จะเจอตอนประชุม
             “เป็นไงบ้างมึง ฟื้นไหม” ไอ้ติ๊กมันถามผม ผมพยักหน้าว่าไม่เท่าไหร่
             “กูโดนพ่อบ่นชุดใหญ่ไปแล้วด้วย” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามันแว๊ปหนึ่งก่อนจะหยิบมือถือรุ่นใหม่มาดู แต่ว่าไม่มีสัญญาณอะไรเลยผมเลยวางลง
              “เป็นไงวะดิว” ผมหันถามไอ้ดิว ไอ้ดิวมันเงยหน้าจากหน้าจอมือถือของมัน มันหนังดูฟุตบอลตามเคย
              “ก็ดีว่ะ มึงอ่ะ ว่าไง” ไอ้ดิวมันพูดพร้อมกับถามผมกลับ
               “ก็ดี สำหรับมึงอ่ะไม่ใช่พวกกู “ไอ้ติ๊กมันรีบพูด
                “มันก็ไม่ได้แย่นะโว้ย! ดูดิ บ้านพักก็ดีถึงจะไม่หรูเท่าคฤหาสน์ที่พวกมึงอยู่แต่ว่ามันก็ดีกว่าบ้านคนอื่นๆ หลายคนนะโว้ย” ผมไอ้ดิวพูด ผมยอมรับว่ามันสอนพวกนี้ไม่ได้หรอก พวกนี้มีเงินมากแล้วมันไม่เข้าใจคนที่ไม่มีหรอก ผมเองก็เช่นกัน ผมหยักไหล่เพราะผมมีเงินมากเช่นกันจะทำอะไรก็ได้แค่กระดิกนิ้ว
               “แต่มันแย่ตรงที่ พวกเราจะมาเป็นนักเรียนซ้ำชั้นทำไมอีกว่ะและซ้ำมาเยอะซะด้วย มาเริ่มต้นม. ห้า ทำไมไม่ให้ไปเรียนกับมอหนึ่งเลยล่ะ “พายพูดเชิงประชด
               “ก็ใครล่ะ ที่ทำเรื่องอ่ะ” แอ้พูดขึ้น ดิวมันพยักหน้าก่อนจะหันมามองพวกผม นั้นไงโยนมาทันที
               “แหมไอ้แอ้! มึงนั่งติดเก้าอี้เหรอ ไม่ได้ลงไปฟาดปากพวกนั้นเหรอ” ติ๊กรีบพูด
               “กูก็อยากนั่งกันนิ่งๆ แต่พวกมึงอาทำให้พวกกูต้องลุกไปไง จะไม่ไปช่วยก็จะมีคนโดนอัดจนน่วม “ไอ้ดิวพูด ผมหันมายกมือห้ามทั้งหมด
              “มึงเลิกโทษคนนั้นคนนี้เถอะ มันก็ผิดทั้งหมดแหละ “ผมพูดแต่จะว่าไปก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเหมือนกัน
              “ใครแม่งจะทนวะ มันด่าบุพการีเราขนาดนั้น ทำไมพ่อไม่เข้าใจบ้างวะ” ติ๊กมันบ่นทันที
               “เข้าใจดิ เข้าใจว่าทำไม ไม่อดทนไง แต่กูคนหนึ่งล่ะที่ไม่ทน!!!!!” พายพูด ผมหันมาน้องพาย
              “กูเห็นแล้วพาย มึงเปิดก่อนเลย มึงอ่ะ” ผมพูด พายยิ้มเขินๆ
              “มันด่ามากูด่ากลับ ไม่โกงไง” พายพูด
               “เหรอ!!!!” พวกผมพูดพร้อมกันไม่ต้องนัดกันเลย ผมหันมามองไอ้ดิวก่อนจะคิดว่าจะถามอะไรมันดี
               “ไอ้ดิว มึงรู้ไหมว่ะว่าบอยมาด้วย” ผมถามไอ้ดิว ไอ้ดิวมันหันมามองหน้าผม มันเลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้ากับผมว่ามันรู้ ผมนึกในใจ ไม่น่าแปลกใจเพราะว่ามันน่าจะรู้ข่าวคราวของบอยมากกว่าผม
               “แน่ล่ะมึงต้องรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว” ผมพูด
              “กูก็รู้แค่เท่าที่มึงรู้และกูกับบอยไม่เคยติดต่อกันหลังจากที่เขาหายไป เหมือนมึงไอ้แจ็ค” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันมามองหน้ามัน
              “กูไม่รู้ว่ามึงได้ยินอะไรมาแต่กู เลือกคนที่ต้องการไม่ใช่ให้เขาเลือกให้” ไอ้ดิวพูด ผมหันมามองหน้ามันตรงๆ
              “ทั้งที่ถ้ามึงเลือกแล้ว มึงอาจจะได้ครององค์กร บ้าๆ นี่น่ะ ไม่เอาเหรอว่ะ” ผมถามไอ้ดิว
              “กูไม่สนและกูไม่แคร์ว่าเขาจะเสนออะไรให้กู ถ้ากูไม่ ก็คือไม่ “ไอ้ดิวพูด
             “มึงนั่นแหละที่ต้องถามตัวเองว่า เมื่อไหร่มึงจะเลิกคิดอะไรบ้าๆ แล้วหันมาทำยังไงก็ได้ให้ได้บอยคืนมา ไม่ใช่มานั่งระแวงกู “ไอ้ดิวพูด ผมก็มองหน้ามัน อันที่จริงมันก็จริงอย่างที่มันพูดแหละ จังหวะนั้นผมได้ยินเสียงคนเข้ามาด้านใน เสียงที่คุ้นเคย นั้นคือลุงกฤษณะ นั้นก็แปลว่าบอยมาแล้ว
             “เฮ้ย!! บอยมาแล้วว่ะ” พายพูด ผมหันไปมองไอ้ดิว ไอ้ดิวมันนั่งเอาหลังพิงเก้าอี้หันมามองผม
            “คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับมึงแล้วว่ะ ถ้ามึงทำเขาหลุดมือไปอีก ก็ไม่มีใครช่วยมึงได้แล้ว นอกจากไอ้ติ๊กที่จะพามึงไปเมาหัวราน้ำเหมือนเดิม” ไอ้ดิวพูดกับผมก่อนจะลุกไปเหมือนกันเพื่อไปรอทักทายเขา ผมนั่งนิ่งจะลุกไปดีไหม เสียฟอร์มแย่เลย พูดเอาไว้เยอะตอนเมา พวกมันอัดคลิปไว้ด้วยไงเป็นหลักฐาน
            TBC …. (แจ็คจะยอมลดอีโก้ลงไหม)


หัวข้อ: ( รีไรท์ใหม่ ) รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้องๆรักกัน) EP.3
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 28-12-2023 11:02:41
  EP.3 ภาคน้องๆ เขารักกัน (บอยXแจ็ค) แค่เส้นบางๆ  

               Part’ s แจ็ค  พาย ติ๊กและแอ้ลุกขึ้น เขาสามคนมองผม ผมสั่นหัวว่าไม่ไปและสามคนมันก็หยักไหล่ให้กันไม่ต้องพูดก็รู้ว่ามันว่าผมอยู่ ผมโบกมืออยากไปก็ไปเลยและทั้งสามคนก็เดินไปดูคนที่มาใหม่กัน นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่บอยเพิ่งจะมาอยู่กับพวกผม เขาเคยมาแล้ว มันหลายปีก่อนและอยู่กับผมสามปีได้และสุดท้ายเขาก็หายไป เกือบจะสามปีได้แล้วมั้ง ผมจำวันแรกที่ผมเจอเขาได้ดี เด็กผู้ชายที่มีนัยน์ตาฟ้า ผมสีควันบุหรี่ หน้าตาหวานราวกับเด็กผู้หญิงแต่ดูหวานซ้อนความขมเข้มเอาไว้ในตัว เขาสวยหวานกว่าสตรีทั่วไปซะอีก ถ้าจะบอกว่าหล่อก็หล่อแบบหวานๆ แต่ปากนิดจมูกหน่อย ขนตางอนยาว ใบหน้าเรียวขนาดนั้น มันทำให้ผมมองตาค้างไปหลายนาที จนผมต้องเผลอพูดออกมาว่า” อยากได้คนนี้เป็นแฟนผม” ในตอนนั้นและตอนนี้ก็ด้วยมั้ง ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงทางเข้าแล้ว
“บอย” เสียงเรียกชื่อนี้ทำให้ผมตื่นจากภวังค์ทันที เขามายืนตรงนี้แล้วไง ในใจผมบอกตัวเองแต่ว่ามันมีบางสิ่งที่ทำให้ผมไม่กล้าข้ามผ่านไป เขาไม่ได้เลือกแจ็คเพราะว่าพ่อผมไม่ควรกลับมาแต่ว่าองค์กรนี้ต้องการพ่อผมเหมือนกัน
ผมหันไปมองหน้าไอ้ดิว ไอ้ดิวมันก็พยักพเยิดให้ผมลุกขึ้นและดิวมันก็ลุกขึ้นไป ทุกคนกำลังสวมกอดบอยด้วยความคิดถึง สามปีมันดูเหมือนไม่นานแต่มันทรมานมากสำหรับผม ลุงณะเดินเข้ามาพร้อมกันกับพ่อผมเช่นกัน พวกดิว แอ้ ติ๊กและพายยกมือไหว้ลุงกฤษณะพ่อของบอย พี่ใหญ่ของพ่อๆ ของพวกผม พ่อหันมาพยักหน้ากับผม ผมยกมือไหว้ลุงณะทันที ลุงณะมองผมแว๊ปหนึ่งก่อนจะรับไหว้ผม ท่าทีลุงณะเหมือนจะไม่ค่อยปลื้มผมเหมือนกันน่ะ ลุงกฤษณะหันมาแตะที่ไหล่ของบอยก่อนจะพยักหน้ากันและเดินไปกับพ่อของผม
“บอยเป็นไงบ้างอ่ะ สบายดีไหม ขึ้นถึงมากเลย” พายเอ่ยถามบอยคนแรกและคนอื่นก็คงรอถามบอยเช่นกัน
“สบายดีแล้วพายล่ะ” บอยถามพายกลับ
“ทุกคนสบายกันดีใช่ไหม ไม่ได้เจอกันนานเลย” บอยพูด
“สบายดี สบายมาก แต่เมื่อคืนหนักไปนิดอาจจะมึนๆ นิดนึงอ่ะ เพราะว่าไอ้ เวรนี้มันลากไปสั่งลาปาร์ตี้” พายพูดพร้อมกับหันมาชี้นิ้วมาทางผม ผมหันมาแอบส่งนิ้วกลางให้พายมัน กูไม่ได้ชวนแค่บอกว่ากูอยากไปเฉยๆ คนที่ยืนหันมามองหน้าผมแต่ผมก็ยังไม่ได้ทักทายอะไรเขา
“ดิว สบายดีไหม” เขาหันไปทักทายไอ้ดิวแทน
“สบายดีน่ะ บอยล่ะ ไม่ได้เจอกันเลยน่ะ” ดิวมันพูด ผมเหลือบตาขึ้นมอง ทำไมผมไม่เคยเชื่อเลยว่าคนที่เขาเลือกจะไม่เคยเจอกัน
“ก็แน่ล่ะ อาภาบอกว่าดิวจะเข้าเรียนแพทย์แล้วเลยต้องติวและอ่านหนังสือหนักหน่อยน่ะ บอยเข้าใจ “บอยพูดก่อนจะหันมามองผมแว๊ปหนึ่ง
“บอยไปนั่งคุยกันดีกว่า ยืนเมื่อยเปล่าๆ” ติ๊กบอกบอยพร้อมกับพยักพเยิดให้มานั่งตรงโต๊ะทีผมนั่งอยู่นี้ ส่วนผมก็หันหลังกลับทันที
“แอ้ล่ะสบายดีน่ะ “บอยหันไปถามแอ้แทนระหว่างที่เดินมาเพื่อจะนั่งลง ผมก็ไม่ได้ทักทายอะไรเขาอยู่ดี ทำไมปากผมมันหนักขนาดนี้ก็ไม่รู้
“ไอ้แจ็ค” ติ๊กมันเรียกผม ผมหยุดชะงักก่อนจะค่อยๆ หันไปมองว่ามันเรียกผมทำไม
“เรียกทำไม” ผมหันมาถาม
“ทำไมไม่ทักทายบอยว่ะ” ติ๊กมันถามผมและถามต่อนหน้าเขาคนนั้นด้วย ไอ้เวรเอ๊ย ผมแอบด่ามันในใจ
“เออ ก็ เออ “ผมทำท่าจะตอบแต่ว่ามีทุกสายตาหันมองมาที่ผมเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้
“ก็เห็นทักทายกันเยอะแล้วและก็คำถามเดิมๆ ไม่ได้มีอะไรแปลกไปจะให้ถามซ้ำๆ ซากๆ ทำไมวะ” ผมพูด บอยมองผมนิ่งๆ โดยไม่ได้พูดอะไร และเป็นผมเองที่ต้องกล้ำกลืนน้ำลายเหนียวๆ นั้นลงคอไปเอง เหมือนกำลังกลืนคำพูดที่คิดในใจว่าจะทักทายเขายังไงแต่สุดท้ายผมก็ไม่กล้า ไม่เหมือนตอนนั้น ความกล้ามันหายไปพร้อมกับเขา ทั้งที่ผมไม่ใช่คนไม่มั่นใจในตัวเอง ผมน่ะมีความมั่นมากกว่าพวกนี่ซะอีก นำหน้าทุกเรื่องแต่ตอนนี้มันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้
“กูไปห้องน้ำวะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ผมลุกขึ้นยืนมองคนที่นั่งตรงหน้าก่อนจะเดินหันหลังไป แต่ว่าห้องน้ำอยู่ไหนวะ ผมหันกลับมามองทุกคนอีกครั้ง แต่ล่ะคนเลิกคิ้วมองผม
“เปลี่ยนใจเหรอ” พายถามผม
“เปลี่ยนใจทักบอยละซิ” พายถามผม ผมหันไปมองหน้าเขา
“จะถามว่าห้องน้ำอยู่ไหนวะ” ผมถามทุกคนและทุกคนก็มองบนใส่ผมพร้อมกันหมด ขอบใจจริงๆ
“เดินตรงไปด้านหลังสุดและเลี้ยวซ้ายไม่ต้องเดินตรงไปจนสุดน่ะ นั้นป่า! “ไอ้ติ๊กบอกผมพร้อมกับชี้นิ้วไปทางด้านหลัง ผมหยักไหล่ก่อนจะหันหลังเดินออก
“มันยังตัวพ่อเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือขี้เก็กนะบอย” พายพูด
“พาย กูได้ยิน” ผมเหลียวหลังไปพูด
“กูตั้งใจให้มึงได้ยินไง” พายพูด ปากพายมันร้ายพอพอกับไอ้ติ๊กเลยจริงๆ ผมก็รีบเดินออกไปทันทีปล่อยพวกนั้นสักถามบอยกันจะถามอะไรกันหนักกันหนาก็ไม่รู้ (อิจฉาเขาเพราะว่าผมก็มีเยอะที่อยากจะถามนั้นคือหายไปไหน ทำไมไม่คิดจะติดต่อกันบ้าง ตกลงที่ผ่านมาคืออะไร ถ้าเขาคิดว่าองค์กรสำคัญกว่าผมจะได้เลิกและตัดใจไปเลย

             ผมเดินไปที่ห้องน้ำ รู้สึกยังไม่ซ่างก็เมื่อคืนสั่งลาเมืองศรีวิไลเลยจัดกันหนักไปหน่อยกับไอ้ติ๊กและพาย ไอ้ดิวและแอ้มันมาทีหลัง ขอน้ำล้างหน้าหน่อย ระหว่างที่ผมทำท่าจะเปิดประตูเข้าไป มันล็อกครับแต่ว่ามีเสียงคนคุยกันอยู่ ในห้องน้ำ ในห้องน้ำนี่น่ะ
“อะไรของมึงอ้น” เสียงพี่โจ แต่เรียกชื่อพี่อ้นในห้องน้ำนี่นะ
“ก็ไปคืนนี้”
“ไปทำไม กูมีงานพรุ่งนี้อ้น”
“งานกี่โมง งานกาลาดินเนอร์เขาเริ่มเย็นเลยและเครื่องบินส่วนตัวมึงบินแป๊บเดียวถึง” พี่อ้น
“กูขอพ่อก่อน” แปลกใจปกติพี่โจไม่ต้องขอพ่อนิ
“โจ”
“อะไร”
“ถ้ามึงไม่ไปคืนนี้กับพวกกู กูจะ”
“มึงเป็นหมาเหรอ ขู่กูอยู่ได้ อ้น!” พี่โจพูด แสดงว่าพี่อ้นมีอะไรที่เอาไว้ต่อรองกับพี่โจแน่ๆ อย่างบอกน่ะว่าแอบไปซ้ำกับใคร ถ้าใช่แล้วพี่บีมล่ะ พี่โจเขาชอบพี่บีมอยู่
“จะไปไหม” พี่อ้นถามพี่โจเสียงแข็ง
“เออ” นั้นไงทำให้ผมคิดพี่อ้นขู่อะไรพี่โจวะ ผมพยายามแอบฟังจนหูจะทะลุผ่านประตูไปอยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้ยินอะไรเลย
ปึก!เสียงประตูถูกดึงเข้าเพื่อคนด้านในจะได้ออกมาและผมเองก็ไม่ทันตั้งตัวเพราะว่ายืนอาหูแนบประตูขนาดนั้น และคนที่เปิดประตูก็พบว่าผมอยู่ในท่าที่บอกได้ว่าแอบฟังอยู่
“เฮ้ย!!!” พี่โจ พี่อ้น อุทานออกมาพร้อมกัน ผมก็ต้องทำตีหน้ามึน
“พี่อ้น พี่โจ เข้าไปทำอะไรด้วยกันสองคนในห้องน้ำน่ะ” ผมรีบยิงถามทันทีเพื่อกลบเกลื่อนว่าผมแอบฟัง มันเป็นการเสียมารยาทที่สุดและเป็นกฎที่บ้านผมลงมติกันว่าห้ามทำ ผมมองหน้าพี่สองคนสลับไปมา
“เข้ามาล้าง......” พี่โจตอบ “เข้ามา... อุ๊บ!” พี่อ้นก็เหมือนจะพร้อมกันแต่พี่อ้นจะมีต่อว่าล้างอะไร ยังไม่ทันได้พูดจบพี่โจก็รีบเอาฝ่ามือปิดปากพี่อ้นซะก่อน เลยอดรู้เรื่องเลยผม
“ล้างมือ” พี่โจ้พูดพร้อมหันไปมองพี่อ้นขยิบตาอยู่นั่นแหละ
“ล้างมือ ด้วยกันสองคนนี้นะ” ผมก็ยังคิดว่าไม่น่าจะใช้อยู่ดี
“ก็แค่ล้างมือแจ็ค “พี่โจพูด
“ประหยัดน้ำครับ ลดโลกร้อน ไม่เคยเรียนละซิและประหยัดเวลาด้วยถ้าพี่มึงกับพี่จะ เข้ามาช่วยกันล้าง…. อุ๊บ “พี่อ้นพูด พี่โจหันไปเหล่พี่อ้นเลยเอามือปิดปากพี่อ้นอีกที ผมยืนมองพี่เขาสลับกันไปมายังไงของเขาว่ะ
“แค่ล้างมือจริงๆ และคุยกันนิดหน่อยแค่นั้น ไม่ต้องไปคิดเยอะ” พี่โจพูด ผมก็งองพี่เขาสองคนสลับกันไปมาจะเชื่อดีไหมวะ
“แล้วเราละ” พี่โจถามผมก่อนจะหันไปขยิบตากับพี่อ้น ผมก็มองพี่เขาสลับกันไปมา
“ผมจะล้างหน้าครับพี่โจ “ผมพูดเบาๆ
“อืมม” พี่โจกับพี่อ้นพยักหน้าพร้อมกัน
“ดี จะได้ตื่นๆ หนักซิท่ามึงนะ เมื่อคืนนะ แค่โดนส่งมาอยู่เกือบตะเข็บชายแดนแค่นี้ทำเป็นฉลองให้แก่อิสรภาพ” พี่อ้นพูด ผมชำเลืองตามอง อิสรภาพที่ไกลโพ้นแบบนี้นี่น่ะ น่าอยู่ตรงไหน
“ผมว่ามันไม่ต่างจากส่งไปอยู่ในคุกน่ะพี่ ไกลมาก จนไม่มีแม้แต่แท็กซี่ผ่านมา จะให้เดินออกไปก็คงจะไม่รอดถึงปากซอย อาจจะโดนโจรฆ่าตายซะก่อน” ผมพูดกับพี่อ้น
“เออว่ะ มันเหมือนตะเข็บชายแดน พวกโจรเยอะนะมึงน่ะและมึงกับพี่มึงนี่น่ะ มันดีใจตายเลย แบรนด์เนมทั้งตัว รวยไปหลายปีเลยมึง” พี่อ้นพูด พี่โจหันไปมองพร้อมกับผม
“โอโห้!! พี่น้องพร้อมใจกันมองกู” พี่อ้นพูดพร้อมกับมองผมสองคน
“นี่กูพูดจริง!!” ผมมองบนทันทีเช่นกัน
“ดังนั้น มึงควรนอนอยู่บ้าน ไม่ต้องออกไปแรดทุกคืนเหมือนที่ทำกันอยู่ กลางคืนออกและพากันกลับตีสองตีสาม รู้ว่ากรุงเทพไฟมันจ้า ตีสองเหมือนสองทุ่มแถวๆ บ้านนอก แต่น่าอยู่กว่านะมึง เงียบสงบ” พี่อ้นพูด ผมคิดในใจไม่ได้ช่วยให้อยากอยู่ต่อเลยจริงๆ
“ทำไมอ่ะ ไม่ดีใจหรือไง บรรยากาศกลิ่นอายท้องทุ่ง” พี่อ้นถามผม ผมหันไปมองพี่อ้น ให้ดีใจตรงไหนได้
“ไม่ดีใจเหรอ?” พี่อ้นถามผมอีกที ผมสั่นหัวว่าไม่ใช่เลย พี่โจพยักพเยิดให้ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำได้แล้วและพี่โจก็ลากแขนพี่อ้นออกไปทันที ผมหันหลังไปมองตาม คงไม่มีอะไรมั้งพี่อ้นกับพี่โจขาสนิทกันมากเมื่อก่อนตอนที่ผมมาเรียนที่ไทย ซึ่งมันเป็นช่วงก่อนที่ผมจะกลับไปเรียนมัธยมปลายที่ดูไบ

                ผมเข้าไปล้างหน้าล้างตา ผมเงยหน้าขึ้นมามองกระจกใสที่ติดอยู่บนฝาผนังห้องน้ำ เครื่องสุขภัณฑ์ที่ดูธรรมดาสำหรับผมแต่คงจะดีกว่าหลายคนที่ไม่เคยมีอย่างที่ดิวพูดแต่ผมโตมากับความรวยและความสามารถของพ่อผมแถมผมยังหน้าตาดี หล่อเหลาเอาการขนาดนี้ มีเงิน มีทองใช้ไม่ขาดและที่สำคัญมีสาวเยอะแยะมาให้ผมเลือก แต่ผมกลับจะมาตายเพราะเขาคนนี้นี่น่ะ แจ็ค ผมเอามือจับขอบอ่าง พ่นลมหายใจออกมายาวๆ แค่ทักทายยังไม่กล้าเลย ผมกลัว กลัวไปหมด สุดท้ายกลัวเขาไม่เลือกผม ผมยืนอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเดินออกมาไปเพราะยังไงเขาก็ต้องอยู่บ้านเดียวกับผมอยู่แล้ว มันหนีไม่ได้แล้ว เป็นไงเป็นกันว่ะ ผมบอกตัวเอง ผมตัดสินใจเดินกลับออกมา ผมยืนมองพวกนั้นนั่งล้อมรอบสอบถามบอย

“บอย ดูดีขึ้นนะ ไม่เจอกันแค่ 3 ปีเองทำไมดูมีน้ำมีนวลขึ้น จะว่าอ้วนขึ้นไม่เลย ตัวเล็กน่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือผิวนี้ดีสวยขึ้นน่ะ” พายเอ่ยชมบอยว่าเขาผิวสวย อันที่จริง บอยเป็นคนผิวพรรณสวย นิ่มมากและมีกลิ่นหอมเฉพาะที่แตกต่างไปจากเด็กผู้ชายทั่วไป

           ผมนั่งลงโดยไม่ได้ทักทายบอยอยู่ดี ผมปล่อยให้พวกมัน ตั้งคำถามไป ผมกดมือถือเล่นนั้นนี่ตามประสาของผมกับโทรศัพท์ที่ฉลาดล้ำกว่าคนในบางเรื่อง ผมพยายามจะไม่อยากฟังที่เขาคุยกันแต่ว่าคุยกันดังจน ผมได้ยินทุกประโยคที่เขาคุยกัน ทั้งที่ไม่ตั้งใจฟังน่ะ ผมสาบานได้ จนบรรดาพ่อๆ ของพวกผมเดินเข้ามาในห้อง ทำไมความรู้สึกเหมือนตอนเรียนอนุบาลแล้วพ่อกำลังจะทิ้งผมเอาไว้ในห้องนั้นกับคุณครู
“เอาล่ะ ทุกคน พ่อจะกลับกันแล้วน่ะ ขอให้อยู่กันอย่างสันติสุขน่ะและห้องนอนก็แยกเอาไว้ให้แล้ว ห้องนอนที่นี้มีทั้งหมดหกห้องนอนแต่ว่ามีแค่สี่ห้องที่ใช้ได้ตอนนี้ “อาภาคย์พูด
“ห้องหนึ่งนอนกันสองคน ที่หน้าห้องนอนมีชื่อป้ายห้องนอนเอาไว้แล้ว นอนกันตามนั้นน่ะ” อาภาคย์พูด พวกผมพยักหน้า ผมคิดว่าถ้าให้นอนสองคนสองคนก็สามห้องซิน่ะแล้วอีกห้องล่ะ หรือว่าเพื่อใครอยากนอนเดี่ยวแต่ดูท่าคงเป็นผมซิน่ะ
“เสื้อผ้าชุดนักเรียนเตรียมพร้อมแล้ว” อาภาคย์พูดพร้อมกับมองพวกผม
“แต่ว่ามีเวลาให้พักหนึ่งวันพรุ่งนี้ พอวันจันทร์ก็พากันไปเข้าเรียน และห้ามไปสายน่ะ ไปสายโดนทำโทษเหมือนคนอื่นๆ ไม่มีข้อยกเว้น อันนี้ซีเรียสมาก” อาภาคย์พูด
“หวังว่าวันแรกจะไม่มีเรื่องกันน่ะ ถ้ามีเรื่อง เวลาก็จะยืดยาวออกไปอีก” อาภาคย์พูด
“โห้อา!” “โห้ลุงอ่ะ” “อะไรอ่ะพ่อ” พวกผมร้องออกมาพร้อมๆ กันเลย
“ก็อย่าทำเรื่องกันซิ โตๆ กันแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ และใช่ว่าพวกพ่อไม่เดือดร้อนน่ะ ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนแผนกันหมดเหมือนกัน ต้องปรับใหม่กันหมด” ลุงกฤษณะพูดเสริม
“เบาได้ก็เบาน่ะ จะได้ไปใช้ชีวิตที่อยากทำแต่ใช่ว่ากลับออกไปแล้วจะไม่มีกฎเหมือนเดิมเพราะว่าเราอยู่ในจุดที่ คนรู้จัก มันก็ต้องมีขีดจำกัดในการกระทำนั้นทำนี้อยู่แล้ว นี้อาจจะแค่เริ่มต้นน่ะที่จะให้เรารู้จักการใช้ชีวิตในขอบเขตที่ควรจะเป็น” ลุงภาพูด
“เรื่องกลับบ้าน ยังไม่อนุมัติในวันหยุดอาทิตย์หน้าขอดูพฤติกรรมเราก่อนน่ะ แล้วจะบอกว่าหยุดและกลับไปบ้านได้เมื่อไหร่” อาภาคย์พูด
“งั้นก็ไปร่ำลาพ่อเรากันได้แล้ว พ่อและอาและลุงจะได้พากันกลับบ้าน” อาภาคต์พูดและพวกผมก็พากันเดินไปหาผู้ปกครองตัวเอง

            ผมเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าพ่อภูมิ พ่อผมยืนอยู่ข้างๆ กับลุงกฤษณะ ผมไม่ได้เจอลุงกฤษณะพอๆ กับบอยเลย ผมยกมือไหว้ลุงณะ (ส่วนพ่อผมน่ะเจอกันบ่อยแต่คุยกันไหม พ่อก็ไม่ได้บอกผมทุกเรื่อง) ลุงณะ ยกมือรับไหว้ผมก่อนจะเดินออกไปกับบอยเพื่อไปหาที่คุยกัน ผมเองก็ยังไม่ได้ทักทายบอยเลย
“แจ็ค พ่อกับพี่โจ ต้องกลับแล้วนะ อย่าลืมดูแลตัวเองและดูแลบอยด้วยล่ะเราเคยทำอยู่แล้วนิ” พี่โจเดินเข้ามาหาผมพอดีผมหันไปมองบอยที่รายล้อมไปด้วยหมู่ภมรหรือว่าหมู่แมลงวันซะก็ไม่รู้ ผมเดาว่าอันหลังมากกว่า ฮาๆ พ่อหันไปมองลุงภาคย์พ่อของติ๊กก่อนจะพยักหน้ากับผมว่าจะไปคุยกับลุงภาคย์ก่อน เหลือแค่พี่โจที่ยืนอยู่กับผมตอนนี้
“อิจฉาพวกเขาก็พูดมาทำเป็นมอง ดูสายตามึงนี้ คิดร้ายชั่วๆ” พี่โจพูด ผมหันไปมองพี่โจ
“ไม่ได้คิดอะไรเลย” ผมพูดปฏิเสธ
“เป็นพระเอกดีดีไม่ชอบอยากเป็นตัวร้ายหรือไง” พี่โจพูด
“อิจฉาก็ยอมลดฐิติลงบ้างซิครับน้องแจ็ค ถ้าบอยมาขนาดนี้นั่นแหละว่าเขามาง้อแล้ว จะรอเพื่ออะไรล่ะ” พี่โจถามผม
“ดูแลบอยเหมือนเมื่อก่อนที่เราทำ” พี่โจพูดอีก ผมเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะ
“ผมคงไม่ต้องแล้วมั้งครับเพราะว่าดูแล้ว เขามีคนอยากดูแลและเทคแคร์มากกว่าผมซะอีก ผมก็ไม่รู้ว่าเขามาเพื่อผมหรือเพื่อใคร ถ้าเพื่อผม ทำไมเขาไม่มาให้เร็วกว่านี้” ผมพูดกับพี่โจ ตอนนี้โคตรอยากกลับบ้าน อยากบอกลุงหนึ่งผมไม่เอาด้วยกับภารกิจนี้ จะตัดผมออกไปเลยก็ได้น่ะ ผมเลือกไปใช้ชีวิตที่หรูหราที่ต่างประเทศดีกว่า
“เฮ้ย! ทำไมพูดแบบน้ั้นละ หึงละซิ” พี่โจพูด ผมหันมามองพี่ชายแอบค้อนเบาๆ รู้ใจน้องอีก เฮ้ยไม่ใช่ รู้ได้ยังไงวะ
“หึงทำไม ผมนะหล่อเลือกได้” ผมพูดกับพี่โจแต่ในใจลึกๆ หึงครับ หึงมาก โดยเฉพาะไอ้ดิว ไอ้คนที่ถูกเลือกแต่ไม่ใช่ผมเพราะว่าเขาเหมือนกลัวอะไรผมก็ไม่รู้ พี่โจมองหน้าผมไม่อยากจะเชื่อ
“งั้นก็ทำให้เขาเห็นซิวะ ว่าน้องชายพี่หล่อเลือกได้ มีดีให้เขาเลือก ต่อให้ไม่ใช่คนที่เขาเลือกเอาไว้แต่สุดท้าย เราก็ตีคู่และแซงคู่ต่อสู้ แค่นี้น้องพี่ทำได้ไม่ใช่เหรอ เหมือนตอนลงว่ายน้ำไง “พี่โจบอกผม เอากีฬาที่ผมถนัดมาพูดแบบนี้
“มันไม่เหมือนกันพี่โจ ถ้าเขาไม่เลือกยังไงเขาก็เลือกอยู่ดีป่ะ” ผมพูดกับพี่โจ
“ใครบอกมาอีกล่ะแจ็ค “พี่โจถามผมกลับก่อนจะหันไปมองตามสายตาผมที่มองดิวกับบอยคุยกัน
“ผมรู้ ผมได้ยินพ่อกับลุงภาคย์คุยกันตั้งแต่ตอนที่บอยหายไปแล้วและนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เขาไม่บอกพ่อและผมว่าทำไม” ผมพูด ก่อนจะหันไปมองทางอื่นแทน
“ไม่มีใครถูกเลือก เราเลือกเองได้ เชื่อพี่ซิแจ็ค “พี่โจพูดกับผม ผมหันไปพยักหน้าเอาใจพี่ชายสักหน่อยไม่งั้นต่ออีกยาวเลย
“เอานะพี่กับพ่อจะน่ะ เพราะว่าพี่จะ…”
“จะไปปาร์ตี้กันกับพี่อ้น” ผมพูดแทรกขึ้นมาทันที
“อืม แต่ก็รีบบินกลับตอนเช้าและพ่อเขาจะไปปรับความเข้าใจกับลุงณะอยู่แล้วเลยว่าจะค้างที่กรุงเทพสักคืน” พี่โจพูด ทำเป็นยกประเด็นนี้ขึ้นมา
“โอเค วันหยุดมารับด้วยนะอยากกลับบ้าน”
“อะไรวะ พ่อบอกโน่นเลย หนึ่งเดือนไปแล้วค่อยกลับ จำไม่ได้หรือไงและห้ามโทรตามไอ้ปีเตอร์อะไรมารับน่ะ พี่สั่งไว้ ถ้ามันมาตามคำสั่งเรา พี่ให้มันหางานใหม่จริงๆ น่ะและเราน่ะเป็นคนทำให้ไอ้ปีเตอร์ตกงาน” พี่โจบอกผม ผมสะบัดหน้ามามองพี่โจ ขนาดนี้เลยเหรอ
“ฮะ! ไม่จริงอ่ะ ให้รอหนึ่งเดือนกลับ … “ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมาก อะไรหนึ่งเดือนเลยเหรอ นี้แค่ยังไม่ถึงวันผมยังอึดอัดขนาดนี้เลย
“อะไรกัน แจ็ค โจ” พ่อเดินกลับมาหาผมกับพี่โจอีกครั้ง พ่อมองผมกับพี่โจสลับกันไปมา
“พ่อ ผมจะกลับบ้านวันหยุดนี้” ผมหันไปอ้อนพ่อผมทันที ผมว่าน่าจะเหมือนทุกครั้งน่ะ
“ไม่ได้แจ็ค กฎคือกฎ หนึ่งเดือนค่อยกลับบ้านกันอยู่ที่นี้ไปก่อน “พ่อพูดเสียงแข็งใส่ผมทันที รอบนี้พ่อปฏิเสธคำร้องขอของลูกชายคนเล็ก เป็นไปได้อย่างไร ปกติไม่เคยน่ะ
“คอยดูน่ะ ผมจะหาวิธีได้กลับก่อนหนึ่งเดือนให้ได้ พ่อ” ผมพูด
“ลองดู ถ้าทำได้” พ่อพูดก่อนจะเดินหันหลังออกทันที พี่โจยักไหล่ก่อนจะเดินตามพ่อออกไปเช่นกัน

         ผมได้แต่ยืนมองพี่และบรรดาลุงกับอาล่ำลาทุกคนก่อนจะเดินออกไปจากบ้านทันที ผมรู้มาว่าเขาจัดห้องนอนเอาไว้แล้ว ผมหันมาเจอบอยพอดี ผมก็ไม่ได้พูดอะไรแค่เดินเลี่ยงหลบไปแค่นั้น ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมทั้งที่เขาคือคนที่ผมโคตรคิดถึง โคตรอยากจะเข้าไปกอดแต่ว่า ผมกลับเลือกที่จะนิ่งเฉยเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างผมกับเขา

TBC….
หัวข้อ: ( รีไรท์) รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง) EP.4 (ดิวXแอ้Xติ๊ก)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 29-12-2023 08:33:49
         
EP.4 (ดิวXแอ้Xติ๊ก) ผมรู้สึกอิจฉา
         
                    Part’ s ดิว พวกผมนั่งคุยกัน พากันสำภาษณ์บอย ถามว่าบอยน่ารักไหม น่ารักมากแต่น่ารักคนละแบบกับแอ้ บอยเขาหน้าหวานแบบเจ้าชายเลยทีเดียวแต่ว่าผมชอบแบบแอ้มากกว่า ถึงจะไม่เหมือนกันแต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันอยู่ ผมคนเดียวที่รู้ (ในกลุ่มผมน่ะ) ผมรู้มาจากพ่อเพราะว่าพ่อผมคือคนที่อยู่กับทีมวิจัยที่ทำให้บอยมีสิ่งนั้นในร่างกายของเขา บอยเองก็ไม่เคยรู้จนกระทั่งบอยตั้งครรภ์นั่นแหละและพ่อผมเองที่เป็นคนไปทำคลอดให้บอย
“ดิว… ตกลงดิวตัดสินใจได้หรือยังว่ายังไงอ่ะ” จู่ๆ บอยก็ถามผม ผมเข้าใจความหมายดี ผมเหมือนจะมีสองทางเลือกแต่ว่าเขาให้ผมเลือกทางที่ผมเองก็ลังเล นั้นคือเป็นแพทย์บ้าน ไม่ใช่แพทย์ทหาร เขาอยากให้ผมเป็นแพทย์บ้านเพื่ออยู่เคียงข้างบอยดูแลบอย บอยสุขภาพไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เกิดแล้ว น่าจะมาจากการที่เขามีสิ่งนั้นในร่างกายของเขาและแน่นอนเขาอยากให้ผมเดินตามรอยพ่อผมแต่เป็นคนดูแลบอยในฐานะคู่ชีวิตกับบอย
          “คือว่า… ดิว… กำลังตัดสินใจอยู่น่ะบอย” ผมพูด บอยยิ้มให้ผมก่อนจะมองแอ้ที่นั่งคุยกับติ๊กและพาย ก่อนจะหันมามองผม
          “ไม่น่าจะยากน่ะแค่เลือกตามที่ดิวรู้สึกแค่นั้น” บอยบอกผม ผมหันไปมองไอ้แจ็ค มันนั่งหัวมุมโน้น มันไม่ได้ยินว่าผมกับบอยคุยกันอะไรแต่มันก็กระฟัดกระเฟียดไปแล้ว บอยน่าจะรู้สึกได้
          “บอยมาเพื่อมันใช่ไหม” ผมถามบอยเพราะว่าเขาไม่จำเป็นต้องมา
          “มันอาจจะช้าไปมั้ง” บอยพูด
           จังหวะนั้นพ่อผมกับอาภีมเดินออกมาจากห้องที่เข้าไปนั่งคุยกัน พวกผมจะเคารพเรื่องนี้กันมากถ้าผู้ใหญ่คุยกันจะไม่ไปแอบฟังเด็ดขาดแม้ว่าจะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับทุกคนแต่สุดท้ายพ่อก็จะบอกกับผมเองถ้ามันสำคัญกับผมทุกคน พ่อไว้ใจผม ส่วนผมถ้าเรื่องที่ไม่ควรเปิดเผยผมก็ไม่ทำ มันเป็นการฝึกถ้าผมถูกจับเป็นเฉลยผมก็จะไม่ยอมบอกความลับที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนแน่นอน
          “ดิว พ่อกับอาภีมจะกลับแล้วน่ะ อยู่ที่นี้ก็ใช้ความคิด ใช้สติกันให้มากๆ หน่อยน่ะ อย่างที่อาภาคย์บอกเลย ถ้ายังมีปัญหา พ่อก็ช่วยไม่ได้ ต้องอยู่กันต่อ” พ่อภาพูด
         “แอ้ พี่อ้นเขาจะติวให้เราหลังเลิกเรียนน่ะ รีบกลับมาบ้านด้วยล่ะ ไอ้อ้นเวลามันดุมันเอาจริงนะ เราก็น่าจะรู้ดี” พ่อภีมพูดกับแอ้
          “ดูแลสุขภาพด้วยนะแอ้ มีอะไรผิดปกติให้ดิวโทรหาพ่อล่ะ” พ่อผมพูด อาภีมหันมามองพ่อผมทันที ผมก็หันไปชำเลืองพ่อผมพร้อมกัน พ่อมาพูดอะไรตอนนี้ เดี๋ยวแฟนพ่อก็งอนหรอก พ่อหันมามองผมอีกทีและสะบัดหน้าไปมองสีหน้าอาภีมที่ขมวดคิ้วรอพ่ออธิบาย ผมเห็นความนัยที่แฝงอยู่ในสายตาของพ่อผมมันคือ
         ” ฉิบหายแล้วกู!” พ่อผมกำลังจะทำความลับของผมสองคนแตกวันนี้
         “เออ…คือวันก่อนเห็นแอ้เขาไปที่บ้านแล้วบ่นปวดท้อง พี่ก็ตรวจให้น่ะพื้นฐานก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก” พ่อผมหันไปบอกหวานใจพ่อแต่หวานใจพ่อถ้าจะไม่อยากเชื่อ หันมามองพ่อผม เหมือนเมียผมไม่มีผิดเพี้ยนเลย
           “พ่อแค่เป็นห่วงนะแอ้ ถ้าเป็นเยอะหาหมอที่นี้เลยน่ะ พ่อรู้จักโรงพยาบาลที่นี้ดี ก็เครือข่ายของพ่อเหมือนกันแต่พ่อแค่ดูแลเรื่องหุ้นให้เขา ดังนั้นพ่อจะฝากเรื่องเอาไว้ให้เขาและถ้ามีอะไรพ่อมาได้ทันทีเหมือนกันแอ้” พ่อผมพูดแก้ตัวก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้หวานใจ ผมกับแอ้ยกมือเก่าหัวกันทันที
         “กูรู้แล้วว่ามึงได้ใคร เรื่องเบอะบะ อ่ะ” แอ้กระซิบกับผม ผมหันมามองหน้าเมีย
         “กล้านินทาพ่อสามีเหรอ” ผมกระซิบตอบ
        “ปึก!!” ข้อศอกมาเต็มๆ
       “อู้ยย!! จุก! “ผมพูดพร้อมกับกุมท้องไปด้วย เมียกระทุ้งด้วยข้อศอก
        “อ้าวไอ้นี่ หาเรื่องอะไรอีกล่ะ อยากกลับบ้านเหรอ แสดงเก่งนะมึงน่ะ “พี่อ้นเดินเข้ามาพอดีแซวผมทันที
        “พ่อจะขับรถไปกับอาภาใช่ไหมพ่อ” พี่ดิมถามพ่อม
        “ใช่พ่อกับอาภาจะไปทานข้าวกับพี่ๆ น้องๆ สักหน่อย ไม่เจอกันนาน ลูกมีปัญหากับพ่อเหรอครับ” พ่อผมถามพี่ดิม พี่ดิมมองพ่อผม
        “ไม่แน่นอน แต่ที่มีคือต้องพาไอ้นี่กลับด้วยใช่ไหมพ่อ” พี่ดิมถามพ่อผมและชี้ไปที่พี่อ้น
         “แต่กูต้องพาโจกลับไปด้วย” พี่อ้นพูด อันนี้พ่อตาผม อาภีมหันไปมองพี่อ้นทันทีว่าพาไปทำไมเหรอ นั้นหลานกู พี่อ้นก็มองอาภีมก่อนจะหันมาเจอสายพี่ดิมอีกคู่ที่มองไม่แพ้กัน
          “ไปทำไมอ่ะ ไปดูมึงฝึกทหารใหม่เหรอ โจมันจะเอาไปเขียนวิจัยเกี่ยวกับค่าตอบแทนทหารให้เหรอและมันจะได้เรียกร้องสิทธิ์ที่ควรจะได้เพิ่มให้ด้วย อย่างนั้นใช่ไหม” พี่ดิมพูด พี่อ้นยืนเหมือนกำลังจะพยายามระงับน่ะพี่อ้น
          “กวนตีน!!” สั้นและได้ใจความ
         “นี่มึงสองคนเลิกทะเลาะกันได้ไหมและพากันไปได้แล้ว ขับรถหลายชั่วโมงมันอันตราย จะไปไหนกันต่อก็อย่าดื่มเยอะหนักน่ะ เข้าใจไหม” อาภีมเป็นคนยุติศึกคู่หูคู่ฮาแทน
          “พ่อกลับก่อนนะแอ้ อย่าลืมล่ะถ้าเป็นไปได้ เราอาจจะต้องไปก่อนคนอื่นแอ้…เตรียมให้พร้อมเข้าใจไหมแอ้ “อาภีมพูด ผมหันมามองแอ้ จริงเหรอ แอ้ไม่เคยบอกผมเรื่องนี้เลยน่ะ แอ้แค่ขยิบตาให้ผม แอ้เข้าไปกอดอาภา เห็นแบบนี้แอ้ก็มีโมเมนต์ที่น่ารัก ส่วนพี่อ้นยืนอยู่ ควักมือเรียกแอ้เข้าไปและกอดแอ้ทันที ผมมองอยากกอดบ้าง
         “มากอดกูนิ กูว่างดิว” พี่ดิมพูด ผมหันมามองพี่ชาย ไม่กอดได้ไหม อยากกอดคนนั้น เมียผมน่ะ ถึงจะไม่ได้ไปไหนก็ตามก็อยากกอด ผมยืนมองพี่อ้นกอดแอ้ พี่อ้นหันมามองหน้าผม
        “มึงอยากกอดกูเหรอไอ้ดิว!!” พี่อ้นหันถามผม ผมมองพี่อ้นและแอ้ แอ้เลิกคิ้วมองผมด้วย
       “ไม่ใช่พี่” ผมพูด
       “พี่มึงนั้น ยืนรอมึงอยู่นั้น ไปกอดพี่มึง” พี่อ้นพูด ผมหันไปมองพี่ดิมกางแขนรอผม
        “ไม่เอาอ่ะ” ผมรีบปฏิเสธทันที
        “มาเถอะ กูอยากกอด มานิ!!” พี่ดิมพูดพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอดหนึ่งที เอา เอ้าเข้าไป เพื่อควาสบายใจ พวกพี่ๆ ผมนี่แกล้งน้องเป็นงานอดิเรก
         ผมกับแอ้ยืนมองพี่จนต่างพากันเดินออกไปผมหันมามองไม่เห็นไอ้แจ็คแล้ว มันไวมาก ไม่รู้ว่าหายไปไหนของมัน ตั้งแต่บอยมาแล้วมันเงียบกริบ ทำเหมือนมันไม่มีตัวต้นอย่างนั้นแหละแปลกคน ส่วนติ๊กก็ยืนส่งอาภาคย์ บอยก็ส่งลุงกฤษณะอยู่ พายก็ยืนออดอ้อนอาเปรมดิ์ วันนี้พี่พีชเป็นคนมาส่งแทน พี่พีชแทบจะไม่ได้คุยกับใครเท่าไหร่พี่พีชไม่ค่อยสนิทกับพวกพี่ๆ ผมเท่าไหร่ ด้วยวัยด้วยมั้งส่วนพี่แพทนี้ผมแทบจะไม่เคยเจอแต่ก็รู้ว่าพี่แกสายโหด เลยเอามาขู่พายบ่อยๆ เวลาออกอาการสาวแตก


*****
          Part’ s ติ๊ก ผมชื่อนายณภัทร เป็นสมาชิกบ้านตอเต่า พ่อผมชื่อภาคย์ พิทักษ์คุณไพรสาณฑ์เรื่องฤทธิไกล นามสกุลพ่อผมยาวได้กว่านี้ก็คงทำไปแล้ว (แอบประชดพ่อผมกับนามสกุลตั้งใหม่) พ่อผมเป็นเจ้าของโรงเรียนนานาชาติ และยังมีโรงเรียนที่มีค่าเทอมระดับกลางๆ โรงเรียนเหล่านี้จะได้รับทุนสนับสนุนจากองค์กรของผมเด็กเรียนดีได้ทุนจะได้เรียนโรงเรียนนี้กันและมันก็คือโรงเรียนที่ผมกำลังจะไปนี่แหละ ผมจะต้องไปแก้มาแก้ไขปัญหาเรื้อรัง เด็กเกเร เด็กๆ ดีดี ย้ายออกไปเกือบหมด ครูเองก็ยังขอลาออก ขอย้ายไปก็เยอะ เหมือนกับว่ามีปัญหากับคนที่มาก่อกวนเพื่อจะให้พ่อผมยุบโรงเรียนนี้และเอาพื้นที่ไปทำอย่างอื่น ถามว่าพ่อผมเดือดร้อนไหม ไม่เดือดร้อนครับแต่ว่าเด็กที่เรียนมาแล้วเขาจะเดือดร้อนไหม เดือดร้อนพ่อผมบอกและสิ่งที่พ่อผมคิดว่าสำคัญคือการศึกษาของเด็กๆ เหล่านั้น พ่อเลยพยายามที่จะเก็บโรงเรียนนี้เอาไว้และต้องการให้พวกผมมาหาสาเหตุของปัญหา ผมถึงกลับมองบนไปหลายรอบ ให้ผมนี่น่ะมาแก้ปัญหาเด็กเกเร ให้ผมไปเรียนมหาวิทยาลัยกันก่อนดีกว่าไหม สำหรับผมน่ะทำไมพ่อแม่เด็กไม่ทำเองวะ? ผมคิดในใจ
        “ติ๊ก พ่อกับพี่ตุ๊กลับแล้วน่ะ” พ่อเดินมาหาผม
        “จะทำหน้าแบบนั้นทำไมล่ะ ไม่ได้อยู่ตามลำพังสักหน่อย พี่พัฒน์ก็อยู่” พ่อพูดกับผม
        “ไม่ให้เบื่อได้ยังไงอ่ะพ่อ ดูดิพ่อ ไม่มีความศรีวิไลในระแวงกันใกล้นี่เลย ล้วนแล้วแต่ห่างไกล” ผมพูด ผมหันไปมองแอ้กับดิว บางทีก็อิจฉามันน่ะไอ้แอ้อ่ะ มันดูสนิทกับดิวและยิ่งลุงภากับอาภีมเป็นแฟนกันด้วย มันยิ่งสนิทกันเข้าไปใหญ่
         “นี่ไง ดิวกับแอ้ เห็นบ่นไม่ใช่เหรอว่าสองคนนี้กลับไปค่ายทหารบ่อย ตอนนี้ได้อยู่ด้วยกันแล้ว บ้านเดียวกัน คราวนี้จะได้กลับมาสนิทกันเหมือนเดิม” พ่อผมพูด
         “ติ๊ก ไม่ใช่เด็กๆ แล้วน่ะ ต่อให้ถูกทำโทษที่นี้แต่ก็อย่าลืมล่ะที่พี่ลงทะเบียนให้เรียนปริญญาตรีออนไลน์ไปก่อนน่ะ ทำด้วยน่ะ พี่สั่งพี่พัฒน์เอาไว้แล้วน่ะ ให้เราไปเรียนช่วงที่เขาทำกิจกรรมกัน” พี่ตุ๊พูด ผมถอนหายใจออกมายาวๆ ทันที
          “ส่วนเรื่องงานแสดง ถ่ายแบบพักไว้ได้เลย พี่บอกพี่เอ้แล้วว่า งดรับยาว” พี่ตุ๊พูด
          “อะไรอ่ะพี่ตุ๊ เดี๋ยวก็ได้เป็นข่าวว่างานหด เป็นดาราตกกระป๋อง ทั้งที่ความจริงไม่ใช่เลย งานเยอะจะตายแต่โดนพี่ชายเบรกไว้หมด ทำไมไม่ไปช่วยแก้ข่าวด้วยอ่ะ” ผมพูด พี่ตุ๊หันมามองหน้าผม
         “เอาน่ะ… อยู่ที่นี้แค่ไม่นานพอเสร็จเรื่องคราวนี้ก็ได้กลับไปรับงานเหมือนเดิม” พ่อพูดแทน ผมหันไปมองพี่ตุ๊ว่าดูซิ พ่อน่ะยังไม่โหดเท่าพี่ตุ๊เลยน่ะ นี้สั่งตัดงานหมดแถมตัดยาวด้วยเหมือนจะไม่ให้กลับไปรับงานอย่างนั้นแหละ
         “เสร็จเรื่องก็ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ดี จะมีเวลาที่ไหนไปรับงานพี่ว่าแขวนนวมไปได้แล้ว” พี่ตุ๊พูด
         “ไม่อ่ะพี่ตุ๊ อันนี้มันความสุขของผมอ่ะและรับงานก็ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย” ผมพูด
        “ใครว่าไม่มีล่ะ มี! “พี่ตุ๊พูดแต่พ่อผมเป็นคนยกมือห้ามซะเอง ให้ผมสองคนหยุด ผมเลยต้องยืนสูดลมหายใจเขายาวๆ ให้ใจเย็น ส่วนพี่ตุ๊ก็พอพอกับผมแหละ ยืนนิ่งให้ตัวเองใจเย็นเช่นกัน
        “พอแล้วตุ๊และนี่ก็อีกคน นี้ทำยังกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ ตกลงแล้ว นี่จะแย่งยังทำหน้าที่พ่อไปด้วยใช่ไหมตุ๊ หย่อนๆ ให้น้องมันหน่อยเถอะ” พ่อผมพูดอันนี้ผมแลบลิ้นปลิ้นตาให้พี่ตุ๊เลยเป็นไงล่ะ พี่ทำหน้าที่ดีเกิน
          “ถ้าพี่รู้ว่าเราแอบรับงานน่ะโดนแน่ๆ ตอนนี้ตั้งใจเรียน เรียนออนไลน์และแก้ปัญหาที่นี้ ถ้าพี่มา…” อันนี้ผมถึงกับสะบัดหน้ามามองพี่ชายตัวเอง จะมาเหรอ
         “ถ้ามาดูแล้วเราไม่เป็นอย่างที่พี่บอกน่ะโดนแน่ๆ และถ้าพี่พัฒน์รายงานพี่ด้วย เราก็โดนอีกเหมือนกัน” พี่ตุ๊พูด
         “พ่ออย่าบอกน่ะว่าพี่ตุ๊จะมาที่นี้ด้วยอ่ะ ถ้าพี่ตุ๊มา ผมกลับน่ะ” ผมพูด
         “ตุ๊จะมาทำไม งานพี่เราน่ะเยอะจะตาย รอพวกเราน่ะเรียนจบและจะได้ช่วยพี่ตุ๊เขาบ้าง พ่อก็เริ่มไม่ไหวแล้วน่ะติ๊กน่ะ” พ่อผมพูด ผมหันมามองพ่อผม ผมตรงเข้าไปกอดพ่อผม พ่อผมก็เริ่มจะมีโรคประจำตัวบ้างแล้วแหละก็หักโหมงานเยอะตอนหนุ่มๆ
          “ขึ้นไปดูห้องพักได้แล้ว พ่อกลับแล้วและนอนตามที่จัดเอาไว้ด้วยล่ะ อาเปรมดิ์เขาขอให้เรานอนกับพายน่ะ” พ่อผมพูด ผมถึงกับมองบนทันที นอนกับอีพาย อาบน้ำก็นานทั้งคู่แค่ห้องน้ำก็ตีกันแล้วไม่ต้องถามถึงอย่างอื่นเลย ผมหันมามองพ่อก่อนจะพยักหน้าให้พ่อสบายใจและเข้าไปสวมกอดพ่อผมอีกที ผมหันมามองพี่ตุ๊ พี่ชายที่เป็นมากกว่าพี่จะว่าเหมือนพ่อจริงๆ ก็ว่าได้ พี่ตุ๊ก้มลงมองผมก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แต่ถึงจะดุแต่พี่ตุ๊ก็รักน้องๆ ส่วนน้องอย่างผมถึงจะดื้อแต่ก็รักพี่ตุ๊ไม่แพ้กัน พี่ตุ๊กางแขนผมก็เข้าไปกอด
         “ถึงดื้อไปหน่อยพี่รักน่ะ ดังนั้นดูแลตัวเองดีดี พี่พัฒน์ก็อยู่ที่โรงเรียน มีเวลาว่างก็แวะไปหาพี่พัฒน์บ้างล่ะ” พี่ตุ๊พูด
         “ฝากดูแลเหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นถามพี่ตุ๊ ผมรู้ว่าพี่ตุ๊รักพิพัฒน์แต่ยังขี้เก๊กไม่ยอมยอมรับซะทีว่าคิดอะไรกันอยู่ น้องๆ อยากพวกผมนี่ลุ้นกันจนอยากจะจับมามัดมือไว้ด้วยกันจะได้แสดงความรักกันให้น้องๆ ดูซะที
         “ให้ไปช่วยงานพี่พัฒน์บ้าง พี่เขาทำงานหนักอยู่คนเดียว เข้าใจไหมติ๊ก “พี่ตุ๊พูด
          “ก็แค่บอกว่าฝากดูแลแค่นี่เอง พูดไม่ได้เหรอ” ผมถามพี่ตุ๊
         “กลัวพี่พัฒน์รู้หรือไงอ่ะ” ผมถามพี่ตุ๊
         “กลัวพี่พัฒน์ดีใจเหรอ” ผมถามต่อ
         “เออ ฝากดูแลพี่พัฒน์ด้วยพี่เป็นห่วงน้องชายพี่ พอใจหรือยัง” พี่ตุ๊พูด
         “เหมือนกันทั้งบ้านเลยน้องกู” พี่ตุ๊แอบบ่นพึมพำและที่เห็นน้องกลัวพี่ตุ๊นี่เพราะว่าพี่ดุแต่น้องก็แอบแกล้งพี่ชายเหมือนกันและมันก็ทำให้ผมยิ้มได้ในตอนนี้ ผมเกือบจะพอใจแต่ดันมามีน้องชายของพี่นี่แหละมาขัดแต่ผมพยักหน้าไป ฝากดูแลทางอ้อมก็มาน่ะพี่ชายปากแข็งของผม
         ผมยืนมองพ่อผมเดินออกไป ผมหันมามองแอ้กับดิว ทำไมผมถึงได้อิจฉาแอ้มันมาก ดูลุงภารักแอ้เหมือนแอ้คือลูกคนหนึ่ง ถามว่าลุงรักพวกผมไหม ก็รักน่ะแต่ว่ามันสัมผัสได้ว่าต่างกัน ความรักพวกผมแค่หลานแต่ทำไมกับแอ้มันมากกว่านั้น เหมือนแอ้คือคนรักของลูกดังนั้นก็เป็นลูกอีกคนยังไงยังงั้นเลย
        “อะไรเนี่ยมึง” มีคนเดินมาชนหัวไหล่ผม ผมหันไปมองนั้นคือน้องพาย ผมมองบนทันที จะมากระแทกไหล่ทำไมเนี่ย ผมเดินกลับเข้าไปพร้อมกับพาย
       “วันนี้พี่แพทไม่มาเองเหรอวะ” ผมถามน้องพาย
       “ไม่อ่ะ พี่แพทไปฝึกร่วมกับหน่วยซีลเพิ่งจะถึงสัปดาห์นรกเอง” พายพูด พายมันมีพี่ชายหลายคน พี่แพทหล่อมาก สูงยาวเขาดี พายมันรักพี่แพทมากมันเลยไม่ค่อยกล้าดื้อกับพี่แพททั้งที่พี่แพทไม่ได้ดุเหมือนพี่ตุ๊ผมสักนิด
        “วันนี้ไอ้พี่พีชจอมกวนมาส่งเอง” พายพูด ติ๊กมันมองหน้าผม
        “กูไม่เห็นพี่พีชสนิทกับพี่คนไหนเลยน่ะมึง” ติ๊กพูดกับ
        “ไม่ต้องถามกูหรอก กูเองก็ไม่ได้เข้าใจไอ้พี่พีชเท่าไหร่หรอกมึง” พายพูด ผมเดินเข้าไปนั่งรอด้านในกับพาย พายมันก็ถ่ายรูปลงติ๊กต๊อกตามเคย
        (เพื่อนๆ มาอยู่บ้านใหม่ไฉไลกว่าเดิม ไม่มีเพื่อนบ้านให้กวนใจ ไม่มีสัตว์เลี้ยงเห่าหอนให้หนวกหู ไม่มีเสียงดังรบกวนจากเครื่องดนตรีเพื่อนบ้าน คือมันเงียบดี๊ ดี เงียบมากกกก เงียบกริ๊บค่ะเพื่อน เงียบเหมือนอยู่ใน…ป่าช้า!!) พายพูดในการบันทึกวิดีโอเพื่อโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย
        (สรุปง่ายๆ คือไม่มีเหี้ยอะไรเลย!!) ผมสรุปให้ทันที อีพายมันมองหน้าผมก่อนจะกดตัดฉับไปพายมีคนตามเยอะมาก ชื่อPiery ฉายานี้ไม่มีใครรู้และไม่มีใครรู้ด้วยว่ามันเองแหละน้องพายว่าที่คุณหมอ มีแค่พวกผมแต่พวกผมก็ไม่ทำร้ายกันอยู่แล้ว นี่มันความสุขของพายมัน
        “อีติ๊ก เดี๋ยวกูก็โดนแบนหรอกมึง พูดมาได้ เหี้ย!!” พายพูด ผมหันไปมองสามคนที่เดินเข้ามาพร้อมกัน ดิว แอ้และบอยแต่ไม่มีไอ้แจ็ค อย่าบอกน่ะว่ามัน ผมพรวดพราดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที
        “มีอะไรวะติ๊ก” ดิวมันถามผม
        “ไอ้แจ็คอ่ะ อย่าบอกน่ะว่ามัน หนีขึ้นรถไปน่ะ “ผมพูด ทุกคนหันมามองหน้ากันพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ
       “มันคงเป็นไปได้ยากอ่ะ อาภูมิน่ะจะยอมให้มันกระโดดขึ้นไปรถ “พายพูด
       “ถ้ามันหนีไปได้โดยไม่ชวนกูไปด้วย กูเคืองแม่ง ตัดแม่งออกจากชีวิตกูเลย เอาจริงๆ” ผมพูด แต่ล่ะคนหันมามองหน้าผม มันหายไปผมไม่โกรธแต่มันไม่ลากผมไปด้วยนี่แหละเคืองมาก
         “มันอิมพอสซิเบิลมากติ๊ก “พายพูด
         “เออ นั้นดิ มันคงเดินขึ้นไปบนห้องแล้วมั้ง” แอ้พูด ผมหันมามองบอย
         “บอยก็ไม่ได้สังเกตอ่ะ บอยคุยกับพ่อ เลยไม่ได้มองว่าเขาเดินเข้าไปตอนไหน” บอยพูด สีหน้าบอยดูแล้วน่าจะรู้สึกแย่ ที่ไอ้เวรนั้นมันทำเป็นไม่เห็นหัวแบบนี้
        “บอย อย่าไปใส่ใจไอ้เด็กมีปมนั้นเลย ปมมันเยอะ จนมันเองก็แก้ไม่ออก” ดิวพูดก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ผมหันมามองแอ้ เขานั่งลงข้างๆ ผม น่าแปลกน่ะถึงผมจะร้ายกับแอ้มันแต่แอ้มันก็เข้าข้างผมอยู่ดีแต่ว่ามันแย่ตรงที่ว่าผมกลายเป็นตัวร้ายในสายตาไอ้ดิว 
       “แป๊บหนึ่งน่ะขอไปโทรหาพี่พั้นญ์ก่อนว่ะ” พายพูดพร้อมกับเดินออกไป
       “พี่บีโทรมาพอดีเลยขอคุยกับพี่บีก่อนน่ะ” บอยพูดเช่นกันตอนนี้เหลือแค่ผมสองคนแล้ว ผมหันมามองแอ้ แอ้มันก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือการ์ตูนและการ์ตูนที่มันอ่านก็เข้าข่ายว่าพระเอกนี้เหมือนไอ้ดิวแต่ว่าไอ้ดิวมันชอบเล่นฟุตบอลมากกว่า มันเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพได้สบายๆ เลย
         “คราวนี้ก็คงคิดว่ามึงกับดิวจะได้หาเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นซิน่ะ” ผมพูด แอ้ละสายตาจากหนังสือเล่มนั้นหันมามองหน้าผม
          “มึงพูดเรื่องอะไรติ๊ก” แอ้หันมาถามผม
         “มึงก็รู้ว่ากูพูดถึงเรื่องอะไรแอ้” ผมพูด แอ้วางหนังสือลง
        “อาภีมรู้เรื่องมึงกับดิวแล้วเหรอและดูลุงภารักมึงมากเหมือนมึงคือลูกเขาอีกคนเลย” ผมพูดเชิงถามแอ้ ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้วน่ะ
         “ลุงภาก็รักเท่าๆ กันทุกคน” แอ้พูด สายตาของผมกับแอ้ประสานกัน
         “มึงโกหก!!” ผมพูด ผมจับต้นแขนแอ้ ผมบีบมันด้วยความเจ็บแต่ว่าภายในใจผมเจ็บกว่า แอ้มันก็ไม่ได้สะบัดออกหรือว่าจะผลักผมให้กระเด็นไป ผมก็ยิ่งบีบหนักขึ้นจน
        “แอ้! ขึ้นห้องก่อนไหม ดิวว่าจะ..” เสียงดิวดังเข้ามาพอดีมันทำให้ผมต้องรีบปล่อยมือจาก จากต้นแขนแอ้ทันที ดิวมันมองผมกับแอ้สลับกันไปมา
         “มีอะไรกันหรือเปล่า” ดิวเดินเข้ามาพร้อมกับวางขวดอะไรสักอย่างลง มันหายเข้าไปหยิบเครื่องดื่มมาสามขวด ดิวมองแอ้กับผมสลับกันไปมา
         “มีอะไรแอ้ บอกดิวดิ” ดิวเลือกถามแอ้
       “ไม่มีดิว “แอ้พูดก่อนจะลุกขึ้นและทำท่าจะเดินออกไป ดิวมันหันมามองหน้าผม
       “มึงทำอะไรแอ้ติ๊ก” ดิวถามผมทันที (เมื่อสักครู่ผมทำแอ้มันเจ็บแต่ตอนนี้ผมเจ็บกว่ามันอีก ดูสายตาไอ้ดิวที่มันหวงแอ้)
       “กู… เออ…กู…ไม่ได้ทำอะไร” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นเช่นกันและเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ผมเดินจ้ำอ้าวตามแอ้ขึ้นไปและดิวก็เดินจ้ำอ้าวตามผมสองคนขึ้นมาเหมือนกัน
TBC…


หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง) EP.5 (พายXติ๊ก)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 29-12-2023 11:37:09
         
          EP.5 (พายXติ๊ก) คู่ปรับที่คอยเตือนสติติ๊ก

          Part’ s พาย น้องพายที่น่ารักประจำบ้านพอพาน ผมชื่อปรรณกร เป็นลูกชายคนเล็กของพ่อเปรมดิ์พ่อผมมีลูกล่าช้ากว่าลุงๆ ของผมหลายปีเพราะว่าพ่อผมอ่อนกว่าลุงๆ หลายปี พี่ชายคนโตผมก็จะรุ่นเดียวกับพี่เดฟพี่ชายไอ้ดิว พี่เอ็กซ์พี่ชายแอ้และพี่ต้าร์ พี่ชายไอ้ติ๊ก เขาเป็นเพื่อนรักกันมานาน พี่แต่ล่ะคนก็จะเป็นเพื่อนกันในช่วงวัยเดียวกัน
          บ้านผมเป็นที่รู้จัก บ้านพอพาน พี่ชายคนโตพี่แพท พี่พีช (คนที่มาส่งผม) พี่พั้นญ์ พี่พอร์ชและพี่พีเคและก็ผมนี่แหละคนเล็กสุด พ่อผมสไนเปอร์ของทีมเนวีซีลมาก่อนแต่ว่าตอนนี้ลุงสี่ย้ายพ่อผมไปทำงานเอกสารแทนช่วยลุงสี่และจะได้ไม่ต้องออกไปเสียงอีก ลุงสี่ก็ไม่อยากเสียพ่อผมไปและพวกผมก็เช่นกันเพราะว่างานของพ่อมันเสียงเกินไป ใช่แล้วครับลุงสี่น้องชายคนเล็กของลุงหนึ่งคือแฟนพ่อผมเอง ลุงสี่หรือพลเอกสรภพ ดูแลฐานที่ตั้งทหารหน่วยรบพิเศษทางทะเลเพราะว่าลุงสี่เป็นทหารเรือ ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ หน่วยซีลทีม
       “พาย พ่อกลับแล้วน่ะ อยู่กับเพื่อนๆ ใช้เวลานี้กับเพื่อนให้มากที่สุดน่ะพาย” พ่อเปรมดิ์บอกผม
        “พ่อ พายรู้ว่า มันยาก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากให้วันที่ผมต้องไปเรียนก่อนมาถึงเลย ผมถูกเลือกให้เป็นแพทย์ทางด้านเกี่ยวกับหัวใจ โดยเฉพาะเพราะว่าผมเป็นเด็กฉลาดมีไอคิวสูงกว่าคนอื่น ผมถูกเลือกไว้ตั้งแต่ตอนที่ผมกำลังจะเกิด แต่ใช่ว่าผมจะอยากได้ ผมอยากมีชีวิตปกติเหมือนคนอื่นๆ ทุกคนก็เช่นกัน
         “งอแงอีกแล้ว เด็กน้อยเอ๊ย… “พี่พีช พี่ชายคนที่สอง พี่พีชเป็นน้องพี่แพทไม่ถึงปี เรียกได้ว่าลูกหัวปีท้ายปี แต่เอาจริงๆ ผมมีพี่ชายอีกคนแก่กว่าพี่แพท สองปี ชื่อพี่พอสแต่ว่าเสียไปตอนที่ไปฝึกด้วยกันตอนนั้นลงแพล่องแม่น้ำที่ไหลเฉี้ยวและมหาโหดมากเส้นนี้แต่ว่ากลับถูกใช้เพื่อฝึกนักเรียนทหารและพี่แพทเป็นคนตกลงไปและพี่พอสลงไปช่วยสุดท้ายพี่แพทรอดชีวิตมาได้ มีคนช่วยดึงพี่แพทขึ้นมาแต่ว่าเราหาพี่พอสไม่เจอ พี่พอสเป็นลูกที่พ่อผมขอมาเลี้ยงและสนิทกับพี่พีชมากและนั้นก็เป็นชนวนที่ทำให้ พี่แพทกับพี่พีชแทบจะไม่ได้คุยกัน ผมก็ไม่เข้าใจมันไม่ใช่ความผิดพี่แพทสักหน่อย แต่พี่เขาก็จะคุยกันก็ต่อหน้าพ่อเท่านั้นพ่อจึงไม่รู้ว่าพี่แพทกับพี่พีช มีปัญหากัน พอพ่อไม่อยู่พี่พีชไม่เคยทักทายพี่แพทเลย แถมยังเลือกไปเป็นนาวิกโยธินที่แตกต่างไปจากพี่แพทที่เลือกเดินสายเดียวกับพ่อเปรมดิ์
        “ไอ้พี่พีช ลองมาอยู่แบบนี้ดูไหมล่ะ” ผมถามพี่พีช
        “ไม่ได้เป็นเด็กเกเรแบบเรานิจะได้ถูกส่งมาทำโทษที่นี้” พี่พีชพูดพร้อมกอดอกมองผม ผมมองหน้าทำไมไอ้พี่พีชกับพี่แพทมันต่างกันแบบนี้น่ะ พี่แพทน่ะตามใจผมจะตายแต่ไอ้พี่พีชนี้ขัดอกขัดใจผมทุกเรื่อง ผมเลยหันหน้านีดีกว่าไม่เถียงด้วยแล้ว
         “พีช กลับไปแล้วส่งอิเมลพาพี่แพทให้พ่อหน่อยน่ะ เอกสารที่พ่อให้ไปพี่แพทเขาต้องใช้” พ่อเปรมดิ์บอกพี่พีช พี่พีชนิ่งไปเลยพักหนึ่ง
         “ครับพ่อ ผมจะส่งให้…พี่แพท” พี่พีชพูด
         “เอาล่ะพายพ่อกลับแล้วน่ะ อยู่ที่นี้ดูแลตัวเองดีดีล่ะ” พ่อเปรมดิ์พูด
          “กางเกงน่ะ เอาขายาวมามั้งหรือเปล่า” จู่ๆ ไอ้พี่พีชหันมาถามผม
           “เอามาแต่น้อยกว่าขาสั้นเพราะว่าเน้นมาอวดไม่ได้เน้นมาปิด” ผมพูด ประชดพี่ชาย พี่พีชมองผมก่อนจะทำหน้าเอือมระอาน้องคนนี้ชอบขัดใจ
            “ดำแน่ๆ” เฮ้ยไอ้พี่พีชพูด
            “ไอ้พี่พีช!!!” ผมหันมาเรียกชื่อ พูดแบบนี้ได้ไงยิ่งกลัวดำอยู่ด้วย
           “ใส่ขายาวซะบ้าง ที่นี้ก็ไม่ได้ร้อนมากแต่แดดแรงไม่แพ้กันน่ะ ออกไปนี้ดำ จำไม่ได้แน่ๆ” พี่พีชพูดกับผม
           “คอยดูน่ะ จะฟ้องพี่แพท!” ผมทำท่าจะพูดแต่ว่าผมลืมไปว่าพี่พีช ไม่กลัวพี่แพท ฟ้องไปก็เท่านั้น พี่พีชหันมามองหน้าผมก่อนจะ
           “ไม่แซวแล้ว ดูแลตัวเองล่ะ” พี่พีชพูดพร้อมกับหันไปมองทางอื่น สีหน้าพี่พีชเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบเดินออกไป ผมเบ้ปากใส่และตรงไปกอดพ่อเปรมดิ์ทันที
            “ป๊าสี่เขาบอกว่าถ้าพายทำได้ ป๊าจะให้รางวัลด้วยนะพ่อ” ผมพูด พี่พีชหันไปมองทางอื่น แต่อันนี้พี่แพทกับพี่พีชเหมือนกันตรงที่พี่เขาไม่เคยเชื่อใจป๊าสี่เลย อาจจะเป็นเพราะว่าป๊าสี่ทำให้พ่อผมเสียใจมาไม่รู้กี่ครั้งเพราะความเจ้าชู้ของป๊าสี่แต่ก็ง้อพ่อผมได้ทุกทีและที่สำคัญป๊าสี่เคยแต่งงานด้วย มีลูกด้วยและผมเองก็ไม่เคยเจอลูกๆ ของป๊าสี่สักคน พวกผมรู้ว่าป๊าสี่เพิ่งจะหย่ากับภรรยาของเขาไม่นานมานี้และพยายามจะจดทะเบียนสมรสกับพ่อผมแทนเพราะว่าป๊าสี่นั้นรักพ่อผมมาก่อนและรักพ่อผมมากที่สุดเท่าที่พวกผมรู้แต่มีแค่พี่แพทกับพี่พีชเท่านั้นที่ยังไม่ยอมรับตรงนี้ ส่วนตัวผมเชื่อว่าป๊าสี่รักพ่อผมจริงๆ ไม่อย่างนั้นจะมาราธอนได้ขนาดนี้เหรอ ตั้งแต่พ่อผมยังไม่มีพวกผมเลยน่ะ

            ผมยืนมองพ่อเปรมดิ์เดินออกไปกับพี่พีช พ่อผมมีสายเข้าพอดี ผมเหลือบมองมือถือของผม พี่แพทยังยุ่งอยู่แน่ๆ เลย พี่แพทอยู่ในช่วงสัปดาห์นรกของการฝึกโหด พี่แพทไม่ได้บอกว่าเสร็จตอนไหน ผมนี่คิดถึงพี่แพทที่สุด ช่วงที่พ่อผมยุ่งมากๆ พวกผมอยู่กับพี่แพทมากที่สุดในช่วงก่อนที่พี่แพทจะไปฝึก ดังนั้นพี่แพทก็เหมือนพ่อของพวกผมคนหนึ่งเหมือนกัน ผมมักจะเรียกพ่อแพท ผมไม่กล้าดื้อกับพี่แพทเหมือนพี่ๆ คนอื่นๆ และพี่แพทก็ตามใจผมมากเช่นกัน

            ผมหันมาจะเดินเข้าไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นแต่ว่าผมเห็นติ๊กยืนมองแอ้ที่กำลังล่ำลาลุงภีมเพราะว่าเป็นพี่ชายพ่อผมแต่ว่าเป็นอาไอ้ติ๊กมัน ติ๊กหันมามองหน้าผม ผมรู้ว่ามันไม่ได้มองที่ลุงภีมแต่ว่ามันมองที่ลุงภา ลุงภาดูเอ็นดูแอ้มากเป็นพิเศษ ผมคิดว่าไอ้ติ๊กมันกำลังคิดอะไรพิสดารอีกแล้วแน่ ผมก็เลยเลือกเดินไปและผมก็ตั้งใจชนไหล่ติ๊กมัน
         “อะไรเนี๊ยะมึง!” ติ๊กมันหันมาถามผม ผมก็หยักไหล่ว่าให้เข้าไปด้านในการดีกว่า ติ๊กหันไปมองแว๊ปหนี่งก่อนจะเลือกเดินไปกับพวกผม
          “วันนี้พี่แพทไม่มาเองเหรอวะ” ติ๊กมันถามผม เห็นผมกับติ๊กกัดกันแบบนี้แต่ว่าติ๊กกับผมคุยกันแทบจะทุกเรื่องเลยไม่เคยปิดกันยกเว้นเรื่องแอ้เท่านั้นที่มันไม่พูดความจริง
          “ไม่อ่ะ พี่แพทไปฝึกร่วมกับหน่วยซีลเพิ่งจะถึงสัปดาห์นรกเอง” ผมตอบติ๊ก
         “วันนี้ไอ้พี่พีชจอมกวนมาส่งเอง” ผมพูดกับติ๊ก
         “กูเห็นแล้ว และกูไม่เห็นพี่พีชสนิทกับพี่คนไหนเลยน่ะมึง ไม่ทักใครเลยนะมึง” ติ๊กพูดกับผม
            “ไม่ต้องถามกูหรอก กูเองก็ไม่ได้เข้าใจไอ้พี่พีชเท่าไหร่หรอกมึง” ผมพูด คนอื่นๆ ยังไม่เข้ามาเลย ผมเลยคิดว่า หามุมดีดีทำคลิปลงติ๊กต๊อกดีกว่า ฆ่าเวลา ผมน่ะมีคนติดตามเยอะมากแต่ติดตามในนามของ Pieryไม่มีใครรู้ด้วยน่ะว่าเป็นผม พ่อยังไม่รู้เลย พี่ๆ ยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่

          (เพื่อนๆ มาอยู่บ้านใหม่ไฉไลกว่าเดิม ไม่มีเพื่อนบ้านให้กวนใจ ไม่มีสัตว์เลี้ยงเห่าหอนให้หนวกหู ไม่มีเสียงดังรบกวนจากเครื่องดนตรีเพื่อนบ้าน คือมันเงียบดี๊ ดี เงียบมากกกก เงียบกริ๊บค่ะเพื่อน เงียบเหมือนอยู่ใน…ป่าช้า!!) ผมพูดตาก็จิกกล้องไปด้วย
           (สรุปง่ายๆ คือไม่มีเหี้ยอะไรเลย!!) ระหว่างที่กำลังโพสอยู่นั้น ติ๊กรีบเข้ามาและแทรกเสียงใส่แต่ว่ามันมีคำหยาบคาย ผมรีบกดวางสายแถบไม่ทัน มันนี้หาเรื่องให้ผมโดนแบนไปคลอดแล้วไลล่ะ
           “อีติ๊ก เดี๋ยวกูก็โดนแบนหรอกมึง พูดมาได้ เหี้ย!!” “ผมหันไปพูดกับติ๊ก ดูมันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จังหวะนั้นแอ้ ดิวและบอยเดินเข้ามาพร้อมกันพอดีเลย จู่ๆ ไอ้ติ๊กมันก็ลุกพร้วดขึ้นและมองไปรอบและมองไปที่ด้านหลังสามคนนั้น
           “มีอะไรวะติ๊ก” ดิวมันถามติ๊ก
          “ไอ้แจ็คอ่ะ อย่าบอกน่ะว่ามัน หนีขึ้นรถไปน่ะ” ติ๊กมันถามขึ้น แต่จะว่าไป แจ็คมันหายไปไหนของมันล่ะ
           “มันคงเป็นไปได้ยากอ่ะ อาภูมิน่ะจะยอมให้มันกระโดดขึ้นไปรถ “ผมหันมาพูด
           “ถ้ามันหนีไปได้โดยไม่ชวนกูไปด้วย กูเคืองแม่ง ตัดแม่งออกจากชีวิตกูเลย เอาจริงๆ” ติ๊กพูด นั้นไงมันได้เป็นห่วงที่ไอ้ติ๊กหายแต่เป็นห่วงว่ามันหนี้แล้วไม่บอกมันนี่เอง ผมหันมามองหน้ากัน
          “มันอิมพอสซิเบิลมากติ๊ก “ผมพูดกับติ๊ก
           “เออ นั้นดิ มันคงเดินขึ้นไปบนห้องแล้วมั้ง” แอ้พูด ผมหันไปพยักหน้าว่าน่าจะใช่ ผมเดาว่ามันไม่กล้าสู้หน้าบอยเพราะว่ามันกำลังเก็กท่าอยู่
           “บอยก็ไม่ได้สังเกตอ่ะ บอยคุยกับพ่อ เลยไม่ได้มองว่าเขาเดินเข้าไปตอนไหน” บอยพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้แจ็คมันปลีกตัวออกไป
             “บอย อย่าไปใส่ใจไอ้เด็กมีปมนั้นเลย ปมมันเยอะ จนมันเองก็แก้ไม่ออก” ดิวพูดก่อนจะเดินออกไปแต่ไปไหนไม่รู้แต่ผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมต้องโทรหาพี่พั้นญ์ก่อนดีกว่า
            “แป๊บหนึ่งน่ะขอไปโทรหาพี่พั้นญ์ก่อนว่ะ” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นและวิ่งออกไป ผมไม่แน่ใจว่าพ่อจะกลับไปที่บ้านเลยไหม
          //พาย//
          //พี่พั้นญ์ คิดถึงพี่พั้นญ์อ่ะ// ผมพูดอ้อนพี่พั้นญ์ ตอนแรกว่าจะกลับไปอยู่กับพี่พั้นญ์ก่อนจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
          //เป็นไงล่ะ ดื้อจนได้เรื่องอดมาหาพี่เลย// พี่พั้นญ์พูด
          //พั้นญ์ครับ// พี่คิมห์แน่ๆ เลย พี่คนนี้แอบชอบพี่พั้นญ์อยู่ พี่เขาเป็นเพื่อนสนิทกับพี่พั้นญ์มานาน ผมนี้ก็ชอบนะ ชอบความรักที่เริ่มจากเพื่อน มันเรียนรู้ตีคู่กันมาแต่ว่าเมื่อไหร่พี่พั้นญ์จะยอมสักทีก็ไม่รู้
          //ทานก่อนเลยคิมห์ เราคุยกับน้องพายก่อน//
          //จริงอ่ะ ฝากบอกน้องพาย ไม่ต้องห่วง พี่คิมห์ดูแลพี่พั้นญ์ให้เอง// ผมแอบยิ้มดีใจ อยากได้พี่เขย หล่อละมุนและเอาใจพี่พั้นญ์เก่งแบบพี่คิมห์พี่พั้นญ์เป็นคน
          //พี่พั้นญ์ใจอ่อนให้พี่คิมห์ได้แล้วมั้ง// ผมบอกพี่พั้นญ์
          //หายากน่ะคนที่นุ่มนวลละมุนแบบพี่คิมห์เนี๊ยะ! และรักมาราธอนแบบนี้ พี่คิมห์แอบรักพี่พั้นญ์มาหลายปีแล้วน่ะ ใจอ่อนได้แล้ว// ผมพูด
         //พอแล้ว เราน่ะดูแลตัวเองด้วยน่ะและอย่าทำเรื่องเพิ่มล่ะจะได้มาหาพี่ซะที พี่ๆ นะคิดถึงมากน่ะพาย//
         //ครับพี่พั้นญ์ ผมคิดถึงพี่พั้นญ์ พี่พอร์ชและพี่พีเคน่ะคิดถึงนิดเดียวพอเพราะว่าชอบแกล้งพายอ่ะ// ผมพูด
         //พีเคเขาก็คิดถึงเรามากน่ะพาย เห็นพีเคแกล้งเราเนี่ย พีเคก็รักเราไม่แพ้พี่ๆ นั่นแหละ//พี่พั้นญ์พูด
         //แค่นี้ก่อนน่ะพาย พี่ต้องไปรับพอร์ชแล้ว วันนี้รีบกลับไปทำรายงาน พ่อบอกว่าอาจจะกลับไม่ทัน” พี่พั้นญ์บอกผม
         //พายทานข้าวเย็นเสร็จแล้วโทรไปน่ะ อยากคุยกับพี่พอร์ชอ่ะ//
         //ได้ซิพาย งั้นบายก่อนน่ะ พี่รักพายน่ะ //พี่พั้นญ์พูดซะผมไม่อยากวางสายเลยแต่ก็ต้องวาง
         //ไค้ครับพี่พั้นญ์//ผมพูดก่อนจะกดวางสายไป ว่าจะถามเรื่องพี่แพทสักหน่อย เอาไว้ก่อนแล้วกันผมคิดในใจ

           ผมเดินกลับเข้าไปด้านใน แต่ว่าผมก็ต้องมาหยุดมองไม่กล้าเดินเข้าไป สิ่งที่ผมเห็นคือติ๊กมันบีบแขนไอ้แอ้อยู่ เพื่ออะไรก็ไม่รู้ ผมไม่รู้ว่ามันโกรธใครกันแน่ ไอ้ดิวที่รักแอ้หรือว่าแอ้ที่ไม่ยอมบอกทุกคนว่ามันคิดยังไงกับดิว แต่ถามว่าผมเข้าใจติ๊กไหม ผมเข้าใจเพราะที่ผ่านมามันสนิทกันมาก ตัวติดกันสามคนจนวันหนึ่ง วันที่ติ๊กเริ่มเข้าวงการบันเทิง ติ๊กมันดื้อทั้งที่ลุงหนึ่งสั่งห้ามทุกคน ไม่อย่างนั้นพวกผมคงได้เข้าวงการบันเทิงกันหมดแล้ว หน้าตาดีประมาณนั้นและนั้นก็คือจุดเปลี่ยนหรือเปลี่ยนมานานแล้วก็ไม่รู้แต่น่าแปลกแอ้มันไม่พูดเรื่องดิวเลย
         “พาย มีอะไรอ่ะ ไม่เข้าไป” ผมสะดุ้งจนหันมาเจอดิว ดิวมันมองผม จะว่าไปดิวนี่มันหล่อ หล่อแบบไทยแท้ หล่อเข้มเต็มคาราเบล ผมนี่อิจฉาแอ้แรงมาก แต่ว่าผมรู้ว่าเขาชอบใครก็ควรให้เขาไปแต่อีกคนมันไม่ใช่มันดื้อดึงไง
          “พาย! ไอ้ติ๊กอ่ะมันทำอะไรอ่ะ” ดิวถามผม ผมหยักไหล่ว่าไม่รู้ ทั้งที่ผมรู้อยู่แล้วว่ามั้นทำอะไรแต่ไม่ได้พูด ดิวก็เดินแทรกเข้าไปทันที ผมยืนบังเอาไว้ดิวมองไม่เห็นหรอก ดิวเดินตรงเข้าไปก่อน จังหวะนั้น สายเข้าพอดี พี่พั้นญ์ เหมือนพี่สาวของผมมากกว่าพี่พั้นญ์น่ารักและอ่อนโยน เป็นคนทำกับข้าวประจำบ้าน พอผมคุยเสร็จก็กดวางสายเพื่อจะได้เข้าไปด้านในเหมือนกัน
           ผมมัวแต่คุยกับพี่ชายเพลินไปหน่อยเลยพลาดไปเลย ผมเดินเข้าไปก็ไม่เจอสามคนนั้นแล้ว หายไปไหนกันเนี่ย สงสัย
จะขึ้นไปตีกันข้างบนแน่ๆ เลย จังหวะนั้นบอยก็เดินเข้ามาเหมือนกัน ทำหน้างง ไม่แพ้กัน ว่าสามคนนี้หายไปไหน
          “บอยไปไหนมาอ่ะ” ผมถามบอย
          “เออ บอยเพิ่งจะกลับเข้ามาอ่ะพายแต่ว่าเขาไปไหนกันหมดแล้ว” บอยถามผม
          “สงสัยงานเข้าน่ะ ตกลงกันไม่ได้ไง สามคนผัวเมียเนอะ” ผมพูด บอยหันมามองหน้าผมแอบตีแขนผมเบาๆ
          “พาย!” บอยเรียกชื่อผม บอยยังคงน่ารักเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
           “ล้อเล่นน่า คนอย่างดิวมันไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก บอยก็รู้ ไม่อย่างนั้นเขาจะเลือกมันเหรอ” ผมพูด ผมรู้ว่าบอยรู้ว่าผมหมายถึงใคร
          “แล้ว?” บอยถามผมก่อนจะมองขึ้นไปด้านบนนั้น ผมเข้าใจความหมายดีว่าหมายถึงใคร
          “อีกคนเหรอ เขากลัวมันกันทั้งองค์กร ก็อย่างว่าแหละ ไอ้นี่มันขวางโลกน่ะแต่มันแค่อยากเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง แต่สิ่งที่มันเปลี่ยนก็จะไปขัดใจ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร เขาเลยไม่อยากให้มันมายืนคู่กับบอยไง “ผมพูดพร้อมกับหันไปหยิบของใช้ เช่นมือถือและกระเป๋าใบเล็กเพื่อจะได้กลับขึ้นห้อง ไม่รู้ว่าอิติ๊กมันจะลากแอ้ไปนอนแทนมันหรือเปล่า
           “พายขึ้นไปข้างบนก่อนน่ะ เดี๋ยวพลาดไป คุยไม่รู้เรื่อง” ผมพูด บอยพยักหน้ากับผมและบอยก็เดินแยกไปห้องครัวอย่าบอกน่ะว่าหาอะไรไปให้ไอ้แจ็คทานเพิ่ม ผมว่าบอยน่ารักมาก น่ารักขนาดนี้ไอ้นี่จะเล่นตัวทำไมของมันน่ะและผมเชื่อว่าบอยกับแจ็คต้องกลับมาอยู่ด้วยอย่างแน่นอน

*****
              Part’ s ติ๊ก ผมรีบเดินขึ้นเหมือนกัน ถึงแอ้มันจะหนีขึ้นมาก่อนแต่ว่าผมก็ตามแอ้มาติดๆ โดยมีไอ้ดิวก็ตามหลังมาติดๆ เช่นกัน นี้มันอะไรกัน ทำไมผมรู้สึกหน่วงๆ มากแบบนี้ ทำไมเมื่อก่อนผมไม่ได้คิดอะไร หรือว่าตอนนั้นมันเด็กเกินไปหรือว่าผมไว้ใจเขาคนนี้ ที่พูดกับผมเสมอว่า มันไมได้คิดอะไรกับดิวกันแน่
            ผมสามคนมาหยุดที่หน้าห้องนอน ห้องนอนผมอยู่ตรงข้ามกันกับห้องไอ้ดิว ผมมองป้ายหน้าห้องที่แขวนเอาไว้อย่างชัดเจน เขาจัดให้แล้วว่าใครนอนกับใครและผมคงไม่ต้องถามน่ะว่าแอ้มันจะนอนห้องไหนเพราะว่าป้ายหน้าห้องมันบอกชัดเจนอยู่แล้วว่าดิว แอ้และผมก็นอนห้องเดียวกับพาย ผมมองหน้าแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม ผมสองคนประสานสายตากันโดยยังไม่ได้พูดอะไรกันจนกระทั่ง
           “อ้าว!! ใจตรงกันเนอะ ขึ้นมาเหมือนกันเลย” เสียงพายทำให้ผมสามหันไปมองพายแทน พายมองผมสามคนสลับกันไปมา
             “มีอะไรอ่ะ ได้กลิ่นคุสาด... หรือว่า....คู่ไม่ตรงอ่ะ “พายมันถามได้แบบแทงใจดำมาก แทงใจดำผมมาก ผมมองใบหน้าของพาย หน้าพายมันนิ่งมาก พายมันก็นิ่งแบบไม่สนใจโลก ผมว่าแบบนี้กวนประสาทที่สุด เห็นทีบทนายร้ายเรื่องหน้าผมขอให้พี่เอติดต่อมันดีกว่าไหมอีนี่!
           “ถ้าไม่ตรง เอาอย่างนี้ไหม ดิว มาคู่กับพายดีกว่าเนอะ เคมีจะได้ตรงกัน พายชอบผสมสารเคมีอ่ะ มันตื่นเต้นดีว่าไหมดิว” พายพูด ผมหันมาอีพายและดิว มันก็พยายามแกะมือน้องพายที่เหมือนปลาหมึกออก
           “ไม่เอาอ่ะ เคมีไปคนละทางแน่นอน ดิวน่ะต้องอ่านหนังสือส่วนแอ้มันก็ต้องอ่านหนังสือ ไม่ใช่สายเฮฮาปาร์ตี้ อยู่ด้วยกันนั่นแหละดีแล้ว” ดิวพูด ผมมันโบ้ยปากมาทางผม แบบนี้ก็ได้เหรอ ส่วนอีกคนก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรสักคำ นั้นคือไอ้แอ้ ผมเดาว่ามันรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเขาเลือกให้แบบนี้อยู่แล้ว
           “แอ้เข้าห้องดิ จะได้ไปดูว่าห้องนอนเป็นไงบ้างและจัดห้องกันเลย” ดิวพูดพร้อมกับพยักหน้าให้แอ้เปิดประตู แอ้หันหลังมามองผมแค่แว๊ปเดียวก่อนจะเดินเข้าไปด้านในห้องนั้นและตามมาด้วยดิว
           “ดูห้องนี่คุสาดอ่ะดิว อยากไปอยู่ด้วย สามคนก็ได้น่ะ ห้องดิวกับแอ้น่ะ สัญญาจะไม่แอบดู “พายพูด ผมหันขวับมามอง นางพายก็ทำทีหันไปทางอื่นแทน
            “ก็ต้องเร่งแอร์หน่อยน่ะพาย ดูแล้วร้อน เหมือนเจ้าของห้องวะ” ดิวพูดก่อนจะรีบเข้าห้องไปทันที ผมอยากจะหาอะไรปามันจริงๆ แต่ว่าเปลี่ยนมาเป็นปาอีพายก่อนดีกว่าปากดีหนัก
              ผมสะบัดบ๊อบหันหน้าเข้าห้องนอนไปทันทีและตามมาด้วยพาย ผมเดินเข้ามาในห้อง ของทุกอย่างถูกนำมาไว้ที่นี้ก่อนหน้าแล้ว เสื้อผ้าของใช้ทุกอย่าง ผมยืนมองไปรอบๆ ไม่ต่างจากเด็กหอเลย มีโต๊ะเขียนหนังสือ เตียงนอนที่แยกกันชัดเจนแต่ว่าห้องไอ้ดิวกับแอ้เหมือนกันไหม แต่มันก็คงไม่ใช่อุปสรรคใดๆ ถ้าจะขยับเตียงนอนมาใกล้กัน และถ้าผมเห็นแบบนั้นผมคงวีนแตกใส่แน่ๆ
            “มึงโกรธที่เตียงมันแยกกันเหรอหรือว่ามึงโกรธเรื่อง…” พายพูด
           “เรื่องอะไร ไม่มี” ผมพูดเสียงแข็ง
           “เห็นน่ะ ว่ามึงทำอะไรแอ้ กูเดินเข้ามาแต่พอกูเห็นมึงบีบแขนแอ้ กูเลยหยุดไม่เข้าไปแต่ว่าไอ้ดิวมัน…” พายพูดผมหันไปมองหน้าของพายว่าไอ้ดิวมันพูดว่าอะไร
           “ถามกูแต่กูก็ไม่พูดอะไรนะ มันรีบตรงดิ่งไปหามึงสองทันที” พายพูด ผมหันมามองหน้ามันว่าดิวเห็นเหรอ
          “มันไม่เห็นหรอกเพราะว่ากูดึงมันเอาไว้ก่อน” พายพูด มันช่วยผม
           “แต่ถ้ามึงทำแอ้มันอีก กูก็จะให้มันเห็นจริงๆ” พายพูด
           “มึงทำไมวะติ๊ก เรามีกันแค่นี้ ตอนนี้ปัญหาแม่งก็เยอะแยะ ศึกนอกที่จะเข้ามาโจมตีพ่อเราน่ะ มึงอย่าสร้างศึกในดิว่ะและมึงน่ะควรจะแคร์คนที่เขาแคร์มึงมากอย่างแอ้ปะวะ “พายพูด
          “ลองมาเป็นมึงดิ มึงจะทนได้ไหม “ผมพูด
          “เรื่องอะไรวะที่มึงทนไม่ได้ “พายถามผม
           “มันปิดทำไมอ่ะ” ผมถามพาย
          “เพราะอะไรเหรอ มึงนั่นแหละที่รู้คำตอบป่ะว่ะ ว่าทำไมเพราะคำตอบมันคือมึงทั้งนั้นที่แอ้รู้สึก มันแคร์มึงไงแต่ว่าเรื่องที่ว่าใครจะรักใคร แม่งห้ามกันได้เหรอและมันก็ยกให้กันไม่ได้ปะวะ ถ้าเขาไม่ให้มึงเอง” พายพูดแค่นั้นก่อนจะเดินไปที่โต๊ะตัวเองพร้อมกับจัดของทันที ผมหันมามอง ของที่วางเยอะแยะเต็มไปหมด ของผมนี่เยอะมาก
           “นี่ขนาดเขาให้มาอยู่แค่ชั่วคราว มึงยังขนยังกับว่ามีลางสังหรณ์จะได้มาอยู่ถาวรเลยว่ะติ๊ก!” อีพายพูด อีนี่มันไม่เคยไม่จิกกัดผมสักนาทีเลยน่ะ ผมหันขวับมามองจะว่าไป เปิดโน้ตบุ้คดีกว่าและหาอะไรทำไปก่อน ค่อยๆจัดของพวกนี้หรือไม่ ก็ไปเรียกแอ้มาช่วยดีกว่า หาเรื่องชวนมันมาช่วยจัดของดีกว่า มันจะได้มาอยู่ห้องผมนานๆ
           “ยิ้มแบบนี้หาเรื่องให้ไอ้แอ้ชัวร์ มึงแม่ง นางมารชัดๆ แต่เสือกได้บทนายเอกบ้างพระเอกบ้าง กูนี่อยากรู้ใครเขาคัดสรรบทให้มึงว่ะ แม่งขัดกับชีวิตจริงชัดๆ” อีพายพูดก่อนจะลุกไป ผมนี้ก็โยนหมอนตามหลังไปเลย อีนี่มันอ่านความคิดชั่วร้ายของผมได้ตลอดยกเว้นไอ้แอ้ น่าแปลกน่ะและผมก็ทำเป็นไม่สนใจหยิบเอาโน้ตขึ้นมากางและเปิดหา เสิร์ชหานั้นหานี้
            ผมกับพายสนิทกันมากแค่นี้ยังเล็กน้อยสำหรับผมกับพายที่จิกกัดฟาดปากกันแต่ว่ามันจริงใจและเข้าใจผมมากกว่าทุกคนเรื่องนี้ ผมต้องยอมมันเลย เห็นปากร้ายแต่เวลาที่ผมเศร้ามันปลอบผมได้ดีและอยู่กับผมจนบ่อยกว่าคนอื่นๆ คงจะเป็นเพราะลุงสี่แฟนอาเปรมดิ์และยังเป็นน้องชายลุงสามแฟนพ่อผมด้วย มันเลยคลิกกันละมั้ง ผมคิดในใจ ส่วนพายมันก็จัดของเล็กๆ น้อยๆ กระจุกกระจิกของมันไป ผมก็ชำเลืองมองเวลาผมว่าไปชวนไอ้แอ้มาช่วยผมจัดของดีกว่าหาเรื่องให้มันออกมาจากห้องนั้นดีกว่า

         TBC…

หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง) EP.6 (แอ้Xดิว) NC
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 29-12-2023 21:01:18
         
EP.6 (แอ้Xดิว)ฉลองเปลี่ยนที่นอนใหม่ NC

         Part’ s แอ้ หลังจากที่ผมกับดิวล่ำลาพ่อภากับพ่อภีมด้วยกัน พ่อภาขับรถกลับไปกับพ่อภีม ส่วนพี่อ้นพี่ศีรษะ เห็นบอกว่างานเข้าด่วนเลยต้องรีบกลับไปก่อน พ่อภาย้ำกับผมหนักหนาว่าห้ามลืมทานยา ยาตัวนี้สำหรับช่วยสลายเลือดให้แห้งไปแต่ว่าผมต้องทานติดต่อกัน ผมจะได้ไม่มีประจำเดือนแต่ถ้าผมขาดหรือหยุดกินก็จะมีผลค้างเคียง มันอาจจะทำให้ผมมีเลือดครั้งออกมาและต้องให้พ่อทำให้เพื่อถ่ายเลือดเสียออกไป แม้ว่าแผลไม่ใหญ่ก็ตาม ผมก้มลงมองพุงน้อยๆ ของผม

          ใช่แล้วครับผมเป็นคุณพ่อกันแล้วผมกับดิว(ผมน่าจะเป็นคุณแม่มากกว่าเพราะว่าผมเป็นคนที่มีลูกมดและมีไข่เป็นของตัวเอง) ผมเป็นผู้ชายท้องได้ด้วย สิ่งที่ผมทำใจยากจะรับได้แต่ขนาดว่ารับไม่ได้ ผมกับดิวก็มากันอีกจนตอนนี้ได้ไปห้าคนแล้ว คนโตเป็นแฝดสามคนชื่อไอ ไอซ์และมารีโอ้และคนที่สองน้องมีน คนนี้ดิวบอกว่าเขาคล้ายๆ ผมแต่ถ้าผมมองดีดีผมว่าเขาคล้ายๆ กับพี่ชายผมที่ไปอยู่เมืองนอก ไม่กลับมาสักที นั้นคือพี่อาร์มและมาริโอ้ คนนี้เหมือนผมกับดิวคนละครึ่ง พี่ๆ ของดิวบอกผมแบบนั้น ส่วนไอนี้เขาเหมือนดิวแทบจะถอดกันออกมา ใช่ครับแฝดสามคนของผมไม่เหมือนกัน เขาเรียกว่า Non Identical ไม่ใช่ไข่ใบเดียวกัน

         ถามว่าผมอายุเท่าไหร่กันผมถึงได้มีลูกแล้ว ผมพลาดกับดิวตอนอายุ 14 ย่างสิบห้า ผมเองไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่าผมท้องได้และนั้นก็ได้มาสามคน ผมรู้วันแรกเลยเพราะว่าผมกับดิวก็ถูกพ่อจับได้วันแรกเหมือนกันและนั้นทำให้ผมรู้ตัวเร็วและพ่อภาก็ช่วยให้ผมไม่ต้องตั้งครรภ์เองตามธรรมชาติและคนที่สองและสามก็เหมือนกันแต่ว่าคนที่สามนี้เกือบจะไม่ทันเพราะว่ารู้เกือบสายไป

         “แอ้” ผมสะดุ้งเฮือกทันที ดิวมันเดินเข้ามา

         “ไอ้ติ๊กมันทำอะไรแอ้กันแน่” ดิวถามผมเรื่องเกิดขึ้นชั้นล่าง ผมหันมามองหน้าดิว

         “มันไม่ได้ทำอะไรกูทั้งนั้นดิว” ผมพูดก่อนจะพยายามจัดของทุกอย่างเข้าที่

          “แอ้บอกดิวมาดิ” ดิวพูดถามผม เหมือนกับรบเร้าเซ้าซี้อยู่นั้น

         “ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องถาม ถ้ามึงพยายามจะให้กูบอกให้ตรงกับที่มึงคิดขนาดนี้ มึงไปนั่งตัดสินเอาเองดิว” ผมพูดเพื่อกลบเกลือบความรู้สึกของผมเองก่อนจะหันหน้าหนีแต่ว่า สายตาของดิวที่มองมาที่ผมเพื่อต้องการคำตอบที่แท้จริง มันทำให้ผมเองที่ไม่กล้าประสานสายตาด้วย ดิวเป็นคนตาคม แววตาดุดัน ใบหน้าคม จมูกเป็นสัน ผิวไม่ขาวจั๊วะเพราะชอบเล่นกีตาร์กลางแจ้ง (แต่ถ้ามันเล่นในร่มอยางเดียวมันน่าจะขาวน่าดู (ลูกผมกับดิวขาวทุกคน)

            “ของเอาไว้จัดทีหลังได้ไหมครับ มาจัดการอารมณ์ให้ดิวก่อนดีกว่า วอนทฺแม่แอ้มาก ดูซิ สู้เลย” ดิวพูดพร้อมกับโชว์ช้างไม่น้อยที่อยู่กางเกงตอนนี้แข็งแน่นมาก (มันทะลึ้งด้วยน่ะจริงแล้วแต่แปลกมันทะลึ้งแต่กับผม)

          “หมับ” ดิวจับแขนผมเอาไว้และมันก็จับตรงข้างซะด้วยคือข้างที่ติ๊กมันพึ่งจะบีบแขนผมาหยกๆ ถึงผมจะแข็งแรงกว่าติ๊กแต่เล็บมันแหลมมันกดลงมาก็เจ็บได้เหมือนกัน ผมมองดิวพยายามจะไม่ร้องเพราะว่าเจ็บ ดิวก็มองผมเช่นกัน

          “ดิว ติ๊กไม่ได้ทำอะไรกูและมันแค่ถามในสิ่งที่กูตอบมันไม่ได้ มันก็หงุดหงิดแค่นั้นเองและกูทำกับมึงบ่อยจะตายปะดิว เช่นตอนนี้” ผมพูด ดิวมองหน้าผมนิ่งๆ ประมาณว่าไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

        “ดิว!” ผมเรียกชื่อดิว

        “เชื่อก็ได้” ดิวพูด ผมก็พยักหน้าว่าดีแล้วก่อนจะหันหลังออกแต่ว่าดิวคว้าเอวผมเอาไว้ซะก่อน ดิวมองไปรอบๆ ห้อง

        “ดิวกูจะจัดของ” ผมพูดกับดิว ดิวหันมามองหน้าผมพร้อมกับขมวดคิ้วใส่ผม

         “ไม่เอาดิว” ผมพูด

         “เอาเถอะน่ะ ดิวขอน่ะ ขอฉลองให้เรือนหอของเราสองคนเพราะว่าเราจะอยู่ที่นี้ กินนอนที่นี้และต้องรักที่นี้” ดิวพูด ผมแอบแหวะให้ดิว ดิวมองไปรอบๆ ห้อง ผมก็กำลังจะยกกระเป๋าแต่ว่าดิวรีบมายกแทนผมทันที

         “แอ้ อย่าหาเรื่องดิ ยกเองไม่ได้” ดิวพูดพร้อมกับรีบแย้งกระเป๋าไปจากผมและยกขึ้นมาวางไว้บนเตียงนอนทันที ผมหันไปมองดิวประมาณว่ากระเป๋าใบแค่นี้นี่น่ะ ทำไมจะยกไม่ได้

         “กูไม่ได้เป็นง่อย...นะดิว” ผมหันไปพูด

        “รู้ว่าเมียดิวไม่ได้เป็นง่อยแต่ว่าเมียดิว มีลูกมดไง ระวังหน่อยซิ” ดิวพูด ผมมองบนก่อนหันไปหาอะไรทำดีกว่าเถียงกับไอ้ดิว ผมมักจะลืมไปเสมอว่าตัวเองมีอะไรอยู่ข้างในกายผม

          “จะว่าไปบรรยากาศมันก็ดีน่ะ มันดูเป็นใจมากเลยแอ้ เป็นใจให้แอ้และดิว มาทำลูกกัน” ดิวพูด ผมหันไปมองไอ้หื่นของผม ผมรีบหันไปขวับไปจะปล่อยหมัดตรงแบบไม่ทันให้ดิวมันได้ตั้งตัวแต่ว่า

         “หมับ” ไอ้ดิวจับเอาไว้ได้ทุกที นี้ขนาดเล่นทีเผลอน่ะ ดิวก็มองมือผมในกำมือของดิว

         “ชอบเมียแบบนี้ เมียที่ไม่ได้หวานมากและไม่เปรี้ยวไป มันกลมกล่อมกำลังดี” ดิวพูด

         “เหรอ!!” ผมถามดิว ในเมื่อต่อยไม่ได้ผมก็

         “ปึก” ตีเข่าไปทันที ได้ผล ไอ้ดิวร้องไม่ออก มันคงจุกจนร้องไม่ออก สีหน้าดิวมันบ่งบอกว่าเจ็บมาก ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ฟาดมันไปแบบนี้ กลายเป็นผมเองที่รีบลงไปดูไอ้ดิว น้องมันแตกไหมน่ะ

         “ดิว ดิว ไอ้ดิว!!” ผมเรียกไอ้ดิว ดิวมันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะ

       “หมับ!” ดิวจับหัวไหล่ผม ไอ้นี่มันแกล้งเจ็บนี้เอง ดิวก็ผลักผมลงบนและสลับเป็นไอ้ดิวขึ้นมาค้อมตัวผมเอาไว้แทน ฝ่ามือผมถูกตรึงเอาไว้ด้านข้างลำตัวทันที

         “ดีน่ะที่กางเกงยีนมันหนาเลยช่วยชีวิตน้องรักของดิวเอาไว้ได้ไม่อย่างนั้นน้องร้องไห้หนักมาก รักมากกว่าไอ้เดียอีก” ดิวพูด ผมนี่หลงกลไอ้ดิวอีกแล้ว ดิวมองผมสายตาที่ยั่วยวนคู่นั้น เวลาดุดันก็ดุดันไม่เกรงใจใคร ยิ่งตอนอยู่ในสนามฟุตบอล ดิวค่อยๆ ก้มลงบดขยี้ที่ริมฝีปากผมตอนแรกก็เบาๆ และแรงขึ้นเรื่อย ข้อมือที่ถูกยืดก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระและเปลี่ยนมาเป็นกุมมือผมไว้แทน ริมฝีปากของดิวเริ่มไล่ลงไปตามลำคอของผม ดิวปลุกเร้าอารมณ์ผมอย่างนุ่มนวล ผมยอมรับว่าผมค่อนข้างไวกับเรื่องพวกนี้ จากที่ต่อต้านเริ่มอ่อนยวบ ไปตามการเล้าโลมของดิว

         “ไปที่เตียงของดิวดีกว่าน่ะ เตียงว่างเพราะเตียงนี้ไม่ว่างซะแล้ว อืมมมห์ อ้าห์ “ดิวพูดไปและเล้าโลมผมไปด้วยตลอดไม่ยอมหยุด ปลุกเร้าชนิดที่ผมต้องไม่ปฏิเสธและมันก็ได้ผล ผมก็แอ่นขึ้นลงตามลิ้นของดิว ดิวพยักพเยิดให้ไปที่เตียงของดิว ผมก็ต้องยอมแล้วแหละปลุกมาขนาดนี้ ผมลุกไปตามดิว แผ่นหลังผมกระทบที่นอนเตียงเดียวของดิว เสื้อยืดของผมถูกดิวถอดออกไป ดิวก้มลงจูบผมที่หน้าท้องเบาๆ ทันที มันเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก นาทีนี้ผมคงต้องยอมอีกตามเคย ฝ่ามือกุมศีรษะดิวเอาไว้ไม่อยากให้หยุด

        “แป๊บหนึ่งน่ะแอ้ ดิวล๊อกกประตูก่อนนะครับ” ดิวพูดก่อนจะเดินออกไปเปลี่ยนเสื้อ้ผาและเดินออกไปล็อกประตู ส่วนผมก็เหมือนจะได้ทีเล็กน้อย เมื่อคืนพลาดไม่ได้ทำเพราะว่างานเข้าซะก่อน

        “ปึก!!” ดิวรีบกระโดดกลับขึ้นมาบนเตียงและการเล้าโลมของดิวก็เริ่มต้นด้วยลิ้นนิ่มๆ ปลายลิ้นนั้นทำเอาผมแทบจะขาดใจ ดิ้นขึ้นลง ผมผงกศีรษะขึ้นมอง ดิวเตรียมความพร้อมแล้ว ดิวถอยหลังออกไปพร้อมกับถอดเสื้อผ้าออกจนหมด พวกผมสิบปีบริบูรณ์แล้วดิวก็เริ่มมีกล้ามท้องแล้วดิวมันเรียนต่อยมวยแน่นอนที่ต้องฝึกคือความแข็งแกร่งของแกนกลาง กล้ามท้องมาเน้นๆ ไอ้แจ็คว่ายน้ำยังไม่มีกล้ามท้องชัดเจนเท่าดิวเลย ดิวมันมีซีกแพ็คแล้ว ซิกแพ็คในวัยสิบแปดปี ดิวมันเก่งต่อยมวยและยังเตะบอลเก่งด้วย มีพรสวรรด์ทั้งสองทางแต่ทางฟุตบอลมากกว่า ดิวควรจะไปได้ไกลถึงขั้นเป็นตัวแทนไปแข่งขันได้เลยแต่ว่าต้องมาจบเพราะว่ามีพวกปากบอน ปากไว้ มันมาจากพ่อๆ ผม มีคนรักก็ต้องมีคนไม่ชอบเป็นธรรมดาแต่ว่าดิวมันไม่ทนไง ยิ่งมันว่าผมด้วย มันก็ยิ่งขึ้นเลย ขึ้นไปหาเรื่องกับเขาเลย

          ผมกระดกหัวพร้อมกับเอาข้อศอกยันตัวขึ้นเล็กน้อย ผมมองดิว เขาลุกไปเปิดกระเป๋าของใช้ในห้องน้ำ จัดการสวมเกาะและเจลหล่อลื่นมาพร้อมแน่นอน ดิวยืนอยู่โดยไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ ปกปิดร่างกาย วัยเขาเหมือนเสือสมิงที่พร้อมจะออกล่าเหยื่อ ผมไม่เคยขัดดิวได้สักครั้ง ผมถึงได้ลูกดกแบบนี้ ถ้าพ่อภาไม่ให้ผมทานยาตัวนั้น ผมว่าผมคงพลาดแล้วพลาดอีกแน่นอนและล่าสุดที่พลาดก็เพราะถุงแตก เลยได้มาอีกคน โชคดีพ่อภาช่วยไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นผมได้อุ้มท้องเองแน่นอน พ่อภาผมเก่งเรื่องนี้เรื่องมีบุตรยาก คนไข้พ่อภาเยอะมากแต่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทั้งนั้น มีผมนี่แหละมั้งที่เป็นผู้ชายคนเดียว ไม่ซิ มีอีกคนนั้นคือบอย แต่ว่าไม่มีใครเหมือนผมนี่แหละ

        “ปีก” ดิวมันขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับรีบเข้ามาหาผมทันที ดิวมาถึงก็จูบลงที่หน้าท้อง ทั้งจูบและก็เม้มเล่น ผมเองก็เกร็งหน้าท้องจนทนแทบจะไม่ไหว

       “ดิว อย่าแกล้งดิ” ผมบอกดิว

       “ไม่ได้แกล้งปลุกเร้าต่างหากล่ะเมียจ๋า” ดิวพูดผมกระดกหัวขึ้นไปมอง

       “ดิว ซี้ด อ้าห์” ผมร้องครางออกมาอีกครั้งเมื่อดิวเลื่อนตัวขึ้นมาแล้วก็เล้าโลมแบบถึงพริกถึงขิงอีกครั้ง ผมหรี่ตามองทำไมวันนี้มันเล้าโลมนานจัง

        “ดิว อย่าลืมใส่ถุง” ผมบอกดิว

       “ใส่ด้วยเหรอ” ดิวถามผม ผมกระดกหัวขึ้นมองไอ้ดิว นั้นผมถามมันเฉยเพราะคิดว่ามันน่าจะสวมอยู่แล้วแต่นี้มันกลับถามผมกลับ

         “ใส่ซิไอ้บ้า! ไม่ใส่งานก็เข้าดิ พ่อสั่งมามึงก็ได้ยินน่ะไม่ใช่ไม่ได้ยิน!! และมึงหายไปในห้องน้ำไปทำอะไรมา กูนึกว่ามึงไปสวมถุงมาแล้วดิว!!” ผมกระดกหัวขึ้นมาปี้ดใส่ไอ้ดิวทันที ไอ้ดิวรีบลุกไปและหยิบเอาซองถุงยางมาสวมใส่พร้อมกับรีบกลับขึ้นมาและกระบวนการของผมสองคนก็เริ่มขึ้นอีก

         “อ้าห์ อืมมม โอ้ววว อื้ดววววว “ผมร้องครางออกมาจนฟังแทบไม่ได้ซับและสุดท้ายผมกับไอ้ดิวก็เรียบร้อยกันไป

          “ผลึบ!!” เสียงคนที่นอนเบียดตัวผมข้างๆ บนเตียงเดียวแต่ว่ามันก็ไม่ได้เล็กเหมือนเตียงเดี่ยวทั่วไป ดิวพลิกตัวตะแคงหันมาหาผมพร้อมกับจับศีรษะมาวางพาดไว้ที่หัวไหล่เขาแทนหมอน

         “ดิวรักแอ้น่ะ รักมาก ดิวไม่อยากให้ติ๊กมันทำอะไรแอ้ แบบไม่มีเหตุผลแบบนี้อีก” ดิวพูด

          “ดิว ติ๊กไม่ได้ทำอะไรกูทั้งนั้น เลิกพูดเรื่องนี้ได้ไหมดิว” ผมพูดกับดิว

          “เลิกพูดก็ได้แต่” ดิวพูด

         “ดิวกูไม่ใช่เด็กสองขวบน่ะมึง” ผมพูด ผมก็ลุกขึ้นนั่ง จะได้เตรียมตัว ว่าจะเดินไปดูติ๊กสักหน่อย

         “น่าแปลกน่ะ ทำไมไม่เป็นคิงไซด์หรือควีนไซด์อ่ะ ทำไมเป็นเตียงเดียวก็ไม่รู้ ดูซิ แยกส่วนชัดเจน ดีน่ะที่ประตูไม่แยกด้วยอ่ะ” ดิวบ่นเรื่องนี้จนได้

         “พูดง่ายๆ ก็เขาให้กูกับมึงแยกกันนอนไง แค่นี้ก็คิดไม่ได้เหรอ ไอ้หื่น!! “แอ้พูดพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าที่ดิวมันช่วยถอดและโยนลงไปที่พื้นมาสวมใส่ ดิวก็นั่งมองผมแต่ผมหันไปมองทางอื่นมันเขิน เขินสามีตัวเอง

         “ไม่แปลกใจว่าน้องมีนได้รอยยิ้มนี้มาจากใคร ได้มาจากแอ้นี้เอง “ดิวพูด

         ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องนอนผมกับดิว ผมหันมามองหน้ากัน

       “กึกๆ” เสียงขยับลูกบิดไปมา ผมเดาว่าซวยแล้ว

        “ไอ้ดิวไปสวมเสื้อผ้าดิ” ผมบอกดิว ดิมก็ก้มลมมองตัวเอง มันส่ายหัวและคิดว่าตัวเองยังไม่โป้อีกเหรอ

        “ปังๆๆๆๆ” เสียงเคาะประตูเสียงดังรัวๆ ผมหันมามองดิว ผมก็แต่งตัวไปด้วย

        “แอ้ แอ้ มึงล๊อกประตูทำไมอ่ะ) )) )) ” เสียงติ๊กยืนโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าประตูห้อง ดิวมองผมพร้อมกับลุกขึ้นและดิวก็เอาผ้าเช็ดตัวมาพันกายไว้แบบหมิ่นๆ และยังจะเดินไปเปิดประตูอีกด้วย

       “ดิว จะทำอะไรน่ะ” ผมถามดิวด้วยอาการตกใจ

        “เปิดประตูไง” ดิวตอบผม จะไปเปิดประตูเหรอ ทั้งที่มันไม่มีเสื้อผ้านี่น่ะ ผมว่ามันคงได้เม้งแตกวันนี้แหละ

       “แล้วมึงจะไปเปิดทั้งอย่างนี้เหรอ “ผมถามไอ้ดิว ไอ้ดิวพยักหน้า

        “ทำไมอ่ะ” ดิวถามผมกลับว่าทำไม

        “ไม่เอาดิว เข้าห้องน้ำไปเลยและไปอาบน้ำซะ “ผมรีบบอกดิวเชิงออกคำสั่ง คำสั่งผมออกแนวเมียสั่งผัวไม่มีผิด ผมก็ต้องเหลือกตาขึ้นบน

        “แอ้ ดิวว่า เราควรจะบอกมันน่ะ บอกให้มันรู้เรื่องเราสองคนซะที ดิวอยากมีเวลากับแอ้” ผมบอกแอ้

          “มึงอาจจะไม่ได้มีเวลากับกูอีกตลอดไปมึงก็รู้ว่าเรื่องของเรามันไม่ควรจะเกิดขึ้นและห้ามทุกคนรู้ และคนที่เดือดร้อนที่สุดคือใคร พ่อมึงหรือเปล่าดิวและอีกคนก็อาจจะเป็นพ่อกู” ผมพูด ดิวมองหน้าผม ผมรู้ว่ามันไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ว่าดิวก็เลือกที่จะเดินเข้าห้องน้ำไปแทน ผมพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะเดินไปเปิดประตู คนที่ยืนอยู่ทำหน้าเหมือนมีใครไปเผาบ้านมันมาเลย ติ๊กมองหน้าผม

        “แอ้! มึงจะล๊อกประตูทำไม?” เสียงติ๊กถามผมทันที ผมยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ

         “ก็แค่จะจัดห้องกัน ดิวมันก็คงเผลอล็อกประตูอ่ะ” ผมบอกติ๊ก

       “มึงแน่ใจน่ะ” ติ๊กถามผม เสียงดิวเปิดน้ำในห้องน้ำดังออกมา ติ๊กมองหน้าผม

        “ดิวมันเพิ่งจะเข้าไปอาบน้ำ” ผมพูด ติ๊กมองบนเตียงที่นอนของดิว

          “มันหลับตอนกูกำลังแยกของและพอมันตื่นขึ้นมามันก็ขอไปอาบน้ำ” ผมพูดเพราะว่าเตียงนอนมันเยินมากเลยต้องบอกว่ามันนอนหลับไปก่อนทั้งที่จริงแล้วผมกับดิวเพิ่งจะใช้มัน ผมหันไปมองเตียงอีกที ทำไมผมกับไอ้ดิวเปิดศึกกันหนักขนาดนี้ว่ะ เตียงนี่ยับมากจริงๆ ผิดจากก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปซะอีก ติ๊กพยักหน้าเหมือนจะเชื่อน่ะ ผมก็เลยแกล้งหันไปหยิบนั้นจัดนี้แทน ติ๊กก็หยิบนั้นหยิบนี้ขึ้นมาดูจนกระทั่งประตูห้องน้ำเปิดออกมา

        “อ้าวติ๊กจัดของเสร็จแล้วเหรอ” ดิวเดินมาพร้อมกับผ้าขนหนูพันกายแบบหมิ่นๆ และผ้าขนหนูสำหรับเช็ดหน้ามาด้วย ดิวยืนซับน้ำตามใบหน้าตาอันหล่อๆ ของตัวเอง ดูเหมือนกำลังยั่วยวนผมสองคนอยู่ด้วย ไอ้ติ๊กมันมอง เรือนร่างที่มีน้ำเกาะอยู่ตามลำตัว ดิวก็ฉีกยิ้ม ผมแอบมองบน มันจะยั่วทำไม ผมเดาได้ว่าไอ้ดิวมันน่าจะเดาอารมณ์ผมสองคนออก มันคนล่ะฟิลกันเลยแน่ๆ อีกคนมองเพราะว่าฉงนสนเทศที่ไอ้ดิวมันทำแต่ว่าผมกำลังมองมันด้วยความโมโหเพราะว่ามันนี้แหละที่จะทำความลับแตก

        “มึงอาบน้ำทำไมวะ” ไอ้ติ๊กถามดิวทันที จริงด้วยมันจะอาบน้ำทำไมของมันตอนนี้มันบ่ายกว่าๆ เอง

       “อ้าวทำไมอ่ะ? อาบไม่ได้เหรอ?” ดิวมันถามติ๊กกลับทันที

        “นี้มันเพิ่งจะบ่ายกว่าๆ เองน่ะ แล้วก่อนจะนอนมึงไม่อาบอีกรอบเหรอวะ” ติ๊กถามดิวพร้อมกับยืนกอดอก

        “กูเดาว่ามึงต้องลงไปฟิตเน็สอีก มึงก็อาบอีก ขยันไปป่ะเนี่ย “ติ๊กถามดิว

         “ก็อาบได้อีกนี่หรือว่ากฎของบ้านนี้ห้ามอาบน้ำหลายรอบ ใครตั้งวะ” ดิวถามติ๊ก มันเป็นการต่อล้อต่อเถียงกันซะมากกว่า ผมหันไปมองไอ้ดิวพร้อมกับสั่นหัวเบาๆ ให้มันหยุด อย่าส่งประเด็นมา

         “แอ้ กูจะมาเรียก มึงไปช่วยกูจัดของหน่อยดิ ของเยอะมาก เอสเซสเซอร์รี่กูอ่ะ น่ะแอ้” ติ๊กหันมาบอกผมเชิงอ้อนวอนให้ผมไปช่วย

       “แอ้มันก็ต้องจัดของมันป่ะวะติ๊ก” ดิวถามติ๊ก

       “แอ้ น่ะมึง ไปช่วยกูก่อนแล้วกูมาช่วยมึง” ติ๊กพูด ผมหันไปมองไอ้ดิว สายตาของผมเชิงขอร้องไอ้คนนี้ว่าอย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้เพราะว่านี้แค่เริ่มต้นที่มาอยู่ที่นี้และไม่ได้อยู่แค่สองสามวันเผลอๆ จะเป็นเดือนเลย ดิวพ่นลมหายใจออกมาทันที เอามือเท้าเอวแสดงความไม่ค่อยพอใจหนัก ติ๊กมันมองผมกับดิวสลับกันไปมา

          “เออกูไปช่วยมึงก่อน ส่วนของกูค่อยกลับมาจัดแล้วกันเพราะว่าไม่มีอะไรมาก กูไม่ได้เอาอะไรมาเยอะ” ผมพูดตัดปัญหา ก่อนจะหันมามองดิวอีกครั้ง ผมพยักหน้าเบาๆ ให้ดิวจัดของตัวเองไปก่อน ดิวพยักพเยิดไปที่โน้ตบุ้คว่าจะคุยกับลูกๆ ผมพยักหน้าให้เขาคุยไปก่อนเลย

           ผมก็เดินออกไปพร้อมกับติ๊กทันที ทันทีที่ประตูปิดลง ติ๊กหันมามองหน้าผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมตามเข้าไปในห้องเพื่อช่วยติ๊กจัดห้อง ผมเห็นพายจัดห้องเรียบร้อยแล้ว พายหันมายิ้มกับผม พายรู้ว่าติ๊กไปลากผมมาไม่ใช่ผมมาเอง

         TBC ….
หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง) EP.7 (บอยXแจ็ค)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 29-12-2023 23:05:04
           
 
EP.7 (บอยXแจ็ค) รักแหละดูออก

                Part’ s บอย ผมชื่อบอย ชื่อเบญจมิน ผมเป็นลูกชายคนเล็กของพ่อกฤษณะ ผมเป็นสมาชิกบ้านบอใบไม้ พ่อผมมีลูกหลายคนเหมือนบ้านอื่นๆ เช่นกัน ทุกคนรู้จักบ้านผมในนามว่าเป็นบ้านบอใบไม้ พ่อผมเป็นนักธุรกิจและมีองค์กรลับขนาดใหญ่ที่พ่อผมต้องดูแลอยู่ตอนนี้ บ้านผมมีสมาชิกเยอะเหมือนบ้านอื่นๆ พ่อแต่ล่ะคนได้คุยกันแล้วเรื่องต้องการมีทายาทเพื่อรับช่วงต่อแต่ไม่ประสงค์จะแต่งงาน ใช่ครับพวกผมไม่ได้เกิดจากการคัดสรรโดยธรรมชาติ

                ผมก็มีพี่ชายหลายคนเหมือนบ้านอื่นๆ แต่พี่ชายผมโตกว่าบ้านอื่นๆ พี่บรูคส์ พี่บีมนี้รุ่นน้องพี่โจพี่อ้นพี่ตุ๊และพี่ดิม พี่เบียร์ พี่บี พี่บาส พี่บรีส พี่บอลและผมบอย ผมบอย น้องคนเล็กสุด พ่อให้ผมชื่อนี้เพราะว่ามีแต่คนทักว่าผมน่ะเหมือนผู้หญิงมากกว่าหน้าหวานตั้งแต่แรกเกิด นัยต์ตาสีฟ้าไม่เหมือนพี่คนไหน ทรงผมสีควันบุหรี่ ผมเส้นเล็กเรียงสวยเหมือนเส้นไหม หลายคนที่สัมผัสบอกผมมาแบบนั้น รวมถึงหนุ่มคนนั้นเช่นกัน พ่อเลยตั้งชื่อผมให้ขัดกับภาพที่ใครๆ มองและผมยังเป็นคนเดียวที่ถูกเลือกให้มีสิ่งที่เด็กผู้ชายเขาไม่มีกันด้วย

                   ตอนนี้ผมต้องทิ้งบางสิ่งที่ผมรักมาเพื่อเขา ผมอยากให้เขาได้เป็นคนที่ถูกเลือกแม้ว่าความหวังมันริบหรี่เต็มที่ ก็เพราะว่าแจ็คเป็นคนที่ใครก็กลัว แม้กระทั่งลุงหนึ่งเองก็เช่นกันเพราะว่ามีคทำนายว่า เด็กที่ไม่ได้เกิดพร้อมกับพวกผมแต่ว่าเขาเกิดวันเดียวกันกับพวกผมจะกลับมาเปลี่ยนทุกอย่างและไม่นาน อาภูมิก็กลับมาและเขาก็เป็นนายทุนใหญ่ให้กองทัพอยู่ตอนนี้ แจ็คไม่ได้เกิดเหมือนพวกผม พวกผมเกิดมาจากหลักการทางวิทยาศาสตร์และสิ่งที่อยู่ในตัวผมก็เช่นกัน

                ผมไม่เคยรู้มาก่อนจนกระทั่งวันนั้น วันที่ผมเผลอไปมีอะไรกับแจ็ค ผมเคยไปอยู่ที่นั่น ช่วงที่เขามีปัญหาเรื่องโครงการที่ถูกสร้างขึ้นและเขาให้ยุติ พ่อและลุงๆ ขอผมไว้แค่คนเดียวที่จะต้องทำหน้าที่สืบทอดเชื้อสายที่บริสุทธิ์ คำว่านี้มันตรงกับคนที่เขาต้องการเลือกคือดิว ไม่ใช่แจ็ค แต่ทว่าตอนที่ผมถูกส่งไป เขาให้ไปทำความรู้จักกับดิว ไม่ใช่แจ็ค แต่ไงผมกับแจ็คถึงได้สนิทกันจนเป็นแฟนกันแบบที่เรารู้กันแค่สองคน ผมไม่กล้าบอกพ่อและสุดท้ายผมก็เผลอมีอะไรกับเขาและนั้นก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ผมต้องกลับไปที่ลอนดอนและไปคลอดลูกที่นั่นเงียบๆ โดยที่แจ็คไม่รู้เรื่องนี่เลย ตอนที่ผมไปเขาก็ไม่รู้ถึงเหตุผลและมันก็ทำให้เขาโทษผมเองที่ทิ้งเขาไป

       “บอย ไปไหนมาอะ” พายถามผมทันทีที่ผมเดินกลับเข้ามาด้านใน ผมหลบไปคุยกับพี่บีมมา ผมมองไปรอบๆ ห้องไม่มีใครอยู่แล้วมีแต่พายเหมือนกันดูท่าจะเพิ่งเดินเข้ามาก่อนหน้าผมไม่กี่นาที

        “เออ บอยเพิ่งจะกลับเข้ามาอ่ะพายแต่ว่าเขาไปไหนกันหมดแล้ว” ผมถามพาย

        “สงสัยงานเข้าน่ะ ตกลงกันไม่ได้ไง สามคนผัวเมียเนอะ” พายพูด ผมหันมามองพาย

        “พาย!” ผมแอบตีแขนพาย

         “ล้อเล่นน่า คนอย่างดิวมันไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก บอยก็รู้ ไม่อย่างนั้นเขาจะเลือกมันเหรอ” พายพูด ทุกคนก็รู้กันหมดว่าดิวคือคนที่ถูกเลือกแต่ความจริงทุกคนก็รู้อีกว่าใครกันที่ผมเลือก

          “แล้ว?” ผมพูดเชิงถามพาย ผมว่าพายเข้าใจดี

          “อีกคนเหรอ เขากลัวมันกันทั้งองค์กร ก็อย่างว่าแหละ ไอ้นี่มันขวางโลกน่ะแต่มันแค่อยากเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง แต่สิ่งที่มันเปลี่ยนก็จะไปขัดใจ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร เขาเลยไม่อยากให้มันมายืนคู่กับบอยไง “พายพูดและพายก็หันไปหยิบของต่างๆ ผมก็ยิ้มให้พาย ผมว่าจะเข้าไปหาเครื่องดื่มสักขวดก่อนจะเดินขึ้นไปจัดห้องนอนตัวเอง น่าแปลกที่การมาอยู่ที่นี้ไม่มีคนใช้ตามมาเลย ผมว่าแจ็คน่าจะจัดไม่เป็นแน่ๆ เพราะว่าปกติมีคนใช้ทำให้ตลอด

            “พายขึ้นไปข้างบนก่อนน่ะ เดี๋ยวพลาดไป คุยไม่รู้เรื่อง” พายพูด ผมพยักหน้าว่าไปเถอะ ผมเดินเข้าไปเปิดตู้เย็นดู ผมเห็นน้ำแร่ที่แจ็คชอบ ผมเลยหยิบติดมือไปด้วย ผมชอบทานน้ำเปล่ามากกว่า

             ผมเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ขณะที่เดินมาหยุดที่ตรงประตู หัวใจผมยิ่งเต้นแรงขึ้น ผมหันไปมองห้องถัดไป ผมรู้ว่าเขาอีกคนจะมาอยู่ เขาคือคนที่ผมเจอที่โน่นและเขาก็พยายามเอาอกเอาใจผม ผมเกือบจะใจอ่อนเพราะเขาก็คือคนสำคัญขององค์กรเหมือนกันและทุกคนก็ดูแลเขาแทนพ่อแม่เขาที่เสียไปจากการถูกลอบสังหารทั้งบ้าน ห้าสิบชีวิตที่สูญเสียไปคืนนั้นเหลือแค่เขาคนเดียว ผมดีใจที่เขาจะได้มาร่วมภารกิจนี้ ผมอยากให้เราเป็นเพื่อนกันและนี้มันจะทำให้องค์กรขอเราแข็งแกร็งขึ้น

         ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ผมค่อยๆ เคาะเพราะผมเองก็ไม่แน่ใจว่าแจ็คเขาหลับอยู่หรือเปล่า ผมยืนรอจนกระทั่งแจ็คเดินมาเปิดประตูและสิ่งที่ผมเห็นคือผู้ชายคนที่ผมคุ้นเคยแต่ว่าสามปีนี้เขาโตเป็นหนุ่มแตกเนื้อหนุ่มแถมยังมีซีกแพค หัวไหล่ที่กว้างจากการซ้อมว่ายน้ำอย่างหนัก เขาอยากลงแข็งนักกีฬาทีมชาติแต่ว่าเขาดันหัวร้อนไปมีเรื่องกับนักกีฬาคนอื่น

           “ขอเข้าไปได้ไหมครับ” ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงสุภาพ สายตาที่ดูห่างเหินมองผมนิ่ง มันทำให้ผมนิ่งตามเช่นกัน

            “จะเข้ามาหรือเปล่า” น้ำเสียงที่เยือกเย็นนี้แตกต่างจากเมื่อสามปีกก่อนเหลือเกิน การที่เราไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกันเป็นเวลานานมันทำให้อะไรๆ เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ ผมมองหน้าคนตรง ก่อนจะ

            “อืมม” ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

            ผมปิดประตูลง ผมเห็นของที่วางอยู่ยังไม่ได้ถูกจัดเก็บอะไรเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงบ่นแจ็คแต่ว่าตอนนี้ผมบ่นไม่ได้เพราะว่าผมผิดที่หายไปจากเขา ทั้งที่ไม่ได้อยากหายไป อยากอธิบายมากมายแต่เรื่องที่เกิดมันไม่สามารถพูดได้เพราะคนที่จะได้ผลกระทบคือพ่อผมและอีกหลายๆ คน คนที่สำคัญที่สุดคือลูกชายผมเอง

             “เลือกเอาแล้วกันว่าจะนอนตรงไหน” แจ็คพูด ผมหันไปมองคนที่ยืนหันหลังไม่ได้สนใจอะไร ผมเห็นเขาเหมือนจะเตรียมตัวลงไปว่ายน้ำ

             “แจ็คนอนฝั่งไหนล่ะ” ผมกลั้นใจถามเขาเพราะว่าตั้งแต่มาถึงเขาไม่คิดจะเอ่ยปากทักทายผมสักนิดหรือจะถามว่าสามปีที่หายไปผมเป็นอย่างไรบ้าง มันน่าผิดหวังที่ผมหวังมากไปตั้งแต่ก่อนจะตัดสินใจมาที่นี้

             “ว่าจะไปนอนอีกห้องอ่ะ ห้องนี้ยกให้แล้วกัน อยากนอนฝั่งไหนตรงไหนเลือกเอาเลย ส่วนผมจะไปนอนห้องอื่น” แจ็คพูด

               ผมถึงกับต้องสูดลมหายใจเขาปอดทันที นี้เขารั้นหนักขนาดนี้เลยหรือ ถึงผมจะไม่ได้ติดต่อเขาแต่ก็พอจะรู้จากพี่ๆ บ้าง ผมยืนกอดอกมองคนตรงหน้า เขาไม่รู้หรอกว่าผมมาเพื่ออะไร เพื่อให้เขาพิสูจน์ตัวเองว่าเขาจะดูแลผมและอีกคนได้แต่นี่ผมว่าผมคิดผิดมาก อาจจะจริงอย่างที่พ่อเคยบอกผมเอาไว้ว่า ถ้าเขาไม่สามารถดูแลแบงก์ได้ เขาก็จะไม่มีวันรู้เรื่องแบงก์คือลูกชายเขาไปตลอดกาล

             “ทำไมเหรอ ไม่พอใจเหรอ ให้สิทธิ์ห้องนี้ไปเลยไงจะได้ไม่ต้องอึดอัดกัน” แจ็คพูดพร้อมกับหันไปหยิบผ้าขนหนูที่เขาเตรียมเอาไว้เพื่อจะได้ลงไปว่ายน้ำ

             “ทำไมแจ็คไม่โตสักที” ผมถามแจ็ค

              “แจ็คเหรอ ยังไม่โตอีกเหรอ “นี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นใบหน้าเขาชัดเจนเพราะว่าเรายืนไม่ได้ห่างกันมากแค่สามช่วงแขนได้ ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอไป เขาดูสูง หุ่นไม่ได้ล่ำจนกำยำแต่หัวไหล่นี่กว้างมากแต่ไม่สำคัญเท่ากับใบหน้าที่และกรามที่ขบกันจนเป็นสันนูน

                “โกรธที่บอยหายไปอย่างนั้นเหรอ” ผมถามแจ็ค
               “แล้วให้รู้สึกยังไงอ่ะ จดหมายก็ไม่มี ไม่มีอะไรเลย ไม่มีแม้แต่คำอธิบายจากใครสักคน” แจ็คพูด ผมสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง (ไม่ต้องอธิบายอะไรถ้าเขารักบอยจริง เขาจะไม่พยายามหาเหตุผล) พ่อเคยบอกผมเอาไว้

                “บอยยอมรับว่าไม่มีอะไรจะอธิบายเพราะ…มันอาจจะมีหลายคนที่ต้องเดือดร้อนแจ็ค” ผมพูด แจ็คหันมามองหน้าผมเขาไม่เข้าใจอยู่ดี สุดท้ายแจ็คเลือกหันไปมองด้านอื่นแทน เขาคงพยายามระงับมันอยู่ อารมณ์คุกรุ่นในกายเขาและนี้เขาถึงอยากลงไปว่ายน้ำเพื่อให้เขาเย็นลง

               “งั้นไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น เก็บไว้แล้วกันเพราะแจ็คไม่ก็อยากรู้ “แจ็คพูดพร้อมกับเดินออกไปจากห้องทันที เขาปิดประตูลง ภาพคนตรงหน้ามันหายไปเหมือนความรู้สึกที่เคยมีให้กันมันหายไปด้วย ผมหันไปมองรอบๆ ห้อง เหตุผลที่เขาไม่จัดของเพราะเขาอยากจะเปลี่ยนไปนอนห้องข้างๆ อย่างนั้นหรือ

               ผมเดินไปที่กระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ ผมเปิดมันออกมา ผมหยิบเอาโน้ตบุ้คและของใช้สำหรับการเรียนออนไลน์ของผม ผมเหลือบไปเห็นครีมกันแดด แจ็คลืมเอาไปด้วย ผมหยิบมันขึ้นมาดู ภาพที่ผมกับเขาช่วยกันละเลงครีมกันแดด ตอนไปเที่ยวทะเลด้วยกัน นั้นคือทะเลครั้งแรกของผม ผมไม่เคยไปเที่ยวทะเลที่ไหนเลยเพราะปัญหาสุขภาพ พ่อกังวลและกลัวไปหมด อาจจะเป็นเพราะว่าชีวิตผมผูกติดกับองค์กรตั้งแต่ก่อนที่ผมจะลืมตาดูโลก มันเหมือนโซ่ตรวนที่ยึดผมไว้ ให้ผมมีชีวิตที่เหมือนคนปกติไม่ได้ อยากมีคนรักก็เปิดไม่ได้เพราะคนที่ผมรักเขาไม่ได้เลือกให้มาคู่กับผมตั้งแต่แรก

              (บอย อย่าเพิ่งบอกอะไรแจ็ค จนกว่าพ่อและคนอื่นๆ จะมั่นใจได้ว่าเขาพร้อมจริงๆ อันนี้มันสำคัญมากน่ะ ไม่ใช่แค่บอยแต่มันหมายถึงแบงก์ ถ้าเขามีพ่อที่เป็นแบบอย่างที่ดีไม่ได้ พ่อว่ามันส่งผลต่อหลายๆ อย่าง ดังนั้นเรื่องนี้พ่อขอเอาไว้ก่อนน่ะ พ่อรู้ว่าบอยเสียใจและนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์แจ็คด้วยเช่นกันว่าเขาจะเข้มแข็งพอไหม ในอนาคตเราไม่รู้ว่าจะเจออะไรอีก บอยคือความหวังของคนทั้งองค์กร)

               คำพูดที่พ่อบอกผมก่อนจะตัดสินใจมาที่นี้ ผมก็อยากให้เขามาเป็นพ่อของลูกผมอยู่ดี ผมตัดสินใจหยิบหลอดครีมกันแดดเพื่อลงไปหาเขา อย่างน้อยการง้อคนที่เราไม่ใช่เรื่องที่น่าอายไม่ใช่เหรอ

*****

             Part’ s แจ็ค ผมขึ้นไปบนห้องพักก่อนคนอื่น ชื่อป้ายห้องแจ็คและบอย ผมแอบขำในใจ ทำไมตอนนี้ลุงณะถึงได้ให้ผมกับบอยอยู่ห้องเดียวกัน ไม่ให้ไปอยู่ห้องไอ้ดิวล่ะและไอ้แอ้มันก็จะได้ไปตัวติดกับติ๊กแต่พายดิ อาจจะไม่มีคู่ ผมรู้ว่าคู่มันไม่ถูกต้องมาตั้งแต่แรกหรือเปล่าว่ะ หรือว่าที่ผ่านมาผมฝืนตัวเองทั้งที่รู้ว่าความจริงผมไม่ใช่ คนไม่ใช่ยังไงเขาก็ไม่เลือกแต่นี้คืออะไรวะ ผมแม่งไม่เข้าใจจริงๆ

           “ขอเข้าไปได้มั้ยครับ” น้ำเสียงนุ่มนวลที่ผมเคยชอบฟังทุกวัน มั้นหายไปหลายปีแต่ว่ามันยังฟังแล้วนุ่มละมุนในหูผมแต่กลับกลายเป็นผมเองที่รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งขวางกัน มันคืออคติในใจหรือความกลัว ว่าถ้าเขาทิ้งผมไปอีก ผมจะรับได้อีกไหม เห็นผมแบบนี้โคตรอ่อนไหวเลย

            ผมยืนมองที่ขอบสระว่ายน้ำ ผมมองไปในน้ำนั้น สระว่ายน้ำที่อยู่ตรงห้องพักผมพอดี เดินออกมาจากระเบียงก็เห็นได้ชัดเจน ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคนในห้องนั้น ผมไม่เห็นเขาหรอก ผมหันกลับมามองที่สระน้ำอีกครั้งพร้อมกับถอดเสื้อยืดออก ผมลืมไปว่าไม่ได้เอาครีมกันแดดมาด้วย แต่ช่างมันเถอะไม่ได้ร้อนมากขนาดนั้น ผมกระโดดลงไปในน้ำทันทีเพื่อจะได้ดับความร้อนระอุในใจผม เพื่อบางทีน้ำอาจจะทำให้ผมได้ใช้ความคิด

             ผมเป็นคนชอบน้ำ ชอบว่ายน้ำ ว่ายน้ำเก่ง ทำลายสถิติการว่ายน้ำและทำลายสถิติการมีเรื่องกับนักว่ายน้ำด้วยกันเช่นกันจนผมถูกตัดสินทั้งที่ซ้อมมาหนักมาก ผมดำดิ่งลงก้นลึกของสระว่ายน้ำ ความสามารถพิเศษคือดำอยู่ใต้น้ำได้นาน อันนี้ผมฝึกมาจากครูฝึกที่เก่งและชำนาญ ผมมีโค้ชหลายคน พอผมลงสู่ก้นสระผมนั่งนิ่งใต้น้ำเพื่อหาความสงบ ภาพวันนั้นที่ผมขอบอยเป็นแฟนกันแค่สองคน

              “บอย...” ผมถามบอย

             “ว่าไงแจ็ค” บอยหันมามองผมแววตาน่ารักคู่นั้น ดวงตาสีฟ้าสดใส แววที่สวยงามเหมือนสตรีคู่นั้นมันทำให้ผมหลงใหล

             “เราเป็นแฟนกันนะบอย” ผมถามบอย

              “แจ็ค อย่าพูดดังไปซิ เพื่อใครได้ยินแล้วไปบอกว่าเรา...” บอยห้ามปรามผมทันที

               “ทำไมละและถ้าเขาได้ยินก็ดีน่ะ แจ็คอยากเดินไปไหนมาไหนแล้วจูงมือบอยเหมือนคนรักทั่วไปอ่ะ” ผมพูด

                “บอย...ไม่ใช่เด็กผู้หญิงนิจะได้เดินจูงมือกันง่ายๆ”

                 “เราไม่แคร์ว่าบอยเป็นใคร เรารู้แต่ว่าบอยคือคนที่กุมหัวใจเราตั้งแต่นาทีแรกที่เราเห็นน่ะบอย” คำพูดเลี่ยนๆ แบบนั้นผมพูดไปได้ยังไงวะแอบคิดในใจ

                  “พอแล้วเราจะขึ้นไปอาบน้ำกันเถอะ” บอยพูด ตอนนั้นวันนั้น ตัวผมกับบอยเปียกปอนจากการที่ผมพาสุนัขตัวใหญ่ ลาบาดอร์ไปอาบน้ำเพราะว่ามันซุกซนไปเล่นขี้โคลนมาซะเลอะเทอะ

                 “นายเอาหมาตัวนี้ไปเช็ดขนให้แห้งนะเพราะว่าขนมันหนาอ่ะ มันาอาจจะป่วยก็ได้น่ะและนายจะโดนพี่เจนบ่น มีคนเดียวที่ออกคำสั่งผมได้คนนั้นคือบอยในตอนนั้น

                 (และนั่นแหละคือการที่ผมกับเขาได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะว่าผมเอาหมาไปไว้ในห้องนอนพี่ชายผมและผมก็ขึ้นตามบอยไปยังห้องนอนและผมก็ตามไปที่ห้องอาบน้ำ บอยลืมล๊อกประตู ผมก็ ....)

                  ผมเงยหน้าขึ้น ผมก็เห็นเงาดำๆ อยู่เหนือศีรษะของผมที่ตรงขอบสระว่ายน้ำ ผมหยุดความคิดชั่วครู่พร้อมกับดีดตัวขึ้นมาสู่ผิวน้ำ ผมแตะขอบสระผมก็เกือบจะสัมผัสกับใบหน้าใครบางคนที่นอนคว่ำเอามือยันพื้นเอาไว้ใบหน้าเขาก้มต่ำลงมาจนเกือบแตะพื้นผิวน้ำและตำแหน่งที่ผมก็โผ้พ้นน้ำขึ้นมาพอดี ใบหน้าเราห่างกันชนิดที่หายใจรดกันเลยทีเดียว ผมตกตะลึงไปหลายวินาทีระหว่างนั้นเหมือนริมฝีปากมันจะเผยอตามแต่ผมก็ถอนมันออกเพราะว่าผมได้สติพอดี ผมเลยต้องเป็นฝ่ายถอยหลังออกมาเพื่อตั้งหลักซะก่อน (ทำไมกูป๊อดจังหวะตอนนี้ผมคิดในใจ) ก่อนจะว่ายน้ำถอยไปอีกทางและขึ้นจากสระน้ำตรงบันไดทางขึ้นลงที่ห่างออกไปนิดเดียว ผมเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวไว้ทันที

               “มีอะไรเหรอ” ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ผมพยายามบอกตัวเองว่าต้องไม่รู้สึกกับเขาอีก ที่ผ่านมาเสียใจไม่พอหรือไง

               “แจ็คลืมครีมกันแดดอ่ะ ถึงแดดไม่แรงทาไว้จะดีกว่าน่ะ” บอยพูดพร้อมกับยื่นครีมกันแดดยี่ห้อที่ดีที่สุดแพง คนเป็นนักกีฬามืออาชีพเขาใช้กัน มันไม่ตึงผิวเวลาว่ายน้ำ

                 “ขอบใจน่ะแต่ว่าไม่ต้องแล้วล่ะเพราะว่าจะขึ้นแล้ว” ผมพูด

              “ไม่น่าเชื่อน่ะว่าน้ำยังเป็นสิ่งที่ทำให้แจ็คเย็นลงเหมือนเดิม” บอยถามผม เขายืนกอดอก ผมหันไปมองหน้าเขาแค่แว๊ปเดียวก่อนจะหันไปมองทางอื่นแทน ไม่กล้าสบตาโดยตรง ตาคู่นั้นมันหวานละมุนเกินไปที่จะทำให้ผมใจแข็งกับเขาได้นาน

              “ก็แค่พยายามฝึกเพื่อควบคุมมันให้ได้เพราะแจ็คใจเย็นได้ไม่เหมือนบอยนิ เรียกว่าเย็นชาจะดีกว่า” ผมพูดบอยหันมามองหน้าผม มุมปากนั้นกระตุกเป็นรอยยิ้ม

               “เย็นชาเหมือน พี่ชายมั้ง พี่บีมอ่ะ มิน่าล่ะ ถึงได้เป็นพี่น้องกันได้” ผมพูด พี่บีมก็ไม่ได้ชอบผมหนักเหมือนกันแต่พี่โจไปตามจีบอยู่ได้

              “เวลานายโกรธนี้ดู…”

              “ดูเหมือนอะไรเหรอ” ผมหันขวับมาถามคนที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋า

             “ไม่พูดดีกว่า บอยแค่จะลงมาเอาครีมกันแดดให้แค่นั้น บอยยังจัดห้องต่อไม่เสร็จ” บอยพูดแค่นั้น ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้สนใจอะไร ผมหันไปมองหลอดครีมกันแดดที่เขายื่นมาให้ ผมมองมันก่อนจะรับมา
 
             “ตกลงจะไปนอนคนเดียวเหรอ” บอยถามผม

             “นอนคนเดียวดีที่สุดเพราะที่ผ่านมาก็อยู่คนเดียวแต่มันก็มีบ้างน่ะ คนที่เข้ามาแม้จะไม่ได้เติมเต็มทั้งหมดแต่มันก็ดี สนุกๆ เพราะว่าคำว่าตลอดไปมันไม่มีจริง” ผมพูด บอยถึงกับปล่อยหลอดครีมกันแดด เขามองผมแววตาคู่นี้มันสลดลง ผมควรสะใจไม่ใช่บีบหัวใจตัวเองแบบนี้

             “จริงซิน่ะ บาดแผลมันยากจะลบ” บอยพูดแต่จังหวะนั้นเขากลับก้าวถอยหลัง ไม่รู้ว่าลืมหรือว่ายังไงว่าเขายืนอยู่ริมขอบสระน้ำ

                “บอย! อย่าหัน!” ผมตะโกนบอกเขาแต่ว่าผมยืนห่างเกินไป ผมคว้าข้อมือเขาไว้ไม่ทัน ร่างนั้นค่อยๆ ร่วงหล่นลงไปอย่างช้าๆ ในสายตาผม แต่ว่ามันเร็วกว่าที่ผมจะเข้าไปคว้าเขาเอาไว้ได้ บอยว่ายน้ำไม่เป็น!!!

              “โคล้ม!!!” เสียงน้ำดังกระจาย

               ผมก็รีบกระตุกผ้าเช็ดตัวก่อนจะรีบวิ่งไปและกระโดดตามลงไปทันที ผมดำน้ำลงไปเพื่อรีบดึงร่างของบอยขึ้นมา ถึงบอยจะตัวเล็กแต่มันก็ยากลำบากสำหรับผมอยู่เหมือนกัน ผมพยายามดันเขาขึ้น จู่ๆ ก็มีคนมาดึงเขาขึ้นไป ผมปืนกลับขึ้นมาได้ก็เห็นว่าคนนั้นคือดิว ว่าแต่มันมาจากทางไหนของมันว่ะ ผมแอบคิดในใจก่อนจะหันซ้ายหันขวาและรีบพาตัวเองขึ้นมาจากขอบสระ

                 “บอย!” เสียงดิวที่เรียกบอยที่หมดสติ คงแค่ตกใจเพราะว่าผมเองก็รีบกระโดดลงไปคว้าร่างเขาเร็วอยู่น่ะ ไม่น่าจะสำลักน้ำจนหมดสติ เพราะว่าจมลงไปไม่นานเลย หรืออาจจะหมดสติก่อนลงไปกันแน่ ผมเห็นพวกติ๊ก พายที่ยืนอึ้งตกใจ

                “แอ้ ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย” ดิวหันไปบอกแอ้

                “จะยืนอึ้งกันทำวะ ช่วยกันดิ ถ้าบอยไม่ฟื้นจะได้โทรตามรถโรงพยายาล เฮ้ย!!” ดิวมันพูดและขึ้นเสียงใส่สองคนคือติ๊กกับพายที่ยืนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

                “ตายแน่เลยอ่ะพวกเรา บอยพึ่งจะมาถึงไม่ทันข้ามวันเลยน่ะ” ติ๊กพูด

                “เป็นไงบ้างวะ” ผมถามดิว ดิวมีพื้นฐานปฐมพยาบาลมา ผมรู้ว่าลุงภาณุเดชสอนดิวเอาไว้ เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเป็นหมอแต่จะหมอบ้านหรือหมอทหารผมไม่แน่ใจ

               “ดูการหายใจปกติ น่าจะตกใจมากกว่าแล้ว บอยตกไปได้ไง “ดิวพูดและเงยหน้าขึ้นถามผมสีหน้าจริงจังมาก และนั้นก็ทำให้ทุกสายตาหันมามองผมกันหมดเลย เท้าเอวด้วย

               “ดิว ผ้าเช็ดตัว” แอ้วิ่งมาถึงก็ยืนส่งผ้าขนหนูมาสองสามผืนให้ดิวใช่ห่อตัวบอย

               “นั้นดิ มึงทำอะไรเขา ไอ้แจ็ค!” ไอ้ติ๊กหันมาถามผม

                “กูจะทำอะไรเขา กูแค่เดินหันหลังและเขาก็…ก็ “ผมพูดแต่ว่าไม่ได้บอกว่าผมพูดอะไรให้บอยเสียใจเพราะถ้าบอกไปพวกนี้มันถล่มผมแน่ ทั้งหมดหันมามองหน้าผมพร้อมกันทันที

                “ก็อะไร” ติ๊กมันถามผม

                  “บอยก็ตกน้ำไง” ผมพูด

                 “พอมึงเดินหันออกไป บอยก็โดดลงน้ำลงไปเองเหรอ มึงตอแหลแล้วเนี่๊ยะ พวกกูไม่เชื่ออ่ะ” พายพูด ผมก็ต้องมองบนพร้อมกับเตะอากาศไปด้วย ไอ้เวรพวกนี้ทำไมหลอกยากจังว่ะ และทำไมหน้าตาพระเอกขนาดนี้มันมองผมเป็นตัวร้ายตลอดเลย

                  “เห็นด้วย กะอีพาย มึงทำอะไรบอยบอกความจริงมา “ไอ้ติ๊กอีกคน ผมเห็นไอ้ดิวมันเอาผ้าขนหนูห่อตัวบอย เหมือนทำท่าจะอุ้มบอยไป

                  “กูว่าโทรหาพ่อกูก่อนว่าพ่อจะให้โทรหาลุงณะหรือเปล่า หรือไม่อาจจะต้องพาบอยไปโรงพยาบาล” ดิวเงยหน้าขึ้นมาพูดกับทุกคน

                   “ดิว” เสียงเรียกอันแผ่วเบาของบอย บอยได้สติแล้วเขาแตะแขนดิว ที่อย่างนี้เรียกดิวก่อนเลยน่ะ

                  “บอย!!!” ทุกคนเรียกบอยเป็นเสียงเดียวกันและพากันกรูจะเข้าไปหาบอยแต่ไอ้ดิวยกมือห้ามเอาไว้

                  “บอยเพิ่งจะฟื้น จะพากันเข้ามาแย่งอากาศทำไม” ดิวพูด

                   ผมยืนมองอยู่ห่างๆ ผมคิดว่าผมคงไม่จำเป็นที่จะเข้าไปอยู่ข้างๆ เขาแล้ว ไอ้พระเอกที่เขาเรียกว่ามันคือที่ถูกเลือกอยู่ข้างๆแล้ว ผมนี้กำหมัดแน่นก่อนจะหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันกายผมเอาไว้ผมเดินออกไปดีกว่า ผมจะไปจัดห้องที่ว่างๆ ผมจะเอาห้องนั้นเป็นห้องนอนผม ผมไม่สนว่าเขาจะเก็บไว้ให้ใคร

                “แจ็คไม่ได้ทำอะไรบอยหรอก คือบอยไม่ทันระวังเองและบอยคิดว่าบอยไม่เป็นไร อย่าโทรหาพ่อบอยเลยนะดิว บอยขอร้อง “ผมหยุดชะงักเท้าเอาไว้ก่อนจะเดินต่อเพื่อออกไปจากตรงนั้น ต่อให้เขาจะแก้ตัวแทนให้ผมยังไงมันก็สายเกินไปอยู่ดี

                    ผมเดินออกจากตรงนั้นทันที ผมรีบเดินกลับขึ้นไปบนห้องพักโดยไม่ได้หันไปดูว่าบอยดีขึ้นหรือยัง ผมตรงไปที่ห้องอาบน้ำและชำระร่างกาย ผมยืนปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวราดรดตัวผม ฝ่ามือที่ยันผนัง ภาพที่บอยตกลงไปในน้ำแบบนั้น ผมรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก

                     ผมยืนอยู่นานแค่ไหนไม่รู้แต่ที่แน่ๆ ไม่นานมาก ผมออกมาจากห้องน้ำ ผมยังไม่เห็นบอยขึ้นมา บอยจัดของเรียบร้อยแล้วเหลือแต่ของผมนีแหละยังวางอยู่ มันเกิดคำถามในหัวของผม ผมจะทนอยู่บนห้องนี้ได้ยังไง ไม่ต้องถามถึงตอนทานอาหารเย็นเลย ผมจะทนนั่งทานโดยไม่รู้สึกอะไรได้ไหม ไหนจะไอ้ดิวอีกทั้งที่ผมเองก็ไม่อยากทะเลาะกับมันสักเท่าไหร่ ผมรู้ว่าพวกผมเกิดวันเดียวกันโตมาด้วย ถึงผมกับดิว แอ้ ติ๊กและพาย รวมถึงบอยด้วย ผมแตกต่างที่สุดเพราะว่าผมไม่ได้เกิดจากที่เขาสร้างแต่ว่าผมเกิดในวันเดียวกับทุกคนแต่คนละที่ น่าแปลกที่เวลาเดียวกันเป๊ะ

                    “Rrrrrr” จู่ๆ เสียงมือถือไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของผมก็ดังขึ้น ไม่ใช่ใครอื่นพี่โจ พี่ชายของผม ผมรีบกดรับสายทันที

                     //What’ s up my bro//ผมทักทายพี่โจเป็นภาษาอังกฤษ

                     //ดูทักเข้าดิ เป็นอะไรไปอีกล่ะแจ็ค// พี่โจถามผม พี่โจคงเดาได้จากน้ำเสียงของผมว่าผมกำลังนอยด์

                    //เกิดอะไรขึ้นแจ็ค!!//พี่โจรีบถามผมกลับทันที แต่ผมเงียบไม่ตอบอะไร ตอบไปก็มองว่าผมงอแง

                    //เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย// พี่โจบอกเชิงออกคำสั่งทันที ปกติพวกผมจะพูดกันภาษาอังกฤษเวลาอยู่บ้านที่ต่างประเทศ พ่อจะบอกพวกผมเสมอว่าให้พูดไทยกันเวลาอยู่ประเทศไทย

                   //ผมไม่อยากอยู่ที่นี้แล้วอ่ะพี่โจ มันยิ่งทำให้ผมอ่อนแอ ผมไม่อยากได้อะไรจากองค์กรนี้แล้วพี่โจ ผมควรจะถอนตัวผมคิดว่า…// ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่าผมไม่อยากไปต่อแล้ว

                 //แจ็ค.... เฮ้อ!// พี่โจเรียกชื่อผมพร้อมกับถอนหายใจยาวๆ

                //ผมขอโทษครับพี่โจ ผมไม่ไหวจริง//ผมพูด

               //พี่จะคุยกับพ่อให้นะ นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะถอย ถ้าคราวนี้นายถอยคือนายจะไม่มีโอกาสอีกนะ นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะปล่อยหัวใจนายไป// พี่โจถามผม

              //ผมแน่ใจพี่โจ ผมจะปล่อย// ผมพูดได้แค่นั้นจริง ผมหันไปคว้าเอา ไอแพตของผมเดินออกจากห้องเพื่อจะไปหาที่นั่งเงียบๆ ดูคลิปการแข่งขันล่าสุดของผม ผมกลับไปนี้ผมจะฟิตร่างกายให้พร้อมและจะลงแข่งให้ได้ กลับไปใช้ชีวิตของผมไม่ต้องมาสนใจองค์กรอะไรนี้ แค่นี้ผมก็อยู่สุขสบายไปไม่รู้กี่ชาติ แล้วผมจะมาทำอะไรแบบนี้เพื่อองค์กรที่ไม่ได้ต้องการเลือกผมทำไมวะหรือไม่ ออกไปตั้งองค์กรใหม่เพื่อมาแข่งขันง่ายกว่าไหม ผมคิดในใจเพราะกฎทุกอย่างผมคนนี้แหกทุกกฎที่ลุงหนึ่งตั้งเอาไว้แล้วทำไมผมจะตั้งองค์กรใหม่ไม่ได้

              TBC…
หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง) EP.7.1 (บอยXแจ็ค)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 30-12-2023 10:51:05
EP.8 (บอยXแจ็ค) ผมคงเสียเขาไปแล้วจริงๆ
                Part’ s บอย ดิวพาผมเข้ามานั่งด้านใน เมื่อสักครู่ผมผลัดตกลงไปในน้ำ ภาพเขาคนนั้นเขากระโดดลงไปคว้าตัวผมขึ้นมา ถึงแม้จะเป็นภาพสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะตัดไป จริงๆ แล้วผมรู้สึกหน้ามืดเลยทำให้เสียการทรงตัวและตอนนั้นผมตกใจด้วยที่หันมาก็อยู่ในมุมที่หมิ่นมากและผมก็ตั้งตัวไม่ทัน พลาดตกลงในสระน้ำไปแบบนั้น โชคดีที่เขากระโดดลงช่วยผมไว้ได้ทันแต่ว่าเขากลับถูกมองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมตกลงไปแทน แค่เขาไม่อยากทักทายผมก็รู้สึกแย่แล้วแต่มามีเรื่องนี้อีก ทำไมทุกอย่างมันถึงได้แย่ลงแบบนี้น่ะ ไม่ใช่อย่างที่ผมคิดเอาไว้เลยสักนิด
             “บอย” ดื่มอะไรอุ่นๆ หน่อยไหม ดิวชงให้ดื่ม “ดิวสะกิดถามผม ผมก็มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ ก็สะดุ้งเล็กน้อย ผมหันไปมองดิว
               “ไม่ดีกว่าดิว บอยไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วแหละ ขอบใจน่ะ” ผมพูดกับดิว (เขาคือคุณหมอที่พ่อๆต้องการให้เขาดูแลผมอย่างใกล้ชิดในฐานะคู่รักแต่ว่าหัวใจมันยากจะควบคุม ผมดันไปรักคนที่เขาไม่เลือก ส่วนคนที่ดิวเลือกผมก็ไม่รู้ว่าทำไม เหมือนดิวกับแอ้กำลังจะเผชิญกับปัญหาที่ใหญ่กว่าผมซะอีก) ผมคิดในในก่อนจะยิ้มอ่อนให้ดิว 
              “แต่บอยคิดว่าจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะดีกว่าและคงจะนอนพักสักหน่อย” ผมพูด ดิวมองผม เหมือนเขายังไม่แน่ใจว่าผมดีขึ้นจริงๆ หรือเปล่า
                “บางทีอาจจะเป็นจาก เจ็ทแล็คก็ได้น่ะเพราะว่าบอยก็นั่งเครื่องนานและมานั่งรถต่ออีก เลยทำให้หน้ามืด มันโคลงเคลงเหมือนนั่งเครื่องตลอดเวลา “ผมบอกดิวเพื่อให้เขาสบายใจว่าผมไม่ได้เป็นอะไรมาก อาจจะแค่เมาเครื่องบินและยังมาเดินทางโดยรถยนต์อีก ดิวพยักหน้าเหมือนจะเชื่อที่ผมบอกเขา
                “บอยไม่เป็นอะไรจริงๆ ดิว บอยแค่พักผ่อนน้อยน่ะช่วงนี้ มันมีหลายอย่างน่ะ ดิวเข้าใจใช่ไหม” ผมบอกดิวอีกครั้ง ดิวพยักหน้าว่าเชื่อผมแล้ว

             ผมก็ค่อยๆ ลุกขึ้นเพื่อจะได้ขึ้นไปชั้นสองของตัวบ้าน ห้องนอน ผมตั้งใจขึ้นไปเพื่อคุยกับเขา ผมคิดว่าเราควรจะหันหน้ามาคุยกันไม่ใช่อคิตใส่กันแบบนี้เพราะว่ามันไม่ได้กระทบแค่ผม กระทบไปถึงดิวด้วย ยังไงแจ็คก็ต้องการดิวเพื่อช่วยให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองและทำภารกิจนี้ให้สำเร็จและที่ผมมาก็เพื่อให้ทุกคนยอมรับเขา ถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้ ไม่สำเร็จแน่ๆ
            “ก็ดีนะ บอย ขึ้นไปพักเถอะ อาหารเย็นมาถึงแล้ว พวกเราขึ้นไปเรียก “ติ๊กพยักหน้าเห็นด้วยกับผม
            “ให้พวกเราขึ้นไปด้วยมั้ยอ่ะบอย.... เพื่อว่า” พายถามผมพร้อมกับมองไปด้านบน
            “ไม่ต้องหรอก หึๆ” ผมพูดปฏิเสธและแอบขำพวกเขาน่ะ เขาคงกลัวว่าแจ็คจะทำอะไรผมละซิ
             “บอยเชื่อว่าแจ็คเขาไม่ทำอะไรบอยหรอก” ผมพูด ทุกคนก็พยักหน้ากับผม ผมเชื่อว่าเขาไม่ทำแน่นอน ผมเชื่อว่าเขาคือสุภาพบุรุษร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมเดินขึ้นไปชั้นบน ด้วยจังหวะการเต้นหัวใจที่ไม่เป็นจังหวะ ทำไมมันรู้สึกประหลาดแบบนี้นะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เป็น น่าจะเป็นเพราะว่าเขาลงไปช่วยผมแบบนั้น

           ก๊อกๆ ผมเคาะประตูเบาๆ ผมได้ยินเสียงเขาคุยโทรศัพท์อยู่ ผมเลยหยุดเคาะและรอสักพักก่อน

          [ผมไม่อยากอยู่แล้วพี่โจ] ประโยคที่ผมได้ยินโดยบังเอิญ เสียงดังลอดออกมาจากในห้อง ทำเอาหัวใจของผมที่ตอนแรกเต้นแรงและไม่เป็นจังหวะ กลับมาสู่สภาวปกติ ผมรู้สึกใจหายขึ้นมาแทนที่ทันที ตกลงนี่เขาไม่อยากอยู่ทีนี้เพราะผมจริงๆหรือ ผมไม่น่าตัดสินใจที่จะมาเลยจริงๆ เพราะมันกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีกใช่ไหม มือของผมสั่นระริกขณะที่ยกขึ้นมาจับลูกบิดประตู

           แอ๊ด!! เสียงประตูเปิดออก ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนตรงหน้า ตอนนี้เขามารออยู่ที่หน้าประตูแล้ว ผมมองหน้าเขานิ่งมาก เขาก็มองผมนิ่งแต่คนละความรู้สึกกันเลย
            “คือ ...บอยจะเข้าไปเปลี่ยนชุด ...ได้ไหม” ผมถามเขาแบบกล้าๆ กลัวๆ ทั้งที่เมื่อก่อนผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลยจริงๆ ที่ผ่านมามีแต่แจ็คที่กลัวผมโกรธมากกว่าแต่นี้กลายเป็นผมกลัวเขาซะเอง
            “เชิญ...ก็ห้องคุณ เข้ามาซิ” แจ็คพูด
             “ไม่ใช่ห้องของเราเหรอ” ผมถามเขากลับ
             “ต่อไปจะเป็นห้องของคุณ…บอย” แจ็คเขาพูดและเดินเลี่ยงออกไป เหลือแค่ผมที่เขาไปอยู่ในห้อง
ผมมองไปรอบๆ เขาไม่ได้จัดอะไรเข้าที่เลยนั้นแปลว่าเขาไม่คิดอยากจะอยู่ที่นี้จริงๆ หรือว่าเขาพร้อมที่จะกลับอย่างนั้นหรือ เขาจะทิ้งภารกิจนี้ไป เขาจะทิ้งเพื่อนๆ ของเขาเพราะผมอย่างนั้นหรือ ผมทำได้แค่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดออกมาเปลี่ยน ผมเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายซะก่อน ผมอยู่ในห้องน้ำเกือบชั่วโมงเพื่อคิดทบทวนที่ผ่านมา ผมควรยอมรับมันได้แล้วว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว
            [บอย แจ็ครักบอยนะ โตขึ้นเราแต่งงานกันน่ะ] คำพูดของเด็กผู้ชายคนนั้น
            [บ้านะ จะแต่งได้ไง เราผู้ชายน่ะ]
           [อ้าว ก็ ไปแปลงเป็นผู้หญิงเพื่อเขาดิ]
           [บ้านะ ไม่เอาหรอก]
           [เขาพูดเล่น เขารักบอยนะ ยังไงก็ต้องแต่งกับบอยและมันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอที่ใครก็มองบ้านเราแบบนี้ทุกคน โดยเฉพาะพ่อเรา มันก็คงไม่แปลกถ้าแจ็คจะแต่งงานกับบอย] คำพูดนั้นตอนนั้นที่เขาพูด มันทำให้ผมยิ้มแต่ว่ารอยยิ้มนั้นกำลังจางหายไปแล้วนะซิ
           [นะ นะ] คำพูดที่อ้อนวอนผม เขาอยากแต่งงานกับผม ตอนนี้ผมก็อยากให้คนที่อยู่ข้างผมคือเขาแต่ว่า… มันคงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

           ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องน้ำทำเอาผมตื่นทันที ผมอยู่ในความฝัน ภาพวันวานที่ผมกับเขาได้สวีทหวานกัน โดยที่พ่อผมไม่ทราบตรงนี้แต่พ่อของแจ็ครู้ว่าผมกับแจ็ครักกัน ไม่ใช่แค่แอบรักกันผมกับเขายังแอบได้เสียกัน จนความมาแตกเพราะว่าผมตั้งท้อง และนั้นทำให้ผมรู้ว่าผมมีบางสิ่งที่พิเศษและมันก็ทำให้ผมต้องปิดความลับนี้จากลุงหนึ่งอีก ความลับที่แจ็คไม่ใช่คนที่ถูกเลือกไว้สำหรับผม
          “บอย อยู่ในนั้นใช่มั้ย” เสียงแอ้ เขามาเรียกผม
           “ใช่ครับแอ้ บอยอยู่ในห้องน้ำครับ” ผมตอบแอ้ไป
           “ได้เวลาทานอาหารเย็นแล้วครับ” แอ้บอกผม ผมพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะตอบแอ้ไป
           “บอยจะออกไปเดี๋ยวนี้ครับแอ้” ผมตอบแอ้ ผมออกมาก็จัดการสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ผมเปิดประตูออกมาก็เห็นแอ้ กับติ๊ก นั่งรอผมอยู่แล้ว
           [เดี๋ยวมาน่ะ กูลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องว่ะแอ้] ติ๊กพูดก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องน้ำ ผมแต่งตัวมาเรียบร้อยแล้ว
           “อาหารเย็นมาส่งแล้วบอย เราลงไปหาอะไรทานอาหารเย็นกันก่อนนะบอย” แอ้บอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ
           “ชอบใจน่ะ” ผมพูดและหันไปหยิบนาฬิกาบนโต๊ะมาสวมใส่
           “แก๊ก!” เสียงของหล่นจากโต๊ะของผม มันเป็นแผงยาที่ผมต้องทานประจำ เป็นยาฮอร์โมนที่ผมจำเป็นต้อง ผมต้องเทคฮอร์โมนเสริมเนื่องจากว่าผมมีลูกมดแต่ว่ามันไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ผมเอื้อมมือจะไปหยิบสิ่งมันขึ้นมาแต่มือแอ้ก็หยิบสิ่งนั้นซะก่อนที่ผมจะเอื้อมไปถึง
            “บอย...ทาน...ยาด้วยเหรอ” แอ้ถามผมด้วยสีหน้าสงสัย ผมหวังว่าเขาจะไม่รู้นะว่ามันคือยาอะไร ผมยังไม่เคยบอกทุกคนเลยว่าผมเป็นอะไรยังไง ผมไม่กล้า ถึงผมจะรู้มาว่าผมคือคนที่ถูกเลือกก็ตาม
            “มันแค่ยา...ยาบำรุงนะแอ้” ผมบอกแอ้ก่อนจะหยิบแผงยานั้นเก็บเข้าลิ้นชักเอาไว้ทันที
            “อืม” แอ้พยักหน้าเบาๆ แค่นั้น
           “ไปทานข้าวกัน” ติ๊กเปิดประตูเข้ามาพอดี ผมก็ลุกขึ้นและเดินออกไปพร้อมๆ กับแอ้และติ๊ก ผมเห็นแอ้และติ๊กคุยกันสนิทสนมกันเหมือนเดิม ผมก็อดคิดถึงวันวานของผมกับแจ็คไม่ได้ มันจะกลับคืนมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมยังไม่รู้เลย
           “แอ้กับติ๊กนี้ยังตัวติดกันเหมือนเดิมเลยนะและดิวด้วยเนอะ” ผมพูด ผมเห็นเขาสามคนตัวติดกันตลอด ไปไหนก็ไปกันสามคนตลอด
           “ติดยิ่งกว่าเห็บหมาซะอีก” แอ้หันมาพูด ติ๊กรีบค้อนแอ้ทันที
           “แม้ไอ้แอ้มึงว่ากูนี้เป็นเห็บเหรอวะ” ติ๊กพูดแต่ผมรู้ว่าแอ้พูดเล่น
ผมสามคนเดินคุยกันไปจนถึงห้องอาหาร ทันทีที่ผมมาถึง ผมสังเกตเห็นแจ็คนั่งตัวติดอยู่กับพายดูพูดหยอกล้อกันน่ารักเชียว พายเขาเป็นคนตัวเล็กน่ารักออกจะตุ้งติ้งนิดหน่อยยิ่งน่ารักดี
            “อีแจ็คมึงอย่าจับคางกูบ่อยซิ เดี๋ยวสิวขึ้น มือนี้ล้างหรือเปล่า และจับยังกับว่ากูนี้เป็นชิวาวาของมึงอย่างนั้นแหละ” พายพูดและเอามือปัดมือของแจ็คออกทันทีที่หันมาเห็นผมเข้า
             “ใครบอก น้องพายพี่แจ็คน่ารักกว่าชิวาวาแน่นอน” แจ็คพูดก่อนจะหันมาเจอผม ที่ยืนมองด้วยความรู้สึกแปลกๆ เพราะปกติเขาจะมีแค่ผมนั่งใกล้ผม หยอกล้อแค่ผมแค่นั้นแต่นี่ไม่ใช่แล้วมันเปลี่ยนไปแล้วใช่ไหม
             “แม้อิพาย! “ติ๊กเรียกพาย พายกันมามอง ผมและติ๊ก ดูเหมือนทั้งคู่จะส่งซิกอะไรกันสักอย่าง พายรีบลุกขึ้นทันที
            “นั่งซิบอย” พายบอกผมพร้อมกับผายมือให้ผมนั่งข้างๆ แจ็ค ผมเห็นสีหน้าแจ็คดูจะผิดหวังมากถ้าผมจะนั่งลงข้างๆ เขา
            “ไหนบอกจะนั่งข้างแจ็คไงจ๊ะพาย ไปไหนล่ะ” แจ็คพูดพร้อมกับชำเลืองตามองพาย
            “อิพายมานิ” ติ๊กก็เรียกพายให้รีบออกมา
             “ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบของร้อน” พายพูดและรีบเดินออกไป
            “ไม่อยากให้เรานั่ง เราก็จะ” ผมทำท่าจะหันหลังเดินไปนั่งที่อื่นแทน
            “อยากนั่งก็นั่ง” แจ็คพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเต็มใจหนักแล้วผมจะนั่งลงเหรอครับ
            “บอยลงมาแล้วเหรอ “ดิวเดินเข้ามาถึงก็มาหยุดอยู่ตรงข้ามกับผม
            “เรานั่งข้างบอยนะ” แอ้บอกกับผม ผมพยักหน้าว่าได้
            “แอ้ไม่นั่งนี้เหรอ” ดิวถามแอ้ทันทีเช่นกัน ดิวคงอยากให้แอ้ข้ามฝั่งไปนั่งข้างๆ เขาเช่นกัน
            “แอ้ไปนั่งข้างดิวก็ได้น่ะ บอยนั่งตรงนี้ได้ “ผมหันไปบอกแอ้แทน ผมอยากบอกว่าบรรยากาศตอนนี้ตึงมากเลย ตอนนี้ทุกคนหันมามองหน้ากันและไม่มีใครกล้านั่งสักคน มีอยู่คนเดียวที่นั่งมองพวกผมพร้อมกับเอามือเท้าค้างมองอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
           “ดิวมึงก็ไปนั่งข้างบอยแทน แล้วแอ้นั่งข้างกูกับพาย” ติ๊กพูด ผมหันมามองแอ้ แอ้พยักหน้าว่าเอาแบบนั้นก็ได้ การปรับเปลี่ยนที่นั่งก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
           “ปึก!!” เสียงฝ่ามือกระแทกโต๊ะอย่างไม่ค่อยพอใจ
           “โอ๊ย!!จะนั่งตรงไหนก็นั่ง คนรออยู่ ไม่เห็นกันเหรอ” แจ็คถามพร้อมกับมองหน้าทุกคนที่ดูแล้วน่าจะจัดที่นั่งไม่ลงตัวเพราะผมแน่ๆ เลย
            “และกะอีแค่ที่นั่งยังมาเป็นปัญหา จะเยอะกันทำไมวะ มีตั้งหลายที่ดูดิ แย่งนั่งข้างนั้นข้างนี้อยู่ได้” แจ็คพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
            “ไอ้แจ็ค!!!” ทุกคนเรียกชื่อเขาพร้อมกัน
            "ไอ้คนที่รอน่ะคือมึงคนเดียวไอ้แจ็คและที่กูนั่งกันไม่ถูกเพราะมึงนี่แหละ มึงคือตัวปัญหาไง ไม่สำนึก! " ติ๊กพูด พร้อมกับยืนเอามือเท้าเอว แจ็คชี้ตัวเอง
             “กูผิดเหรอ!!” แจ็คถาม
             “พลึบ” นิ้วกลางส่งมาพร้อมกันทุกคนให้แจ็คคนเดียวเลย ผมอิจฉาแจ็คที่โตมากับเพื่อนๆ มีชีวิตที่มีความสุขในวัยเด็ก ของผมเหรอ ไม่มีเพื่อน เรียนแบบโฮมสคูลแต่ก็พอจะมีเพื่อนที่สนิทแต่น้อยมาก ผมมีสองคนที่สนิทตอนนี้ คือธรรม์และหลุยส์
             “มึงลองปากดีอีกทีมึงก็จะถูก แต่ถูกเท้าพวกกูนี่ ลงไม่ผิดแน่นอน” ติ๊กพูด และติ๊กก็หันมายิ้มให้ผมแทน ผมเองก็ต้องลุกไปนั่งข้างดิวจะได้ไม่ทำให้เขายิ่งโมโหมากไปกว่านี้ และพากันเดินสลับไปหาที่นั่งจนสุดท้ายฝั่งผมมีแค่ดิวกับผม มันเลยยิ่งทำให้ใครบางคนข้างให้ทันที หันไปคุยกับแอ้ ติ๊กและพาย เขาคุยกันถึงเรื่องที่ไปเที่ยวอะไรสักอย่างดูมีความสุขมาก
            “เป็นไงบ้างบอย ดีขึ้นหรือยัง “ดิวถามผม ผมยิ้มก่อนจะหันไปมองเจ็ค แต่ว่าเขาไม่สนใจผมเลย แจ็คกำลังคุยกันสนุกสนานกับคนอื่นๆ ติ๊ก พายและแอ้ เรื่องที่คุยก็ไม่พ้นเรื่องที่ไปเที่ยวกันโดยเฉพาะผับ ผมมองเขาเพลินไปหน่อยจนหันมาเจอสายตาดิวที่มองผมอยู่และหันไปมองแจ็ค ที่ทำเป็นไม่สนใจว่ามีผมนั่งอยู่ตรงนี้ นี้คือครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวผมเองหลุดจากวงโคจรไปจากเขาทั้งที่แต่ก่อนจะเป็นผมเสมอที่เขาพูดคุยด้วย
           “เออ ดิวถามว่าเราว่าไงน่ะ ขอโทษทีน่ะฟังไม่ทันน่ะ” ผมยังงงอยู่ในโหมดงงมากเลยถามดิวว่าเขาถามอะไรผม
           “ดิวถามบอยนะครับ ว่ามีอาการอื่นไหม เช่น เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียนอะไรแบบนี้นะ อันนี้พ่อให้ดิวถามด้วยน่ะ “ดิวถามผมอีกที ผมก็พยักหน้าเข้าใจคำถามของเขาแล้ว
           “ไม่แล้วอ่ะดิว บอยดีขึ้นแล้ว ขอบคุณน่ะ” ผมหันไปตอบดิว
           “บอยคงตกใจมากกว่าที่ตกลงไปในน้ำแบบนั้น “ดิวพูด พร้อมกับตัดอาหารใส่จานให้ผมด้วย เขาตักอาหารที่เป็นผักให้ผม ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าเขาทราบได้อย่างไร ว่าผมทานมังสวิรัติหลังจากคลอดน้อง เรื่องนี้ผมเพิ่งจะมาเปลี่ยนหลังจากนั้นไม่ใช่ก่อนหน้า ดิวยิ้มให้ผมก่อนจะหันไปตักอาหารทาน ผมเห็นดิวจดๆ จอๆ อยากจะตักให้แอ้เหมือนกันแต่ว่าเขากลับไม่กล้าตักให้
           “อาหารเลี้ยนว่ะ สั่งจากไหนมาวะ” เสียงแจ็คพูดขึ้นค่อนข้างเสียงดัง ผมก็รู้ว่าเขาพูดประชดผมกับดิว
            “อ้าวไอ้นี่!! อาหารนี้พ่อครัวระดับโรงแรมห้าดาวทำมานะครับมึงครับ และนี่ก็มาจากโรงแรมพ่อกู มึงปากดี เดี๋ยวให้ไปต้มมาม่ากินเองเลยนิ “ติ๊กพูด
           “อาหารบางจานแม่งเผ็ดมากด้วยน่ะ ดังนั้นควรจะทานด้วยความระมัดระวังหน่อย มันอาจจะเผ็ดมาจนกระทบริมฝีปากและปากอาจจะแตกเอาได้ว่ะ” ดิวพูดขึ้นบ้าง สายตาที่มองแจ็คยักคิ้วท้าทายด้วย
          “ระวังไว้ด้วย กูเป็นห่วง” ดิวพูดเพื่อปกป้องผม
           “แกร๊ง!! “เสียงช้อนและซ้อม ถูกวางลงพร้อมกัน ผมเงยหน้ามองแจ็คที่ลุงขึ้นยืน สายตาเขามองมาที่ดิวและทุกคนก็หยุดทานพร้อมกับเงยหน้ามองแจ็คและดิวสลับกันไปมา ผมนี้นั่งตัวลีบเลย ผมไม่อยากเห็นเขาต่อยกันเลย
           “มีปัญหาอะไรแจ็ค” ดิวถามแจ็คด้วยน้ำเสี่ยงที่นิ่งๆ สายตาที่มองแจ็ค ดิวไม่แสดงอาการใดๆ ดิวเหมือนอาภา อาภาเป็นคนที่นิ่ง สุขุมและใจเย็น ไม่เคยแสดงอาการโกรธจนเหมือนคนขาดสติ ไม่ว่าจะโกรธแค่ไหนก็ตาม อาภาเคยจะได้ดูแลองค์กรแทนพ่อผมแต่ว่าอาภาเลือกอาภีม อาภาเลือกที่จะไม่รับตำแหน่งเพราะว่าจะไปดูแลน้องชายที่อาภารักมาก รักเกินพี่น้องแต่ว่าเขาไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ตอนนี้ทุกคนมองแจ็คกับดิว รวมถึงผมด้วย ผมก็ลุ้นมากกลัวเขาสองคนจะต่อยกัน ผมกลัวแจ็คนี่แหละ จะเจ็บหนักกว่าดิว
            “กูพูดอะไรแทงใจมึงเหรอ” ดิวถามแจ็ค ผมรู้ว่าเขาไม่อยากให้แจ็คพูดจาประชดประชันว่าผม
           “เมื่อกี้ที่มึงพูดน่ะ มันหมายถึงกูใช่ไหมวะ ไอ้ดิว” แจ็คถามดิว
           “ใช่ว่ะ “ดิวพูดทำท่าจะลุกแต่ผมจับแขนเขาไว้ซะก่อน ผมสั่นหัวเล็กน้อยเพื่อหยุดดิว
           “และที่กูพูดเพราะว่ามึงลูกผู้ชายหรือเปล่าว่ะ มึงว่าประชดบอยทำไมว่ะ กูถามหน่อย” ดิวพูด ดิวมองหน้าแจ็ค
           “และที่มึงทำน่ะ ทำเพื่ออะไรว่ะ ซะใจเหรอ กูว่าไม่ใช่ว่ะ” ดิวพูด เขามองหน้าแจ็คนิ่งมาก
           “มึงหึงบอยเลยทำแบบนี้ นิสัยแบบนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชายว่ะและคำว่าลูกผู้ชายไม่ได้เอาไว้ใช้กับผู้หญิงอย่างเดียวนะโว้ย กลับผู้ชายมึงก็ควรจะมีโว้ย ไม่ปากดีและไม่ดีแต่ปากว่ะ” ดิวพูด
             “อย่าเลยดิว ถ้าอย่างนั้น บอยไม่ทานดีกว่าบอยไม่ค่อยหิวบอยอยากไปนอนพักมากกว่า “ผมพูดและทำท่าจะลุกขึ้นแต่ดิวจับมือผมเอาไว้
            “ไม่ต้องไปบอย นั่งทานนี่แหละ ทานอาหารด้วยกัน สุขภาพของบอยสำคัญน่ะ สำคัญกว่าใครบางคน” ดิวพร้อมกับบอกให้ผมอยู่ทานต่ และดิวก็ลุกขึ้นประชันหน้ากับแจ็ค
            “ถ้าใครทนไม่ได้ให้มันเป็นฝ่ายลุกไปบอย” ดิวพูด สายตาประสานกับแจ็ค
            “ได้ ถ้ามึงอยากจะไขว้กับกูใช่ไหมดิว” แจ็คลุกขึ้นถามดิว
           “หยุดๆ!! พวกมึงเป็นอะไรกันเนี่ย จะทะเลาะกันทำไม กูถามหน่อย! “ติ๊กเป็นฝ่ายลุกขึ้นและพยายามดึงแจ็คให้นั่งลง
            “มึงว่าประชดบอยเขาแค่เพราะว่ามึงอิจฉาเหรอว่ะ แค่นี้เหรอ คิดได้ไงว่ะ” ดิวพูดอีก ผมหันมาขยิบตากับดิว พอเถอะ
          “ครืด!!” เสียงเก้าอี้ถูกดันออก ผมมือสั่นขั้นมาทันที ผมไม่อยากให้เขาทะเลาะ ผมอยากให้เขาสามัคคีเพราะว่าภารกิจนี้ ทุกคนต้องช่วยกันมันถึงจะผ่านไปได้
           “แจ็ค ๆ เย็นลูก เย็นลูก อย่าขึ้น “ติ๊กที่จะพยายามห้ามแจ็คให้ใจเย็นลง
           "อย่าขึ้นไปฟัดกันบนโต๊ะอาหาร พวกกูยังไม่ได้ทานเลย ถ้าจะฟัดให้ไปด้านนอก...โน้น!!!" ติ๊กพูดและคนที่ติ๊กดึงรั้งแขนเอาไว้ก็ก้มลงมองติ๊ก
           "นั่งลงเถอะมึง กูขอล่ะ อย่าให้ทุกอย่างมันแย่ไปกว่านี่เลยว่ะ กูไม่อยากอยู่ต่ออีกปี นะมึงน่ะ" ติ๊กพยายามพูดเกลี้ยกล่อมแจ็ค ให้ใจเย็นลง
            “ไอ้ดิว มึงก็อย่าไปทำให้มันขึ้นดิว่ะ ให้บอยและพวกกูทานก่อน “ติ๊กหันมาพูดกับดิว แอ้หันมาพยักหน้ากับดิวว่าให้ดิวนั่งลง และดิวก็ยอมนั่งลงตามที่แอ้พยายามสื่อสารผ่านสายตา
            “มันขึ้นของมันเอง ความบ้าของมันอะ” ดิวพูดก่อนจะนั่งลงเช่นกัน
             “แจ็ค นั่งลงทานดีดีเถอะมึง ดูดิอาหารดีดีทั้งนั้น กินเถอะ เดื๋ยวกูมีของดีปลอบมึงน่ะแต่ตอนนี้นั่งก่อน พวกกูจะได้ทานข้าวกัน” ติ๊กพูดให้แจ็คใจเย็นลง
             “กูไม่กินแล้ว กินไม่ลงว่ะ “แจ็คพูดและเดินออกไปทันที ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ติ๊กก็หันมามองหน้าผมและยิ้มเจื่อนๆ มาให้ผม
              “อย่าไปสนใจมันเลยบอย ปญอ ว่ะ” ดิวหันมาบอกผม

                   ผมได้แต่มองตามคนที่เดินออกไป เขายังไม่ได้ทานอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ ผมนี้รู้สึกผิด ผมได้แต่มองเขาจนลับตาไป ผมก็ทานไปโดยไม่รับรู้รสอาหารเลย จนทุกคนทานกันอิ่ม แต่ก็ไม่เห็นมีใครตักอะไรใส่จานไว้ให้แจ็คเลย ผมรู้ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร ผมค่อยแบ่งใส่จานเอาไว้ให้เขาแทน
                “เฮ้ย...กูต้องรีบไปโทรหาพ่อกูก่อนว่ะ “ติ๊กพูดก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องอาหารไปทันที
               “ยังไม่อิ่มเหรอบอย” แอ้ถามผมและพยักหน้าที่จานที่ผมตักแบ่งเอาไว้ให้แจ็คเขา ผมว่าแอ้พอจะเดาได้ว่าผมเอาไว้ให้ใคร
                 “นั้นดิ ตักเอาไว้ด้วย กินเก่งเนอะ” พายอีกคนที่ถามผมยิ้มๆ ผมว่าเขาน่าจะรู้ว่าผมตักเอาไว้ให้ใคร
                 “บอยไม่ได้ตักเอาไว้ทานเองหรอก บอยอิ่มแหละแต่บอยตักเอาไว้ให้แจ็คเขา กลัวว่าแจ็คจะหิว บอยไม่เห็นเขาทานอะไรเลยก่อนจะลุกไป” ผมพูด
                “นี่จะตักแบ่งเอาไว้ให้ไอ้แจ็คมันเหรอ ทั้งที่มันปากดีกับบอยขนาดนั้นนี่น่ะ” ดิวถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ ว่าใช่ถึงปากดีก็เถอะ
                  “พาย ก็บอกไอ้ตัวดีแล้วกันนะว่าพายเป็นคนตักเอาไว้ให้มันเพราะถ้าบอกว่าบอย มันไม่กินแน่นอน เพราะว่าไอ้นี่มันไอ้ขี้เก๊ก มันกลัวเสียหน้า” ดิวพูด ผมมองดิว
               “โอ๊ย!!!” หลังจากที่ดิวพูด ได้ผลทันทีแต่เป็นผลไม้ ผลแอบเปิ้ลที่วางอยู่ในถาดผลไม้นั้นลอยทั้งลูกเลย ลอยมาที่ดิวทันทีแต่โชคดีที่ลูกเล็กไม่ใช่ลูกใหญ่และดิวก็รับเอาไว้ได้ทัน และคนที่ปามานั้นก็ไม่ใช่ใคร คนนั้นคือแอ้เองเพราะว่าหลักฐานยังอยู่ มือที่ค้างอยู่ของแอ้
                 “ปามาทำไมเนี๊ยะ! ปลอกมาด้วยดิ” ดิวหันไปบอกแอ้
                 “ปากหมา” แอ้พูดไม่ดังแต่ผมก็ได้ยินเบาๆ แอ้ว่าดิว
                 “เอามาให้พายดีกว่าบอยและเดี๋ยวพายจัดการเองนะบอย ไอ้นี่มันต้องคบด้วยความเข้าใจอย่างเดียวเลย ตั้งแต่บอยอ่ะทิ้งมันไปน่ะ” พายพูด ผมนี้กลืนน้ำลายลงคอเลย
                 “เฮ้ยยย!!! พาย” ดิวและแอ้หันมาเรียกพายพร้อมกันเลย พายก็ทำหน้าตกใจก่อนจะยกมือเหมือนจะขอโทษผม
                “บอย พายขอโทษ ปากไวไปหน่อย ขอโทษน่ะ “พายรีบพูดขอโทษขอโพยผมใหญ่เลย
               “ไม่เป็นไรพาย” ผมพูด “เพราะว่าไปมันคือเรื่องจริง บอยทิ้งเขาไปและเขาก็เข้าใจแบบนั้นตลอด มันฝั่งในใจเขามาตลอด ไม่แปลกถ้าเขาจะปฏิเสธสิ่งที่บอยทำให้เขาตอนนี้” ผมพูดและทำท่าจะลุกขึ้น
                “บอยขอตัวก่อนนะ บอยต้องโทรหาพ่อด้วยเหมือนกัน “ผมพูดและลุกขึ้น ผมเดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอน ไม่รู้จะเจอแจ็คไหมนะ พอผมจับลูกบิดประตูก็พบว่าเขาไม่ได้ล๊อกประตู เขาไม่อยู่หรือเขาไม่อยากล็อกประตูกันแน่ ดังนั้นผมก็ต้องลุ้นว่าเขาอยู่หรือไม่อยู่
                 TBC...
หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง) EP.8 (แจ็คXดิว)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 31-12-2023 10:43:00
           
EP.8 (แจ็คXดิว) เคลียร์กัน
             Part’s บอย   ผมเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าภายในห้องไม่มีแสงไฟ แสดงว่าเขาไม่อยู่ในห้องตอนนี้ ผมเปิดไฟขึ้นก็ไม่เห็นวี่แววของเขา เขาไม่ได้ขึ้นมาบนห้องจริงๆ ด้วย แล้วเขาไปไหนหรือว่าเขาจะไปนอนที่ห้องที่ว่างอยู่นั้น ผมคิดว่าห้องนั้นน่าจะเป็นของหลุยส์แต่ถ้าเขาเลือกแล้ว หลุยส์คงเป็นคนมานอนห้องเดียวกับผมเอง
ผมเลือกหันไปหยิบโน้ตบุคที่วางอยู่ขึ้นมา ผมเปิดดู เห็นกล่องข้อความ พี่บลู๊คโทรหาผม พี่ชายคนโตของผม พี่บรูคส์แก่กว่าพวกพี่อ้น พี่โจและพี่ตุ๊ สามปี ผมรีบกดวิดีโอคอลกลับไปทันที ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ผมเป็นห่วงแค่ เขาคนเดียว
             //บอย// พี่บรู๊คเอ่ยชื่อผมทันที
            //พี่บรู๊คมีอะไรหรือเปล่าครับ ผมเห็นว่าพี่โทรหาผม พอดีว่าผมลงไปทานอาหารเย็นนะครับพี่บรูคส์//
            //มีซิครับ // พี่บรู๊คพูดและหันกล้องไปหาใครคนหนึ่งที่นั่งหน้ามุ้ย ผมยิ้มออกมาทันทีที่เห็นหน้าเขา เขาคือกำลังใจของผมและเขาก็ผลักดันให้ผมมาเพื่อรักษาเขาไว้กับผมและเขาคนนี้แต่ว่าตอนนี้ มันคงสายไปที่ผมจะกลับมา
            //บอย// เขาไม่เคยเรียกผมว่าพ่อเลย เรียกแต่ชื่อผมมาตลอด หนุ่มน้อยของผม ดวงตาเรียวยาว จมูกเป็นสันแหลม ริมฝีปากบางเฉียบ อันนี้ได้ผมไป ส่วนอื่นๆ ไม่ต้องบอกว่าได้จากใครกัน
           //ว่าไงครับแบงก์ //ผมถามหนุ่มน้อยของผม หน้าตาเขานี่เหมือนพ่อของเขายังกับพิมพ์เดียวกัน ถามว่าเหมือนผมไหมก็มีส่วนแต่เหมือนพ่อของเขามากกว่า
           //มาๆ // เขาเรียกให้ผมไปหา
          //บอยอยากไปนะแต่ว่าบอยมาทำธุระครับแบงก์//ผมบอกกับแบงก์ เขาคือลูกที่เกิดกับผมและเขาคนนั้น
          //อืมม //เขาส่งเสียงในลำคอและส่ายหัวไปมาว่าไม่ยอมจะให้ผมไปหาเขาให้ได้
          //บอยมา// เขาพยายามทำเสียงออดอ้อนผมให้ได้
          //ลุงบอกแล้วไงว่าพ่อบอยเขาไปทำงานครับ ตอนนี้น้องแบงก์ต้องทานอาหารเช้าก่อนนะครับ //พี่บรู๊คหันไปบอกแบงค์ ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเช้าเพราะว่าที่โน่นกับที่ผมอยู่ตอนนี้ต่างกันหลายชั่วโมงมาก ที่นี้กลางคืนแต่ที่นั่นเป็นเวลาเช้าตรู่ ดูจากชุดที่เขายังสวมอยู่ก็รู้ได้ทันทีว่า แบงค์เพิ่งจะตื่นนอนและทำไมยังไม่ยอมเปลี่ยนนะ ปกติจะเปลี่ยนก่อนจะลงมาทานอาหารเช้านี่
           //ไม่ยอมทานอาหารเช้าตื่นมาก็ร้องงอแงหาแต่น้องพี่นี่แหละ ชุดก็ไม่ยอมเปลี่ยน เด็กคนนี้ดื้อทันทีเลยน่ะที่บอยไม่อยู่
           // พี่บรู๊คพูด ทำเอาผมใจจะขาด
          //ไม่กี่วันบอยจะกลับแล้วครับ// ผมบอกกับแบงก์ ถ้าผมทำให้เขาอึดอัดผมก็ไม่ควรจะอยู่ตรงนี้
         //บอย ไหนบอกว่าจะ…//พี่บรูคส์ถามผมทันทีด้วยน้ำเสียงที่ตกใจและประหลาดใจ
          //เออ เอาไว้ผมอธิบายให้พี่บรู๊คฟังอีกทีนะครับและบอยคิดถึงลูกด้วยนะครับพี่บรู๊คส์// ผมพูดกับพี่บรู๊ค น้ำตาผมจะไหล ทั้งที่ผมพยายามจะมาช่วยให้เขาผ่านจุดนี้ไปได้ เพื่อเขาจะได้แสดงให้พ่อผมเห็นว่าเขาพร้อมแล้ว แต่ดูท่าทางแล้วเขาไม่อยากมีผมอยู่ในชีวิตเขาแล้วมั้ง และผมก็คงต้องเก็บความลับนี้ต่อไป
          //บอยเกิดอะไรขึ้น ไอ้แจ็คมันทำอะไรน้องพี่อีก// พี่บรู๊คหันกล้องไปทำให้ผมเห็นใบหน้าของพี่ชายคนโตได้ชัดเจน ผมรู้ว่าพี่บรุ๊คส์น่าจะเดาสถานการณ์ระหว่างผมกับแจ็คได้
          // ผมโอเคพี่บรู๊ค ผมคิดว่าผมคงทนอยู่ห่างจากแบงก์ไม่ได้ ผมเลยคิดว่าจะกลับครับพี่บรูคส์//ผมพูดกับพี่บรูคส์ ผมไม่กล้าบอกทั้งหมดเพราะเรื่องนั้นก็ทำให้พี่ปลูกมองแจ็คในแง่ไม่ดีแล้วและก่อนที่ผมจะตัดสินใจมาที่นี้ ผมควรจะฟังพี่บรูคส์ตั้งแต่แรกว่า แจ็คเขาเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ ไม่แปลกใจว่าครๆ ก็กลัวเขาเพราะว่าเขาหัวร้อนและรั้นในหลายเรื่อง แต่ทำไมผมเข้าใจความต้องการของเขาอยู่คนเดียวแต่เขากลับไม่เคยเข้าใจผมเลยสักนิด
          //ผมคิดถึงเขามาก // ผมพูดน้ำตามันมาคลอๆที่เบ้าตาของผม คนที่ผมคิดถึงมาก็คือแจ็คเช่นกัน
          //ผมอยากกลับแล้ว// ผมบอกพี่บรู๊คส์
          //พี่ไปรับเลยไหมครับ กลับเลย ถ้าน้องพี่อยู่ที่นั้นไม่ได้ก็ไม่ต้องไปทนอยู่ครับ กลับมาและเรียนมหา'ลัยเลยดีกว่า เพราะถึงยังไงไอ้แจ็คมันก็เปลี่ยนตัวเองไม่ได้ องค์กรนี้ต้องการคนที่ดูแลน้องพี่ได้ ไอ้แจ็คมันดูแลตัวเองยังไม่ได้เลย พี่ไม่ไว้ใจมัน // พี่บรูคส์พูด ผมพ่นลมหายใจออกมาทันที
           //ผมว่า...รอให้ผมคุยกับพ่อก่อนดีกว่าครับพี่บรู๊ค// ผมบอกพี่ชายคนโตของผม
           “แกร็ก!” เสียงลูกบิดขยับ เปิดเข้ามาไม่ได้เพราะว่าผมกดล็อกประตูเอาไว้ ผมหันไปมองก่อนจะหันมาบอกพี่บรูคส์ ผมไม่อยากให้พี่บรูคส์เห็นแจ็คตอนนี้
          //พี่บรู๊ก ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ //
         //ได้ครับ บอยมีอะไรโทรหาพี่ทันทีนะครับ//
           //ครับพี่บรู๊ค พี่บรูคส์ด้วยนะครับ ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้ทันทีนะครับ ถ้าแบงก์ร้องไห้มากนะครับและผมขอโทษนะครับพี่บรู๊ค งานหนักหน่อยนะครับ” ผมพูดเบาๆ ผมนี้ไม่เคยห่างจากแบงก์เลยสักนาที
          //เอาน่ะบอย น้องยังเล็กและปกติก็ไม่ห่างกันอยู่แล้ว พอไม่เจอก็ร้องไห้งอแง แต่เดียวก็ดีขึ้นเชื่อพี่นะบอย// พี่บรู๊คพูด ผมก็ยิ้มทั้งน้ำตาปริ่มๆ ผมเองก็คิดถึงเขามากเช่นกันแต่ว่าผมก็มาเพื่อเขาในอนาคต ผมอยากให้พ่อลูกเขาได้อยู่ด้วยกัน
           //แบงก์ ทานอาหารเช้านะครับ แบงก์อยากเป็นซูเปอร์ฮีโร ต้องทานอาหารเช้า บอยจะโทรหาอีกทีนะครับ บอยต้องไปแล้ว บอยรักแบงก์มากนะครับ รักมากจริงๆ // ผมพูดและตัดใจกดวางพร้อมกับปาดน้ำตาให้หมดไป
ผมรีบเดินไปที่ประตูและปลดล็อกประตูห้องทันที คนที่อยู่หน้าห้องก็หมุนลูกบิดสวนกลับมาทันทีเช่นกัน ผมคิดว่าเขาคงจะหัวเสียที่รอนานหลายนาที พอผมเห็นคนที่ยืนอยู่ คนนั้นคือแจ็ค ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาได้ยินอะไรบ้าง แต่คิดว่าเขาไม่น่าจะได้ยินอะไร เพราะว่าผมก็คุยเสียงไม่ดังมาก
          “แค่มาเอาเสื้อผ้าจะไปนอนอีกห้อง “แจ็คพูด ผมก็ได้แต่นั่งอ้าปากหวอ
         “จะได้มีเวลาจ๊ะจ้า กับ...” แจ็คพูด
         “กับใครล่ะ” ผมถามเขากลับ
          “ก็” แจ็คทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
          “บอยคุยกับพี่บรู๊ค “ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้น ผมมองแจ็คที่หยิบเสื้อผ้าและกระเป๋าของใช้ส่วนตัวเขากำลังจะก้าวเท้าออกจากห้อง
         “แจ็คนี้นายรังเกียจเรามากขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมถามแจ็คด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ”
          “…..” เขาได้แต่เงียบนิ่งไม่ตอบผม
          “ถ้าการมาของบอย มันทำให้แจ็ครู้สึกลำบากใจมาก งั้นบอยจะกลับ” ผมบอกแจ็ค
         “ก็อยากกลับไม่ใช่เหรอ ไปซิ ไปหาไอ้...อะไรที่คุยว่าคิดถึงหนักหนา “แจ็คหันมาพูด
         “และไม่ต้องห่วงไอ้ภารกิจบ้าๆ นี้หรอก ไปนั่งให้สบาย บอยไม่ต้องมาทำอะไรพวกนี้หรอก พวกแจ็คทำกันได้” แจ็คพูดต่อ
           “บอยไม่ได้มาเพื่อภารกิจอะไรพวกนี้ แต่บอยมา”
           “มาเพื่อะไร!!” แจ็คหันมถามผม เราประจันหน้ากัน
           “เพื่อหาคนที่เคยอยู่ข้างเรา”
           “แล้วก่อนหน้านี้ละ บอยอยู่ข้างแจ็คไหม บอยหายไป ไม่มีข่าว ไม่มีอะไรเลย” แจ็คพูด ผมกลับต้องก้าวถอยหลังออกมา ใช่ผมหายไปแบบไม่มีการติดต่อหรือคำอธิบายอะไรเลย
            “ก็…. บอย” ผมพูดไม่ออกจริงๆ
           “ก็อะไรละ บอย บอยหายไป ไม่มีการติดต่อ ไม่บอกเหตุผล แจ็ครู้แค่ว่าบอยป่วยแต่ มันไม่น่าจะใช้เหตุผลที่บอยจะหายไปเลย เหมือนกับว่าแจ็คนี้ทำผิด” แจ็คพูดกับผม
          “บอย…” ผมได้แต่ยืนอึ้ง ผมพูดอะไรไม่ออกเพราะผมให้สัญญากับพ่อไว้แล้วว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้แจ็ครู้จนกว่าเขาจะพิสูจน์ตัวเอง
          “วันนี้เราบอกเหตุผลนั้นกับแจ็คไม่ได้ แต่สักวันเราจะบอก “ผมพูดขณะที่แจ็คกำลังหันหลังเดินออกจากห้องนอนไป และเขาก็หยุด
           “งั้นก็เก็บเหตุผลนั้นไว้เถอะ แจ็คไม่อยากรู้แล้ว” แจ็คพูดและเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูลง ผมได้แต่นั่งลง น้ำตาไหลเลยมันกั้นไม่อยู่จริงๆ ผมเสียเขาไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม
*****
            Part’ s ดิว หลังจากมืออาหารเย็น ผมกับไอ้แจ็คมีปากเสียงกันเพราะว่ามันพูดเหน็บแนมบอยตลอด มันหึงนั่นแหละ ผมเลยออกมาปกป้องบอยเช่นกัน แต่ไม่ไปกป้องในฐานะคนรัก ถึงผมจะถูกเลือก ถามว่าผมเลือกบอยได้เลยไหม เลือกได้และผมเองก็จะได้อะไรมากมาย พ่อผมเคยถูกเลือกให้ไปอยู่จุดนั้น ลุงกฤษณะเองก็ไม่อยากเป็นแต่ว่าพ่อผมเลือกที่จะถอยออกมาเพื่อมาดูแลค่ายทหารและดูแลหัวใจของพ่อผม นั้นคืออาภีมปภพ ผมเองก็เหมือนกับพ่อผมเช่นกัน ผมเลือกที่จะอยู่ตรงนี้เพื่อดูแลหัวใจของผมแต่คนนั้นดันไม่เคยรู้เลย จนป่านนี้ลูกไปห้าคนแล้วยังไม่รู้อีก น่าจริงๆ
   “สงสารบอยวะ แม่งไอ้แจ็ค มันจะบ้าอะไรขนาดนี้วะ “พายพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ ผมนั่งอยู่กับแอ้และพาย ในห้องนั่งเล่น ส่วนติ๊กขอไปโทรหาอาภาคย์ก่อน
“ไม่บ้าธรรมดา...บ้ามากด้วย บอยก็มีเหตุผลของเขาและแจ็คมันก็...” ผมพูดและหันมามองแอ้กับดิว แอ้มองผมเหมือนเขาคิดอะไรอยู่ในใจ อย่าบอกนะว่าหึงผมกับบอยนะ แค่แจ็คผมก็แย่แล้วนะ
“คิดเองเออเองอยู่คนเดียวและยังมีหน้าไปโกรธเคืองเขาอีก สงสัยจะดูหนังมากไปไอ้นี่ ดูแล้วไม่จบ” ผมพูดขั้นทำเอาพายและแอ้หันมามองผม
“ดูเรื่องไรวะถึงได้บ้าได้ขนาดนี้” พายถามผมขึ้น
“สงสัยจำเลยรักมั้ง” ผมพูด
“ตบจูบเหรอ ไอ้แจ็คนี่น่ะ ไม่น่าจะใช่อ่ะ มันน่ะ ถนอมบอยมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไหร่แล้ว มันดูแลบอยเหมือนไข่ในหินน่ะเมื่อก่อนอ่ะ แต่ว่าตอนนี้ “พายกับแอ้หัวเราะกันและจู่ๆ
“มันก็รักแต่ว่ามันแค่ กลัวเสียหน้า ที่มันจะเป็นฝ่ายง้อก่อนเพราะมันเข้าใจมาตลอดว่าบอยคือคนที่ไปจากมัน “แอ้พูด ผมหันมามองแอ้พร้อมกับพาย
“มึงเทพว่ะ พูดน้อยต่อยหนัก” พายพูด
“แต่ว่าให้มันได้พูดบ้างน่ะ ไม่อย่างนั้นดอกพิกุลจะไม่ร่วงออกมา “ผมพูดแซวและพายก็หัวเราะแอ้ทันที
“จริงว่ะ ฮาๆ “พายพูด จังหวะนั้น เสียงคนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว คนนั้นไม่ใช่ใครอื่น ติ๊กนั้นเอง ที่รีบเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับถามพวกผมทันที ที่เห็นพวกผมหัวเราะชอบใจกัน
“หัวเราะอะไรกันวะ เสียงดังวะ “ติ๊กถาม คนนี้คือก้างขวางคอตัวพ่อผมเลยทีเดียว ติ๊ก มานั่งแทรกตรงกลางระหว่างผมกับแอ้อีกด้วย พายก็เหล่มอง
“มารยาทนิดนึ่ง” พายพูดลากเสียงสูงนิดๆ
“มารยาทอะไรของมึง...พาย” ติ๊กพูดและหย่อนก้นนั่งลง ใช่ผมต้องเป็นฝ่ายขยับออก
“มีใครเขามาถึงนั่งแทรกกลางแบบนี้วะ ติ๊ก” พายพูดแอ้ก็พยักเพย้อให้พาย
“อ้าว...ที่ประจำของกูและกูคือคนกลางตลอดที่หล่อมาก” ติ๊กพูดและทำเครื่องหมายถูกยืนยันที่ใบหน้าที่หล่อของมันจริงๆ
“ว่าแต่พวกมึงคุยอะไรกัน หัวเราะสนุกสนานมากเลยวะ.... แอ้” ติ๊กหันไปถามแอ้
“เปล่าก็แค่คุยเรื่องแจ็คกับบอยนะ และดิวมันบอกว่าแจ็คมันคงดูหนังแล้วไม่จบ พวกกูเลยถามดูเรื่องอะไร ดิวมันบอกจำเลยรัก” แอ้พูด
“เออว่ะ น่าจะใช่แต่มันไม่ใช่พวกตบจูบน่ะมึง มันไม่กล้ากับบอยด้วย มันน่ะรักและถนอมบอยขนาดไหน มันน่ะ โรแมนติกเหมือนพระเอกเกาหลีเลยนะมึง” ไอ้ติ๊กพูด ผมช้อนตาขึ้นมองหน้ามันกันทุกคน มันทำให้พวกผมคิดเพราะว่ามีช่วงหนึ่งที่แจ็คมันเฮิร์ทและมันก็มีไอ้ติ๊กนี่แหละที่ขยันพามันไปแรด จนมีพี่บางคนพูดว่าไอ้แจ็คกับติ๊กมันคบกันหรือเปล่า
“มองหน้ากูกันทำไม” ติ๊กถามพวกผมกลับทันที
“แม้รู้ดีเนอะว่ามันไม่ใช่พวกตบจูบแถมยังจูบราวกับพระเอกเกาหลี มึงเคยจูบกับมันมาแล้วเหรอ” พายถามทันทีแบบปล่อยหมัดฮุกเลยทีเดียว ติ๊กมันมองพวกผมอีกที
“มึงจะบ้าเหรอ สวิตช์จะไปจูบกับมันได้ไง ถามว่าไปไหนมาไหนด้วยกันไหมน่ะกูไปอยู่แต่เรื่องจูบไม่มีโว้ยเพราะว่ามันก็เหมาคอพับกลับมาบ้านอย่างงง ทุกที และกูก็เห็นเหมือนที่พวกมึงเห็นนั่นแหละ ส่วนจูบนี้กูเดาเอา มึง!!” ไอ้ติ๊กพูด พวกผมพยักหน้าพร้อมกับ พยายามเชื่ออยู่น่ะ
“แอ้ เมื่อวาน ไอ้พระเอกที่เคยขอไลน์มึงอ่ะ มันถามกูอีกแล้ว มึงจะให้มันปะเนี๊ยะแต่ว่า ให้มันไว้ก็ไม่เสียหายน่ะ แค่เพื่อนกันก็ได้ “ติ๊กหันไปคุยกับแอ้แทน พายพยักพเยิดให้ผม ผมก็พยักหน้าตอบก่อนจะลุกขึ้น
“งั้น ก็ขอตัวไปที่ห้องออกกำลังกายก่อนน่ะ จะไปดูว่ามีอะไรในห้องบ้าง แอ้ล่ะ จะขึ้นไปอาบน้ำเลยไหม” ผมลุกขึ้นและถามแอ้
“เออ ..” แอ้หันไปมองหน้าติ๊กก่อน ผมก็เลิกคิ้วสูงรอคำตอบจากแอ้ ไม่ใช่ติ๊ก
“แอ้ อาบน้ำกับกูนะ จะให้แต้มสิวที่หลังให้ เมื่อวันก่อนไปถ่ายปกหนังสือเล่มใหม่ แม่งถ่ายในสระว่ายน้ำโรงแรมอะไรก็ไม่รู้ คันหลังมากสงสัยน้ำไม่สะอาด ว่าจะคอมเพลนสักหน่อย เนี่ยสิวขึ้นหลังเลย” ติ๊กพูดขึ้นผมนี้หันหน้าไปทางอื่นทันที นี้แหละก้างขวางคอตัวพ่อของผม
“กลากเกลื้อนหรือเปล่า แต่ดันไปโทษโรงแรมเขา โรงแรมที่ได้มาตรฐานไอเอสโอ มีแต่โรงแรมลุงภาคย์หรือไงมึง” พายพูด ผมหันมาชี้นิ้วจริงว่ะ
“อีพาย ไอ้เชี่ยดิว เกลื้อนบ้านมึงดิ กูสะอาดมากพูดเลย” ติ๊กพูด
“น่ะแอ้ ไปอาบห้องน้ำกู มีอ่างกุชชี่ด้วยแช่น้ำด้วยกัน” ผมสะบัดหน้าไปมองติ๊กและหันมามองแอ้ เดี๋ยวนี้ให้มันชวนลงแบบนี้เลยเหรอ แอ้หันมามองผมแว๊ปหนึ่งก่อนจะส่ายหัว การกระทำของผมกับแอ้ก็ไม่พ้นสายตาของพาย
“เออก็ได้ ติ๊ก ...ดิวมึงก็ขึ้นไปอาบน้ำด้วยล่ะ กูคงจะอยู่ห้องติ๊กสักพัก ยังจัดของไม่เสร็จเลย “แอ้พูด ผมอยากให้แอ้ขัดใจมันบางจัง ไม่ใช่เออออห่อหมกไปหมดแบบนี้ ติ๊กมันหันมาหยักคิ้วให้ผม

             ผมก็เดินออกเพื่อตรงไปห้องยิม ผมยังไม่ได้ไปใช้แต่ขอเข้าไปดูว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้างที่น่าใช้ พอผมเปิดเข้ามาก็ต้องเจอไอ้ตัวดี มันนอนยกเวทขึ้นลง ข้าวไม่กินมา มาปั่นกล้ามอกนี้เอง มันใช่เหรอ ผมยืนมองคนที่ยกเวทขึั้นลง
“ไงวะ” ผมเดินเข้าไปนั่งมานั่งข้างๆ ม้านั่งใช่เล่นดรัมเบล แจ็ควางเวทเข้าที่เก็บก่อนจะหันมามองหน้าผม อย่าบอกนะว่ามันไม่จบมันจะต่อ และถ้าได้ต่อยกันใครจะห้ามวะเนี่ยะ ผมแอบคิด ผมเองก็ไม่อยากต่อยมันเท่าไหร่หรอก
“แจ็ค มึงเป็นบ้าอะไรของมึง” ผมกลั้นใจถามมันกลับไป ยังก็ต้องถาม
“กูไม่ใช่คนที่เขาเลือก เหมือนมึง” ไอ้แจ็คมันพูด
“แล้วมึงถามกูยัง ว่ากูอยากให้เขาเลือกกูไหม” ผมถามมันกลับแจ็คมันเงียบไม่มีคำพูดใด แจ็คลุกขึ้นนั่ง
“กูกับมึง ทุกคนโตมาด้วยกัน เกิดก็วันเดียวกัน กินนอนด้วยกัน จนโตหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว มึงยังไม่รู้จักกูดีพออีกเหรอวะ” ผมถามแจ็คทันที
“ก็..กู ไม่เหมือนพวกมึง เกิดวันเดียวกันก็จริงแต่ว่ากูเกิดคนละอย่างกับพวกมึง ถามว่าแตกต่างกันไหม ไม่สำหรับกู” แจ็คพูด
“นั้นดิว่ะ! แล้วนี่มึงจะมาหึงกูทำไม หึงแม่งไม่ดูห่าอะไรแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย!!” ผมพูดเข้าประเด็นทันที ผมว่ามันหึงผมไอ้แจ็ค มันนิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ ผมว่าตอนนี้มันคงเย็นขึ้นแล้วแหละ ทำให้ผมพอจะคุยกับมันได้
“กูขอโทษว่ะ เรื่องในห้องอาหารแต่กูไม่อยากให้มึงทำแบบนั้นกับบอย บอยเขามาที่นี้ อย่างน้อยมึงควรจะให้เกียรติบอยบ้าง เขาไม่ได้อยู่กับพวกเรามาพักใหญ่ มึงไม่ควรทำให้เขารู้สึกอึดอัด กูออกไปปกป้องเพราะว่าบอยคือคนขององค์กรเรา เราต้องดูแลเขา นี้คือหน้าที่พวกเรา” ผมพูดกับไอ้แจ็ค มันเงยหน้ามองผม ผมพยักหน้าว่าจริงที่ผมทำไปแบบนั้น
“กูควรทำยังไงวะ มันกดดันกูหลายอย่าง กูไม่ใช่และเขาก็ยังไม่ต้องการให้กูกับบอยคู่กันอีก แถมยังเปิดเผยอะไรไม่ได้ เหมือนไม่มีใครยอมรับ กู… “แจ็คพูดออกมาเกือบหมด
“มึงรอเขาอยู่ไม่ใช่เหรอแจ็ค และตอนนี้เขาก็มาแล้ว มึงจะปรับความเข้าใจกับเขาซิ และถ้าเขาอยากจะหนีหายไปจากชีวิตมึง เขาจะกลับมาที่นี้ทำไมวะ คิดดิวะ เรื่องง่ายๆ แค่นี้เอง” ผมนั่งลงข้างๆ ไอ้แจ็ค ผมหันไปมองหน้ามัน ไอ้แจ็คหันมามองหน้าผมเช่นกัน
“และกูก็เชื่อว่าเขาไม่ได้กลับมาเพราะพวกกูแค่นั้น มึงนั่นแหละที่เขา ตั้งใจมา เขาอยากให้มึงเป็นที่ยอมรับและนั้นคือคำตอบหรือเปล่าว่ะ ว่าเขาเลือกมึง” ผมพูด
“กูกลัววะ กลัววะจะเป็นเหมือนเดิม “แจ็คพูด
“มึงได้ลองหรือยัง “ผมถามไอ้แจ็ค มันก็ส่ายหัวเบาๆ
“มึงลองก่อนและถ้ามันยังเหมือนเดิม มึงถึงจะเริ่มกลัวได้แล้ว แต่ตอนนี้ลองก่อน” ผมพูดแจ็คเงยหน้ามองผม
“และ...เลิกมองว่ากูคือศัตรูหัวใจของมึงซะที ที่กูดูแลบอยเพราะบอยคือคนสำคัญขององค์กรของเรา พ่อกูบอกกูและพ่อมึงก็คงบอกมึงเช่นกัน เหมือนที่ทุกคนรู้ ว่าเขาคือคนที่ต้องดูแลองค์กรของเราแจ็ค ดังนั้นเราต้องดูแลเขา เราทุกคนต้องดูแลเขาไม่ใช่แค่กูคนเดียว” ผมพูด มันหันมาเหล่มองผม แบบไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์
“เลิกหึงกูเพราะกูไม่ได้คิดอะไรกับบอย” ผมพูด ยังมองผมอีก
“ใช่ เขาพยายามจับคู่กูกับบอยแต่ทุกครั้งที่เขานัดกูและบอย กูไม่เคยไปเลยสักครั้ง จนลุงหนึ่งด่ากูมากับพ่อหลายครั้งแล้วแต่กูไม่พูดเอง” ผมพูดกับไอ้แจ็ค มันมองผมพร้อมกับขมวดคิ้วไม่อยากจะเชื่อผม
“ทำไมวะ” แจ็คมันถามผม
“อะไรนะ” ผมสะบัดหน้าไปถามไอ้แจ็คมันกลับ ไม่อยากจะเชื่อก็พอมันได้ยินแบบนี้แทนทีมันจะดีใจแต่ดันถามผมว่าทำไม
“ถ้ามึงได้บอย มึงจะเป็นอัลฟาขององค์กร ทำไมวะ? ทำไมมึงไม่รับข้อเสนอนี้วะ ดิว “แจ็คมันมองหน้าผมและถามคำถามนี้กับผม
“กูบอกมึงไม่ได้แต่กูไม่ได้อยากได้ตำแหน่งนั้น กูมีคนที่กูอยากดูแลอยู่แล้วและเขาก็สำคัญกับกูมาก เขามีค่ากับกูมากจริงๆ “ผมพูด ผมลุกขึ้น
“กูรู้ว่ามึงอาจจะเริ่มเหนื่อยที่มึงต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งคำว่า มึงคู่ควรกับเขาเพราะว่ามึงต้องดูแลเขาพร้อมกับภาระหน้าที่มันหนักกว่าได้แฟนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งหลายเท่า แต่กูเชื่อว่ามึงทำได้ว่ะแจ็ค” ผมพูดกับมัน
“หัวใจเขาให้ใครมึงดูเอง มึงเท่านั้นที่รู้คำตอบ ไม่ใช่กูหรือคนอื่นๆ” ผมพูด
“ดังนั้นมึงจะให้เขาพยายามคนเดียวไม่ได้ มึงต้องพยายามด้วย อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ถ้ามึงอยากได้เขามึงก็ต้องทำให้ได้ ดีกว่าที่เขาคิดกัน” ผมพูด
“กูเองก็ต้องทำไม่ต่างกับมึงแจ็ค ทำเพื่อให้ได้คนที่รักมาอยู่ด้วย หนักพอพอกับมึงเหมือนกัน “ผมพูดบอกมัน ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจผมมากแค่ไหน ผมเองก็ต้องสู้เพื่อแอ้และลูกๆ ผมเหมือนกัน
“ไปไหนวะ” แจ็คมันถามผม
“ไปอาบน้ำดิ เพื่อว่าพ่อกูโทรมาจะได้คุยกับพ่อกูด้วย มึงก็ไปนอนได้แล้วมั้ง พรุ่งนี้พักอีกวันและมะรืนนี้ก็ต้องไปเรียนแต่เช้า อย่าลืมว่าที่นี้เข้าเรียน 7.45 นะโว้ย ไม่ได้เข้า 9ครึ่งเหมือนที่มึงเคยเรียน แถมที่นี้เลิกเกือบบ่ายสี่โมงไม่ได้เลิกบ่ายสามโมงแบบโรงเรียนที่มึงเคยเรียนอีกด้วย” ผมหันไปบอกมัน มันก็โบกมือให้ผมไป ผมเดินออกมาจากห้องยิมเดินผ่านห้องนั่งเล่น ก็ไม่เห็นแอ้ ติ๊กและพายแล้ว ทั้งหมดคงขึ้นๆ ข้างบนกันหมดแล้วและคืนนี้ผมคงนอนคนเดียวแน่ๆ

       TBC…

หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง) EP.9(แจ็คXบอย)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 31-12-2023 14:26:55
ิ     
EP.9(แจ็คXบอย) สุดท้ายผมก็ยอม

          Part’ sแจ็ค ผมสับสนวุ่นวายกับความรู้สึกของตัวเองเลยหนีไปออกกำลังกายสักพักให้พอได้เหงื่อ ปกติผมจะออกแบบมีเทรนเนอร์เพราะผมต้องให้เขาแนะนำการออกกำลังกายที่ถูกต้องและไม่บาดเจ็บในช่วงที่ผมเก็บตัวเพื่อแข่งขันว่ายน้ำ ตั้งแต่เกิดเรื่องผมก็ออกด้วยตัวเองมาตลอด

          ขณะที่ผมกำลังออกกำลังกายอยู่ ดิวก็เข้าไปในห้อง ผมได้พูดคุยกันสักพักบวกกับใจผมเริ่มนิ่งขึ้นด้วย ไอ้ดิวมันก็ยืนยันว่ามันไม่ได้ต้องการสิ่งที่เขาพยายามเลือกให้มัน คือให้คู่กับบอยและอีกอย่างผมกำลังคิดว่าผมเปิดศึกผิดคนไหม ที่ผมได้ยินน่ะมันชื่อไอ้แบงค์ ว่าแต่มันคือใครแต่ถ้าบอยแคร์มันจริงบอยก็คงไม่มานี้แหละที่ทำให้ผมเริ่มลังเลและไหนพี่โจจะคอยส่งข้อความเชียร์ให้ผมพยายามลองก่อน ไม่ให้ผมเอาแต่หนีอีก ผมก็เหมือนจะได้ข้อสรุปว่าผมควรจะลองอีกสักตั้งแต่คงไม่ใช่วันนี้เพราะผม ดันเล่นตัวไว้ซะเยอะเลย
          “แจ็ค” ผมสะดุ้งสุดตัวผมได้ยินเสียงคนเรียกชื่อผม เสียงแบบเยือกเย็นมากจนขนลุกซู่ ผมก็มองไปยังแหล่งที่มาของเสียง เป็นเงาดำๆ มืดๆ ผมนี้ยืนกุมหัวใจผมเลยและผมก็เพ่งมองดีดีจนเห็นเป็นรูปเป็นร่างของคนตัวเล็กและทันทีที่มีแสงไฟมากระทบก็เห็นใบหน้าชัดเจน คนนั้นคือพายที่ยืนถือจานอาหารอยู่ ผมนี้ เกือบหัวใจวายตายแล้วผม (แจ็คไม่เชื่อเรื่องวิญญาณแต่แจ็คกลัวมาก)
          “โธ่! พาย เล่นอะไรของพายเนี่ยะ!!” ผมต่อว่าพายนิดหน่อย คนยิ่งขี้กลัวเรื่องพวกนี้อยู่ด้วย
          “แฮๆ ตกใจอะดิ” พายถามผม ก็ดันเรียกซะเสียงนี้เยือกเย็นมากขนาดนั้น
          “มีอะไรครับ” ผมถามพาย
          “อ่ะ เราตักไว้ให้ “ผมก็มองจานอาหาร และเหล่ตามองว่าแน่เหรอ แต่ที่ตักนี้ของชอบผมทั้งนั้นเลยนะ ไม่มีของที่ผมไม่ชอบเลย ผมว่าน่าจะบอยมากกว่า
          “เล็งอะไรละไม่หิวหรือไง” พายถามผม ผมก็มองแต่จะว่าไปท้องก็ร้องอยู่นะ
          “ไม่หิวใช่ไหม...ดี ของดีดีพวกนี้จะได้ลงไปอยู่ในถังขยะ” พายพูดและดึงจานกลับแต่ผมรีบยึดไว้อย่างเร็ว
          “กินซิครับพาย “ผมรีบอ้อนพายและดึงจานนั้นกลับมาทันที
         “ไปหาที่นั่งทานเลย เดี๋ยวดูน้ำให้ด้วย” พายพูดและเดินไปกลับเข้าไปในห้องอาหาร ผมนั่งที่โต๊ะอาหาร
         “ขอบใจน่ะพาย” ผมหันไปบอกพายพร้อมกับตักอาหารทาน พายเดินเข้าไป เพื่อรินน้ำดื่มใส่แก้วมาให้ผมหนึ่งแก้ว
          “ แล้วนี่ติ๊ก มันทำอะไรอยู่” ผมถามพาย
          “ก็นั่งตัวติดไอ้แอ้ไง “พายพูดยิ้มๆ กับผม
          “อืมม แต่มันก็ติดอยู่แล้วนิ แล้วไอ้ดิวล่ะ” ผมถามหาไอ้ดิวกับพาย
         “ดิวมันก็อาบน้ำอยู่ในห้องมันแหละ” พายพูด
          “แล้ว...” ผมกำลังจะอ้าปากถามถึงอีกคน แต่ผมก็เงียบได้แต่เหลือบตามองพายที่นั่งมองผมยิ้มๆ
          “จะถามถึงบอยก็ถามดิ “พายพูด เขาเลิกคิ้วมองผม ผมพยักหน้าว่าถามถึงเขาคนนั้นแหละ
           “บอยก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกมา พายคิดว่าบอยคงเหนื่อยเดินทางเลยไม่ได้เคาะประตูถาม ก็เดินทางมาไกลขนาดนั้นน่ะ แต่คนที่เขาตั้งใจมาหาดันเล่นตัว เป็นกูน่ะ กลับบ้านไปหาหนุ่มแซ่บๆ ดีกว่า “พายพูดพร้อมกับปรายตามองมาที่ผม ผมน่ะทานอิ่มพอดี
           “กินหมดเลยเนอะหิวละซิ” พายถามผม ผมก็ยิ้มๆ พยักหน้าเบาๆ
           “เอาจริงๆ น่ะ พายไม่ได้ตักไว้ให้หรอก บอยเขาตักไว้ให้” พายพูด ผมพยักหน้าพร้อมกระดกน้ำลงคอผมไป
           “รู้แล้วละ” ผมตอบพาย คนตรงหน้าผมทำหน้าเหวอปากรูปตัวโอน่ารักตามสไตล์เขาละ ติ้งเกาหลี
            “ทำไมรู้ละ” พายถามผมกลับ
            “พายรู้เหรอว่าแจ็คชอบอะไรไม่ชอบอะไร” ผมถามพายกลับ พายก็ส่ายหัว
           “รู้อย่างเดียว...ชอบเหล้า ฮาๆ “พายพูดและหัวเราะ ผมละส่ายหัว ในความน่ารักใสๆ ของพาย
            “เอาละ ถ้าอย่างนั้นพายขึ้นห้องดีกว่าจะได้อาบน้ำนอน ง่วงแล้วเหมือนกัน เดินทางมาก็เหนื่อยเต็มที แถมพักอีกแค่พรุ่งนี้วันเดียวเอง วันรุ่งขึ้นก็ต้องไปเป็นนักเรียนอีกแล้ว ไม่ได้นอนตื่นสายเลยแถมเรียนตั้งหลายชั่วโมง ทั้งที่นึกว่าจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระในรั้วมหาวิทยาลัยเลยซะอีก” พายพูดพร้อมกับทำหน้าเซ้ง ผมก็หันไปว่าเอาภาชนะทุกอย่างใส่เครื่องล้างจานก่อนจะหันมามองพาย
              “เออแจ็ค” พายเรียกผม ผมก็หันไปมองพาย
              “พายเห็นแจ็คออกมาจากห้องข้างๆห้องติ๊กและพายอ่ะ ก่อนจะลงมาทานอาหารกัน แจ็คจะไปนอนห้องนั้นเหรอ” พายถามผม
             “อืม..อยากนอน..คนเดียวน่ะ” ผมบอกกับพาย พายก็พยักหน้า พายเปิดประตูมาเจอผมตั้งแต่ก่อนที่จะลงไปทานข้าวแล้วและผมก็เดินลงมาที่โต๊ะอาหารพร้อมกับพายนั่นแหละ
            “แจ็ค” พายเรียกชื่อผมอีกครั้ง ผมเงยหน้ามองว่ามีอะไรอีก ดูสีหน้าพายซีเรียสขึ้นมากะทันหัน ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วโก่งเลย
            “เมื่อสักครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา แจ็คกลับเข้ามาในห้องข้างๆ อีกป่ะ ห้องที่แจ็คบอกจะนอนอ่ะ” พายถามผมด้วยท่าที่ที่มองซ้ายมองขวา ทำเอาผมมองตามเลย ผมแปลกใจทั้งที่อยู่กันสองคนจะมองหาอะไรและผมขยับมาอยู่ใกล้ๆ กับพาย
            “ห้องที่แจ็คบอกจะไปนอนอ่ะ” พายหันมาพูดกับผม
            “ทำไมอ่ะ” ผมถามพาย
            “พายได้ยินเสียงกุ๊กๆ กักๆ อ่ะ มาจากห้องนั้นอ่ะ ติ๊กและแอ้ก็ได้ยินนะแต่พายบอกพวกมันไปว่าแจ็คจะไปนอนห้องนั้นน่ะ ดูพวกนั้นตกใจใหญ่เลย แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรพายน่ะ...เขาก็รู้ว่าพายกลัวมั้ง” พายหันมาพูดกับผม ผมเริ่มยิ้มเจื่อนๆ ห้องที่ผมจะไปนอนอย่างนั้นเหรอมีเสียงกุกกักด้วยเหรอ
            “เฮ้ย. แจ็คก็ยังอยู่ในห้องออกกำลังกายเพิ่งเลิกเนี่ยะ ดูนาฬิกาดิ ออกไปได้ หนึ่งชั่วโมงพอดี “ผมพูดและหันไปมองหน้าพายและโชว์ นาฬิกาดิจิตอลรุ่นใหม่ของไอโฟน
            “จริงดิ...แล้วถ้าไม่ใช่แจ็ค จะใครล่ะ เพราะว่าไอ้ดิวมันอาบน้ำอยู่นะแอ้บอกพาย” พายพูด ผมกับพายเริ่มมองหน้ากันเลิกลัก
            “พายว่าไม่น่าจะใช่บอยหรอกเพราะเราก็ไม่ได้ยินเสียงบอยเปิดประตูออกมาเลย” พายพูด ผมนี้ขนลุกเลย ผมเพิ่งขนเสื้อผ้าไปไว้ในห้องนอนนั้นด้วย เวรเลย
            “พายอย่าพูดเล่นแบบนี้ดิ มันน่ากลัวว่ะ” ผมพูดและหันมองหน้ากันเลิกลักอีกครั้งพร้อมกับหันซ้ายหันขวาไปมา บรรยากาศก็เริ่มวังเวงขึ้นมาทันทีเลย
           “พายว่า...เราไปขึ้นห้องดีกว่าไหมอ่ะ “พายค่อยๆ ลุกขึ้น ผมก็ลุกขึ้นเช่นกัน
            “จะรออะไรวะพาย วิ่งดิ!” ผมพูดและพากันวิ่งขึ้นไปชั้นสอง
 
                เสียงฝีเท้าผมสองคนทำเอาทุกคนเปิดประตูออกมาดูว่ามีอะไรกันแม้กระทั่งบอย ที่สวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ไอ้ดิวก็ออกมาด้วยผ้าขนหนูคาดเอวแบบหมิ่นเหม่ไหนพายบอกว่าไอ้ดิวมันอาบน้ำตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี้มันเพิ่งจะอาบเสร็จเหรอ ไอ้ติ๊กและแอ้ออกมาด้วยชุดนอนและเหมือนแอ้กำลังเช็ดผมให้ติ๊กด้วย แต่ละคนมองผมกับพายที่ยืนกระมิดกระเมี้ยนข้างๆ ผม
            “มึงสองคนเล่นอะไรกันวะ ดึกดื่นขนาดนี้ เล่นไล่จับเหรอ กี่ขวบแล้วมึง” ไอ้ดิวยืนเอาหลังพิงประตูกอดอกถามผมกับพาย
             “หรือว่านี้คือฉากหนึ่งในหนังอินเดียหรือเปล่า ที่คู่รักเขาวิ่งจีบกันในพื้นที่ 100 ไร่ ห๊ะ!” ไอ้ติ๊กพูด ผมยกนิ้วกลางให้มันทันที มันก็ตอบกลับซิครับรออะไร เพราะว่ามันคือไอ้ติ๊ก ผมหันมาคนข้างๆ จะเขินทำไม ทำไมไม่พูดอะไรสักอย่าง ผมหันมามองแต่ล่ะคนที่รอฟังคำอธิบายจากผม
            “ก็ ...พายบอกว่ามันได้ยินเสียงจากห้อง...นั้นอ่ะ” ผมพูดและชี้ไปที่ห้องนอนข้างห้องไอ้ติ๊กและพาย แต่เหมือนว่าแอ้คงต้องนอนห้องนี้ด้วย
             “เหรอวะ” ติ๊กพูดด้วยสีหน้าตกใจ
            “พายได้ยิน ติ๊กก็ได้ยินน่ะ เสียงแบบมีคนอยู่ในห้องอ่ะ แต่แจ็ค บอกว่าเขาอยู่ที่ห้องออกกำลังกายตลอดเลยอ่ะพวกแก!!” พายพูดแต่อันหลังเสียงสูง ผมหันไปมองหน้าพายอีก ล้อเล่นหรือเปล่า
            “เออ..เออ ..จริง เสียงมึงป่ะละ” ไอ้ติ๊ก มันดูมีพิรุธนะผมว่า
            “แอ้มึงได้ยินไหมวะ” ติ๊กถามแอ้ ผมก็มองหน้าไอ้แอ้ มันไม่ใช่พวกชอบโกหกแต่หน้ามันนิ่งจนเดาได้ยากมากจริงๆ ทำท่าคิดด้วย
           “เออ...ได้ยินว่ะ กูก็คิดเหมือนที่พายพูด ว่าไอ้แจ็คจะไปนอนห้องนั้น” แอ้ก็พูด ผมว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วตรงไอ้แอ้นี่แหละ
            “คือมึงจะนอนห้องนั้นเหรอ... เหมือนบ้านนี้จะมีประวัติว่ะ ห้องนอนสุดทางด้านซ้ายอ่ะ พ่อกูเคยบอกไว้ เขาเลยไม่จัดให้ใครนอนว่ะ เห็นไหมเว้นเอาไว้และให้เรานอนเบียดกันห้องละสองคนแทนแสดงว่า มีของดีว่ะ” ไอ้ดิวอีกคนมันไม่ใช่คนพูดเล่นซะด้วยซิ ฉิบหายแล้วผม ขนลุกขึ้นมาทันที เรื่องแบบนี้แจ็ค ทนไม่ได้ครับ
             “จะนอนใช่มั้ยละ ฝันดีน่ะ ดึก ดึกอาจจะมีคนมาเล่นด้วยก็ได้น่ะ แบบดึงขา และก็ลอยอยู่บนเพดานฝ้าอ่ะ ฟินดีน่ะ “น้องพายพูด บรรยายมาขนาดนี้ พายครับมึงดูหน้าแจ็คให้ดีซะก่อนว่ากูจะฟินไหมถ้าเจอแบบนั้น
              “โชคดีแล้วกันน่ะ เจออะไรมาก็อย่าลืมมาเล่าให้พวกกูฟังกันบ้างล่ะ “ไอ้ดิวมันพูดและทำท่าจะหันหลังกลับเข้าห้องนอนมัน
            “ไอ้ดิว…” ผมเรียกมันเอาไว้
            “ห้องกูของยังเต็มว่ะและที่สำคัญน่ะไม่รับแขก รับแต่เจ้าของห้อง ตามชื่ออ่ะ” ไอ้ดิวมันหันมาบอกผม
            “งั้นก็ไปนอนน่ะ ห้ามเคาะเรียกูน่ะเพราะว่ากู่ไม่เปิด” ไอ้ดิวมันพูดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วย สัสเอ๊ย!!ผมแอบคิดในใจ ผมหันมามองไอ้สามตัวที่กำลังจะหันหลังเข้าห้องนอนเหมือนกัน มองตาปริบๆ เลยผมน่ะ
            “ไม่ต้องบอกว่าห้องกูมีที่่ว่างไหม ดูเอาสามคนเข้าไปแล้ว โชคดีนะมึง” ไอ้ติ๊ก ผมจะอ้าปากจะด่าข้อหาที่มาสปอยด์ให้ผมกลัวแล้ว ตัดช่องน้อยแต่พอตัวกันหมดแบบนี้
             “มีคู่นอนดีดีไม่ชอบดันสะเหล่อจะไปนอนคนเดียว งั้นคืนนี้มึงก็เตรียมตัวหาคู่ใหม่ไฉไลกว่าเดิม เพิ่มเติมคืออาจจะไม่ใช่คนธรรมดา น่าจะเหาะเหินเดินอากาศได้ไง ถ้าตอนเช้ามาผมมึงตั้งน่ะ กูจะสมน้ำหน้าให้ แจ็ค” ไอ้ติ๊กพูดก่อนจะดันแอ้เข้าห้องนอนมันไป ผมมองคนที่ยืนกอดอกอยู่ ไม่ได้พูดอะไรและทำท่าจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องนอนด้วย
             “บอยควรจะบอกราตรีสวัสดิ์ใช่ไหม เจอกันพรุ่งนี้น่ะ” บอยพูด ผมก็สะบัดไปหน้าไปมอง ต่อให้ผมโกรธแค่ไหนแต่ถ้าห้องนั้นมีสิ่งลี้ลับแบบนี้ผมก็ต้อง…
            “หมับ” ผมจับประตูเอาไว้ก่อนที่ หนุ่มหน้าหวานจะปิดมัน
           “พ่อบอกให้นอนห้องนี้ก็จะนอนห้องนี้ “ผมพูดกับบอยแต่ในใจโคตรเสียหน้าเลย ไอ้แจ็คเอ๊ย อุตส่าห์เดินออกจากห้องอย่างแมนๆ ว่าจะไปนอนห้องอื่น
            “ก็แจ็คบอกบอยเองว่าจะ…” บอยพูดและชี้ไปที่ห้องนั้น ผมหันไปมองสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างทันที
            “พูดไปงั้น นี้กลับมานอนเพราะว่าไม่อยากให้พ่อเสียใจ” ผมพูดและแทรกตัวเข้าห้องทันที ไม่พูดไม่จากรีบคว้าผ้าเช็ดตัวและตรงเข้าห้องน้ำทันที อาบน้ำเพราะไม่กล้าสู้หน้าบอย

                 ผมรีบอาบน้ำแต่ดันได้ยินเสียงหมาหอนครับ เฮ้ย! มาจากไหนวะ มองซ้ายมองคว้า ไม่ต้องถูมันแล้วละสบู่ รีบเปิดน้ำชำระล้างตัวและรีบออกมาสวมชุดนอน และเพ่นออกจากห้องน้ำทันที ผมออกมาก็เห็นบอยหลับไปแล้วพร้อมมือถือและมีหูฟังเสียบหูไว้อยู่
               “หลับแบบนี้มันดีที่ไหนกันล่ะ “ผมพูดเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ดึงหูฟังเขาออกอย่างเบามือที่สุดเพราะกลัวคนที่นอนหลับอยู่จะตื่นและเขาก็จะรู้ว่าผมนะอ่อนให้เขา ผมใจอ่อนให้ตั้งแต่เห็นหน้าเขาแล้วแต่ว่ามันทำตัวไม่ถูก หายไปหลายปีแบบนั้นและผมเองก็กลัว กลัวเขาจะมาให้ความหวังผมและหายไปอีก
                ระหว่างที่ผมดึงหูฟังเขาออก ผมก็ได้ยินเสียงเพลงเบาๆ มาจากหูฟังคู่นั้น เลยลองเอามาใส่หูผมดู ผมก็ต้องยิ้มตามชื่อเพลง เพลงอมยิ้ม นี้เป็นเพลงที่ผมชอบร้องไห้เขาได้ฟัง ตอนนั้นถามว่าภาษาไทยผมแข็งแรงไหมก็พอได้แต่ก็พยายามหัดร้องเพลงนี้ให้ได้เพื่อให้คนนี้ฟัง ก็แต่ก่อนชอบฟังแต่เพลงสากลและที่ผมร้องเพลงนี้ให้เขาฟังเพราะว่านาทีแรกที่ผมเห็นหน้าเขาก็นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาทันทีเลย
               “บอย นายกลับมาหาเราจริงๆ เหรอ “ผมถามคนที่นอนหลับสนิทแถมยังมีหูฟังอีกข้างเสียบหูอยู่ ผมก้มลงมองใบหน้าหวานๆ นั้นแบบใกล้ชิดมาก ใกล้จนลมหายใจผมรดที่แก้มคนที่นอนหลับสนิทอยู่
              “นายจะไม่ทิ้งเราไปอีกเหรอ “ผมพูดเบาๆ กับคนที่นอนหลับ

                ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินไหม บอยเป็นคนที่มีใบหน้าหวานราวกับสตรีก็ไม่ปราณ ใบหน้าที่เรียวสวย เผลอๆ จะสวยกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก ริมฝีปากที่เรียวบางสวยได้รูปนั้นแถมยังอมชมพูดไม่ต้องทาลิปสติก มันยิ่งทำให้ผมอดใจห้ามใจตัวเองไม่ได้ที่จะไม่ก้มลงไปสัมผัส ใจก็บอกตัวเองให้หยุด หยุดแจ็ค หยุดแต่ …
               “หมับ” ผมประทับริมฝีปากที่ไม่บางไม่หนาจนเกินงามประกบริมฝีปากบางๆ นั้นซะแล้ว ดูเหมือนว่าริมฝีปากคู่นั้นก็เผยอรับริมฝีปากผมเช่นกัน
               “ปึก” เสียงมือถือหลุดจากมือผมลงสู้พื้น ผมไม่สนใจอะไรแล้วเพราะว่าสติผมหลุดลอยไปกับความหวานที่ผมกำลังดูดดื่มจากริมฝีปากคู่นั้น

                 ผมเลื่อนตัวเองขึ้นไปคร่อมร่างนั้นเอาไว้โดยไม่ได้ทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงไป ผมรู้สึกว่ามีมือแตะที่แผ่นหลังส่วนล่างของผม และค่อยๆ ไต่ขึ้นมาจนถึงแผ่นหลังสวนบน นั้นก็แสดงว่าคนเบื้องล่างที่ผมคร่อมอยู่คงตื่นแล้ว

                ผมลืมตามองคนที่ผมกำลังจูบอยู่เขามองผมแบบงงๆ นิดหน่อย มือเรียวสวยนั้นแตะที่แผ่นอกของผมเบาๆ ผมยอมว่าบอยเป็นคนที่เพอเฟคมาก ดวงตาสวยนัยต์ตาสีฟ้า ใบหน้าก็เรียวยาวได้รูป ริมฝีปากที่เล็กบางได้รูปเป็นกระจับ ขนตาก็งอนสวยไม่ต้องดัด จมูกที่เรียวเล็กเหมือนไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี แล้วแบบนี้ผมจะไม่หลงรักตั้งแต่แรกพบได้ยังไง ไม่ใช่แค่ผมน่ะทุกคนที่แรกเห็นบอยก็หลงรักบอยกันทั้งนั้นแหละ สายตาของผมสองคนประสานกันอยู่พักใหญ่ และเป็นผมเองที่ต้องละสายตาจากดวงตาคู่สวยนั้น ผมค่อยๆ ถอนริมฝีปากผมออกและเอามือเกาหัวแก้เก้อ
              “ก็เห็นนอนหลับแล้วแต่ยังมีหูฟังอยู่...แจ็คเลยจะดึงออกให้ มันไม่ดีน่ะหลับแบบนี้น่ะ” ผมพูดเบาๆ ผมก็ลุกขึ้นเพื่อจะกลับไปยังเตียงนอนตรงข้ามกัน
              “ขอบใจน่ะ” บอยพูด ผมพยักหน้าพร้อมกับหันหลังเดินออกแต่ว่าใจกับบอกผมว่า อย่าเดินไปผมชะงักเท้าที่จะก้าวต่อ ผมยืนนิ่งอยู่หลายนาที
             “แจ็ค” “บอย” ผมสองคนกับเรียกชื่อพร้อมกัน ผมหันกลับมามองเขา บอยก็มองผม
             “บอยกลับมาเพื่อหัวใจตัวเองจริงๆ นะแจ็ค” บอยพูด มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดไอ้ดิวที่มันพูดกับผม มันบอกว่าผมรอคอยบอยแล้วทำไมตอนนี้ผมถึงจะวิ่งหนีเขาไปเพราะบางครั้งความรักก็ไม่ต้องการเหตุผลอะไรมากมายไปกว่าหัวใจตัวเองใช่ไหม ผมนะคิดถึงเขามาก มากจริง
             “หมับ” ผมหันกลับมาและโผ่เข้ากอดเขา บอยกอดผมกลับแบบแนบแน่น ผมสองคนกอดกันเหมือนกลัวจะหายกันไปอีก ผมน่ะกลัวมากที่สุด
              “บอยคิดถึงแจ็คนะ คิดถึงมากด้วย คิดถึงมากจริงๆ” บอยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
              “แจ็คก็คิดถึงบอยมากเช่นกัน มากจนไม่รู้จะพูดยังไง มันมากเหลือเกิน แจ็คขอโทษที่แจ็คงี่เง่าแต่เพราะว่าแจ๊ค” ผมพูด บอยดันผมออก
              “บอยจะไม่ทิ้งแจ็คไปไหนอีกแล้วน่ะ “บอยบอกผม
             “ฟู่!!” ผมพ่นลมหายใจออกมา นี่แหละที่ผมกลัวที่สุด
             “แจ็คจะยังไม่เชื่อบอยตอนนี้ก็ไม่ว่านะ” บอยบอกผม
              “เชื่อแล้ว...อย่าไปไหนอีกนะ ...แจ็คคงทนไม่ได้” ผมพูดและเอามือลูบหน้าบอยเบาๆ
              “ครับ “บอยตอบผม
             “แจ็คขอโทษอ่ะเรื่องวันนี้อ่ะ แจ็ค แจ็ค แค่สับสนและกลัว” ผมพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองบอย
            “แจ็คคิดมากมาตลอดสามปี เรื่องบอยกับดิว” ผมพูดบอยก็มองหน้าผม
            “แจ็คเคยได้ยินพ่อคุยกับลุงภาและมันก็หลังจากที่บอยหายไปจากแจ็ค เขาพูดว่าดิวคือคนที่ถูกเลือกและวันหนึ่งบอยก็ต้องคู่กับดิว” ผมพูดผมไม่กล้ามองหน้าบอยตรงๆ
            “แจ็ค บอยรู้มานานแล้วก่อนที่จะไปเจอแจ็คอีกและตอนนั้น เออ อันที่จริงบอยควรจะไปทำความรู้จักกับดิวมากกว่าแต่บอยกับรู้สึกกับแจ็คมากกว่าดิวซะอีก” บอยบอกผม ผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
            “และมันก็มีบางสิ่งที่บอยเห็นอย่างชัดเจนว่าดิวเขามีคนที่เขารักมากกว่า ส่วนบอยเองก็มีคนที่บอยรู้สึกได้มากกว่าเช่นกัน” บอยพูด
              “และการมาของบอยครั้งนี้ก็เพื่อให้แจ็คได้ทำตามที่ลุงหนึ่งบอก บอยอยากให้แจ็คทำมันให้ได้เพื่อให้ลุงหนึ่งยอมรับในตัวแจ็ค ได้ไหมครับ” บอยบอกผม
             “ตกลงบอยมาเพื่อแจ็คจริงๆ ใช่ไหม” ผมถามบอย
            “จริงครับ” บอยพูด สายตาคู่นี้ที่สะกดผมเอาไว้ทุกครั้งที่ผมได้มองหน้าเขา รอยยิ้มของบอยที่ดูละมุนตตลอดเวลาที่ได้มอง
            “แจ็คต้องทำได้ บอยเชื่อแจ็คและเพื่อนๆ” บอยบอกผม
            “ดึกแล้วด้วย นอนได้แล้วมั้ง” บอยบอกผม ผมก็ยิ้มให้บอยพยักหน้าเบาๆ
             “ราตรีสวัสดิ์ นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านิ “บอยรีบบอกผมเหมือนเขาจะรู้ว่าผมกำลังจะโน้มตัวเองไปจูบเขาอย่างนั้นแหละ ผมหันไปมองที่เตียงนอนของผม มันห่างไปคนล่ะมุมกันเลยน่ะ
            “ไม่อยากนอนเตียงนั้นแล้วอ่ะ อยากนอนเตียงนี้นะ “ผมพูด บอยเบ้ปากหนีผม
             “ไหนบอกถ้าเลือกได้” บอยหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงเง่างอนนิดๆ
            “ตอนนี้เลือกได้แล้วไง เลือกที่จะไม่วิ่งหนีอีก แต่จะวิ่งเข้าใส่” ผมบอกบอย
             “แจ็ค” บอยทำท่าจะดันผมออก แต่ผมรู้ว่าเขาไม่ดันผมออกจริงๆ หรอก
             “นะนะ นอนกอดก็ยังดี” ผมพูดเบาๆ
            “แค่กอดนะ “บอยพูด แต่แปลกอย่างหนึ่งถ้าบอยดุผมนี้ผมไม่กล้าดื้อเลยน่ะ ถ้าบอยบอกว่าให้หยุดคือหยุด ถ้าบอยร้องห้ามผมก็จะไม่ดึงดัน
           “ก็ใช่ไงแค่กอดหรือจะให้แจ็คทำมากกว่ากอดล่ะ” ผมถามบอย
           “ไม่ ไม่...ไม่เอาอ่ะ เพราะว่า” บอยพูดผมก็เลิกคิ้วว่าบอยจะพูดว่าอะไรต่อแต่บอยก็ไม่พูดต่อ
           “เพราะว่าอะไรละ “ผมถามบอย
           “คือ” บอยทำท่าจะพูดแต่ก็หันหน้าหนีผม
            “ครั้งนั้น มัน...” บอยพูดพร้อมกับหลุบตาลงไม่กล้ามองผมตรงๆ ผมก็ช้อนตามองบอย
            “แจ็ครู้ แจ็คไม่เคยลืมครั้งแรกของเราสองคนนะ มันเป็นครั้งแรกจริงๆ แต่เป็นครั้งแรกที่สวยงาม แจ็คจำมันได้เสมอ” ผมพูดกับบอยก่อนจะเชยคางนั้นขึ้นมา บอยมองผม ผมก็ค่อยๆ ประกบจูบบอยอีกครั้ง บอยตอบสนองผมได้ดี อาจจะเป็นเพราะว่าเราเริ่มพอสำหรับเรื่องอย่างว่าแล้ว สองร่างที่เริ่มกอดรัดและไซ้ไปมา บอยเริ่มดิ้นไปมาตามการเล้าโลมของผม ผมยิ้มกริ่ม นี้ไม่เจอกันสามปี บอยดูมีน้ำมีนวล ผิวกายนี้หอม บอยเป็นคนผิวสวยมาตั้งแต่เด็กและตัวหอมมาก
           “พอแล้ว” บอยร้องห้ามผมก่อนจะใช้มือดันอกแน่นๆของผมให้ผมหยุด
            “ทำไมละ” ผมถามบอย ผมเห็นปฏิกิริยาของบอย ผมว่าเขาเองก็ไม่อยากหยุด
           “ไม่เอาพอแล้วแจ็ค บอยยังไม่พร้อมตอนนี้” บอยบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ
          “ขอนอนด้วยได้ไหมครับ แจ็คคิดถึงตอนที่เราอยู่ด้วยกันแจ็คนอนกอดบอยตลอดเลยน่ะ” ผมพูดกับบอย บอยพยักหน้าว่ได้และบอยก็ขยับเพื่อให้ผมได้มีที่นอน ผมเอนตัวลงนอนและกอดเอวบางๆ นั้นอย่างเบามือ

         ผมทำแบบนี้บ่อยแต่เฉพาะที่บ้านผมนะ ถ้าพี่ชายของเขามาก็จะไม่กล้าเข้าใกล้มาก ตอนนั้นผมยังกลัวว่าถ้าทุกคนรู้ความจริงเขาจะแยกเราออกจากกันหรือเปล่า จนกระทั่งบอยหายไป ผมเสียใจอย่างหนัก ทำให้พ่อถามผมเพราะนี้คงไม่ใช่อาการของคนที่คิดกันแค่เพื่อนแน่ๆ ใช่ผมบอกพ่อตรงๆ ว่าผมรักบอย และบอยก็รักผม เราสองคนรักกัน เราสองคนแอบคบกัน ตอนที่ผมบอกพ่อผม พ่อตกใจมากแต่พ่อก็ไม่ได้พูดอะไร
          “แจ็ครักบอยนะ แต่แจ็คกลัวเพราะเขาไม่เลือกแจ็ค” ผมพูดกับบอย
           “แต่บอยเลือกแจ็คนิ บอยถึงเลือกที่จะกลับมา “บอยหันมามองผม
          “บอยอยากให้แจ็คทำให้ทุกคนรู้ว่าเราจะผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน “บอยพูดกับผม
          “ก็ได้แจ็คจะทำให้ลุงหนึ่งเห็นว่าแจ็คคู่ควรกับบอยมากกว่าไอ้ดิว” ผมพูดบอยเอี้ยวตัวมามองผม
          “ยอมรับว่าหึงมากและยิ่งได้ยินมาว่า บอยกับดิวออกงานคู่กันด้วย ตามที่ทุกคนเห็นตรงกัน มันก็ยิ่งหึงอ่ะ แล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า” ผมพูดบอยมองหน้าผมนิ่งก่อนจะ
            “ใช่บอยยอมรับว่าเขาจัดตารางงานให้บอยและดิวอออกงานด้วยกันจริงแต่...” บอยพูดผมนี้กำลังจะขึ้น แต่…
           “แต่ดิวไม่เคยไปเลยและบอยก็ไม่ได้อะไรนะเพราะว่าบอยไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับดิวต่อให้เขาเลือกดิวให้กับบอยก็ตาม” บอยพูดเขามองหน้าผม
           “แจ็คไม่เข้าใจ ทำไมเขาใช้เหตุผลอะไรมาตัดสินว่าดิวต้องคู่กับบอย ทั้งที่พวกเราก็เติบโตมาด้วยกัน ทั้งหมด บอยรู้ไหมอ่ะ ว่าเพราะอะไร” ผมถามบอย ดูบอยจะตกใจเล็กน้อย
           “เออ..บอย ไม่รู้อ่ะแจ็ค” บอยพูด
           “อืม..ช่างมันเถอะ ต่อไปนี้คนที่จะดูแลบอยคือแจ็คนะ เข้าใจไหมครับที่รัก” ผมพูดกับบอย บอยพลิกตัวมามองหน้าผม
          “น้ำเสียงแบบนี้ ..นี้คือห้ามเข้าใกล้ดิวใช่ไหมครับ” บอยรู้ทันผมอีกแล้ว เกาหัวแก้เขิน
            “ทุกคนเลย แจ็คหึง” ผมพูดทำให้คนที่ผมกอดเขาไว้จากด้านหลังหันหน้าหนีเพราะเขินอายละซิ ผมก็ซบจมูกเรียวแหลมลงที่ตรงซอกคอขาวนวลของบอย ผิวที่หอมมากโดยไม่ต้องใส่น้ำหอม ผิวพรรณที่นุ่มราวกับผิวเด็กแรกเกิด แต่รอบนี้รู้สึกมีน้ำมีนวลขึ้นจนผิดหูผิดตา หรือว่าไปกินพวกวิตามินมาน่ะ พอเริ่มได้ซุกไซ้มันก็ยากที่จะหยุดแค่นี้
            “แจ็คอย่า!!บอยว่าเรานอนเถอะน่ะ นะครับ” บอยห้ามผม ผมพยักหน้าเบาๆ ก็ได้ แต่ก็แอบเสียดาย ไม่ได้เจอกันตั้งสามปีและตอนนั้นก็ครั้งแรกของผมกับเขา ผมก็อยากรื้อฟื้นความหลังอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องอดใจเอาไว้ก่อน เอาน่ะยังมีวันอื่นต้องจัดการให้ได้ ผมยิ้มให้บอย ผมจับมือบอยให้มากอดผมเอาหัวมาหนุนที่ไหล่ผมด้วย เรานอนกอดกัน เหมือนที่ผมกับเขาเคยทำด้วยกันเมื่อสามปีก่อน

         TBC...

หัวข้อ: รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง) EP.10(ดิวXแอ้) NC ครั้งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 31-12-2023 20:59:40
EP.10(ดิวXแอ้) NC ครั้งแรก

                 Part’ s ติ๊ก ผมยืนดูภาพถ่าย ผมสามคน มีแอ้ ดิวและผม ถึงจะมีพวกแจ็ค พายแต่ว่าสองคนนี้ก็ไม่ได้อยู่กับผมสามคนตลอด เมื่อก่อนดิวมันก็อยู่ที่กรุงเทพ แอ้ด้วยเหมือนกันแต่ว่า ยิ่งตอนที่บอยมาอยู่กับพวกผม แจ็คมันติดบอยมาก ตอนนั้นพี่โจ ก็มาพักกับแจ็ค พี่ๆ ก็สนิทกันมาก พี่ตุ๊ พี่โจ พี่อ้นและพี่ดิม พอเข้าสู่วัยรุ่นก็พากันเที่ยว สนุกสนานและทำหน้าที่พี่ชายดูแลพวกผม ตอนนั้นพวกผมงานเยอะมาก ไปเที่ยวกันทุกวันหยุด ผมจำได้ดี แต่มันก็เปลี่ยนไปตอนที่บอยหายไป แจ็คมันเฮิร์ทมากและคนที่อยู่ข้างมันคือผมเองและตอนนั้นดิวกับแอ้ เริ่มเข้าไปในค่ายทหาร ด้วยเหตุผลดิวกับแอ้ต้องไปช่วยลุงภาและแอ้ก็ต้องไปเตรียมพร้อมหลายๆ อย่างกับอาภีมและนั้นก็เริ่มทำให้ผมกับทั้งคู่ห่างกันและสุดท้ายผมก็ตัดสินใจไปเข้าวงการ งานที่ลุงหนึ่งประกาศห้ามใครทำแต่ผมทำ
         “แอ้ ตกลงมึงยังไง” ผมหันไปถามแอ้ ตอนนี้พายเข้าไปอาบน้ำ พายมันอาบน้ำนานมากและนี่ผมก็ไปลากแอ้มาจากห้องไอ้ดิวเพราะผมรู้ว่ามันต้องเอาเวลานี้พลอดรักกันแน่ๆ
         “อะไรของมึงติ๊ก” แอ้หันมาถามผม แอ้มันเอาหนังสือมานั่งอ่านด้วย
         “มึงกับไอ้ดิว” ผมถามแอ้ แอ้มันมองหน้าผม
           “ทำไมว่ะ มึงไม่บอกความจริง มึงปิดอะไรวะ มึงมีอะไรที่ปิดบังอยู่ใช่ไหมวะ ว่ามึงกับไอ้ดิวมันไปถึงขั้นไหนกันแล้ว บอกมาดิวะแอ้!” ผมถามแอ้ ผมว่ามันมีบางสิ่งที่ปิดบังอยู่ ผมเคยได้ยินพ่อผมพูดเรื่องแอ้ พวกผมเกิดมาจากการแพลนให้ใครสักคนมาเป็นผู้นำองค์กร พ่อผมคุยกับลุงสามแฟนพ่อ ว่ามีหนึ่งคนที่ลุงหนึ่งไม่ให้ขึ้นเด็ดขาด คนนั้นคือแอ้ ผมอยากรู้ว่าทำไม ส่วนผมเอง ผมไม่เอาอยู่แล้ว ให้ไปนั่งสวมหัวโขนทำตามที่เขาสั่ง ผมทำไม่ได้ ไอ้แอ้นี่ซิ ผมอยากรู้ว่าทำไม ไอ้แอ้มันมีอะไรที่พวกผมไม่รู้อีก
           “ยังมีความจริงอะไรที่กูต้องปิดอีกละติ๊ก” แอ้ถามผมกลับ
           “ความจริงคือ มึงคือใครวะ” ผมถามแอ้ แอ้มันวางหนังสือการ์ตูนมันลงทันที
            “มึงหมายความว่าไง กูคือใคร กูก็คือลูกพ่อภีม อาของมึง มึงจะสงสัยอะไร กูเองยังไม่เห็นสงสัยเลย” แอ้มันพูด
           “กูว่ามีอะไรมากกว่านั้น กูได้ยินพ่อกูพูดเรื่องมึงกับลุงสาม” ผมพูด แอ้มองหน้าผมมันตกใจหรือว่ามันกำลังร้อนตัวกันแน่
           “กู…” จังหวะนั้น พายออกมาพอดี น่าแปลกที่วันนี้พายมันอาบน้ำเร็วกว่าปกติ
          “มึงจะกัดจิกอะไรแอ้มันอีกว่ะ” พายถามผม ผมหันไปมองพาย
          “ไม่ได้ทำอะไรนิ “ผมพูด พายมองผมแบบไม่เชื่อ
          “ทำไมวันนี้อาบน้ำเร็วอ่ะ ปกตินานมาก “ผมถามพายกลับ
          “กูไม่อยากพลาดอะไรดีดีไปมั้งเลยรีบ “ พายพูด ผมหันไปเบ้ปากใส่ทันที
          “งั้นกูอาบน้ำก่อนน่ะแอ้ มึงอาบทีหลังแล้วกัน “ ผมพูด แอ้มองหน้าผม
           “อ้าว! ที่ไปเรียกมันมาจากห้องมัน เพื่อมานั่งรอมึงอาบน้ำเหรอ ทำไมไม่ให้มันอาบก่อนค่อยมาว่ะ มึงบ้าป่ะเนี่ย อีคุณติ๊ก!!” พายพูด ผมหันไปมองหน้ามันทันที
           “ทีหลังถ้ามึงจะเรียกอี ไม่ต้องเติมคุณนำหน้าชื่อกูหรอก อีพายเน่า” ผมพูด
           “อีนี่นี้ เรียกกูพายเน่าเลยเหรอ” พายมันก็ไม่ยอมผม
           “พอได้แล้ว จะทะเลาะกันทำไมเนี่ย” แอ้มันห้ามผมสองคน
          “มึงไปอาบน้ำไป กูจะได้จัดของมึงต่อ กูง่วง อยากนอนแล้ว” แอ้พูด ผมหันมามองหน้ามัน อยากนอนแล้ว
          “วันนี้ นอนนี้น่ะ “ผมพูดแอ้มันสะบัดหน้ามามองหน้าผม
          “เตียงมันไม่ได้แคบมากและที่สำคัญเตียงนอนมึงอ่ะ ยังมีของอยู่ นอนกับกูนี่แหละ” ผมพูด พายมันมองบนใส่ผมทันที
         “กูอยากรู้จริงๆ ตอนที่เขาแพลนน่ะ เขาใส่ข้อมูลอะไรให้มึงผิดหรือเปล่าวะแอ้ คือว่าให้มึงเกิดมาพร้อมกับเจ้ากรรมนายเวร” พายพูด ผมหันไปหยิบหมอนปาใส่คนปากดี
          “มึงก็ไม่ต่างกัน กูเดาว่าเขาไม่ได้ใส่แค่โครโมโซมที่ทำให้มึงเป็นเด็กอัจฉริยะอย่างเดียวแต่ดันพูดมากและปากเสียแถมมาด้วย อีบ้า” ผมพูดก่อนจะรีบเข้าห้องน้ำไป อีพายจะได้ด่าไม่ทัน ผมเข้าไปอาบน้ำ วันนี้ตั้งใจอยากจะแช่น้ำในอ่างยี่ห้อดังที่พ่อสั่งตรงมาให้ เอาใจผมกับพาย
            ใช่ครับผมหลอกไอ้ดิวมัน ผมเห็นสายตาไอ้ดิว มันรักและเป็นห่วงแอ้ ทั้งที่เขาไม่ให้มันเลือกแอ้ด้วย ตกลงแอ้มันคือใครกันแน่และนี่ผมมักจะเห็นมันทานยาอะไรแปลกๆ ผมว่าจะเก็บเอาไปให้พี่เต้ที่เป็นกำลังจะจบเภสัชกรเอาไปดู จะได้รู้ ว่าแอ้มันกินเพื่ออะไร กินทำไม แต่ไม่มีโอกาสสักที
****

           Part’ s แอ้ ผมนั่งรอติ๊กอาบน้ำพร้อมกับจัดข้าวของให้ติ๊กไปด้วย สิ่งที่ติ๊กถามผม ผมเองก็ไม่รู้แต่ว่าผมกลับไม่อยากหาคำตอบ ผมกลัวสิ่งที่ผมเองไม่อยากรู้ ผมไม่อยากรู้ว่าผมคือใคร ผมรับไม่ได้ถ้ามันเป็นคำตอบที่อาจจะทำให้ผมกับดิว ไม่ควรคู่กันจริงๆ ผมอยากเป็นลูกพ่อภีม อันนี้ที่ผมต้องการจะรู้แค่นั้น
           “แอ้ มึงอย่ายอมไอ้ติ๊กมันหนักเลยมึง ขัดมันบางเถอะ เดี๋ยวมันจะนิสัยเสียไปกว่านี้” พายพูด
          “กูแค่ไม่อยากให้มัน” ผมพูด
          “มันกำลังตามหาความจริงอะไรของมึงอยู่ใช่ไหมวะ” พายถามผม ผมหันไปมองพาย แสดงว่าพายก็รู้อย่างนั้นเหรอ
          “ก็ไม่ได้อยากรู้น่ะ พายเข้าใจว่าแอ้รู้สึกยังไง แต่มันบังเอิญได้ยินจากที่พ่อคุยกับป๊าสี่ “พายพูด ผมหันมามองพาย ทุกคนมักจะได้ยินจากลุงสามหรือลุงสี่ แต่ผมไม่เคยได้ยินจากปากพ่อผมเลย พ่อไม่เคยปริปากเรื่องพวกนี้
           “อย่าไปคิดมากเลย กูว่าไม่มีอะไรหรอกแอ้ “พายพูด ติ๊กออกมาจากห้องน้ำพอดี พายพยักพเยิดกับก่อนจะกลับไปที่โซนตัวเอง ห้องนี้เขาแยกโซนให้เหมือนกับหอพักนักเรียน ติ๊กมองผมก่อนจะมองของที่ผมจัดเก็บไว้ให้เข้าที่เข้าทางระเบียบเรียบร้อย
           “ไปอาบน้ำดิแอ้” ติ๊กบอกผม ผมพยักหน้าพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไป
           “ทำไมมึงไม่ให้มันอาบน้ำในห้องน้ำในห้องนอนของมันละ” พายถามติ๊กขณะที่ผมกำลังเดินเข้าห้องน้ำ
           “มันจะได้อาบน้ำด้วยกันอย่างนั้นเหรอ” ติ๊กถามพาย ใช่ ผมกับดิวอาบน้ำด้วยกันบ่อย และการมาแบบนี้ ผมกับดิวคงไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งที่ผมตั้งใจ อยากจะเก็บความทรงจำดีดีก่อนที่ผมจะไปจากดิวและผมเองก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาหาดิวไหมผมกลัวว่าความรักของผมกับดิวจะเหมือนกับพ่อภากับพ่อภีมแต่สุดท้ายทั้งคุ่ก็ลงเอยกันได้ แล้วผมกับดิวล่ะ ผมกลัวจะหนักกว่านะซิ

          ผมอาบน้ำพร้อมกับความคิดมากมายอยู่ในหัวผม ทำไมใครก็ได้ยินสิ่งที่ผมไม่เคยได้ยินเลยจากปากพ่อภีมหรือว่าผมเองที่ไม่อยากได้ยินกันแน่ ว่าผมคือลูกพ่อภีมจริงๆ ใช่ไหม ผมคิดวนไปวนไปจนกระทั่งผมอาบน้ำเสร็จก็รีบแต่งตัว ออกมาก็เห็นติ๊กมันนอนอยู่บนเตียง ส่วนพายน่ะหลับไปแล้ว พายนอนโดยมีผ้าปิดตา
          “พายมันไม่ชอบนอนที่มีแสงสว่างมากและกูก็รอมึงอยู่ จะได้ปิดไฟ” ติ๊กบอกผม ผมพยักหน้า ผมเดินไปเตียงนอน ถามว่าไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่ มันก็จะไม่ค่อยสบายสำหรับผมและติ๊กแต่ว่าติ๊กมันก็พยักพเยิดให้ผมนอนลง ติ๊กก็ปิดไฟ สั่งจากมือถือ

            ผมล้มตัวลงนอน ผมหันไปมองติ๊ก ผมกับติ๊กสนิทกันแต่ว่าไม่เคยนอนเตียงเดียวกันมาก่อน ต่อให้ไปเที่ยวกัน มันเมามากแต่ผมไม่เคยเมาและผมก็พามันกลับบ้านทุกที ส่วนผมก็เดินไปนอนที่บ้านตัวเอง มีครั้งนี้แหละที่ผมได้นอนเตียงเดียวกัน ผมล้มตัวลงนอนเบาๆ ติ๊กมันนอนแล้วและทำท่าจะหลับ ไม่นานติ๊กก็หลับไปแล้ว ผมสังเกตจากการหายใจที่สม่ำเสมอ แต่ผมซิยังนอนไม่หลับเลย คำถามที่ติ๊กถามผมนั้น มันเป็นคำถามที่ผมหลอกตัวเองมาตลอดว่าไม่อยาก พี่แอร์ยังเคยพูดเลยว่าผมมาทีหลังแต่ทำไมได้ทุกอย่างจากพ่อภีม
           “แอ้” ผมนอนพลิกไปพลิกมาเพราะว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวสักเท่าไหร่และจู่ๆ ก็มีคนเรียกชื่อผม ผมกระดกศีรษะขึ้นมอง คนนั้นคือพาย พายเปิดผ้าปิดตาขึ้น ผมคงดิ้นจนพายรู้สึกแต่น่าแปลกที่ติ๊กไม่รู้สึกเลยหรือว่ามันหลับลึก
           “แอ้ มึงนอนไม่สบาย กลับไปนอนห้องมึงเถอะ “พายลุกขึ้นมานั่ง พายบอกผม ผมก็ลุกขึ้นมานั่งเช่นกันพร้อมกับหันไปมองติ๊กคนที่นอนหลับสบายแต่ผมซิ หลับไม่สบายเลย ทั้งที่ในหัวก็มีเรื่องและที่นอนก็แคบและที่สำคัญ ผมไม่เคยนอนกับคนอื่นเลยนอกจากดิวแต่ถ้าให้เลือกนอนคนเดียวสบายตัวกว่าเยอะเลย
            “ไปเถอะ ไอ้นี่หลับแล้วหลับเลย ถ้าตื่นมางี่เง่ากูจัดการเอง” พายบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น อย่างเบาที่สุดเพราะกลัวมันตื่น ผมหันมายิ้มให้พาย ผมเดินออกไปช้าๆ พร้อมกับปิดประตูลงอย่างเบามือที่สุด

          ผมกลับเข้ามาในห้องนอนที่ผมควรจะนอนกับดิวแม้เตียงจะแยกกันไปคนจะฝั่งก็ตาม ผมเดินไปมองคนที่หลับคาหนังสือ ที่เขาต้องอ่านเพื่อเตรียมตัวสอบแพทย์ ดิวคือความหวังองค์กรอีกคนเช่นกันเท่าที่ผมรู้เขาคือคนที่ถูกเลือกและถ้าดิวได้ ผมเชื่อว่าองค์กรนี้จะอยู่รอด ดิวเป็นคนมีความสามารถ ผมไม่อยากเก็บดิวเอาไว้แบบนี้ ดิวก็คู่ควรกับบอยที่สุด ส่วนผมนั้น ผมไม่รู้เหตุผลว่าทำไม เขาสั่งมาแล้วว่าดิวเลือกใครก็ได้ที่ไม่ใช่ผม ถ้าเป็นผมดิวอาจจะเดือดร้อน
        “หมับ” จู่ๆ มือของดิวก็คว้าข้อมือของผมไว้ได้แม่นยำ ขณะที่ผมกำลังจะดึงหนังสือออกจากอกของดิวและจัดท่านอนให้มันใหม่เชียว ผมคิดในใจมันนอนหลับคาหนังสือแบบนี้มันไม่ดี มันไม่ถูกลักษณะการนอนที่ถูกต้อง
         “ตุบ!! “และร่างของผมถูกดึงให้ลงไปนอนทาบทับคนที่นอนอยู่ นี้แสดงว่าแกล้งหลับ
         “ดิว กูนึกว่ามึงหลับ” ผมพูดพร้อมกับพยายามจะยันตัวขึ้นแต่ก็โดนคนเบื้องล่างกอดยึดเอาไว้แน่น
          “จะหลับได้ยังไงอ่ะและนี่ดิวก็นอนรออยู่ รู้ว่าต้องกลับมานอน เพราะ…” ดิวพูดและยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม
          “เพราะอะไร” ผมถามกลับ
         “คิดถึงดิวไง เชื่อดิว่านอนไม่หลับหรอกน่ะ” ดิวพูด รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบายแต่ว่ามันก็ได้ผลกับผมทุกที
          “เหรอ?” ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และทำท่าจะลุกขึ้นอีก
          “ไม่ปล่อยให้ไปแล้ว นอนนี้เลย” ดิวพูดพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง
           “ก็จะนอนไงแต่จะ” ผมบอกดิวพร้อมกับกวาดตาไปรอบๆ นี้มันวางของเอาไว้บนเตียงนอนผมเต็มไปหมดเพื่ออะไรเนี่ย
           “ไม่ให้ไปไหนแล้ว นอนตรงนี้เลย เห็นไหมมีกระเป๋าวางอยู่น่ะแอ้ “ดิวพูด ดิวหยักคิ้วให้ผม นี่แสดงว่ามันวางแผนเอาไว้หมดแล้ว ทำไมชีวิตผมเจอแต่คนชอบวางแผน มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น ที่มักจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น
           “เจ้าเล่ห์ว่ะ” ผมพูดแต่ก็แอบยิ้มในความเจ้าเล่ห์ของดิว
          “มีหัวคิด นอนนี้เลย อยากกอด เตียงเดียวกันนี่แหละ “ดิวพูดพร้อมกับขยับตัวให้ผมนอนลงข้างๆ
          “เมื่อคืนมึงก็กอดดูทั้งคืนแล้วน่ะ” ผมบอกดิวก่อนจะมาก็แอบหาเรื่องไปค้างที่บ้านดิวมานั่นแหละ
          “จะกี่คืนก็อยากกอด “ดิวพูด
          “ยอมไหม” ดิวถามผม สายตาที่ดุดันคู่นั้นแต่ว่ามันกับสะกดให้ผมยอมอ่อนให้ทุกที
          “ยอม” ผมพูดและก็ทิ้งตัวลงนอน ดิวก็กอดผมจากด้านหลังและซุกจมูกลงที่ซอกคอของผม มันทำให้ขนผมลุกซู่ขึ้นมาทันที ทำไมเรื่องแบบนี้ผมไว้จังก็ไม่รู้ ติ๊กทำผมยังไม่รู้สึกอะไรเลยแปลกมาก แต่กับดิวไม่ได้เลย มันไวไปทุกส่วนแม้กระทั่งตรงนั้น
         “อุ้ย! สู้ด้วย” ใช่ครับไอ้ดิวมันคลำของสงวนของผม จับมือมันออกทันที
         “ไอ้ดิว มึงจะนอนไหม” ผมเอ็ดดิวแก้เขิน ถึงผมจะมีลูกมดแต่ก็ยังมีตรงนั้นอยู่ มันทำให้ฮอร์โมนผมมันไม่สมำเสมอ ผมต้องเทคฮอร์โมนเพื่อปรับสมดุลทุกวันเช่นกัน
         “คิดว่าจะนอนไหมล่ะ ถ้าไม่ทำให้สงบเพราะอันนี้ก็สู้” ดิวกระซิบที่ข้างหูของผม จริงครับ เสากระโดงมันดันหลังผมอยู่จริง
         “ไอ้หื่น “ผมหันไปต่อว่ามัน ยังมาทำหน้าตาเซ็กซี่ใส่ผมอีกนะ คิดในใจคงไม่รอดอ่ะผมน่ะและดิวก็ดันร่างผมให้นอนลงโดยที่ดิวเปลี่ยนเป็นขึ้นมาคร่อมผมแทน มือทั้งสองข้างถูกจับขึงเอาไว้ ผมก็มองไอ้จอมหื่นของผม
          “อีกแล้วเหรอดิว” ผมถามดิว
         “น่ะแอ้ มันมาแล้วอ่ะและที่ตื่นแบบนี้ก็เพราะเจอแม่แอ้ ลูกของแอ้เลยตื่นมางอแง ปลอบหน่อยน่ะจะได้หลับ” ดิวพูด ผมก็คงต้องยอมแหละ
         “เดี๋ยว! ดิวพ่อบอกไว้ว่าไง มึงนี่ลืมตลอด” ผมเตือนไอ้ดิว
         “มีถุง “ดิวพูดและเอื่อมมือไปหยิบเพราะว่ามันถูกซ้อนเอาไว้ในหนังสือที่มันอ่านค้างไว้อยู่ ดิวหยิบออกมาแกะและดิวมันก็จัดการดึงกางเกงชุดนอนมันลงไปถึงหัวเข่า ผมเห็นเต็มๆ สองตาเลยว่ามันพร้อมมากที่จะรบกับผมแล้ว แอบคิดในใจ ขยันรบเหลือเกิน
          “ไม่ต้องกลัว เห็นแบบนี้น้องสุภาพนะ” ดิวพูดผมก็หยิกไปที่ไหล่ดิว ดิวสวมเกาะปล่องกันเรียบร้อยก็จัดการของผมบ้าง
          “ให้เล้าโลมก่อนไหมหรือขึ้นชกเลยดี” ดิวถามผม มีให้ผมเลือกด้วยน่ะ ผมมองไอ้ดิว ไอ้นี่ว้อนซะแล้ว ว้อนถูกแม่แอ้ตีเข่าซะแล้ว
           “ถ้าเปลี่ยนมาเป็นกูเสียบมึงเลยมึงจะเอาไหมล่ะและนี้มันก็รอบสองแล้วน่ะดิว มึงหื่นว่ะ” ผมพูดต่อว่ามัน
           “แค่อยากได้ผลโหวตและดิวก็รู้ว่าเมียก็วอนทฺไม่แพ้กับดิวหรอกดูซิ สู้ดิวน่าดู อืมมม “ดิวพูดและค่อยไล่ลิ้นที่ซอกคอของผมก่อน มันทำให้ผมนี่อ่อนหยวบไปเลยแถมยังโอนอ่อนผ่อนตามทุกการเล้าโลมของดิว
           “นี้ขนาดทำท่าจะไม่ยอม ดูซิ แอ่นสู้ศึกขนาดนี้ ..อืมม...” ดิวพูด ก็มันลงลิ้นไปตามแผ่นอกแบนราบของผมและใช้ปลายลิ้นที่ตวัดเล่นกับสองจุดของผม มันเล่นปลุกเร้าซะขนาดนั้นใครจะไปนอนแข็งทื่ออยู่ได้
          “โอ้ววว!!” ผมร้องครางไปพร้อมกับร่างที่ดิ้นส่ายไปมาอยู่ไม่สุข ดิวเริ่มไล่จูบลงไปจนต่ำกว่าท้องนอนผมแล้วและทุกอย่างก็ดำเนินการไปตามที่ควรจะเป็น มันไม่ใช่ครั้งแรกของผมและดิว แต่ผมไม่เคยลืมครั้งแรกที่เราสองคนได้เสียและครั้งนั้นทำให้ความลับในตัวของผมเผยออกมาด้วย ดิวเร้าโรมไม่นานก็เปลี่ยนเป็นให้ผมนอนล่างและดิวก็ขึ้นไปอยู่บนตัวผมแต่ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งหมด สิ้งนั้นสอดใส่เข้าสู่ช่องแคบ อย่างช้าๆและไปจนสุด
          “ปึกๆ”เสียงกระแทกของดิวแต่ดิวก็เอามือดันหัวเตียงเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้เตียงกระแทกข้างฝา ไม่ถึงสิบนาทีก็เรียบร้อย ผมก็รู้สึกถึงจุดสุดยอดแต่แปลกที่ผมไม่ได้มีบางสิ่งที่เรียกว่าน้ำกามออกมาจากตรงส่วนนั้นที่เรียกว่าความเป็นชาย มันอาจจะใช้งานไม่ได้จริงๆก็ได้
         “ฟู่ !! เสียงดิวพ่นลมหายใจออกมายาวก่อนจะนอนแผ่หลาลงข้างๆผม ดิวหันมามองหน้าผม ผมก็มองหน้าดิว ดิวใช้แขนโอบผมเข้าไปกอด พร้อมกับหอมที่หน้าผากของผม ดิวน่ะดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ทั้งความรับผิดชอบ เขาเริ่มตั้งแต่เขารู้ว่าเขาจะเป็นพ่อ ดิวเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากพ่อมากขึ้น ผมนี่อยากให้เขาเป็นหมอบ้านมากกว่า ผมไม่อยากให้เขาไปเป็นแพทย์ทหารเลยจริงๆ
          “ดิวรักแอ้น่ะ รักมาที่สุดและลูกๆของดิวก็รักแอ้มากที่สุดเช่นกัน ดิวพูด มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมกับดิวพลาดและผมก็ตั้งครรภ์ ตอนนั้นผมเองไม่อยากจะคิดเลยว่าผมจะทำได้ ผมพึ่งจะสิบสี่ย่างสิบห้าปีเองด้วยซ้ำและนั้นก็ทำให้ผมที่ไม่เคยรู้ว่ามีบางสิ่งที่ผิดปกติในช่องท้องของผม ทุกทีที่มีปัญหาพ่อภาจะเป็นคนดูแลผม ผมเลยคิดว่าคงแค่ป่วยเฉยๆ แต่ที่ไหนได้นั้นคือมดลูกของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในกายของผม ผมอาจจะมีรากฐานมาก่อนแต่ว่าผมต้องเอาของเก่าออกและมีของใหม่เหมือนการปลูกถ่ายอวัยวะแต่ว่ามันไม่ควรมาอยู่ในร่างกายผู้ชายอย่างผม

           ย้อนไปเมื่อ สีปีก่อนหน้านี้ ผมเพิ่งจะย่างสิบสามปีย่างสิบสี่ปีพร้อมกับดิว ตอนนั้นติ๊กจะห่างๆ พวกผมหน่อยเพราะว่า ติ๊กเริ่มเข้าวงการบันเทิง เริ่มเล่นหนัง เล่นละครและถ่ายแบบ แต่ก่อนหน้านี้ผมสามคนตัวติดกันมากแต่ก่อน ผมนะพยายามจะไม่ให้ติ๊กรู้ว่าผมกับดิว เราสองคนมีความรู้สึกอะไรพิเศษต่อกัน เพราะผมก็รู้สึกว่าติ๊กมันก็มีให้ดิวเช่นกันแต่ดิวนะเขาแสดงกับผมย่างชัดเจน จนผมนี้ต้องคอยปรามไว้ตลอด เฉพาะต่อหน้าติ๊ก

            “ดิวแอ้ เดี๋ยวพ่อกับพี่ดิมมาน่ะ อยู่บ้านกันดีดีน่ และดิว อย่าเล่นเกมมากนะ เราควรจะอ่านหนังสือบ้างใกล้จะสอบแล้ว” พ่อภาณุเดชบอกผมสองคน วันนั้น ผมไปอยู่บ้านลุงภา แต่ก็เหมือนเช่นทุกครั้งที่พ่อผมไปราชการและได้ฝากผมไว้กับลุงภาในค่ายทหารแห่งหนึ่ง ลุงภาดูแลค่ายและโรงพยาบาลที่นั่น ตอนนั้นพี่ดิมกำลังเป็นหมอเอ็กเทิร์นปีแรก ก็จะติดตามพ่อภาไปออกหน่อยบ่อยเพราะพี่ดิมนะเป็นทั้งหมดและทหาร ผมจำได้วันนั้นเราเข้าไปที่บ้านพักอุทยานต์ ผมกับดิวก็ขนเกมไปด้วยพ่่อบอกว่าพ่ออาจจะยุ่งทั้งวัน
           “ครับพ่อ “ดิวหันไปตอบพ่อ และหันมาหยักคิ้วกับผมอย่างมีเลศนัยอะไรบางอย่าง ผมยังคงอินโนเซนต์ที่จะเข้าใจอะไรง่ายๆหลังจากที่พ่อของดิว ลุงของผมออกไปผมก็ลุกไปหยิบพวกน้ำอัดลม ขนมมานั่งดูไอ้ดิวเล่นเกมและกะว่าจะอ่านการ์ตูนสแลมดังก์ที่ผมชอบ ผมชอบตัวเองเพราะว่ามันเหมือนไอ้ดิวแต่ต่างกันที่ดิวนะมันเก่งฟุตบอลไม่ใช่บาสเกตบอลแต่ก็ลูกบอลเหมือนกัน
           “โอ๊ะ โอ๊ะ...โอ้ว “เสียงที่ดูแล้วทำให้ผมขนลุกดังมาจากในห้องที่ผมนั่งดูดิวเล่นเกม เสียงเกมอะไรของมันนะ ผมคิดในใจ พอผมเดินเขาไปก็ต้องยืนตะลึง เป็นวิดีโอหนังโป้ มีคนสองคนที่กำลังมีเซ็กส์กันบนจอทีวีจอใหญ่ มันเห็นชัดมาก ไอ้ดิวที่นั่งดูไปก็หันมามองผมไปด้วยเหมือนอยากรู้ว่าผมจะรู้สึกยังไง (เขินแทนคู่นั้นเขาครับที่ผมรู้สึก)
          “แอ้มาดิ “ดิวมันหันมาเรียกผม ที่ยืนอึ้ง
         “ไอ้ดิวมึงบ้าเปล่า นี้มึงยังไม่ควรดูหนังแบบนี้น่ะ” ผมต่อว่ามัน
         “แต่ถ้ามึงจะดูกูไปล่ะ” ผมพูดและทำท่าจะหันหลังหนีแต่ มีคนวิ่งมาคว้าตัวผมไว้ซะก่อน
         “รีบไปไหน ทำไมอะ ทนดูไม่ได้เหรอ “ดิวถามผม
        “มึงคิดว่าเราควรแบบนี้เหรอวะ กูไม่น่ามาอยู่กับมึงเลยว่ะ” ผมพูด ไอ้ดิวมันกลับยิ้มกริ่มชอบใจยังไงชอบกล
         “ก็แค่อยากรู้ว่าถ้าดูจะมีความรู้สึกยังไงตามคลิปไหม “ดิวถามผม
         “ก็เห็นบอกว่าไม่ได้ชอบกูเพราะกูเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่เห็นจีบผู้หญิงที่ไหน งั้นลองนั่งดูด้วยกัน ถ้าไม่ได้ชอบจริงๆ มันก็จะเฉยๆ ไม่รู้สึกอะไรปะแอ้ นี้มันแค่หนังโป้เอง “ดิวพูด ผมหันไปมองหน้ามัน ยังไง
         “ถ้าไม่อยู่ดูแสดงว่ารู้สึกตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาแล้วเลย” ไอ้ดิวมันดูถูกผมนิ
         “เออ ดูก็ได้” ผมพูดและเดินไปนั่งข้างๆ มัน ใจก็กลัวๆ กล้าๆ ไม่ใช่เพราะวิดิโอแต่เป็นเพราะมันนี้แหละที่ผมคิดมาตลอด แต่ผมก็มีเหตุผลที่ผมปฏิเสธมันตลอด เอาวะทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ ต้องเก็บอาการไม่แสดงให้ดิวมันรู้ว่าจริงๆผมรู้สึกกับมันมาตลอดไม่ต้องพึ้งหนังโป้มาช่วยหรอก แต่นี้ไอ้ดิวมันท้าผมอ่ะ
   TCB …
หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง) EP.10.1(ดิวXแอ้)NCครึ้งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 01-01-2024 14:08:16
รักวุ่นวายฯภาค แอ้Xดิว EP.10.1 NC ครั้งแรก(ครึ้งหลัง)

          Part's แอ้  ผมนั่งดูหนังโป้ที่ไอ้ดิวมันเปิดไปได้สักสิบนาที ผมเริ่มรู้สึกว่าเริ่มมีมือไต่มาที่ต้นขาผม มันค่อยเลื่อยขึ้นมา ขึ้นมาจนเกือบจะถึงเป้ากางเกงของผม ผมรีบคว้ามือมันไว้ ผมก็สวมกางเกงกีฬาซะด้วยขามันก็บานๆ ผมไม่ได้ชอบบาสเกตบอลแต่ผมชอบพระเอกไงเลยใส่ ผมหันขวับมาที่ไอ้ดิว

        “ดิว มึงจะทำอะไร” ผมถามไอ้ดิวเสียงหลงด้วยความตกใจ

       “ก็รู้อยู่ “ดิวพูดสายตามันเยิ้มมากเลยในตอนนี้

       “ไม่เอา กูไม่ดูแล้ว” ผมพูดแต่ช้าไปที่ผมจะลุกขึ้นดิวมันดันผมลงไปนอนและมันก็รวบแขนผมไว้เหนือหัวทั้งสองข้าง และมันก็ขึ้นคร่อมผมไว้พร้อมกับไซ้ลงมาที่ตรงซอกคอของผมอย่างหื่นกระหาย

        “อย่านะไอ้ดิว “ผมร้องห้ามมันแต่ไม่เป็นผล มันก็ยิ่งกระทำหนักขึ้น

          “แอ้ กูรักมึง กูรักมึงมาก” ดิวเอาแต่พูดคำนี้ว่ามันรักผมมาก ผมรู้ ผมก็ไม่ได้โง่แต่แค่เก็บอาการไม่อยากให้อีกคนรู้ ผมก็รักมันและผมก็อยากอยู่แบบนี้ ข้างๆ มันมากกว่า ผมแค่กลัวว่าถ้าอีกคนรู้ผมกับมันจะห่างกันออกไปแต่นี้ดูมันทำซิ

“รักห่าอะไรเขาทำแบบนี้ กูยังไม่พร้อมดิว” ผมพูด ผมพยายามห้ามปรามแต่ว่าดิวมันกำลังมากกว่าผม

         “กูอยากให้มึงเป็นของกู คนเดียว พร้อมหรือไม่ค่อยว่ากัน “ดิวพูด ผมผงกหัวมองมัน นี้มันคิดบ้าอะไรของมันเนี่ยะ! ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่ามีคนมาจีบผม เขาเป็นรุ่นพี่ในโรงเรียนผม แต่ผมไม่ได้ชอบเขา เขาเฝ้าตามจีบผมและติ๊กก็เหมือนจะสนับสนุนเขากับผมและอีกคนที่สนับสนุนผมหนักมาก นั้นคือพี่ชายผมเอง พี่แอร์ พี่แอร์เป็นเพื่อนสนิทกับพี่คนนั้นแต่ว่าพี่แอร์เลือกไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนพี่เขาไม่สะดวกเลยตั้งใจว่าจะจบม.6 แล้วค่อยตามไปสอบดีกว่า

           “อุ๊บ “ปากผมถูกปิดด้วยริมฝีปากที่หนานุ่ม ที่กดลงที่ริมฝีปากบางๆ อ่อนนุ่มของผม อย่างหนักหน่วงแต่มันกลับทำให้ผมนี้เคลิ้มจนลืมต่อต้านมือที่ดันอกแน่นๆ ของดิวก็กลับกลายเป็นว่าผมเอามือไปกุมมืออีกคนอย่างแน่นแทน

           เราสองคนกอดรัดฟัดกันอยู่พักหนึ่ง ดิวหยุดนิ่งและร่างผมที่นอนหายใจหอบกับการดูดดื่มที่ยาวนาน ครั้งแรกของผมทุกอย่าง สายตาดิวที่มองผม มันไม่ใช่สายตาหื่นกามแบบในหนังและดิวก็ถอดเสื้อกีฬาตัวเก่งมันออก เผยให้เห็นแผ่นอกที่แน่นไปด้วยมวลของมัดกล้ามแบบนักกีฬานี่มันอายุแค่สิบสามย่างสิบสี่ปีเองนะ ถ้ามันเล่นกีฬาแบบนี้ไปจนโตเป็นผู้ใหญ่ หุ่นมันจะแซ่บขนาดไหน มัวแต่คิดเรื่องหุ่นดิว ผมมารู้สึกอีกทีชายเสื้อผมกำลังถูกเลิกขึ้น ผมกำลังจะขืนไว้

       “ดิว!”

        “ทำตามความรู้สึกตัวเอง รักดิวไหม” ดิวถามผม

          “ดิว...”

        “ดิวรู้ว่าแอ้คิดยังไงกับดิว ดิวขอนะเพราะว่าดิวรักแอ้ รักมานานแล้ว รักมากจนไม่อยากเสียแอ้ให้ใคร เป็นของดิวน่ะ “ดิวพูดกล่อมผมแล้วผมจะปฏิเสธเหรอ



        ผมก็ยอมให้เสื้อกีฬาตัวนั้นถูกเลิกขึ้นและถอดออกไปจากเรือนร่างของผม และดิวก็ก้มลงพรมจูบไปทั่วเรือนร่างที่ปราศจากเสื้อมาปกปิด นี้คงเรียกว่าสัญชาตญาณซินะ ทั้งที่ไม่เคยให้ใครทำแบบนี้มาก่อน หนังโป้ หนังเอ็กซ์อะไรก็ไม่เคยดู แต่ภาพคนแสดงในทีวีที่ถูกกระทำเหมือนผมหรือผมถูกกระทำเหมือนในทีวีก็ไม่รู้มันเหมือนกันแทบทุกอิริยาบถ มันเร่าร้อน มันรู้สึกโหยหา ร่างกายผมไม่ต่อต้านการกระทำของดิวอีกต่อไป มันสมยอมไปกับการเล้าโลมนั้น

            จนกระทั่งผมรู้สึกเย็นวาบที่ช่วงล่าง ดิวดึงกางเกงผมหลุดไปพร้อมกันทั้งชั้นในชั้นนอก และของดิวก็ไม่อะไรปกปิดเช่นกัน นี้แหละที่พีคมาก มันทำให้ผมตาโตเมื่อเห็นเจ้าโลกอันมหึมา ใหญ่เกินตัวไปไหม ไอ้ดิว ผมถึงกลับกลืนน้ำลายลงคอ ดิวก็ทำการจับขาผมตั้งและแยกออก ผมมัวแต่ตกใจขนาดแต่ก็ยังพอมีสติ

           “ดิว ..แอ้กลัว” ผมพูดขึ้นทันที

         “กลัวเจ็บเหรอ” ดิวผม

        “เออ” ผมตอบเพราะว่าแค่นิ้วยังไม่กล้าเลยแต่นี่ของมันใหญ่ขนาดนั้น

         “นี้มีตัวช่วย แอบเอามาจากห้องพี่ดิม “ไอ้ดิวพูดและมันก็หยิบ เควายเจลขึ้นมาและบีบใส่มือ มันก็ป้ายที่ก้นผม เย็นวาบขึ้นมาทันทีและมันก็ชโลมทั่วน้องมันด้วย ไม่น่าจะใช้น้องหรอกเพราะว่ามันโตพอๆ กับไอ้ดิวนั่นแหละ น่าจะเพื่อนรักมันมากกว่า ผมคิดว่าน่ะ

         “มาถึงขั้นนี้แล้วอย่าห้ามเลยนะเพราะดิวหยุดไม่ได้แล้ว “ดิวพูดและผมก็คงต้องปล่อยให้ไปตามเกมของมันเหมือนกันเพราะผมก็หยุดไม่ได้ด้วยเหมือนกัน ผมรีบรู้การสัมผัสช่องทางแคบผมของสิ่งนั้นที่เรียกว่าเจ้าโลก

         “อึบ” ผมเองที่ร้องและหลับตา

         “นิดเดียวแอ้ “ดิวพูดและมันก็ออกแรงดันเข้าไปอีก

        “โอ๊ย!!!ดิว...เจ็บ” ผมร้องเพิ่มระดับความดังขึ้น นิ้วมือจิกลงที่ผ้าปูที่ผมเอามาปูนั่งเพื่อเล่นเกมส์กัน ตอนนี้รู้สึกเหมือนร่างของผมจะฉีกออกจากกัน ผมยังไม่โตเต็มวัยที่จะรับเรื่องแบบนี้ผมคิดว่า

         “อีกนิดเดียวแอ้ ตอนนี้ดิวเสียวมาก น่ะแอ้น่ะ อืมมม ดันยากอ่ะแอ้ โอ้ววว !!! อู้วววว!!!!” ดิวพูดและดันเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ผมนี้กัดปากตัวเองแน่น เพราะรู้ว่าห้ามไปตอนนี้มันก็ไม่หยุดต้องอดทนให้มันไหลลื่นเข้าไปแต่ว่าความรู้สึกคือมันใช้เวลานานเหลือเกิน

          “โอ๊ย!!!! “พร้อมกับร้องออกมาสุดเสียงที่มีเพราะว่ามันเจ็บมาก ตอนนี้หนอนน้อยๆ ของไอ้ดิวแต่มันคับแน่นมาก

           ดิวก้มลงกอดผมไว้และมันก็ยังคงดันต่อเนื่องจนเรียกได้ว่าสุดและมันก็หยุด ผมรู้สึกได้ว่าน้ำตาผมไหลเลยมันเจ็บมากจริงๆ ดิวแช่ไว้แบบนั้น จนสักพักมันรู้สึกความเจ็บค่อยๆ เบาลงและดิวก็ค่อยขยับช้าและเร็วขึ้น ดิวดันลำตัวขึ้นและมองหน้าผม ผมหลับตาพริ้ม มันเคลิ้มไปกับจังหวะที่ดิวมอบให้ เคลิ้มจน ถึงจุดพีค คือดิวเริ่มเร็วขึ้น เร็วขึ้นจนผมสองคนหายใจแทบไม่ทัน ผมมองหน้าไอ้ดิว นี้มันยังไม่สิบห้าเลยน่ะแต่มันทำเหมือนกับว่ามันโตเต็มวัยแล้ว หรือว่าเขาเรียกสัญชาติญาติของมนุษย์ มันจะทำเองได้โดยอัติโนมัติ

            “อ้าห์!!” เสียงร้องของดิวเหมือนได้ปลดปล่อยและดิวมันก็หยุดนิ่ง ดิวมันเกร็งส่วนที่ผ่านเข้าไปในร่างกายผม ผมรู้สึกได้ถึงความอุ่นที่ฉีดพ่นเข้าไปในร่างกายผมและดิวก็หมอบลงทับร่างผมแบบไม่ได้ทิ้งทำหนักทั้งตัว เนื้อตัวของดิวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ดูเหมือนกลับไปวิ่งรอบสนามมาสักสองสามรอบเห็นจะได้ ผมสองคนยังไม่ได้พูดอะไรกัน เพราะความเหนื่อยและมันก็มีความสุขแบบแปลกๆ เหมือนไอ้ระบายอะไรออกไป

          “ดิว” คำแรกที่ออกจากปากผม ผมมองดิว

          “จ๊วบ” ดิวจูบที่ริมฝีปากผม คราวนี้ผมไม่ได้หลบหนี ผมก็จูบดิวกลับซะงั้น

          “ครับที่รัก” ดิวเรียกผมว่าที่รัก ผมได้แต่มองดิวค้างนิ่ง ดิวยังคงยิ้มกริ่มให้ผม ดิวใช้ปลายนิ้วเรียวๆ ของดิวปัดผมที่ลงมาปรกหน้าผากของผมออกไป ดิวก็ใช้ฝ่ามือลูบไล้ใบหน้าของผมอย่างเอ็นดู ดิวจับกุมมือผมมาหอมมาจูบ

          “ดิวรักแอ้ แอ้เป็นของดิวแล้วน่ะ ต่อจากนี้” ดิวพูดกับผม ผมอยากจะบอกว่า ต่อไปนี้ผมอาจจะเจออะไรที่เรียกว่าหนักก็ได้เพราะว่าอีกคนที่ปกติไปไหนมาไหนด้วยกันกับผมและดิว เขาคนนั้นก็รู้สึกกับดิวเช่นกัน ส่วนผมเองก็รู้สึกแต่ก็ไม่อยากทำร้ายอีกคน จึงมักจะบอกว่าผมไม่ได้มีอะไรกับดิวแต่ว่าวันนี้ผมเรียบร้อยไอ้ดิวไปแล้ว

         “แอ๊ด “เสียงประตูถูกเปิด ผมกับดิวยังค้างกันอยู่ และคนที่เข้ามายืนก็อึ้งไปกับสิ่งที่พวกเขา คนที่เขามานั้นก็คือ พี่ดิมและพ่อ ต่างพากันอ้าปากค้างไปพร้อมกัน

        “พ่อ!” ดิวเรียกลุงภาเสียงหลง

        “ดิว นั้นทำอะไรนะ” พ่อทำดิว ด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมาก

        “คือดิว คือ…” ไอ้ดิวตกใจไม่แพ้ผม

        “พ่อ... ดิว… ขอโทษ” ดิวพูดขอโทษก่อนที่จะดึงสิ่งนั้นออกจากร่างผมไป ผมรีบหันไปดึงสิ่งที่พอหาได้มาปกปิดร่างกายตัวเอง เพราะความอาย ปกติผมไม่เคยเปิดเผยส่วนสงวนให้ใครได้เห็น นี้พี่ดิมด้วยแถมเป็นเพื่อนพี่อ้นอีกต่างหาก

        “ดิว..นี้” พ่อถามดิวและเดินตรงเข้ามาหาผมสองคน พ่อมองหน้าผมสองคนสลับไปมา

        “ใช่ครับพ่อ ผมมีอะไรกับแอ้” ดิวตอบลุงภา

        “แต่ดิวรักแอ้พ่อ ดิวรักแอ้และดิวเชื่อว่าแอ้รักดิว เราสองคน”

        “รักกันน่ะพ่อไม่ว่าแต่ดิวไม่ควรทำแบบนี้เพราะว่า!!ดิว!!! “พ่อพูดขึ้นเสียงกับดิว ผมก็เลยคิดว่าคงเพราะว่าเราเปรียบเสมือนญาติพี่น้องกันแน่ๆ

        “และถ้าอาภีมรู้เข้า เขาจะว่ายังไงและเราก็เด็กกันทั้งคู่ ทำแบบนี้จะรู้ไหมว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไงดิว” พ่อภาถามดิว เท่านั้นแหละน้ำตาผมไหลพรูออกมาเลย

        “แอ้ พ่อ ไม่ได้ว่าเรานะแอ้” พ่อหันมาพูดกับผม

        “พ่ออย่าว่าแอ้เลย ผมเองที่ขอเขา เพราะผม ...ผม...”

       “ผมอะไรดิว” พ่อถามไอ้ดิว

         “ผมหึง...ที่มีคนมาจีบแอ้ ผมอยากได้แอ้เป็นของผม ผมรับรองว่าผมจะดูแลแอ้และรักเขาแค่คนเดียว” ดิวพูด

         “มันไม่ใช่แค่นั้นดิว แอ้มีสิ่งที่มากกว่านั้น ดิวอาจจะต้องดูแลสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา” พ่อพูดผมก็เงยหน้ามองพ่อ ว่ามันคืออะไรผมไม่เข้าใจ

          “เอาละ ...ใส่เสื้อผ้าซะทั้งคู่และแอ้ไปชำระร่างกายก่อนแล้วออกไปหาพ่อข้างนอกนะ พ่อมีอะไรจะอธิบายให้ฟัง “พ่อพูดพร้อมกับหันไปทางพี่ดิมให้ออกไปจากห้องนี้ก่อนเช่นกันก่อน

          “พ่อแล้ว” เสียงพี่ดิมถามพ่อ

         “ยังไม่รู้ตอนนี้ดิม ต้องรอดูว่าจะเกิดขึ้นไหม พ่อผิดเองที่ไม่บอกดิว ว่าแอ้เขามีอะไร และนี่มันดูจะเร็วไปอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิด พ่อเองก็ไม่รู้ดิม…” ผมได้ยินพ่อคุยกับพี่ดิมก่อนที่พ่อกับพี่ดิมจะปิดประตูลง

          ผมไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่พ่อกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับผมกันแน่ แต่ตอนนี้ผมเริ่มเจ็บระบบที่ก้นผมมาก ดิวสวมเสื้อผ้าให้ตัวเองและเข้ามาช่วยผมแต่งตัว และพาผมเข้าห้องน้ำเราสองคนชำระร่างกาย สวมเสื้อผ้าและรีบแต่งตัวออกไป พ่อนั่งอยู่ที่โซฟา ผมและดิวเข้าไปนั่ง พ่อหันมามองหน้าผม และดิวสลับกันไปมา

          “ดิม พ่อขอคุยกับน้องเราก่อนนะ” พ่อพูดกับพี่ดิม พี่ดิมที่กำลังทำเอกสารให้พ่อ พี่ดิมก็พยักหน้าพร้อมหอบเอกสารพ่อออกไปด้วย ผมได้แต่นั่งก้มหน้า ผมรู้สึกผิดที่ไม่ห้ามไอ้ดิว

         “พ่อเสียใจสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้นะดิว “พ่อพูด ทำเอาผมน้ำตาไหลอีกครั้ง ผมทำให้พ่อภา ซึ่งผมก็เคารพรักเหมือนพ่อของผมอีกคนผิดยังหวังกับผมสองคนเลย

         “พ่อแต่ผมรักแอ้ ผมก็เคยบอกพ่อไปแล้ว”

         “พ่อไม่ได้ห้ามไม่ให้รักกันแต่ ผิดหวังที่เราสองคนมีอะไรกันเร็วเกินไป” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่ซีเรียสออกไปทางตรึงเครียดพอสมควร

          “ได้ป้องกันไหม” พ่อถามผมสองคน ผมสองคนได้แต่ส่ายหัว เพราะยังไม่รู้จักวิธีป้องกันเลยด้วยซ้ำ

         “เห็นไหม เราสองคนยังไม่รู้เลยอะไรคือเซ็กส์ และมันมีความเสี่ยงอะไรบ้าง ป้องกันยังไงบ้าง “พ่อพูดขึ้น เรื่องจริงมาก ผมสองคนหันมามองหน้ากัน

         “ฟู้!” พ่อพ่นลมหายใจออกมา

         “ถ้าภีมรู้เรื่องนี้” พ่อภาพูดผมเงยหน้ามองพ่อภา ผมไม่อยากให้พ่อภีมผิดหวังในตัวผม

          “พ่อภา อย่าบอกพ่อภีมเลยนะ แอ้ขอร้อง แอ้สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก แต่ลุงภาอย่าบอกพ่อเลยนะแอ้ขอร้อง” ผมขอร้องลุงภา พ่อภาทำสีหน้าหนักใจ

          “พ่อดิวขอรับผิดชอบแอ้ ดิวรู้ว่ามันเร็วไปและผมอายุยังน้อย ผมขอรับผิดชอบทุกอย่าง จะให้ผมไปขอกับอาภีมด้วยตัวผมเองผมก็ยอมพ่อ เพราะว่าผมรักแอ้ ผมรักเขามาก” ดิวพูด เขาออกตังจะรับผิดชอบผม ทั้งที่มันน่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันคือใคร คนที่ถูกเลือกเอาไว้แล้วนี่น่ะ

          “พ่อไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นดิวแต่สิ่งที่พ่อกลัวและกังวลมาก ไม่รู้มันจะเกิดขึ้นไหมนี่ซิ “พ่อพูด ผมสองคนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจพ่อภาหมายถึงอะไร

          “ดิว แอ้นะไม่ใช่แค่เด็กผู้ชายทั่วไป” พ่อพูด ผมหันไปมองพ่อภา

          “เออ ...พ่อหมายถึงอะไรอ่ะ ดิวไม่เข้าใจ” ดิวหันไปถามพ่อภาทันที

          “แอ้นะ มีส่วนที่เป็นของผู้หญิงอยู่ในร่างกาย เขาเรียกว่ามดลูกและมันทำหน้าที่ในการตั้งครรภ์ได้” พ่อพูด ผมสองคนยิ่งงงกันไปใหญ่ ผมเป็นผู้ชายผมก็ยังมีส่วนที่เรียกว่าผู้ชายอยู่

         “แอ้เหมือนคนสองเพศดังนั้น แอ้จึงมีโอกาสท้องได้เหมือนผู้หญิงทั่วไป “เท่านั้นแหละผมตกใจ อึ้งไปพักใหญ่ ผมนี้นะ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย

         “พ่อพูดจริงๆ เหรอ “ดิวถามพ่อภาแต่น้ำเสียงมันกลับตื่นเต้น ผมคิดในใจมันบ้าหรือเปล่า ผมนี้สั่นหัวไปมา ไม่จริงๆ ขอให้มันไม่ใช่เรื่องจริง

           “ใช่ดิวแต่พ่อยังไม่แน่ใจว่ามันจะ พร้อมทำหน้าที่นั้นไหม คงต้องรอลุ้น ถ้าไม่ก็โชคดีไป แต่ถ้ามาละ เราสองคนจะทำยังไง ยังเรียนกันอยู่เลย “พ่อภาพูด ผมหันมมองหน้าดิว อันนี้ผมตันไปหมดคิดอะไรไม่ออกเลย

          “เพราะเหตุนี้พ่อถึงบอกว่า มันเร็วเกินไป” พ่อภาพูดย้ำอีกครั้ง

          “ผมพร้อมจะรับผิดชอบและเลี้ยงเขาถ้าแอ้จะตั้งครรภ์ได้จริงพ่อเพราะว่านั้นคือลูกผมกับแอ้ คนที่ผมรักและเชื่อว่าผมพร้อมจะเป็นพ่อของเขา “ดิวพูดแต่ผมซิ พร้อมไหม และจะเป็นอะไร ในหัวเริ่มตีกันมากมาย จนผมเองก็สับสนว่าจะคิดอันไหนก่อนดี จะบอกพ่อยังไง จะออกไปเจอสังคมยังไง จะนั้น จะนี่ จน....

       “เอาละ ไปพักเถอะ ส่วนแอ้ เดี๋ยวพ่อจะให้พี่ดิมเขาดูยาให้เราทานนะแอ้เพราะว่าคงจะระบมและอาจจะอักเสบได้ ก็ทานยาแก้ปวด ลดอาการอักเสบกันไว้ก่อนนะ ลุงจะบอกพ่อเรานะให้เราอยู่ที่นี้สักพักไม่ต้องกลับกรุงเทพพรุ่งนี้เพราะว่าตอนนี้ภีมก็ยังคงอยู่กับลุงหนึ่ง มีงานด่วนที่ต้องทำให้เสร็จ” พ่อภาพูดและเดินออกไป พ่อภาหยิบมือถือออกไป พ่อภาคงจะออกไปโทรหาพ่อภีมปภพตามที่ลุงบอกผมเอาไว้ เรื่องยังไม่ต้องกลับไปกรุงเทพฯ

          “แอ้...ดิวขอโทษนะที่ทำให้แอ้เจ็บ “ดิวพูด ผมหันมามองหน้ามันอยากหาอะไรปาใส่หน้ามันมากแต่ก็ไม่มีอะไรเลยที่อยู่ใกล้มือ

         “แล้วกูจะบอกเพื่อนว่ายังไง”

         “ก็บอกไปซิว่าเราสองคนคบ เรากันรักกัน “ดิวพูดผมมองหน้าดิว ผมคิดหนักถึงเรื่องติ๊กขึ้นมาทันที

         “ดิวดูแอ้ออกน่ะว่าแอ้รู้สึกยังไงกับดิว แอ้คิดเหมือนดิว “ดิวพูด ผมยอมรับว่าผมก็รู้สึกเหมือนที่ดิวรู้สึกนั่นแหละ

          “ติ๊กมันจะเสียใจไหม เพราะเราสามคน” ผมพูด

           “แอ้ดิวไม่ได้รักติ๊ก และไม่ได้คิดอะไรกับมันนะ ว่าแต่แอ้เถอะ แอ้คิดอะไรกับติ๊กหรือเปล่าถึงได้กลัวติ๊กมันจะเสียใจขนาดนี้” ดิวพูดและมาพร้อมโหมดหึงของมันมาเต็มๆ

           “แอ้..ไม่ได้” ผมรีบพูดเร็วไปกว่าความคิด

          “ดีแล้ว ...” ดิวพูด

          “แต่เราสองคนจะบอกเรื่องนี้กับติ๊กไม่ได้ แอ้ขอ ขอให้พร้อมก่อนได้ไหม” ผมพูดกับดิว สีหน้ามันนี้ไม่เคยคิดจะเข้าใจอะไรบ้างเลยจริงๆ

          “ทำไมอะ” ดิวมันเริ่มทำหน้างอนผมอีกแล้ว

          “กูขอละ นะดิว” ผมพูดออดอ้อนมันและมันก็ได้ผล มันก็พยักหน้ามาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่เต็มใจหนักแต่ก็ยอมให้ผม

       TBC ...

หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง) EP.11(ดิวXแอ้)ลูกแฝดของเขา
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 02-01-2024 17:41:10
   
EP.11(ดิวXแอ้)ลูกแฝดของเขา
          Part’s แอ้    ผ่านไปสิบวัน อาการเริ่มออก ผมคิดว่าเพราะเหตุการณ์ ผมรู้สึกไม่ค่อยดี รู้สึกผอืดผอมตลอดเกืบอทั้ววัน แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าดิวเป็นห่วงผมมากแค่ไหน คอยดูแลผมอย่างดีและลุงภาก็พาผมไปตรวจเลือดทันที และสิ่งที่ผมได้รับคำตอบหลังจากผลตรวจเลือดออก คือ ผมตั้งครรภ์ ไม่ใช่การตั้งครรภ์ธรรมดา ผมตั้งครรภ์แฝด 3 คนเลย ผมแทบจะเป็นลมล้มทั้งยืน
           “พ่อภา ผมท้องไม่ได้นะพ่อ ผมท้องไม่ได้ ไหนจะพ่อภีมและพี่ๆ ผมละและเพื่อนๆ ผมอีก “ผมปล่อยโห่ทันที ผมพูดไปต่างๆ นานา ผมเข้าใจความรู้สึกของคนที่เขาบอกว่าตั้งครรภ์ไม่พร้อมเป็นยังไง ผมยังเด็กเกินไปและผมเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปอีก เพื่อนๆ ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้และยังมีอีกคนที่อาจจะเกลียดผมไปตลอดชีวิตเขาเลยก็ได้
           “พ่อ ตรวจดีแล้วเหรอ” ดิวถามพ่อภา
           “ดิวพ่อเคยบอกแล้วไงว่าแอ้นะเขามีสิ่งที่จะทำให้เขาตั้งครรภ์ได้” พ่อภาพูด
          “แอ้ นั้นลูกเรานะแอ้” ดิวหันมาบอกผม
          “ใช่แล้วกูละ กูควรจะอุ้มท้องในร่างผู้ชายเหรอดิว” ผมหันไปตะคอกใส่ดิว
          “แอ้ นั้นลูกเรา ลูกของเรา เขาไม่รู้เรื่อง” ดิวพูด ผมหันไปมองหน้าพ่อภา ผมบอกอะไรไม่ได้ตอนนี้ เพราะในหัวผมมันตันไปหมดทุกทาง
           “เอาอย่างนี้ โชคดีที่อายุครรภ์ยังน้อย พ่อจะหาคนอุ้มท้องให้ เอาเด็กไว้ แต่พ่อต้องถามเราสองคนก่อนว่าพร้อมที่จะเป็นพ่อของเขาไหม” พ่อภาพูด ผมยังงงๆ แต่ดิวมันพยักหน้ารับ
            “ผมจะเป็นพ่อของเขาให้ดีเท่ากับพ่อเลยครับ” ดิวตอบพ่อทันทีอย่างไม่รังเร
           “แอ้ละ” พ่อถามผมแต่ว่าผมกลับลังเลที่จะตอบ
           “ผม...เออ..” ผมยังคงงงกับสิ่งที่เกิดกับผมอยู่
           “แต่พ่อจะบอกก่อนนะว่า แอ้นะเป็นผู้ชายที่สามารถตั้งครรภ์ได้และพอมีลูกขึ้นมา พ่อไม่อาจจะการันตีได้ว่าถ้าลูกที่เกิดมาเขารู้เรื่องนี้และจะรับมันได้เหมือนเป็นเรื่องปกติไหม “พ่อพูดและมองหน้าผมสองคนแบบจริงจัง
            “ถ้าดูแล้วเขาไม่อาจจะรับตรงนี้คงต้องมีใครสักคนที่ต้องถอยและสถานะจะไม่ใช่พ่อหรือแม่เขา” พ่อพูด ดิวหันมามองหน้าผม
            “ผมเชื่อว่าตั้งใจมาเกิดกับผมสองคนและดังนั้นเขาก็จะรักผมสองคนเหมือนที่ผมสองคนจะรักเขาเช่นกันพ่อ” ดิวพูด และกุมมือผมไว้
           “ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรมาแทนที่ความรักได้ เหมือนผมตอนนี้เช่นกัน” ดิวพูดกับพ่อภา พ่อภาพยักหน้าเบาๆ
           “ได้...พรุ่งนี้พ่อจะทำการดูดตัวอ่อนออกมาและพักไว้ พ่อหาคนที่จะอุ้มท้องให้เราได้แล้วนะ เขาจะเข้ามาตอนเย็นเพื่อทำการตรวจร่างกายโดยละเอียดอีกครั้ง” พ่อภาพูด
            “พ่อจะต้องเปิดห้องทดลองที่เคยถูกสั่งปิดเพราะห้องนั้นมีเครื่องมือในการทำเกี่ยวกับเรื่องนี้ “พ่อภาพูดและมองผมสองคน
            “อันนี้จะต้องเป็นความลับ” พ่อภาพูด
           “พ่อภา ผมขอร้องอะไรอย่างได้ไหมครับ” ผมพูดขอร้องพ่อภา พ่อพยักหน้าให้ผม ดิวก็มองหน้าผมแบบกังวลว่าผมจะขออะไร
           “ว่ามาซิแอ้” พ่อภาพูด
          “ผมยังไม่พร้อมจะบอกพ่อภีม ผมขอเก็บไว้ก่อนได้ไหมครับ” ผมพูด เพราะผมไม่อยากทำให้พ่อผมเสียใจอยู่ดี ที่ผมใจแตกตั้งแต่ยังเรียนไม่จบแบบนี้
          “อืมม พ่อก็ว่ายังไม่ควรบอกเพราะภีมหวังไว้มากกับเราแอ้” พ่อภาพูดและเอามือลูบหัวผมเบาๆ
          “พ่อจะดูแลเราเหมือนลูกพ่อคนหนึ่งน่ะแอ้ ส่วนพ่อภีมน่ะ เอาไว้พ่อจะบอกพ่อเราเอง ในฐานะที่พ่อเป็นผู้ใหญ่และเป็นพ่อของดิว  “พ่อภาพูด
          “พ่อนะดูแลผมดีเหมือนลูกพ่ออยู่แล้ว ผมขอโทษนะครับพ่อภาที่ผมทำให้พ่อเดือดร้อน” ผมพูดน้ำตารินไหล
          “แต่เรื่องพ่อภีม ผมอยากบอกเองได้ไหมครับเมื่อผมพร้อมมากกว่านี้” ผมบอกพ่อภา พ่อภาพยักหน้ากับผม
         “พ่อดิวก็ขอโทษครับที่ดิวทำไปไม่ทันคิด” ดิวพูดกับพ่อ
         “เอานะ พ่อก็เคยเป็นดิวแต่พ่ออยากให้ดิวรับผิดชอบสิ่งที่ทำด้วย “พ่อภาพูด ผมสองคนค่อยคลานเข่าเข้าไปกราบขอโทษพ่อภาพร้อมกัน พ่อเอามือลูปหัวผมสองคนและพี่ดิม กับพี่ดรีมก็เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของพ่อที่ในโรงพยาบาล
          “พ่อจะให้แอ้แอ็ดมิทคืนนี้เลยใช่ไหมครับพ่อ” พี่ดิมถามพ่อ ผมหันไปมองหน้าพ่อ
          “ใช่ เราต้องตรวจทุกอย่างของแอ้ก่อนและอัลตราซาวล์ดูขนาดของตัวอ่อน ว่าไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่เกินไปแต่ดูจากอายุภครรภ์ ยังถือว่าอยู่ในช่วงที่ปลอดภัยพอจะย้ายได้และพ่อก็ได้โทรคุยกับศาสตราจารย์กิฟสันแล้ว เขาว่ามันปลอดภัย “พ่อภาพูดกับพี่ดิมและพี่ดรีม ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากหนัก
          “ได้ครับพ่อ ผมจะได้ไปจัดห้องพักให้” พี่ดิมพูด
         “พ่อผมของอยู่กับแอ้นะครับพ่อ ถ้าให้ผมกลับผมอกแตกตายแน่ๆ” ดิวพูดขึ้นพ่อหันมามองไอ้ดิว
           “แน่ใจนะว่าแค่อกแตกตายอย่างเดียว อยู่ได้แต่ห้ามซ่าในโรงพยาบาลนะ” พ่อภาหันมาบอกดิว
           “ช่าย! เขาห้ามปั่มปั๊มกันในโรงพยาบาล” พี่ดรีมพูด ไอ้ดิวมันสะบัดหน้าไปมองพี่ดรีม
          “มึงนี้นะ ตรงไปไหม” พี่ดิมเอ็ดพี่ดรีม ผมหันมามองดิวที่นั่งอยู่ใกล้กับผมตลอดไม่ยอมห่าง บีบมือผมเอาไว้ด้วย สายตาคุ่นี้ที่บอกผมได้ว่าเขาเป็นห่วงเขามากแค่ไหน และยิ่งดิวทำแบบนี้กับผมมากเท่าไหร่ มันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดกับอีกคนมากเท่านั้นเช่นกัน
            ผมได้มานอนพักหนึ่งคืนที่โรงพยาบาลของพ่อภา เพื่อเตรียมย้ายตัวอ่อนจากในพุงของผม เมื่อคืนผมแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย ก็เพราะว่าไอ้ดิวนี้มันนอนจับมือผมตลอด ขยับตัวทีไอ้ดิวก็ตื่นทีแถมยังคอยถามผมตลอดว่าจะกินน้ำไหม กินนั้นไหมนี่ไหม ทั้งที่เขาให้ผมงดอาหารตั้งแต่หลังเที่ยงคืนและผมก็ยังมีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ที่แขนผมด้วย ทำให้ลุกนั่งเดินเหินลำบากแต่โชคดีที่ได้ดิวคอยช่วยเหลือคอยดูแลผม มันทำให้ผมรู้ว่าดิวมันรักผมมากขนาดไหน ผมเองก็รักดิว แอบรักมานานแล้วเหมือนกันแต่ว่าผมบอกไม่ได้ ผมรู้ว่าดิวคือคนที่ทางองค์กรต้อง แล้วอย่างนี่ผมจะกล้าเหรอ
            ตอนนี้รุ่งเช้าแล้ว ผมตื่นมาด้วยความหิวแต่ว่ายังทานอะไรไม่ได้และผมก็ถูกพาไปที่ห้องคนไข้ห้องหนึ่ง ดูแล้วไม่น่าจะใช่ห้องพักคนไข้ปกติ ผมนอนรอจนกระทั่งประตูถูกเปิดเข้ามา พ่อภาเข้ามาพร้อมกับพี่ดิม วันนี้พี่ดิมมาด้วยเสื้อกาวน์แพทย์ไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบทหารเหมือนทุกครั้ง และยังมีคนอื่นๆ เข้ามาด้วยเช่นกัน ผมเริ่มกังวล จนผมหันไปเจอพี่มีคนพี่หมอดรีม เข้ามาในฐานะแพทย์อินเทิร์นและพี่หมอด้าเพิ่งจะจบแพทย์ปีสี่ พี่สองคนเขายิ้มให้ผม ผมสังเกตุมีเครื่องมือทางการพทย์ถูกเข็นเข้ามาในห้องและเอาไว้ที่ข้างเตียงนอนของผม
             “ดิมเตรียมเครื่องอัลตร้าซาวน์ให้พ่อเลยน่ะ” พ่อภาบอกพี่ดิม พี่เขาก็จัดการสวมถุงมือก่อนจะหันมามองหน้าผม พี่ดิมยิ้มให้ผม ตอนนี้ผมนอนด้วยความกังวลอยู่บนเตียงคนไข้ ทำไมความรู้สึกตอนนี้เหมือนตอนที่ผมเป็นเด็กและผมป่วย คนที่ผมอยากให้อยู่ข้างๆ ผมอีกคนคือพ่อภีมปภพแต่ว่า ผมไม่กล้าบอกพ่อผมไปตามตรง ผมยังคงเก็บมันเอาไว้
           “แอ้ นี้คือเจ้าหน้าที่และทีมแพทย์ที่จะเข้ามาไปช่วยพ่อจัดการพาตัวอ่อนออกมาเพื่อส่งไปอยู่ในครรภ์ของคนอุ้มบุญที่พ่อจัดหาไว้แล้ว” พ่อภาบอกผม ผมพยักหน้า ผมรู้ว่าสีหน้าผมดูกังวลมากที่เห็นคนนอกเข้ามาด้วย
             “และนี้ก็คือคุณหมอวิรัญญา เป็นหมอวิสัญญี คนที่จะวางยาเราและนี้พี่ๆ พยาบาลและนักศึกษาแพทย์ที่เขามาดูเอาไว้เป็นเครสศึกษาน่ะแอ้” พ่อภาอธิบายให้ผมฟัง
             “ได้แล้วครับพ่อ” พี่ดิมหันไปบอกพ่อภา พ่อพยักหน้าก่อนจะเดินมาหาผม พ่อเปิดที่ท้องน้อยของผม พ่อดึงขอบกางเกงผมลงไปจนเกือบถึงหัวหน่าวพี่ดิมรีบเอาผ้ามาปิดให้ผมมันก็จะเห็นแค่ตรงที่พ่อจะทำการอัลตร้าซาวน์แค่นั้น
            “ให้พี่ดิมเขาทำน่ะวันนี้ พ่อจะยืนดูและอธิบายให้พี่ๆ เขาฟัง” พ่อภาบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ ว่าได้ พี่ดิมนั่งลงข้างๆ ผม ด้วยเก้าอี้ตัวสูง
           “แอ้จะรู้สึกเย็นๆ หน่อยน่ะเพราะว่าพี่ต้องใช้เจลช่วย” พี่ดิมบอกผม พี่ดิมบีบเจลใสๆ ลงบนเครื่องมืออะไรสักอย่างและกดเครื่องมือลงไปแตะที่ผิวหนังตรงท้องน้อยของผม ผมรู้สึกเย็นว้าปขึ้นมาเลยทีเดียวและเครื่องนั้นก็กดลงที่พุงเบาๆ ไม่แรงมากพร้อมกับเคลื่อนที่ไปทั่วเพื่อควานหาบางสิ่งบางอย่างที่พุงน้อยของผม ผมหันไปมองที่หน้าจอใหญ่ ห้องที่ผมมานอนนี่ไม่ใช่ห้องคนไข้ปกติ เป็นเหมือนห้องรอคลอด (ในตอนนั้นผมเองยังไม่เคยรู้ มารู้เอาตอนโตแล้วนี่แหละ)
              “เอาล่ะดิมหยุดก่อน พ่อว่าพ่อเจอแล้ว” พ่อภาบอกพี่ดิมให้หยุดควานหาในพุงของผม พี่ดิมก็หยุดเครื่องมือนั้นเอาไว้นิ่งๆ
            “ขยายให้พ่อหน่อยดิม” พ่อภาบอกพี่ดิม พี่ดิมก็ทำตามที่พ่อภาบอก ตอนแรกมองไม่รู้เรื่องเลยและพอพี่ดิมซูมเข้าไปเท่านั้นแหละผมก็เห็นถุงกลมๆ สามถุงอยู่กันสามมุมมีสองถุงอยู่ไม่ไกลกันมาก
           “เอาล่ะ นี้คือตัวอ่อนทั้งสามถุง มีตัวอ่อนA ตัออ่อนBและตัวอ่อนC บร้าๆๆๆ” พ่อก็อธิบายไปผมก็มองตัวอ่อนในพุงของผม นี้เป็นเรื่องจริงเหรอ ผมมีตัวอ่อนในตัวผมสามคนเลยเหรอ ดิวก็นั่งมองพร้อมกับกุมมือผมไปด้วย เขายิ้มไปด้วยแต่ผมในตอนนี้มีหลากหลายอารมณ์ตีกันวุ่นวายไปหมด มีทั้งความกังวลใจและตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน
            “เอาล่ะดิม พอแล้ว” พ่อหันมาบอกพี่ดิม พี่เขาก็ทำการดึงเครื่องมือออกจากพุงของผม พี่ดิมยื่นกระดาษทิชชูให้ผมไปเช็ดพุงของผมที่เลอะเทอะไปด้วยเจลสีฟ้าๆ ผมก็เอื้อมมือไปแต่ว่ามีคนแย้งผมทำซะก่อน คนนั้นคือดิว ดิวเช็ดทำความสะอาดพุงแทนผมจนเรียบร้อย
            “ผมต้องขอความร่วมมืออีกอย่างนะครับ ผมขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพราะว่านี้คือความมั่นคงขององค์กรของเรา ดังนั้นเรื่องนี้จะถูกเผยแพร่ออกไปไม่ได้เด็ดขาด ทำได้ไหมครับ” พ่อภาบอกกับเจ้าหน้าที่ทุกคน
             “ได้ค่ะ/ได้ครับ” ผมหันมามองดิว
              “ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่ห้องผ่าตัดเลยนะครับ ขอบคุณครับ” พ่อภาบอกทุกคนก่อ่นจะหันมามองหน้าผม
             “แอ้ล่ะพร้อมหรือยัง เราจะไปพาลูกๆ ของเรา ส่งต่อไปยังแม่อุ้มบุญที่พ่อหามา เขารออยู่แล้ว” พ่อภาบอกผม ผมหันมามองหน้าดิว
            “พ่อแล้ว?” ผมทำท่าจะถามพ่อ ใจผมก็กล้าๆ กลัวๆ จะถาม
           “ไม่ต้องห่วง พ่อจัดการทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว เขาเซนต์เอกสารเพื่อรับรองว่าเขาจะไม่พาลูกๆ เราไปไหนเพราะว่าพ่อจ้างเขามาและสายเลือดจะยังเป็นเราสองคน เขาแค่อุ้มบุญให้เท่านั้นและที่พ่อทำได้เพราะว่าอายุครรภ์ไม่เยอะถ้าอายุครรภ์เยอะแล้วพ่อทำไม่ได้น่ะแอ้ “พ่อภาพูดกับผม ผมหันมามองหน้าดิว
           “ยังไงดิวก็เข้าไปกับเราไม่ได้และแอ้ต้องถูกวางยาสลบก่อนด้วยเพราะมันจะเจ็บมากแม้จะไม่ได้ผ่าตัดใหญ่ก็เถอะ” พ่อภาหันมาบอกดิว ดิวก็ทำสีหน้าผิดหวังทันที ผมนะไม่เข้าใจหรอกครับว่าเขาจะทำอะไรกับผม
             ผมแค่รู้ว่าผมจะให้ตัวเองท้องป่องไม่ได้ ร่างผมถูกเข็นออกจากห้องและตรงไปยังห้องไหนก็ไม่รู้เพราะผมเห็นแค่หลอดไฟตลอดการเข็นไปและพอเข้าไปก็มีคนมามุงทำนั้นทำนี้ และมีคนเอาที่ครอบอะไรสักอย่างมาครอบผมไว้ตั้งแต่จมูกของผมไปที่ปากของผม
            “ไม่ต้องกลัวนะคะ นึกถึงสิ่งที่ทำให้มีความสุขเข้าไว้ ทุกอย่างจะดีเองค่ะ” เป็นผู้หญิงที่สวมผ้าปิดจมูกและหมวกสีเขียวเขาบอกกับผมไม่นานผมก็หลับไป ใช่สิ่งที่ผมเห็นคือผู้ชายร่างสูงใหญ่ ในชุดเครื่องแบบทหาร แต่รูปร่างแบบนี้มันไม่ใช่พ่อภีมปภพพ่อของผมเลย เขาคุกเข่าและกางแขนผมเองที่ตัวกะเปียดเล็กมากเหมือนเพิ่งหัดเดิน ยังเดินเป๋ๆ อยู่เลย
            [ปะป๊า] เสียงที่เรียกชื่อนั้น เสียงของเด็กน้อย ผมยืนมองเด็กน้อยนั้น หน้าตาทำไมละหม้ายคล้ายกับผม หรือว่าเด็กคนนั้นคือผมกันแน่
           [แอ้...มาหาพ่อซิ] ในความฝันผมกำลังรีบก้าวเท้าเพื่อไปหาผู้ชายตัวโตคนนั้น เครื่องแบบดูลางๆมันเหมือนชุดทหทาร เด็กคนนั้นเดินเข้าไปหามากเท่าไหร่ผู้ชายคนนั้นก็ห่างออกไปเรื่อยๆ
[ปะป๊า รอด้วยยย!!] ภาพผู้ชายคนนั้นกำลังจางหายไปราวกับควัน สุดท้ายก็หายไป เด็กคนนั้นก็ล้มลง ทำได้แค่ร้องไห้ พยายามกางแขนให้เขากลับมา มันมีบางช่วงที่ผมเห็นใบหน้าผู้ชายคนนั้นชัดบ้างเลือนลางบ้างแต่ทะว่ามันไม่ใบหน้าของพ่อภีมปภพ พ่อของผม
“พ่อ!!!”ผมเหมือนกำลังคว้าบางอย่างและผมก็สัมผัสกับบางสิ่งที่คล้ายกับใบหน้าใครสักคน ผมรีบลืมตาขึ้นทันทีและสิ่งที่ผมเห็นคือใบหน้าของไอ้ดิว
“แอ้!!!”ดิวมันเรียกผมเสียงดังถี่ๆ  ผมหันมองไปรอบๆ ผมไม่ได้อยู่ที่บ้าน ผมลืมไปว่าผมอยู่โรงพยาบาลในค่ายทหารอยู่เลย ผมค่อยๆ ขยับตัวจะลุกแต่ว่าดิวเข้ามาประคองผมให้ผมนั่ง
          “แอ้ เรียกหาอาภีมเหรอ” ดิวถามผม ผมมองหน้าดิว
          “หึ?” ดิวเลิกคิ้วถามผม
          “พ่อภีม พ่อมาเหรอดิว” ผมถามดิวด้วยสีหน้าตกใจและกังวล
           “ไม่มา ดูซิเหงื่อออกเต็มไปหมดเลยแอ้” ดิวพูด พร้อมกับหยิบเอากระดาษทิชชูมาซับเหงื่อให้ผมและผมก็มองไปรอบๆ นี้ผมกลับมาห้องพักแล้วเหรอ และผมก็รู้สึกหน่วงๆ ที่ท้องน้อยยังไงก็ไม่รู้
            “พ่อบอกว่าสำเร็จแล้ว ตัวอ่อนลูกๆ ของเรากลับเข้าสู้คนที่รับอุ้มบุญให้เราแล้วแอ้ เราจะเป็น่พ่อคนแล้วนะ ดิวดีใจที่สุดเลย” ดิวพูดผมได้แค่มองดิว แต่ทำไมน้ำตาผลไหล
            “ดิว กู ไม่พร้อมว่ะ” ผมรีบบอกดิวทันที
          “แอ้นั้นลูกของเราน่ะ” ดิวพูด สายตาดิวที่มองผม
          “แต่กู ... ไม่รู้วะ กูรู้แค่ว่ากู ..ไม่พร้อมดิว กูไม่พร้อมจะดูแลใคร ตัวกูเองยังดูแลไม่ได้เลยนะดิว” ผมพูดและพยายามชักมือผมกลับคืนมาแต่ดิวไม่ยอมปล่อยมือผม ยังคงบีมมือผมเอาไว้
           “แอ้ไม่เอานะ อย่าพูดแบบนี้ดิ!” ดิวพูดกับผม
             “ก็กูบอกว่า..โอ๊ยย!” ผมสะบัดมือดิวจนหลุดไปแต่วาผมกลับรู้สึกเจ็บจี้ดขึ้นมาทันทีเพราะว่าผมขยับตัวเร็ว ดิวก็ตกใจมิใช่น้อย ทันทีที่ผมเห็นภาพนั้น ภาพที่ดิวเป็นหางผมมากและดิวก็วิ่งไปที่หัวเตียงคนไข้และกดกริ่งเรียกขอความช่วยเหลือ
           “แอ้ เจ็บมากไหม”
           “ก็เจ็บดิ พอใจมึงยังดิว!” ผมพูดพร้อมกับเอามือกุมที่ท้อง ผมรู้สึกปวดมากเลยเผลอด่าไอ้ดิวมันไป พอผมหันไปเห็นหน้าดิวที่รู้สึกผิด สีหน้ามันสลดลง ทำให้ผมรู้สึกผิดเช่นกัน  ไม่นานก็มีคนวิ่งมา เขาคือพี่พยาบาลที่ประจำหวอดคนไข้นั้นเอง
           “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณดิว” พี่พยาบาลถามดิวก่อนทันที
           “พี่ครับเรียกพ่อผมให้หน่อยครับ แอ้ปวดแผลนะครับ” ดิวพูด ผมก็กุมท้องน้อยน้ำตาก็ไหล
           “ได้ค่ะ “พยาบาลพูดและรีบเดินออกไปเพื่อโทรไปรายงานพ่อภาให้ว่าผมรู้สึกปวดแผล ผมหันมามองไอ้ดิวที่ยืนเป็นห่วงผมมาก
           ผมค่อยๆ เอนกายลงนอนช้าๆ โดยมีดิวคอยประคอง ผมนอนรอพ่อภาเกือบสิบนาที ทันทีที่พ่อภาก็มาถึงพร้อมพี่ดรีม พี่ดรีมดึงตัวดิวอออกไปและพ่อภาก็ให้พยาบาลปิดผ้าม่านทันที
          “พ่อจะขอดูแผลนะแอ้ ทำไมเจ็บมากเลยเหรอแอ้” พ่อภาถามผม
         “คือ แอ้...ลุกเร็วไปมั้งครับพ่อ “ผมพูด พ่อก็ยิ้มๆ
           “แต่ตอนที่ผมเอนตัวนอนรอพ่อ มันก็ค่อยๆ ดีขึ้น แต่ก็ยังเจ็บอยู่” ผมพูดเบาๆ
          “ช่วงนี้ต้องค่อยๆ ขยับหน่อยน่ะ อย่าเพิ่งเด้งตัวเหมือนเมื่อก่อน ค่อยๆ ลุก ไม่นานก็หายดี” พ่อพูดและให้พยาบาลปิดผ้าพันแผลกลับไป ผมไม่กล้าดูว่ามันเล็กใหญ่แค่ไหน
           หลังจากนั้น ผมนอนโรงพยาบาลแค่หนึ่งวันกับหนึ่งคืน แค่นั้นผมก็ได้กลับบ้าน พอมาถึงก็พักฟื้นที่บ้านพ่อภาไม่นานพ่อภีมก็มาและมารับผมกลับกรุงเทพ ผมก็ยังคงแค่เสียวๆ ที่แผล แต่แผลไม่ใหญ่เลย เล็กมาก
          หลังจากกลับไปแล้ว ผมก็พยายามทำชีวิตผมเหมือนปกติ ส่วนดิวก็ต้องไปเข้าค่ายชมรมฟุตบอลและผมก็ต้องไปฝึกคาราเต้เพราะผมกำลังจะเข้าแข็งขันชิงสาย แม้บางท่าจะทำให้ผมเจ็บมากแต่ผมก็ต้องอดกลั้นมันไว้ จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบสิบเดือน พ่อภีมต้องไปงานอีกแล้ว พ่อภาก็อาสาดูแลผมและพาผมกับดิวไปที่ค่ายทหารอีกครั้ง ส่วนติ๊กก็เริ่มมีงงานละคร ถ่ายแบบและยังมีภาพยนตร์เพิ่มเข้ามาอีก
           “เอาละ พ่อจะบอกว่า ลูกๆ เราคลอดได้อาทิตย์หนึ่งแล้วนะ ตอนนี้พยาบาลเขาดูแลอยู่” พ่อพูด ผมนี้ขนลุกขึ้นมาซะอย่างนั้นแต่ไอ้ดิวซิมันดีใจจนบอกไม่ถูก
             “พ่อจะให้พยาบาลเขาดูไปก่อน เราก็คอยหมั่นไปดูลูกในช่วงกลางวันนะ ไปทำหน้าที่ป้อนน้ำป้อนนม” พ่อภาพูด ผมเงยหน้ามองพ่อ จะทำได้ไงอ่ะ
             “แอ้ พยาบาลเขาจะสอนเราน่ะ” พ่อพูด ผมหันมามองหน้าดิว มันพยักหน้ากับผม และผมสองคนก็เดินตามพ่อขึ้นไปชั้นห้องพักหลังคลอดและแผนกเด็กอ่อน ผมเดินผ่านห้องกระจกที่มีเด็กแรกเกิดนอนเรียงรายกันอยู่ ถึงเป็นลูกพยาบาลในค่ายทหารแต่ก็มีประชาชนมาใช้บริการเยอะมาก โรงพยาบาลกึ่งเอกชน และมีคนที่ดูแลและสนับสนุนพร้อมให้งบประมาณก็จะเป็นใครไปไม่ได้ บรรดาลุงๆ และพี่กับน้องของพ่อและองค์กรที่พ่อเป็นส่วนหนึ่ง
           “แอ้” ดิวเรียกชื่อผมเพราะผมหยุดและมองเด็กที่นอนในตู้กระจก เป็นที่นอนเด็กแรกเกิด ผมยืนอึ้งมองอยู่แบบนั้น ทำไมผมรู้สึกตัวเบาๆ ยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก และไม่นานผมก็ไม่รู้อีกเลย เหมือนมีคนมาปิดไฟใส่ผม โลกมันมืดไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่ง
            “แอ้” ผมรู้สึกว่ามีมือมาบีบมือผมตลอด ผมลืมตาในห้องพักอีกแล้ว ห้องพักคนไข้แบบวีไอพี ผมก็ดีดตัวขึ้น นี้ผมเป็นลมหรือ
           “แอ้ เป็นไงบ้าง “ดิวถามผม ผมก็มองหน้าดิว
          “อุแว๋ๆ ๆ” เสียงแหลมเล็กของเด็กอ่อนร้องข้างๆ ไม่ไกลจากตัวผม ผมหันไปดูก็เจอ เตียงหลอดแก้วมีเด็กหน้าตาเหมือนกันหมดเลยนอนเรียงกัน มีเตียงที่ 3 ที่ร้องไห้โยเย ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ
          “ลูกเราแอ้ “ดิวพูด ผมก็ชี้ไปทั้งสาม
         “ใช่ลูก เราทั้งสามคนเลย “ดิวพูดและลงไปดันให้เข้ามาใกล้กับผม ผมก้มมองแต่ละคน ใจคอมันสั่นไปหมด
          “นมมาแล้วครับ ใครน่ะร้องดังยังกลับจะไปเป็นนักร้องเลย” พี่ดรีมเดินมาพร้อมกับขวดนมเล็กสามขวบ พี่ดรีมถามผมกับดิว ก่อนจะก้มลงมองเด็กน้อยที่นอนเรียงกันในเตียงเด็กอ่อนสามเตียง
           “ได้เวลาทานนมแล้วครับ ใครจะป้อนเอ่ย?” พี่ดรีมถามขึ้น พี่ดรีมหันไปมองหน้าดิวและผมสลับกันไปมา ผมก็รีบส่ายหัวทันทีผมไม่เคยป้อนเด็กมาก่อน
          “แอ้ลองซิ ดิวนะป้อนไปแล้ว “ดิวบอกผม ผมก็ยังส่ายหัวและหดขาหนี ไม่เอา
          “แอ้ลองน่ะ ลองแล้วแอ้จะรักเขามาก” ดิวพูดกับผม พี่ดรีมก็พยักหน้ากับผมและส่งขวดนมให้ผม พี่ดรีมเดินไปอุ้มประคองร่างเด็กน้อยที่ร้องไห้ขึ้นมาก่อน อย่างเบามือและตรงมาหาผม ผมที่มองเด็กน้อยที่ดิ้นอยู่ในมือพี่หมอดรีม ผมนี้ทำท่าจะหายใจไม่ทั่วท้องอีกแล้ว พี่ดรีมหันไปพยักหน้าเรียกดิวมาอุ้มลูกไว้ก่อน
          พี่ดรีมก็จัดท่านั่งของผมให้ถูกต้องและก็หยิบเอาหมอนหนุนมาหลังไว้หนึ่งใบและเอาหมอนรูปตัวซีนี้วางไว้ที่ตรงท้องของผม พี่ดรีมก็จัดการท่าทางผมก่อนจะหันไปรับลูกน้อยของผมมาจากดิวและก็วางเขาลงที่ท้องแขนของผม ผมนั่งเกร็งไปทั้งตัว ผมก้มลงมองเด็กน้อยที่หลับหูหลับตาร้องแถมยังอ้าปากหาไปทั่ว
          “แอ้ประคองน้องโดยให้ศีรษะของน้องอยู่ที่ตรงข้อพับและเอาแขนโอบประคองลำตัวของน้องเอาไว้นะครับ อุ้มอย่าให้ราบจนเกินไปน้องอาจจะสำลัก อุ้มให้ศีรษะของน้องสูงขึ้นมานิดหนึ่งนะครับ น้องจะได้ไม่สำลักครับ อันนี้สำคัญมาก” พี่ดรีมพูดและจัดท่าให้ผมอย่างชำนาญเพราะว่าพี่เขาคือหมอเด็กเต็มตัวแล้ว ผมเองยังคงอึ้งแต่ก็มองเด็กน้อยที่ดูดนิ้วตัวเองแทนแล้วแต่ก็ยังคงร้องไห้อยู่ดี
          “อุแว๊ๆๆ"ผมก้มลงมองเด็กน้อยที่ร้องไม่ลืมหูลืมตา ตัวแดงๆ นั้น
         “แอ้ น้องหิวแล้วป้อนนมน้องนะครับ” พี่ดรีมบอกผมอีกครั้ง ผมเงยหน้ามองพี่ดรีมและดิว ดิวก็พยักหน้าให้ผมอีกคน ผมก็ค่อยลดขวดลงและบรรจงให้จุกนมนั้นจ่อไปที่ปากเล็กนั้น ทันทีที่ขวดนมสัมผัสริมฝีปากเล็กน่ารัก เขาก็ไล่งับแบบหิวจัดมาก พอเขางับได้แล้วเขาก็ดูดอย่างเร็วและแรง มันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากคือผมรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาผมไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว ความกลัวที่ผมมีตลอดเวลาเกือบสิบเดือนมันหายไปหมด เหลือไหว้แค่ความรักและเอ็นดู ผมหันไปมองอีกสองคน อ้าวทำไมเขานอนหันไปทางเดียวกันน่ะ
       “แปลกใจใช่ไหม เขาหันเข้าหากันตลอดเลย ไม่รู้ว่าเขาผูกพันกันตั้งแต่ก่อนเกิดหรือเปล่า “ดิวพูด ผมก็ยิ้มๆ และก้มมองคนที่ผมอุ้มอยู่
        “คนนี้ชื่อมาริโอ้ ไม่รู้ซิ ดิวนึกชื่อนี้ออกสำหรับคนนี้เลย ร้องเก่งมาก กินก็เก่งมาก” แอ้พูด
      “แล้ว” ผมถามถึงอีกสองคนที่นอนอยู่
         “ไอ และ ไอซ์ “ดิวบอกผม ผมก็มองว่าทำไมล่ะ
        “พอดิวเห็นไอ แล้วมันนึกถึงคำว่าไอเลิฟยู และพอดิวไอ้อุ้มไอซ์ ดิวรู้สึกถึงความเย็นที่ตอนเวลาที่ดิวโมโหใครสักคนจนอยากตะบันหน้ามันให้เละและแอ้เท่านั้นที่แตะแขนดิวและทำให้ดิวเย็นลงได้ ดิวเลยตั้งว่าไอซ์ “ดิวพูดกับผม
         “ทั้งสามชื่อนี้ดิวนึกถึงแอ้ทั้งหมด” ดิวพูด ผมเงยหน้ามองดิว น้ำตาไหลอีกแล้ว ดิวกอดผมไว้แน่น
         “เราจะเป็นพ่อที่สมบูรณ์แบบในแบบที่เราเป็น ต่อให้ต้องเป็นพ่อสองคน เราก็จะเป็นเพราะดิวเชื่อว่าลูกจะรักเราสองคนไม่แพ้พ่อแม่คนอื่นๆ ดิวเลือกแล้วเพราะดิวเชื่ออีกว่ามันจะทำให้แอ้อยู่กับดิว” ดิวพูด ผมนี้อึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก
        “แอ้..ดิว..รักแอ้ “คำนี้ที่ผมได้ยินมาตลอด จนทุกวันนี้ เขาก็พร่ำบอกกับผมตลอด
              ภาพวันนั้นผมยังจำได้ดี เด็กวัยแค่สิบสามสิบสี่ที่ไม่อยากจะเชื่อว่าจะทำหน้าที่คุณพ่อได้ แต่ว่ามันผิดคลาดมาก ดิวทำได้ดี ป้อนนม พาลูกอาบน้ำ พวกผมดูแลกันเอง มีพี่ๆ ช่วยกันดูแต่จะมีช่วงที่ไปเรียนจะมีคนเลี้ยงให้ พ่อผมจ้างมา ผมดูแลกันเองช่วงปิดเทอม มันยิ่งเพิ่มความผูกพันให้ผมกับลูกและนั้นก็ทำให้ผมใจอ่อนให้ดิวอีกคร้ั้ง ตอนนี้ผมกับดิวก็มีลูกเพิ่มมาอีกสองคนเพราะใจอ่อนให้มันนี่แหละ ได้ผลทุกที

          TBC...

            เรื่องนี้แต่งแบบไม่ได้ใช้หลักการทางการแพทย์ที่ถูกต้อง หากผิดพลาดประการใด คนแต่งขออภัยมาณะ ที่นี้ด้วยนะคะ





หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง) พิเศษรุ่นพ่อภูมิXพ่อณะ NC
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 04-01-2024 07:26:08
พิเศษ พ่อๆ เขาก็รักกันมาก่อน

      Part’ s พ่อกฤษณะ X พ่อภูมิ หลังจากที่บรรดาน้องชายของผมต้องตัดใจส่งลูกๆ รุ่นเล็กตัวแสบให้ไปอยู่ห่างไกลบ้าน พวกเขาก็เป็นหลานชายของผม พอลูกชายคนเล็กของผมทราบก็ขอมาเพื่อจะมาช่วยเพื่อนๆ ของเขา ผมรู้ว่าบอยคิดอะไรอยู่ ผมคิดว่าเขาอยากจะให้แจ็คได้พิสูจน์ตัวเองมากกว่า ผมเลยต้องยอมให้บอยไปอยู่กับเพื่อนๆ แต่ก็ดีน่ะ เพราะว่าในอนาคตพวกเขาก็เหมือนแขนขาให้กับบอย องค์กรจะดำเนินไปได้ก็ต้องมีทุกคนไม่ใช่แค่บอยคนเดียวและนี้ก็จะเป็นตัวคัดเลือกว่าใครจะอยู่ข้างบอยเช่นกัน



      ผมเป็นห่วงก็แต่บอยเท่านั้น บอยไม่เหมือนคนอื่นๆ บอยเป็นเด็กผู้ชายที่พวกผมตัดสินใจดัดแปลงยีนเพื่อให้เขามีสรีระและมีมดลูกเพื่อการตั้งครรภ์ ใช่ครับ พวกผมไม่ได้ถามความสมัครใจของบอยก่อนเพราะว่าพวกผมต้องทำก่อนที่เขาจะกำเนิด โครงการผู้ชายสามารถตั้งครรภ์ได้และเราก็ทำได้สำเร็จ แต่ต่อมามีคนคัดค้านและไม่เห็นด้วย สุดท้ายพวกผมต้องยกเลิกโครงการนี้ แต่พวกผมขอไว้ให้ลูกผมได้สามารถตั้งครรภ์ได้เพื่อสืบทายาทคนที่จะมาเป็นผู้นำองค์กรแค่คนเดียว

       แต่โชคร้ายเมื่อบอยพลาดไปมีอะไรกับแจ็ค ตอนที่ผมส่งเขาไป บอยตั้งครรภ์ทั้งที่ตอนที่คุยกันน่าจะเกินสิบแปดปีไปแล้วเพราะว่าการพัฒนาน่าจะช้ากว่าขอผู้หญิงทั่วไปแต่นี่บอยตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุสิบหกปี มันเร็วกว่าที่คาดไปสองปี แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคนทำให้ลูกผมท้องคือลูกของคนที่ผมไว้ใจที่สุดและเขาไม่ใช่คนที่ถูกเลือก

      คนที่ถูกเลือกคือลูกของพี่ภา นั้นคือดิว และในครั้งนั้นผมคิดว่าดิวกับบอยจะได้ทำความรู้จักกัน ทุกคนเลือกดิวเพื่อนมาดูแลและเป็นคนคู่กับบอยเพื่อดูแลบอย แต่ไหนกลายเป็นแจ็ค บอยก็ยอมรับว่าเขากับแจ็คมีใจให้กันและเผลอมีอะไรกันแม้จะแค่ครั้งเดียว สุดท้ายบอยท้องและมันร้ายไปกว่านั้น บอยไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก บอยไม่สมบูรณ์ ผมน่าจะเชื่อที่ศาสตราจารย์กิฟสันพูดตั้งแต่ที่แรกแล้ว

      และมันโชคดีแค่ไหนที่การตั้งครรภ์ครั้งนั้น ไม่ได้ทำให้ผมเสียบอยไป แต่ภา น้องชายที่เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรีแพทย์ มีความสามารถ เด็กหลอดแก้วและช่วยคนที่มีบุตรยากมาก็หลายคน แม้กระทั่งคนที่อยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามีก็ช่วยมาแล้วหลายคน แต่หลังจากที่บอยให้กำเนิดลูกของเขาและแจ็ค ภาก็เตือนผมว่า บอยไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีกครั้ง ไม่อย่างนั้น บอยอาจจะเสียชีวิตได้ อันนี้เล่นเอาผมเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน ผมเองเลยต้องปิดเรื่องบอยตั้งครรภ์กับพี่หนึ่ง แต่ว่าจะปิดไปได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าแจ็คเขาจะทำให้ผมเห็นว่าเขาควรจะได้บอยและลูกไปหรือไม่ และนั้นผมถึงจะเปิดเผยเรื่องนี้ได้ ถ้าไม่ ผมก็คงต้องบอกว่าบอยไม่สามารถมีทายาทได้เอง

       หลังจากที่ผมไปส่งบอยตามที่เขาขอผมเอาไว้ที่บ้านพักนั้น ผมก็เข้ามาพักที่โรงแรมของน้องชายผม ผมยังไม่ได้เดินทางกลับทันทีเพราะว่าภูมิ น้องชายที่ผม มีความสัมพันธ์เกินน้องชายตั้งแต่ผมเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบแบบไหน มันอาจจะเริ่มจากที่พวกผมต้องมาอยู่ด้วยกันหลังจากที่พ่อแม่ถูกสังหารไป เราทั้งหกครอบครัวเหมือนตัวแทนที่เหลืออยู่ เราดูแลกันอย่างพี่น้อง                                                                                        ผมที่เป็นพี่ชายคนโตก็จะดูแลน้องๆ อย่างอ่อนโยน จนสุดท้ายก็หนีความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ผมมีใจให้กับภูมิ ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นแต่ก็โดนขัดเอาไว้จากพี่หนึ่งเพราะว่าภูมิอายุห่างจากผมสี่ปี พี่หนึ่งเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะ โอลด์สคูล ไม่เห็นด้วยกับการข้ามรุ่นและสุดท้าย ภูมิ เลือกเดินออกไปเพื่อไปสร้างเนื้อสร้างตัวและเขาก็กลับมาด้วยความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ในฐานะผู้สนับสนุนองค์กร ที่มีทุนมหาศาล มากกว่าผมซะอีกผมยอมรับแต่ว่าเขาหายเพื่อไปแต่งงานกับผู้หญิงที่ดูไบและดำเนินธุรกิจมากมายกระจายไปทั่วโลกในตอนนี้

            ต่อให้ภูมิเขาเป็นส่วนหนึ่งของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขององค์กรแต่ไม่มีสิทธิ์เป็นผู้นำเพราะไม่ตรงตามหลักที่เราได้วางไว้ ผมกับเขาก็กลับมาคบกันอีกครั้ง ทุกอย่างเกือบไปด้วยดีแต่ดันมามีเรื่องแจ็คกับบอยนี่แหละ ทำให้ผมต้องหลบหน้า ไม่อยากจะทำให้ความลับที่ผมยังไม่พร้อมให้ใครรู้แตกออกมาซะก่อน จนวันนี้ เขาขอคุยกับผม ผมก็ยังมีใจให้เขาอยู่ ผมเลยตอบตกลงว่าได้ ผมรู้สึกตื่นเต้น ใจเต้นแรง ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร สามปีเหมือนห้าปีสิบปีเลยที่ไม่ได้คุยกันอย่างคนรัก นี่เหมือนเราต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ใช่ไหม ภูมิ….

        “ถ้าคุณภูมิมาถึงแล้ว ให้เขาเข้าไปหาผมในห้องได้เลยนะครับ” กฤษณะมายังชั้นที่เขาพัก ชั้นนี้จะถูกล็อกเอาไว้เพื่อคนสำคัญเท่านั้น ที่จะพักได้ มีการ์ดดูแลและมีความเป็นส่วนตัวสูง

         “ได้ครับคุณณะ” การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่พยักหน้ารับคำสั่งกฤษณะ กฤษณะเดินตรงไปยังห้องพักสุดหรู ในห้องมีครบทุกอย่าง โรงแรมระดับเจ็ดดาวที่ภาคย์สร้างเอาไว้ มีแขกมาพักผ่อน ส่วนมากมาเพื่อประชุมและสัมมนาสำหรับแขกวีไอพีเท่านั้น

          ผมเดินเข้าไปก็ตรงไปยังโซนเครื่องดื่มที่ถูกจัดวางเอาไว้ ผมรินวิสกี้ใส่แก้ว ปกติผมไม่ใช่คนดื่มจัดแต่ก็ดื่มตามกาลเทศะ ผมยืนจิบวิสกี้ ตามองไปยังด้านนอก โรงแรมนี้ตั้งในตัวเมือง แสงไฟด้านนอกทำให้เห็นภาพวิวเมือง แม้จะไม่ใช่เมืองใหญ่ๆ แต่ก็ดูคึกคักยามค่ำคืนแต่บ้านที่ลูกๆ ผมไปอยู่ ป่านนี้คงเงียบสนิทน่าดู

          “ตื้ด!” เสียงเครื่องรูดการ์ดดังขึ้นมาทำลายความคิดในหัวผมชั่วขณะ ผมเดาได้ว่าภูมิน้องชายของผม เขามาถึงแล้ว แน่นอนก่อนจะมีใครเข้ามาในห้องผม การ์ดต้องตรวจสอบก่อนให้เข้าพบผม

          “ไปพักกันเถอะครับ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลคุณกฤษณะเอง ขอบคุณครับ” เสียงการสนทนาของภูมิกับการ์ดที่อยู่ด้านหน้าห้องพัก เขาอนุญาตให้การ์ดที่ดูแลไปพักได้ ผมหันไปมองภูมิเขาเดินเข้ามาด้านใน ประตูถูกปิดลงเรียบร้อยแล้ว ภูมิเดินก้าวย่างสามขุมตรงเข้ามาหาผมทันที แววตาคู่นั้นมองมาที่ผมประมาณว่าผมคือจุดหมายของเขา ทันทีที่เขาเดินมาหยุดตรงหน้าผม สายตาเขามองมาที่แก้ววิสกี้ที่ผมถือเอาไว้ ผมพึ่งจะกระดกไปได้นิดเดียว

         “พี่ไม่ได้ดื่มเยอะเพราะว่าพึ่งจะมาถึงเหมือนกัน” ผมพูด ผมรู้ว่าเขาไม่อยากให้ผมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่าไหร่ ภูมิพยักหน้าก่อนจะยิ้มอ่อนๆ ให้ผม ภูมิถอดเสื้อสูทของเขาออกพร้อมกับพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นไปบนข้อศอกของเขา ภูมิเดินมาหยิบแก้วและก็รินวิสกี้ใส่แก้วอีกใบ เขากระดกดื่มมันตรงหน้าผม ผมยืนนิ่งพยายามอ่านความคิดของเขา เขาเหมือนมีอะไรมากมายในหัวที่อยากจะถามผมแต่ว่า

         “พี่ใจร้ายกับผมน่ะพี่ณะ” ภุมิพูดต่อว่าผม ผมหันไปมองทางอื่นแทน ผมยอมรับว่าผมใจร้ายแต่คนที่เจ็บก็ไม่ใช่เขาคนเดียวสักหน่อยผมก็รู้สึกแต่ลูกและองค์กรก็สำคัญไม่แพ้กัน

          “พี่มีเหตุผลภูมิ” ผมหันมาบอกเขา ผมรู้ว่าภูมิไม่ใช่คนดื้อรั้นแต่ว่าไอ้ลูกชายคนเล็กของเขาน่ะดื้อรั้นเพราะว่าเขามีความคิดเป็นของเขาและเขามั่นใจในความคิดเขามาก

         “ผมรู้ไง ผมถึงไม่เคยโกรธพี่เพราะว่าพี่ไม่เคยทำอะไรที่ไม่มีเหตุและผล ผมยังเชื่อว่าสิ่งที่พี่ทำมันต้องมีประโยชน์กับใครหลายคน ผมเชื่ออย่างนั้น” ภูมิพูด เขากระดกวิสกี้รวดเดียวหมด เขามองหน้าผมพร้อมกับวางแก้ววิสกี้ลง ผมก็กระดกวิสกี้ในแก้วที่ผมถืออยู่รวดเดียวเช่นกัน

           “หมับ” ภูมิตรงเข้ามาหาผม เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรให้มาก ภูมิดึงตัวของผมเข้าไปกอดและประกบปากจูบทันที ฝ่ามือผมก็ประคองใบหน้าภูมิ ร่างกายที่เบียดเสียดเข้ามา มันทำให้ผมรู้ว่าเขาพร้อมมากแค่ไหน แกนกายที่อยู่ภายใต้กางเกงสแลค มันแข็งปังจนดันเบียดแกนกายของผมเช่นกัน เสื้อสูทถูกถอดออกไปพร้อมกับกระดุมเสื้อที่ถูกปลดไปที่ละเม็ดสองเม็ดจนหมด ผมรู้ด้วยซ้ำเขาปลดไปตอนไหน มารู้อีกทีก็ตอนที่มีฝ่ามือลูบไล้แผ่นอกของผมแล้ว ผมแอบคิดในใจว่า ที่เรื่องแบบนี้ไวมากเลยน่ะ พ่อตัวดี ส่วนปากของผมกับเขาก็ผลัดกันจูบและลิ้นที่ตวัดหยอกเล่นอย่างรู้งาน จนสุดท้ายเสื้อผ้าก็ถูกถอดลงไปกองที่พื้น ไม่ต้องบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองโดนคนนี้ดันให้เดินถอยหลังไปถึงไหนแล้ว มารู้อีกทีก็ชนกับขอบเตียงและร่างผมก็ถูกผลักลงไปบนเตียงนิ่มๆ นั้น ผมเหลือบมองประตูห้องนอนถูกภูมิใช้เท้าของเขาปิดประตูตั้งแต่เดินผ่านเข้ามาแล้ว



            ภูมิกระโจนขึ้นมาทาบทับร่างของผมทันที สองร่างที่ไร้เสื้อผ้าอาภรณ์กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน ราวกับอดอยากมานานแต่มันก็นานจริงๆ ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ผมเคยโดนกีดกันเพราะว่าผมแก่กว่า แน่นอนการที่จะให้น้องที่อายุน้อยกว่าแม้จะแค่ไม่กี่ปีมากดแบบนี้ พี่หนึ่งที่เชื่อเรื่องไม่ข้ามรุ่นกัน ก็ยิ่งไม่เห็นด้วย จนสุดท้าย ผมเองนี่แหละที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ผมเลยยอมเขามาตลอดแต่แค่เรื่องบนเตียงที่ผมยอม (เรื่องอื่นคงให้ไม่ได้ถ้าลูกชายเขายังไม่ทำให้ผมเห็นไม่ได้ว่าเขาดีพอ)



          “อ้าห์ พี่ยังเร่าร้อนสำหรับผมเสมอ” ภูมิพูดหลังจากเสร็จกิจ เขาก็นอนแผ่ลงข้างๆ ผม ผมหันไปมองภูมิ เขายิ้มให้ผมเหมือนเช่นทุกครั้ง ภูมิดันตัวเองพลิกมานอนตะแคงมองผม ฝ่ามือที่ประคองใบหน้าของผมเอาไว้เพื่อให้มองผ่านแววตาคู่นั้นของเขา

          “ผมคิดถึงพี่แต่ผมไม่รู้ว่าพี่โกรธอะไรผม พี่โกรธอะไรแจ็ค พี่ถึงได้พยายามวิ่งหนีผมแบบนี้พี่ณะ” ภูมิถามผม สายตาคู่นั้นมองมาที่ผมเพื่อต้องการคำตอบ เขาไม่เคยรู้เรื่องโครงการผู้ชายท้องได้เพราะว่าภูมิออกไปซะก่อน ภูมิกลับเข้ามาอีกที โครงการนี้ก็ถูกปิดไปแล้วและมันก็เหมือนกลับความลับที่ต้องถูกปิดตายห้ามใครแพ่งกายออกมา ตอนนี้ผมก็ยังคงปิดมันอยู่ รอแค่เวลาเท่านั้นที่พร้อมจะเปิด

          “พี่ยังไม่ตอบคำถามผมเลยน่ะ” ภูมิลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนข้างๆ ผม เขาหันมามองหน้าผม

          “เราก็ยุ่งไม่ใช่เหรอ ไหนจะเรื่องแจ็ค ไหนจะเรื่องธุรกิจเราอีก” ผมพูด ผมแค่ชำเลืองตาไปมองเขาแค่นั้น

         “หมับ” ฝ่ามือของผมถูกกุมไว้โดยภูมิ เขาดึงขึ้นไปหอมเช่นทุกครั้ง

          “ผมคิดว่าพี่มีอีกน่ะ ผมรู้สึกเหมือนกับว่าพี่ต้องแบกรับอะไรเอาไว้ ทำไมพี่ไม่ให้ผมช่วย ผมทำขนาดนี้พี่ยังไม่เชื่อใจผมอีกเหรอพี่ณะ” ภูมิถามผม หันมามองเขา สิ่งที่ผมแบบเอาไว้ ผมยังบอกเขาในตอนนี้ไม่ได้

         “ไม่มีอะไรหรอก พี่จัดการได้ภูมิ” ผมพูดพร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้น

          “หมับ” ภูมิกอดรั้งผมเอาไว้

         “ผมกลับมาเพื่อช่วยพี่น่ะ ผมอยากให้พี่ไว้ใจผมเหมือนที่ผมทำกับพี่ ผมให้ใจพี่ไปตั้งแต่เด็ก พี่คือหัวใจของผม ถึงผมจะหายออกไปจากชีวิตพี่เพราะว่าผมแค่…” ภูมิพูด

      “แค่น้อยใจเหรอ ตอนนี้ล่ะ ยังคิดอยู่ไหม” ผมหันไปถามภูมิ เขามองหน้าผม เขาส่ายหัวไปมา

     “พี่กับพี่หนึ่ง ไม่ได้มีอะไรเกินไปกว่านั้น พี่หนึ่งเขาไม่ได้มีหัวใจให้พี่ตั้งแต่แรก” ผมพูด วันนั้นที่ผมเดินออกไปเพราะว่าเขาน้อยใจผม ที่เห็นผมกับพี่หนึ่ง แต่ว่าผมกับเขาไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่า พี่น้อง หัวใจพี่หนึ่งผมรู้ดีว่าให้ใครและคนที่พี่หนึ่งให้ก็เป็นน้องชายผมอีกคนแต่สุดท้าย หัวใจที่เคยเป็นของคนอื่นก็โดนเขากลับมาทางคืนไปเช่นกัน

      “ไม่พูดได้ไหม ไม่อยากรื้อฟื้นมันอีก ผมรู้ว่าผมงี่เง่าอ่ะ” ภูมิพูด

     “แต่มันก็ทำให้พี่รู้ว่า แจ็คได้ใครมา “ผมพูด มุมปากของภูมิกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

     “อันนี้งี่เง่ากว่าผมน่ะพี่ณะ ผมไม่เท่าไอ้ลูกชายผมคนนี้แน่นอนและผมก็มีลูกหลายคน ไอ้นี่ งี่เง่าที่สุดแต่…” ผมพูดเขามองหน้าผม

      “เขาแค่อยากเปลี่ยนแปลงเพราะว่าเจเนอเรชั่นมันเปลี่ยนไป ภูมิเชื่อว่าสิ่งที่เขาต้องการเปลี่ยน มันดีสำหรับหลายคนเช่นกัน บางทีเราก็ต้องยอมรับแล้วว่า ยุกต์สมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างก็เปลี่ยนตามไปเหมือนกัน ไม่มีอะไรจะมาย้ำอยู่กับที่หรอกน่ะพี่ณะ” ภูมิพูด เขาก็พูดถูกแหละแต่ใครจะกล้าไปเปลี่ยนทัศนคติพี่หนึ่งจอมเผด็จการได้ล่ะ ผมว่าไม่มี ผมลุกขึ้นก่อนจะคว้าเอาเสื้อคลุมมาสวมใส่และผมก็หยิบอีกชุดโยนไปให้ภูมิใส่เช่นกัน

     “ดังนั้นผมว่าพี่กับผมควรจะ ปล่อยให้เด็กรุ่นใหม่ที่เราเลือกเขามาแล้ว ให้เขาทำตามที่เขาคิดและเราก็ดูอยู่ห่างๆ ได้แล้ว พี่ณะ” ภูมิพูด ผมหันไปมองหน้าเขา

     “พี่ต้องยอมรับได้แล้วว่า เราไม่ใช่เจ้าของชีวิตเขา ถึงเราจะแพลนที่จะให้เขาเกิดมา จะเกิดมาด้วยหลักตามธรรมชาติหรือหลักวิทยาศาสตร์ แต่ว่านี่คือชีวิตของเขาพี่ณะ เราไปกำหนดทุกอย่างไม่ได้ เขาไม่ใช่หุ่นยนต์ เขามีหัวใจ” ภูมิพูด ผมถึงกับต้องพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ทันที ผมเองยังเคยอยากจะยกตำแหน่งนี้ให้คนที่อยากได้และเขาก็พยายามจะโค้นล้มพวกผมอยู่ดี ผมอยากจะทิ้งไปเพื่อไปใช้ชีวิตเหมือนคนปกติเขาทำกันแต่ว่าเพราะคนนั้นใช้อำนาจในทางที่ผิด พวกผมจึงยกให้เขาไม่ได้ เขาไม่ได้แค่อยากได้อำนาจ เขาจ้องทำร้ายล้างเลยก็ว่าได้

      “ผมว่ามันอาจจะถึงเวลาแล้วน่ะ ที่พี่ควรจะปล่อยวางและให้ผมดูแลพี่ได้แล้ว นี้คือสิ่งที่ผมอยากจะทำ” ภูมิพูด ผมลุกขึ้นมา เขาจับแขนผมพร้อมกับหมุนตัวผมไปหาเขา ให้หันมาประจันหน้ากับเขาตรงๆ สายตาคู่นี่แหละที่ทำให้ผมใจอ่อนทุกครั้ง รวมถึงครั้งนี้เช่นกัน

     “ว่าไงครับพี่ณะ” ภูมิลุกขึ้นยืน เขาสวมเสื้อคลุมก่อนจะเดินเข้ามาหาผม

     “นะครับพี่ณะ ให้ผมดูแลพี่ได้แล้ว ลูกๆ เราก็โตแล้ว พวกเขาก็ปีกกล้าขาแข็งกันแล้วตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยกันเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นลูกๆ เราก็ต้องทำได้เหมือนที่เราทำ “ภูมิพูด

      “เราผ่านเรื่องที่แย่ๆ กว่าพวกเขาเรายังผ่านมาได้และผมก็เชื่อว่านี้คือสิ่งที่สอนเขาและยิ่งตอนนี้เขาเรียนเร็วและจบเร็วกว่ารุ่นพวกเราซะอีก ดังนั้นไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแล้วพี่ณะ เชื่อผมน่ะ” ภูมิพูด เขาใช่ฝ่ามือจับใบหน้าผมก่อนจะใช้ริมฝีปากแตะที่ริมฝีปากผม อย่างอ่อนโยน

     “ว่าไงครับ ที่รัก” ภูมิพูด เขามองผมนิ่ง

     “พี่ยังไม่พร้อม ขอเวลาพี่สักหน่อยน่ะภูมิ ขอให้พี่แน่ใจก่อนว่าลูกๆ พี่จะพร้อมที่จะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองกัน..อีกสักหน่ยอ” ผมพูด

     “โดยเฉพาะบอย พี่ต้องแน่ใจว่าเขาจะขึ้นเป็นผู้นำอย่างปลอดภัย แม้ว่าในใจพี่ก็อยากให้เป็นคนอื่นแต่ว่า “ผมพูด ภูมิมองหน้าผม

      “มีตั้งหกคนแต่เลือกบอยคนเดียว ผมไม่ได้มองว่าบอยไม่ดีไม่เหมาะสมน่ะ หรือว่ามองว่าลูกผมเหมาะสมที่สุดก็ไม่ ผมแค่เห็นว่าตำแหน่งมันทำให้เด็กสองคนที่รักกันต้องมาแยกกันเหมือนเช่นผมกับพี่ มันไม่ยุติธรรมแค่นั้นเอง” ภูมิพูด เขามองหน้าผม

     “พี่หนึ่งเขาก็บอกจะให้เป็นติ๊กก็ได้แต่ดูจะยากน่ะเพราะว่าติ๊กที่ดูจะไม่ยอมรับกฎระเบียบและพายเขาก็เลือกเอาไว้แล้ว พายเก่งมาก เขาอยากได้หมอที่เก่งกาจ เอาไว้ในองค์กรสักคน ส่วนแอ้ นี่ …” ผมพูดก่อนชะงักไปหลายวินาที

     “แอ้ ลูกชายภีม ทำไมเหรอ “ภูมิถามผม

“พี่หนึ่งไม่ให้เด็กคนนี้ขึ้นแต่เหตุผลพี่ไม่รู้จริงๆ “ผมพูด ภูมิถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม น่าแปลกแอ้นี้คนที่ตัดสินใจทุกอย่างกลับเป็นพี่หนึ่งทั้งที่แอ้เป็นลูกภีมน้องชายผม ผมยังจำได้ดีตอนแรกที่คุยกันเพราะว่าเด็กๆ เริ่มไม่ไปตามแนวทางที่เราปูเอาไว้ ทำท่าเหมือนจะต้องหาคนใหม่และวันนั้นพี่หนึ่งก็ยืนกรานว่า แอ้ต้องไม่ใช่หนึ่งในตัวเลือก

      เขาเลือกออกมาแล้ว คือบอยกับดิว ดิวก็คือลูกชายของภาณุเดช มันน่าแปลกที่พี่หนึ่งกับภาซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานเพราะว่าเขารักคน คนเดียวกัน เขาสู้รบกันมาไม่ใช่ก่อสงครามแต่สู้รบเพื่อแย่งชิงตัวภีมแต่สุดท้ายภีมก็เลือกที่จะกลับไปหาภาเพราะหัวใจเขาสองคนแต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนประวัติศาสตร์มันกำลังซ้ำรอยยังไงก็ไม่รู้ ผมแค่รู้สึกไปเองใช่ไหม ถ้าใช่ปัญหาใหญ่แน่นอน แค่คิดก็กุมขมับรอแล้วพวกผมน่ะ

     “แล้วแจ็คล่ะ ในสายตาของพี่ณะ” ภูมิถามผมถึงแจ็ค ผมหันมามองหน้าภูมิอีกครั้ง

      “ถ้าเขาพิสูจน์ตัวเองได้เพราะว่าพี่เองก็ไม่อยากกีดกัน ถ้าเขาอยากจะครองคู่กันแต่ว่าแจ็คต้องพิสูจน์ตัวเองให้มากกว่านี้หลายเท่า ถ้าเขาทำได้ พี่ก็ยินดีน่ะ” ผมพูด ภูมิมองหน้าผม เขายิ้มกริ่มที่มุมปาก

      “พี่รู้ไหม บรรดาลูกชายผม คนที่ทำเซอไพรส์ให้ผมบ่อยมากที่สุดคือแจ็ค ดังนั้นผมเชื่อว่าเขาทำได้แค่พี่ให้โอกาสเขาบ้าง “ภูมิพูด ผมแค่ยิ้ม ที่มุมปาก

     “วันนี้ไม่ได้ไปไหน ค้างกับพี่สักคืนไหมล่ะ” ผมหันมาถามภูมิน้องชายที่ผมรักมาก เขามองหน้าผม

     “ถ้าพี่ให้ผมค้าง พี่จะให้ผมเบิ้นอีกรอบไหมครับ ผมอยากชดเชย ที่พี่หนีผมตลอดทุกงาน คุยกันทักทายกันและหันมาพี่ชิ่งหนีผมหายไปทันทีครั้งต่อไปนี่ผมจะไม่ยอมให้พี่หนีแล้วน่ะ ผมจะยึดพี่ไว้กับผม” ภูมิพูด ผมหันมามองหน้าเขา น้องชายจอมหื่นของผม

      “ต่อไปนี่พี่จะหนีผมไม่ได้แล้วน่ะ ผมไม่เปิดโอกาสให้พี่หนีผมแน่นอน” ภูมิพูด ผมหันมามองภูมิ

     “ดูก่อนน่ะว่านายทำให้พี่ควรจะให้นายหรือเปล่า…” ผมพูด ริมฝีปากผมขยับเพื่อทำให้ภูมิรู้ว่าผมก็พร้อมจะให้เขาน่ะแต่ว่า ผมชะงักถอยออกมาทันทีที่ภูมิเข้าหาผม

      “ถ้านายไม่อยากให้พี่หนีนายอีก นายน่าจะรู้ว่านายควรจะทำอย่างไรกับลูกชายตัวแสบของตัวเอง” ผมพูด ภูมิมองผม

     “สงสัยต้องใช้ไม้แข็ง” ภูมิพูด ผมพยักหน้าว่าดีทีเดียว

     “พี่ว่าเราไปอาบน้ำแต่งตัวจะได้ลงไปทานข้าวกับน้องๆ เพราะว่าไม่ได้มีเวลาแบบนี้บ่อยน่ะที่จะมาเจอกันครบแบบนี้” ผมพูด

     “ถ้าลูกๆ ตัวแสบไม่ทำเรื่อง ก็ไม่ไม่ได้เจอกัน ดังนั้น ก็ควรขอบคุณลูกๆ ชุดนี้น่ะ แสบได้ใจพ่อทุกคนจริงๆ” ภูมิพูด ผมหันมามองก่อนจะยิ้มจะยิ้มให้เขาไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รู้จะมีเหตุผลไหนมาเจอคนคนนี้อีก ผมยอมรับว่าหัวใจผมก็คือเขาต่อให้เขาจะเด็กกว่าผมแต่ผมก็เชื่อว่าเขามีวุฒิภาวะไม่น้อยไปกว่าผม ผมเหลือบมองเวลา ผมต้องลงไปทานอาหารกับน้องๆ อันนี้ก็เช่นกันไม่ได้เจอกันง่ายๆ เหมือนต่างคนต่างไปแต่เวลาเกิดเรื่องคนที่ไปหาผมก่อนคือน้องๆ ผมนี่แหละ ถึงแม้เราจะไม่ได้เกิดมาจากพ่อแม่เดียวกันแต่พ่อแม่ของผมพวกผมเป็นเพื่อนที่รักกันมากที ภูมิเดินตามผมเข้าไปในห้องน้ำ ไม่รู้ว่าจะมีอีกรอบไหม ดูท่าแล้วน่ะจะได้อีกรอบ (รุ่นพ่อก็แซ่บน่ะจะบอกให้)

     TBC…
หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง) พิเศษรุ่นพ่อภาXพ่อภีมNC
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 04-01-2024 18:55:01
Part พ่อภีมปภพVS พ่อภาณุเดช
Part’s หมอภาณุเดชกับพันเอกภีมปภพ คู่รักที่รักกันเกินพี่น้องอีกคู่ คู่นี้รักมาราธอนมาก รักกันตั้งแต่ภีมพึ่งจะเข้ามัธยมต้นแอบคบและแอบรักกันมานานจนภีมต้องไปเรียนโรงเรียนนายร้อย ส่วนเขาก็เรียนแพทย์และเขาฝึกแพทย์ทหาร ทำให้ความสัมพันธ์ขาดหายแต่ความมั่นคงยังคงอยู่ ที่หายไปก็เพราะว่ามีคนรักภีมมากเช่นกัน นั้นคือพี่ชายของเขาเอง พี่หนึ่ง เขาต้องสู้รบตบมือกันมากแค่ไหนเพื่อให้ได้หัวใจของเขาคืน แต่ความจริง หัวใจของภีมก็ยังคงเป็นของภา ตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มคบกันแล้ว มีบางช่วงที่เขาไม่อยากทำให้พี่ภาที่เขารักต้องมีเรื่องกับพี่หนึ่ง เขาเลยต้องยอมถอยห่างออกมาแต่ว่าช่องว่างนั้นมันกลับทำให้ความรักทั้งคู่ ยิ่งเติบโตขึ้น จนตอนนี้เรียกได้ว่าอิ่มตัวแล้ว
              “หมับ” ผมเข้าไปกอดภีมปภพ น้องชายที่ห่างจากผมแค่สามปี ภีมปภพเป็นมากกว่าน้องชายที่ผมรัก เขาเป็นคนที่ผมรักสุดหัวใจ ผมกับภีมแอบคบกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว ดังนั้นไม่ต้องถามว่าดิวมันซ่าเหมือนใครก็พ่อมันนี้แหละ
             “อืมม..พี่ภา..ไม่..อาบน้ำ...ก่อนหรือไง “ภีมพยายามดันผมออก เพราะว่าผมกำลังซุกไซ้ฝังริมฝีปากไปตามต้นคอ ผมรู้ว่าเขาไมได้ห้ามผมจริงหรอก
             “พี่ดูก็รู้ว่าอยากเล่นจั้มจี้กันก่อนค่อยอาบน้ำ. อืมม” พี่ไม่ได้กอดธรรมดา มือก็เอื้อมไปปลดตะขอกางเกงสแลกและรูดซิปลง ผมหมุนร่างนั้นหันมาหาพร้อมกับประกบปากจูบภีมปภพทันที ภีมก็ปลดกระดุมเสื้อผมไปด้วย แถมยังปลดกางเกงผมไปพร้อมๆ กัน แบบนี้เรียกได้ว่าอยากได้ก่อนอาบน้ำแน่ๆ
            “พี่ภา!” ผมก็รู้เลยต้องทำยังไง อุ้มเลยแล้วกันไปห้องนอน ภีมเรียกชื่อผมเสียงหลง
            “วางเลย แก่แล้วยังซ่าอีกเดี๋ยวก็ปวดหลัง วางภีมลงเดี๋ยวนี้!” เป็นห่วงอีกกลัวโยกไม่ไหวอีก เอาวางก็ได้
            “เดินเอง ซ่าหนัก!” มาต่อว่าอีกนะ และผมสองคนก็พากันเดินเข้าห้องนอนไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้คที่กระโจนขึ้นเตียง ตอนนี้สี่สิบสี่แล้ว ค่อยๆ ขึ้นแล้วกัน และผมก็ขึ้นไปคร่อมร่างเล็กที่บางกว่าผม แม้ว่าความสุงจะพอกัน
             “อืมม..พี่..ภา..” ผมมอบรสจูบที่ดูดดื่มให้กับคนเบื่องล่าง เล่นเอาส่ายไปมาแม้ว่ามันจะไม่ค่อยซู่ซ่าเหมือนรักวัยรุ่นก็ตาม ผมกับภีมเราแอบคบกันแอบได้เสียกันตั้งแต่ภีมยังอยู่มัธยมต้นอยู่เลย (ไม่ต้องถามเลยว่าดิวมันได้ใครมา)
             “โอ้ว.พี่ภา...ซี้ด..อืมมม...” เห็นอายุขนาดนี้ ลีลาก็ไม่ได้ไปตามอายุ ยังคงร้อนแรงเหมือนเดิม (เรียกว่ายังเตะปี๊ปดังอยู่) เพราะดูจากคนที่เบื้องล่างของผม ดิ้นส่ายไม่อยู่นิ่งขนาดนี้
           “อืมมม...” ผมเริ่มใช้ปาก ฝังรสจูบไปจนถึงหน้าท้องที่แบนราบและค่อยๆ ลงต่ำไปเรื่อยจนถึงความเป็นชาย ไม่รอดแน่นอน ผมก็ใช้ปากจัดการมันซะแต่โดยดี ทำเอาคนที่นอนราบหายใจไม่เป็นจังหวะ ผมคิดว่าสักพักคงต้องขึ้นไปผายปอดต่อ
           “อืมม..ซี้ด..อืมม” ภีมกดหัวผมไว้ไม่ยอมให้เงยหน้าขึ้นเลย จนผมต้องจับมือและปล่อยสิ่งนั้นให้เป็นอิสระก่อน
             “ภีมพี่รู้ว่าพี่ทำเก่งนะ แต่ว่าอย่ากดแน่นขนาดนี้ซิภีม พี่จะตายคาของรักของภีมซะก่อน” ผมพูดภีมก็กระดกหัวขึ้นมอง และขำผมด้วยนะ และผมก็กลับไปจัดการที่ชี้หน้ารอการกำราบจากคุณหมอที่เชี่ยวชาญเรื่องสูตินรีเวชและไม่ได้ชำนาญแค่ของผู้หญิงนะ ของผู้ชายผมก็ชำนาญ ชำนาญมากกว่าด้วย
            “พี่ภา...อืมม...ไม่ไหวแล้ว...อ้าห์” ไม่ชำนาญได้ไง ไม่ทันไรชิ่งไปซะแล้ว
            “ถึงคิวพี่บ้างแล้วนะ” ผมพูดและภีมก็คงรู้ดี เขาก็กระดกตัวขึ้น กึ่งนั่งกึ่งนอน ก่อนจะปฏิบัติกันภีมหันไปหยิบหมอนมาหนุนสะโพกและผมก็จัดการเข้าไปนั่งคุกเข่าตรงช่องทางรักของภีม ก่อนจะปฏิบัติรักก็ต้องเอาเจลมาทาให้มันหล่อลื่นซะก่อนและจัดการนำสิ่งนั้นสอดใส่เข้าไปทันที
             “อืมม..ห่างหายไปหลายเดือนนะ..รู้สึกว่า..ฟิตไปนะ ..อืม” ผมพูดภีมเหล่ตามองผมและเงยหน้าหนีหลับตาพริ้ม ผมเองก็โยกเบาๆ และหนักขึ้นเมื่อภีมเริ่มจับไหล่ผมบีบแรงขั้น แรงขั้น แรงโยกก็แรงตาม ไม่นานก็ไปถึงสวรรด์ชั้นเจ็ดเร็วตามประสาคนอายุเกินหลักสี่จะถึงหลักจะหลักห้าอยู่แล้ว
              “จ๊วบ!!” ผมจูบคนที่นอนราบที่บนที่นอน ตาก็มองสายตาคู่นั้น
             “พี่ภา...พี่มีอะไรปิดผมหรือเปล่า” ภีมถามผม
             “แล้วภีมคิดว่าพี่มีอะไรจะปิดภีมละ” ผมเอาแขนตั้งรับศีรษะไว้ ขณะที่นอนตะแคงคุยกับภีมปภพ
            “ภีมไปได้ยินอะไรมาเหรอ...บอกพี่ซิ” ผมถามคนที่หันมามองผม แววตาคู่นั้น มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ภีมยังอยู่ม. ต้น และผมก็อยู่ม.ปลาย แม้ว่าเราจะห่างกัน 4 ปีก็ตาม
             “ก็...ไม่มีนิ แค่ลองถามพี่ดูเพื่อว่าพี่มีอะไรจะบอกภีม” ภีมปภพพูด และหันหน้าหนี
             “แน่ใจเหรอภีมว่าแค่ลองถามพี่น่ะ “ผมพูดภีมหันมามองหน้าผม
              “เออว่าแต่ มีต่อไหม พี่คิดถึงอ่ะ ไม่ได้...มาหลายเดือนเลยครึ่งปีดีกว่าที่ไม่ได้เจอภีม “ผมถามที่เอาแขนดันเองไว้
             “ปึก” หันไปหยิบหมอนมาปาใส่ผมแบบนี้ เดายากเลยครับ ว่าโอหรือไม่โอ
             “ชวนพี่ณะกับพี่ภูมิไปหาอะไรทานกันดีกว่าเราไม่ได้มีโอกาสแบบนี้บ่อยนะพี่ภา” ภีมปภพ พูด ผมพยักหน้าว่าได้ซิ ผมก็ลุกขึ้นและหันไปยื่นมือ นั้นคือคำชวน จะได้ไปอาบน้ำกัน และก่อนจะไปอาบน้ำก็หยิบมือถือขั้นมาโทรหาพี่ชายซะก่อน
            “พี่ณะ ลงไปหาอะไรทานกันไหมพี่ ผมจะได้ให้เขาจัดห้องอาหารรอ” ผมโทรหาพี่ชายคนโตอายุห่างจากผมสองปี
            “พี่ก็เพิ่งจะคุยกับภูมิอยู่นะว่าจะชวนเราสองคนอยู่พอดีเลย ถ้าอย่างนั้นพี่บอกคนของพี่แล้วกันว่าจะให้ลงไปจัดห้องอาหารไว้สำหรับเราสี่คน ส่วนภาคย์นะกลับกรุงเทพน่ะเพราะว่าพี่สามมาหามันที่กรุงเทพ” พี่ณะพูดบอกผม ผมไปพยักหน้ากับภีม และยักไหล่ให้ไปรอในห้องน้ำเลยเดี๋ยวตามเข้าไป และไม่ต้องถามว่ามีต่อไหม มีแน่นอน โอกาสแบบนี้ไม่มีบ่อย เพราะว่าอายลูกเหมือนกันถ้าจะสวีทเหมือนพวกลูกๆ ทำ

                   ผมกับภีมเดินลงมาที่ห้องอาหารเพื่อรอพี่ชายและน้องชายของผมภูมิ ภูมิน่ะเป็นพี่ชายของภีมเขา ภาคย์เจ้าของโรงแรมดันรีบกลับกรุงเทพ นั่งเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวไปกับเปรมดิ์ ภาคย์บอกว่าพี่สามมาทำธุระและรอเขาอยู่ที่โรงแรมที่กรุงเทพ ส่วนเปรมดิ์นี้ผมเดาได้ว่ามีเรื่องเง้างอดกับพี่สี่อีกแล้ว พี่สี่คือน้องชายคนเล็กของพี่หนึ่ง พี่สี่เจ้าชู้มาก จนป่านนี้ยังไม่เลิกเลย แต่ทำยังได้ คู่นี้เขารักๆ เลิกๆ กันมาตั้งแต่ยังไม่มีลูกจนลูกโตแล้ว
                  “พี่ณะ” ภีมทักพี่ชายคนโต พี่ณะกับภูมินั่งลง
                 “พี่ณะ ใจอ่อนให้พี่แล้วซิ” ภีมถามพี่ชายของเขา ภูมิหันมายิ้มให้ภีม
                “เป็นไงบ้างภีม ไม่ค่อยได้เจอ ติดดูแลพี่ภาเหรอแต่พี่ดูแล้ว พี่ภาน่ะดูแลเรามากกว่ามั้ง” ภูมิถามภีม
                “สั่งอาหารทานกันดีกว่าน่ะ “พี่ณะพูด ก่อนจะเรียกพนักงานทางโรงแรมหรูเข้ามา พี่ณะก็สั่งอาหารสุขภาพเหมือนเช่นทุกครั้ง ผมก็ทานได้หมดทุกแนว มาทานกับซีอีโอก็ต้องทานอาหารหรูสักหน่อย ส่วนภีมนี้ผมให้เขาทานอาหารชีวจิต ผมเคยตรวจเจอว่าเขามีความเสี่ยงที่อาจจะเป็นมะเร็ง เขาแค่มีความเสี่ยงมันมาจากพ่อของเขาก่อนที่จะถูกสังหาร เขาป่วยเป็นมะเร็งมากก่อน ผมเลยให้เขาดูแลสุขภาพมากกว่าคนอื่นๆ หน่อย
                 “ภา ยังตามเรื่องครอบครัวของศาสตราจารย์เควินอยู่ไหม” พี่ณะถามผม ผมหันมามองพี่ณะ ผมค่อนข้างสนิทกับศาสตราจารย์ เรียกได้ว่าเขาคืออาจารย์ของผมเลยทีเดียว ศาสตราจารย์เก่งกว่าผมอีกถึงเขาจะไม่ใช่หมอเหมือนผมแต่เขาเป็นนักวิจัยและเป็นคนที่ช่วยให้สิ่งที่พวกผมต้องการสำเร็จแต่ว่าศาสตราจารย์กลับต้องมาเดือดร้อนเพราะช่วยพวกผมนี่แหละ
                 “ผมส่งคนไปที่บ้านศาสตราจารย์ ผมว่าพวกนั้นน่าจะเข้ามาขนของในบ้านศาสตราจารย์ไปหมดแล้ว” ภาพูด
                 “เขามีสิทธิ์เพราะว่าศาสตราจารย์ขึ้นตรงกับเขาแต่ศาสตราจารย์เลือกมาช่วยเรา”ผมพูด
                “และที่ศาสตราจารย์ไม่เห็นด้วยเพราะพวกเขากำลังใช้มันในทางที่ผิด” ผมพูด
                “พี่ยังสงสัยเรื่องการเสียชีวิตของศาสตราจารย์น่ะ ตกลงเขาถูกฆาตกรรมใช่ไหม” พี่ณะถาม
                 “ตอนแรกผมก็คิดเช่นนั้นน่ะพี่ณะ แต่ว่าเราตรวจพบหลักฐานบางอย่าง ที่บ่งบอกได้ว่า ศาสตราจารย์เขาทำเอง” ผมพูด ทุกคนหันมามองผมกันหมดไม่มีใครเชื่อรวมทั้งผมเอง ผมว่าศาสตราจารย์ทำเพื่อแลกชีวิตลูกเขาแน่ๆ ศาสตราจารย์มีลูกที่เขาใช้งานวิจัยของผมไปทำให้ลูกเขาเช่นกันและผมเองก็เป็นคนทำคลอดลูกชายเขาด้วย วันนั้นศาสตราจารย์ถูกส่งไปช่วยวิจัยที่อื่นซึ่งกลับไม่ทันและนั้นทำให้ผมรู้ว่าภรรยาท่านป่วยเป็นมะเร็งระยะที่ 4 และต้องทำคลอดด่วน ผมยอมรับว่าลำบากใจที่สุด ทั้งที่ผมเองก็พยายามแล้วแต่ว่า ร่างกายของภรรยาศาสตราจารย์ไม่ตอบรับยาที่ผมจะให้เพราะว่ามันสายเกินไป
               “แต่เราก็ไม่เจอครอบครัวของศาสตราจารย์ในงานฝังศพเขาไม่ใช่เหรอพี่ภา” ภูมิพูด พวกผมไปกันหมดและวันนั้นผมตั้งใจจะให้ความช่วยเหลือครอบครัวศาสตราจารย์ให้เต็มที่แต่ว่า พวกเขาไม่ได้ไป ภรรยาคนใหม่กับลูกชายของเขา
                “แล้วลูกเขาหายไปไหนล่ะ เราก็ตามไม่ได้เหรอพี่” ภูมิถามผม
                “พี่ว่าศาสตราจารย์อาจจะคิดเอาไว้แล้ว ศาสตราจารย์เป็นคนเก่ง เขาประมาณการทุกอย่างเรียกว่าแม่นยำเกือบจะ 99 เปอร์เซ็นต์และมันก็ตรงซะด้วย” ผมพูด
               “เราทราบไหมพี่ว่าใครพาเขาไป” ภูมิถามผม
              “พี่ไม่รู้ว่าใคร มีรูปคนนั้นที่สนามบินแต่ว่าเราตรวจสอบไม่ได้เลยว่าทั้งสามคนเขาไปไหนกัน” ผมพูด
              “เราไม่มีข้อมูลคนที่พาภรรยาใหม่และลูกของศาสตราจารย์ไป เรารู้แค่ว่าเขามีรอยสัก ดูจากรอยสัก น่าจะเป็นยากูซ่าและนักฆ่า” ผมพูด แต่ล่ะคนก็ทำสีหน้าตกใจ
              “ภาคิดว่าเขาเสียชีวิตแล้วเหรอ” พี่ณะถามผม
              “ผมว่าไม่น่ะเพราะถ้าเข้าต้องการฆ่าเขาไม่จำเป็นต้องพาเขาสองคนออกนอกประเทศแต่ว่านี้เขาพาไป เพื่อจะให้หนีออกนอกประเทศไป ผมเชื่อว่าเขาช่วยมากกว่า” ผมพูด
               “พี่หวังว่าเด็กจะยังอยู่ ยังมีชีวิตอยู่น่ะแต่ถ้าไม่ พี่รู้สึกผิดน่ะ ที่เราก็มีส่วนทำให้ครอบครัวเป็นแบบนี้ “พี่ณะพูด จังหวะนั้นโทรศัพท์ภูมิดังขึ้นมาพอดี ภูมิเดินออกไปรับสายด้านนอกซะก่อน ตามมาด้วยภีมอีกคน ประจวบเหมาะดีจริงๆ ภีมพยักหน้ากับผมก่อนจะหลบไปรับสายเช่นกัน
               “แต่ผมกังวลเรื่องเด็กมาก ถ้าเขายังอยู่” ผมพูดกับพี่ณะ พี่ณะมองหน้าผม
               “เด็กคนนี้ ศาสตราจารย์เขาใช้งานวิจัยเราใช่ไหมภา” พี่ณะถามผม
               “ใช่พี่และเด็กคนนี้ ศาสตราจารย์บอกผมว่า เขาสมบูรณ์กว่าบอยน่ะ” ผมพูดพี่ณะตกใจมากพอสมควร
              “ดังนั้นที่ผมเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ บอยยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิดและแอ้ ลูกชายภีมก็เช่นกัน ผมกลัวว่าเขาจะได้รับการดูแลไม่ถูกวิธีและนั้นจะส่งผลกับตัวเขา ไม่ว่าจะด้านสุขภาพและจิตใจของเขา เขาอาจจะซับซนเพราะว่ามันกำกวง มันมีอะไรมากมายที่ยุ่งยากมากกว่าเด็กผู้หญิงปกติ” ผมพูด พี่ณะมีสีหน้ากังวล
              “พี่คามินเขารู้เรื่องไหมภา” พี่ณะถามผม
              “ผมเดาว่าเขารู้น่ะ”ผมพูด
              “เขาคงไม่ทำอะไรเด็กหรอกน่ะ มันถูกต้อง เด็กไม่เกี่ยว” พี่ณะพูด  ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วย
             “ถ้าอย่างนั้นเราต้องหาเด็กให้เจอก่อนที่พี่คามินเจอเขาภา” พี่ณะพูด
             “ผมก็ยังคงตามอยู่นะพี่ แต่ก็ไม่กล้าจะทำให้ดูเป็นเรื่องใหญ่เพราะว่าเราไม่รู้ ใครจะเข้าหาตัวเด็กก่อน ผมกลัวจะเป็นทางโน้นและนั้นมันคือผลักให้เขาไปพบอันตราย “ผมพูด
              “พี่น่าจะรู้ว่าพี่คามินเขามีแบ็คที่เป็นนายตำรวจใหญ่ทั้งนั้น” ภาณุเดชพูด  จังหวะนั้นสองคนพี่น้องเดินเข้ามาพร้อมกันทันที พี่ณะ พยักหน้าว่าเอาไว้คุยกันเรื่องนี้ทีหลัง และพวกผมก็ทานอาหารกันต่อและหยุดการสนทนาเรื่องศาสตราจารย์กันไว้ก่อน เปลี่ยนเรื่องคุยมาเป็นเรื่องวัยเด็กของพวกผม ต่อให้นานแค่ไหนก็ยังจำได้ดี  ความทรงจำที่จำได้ดีที่สุดคือวันแรกที่พวกผมต้องมาอยู่ด้วยกัน
             
                    พวกผมกอดกันร้องไห้เพราะว่าต้องสูญเสียพ่อแม่ไปพร้อมๆกัน พี่หนึ่งคือคนที่อาวุโสที่สุดที่ดูแลพวกผมทั้งที่พี่หนึ่งก็รู้ว่าการเข้ามาปกป้องพวกผมจะทำให้เขาต้องกลายเป็นศัตรูของใครบางคน แต่พี่หนึ่งก็เลือกอยู่ข้างพวกผมเพราะความถูกต้อง  พวกผมคุยกันหลายเรื่องจนดึกพอสมควรก็แยกกันเพื่อจะได้นอนพักและรุ่งเช้าผมต้องกลับไปที่ค่ายฯแต่เช้า ส่วนพี่ณะและภูมิ ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวกลับกันเลย ผมหวังว่าลูกๆ ของผมจะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จและพากันไปทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อองค์กร ผมเชื่อว่าสิ่งนี้คือตัวพิสูจน์ความสามารถของพวกเขาที่จะก้าวเข้าสู้องค์กรและดูแลคนในองค์กรแทนพวกผมได้
                 TBC…

หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง)พิเศษพ่อเปรมดิ์Xพ่อสี่NC
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 04-01-2024 20:50:06
รักวุ่นวายฯ รุ่นพ่อก็รักกันมาก่อน ภาคพ่อเปรมดิ์ VS พี่สี่

        Part’ s เปรมดิ์ ผมเป็นพ่อของบ้านพ.พาน บ้านผมก็มีลูกทั้งหมด 6 คน คนโตชื่อแพท คนนี้เพิ่งจะจบนายร้อยหมาดๆแพทย์เลือกเดินเส้นทางเดียวกับผมทหารเรือและแพทยก์ได้เข้าเป็นหน่วยนาวีซิล ค่อนข้างไปเร็วกว่าคนอื่น แพทเป็นคนมีความสามารถรอบด้าน ตอนนี้ติดยศร้อยเอก และคนที่ สองพีช พีชอ่อนกว่าแพทไม่ถึงปี เพราะว่าเป็นลูกหัวปีท้ายปี พีชเพิ่งจะจบและกำลังจะไปฝึกแรงเจอร์น่าแปลกที่พีชไม่เลือกเหมือนแพท ทั้งที่ตอนแรกคุยกันแล้วว่าจะไปเหมือนกันแต่มาเปลี่ยนกะทันหัน นับจากที่ผมเสียลูกบุญธรรมไป ลูกบุญธรรมผมชื่อพอส ผมรู้สึกว่าแพทกับพีชเหมือนมีเรื่องบาดหมางกันแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้แสดงอะไรต่อหน้าเลยทำให้ผมเดายากพอสมควรและคนที่สามพั้นญ์ ตอนนี้พั้นซ์กำลังเรียนแพทย์ปี 4 เขาอยากเป็นหมอผิวหนัง คนที่ สี่พ๊อช คนนี้กำลังเรียนครุศาสตร์ ปี 3 น่าแปลกคนนี้อยากเป็นครู และคนที่ห้า พอล กำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งเภสัชกร และคนเล็กสุด พาย คนนี้คือความหวังของพี่หนึ่ง เขาต้องการให้พายเป็นหมอและหมอเกี่ยวกับโรคหัวใจเพราะว่าพายเรียนเก่งมากแต่มันก็ยังไม่แน่นอน เขาอาจจะเปลี่ยนอีกก็ได้
ผมมีลูกเหมือนที่พี่ๆ ผมทำให้โดยมีคนอุ้มบุญให้ แถมผมยังมีแฟนเป็นน้องชายของพี่หนึ่ง นั้นคือพี่สี่ พี่หนึ่งก็คือคนที่ดูแลพวกผมตั้งแต่พ่อแม่ผมเสีย ตอนแรกผมก็ไม่อยากได้ผู้ชายคนนี้หรอกเพราะว่าเจ้าชู้ที่สุด รักๆ เลิกๆ มากไม่รู้กี่ครั้ง และล่าสุดนี้ก็เอาอีกแล้ว จากที่หายไปหลายปีนึกว่าจะเลิกแล้วเชียว
ผมตามพี่ภาคย์มากลับมาโรงแรมของพี่ภาคย์ ตั้งใจจะกลับมาเก็บของและกลับเลย ผมรู้ว่าพี่สามมาพี่สี่ก็คงจะมาแน่นอน ดังนั้นผมจึงควรจะชิ้งหนีกลับก่อน ใช่ครับ ผมกับพี่สามมีเรื่องผิดใจกันอีกแล้ว ขนาดบอกว่าเลิกแล้วน่ะ แต่รอบนี้เป็นผู้หญิงคนเก่า เขาเคยตามมาเกาะแกะกับพี่สามจนเผลอไปมีอะไรกัน แม้จะนานแล้วตั้งแต่ตอนที่ยังใช้ชีวิตคู่กับคุณมลฤดีก็เถอะ
วันก่อนผมไปหาเขาเพราะว่าผมได้รับข้อความจากพี่สี่ที่โรงแรม ผมอุตส่าห์รีบไป ปรากฏว่าไปเจอพี่สี่ในห้องกับผู้หญิงคนนั้น ทั้งที่พี่สี่เลิกติดต่อกับผู้หญิงคนนี้ก็สี่ห้าปีแล้วและเธอก็ย้ายไปทำงานที่อื่นแต่รอบนี้ทำไมถึงกลับมาก็ไม่รู้และผมเองก็ไม่รอพี่สี่อธิบายอะไรทั้งนั้น ผมคิดว่าผมควรจะพอได้แล้ว ผมสงสารแพท แพทเรียนจบอแล้ว เขาเองก็ไม่อยากเจอเรื่องอะไรแบบนี้แล้ว แพทเป็นลูกชายคนเดียวที่ยอมเปิดใจให้พี่สี่เหมือนลูกคนอื่นๆ ดังนั้นผมควรจะเลือกลูก
 
       ผมก็ไม่ไอ้อยู่รอให้พี่สี่มาง้อเหมือนทุกทีเพราะว่าผมรีบมาส่งลูกชายคนเล็ก น้องพาย ที่ดันไปเที่ยวและมีเรื่องกับลูกชายนักการเมือง ฝ่ายที่มีปัญหากับพวกผมอยู่ พวกนี้เป็นพวกที่ต้องการโค่นล้มพวกผมเพื่อยึดอำนาจในการดูแลองค์กรของพวกผมผม พี่หนึ่งรู้เรื่องเขาก็เลยสั่งทำโทษทั้งหมด ให้พากันไปแก้ไขปัญหาที่โรงเรียนของภาคย์ ให้เวลาหนึ่งปี หากทำไม่สำเร็จจะให้อยู่ต่อไปเรื่อย

       ผมเองก็ไม่เห็นด้วยในตอนแรกเพราะว่าพายจะต้องไปเรียนแพทย์ แค่เขาไม่ได้เลือกทำสิ่งที่พวกเขาอยากทำมันก็แย่แล้วนี่ยังบังคับนั้นบังคับนี่อีก ผมรู้ว่าพี่หนี่งเป็นคนเผด็จการ พวกผมก็โดนมาแต่ไม่อยากให้ลูกๆ ต้องมาเจอแต่ว่า พี่หนึ่งก็ยังเป็นที่มีอำนาจสูงสุดในตอนนี้ นอกจากจะรอให้บอยขึ้นตำแหน่งแต่จะให้บอยคนเดียวไม่ได้ต้องหาอีกคนที่คู่กับบอย เพื่อแต่งงานกับบอย ผมเองก็รู้ว่าลูกชายพี่ภูมิมันรักบอยแต่ว่า มันก็ดื้อและหัวรั้น เผลอๆ จะมากกว่าทุกคนซะอีก ผมรู้เพราะว่า แจ็ค ติ๊กและพาย สามคนนี้ขาเที่ยวเลย จนผมเองก็ต้องกุมขมับ พายว่าที่คุณหมอจะเสียจะเสียคนซะก่อนที่จะได้เรียนหมอนะผมว่า

“พีช พ่อว่าเก็บของเลย กลับเลยดีกว่า” ผมหันไปบอกลูกชายคนที่สอง ผมรู้สึกเป็นห่วงลูกชายอีกสองคนที่บ้านยังไงก็ไม่รู้ พอลนะขอไปพักที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนซึ่งมันอยู่คนจังหวัดกับที่ผมอยู่ แต่ที่อยากรีบกลับเพราะว่าผมกำลังโกรธใครสักคนอยู่ บอกว่าให้เลิกได้แล้ว ลูกผมเขาเรียนจบแล้ว ผมไม่อยากให้เขามีอคตีกับพี่สี่มากไปกว่านี้แต่นี้ก็ยัง…
“กลับเลยเหรอพ่อ” พีชหันมาถามผม ตอนแรกผมก็ว่าจะอยู่ต่อ พีชก็บอกผมว่าอยากพักอีกสักวันเพราะว่าจะต้องกลับไปฝึกต่ออีกแล้ว พีชเป็นนาวิกาโยธิน เขากำลังจะเข้าบรรจุเป็นเดลต้าฟอร์ด พีชเก่งเรื่องการสอดแนม เขากำลังเข้าฝึกขั้นสุงก่อนที่จะเข้าหน่วยเพื่อปฏิบัติหน้าที่จริงในการแฝงตัวเพื่อหาข้อมุลลับ
“กลับเลยพีช เดี๋ยวพ่อไปเก็บของในห้องก่อนนะ” ผมหันไปบอกพีชแค่นั้น พวกลูกๆ ผมยังไม่มีใครรู้ว่าผมกับพี่สี่มีเรื่องทะเลาะกันอีก อายุขนาดนี้ยังมานั่งงอนกันก็อายลูกเหมือนกัน มันยิ่งทำให้ผมคิดมากกว่าเดิมว่าจะกลับไปเป็นแบบเดิมดีไหม ทั้งที่ลูกๆ ผมก็รักพี่สี่กันแล้ว ยกเว้นแพทและพีชอีกคนที่ยังไม่ไว้ใจพี่สี่เต็มร้อย ลูกๆ ผมเรียกพี่สี่ว่าป๊ากันหมดแล้ว

        ผมรีบเดินไปเข้าห้องนอนอีกห้อง ผมจัดการเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า ผมเดินทางมาด้วยเครื่องบินส่วนตัว ดังนั้นจะกลับตอนไหนก็ได้ ขณะที่ผมกำลังยืนจัดกระเป๋าเดินทางอยู่ ผมก็รู้สึกว่ามีคนเดินย่องๆ เข้ามาด้านหลังผม ผมว่าไม่ใช่ลูกผมแน่นอน ผมก็ยังคงยืนจัดกระเป๋าตัวเองทำเหมือนกับว่าผมไม่รู้แต่ฟังจากเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ทุกที
“ฟั๊บ” ผมคว้ามเอาโคมไฟจะฟาดคนที่มาเยือนด้านหลังผม แต่ว่าเขากับรับไว้ได้ทัน ซะก่อน และคนนั้นก็เป็นพี่สี่
“พี่สี่” ผมหันมาเจอหน้า
“ใช่ครับ…พี่บอกว่าให้รอพี่ไง ..และนี่จะจัดกระเป๋ากลับเลยเหรอเปรมดิ์” พี่สี่พูดเชิงต่อว่าผม ผมรู้ว่าเขาส่งข้อความหาผมแต่ผมทำเป็นไม่อ่าน
“ใช่ครับ….ผมจะกลับเลย ..และพี่จะมาทำไม ผมบอกว่าเราเลิกกัน พอแล้ว..ผมพอแล้ว ผมเบื่อ” ผมพูดและพี่สี่ก็ดึงคว้าโคมไฟออกไปจากมือผม
“เปรมดิ์ พี่ไม่ได้มีอะไรกับ…. เขา ...พี่บอกพี่หยุดแล้วก็คือหยุด “พี่สี่พูด ผมหันไปมองว่าผมไม่เชื่อ
“เปรมดิ์ เขามาหาพี่และเขาก็วางแผนให้เปรมดิ์ไปหาพี่ วันนั้นพี่มีเรื่องประชุมด่วน พี่ไม่ได้บอกเปรมดิ์เพราะว่าพี่ไม่อยากให้เปรมดิ์เป็นห่วงพี่ ส่วนผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นเมียนายทหารที่เข้าประชุมกับพี่ด้วย พี่พึ่งจะรู้เหมือนกันเปรมดิ์” พี่สี่พูด
“พี่คาดคั้นเอากับเขาและพี่ก็ยื่นคำขาดไปแล้วว่า ถ้าเขายุ่งกับพี่อีก พี่จะฟ้องเขาเพราะว่าพี่บอกเขาไปแล้วว่าพี่กับเปรมดิ์จดทะเบียนสมรสกันแล้ว” พี่สี่พูด ผมมองหน้าพี่สี่ยังไม่จดซะหน่อย
“พี่ขู่เขา พี่บอกเขาว่าขุ่แต่จะทำจริงๆ ถ้ายุ่งอีก เขาก็สัญญาอย่างดีว่าไม่กล้ามายุ่งกับพี่และเปรมดิ์อีก” พี่สี่พูด
“พี่รักเปรมดิ์แต่พี่ยอมรับว่าที่ผ่านมาก็มีหลงไปบ้างแต่ให้พี่เลือก อาหารนอกบ้านกับอาหารในบ้าน พี่เลือกอาหารในบ้านเป็นอาหารหลักของพี่ อาหารนอกบ้านก็แค่จั้งฟูดส์” พี่สี่พูด
“ก็เรื่องของพี่ซิแต่ผมจะกลับแล้วพี่สี่…” ผมมองพี่สี่ นี่ผมคงใจอ่อนอีกแล้วใช่ไหม
“จะรีบไปไหนละ อยู่กับพี่ก่อน มาให้พี่ง้อเลย “พี่สี่พูด และเข้ามาขวางผม
“ไม่เอา ลูกผมอยู่” ผมพูดห้ามพี่สี่ เห็นแบบนี้ผมไม่เคยหลุดต่อหน้าลูกๆ ผม
“ไม่อยู่แล้ว พี่บอกขอเวลาง้อพ่อมันหน่อย มันเพ่นเลย ป่านนี้ลงไปหาอะไรดื่มกันข้างกับไอ้จักรแล้ว มันบอกไม่อยากได้ยินเสียงรุ่นใหญ่เขาอิบๆ กัน” พี่สี่พูดผมหันหน้ามามองนี้ให้พีชมันออกไปเหรอและลูกตัวดีก็ทำตามพี่สี่ผมอีกน่ะ ผมถึงกับต้องวางกระเป๋าเดินทางลง พี่สี่เข้ามากอดผม
“เชื่อพี่น่ะเปรมดิ์ พี่หยุดแล้วจริงๆ ถ้าพี่ไม่หยุดจริง ช่วงสี่ห้าปีมานี้ เปรมดิ์ก็คงระแคะระคายเรื่องพี่แอบไปซุกซนบ้างแต่นี้ไม่มี เห็นไหม พี่เลิกแล้วถาวรเลย เลิกเจ้าชู้ ไม่หาใครมาปรนเปรอพี่แล้ว พี่ไม่อยากทำให้เปรมดิ์เสียใจอีก “พี่สี่พยายามอธิบายกับผม ผมยืนพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ทันที
   
         นี่ผมยอมพี่สี่อีกแล้วใช่ไหม คงจะใช้แล้วแหละ พี่สี่นี่ซ่าตั้งแต่อายุสิบแปดก็ทำผู้หญิงท้องเลยตอนนี้ลูกโตแล้วเท่ากับลูกชายพี่สามคนโตเลย และลูกพี่สี่คนโตชื่อชื่อฐนัตเทพได้พ่อไปเต็มๆ แต่น้อยคนมากที่จะรู้ว่าเขาคือลูกชายพี่สี่และพี่สี่ยังมีมีภรรยาใหม่อีกคน คนนี้แต่งงานและมีลูกด้วยกันหกคนอีก ทิค แทค ราฟ ริว ท๊อปและฐาปณัฐเป็นคนสุดท้องแต่ว่าตอนนี้เขาเลิกกันแล้ว พี่สี่เลือกผมทั้งที่ความจริงผมมาก่อนผู้หญิงคนนั้นอีก ความรักของผมกับพี่สี่มันสั่นคลอนมาตั้งแต่เริ่มตกลงเป็นแฟนกันแล้ว

       ลูกของพี่สี่กับภรรยาคนที่สอง คนโตแก่กว่าแพทสองปีและคนอีกคนที่เป็นลูกหัวปีท้ายปีก็แก่กว่าแพทปีกว่าๆ เพราะว่าทิคกับแทคเป็นลูกหัวปีท้ายปี ส่วนริวนี้เป็นรุ่นเดียวกับพั้นญ์ และท๊อปก็รุ่นเดียวกับพ๊อช อีกรุ่น รุ่นเล็กก็จะรุ่นเดียวกับพาย
แต่ก่อนผมกับพี่สี่ก็แอบคบกัน ด้วยเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ผมก็ไม่พร้อมจะเปิดก็พี่ผมมาก่อนแต่เหมือนได้เป็นเมียน้อยเขา เราคบกับอย่างลับๆ นานมากจนพี่สีขอหย่ากับคุณหญิงมลฤดีนั่นแหละพี่สี่และผมถึงได้เปิดเผยเรื่องของผมกับพี่ๆ ทุกคน แต่ความเป็นจริงพี่สี่เขาแยกทางกับภรรยาเขาหลายสิบปีแล้ว และเขาทั้งคู่ก็ยังคงทำหน้าที่พ่อแม่ให้กับลูกๆ ส่วนคุณหญิงมลฤดีพอหลังจากพี่สี่ขอหย่าเขาก็ไปแต่งงานใหม่เรียบร้อยแล้วกับคุณหมอและย้ายไปอยู่ด้วยกันเท่าที่ผมทราบ ส่วนลูกๆ เขาก็ไปๆ มาๆ ไปค้างกับแม่บ้างแต่ว่าแค่ช่วงปิดเทอมและส่วนใหญ่อยู่กับพี่สี่เพราะว่าพี่สี่คือคนที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง
ส่วนครอบครัวผมพี่สี่เข้านอกออกใน ไปค้างที่บ้านผมบ่อย ผมซะอีกที่ไม่เคยไปค้างที่บ้านพี่สี่เลยแต่ก็มีโอกาสได้เจอลูกพี่สี่บ้างแต่ไม่บ่อย ส่วนลูกๆ ผม ไม่เคยเจอลูกพี่สี่เลย ด้วยความไม่พร้อมหลายๆ อย่างด้วย
“หมับ” ผมอาบน้ำเรียบร้อยแล้วเหลือแต่พี่สี่ที่พึ่งจะเข้าไปอาบน้ำ พอออกมาได้ก็ตรงเข้ามากอดผมทันที พี่สี่สวมแค่เสื้อคลุมอาบน้ำมาเท่านั้น
“ปึด!!” เสียงกระตุกเชือกเสื้อคลุมอาบน้ำผมเช่นกัน เสื้อคลุมลงไปกองที่พื้น
“ตุบ!” ร่างผมถูกผลักลงไปบนที่นอนโดนมีหนุ่มที่ผ่านวัยกลางคนมาแล้วแต่ยังฟิต กล้ามก็ไม่มีไม่น้อยไปกว่าวัยหนุ่มเลย ผมใช้มือลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อ พี่สี่เป็นคนชอบเล่นเวทเป็นประจำ
“พี่น่ะเปิดห้องเอาไว้ด้วยและก่อนจะให้พีชลงไป พี่มอบห้องนั้นให้พีชไปเลย ป่านนี้คงชวนจักรไปนอนเป็นเพื่อนกันแล้วแหละและคงหาหนุ่มน้อยหน้ามลไปนอนเป็นเพื่อนแน่ๆ “พี่สี่พูด ผมมองบนทันที นี้ให้ท้ายลูกผมแบบผิดๆ น่ะ แต่ผมก็รู้ว่าพีชก็ไม่ธรรมดา ไม่มีแฟนแต่คู่นอนก็มี มันเป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชายที่เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์
“ถ้าลูกผมมันเอาอย่างพี่น่ะ ผมโทษพี่เลยน่ะ” ผมพูด
“ไม่หรอกน่ะ พี่ว่าพีชไม่ทำหรอกแต่ว่าถ้าใครให้ก็คงไม่อยากปฏิเสธเหมือนพี่ตอนหนุ่มๆ” พี่สี่พูด ผมกระดกศีรษะมอง ว่าเอายังไงจะหยุดหรือไม่
“แต่ว่าตอนนี้แก่แล้ว เลิกถาวร ยอมแขวนนวม” พี่สี่พูด มุมปากผมกระตุกเป็นรอยยิ้ม ผมสองคนก็เริ่มเร้าโรม กอดรัดฟัดเหวียงกัน บทรักที่ไม่ร้อนแรงเพราะด้วยวัยและนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของผมสองคน แต่ว่ามันก็มีความสุขในแบบของมัน ผมสองคนใช้เวลาไม่นานก็สำเร็จและพากันนอนแผ่ข้างๆ กัน
“พี่สี่ พายทำท่าจะไม่อยากเรียนหมอน่ะพี่ “ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงเพื่อสวมเสื้อคลุม ผมหันไปมองพี่สี่ที่ยังคงนอนดูข่าวเหตุบ้านการเมืองบนเตียงนอน สวมแค่เสื้อคลุมเท่านั้น พี่สี่เขาหันมามองผมเช่นกันเพราะว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่จะได้ยินจากปากผมว่าพายเริ่มลังเลไม่อยากเรียนแพทย์
“ถ้าพายเขาไม่อยากเรียน งั้นให้พี่จะลองคุยกับพี่หนึ่งให้ก่อนแล้วกันนะ พี่ว่าถ้าเขาไม่อยากก็น่าจะบังคับ มันส่งผลเสียมากกว่าผลดีและพี่ก็สงสารพาย พี่ก็รักพายเหมือนลูกพี่นะเปรมดิ์” พี่สี่พูด ผมหันมามองพี่สี่ พี่สี่เป็นน้องชายแท้ๆ ของพี่หนึ่งก็จริง และผมเองก็ไม่อยากให้พี่สี่ทะเลาะกับพี่หนึ่งเพราะผมเลย มันดูไม่ดี
“ขอเปรมดิ์ถามพายดูอีกทีแล้วกันพี่สี่ถ้าเขาไม่อยากเรียนจริงๆ แล้วเราค่อยคุยพร้อมกัน “ผมบอกพี่สี่
“ใจผมก็เสียดายเพราะว่าพายเป็นคนเรียนเก่งมาก ผมเสียดายความสามารถของเขา” ผมพูด
“มานั่งใกล้ๆ พี่ซิ ไม่ได้เจอกันตั้งเดือนกว่าๆ ไม่คิดถึงพี่หรือไง” พี่สี่ถามผมพร้อมกับตบที่นอนเบาๆ ผมก็นั่งลงบนที่นอนข้างๆ พี่สี่
“เปรมดิ์” พี่สี่เรียกผม สีหน้าดูจริงจังกว่าทุกครั้ง
“จดทะเบียนสมรสกับพี่ไหม” พี่สี่ถามผมขึ้นดื้อๆ ผมหันไปมองพี่สี่ หลังจากพี่สี่หย่าขาดกับคุณมลฤดี ผมกับพี่สี่ไม่เคยเอ่ยปากคุยกันถึงเรื่องนี้เลย ครั้งนี้มันทำให้ผมเงียบ
“ก็พี่หย่ากับคุณมลฤดีแล้ว พี่ว่าพี่ควรจะให้สิทธิ์กับเปรมดิ์เพราะความจริงเปรมดิ์มาก่อนเขาซะด้วยซ้ำ “พี่สี่บอกผม
“ไม่เอาดีกว่าพี่สี่” ผมกลับทำท่าปฏิเสธ
“ทำไมละ ไอ้ครั้นจะให้ไปขอแต่งงานก็คง” พี่สี่พูด ผมหันไปมองพี่สี่ ยังจะมาพูดเล่นอีกว่าจะไปขอผมแต่งงาน
“ไม่เอาแน่นอน พี่จะให้ผมไปเข้าพิธีแต่งงานกับพี่ตอนนี้นี้นะ แก่เกินไปแล้ว อยู่แบบนี้ก็ดีแล้วนิ “ผมพูดพี่สี่มองหน้าผมยิ้มๆ
“ก็อยากให้สิทธิ์เมียและจะได้เลิกน้อยใจพี่ ตอนนี้พี่แก่แล้ว ง้อไม่ค่อยไหวเหมือนเมื่อก่อนนิเปรมดิ์ ถ้าเมื่อก่อนนะ ยิ่งงอนยิ่งง้อ พี่ชอบ” พี่สี่พี่จอมหื่นของผม
“นะ จดทะเบียนกันและเพื่อว่าพี่เป็นอะไรไป อย่างน้อย พี่จะได้แน่ใจว่าเปรมดิ์และลูกๆ ของพี่และเปรมดิ์มีคนดูแล “พี่สี่พูดผมหันไปปิดปากแทบจะไม่ทัน ต่อให้พี่สี่เจ้าชู้แค่ไหนผมก็คงทำใจไม่ได้
“อย่าพูดอีก ผมขอล่ะพี่สี่” ผมพูดพี่สี่หันมายิ้มให้ผม
“ตกลงนี้ไม่กลับแล้วใช่ไหม” พี่สี่ถามผม ผมหันมามองตกลงจะให้อยู่หรือจะให้กับ
“อยู่กับพี่น่ะเปรมดิ์ พรุ่งนี้กลับพร้อมกันเลย “พี่สี่พูดผมก็คงต้องยอมตามนั่นแหละ
“พี่สามอยู่กับภาคย์นะ “พี่สี่พูด ผมหันไปมองหน้า
“ผมก็รู้แล้วแหละแต่ไม่คิดว่าพี่จะมาเร็วแบบนี้เหมือนกัน” ผมพูด
“พี่ภาคย์รู้ว่าพี่มาแล้วและพี่ก็บอกไม่ให้บอกผมด้วยใช่ไหมล่ะ…พี่สี่” ผมถามพี่สี่
“ถ้าบอกนี้ก็จะจะหนีพี่ใช่ไหมล่ะ มุขนี้ใช้ประจำ แต่พี่ก็ง้อทันประจำ ไม่ใช่เหรอ” พี่สี่พูด
“เบื่อจริงๆ คนรู้ทันตลอด สงสัยผมต้องเปลี่ยนมุขอื่นดูบ้างถ้าพี่ทำอีก” ผมหันพูด
“และผมอยากให้พี่เลิกเจ้าชู้จริงๆ เพราะว่าแพท” ผมพูดและมองหน้าพี่สี่ ผมยอมรับว่าแพทไม่ค่อยจะยอมรับพี่สี่เท่าไหร่
“ผมอยากให้แพทเขาเชื่อใจในตัวพี่มากกว่านี้พี่สี่” ผมหันไปพูดกับพี่สี่ พี่สี่ยิ้มให้ผม
“รอให้แพทไปประจำการที่ฐานพี่ก่อนนะ พี่จะคุยกับเขาเอง “พี่สี่พูด ผมมองพี่สี่

“ผมอยากให้แพทยอมรับพี่ซะก่อนแล้วเราค่อยคุยกันถึงเรื่องจดทะเบียน ผมเองก็ไม่อยากให้ลูกผมมองพี่และผมไม่ดี เพราะเราคือแบบอย่างให้เขานะพี่สี่” ผมพูด พี่สี่พยักหน้าเบาๆ ผมก็รู้ว่าตัวพี่สี่เองก็พยายามทำให้แพทยอมรับมากแค่ไหนแต่ลูกชายผมคนนี้รักผมมาก เลยค่อนข้างแอทตี้พวกเจ้าชู้มากไปด้วยและที่ผ่านมาที่เขาเห็น ความรักของผมไม่ได้หวานชื่น ออกไปทางรสขมซะมากกว่า
          ผมสองคนมีรักมีเลิก ไม่ได้มีหลายคนหรอกครับ มีแค่พี่สี่นี้แหละ พอทะเลาะกันก็เลิกและก็มาดีกันอยู่แบบนี้ตั้งแต่ผมยังไม่มีลูก ตอนนี้แพทก็กำลังติดยศ ดังนั้นผมก็อยากให้ลูกผมมีโปรไฟล์ที่ดี แต่ผมก็เชื่อว่าพี่สี่จะทำได้ ผมสองคนก็พากันอาบน้ำชำระร่างกายอีกรอบก่อนจะพากันเข้านอนและผมกับพี่สี่จะบินกลับพร้อมกันเลย ถึงยังไงผมก็ต้องเข้าไปในค่ายทหารพร้อมพี่สี่อยู่แล้ว อันที่จริงๆ หนียังไงก็หนีไม่พ้นเราอยู่หน่วยเดียวกัน

TBC....

หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน (ภาคน้อง)EP.11 แอ้คนกลาง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 05-01-2024 08:37:01
EP.11 แอ้คนกลาง

      Part’ sแอ้ เมื่อคืนผมกลับมานอนกับดิวจนได้ หลังจากที่ติ๊กหลับไปแล้วและพายบอกว่าจะจัดการเองถ้าติ๊กตื่นขึ้นมาและโวยวาย ตอนที่กลับมานอนนั้นผมก็แอบกังวลว่าติ๊กจะตื่นขึ้นมาเหมือนกัน มันทำให้ผมนอนหลับแบบหวาดระแวงไปด้วย ผมอยากจะบ้าตายนี้แค่วันแรกๆ ยังขนาดนี้เลยแล้วถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันล่ะ ผมคงขอพ่อภีมไปก่อนเพื่อนดีกว่า ไปฝึกหรือไปเรียนอะไรก็ได้ ผมหลับๆ ตื่นๆ จนสุดท้ายผมเผลอหลับสนิทไปตอนไหนก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอักทีก็ตอนที่ได้ยินเสียง
ปังๆๆๆ เสียงเคาะประตูที่ดังสนั่นปานว่าจะเคาะให้มันพังไปเลย ผมก็สะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นมาทันที ตอนนี้ผมนอนเอาหัวหนุนหัวไหล่ไอ้ดิวเอาไว้ ผมเหลือบมองเวลาตอนนี้มันหกโมงจะเจ็ดโมงเช้าแล้ว ปกติผมต้องตื่นไปวิ่งแต่ว่านี่ผมนอนเพลินจนลืมตั้งนาฬิกาปลุกเลย
“ไอ้แอ้!!!” เสียงนั้นไอ้ติ๊กเรียกชื่อผม ตายละถ้าติ๊กมันรู้ว่าผมกับดิวนอนเตียงเดียวกันแบบนี้ มันโวยวายแน่ๆ และคนที่จะโดนหนักคือผมไม่ใช่ไอ้ดิวและแน่ล่ะเตียงนอนผมมันมีของวางขนาดนั้น เด็กอนุบาลก็ดูรู้ว่าผมนอนเตียงตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว ผมต้องนอนกับไอ้ดิว
“ไอ้ดิว ไอ้ดิว ลุก!!! “ผมเรียกได้ดิวพร้อมกับเขย่าตัวแต่ว่าดิวมันก็ไม่ยอมตื่น
“ผลัก!!” ในเมื่อมันไม่ตื่น ผมก็ถีบมันลงจากเตียงนอนไปทันที ไอ้ดิวมันตื่นพร้อมกับคลานขึ้นมาบนเตียง ผมก็มองคนที่เคาะประตูเรียกอยู่นั่นแหละ
“ปลุกทำไมเนี่ยแอ้ วันนี้วันหยุดน่ะและนี่ก็ไม่สว่างเท่าไหร่เลยแต่ถ้าจะชวนไปวิ่งดิววิ่งไม่ไหวแล้วแหละแอ้ ก็ดิววิ่งไปหลายรอบก่อนนอน วิ่งด้วยกันกับแอ้ไง จำไม่ได้เหรอที่รัก “ไอ้ดิวมันครึ่งหลับครึ่งตื่นมาพูดกับผม ผมพยักพเยิดไปทีประตู
“ไอ้แอ้!!!” คนนั้นก็เรียกปานว่าจะปลุกทั้งหมู่บ้านขนาดนั้น มันยังไม่ตื่นอีกเหรอ
“แล้วนี่อะไรเนี่ย เรียกเป็นลูกเลย ลืมตาขึ้นมาก็แม่แอ้ แม่แอ้!” ดิวพูด ผมถึงกับออกอาการมองบนใส่ไอ้ดิวทันที
“ดิวตื่นเดี๋ยวนี้ “ผมดึงแขนไอ้ดิวทันทีเพราะว่ามันจะกลับไปนอนต่อ
“ไอ้ดิวตื่น!!!” ผมเรียกไอ้ดิวมันอีกครั้ง
“เร็วเข้าก่อนที่ไอ้ติ๊กมันเคาะประตูจนประตูจะพังและมันก็เคาะเสียงดังขนาดนี้ แต่มึงยังนอนอยู่ได้ กูละเชื่อมึงเลยดิว” ผมถามไอ้ดิว มันก็หรี่ตาขึ้นมามองผมและมองไปที่ประตู มีคนเคาะอยู่ที่ตรงประตูแบบรัวๆ
“และถ้ามันเห็นว่ากูกับมึงนอนเตียงเดียวกันนี้กูตาย” ผมพูดกับไอ้ดิว
“ก็” ไอ้ดิวกำลังจะอ้าปากพูด มันคงจะบอกว่าบอกมันไปตามจริง แต่มันหารู้ไหมว่าไอ้คนนั้นมันคงจะมานั่งฟังเหตุผลมันกับผมหรอกน่ะ มันคงโวยวายบ้านแตก
“มึงก็พูดง่ายเพราะมึงไม่ใช่กู” ผมบอกดิว
“ก็ได้...แอ้ก็ไปนอนเตียงนั้นและดิวจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าแอ้มานอนตอนไหนแล้วกัน” ดิวพูดก่อนจะหันไปช่วยผมเอากระเป๋าของใช้ พวกหนังสือกีฬาต่างของมันนั่นแหละลงและผมก็กระโดดขึ้นไปนอน เอาผ้าคลุมหัวคลุมโปง ผมหวังว่าไอ้ดิวมันจะแก้สถานการณ์ให้ดีขึ้นนะไม่ใช่แย่ลง
“ไอ้ดิวววว ไอ้แอ้) )) )) )) ” เสียงติ๊กเรียกผมสองคนในรอบนี้
“แอ๊ด!!” เสียงไอ้ดิวเดินไปเปิดประตู ส่วนผมคลุมโปงอยู่
“เป็นบ้าอะไรเนี๊ยะ…ห๊ะ! ทำตัวเป็นนาฬิกาปลุกเหรอและนี้มันวันหยุด ใครเขาก็นอนตื่นสายกันทั้งนั้นและมึงเองก็ปกติวันหยุดนอนตื่นเที่ยงไม่ใช่เหรอ”เสียงไอ้ดิวมันถามติ๊กอย่างหัวเสีย
“เอ๊ะ! หรือว่าไม่ได้ไปเที่ยวผับคืนวันเสาร์เลยไม่รู้ว่าวันอาทิตย์ตื่นสายได้น่ะ “ไอ้ดิวมันถามติ๊ก ผมนี้ต้องตีเขาภายใต้ในผ้าห่มของผม มันพูดแบบนี้เท่ากับว่ามันเติมไฟให้ติ๊กมันโกรธมากขึ้นมากกว่า
“ก็กูเคาะประตูจนมือกูนี้จะแหลกหมดแล้ว พวกมึงสองคนทำอะไรกันละ” ไอ้ติ๊กถามดิว
“ทำบ้าอะไร ก็แอ้มันนอนกับมึงไม่ใช่เหรอ” ไอ้ดิวถามติ๊ก
“มันกลับมาแล้ว...ตอนไหนก็ไม่รู้ มึงอย่าบอกนะว่ามึงไม่รู้ไม่เห็นน่ะ กูไม่เชื่อ กูว่ามึงต้องไปเรียกมันกลับมาใช่ไหม” ไอ้ติ๊กถามดิว
“กูไม่ได้ไปตาม กูหลับครับมึงครับ หลับคาหนังสือเลย มึงดูดิ หนังสือยังกางอยู่เลย “ดิวพูดกับติ๊กแต่ผมจำได้ว่าผมเก็บหนังสือมันเองนี่แล้วมันเอาไปกางตอนไหน
“ถ้าแอ้มันกลับมา มันเห็นกูหลับแบบนี้มันคงต้องปลุกกู มันไม่ใจร้ายเหมือนมึงหรอก ที่จะปล่อยให้หลับคาหนังสือ” แต่อันนี้ผมอยากจะออกไปดึงหูมันจริงๆ แต่ลืมไปมันกำลังช่วยแก้สถานการณ์อยู่ แต่มันจะดีขึ้นหรือแย่ลงกันแน่
“กูนี่เหรอใจร้าย” เป็นไงล่ะไอ้ดิว ผมเรียกชื่อมันเบาๆ นี่มันจะช่วยให้ดีขึ้นหรือแย่ลง
“แต่ช่างแม่งเถอะ ให้กูเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย “ติ๊กบอกไอ้ดิวว่าจะเข้ามาในห้อง ผมก็รีบดึงผ้ามาคุมหัวคลุมโปงทันทีอีกครั้ง ทำทีเป็นหลับแล้วกัน เสียงฝีเท้าดังเข้ามาในห้อง
“นี้ไงมันนอน...คลุม...โปง อยู่นี่ไง” เสียงติ๊ก
“อ้าว! เห็นไหมมันกลับมาเมื่อไหร่กูยังไม่รู้เลย แล้วถ้ากูเป็นคนไปเรียกมันกลับจริง กูต้องรู้ดิ มึงนี้มันบ้าว่ะ ติ๊ก” ไอ้ดิวพูดและผ้าก็ถูกดึงออกไปโดยใครคนหนึ่ง ผมก็แกล้งทำเป็นสะลึมสะลือ ใช้มือผมขยี้ตา ผมก็เห็นไอ้ติ๊กและไอ้ดิว แต่ไอ้ดิวมันยืนพร้อมผ้าขนหนูพันกายแบบหมิ่นเหม่ ผมสะบัดหน้าไปมองไอ้ดิวสองทีติด ผมไม่น่าไว้ใจมันเลย
“อ้าวติ๊กเหรอ มึงตื่นแล้วเหรอ” ผมถามติ๊กแบบสะลึมสะลือพร้อมกับหันไปมองไอ้ดิว ผมอยากจะกระโดดเตะมันจริงๆ
“มึงกลับมายังไง” ติ๊กถามผม
“ก็เดินมาดิ จะให้กูนอนเบียดมึงทำไมอ่ะ เตียงมันก็เล็กนิดเดียว” ผมพูดและผมมองไอ้ดิว ผมจำได้ว่ามันยังมีชุดนอนอยู่แล้วนี่ชุดนอนมันไปไหน ทำไมมันมีแค่ผ้าขนหนูพันกายแบบนี้ ผมมองไอ้ตัวดี มันยิ้มให้ผมแต่ผมซิ อยากจะตีเข่ามันจริงๆ
“เออแล้วทำไมมึงไม่ใส่เสื้อผ้าวะดิว” ไอ้ติ๊กหันไปถามไอ้ดิว ผมหันอยากจะโบกกระบาลมันจริงๆ เป็นไงล่ะ
“มึงไม่ได้ออกไปวิ่งน่ะเพราะถ้ามึงวิ่งมามึงก็คงอาบน้ำ มันก็ไม่แปลกน่ะ” ติ๊กหันไปถามดิว
“ก็นึกว่านอนคนเดียวเลยแก้ผ้านอน สบายดีและกูก็ไม่ได้เปิดแอร์ กูเปิดพัดลมครับ อาการมันเย็นสบายดีกว่าแอร์อีก” ไอ้ดิวพูด
“ส่วนห้องมึงกูว่ามึงต้องใส่เสื้อกันหนาว เสื้อโค้ชตลอดเวลา เปลือกไฟชะมัดมึงน่ะ” ไอ้ดิวมันพูด
“และคนบ้าอะไรแก้ผ้านอนทุกทีที่กูเข้ามาเลยว่ะและมึงต้องแก้ทุกทีที่ไอ้แอ้มันอยู่ห้องด้วยแต่ก็ดีนะแอ้ที่มึงไม่แก้ผ้าไปด้วย ไม่งั้นนะ” ติ๊กหันมาพูด แอบคิดในใจจริงๆ กูก็แก้แล้วแต่ใส่กลับเข้าไปแล้วต่างหาก
“ไม่งั้นอะไร” ไอ้ดิวมันถามไอ้ติ๊กด้วยเสียงแข็ง
“ใครจะกล้าแก้ผ้า กูไม่เคยทำซะหน่อย “ผมรีบพูด ดิวหันมามองหน้าผมยิ้มอีกน่ะ ผมขยิบตา นาทีนี้ผมต้องกล้าโกหก ผมก็ลุกขึ้นนั่งทันที
“ไปอาบน้ำแต่งตัวห้องกูน่ะ” ติ๊กหันมาบอกผม
“กูต้องไปด้วยไหมวะ กูพร้อมมากที่จะไปแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันสามคนสี่คนด้วยในห้องน้ำห้องเดียว กูไม่เข้าใจว่ะ เขามีห้องน้ำให้อยู่แล้วทุกห้อง มึงจะไปแออัดกันทำไมว่ะ ขาดความอบอุ่นเหรอ “ไอ้ดิวถามไอ้ติ๊ก ผมหันมาอยากจะกระโดดกัดหูมันจริงๆ มันปากหมานแบบนี้ไงและอีกคนก็ไม่เบาเช่นกัน
“พอได้แล้วดิว กูไปอาบน้ำห้องไอ้ติ๊กแล้วกัน” ผมรีบตัดบทให้มันสองคน
“มึงอาบน้ำนี้แหละเพราะว่าถ้ามึงไปอีกคน อึดอัดและอ่างกูก็อาจจะแตกได้ อ่างกูหรูและดูแพง “ไอ้ติ๊กพูดและเดินออกไปทันที ผมพยักหน้าว่าเดี๋ยวตามออกไปส่วนไอ้ดิวเดินไปปิดประตูหลังจากที่ติ๊กเดินออกไป ผมก็หันไปหยิบหมอนรอเลยพอไอ้ดิวมันปิดประตูปุ๊ป
“ตุบ! “ผมปาหมอนใส่ไอ้ดิวทันที ไอ้ดิวหันมารับหมอนจากผมแทบไม่ทัน
“ปาทำไมเนี๊ยะแอ้ เอ๊ะ! หรือว่าจะนอนต่อ ได้น่ะดิวก็อยากนอนต่ออยู่เหมือนกันแต่อยากนอนกับแอ้!!!” ดิวมันพูด มันก็น่าจะจริงๆ ผมอยากหาอะไรแข็งๆ ปาใส่มันจริงๆ แต่ว่าต้องรีบลุกไปห้องไอ้ตัวดีผมเหมือนกัน
“ที่กูปาเพราะว่ามึงเล่นแก้ผ้าไปรับมันแบบนั้นน่ะ กูนี้คิดผิดมากที่คิดว่ามึงจะให้ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่ไม่ใช่เลย ไอ้ดิว!!” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นและรีบคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนพร้อมกับเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ไปด้วย
“นี้ยังดีที่เอาผ้าขนหนูพันไว้ อยากออกไปให้เห็นเลยว่า เพิ่งทำอะไรกันมา ดิวเบื่อมากเลยนะ มันจะมาเป็นผู้กำกับชีวิตคนอื่นอะไรหนักหนาและอีกอย่าง มันควรจะรู้จักขอบเขตบ้างน่ะแอ้” ดิวพูด ผมหันมามองหน้าดิว มันใช่เวลานี้เหรอที่ควรจะพูด
“แล้วที่ผ่านมาก่อนที่กูกับมึงจะค่อยๆ หายไปจากมันล่ะ เราทำอะไรกัน เราอยู่ด้วยกันกินนอนด้วยกัน มาตอนนี้มึงจะเขี่ยมันออกเหรอ มึงทำได้ยังไงวะดิว” ผมหันไปถามไอ้ดิว
“แต่เราจะมีกันสามคนไปตลอดชีวิตไม่ได้แอ้ มันต้องมีช่องว่างระหว่างกันบ้าง ติ๊กมันเป็นเพื่อน มันก็ต้องมีขอบเขตบ้างแอ้น่ะเมียดิว!!” ดิวพูด ผมต้องเปาลมหายใจออกมายาวๆ ผมว่าผมไปอธิบายให้ลูกๆ ผมฟังมันจะง่ายกว่าเลย
“ถ้ามันจำเป็นต้องทำหรือไม่จำเป็นต้องเลือก...กูเลือกที่จะไม่ทิ้งมันแน่นอน ดิว” ผมหันมาพูดและเดินกลับเข้าห้องติ๊กไป ผมเดินเข้าไปก็เห็นมันนั่งบนเตียงหน้าบอกบุญไม่รับเลยและพายก็คงเข้าไปอาบน้ำแล้วเช่นกัน
“มึงไปทำอะไรกันใช่ไหมแอ้” ติ๊กมันลุกขึ้นมาได้ก็บีบต้นแขนผมจนผมรู้สึกเจ็บเพราะเล็บมันจิกเข้าที่เนื้อ
“ติ๊ก กู ไม่ได้ทำอะไรกัน” ผมพูดกับติ๊ก สายตามันมองจ้องผม มันไม่เชื่อที่ผมพูด
“มึงหนีกลับไปนอนกับมันใช่ไหมแอ้” ติ๊กมันถามผม
“กูบอกแล้วว่าทีนอนมันแคบกูก็เลยไม่อยากให้มึงนอนไม่สบาย” ผมพูด และพยายามแกะมือติ๊กออก
“กูไม่เชื่อ!!!”
“กูเป็นคนบอกให้แอ้มันกลับไปนอนห้องมันเองติ๊ก” เสียงพายพูดขณะที่พายเปิดประตูห้องน้ำออกมา พายเดินมามองหน้าติ๊ก และมองที่มือที่มันบีบต้นแขนผมไว้ว่าให้ปล่อย
“ถ้ามึงยังทำร้ายแอ้ กูจะเรียกไอ้ดิวเดี๋ยวนี้ และกูนี่จะไม่เข้าข้างมึงอีกเพราะมึงงี่เง่าว่ะ” พายพูด ติ๊กก็ปล่อยแขนผม
“อันที่จริงแอ้มันก็สู้มึงได้สบายน่ะแต่มันไม่ทำ ทำไมมึงถึงทำมันวะ กูถามหน่อย” พายถามติ๊ก
“มึงเคยคิดป่ะ ว่าแอ้มันคือเพื่อนมึง ..มึงเคยเข้าใจคำนี้มั้ยวะติ๊ก และพวกเราก็เกิดแม่งวันเดียวกัน โตมาด้วยกันขนาดนี้ แถมยังต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ ด้วยกันแบบบนี้แค่ชีวิตที่ต้องอยู่ในกรอบมันก็แย่ แอ้มันยังต้องมาทนกับมึงอีกเหรอวะ ติ๊ก” พายพูดกับติ๊ก
“เมื่อก่อนมึงสามคนเป็นไง รักกันสนิทกันมากแค่ไหน” พายถามติ๊ก
“ก็ใช่ไงเมื่อก่อนแต่ตอนนี้ แม่งมันทำให้กูคิดว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนเขี่ยกูออกมา” ติ๊กพูดก่อนจะหันมามองหน้าผม
“นี่อะไร...มันมีห้องนอนของมันและเขาจัดให้แล้วว่าควรนอนหรืออยู่ที่ไหน มึงก็ควรยอมรับตามที่เขาจัดให้ “พายพูดสีหน้าจริงจัง ทำเอาติ๊กไม่กล้าเถียงกลับเลย
“ที่มึงทำแบบนี้น่ะ มึงแค่รักตัวเอง ส่วนที่แอ้มันทำมันยอมเพราะว่ามันรักมึงและแคร์มึง เพราะว่ามึงเพื่อนรักมัน “พายพูด
“แล้วมึงล่ะ? มึงคิดว่ามันคืออะไรสำหรับมึง เพื่อน? ไม่น่าจัใช่ว่ะ” พายพูด
“ให้มันกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องมันเพราะมึงก็ไม่ได้ทำอย่างที่มึงพูดกับดิวสักครั้ง “พายพูดและ ติ๊กก็หันมามองหน้าผม ติ๊กไม่ตอบอะไรคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปทันที
“แอ้ กลับไปห้องเถอะ ปล่อยมันไปบ้าง มึงควรแค่อีกคนมากกว่ามันว่ะและมันก็ควรยอมรับได้แล้วว่าดิวมันรักมึง “พายพูด ผมได้แต่มองคนที่เข้าไปในห้องน้ำ
“กูดูออกนะว่าอะไรเป็นอะไร “พายพูดกับผม

ผมก็หยิบผ้าเช็ดตัวและเดินกลับห้องตัวเองเช่นกัน ผมได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำ ดิวคงกำลังอาบน้ำอยู่ ผมถลกแขนเสื้อขึ้นดู ปรากฏว่ามันเป็นรอยแดงจ้ำตามจำนวนนิ้วของติ๊กที่กดจิกผม ดังนั้นผมจะเข้าไปอาบน้ำกับดิวทั้งแบบนี้ไม่ได้ มันจะต้องรู้และเห็นไอ้ดิวแบบนี้มันหัวร้อนมากเช่นกัน ผมไม่อยากให้มันแย่ไปกว่านี้
“อ้าวแอ้ “ดิวเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมสังเกตตามลำตัวยังมีน้ำเกาะอยู่เลยแสดงว่าเพิ่งจะอาบเสร็จและออกมาเลยผผมนึกแปลกใจทำไมไอ้ดิวไม่ยอมแต่งตัวจากในห้องน้ำเลย
“เสร็จแล้วเหรอ กูจะได้อาบน้ำบ้าง” ผมพูด
“ก็ไหนบอกจะไปอาบกับติ๊กไง” ดิวมันถามผม
“ก็..เออ..” ผมควรจะบอกมันว่าไงดีวะ
“ทำไมติ๊กมันงอลเหรอ เลยไล่แอ้กลับมา” ดิวถามผมกลับ ผมก็ลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัว รีแทรกตัวเข้าห้องน้ำไปทันทีก่อนที่ดิวจะเข้ามาเห็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เขาเห็นแต่จังหวะนั้น
“ก๊อกๆ เสียงเคาะประตู ผมสองคนหันไปมองว่าใคร อย่าบอกนะว่าไอ้ติ๊กมันมาเรียกผมไปห้องมันอีกน่ะ ดิวหันมามองผม
“ไอ้ตัวดีอีกมั้ยละ” ดิวพูดและเดินไปเปิดประตู มันก็ยังคงอยู่ในสภาพผ้าขนหนูพันเอว ผมจะห้ามก็ไม่ทันแล้ว ไอ้ดิวเดินไปถึงหน้าประตูพร้อมกับจับลูกบิดและเปิดประตูเข้ามา
“อะไรวะ มึงนี้ไม่รู้จักใส่เสื้อผ้าหรือไงวะดิว” ติ๊ก มันบ่นไอ้ดิวผมนี้ต้องยืนกุมขมับ
“กูว่าจะแก้ผ้าอยู่น่ะ” ไอ้ดิวพูดและทำท่าจะดึงผ้าลง
“ไม่อยากดูของมึง “ไอ้ติ๊กพูด
“แล้วนี่มาเพื่อ” ดิวถามติ๊ก่อนจะหันมามองหน้าผมและหันกลับไปมองติ๊ก
“แอ้อาบน้ำแต่งตัวเร็วๆ น่ะ ลงไปกูจะชงโปรตีนให้มึงกิน มึงควรจะบำรุงเยอะๆ” ติ๊กพูด ผมก็พยักหน้ายิ้มๆ
“มึงก็ควรจะสวมเสื้อผ้าได้แล้วดิว อุบาทว์!” ติ๊กพูดและเดินออกไป ผมก็รีบเข้าไปในห้องน้ำทันทีและก็รีบอาบน้ำแบบรวดเร็วเช่นกัน ที่แขนก็ยังเจ็บ ผมควรทำยังไงดีไม่ให้มันเห็น ผมไปมองประตูตู้กระจกอาบน้ำ อันนี้แหละวะ ผมก็ทำเหมือนให้มันหนีบผม ไม่ใช่แค่เหมือนให้หนีบจริงๆ
“โอ๊ยย!!!” ผมร้องออกมาเสียงหลงและดันเผลอดังไปหน่อย
“แอ้ ..เป็นไรนะ แอ้เปิดประตู แอ้!!! “ไอ้ดิวเรียกผมเสียงหลงอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำลูกบิดก็ถูกหมุนเพื่อให้ผมเปิดประตูออกไป
“แอ้เป็นอะไร แอ้เปิดประตู!!” ดิวร้องเรียกผมอยู่ที่หน้าประตู ผมก็ต้องเดินไปปลดล๊อกประตูและประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดเข้ามา ดิวมองผมด้วยสีหน้าตกใจ เขาเห็นผมเอามือจับที่ต้นแขนเอาไว้
“ไม่มีอะไรดิว คือ เออ กูรีบปิดประตูตู้อาบน้ำและมันเลยหนีบแขนกูน่ะ” ผมพูด ดิวก็เดินมาจับมือผม ผมก็เปิดมือให้มันดู มันได้ผล รอยประตูหนีบมันทับรอยนิ้วแทนแต่เจ็บมากกว่าหลายเท่าเลยผมทีนี้
“โธ่แอ้ จะรีบทำไมอ่ะ ดูซิเจ็บตัวเลยแอ้ “ดิวถามผมด้วยสีหน้ากังวล ผมคิดในใจ กูขอโทษน่ะดิว กูไม่อยากให้มึงทำให้ติ๊กมันรู้สึกว่ามึงปกป้องกูเกินไป ถ้ามึงรู้ว่าความจริง ดิวเหลือบตาขึ้นมองผมเป็นระยะๆ
“อาบน้ำยัง” ดิวชำเลืองตาขึ้นมามองผม สายตาคู่นั้นดูเป็นห่วงผมเอามากๆ
“ยังอ่ะ กำลังจะเข้าไปอาบแล้ว” ผมบอกดิว
“ให้อาบด้วยไหม ดูแล้วแอ้น่าเจ็บแขนอ่ะ” ดิวถามผม
“ไม่ต้อง มึงสวมชุดแล้ว อย่าหาเรื่องถอดชุดหน่อยเลยน่ะ” ผมพูดแต่ก็แอบยิ้ม
“สวมได้ก็ถอดได้และใส่ใหม่แต่รอบนี้ให้เมียช่วยใส่น่ะ “ดิวพูด
“ไม่เอาดิวและมึงก็รีบออกไปกูจะได้อาบน้ำเพราะว่าถ้าลงไปช้าติ๊กมันก็มาตามอีก” ผมพูดและรีบไล่ไอ้ดิวให้ออกไปก่อน ผมก็รีบปิดประตูห้องน้ำ
“ฟู่!!” แอบพ่นลมหายใจออกมา ไม่รู้ว่าดิวมันเชื่อผมไหมแต่ดูท่าทีก็เชื่ออยู่น่ะ
“แอ้ อย่าเพิ่งสวมเสื้อผ้าน่ะ ดิวจะเอายาทาให้” ดิวจะโกนบอกผมจากด้านนอก
ผมก็รีบเข้าไปอาบน้ำอย่างเร็วก่อนที่ไอ้ดิวจะกลับเข้ามา รอบนี้ผมไม่ได้ล๊อกประตู ไม่นานดิวก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเอาหลอดยาเพื่อจะมาทาให้ผม ผมอาบน้ำเสร็จพอดี ดิวเดินมาจับที่ต้นแขนผมทันทีและบีบยาออกมาแตะที่ปลายนิ้ว ดิวบรรจงทาอย่างเบามือที่สุด
“ทำไมร่องรอยมันดูแปลกๆแบบนี่ล่ะแอ้ บางลอยเหมือนโดนกด แต่ตรงนี้เหมือนนิ้วมือเลยเนี่ยะแอ้! “ดิวถามผม เขามองหน้าผมนิ่ง มันจะเป็นโคนันอะไรตอนนี้วะผมคิดในใจ
“แน่ใจนะว่านี้คือรอยประตูหนีบนะแอ้” ดิวถามผม ผมก็มองหน้าไอ้ดิว ว่ามันจะมาเป็นนักสืบโคนันอะไรตอนนี้เนี๊ยะ ดิวมันเงยหน้าขึ้นมามองผม ก่อนจะยืนขึ้นและมองหน้าผมอีกที ดิวกำลังใช้ความคิดพิจารณารอยนั้น ดิวก็วางหลอดยาลงที่ตรงหน้ากระจกตรงอ่างล้างมือ ผมเดาได้ว่าดิวไม่เชื่อ
“แอ้บอกดิวมาว่าเกิดอะไรขึ้น เอาตามจริง” ดิวถามผม น้ำเสียงมันจริงจังจนผมก็ไม่กล้าเลย
“ไม่มีอะไรดิว” ผมตอบ ผมยืนกรานกระต่ายขาเดียวเพื่อปกปิดความจริง
“ก็เห็นอยู่ว่าประตูมันหนีบ เอามากูทาเอง” ผมแกล้งทำเสียงหงุดหงิดใส่และดึงหลอดยามาจะทาเองแต่ดิวดึงหลอดยาคืนกลับไปและเขาก็บีมที่นิ้วมือนั้นก่อนจะบรรจงทาให้ผมอีกครั้ง แต่ก็ยังเหลือบตาขึ้นมามองผมเป็นระยะๆ
“พอแล้วดิว ขอบใจนะดิว แอ้จะแต่งตัวแล้วล่ะ” ผมพูดกับดิวและหันไปหยิบเสื้อผ้ามาถือเอาไว้ก่อนนะพยักหน้าให้ดิวเดินออกไปก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะไม่ได้ใส่และดิวมันคงถอดของมันออกด้วย
“ดิว ออกไปก่อนน่ะ” ผมพูดเชิงออกคำสั่งดิว เห็นดิวแบบนี้ ดิวจะไม่บังคับถ้าผมบอกว่าไม่ ดิวก็แค่พยักหน้าตอบรับแต่ว่ารอบนี้มันว่าง่ายไปหน่อยน่ะ ผมแอบสงสัยและดิวก็เดินออกไป
ผมแต่งตัวให้เรียบร้อย ชุดอยู่บ้านสบายๆ เพราะว่าวันนี้ต้องพักอีกหนึ่งวันพรุ่งนี้ถึงจะไปเป็นเด็กนักเรียนกัน ผมกำลังเรียนออนไลน์เกี่ยวกับวิชาการทางการทหาร ผมต้องเรียนรู้ก่อนจะเข้าไปฝึก ผมอยู่ในช่วงพักเพราะว่าลุงหนึ่งทำเรื่องขอเอาไว้ให้ ผมแต่งตัวเสร็จก็รีบเดินลงไปทันทีเพื่อจะได้ทานอาหารเช้ากัน ขณะที่ผมเดินลงไปและตรงไปยังห้องอาหาร ผมก็ต้องชะงักเท้าเอาไว้ก่อน
“มึงทำอะไรแอ้ติ๊ก มันหลายครั้งแล้วน่ะ จะโมโหอะไรแอ้มันหนักหนา มึงบอกกูมาดิวะ ติ๊ก!!!” ดิวลงมาก่อนเพื่อมาถามติ๊กแสดงว่าผมเองก็โกหกมันไม่เนียน มิน่าจะผมบอกให้ลงมาก่อนมันก็ลงมาอย่างว่าง่าย
“มึงพูดเรื่องอะไรของมึง ดิว” ติ๊กถามดิวกลับทันที
“กูถามว่ามึงทำอะไรแอ้ มึงโมโหที่มันกลับมานอนห้องใช่ไหม กูถามว่าใช่ไหม!” ดิวถามติ๊ก
“มึงถึงได้ใช้นิ้วจิกแขนแอ้แบบนั้น ติ๊ก!! มันเกินไปว่ะ” ดิวพูดกับติ๊ก
“กูไม่ได้ทำอะไร!!!” ติ๊กพูด ผมก็เลยต้องรีบออกมาจากที่ผมแอบ
“กูเคยขอมึงว่าอย่าทำอะไรแอ้ มึงจำไม่ได้เหรอ นี้มึงก็ยังทำ ทำทำไมว่ะติ๊ก บอกมาดิ!!” ดิวถามติ๊ก ติ๊กมองหน้าดิวนิ่งๆ แววคู่นั้นมีแค่ผมที่เข้าใจว่ามันรู้สึกยังไง
“ดิว อะไรอีก กูก็บอกว่าประตูตู้ที่อาบน้ำมันหนีบแขนกู มึงไม่เชื่อก็เรื่องของมึงน่ะ” ผมพูดและมองหน้าไอ้ดิวและหันมามองหน้าติ๊ก ติ๊กมันก็มองหน้าผมเช่นกัน
“อ้าวแล้วมึงไปทำอีท่าไหนวะให้มันหนีบเอา ไหนดูดิ ทายาหรือยังเนี่ย” ติ๊กหันมาขอดูแขนผมและถามผมเรื่องทายาหรือยัง
“กูทาให้แล้ว” ดิวพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งมาก ติ๊กหันไปมองหน้าดิว
“เออ ก็ดีแล้ว มากินโปรตีนที่กูชงเอาไว้ก่อนดิและหวังว่าไอ้แจ็คมันคงจะตื่นเร็วๆ นี้น่ะ “ติ๊กพูด ผมหันไปมองหน้าดิว ผมรู้ว่ามันไม่พอใจ
“ดิว..ถ้ามึงไม่เชื่อกู ต่อไปก็ไม่ต้อง…” ผมหันมาพูดกับดิว
“เชื่อก็ได้แต่ดิวแค่ไม่ไว้ใจไอ้ติ๊กอีก “ดิวพูดและหันไปนั่งที่โต๊ะ ติ๊กมันก็เอาแก้วที่ใช้ชงพวกเครื่องดื่มโปรตีนมาให้คนละแก้ว ผมก็รับไปดื่มเช่นกันพายลงมาพอดี พวกผมก็ทำทุกอย่างให้เหมือนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่บอกตรงๆ ผมนี้โคตรอึดอัดเลยจริงๆ ผมหันไปมองมีอาหารเช้ามาวางเอาไว้แล้ว
“พ่อให้คนที่โรงแรมเอามาส่งให้แต่เช้าแล้ว” ติ๊กพูด ผมพยักหน้าก่อนจะนั่งลงข้างๆ ติ๊กเพื่อทานอาหารเช้า
“ดิว นั่งข้างๆพายก็ได้น่ะ ส่วนแอ้น่ะเขาจะนั่งสวีตกับ…” พายพูดก่อนจะชะโงกไปมองติ๊ก
“กับอะไร??” ติ๊กถามพายกลับทันที
“แฟน..” พายพูดว่าแฟน
“กำมะลอ!! แหม๊ไปหลอกเด็กเถอะมึงอ่ะ “พายพูด ติ๊กมันรีบส่งนิ้วกลางให้ทันที และพวกผมก็หันไปเจอแจ็คกับบอยที่พึ่งจะเดินลงมา แต่งตัวด้วยชุดอยู่บ้านแต่ดูแล้วไม่น่าจะใช้น่ะสำหรับแจ็ค พวกผมหันไปมองพร้อมกันทันที
“มึงจะไปดูคอนเสิร์ตที่ไหนวะแจ็ค แต่งมาขนาดนี้ วันนี้เขาให้อยู่บ้าน” ติ๊กถามแจ็ค บอยหันไปมองแจ็คเช่นกัน
“นี่ชุดธรรมดาที่สุดแล้วสำหรับอยู่บ้าน” แจ็คพูดก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้บอย พวกผมก็มองตามกันอีกที
“บอย ให้อภัยมันแล้วเหรอ เร็วไปน่ะ น่าจะรอสักสามสี่ปีค่อยให้มันอ่ะ ไอ้มันนั่งร้องไห้เป่าปี่ไม่มีใครรักต่อไป” ติ๊กพูด แจ็คมันรีบหยิบขนมปังปาใส่ติ๊กทันที
“บอยเขาให้อภัยแล้วก็อย่าไปปากดีกับเขาแล้วน่ะมึง” ดิวพูด ดิวเหลือบตาขึ้นมองแจ็ค
“เออ พอแล้ว กูสำนึกไม่ทันแล้ว มึงจะลุมอะไรกูหนักหนา” แจ็คพูด
“ก็มึงอ่ะ งอนบอยไร้สาระและขอบผลักชีวิตตัวเองเข้าไปดราม่าไง” พายพูด อีกคน
“พ่อเถอะกูไหว้ล่ะ” แจ็คมันรีบยกมือไหว้ขอให้พวกผมหยุดลุมว่ามันทันที
แต่จะว่าไปนี้ก็นานแล้วน่ะที่พวกผมไม่ได้อยู่ทานอาหารเช้าด้วยกัน ภาพสุดท้ายมันนานมาก ตอนนั้นผมกับดิวยังอยู่กรุงเทพมากกว่าไปอยู่ที่ค่าย แต่หลังจากจากเหตุการณ์ของผมกับดิว ผมสองคนก็ไปที่ค่ายทหารกันแทบจะทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ มันทำให้ผมกับดิวและติ๊กเริ่มห่างกันไป และทั้งหมดก็เพราะผมเอง ผมสังเกตเห็นแจ็คมันเอาใจบอย เหมือนเมื่อก่อน ก่อนที่บอยจะหายไปจากแจ็ค ดิวเองก็พยายามจะตักให้ผมแต่ผมเบรกมันไว้ทุกรอบว่าผมตักเองดีกว่าเพราะว่ามันก็มีสายตาอีกคู่ที่มองผมอยู่เช่นกัน
“อุ้ยจะตักให้กันเหรอ ตักเลยไม่ว่า พายแยกแยะน่ะ ไม่หึงแบบไม่มีเหตุผล” พายพูดแซวดิวก่อนจะหันมายิ้มให้ผม
“ที่ตักให้เพราะว่าแขนแอ้เขาเจ็บน่ะ พาย” ดิวพูด
“อึมม ทานซะแอ้” และคนที่นั่งข้างๆ ผม นั้นคือติ๊กที่เป็นคนตักอาหารให้ผมแทนเพราะเห็นว่าผมเจ็บแขน ตอนแรกที่ติ๊กมันจิกแขนผม ยังไม่เจ็บเท่าประตูที่ผมหนีบแขนตัวเอง อันนี้เจ็บกว่าอีก ผมทานอาหารโดยมีสายตาไอ้แจ็คมองพวกผมสามคนสลับกันไปมา บอยก็มองแต่ไม่เหมือนแจ็คมอง ไอ้นี้มันมองเพื่อหาคำตอบจริงๆ
และหลังจากที่พวกผมทานอาหารเช้ากันเสร็จก็พักผ่อนตามอัธยาศัย วันนี้ฝนตกด้วย เลยไม่มีอะไรให้ทำมากและยังออกไปไหนไม่ได้อีก ยังโชคดีที่มีอาหารและของว่างมาส่งให้ ไม่ต้องทำเอง พวกผมก็ต้องเตรียมตัวที่ว่าจะไปเรียนชั้นม.5 ที่โรงเรียนพรุ่งนี้ บอยกับแจ็คเขาก็คุยกันห้องนั่งเล่น ผมนั่งอีกห้องหนึ่งกับติ๊ก
“แอ้ ขึ้นไปช่วยกูจัดของต่ออีกหน่อยดิ ยังไม่เรียบร้อยเลยอ่ะ” ติ๊กบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้
“พายมึงเสร็จแล้วเหรอ “ติ๊กถามพาย
“ยัง!! จะขึ้นไปแล้วเนี่ย” พายพูด
“ดิวล่ะ ทำอะไรเปล่า ถ้าไม่เข้าไปในห้องด้วยกันได้น่ะ” พายหันไปถามดิว
“จะบ้าเหรอ!! แค่สามคนก็อึดอัดจะให้ดิวมันเข้าไปอีกและที่สำคัญมันไม่ได้เข้าไปช่วยกูแน่นอน” ติ๊กรีบพูดทันที
“ไม่เอาล่ะ จะคุยกับพี่ดิมอ่ะ มีเรื่องด่วน “ดิวพูด ผมหันมามองหน้าดิว ดิวมันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อแค่ลุกขึ้นและเดินออกไป ผมก็ลุกขึ้นพร้อมกับเดินตามติ๊กไป ผมสามคนลุกขึ้นไปก่อนเหลือไว้แค่บอยกับแจ็คสองคนเพราะว่าทั้งคู่พึ่งจะลงมาเช่นกัน ดูทั้งคู่กลับมาสนิทกันอีกครั้ง ผมเองก็ดีใจ สิ่งที่ทำให้ผมคิดขึ้นมาคือแผงยาที่บอยทำตก อย่าบอกน่ะว่าบอยกับแจ็ค แต่ถ้าดิวเคยไปผมคงจะคิดเยอะเหมือนกัน
       TBC...


หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.12(บอยXแจ็ค) มือที่สาม?
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 07-01-2024 21:37:03
     
       
EP.12(บอยXแจ็ค) มือที่สาม?
        Part’ s บอยXแจ็ค วันนี้พวกผมคงต้องอยู่บ้านทั้งวันเพื่อเตรียมตัวที่จะไปเป็นนักเรียนที่โรงเรียนของอาภาคย์ ผมเองไม่เคยเรียนโรงเรียนมาก่อน ผมเรียนระบบโฮมสคูลมาตลอด อ้อมีช่วงที่ผมมาอยู่กับพวกดิวและแจ็ค ตอนนั้นมีปัญหาการแย่งชิงอำนาจกันในตอนนั้นแต่ว่าลุงหนึ่งจัดการได้และอีกฝ่ายก็หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศแทน

       “บอยครับ” ผมหันไปตามเสียงเรียกชื่อผม คนนั้นคือแจ็ค มาแรกๆ นี่เล่นตัวไม่พูดกับผมแต่กว่าจะยอมใจอ่อนให้ผม ผมเกือบบอกพ่อแล้วว่าผมจะกลับ แต่ดีที่แจ็คเขาเปิดใจยอมรับฟังผมซะก่อน ผมหันไปมองแจ็คเขาเดินมาพร้อมกับน้ำผลไม้และขนม

      “น้ำผลไม้ครับ” แจ็คพูด ผมก็วางไอแพตลง ตอนนี้ผมกำลังเรียนออนไลน์อยู่ ผมสมัครเข้าเรียนปริญญาตรีตั้งแต่อยู่เกรด9ดังนั้นผมกำลังจะจบปริญญาตรีปีที่สองเพื่อนำไปเทียบโอนปริญญาตรีปี3-4 พวกแจ็คก็ทำเหมือนผมเช่นกัน แจ็คหันมามองหน้าผม

       “ไม่อ่านหนังสือล่ะแจ็ค แจ็คก็เรียนออนไลน์ไม่ใช่เหรอ” ผมถามแจ็ค

       “ขอพักหนึ่งวันนะครับเพราะว่าพรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียนอีกแล้วอ่ะ” แจ็คพูด ผมหันมามองแอบส่ายหน้าเล็กน้อย

       “คิดถึงห้องนอนแจ็คอ่ะบอย มีอะไรให้ทำเยอะแยะแต่นี้ห้องนอนอย่างเดียวเลยและดูซิ มีแต่ทีวีแต่ยังดีที่มีอินเทอร์เน็ต” แจ็คพูด ผมรู้ว่าห้องนอนเขาน่ะไฮเทคแบบสมาร์ตรูม ทันสมัยไปหมดเลย ผมก็ก้มลงอ่านเอกสารที่ทางอาจารย์ที่สอนผมส่งมาให้ผมอ่านก่อนจะเข้าคลาสเรียนเดือนหน้าเพราะตอนนี้ช่วงพัก

      “หมับ!!” จู่ๆ แจ็คก็โอบเอวผมโดยที่ผมเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว ผมหันมาจะห้ามปรามเขาแต่ว่าสายตาขี้อ้อนคู่นี้ซิ ทำให้ผมใจอ่อนจนได้

       “แจ็คว่าจะเปลี่ยนเตียงนอนในห้องอ่ะ” แจ็คพูด ผมขมวดคิ้วมองแจ็ค

        “เปลี่ยนทำไมล่ะ” ผมถามแจ็ค ทั้งที่ผมเองก็ทราบคำตอบดีอยู่แล้วเพราะว่าเขาจะนอนกับผมทุกคืนซิน่ะ

       “เปลี่ยนเพราะว่าอยากนอนเตียงเดียวกับบอยอ่ะ “แจ็คพูด ผมว่าแล้วเชียว

       “แล้ว พ่อจะไม่ว่าเอาเหรอ” ผมถามแจ็

       “ก็อย่าบอกซิ แจ็คสั่งแล้วน่าจะมาพรุ่งนี้ น่ะครับ” แจ็คบอกผม ผมมองแจ็คแอบส่ายหัวเบาๆไม่ถามก่อนเลยแต่นี่เขาแหละ คนที่ชอบขัดใจลุงและพ่อแต่ผมรู้ว่าสิ่งที่เขาขัดไม่ได้ทำร้ายใครแค่เขาเป็นคนมีความคิดเฉพาะตัวเองแค่นั้น

        “เขาจะให้คนมาจัดห้องข้างๆ เหรอว่ะ ใครจะมาอ่ะ” เสียงติ๊กเดินคุยมาด้วยกันกับพายและแอ้ ผมหันไปมองแต่ว่าอีกคนกำลังเกาะเอวผมอยู่ผมเลยรีบดันเขาออกซะก่อน

         “ใครจะมาอยู่อ่ะ มึงรู้หรือเปล่าติ๊ก” พายถามติ๊ก ก่อนจะเดินเข้ามาและทุกคนก็หยุดมองผมกับแจ็คที่นั่งตัวติดกับผมจนแทบจะสิงร่างผมเลยก็ว่าได้

          “ไอ้ลูกแจ็คมันอ้อนแม่บอยอีกแล้ว” พายพูดแซวผมกับแจ็ค

          “ถ้าไอ้ลูกแจ็คมันดื้อกับแม่บอยอีกแนะนำว่าให้ตัดห่างมันปล่อยวัดไปเลยน่ะบอย “ติ๊กพูด ผมหันไปชูนิ้วกลาง พวกนี้มันยุมากกว่านะเนี๊ยะ

           “ได้ยินพวกมึงคุยกันว่าเขาจะมาจัดห้องเหรอวะ ห้องไหนวะ” แจ็คหันมาถามทุกคน

           “ห้องที่มึงจะไปนอนอ่ะ” ติ๊กพูด ผมหันมามองแจ็ค ห้องที่จะหนีผมไปนอนนั้นไง

          “พ่อบอกว่ะแต่ไม่รู้ว่าจัดให้ใคร มึงหรือเปล่าเพราะว่าเขาให้มึงนอนคนเดียวสมใจมึงไง” ติ๊กพูดแต่ล่ะคนหันมาแตะมือแทคทีมกันทั้งสามคนเลย

          “เฮ้ยไม่ได้ดิ!” แจ็ครีบพูดทันทีเลย

          “ทีตอนนี้ร้องไม่อยากไปน่ะ” พายพูดผมหันมามองว่าไงล่ะ

           “ไม่ได้ๆ พ่อบอกให้นอนสองคนจะให้แยกไปนอนคนเดียวได้ไง ไม่ได้น่ะ คำสั่งพ่อด้วย” แจ็คพูด

          “ที่อย่างนี้มาเป็นเชื่อฟังน่ะ” พายพูด

           “เออ ปกติก็ไม่เคยฟังน่ะ” แอ้พูดอีกคน ผมหันไปมองแจ็ค แจ็คทำหน้างอนใส่สามคนนี้ทันที บางครั้งพวกเขาทำให้ผมรู้สึกเหมือนผมคือเจ้าหญิงเจ้าชายที่มีคนรอบด้านคอยปกป้องนั้นเป็นเพราะว่าผมคือคนที่ถูกเลือกให้ดูแลองค์กรด้วย

          “แล้วดิวล่ะ ไม่ลงมาด้วยเหรอ” ผมถามทั้งสามคน

           “ดิวมันคุยกับพี่ดิมอ่ะ” แอ้เป็นคนตอบแทน ผมพยักหน้า บ้านนี้เขาแพลนเป็นหมอทั้งบ้าน

           “ส่วนพวกกูช่วยกันจัดห้องแอคเซสโซรี่เยอะอ่ะ โดยเฉพาะอีติ๊ก มันขนมาราวกับว่าจะไม่กลับไปแล้ว อยากอยู่อย่างสงบศพสีชมพูที่นี้” พายพูดและเขาสามคนก็คุยกันกะหนุงกะหนิง

           จะว่าไปผมก็อยากจะโทรหาพี่บรูคส์เหมือนกัน คิดถึงน้องแบงก์แต่ว่าคนนี้ซิ ตัวติดกันขนาดนี้คงหาเวลาคุยกันยากเลย ขนาดนั่งเล่นมือถือยังโอบเอวผมเอาไว้ด้วยเลย แต่ว่ามันเหมือนกับว่าผมต้องการชดเชยที่ผมหายไปจากเขา

           ภาพวันวานมันย้อนกลับมา ตอนเด็กทุกวันหยุดเราจะไปเที่ยวกัน สวนสนุก สวนน้ำ สวนสัตว์ ไปทุกทีที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ โดยมีพี่ชายคนโตของบ้านตามไปดูแล พี่โจ พี่อ้น พี่ดิมและพี่ตุ๊ ชุดที่ดูแลพวกผม ส่วนพี่บีมก็ตามไปแต่ไม่บ่อย พี่บรูคส์นี้เริ่มช่วยพ่อได้บ้างแล้วเลยไม่ได้ไปและพี่บรูคส์ไม่ค่อยได้มาอยู่เมืองไทยกับผมเท่าไหร่ ภาพพี่ๆ วันนั้นมันอบอุ่นมาก

            แต่มีที่หนึ่งที่ประทับใจผมมาก พวกพี่ๆ เขาพาพวกผมไปเที่ยวทางเหนือ อากาศดีมาก ตอนนั้นเป็นฤดูหนาว อุณหภูมิ 6องศา ถามว่าหนาวสำหรับหรือยัง ตอบได้ว่ายังไม่มากเพราะผมอยู่ต่างประเทศที่มีหิมะตกอยู่แล้วแต่สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากที่สุดคือ ภาพถ่ายที่ผมนั่งอยู่บนโขดหินและแจ็คที่ถูกปลุกแต่เช้าเพื่อไปดูทะเลหมอก เขาง่วงนอนแต่ก็ต้องไปเพราะว่าผมอยากไปดูทะเลหมอก แจ็คเขานั่งกอดเอวผม คือมันหนาวเราเลยกอดเพื่อให้ความอบอุ่นกันและกัน ภายใต้เสื้อกันหนาวก็ยังอุ่นไม่พอ และนั้นภาพที่ผมยังเก็บเอาไว้ โดยไม่มีใครเห็นมาก่อน ผมเก็บซ้อนเอาไว้เพราะกลัวว่าแบงก์จะเห็น ดังนั้นภาพผมกับแจ็ค จึงไม่มีในห้องนอนของผม ผมยังไม่รู้เลยว่าแบงก์จะรับผมได้มากแค่ไหน ทั้งที่เขาก็ต้องรู้ความจริงอยู่ดีในตอนที่เขาโตขึ้น แต่น่าจะไม่ใช่ในช่วงนี้

*****

            Part’ s หลุยส์ ผมชื่อหลุยส์ ผมเป็นลูกของนายทุนเกี่ยวกับการวิจัยหลายเรื่องและยังเป็นบริษัทที่คิดค้นขีปนาวุธที่ทันสมัย พ่อผมเก่งทางด้านนี้และทำกำไรมหาศาลจนคู่แข่งหลายคนยังกลัวพ่อผมเลยจนสุดท้ายเขาก็ส่งคนมาสังหารครอบครัวผมทุกคนเสียชีวิตหมดมีผมคนเดียวที่รอดชีวิตแต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น ไม่ซิ มีอีกคนที่ชื่อปริ้นซ์ ปริ้นซ์เป็นลูกของน้องชายพ่อผมอีกที ปริ้นซ์มันห่างจากผมสามปี เป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่

              “หลุยส์ มาหาลุงมีอะไรรึ” ผมนั่งเครื่องตรงไปหาลุงหนึ่ง เขาดูแลผมแทนพ่อแม่ผมแต่ผมรู้มาว่า คนที่ทำให้ฆ่าล้างครอบครัวผมเป็นน้องชายของเขาเอง ผมเองก็ไม่ค่อยไว้ใจแต่ก็ต้องยอมเพราะว่าผมยังเด็กมากพอที่จะทำอะไรเพื่อตัวเองได้

           “ผมจะมาถามเรื่องบอยนะครับ” ผมถามลุงหนึ่ง ลุงหนึ่งเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมก่อนจะถอดแว่นตาสำหรับอ่านหนังสือออก ผมมองหน้าเขา

           “แค่นั้นเหรอครับ “ผมลุงหนึ่งเหน้าขึ้นมองหน้าผม ผมมาหาลุงหนึ่งด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวบินมาไกลหลายร้อยไมล์ทะเลแน่นอนไม่ได้แค่มาถามแต่ผมต้องมาขออะไรลุงหนึ่งสักอย่าง

          “บอยเขาไปช่วยเพื่อนเขาน่ะหลุยส์” ลุงหนึ่งพูด ผมถึงกับต้องขมวดคิ้ว ทำไมบอยต้องไปเพื่อช่วยเพื่อนเขา

           “ใช่ บอยไม่จำเป็นต้องไปแต่ว่าเขาขอและลุงก็เห็นด้วยน่ะ ในอนาคต เขาก็ต้องมีส่วนร่วมในองค์กร เราก็เหมือนกันนะหลุยส์” ลุงหนึ่งพูด

          “ลุงคิดว่าเราควรจะรู้จักพวกเขาเอาไว้เพราะว่าในอนาคต หลุยส์ต้องการพวกเขา เขาก็เหมือนแขนขาของเราในอนาคตเช่นกัน” ลุงหนึ่งพูด ลุงหนึ่งมองหน้าผมนิ่งๆ ผมได้ยินกิตติศัพท์พวกนี้มาเหมือนกันไม่เบาเหมือนกัน แบบนี้นี่เหรอที่องกค์กรต้องการ

            “แล้วเรื่องที่บอยต้องแต่งงานกับ…” ผมถามลุงหนึ่ง

         “ดิว… ลูกชายคนเล็กของศาสคราจารย์นายแพทย์ภาณุเดช เราได้ยินมาแบบนี้ใช่ไหม “ลุงหนึ่งถามผมกลับ ผมพยักหน้าว่าใช่

          “เราคุยกันก่อนจะวางแผนให้พวกเขาเกิด ดังนั้นลุงคิดว่ามันก็เป็นไปตามนี้หลุยส์” ลุงหนึ่งบอกผม

           “นี้มันคลุมถุงชนชัดๆ นะลุง ยุกต์นี้มันไม่มีแล้วนะลุง” ผมพูดคัดค้าน ลุงหนึ่งมองหน้าผมนิ่งๆ ผมเองก็เดาความคิดลุงหนึ่งไม่ออกเลย

           “อย่าบอกลุงณะว่าเราชอบบอย” ลุงหนึ่งถามผมตรงๆ

          “ครับ ผมชอบบอย” ผมพูดกับลุงหนึ่งตรงๆ เช่นกัน

          “แล้วมาหาลุงนี้ เพื่ออะไรเหรอ” ลงหนึ่งถามผม สายตาคู่นี้มองผมเพื่อรอคำตอบที่ชัดเจนในการมาของผม

           “ผมอยากจะไปหาบอยและพาบอยกลับครับ ผมว่าบอยควรจะได้เรียนมหาวิทยาลัยไม่ใช่ไปเสียเวลากลับพวกนั้น ถึงผมจะไม่ได้รู้จักแต่ก็ได้ยินมาว่า หาแต่เรื่อง เป็นได้แค่ลูกคุณหนู “ผมพูด

          “ผมว่าองค์กรไม่ต้องการคนแบบนี้หรอกมั้งครับลุง” ผมพูด ลุงหนึ่งมองหน้าผม

          “ลุงว่าอย่าพึ่งไปตัดสินพวกเขาเลยน่ะ รอดูก่อนดีกว่าไหม” ลุงหนึ่งพูด

          “แต่ถ้าเราอยากไป ลุงจะบอกให้เขาเตรียมห้องพักเอาไว้ให้แต่ลุงจะบอกก่อนนะว่า พวกเขาไปทำภารกิจกัน เราคิดว่าเราโอเคน่ะ” ลุงหนึ่งพูด เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าภารกิจอะไรแน่

         “ภารกิจอะไรเหรอครับลุง” ผมถามลุงหนึ่ง

         “ไปเป็นนักเรียน” ลุงหนึ่งบอกผม ผมถึงกับชะงักและมองลุงหนึ่งว่าเรื่องจริงเหรอ

          “แต่ไม่ใช่แค่นั่งเรียนน่ะมีอะไรหลายๆ อย่างที่นั่น ที่พวกเขาต้องทำและนี้มันก็จะเป็นตัวพิสูจน์ว่าพวกเขาจะมีประสิทธิภาพมากพอสำหรับองค์กรนี้” ลุงหนึ่งพูดกับผม

          “เราต้องไปนั่งเรียนทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เราคิดว่าเราทำได้ไหม หลุยส์?” ลุงหนึ่งถามผม ผมนั่งคิดเพราะว่าตั้งแต่พ่อแม่และคนในครอบครัวผมเสียชีวิตไป ผมก็ไม่เคยไปเรียนโรงเรียนในระบบมาก่อนเลย เรียนที่บ้านอย่างเดียวเลยแม้ว่าคนที่มาสอนจะเป็นระดับหัวกะทิก็ตามแต่ว่าเรื่องกิจกรรมผมไม่เคยร่วมกับใครเลย…แต่ว่าผมอยากไปเพื่อบอย แค่นั้น

          “ไปครับลุง” ผมบอกลุงหนึ่ง ลุงหนึ่งเงยหน้าขื้นมองหน้าผม รอบยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ากับผม

           “ถ้าอย่างนั้นก็ไปเตรียมตัวและบินไปเลยน่ะ พรุ่งนี้เลย ส่วนเรื่องที่เหลือลุงจัดการให้” ลุงหนึ่งบอกผม

           “ถ้าผมไปและพาบอยกลับมาได้ ผมขอเป็นคนที่อยู่ข้างๆ บอยได้ไหมครับแทนไอ้คนที่ทุกคนเลือก “ผมยื่นข้อเสนอให้ลุงหนึ่งทันที

            “อันนี้ขอดูผลงานก่อนน่ะ ลุงจะบอกอีกที” ลุงหนึ่งพูด

            “เอาล่ะ ลุงว่าเรากลับได้แล้วน่ะและเตรียมตัวบินไปพรุ่งนี้เช้าเลยน่ะ “ลุงหนึ่งพูดพร้อมกับก้มหน้าลงเซนต์เอกสารต่อ ผมก็ลุงขึ้น ผมหันไปมองพี่โจนาธาน เขาคอยมาดูแลผมตลอด

            “ลุงให้เราไปได้คนเดียวน่ะ พี่โจนาธานให้เขาดูแลเรื่องบริษัทของเราแทนช่วงที่เราไปน่ะ ลุงไม่อนุญาตให้พาการ์ดดูแลไปด้วยเพราะว่าทุกคนไปอย่างเด็กธรรมดาคนหนึ่งทุกคน จะไม่มีใครได้สิทธิ์มีการ์ดไปดูแลแม้แต่คนเดียว” ลุงหนึ่งพูด

           “แต่อาภาคย์เขาจะมีคนขับรถที่มีความสามารถคุ้มกันเราได้เหมือนการ์ดของพวกเรา” ลุงหนึ่งบอกผม พี่โจนาธานพยักหน้ารับทราบและผมก็เดินออกมากับพี่โจนาธานเพื่อไปเตรียมไปที่นั่น ไปตามหัวใจของผม เขาคือแสงแห่งความหวังของผม หลังจากที่ผมมืดหม่น สิ้นหวัง ไม่อยากทำอะไรเลย หลังจากที่พ่อแม่และคนในครอบครัว ห้าสิบชีวิตถูกสังหาร ต่อมาผมมาเจอบอย เขาก็เรียนโปรแกรมโฮมสกูลเหมือนผมเช่นกันแต่ได้ไปเรียนพิเศษด้วยกันและนั้นก็ทำให้ชีวิตของผมเริ่มมีความหวังแต่นี่ไอ้พวกนั้นมันจะมาพรากความหวังผมไป ผมไม่ยอมเด็ดขาด ผมต้องไปแย่งกลับมาให้ได้

           TBC…

          พรุ่งนี้แล้วซิน่ะ พวกเขายังไม่รู้เลยว่าจะเจออะไรบ้างและภารกิจของเขาคืออะไรกันแน่เขาก็ยังไม่รู้ ถึงอายุพวกเขาจะเพิ่งผ่านสิบแปดมาไม่กี่เดือนแต่ความคิดความอ่าน ความสามารถเขาเกินวัยมานานแล้วแต่นี้กลับต้องไปเป็นเด็กนักเรียนขาสั้นอีกครั้ง เขาจะทำได้ไหม ฝากด้วยนะคะ
หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.13ภารกิจวันแรก 1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 08-01-2024 11:44:14
EP.13รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน วันแรกของการกลับไปเป็นเด็กนักเรียนจำเป็น

        Part แจ็ค วันนี้เป็นวันแรกที่พวกผมต้องไปทำหน้าที่นักเรียนที่โรงเรียนของอาภาคย์ ทั้งที่พวกผมจบชั้นมัธยมศึกปีที่หกและผมก็เรียนปริญญาตรีควบคู่ระหว่างรอจบชั้นปีที่หกนั้นแปลว่าอีกสองปีพวกผมก็จบปริญญาตรีกันแล้วแต่ว่าต้องมาดร็อปเอาไว้ก่อนเพราะว่าพวกผมดันไปมีเรื่องกับลูกหลานนักการเมือง ก็มันแซวผมเรื่องพ่อผมและมันยังเป็นเพื่อนกับไอ้ฌอน ไอ้คนที่ต้องการแย่งชิงอำนาจเพื่อเอาองค์กรผมไปดูแลเอง พวกผมคิดว่าเรื่องวันนั้นน่าจะเป็นแผนของไอ้ฌอน และมันก็ทำให้ลุงหนึ่งสั่งทำโทษพวกผมและให้ผมมาจัดการแก้ไขเรื่องนี้ด้วยตัวพวกผมเอง
         “แจ็ค ตื่นได้แล้วเราต้องเตรียมตัวไปโรงเรียนแล้วนะครับ” ผมสะลึมสะลือเพราะว่ามีคนมาปลุกผมจากการหลับใหลและฝันหวานอยู่ ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือคนที่เคยปลุกผมแบบนี้เมื่อสามปีก่อนเช่นกันแต่ว่าวันนี้เขากลับมาหาผมแล้ว ผมแกล้งละเมอกอดบอย กอดเอาไว้แน่นเลยแบบว่ากลัวจะหายไปจากผมอีก
         “แจ็ค!” บอยขึ้นเสียงกับผมนิดหน่อย แต่เสียงก็ยังหวานน่าฟังอยู่ดี
         “ยังอีก แจ็ค บอยเรียกให้แจ็คตื่นนะไม่ได้เรียกให้แจ็คกอดบอยและหลับต่อแบบนี้” บอยพูด ผมหรี่ตาขึ้นมองบอย เขากำลังทำหน้าดุใส่ผมอยู่
          “ก็แจ็คอยากกอดบอยไว้แบบนี้นานๆ นี่ครับ” ผมพูด ผมทำสีหน้าออดอ้อนบอย ว่าไม่อยากลุกไปเลยอยากกอดบอยอยู่แบบนี้
          “ตื่นได้แล้วแจ็ค ที่นี้เขาเข้าเรียนกันแต่เช้าน่ะและเราต้องไปถึงโรงเรียนก่อนเจ็ดโมงสี่สิบ ดังนั้นรถจะมารับเราตอนเจ็ดโมงเช้าน่ะแจ็ค” บอยพูดพร้อมกับลุกขึ้นทันที บอยคว้าผ้าเช็ดตัวและรีบเข้าห้องน้ำไปทันที ตอนแรกแจ็คไม่อยากตื่นน่ะแต่นี้ทำให้แจ็คตื่นขึ้นทันที ผมก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวและรีบตามบอยเข้าไปในห้องน้ำทันที
          “แจ็ค! เข้ามาทำไม แจ็คควรจะรอก่อนซิ” บอยร้องเสียงหลงทันทีที่เห็นว่าผมตามเขาเข้าไป
          “ไม่รอละไปต่อกันเลย น่ะบอย” ผมพูด
        “ปัง” เสียงประตูห้องน้ำปิดลงหลังจากนั้น ไม่ต้องบอกว่าทำอะไรกันในห้องน้ำ ตอนนี้มันแต่เช้าไปครับ ผมรู้ครับแต่ไม่แคร์ ฮาๆ เสียงสายน้ำจากฝักบัวและคนสองคนที่อาบน้ำด้วยกัน ร่างกายที่เปลือยเปล่า ผมไม่ได้ทำอะไรกันหรอกครับ แค่กอดกันอยู่ใต้ฝักบัว นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ทำแบบนี้ ได้สัมผัสกับผิวสวยๆ ของบอยโดยปราศจากเสื้อผ้าแบบนี้ สามปีเลยน่ะที่หายไป
          “เสร็จยังครับแจ็ค ไปแต่งตัวเถอะ เพื่อนๆ จะรอเราสองคนนานนะครับ” บอยบอกผม ผมก็พยักหน้าแม้จะแอบเสียดายอยากได้มากกว่านี้

            ผมและบอยออกมาจากห้องน้ำเพื่อแต่งตัว ผมเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบ ชุดนักเรียนมัธยมปลาย ผมไม่ได้สวมใส่มานานแล้วตั้งแต่ยายไปเรียนที่อเมริกา มันก็จะรู้สึกแปลก แต่สักพักคงจะชิน ผมหยิบออกมาและหันไปเจอบอยที่สวมชุดเรียบร้อยแล้ว ถึงกับตะลึงเลยผมและที่สำคัญ น้องลุกด้วยเพราะว่าดูน่ารักมาก มากกว่าชุดนักเรียนที่ใส่อยู่ กางเกงมันส้ั้นๆ เห็นขาอ่อนขาวๆ ของบอยแล้ว สู้เลยครับแจ็คน้อยๆ
          “ปึก” หมอนครับ ที่ลอยมาปะทะใบหน้าผม ก็บอยนั่นแหละจะใครล่ะ
          “รู้นะว่าคิดอะไรอยู่” บอยพูด
          “รู้ได้ไงอ่ะ” ผมถามบอยกลับและเอาหมอนไปวางไว้บนที่นอนเหมือนเดิม
          “ก็ดูที่เป้าดิ ตุงเชียว” บอยพูดผมก็ก้มมองจริงด้วย
          “ก็นะ เห็นใส่ชุดนักเรียนแบบนี้เซ็กซี่ เลยอดใจไม่ไหว” ผมพูดกัดปากโชว์บอยด้วยว่าเขาเซ้กส์วี่มากแค่ไหน
         “บ้าแล้วแจ็ค!  “บอยหันมาค้อนใส่ผม ผมก็สวมกางเกงนักเรียนและเสื้อนักเรียน ติดกระดุมเสื้อนักเรียนที่
         “แจ็ค” บอยเรียกชื่อผม ผมหันไปก็ปะทะกับบอยที่ยืนอยู่ด้านหลังของผม เขาเข้ามาจัดคอเสื้อผมและชายเสื้อให้ผม ดูเรียบร้อยขึ้นเยอะเลยผม
         “หล่อแล้วครับ” บอยพูดก่อนจะหันหลังแต่ผมก็รวบเอวบางของบอยเอาไว้และม้วนกลับมาหาผม บอยไม่ทันตั้งตัวก็ถลามากระแทกแผ่นอกของผมเข้า บอยเงยหน้ามองหน้าผม
        “คนนี้ก็น่ารักที่สุดในโลกแล้วครับ” ผมบอกบอย บอยมองหน้าผมยิ้มเขินให้ผมด้วย
       “งั้น บอยว่าเราสองคนลงไปข้างล่างดีกว่าน่ะ เพื่อนรอ อันนี้จะดูไม่ดีนะครับ คุณแจ็ค” บอยพูดและทำท่าจะหันหลังออก แต่ผมคว้าข้อมือไว้อีก
        “ห้ามยิ้มหวานแบบนี้ให้หนุ่มไหนเด็ดขาดนะวันนี้ ถ้าเห็นน่ะ คืนนี้โดน ทำโทษ” ผมบอกบอย บอยมองหน้าผมอมยิ้มเล็กน้อย
        “ถ้าอยากโดนทำโทษล่ะ” บอยพูด ผมก็พยักหน้า บอยคนเดิมไปไหนแล้วเนี่ย บอยที่เรียบร้อยมาก ถามว่าบอยคนไม่เรียบร้อยเหรอ เรียบร้อยครับแต่ว่าเริ่มมีมุขแล้วน่ะ
         “ว้าว! ไปหัดที่ไหนมา” ผมหันมาถามบอย
         “หึๆ” บอยหัวเราะผมในลำคอ

          ผมสองคนเดินออกมาจากห้องพัก ผมรู้สึกเงียบๆ แสดงว่าทุกคนลงไปชั้นล่างกันหมดแล้ว นี้ตื่นเต้นกันมากขนาดนั้นเลยเหรอ บอยมองหน้าผม ผมหยักไหล่และผมสองคนก็เดินลงไปด้านล่างพร้อมกัน ป่านนี้คงนั่งรอรถมารับกันแล้ว ผมบอกตรงๆ น่ะไม่เคยตื่นแต่เช้าแบบนี้เลย ที่โน่นเรียนเก้าโมงไปถึงก็เกือบจะเก้าโมงดีกว่าแต่ที่นี้ต้องไปล่วงหน้าแบบนี้เลยเหรอ ขณะที่ผมสองคนเดินลงไปถึงชั้นล่าง
         “มึงเห็นสีหน้าไอ้แจ็คคืนนั้นป่ะ ตอนที่บอกมันว่าห้องที่มันจะไปนอนอ่ะ มีเสียงใครก็ไม่รู้อ่ะ โคตรฮาเลยอ่ะ” เสียงพาย นั้นเอาเรื่องที่หลอกผมว่ามีผีมาคุยกันอีกแล้ว มันจะตอกย้ำทำไมเนี๊ยะ ผมหันมามองบอย เขาก็หยักไหล่ อายเลยเป็นไงล่ะ อายคนข้างๆผมนี่แหละ
         “ไอ้เนี่ยะมันป๊อดจะตายไปแต่ก็ทำเป็นปากดีไปงั้นแหละ” เสียงไอ้ติ๊กมันชมว่าผมป๊อดครับ
        “และนี้ยังไม่ลงมาอีก คงอ้อนแม่บอยน่าดู” เสียงพวกนั้นนินทาผม ผมหันมามองบอย บอยก็หันหน้าหนีไปมองทางอื่นแทน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
         “จะเหลือเหรอ” ไอ้ดิวอีกคน
         “แหละมันก็แกล้งเล่นตัวไปอย่างนั้นแหละไอ้นี่นะ “ไอ้ดิว
         “เสียหน้าได้แต่อย่าเสียฟอร์มใช่ไหมอ่ะ ดิวะ พายพูดก่อนจะจับแขนดิวมันมาควง ทำหน้าตาอย่ากเขมือบไอ้ดิวแย่แล้ว
        “อันนี่เสียศูนย์เลยน่ะ “ดิวรีบแกะมือพายออกทันที
        “ตกลงนี่พวกมึงแกล้งกูกันใช่ไหมวะเรื่องคืนนั้นน่ะ ตกลงคือไม่มีอะไรในห้องนั้น “ผมถามพวกนั้น มันมองหน้ากันพากันพยักพเยิดใส่กัน หาได้สำนักอะไรไม่
         “เป็นไงบอยไอ้ปากดี อันที่จริงบอยไม่น่าจะใจอ่อนให้มันหรอกน่ะเมื่อวานน่ะ น่าจะให้มันกลับไปนอนในห้องนั้น น่ะบอย” ติ๊กหันมาพูดกับบอย บอยก็ยิ้มและหันมามองหน้าผม
         “ถ้ามันปากดีอีกให้มันไปนอนคนเดียวจริงๆ น่ะบอยเพราะว่าเครื่องนอนเขาก็สั่งมาให้แล้ว เหลือแต่คนนอน” พายพูดอีกคน ผมนี้อยากจะเตะพวกมันเรียงตัวกันเลย มันพากันซ้ำผมกันชัดๆ
         “เฮ้ย!! ไปกันยังรถรอแล้ว” ดิวพูด ทุกคนก็ลุกขึ้นพร้อมกัน ผมมองดูพายเขาสวมกางเกงสั้นมาก ผมหันมามองไอ้ดิวและทุกคน แบบนีก็ได้เหรอ แต่ล่ะคบบอกว่าไม่รู้ พายหันมามองผมก่อนจะยิ้มให้ผม
        “มองแบบนี้จะมานั่งกับพายเหรอ” พายถามผม
        “ไม่ล่ะ ไปนั่งกับแก้งนายฟ้านั้นเถอะ” ผมพูดและรีบเดินออกทันที บอยก็เดินคุยกับแอ้และติ๊กและตามด้วยพาย ผมเดินมาทันไอ้ดิวพอดี ไอ้ดิวมันหันมามองหน้าผม
        “เป็นไง มึง” ดิวถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน ก็มันนี่แหละชุดให้ผมคิดได้
         “เออ...กูจะลองสักตั้งหนึ่ง “ผมพูดกับดิว ว่าผมจะลองดูก่อนอย่างที่มันเคยบอกผมเอาไว้
         “รักษาให้ดีนะมึง มีได้แต่รักษานะไม่ง่ายน่ะ “ไอ้ดิวพูด พวกผมเดินออกมาที่หน้าบ้าน มีรถมาจอด เป็นรถลีมูซีนสามคัน นั่งคันละสองคน คนขับรถก็หล่อเข็มมาก สวมแว่นตาและสูตรสีดำ มีวิทยุหูฟังสวมเอาไว้ตามสไตล์ของการ์ด
         “เชิญครับคุณหนู พวกผมมารับไปโรงเรียนกันแล้วครับ “พี่เขาพูดพร้อมกับเปิดประตูรถให้พวกผม ทุกคนกำลังจะเดินไปขึ้นรถ ไอ้ติ๊กรีบดึงแขนแอ้ไว้จะให้นั่งกับมันและพายก็คงนั่งกับไอ้ดิว ผมสังเกตเห็นสีหน้าที่บอกว่ามันค่อนข้างผิดหวัง คือมันอยากนั่งกับแอ้ใช่ไหม ตกลงมันกับแอ้คืออะไร แต่เอาไว้ก่อนตอนนี้พวกผมต้องทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายกันก่อน
         “เออเดี๋ยวนะ!  แล้วพวกมึงรู้ยังวะ งานชิ้นแรกของพวกเรา เขาให้เราทำ คืออะไรวะ?” ผมเบรกพวกมันไว้ ทุกคนชะงักเท้าพร้อมกับหันมามองหน้าผมกันหมด
         “อ้าว! ก็เขาบอกว่าให้ไปโรงเรียนไง แค่นั้น ไปเป็นเด็กนักเรียน แค่นั้น!! “ไอ้ติ๊กพูด
        “หรือมึงจะทำมากกว่านั้น เป็นผู้บริหารโรงเรียนเหรอ ถามไม่คิดอีกแล้ว ถ้าเป็นอันนั้นพ่อกูรับสมัครคนมาทำงานดีกว่าไหม” ไอ้ติ๊กพูดพวกผมหันไปมองหน้ามัน มันนั่นแหละที่ไม่รู้จักคิด มีเหรอที่ลุงหนึ่งจะให้เราทำโจทย์อะไรง่ายๆ แบบนี้เพื่อแลกอิสรภาพหลังจากหนึ่งปีเราจะไปมีชีวิตของตัวเอง
         “ง่ายไปมั้งที่ลุงหนึ่งจะให้ไปนั่งๆ นอนๆ ที่โรงเรียนน่ะ มันไม่ใช่ทางลุงหนึ่งแน่นอน “ผมพูดขึ้น พวกมันหันหน้ามามองหน้ากัน ผมเดาว่าต้องมีอะไรที่มากกว่าการไปเป็นนักเรียน
          “อย่างลุงหนึ่งน่ะ No pain No grain มึงเชื่อกูดิ ชอบให้เจอความสำบาก ไม่อยากให้เจอความสบายทั้งที่พวกเราน่าจะสบายได้แล้วเพราะว่าพ่อพวกเราก็รวยช่วยไม่ได้ แต่ยังยังส่งพวกเรามาเจอแบบนี้ มันต้องมีอะไรที่มากกว่าที่เรารู้มา” ผมพูด ทุกคนหันมามองหน้าผม
          “กูคิดว่า…ลุงหนึ่งต้องการให้พวกเราน่ะไปที่โรงเรียนนี้เพื่อ…
         “ถางหญ้าว่ะ สงสัยหาคนทำงานไม่ได้แน่นอน อันนี้อาจจะเป็นเหตุที่ลุงหนึ่งแทรกแซงเอาไว้ ” ไอ้พายพูด พวกผมหันมามองหน้าไอ้เด็กที่ฉลาดที่สุด นี้เหรอที่มันคิดได้ ไอ้ดิวมันก็เอามือแตะหน้าผาก
         “มึงก็ไม่แตกต่างจากกูเลยอีกพาย ถางหญ้า คิดได้เนอะ อีนี่!!” ติ๊กพูด
         “แล้วมึงคิดได้ดีกว่ากูไหมละ ลูกผู้บริหาร” พาย
         “พอเถอะ จะตีกันทำไมเนี๊ยะ ยังไม่ทันได้ไปเลย “แอ้เป็นคนห้ามทัพสองคนนั้น
        “ไปกันเถอะว่ะ พอไปถึงก็รู้เอง จะยืนขอเหตุผลตรงนี้กันทำไมวะ เดี๋ยวก็ได้พากันไปสาย คราวนี้งานงอกเลยน่ะมึง” ไอ้ดิวพูด มันมองหน้าพวกผม

          ผมหันมามองหน้าบอย บอยพยักหน้าว่าให้ผมเข้าไปในรถได้แล้ว ผมก็พยักหน้าตามนั้นก็ได้วะ ผมเข้าไปนั่งกัน ในรถคันหรู รถคันนี้มีสมาร์ตทีวีและไวไฟให้ใช้บนรถ ระหว่างที่รถกำลังแล่น ผมก็กุมมือบอยไว้ตลอด จะดึงขึ้นมาหอมแต่บอยขืนเอาไว้ไม่ยอมให้ผมทำแถมยังขยิบตาให้ผม
        “ไม่เอาแจ็ค “บอยห้ามปรามผมและพยักพเยิดไปที่พี่คนขับรถ อายคนขับรถอีกกลัวเขามอง
         “เขาไม่เห็นหรอกบอย ถ้าเห็นแสดงว่าเขาไม่ได้มองถนนแล้ว อันนี้ฟ้องพ่อได้น่ะ ว่าขับรถประมาท” ผมพูดบอยสะบัดหน้ามามองผมก่อนจะท่าจะทุบผมด้วย
         “คุณหนูครับ มีประชุมสายครับ คณพ่อของคุณหนูนะครับ “พี่คนขับพูดและหน้าจอข้างหน้าผมก็เปลี่ยนเป็นวิดีโอคอลขึ้นมาทันที พ่อผมกับลุงกฤษณะ บอยก็รีบสะบัดมือผมออกอย่างรวดเร็ว
         “ไงแจ็ค บอย เป็นไงบ้าง หลับสบายดีไหม แปลกที่หน่อยน่ะ” พ่อผมถามผม ลุงกฤษณะอยู่กับพ่อผมได้ไงน่ะ ผมหันมามองบอย เป็นคำถามที่ผมไม่กล้าถามพ่อตรงๆ บอยแค่ยิ้มๆ ให้ผม แสดงว่าบอยก็รู้เรื่องนี้มาตลอด
         “สวัสดีครับลุงณะ” ผมยกมือไว้ว่าที่พ่อตาของผม
       “อืมแจ็ค “ลุงกฤษณะรับไหว้ผม ก่อนจะหันไปมองหน้าพ่อผมนิดนึง
       “เป็นไงบ้างดีไหมที่นั้นน่ะ “ลุงกฤษณะถามผมสองคน
       “สบายดีครับ เตียงนิ่มดีครับแต่ว่าแคบไปหน่อย ผมอยากได้เตียงใหญ่ๆ อ่ะครับ” ผมบอกลุงกฤษณะ ลุงกฤษณะหันไปมองพ่อผมแทนให้คำตอบผม บอยก็แอบส่ายหน้ากับผมอีก
       “แจ็ค!” พ่อผมเป็นฝ่ายเรียกชื่อผมแทน
       “เตรียมพร้อมหรือยังเราสองคนน่ะ” ลุงกฤษณะเปลี่ยนเรื่องถามผมสองคน
       “ก็พร้อมนะครับแต่ผมสองคนยังไม่รู้เลยว่า ให้ทำอะไร แต่ก็พร้อมแหละครับเพราะว่ามันคงไม่ทางเลือกอื่นแล้วด้วยมั้งครับลุง” ผมพูด บอยสะบัดหน้ามามองหน้าผม ผมหันมาฉีกยิ้มให้บอย  ลุงหนึ่งหันไปมองพ่อผม ที่นั่ง ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
      “ดีแล้วที่พร้อมแต่จำไว้นะ นี้คือสิ่งที่จะพิสูจน์ว่าพวเรามีประสิทธิภาพพอที่จะปกครองคนอีกมากในอนาคต องค์กรของเราเป็นองค์กรที่ค่อนข้างใหญ่ ระดับโลก ดังนั้นผู้นำนั้นสำคัญมาก “ลุงกฤษณะพูด
     “โดยเฉพาะเราแจ็ค ทุกคนต้องมาโดนเพราะเรา ดังนั้น เราต้องทำให้ได้เข้าใจไหม “ลุงกฤษณะพูดก่อนจะหันชำเลืองมองพ่อผม ผมก็มองพ่อ พ่อไม่ช่วยลูกเลยเหรอ พ่อผมกลับขยิบตาให้ผมแทน ให้ผมเออออไปก่อนอย่างนั้นเหรอ
        “ครับลุง เออ ว่าแต่ตกลงผมไปเป็นนักเรียนหรือไปเป็น ผอ โรงเรียนกันแน่อ่ะครับ” ผมถามกลับ
        “เพี๊ยะ! “กลายเป็นบอยที่เป็นคนตีเข้าที่แขนของผมไม่แรงแต่ก็ไม่เบา
       “ลูกเรานี้มันกวนเหมือนกันนะภูมิ” ลุงณะหันไปต่อว่าผม พ่อผมหันมาขยิบตาใส่ผมทันที
         “เอาละ พ่อแค่จะเช็กดูว่าเราสองคนเป็นไงบ้าง แต่ดูแล้วก็สบายดี อ้อ อีกอย่างนะ พ่อๆ คุยกันว่าถ้าอาทิตย์นี้ทำผลงานดีจะได้กลับบ้านนะแจ็ค” พ่อพูดผมหันมายิ้มเลยจะพาบอยไปเที่ยวไหนดี
       “ครับ พวกผมจะมีผลงานไปให้พ่อดูแน่นอน รอชมได้เลย” ผมตอบลุงกฤษณะไปแบบเบาๆ แต่มันยังคาใจอยู่เลย
       “แต่ถ้าผลงานไม่ดี ไปได้แค่ห้างแถวบ้านกันน่ะ” พ่อผมพูด อันนี้หักมุมมากเลย
       “ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจเรียนและทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ไปด้วยในตัวนะ ถือซะว่าได้ลิ้มรสการเป็นนักเรียนอีกครั้ง อยู่ในกฎทุกระเบียบทุกอย่างน่ะเพราะว่าถ้าพวกเราแหกกฎขึ้นมาถึงจะแค่พวกเรา” พ่อผมพูด
      “ทุกคนก็จะทำตาม อันนี้เป็นการฝึกตัวเองไปด้วยเพราะองค์กรที่เราจะดูแลก็มีกฎเช่นกัน” ลุงณะพูด
      “ ดังนั้นต้องทำให้เขาดู ว่าเราทำได้พวกเขาก็จะทำได้ โดยเฉพาะพวกเราที่เป็นลูกหลานเจ้าของโรงเรียน มันจะทำให้เสียไปถึงอาภาคย์ เข้าใจนะ “พ่อผมพูด
      “ครับ” ผมสองคนรับคำแต่ผมนะไม่ค่อยเต็มคำเท่าไหร่ พอกดวางสายจากพ่อ ไม่นานรถคันหรูของพวกผมก็มาถึงโรงเรียนของอาภาคย์ โรงเรียนนี้อยู่ในตัวเมืองแต่ทำไมพวกผมต้องออกไปอยู่นอกตัวเมืองด้วยก็ไม่รู้ ผมคิดในใจ
      “ถึงแล้วครับคุณหนู” พี่คนขับรถจอดรถเพื่อให้ผมลง
      “คุณหนูครับ คุณหนูต้องเดินเข้าไปกันเองนะครับ พวกผมนำรถเข้าไปส่งด้านในไม่ได้จริงๆ ครับเพราะว่านี้คือกฎของโรงเรียนครับ เขาให้รับส่งตามจุดครับและแค่หน้าประตูเท่านั้นนะครับ ขอโทษด้วยนะครับ” พี่คนขับรถพูดผมก็พยักหน้าเพราะว่าพี่เขาทำตามหน้าที่ที่ได้รับมาเช่นกัน

        ผมกับบอยก็ก้าวเท้าลงจากรถ ผมเห็นรถคันอื่นๆ มาจอดแล้วเช่นกัน ผมเห็นดิวกับพายลงมาจากรถพายที่พยายามควงแขนไอ้ดิวแต่ไอ้ดิวมันก็แกะแขนพายออกตลอดทั้งที่มันก็รู้ว่าพายมันแกล้งไปอย่างนั้นแหละ ไอ้ติ๊กมันก็ลงมากับแอ้
        “พร้อมยังวะ ที่จะเดินเข้าไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง” ผมถามทุกคน บางคนก็หยักไหล่ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินผ่านประตู ซึ่งมีคุณครูผู้หญิงยื่นอยู่ แต่ผมงงว่าไปยืนทำไมกันที่ตรงนั้น มีนักเรียนเดินเข้าประตูพร้อมกับยกมือไหว้
       “เขามายืนหน้าประตูทำไมอะ” พายหันมาถามทุกคน พายมันเรียนโรงเรียนพิเศษที่อังกฤษเลยไม่เคยเจอแบบนี้
      “เขาเป็นครูที่นี้น่ะพายและจะมายืนตรวจความเรียบร้อยก่อนที่นักเรียนจะเข้าไปด้านในโรงเรียนนะ” แอ้พูด พายก็พยักหน้าเข้าใจแล้ว ระหว่างที่ผมกำลังเดินเข้า ครูผู้หญิงที่ยืนอยู่ก็หันมามองพวกผม
       “ขอโทษค่ะ นี้ใช่นักเรียนที่จะมาเรียนใหม่ที่นี้ไหมคะ” คุณครูที่ยืนอยู่เขาถามพวกผม พวกผมก็พยักหน้าพร้อมกันว่าใช่
       “ที่ว่าเป็นหลานๆ ของท่านผู้อำนวยการโรงเรียนใช่ไหมคะ” คุณครูถามพวกผมเสียงดังฟัง ตอนแรกก็ไม่มีใครสนใจแต่พอบอกว่าเป็นลูกหลานโรงเรียนเท่านั้นแหละ ทุกคนหยุดพร้อมกับหันมามองพวกผมกันหมดทุกคนรอฟังคำตอบ
        “?????”
       “ใช่ครับ ลูกหลานเจ้าของโรงเรียนครับ ” ไอ้ติ๊กตอบเสียงดังมาก สายตาที่เปลี่ยนไปจากคนรอบข้าง แถมมาด้วยสายที่แปลกขึ้นมาทันทีทันใด ผมพึ่งรู้ว่า บารมีพ่อไม่ได้ทำให้ทุกคนปลื้มพวกผมเท่าไหร่เลย ถ้าพวกผมยืนผิดที่
       “งั้นเชิญเลยค่ะ เข้าไปด้านในได้เลยนะคะ ด้านในจะมีบอร์ดแผนผังของโรงเรียนค่ะ เดินตามป้านของโรงเรียนไปเลยนะคะ
        “คุณครูบอกผมให้เข้าไปโดยที่ไม่ตรวจพวกผมเลยสักนิดเหมือนคนอื่น เลยยิ่งทำให้มีสายตามองพวกผมแปลกๆ มากขึ้น
        “ทำไมเขามองพวกเราเหมือนกิ้งกือไส้เดือนยังไงก็ไม่รู้อ่ะ .... ตั้งแต่คุณครูประกาศสถานะว่าพวกเราอย่างเป็นทางการไปแบบนั้น “พายหันมากระซิบกระซาบกับพวกผม พวกผมก็หันหน้าหันหลังและพากันรีบเดินไปตามที่คุณครูคนนั้นบอก
       “เอาละก่อนอื่น ต้องไปหาของกินก่อนวะ หิววะ “ไอ้ดิวพูดหันมาดึงแขนแอ้ให้ไปเดินใกล้ๆ มัน พวกผมก็เดินคุยกันมาเรื่อยๆ จะจะผ่านตึกแรก แต่จู่ๆ
       “อ้ายยย!!!!” ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดดังขึ้นมา และสิ่งเร้นลับที่หลบซ้อนที่ตรงมุมตึกก็ออกมาปรากฏ เก้ง กวาง บ่าง ชะนี มากันครบหมด เล่นเอาพวกผมหยุดเอามือกุมหน้าอก
      “เว้ยยย!!!” พวกผมร้องกันเสียงหลงเหมือนกันตกใจครับ
      “หล่อมากเลยค่ะ!!! “น้องนักเรียนขาสั้นหน้าใสใจกล้ามาก ทุกคนมาเรียงแถวพร้อมกับ เต้นรีดต้อนรับแต่ทาจะไล่พวกผมให้กลับไปขึ้นรถซะมากกว่า
      “สงครามโลกครั้งที่สามมาถึงแล้วเหรอ ทำไมเร็วจังวะ” พายหันมาถามพวกผม ผมเข้าใจว่ารูปร่างน้องๆถึกๆกันทั้งนั้น
      “นี่เขามารอรับหรือมาสู้รบกันแน่วะ”ไอ้ดิวพูดอีกคน
      “รอชมผลงานค่ะ น้องๆพร้อมมากค่ะ” น้องหนึ่งในนั้นบอกผม มีผลงานให้ชมด้วย
       "สามสี่..ซู่ๆ ซ่าๆ ปาทังกาปาตังกี้ ซู่ๆ ซี่ๆ ปาตังกี้ปาตังก้า วี้ด!!!!! บึ้ม!!!" ทันทีเพลงเชียร์จบลงพวกผมยืนอึ้ง กันทุกคน โดยเฉพาะผมนี่แหละไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
       "นี่เขาจ้างมาให้มาต้อนรับเราเข้าโรงเรียนหรือว่าจ้างมาไล่เรากลับกันแน่ แต่กูว่าอย่างหลังว่ะ อยากหันหลังและวิ่งออกไปฉิบหายเลย" ไอ้ติ๊กพูดกับพวกผม พวกผมก็หันมามองหน้ากัน ออกไปตั้งหลักที่นอกรั่วโรงเรียนกันก่อนไหม พอพยักหน้ากันก็จะหันหลังเดินออกแต่ว่า
       "เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป ซิค่ะ ยังไม่จบค่ะ  " น้องๆ เขาบอกผม พวกผมหันกลับไปมองยังมีอีเหรอ
       “มีอีกเหรอ”ผมถาม
       “มีค่ะ…ทุกคนพร้อม.... หนึ่งสอง…หนี่ง…สอง….สาม….หนึ่งสอง…หนึ่งสอง…หนึ่ง… อ้ายยยยยยยยยย" เสียงกรีดที่ทำเอาพวผมอ้าปากค้างกันอีกรอบพร้อมกับพู่ที่สั่นไหวไปมา
       “เววคัม ทู…นิว สกูล!!!”น้องบอกผม มาต้อนรับนั้นเอง
       “นี่รีดเดอร์เหรอ มาจากคณะไหน สามช่าเหรอ เต้นได้ขัดใจแม่มาก มานี้เต้นให้ดู เพลงมา “ติ๊ก พูดและก้าวขาออกไป มันขอเพลงด้วย น้องๆมองหน้ากันเลิกลัก
      “เพลงมาซิครับ พี่จัดให้ดูเป็นตัวอย่าง เอ็กเซมเพิ่ล!!”ติ๊กพูด
      “สามสี่ .....” มือไม้นี้ก็สะบัดไปเลยอย่างพิ้วจนพวกผมก็อ้าปากค้างกันไปอีกรอบ ติ๊กเป็นรีดของโรงเรียนด้วยเท่าที่ผมทราบ ท่านี้เป๊ะเว้อมากจนพวกรีดมายีนลดการ์ดลงทันที การ์ดสูงไม่เท่าติ๊กไง ส่วนพวกผมนี้กุมขมับ อยากให้พ่อมันเห็นจริงๆ ว่าลูกเต้นพลิ้วแค่ไหน
     "อึ้ง อึ้ง ล่ะซิ " ติ๊กถามพวกนั้น
     “ไปเถอะว่ะ ตั้งกราดสูงกว่ากูอีกแถมเด้งขนาดนี้อีก ก้นน่ะไม่ใช่นม” อ้าวหันหลังเดินออกกันไปหมดเลย พวกผมยืนกุมขมับ มึงไปข่มเขาทำไม ดิวมันพยักพเยิดให้แอ้ไปจัดการแทน
     “ไปแล้วเหรอ ไม่เต้นกันต่อล่ะ จะได้ให้พวกหนุ่มๆนี่มันหาซื้อพวงมาลัยมาถวาย แก้บนให้ เอาผ้าสามสีมาผูกด้วยไหม จะได้โทรให้คนขับรถไปซื้อมาให้….” ติ๊กพูดพร้อมกับ ยืนเอามือเท้าเอวมองและหันมามองพวกผม ที่ยืนส่ายหัวกันเป็นแถว ผมว่างานนี้จะพังก็มันนี้แหละ
     “ติ๊ก..เขาอุตส่าห์มาเต้นต้อนรับมึงก็ไปแย่งซีนเขาทำไมว่ะ” ไอ้ดิวพูดปนหัวเราะ
      “มึงเล่นเอาน้องๆเขาวิ่งไปร้องไห้แล้วมั้ง ใจร้ายว่ะมึงรังแกเด็ก” พายพูด
      “ไปหาอะไรกินเถอะหิวมากแล้วเนี๊ยะ”ดิวพูดก่อนจะพยักหน้าเรียกแอ้แต่ติ๊กมันควงแขนแอ้เอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
     “นี้ห้องอาหาร เดินตรงไปเลี้ยวขวาและเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย และเดินตรงไปอีก “ไอ้ดิวมันเงยหน้าขึ้นนมองจนเจอป้ายบอกทาง
      “ทำไมห้องอาหารมันอยู่ลึกจังว่ะ” ไอ้ติ๊กเอ่ยถามขึ้นเพราะดูจากป้ายเข้าไปด้านในสุดเลยน่ะนั้นน่ะ
      “ห้องอาหารหรือป่าอเมซอนว่ะ มันลึกลับขนาดนี้ “พายพูด
      “ไปเถอะว่ะ” ผมบอกทุกคนก่อนจะดันบอยให้เดินไปกับผมแบบใกล้ๆ พวกผมเดินผ่านสายที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรไมตรีกับพวกผมมากมาย บางคนก็ยิ้มๆ ให้แบบไมตรีก็มีบ้างแต่น้อยหนัก
       “มันทำให้รู้ว่า เป็นลูกท่านหลานเธอนี้ไม่ได้ช่วยให้ใครต่อใครรักมากขึ้นเลยว่ะ ว่าแต่พวกเราไปทำอะไรให้วะ” พายพูดขึ้นผมก็พากันส่ายหัว ยักไหล่ว่าไม่มีใครรู้
       “ตุ๊ดมาแล้วเหรอ!!!” มีคนตะโกนไล่หลังพวกด้วย ผมหันไปเจอมีพวกนั่งกันเป็นแก้งเลย แต่งตัวไม่ได้ถูกระเบียบสักนิดว่าแต่รอดมาได้ไงก็ไม่รู้ จากครูที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตู ดังนั้นนี้แสดงว่าสองมาตรฐานแล้วน่ะ
       “ติ๊ก!!!” ไอ้แอ้มันเอามือปิดปากติ๊กไว้ได้ทัน ไอ้ติ๊กมันกำลังจะหันไปต่อปากต่อคำแน่ๆ
      “อะไรวะ ดูมันว่าพวกเรา มึงกลัวกันเหรอ” ไอ้ติ๊กหันมาถามพวกผม
      “เออ!!” พวกผมตอบพร้อมกันมาก
       “กลัว..กลัวว่าจะได้อยู่ยาวเลยมึงคราวนี้ไม่ใช่แค่ปีเดียวถ้ามึงหาเรื่องเพิ่มมาอีก เดินแบบไม่ต้องไปมองอะไรตรงไปหาอะไรกินโน่นพอแล้ว” ไอ้ดิวพูดและชี้นิ้วให้มันเดินตรงไป
       “และถ้ามึงเงยหน้าดูดีดี ...มันมีหลายตีนอยู่น่ะและพวกกูไม่อยากเอาใบหน้ากูไปให้มันวางเท้า มึงเข้าใจไหม “ดิวพูดติ๊กมันหันมาแต่ก็สะบัดก้นเดินนำหน้าไปตามไปด้วยติ๊กและพายดิวมันยักไหล่ให้ผมรีบเดินดีกว่าผมหันมาจูงมือบอยให้รีบเดินเหมือนกัน ผมไม่เชื่อหรอกว่าไอ้ดิวมันจะกลัวพวกนี้ ผมว่าน้องๆ สำหรับมันแต่ที่มันไม่อยากมีเรื่องเพราะมันก็อยากไปเรียนตามที่มันต้องการแล้วเหมือนกัน พวกผมก็เหมือนกันไม่อยากมาติดอยู่แบบนี้
       “แปลกเหมือนกันเนอะแจ็ค แต่ละคนที่มองพวกเราอ่ะ” บอยกระซิบข้างหูผม ผมก็พยักหน้า
      “รีบเดินเถอะบอยไปหาอะไรทานดีกว่า” ผมหันมากระซิบกับบอย
      “เย็นไว้มึงเพราะมึงนี้แหละจะพาพวกกูไม่ได้อยู่รอดจนถึงหนึ่งปีและอาจจะไม่มีชีวิตได้อยู่ต่อไปอีกเพราะว่า ตายคาตีนพวกนี้ซะก่อน” ผมได้ยินพายมันพูดกับติ๊ก ผมหันไปชี้นิ้วเห็นด้วยเลย

       TBC...
หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.13.1 ภารกิจวันแรก 2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 08-01-2024 20:02:16
     
EP.13.1 ภารกิจวันแรก การกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง
      Part’ s แจ็ค พวกผมเดินมาหยุดที่ตรงบันไดตึกที่พวกผมเห็นตามแผนผังคือห้องธุรการ ผมคิดว่าพวกผมควรจะต้องขึ้นไปสอบถามเจ้าหน้าที่หรือครูที่ดูแลก่อนว่าพวกผมจะได้เรียนที่ห้องไหนกัน

     “ขึ้นไปถามเขาก่อนที่จะไปทานข้าวดีกว่าวะ จะได้รู้ว่าเรียนห้องไหน” ไอ้ดิวพูดพวกผมพยักหน้า และผมก็พากัเนดินเข้าไป มาหยุดที่หน้าห้อง เขามีช่องให้ติดต่อ

      “มึงสองคนไปถามแล้วกัน พวกกูยืนตรงนี้ ช่องนิดเดียวแออัดว่ะ” ติ๊กพูด ผมกับดิวก็เข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่

      “ขอโทษนะครับผมมาติดต่อเรื่องห้องเรียนครับ” ผมเห็นมีครูผู้หญิงนั่งอยู่ เขาก็เดินเข้ามาหาผม

      “ติดต่อเรื่องอะไรนะคะ” เจ้าหน้าที่ถามพวกผม

     “ผมเพิ่งจะย้ายมาใหม่ครับ “ผมพูด

     “ย้ายมาใหม่เหรอคะ เอ๊ะ ขอบัตรนักเรียนด้วยค่ะ มีไหมคะ” คุณครูมารศรี ผมดูจากป้ายชื่อ

     “พวกผมเป็นหลานของคุณภาคย์ ครับที่เป็น เจ้าของโรงเรียนนี้ครับ” ผมพูด

     “อ้อ.... ขอโทษทีค่ะ รอสักครู่ค่ะ จะดูให้ค่ะ” ครูมารศรีพูดและพวกผมก็ยืนรอ ไม่นานครูมารศรีก็เดินกลับมาที่หน้าเคาน์เตอร์

     “ในเอกสาร แจ้งว่าเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ค่ะ เรียนห้อง 5 /8 “พวกผมก็พยักหน้าว่าใช่

     “ดิฉันคิดว่าหนังสือและตารางเรียนทุกคนน่าจะได้รับกันหมดแล้ว” ครูมารศรีพูด

    “ใช่ครับ “ผมตอบแทนทุกคน

     “เวลายังเหลือเยอะเลยค่ะ ไปหาอะไรทานก่อนแล้วกันนะคะ ไปห้องอาหารถูกไหมคะ” ครูเขาถามผมว่าไปถูกไหม

     “ครับ พอดีผมแวะดูแผนผังมา ก็น่าจะไปไม่ถูกครับ” ผมพูด

     “ไม่ยากเลยค่ะ แค่เดินตามป้ายไปค่ะ เดี๋ยวก็เจอค่ะ” พี่เขาพูด ผมหันมามองหน้ากัน นี้คือคำแนะนำที่ดีที่สุดในการบอกทางเหรอ ไม่มีตรงไปเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา หรือว่าอะไรทีเป็นรายละเอียดที่มากกว่าการบอกว่าให้เดินไปตามป้ายเหรอ แต่ผมดูหน้าเธอสองรคน ไม่น่าจะทำงานเป็น ผมเลยพยักหน้าว่าไปเดินหาเองดีกว่า

     “ลูกหลานเจ้าของโรงเรียนนี้เก่งและหน้าตาดีจังเลยนะคะ ขอให้สนุกกับการเรียนวันแรกของที่นี้นะคะ มีปัญหาอะไรมาบอกได้เลยนะคะ” เจ้าหน้าที่บอกผมก่อนจะรีบปิดกระจกและหันไปเม้าส์มอยกันต่อ ผมก็ยิ้มแหยๆ กันสองคนกับไอ้ดิว

     “ไปห้องอาหารกันเถอะว่ะ พวกเราเรียนได้เรียนชั้นมัธยมปีที่ 5 ห้องที่ 8 “ผมบอกทุกคน

     “ไปหาอะไรทานเถอะ หิวมาก” ติ๊กพูดทุกคนพยักหน้า

     “จะว่าไป โรงเรียนพ่อมึงก็ใหญ่ดีวะติ๊กโรงเรียนนี้นะ แต่นักเรียนกับโรงเรียนไม่ค่อยสมดุลกันเลยว่ะ “ผมพูด และหันไปมองนักเรียนที่เดินผ่านไปมา มันดูน้อยมาก

     “เออวะ กูก็คิดแบบนั้นว่ะ ดูน่าจะมีนักเรียนมากกว่านี้ แต่ช่างเถอะ เราแค่มาเรียนๆ และก็กลับ จะไปแคร์ทำไมวะ” ไอ้ติ๊กพูด พวกผมเดินไปเรื่อยเพื่อหาป้ายว่าทางไปห้องอาหาร

     “ถึงซะทีโคตรหิวเลย” ไอ้ดิว มันหิวเก่งจริงๆ

     “ใช่ หิวไส้จะขาดแล้วเนี่ยะ” พายพูด พอพวกก้าวเท้าเข้าไปในห้องอาหารก็พบว่ามีทุกสายตาหันมารอพวกผมอยู่แล้ว พวกเขามองมาที่พวกผมกันหมด จนพวกผมแทบจะก้าวเท้ากันไม่ออก และที่สำคัญที่ว่างมันอยู่ในสุดเลยครับ

     “มาแล้ววะ ไอ้พวกลูกคุณหนู” ผมได้ยินโต๊ะข้างๆ ซุบซิบกันใหญ่เลย

     “ใช่...มาแล้ว...แล้วจะทำไม ไม่เคยเห็นก็ ไหว้ซิครับมึงครับ” ติ๊กหันขวับไปถามทันควัน ปากมันจะไวอะไรเบอร์นั้น พวกผมหันไปดึงมันกลับมาแทบจะไม่ทัน พวกนั้นก็หาได้สะทกสะท้านอะไรไม่

     “แต่ต้องไหว้สวยน่ะ ไหว้ไม่สวยพวกกูไม่รับ” ติ๊กพูด พวกนั้นเริ่มมองหน้ากัน ไอ้ดิวรีบเข้าไปดึงไอ้ติ๊กออกมาซะก่อน

     “ติ๊กเดินเข้าไปเถอะมึงครับ มึงหิวไม่ใช่เหรอ รีบเดินไปเถอะน่ะ อาหารเช้าไม่ควรเน้นโปรตีนมากไป” ไอ้ดิวมันอธิบายจนผมเองก็เห็นภาพ ตอนหันไปมองพวกนี้กระดิกเท้ารอ มันหลายตีนจริงๆ ด้วย

     “และดูจากจำนวนเท้าเหล้านี้แล้วมันเยอะเกินความจำเป็นที่ร่างกายควรจะได้รับนะมึงและเป็นยิ่งตีนพวกนี้ด้วยอย่าหากิน ไปหาอาหารนิ่มๆ อร่อยข้างหน้าโน้น” ดิว กระซิบบอกติ๊ก แอ้ก็พยักพเยิดให้มันหยุดปากดีและรีบเดินเข้าไปซะ

     ติ๊กก็สะบัดบ๊อบพร้อมกับเดินเชิ้ดหน้าเข้าไปแบบไม่สนใจทุกสายตา เดินแบบมั่นมากเหมือนเดินอยู่บนแคทวอล์คไม่มีผิด ผมหันมามองหน้ากันก่อนจะเดินตามกันเข้าไปเช่นกัน นี่มันเริ่มหนักมากขึ้น คือทำไมเขามองพวกผมเป็นตัวประหลาดกันไปหมด ขณะที่กำลังเดินผ่านกลุ่มนักเรียนที่นั่งเขาก็หันมามองผมเหมือนสิ่งแปลกประหลาดที่เพิ่งจะมาถึงโลกยังไงยังงั้นจริงๆ

     “พวกมึงจะไขว้กับเพื่อนกูใช่ไหม ...ไอ้นี่อ่ะ “ไอ้ติ๊กหันไปพูดและมันถามว่าพวกนั้นจะไขว้กับไอ้ดิวใช่ไหม เพราะมันเจาะจงชี้มาที่ไอ้ดิว แน่นอนไอ้ดิวมันถึงกับสะบัดหน้าไปมองไอ้ติ๊ก พร้อมนิ้วกลาง

    “ไอ้นี่ในต่อยคนสลบมาเยอะแล้ว อยากลองไหมล่ะ” ยังอีก

     “พอไอ้ติ๊ก” ไอ้ดิว

      “ไอ้ติ๊กมึงหยุดโฆษณาชวนเชื่อให้กูได้แล้ว กูไม่รับงานอะไรทั้งนั้นช่วงนี้ พ่อกูเพ้งเล็งกูอยู่ติ๊ก สาด!” ไอ้ดิวพูดและพายก็ลากติ๊กให้เดินออก

       “หาที่นั่งก่อนว่ะ” ผมบอกทุกคนเพราะว่าคงต้องปรึกษากันก่อนจะเริ่มต้นจากอะไรดี แต่ที่แน่ๆ พวกผมเริ่มกลัวสายตาที่มองมาที่พวกผมแล้วเนี่ยะ

      “สวัสดีครับ” พวกผมก็ต้องสะดุ้งพร้อมกันเพราะว่ามีเด็กหนุ่มผมเกรียนมายืนทักทายพวกผมถึงที่

      “น้องทักพวกพี่เหรอครับ” ไอ้ดิวมันถามกลับ

      “ใช่ครับ” คนพูดยิ้มตาหยีมาให้พวกผม

      “เออ...พวกพี่ใช่ .. คุณ แจ็ค คุณบอย คุณดิว คุณแอ้ คุณติ๊กและคุณพายไหมครับ” แสดงว่ารู้จัก เพราะว่ามันเอ่ยชื่อพวกผมทุกคนเลยและถูกต้องซะด้วย

     “ใช่ครับน้อง “แอ้มันหันไปตอบแทน

     “แล้วนายเป็นใครอ่ะ” พายถามกลับทันที

     “ผมเป็น” พวกผมก็ตั้งใจฟัง

     “ลูกแม่แป้ดครับ” พอได้คำตอบก็ทำหน้างงกันซิครับ ใครวะลูกแม่แปด ผมหันมามองหน้ากันเลิกลักทันที

     “แล้วใครครับแม่แป้ด” ไอ้ดิวถามกลับอีกที

     “แม่แป้ดก็คือ...” คนเด็กตรงหน้าทำท่าจะตอบและพวกผมก็ยืนรอลุ้น

    “แม่ครัวครับ!” แล้ววันนี้พวกผมจะได้รู้ไหมครับเพราะแม่ครัวนะใครกันวะ หันมามองหน้ากันและพยักหน้าพร้อมกัน ไอ้นี่มันอยากลองของ

    “เอางี่..มึงกวนตรีนว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด

     “พวกกูจะรู้ไหมครับ ว่าแม่แป้ด ที่เป็นแม่ครัวและเป็นแม่ของมึงนะคือใคร? และที่สำคัญคือ… มึงน่ะคือใคร????” ไอ้ติ๊กพูด พวกผมกอดอกมองหน้ามัน และกระดิกเท้าด้วย ตั้งแต่หน้าประตูมาเจอมาเยอะจะมาลงก็ไอ้นี่แหละพวกผม

     “ลืมไปครับปกติทุกคนจะรู้จักแม่ผมหมด” ไอ้คนตรงหน้าผมพูดและเกาหัวแก้เก้อ

     “แต่ยกเว้นพวกกู!!!!” พวกผมพูดออกมาพร้อมกันหมดยกเว้นบอยที่ยืนกั้นหัวเราะอยู่ พวกผมมองหน้าไอ้เด็กตรงหน้า

     “ตกลงยังไงของมึงเนี่ย” ติ๊กถามอีกที

     “ท่านผู้อำนวยการนะครับ เขาให้แม่ผมเป็นคนดูแลจัดการเรื่องอาหารให้คุณๆ ครับและคนนั้นก็คือแม่แป้ดของผมครับพี่” ทำเอาพวกผมถึงบ้างอ้อเลย

     “ที่หลังมึงพูดแบบนี้ตั้งแต่ทีแรกซิวะ ไอ้..ชื่ออะไรนะ” ผมพูดขึ้นและลืมชื่อมันเลย

      “ป๊อดครับ ผมชื่อป๊อดครับ”

     “ไอ้ป๊อด..พวกกูนั่งโต๊ะไหนวะ “ผมถาม

     “พี่ต้องไปนั่งในห้องพิเศษครับ ตรงนี้ผมว่าพี่คง ไม่กล้านั่ง” ไอ้ป๊อดพูด

      “เฮ้ย!! ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกมั้งป๊อด พวกกูน่ะ ไม่ใช่เทวดา นั่งได้เหมือนคนอื่น” ดิวรีบพูด

      “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะครับ” ไอ้ป๊อดพูดแต่เสียงมันเบาลง

      “อ้าวแล้วมึงหมายความว่าไงละ ไอ้นี่” พายอีกคน

      “คือ พี่ไม่เห็นสายตาที่พวกเขามองพวกพี่เหรอครับ พี่จะกินลงเหรอครับ” ไอ้ป๊อดพูดช่างมีเหตุผล พวกผมหันหลังกลับไปมอง สายตาไม่รู้กี่คู่ที่มองพวกผมอยู่ จริงของมัน เห็นแบบนี้จะกินลงไหมวะ

      “หรือไม่พี่อาจจะไม่ทันได้กินเลยก็ได้นะครับ ถ้าพี่ไม่เข้าไปนั่งด้านใน ตอนนี้” ไอ้ป๊อดพูด พวกผมหันไปมองแต่ล่ะคน เหมือนพวกผมไปเผาบ้านมันมาเลย โกรธแค้นเครื่องโกรธโทษฉันใย…

       “อู้ยย...นี้เขายังไม่เลิกมองกันอีกเหรอวะ มองจ้องขนาดนี้กูก็เขินว่ะ กินไม่ลงอ่ะ “พายพูด

       “เออว่ะ” ผมหันไปมองรอบๆ อีกครั้ง

       “เอา ๆ ไอ้ป๊อดพาไปดิ พวกกูนี้หิวมาก” ไอ้ดิวพูดและพวกผมก็เดินตามไอ้ป๊อดไป มันพาพวกผมเข้าไปในห้องอาหารห้องหนึ่ง ผมเดินเข้าไปก็มีมุมจัดอาหารไว้เหมือนในโรงแรมเลย

       “เชิญเลยครับ อาหารพร้อมแล้ว แม่ผมทำสุดฝีเท้าเลยนะครับ” ไอ้ป๊อดพูดผมสะบัดหน้าไปมองมันพูดผิดไหม

       “อะไรป๊อดสุดฝีเท้า ......สุดฝีมือหรือเปล่า” ไอ้ดิวถามป๊อด

      “สุดฝีเท้าคือแม่ผมรีบชนิดไฟลนก้นกันเลยครับพี่” ไอ้ป๊อดพูด พวกผมหันไปมองหน้ามันพร้อมกัน ผมว่ารอบนี้มันโดนแน่ๆ

      “เพราะว่าอาหารพวกพี่นะครับ มันเยอะครับ แม่ผมก็ไม่รู้ว่าพี่ชอบแบบไหนกัน จะไทยจะฝรั่งหรือว่าจีน จะเป็นสายสุขภาพหรือไม่สุขภาพ แม่ผมจัดมาหมดครับพี่ หันไปดูซิครับ” ไอ้ป๊อดมันพูดและชี้ไปที่โต๊ะ เยอะจริงๆ ด้วย

      “นี้กินกันได้ทั้งโรงเรียนเลยเนี่ย” ไอ้ดิวมันพูด

      “อายุเท่าไหร่ป๊อด” ผมถามไอ้ป๊อด

      “อายุ 13 ปีครับ ผมเพิ่งเข้าม.1” ผมพยักหน้าเบาๆ

      “อย่าตากแดดมากไปน่ะ” ไอ้ดิวมันพูด

      “เป็นห่วงกลัวว่าผมจะดำเหรอครับ ป๊อด..” ถามพวกผม

      “มึงแก่แดดไปแล้วว่ะ “ผมพูด

      “เออ...เฮอะๆ “มันทำท่าหัวเราะกลบเกลื่อน

      “งั้นผมขอตัวไปช่วยแม่ผมก่อนนะครับ ช่วงนี้นักเรียนเริ่มเข้ามาทานอาหารเช้ากันครับค่อนข้างจะยุ่ง” ไอ้ป๊อดพูดและทำท่าจะเดินออก

      “ขาดเหลืออะไรเรียกป๊อดได้ครับ” ป๊อดหันมาบอกพวกผม

      “อืม” ผมพยักหน้า

      “เรียกแล้วจะมาในทันทีเหรอ” พายหันไปถามป๊อด

      “ไม่ทราบครับว่าจะมาได้ทันทีไหมแต่เรียกได้ครับให้เรียกเฉยๆ แต่ป๊อดจะมาได้ไหมไม่รู้จริงๆ ครับ” ไอ้ป๊อดพูดพวกผมหันไปมองไอ้ป๊อดพร้อมกันอีกครั้ง

      “อ้าว!! แล้วมึงจะบอกพวกกูทำไมวะว่าขาดเหลืออะไรให้เรียกป๊อด เพราะว่าตัวมึงเองยังไม่รู้เลยว่าจะมาได้ไหม แค่บอกเอาไว้ว่า ช่วยเหลือตัวเองก็แค่นั้น” ไอ้ติ๊กพูด

       “เข้าไปเถอะ ไปช่วยแม่มึงเถอะ” ผมรีบบอกไอ้ป๊อดมันให้รีบกลับเข้าไป

       “ขอบคุณครับพี่” ไอ้ป๊อดพูดขอบคุณผม

       “เพราะถ้าขืนยังยืนอยู่นาน มึงอาจจะไม่ได้ไป .....มึงอาจจะหมอบอยู่ตรงนี้เพราะว่าโดนบาทาพวกกูซะก่อน รองเท้ายิ่งใหม่ๆ อยู่ด้วย ยังไม่ได้เตะใคร พวกกูจะเตะมึงคนแรก” ผมหันไปบอกป๊อดมัน พยักหน้าให้มันรีบเข้าไปซะ

       “อู้ย แรง!” ไอ้ป๊อดพูด

       ผมก็พากันเดินไปตักอาหารที่ตัวเองทาน มีอาหารมากมายให้เลือกแต่ก็เป็นอาหารธรรมดาแบบที่โรงแรมทั่วไปมี มีข้าวต้ม มีขนมปัง มีผักสลัด พวกผมก็นั่งทานกันไปอย่างเพลิน จู่ๆ ก็มีนักเรียนชายสองคนเดินมายืนที่ตรงกระจก ยิ้มๆ ให้พวกผมและมันก็แปะกระดาษที่เป็นรูปวาดแบบดูไม่ค่อยเหมือนรูปวาดเท่าไหร่แต่ดูรู้ว่าเป็นรูปคนที่กำลังมีเพศสัมพันธ์กันทางประตูหลัง ผมเห็นบอยหน้าเสียไปนิดหนึ่งเพราะมันแปะที่ตรงบอยพอดีและพวกมันก็หันมาหัวเราะกันและเดินจากไป ผมนี้ขึ้นเลย ผมลุกขึ้นจะออกไปต่อยปากมันแต่

     “หมับ” บอยดึงแขนผมไว้ ไอ้ดิวก็ทำท่าจะลุกเช่นกัน

      “อะไรของมันวะ “พายพูดทุกคนมองหน้ากัน

      “เชี่ยเอ๊ย!” ผมเองที่สะบดออกมา

       “นี้มันอะไรกันว่ะ โรงเรียนนี้ พวกเราจะอยู่รอดถึงหนึ่งอาทิตย์ไหมวะ “ติ๊กพูด

          พวกผมนี้คิดหนักเลย ตอนแรกคิดว่าหมูๆ แค่มาเรียนก็จบนะ สบายๆ แต่นี่ไม่ใช่ ตอนแรกพวกผมยังนั่งขำกันอยู่เลยที่ได้ยินบทลงโทษแบบนี้แต่ว่าตอนนี้พวกผมขำกันไม่ออกแล้วครับ เพราะว่าแค่วันแรกยังต้องระแวดระวังบาทากันขนาดนี้

       “รีบๆทานกันเถอะ จะได้เวลาเข้าแถวแล้วน่ะ” แอ้พูดขึ้น ผมเดินกลับมานั่งทาน โดยมีบอยบีบแขนผมเอาไว้ ผมนั่งทานกันไปด้วยความหวาดระแวงว่าจะมีอะไรมาอีกไหม แต่ก็ไม่มี พอทานเสร็จก็หันมามองหน้ากันว่าพากันลุกไปทำธุระส่วนตัวกันก่อนดีกว่า และก็พากันลุกขึ้นพร้อมกันทันที 

      “อ้าวจะไปแล้วเหรอครับพี่ๆ “ไอ้ป๊อดมันเดินเข้ามาถามพวกผม

      “จะไปแล้วป๊อด” ผมหันไปตอบป๊อด

        “ยังไม่ได้เวลาเข้าแถวเลยครับ อีกตั้ง 15 นาที” ไอ้ป๊อดพูดพร้อมกับมองหน้าพวกผม

         “พวกพี่ว่าจะไปเข้าห้องน้ำกันก่อนว่ะ ว่าแต่ห้องน้ำไปทางไหนวะป๊อด” ไอ้ดิวถามป๊อด

         “นี้ครับเดินอ้อมไปทางด้านหลังนี้ครับ” ไอ้ป๊อดพูดพร้อมกับชี้นิ้วไป

        “พวกพี่ระวังหน่อยน่ะ ห้องน้ำนี้แก้งพวกพี่แฮ๊กเขาเฝ้าอยู่น่ะครับพี่” ไอ้ป๊อดพูด

         “ทำไมอ่ะ นี่มันตั้งแก้งเก็บค่าเข้าห้องน้ำโรงเรียนพ่อกูด้วยเหรอว่ะ” ติ๊กถามป๊อดทันที

        “เดี๋ยวน่ะ จะเข้าห้องน้ำยังต้องจ่ายเงินอีกเหรอ มันไม่รวมอยู่ในค่าเทอมเหรอป๊อด!!” พายพูด พวกผมหันไปมองไอ้ป๊อด มันคือเรื่องจริงเหรอ

         "แล้วถ้าคนที่เขาไม่มีตังจ่าย เขาไม่ต้องอั้นไปเข้าที่เดียวที่บ้านเหรอป๊อด!! มันโหดไปไหมวะ???"น้องพายผม คิดไกลเกิน

          “ไม่ใช่ครับพี่ ที่ผมให้ระวังนะเพราะว่าพวกพี่เขาไม่ชอบหน้าพวกพี่ตั้งแต่รู้ว่าจะมาเรียนกันแล้วพี่” พวกผมก็ต้องชักเท้ากลับ หันมองหน้าไอ้ป๊อด ตั้งแต่รู้ว่าพวกผมจะมาเลยเหรอ

         “อ้อ!!” พวกผมอุทานพร้อมกัน ก่อนจะสะบัดหน้าไปมองไอ้ป๊อดตรงที่พวกนั้นมันไม่ชอบหน้าพวกผม "เพื่อ!!!"พวกผมอุทานถามพร้อมกันเลย แบบไม่ได้นัดหมาย

        “แล้วพวกกูไปทำอะไรให้พวกเขาไม่ชอบขี้หน้าพวกกูว่ะ หน้าตามันกูยังไม่เคยเห็นเลยป๊อด ” ไอ้ดิวหันไปถามไอ้ป๊อด ผมก็พยักหน้าว่าเห็นด้วย

         “หรือว่ามันจะเก็บพวกกูเหรอ” พายพูด

         “ไม่ใช่ขนาดนั้นหรอกครับพี่ ผมแค่เตือนว่าให้พวกพี่นะระวังนะกันหน่อยครับ” ไอ้ป๊อดพูด

          “แล้วทำไม มึงไม่แนะนำห้องน้ำอื่นวะ” ไอ้ดิวถามป๊อดกลับ

         “เออว่ะ” พวกผมพูดพร้อมกัน

         “จะมีอีกก็ต้องเดินย้อนไปถึงใกล้หน้าประตูเลยอ่ะ แล้วพวกพี่จะวิ่งมาเข้าแถวกันทันไหมอ่ะครับ” ไอ้ป๊อดพูด

           “ใจวะป๊อด มึงทำให้พวกกูรู้สึกดีตั้งแต่ก่อนจะก้าวขาเข้าห้องน้ำเลย” ผมหันไปพูดเชิงประชดไอ้ป๊อด ป๊อดมันก็ยิ้มให้พวกผม ผมหันมายักไหล่ไปเถอะ ไปเข้าห้องน้ำกัน

            “พี่ครับ ตอนเที่ยงมานั่งที่เดิมนะครับ” ไอ้ป๊อดบอกพวกผม

            “อืมม ก็คงอย่างนั้นว่ะ ว่าแต่ห้องนั้นเฉพาะพวกพี่หรือมีคนอื่นมานั่งด้วยวะ” ผมหันไปถามไอ้ป๊อด

           “พวกผมพึ่งจะทำไว้ให้พวกพี่เลยครับ กั้นแบบลวกๆ ไปหน่อย เพราะว่า… “ไอ้ป๊อด พวกผมหันมาหามันอีกแล้วมีอะไรที่ให้พวกผมลุ้นได้ตลอด

           “อย่าให้พวกกูลุ้นมากได้ไหมป๊อด ...บอกมา!!” ไอ้ดิว มันเริ่มนอยด์เหมือนพวกผม ฮาๆ

             “มึงจะให้พวกกูลุ้นอะไรหนักหนาไอ้ป๊อด!! เดี๋ยวมึง็ได้ลุ้นว่ากูจะถึบมึงไหมแต่ที่แน่ๆ กูว่ากูต้องถีบมึงแล้วแหละ” ติ๊กพูด

            “โธ่พี่ใจเย็นๆ ดิ” ไอ้ป๊อดพูด

            “ผมได้ยินว่าแก้งในโรงเรียนนี้จะซิวพวกพี่กันนะครับ แต่เหตุผลอะไร ผมไม่รู้นะครับพี่ และแม่ผมคิดว่าให้พวกพี่นั่งโซนนี้จะปลอดภัย ขึ้นมาหน่อยนึงนะครับ” ไอ้ป๊อดพูด พวกผมก็พยักหน้ากันก็ยังดี ปลอดภัยขึ้นมาหน่อย

            “มันตั้งปณิธานว่าจะซิวพวกกูกันเลยเหรอวะป๊อด นี้คือจุดมุ่งหมายหลักในชีวิตมันเลยเหรอวะป๊อด” ไอ้ดิวมันหันไปถาม ไอ้ป๊อดมันก็ยิ้มๆ

             “กูก็นึกว่าให้มาเรียนสบายๆ และกลับบ้าน ที่ไหนได้ให้กูมาอยู่ในแดนประหารนี้เอง จริงอย่างที่มึงพูดเลยว่ะแจ็คว่าลุงหนี่งไม่น่าจะให้เราผ่านด้านง่ายๆ วะ” ดิวพูดขึ้น ผมหันมามองหน้ากัน หมดคำพูด

            “งั้นพวกพี่ไปแล้วว่ะ ขอบใจว่ะป๊อด” ผมบอกป๊อด

            “ไปเถอะวะ เข้าห้องน้ำและไปหาที่ยืนรอเข้าแถวกัน” ผมหันมาพูดพร้อมกับจุงมือบอยไปด้วย

            “เข้าห้องน้ำหรือเปล่าบอย” ผมถามบอย เขาพยักหน้าว่าเข้า

                 บอยหยิบมือถือมาดูเหมือนรออะไรอยู่และเขาก็เก็บลงกระเป๋าไป ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม พวกผมเดินไปตามที่ป๊อดมันบอกพวกผมแต่ว่ามันก็เตือนให้พวกผมระวังตัว พวกไอ้พี่แฮ็ก หน้าตาเป็นยังไงพวกผมยังไม่รู้จักมันเลย พอพวกผมเดินไปจนใกล้ถึงก็เจอเลยแก้งหนึ่งนั่งอยู่ บางคนก็สูบบุหรี่ ทุกคนหันมามองทางพวกผมนี่มันโรงเรียนไม่ใช่เหรอทำไมมันมายืนสูบบุหรี่กันได้หน้าตาเฉยมาก

           “กูว่ากูอั้นฉี่ดีกว่าไหมที่จะเดินผ่านพวกมันไปเข้าห้องน้ำนะ” ไอ้ติ๊กหันพูด

            “เออวะ ฉี่ไม่ออกเลยดูหน้าพวกมันดิ นี้นักเรียนหรือนักเลงว่ะ” ไอ้พายพูด ผมหันมามองหน้าไอ้ดิว เอาไงดี มือผมก็กุมมือบอยไว้

            “เอาน่ะ เราแค่มาเข้าห้องน้ำ” ดิวพูด พวกผมก็พยักหน้าและทำใจดีสู้เสือเดินให้ผ่านพวกมันไปผมไม่แน่ใจว่าผมจะอายุเท่าพวกนั้นไหมแต่พวกผมจบมัธยมปลายกันเร็วกว่าคนอื่น

           “ดูพวกลูกคุณหนูซินี่มันเดินหนีบกลัวตูดเหรอวะ ฮาๆ “ผมไม่ได้มองหน้ามันนะว่าใคร เพราะตอนนี้ได้แต่นับ 1 ถึง 100 เพื่อให้ใจเย็นที่จะไม่หันไปมีเรื่องกับพวกมัน

           “เย็นไว้แจ็ค อย่าให้มีเรื่องเลยว่ะ “ดิวกระซิบที่ข้างหูผม

          “เขาบอกว่าชายได้ชายแม่งเหนือชาย อยากลองว่ะ “อันนี้ผมกับไอ้ดิวหยุดกึกพร้อมกันเลย ผมหันมามองหน้ามัน มึงจะเย็นอยู่ไหมดิว

           “คนที่ไอ้หน้าแขกมันจูงนะ น่า...” ผมได้ยินแบบนั้น ไม่ต้องรออะไรครับ

          “ผลั่ก!” ผมหันไปปล่อยหมัดที่ใบหน้ามันแบบเต็มๆ จนหน้าสะบัดและผมเองก็สะบัดมือครับ หน้ามันแข็งมาก เพิ่งรู้ว่าหน้าด้านเป็นแบบนี้นี่เอง ผมเงยหน้าขึ้นมาว่าจะเข้าไปซ้ำอีกสักที่แต่

           “แจ็ค!” บอยรีบถึงแขนห้ามผมทันที ไอ้คนที่ถูกผมต่อยมันทำท่าจะลุกขึ้นมาอีก

          “ปากดีนะมึงอ่ะ ชายได้ชายของพวกกูคือ ได้กระทืบปากพวกผู้ชายปากดีอย่างพวกมึงนี่น่ะ อยากลองอีกไหมวะ จะได้รู้ว่าใครเหนือใคร ใครจะยกมือไหว้ใคร?” ผมถาม ไอ้ดิวมันมายืนข้างๆ ผม ตอนแรกมันจะห้ามแต่ผมว่ารอบนี้มันลุยด้วยแน่นอน มันถลกแขนเสื้อรอพวกปากหมาพวกนี้แล้ว

         “ไอ้สัส!” มันลุกขึ้นมาจะเข้ามาใส่ผม ผมก็ยืนรอซิ ไม่กลัวหรอกครับ แต่ที่พยายามเลี่ยงมาตั้งแต่หน้าประตูเพราะไม่อยากให้พวกผมดูเป็นนักเลงและที่ผมถูกส่งมาที่นี้ก็เพราะโดนทำโทษไม่อยากได้โทษเพิ่มแต่นี่มันเหลืออดจริงๆ ถลกแขนเสื้อรอเลยผม และไอ้ดิวผมว่ามันพร้อมช่วยผมอยู่แล้ว

           “กริ่งๆ” ที่ดังสนั่นหวันไหว “เสียงไรวะดิว” ผมถามไอ้ดิว

           “เสียงสัญญาณว่าให้พากันไปเข้าแถวได้แล้วว่ะ” ไอ้ดิวมันกระซิบบอกผม

            “นี้พวกนายทำอะไรกัน ไปเข้าแถวกันได้แล้ว” พวกผมได้ยินเสียงใครสักคนงตะโกนมา ผมหันไปมองดูจากการแต่งตัวน่าจะเป็นครูอาจารย์ที่นี้

           “โชคดีนะมึง ถ้ากูเจออีก มึงอย่าหวังว่าจะยืนหน้าหล่อแบบนี้น่ะ หมอบที่บาทากูนี่” ไอ้คนที่ผมซัดหน้ามันไป หันมาชี้หน้าผม และเดินออกไป ผมหันมามองทุกคนที่ทำท่าตกใจและบอยก็เข้ามาดึงแขนผมไว้

           “ไปเข้าห้องน้ำก่อนเถอะว่ะ ใช้เวลานานในการเข้าแถว และกว่าจะเสร็จฉี่จะแตกพอดี” ไอ้ดิวพูด และพวกผมก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ ทำภารกิจส่วนตัวกัน ห้องน้ำก็ไม่ได้ถึงกับสกปรกแต่ถามว่าสะอาดไม่ก็ไม่น่ะสำหรับพวกผม

          “ห้องน้ำไม่สะอาดเลยว่ะ “ไอ้ติ๊กทำท่าขนลุกขยะแขยง

         “กูฉี่ไม่ลงว่ะ” ติ๊กพูด

         “มึงจะอั้นก็ตามใจนะแต่กูเข้าแล้วว่ะ” ไอ้ดิวพูดและมันก็ตรงเข้าไปทันที

           “เออ ติ๊กฉี่ไปเถอะมันก็ไม่ถึงกับสกปรกมากหรอก” แอ้หันไปบอกติ๊ก

           “บอยละเข้าได้ไหม” ผมถามบอย

           “พอได้แจ็ค” บอยพูดกับผม พวกผมก็พากันเข้าห้องน้ำที่ว่างอยู่ พอเสร็จกิจก็ออกมายืนตรงอ่างล้างมือ ความรู้สึกไม่อยากออกไปเลย บรรยากาศไม่น่าเรียนแถมยังเหมือนพวกผมเป็นพวกแปลกแยกยังไงก็ไม่รู้

           “นี้เรื่องบ้าอะไรกันวะ ทำไมเราต้องมาทนอะไรแบบนี้ด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่ะ “ผมพูดขึ้นเอามือเสยผม จัดแต่งทรงผมไปด้วยก่อนจะหันมามองทุกคน

           “Rrrrrr” ไอ้ติ๊กมันกำลังกดมือถือโทรหาใครสักคน

            “ติ๊ก มึงโทรหาใครวะ” ผมหันไปถามติ๊ก

           “โทรหาพ่อกูดิว่ะ” ติ๊กหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ไอ้ติ๊กมันกดแล้วกดอีก และมันก็เปิดสปีคเกอร์ด้วยพวกผมก็เฝ้ารอ จนกระทั่ง

           //สวัสดีค่ะบ้านคุณภาคย์ค่ะ// ไอ้ติ๊กมันโทรเข้าเบอร์บ้าน

         //ป้าประนอม ผมขอสายพ่อหน่อยครับ นี้ผมติ๊กนะป้า//

          //คุณท่านเหรอคะ แล้วทำไมคุณติ๊กไม่โทรเข้าเบอร์มือถือท่านละคะ//

           //พ่อไม่รับอ่ะ พ่อทำอะไรอยู่ครับป้า//

          //ท่านนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ค่ะและคุยกับคุณตุ๊ด้วยค่ะ// คนใช้บ้านของติ๊กพูด

          //อะไรกัน ผมกดจนมือหงิกพ่อไม่รับสายเลยและพี่ตุ๊ด้วย ป้าส่งโทรศัพท์ให้พ่อผมหน่อยได้ไหมครับ ผมมีเรื่องด่วนครับ//

          //ได้ค่ะคุณติ๊ก // คนใช้ที่บ้านติ๊กพูด และเสียงเดินเท้าดังลอดออกมาจากลำโพงโทรศัพท์ของติ๊กที่ถือสายรออยู่

           //คุณท่านค่ะ คุณติ๊กโทรมาค่ะ เห็นบอกว่าพยายามโทรเข้ามือถือแล้วคุณท่านไม่รับสายค่ะ//

          //ใช่แล้ว ผมตั้งใจไม่รับเองและฝากบอกคุณติ๊กด้วยว่า ว่าผมไม่ว่างคุยและนี่เขาควรจะพากันไปเข้าแถวได้แล้วไม่ใช่รึ มันได้เวลาแล้ว// พ่อของติ๊กบอกป้าประนอม คนใช้ในบ้าน พวกผมที่ได้ยินกันทั้งหมดก็หันมามองติ๊กพร้อมกันหมด

         //ค่ะคุณภาคย์//

          //คุณติ๊กค่ะ คุณพ่อ...ตรูดๆๆ // นั้นติ๊กมันก็กดวางสายไปเลย

        “พ่อน่ะพ่อ” ติ๊กพูดก่อนจะหันมามองหน้าพวกผม ผมก็หยิบมือถือมากดโทรหาพ่อผมบาง

           “ตรูดๆๆๆ” สายไม่ว่างเหมือนกัน แสดงว่าบรรดาพ่อๆ คงไม่ยอมรับสายใครทั้งนั้นแน่นอนให้พวกผมแก้ปัญหาเอาเองใช่ไหมเนี่ย ผมหันมามองหน้ากัน

           “ตายๆ วันนี้จะรอดกลับบ้านไหมวะ “พายพูด

            “เฮ้ย! ไปเข้าแถวกันเถอะว่ะเพราะถึงยังไงก็ออกไปไม่ได้ เขาล๊อกประตูแล้ว โทรหาใครให้มารับก็เป็นไปไม่ได้ ถอยหลังไม่ได้อยู่แล้วต้องเดินหน้าว่ะ “ไอ้ดิวพูดและมองหน้าพวกผม บอยก็พยักหน้าให้ผมออกไปได้แล้ว

             “เอาว่ะ มันก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอยู่แล้ว “ผมพูดและพากันเดินออกมา มองไปรอบๆ ก่อนและรีบเดินจั้มอ้าวออกไป ผมเห็นเป็นลานอเนกประสงค์ตั้งแต่ตอนเดินไปห้องอาหารแล้ว ผมคิดว่านั้นคงเป็นที่เข้าแถวหน้าเสาธงแน่ๆ และใช่จริงๆ ด้วยมีนักเรียนเข้าแถวกันแล้ว และกำลังจะร้องเพลงชาติ

             “อ้าว! พวกเธอไปไหนกันมา รีบไปเข้าแถวเลยน่ะ “คุณครูที่ยืนหน้าเสาธงรีบบอกพวกผมและชี้ไปว่าแถวไหนที่พวกผมควรจะวิ่งไป ครูเขารู้ได้ยังไงก็ไม่รู้ หรือว่าเป็นเพราะว่าพวกผมหน้าตาแปลก ดูใหม่ด้วยมั้ง ผมรีบวิ่งไป แต่แถวที่ครูบอก มีไอ้แว่นหนายืนทื่ออยู่คนเดียว ผมหันมามองหน้ากันถูกห้องแน่นเหรอ ทำไมมีคนเดียวเอง

             “นักเรียนค่ะเข้าแถวค่ะ เพื่อนรอนานแล้วค่ะ” ครูอีกคนที่ยืนประกาศอยู่ด้านบนเวที พวกผมก็พยักหน้าและทำตามที่ครูสั่ง พวกผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้เพราะว่าโรงเรียนที่เคยเรียนก็เป็นโรงเรียนอินเตอร์มาก่อน

              “ทั้งห้องมีไอ้แว่นนี้คนเดียวเหรอวะ” ไอ้ดิวมันหันมาถามผมเพราะตอนนี้พวกหนุ่มๆ เหลือน้อยยืนข้างหน้าพวกผม ผมได้แต่มองไปรอบๆ ทุกห้องแถวยาว แต่ล่ะห้องก็น่าจะเกือบสามสิบคนต่อห้อง แต่ทำไมห้องที่ผมมาเข้าแถวมันมีคนเดียว...แปลกมากทั้งห้องมีไอ้แว่นนี่คนเดียวจริงๆ เหรอ

          “ห้ามคุยกันนะคะขณะเข้าแถวคะนักเรียน!” ครูที่ยืนคุมแถวเข้ามาบอกพวกผม ผมก็รีบหยุดสนทนาและทำกิจกรรมหน้าเสาธงเหมือนคนอื่นๆ เขาทำ พวกผมก็ไม่กล้าถามไอ้คนที่สวมแว่นยืนอยู่หัวแถว ดูมันตั้งใจทำพิธีหน้าเสาธง พวกผมเลยไม่กล้าขัด ตั้งใจว่จะรอให้เสร็จเรียบร้อยก่อน



TBC...

    ภารกิจนี้ที่ไม่หมูอย่างที่เขาคิดเอาไว้ เขาจะเจอะไรกันอีก ที่เรียกว่าบททดสอลที่ลุงหนึ่งมอบให้พวกเขา  
หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.14 เพื่อนใหม่เข้าแก้ง 1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 09-01-2024 10:42:49
( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.14 เพื่อนใหม่เข้าแก้ง 1
EP.14 เพื่อนใหม่เข้าแก้ง 1

      Part's แจ็ค ผมยืนจนกระทั่งเสร็จพิธี ก็มีครูน่าจะครูใหญ่ของโรงเรียนนี้ขึ้นไปพูดบนเวลาที กล่าวว่าจะมีกิจกรรมนั้นนี้ แต่หาได้มีคนสนใจฟังไม่ ครูก็คุย นักเรียนก็คุยกัน แต่พอครูหันมาเห็นนักเรียนก็เอ็ดนักเรียน เออเอาเข้าไป นั้นคงเป็นเพราะผมไม่ได้เจอระบบแบบนี้มาก่อนมั้ง ผมเรียนค่อนข้างอิสระ พวกผมไอ้แต่มองจนครูใหญ่บอกให้พากันขึ้นห้องเรียนได้

       “ตุ๊ด!!” มีเสียงดังเล็ดลอดดังมาเป็นระยะๆ แต่พวกผมไม่รู้ที่มาที่ไป

       “พวกกูจะเป็นตุ๊ด เป็นเกย์ หรือเป็นอะไรก็ได้ที่พวกกูอยากจะเป็น เพราะว่านี้มันเรื่องของพวกกู ไม่ใช่เรื่องของพวกมึง"ติ๊กพูดขึ้นมาทันทีแม้จะไม่ลอย

       " ส่วนพวกมึงน่ะ ไปตั้งใจเรียนให้สมกับพ่อแม่ส่งพวกมึงมาแค่นั้น นั้นน่ะปัญหาพวกมึงไม่ใช่ปัญหาพวกกู แต่ถ้ายังปากดีกับพวกกูมากๆ คราวนี้โดนตีนพวกกูแน่ๆ และนี่แหละคือปัญหาที่พวกกูต้องแก้ไข โดยใช้ตีนกูนี่แก้ให้” ติ๊กตะโกนออกไป

       “อุ๊บ!!!” ไอ้ดิวรีบหันไปเอามือปิดปากมันแทบจะไม่ทัน

       “เรายังไม่รู้เลยว่าจะแก้ยังไงไอ้ติ๊ก!!” ไอ้ดิว ผมหันไปมองแอบส่ายหัวให้มันทันที

      “งานจะพังก็มันนี่แหละ” ผมพูดลอดไรฟันออกมา

       ผมนึกในใจนี่จะขึ้นห้องอยู่แล้วยังหาเรื่องอีกและครูก็บอกให้แต่ล่ะห้องเดินแถวขึ้นห้องเรียนตัวเอง

       "ไอ้ติ๊ก!!!"ผมเรียกติ๊กมันไว้ ผมว่ามันเดาได้ว่าจะโดนบ่น มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีก

       "กูว่าภารกิจไม่ผ่านเพราะมันนี่แหละ เตรียมตัวตายตั้งแต่วันแรกเพราะปากมันมึงนี่แหละ" ผมพูดกระซิบกัน ก่อนจะหันไปเจอพวกที่เรียกพวกผมแบบนั้น มันพยักพเยิดใส่กัน ไม่รู้ว่าห้องไหน ผมไม่สน ผมเดาว่าพวกผมคุณวุฒิมากกว่าเพราะว่าพวกผมเรียกันเร็วแต่มาชะงักเพราะโดนทำโทษนี้แหละ

       “ติ๊ก ใจเย็นน่ะ” บอยพูดกับติ๊ก ติ๊กหันไปมองบอย

       “หัวร้อนน่ะมึงน่ะ ใจเย็นดิ เราพึ่งมาใหม่” แอ้อีกคน

       “จะพยายามน่ะ ถ้าทำได้” ติ๊กมันพูดไปพร้อมกับหยักไหล่ นั้นแปลว่าที่ผมพูดๆ กัน ไม่เข้าหูมันเลยมั้งน่ะ ไอ้คุณหนูติ๊กเอ๊ย!!

       “สวัสดี พวกนายเป็นนักเรียนใหม่กันเหรอ” ไอ้แว่นมันทักทายพวกผม

       “ใช่ว่ะ เออว่าแต่ห้องนี้มันห้องอะไรน่ะ” ไอ้ดิวถามไอ้แว่นเขาหันมายิ้มให้พวกผม

       “5/ 8” ไอ้แว่นหนาตอบพวกผม งั้นก็ถูกต้องแล้วแหละ

       “แล้วทำไม มีนายคนเดียวห้องนี้น่ะ “พายรีบถามไอ้แว่นหนาก่อนจะหันไปมองรอบๆ

       “มีอีกครับแต่พวกนั้นนะไม่เคยเข้าแถวหรอก” ไอ้แว่นหนาพูด พวกผมพยักหน้าก่อนจะหันมามองหน้ากันเอง

       “มีอย่างนี้ด้วยเหรอวะ แล้วเขาจะมีกฎไว้ทำไมว่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกกูไม่ต้องเข้าก็ได้มั้ง” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันไปมองอีกแล้วเหรอ

        “มีอีกเยอะครับห้องนี้นะครับ พอพวกคุณขึ้นไปบนห้องก็จะเจอเองแหละครับ ห้องนี้มีเรื่องน่าตื่นเต้นเร้าใจเยอะครับ ทำใจกันมาหรือยังครับ” ไอ้แว่นพูดและหยักคิ้วให้พวกผมนี่มันบอกให้พวกผมทำใจมาก่อนเลยเหรอ แต่ว่าถึงช่วงที่พวกผมต้องเดินกันแล้ว

        “โทษนะ ห้องเรียนอยู่ไหนอ่ะ “ไอ้ดิวถามคนที่เดินนำหน้าพวกผม

        “เดินขึ้นไปที่ตึกหน้านี้เลยนะ และไปชั้นที่3 อยู่ห้อง 311 ถัดจากห้องที่ติดบันไดไปอ่ะ” ไอ้แว่นมันหันมาบอกก่อนจะหันหลังเดินไปอีกทาง เอามันบอกพวกผมไปทางโน้นแต่มันดันหันไปทางอื่น

         “เฮ้ย!! แล้วนั้นนายจะไปไหน” ผมหันไปถามเพราะเห็นว่ามันไม่ขึ้นห้องไปกับพวกผม ตกลงมันเรียนห้องเดียวกับพวกผมหรือเปล่า

          “เราจะไปเอาสมุดการบ้านก่อนนะ พวกนายขึ้นไปก่อนได้เลย เห็นว่าวันนี้ครูประจำชั้นขึ้นห้อง ไปนั่งรอก่อนเลยก็ได้ครับ แต่ผมว่าพวกเขาคงนั่งรอต้อนรับพวกคุณเรียบร้อยแล้วแหละ” ไอ้แว่นหนาหันมาบอกพวกผมและมันก็เดินไปทันที

          ไอ้แว่นมันเล่นพูดทิ้งท้ายไว้แบบนี้ผมควรจะก้าวเท้าขึ้นบันไดไปไหมไอ้แว่น ผมก็มองขั้นบันไดเอาว่ะ พวกผมหันมามองหน้ากันและพากันเดินขึ้นไปชั้นที่ไอ้แว่นหนาบอกพวกผม เดินไปและมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง เพราะสายตาแต่ล่ะคู่ที่มองพวกผมมันช่างดูเหมือนพวกผมนี้เป็นสิ่งแปลกปลอมของที่นี้มาก

         พวกผมยืนหันซ้ายแลขวาคือว่ามันก็จะงงหน่อยมาวันแรกไม่มีไกด์นำทางสักคน ไอ้จะให้พวกผมถามก็ไม่กล้าถามใครๆ เลยเพราะว่าไม่มีใครพอจะเป็นมิตรให้พวกผมเลยสักคน แถมไอ้แว่นยังบอกผมอีกว่าพวกที่ไม่ได้เข้าแถว เขารอพวกผมอยู่บนห้องแล้ว รอต้อนรับอยู่บนห้องเลยเหรอ หรือว่าจะมีเซอไพรส์ซะก็ไม่รู้แต่เอาว่ะ เพราะถึงยังไงพวกผมก็ถอยหลังกันไม่ได้แล้ว ต้องเดินหน้าอย่างเดียว พวกผมเดินขึ้นบันไดโดยไม่สนใจสายตาที่มองพวกผมแปลก ก้มหน้าก้มตาพากันเดินไปจนถึงชั้นสอง

        “ปวดฉี่วะ ขอเข้าห้องน้ำครูนี้แหละว่ะ” ไอ้ติ๊กพูดแสดงว่ามันไม่ได้ฉี่ตอนเข้าห้องน้ำก่อนเข้าแถว ติ๊กพูดและรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำครูทันที ผมหันไปเห็นแต่ละห้องชะเง้อมองพวกผมกัน

        “มันไม่ควรเข้าไปใช้น่ะนั้นห้องน้ำครู” ไอ้ดิวพูด ผมก็มองป้าย ห้องน้ำครู และหันมามองไอ้ดิว มันต่างกันตรงไหนวะ

         “เขาไม่ให้ใช้ปะปนกัน เขาแยกแยะไง” ไอ้ดิวพูด ผมพยักหน้าแต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

         “เราเดินขึ้นไปก่อนไหมวะ” ผมกระซิบถามไอ้ดิว

        “ไปก่อนก็ได้กูรอไอ้ติ๊กเอง” แอ้หันบอกผมกับดิว ผมหันไปทางบอยพยักหน้าว่าเดินไปดีกว่า ผมเป็นห่วงบอย ดิวมันก็พยักหน้ากับผมพร้อมกับเดินขึ้นไปพร้อมกัน พายก็เดินตามขึ้นไปเช่นกันแต่นางเอาแต่ถ่ายเซลฟี่

          “เฮ้ย! เจอแล้วห้อง311 “ไอ้ดิวพูดและชี้นิ้วขึ้นไปที่ป้ายระหว่างที่พวกผมยืนที่หน้าห้องก็มีนักเรียนห้องอื่นออกมายืนมองพวกผม เล่นเอาพวกผมออกอาการขนลุกขึ้นมาทันที จู่ ๆ พายก็หยิบมือถือขึ้นและ พายก็กดถ่ายเหมือนจะเป็นวิดิโอ

         “ไฮทุกคน!! ตอนนี้น้องพายกำลังอัดคลิปนี้ก็นี้จะ 9 โมงเช้าแล้วน่ะ ถ่ายหน้าห้องเรียนเลยเธอ!!.... เห็นเสาธงป่ะ!! “อีพายมันเล่นถ่ายคลิปไปลงtiktok แน่ๆ พวกผมมองบนกันทันทีเพราะว่าเวลานี่มันใช่เวลามาถ่ายคลิปไหม ผมยืนเกาหัวเลยแต่ถึงยังไงพวกผมก็ต้องรอไอ้ติ๊กและไอ้แอ้ และพวกผมสังเกตว่านักเรียนทุกห้องออกมายืนมองพวกผมกันใหญ่เลย ผมหันไปมองซ้ายและขวา ผมก็ยิ้มให้น่ะแต่ว่าไม่มีใครยิ้มกลับเลยสักคน ผมเลยต้องหุบยิ้มทันที วันแรกก็ได้มิตรไมตรีซะแล้ว

         “ไฮ ..ดู ยูวอนท์ ทู คัม ทู เอ็นจอย วิธh มายด์ วิดีโอ คลิป?” น้องพาย ยังมีหน้าหันไปถามพวกที่ออกมายืนมองอีกน่ะว่าจะเข้าร่วมถ่ายคลิปกับพายมันไหม ผมถึงกับเอาฝ่ามือแตะที่หน้าผาก จะไปเชิญเขาทำไม ดูหน้าเขาก่อนดีกว่าไหมพาย

        “เซย์ฮัลโหลเพื่อนข้างห้องน้องพายกันหน่อยนะคะ” มีหน้าหันกล่องไปให้แฟนคลับเซย์ฮัลโหลกับพวกนั้นอีก

        “ถามว่าไม่อายเหรอ ....หึ...ไม่อายหรอกค่ะ” พายพูด ใช่พายไม่แต่พวกผมน่ะอายมาก เขินมากด้วยที่โดนพวกนี้ยืนมองขนาดนี้

         “อีพาย มึงทำอะไรของมึงนะ คนยืนมองมึงกันหมดแล้ว อีบ้า!” ติ๊กเดินขึ้นถึงก็ถามพาย พายก็ลดมือถือลง

        “มองกันเยอะขนาดนี้เก็บค่าดูเลยดีไหม” พายพูดแต่ละคนก็ส่งนิ้วกลางมาให้ นั้นแปลว่าไม่ให้ครับพายครับ

        “ยูดอนไลฟ์มี ...หึ..ไอดอนทแคร์!!” พายหันไปพูด แต่ล่ะห้องเริ่มกอดอกมองมาทางพวกผมกันหมด

         “เฮ้ย!! พากันเข้าห้องเถอะว่ะ ยืนนานเดียวโดนตรีน น้องๆ พวกนี้จนได้ ไม่เจ็บเปล่าอายด้วย เข้าห้อง” ไอ้ดิวพูดบอกพวกผม ผมพยักหน้าและหันไปจับมือบอยไว้ก่อน

         “ไป อีพาย ยังหันไปปากดีกับเขาอีก เอาเข้าจริงๆ มึงก็หัวหด เหลือแต่พวกกูที่แก้งานที่มึงรับ ไปเข้าห้อง!” ติ๊กพูดและดันพายเข้าห้อง พวกต้องผมก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ตื่นเต้นมากที่จะเจอเพื่อนใหม่ บอยมองหน้าผม ผมก็ยิ้มให้บอยและก็เป็นผมที่เดินเข้าไปคนแรก ผมเห็นที่นั่งที่เว้นว่างเอาไว้ติดหน้าต่างด้วย ผมก็เดินตรงไปทันที

          “มีที่นั่งว่างตรงมุมนั้น ติดหน้าต่างเลย ดีน่ะบอยไปนั่งกัน” ผมหันไปบอกบอยและก้าวขาเดินตรงไปเลยแต่

          “ปึก” มีคนดึงเสื้อผมไว้ ผมก็ชะงักตามแรงดึง พอผมหันมามอง คนที่ดึงผมเอาไว้ก็คือไอ้ดิว

          “ดึงทำไม” ผมหันมาถาม ไอ้ดิวไม่พูดส่งซิกให้ผมหันไปมองด้านข้างแทน

          “อะไรวะ” ผมพูดและพอหันไป ก็ต้องสตั้นไปเลย คือมีคนนั่ง ไม่นั่งธรรมดา มันนั่งกระดิกเท้ากัน บ้างก็นั่งแบบยกเท้าขึ้นมาพาดที่โต๊ะด้วย หน้าตาแต่ละคนบอกได้ว่า ไม่ได้ยินดีกับการมาของพวกผมเลยสักนิด

          “ปึก! ปึก!ปึก!” เสียงมีคนเดินชนไอ้ดิวเป็นลำดับ

         “โอ๊ย!! จะหยุดทำไมละไม่เดินไปที่นั่งละ” ไอ้ติ๊กพูด ไอ้ดิวพยักหน้าให้ไอ้ติ๊กหันไปมองเหมือนผมและมันก็

         “อู้ยย ...มีคนอยู่เหรอวะ” ไอ้ติ๊กพูดเชิงถาม

         “ใช่...พวกกูนั่งอยู่และรอต้อนรับพวกมึงไง” หนึ่งในนั้นพูด นั้นก็แปลแล้วว่าไม่ยินดีชัดๆ

         “อู้ยย!!! เพื่อนใหม่!!” พายพูดและหันทำท่าจะทักทายแต่พวผมพากันยกมือห้ามว่าอย่าไปเล่นกับพวกมันพาย

         “ไฮ ทุกคน!!!” แต่ไม่ทันช้าไป พายยกมือทักทายแต่หาได้มีคนทักทายตอบไม่ พวกมันนั่งเก๊กหน้ากันมองหน้าพวกผมกันทุกคน

         “กูยังไม่อยากได้เพื่อนใหม่ว่ะ อยากมีแค่พวกกูที่เป็นเพื่อนเก่าเท่านั้น” คนที่นั่งด้านหลังมันพูดและทำหน้าตาไม่ต่างกับหมาบ้าที่รอขยับพวกผม

          “มันแปลว่าเขาไม่ต้อนรับเราใช่ไหมวะหรือกูคิดไปเองว่ะ” พายถอยหลังมากกระซิบกับพวกผม ผมหันมามองหน้า มึงไม่ได้คิดไปเองหรอกเพราะว่ามึงคิดถูกแล้วพาย เขาไม่ได้อยากมีพวกผมเป็นเพื่อน

          “แจ็ค...ผู้จัดการส่วนตัวกูน่ะ เคยบอกกูว่าเวลาไปพักโรงแรมตอนไปถ่ายหนังถ่ายละครต่างจังหวัด ถ้าเข้าไปห้องพักห้องไหนแล้วรู้สึกเย็นๆ อึดอัด ให้รีบออกว่ะ “ไอ้ติ๊กพูด พวกผมหันมามองหน้าไอ้ติ๊ก

         “แล้วมันเกี่ยวเชี้ยอะไรตอนนี้วะ ติ๊ก” ผมหันไปกระซิบถามติ๊ก

         “ก็ตอนนี้กูรู้สึกว่าห้องนี้ใช่ว่ะ พวกเราถอยออกไปเถอะว่ะ เจ้าที่แรง” ไอ้ติ๊กพูด ผมก็พยักหน้าว่าเห็นด้วยแล้วล่ะตอนนี้ ดูท่าทางเจ้าที่จะแรงจริงๆ ด้วย

         “ถอยเถอะวะ กูว่าผิดห้องวะ” ผมหันไปบอกพวกมันและพวกผมก็พากันออกมาที่หน้าห้องพร้อมได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาอย่างซะใจที่สุด

          “เปลี่ยนใจกลับบ้านเหรอ!!” พวกในห้องก็ถามปนหัวเราะเยาะพวกผมกันใหญ่เลย

          “หมายเลขห้องก็ถูกนะแจ็ค” บอยพูด ผมรู้ว่าห้องนะถูก 5/8 แต่ผมคิดว่าคุณครูคงลงชื่อพวกผมผิดห้อง”

          “ไปหาเจ้าหน้าที่ห้องธุรการก่อนเถอะ ให้เขาหาห้องเด็กเนิ้ดให้พวกเราดีกว่าว่ะ ทนเรียนกับเด็กเนิ้ดน่าจะดีกว่าทนเรียนกับพวกนี้ มันน่าจะข้ามคำว่าเด็กนักเรียนไปนานแล้ว จนกลายเป็นนักเลงมากกว่าว่ะ “ไอ้ติ๊กพูด พวกผมพากันเดินหันหลังจะออก

           “อ้าวอยู่นี้เอง จะไปไหนกัน” เสียงนี้พวกผมจำได้ดี ถึงจะไม่ได้ยินบ่อย ก็จำได้ดี พี่พัฒน์ ที่อยู่บ้านไอ้ติ๊ก พี่พัฒน์เป็นลูกบุญธรรมพ่อของติ๊กและผมคิดว่าน่าจะหวานใจพี่ตุ๊ด้วยแหละ

           “พี่พัฒน์ สวัสดีครับ” พวกผมทักทายพี่พัฒน์

           “ต้องเรียกครูพัฒน์ดิ” ไอ้ติ๊กพูด

           “พ่อกูสั่งเอาไว้” ติ๊กบอกพวกผม เออจริงด้วยพี่เขาเป็นครูพวกผมแล้ว

            “ครูพัฒน์ สวัสดีครับ” พวกผมเรียกพี่พัฒน์ใหม่อีกครั้งแต่มีคำว่าครู

            “จะไปไหนกัน ไม่เข้าห้องเรียนกันละ” ครูพัฒน์ถามพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน

         “พวกผมจะลงไปหาเจ้าหน้าที่ที่ห้องธุรการนะครับ ผมคิดว่าเขาให้ผมเข้าผิดห้องครับ ครูพัฒน์” ผมหันไปบอกพี่พัฒน์ พี่พัฒน์ก็ทำหน้างง ยืนขมวดคิ้วมองพวกผม

         “ไม่ผิดหรอกถูกแล้วน่ะ นี้ดูรายชื่อพวกเราดูซิ ยินดีต้อนรับนักเรียนใหม่ “พี่พัฒน์พูดและโชว์กระดาษให้ผมดู มีรายชื่อพวกผมจริงๆ ด้วย หันมามองหน้ากัน

          “เข้าห้องเรียนกัน ..เร็ว” ครูพัฒน์พูดแต่พวกผมยังไม่อยากเข้าเลยเมื่อกี้ก็รู้สึกเสียวสันหลังยังไงก็ไม่รู้

           “อ้าว...ยืนกันทำไมล่ะ เข้าห้องซิครับ” ครูพัฒน์หันมาถามพวกผม ที่ยืนด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจที่จะกลับเข้าไป

            “พี่พัฒน์ พวกนั้นมันดูแล้วไม่เป็นมิตรเลยอ่ะ เปลี่ยนห้องได้ไหมอ่ะครูพัฒน์ “ไอ้ติ๊กพูดอ้อนพี่พัฒน์ทันที

            “เอาน่ะ รู้ไหมว่าทำไมถึงได้ต้องมาเรียนห้องนี้กัน” พี่พัฒน์ถามพวกผม แน่นอนพวกผมส่ายหน้ากันหมด

            “เพราะนี้แหละคือภารกิจแรกที่พวกเราต้องทำ “ครูพัฒน์พูดและมองหน้าพวกผม พวกผมถึงกับกลืนน้ำลายลงคอทันทีนี่มันภารกิจเสี่ยงตายชัดๆ

            “อะไรนะครับครูพัฒน์ ..ให้พวกผมไปทนเรียนกับ ...อันธพาลพวกนี้เหรอครับ พี่ เอ๊ย...ครูพัฒน์ แถมนี้ยังเป็นภารกิจของพวกผมเหรอครับ” ผมถามครูพัฒน์กลับ

             “ใช่...ภารกิจนี้คือ ทำยังไงให้พวกเขากลับมาตั้งใจเรียน “พี่พัฒน์บอกพวกผม ทำยังไงก็ได้ให้พวกอันตพาลในห้องตั้งใจเรียน

             “ผมว่าอิมพอสซิเบิ้ลแน่นอนครับ ดูหน้าแต่ล่ะคนซิครับ มาเรียนได้ก็บุญหนักหนาแล้วน่ะครับครูพัฒน์” น้องพายพูด

             “นั้นซิครับครูพัฒน์และผมว่างานนี้ควรเป็นผู้ปกครองพวกมันจะดีกว่าไหมครับ ที่จะเกลี้ยกล่อมไม่ใช่พวกผมนะครับ ผมไม่ได้ปกครองมันมาก่อน ไม่อาจจะทายใจมันได้หรอกมั้งครับ ว่ามันจะเอายังไง “ไอ้ดิวพูด ผมหันมาพยักหน้าเห็นด้วยว่าจริง

            “ลองมาหลายวิธีแล้วไม่สำเร็จและไม่รู้จะให้ไปเรียนที่ไหนก็ไม่รับ เอาน่ะ โรงเรียนนี้มีปัญหาเยอะแต่ถ้าแก้จากจุดนี้ทุกอย่างก็จะง่ายที่จะแก้จุดอื่นๆ ดังนั้นพากันกลับเข้าห้องเพราะว่านี้คือห้องเรียนของพวกเราและด้านในก็เพื่อนเรา” ครูพัฒน์พูดและชี้ไปในห้องนั้น พวกผมก็ต้องเหลือกตาขึ้นบน มันบอกไม่ต้องการเพื่อนใหม่

             “นี้พี่ก็เพิ่งจะมาเป็นครูที่ปรึกษาเหมือนกัน” ครูพัฒน์พูด

             “ยังไงอ่ะพี่พัฒน์” ติ๊กถามพี่พัฒน์กลับ

            “ก็คือมีครูที่ปรึกษาอยู่แล้วแต่ครูเขา...เออ...ซึมเซ้า เครียด เลยไม่สามารถจะมาสอนได้ และเป็นครูที่ปรึกษาคนที่ 50แล้วที่เราเปลี่ยนมา “ครูพัฒน์พูด

             “Holy shit!!!!! “ผมเผลอสบถมันออกมาทันที

             "พี่พัฒน์พูดเล่นใช่ไหมอ่ะ ครูเปลี่ยนมาเยอะขนาดนี้แต่พวกนี้มันยังไม่ดีขึ้น แล้วพวกผมละพี่ ส่งไปให้ไอ้พวกนี้เฉือดชัดๆ เลยนะพี่พัฒน์" พายพูด

             "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพาย"พี่พัฒน์พูด

            "บอกแล้วว่าลุงหนึ่งเขาไม่ให้พวกเรามาทำอะไรง่ายๆ หรอก " ไอ้ดิวพูด "ไม่ยากหรอก เชื่อพี่ ถ้าเราใช่ใจและใช่สติให้มากๆ โอเคน่ะ" พี่พัฒน์พูด

            “เอาน่ะไปเข้าห้องกัน บางทีวัยใกล้ๆ กันอาจจะคุยกันเข้าใจกว่าน่ะ” พี่พัฒน์พูด และพวกผมก็ต้องหันหลังกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง

            “เดี๋ยวเข้าไปกันก่อนน่ะ พี่ขอคุยธุระแป๊บหนึ่ง” พี่พัฒน์บอกพวกผม พวกผมก็ต้องพากันหันหลังเดินกลับเข้าไปก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปคงต้องกลั้นใจไปด้วยและพอผมเดินเข้าไปด้านในกัน

            “อ้าวเฮ้ย! กลับมาทำไมอ่ะ” มีคนถามพวกผม

            “เขาไม่ให้ไป เขาให้กลับมามีปัญหาป่ะ “ไอ้ติ๊กพูด

            “ถ้ามีแล้วไง” มันยังถามกลับมาอีก

            “มีก็ไปถามกับพ่อแม่มึงโน้น! และกลับไปถามด้วยว่า ทุกวันนี้ขายนาส่งควายเรียนหรือเปล่า” ไอ้ติ๊กมันหันไปพูด พวกผมสะบัดหน้าไปมองติ๊กพร้อมกันหมด

            “เชี้ย!!” ไอ้ดิว

         “Dam it!!” ผมเอง

            “ไอ้ติ๊ก!!! พอเถอะ!” พวกผมเรียกชื่อมันออกมาพร้อมกันหมดเลย มันจะหาเรื่องทำไมของมันผมคิดในใจ

            “อย่ากูขอล่ะมึงครับ นี้ภารกิจของเรา มึงอย่าทำให้มันแย่ลง ขอร้องว่ะ” ดิวมันพูดกับติ๊ก

            “กวนตีนว่ะ “พวกมันพูดขึ้นมองหน้าพวกผมราวกับว่าไปเผาบ้านมันมา

            “พวกกูไม่รู้จักกวนตีน รู้จักแต่มะม่วงกวนว่ะ แต่เอ๊ะ กวนตีนนี้ของว่างพวกมึงเหรอ แทะกันเพลินเลยซิท่า กูเดาว่ารูปร่างเหมือนตีนแน่ๆที่มึงชอบกิน” ไอ้พายอีกคน ผมก็ต้องพากันเลือกตาขึ้นบน แถมน้องพายยังหันมาแตะมือแทกทีมกับติ๊กอีกคน ผมยกมือขึ้นลุงหนึ่งไม่ควรส่งสองคนนี้มาด้วย มันนี้แหละที่ทำให้ภารกิจล่ม!!

          “ปากน่าวางเท้าว่ะ “หนึ่งในนั้นพูดขึ้น

         “อ้าว!! แล้วรองเท้ามึงเบอร์อะไรล่ะ” พายหันไปถามมันกลับทันควัน

          “เบอร์อะไรก็ได้ที่ใหญ่คับปากมึงแน่ๆ “พวกมันสวนมาทันที

          “ของกูเบอร์เก้า” มีหนึ่งคนลุกขึ้นมาตอบ สงสัยไม่ได้นัดกันไอ้คนที่พูดก่อนมันสะบัดหน้าไปมอง ขยิบตาไอ้คนนั้นด้วย

           “เชี้ย!! นี่มันไอ้ตีนโตแล้วเนี๊ยะ!!” พายพูด

          “กูแค่เบอร์ห้าครึ่งเอง” พายพูดผมหันไปมองงั้นก็อย่าไปงัดกลับมันมึงเล็กกว่ามัน

           “เยี่ยม!” ไอ้ดิวพูด

          "ชมพายมันเหรอดิว"แอ้ถามดิว

         "ประชด!!" ไอ้ดิวหันไปตอบ

         “อยากลองนักใช่ไหม มันไม่หวานละมุนแบบตบจูบนะมึง ปากแดงไม่ต้องทาลิปเลย” มันยังไม่หยุดอีก ยังจะต่อีก

          “แล้วมึงคิดว่ากูจะยืนจูบเท้ามึงโดนไม่ถีบมึงกลับเหรอ กูไม่ใช่หุ่นไล่กา ที่คอยไล่อีกาไม่ให้เกาะหลังควายโว้ย!!!” ไอ้ติ๊กอีกคน ผมหันมามองเพื่ออะไร!!!

           “นั้นคือพวกมึง!!...” น้องพายพูดนั้นเอาเข้าไป

          "อีกาเหรอพวกกูน่ะ?"มันยังมีหน้ามาถามพายกลับอีกมันคิดว่าพายชมว่ามันคืออีกาเหรอ? ผมเดาว่าไม่ใช่

          "มึงคิดได้ยังไงว่าหน้าอย่างมึงคืออีกกา หน้าตาแบบนี้ ควายชัดๆ" น้องพาย บอยก็สะกิดผมว่าให้ทำอะไรสักอย่าง

          “อ้าวงั้นก็มาเลยดิ อย่าดีแต่ปาก ปากดีแบบนี้ มอบคาเท้าพี่มาเยอะแล้วน้อง มาเลย!!” นั้นไง ไม่จบแน่ๆ ผมหันไปหันมา

          “หยุด!!!!!” ผมพยายามห้ามให้หยุดกันได้แล้ว

          “มาดิ จะได้รู้ว่าปากใครกันแน่ที่น่าเอาเท้าไปวาง …และกูจะทูหน้าให้ด้วย สครับหน้าดูแล้วปัญหาสิวเรื้อรัง กูรักษาให้เลยด้วยเท้าพวกกูนี่ …บร้า….” ติ๊กและพายที่ร่วมด้วยช่วยกันให้มันอลังกาลมากไปกว่าเดิม ส่วนครูพัฒน์ก็คุยโทรศัพท์ ไม่มองเข้ามาในห้องเลย ผมสั่นหัวไปมาอย่าเหลืออดก่อนจะ ผมหันไปมองหน้าไอ้ดิว

          “กู.. ถอนตัวเลย!! “มันบอกผมว่า มัน ไม่ยุ่งแล้ว

         “กูก็ไม่เอาว่ะ!!! “ไอ้แอ้อีกคน มันก็ถอนตัว

         “บอยว่าแจ็คเถอะ” บอยบอกผมว่าต้องผมแล้ว ผมจึงต้องสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะ

          “Shut the f**k your mouth up please!!!” ผมตะวาดลั่นห้องเลยทีเดียว ทุกคนเงียบกริบทันที นี่แสดงว่ามันแปลที่ผมพูดออก รวมไปถึงติ๊กและพายมันเอามือปิดปากตัวเองทันทีและมองหน้าผม ของขึ้นครับ

              “??????” ทุกคนเงียบกันหมดตวาดังลั่นห้อง

            “มึงก็หยุด!!! พาย! ติ๊ก!” ผมหันมาบอกคนของตัวเองก่อน

           “มึงไม่เห็นเหรอว่าพวกมันเริ่มก่อน” ติ๊กพูด

           “แล้วมึงจะไปต่อล้อต่อเถียงกับพวกมันทำไม ดูดิ เผลอๆ รุ่นน้องพวกกูกับมึงซะอีกและมึงยิ่งเถียง มันก็ยิ่งแย่ ไม่ได้ดีขึ้น! “ผมพูดก่อนจะหันไปมองพวกที่นั่งอยู่

           “พวกมึงก็ด้วย หยุด!!!” ผมหันไปพูดกับพวกนั้น ไอ้ดิวมันมองหน้าผม มันเลิกคิ้วและอมยิ้มที่เห็นผมของขึ้นครับ

           “เอาอย่างนี้น่ะ!! พวกกูแค่เข้ามาเรียน โอเคนะ"ผมพูด

           "กูแค่เข้ามาเรียนแค่นั้น พวกมึงไม่ชอบหน้าพวกกู กูก็ไม่ขอให้พวกมึงเปลี่ยนมาชอบพวกกูหรอกเพราะพวกกูไม่รู้ว่าไปทำห่าอะไรให้ แค่นั่งเรียน ต่างคนต่างเรียน ได้เวลาเลิกเรียนก็บ้านใครบ้านมัน จบน่ะ!!” ผมพูด พวกมันมองหน้ากัน

           “และอีกอย่างพวกกูก็ไม่ได้อยากมา!!” ผมพูด

          “แต่พวกกูก็ต้องมา ดังนั้นมึงควรจะนั่งเรียนไป แต่ห้ามก่อความไม่สงบให้พวกกู ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง “พูดก่อนจะหันมามองติ๊กและพายที่ยืนทำปากขมุบขมิบ

        “ติ๊กพาย ไปหาที่นั่ง “ผมหันมาบอกไอ้ติ๊กและพายให้เดินนำไปก่อนเลย สะบัดก้นไปทันที

          “ครูอยู่หน้าห้อง หัดให้เกียรติคนอื่นหน่อยว่ะ สมกับค่าเล่าเรียนที่บ้านมึงจ่ายมา มึงเข้าใจป่ะ!” ผมพูดและพยักหน้าให้พากันเข้าห้อง ที่นั่งที่ได้จัดไว้คนละฝังกับพวกนั้น

        “สวัสดีครับนักเรียน” ครูพัฒน์เข้ามาก็ทักทายทุกคนแต่แปลกไม่มีเสียงทักทายกลับจากพวกนั้นเลย นี้เขาก็จัดโต๊ะไว้สองตัวติดกัน ให้นั่งสองคน ผมก็นั่งกับบอย ไอ้ดิวมันดันแอ้เข้าไปนั่งด้านในก่อนที่ไอ้ติ๊กและดิวมันก็นั่งด้านนอกกันเลยทันที นั้นแปลว่ามันมัดมือชกเรียบร้อยแล้วและพายก็ต้องนั่งกับติ๊กแต่ผมว่าไอ้ดิวกันพายมันเตี้ยมกันมาแล้ว

        “ห้องนี้มีหัวหน้ากันแล้วใช่ไหม ...นายภาคิน” ครูพัฒน์ถามคนที่นั่งอยู่โต๊ะติดประตู มันนั่งกับอีกคน ดูน่ารักหน้าหวานแต่ยังไงก็น้อยกว่าแฟนผม ไอ้นั่นมันพยักหน้าตอบพี่พัฒน์ จะว่าไปดูมันก็ไม่น่าเป็นพวกเกเรเหมือนพวกนั้นได้เลยและมันก็ดูดีที่สุด ดูมันให้เกียรติพี่พัฒน์มากกว่าคนอื่นๆ

          “ใครวะหัวหน้าห้อง “ไอ้ติ๊กมันกระซิบถาม

         “กูว่าไอ้ที่นั่งทำหน้าขรึมนะ ที่ครูพัฒน์เรียกว่าไอ้ภาคินว่ะ แววมันได้ว่ะ” ไอ้ดิวหันมากระซิบและชี้ไป ผมก็พยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้ดิวมัน รัศมีความเป็นผู้นำ

          “กูว่าไอ้ที่นั่งหลังไอ้ภาคินวะเพราะว่าดูท่าจะทนไม้ทนมือและทนตีนได้ดี"ติ๊กมันพูด ผมหันไปมองหน้ามัน ไอ้ที่ต่อปากต่อคำกับมันและพายนั้นน่ะเหรอและอีกคนก็กวนโอ้ยใช่เล่น ผมหันมาส่ายหัว ผมว่าไม่น่าจะใช่ น่าจะใช่ไอ้ภาคินน่ะเหมาะมากที่สุด

        "อ้าว!! พวกชอบยกพลไปรบกับคนอื่น มักจะเลือกคนประเภทนี้เป็นหัวหน้าแก้งเพื่อไว้รับหน้า กูว่ามันอาจจะควบสองตำแหน่งว่ะทั้งหัวหน้าห้องและหัวหน้าแก้งเพราะดูแล้ว ไอ้พวกหมาบ้าชัดๆ "ติ๊กพูด ไอ้ดิวกับแอ้มันพากันสั่นหัวให้ความคิดไอ้ติ๊ก ผมหันมามองบอย เขาแอบขำเบาๆ

          “เท่าที่ดูก็น่าจะมีแค่สองคนนี้ว่ะ คนอื่นก็ไม่น่าจะเป็นได้ “ไอ้แอ้พูดอีกคน ผมก็คิดว่าใช่น่ะ

          “ใจแอ้ ที่มีส่วนร่วมปกติมึงจะเงียบตลอด แสดงบ้างก็ดี” ผมหันไปพูด แอ้มันมองหน้าผมพร้อมกับนิ้วกลางให้ทันที

          "ให้รางวัลกูอีก กูอุตส่าห์ชม" ผมพูดและผมก็หันมามองบอยว่าไง บอยสั่นหัวไม่ขอออกความคิด พวกผมรอดูว่าใครคือหัวหน้าห้อง ระหว่างที่ครูพัฒน์กำลังหยิบเอกสารขึ้นมา

          “ขออนุญาตครับ” เสียงนี้พวกผมจำได้แว่นนั้นเอง

         “ส่วนไอ้แว่นนี้กูว่าเบ้ชัดๆ นี้พวกมันคงใช้ทำนั้นทำนี้หน้าดู ดูซิลงไปแบกหนังสือมาด้วย แบกแม่งอยู่คนเดียวเลย ขี้ข้าชัวๆ” ไอ้ติ๊กพูดและชี้ไปที่ไอ้แว่นหนา

         “มันน่าจะเป็นพวกไม่มีปากมีเสียงและต้องคอยนั่งเงียบตลอด ไม่กล้าฮือไม่กล้าอือ หน้าตาเด็กเนิร์ดขนาดนี้” พายพูดเสริมอีกคน

         “เข้ามาได้แล้วอนุพงษ์” ครูพัฒน์อนุญาต ไอ้แว่นมันเอาสมุดการบ้านที่มันบอก ไปวางไว้บนโต๊ะ และเดินมานั่งแถวกลาง แถวหน้าสุดด้วยอย่างไม่เกรงใจไอ้ที่นั่งหน้าเข้ม กลุ่มนั้นเลยสักนิด ไอ้แว่นหันมามองหน้าผม ฉีกยิ้มให้พวกผมทันที
     
         TBC...
หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.14.1 เพื่อนใหม่เข้าแก้ง 2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 09-01-2024 20:55:12
     
EP.14.1 เพื่อนใหม่เข้าแก้ง 2

         Part's แจ็ค ครูพัฒน์อนุญาต ให้ไอ้แว่นมันเอาสมุดการบ้านที่มันบอกลงไปแบกมาเอามาวางไว้บนโต๊ะและเดินมานั่งแถวกลาง แถมไอ้แว่นมันนั่งสุดด้วยอย่างไม่เกรงใจไอ้ที่นั่งหน้าเข้มด้านข้างสักนิดแต่อย่างว่าแหละ ไอ้นี่มันเด็กเนิร์ดนิ มันก็ต้องนั่งหน้าสุดอยู่แล้ว ไอ้แว่นหันมามองหน้าผมพร้อมกับฉีกยิ้มให้พวกผมทันที ผมน่ะทำนิ้วเชือดคอให้มันดู มันดันบอกพวกผมไม่หมดที่รออยู่น่ะ รอต้อนรับหรือว่ารอขับไล่พวกผมกันแน่ ไอ้แว่นสะดุ้งก่อนจะหันไปรอฟังครูพัฒน์

          “หัวหน้าห้องเชิญครับ” พี่พัฒน์พูด พวกผมก็ลุ้นกันว่าใครจะได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี่!!! ผมหันไปมองทางแก้งพวกภาคินกันหมด

           “นักเรียนทำความเคารพ” ไอ้แว่นครับมันคือผู้ที่ได้สิทธิ์นั้นไปครอง

           “พรี้ด!!!” แขนที่ผมใช้เท้าไถลไปทันทีกับพื้นโต๊ะนักเรียน ไอ้แว่นนี้นะเหรอหัวหน้าห้อง

          “Oh, my goodness! ไอ้แว่นเป็นหัวหน้าห้อง” ผมพูดความตกใจ แต่ดังไปหน่อยจนครูพัฒน์หันมามองพวกผม

           "เชี้ย!! มันทำได้ไงวะ "ไอ้ติ๊กพูด พวกผมมองไอ้แว่นและหันไปมองไอ้พวกหน้าโหดพวกนั้น มันเลือกไอ้แว่นเป็นหัวหน้าห้องพวกมัน

           " มันอาจจะเป็นหัวหน้าแกงพวกนี้ด้วยก็ได้น่ะ กูเดาว่ะ" ไอ้ดิวพูด ถ้าไอ้แว่นนี้ใช่พวกผมคิดหนักมาก มันอาจจะเฉือดพวกผมได้แบบนิ่มๆ ไอ้แว่นหันมายิ้มให้พวกผมพร้อมกับขยิบตาให้พวกผมด้วย

           “ไอ้แว่นมันขยิบตาทำไมอ่ะ” พายถาม

          “อ้าว! หัวหน้าห้องสั่งแล้วทำไมไม่ทำตามกันละครับ ลุกขึ้นทำความเคารพครูซิครับ! นั่งกันอยู่ทำไมครับ มารยาทครับ” ไอ้แว่นหันมาบอกพวกผม

         “เออว่ะ แล้วนั่งทำไมวะ ลุกดิ” ไอ้ดิวพูด

         "พรื้ด!!!"พวกผมก็ต้องรีบลุกขึ้นยืนทันที ผมยืนด้วยอาการงงๆ ครับ คืองงกันตั้งแต่ที่ไอ้แว่นคือหัวหน้าห้องแล้วและพวกที่โหดๆ พวกนั้นล่ะ มันเลือกไอ้นี่เพราะมันโหดที่สุดหรือว่าไง ไอ้แว่นยังหันมาฉีกยิ้มให้พวกผมอีก พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ผมด้วย

         “สวัสดีครับคุณครู “มีแต่เสียงไอ้แว่นคนเดียวพูดก่อนจะหันมาพยักหน้ากับพวกผมอีก อ้อมันให้พวกผมพูดตามมันเหมือนกัน ต้องเรียกไอ้พี่แว่นแล้วเนี๊ยะ!

         "สวัสดีครับคุณครู!!! " พวกผมพูดและหันไปยิ้มให้ไอ้แว่น มันก็ยกนิ้วโป้งชมพวกผมอีกที

         “กูว่าพวกเราต้องเรียกพี่แว่นแล้วแหละครับ พี่แว่นหนาด้วย มันน่ากลัวไอ้พวกหน้าโหดนั้นอีก” ไอ้ติ๊กพูดกระซิบ ผมหันมามองไอ้ดิวว่าไง

         "ก่อนอื่นควรจะพาไอ้พี่แว่นไปออกแบบแว่นตาใหม่ก่อนดีกว่าไหม แว่นตามันหนาเกิ้น” พายพูด

         “เออว่ะ! ทุกอย่างดีหมดยกเว้นแว่นตามัน!"ไอ้ดิวพูด

         “สวัสดีครับทุกคน” ครูพัฒน์ทักทายทุกคน พร้อมกลับมายืนที่ตรงกลางห้อง เอามือไขว้หลังเอาไว้มองทุกคนในห้องไปรอบๆ แต่พวกนั้นกลับนั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้



           “คุณครูตุ๊ด” มีคนตะโกนมาจากพวกของไอ้หน้าโหดทั้งหลายแต่ไม่รู้ว่าใคร ดิวทำท่าจะลุกขึ้นแต่ครูพัฒน์หันมาทำนิ้วจุปากว่าอย่า ผมละเชื่อเลยว่าทำไมพี่พัฒน์ทนได้น่ะ ทำไมพี่พัฒน์ใจเย็นได้ขนาดนี้กับพวกนี้ พวกผมไม่ได้กลัวแต่ว่าพวกผมไม่อยากให้มีเรื่องเดือดร้อนไปถึงลุงภาคย์ ที่เป็นเจ้าของโรงเรียน

          “ตื้ดๆ” เสียงมือถือครูพัฒน์ดังขึ้น ครูพัฒน์ยกมือก่อนจะเดินออกไปรับสายโทรศัพท์

           “เมื่อกี้ใครวะ ปากดีว่ะ ถ้ามึงไม่อยากเรียนก็ลากออกไปดิ แค่นั้นเอง “ไอ้ดิวมันพูด ผมหันมาพยักหน้าเห็นด้วยว่ะ แต่พวกผมก็ต้องหยุดทันทีที่ครูพัฒน์กลับเข้ามาในห้องเรียน

         “แป๊บหนึ่งนะครับพอดีครูจะลงไปห้องธุรการด้านล่าง ไปรับเพื่อนใหม่อีกสองคน ที่พึ่งขอย้ายมาเรียนห้องนี้และเขาระบุขอเรียนห้องนี้ อาจจะเป็นเพื่อนเก่าพวกเราก็ได้น่ะ” ครูพัฒน์พูด พวกผมพยักหน้า ไอ้พวกนั้นมันก็นั่งลงเหมือนไม่สนใจโลก

         “ไอ้แว่นครับ” ผมเรียกไอ้แว่น ผมว่ามันเจ๋งอ่ะที่เป็นหัวหน้าห้องได้ ผมคิดว่าจะซื้อตัวไอ้แว่นเข้าแก้งผมดีกว่า

        “นายรู้จักชื่อเล่นเราได้ไงอ่ะ” ไอ้แว่นหนาหันมายิ้มแฉ่งดีใจ แต่พวกผมตกใจ มันชื่อไอ้แว่นจริงเหรอแต่ที่ผมเรียกเพราะว่ามันใส่แว่นครับ

        “พวกกูน่ะไม่รู้หรอกครับมึงครับ แต่ที่เรียกเพราะว่าคุณมึงใส่แว่นครับ “ไอ้ดิวพูดพร้อมกับกลั้นหัวเราะไปด้วย

      “แฮๆ” มันหัวเราะและเกาหัวตัวเอง ผมก็ค่อยๆ ขยับเก้าอี้ไปใกล้ๆ มัน พวกด้านหลังผมก็ขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ๆ เพื่อจะฟังการสนทนา

      “มึงเจ๋งว่ะ พวกมันเลือกมึงเป็นหัวหน้าห้องเลยเหรอวะ” ผมถามไอ้แว่น มันก็หันมามองหน้าผม และมองไปทางพวกนั้น

        “อย่ามองมันดิว่ะ เดี๋ยวมันรู้พวกกูกำลังเอ่ยถึงพวกมันไอ้แว่น” ผมเอื้อมมือไปจับหัวไอ้หัวหน้าหันกลับมาหาพวกผม

         “เอาจริงๆ นะครับ “ไอ้แว่นหันมาพูดกับผมเชิงกระซิบ ผมคิดในใจเป็นถึงหัวหน้าจะไปกลัวพวกมันทำไม

         “พวกเขาไม่ได้เลือกผมหรอกครับ” ไอ้แว่นพูด พวกผมก็ทำหน้างงกันใหญ่เลย

        “อ้าว!! แล้วมึงเป็นได้ไงมีของดี” ไอ้ติ๊กถาม

        “คือ…วันที่เปิดเรียนวันแรกนะครับ ไม่มีใครมามีแค่ผมคนเดียว" ไอ้แว่นมันพูด

         "อาจารย์บอกว่าต้องมีหัวหน้าห้องเพราะอาจารย์จะให้ติดต่อเรื่องงานอะไรพวกนี้นะครับ และผมก็รอแล้วก็ยังไม่มีใครมา ผมเลยบอกขอเป็นเองครับ” ผมได้ฟังก็ถึงบ้างอ้อทันที มันยังยิ้มเท่ๆ ให้พวกผมอีกนะ ทุกคนรวมทั้งผมด้วย ขยับเก้าอี้กลับไปนั่งที่เดิมทันที

        “อ้าว!! “ไอ้แว่นหันมามองพวกผม

        “ไม่อยากรู้เกี่ยวกับตัวผมกันแล้วเหรอครับ” ไอ้แว่นถาม ผมสั่นหัวตอบทันที หมดอารมณ์อยากรู้ขึ้นมาทันที

        “ไม่ล่ะ” ผมพูดก่อนจะหันมามองบอย ที่ทำท่าจะขำผมด้วยน่ะ

         “มึงแต่งตั้งตัวเอง ถุ้ย! กูนึกว่ามึงแน่ ไว้แว่น ไอ้เนิ้ดเอ๊ย!” ไอ้ติ๊กพูด

         “เฮ้ย...ไอ้ต้นข้าวมาว่ะ มันมาเรียนที่นี้จริงๆ ด้วยว่ะ มันมาทำไมวะ มันหาเรื่องแท้ๆ แถมยังมาเรียนห้องนี้อีก เชี่ยเอ๊ย!!” หนึ่งในนั้นชะโงกหน้าออกไปนอกห้องก่อนจะหันมาคุยเสียงดัง ถึงแม้จะไม่ดังมากแต่ก็ทำให้พวกผมหูผึ่งขึ้นมาทันทีและมันก็ทำให้พวกผมสนใจอย่างมาก

       ว่าไอ้คนที่ครูบอกจะมาเรียนเพิ่มนั้นคือใครกันและมันมีอิทธิพลอะไรกับพวกนี้หรือเปล่า ดูจากสีหน้าพวกมันดูตกใจมากกันมาก จนกระทั่งครูพัฒน์มาถึงและเข้ามายืนที่หน้าห้องอีกครั้ง

        “ครูมีเพื่อนมาใหม่อีกสองคนนะ ชื่อนายวัลลพ และนายปกรณ์” ครูพัฒน์พูดพร้อมกับควักมือเรียกให้เข้ามาในห้อง พวกผมก็จ้องมองว่ามันคือใครหน้ามันคงต้องโหดมากแค่ไอ้พวกนั้นก็โหดแล้วน่ะแต่มีมาอีก ผมคิดว่าพวกผมควรจะขอลากออกจากองค์กรถาวร ผมชะเง้อมองตามเช่นกันจนกระทั่ง นักเรียนใหม่สองคนก้าวเท้าเข้ามาในห้อง หุ่นมันบอบบางร่างน้อย ดูธรรมดาไม่ได้โหดอะไรเลย ไม่มีเลยสักนิดแถมยังคิกขุอาโนเนะอีกต่างหาก มีหนึ่งคนโบกมือทักทายแต่อีกคนนิ่งเงียบ เออ ไอ้นี่ดูน่าสนใจดีอยู่น่ะ

       “มันเหมือนนักเรียนในการ์ตูนญี่ปุ่นอ่ะ เงียบและโหดอ่ะ” แอ้พูด ผมหันไปมองหน้าแอ้ พวกผมถึงกลับพยักหน้าพร้อมกัน ไอ้แอ้มันเซียนการ์ตูนญี่ปุ่น

        “แน่ใจน่ะว่ามันทำหน้าตกใจเพราะไอ้สองคนนี้กันอ่ะ “ไอ้ติ๊กถามพวกผม

      “เออ...ว่ะ กูว่าไม่เห็นมีสวนไหนที่แสดงให้เห็นว่ามันน่ากลัวเลยว่ะ แต่พวกมันก็พากันตกใจจนหน้าซีดอยู่น่ะ หรือว่าเป็นพวกแอบ แอบซ่อนความร้ายกาจอยู่ภายใน อย่างที่แอ้พูดอ่ะ” ไอ้ดิวพูด ผมหันมามองไอ้ดิว จริงเหรอ มันใช่เหรอ ไอ้ดิวพยักหน้า ผมมองบนก่อนจะหันไปมองไอ้สองคนนั้น

       "มันซ่อนลึกไปไหม กูมองไม่เห็นความร้ายกาจอะไรในตัวมันเลยนะโว้ย!!” ติ๊กพูด ผมเองก็กำลังลังเล เอาไงดี ผมหันมามองบอยว่าไง บอยแค่หยักไหล่

      “มีแต่ความติ๋งต๋อง"ไอ้ติ๊กพูดอีกก พวกผมหันไปมองมันพร้อมกัน

       "เออๆ กูชอบมองคนแต่ภายนอกและมึงดูภายนอกไอ้สองคนนี่มันดิ มันชัดมากขนาดนี้ ไม่ต้องถามหาภายในมันหรอก จริงนะโว้ย!"ไอ้ติ๊ก ยังอีกไอ้นี่

       "ติ๊ก มึงก็พูดเว้อเกินไป"ไอ้แอ้มันรีบดักไว้ก่อน

       “เอาละครูขอฝากเพื่อนใหม่เพิ่มอีกสองคนด้วยน่ะ เราสองคนไปหาที่นั่งเลย” ครูพัฒน์พูดและหันไปบอกสองคนนั้น

       “เอานะ เอาไว้ก่อนเพื่อมันมีดีแอบไว้ อย่างที่ไอ้พวกนั้นมันกลัวกัน” ผมพูดและรีบยกมือขึ้น ครูพัฒน์ก็พยักหน้าให้ผมลุกขึ้นพูด

         “ขอให้เพื่อนใหม่นั่งใกล้ๆ พวกผมนะครับ “ผมรีบพูด ผมรีบคว้าตัวเพื่อนใหม่เข้าแก้งผมทันที พวกภาคินมันสะบัดมามองหน้าผมทันที น่าจะเป็นเพราะว่าผมปาดหน้ามันได้ ผมหันไปยักคิ้วกับให้พวกนั้น ผมนึกในใจ อึ้งละซิที่ผมใจกล้าคว้าตัวเต็งที่พวกมันเล็งเอาไว้มาเข้าแก้งผมได้ทัน ครูพัฒน์มองผมและเพื่อนใหม่หันมามองหน้ากันและมันก็ทำหน้างงๆ ใส่กันอีกด้วย "ฝั่งโน้นคนเยอะแล้วครับ ถ้าไปอีกสองห้องจะเอียงครับ" ผมพูด พวกไอ้ภาคินมันหันมองรอบๆกันใหญ่เลย  "มันเล่นมุกไหนของมันว่ะ" หนึ่งในนั้นถามขึ้น

      “เออ..งั้นก็ได้น่ะ เธอสองคนไปนั่งแถวข้างที่นายแจ็คบอกแล้วกันและทำความรู้จักกันไว้น่ะ ทุกคนเลย  “ครูพัฒน์พูด ไอ้สองคนนั้นก็เดินมาแบบยังงงๆ จนมาถึงแถวที่ไอ้แว่นนั่ง

      “นั่งด้านหลังไอ้แว่นเลยนาย ยังไงก็โซนเดียวกัน “ผมบอกสองคนนั้นก่อนจะหันมามองไอ้แว่นแต่ยังไม่ยอมนั่ง หรือว่าเก้าอี้ไม่สะอาดพอ

      “ไอ้แว่นมีผ้าเช็ดหน้าไหม” ผมถามไอ้แว่นทันที

      “เอาไปทำไมอ่ะครับ” ไอ้แว่นมันหันมาถามผม

      “เช็ดโต๊ะ..เอามา” ผมพูดและไอ้แว่นมันทำหน้างง แต่มันก็หยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดโต๊ะให้สองคนนี้นั่ง ก่อนจะกลับไปนั่งอย่างงงๆ มองไปรอบๆ ตัว พวกผมยิ้มอย่างมิตรไมตรี

       “ขอบใจมากแว่น” ผมหันมาขอบใจด้วย ไอ้แว่นเองมันก็ยังงงอยู่เลย ผมนึกในใจมันจะงงอะไรหนักหนา

       “นั่งเลยนาย” ไอ้ติ๊กพูด พวกผมก็หันไปยิ้มให้อย่างไมตรี ไอ้คนที่มาด้วย ยิ้มตาหยีกลับมาทันทีแต่อีกคนซิ กลับมองพวกผมเหมือนไม่น่าไว้ใจยังไงก็ไม่รู้ ทำเอาพวกผมก็มองและยิ้มเจื่อนๆ ให้พร้อมกับหันมามองหน้ากันอีกที

        “แจ็ค...มึงแน่ใจแล้วเหรอวะ ว่าไอ้สองคนนี้ถูกแล้วที่เราจะเอามาเป็นกำลังเสริม หรือมาเป็นภาระเราว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด

        “สวัสดี” ผมทักทายคนแรกเลย ไอ้คนที่ทำหน้านิ่งมากหันมามองพวกผม

         “พวกนายเป็นใครอะ เรียกกูสองคนมานั่งนี้ทำไมวะ” คำถามที่ทำเอาพวกผมทำตาปริบๆ ทันที

         “อ้าว! ไม่รู้จักกันมาก่อนเหรอครับ “ไอ้แว่นหันมาถามพวกผมและไอ้เพื่อนใหม่สองคนนั้น

         “ไม่อ่ะ ไม่รู้จัก กูมาวันแรกจะรู้จักใครได้ไงนอกจากไอ้นี่ที่มากับกู” ไอ้คนที่นิ่งๆ บอกไอ้แว่น

         “และมาวันแรกต้องไม่รู้จักใครอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะเรียกมาวันแรกเหรอวะ” ไอ้คนที่ตอบแบบขวานผ่าซาก ทำเอาพวกผมยิ้มหน้าเจื่อนกันเป็นผมแถว

          “อู้ยยย!!!” ไอ้ดิวมันร้อง

         "และกูนี่เด็กใหม่ไม่ใช่เด็กเก่า ดูหน้าดิ ใหม่ไหม???"ไอ้หน้าหวานๆ หน่อยมันถามไอ้แว่น ไอ้แว่นหนามันยังยิ้มแหยๆ เลยไม่กล้าถามต่อและรีบหันกลับไปทันที (เป็นไงล่ะโดนไปแล้วหนึ่งดอก)

         "ไอ้แจ็ค ที่มีอยู่สองคนนี้ มึงไม่พอใช่ไหม เอาคู่นี่เข้ามาอีก ปากแบบเดียวกันเป๊ะ รับงานชัดๆ" ไอ้ดิวมันกระซิบกับผม ผมเอามือแตะหน้าผากตัวเอง

          "แม่งไม่ตรงปกว่ะ" ผมหันไปพูดกับไอ้ดิวเบาๆ ไม่กล้าพูดดัง ผมเองก็กลัวปากมันเหมือนกัน

          “ต้นข้าวอ่ะ เขาอุตส่าห์เฟรนด์ลี่ด้วย เราควรจะเฟรนด์ลี่กลับซิ ไม่น่ารักเลยน่ะ” อีกคนพูด ผมยกมือให้ไอ้คนนั้นพูดถูก ควรจะเฟรนด์ลี่ซิวะเพื่อน

           “แม้ไอ้บลู มึงนี้นะ จะมาอยู่ห้องนี่ ห้องโหดสาด” อีกคนก็ชื่อไอ้บลูซิท่า ผมพยักหน้าให้มันสองคนหันไปมองครูพัฒน์กำลังจะกล่าวอยู่ แหมไอ้โหดสาด ครูพัฒน์ที่ยืนมองอยู่ว่าจะหยุดพูดกันได้หรือยัง ไอ้สองคนนี้รีบยกมือไหว้ขอโทษครูพัฒน์ทันที พอทุกคนหยุดครูพัฒน์ก็พยักหน้าให้กับพวกผมว่าขอบใจ

            “เอาละ ครูจะมาเป็นที่ปรึกษาพวกเธอ จนกว่า ที่ปรึกษาตัวจริงจะมาน่ะ” ครูพัฒน์ประกาศ

          “แล้วครูหนุ่ยไปไหน” มีคนถามครูพัฒน์แต่มันหาได้ถามอย่างสุภาพไม่

           “ที่บ้านไม่มีใครสอนเหรอว่าให้มีสัมมาคารวะ ผู้หลักผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์ หรือไงวะ หางเสียงน่ะ มีไหม จบประถมมายังไงวะ” ไอ้ดิวมันถามขึ้นลอยๆ

            “อะไรวะ ทำไมครูตุ๊ดนี้มาเป็นที่ปรึกษาเราวะ เดี๋ยวจับทำเมียเลย” ผมได้ยินก็อันนี้ขึ้นครับ แต่ไม่ทันเพราะดิวมันก็ไวกว่า มันตรงไปหาไอ้คนพูดทันที มันไวขนาดที่ไปถึงตัวโดยที่ไอ้คนที่พูดไม่ทันได้ลุกหนีมันและดิวมันก็กระชากคอเสื้อไอ้คนนั้นเอาไว้และทำท่าจะตะบันหน้ามันแต่หมัดมันดันค้างเอาไว้กลางอากาศ ผมรู้ว่าไอ้ดิวมันกำลังคิดหนัก ถ้าต่อยไปนี้มันซวยแน่ๆ เพราะว่ามันต่อยต่อหน้าพี่พัฒน์ที่เป็นครูและหมัดมันก็หนักเอาเรื่องต่อยคนสลบมาหลายคนแล้วด้วย ส่วนพวกผมหันไปมองลุ้นว่า ต่อยสักทีเถอะ

          “หยุดนะดิว! อย่านะปล่อยเพื่อนเดี๋ยวนี้!! พี่สั่งให้ปล่อยคอเสื้อเพื่อนเดี๋ยวนี้ดิว!! “พี่พัฒน์ขึ้นเสียงห้าม ไอ้ที่จะโดนต่อยมันหาได้กลัวไม่ มันก็หรี่ตามองและยิ้มที่มุมปากแค่นั้น

          “มึงถอนคำพูดเดียวนี้!!” ไอ้ดิวตะคอกเสียงดังใส่ไอ้นั่นมันก็ยังยิ้มค้างไม่คิดจะถอนคำพูดหรือพูดขอโทษที่มันปากดี

          “ดิว ...หยุด กลับไปนั่งที่ซะ!! “ครูพัฒน์บอกไอ้ดิว

           “ดิว พี่บอกให้หยุด!!!” พี่พัฒน์พูดอีกครั้ง คราวนี้ไอ้ดิวมันลดหมัดมันลงและก็จำใจต้องปล่อยคอเสื้อไอ้คนนั้น พวกผมนี่แสนเสียดาย นึกว่าจะได้เชือดไก่ให้ลิงดูซะแล้ว

           “เสียดายวะ” ผมพูดเบาๆ

           “แจ็ค..ไม่ดีเลยน่ะ ถ้าดิวต่อยเขาขึ้นมา ดิวจะโดนและพวกเราด้วย เผลอๆ ครูพัฒน์ด้วยน่ะ เพราะว่าครูอยู่ในห้อง” บอยพูดกับผม ผมก็ลืมคิดข้อนี้ไป

           “และนายโซ่ นั่งลงเดี๋ยวนี้และถ้านายยังลามปามครู ครูคงต้องเรียกผู้ปกครองเธอน่ะ เธอคงลืมไปนะว่า เธอทำผิดได้อีกแค่ครั้งเดียว เธอจะถูกพักการเรียนและอาจจะโดนไล่ออก หรือเธออยากให้เป็นแบบนั้น ทำอะไรคิดถึงพ่อแม่เธอหน่อยน่ะ คนที่มาขอร้องให้ครูฝ่ายปกครองช่วยให้เธอได้เรียนให้จบน่ะ” ครูพัฒน์พูด ไอ้คนที่ดิวจะไปต่อยมันชื่อไอ้โซ่ครับ มันจำใจนั่งลงทันทีแต่ก็หันมามองหน้าไอ้ดิว มันยังแค้นอยู่ (ไอ้นี่มันเอาเรื่องเหมือนกันน่ะ ผมคิดในใจ)

          “ผมขอโทษครับครูพัฒน์ ผมแค่ไม่อยากให้มันปากเปราะกับคนที่มาทำหน้าที่ครูให้พวกมัน” ดิวลุกขึ้นพูดกับพี่พัฒน์

          “ช่างเถอะดิว นั่งลงซะ” ครูพัฒน์หันมาบอกดิว

          “ครูหนุ่ย เขาขอพักการสอน ครูหนุ่ยมีปัญหาสุขภาพน่ะแต่จริงๆ เราจะมีครูคนใหม่มาเป็นที่ปรึกษาเฉพาะสำหรับห้องนี้แค่ตอนนี้ ครูที่ปรึกษาตัวจริงเขายังไม่สะดวกมา ดังนั้นครูจึงทำหน้าที่แทนไปก่อนเข้าใจน่ะ” ครูพัฒน์พูดพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง

           “เอาละ ครูพยายามเข้ามาพบทุกเช้านะและครูขอความร่วมมือ เข้าแถวหน้าเสาธงหน่อยเพราะว่าผู้ใหญ่เขาติงมา ห้องนี้ไม่เคยเข้าแถวเลย ครูขอนะ หัวหน้าห้องเชิญครับ” ครูพัฒน์พูดและหันมายิ้มให้พวกผม เหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่าจะคุยกับพวกผมทีหลัง

           “นักเรียนทำความเคารพ”

          “สวัสดีครับคุณครู” แค่พวกผมและไอ้เด็กใหม่สองคนแค่นั้นที่พูด ทันทีที่ครูพัฒน์เดินออกไป

          “ครื้ดดด” เสียงเก้าอี้และมีคนกำลังจะพุ้งตรงเพื่อมาหาไอ้ดิว ไอ้คนเดิมที่ไอ้ดิวมันด่าไปครับ ไอ้ดิวก็ไม่ได้กลัวเลยมันยืนรออยู่เลยว่าให้เข้ามาแต่ว่าเพื่อนมันคว้าคอเสื้อไอคนนั้นเอาไว้ได้ทัน ส่วนพวกผมนี่นั่งรอชมเลยครับ ไอ้ดิวน่ะมันนักมวยเลยแหละและมันก็ล้มมาหนักต่อหนักแล้ว

          “ติดโซ่เหรอเลยมาไม่ถึง” ไอ้ติ๊กมันถาม ผมหันไปมองไอ้ติ๊ก

         “ปล่อยกูไอ้มาร์ค!! กูบอกให้ปล่อยกู!!” ไอ้คนนั้นบอกเพื่อนมันที่ล๊อกคอมันเอาไว้ ไอ้นี่หมาบ้าของแท้เลยผมว่าน่ะ พว ผมก็แค่นั่งมอง รอให้มันหลุดมาแล้วมันจะได้เจอของจริง!!

       “ไอ้โซ่!! กูบอกให้หยุด!!! “ไอ้คนที่ภาคินมันขึ้นเสียงตะคอกห้ามเพื่อนมัน ไอ้ดิวน่ะมันยืนเอากำปั้นมันกระทบกับฝ่ามือรอแล้วกะว่ามาถึงซัดเลย ผมหันมามองไอ้เด็กใหม่สองคนมันหันมากอดกันกลมตกใจ ผมควรจะกุมขมับตัวเองดีไหม

          “ฝากไว้ก่อนนะมึง ดีนะ ตอนนี้พวกกูรีบ ถ้าพรุ่งนี้พวกมึงยังมาเจอกูแน่” นั้นไงมุกเดิมๆ และพวกมันก็พากันออกไป ไปไหน ไม่มีใครทราบได้ แต่พวกผมมองไอ้สองคนที่กอดกันตั้งแต่ไอ้ดิวลุกไปต่อยไอ้คนที่ชื่อโซ่แล้ว

         “กูว่ามึงชวนคนเข้าแก้งผิดแล้วไอ้แจ็ค ดูไม่น่าจะมีอะไรเลยอ่ะไอ้สองคนนี้” ไอ้ติ๊กพูด ผมพยักหน้าว่าเอาน่ะ เอาปริมาณก่อนแล้วกันตอนนี้

         “นี้นายชื่ออะไร” ผมถามชื่อของสองคนนั้น

         “เราเหรอ” มีชี้ตัวเองอีกด้วย

         “ใช่ครับ มึงสองคนแหละครับ ชื่ออะไร” ไอ้ติ๊กถาม

         “ถ้าจะขึ้นมึงแบบนี้ไม่ต้องครับก็ได้มั้งว่ะ” ไอ้คนที่เพื่อนมันเรียกว่าต้นข้าว มันทำท่าจะไขว้กับไอ้ติ๊กอีก ไอ้นี่ก็ตั้งท่าเหมือนกันไอ้แอ้มันรีบดึงเอาไว้ซะก่อน

          “ติ๊ก!!” ไอ้แอ้มันเรียกติ๊ก

          “ไอ้ต้นข้าวอย่าซ่า เดี๋ยวหมอบ” ไอ้บลูพูดกับเพื่อนมัน ผมหันมามองหน้ากันใครวะจะหมอบ

          “ใครวะที่หมอบ” พายถาม

          “ไอ้นี่แหละ โดนตีนคนอื่นหมอบตลอดยังไม่เข็ด” ไอ้คนชื่อบลูพูดและอีกคนรีบหันไปตบหัวไอ้คนที่ชื่อบลูเบาๆ

         “กูชื่อแจ็คและนี้บอย ยินดีที่รู้จักว่ะ “ผมเลยแนะนำตัวเองก่อน

         “กูดิวว่ะ และนี้แอ้ ยินดีว่ะ” ไอ้ดิวมันแนะนำตัวมันและแอ้ที่หันไปยิ้มให้

         “กูชื่อติ๊ก”

         “หน้าเหมือนดาราเลยอ่ะ แต่คงไม่ใช่” ไอ้คนที่หน้าตาขิกขุหน่อยพูด ติ๊กถึงกับออกอาการทันที ของจะขึ้น “เอ๊ย!!” ไอ้บลูมันทำท่าจะกระโดดหนี

         “ติ๊ก เย็นมึง” ไอ้แอ้รีบห้าม



       “กูนี้แหละ ดารา ทำไมหน้ากูไม่ตรงปกหรือไง” ไอ้ติ๊ก

        “ตรงแต่ไม่คิดว่าจะมา”

         “ไม่คิดว่าจะมาเรียนที่นี้ กูก็ไม่อยากมาวะ แต่พ่อบังคับพวกกูมา “ไอ้ติ๊กพูด

          “แล้ว?” ไอ้ต้นข้าวหันไปทางน้องพายของพวกผม

          “แล้วคนนั้นละ น่ารักโน๊ะ” คนที่หน้าตาคิกขุดูท่าจะสปีชี่เดียวกับคนที่มันชมเลยน่ะ ผมหันมามองหน้ากัน สงสัยจะได้แบบน้องพายอีกคนแน่ๆ กลายเป็นพายสอง ที่มีอยู่นี้แค่เดียวก็ปวดตับตลับเมตรแล้วนะผมว่า

       “เราชื่อพาย” พายแนะนำตัวแอบเขินด้วยน่ะเขาชมว่าน่ารัก

       “ไม้พายเหรอ” จะไปกันไม่ได้ก็ตรงนี้แหละผมว่า พวกผมสะบัดหน้าไปมอง เดี๋ยวก็เจอตีนน้องไม้พายเข้าให้หรอก

         “เคยกินพวก เออ แอปเปิลพาย อะไรพวกนี้ไหม แม้หน้าเอาเท้าไปวางที่หน้านะมึงน่ะ” พายพูดทำท่าจะลุกพวกผมรีบคว้าแขนพายแทบไม่ทัน

        “เขาขอโทษ” ไอ้คนหน้าหวานสุดพูดขอโทษพาย

         “ตกลงมึงสองคนชื่ออะไรกันครับ “ผมถามมัน

         “กูชื่อต้นข้าวและไอ้นี่ชื่อบลู” ไอ้คนที่ทำหน้านิ่งตลอดมันแนะนำตัวกับพวกผม

          “ยินดีที่ได้รวมแก้งเดียวกัน” ผมหันไปยื่นมือเพื่อจะทำการดีลกันเลย มันสองคนมองผมแบบงงมากขึ้น ผมก็พยักพเยิดให้จับมือดิวะ มันก็ยืนมือมาจับมือ "ดีล"ผมพูดแปลว่าเราตกลงอยู่แก้งเดียวกันเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่ามันสองคนจะทำหน้างงไปสักหน่อย

           “อะไรวะ มาถึงได้เข้าแก้งเลยกู” ไอ้คนที่ชื่อต้นข้าวหันไปพูดกับไอ้บลู

           “พวกกูนี้รับคนเข้าแก้งยากมากนะมึง ยากจริงๆ!! เชื่อกูดิ!” ไอ้ดิวพูดพร้อมกับหันมาชำเลืองมองผมหน้าผมเป็นระยะๆ นี่มันกำลังประชดผมอยู่ ผมก็ไม่รอช้ารีบส่งนิ้วกลางให้ไอ้ดิวไป ขอบใจที่มันประชดผม

          “แล้วผมละครับ” ไอ้แว่นหันมาถามพวกผม

         “ไม่ละตอนนี้เต็ม ปิดรับ” ผมหันไปบอก

         “อะไรอ่ะ “ไอ้แว่นพูด

          “มึงนั่งเป็นหัวหน้าห้องนี้แหละดีแล้ว อย่าเอาหน้าหล่อๆ ของมึงเสี่ยงตรีนกับพวกกูเลยวะ ไอ้แว่น” ไอ้ดิวพูด

          “มึงรักษาตำแหน่งที่มึงแต่งตั้งมาดีกว่าว่ะ เชื่อกู” ไอ้ติ๊กมันพูด

         “เออ ไอ้แว่นแล้วใครจะมาสอนชั่วโมงนี้วะ “ผมถาม

         “ปกติเป็นวิชาสังคมศึกษา แต่ตอนนี้คงต้องใช้ โซเชียลศึกษาไปก่อน” ไอ้แว่นพูด

         “ไอ้แว่นเอาดีดี บาทาพวกกูไม่หวานเหมือนหน้าว่ะ “ไอ้ดิวพูดและขยับโชว์

         “ที่บอกว่าโซเชียวคือ เล่นมือถือเพราะครูคงไม่มา เห็นบอกว่าเมื่อวาน คู่อริพวกนี้มันไล่ยิ่งกันขณะที่ครูเขาขับผ่านเฉียดแขนเสื้อครูไปนิดเดียวไม่งั้น โดนจัง ครูแกเลยยังตกใจไม่หาย” พวกผมพยักหน้า ถามว่าตกใจตกใจแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้

        “เป็นกูก็ไม่อยู่แล้วสาด!!” ไอ้ติ๊กพูดมันเป็นคนดราม่าทุกอย่างอยู่แล้วแต่ว่าถ้าเป็นพวกผมก็คงไม่อยู่เหมือนกัน ลาออก

         พวกผมก็ทำตามที่ไอ้แว่นมันพูดและหยิบมือถือขึ้นมาเล่นมือถือรุ่นใหม่ขนาดนี้ ส่วนบอยน่ะหยิบเอาโน็ตบุคขึ้นมาศึกษานั้นนี้ พวกผมยังดีได้สิทธิ์พิเศษตรงนี้เพราะว่าต้องเรียนออนไลน์ 

            ผมหันไปมองคนอื่นพวกนั้นก็หาอะไรทำกันบ้างก็เม้าส์กัน ผมก็หันไปเอนหลังพิงสุดที่รักของผม ผมเห็นไอ้ต้นข้าวไอ้บลูติ๊กพาย ดิวและแอ้ดูท่าจะคุยกันถูกคอ ตอนแรกทำเป็นเก๊กใหญ่ พอคุยกันไปคุยกันถูกคอซะงั้น พวกผมนั่งๆ นอนๆ จนเบื่อเลย ผมหันมามองไอ้ติ๊กอีกทีประมาณว่า โรงเรียนมึงสบายไปไหม ไม่มีครูสอนหลายวิชาเลย ไอ้ติ๊กมันหยักไหล่ ไม่รู้ ผมนึกในใจ มึงไม่ช่วยพ่อมึงทำมาหากินบ้างเหรอ แต่ก็อย่างว่า พวกผมยังไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยเลย จะไปทำอะไรได้ ก็คงทำได้แค่มานั่งเรียนเป็นเพื่อนไอ้แว่นละมั้ง

TBC....





หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.15 ความลับต้นข้าว
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 11-01-2024 21:13:35
   
EP.15 ความลับต้นข้าว


       Part’ s แจ็ค พวกผมนั่งๆ นอนๆ และลงไปหาน้ำผลไม้ปั่นกินบ้าง หาขนมจุกจิกกินบ้านจนเบื่อเลย ไม่มีอะไรทำจนได้เวลาเที่ยงเป็นเวลาที่จะลงไปทานอาหารกลางวันกัน จะว่าไปก็สบายดีน่ะ นี้เขาไม่เน้นเรียนกันเหรอแปลกมาก เขาเรียกว่ามาเรียนยังไงให้เหมือนได้มาพักผ่อน
      “บอย” ผมเรียกบอย พอว่างบอยก็เอาโน๊ตบุคเครื่องจิ๋ว
     “ว่าไงแจ็ค” บอยหันมาถามผม
     “หมับ” ผมกุมมือบอยเอาไว้
      “อย่าทิ้งกันไปอีกน่ะ “ผมพูด บอยมองหน้าผม ก่อนจะยิ้มอ่อนๆ ให้ผม บอยพยักหน้าว่าไม่ทิ้งผมไปไหนแล้ว
      “แจ็คถามอะไรหน่อยซิ “ผมถามบอย บอยก็หันมามองหน้าผม
      “ถ้าในอนาคต บอยอยากมีลูกเหมือนที่พ่อเราทำไหม “ผมถามบอย บอยเหมือนตกใจและอึ้งกับคำถามของผม มันดูจะเร็วไปมั้ง ผมคิดว่า
      “แล้วแจ็คคิดว่ายังไงละ” บอยถามผมพร้อมกับปิดโน้ตบุค
      “แจ็คเหรอ?” ผมนิ่งมาก
      “แจ็คไม่ชอบเด็กอ่ะ แจ็คว่า แจ็คจะไม่มีน่ะ แต่เราก็อยู่กันได้ ดูดิ ดูจากพวกเราดิตั้งแต่เกิดมาเลย มีปัญหามาตลอดเลยอ่ะ แจ็คเบื่ออ่ะ” ผมพูด บอยมองหน้าผม
      “เราอยู่กันสองคนได้น่ะ เราแค่อยู่ด้วย ไปเที่ยวที่เราอยากไป แจ็คว่าแค่นี้ก็พอแล้วบอย ว่าไหม” ผมพูด บอยยังมองหน้าผมอยู่
      “แจ็ค บอย ไปหาอะไรทานกันดีกว่าว่ะเพราะอีกสิบห้านาทีก็พักเที่ยงแล้ว ลงไปก่อนก็แล้วกัน ถึงโรงเรียนนี้คนไม่เยอะแต่ก็วุ่นวายตอนพักเที่ยงแน่นอน” ดิวพูดกับผมและบอย
      “ตกลงนี้เรามาเพื่ออะไรวะ ไม่เห็นครูเข้าสอนเลย” ติ๊กพูด
      “จะว่าไปก็สบายดีน่ะ ตอนแรกนึงว่าต้องนั่งฟังครู จดงานเป็นเล่มๆ ทำงานตามที่ครูสั่งเหมือนที่เคยทำ แถมต้องเรียนวันจะเจ็ดวิชาแต่ที่ไหนได้ สบาย สบาย... “น้องพายพูดร้องเพลงพี่เบิร์ดด้วย
     “ข้าว บลูไปหาอะไรกินกัน” แอ้มันหันไปเรียกเพื่อนใหม่ต้นข้าวกับบลู แอ้มันสนิทกับสองคนนี้เร็วจริงๆ ผมน่ะหันมาช่วยบอยเก็บของเพื่อจะได้ลงไปหาอะไรทาน ดูบอยเงียบไปตั้งแต่ที่ผมบอกว่าไม่อยากมีลูกอ่ะ แต่ผมว่าบอยคงเข้าใจผมแหละ ผมไม่รักเด็กเอาซะเลย ออกจะรำคาญด้วยซ้ำ
      พวกผมกำลังจะเดินออกจากห้องก็ต้องตกใจครับ ออกมาถึงเจอเลยมารอที่หน้าประตู มันมองหน้าผมและทุกคนที่เดินออกมาด้วยกัน นี่พวกมันมารอดักทำร้ายพวกผมกันเหรอ มันอุกอาจเกินไปไหม ผมยืนมองหน้าพวกมันว่าจะเอายังไง
      “โทรเรียกตำรวจก่อนเลยไหมวะ” ไอ้ติ๊กมันกระซิบ ผมนะดันบอยไว้ด้านหลังกัน ไอ้ดิวเข้ามายืนข้างๆ ผม เหมือนกันคนอื่นๆ ผมว่าไอ้ดิวมันกันแอ้ บลูและต้นข้าวไว้ด้านหลังมันก่อน
        “เฮ้ยไม่ต้องโทรหรอก พี่ไม่ทำมาทำอะไรพวกเรา นี้ในโรงเรียนนะน้อง “พี่เขาพูด พวกผมมองหน้ากันก็ตอนที่ไปที่ห้องน้ำมันแทบจะกระทืบพวกผมเลยจะดีกว่า
       “แต่นอกโรงเรียนไม่แน่น่ะ ดังนั้น อยู่แต่ในโรงเรียนเลยมึง” เพื่อนพี่เขาพูด พี่คนที่เดินเข้ามาหันไปมองเพื่อนปากเปาะของเขาก่อนจะหันมามองพวกผมและเดินเข้ามาหาพวกผมเรื่อยๆ ผมก็พากันถอยหลังกัน ผมดันบอย บอยก็หันไปพยักหน้ากับติ๊กและพายให้ถอยหลัง
       ““ต้นข้าว พี่ขอคุยด้วยหน่อยซิ” ไอ้พี่หน้าโหดนี้มันเรียกหาไอ้ต้นข้าว ผมหันไปมองหน้าไอ้ต้นข้าว มันมาถึงก็ได้เรื่องเลยเหรอ แต่ไอ้ต้นข้าวมันไม่แสดงอาการกลัวเลยสักนิด แถมพยักหน้ากับพวกผมและเดินออกไป
       “ไปไหนข้าว” ผมถามไอ้ต้นข้าว
       “กูรู้จัก พี่เขาชื่อพี่แฮกซ์” ต้นข้าวพูดและเดินออกไป ไปหาที่หลบมุมคุยกัน เพื่อนๆ พี่เขาก็ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงและมองพวกผมอยู่ ส่วนพวกผมก็ชะเง้อคอมองเพื่อนครับ ถึงพึ่งจะเป็นก็ตามแต่ลากมันเข้ากลุ่มมาแล้ว
       “อยากรู้ละซิเขาคุยอะไรกัน” มีคนที่หน้าตาค่อนข้างเอาเรื่องพูดขึ้นและมองพวกผม
        “ใคร!... ไม่มี!!!” ผมพูดแต่ว่าเสียงสูงรู้ตัว
         “พวกกูน่ะเป็นพวกมีมารยาทครับมึงครับ” ติ๊กพูด
         “มึงยืนเอียงไปขนาดนี้ มารยาทดี้ดีเนอะ “ไอ้คนที่ว่าผมพูดผมก็มองตัวเอง เออจริงของมันว่ะ และทุกคนเลย
           “ก็แค่เป็นห่วงเพื่อน “ผมพูดเบาๆ
          พวกผมยืนมองจนต้นข้าวคุยเสร็จและเดินกลับมาหาพวกผม ไอ้คนที่คุยมันก็พยักหน้าเรียกพวกมันและไปลงอีกทางของตึก ไอ้ต้นข้าวก็เดินมามันทำสีหน้าไม่ค่อยดีเลย พวกผมถึงจะเพิ่งรู้จักก็เริ่มเป็นห่วง
           “มีอะไรวะต้นข้าว” ไอ้ดิวมันถามต้นข้าว ต้นข้าวมันมองไอ้บลู พวกผมก็มองมันสองคน
            “ถึงพวกกูจะพึ่งรู้จักมึงสองคน แต่ตอนนี้มึงสองคนคือเพื่อนพวกกูแล้ววะ เพื่อว่าพวกกูช่วยได้” ไอ้ดิวพูดและดูเหมือนแอ้และดิวมันสนิทกับต้นข้าวและบลูเร็วนะ
           “บอกไปเถอะต้นข้าวเพราะมึงก็บอกใครไม่ได้อยู่แล้วแม้กระทั่งพ่อแม่มึงเองและไหน ๆ ก็เข้ากลุ่มกับพวกเขาไปแล้ว” ไอ้บลูพูด ผมหันมามองไอ้ต้นข้าง เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องเล็ก
             “ที่กูย้ายมาเรียนที่นี้เพราะพี่ชายกูว่ะ พี่กูชื่อข้าวปั้น พี่เขาเป็นเพื่อนกับพี่แฮกซ์ ส่วนพี่แฮกซ์นี้ก็ควรจะจบแล้วแต่ดันมีเรื่องพร้อมกับพี่กูนั้นแหละ เลยต้องมาเรียนอีกปี “ไอ้ต้นข้าวพูด ผมพยักหน้าตามกันทันทีและรอลุ้นต่อว่ายังไงต่อไป
            “แล้วตอนนี้พี่มึงไปไหนอ่ะ” ผมถามต้นข้าว
            “พี่กูอยู่สถานพินิจว่ะ ข้อหามีอาวุธปืนในครอบครองและมียาเสพติดหลายเม็ดเลย “ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็พยักหน้า โปรไฟล์มันไม่ธรรมดาเหมือนกัน แต่พี่น้องอาจจะแตกต่างกันใครจะรู้
             “พี่กูนะเป็นหัวหน้าแก้งพวกนี้แหละไอ้ที่อยู่ในห้องด้วยก็ลูกน้องพวกพี่กูทั้งหมดแหละ” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็พยักหน้าแต่
           “เดี๋ยว!! เมื่อกี้มึงพูดว่าพี่มึงเป็นอะไรกับไอ้คนที่มาคุยกับมึงนะ” ผมถามไอ้ต้นข้าวอีกครั้ง มันเริ่มเอะใจ
          “พี่กูคืออดีตหัวหน้าพวกมันไง” ต้นข้าวพูดว่าอดีตหัวหน้าเลยเหรอ
           “เฮ้ย!!! เวรแล้วกู!!” ผมอุทานออกมาคนแรกเพราะว่าผมเองครับที่ดึงมันเข้ามา
            “ฉิบหายแล้ว!!! กูว่าแล้วมึงดึงมาผิดคนไอ้แจ็ค!!” ไอ้ติ๊กพูด
            “นี้มึงชักศึกเข้าบ้านแท้ๆ พี่มึงเป็นหัวหน้าพวกมันแล้วทำไมมึงไม่ไปนั่งกับพวกมันแทนล่ะ” ไอ้ดิวอีกคน
             “ก็พวกมึงเรียกกูไปนั่งกับพวกมึงอ่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูด
            “ที่หลังมึงก็ระบุเลยว่ามากับพวกมัน   กูจะได้ไม่กล้าเรียกมึง!!!” ผมพูด
           “นี้มึงไปคุยความลับอะไรกับพี่เขาวะ หรือว่ามึงจะให้เขาฆ่าตัดตอนพวกกูว่ะ กูไม่น่าเลย อีพายเอ๊ยย กูจะตายแบบนี้ไม่ได้ มันเสียชาติเกิดกู มึงรู้ไหม?” น้องพายอีกคน
           “เฮ้ยเดี๋ยวดิ!! ฟังให้จบก่อนพวกมึงจะกลัวกูกันทำไมวะ” ไอ้ต้นข้าวถามพวกผม น่าแปลกมีแค่บอยกับแอ้สองคนที่ไม่ตกใจอะไรบ้างเลย
            “ก็มึงพึ่งจะบอกกูอยู่ว่า พี่มึงนะเป็นหัวหน้าพวกที่มันจะเล่นพวกกูอยู่ มึงให้กูยืนใจเย็นเหรอ “ผมพูด บอยก็แตะที่แขนผมให้สงบลงหน่อย
            “พี่กูนะถูกพวกมันนี้แหละหักหลังแต่กูไม่รู้ว่าใคร กูเลยขอพ่อแม่กูมาเรียนและไอ้พี่ที่มาขอคุยน่ะ เขาเข้ามาขอโทษเรื่องพี่กูและขอให้กูกลับไปเรียนที่เดิม พร้อมกับให้พวกกูอย่าคบพวกมึง มึงจะพาพวกกูเดือดร้อนหนัก” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็มองหน้ากัน
        “แต่พี่กูนะไม่ใช่พวกโหดสาดแบบในหนังนะ เช่นพวกยากูซ่าอะไรพวกนี้” ไอ้ต้นข้าวพูด
         “พ่อแม่และกูยังไม่เคยรู้เลยว่าพี่กูเป็นหัวหน้าแก้ง เป็นมาหลายปีแล้วด้วยแต่มารู้ตอนที่พี่กูถูกตำรวจจับนั่นแหละ กูนี้เจ็บใจเลยมาหาคำตอบ พวกมึงช่วยกูได้ไหมวะ” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็เกาหัวทันที
           “ต้นข้าว พวกกกูก็มึดแปดด้านเลยวะ กับภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่จะทำให้พวกไอ้เวรในห้องนี้กลับมาตั้งใจเรียน ดูซินี่มันเพ่นกันตั้งแต่คาบแรกเลย แล้วพวกกูจะไปช่วยมึงได้ยังไงวะ พวกกูยังช่วยตัวเองกันไม่ได้เลย “ไอ้ดิวพูด ก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมก็พยักหน้าว่าเห็นด้วยเลย แต่บอยแตะแขนผมเพื่อให้ผมฟังต้นข้าวมันก่อน
          “กู อยากให้พี่กูออกมา กูคิดถึงพี่กูอ่ะ เหลือกันแค่สองคนพี่น้องแล้ว” ไอ้ต้นข้าวพูดและทำท่าจะร้องไห้
           “เออๆ” การเป็นผมเอง ไอ้ข้าวมันเงยหน้ายิ้มตาหยี่ให้พวกผมทันที ผมหันไปพยักหน้ากับทุกคน ก็ดึงมันเข้ามาแล้ว
           “เอาวะ ไหน ไหนก็ลงเรือรำเดียวกันแล้ว พวกกูจะช่วยวะ แต่ได้แค่ไหน กูตอบไม่ได้แต่จะช่วยแล้วกัน “ผมบอกไอ้ต้นข้าว พอมันได้ยินก็ยิ้มหลังจากที่ทำหน้าเศร้า
          “พี่ พี่” จู่ก็มีเด็กรุ่นน้องเดินมาเรียกพวกผม
            “ครูพัฒน์บอกว่าตอนเที่ยงให้พี่ๆ ลงไปหาที่ห้องพักครูด้วยครับ” มีเด็กตัวเล็ก กว่าพวกผมเยอะเลยวิ่งมาทำตาหยี ผมหันไปมองน่าจะม.1 เอง ผมสังเกตจากชุดที่น้องเขาสวมใส่
            “เออ ใจว่ะ แต่ห้องครูพัฒน์อยู่ไหนเรา” ไอ้ดิวหันไปถาม
            “อยู่ชั้นนี้แหละครับ เดินลงไปชั้นล่างครับ จะมีป้ายบอกว่าห้องพักครูครับ” ไอ้เด็กคนนันพูด ผมพยักหน้าและเด็กคนนั้นก็วิ่งไป
          “เอาวะต้นข้าว ไหน ไหนก็ตกที่นั่งเดียวกัน พวกกูจะช่วยมึงว่ะ” ผมพูดกับไอ้ต้นข้าวและมองพวกผมก็พยักหน้า
            “ไปหาครูพัฒน์ก่อนดีกว่าวะ” ผมหันไปบอกทุกคน ระหว่างที่ผมเดินก็มีคนที่เดินส่วนไปมา แน่นอนต้องไม่ลืมที่นินทาพวกผมระหว่างเดินสวนกัน ผมคงต้องเริ่มทำใจได้แล้วใช่ไหมครับ ผมเดินมาถึงห้องพักครูก็เดินตรงเข้าไปด้านใน พวกผมเห็นครูพัฒน์นั่งอยู่มีสมุดหลายกองเลยที่วางไว้รอบโต๊ะของครูพัฒน์ ดูท่าพี่พัฒน์จะยุ่งมากเลย
             ระหว่างที่พวกผมเดินลงไปหาครูพัฒน์ตามที่เด็กคนนั้นบอกพวกผม ระหว่างทางที่พวกผมเดินสวนกันไปมา แน่นอนคนที่เดินผ่านพวกผมต้องไม่ลืมที่จะนินทาพวกผมให้พวกผมฟังไปตลอดทาง
              “ถ้าเขาจะนินทาพวกเราระยะเผาขนขนาดนี้ กูว่าเขาน่าจะชวนเราไปนั่งในวงล้อมกับเขาเลยดีไหมว่ะ “พายพูด
             ภาพภายโรงเรียนตอนนี้ที่พวกผมเห็น คือมันโล่งมาก ครูน้อยมากหรือว่าวันนี้ครูพากันหยุดซะก็ไม่รู้ พวกผมมาหยุดที่พักครู ก็ไม่มีครูอยู่เลย นี้ใกล้พักเที่ยงแล้ว หรือว่าครูสอนเกินเวลา มีด้วยเหรอ แปลกจริงๆ ผมมองกวาดไปรอบๆ จนไปหยุดที่โต๊ะทำงานที่ครูพัฒน์นั่งอยู่ มีสมุดหลายกองเลยที่วางไว้รอบโต๊ะของครูพัฒน์และมันก็เยอะกว่าทุกโต๊ะเพราะเท่าที่เห็นตอนนี้ดูท่าพี่พัฒน์จะยุ่งมากอยู่คนเดียว ส่วนโต๊ะอื่นๆ แทบจะไม่มีสมุดงานวางอยู่เลยหรือว่าไม่มีคนนั่งเลยมั้ง พวกผมหันมามองติ๊กพร้อมกับเลิกคิ้วสูงมันใช่เหรอ
          “กูว่าโรงเรียนอาภาคย์ พ่อมึง เข้าขั้นวิกฤติวะติ๊ก!” ผมกระซิบกับติ๊ก ติ๊กมันพยักหน้ากับพวกผม พี่พัฒน์เงยหน้าขึ้นมาเจอพวกผมพอดี
        "ไม่มีครูสอนแล้วเขาจะมาเรียนกันทำไมวะติ๊ก ครูไม่พอ กูว่ามันต้องมีอะไรที่มากกว่าปัญหานักเรียนตีกันวะ"ดิวพูด ผมหันไปชี้น้ิวใช่เลยเห็นด้วย
        "เข้าไปหาครูพัฒน์กันเถอะ" แอ้พูด
       "กูคิดเอาไว้แล้วแหละว่ากูจะต้องบอกพี่พัฒน์ให้บอกพ่อกู" ติ๊กพูด
      "เออ มันมีสาระก็วันนี้แหละ"พายพูด
       “ที่ผ่านมาล่ะ” ติ๊กมันหันไปถามพาย
      “มึงไม่เคยมี จริงๆ น่ะ มีแต่เรื่อง เรียกง่ายๆ หาแต่งานให้พวกกูไปมีเรื่องกับเขา” พายพูด นั้นไงเจ้าแม่จะลงแล้ว
      “ไปเถอะไปหาพี่พัฒน์ คราวนี้พ่อจะรักมึงมากขึ้น ยกโรงเรียนนี้ให้มึงดูแล ฮาๆ” ผมเองที่พูด ไอ้ติ๊กมันชูนิ้วกลางให้ผมแปลว่ามันไม่เอา ทันทีที่พวกผมเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของพี่พัฒน์ ดูพี่พัฒน์จะยุ่งมากจริงๆ ก้มหน้าตาทำงานโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองว่าพวกผมมาแล้ว ผมยืนสักพักพี่เขาก็คงรู้ได้ว่ามีคนมายืนล้อมรอบพี่เขาอยู่
       “อ้าว!!พวกเธอมาแล้วเหรอ นั่งลงซิ พี่จะขอคุยด้วยแป็บหนึ่งนะ หิวข้าวกันหรือยัง” ครูพัฒน์ถามพวกผม ผมเหลือบมองนาฬิกา ยังไงก็ยังเร็วเพราะผมกะจะลงมาก่อนเวลากัน
       “ได้ครับพี่พัฒน์ “ไอ้ติ๊กพูด พวกผมก็หันไปคว้าหยิบเก้าอี้มานั่งล้อมรอบโต๊ะครูพัฒน์
      “เป็นยังไงกันบ้างล่ะ วันแรกของการมาเป็นนักเรียนที่นี้ บอกพี่มาซิ” พี่พัฒน์ถามพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน
       “ไม่น่า…” ไอ้ติ๊กเป็นคนตอบก่อนเพื่อน ผมหันมามองหน้าไอ้ติ๊กพร้อมกันไม่น่าอะไร อย่าบอกน่ะว่าไม่น่ายากน่ะ
      “ไม่น่าจะยากจนเกินความสามารถใช่ไหม” ครูพัฒน์รีบถามติ๊กและมองหน้าพวกผม
      “ที่ไม่น่าจะรอดไปถึงหนึ่งปีตามที่ลุงหนึ่งกำหนดเอาไว้แล้วมั้งพี่พัฒน์ พวกผมอาจจะเหลือแต่ชื่อไว้ให้ดูต่างหน้าถ้าพี่ไม่ทำเรื่องบอกพ่อผมว่าผมเจออะไรที่หฤโหดมากในโรงเรียนแห่งนี้” ไอ้ติ๊กบอกพี่พัฒน์
       "ผมว่าพวกเราควรจะเก็บข้าวของและไปจากที่นี้กันดีกว่าพี่พัฒน์ ร่วมถึงพี่ด้วย ปล่อยโรงเรียนนี้ไปเถอะพี่" ไอ้ติ๊กมันพูด พวกผมหันมามองหน้ามัน มันคิดทางออกแบบนี้นานไหม ไอ้ดิวนี้ส่ายหน้าทันที ครูพัฒน์วางปากกาลงพร้อมกับมองหน้าพวกผมทีล่ะคน
      “โรงเรียนนี้มีความหมายมากน่ะและเด็กๆ ที่นี้ ไม่ได้มีเงินเยอะพอจะไปเรียนโรงเรียนเอกชนที่อื่น แถมโรงเรียนแถวๆ นี้ก็นักเรียนแน่นมาก เขาไม่รับเพิ่มแล้วไง ดังนั้นท่านผู้อำนวยการถึงอยากจะรักษาโรงเรียนนี้เอาไว้และโรงเรียนนี้องค์กรของเราก่อตั้งขึ้นมาด้วยน่ะรู้ไหม” พี่พัฒน์พูด ผมหันมามองหน้า
        “รักษาชีวิตพวกผมก่อนดีกว่าไหมอ่ะพี่พัฒน์ อย่าพึ่งไปรักอนาคตคนอื่นเลยพี่พัฒน์” พายพูดอีกคน
        “ผมเข้าใจครับแต่ว่า ภารกิจนี้มันเกินกำลังพวกผมไปน่ะพี่ํพัฒน์ คือตั้งแต่พวกผมก้าวเท้าเข้าโรงเรียนมานะ มีคนว่า เรียกตุ๊ดบ้าง เกย์บ้าง โอ๊ยสารพัดอย่างเลยครับพี่พัฒน์ พวกผมก็อยากจะช่วยนะพี่แต่ว่า มันไม่น่าจะเวิร์ค” ผมพูด แต่ล่ะคนก็พยักหน้าว่าใช่
       “นี้ก็คือบททดสอบความอดทน ที่ผ่านมาพวกเราอยู่แต่ในสังคมที่ยกย่อง แต่พอมาเจอสังคมต่อต้านก็เป็นแบบนี้แหละ เราต้องเข้มแข็งกันนะเพราะว่าต่อไปพวกเราอาจจะเจออะไรที่หนักกว่านี้ก็ได้ ในอนาคต “พี่พัฒน์พูดบอกพวกผม
         “อ่ะ งั้นดูนี่น่ะ “พี่พัฒน์ส่งสมุดเล่มหนึ่งให้ผมดู เป็นสมุดการบ้านใครก็ไม่รู้และครูพัฒน์ก็เปิดไปหน้าหลังให้พวกผมดู เป็นภาพวาดถึงจะแบบลวกๆ ก็พอแยกแยะออกว่าอะไรเป็นอะไร มันวาดเป็นผู้ชายสองคนกำลังมีเพศสัมพันธ์กันทางประตูหลังและมันได้ลงชื่อคนที่อยู่ด้านล่างว่าครูพัฒน์
         “เฮ้ยย! พี่พัฒน์แบบนี้พี่ควรจะบอกพ่อนะ” ติ๊กรีบโวยวายขึ้นมาทันที
         “ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาหรอก พี่ยังต้องใช้ความอดทนเลยนะพวกเรา” พี่พัฒน์พูด พวกผมมองหน้าก็พยักหน้าเบาๆ
         “แล้วพวกเราล่ะ แค่นี้ท้อแล้วเหรอ ท้อทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มลงมือเลยน่ะ” พี่พัฒน์พูดและมองหน้าพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน
        “ในอนาคตพวกเราต้องไปดูแลองค์ที่ค่อนข้างใหญ่และคนเยอะกว่านี้ ปัญหาก็ต้องมากกว่านี้ด้วย ดังนั้นคือการเตรียมความพร้อมของพวกเราเช่นกัน” พี่พัฒน์พูดและมันก็มีเหตุผล
       “พี่อยากให้เราพยายามก่อน นี้คือการทำเพื่อพ่อของพวกเราด้วยน่ะ” พี่พัฒน์พูดและมองหน้าพวกผม
       “ครับพี่พัฒน์ พวกผมจะพยายามก่อน” ผมพูดและมองหน้าทุกคน ผมพยักหน้าว่าลองก่อนดิว่ะ พวกมันก็พยักหน้าเหมือนจะขอไปที ผมยอมรับว่ามันดูมึดหม่นหาทางออกไม่ได้ แต่ก็ยังมีไอ้ดิวอีกคน ที่พยักหน้าเพราะมันคงเห็นเหมือนที่ผมเห็น โรงเรียนอาภาคย์ต้องการความช่วยเหลือ แอ้มันนิ่งก็จริงแต่ว่ามันเอาด้วยอยู่แล้ว บอยก็แตะมือผมอีกคน และอีกคนนี้ที่ไม่รู้เรื่องก็พยักหน้าเอาด้วยอีก ผมเองก็คิดว่าผมนี่ดึงมันสองคนมาลำบากกับพวกผมหรือเปล่าก็ไม่รู้
      “ดีมาก ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้อย่างราบรื่นน่ะและพี่จะเป็นที่ปรึกษาให้จนกว่าจะจบภารกิจแน่นอน พวกพี่ๆ เขาไม่ปล่อยให้เราทำกันตามลำพังหรอกเชื่อพี่ซิ” พี่พัฒน์พูด พวกผมยกมือรับพรเลยสาธุพรจากพี่พัฒน์ทันที
          “เอาล่ะถ้าอย่างนั้นก็พากันไปทานข้าวเถอะ” พี่พัฒน์บอกพวกผม ผมพยักหน้าและพากันลุกขึ้น
          “เออ ตอนแรกพี่ว่าจะไปทำอาหารให้พวกเราทานวันหยุดนี้แต่พี่ตุ๊เขาจะให้พี่เข้าไปช่วยเรื่องเอกสารเพราะพี่ตุ๊จะเคลียร์งานและ…” พี่พัฒน์พูด ทำเอาไอ้ติ๊กตาโต ไอ้ติ๊กมันเกรงกลัวพี่ตุ๊มากกว่าพ่อมันซะอีก ถามว่าพวกผมด้วยไหม ด้วยกันทั้งนั้นละครับ
           “พี่พัฒน์อย่าบอกนะว่าพี่ตุ๊จะมาที่นี้!!” ติ๊กมันสะบัดหน้ามาถามพี่พัฒน์ แต่ถ้าเป็นจริงจะดีมากเพราะพี่ตุ๊คนเดียวที่หยุดมันได้
           “พี่ไม่ได้บอกนิติ๊ก พี่ตุ๊เขามีงานเพิ่มและตอนนี้ก็งานล้นมือเลยนะติ๊กเพราะว่าโรงแรมก็กำลังขยายตัวหลายที่เลย งานเต็มมือขนาดนั้น “พี่พัฒน์พูด ที่จริงถ้าพี่ตุ๊มานี้ไอ้ติ๊กมันคงสงบเสงี่ยมขึ้นเยอะเพราะมันนี้แหละที่เป็นตัวรับงานให้พวกผมตลอด
           “เอาละไปทานข้าวกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันเข้าเรียนคาบบ่ายน่ะ “ครูพัฒน์พูดพวกผม ยกมือไหว้ลา อันนี้มารยาทที่ถูกสอนมาไม่ว่าจะไปอยู่ที่เมืองไหนประเทศไหน การเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ขนาดพ่อๆ ของพวกผมก็เรียนเมืองนอกกันทุกคนแต่สิ่งนี้ลุงหนึ่งเขาซีเรียสมากด้วย ห้ามข้ามรุ่นกัน ไม่อย่างนั้น พ่อผมกับลุงณะ คงสมหวังกันไปนานแล้วก็เพราะพ่อผมอ่อนกว่าลุงณะหลายปีด้วยไง
         พวกผมก็พาเดินออกไปไปจากห้องเพื่อตรงไปยังห้องอาหารพร้อมกันด้วยท่าทางไม่กระชุ่มกระชวยเอาซะเลย เบื่อๆ เลยตกลงนี้ไม่ได้ส่งผมมาเป็นแค่นักเรียนแต่ส่งมาเพื่อแก้ปัญหา ปัญหาที่ควรจะเป็นผู้ปกครองครับไม่ใช่พวกผมแล้วนี่ผมจะแก้มันกันยังไง ยังคิดกันไม่ตกเลย ผมพากันเดินอย่างกับซอมบี้เพื่อไปหาอะไรทานก่อนจะขึ้นไปสู้รบตบมือกับเพื่อนร่วมห้อง
           “ป๊อด เอาอาหารมาเสิร์ฟเลย” ไอ้ดิวมันหันไปบอกป๊อด สงสัยมันจะหิว จะว่าไปหิวเพราะว่าเหนื่อยเหรอ เรียนก็ไม่ได้เรียน ป๊อดมันได้ยินก็วิ่งมาหาพวกผมทันทีและยืนมองหน้าพวกผมยิ้มๆ ด้วย แต่ว่าพวกผมเจอมาหลายเรื่องแล้วยิ้มไม่ออกแต่ก็ฝื่นยิ้มให้คนตรงหน้าสักหน่อย
          “เอออ ป๊อด พี่มีเพื่อนมาสองคนน่ะ แต่ดูจากอาหารพี่ว่าเหลือเฟือว่ะป๊อด” ผมบอกไอ้ป๊อด ผมเหลือบตาไปมองจุดที่ตั้งอาหารเอาไว้ เยอะจริงๆ และนี่ผมก็ชวนต้นข้าวและบลูมานั่งทานกันด้วย เขาจัดให้พวกผมเหมือนจัดอาหารในโรงแรมเลยมันดูหรูดูแพง พอผมหันหลังไปมองพวกนักเรียนคนอื่นๆ กลับเห็นว่าเขาเหล่านั้นมองผมพร้อมกับเบ้ปากใส่กันทุกคน
           “พวกเราตักอาหารและออกไปนั่งทานข้างนอกไหมวะ” ไอ้ดิวถามพวกผม
          “เพราะว่าแบบนี้มันดูแตกต่างว่ะ ดังนั้นเราจึงไม่ควรทำตัวให้เราดูแปลกแยกจนเกินไปว่ะ “ไอ้ดิวพูด ผมก็คิดว่าเห็นด้วย
             “บอยเห็นด้วยน่ะ ถ้าเราอยากให้ทุกคนเห็นเหมือนเรา เราก็ต้องเข้าหาพวกเขาและทำตัวให้เหมือนพวกเขาให้มากที่สุด” บอยพูด แอ้ ดิวและผมก็พยักหน้าเห็นด้วยแต่เหลือสองคนที่ยังทำท่าคิดหนัก
            “จะดีเหรอวะ “พายพูด ผมรู้ว่าแค่เมื่อเช้าก็รู้สึกไม่อยากอยู่ต่อแล้วแต่ไหน ไหนก็ได้รับภารกิจนี้มาแล้วและนี่อาจจะพิสูจน์สักยภาพของพวกผมอย่างที่พ่อบอกก็ได้
            “เอาวะ พวกเราตักอาหารใส่จานและออกไปนั่งด้านนอก พวกนั้นคงไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอก “ผมพูด ผมพยักหน้าให้บอยและเดินไปตักอาหารใส่จานปกติและพากันเดินออกไปนั่งนอกห้องที่ไอ้ป๊อดมันกั้นไว้ ใช่ครับทุกคนหันมามองกันหมดจนพวกผมนั่งได้โต๊ะนั่งกัน
“ออกมานั่งข้างนอกกันทำไมวะ ไอ้ลูกคุณหนู” ผมได้ยินมันพูดกัน
           “อยู่ในคอกก็ดีอยู่แล้ว พวกกูกลัวว่ะ กลัวจะเอาโรคตุ๊ดโรคเกย์มาติดพวกกูว่ะ ฮาๆ” เสียงพวกนี้ทำให้พวกผมหันมามองหน้ากัน
            “กูจะบอกว่าโรคตุ๊ด โรคเกย์ น่ะไม่น่ากลัวน่ะ แต่โรคสมองกลวงนี่น่ากลัวกว่าว่ะ หาอะไรบำรุงสมองบ้างน่ะ เดี๋ยวสมองมันฝ่อก่อนวัยอันควร” ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครด่าสวนไปทันที ผมหันไปมองหน้ามัน
            “ไอ้ติ๊ก!!!”
            “กูพูดจริงอ่ะ” ติ๊กพูด พวกนั้นมันหันมามองพวกผมสองคนด้วยความโกรธ
            “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายพวกกูรู้แต่ความจริงที่มึงพูดออกไปมันอาจจะทำให้พวกมันลุกมากระทืบมึงและพวกกูตายได้ มันเยอะไอ้ติ๊ก “ดิวพูด ผมนี่ส่ายหัวให้ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครทันที รับงานอีกแล้ว
             “อยากออกมานั่งเพื่อจะแสดงให้พวกกูดู ว่าพวกมึงรักกันแบบไหนใช่ไหม แสดงเลยกูก็อยากูดว่ะ “พวกนี้พูดไปหัวเราะไปแต่ว่าพวกผมซิ ไม่ได้ขำด้วย ผมเห็นสีหน้าบอยดูกังวลขึ้นมาทันที จังหวะนั้นผมหันไปเห็น มีนักเรียนทำท่าทางไม่สุภาพให้บอยดูนี่เอง เหมือนใช่ลิ้นเลียแท่งไอติมให้บอยดู ผมเข้าใจความหมายมันไง ผมเลย
             “อย่าแจ็ค! “บอยกับเป็นคนห้ามผมและบอยก็ดึงมือผมให้ไปหาที่นั่งๆ ผมหันไปหน้าไอ้คนนั้น มันหัวเราะกับเพื่อนๆ ของมันอย่างสนุกสนาน ผมอยากจะเข้าไปตะบันหน้ามันจริงๆ ถ้าไม่ติดบอยนี้ทำไปแล้ว
               “จะได้สักกี่น้ำวะ ไอ้พวกคุณหนูพ่อรวย กูว่าพวกมึงกลับไปอยู่ในบ้านมึงโน้นไป!!” ผมได้ยินแต่ไม่อยากต่อปากมากไปกว่านี้พวกผมก็นั่งกันไป แม้จะมีเสียงเป่าปากแซวพวกผมก็ตาม แต่พวกผมก็ต้องท่อง ขันติ ขันติ ไม่ขันแตก อดทนอดกลั้น อดจนแทบจะทนไม่ได้
              พอทานเสร็จก็รีบเดินออกทันทีก่อนจะทนกันไม่ไหวและไปหาที่เงียบๆ นั่งแทน พวกผมไปหาที่เงียบสงบนั่งพัก ที่พักอยู่ตรงริมน้ำเป็นศาลา ไอ้ดิวมันก็หาที่เอนนอนทันที ผมเดาว่ามันคงอ่านหนังสือจนดึก ติ๊กมันก็นั่งดูซีรีส์ พายก็นั่งถ่ายคลิปวิดีโอเอาไปลงติ๊กต๊อก ส่วนไอ้บลู ไอ้ต้นข้าว ดูมันสนิทกับไอ้แอ้เร็วจริงๆ มันนั่งคุยกันจนดูเหมือนเป็นเพื่อนกันมาก่อน น่าแปลกที่ปกติจะอ่านการ์ตูนแต่นี่เปลียนเป็นคุยกันกับไอ้สองคนเพื่อนใหม่แทน ส่วนผมก็นอนหนุนตักบอยแทน ตอนนี้ขอพักสมองแป๊ป คิดแผนการอะไรไม่ออกเลยจริงๆผมน่ะ คิดไม่ตกว่าจะผ่านมันไปกันได้ยังไง

         TBC...

หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.16. แค่วันแรก 1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 13-01-2024 10:39:04
(ภาคน้อง)EP.16. แค่วันแรก 1

      Part’ s แจ็ค เวลาผ่านไปจนจะหมดวันอยู่แล้ว ความรู้สึกเหมือนมาเข้าทำงานและรอเวลาเลิกงาน มีแต่ความเหนื่อยล้าไม่ได้มีความสนุกเลย มันเลยไม่ได้รู้สึกว่ามาเรียนหนังสือ มาหาความรู้ใหม่ๆ เพราะการมาโรงเรียนควรจะมีเรื่องตื่นเต้น แต่ดีที่ว่าช่วงบ่าย พวกไอ้ภาคินมันไม่ได้เข้าเรียนกัน ก็เบาไปหน่อย แค่ชั่วโมงเดียวตอนเช้ายังเกือบได้วางมวยกันเลย ถ้าอยู่ด้วยกัน 8 คาบจะขนาดไหน ไม่อยากจะคิดเลยพวกผม
     “แจ็ค” บอยเรียกชื่อผม คงเป็นเพราะว่าผมมองบอยเพลินไปหน่อย
     “ครับ” ผมขานรับ
     “เห็นมองบอยนานแล้ว เก็บของเสร็จหรือยัง” บอยถามผม
     “เสร็จแล้วครับและที่แจ็คมองบอยก็เพราะว่า แจ็ครู้สึกเหมือน” ผมพูดบอยหันมามองหน้าผม
     “แจ็ค บอยรู้สึกเหมือนเรากลับมาเป็นเด็กวัย 14 ปีอีกครั้ง ตอนนั้นบอยพึ่งจะกลับมาอยู่กับแจ็คและพวกนี้ใหม่ๆ” ผมพูด บอยทำท่าคิด
     “บอยจำได้ ไม่เคยลืม บอยรู้สึกว่า นั้นคือช่วงของวัยเด็กของจริง” บอยพูด
     “แต่น่าเสียดายที่เราต้องหายกันไป มันทำให้เราสองคนพลาดช่วงหลังจากนั้นไปแต่นี้เรากลับมาใหม่ กลับมาเริ่มเป็นที่รักของเราใหม่ รักแบบวัยใสๆ แจ็คสัญญาจะดูแลมันให้ดีที่สุด “ผมกระซิบบอกบอย ขณะที่เรากำลังจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อกลับบ้าน แต่ระหว่างที่พวกผมกำลังเดินลง ก็เห็นนักเรียนวิ่งส่วนกันขึ้นมา
     “อ้าว ไม่กลับบ้านกันหรือไงวะ” ไอ้ดิวมันพูดและแบมือเป็นเชิงถามพวกผม พวกผมจังหันไปมองรอบๆ ด้าน แต่ล่ะห้องพากันปิดประตู หรือว่าเขามีเรียนพิเศษกันแต่ห้องผมไม่มี แน่ล่ะพวกผมมาเรียนกันแบบขำๆ ครับ ไม่เน้นเรียนแต่เน้นทำยังไงให้รอดไปจนจบซีซันก็พอ
     “เออว่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะ” ไอ้ต้นข้าวถามขึ้น พวกผมหันมามองหน้าต้นข้าว
     “ในโรงเรียนจะมีเรื่องได้ไงว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด
     “เออ นั้นดิ ข้าว นี้โรงเรียนน่ะ” ไอ้แอ้อีกคน
     “งั้นก็รีบเดินลงไปเถอะว่ะจะได้พากันกลับบ้านและไปพักผ่อนกันแบบสบายๆ กลับไปบ้าน ไปจิ๊บเบียร์เย็นๆ กันดีกว่า” ผมหันมาพูด บอยก็มองหน้าผม
     “สิบแปดกันแล้วบอย กินได้แล้ว” ผมพูด
     “เฮ้ยย! พวกนายสิบแปดแล้วเหรอ พวกเรายังแค่ สิบหกอยู่เลย” นั้นไอ้ต้นข้าวมันพูด ผมหันมามองหน้ามันเวรแล้วผม ความลับจะแตกก็ตอนนี้แหละว่าพวกผม ไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูมันมองหน้าพวกผมทันทีแบบต้องบอกมันไปเดี๋ยวนี้ ไอ้ดิวมันส่ายหัวให้ผมเลย
     “กูมาทำภารกิจสำคัญว่ะและความจริงพวกกูจบกันหมดแล้วต้นข้าว บลู เออพวกกูน่ะสิบแปดแล้วพร้อมจะไปมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ตอนนี้พักเรียนออนไลน์แทน “ไอ้ดิวมันพูด
     “งั้นก็รุ่นพี่พวกเราอ่ะดิ” ไอ้บลูพูด
     “ไม่ต้องเรียกพี่ว่ะ ถ้ามึงเรียกพี่พวกนั้นมันก็จะรู้ดิ” ผมพูด
     “ไอ้พวกนั้นก็พี่พวกกูเหมือนกัน” ไอ้ต้นข้าวพูด
      “งั้นทำตัวเหมือนเดิม เพื่อนกันเหมือนเดิม ปกติพวกกูไม่ชอบข้ามรุ่นแต่ยกให้มึงสองคน เรียกพวกกูเหมือนเดิม” ผมพูด ไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูมันพยักหน้ากับผม
      “เออ ต้นข้าว บลู พรุ่งนี้มาแล้วก็ไปทานอาหารในห้องอาหารกับพวกกูน่ะ” ผมหันไปบอกไอ้ต้นข้าวและไอ้บลู มันสองคนก็พยักหน้า
      “เข้าไปทานกันด้านในอีกไหมว่ะ ที่เขากั้นเอาไว้น่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมพยักหน้าว่าใช่
      “กูได้ยินพวกนั้นมันด่ามึงกันว่ามาก็แยกแยะที่กินที่อยู่ตั้งแต่กูมาถึงแล้ว แต่กูไปติดที่ห้องเจ้าหน้าที่ ตอนแรกเขาจะไม่ให้กูเรียนห้องมึงอ่ะ แต่ว่ากูโวยวายไง เขาก็เลยยอมและโทรไปหาครูพัฒน์ให้ ครูพัฒน์ลงมาก็เลยบอกว่าได้” นั้นไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมพยักหน้า
     “ตอนแรกกูก็โคตรโมโหเลย เขาบอกว่าห้องนี้พวกลูกคุณหนูมาเรียนแล้วและเขาก็จำกัดคน เขาไม่อยากเรียนปะปนกับคนอื่น เลยจะ ไม่ให้กูสองคนลงเรียนห้องนั้นทั้งที่กูตั้งใจมาก” ไอ้ต้นข้าวพูด
      “พวกกูยอมรับว่ะว่าแยกแยะแต่นี้พวกนั้นไม่แยกแยะเลย มาลงที่พวกกู กูไม่รู้เรื่องที่พวกมันมีปัญหากัน “ไอดิวพูด ผมหันมามองเออ จริงด้วย
      “แต่มันก็ทำให้กูคิดเลย…” ผมชี้นิ้วเลย ไอ้คู่นี้หัวไวจริงๆ ผมนี้คิดไม่ผิดเลย
      “กูคิดว่าถ้าเจอหน้าพวกมึงกูกะจะด่าให้สักหน่อย” แต่อันนี้ผมต้องเงี่ยหูฟัง มันไม่ได้คิดตามพวกผมนี่หว่า
      “ก็คนเชี่ยอะไรก็ไม่รู้ทำตัววิเศษวิโสมาจากไหน แหมให้พวกกคุณหนูเอ๊ย!โธ่ไอ้พวกลูกคุณหนูหัวค**!!แถมที่กูได้ยินพวกนั้นพูดน่ะ พวกมึงแม่งก็แยกที่กินที่อยู่อีก ถ้าจะกินหรูอยู่สบายมึงจะมาทำห่าอะไรว่ะ ก็กลับไปอยู่คฤหาสน์ของมึงดิ” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมสะบัดหน้ามามองหน้ามันเฮ้ย!!!
      “ต้นข้าว!!” ไอ้บลูมันเรียกไอ้ต้นข้าว
      “กูแค่คิดไง” ไอ้ต้นข้าวพูดขึ้น พวกผมพยักหน้าพร้อมกัน
      “มึงพูดไปหมดแล้วไงไอ้ต้นข้าว!!เต็มๆ เลยสัส!!” ไอ้ติ๊กมันพูด ไอ้ต้นข้าวสะบัดหน้ามามองหน้าพวกผมว่าจริงเหรอ พวกผมก็พยักหน้าพร้อมกันมากมึงด่าแล้วแหละ
       “เหรอวะ ขอโทษว่ะ “ไอ้ต้นข้าวรีบขอโทษพวกผมทันที
       “เนียนเชียวน่ะมึง หรอกด่าก็ได้เหรอ” พายถามไอ้ต้นข้าว
       “ขอบใจมากข้าวที่มึงคิดดังมาก นี่มึงแค่คิดน่ะ กูยังสยองปากมึงขนาดนี้” ผมพูด
       “จะว่าไปไอ้ต้นข้าวมันก็พูดถูกน่ะ” ไอ้แอ้พูด ผมหันมามองหน้ามัน
       “เออว่ะ พวกเราเดินไปสั่งอาหารทานเหมือนพวกเขาดีกว่าไหม ไปเข้าแถวแล้วมานั่งทานกันปกติอ่ะ ไม่ต้องให้ไอ้ป๊อดมันยกมาประเคนแบบนี้ แม่งมันดูเหมือนพวกเราต้องมีคนดูแลตลอดเวลา เดินไปซื้อทานเอาตามร้านที่ขายอ่ะ มันอาจจะดีขึ้นก็ได้นะว่าไหม” ไอ้ดิวหันมาพูด ผมก็คิดว่าใช่น่ะถึงตอนอยู่บ้านจะเป็นก็เถอะแต่นี้เรามาเพื่อภารกิจ
       “บอยก็เห็นด้วยน่ะ เห็นด้วยกับดิวและแอ้” ผมหันมามองบอย บอยพยักหน้ากับผม
       “แต่กูกลัวว่าจะเจอแบบตอนเช้าว่ะ” ผมพูดกับพวกนั้น ผมหันมามองบอย
      “เอานะ ไม่น่าเกิดหรอกว่ะ พรุ่งนี้ก็ทานด้านนอกดูดิว่าจะเป็นยังไง “ไอ้ดิวพูด ทุกคนก็ยักไหล่ เพราะว่าบอกตรงๆ ตอนนี้ก็พากันมืดแปดด้าน ลองอันนี้ดูก่อนแล้วกัน
      “งั้นวันนี้หลังอาหารเย็นกูจะคุยกับไอ้ป๊อดเองว่ะ ว่าเราจะเอาแบบนี้กัน “ไอ้ติ๊กพูดผมพยักหน้ากับติ๊ก อย่างนี้ค่อยเรียกว่าให้ความร่วมมือกันหน่อย
      “ไอ้ต้นข้าว พวกมึงสองคนกลับกันยังไงวะ” ผมหันมาถามไอต้นข้าวและไอ้บลู ถ้าไม่อย่างนั้นพวกผมว่าจะไปส่งที่บ้าน
      “พ่อกูมารับว่ะแต่ว่าพวกกูจะไปกินไอ้ติมกันก่อนเพราะว่าพ่อกูมารับช้านิดหน่อย “ไอ้ต้นข้าวพูด
      “ไปกันไหมอ่ะ” บลูถามพวกผม ชวนพวกผมไปกินไอติมนี่น่ะ
       “ไม่ดีกว่าว่ะ พวกกูขอบาย เหนื่อยว่ะ กลับไปอาบน้ำและนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตดีกว่า” ผมพูด แต่ที่ผมตั้งใจคือกะว่าจะรีบกลับบ้านเพื่อไปวางแผนการกันใหม่ ผมต้องเรียกประชุมกันก่อนอาหารเย็นจะมาถึง
       “ร้านนี้ร้านโปรดไอ้ต้นข้าวมันเพราะว่ามีแต่สาวๆ จากเด็กคอนแวนต์มานั่งทานกัน” ไอ้บลูพูด ไอ้ต้นข้าวทำท่าจะหันไล่เตะไอ้บลูโชว์พวกผม
       “ชื่อร้านบ้านไอติม สาวๆ จากโรงเรียนคอนแวนต์ชอบมานั่งทานกันว่ะกูสองคนเลยชอบไปนั่งดูแต่พวกมึงคงไม่ปลื้มใช่ไหมวะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูด ยังไม่ทันไรกวนตีนพวกผมอีกแล้ว
        “แซวเล่น รู้ว่าชอบแบบไหนกัน” ไอ้ต้นข้าวพูด
       “ไปเถอะวะ พวกกูไม่ถนัดแบบนี้ ดูแลเทคแคร์ไม่เป็นและเขาก็คงไม่ชอบแบบกูด้วย” ผมพูดและหันไปมองบอย พร้อมกับพยักหน้าว่าไปดีกว่ากลับบ้าน คืนนี้แจ็คต้องขอให้ได้ ผมตั้งใจมาก
       “เออกูถามพวกมึงอย่างหนึ่งดิ “ไอ้ต้นข้าวมันทำท่าจะถามพวกผม ผมหันมามองหน้ามันว่าจะถามอะไร ถ้ากวนตีนนี้ผมว่ามันไม่ได้ไปกินไอติมแน่ๆ
       “พวกมึงไม่ได้ชอบผู้หญิงกันใช่ไหมวะ” ไอ้ต้นข้าวถามและมองหน้าพวกผม พวกผมมองหน้ากัน
       “เออ กูไม่ได้ไม่ชอบ แต่ไม่ได้ชอบแบบเป็นแฟนอะไรแบบนี้ คงจะเป็นที่พวกกู ไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็คบเป็นเพื่อนได้ก็มีน่ะ แต่ไม่เยอะ” ผมพูดไอ้ดิวมันก็พยักหน้าเหมือนกัน เพื่อนผู้หญิงผมมีน่ะและผมยอมรับว่าตัวผมเองเคยมีอะไรกับผู้หญิงด้วย ผมน่ะเป็นไบเซ้กชวลได้ทั้งชายและหญิง ตอนไปที่ดูไบ มีนักเรียนแลกเปลียน นักเรียนต่างชาติที่เขาไม่เคร่ง ผมก็ได้มาแต่ไม่ใช่แฟน แต่ว่าตอนมาอยู่มาเที่ยวกับพวกนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนอย่างเข้ามาเลยสักคน ผมชอบน่ะ มันไม่ต้องมาปวดหัวเพราะว่าบางคนตีกันเอง
      “แล้วมึงล่ะ รังเกียจพวกกูเหมือน...” ผมถามไอ้ต้นข้าว
      “ไม่วะ กูแยกแยะว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมพยักหน้าให้ไอ้ต้นข้าว พอดีพวกผมเดินคุยกันลงมาจนถึงชั้นล่างพอดี มันน่าแปลกตรงที่เวลานี้มันเวลาเลิกเรียน ควรจะมีนักเรียนอยู่ด้านล่างนี้เต็มไปหมดซิเพื่อรอกลับบ้านกัน แต่ทว่ามันกลับเงียบกริบจนน่าวังเวงเหมือนเป็นโรงเรียนล้างขึ้นมาซะงั้น ระหว่างที่พวกผมเดินคุยกันก็มีพวกนักเรียนที่วิ่งสวนผมขึ้นไป ผมหันไปมองด้วยความไม่เข้าใน ไอ้ดิวก็คงคิดเหมือนผมแต่ว่าบรรดาหนุ่มเหลือน้อยคุยกันไปไม่สนใจอะไรกันเลย
      “เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมไม่มีนักเรียนเลย เขากลับกันไปหมดแล้วเหรอวะ “ไอ้ดิวพูดขึ้น คราวนี้ทุกคนก็พากันกวาดสายตามองไปรอบๆ
      “เออวะ กูว่ามันแปลกว่ะ” ไอ้แอ้พูดมันลดหนังสือการ์ตูนลง จากที่เดินอ่านไปด้วยและเดินเท้าลงมาด้วย (ไอ้นี่มันเทพจริง)
       “รู้สึกว่าเริ่มจะวังเวงอีกแล้วว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันมามอง ช่วงนี้มีองค์เหรอ
        “ถ้ามันจะแปลกมันก็แปลกตั้งแต่เช้าแล้วพวกมึง “ผมพูดและมองหน้าพวกมัน
        “กูโทรหาพี่คนขับรถดีกว่าว่าพี่เขามารอหรือยัง” ไอ้ติ๊กพูด มันก็กดมือถือหาคนขับรถทันที ผมก็พยักหน้าและมันก็ก้มหน้าก้มตากดมือถือ
       “กูไปก่อนนะ แยกกันตรงนี้ว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูดและไอ้บลูอีกคน
       “แล้วมึงไม่ออกด้านหน้าเหรอวะ” ไอ้ดิวมันถามไอ้ต้นข้าวและบลู
       “พวกกูมีทางลัดว่ะ เดินไปด้านหน้ากว่าจะถึง กูไม่ทันได้สั่งไอติม พ่อกูมารับซะก่อน ร้านนี้คนเยอะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูด มีแบบนี้ด้วยเหรอทางลัด ผมก็พากันโบกมือให้พวกมันสองคนไปทางลัด ไอ้ต้นมันโบกมือลาแอ้ ดูจะสนิทกันเร็วอะไรเบอร์นั้น
        “มาแล้วเหรอ กูรอเจอพวกมึงอยู่ว่ะ” เสียงใครสักคนพูดขึ้น พวกผมก็หันไปตามเสียงนั้นและพวกมันก็เดินออกมากันเป็นแพเลย ทำเอาพวกผมถอยหลังออกมามองด้วยความตกใจ มันมากันแบบอาวุธครบมือ แม้จะไม่ใช่ปืนหรือมีดแต่นั่นมันไม้ที เอามาทำไมว่ะนั้น มาวัดสวนสูงพวกผมหรือไง ไม่น่าจะใช่
        “ดูท่าพวกมึงจะงานเข้าวะ” ไอ้ต้นข้าวมันยังยืนอยู่ด้านหลังพวกผม
       “ไม่ต้องดูท่าหรอก กูว่าเข้าวะงานนี้ มีเรื่องแน่ๆ” ไอ้บลูพูด ผมหันมองหน้ามันนี้มันพร้อมกับคำขอบใจมันมากด้วยนิ้วกลาง มันยิ้มแหยะๆ
         “บอยหลบหลังแจ็ค” ผมพูดและดันตัวบอยไว้ด้านหลังก่อน ไอ้ดิวมันออกมายืนเสมอกับผม และมองไอ้พวกที่ยืนเอาไม้ทีเคาะที่มือ มันมายังไง จะมองหาคนช่วยก็ไม่มี เพราะเวลานี้ไม่ต่างจากโรงเรียนร้างเลยครับ ผมได้แต่ยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอกัน
         “มึงมารอพวกกูทำไมอ่ะ ขอลายเซ็นเหรอ” ไอ้ติ๊กตะโกนถาม ผมหันไปขยิบตา ถ้ามึงเงียบได้จะดีกว่าไอ้ปากเสีย
        “กูจะเอาไปทำไมลายเซ็น แต่พวกกูอยากได้มาเป็นเมียวะ” มันตะโกนตอบพวกผมมา
        “ฉิบหายแล้ว!!!” ผมสบดออกมา
        “เอาไงดีวะดิว” ผมถามไอ้ดิว มันก็มองผม
        “มึงพร้อมไหม” ไอ้ดิวมันถามผม ผมหันมามองหน้ามันเอาอย่างนั้นเลยเหรอ
        “แลกเลยเหรอวะ “ผมถามไอ้ดิวกลับทันที
        “แลกพองมึงดิ พร้อมไหม คือพร้อมวิ่งไหม ถ้าพร้อมก็หันหลังและใส่ตรีนหมา วิ่งแบบไม่ต้องคิดอะไร วิ่งไปให้เร็วที่สุด” ไอ้ดิวพูดและมันก็หันครับ ออกวิ่ง มันดึงแขนแอ้ และไอ้ติ๊กก็ลากพายไปด้วย ผมก็ลากครับและออกวิ่งเช่นกัน
        “แจ็ค” เสียงนี้มันไม่ใช่บอย ผมหันมามอง อ้าว ผมดึงไอ้บลูมาแทน และบอยนะกำลังวิ่งตามมากับไอ้ต้นข้าว และด้านหลังก็ไอ้พวกนั้น ผมวิ่งกลับไปหาไอ้ต้นข้าวและผมก็ส่งมือเพื่อนมันคืนไปและจับมือที่รักผมแทน
      “ไอ้ต้นข้าวเอาเพื่อนมึงคืนไปและเอาที่รักกูคืนมา” ผมพูดและจูงมือบอยมาแทน ผมวิ่งแบบไม่มีจุดหมาย นะตอนนี้ทำไมโรงเรียนเหมือนเขาวงกตเลย มันวิ่งวนไปมา หาทางออกไม่เจอเลย จะมัวแต่อ่านป้ายบอกทางก็ไม่ได้ ไม่มีเวลา
        “ไปไหนดีล่ะวะ” ไอ้ดิวหันมาถาม แล้วผมจะรู้ไหมครับ
        “เฮ้ย! กูรู้ว่าไปทางไหนดี” ไอ้ต้นข้าวพูด มันวิ่งตามจนทันกับไอ้บลู
        “วิ่งตามกูมา” ไอ้ต้นข้าวเงยหน้าขึ้นมาบอกพวกผมและออกวิ่งนำหน้าออกไป เหมือนจะพาไปทางด้านหลังห้องน้ำที่พวกผมเจอไอ้พวกรุ่นพี่เมื่อเช้าแต่มันตันแล้วนิ แต่พวกผมก็เชื่อว่ามันคือความหวังสุดท้าย ผมก็วิ่งตามมันไป จนถึง ช๊อปร้างและนั้นมันเหมือนทางตันนะผมว่า
        “ทางตันไอ้ข้าว” ไอ้ดิวพูด ผมก็เห็นทางตั้น โธ่ไอ้ความหวังสุดท้ายของพวกผม
        “มานี้กูมีทางหนี” ไอ้ต้นข้าวพูดผมก็มองพวกนั้นมันยังคงโวยวายพยายามหาพวกผมกันอยู่
         ผมเห็นไอ้ข้าวมันตรงไปที่ประตูและมันก็เอาลูกกุญแจออกมาและมันก็ไขกุญแจทันที มันมีลูกกุญแจได้ไงแต่ใครจะสน ณ ตอนนี้ พวกผมก็รีบหมุดตามมันทันที ทุกคนออกไปได้ ไอ้ต้นข้าวก็ปิดประตูลงและทำการล๊อกกุญแจจากด้านนอกทันที ไอ้นี่มันฉลาดมาก ผมยกนิ้วให้มันเลย
         “กูนี่เลือกคนเข้าแก้งไม่ผิดจริงๆ” ผมพูดชมไอ้ต้นข้าว
         “วิ่งตรงไปเลย” ไอ้ต้นข้าวบอกพวกผม พวกผมก็วิ่งครับ วิ่งหนีสุดชีวิต ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ยังไงก็ให้ผ่านไปให้ได้จนกระทั่งออกมาทะลุปากซอย เล่นเอาหายใจทางเหงือกกันเลยทีเดียว
         “เวรฉิบหายเลย ใครวะ เชี่ยเอ๊ย!!” ไอ้ดิวสบถออกมาและนั่งแผ่หลาด้วยความเหนื่อยและมันก็ตบมือให้แอ้นั่งลงตามมาด้วยติ๊กพาย พวกผมนั่งหอบกันตรงฟุตบาทกันและหันหลังกลับไปมองให้แน่ใจว่าพวกมันไม่ตามมา แต่จะตามมายังไงเพราะว่าไอ้ต้นข้าวมันล๊อกกุญแจเอาไว้แล้ว
        “มันไม่ตามมาหรอก” ไอ้ต้นข้าวพูดไปด้วยหอบไปด้วย
         “พวกมึงไปทำอะไรให้พวกนี้ว่ะ” ไอ้บลูถามพวกผม
         “เป็นคำถามที่ดีมาก พวกกูไม่รู้ว่ะและพวกกูมากันวันแรกน่ะที่นี้ พวกกูไม่เคยมาเหยียบที่นี้กันก่อนเลยจริงๆ “ผมหันไปบอกพูด

        ต่อครึ่งหลัง  :z13:
หัวข้อ: ( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.1ุ6.1 แค่วันแรก 2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 13-01-2024 10:42:01
ต่อจากครึ่งแรก  EP.1ุ6.1 แค่วันแรก 2

          พวกผมออกมายืนที่ถนนเส้นไหนไม่รู้ เพราะว่าผมไม่เคยมากันแต่ที่นี้แน่ะ น่าจะเดินกลับไปไกลมากที่จะกลับไปขึ้นรถที่หน้าโรงเรียน ผมไม่เคยเลยว่าชีวิตผมจะมาเจออะไรแบบนี้ที่ต้องวิ่งหนีอะไรแบบนี้ และถ้าจะให้พวกผมมาเจอแบบนี้กันทำไมลุงหนี่งไม่ส่งการ์ดมาดูแลพวกผมกัน ผมพากันดึงชายเสื้อออกมานอกกางเกงขาสั้น ผมเคยใส่ก่อนที่จะไปเรียนที่ดูไบ ไปเป็นเด็กมัธยมปลายที่นั่นและเรียนมหาวิทยาลัยออนไลน์ไปด้วยเพื่อจะได้จบเร็วๆ แต่ว่าดันมาทิ้งมหา’ลัยไปเป็นเด็กมัธยมปล่อยอีกครั้ง
        “ไหน ไหน ก็มาแล้วเข้าไปกินไอติมกันก่อนไหมอ่ะ” บลูถามพวกผม ผมเงยหน้ามองและหันมามองหน้ากัน
         “เข้าไปนั่งพักก่อนเถอะวะ วิ่งมาไกลมาก กูว่าวิ่งรอบสนามฟุตคบอลเลยก็ว่าได้ว่ะ “ไอ้ติ๊กพูด ผมพยักหน้าตามนั้น ผมหันมามองบอย บอยก็พยักหน้ากับผมว่าเขาโอเค
         “หาอะไรเย็นดื่มกันก่อนแล้วค่อยโทรหาคนขับรถแล้วกัน” ผมบอกทุกคนก่อนจะพากันเดินเข้าไปในร้านที่ไอ้ต้นข้าวมันพาผม

        ร้านนี้เป็นร้านกระจก  มีแอร์เย็นฉ่ำรออยู่แน่นอน ผมกุมมือบอยแต่พอจะเข้าไปในร้าน บอยพยักหน้ากับผมให้ปล่อยมือเขาก่อน ผมหันมามองบอย บอยพยักพเยิดไปที่ด้านใน ผมถึงกับอึ้งเพราะว่าเด็กนักเรียนเพียบเลย

        “ไอ้ต้นข้าว ไอ้บลู โรงเรียนไหนว่ะ เครื่องแบบไม่เห็นเหมือนพวกนักเรียนในโรงเรียนลุงกูเลยอ่ะและเครื่องแบบนี้มันฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งมากเลยว่ะ กูอยากย้ายจากโรงเรียนสายโหดลุงกูไปเรียนเดียวกับน้องเขาเลยว่ะ” พายพูดกับต้นข้าวและบลู
        “โรงเรียนคอนแวนต์อยู่ทางใต้โน่น ส่วนโรงเรียนเราอยู่ทางเหนือนั้น” ไอ้ต้นข้าวพูดและชี้นิ้วไปมา ผมก็พยักหน้า และก็พากันเดินผ่านสาวๆ น่ารักเข้าไป ผมยอมรับสาวๆ โรงเรียนนี้น่ารักน่าชังเยอะน่ะ มีผู้ชายประปรายแต่ดูท่าจะเหลือน้อย ส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาให้
       “ใครอ่ะหล่อว่ะ” มีแต่คนชมผมครับ พวกผมก็ยิ้มทักทาย ส่วนพายน่ะโบกมือให้
        “คนนี้น่าคุ้นน่ะๆ เหมือนเห็นใน ติ๊กต๊อกอ่ะ คนเดียวกันไหม” มีคนคุยกันผมว่าน้องเขาเป็นแฟนเพจติ๊กต๊อกของพายน่ะ
        “เชิญค่ะ ด้านในเลยค่ะ” น้าคนหนึ่งเดินมายืนรอพวกผม พร้อมรอยยิ้มที่ดูมีไมตรี และเขาก็ให้เด็กในร้านมาต่อโต๊ะให้พวกผมเพราะว่ามันไม่พอ พวกผมนั่งลง ผมหันไปมอง ผมนั่งใกล้เครื่องปรับอากาศกันด้วย เรียกว่าเย็นชื่นใจเลยทีเดียว
         “สั่งอะไรดีคะ” น้าเขาถามพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน
          “ดูท่าจะเดินมาไกลอยู่น่ะ” น้าเขาถามพวกผม เจามองหน้าตาพวกผม ผิวแดงจากแดดร้อน โดยเฉพาะผมและบอย ผมสองคนอาศัยอยู่เมืองนอกมากกกว่า
         “วิ่งมาไกลครับ” ไอ้ดิวมันตอบ
         “วิ่งทำไมละลูก ร้อนน่าดู” น้าเขาพูดแซว
         “เอาอะไรเย็นมาดื่มก่อนเลยน่ะ อยากมากเลยตอนนี้ “ไอ้ติ๊กพูด ผมหันไปมองบอย
         “บอยขอน้ำเปล่าน่ะ” บอยบอกผม
         “น้ำเปล่าใช่ไหมคะ “น้าเขาถามบอย บอยก็พยักหน้า ผมหันมามองดิวว่าเอาไง
          “กูว่าเบียร์ก่อนเลยว่ะ ร้อน” ไอ้ติ๊กมันพูดขึ้น ผมชี้นิ้วใช่เลย พวกผมสิบแปดกันแล้วดื่มแอลกอฮอล์กันได้แล้วและนีแหละถึงได้มีเรื่องไง
          “ดิวมึงล่ะ” ผมถามไอ้ดิว
          “กูเอาด้วย ขอเย็นๆ เลย” ไอ้ดิวพูด
          “ก็อยากดื่มไวน์อยู่น่ะ แต่เอามั้งเบียร์” พายก็เช่นกัน คนนี้เห็นแบบนี้ดื่มได้เหมือนกัน
          “แอ้ล่ะเอาอะไรดี บาคาดี้ไหม” ดิวถามแอ้
          “ก็ได้” แอ้ตอบ ผมหันไปมองน้าที่ยืนรออยู่ เขาไม่ได้ยินเพราะว่าผมกระซิบคุยกัน
          “พวกผมขอสั่งน้ำเปล่าหนึ่งและเบียร์ทั้งหมดเลยครับ อ้อ บาร์คาดี้ด้วยครับ ขอแบบเย็นๆ เลยนะครับ” ผมสั่งก่อนจะหันไปมองไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลู มันมองผมอ้าปากค้างเพื่ออะไรของมันก็ไม่รู้
          “มึงสั่งยัง” ผมถาม
           “มึงคิดไปก่อนเลย น้าครับผมขอเลยนะครับ อยากมากกกครับ “พายพูด และผมก็หันมาคุยกัน
           “ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันไม่ไหวนะโว้ย นี่แค่วันแรกเอง” ผมพูดกัน
           “เออแค่วันแรกก็เกือบไม่มีชีวิตรอดแล้ว นี้เราอยู่เพื่อใช้ชีวิตหรืออยู่เพื่อให้มีชีวิตรอดกันแน่ว่ะ” ไอ้ดิวพูด
            “ขอโทษนะคะ!” จู่ๆ น่าเขาพูดเสียงดังเพื่อนให้ผมหยุดสนทนา
            “ที่เราสั่งมานี่คิดดีแล้วเหรอคะ!!!” ผมถึงกับต้องหยุดสนทนากันสักครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองน้าเขา
            “ครับผม คิดดีแล้วครับ” ผมตอบ
            “พวกเรายังใส่ชุดนักเรียนกันอยู่เลยน่ะ!!” น้าเขาพูด พวกผมก็ก้มลงมองชุดนักเรียนไงครับ
            “ชิท!!!!” ไอ้ดิวมันอุทาน
            “ร้องทำไมของมึงวะดิว” ผมถามไอ้ดิว
            “ชุดนักเรียนมันสั่งเบียร์ไม่ได้นะมึง” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันมามองทุกคน
             “ใช่ค่ะ!!! ใส่ชุดนักเรียนขนาดนี้ สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหรอคะ นี้ยังอยู่ในเขตโรงเรียนอยู่นะคะ ถึงไม่ใช่ในรั่วโรงเรียนก็เถอะ ร้านน้าไม่ขายแอลกอฮอล่ค่ะ” คุณน้าพูด ผมหันไปมองไอ้ต้นข้าว
            “กูจะทักแล้วแม้เบียร์เย็นๆ ไม่สั่งกลับแก้มด้วยล่ะ กูจะได้สั่งข้าวมารอด้วย กินข้าวเย็นที่นี้ไปเลย ไม่รอไปทานที่บ้าน” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมหันไปมองพร้อมกันและนิ้วกลางให้ทันทีคนละอันเลย
            “นี่ร้านไอติมนะคะหนู “คุณน้าบอกผม ผมก็ลืมไปว่ามาเป็นเด็กมัธยมครับผม
           “งั้นก็เอาน้ำเปล่ามาก่อนเลยครับคุณน้าและขอเมนูมาดูก่อนนะครับ” ไอ้ดิวมันพูดและแบมือขเมนูมาดูรายการกันก่อนเลย น้าเขาค้อนก่อนจะเดินไปหาไอ้ต้นข้าวและบลูต่อทันที
          “เหมือนเดิมไหมคะ” น้าเขาถามไอ้ต้นข้าวและบลู พวกผมเชื่อแล้วว่าลูกค้าประจำ เหมือนเดิมไหมและคุณน้าก็เดินมาทางผม
          “ดูท่าจะร้อนน่าดู น้าไปเอาน้ำมาเสิร์ฟก่อนน่ะ ดูเมนูกันไปก่อนนะจ๊ะ” คุณน้าเขาพูด พวกผมก็พยักหน้าและพากันเปิดดูเมนู ไอติมน่ารักฟรุ้งฟริ้งมาก ผมมองไปรอบๆ สาวที่หันมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้พวกผม
            “ไอ้ต้นข้าว มึงนี่มันไม่น่าจะเป็นแค่เพื่อนพวกกูแล้วมึงควรจะเป็นแม่พวกกูแล้วเนี๊ยะ!! “ไอ้ดิวมันพูดกับไอ้ต้นข้าว แอ้มันยิ้มๆ ให้ต้นข้าว
            “แม่ข้าว” พายพูดแต่มันก็ทำให้พวกผมขำกันได้บ้าง
          “กูออกจะแมนโว้ยย!!” ไอ้ต้นข้าว
          “เกือบได้เรื่องแล้วแจ็ค” บอยหันมาพูดกับผม
           “มันก็สมควรแล้วน่ะมึงที่จะมีแต่น้องๆ เขานั่งนะมึง” ไอ้ดิวกระซิบกับพวกผม
          “ก็มันร้านไอติมนี่ ชื่อก็บอกอยู่ว่าบ้านไอติม ไม่ใช่ผับไอ้ติม” ติ๊กพูด
          “มาทานไอติมกันเหรอ กูว่าน่ะพวกมึงน่ะไม่เหมาะกับไอติมที่นี้หรอก ให้พวกพี่พาไปท่านกันเองดีกว่าไหม ไอติมพวกนี้เยิ้มรอมาก รอปากงามของพวกมึงอ่ะ” ผมหันไปมองคนที่เข้ามายืน เสื้อช็อปมาแบบนี้มันเด็กสายช่าง แต่สำหรับผมตอนนี้ ช่างมันเถอะ พวกผมหันมามองก้มหน้าก้มตามองเมนู เพราะมันไม่ได้ระบุนิว่าคุยกับใคร
          “กูบอกพวกมึงนั่นแหละ พ่อพวกมึงเป็นตุ๊ดกันไม่ใช่เหรอวะ เลยต้องมาเรียนโรงเรียนพ่อพวกมึงเพราะว่าพวกมึงมันเป็นตุ๊ด ฮา!!!” พวกนั้นมันพูด พวกผมก็เดาได้แหละว่าพวกผมนีแหละแต่ว่าตอนนี้ท่องไว้ครับ ขันติ ถ้าไม่ขันติ พวกผมคงได้ถูกทำโทษยาวเลย
         “ว่าไงตุ๊ด!!! ฮาๆ” พวกผมหันมามองหน้ากัน
          “ไอ้พวกนี้มันไม่เคยศึกษา LGBTQ มาบ้างเหรอ มันเลยไม่รู้ว่าเขามีมากกว่าตุ๊ดที่มันรู้จักซะอีก” ติ๊กพูดก่อนจะหันไปมองพวกมัน
           “มันมาหาพวกมึงใช่ไหมวะ” ไอ้ต้นข้าวกระซิบถามพวกผม พวกผมพยักหน้าพร้อมกัน
            “ก็อย่าไปสนใจ หาอะไรทานกันดีกว่า” ไอ้ดิวพูด และหันมาสะกิดแอ้ให้ดูที่มันจะกินว่างั้น
           “มาทานของพี่ไหม มีน้ำสีขาวขุ่นๆ ด้วยน่ะ ถ้าได้ปากเล็กๆ น่ารักอย่างน้องน่ะ” มีคนพูดข้างพวกผม ไม่ทันที่พวกผมจะหันหลังไป มันก็ถึงพวกผมแล้วมันก็กำลังจะคว้าข้อมือไอ้แอ้ ใช่มันคิดผิดมากไอ้แอ้ไวเกินคาดมันก็พลิกแขนไอ้คนนั้นได้มันก็บิดเหมือนในหนังไม่มีผิด
           “โว้ววว” ไอ้ติ๊กร้องแต่ไม่ได้ร้องห้ามไอ้แอ้
           “โอ๊ยย สาด!” มันสบถและด่าไอ้แอ้ด้วยความเจ็บปวด เสียงเก้าอี้เลื่อนออกทำให้ทุกคนแตกตื่นและลุกขึ้น พวกผมลุกและหันไปมองไอ้คนที่แอ้มันบิดแขนค้างเอาไว้
            “มึงอยากได้ไอติมแบบเป็นแท่งเหมือนกันใช่ไหมแต่รูปตีน” ไอ้ดิวถาม
            “ผลัก!!” ไอ้ติมรูปตีนของไอ้ดิวไปแล้วหนึ่งข้างเสียดายมีร้องเท้ากันเอาไว้
             “พวกกูมีแต่แบบนี้ให้พวกปากดีแบบพวกมึงอ่ะ เอาไปกระแทกปากและแถมด้วยน้ำราดสีแดงทะลักว่ะ ลองไหมล่ะ “ไอ้ดิวก้มลงไปถามไอ้คนที่แอ้บิดข้อมือเอาไว้ มันโหดสาด
            ไอ้ดิวหันไปมองพวกเพื่อนๆ ของมันกำลังวิ่งเข้ามาใส่เลย ไอ้ดิวหันไปและปล่อยมันตรงไปทันทีที่ใบหน้าคนที่วิ่งมาถึง มัดไอ้ดิวหนักมาก คนที่โดนไปมันถึงกับออกอาการมึนงงไปเลย เซแบบตั้งหลักไม่อยู่และไอ้ดิวก็ถีบไอ้คนที่แอ้บิดแขนไว้กระเด็นไปสมทบอีกคน ไปนอนกองด้วยกัน
           ผมลุกขึ้นยืนมองไปรอบ พวกแก้งเดียวกันมันยืนมองอยู่และมองเพื่อนๆ ของพวกมัน กล้าๆ กลัวๆ จะเข้ามา มันกระซิบกระซาบกันด้วยแสดงว่าไม่ได้ศึกษาประวัติพวกผมก่อนจะรับงานซิท่า เจ็บหนักทุกคนดังนั้นผมเลยไม่ค่อยขยันอยากมีเรื่องกับใคร เลี่ยงได้ก็จะเลี่ยงทันทีแต่ว่างานนี้คงยากเพราะว่าพวกมันอุดพวกผมเอาไว้ในร้านแบบนี้ น้องๆ ผู้หญิงน่ะรอที่ตรงทางออกกันหมดแล้ว
           “พวกมึงเป็นอะไรกัน กูไม่รู้จักพวกมึงสักหน่อย อย่ามาหาเรื่องกันได้ไหมวะ “ผมถามไอ้พวกที่มันรอเข้ามาใส่พวกผม
         “อะไรกันคะ นี้อย่ามามีเรื่องในร้านนะ ไม่งั้นน้าจะแจ้งตำรวจนะคะ” ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่หยิบมือถือมาด้วย ทำท่าจะกดสายถึงตำรวจ ผมจะหันไปอธิบายแต่เขายกมือห้ามผมไว้ พวกผมหันมามองหน้ากัน งานเข้าแน่ๆ เรื่องนี้ต้องถึงหูเจ้าคุณพ่อพวกผมแน้ๆ
         “งานงอก” ไอ้ติ๊กพูด
         “วันแรกก็โดนซะแล้ว กูว่าตายแน่ๆ อยู่ต่ออีกปี” น้องพายพูด
         “กูว่าน่าจะไม่ได้กลับถาวร” ไอ้แอ้พูด ผมหันมามองหน้ามันช่วยได้มากแอ้
           “น้าเห็นค่ะ ว่าเราไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ “คุณน้าคนนั้นพูด เข้าข้างพวกผม
           “เดี๋ยวได้เห็นดี!” พวกนั้นมันมาพยุงเพื่อนมันขึ้น มันมากันห้าหกคนได้แต่ตอนนี้เดี้ยงไปสองคนแล้ว และมันก็เดินออกมาไปจากร้าน พวกนักเรียนต่างโรงเรียนกับพวกผมที่ยังนั่งอยู่ก็หันมามองผมด้วยอาการตกใจ
           “แก ..ใช่พวกที่เขาบอกว่าพวกคุณหนูลูกหลานเจ้าของโรงเรียนบดินทร์วิทยามั้ยวะ? “ผมได้ยินเสียงคนกระซิบกัน
            “ใช่ว่ะ แก ออกเถอะวะ เดี๋ยวเกิดมีมาอีกพวกเราซวย กลับบ้านดีกว่า” นั้นไงแต่ละคนพากันลุกขึ้น ผมหันไปมองเจ้าของร้าน ผมไม่น่าทำให้เขาเดือดร้อนไปด้วยเลย
            “ซวยเลยว่ะ” ผมพูดและผมคงต้องจ่ายค่าเสียหายและค่าที่ทำให้ลูกค้าหายอีกด้วย
            “พวกผมขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมจ่ายค่าเสียหายให้” ผมพูดและบัตรเครดิตขึ้นมา
          “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกคุณไม่ได้ทำอะไรผิด” คุณน้าเจ้าของร้านพูด
         “ถ้าอย่างนั้น บอยว่าพวกเรารีบกลับไปที่โรงเรียนเพื่อไปขึ้นรถกลับบ้านกันเถอะ “บอยหันมาบอกทุกคน ผมหันไปพยักหน้ากับต้นข้าว มันก็พยักหน้ากับผมว่าจะกลับเหมือนกัน
         “งั้นก็แยกกันข้างหน้านี้น่ะ กูจะไปโทรหาพ่อว่ามารับตรงไหนดี” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมกำลังจะเดินออกจากร้าน ที่ตอนนี้ไม่มีคนแล้วทุกคนไปกันหมด จนออกมาถึงหน้าร้าน ผมก็เห็น แต่ไกลๆ มีพวกยกโขยงกันมาเยอะมาก
           “ไม่จริงนะ อะไรกันวะ แม่งไม่ยอมจบว่ะ” ไอ้ติ๊ก ผมหันไปหันมาจะไปไหนดี แต่ที่แน่ๆ ไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูวิ่งไปแล้วครับ มันรู้ว่าไปทางไหน แต่มันรอดแล้ว เหลือแต่พวกผมนี่แหละ
“พวกนายทางนี้ “มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเรียกผม ให้เข้าไปทางช่องแคบของทางร้าน และพวกผมก็ไม่มีทางเลือกครับ วิ่งตามไอ้คนนั้นไป มันพาไปเหมือนห้องใต้บันไดลงไปและมันก็ปิดประตู พวกผมอยู่ในนั้นในความเงียบมาก เวลาผ่านไปสัก 20 นาทีแต่นานมากสำหรับพวกผม จนกระทั่งไอ้คนนั้นมันเดินมาเปิดประตูให้พวกผมอีกที
        “พวกมันถอยออกไปแล้วแต่เราไม่แน่ใจนะว่ามันจะไปดักรอที่ไหน ที่หน้าโรงเรียนไหม อันนี้เราไม่รู้” ไอ้คนที่ช่วยพวกผมเอาไว้พูด
        “เอาไงดี จะกลับบ้านไงว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด ผมก็มองหน้ากันนั้นซิจะกลับยังไง
        “นั้นดิ กลับยังไงวะหรือว่าเราจะต้องนอนกลางถนนกันคืนนี้ “พายพูดซะจนเว้อ
         “พวกนายโทรบอกคนขับรถให้ขับมาที่ร้าน บ้านไอติม “คนที่ช่วยพวกผม บอกผม
         “เฮ้ย! เกรงใจน้าเขาเมื่อกี้พวกเราเหมือนไล่ลูกค้าเขาเลยว่ะ” ไอ้ดิวพูด ผมก็พยักหน้าว่าใช่
         “ไม่เป็นไร นั้นพ่อแม่เรา” ไอ้คนที่ช่วยพวกผมเอาไว้บอกผม ผมก็หันไปมองหน้าว่า คนนี้คือลูกชายเขาเหรอ
          “เออ...” พวกผมก็พากันทำหน้างงมากขึ้น ไม่ใช่อะไรหรอกแต่แอบสงสัยว่าทำไมตั้งใจช่วยพวกผมทั้งครอบครัวแต่ก็เอาเถอะ บอยแตะมือผมเบา ผมก็พยักหน้ารับ
           “เร็วดิ! ก่อนที่พวกมันจะกลับมาและคราวนี้จะยากนะ” ไอ้คนที่ช่วยผมบอกพวกผม ผมพยักหน้าบอกไอ้ติ๊ก มันก็โทรหาคนขับรถและคุยกับเขาว่าให้มารับตรงไหน แต่มันอธิบายไม่ถูก คนที่ช่วยผมเลยอธิบายไปแทนว่าให้เขามารับผมทางไหนกัน
          “พี่ๆ เขาจะมาถึงในห้านาที และนั้นน่ะทางออกพอรถมาวิ่งไปขึ้นรถเลยน่ะ” คนช่วยพวกผมบอกก่อนจะชี้นิ้วไป
          “นายเป็นใครทำไมช่วยพวกเราอะ” แอ้หันไปถาม
          “เอานะเราอยากช่วย “เขาบอกพวกผมแค่นั้น
          “นายชื่อไรวะ” ผมถามชื่อทันที
          “เราชื่ออธิป” คนนั้นบอกชื่อพวกผม และผมจะจำไว้ว่าใครช่วยผม ผมยื่นมือไปเช็คแฮนด์ทำความรู้จักสไตล์ฝรั่งมันก็เช็คแฮนด์ผมกลับเช่นกัน
         “เฮ้ยรถมาแล้ววะ!” ผมกำลังจะพากันเดินไป ผมหันมามองคนที่ช่วยเหลือพวกผมอีกครั้ง เขายืนเหมือนคุยโทรศัพท์อยู่
           “เออ ...ปลอดภัยแล้ววะจักร รถมารับแล้วว่ะ “ผมได้ยินมันคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้แต่ชื่อคุ้นๆ ไม่น่าจะใช้คนที่ผมรู้จักหรอกเพราะว่ามันคงไม่น่าจะมาดังไกลถึงนี้
            ไอ้คนที่ผมว่านั้นเป็นลูกคนเล็กของลุงสามน้องชายลุงหนึ่งเขาแฟนอาภาคย์ แต่ตอนนี้ผมก็วิ่งมาจนมาขึ้นรถ ผมเข้ามานั่งในรถ มีติ๊ก แอ้น่ะไอ้ดิวมันดันไปอีกคันและพายก็รีบดันแอ้เข้าไปก่อน เหลือไอ้ติ๊กเอาไว้ผมรีบบอกให้มันขึ้นรถคันเดียวกับผมและบอยทันที ไอ้ดิวมันระวังหลังเหมือนผม และมันก็ขึ้นไปเป็นคนคนสุดท้ายและ ผมก็ขึ้นไปคนสุดท้ายแต่มาคันเดียวกับติ๊กและบอย
           “มาทานไอศกรีมกันเหรอครับคุณหนู อร่อยไหมครับร้านนี้” พี่คนขับถามแต่พวกผมมองรอดไปข้างนอกรถ
          “ไม่อร่อยครับเพราะยังไม่ทันได้กินครับ “ไอ้ติ๊กพูด
          “อ้าวทำไมละครับ ไม่ต้องรีบ ผมรอได้ คุณหนูจะลงไปทานกันก่อนไหมครับ” พี่คนขับรถบอกพวกผม
           “ไม่ดีกว่าพี่ออกรถเถอะเพราะผมจะไม่ได้ทานแค่ไอศกรีมแต่ะจะเป็นอะไรที่มันแข็งเหมือนตีนนะครับพี่และมันรออยู่เป็นร้อยคู่เลยด้วยพี่” ผมรีบบอกพี่คนขับ
          “ออกรถเลยพี่ก่อนที่พวกนั้นจะมา” ไอ้ติ๊กบอกพี่คนขับรถอีกครั้งและผมเห็นว่ารถที่ไอ้ติวแอ้และพายขึ้นไปวิ่งออกไปแล้ว
           “งั้นก็ไม่รอละครับ กลับบ้านนะครับ” พี่เขาคงรู้ว่าจะเกิดอะไรถ้าขืนรออยู่ และรถก็แล่นออกไป นายคนที่ช่วยผมยังยืนโบกมือให้ผมอีกด้วย ผมนั่งกันแบบเซ็งมาก ไม่เคยเจออะไรหนักแบบนี้เลยจริงๆ
          “วันนี้เรียนหนักกันเหรอครับ ดูเหนื่อยๆ กันน่าดู “พี่คนขับรถถามพวกผม
        “มากครับแต่ไม่ได้เรียนครับ วันนี้เรียนจริง แค่สองวิชาที่เหลือนั่งๆ นอนๆ แต่ที่สภาพดูเหนื่อยก็วิ่งหนีตรีนมานี้แหละครับ จากโรงเรียนมาถึงร้านบ้านไอติม กะว่าจะกินไอติมสักหน่อย ตรีนยังมาถามหาถึงในร้านเลยครับพี่” ไอ้ติ๊กพูด ผมกันไปกุมมือบอย บอยไม่น่ามาซวยกับพวกผมเลยจริงๆ บอยพยักหน้าว่าบอยโอเค
            “พวกผมไม่ได้ไปทำอะไรให้พวกนั้นมันเลยนะพี่ พวกอันตพาล พ่อแม่ไม่รักหรือไงไม่รู้ มันจะรู้ไหมเนี่ยะว่ามันคือภาระสังคม” ไอ้ติ๊กมันพูด ติ๊กมันเป็นคนค่อนข้างไปทางปากร้าย ไม่แปลกใจเล่นนั่งคู่กับนางเองคนไหน มันต้องมีกัดจิกกันตลอดจนบางทีนางเอกขอถอนตัวไม่เล่นต่อ นี้เลยต้องมาเล่นคู่กับพระเอกแทนตอนนี้
           “อย่างนี้แหละครับชีวิตวัยรุ่น” พี่เขาพูดและหัวเราะไปด้วย
          “ผมก็ผ่านมาแบบนี้ครับ เมื่อก่อนผมก็ไล่ตีรันฟันแทงเขาไปทั่ว คิดว่าเท่มาก เพื่อนมากลากไป ไปตามเพื่อน ถามว่าไปทำไม ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะแต่อยากไป มันเท่ดี สาวมองตรึม “พี่คนขับรถเขาพูดขึ้นพวกผมก็แปลกใจแต่ก็ฟัง
         “ผมเป็นพวกอันตพาลที่ไปที่ไหนต้องมีเรื่องกับพวกเขาไปทั่ว ไม่เหยียบตีนก็มองหน้า ไม่มองหน้าก็หลี่ผู้หญิงคนเดียวกัน หรือไม่ก็ได้ยินมาว่าไอ้นี่ยังงั้นยังงี้ ต้องเล่นมัน เยอะแยะ “พี่เขาพูดถึงเรื่องเก่าๆ ให้พวกผมฟังเกี่ยวกับประวัติพี่เขา
           “ผมนะโดนคนตราหน้าว่าเป็นพวกไม่มีอนาคต และผมก็ถูกส่งไปสถานกักกันตั้งแต่อายุไม่ถึง15 และติดคุกเยาวชนก็ไปมา และพอออกมาได้ก็หางานทำไม่ได้อีก เพราะประวัติ จนต้องไปทำงานรับจ้างไปทั่ว มีทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย “พี่เขาพูด ผมก็พยักหน้า
          “ถามว่าพอเริ่มบรรลุนิติภาวะ ผมก็อยากมีงานดีดี มีอะไรที่มั่นคงแต่มันยากจนกระทั่ง”
          “วันหนึ่ง วันที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปตลอดกาลนั้นคือ วันที่ผมขับรถผ่านไปเส้นทางหนึ่งเพื่อจะไปหางานใหม่จากที่โดนนายจ้างโกงค่าแรง ไม่จ่ายแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ผมเห็นรถคันหนึ่ง เป็นรถราคาแพงผมดูก็รู้จอดอยู่ และมีรถประกบอยู่ ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องดี ผมเลยจอดรถมอเตอร์ไซด์”
          “พี่เคยช่วยพี่ตุ๊กับพ่อผมไว้” ติ๊กพูดขึ้นผมมองหน้าจริงเหรอ
           “ใช่ครับ เห็นว่าประวัติผมไม่ดีแต่ผมก็มีความกล้าที่จะช่วยคนที่ลำบาก ตอนนั้นมีคนต้องการจะทำร้ายท่านและคุณตุ๊ ผมก็เลยเข้าไปลุยกับมัน จนกระทั่งมีรถสายตรวจผ่านมานั่นแหละครับ “
          “และนั้นคือจุดเปลี่ยนชีวิตของผมครับคุณหนู แม้ว่าวันนั้นผมจะได้มีดปักพุงมาหนึ่งเล่มก็ตามแต่คุ้มค่ามาก” พี่เขายังปนหัวเราะที่ได้มีดปักพุงมาด้วย ผมนี้ขนลุกกันเลย
            “คนที่เขามองว่าเป็นอันตพาลบางครั้งก็ทำอะไรไปแบบไร้เหตุผลแต่ เขาอาจจะอยากได้โอกาสจากสังคมและเมื่อเขาได้ เขาจะกลายเป็นคนดีและซื่อสัตย์กับคนที่มอบโอกาสให้อย่างผม ท่านเสนองานขับรถให้ผม จนตอนนี้ ผมมีบ้าน มีรถ และมีครอบครัวที่ดี “พี่เขาเล่าประวัติพี่เขาให้ฟังพวกผมก็ฟังเพลินจนถึงบ้านพัก แต่มันก็ทำให้พวกผมได้ข้อคิด
            “ถึงบ้านแล้วครับคุณหนู เข้าบ้านอาบน้ำพักผ่อน แล้วพรุ่งนี้ผมมารับครับ ผมเชื่อว่าคุณหนูจะผ่านทุกอย่างไปได้ครับ” พี่เขาพูดให้กำลังใจพวกผม ผมพยักหน้าพร้อมกัน
           “ขอบคุณนะครับพี่” พวกผมไม่ลืมที่จะขอบคุณถึงเขาจะเป็นคนขับรถก็ตามแต่พ่อผมสอนเสมอว่าการให้เกียรติคนไม่ว่าจะผู้น้อยผู้มาก มันจะนำมาซึ่งสิ่งที่ดีตอบแทนกลับมาเสมอ
              ผมพากันเดินเข้าไปบ้านด้วยความอ่อนล้า นี้แค่วันแรกนะ และพวกผมต้องอยู่ให้ได้หนึ่งปี นั้นคือ 365วัน สภาพพวกผมจะเป็นยังไงไม่อยากจะคิดตอนนี่กำลังจะผ่านวันแรกไปแล้วยังเหลืออีก 364 วันเท่านั้นเอง นอกจากว่าพวกผมจะทำภารกิจสำเร็จเร็วนั่นแหละ แต่โอกาสมันน้อยเหลือเกิน พวกผมจะผ่านมันไปได้ไหม ถ้าภารกิจนี้ไม่ผ่าน ไม่ต้องถามถึงภารกิจหน้าเลย ว่าจะทำได้ แต่แค่วันแรกชีวิตพวกผมก็จะหาไม่กันอยู่แล้ว นี้เขาส่งมาเพื่อมาทดสอบสนามรบใช่ไหมเนี๊ยะ!
          TBC...

             ยังมีอีกคนที่รอแจ็คอยู่ที่บ้าน...... :hao4:
 
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.17(แจ็คXบอย)ไอ้หลุยส์ตัวร้าย1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 13-01-2024 23:09:05
( รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.17(แจ็คXบอย)ไอ้หลุยส์ตัวร้าย 1


      Part’ s แจ็ค หลังจากที่พวกผมต้องพจนภัยเกือบไม่ได้กลับมาบ้านอย่างปลอดภัย วันแรกยังขนาดนี้ไม่อยากคิดถึงวันต่อๆ ไป แค่เพื่อนในห้องก็แย่แล้ว นี้ต้องมาเจอพวกต่างโรงเรียนอีก ผมก็คิดว่าพวกผมควรวางแผนการกันใหม่ วันนี้พวกผมก็ได้สมาชิกมาเพิ่มอีกสองคน ไอ้ต้นข้าว ไอ้บลูแต่มันหน้าหวานเกินไปและดูอ่อนแอ่น แต่เรื่องที่ทำให้ผมสนใจคือเรื่องพี่ชายไอ้ต้นข้าว ที่เคยเป็นหัวหน้าแก้งพวกภาคินมาก่อน ไอ้ต้นข้าวอยากให้พวกผมช่วยตามหาว่าทำไมพี่ชายมันโดนหนักอยู่คนเดียว ตอนแรก็ไม่อยากรับหรอกครับเพราะว่าเรื่องพวกผมก็ยังไม่รอดแต่ไหน ไหน ที่ผมเรียกมันเข้ากลุ่มมาแล้ว ผมคิดว่าก็ต้องช่วยมันแล้วแหละ หรือเรียกง่ายๆว่า ได้ลงเรือรำเดียวกันไปแล้วอย่างช่วยไม่ได้

       ขณะที่พวกผมกำลังเดินเข้าไปในบ้านผม ผมสังเกตเห็นว่าไฟที่เปิดจากบนชั้นสองของตัวบ้าน ยังไม่มืดดีแค่สลัวๆ แต่ก็ยังเร็วสำหรับผมอยู่ดีที่เคยอาศัยอยู่เมืองใหญ่ที่ไม่เคยกลับไหล บรรยากาศที่นี่สองทุ่มเหมือนตีสองกรุงเทพฯ เงียบจนวังเวง
      “Rrrrr” เสียงมือถือทั้งสองเครื่องดังขึ้น มือถือของบอยและไอ้ติ๊กดังพร้อมกัน ผมหันไปมองทั้งคู่
      “พ่อโทรมาน่ะ” แถมทั้งสองคนก็ตอบพร้อมกันเลยแต่ของผมเงียบพ่อไม่คิดจะโทรมาถามผมบ้างหรือไงกันเพื่อจะถามผมว่าผมเจออะไรกันบ้างวันนี้ แต่ถึงยังไงพวกผมก็ยังกลับไม่ได้อยู่ดี ผมพยักหน้าให้ทั้งคู่และทั้งคู่ก็เดินแยกกันไปคนละทาง ผมก็เดินตรงเข้าบ้าน ผมคิดว่าจะคุยปรึกษาอะไรกับไอ้ดิวสักหน่อยดีกว่าก่อนที่อาหารเย็นจะมาถึง
      “มาถึงนานแล้วเหรอวะ” ผมถามไอ้ดิว ไอ้แอ้และพาย มันสามคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก ความเย็นภายในห้องไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พวกมันจะมาถึงก่อนผมเกินจากหนึ่งชั่วโมง เพราะระยะเวลาห่างกันแค่ไม่มากแค่สิบห้านาทีแต่ห้องนี้เย็นเหมือนเปิดมานานเป็นชั่วโมงเลย
       “เพิ่งมาถึงเนี่ยะ ก่อนหน้าไม่ถึงสิบนาที” พายพูด ผมเลิกคิ้วมองและเงยหน้ามองที่เครื่องปรับอากาศ
       “มีคนเปิดแอร์ทิ้งไว้แน่ๆ เย็นเจี๊ยบเลยแต่ก็ดีเพราะว่าวิ่งหนีตีนมาทำเอาร้อนตับจะแตก “พายพูดแอ้หันไปยิ้มให้พาย ผมเองก็ยักไหล่ ว่าไม่แคร์เพราะไม่ใช่คนจ่ายค่าไฟ
       “เออ กูเห็นไฟเปิดจากบนบ้านว่ะ” ผมพูดเชิงถามว่ามีคนเห็นกันไหม
       “ไอ้ติ๊กคงลืมปิดไฟเพราะกูนะปิดในห้องนอนกูก่อนออกไปแล้ว” ไอ้แอ้พูด ผมก็พยักหน้าแต่ไม่สนเพราะผมไม่ได้เป็นคนจ่ายค่าไฟอีกเช่นกัน ผมค่อยๆนั่งลง
       “ดีนะ ดีที่รอดมาได้ไม่ตายคาเท้าพวกมันซะก่อน “ไอ้ดิวพูดและมันก็ละสายตาขึ้นจากมือถือของมันเพื่อมองหน้าผม ผมนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้นวมพร้อมยกขาขึ้นไขว่ห้าง
        “อันที่จริงมึงก็น่าจะเอาอยู่น่ะไอ้ดิว” ผมพูดและมองหน้าไอ้ดิว
        “เอาอยู่…. บ้านป้ามึงดิแจ็ค มากันเป็นสิบเกือบครึ่งร้อยได้ โดนไปนี่น่วมเลยนะมึง” ไอ้ดิวพูด ระหว่างนั้นผมได้ยินเสียง
         “ชู!!” ผมทำนิ้วจู๊ปากให้ทุกคนเงียบก่อน ผมว่าผมได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากในห้องครัว เสียงฝีเท้าใครสักคนเดินอยู่ทั้งไม่น่าจะมีใครอยู่ในบ้าน บอยกับติ๊กก็ยังไม่เข้ามาเลย พวกผมที่นั่งนิ่งเงียบเพื่อตั้งใจฟังจนแน่ใจแล้วว่ามีคนอยู่ในบ้านจริงๆ ผมหันมามองหน้ากันเลิกลัก
        “ใครอยู่ในครัวอ่ะ” ไอ้แอ้ถามขึ้น
        “ไม่ใช่บอยกับติ๊กแน่ๆ ทั้งคู่หลบไปรับสายว่ะ” ผมพูดขึ้น

           ผมหันมาพยักหน้ากับไอ้ดิวและก็พาลุกขึ้นไป พวกผมเดินย่องๆ เข้าไปในห้องครัว ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกผมนี้แหละ ยืนหันหลังอยู่ แถมยังอุดหูด้วยแอร์พอร์ตดูท่าจะฟังเพลงโปรดอยู่ดูจากการโยกศีรษะแบบนี้ พอผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเพราะว่าเพลงมันคงดังสนั่นจนเล็ดลอดออกมาด้านนอก ผมหันมามองหน้ากันแบบมีคำถามว่ามันคือใคร แต่ละคนพากันส่ายหัวไปมาว่าไม่มีใครรู้ว่าหมอนี้มันมายังไงและคนที่น่าจะรู้ก็ยังไม่เข้ามาอีก นั้นคือติ๊ก
        “สงสัยคนใช้ที่ไอ้ติ๊กบอกว่าจะขอพ่อมันไว้หรือเปล่า พายเห็นมันพูดอยู่ว่าอยากได้คนมาคอยรับใช้เพราะชีวิตมันติดคนรับใช้ทำอะไรเองไม่เป็น” พายพูดผมก็ยักไหล่ อาจจริง แต่รุ่นเดียวกันเลยนี่น่ะ
        “นาย” ผมเรียก มันก็ยังฟังเพลงอยู่
        “นาย!!” ดังขึ้นมันก็ยังคงก้มหน้าก้มตาฟังเพลง ผมเข้าไปใกล้ เพลงมันดังมากเลยทีเดียว มันฟังเพลงดังขนาดนี้มันไม่กลัวว่าแก้วหูมันแตกบ้างหรือไง
         “เฮ้ย!!” มันร้องเสียงหลงเมื่อผมดึงแอร์พอตมันออกจากหูและไอ้คนนั้นก็หันมามองหน้าผมทันที มันทำให้ผมสังเกตได้ว่ามันเป็นคนตาชั้นเดียวเรียกได้ว่าไอ้ตี๋เลยดีกว่า ยืนเคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วย
         “นายเป็นคนที่พ่อของติ๊กส่งมาให้ดูแลพวกเราใช่ป่ะ” พายถามและส่งยิ้มให้ แต่มันยังคงทำหน้างง แต่ก็ยักไหล่
         “เออ ดี งั้น ช่วยเอาเบียร์ เย็นๆ มาให้หน่อย วันนี้หนีบาทามาเหนื่อย ขอแบบเย็นเจี้ยบเลยน่ะ ขอบใจ!” ผมหันไปบอกไอ้หน้าตี๋นั้น
         “ของเราบาคาดี้นะ ไม่ดื่มเบียร์ แต่ร่างกายอยากได้แอลกอฮอล์บ้าง” พายพูดและพากันเดินหันหลังจะออกไปที่ห้องนั่งเล่นทันที ผมหันไปมองบอยก็ยังไม่เข้ามาเลย ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันนานขนาดนั้นน่ะ พวกผมเดินตามกันออกมานั่งที่โซฟา ไอ้ดิวเปิดทีวีดูก่อนจะหันมามองหน้าพวกผม
        “พวกเราจะเอาไงดีวะ ถ้าเจอแบบนี้ทุกวันท่าจะแย่ว่ะ” ผมพูดและมองหน้าทุกคน
        “เราต้องวางแผนกันใหม่ว่ะ ใครมีไอเดียร์อะไรงัดออกมาเลยนะโว้ย ไม่อย่างนั้นปีหนึ่งก็จัดการไม่ได้ อยากอยู่กันต่อเหรอวะ” ผมพูดและมองหน้าทุกคน
        “ที่พี่พัฒน์พูด คือปัญหาคือพวกไอ้ภาคิน แต่เราจะทำยังไงให้ได้ใจพวกมันว่ะ ดูท่าจะเป็นไปไม่ได้เลยว่ะ” ผมพูด ก่อนจะหันไปเจอไอ้คนที่พวกผมบอกให้เอาเบียร์เย็นๆ มาเสิร์ฟหน่อย มันก็เดินถือมาสี่แก้ว ดูสีเหลืองอร่าวมาเลยฟองก็เยอะด้วย ผมหันไปพยักพเยิดกับพวกดิว ว่ากระดกเบียร์กันก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธีกัน
        “อ่ะ เบียร์พวกมึงอ่ะ บาร์คาดี้ไม่มีหรอกมีแต่เบียร์” มันวางลงและเหล่ตามองพวกผมทุกคน ก่อนจะหันหลังทำท่าจะเดินออก พวกผมหันมามองหน้ากัน นี้เป็นคนใช้แบบไหนของมันวะ มันพูดได้ไม่น่าจะเป็นคนใช้เลยจริงๆ ไม่มีความอ่อนน้อมเอาซะเลย
       “ไอ้นี่มันแน่มากว่ะ เข้าขั้นติสเลยดีกว่าว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด มันก็คงได้ยินเหมือนที่ผมได้ยินนั่นแหละ
        “นายชื่ออะไรล่ะ” ไอ้ดิวถาม ผมเงยหน้ามองหน้าคนนั้น มันหันหลังมามอง แต่มันไม่ตอบ มันหันไปมองหน้าไอ้ดิวด้วยแววตาที่นิ่งมาก
        “ไม่จำเป็นต้องรู้มั้ง” ไอ้คนตรงหน้าพูด
        “อ้าวเฮ้ย!! มึงกวนตีนนี่หว่า” ผมพูดขึ้น
        “อย่าแจ็ค” ไอ้ดิวมันห้ามผมทันที ที่เห็นว่าผมทำท่าจะลุกขึ้น
        “เรื่องของมึงไม่อยากบอกก็เรื่องมึง” ไอ้ดิวพูดตัดบทและไอ้คนนั้นมันก็ทำท่าจะเดินออกอีกครั้ง
        “หึๆ ขอให้ดื่มให้อร่อยนะ” ก่อนจะก้าวเท้าออกผมได้ยินเสียงบ่นพึมพำของคนนั้น ผมก็หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาใกล้ปลายจมูกมากแต่อยากบอกว่าเบียร์นี้ฉุนมาก ไม่น่าจะใช้เบียร์เลย แถมกลิ่นนี้เหมือนมาก
       “เดี๋ยว!!” ผมเรียกมันไว้ พร้อมกันยกแก้วเบียร์ออกห่างและปลายจมูกแตะไว้ที่หลังแขนเพื่อลดกลิ่นฉุนๆ นั้น
       “มีอะไรแจ็ค” ไอ้ดิวมันถามผม ผมก็มองแสดงว่ามันยังไม่ได้สูดกลิ่นเบียร์ซิท่า
       “ทำไมเบียร์มันกลิ่นแปลกๆ ว่า กลิ่นแม่งเหมือนฉี่เลยว่ะ” ผมพูดและมองหน้าไอ้คนที่หันมาช้าๆ
       “แต่ความซ่าแม่งแซงหน้าเบียร์เชื่อกู “ไอ้หน้าตี๋มันชิ่งพูดขึ้นมาดื้อๆ ผมก็ไม่เข้าใจที่มันพูดหรอก ไอ้ดิวก็ยกขึ้นมาและมันก็เบือนหน้าหนีเช่นกัน แอ้ก็เช่นกัน พายนี้รีบวางลงเลยทันทีและทำท่าขนลุกขนพอง
         “น้ำอะไรของมึงเนี๊ยะ! ถ้าจะบอกว่าหมักนาน กูเดาว่าหมักซากหนูตายลงไปด้วยแน่ๆ “พายพูดพวกผมหันไปมองหน้าไอ้หน้าตี๋
        “นี่มึงเอาน้ำอะไรมาให้พวกกูเนี่ย” ผมถามไอ้คนตรงหน้า ดูมันยืนมองพวกผมมุมปากที่กระตุกเป็นรอยยิ้มนั้น มันดูเหมือนพวกโรคจิตมากและมันก็กระตุ้นให้ความโกรธของผมพุ้งขึ้นมาทันที ผมลุกพรวดขึ้นทันที ผมก็เดินไปหามัน และส่งแก้วให้มันดู มันก็เอียงคอมองผม
        “น้ำอะไร!!!” ผมตะคอกเสียงดังถาม มันก็ยืนปั่นหน้าได้นิ่งมาก
         “น้ำฉีกูเองว่ะ ไม่ลองล่ะ มันน่าจะซ่ากว่าเบียร์ ฮาๆ “มันพูด ทุกคนวางแก้วลงอย่างเร็ว
         “มึง!!นี่มันจะมากไปแล้วน่ะ เล่นแบบนี้ แม่งอยากหางานใหม่ใช่ป่ะ ได้กูจะให้ไอ้ติ๊กมันโทรไปบอกพ่อมันและมึงก็เตรียมตัวออกไปจากบ้านนี้ได้เลยว่ะ” ผมพูดพร้อมกับเอามือเท้าเอว
         “พวกมึงคิดว่ามีพ่อใหญ่แล้วจะข่มใครก็ได้เหรอวะ “ผมหันมามองหน้ามัน มันก็ก้าวย่างเข้าหาผมแบบไม่กลัวทั้งที่ผมมีกันสี่คนอยู่ตรงนี้แต่มันลุยเดี่ยวทำท่าจะแลกกับผมด้วย
         “แล้วมึงใหญ่กว่าพ่อพวกกูป่ะล่ะ” ผมถามมันกลับ ตาก็ยังประสานกันแบบไม่ลดล่ะ
         “อาจจะ” มันพูดและมองหน้าผม มันเดินเข้ามาและประชันหน้ากับผมแบบไม่กลัวอะไรอีกเช่นกัน สายตามันแน่มาก ผมชักอยากรู้แล้วซิว่ามันคือใครกันแน่
         “มึงเป็นใคร?” ผมถามสายตายังคงจดจ้องที่คนนั้นแบบไม่ละสายตาเช่นกัน จนกระทั่ง
         “แจ็ค!!” บอยเรียกชื่อผมพร้อมกับเปิดประตูเข้ามา ผมหันไปมองบอย บอยก็ทำหน้าเหมือนตกใจขึ้นมาทันที ผมหันไปมองตามสายตา บอยมองไอ้หน้าตี๋นั้นอยู่
         “บอย เห็นไอ้ติ๊กไหมครับ” ผมหันไปถามและรีบจะเดินไปหาบอยแต่ถูกไอ้คนข้างหน้ามันดึงผมกระเด็นไป ผมตกใจแต่ผมก็มีความไวพอตัวผมไม่รอให้เสียหลังผมรีบดันตัวขึ้นมา ผมเห็นมันกำลังตรงไปหาบอยเช่น ผมรีบดึงแขนมันและปล่อยหมัดไปที่ใบหน้าของไอ้หน้าตี๋นั้น
        “ผลัก!” เสียงหมัดกระทบใบหน้าไอ้ตี๋นั้น
        “แจ็ค อย่า!” บอยร้องห้ามผม และไอ้คนที่ผมตะบันหน้าก็ล้มลง ผมเลยเดินไปหาบอยเพื่ออธิบายว่าทำไมและไอ้นี่มันกวนพวกผมแค่ไหน
        “บอย คือแจ็ค” ผมกำลังจะอธิบายแต่บอยมองหาไอ้คนที่ผมต่อยลงไปกอง ยังไม่ทันไร มันก็วิ่งปรีมาหาผมและกระชากคอเสื้อผม ผมก็กระชากคอเสื้อมันเช่นกัน สายตาผมกับไอ้หน้าตี๋ประสานกัน ผมก็ไม่กลัวมันก็ไม่กลัวผมเช่นกัน ผมเลิกคิ้วสูงเป็นคำถาม อยากลองดีกับผมเหรอแต่...
          “เฮ้ย!!!” ทุกคนร้องออกมาอย่างตกใจผมรู้สึกเย็นว๊าปที่พุงของผมเพราะว่าที่พุงมีแก้วที่มันแตกจ่ออยู่ มันกะจะกระซวกพุงผมทันที ผมแค่ก้มลงมองแต่ผมหาได้กลัวไม่ ผมยังเงยหน้าขึ้นมองหน้ามันเป็นเชิงท้าทายด้วยซ้ำ ถ้ามันกล้า
          “เฮ้ยมึงอย่าน่ะ!! “ไอ้ดิวรีบร้องห้ามไอ้คนที่จ่อของแหล่มที่พุงผมอยู่ทันที
           “เฮ้ย! ใจเย็นๆ ดิว่ะ เรื่องไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย” ไอ้ดิวพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้มันวางของแหลมลงแต่ไอ้คนที่จ่อพุงผมอยู่ก็หาได้ละสายตาจากผมไม่และของในมือก็ยังคงจ่อพุงผมอยู่เช่นกัน
          “หลุยส์ อย่า!! “บอยเรียกชื่อไอ้คนที่กำลังจะแท่งผมอยู่ นี่บอยรู้จักมันหรือนี่ แต่ผมไม่สน ผมก็ประสานสายตามองจ้องมันอย่างไม่ลดละเช่นกัน
          “มึงกล้าหรือเปล่าล่ะ” ผมถามคนตรงหน้า สายตาผมคงท้าทายมันไม่มาก็น้อย ไอ้คนตรงหน้าผมก็ไม่พูดอะไรยังคงอยู่ท่าเดิม
          “อย่าไอ้แจ็คมึงอย่าไปยั่วยุมันดิว่ะ” พายรีบห้ามปรามผมไม่ให้ยั่วอารมณ์มัน
          “แต่มึงคงได้หมอบคาเท้าเพื่อนกูแน่ๆ” ผมพูดก่อนจะหันไปชำเลืองมองไอ้ดิว ไอ้ดิวมันก็ยืนรอพร้อมใส่เหมือนกัน ไอ้คนตรงหน้าผมนี้มันจ่วงแท่งผมขึ้นมาจริงๆ ไอ้หน้าตี๋มองผมแบบไม่สนใจคนรอบด้านเลยสักนิด ไอ้หน้าตี๋หันไปมองไอ้ดิวก่อนจะหันกลับมามองผมทันที
         “ใครหน้าไหนกูก็ไม่กลัว.... ยกเว้น.....” มันพูดและมันหันมามองบอย
         “หลุยส์ พอเถอะ นี้แจ็ค เพื่อนเรานะ อย่าทำแบบนี้เลยน่ะ “บอยพูดบอกไอ้ตี๋นั้น ดูมันทำหน้าตาหวานซึ่งชวนผมอยากจะเตะมันให้กระเด็นออกไป ด้วยแรงหึง
          “บอยรู้จักไอ้หน้าตี๋นี้ด้วยเหรอ” ผมหันไปถามบอย
          “เขาชื่อหลุยส์ เขาจะ…” ขณะที่บอยกำลังจะพูด ไอ้ติ๊กมันก็โผ่หัวเข้ามาพอดี
           “เฮ้ย! พวกมึง พ่อกูโทรมาบอกว่าเราจะมีสมาชิกใหม่ว่า มันชื่อ..หลุยส์ แต่ไม่วิคตอง มาอยู่กับ...เรา…” ไอ้ติ๊กเดินเข้ามามันก็ทำหน้าตกใจที่เห็นว่ามีคนดึงคอเสื้อผมไว้และที่พุงมีอะไรรอแท่งผมอยู่เช่นกัน
         “เว้ย!!!” ไอ้ติ๊กมันร้องตกใจและกลืนน้ำลายลงคอ มันหันไปชี้โบ๊ชี้เบ๊ถามพวกไอ้ดิว ไอ้ดิวมันก็ชี้มาที่หน้าตี๋นี้
           “มึงชื่อหลุยส์ใช่ปะวะ” ไอ้ติ๊กมันถามไอ้หน้าตี๋และบอยก็เรียกมันว่าไอ้หลุยส์ด้วย ผมว่าไอ้นี่แหละ
           “ใช่กูนี้แหละ ที่ชื่อหลุยส์” ทุกคนถึงกับพยักหน้า มันคือไอ้หลุยส์และคำถามต่อไปแล้วมันเป็นใครละไอ้หลุยส์เนี่ยะ เกิดมาพวกผมก็เจอกันแค่นี้
          “เปิดตัวแรงเว้อว่ะ…. เออ..” ไอ้ติ๊กมันทำหน้าตกใจแต่มันก็หันไปหาพวกไอ้ดิว
          “เกิดอะไรขึ้นว่ะและนี่กูพล้าดอะไรไปวะ” ไอ้ติ๊กมันถามพวกนั้น ผมก็ยังคงจ้องหน้ากับไอ้หน้าตี๋นี้
          “มึงทำไมไม่บอกพวกกูให้เร็วกว่านี้วะ กูนึกว่าคนใช้มึง!!!” ไอ้ดิวหันไปพูดกับไอ้ติ๊ก ผมยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็เลยได้ยินอยู่ ไอ้ติ๊กมันส่ายหัวและหันไปกระซิบกระซาบอะไรกันกับพวกไอ้ดิวก็ไม่รู้เพราะว่ามันเบามาก แต่ผมไม่สนใจ
          “หลุยส์ เอาเป็นว่าพวกกูขอโทษวะ ที่เข้าใจผิด” ไอ้ดิวมันพูดขอโทษไอ้หน้าตี๋ ไอ้หลุยส์หันไปมองหน้าไอ้ดิว
          “ไอ้แจ็คมันก็ไม่รู้ มันคิดว่ามึงคือคนใช้ที่ไอ้ติ๊กมันขอพ่อมันเอาไว้” ไอ้ดิวพูด
          “วางลงเถอะไอ้นั่นน่ะ เสียวพุงแทนเพื่อนกูว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดและค่อยๆ เดินเข้ามามันแบมือขอแก้วที่แตกจากไอ้หลุยส์ ไอ้หน้าตี๋นี้มันมองหน้าบอยที่พยักหน้าว่าให้เขาส่งมันให้ดิวไป มันก็ปล่อยผมและส่งของแหลมนั้นให้ดิวไป ไอ้ดิวมันก็ส่งไปให้ไอ้แอ้ เอาไปทิ้งให้
           “เฮ้อ!” ทุกคนพากันถอนลมหายใจ เพราะว่าลุ้นอยู่ว่าผมจะโดนฝากเศษแก้วเอาไว้ไหมที่พุงผมเนี่ยะ จนสุดท้ายมันก็ยอมถอยออกแต่ดวงตาคู่นั้นยังมองหน้าหาเรื่องอยู่
          “บอย “มันปรี่จะเข้าไปหาบอยอีก ผมก็ดึงมันกลับเพราะนั้นมันแฟนผม แต่สายตาของบอยทำให้ผมไม่กล้าชกมัน
          “โอ้ยย!” มันลงไปนอนและกุมท้องมันเอง ผมแค่ดึงมันกลับไม่ได้ชกท้องมันซะหน่อย และมันก็ร้องโอดครวญ เหมือนผมต่อยมันแรงมาก ที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นโหดไม่กลัวอะไรทั้งนั้น พอบอยมานี้ทำเป็นคนเจ้าสำออยขึ้นมาทันที
         “ไอ้แจ็ค!!! “ไอ้ติ๊กพูดและกะวิ่งมาประคองไอ้ตี๋นี้ขึ้นแต่มันก็สะบัดไอ้ติ๊กออกและมองตากะปริบๆ มาที่บอย เพื่อขอคะแนนสงสาร มันช่างกล้า!!
        “แจ็ค ไปต่อยหลุยส์อีกทำไม “บอยพูดและเขาก็เดินผ่านผมไปลงไปประคองไอ้หน้าตี๋นั้น ผมหันมองทุกคนที่อึ้ง ไม่มีใครพูดอะไรเลย
         “บอย แจ็คไม่ได้ต่อยมันนะครับ” ผมพูด บอยมองหน้าผม
         “อู้ยย! “ไอ้หน้าตี๋มันยังคงร้องและกุมท้องมันไว้ มีชำเลืองตามองมาที่ผม ผมสังเกตเห็นว่ามันแอบยิ้มที่มุมปากแต่ไม่มีใครเห็นเพราะว่ามันหุบยิ้มเร็วมาก ไอ้นี้แสดงเก่งว่างั้น
          “ไอ้!!” ผมทำท่าจะเข้าไปต่อยมันของจริงรอบนี้
          “หมับ!!” ไอ้ดิวมันคว้าแขนผมดึงไว้ มันส่ายหัว ไม่ให้ผมเข้าไปและบอยก็หันขวับมามองหน้าผมด้วย
          “แจ็ค! “บอยเรียกผมและประคองไอ้ตี๋นั้นขึ้นมา บอยมองผมแต่ก็ไม่พูดอะไรต่ออีกเลย แถมทำท่าจะพาไอ้ตี๋ไปไหนก็ไม่รู้
          “จะไปไหนบอย” ผมถามบอย
          “จะพาหลุยส์ไปใส่ยา” บอยพูดเสียงแข็งใส่ผม บอยโกรธผม
          “บอย ...ไอ้” ผมทำท่าจะอธิบาย
          “ใจเย็นเป็นไหมแจ็ค! แจ็คน่าจะใจเย็นฟังคนอื่นก่อนบ้างน่ะ” บอยหันมาถามผม ผมรู้ว่าผมเป็นคนหัวร้อนใจร้อน และสายตาบอยมันบอกว่าเขาเสียใจมาก ผมก็ได้แต่ก้มหน้าลงและไอ้ดิวมันก็แตะที่ต้นแขนของผมเอาไว้ ผมได้แต่มองบอยที่พาไอ้สำออยนั้นออกไป ดูมันผมนี้อยากจะอัดมันให้ร่างมันนี้ติดกำแพงไปเลยแต่คำพูดบอย ที่ถามผม ใจเย็นเป็นไหม
          “เฮ้ย! นี่มันเชี่ยอะไรวะ” ผมสบถออกมาแต่ละคนมองหน้าผม
          “ไอ้นี่มันจบสถาบันการแสดงที่ไหนมาว่า แม่งเล่นเนียนกว่ากูอีก” ไอ้ติ๊กพูดนั้นแสดงว่ามันก็เห็นว่าผมไม่ได้ต่อยมัน
         “นั่งลงก่อนแจ็ค เดี๋ยวกูเอาผ้าห่อน้ำแข็งมาให้ว่ะ” พายพูด ผมพยักหน้าผมนั่งลงบนเก้าอี้น่วม ด้วยความผิดหวัง นี้ไอ้หน้าตี๋นั้นคงไปออดอ้อนบอยน่าดูว่าเจ็บอย่างนั้นอย่างนี้
         “ใจเย็นๆ ว่ะ มันก็คงแค่เพื่อนบอย” ไอ้ดิวพูด พายก็เดินเอาผ้าขนหนูหอน้ำแข็งมาให้ผมแปะที่มุมปากที่โดนมันชกไปเต็มๆ
          “และนี้ติ๊กมันบอกว่าพ่อมันให้ดูแลไอ้นี่ดีดี นั้นแสดงว่าคงเป็นอะไรที่สำคัญพอๆ กับพวกเราว่ะแจ็ค” ไอ้ดิวมันพูด ผมสะบัดหน้ามามอง ให้พวกเราดูแลไอ้นี่นี้นะ ผมส่ายหัว ผมไม่เอาด้วยคน ไม่มีทาง มาถึงก็กวนตีนขนาดนี้และถ้าต้องอยู่ร่วมด้วยมันจะกวนตีนผมขนาดไหนคิดดู
          “มึงนี้แม่งโคตรซวยเลยว่ะ กำลังไปได้ดีกับบอย เพิ่งจะดีกันเมื่อเช้าตอนเย็นโดนหมาคาบไปแดงซะงั้น” ไอ้ติ๊กพูด หันมามองหน้ามันนี้มึงซ้ำกูใช่ไหม
          “มึงก็ปาก ไอ้ติ๊ก” ไอ้แอ้หันไปต่อว่าไอ้ติ๊กทันที
          “รู้จักคำว่าเชื่อใจไหมวะ” ไอ้ดิวถามผม ผมหันมองหน้ามัน เห็นแบบนี้เชื่อใจไหวไหม ผมก็เงียบพูดไม่พูดอะไรต่อ
          “พวกกูขึ้นไปอาบน้ำดีกว่าวะ จะได้ลงมาทานอาหารเย็น วันนี้กูบอกไอ้ป๊อดว่ากรูจะกินกุ้งล็อปสเตอร์อบมอสซาเรลล่าชีส” ไอ้ติ๊กมันพูด พวกผมเงยหน้ามองมัน
          “อิมพอสซิเบิ้ล!!!!” พายพูดขึ้นมาทันที
          “มึงคิดว่าเขาจะไปหากุ้งล็อปสเตอร์ที่ไหนวะ ที่นี้มีแต่กุ้งแม่น้ำ” ไอ้ดิวพูด
           “ไม่รู้แหละ กูบอกมันว่ากูจะกิน” ไอ้ติ๊กพูดและหันมามองไอ้แอ้ มันกำลังจะอ้าปากชวนแอ้แน่ๆ
           “แอ้ไปอาบน้ำกัน” ไอ้ติ๊กพูด
           “มึงควรจะชวนกูว่ะเพราะกูอยู่ห้องเดียวกับมึง” ไอ้พายหันไปบอกไอ้ติ๊ก ผมหันมามองไอ้ดิว มันก็ยักไหล่ ให้ทำไง ผมคิดในใจ นี้ยังตีกันเรื่องอาบน้ำอีกหรือไง
           “ก็ไปดิ” ไอ้ติ๊กหันมาบอกพาย
            “ตอแหล กูเห็นแอ้มันนั่งรออาบเป็นคนสุดท้ายทุกที ให้มันไปอาบน้ำที่ห้องมันดิ “ไอ้พายพูด
ไอ้ดิวมันก็สะบัดหน้าไปมองแอ้ เหมือนมันจะยิ้มๆ ผมนะสังเกตมันมาพักหนึ่งแล้วน่ะ ระหว่างมันกับไอ้แอ้เนี่ยะ มันจะปิดพวกผมทำไมกันหรือแม้กระทั่งติ๊กมันก็ปิด อันนี้เริ่มมีข้อน่าสงสัย ผมหันมามองไอ้ดิว หยักคิ้วให้มัน ยังไงของมัน มันก็หลบสายตาผม ทำเป็นหันไปมองทางอื่นแทน
           “ก็..เออ รอบนี้กูกับมันจะอาบน้ำด้วยกัน” มันยังแถได้อีกและดึงแขนแอ้ให้ลุกขึ้น ไอ้ดิวมันหุบยิ้มทันที
           “ไปดิพาย มึงจะไปอาบน้ำไม่ใช่เหรอ” ติ๊กพูดและดึงแขนพาย ไปด้วย ผมว่าพายมันรู้อะไรดีดีมาแน่ๆ เอาไว้ผมต้องถามพายดีกว่า พอสามคนนั้นเดินออกไป ผมก็หันมามองหน้าไอ้ดิว เอาแขนพาดเก้าอี้นวม
           “มึงยังไงดิว “ผมถามไอ้ดิว ดิวมันมองหน้าผม
           “อะไร ไม่มี!” มันตอบผมเสียงสูง
           “มึงกับแอ้นะ กูรู้สึกเหมือนมึงสองคนมีอะไรปิดบังพวกกูกันด้วยวะ มึงสองคนกำลังคบกันอยู่ใช่ป่ะ?” ผมถามไอ้ดิวและยิ่งคำถามตรงไปเลย แบบปล่อยหมัดฮุกไปเลย
            “เออ ...ไม่ ..นิ “มันตะกุกตะกักตอบผมแสดงว่ามันมีอะไรปิดพวกผมจริงๆ ด้วย ผมก็มองว่าจะปิดทำไมว่ะ เราเหมือนเพื่อนร่วมชะตากรรมกันมาตั้งแต่เกิดแล้ว
            “มึงคบกันก็บอกดิว่ะ มันแปลกเหรอว่ะ ถ้าจะรักกันเอง ก็แค่บอกพวกกู ดิว” ผมหันไปพูดกับมัน มันเงียบทันที
            “แล้วระหว่างพวกมึงกับไอ้ติ๊กละ “ผมถามไอ้ดิวมันก็สะบัดหน้ามามองผมทันที
            “ก็ไม่มีอ่ะ “ไอ้ดิวมันรีบปฏิเสธทันทีแสดงว่าไอ้ติ๊กไม่ใช่นั้นก็ไอ้แอ้แน่นอน ผมหันมามองหน้ามันแบบจริงจัง
            “บอกพวกกูดิวะดิว มีอะไรพวกกูได้ช่วยกันได้ “ผมพูดเพราะเริ่มนอยด์กับมันแล้วน่ะ
            “ไม่มี ถ้ากูมีกูจะบอก” มันพูดและลุกไปขึ้นไปทันที ที่บ้านเรียกชิ่งหนี แหละนี่มันคงไปเข้าห้องยิมก่อนอาบน้ำซิท่าตอนแรกผมก็ว่าจะออกกำลังกายสักหน่อย เพราะถ้าเขาเรียกคัดตัวขึ้นมาร่างกายไม่พร้อมอีก แต่เจอไอ้หน้าตี๋ไปผมหมดอารมณ์เลย
          TBC..

หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.17(แจ็คXบอย)ไอ้หลุยส์ตัวร้าย2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 15-01-2024 22:47:17
EP.17.1(แจ็คXบอย)ไอ้หลุยส์ตัวร้าย2

      Part’ s แจ็ค ผมเดินเข้าไปในห้องครัวอย่างหัวเสีย ไม่ให้หัวเสียได้ยังไงจู่ๆ ก็มีไอ้หน้าตี๋ที่ไหนโผ่มาและมันก็ตามมาเพราะบอยแถมบอยยังเอาอกเอาใจมันอีก ผมนี่ตาร้อนเลย ไม่ให้ตาร้อนได้ไงปกติมีแค่ผมคนเดียว ผมอยากรู้จริงๆ ว่าใครส่งมันมากันแน่ ผมเดินไปหยุดอยู่ในครัว ผมเห็นแต่บอยยืนอยู่แต่ไม่เห็นไอ้หน้าตี๋นั้นและดูจากกล่องยานี้ก็คงทำแผลให้กันแล้วซินะ ผมเลยทำท่าจะเดินออก อาการน้อยใจถามหาทันทีแต่ว่า
       “ทำแผลหรือยังแจ็ค” บอยถามผม ผมหันหลังกลับไป บอยก็ค่อยๆ หันมามองผม แววตาและสายตาคู่นี้ ปกติใจผมน่ะเป็นคนแข็งมากแต่นี้อ่อนทุกทีให้กับคนนี้ ให้กับแววตาคู่นี้
       “ก็” ผมพูดแต่ก็ไม่กล้าสบตาตรงๆ บอยเดินตรงมาหาผม เขามาหยุดตรงหน้าผม
       “หันมาซิ” บอยบอกผมพร้อมกับหยิบชุดทำแผลมาด้วย เขาเอาสำลีแตะน้ำยาและเอามาแตะที่มุมปากผมเบาๆ เจ็บน่ะแต่ก็พยายามอดทน
       “แจ็ค บอยขอร้องได้ไหม อย่าใจร้อน “บอยพูดขอร้องผมขณะที่กำลังใส่ยาให้ผมอยู่
       “บอยก็ไอ้นั่น” ผมหันมาจะอธิบายแต่สายตาของบอยทำให้ผมต้องหยุดชะงัก
      “หลุยส์ เขาชื่อหลุยส์” บอยค้อนผมขวับเลยทันที
      “เออ ไอ้หลุยส์อะไรนี้นะ มัน... โอ๊ย!” ผมเผลอร้องสุดเสียงเพราะเจ็บแต่บอยกลับยิ้มที่มุมปาก
       “หึๆ” บอยขำผมในลำคอ
       “บอย แจ็คหึงอ่ะ” ผมบอกบอยและมองหน้าบอย
         “เขาเป็นเพื่อนบอยน่ะและเขาก็เป็นคนสำคัญขององค์กรเหมือนกัน “บอยพูดและทำท่าจะทายาเพิ่ม ผมก็หันไปมองทางอื่น ผมแคร์เหรอ
           “ไอ้หน้าตี๋นี้อะคนสำคัญ แจ็คไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย แจ็คคิดว่ามีแค่พวกเรา” ผมพูด บอยเงยหน้ามองผม
          “เรื่องมันยาว เอาไว้บอยค่อยอธิบายก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ แจ็คควรจะเป็นเพื่อนกับหลุยส์ “บอยบอกผมเหมือนออกคำสั่งมากกว่า
          “แล้วบอยละ ดูบอยสนิทกับไอ้หน้า …. ไอ้หลุยส์” ผมพูดจะเรียกไอ้หน้าตี๋แต่บอยแอบเงยหน้ามองผม แม้เวลาดุนี้แจ็คก็ง้อเลยเหมือนกันนะ
          “บอยบอกแล้วไงว่าเขาคือเพื่อนบอย” บอยพูดและเงยหน้ามองหน้าผม ผมรู้สายตาเขาจริงจังและผมก็ควรจะเชื่อใจ
          “แค่เพื่อนจริงๆ นะ “ผมจับมือบอยไว้และถามบอยเพื่อความมั่นใจ บอยพยักหน้าให้ผม
         “เชื่อใจทำได้ไหมครับและบอยอยากให้แจ็คเป็นคนใจเย็นลงเพราะการเป็นคนใจร้อนจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับ...” บอยพูดบอกผม ผมก็เหล่ตามองใครเหรอที่ผมควรจะเป็นแบบอย่างที่ดี แต่บอยก็มองผมค้างไว้
         “ช่างเถอะ แต่บอยขอน่ะ “บอยพูดและก้มลงเก็บของในกล่องยา
        “สัญญาซิ “บอยถามผมย้ำเขาเงยหน้ามองผมอีกครั้ง
         “สัญญาครับ “ผมพูด บอยยิ้มให้ผมและแตะสำลีที่ใส่ยาเพิ่มลงที่มุมปากผมแอบกดซะแรงเชียว
         “อู้ย!!!” ผมร้องคร้างเบาๆ
         “ทำเป็นร้อง ที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นเก่ง” บอยเงยหน้าแอบค้อนผมอีกแล้ว ผมก็มองใบหน้างามๆ ที่สวยยิ่งกว่ายิ่งสาว ดวงตาที่หวานประกอบกับตาสีฟ้าที่ดูละมุนคู่นั้น ไล่ลงมาที่ริมฝีปากที่ดูอวบอิ่มเรียวสวย จนยากที่จะอดใจห้ามไม่ให้จุมพิตแต่มันไวไปกว่าความคิดของผม
            “อืมม” ผมประกบริมฝีปากสวยนั้น บอยไม่ได้ห้ามปรามผม บอยเขย่งเท้าให้เสมอผมให้มากที่สุด ผมก็เลยยกตัวบอยให้นั่งบนโต๊ะตัวยาวในห้องครัว ผมกับบอยจูบกันอย่างดูดดื่ม รสจูบนั้นดีขึ้นกว่าเมื่อวานวันนี้ บอยปฏิบัติตามผมเหมือนเขาเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ขาคู่เรียวของบอยถูกแยกออกให้ตัวผมนี้แทรกเข้าไประหว่างกลาง มือผมไล่เข้าไปในเสื้อนักเรียนไต่ไปตามหน้าท้องและขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงยอดสองจุดที่แปะที่แผ่นอกแบนๆ นั้น
           “อะ..แจ็ค..อย่า..ไม่เอา” เสียงบอยเล็ดลอดออกมาเพื่อห้ามปรามผม แต่ผมก็ยังคงเล้าโลมไม่ยอมหยุด
          “ในนี้เหรอ ไม่มีใครแล้ว คนอื่นขึ้นไปอาบน้ำกันหมดแล้ว…. อืมมม…ที่รัก…อืมมม” ผมพูดและไม่ลดละยังคงซุกไซ้ไปตามซอกคอไล่ไปเรื่อยผมพยายามจะปลดกระดุมเสื้อบอยแต่บอยพยายามห้ามปรามผมตลอดจนแต่ก็มีอารมณ์ร่วมผมดูออก
            “บอยครับ” ไอ้หน้าตี๋มันเข้ามาขัดจังหวะผมกับบอย บอยก็รีบดันผมออกและจัดการแต่งตัวแต่ผมซิหันไปมองหน้ามันอย่างหัวเสียแต่คิดอีกทีนี้คือการแสดงตัวตนว่าเป็นเจ้าของที่ชัดเจนที่สุดนะผมว่า ผมหันไปมองหน้ามันว่ามีอะไร คนกำลังสวีตกัน
          “บอย..ห้องของหลุยส์อะ น้ำมันไม่ไหล และไฟก็ ไม่ค่อยติดอ่ะครับ “ไอ้หลุยส์มันพูด ผมหันมามองหน้าบอย
          “เมื่อวานกูกะจะนอนห้องนั้นน่ะและทุกอย่างมันใช้ได้น่ะ “ผมรีบพูด
          “อ้าวก็ลองขึ้นไปดูดิ นี่เพิ่งจะลงมา” ไอ้หลุยส์มันพูด บอยหันมามองหน้าผม
           “อีกห้องก็ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ด้วยครับบอย” มันยังคงจะเรียกคะแนนความสงสารจากบอยอีก
           “ถ้าอย่างนั้นก็ ให้หลุยส์นอนห้องเราหนึ่งคืนนะแจ็ค เพราะว่า...” บอยพูด ผมมองหน้าเขา
            “อะไรนะบอย!” ผมหันมาอ้อนบอยบ้างแต่บอยทำหน้าขอร้องผมไว้ ผมนะไม่อยากจะทำร้ายความรู้สึกคนที่ผมรักเลย ผมหันมองหน้ามันดูมัน ทำหน้ากวนผมจนอยากจะเข้าไปซัดกับมันอีกรอบแต่ว่าบอยขอผมเอาไว้ให้ใจเย็นๆ
          “แล้วมันจะนอนตรงไหนอ่ะ “ผมถามบอย
          “นอนเตียงเดียวกับบอยได้มั้ย?” นั้นผมหันไปอยากจะต่อยหน้ามันอีกแต่ผมสัญญากับบอยไปเมื่อกี้
          “นอนเตียงบอยไม่ได้โว้ย!! แต่นอนเตียงกูได้ เอาไหม ถ้าไม่…ก็ไปนอนห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์” ผมยื่นขอเสนอใหม่ ผมหันมามองบอยว่าให้สิทธิผมบ้างนะ บอยไม่ได้พูดอะไร ไอ้หน้าตี๋มันทำหน้าเหวอไป
        “ไม่รับขอเสนอนี้ก็ตามใจ บอยไปอาบน้ำกันดีกว่า” ผมหันมาพูดกับบอย
         “เออ ก็ได้! “มันตอบกลับแบบเสียไม่ได้ ผมก็หยักคิ้วให้มัน
          “โอ๊ยย!! บอยครับ แจ็คว่าตรงนี้ยังเจ็บอยู่เลยครับ ตรงนี้นะครับ ทายาให้หน่อยนะครับ” ผมร้อง ที่จริงตรงนั้นไม่โดนอะไรหรอกแต่อยากอ่อนบอย
           “Bullshit!!” ไอ้หน้าตี๋ มันพูดและเบ้ปาก ผมหันไปยักคิ้วให้
          “งั้นเราขึ้นไปอาบน้ำกันดีกว่า” บอยพูดแต่ไอ้หน้าตี๋มันชิ่งตอบ
           “ดี” ผมและไอ้หน้าตี๋พูดพร้อมกันแต่ มันจะมาดีด้วยได้ยังไง
           “ไอ้ตี๋! “ผมหันไปเรียกมันแต่
          “หลุยส์ แจ็คเขาชื่อหลุยส์ “บอยกอดอกมองผม
          “ไอ้...หลุยส์ มึงจะมาบอกว่าดีได้ยังไงเพราะว่ามึงจะไม่มีวันโผ่หัวเข้าไปในห้องน้ำขณะที่บอยอาบน้ำแน่นอน ผมหันไปพูดและจ้องหน้ามันทันที มันแค่ยืนกอดอกหาได้สนใจไหม
           “ก็บอยชวนอาบน้ำ” มันหันมาตอบผมได้หน้าตาเฉย
           “เขาชวนกูคนเดียว มึงนะคนนอก” ผมหันไปชี้หน้ามัน
         “กูไม่ใช่คนนอก” ไอ้หน้าตี๋พูดกระแทกเสียงใส่ผม
          “เอาละ ตกลงจะขึ้นไปอาบน้ำกันไหม ถ้าไม่ บอยจะไปเองและเชิญทะเลาะกันต่อแล้วกันน่ะ “บอยถามด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนจะลุกเดินหนีผมสองคนขึ้นไป ผมก็วิ่งแต่ไอ้ตี๋ก็พยายามวิ่งแซงผม ผมก็ดึงเสื้อมันเพื่อพยายามไปถึงก่อน ส่วนบอยเดินไปโดยไม่หันมามองผมสองคนเลยจนกระทั่งบอยมาถึงห้องและเปิดประตูเข้าไปทันที แต่ว่าผมสองคนยังแย่งกันอยู่เลย
           “เฮ้ย! ไอ้หน้าแขก” ไอ้หลุยส์มันเรียกผม แล้วผมจะรออะไร “ไอ้หน้าตี๋” ผมเรียกมันกลับเช่นกัน คนอะไรตาตี่แต่เชื่อหรูเชียว
            ผมสองคน วิ่งมถึงหน้าห้องนอนผมกับบอย บอยน่ะเข้าไปแล้วเหลือแค่ผมที่แย่งกันจะเข้าไป ก็ประตูมันแคบผมเลยแย่งกันจะเข้าก่อน ไอ้หลุยส์มันก็จะเข้าก่อนให้ได้ คือไม่มีใครยอมใคร มันจะเข้าผมก็ดึงมันและผลักมันไว้ข้างหลัง มันก็ดึงผมไว้ไม่ให้เข้าเช่นกัน ดันกันอยู่แบบนั้นจน
           “เฮ้ย! มึงสองคนนะ ยังจะกัดกันอีกเหรอวะ “ไอ้ดิวครับมันเปิดประตูมาด้วยผ้าเช็ดตัวคาดเอวแบบหมิ่นอีกแล้วและ มันโชว์ซิกแพ็คให้ผมสองคนดู มันชอบต่อยมวยแต่ทำไมมันเน้นกล้ามเนื้อท้องขนาดนั้น ผมสองคนเห็นแล้วยังกลืนน้ำลายเลย ไม่ใช่อะไร ผมไม่กล้าต่อยท้องมันแน่ๆ ผมว่าคนที่เจ็บคือคนต่อยไม่ใช่มัน
         “อ้าว!! กูถามว่ามึงสองคนยังจะกัดกันอีกเหรอ!” ไอ้ดิวมันถามผมสองคน ผมหันมามองหน้ากัน สายตาประสานกันบอกได้ว่าไม่ได้รักกันแน่นอน
           “เออ…มึงสองคนเสียงดังฉิบหายเลย เป็นบ้าอะไรเนี่ยะ!” ไอ้ติ๊กอีกคนที่ออกมาด้วยผ้าโผกหัวเหมือนผู้หญิงเลย ไอ้แอ้และพายก็ออกมายืนดูเช่นกัน
           “อายุมึงสองคนเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ ด้วย” อีกคนออกมานั้นคือพาย ปากมันร้ายแต่ว่าหน้าตามันน่ารักผมยอมรับน่ะ
           “ถ้ามึงยังตีกันอีก กูจะโยนมึงสองคนไปอยู่นอกบ้านโน้น ไปนั่งตากยุงเล่นสักพัก เอาไหม! “ไอ้ดิวพูดด้วยสีหน้าขึงขัง ผมเลยต้องหยุดและไอ้ตี๋มันก็วิ่งพรวดเข้าห้องไปก่อนผมทันทีช่วงทีเผลอ
            “โธ่โว้ย! กูพลาดเลย” ผมหันมาเม้งพวกไอ้ดิวแทน
           “ขอให้สามพีกันให้สนุกน่ะ “ไอ้ติ๊กพูดตามหลังและผมก็ยื่นมือออกไปพร้อมกับยกนิ้วกลางให้ พอผมเข้ามาก็ไม่เห็นบอยแล้วแสดงว่าบอยเข้าห้องน้ำไปแล้ว ล๊อกประตูด้วย ผมก็เลยต้องนั่งรอและมองหน้าไอ้ตี๋ไปด้วย สายตาผมสองคนจับจ้องที่หน้าประตูห้องน้ำ ถ้าบอยออกมาผมต้องเข้าไปหาบอยคนแรก มันก็คงคิดเช่นเดียวกับที่ผมคิด ดังนั้นผมจะละสายตาไม่ได้เลย (ในใจแอบคิดนี้ลุงหนึ่งส่งมันมาขัดขวางผมใช่ไหม)
            “บอย!!!” ทันทีที่บอยเปิดประตูออกมา ผมกับหลุยส์พุ้งไปหาบอยแต่ว่าบอยชี้นิ้วให้ผมสองคนหยุด ผมนี่เหยียบเบรกทันทีเหมือนหลุยส์เช่นกัน
            “บอยจะทำธุระ แจ็คกับหลุยส์ก็อาบน้ำแล้วกันน่ะ” บอยพูดก่อนจะเดินเลี่ยงไป ผมหันไปมองบอยโกรธผมทำไม ต้องไปโกรธไอ้หน้าตี๋ซิ… ผมหันมา ไอ้นั่นมันเข้าห้องน้ำไปแล้ว มันเลวววววมากกกก มันทิ้งผมยืนอยู่หน้าประตูและมันก็ล๊อกประตู บอยหันมามองหน้าผมก่อนจะหยิบเอาโน้ตบุคขึ้นมา
         “บอยไปด้านล่างน่ะ รอข้างล่าง เพราะว่าบอยไม่มีสมาธิ” บอยบอกผมก่อนจะเดินออกไป ผมนี่ก็ยืนกอดอกรอไอ้ตี๋มันอาบน้ำ แต่จะให้เข้าไปอาบกับมันเหรอ หยี๋!!! ขนลุกครับ มันน่าแปลก ผมไม่ได้รู้สึกกับผู้ชายทุกคน เขาเรียกว่าร่างกายผมมันรู้จักเลือกครับ ผมเอาหูแนบแอบฟัง มันร้องเพลงสากลในห้องน้ำ มันไม่คิดจะรีบให้ผมหน่อยเหรอ???
             Part หลุยส์ ผมชื่อหลุยส์ ผมเป็นใคร ผมเป็นลูกผู้มีอิทธิพลและเป็นคนออกแบบและคิดค้นพวกอุปกรณ์ไฮเทคที่ใช้ในการทำสงครามและนี้คือธุรกิจที่ทำรายได้มหาศาลให้ครอบครัวผม แต่ในความโชคดีของผมก็มี่ความโชคร้ายเมื่อพ่อแม่ผมถูกลอบสังหารและผมก็ยังเป็นเด็กน้อยแม้จะอายุสิบปีแล้วก็ตามทีต้องมากำพร้าพ่อแม่ และได้ผู้มีอิทธิรับผมมาดูแล และกิจการก็ยังดำเนินไปภายใต้การดูแลของเขาคนนั้น และที่ผมมานี้เพื่อเขาคนเดียวเลย บอย คือหนุ่มหล่อน่ารัก จุดเด่นคือบอยมีนัยต์ตาสีฟ้าน้ำทะเลดูสวยสะดุดตาตั้งแต่นาทีแรกที้ได้พบเห็น ใบหน้าเรียวสวยสาวสตรี ริมฝีปากบางเรียวเล็ก ปลายจมูกโด่งเรียวเล็กขับกับใบหน้าที่เรียวยาวรูปไข่ เส้นผมเส้นเล็กสีออกควันบุหรี่ รอยยิ้มที่ดูหวานละมุน บอยเป็นคนเก่งและเขาคือคนที่จะขึ้นรับตำแหน่งคนที่ดูแลองค์กร เขาเลือกคัดสรรมาเป็นพิเศษ ผมรู้ว่าพ่อผมเข้าร่วมโครงการอะไรสักอย่างแต่ตอนนั้นผมไม่สนใจเอาแต่สนุกไปวันวัน จนตอนนี้ทีผมเสียพ่อและแม่ไปกระทันหันและนั้นผมใช้เวลากับการเรียนรู้ด้วยตัวเอง จนผมเจอบอย ผมอยากให้เขาอยู่เคียงข้างผม ไม่ใช่มาอยู่กับไอ้หน้าแขก ไอ้คนที่มีแต่เรื่อง สร้างแต่ปัญหาแบบนี้ ผมไม่เข้าใจว่าเขาส่งบอยมานอนคู่กับไอ้นี่ได้ยังไง คอยดูผมจะต้องทำให้บอยกลับไปกับผมให้ได้
         ปังๆๆๆๆ ผมกำลังเพลิดเพลินอยู่ในตู้อาบน้ำกับใบหน้านายในฝันของผมเพลินๆ ผมอดนึกถึงใบหน้าบอยเมื่อครั้งแรกผมที่ผมได้เจอเขาไม่ได้ แม้แต่ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเลยก็ตาม แต่ดันมีมารมาผจน ไอ้หน้าแขกแน่ๆ ที่เคาะแบบนี้ ผมทำเป็นไม่สนใจ ขัดสีฉวีวรรณต่อไป
        ปังๆๆๆๆๆๆๆ นั้นหนักกว่าเดิมจนผมต้องปิดน้ำและออกมาหยิบผ้าขนหนูคาดเอวไว้แบบหมิ่นๆ ผมสูง 175 เซนติเมตร ไอ้แจ็คน่ะสูงร้อยแปดสิบ ก็สูงกว่าผมหน่อยน่ะผมคิดว่า ผมเลยดูเตี่ยกว่าไอ้แจ็คไปหน่อยแต่ก็เท่าๆ กับบอย ไอ้แจ็คมันเลยต้องย่อตัวลงมาจับขอบประตูมองหน้าผม
          “มึงเป็นบ้าอะไร? มึงมันงี่เง่า” เปิดประตูแง้มและมองหน้าจมูกแหลมของมัน
           “มึงเป็นบ้าอะไร ทําไมมึงถึงได้อาบน้ำนาน? ออกไปได้แล้ว! กูจะได้อาบน้ำบ้าง! ไอ้ไม่มีมารยาท!!!” ไอ้หน้าแขกมันพูดและมันก็ดันประตูให้กว้างขึ้นและดึงผมออกไป จนผมกระเด็นออกมาเลยก็ว่าได้ ผมมองหาตัวช่วย คือบอย แต่ว่าบอยไม่อยู่ในห้อง
             “มองหาบอยเหรอ เขาไม่อยู่รอมึงแล้ว มึงช้าว่ะ! “ไอ้หน้าแขกมันหันบอกผม ผมก็รีบแต่งตัวครับ จะได้ลงไปออดอ้อนบอยก่อนมัน
            “เขาเป็นคนรักของกู! “ไอ้หน้าแขกมันหันมาบอกผม ผมหันไปแสยะยิ้ม
           “กูไม่เชื่อมึง เท่าที่ผมรู้เขาไม่เคยมีแฟน ณ ตอนนี้มีแค่กูและกูนี้แหละที่จะเป็นแฟนของเขา” ไอ้หน้าแขกมันชักสีหน้าโกรธที่ผมพูด เกือบหนึ่งปีมานี้ผมก็ไม่เห็นบอยพูดถึงมันหรือจะพูดถึงแฟนสักคน
           “อย่างไรก็ตามมึงไม่สามารถหยุดกูได้ กูยังมีโอกาสเป็นคนรักของเขา.” ผมพูด และรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสักชุดเพื่อแต่งตัว ไอ้หน้าแขกมันปิดประตูมันคงรีบอาบน้ำแต่ช้าไปแล้วผมแต่งตัวเสร็จก็เดินลงมาชั้นล่าง ผมเห็นบอยกำลังคุยหัวเราะมีความสุข เหมือนเขาคุ้นเคยกันมาก่อนยังไงก็ไม่รู้กับพวกนี้
             “ดีวะ” ไอ้คนที่มันจะต่อยผมเพราะผมกำลังจะเสียบพุงไอ้หน้าแขก ผมเห็นสายตาที่ดุดันผมว่าไอ้นี่น่าสนใจมากสำหรับผม ผมคุ้นๆ หน้ามันน่ะ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
            “ดีวะ นาย?” ผมทักทายเชิงถามว่าเขาชื่ออะไร ดูหน้าไทย หล่อเข้ม หล่อแบบหนุ่มไทยและที่น่าสนใจกล้ามมันได้มากนี่มันอายุแค่สิบแปดปีเองน่ะ อ้อ ผมลืมไปว่าบ้านนี้หมอทหารเกือบทั้งบ้าน
          “เราชื่อดิว” คนตรงหน้าผมแนะนำตัว ผมพยักหน้า
           “ลูกชายศาสตราจารย์นายแพทย์ ภาณุเดช และเป็นแพทย์ทหาร รักษาการดูแลในตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่โรงพยาบาลในค่ายทหารที่พลเอกภีมปภพดูแลอยู่” ผมพูด ไอ้คนตรงหน้ามองหน้าผม มันพยักหน้าว่าข้อมูลผมแน่นมาก
           “นายเป็นลูกชายของคน เป็นายทุนและเป็นเจ้าของบริษัทที่ผลิตขีปนาวุธใช่ไหม เราพอจะจำหน้านายได้แล้วว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดผมก็ทำหน้างง ว่ามันพูดถึงอะไร ผมเคยเจอด้วยเหรอ
          “เราเคยเจอนายแต่น่าจะครั้งเดียว นานมากแล้วเพิ่งจะสิบขวบได้มั้ง ตอนนั้นงานอะไรสักงาน จำไม่ได้ว่ะแต่จำได้ว่ากูเจอมึงอ่ะ” ไอ้ดิวพูดผม ผมจำไม่ได้เลยจริงๆ แต่ก็พยักหน้า
           “อาหารมาแล้วเข้าห้องครัวกันเถอะว่ะ กูอยากทานล็อปสเตอร์แย่แล้ว” อีกคนน่าจะลูกชายอาภาคย์ มันหันมายักคิ้วให้ผมแค่นั้น ผมหันมามองอีกคนที่เดินมายืนข้างๆ ดิว เขาหันมามองหน้าผม
        “ดีวะหลุยส์ “คนนี้หน้าหวานมาก ไอ้ดิวหันมาพยักพเยิดกับผม ที่มองคนนี้นานไปหน่อย
          “มันชื่อแอ้ เป็น...” ไอ้ดิวมันหันไปแนะนำแต่มันก็หยุดแค่ เป็นผมเองที่ต้องเลิกคิ้วมอง เป็นอะไรของมันวะ ผมแอบคิดในใจ ทำไมมันต้องชำเลืองตามองคนนั้นก่อนจะพูดด้วย
          “เพื่อน!! ของมัน” ไอ้แอ้พูดต่อและมองหน้าไอ้ดิว ดูอีกคนจะผิดหวังลึกๆ เล่นเอาผมออกอาการงงไปทันที แต่ผมก็พยักหน้า ผมว่ามันสองคนมีอะไรแปลกแต่ใครจะสน ผมรีบลุกขึ้นและเดินไปหาบอยที่กำลังยืนคุยกับคนตัวเล็กร่างบางอยู่
          “แหมบอยอ่ะ ...คิกๆ “เขาหัวเราะอะไรกันก็ไม่รู้ ผมเดินเข้าไปพอดี
         “คุยกันสนุกน่าดู คุยเรื่องอะไรเหรอครับ” ผมพูดและมองบอย ผมมองชุดที่เขาสวมใส่ มันสบายแต่ดูน่ารักมากในสายตาผม บอยหันมายิ้มให้ผม
           “ก็คุยเรื่องทั่วไปแหละหลุยส์ “บอยบอกผม
          “เราไปทานข้าวกันเนอะ “บอยหันมาบอกผม ผมมก็พยักหน้าว่าได้ซิ
           “เออ ..หลุยส์นี้พายน่ะ ว่าที่คุณหมอในอนาคตเลยน่ะ” บอยแนะนำผมก็หันไปพยักหน้าทักทาย พายยืนมือมาจะเช็คแฮนด์ ผมก็เลยยื่นมือไปเช็คแฮนด์ตอบ ไม่เช็กแฮนด์ทำธรรมดาด้วยจับแน่นมากและทำท่าจะไม่ยอมปล่อยจนผมเองต้องเอาอีกมือแกะออก สาบานได้จะไม่กล้ายื่นมือไปให้จับอีก
            “มือนิ่มเนอะ รู้เลยว่าดูแลตัวเองดี” พายพูด ผมยิ้มๆ ให้ (นอกจากปากแล้ว อันนี้ก็น่ากลัว) ผมยิ้มเจื่อนๆ ให้ก่อนจะหันไปมองอาหารก็มาวางบนโต๊ะแล้ว อาหารไทยทั้งนั้น ผมน่ะจะไปทานอาหารไทยเฉพาะโอกาสพิเศษเท่านั้นจริงๆ และทานได้ไม่กี่อย่าง ส่วนใหญ่เป็นอาหารแนวตะวันตกทั้งหมด ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอ ผมเห็นบอยเดินไป ผมก็รีบเดินแทรกน้องพายไปให้ถึงบอยก่อนเพื่อ
             “บอยครับ” ผมเรียกบอยเอาไว้พร้อมกับ อาสาเข้าไปเลื่อนเก้าอี้ให้บอยทันทีอย่างสุภาพบุรุษเขาทำกัน บอยหันมายิ้มให้ผม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลุยส์ปฏิบัติกับบอย ผมทำทุกครั้งเลยที่ได้มีโอกาสไปทานอาหารกับบอย บอยก็นั่งลง
           “อุ้ย!! น่าร๊ากอ่ะ โรแมนเชียว อยากได้แบบนี้” พายพูดและยืนมองผม ผมก็พยักหน้ายิ้มให้และผมก็นั่งลงข้างๆ บอยทันที แต่ว่าไอ้คนที่จะนั่งข้างๆ ผมมันยังยืนอยู่ ทำหน้าฟินรออะไรของมันก็ไม่รู้ ผมเงยหน้ามองว่าอะไรยังไง
           “นี่ ไม่เลื่อนให้เราบ้างเหรอ” น้องพายเขาสะกิดไหล่ผม เขาก็ถามผม ผมก็มองว่าทำไมอ่ะมีอะไร จะให้เลื่อนอะไร เก้าอี้ ผมก็มองว่าทำไมไม่เลื่อนเองล่ะ ผมก้มลงมองที่มือน้องเขาประมาณว่า มีมือไม่ใช่เหรอ แต่น้องเขาก็ยังฉีกยิ้มให้ผมอยู่ พยักพเยิดไปที่เก้าอี้ตรงหน้า
          “เก้าอี้อ่ะ” พายพูดและชี้ไปที่เก้าอี้ ผมก็ชี้ตัวผมเองด้วยเช่นกัน พายก็พยักหน้า ว่าให้ผมนี่แหละทำให้หน่อย
          “โธ่ อีพาย มึงเลื่อนเองดิวะ ถ้ามึงเลื่อนเองป่านนี้มึงได้นั่งไปตั้งนานแล้ว ยืนให้เขาด่ามึงด่วยสายตาอยู่ได้ว่า มึงไม่มีปัญญาทำเองหรือไง ง้าว!!” คนชื่อติ๊กพูด ผมหันไปมองไอ้คนนั้นว่ากูไม่ได้คิดยาวขนาดนั้นเลยจริงๆ คนตัวเล็กทำหน้างอทันทีใส่ทันที ไม่ใช่งอธรรมดาอยากกระโดดกัดหูผมเลยด้วยซ้ำ ผมนี่ไม่กล้าเงยหน้ามองน้องเขาอีกเลยกลัวครับและที่น่ากลัวอีกคนคือไอ้คนที่มันบรรยายภาพประกอบ บรรยายซะจนน้องคนนีคงอยากฆ่าผมเลย
           “อ้าว! มึงจะยืนค้ำหัวกูอีกนานไหมอีพาย นั่งลง!” คนที่ชื่อติ๊กบอกน้องพายและดึงเสื้อให้นั่งลง
          “สองมาตรฐาน….ชิส์!” พายพูดและนั่งลงอย่างเสียไม่ได้
         “แล้ว?” ผมพยักพเยิดเป็นคำถาม ถามบอยว่าที่อีกฝังใครนั่งเหรอ อย่าบอกนะว่า

ต่อ
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง) EP.35(แจ็คXบอย)ความจริงครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 15-01-2024 22:48:42
“กูเอง.... จะทำไม..ไอ้... “ไอ้หน้าแขกมันลงมาแบบจัดเต็มมาก เสื้อผ้าหน้าผม แบรนด์เนมทั้งตัวสวมเสื้อสูททับมาขนาดนี้ ทรงผมก็ถูกจัดแต่งมาด้วยเจลจนเงาวั๊บ ไอ้แจ็คมันลงมายืนเท่ๆ ก่นก่อนจะหันมามองหน้าผมและมันก็กำลังจะเรียกชื่อผมแต่ว่าบอยหันไปมองหน้ามันซะก่อน
            “ไอ้หลุยส์ “มันเลยเรียกชื่อผมได้เพราะสายตาของบอยนั้น ไม่อย่างนั้นมันคงเรียกผมไอ้หน้าตี๋เหมือนทุกทีซิน่ะ ผมเห็นแบบนี้ ผมหันมามองหน้าบอย คนนี้เหรอที่บอยมีใจด้วย ผมว่าไม่น่าใช่ ไม่มีอะไรที่คู่ควรกับบอยเลยสักนิด
             “แป๊ก!” ทุกคนทำช้อนหลุดมือกันหมดและมองไปที่ไอ้หน้าแขก นี่มันแต่งตัวแบบอยู่บ้านของมันเหรอ จัดเต็มมาแบบยังกะจะไปออกเดท เสื้อยืดมีแจ็คเก็ตสวมทับ กางเกงขายาว ผมนี้ลงแว๊กมาแบบเงาวั๊บ
           “แจ็ค มึงจะไปไหนลูก ที่นี้ไม่มีผับ ร้านอาหารก็ไม่มี มึงมีอีเว้นในป่าเขาลำเนาไพรเหรอ” ไอ้ติ๊กมันถามไอ้แจ็ค
           “เออ ไปไหนของมึงเนี่ยะ แต่งมาขนาดนี้ จัดเต็มไปไหม?” ไอ้ดิวมันยังถามเลย
          “แค่ลงมากินข้าวกับพวกกูไม่ต้องหนักขนาดนี้ก็ได้มั้งแจ็ค มันหล่อเกิน หล่อจนกูไม่อยากกินแล้วอาหารน่ะ อยากกิน..” น้องพายพูดแต่ไอ้หน้าแขกมันยกนิ้วร้องห้าม มันหันมามองหน้าผมและหันไปส่งยิ้มเท่ๆ ให้บอย
            “ร่วมรับประทานอาหารเย็นไงครับกับคนสำคัญ ทั้งที “มันบอกทุกคนแต่การแต่งตัวนี้เหมือนจะไปออกงาน
            “ระดับไหนอ่ะ กูว่าแต่งมาขนาดนี้ ผู้นำประเทศแล้วมั้งมึงและพวกกูก็ไม่ได้เชิญใครมาน่ะ” ติ๊กพูด
              “บ้านพักนี้น่ะมันลึกขนาดที่จีพีเอสก็พาใครมาไม่ถูก พี่กูยังต้องกางแผนที่เลยมึง แค่คิดก็หลงรอแล้ว” ไอ้คนที่ติ๊กพูด ผมหันมามองบอย ไอ้นี่นี่น่ะที่ประกาศกับผมว่ามันคือแฟนของบอย มันใช่เหรอ ผมว่าไม่น่าจะใช่น่ะ มันรั่วมากน่ะ บอยก็ยิ้มๆ ให้ผม
          “มึงใส่มาขนาดนี้ไม่ร้อนเหรอ” ไอ้หนุ่มหน้าหวานที่ชื่อแอ้ถามไอ้แจ็ค ผมก็ว่ามันน่าจะร้อนมากน่ะ ผมอยากจะกลั้นหัวเราะ
          “ไม่” ไอ้แจ็คมันพูด
          “งั้นกูไปปิดแอร์ให้น่ะ ดูท่ามึงคงหนาวว่ะแจ็ค กูเป็นห่วงมึงเลย ไปโดนตัวไหนมาวะ” ไอ้คนชื่อดิวพูดและทำท่าจะลุกขึ้นแต่ว่า
           “อย่า... เพื่อนดิว นั่งเถอะ จะได้ทานกัน อย่าให้ทุกคนรอนาน” ไอ้แจ็คมันพูดด้วยเสียงพระเอกในฟิล์มภาพยนตร์เลย ทำเอาทุกคนหันไปมองไอ้หน้าแขกนี้พร้อมกันหมด
           “กูว่ามันโดนแล้วเนี๊ยะ มันคงไม่ได้ไหว้เขาก่อนเข้ามาอยู่แน่ๆ “ติ๊กพูด
           “และที่ผมแต่งมานี้ก็เพื่อเป็นเกียรติ แค่นี้เอง ผมผิดเหรอครับ” ไอ้แจ็คพูดหันมาถามทุกคน
            “เออๆ ไม่ผิด งั้นก็เชิญท่านแจ็คนั่งครับ พวกกระผมจะได้ทานกันสักที สมกับที่พวกกูนั่งรอมึงนาน” ไอ้ดิวพูด
            “ไม่ผิดหรอกแจ็คแต่พวกกูแค่เขินมึงน่ะ ดังนั้นโอกาสหน้า มึงก็ควรจะปรึกษาพวกกูบ้างน่ะแจ็ค” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันมายิ้มให้บอย บอยก็ยิ้มเจื่อนๆ ให้ผมอีกที
          “หล่อมากเลยแจ็ค...นั่งข้างๆ น้องพายแบบนี้ใจสั่นน่ะรู้ไหม คืนนี้พายว่าง” พายพูดและทำมือให้นั่งข้างๆ กันเพราะว่ายังมีเก้าอี้ว่างอยู่
         “อ้าวแล้วมึงไม่โทรคุยกับพี่แพทแล้วเหรอ เห็นบอกอยู่ “แอ้หันมาถามพาย
         “แอ้! มึงขัดกูทำไมเนี๊ยะ” พายหันมาพูด
         “หรือว่ามึงจะไม่คุย ถ้าพี่มึงโทรมากูจะได้บอกว่ามึงไปเดทกับไอ้แจ็คแทน” ติ๊กหันไปพูดกับน้องพาย ไอ้รูปหล่อถึงกับไถลไปทันที
        “พากันไปเดท ทุ่งโน่นเลย มีเสียงดนตรีประกอบด้วย โคตรโรแมนติก” ติ๊กพูด
          “จิ้งหรีดก็มี กบเขียนก็มา ร้องแข่งประสานกันเหมือนวงออเคสต้าเลย” ไอ้ดิวอีกคน
         “เออ แจ็ค มึงไปคนเดียวเถอะน่ะ กูไม่ว่างแล้ว ขอตัวเลย กูกลัว” น้องพายหันไปพูด
          “เออ...นั่งลงซิแจ็ค จะได้ทานอาหารกันน่ะ “เป็นบอยที่หันไปบอกไอ้คนที่ยืนทำหน้าหล่ออยู่นั้นไม่ยอมนั่งสักที ไอ้หน้าแขกหันมาทำนิ้วเฉือดคอโชว์ผมด้วย ผมก็แอบส่งนิ้วกลางให้มัน เอาซิ
            “เอา พร้อมองค์ประชุม ป๊อด เปิดอาหาร เอาจานกูก่อนล็อปสเตอร์อบชีสน่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูดและมีเด็กหนุ่มยังดูเด็กๆ อยู่เลยเดินมาและเปิดฝาที่ครอบอาหารอยู่
            “เออ...ป๊อด กุ้งล็อปสเตอร์ มันต้องตัวใหญ่กว่านี่น่ะและส่วนใหญ่จะแค่ตัวเดียวนี่มันกุ้งแม่น้ำไอ้ป๊อด และนี่มันมาเป็นแพรเลยป๊อด มันใช่เหรอ!!!” ติ๊กมันแทบจะควันออกหูทันที ผมน่ะทานประจำแต่นี้ไม่ใช่แน่นอน กุ้งอะไรก็ไม่รู้
              “พี่ติ๊กครับ คือแม่ผมบอกว่าหามาได้นี้ใหญ่ที่สุดในตลาดแล้วครับและนี้ก็ได้มาเป็นแพเลยนะครับ มันดีกว่าที่อบตัวเดียวโดดเดี๋ยวเดียวดายอีกน่ะครับและที่แม่ผมคิดนะครับ แม่ผมกลัวคุณติ๊กทานไม่อิ่มครับ เลยให้มาหลายตัวเลยครับ” น้องเขาอธิบายยืดยาวแต่คนฟัง ยืนควันออกหู
           “อะไรกันที่นี้ไม่มีล็อปสเตอร์เหรอ” ไอ้ติ๊กถามเด็กคนนั้น เขาก็ส่ายหัวไปมาว่าไม่มี
           “อันนี้แม่ผมบอกว่าลอบมาเหมือนกันครับแต่ว่าเขาน่าจะไปลอบดักจับมาจากแม่น้ำนะครับ ลอบเหมือนๆ กันน่ะพี่ “ไอ้ป๊อดพูด พวกผมหันไปมองไอ้เด็กคนนี้ มันแก่จริงๆ แก่แดด "ไอ้ป๊อด!! มึงอยากหางานใหม่ใช่ไหม) )) )"ติ๊กมันลุกขึ้นพูด
            “ติ๊ก มึงจะบ้าเหรอ ใครจะไปสรรหากุ้งล็อบสเตอร์มาให้มึงตอนนี้และนี่ก็ดีแค่ไหนแล้วที่มีกุ้งแม่น้ำให้ รสชาติก็ไม่ต่างกันแหละ” ไอ้ดิวพูด บอยหันไปพยักหน้ากับติ๊ก
             “ก็กู จะทานล๊อปสเตอร์นี่หว่า” ไอ้ติ๊กพูดและมองหน้าเด็กน้อยคนนั้นอีก
             “เอาเดี๋ยวกูมา” ไอ้ดิวมันพูดก่อนจะลุกขึ้นและทำท่าจะเดินออกไป ผมไม่รู้ว่าไปไหน
            “ป๊อด! เปิดอันอื่นเลย คนอื่นจะได้ทาน เดี๋ยวพี่ไปหาล้อปสเตอร์ให้เจ้านายเรื่องมากของมึงก่อน “ไอ้แอ้พูดและไอ้เด็กที่ชื่อป๊อดมันก็ไล่เปิดฝาอาหารรอยโต๊ะ แต่ละอย่างนี้ผมไม่รู้จักเลยครับ
         “หลุยส์ทานได้ไหม” บอยหันหน้ามาถามผม
          “ทำไมล่ะทานไม่ได้เหรอ” ไอ้หน้าแขกมันพูดผมหันไปมองหน้ามัน
            “หรือว่ากินได้แค่แบบจืดๆ เด็กน้อยเอ่ย!” ไอ้แจ็คมันว่าผมเป็นเด็กน้อย อยากจะขึ้นแต่เกรงใจบอย ที่มองผมและหันไปมองไอ้แจ็คเหมือนจะดุมันให้หยุด
              “ไอ้ตาชั้นเดียวเฮ้ยย” นั้นมันด่าผมอีก อย่าคิดว่ากูฟังไม่รู้นะโว้ย!!
           “หลุยส์ทานได้บอย “ผมบอกบอยและยิ้มๆ ทุกคนหันมามองผม
            “หลุยส์เขาไม่เคยทานของเผ็ดนะทุกคน” บอยหันไปบอกทุกคนคงรวมไอ้หน้าแขกด้วย นี้เป็นการแสดงว่าบอยแคร์ผมแค่ไหน คิดเอาไอ้หน้าแขก ผมคิดในใจ
            “มาแล้วติ๊ก” ไอ้ดิวมันเดินกลับเข้ามาพร้อมกระดาษ มันไปปริ้นมาและส่งให้ติ๊ก มันคือรูปล็อปสเตอร์
            “มึงดูรูปนี่น่ะ กุ้งล้อปสเตอร์แถมเลือกชนิดที่แพงที่สุด เจ็ดสีเลยมึงแล้วมึง ไอ้ดิวมันพูดมันส่งกระดาษที่ปริ้นมาให้ดู
             “มึงกินกุ้งแม่น้ำนั้นซะพร้อมกับจ้องรูปกุ้งล็อบสเตอร์นี้ไปด้วย รับรองได้ว่ามึงจะได้ทั้งรสชาติและความฟินไปพร้อมๆ กัน” ไอ้ดิวมันพูดไอ้คนที่รับกระดาษไปถือมันทำท่าจะอ้าปากด่า
            “อ่ะ อ่ะ อย่าบ่นมากเดี๋ยวมึงได้ไปนั่งกินมาม่าแทน คราวนี้ฟินกว่าอาหารที่มีบนโต๊ะอีก” ไอ้ดิวพูด ไอ้นี่มมันแก้ปัญหาได้ดี ไอ้ติ๊กเงียบไปเลย และก้มหน้าก้มตาทานอาหารทันที
            บอยก็ตักอาหารให้ผมก่อนเลย ผมนี้รีบยกจานไปรอรับเลย อร่อยแน่ๆ อาหารที่บอยตักให้ ไอ้แจ็คมันก็กำช้อนแน่นแต่ว่า บอยหันไปมองแจ็คก่อนจะตักให้มันบ้าง ไปตักให้มันทำไมมันก็มีมือบอยผมแอบคิดในใจ มันทำท่าดีใจใหญ่เลย
           “บอย บอยชอบอันนี้ มันชื่ออะไรนะ หลุยส์เห็นบอยสั่งบ่อย “ผมหันไปถามบอยและยิ้มตาหยีให้บอย
          “แต่หลุยส์ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรนะบอย” ผมพูดกับบอยและทำท่าจะตักให้บอย บอยก็มองหน้าผม แต่ล่ะคนทำไมทำหน้าตกใจกันหมดเลย
           “อ้อ อันนี้เขาเรียกปลาช่อนลุยสวนน่ะ เผ็ดได้ใจเลยแหละ ซี่ดซ้าดปากสั่นเลย พายก็ชอบมาก ชอบแซ่บๆ ” คนที่ตอบผมคือพายแต่ตอนลงท่ายนี้เล่นเอาผมขนลุกทันที ผมหันมามองหน้าบอย บอยส่ายหัวเบาๆ ให้ผมว่าไม่เอาดีกว่า
         “บอยไม่กินเผ็ดวะ ไอ้ตี๋ ฮาๆ” ไอ้แจ็ค ผมนี้ต้องระงับความโกรธ
           “บอยเคยทานน่ะหลุยส์ แต่ส่วนใหญ่แม่ครัวที่บ้านทำให้เขาจะไม่ใส่พริก อันนี้คงเผ็ดไปสำหรับบอย และหลุยส์คงทานไม่ได้เช่นกัน ให้คนอื่นเถอะ” นั้นอันนี้โดนเลยผม
           “ใช่เลย เรากินอะไรที่เหมือนกันมาก” ผมรีบชี้นิ้วเครื่องหมายถูก
           “เหรอ!!!!” ทุกเสียงส่งเสียงพร้อมกันหมด ผมหันไปมอง ทุกสายตามองมาที่ผมคนเดียวกันเลย
            “เก่งนะมึงนะ” มีคนชมผมไอ้ติ๊ก ผมทำหน้าตาพร้อมกับนิ้วว่าผมคูล์มากแค่ไหน
            “เดาใจเก่ง” ผมพูดและยิ้มอย่างภูมิใจ
           “แถเก่ง!!” ไอ้ติ๊กพูด ผมสะบัดหน้าไปมองมันแปลว่าอะไรวะ
            “แปลว่า?” ผมไม่รู้จริง ไอ้ติ๊กมันก็ยกมือขอพรจากฟ้าทันที
           “Ramble!!” มีคนตอบแทนคนนั้นคือไอ้แจ็ค เท่านั้นแหละผมเข้าใจทันที แต่บอยหันมามองผม ต้องรักษามาดพระเอกเอาไว้ ให้แจ็คมันเป็นตัวโกงไป ผมก็ยิ้มรับ
            “บอยอันนี้เลยบอยชอบมาก เมื่อก่อนให้แม่บ้านที่บ้านแจ็คทำให้กินทุกวัน จำได้ป่ะ” แจ็คหันไปดันอีกจานที่บอยชอบร้องขอให้แม่บ้านผมทำให้ทาน
             “ใช่บอยชอบ ร้องขอทุกวันเลย แกงจืดเต้าหู้ไข่ “ไอ้แอ้มันพูด ผมไม่เคยเห็นบอยสั่งอันนี้เลย
              “ไม่จริงมั้ง! เพราะว่าบอยไม่เคยพูดเลยน่ะว่าบอยชอบอาหารแบบนี้” ผมพูดก่อนจะหรี่ตามองบอย เขาก็ยิ้มให้ผม
             “เต้าหู้ไข่แม่บ้านบอยทำเองเลยนะ ทำให้ทานประจำ บอยเลยไม่ค่อยสั่งเวลาออกไปทานนอกบ้านหรอกหลุยส์” บอยหันมาบอกผม ผมแทบไถลไปกับโต๊ะอาหาร จริงๆ ด้วยผมยอมรับว่าไม่เคยไปทานอาหารที่บ้านบอยเลย บอยก็เลื่อนจานไปรับที่ไอ้นั่นมันตักมาให้ คะแนนหดหายลงไปเลยครับผม ดูมันไอ้แจ็ค มันส่งยิ้มให้ด้วยว่ามันกำลังทำคะแนนตีคู่ผมมาแล้วติดๆ
            “เดี๋ยวนะบอย” ผมพูดบอยหันมามองหน้าผม
             “หลุยส์ว่าหลุยส์เห็นเหมือนอะไรในจานนั้นไม่รู้บอย หลุยส์ว่าอย่าพึ่งทานดีกว่าน่ะบอย “ผมรีบคว้าจานที่บอยชอบไว้ไม่ให้ไอ้หน้าแขกตัก ทุกคนถึงกับทำหน้าเหวอ
            “มุขไหนของมันเนี่ยะ” มีเสียงกระซิบข้างๆ ผม แต่ผมไม่สนใจ
            “ไอ้หน้าตี๋ มึงจะดึงทำไม นี้ของโปรดของบอยเขาเลย กูนี้รู้ดีกว่ามึง เอามือออกไปและปล่อยจานมา” ไอ้หน้าแขกมันดึงชามกลับ ผมก็ขืนไม่ให้
             “กูเห็นอะไรที่ไม่น่าไว้ใจกูก็จะสกัด” ผมพูด
             “สกัดพองมึงดิ ปล่อย!!” แจ็คพูด สายตามันจ้องมองผม ผมก็จ้องมองมันกลับ
             “เออ...หลุยส์.. แจ็ค… บอยว่า…. “บอยก็พยายามห้ามแต่ผมก็พยายามยื้อมาที่ผม ไอ้หน้าแขกมันก็ยื้อกลับและผลสุดท้าย อาหารถ้วยนั้นคว้ำครับ
             “เว้ยย! เต้าหู้ไข่ “ทุกคนลุกพรวดและมองอาหารที่หกคว้ำกระหมำอยู่บนโต๊ะ ทุกคนหันไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่
             “อู้ยย! ไม่เป็นไรครับ ผมเช็ดให้พี่” ไอ้หนุ่มที่ยืนรอบริการรีบวิ่งหายเข้าไปในครัวและวิ่งออกมาพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด
             “เป็นไงไอ้ตี๋ บอยจะกินอะไร มึงทำหกไปหมดขนาดนั้นและนี่เขาก็สั่งมาเพื่อบอยเลยนะมึง” แจ็คมันพูดผมหันมามองหน้าบอย ผมไม่ตั้งใจน่ะบอย บอยพยักหน้ากับผมว่าไม่เป็นไร
                “ไม่เป็นไร มีอาหารเยอะอยู่น่ะ บอยทานได้ครับ “บอยพูดปลอบใจผมและหันมามองหน้าผมแบบไม่ได้รู้สึกโกรธมันเลยทำให้ผมรู้สึกผิดกับบอยยิ่งหนักและพาลไปโกรธไอ้หน้าแขก คนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้
              แต่เห็นสายตาบอยก็รีบทำน่าเศร้ามากเพื่อกลบเกลื่อนให้บอยเห็นใจผมมากขึ้นแอบหันไปเหล่ไอ้หน้าแขกมันคงอิจฉาผมอยู่ใช่จริงๆ ด้วยมันปักซ้อมลงด้วยความแค้นและหันมามองคนที่พลิกมาเป็นฝ่ายนำอีกครั้ง บอยก็ตักอาหารอันอื่นทานแทนและหันมามองผมว่าเอาไหม ผมรีบเสนอจานไปทันที
             “ไปแล้วหนึ่งจาน ไว้อาลัยให้แก่แกงจืดเต้าหู้” พายพูดและทุกคนก็หันมากำลังจะทานอาหารกันต่อ
            “ข้าวผัดไหมครับบอยดูน่าทานมากเลยน่ะ “ผมรีบหันไปคว้าจานข้าวผัดมาจากตรงหน้าใครไม่รู้ไม่ได้ดู
         “บอยแจ็คตักให้นะ” ไอ้แจ็คมันทำท่าจะแย่งจานข้าวผัดไปจากผม ผมก็ไม่ยอม ฉุดกระชากยื้อกันอยู่สุดท้ายจานข้าวผัดพลิกผ่านหน้าผมไป ไปไหนล่ะ แน่นอนผมหันไปมองทางที่ข้าวผัดควรจะไปและ ผมก็เห็นชัดมาก ว่าใครเป็นผู้โชคดีได้ไปทั้งจานและคนนั้นก็คือน้องพาย หน้าน้องมีแต่ข้าวผัดตั้งแต่หัวลงมาเลย
            “เว้ย!” ผมครับตกใจมากอุทานออกมาพร้อมๆ กับไอ้แจ็คมันนั่นแหละ ผมรีบปล่อยจานไปให้ไอ้แจ็คมันถือเอาไว้ทันที อยากได้มากเอาไป ผมเห็นพายกำลังใช้มือปาดข้าวที่อยู่บนใบหน้าออก
            “นิ...จะตักให้พายทั้งที รบกวนตักใส่จานเล็กๆ มาก็ได้น่ะ” พายพูด
            “ไม่ต้องฟาดมาทั้งถาดแบบนี้! “พายพูดและมองหน้าผมกับไอ้แจ็ค
            “โธ่! พายนี้มึงไม่กินธรรมดา ทาเลยเหรอวะ กลัวไม่อิ่มเหรอหรือว่ากลัววิตามินจากอาหารไม่ซึมเข้าผิวพรรณกันแน่ ฮาๆ ” ไอ้ติ๊กมันพูดและหัวเราะพายกันใหญ่เลย แต่คนอื่นพากันส่ายหัวไปตามๆ กัน
            “ไปล้างตัวก่อน เดี๋ยวสิวขึ้น ต่อไปจะเลิกสั่งข้าวผัดหรือเลิกนั่งข้างมึงดีวะ ไอ้หลุยส์ .... ชิส์” พายพูดก่อนจะลุกขึ้นไป ทุกคนเริ่มหันมามองผมสองคน สลับกันไปมากับไอ้หน้าแขกนั้น บอยหันมามองผมสองคนเช่นกัน
              “แจ็คไม่ผิดนะ ไอ้หลุยส์ต่างหาก” ดูมันกระซิบกับบอย ผมแอบส่งนิ้วกลางให้มัน แต่ผมหันไปเจอบอยที่มองผมอยู่ สะดุ้งครับรีบเก็บลงทันที ส่วนคนที่มองผมสองคนนิ่งมาก่อนจะก้มลงหันไปทานอาหารต่อนั้นคือไอ้ดิว
            “บอยทานอะไรดี” ไอ้แจ็คมันยังมีหน้ามาถามบอยอีกน่ะ
           “บอยทานอันนั้นไหมครับ ของโปรดแจ็คเลยครับ บอยต้องชอบเหมือนแจ็คแน่เลย “ดูมันพูดเข้าข้างตัวเองบ้างซิ ผมก็หันไปมองว่าไอ้แจ็คมันจะตักอันไหน
          “บอยนะเขาไม่ทานเนื้อ” ผมรีบพูดและเหล่ตามองบอย เป็นเรื่องจริงซะด้วย บอยหันมายิ้มเพราะว่าอันนี้ผมรู้ดี แต่ไอ้หน้าแขกมันมองบอยแบบไม่เชื่อที่ผมพูด
             “บอยทานอันนี้ไหมครับ” ผมถามและหยิบมาจะตักให้บอย
             “กูตักเอง มึงตักไม่เป็นหรอก ใช้เป็นแต่ตะเกียบ” ไอ้หน้าแขก ผมลุกขึ้นเลยครับและพยายามจะแย่งอาหารมากตักให้บอยแต่มันก็ยื้อแย่ง
            “ปล่อยไอ้แขก “ผมพูด “มึงนะปล่อยไอ้ตี๋” ไอ้แจ็ค
             “เว้ยย!” ไอ้ติ๊กและไอ้หน้าหวานไอ้แอ้ มันสองคนร้องออกมาพร้อมเพราะว่าอาหารลอยจากมือผมไปตกที่ตรงหน้ามัน ผัดผักรวมมิตร ไปรวมกับอาหารจานอื่นๆ แล้วด้วย
             “รวมมิตรของแท้เพราะว่าไปรวมกันไว้หมดแล้วอาหารกู “ติ๊กพูด
             “ครื้ดดดด!!!” เสียงเก้าอี้เลื่อนออก ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงข้ามพวกผม ไอ้ดิวมันไม่ได้นั่งอยู่ที่เก้าอี้แล้วแต่มาอยู่ด้านหลังผมสองคนแทน
              “หมับ ...หมับ” มันเดินตรงมากระชากคอเสื้อผมจากด้านหลังและมันก็ลากผมสองคน
             “อะไรของมึง…. ไอ้ดิว!” ไอ้แจ็คมันถามไอ้คนที่ลากผมสองคนออกไป ผมยอมรับว่าแรงมันดีมาก ผมสองคนพยายามดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ลากผมสองคนมาถึงหน้าประตูและ มันก็โยนผมสองคนออกไปนอกประตู
           “ตุบ! ตุบ!” ร่างผมสองคนถูกโยนออกไป
            “มึงสองคนไปหาที่นั่งสงบๆ น่ะ และถ้ายังกัดกันไม่เลิก กูจะให้ไปกัดกันข้างนอกแทน...นอกบ้านโน่นเลย เอาไหม!” ไอ้ดิวพูด
          “พวกกูจะกินข้าวกัน อย่างเงียบๆ “ไอ้ดิวพูดขึ้นเสียงใส่ผมสองคน
          “ถ้าพวกมึงยังไม่สามัคคีกันก็อย่าหวังว่าจะได้กิน” ไอ้ดิวมันพูดทิ้งท้ายเอาไว้
            “ปัง!” เสียงประตูปิดลงอย่างดัง ผมหันมามองไอ้แขก และก็ต้องถอยหลังออกเพราะว่าไอ้ดิวนี้เวลามันเอาจริงน่ากลัวเหมือนกัน และผมก็ ไม่อยากออกไปให้ยุงกัดเล่น ผมก็ได้แต่นั่งชะเง้อมองไปด้านใน และไอ้หน้าแขกอีกคน
            “"This’ s all your fault coz you been silly!!. Silly billy you know!!!” !!"!!!” ไอ้แจ็คมันว่าผมเป็นตัวต้นเหตุเหรอ ผมนั่งอยู่สักพัก คนละมุมจนกระทั่งเวลาผ่านไป 10 นาที เสียงประตูถูกเปิดออก คนที่มาเปิดก็คือไอ้ดิว
            “มึงจะสามัคคีกันได้หรือยัง?” ไอ้ดิวถามผมและไอ้หน้าแขกเพื่อนมัน ผมหันไปมองหน้ามัน และไอ้หน้าแขกมันก็มองหน้าผมเช่นกัน แต่เอาวะ แกล้งดีกับมันก่อน เดี๋ยวค่อยเอาคืนและผมจะได้กลับไปนั่งชิดกับบอยอีก
           “ไอ้แขก เอ๊ย! ไอ้แจ็ค เราไปกินข้าวกันดีกว่าว่ะ “ผมเดินไปยื่นมือให้มัน กัดฟันเลยจะดีกว่า แต่ก็ต้องยอม ไอ้หน้าแขกมันก็ทำหน้าตาเหวอ
          “เร็ว!” ผมกัดฟันบอกมันและหันไปยิ้มให้ไอ้ดิว
          “เร็วนะอาหารจะหมดโต๊ะแล้วเพราะว่ามีน้อยและพวกมึงเล่นตีกันจนหกไปครึ่งหนึ่งได้” ไอ้ดิวพูด ผมสองคนก็เดินตามเข้าไปแต่ก็ยังหันมาแอบแยกเขี้ยวใส่กันอยู่หลังไอ้ดิว จนผมเดินเข้าไปก็รีบนั่งที่เดิมข้างบอยและมีไอ้หน้าแขกมานั่งประกบข้างเช่นกัน ผมสองคนยิ้มให้พวกที่นี้ด้วยความหวาดระแวงพากันเอามือปกป้องจานตัวเอง
           “ทานซิ หลุยส์ แจ็ค บอยตักไว้ให้ในจานแล้ว “บอยพูดผมก็ยิ้มตาหยีให้เพราะตาชั้นเดียว ผมจำใจต้องนั่งทานอาหารไปแต่ก็แอบจิกกัดไอ้หน้าแขกไปด้วย จนกระทั่งมื้ออาหารเย็นก็จบลง
             “ป๊อด!! อาหารอร่อยมา คราวหน้าทำมาเพิ่มสักอย่างล่ะสองสามจานเลยน่ะ เพื่อว่าไอ้สองคนนี้มันตีกันบนโต๊ะด้วย พวกกูจะได้มีสำรอง” ไอ้ติ๊กมันพูดและเหล่มองผมและไอ้หน้าแขกเพื่อนมัน และทุกคนก็พากันลุกขึ้น ผมก็จะช้าทำไมรีบลุกไปเลื่อนเก้าอี้ออกแต่ มีคนแย่งซีนผมจากนั้นไอ้แจ็ค มันประคองบอยออกไปซะอย่างงั้น
              “Too slow!” มันพูดให้ผมอ่านปากผม ผมนี้เจ็บใจหนัก แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ รีบเดินตามไปติดๆ
            “บอย” ผมเรียกบอยและเข้าไปเดินประกบอีกข้างหนึ่ง บอยหันมามองหน้าผมและจังหวะที่จะเดินผ่านช่องประตูแน่นอนมันพอสำหรับสามคนหรอก ผมก็ได้จังหวะที่มันพยายามแอบฟังผมทำท่าจะคุยกับบอยผมรีบผลักไอ้แขกให้หลุดออกไป เหลือแค่ผมกับบอยเดินผ่านประตูออกมา และผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
              “ว่าไงหลุยส์” บอยถามผม
            “บ้านนี้บรรยากาศดีนะครับ ว่าแต่บอยจะขึ้นห้องนอนเลยไหมครับ แต่หลุยส์ว่าเราหาที่นั่งคุยกันไหม ไม่ได้เจอกันนาน....” ผมกำลังจะชวนบอยหาที่นั่งคุยกะว่าคุยแบบส่วนตัวนะ แต่จู่ๆ ร่างผมก็เหมือนโดนผลักให้กระเด็นออกไป ใช่มันนั้นเองไอ้แจ็ค ผมของขึ้นอีก
          “ไอ้แจ็ค”
          “จะกัดอีกเหรอครับ” ไอ้หน้าโหด ไอ้ดิวมันยืนเอามือเท้าสะเอวมองผมสองคนมันทำท่าจะโยนพวกผมออกไปข้างนอกแน่ๆ บอยก็มองผมสองคนสลับไปมาว่าจะเอายังไงกัน
            “หลุยส์ หยอกเล่น” ไอ้แจ็คมันพูดและยื่นมือมาทำท่าจะดึงผมให้ลุกขึ้น ผมก็จำใจ
             “เหรอ!!!!” เสียงสูง คือผมไม่เชื่อว่ามันหยอกผมหรอกครับ แต่ก็ไม่อยากออกไปนอนข้างนอกบ้านนี่ครับ เลยจำใจผมก็ลุกขึ้น
          “บอยจะขึ้นห้องพักเลยน่ะ หลุยส์กับแจ็ค?” บอยพูดขึ้นและมองผมสองคนเหมือนเป็นคำถามยังไงก็ไม่รู้
           “แจ็คก็จะขึ้นไปกับบอยเลย” แจ็คมันรีบแย้งพูด
            “งั้นก็ขึ้นพร้อมกันเพราะว่าหลุยส์ต้องนอนกับเราคืนนี้ ขึ้นไปจัดที่แล้วกัน หลุยส์นอนกับแจ็ค เพราะดูแล้วเตียงก็ไม่เล็กมาก” บอยพูด ผมก็แอบเสียดายมากแต่ก็ต้องจำใจ
           “หวังว่าจะไม่ได้ยินเสียงพวกมึงนะเพราะว่าห้องกูอยู่ข้างๆ เลย กูเป็นประเภทที่ชอบหลับแบบสงบ แต่ถ้ามึงสองคนไม่สงบน่ะ กูนี้จะทำให้ไปหาที่นอนแบบสงบๆ ด้านนอกแทน..รอบนี้กูเอาจริง “ไอ้ดิวพูดพร้อมกับกอดอกมองผมสองคน ผมสองคนยิ้มและหันมามองหน้ากัน
            “รักกัน คืนนี้นอนด้วยกันน่ะ...” ไอ้แจ็คมันพูดแบบกัดฟัน ผมสองคนก็รีบเดินตามบอยทันทีโดยมีไอ้ดิวเดินอยู่ข้างหลังกำกลับไปจนถึงห้องพักเลยไม่กล้าทะเลาะกันเลยจนเข้าห้อง พอเข้าไปเท่านั้นแหละผมสองคนก็รีบผละออกจากกันแทบไม่ทัน
             "เชี้ย!! ขนรุกเลยกู"ผมพูดและรีบปัด ทำท่าสยองพองขน
             "กูก็ลุก ไม่แพ้มึงหรอกไอ้แขก!!"ไอ้หลุยส์
             "ไอ้ตี๋!!!!"ผมแผดเสียงใส่มันบ้าง
             "ก๊อก ๆ" เสียงเคาะประตูจากห้องข้าง ไม่ต้องบอกว่าใคร ไอ้ดิวนั้นเอง มันกำลังเตือนผมสองคน ผมเลยต้องเอามือปิดปากพร้อมกัน แต่จะว่าไป ผมสองคนไม่ได้สังเกตุ บอยหายไปไหนอ่ะ



          TBC…
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.18(แจ็คXบอยXหลุยส์)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 16-01-2024 10:36:32
EP.18(แจ็คXบอยXหลุยส์)  เขากลับมาเพื่อกันและกัน

    Part's หลุยส์ ผมสองคนมัวยืนทะเลาะกันอยู่บอยก็เดินเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ ผมหันมามองหน้ากัน ไม่กล้าส่งเสียงเลยเพราะว่าไอ้คนที่ชื่อดิวมันนอนอยู่ห้องข้างๆ เมื่อสักครู่มันก็เคาะประตูเตือนมาแล้วรอบหนึ่ง ไอ้แจ็คมันหันและโชว์นิ้วกลางให้ผม ผมก็ให้มันกลับซิครับ ผมนั่งที่เก้าอี้ ผมไปลากมานั่งจับตารอดูบอย ส่วนไอ้แจ็คมันนั่งกักที่บนเตียง คอยดูน่ะผมจะอ้อนบอย ขอนอนเตียงเดียวกับบอยให้ได้

      “แอ๊ด “เสียงประตูถูกเปิดออก ผมก็รีบวิ่งครับและไอ้หน้าแขกนี่ก็เช่นกันทั้งที่บอยยังไม่ทันได้ก้าวขาออกมาพ้นประตูห้องน้ำเลย บอยก็ทำท่าตกใจ

      “หลุยส์ แจ็ค “บอยส่งเสียงทักผมสองคนและมองผมสองคนสลับกันไปมา

       “จะเข้าห้องน้ำเหรอ จะเข้าพร้อมกันเลยเหรอ” บอยถามผมกับไอ้แขกที่ยืนข้างๆ เรียกว่าพยายามเบียดผมออกแต่ผมไม่ยอมขาผมเกร็งเพื่อยืดพื้นที่ ผมยืนอยู่ตรงหน้าบอยเป๊ะเลยมันน่ะเกือบตกเฟรมก็ว่าได้

      “ไม่!!!” ผมรีบปฏิเสธแต่ไอ้แจ็คมันก็รีบปฏิเสธพร้อมกันกับผมเช่นกัน

      “ไอ้ตี๋ มึงเป็นคนมาอาศัยต้องรอให้เจ้าของห้องก่อนดิวะ” ไอ้หน้าแขกมันชี้หน้าว่าผม

       “มึงรู้จักมารยาทไหม แขกควรได้อภิสิทธิ์ก่อน กูเป็นแขกพิเศษคืนนี้” ผมหันไปบอกมัน บอยก็มองหน้าผมสองคนสลับไปมาก

     “Rrrrrrrr “เสียงมือถือดังขึ้น ผมหันไปมองมันตามเสียงนั้น มันไม่ใช่มือถือของผมแต่เป็นของไอ้หน้าแขกนั้น ผมยิ้มเล็กน้อย

      “มือถือมึงดังอ่ะ ไม่รับเหรอ” ผมถามไอ้แจ็ค

      “อะไรวะ” ไอ้หน้าแขกมันเดินออกไปดู ผมก็ยิ้มให้บอย บอยก็หลบทางให้ผมรีบเดินเข้าห้องน้ำก่อนเพื่อทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยและจะได้รีบออกไปสวีตกับบอยทำคะแนนนำหน้ามันไงครับผม

       “ไอ้ตี๋!!! “ไอ้แจ็คเรียกผมแต่ผมไม่แคร์ พอสักพักผมออกมาก็จะว่าจะสวีทกับบอยระหว่างที่ไอ้หน้าแขกมันมาใช้ห้องน้ำ ผมจะอ้อนบอยจนมันตาร้อนเลย แต่ผิดคลาดผมดันออกมาเจอไอ้หน้าแขกมันใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้วมันนั่งเนียนบนเตียงกับบอยหน้าตาเฉย

       “ไอ้แขก..เอ๊ย ไอ้แจ็ค มึง……” ผมถามมัน

       “นี่มึงไปเปลี่ยนชุดที่ไหนมาวะ” ผมถามไอ้แจ็ค

       “กูมีดีกว่าที่มึงคิดครับไอ้หลุยส์ มึงยังช้ากว่ากูหนึ่งล้านปีแสง “ไอ้แจ็คมันพูดและหันไปมองบอย เขากำลังดูภาพอะไรกันอยู่ในโน๊ตบุคเครื่องจิ๋ว ผมเดินไปดู เป็นภาพเก่าสมัยที่บอยได้มาอยู่กับมันช่วงหนึ่ง บอยเคยเล่าให้ผมฟังว่าเขาเคยไปอยู่กับเพื่อนที่ไทย สองปีกว่าแต่ว่าก็เคยไปๆ มาๆ กับเพื่อน ตอนเด็กๆ แต่พึ่งมาเจอแจ็คตอนหลังที่ไปอยู่ยาวที่สุดนั่นแหละ นี่มันก็ทำให้ผมตาร้อนขึ้นมาทันที ผมเดินกลับไปที่เตียงพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนมองสองคนนั้น เขาคุยกันดูรูปเก่าๆ กัน ผมรู้สึกอิจฉา ผมไม่เคยมีรูปเก่ากับเพื่อนหรือใครเลย นับจากที่พ่อแม่ผมเสียไป ผมเหมือนอยู่ในฝันร้ายทุกวัน จนกระทั้งมาเจอบอยนี้แหละ เขาคือวันที่สดใสของผมแต่ว่าตอนนี้มีคนกำลังจะพรากมันไปจากผม ไอ้หน้า ผมจึงหาวิธีด้วยการ

      “หาว!!!” อ้าปากหาวยาวๆ

       “แจ็ค หลุยส์คงอยากนอนแล้วน่ะ หลุยส์เดินทางมาทั้งวันแล้วน่ะ” ผมได้ยินบอยพูด แจ็คมันก็หันมามองผม ผมก็ทำท่าง่วงนอนมากจริงๆ

      “แต่ว่า” แจ็คมันทำท่าจะคัดค้านแต่ว่าสายตาบอย ที่มองแจ็คมัน ไม่เชิงโกรธเหมือนข้อร้องมากกว่า 

      “แจ็ค! พรุ่งนี้เราก็ต้องตื่นแต่เช้าเหมือนกัน บอยก็เริ่มง่วงแล้วด้วยนะครับ เอาไว้เราดูกันอีกวันหลังนะแจ็ค “บอยบอกไอ้หน้าแขกมัน ไอ้นั่นมันก็ลุกมาที่เตียงและมาสะกิดผม

       “ลงไป!!” มันบอกให้ผมลงจากเตียง มันชี้ไปที่พื้น มันจะให้ผมนอนที่พื้นหรือไง ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามัน

        “ลงไปดิไอ้ตี๋ กูจะได้นอนและมึงจะได้นอนที่กว้างมาก คือที่พื้นนั้น” ไอ้หน้าแขกมันพูด ผมก็ทำท่าจะหยิบหมอนลงไปนอนแต่บอยออกจากห้องน้ำมาเจอผมซะก่อน

         “แจ็ค อย่าบอกนะว่าจะให้หลุยส์นอนที่พื้นนะ ไม่น่ารักเลยน่ะแจ็ค” บอยต่อว่าไอ้หน้าแขก ดูมันทำหน้าและผมก็ได้คะแนนแน่ๆ

         “บอยคือว่า...เออ...เตียงมัน...แคบนะครับ “ไอ้แจ็คพูด ผมเดาจากสายตาบอยไอ้แจ็คนิ่ง

         “แจ็คก็คิดว่าหลุยส์อยากได้ที่กว้างๆ “ไอ้แจ็คมันแถ

          “งั้นหลุยส์มานอนกับบอย” บอยพูด ผมนี่รีบเลยครับไม่รอช้า ไม่คิดเลยว่าไอ้นี่มันจะช่วยให้ผมสมหวัง

          “ไม่นะ” ไอ้แจ็คพูดก่อนจะหันมามองผม ผมหยักคิ้วให้มันและทำท่าจะลุกแต่ว่า

          “ปึก” มันมากันผมเอาไว้

         “ไม่น่ะหลุยส์ นอนนี่แหละหลุยส์ กูล้อเล่นครับ มาครับที่เยอะแยะ มานอน...เบียดกัน ...อุ่นดี..กูนี่ชอบมาเลยหลุยส์” ไอ้แจ็คมันรีบดันผมกลับไปที่เตียงมันทันทีแต่ผมไม่อยากกลับแล้วและมันก็ลากผมกลับไป

         “ไปขึ้นเตียงกับกูเดี๋ยวนี่ ไอ้หลุยส์!!!!” ไอ้แจ็คมันกระซิบพูดลอดไรฟันข้างๆ หูผม

         “บอยเชิญกูแล้ว กูจะไปนอนเตียงนั้น” ผมพูดรอดไรฟันผมเหมือนกัน

        “กูไม่ให้มึงไปนอนกับบอย!” ไอ้แจ็คมันพูด ผมสองคนมองหน้ากันประสานสายตาฟาดฟันกันแค่นั้น พอบอยหันมองผมสองคน

       “ตกลงจะนอนหรือเปล่า” บอยถามผมสองคน ผมหันไปมองบอยพร้อมกัน

       “นอน นอนด้วยกัน รักกัน ไม่ต้องหวงบอย แจ็คจะดูแลหลุยส์อย่างดี” ไอ้แจ็คมันพูดและโอบผมเข้าไปมันกดหัวผมไว้ที่ใต้รักแร้มัน ผมพยายามดันออกแต่มันก็ยังคงกอดเอาไว้แน่น

       “มาลูกหลุยส์ พ่อแจ็คจะตบตูดนอนเอง “ไอ้แจ็คพูด บอยก็พยักหน้าก่อนจะเดินไปและปิดไฟในห้องนอน บอยเดินไปที่เตียงตัวเองและลงนอนอย่างเงียบๆ ปล่อยให้สองคน พอบอยหันหลังได้ ผมก็เงยหน้ามองหน้าไอ้แจ็ค ก่อนจะบิดที่ใต้รักแร้ของมัน

        “เอ้าท์!!!” มันร้องเพราะว่าเจ็บและนั้นมันถึงได้ปล่อย

         “หึ!!” บอยพลิกมามองผมสองคนในห้องไม่ได้มืดสนิท

        “แจ็ค นอนเถอะน่ะ ง่วงแล้ว” ผมรีบประคองไอ้แจ็คพาขึ้นเตียงอย่างจำใจ ไอ้แจ็คมันนอนริมในส่วนผมน่ะริมนอก

        “พอบอยปิดไฟ ผมก็รีบทิ้งตัวลงนอนพยายามนอนกินที่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และได้แจ็คมันก็พยายามดันผมให้เหลือที่ให้น้อยกว่ามันแต่ผมก็ใช้ขาก่ายมันเลย

         “ไอ้ตี๋ มึงนอนดีดีได้มั้ย...นี้มันเตียงกู” ไอ้แจ็คพูดกระซิบที่หูผม

         “ตอนนี้มันก็เป็นของกูด้วย กูก็มีสิทธิ์...จะนอนยังไงก็ได้ “ผมบอกไอ้หน้าแขกมันไป ผมกับมันเล่นสงครามประสาทกันบนเตียงแต่ก็แอบกลัวที่จะทำให้บอยตื่นเหมือนกัน ผมดิ้นกันไปดิ้นกันมาไอ้หน้าแขกตกเตียงไปหลายรอบ และมันก็คงรำคาญมันก็ไม่ปืนกลับขึ้นบนเตียงอีก

          ผมหลับตาทันทีทำเหมือนกับว่าผมสลับสนิทพร้อมขาที่ก่ายพาดผมเลยไปครึ่งเตียงได้ แต่ทว่าไอ้หน้าแขกมันเงียบไปเลย ผมหันไปมอง มันหายไปเฉยเลย ผมเห็นประตูปิดลงแสดงว่าผมชนะมันออกไปนอนที่อื่นแทน ผมหันไปเห็นบอยที่หลับสนิทผมกระดกหัวขึ้นมองคนที่นอนหลับอยู่

         “นอนหลับฝันดีครับบอย หลุยส์จะเอาชนะไอ้หน้าแขกให้ได้ “ผมพูดและก็นอนลง ผมค่อยหลับตาลง คงได้หลับซะทีซินะ ผมเหมือนจะเคลิ้มๆ แต่ผมก็ได้ยินเสียงประตูค่อยๆ ปิดลง หรือว่าไอ้แขกมันกลับมา

        Part’ s แจ็ค ผมกัดฟันให้ไอ้หลุยส์มันนอนด้วยแต่ที่ไหนได้ มันถือโอกาสเล่นสงครามประสาทกับผมแทน นอนดิ้นจนผมตกเตียงไปหลายรอบเลย ผมยิ่งเป็นคนมีความอดทนต่ำซะด้วยเรื่องแบบนี้และมันก็ทำให้บอยมองว่าผมใจร้อนไปโดยปริยาย ตอนนี้ผมหมดความอดทนเลยเดินออกมาเอง ลงไปนอนที่ชั้นล่าง ผมเดินไปเปิดไฟดวงเล็กและนอนลงที่โซฟา ไม่เคยนอนโซฟามาก่อนเลยจริงๆ ผมก็เปิดทีวีไปด้วย มันทำให้มีแสงไฟสลัวๆ ตอนนี้ไอ้นั่นมันคงนอนมองบอย ผมเองก็ไม่อยากทิ้งบอยอยู่ในห้องกับมันเลยแต่ผมก็ต้องเชื่อใจบอยซิ ใจก็กลัว อีกใจก็เชื่อใจ ตกลงมันยังไงกันแน่

        “กึก!!” จู่ๆก็มีเสียงคนเดินมาหยุดที่ผม ผมค่อยมอง คนที่มายืนคือบอยนั้นเอง

      “บอย” ผมค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง บอยมองหน้าผม เขาลงมาพร้อมกับผ้าห่มนั้นเอง

       “ทำไมไม่เอาผ้าห่มลงมาด้วยละแจ็ค” บอยถามผมพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ผม บอยหันมามองหน้าผม

        “แจ็คเลือกเดินลงมาเพราะว่าแจ็คไม่อยากทำให้บอยมองแจ็คแย่ไปกว่านี่แต่ไอ้นี่มันกวนประสาทแจ็คอ่ะบอย” ผมพูด บอยมองหน้าผม

       “บางที่นี้คือการฝึกความอดทนน่ะเพราะว่าในความเป็นจริง ไม่มีใครหรอกที่จะทำตามที่เราต้องการทุกคน ในสังคมที่กว้าง มันก็ต้องมีคนไม่เห็นด้วยแจ็ค” บอยพูด

         “ยังไม่ง่วงนอนเหรอครับ” ผมถามบอย

         “ง่วงแต่เป็นห่วง” บอยพูด ผมก้มลงมองที่หัวไหล่ผม

        “หนุนได้น่ะ” ผมบอกบอย บอยยิ้มให้ผมก่อนจะขยับเข้ามาหาผม ผมโอบกระชับร่างของบอยเอาไว้ ผมหอมลงที่หน้าผากของบอยเบาๆ

        “แจ็ค บอยอยากให้แจ็คกับหลุยส์เป็นเพื่อนกันน่ะ “บอยพูด ผมก้มลงมองบอย ผมว่ามันยากอ่ะและมันยิ่งพยายามแย่งบอยไปจากผมขนาดนี้ด้วย ผมคิดว่าไม่มีทางหรอก

         “ให้แจ็คทนเหรอ แจ็คทนไม่ได้หรอกบอยเรื่องเดียวเลยที่แจ็คทนไม่ได้ คือมันจะแย่งบอยไปจากแจ็ค ขนาดไอ้ดิว แจ็คยังพอทนได้เพราะว่าไอ้ดิวมันไม่ได้แสดงออกเหมือนไอ้…ตี๋นี่” ผมพูด

         “เลิกเรียกเขาว่าไอ้ตี๋ได้ไหม เขามีชื่อ” บอยพูด

       “นั่นแหละ ก็มันหน้าตี๋นี่ครับ” ผมพูด

        “แจ็ค หลุยส์น่ะเขาผ่านเรื่องที่แย่มากจริงๆ มาก่อน ชีวิตเขาเจอมาหนักมากน่ะ” บอยพูด ผมหันมามอง นี่บอยรู้เรื่องไอนี่เยอะขนาดนี้เลยเหรอ

        “บอยรู้เพราะว่าเขาคือคนสำคัญและตอนนี้พวกเราก็ต้องดูแลเขา และในอนาคตเขาก็จะมีส่วนทำให้องค์กรของเขาเคลื่อนที่ไปได้ด้วย บางที่แจ็คอาจจะต้องการเขาน่ะ” บอยพูด

         “ทุกคนที่ถูกส่งมา ล้วนแล้วแต่มีบทบาทในองค์กรทั้งนั้น รวมถึงแจ็คด้วย” บอยพูด

        “แต่เขาไม่เลือกแจ็คเพราะว่าพ่อแจ็ค...” ผมพูดกับบอย

       “บอยเชื่อว่าเขาจะเห็นว่าแจ็คก็คือคนที่มีความสามารถที่จะทำให้องค์กรของเราเติบโตเพื่อคนรุ่นต่อๆ ไปได้ แค่แจ็คใจเย็น อย่าใจร้อนแบบนี้ อย่างอื่นแจ็คก็มีอยู่แล้ว ทำได้ไหมครับ” บอยพูด ผมหันมามองบอย

       “แจ็คอย่างเป็นคนที่อยู่ข้างๆ บอย” ผมพูด

       “ก็นี่ไง บอยถึงได้มา เพื่อให้คนที่บอยรักอยู่ข้างๆ บอยแต่ว่าแจ็คต้องฟังที่บอยบอกบ้างได้ไหมครับ” บอยพูด ผมมองริมฝีปากเล็กบาง อมชมพูขับกับผิวที่ขาวอมชมพูของบอย ผมกดริมฝีปากผมลง ผมจับมือบอยมาโอบรอบคอผมแทนและผมก็โอบกระชับแผ่นหลังของบอย ผมจูบบอย มันหอมหวานจนผมอยากได้มากกว่านี่ ผมเริ่มซุกไซ้ไปตามศอกคอของบอยและค่อยดันบอยให้นอนลง ผมเลื่อนตัวเองไปทาบทับแบบไม่กดน้ำหนักลงทั้งตัว บอยมองหน้าผม บอยไม่ได้พูดอะไรปล่อยให้มือของผมสอดเข้าไปในเสื้อชุดนอนตัวบางนั้น ผิวบอยนุ่มมากจนผมอดสงสัยไม่ได้ มันเหมือนผิวสตรีก็ไปไม่ปราณ ก็อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมมีอะไรกับผู้หญิงเช่นกันแต่บอยคือผู้ชายคนเดียวที่ผมมีและเป็นผู้ชายคนเดียวทีผมให้ทั้งหัวใจ

         “แจ็ค พอก่อน” บอยเป็นคนร้องห้ามผมเพราะว่าเริ่มเลยเถิดไปแล้ว

        “แจ็คอยากได้อ่ะ บอย” ผมพูดกับบอย

         “ไม่เอาน่ะแจ็ค บอยยังไม่พร้อมตอนนี้ “บอยพูดพร้อมกับติดกระดุมเสื้อเพราะว่าผมไวมาก ผมค่อยๆ ปลดไประหว่างที่จูบบอยไปด้วยนั่นแหละ ผมก้มลงจูบที่หน้าท้องของบอย

          “แล้วเมื่อไหร่ละครับที่หรัก” ผมถามบอย

          “เมื่อแจ็คยอมเป็นเพื่อนกับหลุยส์ แล้วบอยจะให้” บอยพูดก่อนจะค่อยๆ ดันผมให้ลุกขึ้นนั่ง ผมมองหน้าบอย ภารกิจหินมาเลยน่ะอันนี้น่ะ ผมคิวด่ามันเป็นไปไม่ได้แน่นอน ดูจากทัศนคติที่ตรงกันข้ามขนาดนั้น จะได้เหรอ

        “ดูไอ้นี่มันอีโก้สูงอยู่น่ะบอย แจ็คว่า… ไม่น่าจะได้” ผมพูด บอยมองหน้าผม

        “แจ็ค! หลุยส์เขาก็มีดีน่ะ บอยอยากให้แจ็คลองเปิดใจดูได้ไหม “บอยผม

         “บอย...” ไอ้แจ็ค

         “ว่าไงแจ็ค ทำได้ไหม เป็นเพื่อนกับหลุยส์ ถ้าแจ็คทำได้บอยจะให้ สิ่งที่แจ็คอยากได้” บอยบอกผม ผมหันมามองบอย แค่ในห้องเรียนผมยังคิดไม่ออกเลย แต่นี่ยังต้องมาพยายามเป็นเพื่อนกับไอ้หน้าตี๋กวนประสาทผมอีกด้วยนี่น่ะ ผมมองใบหน้าบอย มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมกับบอยได้ไปเที่ยวกัน

        “มีอะไรแจ็ค” บอยถามผม

        “แจ็คคิดถึงตอนที่เราไปเชียงใหม่ด้วยกัน เราไปนอนพักบ้านตากอากาศของพ่อภูมิที่เชียงใหม่”

         “บอยก็คิดถึงนะ อยากไปอีก มันเป็นช่วงที่มีความสุขมากที่สุด” บอยพูดกับผม

         “แจ็คจำได้ ว่าอากาศหนาวมากน่าจะติดลบและแจ็คก็กอดบอยจากด้านหลัง เรายังเด็กแต่พี่ๆ อยากให้เราออกไปดูทะเลหมอกด้วยกัน จำได้ไหมครับ” ผมพูด

          “จำได้ซิแจ็ค บอยยังมีรูปอยู่เลยนะ แต่บอยเก็บไว้อ่ะ ไม่กล้ากลัวพ่อเห็น” บอยพูด ผมเข้าใจแต่พ่อผมน่ะเห็นแล้วและนั้นพ่อถึงได้รู้ว่าผมกับบอยแอบคบกันอยู่

          “เราไปกันอีกนะ” ผมพูดกับบอย บอยพยักหน้าหน้าเบา ผมก็ค่อยใช้มือผมช้อนใบหน้าของบอยไว้และจูบบอยอีกครั้ง บอยก็จูบผมตอบ ผมรู้ว่าบอยไม่ได้ช่ำชองเรื่องแบบนี้ ตอนนี้เขากำลังเรียนรู้ไปกับผม รสจูบที่ดีขึ้น มันทำให้ผมกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ สงสัยต้องจูบบ่อยๆ

          “กึก” มีเสียงบางสิ่งตกพื้นบอยทำท่าจะหันไปมองแต่ผมจับใบหน้าเขาเอาไว้

          “ไม่มีอะไรหรอก น่าจะกิ้งไม้น่ะที่รัก” ผมพูด ผมรู้ว่าไอ้หลุยส์มันคงลงมาแอบดู แต่ผมไม่แคร์ ที่นี้มันจะได้รู้ว่าบอยคือของผมนานแล้ว ไอ้หน้าตี๋ ผมแอบคิดในใน

         ผมกับบอยนั่งคุยกันแทน ผมโอบร่างบอยเอาไว้ ผมคุยกันถึงเรื่องเก่าๆ มันคือความทรงจำที่ดี แม้จะใช้เวลาไม่มาก ความทรงจำที่ดีไม่ใช่แค่ของผมน่ะ พี่โจก็เช่นกัน ตอนนั้นพี่บีมตามไปดูแลบอยทุกที่ มันทำให้พี่โจพยายามตามจีบพี่บีมแต่ผมว่าไม่น่าได้ดูพี่บีมเขาไม่สนอะไรเลย เหมือนคนไม่สนโลก แต่พี่โจก็ไม่ลดละความพยายาม ทุกวันนี้ยังตามจีบอยู่เลย

           Part’ s หลุยส์ ผมสะดุ้งตื่น ผมก็กระดกหัวขึ้นมองข้างๆ ผมก็ไม่มีไอ้แขกผิวขาวนั้นมานอนข้างผม ผมมองไปที่เตียงนอนของบอย เตียงบอยว่างเปล่า ผมเห็นเนื่องจากพอจะมีแสงจากภายนอกเข้ามาด้านใน ผมรีบลุกขึ้นไปเปิดไฟดู บอยไม่อยู่ในห้องนอน แล้วนี่บอยไปไหนละ หรือว่าเข้าห้องน้ำ ผมไปขยับกลอนประตูก็ไม่ได้ล๊อก พอผมลองเปิดเข้าไปก็ว่างเปล่า ไม่มีใครสักคนอยู่ในนั้น ผมก็ปิดประตูลง ผมนั่งนิ่งบนเตียงรอสักพักและผมก็ค่อยๆ เดินไปเปิดประตูเพื่อออกไปตามหาบอย ผมว่าบอยอาจจะลงไปข้างล่างก็เป็นได้ ผมเดินอยู่ในความมืด ก็เลยเอามือถือมาเปิดไฟฉาย ผมเดินไปเรื่อยจนถึงบันได ผมค่อยก้าวลงช้าๆ แต่ผมก็ต้องมาสะดุดหยุดเพราะว่ามีเสียงคนสนทนามกันอยู่ในห้องนั่งเล่น

         “แจ็คอ่ะ หลุยส์เขาก็มีดีนะบอยอยากให้แจ็คลองเปิดใจดู” ผมได้ยินเสียงบอยคุยกับไอ้หน้าแขก ผมลงมาหยุดที่บันไดขั้นสุดท้ายแต่ผมยังคงแอบอยู่

         “บอย...” ไอ้แจ็ค

         “ว่าไงแจ็ค ทำได้ไหม เป็นเพื่อนกับหลุยส์ ถ้าแจ็คทำได้บอยจะให้ สิ่งที่แจ็คอยากได้” บอยพูดและยื่นข้อเสนอให้มันด้วย อย่าบอกน่ะว่าบอยกับไอ้แขกนี้ไปถึงขั้นนั้นกันแล้ว ผมกำหมัดแน่น มันเหมือนผมโดนขโมยของรักที่สุดไป ผมเจ็บใจที่สุด นี้ผมกลายเป็นคนมาที่หลังเขาอย่างนั้นหรือ

         “แจ็คคิดถึงตอนที่เราไปเชียงใหม่ด้วยกัน เราไปนอนพักบ้านตากอากาศของพ่อภูมิที่เชียงใหม่”

         “บอยก็คิดถึงนะ อยากไปอีก มันเป็นช่วงที่มีความสุขมากที่สุด” บอยพูด” บอยพูด มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บจี้ดเลยนี้เขามีความหลังที่ลึกซึ้งกันด้วยเหรอ

          “แจ็คจำได้ ว่าอากาศหนาวมากน่าจะติดลบและแจ็คก็กอดบอยจากด้านหลัง เรายังเด็กแต่พี่ๆ อยากให้เราออกไปดูทะเลหมอกด้วยกัน จำได้ไหมครับ” ไอ้แจ็คพูดนี้เขาเคยไปเที่ยวด้วยกันอย่างคนรักด้วยเหรอ ที่มันบรรยายมันยิ่งทำให้ผมเจ็บ

          “จำได้ซิแจ็ค บอยยังมีรูปอยู่เลยนะ แต่บอยเก็บไว้อ่ะ ไม่กล้ากลัวพ่อเห็น” บอยพูด

          “เราไปกันอีกนะ” แจ็คมันพูด ต่อให้บอยกับไอ้แขกนี่จะไปกันถึงขั้นไหนแต่ผมก็จะไม่สน ผมต้องการบอย ผมจะทำทุกวิถีทางให้มันกับบอยแยกกันจนได้ ผมแอบถ่ายภาพที่ทั้งคู่นั่งอิงแอบกันเอาไว้ มือถือผมมันถ่ายในความมืดได้ชัดเจน มีช่วงที่เขาจูบกันผมก็เผลอกดถ่ายอาไว้ ผมก้มลงมองมันเจ็บกว่าเดิมไหมวะไอ้หลุยส์ ผมถามตัวเอง

          “กึก” ผมทำบางสิ่งตกลงไปที่พื้น ทั้งคู่หันมามองแต่ว่าไม่ได้พูดอะไร จนบอยดันแจ็คออกนั่นแหละ ส่วนผมก็

         “ฟู่!!!” ผมพ่นลมหายใจออกมาเบามากๆ เพราะกลัวเขาทั้งคู่จะได้ยินและรู้ว่าผมแอบฟังเขาอยู่

          “เมื่อไหร่ลุงณะจะใจอ้อนให้กับแจ็คซะที เราสองคนจะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ้อนๆ แบบนี้ แจ็คอยากเปิดเผยมันอ่ะ ไม่ใช่แค่เพื่อนๆ รับรู้”

          “บอยเชื่อว่าแจ็คจะทำให้ทุกคนยอมรับได้แน่นอน บอยเชื่อใจแจ็คและเชื่อมาตลอด”

           “บอยมาเพื่อแจ็คน่ะ” ประโยคนี้ผมเจ็บยิ่งว่าโดนมีดแท่งลงมาซะอีก

          “ขอบคุณครับ ที่รักของผม” แจ็คมันพูด ผมไม่อยากจะเห็นภาพนั้นเลยเขาสองคนกำลังจูบกันท่ามกลางแสงจันทร์ที่สอดส่องเข้ามา ผมถึงกับหลับตาหนีและผมก็หันหลังเดินคอตกขึ้นไป ผมเหลือบมองว่าผมควรจะอยู่ที่ตรงไหนดี และผมก็เลือกแล้วผมกลับไปนอนห้องที่เขาเตรียมไว้ให้ผมจะดีกว่า

          ผมทิ้งตัวลงนอน ผมเคยคิดว่าถ้าผมเสียบอยไปผมคงเสียใจมากที่ที่สุดอีกครั้งและครั้งนี้ผมคงแย่กว่าทุกครั้งที่ผมเสียสิ่งๆ ดีดีไป เช่นตอนที่ผมเสียพ่อแม่และแฟนสาวคนสเปน เธอสวย ดีกรีนางแบบตอนนี้คงโด่งดังในวงการเรียบร้อยแล้วและที่เธอทิ้งผมไปเพราะว่าเธอมีคนที่จะทำให้เธอได้เข้าวงการและโด่งดังเพราะว่าผมเหมือนคนไม่เหลืออะไรแต่จนสุดท้ายตอนนี้ผมก็ได้ทุกอย่างคืนมาแต่ผมก็คงไม่กลับไปหาเธอแล้วนั้นแปลว่าเธอไม่ได้รักผมจริง ทิ้งผมในขณะที่ผมหมดสิ้นกำลังใจ แต่ก็มามีบอยที่มาเติมเต็มให้ผมแต่ว่าตอนนี้ ผมกำลังเสียเขาไปเพราะว่าผมมาทีหลังไม่ซิ ไม่เคยเลยด้วยซ้ำมั้ง

          ที่ผ่านมาผมนี้คือคนที่คิดไปคนเดียวเลยใช่ไหม ผมควรจะอยู่ต่อหรือไม่ ถ้ากลับไปผมคงแย่กว่าเดิม แต่ว่าผมไม่ยอมเสียเขาคนเดียว ผมได้ยินว่า ลุงหนึ่งยังไม่ยอมรับเขาทั้งคู่ ลุงหนึ่งเคยบอกว่าบอยต้องคู่กับไอ้ดิว แต่ดูไอ้ดิวมันกำลังเล็งคนตัวเล็กที่ชื่อแอ้อยู่มากกว่า ดังนั้นผมควรจะทำอะไรสักอย่าง ถ้าผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไอ้แจ็คมันก็ไม่ควรได้อยู่ข้างๆ บอยเช่นกัน ผมลุกขึ้นและกดส่งภาพไปที่อิเมลของลุงหนึ่งทันที ผมส่งแค่ภาพที่เขานั่งอิงแอบกันแต่ภาพที่เขากอดจูบกันผมไม่กล้าส่งไป ผมทำร้ายบอยไม่ได้จริงๆ

     TBC

หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.19(แจ็คXบอยXหลุยส์) เรียกร้องความสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 18-01-2024 10:52:58
รักวุ่นวายฯ ภาคแจ็ค xบอยxหลุยส์ ไอ้หลุยส์มันแค่เรียกร้องความสนใจ

    Part’ s แจ็ค เมื่อวานจะเรียกว่าเป็นวันซวยของผมก็ว่าได้ นอกจากจะต้องมาเจออุปสรรคที่โรงเรียนแล้วยังมาเจอไอ้หน้าตี๋ที่ไหนก็ไม่รู้ ที่พยายามจะมาแย่งบอยไปจากอกผมอีก ต่อให้บอยจะบอกผมว่าไม่มีอะไรแต่ผมไม่ไว้ใจไอ้หลุยส์อะไรนี้ ผมดูแล้วมันมีพลังงานบางอย่างที่เรียกว่าอัลฟ่าออกมา ผมว่าไม่ใช่แค่เด็กหนุ่มธรรมดา มันต้องมีดี ถึงขนาดที่ว่า พ่อของติ๊กบอกว่าให้ดูแลมันดีดีด้วย แต่แจ็คเองก็มีดีเช่นกัน เดี๋ยวมันรู้!!
      และเมื่อคืนผมก็ต้องลงไปนอนชั้นล่างแทนเพราะว่าไอ้หน้าตี๋มันทั้งดินทั้งถีบผมเลย ผมเลยต้องยกเตียงนอนให้มันไป ถามว่าไว้ใจมันไหม บอกว่าไม่เลยที่จะปล่อยให้มันอยู่กับบอย แต่ใจก็อยากจะพิสูจน์บางอย่างและผมก็ได้คำตอบ บอยเดินตามผมลงไป เรานั่งคุยกันหลานเรื่อง ส่วนใหญ่ก็เรื่องความรักครั้งแรกของผมกับบอย มันยิ่งทำให้ผมรักบอยมากขึ้นและผมจะไม่ยอมเสียเขาไปอีกเป็นอันเด็ดขาด
     “หงึกๆ” มีมือมาสะกิตผม
      “บอย อีกแป๊ปน่ะ ขอแจ็คนอนต่ออีกห้านาทีน่ะ” ผมพูดก่อนจะคว้ามือนั้นมากุมเอาไว้ ผมรู้สึกแปลก ปกติมือบอยจะเล็กและเรียวยาวและนิ่มมากแต่นี้มันใหญ่กว่าและด้านไหมไม่เชิง ผมค่อยลืมตาขึ้น สิ่งทีผมเห็นคือใบหน้าไอ้ดิว
      “เว้ยย!!!” ผมร้องและรีบดึงผ้าห่มมาปิด
       “มึงชอบความลำบากกับเขาด้วยเหรอวะ ถึงได้ลงมานอนที่โซฟาแบบนี้ไอ้แจ็คง” ไอ้ดิวมันถามผม ผมก็มองอีกคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับขวดน้ำแอ้ ผมดูจากการแต่งการและเหงื่อที่ท่วมมาขนาดนั้น มันออกไปวิ่งมาด้วยกัน
       “มึงไปวิ่งมาเหรอวะ” ผมถามทั้งคู่
       “อืมม กูไปวิ่งมา กูลงมาแล้วเจอมึงนอนอยู่แต่ไม่อยากปลุกเลยพากันออกไปวิ่งและกลับมานี่แหละ มึงก็ยังนอนอยู่ ไม่ไปโรงเรียนหรือไง” แอ้มันถามผม มันสองคนยืนดื่มน้ำที่ผสมอะไรสักอย่างเหมือนอิเล็กโตไรด์ สำหรับคนเสียเหงื่อ
       “เออ ตื่นแล้ว” ผมพูดก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง
       “บอยล่ะ” ผมถามมันสองคน
       “ไม่เห็นนิ” ดิวมันพูด ผมพยักหน้าเบาๆ บอยคงขึ้นไปนอนแล้วมั้ง ผมไม่ได้บอกมันองคนหรอกว่าบอยลงมาอยู่กับผมพักใหญ่เลยจนผมหลับไปนี่แหละและนี่ก็คงไปเตรียมตัว ผมลุกขึ้นยืนเก็บเอาทุกอย่างที่ถือลงมาขึ้นไปด้วย ตอนนี้ผมเชื่อใจบอยแล้วว่าบอยจะไม่ยอมใจอ่อนให้ไอ้ตี๋มันแน่นอน
       “มึงวิ่งมากันกี่กิโลว่ะ “ผมถามไอ้ดิวกับแอ้ มันสองคนมองหน้าผม
       “วันนี้วิ่งเบาๆ แค่ห้ากิโกลพอไปกลับ “ไอ้ดิวมันยกสมาร์ชวอชขึ้นมาดูก่อนจะตอบผม ผมพยักหน้า ผมรู้ว่าไอ้แอ้ต้องซ้อมเอาไว้เพราะว่ามันจะต้องไปเป็นทหารส่วนไอ้ดิว ผมไม่แน่ใจจะไปทางไหน หมอบ้านหรือหมอแพทย์ทหารกันแน่ ดูจากที่ฟิตขนาดนี้ผมว่าแพทย์ทหารชัว
         ผมเดินขึ้นไปชั้นบนทันที ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องก็ไม่เห็นใคร ไอ้ตี๋ก็ไม่อยู่ ผมเดินเข้าไปที่ห้องนอน ผม ก็พบกว่าบอยยืนแต่งตัวอยู่ในห้องน้ำ เขาจะเสร็จแล้ว แต่ว่าไอ้หน้าตี๋ไม่อยู่ในห้อง
          “บอย.....ไอ้หน้าตี๋ฮิทมันไปไหนแล้วละครับ” ผมถามบอย บอยหันมามองผม ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวจะอาบน้ำแต่ขอกอดที่รักผมสักหน่อยดีกว่า
         “แจ็คเลิกเรียกเขาว่าตี๋ได้ไหม เขามีชื่อ เขาชื่อชื่อหลุยส์และยังพูดคำไม่สุภาพด้วย ไม่น่ารักเลย” บอยหันมาเอ็ดผม
          “ก็ได้ ไอ้หลุยส์น่ะ มันหายไปไหนเหรอครับ” ผมถามบอย เพราะตั้งแต่เข้ามาในห้องตอนเช้าผมไม่เห็นมันเลย
“          ไม่รู้เหมือนกันเพราะหลังจากที่บอยกลับขึ้นมานอนก็ไม่เห็นหลุยส์อยู่ในห้องแล้วแจ็ค” บอยพูดผมทำสีหน้าแปลกใจ
         “บอยเห็นว่าแจ็คน่ะหลับไปแล้วเลยไม่ได้ลงไปตามและบอยก็คิดว่าหลุยส์ เขาอาจจะลงไปดื่มน้ำและน่าจะกลับมานอนต่อ แต่ตื่นมาก็ไม่เจอ “บอยพูดผมพยักหน้าเบาๆ แต่ใครจะสน ผมเข้าไปกอดบอยจากด้านหลัง กำลังซุกจมูกที่ซอกคอขาวๆ นั้น
          “Rrrrrr” อยู่ดีดีสายเข้ามาในมือถือบอย ผมเดาได้ว่าลุงกฤษณะแน่นอน บอยทำมือให้ผมอย่าส่งเสียง ผมพยักหน้าเบาๆ
         “ครับพ่อ” บอยรับสายจากลุงกฤษณะ
        “เออ” บอยหันมามองหน้าผมเหมือนมีเรื่องอะไรแน่ สีหน้าเขากังวลและเงียบเพื่อฟังอย่างเดียว
         “ครับพ่อ ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ครับพ่อ เออ เมื่อคืนหลุยส์เขานอนในห้องผมกับแจ็คครับ ก็ห้องนอนอีกห้อง ไฟไม่ติด ห้องน้ำใช่ไม่ได้น่ะครับ ครับพ่อ ครับ จะไปแล้วครับ ครับ รักพ่อครับ” บอยวางสายด้วยสีหน้ากังวล ผมก็เริ่มกังวลเช่นกัน
         “มีอะไรเหรอบอย” ผมถามบอย
         “คือ พ่อรู้ว่าบอยลงไปอยู่กับแจ็คสองคนในห้องนั่งเล่นตอนกลางคืนนะ” บอยพูด
          “จะรู้ได้ไงละ ทุกคนนอนกันหมดแล้ว “ผมพูด บอยส่ายหน้า
          “ไอ้...” ผมนึกขึ้นได้ต้องเป็นไอ้หลุยส์แน่นี่มันเล่นแบบนี้เลยรึ
         “แจ็ค “บอยรีบเอ่ยปากร้องห้ามผม เขาส่ายหัวกับผมไปมา
           “แจ็คว่าไอ้หลุยส์แน่ๆ “ผมพูดและมองหน้าบอย
           “พ่อว่าจะให้บอยไปนอนอีกห้องและให้หลุยส์มานอนห้องนี้แทน “บอยพูด ทำเอาผมต้องพ่นลมหายใจออกมา บอยเข้ามาจับแขนผม
           “รอให้บอยมีโอกาสคุยกับพ่อก่อนได้ไหมแจ็ค “บอยพูดกับผม ผมพยักหน้าคงต้องตามนั้น
          “แล้ว...” ผมถามกลับ ผมคิดว่าบอยน่าจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร
          “ใช่หลุยส์จะมานอนห้องนี้กับแจ็ค” บอยพูด ผมพยักหน้าให้มันได้อย่างนี้ซิ ก็ดีผมคงจะหาวิธีแกล้งให้มันกลับไปไม่ทันเลย
          ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตู ผมสองคนมองหน้ากัน บอยเป็นคนเดินไปเปิดประตูแทน ใช่ไอ้ตัวแสบ ไอ้หลุยส์นั้นเอง ดูมันทำเป็นตีน่าเศร้าเล่าความเท็จ
           “หลุยส์ เมื่อคืนไปนอนที่ไหนเหรอ บอยกลับขึ้นมาแล้วไม่เจอ” บอยถามหลุยส์ ผมยืนกอดอกมองหน้ามัน มันก็ยังทำหน้าเศร้าเล่าความเท็จอีก ส่วนผมน่ะมองหน้ามัน เพื่อให้พูดความจริงๆ
           “คือหลุยส์ ไปนอนห้องนั้นนะครับ ห้องที่หลุยส์ควรจะนอน “หลุยส์พูดว่ามันไปนอนห้องนอนมัน
          “อาบน้ำยังไงละหลุยส์ไหนบอกว่าห้องน้ำ...” บอยถามไอ้หน้าตี๋
         “คือ...” มันอึกอักทันที่ ผมมองหน้ามัน ไอ้คนโกหก!
        “มันไม่ได้เสียมึงแค่โกหกไง” ผมพูดขึ้น
         “แจ็ค” บอยหันมาเอ็ดผมทันที
           “ใช่...กูโกหก...ก็ ...เพราะ..” ไอ้หลุยส์มันทำท่าจะพูดมันมองหน้าผม ผมก็มองหน้ามันกลับแต่ความรู้ของผมสัมผัสได้ว่าไม่เหมือนคนเมื่อวานที่มีแต่ความกล้า
           “ช่างมันเถอะ...เออ...บอย พ่อของบอยโทรหาหลุยส์ เขาต้องการให้” ไอ้หลุยส์มันพูดก่อนจะปรายตามองผม
           “หลุยส์มานอนกับแจ็ค พ่อบอกบอยแล้วล่ะ” บอยพูด ผมก็เดินเข้าไปยืนกอดอกมองหน้าไอ้หลุยส์ใกล้ๆ มองหน้าว่าทำไมมันช่างเป็นพวกชอบขี้ฟ้องแบบนี้
          “คนขี้ขลาด เขาไม่ทำแบบนี้กันหรอกว่ะ สู้ก็สู้กันซึ่งๆ หน้าดิ” ผมพูด และบอยก็หันมาดันอกของผมพยายามห้ามผมไม่ให้มีเรื่องกับไอ้หลุยส์ แต่แปลมาก คราวนี้มันไม่ขึ้น มันกับนิ่งมาก
          “ถ้าอย่างนั้นหลุยส์ลงไปรอด้านล่างนะครับ “ไอ้หลุยส์พูดกับบอย แปลกน่ะคราวนี้มันได้โต้ตอบอะไรมันแปลกมาก หลุยส์พูดจบมันก็เดินออกไปเลย
           “แจ็ค บอยขอละ หลุยส์เขา” บอยพูดกับผม
         “มันทำไมอ่ะบอย หรือว่าลุงณะก็” ผมหันมาจะถามบอยแต่เห็นสีหน้าบอยตกใจ
           “แจ็ค...พ่อไม่ใช่คนอย่างนั้นน่ะ” บอยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเสียที่ผมพลั้งปากพูดเหมือนไม่ให้เกียรติพ่อของบอย บอยทำท่าจะหันหลังเดินออกเช่นกัน ผมนี้อยากตบปากตัวเองจริงๆ
          “หมับ” ผมรีบกอดเขาไว้จากด้านหลัง
          “บอยแจ็คขอโทษ แจ็คปากไว้ไป แจ็คจะไม่พูดอีกสัญญา” ผมรีบพูดกับบอก บอยหยุดนิ่ง
         “เลิกมองเราเหมือนสิ่งของจะได้ไหมแจ็ค” บอยหันมามองหน้าผม
          “ที่จะยกเราจะไปให้ใครก็ได้...ได้ไหมแจ็ค เรามีหัวใจน่ะ ...” บอยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมนี้อยากตบปากตัวเองขึ้นมาจริงๆ ซะแล้วซิ
           “ก็แจ็คอยากเป็นคนเดียวของบอยแต่นี่พ่อตาไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ และเหมือนมีคู่แข่งเยอะ มันก็มีแอบน้อยใจอ่ะบอย” ผมรีบพูดอธิบาย ผมหันร่างบอยมาตรงหน้าผม ผมมองเข้าไปในแววตาสีฟ้านั้น
            “แจ็คขอโทษ แจ็คจะไม่พูดเรื่องนี้อีก..น่ะบอย อย่าโกรธแจ็คน่ะ” ผมพูดทำหน้าตาอ้อนบอย บอยมองผมพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาทันที “ฟู่!!”
            “อืมม...แต่งตัวเร็วๆ ซิ เราจะได้รีบลงไปข้างล่างกัน เพื่อนๆ รอเราอยู่น่ะ” บอยพูดผมพยักหน้าและรีบแต่งตัวอย่างว่องไว และผมสองคนเดินลงมาชั้นล่าง ผมก็เห็นไอ้ดิวมันนั่งคุยกับไอ้หลุยส์ พอผมสองคนลงมาทุกคนก็มองหน้าผมและบอยยกเว้นไอ้หลุยส์ ผมเริ่มสัมผัสถึงความแปลกแล้ว ไอ้หน้าตี๋นี้มันเป็นอะไรของมันนะ หรือว่ามันท้องผูกก็ไม่รู้
            “ไปเรียนกันเถอะว่า เป็นอีกวันและไม่รู้ว่าวันนี้จะเจออะไรบ้างวะ “ไอ้ดิวพูดและมันก็ลุกขึ้นทุกคนก็ลุกขึ้น แต่ละคนบอกว่าไม่ได้ชอบไปเรียนกันเลย ผมก็รู้สึกเช่นกันแต่ผมมีบอยอยู่เคียง ผมจับมือบอยไว้ก่อนจะพากัน ก้าวเดินออกจากบ้านพักและพากันไปขึ้นรถ
           “แจ็ค เรียกหลุยส์มานั่งด้วยกันซิครับ” บอยกระซิบบอกผม ผมหันมามองบอยว่าทำไม ถ้ามันจะเลือกนั่งรถคันอื่นก็ดีนะซิ
           “นะแจ็ค...บอยคิดว่ามีบางสิ่งที่ผิดปกติไป “บอยพูดกับผม ผมพยักหน้าแบบจำใจ ผมเดินไปที่ไอ้หน้าตี๋ที่มันยืนเอา หูฟังไร้สายเสียบหูมันไว้
          “นาย” ผมสะกิดไอ้หลุยส์ มันหันมามองหน้าผมว่ามีอะไรและทำท่าจะไม่สนใจแต่...
            “บอยให้มาบอกให้นายน่ะ ไปนั่งรถคันเดียวกันกูและบอยว่ะ” ผมกลั้นใจพูดชวนไอ้หลุยส์ แต่ไอ้หลุยส์มันเงยหน้ามองผม และมันทำท่าจะลุกออก
“          ไอ้หลุยส์ นี่มึงเป็นบ้าอะไร ผีเขาหรือไง” ผมถามมัน ไอ้หลุยส์ หยุดชะงัก
          “ใช่กูเป็นบ้า กูมันบ้าไปเอง ที่รักเขาข้างเดียว” ไอ้หลุยส์มันมาพูดใส่หน้าผม
         “ปกติกูเป็นคนที่ได้เลือกเท่านั้น ทุกอย่างเลย” ไอ้หลุยส์มันพูด
         “แต่นี้กูกับไม่ใช่คนที่เขาเลือก” ไอ้หลุยส์มันพูด
         “กูไม่เข้าใจว่าทำไม บอยไม่เลือกคนที่เหมาะสมวะ คนที่ควรจะมีความสามารถ ไม่ใช่คนไม่มีความสามารถเช่นมึงอ่ะ” อันนี้ผมมองหน้ามันนิ่งไปพักหนึ่งเลย
          “อ้าวไอ้นี่!! กูไม่เหมาะสมตรงไหนวะ” ผมถามไอ้หลุยส์
          “มึงรู้แล้วเหรอว่ากูไม่มีความสามารถ กูมีเยอะโว้ย!!!”
          “เออ กูลืมไป มึงมีความสามารถถึงได้ทำให้ทุกคนมาตกอยู่ที่นี้ไง ไปมหาวิทยาลัยไม่ได้ นี่เหรอความสามารถที่มึงมี!” ไอ้หลุยส์มันหันมาพูดกับผม ผมนี่อยากจะเข้าไปต่อยมันจริงๆ แต่บอยขอเอาไว้ว่าอย่าใจร้อน
         “มึงรู้ดี ว่าบอยจะเป็นอะไรและดูมึงดิ มึงนี่น่ะ ที่จะมาดูแลองค์กรที่มีคนจำนวนมากได้ ฝันไปเถอะ! “ไอ้หลุยส์มันพูดและมันก็รีบเดินไปขึ้นรถที่เข้ามาจอด ผมหันไปมองบอยที่กำลังคุยกับแอ้และติ๊กและพาย บอยหันมามองหน้าผม ก่อนที่จะเดินเข้ามา
          “แจ็ค ว่าไง ไม่ได้บอกหลุยส์เหรอว่า” บอยถามผม
          “บอกแต่มันไม่เป็นบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้ “ผมพูดแบบหัวเสีย ผมยังคงคิดคำพูดที่มันพูดกับผม ใช่ผมเหมือนจะไม่คู่ควร มันไม่ใช่ฐานะหรืออะไรนะ แต่ที่ผมไม่คู่ควรเพราะสายตาผู้ใหญ่ต่างหาก
           “บอยไปขึ้นรถเถอะ “ผมพูดและดันร่างบอยให้ไปขึ้นรถอีกคัน ผมไม่รู้ว่าใครจะได้นั่งไปกับไอ้หลุยส์มัน แต่ผมดันร่างบอยและเข้าไปนั่งในรถทันที บอยหันมามองหน้าผมก่อนจะก้าวเท้าขึ้นรถตามที่ผมบอก ผมเองก็นั่งเงียบไปตลอดทางจนรถแล่นออกมาได้สักพัก บอยคงเห็นว่าผมเงียบผิดปกติเลยจับมือผมบีบเบาๆ ผมหันมามองหน้าบอย
           “เห็นเงียบๆ มีอะไรหรือเปล่า” บอยถามผม
          “บอยคิดว่าแจ็คไม่คู่กับบอยหรือเปล่า” ผมถามบอย
         “ทำไมถามบอยแบบนั้นละแจ็ค” บอยถามผมกลับ
         “คือบอยรู้สึกว่าหลายคนมองแจ็คแบบนั้น แม้กระทั่งไอ้หน้าตี๋มันยังมองแจ็คแบบนั้นเลย” ผมพูด
         “แจ็ค ...บอยว่าแจ็คคิดมากไปน่ะ ไม่มีใครมองแจ็คแบบนั้นสักหน่อย พวกเขาแค่ ยัง..” บอยพูด
           “ไม่ไว้ใจแจ็ค .... แจ็คไม่เข้าใจว่าแจ็คควรทำตัวยังไงให้ทุกคนไว้วางใจแจ็คและเขาจะไม่ขัดขวางแจ็คกับบอย” ผมพูดเหมือนคนหมดหนทาง
          “บอยเชื่อว่าสักวันแจ็คจะทำให้ทุกคนจะเปลี่ยนความคิดได้ว่าแจ็คมีศักยภาพมากพอที่จะช่วยบอยดูแลองค์กรของเราไปพร้อมๆ กับบอย ตอนนี้แจ็คก็แค่ทำหน้าที่ที่เขามอบหมายให้มันสำเร็จ แค่นั้นนะครับ” บอยพูดบอกผม
        “บอยรู้จักไอ้หลุยส์มานานแล้วเหรอครับ “ผมถามบอย
         “ก็ตั้งแต่ตอนที่บอยกลับไปนั่นแหละ บอย เออ...” บอยพูดแต่บอยนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
        “หลุยส์เขาเป็นคนสำคัญเช่นกันและที่สำคัญ หลุยส์เขาน่าสงสารน่ะแจ็ค เขาเจอเรื่องร้ายแรงมาก่อนและมันก็ร้ายแรงมากจริงๆ แจ็ค มันทำร้ายจิตใจของเขามาก “บอยพูดกับผม ผมหันมามองหน้าบอย ไอ้หน้าตี๋นั้นน่ะเหรอ
         “บอยอยากให้แจ็คและหลุยส์เป็นเพื่อนกัน หลุยส์เขามีดีนะ “บอยพูด ผมนี้ยิ้มที่มุมปาก ผมว่ายากที่จะเป็นไปได้ มันอาจจะเป็นไปไม่ได้เลย
         “แจ็คนะลองดู.... ลองเปิดใจดู บอยเชื่อว่าเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีของแจ็คแน่ๆ “บอยพูด
            ผมก็พยักหน้าตามแบบขอไปทีเพราะผมเห็นสีหน้าบอยที่ขอร้องผมขนาดนี้แล้วอดใจอ่อนให้บอยไม่ได้แต่กับไอ้หน้าตี๋ไม่มีทางผมแอบคิดในใจ รถก็แล่นมาจนถึงหน้าโรงเรียน ผมเห็นไอ้หลุยส์มันเดินคุยกับไอ้ดิวต่อ เหมือนมีเรื่องอะไรที่คุยกันถูกคอ แต่มันแปลกสำหรับผม เพราะว่าไอ้ดิวจะคุยถูกคอก็คือเรื่องเกี่ยวกับวงการฟุตบอลเท่านั้นแต่กับไอ้หน้าตี๋นี่น่ะ ไม่น่าจะใช้นักเตะแน่ๆ ผมพยักพเยิดกับติ๊กและพายและก็แอ้อีกคนให้เดินเข้าโรงเรียนได้แล้ว พวกมันมองไอ้ดิวที่คุยกับไอ้หลุยส์นำหน้าไปก่อน
        “แท่นแทนแท้น!!!”
       “เว้ยย!!” พวกผมอุทานด้วยความตกใจพร้อมกัน ก็ จู่ๆ ก็มีคนกระโดดออกมาจากมุมตึกแบบนี้ ใจก็นึกว่าโดนเล่นแต่เช้าเลยเหรอ พอผมมองดูดีดี อ้อไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลู สมาชิกใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาหมาดๆ
         “อะไรของมึงสองคนเนี๊ยะ! เมื่อเช้ามึงลืมเขย่าขวดยาก่อนเทใส่ปากหรือไง กระโดดออกมาได้…..และอายุเท่าไหร่แล้วเนี๊ยะ ห๊ะ!” ไอ้ติ๊กมันใส่เป็นชุดเลยครับ
          “แหมก็แค่อยากให้หายเครียด เห็นเมื่อวานเครียด นี้พวกเราก็ลุ้นนะว่า…” ไอ้บลูพูด
         “????” ผมหันไปมองว่าลุ้น อะไร
         “ว่าพวกนายยังมีชีวิตอยู่ไหม” ดูปากมันพูดเข้า
          “กูว่ามึงไม่ต้องคิดเรื่องนั้น แต่มาคิดว่า ถ้าพวกกูรุมกระทืบมึงตอนนี้ มึงจะมีชีวิตอยู่ต่อหรือเปล่าดีกว่าดีกว่าไหม.... นั้นปากพวกมึงเหรอนั้น น่าเอาไว้วางเท้า” พายพูดแต่มีคนห้ามเอาไว้ ตัวเล็กแล้วยังซ่าอีก
          “เขาล้อเล่นนะ ขนมพาย” ไอ้บลูรีบเปลี่ยนเชียวน่ะไอ้บลู แถมยังหลบไปแอบข้างหลังไอ้ต้นข้าว
             “กูสองคนโคตรเป็นห่วงพวกมึงเลยวะ แต่กูสองคนก็ต้องรีบเพ่นว่ะ กลัวพ่อจับได้ว่ากูมีเรื่องและกูสองคนคงได้ย้ายกลับไปโรงเรียนเดิมแบบถาวร กูขอโทษนะโว้ย!! ที่ไม่ได้อยู่กับพวกนาย” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมก็ยกมือว่าช่างมันเถอะ
           “เออ แล้วคนนี้ใครอ่ะ เมื่อวานไม่เห็นอ่ะ เพิ่งจะมาเหรอ” ไอ้บลูหันไปถามและชี้ไปที่ไอ้หลุยส์
           “เขาชื่อหลุยส์เขาเป็นเพื่อนพวกเรา...เขามาใหม่ครับ” บอยพูดยิ้มๆ ให้หลุยส์ ผมนี้แอบหมั่นไส้
           “ยินดีที่รู้จัก” บลูพูดและยื่นมือจะไปเช็คแฮนด์แต่ไอ้หลุยส์มันได้แค่มองเลยทำเอาไอ้บลูเขินชักมือกลับแทบไม่ทัน
          “เอาละไปหาที่กินข้าวกันดีกว่าว่ะ วันนี้จะมีใครมามองรางวัลรูปเท้าให้พวกกูกันอีกกไหมวะ "ไอ้ดิวพูด "ขอพักสักวันเถอะว่ะ " ไอ้พูดอีก

ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.19(แจ็คXบอยXหลุยส์) เรียกร้องความสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 18-01-2024 10:54:06
       
  EP.19(แจ็คXบอยXหลุยส์) เรียกร้องความสนใจ

          Part's แจ็ค พวกผมเดินเข้าไปแบบไม่สนใจเสียงนกเสียงกา แต่ละคนพูดให้กำลังใจพวกผมมาก บ้างก็นินทาแต่มันดังจนพวกผมได้ยิน ไม่น่าจะใช่นินทาแล้วแหละ พวกเขากำลังพูดกันว่าพวกผมรอดมาได้ไง นึกว่าพวกผมคงไปนอนโรงพยาบาลกันแล้ว บร้าๆ แต่ล่ะคนนี้ให้กำลังใจกันดีมาก จนพวกผมเดินผ่านโต๊ะม้านั่งหินอ่อน ผมเห็นคนที่อยู่ในห้องเรียนกับพวกผมคนนี้มันนั่งข้างไอ้ภาคินตลอด
         “บอยจำได้ไหมว่าคนนี้อ่ะชื่ออะไร มันนั่งข้างไอ้ภาคิที่ดูเหมือนจะเป็นตัวพ่อของกลุ่มมัน” ผมกระซิบถามบอย บอยหันมามองหน้าผมและส่ายหัวเบาๆ พวกผมหยุดก่อนจะเดินเข้าไป ผมเห็นว่าเป็นกองสมุดหลายเล็มเลย เท่าที่พวกผมยืนดู คือไอ้คนนี้นั่งทำการบ้านและคงไม่ใช่ของมันคนเดียวแน่ๆ
          “นาย จำพวกเราได้ป่ะ เราเรียนห้องเดียวกับนายน่ะ” ไอ้ดิวมันถามขึ้น คนที่เงยหน้าขึ้นมา ดูขอบตาคล้ำ คงอดนอนมาด้วย
          “เออ...จำได้...” เขาตอบแบบลังเล เหมือนจะมองไปรอบๆ
          “เฮ้ย! พวกเรามาดี " ผมพูด
             "โทษทีนะ นายชื่อไรอ่ะ” ไอ้แอ้พูดขึ้น พวกผมก็พยักหน้า ยกเว้นไอ้หน้าตี๋มันยังไม่รู้เรื่อง แถมเดินสภาพที่เหมือนซอมบี้เชียว บอยเลยเดินไปเหมือนจะคุยอะไรกับไอ้หลุยส์
           “เราชื่อ ว่าน “คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นตอบพวกผม
          “นายทำการบ้านให้เพื่อนด้วยเหรอ “พายถามว่าน
          “ใจดีเนอะ!!” พายพูด พวกผมขยับตาอย่าไปทำให้กลัวเราซิ
           “เออ...เราขอตัวนะ เราต้องรีบไป “ว่านพูดด้วยหน้าตาตื่นและรีบคว้ากองสมุดติดตัวเดินออกไป พวกผมได้แค่มอง
          “อ้าว..นาย..เราแค่ถามว่าจะให้พวกเราช่วยทำให้ไหม) )) )” ผมตะโกนตามหลังแต่ว่านมันรีบเดินหายไปเลย ทุกคนก็หยักไหล่ บอยแตะแขนผมว่าไปกันดีกว่า
          “นี้พวกมันไม่ทำการบ้านเองเหรอวะ เจริญเนอะ “ไอ้ติ๊กพูด
          “กูว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เลยว่ะ ไอ้ดิว เพราะว่าพวกมันหายหัวไปตั้งแต่เมื่อวานแต่ว่ามันดันรู้ว่ามีการบ้าน เด็กเกเร ไม่รักเรียนหาอะไรจะมีการบ้านส่งได้วะ” ผมหันไปกระซิบกับไอ้ดิว มันก็พยักหน้าแต่พวกผมคงเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้
        "เออว่ะ กูว่าพวกมันต้องทำอะไรสักอย่างกันแน่ๆ" ไอ้ดวิพูด ผมสองคนมองหน้ากัน
       “ไปห้องอาหารก่อนเถอะวะ” ผมหันไปบอกไอ้ดิว ผมมองบอยที่เดินกลับเข้ามาพร้อมกับไอ้หลุยส์หลังจากที่ออกไปคุยกันทั้งคู่
       “ไปทานอาหารกันดีกว่าครับบอย”
       “แจ็ค” บอยเอ่ยชื่อผมและส่งซิกให้ผมไปทางไอ้หลุยส์
       “ไปทานข้าวกันวะ ไอ้...ตี๋” ผมพูด มันเหมือนจะยิ้มแต่มันก็หุบยิ้มทันที ผมก็แอบขำ ดูมันทำหน้าเหมือนจะโกรธนะ พวกผมพากันเดินเข้าไปหาที่นั่งทานปกติเหมือนคนอื่นท่ามกลางสายตาเหมือนเดิมที่มองพวกผมแต่วันนี้ก็แค่มอง บางคนก็ไม่สนใจทำหน้าที่ตัวเองไป ผมไม่เห็นไอ้ป๊อดแต่เห็นมีหนุ่มตัวเล็กๆ มาจัดพวกอาหารเช้าไว้ให้พวกผมเลือกทานกันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่ยิ้มๆ ให้พวกผมก็ยิ้มตอบกลับแค่นั้น ระหว่างที่นั่งทานอาหารผมเห็นไอ้หน้าตี๋มันเงียบมาก
        “ไอ้แจ็ค ไอ้หลุยส์มันเป็นอะไรวะ เมื่อวานวันยังซ่ากับมึงอยู่เลยนะ มึงเสกอะไรใส่มันหรือเปล่าวะ “ไอ้ติ๊กมันกระซิบถามผม ผมหันไปมองหน้าไอ้ติ๊กมัน
        “นี้มึงเล่นของใส่มันเลยเหรอวะแจ็ค” พายอีกคน ผมหันไปดึงจมูกเล็กๆ น่ารักของมัน
        “มึงจะบ้าเหรอ กูไม่ได้ทำอะไรมันเลยนะ มันคงเรียกร้องความสนใจบอยมั้งวะ” ผมพูดแอบหมั่นไส้เพราะบอยหันไปคอยถามคอยเอาใจใส่มันอีก จนผมต้องแอบงอลบ้างแล้วมั้ง
        “ไปห้องน้ำน่ะ” ผมพูดและลุกพรวดเลย เดินออกไปทันที
         “อะไรของมันวะ บทมันจะไปก็ไปเลย ไอ้นี่ ทำยังกะน้อยใจอย่างนั้นแหละ” เสียงไอ้ติ๊กพูดไล่หลังผมออกมา ผมเดินไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแต่โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ตรงห้องน้ำเลย ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ไม่ได้อยากมาเข้าแค่อยากให้บอยรู้ว่าผมงอนแค่นั้น
          “แจ็ค” เสียงบอยเรียกชื่อผม
         “เป็นอะไรนะ “บอยถามผม บอยเดินเข้ามาใกล้ๆ ผมที่อ่างล้างมือ
        “ก็...”ผมทำท่าจะพูด
          “งอนบอยเหรอ” บอยถามผมทันที
         “ก็เห็นเอาใจแต่ไอ้…” ผมพูดก่อนจะพยักพเยิดออกไป
         “แจ็ค บอยคิดว่าแจ็คจะเข้าใจที่บอยพูดแล้วนะ หลุยส์เขา...” บอยกอดอกมองหน้าผม
          “น่าสงสาร แต่ดูยังไงก็คิดว่ามันน่ะแค่เรียกร้องความสนใจ จนบอยลืมแจ็คไปแล้ว” ผมพูด
          “ลืมที่ไหนละ บอย ก็กำลังจะถามอยู่แต่แจ็คเดินออกมาซะก่อน “บอยพูด
           “แจ็ค “บอยเรียกชื่อผม
          “มันทำให้แจ็คเขวอ่ะบอย และอดคิดไปไม่ได้ว่า... “ผมพูดแต่ผมเหลือบมองเห็นว่ามีคนแอบฟังผม ผมดูก็รู้ว่าไอ้หลุยส์แน่นอน แต่ผมไม่แสดงให้บอยรู้หรอกว่าไอ้หลุยส์ยืนอยู่
          “บอยก็บอกแจ็คแล้วว่า เราต้องดูแลเขาและหลุยส์น่ะเขาผ่านเรื่องที่แย่ๆ มา บอยไม่ได้คิดอะไรเกินเพื่อนเลยนะแจ็ค และนี่ก็คำสั่งของพ่อบอยให้ดูแลเขาเหมือนกัน “บอยพูด
          “จริงนะ” ผมถามบอย
          “อืม เลิกงอนได้แล้ว” บอยพูด
          “แจ็ครักบอยมากนะ”ผมพูดและมองบอยทำตาซึ้งใส่ด้วย บอยก็มองผม
         “บอยก็รักแจ็คไงถึงได้...”บอยพูด ผมนี่อยากจะทำท่าเซย์เยสสส นี่แหละที่อยากให้บอยพูด
         “แกร็ก” เสียงของหล่น ผมนี้อยากจะหันไปด่า บอยก็ตกใจผมสองคนเดินออกมาก็ไม่มีใคร ทำให้ผมนึกในใจไอ้นี่มันวิ่งไวเหมือนกันน่ะ ออกมาก็หายไปแล้ว
           “คงเป็นเด็กที่จะมาเข้าห้องน้ำนะบอย” ผมหันมาบอกบอย ผมสองคนพากันเดินออกมาจากห้องน้ำและเดินกลับมาที่ห้องอาหารแต่ไม่เห็นไอ้หลุยส์อยู่กับพวกไอ้ดิว
        “ไปเข้าแถวกันเถอะวะ” ไอ้ดิวพูด
          “แล้วหลุยส์ละ” บอยถามทุกคน
            “อ้าว! ไม่เจอกันเหรอ มันเดินตามบอยไปติดๆ เลยน่ะ เห็นว่าจะไปห้องน้ำเหมือนกัน พวกเรายังไม่อิ่มเลยให้มัน วิ่งตามไป นี่ไม่เจอกันเหรอ” พายพูดและมองหน้าผมสองคน ผมยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ แต่บอยซิ บอยมองหน้าผม
           “แสดงว่าแจ็ครู้ว่าหลุยส์อยู่หน้าห้องน้ำใช่มั้ย” บอยหันมาถาม ด้วยสีหน้าที่บอกได้ว่าบอยรู้สึกเสียใจ "บอยถามว่าใช่ไหมแจ็ค ตอบบอยซิ" ผมก็มองหน้าบอยแอบตกใจมากเหมือนกัน ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
         “ก็แจ็คออยากให้มันเลิกหวังไง” ผมตอบบอย
          “แจ็คไม่รู้หรอกว่าการทำร้ายความหวังคนอื่นน่ะเขาจะเสียใจมากแค่ไหน” บอยพูดสายตาคู่นี้บอกผมได้ว่าเขาผิดหวังกับตัวผมมากแค่ไหน
         “You absolutely have no sympathy for anyone else.” บอยพูดกับผม ผมว่าคนที่เจ็บที่สุดไม่ใช่ไอ้ตี่แล้ว มันกลายเป็นผมเอง ผมทำท่าจะอธิบายแต่ว่าบอยยกมือห้ามผม บอยหันมาทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างกับผม
          “You should to put your feet in his shoes so you will understand how hard he has to pass in the past” บอยพูด
           “บอยผิดหวังในตัวแจ็คมากน่ะ จริงๆ” บอยพูดก่อนจะเดินหันหลังออกไป
          “บอย!!” ผมทำท่าจะตามแต่ บอยหันกลับมาอีกครั้ง
         “ไม่ต้องตามบอยมาบอยจะไปหาหลุยส์” บอยพูด ผมนี้อยากจะตะโกนดัง ๆ ก็อายคนในห้องอาหาร พวกไอ้ดิวมองหน้าผมแบบงง ว่าเกิดอะไรขึ้น
         “มึงนี้นะ.... มึงก็รู้ว่าบอยไม่ชอบแบบนี้ มึงทำทำไมวะ” แอ้มันหันมาพูดกับผม
          “เกิดอะไรขึ้นวะแจ็ค พวกกูงงโคตรๆ เลย” ไอ้ติ๊กมันหันมาถามผม
           “ก็กูคุยกับบอยแต่ไอ้หลุยส์มันยื่นอยู่หน้าห้องน้ำ กูแค่อยากให้บอยพูดตรงๆ ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับไอ้หลุยส์ คือกูอยากให้มันเลิกหวังเลยตั้งใจให้มันได้ยิน” ผมพูดทุกยืนเอามือเท้าซะเอวมองหน้าผม
           “มึงนี้นะ ไอ้หลุยส์มันก็มีแค่บอยเป็นเพื่อนน่ะตอนนี้ มึงไม่ควรทำแบบนี้ว่ะ “ไอ้ดิวมันยืนเอามือล้วงกางเกงเท่ๆ มองผมได้กวนตรีนมาก
           “นี้ถ้ามันกลับไปน่ะ พ่อกูรู้เข้า มึงอยู่นี้ไปเถอะไอ้เวร งี่เง่าเป็นเหตุสังเกตได้!” ไอ้ติ๊กมันด่าผมอีกคน
          “มึงหล่อแต่ภายนอกจริง ใจมึงเชี่ยมาก ตกลงมึงจะไม่เป็นพระเอกแล้วใช่ไหม” ไอ้พายต่อว่าผมอีก ผมมองพวกมัน นี้มันซ้ำเติมผมชัดๆเลย
         “อะไรวะ พวกมึงลองมาเป็นกูดิว่ะ “ผมพูดขณะที่ทุกคนเดินหันหลังออกและทิ้งผมยืนงงอยู่ตรงนั้น
         “กูเป็นมึงก็ไม่ทำว่ะ!!!! ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกันแบบนี้ว่ะ!” ไอ้ดิวมันตะโกนกลับมา
           ผมพ่นลมหายใจออกและเดินตามพวกมันไป เพื่อไปเข้าแถวหน้าเสาธง แต่ผมยังไม่เห็นบอยกับไอ้หลุยส์เลย ผมก็มองหาจนทั้งคู่เดินเข้ามาและมาต่อที่ท้ายแถว แต่ผมดันอยู่กลางแถว
          “อิจฉาตาร้อน เกลียดคนที่ยืนข้างๆ เธอ” เสียงเพลงที่ร้องจิกกัดผมได้เจ็บจี้ดเลย พายนั้น
          “พาย!!!” ผมเรียกชื่อพาย
         “คิกๆ เป็นไงล่ะ คดีพลิก สมน้ำหน้า เขาให้บทพระเอกเสือกไปเป็นตัวร้ายซะงั้น  “พายพูดซ้ำเติมกันชัดๆ ผมทนยืนอดทนจนจบพิธีเข้าแถวหน้าเสาธง ผมแอบคิดทำไมมันนานจังนะวันนี้ จนเขาปล่อยให้เดินขึ้นห้องเรียนได้ ผมเดินไปกระชากแขนบอยไว้
           “บอย” ผมเรียกบอย
          “เฮ๊ย! เอามือมึงออก “ไอ้หลุยส์พูด บอยไอ้แต่มองหน้าผม
          “กูไม่เอาออก …...นี่มัน” บอยยิ่งหันมามองผมใหญ่ และมองไปรอบๆ ทุกสายตาที่มองผมขณะที่กำลังจะเดินผ่านพวกผมขึ้นห้อง
           “แกรักสามเส้าแน่เลย อยากโดนแย่งแบบนั้นน่ะ” มีเด็กผู้หญิงแอบแซวพวกผมกัน ผมก็ต้องปล่อยมือบอย
          “ขึ้นห้องเถอะครับบอย” ไอ้หลุยส์มันบอกกับบอย บอยพยักหน้าและทั้งสองคนก็เดินไปจากผม
          “หมาหัวเน่าเลยมึง ปากมึงแท้ๆ มึงก็รู้ว่าบอยไม่ชอบให้มึงทำร้ายใครด้วยคำพูดหรือทำร้ายจิตใจใคร โง่จริงๆ เลยมึงเนี่ยะ แดกแห้วไปเถอะ” ไอ้ติ๊ก ผมนี้อยากจะเตะอากาศ พวกมันนี้เพื่อนผมมาก่อนไอ้หลุยส์อีกน่ะ
             “อะไรวะ เหมือนจะดี แต่ดันแย่ลงเพราะไอ้เวรนี้! กูอยากรู้ใครส่งมันมาวะ!” ผมพูดสบถออกมา และจำต้องเดินตามพวกนั้นขึ้นไป ไอ้ต้นข้าวและไอ้บลูก็ทำหน้างงเพราะมันไม่อยู่ตรงนั้นตอนที่บอยกับผมมีเรื่องผิดใจกัน มันได้แต่มองและยิ้มๆ ผมก็พยักหน้าว่าผมโอเค พอผมเดินเข้าไปในห้อง ผมก็เห็นว่าบอยก็เลือกไปนั่งข้างหลังสุดกับไอ้หลุยส์ ดูมันมองผมยิ้มๆ
           “บอยไม่นั่งกับแจ็คเหรอ” ผมถามบอย บอยหันไปมองหน้าไอ้ตี๋นั้น
          “บอยจะนั่งกับหลุยส์น่ะ” บอยพูดแค่นั้น ผมก็ต้องพยักหน้าเบาและคงต้องนั่งคนเดียว หันมาเจอไอ้แว่น มันมานั่งลงและยิ้มให้ผม
          “เหงาเหรอ ให้เราไป…” ไอ้แว่นพูดและทำท่าจะเปลี่ยนที่มานั่งกับผม ผมรีบยกมือเบรกมันไว้ก่อน
           “มึงนั่งนั่นแหละไอ้แว่น มึงมานี่กูจะเหงากว่าเดิม “ผมพูดแค่นั้นมันก็รีบก้มหน้าก้มตา หยิบนั้นหยิบนี้ขึ้นมา วันนี้ไม่มีพวกไอ้ภาคินอยู่ในห้องเลยแม้กระทั่งไอ้คนที่ชื่อว่าที่พวกผมเจอตอนที่เดินเข้ามาและพวกผมก็เห็นว่านนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อน
          “แว่น พวกนั้นมันไม่มาเข้าเรียนกันเหรอวะวันนี้” ผมถามไอ้แว่น
         “เข้าครับแต่เขาพรางตัวครับ พวกคุณเลยมองไม่เห็น” ไอ้แว่นมันตอบผมได้กวนมาก ผมหันไปมองพร้อมเอาแขนเท้าพนักพิงเก้าอี้
         “แว่น มึงขาดโปรตีนใช่มั้ย เดี๋ยวกูให้ เป็นคู่ๆ ไปเลย กวนแต่เช้าเลยน่ะมึงและดูหน้าไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครด้วย มันนอยด์อยู่ เดี๋ยวมึงก็โดนหนักหรอก” ไอ้ติ๊กพูด ไอ้แว่นมันหันมามองหน้าผม ผมพยักหน้าเป็นเชิงถามว่าจะเอาไหมปลาตีนน่ะ
         “ล้อเล่นครับ “ไอ้แว่นพูดพร้อมกับยกมือไหว้ผมหนึ่งที
        “ผมก็ไม่ทราบนะครับเพราะว่าไม่มีข่าวอะไรเกิดขึ้นเลยเมื่อวาน...เงียบมาก” ไอ้แว่นมันพูด
         “แต่การที่พวกเขาเข้าหรือไม่เข้ามันก็ปกติอยู่แล้วครับ แว่นนะชินแล้วครับ” ไอ้แว่นพูด พวกผมก็พยักหน้า ผมหันไปมองบอยที่เหมือนกำลังสอนการบ้านไอ้หลุยส์ ยิ่งหมั่นไส้เข้าไปใหญ่ ไอ้ดิวมันมองไปตามสายตาของผม
             “เอานะ ไอ้แจ็ค รอคุยกับบอยตอนพักเที่ยงก็แล้วกัน “ไอ้ดิวกระซิบพูดกับผม ผมก็พยักหน้าคงต้องตามนั้น สักพักคุณครูประจำวิชาก็เข้ามาทำการสอน ผมได้แต่สอนไปอย่างเงียบๆ ผมเห็นบอยคุยกับไอ้หน้าตี๋ และดูมันมีความสุขน่าดู ตกลงนี้จะเปลี่ยนใจไปกับไอ้หลุยส์เพราะว่าปากผมนี่น่ะเหรอ

TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.20(หลุยส์) มึงแค่รักตัวเองหลุยส์
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 18-01-2024 19:50:06
EP.20(หลุยส์) มึงแค่รักตัวเองหลุยส์


        Part’ sแจ็ค หลังจากที่ผมได้ยินที่บอยบอกไอ้แจ็คหรือไอ้หน้าแขกนั้นว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับผมและเขาทำเพราะว่าพ่อเขาสั่งให้ดูแลผม ถึงบอยจะบอกแจ็คว่าผมก็คือคนสำคัญขององค์กร แต่มันก็เจ็บสำหรับผมตรงที่ผมตั้งใจมาเพื่อเขา นี้ผมทำแบบนี้ไปทำไม มันไม่มีค่าอะไรเลย แล้วผมจะอยู่ต่อทำไม ผมน่ะเรียนเร็ว ผมก็เรียนมหาวิทยาลัยออนไลน์แล้ว ผมแค่กลับไปเป็นเหมือนเดิมแต่แค่ไม่มีบอย เหมือนที่ผมคิดเอาไว้แค่นั้น แค่คิดก็เศร้ารอแล้วผมน่ะ

            ผมจำผู้ชายนัยต์ตาสีฟ้าได้ เขามีเสน่ห์ขนาดที่ทำให้ผมหลงรักเขาได้ในนาทีแรกแม้กระทั่งตอนนี้ผมก็หลงรักเขาอยู่ดีแต่ว่า เขามีไอ้นั่นในหัวใจแล้ว ผมก็เหมือนแค่ส่วนเกินซิน่ะ ทำไมไอ้นั่นมันถึงได้หัวใจบอยไปได้ มันไม่มีอะไรดีเลยดีกว่า เท่าที่ผมไปหาข้อมูล ใช่ครับผมแทบจะไม่ได้นอนเลยหลังจากที่ลงไปเห็นภาพบาดตาบาดใจที่ทั้งคู่กอดจูบกัน ผมกลับขึ้นไปที่ห้องที่ผมควรจะอยู่ ผมมีทีมที่สามารถแฮกข้อมูล เขาแฮกซ์ข้อมูลพวกนี้มาให้ผมภายในหนึ่งชั่วโมง ไอ้แจ็คคือคนที่สร้างเรื่องเยอะที่สุด มันทำให้ผม เจ็บใจ ถ้ามันดีกว่าผม ผมจะไม่ว่าเลย มันแย่กว่าผมเยอะ

           “หลุยส์” เสียงบอยเรียกชื่อผม ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีไอ้หน้าแขกนั้นวิ่งตามบอยมาไหมแต่คงวิ่งมาห้ามบอยมากกว่า

             “ว่าไงบอย” ผมหันไปแต่ผิดคาด ไม่มีไอ้หน้าแขกขาวนั้นตามบอยมา ผมชะเง้อมองไปทางด้านหลังของบอย บอยก็มองตามสายตาของผม

            “แจ็คไม่ได้ตามมา บอยบอกว่าไม่ต้องตามบอยมา บอยจะ ออกมาตามหาหลุยส์” บอยพูด ผมก็พยักหน้าเบาๆ

            “หลุยส์จะไปไหน” บอยถามผม ผมยืนเอามือล้วงกระเป๋าพร้อมกับใช้ความคิด ต่อให้ผมรักเขามากแค่ไหนแต่ถ้าที่ตรงนี้มันไม่ใช่ของผม ผมก็ควรจะไป

             “หลุยส์ขอโทษนะที่มาทำให้บอยลำบากใจ” ผมพูดกับบอย

              “หลุยส์ทำไมพูดแบบนี้ละ บอยไม่ได้ลำบากใจอะไรเลยน่ะ แล้วนี่หลุยส์จะไปไหน” บอยพูดและเขาก็ดึงแขนผมเอาไว้

              “จะให้หลุยส์อยู่ทำไมอ่ะบอย หลุยส์จะมาทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะบอย” ผมพูด บอยมองหน้าผม

              “หลุยส์คงไม่มา...บอยน่ะน่าจะรู้ดี” ผมหันมาพูดกับบอย สายตาผมมองบอยที่มองผม เขาน่าจะรู้ว่าผมรู้สึกยังไงตอนนี้ โคตรเจ็บเลย

              “แต่หลุยส์ซิกลับไม่รู้ว่า ที่บอยทำให้หลุยส์จนหลุยส์คิดไปเองนั้นมันแค่เพราะองค์กร แต่สุดท้ายคำตอบมันคือบอยทำเพราะว่าพ่อของบอยบอกให้ดูแลหลุยส์เพื่อผลประโยชน์เท่านั้น ไม่ใช่หัวใจของบอย” ผมพูด

              “หลุยส์ มันไม่ใช่แบบนั้นเลยน่ะ แต่ว่าที่บอยตั้งใจทำให้หลุยส์ในฐานะเพื่อนที่หวังดีกับเพื่อน” บอยพูดกับผม

              “ส่วนเรื่องหัวใจบอยขอโทษจริงๆ บอยให้หลุยส์แบบนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะว่าบอย …” ผมก็มองว่าทำไม

             “บอยรักเขามากเหรอ ทั้งที่เขาไม่ใช่คนที่ถูกเลือกและไม่มีข้อดีข้อไหนที่ควรจะเลือกเลยด้วยซ้ำ บอยใช้อะไรเลือกเขาคนนี้เหรอ” ผมถามบอย บอยมองหน้าผม

           “บอยใช้หัวใจบอยเลือกเขา” บอยพูด ตอนนี้ผมรู้สึก เหมือนโดนมีดปลายแหล่มทิ่มแทงลงมาที่ตรงกลางอกของผมเลยทีเดียว คนแบบนี้ได้หัวใจบอยไปได้ยังไง

           “ช่างมันก่อนเถอะหลุยส์ บอยว่าหลุยส์ควรจะกลับเข้าไปดีกว่าและบอยอยากให้หลุยส์อยู่ที่นี้ กับพวกเขา เพื่อว่าบางที่หลุยส์อาจจะได้อะไรดีดีจากที่นี้ก็ได้น่ะ” บอยพูดขณะที่ผมกำลังจะเดินหันหลังออก ผมนี่น่ะจะได้อะไรดีดีจากพวกนี้ ข้อมูลที่ผมได้มา มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ผมเสียเวลาเปล่า ไม่ซิ ผมกับบอยเสียเวลาเปล่า

          “ถ้าหลุยส์ไม่อยู่พวกเขาก็จะเดือดร้อน หลุยส์ควรจะอยู่ที่นี้ น่ะหลุยส์ พวกเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีของหลุยส์ เชื่อบอยซิ “บอยพูด ผมก็ทำท่าจะเดินออกอีก

           “หมับ” บอยจับแขนผมเอาไว้

          “ทำไมหลุยส์ไม่ลองเปิดใจดูละ “บอยพูด ผมหยุดนิ่งก่อนจะหันหลังไปมองบอย

          “ไม่ละ ปกติหลุยส์ไม่เคยมีเพื่อนนะเพราะหลุยส์ไม่เชื่อคำว่าเพื่อนแท้ ตั้งแต่หลุยส์เจอบอย หลุยส์กลับเชื่อคำว่ารักแท้ แต่ตอนนี้มันไม่มีอยู่จริง “ผมพูด บอยก็เงียบไปทันที

         “บอยอยากให้หลุยส์อยู่ก่อนได้ไหม บอยขอร้อง “บอยพูดกับผม

           “เพื่ออะไรอะไรบอย! ให้หลุยส์ทนดูบอยกับเขาคนนั้นเหรอ หลุยส์ทนไม่ได้” ผมหันมาพูดกับบอย

           “ทำไมบอยไม่บอกหลุยส์ซะก่อนละว่าบอยมีแฟนแล้ว พ่อบอยก็ไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั้ยครับ” ผมพูดทำเอาคนที่ยืนตรงหน้าผมสีหน้าเปลี่ยนไป

             “ไม่ใช่ พ่อรู้แต่ว่าลุงหนึ่ง ไม่รู้ ” บอยพูด

           "เพราะว่าลุงหนึ่งไม่คิดเลือกคนแบบนี้เพื่อฝากทุกคนในองค์กร บอยรู้อยู่แล้วใช่ไหม" ผมถามบอย บอยมองหน้าผม ผมเดาว่าบอยคงคิดว่าไอ้นี่จะเปลี่ยนตัวเองได้ซิน่ะ

            “มันไม่มีวันที่จะทำได้หรอก....เชื่อหลุยส์ดิบอย ไอ้นี่แค่เป็นลูกคนเล็กและมันก็ไม่ต่างจากลูกแหง่ ทำอะไรไม่ได้หรอก บอยนะต่อไปจะต้องเป็นผู้นำขององค์กร หลุยส์ไม่ได้ดูถูกนะ เขาไม่เหมาะสมกับบอยเลยสักนิด” ผมพูดแต่สีหน้าบอยที่มองผมด้วยสายตาที่ผิดหวัง

            “นั้นเป็นเพราะว่าหลุยส์ยังไม่รู้จักแจ็คดีต่างหาก” บอยพูดกับผม

           “บอย...หลุยส์ขอโทษนะเรื่องพ่อของบอยนะ หลุยส์ไม่รู้จริงๆ ว่าบอยไม่เคยบอกเรื่องนี้กับท่านแค่พ่อของบอยถาม หลุยส์ก็แค่บอกไปตามจริง “ผมพูดกับบอย ผมรู้สึกได้เลยว่าพ่อของบอยก็ยังไม่ปลื้มไอ้แจ็คเอาซะเลยด้วยซ้ำ” ผมพูดบอยมองหน้าผม

            “หลุยส์ส่งรูปที่บอยกับแจ็คให้ลุงหนึ่งใช่ไหม” บอยถามผม

           “หลุยส์ยอมรับว่าใช่แต่หลุยส์ส่งไปแค่รูปที่บอยนั่งเบียดกัน รูปที่บอยกับแจ็คจูบกัน หลุยส์ไม่ได้ส่ง หลุยส์ก็ยัทำร้ายบอยไม่ลงอยู่ดี” ผมพูด

             “บอยไม่โกรธหลุยส์น่ะแต่บอยอยากให้หลุยส์อยู่ต่อก่อนได้ไหม” บอยพูดขอร้องผม

             “บอยอยากให้หลุยส์เห็นก่อนว่าพวกเขาดีหรือไม่ดีค่อยตัดสินพวกเขาได้ไหม” บอยพูดขอร้องผม

             “หลุยส์อยู่ไม่ได้เพราะหลุยส์ทนไม่ได้ที่เห็น บอยกับ...แฟน” ผมพูด

             “ก็ได้...บอยจะห่างๆ กับแจ็ค แต่หลุยส์ต้องอยู่ บอยทำได้เพื่อให้หลุยส์อยู่และทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ลุงหนึ่งอยากให้หลุยส์มาเรียนรู้อะไรอีกมากมายที่นี้เหมือนกัน ลุงหนึ่งถึงได้อนุญาตให้หลุยส์มาอีกคน “บอยพูดผมเห็นสายตาเขานี้เขาอยากให้ผมอยู่ต่อมากเลยเหรอถึงกับยื่นข้อเสนอแบบนี้ให้ผม ผมเดินกลับมาหาบอย

             “ก็ได้” ผมพูดยิ้มๆ

            “กลับไปเข้าแถวน่ะ หลุยส์คงไม่รู้ว่าที่นี้เขาต้องเข้าแถวหน้าเสาธงมันเป็นกิจวัตรประจำวันของนักเรียนที่นี้” บอยพูด ผมก็พยักหน้า

             “บอยคิดดแล้วเหรอที่จะทำแบบที่บอยพูดนะ “ผมถามบอยอีกครั้ง

            “ได้ เพื่อให้หลุยส์อยู่ ถ้าหลุยส์ไม่อยู่พวกเขาก็จะต้องยืดเวลาการทำโทษออกไปอีก” บอยพูด ผมพยักหน้า

            “อีกเหตุผลหนึ่ง หลุยส์อาจจะต้องการพวกเขาในอนาคต บอยอยากให้หลุยส์เปิดใจให้พวกเขาก่อนในวันนี้ ได้ไหมครับ” บอยพูดกับผม ผมก็พยักหน้าไปแบบนั้นแหละ

            “หลุยส์อยากให้บอยทำเหมือนกับว่า บอยเป็นแฟนหลุยส์ “ผมพูด บอยมองหน้าผม

           “คนที่จะดูแลคนเยอะแยะได้ต้องควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองให้ได้ซะก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะหัวร้อนและทำอะไรที่ไม่ควรจะทำก็ได้น่ะ ผมพูด บอยมองหน้าผม บอยใช้ความคิดก่อนจะพยักหน้ากับผม มุมปากของผมกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม อย่างพึงพอใจ ผมรู้ว่าไอ้แจ็คมันทำไม่ได้หรอก มันใจร้อนและมันก็เป็นคนที่ความอดทนต่ำ มันแพ้ผมแน่ๆ ผมคิดในใจ

          “หมับ” ผมจับแขนบอยไว้ ผมจะยั่วให้มันตะบะแตกเลย

         “อย่าลืมที่พูดนะครับ “ผมพูดกับบอย บอยพยักหน้ากับผม

          ผมยิ้มกริ่มและเดินเข้าไปกับบอย บอกแล้วว่าผมนะมีดีไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกล ไม่ต้องพึ่งมนต์คาถา เพราะผมรู้ว่าพ่อๆ พวกมันไม่อยากให้ผมกลับอยากให้ผมอยู่ที่นี้ จนกว่าทุกอย่างจะปลอดภัยสำหรับผมเช่นกัน

          “บอย เดินด้วยกันให้เหมือนเราเป็นแฟนกันหน่อยซิ ทำแบบนี้มันถึงจะเนียน” ผมกระซิบกับบอย บอยหันมามองหน้าผมและผมก็ยื่นมือของผมเพื่อจะจูงมือบอยแต่บอยมองผม ผมก็สอดมือผมเข้าไปและจับมือบอย
          ผมจูงมือเดินผ่านทุกสายที่นักเรียนที่เข้าแถวต่างก็พากันมองมาที่ผมสองคนจนถึงแถว ไอ้ดิว ไอ้ติ๊ก แอ้และพายก็มองมาที่ผมกับบอยกัน และบอยก็ค่อยๆ ดึงมือเขาออก น่าเสียดายที่ไอ้แจ็คมันหันมาช้าไปเลยไม่ได้เห็นภาพเด็ดๆ แต่ก็ทำให้มันหัวร้อนขึ้นได้ ผมก็หยักคิ้วให้ว่าผมกำลังจะมีชัย ผมยืนจนเหงื่อแตกเลยกว่าการทำกิจวัตรประจำวันที่เขาบอกว่าต้องทำทุกวันเสร็จ ผมไม่เคยเรียนที่ไทยและหลังจากพ่อแม่ผมเสียไปผมก็ไม่เคยไปโรงเรียนเรียนที่บ้านตลอดและมีไปเรียนที่ติวเตอร์แค่นั้น

           “หมับ! “ไอ้หน้าแขกมันเดินมาดึงแขนบอย ผมรีบหันไปปัดมือมันออกทันทีและไอ้แจ็คมันทำท่าจะเข้ามาต่อยผมแต่มันก็สะดุดที่สายตาบอยที่มองมัน แต่ทำไมสายตามันแตกต่างกับที่มองผมหนัก สายตาของบอยไม่ได้มองเพื่อให้ไอ้หน้าแขกมันแค่หยุดแต่มันสื่อได้มากมายกว่านั้น มีทั้งความห่วงใย

         “เอามือมึงออกไป” ผมพูดแค่นั้น และดึงแขนบอยเดินออก ไอ้แจ็คมันแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

          “ไปไหนกันต่อดีครับที่รัก” ผมกระซิบถามบอย แต่บอยกับเดินเหมือนเหม่อลอย

         “บอย “ผมเรียกบอยในหู เพื่อให้บอยได้ยิน ได้ผลบอยสะดุ้ง

         “ว่าไงนะหลุยส์” บอยหันมาถามผม

         “คือหลุยส์ถามว่าเราจะไปที่ไหนกันต่อครับ หลุยส์เพิ่งมาวันนี้วันแรก” ผมพูด

         “คือ...ไป..เออ เราเดินเลยมาชั้นหนึ่งแล้วอ่ะหลุยส์ บอยพูด ผมก็มองอ้อนี่มันชั้นที่ 4 แล้วนี่และผมสองคนก็เดินลงมาจนมาหยุดที่ห้องหนึ่ง ที่เขาเรียกว่าห้องเรียนซินะ ผมเดินเข้ามาก็เห็นโต๊ะมากมาย

        “หลุยส์จะนั่งตรงไหนล่ะ” บอยถามผม

      “แล้วปกติบอยนั่งตรงไหนครับ” ผมถามบอย

       “นั่งกับแจ็ค” บอยตอบผมเสียงอ่อยๆ

        “วันนี้ละครับ บอย” ผมถามบอย

        “ก็ได้บอยไม่นั่งกับแจ็คนั่งกับหลุยส์” บอยพูดผมก็ยิ้มหวานและผายมือให้บอยเดินนำไป โต๊ะที่อยู่ท้ายสุดได้ จังหวะนั้นพวกไอ้ดิว ไอ้แอ้ ติ๊กและพาย และตามมาด้วยไอ้หน้าแขกเดินเข้ามาพร้อมกับสองหนุ่มหน้าตามุ้งมิ้ง นี้คือคนที่อยู่ในแก้งของมันและจะทำให้พวกมันทำภารกิจนี้สำเร็จ ถ้าเป็นผมนะผมจะเลือกคนที่ต้องโชว์ความสามารถให้ผมดูก่อน

        “บอย “ไอ้แจ็คมันเรียกบอย ผมหันไปมองบอยยิ้มๆ”

       “บอยจะนั่งกับหลุยส์” บอยพูดและมองหน้าผม ผมพยักหน้าและเงยหน้ามองไอ้หน้าแขกผู้ที่กำลังพ่ายแพ้ให้กับผม มันไม่รู้จักไอ้หลุยส์ซะแล้ว

         “บอย เราต้องนั่งเรียนแบบนี้วันละกี่ชั่วโมงครับ และทำไมเข้าคลาสกันเช้าจังครับ” ผมถามบอย

        “ช่วงเช้าก็สี่คาบ ไปจนถึงเที่ยงและบ่ายต่ออีกสามคาบไปจนถึงบ่ายสามโมงครึ่ง” บอยพูดทำเอาผมตาโต

        “ที่ออสเตรเลีย เข้าเรียน 9 โมงเช้าเลิกบ่าย3 ก็ว่านานแล้วนะบอย” ผมพูด เพราะว่าก่อนที่พ่อแม่ผมจะถูกลอบสังหาร ผมถูกส่งให้ไปเรียนที่ออสเตรเลียและอยู่กับคนดูแลเพราะว่าพ่อแม่ผมเดินทางตลอดแต่ก็จะแวะมาหาผมทุกเดือน เดือนละหนึ่งอาทิตย์ที่อยู่ด้วยกัน

          ผมนั่งเรียนไปรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเพราะใจผมกับสายตามันอยู่ที่บอยและบอยก็ต้องหันมาคอยอธิบายให้ผมฟังอีกเพราะว่าผมแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจที่ครูบอกตลอด ทั้งที่ผมนะรู้เรื่องวิชาที่เขาสอนน่ะผมเรียนมาหมดแล้ว และตลอดชั่วโมงเรียนผมเห็นสายตาไอ้แจ็คแล้วมันสะใจชะมัดจนกระทั่งหมดคาบ

          “หลุยส์ ก่อนลงไปทานข้าวบอยขอไปโทรหาพ่อก่อนได้ไหม” บอยหันมาบอก ผมพยักหน้า

          “ได้ซิครับ ..เดี๋ยวหลุยส์..” ผมกำลังจะบอกว่าจะไปเป็นเพื่อน

         “ขอบอยคุยธุรส่วนตัวนะหลุยส์ บอยขอโทษจริงๆ” บอยบอกผม ผมก็ลืมไป

        “ครับ บอย หลุยส์ต่างหากที่ต้องขอโทษนะครับ” ผมพูดกับบอย

        ผมเห็นไอ้แจ็คมันหันมามองบอยผมก็คว้ามือบอยมากุมไว้ มันสะบัดหน้าและเดินออกไปก่อนทันที พวกไอ้ดิวมันก็แค่หันมามองและเดินตามไอ้หน้าแขกออกไป บอยลุกขึ้นผมก็เดินตามบอย ผมเห็นบอยเดินแบบรีบร้อนเพื่อไปหาที่คุยโทรศัพท์ทันทีที่เดินลงมาถึงชั้นล่าง ผมได้แต่ยืนเก้ๆ กังๆ ไม่กล้าเข้าไป ผมทำได้แค่ชะเง้อคอมอง

          “มึงเล่นอะไรของมึงว่ะ “ไอ้ดิวมันเดินมายืนอยู่ข้างหลังผมตอนไหนก็ไม่รู้

          “กูไม่รู้ว่ามึงพูดถึงเรื่องอะไร “ผมหันไปพูดกับไอ้ดิวทั้งที่ผมรู้แหละว่ามันพูดถึงเรื่องบอยนี่แหละ ไอ้ดิวมันมองหน้า

           “มึงคิดว่ามึงชนะไอ้แจ็คเหรอวะ ด้วยการทำให้คนที่มึงรักไม่สบายใจแบบนี้” ไอ้ดิวมันพูดก่อนจะพยักพเยิดไปทางบอยที่เดินออกไป

         “ทั้งที่มึงก็รู้ความจริงอยู่แล้ว” ดิวมันพูด

         “นี้มึงทำร้ายจิตใจคนที่มึงบอกว่ารักเขาได้ยังไงวะ เป็นกู กูไม่ทำวะ” ไอ้ดิวมันพูดและมันก็เดินออกไป

         “ต่อให้รักมากแค่ไหนก็ไม่ทำว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด

         “มึงได้คะแนนน่ะแต่คะแนนความสงสารแทน หัวใจเขามึงรู้ดีว่าเขาให้ใครไปแล้ว” ดิวพูด

          “ขนาดกูนี่คนที่ถูกเลือก กูยังไม่ทำเลย” ดิวพูด ผมพยักหน้าอ้อมันนี่เอง

           “แล้วทำไมมึงไม่ใช่สิทธิ์ที่มึงได้เป็นคนที่เขาเลือกล่ะ แต่ถ้าเป็นมึง กูว่าซูซี่น่าลงสนามประลองว่ะ” ผมพูด

          “กูก็ไม่ทำว่ะเพราะกูรู้ว่าหัวใจเขาให้ใคร กูจะดึงดันทำไมว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด

           “กูเชื่อว่าบอยเลือกจากหัวใจเขา ส่วนกูก็เลือกใครสักคนจากหัวใจกู ต่อให้ไม่ใช่กูก็ทำให้เขาใช่ให้ได้ บอยก็เหมือนกู “ไอ้ดิวมันพูด ผมมองหน้าไอ้ดิว บอยมาที่นี้เพื่อพยายามทำให้ไอ้คนที่ไม่ใช่ ให้กลายเป็นคนที่ใช่อย่างนั้นเหรอ

            “แต่มึงคงไม่แคร์ว่ะเพราะมึงรักตัวเองไม่ได้รักเขา มึงแคร์ความรู้สึกตัวเองไม่ได้แคร์ความรู้สึกคนที่มึงบอกว่ามึงรักเขา” ดิวพูด อันนี้เจ็บว่ะ ผมรู้สึกได้เลย

            ผมเห็นพวกไอ้แอ้ ติ๊กและพายเดินออกไปมาน่าจะเข้าห้องน้ำกันแต่ผมไม่เห็นไอ้หน้าแขก ผมเดาว่าไอ้หน้าแขกมันต้องเข้าไปเกลี้ยกล่อมบอยแน่ๆ และใช่จริงๆ ด้วย ผมเห็นบอยกับไอ้หน้าแขกกำลังยืนคุยกันด้วยสีหน้าซีเรียสมาก ผมเลยไม่กล้าเข้าไปเพราะอยากจะฟังก่อนว่าเขาคุยอะไรกันจึงแอบฟังอยู่ที่มุมเสา

           “แจ็คไม่สนหรอกว่ามันเป็นใครสำคัญแค่ไหน แจ็คไม่สนว่ามันจะอยู่หรือจะไป ทำไมอ่ะบอย ต้องเอาใจมันด้วย เอาใจเพื่อองค์กรแน่เหรอ?” ดูมันทำถามบอยซิ

            “บอยก็บอกแจ็คไปหมดแล้วนะ เราต้องให้เขาอยู่กับเราเพราะนี้คือที่ปลอดภัยที่สุดของหลุยส์และ” บอยพูด นั้นแปลว่า ที่ลุงหนึ่งไม่ขัดผมให้ผมมาเพราะเขากลัวว่าจะมีคนทำร้ายผมและบอยก็ทำเพื่อผมอีกคน

           “และอะไรอะบอยหรือว่าแจ็คคนเดียวไม่พอ” ผมได้ยินแบบนี้แล้วอยากจะออกไปต่อยหน้ามันที่สุดและด่ามันว่าไอ้โง่แต่คิดอีกที ก็ผมหรือเปล่าวะที่ทำให้มันเป็นแบบนี้

           “แจ็ค...” ผมรับรู้ได้ว่าเสียงบอยเริ่มสั่นเครือ

           “แจ็ค พยายามแล้วนะบอยหรือว่าอุปสรรคเราเยอะเกินไป หรือแจ็คควรจะหลีกให้...มัน” แจ็คพูด ผมควรดีใจที่ได้ยินแต่ว่าผมกลับเห็นแววตาคู่นั้นของบอย มันดูเศร้าและเสียใจมากแค่ไหน

            “บอยจะได้ไม่ต้องมาเอือมระอากับแจ็คอีก แจ็คพอแค่นี้ “มันพูดจบมันก็เดินสวนบอยออกทันที ผมก็ว่าจะเข้าไปตะบันหน้ามันแต่ บอยหันหลังกลับและกอดไอ้นั่นจากด้านหลัง มันทำให้ผมต้องชะงักเท้าตัวเอง ผมจุกในลำคอตัวเอง

           “แจ็ค บอยรักแจ็คนะ” บอยบอกว่าบอยรักไอ้นั่น

           “แต่แจ็คเหนื่อยอ่ะ” ไอ้แจ็คมันพูด นี้ผมทำให้คนที่ผมบอกว่าผมรักเขาเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ แต่ไม่ได้เสียเพราะผมแต่เขาเสียใจเพราะว่าเขารักคนอื่นที่ไม่ใช่ผม

          “แต่บอยยังคงยืนยันคำเดิม ยังไงเราก็ต้องให้หลุยส์อยู่กับเราเพื่อองค์กรของเรานะแจ็ค”

            “กว่าบอยจะขอพ่อให้มาที่นี้ได้มันยากนะ บอยตั้งใจมาเพื่อแจ็ค “บอยพูด สรุปบอยมาเพื่อไอ้นี่ไม่ใช่เพื่อเพื่อนๆ อย่างที่เขาบอกผมและอันนี้ที่ทำให้หัวใจผมนี้สลายทันทีนี้คือคำตอบเจ็บที่สุดบอยเขามาเพื่อไอ้หน้าแขกนี้แล้วผมจะยื้อทำไม ผมเดินหันหลังออกทันที มันตั้งตัวไม่ถูก ผมเดินออกมาเหมือนคนไร้จุดหมาย

            “หลุยส์ ไปทานข้าวยังอ่ะ “ไอ้สองหนุ่มที่เป็นเพื่อนใหม่พวกนั้น เดินเข้ามามันคงเพิ่งลงมาจากตึก

             “ไม่ละ “ผมตอบไปโดยไม่ได้มองหน้าสองคนนั้น

            “อะไรวะ “อีกคนพูดขึ้น

             “เออ นายสองคนรู้ไหมว่าห้องสมุดอยู่ไหน” ผมถามกลับ

             “ทำไมอะ ไม่กินข้าวเหรอ” สองคนนั้นถามผมทันที

            “ไม่อ่ะ มีธุระ “ผมพูดและมองเพื่อรอคำตอบ

             “ตรงไปอ่ะและจะมีตึกที่มีโรงยิมอยู่ด้านบนนะ ชั้นล่างจะเป็นห้องสมุด “ผมไม่รู้ว่าใครแต่ผมก็พยักหัวรับและเดินไปตามที่สองคนนั้นบอกผม ผมเดินเหมือนคนไร้วิญญาณ ผมเดินคิดทบทวน ผมมาทำห่าอะไรที่นี้วะ กลับไปอยู่ในโลกของผมดีกว่าไหม ไปนั่งเฉยๆ มีคนรับใช้ นั่งเรียนออนไลน์และมีครูพิเศษมาสอนเหมือนที่ผ่านมา

            “เฮ้ย! ไอ้คนนี้มั้ยวะ ที่พี่ณัฐเขาอยากได้ตัวมันอ่ะ เห็นบอกว่าไอ้นี่มีเงินเยอะ” ผมชะงักเท้าแต่ก็ไม่สนใจเดินต่อดีกว่า จะมีคนรู้จักผมได้ยังไงที่นี้ ผมเดาว่ามันคงจำคนผิดมากกว่า

            “เอาไปทำไมวะ” ผมได้ยินมันถามแต่ว่าผมไม่สนใจรีบเดินต่อไป เพื่อไปหาที่เงียบๆ และตั้งสติตัวเองสักพักว่าจะเอายังไงต่อไป ตอนแรกเหมือนผมจะชนะแต่ที่ไหนได้ ผมแพ้ต่างหากเพราะว่าผมทำให้คนที่ผมบอกว่ารักเขา เจ็บ! และคนที่เจ็บที่สุดตอนนี้คือผมไม่ใช่ไอ้แจ็คนั้นอย่างที่ผมคิด

           “ตุบ!” ผมเดินชนใครสักคน ผมรู้สึกว่ามีหนังสือหล่นเกลือนผมก็ก้มลงเก็บและส่งให้โดยไม่ได้มองหน้า

          “ขอบคุณครับ น้องใช่นักเรียนใหม่ที่มาเรียนห้อง” คนที่ผมชนเขาจับไหล่ผมไว้ ผมก็มองหน้าเพราะไม่รู้จัก

          “คุณเป็นใคร” ผมถามกลับ

           “พี่ชื่อภาณุ น้องรู้จักคนที่ชื่อแอ้ไหม “ตอนนี้สมองไม่ทำงาน

           “ไม่รู้” ผมตอบไปและเดินผ่านไปเลย

           “ไอ้นี่แปลกคนวะ ไปถามคนอื่นก็ได้ว่ะ “พี่เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไป ตอนนี้ในหัวผมมันตื้อไปหมด ผมสนใจสิ่งรอบด้านแล้ว อารมณ์ประมาณ ว่าผมไม่สนอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ผมเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าห้องสมุดแบบไม่รู้ว่ามาได้ไง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว ห้องสมุดไม่ค่อยมีก็คงไปทานอาหารกันหมด ผมเดินผ่านครูที่ดูแลเข้าไป

            “เธอทานข้าวแล้วเหรอ” ผมได้ยินคำถามแต่ผมไม่ได้หันไปตอบ ผมเดินตรงไปด้านในหาที่นั่งและหยิบมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นสไลด์หน้าจอ

          //พี่โจนาธานครับ ผมอยากกลับ พี่ช่วยเอาเครื่องบินส่วนตัวมารับผมได้ไหมครับ// ผมส่งข้อความหาพี่โจนาธาน พี่เขาเป็นการ์ดและคนที่ผมไว้ใจมากที่สุด พี่โจนาธานเป็นเหมือนพี่ชายผม เป็นคนที่พ่อกับแม่ผมรับมาส่งเสียให้เรียนและเขาก็มาทำหน้าที่ดูแลผมต่อ อันที่จริงๆ พี่เขาเรียนจบทหารและเข้ารับราชการทหารหน่วยรบพิเศษแต่ว่าจู่ๆ ก็ออกมาแต่ด้วยเหตุผลอะไรผมไม่รู้ พอพ่อผมเสียไปเขาเหมือนเป็นทุกอย่างของผม

          //คุณหลุยส์เป็นอะไรหรือเปล่า//พี่โจนาธานถามผม

         //ไม่ครับ ผมแค่คิดว่าผม ...ที่นี้ไม่ใช่ที่ของผมครับ// ผมส่งข้อความไป

        //คุณหลุยส์ครับ ให้พี่คุยกับคุณหนึ่งก่อนนะครับเพราะว่าคุณหนึ่งอยากให้คุณหลุยส์อยู่ที่นั่น ตอนนี้//พี่โจนาธานส่งข้อความตอบกลับมาหาผม ผมพ้นลมหายใจออกมายาวๆ

        //ผมไม่สนใจว่าเขาต้องการให้ผมอยู่เพื่ออะไรแต่ตอนนี้ผมอยากกลับ// ผมบอกเขาแค่นั้น

//ได้ครับถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณหลุยส์รอสักครูขอผมคุยกับคุณหนึ่งก่อนนะครับ//ผมพูดและผมก็นั่งเปิดดูนั้นดูนี้ ผมว่าผมกลับไปนั่งเป็นเด็กไซเบอร์เหมือนเดิมดีกว่า ท่องอินเตอร์ อยู่ในห้องที่มีความไฮเทคสูงนั่นแหละโลกของผม นี้ผมกลับมาเป็นเหมือนตอนที่ผมสูญเสียพ่อแม่ผมไปอีกแล้วใช่มั้ย

       “Rrrrrr “เบอร์บอยโทรหาผม แต่ผมกดตัดสาย ไม่ว่าบอยจะพยายามโทรหาผมกี่สายผมก็ตัดสายทิ้งตลอดจน

         “ตื้ด!!!” ข้อความส่งมาหาผมจากบอย

         //หลุยส์อยู่ไหนครับ ทำไมไม่มาทานข้าวครับ//บอย

          //บอย หลุยส์ขออยู่คนเดียวสักพัก และไม่ต้องห่วงนะครับ หลุยส์จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนหลุยส์จะคุยกับลุงหนึ่งเอง จะไม่มีใครเดือดร้อนแน่นอน// ผมส่งข้อความไปหาบอย และเปลี่ยนเป็นโหมดไม่มีใครโทรติดต่อผมได้ตอนนี้ ผมอยากใช้เวลาคิดสักพัก ผมนั่งคิดอะไรเพลินและประกอบกับเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนด้วย ดิ้นแย่งเตียงกับไอ้แจ็คก็เกือบเที่ยงคืนกว่าและมาลงไปเจอบอยกับแจ็คอีกเลยพาให้นอนไม่หลับและผมก็หมอบหลับคาโต๊ะในห้องสมุดไปตอนไหนไม่รู้

            “พี่.. พี่...” มีคนสะกิดเรียกผม ผมเงยหน้าขึ้นมองแบบสะลึมสะลือ คนที่มาเรียกผมหน้าตาดูเรียบร้อยมาก ผมเลยเลิกคิ้วมองว่ามีอะไร

             “พี่ครับมีคนมาหาพี่ครับที่ด้านหน้าห้องสมุดนะครับ” น้องเขาพูด ผมก็พยักหน้า ผมคิดว่าคงเป็นบอย ตอนนี้ผมเริ่มจะใจเย็นนิดหน่อย ถ้าได้คุยกับบอยก็คงจะดีขึ้น ผมลุกขึ้นและเดินออกไปด้านหน้า ผมเห็นมีคนยื่นสี่คนซึ่งผมไม่รู้จัก ผมคิดว่าคงไม่ใช่แต่ผมไม่เห็นบอยเลยอ่ะ

            “มึงใช่คนที่ชื่อหลุยส์หรือเปล่าวะ” มีคนยืนแต่งตัวไม่เหมือนนักเรียนที่นี้เลย ไม่มีสวนไหนบอกว่านี่มาเพื่อมาเรียนเลยแต่เหมือนมาเพื่อมาหาเรื่องมากกว่า

          “ใช่ทำไม” ผมถามมันกลับด้วยน้ำเสียงห่วนๆ

          “ไปกับพวกกู ลูกพี่กูอยากเจอมึง” ไอ้คนที่ยืนอีกคนมันบอกผม

           “ลูกพี่มึงมันเป็นพ่อกูเหรอ กูถึงต้องไปเจอ กูไม่ไปอ่ะ เสียเวลา” ผมพูดแต่มันดึงผมไว้ ไม่ซิกระชากผมไว้ ส่วนน้องคนที่ตามผมก็รับเงินจากพวกมันและไปเลยนี่มันจ้างเด็กไปเรียกผมเหรอ

           “ไปซะดีดีถ้าไม่อยากไส้แตก” ผมกำลังจะขัดขืนแต่มันมีมีดปลายเล็มทิ่มพุงผมอยู่

            “นี้มีอะไรกันน่ะ” ครูที่ห้องสมุดเดินออกมาดู

            “อ้อคือว่าพวกผมเป็นญาติของน้องเขานะครับ พ่อเขาป่วยมากจะตายแล้ว...เอ๊ย จะเสียแล้วครับ เขาเลยให้ผมมาตามนะครับเพื่อไปดูใจพ่อน้องเขานะครับ” มันพูด ผมเงยหน้ามองพวกมัน

           “พ่อแม่กูเสียไปนานแล้ว” ผมกัดฟันพูดกับมัน

           “ทำตามที่กูบอก” ไอ้พวกนี้มันพูดมีดก็ดันพุงผมอยู่

          “เออ..ใช่ครับครู” ผมหันไปบอกครูคนนั้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทำเพื่อให้ครูสังเกตุว่ามีพิรูจแต่เปล่าเลย ครูไม่สังเกตุอะไรเลย

            “มิน่าล่ะ เราดูเศร้ามาก งั้นครูเสียใจด้วยนะคะ” คุณครูผู้น่ารักพูดกับผมและพวกมันก็ดันผมเดิน ผมหันมามองครูสายตาประมาณว่าผมไม่รู้จักพวกนี้แต่ครูเขาก็ไม่เข้าใจยังยิ้มให้ผมด้วย ผมก็แอบส่งสัญาณมือว่าผมกำลังไม่ปลอดภัย  ครูเขาก็ยังไม่เข้าใจอีก ผมนี่อยากจะบ้า ถ้าเป็นที่อื่นเขาคงเข้าใจแล้วแต่นี้กลับไม่ใช่ สุดท้ายไอ้พวกนี่มันก็ขู่บังคับจนพาผมออกมาจนได้ 

            "กูได้ตัวแล้วให้พาไปเลยใช่ไหมตอนนี้ เตรียมไว้หมดแล้วใช่ไหม ได้ เจอกัน"มีหนึ่งคนที่หันไปคุยโทรศัพท์ ผมเองก็แอบหยิบมือถือผมขึ้นมาเหมือนกัน ผมทำท่าจะกดมือถือหาพี่โจนาธานแต่มีคนดึงมือถือผมไป

            “มึงจะโทรหาใครช่วย ฝันไปเถอะ มึงได้เป็นไอ้ขี้ยากับพวกกูแน่ๆ มีเงินเยอะไม่ใช่เหรอ เป็นนายทุนใหญ่ มาเป็นนายทุนให้พวกกูดีกว่า ได้สนุกและมึงก็ได้เงินด้วยนะโว้ย ฮาๆ ” พวกนั้นมันพูดพร้อมรอยยิ้มสยองมาให้ผม แล้วใครจะมาช่วยผมละเพื่อนก็ไม่มี มีแต่บอย บอยก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้วแบบนี้ผมจะรอดไหมตายแน่เลยวันนี้  ผมคิดในใจไม่น่ามาเลยผม หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ แล้วนี่ก็คงไม่มีใครสนใจว่าผมจะหายไปไหน บอยก็คงไม่รู้ ไม่มีใครรู้เลยด้วยมั้งว่าผมจะเป็นตายร้ายดียังไง 

          TBC...







หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.21(แจ็คXหลุยส์) ถึงยังไงมึงก็เพื่อน1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 19-01-2024 11:37:38
EP.21(แจ็คXหลุยส์) ถึงยังไงมึงก็เพื่อน1


            Part’ s แจ็ค ผมเดินไปและคิดไปด้วย ว่าทำไมผมต้องมานั่งยื้อแย่งด้วยทั้งที่ผมนะ พร้อมเลือกได้ตลอด ไอ้หน้าตี๋นั้นมันสำคัญแค่ไหนสำหรับองค์กรจนบอยต้องยอมตามใจมันขนาดนั้น แต่ผมไม่สนใจเพราะว่ามันไม่ใช่พ่อผม ผมเดินออกมาทันทีทิ้งให้บอยอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวเขาก็กลับไปหาไอ้หลุยส์และก็ไปนั่งตะมุตะมิกันอีก วันนี้ช่วงเช้าก็นั่งจีบกันและยังมีหน้ามาบอกว่าเขารักผม มาที่นี้เพื่อผม พูดทำไมเนี๊ยะ!!
           “ก็คงต้องสิ่งนี้แหละที่จะทำให้เราสงบได้ “ผมเดินมาที่สระว่ายน้ำของโรงเรียนแต่จะอยู่คนล่ะส่วนกับโรงเรียนเพราะว่าสระว่ายน้ำนี้ เขาเปิดให้คนภายนอกเข้ามาใช้ด้วยได้ และมีคนดูแลและเก็บเงินค่าเข้ามาใช้บริการ ด้านหน้าจะคาเฟ่เล็กๆ บริการเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว มีชุดว่ายน้ำไว้ขายและเช่าอีกด้วย แต่เขาจะเปิดให้คนภายนอกเข้ามาใช้ได้ช่วงหลังเลิกเรียนเท่านั้น ในเวลาเรียน ผมก็ไม่เห็นมีนักเรียนมาเรียนว่ายน้ำเลยสักคาบเรียนหนึ่ง
             “สวัสดีค่ะ” พนักงานทักทายผมด้วยรอยยิ้มแถมยังปรายตามองผมไม่วางตาอีกต่างหาก
             “ผมจะซื้อชุดว่ายน้ำนะครับ เอาเป็นของอาดิดาสครับ” ผมพูดและพนักงานก็หยิบส่งชุดว่ายน้ำที่ผมต้องการส่งมาให้ผม
             “ชำระเป็นเงินสดหรือบัตรคะ” พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ถามผม
             “บัตรครับ” ผมพูดและหยิบมือถือขึ้นมาและเปิดเพื่อสแกนบัตรที่เครื่องสแกน
             “ขอบัตรนักเรียนด้วยค่ะ” พนักงานถามผม
              “นี้ครับ” ผมพูดและส่งบัตรให้ ผมก็หยิบทุกอย่างและเดินตรงเข้าไป ด้านในเงียบมากคงยังเร็วไปมั้งที่จะมีนักเรียนมาเรียน สระว่ายน้ำดูสะอาดเพราะมีคนดูแลตลอด มีไลฟ์การ์ดดูแลด้วย แปลกใจว่าโรงเรียนอาภาคย์ที่มีทุกอย่างครบแต่กลับมีปัญหานักเรียนย้ายออกกันเยอะ ผมเดินตรงไปที่ห้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดว่ายน้ำ ผมเดินออกมาก็เจอพี่คนที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์
              “อุ้ย!ย! เออ น้องลืมบัตรนักเรียนนะคะ พี่เลยเอามาให้” พี่บอกผมพร้อมกับยื่นบัตรนักเรียนมาให้ผม ผมทำท่าจะคว้าแต่ว่าพี่เขาชักกลับเหมือนกำลังหยอกเล่นกับผมอยู่ แถมพี่เขายังยืนมองผมพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆ ผมก็ก้มมองอ้อผมสวมแค่กางเกงว่ายน้ำ มันเซ็กซี่นี้เอง ผมเลยเอาผ้าขนหนูที่ถือมาปกปิดสักหน่อย
              “ขอบคุณครับ” ผมแบมือขอบัตรนักเรียนคืนมาจากมือพี่เขามาและรีบกล่าวขอบคุณ แต่พี่เขายังมองอยู่
             “ขอบคุณครับ” ผมพูดอีกครั้ง
              “อู้ยย มองเพลินไปหน่อย หุ่นดีเนอะ! “พี่เขาพูดยิ้มหายๆ และเดินออกไปยังมีเหลียวมองกลับมาอีก ผมส่ายหัวและเดินไปยังสระว่ายน้ำ ผมจัดการวอร์มร่างกายก่อนจะลงไปว่ายน้ำ
             “ติดๆ “มีข้อความเข้าที่ smart watch series รุ่นใหม่ล่าสุด
               //ไอ้แจ็ค อยู่ไหนวะ//
                //กูจะว่ายน้ำ// ผมส่งข้อความเสียงไป
               //มึงนี้ท่าจะหนักจริงๆ ว่ะ เวลานี้เขากินข้าวกันแต่คุณมึงกลับเลือกไปว่ายน้ำ มึงบ้าหรือเปล่าวะ// มันชมผมผ่านส่งผ่านข้อความเสียงมาให้ผมฟัง
               //กูไม่กิน กินไปเลยและไม่ต้องกวนกู กูจะว่ายน้ำ// ผมพูดก็ส่งข้อความเสียงกลับไปทันทีและผมก็ตั้งโหมดห้ามรบกวน ผมก็จัดการสวมแว่นตาว่ายน้ำที่เพิ่งถอยมาใหม่ มาใหม่หมดทั้งตัวและขึ้นไปยืนตำแหน่งที่เตรียมพร้อมกระโดดลงสระว่ายน้ำ ผมควรจะทำไงดี ดูวันนี้ซิบอยไม่คุยกับผมเลยเอาใจแต่ไอ้หลุยส์ แค่เพราะว่ามันเสียใจที่ได้ยินนะเหรอ แค่นี่เองเหรอ ผมทำการวอร์มร่างกายซะก่อน ยืดเส้นยืดสาย
           “โคล้ม!!!” เสียงน้ำกระจายจากร่างที่ดิ่งลงไปพร้อมกับตีกรรเชียงไปให้ถึงขอบสระว่ายน้ำตรงข้ามและตีกรรเชียงกลับมา และก็ตามด้วยท่าผีเสื้อท่าถนัดของผมไปกลับ ผมว่ายน้ำสลับท่าไปจนครบสี่ท่า ผมก็กลับมาที่จุดเริ่มต้นผมลอยตัวเอาแขนพาดกับเชือกที่มีทุ่นลอย เป็นที่กั้นเป็นช่องสำหรับนักว่ายน้ำที่แยกเอาไว้ช่องใครช่องมัน
             “แปะๆ” เสียงปรบมือของใครสักคนทำให้ผมเงยหน้ามอง ผมไม่คุ้นเคยมาก่อนเลย รูปร่างสูงโปร่งหุ่นนี้บอกได้เลยว่านักว่ายน้ำเหมือนกัน
             “นายทำเวลาได้ดีมาก “พี่เขาพูดเอ่ยปากชมผม
             “พี่เป็นใคร” ผมถามเขากลับ
              “พี่ชื่อภาณุ เป็นนักกีฬาว่ายน้ำประจำโรงเรียนนี้ “พี่เขาพูด ผมก็พยักหน้า
               “น่าเสียดายที่ปีนี้เขายกเลิกการแข่งขันว่ายน้ำทุกอย่าง” พี่เขาพูด ผมก็ทำหน้าแปลกใจ
              “ทำไมอ่ะพี่ เขาไม่นิยมว่ายน้ำกันเหรอครับที่นี้ ผมสังเกตดูแล้ว ไม่มีนักเรียนลงมาเรียนว่ายน้ำเลยสักห้องหนึ่ง” ผมถามพี่เขากลับ
              “ไม่มีครูสอนว่ายน้ำ โค้ชว่ายน้ำก็ไม่มี “พี่เขาพูด ผมพยักหน้าว่ามีแบบนี้ด้วย มีสระว่ายน้ำแต่ไม่มีครูสอนและไม่โค้ชช่วยเทรนนักกีฬาว่ายน้ำด้วย
             “ส่วนนักกีฬาว่ายน้ำเก่งๆ ก็ถูกดึงตัวไปอยู่โรงเรียนอื่นหมด ตอนนี้มีพี่และเพื่อนของพี่อีกสองคนคนที่ชื่อต่อ ไอ้นี่ก็สุดยอดมันเก่งกรรเชียงและยังมีรุ่นน้องอีกคนชื่อต๋องไอ้นี่อยู่ม.4 แต่ส่วนสูงมันจะแซงหน้าพวกพี่อยู่แล้ว “พี่ภาณุพูด
              “แล้วพี่อ่ะ” ผมถามพี่เขากลับ
              “แชมป์ท่ากบ” พี่เขาตอบอย่างภาคภูมิใจ ผมพยักหน้า
              “พี่ว่านายน่าจะ ท่าผีเสื้อเพราะพี่ยืนดูนายท่านี้นายทำเวลาได้ดีมาก ไม่มีใครทำเวลาดีเท่านี้มาก่อน” พี่เขาพูด ผมก็หยักคิ้วให้เป็นคำตอบ ผมนี่แหละทำลายสถิติมาแล้วแต่มาตกม้าตายตรงที่ความอดทนต่อกองเชียร์ที่พูดจาต่อต้านผมเรื่องครอบครัวผมนี่แหละ
              “ถ้ากีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนกลับมาเด่นอีกครั้งและมีนายร่วมทีมด้วย เราจะไปกันได้สวยทีเดียว” พี่ภาณุพูด ผมก็พยักหน้า ก็ดีหาอะไรที่ผมชอบทำเพื่อว่าจะทำให้ผมไม่คิดฟุ้งซ้าน
             “พี่พึ่งย้ายกลับมาอยากทำชื่อเสียงก่อนไปเรียนโรงเรียนนายร้อย” พี่ภาณุพูด ไปไกลถึงโรงเรียนนายร้อยเลยเหรอ
             “พี่ตั้งใจจะเข้าหนาวยซีล” พี่เขาพูดผมพยักหน้าแต่ผมไม่ชอบมันไม่ใช่แนวผม ผมคิดในใจ
             “ก็ดีนะพี่ ผมสนใจอยู่นะ อยากหาอะไรทำ “ผมหันไปบอกพี่คนข้างๆ ที่ชื่อพี่ภาณุ
             “เก่งๆ อย่างนายทำไมไม่ไปเป็นนักกีฬาระดับซีเกมส์หรือเอเชียนเกมส์ “พี่ภาณุถามผม ผมยิ้มๆ
             “ผมมีเรื่องชกต่อยกับนักกีฬาว่ายน้ำด้วยกันนะพี่ มันทำท่ารังเกียจผมพูดจาแขวะผมเพราะว่าครอบครัวผมส่วนผมก็หัวร้อนพี่ ก็เลยใส่ไม่ยั้งผมก็ถูกตัดสิทธิ์แต่ไอ้คนนั้นน่ะ รักษาตัวที่โรงพยาบาลก็เลยไม่ได้ไปทั้งผมและมัน” ผมพูดแค่นั้นพี่เขาก็ยิ้มปนหัวเราะ
              “แต่ผมก็ทำให้มันถูกแบนไม่ได้ลงแข่งตลอดชีพเลยมั้ง มันทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ มันเล่นผิดคนไง” ผมพูดพี่ภาณุพยักหน้า
               “ว่าแต่น้องไม่มีเรียนตอนบ่ายเหรอครับ” พี่เขาถามผม
                “เบื่อๆ นะพี่เลยมาหาที่ว่ายน้ำ “ผมตอบไป พี่เขาก็พยักหน้าเบาๆ
               “เหนื่อยหรือยังล่ะ ลองแข่งกันสักหน่อยมั้ย ...เอาแบบผสมท่านะ “พี่เขาถามผม เรียกว่าท้าประลองก็ว่าได้
                “สบายมาก” ผมบอกพี่เขาไป ผมก็ปืนกลับขึ้นมาพี่เขาก็เตรียมวอร์มร่างกาย พี่เขาท้าผมมาก็รับซิครับ ผมก็ขึ้นไปยืนบนแทนและพี่เขาก็ตามมาและผมสองคนก็กระโดดลงไปในสระว่ายน้ำ ผมก็ว่ายน้ำแต่ทำไมทุกครั้งที่หน้าผมลงในน้ำผมจะเห็นใบหน้าจของบอยตลอด ผมก็ว่ายไปจนครบสี่ท่า ผมเพิ่งจะรู้ว่าผมเข้าท่าพร้อมพี่เข้าเลย
                 “สงสัยจะเหนื่อยเพราะว่า ตอนแรกนายทำเวลาดีมากแต่นี้ตกมาหน่อยแต่ยังถือว่าดีอยู่น่ะ” พี่เขาพูด อันที่จริงไม่ใช่ว่าเหนื่อยแต่ผมชะงักเพราะผมเห็นแต่ใบหน้าของคนที่กำลังงอนอยู่ต่างหาก ผมปืนขึ้นมานั่งที่ขอบสระพร้อมกับพี่เขา
                 “พี่ชอบว่ายน้ำมากและพี่ก็เป็นตัวแทนโรงเรียนตั้งแต่ม.1แต่ไม่ใช่โรงเรียนนี้ โรงเรียนนี้พี่ย้ายมาตอน ม.2 เทอม2” พี่เขาพูด
                  “แต่พอม.4 พี่ไปเรียนที่อื่นเลยหายไปเกือบสองปี พี่กลับมาใหม่เพื่อมารีเกรด” พี่เขาพูด มีแบบนี้ด้วยอยากเรียนซ้ำเพื่อรีเกรด
                   “งั้นพี่ก็เป็นรุ่นพี่ผม” ผมพูด
                   “ยอมรับน่ะว่าพี่จบมัธยมปลายแล้วแต่ว่าพี่…” พี่เขาพูด ดูท่าจะลำบากใจผมยกมือว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องเล่าได้ ส่วนผมตอนแรกก็คิดว่าผมน่าจะรุ่นพี่เขาหรือรุ่นเดียวกันด้วยซ้ำแต่พูดแบบนี้น่าจะรุ่นเดียวกับพี่เจของผม ที่ห่างจากผมปีหนึ่งเท่านั้นเอง
                   “อันที่จริงพี่ไปเรียนนักเรียนเตรียมทหารแล้วน่ะแต่พี่…” พี่เขาพูด ผมหันมามองไม่ธรรมดาอีกแต่ นี้กลับมาเรียนที่นี้ทำไมล่ะ ผมหันมามองพี่เขาแบบมีปัญหา
                    “มีปัญหานิดหน่อยเลยต้องกลับมาเรียนที่นี่เพื่อจะได้รีเกรด จบม.6 และไปสอบนายร้อยเลยให้ได้” พี่เขาพูด ผมพยักหน้าแบบนี้ก็ได้ ผมยิ้มๆ ให้พี่เขา ผมเองไม่ค่อยเข้าใจระบบที่นี้เท่าไหร่
                     “ว่าแต่น้องๆ เถอะ มาเรียนที่นี้กันทำไมเหรอครับ ทั้งที่จบกันแล้วไม่ใช่เหรอ” พี่เขาถามผม เหมือนพี่เขาจะรู้จักพวกผมดี ผมหันไปมองหน้าพี่เขา
                     “พี่เป็นใคร” ผมถามพี่เขา พี่เขาก็มองหน้าผมตกใจที่ผมถามเขาเช่นกัน
                   “พี่รู้จักเรื่องของพวกผมดีทีเดียวนะครับ พี่เป็นใครครับ” ผมถามพี่เขาอีกครั้ง พี่เขามองหน้าผมพร้อมกับยิ้มให้ผม
                   “พี่รู้จักพี่แอร์ที่เป็นพี่ชายของแอ้ครับ พี่เรียนโรงเรียนประถมและมัธยม ม.1และม.2 แต่ม.2 นี้พี่เรียนแค่เทอมแรกด้วยกันครับ”
                   “พี่ย้ายตามพ่อแม่พี่มาอยู่ที่นี้แต่ก็ยังติดต่อพี่แอร์เขาอยู่น่ะและเราก็เรียนโรงเรียนติวเพื่อสอบเข้านายร้อยด้วยกันอยู่น่ะตอนนี้ เจอกันเสาร์อาทิตย์” ผมพยักหน้าทันทีไม่เบาน่พี่คนนี้
ผมรู้ว่าพี่แอร์คือพี่ชายไอ้แอ้และเป็นคนที่มีหน้าเหมือนแอ้มากแต่พวกผมแยกออกเพราะว่าความแตกต่างด้านพฤติกรรม พี่แอร์นี่นิ่งและเดาได้ยากกว่าว่าพี่แกคิดอะไรอยู่ น่ากลัวมากสำหรับพวกผม พี่แอร์นี้ไม่ค่อยเข้าหาเพื่อนรุ่นเดียวกันเลยแต่แปลกน่ะ พี่คนนี้บอกเป็นเพื่อนพี่แอร์ ต้องเทพมากจริงๆ ผมพยักหน้าเบาๆ พี่เขาหัวเราะในลำคอทันที คงรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่
                   “และที่พี่แปลกใจอีกอย่างน่ะ ขอโทษที่พี่แปลกใจเยอะ มาเรียนที่นี้กันทำไม “พี่เขาพูดและมองไปรอบ ๆ ผมพอจะเดาได้เพราะว่าโรงเรียนนี่ ไม่ใช่โรงเรียนเกรดอันดับต้นๆ ของอาภาคย์เลย
                   “ทั้งที่พวกผมเป็นลูกหลานเจ้าของโรงเรียน มาเรียนโรงเรียนแบบนี้ทำไมนะเหรอครับ “ผมพูดและก็ ถอนหายใจยาวๆ
                   “ทั้งที่โรงเรียนนี้ดูเหมือนคนละระดับกับพวกผมใช่ไหมครับ โรงเรียนเป็นโรงเรียนเด็กที่มีฐานะร่ำรวย ฐานะปานกลาง และไม่มีฐานะอะไรเลยแต่เขาได้ทุนมาเรียน พี่เลยคิดว่าผมควรจะไปโรงเรียนที่มีแต่คนที่มีฐานะร่ำรวยซินะครับ” ผมถามพี่เขากลับ พี่เขาพยักหน้าใช่
                   “ความจริงที่พวกผมต้องมาที่นี้เพราะว่าโดนคนที่ใหญ่ที่สุด ทำโทษเอาและพวกผมเองก็ไม่รู้ว่าส่งผมมาทำไมเหมือนกัน” ผมหันไปบอกพี่ภาณุ พี่เขาเหมือนจะขำผมนะ
                 “แต่นอนนี้ผมอยากรู้ว่าโรงเรียนนี้มีปัญหาอะไร ทำไมดูเหมือนจะกลายเป็นโรงเรียนร้างเข้าไปทุกที” ผมพูดกับพี่ภาณุ
                   “มันมีพวกอิทธิพลมืดน่ะ ที่ส่งคนเข้ามาป่วน พี่รู้มาแค่นี้น่ะ พี่ก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่แต่ที่แน่ๆ คนนี้มีคนที่ค่อนข้างใหญ่หนุนหลังอยู่ เขาเคยยิ่งใหญ่มาก่อน ตอนนี้เขาอาจจะมาทวงอำนาจคืนก็ได้น่ะ” พี่เขาพูด พี่เขามองหน้าผม รู้แล้วยังเรียนที่นี้อีกเหรอ
                    “แต่อย่าถามพี่เลยว่าใครพี่ไม่รู้หรอก “พี่เขาพูดและทำท่าจะลุกขึ้น
                    “พี่ก็ไม่มีเรียนแล้วแค่มาว่ายน้ำแก้เซ็งน่ะ “พี่เขาพูด ผมก็พยักหน้าเบาๆ
                    “เออ ...พี่ถามหน่อย พี่เห็นคนหนึ่งนะ เหมือนกับว่าเขาเข้าแถวห้องน้องอ่ะ พี่พึ่งเห็นวันนี้วันแรกด้วยดูท่าจะมาใหม่ แถมยังมีแต่คนพูดกันว่าเขาแย่งแฟนน้อง ที่หน้าตาน่ารัก แถมยังมีดวงตาสีฟ้าด้วยอ่ะ” ผมเงยหน้ามองพี่เขา ตรงไปไหม ตนยิ่งเฮิร์ดๆ อยู่
                   “โทษทีวะน้อง” พี่เขาขอโทษปนขำผมด้วย
                  “โอเคพี่” ผมก้มหน้าลง
                  “แล้วพี่ถามทำไมอ่ะ” ผมถามแบบแอบเซ้งๆ
                  “พี่เห็นเขาเดินเหมือนคนอกหัก น่าจะตรงไปห้องสมุด พี่ถามหาน้องคนหนึ่งเขาเป็นน้องชายของเพื่อนพี่ พี่แอบชอบอยู่นะ” พี่เขาพูดผมสะบัดหน้าไปมองใครวะ
                  “พี่หมายถึงไอ้แอ้เหรอ!!” ผมถามพี่เขา ผมค่อนข้างตกใจมากเพราะว่าไม่เคยมีใครกล้าจีบไอ้แอ้เพราะว่าไอ้ดิว ผมไม่รู้ว่ามันสองคนคบกันหรือเปล่าที่ที่แน่ๆ ไอ้ดิวหวงแอ้มาก
                  “ก็ประมาณนั้นแหละ” พี่เขาพูด ผมนี่รู้สึกเสียวสันหลังแทนพี่เขาเลยเพราะว่าไอ้ดิวมันซัดคนที่เข้ามาวอแวกับไอ้แอ้ จนหมอบราบคาบไปหลายคนแล้วน่ะ ไม่อย่างนั้นมันมีแฟนเป็นโหลแล้วเนี๊ยะ!
                  “แต่เพื่อนน้องเขาบอกพี่ว่าเขาไม่รู้จักน่าแปลกน่ะ” พี่ภาณุพูด
                 “ไอ้นี่มันพึ่งจะมานะครับ มันก็มาเหมือนพวกผมนั่นแหละครับแต่ว่ามันไม่ได้โตมาด้วยกันกับพวกผมไง เลยไม่รู้จักแอ้มั้ง” ผมพูด
                 “แต่...พี่ก็แอบได้ยินเด็กกลุ่มหนึ่งมันโทรศัพท์หาใครสักคน มันบอกว่ามันเจอเพื่อนเราในโรงเรียนและให้ใครสักคนส่งคนมาจับตัวอะไรแบบนี้แหละ หรือมันอาจจะแกล้งอำก็ไม่รู้นะ ระวังตัวหน่อยบอกเพื่อนเราด้วย” พี่เขาพูด
                 “ไอ้นี่มันมีดีมันคงไม่เป็นอะไรไปง่ายๆ หรอกพี่และผมคิดว่าเด็กๆ มันคงอำกันมากกว่า อยู่ดีดีใครจะมาลักพาตัวกันซุ่มสี่ซุ่มห้าล่ะพี่ แถมในโรงเรียนด้วย ตลกแล้วเนี๊ยะพี่” ผมพูดและก็แอบขำเล็กน้อย ผมลุกขึ้น ผมก็จะว่าจะไปห้องสมุดอยู่ไปหาหนังสือเกี่ยวกับกับกีฬาว่ายน้ำอ่านดีกว่า
                   “เออ ...ยินดีที่ได้รู้จักนะ เราชื่อ” พี่เขาพูด
                  “แจ็คครับพี่” ผมบอกชื่อตัวเอง
                    “ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่ชื่อภาณุครับ” ผมพูดและพี่เขาก็โบกมือให้ผม เหมือนจะออกไปซื้อของ แต่ผมจะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้ว ดีขึ้นไหม ไม่รู้แต่แอบคิดเรื่องไอ้หลุยส์ พี่เขาพูดจริงหรืออำผมกันแน่นะ ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็หยิบมือถือมาและกดโทรหาไอ้ดิว
                  //ไอ้ดิว//
                 //แจ็ค อยู่ที่ไหนวะ ตอนนี้พวกกูกำลังไปห้องโสตทัศนศึกษาว่ะ// ไอ้ดิวพูด ผมเหลือบมองนาฬิกา นี้ผมว่ายน้ำและคุยกับพี่เขาจนเกือบชั่วโมงครึ่งเลยเหรอ
                 //ไปเลยกูไม่ไปวะ ว่าจะไปหาที่สงบคงห้องสมุดวะ//
                 //เออ ไปแล้วถ้าเจอไอ้หลุยส์อย่าไปตีกับมันกันล่ะ ห้องสมุดเขาห้ามส่งเสียงนะครับมึง// ไอ้ดิวพูด ผมก็ต้องเหลือกตาขึ้นบน ทุกที่ไหนวะ ไม่ว่าจะห้องสมุดที่ไหนก็ห้ามส่งเสียง
                //มันไม่ได้อยู่กับบอยเหรอวะ//ผมถามไอ้ดิว
               //มันเหมือนมึงอ่ะ อยู่ๆ ก็ไม่มากินข้าว หายไปเลย บอยโทรหามัน มันก็ไม่รับแต่ส่งข้อความมาบอกบอยว่าขออยู่คนเดียว อะไรของมันก็ไม่รู้และนี่มึงอีกคน //ไอ้ดิวพูดผมอดแปลกใจไม่ได้แต่ก็นึกถึงพี่ภาณุที่เขาพูด ผมแอบสั่นหัวไม่น่าจะเป็นไปได้
                //มันงอนอะไรบอยเหรอวะ// ผมถามไอ้ดิว ผมแอบเป็นห่วงบอยขึ้นมาทันที
               //ก็คงงอนแต่เรื่องอะไรกูไม่รู้วะ ไปถามมันเอา แค่นี้นะกูจะเข้าห้องเรียนแล้ว// ดิวบอกผม
               //เออ แค่นี้ //ผมกดวางสาย แล้วไอ้นั่นเป็นอะไรของมันอีก ผมเดินไปตรามป้ายบอกทางจนถึงห้องสมุด
               “พี่แจ็ค” มีคนเรียกผม ไอ้ป๊อดนั้นเอง
                “ผมพยายามตามหาพวกพี่อยู่” ไอ้ป๊อด มันวิ่งมาหาผม ป๊อดบอกพยายามตามหาพวกผมอยู่ ผมเดาว่าคงไม่พ่น เมนูจะกินอะไรดี
                “จะมาถามว่าจะกินอะไรหรือไง” ผมถามป๊อดกลับ
                “ใช่แล้วครับพี่ ...เฮ้ย ไม่ใช่ครับพี่” ไอ้ป๊อดพูดพร้อมกันสะบัดหน้ามามองผมสองที่ติด
                 “แล้ว?” ผมถามมันกลับ ยิ่งกำลังนอยด์อยู่จะมาขวางผมทำไม
                 “พี่ผมเห็นเพื่อนพี่อ่ะ ที่ตีกับพี่ในห้องอาหารเมื่อวานอ่ะ” ไอ้ป๊อดมันพูด มันช่างความจำดีแต่มันจำแต่เรื่องแย่ๆ นะไอ้นี่ ผมหันมายืนมองหน้ามัน ผมหันเตรียมเดินออก เสียเวลาผม
                   “พี่แจ็คอย่าพึ่งซิพี่ เรื่องนี้สำคัญมากนะพี่ถ้าพี่ไม่ฟังผม มันอาจจะสายไปและพี่อาจจะเสียใจไปตลอดเลยนะพี่นะ” ไอ้ป๊อดมันดึงแขนผมไว้ ผมก็หันมามองหน้ามัน คิดในใจถ้าไม่สำคัญจริงนี้ผมแตะมันระบายแทนเลยนะ
                   “เออว่ามา กูนอยด์คนอยู่ไอ้ป๊อด” ผมบอกมัน
                    “คือว่า.... มีคนมาพาตัวพี่เขาออกไปครับพี่แจ็ค ผมว่าพี่เขาจะไม่ปลอดภัยนะพี่เพราะคนที่พาตัวพี่เขาไปนะ เป็นพวกแก้งค้ายาที่นี้เลยนะพี่ แต่เข้ามาได้ยังไงผมไม่รู้อ่ะและตอนนี้เขากำลังพาพี่เขาไป เหมือนเขามีอาวุธด้วยพี่ “ไอ้ป๊อดพูด ผมก็เลิกคิ้วมอง
                    “ผมไม่ได้โกหกนะพี่และผมเห็นว่าเขาอยู่บ้านเดียวกับพี่เขาก็น่าจะสำคัญกับพวกพี่เช่นกัน “ไอ้ป๊อดพูด ผมก็พ่นลมหายใจออกมา ถึงมันจะกวนตรีนแต่นี้ก็น่ะผมควรแยกแยะ
                    “แล้วมันไปทางไหนวะ” ผมถามไอ้ป๊อด แต่จะว่าไปมันก็เหมือนจะตรงกับที่พี่ภาณุบอกผมอยู่น่ะ นี้คงไม่ใช่มุขเล่นตลกแน่ๆ
                      “ไปทางหน้าประตูอ่ะพี่ พี่รีบไปนะเพราะว่าถ้าเขาเอาตัวพี่เขาไปได้นะ พี่จะหาเขาไม่เจอนะทีนี้” ผมหยิบมือถือขึ้นมา อ้าว แบดหมดซะงั้น เปิดเพลงทิ้งไว้ แบทเลยหมด ทำไงดีละ
                      “เออ ขอบใจว่ะ” ผมพูดแต่ว่า
                     “ไอ้ป๊อดแต่มึงช่วยวิ่งไปบอกไอ้ดิวนะ มันอยู่ห้องโสติให้มันตามพี่มาด่วน “ผมคงต้องวิ่งไปก่อนถ้ามัวแต่ตามหาไอ้ดิวไอ้หน้าตี๋คงโดนซิวและหายไปเลยอย่างที่ไอ้ป๊อดมันว่า
                     “โสด...สนิทไหมพี่” ไอ้ป๊อดมันยังมีหน้ากวนผมอีกนะ หน้าซิวหน้าขวานขนาดนี้
                     “บาทากูนี้แหละที่แนบหน้ามึงสนิทป๊อดถ้ายังไม่รีบไป” เมื่อไอ้ป๊อดได้ยินเช่นนั้นมันออกวิ่งเพื่อไปหาไอ้ดิว

                     TBC
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.21.1(แจ็คXหลุยส์) ถึงยังไงมึงก็เพื่อน2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 19-01-2024 23:22:51
EP.21.1(แจ็คXหลุยส์) ถึงยังไงมึงก็เพื่อน2

              Part’s แจ็ค ตอนแรกผมก็ไม่อยากเชื่อว่าไอ้หน้าตี๋มันจะพลาดท่าให้ใครจับตัวมันไปได้ แต่ถ้าให้ผมคิดอีกที ก็อยากจะปล่อยมันไปนะ มันอาจจะไปทำให้ใครไว้หรือเปล่า แต่คิดอีกที ถ้าบอยบอกว่ามันก็สำคัญกับองค์กร ถ้ามันเป็นอะไรไป ก็คงงานเข้าทั้งหมดและมันาอาจจะเป็นอย่างที่มันเคยพูดเอาไว้กับผมว่า เพราะผมใช่ไหมทุกคนเลยมาติดอยู่ตรงนี้  ผมเลยต้องเลือกที่จะรีบวิ่งไปด้านหน้าโรงเรียนเลย ต่อให้มันเป็นศัตรูหัวใจผมแค่ไหนแต่ผมจะเห็นมันถูกทำร้าย ผมเองก็ทำเป็นนิ่งเฉยไม่ได้หรอกเหมือนกัน ไอ้ตี๋เอ๋ย! มึงนิหาเรื่องชัดๆ แทนที่มึงจะอยู่ติดกับพวกไอ้ดิวไว้ ไอ้หน้าตี๋ ไอ้ตาชั้นเดียว ผมด่ามันไปด้วยวิ่งไปด้วย
          “น้องๆ เห็น เออ เห็น” ผมกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งไว้ดูน่าจะนั่งแถวนี้นานแล้ว น้องเขาเหมือนกำลังคุยอะไรกันอยู่
           “เห็นเพื่อนพี่ไหม” ผมถามน้องๆ
          “หน้าตาอาตี๋ๆ ตาชั้นเดียว” ผมอธิบาย
          “โอ๊ยพี่!! ตาชั้นเดียวโรงเรียนนี้มีตั้งหลายคน ค่อนโรงเรียนได้เลยมั้ง” เออจริงด้วยแต่ผมไม่รู้ว่าจุดเด่นมันคืออะไรเครื่องแบบก็เหมือนๆ กันไปหมด และที่สำคัญผมไม่ได้สังเกตอะไรมันเลยเพราะว่าผมทำเป็นไม่อยากสนใจมัน
          “นี้พี่เป็นนักเรียนใหม่ใช่ไหมคะ” มีน้องนักเรียนหญิงคนหนึ่งทักผมขึ้น
           “ใช่ครับ เห็นเพื่อนพี่ไหมครับ มีคนบอกว่ามีคนนอกมาพาเพื่อนพี่ออกไป” ผมพูดดูน้องๆ ทำหน้าคิดกัน
          “ใช่กลุ่มที่เพิ่งจะเดินผ่านไปหรือเปล่าวะ มีพี่คนที่เดินตรงกลางอ่ะ ที่แกบอกหล่อโคตร ทำไมมาเดินกะไอ้พวกที่หน้าเหมือนโจรอ่ะ” น้องเขาหันไปคุยกันแต่ผมรีบแอบฟัง
           “อุ้ย! คือพี่รีบนะครับน้องรบกวนบอกพี่เร็วๆ หน่อยครับ” ผมเห็นน้องๆ หันมามองผมแบบว่าผมอาจจะเสียมารยาทไป
          “แต่งตัวดีดีน่ะพี่ หล่อๆ ตัวขาวๆ มีนาฬิกาของแอปเปิล รุ่นเดียวกับพี่เลยแต่สีดำของพี่มันสีขาว” น้องเขาพูด ใช่ผมเห็นอยู่แต่ด้วยความหมั่นไส้มันผมเลยไม่ได้ทักมัน
          “ใช่เลยน้อง มันไปทางไหน” ผมคิดว่าไอ้หลุยส์แน่ๆ
          “ไปทางโน้นค่ะ” “ไปทางโน้นครับ”
          “ขอบใจมาก” ผมออกวิ่งทันทีอย่างไม่รอช้า ผมหวังว่าไอ้ดิวจะตามผมมาเร็วๆ นี้ เพราะผมคนตัวคนเดียวจะเอาอยู่ได้ยังไง ผมวิ่งมาจนถึงประตูของโรงเรียน ตอนนี้ปิดอยู่และมีป้อมยามอยู่ด้วยข้างๆ มีป้อมยามขนาดนั้น มันจะเดินผ่านไปได้ยังไง
         “เดี๋ยวจะไปไหนครับคุณ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนที่หน้าประตูเรียกผมไว้ ผมหยุดด้วยอาการหอบวิ่งมายาวมาก
          “เห็น ... เห็น...เห็น” ผมพูดแต่มันเหนื่อยอยู่
         “เห็นคุณนี่แหละจะวิ่งไปไหนครับโรงเรียนยังไม่เลิกเลย” รปภ.ถามผม
        “ลุงเห็นเพื่อน...” ผมพูดแต่ผมเหลือบไปเห็น มีกลุ่มหนึ่งเหมือนมันกำลังจะดันใครสักคนให้เข้าไปในรถ ไอ้หลุยส์แน่ๆ ผมก็วิ่งออกไปทันทีผ่านประตู
         “เฮ้ยหยุด” ผมตะโกน พวกมันหันมามองผม ผมไอ้หน้าตี๋ รปภ วิ่งมาดึงแขนผมไว้
         “บอกว่าห้ามออกจากโรงเรียนไง เดี๋ยวเรียกครูฝ่ายปกครองเลย”
         “เรียกเลยและลุงดูนั้น เพื่อนผมกำลังถูกลักพาตัว ลุงนะเดี๋ยวก็ได้หางานใหม่หรอก” ผมหันไปตะโกนบอกลุงเขา
          “นั้นเขารับไปเยี่ยมพ่อป่วยหนัก”
          “โอ๊ยลุง!! นั้นมันเพื่อนผมและพ่อมันไม่ได้ป่วยหรือจะให้ลูกเจ้าของโรงเรียนโทรบอกพ่อมันลุงพวกผมหรือเปล่าล่ะครับ คุณภาคย์นะครับ ลุงรู้จักไหม” ผมพูดร่ายยาวแต่ลุงทำหน้างง ไม่รู้จักลุงภาคย์ของผมเหรอ
          “ลุงปล่อยแขนผมดีกว่าครับ ถ้าลุงไม่ช่วย ผมนี่จะออกไปช่วยเพื่อนผมเอง” ผมพูดและสะบัดแขน
ถ้าจะให้ดีโทรแจ้งตำรวจ” ผมบอกลุงเขาและสะบัดมือให้หลุดและวิ่งตามไปทันที
          “กูบอกให้หยุด! มึงพาเพื่อนกูไปไหน” ผมพูดมองคนที่จับแขนไอ้หลุยส์มันก็มองผมแบบไม่อยากเชื่อสายตา ผมเห็นว่ามีมีดจ่อไอ้หลุยส์อยู่นะ
            “มึงเป็นใคร! มึงมาเสือกอะไรด้วย” ไอ้คนที่ยืนอยู่มันกอดอกมองผม และแกว่งมีดไปด้วย ผมยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เพราะที่มันถือคือมีดของจริง
          “มึงไม่มีสิทธิ์จะมาพาเพื่อนกูไป ปล่อยเพี่อนกูคืนมา” แต่ผมก็ไม่ยอมถอย
          “ถ้าอย่างนั้น พวกกูคงต้องกระทืบมึงก่อนและพวกกูถึงจะได้ไปใช่ไหมวะ” ไอ้คนที่พูดมันก็ค่อยๆ เดินเข้ามาหาผม ผมก็ตั้งท่า เอาวะสู้ผมคิดในใจ
          “โอ๊ย!!...เชี่ยะเฮ้ยย มันสาดดินใส่หน้ากู” ผมได้ยิน ไอ้คนที่ยืนเอามีดจ่อบังคับไอ้หลุยส์อยู่ มันร้องเสียงหลงเพราะว่าไอ้หลุยส์มันสาดขี้ดินใส่หน้าไป ไอ้คนนั้นก็ปล่อยแขนที่ล๊อกคอไอ้หลุยส์เอาไว้ ไอ้หลุยส์ก็วิ่งถอยหลังออกไป ผมก็พอจะเป็นวิชาป้องกันตัวมาบ้างก็เต๊ะ ไอ้คนที่ย่างเท้าเข้ามาหาผม ผมเลือกเตะให้มีดมันกระเด็นไปก่อน ไอ้หลุยส์มันเดินปรี่เข้ามาหาผมสีหน้ามันตกใจและแปลกใจ
          “มึงรู้ได้ยังไงว่ากู....” ไอ้หลุยส์มันกระซิบถามผม ผมสองคนมองไอ้สี่คนที่กำลังจะเข้ามาล้อมผมสองคนอยู่
          “เรื่องยาวว่ะแต่กูรู้แล้วกัน” ผมหันไปบอกมัน
          “เอาไงดีวะ “ไอ้หลุยส์มันกระซิบถามผม
         “ป้องกันตัวไว้ก่อนแล้วกัน กูบอกลุง รปภ. ไปแล้วว่าให้โทรเรียกตำรวจและไอ้ปอดมันก็ไปเรียกไอ้ดิวคงลงมาเร็วๆ นี้” ผมกระซิบบอกไอ้หลุยส์
           “เอาแม่งไปทั้งสองคนเลยแล้วกันดูท่าไอ้นี่ก็มีเงินว่ะ” ผมได้ยิน เพราะว่ามันมองโทรศัพท์มือถือรุ่นไหมที่ยังไม่ลงวางตลาดแต่ผมก็ได้สิทธิ์ซื้อมาก่อน
          “ผลั่ก! “มันตรงเข้ามาผมก็ปล่อยหมัดตะบันหน้ามันไป
           “ผลั่วะ!” ไอ้หลุยส์ก็แจกเท้าโดยการถีบอีกคนออกไป แต่จังหวะนั้นอีกคนก็ต่อยเข้าที่ใบหน้าไอ้หลุยส์ ผมก็วิ่งไปดูมัน
           “เฮ้ย!” ผมเรียกไอ้หลุยส์และอีกสองคนกำลังเข้าใส่ ผมก็ลุกขึ้นและต่อยมันไปแต่ก็โดนต่อยกลับมาลงไปกองเหมือนกัน
            “ซ่าหนัก งั้นกูจัดให้ เกิดมาดีดีไม่ชอบชอบผิดเพศไปเกิดใหม่เลยไป ไอ้สัส!!” ไอ้คนที่ผมเตะมันจนมีดกระเด็นไปมันคว้ามีดมาได้มันก็ทำท่าจะเข้ามาแท่งผมแต่
              “ผลั่ก!” เสียงฝีเท้ามีคนวิ่งมาและไอ้คนนั้นก็กระเด็นไป ผมหันมามองไอ้ดิวที่ยกเข่าลอยมาแต่ไกลและไอ้คนนั้นคงได้ลิ้มรสเข่าลอยได้ดิวจนได้
           “ผลั่ก! ผลั่วะ!”
          “เฮ้ยย!” ผมสองคนที่กอดกันกลมหลับตาปรี่อยู่ คิดว่าได้ไปเกิดใหม่แล้วจริงๆ เวลาผ่านไปสักพักผมสองคนค่อยๆ ลืมตา ผมมองหน้ากัน และสำรวจ ยังมีชีวิตครับผม ผมหันไปมองไอ้คนที่มาช่วยไม่ใช่ใครอื่น ไอ้พระเอกประจำกองของผมไอ้ดิวครับ มันกระโดดถีบอีกคนกระเด็นไปเลยและอีกคนที่มันต่อยถึงกับหมอบลุกไม่ขึ้นเลย อีกสองที่ ยืนดูอยู่คนถึงกับตกใจ
             “หมับ “ไอ้ดิวมันยื่นมือมาดึงผมสองคนให้ลุกขึ้นคราวนี้มี3คนแล้ว พวกมันเหลือสามคนเพราะอีกคนสลบค่าที่
            “เป็นอะไรกันไหมวะ” ไอ้ดิวมันถามผม ผมส่ายหัวมีแค่โดนกำปั้นไปคนละมันไม่เท่าไหร่ ส่วนพวกมันหันมองหน้ากันเหมือนจะเอายังไง ไอ้ดิวก็เตรียมพร้อมลุยบีบหมัดดังกร๊อบแกร็บแปลว่าพร้อมรบ ไอ้คนที่ยืนคู่กันมันหันไปมองหน้ากัน ตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเข้ามาก่อนดี
            “เข้ามาทั้งคู่และกูพร้อม” ไอ้ดิวมันเรียกแต่มันก็ยังคงมองหน้ากันและทำท่าจะถอยดีไหม
             “ผลัวะ ...ฟิ้ว...ตุ๊บ”
           “เฮ้ยย” เล่นเอาผมไอ้หลุยส์และไอ้ดิวร้องเสียงหลงเพราะว่าไอ้คนที่สลบด้วยหมัดไอ้ดิวนะ มันดันฟื้นและหยิบมีดที่ตกอยู่ปรีจะเข้ามาแท่งไอ้ดิวจากด้านหลังแต่มันไม่ผ่านเท้าไอ้แอ้ มันเลยกระเด็นไปและสลบอีกรอบครับ รอบนี้คงยาว ไอ้แอ้เตะหลังสไตล์คาราเต้
                 “หยุดนะ! คุณตำรวจทางนี้เลยครับ” ผมได้ยินเสียงครูพัฒน์นั้นเอง
                “เพ่นดิวะ ฝากไว้ก่อนนะพวกมึง” พวกมันรีบวิ่งขึ้นรถและไม่ลืมที่จะลากเพื่อนมันไปด้วย ครูพัฒน์ก็วิ่งตรงเข้ามาหาพวกผม แต่พวกผมยังไม่เห็นมีตำรวจสักนายนะตอนนี้
                “พวกเธอเป็นอะไรกันหรือเปล่า? “ครูพัฒน์ถามพวกผม
              “ไม่เป็นอะไรครับ” ผมบอกครูพัฒน์
                “พวกนี้เข้ามาได้ยังไง สงสัยพี่ต้องแจ้งให้ประชุมครูกัน เรื่องแบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นอีกและไงหลุยส์พวกนั้นเข้าไปหาเราได้ยังไง” ครูพัฒน์ถามผมหันไปมองหน้ามัน
                           “ผมนั่งอยู่ในห้องสมุดนะครับ ก็มีเด็กนักเรียนรุ่นน้องเข้าไปเรียกผม บอกว่ามีเพื่อนมาหา ตอนแรกผมคิดว่าบอย ผมเลยเดินออกมาและไอ้พวกนี้มันก็ประกบผมและเอามีดจี้ผมออกมาครับ “ไอ้หลุยส์พูด
                “เอาละไปกลับไปขึ้นห้องเรียน อ้อดูท่าเราจะเจ็บนะหลุยส์และแจ็คด้วย ไปทำแผลกันก่อนที่ห้องพยาบาลนะ” ครูพัฒน์พูดและเดินกลับไปที่ลุงรปภ. คงไปต่อว่าอะไรลุงแก
                “ไปว่ะ ทุกคนเป็นห่วง” ไอ้ดิวพูด ผมก็เดินกลับเข้าโรงเรียน
“หมับ” มีคนจับแขนผมไว้ ไอ้หลุยส์นั้นเอง
                           “ขอบใจวะ” ไอ้หลุยส์พูด
                      “เออ...ไม่เป็นไร ...ยังไงมึงก็...มาอยู่บ้านกู มึงก็น่าจะเป็นคนสำคัญและก็เป็นเพื่อนพวกกูเหมือนกัน “ผมพูด
“ถึงมึงจะกวนบาทากูไว้เยอะก็เถอะแต่กูก็ทนให้ใครมาทำร้ายมึงไม่ได้ว่ะ” ผมบอกมัน ดูมันทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้
            “เฮ้ย! นี้มึงดีใจหรือมึงเสียใจเนี่ยะ” ผมถามไอ้หน้าตี๋
             “กูเป็นเพื่อนพวกมึงแล้วเหรอว่ะ” ไอ้หลุยส์
             “เออมั้ง” ผมพูดและพยักหน้าและผมกำลังจะเดินหันหลัง มันก็ยังจับแขนผมไว้ ผมหันมามองไอ้นีจะทำให้ผมขนลุกก็ตอนนี้แหละ
               “บอยเขารักมึงมากว่ะ แต่ที่เขาพยายามไม่คุยกับมึงเพราะเขาอยากให้กูอยู่ต่อว่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมก็มองหน้ามัน
              “คือกูยื่นข้อเสนอว่าถ้าอยากให้กูอยู่เขาต้องอยู่ห่างๆ กับมึงอ่ะเพราะกูบอกที่กูจะไม่อยู่เพราะกูทนเห็น….” ไอ้หลุยส์มันพูด
              “มึงกับเขารักกันไม่ได้วะ” ไอ้หลุยส์มันพูดน้ำเสียงฟังดูก็รู้ว่ามันเจ็บ
              “และที่บอยทำก็เพื่อพวกมึงวะ ถ้ากูไม่อยู่พวกมึงจะเดือดร้อนและบอยคงห่วงมึงที่สุดว่ะ” ไอ้หลุยส์พูด ผมอึ้งเลยดีน่ะที่ไม่ได้หลุดปากขอเลิกไปซะก่อนเพราะว่าที่ผมเป็นคนที่อดทนไม่พอ
              “มึงอย่าไปโกรธบอยเลยวะ กูเอง ที่มึงควรจะโกรธว่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมหันมาและตบบ่ามัน
               “ใจวะ...ฟ๊อด!” ผมพูดและหอมที่หน้าผากมันอย่างแรงเสียงดัง
             “อี๋!!!” ไอ้หลุยส์มันร้องยี้พร้อมกับรีบดันผมออกและเอามือปาดหน้าผากมันไปมา ไม่ใช่แค่ไอ้หลุยส์นะไอ้ดิวยังทำท่าขนลุกขนพองที่ผมไอ้มอบรางวัลที่ยิ่งใหญ่ให้มันแบบนี้
              “What the f**k are you doing? This is disgusting!” ไอ้หลุยส์มันสบดออกมาดังๆ
              “ให้รางวัลไงและกูต้องไปหาเมียกูก่อนว่ะ” ผมพูดและผมก็ไม่รอช้า ผมต้องไปขอโทษเขา ขอโทษที่ผมพูดกับเขาตอนเที่ยง ขอโทษที่แจ็คไม่รู้จักอดทนให้มากพอ
             “แจ็ค หลุยส์ “บอยวิ่งลงมา ผมก็ยืนมองบอย
              “แจ็ค” .... “บอย” ผมเรียกชื่อพร้อมกัน ผมวิ่งเข้าไปหาบอยก่อนเลยและผมก็กอดเขาไว้
            “แจ็คขอโทษบอย แจ็คขอโทษที่แจ็คพูดกับบอยไม่ดี...เมื่อตอนบ่าย” ผมเอาแต่พูดพร่ำบอกขอโทษบอย ทั้งที่เขาหวงผมขนาดนี้
           “เป็นอะไรไหม บอยได้ยินว่าพวกมันมีมีดด้วยอ่ะแจ็ค” บอยดันผมออกและมองหน้าผม
           “ไม่เป็นไรครับ” ผมบอกบอย
           “แล้ว” บอยถามหลุยส์ ที่เดินเข้ามาพร้อมไอ้ดิว
           “ไม่เป็นครับ เออ แจ็คเขาช่วยเอาไว้นะครับ ดีที่มันมาทันไม่งั้น...ก็ไม่รู้อาจจะไม่ได้เจอบอยอีก” หลุยส์พูดมันหันมามองหน้าผม
           “จริงอะ?” บอยทำเสียงไม่เชื่อผมอีก ผมก็หันไปเหล่มองหลุยส์
            “ทำไมชอบทำเสียงแปลกใจอยู่เรื่อยเลย ... “ผมพูดแต่มันทำให้คนตรงหน้าผมนี่คลี่ยิ้มให้ผมทันที
             “พากันไปทำแผลและกลับขึ้นห้องเลยนะ อย่าพยายามออกไปไหนกันนะ เดี๋ยวครูจะเรียกประชุมครูและรปภ. เพื่อนหาทางป้องกันนะครับ” ครูพัฒน์บอกพวกผม พวกผมก็พยักหน้าและพากันไปห้องพยาบาล
           “แจ็คเป็นไงมั้งวะ “ไอ้ติ๊กมันเดินลงมากับพาย
            “ไม่เป็นไรแล้ว”
                  “แล้วไอ้หลุยส์ละ โธ่!! พ่อยอดขมองอิ่ม นี้ถ้ามึงเป็นอะไรไปกูนี้คงต้องตั้งหลักปักฐานแม่งที่นี้แน่ๆ” ไอ้ติ๊กมันพูด ไอ้หลุยส์หันมาเหล่ตามองไอ้ติ๊กและมองไอ้หลุยส์สลับกันไปมา
                “เป็นห่วงมากเลย” ไอ้ติ๊กพูด
                     “กูเหรอ?” ไอ้หลุยส์มันถามไอ้ติ๊ก
               “อนาคตกูนี่” ไอ้ติ๊กมันพูด
               “เออกูไม่เป็นไร มึงไม่ก็ซวยแล้วแหละเพราะว่ากูปลอดภัยดี แต่อนาคตมึงก็ไม่รู้น่ะ กูตอบไม่ได้” ไอ้หลุยส์มันตอบไอ้ติ๊ก ไอ้ติ๊กมันยืนทำปากขมุบขมิบทันที
              ผมพากันไปทำแผลที่ห้องพยาบาลทำแผล จะว่าไปเจ็บตัวนิดหน่อยแต่เหมือนจะได้เพื่อนเพิ่มมาก็ถือว่าคุ้มนะสำหรับผม ผมกลับไปเข้าห้องเรียน บอยก็กลับมานั่งกับผม ดูเหมือนว่าพวกไอ้ดิว ไอ้แอ้ ไอ้ติ๊กและพายและต้นข้าวกับบลูจะคุยกับไอ้หลุยส์ได้มากขึ้น เพราะว่ามันไม่นั่งเก๊กตลอดเวลาแล้วนิ จนถึงเวลากลับบ้านพวกผมก็รีบเดินลงเพื่อไปนั่งรถกลับบ้าน ถามว่าเหตุการณ์เมื่อบ่ายก็ทำให้พวกผมเริ่มกลัวๆ มากขึ้น เหมือนเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเลยจริงๆ
          “นี้ไงพี่คนนั้นนะ ต่อยจนสลบเลยอ่ะแก เท่อ่ะ”
           “แต่พวกเขาเป็นเกย์นะ”
            “เป็นหรือไม่เป็นไม่รู้ ใครสน” ผมได้ยินสาวเอ่ยชมไอ้ดิวกันใหญ่เลย ไม่ใช่แค่สาวๆ น่ะ พวกผู้ชายก็มองไอ้ดิวแบบคงกลัวหมัดมันแน่ๆ ผมออกขึ้นรถกันที่ด้านหน้า ครูพัฒน์คงแจ้งพี่คนขับให้ขับเข้ามารับผมได้ด้านใน
             “หลุยส์ ขึ้นรถคันเดียวกันดิว่ะ” ผมหันไปเรียกไอ้หลุยส์ มันก็พยักหน้า คันที่ผมนั่งก็จะมีผม บอยและไอ้หลุยส์ อีกคันก็จะมีดิว แอ้และพาย ไอ้ต้นข้าวและบลูมันแยกกันก่อนเพราะมันคงไปทางลับและออกไปหาไอครีมทานกันก่อน ผมนั่งคุยกับบอยก็วันนี้ไม่ได้คุยกันเลยทั้งวัน ส่วนไอ้หลุยส์มันยุ่งกับมือถือของมันจนกระทั่งถึงบ้าน
“               บอยขอไปโทรหาพ่อก่อนนะ เข้าไปแจ็คกับหลุยส์คุยกันก่อน” บอยบอกผมกับหลุยส์ ผมพยักหน้า ผมเดินเข้ามาแต่ไม่เห็นพวกไอ้ดิว
               “สงสัยไอ้ดิวเข้าไปยิมนะ ไอ้นี่มันบ้าพลัง” ผมพูดขำๆ
              “เบียร์สักขวดไหมวะ” ผมถามไอ้หลุยส์ มันหยักไหล่ ผมเดินเข้าไปในครัวก็หยิบขวดเบียร์ที่แช่อยู่เปิดและเดินออกมา ผมนั่งลงที่โซฟาข้างๆ ไอ้หลุยส์พร้อมกับส่งขวดเบียร์ให้
              “ใจวะ” ไอ้หลุยส์พูด
              “กูเคยเจอมึงมาก่อนไหมวะหลุยส์” ผมถามไอ้หลุยส์
               “เคยดิ แต่กูยังไม่เจอบอย เจอแต่พวกมึงวะตอนนั้น กูไปธุรกับพ่อและพ่อก็พากูกับแม่ไปพักร้อนกันด้วย ที่ภูเก็ต ในคือความสุขที่สุดของกูเลย “ไอ้หลุยส์พูด ผมพยักหน้า
             “ตอนนั้นกูมีแฟนแล้ว เป็นผู้หญิง เธอสวยมาก เธอมีในตาสีฟ้า เธอเป็นคนสวยที่สุดและกำลังจะเป็นดารา ไม่ซิเป็นแล้วด้วย” ไอ้หลุยส์พูดก่อนจะกระดกเบียร์เย็นลงคอไป
            “บอยบอกกูว่ามึงเจอเรื่องสะเทือนใจมาว่ะ “ผมถามไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์มันมองหน้าผมก่อนจะวางขวดเบียร์ลง
           “ใช่เหตุมันเกิดหลังจากที่พ่อแม่และกูกลับไป เหตุการณ์วันนั้นกูจำได้ไม่มีวันลืม” ไอ้หลุยส์พูดด้วยน้ำเสียงที่ผมรู้สึกได้ว่ามันคงฝังลึกและนี้คงสะเทือนใจมันมากๆ
         “มีคนบุกมาที่บ้าน มันกราดยิงทุกคนคนใช้ ในบ้านทุกคน พ่อเอากูเข้าไปแอบในห้องหนึ่งและท่านก็วิ่งออก และไม่กลับมา กูอยู่ในห้องนั้นด้วยความหวาดกลัว จนกระทั่งที่คนเข้ามาเปิด กูคิดว่าพวกที่มาและกูคงตายแต่ไม่ใช่ เขาเป็นคนที่สวมเครื่องแบบทหารและเขาคือคนที่พากูออกไปอยู่ที่ปลอดภัย งานฝังศพพ่อแม่กูยังไปไม่ได้เลย” ไอ้หลุยส์พูดผมนี้วางขวดลงทันที
               “กูเสียใจด้วยจริงๆ วะ”
                 “พ่อกูจากไปแต่ทิ้งไว้ซึ่งมรดกและความรู้ต่างๆ มากมาย” ไอ้หลุยส์พูด
              “พ่อกูคือคนที่คิดค้นผลิตขีปนาวุธต่างๆ และกูก็จะดำเนินการต่อเหมือนพ่อกูว่ะ “ไอ้หลุยส์มันพูด ผมถึงบ้างอ้อเลยว่า
 ทำไมมันคือคนสำคัญเช่นกัน
            “พวกมึงละทำไมมาอยู่ที่นี้วะ นี้กูเรียนมหาวิทยาลัยแบบออนไลน์ไปแล้วแต่กูรู้ว่าบอยจะมากูเลยตาม” ไอ้หลุยส์พูด ผมก็หันไปมองหน้ามัน
              “พวกกูนะซ่ากันมาก ส่วนกูน่ะหนักหน่อยตั้งแต่บอยหายไป”
              “3 ปีนี้กูเกเรมาก” ผมบอกไอ้หลุยส์
              “และพวกกูก็ถูกส่งมที่โรงเรียนนี้ เพื่อแกไขปัญหา กูยังไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง ที่จะทำให้โรงเรียนนี้กลับมามีนักเรียนเยอะขึ้นและพวกกูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น จับต้นชนปลายไม่ถูกว่ะ” ผมหันมาพูดกับไอ้หลุยส์ มันก็พยักหน้า
                 “ยิ่งในห้องเรียนนะ มึงไม่เจอแม่งไม่มีมิตรภาพเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้พวกมันไม่มาไปไหนกันก็ไม่รู้วะ” ผมพูด
                “แต่กูก็คิดว่ากุญแจที่จะช่วยไข คือพวกมันว่ะ ทำยังไงจะซื้อใจพวกมันได้ “ผมพูดกับไอ้หลุยส์มันก็มองหน้าผม
              “แต่พวกมันไม่เอาพวกกูเลยวะ ชื่อพวกมันกูยังไม่รู้จักเลย” ผมบอกไอ้หลุยส์
              “เอานะ...กู ..จะช่วยพวกมึงเองวะ” ไอ้หลุยส์มันหันมาบอกผม
             “อ้าวมึงไม่กลับแล้วเหรอวะ “ผมพูดไอ้หลุยส์มันมองหน้าผม
             “เฮ้ย!! กูไม่ได้ไล่ กูคิดว่ามึงอยากกลับไปใช้ชีวิตที่ดีกว่านี้วะเพราะดูดิ แค่มึงมาวันแรกมึงก็เสี่ยงแล้วไอ้หลุยส์” ผมบอกมัน
            “กูตัดสินใจมาแล้วว่ะแจ็ค งั้นกูลงด้วย กูคิดว่ากูอาจจะได้อะไรดีดีกลับไปว่ะ อย่างที่บอยบอกกู ไอ้หลุยส์มันพูดผมมองหน้ามันว่าเอาจริงเหรอ
            “แต่ที่แน่ๆ กูได้มึงเป็นเพื่อนกูแล้วว่ะ” ไอ้หลุยส์มันหันมาบอกผม ผมก็ยิ้มเท่ๆ ให้มันและมันก็หยิบขวดเบียร์ขึ้นมาและผมก็ชนกัน
            “มิตรภาพว่ะ มึงและกู” ไอ้หลุยส์
            “หลุยส์ แจ็ค “บอยเดินเข้ามาพอดีเลย
           “โทษทีนะ นานไปหน่อย พอพ่อวางสายเพื่อนบอยก็โทรมาพอดีเลย” บอยพูด ผมสะบัดหน้าไปมองมีเพื่อนอีกเหรอ
           “ใครอ่ะบอย “ผมถามบอยอย่างไร
           “เพื่อนน่ะ “บอยบอกผม ไอ้หลุยส์มันหันมาปรายตามองผม
           “ถ้าอย่างนั้นกูขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนว่ะ มึงด้วยนะเดี๋ยวจะได้ทานอาหารเย็นกัน” ผมถามไอ้หลุยส์มันก็พยักหน้า
          “เออ คืนนี้บอยจะกลับไปนอนห้องเดียวกับแจ็คมันก็ได้นะ หลุยส์ไม่บอกอาณะหรอก “หลุยส์พูดกับบอย บอยมองหน้าผม ผมก็มองหน้าและส่งยิ้มให้ บอยหันไปพยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ
           “ใจว่ะ” ผมหันไปพูดกับไอ้หลุยส์ มันก็ส่งนิ้วแร๊พโยวมาให้ผม ว่าโอเค
                 “กูขอดูหุ้นกูก่อนว่ะ เดี๋ยวขึ้นห้องวะ “ไอ้หลุยส์มันหันมาบอกผม ผมก็ดึงแขนบอยว่าให้ขึ้นห้องกัน ผมกับบอยเดินไปที่ห้องนอน พอเข้ามาในห้องผมก็มองบอย
           “เพื่อนคนไหนอ่ะบอย จะมาแบบไอ้หลุยส์อีกมันอ่ะ” ผมถามบอย
            “แจ็ค.... นี้แจ็คไม่เชื่อใจบอยเลยหรือไง คนนี้นะเพื่อนสนิทบอย ที่จริงก็เจอกันบ่อยตอนเด็กๆ พ่อของเขาเป็นนักธุรกิจอันดับต้นๆ เหมือนกับพ่อของบอยและพ่อแจ็คนั่นแหละ
           “แจ็ค” บอยเรียกผม
“เขาคือใครอ่ะ” ผมถามบอย
           “เขาจะมาเรียนกับบอยเช่นกัน”
              “ฮะ จะมาเหมือนกันอีกเหรอ”
              “ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน ..” บอยพูดและส่งรูปในมือถือให้ผมดู ผมก็ดู น่ารักโคตรๆ เลย
            “มีแฟนยัง” ผมถามบอยทันที
           “ทำไมล่ะ จะจีบเหรอ” บอยถามผมยิ้มๆ
           “ไม่...มีคนเดียวและเป็นคนเดียวตลอดไป แต่จะให้ไอ้หลุยส์มันเพื่อว่ามันจะดีขึ้น” ผมพูด บอยมองหน้าผมแบบมีเลศนัย
            “แจ็คพูดจริง ไม่ได้หมายความว่าจะเขี่ยมันออกไปแต่เพื่อว่าคนนี้จะช่วยลบบาดแผลในใจมันได้ไงครับ” ผมบอกบอย บอยก็พยักหน้า
           “ตอนนี้มันก็คือเพื่อนแจ็คคนหนึ่งแล้วบอย และแจ็คก็ทำตามที่บอยบอกนะว่าให้ลองเปิดใจให้มันไง และถ้ามันมีรักอีกครั้งชีวิตมันจะมีสีสันขึ้นนะ แจ็คว่า” ผมบอกบอย บอยพยักหน้าและกำลังจะหันหลังเดินออกแต่ผมรวบเอวบางๆ นั้นไว้
           “วันนี้แจ็คทำดีอ่ะบอย...ขอรางวัลได้ไหมครับ” ผมถามบอย บอยหันมามองผมทำหน้าตกใจ
           “นะครับ แจ็คขอรางวัล “ผมบอกบอย บอยคงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร มันน่าจะมากกว่าการกอดและจูบแน่ๆ ผมมองบอยและเมมริมฝีปากตัวเอง สายตาผมยังจับจ้องที่บอย บอยก็พยักหน้าให้ผมเบาๆ
           “แต่บอยกลัว”
           “ไม่ต้องกลัวครับ แจ็คจะไม่ทำอะไรรุนแรง ครั้งแรกมันก็จะผิดพลาดหน่อยๆ แต่ครั้งนี้แจ็คพอจะมีประสบการณ์มาบ้าง ไปเรียนมาเพื่อมาใช้กับคนนี้เลยน่ะ” ผมพูดผมก็จูบบอย ผมจับเอวพร้อมกับยกตัวบอยขึ้น บอยรีบโอบรอบคอผมเอาไว้ทันที ผมสองคนจูบกันไปจนถึงห้องน้ำ

         ผมปิดประตูลง ไม่ใช่แค่การอาบธรรมดารอบนี้ บทรักของผมสองคนภายใต้ฝักบัว มือผมลูบไล้ไปตามลำตัวและไปสะดุดที่เหมือนจะเป็นแผล ผมพลิกตัวบอยมายืนและค่อยพรมจูบลงไปทั่วจนถึงหัวหน่าว มีรอยสักรูปดอกกุหลาบอยู่ ผมก็ย่อตัวมอง ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าบอยจะมีแบบนี้ด้วย
          “พ่อไม่รู้หรอกว่าบอยไปสักมา “บอยพูด ผมแหงนหน้าขึ้นมองบอย
          “นี้มันเป็นแผลเป็นอ่ะ บอยเคยผ่าตัดด้วยเหรอ” ผมถามบอย ใบหน้าผมอยู่ตรงรอยนั้นพอดี
            “ใช่ บอยเคยต้องผ่าตัดเมื่อสองปีกว่าแล้ว ช่วงที่บอยหายไป” บอยบอกผม ผมก็ตกใจที่เขาหายไปเพราะแบบนี้เหรอ
“เป็นอะไรเยอะเหรอบอย” ผมถามบอยด้วยสีหน้าตกใจเพราะว่าผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน บอยมองหน้าผม
          “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกแจ็ค” บอยพูด ผมก็ลุกขึ้น ผมใช่ฝ่ามือผมโอบใบหน้าของบอยเอาไว้ บอยโอบรอบคอผมเอาไว้
          “มันเจ็บแต่รู้สึกดี สักวันแจ็คจะรู้” บอยบอกผมก่อนจะจูบผม ผมก็จูบบอยตอบ เราสองคนจูบกันไปพลิกตัวเป็นผู้นำและเป็นผู้ตามสลับกันไปมาจนกระทั่งทุกอย่างพร้อม ผมก็เริ่มสอดใส่แกนกายผมเข้าไปในกายของบอย ครั้งนี้มันดีกว่าครั้งแรก และเราสองคนก็มีความสุขไปพร้อมๆ กัน ผมสองคนรีบออกมาแต่งตัวเพื่อจะลงไปทานอาหารเย็น โชคดีที่มีการบ้านเลยอ้างได้ว่าทำไมลงไปช้า
             TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.22(หลุยส์Xแจ็ค)รอบนี้แค่ขู่รอบหน้าพี่เอาจริง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 21-01-2024 22:29:07
EP.22(หลุยส์Xแจ็ค)รอบนี้แค่ขู่รอบหน้าพี่เอาจริง
           Part’ s แจ็ค ต้องขอบคุณเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่ทำให้ผมได้เพื่อนซี้เพิ่มมาอีกหนึ่งคน ผมน่าจะเชื่อบอยตั้งแต่แรกที่ให้ผมลองเปิดใจให้หลุยส์ตั้งแต่แรก ผมเรียกหลุยส์ว่าเพื่อนซี้ได้เลย ตั้งแต่ผมลองเปิดใจคุยกัน ผมเข้าใจมันมากขึ้นเยอะเลยและที่สำคัญครอบครัวทำให้ไอ้ครอบครัวไอ้หลุยส์ต้องมาเจอเรื่องโหดร้ายคือครอบครัวคามิน คามินนี่ชื่อใหม่หลังจากที่เขาต้องลี้ภัยไปประเทศอื่น ส่วนผมก็มีเรื่องกับลูกชายเขาไอ้ฌอน
          ดังนั้นผมกับไอ้หลุยส์คิดเอาไว้ว่า รุ่นผมต้องมีอำนาจและใช้มันให้ถูกทางไม่ให้เหมือนรุ่นที่พ่อๆ ผมเจอ จากที่ได้รับฟังความคิดของไอ้หลุยส์ มันก็ทำให้ผมรู้อีกว่า ผมกับหลุยส์นี้เคมีตรงกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะความคิด ทัศนคติและจุดมุ่งหมายที่แทบจะเหมือนกัน ผมไม่ได้อยากโค้นอำนาจลุงหนึ่งแต่อยากให้เปลี่ยนแปลงเพื่อยอมรับโลกใหม่ของคนรุ่นใหม่ เปิดใจยอมรับเด็กรุ่นใหม่อย่างพวกผมและอิสรภาพที่พวกผมควรจะได้รับ จนไปถึงรุ่นลูกและหลานของพวกผมในอนาคต
           หนึ่งอาทิตย์แล้วซิน่ะ ถามว่าพวกผมได้ความอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับภารกิจไหม ไม่ได้อะไรเลยแต่ว่าผมก็ได้คนที่จะมาเป็นกองหนุนให้พวกผมอีกหนึ่งคนแล้ว พวกแปลกใจอย่างหนึ่งคือ พวกไอ้ภาคินมันหายหัวไปช่วงบ่ายประจำแต่ว่ามันกลับไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย น่าแปลกจริงๆ พวกมันนี้ลับๆ ล่อๆ กันทั้งแก้ง รวมไปถึงไอ้พี่แฮกซ์นั้นด้วย เจอที่ห้องน้ำที มันก็พากันมองจ้องพวกผมราวกับว่าอยากจะกระโดดขย้ำพวกผมให้แหลกคามือมันเลยก็ว่าได้
         “วันนี้โรงเรียนเราเงียบๆ วะ หวังว่าจะไม่มีอะไรนะมึง กูขี้เกียจวิ่งแล้วว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด พวกผมหยักไหล่ว่าขอให้เงียบสักวันเถอะ นี้มีเรื่องวันเว้นวันก็ว่าได้
          “ทำไมไม่เห็นไอ้ต้นข้าวเลยวะวันนี้และไอ้บลูด้วย ปกติมันต้องมายืนรอตรงทางเข้าแล้วน่ะ” ไอ้แอ้มันพูด พวกผมมองหน้ากัน เออจริงด้วยเพราะว่าทุกทีพวกผมต้องเจอพวกมันตอนที่เดินผ่านประตูโรงเรียนมาแล้วแต่ก็ไม่มีวีวี่แววสองคนนั้นเลย
         “มันสองคนอาจจะเข้าไปข้างในก่อนแล้วหรือเปล่า” พายพูด ผมพยักหน้าว่าเป็นไปได้ วันนี้มันอาจจะไม่อยากยืนรอ
         “ถ้าอย่างนั้น เราตรงไปทานอาหารก่อนเลยดีกว่าว่ะ “ผมหันมาพูดก่อนจะหันมามองบอยและไอ้หลุยส์ มันยักคิ้วให้ผม
          “ตกลงนี้มึงดีกันแล้วใช่ป่ะวะ แม่งดีกันเร็วเว้อว่ะ” ไอ้ติ๊กมันแซวผมกับไอ้หลุยส์
           “แอ้!” พวกผมถึงกับชะงักเท้าพร้อมกันหมดเพราะว่ามีคนเรียกไอ้แอ้ พวกผมหันไปมองพร้อมกันว่าใครว่าเป็นใคร ทันทีที่ผมหันไปเจอหน้า ผมก็จำได้ทันทีว่าเป็นพี่คนนั้น คนที่ไปที่สระว่ายน้ำกับผมวันก่อน พี่เขาชื่อ พี่ภาณุ
           “แอ้ใครวะ” ไอ้ติ๊กถามไอ้แอ้ ส่วนไอ้ดิวแต่มันยืนมอง ทำหน้าตาขมึงมาก มันน่าจะรู้จักพี่เขามาก่อนเช่นกัน ผมเดาจากสายตาไอ้ดิว เหมือนจะมีความแค้นส่วนตัว ไอ้หลุยส์มันพยักพเยิดถึงคนที่ยืนมองพวกผมก่อนจะหยุดที่แอ้และยิ้มให้อย่างเท่
            “ไงแจ็ค เออ ...นี้เพื่อนนายนิ ที่เมื่อวาน” พี่ภาณุถามและชี้ไปที่ไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์มันก็ชี้ไปที่ตัวมันเอง
           “ใช่ครับพี่เกือบโดนสอย” ผมพูด ไอ้หลุยส์มันก็ทำหน้างงว่าคนนี้คือใคร
           “โชคดีนะที่ไม่โดนอะไร” พี่เขาพูดแต่ไม่ได้มองไอ้หลุยส์เพื่อนผมเลย ไอ้หลุยส์มันเอาหัวไหล่มาสะกิดผม เพราะว่าพี่ภาณุเอาแต่มองไอ้แอ้ ส่วนไอ้ดิวก็มองพี่ภาณุจนแทบจะกระโดดกินหัวได้เลย ไอ้แอ้คนกลางก็ยืนเหลือบตามองพี่เขาทีและไอ้ดิวที เหมือนเกรงว่าจะมีใครสักคนกระโดดไปตะบันหน้าเขาก่อน ผมเดาว่าคนนั้นคือไอ้ดิว
            “พี่เขาชื่อพี่ภาณุ พี่เขาเป็นคนบอกกูว่าได้ยินเด็กคนหนึ่งมันโทรบอกพวกนั้นว่ามึงอยู่ที่โรงเรียนนี้” ผมบอกกับไอ้หลุยส์มันก็ร้องอ้อและยืนมือไปขอเช็คแฮนด์ พี่ภาณุก็เช็คแฮนด์มันกลับ
           “ขอบคุณพี่” ไอ้หลุยส์
          “ไม่เป็นไรวะ” พี่ภาณุพูดแต่ตายังมองไอ้แอ้
          “ทำไมบรรยากาศสามคนนี้แม่งแปลกๆ วะ” ไอ้หลุยส์กระซิบกับผม
          “มันแปลกมานานแล้วไอ้ดิวและแอ้แต่พี่ภาณุนี้ กูไม่รู้ว่ะ ข้อมูลยังไม่ชัดเจน” ผมกระซิบกับไอ้หลุยส์ บอยก็หันมามองหน้าผม ไอ้หลุยส์มองหน้าผมอีกคน
           “กูจัดให้เรื่องข้อมูลน่ะ” ไอ้หลุยส์บอกผม ผมพยักหน้าว่าดีเลย ไอ้นี่มันใช่ได้ บอยหรี่ตามองผม ผมหยักไหล่ ก็นี่ไงที่บอยแนะนำว่าผมจะได้อะไรดีดี ได้แล้วเนี๊ยะ มือแฮกข้อมูล หลุยส์มันมีมือแฮกซ์ระดับพระกาฬ
            “ว่าแต่นี่รักสามเส้าเราสามคนหรือเปล่า แต่เท่าที่กูเห็น กูว่ามีมากกว่าสามแน่นอน ถ้าไอ้พี่คนนี้เข้ามาตั้งแลนมาร์กเพิ่ม” อีกคนที่เข้ามากระซิบกับผมสามคน ผมสามคนหันไปมองคนที่มาเพิ่มเพื่ออะไรเนี๊ยะ!!!
             “ก็แค่ฝากความคิดเห็น” พายพูด พวกผมส่ายหัวกันเป็นแถว ส่วนไอ้ติ๊กนี้มันยืนหันซ้ายหันขวา ผมควักมือเรียกพายให้ออกไปหาเพราะว่าพาน่าจะส่วนเกิน
            “อะไรกันว่ะ ตกลงแล้ว เขามาหาใครกันแน่ไอ้แอ้หรือว่าไอ้ดิว” ไอ้ติ๊กมันถามขึ้นเพราะยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกผม
            “แอ้... พี่ดีใจที่ได้เจอเรานะ แอร์นะฝากพี่ดูแล” พี่ภาณุพูด ผมก็เข้าใจมากขึ้นทันที พี่ภาณุเป็นเพื่อนกับพี่แอร์ พี่ชายไอ้แอ้มันที่หน้าตาเหมือนกันมันยังกับแฝดแต่ว่าพี่เขาดูนิ่งเยือกเย็นยิ่งกว่าพี่บีมซะอีก
           “ไม่จริงมั้ง! เพราะว่าพี่แอร์ไม่เคยบอกนิว่าจะให้ใครดูแลแอ้มัน แต่คิดว่าพวกผมดูแลกันเองได้ ไม่ต้องลำบากพี่หรอกมั้ง ผมว่าพี่น่ะไปดูแลตัวเองดีกว่า” ไอ้ดิว ทำให้พวกผมหันไปมองไอ้ดิวพร้อมกันหมด
             “กูว่าไอ้ดิวนี้มันหึงไอ้แอ้วะ” ไอ้หลุยส์มันกระซิบกับผม
             “ใช่ว่ะ กูอยากรู้ว่ามันสองคนมีอะไรกันยังไง” ผมกระซิบกลับ
             “อ้าว! มึงไม่รู้เหรอวะว่ามันสองคนยังไง “ไอ้หลุยส์มันกระซิบถามผม ผมหันไปส่ายหัว
             “กูกับมันเริ่มห่างกันมาพักหนึ่งว่ะ ก็เพิ่งจะกลับมาเจอกันปีนี้แหละ “ผมหันไปคุยกับไอ้หลุยส์ มันทำหน้างงอีก
             “ก็ไอ้ดิวมันตามลุงภาไปที่ค่ายฯทหารบ่อยมากและไอ้แอ้มันก็ตามไอ้ดิวไปด้วยตลอดเพราะว่าพ่อไอ้แอ้เขาเป็นแฟนลุงภา เขาเลยฝากลุงภาดูแลแอ้ช่วงที่อาภีมไปอยู่ช่วยงานที่หน่วยอื่นว่ะ น่าจะไปช่วยลุงหนึ่งว่ะ” ผมกระซิบกับไอ้หลุยส์ ผมสองคนมองไอ้ดิวที่ดูท่าหึงแรงซะด้วย
            “กูเคยเจอว่ะ ที่ชื่อพลเอกภีมปภพใช่ไหมว่ะ” ไอ้หลุยส์ถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่
            “ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะแอ้ มีอะไรถามพี่ได้นะหรือถ้าจะให้พี่ติวให้พี่ยินดีนะครับ ยังไงเราก็จะสอบเข้าจปรเหมือนกัน” พี่ภาณุพูดผมเห็นแอ้มันยิ้ม
             “คงไม่ต้องหรอกมั้งพี่ขอบคุณ ผมว่าแอ้กับผมอ่านหนังสือเองได้ครับพี่ ไม่ต้องลำบากให้พี่มาอ่านให้ฟัง!” ผมก็ต้องอ้าปากค้างเพราะว่าทุกทีที่พี่ภาณุถามไอ้แอ้แต่กลับกลายเป็นไอ้ดิวที่เป็นคนตอบคำถามแทนไอ้แอ้หมดเลยครับ มันทำยังกับว่ามันเป็น AI ของไอ้แอ้ มันรู้ทุกเรื่องแทนไอ้แอ้ไปหมอ ไอ้แอ้ที่หันมามองไอ้ดิวจนอยากจะสกายคลิกไอ้ดิวแย่แล้ว
            “ดูท่าจะเป็นมากกว่าแฟนแล้วมึง” ไอ้หลุยส์มันกระซิบกับผม
            “ผัวเมียเหรอว่ะ” ผมกระซิบกับไอ้หลุยส์พร้อมกับยักคิ้วกันสองคนว่าใช่แน่นอน ผมหันไปดูหน้าพี่ภาณุที่มองแอ้กับดิวสลับไปมา ดูพี่แกก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
             “พี่ภาณุครับ” ผมเอ่ยปากขัดจังหวะแทน ผมคิดว่าจะต้องรีบไปทานอาหารกันดีกว่า
             “ผมว่าจะตั้งชมรมว่ายน้ำขึ้นนะ พี่จะหาคนมาเข้าชมรมผมได้ไหมครับ “ผมเลยเปลี่ยนเรื่องดีกว่าพี่ภาณุหันมามองหน้าผมและพยักหน้าว่าได้
             “ถ้าอย่างนั้นพวกผมไปทานอาหารก่อนนะพี่พวกผมโคตรหิวแล้ว เอาไว้เราคุยกันพี่” ผมบอกพี่ภาณุ พร้อมกับพยักหน้าเรียกทุกคนไปเถอะก่อนที่ไอ้ดิวมันจะขึ้นและมีการวางมวยคู่เอกแต่เช้า ไอ้ติ๊กที่ยืนนิ่งอึ้งไม่พูดจาอะไร มันแค่เดินมาแล้วจูงมือไอ้แอ้ไปจากไอ้ดิวอีกคน เออ ให้มันได้อย่างนี้ซิผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์และบอยก่อนยกมือขึ้นขอพรจากฟ้า จะมีอะไรที่วุ่ยวายไปกว่าไอ้สามคนนี้อีกไหม
           “กูรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มคุสาดมากว่ะ และนี่ไม่รู้กี่เศร้าเราสามสี่คนขนาดนี้ “ไอ้หลุยส์มันกระซิบกับผมเพราะว่าไอ้ดิว ไอ้แอ้ และไอ้ติ๊กดูมันสามคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน บอยก็เอาแต่พิมพ์มือถือไม่พูดไม่จากและก็ยิ้มกับมือถือีก
            “บอย...คุยกับใครนะ” ผมกระซิบถามบอย
           “คุยกับเพื่อนไง เขาจะขึ้นไปห้องธุรการก่อนไปกรอกเอกสารเพราะว่าเพิ่งทำเรื่องย้ายมาเมื่อวานเลย แต่จริงๆ แล้ว ธรรณ์ก็จบพร้อมบอยแหละแต่อยากมาเจอ...” บอยพูดผมก็เลิกคิ้วมอง อยากเจอมันหมายถึงอะไร เริ่มมีเลศนัย
            “แจ็คไม่เอานะอย่าทำหน้าแบบนั้นได้ไหม”
           “ก็บอยอ่ะไม่บอกแจ็คให้เคลียร์นี่ครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแอบงอน บอยหันมามองหน้าผม
            “เดี๋ยวก็รู้ไม่นานหรอกน่ะ ทำไมต้องงอนบอยด้วย “บอยพูด ผมเลยต้องเลิกงอนและผมก็พยักหน้าเชื่อใจก็ได้ ผมเดินมาถึงห้องอาหารกัน ผมเห็นไอ้หลุยส์มันมองอะไรสักอย่าง ผมเดินไปสะกิดมันเพื่อให้เข้าไปตักอาหารกัน
            “มีอะไรวะหลุยส์” ผมสะกิดถามไอ้หลุยส์
            “กูเห็นไอ้เด็กที่กูเจอก่อนที่กูจะเดินผ่านไปห้องสมุดก่อนวันก่อนวะ” ไอ้หลุยส์มันบอกผม
             “น่าจะเป็นคนเดียวกันกับไอ้เด็กที่พี่ภาณุบอกเขาได้ยินมันคุยโทรศัพท์กับพวกนั้น มันรายงานพวกนั้นว่ามันเจอมึง” ผมกระซิบกับไอ้หลุยส์มันก็พยักหน้า ไอ้หลุยส์มันมองหน้าผมเหมือนกับว่ามันกำลังจะบอกผมว่าจะแอบย่องเข้าไปดู ผมชะเง้อมองก็เดาได้ว่ามันคงไปทางห้องน้ำด้านหลังนั้นแน่ๆ

                ผมไม่รู้ว่าทำไมผมกับไอ้หลุยส์นี้แค่มองตาถึงได้เดาความคิดความอ่านออกได้โดยไม่พูด เพราะว่าไอ้หลุยส์มันก็หันมาเหล่มองผมที่พยักพเยิดไปที่บอยอีกคน ผมกลัวคนนี้แหละ บอยรู้ก็ต้อมห้ามผม บอยไม่อยากให้ผมเข้าไปยุ่งเรื่องพวกนี้ แต่ผมก็เห็นว่าบอยกำลังคุยกับแอ้และติ๊กและก็พายอย่างสนุกสนาน
                  ผมเลยพยักหน้ากับไอ้หลุยส์ว่าจังหวะนี้แหละไอ้หลุยส์มันพยักหน้ากับผมก่อนจะค่อยๆ พากันเดินออกไปทันทีก่อนจะพลาดสิ่งที่ผมสองคนอยากจะรู้ ผมเดินเข้ามาก็เห็นไอ้เด็กที่เดินผ่านพวกผม คนที่ยืนหันหลังคุยอยู่ มีคนอยู่ตรงหน้ามันสองคนด้วย รูปร่างสูงกว่ากว่า ผมจ้องมองดีดีผมว่ามันหน้าคุ้นๆ
              “นี้มันไอ้คนที่ชื่อภาคินว่ะ มันคือหัวหน้าแก้งที่อยู่ห้องเดียวกับพวกเราว่ะและไอ้แก้งนี้แหละที่คิดว่ามันคือกุญแจสำคัญของเรื่องทั้งหมด” ผมบอกไอ้หลุยส์ ผมสองคนแอบที่หัวมุมตึกแต่จะว่าไปมันก็ไกลมากที่จะมองเห็น ผมเห็นไอ้หลุยส์มันหยิบบางสิ่งที่ดูเหมือนกล้องมาหนีบที่กล้องมือถือก่อนจะส่องดู มันซูมเห็นชัดจนเหมือนกับว่าเราอยู่ใกล้
              “พวกมึงใช่ไหมที่บอกพวกไอ้ณัฐน่ะ ให้มันส่งคนมาหิ้วปีกไอ้เด็กใหม่ในกลุ่มพวกนั้น นี้มึงหาเรื่องชัดๆ มึงรู้ไหมว่าไอ้ณัฐมันทำงานให้ใคร” ไอ้ภาคินมันถาม ผมมองแล้วน่าจะเป็นน้องชายมันที่ชื่อภาคิไนย์ ไอ้ป๊อดมันเคยบอกผมเอาไว้ว่าภาคินมีน้องชายหนึ่งคน
               “ก็พวกนี้มันแบล๊คอัพดีทำไมพี่ไม่คบไว้อ่ะ เพื่อว่าพี่จะได้เป็นหัวหน้าแก้งและตำแหน่งนี้เหมาะสมกับมึงที่สุด” น้องไอ้ภาคินพูด
               “มึงก็รู้ว่าพวกนั้นมันเป็นทาสแก้งค้ายาเสพติดและมันจะพาทุกคนซวยกันไปหมด แม้กระทั่งมึงเอง มึงอยากให้พ่อซวยเพราะช่วยมึงใช่ไหม ไอ้ไนย์ “ไอ้ภาคินมันพูด จะว่าไปแสดงว่าพวกไอ้ภาคินมันไม่ใช่พวกเด็กติดยาแต่น้องมันนี้ผมไม่แน่ใจ
               “อย่าให้กูรู้ว่ามึงทำอะไรเชี้ยะๆ แบบนี้อีกไอ้ไนย์ ไม่ง้้นพวกกูจะไล่พวกมึงทั้งสามคนออกจากแก้งของกูและมึงด้วยไอ้ไนย์ และกูจะบอกให้พ่อย้ายมึงไปอยู่กับปู่ย่าแทน” พูดและชี้หน้าน้องชายมัน สีหน้ามันนี้ทำเอาไอ้สองคนที่ยืนกระหนาบถึงกับก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมาเลย ผมกับไอ้หลุยส์มองหน้า เริ่มสนใจไอ้คนนี้ขึ้นมาทันที จากเดิมก็สนอยู่แล้วน่ะสำหรับผม ผมมองหน้ากันผมว่าผมกับไอ้หลุยส์มีความคิดเหมือนกัน
              “แม่งอะไรก็ขู่ว่ะ” ไอ้เด็กคนนั้นพูด
            “กูไม่ได้ขู่รอบนี้กูเอาจริง เข้าใจที่กูพูดไหม!” ไอ้ภาคินมันพูด ผมว่ามันคนจริงทีเดียว
             “เออ!” น้องชายมันพูดและไอ้ภาคินมันก็เดินไปอีกทาง ผมคิดว่ามันคงมีทางลัดไปไหนแน่ๆ แต่ว่าผมสองคนมองหน้ากัน
             “ไอ้ภาคินน่าสนใจวะ กูว่าเราควรจะซื้อใจมันให้เร็วที่สุดว่ะและส่วนไอ้น้องชายมันนี้ น่าจะได้รับบทเรียนซะบ้างวะ” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมก็เห็นว่ามันทั้งสามคนกำลังจะเดินออกมา
             “เป็นไงวะมึง เกือบโดนไล่ออกจากแก้งแล้วสัส! และยาก็ไม่ได้ แถบพวกนั้นมันบอกถ้าเจอพวกเราอีกจะกระทืบอีกสาด ซวยสองต่อเลย “พวกมันพูดกัน ก่อนที่พวกมันจะเดินผ่านพวกผมสองคน ผมก็หยิบแว่นตาเรย์แบนที่แขวนไว้ที่กระเป๋านักเรียนบนเสื้อนักเรียนออกมาและสวมใส่ ผมยืนกอดอกรอกัน
              “เว้ย!!” มันร้องด้วยความตกใจ มันคงรู้ว่าผมสองคนรอมันอยู่
             “นี้พี่คนเมื่อวานนี้หว่า เขาจะรู้ไหมวะ” เด็กน้อยหันไปกระซิบกับเพื่อนมันแต่กระซิบดังแบบนี้พูดธรรมดาเถอะครับ
             “มึงคิดว่าพวกกูรู้ไหมล่ะ มารอขนาดนี้” ไอ้หลุยส์มันพูดและหันไปมองมันสามคน
             “พี่...คือ...???”
             “พวกมึงใช่ไหมที่หางานให้พวกกูเมื่อวาน “ผมถามมันสองคน ผมถอดแว่นตาออกแบบเท่พร้อมกัน ไอ้หลุยส์มันคาบขาแว่นตามองหน้าไอ้สามคนนั้นเรียงตัวและมันสามคนที่ค่อยถอยก็เริ่มถอยหลังออก
            “กูถามว่าใช่มั้ย!” ผมตะคอกเสียงดังถามพร้อมกับหันมามองหน้าเต็มๆ
            “ใช่พี่...” มันตอบผมสองคน
             “ใช่ครับพี่.... แต่พวกผมขอโทษผมทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการ” คนที่ยืนริมสุดรีบพูด อีกสองคนหันขวับไปมองแบบว่ามึงทิ้งเพื่อน
               “คราวนี้กูจะให้อภัยมึงแต่ถ้ามึงทำอีก ครั้งหน้าอย่าหากว่าพวกกูรังแกเด็กแบบพวกมึงนะและกูไม่รังแกธรรมดา กูเอามึงให้ปางตายเลย “ไอ้หลุยส์มันพูดและเอียงคอมองพวกมัน
               “มึงรู้ไหมว่า มีคนทำร้ายกูแบบนี้บ่อย พวกนั้นมันก็นอนโรงพยาบาล รายล่าสุดก็นอนอยู่ไอซียูวะ แต่ครั้งนี้พวกมึงโชคดีมากวะ ที่กูจะไม่เอาเรื่องพวกมึง “ไอ้หลุยส์มันพูดและหันมาหยักคิ้วให้ผม
              “แต่ถ้ายังมีครั้งหน้า ต่อให้พวกมึงกราบเท้ากู กูก็ไม่ยอมว่ะจำไว้เลย” ผมพูด
             “และถ้าอยากโตอย่าซ่ากับพี่” ผมพูด
            “ดูท่าแล้วพวกมึงยังแค่ม. ต้นซิน่ะ” ผมถาม
            “คะ...คราบพี่ พวกผม ม.2 “ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
           “ถ้าอยากไปต่อชั้นม. ปลายอย่าทำอีก ไม่อย่างนั้นชีวิตมึงจบแค่มอต้นนี่แน่ๆ” ผมพูดไอ้สามคนมันก้มหน้าไม่กล้าเงยหน้ามองหน้าผมสองคนเลย
            “กูว่าน่ะ มึงกลับไปกินนมให้โตแล้วค่อยมางัดกับพวกกูว่ะเพราะว่าตอนนี่กระดูกมันคนละเบอร์ว่ะไอ้น้อง…ปึก! “ไอ้หลุยส์พูดและผลักอกน้องไอ้ภาคิน ไอ้หลุยส์มันหันมาพยักหน้ากับผมว่าก่อน ผมสองคนหันหลังพร้อมกันและจับแว่นตาเรย์แบนมาสวมก่อนจะเดินออกไปแบบเท่และแอบแปะมือกันด้วย เรื่องข่มขู่เด็กขอให้บอก ฮาๆ
           “อ้าวนี้ไงพวกมันมาแล้วบอย” ไอ้ดิวมันหันมาเจอผมสองคนเดินกลับมาที่โต๊ะ
            “ยิ้มกันมาขนาดนี้กูว่า ไปขู่เด็กมอต้นมาแน่ๆ เพราะว่า มันเก่งกับหมาซ่ากับเด็กเตะผู้หญิง...ขอให้บอกมัน” ไอ้ติ๊กพูด ผมหยิบกล่องขนมที่พายกินไว้ปาใส่มันทันที แม้พูดซะเหมือนแอบตามไปดู ผมขู่เด็กมาแต่ว่าเตะผู้หญิงพวกผมไม่เคยทำและไม่ทำแน่นอน ผมสองคนก็นั่งลงข้างๆ บอย
          “ไปไหนกันมาอ่ะ เดี๋ยวก็ทานไม่ทันเพราะต้องไปเข้าแถวซะก่อน “บอยบ่นผมสองคนและส่งจานอาหารให้ บอยตักไว้ให้ ผมหันไปยิ้มให้หลุยส์
           “ขอบคุณคร๊าบ” ผมสองคนพูดพร้อมกันและรับจานไปนั่งทาน
            “พวกกูไปเจอคนที่มันโทรบอกให้ไอ้พวกนั้นมันจับตัวไอ้หลุยส์ว่ะ มันคือน้องไอ้ภาคิน” ผมพูดไอ้ดิวมันหันมามองผมสองคน
            “กูเห็นไอ้ภาคินมันด่าน้องมันเรื่องนี้ด้วยวะ” ผมบอกไอ้ดิว
           “แม่งทำยังไงจะได้พวกมันว่ะเพราะถ้าได้พวกมันน่าจะดีว่ะ และกูก็คิดว่าพวกมันได้เป็นคนไม่ดีหรอก ดูท่าจะรักพวกมากด้วยวะ “ผมพูด ไอ้หลุยส์มันพยักหน้า ไอ้ดิวมันก็พยักหน้าอีกคน
            “ไอ้ป๊อดมานี้หน่อยดิ” ผมเรียกไอ้ป๊อด
             “ครับพี่มีอะไรครับผม” ไอ้ป๊อดมันวิ่งออกมา
             “กูอยากได้คนที่สามารถสืบประวัติพวกของไอ้ภาคินให้กูหน่อยหรือว่ามึงจะรับทำก็ได้น่ะ” ผมบอกไอ้ป๊อด ไอ้ป๊อดมันทำท่าคิดแต่มันตกใจตรงที่ผมบอกให้มันรับงานนี้ไป
              “กูมีค่าตอบแทน” ไอ้หลุยส์บอก
            “ให้ผมไปสืบพวกภาคินเลยเหรอครับ ผมว่าแค่ค่าตอบแทนไม่พอ ขอประกันชีวิตเพิ่มด้วยดีกว่าครับ “ไอ้ป๊อดมันพูด พวกผมหันไปมองหน้าไอ้ป๊อดพร้อมกัน
             “อย่าเยอะป๊อด!!” พวกผม
             “พวกพี่อยากรู้เรื่องของแก้งภาคินทุกคน เอาทุกคนน่ะ ทำได้ไหมป๊อด” ผมถามไอ้ป๊อด ป๊อดมองหน้าพวกผมและทำท่าคิด
             “ผมจะหาคนทำให้น่ะครับพี่แต่ผมคงทำเองไม่ได้พี่เพราะว่าผมไม่อยากทำให้ร้านแม่ผมเดือดร้อนนะพี่น่ะ” ไอ้ป๊อดมันพูดผมก็พยักหน้าว่าเข้าใจ ผมก็ลืมไปว่าแม่ไอ้ป๊อดเปิดร้านขายอาหารในนี้
                “ผมขอไปถามพี่เขาก่อน มีพี่คนหนึ่งเขารับงานสาะพัดอย่างพราะว่าพี่เขาร้อนเงิน” ไอ้ป๊อดพูดผมก็พยักหน้าและจังหวะนั้นอ๊อดเข้าแถวพอดีเลย ผมหันไปมองหน้ากันเพื่อเตรียมเข้าแถวกัน ผมเดินมาชำเลืองมองบอยที่เอาแต่กดส่งข้อความ ไม่รู้จะคุยอะไรกันหนักกันหนาน่ะ คุยกันจนผมเริ่มออกมาการหึงแล้วซิ
                  TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.23(หลุยส์Xแจ็ค)ซื้อใจภาคินก่อนเลย
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 21-01-2024 22:35:54
EP.23(หลุยส์Xแจ็ค)ซื้อใจภาคินก่อนเลย

               Part’ s หลุยส์ วันนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก ผมมีเพื่อนและดูเหมือนว่าผมกับมันจะเคมีตรงกันหลายอย่าง ขาลุยแต่ก็รักษาไว้ซึ่งความเรียบหรูดูแพง ผมนะชอบคนจริง วันนี้เป็นวันที่สองของผม ที่ได้กลับมาเป็นนักเรียนอีกครั้งไม่ซิผมไม่เคยไปเรียนในสถาบันเลย ผมใช้ระบบ Home school มาตลอดแต่คนที่สอนจะเป็นครูรับสอนพิเศษและติวเตอร์บ้างที่มาสอนที่บ้าน แน่นอนกิจกรรมอื่นผมไม่เคยเลยแต่นี่ทำให้ผมรู้ว่า มีการเข้าแถวหน้าเสาธงและสวดมนต์ ผมน่ะไม่รู้เรื่องหรอกเพราะว่าผมนั้นได้เข้าสาบานตนเป็นศาสนาคริสต์ตั้งแต่อายุ 3 เดือนแล้วแต่จริงๆ ผมเป็นประเภทไม่เชื่อในพระเจ้าแต่ก็ไม่ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่าง
             “หลุยส์จะเอาโต๊ะมานั่งด้วยกันไหม” บอยถามผม ขณะที่กำลังเดินขึ้นห้องเรียน
              “ไม่ดีกว่าหลุยส์นั่งได้ บอยไปนั่งกับไอ้แจ็คเถอะ” ผมพูด
              “เดี๋ยวมันร้องหาแม่” ผมแซวมัน มันนี้ควักนิ้วกลางให้ผมทันที ผมสามคนเดินไปจนเข้าห้อง ผมเห็นว่าวันนี้มีนักเรียนมานั่งในห้องเรียนเต็มไปหมดเพราะว่าเมื่อวานมีแค่พวกนี้แต่ว่าวันนี้มันเยอะขึ้น และหน้าตาแต่ละคนไม่น่าจะอยากเป็นเพื่อนเท่าไหร่
             “ใครวะ เมื่อวานทำไมไม่เห็นวะ” ผมหันไปถามไอ้แจ็ค เมื่อที่นั่งในห้องว่าง มีแค่พวกนี้แต่ว่าวันนรี้มันมากันเป็นแก้งเลย
            “เมื่อวานมันไม่มาวะ แต่วันนี้จัดเต็มว่ะ “ไอ้แจ็คมันกระซิบบอกผมและพยักหน้าให้ผมเดินต่อ
           “มันมีเด็กมาใหม่ว่ะ “มีคนแซวผมมันกระซิบบอกพวกมันแต่ละคนก็ยิ้มๆ
            “ไอ้นี่ชื่อไอ้โซ่่ “ไอ้แจ็คกระซิบบอกพวกผม
           “มันยังไม่รู้จักกูดีพอซิท่า” ผมหันไปกระซิบกับไอ้แจ็ค และผมก็เดินเข้าไปนั่งท้ายสุดแต่ไม่ไกลจากพวกมัน พวกผมนั่งลงและหันไปเจอสายตาพวกนั้นที่มองมาที่ผมโดยเฉพาะ
             “ได้ข่าวว่าเกือบโดนฉุดไปทำเมียเหรอวะเมื่อวาน...ฮาๆ” ผมหันไปมองคนที่แซวผม มันนั่งสองขาพาดไว้ที่โต๊ะหนังสือและคาบดินหรือปากกาผมก็ไม่รู้
                “ก็น่ะ ใครๆ เห็นก็อยากเอาไปทำแม่ของลูกว่ะ” พวกมัน ไอ้แจ็คมันกำลังจะขึ้นไปต่อยกับพวกมันเพื่อผมแน่ แต่บอยดึงแขนไว้และไอ้ดิวด้วยที่ส่งสายตาห้ามมัน ผมก็ส่ายหัวบอกมันว่าไม่ต้อง ผมหันไปมองไอ้คนที่หัวเราะเยาะผม ผมลุกขึ้นไปและเดินตรงไปหามัน ผมก็คว้าคอเสื้อมันกระชากขึ้น มันก็มองผม ผมก็ยิ้มๆ มันเหล่มองเพราะว่าผมเอาดิ้นสอปลายแหลม แหลมมากจ่อที่พุงมัน
                 “อันที่จริงไม่ต้องถึงมือกูหรอก ถ้ามึงยังไม่รู้จักกูดี อย่าปากดีกับกู...ปึก! “ผมพูดและปักปลายแหลมของดินสอลงที่โต๊ะตอ่หน้ามัน ใช่แค่ดินสอแต่มันทำให้โต๊ะมีลอยและถ้ามันแท่งเขาพุงมันก็ทะลุได้เหมือนกัน พวกเพื่อนมันตกใจ ผมหันไปมองอีกคนที่ชื่อภาคิน มันมองหน้าผม
                  “อย่าไอ้โซ่ว! และพวกมึงทั้งหลายก็อย่าหาเรื่องเชี่ยะอะไรกันตอนนี้...นั่งลง!!” ไอ้ภาคินมันบอกเพื่อนๆ ของมันที่จะลุกมาใส่ผม พวกมันนั่งลงแต่ยังคงมองมาที่ผม ผมก็ปล่อยไอ้คนที่มันแซวผมลงและมันคงเสียวพุงไปพักหนึ่ง ผมหันไปหยักคิ้วให้ไอ้แจ็ค ผมเดินกลับมานั่งที่จนกระทั่งมีหนุ่มหล่อในเครื่องแบบคุณครูแน่ๆ เดินเข้ามาในห้องและยืนที่หน้าห้อง
               “สวัสดีครับนักเรียนทุกคน ครูมาเพื่อที่จะพาเพื่อนใหม่มาเพิ่มอีกหนึ่งคนครับ”
               “ใครวะ” ผมถามไอ้ติ๊กมันนั่งใกล้ผมที่สุด
            “พี่พัฒน์พี่ชายกูเองวะ” ไอ้ติ๊กมันตอบพร้อมกับยักคิ้วให้ผม ผมก็พยักหน้าพี่ชายไอ้ติ๊กมัน
              “เชิญครับธรรณ์” ครูเขาเรียกใครสักคนให้เดินเข้ามาในห้องเรียน ผมหันไปมอง ก็ต้องตะลึง ตะลึ้ง น่ารักมากกว่าแต่ทำไมเลือกมาลงเรียนที่นี้
             “นี้คือธรรณ์ น่ะ เขาจะมาเรียนที่นี้ ไหนเราบอกว่ามากับเพื่อนที่ชื่อบอยใช่ไหมครับ” ครูพัฒน์ถาม เป็นเพื่อนบอยด้วย ผมสะบัดหน้าไปมอง ดูบอยโบกมือให้หนุ่มคนนั้น
                “ถ้าอย่างนั้นไปนั่งกับพวกเพื่อนเธอนะ” ครูพัฒน์พูด หนุ่มคนนั้นก็เดินมาและส่งยิ้มให้บอยแต่มองหาที่นั่งด้วย ผมก็มองข้างๆ ผมเหรอ ไม่น่ะ ไม่...คือเขาน่ารักอ่ะ
               “นั่งกับไอ้หลุยส์เลยนาย” ไอ้แจ็ค ผมก็ชะเง้อมองหน้าไอ้แจ็คว่าไม่นะอย่าส่งมา แต่คนนั้นกำลังเดินเข้ามาหาที่นั่งแถวเดียวกับผม ผมก็นั่งไม่กล้ามองหน้าเขา
               “เอาละดูแลเพื่อนใหม่กันด้วยนะครับ ครูมาพบพวกเราแค่นี้ “
              “นายภาคิน เดี๋ยวเชิญที่ห้องฝ่ายปกครองด้วยน่ะ ตอนนี้เลยครับ “ครูพัฒน์พูด
             “มีเรื่องเหรอว่ะ” ไอ้ติ๊กมันกระซิบกับพวกนั้น ผมก็มองคนที่มานั่งข้างผม นั่งอย่างนุ่มนวล ดูก็รู้ว่าถูกฝึกมาดีเรื่องการออกงานและมารยาท เรียกได้ว่าผู้ดีเก่าเลยแหละ เขาหันมายิ้มให้ผมแต่ผมนะเขิน
               “ครื้น!!!” ผมเลื่อนเก้าอีกให้ออกหางไปจนชนผนังห้องเลยทีเดียว หนุ่มหน้าหวานมองผมแบบสงสัยจนครูพัฒน์เดินออกไปจากห้องเรียน
              “เฮ้ย.... ทำไมไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูไม่มาวะวันนี้” พายพูดขึ้น ผมพอจะจำได้ไอ้หน้าหวานสองคนตัวเล็กๆ ผมว่าเด็กกว่าพวกผมปีหรือสองปีแน่ๆ แม้ว่าเมื่อวานผมจะเก๊กท่า ไม่ได้คุยกับพวกมันเลยก็เถอะ
             “ไอ้ต้นข้าวและเพื่อนมันจะไม่มาเรียนที่นี้แล้ว) )) ) “มีตะโกนบอกขึ้นมาลอยไม่ได้เจาะจงว่าบอกใคร
              “ทำไมวะ” ไอ้แจ็คมันหันไปถาม
             “คิดก่อนนะ...ก็เพราะพวกมึงไง...พ่อแม่เขากลัวลูกเขาจะเดือดร้อนและซวยไปกับพวกมึงไง...ไอ้ตุ๊ด!!” ไอ้แจ็คลุกทันทีและพวกมันก็ลุกขึ้นทำท่าจะเข้ามาใส่ ผมก็มองเฮ้ยเอาไงและอีกคนที่นั่งลงก็ดูตกใจไม่เคยเจอแบบนี้ซิท่า
              “ลองมาโดนเท้าพวกกูเดี๋ยวมึงก็รู้ว่าตุ๊ดหรือไม่ตุ๊ด” ไอ้ติ๊กมันลุกขึ้นชี้ไปทางพวกมัน ผมเห็นมีคนวิ่งมาที่หน้าห้อง ไม่รู้ว่าใครมันมาส่งข่าวแน่ๆ
              “ไอ้แชมป์บอกว่าครูฝ่ายปกครองจะไล่ไอ้ภาคินออกว่ะ” พวกมันกระซิบกัน ผมก็มองไอ้แจ็คทันที ผมส่งสายตาให้มันมาหาผมหน่อย
              “อะไรวะ!!เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับไอ้ภาคินเลยนะโว้ย! ทำไมไม่ไปไล่น้องมันออกละวะ” พวกมันเริ่มจะโวยวายกันแต่ก็หันมามองพวกผมแบบบเหมือนจะโยนความผิดว่าเป็นพวกผมอีกซิท่า
                 “เธอ...ไปนั่งกับ บอยได้ป่ะ เราจะคุยกับเพื่อนเราไอ้แจ็คอ่ะ” ผมบอกคนที่นั่งข้างๆ ผม นั้นไงหันขวับมาทันที ทำเอาหลุยส์เกือบช๊อก
            “ไม่อยากนั่งด้วยก็บอกตรงๆ “นั้นว่าผมอีกและลุกไป เขาลุกไปและกระซิบกระซาบกับบอย บอกก็สะกิดไอ้แจ็คให้มันลุกมาหาผม ด้วยอาการงงๆ พอมันเดินมาได้
            “เป็นอะไรของมึง คนน่ารักนั่งด้วยไม่เอา” ไอ้แจ็คมันบ่นผม
              “กูมีแผนวะ เมื่อกี้มึงได้ยินไหมวะว่าเขาจะให้ไอ้ภาคินออกว่ะ” ผมถามไอ้แจ็ค มันก็พยักหน้าว่าได้ยิน
                “ให้ไอ้ติ๊กโทรบอกพ่อมันดิว่าให้เก็บไอ้ภาคินไว้ก่อน ไอ้นี่แหละที่จะช่วยเรา บอกพ่อไอ้ติ๊กว่าไอ้ภาคินด่าน้องมันเรื่องที่น้องมันให้คนมาจับกู ดังนั้นไอ้ภาคินมันจึงไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย “ผมบอกไอ้แจ็ค ดูมันทำหน้าคิด
               “เชื่อกู เอามันไว้แล้วเราจะรุ่ง” ผมพูด
             “รุ่งริ่งหรือจะรุ่งโรจน์กันแน่เพราะว่าไอ้นี่มันเป็นตัวพ่อเลยน่ะ มันออกไปได้เราคงจะได้ปิดห้องแล้วฉลองกัน ดีใจที่ไอ้พวกนั้นมันขาดผู้นำและเราจะได้ปกครองมันได้ง่ายๆ” ไอ้แจ็คพูด ผมหันมาชำเลืองตามองมัน ผมหันไปมองพวกนั้น ผมว่ามันไม่หันมาฟังไอ้แจ็คง่ายๆ หรอก พวกนี้ต้องเจอของจริงก่อนถึงจะเชื่อ ผมเดาเอาน่ะดูจากท่าทางและนิสัยพวกมัน
                 “มึงเชื่อกูดิ กูดูไม่ผิดหรอก ไอ้นี่น่ะมันอาจจะมีอะไรดีดีอยู่เยอะกว่าที่พวกมึงเห็น” ผมพูดผมพอจะดูคนเป็นผมว่าไอ้ภาคินมันคนจริง ไอ้แจ็ค มันมองหน้าผม ผมพยักหน้าว่าลองดู มันก็พยักหน้าตามผม และมันก็สะกิดไอ้ติ๊กและกระซิบกระซาบกันไอ้ติ๊กทำท่าจะไม่เห็นด้วยแต่ไอ้แจ็คมันคงพูดจาโน้มน้าวจนไอ้ติ๊กมันยอมและมันก็เดินออกไปมันลากไอ้พายไปด้วยแต่มันดันไม่ลากไอ้แอ้ไปเหมือนเคยวันนี้
              “ทำเมียน้อยงอนก็อย่างนี่แหละ” ไอ้แจ็คมันพูดและหันมาพยักพเยิดกับผม ผมก็ว่างั้นแหละ ไอ้แอ้หันขวับมามองผมสองคนพร้อมกับ
                “ปึก!” ไอ้แอ้มันปาผมสองคนด้วยกระดาษที่กำเอาไว้เป็นก้อน ถึงเป็นแค่กระดาษแต่แอ้มันอัดมาแน่น เจ็บเหมือนกันนะผมว่า
               “ปากมึงเหรอไอ้แจ็ค” แอ้มันหันมาด่าเข้าให้
              “เสน่ห์แรงไงมึงอ่ะแอ้ แม้ไอ้พี่ภาณุมันไปหลอกถามหามึงกับกูเมื่อวานตอนกูว่ายน้ำ กูพึ่งรู้น่ะว่าพี่แอร์ของมึงมีเพื่อนด้วยว่ะ” ไอ้แจ็คมันพูด ผมก็พยักหน้า
                 “มันถามหาไอ้แอ้กับมึงด้วยนิแต่มึงคงกำลังมึนอยู่เลยบอกพี่เขาไปว่ามึงไม่รู้จักไอ้แอ้” ผมก็ตกใจ เออจริงตอนนั้นผมไม่มีสติจะคิดอะไรเลย และไอ้ติ๊กมันก็เดินเข้ามา
               “พ่อกูโทรหาครูฝ่ายปกครองให้แล้ววะ แต่แปลกนะพ่อไม่ถามกูต่อเลยว่าแค่บอกว่าไอ้หลุยส์มันขอแค่นั้น พ่อกูโอเลยวะ ไวกว่า4จีอีกสาดและง่ายกว่าตอนที่กูขอพ่อกูซะอีกนี้กูลูกแท้ๆ นะครับมึง!!” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้า
            “นี้มึงลูกหลงพ่อกูป่ะเนี่ยะไอ้หลุยส์” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้ายิ้มๆ หยักคิ้วด้วยแบบว่าคนมันมีด
            “ขอบใจวะ ติ๊ก” ผมพูด
            “จิ๊บๆ “ไอ้ติ๊กมันพูด ผมก็นั่งมองไอ้พวกนั้นมันดูทำหน้าเครียดมากที่ได้ยินว่าเพื่อนมันกำลังถูกไล่ออก
             “เฮ้ย! ไอ้แชมป์มันวิ่งมาอีกแล้ววะ” พวกมันพากันลุกฮือขึ้นมาทันที
               “พี่ มีข่าวใหม่พี่ภาคินไม่ถูกไล่ออกแล้วแต่ต้องรายงานตัวทุกเช้าว่าเข้าเรียนว่ะ “ไอ้คนที่คาบข่าวมาบอกพวกมันดูพวกมันค่อยดีขึ้นมาหน่อย ผมหันไปยิ้มกับไอ้ติ๊ก
                 “ใครช่วยมันไว้วะ มึงรู้ไหม” ผมได้ยินพวกมันถามไอ้แชมป์
                 “แต่กูเดาว่าไม่ใช่พ่อมันแน่เพราะว่าพ่อมันประกาศไว้ถ้ามีเรื่องอีกคือถ้ามันจะโดนไล่ออกให้ไล่ออกไปเลย” พวกเพื่อนมันพูดกัน ผมพยักหน้าพร้อมกันก่อนจะหันมามองหน้ากันแต่ไม่ได้แสดงตัวอะไรว่าที่มันรอดได้วันนี้เพราะพวกผม
                 “มีคนบอกว่าคนมีอำนาจโทรไปขอเจ้าของโรงเรียนให้พี่ภาคิน อยู่ต่อ” พวกนั้นได้ยินมันหันมาทางพวกผม ผมก็นั่งและยกเท้าขึ้นมาพาดเอาไว้บนโต๊ะในฐานะผู้มีชัยและพวกไอ้แจ็คมันก็ยืดเลยครับ แต่ว่ามีครูเดินเข้ามาสอนพอดีพวกมันเลยเดินมานั่งและสักพักนายภาคินก็เดินกลับมา มันหันมามองพวกผมก่อนเลย แสดงว่ามันรู้ ผมหันไปหยักคิ้วให้มันและภาคินมันก็นั่งลง
                  “แผนนี้ท่าจะรุ่งวะ” ไอ้แจ็คมันพูดกระซิบกับผมเพราะว่าพวกมันนั่งเรียนกันเงียบไปเลยไม่แซวอะไรพวกผมอีกเลย จนกระทั่งหมดคาบนั้นก็คือเวลาพักเที่ยงพอดีเลย
                  “ไอ้หลุยส์กูอยากนั่งกับหวานใจกูอ่ะ ให้น้องน่ารักมานั่งกับมึงได้ไหมวะ” ไอ้แจ้คมันหันมาถามผม ผมก็มองมันว่าไม่ได้ไหมวะ
                 “เฮ้ยนั่งกับกูก่อนดิวะ กู ยังไม่กล้าวะ” ผมรีบดึงแขนไอ้แจ็คเอาไว้ก่อนที่มันจะลุกไป ไอ้แจ็คมันเหล่ตามามองผม
                  “ไม่กล้าอะไรวะ “แจ็คมึนถามผม
                 “คือ เอานะ ดูหน้าตาเขาดิ เหมือนคนสเปนเลยวะ “ผมพูด
                  “ใช่บอยบอกกูว่าเขาลูกครึ่งสเปน เขาไม่ได้ครึ่งไทยจีนเหมือนมึงนี่ครับ แต่ว่าเขาชื่อไทยเพราะแม่เขาเป็นคนไทย” นั้นไง มันเหล่ตามองผมก็ปรายตาไปมองก็ยังดูเป็นคนสเปนอยู่ดี หน้าตาดี
                  “งั้น ไม่เอามานั่งกับกูได้ไหมว่ะ” ผมบอกไอ้แจ็ค
                 “ทำไม...บอกมา” ไอ้แจ็คมันหันหาผม
                “คือว่า...” ผมก็กระอักกระอ่วนใจที่จะบอกแต่ก็
                “แฟนเก่ากูนะเป็นสาวสเปนวะ กูยังเข็ดไม่หาย” “ผมพูดกับไอ้แจ็คมันก็พยักหน้าและหันไปโบกมือให้บอยและธรรณ์ที่ไม่หันมามองผมแม้แต่หางตา
                 “เห็นไหมน้องงอนเลยมึง” ไอ้แจ็คพูด
               “ไปทานอาหารกันเถอะวะ” ไอ้ดิวมันพูดและมันก็ลุกขึ้น แต่แอ้กับไอ้ติ๊กยังไม่ลุกขึ้น ไอ้ดิวมันมองทั้งคู่ ดูท่าจะคนที่งอนจะไม่ใช่ไอ้ดิวมั้งงานนี้
               “ตกลงจะไม่ไปกินข้าวกันใช่ไหม “ไอ้ดิวมันถามขั้นและมองแอ้กับติ๊กสลับกันไปมา
                 “เออ นั้นดิ ติ๊กไปกินข้าว แอ้ไปกินข้าวกันกูหิวมาก” ไอ้พายมันทำการบ้านเสร็จแล้วก็ลุกขึ้น
                “และถ้ามึงสามคนตกลงกันไม่ได้กูให้ไม้สั้นไม่ยาวไปจับกันหลังกินข้าว ฮาๆ” พายพูด
                “ขวับ!!” พร้อมเพรียงกันสามแท่ง ไม่ใช่อะไรแต่เป็นนิ้วกลางทั้งสามนิ้ว
                  “แหม!!!มาพร้อมกันเลยน่ะ ขอเป็นของดิวคนเดียวได้ไหมอ่ะ จะจับทั้งวันเลย” นั้นไงคนที่หดเก็บก่อนเพื่อนคือไอ้ดิว มันกลัว อย่าว่าแต่ดิวเลยผมยังกลัวเลยน้องพายอะไรนี่
                   “ถ้าไม่ไปกูไปกับดิวเอง ดิว น้องพายยื่มควงแขนเดินหน่อยน่ะ” ไอ้พาย และแอ้กับติ๊กมันก็ลุกขึ้นแต่ไอ้ติ๊กนะมันลากแขนแอ้ออกไปก่อนเลย ผมก็หยักไหล่อะไรกันวะ พวกมันก็ส่ายหัวกันหมด บอยและน้องน่ารักนั้นก็เดินออกไปด้วยกันผมก็ไปพร้อมกับไอ้ดิวและไอ้แจ็คเหมือนเดิม ส่วนพายนะวิ่งแจ้นตามไอ้ติ๊กไปติดๆ แล้ว เหลือแค่ผมสามคน ผมรอให้ทุนลงไปก่อนโดยเฉพาะบอย ผมหันมามองหน้ากัน
             “มึงแน่ใจแล้วเหรอวะว่าทำดีกับพวกมันแล้วมันจะเห็นค่าอะ “ไอ้แจ็คมันถามผม ไอ้ดิวมันก็มองหน้าผม
                  “กูเชื่อว่ะว่าการให้โอกาสคนมันจะสร้างมิตรภาพได้ว่ะ เมื่อก่อนพ่อกูทำว่ะ เคยให้โอกาสคนที่เคยจะฆ่าพ่อกูแต่พอพ่อกูให้โอกาสเขาก็มาเป็นข้ารับใช้ครอบครัวกูจนถึงทุกวันนี้ ดูแลกูแทนพ่อแม่กูด้วย” ผมพูดกับไอ้แจ็คและไอ้ดิว
               “เอาน่ะพวกมึงคอยดูก่อนแล้วกันว่าพวกมันจะมีปฏิกิริยายังไง” ผมบอกไอ้แจ็คและไอ้ดิว
               “ลงไปทานข้าวกันเถอะว่ะ หิวว่ะ” ไอ้ดิวพูด ผมก็พากันจะเดินออกจากห้องเรียน ไอ้ดิวมันนำไปก่อน
                “เฮ้ยย!” ไอ้ดิวมันร้องตกใจ พวกผมก็ตกใจเช่นกัน ผมออกมาก็พบกว่ามีคนมายืนรออยู่ ไอ้คนนั้นคือไอ้ภาคิน มันหันมาและเดินเข้ามาหาพวกผม ผมหันมามองหน้าไอ้ดิว มันมาดีหรือมาร้ายว่ะ ไอ้ดิวหยักไหล่ว่าไม่รู้
              “กูไม่ได้มาทำอะไรพวกมึงหรอก กูมาคนเดียว มึงยืนกันเยอะขนาดนี้ กูไม่แลกกับพวกมึงเหมือนกัน” ไอ้ภาคินมันพูด พวกผมชะเง้อมองไปดูด้านหลังไอ้ภาคินว่ามีพวกมันแอบอยู่หรือเปล่าแต่ไม่มี พวกผมพยักหน้ากันว่าปลอดภัย
              “ว่าแต่มารอพวกกูมีอะไรหรือเปล่าว่ะ” ไอ้ดิวมันถาม
             “นายเป็นคนขอเจ้าของโรงเรียนให้เราใช่ไหมวะ” ไอ้ภาคินมันถามแต่สายตานะมันมองที่ผมโดยตรง ไอ้แจ็คและไอ้ดิวมันก็มองมาที่ผมเช่นกัน ประมาณว่ามันรู้ได้ยังไงว่าต้องเป็นผมที่เป็นคนขอ
             “เออ...ใช่...” ผมตอบมันว่าใช่ผมเอง
            “ทำไมวะ” มันถามผมตรงๆ
            “พวกกูแค่อยากเป็นเพื่อนกับพวกมึงว่ะ “ไอ้แจ็คมันตอบแทนผม ไอ้ภาคินมันพวกผมและทำท่าคิด
              “จริงๆ ว่ะ พวกกูอยากเป็นเพื่อนกับพวกมึงว่ะและที่พวกกูมาเรียนี้ก็เพราะพวกมึงโดยตรงเลย” ไอ้แจ็คมันพูด ไอ้ภาคินมันมองพวกผม
               “อยากเป็นเพื่อนกับพวกกู ทั้งที่พวกกูดูไม่ได้ชอบขี้หน้าพวกมึงเลยน่ะ” ไอ้ภาคินมันถาม มันมองหน้าทุกคน
               “นั้นก็เป็นอีกเหตุผลว่าพวกกูอยากลบคำสบประมาทที่พวกมึงมองว่าพวกกูเป็นแค่ลูกคุณหนูด้วยไง กูอาจจะมีดีกว่านั้นก็ได้น่ะ เหมือนที่พวกกูมองพวกมึงว่าพวกมึงมีดีกว่าที่ไอ้พวกนักเรียนมันพูดกันเหมือนกัน ไม่ใช่แค่เด็กเกเรไปวัน วันว่ะ” ไอ้แจ็คพูด ผมหันมายกมือแตะมือเห็นด้วย
                “มันคงจะง่ายไปหน่อยพวกนี้มันเป็นพวกชอบเจอคนจริงว่ะแต่กูก็เชื่อว่าพวกมึงคงซื้อใจมันได้ไม่ยาก” ไอ้ภาคินพูด
                “แต่ขอบใจวะหลุยส์” ไอ้ภาคินมันพูดว่าขอบใจผมและมันก็พยักหน้าให้ไอ้แจ็คและไอ้ดิว
               “เดี๋ยว!ไอ้ภาคิน “ไอ้แจ็คเรียกมันไว้มันหันมามองผม
                 “กูขอแลกเปลี่ยนอะไรอย่างได้ไหมวะ เพื่อนมึงบอกว่าไอ้ต้นข้าวและไอ้บลูจะไม่มาเพราะว่ามีคนไปบอกพ่อแม่มันว่าพวกกูจะทำให้พวกมันเดือดร้อนแต่นี่พวกมันตั้งใจย้ายมาเรียนที่นี้และตอนนี้เป็นเพื่อนพวกกูไปแล้ว กูขอวะ ขอให้พวกมึงไปแก้ให้พวกกูด้วย เพื่อนกูจะได้กลับมาเรียนว่ะ” ไอ้แจ็คมันพูด ไอ้ภาคินมันยืนหันหลังอยู่
                “ได้กูจัดให้” ไอ้ภาคินพูดและมันก็เดินออกไป เพื่อนๆ มันรออยู่กันหมดแต่แอบอยู่ที่หัวมุม ผมหันมามองหน้ากันแล้วหลอกพวกผมว่ามาคนเดียวแต่เพื่อนมันก็ยืนอยู่ไกลอสมคยวร พวกนั้นหันมามองพวกผมก่อนจะพากันเดินออกไป ผมหันมาหยักไหล่ให้กันว่าลงไปหาอะไรทานกันดีกว่าตอนนี้มันเที่ยงแล้ว
                “ไอ้ภาคินมันบอกว่าพวกเราจะซื้อใจเพื่อนๆ มันได้ไม่ยากแต่ว่ามันไม่บอกให้ซื้อยังไง กูว่าเงินไม่น่าจะได้ไอ้พวกนี้ “แจ็คพูด ระหว่างที่พวกผมกำลังเดินลงไปด้านล่าง
                   “เออ...เดี๋ยวนะ...” จู่ๆ ไอ้แจ็คมันชะงักเท้า
                “มีอะไรวะแจ็ค” ไอ้ดิวมันถาม ผมก็มองไอ้แจ็คว่ามีอะไร มันทำท่าคิด
                 “มึงได้ยินไหมวะ ว่ามันขอบใจไอ้หลุยส์” ไอ้แจ็คมันถาม ผมพยักหน้าว่าได้ยินดิ มันชื่อผมเอง ไอ้ดิวก็พยักหน้าอีกคน
                  “พวกมันพึ่งจะมาวันนี้และไม่ได้คุยหาอะไรกับมึงเลยไอ้หลุยส์ ทำไมมันรู้จักชื่อมึงวะ” ไอ้แจ็คพูด ผมก็รคิด ยังไม่มีใครแนะนำผมให้พวกมันรู้จักเลยนิ
                  “สาด!จริงด้วยวะ” ผมนี้ไม่ทันคิดเลยแสดงว่ามันต้องรู้จักผมมาก่อนแน่ๆ
                   “กูว่ามันมีของดีวะ” ไอ้แจ็คผมหันไปเหล่มองมัน
                “ทำไมมันมีร่างทรงหรือกุมารเหรอ .... เลอะเทอะ ไปกินข้าวเถอะวะ” ไอ้ดิวพูด ผมเดินลงมาแต่ตามสาวๆ จนทันทเรียกสาวๆ ดีกว่า ฮาๆ
             “กูเดาว่ามันคงได้ยินพวกเราเรียกชื่อมัน มันเลยเรียกแค่นั้นแหละ คิดให้เยอะทำไมวะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมสามคนเดินลงมาถึงชั้นล่าง ก็เจอหนุ่มเหลือน้อยเขายืนรอพวกผมอยู่ ผมหันไปมองไอ้ดิวว่าไอ้คนที่มันเล็งยืนอิงแอบกับติ๊กอยู่ ไอ้ดิวมันมองบนทันที
              “กูว่าอีกคนพยายามและอีกคนก็ไม่ยอมขัดแต่ดูยังไงก็ สายเดียวกันว่ะ “ผมพูดก่อนจะแตะไหล่ไอ้ดิวเบาๆ
               “น้องสาว รอพี่ด้วย” ไอ้แจ็คมันตะโกนบอกทุกคน พวกบอยหันมามองพร้อมกันหมด ก็ไอ้แจ็คมันเรียกน้องสาวดังขนาดนั้น แต่ละคนหันมาและชูนิ้วกลางให้พร้อมกันไม่ต้องนัดหมายอะไรเลย จะว่าไป ผมก็เหมือนได้กลับมามีชีวิตที่ปกติเหมือนตอนที่พ่อแม่ผมยังไม่ถูกลอบสังหาร ผมมีชีวิตที่มีความสุขมาก มีวัยเด็กเหมือนคนอื่นแต่พอเกิดเรื่อง ชีวิตผม มันมืดลงเหมือนโดนปิดไฟ ต้องเข้มแข็ง ต้องต่อสู้กับความรู้สึกและอะไรอีกมากมาย เหมือนกับชีวิตผมอยู่ตามลำพังเลยแต่ว่าตอนนี้ผมไม่ได้สู้ตามลำพังแล้ว
             TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.24 (หลุยส์Xแจ็ค)ช่วยเพื่อนหลุยส์ให้สมหวัง 1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 22-01-2024 13:14:46
EP.24 (หลุยส์Xแจ็ค)ช่วยเพื่อนหลุยส์ให้สมหวัง 1

          Part’ s แจ็ค หลังจากทานอาหารกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมสังเกตเห็นบอยทำสีหน้าไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ผมเดาได้ว่าน่าเกี่ยวกับธรรณ์และหลุยส์นี่แหละ ผมเห็นธรรณ์ เขาดูร่าเริงเฉพาะกับพวกไอ้ดิว ไอ้แอ้ ไอ้ติ๊กและพายและก็บอย แต่แปลกกลับไม่ยอมคุยกับหลุยส์เลย ส่วนไอ้หลุยส์ผมดูแล้วมันก็มีใจน่ะแต่มันไม่กล้า ทำไมตอนนี้มาป๊อดว่ะผมแอบคิดในใจ ไม่ได้ ไม่ได้ ผมต้องคิดว่าควรจะหาแผนการที่จะทำให้มันแสดงตัวว่าเป็นพระเอกให้ได้ ไม่ใช่นั่งทำหน้าหงอยแบบนี้
           “บอยเดี๋ยวแจ็คมานะ จะหาวิธีช่วยไอ้หลุยส์” ผมกระซิบบอกบอย บอยหันมามองผม
           “เออ จะดีเหรอ บอยว่า” บอยรีบทักท้วงผมทันที เมียไม่เชื่อใจอีกแล้ว
           “บอยไม่เชื่อใจแจ็คเหรอครับ” ผมหันมากระซิบกับบอย
           “ก็เชื่อ…แต่แอบกลัวอ่ะ บอยว่าบอยค่อยคุยกับธรรณ์และหลุยส์ตอนเรากลับไปถึงบ้านก่อนดีกว่าไหมแจ็ค” บอยพูด ผมต่างกันไหมเนี่ยกับจะบอกว่าไม่เชื่อ ผมมองบอย บอยยิ้มๆ ให้ผม
            “เราต้องทำตอนนี้แหละ เอานะ เชื่อใจแจ็คหน่อยนะครับ” ผมพูดและเดินออกไป ผมส่งซิกกับทุกคนว่าจะไปห้องน้ำ แต่ไอ้หลุยส์มันไม่ยอมมองผมเอาแต่ก้มหน้ากับมือถือ ผมเดินเข้าไปหาไอ้ป๊อดทันที
           “ป๊อด” ผมเรียกไอ้ป๊อด
           “ว่าไงพี่” มันหันหน้ามาถามผม
            “พี่อยากให้เราช่วยอ่ะ “ผมพูดและมองหน้าป๊อด พอป๊อดได้ยินเท่านั้นแหละมันทำหน้าสีเหมือนตกใจมากที่ผมบอกว่าอยากให้มันช่วย ผมคิดในใจ ป๊อดมันจะตกใจทำไม แถมมันยังหันมามองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
            “พี่จะให้ผมช่วย...เออ..ช่วย” ป๊อดเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม
            “อะไร...ป๊อด!!” ผมถามป๊อดพร้อมกับเอามือเท้าเอว ไอ้เด็กคนนี้ มันคิดดีดีไม่ได้เลย ทำไมผมเดาออก มันมองตรงเป้าของผมนี่แหละ กลับกลายเป็นผมที่ต้องหนีบแทน ไอ้เด็กคนนี้มันแก่แดดจริงๆ ผมคิดในใจ
             “คือพี่จะให้ผมช่วยเรื่องนั้นนะเหรอพี่ ผมว่าผม ผม ไม่เคยน่ะพี่น่ะ” มันพูดและมองส่วนสงวนผมพร้อมกลืนน้ำลายดังเอือกใหญ่
             “โป๊ก!” ผมก็หันไปหยิบแก้วน้ำพาสติกใกล้มือโขกกระบาลมันไปสักหนึ่งที่
             “ไม่เอา! จ้างให้กูก็ไม่เอา เมียกูน่ารักกว่ามึงเยอะ” ผมพูด มันก็เอามือลูปหัวตัวเองเบาๆ
           “แล้วพี่จะให้ป๊อด ช่วยอะไรครับ” ไอ้ป๊อดมันถามผมพร้อมกับเอามือลูบหัวที่โดนขวดน้ำโขกไปเบาๆ
            “เอาหูมา “ไอ้ป๊อดมันก็เอียงมาสุดๆ
            “ยืนดีดีดิว่ะ กูไม่ทำอะไรมึงหรอกน่ะ กูเลือกสาด!” ผมด่ามันและมันก็ยืนดีดี ผมก็กระซิบแผนการทันที นี้เคยดูละครมามันน่าจะได้ผล
             “เอาแบบนี้เลยเหรอพี่ “ไอ้ป๊อด ผมพยักหน้าและควักเงินสดออกมาห้าพันบาท มันจิบๆ และส่งให้ไอ้ป๊อด
            “ไม่ต้องแสดงเยอะแต่ขอให้สมจริงๆ” ผมบอกไอ้ป๊อด
             “ได้พี่ผมมีครับนักแสดงรับจ้างในครัวผมน่ะ หน้าโหดแต่แอบคิกขุ” ไอ้ป๊อดพูดผมพยักหน้าว่าได้ตามนั้น แต่ผมต้องหาทางให้ธรรณ์เดินไปด้านหน้าให้ได้และไอ้หลุยส์ตามไปและมันก็จะ
           “ไอ้ป๊อด อย่าต่อยจริงนะโว้ย!! เห็นแบบนี้พวกกูหวงหน้าตามาก” ผมบอกไอ้ป๊อด
           “ไม่ครับ ไม่ต่อยจริงแต่เอาแบบเกือบๆ นะพี่ มันจะได้สมจริงนะพี่แจ็ค” ไอ้ป๊อดพูดว่าเกือบๆ ผมพยักหน้าก็ได้อยู่และผมก็ยกนิ้วมือให้มัน ฮาๆ แค่คิดนะก็มันแล้วพ่ะย่ะค่ะ ผมคิดในใจผมเดินกลับไปนั่งที่เดิมและบอยก็มองผมแบบหวาดระแวง
             “ทำไมมองเขาแบบนั้นละที่รัก” ผมถามบอย”
            “ก็มันแปลกอ่ะและดูซินี้ก็เอาแต่เล่นมือถือไม่มองใครเลย “บอยกระซิบบอก
            “เดี๋ยวมันหายแน่นอน ถ้าเจอแผนแจ็คเขาไป แจ๊คดูออกว่ามันก็ชอบธรรณ์แต่มันป๊อด” ผมบอกบอย และย้ายก้นไปนั่งใกล้ๆ กับไอ้หลุยส์
             “ ไอ้หลุยส์ มึงชอบน้องธรรณ์ก็บอกมาอย่ามาขี้เก๊ก” ผมกระซิบ มันเงยหน้ามองผม
              “กู...” หลุยส์มันหันมาถามผมและมันก็ชี้หน้ามันเอง ผมพยักหน้าว่าใช่ มึงน่ะชอบเขา ผมมองหน้ามันอีก จ้องเข้าไปเพื่อหาความจริง มันก็มองธรรณ์ มองแบบรีบมองกลัวเขารุ้ความจริง ก่อนจะรีบหันมาสั่นหัวไปมากับผม
              “อย่าสตอ!!” ผมยังคงดักมันอีก
              “กูไม่ได้บลูชิท” หลุยส์มันหันมาพูดกับผมแปลกออกด้วยน่ะ ผมก็แย่งมือถือมันมาและมันก็ทำท่าจะแย่งแต่ผมชี้ว่าถ้ามันกระโตกกระตากทุกคนจะรู้หมดและผมก็เข้าไปที่แฟ้มรูปภาพของมัน นี้ไง มีแต่รูปธรรณ์ทั้งนั้นเลยมันแอบถ่ายไว้
            “ไอ้แจ็ค” มันกัดฟันเรียกผม
            “มึงชอบเขาก็บอกมาดิว่ะ “ผมพูดเบาๆ บอยก็มองผม ผมก็ยิ้มให้โบกไม้โบกมือไม่มีอะไร
             “กู ...กลัวแต่กูก็...” ไอ้หลุยส์
             “ลองก่อนดิวะ แต่กูเชื่อว่าเขามาเพื่อมึงว่ะ” ผมพูด
            “แต่ดูดิ เขาไม่อยากจะคุยอะไรกับกูเลยสักนิด อย่างนี่เขามาเพื่อกูตรงไหนวะ” ไอ้หลุยส์พูด ผมมองหน้ามัน ไม่รู้ตัวเลยว่าที่เขาไม่พูดเพราะมันนี่แหละ ทำกับเขาก่อน
             “เอาอย่างนี้กูมีแผน ทำให้มึงเป็นพระเอก” ผมพูดและไอ้หลุยส์มันเลิกคิ้วสูงอีกคนแล้วที่กลัวความคิดอันชาญฉลาดของผม
            “เชื่อใจกู “ผมบอกมัน พอดีทุกคนมองนาฬิกาว่าควรจะเตรียมตึวเข้าเรียนได้แล้ว ระหว่างที่กำลังเดินไปเข้าแถว ผมเห็นพี่ภาณุเดินมาหาพวกผมอีกแล้ว แต่ผมคิดว่ามาคุยเรื่องชมรมว่ายน้ำกับผมแน่ๆ แต่เปล่า
            “แอ้” พี่ภาณุเดินตรงมาหาแอ้เลย มาจับแขนแอ้ ไอ้ดิวที่มองและทำท่าจะผลักออกแต่แอ้มันหันมาห้ามไว้ด้วยสายตาอันเฉียบแหลมจนน่าเกรงกลัวมากกว่าและไอ้ดิวมันก็ต้องยื่นนิ่งแทน
           “ก่อนที่มึงจะช่วยปัญหากู กูว่ามึงไปแก้ปัญหาไอ้คู่นี้ก่อนดีกว่าไหมวะ ไอ้ศิราณี” ไอ้หลุยส์มันกระซิบบอกผม
            “คู่นี้กูยกมือยอมแพ้ว่า กูพูดเลย” ผมกระซิบกลับ
            “กูก็จับคู่ให้มันไม่ถูกจริงๆ และกูก็เดาว่าพวกมันเองก็สับสน จับคู่ให้ตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน แล้วมึงจะให้กูไปช่วยมันยังไงวะ มันหนักกว่ารักสามเส้าเราสามคนดูท่าจะสีหน้าคนแล้วเนี๊ยะ!” ผมพูดพร้อมกับโบกมือว่าขอบายพวกรักไม่รู้กี่เสา แถมยังไม่รู้กี่คน
             “พี่ภาณุมีอะไรไหมครับพวกผมจะขึ้นเรียนแล้วนะครับ” แอ้หันไปถามพี่ภาณุแต่ว่ามันบอกว่าพวกผมจะขึ้นห้องเรียนกันแล้ว พวกผมหันมามองหน้าไอ้แอ้พร้อมกันหมด นี่มันคือการชวนพวกผมขึ้นห้องเรียนเหรอครับไอ้แอ้ ไอ้แอ้มันขยิบตากับพวกผม มันจะหาเรื่องหนีพี่เขานี่เองแต่นึกในใจรบกวนเตี้ยมพวกกูบ้าง
                 “เออๆ ขึ้นก็ขึ้น ยังเหลือเวลาอยู่เลยเนี่ย” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันไปมองไอ้ติ๊ก มึงจะช่วยมันหรือช่วยไอ้พี่ภาณุ
                 “ไปแอ้ รีบไปเถอะ ไปเตรียมตัวเรียนวิชาตอนบ่าย เราเรียนกันหนักมาก ดังนั้นเราควรจะไปก่อนเวลาน่ะ ไปแอ้พ” ไอ้ดิวพูด ไอ้นี้อีกคน ผมหันไปมองไอ้ดิว จริงเหรอเพราะว่าก่อนลงมาทานข้าว นั่งว่างมาก ไม่มีใครเข้าสอน ตั้งแต่เช้ามามีสองวิชาและครูคนเดิมคือครูพัฒน์คนเดียว เหมือนทั้งโรงเรียนมีคนเดียวเหมาหมดทุกวิชา
                 “รีบไปก็ดีน่ะ กินอิ่มแล้ว ง่วงเลยอ่ะ ไปเราพร้อมนอนตอนบ่ายมาก” พายอีกคน ผมอยากบอกแอ้ว่า มึงควรมีเพื่อนเมื่อพร้อมจริงๆ เพื่อนมึงไม่มีใครให้ความร่วมมือกับมึงสักคน แต่ผมก็ลุกขึ้น พี่ภาณุที่ยังทำหน้างง ยังจะงงอีก
                 “แอ้…คือพี่ว่าจะชวนแอ้ไปทานข้าววันหยุดนี้นะครับ “พี่ภาณุพูด ผมหันมามองหน้ากันมามุกไหนอีก
                  “คือว่า...แอ้” แอ้หันมามองพวกผม ผมก็ปิ้งไอเดียขึ้นมา
                  “พี่พวกผมมีแพลนแล้วอ่ะ พวกผมว่าจะไปเลี้ยงวันเกิด ให้ไอ้หลุยส์มันวันหยุดนี้พี่!” ผมพูดและกอดคอไอ้หลุยส์ มันก็สะบัดหน้ามามองผม มันชี้หน้าตัวมันเอง
                 “มึงรู้เหรอกูเกิดวันไหน” ไอ้หลุยส์มันกระซิบถามผม
                  “ไม่รู้หรอก คิดซะว่าวันเกิดล่วงหน้าน่ะ” ผมกระซิบบอกไอ้หลุยส์มัน
                   “พูดง่ายๆ วันเกิดทิพย์” ผมพูดกับไอ้หลุยส์ มันมองบนใส่ผมทันที
                    “สาด!!” ไอ้หลุยส์มันด่าผมกลับทันที ผมก็มองพี่ภาณุพี่เขาก็มองหลุยส์ ไอ้หลุยส์มันเลยพยักหน้าไปอย่างนั้น เพราะว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่วันเกิดมันหรอก ทุกคนหันมามองหน้าผมก่อนจะจะส่ายหัวพร้อมกันเบาๆ
                     “เหรองั้นเอาไว้อาทิตย์หน้าก็ได้นะครับ พอดีพี่มีเรื่องจะคุยด้วย” พี่ภาณุพูด
                     “อาทิตย์หน้าก็ไม่ว่างครับ พวกผมต้องไปทำธุระกันที่ค่ายทหาร” ไอ้ดิวมันพูด
                   “งั้นก็” ยังอีกเหรอ พวกผมมองพี่แก พี่แกโคตรตื้อเลย
                  “ไม่มีอาทิตย์ไหนว่างเลยตารางเต็มใช่ไหมแอ้” ไอ้ดิวพูด
                  พวกผมได้ยืนมองสามคนนี้สลับกันไปมา ก่อนจะหันมามองไอ้ดิว มันชัดมากเลย สีหน้ามันนี่ นี่มันอาการคนหึงชัดๆ ไอ้แอ้ยังหันมามองไอ้ดิวเหมือนจะบอกให้มันหยุดด้วยสายตา และอีกคนที่มองก็คือติ๊ก มันเหมือนบอกไม่ถูก มันจะหวงไอ้แอ้หรือจะแค้นแทนไอ้ดิวกันแน่ บอยกับหลุยส์ยังทำหน้างงเลย ผมสองคนก็งงเหมือนกัน
               “งั้นพี่คงไปคุยกับแอร์ใหม่นะ แอร์บอกให้พี่ชวนแอ้ไปเที่ยวบ้างนะครับแต่ถ้าแอ้ไม่ว่างเยอะขนาดไม่เป็นไร ยังไงก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ .. พี่เป็นห่วง” พี่ภาณุพูด
               “โอ้วว!!” ผมกับไอ้หลุยส์อุทานพร้อมกัน ส่วนไอ้ดิวนี่ยืนกำมัดรอแล้วแต่แอ้มันสะกิดเอาไว้ ผมเดาว่าพี่แกก็รู้สึกแหละ ว่าไอ้นี่พร้อมบวกกับพี่แกมาก
                 “เออ ถ้าอย่างนั้น พี่ไปก่อนนะครับ เพื่อนพี่เรียกแล้ว แอ้ ...” พี่ภาณุพูดและพี่เขาก็หันมาโบกมือให้พวกผมก่อนจะรีบเดินออกไปเพราะว่าหน้าไอ้ดิวมันคุสาดมาก
                “กูจะไปห้องน้ำก่อนนะ” ไอ้แอ้มันพูดและเดินแยกออกไปทันที ไอ้ดิวก็ตามทันทีเช่นกัน ผมได้แต่มองตามและไอ้ติ๊กทีเดินขึ้นไปอีกทางหนึ่ง ส่วนพายยืนงงอยู่ในดงลาเวนเดอร์เหมือนๆ กับพวกผมนั้นแหละแต่ก็เดินตามติ๊กไปแบบงงๆ
              “ตกลงใครผัวใครเมีย ใครเมียหลวงใครเมียน้อยวะ แล้วใครเป็นพระเอกหลัก ใครเป็นพระเอกรองกันแน่วะ” ไอ้หลุยส์ถามขึ้น บอยหันมาตีแขนไอ้หลุยส์ ส่วนธรรณ์ก็เดินขึ้นตามพายไปเช่นกัน บอยที่ทำท่าจะตามผมก็รีบคว้าข้อมือบอยไว้ก่อน
                “ไอ้หลุยส์มึงขึ้นไปก่อน กูจะรีบตามขึ้นไป ขอสวีตกับเมียสักห้านาทีเพราะตั้งแต่เช้า กูยังไม่ได้จีบเมียเลยเพราะมึงคนเดียวนี่แหละ หล่อและยังเยอะอีก เล่นตัวน่ะไม่ใช่อะไร” ผมบอกไอ้หลุยส์ มันหันมามองผม ผมรีบควักมือไล่ไปก่อน บอยหันมามองหน้าผมว่ามีอะไร
              “บอย วันนี้ตอนเลิกเรียน บอยหาเรื่องให้ธรรณ์เดินไปกับไอ้หลุยส์ก่อนนะ ที่หน้าประตูน่ะ “ผมบอกบอย บอยก็มองหน้าผม
             “น่ะบอย “ผมพูดกระซิบข้างหูบอย
             “นี่คิดจะทำอะไรแจ็ค” บอยหันมาถามผมสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
              “เอาน่ะ ไอ้หลุยส์มันจะได้กล้าเปิดใจคุยกับธรรณ์และแจ็คก็มีแผนจะให้ทั้งคู่ยอมรับความรู้สึกตัวเองเร็ว” ผมพูด บอยมองหน้าผมแบบไม่ค่อยเชื่อแต่ก็พยักหน้า
              “ก็ได้นะ แต่ห้ามมีใครเจ็บตัวโชว์อะไรทั้งนั้นนะแจ็ค” บอยหันมาบอกผม ผมก็กลืนน้ำลายนี้ขนาดไม่ได้บอกแผนนะทำไมเดาออกง่ะแต่ ผมจ้างไปแล้วนี่ครับ
              “ไม่มีแน่นอน” ผมพูดกับบอย
              “เหมือนโกหก แต่บอยก็จะเชื่อแจ็คน่ะและหวังว่าจะไม่เสียเปล่าที่เชื่อใจ” บอยพูด ผมก็ยิ้มแหยๆ อู้ยย!! คิดหนักเลยผมแต่มาขนาดนี้แล้ว เอาไว้ค่อยแก้ตัวทีหลังแล้วกันผมคิดในใจ
               ผมกับบอยก็รีบเดินตามขึ้นไปบนห้อง พอไปถึงธรรณ์ก็คุยกับพายและติ๊กแต่ดูไอ้ติ๊กไม่ค่อยสบอารมณ์ในการสนทนาเท่าไหร่ ผมก็แยกตัวไปนั่งกับไอ้หลุยส์มัน ครูพัฒน์ก็ตามเข้ามาสอนอีกวิชาแล้ว ผมหันมายิ้มให้ไอ้แว่นหนา ไอ้หัวหน้าห้องโดยพละการ เพราะว่ามันแต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าและตำแหน่งหัวหน้าห้องโดยพละการนี้พวกผมตั้งให้เลย
               “นักเรียนทำความเคารพ” ไอ้หัวหน้าก็กล่าวทำความเคารพปกติ วันนี้เป็นวันแรกที่พวกไอ้ภาคินมันตั้งใจเรียนนะผมว่า ผมก็นั่งฟังวิชาภาษาไทยไปอย่างง่วง จนผมหันไปเจอไอ้หลุยส์ที่มันแอบมองธรรณ์ และจังหวะที่ครูพัฒน์หันไปเขียนกระดานดำ ผมก็เขียนใส่กระดาษ
             “คนน่ารักจีบได้ป่ะ จาก หลุยส์” ผมขย้ำและปาข้ามทุกคนไปโดนธรรณ์ ธรรณ์หยิบมาและก็เปิดอ่านผมนี้ลุ้นมาก ไอ้หลุยส์มันหันมามองผม ผมก็หยักคิ้วให้มัน
              “ปึก” มีกระดาษลอยมาที่ไอ้หลุยส์ตรงๆ ผมนี้หยักคิ้วให้มันรีบเปิดอ่าน มันก็รับมาแบบงงๆ พร้อมกับเปิดดูแบบงงๆ เช่นกัน
              “Are you out of your mind? You were just mad at me the morning. Stop to play silly with me!”
              “F**k” ผมสบดออกมา ผมทำให้มันแย่ลงหรือไงวะ ไอ้หลุยส์มันหน้าถอดสีเลย ขาวซีดเลือดจากที่มันขาวอยู่แล้วขาวหนักเข้าไปอีก
              “เขาด่ากูทำไมวะ” ไอ้หลุยส์ ผมก็เกาหัว
              “กูเขียนกระดาษชมว่าเขาน่ารักและกูลงชื่อมึงว่ะ” ผมสารภาพบาปกับไอ้หลุยส์มัน
              “ไอ้....แขก!!” มันตะคอกใส่ผมแต่ดันลืมไปว่าในห้องมีครูอยู่
             “อะไรกันนายแจ็คและหลุยส์ “พี่พัฒน์หันมาถามผมสองคน ทุกคนมองมาที่ผมกันหมด
            “นายไม่ตั้งใจเรียนเลยหรือไง ออกไปยืนหน้าห้องและถือไม้บรรทัดไปคนละอัน “พี่พัฒน์พูด ผมก็มองว่าเอาไปทำไมอ่ะ ผมเดินไปยืนที่หน้าห้องกับไอ้หลุยส์
            “ยืนกระต่ายขาเดียวและคาบไม้บรรทัดด้วย จนกว่าครูจะสั่งให้พอ” พี่พัฒน์พูด ผมก็มองเอาจริงๆ เหรอ
                  ไอ้หลุยส์มันก็ทำหน้าจะกินหัวผมอีกด้วย เพราะว่ามันซวยโดนร่างแหไปกับผมด้วยไง ผมก็จัดการยืนกระต่ายขาเดียวและคาบไม้บรรทัดพร้อมกับไอ้หลุยส์ มันก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ผม และคนที่เดินเปลี่ยนห้องเรียนก็พากันหัวเราะผมสองคนกันใหญ่เลย ผมยืนกันจดหมดคาบและนี้ก็เป็นคาบสุดท้ายด้วยเพราะว่าเป็นวันศุกร์จะเลิกเร็ว เห็นไอ้หัวหน้าแว่นมันบอกว่าปกติจะเป็นกิจกรรมชมรมแต่ไม่มีใครอยากเข้าชมรมอยากพากันรีบกลับเพราะกลัวมียกพวกมาตีกัน
            “เอาละเข้าห้องได้แล้วและอย่าทำอีกนะ เธอต้องเคารพเพื่อนและครูในห้องเรียน ห้ามเสียงดังในขณะที่ครูสอนเข้าใจไหม แจ็ค และหลุยส์” “ครูพัฒน์พูดผมพยักหน้า ครูพัฒน์ให้พวกผมกลับเข้าห้องได้และหัวหน้าแว่นก็บอกทำความเคารพครูพัฒน์ พวกไอ้ภาคินมันดินออกจากห้องไปกันไวมากหมดเลย
          “ไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้” ไอ้แว่นหัวหน้าห้อง
            “ถ้ายังมีชีวิตอยู่” ไอ้แว่นพูดและพวกผมก็พากันหันไปหาว่ามีอะไรก็หยิบมาปาไล่ตามหลังมันทันที ไอ้นี่ให้พรพวกผม
            (ไอ้ป๊อดพร้อมยังนักแสดง) ผมส่งข้อความไปหาไอ้ป๊อด
           (พร้อมพี่) ไอ้ป๊อด
          (ดีมากเจอกันที่หน้าโรงเรียน) ผมส่งข้อความกลับไป และหันมามองไอ้หลุยส์ มันงอลผม
            “หลุยส์จะงอนกูทำไม อย่างอนเดี๋ยวคืนนี้ผัวสนองให้” ผมพูดมันปัดมือผมออก ยังจะมางอนอีก ผมก็ชะเง้อมองบอย
              “ใกล้แล้วบอยให้ธรรณ์ไปที่ด้านหน้าเลยน่ะ “ผมพูดให้อ่านปาก
“                กูจะเข้าห้องน้ำก่อนนะ “จู่ๆ ไอ้แอ้มันก็พูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นเช่นกัน แอ้มันคว้าทุกอย่างและเดินออกไปทันทีไม่รอใครเลย
                 “กูไปด้วย” ไอ้ดิวพูดและรีบลุกขึ้นทำเหมือนกันเลย ผมสองคนหันไปมองไอ้ดิว มันตามติดกันขนาดนี้เลยเหรอ
                “กูด้วย” ไอ้ติ๊กอีกคนเหมือนกันอีก
               “อู้ยยย” ผมสองคนอุทาน ทำให้สองหนุ่มหน้าหวานหันมามองหน้าผมสองคนทันที
               “ทำยังกะใช้ท่อเดียวกัน ปวดพร้อมกันเลยน่ะ “ไอ้พายพูดแต่มันก็เก็บของไปด้วย ผมสองคนมองพาย มันบ่นนี่คือมันช้ากว่าเขาใช่ไหม
                “ไม่ไปกับเขาเหรอ” ผมถามพาย พายกำลังเก็บอยู่ก่อนจะหันมามองหน้าผม
                “ไปดิ กำลังรีบอยู่ไม่เห็นเหรอ” พายตอบ ผมกับไอ้หลุยส์หันมามองน้องพาย สุดท้ายมึงก็ท่อเดียวกับเขานั่นแหละ
                “ไปคนเดียวมันไม่เสียวเท่าเราไปเป็นหมู่คณะ เสียวทั่วถึง” พายหันมาพูดกับผมกับไอ้หลุยส์ สายตานี้ทำเอาผมสองคนขนลุกขึ้นมาทันที  "จะไปด้วยกันไหมละมึงสองคนน่ะ" พายถามผมสองคน ผมนี้ส่ายหัวพร้อมกันทันที "รีบไปเถอะเดี๋ยวไม่ทันหรอกมึง"ผมบอกพาย  พายก็สะบัดบ๊อกเดินออกไปทันทีกลัวไม่ทัน  บอยกับธรรณ์ขำพายกันแต่ผมสองคนไม่ล่ะ
             “น้องพายอะไรของมึงนี่น่ากลัวขึ้นทุกวันว่ะ” หลุยส์หันมาพูดกับผม
             “แต่พอมันอยู่ต่อหน้าอาเปรมดิ์ พี่ชายมันน่ะพี่แพท แม่งเด็กเนิร์ดดีดีนี่เอง” ผมพูดพร้อมกับเก็บของไปด้วย พอเก็บเสร็จก็หันมามองไอ้หลุยส์ มันยังยืนมองธรรณ์กับบอยอยู่
             “ไปครับพ่อพระเอกของแจ็ค ไปด้านหน้าโรงเรียนกัน” ผมพูด มันก็หันมาค้อนผมทันที ธรรณ์ก็เดินตามบอยออกไปก่อน
            “ธรรณ์พักอยู่ที่ไหนเหรอครับ” ผมถามธรรณ์
             “พักที่โรงแรมน่ะ” ธรรณ์หันมาตอบผม
                “ทำไม่มาอยู่ที่บ้านพวกเราละ” ผมถามธรรณ์แอบหันมาชำเลืองมองหลุยส์จะว่าไง ชวนให้แล้วน่ะ
              “ไม่จะดีกว่าอาจจะทำให้ใครบางคนอึดอัด” ธรรณ์พูด นั้นคนนั้นคงหมายถึงไอ้หลุยส์
               “เอ๊ะ...คนนั้นนะไอ้หลุยส์หรือเปล่านะ” ผมถามลอยๆ และเหล่มองไอ้หลุยส์มันแยกเขี้ยวใส่ผม แต่บอยแอบขำ ทั้งบอยและธรรณ์เดินลงไปพร้อมๆ กัน
               “ไอ้หลุยส์ กูหาวิธีให้มึงเป็นพระเอกได้ กูให้ไอ้ป๊อดจ้างคนล้างจานมาแซวธรรณ์และมึงเข้าช่วยนะ” ผมกระซิบมันก็สะบัดหน้ามองผม
               “ไม่มีต่อยเพราะกูจ่ายไปแล้วห้าพัน” ผมพูดกับไอ้หลุยส์ มันก็มองผมจริงเหรอ
                “จริงๆ เชื่อใจกูน่ะ ไอ้พระเอก ปึกๆ “ผมพูดและตบไหล่ไอ้หลุยส์ ก่อนจะเดินไปหาบอยทันที
                    “บอย...บอยลืมของไม่ใช่เหรอที่ห้องสมุดน่ะ “ผมเรียกบอย บอยก็หันมามองผมและส่ายหัวว่าไม่
                   “ลืม...บอยลืม...” ผมพูดและขยิบตา
                    “ไม่นะ บอยยัง....” บอยก็ทำท่าจะปฏิเสธ ผมรีบเข้าไปจับมือบอยและดึงออกมาจากธรรณ์ก่อน
                     “ที่ตกลงกันไง จะให้หลุยส์อยู่กับธรรณ์สองต่อสองนะ เขาจะได้ปรับความเข้าใจกัน” ผมพูดกับบอย
                    “แจ็คเล่นอะไรเนี่ยะ” บอยถามผม
                     “เอานะ เดี๋ยวรอดูแฮปปี้เอ็นดิ้ง” ผมพูดและยิ้มให้ธรรณ์ที่ยืนกอดอกมองผม
                    “เดี๋ยวมานะ บอยลืมของสำคัญอ่ะธรรณ์ เออ หลุยส์ยืนเป็นเพื่อนธรรณ์ไปก่อนนะ “บอยหันไปบอกธรรณ์และผมก็ดึงแขนบอยไปเลย แต่ไปหาที่แอบ
                   “แจ็ค ตกลงทำอะไรบอกบอยมาเดี๋ยวนี้นะ”
                  “ชู!!!” รอดูก่อน ผมเห็นไอ้หลุยส์มันยืนรักษาระยะห่างจากธรรณ์อยู่นะ มันจะกลัวอะไร
                แจ็ค [หลุยส์เข้าไปชวนธรรณ์คุยก่อนที่นักแสดงจะมา] ผมส่งข้อความไปหาไอ้หลุยส์ มันอ่านข้อความและพิมพ์หยิกๆ กลับมาทันที
                 หลุยส์ [คุยอะไรดูหน้าเขาดิ อยากคุยกับกูไหมล่ะ ไอ้ผู้กำกับ!] ไอ้หลุยส์มันส่งข้อความกลับมาหาผม ผมก็เงยหน้ามอง จริงด้วยไม่อยากจะคุยสงสัยแค้นฝังหุ่น ผมหันมามองบอย

           “ทำไมเขาโกรธไอ้หลุยส์นานหนักละบอย” ผมเงยหน้าขั้นมาจามือถือเพื่อถามบอย
           “ก็ที่จริงๆแล้ว ธรรณ์เขาตั้งใจมาเพื่อหลุยส์แต่ดูหลุยส์ทำซิ นี้เขาบอกจะกลับเลยนะ ตอนแรกว่าจะเรียนที่นี้กับพวกเรานี่แหละ แต่นี้ธรรณ์คงยอมแพ้แล้ว” บอยพูด ผมก็มองทำไมนักแสดงยังไม่มา ผมเห็นแล้วมีเดินมา ในเครื่องแบบเทคนิคครับ
          “มาแล้วนักแสดงกิตติมศักดิ์ “ผมบอกบอย บอยก็มองและหันมามองหน้าผม
          “ไปหามาจากไหนอ่ะ ดูโหดมากน่ะ “บอยหันมาชมผลงานของผม
“มันต้องสมจริงครับ” ผมพูดและนั่งมองเหตุการณ์ มันมากันสามคนและเดินตรงมาหาธรรณ์ทันทีอย่างรู้งานและมันก็จับแขนธรรณ์ และธรรณ์ก็สะบัด อย่างกับในหนังเลยและไอ้หลุยส์ก็เข้าไปผลักอกมัน กระเด็นไปและโอบเอวธรรณ์ให้เข้ามาเพื่อจะปกป้อง และไอ้คนที่ล้มลงไปก็ลุกขึ้นมา
           “มันก็จะบอกว่า.... มึงฝากไว้ก่อนนะแค่นั้น เห็นไหมบอย ง่ายมากแผนแจ็ค” ผมหันไปบอกบอย
           “ผลั่ก ผลั่วะ ตุ๊บ!!” เสียงมันบอกได้ว่าโดนเต็มๆ ผมหันไปมองไอ้คนที่กระเด็นไปคือหลุยส์ของผมครับ มันกระเด็นไปกองกับพื้นแทน เฮ้ย!! ผิดคิวครับ!!!
               “นี้เหรอแจ็คที่บอกว่าง่ายมาก!!” บอยพูดและรีบเดินออกไปทันที ผมนี้รีบปรี่ไปคว้าบอยไว้ก่อน จะไปสู้อะไรเขาได้แต่ว่าไหนผมตกลงกันไว้ไงว่าไม่ให้ต่อย ผมรีบวิ่งตรงไปหาไอ้หลุยส์เพื่อเข้าไปประคองหลุยส์ ไอ้คนที่เพิ่งจะต่อยไอ้หลุยส์ก็เข้ามาดึงลากธรรณ์จะให้ไปกับมันให้ได้ บอยก็พยายามจะเข้าไปช่วยแต่ผมยกมือห้ามเมียไว้ก่อน
              “ไอ้แจ็คนักแสดงมึงแสดงดีไปไหมวะ ...มันต่อยกู!! เต็มๆ เลย” ไอ้หลุยส์พูดและเอามือกุมที่มุมปากมัน มีเลือดซิบด้วย
           “ไหนมึงบอกว่าไม่ต่อยไง กูเลยไม่หลบ” ไอ้หลุยส์พูด ผมเอามือเสยผม แล้วทำไมมึงไม่หลบละวะ
             “เอาไปเลย มีคนบอกว่าผู้ชายโรงเรียนนี้น่าเอากว่าผู้หญิงพี่อยากลอง” มันพูดแบบนี้ ไอ้ป๊อดมันเอาสคริปต์ไหนให้มันว่ะเนี่ย ผมหันซ้ายแลขวา ไอ้ผู้กำกับทำไมไม่มาดูแลนักแสดงมันเลย ไอ้ป๊อด!!
              “เฮ้ย! ปล่อยเพื่อนกูนะโว้ย!” ผมชี้หน้ามองมัน
             “มึงเสือกอะไรด้วย! “มันด่าผมกลับ ผมก็รีบก้มหน้าลงส่งข้อความหาไอ้ป๊อดทันที
             //ไอ้ป๊อด!นักแสดงมึงแสดงเกินค่าตัว นี่มึงอยู่ไหน? // ผมส่งข้อความไป
             //พี่เจอพวกพี่เขาแล้วเหรอ พี่เขารออยู่ประตูหนึ่งอ่ะครับ แต่เมื่อห้านาทีที่ผ่านมา พี่เขาบอกว่าไปแล้วไม่เจอพี่น่ะ// ไอ้ป๊อดส่งข้อความกลับมาหาผมทันที ผมก็มองหน้า
              “เออ....แล้วนี่กูอยู่ประตูไหนวะ “ผมพูดกับตัวเอง ประตูนี้นี่มันประตูสอง ผมเห็นป้ายเขียนไว้
             //กูอยู่ประตูสอง// ผมส่งข้อความหาป๊อด
           //อ้าว!เวรแล้วครับพี่แจ็คผิดประตูพี่แต่ไม่เป็นไร.. เดี๋ยวผมโทรบอกให้ใหม่นะพี่นะ ให้ไปหาประตูหนึ่ง รอความสนุกสักครู่พี่// ไอ้ป๊อดมันส่งข้อความหาผม ผมว่าความสนุกมันเกิดขึ้นแล้วแหละ
          //ไอ้ป๊อด ถ้ากูรอดไปได้มึงเจ็บหนัก!!!มึงไปตามไอ้ดิวมาให้กูเลยบอกว่ากูงานเข้า!!!// ผมตะคอกส่งข้อความเสียงไปให้ไอ้ป๊อดแทน

หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.24.1(หลุยส์Xแจ็ค)ช่วยเพื่อนหลุยส์ให้สมหวัง2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 22-01-2024 17:42:48
   
  EP.24.1(หลุยส์Xแจ็ค)ช่วยเพื่อนหลุยส์ให้สมหวัง2
          Part’ s แจ็ค ผมอุตส่าห์วางแผนให้ไอ้หลุยส์ได้เป็นพระเอก ลงทุนไปจ้างนักแสดงจำเป็นมาเพื่อไอ้เพื่อนหลุยส์ของผมโดยเฉฑาะ โดยให้ไอ้ป๊อดเป็นคนไปจัดหานักแสดงที่มาจากในครัวขอบแม่มันนั้นแหละ ไอ้ผมก็ไม่รู้ว่ามีประตูทางเข้าสองประตู แถมไอ้หลุยส์ยังซวยไปเจอของจริงเข้าเพราะว่าพวกผมคลาดกันกับนักแสดงที่จ้างมา ไอ้ป๊อดน่ะไอ้ป๊อด ผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์ จะบอกมันยังไงดี
          “ไอ้หลุยส์ มึงอยากฟังข่าวดีหรือข่าวร้าย” ผมถามไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์สะบัดหน้ามาองหน้าผม เลิกคิ้วสูงเล็กน้อย ตามันก็จะโตขึ้นมานิดๆ
           “ข่าวดี” ไอ้หลุยส์มันบอกผม ผมอยากจะร้องไห้เพราะว่าไม่มีข่าวดีให้บอกมัน
        "ไม่มี มีแต่ข่าวร้ายเพื่อน"ผมพูดมันมองผมอีกทีคราวนี้เหมือนมันจะอ้าปากด่าผม
           “นี้ไม่ใช่นักแสดงแต่มันคือตัวโกงแบบตัวเป็นๆ เลยสาด “ผมพูด ไอ้หลุยส์หันมามองหน้าผมและ
            “เพี๊ยะ!” มันโบกผมหนึ่งทีและไอ้หลุยส์ก็วิ่งเข้าไปใส่มันเลยครับ ผมก็จะรออะไร แต่หันไปมองเมื่อไหร่ไอ้ดิวจะมา มันไปขรี้กันที่ไหนวะ หรือว่ามันแอบกลับบ้านพักไปแล้วไม่บอกพวกผม ถ้าเป็นอย่างนั้นแจ็คตายแน่วันนี้ แต่ว่าตอนนี้ผมก็เข้าไปช่วยก่อนเลย ไอ้หลุยส์เขาไปยื้อยุดฉุดกระชากจนธรรณ์หลุดออกมาผมก็เข้าไปต่อยไอ้ที่เหลือ แต่ว่าหมัดผมมันธรรมดาไปหน้ามันอย่างหนา เจ็บมือตัวเองครับ สะบัดใหญ่เลยครับผม และมันก็ถีบผมกระเด็นไปเลย
           “มึงอยากลองไม้ทีของพวกกูดูไหม เดี๋ยวกูจัดให้” จังหวะที่ผมล้มมันก็ง้างไม้ทีขึ้นและ
           “ผลั่ก ....ตุ๊บ!!” ผมยกมือขึ้นบังหน้าผมบังไว้ก่อนแขนขาช่างมัน…
             “เฮๆๆๆ” เสียงปรบมือจากบนอาคาร ผมยกแขนลงเฮ้ย!! ผมไม่เป็นอะไร ผมสำรวจตัวเอง ผมรอดมาได้ยังไง แต่เสียงเฮนั้นทำให้ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนจังก้าอยู่ ยืนค้างท่าเอาไว้อย่าหล่อเลย นั้นคือท่าตีเขาลอย ไม่รู้ว่าลอยมาจากไหน และผมก็จำได้ดี มีคนเดียวในกลุ่มผม ที่จะจัดแบบนี้ได้ นั้นคือไอ้ดิวครับ ไอ้พ่อพระเอกตัวจริงๆ ของผม พระเอกตัวเป็นๆ ของผมเลย มีตัวร้ายตัวจริงก็ต้องมีพระเอกตัวจริงๆ เป็นเรื่องธรรมดา
            “เล่นเชี่ยะอะไรของมึงอีกเนี๊ยะ! ไอ้แจ็ค! มึงนี่แม่งหาเรื่องทุกวัน! มึงว่างมากหนักหรือไง!!” ไอ้ดิวมันหันมาถามผมเป็นชุด
          “กู...ไม่ได้ว่าแต่ว่า… มันแค่ผิดคิวเฉยๆ” ผมพูด ไอ้ดิวมันหันไปมองอีกสองคนที่ยกไม้ทีจะเข้ามา
            “กูว่ามีดดีกว่าวะไอ้นี่น่ะ แท่งแม่งให้ไส้ทะลักเลย ” คนที่จะเข้ามาเล่นไอ้ดิว มันทิ้งไม้ทีและควักเอามีดพกออกมา
             “เฮ้ยยย! มีดด้วยวะ “เสียงกองเชียร์อยู่บนตึก เมื่อสักครู่ไม่มีใครเลยสักคนแต่พอไอ้ดิวมานี้กองเชียร์ออกมาแสดงตัวกันพรึบเลย แต่ว่าตอนนี้มันมีมีด ผมก็ตกใจแทนไอ้ดิวซิครับ
           “ไอ้ดิวมันมีมีดว่ะ” ผมบอกไอ้ดิว ผมทำท่าจะลุกขึ้นช่วยไอ้ดิวแต่ดิวมันยกมือห้ามผม ไอ้ดิวมันหาได้กลัวอะไรไม่ มันก็มองไอ้สองคนนั้น ไอ้คนที่ถือมีดพกมัน มันแขว่งมีดไปมาก่อนจะพุ้งเข้ามาหาไอ้ดิวทันทีแต่ไอ้ดิวมันไวกว่ามันหลบและจับข้อมือบิดและตีเข่าทันทีอย่างชำนาญ ก็มันเรียนต่อยมวยกับครูมวยมาตังแต่เด็ก วิชาป้องกันตัวต้องได้มาหมด
            “โอ้วว! โอ้วว! อู้ยย!!” พวกกองเชียร์ดังลั่นตามจังหวะที่เข่าไอ้ดิวกระแทกพุงไอ้คนนั้น เสียงกองเชียร์ก็เหมือนเสียงพากย์ตอนดูคู่มวยคู่เอกกำลังต่อยไม่มีผิด
           “ผลั่ก!! “อันนี้คู่ต่อสู้ถึงกลับหลับกลางอากาศด้วยหนุมานถวายแหวน ท่าเด็ดของไอ้ดิว มันเสยค้างหนึ่งในนั้นเข้าไปหลับกลางอากาศไปเลย พวกมันเห็นเข้ายังถอยหลังทันที ตกใจไม่แพ้พวกที่ยืนมุง ไอ้ดิวไม่ธรรมดา
           “ว้าว!!” ผมกับไอ้หลุยส์อุทานออกมาพร้อมเพรียงกัน ไอ้หลุยส์มันหันมามองหน้าผม มันไม่เคยเจอละซิ ผมน่ะเจอประจำ มีเรื่องทีไรไอ้ดิวปิดงานให้ทุกที ไอ้ดิวมันหมัดหนักมาก ผมเองยังไม่กล้าปะทะกับมันเลย
           “พี่ดิว! พี่ดิว! พี่ดิว!” เสียงดังจากบนอาคาร นักเรียนยังไม่กลับกันหลายคนและที่ผมเห็น ยืนมองไอ้ดิวอยู่คือ พวกไอ้ภาคิน มันยืนดูไอ้ดิวซัดพวกนี้ด้วย
 "ไอ้หลุยส์ ไอ้ภาคินว่ะ พวกมันยืนดูไอ้ดิวอยู่บนนั้นว่ะ" ผมบอกไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์มันเงยหน้าขึ้นไปมอง ว่าจริงด้วย
  "มีคนยืนอยู่กับไอ้ภาคินด้วยว่ะ "ไอ้หลุยส์มันพูดกับผม
 "ชื่อพี่แฮกซ์ เป็นรุ่นพี่และเป็นเพื่อนกับพี่ชายไอ้ต้นข้าว" ผมพูด ไอ้หลุยส์หันมามองหน้าผม
 "กูลืมไปมึงไม่รู้ว่าไอ้ต้นข้าวมันมีพี่ชายเคยเรียนที่นี้และเรียนรุ่นเดียวกับพวกพี่แฮกซ์แต่ว่าดันมีเรื่องทั้งที่จะจบแล้วอีกไม่กี่อาทิตย์ ตอนนี้ก็ไปอยู่สถานพินิจเพราะว่ามีอาวุธในครอบครอง พี่ไอ้ต้นข้าวเป็นหัวหน้าแก้งพวกนี้ด้วย แต่พวกนี้โดนแค่พักการเรียน" ผมพูดกับไอ้หลุยส์ 
"กูว่าไอ้พวกนี้มันคงเสียวบางแหละทีเห็นไอ้ดิวเล่นพวกนี้ไปแบบนั้น ขนาดกูยังเสียวเลย" ไอ้หลุยส์พูด จัวหวะนั้นครูพัฒน์วิ่งมาพอดีเลย
           “นี้ตรงไหน อะไรนะ หยุดนะ ตำรวจกำลังจะมา หยุดเดี๋ยวนี้!!!” ครูพัฒน์วิ่งลงมาพร้อมกับ รปภ ไอ้คนที่สู้กับไอ้ดิวมันพยักพเยิดให้เพื่อนมันถอยออกและมันก็พยุงคนที่สลบแต่มันก็ไม่ได้สลบซะทีเดียวผมว่ามันแค่มึนๆ มันรีบลากเพื่อนมันไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขับออกไปทันที ผมหันมาอีกทีไอ้หลุยส์มันหายไปแล้ว หายไปอ้อนเมียทันที ไอ้นี่เร็วกว่า 5 จี  ส่วนไอ้ดิวมันเดินกลับมาหาผม
         “นี้มึงเล่นอะไรของมึงว่ะแจ็ค!! มันใช่ไหมเนี๊ยะ! มึงโชคดีแค่ไหนที่มันมีแค่มีดมา ไม่ได้เอาปืนมด้วย” ไอ้ดิวมันหันมาเอ็ดผม ผมก็ค่อยๆ ลุกเพราะโดนไปหลายหมัดเหมือนกัน บอยเดินมายืนกอดอกมองผมเช่นกัน ผมรู้ว่าบอยโกรธผมแน่ๆ
         “ทำไมทำแบบนี้ละแจ็ค ไม่คุ้มกันเลย “บอยอีกคน
          “บอย...อู้ยย!” ผมเรียกบอย แต่ก็ร้องออกมาเพราะว่าผมก็โดนไปที่พุงหลายหมัดอยู่
          “นี้พวกนี้เขามาทำร้ายใครอีกล่ะเนี่ยะ!” ครูพัฒน์ถามพวกผม
          “ผมครับครูพัฒน์” ธรรณ์เอ่ยขึ้น
           “ดูซิแต่ละคนที่พวกมันเลือกเข้ามาหน้าตาหวานๆ ทั้งนั้นเลยนะครูพัฒน์ ตั้งแต่มลเป็นครูมา มีนักเรียนมากมายแต่ไม่เคยเจอแบบนี้เลยนะครูพัฒน์” ครูผู้หญิงที่วิ่งมากับครูพัฒน์พูดขึ้น
            “พัฒน์ว่ามันชักจะเยอะขึ้นไปแล้วนะเนี่ยะ เราต้องมีมาตรการที่เด็ดขาดแล้วค่ะครูมล” ครูพัฒน์พูด
            “ก็เราดันมีนักเรียนชายที่น่ารักแบบนี้นี้ค่ะ คงต้องช่วยๆ กันดูแลให้มากกว่านี้แล้วแหละค่ะ” ครูมลพูด
           “นั้นรถมาแล้วขึ้นรถไปเลยกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย และกลับไปทำแผลที่บ้าน"ครูพัฒน์พูด "ธรรณ์ล่ะ เราพักที่ไหน โรงแรมลุงภาคย์หรือเปล่า” ครูพัฒน์เห็นรถที่มารับส่งพวกผมเข้ามาจอดแล้วเลยบอกให้พวกผมไปขึ้นรถกัน ไอ้ติ๊กและไอ้แอ้และพายที่ยืนดูอยู่มันคงรู้ว่าไอ้ดิวน่ะ เอาอยู่อยู่แล้ว เลยแค่พากันยืนดูอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้ามาช่วย แต่น่าแปลกพวกมันไม่ได้พูดอะไรกันเลย เหมือนมันงานเข้าก่อนจะมาช่วยผมด้วยมั้ง
           “ธรรณ์ ไปกับพวกเราเถอะเพราะดูแล้วพวกนี้มันไม่เลิกนะ” หลุยส์มันเอ่ยบอกธรรณ์ ธรรณ์มองหน้าหลุยส์ที่เข้าไปช่วยลากให้ธรรณ์มาจากพวกนั้น ผมแค่นี้ก็ได้ใจธรรณ์ไปแล้วเกินครึ่ง ผมยักคิ้วกับไอ้หลุยส์ส่งบทให้แล้วแสดงต่อได้เลย
           “ครับ” ธรรณ์ตอบหลุยส์และพยุงไอ้หลุยส์ขึ้น ผมนี้ทำท่าเยส แต่ก็ต้องเจ็บอ้อนเมียไว้ด้วย
           “งั้นก็ดี พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรามากถ้าไปอยู่ที่โรงแรมคนเดียว ถึงจะมีคนดูแลก็เถอะ” พี่พัฒน์พูด
          “นั้นรถมาแล้ว รีบไปขึ้นรถกลับที่พักกันเลยน่ะ” ครูพัฒน์พูด ก็ผมพากันเดินไปขึ้นรถกลับบ้าน
            “แปะๆๆๆ” “เสียงปรบมือดังมาซะอย่างนั้น ไอ้ดิวมันก็ได้เสียงเชียร์จากน้องๆ มันหันไปโบกมือให้ สุดท้ายไอ้ดิวก็ได้บทพระเอกไปหน้าเฉยแต่ว่าไอ้หลุยส์ของผมก็ได้ใจธรรณ์มาครอง มันก็คุ้มอยู่น่ะผมว่าพวกผมก็พากันขึ้นรถไป ดีนะที่รถมากันสี่คันเลยแบ่งๆ กันไป ผมก็ได้ไอ้ดิวช่วยบอยพยุงผมไปในรถลีมูซีมคันหรู
           “ไอ้จอมวางแผน ที่หลังปรึกษาพวกกูหน่อยน่ะ แผนมึงแม่งจะพาคนอื่นเจ็บตัว” ไอ้ดิวมันหันมาบ่นผมอีกจนได้
             “มึงนี้แม่งขยันหางานตลอดน่ะไอ้แจ็ค มึงนี้คงอยากจะตั้งหลักปักฐานที่นี้แย่แล้วซิน่ะ “ไอ้ติ๊กอีกคนบ่นผม พายกับแอ้มันก็พยักหน้ากับผมอีก เจ็บแล้วยังโดนเพื่อนซ้ำ ผมก็หันแจกยกนิ้วให้มันทุกคนแต่เป็นนิ้วกลางนะและบอยก็เข้ามานั่ง แม้บอยจะโกรธแต่ก็เป็นห่วงผมอยู่ ดูจากสายตาคู่นั้น
            “อีกแล้วเหรอครับคุณหนู ฮาๆ” พี่คนขับรถแซวผมทันที ผมพยักหน้าว่าอีกแล้วครับ
           “ชีวิตวัยรุ่น แต่พอคุณหนูโตขึ้นและมองย้อนหลังมาจะรู้สึกว่าว่ามันมีอะไรให้จดจำเยอะดีนะครับ” พี่คนขับรถพูด
         “แต่ผมไม่อยากนั่งจำว่าผมโดนไปกี่เท้านี้ครับพี่” ผมพูด
         “ฮาๆ เอานะครับ ผมว่าพวกคุณหนูนะ สู้ได้สบายอยู่แล้วครับ” พี่เขาพูด ผมหันมามองบอย บอยหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดข้างมุมปากผมอย่างเบามือ
          “ขอบคุณนะแจ็คที่ช่วยหลุยส์ปกป้องเพื่อนบอย นี้บอยรู้สึกผิดมากเลยที่ดึงมาเสี่ยงแบบนี้” บอยพูด
         “ตอนนี้เขามีคนปกป้องแล้ว เชื่อแจ็คซิ” ผมพูดและยิ้มให้บอย
        “คงอย่างนั้น” บอยพูดและยิ้มให้ผมเช่นกัน
        “โอ๊ยย!” ผมร้องเพราะว่าโดยแผลที่มุมปาก บอยก็ปิดปากขำผมใหญ่เลย
              Part's หลุยส์ ผมพาธรรณ์เข้ามานั่งในรถหรูที่มารับพวกผมกลับบ้านพัก ไอ้แจ็คมันไปกับบอย อีกสองคันผมไม่ได้มอง ผมได้แน่นั่งเงียบๆ และอีกคนก็นั่งเงียบๆ ข้างๆ ผม ผมไม่รู้ว่าทำไม ผมรู้สึกใจเต้นแรงเหมือนครั้งแรกที่ผมเจอบอยเลย
             “เออ..” ผมก็กำลังจะเปิดบทสนทนาเพื่อทำลายความเงียบแต่ธรรณ์ก็ใจตกใจกันเช่นกัน
              “หลุยส์ก่อนแล้วกัน” “ธรรณ์ก่อนครับ” ผมกับธรรณ์ใจตรงกันอีก
            “คิกๆ” ธรรณ์หัวเราะผม ผมผ่ายมือให้เขาพูดก่อนดีกว่า
            “ขอบคุณนะหลุยส์” ธรรณ์พูดขอบคุณผมที่ช่วยเขาไว้ ผมก็ยกมือขึ้นลูปท้ายทอยตัวเอง ก่อนจะพยักหน้าว่าไม่เป็นไร
             “เจ็บเลยดูซิ” ธรรณ์เอานิ้วเรียวๆ ขึ้นมาแตะที่มุมปากผมอย่างเบามือแตก็รู้สึกเจ็บอยู่ดี
              “ไม่เป็นไรครับ จิ๊บๆ “ผมพูดแต่แอบ เซย์เยสนึกขอบคุณแผ่นชั่วๆ ของไอ้แจ็คมัน
              “เจ็บมากไหมอ่ะหลุยส์” ธรรณ์ถามผม ผมก็ยิ้มๆ สายตาผมมองใบหน้าที่เรียวสวยนั้น ดวงตาที่เรียวรับกับใบหน้าจมูกที่โด่งถ้าเขาเป็นผู้หญิงจะเป็นผู้หญิงที่สวยมากเหมือนกับเขาคนนั้นเลยไหม ไม่ซิสวยกว่าด้วยน้องผู้หญิงที่ผมคบด้วย อันที่จริงพ่อแม่เขาพยายามยัดเยียดมาให้คบกับผมเพราะว่าครอบครัวผมมีเงินไง
            “จำเราไม่ได้เหรอหลุยส์” ธรรณ์ถามผม
          “ห๊ะ!!” ผมส่งเสียงแปลกใจที่เขาถามผม
              “ถามว่าจำเราไม่ได้เหรอ เราเคยเจอกันครั้งหนึ่งแต่นายนะเอาแต่มองบอย” ธรรณ์พูด ผมก็ทำท่านึก นึกยังไงก็นึกไม่ออกแต่เขาก็บอกอยู่นะว่าผมเอาแต่มองบอย
             “หลุยส์นึกไม่ออกว่าที่ไหนตอนไหน แต่หลุยส์ก็รู้สึกเหมือนเคยเจอธรรณ์มาก่อนนะ” ผมพูดและธรรณ์ก็ยิ้มให้ผมและพยักหน้า
           “วันนั้นบอยชวนเราออกไปเจอกันและไปทานอาหารกับหลุยส์อ่ะ เราเคยเป็นเพื่อนเล่นกับบอยตอนเด็กๆ แต่ก็มาต่างคนต่างเรียนเพราะบอยเขาย้ายไปอยู่กับอาเขาน่ะและกลับมาบอยก็เรียนโฮมสกูลอีก เลยแค่นัดเจอกันเท่านั้น “ธรรณ์พูด ผมพยักหน้าตาม อ้อ!!
             “เมื่อก่อนมันคงมีอะไรบังตาบังใจหลุยส์เอาไว้” ผมพูดแต่คนฟังเบ้ปากใส่ผมซะงั้น
             “เขาเรียกอะไรนะ น้ำเน่า หึๆ” ธรรณ์พูดและหันหน้าหนีผม ไม่น่านรถก็แล่นมาถึงที่บ้านพักผม ผมเห็นว่าพวกนั้นเข้าไปในบ้านกันหมดแล้วแน่นอน คู่ผมเป็นคู่สุดท้าย
           “เข้าบ้านกันเถอะครับ” ผมบอกธรรณ์
            “หมับ!” ธรรณ์จับมือผมไว้ก่อนที่ผมจะก้าวเท้าเข้าบ้าน ผมหันมามองว่ามีอะไร หรือว่ากลัว
            “ทำไมละครับ”
             “คือธรรณ์มีเรื่องอยากจะสารภาพนะ” ธรรณ์พูดและมีท่าที่เขินอายผม ผมก็หันมามองว่ามีอะไร
             “คือว่า...เออ...ธรรณ์นะแอบชอบหลุยส์ตั้งแต่วันนั้นแล้วอ่ะแต่เหมือนหลุยส์ไม่พยายามเปิดใจให้เราเลย เออ เราเลยไม่กล้าตอแย แต่เราเป็นคนส่งการ์ดให้หลุยส์ทุกเทศกาลเลย หลุยส์ได้รับบ้างไหมครับ” ธรรณ์พูด มันทำให้ผมคิด ผมคิดว่าบอยส่งให้ผมซะอีก
              “เราขอที่อยู่มาจากบอยอีกทีอ่ะ” ธรรณ์พูด
             “หลุยส์ได้นะแต่มันไม่เคยลงชื่อคนส่งให้เลยอ่ะ” ผมพูดด้วยความแปลกใจ
            “ใครจะกล้าลงละ กลัวว่าหลุยส์จะ....” ธรรณ์พูด
          “หลุยส์เลยเข้าใจมาตลอดว่าเป็นบอยและนั้นก็คือสาเหตุที่หลุยส์ตามบอยมาเพราะหลุยส์คิดว่าบอยก็มีใจให้เหมือนกัน” ผมพูดกับธรรณ์
           “นายจะโกรธเราก็ได้นะ หรือจะ...” ธรรณ์พูด
           “ไม่ทันแหละโกรธไม่ทันแล้ว เข้าบ้านเถอะครับ” ผมพูดแต่ว่าคนที่ยืนอยุ่ยังขืนตัวไม่กล้าเข้าไป
            “อ้าว! ทำไมอีกละครับ” ผมถามธรรร์ว่าทำไมล่ะ
            “ไม่โกรธเหรอ” ธรรณ์ถามผม
           “ไม่โกรธอ่ะเพราะว่าของพวกนั้นมันทำหลุยส์เหมือนเจอรักแรกพบและของพวกนั้นมันก็ทำให้หลุยส์มีแรงที่จะลุกขึ้นมาจากมุมมืด” ผมพูด
           “เข้าบ้านกันครับ ถ้ารอบนี้ยังไม่เข้าจะอุ้มเข้าไปเลยนะ” ผมพูดและทำท่าจะอุ้ม แต่ธรรณ์กระโดดหนีผม
            “เข้าแล้ว เดินเองจะบ้าเหรอ เพิ่งมาให้จะกล้าให้ทำแบบนั้นละ” ธรรณ์พูด ผมสองคนเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็เห็นอุปกรณ์ทำแผลวางไว้ ผมนั่งลงธรรณ์ก็ทำการช่วยทำแผลให้ผมใช่สำลีแตะยาและมากดที่ตรงที่ผมโดนต่อย
           “โอ๊ย!!” ผมร้อง
           “แม้อ้อนน่าดูน่ะเพื่อนหลุยส์” ไอ้แจ็คมันแซวผม
             “ที่ตอนต่อยกับแจ็คทำไมไม่อ้อนพายแบบนี้น่ะหลุยส์” พายพูด
          “ไม่กล้าจร๊า” ผมตอบพาย ผมรู้ว่าเขาแค่แกล้งผมเล่น
           “ทำไมอะ” พายถามอีก
          “กลัว” ผมพูด ทำเอาพายแอบค้อนผมใหญ่เลย ธรรณ์แอบขำผม
          “ธรรณ์ เราโทรไปเช็คที่โรงแรมให้แล้วน่ะ เขาจะเอากระเป๋าของนายมาส่งให้พรุ่งนี้ที่บ้านนี้ วันนี้ก็ดูเสื้อผ้าพวกเราใส่ไปก่อน “ติ๊กบอกพวกผม
           "ของบอยก็ได้น่ะ เราตัวเท่ากันอยู่แล้ว" บอยหันมาบอกธรรณ์ ธรรณ์พยักหน้า
           “เออแล้วไอ้ดิวไปไหนวะ” ไอ้แจ็คถามติ๊ก ดูหน้ามันยังมุ่ยขึ้นมาทันทีอยู่แสดงว่ายังโกรธกันอยู่
           “ไปยิม!!” ติ๊กมันกระแทกเสียงตอบ
          “แอ้ล่ะ?” ไอ้แจ็คมันถามต่อทันที
            “ก็คงไปยิมมั้ง!! กูไม่รู้เพราะว่ากูไม่ได้เฝ้า..มันสองคน โอเคน่ะ!” ไอ้ติ๊กพูดกระแทกเสียงก่อนจะรีบเดินออกไปทางหน้าบ้าน พวกผมมองหน้ากันและหยักไหล่ใส่กันทันที แบบงงว่ะ!!
           “ตกลงมันยังไงวะพาย กูงงกับมันสามคนว่ะ" ไอ้แจ็คถามพาย ผมก็พยักหน้าและนั่งเอนไปข้างหลัง ผมเอาแขนพาดโอบเอวธรรณ์ไว้ ธรรณ์ก็มองหน้าผมยิ้มๆ ไม่ได้ดันมือผมออก
            “ก็งานเข้าตอนไปห้องน้ำไง "พายพูด ผมก็มองหน้ามีงานอื่นเข้าก่อนงานผมสองคนอีกเหรอ
           "ดันไปเจอไอ้พี่ภาณุอีกนะซิ พี่แกก็เหลือเกินพอเจอแอ้ก็รีบเดินตรงปรี่มาหาแอ้ทันที ไม่เข้ามาเปล่าด้วยน่ะ และเข้ามาคุยจับไม้จับมือแอ้อีก แถมต่อนห้าต่อตาไอ้ดิวด้วย แน่นอนไอ้ดิวมันก็หึง แต่อีกคนกูไม่รู้หึงใครวะเพราะว่าอาการมันฟ้องเว้อเลยว่ะ” ไอ้พายพูด ผมพากันพยักหน้า สนุกเลยงานนี้
           “ไอ้พี่ภาณุเกือบโดนไอ้ดิวตะบันหน้าแล้วแต่ว่า จังหวะนั้นที่มีคนมาเรียกไอ้ดิว บอกว่าพวกมึงมีเรื่องและนั่นแหละ ระฆังดังช่วยชีวิตไอ้พี่ภาณุพอดีและไอ้ดิวมันเลยไปลงที่ไอ้คนที่มาทำร้ายมึงนั่นแหละ ไอ้พวกนั้นซวยไปเลยโดนซะแทบคลานกลับเลย” พายพูด ผมก็ถึงบางอ้อ ตอนแรกก็นึกว่าโกรธที่พวกผมถูกทำร้าย โธ่! ไอ้นี้มันค้างมาจากไอ้พี่ภาณุ ดี้ดีครับผม
          “พายก็ไม่รู้ว่าติ๊กมันคิดอะไรอยู่กัแน่และแอ้ก็ไม่รู้ทำไมจะต้องเกรงใจติ๊กมันมากไปกว่าหัวใจตัวเองก็ไม่รู้” พายพูด
         “เออ...เอาเข้าไปมันสามคน ถ้ามันไม่เอ่ยปากบอกอะไรพวกเรา เราก็ช่วยมันไม่ได้ว่ะ ...งั้นกูว่าพวกเราขึ้นไปอาบน้ำกันดีกว่าวะจะได้ลงมาทานข้าว” แจ็คพูดและลุกขึ้น แจ็คยืนมือไปจับมือบอยเพื่อพากันขึ้นบ้าน
         “เออ...ธรรณ์ต้องนอนห้องพักเดียวกับหลุยส์นะ เพราะว่าอีกห้องมันไม่มีเฟอร์นิเจอร์เลย “ไอ้แจ็คมันพูด ผมนี้กังวลกลัวธรรณ์จะไม่สบายใจ ผมขยิบตากับไอ้แจ็ค ผมอาจจะไปนอนกับแจ็คก่อนและให้บอยมานอนกับธรรณ์ แบบว่ารอให้เขาพร้อมกันก่อนอะแบบนี้
          “ก็ไม่เป็นไรนิ “ธรรณ์พูด ผมนี้ลื้นปรืดเลยครับ
         “เรานอนห้องเดียวกันได้เนอะหลุยส์” ธรรณ์พูด ผมนี้เกาหัวแกรกๆ แรงกว่าผมอีกนะ ฮาๆ พอทุกคนแยกย้ายกันขึ้นห้องผมก็พาธรรณ์ขึ้นไปบนห้องนอนของผมไม่ซิของผมและเขาแล้วครับ ผมหันมายิ้มให้ธรรณ์ ธรรณ์หยุดที่หน้าห้อง ผมก็หันไปมองว่าทำไมไม่เข้าห้องละ ธรรณ์มองผม ผมก็ยื่นมือไปขอมือธรรณ์ ธรรณ์จับมือผมและก้าวผ่านเข้ามาในห้องนอน
          “หลุยส์ ธรรณ์รู้ว่าหลุยส์ผ่านเรื่องแย่ๆ มาต่อไปธรรณ์จะอยู่เคียงค้างหลุยส์นะ จะไม่ปล่อยให้หลุยส์สู้มันแต่ลำพัง” ธรรณ์พูด ผมก็มองหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่ ผมว่าผมพร้อมที่จะเปิดใจแล้ว ผมเดินมายืนตรงหน้าธรรณ์ ผมจับใบหน้านั้นอย่างทะนุถนอม และผมก็ประกบปากจูบริมฝีปากเรียวสวยนั้น ธรรณ์โอบรอบคอผมทันที และผมก็ยกตัวธรรณ์ขึ้นและเราสองคนก็พากันเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน
             “ครั้งแรกอย่ารุนแรงน่ะ ธรรณ์กลัว” ธรรณ์พูด ผมก็ยิ้มๆ ใครจะกล้ารุนแรง ผมต้องถนอมแน่นอน
              “เราเป็นคนแรกของธรรณ์ใช่ป่ะ” ผมถามธรรณ์
              “ใช่” ธรรณ์ตอบพร้อมกับใบหน้าที่แดงด้วยความเขินอาย ผมก็ยิ้มให้ธรรณ์
              “หลุยส์จะเป็นแรกและคนสุดท้ายของธรรณ์นะครับ” ผมบอกธรรณ์ก่อนจะพากันเข้าไปในตู้กระจกอาบน้ำ ร่างสองร่างที่กอดรัดฟัดกันภายใต้ฝักบัว สายน้ำที่ไหลผ่านไม่ได้ทำให้ไฟรักเย็นลงได้เลยมีแต่ร้อนขึ้น นี้ขนาดครั้งแรกยังร้อนแรงขนาดนี้
              “นี้ครั้งแรกแน่เหรอ ประสบการณ์ไม่ใช่ชั้นประถมเลยนะ มัธยมก็เรียกพี่” ผมแซวคนที่ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ แม้ยิ้มเอียงอายน่ารักเชียว
             “Rrrrrrrr” มีสายเข้ามือถือผม ผมก็รีบรับเพราะว่าชื่อขึ้นมาว่าลุงหนึ่ง
            //สวัสดีครับป๊า//ผมเรียกลุงหนึ่งว่าป๊าเพราะว่าเขาดูผมเหมือนผมเป็นลูกเขาแต่ผมไม่ได้คล้อยตามทุกอย่างที่เขาป้อนเลย
             //ลุงได้ยินมาว่าเราจะไม่อยู่ที่นั่นรึ จะกลับก็...//ลุงหนึ่งพูด
             //ผมจะอยู่ครับ ..ผมจะอยู่กับพวกนี้ครับป๊า//
           //แน่ใจนะว่าจะอยู่นะ//
         //ครับป๊า//
          //อืมม..ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจนะ//
            //ครับ สวัสดีครับ// ผมพูดและกดวางสาย ธรรณ์มองหน้าผม ผมหันไปกอดธรรณ์
           "ไม่ไปไหน หัวใจที่หายไปอยู่ที่นี้แล้ว "ผมพูดกับธรรณ์
           “ก๊อกๆ” มีคนมาเคาะประตูห้องนอนผม ผมก็เดินไปเปิด เห็นว่าเป็นแจ็คกับบอย
           “ไปทานข้าวกันยังวะ “แจ็คถามผม ผมกับธรรณ์พยักหน้าพร้อมกัน
          “แล้ว?” ผมพยักเพย้อไปที่ห้องพวกนั้น
          “กูเห็นพาย เดินลงไปก่อนพายบอกว่าไอ้ติ๊กมันอยู่ในห้องนั้นวะ” ไอ้แจ็คพูด ผมก็ทำท่าตกใจ
          “หรือว่ามันสามคน” ผมถามไอ้แจ็ค
          “พอกันเลยนะทั้งคู่คิดอะไรเนี่ยะ!! บอยว่าไม่หรอก” บอยพูดและหันมาต่อว่าผมสองคนด้วยสายตา
             “งั้นไปเรียกมันสามคนกัน จะได้รู้กันไปเลยว่ามันสามคนกำลังจะ จะ กันจริงๆ หรือเปล่า” ไอ้แจ็คพูด ไอ้แจ็ค ผมรีบพยักหน้าแต่มีสายตาสองหนุ่มเหลือน้อย กอดอกมองผมสองคนอยู่และพากันส่ายหน้า ผมก็ยิ้มเจื่อนๆ ชี้ไปที่ไอ้แจ็คมันคิด และพวกผมก็พากันเดินไปหยุดที่ห้องนั้น
          แจ็คเป็นคนเคาะประตูห้องนอนไอ้ดิว และรอสักพักก็มีคนเดินมาเปิด นั้นคือไอ้ดิว ที่เพิ่งอาบน้ำแต่ยังไม่ได้แต่งตัว ผมก็มองพวกมันตกลงไอ้ดิวมันรวบทำเมียทั้งสองคนเลยใช่ไหมแต่ว่าบรรยากาศภายในดูตึงเครียดมาก สีหน้าแต่ล่ะ ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ดิวเอง ก็เครียดไม่แพ้กัน แอ้ก็เหมือนคนกลางที่ลำบากใจ ส่วนอีกคนก็ยืนหน้าบึ้งตึงเหมือนกำลังคุยกันเรื่องคอคาดบาดตายก็ว่าได้
      TBC...
มีคู่ไปอีกหนึ่งคู่ แต่ว่าภาระกิจยังไปไม่ถึงไหนและอีกสามคนเขาจะยังไงระหว่าง แอ้ ดิวและติ๊ก ต้องมีหนึ่งคนที่เจ็บ ใครจะเลือกเป็นคนยอมเจ็บ


หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.25 (ดิวXแอ้Xติ๊ก) สิ่งที่พูดไม่ได้1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 23-01-2024 12:38:18
รักวุ่นวายฯภาค แอ้Xดิว EP.25 (ดิวXแอ้Xติ๊ก) สิ่งที่พูดไม่ได้1
              Part’ s ดิว ผมเองก็พยายามไม่อยากมีเรื่องกับใครโดยไม่จำเป็น ผมรู้ว่าพ่อส่งผมไปเรียนต่อยมวยทำไมเพื่อให้ไปเรียนรู้การใช้วิชาการต่อสู้ให้ถูกๆ ครูที่เป็นคนสอนผม บอกผมเสมอว่าวิชาหมัดมวยใช้ได้แค่ควรจะมีขอบเขตของมัน ผมเป็นคนต่อยมวยเก่งมาตั้งแต่เด็ก ก็ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะแอ้นี่แหละ ผมมีแววเป็นนักมวยได้แต่ว่าผมเลือกที่จะไม่เป็นหลังจากที่เรียนกับครูมวยของผมแล้ว ผมเอาไว้ใช้ป้องกันตัวและผมเองอาจจะได้ใช้ในอนาคตเพราะศิลปะการต่อสู้ ทหารก็ต้องเรียนรู้เหมือนกัน ใช่ผมเลือกแล้วว่าผมจะเป็นอะไรในอนาคต

               แต่ว่าตอนนี้ผมร้อนมาก อารมณ์ผมนี่แหละรู้สึกได้ถึงแรงสูบฉีดเลือดในกายผมมันเกินจากอารมณ์ร้อนของผม ปกติจะไม่พยายามหัวร้อนต้องโมโหแบบถึงที่สุด พ่อบอกผมเสมอว่าหัวร้อนไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้แต่มีแค่เรื่องเดียวคือเรื่องแอ้นี่แหละ และวันนี้ก็เช่นกัน เกือบมีเรื่องจนได้ก็เพราะว่าไอ้พี่ภาณุ มันพยายามเข้ามายุ่งกับแอ้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ว่ามันหลายครั้งแล้วและไอ้พี่คนนี้คือคนที่พี่แอร์พยายามให้จีบแอ้ แอ้รักพี่แอร์มาก พี่แอร์มีหน้าตาที่เหมือนแอ้ เหมือนชนิดที่เรียกว่าเป็นแฝดกันเลยก็ว่าได้ ทั้งที่ห่างกันเรียกว่าหัวปีท้ายปี เหมือนผมกับพี่ดิ๊บ

             แต่ก็มีบางมุมที่แตกต่างกัน ถ้ามองเผินๆ ก็คิดว่าแฝดกันแต่ผมน่ะแยกออก พี่แอร์นิสัยแตกต่างจากแอ้มาก ราวกับหน้ามือกับหลังเท้าขนาดนั้น พี่แอร์เหมือนคนนิ่งและน่ากลัว เดายากและไม่เข้าหาใครเลย พวกผมยังเป็นเพื่อนกันมารุ่นต่อรุ่นแต่แปลกพี่แอร์ไม่สุงสิงกับพี่ดิ๊บ พี่ตั้นหรือว่าใครเลยสักคนและนี่เขายังไม่ชอบหน้าผมทั้งที่ผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดังนั้น

              ผมจึงเดาได้ว่าพี่แอร์เป็นคนส่งไอ้พี่ภาณุให้มาเป็นมารของผม ก็ไอ้พี่ภาณุมันพูดว่าพี่แอร์สั่งให้มันพาแอ้ไปทานข้าววันหยุดบ้างอะไรบ้าง ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ทำไมผมไม่รู้มาก่อนว่าจะมาเจอไอ้พี่ภาณุที่นี้ ผมเคยเจอไอ้พี่ภาณุที่กรุงเทพและผมจำได้ว่ามันเรียนโรงเรียนเตรียมทหารกับพี่แอร์แล้วน่ะแต่ไหงมาอยู่ที่นี้ได้อีก หรือว่ามันลงทุนตามแอ้มาที่นี้ ไม่ซิ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยเพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนมาก พวกผมถูกส่งมาแบบกะทันหัน แบบไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ ผมคิดยังไงก็คิดไม่ออก จนกระทั่ง

             “ดิว” เสียงใครสักคนเรียกชื่อผม ผมจำได้ดีว่าเป็นเสียงของแอ้พร้อมกับเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาด้านใน ผมก็หยุดค้างไว้เอาไว้ก่อนเอี้ยวตัวหันหันไปมองว่าเป็นแอ้และก็ใช่จริงๆ ด้วย แอ้นั้นเอง แอ้ยืนอยู่ด้านหลังผม ผมดันตัวให้ลงมายืนที่พื้นก่อนจะหันไปคว้าผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อของผม ผมหันไปมองแอ้แบบเต็มๆ

             “มึงอย่าทำแบบนี้ได้ไหมวะดิว “ประโยคแรกที่แอ้พูดกับผม มันไม่ใช่ครั้งแรกที่แอ้จะบอกผมว่า อย่าแสดงอาการหึงเขา ผมรู้ว่าผมหึงไม่ได้เพราะว่าผมก็ได้แอ้โดยไม่ได้ถามเขาก่อนแต่ผมรู้ว่าแอ้มีใจให้ผม ไม่อย่างนั้นจะยอมผมจนมีลูกเพิ่มเหรอแต่ผมก็ไม่รู้อีกว่าอะไรกันที่ทำให้แอ้คิดว่า ผมกับเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน หรือจะเป็นเพราะพ่อผมกับอาภีมเคยต้องห่างกันเพราะลุงหนึ่ง หรือแอ้จะกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย

            “ดิว มึงฟังกูหรือเปล่า” แอ้เรียกผมอีกครั้งเพราะผมมัวแต่คิดอะไรไปต่างๆ นานาอยู่คนเดียว

            “แอ้…ดิวน่ะไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะแอ้จะได้ทนเห็นไอ้พี่ภาณุมันจะมาจีบแอ้ได้แบบไม่ทำอะไรเลยและนี้ก็แผนพี่แอร์ทั้งนั้น “ผมพูด ผมยืนมองแอ้ แอ้มองผมแว๊ปเดียวก่อนจะหันไปและพ่นลมหายใจออกมา ผมรู้ว่าแอ้ไม่เคยเชื่อว่านี้คือแผนพี่แอร์

            “พี่แอร์เขาไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยน่ะดิว” แอ้หันมาพูดกับผมอีกครั้งและมองหน้าผม

           “พี่แอร์นะหาเรื่องให้แอ้และดิว แอ้ก็เห็นแต่เหตุผลอะไรดิวไม่รู้ รู้แค่ว่าพี่แอร์นะมารของดิว” ผมพูด แอ้ถึงกับต้องส่ายหัวให้ผมเพราะผมกำลังงี่เง่าอยู่ไง

           “ไอ้ดิวนั้นมันพี่กูน่ะ!” แอ้พูดตะคอกเสียงใส่ผมทันที

           “จะว่าพี่ห่วงน้องก็ไม่น่าจะใช่น่ะแอ้ มันต่างกับที่พี่อ้นทำ ดิวรู้สึกได้!” ผมหันไปพูดกับแอ้ ผมรู้ว่าแอ้ไม่เชื่อที่ผมพยายามบอกว่าพี่แอ้ไม่เหมือนรักแอ้จริงๆ หรอก

           “พี่แอร์น่ะแปลกและสิ่งที่พี่แอร์ทำไม่ใช่รักน้องแต่ดิวว่า…” ผมพูดสายตาผมมองแอ้ แอ้ก็มองหน้าผม

           “พี่แอร์เหมือนกำลังคิดไม่ดีกับแอ้และดิวอยู่ “ผมพูด แอ้ก้มหน้าลง ผมรู้ว่ายิ่งพูดแอ้ก็ยิ่งไม่ชอบให้ผมว่าพี่แอร์และมันดูเหมือนผมกำลังใส่ร้ายพี่แอร์อยู่

             “มึงนี่งี่เง่าว่ะ! “แอ้พูดก่อนจะหันหลังและทำท่าจะเดินออกจากห้องไป ผมหรือจะปล่อยให้แอ้ออกไปง่ายๆ ไหนๆ ก็เข้ามาหาผมแล้ว

             “หมับ!” ผมดึงรั้งแอ้เอาไว้ได้ทันและรีบกอดรัดแอ้เอาไว้ทันที แอ้เองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวก็เซหมุนกลับมาหาผม แอ้ตกใจเลยใช้ฝ่ามือของเขาดันหน้าอกผมเอาไว้ ผมก็พลิกดันแอ้หมุนเข้าหากำแพงและผมก็ดันแอ้ไว้กับกำแพง ผมก็รวบข้อมือของแอ้ขึงไว้เหนือศีรษะแอ้ และใช้ลำตัวดันร่างแอ้ไว้ชิดติดกำแพง แอ้พยายามดันผมออกแต่ก็ไม่เป็นผล แอ้นะเก่งด้านกลยุทธ์แต่ดิวเน้นใช้กำลังเป็นหลัก

              “ไอ้ดิว อย่า เดี๋ยวไอ้ติ๊ก...มัน...” แอ้จะร้องห้ามและจะบอกว่าไอ้ตัวดีจะโผ่เข้ามาในห้องนะเหรอผมแค่ยิ้มที่มุมปาก

             “อืมม” ผมประกบปากแอ้ผมจูบแอ้แบบหนักหน่วง ผมบดขยี้อย่างแรง ทั้งที่ทุกครั้งผมจะนุ่มนวลแต่ว่าครั้งนี้ผมทำรุนแรงเพราะความหึงล้วนๆ ของผม ผมรวบแขนแอ้ไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียวอยู่แบบนั้นเพราะมือแอ้นี่แหละที่อาจจะฟาดผมน็อกเอาท์ได้เลยต้องรวบเอาไว้ก่อน ส่วนอีกมือก็ลูบไล้ไปตามลำตัวแอ้ไปจนถึงสองจุดเล็กบนยอดอกของแอ้ แอ้ทั้งต่อต้านและแอ่นขึ้นสู้มือผมไปพร้อมกันๆ ขณะที่ผมกำลังจูบและใช้นิ้วหยอกเล่นกับสองจุดนั้น

              “อ๊ะ…อย่า… อ๊ะ…อ้าห์ …ดิว “แอ้ร้องเรียกชื่อผม แม้ว่าแอ้จะพยายามห้ามไปด้วยก็ตามแต่ก็แอบร้องครางไปพร้อมๆ กัน ผมก็ยิ่งรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ

               “อย่า...ดิว...ไม่...เอา...ดิวหยุด...กูบอกให้หยุด!” แอ้มันพูดติดๆ ขัดๆ ก็คงจะเป็นเพราะว่าผมนั้นประกบจูบแอ้เอาไว้ แอ้ยิ่งก็พยายามร้องห้ามผม ดูแล้วยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งปลุกไฟความต้องการในตัวผม ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จนผมสองคนเหนื่อยหอบไปด้วยกัน สุดท้ายผมก็ต้องยอมหยุด

                “ฟู่” ผมพ่นลมออกจากปากเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์คุกรุ่นในกายผมมันเบาบางลงบ้างแล้ว ผมเห็นสายตาของแอ้ที่มองผมอยู่ ผมรู้ว่าแอ้ไม่ชอบให้ผมทำแบบนี้ คือถ้าแอ้บอกให้ผมหยุด ผมควรจะหยุดแต่นี้ผมไม่ยอมหยุดเพราะอารมณ์ที่คุกรุ่นที่มันค้างอยู่ข้างในเพราะผมเองที่ทนไม่ได้ที่เห็นคนอื่นพยายามจีบแอ้ที่เป็นแม่ของลูกผมแบบนี้ ผมมองแอ้ แอ้ก็มองผมกลับ เราประสานตาอยู่แบบนั้นไม่ได้พูดอะไรแต่ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกข้างในลึกๆ ของแอ้ ว่าแอ้กำลังผิดหวังกับผมอยู่

                 “ดิวขอโทษ...ดิว...แค่...หึงอ่ะ” ผมพูด แอ้ก็มองผมอยู่นิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไร

                 “มึงไม่ควรหึงกู แบบนี้นะดิว! “แอ้พูดและสุดท้ายเป็นแอ้เองที่ดันตัวผมออก แอ้ทำท่าจะเดินออกไปจริงๆ แต่ผมคว้าแขนแอ้เอาไว้

                “ทำไมอะแอ้...” ผมถามแอ้ แอ้ได้แต่ยืนนิ่ง

                “กู...เออ...” แอ้หันมาทำท่าจะตอบผมแต่ก็เงียบไปซะดื้อๆ แต่ผมก็พอจะเดาได้ว่าแอ้จะพูดอะไร

                “ไม่ใช่แฟน แอ้จะบอกว่าเราไม่ใช่แฟนกัน แล้วเราเป็นอะไรกันแอ้...?” ผมถามแอ้กลับ ผมมองหน้าแอ้ สายตาผมชอนไชเพื่อหาคำตอบจากปากแอ้ แอ้ยืนนิ่งเงียบ

                “แต่มันก็จริงนะเราไม่ใช่แค่แฟนแล้วนะแอ้ เราเป็นมากกว่านั้นไปแล้ว มันก้าวผ่านคำนั้นไปนานแล้วแอ้...” ผมพูด แอ้ได้แต่ก้มหน้า แอ้ไม่พูดอะไรเลย

              “แอ้คือทุกอย่างของดิวและ...ลูกๆ” ผมพูดกับแอ้ ผมกลัวเหลือเกินกลัวว่าเขาจะไม่อยากไปต่อกับผมเพราะแอ้คิดมากตลอดเรื่องในอนาคต กลัวอะไรต่างๆ นานา ทั้งที่มันยังมาไม่ถึงซะหน่อย

              “กูจะขึ้นไปอาบน้ำแล้วดิว “จู่ๆ แอ้ก็เปลี่ยนเรื่องทันทีและแอ้ก็เดินออกไปทันทีเช่นกัน ทิ้งผมให้ยืนงงอยู่แบบนั้น ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม แอ้ถึงไม่ยอมรับใจตัวเองซะที ถ้าแอ้ไม่รักผมก็คงไม่ยอมผมเพราะว่าแอ้ก็ขัดขืนผมได้แต่นี้แอ้ไม่ นี่ก็แปลได้ว่าแอ้ก็ต้องมีใจแต่แอ้จะฝืนใจตัวเองไปเพื่ออะไร ผมไม่เข้าใจจริงๆ และยิ่งผมกับแอ้มีพยานรักกันขนาดนี้แล้วด้วย แต่มันเสียแค่ ผมเปิดเรื่องแอ้ไม่ได้ แม้กระทั่งจะบอกพวกเพื่อนๆ ผมว่าเราคบกันยังทำไม่ได้เลย ก็ไอ้ตำแหน่งบ้าบอที่ค้ำคอผมอยู่ด้วยอีก ผมนั่งลงใช่ฝ่ามือประกบใบหน้าของผม

****

               Part’ s แอ้ ผมเดินออกมาจากห้องที่ดิวเข้าไปออกกำลังกาย เป็นฟิตเนสเล็กๆ แต่ก่อนผมก็ออกไปวิ่งบ่อย บางครั้งก็มีดิววิ่งตามออกไปบ้างแต่ดิวเน้นออกกำลังกายแบบบอร์ดี้เวท นี่ผมเดินออกมาจากห้องนั้นด้วยอาการหัวเสียเล็กน้อย ก็เป็นเพราะว่าผมตั้งใจจะไปคุยกับไอ้ดิวมันดีดี อันที่จริงก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า เวลามันหึงผมนี่สู้มันไม่ได้ทุกทีและสุดท้ายก็ยอมมัน เรียกได้ว่าคุยดีดีไม่เคยได้จับจูบตลอด ดูซินี่ ปากผมบวมเจ่อออกมาหน่อยๆ เลยเพราะว่าวันนี้ไอ้ดิวมันบดขยี้ปากผมแบบรุนแรงและนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มันเล่นบทรักได้ฮาร์ดคอร์มาก ซึ่งปกติจะนุ่มนวลหรือถ้าเกิดผมบอกว่า

             ” ไม่ “มันก็จะหยุดทันทีแต่นี่พอผมบอกว่า

            ” ไม่” มันก็ยังไม่หยุดเหมือนทุกครั้งและมันก็มาจากอาการหึงของมันล้วนๆ ก็ผมดันไปเจอพี่ภาณุที่โรงเรียนนี้ เขาเรียนอยู่ที่นี้โดยที่ผมไม่รู้มาก่อนและพี่แอร์ก็ไม่เคยบอกผมด้วย

            “แอ้!” ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะว่ามีเสียงใครดังมาจากมุมก่อนจะขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองของตัวบ้านและคนที่ออกมาเพื่อแสดงตัวตนคนนั้นคือไอ้ติ๊ก

            “ว่าไงติ๊ก กูตกใจหมด เล่นกระโดดมาจากมุมแบบนี้” ผมพูดกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองที่คุกรุ่นตั้งแต่อยู่ในห้องนั้นแล้ว แต่ที่ผมตกใจมากไปกว่านั้นคือ มันคงไม่ไปแอบฟังผมกับดิวคุยกันหรอกน่ะ ผมมองหน้าติ๊กว่ามีอะไรถึงได้ยืนลับๆ ล่อๆ รอผมแบบนี้อีก

              “มึงไปไหนมา” ไอ้ติ๊กมันถามผมห้วนๆ นี้ก็อีกคน นี้ผมพึ่งจะพจนคนในห้องนั้นมายังต้องมาเจอคนนี้อีกเหรอ

              “มึงไปไหนมา…. แอ้!!” ติ๊กถามผม

             “ก็...เออ..กู ..ไป..วิ่งมา ที่ด้านหลังบ้านพัก” ผมบอกไอ้ติ๊ก จะบอกว่าไปห้องยิมก็ไม่ได้เพราะว่าในห้องนั้นมีไอ้ดิว นี้ผมจะต้องปวดหัวพร้อมกันสองเรื่องเลยใช่ไหม เรื่องติ๊กและมาเรื่องพี่ภาณุอีก

             “จริงเหรอ?” ไอ้ติ๊กมันเดินเข้ามาหาผมและมันก็เอานิ้วมันแตะตามเสื้อผม

             “ตัวมึงดูเปียกๆ กูเชื่อมึง” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมค่อยโล่งอกไปหน่อยเพราะจริงๆ แล้ว ผมไม่ได้วิ่งและที่เสื้อของผมมันเปียกแบบนี้ก็เพราะว่าฟัดมากับไอ้ดิวล้วนๆ เลย

            “งั้นกูขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ กูจะอาบน้ำห้องกู ก่อนที่ไอ้ดิวมันจะขึ้นไปอาบน้ำเหมือนกัน” ผมบอกไอ้ติ๊กทันที ผมขี้เกียจไปนั่งรออาบน้ำทีหลังมันอีกจะได้มีเวลาพักบ้าง ช่วงนี้รู้สึกเพลียๆ ยังไงก็ไม่รู้

            “ก็ได้แอ้” ติ๊กมันพูด ผมก็ทำท่าจะเดินขึ้นแต่

           “หมับ!” ติ๊กมันจับแขนผมและกระชากผมกลับโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวและมันก็ทำให้ผมนึกโมโหไอ้ติ๊กเหมือนกัน

            “เฮ้ย!” ผมตกใจซิครับ ผมหันมาเอ็ดมันว่ามันทำอะไร มันเล่นอะไรของมัน ทำให้ผมเกือบจะหงายหลังแล้วไหมล่ะ

            “ฟื้ด!!” ติ๊กมันดึงตัวผมเข้าไปเพื่อสูดดมเสื้อนักเรียนของผมและก็มองหน้าผมเหมือนกับว่าเขากำลังใจความคิดอยู่

             “แอ้...นี้มันกลิ่นน้ำหอมใครวะ ไม่ใช่กลิ่นประจำที่มึงใช้น่ะ ปกติน้ำหอมมึงจะกลิ่นอ่อนกว่านี้น่ะ” ติ๊กถามผมด้วยน้ำเสียงที่บอกว่ากำลังจะเข้าสู่โหมดเข้าดราม่าอีกแล้ว ผมหันมามองหน้าติ๊ก ทั้งที่ผมกำลังจะผ่านขึ้นไปบนห้องอยู่แล้วเชียว

             “อ้อ พี่กูซื้อให้ใหม่นะ ทำไมอ่ะ ไม่หอมเหรอ” ผมแก้สถานการณ์ไปแบบน้ำขุ่นๆ สายตาผมมองติ๊กเพื่อไม่ให้ติ๊กมันจับพิรุจได้ว่าและมันอาจจะถามหาว่าใครคือเจ้าของน้ำหอมกลิ่นนี้เพราะว่าคนที่ใช้กลิ่นนี้คือไอ้ดิว กลิ่นน้ำหอมไอ้ดิวมันค่อนข้างแรงกว่าผมและการที่มันฟัดผมแบบนั้น เนื้อแทบจะแนบเนื้อดีที่มีเสื้อผ้ากั้นอยู่บ้าง

             “หอมว่ะแต่กลิ่นมันแรงเกินไปสำหรับมึงวะแอ้ ไม่เหมาะกับมึงหรอก เปลี่ยนซะและใช้ที่กูซื้อให้นั้นดีกว่า” ไอ้ติ๊กพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นลงได้แล้ว ผมก็ยิ้มๆ ผมแอบด่าไอ้ดิวในใจนี้มึงหาเรื่องให้กูชัดๆ เลย ผมก็เดินกลับขึ้นไปชั้นสองของบ้านทันที ผมเห็นพายกำลังจะเปิดประตูเข้าห้องพอดีเลยและติ๊กมันก็ตามผมขึ้นไปเช่นกัน

          “ถ้าอย่างนั้นกูขึ้นไปอาบน้ำห้องกูเลยนะติ๊ก” ผมรีบหันไปบอกไอ้ติ๊ก พายมันก็มองไอ้ติ๊กเช่นกัน

         “มึงให้แอ้มันอยู่ติดห้องมันบ้างเหอะไอ้ติ๊ก” พายพูดขึ้นทันที

          “เออ...มึงอาบห้องมึงและเดี๋ยวกูจะเอาการบ้านไปทำที่ห้องมึงว่ะแอ้” ติ๊กพูดและเดินแทรกพายเข้าห้องไปผมก็หันยิ้มให้พายเพื่อขอบใจที่ออกมาช่วยผมเอาไว้ได้ทัน พายพยักหน้าให้ผม

           ผมรีบเข้าไปอาบน้ำทันที ผมดมเสื้อนักเรียนกลิ่นน้ำหอมที่ดิวมันใช้และกลิ่นนี้ผมก็เป็นคนสั่งซื้อมาให้ดิวเองและดิวก็ชอบมากซะด้วย ผมเคยไปดมดูที่บรูธตอนที่เขาเอามาโปรโมทน้ำหอมตัวใหม่  ผมยอมรับว่าผมดูแลมันทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่กางเกงในยังต้องซื้อให้มันเลย ถ้าติ๊กมันรู้เรื่องนั้นด้วยผมคง…ไม่อยากจะคิดเลย

           “ดิวกูอยากรักมึงแต่กูกลัวถ้าหากเป็นจริงอย่างที่พ่อภาพูดว่าถ้าลูกๆ รับไม่ได้ที่จะมีพ่อสองคน มีครอบครัวที่ไม่เหมือนธรรมชาติอย่างคนอื่นเขา กูกลัวว่ะดิว เพราะเขาไม่ได้เลือกให้กูเป็นแบบนี้ เขาเลือกแค่คนเดียวคือบอยไม่ใช่กู “ผมพูดกับกระจก มือจับขอบอ่างล้างหน้าเอาไว้

             “และถ้าเกิดต้องมีหนึ่งคนที่เสียสละและคนนั้นก็ควรจะเป็นกูเองเพราะลูกๆ ก็ต้องการมึงดิว” ผมพูดอยู่คนเดียวในห้องน้ำไม่ดังมาก มันอึดอัดไม่รู้จะไปพูดให้ใครได้ฟังสิ่งที่มันอยู่ภายใน ก่อนที่ผมจะเข้าห้องน้ำเปิดน้ำชำระร่างกาย ผมใช้เวลาไม่นานเพราะถ้าไอ้ดิวขึ้นมามันก็จะไม่ยอมให้ผมอาบน้ำอย่างเดียวแน่ๆ นี้ขนาดพ่อบอกว่าให้ถนอมผมหน่อยนะ มันยังแอบอึบๆ ผมซะเลย ผมก็รีบอาบน้ำเสร็จให้เร้วที่สุด

            “อ้าวติ๊กมานานหรือยังวะ” ผมออกมาจากห้องน้ำ ผมเห็นไอ้ติ๊กมันเปิดหนังสือรอทำการบ้าน พอผมออกมาไอ้ดิวก็เปิดประตูเข้ามาเช่นกัน ไอ้ดิวเห็นผมกับไอ้ติ๊กก็ตกใจ

            “เออ...วันนี้เปลี่ยนที่สวีทกันหรือไง” ไอ้ดิวมันถามผมกับติ๊ก ผมรู้ว่ามันแซวผมกับไอ้ติ๊ก ผมนะแปลกใจที่ว่ามันไม่ได้รู้สึกหึงผมกับติ๊กเหมือนที่มันหึงผมกับพี่ภาณุหรือคนอื่น

             “ก็อยากอยู่ห้องนี้บ้างทำไมอ่ะ อยู่ไม่ได้เหรอ” ติ๊กมันถามดิว

             “ได้…งั้นแอ้ไปว่ะ” ติ๊กมันพูดและทำท่าจะลุกแต่

            “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ “ดิวมันพูดและฮำเพลงของมันไป

            “งั้นอาบน้ำแล้ว จะแอบดูด็ได้น่ะ ไม่เคยล๊อคประตู” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองไอ้ดิว ไอ้ติ๊กมันก็ปาหมอนตามหลังไอ้ดิวไปด้วยขณะที่มันกำลังเดินเข้าห้องน้ำไป ผมก็เช็ดผมตัวเองให้แห้งและนั่งลงข้างๆ ติ๊ก เราเริ่มทำการบ้านกันบนเตียงนอนของผม วิชาที่ผมถนัดก็คือคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และการบ้านพวกนี้พวกผมก็ผ่านกันมาหมดแล้ว ต้องมาทำซ้ำกันอีก

            “จะได้เวลาทานอาหารเย็นแล้ววะติ๊ก “ผมเหลือบมองเวลาและหันไปบอกกับติ๊กมัน ติ๊กมันพยักหน้า

            “เดี๋ยวขึ้นมาทำต่อแล้วกันวะติ๊ก” ผมบอกติ๊ก ติ๊กมันก็พยักหน้า ไอ้ดิวมันกลับเข้าไปในห้องผมคิดว่ามันน่าจะเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำแต่จู่ๆ มันก็เดินกลับออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวพันกายแบบหมิ่นๆ เผยให้เห็นแผ่นอก ผมเหลือบมองแต่ก็ต้องหันหนีเพราะว่าไอ้ติ๊กมันแอบมองผมอยู่ ผมก็เลยเปลี่ยนเป็นเก็บของแทนแล้วกัน (ถึงเห็นดิวบ่อยแค่ไหนมันก็ทำให้ผมหวั่นไหวทุกที)

            “แอ้...สั่งน้ำหอมให้ใหม่ดิ อันนี้มันจะหมดแล้วอ่ะ” ผมกำลังเก็บของอยู่ไม่ได้หันไปมองไอ้ดิวแต่ด้วยความเคยชินเลยบอกมันไปว่า

            “ก็มีอีกขวดไงดิว ที่เคยสั่งมาแต่ดิวบอกไม่ค่อยชอบอ่ะ ใช้ไปก่อนดิดิว ส่วนอันที่ดิวชอบค่อยสั่งออนไลน์เอาและมันก็ใช้เวลาหลายวันกว่าจะมาส่ง มึงเล่นฉีดทุกวัน มันก็หมดเร็วดิ “ผมพูดแต่ผมดันลืมไปว่าไอ้ติ๊กมันอยู่ในห้องนี้กับพวกผม ผมเงยหน้าขึ้นมาผมก็เห็นว่า ไอ้ติ๊กมันมองผมอยู่

             “มึงสั่งน้ำหอมให้ไอ้ดิวด้วยเหรอวะ...แอ้ “ติ๊กมันถามผม และหันไปมองไอ้ดิว ฉิบหายแล้วผม!!!

            “เออ.... คือ....” ผมนี้ไปไม่ถูกเลยครับจะแก้ตัวยังไงละทีนี้

            “ก็ไม่เห็นแปลกนิ แอ้ของตัวเองกูก็ให้แอ้สั่งให้กูบ้าง โดยเฉพาะกลิ่นนี้โคตรหอมเลย แต่จะหมดแล้ว” ไอ้ดิวมันพูดและโชว์ขวดน้ำหอมที่มันใช่ประจำตระกูลแบรนด์หรูขวดสีฟ้า กลิ่นใหม่ล่าสุดที่ผสมผสานระหว่างกลิ่นหอมสดชื่นกับกลิ่นที่แสดงถึงตัวตนของผู้ชาย สร้างเอกลักษณ์หรือบุคลิกภาพอันโดดเด่น มันเข้ากับดิวมาก ติ๊กหันไปมองและลุกไปหาดิวทันที ติ๊กก็หยิบขวดน้ำหอมนั้นมาจากมือของไอ้ดิว เพื่อมาลองดมดูและติ๊กก็ดมพิสูจน์อยู่หลายทีก่อนจะหันมามองผม ผมว่ามันคงเดาอะไรบางอย่างได้ผมไม่น่าเลย กลิ่นน้ำหอมที่ดิวใช้ กลิ่นมันจะแรงมาก

            “หอมดีวะ หอมมากด้วย กูว่ากูได้กลิ่นมาจากที่ไหนสักทีว่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมหันหน้าไม่อยากสบตามันเลย ผมรู้ว่ามันหมายถึงผม กลิ่นที่ติดเสื้อผมอยู่ไง

            “ที่ไหนอ่ะ เคยมีเหรอ” ดิวมันถามไอ้ติ๊ก ไอ้ติ๊กส่งน้ำหอมขวดนั้นคืนให้ดิวและหันมามองผม

           “หรือว่าแบรนด์เขาส่งมาให้ลองใช้ละ แต่ระดับมึง” ดิวพูด

            “ไม่อ่ะ กูไม่ชอบเพราะว่าไอ้คนที่เป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมยี่ห้อนี้และกลิ่นนี้” ติ๊กมันพูด

             “มันทะเลาะกับกูตอนที่ไปออกงานและมันทำให้กูฟาดมันไปด้วยรองเท้าหนังหัวตัด” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมก็รู้เรื่องนี้และใครก็รู้เพราะว่าเป็นข่าวครึกโครมกันเลยทีเดียว พร้อมกับสงครามน้ำลายสาดกันไปมาระหว่างดาราคนนั้นกับติ๊กและผู้จัดการของติ๊ก

          “ทำไมมึงสั่งอันนี้วะแอ้” ติ๊กมันหันมาถามผม

          “คือว่าเออ. กูไม่รู้เรื่องน้ำหอมอ่ะ กูเลยสั่งมั่ว” ผมแก้ตัวไป ดิวก็มองผมและติ๊กสลับกันไปมา

          “ก็แค่น้ำหอมติ๊กมึงจะอะไร ไอ้นั่นมันก็ส่วนไอ้นั่นดิวะ แยกแยะหน่อย “ไอ้ดิวมันก็เอาขวดน้ำหอมกลับไปและมันก็มองผมอีก ตอนนี้โคตรอึดอัดเลยผมนะ

          “อืมม..ก็แค่น้ำหอม..จริงของมึงว่ะ งั้นกูลงไปทานข้าวเลยแล้วกัน “ติ๊กมันพูดและเก็บสมุดการบ้าน ผมก็มองว่าใครบอกว่าจะมาทำการบ้านที่นี้ไง ผมเองก็อยากให้ทำที่นี้เพราะว่าผมทิ้งไอ้ดิวมันอยู่คนเดียวมาจะสามวันแล้ว

          “กูจะทำที่ห้องกู มึงก็ตามใจแล้วกันแอ้ …. กูเบื่อที่จะ” ติ๊กมันพูดและก้มลงเก็บของทุกอย่าง

          “เออ...กูไปทำ...ที่ห้องมึงก็ได้ว่ะ” ผมพูดและรีบเก็บสมุดทั้งหมดจะได้ตามไอ้ติ๊กไป แต่ว่าดิวมองหน้าผม ว่าทำไมผมยอมไอ้ติ๊กอีกแล้วถ้ามันรู้เหตุผลมันจะเข้าใจ ผมรู้สึกตลอดเวลาและรู้สึกอึดอัดที่ผมกับเป็นคนกลางระหว่างมันสองคน

           “และจะให้แอ้มันนอนห้องมึงอีกไหมวะ ติ๊ก” ดิวถามติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าดิวและมองหน้าผม

            “กูว่า กูเริ่มจะหมดความอดทนว่ะติ๊ก มึงงี่เงาวะ นี้ห้องนอนกูกับแอ้ มึงให้มันไปนอนเบียดมึงทำไมวะ “ดิวพูดผมหันกลับไปมองไอ้ดิว ผมแอบส่ายหัวว่าอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่

           “ทำไมวะติ๊ก มึงเป็นอะไร! “ดิวมันถามติ๊ก ดิวมันยืนเอามือเท้าซะเอวมองผมกับติ๊ก

           “กูซิต้องถามมึงสองคนมีอะไรปิดกู!” ติ๊กมันหันมามองหน้าผมกับไอ้ดิวสลับกันไปมา ดิวมันเดินเข้ามาผมก็มองไอ้ดิว ผมส่ายหัวเพราะดูแล้วไอ้ดิวมันกำลังจะ

            “มึงปิดบังอะไรกูละ ช่วงสี่ปีที่ผ่านมานี่นะ มีเชี่ยอะไรทำไมไม่บอกกูตรงๆ วะ “ติ๊กหันพูดและมองหน้าผมสองคน

           “กูก็ไม่อยากปิดแต่เพราะมึงแม่งโคตรงี่เง่าไงและกูกับแอ้ก็คิดว่ามึงคงจะไม่ฟังใครแบบนี้ด้วยไง”

           “แต่กูว่ากูก็ควรจะบอกมึงว่า ….” ดิวมันทำท่าจะพูดแต่ผมส่ายหัวว่าอย่านะดิว

           “กูกับแอ้… “ไอ้ดิวมันย่างเท้าเข้ามาอยู่ตรงหน้าติ๊กและผม ตอนนี้เราสามคน ไอ้ติ๊กมันก็รอฟัง

            “กูกับแอ้…” ดิวพูด ผมที่ยืนอยู่ก็พยายามสั่นหัวบอกดิว

           “มีลูกด้วยกัน” ไอ้ดิวพูดขึ้นมา ติ๊กมันก็ถึงกับอึ้ง ผมมองหน้าไอ้ดิว ทำไมมันเลือกที่จะบอกตอนนี้ ทั้งที่ผมเองยังไม่กล้าบอกพ่อผมเองเลยแต่มันดันเลือกที่จะบอกติ๊กก่อนนี่น่ะ ผมหันมามองหน้าดิว ผมส่ายหัว ดิวมองหน้าผมก่อนจะหันไปมองหน้าติ๊ก สายตาเขาทั้งคู่ประสานกัน ผมยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ในใจผม (อย่านะดิว)           

             TBC......
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.25.1 (ดิวXแอ้Xติ๊ก) สิ่งที่พูดไม่ได้2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 24-01-2024 08:23:19
         
EP.25.1 (ดิวXแอ้Xติ๊ก) สิ่งที่พูดไม่ได้2
            Part’s แอ้ ผมมองหน้าไอ้ดิว ทำไมมันเลือกที่จะบอกตอนนี้ ทั้งที่ผมเองยังไม่กล้าบอกพ่อผมเองเลยแต่มันดันเลือกที่จะบอกติ๊กก่อนนี่น่ะ ผมหันมามองหน้าดิว ผมส่ายหัวอย่าบอกน่ะดิว ดิวมองหน้าผมก่อนจะหันไปมองหน้าติ๊ก สายตาเขาทั้งคู่ประสานกัน ผมยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ในใจผม (อย่านะดิว)    ติ๊กก็มองหน้าผมกับดิวสลับกันไปมา 
            “ลูก… มึงจะมีลูกกันได้ยังไง…” ติ๊กถามขึ้น ติ๊กหันมามองหน้าผม ผมแอบสั่นหัวเบาๆ ไอ้ดิวน่ะไอ้ดิวถ้ามันบอกไปนี้เท่ากับว่ามันทิ้งระเบิดไว้ให้ผมชัดๆ
           “ลูกหมานะติ๊ก กูชอบเลี้ยงหมาไง พอดีมีคนให้มันมาและกูก็อยากได้เฉยๆ แต่พ่อกูไม่ให้กูก็เลยให้เป็นหมาของไอ้ดิวมัน...   . “ผมหันไปมองไอ้ดิวและแอบส่งสายตาว่าอย่านะ อย่าพูดเรื่องนี้ ดิวมันก็ส่ายหัวนั้นคือมันไม่อยากเก็บไว้อีกแล้ว
      “ก็แค่ลูกหมาอ่ะติ๊ก ผมหันไปบอกติ๊ก แต่ติ๊กมันไม่ได้มองผม ส่ายตามันยังคงประสานอยู่กับไอ้ดิว
      “ลูกหมาแน่เหรอ”ติ๊กถามขึ้นเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“ไอ้ดิวมึงจะพูดจาสองแง่สองง่ามกันทำไมวะ” ผมถามไอ้ดิว
            “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูเข้ามาขัดจังหวะพอดี ผมสามคนหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน ไอ้ดิวเป็นคนเดินไปเปิดทั้งมันยังสวมแค่ผ้าขนหนูพันกายแบบหมิ่นๆ และคนที่เข้ามาคือ แจ็ค หลุยส์ ธรรณ์และบอย ทั้งสี่คนมองพวกผมสลับกันไปมอง ผมเห็นไอ้แจ็คมันเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามไอ้ดิวว่าเกิดอะไรขึ้น
           “เฮ้ยย จะ...ไป...ทานข้าวกันได้ยังวะ” ไอ้แจ็คมันถามพวกผม ไอ้หลุยส์ ธรรณ์และบอยด้วยเข้ามด้านใน พวกเขามองพวกผมสามคนสลับกันไปมา
           “ดูหน้าตาแต่ละคนคุสาดมาก มีอะไรกันวะ “ไอ้แจ็คมันถามพวกผม ไอ้ดิวมันหันหลังพ่นลมหายใจออกมา ผมหันมามองหน้าไอ้ติ๊ก ผมไม่รู้ว่ามันเชื่อที่ดิวพูดหรือผมพูดกันแน่
          “เออพวกมึงมีอะไรกันหรือวะ” ไอ้หลุยส์มันถามขึ้น
         “ผัวเมียตีกันอีกแล้วหรือไงวะ มีอะไรทำไมไม่ค่อยๆ คุยกันดิว่ะ” ไอ้แจ็คมันพูด ผมหันไปคว้าหมอนจะปาใส่มัน มันรีบหลบหลังไอ้หลุยส์ทันที
       “ไอ้ดิว...มึงบอกให้กูฟังใหม่ดิว่าตกลงมึงสองคนมีลูกน่ะลูกอะไร ลูกคนหรือลูกหมากันแน่ เอาให้แน่ๆเพราะสายตามึงมันบอกกูว่าที่ไอ้แอ้พูดมันไม่ใช่ ” ไอ้ติ๊กมันถาม ผมก็กำลังจะอ้าปากพูด
        “พอเลยมึงให้ไอ้ดิวมันพูด”แต่ไอ้ติ๊กมันยกมือห้ามผม
          “ลูก!!ลูกอีกแล้ว ลูกอะไรอีกว่ะ กูได้ยินคำว่าลูกๆ นี้หลายครั้งแล้ว ใครมีลูกวะ” ไอ้แจ็คมันถามขึ้นและมองหน้าผมกับไอ้ดิว ส่วนติ๊กมันยืนนิ่งในมือกำหมัดเอาไว้แน่นมาก
          “ลูกห้อยลูกโหนหรือเปล่าในกางเกงในพวกมึงน่ะ...ฮาๆ ...ฮา...งื้ด!” ไอ้หลุยส์พูดแต่ไม่มีใครขำสักคนนอกจากไอ้แจ็คมันหันไปแตะมือกับหลุยส์แต่สายตาของบอยบอกว่าไม่ตลกด้วย
          “ไอ้ตี๋”และธรรณ์ก็หันไปเอ็ดไอ้หลุยส์อีกคนทั้งคู่มันเลยหยุดแซวผม มีแค่บอยที่มองผมด้วยสายที่เป็นห่วงผม
           “ว่าไงไอ้ดิว!มึงพูดมาดิ พูดออกมาเลย” ไอ้ติ๊กมันขึ้นเสียง
           “ลูกหมา กูมีลูกหมากัน เพราะแอ้มัน...รักหมามาก…แอ้…มันอยาก….เลี้ยงหมา!”ดิวพูด
   “ก็แค่นั้นแหละ…ก็แค่ลูกหมาปะวะ”แจ็คพูด
   “มึงสามคนจะทะเลาะกันแค่เรืองนี่เหรอว่ะ กูว่าไม่น่าจะใช้ว่ะ”ไอ้หลุยส์ถาม ผมหันไปมองไอ้นี้มันนักสืบหรือไงวะ
   “เออ..แค่เรื่องลูกหมานี่แหละ กูกับแอ้เลี้ยงลูกหมาเอาไว้เพราะว่าแอ้ อยากจะเลี้ยง แอ้มันรักหมามาก ทั้งรักและก็ยังคอยตามใจมันด้วย มันกัดตั้งกี่ทีก็ยังรักมันอยู่ “ไอ้ดิวมันพูดแต่สายตามันมองไปที่ติ๊กอยู่คนดียว ติ๊กมันก็มองไอ้ดิว เหมือนไอ้ดิวมันกำลังสื่อสารอะไรบางอย่างกับติ๊ก
           “แต่จะว่าไปมันก็คล้ายๆ กับชาวนากับงูเห่าอีกเหมือนกันเพราะว่างูเห่า ช่วยมันรักษามันดีแค่ไหนพอมันหายมันก็ย้อนมากัดตามสัญชาตญาณของสัตว์มีพิษ” ไอ้ดิวพูดต่อ
“แอ้น่าจะรู้น่ะนิทานเรื่องนี้ มีคนเคยอ่านให้ฟังก่อนนอน “ดิวพูดก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อแต่งตัว
“เอาหนักเข้าไปอีกสัตว์เอ๊ย มึงพูดเชี่ยอะไรกันเนี่ย! พวกกูงงฉิบหายเลยว่ะ ตกลงลูกอะไรวะ” ไอ้แจ็คมันบ่นก่อนจะหันมามองหน้าผม มันเอามือเท้าเอว
             “แล้วชาวนากับงูเห่ามาเกี่ยวอะไรกับลูกหมาอีกวะพวกมึงเล่นมุกเชี่ยอะไรกันเนี่ยะ! “ไอ้แจ็คมันถาม
            “ตกลงลูกอะไรกันแน่วะ ลูกคนหรือลูกหมาวะ “ไอ้หลุยส์มันพูด
             “ลูกหมา!” ผมพูดแค่นั้น ติ๊กมันหันมามองหน้าผม สายตามันบอกได้ว่ามันเสียใจ ผมก็เสียใจเหมือนกันที่ต้องปิดมัน ไม่ซิปิดพวกมันทุกคน บอยมองผมเหมือนกับว่าเขาจะเข้าใจผมยังไงก็ไม่รู้
           “งั้นก็ลงไปกินข้าวกันเถอะว่ะ หิววะ “ไอ้หลุยส์มันพูดและลูบท้องมันไปด้วย และทุกคนก็แยกย้ายกันลงไปรอทานข้าว พายมองผมกับติ๊ก
            “แอ้ไปกินข้าวกันเถอะว่ะ ติ๊กด้วยน่ะ” บอยบอกผมสองคนแต่ว่า
             "ปึก!" ติ๊กมันเดินชนหัวไหล่ผมอย่างแรงและออกไปทันที ผมนี้เซ่จนล้มลงไปเลย คิดดูว่ามันชนแรงแค่ไหน ดิวก็มองผมแต่ว่ามันอยู่ไกลจากผม มันเลยเข้ามารับไม่ได้แต่ว่ามันก็ดีน่ะ ผมไม่อยากให้ประเด็นนี้มันยืดออกไปอีก
              “ไอ้เชี่ยนี้มึงนี้บ้าไม่ต่างกับหมาเหมือนกัน กูว่าที่ไอ้ดิวว่ามันพูดถึงคงหมายถึงมึงวะ” แจ็คพูดขึ้นและเดินมาจับแขนผมพยุงขึ้นมาแทน ผมพยักหน้าว่าผมโอเค ผมเดินตามทุกคนออกไปแต่ดิวเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวและจะได้ลงไปทานอาหารเย็นด้วยกัน ผมเลือกเดินลงไปก่อนพอผมเดินลงมาถึงชั้นล่าง ผมไม่เห็นไอ้ติ๊ก ผมไม่รู้ว่าเดินเข้าไปในห้องอาหารหรือยัง
                 “มึงโอเคไหมวะแอ้ กูว่ามึงดูไม่โอเคเลยว่ะ “พายยืนอยู่ด้านล่างพายถามผม ผมเห็นบอยเดินสวนออกมาจากห้องอาหารพอดี เดินตรงมาหาผมทันทีเช่นกัน ทำทีเหมือนมีเรื่องจะคุยกับผม
             “บอยจะไปไหนอ่ะ ไม่...” พายถามบอย บอยก็มองมาที่ผมพร้อมกับยิ้มให้ผม
             “บอยมีเรื่องจะคุยกับแอ้นะ พาย ..ขอเวลาแป๊บหนึ่งนะ “บอยบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับผม พายก็พยักหน้า
            “จะคุยเรื่องลูกหมานะ บอยก็ชอบนะ อยากเลี้ยงเหมือนกัน” บอยบอกพาย พายก็ยิ้มๆ และเดินเข้าไปก่อน บอยเดินมาจับมือผมไว้
             “ไปคุยตรงโน้นดีกว่าแอ้” บอยบอกผม ผมเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นอีกห้อง บอยหันไปมองว่ามีใครตามผมสองคนมากันไม่แต่คงไม่มี
              จู่ๆ บอยก็บอกผมว่าขอคุยด้วยกับผม ผมรู้ว่าบอยเริ่มระแคะระคายเรื่องผมเหมือนกัน ผมยอมรับไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับผมท้องได้เพราะว่าสิ่งที่พ่อภาทำให้ผมมันผิดจรรยาบรรณและมันก็ค่อนข้างร้ายแรง เพราะตอนนั้นองค์กรของพวกผม มีโครงการศึกษาเรื่องผู้ชายสามารถตั้งครรภ์ได้ขึ้นมาเพื่อให้องค์กรมีทายาทที่เกิดจากคนที่จะเป็นผู้นำทั้งคู่แน่นอนเขาเป็นผู้ชายทั้งคู่ จึงมีการคิดค้นด้วยหลักวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย แต่มันก็ยังมีคนที่คัดค้านให้ปิดโครงการนี้ไปแต่ว่าทางพ่อๆได้ขอเอาไว้ เขาอนุมัติให้แค่คนเดียวแต่ดันมามีผมอีกคน ถึงแม้ว่าผมจะคนละกรณีกันก็ตาม ดังนั้นผมจึงยังพูดเรื่องนี้ไม่ได้แต่ผมเองก็รู้เรื่องบอยมาจากดิว ทุกคนในบ้านพ่อภารู้หมดแต่จะต้องเก็บเป็นความลับ ดังนั้นการที่บอยขอคุยกับผม มันค่อนข้างกังวลสำหรับผมพอสมควร ผมเดินหลบมาพอสมควร บอยมองหน้าผม บอยยิ้มให้ผม เขาคงรู้ว่าผมเริ่มมีสีหน้ากังวลเรื่องที่บอยจะคุย
            “แอ้.... บอยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะแต่บอยรู้สึกว่าแอ้แบกมันเยอะมากน่ะ “บอยพูดผมหันไปมองหน้าบอย
            “และบอยคิดว่าเราคงตกในสถานการณ์เดียวกันด้วยมั้ง” บอยพูด ผมเงยหน้ามองบอย ผมเองยังไม่ค่อยเข้าใจที่บอยพูดเท่าไหร่
           “คือ...เรื่องลูกนะ...แอ้มีลูกได้จริงๆ เหรอ” บอยถามผม ผมก็ตกใจในคำถามของบอย
            “มีได้ยังไง...เราไม่ใช่ผู้หญิงนะบอย...และ...เราจะไปมีกับใครละเราไม่...” ผมพูดปฏิเสธ ผมไม่รู้ว่าบอยจะรู้เรื่องของผมไหม แต่ผมน่ะรู้เรื่องของบอย บอยมองหน้าผม
            “กับดิวไง” บอยพูด ผมก็มองหน้าบอย เหงื่อเริ่มแตก สีหน้าผมเริ่มตกใจใบหน้าตอนนี้คงซีดเผือดผมแค่เดาเอาเพราะว่าผมไม่มีกระจกส่องในตอนนี้ ผมได้แต่ยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ
            “และบอยก็เชื่อว่าที่ดิวปฏิเสธที่จะไม่ทำตามที่เขาเลือกให้ดิวต้องทำเพราะเหตุผลนี้เช่นกัน “บอยพูดผมหันมามองหน้าบอย ผมพูดไม่ได้เช่นกัน
           “ต่อให้แอ้จะไม่ใช่ที่เขาต้องการให้เป็น แต่ในเมื่อแอ้ก็เป็นแล้วและบอยก็คิดว่าแอ้ก็รู้เรื่องบอยเหมือนกันใช่ไหม” บอยถามผม ผมมองหน้าบอย ผมก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
            “บอยขอโทษนะ ถ้าแอ้ยังไม่พร้อมจะคุยกับบอยเรื่องนี้ตอนนี้ก็ไม่เป็นไร วันหนึ่งเราคงพร้อมจะเปิดใจคุยด้วยกัน ...งั้นไปทานอาหารเย็นกันเถอะ เพื่อนๆ รออยู่ “บอยพูดผมก็พยักหน้าและเดินออกมาผมก็เจอติ๊ก กำลังเดินออกมาพายคงบอกว่าบอยขอคุยกับผมแน่นอน
          “กำลังจะมาตามไปทานข้าวนะเดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อนนะบอย” ติ๊กพูดขึ้น บอยหันมามองหน้าผมยิ้มๆ และเดินเลี่ยงเข้าไปก่อน ผมก็จะเดินตามแต่ติ๊กมันดึงแขนผมไว้
          “ติ๊ก เป็นอะไร” ผมถามติ๊กเพราะว่ามันบีบแขนผมจนรู้สึกเจ็บ
         “แค่นี้ไม่เจ็บหรอกแอ้ กูเจ็บกว่ามึงอีก “ติ๊กพูด
          “ฟัดกันนัวเลยดิ ฟัดกันจนน้ำหอมติดเสื้อขนาดนี้” ไอ้ติ๊กมันพูดเชิงกระซิบกับผมสองคนเพราะว่าทุกคนอยู่ในห้องอาหารกันหมดและจังหวะนั้นไอ้ดิวมันก็เดินลงมาพอดี ติ๊กมันเลยรีบปล่อยแขนผมก่อนที่ไอ้ดิวมันจะเห็น ไอ้ดิวหยุดมองหน้าผมและติ๊กสลับกันไปมา ผมเองที่หลบสายตามันและติ๊กก็เป็นฝ่ายเดินเข้าไปในห้องอาหารก่อน
          “มันทำอะไร” ดิวถามผม
          “ไม่มีอะไรหรอก “ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
          “แอ้” ดิวจับแขนผม ข้างเดียวกับที่ติ๊กมันบีบแต่ผมกัดฟันเพื่อไม่ให้ดิวมันรู้และมันจะถามผมจนเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ผมหันมามองหน้ามัน
          “ก็บอกไม่มีไงดิว” ผมพูด ดิวพยักหน้าและผมกับดิวก็เดินเข้ามาด้านใน ผมมองมีเก้าอี้ว่างสองตัวที่ติดกัน ไอ้ติ๊กมันไปนั่งติดกับพายและธรรณ์และก็บอย
           “นั่งซิแอ้ ทานข้าวกัน” บอยบอกผม ผมก็พยักหน้าไอ้ดิวมันก็เลื่อนเก้าอี้ให้ผมก่อนและมันก็ไปนั่งถัดไป ผมหันไปมองมันไอ้นี่มันทิ้งระเบิดให้ผมอีกแล้ว
          “มึงจะเลื่อนเก้าอี้ให้กูทำไม” ผมกระซิบกับมันแบบว่าไม่ให้ใครสังเกตได้ไอ้ดิวมันก็ตักอาหารทานปกติ ทำเหมือนไม่ได้ยินที่ผมถามมัน
         “อ่ะ ทานปลาเยอะๆ” ไอ้ดิวมันตักปลาให้ผมและมันยังบอกผมอีกนะว่าให้ผมกินปลาเยอะ เหมือนกับที่ผมชอบบอกลูกๆ หรือเปล่วว่ากินปลาเยอะๆ จะได้ฉลาดๆ นี้มันว่าผมว่าผมไม่ค่อยฉลาดคงเป็นเพราะเรื่องติ๊กกับเรื่องพี่แอร์ด้วยซิน่ะ ผมสะบัดหน้าไปมองไอ้ดิว มันแอบยิ้มโดยที่ไม่หันมาหน้ามามองผม และมันก็คอยตักแต่ปลามาเติมให้ผมตลอดจนทุกสายตามองมาที่จานของผม
        “นี้มึงไม่คิดจะให้แอ้มันกินหมูเห็ดเป็ดไก่กะเขาบ้างเหรอวะ ไอ้ดิว” ไอ้แจ็คพูด บอยนี้แอบขำแต่มีคนที่หน้าบึ้งก็เป็นติ๊ก
       “กินปลาเยอะๆ จะได้ฉลาดๆ” ดิวพูด
      “จะได้คิดอะไรได้บ้าง “ดิวพูด ผมหันมามองหน้ามันประมาณว่าอย่าเปิดประเด็นได้ไหม
      “และนี้ ผักบุ้ง กินผักบุ้งเยอะๆ ด้วยน่ะ” ดิวพูดอีก ผมหันมามองเพื่อ?
       “จะได้เป็นเต่าเหรอเพราะว่าเต่าชอบกินผักบุ้งนะดิว ฮาๆ” พายพูด พูดเองก็ขำเอง ทำเอาทุกคนหันไปมองพายกันหมด
       “ฮาๆ “ทุกคนหลุดขำหมดแต่ไม่ใช่สำหรับผมสามคน ดิว ติ๊กและผม ทำเอาทุกคนหยุดหัวเราะและหันมามองหน้าผมสามคนสลับกันไปมา มันแปลกมากกว่าทุกครั้งไง ผมเองก็อึดอัดที่สุด
        “ผักบุ้งด้วย บำรุงสายตา กินเยอะๆ จะได้เห็นอะไรที่ชัดเจนมากขึ้น ว่าอะไรผิดอะไรถูก” ไอ้ดิวมันพูดอันนี้เน้นเสียงแบบชัดถ้อยชัดคำมาก
       “ครืน!!” เสียงลากเก้าอี้ ติ๊กลุกพล้วดขึ้นทันที ติ๊กมองหน้าผมก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารทันที ผมหันมาดิว ทำแบบนี้ทำไมว่ะ
        “มันอิ่มแล้วเหรอวะ” ไอ้หลุยส์ถามทุกคน แจ็คมันยักไหล่มันไม่รู้เหมือนเช่นทุกคนบนโต๊ะอาหาร
        “ลุกไปขนาดนี้มันคงจะยังไม่อิ่มมั้งหลุยส์” พายพูดและพายก็ลุกขึ้นเช่นกัน
         “แล้ว?” หลุยส์มันก็ทำท่าว่าจะถามพายแต่คงนึกขึ้นได้ว่าไม่น่าจะถามมั้ง
          “อิ่มแล้วและพอดีว่าพายนัดพ่อเปรมดิ์ไว้จะโทรหานะ ไปก่อนนะทุกคน “พายพูดและเดินออกไปทันที ผมหันไปมองไอ้ตัวดีที่นั่งทานอาหารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
        “แกร้งๆ” ช้อนทุกคันวางบนจานอาหารกันหมด ผมเดาได้ว่าทุกคนกำลังมองผมกับไอ้ดิวกันหมด
         “กูถามจริงๆเหอะวะ มึงสองคนคบกันป่ะ มีเชี่ยอะไรก็พูดมาดิว่ะ แอ้ ดิว ” ไอ้แจ็คยิงคำถามมาที่ผมสองคนทันที
         “กูก็เพื่อนกันมาตลอดพวกมึงก็เห็น” ผมเลยต้องเป็นคนตอบคำถามนี้แทน
        “บางครั้งมันไม่ใช่ว่ะและไอ้ติ๊กนี้เมื่อก่อนมันไม่เป็นแบบนี้นะโว้ย  “แจ็คพูด
         “ไม่ซิ มึงสามคนนะ ไม่เป็นแบบนี้วะ กูไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับพวกมามึงบ่อยเหมือนเมื่อก่อนมีแค่ไอ้ติ๊ก กูเข้าใจว่ามึงและไอ้ดิวตามอาภาไปพักที่ค่ายบ่อย แต่มันเกิดช่วงหลังๆ นี่เอง “ไอ้แจ็คมันพูดขึ้น
         “และกูรู้สึกได้ว่าติ๊กมันเสียใจว่ะ ที่มึงสองคนเหมือน...มีอะไรที่ปิดบังมันและพวกกูด้วย เรายังเป็นเพื่อนกันไหมว่ะ เพื่อนที่เขาบอกว่าเกิดแม่งก็วันเดียวกันอ่ะ” ไอ้แจ็คมันพูดแม้บอยจะแตะแขนแจ็คก็ตาม
          “ก็แค่บอกมาว่ะ แค่นั้น ตอนนี้มีแค่เรา มีแค่พวกเรา ถ้ามานั่งแตกคอกันแบบนี้ แม่งงานจะสำเร็จไหมวะ ดิว” ไอ้แจ็คมันพูดและหันมามองหน้าไอ้ดิวแทน
         “แจ็ค” บอยเรียกแจ็ค บอยส่ายหน้าว่าให้แจ็คมันพอ
         “ครื้น!” เสียงเก้าอี้ถูกเลื่อนออก โดยไอ้ดิว ดิวมันลุกพล้วดขึ้นทันที
        “แอ้ขึ้นห้องเถอะ!!” จู่ๆไอ้ดิวมันก็หันมาบอกผมและมันก็ดึงแขนผมให้ลุกขึ้น พร้อมกับทุกสายที่มองผมสองคน ดิวมันลากแขนผมขึ้นไปบนห้องพักทันที โดยไม่ได้หันไปพูดอะไรต่อทิ้งไว้ซึ่งความไม่เข้าใจของทุกคน ผมเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

        TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.2ุ6 (ดิวXแอ้Xติ๊ก) ผมปล่อยมันมาไกลเกินไป
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 24-01-2024 19:23:40
EP.2ุ6 (ดิวXแอ้Xติ๊ก) ผมปล่อยมันมาไกลเกินไป

           Part’s แอ้ ทันทีที่ดิวมันลากผมขึ้นมาชั้นและพาผมเข้าไปในห้อง ไอ้ดิวมันก็ปิดประตูลง ดิวไม่ได้พูดอะไร ดิวใช้ฝ่ามือที่ดันประตูเอาไว้ มันบ่งบอกได้ว่าดิวก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกผมเองก็รับรู้ได้ ผมถึงไม่อยากกักมันเอาไว้เพราะว่าผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรอีกในวันข้างหน้า ถ้าสิ่งที่จะต้องเจอมันหนักกว่านี้ล่ะ ดิวมันจะทนได้ไหมผมเองก็ยังไม่รู้ว่าผมจะทนได้หรือไม่เช่นกัน และสิ่งที่ผมเป็นอยู่ มันจะมีหลายคนที่เดือดร้อนกับเรื่องนี้ ผมกับดิวเลยพูดไม่ได้ มันพูดออกไปไม่ได้ ผมไม่ควรปล่อยให้มันมาไกลขนาดนี้ด้วยซ้ำ
           “ดิว..คือ..” ผมทำท่าจะอธิบายแต่ดิวยกมือห้ามผม ผมรู้ว่ามันเสียใจแต่ถามว่าผมเสียใจไหมผมก็เสียใจไม่แพ้ดิวเหมือนกัน เสียใจที่ดึงดิวมันเข้ามาปล่อยให้ความรู้สึกมันไปไกลทั้งผมก็รู้อยู่แล้วว่าสักวันผมอาจจะไม่ได้อยู่กับดิวก็ได้ ดิวหันหลังและกำลังจะเดินผ่านผมไป แค่นี้ผมยังรู้สึก ผมอาจจะอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีดิว
           “หมับ!” ไม่บ่อยหนักที่ผมจะทำแบบนี้กับดิว ผมกอดดิวไว้จากด้านหลัง กอดเหมือนกล้วดิวมันจะหันหลังและทิ้งผมไว้ ทั้งที่ผมเองนี้แหละที่จะทำให้เสียดิวไปเองไม่ใช่ใครอื่นเลย ตอนนี้น้ำตาผมไหลเพราะใจผมก็กลัวเสียดิวมันไปเหมือนกัน ถ้าเกิดว่าวันที่ดิวมันท้อและเลือกเดินจากผมไปเพื่อเลือกทางเดินที่ดีกว่าเดินกับผมล่ะ
             “ฟู่!!!” ดิวพ่นลมหายใจออกมายาวๆและดิวก็หันกลับพร้อมกับพลิกตัวผมเข้าไปกอด ผมกอดกันอยู่ตรงกลางห้องไม่รู้นานแค่ไหนไม่รู้แต่อยากอยู่ตรงนี้นานๆ
             “ดิวขอโทษ ดิวแค่ ...อยากบอกให้มันจบๆ ไป “ดิวพูดขึ้น ฝ่ามือก็ลูบหัวผมเบาๆ
            “แต่มันจะมีปัญหาอื่นตามมาดิว มึงเข้าใจกูไหม...ฮึกๆ” น้ำตาผมเริ่มไหลทั้งที่พยายามแล้ว พยายามกลั้นมันที่สุดแล้ว
            “ไหนจะพ่อกูอีกละดิว พี่ๆ กูด้วยและถ้าทุกคนรู้ว่ากู...ไม่เหมือนคนอื่นละ กูจะเป็นยังไงดิว...แต่ที่กูไม่อยากให้มึงพูดเรื่องนี้เพราะว่า คนที่เดือดร้อนที่สุดคือพ่อภา มึงรู้ไหมดิว” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
           “และอีกเรื่องที่ไม่ควรพูดเรื่องนี้เพราะว่า ดิว มึงคือคนที่เขาเลือกถ้าลุงหนึ่งรู้เรื่องที่กูกับมึงมีอะไรกันจน มีลูกละ กูไม่อยากจะคิดว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นดิว กูไม่ใช่คนที่เขาเลือกแต่แค่ซวย มึงเข้าใจไหมดิว” ผมพูดมองหน้าได้ดิว สายตาผมกับดิวประสานกัน
             “ดิวไม่ได้อยากถูกเลือกแอ้และดิวก็คิดไว้ว่า เราออกไปอยู่แบบคนธรรมดาเขาอยู่กันไหม ดิวไม่สนใจองค์กรบ้าบออะไรนี้หรอก ดิวไม่อยากได้ ถึงเขาไม่มีเราสองคนพวกเขาก็อยู่ได้เพราะมีคนมากมายอยากได้มันแอ้!” ดิวบอกผม ผมถึงกับยืนอึ้งนี่มันจะทิ้งพ่อภาและพี่มันไปเหรอ
             “น่ะแอ้ เราไปอยู่แบบธรรมดาติดดินไม่ต้องมีอะไร มีแค่เราและลูกๆ” ดิวพูด
             “ทิ้งทุกอย่าง ดิวไม่อยากได้อะไรแล้ว ชื่อเสียงหรือเงินทองและไม่อยากทำให้พ่อเดือดร้อน นั้นคือเราไปมีชีวิตของเรา” ดิวพูด ผมมองหน้าไอ้ดิว มันยอมจะทิ้งพ่อภาและพี่ๆ ไปได้เหรอ ยอมทิ้งโรงพยาบาลของพ่อภาได้หรือและมันคิดว่าผมเป็นแบบนี้จะอยู่แบบคนธรรมดาได้จริงๆ เหรอ
             “ดิวมึงคิดว่ากูจะอยู่แบบคนธรรมดาได้เหรอดิว ทั้งที่กูไม่ปกติแบบนี้ นี้ขนาดกูอยู่สภาพแบบนี้มันยังยากสำหรับกูเลยดิวและถ้าไปอยู่แบบนั้นใครจะมองว่ากูปกติเหรอวะดิว “ผมพูด น้ำตาผมไหล ดิวมันหันมามองผม ดิวมันเข้ามากอดผม กอดผมแน่นมากกว่าทุกครั้ง
              “คิดดิว่ะดิว “ผมพูดเบาๆ ขณะที่ผมยังซบใบหน้าอยู่ที่แผ่นอกของดิว
              “ดิวขอโทษแอ้ ดิวขอโทษ ในความงี่เง่าของดิว” ดิวมันพูดผมไม่รู้ว่าเราสองคนกอดกันนานแค่ไหน
               “โอเคแอ้ ดิวจะพยายามทนที่สุดและดิวรู้ว่าแอ้ก็ อึดอัดไม่แพ้กัน...” ดิวพูดก่อนจะดันผมออกเพื่อจะปาดน้ำตาให้ผม
              “ดิว... ติ๊กมันเสียใจอย่างที่ไอ้แจ็คพูดเพราะว่าช่วงสี่ปีที่ผ่านมาตั้งแต่แฝดเกิดนะเราห่างเหินมันไปนะดิว “ผมพูดกับดิว ดิวพยักหน้า
              “ดิวก็อาจจะผิดที่มัวแต่คิดถึงลูกมากกว่า” ดิวพูดกับผม
             “ดิวจะไปพูดกับมันเองนะแอ้” ดิวบอกผม ผมยิ้มออกเพราะว่ามันอาจจะทำให้ติ๊กหายโกรธผมขึ้นมาหน่อย
             “งั้นกูไปล้างหน้านะและจะเข้านอนกูง่วงนอนมากเลยดิว” ผมพูดและผมก็เดินเลี่ยงออกไป ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้ง่วงนอนบ่อยก็ไม่รู้ รู้สึกเพลียอย่างบอกไม่ถูก
            “แอ้..เดี๋ยว!” ดิวมันดึงแขนผมไว้และมันก็มองพุงผม
             “มองอะไรดิว” ผมถามดิว
            “ทำไมท้องน้อยแอ้มันป่องๆ อ่ะ กินยาที่พ่อให้มาหรือเปล่าแอ้ แอ้ลืมหรือเปล่า” ผมก็สะดุ้ง ใช่ผมลืมทานมา3 วันแล้ว
            “เออ...แอ้ไม่ได้ทานมา3วันแล้วอ่ะ” ดิวมองหน้าผม ทำหน้าดุใส่ผมทันที ผมก็รู้ว่ามันสำคัญแต่ผมไม่กล้าจะแกะเม็ดยาก็ไอ้ติ๊กมันติดผมตลอดและถ้ามันเห็นก็จะถามเอาและพี่มันก็เรียนเภสัชกรพี่เต้นะมันคงได้โทรถามแน่ๆ
            “ดิวจะโทรหาพ่อนะไม่แน่แอ้ต้องไปให้พ่อทำให้นะไม่งั้นแอ้จะมีไข้อีกนะ จำได้ไหม” ดิวถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ และจะเดินไปเข้าห้องน้ำ
            “แอ้” ดิวมันยังเรียกผมไว้ ผมหันมาทำท่าจะโมโห ก็กูบอกง่วงจะไปแปรงฟันจะได้เข้านอนไอ้นี่นิ ผมนึกด่ามันในใจ
           “แอ้...นอนกอดได้ไหมอ่ะคืนนี้”
           “แค่กอดอย่างเดียวนะ กูง่วงมาก จริงๆ ดิว” ผมพูด ไม่รู้เป็นอะไร ผมรู้สึกเพลียตลอดเวลาช่วงนี้ และดิวก็พยักหน้าและยิ้มให้ผม ผมก็เข้าไปทำการแปรงฟันและแอบมองท้องน้อยผม เออ มันดูป่องๆ จริงด้วย จะว่าไปผมก็รู้สึกเหมือนมีของเหลวน่วงๆ อยู่ด้วยนะ ผมออกจากห้องน้ำไอ้ดิวมันนอนรอผมบนเตียงนอนผม
           “มามะมาให้ป๊ากอดซะดีดี” ไอ้ดิวมันพูด ผมยิ้มให้มัน ไม่อยากจะด่ามันแล้วผมแบทเตอรี่หมดแล้วตอนนี้ เพราะอะไรก็เพราะว่าผมนอนไม่หลับตอนไปนอนในห้องกับไอ้ติ๊ก ไอ้ติ๊กนะมันหลับสบายเลย ผมก็ทิ้งตัวลงนอน ดิวยกหัวผมไปพาดไว้ที่หัวไหล่มัน และจับแขนผมไปพาดตัวมันอีก ผมก็มองประตู
          “ล๊อคประตูแล้ว “ดิวพูด
         “ดิว...ตกลงดิวจะไปเป็นหมอบ้านหรือหมอทหาร” ผมถามดิว ผมเงยหน้าทำตาแป๋วมองดิว ดิวก็ก้มลงมองผม
         “ไปเป็นหมอทหารเพราะว่าดิวจะเป็นให้เหมือนพ่อ พ่อตามดูแลอาภีม ดังนั้นดิวจะตามดูแลแอ้” ดิวมันพูด ผมก็มองหน้า แอบคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
        “ทุกทีที่แอ้ไป” ดิวพูดกับผมน้ำเสียงจริงจังมาก
        “ดิวไม่อยากให้แอ้กลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงได้ไหม เราทำทุกวันของเราให้ดีที่สุด ดิวรู้ว่าแอ้กลัวลูกๆ กลัวอาภีมกลัวอีกหลายอย่างที่ยังมาไม่ถึง “ดิวบอกผม
“เชื่อใจดิวไหม เชื่อว่าดิวจะทำให้แอ้และลูกให้อยู่ด้วยกันให้ได้และตลอดไป “ดิวบอกผม ผมพยักหน้าว่าผมเชื่อเขา
          “นอนเถอะวันนี้ไม่ทำหน้าที่สามีนะ ดิวก็ง่วง” ดิวบอกผม ผมสะบัดหน้าไปมองดิว
         “โอ๊ยย!” ดิวร้องเสียงหลงเพราะว่าผมหยิกเข้าที่พุง ที่จริงๆ ไม่มีหรอกมีแต่ซิกแพ็ค นี้ขนาดยังไม่ไปฝึกเลยนะ เพราะถ้าไปฝึกเขาจะฝึกหนักและเน้นเรื่องการออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ พี่ๆ ผมนะหุ่นนี้ดีกันทุกคนแต่พี่ๆ ผมไม่ใช่มีกล้ามใหญ่แบบพวกนักกล้ามเลยนะ ผมยังแอบกลืนน้ำลายเลยเวลาเห็นพี่ๆ สวมแค่ผ้าขนหนูเดินผ่านและกับดิวนะไม่เหลือหุ่นมันดีพอๆกับพวกพี่เช่นกัน
         “กอดอย่างเดียวได้ไหมแอ้...อย่าลูบมากเดี๋ยวน้องสู้” ไอ้ดิวมันพูดทั้งที่ตามันหลับไอ้นี้ แต่ก็จริงผมลูบไล้หน้าท้องมันเพลินเลย ดิวเหล่ตามองผม ผมก็แกล้งทำเป็นหลับสนิทจะดีกว่า เห็นแบบนี้ก็เขินนะ
******

          Part ติ๊ก ผมเหมือนตัวร้ายในละครไหม แต่ไม่ใช่บนหน้าจอที่ผมได้บทนักแสดงพระเอกตลอดกาลเพราะหน้าตาและบารมีพ่อผมด้วย แต่ความจริงผมกับถูกมองว่าผมร้าย ไม่ใช่แค่ที่นี้ หลังกองถ่ายผมก็โดนเพราะว่าผมค่อนข้างเอาแต่ใจและทุกอย่างต้องเป๊ะเว้อ และในชีวิตจริงผมก็กำลังกายเป็นตัวร้ายในสายตาคนที่ผมแอบรักแต่ผมรักมันไม่ได้
ตอนเด็กๆ ผมแอ้ ดิว เราสามคนสนิทกันมาก นอนห้องเดียวกัน เล่นด้วยกัน มาจนกระทั่งเริ่มโตเป็นหนุ่มนั่นแหละโมเม้นนั้นก็หายไป ลุงภาณุเดชได้รับตำแหน่งยศทางการทหารสูงสุดและต้องไปดูแลค่ายทหารแห่งหนึ่งและนั้นดิวกับแอ้ก็เริ่มหายไปจากชีวิตของผม และมาจังหวะที่ไอ้แจ็คมีนเฮิร์ทเรื่องบอยอีก ผมก็ทิ้งมันไม่ได้ พายอีกคน แต่มันก็ทำให้ผมเริ่มเห็นไอ้แอ้กับไอ้ดิว มันเปลี่ยนไป แต่แอ้มันก็ปากแข่งกับผม ผมถามว่ามันคบกันไหม มันก็ปฏิเสธ แอ้มันรู้ว่าผมคิดยังไงกับไอ้ดิวมัน ตอนแรกผมก็คิดว่าการที่ผมก้าวข้ามผ่านคำว่าเพื่อนสนิทไม่ได้คงเป็นเพราะว่าดิวมันคือคนที่ถูกเลือกไว้ให้นั้นคือบอย แต่ตอนนี้ผมมว่าไม่ใช่แล้ว มันมีคนที่มันเลือกไว้เองแล้ว เจ็บไหมเจ็บมากที่ต้องเห็นแบบนี้ทุกวัน
          “เจ็บมากไหม “ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะว่าคนที่เดินเข้ามาในห้องน้ำคือพาย พายมันปากร้ายแต่ทุกคำพูดมันเตือนผมให้คิด แต่จะให้ผมยอมตัดใจเหรอมันยาก ผมหันมามองหน้าของพายที่ยืนกอดอกอยู่ที่ตรงประตูห้องน้ำ ผมชะเง้อมองว่าแอ้ตามมันมาไหม ผมไม่อยากให้มันเห็นว่าผมอ่อนแอเช่นกัน ผมต้องแข็งกว่ามัน
         “แอ้ไม่ได้ตามกูมาหรอก “พายพูดและเข้ามายืนในห้องน้ำพร้อมกับปิดประตูลง
         “ทำไมมึงไม่ปล่อยมันสองคนไปซะทีว่ะ ติ๊ก”
         “เป็นมึง มึงทำได้ไหมล่ะ” ผมหันไปถามพายมัน
         “ทำไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ ความจริงก็ต้องรับมันให้ได้ มันไปกันถึงไหนแล้วมึงรู้ดี “พายพูดกับผม ผมก้มหน้าลงมองอ่างล้างหน้า
         “พอเถอะติ๊ก และคนที่มึงทำร้ายมันก็เพื่อนกันไหมวะ เกิดมาก็เจอกันมีกันแค่นี้ และดันซวยเกิดมาเลือกอะไรเองไม่ได้ก็แย่แล้ว อย่าให้ความเห็นแก่ตัวมันทำร้ายกันเองไปมากกว่านี้เลยว่ะติ๊ก “พายพูดและหันหลังเดินออก
          “ติ๊ก มือถือมึงดังวะ พี่เอ๋โทรมามีงานแน่เลยมึง” พายมันพูด และผมก็ต้องหันไปเช็ดมือให้แห้งก่อนจะเดินออกไปดู พี่เอ๋คือผู้จัดการส่วนตัวของผม ที่พ่อหามาให้ พี่เอ๋เป็นคนปั่นดารา มากมาย ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูและกดรับสายทันที
         //ว่าไงพี่เอ๋//
         //น้องติ๊กค่ะ พี่พยายามติดต่อน้องติ๊กมาสองวันแล้วนะคะ //
         //ก็บอกว่ามาเรียนหนังสือ พี่ไม่เข้าใจเหรอ //ผมพูดแบบหัวเสีย
          //เข้าใจค่ะแต่นี้งานของคุณพ่อน้องติ๊กนะคะ และท่านก็ให้พี่ดีลกับน้องติ๊กเองอีกต่างหาก// พี่เลยต้องพยายามโทรหาไงคะพี่เอ๋พูด
          //อย่าน้ำเยอะได้ไหมพี่ งานอะไรอีกเนี่ยะ//
          //งานเดินแบบเสื้อสูทค่ะ เขาจะมาลงที่โรงแรมของคุณภาคย์นะคะ แบรนด์ดังด้วยนะคะ และเขาเลือกคุณติ๊กที่เป็นลูกชายคุณภาคย์ด้วยค่ะ เขาต้องการอีกคนพี่กำลังจะหาแต่ก็คิวเต็มไปหมด พี่ได้….// พี่เอ๋พูดเสียงอ่อยอันท้าย
          //อย่าบอกนะว่าไอ้นีโอ ที่ผมฟาดปากมันไปด้วยรองเท้าหัวตัดนะพี่// ผมพูดตะคอกเสียงดังใส่พี่เอ๋ทันที
          //พี่ไม่มีตัวเลือกค่ะน้องติ๊ก แต่พี่จะกำชับว่าอย่าทำให้ คุณน้องติ๊กพี่หัวเสีย และนีโอหลังจากมีเรื่องกับน้องติ๊ก งานมันก็นน้อยลง มันก็เลยมาขอและสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีค่ะ นะคะ// พี่เอ๋พูด
         //ผมไม่เอามัน ถ้าพี่หาไม่ได้ ผมหาให้ ผมมี //
         //ใครเหรอคะน้องติ๊ก//
         //แอ้ ลูกชายอาของผม พันเอกภีมปภพ ได้ไหมครับ ผมว่าแอ้หล่อกว่าไอ้นีโออีก ดูดีดูแพงกว่าไอ้นั่นอีก //ผมบอกพี่เอ๋ ผมยืนคิด ดีเลย มันจะได้ไม่ต้องหาเรื่องไปกับไอ้ดิวที่ค่ายทหาร
        //จะดีเหรอคะ เพราะว่าปกติคุณภีมสั่งห้ามเขาไม่อยากให้ทายาทของเขาขึ้นเวทีเดินแบบนี้คะน้องติ๊ก พี่จะซวยเอา //พี่เอ๋พูด
         //ผมจะให้พ่อผมคุยกับอาภีมเอง พี่เอ๋ให้เหตุผลว่า นายแบบคนอื่นงานเต็มแค่นั้น อย่างอื่นผมจัดการเอง//ผมพูด พายมันยืนกอดอก มองผม
        //จะเอาอีกคนไหม พายก็ได้น่ะ// ผมพูดและมองพาย
       “เชี่ยไม่เอาเดี๋ยวพ่อกูด่าเอา” พายมันรีบแย้งผมทันที
        //ดีเลยค่ะ คิดว่าน่าจะมีเซ็ทแบบ ทริปเปิล สามหนุ่มสามมุม อันนี้พี่จะขอคุยกับห้องเสื้อก่อนนะคะน้องติ๊ก พามาทั้งสองคนเลยนะคะ พี่เอ๋ปลื้มค่ะ //พี่เอ๋พูด
        //ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมวางนะ ผมอยากพัก ผมเหนื่อย// ผมพูดและ
        //ได้ค่ะ ค่ะน้องติ๊ก ขอบคุณนะคะที่สละเวลาคุยกับพี่เอ๋ ค่อยยังชั่วหน่อยพี่นี้อกจะแตก นอนหลับฝันดีนะคะ พรุ่งนี้พี่คอมเฟิร์มงานอีกทีค่ะ บายครับ// พี่เอ๋ก็วางสายไป
        “ไปด้วยมึง “ผมหันมาบอกพาย
       “เชี่ยะ!!พ่อกู ไม่ซิ ไม่เท่าไหร่แต่ลุงหนี่งอ่ะ เขาไม่อยากให้กูขึ้นเวทีแบบนั้น เขาคงกลัวกูจะดังเป็นพลุแตก” พายมันพูด
       “เขากลัวมึงเปลี่ยนใจไม่ไปเรียนหมอ แต่ความจริงที่มึงจะเปลี่ยนใจเพราะว่าไอ้ดิวมากกว่าพาย “ผมพูดและหันไปหยิบผ้าเช็ดตัว ผมมองพาย พายมั้นก็มองผม
        “กูก็ไม่อยากพูดให้มึงเจ็บหรอกนะ ดังนั้นมึงควรจะเข้าใจกูว่ะ พาย” ผมพูดประโยคสุดท้ายก่อนจะหายเข้าห้องน้ำไป ผมเปิดน้ำในอ่างแช่น้ำยี่ห้อหรูแพงมากแต่พ่อก็ตามใจเอามาไว้ให้ผมใช้ แต่ว่าอันนี้ผมขอไว้ คือถ้าไม่มีจะไม่มาพ่อเลยต้องกลั้นใจยอมเอามาให้ผม ผมบอกไว้ว่าถ้าจะให้ผมมาอยู่ที่นี้ห้องน้ำต้องมีอ่างน้ำสำหรับแช่น้ำ ผมเป็นคนที่ต้องดูแลผิวตัวเองให้ดูดี อาบน้ำแร่แช่น้ำนมเป็นประจำ ผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังที่คอยส่งมาให้ผมได้ลองใช้ และให้ผมเป็นพรีเซนเตอร์ ผมก้าวเท้าลงไปและนอนแช่อยู่แบบนั้นพักใหญ่

        ภาพวันวานก่อนที่ผม แอ้และดิวก่อนจะไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกัน มันมีความสุขสนุกตามประสาวัยเด็กๆ แต่มันมีภาพถ่ายภาพหนึ่งที่นั่นทำให้ผมเริ่มเห็นว่าดิวมันคิดอะไรกับแอ้ ภาพนี้พี่ชายผมแอบถ่ายมาให้ผม แต่พี่เขาไม่ได้คิดอะไรเหมือนผมหรอก ภาพนั้นคือผมนั่งอยู่บนโต๊ะม้าหินและกำลังดูมือถือผม ไอ้ดิวมันเล่นเกมฟุตบอลในมือถือส่วนแอ้มันก็ดูสแลมดั้งก์ที่มันชอบผ่านมือถือ แต่สิ่งที่ทำให้ผมเห็นแล้วผมเจ็บที่สุด แขนไอ้ดิวมันโอบเอวแอ้ไว้ ทั้งที่ผมสามคนนั่งอยู่บนนั้นด้วยกัน ทำไมผมไม่ใช่คนที่มันมีใจด้วยทั้งที่เราอยู่ด้วยกันสามคนมานานแต่มันเลือกแอ้ว่ะ
       TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.2ุ7(ดิวXแอ้Xติ๊ก)สุดท้ายก็ไม่กล้าบอกความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 26-01-2024 20:41:07
EP.2ุ7(ดิวXแอ้Xติ๊ก)สุดท้ายก็ไม่กล้าบอกความจริง
            Part’ s ดิว วันนี้เป็นวันหยุดของพวกผมแต่ยังไม่อนุญาตให้พวกผมกลับบ้านกันในอาทิตย์นี้ ผมเสียดายไม่ได้เจอหน้าลูกๆ เลยทั้งที่เป็นวันหยุดแท้ๆ นี่กลับไปคงงอนยาวหรือไม่ก็ลืมหน้าพ่อกับแม่ (แอ้) แต่จริงๆ แล้วผมให้ลูกเรียกผมกับแอ้ว่าพ่อทั้งคู่ก็แอ้ไม่ใช่ผู้หญิงและแอ้ก็อยากเป็นพ่อมากกว่าถึงจะเป็นคนที่ให้กำเนิดเขาได้ก็ตาม
           วันนี้วันหยุดไม่ได้กลับ พวกผมตกลงกันว่าจะไปเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าใกล้ด้วยกันและไปทานพิซซ่าที่ร้านอาหารชื่อดังบนห้างที่ใหญ่ที่สุดแล้วในจังหวัดนี้แต่เล็กกว่าในเมืองหลวงอยู่ดี แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย
           ผมเดินลงมาที่ชั้นล่าง วันนี้วันหยุดไม่ต้องสวมชุดนักเรียน ผมก็เลยแต่งชุดสบายๆ กันได้ สไตล์ของผมก็คือกางเกงยีนขาสั้นพับปลายให้คุมเข่าผมสวมเสื้อโปโลทำคอตั้งสไตล์ประจำของผมรองเท้ากีฬายี่ห้อดังที่ผมชอบ ทันทีที่ผมเดินลงมาถึงผมก็เห็นพวกไอ้แจ็คและบอย ธรรณ์และหลุยส์นั่งรออยู่แล้ว แต่แอ้กับติ๊กและพายยังไม่ลงเพราะว่าเขาไปแต่งตัวที่ห้องเดียวกัน ผมแอบคิดจะแต่งอะไรกันหนักหนา (ออกอาการหึง ผมกลัวมันจับแอ้แต่งตัวน่ารักเกินไปหนุ่มๆ จะมองเอา)
            “แอ้ ติ๊กและพายละวะ ยังไม่ลงมากันอีกเหรอ” ผมถามทุกคน ทุกคนหันมามองผมและพร้อมใจกันส่ายหัวว่าไม่เห็น
              “ยังไม่เห็นเลยว่ะ” ไอ้แจ็คมันตอบ ผมพยักหน้าหงึกๆ
              "แอ้ไม่ได้อยู่ห้องเดี่ยวกับมึงเหรอ...ดิว" ไอ้แจ็คมันถามผมทันที
               "เขาสามคนไปแต่งตัวห้องเดียวกัน" ผมพูด น้ำเสียงผมแอบนอยด์ นี้ก็จะเป็นอีกเหตุผลที่ผมอยากจะให้ภารกิจอะไรนี้จบซะที ผมกับแอ้จะได้หาเรื่องไปใช้ชีวิตของผมสองคนด้วยกัน
             "แหม!! ช่วยกันแต่งเหรอ" ไอ้หลุยส์พูดแต่ว่าพอหันไปเจอสายตาของธรรณ์ถึงกับหดทันทีเลย ประมาณว่าไปแซวเขา
             สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและคุยกันดังมาจากชั้นสองลงมาทางบันได คงเดินลงมาพร้อมกันแล้ว คนแรกก็คือแอ้ ผมหันไปมองก็อดอมยิ้มไม่ได้ แอ้สวมกางเกงขาสั้นเผยให้เห็นเรียวขาสวยๆ คู่นั้น วันนี้ติ๊กมันคงจับแอ้แต่งแบบนี้ซินะ ปกติไม่ค่อยชอบใส่ขาสั้น และวันนี้แอ้ก็สวมเสื้อยืดด้านในและเสื้อเชิ้ตทับคล้ายๆ กับผม ติ๊กมันก็เป็นสไตลิสตฺ์ชอบด้านนี้อยู่แล้ว มันก็แต่งคล้ายๆ กับแอ้เช่นกัน ทั้งคู่เดินลงมาที่ชั้นล่าง
            “พายละวะ” แจ็คถาม จังหวะนั้นทุกคนก็กำลังขึ้นเพื่อจะได้เตรียมตัวออกและคนสุดท้ายก็เดินลงมาถึงพอดี น้องพาย
            “พล้วด!!” ไอ้หลุยส์มันกำลังกระดกแก้วน้ำดื่มอยู่พอดีแต่พอมันหันมาเจอน้องพาย มันก็พ่นออกมาทันทีเช่นกัน
            “พาย มึงจะไปงานแต่งเหรอว่ะ สีชมพูมาเชียว” ไอ้แจ็คถามทันที บอยถึงกับหันมาตีไหล่แจ็ค"เพี๊ย!" ผมก็หันไปมองแอบเกาหัวเล็กน้อย
             “ทำไมอ่ะ สีประจำ ก็ใส่ประจำนิ เน้นหวานไม่เน้นเปรี้ยว" พายพูด ผมหันไปหยิบมือถือขึ้นมาและกดถ่ายรูป และรีบอัพลงกลุ่มพี่ๆ ทันที
             “ตึง” เสียงมือถือพายดังขึ้น มีข้อความเข้า
            “อะไรวะ ใครลงรูปกลุ่มพี่กูว่ะ!!!!” พายมันโวยวายและหันมามองพวกผม
             “ไอ้ดิว มึงเร็ววว่ะ กูว่าจะอัพแต่มึงแม่งแซงกู “ไอ้แจ็คครับ
             “พี่กูบอกให้ไปเปลี่ยนเลยสาด!” พายพูดและเดินสะบัดก้นขึ้นไปทันที
               “ฮาๆ “พวกผมพากันหัวเราะพายที่สะบั้นก้นเล็กๆ น่ารักเดินขึ้นไปบนบ้านทันทีเพื่อไปเปลี่ยนชุดใหม่
                “ไปแกล้งพายทำไมอ่ะดิว ดูหน้าของพายดิ” บอยพูด และสักพักพายก็ลงมาพร้อมกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าแอบมีลายสีชมพูแบบน้อยๆ
              “ใครแกล้งกูอีกโดยแน่!” พายพูด และพวกผมก็พากันเดินออกจากบ้าน มีรถจอดอยู่บ้านแล้ว ติ๊กมันได้พูดอะไรเลยหรือว่ามันยังโกรธเรื่องเมื่อวานกันแน่ ผมหันมามองแอ้ที่นั่งนิ่งมาก และพอหันมาทางไอ้แจ็ค มันก็แบมือถามผมว่าอะไรยังไง ผมหยักไหล่ว่าไม่รู้เหมือนกัน
             “แอ้” ผมเรียกแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม ทุกคนเลยก็ว่าได้ที่หันมามองผมกันหมด
             “แอ้ไปนั่งกับพาย “ผมบอกแอ้ แอ้พยักหน้าแอ้รู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร ไอ้แจ็คมันสะบัดหน้ามามองผม ผมหันไปหยักคิ้วให้มัน กูกำลังจะแก้ปัญหา
             “อะไรวะ พวกกูแม่งตามไม่ทัน ยังไงวะ” ไอ้หลุยส์พูดขึ้นทันที
             “ติ๊ก มากับกู “ผมพูดและเข้าไปดึงแขนไอ้ติ๊กทันที พายก็ขึ้นไปนั่งกับแอ้ พายคงบอกให้คนขับรถล๊อกประตูทันทีพายคงรู้ว่าผมต้องการจะทำอะไร สิ่งหนึ่งที่พวกผมติดตัวมาพร้อมกันตั้งแต่เกิดคือ มองตากันก็รู้เข้าใจความคิดกัน แต่บางครั้งมันแค่ไม่ยอมรับกความจริงก็แค่นั้น
             “อะไรวะ กูจะนั่งกับไอ้แอ้” ติ๊กพูด ผมก็ดึงแขนมัน
             “ไปนั่งกับกู ทำไมนั่งกับกูไม่ได้ มีอะไร” ผมถามติ๊ก มันมองหน้าผม และหันไปมองหน้าไอ้แจ็ค ไอ้หลุยส์
              “เฮ้ย!! ไม่เกี่ยวกับกู “ไอ้แจ็คมันรีบปฏิเสธและลากแขนบอยขึ้นรถทันที ไอ้หลุยส์ก็หยักไหลและลากแขนแฟนมันธรรณ์ขึ้นรถไป เหลือผมกับติ๊ก
               “ไปซิ คนอื่นเขาขึ้นรถหมดแล้วจะยื่นรออะไร” ผมถามติ๊กและลากแขนมันขึ้นรถไปทันที ผมนั่งข้างติ๊กมันและพี่คนขับรถก็ออกรถทันทีที่ผมขึ้นรถกันเรียบร้อยแล้ว ผมหันมามองหน้าติ๊ก ติ๊กมันไม่มองหน้าผม
                “ทำไมวะติ๊ก มึงเป็นอะไร บอกกูดิ” ผมถามติ๊ก ติ๊กมันหันมามองหน้าผม
                  “ก็…” มันทำท่าจะพูดแต่มันก็เงียบ
                “มึงโกรธกู  เรื่องที่กูกับแอ้มีเวลาให้มึงน้อยลงเหรอวะ “ผมถามติ๊ก

               “ก็..เมื่อก่อนมึงสองคนไม่เคยห่าง...กู” ติ๊กพูด
              “ติ๊ก ทุกคนต้องมีช่องว่างระหว่างกันและกันบ้าง แต่ความเป็นเพื่อนมันก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่ใช่เหรอวะติ๊ก” ผมพูดอธิบายแต่ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะเข้าใจไหมที่ผมพยายามบอกมันอยู่ ว่าทุกคนต้องไปมีชีวิตของตัวเอง ใช่วัยเด็กมันอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนแต่พอโตขึ้นมาก็ต้องไปมีครอบครัวเฮ้ย!!
            “มึงสองคนคบกันใช่ไหมล่ะ” ติ๊กหันมาถามผม
             “เออ..” ผมอยากจะตอบไปตรงๆ แต่ก็กลัวว่าคนที่หนักที่สุดคือแอ้ ผมมองสายตาติ๊กที่มองผม มันกำทำให้ผมพูดคำนั้นไม่ออกว่าใช่ แต่มันก็เกิดความสับสนในใจว่า ไม่น่าจะใช่น่ะ
             “แต่แอ้มันบอกไม่ได้คบ เอาไงแน่ “ติ๊กมันถามผม
             “กูก็ไม่รู้นะ ว่าสถานะมันคืออะไรแต่กู แอ้และมึงยังเหมือนเดิม ทุกคนด้วย “ผมพูด ติ๊กมันหันมามองผม
            “ช่วงที่กูกับแอ้ห่างมึงไปก็เพราะว่าอาภีมเขาไปช่วยลุงหนึ่งและอาภีมฝากพ่อกูดูแลแอ้ และกูก็ต้องติดตามพ่อกู เพราะกูก็อยากเรียนรู้หลายๆ อย่างจากพ่อกู มึงเข้าใจพวกกูไหมวะ” ผมพูดและถามติ๊กมัน มันหันหน้าหนีผมซะงั้น แปลว่ามันไม่พยายามจะเข้าใจ
               “ส่วนมึงเองก็มีงานแสดงที่มึงรัก มึงก็รู้ว่าถ้ามึงเข้าเรียนมหา ลัยแล้วจบมางานพวกนี้มึงไม่ได้ทำแน่นอน ทำไมมึงไม่ทำสิ่งที่มึงรักก่อนวะ และพวกกูก็ไม่ได้หายไปไหนจากชีวิตมึงเลยนะติ๊ก” ผมพูด มันก็หันไปมองทางอื่น
               “ก็เมื่อก่อนกูมีมึงสองคนอยู่ในชีวิตกูตลอดนี้หว่า มันดีกว่าช่วงนี้ดิว” ติ๊กมันพูด ผมก็ต้องเอามือแตะหน้าผากตัวเอง
                “กูขอโทษ ที่กูสองคนไม่ได้นึกถึงความรู้สึกมึงวะ ติ๊ก แต่… “ผมพูด ผมมองหน้าติ๊ก ติ๊กมันก็มองหน้าผม
                  “มึงสองคนคบกันจริงๆ ไหมว่ะ บอกกูดิวะดิว แต่กูว่ามึงมีมากกว่านั้นอีกว่ะ “ติ๊กถามผม สายตามันบอกได้หลากหลายอารมณ์มาก คือจะดีใจก็ไม่เชิง หรือจะเสียใจก็ใช่ ผมก็เลยนิ่งอึ้งไปเหมือนกัน ที่ผมคิดไว้ในใจว่าจะบอกมันอยู่นะว่าผมกับแอ้คบกันและเราเป็นอะไรกันแต่พอผมเห็นสีหน้ามันตอนนี้ผมกลับพูดไม่ออกเหมือนกัน จากที่คิดเอาไว้ มันจุกขึ้นมาเฉยเลย
            “ก็เพื่อนกันเหมือนเดิม “ผมพูด
           “อืมม “ติ๊กมันกับยิ้มออกมาซะงั้น
            “ต่อไป พวกมึงไปไหนกูไปด้วยเหมือนเดิมน่ะ” ติ๊กมันพูด ผมก็พยักหน้าไป ผมก็หันมามองหน้ามันอีกนะ ประมาณว่าไม่เข้าใจแต่ผมก็ไม่กล้าถามออกไป เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมไม่อยากทำร้ายมันเลย ผมน่ะรักแอ้และไม่อาจจะเปลี่ยนใจได้ยิ่งตอนนี้ผมมีพยานรักด้วยกันแล้วแต่ว่าติ๊กมันก็เพื่อนที่เมื่อก่อนผมสามคนคลุกคลีอยู่ด้วย สุดท้ายผมกับติ๊กก็นั่งคุยกันเรื่องเก่าๆ ว่าเราสามคนไปไหนทำอะไรกันบ้างจนรถมาถึงที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ไม่เล็กไม่ใหญ่เหมือนในห้างในกรุงเทพ
           “ตึง!” ข้อความจากแอ้ ผมก็แอบตะแคงมือถืออ่าน
           [ดิว อย่าลืมดูขวัญวันเกิดน้องมีนนะอาทิตย์หน้านะ] แอ้ส่งข้อความบอกผม
          “ถึงแล้วครับ พวกผมจะจอดรอกันที่ชั้นจอดรถนะครับคุณหนู เที่ยวให้สนุกนะครับ” พี่คนขับรถบอกผมกับติ๊ก ผมพยักหน้ารับทราบ ติ๊กลงมาก่อน และเดินตรงไปหาแอ้ทันที ผมก็เดินลงมาเห็นไอ้แจ็คมันหันมามองผม
           “มึงเล่นอะไรกันวะ “ไอ้แจ็คมันเดินมาหาผม ผมส่ายหัว
           “มึงกำลังทำอะไรของมึงอยู่วะดิว” แจ็คมันดึงแขนผมขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านมัน ผมเดินเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต
            “ไม่มีอะไรกูแค่คุยกับมัน ขอโทษมันเรื่องที่กูกับแอ้ ละทิ้งมันไป แต่ตอนนี้ก็คงกลับมาเป็นเหมือนเดิม “ผมพูด นั้นไม่ได้หมายถึงว่าผมมีความสุขนะ เพราะการกลับมาเหมือนเดิมนั้นคือสามคน แต่ผมอยากมีช่องว่างระหว่างเอาไว้ให้ผมกับแอ้บ้าง
           “เดี๋ยว!” ไอ้แจ็คมันดึงแขนผมไว้อีก
           “น้ำเสียงมึงบอกได้ว่ามึงไม่แฮปปี้ว่ะ” ไอ้แจ็คมันพูด
             “มึงเข้าใจไหมว่ะ ว่าคนเราต้องมีช่องว่างระหว่างกันบ้าง!” ผมหันมาพูดเสียงดังใส่ไอ้แจ็คแบบลืมตัวและสะบัดให้มันปล่อยแขน ผมก็เดินออกเลี่ยงออกไป ผมเดินไปเจอทุกคนยืนรออยู่ ผมแค่ยิ้มๆ ให้ทุกคน ติ๊กกับแอ้ก็เดินติดกันเหมือนเดิม ผมเหลือบมองเวลาว่ายังเหลือเวลาก่อนจะเข้าไปสั่งอาหารเที่ยงทานกัน
             "เดินดูของกันก่อนไหมว่ะ ฆ่าเวลา" แจ็คพูดขึ้น ผมพยักหน้าว่าได้
            “ดิว เป็นอะไรหรือเปล่าวะ” พายหันมาถามผม ขณะที่ผมกำลังเดินดูของตามหลังแอ้และติ๊กที่เดินตัวติดกัน
             “ไม่นิ แล้วพายล่ะ ไม่ซื้ออะไรเหรอ” ผมถามพาย เขายิ้มตาหยีให้ผม พายเป็นคนตัวเล็กน่ารัก แต่ยังไม่มีแฟน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพี่หวงหรือเปล่าก็ไม่รู้
             “ไม่รู้อะ จะซื้ออะไรดี และซื้อให้ใครอ่ะ ไม่มีเหตุผลจะซื้อเลยแค่เดินดูดีกว่า” พายพูด ผมนึกขึ้นมาได้ พายนี้แหละที่จะเลือกของขวัญให้ผมได้ เพราะแอ้คงไม่กล้าเลือกเดี๋ยวติ๊กมันจะถามมากแน่ๆ
              “พาย"ผมเรียกพาย พายหันมามองหน้าผมว่ามีอะไร "พาย คือ ดิวจะซื้อของให้เด็กน่ะ พายช่วยดิวเลือกหน่อยได้ไหมอ่ะ” ผมบอกพายเหมือนเชิงขอร้องให้ช่วยหน่อย
               “ดิวมีเด็กเหรอ” พายพูดทำเอาทุกคนหันมามองผมกันหมดเลย ผมก็รับเอามือปิดปากพาย
              “เด็กในค่ายฯ คือแบบว่าที่ค่ายฯของพ่อดิวนะ มีศูนย์ไว้รับเลี้ยงเด็กที่พ่อแม่ต้องทำงานทั้งคู่และมีเด็กคนหนึ่งน่ารัก แบบว่าเราตามพ่อไปตอนพ่อเราไปตรวจสุขภาพเด็กนะและเรารู้สึกถูกชะตา” ผมพูด พายทำท่าคิด
              “เด็กกี่ขวบอะ” พายถามทันที
              “สองขวบพอดีเลย ที่ดิวจะซื้อให้เพราะว่าวันเกิดเขาน่ะ” ผมบอกพาย
              “เด็กไปไหมวะดิว” พายถามผมปนหัวเราะ
               “เฮ้ย! ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น แค่เอ็นดูน่ะ เลือกของขวัญให้หน่อยน่ะ จะวันเกิดน้องแล้วน่ะครับ ช่วยดิวหน่อย “ผมพูด พายก็ทำท่าคิด
               “เป็นเด็กนิสัยยังไงอ่ะ” พายถามผม ผมก็ทำท่าคิด ภาพน้องมีน
                “เป็นเด็กน่ารัก พูดจาไพเราะแม้จะพูดได้ไม่กี่คำเองก็ตาม เขาขอบคนที่พูดกับเขาเพราะๆด้วยนะน้องคนนี้น่ะ เพราะว่าเขาค่อนข้างอ่อนไหวง่าย คือเขาเป็นเด็กเรียบร้อย น้องมีนชอบวาดภาพระบายสี ชอบอ่านนิทานดูแล้วน่าจะชอบดนตรีด้วยน่ะ ใจก็อยากจะซื้อกีตาร์ให้แต่น่าจะเร็วไป “ผมพูดไปยิ้มไปด้วย
             “นิถ้าบอกว่าเป็นลูกดิวนี้เชื่อสนิทเลยนะ เพราะว่าบรรยายแบบว่าใกล้ชิดมาตั้งแต่เกิดเลยมั้ง” พายพูด ผมก็หุบยิ้ม
              “แค่เอ็นดูนะ นะช่วยดิวเลือกหน่อยนะครับพาย” ผมพูด พายหันไปมองแอ้กับติ๊กที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ แอ้หันมามองผม ผมขยิบตาให้แอ้ก็เข้าใจทันที ผมกับแอ้แทบไม่ต้องพูดอะไรกันมาก มันเข้าใจตรงกันไปหมด ผมว่าแอ้เข้าใจที่บอกคือว่าผมจะให้พายช่วยเลือกของขวัญให้
                “เดี๋ยวมานะ ดิวจะให้พายไปช่วยเลือกของขวัญนะ ดิวมีเด็ก คิกๆ “พายพูดทำเอาผมสะบัดหน้าไปมองพาย
               “เด็กอีกและ ไปติดเด็กที่ไหนอีกวะดิว” ไอ้แจ็คมันถามผม
              “มึงมีเด็กด้วยเหรอวะ ไม่หยักกะรู้” ติ๊กพูดและหันไปมองหน้าแอ้
              “เด็กที่ศูนย์เด็กเล็กที่พ่อกูตั้งขึ้นมาไง ที่พ่อกูเปิดให้ลูกเจ้าหน้าที่และคนอื่นๆ ที่ต้องการคนดูแลช่วงพ่อแม่ทำงาน ก็จะมีเด็กตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปถึงหกขวบก่อนวัยเรียนอ่ะ” ผมพูดและมองหน้าแอ้ แอ้ยิ้มให้ผมให้
              “ดีจัง เด็กๆ น่ารักทั้งนั้นเลยดิ” ธรรณ์พูด
            “ทำไมอะ อย่าบอกนะว่าอยากมีมั้งอะ” ไอ้หลุยส์หันมาถามธรรณ์ทันที
             “ก็อยากมีนะ น่ารักดีออก “ธรรณ์พูด
             “จะมีได้ไงละ ไม่มีลูกมดซะหน่อย ท้องไม่ได้อยู่แล้ว “ไอ้หลุยส์มันพูด ผมหันไปมองแอ้ที่ดูสีหน้าจะกังวลขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนี้
               “เออถ้าอย่างนั้นกูไปก่อนวะ พวกนายซื้อของอะไรกันตามสบายเลยนะ พายไปครับ ช่วยดิวเลือกหน่อย” ผมพูดและดึงแขนพายไปทันที ผมเห็นสีหน้าของบอยและแอ้ที่กังวลขึ้นมาพร้อมกัน ไอ้หลุยส์มันไม่เคยรู้เรื่องโครงการขององค์กรพวกผมมาก่อนจริงๆ เหรอ ส่วนไอ้แจ็คน่ะไม่เคยรู้อะไรเลยเพราะว่าอาภูมิแยกตัวออกไปก่อนที่โครงการนี้จะเกิดขึ้นและนี่คงเป็นเหตุผลที่เขาเลือกแจ็คมัน ส่วนติ๊กนี้ก็คงไม่สนใจรู้แต่คงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้มีแค่ผม แอ้และบอยที่รู้ทั้งหมด พายไม่น่าจะรู้เหมือนกัน
          TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.2ุ7.1(ดิวXแอ้Xติ๊ก) ไม่ใช่คนที่เขาเลือก
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 27-01-2024 22:37:25
       
  EP.2ุ7.1(ดิวXแอ้Xติ๊ก) ไม่ใช่คนที่เขาเลือก     
            Part’ s แอ้ ผมได้แต่ยืนมองดิว ผมไม่กล้าไปเลือกของขวัญเอง ถ้าเป็นดิวมันจะง่ายกว่าผม ดิวเดินไปกับพายเพื่อยังร้านที่ขายของขวัญ ผมคิดว่าจะซื้อหนังสือพวกนิทานที่เป็นป๊อปอัพ น้องมีนเขาชอบมากแต่ว่า มิ้นขยันฉีกของมีนจริงๆ
            “ตกลงมึงกับดิวไม่ได้คบกันจริงใช่ป่ะ?” ติ๊กกระซิบถามผม ผมหันไปมองหน้าติ๊ก แว๊ปหนึ่ง
            “ก็ไอ้ดิวมันบอกกูแบบนั้น กูก็สบายใจได้น่ะ” ติ๊กพูด ผมก็รู้สึกอึ้งไปนิดนึง ก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอไป ทำไมผมรู้สึกเจ็บจี้ดทั้งที่ผมก็บอกให้ดิวพูดแบบนั้นแต่สุดท้ายผมก็รู้สึกซะเอง ผมหันมามองติ๊กที่ยืนมองผม
             “ทำไมเหรอ หรือว่าดิวมันพูดไม่ถูก” ติ๊กมันถามผม ติ๊กมันยืนประกบผมและมองหน้าผมนิ่งอีกที
             “ก็ถ้าดิวมันบอกกับมึงอย่างนั้นและมันก็อย่างเดียวกับที่กูบอกมึงนั่นแหละติ๊กและมันก็ถูกอยู่แล้วไงติ๊ก มึงควรจะสบายใจได้แล้วน่ะ” ผมพูด และมองหน้าติ๊ก
            “กูหวังดีนะเพราะถึงยังไงดิวมันก็คือคนที่เขาเลือกให้คู่บอย อาทิตย์หน้านี้ดิวมันต้องไปงานที่บ้านลุงกฤษณะ กูได้ยินว่าเขาจะคุยกันเรื่องดิวกับบอย เขาอาจจะให้หมั้นกันไว้ก่อนมั้งและพอดิวเรียนจบก็แต่งเลย “ติ๊กกระซิบบอกผม ผมไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้เลยนะ ดิวไม่เคยบอกผมเลยด้วยซ้ำ ระหว่างนั้นผมเหลือบไปเห็นการ์ตูนเรื่อง ทอย สตอรี่ ผมก็นึกขึ้นได้ว่าน้องมีนชอบดูผมเลยว่าจะซื้อซีดีให้เลยดีกว่า ตอนนี้มี4ภาคเลยและยังได้ตุ๊กตาวูดดี้อีกด้วย
            “แอ้มึงจะซื้อไปดูเองเหรอวะ “ติ๊กมันถามผมทันที
            “เออ พอดีกูอยากได้ตุ๊กตานะ วู้ดดี้ กูชอบไง” ผมหันมาตอบติ๊กแบบค้างๆ คู้ๆ ผมรู้
            “มึงจะซื้อไปให้ใคร” ติ๊กมันถามผมทันที ผมก็ยืนมองหน้ามันจะไปให้ใครดี นั้นซิ จะบอกว่าให้ไอ้อิงค์มันก็โตเกินไป ไอ้แอมมันก็ไม่เชื่อแน่นอนมันสองคนโตกันไปหมดแล้ว ให้ใครดีน่ะผมยืนคิด
             “แอ้!! “ดิวมันเดินออกมาแล้วและมองผมที่ถือซีดีการ์ตูนวู้ดดี้อยู่
             “ดีเลยแอ้ พอดีเลยพ่อบอกว่าน่าจะซื้อพวกการ์ตูนไปไว้ให้เด็กๆ เรื่องนี้น่าสนุกน่ะ “ดิวมันก็หยิบการ์ตูนจากมือผมไป ผมค่อยโล่งอกที่ดิวเข้าช่วยผมเอาไว้ได้ทันแต่ติ๊กมันมองผมสองคนสลับไปมาเลยคราวนี้
             “อ้าวจะซื้อการ์ตูนด้วยเหรอดิว ดูท่าดิวจะรักเด็กนี้มาเลยนะ” พายพูด ผมก้มลงมองของที่ดิวซื้อไว้หลายชิ้นอยู่ แต่ล่ะชิ้นเป็นของที่มีนชอบทั้งนั้นเลย ดิวน่ะเห็นแบบนี้เอาใจใส่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆของลูกเสมอ
             “อันนี้ซื้อไปไว้ให้ครูที่ศูนย์นะครับพาย เห็นพ่อบอกว่าเด็กๆ ชอบดูการ์ตูน ส่วนอันนี้ เอาไว้ให้น้องเขาอ่านที่บ้าน” ดิวโชว์หนังสือนิทานเล็มหนึ่งเป็นนิทานและเพลง I going to on the bear hunt เป็นเพลงมากกว่า ผมชอบร้องให้ลูกๆฟัง ลูกๆผมชอบมากนั่งฟังกันเงียบกริบเลย.
              “พายเลือกให้นะ ลุงๆ จะได้อ่านให้ฟัง” ดิวพูด ผมสะบัดหน้าไปมองดิว มันหลุดคำว่าลุงขึ้นมาทำไม
              “แต่มันเป็นภาษาอังกฤษอ่ะ ลุงๆ ของเด็กนี้เขาเก่งภาษาอังกฤษเหรอวะ” ติ๊กมันถามดิว ลุงๆ ของเด็กที่ไอ้ดิวมันหมายถึงก็พี่ๆ มันนั่นแหละ เขาเป็นหมอและศัพท์ทางการแพทย์ ภาษาอังกฤษทั้งนั้น บางคนก็ไปเรียนต่อสาขาที่ต่างประเทศด้วย
              “เออ..กูว่าก็ต้องได้บ้างแหละ หรือไม่ครูที่ศูนย์เขาก็อ่านให้ฟังได้” ดิวมันพูด ผมนี้ส่ายหัวให้มันเลยไอ้ดิวตั้งท่ามาอย่าดีแต่มาตกม้าตายเอาซะนี่ และไอ้ติ๊กนี่มันก็ทำยังกลับว่ามันคือโคนัน เจ้าหนูนักสืบ 
               “เออ จริงด้วยพายไปเลือกเล็มใหม่ดีกว่าไหมดิว พายลืมคิดไปอ่ะ “พายพูดอย่างรู้สึกผิด
               “ไม่เป็นไรหรอกเพราะว่าเห็นพ่อของดิวว่าจะให้พี่ๆพากันไปช่วยครูที่ศูนย์ อาจจะอ่านนิทานให้ฟัง งั้นดิวให้เล็มนี้พี่ไปแล้วกันและไปดูอย่างอื่นวันหลัง” ดิวพูดและเดินถือซีดีไปที่โต๊ะเพื่อจ่ายเงิน ผมก็เดินออก ติ๊กและพายเดินตามผมออกมาเช่นกัน
              “อ้าว! ได้อะไรกันไหมวะ ดูแล้วไม่มีอะไรเลยว่ะ “พวกไอ้แจ็คเดินมาเจอพวกผม
               “ถ้าอย่างนั้นเราไปหาอะไรทานกันดีกว่าวะ หิวแล้วด้วยและจะได้กลับไปนอนพักดีกว่าพรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียนอีก” ไอ้หลุยส์ พูดและดิวก็ออกมาพร้อมกับของที่มันซื้อ
               “ดิวซื้ออะไรนะ “บอยก็ถามดิวและมองดูที่ดิวถืออยู่
                “เออ ของขวัญวันเกิด ดิวจะซื้อไปให้เด็กที่ศูนย์นะบอย และดิวก็เลยซื้อซีดีการ์ตูนไปให้เด็กๆ ไว้ดู” ดิวบอกบอย
               “อุ้ย! ทอย สตอรี่ ชอบเหมือนกับ...” บอยพูด แจ็คสะบัดหน้าไปมอง
               “เหมือนเด็กในบ้านบอยเลย เขาชอบเหมือนกัน” บอยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงทันทีเช่นกัน
               “อ้อ นึกว่าไปแอบมีลูกเล็กที่ไหน” แจ็คมันพูดแบบขำ ขำ แต่บอยกับทำสีหน้าไม่ขำด้วย จนไอ้หลุยส์มันสะกิด แจ็คถึงได้หยุดขำ
              “บอยเป็นอะไรไป” แจ็ครีบถามบอยทันที
              “ไม่มีอะไรหรอก” บอยปรับน้ำเสียงก่อนจะหันไปตอบแจ็ค
              “แจ็คล้อเล่นน่ะ แจ็ครู้ว่าบอยไม่ทำหรอกแบบนั้นนะ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว” แจ็คพูด
              “ถ้าอย่างนั้นเราไปหาอะไรทานกันดีกว่าวะหิวแล้วและถ้าไปช้าคนเยอะวะช่วงนี้” ดิวพูด พวกผมพากันเข้าไปในร้านพิซซ่าชื่อดัง เพราะว่าที่นี้ก็มีแค่ร้านนี้ร้านเดียวแน่ๆ
              “สวัสดีค่ะ มากันกี่คนคะ” พนักงานต้อนรับส่งยิ้มหวานมาให้พวกผม
             “8คน ครับ” ดิวตอบไป
            “เชิญด้านในได้เลยค่ะ “พนักงานผายมือไปให้พวกผมเดินเข้าไปด้านในผมก็เดินไปนั่งเป็นโต๊ะเก้าอี้พนักพิงแบบนั่งได้หกคน
             “เราแยกกันสองโต๊ะวะ นั่งสีคนแล้วกันจะได้ไม่เบียดกัน” แจ็คพูด ผมก็หันไปหาที่นั่ง มีคนดันผมเข้าไปก่อนไอ้ติ๊กนะ และดิวก็น่งตรงข้ามกับผมและพายทันที ติ๊กนั่งริมนอก
             “สวัสดีค่ะ วันนี้รับพิซซ่าหน้าอะไรดีคะ เออ ตอนนี้มีโปรโมชั่นค่ะ สั่งถาดใหญ่สองถาดขึ้นไป ฟรีเครื่องดื่มค่ะ” พนักงานมาแนะนำเมนูพิเศษ พวกผมก็เปิดอ่านและมองหน้าคนที่ยืนสลับไปมา
            “เอาอะไรดีวะ”
            “เอาอันนี้แล้วกัน มิกซ์ดิลักซ์ “ดิวบอกพนักงานเขาก็จด
              “งั้นพวกกูอยากกินแบบแซ่บๆ ว่ะ ขอเป็นซีฟูดส์เอ็กสตรีมก็แล้วกันวะ” ติ๊กบอกพนักงานที่มารับออเดอร์
            “แอ้มันไม่กินกุ้ง” ดิวมันพูดขึ้นทันที ติ๊กสะบัดหน้ามามองหน้าผม
           “งั้นเอาพาสต้าเพิ่มไหมแอ้” ดิวถามผม ติ๊กหันมามองหน้าผม
           “มึงไม่กินกุ้งเหรอวะ ทำไมวะ กูไม่เห็นรู้เลย” ติ๊กมันถามผม ใช่เพราะตอนอยู่กับพวกมันผมก็ทนกิน ไม่ได้แพ้มากแบบผื่นขึ้นหรือลมพิษแต่ว่าผมจะรู้สึกมวนท้อง ปวดท้องทุกทีที่ทานกุ้งกับปลาหมึก
          “เออ กู ทานได้น่ะไม่ได้แพ้หนักมากแต่ว่าจะท้องไม่ค่อยดีว่ะ ปวดท้องตลอดเลย พ่อภา เอ้ยลุงภาเขาเลยให้กูงดได้ก็ควรจะงดว่ะ “ผมตอบไป ตอนนี้น้องไอซ์ก็ได้มาเต็มๆเหมือนกัน ไอซ์ทานปลาหมึกไม่ได้เหมือนกัน พอทานไปจะมีอาการเหมือนผม ปวดและมวนในท้องของผม
           “งั้นผมเอาสปาเกตตีคาโบนาร่าเพิ่มทีหนึ่งครับ” ดิวมันสั่งให้ผมทันที ทั้งที่ผมขยิบตาแล้วนะว่าไม่เอามันก็สั่ง โต๊ะแจ็คคงสั่งกันหมดแล้ว พวกผมก็นั่งรอ ผมเห็นพายกำลังเปิดอะไรสักอย่างดูกับดิว และหัวเราะกันใหญ่เลยดูน่ารักดี ผมก็มองถ้าเป็นพายก็คงจะไม่ลำบากเหมือนกูใช่มั้ยดิว
              “ดูไปพายกับดิวมันก็เหมาะสมกันดีน่ะ เพราะว่าสายแพทย์เหมือนกัน ยังไงพายมันก็ต้องเรียนหมออยู่แล้ว “ติ๊กพูดขึ้น ผมหันไปมองติ๊ก ผมก็พยักหน้าเบาๆ
               “แต่มันถูกเลือกแล้วว่าต้องคู่ใคร ยังไงก็ต้องคู่บอยอยู่ดี มันขัดคำสั่งลุงหนึ่งไม่ได้หรอก” ติ๊กพูดกระซิบก่อนจะลุกขึ้นไปยังโต๊ะข้างๆ คือแจ็ค บอย ธรรณ์และหลุยส์ ดิวเงยหน้าขึ้นมองผม
               “กึกๆ” ดิวมันสะกิดผมด้วยเท้าและพยักหน้าเป็นเชิงถามผมว่าเป็นอะไร ผมส่ายหัวไปมาว่าไม่เป็นอะไร
               “มันสั่งเหมือนกันเลยว่ะ ลอกการบ้านหรือเปล่าว่ะ” ติ๊กมันเดินกลับมาและก็บอกว่าโต๊ะนั้นสั่งอาหารเหมือนกับที่พวกผมสั่ง
               “ปึก!” ผมได้ยินเหมือนมีใครปาอะไรมาและมันก็มาลงที่ติ๊ก ติ๊กก็คีบหยิบขึ้นมา
               “อะไรวะติ๊ก” พายถามขึ้น
                “เหมือนซากไก่วะ ใครวะ” ติ๊กมันพูดและสะบัดทิ้งทำท่ารังเกียจ
              “ปึก!” มันมาอีกอันแล้ว ทำเอาพวกผมหันไปมองที่มาของชิ้นไก่ที่ลอยมา ผมก็เห็นว่าเป็นเด็กน้อยวัยสองที่ยิ้มมาให้พวกผม ปาก็เต็มไปด้วยไก่ ที่เคี่ยวตุ้ยๆ อยู่
              “เด็กเวร!” ติ๊กมันสบดออกมาทันที
               “ติ๊ก! “ผมห้ามปรามมัน ดิวนะส่ายหัวเลย ผมสองคนต่อให้เจอเด็กดื้อหรือซนแค่ไหนก็ไม่เคยสบถคำนี้ออกมาเพราะว่าผมเข้าใจคำว่าเด็ก ก็คือเด็ก
                “ปึก!” เด็กน้อยปามาอีก และที่ปามาก็มาจากการที่เขาเคี้ยวไม่หมดและมันก็กระเด็นมาทางพวกผมที่นั่งอยู่ใกล้เคียง
               “นี้หยุดปาเดี๋ยวนี้น่ะ ไม่งั้นจะตีให้ร้องเลยคอยดู!” ติ๊กลุกพรวดขึ้น ผมเริ่มเห็นคนรอบๆ มองมาที่ติ๊ก ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะจำติ๊กได้ไหมว่าเขาคือดารา ผมรีบดึงแขนติ๊กให้นั่งลง ส่วนเด็กน้อยก็ไม่สนใจและเริ่มจะปาไปทั่วชิ้นไก่นั้นเริ่มที่โต๊ะถัดจากพวกผมนั้นคือโต๊ะจองแจ็ค บอย หลุยส์และธรรณ์ พวกเขาคุยกันอยู่เลยไม่ทันสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่ง
                “อะไรวะเนี่ยะ! “เสียงแจ็คพูดขึ้นและคีบชิ้นไก่นั้นขึ้นมาก่อนจะหันมาทางพวกผม สายตาเชิงถามว่ามาจากไหน ติ๊กพยักพเยิดไปทางเด็กน้อยนั้น
                “ก็ไอ้เด็กเวรนี้ซิ พ่อแม่มันไปไหนวะ “ติ๊กพูด ผมก็มองไปรอบๆ เห็นแม่กำลังอุ้มเด็กน้อยลูกคนเล็กที่กำลังร้องไห้โยเยอยู่ เหมือนเขากำลังมองหาใครสักคนและกำลังเดินกลับมาที่โต๊ะ
                 “น้องเดเนียล นั่งดีดีซิลูก เดี๋ยวพ่อก็มาแล้ว” เขากำลังรอแฟนเขาอยู่ และเสียงมือถือเขาก็ดังขึ้นผู้หญิงคนนั้นก็รีบกดรับและวิ่งออกไปอีกเช่นกัน เด็กน้อยหันมาปาเศษไก่ทอดใส่ติ๊กอีก
                  “ยังอีก เดี๋ยวตีเลยนะ!” ติ๊กมันทำท่าทีง้างมือขึ้นเพื่อจะตีแต่ผมห้ามเอาไว้อีก ว่าอย่าทำและพยักพเยิดให้มองโต๊ะอื่นๆ ผมรู้ว่าติ๊กมันไม่แคร์แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา มันจะโดนหนักไหนจะตัวมันและพ่อมันอีกล่ะ
                  “เปลี่ยนโต๊ะนั่งไหมวะ “ไอ้แจ็คมันลุกขึ้นและถามพวกผม
                  “ก็แค่เด็กเองมึง” ดิวมันพูดขึ้น
                 “แต่ดูดิ มันปาไปทั่วเลยนะโว้ย!” ติ๊กหันมาพูดกับดิว
                 “ลองปาอีกนะ จะจับไก่พวกนี้ยัดปากคืนไปเลยน่ะ” ติ๊กหันไปทำหน้าดุใส่แต่เด็กน้อยกับรู้สึกตลกและหัวเราะล้วนทันที แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
                “อึก อึก อึก “เด็กน้อยนั้นสำลักอาหาร
               “เฮ้ยย!!” พวกผมก็ตกใจซิครับ แม่เด็กก็ออกไปไหนก็ไม่รู้
              “อึก อึก อึก “หน้าเด็กน้อยเริ่มแดงแสดงว่าอาหารนั้นไปอุดตันทางเดินหายใจแน่ๆ เลย ทันใดนั้นไอ้ดิวก็กระโดดข้ามไปและจับตัวเองอุ้มขึ้นพาดกับหน้าแข็งและตบเข้าไปที่หลังเด็ก ตบขึ้นเพื่อช่วยให้อาหารหลุดจากที่กั้นหลอดลมเอาไว้
              “ปึก ปึก ปึก” แต่เด็กก็ยังหน้าแดง
              “ดิววว!!” พายร้องเสียงหลง
              “ปึก ปึก ปึก” ดิวยังคงทำต่อจนกระทั่ง
               “ฮือๆๆ “เด็กน้อยร้องออกมาได้ ผมก็รีบก้มลงและค่อยๆ ใช้นิ้วเล็กๆ ของผมเขี่ยเศษไก่ออกมา ดิวก็อุ้มเด็กน้อย ขึ้นและปลอบโยน ทุกคนในร้านมองมาที่พวกผมกันหมด
               “ตายแล้ว!! นี้พวกคุณทำอะไรลูกฉัน” แม่ของเด็กวิ่งเข้ามาพร้อมกับลูกคนเล็กและพ่อเด็กก็วิ่งเข้ามาเช่นกัน พ่อเด็กเป็นชาวต่างชาติ
              “นี่คุณทำบ้าอะไรกับลูกผม?” พ่อของเด็กถามว่าดิวทำอะไรกับลูกชายเขาและรีบคว้าเอาลูกชายของเขาคืนไปแบบไม่พอใจ ส่วนเด็กน้อยร้องไห้จ๊าเพราะว่าตกในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเขาเกือบจะไม่รอดถ้าดิวไม่ช่วยเอาไว้ ผมหันไปมองดิว
              “นี้ ลูกคุณนะ พ่นไก่ไปทั่ว มาที่โต๊ะพวกเรา พวกเราก็เอ็ดแต่ว่าน้องไม่ยอมหยุดแถมยังหัวเราะระหว่างที่คุณนะวิ่งออกไปนั้นนะครับและน้องก็สำลักไก่ พวกเราช่วยเขาไว้นะครับ “ติ๊กพูดขึ้น แม่เด็กมองหน้าพวกผมแบบไม่เชื่อว่าลูกเธอจะทำอย่างนั้นแต่ว่ามันคือเรื่องจริง
              “ใช่ค่ะ หนูเห็นพี่เขานะช่วยน้องเพราะว่าน้องนะพ่นไก่ใส่พวกพี่เขาและสำลักไก่เองค่ะ “มีน้องเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งลุกขึ้นพูด
             “เขาพูดว่าอะไรนะ?” สามีชาวต่างชาติของเธอถามเธอเป็นภาษาอังกฤษทันที
             “เธอพยายามอธิบายว่าลูกชายคุณ เขาซุกซนมาก เขาพ่นชิ้นไก่ที่เขาเคี้ยวอยู่ในปากของเขาไปทั่วและมันสาดบนโต๊ะของเรา” แจ็คอธิบายเป็นภาษาอังกฤษกับแฟนต่างชาติของเธอ เธอหันไปมองหน้าสามีเธอ
               “ลูกชายคุณก็หัวเราะจนชิ้นไก่หลุดลงคอและลูกชายคุณก็เกิดอาการสำลัก เพื่อนผมคนนี้เขาเข้าไปช่วยทำให้ชิ้นไก่หลุดออกมาได้ นั้นแปลว่าเขาช่วยชีวิตลูกคุณครับ" แจ็คมันพูดกับฝรั่งคนนั้น ฝรั่งนั้นมองหน้าลูกชาย ก่อนจะ
                “เดเนียลทำอย่างนั้นจริงเหรอ” เขาถามลูกชายของเขา เด็กน้อยมองหน้าพวกผมก่อนนะซบหน้าลงเพราะกลัวพ่อของเขาว่าเขา
                “ช่างมันเถอะครับ ผมไม่ติดใจเอาความอะไรเพราะว่าเด็กก็คือเด็กและตอนนี่เขาปลอดภัยแล้ว” ดิวเป็นคนพูดบอกพ่อของเด็กแทน เขาก็มองหน้าพวกผม
                “ผมต้องขอโทษด้วยที่เดเนียงลูกชายของผมทำนิสัยไม่ดีกับพวกคุณ. ผมอยากจะบอกว่าขอบคุณจริงๆครับที่คุณช่วยชีวิตลูกชายของผม ขอบคุณครับ.” ฝรั่งนั้นหันมาขอโทษพวกผมและขอบคุณพวกผมเป็นการใหญ่
                “ไม่ต้องกังวลไปครับ. ผมเต็มใจช่วยเขาอยู่แล้วครับ.” ดิวตอบก่อนจะหันมาพยักพเยิดให้พวกผมนั่งลง ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ ผมหันมามองดิว สัญญาชาติญาณของความเป็นพ่อตั้งแต่ดิวมีลูก ติ๊กก็มองดิวแต่ก็ก้มลงตักอาหารมาทานกัน
                 “ดิวเก่งว่ะ ทำเหมือนกับว่าทำบ่อยเลยอ่ะ” พายพูดขึ้น
                 “ก็มีบ้างแหละเพราะว่าแสบที่บ้านนะบางที่ก็เป็นแบบนี้น่ะ” ไอ้ดิวพูด ผมก็เตะที่ขาไอ้ดิวทันที
                “แสบที่บ้านมึงหมายถึงเด็กเหรอวะ” ไอ้ติ๊กถามดิว
               “ตกลงมีเด็กหรือไม่มีเด็กกันแน่ เอาไงเนี่ย” ติ๊กถามและหันมามองหน้าผมอีก
               “เออ ..อ้อ.. เด็กข้างบ้านน่ะ พ่อกูรักเด็กก็เลยบางทีก็ให้เข้ามากินขนมอะไรพวกนี้และเด็กก็ซนเหมือนเด็กนี้แหละก็สำลักอาหารบ่อย” ดิวพูด ผมนี้พ่นลมหายใจออกมาเลย ไอ้ดิวน่ะไอ้ดิว

 และพวกผมก็นั่งทานอาหารกันต่อโดยไม่พยายามพูดอะไรที่จะเป็นประเด็นจนทำให้ผมกับดิวต้องทำความลับแตก ไอ้ดิวก็เปลี่ยนเป็นหันไปคุยกับพายแทนคุยกันกะหนุงกะหนิงน่ารัก ผมว่าดิวมันคงอยากได้แบบนี้มากกว่า ผมน่ะไม่เคยทำแบบนี้กับดิวหรอก ผมนั่งทานกันจนเสร็จเรียบร้อย
              “กลับบ้านเลยไหมวะ เบื่อวะ ไม่มีอะไรเลยห้างนี้” แจ็คมันพูด
              “ก็ดีวะ จะได้พักผ่อนหรือไม่ก็ไปว่ายน้ำเล่นดีกว่าร้อนมากวันนี้” ไอ้หลุยส์พูดอีกคน

          อย่างว่าแหละ ไอ้แจ็คกับไอ้หลุยส์มันคงไปแต่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆเพราะว่าทั้งคู่ใช่ชีวิตที่เมืองนอกมากกว่าพวกผม บอยและธรรณ์ก็เหมือนกัน ติ๊กก็อีกคนที่บินไปช๊อปปิ้งที่เมืองนอกกับพี่ๆบ่อยมากน่าแปลกที่ผมกับดิวกลับแทบจะไม่ได้ไปไหนเลยที่ต่างประเทศจะไปคือไปกับพ่อผมกับลุงภา พวกผมก็เดินลงมายังลานจอดรถที่พวกพี่เขาส่งพวกผม ไอ้ติ๊กมันโทรให้พี่เขาให้มารับพวกผมแล้ว ผมก็ได้นั่งกับติ๊กเหมือนเดิมส่วนดิวกับพายเขาควงแขนกันขึ้นไปนั่งด้วยกัน

         TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.2ุ8 (ดิวXแอ้) แอ้ไม่ใช่คนที่เลือก
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 28-01-2024 19:13:41
           
  EP.2ุ8 (ดิวXแอ้) แอ้ไม่ใช่คนที่เลือก
              Part’ s ดิว ผมเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กน้อยจากโต๊ะด้านหลังที่พวกผมนั่งอยู่ปาชิ้นไก่มาที่พวกผมกัน เด็กน้อยนี้เป็นลูกครึ่งและดูท่าจะซนเอาเรื่องไม่น้อย พอพวกผมเอ็ดก็ยิ่งปาและคนที่เอ็ดก็คือติ๊กที่ไม่ชอบเด็กๆ เอาซะเลย สุดท้ายน้องหัวเราะชอบใจและก็ได้เรื่อง ก็เล่นหัวเราะทั้งที่มีอาหารอยู่ในปากแบบนั้น น้องเกิดการสำลัก ผมก็ไม่รอช้าเข้าไปช่วยทันทีและผมก็ได้ช่วยเขาได้ทันเวลา ดีที่น้องไม่เป็นอะไรมาก ผมเห็นการแสดงสีหน้าท่าทางที่บอกว่าไม่รักเด็กเอาซะเลยของติ๊กแล้วผมก็คิดว่าเขานะก็คงไม่รักลูกๆ ผมเช่นกัน
            “ดิว ดิวเก่งนะ ดิวเหมาะที่จะเป็นหมอที่สุด” พายบอกผม ตอนกลับมาผมกับพายนั่งมาด้วยกันเพราะว่าติ๊กมันผลักไสพายมานั่งกลับผมแทน ปากก็แซวผมกับพายตลอด ผมรู้ว่ามันแกล้งให้แอ้รู้สึก จนรถมาจอดที่หน้าบ้าน ผมเห็นว่ามีรถจอดอยู่หนึ่งคัน และนั้นมันรถพ่อผมเอง พ่อมาหาผม
            “ดิว นั้นรถพ่อมึงหรือเปล่าวะ กูจำได้ว่ะ” ไอ้แจ็คมันถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่และรีบเดินเข้าไปด้านในพร้อมกันทันที
            “สวัสดีครับลุงภา “ไอ้แจ็คยกมือไหว้พ่อผม
           “สวัสดีครับลุง” ติ๊กและพาย
           “สวัสดีครับอาภา” บอย
            “สวัสดีครับพ่อ” ผมกับแอ้ แต่อันนี้ทุกคนหันมามองผมและแอ้กันหมดแต่ไม่มีใครพูดอะไร น่าจะเป็นเพราะว่าแอ้เพลอเรียกพ่อผมว่าพ่อ
           “เป็นไงกันบ้างล่ะพวกเรา พากันไปเที่ยวมารึวันนี้” พ่อผมถามและผมก็เห็นหนุ่มหล่อหน้าใส เดินออกมาน่าจะจากห้องน้ำ นั้นก็คือพี่ดรีมพี่ชายคนที่สองของผม
            “พี่ดรีมสวัสดีครับ” ทุกคนยกมือไหว้พี่ดรีมกันหมด
           “สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน เป็นยังไงสบายดีกันไหม back to school ดูหน้าใสสมวัยเด็กมัธยมขึ้นมาทันทีเลยน่ะกันเลยเนอะ “พี่ดรีมแซวพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน
           “พวกผมคิดว่าตั้งแต่มานี้ ตีนกาน่าจะถามหาเร็วกว่ากำหนดดีกว่าพี่ดรีม เครียดหนักมาก ไม่ได้เครียดเพราะเรียนหนักแต่เครียดเพราะว่าไม่ได้เรียนอะไรเลยแถมยังต้องวิ่งฝ่ามรสุมเท้าใครต่อใครทุกวัน” แจ็คมันพูด
            “ขอไปเรียนมหาวิทยาลัยดีกว่าไหมอ่ะ”แจ็คพูด
           “เอานะเดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้น” พ่อผมพูดปลอบใจพวกผม
           “เอาละ พ่อมาจะตรวจสุขภาพแอ้นะเพราะว่าแอ้จะต้องเตรียมตัวไปสมัครสอบนายร้อยเร็วๆ นี้เลยต้องตรวจสุขภาพก่อน
                “พ่อผมพูด ผมก็หันไปมองแอ้ จริงเหรอ แอ้ไม่เคยบอกผมเรื่องนี้มาก่อนเลย
                 “ไปตรวจบนห้องน่ะ พ่อต้องเจาะเลือดเราไปตรวจด้วย” พ่อผมพูด และผมก็ลุกขึ้นทันที แอ้ก็ลุกขึ้นเช่นกัน
               “เออ...ดิว ให้พ่อกับพี่ดรีมขึ้นไปแล้วกัน “พ่อผมบอกผม ผมก็ทำท่าจะค้านแต่ว่าพี่ดรีมส่งสายตาให้มองไปที่ด้านหลัง ใช่ครับทุกสายตามองผมกันหมด
                 “คือว่าจะได้ช่วยพ่อตรวจไง” ผมพูด
                “มึงรอข้างล่างนี้แหละครับดิว มึงยังไม่ใช่หมอ พ่อกับกูนี่ครับหมอครับน้องดิว มึงควรจะรอไปก่อนน่ะ ปึกๆ” พี่ดรีมพูดและยังตบหลังผมอีก ผมก็ต้องถอยหลังออกมาพ่อผมพี่ดรีมและแอ้เดินขึ้นไปบนชั้นสองคงไปที่ห้องนอน
                “แอ้มีอะไรหรือเปล่าวะดิว ลุงภาถึงมาถึงที่นี้ “ไอ้แจ็คมันหันมาถามผม
                “ก็อย่างที่พ่อกูบอกนั่นแหละ ว่าแอ้เขาจะเตรียมตัวไปเข้าสอบก็เลยขอตรวจสุขภาพก่อน” ปากผมพูดแต่ผมก็ชะเง้อมองด้วยความเป็นห่วง ปกติผมจะอยู่กับพ่อดูทุกอย่างที่พ่อทำกับแอ้ตลอดแต่นี่
                “ดูมึงดิวะดิว ทำยังกะว่ามึงเป็นพ่อที่รอเมียอยู่หน้าห้องคลอด เดินวนไปวนมา” พายพูด ผมสะดุ้งและหันมามองทุกคน ทุกสายตามองผมอีกแล้ว และผมก็เปลี่ยนจากนั่งมาเป็นลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว
              “หึๆ” คนที่หัวเราะผมก็คือบอยและธรรณ์ ผมก็นั่งลงแบบเขินๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ30นาที พ่อและพี่ดรีมก็ลงมา
             “เสร็จแล้วเหรอพ่อ “ผมถามพ่อทันที
             “เสร็จแล้วดิว เออ พ่อให้แอ้นอนพักสักแป๊บนะเพราะว่าพ่อเอาเลือดแอ้ไปตรวจหลายหลอดเลย ถ้าให้ลุกพรวดพลาดลงมาแอ้จะหน้ามืดเอา” พ่อผมบอก
            “แอ้เขามีภาวะธาตุเหล็กต่ำนะ พ่อต้องตรวจให้แน่ใจว่า ไม่ต่ำลงมาอีก “พ่อผมอธิบายให้ทุกคนฟัง ทุกคนก็พยักหน้า
           “ไงติ๊ก ตั้งแต่ลุงย้ายไปที่ค่ายก็เลยไม่ค่อยเจอเราเลยนะ “พ่อผมถามติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผม
         “คือผมก็ยุ่งๆ นะครับลุง มีทั้งงานภาพยนตร์และไหนจะไปเป็นพรีเซนเตอร์โรงแรมให้พ่อผมอีกนะครับ” ติ๊กบอกพ่อผม
           “อย่าว่าแต่เราเลย พ่อเราก็เหมือนกันน่ะ ลุงนี่เป็นพี่ยังเจอกันนับครั้งได้เลย ลุงว่าจะสนับสนุนชาวบ้านจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไม่ไกลจากค่ายและโฮมสเตย์ ว่าจะชวนพ่อเรามาพักบ้างน่ะ น่าจะดี เราเองก็ไม่ได้ไปที่ค่ายนานแล้วน่ะติ๊ก ไปเที่ยวบ้างซิ  “พ่อผมบอกติ๊กแถมยังชวนติ๊กอีกต่างหากแต่ว่าติ๊กก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
          “แล้วแอ้เป็นไงบ้างอ่ะครับลุง” พายถามพ่อผม
          “ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่เราล่ะพายพร้อมหรือยังที่จะสอบหมอน่ะ ลุงเจอพ่อเราเห็นเขาบอกว่าเราเก่งมากพาย ดูแล้วท่าจะได้หมอโรคหัวใจแน่ๆ ลุงดีใจด้วยน่ะ อยากได้หมอที่มีความสามารถ เรามีแล้วก็ใช้ให้เต็มที่น่ะพาย “พ่อผมพูด พายก็ยิ้มๆ
              “บอย ไหนๆ อาก็มาแล้ว เข้าไปให้อาตรวจสุขภาพเราหน่อยน่ะ เห็นพ่อเราบอกอาว่า ถ้าว่างตรวจเราสักหน่อยเพื่อว่ามาอยู่ที่นี้ปรับตัวยาก “พ่อผมบอกบอย บอยก็พยักหน้า แจ็คก็มองตามบอยทันที ผมหันไปมองหน้ามัน เป็นไงล่ะ เข้าใจความรู้สึกผมหรือยัง แจ็คมันก็ขมวดคิ้วมองผมไม่เข้าใจอีก โง่อะไรเบอร์นี้ว่ะ ผมแอบคิดในใจ
              “เอานะแค่ตรวจแจ็ค” พ่อคงรู้เลยบอกแจ็ค บอยก็เดินตามพ่อผมเข้าไปอีกห้อง พ่อผมหันไปพยักหน้ากับพี่ดรีม พี่ดรีมก็หยิบกระเป๋าแพทย์กระเป๋าประจำของพ่อผมและหิวไปให้พ่อผมด้วย พี่ดรีมก็เดินออกมา ผมรีบเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อไปดูแอ้ทันที ผมเคาะประตูก่อนและค่อยๆ เปิดประตูเข้าไป เห็นแอ้นอนอยู่บนเตียง แอ้หันมามองผม
             “แอ้ เป็นไงบ้าง เจ็บไหม” ผมถามด้วยความเป็นห่วง
            “ที่จริงก็ไม่น่ะเพราะว่าพ่อบอกว่ามันไม่เยอะนะ พ่อใช้เข็มเล็กมากดูดออกมา พ่อบอกมันจะประสานกันภายใน 48 ชั่วโมงเอง แต่แอ้อาจจะเจ็บหน่วงไปเกือบอาทิตย์” แอ้บอกผม ผมพยักหน้า ผมคงต้องคอยดูแลแอ้ใกล้ชิดมากขึ้นไปอีก
             “วันนี้นอนนี้น่ะ ไม่ต้องลงไปทานอาหารข้างล่าง ดิวเอาขึ้นมาให้นะครับ” ผมบอกแอ้เชิงออกคำสั่ง
             “อืมม” แอ้พยักหน้าเบาๆ เขาน่ารักมากเวลาแบบนี้
            “แสดงว่าเจ็บ ทำไมแอ้ไม่บอกพ่อไปตรงๆ” ผมถามแอ้เชิงต่อว่าและทำท่าจะหันหลังเดินไปลงไปบอกพ่อแทน
            “หมับ!” แอ้จับแขนผม เพราะเขารู้ว่าผมจะไปตามพ่อแน่ๆ
             “พ่อก็บอกแล้วจะเจ็บหน่วงๆ สักพัก และพ่อก็ให้ยาแก้ปวดไว้ทานด้วย แอ้ทานไปแล้ว “แอ้บอกผม
              “นอนพักน่ะ รู้ไหม” ผมบอกแอ้ แอ้พยักหน้าคงง่วงจากฤทธิ์ยาจริงๆ และผมก็ลุกขึ้น ผมจัดท่านอนให้แอ้ พร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่มให้แอ้ ผมนี้สงสารแอ้จริงๆ เลย ตอนแรกก็คิดว่าดีนะที่แอ้มีลูกมดแต่บางทีก็คิดว่าแอ้ต้องมาเจ็บตัวบ่อยๆ แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ผมเดินออกจากห้องและค่อยปิดประตูลงช้าๆ
              “แอ้เป็นไง มัน” ไอ้ติ๊กมันเดินขึ้นมา
              “แอ้มันง่วงนะและเพลียด้วย ก็โดนดูดเลือดไปหลายหลอด และมันก็ปวดแขนที่พ่อกูเจาะเลือดด้วยเลยขอนอนพัก” ผมบอกไอ้ติ๊ก ติ๊กมันมองหน้าผม ติ๊กพยักหน้าก่อนจะเดินลงไปข้างล่างทันที ผมก็เดินตามลงไป เพื่อจะล่ำลาพ่อก่อน ผมเดินลงมาก็เห็นพ่อกับพี่ดรีมกำลังนั่งคุยกับพวกหลานๆ ของพ่อกัน
             “เอาละพ่อกลับก่อนนะดิ และอย่าลืมอ่านหนังสือล่ะ ไอ้ดิมพี่ชายเราเขาจะติวให้ “พ่อหันมาบอกผม ผมพยักหน้า พ่อผมเดินออกไปพร้อมกับพี่ดรีม ทุกคนยกมือไหว้พ่อผมกับพี่ดรีมกัน
            "ดิว อาทิตย์ หน้าไปงานกับพ่อน่ะ อันนี้คำสั่ง เบี้ยวไม่ได้เลยน่ะ” พ่อหันมามอบอกผม
             “พ่ออาทิตย์หน้าวันเกิดลูกผมนะพ่อ” ผมพูดขึ้น
            “ดิว ไปก่อนเพราะว่างานนี้ก็สำคัญแค่ไปนั่งพอ อย่างอื่นพ่อจัดการเองและงานวันเกิดอาจจะมาทันหรือถ้าไม่ทันก็กลับไปจัดอีกอาทิตย์ถัดไปก็ได้นี่ดิว ไปงานนี้กับพ่อก่อน คราวนี้เลี่ยงไม่ได้จริงๆ มันจะมีปัญหา พ่อขอน่ะดิว “พ่อผมพูด ผมก็ทำหน้าเซ็งทันทีแต่ก็ต้องยอมเพื่อพ่อ
             “ส่วนแอ้นี้ ถ้าปวดนะเอายาแก้ปวดให้ทานก็พอและอย่าซ่าให้มากถนอมแม่ของลูกมึงหน่อยน่ะ พ่อไม่อยากทำแบบนี้บ่อยมันไม่ค่อยดีกับแอ้ รู้ใช่ไหมดิว “พ่อพูดกับผม
             “แอ้คงไม่กล้าทานยาเพราะว่ามันอยู่ติดกับติ๊กตลอดนะพ่อ ผมว่าแอ้มันกลัวติ๊กจะถามเรื่องยานะพ่อ” ผมพูด
             “เอาน่ะ ไม่นานก็จะได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยกันแล้ว “พ่อผมพูดและเดินเข้าไปนั่งในรถ
             “พี่ไปนะ อย่าอิบๆ กันมากละ” พี่ดรีมพูดผมหันมาปรายตามองพี่ชายคนที่สอง บอกว่าอย่าห้าสิ่งที่ห้ามยากยังอีก
             “ของแบบนี้มันห้ามกันได้เหรอ “ผมถามพี่ดรีม
             “ก่อนจะอิบๆ น่ะ มึงเช็คถุงก่อนนะ คุณภาพผ่านISOไหม จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ถุงแตกอีก” พี่ดรีมพูดแซวเรื่องนี้อีกแล้วแต่พี่ไม่ได้ส่งเสียงดัง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งทำหน้าที่คนขับรถ
            “พี่มึงนี้มันก็กวนตีนไม่ใช่น้อยนะไอ้ดิว แนะนำน้องมึงดีจริงๆ แทนที่มันจะห้ามแต่มันช่วยแนะนำการใช้ให้ถูกๆ น่าเตะพี่
            “พ่อผมได้ยินแน่พ่อพูด พี่ดรีมรีบทำนิ้วรูดซิบปากเพราะว่าอาจจะโดนเท้าพ่อผมได้ และพี่ดรีมก็เลื่อนกระจกปิดพี่ดรีมเป็นคนขับรถให้พ่อผมวันนี้  ผมก็ยืนมองจนรถพ่อผมแล่นออกไป ผมหันหลังเดินจะเข้าบ้าน ผมเห็นไอ้แจ็คมันมายืนมองผม มันขมวดคิ้วมองผมแต่ผมไม่รู้ว่ามายืนนานหรือยังนี่ซิ
            “มีอะไรวะแจ็ค”
            “แอ้เป็นอะไรวะ “ไอ้แจ็คมันถามผม
             “ไม่นิก็แค่ อย่างที่พ่อกูบอกนั่นแหละ” ผมพูดและทำท่าจะเดินเลี่ยงมันเพื่อเข้าบ้านแต่ว่าไอ้แจ็คมันจับต้นแขนผมเอาไว้มันมองหน้าผม
            “อย่าบอกกูนะว่าแอ้คือคนที่เขาเลือกให้ เป็นคนที่ตั้งครรภ์ได้นะไอ้ดิว บอกกูดิวะ ใช่หรือเปล่า “ไอ้แจ็คมันมองหน้าผมอย่าบอกน่ะว่ามันได้ยินเรื่องที่ผมกับพ่อคุยกัน ผมก็มองหน้ามันกลับ แต่ผมกลับแอบคิดในใจว่า
            (มึงนี้ควรไปกินหญ้าแทนข้าวจริงๆ) เพราะว่าคนที่มันคิดมาตลอดน่ะที่เขาเลือกคนนั้นคือคนข้างๆ มันนั่นแหละและที่สำคัญเขาก็มีทายาทให้มันแล้วด้วยแค่เขายังไม่อยากบอกมันแค่นั้น
           “ไม่ใช่ว่ะ แอ้ไม่ใช่คนที่เขาเลือก ไม่นานมึงก็จะรู้เองว่าใครที่เขาเลือก กูจะขึ้นไปดูแอ้ก่อนนะ เพื่อว่ามันปวด…” ผมพูดแจ็คมันก็ยังมองหน้าผมอยู่
             “เออ ปวดแขนที่พ่อกูเจาะเลือดไป เพื่อตรวจสุขภาพก่อนที่จะยื่นใบสมัครเข้าเรียนนักเรียนนายร้อย “ผมบอกมันและมันก็ปล่อยแขนผมแค่นั้น ผมเดินขึ้นไปบนบ้านทันที ผมเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นว่าแอ้ยังนอนหลับอยู่ แต่ว่าแอ้ นะนอนอยู่ที่เตียงตัวเอง ผมก็ไม่อยากปลุกแอ้ผมอยากให้แอ้นอนเตียงเดียวกับผมมากกว่า ผมก็เลยค่อยๆ ช้อนร่างแอ้และอุ้มไปนอนเตียงผมอย่างเบามือที่สุด
*****
             Part’ s แอ้ ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปนานแค่ไหน แต่ก็รู้สึกว่ามีมือมาคอยสัมผัสกายผมตลอด เพื่อเช็กว่าผมไข้หรือเปล่า แน่นอนคนนั้นก็ต้องเป็นดิว มันยิ่งทำแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมลำบากใจเพราะว่าผมเองก็ไม่รู้ว่าผมกับมันจะได้อยู่ด้วยกันหรือแยกกันไป ใจของผมไม่อยากห่างจากมันเลยผมก็เลยต้องเก็บความลับของผมกับดิวเอาไว้แต่ไอ้คนข้างๆ ผมนี่ซิ มันไม่ค่อยเข้าใจผมเอาซะเลย
           “ตื่นแล้วเหรอแอ้” ดิวถามผม เขาอยู่ในท่ากึ่งนอนกึ่งนั่ง เขาอ่านหนังสือที่จะเข้าสอบแพทย์ทหาร ดิวหันมามองผมด้วยแววตาที่เป็นห่วงเหมือนเคย
           “อืมม ลงไปทานอาหารหรือกันหรือยัง” ผมถามดิว ผมค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ยังเจ็บอยู่แป๊บๆ ไม่มาก และผมก็ต้องฝืนว่าไม่เจ็บ เพื่อไอ้ดิวจะได้ไม่ต้องแสดงอาการเป็นห่วงผมจนเกินไปและนี้แหละที่จะทำให้อีกคนมาลงที่ผมเอา
           “เจ็บเหรอแอ้” ดิวมองผม ผมส่ายหัวไปมาว่าไม่เจ็บ (แต่จริงๆ โคตรเจ็บเลย)
           “ดิวลงไปตักเอาไว้ให้แล้ว เอาขึ้นมาทานข้างบนน่ะ “ดิวบอกผม
            “ลงไปทานข้างล่างดีกว่าดิว” ผมบอกดิว
            “ไม่เอาแอ้เพราะว่าต้องเดินขึ้นเดินลงไม่ดีพ่อบอกทุกคนแล้วให้แอ้พัก ดังนั้นแอ้ควรจะพัก อย่าดื้อกับดิว” ดิวพูด ผมก็หรี่ตามอง
           “อันหลังนี้พ่อบอกเหรอ” ผมถามดิว
           “ดิวพูดเอง” ดิวบอกผม ผมก็แอบยิ้ม
           “เอาเป็นว่าดิวไปเอามาให้ ดิวบอกพวกนั้นแล้วว่าแอ้เพลียมากและพ่อสั่งให้นอนพักเยอะๆ พวกมันก็น่าจะเข้าใจน่ะ ไอ้ติ๊กก็ไม่ได้ว่าอะไร” ดิวพูด ผมพยักหน้าตามนั้น และดิวก็เดินออกจากห้องนอนไป ผมเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่ดิวอ่านมาดู
           “ฟุ๊บ” มีบางสิ่งที่หล่นลงมาจากหนังสือ เป็นรูปถ่ายผมหยิบขึ้นมาดูเป็นรูปตอนยังเด็ก ผมนั่งอ่านหนังสือสแลมดั้งก์และผิงแผ่นหลังของดิว วันนั้นดิวไปคัดตัวเป็นนักกีฬาชมรมฟุตบอล แต่รูปนี้ใครถ่ายให้ก็ไม่รู้ คงจะเป็นพี่ๆ ของดิวแน่ๆ ผมอดอมยิ้มไม่ได้
            ก๊อกๆ เสียงเตาะประตูห้อง ผมรีบเก็บรูปถ่ายเข้าในหนังสือของดิว
              “ห้องไม่ได้ล๊อกครับ” ผมตอบไป และคนที่เปิดเข้ามาก็คือบอย บอยมองผมและยิ้ม ก่อนจะเดินมาหาผม
              “เป็นไงบ้างแอ้ “บอยถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่เป็นอะไร
              “แอ้ “บอยเรียกชื่อผมเหมือนจะถามผม บอยคงจะถามเรื่องวันนั้นอีกแน่ๆ เลย ผมเดาจากสายตาของบอยได้ บอยมองผมและยิ้มให้ผม
              “อึดอัดไหมอ่ะ แอ้” บอยถามผม บอยขึ้นมานั่งข้างๆ ผมและหันมาเหล่มองผมก่อนจะหันกลับไปมองตรงหน้า ผมยอมรับว่าอึดอัดที่สุด
               “ดิวคงอยากจะบอกใครๆ แย่แล้วใช่ป่ะ เพราะว่าดิวอยากจะรับผิดชอบแอ้อย่างเต็มตัว “บอยพูดขึ้น ผมหันไปมองบอย
              “เหมือนกับแจ็คนะแต่ต่างกันตรงที่ว่าแจ็คเขาไม่รู้และบอยก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะรับได้เหมือนดิวรับแอ้ได้ไหม “บอยพูด ผมหันไปแตะที่แขนบอยเบาๆ
             “น่าจะเอามดลูกไปใส่ไว้ที่มันสองคนดูน่ะ จะได้รู้ว่าเราสองคนต้องแบกอะไรไว้บ้าง ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะเพราะว่ามันดันมาอยู่ในร่างผู้ชายแบบนี้” บอยพูด ผมพยักหน้าว่าจริงทีเดียว บอยหันมายิ้มให้ผม
             “แต่บอยก็ยังดีกว่าแอ้นะ ตรงที่ว่าบอยคือคนที่เขาเลือก มันมีเหตุผลมากพอ แต่แอ้ไม่ใช่ คนที่เขาเลือก และคนที่จะเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้มีอยู่หลายคนเลย คนแรกคือพ่อภา พ่อของดิวมันเองนะ คนที่สองคือพ่อภีมแต่พ่อคงเสียใจถ้ารู้ว่าแอ้ทำในสิ่งที่ไม่ควรไปแล้ว และคนสุดท้ายคือดิว มันไม่ควรจะทำแบบนั้นกับแอ้เลยเพราะว่า”
           “เขาคือคนที่ถูกเลือกเหรอ แอ้ ทำไมไม่เชื่อหัวใจของแอ้กับดิวละ”
            “แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรละบอย ถ้าเขาไม่ได้เลือกให้คู่กัน” ผมพูด
            “บอยเชื่อดิวน่ะ บอยเชื่อว่าดิวเขารู้ว่าจะทำยังไง บอยแค่คิดว่าแอ้กับดิวทำทุกวันให้มีความสุขก่อนจะดีกว่า “บอยพูดและมองหน้าผม
             “แล้วน้องสบายดีไหมบอย” ผมถามบอย บอยหันมามองหน้าผม บอยยิ้มให้ผม ผมแอบได้ยิน เขาคุยโทรศัพท์ ผมก็พอจะเดาได้ว่าบอยมีน้องแล้วและไอ้แจ็คก็คงยังไม่รู้
              “สองขวบแล้ว บอยเพิ่งจะจัดวันเกิดให้ก่อนจะมาน่ะแอ้” บอยพูด งั้นก็แก่กว่าน้องมีนแค่ไม่กี่เดือนเอง
               “เท่ากับน้องมีนเลย จะสองขวบแล้วเหมือนกันอาทิตย์หน้านี้นะครับ “ผมบอกบอย บอยหันมายิ้ม
             “ถ้ามีโอกาสน่าจะให้รู้จักกันไว้น่ะ จะได้เป็นเพื่อนกันเหมือนรุ่นเราไง” บอยพูดผมพยักหน้า ดิวเปิดประตูเข้ามาพอดีพร้อมถาดอาหาร ดิวมันเอาอาหารขึ้นมาให้ผมทาน ดิวก็มองบอยและยิ้มให้
              “ถ้าอย่างนั้นทานอาหารเถอะแอ้ “บอยพูดก่อนจะลุกขึ้นไป ดิวหันมามองผมโดยที่ไม่ได้ถามอะไร ดิวมันเดินไปหยิบโต๊ะตั้งได้มาวางไว้บนที่นอนนี่มันจะให้ผมกินบนนี้เลยหรือไง ผมหันไปมองไอ้ดิว
                “ทานบนนี้แหละ พ่อเคยบอกไว้ว่า ขยับให้น้อยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้จะดีมาก แผลจะได้ประสานกันเร็วขึ้น” ดิวบอกผมและดิวมันก็มานั่ง ผมหันไปมองอย่าบอกนะว่าจะป้อนผมด้วยนะ
              “ป้อนให้” ดิวพูด
              “ไม่เอา” ผมรีบปฏิเสธ
              “มันไม่เข้ามาหรอกนะ ถ้ามันจะเข้ามาคงเข้ามาตั้งแต่แอ้นอนหลับแล้ว ดิวไม่ได้ล๊อกประตูห้องเลย “ดิวพูด ผมหันไปมองหน้ามันแต่ดิวก็ตักอาหารขึ้นมารอจ่อที่ปากผมแล้ว ผมก็ต้องอ้าปากงับอาหารในช้อนนั้นไป
             “อาทิตย์หน้าดิวไม่ได้ไปฉลองวันเกิดน้องมีนอะแอ้ พ่อบอกให้ไปทำธุระ แอ้ไปน่ะ ไปฉลองกับลูกนะ อย่างน้อยมีหนึ่งคนอยู่กับลูกก็ยังดี” ดิวพูดกับผม
              “ดิว ติ๊กให้อาภาคย์โทรหาพ่อภีมอ่ะ มันจะให้แอ้ไปเดินแบบเสื้อสูทอ่ะ แอ้ก็ไม่ได้กลับไม่รู้ว่าจะขอกลับไปได้ไหมเหมือนกัน” ผมบอกดิว ดิวหันมามองหน้าผม ดิวหันหน้าหนีอีกแล้ว
             “อย่าทำหน้าแบบนั้นได้ไหมดิว”
             “แอ้ลูกต้องการแอ้นะ ยิ่งมีนด้วย คนที่เขาอยากให้นั่งเป่าเค้กใกล้ๆ และนี้มันวันเกิดขวบปีแรกด้วยนะ ส่วนดิวนะ อยากจะหาเรื่องชิ้งแต่ก็คงไม่ได้แล้วรอบนี้ พ่อจะซวยเอา” ดิวพูด ผมพยักหน้าว่ารู้ ผมรู้ว่ามันขัดคำสั่งลุงหนี่งมาหลายครั้งแล้ว
             “ก็ไปก่อนดิ แอ้รอ ดิวเลิกแล้วเพื่อเราได้กลับไปพร้อมกัน หรือไม่ก็ฉลองกันย้อนหลังสักอาทิตย์คงได้อยู่นะ” ผมพูดบอกดิว
              “อ่ะ ทานก่อนเดี๋ยวอาหารเย็นหมด” ดิวบอกผมให้ทานก่อน ดิวก็ป้อนอาหารให้ผม
              “ดิว …ลืม….” พายเปิดประตูเข้ามาพอดีเลย พายก็ยืนมองผมกับดิว ดิวมันกำลังป้อนอาหารให้ผมอยู่ ผมก็รีบคว้าช้อนมาจากดิวทันที พายก็แค่มองและยิ้มๆ ให้ผม
               “ดิวลืมซีดีการ์ตูนไว้ที่พายน่ะ พายเอามาให้ ถ้าอย่างนั้นไม่กวนนะ “พายรีบพูดและวางซีดีเอาไว้ก่อนจะรีบถอยหลังออกไป ผมหันมามองไอ้ดิว
                “เออ จะให้ล๊อกประตูให้ไหม จะได้ป้อนกันได้สะดวกๆ” พายกลับเข้ามาถามผมกับดิวอีก ดิวมันยกนิ้วโป้งให้เลยและประตูก็ถูกปิดลงพร้อมเสียงกดล๊อคประตูให้เรียบร้อย ผมหันมามองดิว
                “ท้อไหมดิว ถามจริงๆ” ผมถามดิว ผมรู้ว่าดิวเข้าใจคำถามของผมดี
               “ไม่อ่ะ ไม่ท้อ แต่น้อยใจนะมีอยู่ แต่ให้ท้อใจไม่มีอ่ะ”
                “ถ้าถึงตอนนั้น เราต้องแยกกันละดิว”
              “ดิวก็จะหาแอ้และดึงแอ้กลับมาอยู่กับดิวให้ได้ ดิวจะทำทุกอย่างเหมือนที่พ่อภาทำตอนที่แยกกับอาภีมเหมือนกัน ทุกวิถีทางให้ได้คนที่ตัวเองรักกลับมา” ดิวพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
               “และยิ่งดิวมีลูกกับแอ้ ดิวจะพยายามให้ได้หากมันจะยากกว่าหลายเท่าดิวก็จะทำ เพื่อลูกและแอ้ ได้อยู่ด้วยกันกับดิว
              “ดิวบอกผม ผมก็ได้แต่มองดิว ผมดีใจที่ลูกๆ ของผมมีพ่อที่ใจคอห้าวหาญแบบดิว ผมรู้สึกได้ว่าไอเขาก็ได้มันจากดิวด้วยเช่นกัน ดังนั้นหน้าที่พี่ชายคนโตที่ปกป้องน้องๆ ไอได้มาเต็มๆ
              TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.2ุ9 (แจ็คXบอย) ใครคือไอ้แบงก์
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 29-01-2024 08:10:03
EP.2ุ9 (แจ็คXบอย) ใครคือไอ้แบงก์

 Part’ s แจ็ค เวลาผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์ อาทิตย์ นี้ไม่ฮาร์ดคอร์เหมือนอาทิตย์แรกๆ ไม่มีคนมาดักรอพวกผมและอาทิตย์นี่ต้นข้าวกับบลูมันก็กลับมาเรียนแล้วด้วย ต้นข้าวกับบลูบอกว่า ไอ้ภาคินมันไปหาพ่อกับแม่มันที่บ้าน ไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นและต้นข้าวมันก็ให้เหตุผลว่าถ้าไม่ให้มันเรียนและให้มันหยุดไปอีก มันก็จะช้าเข้าไปอีก มันอยากเรียนจบพร้อมเพื่อนๆ สุดท้ายพ่อแม่ต้นข้าวถึงได้ยอมให้ต้นข้าวและบลูกลับมาเรียนได้ พวกผมนี่โล่งอกไปเลยแต่แปลกใจว่าทำไมภาคินไปพูดพ่อแม่ต้นข้าวเชื่อมากกว่าไอ้ต้นข้าวเองซะอีก

            พวกผมเริ่มได้ข้อมูลพวกไอ้บอสกันบ้างแล้ว ผมกับไอ้หลุยส์ไอ้ให้ไอ้ป๊อด มันไปหาคนที่พอจะทำหน้าที่เป็นนักสืบมาให้ผมหนึ่งคน ไอ้ป๊อดมันก็หามาได้และผมก็ให้เริ่มงานได้เลย ผมถึงได้รู้ว่าแก้งของไอ้ภาคิน มันมีหัวหน้ามาก่อนนั้นคือ ไอ้บอส ไอ้นี้มันก็หนีไปอยู่เมืองนอกและมันก็เป็นเพื่อนสนิทกับพี่ข้าวปั้นพี่ชายไอ้ต้นข้าว พี่คนนี้ดันอยู่ในสถานพินิจคนเดียว อันนี้ผมถึงกับมองหน้ากัน ผมรอจะคุยกับไอ้ต้นข้าวก่อนดีกว่าทำไมพี่มันซวยอยู่คนเดียวทั้งที่มีคนดูแลแก้งนี้ตั้งสามคน ไอ้พี่แฮกซ์มันรอดได้เรียนต่อจนจบแต่ว่า ไอ้พี่แฮกซ์นี้ก็โดนย้ายโรงเรียนมาจากที่อื่นก่อนจะโดนพักการเรียน เลยทำให้ไอ้พี่แฮกซ์ต้อง จบช้าไปสองปี

            ผมได้ข้อมูลเกือบทุกคน ผมกับไอ้หลุยส์นั่งดูเอกสารที่ได้จากคนที่รับงานจากป๊อดไปทำแต่ผมยังไม่เจอตัวคนหาข้อมูลเลยว่าเขาคือใคร แต่ข้อมูลที่หามาได้ก็แน่นดีผลงานดีว่างั้น ผมรู้ว่าแต่ล่ะคนเป็นใคร ภาคิน เป็นลูกชายคนโต พ่อเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลไอ้ดิวบอกว่าพ่อมันดูแลหุ้นของเขาอยู่ด้วยเพราะว่าเคยเข้ามาช่วยตอนที่เขามีปัญหา อันนี้ถือว่าโชคดีถ้ามีปัญหากับเขามันคงเบาลงผมคิดว่า ไอ้ภาคินมีน้องชายที่ชื่อภาคิไนย์ ไอ้เด็กที่หางานให้พวกผมวันก่อน ไอ้โซ่หรือณรงฤทธิ์ มีน้องชายหนึ่งคนอายุห่างจากโซ่น้องไอ้โซ่มันมากพอสมควร น้องมันเพิ่งหกขวบเอง ที่บ้านทำธุรกิจส่งออกแถมตอนนี้กำลังประสบปัญหาอยู่ ผมกับไอ้หลุยส์หันมามองหน้ากัน ก็อย่างที่บอกผมกับมันมีความคิดตรงกันหลายอย่างโดยแทบจะไม่ต้องพูดเลยและคนอื่นๆ

             “กูได้ยินพวกไอ้ภาคินมันคุยกันเมื่อวานว่า ครอบครัวไอ้โซ่ มันมีปัญหาว่า กูเข้าไปดูแล้วกูจะซื้อหุ้นมันว่ะ ในนามของบริษัทพ่อกู” ไอ้หลุยส์มันพูดและหันมามองหน้าผม ผมก็ขมวดคิ้วเป็นปมรอเลยจะซื้อทำไม ไอ้นี่มันว่ามึงอยู่น่ะ

              “เริ่มจากไอ้นี่ก่อนเลย คอยดูดิวันจันทร์มึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง” ไอ้หลุยส์มันบอกผม ผมยักไหล่คงจะเห็นอยู่หลอกนะ เพราะว่าวันก่อนก็ช่วยไอ้ภาคินแล้วไง ไม่เห็นมีอะไรเลย แต่ผมก็พยักพเยิดไปกับมันนั่นแหละ ผมสองคนก็เปิดดูแต่ล่ะคนต่อ ไอ้มาร์ค ไอ้คนนี้พ่อทำงานอยู่อบต. แม่เป็นหัวหน้าพยาบาล อยู่ที่ รพ.รัฐ และอีกคนที่ผมถึงกับขมวดคิ้ว ว่าน มีแม่เป็นแม่บ้านแต่ไม่มีพ่อแถมยังอยู่บ้าน ไอ้ภาคิน อยู่ในฐานะอะไร แฟนน้องไอ้ภาคินเหรอ ผมกับไอ้หลุยส์หันมามองหน้ากันทันที

              “แบบนี้ก็ได้เหรอวะ” ผมหันมาคุยกันกับไอ้หลุยส์

              “เออว่ะ ตกลงไอ้ว่านนี้มันเป็นแฟนไอ้เด็กเวรนั้นจริงๆ เหรอว่ะ ห่างกันหลายปีอยู่น่ะ แต่มันตามติดไอ้ภาคินมากกว่าไอ้เด็กเวรนั้นอีกมึง” ไอ้หลุยส์พูด ผมก็ยักไหล่ แต่คนอื่นๆ ที่ผมสองคนดูก็ปกติแต่ที่น่าสนใจตอนนี้คือพวกนี้

             “เห็นป๊อดบอกว่ามีอีกน่ะ เขากำลังสืบอยู่ น่าจะเป็นพวกพี่แฮกซ์ว่ะ” ผมหันมาพูดกับหลุยส์ ธรรณ์ที่นั่งดูโน๊ตบุคเครื่องบางเฉียบอยู่ แต่ว่าบอยไปไหนก็ไม่รู้ วันนี้วันศุกร์ นี้เป็นอาทิตย์แรกที่พวกผมจะได้พากันกลับบ้าน ผมว่าจะชวนบอยไปเที่ยวดีกว่า ไอ้หลุยส์บอกว่าจะพาธรรณ์นั่งเครื่องส่วนตัวไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือไม่ก็เกาะบาหลีอะไรประมาณนี้ มันยังเลือกอยู่ ไอ้ติ๊กบอกว่ามีงานเดินแบบ มันบอกว่าไอ้แอ้กับพายไปด้วย ทำไมแต่ล่ะคนมีงานหมดยกเว้นผม อ้อ ผมยังไม่ได้ถามไอ้ดิวเลย แต่ถ้ามันมีอีกคนนี้แปลว่าต้องมีอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับผมแน่ๆ ว่าแล้วก็โทรหาพี่ชายคนโตดีกว่า

           “กูขอไปโทรหาพี่ชายกูก่อนว่ะหลุยส์ “ผมบอกไอ้หลุยส์ มันก็พยักหน้า ตอนนี้สองหนุ่มของผมสองคนยังไม่ลงมาจากชั้นบนเลย กำลังเลือกเสื้อผ้าใส่กันอยู่

            //ฮัลโหล ว่าไงน้องชายพี่// พี่โจกดรับสายผม

            //พี่โจ อาทิตย์นี้ผมกลับบ้านได้ใช่ไหมพี่// ผมถามพี่โจ

            //อาทิตย์นี้เหรอ พ่อบอกว่าออกจากที่พักได้แต่ห้ามกลับมาบ้านให้ ไปหาที่เที่ยวกับเพื่อนก่อนดิแจ็ค ในกรุงเทพก็ได้ //พี่โจพูด

          //มีอะไรหรือเปล่าพี่โจ//

         //ไม่มี!// เสียงสูงแบบนื้ มีแน่ๆ

         //พี่โจ!มีอะไรบอกมาเลยตรงๆ //ผมถามพี่โจอีกที

         //ไม่มีแจ็ค ทำตามที่พ่อบอก อาทิตย์หน้าค่อยกลับมานะบ้านนะและจะได้ฉลองวันเกิดพี่สาวเรา //พี่โจพูด

          (พี่โจ เจได้ยินนะ เจน่ะพี่ชายต่างหาก) ผมพยักหน้าวันเกิดพี่เจนั้นเอง

           //ลืมไปเลยพี่โจ ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมชวนบอยไปเที่ยวดีกว่า// ผมพูดขึ้น

          //แจ็ค//พี่โจเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไป

         //มีอะไรหรือเปล่าพี่โจ// ผมถามพี่โจอีกครั้ง

         //เออ ไม่มีแต่ เราจะพาบอยไปเที่ยวเหรอ พี่ว่า เออ บอยเขา ไปไม่ได้นะ //พี่โจพูด

         //ไปไม่ได้ ทำไมอะพี่โจ //ผมยังตื๊อถามพี่ชายผมอยู่ ยังไงพี่โจก็ต้องใจอ่อนให้ผม

         //แจ็ค นายจะทำให้พี่โดนพ่อดุ อย่าถามพี่ได้ไหม// พี่โจพูด

         //ถ้าพี่ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ผมไม่อยากรู้เรื่องภายในองค์กรสักเท่าไหร่ แต่ผมจะชวนแฟนไปสวีทแค่นี้พี่โจ แจ็ครักคุณพ่อโจนะครับ//ผมพูด

         //แจ็คพี่โว้ย! ไม่ใช่พ่อ! หน้าไม่แก่ เท่าพ่อ ไอ้น้องกวนตีน!// พี่โจเม้งผมใส่มือถือมาทันทีแต่ผมกดวางสายซะก่อน และเดินออกมาทันทีเพื่อที่จะไปบอกบอยว่าจะชวนบอยไปหาที่สวีตกันแต่ว่า ผมไม่เห็นบอย เจอแต่ไอ้ติ๊ก

           “เห็นบอยไหมวะติ๊ก” ผมถามไอ้ติ๊กทันที ติ๊กหันมามองหน้าผม

           “บอยยืนคุยโทรศัพท์อยู่นะมึงตรงโน้นอ่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูดและมันก็เดินกลับเข้าไปหา ไอ้ดิวและแอ้ วันนี้ไม่มีอะไรมากมีวิชาพละและชั่วโมงกิจกรรมแต่ว่าไม่มีกิจกรรมให้ทำ แปลกดีเหมือนกันแต่พวกผมไม่มายด์ และวันนี้พวกผมไม่เห็นพวกไอ้ภาคินมันเข้าเรียนอีกแล้ว จะว่าไปพวกผมก็เริ่มชินกับการที่มาแล้วเจอพวกมันบ้างไม่เจอบ้าง ไม่เจอจะดีกว่าเพราะว่าพวกเพื่อนมันปากหมากันทุกคน ผมเลือกที่จะเดินไปหาบอยเพื่อว่าจะถามความคิดเห็นว่าเราจะไปเที่ยวไหนกันดี

           “ร้องงอแงใหญ่เลยอ่ะพี่บรู๊คส์ เอาไงดี บอยบินกลับเลยดีกว่า ได้ครับ บอยไปสนามบินเลย ไม่ดีกว่าเพราะว่าแบงก์สำคัญกับบอยที่สุด “ผมเดินเข้ามาพอดี ผมก็ต้องชะงักเท้าทันที ใครกันแบงก์

           “ครับพี่บรู๊คส์ได้ครับ ให้พี่เขามารับบอยเลยก็ได้ครับ ไปสนามบินเลยครับพี่บรู๊คส์ “

            “แบงก์ บอยกำลังไป ไม่เอานะ อย่าทำแบบนี้ซิ ทานยาและบอยจะไปเดี๋ยวนี้ บอยรักแบงก์คนเดียวนะ รักมากที่สุดเลย เจอกันนะครับ บายครับ”

           “แจ็ค!!” บอยหันกลับมาเห็นผมยืนอยู่ เขาก็ทำสีหน้าตกใจที่สุด ผมเองก็ยืนกอดอกมองบอย ผมรู้ว่าเขารู้ว่ามีคำถาม

            “บอย ใครอะ แบงก์” ผมถามบอย

            “เออ คือ “บอยทำท่าอึกอักที่จะตอบผม

            “แล้วบอยจะไปไหน” ผมถามบอยต่อเพราะจากการสนทนาที่ผมได้ยินคือบอยจะไปที่สนามบินเลย

             “บอยจะกลับบ้าน บอยมีธุระด่วนแจ็ค “บอยบอกผม ผมนิ่งคิดก็ผมเพิ่งจะได้ยินบอยบอกไอ้คนที่ชื่อแบงค์ว่าจะรีบไปหาอยู่

             “ธุระด่วนอะไรละบอย บอกแจ็คได้ปะละเพราะว่าเราแฟนกัน คงบอกได้มั้ง” ผมถามบอย

             “เออ…. บอย …. ขอโทษนะแจ็ค บอยต้องรีบไป แจ็คก็ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วกันน่ะ กลับมาเราค่อยคุยกันนะแจ็ค” บอยพูดและทท่าจะเดินออกแต่ผม

             “หมับ” ผมคว้าข้อมือบอยเอาไว้ซะก่อน

             “คุยกันตอนนี้แหละ บอกมาตรงๆ ดิ บอยว่าจะไปหาไอ้แบงก์และไอ้นี่มันคือใคร แจ็คได้ยินนะบอย มันเป็นใครอ่ะ เพื่อนเหมือนธรรณ์เหรอ แจ็คว่าไม่ใช่ แจ็คได้ยินชื่อนี้มาหลายครั้งแล้วนะ ตกลงบอยมีกี่คนกันแน่ แฟนน่ะ” ผมถามบอย บอยหันมามองหน้าผม และบอยก็สะบัดมือผมออก

            “ไอ้ดิวก็อีกคนดิ ใช่ไหม บอย” ผมถามบอย

              “บอยไม่รู้ว่าบอยจะพูดหรืออธิบายยังไงกับแจ็ค แจ็คก็ยังมองว่าบอยเป็นแบบที่แจ็คคิดตลอด อยู่ดี ทั้งที่บอยก็ทำให้แจ็คเห็นแล้วน่ะ ว่าอะไรเป็นอะไร มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอแจ็ค” บอยถามผม แววตาคู่นั้นมองผม

              “ใช่ซิ บอยถูกโยนให้ไปคู่คนนั้นนี้มากมาย จนแจ็คมองว่าบอยไม่มีหัวใจที่จะรักใครสักคนเลยใช่ไหม แจ็ค”

               “ดังนั้นครั้งนี้บอยก็จะไม่อธิบายอะไรอีก “บอยพูด

              “แต่บอยก็ไม่เคยอธิบายในสิ่งที่แจ็คต้องการจะรู้ ไม่เคยเลย บอยทำให้แจ็คเห็นว่าบอยมีอะไรปิดแจ็คอยู่ “ผมพูด

               “บอย “ธรรณ์เดินตรงเข้ามาพอดี ธรรณ์มองหน้าบอยและผมสลับกันไปมา

               “บอยให้รถมารับใช่ไหมครับ” ธรรณ์ถามบอย บอยพยักหน้าว่าใช่

               “บอย ตกลงจะไปใช่ไหม บอยเลือกมันใช่ไหม ไอ้แบงก์น่ะ” ผมถามบอยขณะที่บอยกำลังหันหลังเดินออก บอยหันมามองผมแว๊ปหนึ่งและเดินต่อไปทันที

             “แจ็คว่าจะชวนบอยไปเที่ยว!” ผมพูด

            “บอยไปไม่ได้อยู่ดีแจ็ค บอยมีธุระเหมือนกันและเป็นธุระที่สำคัญมากด้วย “บอยหยุดพูดก่อนรีบเดินต่อ ธรรณ์หันมามองผมแว๊ปหนึ่งและเดินตามบอยไปธรรณ์ทันที ผมได้แต่ยืนกำหมัดแน่น ถ้าครั้งนี้รักของผมกับบอยมีปัญหาอีก ผมก็คงจะพอเหมือนกัน ผมเหนื่อย ผมยืนหันหลังอยู่

             “หมับ” จู่ๆ ก็มีมือมาแตะที่ไหลผม ผมหันไปมอง คนนั้นคือไอ้หลุยส์

             “ธรรณ์บอกว่ามึงทะเลาะกับบอย มีอะไรวะ” หลุยส์มันถามผม ผมหันมามองไอหลุยส์อีกที ตอนนี้มันคือเพื่อนแท้ของผมแล้วไง

            “กูกำลังจะชวนเขาไปเที่ยวแต่นี้มีคนนัดตัดหน้าเขา ไอ้แบงก์อ่ะ มึงรู้ไหมว่ะ มันเป็นใคร” ผมถามไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์มันทำหน้างง และส่ายหน้า

             “เขาปิดมึงด้วยเหรอวะ” ผมถามไอ้หลุยส์

               “กูจะลองถามธรรณ์ดูเพราะว่ากูก็เจอแต่กับบอยแค่ ที่เรียนพิเศษและเวลาออกงาน ธรรณ์น่าจะรู้มากกว่ากูว่ะ” ไอ้หลุยส์พูด

               “เชี่ยเอ๊ย!” ผมสบถออกมา ผมอยากจะรู้ว่ามันคือใครและอยากจะขอตะบันหน้ามันสักหน่อยเถอะ ไอ้คนที่ชื่อแบงก์อะไรนี้ แล้วค่อยถามว่าบอยจะเลือกใคร ถ้าเลือกมันผมจะได้ถอยและพอแค่นี้ ผมคงขอพ่อกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยเลยและถ้าเขาจะตัดผมจากองค์กรบ้าบออะไรนี้ก็เชิญเลยผมไม่แค่ ผมเชื่อว่าผมมีดีกว่านั้นอีก

             “เอาน่ะ ไปเที่ยวกับกูก็ได้วะ กูมีอะไรดีดีที่ทำให้มึงคลายเหงา” ไอ้หลุยส์มันบอกผม

           “พ่อกูก็สั่งไม่ให้กูกลับบ้านอีกว่ะ มันต้องมีอะไรแน่ๆ แถมบอยก็ยังบอกว่ามีธุระด่วนที่สำคัญมากต้องทำอีก “ผมพูด ขณะที่เดินออกมา ผมเห็นพวกไอ้ดิว แอ้และติ๊ก แต่ไม่เห็นพาย

             “พายมันไปซื้อขนมกับไอ้ต้นข้าวและบลู พวกกูจะกลับเข้ากรุงเทพกันเลยวะ มึงละแจ็ค” ติ๊กมันถามผม

            “พวกมึงมีงานนี่หว่า “ผมพูดและหันไปมองหน้าไอ้ดิวอีกคน

           “มึงละดิว “ผมถามไอ้ดิว

          “พ่อกูเรียกเข้ากรุงเทพด่วนว่ะ “ไอ้ดิวพูดผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์ ทุกคนมีเรื่องด่วนกันหมดแต่ยกเว้นผม และไอ้ดิวก็ถูกเรียกตัวด่วนอีก ผมว่าลุงหนึ่งกำลังทำอะไรแน่ๆ เลย ธรรณ์เดินกลับเข้ามาแล้วเช่นกัน

           “หลุยส์มึงรีบหรือเปล่าวะ “ผมกระซิบกับไอ้หลุยส์

           “ทำไมวะ” หลุยส์มันถามผมกลับ

           “กูว่ามีอะไรแน่ๆ ว่ะ ไอ้ดิวมันบอกพ่อให้มันเข้ากรุงเทพด่วน ส่วนบอยก็กลับด่วนอีก” ผมถามไอ้หลุยส์

              “เออ ตอนแรกกูว่าจะไปหาลุงหนึ่งนะ แต่กูได้ยินมาว่าลุงหนึ่งไม่ว่างมีงานกูเลยจะขอพาธรรณ์ไปเที่ยวแทน” ไอ้หลุยส์มันพูดผมสะบัดหน้ามามอง ผมชี้หน้ามันนั้นไง

              “กูอยากรู้ลุงหนึ่งมีงานที่ไหนวะ ช่วยกูหน่อยดิ ได้ไหมวะ “ผมถามไอ้หลุยส์

             “ได้ว่ะ สักครู่” ไอ้หลุยส์มันพูดและหันไปยิ้มให้ธรรณ์ ผมก็ยิ้มให้ธรรณ์

              “พายมาแล้วว่ะ ไอ้แจ็ค พวกกูไปเลยน่ะ รถมารอแล้วและมึงละ ไม่ไปไหนเหรอวะ ไปแรดกับพวกกูเปล่า ไปนั่งทำหน้าหล่อๆ ดูพวกกูเดินแบบก็ยังดี” ไอ้ติ๊กมันหันมาถามผม

             “ก็แค่ไม่กี่ชั่วโมง กูจะพาแอ้ไปแรดต่อด้วย “ไอ้ติ๊กมันพูดและหันมายิ้มกริ่มกับไอ้แอ้

             “กูบอกพ่อว่ากูแค่อยู่เดินแบบ ติ๊ก อย่าหางานให้กูเพิ่มได้ป่ะว่ะ” ไอ้แอ้มันหันไปพูด

                “และพี่อ้นก็ไปกรุงเทพด้วย งานเสร็จกูต้องรีบกลับบ้าน มึงอยากไปก็ชวนแจ็คมันไปโน่น” แอ้พูด ไอ้ดิวมันยืนอยู่ก่อนจะเหลือบตามามองไอ้ติ๊ก

               “ติ๊ก แอ้มันจะยื่นใบสมัครสอบแล้ว มึงอย่าทำให้มันโดนอาภีมด่าดิว่ะ” ไอ้ดิวมันก็รีบแก้ตัวให้แอ้ทันที

               “แค่นี้ทำเป็นบ่น เออๆ ไม่ไปก็ได้ เบื่อว่ะ!” ไอ้ติ๊กพูดและหันมาดึงแขนไอ้แอ้ให้ไปกับมันอีกจนได้

               “พวกกูไปก่อนวะ มึงจะเอายังไงก็โทรมาแล้วกัน พาย เราไปส่งไอ้ต้นข้าวกับบลูก่อนใช่ไหมวะ” ดิวมันหันมาพูดกับผม ผมพยักหน้าแบบขอไปที กำลังเซ็งมาก มันผิดแผนที่ผมคิดเอาไว้หมดเลย

              “ดิว มึงไปไหนวะ พรุ่งนี้” ผมถามไอ้ดิว

             “กู ไปกับพ่อกูว่ะ” ดิวมันพูด

             “ไปไหนวะ” ผมถามมัน ไอ้ดิวมันนิ่งไปพักหนึ่ง

             “ไปงานกับพ่อกูแต่อย่าถามว่าที่ไหน กูไม่รู้แค่นี้และกูรีบว่ะ ไปก่อนน่ะ กูต้องไปส่งไอ้ต้นข้าวและบลูที่บ้านมันสองคน” ไอ้ดิวมันพูดว่ามันไม่รู้ ผมว่ามันรู้แต่มันไม่บอกผม ผมหันมามองธรรณ์ ผมว่าธรรณ์น่าจะรู้แต่ก็เพื่อนรักของบอยอีก และไอ้ดิวมันก็เดินออกไปพร้อมกับพาย ต้นข้าวและบลู

              “บอยไปแล้วเหรอธรรณ์” ผมถามธรรณ์ ธรรณ์พยักหน้าตอบผม

               “แจ็ค อย่าไปงอนบอยเลยน่ะ บอยเขามีเรื่องด่วนจริงๆ น่ะ “ธรรณ์พูด และไอ้หลุยส์มันก็เดินออกมาและมันก็มองผมยิ้มๆ แต่ธรรณ์นี้ขมวดคิ้วมองหน้าไอ้หลุยส์

               “มีงานบ้านลุงณะว่ะ “ไอ้หลุยส์พูดขึ้น ผมหันมาพยักหน้า แบบนี้นี่เองพ่อถึงสั่งว่าห้ามไม่ให้ผมไปที่บ้านที่ลอนดอนเด็ดขาดและไอ้ดิวมันก็คงไปด้วย ผมเห็นมันรีบร้อนเหมือนกัน คือถ้าจะต้องออกเดินทางต้องเตรียมตัวออกให้เร็วที่สุด

             “ลุงหนึ่งไปด้วยว่ะ” ไอ้หลุยส์พูด ผมพยักหน้า ทำไมบอยไม่บอกผมตรงๆ เลยละ ตกลงไอ้แบงก์หรือไอ้ดิวกันแน่และใครกันคือตัวหลอก

            “มึงจะเอายังไงวะแจ็ค “ไอ้หลุยส์ถามผม

            “กูจะแกล้งไปกับมึงว่ะ “ผมพูด

            “ไปเครื่องส่วนตัวกูดิว่ะ กูไปส่ง” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมพยักหน้าว่าตามนั้น

          “นี้คุณสองคนนี้ จะทำอะไรกันนึกถึงคนกลางอย่างบอยหน่อยได้ไหม “ธรรณ์ถามผมสองคน ก่อนจะยืนกอดอกมองผมกับหลุยส์แถมยังขึ้นคุณสองคนอีก

            “ธรรณ์แล้วแจ็คละ บอยไม่ยอมบอกแจ็คตรงๆ เลยอ่ะ ว่าอะไรเป็นอะไร มีอะไรก็น่าจะบอกตรงๆ คนรักกันเขาไม่ทำแบบนี้ ธรรณ์” ผมพูดและเดินไปหยิบพวกกระเป๋าเป้ทันที

           “เอานะ ไปหาอะไรสนุกทำก่อนดีกว่า กูจะไปพักที่โรงแรมอาภาคย์ว่ะ ไปตีสควอทกันดีกว่า บางทีมึงอาจจะใจเย็นลงก็ได้น่ะ” ไอ้หลุยส์พูด ผมก็คงต้องตามนั้นแหละเพราะเล่นออกกันไปหมดแล้วนี่



           Jackie” “พี่โจผมจะไปกับไอ้หลุยส์นะ ไปเที่ยวกับมันอ่ะ “

           P’ Jo “ได้แจ็ค แต่อย่าไปซ่าจนมีเรื่องนะ พวกพี่มีงานกันวันพรุ่งนี้และยุ่งมาก

          Jackie” พี่ต้องไปงานบ้านลุงณะเหรอ

          P’ Jo “แจ็ครู้ได้ยังไง

          Jackie “รู้แล้วกันพี่โจ และนี้คือเหตุผลที่ผมไปบ้านไม่ได้ใช่ไหมครับพี่โจ นี้เขาเรียกบอยกับดิวเข้าไปด้วยใช่ไหมครับพี่โจ

          P’ Jo “แจ็ค พ่อจะเข้าไปพรุ่งนี้ พวกพี่ด้วย ที่พ่อไม่ให้เราไปเพราะว่า

          Jackie” กลัวแจ็คเข้าไปล่มงานเขางั้นเหรอ

           P’ Jo” อันที่จริงก็แค่งานทำบุญครบรอบองค์กรและทำบุญให้คนที่เสียชีวิตเพื่อองค์กรของเรา ก็แค่นั้น บอยคือคนสำคัญขององค์กร เขาก็ต้องให้บอยอยู่ในพิธีกับ

           Jackie” ไอ้คนที่เขาเลือก หรือที่เรียกว่าคนที่ถูกเลือก

           P’ Jo “งี่เง่าตัวพ่อกูมาอีกแล้ว

           Jackie” …………………

            P’ Jo “แจ็ค…ที่พ่อไปพ่อก็จะคุยเรื่องแจ็คให้นะ แต่ถ้านายไปพ่ออาจจไม่ได้คุยและนายก็จะไม่มีโอกาสนั้นแน่นอน คราวนี้เสียบอยไปแน่ๆ พ่อว่าจะเข้าไปขอโอกาสให้นาย นายก็ควรจะเข้าใจพ่อบ้าง พี่ขอละ เอาเวลาไปเที่ยวซะ ไปพักผ่อนและไม่ต้องคิดมากเข้าไหมแจ็ค”

               P’ Jo” พอนายมาเรียนมหาลัย นายไม่ได้แค่เรียนอย่างเดียวแบบนี้นะ นายต้องช่วยพวกพี่ออกงานกันด้วยนะ คราวนี้เวลาเที่ยวของนายแทบจะไม่มี ตอนนี้ไปเที่ยวซะ และแค่นี้น่ะ พี่มีประชุม พอประชุมเสร็จแล้วพี่จะโทรเช็กนายนะแจ็ค ” พี่โจบอกพิมพ์คุยกับผมก่อนจะออฟไลน์ไป



             ผมหันมามองไอ้หลุยส์ที่ยืนรอผมอยู่ผมอยู่ มันหยักไหล่ให้ไปขึ้นรถลีมูซีนนั่งสบายๆ พอผมเข้าไปในนั่งในรถ ก็เห็นหลุยส์มันเปิดไอแพตรุ่นใหม่ขึ้นมาเช็กงานของมัน ผมยอมรับเลยว่ามันเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ผมนั่งกดโทรศัพท์ผมเพื่อไล่ดูรูปต่างๆ ที่มีผมกับบอยถ่ายด้วยกัน และตอนนี้มันก็ทำให้ผมสับสนในความสัมพันธ์ของผมและบอย ตกลงเราเป็นอะไรกัน ตกลงเขามาเพื่ออะไรกันแน่...บอย!! นอกจากไอ้หลุยส์แล้วบอยยังมีคนอื่นอีกเหรอช่วงที่ผมกับเขาขาดการติดต่อ  หลายสิ่งมันรุมเร้าอยู่ในความคิดของผมตอนนี้
               TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.30 ป้าเจนกับลุงโจ้เจอน้องแบงก์อีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 30-01-2024 09:42:33
EP.30 เจนกับลุงโจ้เจอน้องแบงก์อีกครั้ง
[/color][/size][/b]

           Part’ s บอย ทันทีที่ผมได้รับสายจากพี่บรู๊คส์ว่าแบงก์ไม่สบาย น้ำมูกก็ไหล ตาก็เจ็บ ร้องไห้งอแงไม่ยอมทานยาด้วย ไม่ยอมให้หมอคนไหนตรวจเลย ตอนแรกผมก็ว่าจะบินกลับพรุ่งนี้กะว่าจะไปค้างกรุงเทพกับแจ็คสักคืน เพราะว่ามะรืนนี้มีงานที่บ้านพ่อผม ผมจำเป็นต้องอยู่ที่นั่นเพราะว่าผมกำลังจะขึ้นรับตำแหน่งคนที่ดูแลองค์กรเร็วๆ นี้ทั้งที่ผมไม่อยากแต่ทำยังไงได้เขาเลือกผม เขาเลือกไว้ตั้งแต่ก่อนจะให้พวกผมเกิดซะอีก ดังนั้นผมเปลี่ยนอะไรไม่ได้ ไม่ว่าผมหรือใคร

             “คุณบอยครับ” ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นเนื่องจากมีคนมาสะกิดให้ผมตื่น ผมหลับไปทั้งน้ำตาบนเครื่องบินส่วนตัวที่บินตรงจากกรุงเทพไปบ้านผมที่ลอนดอน พ่อผมย้ายไปอยู่ลอนดอนนานมากแล้วพวกผมก็เกิดกันที่นั่น

            “ถึงแล้วครับคุณบอย” การ์ดที่ดูแลผมเดินมาสะกิดผมเบาๆ

           “ขอบคุณครับ “ผมพูดและค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้น ผมเดินไปเข้าห้องแต่งตัว เพื่อจะได้เดินทางกลับไปหาคนที่ผมรัก แม้จะไม่ได้รักมากที่สุดแต่ผมก็รักเขาหมดหัวใจ เทวดาตัวน้อยของผมแบงก์

            “บอย” เสียงเรียกชื่อผม ผมหันไปมองคนนั้นคือพี่บี พี่บีคงมารับผมกลับบ้านนั้นเอง

             “พี่บีสวัสดีครับ พี่บีมาแล้วใครดูแบงก์ละครับ” ผมถามพี่บี

              “พี่บรู๊คส์นะ พี่บีมก็อยู่บ้านน่ะและพี่เห็นว่าแบงก์เขางอแงมากพี่เลยให้พี่บรู๊คส์ดูให้จะดีกว่านะครับบอย” พี่บีบอกผม ผมเดินเข้าไปนั่งในรถลีมูซีนคันหรู

            “พ่อโทรไปรบกวนให้หมอเจนมาดูอาการแบงก์ให้นะ คงใกล้จะถึงแล้วแหละ” พี่บีพูด ผมสะบัดหน้าไปมองวว่าทำไมให้พี่เจนมาดูอาการแบงก์ละ เพราะว่าพี่เจนก็คือพี่ชายของแจ็คที่เป็นแฟนพี่โจ้อีกที

             “พี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่พ่อบอกว่าเป็นเด็กในบ้านน่ะ หรือพ่ออยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างหรือเปล่า กี่ก็ไม่แน่ใจนะบอย “พี่บีพูดผมก็พยักหน้า ไม่นานรถก็แล่นเข้ามาจอดด้านในคฤหาสน์หรู ผมรีบเดินลงจากรถและตรงเข้าไปในบ้านทันที

           “ฮือๆ ฮือๆ” เสียงร้องที่ทำให้ผมนี้แทบจะวิ่งเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ทำเอาไว้ให้แบงก์โดยเฉพาะ มีทั้งของเล่นที่เขาโปรดปรานและสื่อการเรียนรู้ต่างๆ ผมเห็นพี่บรู๊คส์กำลังอุ้มแบงก์ที่ร้องไห้งอแง จนไม่น่าจะเอาอยู่

           “พี่บรู๊คส์” ผมเรียกพี่บรู๊คส์ พี่บรู๊คส์หันมามองผม ผมก็โผเข้าไปกางแขนมองคนที่น้ำมูกน้ำตาไหลเลอะเทอะไปหมด พี่บรู๊คส์รีบใช้ผ้าที่พาดหัวไหล่เอาไว้เช็ด ทำความสะอาดก่อนจะส่งมาให้ผมอุ้ม แบงก์มองหน้าผมก่อนจะโผ่เข้ามากอดผมแน่น

            “บอย ฮือๆ” ผมก็กอดเข้าเอาไว้แน่นเช่นกันเหมือนกับว่ากลัวใครสักคนจะหายไป

             “แบงก์ ไม่ร้องนะครับบอยอยู่นี้แล้ว บอยขอโทษ น่ะครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พี่บรู๊คส์มองผมสองคน ก่อนจะหันไปบอกให้คนใช้ในบ้าน ออกไปเหลือไว้แค่ผมกับแบงก์สองคน พี่บรู๊คส์ก็เดินออกไปเช่นกัน ผมนั่งลงและมองหนุ่มน้อยของผม

            “แบงก์ต้องทานอะไรก่อนนะ รู้ไหม ดูซิ ขยี้จนตาเจ็บไปหมดเลย “ผมพูดและมองหน้าแบงก์ ทุกครั้งที่ผมมองใบหน้าของเขา ผมจะเห็นใบหน้าคนนั้นซ้อนขึ้นมาตลอด นั้นคือแจ็ค ก็เขาพ่อลูกกันและถอดกันมาขนาดนี้

             “บอยป้อนให้นะครับ” ผมพูดและตักโจ๊กที่แม่บ้านทำมาให้ป้อนเขา และต้องคอยเช็ดน้ำตาให้ด้วยดูท่าจะตาเจ็บมากซะด้วย น่าจะเฮย์ฟีเวอร์อีกแล้ว ลูกชายของผม

              “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตู

                “เชิญครับ” ผมพูดบอกคนด้านนอก และคนที่เปิดประตูเข้ามาก็คือพี่บีม

              “ไงครับ ไม่ร้องบ้านแตกแล้วเหรอครับ” พี่บีมแซวหลายตัวน้อย และเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วนมของน้องแบงก์

              “วันนี้พี่บีมไม่ได้ไปไหนเหรอครับ” ผมถามพี่บีม

            “อันที่จริงก็มีออกงานนะแต่พี่บรู๊คเขาจะไปกับวรินทร์นะ” พี่บีมพูดผมพยักหน้า ผมอยากจะถามแต่คิดว่าไม่ควรจะถามจะดีกว่า ผมไม่เห็นพี่บรู๊คกับพี่บีมออกงานคู่กันมาสักพักแล้วนะ เหมือนพี่บรู๊คกับพี่บีมมีอะไรผิดใจกันหรือเปล่า แต่ก็คงพี่งอนน้องมากกว่า ไม่น่าจะเป็นพี่บีมงอนพี่บรู๊หรอก

              “นี้แค่มางานหรือว่ากลับมาเลยละบอย” พี่บีมถามผม

              “ผมยังกลับมาไม่ได้หรอกพี่บีม ผม”

              “ทำไมละ บอยคิดว่าเขาจะดีขึ้นเหรอ” พี่บีมพูดผมก็เงยหน้าขึ้นไปมอง ผมรู้ว่าพี่บีมหมายถึงแจ็ค

              “บอย บอย” ผมก็ลืมป้อนข้าวลูกเลย

“               ป้อนข้าวน้องเถอะ เห็นพ่อบอกว่าเจนจะมานะ มาดูอาการของแบงก์ พี่เองก็ไม่เข้าใจนะว่าพ่อให้บ้านนั้นมาทำไม ทั้งที่เราไม่คิดจะบอกเขาอยู่แล้ว” พี่บีมพูดก่อนจะเดินออกไป ผมก็หันไปมองหนุ่มน้อยของผม จริงเหรอที่เขาจะไม่สมควรได้รู้ว่าเขาคือลูกของใคร

              “ทานนมก่อนนะครับ “ผมเห็นว่าแบงก์เริ่มไม่ทานอาหารแล้วเลยส่งแก้วนมให้เขา ยกขึ้นมาดื่ม ผมเหลือบมองโทรศัพท์ ไม่มีแม้แต่ข้อความส่งมาง้อเลยจากแจ็ค หรือว่าผมควรจะเป็นฝ่ายง้อเขาเองนะ

             “คุณบอยค่ะ คุณเจนกับคุณโจ้มาแล้วค่ะ รออยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ” แม่บ้านเดินมาบอกผม ผมพยักหน้าและส่งแบงก์คืนให้พี่เลี้ยงอีกคน ให้พาแบงก์ไปทำความสะอาดซะก่อนจะได้ลงไปด้วยกัน

            “เปลี่ยนเสื่อผ้าก่อนน่ะครับแบงก์ แล้วเราลงไปหาลุงโจ้กับป้าเจนด้วยกัน” ผมพูดและยิ้มให้แบงก์ ทำไมเรียกลุงโจ้และป้าเจนก็เขาสองคนเป็นแฟนกัน แม้ว่าจะเป็นพี่น้องแต่ก็ไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา พี่เจนนะอาภูมิเอามาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กและผมก็ไม่รู้อะไรทำให้พี่โจ้รักพี่เจนเกินน้องชายก็ไม่รู้ ผมเดินลงก็เห็นว่าพี่โจ้และพี่เจนกำลังนั่งคุยกับพี่บรู๊คส์ อยู่ที่ห้องรับแขก พอผมเดินลงไปพี่เจนก็ส่งยิ้มมาให้ผม พี่เจนนะดูแลผมกับแจ็คดี ทุกครั้งที่ผมไปค้างที่บ้านอาภูมิ ตอนที่ยังไม่เกิดเรื่อง

             “สวัสดีครับพี่โจ้ พี่เจน” ผมยกมือไหว้พี่ทั้งสอง

            “สวัสดีครับบอย ไม่เจอกันนานเลย น่ารักเหมือนเดิม” พี่เจนพูด

             “สวัสดีครับบอย เป็นไงบ้างครับ กลับไปอยู่โน่น ลูกแจ็คยังงี่เง่าอยู่ไหมครับ” พี่โจ้ถามผมทันที ผมหันมามองยิ้มๆ พี่โจ้น่าจะรู้คำตอบ

             “แสดงว่าใช่” พี่โจ้พูดและหัวเราะเบาๆ พี่เจนตีแขนพี่โจ้เบอๆ เช่นกัน

             “แล้วน้องแบงก์ล่ะบอย ไปไหนละ” พี่บรู๊คถามผม

              “ผมให้แม่บ้านพาน้องไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน เลอะเทอะตอนที่บอยป้อนข้าวลูกนะครับพี่บรู๊ค” ผมพูดแต่มันทำให้พี่โจ้และพี่เจนสะบัดหน้ามามองผม ผมลืมตัว

              “ลูกแม่บ้านน่ะ บอยเขาชอบเด็ก ดูแลเด็ก จนติดมาก” พี่บรู๊คพูด

              “อ้อครับ!ถึงว่าเห็นลุงณะ รบกวนเจนมาดูให้หน่อย แต่ผมสองคนก็เต็มใจนะพี่บรู๊ค ที่จะมาดู…เด็กให้นะครับ เฮอๆๆ” พี่โจ้พูดแต่พี่บรู๊คเหล่ตามองขนาดนั้นพี่โจ้ก็เกร็งไปหมดนะซิ พี่บรู๊คนี้

              “นั้นไงมาแล้วพี่โจ้ น่ารักจัง” พี่เจนชี้ขึ้นไป ผมหันไปมองแม่บ้านอุ้มน้องแบงก์ตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้ว อุ้มลงมาถึงก็

              “บอย บอย บอย” เรียกชื่อผมกางแขนและถีบพี่ผึ้งที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กมาแต่ไกลเลยมันน่าไหมเนี่ยะแบงก์ จนแม่บ้านต้องรีบส่งมาให้ผม และนี้ก็ทำให้พี่โจ้และพี่เจนมองผมอีกครั้ง

             “ลูกของพี่เขาหรือเปล่าครับ” พี่โจ้ชี้ไปที่พี่เลี้ยงที่อุ้มแบงก์มา

             “ไม่ใช่ พี่เลี้ยงเด็กนะโจ้” พี่บรู๊คพูดแต่ผมซิสะบัดหน้าไปมองพี่บรู๊ค ผมส่ายหัวแต่ไม่ทันแล้ว พี่โจ้ก็มองผมกับพี่บรู๊คสลับกันไปมา

              “แม่บ้านจ้างพี่เลี้ยงเพื่อเลี้ยงลูกเขาด้วยเหรอครับพี่บรู๊ค” ผมหันไปมองพี่บรู๊ค

              “ไม่ได้จ้างค่ะ ช่วยเลี้ยงให้ค่ะ พอดีพี่เขายุ่งค่ะ “ดีนะที่พี่ผึ้งนะเขามีไหวพริบช่วยผมสองคนไว้ได้ทัน ส่วนแบงก์ก็กอดผมแน่นมาก แถมยังแอบสายตาพี่เจนอีก

                “น่ารักมากเลยอ่ะ แต่ทำไมเจน ว่าหน้าคุ้นๆ ยังไงก็ไม่รู้นะพี่โจ้” พี่เจนพูดและมองแบงก์

               “พี่ก็ว่าคุ้นๆ ครับ “พี่โจ้อีกคน ผมหันไปมองพี่บรู๊คเอาไงดี ยิ่งถ้าแจ็คมาวางเทียบด้วยกันกับน้องแบงก์นี้ ใครก็ดูออกว่าพ่อลูกกัน พ่อถึงไม่ให้แจ็คมาบ้านนี้เลยตั้งแต่แบงก์เกิดจนตอนนี้

               “พี่ว่าคุ้นๆ ว่าหน้าเขาเหมือน"พี่โจ้พูด พวกผมนี่ลุ้นมาจน "หน้าเหมือนเด็กนะครับเจน เด็กก็หน้าบล็อกแบบนี้แหละเจน “พี่โจ้พูดผมนี้โล่งอกไปที ผมแอบพ่นลมหายใจออกมาทันที

              “พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละนะ” พี่บรู๊คอีกคน

               “เออ พี่ว่าตรวจอาการกันเลยไหม เจนเพราะพี่มีงานและบอยเขาจะได้พักผ่อนนะ บอยเพิ่งจะเดินทางมาถึง เดินทางไกลและเหนื่อยพอแล้วและนั่นน้องก็ร้องงอแงอีก “พี่บรู๊คพูดและพี่เจนก็หันไปมองพี่โจ้ ผมอุ้มแบงก์ขึ้น พี่บรู๊คเดินมาจะอุ้มแบงก์ไปแทน

            “โน่ๆ แด้ด แด้ด แด้ด” แบงก์เขาพูดว่าไม่เอาลุงบรู๊คแต่จะให้ผมแทนและดันเรียกแด้ดอีกด้วย พี่โจ้หันมามองผมอีกครั้ง

              “โน่ๆ โกๆ “แบงก์บอกพี่บรู๊คอีกและไล่ตีมือพี่บรู๊คไม่ให้เอาเขาไปจากผม ผมพยักหน้ากับพี่บรู๊คว่าผมอีกว่าตอนนี้ น้องยิ่งร้อง ตาก็ยิ่งเจ็บ ผมก็อุ้มขึ้น จะพาไปห้องเด็กพี่เจนจะได้ตรวจได้สะดวก พี่โจ้ก็ถือกระเป๋าตามผมเข้าไปด้วยพี่บรู๊คเลยนั่งรอที่ด้านนอกแทน

              “น้องบอยครับ ดูท่าจะติดบอยงอมแงมเลยนะครับ และนี่ถ้าไอ้แจ็คมันมาเห็นแบบนี้ มันคงงี่เง่าหนักมาก มันไม่ยอมโดนแย่งคนรัก โดยเฉพาะบอยนะ บอยน่าจะรู้ดี” พี่โจ้พูด ผมหันมามองแค่ก่อนมาก็งอนผมแล้วเนี๊ยะผมคิดในใจ

              “แล้วนี่เขากลับมาบ้านหรือเปล่าครับ” ผมถามพี่โจ้

             “อ้าวแจ็คมันไม่ได้บอกบอยเหรอครับ ว่าพ่อพี่สั่งห้ามมา เพราะว่าจะมีงานที่บ้านน้องบอยนี่นะครับ พ่อกลัวมันทำงานพังนะครับ มันก็งอนพ่อพี่ไปตามระเบียบ เพราะว่าถ้าห้ามปุ๊ป แจ็คมันจะคิดว่าอะไรแน่ๆ ตลอดเลย เซ้นดีเกิ้นนะครับน้องบอยพี่ว่านะ” พี่โจ้บอกผม ผมก็ลืมไป ใช่ซิเขาชวนผมอยู่ว่าจะพาไปเที่ยวกันกับหลุยส์ และธรรณ์ นี่ผมก็ยังไม่ได้คุยกับธรรณ์เลย เดี๋ยวต้องไปโทรหสักหน่อย ถึงจะงอนกันก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี



              ผมวางน้องแบงก์ลงที่เตียงเด็ก รูปรถwiggle อันนี้เด็กๆ ชอบมากเพราะเป็นรายการ ทีวีโชว์ร้องเพลงเด็กๆ และรถคันนี้พี่บรู๊คเขาซื้อให้ตอนวันเกิดที่ผ่านมา

             “แด้ดๆ “แบงก์กางมือเรียกผมให้เข้าไปหาเขา

             “ไม่เป็นไรลูก บอยอยู่นี้ไง” ผมพูด พี่เจนมองผมยิ้มๆ

             “พี่เจนไม่ดุครับ นะขอพี่เจนดูตาน้อง …. แบงก์” พี่เจนพูดชื่อแบงก์ก่อนจะนิ่งไปพักหนึ่งและหันมามองผม

               “ชื่อแบงก์เหรอครับ บอย ชื่อมัน เหมือนแต่พี่ว่าไม่น่าจะใช่ พี่คงคิดมากไปเอง” พี่เจนพูดและพี่โจ้ก็มองพี่เจนพร้อมกับขมวดคิ้ว

              “ชื่อน่ารักเนอะ” พี่โจ้พูดและเอานิ้วไปจับค้างแต่

            “เพี่ยะ!” ดังมากเลย แบงก์ตีมือพี่โจ้ เล่นเอาพี่โจ้ชักมือกลับและลูบหลังมือตัวเอง

             “แบงก์ ไม่น่ารักเลยนะ ขอโทษลุงโจ้เดี๋ยวนี้เลย” ผมหันไปทำหน้าดุ เวลาผมดุก็ดุจริงๆ แบงก์เบ้ปากทำท่าจะร้องไห้ แต่ก็แค่กระซิก กระซิก

              “แบงก์ พ่อบอกว่าไง” ผมถามแบงก์

             “ไม่เป็นไรครับบอย น้องคงหวงเนื้อหวงตัวนะครับ ไม่เป็นไร ลุงไม่จับ ให้ป้าเจนคนเดียวเนอะ” พี่โจ้หันมาบอกผม พี่เจนหันไปขำพี่โจ้ และหันมาตรวจดูแบงก์ ตามแบบที่พี่เจนเรียนมา

              “ไม่น่าจะใช่ตาอักเสบนะบอย แต่น่าจะเป็นเหมือนภูมิแพ้มากกว่า พี่จะให้ยาทานนะครับและยาหยอดตาสำหรับลดอาการแพ้ ส่วนยาทานก็เป็น ลอร่าตาดีนสำหรับเด็กเล็กนะครับ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นไปหาพี่ที่ศูนย์เกี่ยวกับหมอตาโดยเฉพาะนะครับ พี่จะให้อาจารย์หมอดูให้นะครับบอย” พี่เจนบอกผมและส่งยิ้มให้แบงก์

             “น้องไม่ค่อยชอบทานยาอ่ะพี่เจน ลุงๆ ก็ป้อนไม่ได้ ไม่ยอมเอาซะเลยต้องบอยตลอด” ผมพูดและพี่เจนก็หันมามองผม

            “คือว่าพี่ๆ ผมก็รักเด็กคนนี้เหมือนหลาน นะครับพี่เจน”

            “ก็คงต้องพยายามป้อนหน่อยนะครับและคงต้องระวังสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้น น้องอาจจะแพ้เกสรดอกไม้ ช่วงนี้เป็นฤดูสปริงด้วยครับ อาจจะกำเริบหน่อย ถ้าน้องออกไปวิ่งข้างนอกก็ระวังหน่อยนะครับ” พี่เจนพูด ผมก็เดินไปอุ้มแบงก์ขึ้น พอหันขวับไปเจอพี่โจ้กางมือขึ้นทันที

            “ยืนใกล้ก็ไม่ได้เนอะ นิสัยแบบนี้มันเหมือนใครนะ เหมือนไอ้แจ็คเลย ตอนเด็กๆ นี้ ไม่ชอบใครนี้มันตียันเลย ห้ามมาใกล้ คนเลี้ยงก็เปลี่ยนบ่อยไม่ได้ อยู่กับใครก็ต้องคนนั้น พอเปลี่ยนมือมานี้ มันไม่ยอมท่าเดียว พี่จำได้แล้ว” พี่โจ้พูด พี่เจนหันไปมอง ผมก็แอบขำ

           “ทำไมไม่ชอบพี่ละครับ พี่ออกจะหล่อ พี่เจนยังชอบพี่เลย” พี่โจ้หันมาพูดกับแบงก์แต่เขาทำท่าจะตีอีก ผมก็จับมือและส่ายหัว ว่าไม่น่ารัก ไม่เอา

           “ว่าแต่พ่อแม่น้องเขาไปไหนเหรอครับน้องบอย” พี่โจ้ถามผม

          “พ่อแม่น้องเขา เออ…. “ผมคงจะพูดตอนนี้ไหม เพราะว่าถ้าพูดไปแล้วแบงก์เขาจำคำพูดพวกนี้ผมไปละ เขาก็จะคิดตามที่ผมพูดออกไปไหม อย่างที่พ่อผมได้บอกทุกคนที่มาเจอแบงก์ว่าพ่อแม่เขาเสียชีวิตไปนานแล้ว ทั้งที่มันไม่ใช่

             “ตรวจเสร็จหรือยังละ โจ้ เจนอยู่ทานอาหารเที่ยงกันก่อนไหม” พี่บรู๊คเข้ามาช่วยผมไว้พอดีเลย

              “ไม่ดีกว่าครับพี่บรู๊ค ผมว่าจะพาเจนไปทานร้านอาหารแถวๆ นี้ เจนเขาอยากเช๊คอินไปอวดพยาบาลนะครับ “พี่โจ้พูด ผมหันมามอง ผมพยักหน้าว่าเข้าใจ

             “ลุง ลุง” แบงก์กางแขนไปหาพี่บรู๊คผม

            “ที่อย่างนี่ละหาลุงทันทีเลยนะ เมื่อกี้ทำลุงงอนน่ะรู้ไหม ฟ๊อด” พี่บรู๊คพูดพร้อมกับอุ้มแบงก์ไปหอมแก้มหนึ่งที่

             “ถ้าอย่างนั้นผมไปกันก่อนนะครับ” พี่เจนพูดและสะกิดพี่โจ้ ที่เอาแต่มองพี่บรู๊คกับน้องแบงก์

             “น้องบอยอันนี้ยาทานของเด็กนะครับ พอดีพี่ฟังอาการคร่าวๆ ทางโทรศัพท์นะครับพี่เลยจัดยามาเลย แต่ถ้าน้องไม่ดีขึ้น พาไปหาพี่นะครับ ที่นั่นมีเครื่องมือตรวจอย่างละเอียดนะครับ” พี่เจนพูด น่าจะเป็นศูนย์จักษุแพทย์โดยตรง

             “เจน ยังไงวันอาทิตย์เราก็มา มาดูน้องอีกทีได้นิ” พี่โจ้บอกพี่เจน

            “ไม่เป็นไรพี่พาไปที่คลินิกเจนเองดีกว่าเพราะว่าวันอาทิตย์ยุ่งมากและคนก็เยอะด้วย พี่ไม่อยากพาหลานออกมา เขาคงอยู่แต่ในบ้านนะโจ้” พี่บรู๊คพูด แต่พี่บรู๊คส์ระบุว่าหลานเต็มๆ เลยนะ

          “ครับพี่ หลานพี่ “พี่โจ้ถาม

         “อย่างที่ผมเคยบอกว่า เรารักเด็กกันนะครับ ก็เลยคิดว่าเป็นลูกเป็นหลาน “ผมพูดหันมาขยิบตาให้พี่บรู๊ค

          “ถ้าอย่างนั้น พี่ขอตัวและหัวไปก่อนครับ ไปครับเจน ไปหาที่เช๊คอินกัน ก่อนที่พี่โจจะโทรมาจะโทรมาตาม พี่โจหวงน้องเจนนะครับ” พี่โจ้พูดบอกพี่เจน และผมก็ยกมือไหว้ พี่เจนพี่โจ้ก็หันมายกมือไหว้พี่บรู๊คกันก่อนจะเดินออกไป ผมเดินตามไปส่งส่วนพี่บรู๊คอยู่กับแบงก์

           “บอย แจ็คงอนอะไรบอยใช่ไหมเนี่ยะ!” จู่ๆ พี่เจนก็หันมาถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ

            “บอกแล้วว่าไอ้นี่นะงี่เง่าตัวพ่อ น้องชายเรานะเจน” พี่โจ้พูด

           “เอานะ แต่แจ็คนะเขารักบอยมากนะ งอนมากก็รักมากหน่อย แต่พี่เชื่อว่าแจ็คจะโตพอที่จะดูแลบอยได้ ลองค่อยๆคุยกันน่ะบอย  “พี่เจนพูดบอกผม และแตะที่ไหล่ผมเบาๆ

           “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมกลับไปผมคงไปง้อเขาเหมือนเดิม” ผมพูด

           “ง้อมันหน่อยนะบอย มันค่อนข้างเอาแต่ใจไม่ใช่กับแค่บอยนะ กับพวกพี่และพ่อด้วย พ่อภูมินี้ปวดหัวกับแจ็คมันมากที่สุด ในบรรดาลูกทั้งหมดนะบอย” พี่โจ้พูด ผมพยักหน้าว่าเข้าใจและพ่อตัวดีของผมก็ได้มาเต็มๆ เลยแหละ ก็พ่อลูกกันก๊อปกันมาเกือบหมด ผมยืนส่งพี่โจ้และพี่เจนก่อนจะรีบกลับขึ้นบ้านไปดูแบงก์ พอเดินมาก็พบกว่าแบงก์หลับคาอกพี่บรู๊คไปแล้วและกำลังจะวางลงในเตียงนอนของน้องแบงก์

            “บอย พ่อบอกว่าจะกลับมาเย็นนี้นะ และพี่ๆ คนอื่นๆ ด้วย วันนี้เราจะได้ทานอาหารพร้อมกันพี่น้อง” พี่บรู๊คพูดจังหวะนั้นพี่บีมลงมาพอดีเลย

             “พี่ไปเคลียร์งานก่อนนะบอย” พี่บรู๊คพูดและเดินเลี่ยงออกไปทันที ทำไมพี่บรู๊คต้องเดินหนีออกไปทุกครั้งที่พี่บีมเดินเข้ามาด้วยนะ ผมว่าผมคงต้องถามพี่บรู๊คตรงๆ ผมไม่อยากเห็นพี่ๆ งอนกันแบบนี้

            “พี่บีมมีอะไรผิดใจกันกับพี่บรูคหรือเปล่าครับ” ผมถามพี่บีม พี่บีมก็ยิ้มให้ผมและส่ายหัวว่าไม่มีอะไร

             “บอยไปพักผ่อนก่อนดีกว่าไหมครับ จะได้ลงมาทานอาหารกลางวันพร้อมกัน “พี่บีมบอกผม ผมพยักหน้า แต่ผมคิดว่าจะโทรคุยกับธรรณ์ก่อนจะดีกว่า เมื่อคืนไปไหนกันมาหรือเปล่าก็ไม่รู้

             BoyJack: ธรรณ์ตื่นหรือยัง เป็นไงบ้าง

             ธรรร์หลุยส์ : ตื่นนานแล้วนี่ลงมาหาอะไรทานกัน และวันนี้มีงานที่โรงแรมนะ ติ๊ก แอ้และพายเขาได้ขึ้นไปเดินแบบเสื้อสูทด้วยนะ

                 BoyJack: แล้วพ่อตัวดีของบอยละ

                ธรรณ์หลุยส์ : เมาเละมากเมื่อคืน มีเรื่องต่อยกันด้วย กับใครก็ไม่รู้

                BoyJack: ทำไมทำแบบนั้นนะแจ็ค

                 ธรรณ์หลุยส์ :นี้ก็ถามธรรณ์ถึงแบงก์ใหญ่เลยบอย บอยจะปิดเขาไปได้นานแค่ไหนละ และนี้บอกว่าถ้าเจอแบงก์นะจะเตะด้วย ดูซิ จะเตะก้นลูกตัวเอง ธรรณ์ได้ยินนี้ก็แอบขำเหมือนกันนะบอย

               (ผมได้ยินเองก็ขำเองเหมือนกันแหละ จะลูกตัวเองนี่นะ)

              BoyJack: ก็เห็นไหมล่ะธรรณ์ ดูซิและนี่มีเรื่องอีก ถ้าพ่อของบอยรู้เรื่องเขาจะทำยังไงและลุงหนึ่งอีกละธรรณ์

              ธรรณ์หลุยส์ :เอานะ ธรรณ์กับหลุยส์จะดูให้ จะพยายามห้ามให้นะ นี้เห็นว่าจะไปเที่ยวไหนก็ไม่รู้ สองคนนี้พอเข้าขากันได้นี้นะ น่ากลัวเหมือนกันบอย

                BoyJack: บอยก็ว่างั้นแหละธรรณ์ แต่ยังไงหลุยส์ฟังธรรณ์อยู่นะ แม้เอาอยู่เลยนะตอนนี้นะ

                ธรรณ์หลุยส์ : ก็นิดนึง เออ บอยแค่นี้ก่อนนะ พ่อตัวดีสองคนมาแล้วเดี๋ยวจะถามธรรณ์จนธรรณ์นี้แหละที่จะทำความลับบอยแตก

                BoyJack: ได้ครับธรรณ์ บอยขอบคุณนะ

                ธรรณ์หลุยส์ :ยินดี เพราะว่าเราเพื่อนกัน บอยครับ ฝากหอมแก้มเทวดาตัวน้อยของบอยด้วยนะ

             BoyJack: บายครับ

             หลังจากที่ผมกดออกจากกล่องข้อความแชตที่ผมใช้สนทนากับธรรร์ ผมนั่งนึกนี่ไปมีเรื่องกับใครอีกแจ็ค น่าจริงๆก็เรื่องหัวร้อนนีแ่หละ เขาถึงกลัวแจ็คกันหมด ไม่รู้ตัวเลยน่ะ ผมนั่งลงเปิดอิเมล จดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ผมจะสามารถเทียบโอนที่ผมเรียนมาก่อนสองปีได้ ที่ผมต้องเข้าเรียนในปีหน้านี้ ผมต้องเตรียมความพร้อม ผมต้องเรียนหนักกว่าคนอื่น ๆ และผมต้องคอยออกงานอีกด้วยและถ้าผมต้องขึ้นตำแหน่งผู้นำองค์กรอีกทั้งที่แพลนเอาไว้ให้ผมจบมหาวิทยาลัยก่อน แต่ดูแล้วปัญหามันเยอะเกินพวกเขารอไม่ได้ เขาอยากให้ผมขึ้นตำแหน่งให้เร็วที่สุดในตอนนี้



               ถามว่าผมอึดอัดไหมที่เป็นอยู่ตอนนี้ อึดอัดมาก จะไปไหนก็ต้องมีคนดูแลใกล้ชิดตลอด เพราะว่าจุดที่ผมถูกให้ยืนอยู่นี้มันสำคัญมาก มีหลายคนที่อยากได้มันแต่ถ้าเขาต้องการมันจริงๆ นั้นคือผมต้องไม่มีลมหายใจอยู่ตรงนี้แล้วนั้นเอง ดังนั้นการ์ดของผมจึงเป็นอดีตนายทหารที่มีฝีมือทั้งหมด มีครั้งหนึ่งที่ผมไปกับพ่อและมีคนลอบสังหารจนมีคนที่เป็นการ์ดเสียชีวิต และนั้นเขาก็ทิ้งเด็กผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้ ผมเลยรับมาดูแล ตอนนั้นเขาอายุแค่ 5 ขวบเอง และตอนนี้เขาก็อายุ 10 ขวบได้แล้ว ผมเลี้ยงดูเขาเหมือนน้องคนเล็กของผมจริงๆ เขาเรียนอยู่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง แต่จะว่าไปผมก็ไม่เจอเขามาหลายเดือนแล้ว ผมเลยจะให้คนไปรับเขามาทานอาหารเย็นที่บ้านดีกว่า

          “ฮัลโหล ราเชล”

          “พี่บอยสวัสดีครับ”

          “ยุ่งไหมวันนี้ มีเรียนพิเศษหรือเปล่า”

          “ไม่มีครับพี่บอย”

          “พี่จะให้คนไปรับนะ มารับประทานอาหารเย็นที่บ้านพี่ เพราะว่าพี่มาที่บ้านวันนี้”

           “จริงเหรอครับพี่บอย” น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น

           “จริงซิ เตรียมตัวนะครับ เจอกันนะ ราเชล” ผมพูดและกดวางสายผมเดินไปที่ด้านนอกจะได้บอกให้คนจัดรถไปรับราเชลจากโรงเรียนประจำ และโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนกินนอนที่มีชื่อเสียง ราเชลเป็นคนเรียนเก่งมาก ผมคิวว่าเขาจะช่วยผมได้มากในอนาคต

            TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.31(ดิวXบอย) อยากเลือกเอง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 01-02-2024 18:35:48
             
 EP.31(ดิวXบอย) อยากเลือกเอง
             Part’ s ดิว ผมจำใจต้องทำตามที่พ่อผมบอกผม พ่อบอกให้ผมไปกับพ่อด้วยไปบ้านลุงกฤษณะเพราะว่าเขามีงานกันทีนั้น แต่อันที่จริงผมไม่ต้องไปก็ได้มั้ง ผมอยากจะกลับบ้านไปหาลูกๆ ผมแย่แล้ว ผมไม่ใช่คนสำคัญเปิดงานสักหน่อย ขาดผมคนหนึ่งเขาก็ดำเนินการกันได้ ผมคิดในใจ ส่วนแอ้ก็เข้ากรุงเทพและมันก็เข้าทางไอ้ติ๊กมันด้วย มันชวนแอ้ไปเที่ยวกองถ่ายกับมันด้วย ตอนแรกผมว่าจะชวนแอ้มาด้วยแต่พ่อบอกว่าให้แอ้อยู่กับติ๊กจะดีกว่า แต่คำว่าจะดีกว่าผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม และงานนี้ผมคงต้องอธิบายกับไอ้แจ็คที่หลังอีก ไอ้แจ็คมันไม่ได้รับเชิญให้ไปมีแต่ผมและบอย บอยก็ดันมีเรื่องผิดใจกับไอ้แจ็คอีก ผมคงได้ถูกมองว่าผมจะตีท้ายครัวมันอีกแล้วซิท่า

          “ดิว แต่งตัวและเตรียมไปบ้านลุงณะได้แล้ว “พ่อผมเดินมาเปิดประตูห้องพักของผม ผมพักกันที่โรงแรมหรูไม่ไกลจากคฤหาสน์ของลุงกฤษณะมากหนักเมื่อวานผมเข้ากรุงเทพและขึ้นเครื่องบินเจทส่วนตัวมาทันที

           “พ่อ ไม่ไปไม่ได้เหรอพ่อ พ่อก็รู้ว่าผมไม่ชอบงานแบบนี้ “ผมหันไปบอกพ่อผม เห็นอายุขนาดนี้งอแงแข่งกับลูกได้นะ ฮาๆ

           “ไม่ได้ ต้องไปและดันเกิดมาหล่อทำไมละ หล่อเกินหน้าเกินตาจนเขาเลือกและไม่ต้องมางอแงเลย ไปก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน “พ่อผมพูด ผมก็ขมวดคิ้วมันไม่เกี่ยวกับความหล่อของผมเลย

            “พ่อมีอะไรกันแน่บอกดิวมาตรงๆ ดิพ่อ” ผมถามพ่อภาณุเดชของผม พ่อหันมามองหน้าผม ผมรู้ว่าพ่อก็ลำบากใจไม่แพ้กับผมเหมือนกัน

             “ลุงหนึ่งเขาจะพูดเรื่องเรากับบอยวันนี้” พ่อหันมามองหน้าผมก่อนจะพูด

             “พ่อผม ผมไม่ได้อยากคู่กับบอย ทำไมลุงไม่เลือกที่เขารักบอยละ ไอ้แจ็คนะพ่อและแจ็คมันก็” ผมพูดแต่พ่อผมชี้นิ้วก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ

             “อย่าพูดไปน่ะดิว เพื่อว่าห้องนี้มีเครื่องดักฟัง “พ่อผมบอกผม ผมหันไปมองรอบๆ โรงแรมหรูแบบนี้นี้นะพ่อ

               “เอาเป็นว่าไปก่อน อย่างอื่นพ่อจัดการเอง แค่มึงเอาตัวและหน้าตาหล่อๆ มึงไปให้ลุงหนึ่งเขาดู แค่นี้” พ่อผมบอกผม

            “เพราะว่าที่ผ่านมามึงก็ชิ่งหนีเขาตลอด “พ่อผมบอกผม

           “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องพักของผม พ่อภาเปิดให้คนที่เดินมาเคาะเข้ามาในห้อง คนนั้นก็คืออาภีมปภพ

            “อ้าวยังไม่เสร็จอีกเหรอดิว” อาภีมถามผม

            “ไอ้พ่อพระเอกมันงอแงนะภีม” พ่อผมหันไปบอกหวานใจพ่อทันที อาภีมปภพว่าที่พ่อตาของผม อาภีมหันมามองผม

            “อะไรกันโตแล้วยังงอแงอีกเหรอดิว “อาภีมถามผม

            “ก็ผมไม่อยากไปอ่ะอา” ผมพูดบอกอาภีม

           “เร็วๆ เลยและรีบลงไปชั้นล่าง พ่อกับอาภีมรออยู่ มึงอย่าทำให้พ่อมึงเสียหมาเพราะว่ามึงเบี้ยวเขาอีกนะดิว พ่อขอละ เห็นแก่หัวพ่อเราบ้างดิว” พ่อผมพูดและเดินออกไปพร้อมกับอาภีม ผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำจัดการเตรียมตัว ผมเข้าไปดูในไลน์กลุ่ม ตอนนี้เป็นเวลา ประมาณ สิบโมงเช้าและเวลาต่างจากประเทศไทย หลายชั่วโมงมาก ตอนนี้น่าจะเกือบเที่ยงคืนที่ไทยแล้ว

           // แอ้ ดิวคิดถึงแอ้// ผมส่งข้อความหาแอ้

           //เป็นอะไรดิว // แอ้ส่งข้อความกลับหาผมทันที

          //ดิวแค่อยากบอกว่าดิวคิดถึงแอ้ คิดถึงลูกๆ ด้วยแอ้ อยากกอดแม่ของลูกอ่ะ วันหยุดทั้งที// ผมส่งข้อความหาแอ้

          //พรุ่งนี้เสร็จงานก็กลับเลยไม่ใช่เหรอ แล้วนี่เราจะไปงานวันเกิดมีนทันไหม ถ้าไปไม่ทันให้พี่ๆ จัดไปก่อนแล้วเราพาไปปิกนิกฉลองกันวันหลัง//แอ้พูด ผมรู้ว่าแอ้เสียใจ ผมก็เสียใจ วันเกิดลูกแท้ๆ

         //ดิวจะหาทางกลับก่อนให้ได้ ดิวไม่อยากจะไป //

          //คุยกับลุงหนึ่งเหรอ // ผมตกใจเรื่องนี้ผมมได้บอกแอ้แค่บอกว่ามางานเฉยๆ อาภีมก็ไม่ได้บอกแอ้ทุกอย่างแต่ว่าแอ้เขารู้ได้ยังไง

         //แอ้รู้ได้ไง//

         //เออ…..แอ้…..ได้ยินพ่อคุยกันน่ะดิว // แอ้พูด

         //แอ้ เชื่อใจดิวน่ะ ดิวไม่เคยอยากได้แบบนี้แอ้ ดิวไม่อยากเป็นอย่างที่เขาต้องการ ดิวแค่อยากอยู่ครอบครัวที่ธรรมดา และครอบครัวของดิวก็คือแอ้กับลูกๆ //

         //กลับมาค่อยคุยกันเถอะดิว แอ้ง่วงนอน แค่นี้นะดิว//

         //ดิวรักแอ้น่ะ ดิวรักคนที่เป็นแม่ของลูกๆ ดิว // ผมส่งข้อความหาแอ้และแอ้ก็เงียบไปเลย ผมก็รีบแต่งตัวและลงไปหาพ่อกับอาภีมที่ชั้นล่างทันที ผมรู้สึกเหมือนว่าลุงหนึ่งก็มาพักที่นี้เพราะว่ามีการ์ดเต็มไปหมด ผมลงมาถึงพ่อกับอาภีมก็เดินมาหาผมพร้อมกับการ์ดที่ทำหน้าที่ดูแลพ่อผมกับอาภีม

*****

            Part’ s บอย วันนี้ที่บ้านผมมีงานแต่มันแค่งานบังหน้า เพราะว่าสาระสำคัญอยู่ที่ลุงหนึ่งต้องการคุยเรื่องของผมกับดิว ผมได้ยินว่าลุงหนึ่งกำชับว่าห้ามให้แจ็คมาที่นี้ด้วย ผมรู้ว่าทำไมก็เพราะว่าแจ็คอาจจะทำให้ทุกอย่างในวันนี้ล่มลงไปได้ ก็คนหัวร้อน และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ผมกับแจ็คเราทะเลาะกันเมื่อวาน เขาบอกว่าผมมีคนอื่นที่ชื่อแบงก์ เขาแอบได้ยินตอนที่ผมคุยโทรศัพท์กับพี่บรูคส์ ว่าแบงก์ไม่สบายงอแง ผมเลยต้องนั่งเครื่องบินส่วนตัวบินด่วนมาหาทันที

“บอย” ผมหันมามองหนุ่มนอนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมทั้งคืน และพี่เจนมาดูให้แล้ว พี่เจนเป็นหมอตา แต่พี่บรูคส์บอกแค่ว่าเป็นลูกของคนใช้ในบ้านและบ้านผมก็รักเด็กแต่ว่าผมกับพี่บรู๊คส์ก็หยุดไปหลายตอนเหมือนกันทำให้พี่โจ้กับพี่เจนสงสัยแน่ๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะปิดไปแบบนี้ได้นานแค่ไหน มีทางเดียวคือทำให้พ่อยอมรับแจ็คให้เร็วที่สุดแต่นี่ดันมาทะเลาะกันอีก

              “แบงก์ ไปล้างหน้าล้างตากันนะครับและเราจะได้ทานอาหารเช้า” ผมบอกเด็กน้อยที่เพิ่งฉลองหนึ่งขวบไปได้สองเดือน หนุ่มน้อยของผมยิ้มให้ผม พร้อมกับยันตัวขึ้นนั่ง เอาฝ่ามือมาแตะที่แก้มของผม มันทำให้ผมได้เห็นอะไรที่ชัดเจนจนผมเห็นเป็นใบหน้าของแจ็คที่ซ้อนเข้ามา แบงก์ได้ทุกอย่างของแจ็คแต่ทว่าใบหน้าเขาหวานกว่าเหมือนผมพี่ๆ บอกผมอย่างนั้นแต่ที่เด่นชัดน่าจะเป็นจมูก ผมมองหน้าของแบงก์ผมก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้

            “เขาจะรู้ไหมว่า ว่ามีอีกคนที่สำคัญกับเขามากเช่นกันอยู่ตรงนี้ “ผมพูดกับแบงก์ ตอนนี้เขายังเด็กมาก จึงยังไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพยายามสื่อไป

           “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องนอนของผม

            “เชิญครับ “ผมพูดบอกคนที่มาเยือน

           “คุณบอยค่ะ คุณบอยจะเตรียมตัวเลยไหมคะ พี่จะได้พาคุณแบงก์ไปเปลี่ยนชุดและจะได้ป้อนอาหารเช้าคุณแบงก์เลยนะคะ” คนใช้ในบ้านขึ้นมาถามผม

               “ได้ครับพี่ “ผมตอบกลับและหันมามองหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงกับผม เขาก็มองหน้าผม ทำตากระปริบๆ และพอพี่ผึ้งคนใช้เดินเข้ามาในห้อง

              “โกๆ “รีบไล่พี่ผึ้งคนใช้ในบ้านผมทันที ดูซิร้ายไหมล่ะ

             “แบงก์ ไม่น่ารักเลย อย่าไล่พี่ผึ้งและพี่ผึ้งจะพาแบงก์ไปเปลี่ยนชุดและจะได้ทานอาหารเช้ากันนะครับ” ผมหันมาต่อว่าลูกชาย

            “อยู่กับบอย” แบงก์บอกว่าจะอยู่กับผม

           “ไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วบอยจะลงไปป้อนอาหารเข้าน่ะครับ” ผมพูดและแบงก์มองหน้าผม ทำท่าว่าจะร้องไห้

             “พี่ผึ้งเอาน้องลงไปเปลี่ยนชุดเลยนะคะ แล้วคุณบอยจะทานอาหารเช้ากับน้องเลยไหมคะ” พี่ผึ้งถามผม ผมพยักหน้าได้ เพราะยังมีเวลาเหลือ



            เขาจัดพิธีที่ตรงด้านหน้าของคฤหาสน์ของพ่อผม ผมเหลือบไปมองมือถือ ที่เงียบมาก แจ็คไม่ส่งข้อความหาผมสักนิดเลย นี้เขาโกรธผมจริงๆ เหรอ ผมจัดการเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัว วันนี้มีงานทำบุญที่คฤหาสน์โดยมีการเชิญพระสงฆ์มาทำพิธี ที่นี้มีวัดไทย ผมก็ไม่เข้าใจทำไมต้องมาทำตอนนี้ แต่เป็นคำสั่งลุงหนึ่งพ่อผมก็ต้องทำตาม ยิ่งผมนี้ขัดไม่ได้เลยสักนิด บางทีชีวิตผมมันก็จืดชืดมาก เพราะว่าผมต้องออกงานและเรื่องที่ต้องวางตัวจนผมอึดอัด อยากมีเวลาไปสนุกสนานกับเพื่อนๆ บ้างก็ไม่ได้ เพราะว่าผมกำลังจะขึ้นตำแหน่งผู้นำองค์กร ผมสวมชุดสูท

              “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องผมอีกครั้ง

             “คุณบอยค่ะ คุณท่านให้เชิญคุณบอยที่ห้องโถงใหญ่ได้แล้วค่ะ “ตนใช้ในบ้านของเดินเข้ามาบอกผม 

             “ขอเวลาผมสิบห้านาทีครับ ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้ครับ “ผมหันไปบอกเขา ผมรู้ว่าวันนี้ลุงหนึ่งต้องการมากกว่าการทำบุญครบรอบให้คนที่เสียชีวิตจากการลอบสังหารหมู่ ลุงหนึ่งตั้งใจให้ดิวมาด้วยแบบนี้ 



              ผมยืนสูดอากาศหายใจเข้าปอดไปและหันหลังเดินออกจากห้องนอน คฤหาสน์ที่ใหญ่โต มีคนใช้เกือบห้าสิบคนก็ยังทำความสะอาดไม่ทั่วถึง ผมเดินลงมายังชั้นล่าง ได้ยินเสียงกรี้ดร้องของแบงก์ คงจะงอแงกับพี่เลี้ยงอีกแล้ว แต่ว่าผมไม่มีเวลามากพอจะป้อนข้าวลูก ผมต้องเดินเข้าไปด้านหน้าของคฤหาสน์ วันนี้พ่อผมได้สั่งคนใช้ในบ้านทุกคนห้ามพาแบงก์ออกไปด้านหน้าตึก เพราะว่าลุงหนึ่งจะมาด้วย พ่อไม่อยากให้ลุงหนี่งรู้ว่าผมมีลูกแล้ว และเด็กคนนี้เป็นลูกของแจ็ค คนที่ลุงหนึ่งไม่ได้เลือกอีกต่างหาก ถ้ารู้ขึ้นมาผมคิดว่าเรื่องใหญ่แน่ๆ

            ตื้ด!!! เสียงมือถือผมสั่น เนื่องจากมีคนส่งข้อความหาผม ผมรีบหยิบขึ้นมาอ่าน ผมหวังว่าจะเป็นข้อความจากแจ็ค แต่ไม่ใช่เลย ธรรณ์นั้นเอง เขาบอกว่าหลุยส์ชวนไปเที่ยวปารีสและแจ็คด้วย ทำไมรูปที่เขาส่งมามีแต่หลุยส์และธรรณ์ที่สวีทกันสองคนแล้วแจ็คไปไหน ผมเริ่มคิดแต่ว่า

           “น้องบอยครับ” ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีมือใครสักคนมาสัมผัส ผมหันไปมองคนนั้นก็คือพี่วรินทร์ ที่เคยเป็นเลขาฯของพี่บรู๊คส์ พี่เขาเดินมาหาผม พี่วรินทร์คงเห็นว่าผมยืนลังเลอยู่แบบนั้นไม่เข้าไปสักที

            “มีอะไรหรือเปล่าครับ พี่ไม่เห็นน้องบอยเดินเข้าไปด้านในสักทีนะครับ” พี่วรินทร์ถามผม ผมก็ส่งยิ้มให้

          “ไม่มีอะไรครับ พอดีเพื่อนส่งข้อความมาหานะครับพี่วรินทร์” ผมตอบพี่เขาตอนแรกผมว่าถามถึงแจ็ค แต่ผมก็คงไม่มีเวลาที่จะพิมพ์ข้อความ ผมจึงเลือกที่เก็บมือลงในกระเป๋าสูทของผมและเดินเข้าไปด้านในสถานที่สำหรับทำพิธีทันที ผมรู้ว่าหลุยส์เขาไม่อยากนึกถึงเหตุการณ์ที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่มาร่วมพิธีเลยสักครั้ง



             ทันทีที่ผมเดินเข้าไปผมก็เห็นบรรดาลุงๆ และอา นั่งอยู่กันที่เก้าอี้ที่เขาจัดไว้ให้ ผมเหลือบไปเห็นดิว นี่ดิวมาด้วยเหรอ ผมรู้สึกแปลกใจเพราะว่าดิวไม่เคยมาร่วมงานกับผมเลยในทุกครั้งแต่ว่าครั้งนี้เขากลับมาได้ ผมเองก็ไม่ทราบตรงนี้มาก่อน ดิวหันมามองผม ดูจากสีหน้าคงโดนบังคับมาแน่ๆ เขายิ้มอ่อนๆ มาให้ผม ผมก็ยิ้มตอบไป

            “บอย” พี่บรู๊คส์เดินมาหาผมและแตะแขนผมเบาๆ

           “น้องแบงก์งอแงมาเลยพี่บรู๊คส์” ผมกระซิบบอกพี่บรู๊คส์ด้วยความกังวล

             “เดี๋ยวพี่ให้เบียร์ไปดูเองน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง เออ แต่บอยต้องไปนั่งข้างๆ กับดิวน่ะ เขาจัดที่ไว้ให้แล้ว “พี่บรู๊คส์บอกผม ผมพยักหน้าและเดินแทรกเข้าไป ผมยกมือไหว้ลุงหนึ่ง และนั่งลงข้างๆ ดิว

             “โดนบังคับมาเหรอดิว” ผมหันไปถามดิวปนหัวเราะเพราะเห็นสีหน้าของคนที่ถูกบังคับมา ลุงหนึ่งอยากให้ผมกับดิวออกงานด้วยกันบ่อยๆแต่ว่าดิวก็ชิ่งทุกที สงสัยรอบนี้ชิ่งหนีไม่ได้แน่ๆ 

          “ใช่ดิ หาเหตุผลชิ่งไม่ได้เลยไง” ดิวพูด ถูกซะด้วยอย่างที่ผมคิดเอาไว้ไม่มีผิด ดิวสวมสูทสีดำหล่อเหลาน่าดู ปกติดิวจะใส่ชุดสบายๆ ผมแทบจะไม่เคยเห็นเขาใส่สูทเลย

          “หล่อนะวันนี้ “ผมหันไปชมดิว

          “อึดอัดโคตรเลย เนกไทอีก บอยก็รู้ว่าดิวไม่ชอบแต่งตัวอะไรที่เป็นทางการแบบนี้ “ดิวพูดผมก็พยักหน้าเพราะดูจากสีหน้าและท่านั่ง

          “โป้ก!!” มีคนปาะอะไรโดนดิวไม่ได้แรงมากแต่ก็เล่นเอารู้สึกเจ็บ

          “โอ๊ย” เสียงดิวร้องออกมาเบาๆ และหันไปมอง คนที่ปาของใส่ดิวนั้นคือลุงภานั้นเอง ผมยกมือไหว้อาภาณุเดชทันที

         “ดิว นั่งดีดี” ลุงภาบอกให้ดิวนั่งให้สุภาพนั้นเอง

            “เดี๋ยวคุณบอยกับคุณดิว เข้าไปจุดธูปเทียนนะครับ” เจ้าหน้าที่ที่ดูแลงานนี้เข้ามากระซิบบอกผมสองคน ผมพยักหน้าและดิวก็พยักหน้าเช่นกัน



           ผมเห็นในห้องนี้มีแต่บรรดาลุง เช่นลุงหนึ่ง ลุงสอง ลุงสามและลุงสี่ มีพ่อของผมและอาภูมิ ผมสะบัดหน้าไปมองอาภูมิ ถ้าอาภูมิมาแล้วแจ็คละ เขาไม่เอะใจที่จะมาหรือไง อาภูมิ นั่งอยู่ข้างพ่อผมเหมือนเช่นทุกครั้ง ผมรู้ว่าทำไม ผมรู้ว่าอาภูมิกับพ่อผมเป็นแฟนกัน และนั้นก็ยิ่งทำให้พ่อผมลำบากใจมากที่จะต้องปกปิดเรื่องของแบงก์ เหมือนกับที่ผมทำกับแจ็ค

            “บอย” ดิวสะกิดบอกผม ให้ลุกไปยังแทนทำพิธี วันนี้เราทำบุญให้องค์กร ให้คนที่ช่วยรักษาองค์กรของเราเอาไว้ กว่าจะมาเป็นองค์กร ที่ใหญ่มั่นคงแบบนี้ได้ เราศูนย์เสียไปไม่รู้เท่าไหร่ แต่แปลกนะที่หลุยส์ไม่มา เขาคงทำใจไม่ได้ เพราะเขาคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ห้าสิบชีวิตที่ถูกสังหาร และเหตุการณ์นั้นมันคงติดตาเขาไปอีกนานเพราะมันรวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วยที่ถูกสังหารในวันนั้น

           TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง) EP.32(แจ็ค X แบงก์) แจ็คเจอแบงก์
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 03-02-2024 09:36:45
               
EP.32(แจ็ค X แบงก์) แจ็คเจอแบงก์ 

                Part’ s แจ็ค ผมได้ยินมาว่าวันนี้ที่บ้านลุงกฤษณะ มีทำบุญให้กับองค์กร และผมยังรู้อีกว่า ลุงณะ ไม่ให้ผมมาที่นี้ จะว่าไปผมก็ไม่ได้มาที่นี้นานแล้วตั้งแต่บอยหายกลับมาที่นี้ และวันนี้ผมก็มาโดยการฝืนคำสั่ง ผมบอกพ่อและพี่ชายของผมว่าผมอยู่สนามบินกับไอ้หลุยส์ แต่จริงๆ แล้ว ผมเดินทางมาถึงที่นี้นานแล้วและกำลังให้คนขับรถของพ่อมารับ พี่ปีเตอร์ การ์ดของพี่โจ
                “คุณแจ็คครับจะดีเหรอครับพี่ว่าเรากลับบ้านกันเถอะครับ คุณท่านและคุณโจสั่งว่าคุณแจ็คไม่ควรจะไปที่นั่น” พี่ปีเตอร์บอกผม ผมก็นั่งไขว่ห้างคุยไลน์กับไอ้หลุยส์มันอยู่
          หลุยส์ = มึงแม่งกล้ามากเลยวะ (มันคงหมายถึงผมกล้าที่ขัดคำสั่งของลุงหนึ่ง)
          แจ็ค = กูอยากรู้ว่าทำไมเขาห้ามกูและไอ้ดิวมันกลับได้ไปวันนี้
          หลุยส์ = ขอให้มึงขัดขวางสำเร็จวะ
          แจ็ค =Thanks
         ผมปิดการสนทนาระหว่างไอ้หลุยส์ตอนนี้พี่ปีเตอร์กำลังนำรถเข้าไปจอดตามที่ผมบอก ผมก็ก้าวเท้าลงจากรถ มีรถมาจอดมากมาย วันนี้เป็นงานใหญ่แต่ไม่มีใครถูกเชิญมานอกจากบอยและดิว แสดงว่าลุงหนึ่งต้องการจะทำอะไรสักอย่างแล้วผมจะอยู่เฉยๆ ได้ยังไง
         “สวัสดีครับคุณแจ็ค”
         “สวัสดีครับพี่ ผมจะเข้าไปหาพ่อผม พ่อภูมิที่เป็นแฟนของเจ้าของบ้าน” ผมพูดพร้อมกับเอามือล้วงเข้าในกระเป๋ากางเกง เสื้อสูทแบบไม่เป็นทางการ ผมไม่ได้สวมเนกไท ใส่แต่สูททับเสื้อยืดเข้ารูป กับกางเกงยีน
         “แต่ว่า” เขามองชุดที่ผมสวมใส่ มันดูไม่เป็นทางการ แต่ผมคิดว่าไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะไม่ยอมให้ผมเข้า ผมเดาว่ามีคนสั่งว่าไม่ให้ผมเข้างานแน่ๆ แต่ผมไม่แคร์
          “หรือจะให้ผมโทรหาพ่อผมละ พี่อาจจะได้หางานใหม่ได้นะครับ “ผมพูดและทำท่าจะกดโทรหาพ่อผม
          “แต่” ยังทำท่าคิดอีก
          “อย่าให้ผมรอนานผมไม่ชอบ” ผมพูดและพี่เขาก็เปิดทางให้ผมเดินเข้าไปในทันที ผมว่าเขารู้กิตติศัพท์เรื่องขาหวีนของผมดี ผมก็หยิบมือถือขึ้นกดโทรหาพี่โจแทน พี่ชายของผม
           “แจ็คอยู่ที่ไหน?” พี่โจถามผม
            “อยู่สนามบินไง” ผมตอบพร้อมกับอมยิ้มที่ได้แกล้งพี่ชาย มีหวังคงได้เซอไพรส์กันแน่ๆ ผมเป็นประเภทยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุซะด้วย ผมเดินตรงไปเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้มานานหลายปีแต่ผมก็ยังจำทางเดินตรงไปยังโซนที่ใช้สำหรับประกอบพิธีได้ดี ระหว่างที่ผมกำลังเดินอยู่นั้น
           “ปึก!” ผมชนเข้ากับบางสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เล็กมาก เพราะว่าผมต้องก้มลงมอง โชคดีที่ชนไม่แรงมากแต่ก็เล่นเอาคนที่ชนผมถอยหลังและล้มลงไปก้นจ้ำเบ้ากับพื้นหญ้า ผมเอียงคอมองนี่มันไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตธรรมดานี่มันเด็ก และยังเป็นเด็กน้อยซะด้วยและเด็กนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองผมเอียงคอตามผมเช่นกัน ผมก็เลยสงเคราะห์โดยการใช้นิ้วคีบคอเสื้อให้เด็กน้อยลุกขึ้น ถ้ามีอย่างอื่นผมก็จะรีบหยิบมาใช้แทนเพราะว่าผมเป็นโรคไม่ชอบเด็กเอาซะเลย

             ที่บ้านผมเลยไม่มีเด็กให้ขวางหูขวางตา ทันทีที่เด็กน้อยลุกขึ้นมายืนโงนเงนมองผมอยู่ ผมก็ก้าวเท้าถอยหลังออกมาพร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงก้มลงมองเด็กน้อย ทำไมหน้ามันคุ้นเหลือเกิน ไอ้หมอนี่ เด็กน้อยแหงนหน้าขึ้นมองผมในสภาพที่โอนเอนไปมา ผมดูแล้วรากฐานไม่ค่อยจะมั่นคงเท่าไหร่นะเนี่ยะ เด็กน้อยเห็นท่ายืนของผม เลยเอามั้ง ก๊อบปี้ท่ายืนทันที สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเอง
            “Who are you?” เด็กน้อยถามผมเป็นภาษาอังกฤษและชี้มาที่ผม มันถามว่าผมคือใคร
             “Who are you? “ผมทวนคำถามเด็กน้อย
             “นายนั่นแหละเป็นใคร นายไม่มีสิทธิ์มาถามฉันรู้ไหม เปี๊ยก! และก็ลบไปด้วยเกะกะขวางทาง” ผมก็ถามกลับและชี้ไปที่หมอนั้น แบบเอานิ้วจิ้มที่หน้าผาก สองสามทีแถมด้วยหยักคิ้วให้อย่างเท่ เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมและไม่ทันที่ผมจะชักนิ้วกลับ เด็กมันคงหิวคิดว่าไส้กรอก มันเลยงับนิ้วผมไปซะงั้น
            “อิ้ววว!......เฮ๊ย!!!!” ผมร้องดังลั่นและพยายามดึงนิ้วออกแต่ เด็กนี้ไม่ยอมปล่อย ผมก็เลยรับบีบจมูกเท่านั้นแหละปล่อยทันที
            “โอ๊ยย!!!!” ผมร้องและสะบัดนิ้วตัวเองและหันมามองหน้าเด็กน้อยที่กล้ามาก รู้ไหมว่าแจ็คคนนี้เก่งกับหมาซ่ากับเด็กแตะผู้หญิงบางคนที่ทำให้ผมโกรธ ตอนนี้ผมก็กำลังโกรธ….เด็กและเล็กมาซะด้วย
            “นายถือดียังไงมากัดฉันห๊ะ!!!! “ผมชี้หน้าเด็กน้อยและพูดเสียงดังใส่ เด็กน้อยมองหน้าผม และ
            “ฮือๆ “ร้องออกมาซะอย่างนั้น แต่ถ้าเด็กนี้ร้อง คนในบ้านบอยก็จะรู้ว่าผมแอบเข้ามาและอาจจะโดนสกัดก่อนจะไปถึงด้านหน้าแน่ๆ ผมก็เลยฝ่ามือของผมปิดปากเด็กน้อยทันที
              “อืม” เด็กน้อยดิ้น ฤทธิ์เยอะซะด้วยน่ะ
              “หยุดร้อง!!!” ผมตะคอกแต่ไม่ดังมากเสียงแบบลอดไรฟัน เด็กนี้ก็หาได้ฟังผมไม่
             “แหง๊ๆๆๆๆ” นั้นร้องดังเข้าไปอีก
             “ฉันบอกให้หยุดร้องไง!!!!” ผมบอกเด็กน้อยดิ้นอยู่ได้ผมเลยอุ้มตัวลอยขึ้นมาจ้องหน้าและชี้นิ้ว เดี๋ยวโดนกินตับ
             “ปู้ด” นั้นไงสิ่งที่เด็กคนนี้ทำกับผมคือเป่าพ่นใส่หน้าผมและน้ำลายคงเต็มใบหน้าผมไปหมด
            “ฉันบอกให้หยุด!!!! “คราวนี้ผมตะคอกเสียงดังกว่าเดิมและได้ผลหยุดชะงักแต่ว่า
            “โอ๊ย!!! “ผมต้องร้องเสียงหลงเพราะว่าเล่นหยิกเข้าที่จมูกผมอย่างจัง เจ็บซิ รออะไร
            “ไหนละผึ้ง คุณหนูนะ คุณหนูคะ “เสียงแม่บ้านวิ่งมาหาเด็กน้อยนี้ แต่ถ้าแม่บ้านมาเห็นผมกำลังตีกับเด็กนี้ผมคงโดนอีกหลายข้อหาแน่ๆ ผมเลยต้องจับเด็กบ้าคนนี้ลงไปก่อน ยังหันมามองหน้าผมอีกน่ะ แถมเป็นประเภทไม่จบง่ายๆ ซะด้วย จะเดินตรงกลับเข้ามาหาเรื่องผมอีก โอ๊ยย!นี่มันวันอะไรของแจ็ควะ ผมรีบดันหัวเอาไว้ เด็กน้อยเข้ามาใกล้ผมไม่ได้ก็ยังจะมีพยายามแต่ผมก็ดันเอาไว้ด้วยฝ่ามือข้างเดียว
             “ไม่จบใช่ไหม กี่ขวบวะเนี่ยะ? “ผมพูด เสียงคนใช้ก็เข้ามาใกล้ตรงที่ผมมีเรื่องกับเด็กเรื่อยๆ ผมเลยผลักซะกลิ้งเป็นลูกขนุนไปเลยและผมก็ออกวิ่ง นิ้วก็เจ็บ จมูกก็เจ็บ ฝากไว้ก่อนนะให้งานเสร็จก่อนจะไปตามหาตัวและจับไปกระทืบ เด็กก็เด็กเถอะครับเล่นแบบนี้แจ็คไม่เก็บไว้แน่ แต่ตอนนี้วิ่งไปหาพวกพี่ๆ ก่อน และผมก็เห็นพี่ๆ นั่งกันอยู่ด้านหน้าเขาจัดที่ไว้สำหรับลูกหลานนั่งแต่ถ้าลุงๆ และอาๆ ก็จะนั่งด้านใน ผมยืนอยู่ด้านหลังพี่ๆ บ้านจอจาน พี่โจนั่งกดมือถืออยู่พยายามโทรหาพี่ปีเตอร์แน่นอน
              “ตกลงไอ้แจ็คมันยังอยู่สนามบินใช่ไหมวะ” พี่โจถามพวกพี่ๆ ของผม
              “ใช่ไง” พี่เจสเป็นคนคุยกับผมล่าสุด พอพี่เจสหันมาเจอผมเท่านั้นแหละพี่เจสก็อ้าปากค้าง
               “พี่โจ ไอ้แจ็คมันไม่ได้อยู่สนามบินแล้วแหละ” พี่เจสสะกิดพี่เจมส์ที่กำลังช่วยพี่โจโทรเช็คผมแน่ๆ
               “แล้วมันอยู่ไหนละ มึงรู้เหรอไอ้เจส” พี่เจมส์ถามพี่เจส พี่เจและพี่จิมมี่ก็หันมาเจอผมอีก พากันอ้าปากค้างและชี้ พี่เจมส์ก็หันหลังกลับมามองผมอีกคน
              “ไอ้แจ็ค!!” พี่เจมส์เรียกชื่อผมดังลั่น พี่โจและพี่โจ้ก็หันมามองผม พี่โจลุกขึ้นยืนมองผม สีหน้าบอกไม่ถูกว่าดีใจระดับไหน และสุดท้ายพี่โจเป็นฝ่ายหันทำท่าจะเดินหนีน้องอีก ผมแอบคิดในใจทำไมไม่มากอดน้องสักที
             “ไอ้แจ็ค พ่อบอกไม่ให้มึงมาแจ็ค มาทำไมเนี๊ยะ!!” พี่โจ้ถามผม พี่ชายคนที่สอง "ไม่น่าจะใช้พระเอกของบ้านน่าจะเป็นตัวโกงของบ้านมากกว่า หาแต่เรื่องให้ปวดหัวเนี๊ยะ!"พี่โจ้พูด
             “ทำไมอ่ะ อยากมา ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย แค่งานทำบุญ ไม่ใช่ความลับอะไรสักหน่อย “ผมพูดและเดินมาหาพี่โจที่ยืนหันหลังให้ผมอยู่
              “พี่โจ” ผมเรียกพี่โจ พี่โจค่อยๆ หันกลับมามองหน้าผม
               “แจ็ค มึงหาเรื่องให้พวกพี่โดนพ่อด่า” พี่โจหันมาบ่นผมทันที
               “แต่น้องมาแล้วน่ะ “ผมบอกพี่โจ พี่โจส่ายหัวก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดออกมากดโทรหาใครสักคน
              “พ่อ ไอ้แจ็คมันอยู่นี้พ่อ” พี่โจโทรบอกพ่อผมทันที
              “ได้พ่อ ครับพ่อ” พี่โจกดวางสายและหันมามองหน้าผม
              “พ่อบอกห้ามเข้าไปด้านใน ถ้าไม่อยากทำให้พ่อเดือดร้อนแจ็คเพราะนี้คำสั่งลุงหนึ่งเขา” พี่โจบอกผม ผมต้องชักสีหน้า นี่มันอะไรกัน
               “เราควรจะฟังคำสั่งของพ่อบ้างแจ็ค “พี่โจพูด ผมหันมามองพี่ๆ ทำนิ้วเชือดคอให้ผมพร้อมกันหมด
               “นั่งลงเลยมึงไอ้พระเอกประจำบ้านและเรื่องเยอะที่สุดของบ้าน” พี่เจพูดและพี่โจก็เดินเข้าไปด้านในเหลือแค่ผมที่นั่งกับพี่ๆ
              “พี่กลับเลยน่ะเพราะว่าพี่ต้องไปรับพี่เจนพวกมึงอ่ะ” พี่โจ้พูด
              “รับแฟนเหรอพี่โจ้” พี่เจสแซวพี่โจ้ พวกผมน่ะรับรู้สถานะที่เกินพี่น้องของพี่โจ้และพี่เจนมาได้พักใหญ่ๆ ก่อนที่พ่อจะรู้ จนพ่อรู้ก็มีห้ามปรามแต่มันยากพี่โจ้บอกรักพี่เจนไปหมดใจแล้วและพี่เจนก็รักพี่โจ้เช่นกัน ตอนแรกพี่เจนยังไม่รู้ว่าพี่เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อภูมิแต่ว่าตอนนี้รู้แล้วและความรักทั้งคู่พ่อผมก็อนุมัติให้ผ่านได้ ผมล่ะเชื่อเลย
              “เออแฟนกูครับ พี่สาวพวกมึงด้วยครับ แค่นี้น่ะ ถ้าไอ้แจ็คมีเรื่องไม่ต้องโทรตามนะ กูจะพาเจนไปดูหนังใหม่เข้าโรงวันนี้ ปิดมือถือ งดรับเรื่องของไอ้น้องตัวดีพวกมึงหนึ่งวัน มีอะไรเคลียร์กันเอง” พี่โจ้พูดผมก็เงยหน้ามอง
             “ระดับแจ็ค ไม่มีแน่นอน ผมเอาอยู่พี่โจ้” ผมพูดและยกเท้าขึ้นมาพาดนั่งแบบเท่ๆ พี่โจ้โชว์นิ้วกลางให้ผมเป็นรางวัลและพี่โจ้ก็เดินออกไปทันที
            “เดี๋ยวพี่มานะ จะไปหาเบียร์ “พี่เจมส์หันมาพูด
            “เฮ้ยพี่จะดื่มเบียร์ตอนนี้นี้นะ” ไอ้พี่เจส
            “กูจะไปหาเพื่อนรักกูไอ้เบียร์ แต่ถ้าดื่มได้กูจับดื่มไปนานแล้ว” พี่เจมส์พูดและลุกขึ้น ทำเอาพวกผมทำหน้างงกันหมด มุขไหนของพี่แก
             “แล้วนี่มึงมาทำไมวะ ไม่รอที่บ้านแจ็ค “พี่จิมมี่หันถามผม
             “พี่เห็นไอ้คนที่ชื่อแบงก์ไหมพี่ “ผมถามพวกพี่ๆ ที่นั่งตรงนี้ ผมหันมามองหน้าพี่เจเพราะว่าสนิทกับพี่บอลมากที่สุด
             “กูนั่งมาตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่เห็นใครสักคนมึง ว่าแต่มึงจะถามหาคนชื่อแบงก์ทำไมวะ” พี่จิมมี่หันมาพูด
            “ก็ไอ้นี่นะ มัน มันคือ ก้างของผมพี่ “ผมบอกพี่ชายของผม
             “อะไรของมึง มึงจะบอกว่าบอยมีแฟนใหม่เหรอวะ” พี่เจสหันมามถามผม
            “ไม่รู้ดิพี่ แต่น่าเจ็บใจนี้ก็บินมาก่อนเพื่อมันเลยนะพี่ ผมอยากเจอมันอ่ะ จะอัดให้น่วมเลย มันกล้ามากที่ใจกล้ามาล้วงคองูเห่าอย่างผม” ผมพูดและกำมัดต่อยที่อุ้มมือ พี่ๆ หันมามองผมก่อนจะหันไปพยักพเยิดใส่กัน
              “น่าจะหมาเห่า  เห่าอย่างเดียวนะมึงอ่ะ มากกว่าไม่ใช่งูเห่าหรอกไอ้นี่น่ะ” พี่เจพูด ผมหันมามองพี่ชายทำไมว่าน้องแบบนั้น แต่ว่าพี่เจนี้สนิทกับพี่บอล
              “พี่เจลองไปถามพี่บอลให้หน่อยดิ” ผมอ้อนพี่ชายที่ห่างจากผมแค่ปีเดียว จะเรียกพี่สาวก็ได้แต่ไม่เรียกดีกว่าเดี๋ยวพี่เจงอนไม่ช่วยผมอีก
              “ไม่ได้แจ็ค กูไม่อยากผิดใจกับบอลมัน มันเพื่อนรักกูนะแจ็ค แค่คอยถามเรื่องบอยว่าเป็นไงบ้างนะได้แต่ไปล้วงลึกมากมันไม่ดี เข้าใจหน่อยดิวะ” พี่เจพูด
              “พ่อมาว่ะ” พี่เจสพูดและนั้นพ่อผมเดินหน้าตั้งมาเลย พ่อภูมิของผม พ่อสวมสูทดูเท่ดูหล่อตลอดกาล พ่อเดินมาถึง แต่ว่าสีหน้าพ่อผมมันบอกได้ว่ากำลังคุสาด แล้วแจ็คจะยืนฉีกยิ้มให้พ่อได้เหรอ
              “ไม่ต้องหันหน้าหนึไปไหนเลยแจ็ค พ่อบอกว่าไง บอกว่าอย่ามาไงแจ็ค!” พ่อภูมิพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าโมโหผมมากเลยวันนี้
              “พ่อผมแค่อยากรู้ทำไมผมมาไม่ได้ และทำไมไอ้ดิวมันมาได้ละพ่อ” ผมพูดกับพ่อ พี่เจสดึงแขนผมไม่ให้ผมพูดเสียงดังกับพ่อ ผมรู้ว่าไม่ถูก
             “ก็ดิวเขา” พ่อผมทำท่าจะพูดแต่ก็ชะงัก
            “มันคือคนที่ถูกเลือกแต่ผมกับบอยเรารักกัน แต่ตอนนี้แค่งอนกันนิดหน่อย ผมขอเข้าไปคุยกับบอยได้ไหมอ่ะพ่อ” ผมพูดและพี่ๆ กสะบัดหน้ามามองผม
             “ลุงหนึ่งอยู่ด้านในนั้น เราอยู่ทีนี้ไม่ได้ พ่อว่าเราจะทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงแจ็ค กลับไปรอพ่อที่บ้าน เดี๋ยวนี้!” พ่อภูมิพูดผมก็หันไปมองทางอื่น
             “ผมขอคุยกับบอยก่อนนะครับพ่อ” ผมบอกพ่อภูมิ
             “บอยเขายุ่งอยู่แต่พ่อจะบอกให้ ให้บอยโทรหาหลังเสร็จงาน” พ่อบอกผม
              “ตอนนี้พ่ออยากให้แจ็คกลับไปที่บ้านก่อน” พ่อบอกผมด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว พี่ๆ พยักหน้าให้ผมทำตามที่พ่อบอก พี่โจเดินออกมาอีกคน ผมมองพ่อ พ่อรู้ว่าผมกำลังจะไม่ยอม
               “บอกน้องเราให้กลับบ้านซะโจ” พ่อหันไปบอกพี่โจแทนก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าไปด้านใน พี่โจเดินมาแตะที่หัวไหล่ผมเบาๆ
             “ทำไมงอนกันกับบอยเหรอ” พี่โจถามผม
           “ใช่พี่โจ ผมพูดไม่ค่อยดีกับบอยอ่ะและทั้งหมดก็เพราะว่าผมหึงเขากับไอ้แบงก์ “
             “แบงก์เหรอ ใครอะ” พี่โจถามผม
             “แต่ชื่อนี้คุ้นๆ น่ะ ตอนพี่เข้าไปได้ยินคนใช้พูดกันว่าคุณแบงก์ ตามหาคุณแบงก์กันอยู่ แต่ดูน่าจะเด็กเล็กนะ “พี่โจพูด
            “ไม่น่าจะใช้เด็กหรอก บอยพูดจ๊ะจ้าซะขนาดนั้นพี่โจ “ผมพูด
           “เอานะ พี่จะคุยกับบอยและให้บอยโทรหาน่ะ พี่จะบอกว่าน้องพี่สำนึกผิดแล้ว แต่ตอนนี้กลับบ้านตามที่พ่อบอกก่อนและพรุ่งนี้พี่ไปส่งกลับไปทำหน้าที่ตัวเองให้สำเร็จ” พี่โจพูด ผมหันมามองพี่คนอื่นไม่มีใครช่วยเลย
             “กลับบ้านแจ็ค อย่าทำให้พ่อต้องทะเลาะกับลุงหนึ่ง พี่ขอล่ะและมะรืนนี้บอยก็กลับไปแล้ว เราค่อยง้อบอยได้ไหม แต่ว่าวันนี้ให้งานเขาผ่านไปก่อน” พี่โจพูดบอกผม ผมก็พยักหน้าและเดินออกทันทีเช่นกัน แต่เบื่อไม่อยากกลับอ่ะ ให้พี่ปีเตอร์ขับพาไปเที่ยวดีกว่า ผมเดินออกไปอย่างหัวเสีย บอยก็ไม่เจอและนี้ผมก็งอนเขาและไม่ได้ส่งข้อความง้ออะไรทั้งนั้น บอยเองก็เงียบเช่นกัน ระหว่างที่เดินออกก็แอบชะเง้อมองหาไอ้เด็กแสบ ถ้าออกมาเจออีกนี้โดนเอาคืนแน่ๆ ยิ่งๆ ค้างๆ มาจากด้านในอยู่ด้วย

             TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง) EP.33(แจ็ค X แบงก์)แจ็คเป็นมัมว(ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 04-02-2024 07:37:55
EP.33(แจ็ค X แบงก์) EP.33(แจ็ค X แบงก์)แจ็คเป็นมัมว(ครึ่งแรก)

              Part บอย ผมสังเกตเห็นว่าอาภูมิรีบเดินออกไปด้วยอาการรีบร้อน เหมือนกับมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย ดิวก็ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความคงจะคุยกับแอ้แน่ๆ ผมรู้ว่าเขาสองมีความพิเศษต่อกัน ผมเองก็ไม่อยากให้เขาสองคนต้องมาเป็นเหมือนรุ่นพ่อๆเลย พ่อผมเองก็กว่าจะได้กลับมารักกับอาภูมิก็ไม่ใช่ง่ายๆ สุดท้ายพ่อเลือกรักษาตำแหน่งนี้ไว้ให้ผมและอาภูมิก็หายไปพักหนึ่งแต่อาภูมิก็กลับมาหาพ่อผมในวันที่พ่อผมกำลังมีปัญหาหนักเพราะว่าลุงคามินแต่เขาสองคนก็ผ่านมันมาได้จนตอนนี้ ผมเองก็ยังเชื่อใจว่าแจ็คจะเหมือนอาภูมิเช่นกัน 
             “มีเรื่องหรือเปล่าบอย” ดิวเงยหน้าจากมือถือขึ้นมาถามผม ผมพยักหน้าว่าน่าจะใช่
ตื้ด เสียงมือถือของผมสั่น ผมก็หยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความจากธรรณ์ นั้นเอง
             //บอย เจอแจ็คหรือยัง แจ็คไปหาบอยที่บ้านน่ะ // ผมก็ต้องชะงักทันทีที่ธรรณ์ส่งข้อความมาบอกว่าแจ็คมาหาผมที่นี้หรือว่าที่วุ่นวายน่ะเป็นเพราะว่าแจ็ค
             “มีอะไรเหรอบอย” ดิวถามผมคงเห็นสีหน้าที่ดูกังวลของผม
             “แจ็คมานะดิว บอยสงสัยอาภูมิคงรู้แล้วเลยเดินออกไปดู” ผมหันมาบอกดิว ดิวชักสีหน้าตกใจออกไปทางดีใจมากกว่า
             “มันอยู่ไหนอะ ดิวจะได้เปลี่ยนคิวให้มันถ่ายทำต่อเลย ดิวรีบอ่ะ รีบกลับ ดิวมีเรื่องด่วน แต่ถ้าไม่มีใครรับช่วงต่อดิวไปไม่ได้ไงบอย” ดิวรีบบอกผมทันที
ผมก็ทำหน้ายู้ทันที มันเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ เหรอลุงหนึ่งก็นั่งอยู่ตรงนั้นน่ะ ผมเห็นลุงหนี่งเดินไปหาพ่อผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะหันมาพยักหน้ากับทุกคน เหมือนเรียกประชุมบรรดาลุงและอาของผมที่มาในวันนี้ก็พากันลุกออกไป
             “คุณบอย คุณดิว ตอนนี้เราจะทำพิธีถวายอาหารพระพร้อมกันแล้วนะครับ รบกวนไปนั่งพักที่ห้องรับรองก่อนนะครับ” ผมสองคนได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นทันที
               ผมนี้อยากจะเดินกลับไปตึกหลังเพื่อไปหาลูกชายคนผมแย่แล้วเพราะว่าพรุ่งนี้ก็ต้องกลับกันแล้ว ผมรู้สึกใจหาย แต่ถ้าแจ็คมาหาผม ทำไมไม่โทรหาผมเลยหรือส่งข้อความก็ได้ หรือว่าเขาแค่มาดูว่าผมทำอะไร แทนที่จะมาง้อกันก็ไม่มีเลย ขณะที่กำลังทำพิธีอยู่ ผมน่ะออกงานบ่อย ผมจึงรู้ว่าทำอะไรบางส่วนดิวก็มองผม ผมว่าเขาก็รู้มาบ้างแหละไม่นานพิธีก็เรียบร้อย
              “มันมาได้ไง ไหนบอกว่าไม่ให้มาไงและนี้มันไปไหนแล้ว” ผมแอบได้ยินเสียงลุงหนี่งโวยวาย
               “พี่หนึ่ง ลูกผมก็เข้าออกบ้านพี่ณะและแจ็คก็หลานพี่ณะคนหนึ่ง ทำไมเขาจะมาไม่ได้ “เสียงอาภูมิ เหมือนกำลังเริ่มมีปากมีเสียงกัน
               “เราก็รู้ดี ภูมิว่าแจ็คควรอยู่ ณะ จุดไหน” ผมได้ยินเสียงลุงหนึ่ง ดิวแตะที่ไหล่ผมเบาๆ และผมสองคนก็พากันไปหาที่นั่งพัก ผมนั่งลงและหันไปมองดิวที่พยายืมกดสายโทรหาแอ้แน่ๆ แต่ดูท่าแอ้จะไม่ยอมรับสายอีก
                “ดิว!! “เสียงลุงหนึ่งเดินเข้ามาถึงก็เรียกดิวทันที ผมก็สะดุ้งโย้งเลยเหมือนกัน ดิวไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด เขาแค่ละสายตาจากมือถือและหันไปตามต้นเสียงที่เรียกชื่อของเขาแค่นั้น
               “พ่อเราบอกลุงว่าเราจะเลือกหมอทหาร ไม่ได้น่ะ ลุงให้เราเลือกเรียนหมอแค่นั้นพอ” ลุงหนึ่งพูดและผมก็หันไปมองดิว
               “ผมเลือกแล้ว ผมจะลงหมอทหาร “ดิวพูดขึ้น สายตาที่มุ่งมั่นนั้นมองไปที่แววตาอันแข็งกร้าวของลุงหนึ่งอย่างไม่ยีละกับความน่าเกรงขามนั้นเลยสักนิด
               “ไม่ได้! เพราะเราต้องอยู่ใกล้ชิดกับบอยและเราก็ต้องดูแลบอยเขา” ลุงหนึ่งพูด ผมหันมามองดิว ดิวลดมือถือลงก่อนจะปรายตามามองผมและหันกลับไปมองลุงหนึ่ง
                “ผมก็ว่าจะพูดเรื่องนี้เหมือนกันลุง ผมไม่ได้รักบอย เราไม่ได้รักกัน ต่อให้ลุงเอาตำแหน่งบ้าบออะไรมาให้ผม ผมก็ไม่เอา ผมมีคนรักแล้ว ลุงควรจะพอได้แล้ว ให้เขาเลือกคนที่เขารักกันเอง ส่วนผมก็เลือกคนที่ผมรักเองเช่นกัน “ดิวลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับลุงหนึ่ง
               “ดิว” ผมจับมือดิวให้เย็นลงก่อนเพราะว่ามันไม่เหมาะสมที่ดิวจะเถียงลุงหนึ่งแบบนั้น
                “ต่อให้ลุงจะบอกว่าแพลนกันมาแต่ก่อนที่พวกผมจะเกิด แต่จริงๆ ควรจะรอให้พวกผมเกิดมาก่อนซะด้วยซ้ำและถามว่าพวกผมต้องการอะไรกันจริงๆ กันแน่ ไม่ใช่ยัดเยียดให้แบบนี้ ผมไม่ใช่หุ่นยนต์ พวกผมมีหัวใจเป็นของตัวเองกันทุกคน” ดิวพูด ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ผมเองยังไม่กล้าที่จะแสดงออกได้ขนาดนี้เลยแต่ที่ดิวพูดมันถูก
                “ลุงเคยได้ยินไหมครับว่าหัวใจน่ะไม่มีใครบงการได้เพราะว่ามันเป็นของคนคนนั้น ต่อให้มีบุญคุณล้นฟ้ามหาศาลแค่ไหนแต่หัวใจนี้ใครก็บังคับกันไม่ได้” ดิวพูดสายตาของดิวมองประสานกับสายตาลุงหนึ่ง
                “ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องรอให้ภารกิจมันเสร็จ กลับมาเข้ามหาวิทยาลัยและแต่งงานกันเลย ทำตามที่ฉันสั่ง!!” ลุงหนึ่งพูดเสียงดัง ดิวถึงกลับโมโหจนมือสั่น ผมเห็นได้ชัดเจน
                “ผมไม่ทำ!!  ผมมีคนรักแล้วและผมจะกลับมาเรียนพร้อมๆ กันกับคนอื่นๆ ลุงจะได้รู้ว่าพวกผมมีดีและพวกผมดูแลตัวเองกันได้ “ดิวพูด
                “ใครคือคนที่รักเรา?” ลุงหนึ่งถามดิว ตอนนี้สองคนกำลังยืนประชันหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใคร สายตาที่ประสานกันคู่นั้น ผมเห็นแล้วก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อย
                 “ผมมีแล้วกันและผมก็เลือกแล้วว่าผมจะไปเป็นหมอทหาร ใครก็ห้ามผมไม่ได้ ต่อให้ลุงเองก็ตาม” ดิวพูด
                “ไอ้ดิวหยุด!!” ลุงภาเดินข้ามาทันทีและห้ามดิว เพราะว่าดิวลุกขึ้นยืนแล้ว
                “ลุงคิดว่าการให้เขาสร้างพวกผมขึ้นเพื่อมาทำสิ่งที่ลุงต้องการ ผมไม่ใช่หุ่นยนต์ พวกผมมีเลือดมีเนื้อมีหัวใจ ดังนั้นผมจะทำสิ่งที่ผมต้องการ ผมคิดว่าผมก็ทนมามากพอแล้วกับการที่ต้องมานั่งตรงนี้ โคตรอึดอัดเลยที่ต้องทำสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง “ดิวพูดและลุงภาก็ดึงแขนดิวให้ออกไป
               “ไอ้ดิว มึงลองดีกับกูใช่ไหม!!” ลุงหนึ่งพูดเสียงดัง
               “ใช่ผมลองดี กับลุง” ดิวหันมาตอบ
                “ไอ้ดิวหยุด กูบอกให้หยุด นั้นพี่กู!! “ลุงภาพูด ตอนนี้มีนายทหารท่านหนึ่งวิ่งเข้ามาหาลุงหนี่ง และกระซิบอะไรบางอย่างดูแล้วน่าจะเรื่องด่วนมากและลุงหนึ่งก็หันไปคุยกับคนอื่นๆ
                “กูจะไปหามึงและคุยกับมึงอีกทีดิว “ลุงหนึ่งพูดและเดินออกทันทีเช่นกัน
                ผมหันมามองหน้าดิว ดิวโกรธมากแต่ลุงภามองหน้าดิวคงโกรธยิ่งกว่าเพราะว่าผมถูกสอนมาไม่ให้ข้ามรุ่นกัน ไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็ตามและนั้นลุงหนึ่งก็รีบเดินออกไปจากห้องโถงด้วยท่าทีรีบร้อนเช่นกัน ผมก็ได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้น ถ้าลุงหนึ่งรีบออกไปแสดงว่างานวันนี้ก็คงทำบุญให้คนที่เสียชีวิตแค่นั้น ผมค่อยโล่งอกไปหน่อย ผมนั่งรอเวลาว่าเมื่อไหร่จะเสร็จซะทีจะได้กลับไปหาลูกชาย
               “คุณบอยคะ คุณแบงก์หายไปค่ะ” ผมสะดุ้งเมื่อมีผู้หญิงกึ่งเดินกึ่งวิ่งเดินมาหาผม เขาเป็นคนใช้ในบ้านของผม
               “อะไรนะ หาดีแล้วเหรอครับ” คราวนี้กลายเป็นผมที่ตกใจที่สุดที่ได้ยินว่าดวงใจของผมหายไป
               “ค่ะคุณแบงก์หายไปได้สักพักแล้วค่ะและเราก็หาพี่ผึ้งไม่เจอด้วยค่ะ “ผมได้ยินเช่นกันนั้นก็รีบเดินออกไปทันที ผมไม่รอช้ารีบวิ่งออกไป ผมเห็นพ่อผมกำลังยืนคุยกับคนรับใช้ แต่อาภูมิไม่อยู่ ออกไปข้างนอก ผมก็เลยวิ่งกลับไปที่ตึกหลังทันที ไม่น่ะแบงก์ ผมไม่น่าจะอยู่ห่างจากเขาเลยวันนี้
*****

                   Part’ s แจ็ค ผมยอมเดินออกมาจากงานทั้งที่ผมตั้งใจจะมาหาบอยแต่นี่พ่อผมขอร้องให้ผมออกไป ผมนั่งอยู่ในรถหรู ผมกำลังเสิร์ซ์หาที่เที่ยวแทน ผมเองยังไม่อยากกลับบ้านและผมก็ไม่ได้โทรหาบอยด้วยเช่นกัน เพราะว่าผมกำลังงอน เรียกว่าโกรธก็ว่าได้ ป่านนี้คงนั่งคุยกับไอ้ดิวสนุกสนาน ถ้าอย่างนั้นสถานะของมันกับแอ้ที่มันไม่บอกทุกคนเพราะว่าอย่างนี้ด้วยใช่ไหม มันทำให้ผมคิดมากไปต่างๆ นานา แต่ผมก็จะรอให้เขาโทรหาผมก่อนมาง้อผมก่อน นั้นแปลว่าเขาเห็นว่าผมสำคัญมากพอ แต่ถ้าไม่ล่ะแจ็คผมคงไม่สำคัญและที่ผมทำก็ศูนย์เปล่าที่ผมแย่งเขากลับมาจากไอ้หลุยส์น่ะแต่นี่ผมก็ยังตามหาตัวไอ้แบงก์ไม่ได้อีก ยิ่งงอนเข้าไปใหญ่ ระหว่างที่รถผมจอดอยู่ในลืบถ้าไม่สังเกตหรือขับแบบผ่านๆ ก็จะไม่เห็น ผมนั่งอยู่ในรถสักพัก รถลุงหนึ่งก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว
                “พี่ปีเตอร์เห็นรถลุงผมไหมครับ “ผมถามพี่ปีเตอร์
                “เห็นครับ ผมเห็นวิ่งออกไปเร็วมากขนาดนั้น นั้นก็แสดงว่ามีเรื่องครับ” พี่ปีเตอร์พูด
                “พี่ออกรถเลยพี่” ผมบอกพี่ปีเตอร์
                “ออกไปทำไมละครับคุณแจ็ค” ยังหันมาถามผมอีก ผมสะบัดหน้าไปมองพี่ปีเตอร์ ตกลงใครคือนายกันแน่ 
                 "เออ...ขอโทษครับคุณแจ็ค ลืมไปครับ ผมเป็นคนดูแลครับ" พี่ปีเตอร์พูด  "ผมอยากให้พี่ขับรถตามออกไปตอนนี้น่ะครับ" ผมบอกพี่ปีเตอร์ เขาก็หันมามองหน้าผมอีกที
                 “ผมก็อยากมีเรื่องนะครับ” ผมพูด
                “ได้เลยครับพี่ปีเตอร์จัดให้… เว้ยยย!!!” พี่ปีเตอร์ทำท่าจะออกรถแต่ก็หันมาชักสีหน้าตกใจ
                “ไม่เอาดีกว่าไหมครับคุณแจ็ค พี่ไม่อยากตกงานครับ ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่าครับ อันนี้ไม่ค่อยสร้างสรรครับคุณแจ็ค” พี่ปีเตอร์เปลี่ยนเกียร์ทำท่าจะออกแต่ก็เปลี่ยนใจไม่ออกพร้อมกับหันหลังมามองผมด้วยแววที่ตกใจ (กลัวตกงาน)
                “ออกรถพี่...เราไม่ได้ไปหาเรื่องแค่ขับตามไปเฉยๆ ผมแค่อยากรู้ว่าลุงหนึ่งเขาจะค้างที่นี้ต่อหรือกลับเลย นะพี่ปีเตอร์” ผมพูด
              พี่ปีเตอร์ก็ออกรถขับตามทันที แต่ทว่า รถของลุงหนี่งมีบอร์ดีการ์ดขับดักหน้าดักหลังอยู่สองสามคัน พี่ปีเตอร์ก็ขับไปจนใกล้ถึงแยกไฟแดงอีกห้าร้อยเมตร รถลุงหนึ่งก็เข้าอยู่เลนกลาง และรถยนต์ของการ์ดประกบซ้ายขวา ส่วนรถผมนะอยู่คันหลังแต่ดันโชคไม่ดีไฟเหลืองซะก่อน พี่ปีเตอร์เลยต้องจอดและสิ่งที่ผมเห็นคือรถลุงหนึ่งจอดกึ่งกลางและเหมือนกับว่าประตูถูกเปิดออก ผมก็มองมีเด็กลงมายืน เฮ้ย!และรถลุงหนึ่งก็ขับเลยไปทันที ทิ้งไว้ซึ่งเด็กตัวน้อย
             “คุณแจ็คครับ” พี่ปีเตอร์เรียกผม เห็นผมไม่ชอบเด็กแต่แบบนี้มันเหมือนเอาเด็กมาให้รถชนชัดๆ เลย ผมรีบเปิดประตูและวิ่งไปหาเด็กนั้น ผมวิ่งไปคว้าเด็กน้อยที่ยืนร้องไห้ด้วยความตกใจ จังหวะที่ไฟเขียวของเล่นทางซ้ายและขวา รถก็แล่นออกมาส่วนทางกันระหว่างผมที่อุ้มเด็กไว้
               “ฮือๆ “เด็กน้อยก็ร้องไห้กอดผมแน่น และไม่นานไฟแดงก็ปรากฏและรถพี่ปีเตอร์ก็ขับมาจอดที่ผมยืนตรงกลาง ผมรีบเข้าไปนั่งด้านในและพี่ปีเตอร์ก็ออกรถอย่างรวดเร็วและมาชะลอจอดข้างทางห่างออกไปหน่อย
               “คุณแจ็คเป็นอะไรไหมครับ” พี่ปีเตอร์ถามผม
               “ไม่ครับ” ผมพูดแต่เด็กที่ผมช่วยเอาไว้นี้กอดผมตัวสั่นไปหมด ผมก็ค่อยๆ แกะเด็กน้อยออกมาเพื่อดูหน้า แม้จะไม่ยอมพยายามรั้งผมไม่ยอมให้ผมดันตัวออกก็ตาม
               “นี่นายนิ นายที่กวนฉันเมื่อสักครู่ “ผมเรียกและเด็กคนนี้ก็เงยหน้าขึ้นผมใบหน้าของผม ผมเห็นน้ำหูน้ำตาที่เกรอะกรังที่ใบหน้าไปหมด แต่ว่าไม่ได้ทำให้ผมลืมใบหน้ากวนๆของเด็กคนนี้ได้ เด็กจอมกวนที่ผมเจอตอนที่เดินเข้าไปหาพี่ผมนี้ นี่ผมเจอหมอนี่อีกแล้วเหรอ ตอนแรกก็ว่าจะกระทืบซะหน่อยแต่พอเห็นร้องไห้ขี้มูกโป้งขนาดนี้ใจอ่อนเลย ทั้งที่ปกติไม่ใช่คนรักเด็กเลยนะผมนะ
                 “พี่ปีเตอร์ผมรู้จักเด็กคนนี้ เขาอยู่ในบ้านลุงณะนั้นพี่” ผมพูดพี่ปีเตอร์สะบัดหน้ามามองผม
                “อยู่ในบ้านนั้นด้วยเหรอครับ แล้วเราจะทำยังไงกันดีละครับ” พี่ปีเตอร์ถามผมกลับ
                 “ผมก็ไม่รู้ซิ เอาไปคืนหรือว่าจะ เอาไปขายดีพี่ หรือว่าพี่จะเก็บเอาไว้เป็นลูกพี่ดีอ่ะ ” ผมถามพี่ปีเตอร์ พี่เขาก็ทำท่าคิด
                 “พี่เลี้ยงเด็กไม่เป็นซะด้วยซิครับ ยิ่งต่ำกว่าสิบห้านี้พี่ไม่นิยม พี่ว่าขายเถอะครับ” พี่ปีเตอร์พูด และผมก็ขมวดคิ้วจริงเหรอ
                 “เว้ย!!ไม่ได้ครับคุณแจ็ค แม้ทำเอาพี่เผลอคล้อยตามไปด้วยเลยคุณแจ็คนี้ พี่ว่าเราควรจะเอาไปไว้ที่หน้าบ้านนั้น และให้น้องเดินกลับเข้าไปเองแบบสวยๆ และเราสองคนก็เพ่นกลับกันดีไหมครับ แผนนี้” พี่ปีเตอร์พูด ผมก็ยักไหล่คงได้
                  “งั้นพี่กลับไปอีกทางนะครับ” พี่ปีเตอร์อบกผมและขับไปวนเข้าอีกทางน่าจะด้านหลังของคฤหาสน์ ผมก็เด็กน้อยที่นั่งเบียดข้างผม ตอนแรกนี้ ฤทธิ์เยอะเชียว แต่ตอนนี้ยิ่งกว่าลูกแมวซะอีก
                 “น้องน่ารักเชียวนะครับคุณแจ็ค แต่ว่าหน้าตาเขาคุ้นๆ มากเลยครับ คุ้นเหมือนผมเคยเจอทุกวัน” พี่ปีเตอร์พูด ผมก็พยักหน้านะ จะมีใครที่พี่เขาเจอทุกวันนอกจากครอบครัวผมอีกเหรอ พี่ปีเตอร์แกยังไม่มีครอบครัว กินนอนในบ้านผม คนใช้ในบ้านกินหรูอยู่สบายเพราะว่าเขาก็เหมือนในครอบครัวของผมพ่อผมให้การดูแลอย่างดีโดยเฉพาะพี่ที่ทำหน้าที่การ์ด
                  “เหมือนใครอ่ะพี่ ที่พี่เคยเจอทุกวัน” ผมถามพี่ปีเตอร์กลับ
                 “นึกไม่ออกครับคุณแจ็คแต่ผมรู้สึกคุ้นๆ มาก” พี่ปีเตอร์พูด
                 “แต่ถามพี่ว่า วัน วัน พี่เจอใครบ้าง มีแต่ครอบครัวคุณแจ็คนี้แหละครับ คนอื่นก็ไม่มีเพราะว่าพี่ไม่มีพ่อแม่ไม่มีพี่น้องครับ “พี่ปีเตอร์พูด ผมก็ยิ่งนึกไม่ออกเหมือนกัน แต่ก็ช่างเถอะ แจ็คขี้เกียจคิดเยอะ ผมหันมามองเด็กน้อยยืนเกาะรถมองไปด้านนอก
                “อ้า!!!! “เด็กคนนี้รีบลุกขึ้นยืนอีกครั้งและ ชี้ออกไปที่นอกหน้าต่างรถแถมยังหันมามองผมให้มองตามที่เขาชี้ ผมก็ชะเง้อคอมองตามก็สนามเด็กเล่นไง เด็กคนนี้ก็ยังคงชี้ไปที่สนามเด็กเล่นนั้น ผมมองเด็กนั้นว่าทำไมอยากลงไปเล่นเหรอ แต่พี่ปีเตอร์ก็ขับรถผ่าน
               “แหง๋!” ร้องจ๊ากออกมาทันที
                “เว้ย!” ผมกับพี่ปีเตอร์ร้องออกมาพร้อมกัน
                “เอี้ยด!!!” และพี่ปีเตอร์เบรกทันที ผมก็ต้องรีบขยับมารับร่างเล็กๆ นั้นก่อนจะร่วงลงไป เห็นไม่รักเด็กแต่ก็ยังมีความละมุนให้เด็กบ้างถ้าไม่กวนใจผมก่อน เขามองหน้าผมทันทีตอนที่ผมร่างเล็กๆนี้เอาไว้
               “เพราะว่านายยืนไง ไม่ยอมนั่งและยังกรี้ดขึ้นเฉยเลย ใครก็เขาก็ตกใจกันทั้งนั้นแหละ” ผมพูดเด็กคนนี้มองหน้าผมนิ่งก่อนจะ
               “แง๋ๆๆ” ร้องไห้หนักเข้าไปอีก พี่ปีเตอร์มองผมและค่อยๆ ถอยหลังกลับ คราวนี้เงียบกริบและลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
               “Go there!!” พร้อมกับชี้นิ้วไปที่สนามเด็กเล่นอีกและหันมาบอกผม ผมหันไปชำเลืองตามอง
               “ก็สนามเด็กเล่นไง ที่บ้านไม่มีหรือไง “ผมถามเด็กน้อยเพราะว่าบ้านผมมีสนามเด็กเล่นเป็นของตัวเองไม่เคยไปเล่นที่สนามเด็กเล่นที่อื่นเลย
               “เอาไงดีครับคุณแจ็ค “พี่ปีเตอร์ถามผม ผมก็โบกมือไปเถอะ ผมก็จะรีบไปหาที่เที่ยวเหมือนกัน พี่ปีเตอร์ก็ออกรถอีก
              “แหง๋!”  เอาอีกแล้ว เด็กน้อยร้องจ๊ากออกมาอีกแล้ว
              “เว้ยยย!” ผมกับพี่ปีเตอร์ก็ร้องพร้อมกันอีกเช่นเดิม พี่ปีเตอร์ก็ต้องถอยหลังมากที่เดิม ผมหันไปมองคนที่ยืนเกาะกระจกมองไปด้านนอก และมองพี่ปีเตอร์เอาไงดี ออกรถมันก็ร้อง
             “ดูท่าน้องอยากจะลงไปเล่นนะครับคุณแจ็ค แต่พี่คิดว่าปล่อยให้ลงไปเล่นพักหนึ่ง ไม่นานก็เหนื่อยน้องจะได้นอนหลับและเราก็อุ้มไปวางไว้หน้าประตู สวยๆ เราก็เพ่นกลับบ้านกันอย่าง สวยๆ เช่นกัน” พี่ปีเตอร์คิดแผนให้ผม แต่ผมว่าเป็นแผนที่แย่ที่สุด แต่มันก็ดีเหมือนกันนะ
             “เอาก็ได้ไปลงไป ฉันรอที่นี่น่ะ” ผมพูดและนั่งกอดอก แต่เด็กน้อยหันมามองหน้าผม
             “ก็จอดแล้วไง ลงไปซิ” ผมบอกเด็กนั้น

             ค่อครึ่งหลัง
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง) EP.33.1(แจ็ค X แบงก์)แจ็คเป็นมัม(ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 04-02-2024 10:19:58
EP.33.1(แจ็ค X แบงก์)แจ็คเป็นมัม(ครึ่งหลัง)

                  Part's แจ็ค หลังจากที่ผมกับพี่ปีเตอร์จำใจต้องจอดรถเพื่อให้เด็กน้อยคนนี้ลงไปเล่นที่สนามเด็กเล่น ผมก็เปิดประตูเอาไว้เลยให้เด็กน้อยเดินลงไปแต่ว่าเขาหันมามองหน้าผม ไม่ยอมก้าวเท้าลงไปอีก
                “ก็จอดแล้วไง ลงไปซิ” ผมบอกเด็กนั้น
                “คุณแจ็คครับ น้องยังเล็กเกินไปครับที่จะลงไปเล่นคนเดียวได้น่ะ เขามีป้ายว่าผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานของท่านอย่างใกล้ชิดนะครับ กฏกหมายที่นี้หนักเอาเรื่องอยู่นะครับ พี่อย่าคุณแจ็คอย่าเสียงดีกว่าครับ”พี่ปีเตอร์พูด
                 “ พี่ว่าคุณแจ็คลงไปเป็นเพื่อนดีกว่าไหมครับ และถ้าให้พี่นี้ ตำรวจอาจจะสงสัยและจับพี่ไปสอบสวนเอาได้ เพราะคิดว่าพี่ขโมยเด็กมาครับดูหน้าน้องเขาอินเตอร์กว่าพี่ พี่นี้โจรชัดๆ ครับ “พี่ปีเตอร์พูด ผมก็มองพี่เขา หนวดเคราขนาดนื้ ผมว่าพี่เขาน่ากลัวว่าคนที่จะปรองร้ายผมอีกนะ
                 “พี่ปีเตอร์จะให้ผมนี่นะลงไปกับเด็กนี่เหรอครับ ไม่เอาอ่ะ “ผมพูดกับพี่ปีเตอร์ นั้นคือให้ผมลงไปกับเด็กนี้น่ะ
                 “ฮือๆ เล่น เล่น เล่น” นั้นร้องไห้อีกแล้วและชี้ไปที่สนามเด็กเล่น
                 “นะครับคุณแจ็คและพอน้องอารมณ์ดีเราจะได้รีบพากลับไปส่งคือเขากันครับ “พี่ปีเตอร์พูด
                 “ถ้าน้องยังไม่ยอมให้เราขับรถผ่านสนามเด็กเล่นแบบนี้ เราก็คงไม่ได้ไปไหนกันแล้วแหละครับ น่าจะได้ค้างที่นี้แทน”พี่ปีเตอร์พูด ผมนี้ถึงกับมองบน
                 ผมก็พยักหน้าและเปิดประตูลงไป ผมก็เดินไปเปิดประตูอีกฝั่งพร้อมกับอุ้มหมอนั้นลงไปและนายนั้นก็มายืนและรีบวิ่งตรงไปที่สนามเด็กเล่นทันที ผมก็เดินตามเข้าไป มีเด็กเล่นสองสามคน นายนี้มาใหม่และเด็กแต่ละคนก็ไม่รู้จักกันมาก่อน ก็คงไม่กล้าเล่นด้วย เลยไปยืนหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว ที่ม้าโยก อย่าบอกนะว่าจะให้ผมไปนั่งม้าโยกด้วย
                “ฮึกๆ “นั้นน้ำตาแตกเลย ผมก็ต้องเดินไปและก้มลงมองหน้า
               “ร้องไห้ทำไม ลูกผู้ชายไม่ร้องไห้ง่ายๆ ดิ มีอะไร” ผมถามเด็กน้อย
                “ฮึกๆ” ชี้ไปที่ที่นั่งอีกฝั่ง ผมก็พยักหน้า
                “ก็ได้ ฉันจะนั่งกับนาย หยุดร้องไห้ได้แล้ว อายเขา” ผมพูดและเดินไปนั่งอีกฝั่งผมก็อุ้มนายนั้นนั่งลง ดูท่าจะเคยเล่นมาก่อน จับที่จับทันทีส่วนผมก็เดินมาอีกฝั่งทันทีและกดลงช้าๆ และผมก็นั่งลง แน่นอนผมตัวใหญ่กว่านายนั้นก็ลอยอยู่บนอากาศแบบนั้นจะว่าไปแกล้งเอาคืนก็ดีเหมือนกันนะ ผมก็เลยปล่อยให้หมอนั้นลอยอยู่กลางอากาศ ดูท่าจะกลัวจะตกลงไปเลยจับแน่นเชียว ผมก็มองเป็นไงละ ดีไหมอากาศข้างบน มีหันมามองผมเหมือนกับว่าเขาลอยนานไปแล้ว แถมยังหันไปมองข้างๆ ม้าโยกอันอื่นเขาโยกขึ้นโยกลงสนุกสนานแต่หมอนี่มันลอยเท้งเต้งอยู่กลางอากาศไม่ลงซะที (ผมกำลังเอาคืนอยู่ไง)
                “Put me down!” หมอนั้นก็ตะคอกเสียงดังสั่งผม ตัวแค่นี้เสียงดังใช่เล่นเลยนะ แถมมองผมด้วยหน้าตาที่ขมึงเอาเรื่องเหมือนกันนะ ผมเองเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่ง ผมเลยไม่เอาลงซะเลย อยู่อย่างนั้นแหละ นั่งเท้าค้างด้วย
                “Put me down right now!” ยังคงเสียงสั่งออกคำสั่งผมอยู่ ผมก็มองอีกว่าอะไรนะ เอียงหูฟังหน่อยเพราะว่านายนี่พูดไม่เพราะใส่ผม มันเป็นเชิงออกคำสั่งไปน่ะ
                “Put me down please!! “นี้แหละที่ผมต้องการ ผมก็ค่อยปล่อยนายนั้นลงและแอบขำ นายตัวดีมองซ้ายมองขวาและวิ่งไปที่ นั่งที่หมุน และเหมือนเดิมไปยืนอยู่คนเดียวอีกแล้วไม่มีใครมาเล่นด้วยอีกแล้ว ลำบากผมอีกซิงานนี้
                “ไม่มีใครคบว่างั้น” ผมเดินไปถาม มีหันมาค้อนผมอีกนะ ตัวแค่นี้รู้จักงอนแล้วนะ
                “ไป..ไปขึ้นไปนั่งเดี๋ยวหมุนให้และอันนี้ชิ้นสุดท้ายนะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว” ผมพูด อุ้มนายนั้นขึ้นไปยืนและหมุนให้ ดูยิ้มมีความสุข ระหว่างที่ผมมองทำไมรอยยิ้มแบบนี้ มันทำให้ผมเห็นใบหน้าของบอยซ้อนเข้ามา ผมยืนมองจนเครื่องเล่นหยุดหมุน
             “มัมมี้!! “ผมได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเรียกแม่ของเธอให้มาอุ้มเธอ ผมก็หันมาว่าจะบอกตัวดีว่ากลับเถอะ
              “มัมมี้” นายนั้นกางแขนและเรียกผมว่ามัมมี้นั้นแปลกว่าแม่ ถึงผมจะไม่เคยเรียกมาก่อนทั้งชีวิตของผมก็ตาม แต่จะให้ผมมาเป็นมัมมี้ให้คงจะไม่ได้มั้งครับ ผู้ชายทั้งแท่ง
              “เว้ยย!” ผมร้องซิครับหดแขนกลับทันที ทำเอา บรรดาแม่ๆ ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมหันมามองผมกันหมดเลยซิ อายเขาไหม น่าอายมากๆ ในที่สาธารณะแบบนี้ด้วย
             “คุณเป็นแม่เขาหรือค่ะ” เขาถามผม ผมก้มลงมารูปร่างตัวเอง ผมส่ายหัวว่าไม่ใช่
             “หรือว่าเขาไม่มีแม่ค่ะ ดูท่าจะมีแต่คุณซินะคะ”น้ำเสียงที่แสดงถึงความเอ็นดูเด็กน้อยแต่ผมหันไปชำเลืองมองตัวแสบเป็นไงล่ะ
            “แล้วเขาอาจจะคิดถึงแม่ของเขามากหรือเปล่าคะ น่าเห็นใจนะคะ ซิงเกิลแด้ด!!” คนข้างๆ ผมถามผม หันไปมอง ประมาณว่าไม่ใช่ทั้งพ่อเด็กและพ่อเลี้ยงเดียวอะไรทั้งนั้น
            “แสดงว่าภรรยาคุณเสียไปเหรอคะ” นั้นหนักเข้าไปอีก ภรรยาผมน่ะ ยังอยู่ครับแต่ไม่ใช่ผู้หญิงแค่นั้น ผมนิ้มเจื่อนๆให้ไป
            "สงสารจัง เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเหรอคะ แต่ไม่เป็นไร ลูกเรียกพ่อว่าแม่ก็น่ารักดีนะคะ”  ผมกลืนน้ำลายลงคอ ผมว่าตอนนี้คนที่น่าสงสารคือผมไม่ใช่ไอ้เปี้ยกนี้แน่นอน
            “เออ "ผมก็แต่อ้าปากค้างไปซิ
            “มัมมี้ คัม คัม คัม” นายนั้นเรียกผมเข้าไป ผมก็ค่อยๆ เดินเข้าไปและยืนเคียงข้าง
            “อย่าเรียกมัมมี้” ผมกระซิบและยิ้มให้บรรดาแม่ที่อยู่รอบๆ ผม และส่งยิ้มมาให้ผม คุณแม่มือใหม่แต่ผมไมได้ต้องการครับ
             “มัมมี้ “ยังอีก
             “อย่าเรียกฉันว่ามัมมี้ไง!” ผมเริ่มกัดฟันดังขึ้น
            “มัมมี้!!” คราวนี้ตะโกนเลยเหรอ หันมามองกันหมดทั้งสนามเด็กเล่น ทั้งคุณพ่อคุณแม่ปู่ย่าตายายที่อยู่รอบๆ นี้เลย และทุกสายตาก็มองมาที่ผมคนนี้
             “สงสัยลูกจะร้องหาแม่ แม่อยู่บ้านนะครับ ไปครับพ่อพาไปหาคืนแม่ เดี๋ยวนี้เลย!” ผมพูดและอุ้มเด็กนั้นตัวลอยและวิ่งกลับไปที่รถทันที ผมเปิดประตูได้ก็โยนนายเด็กนั้นเข้าไปและผมก็เข้าไปนั่ง ผมหันมามองตัวแสบ พี่ปีเตอร์ก็มองผมด้วยอาการตกใจ มือถือก็เปิดคลิปหนังโป้ค้างอยู่
           “อุ้ย!ขอโทษครับ อันนี้พี่เรียนเสริมฆ่าเวลา เฮอๆ ว่าแต่คุณแจ็คกับคุณเด็กน้อย วิ่งหนีอะไรกันมาครับ เจอครูอริที่นี้เหรอครับ” พี่ปีเตอร์ถามผม
           “ไอ้เด็กนี้แหละคู่อริผมพี่ปีเตอร์” ผมพูดและชี้ไปที่นายนั้น ที่หันมามองผม น้ำตาเริ่มมา
          “เว้ยย! คุณแจ็คน้องกำลังจะร้องไห้นะครับ” พี่ปีเตอร์พูด
          “แล้วพี่ปีเตอร์คิดว่าไงครับ น้ำตาไหลพรากขนาดนี้ น้องคงไม่ได้หัวเราะอยู่หรอกมั้งครับ” ผมพูด และชะเง้อมองออกไป ไม่เคยเจอเรื่องอับอายอะไรขนาดนี้มาก่อนเลยครับผม
           “ร้องไห้น่าสงสารนะครับคุณแจ็ค” พี่ปีเตอร์พูด
          “ก็เรื่องของเด็กดิพี่ ออกรถเถอะพี่พาไปส่งคืนพ่อแม่เขาได้แล้ว เพราะถ้าขืนยังเอาเด็กนี้ไว้กับผมอีก คนที่น่าสงสารคือผม ดูซิทำให้ผมโดนมองว่าเป็นซิงเกิลแด้ดไปแล้วเนี่ย! “ผมพูดและนั่งกอดอกหันไปเหล่มองหมอนั้น เด็กน้อยนั่งสะอึกสะอื้นและหันมามองผมเป็นระยะระยะ
         “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณแจ็ค” พี่ปีเตอร์ถามผมขณะที่ออกมารถมาได้สักพัก
        “มัมมี้ ฮึกๆ “เด็กนั้นเรียกผมมัมมี่ พี่ปีเตอร์ก็มองผมและกลั้นหัวเราะ
         “พี่ปีเตอร์!! “ผมเรียกพี่เขาเพื่อบอกว่าอย่าหัวเราะผม
         “ฮึกๆ” นี่ก็อีกคนยังร้องไห้ได้อีก
         “พี่ว่าน้องอาจจะเริ่มหิวและง่วงนะครับคุณแจ็ค” พี่ปีเตอร์พูดผมก็มองจะให้ผมทำยังไงละพี่
        “พี่มี เค้กยูโรและนมแบบทูโก กล่องหนี่งนะครับ พี่ซื้อมาตอนไปรับคุณแจ็ค พอดีพี่แวะเข้าไปที่ร้านเอเชียน่ะครับ น้องน่าจะทานได้อยู่นะครับ คุณแจ๊คป้อนน้องก่อนดีกว่าไหมครับ สงสารน้องครับ” พี่ปีเตอร์บอกผม ผมหันไปมองนั่งน้ำตาไหลกาสิกกาสิก แบบนี้ผมก็อดใจอ่อนไม่ได้อีก แต่มันก็แปลกนะซึ่งปกติผมมไม่ค่อยชอบเด็กเอาซะเลย
          “นะครับคุณแจ็ค ถ้าปล่อยให้น้องร้องไห้แบบนี้จนถึงบ้านเราสองคนจะโดนข้อหาหนักถึงขึ้นหนักมากนะครับ พี่ยังหาภรรยามาทำแม่ของลูกไม่ได้นะครับคุณแจ็คครับ” ผมก็มองพี่ปีเตอร์ ที่พูดมาทั้งหมดนี้คือเป็นห่วงตัวเองว่างั้น ผมก็เอื้อมไปหยิบขนมและกล่องนมมาถือไว้ ผมค่อยๆ ขยับเข้าไปหาเด็กน้อยคนนั้น ผมกางแขนออกให้เข้ามาหาผมจะได้ป้อนขนม
         “มัมมี้” ยังอีกยังเรียกผมว่ามัมมี้อีก ผมก็ต้องกัดฟันตัวเองและพี่ปีเตอร์พยักหน้าว่าให้ผมยอมไปก่อนไม่อย่างนั้นร้องไห้งอแงและพอไปถึงงานจะเข้าเอา
          “ก็ได้มาหามัมมี้จะได้ป้อนขนมและนมและนายก็จะได้นอนไปเลยและฉันจะได้เตะก้นนายลงไปที่หน้าบ้าน หึ!!” ผมพูดแต่ก็อดโมโหเด็กน้อยไม่ได้  เด็กน้อยค่อยๆ คลานมาหาผม ไม่รู้ว่ามาเพราะเชื่อฟังผมหรือว่าห่อขนมล่อซะก็ไม่รู้ เด็กน้อยคลานเข้ามาหาผมและผมก็แกะหอขนมและส่งให้เลยแต่เด็กน้อยรับไปถือเอาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมพร้อมกับก้มลงมองขนมที่อยู่ในมือนั้นสลับกับหน้าผมไปด้วย ผมหันไปมอง มองหน้าผมแล้วขนมมันจะรสชาติดีขึ้นหรือไง
        “ไม่กินเหรอ กินซิ อร่อยนะ” ผมพูดบอกเด็กน้อย
         “คุณแจ็คครับน้องยังเล็ก ป้อนน้องดีกว่าไหมครับ แบบว่าทำให้มันชิ้นเล็กๆสักนิดนะครับ พอให้น้องเคี้ยวได้นะครับ” พี่ปีเตอร์บอกผม
         “ไม่ใช่ให้น้องไปทั้งก้อนแบบนั้นนะครับเพราะอาจจะติดคอนะครับคุณแจ็คและเราทั้งคู่คงได้ตามน้องไปติดๆ คือโดนบ้านนั้นสังหารเอานะครับ” พี่ปีเตอร์พูด ผมก็มองพี่ปีเตอร์และผมก็ต้องมองบนอีกครั้งก่อนจะทำตามที่พี่ปีเตอร์บอกผม ผมไม่เคยทำแบบนี้เลยจริงๆให้ตายเถอะแต่ผมก็ทำมันจนเด็กน้อยกินขนมหมดไปทั้งก้อนและตามมาด้วยนมกล่อง กินซะพุงกางไปเลยเป็นไงล่ะ พออิ่มแล้วไงหนังตาหย่อนเลยทีนี้ หลับปุ๋ยอยู่บนตัดผมซะอย่างนั้น
          “จะว่าไปนายนี้ก็น่ารักดีนะเวลาไม่มีฤทธิ์นะ ดูไปดูมาดวงตานายสวยดีนะ มันออกสีฟ้า” ผมพูดกับตัวเอง ดวงตาของเด็กคนนี้สวยเหมือนดวงตาของบอยเลย มันแปลกมากแต่จมูกที่แหลมแบบนี้มันไม่ใช่แน่ๆ อย่าบอกนะว่าบอยไปทำใครท้องมา! ผมว่าผมควรจะอุ้มเอาเด็กนี้ไปคืนและถามบอยเลยจะดีกว่าว่าเด็กคนนี้คือใครกัน จะว่าไปหน้าตาคุ้นๆ อยู่น่ะ

       TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง) EP.34(แจ็ค X แบงก์)เข้าใจผิดจนได้
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 05-02-2024 17:59:06
EP.34(แจ็ค X แบงก์)เข้าใจผิดจนได้

                    Part’ s บอย ผมแทบจะขาดใจที่ได้ยินคนใช้ในบ้านของผม บอกผมว่าแบงก์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผมหายตัวไป ผมจึงพากันออกตามหา เดินหากันทั่วบ้านก็ไม่พบแบงก์ เกณฑ์คนใช้ทั้งหมดที่มีไปตามหาก็หาไม่เจอ ผมได้แต่ยืนมองไปรอบๆ มือไม้ผมสั่นไปหมด แบงก์ ใครพาแบงก์ออกไปหรือเปล่า ผมได้แต่ยืนเอามือประสานกันเอาไว้แน่น ใจของผู้เป็นพ่อแต่จริงๆ ควรจะเรียกว่าแม่ซิน่ะ ผมพึ่งจะเข้าใจคำว่าใจจะขาดเป็นยังไงก็ตอนนี้แหละ ลูกผมหายไปทั้งคน ต่อให้ผมมีเขาในขณะที่ผมไม่พร้อมแต่ว่าเขาคือทุกอย่างของผมในตอนนี้

                  “หากันเจอไหม แล้วนี่ใครดูแลเด็ก ไม่ใช่พี่ผึ้งเหรอ” พี่เบียร์ถามคนใช้ที่ตอนนี้ลงมาจากตึกเพื่อตามหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผมกัน

                   “บอย “พี่บีมเดินมาหาผม และกอดผม

                  “พี่บีม ลูกผมหายไปได้ยังไง อ่ะครับ” ผมถามพี่บีม น้ำตาก็เริ่มไหลซึมออกมา

                   “พี่ว่าน้องอาจจะไปเล่นซ้อนแอบแถวๆ นี้แหละบอย อย่าคิดมาก” พี่บีมพยายามปลอบโยนผม พี่บรู๊คส์เดินลงมาและหยุดมองผมกับพี่บีม พี่บีมเห็นพี่บรูคส์ก็ปล่อยมือผม

                    “มีคนเห็นรถขับออกไปจากงาน ชุดแรกคือรถลุงหนี่งและอีกคันคือรถของบ้านอาภูมิและคนที่นั่งในนั้นคือ...แจ็ค “พี่บรูคส์พูด ผมสะบัดหน้าไปมองพี่บรูคส์ ผมไม่อยากจะเชื่อ พี่บรูคส์พยักหน้าว่าใช่แจ็คแน่ๆ

                    “แจ็คเขามาจริงๆ เหรอครับ “ผมถามพี่บรู๊คส์อีกที

                    “ใช่ครับบอย ไอ้แจ็คมันมา ทั้งที่พ่อก็บอกอาภูมิแล้ว่าอย่าให้มา พอมาก็มีเรื่องเลยดูซิ “พี่บรู๊คส์พูด ผมก็ได้แต่กุมมือตัวเอง แล้วนี่ลูกชายผมหายไปไหนกัน ผมเห็นพี่ๆ บ้านจอจานเดินเข้ามา

                    “มีเรื่องอะไรกันนะพี่ เห็นมีคนบอกว่าเด็กในบ้านหายไป ให้พวกผมช่วยหาไหมพี่” พี่โจเดินมาถามพี่บรู๊คส์ พี่บรู๊คส์หันไปมองหน้าพี่โจก่อนจะหันมามองผมเช่นกัน และพี่ๆ บ้านจอจานก็มองผมกันหมด ผมรีบปาดน้ำตา

                      “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยกันหาแถวๆ นี้ เพราะว่าน้องเพิ่งจะสองขวบเอง น่าจะไปเล่นซ้อนอยู่แถวๆ นี้แหละ “พี่บรู๊คส์พูด และเดินหันหลังออก พี่โจมองพี่บีมไม่วางตา

                      “ไหนพี่บอกจะมาช่วยหาเด็กยังไงละครับ เด็กอยู่บนหน้าผมเหรอครับพี่โจ” พี่บีมพูดและเดินกลับมาหาผมทันที ผมก็ยิ้มเจื่อนๆ ให้พี่โจแทน

                      “พี่ว่าบอยเข้าไปนั่งด้านในดีกว่าไหม แดดเริ่มร้อนแล้วเดี๋ยวบอยจะไม่สบายไปน่ะ” พี่บีมพูดด้วยความเป็นห่วงผม

                      “ผมจะอยู่ตรงนี้จนกว่าจะเจอลูกผมครับพี่บีม ผมนั่งไม่ติดอยู่แล้ว ลูกผมหายแบบนี้” ผมพูด แต่ผมก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากเพราะว่าพี่ๆ บ้านจอจานอยู่ตรงนี้กันหมด พี่โจ พี่เจมส์ พี่เจส พี่จิมมี่และพี่เจอีกคน หันมามองผมกันหมดเลย

                       “ลูกเหรอครับน้องบอย” พี่เจสถามผมทันที ผมหันมามองพี่บีม เอาไงดีผมดันเผลอเรียกไปเต็ๆ แบบนั้น

                       “ใช่ครับลูก...แต่เป็นเด็กที่อยู่ในบ้านที่นี้ครับ บอยเขารักมากเหมือนลูก แต่มันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอครับ ถ้าบอยจะเอามาเป็นลูกบุญธรรม” พี่บีมพูดและหันไปมองพี่ๆ บ้านจอจานกันทุกคน พี่โจรีบกระทุ้งพี่เจสทันที สีหน้าพี่บีมบอกได้ว่าไม่พอใจที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น พี่บีมคงคิดว่าเป็นฝีมือแจ็คแน่ๆ พี่บีมเลยพาลบ้านพี่ๆ จอจานไปด้วย ผมหันมาแตะแขนพี่บีมให้ใจเย็นๆ พี่บีม หันมาพยักหน้าว่าเขาโอเค

                     “ใจดีนะครับน้องบอยรักเด็ก แต่ไอ้แจ็คน้องพี่นี้มันเตะเด็กอย่างเดียวเลยครับ มันรักเด็กไม่เป็น เฮอะๆ” พี่เจมส์พูด

                    “เบียร์!” พี่เจมเรียกพี่เบียร์ที่เดินลงมาชั้นล่างพอดีและเดินตามพี่เบียร์ไปติดๆ เช่นกัน

                     “เบียร์รอก่อนดิ”

                     “กูยุ่งอยู่เจมส์ “พี่เบียร์พูด

                     “เจ” พี่บอลเดินลงมาก็ตรงมาหาพี่เจ พี่เขาสนิทกันมาก พี่โจก็มองเป็นระยะและมองพี่บีมไปด้วยเช่นกัน

                    “น้องชื่ออะไรเหรอครับ พวกพี่จะได้ช่วยกันเรียกหานะครับ” พี่โจถามขึ้นโดยไม่ได้เจาะจงแต่ผมเห็นสายตาพี่โจเขาถามพี่บีม

                    “น้องชื่อแบงก์ครับ” ผมเลยตอบแทน

                   “ชื่อแบงก์เหรอครับ! “พี่เจสพูดก่อนจะแสดงอาการตกใจและหันไปกระซิบกระซาบกับพี่จิมมี่

                   “พี่โจ ผมกับจิมมี่ขอไปเดินดูตรงโน้นนะพี่น่ะ แถวๆ ถังขยะน่ะ “พี่เจสหันมาบอกพี่โจ

                   “ไอ้นี่น้องเขาคงไม่ปีนลงไปคุยหาอะไรในถังขยะหรอกมึง หาแถวนี้แหละ” พี่โจหันไปบอกพี่เจส

                  “ไม่ใช่เพื่อว่าไอ้น้องรักของพี่มันเจอเขามันอาจจะเตะน้องเขาลงไปนะพี่ มันถามหาคนไหนที่ชื่อแบงก์อยู่ มันบอกว่าเจอหน้าจะเตะให้หรืออาจจะเจอแล้วก็เป็นได้น่ะพี่น่ะ เฮอๆ” ผมได้ยินเสียงพี่เจสพูดกระซิบกับพี่โจ มันทำให้ผมคิด ก่อนที่ผมจะมาที่นี้เขาถามผมว่าใครชื่อแบงก์ นี้อย่าบอกนะว่าเจอกันแล้วนะ แต่พี่เจสกับพี่จิมมี่ก็วิ่งหายออกไปซะก่อน พี่โจก็หันมาส่งยิ้มให้ผม

                 “บี เจอไหม” พี่บีมหันไปถามพี่บี

                  “ไม่เจอเลยพี่บีม หากันที่วไปหมดแล้ว จะว่าออกไปข้างนอกก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะว่าเราปิดประตูเข้าออกทุกด้าน ยกเว้นทางประตูทางออก แต่ตรงนั้นมีการ์ดเฝ้าตลอดเลยและการ์ดก็ยืนยันมามีแค่ขบวนลุงหนึ่งและรถที่แจ็คนั่งออกไปแค่นั้น” พี่บีพูด ผมหันไปมองพี่โจ พี่บีมก็มองพี่โจเช่นกัน

                 “รู้สึกว่าพี่จะงานเข้านะครับพี่โจ ผมสงสัยว่าน้องพี่อาจจะเป็นต้นเหตุ” พี่โจพูดและหันหลังทำท่าจะเดินออก

                  “บีม ถึงแจ็คจะไม่ค่อยรักเด็กแต่พี่เชื่อว่าแจ็คไม่ใช่คนใจร้ายนะบีม” พี่โจพูด พี่บีมชะงักเท้าก่อนจะหันมามองพี่โจ

                  “แล้วน้องชายพี่เขาออกไปกับใครหรือเปล่า” พี่บีมถามพี่โจ ผมก็มองพี่โจ ผมขอย่าให้เป็นเขาเลยนะ อย่าทำกับแบงก์แบบนี้น่ะ นั้นลูกนายนะแจ็ค แต่ถ้าเขาทำจริง ผมนี้จะเสียใจที่สุดและผมก็จะผิดมากที่ไม่ได้บอกเขา แต่อีกใจผมก็เชื่อว่าแจ็คไม่ใช่คนใจคอโหดร้ายขนาดนั้นหรอก

                  “คุณบอยค่ะ นั้นค่ะ คุณแบงก์ “ผมได้ยินเสียงคนใช้ตะโกน ผมก็หันไปมองตามที่ที่คนใช้คนนั้นชี้นิ้วออกไป ใช่มีคนคนอุ้มเขาเข้ามา และคนนั้นก็คือแจ็ค!!

                  “แจ็ค!!” พี่โจ

                   “ไอ้แจ็ค!!” บรรดาพี่ๆ บ้านจอจาน ผมเดินลงไปหาเขาช้าๆ สายตาผมมองเขาด้วยความเจ็บปวด ผมไม่รู้ว่าผมควรจะโทษตัวเองหรือเปล่าที่ผมไม่ได้บอกความจริงเรื่องแบงก์และการที่เขาทำแบบนี้ พ่อจะให้ผมบอกเขาหรือเปล่า ผมว่าพ่ออาจจะไม่ให้บอกเลยก็ได้

                   “ไอ้แจ็ค มึงเอาหลานกูไปได้ยังไง” พี่บรูคส์วิ่งไปแต่พี่เบียร์เข้าไปดึงรั้งพี่บรูคส์เอาไว้ก่อนเพราะดูท่าแล้วพี่บรูคส์จะทำอะไรแน่ๆ แจ็คอุ้มแบงก์มาในสภาพที่บอกได้ว่าเขาแน่นิ่ง

                   “ก็ผมเจอ……” แจ็คทำท่าจะตอบ ผมมองหน้าเขา ผมเสียใจที่สุดและนี้แบงก์ทำไมกลับมาในสภาพแบบนี้ ผมก็รีบเข้าไปรับตัวแบงก์จากแจ็คมาอุ้มเอาไว้

                   “บอย..” แจ็คเรียกผม ผมอุ้มแบงค์เอาไว้แหนบอกผม ผมไม่อยากมองหน้าเขาเลยแจ็ค

                   “กลับไปแจ็ค” ผมพูดทั้งน้ำตา

                  “บอย…ฟังแจ็คก่อน” แจ็ค แจ็คทำท่าจะเข้ามาหาผมแต่ว่าพี่บรู๊คส์ ที่ยืนกันแจ็คไม่ให้เข้ามาหาผมและพี่บีก็ลงมาอุ้มแบงก์ไปจากผมก่อน ผมหันไปมองหน้าแจ็ค ผมเสียใจที่สุด

                   “ทำไมแจ็คทำแบบนี้ แจ๊คทำอะไรเขา แบงก์เขายังเด็กอยู่เลยน่ะแจ็ค “ผมถามแจ็ค

                   “แจ็คไม่ได้ทำอะไรเขาสักหน่อย นี้แจ็คเอามาคืนให้ไงและนี้ใช่ไหม ที่ไอ้คนที่ชื่อแบงก์นะ ทำไมบอยไม่บอกแจ็คอ่ะ ว่าไอ้คนที่ชื่อแบงก์ก็แค่เด็กตัวกะเปี๊ยกแค่นี้ ถ้าบอกแจ็คน่ะ แจ็คจะ... “แจ็คถามผม อ้อที่เขาพาไปเพราะว่า คนนี้ชื่อแบงก์ใช่ไหม

                  “แค่นี้ใช่ไหมแจ็ค เหตุผลแค่นี้ใช่ไหมที่แจ็คทำลงไปน่ะ แค่เพราะว่าบอยไม่ได้บอกว่าเขาคือใครสำหรับบอยน่ะ” ผมถามแจ็ค

                  “บอยผิดหวังในตัวแจ็คที่สุด” ผมพูด

                  “เพี๊ยะ!” ฝ่ามือผมตบเข้าที่ใบหน้าแจ็คและผมก็เดินหันหลังเข้าบ้านทันทีเพื่อไปดูแบงก์ ผมไม่ได้หันหลังกลับไปมองแจ็คเลย ปล่อยให้เขายืนอยู่แบบนั้นเพราะว่านี้คือการทำร้ายหัวใจผมที่สุด ผมไม่อยากรู้ว่าเขาทำไปแค่เล่นๆ หรือว่ายังไงและที่พ่อผมพูดว่าเขาดูแลแบงก์ไม่ได้มันน่าจะจริงอย่างที่พ่อผมพูดทุกอย่าง น้ำตาผมไหลรินทันที ผมหันหลังเดินเข้าบ้านไปทันทีและรับแบงก์ที่นอนหลับปุ๋ยมากอดเอาไว้ มุมปากเขาเลอะเทอะขนม เหมือนจะเป็นคัพเค้ก ผมใช้นิ้วแตะมาชิมดู ขนมจริงๆ ด้วย ผมได้แต่กอดเขาเอาไว้ เขาคือดวงใจของผม

                  “มึงออกไปเลยนะไอ้บ้านจอจาน ก่อนที่กูจะเตะมึงออกไปทั้งหมดและไม่ต้องมาเยียบที่นี้อีก!!!” ผมได้ยินเสียงพี่บรู๊คส์ตะโกน โหวกเหวกโวยวายอยู่ด้านนอก ผมอุ้มแบงก์เอาไว้อย่างนั้นเหมือนกับว่าผมกลัวว่าเขาจะหายไปจากผมอีก

                  “อะไรกันพี่ณะ ผมไม่เชื่อว่าลูกผมจะทำแบบนั้นนะ พี่น่าจะ ฟังกันก่อนซิ”

                  “พอทีภูมิ เขาไม่เหมาะสมกับบอย จริงๆ ภูมิกลับไปได้แล้ว พี่ขอร้อง พาลูกชายตัวดีเรากลับไปด้วย เราหมดเรื่องจะคุยกัน” ผมหันไปเจอพ่อณะที่เดินลงเข้ามาโดยมีอาภูมิตามหลังมาเหมือนกับพ่อกับอาภูมิก็มีปากเสียงกันอีก พ่อเอ่ยปากให้อาภูมิกลับไปก่อนแบบนี้ แสดงว่าพ่อโกรธมากเช่นกัน อาภูมิหันมามองผมและหันกลับไปมองพ่อผม อาภูมิเดินออกไปอย่างเงียบๆ

                  TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง) EP.35(แจ็ค X บอย)ความจริง ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 11-02-2024 11:23:42
      Part’ s แจ็ค ผมได้แต่ยืนงง เพราะว่าผมอุ้มเด็กคนนั้นมาคืนแต่ดูบอยซิทำไมต้องโกรธขนาดนี้ โกรธเหมือนกับว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาเองซะอย่างนั้น และเขาก็มองว่าผมเป็นคนผิดทั้งที่ผมยังไม่ได้อธิบายอะไรเลยว่าอะไรเป็นอะไร ผมได้แต่ยืนงง นี้แสดงว่าเด็กคนนั้นมีอิทธิพลมากสำหรับบอยใช่ไหม และนี้ก็กลับกลายมาว่าผมนะเป็นคนผิดทั้งที่มันไม่ใช่ผม

          “พี่บรู๊คส์” ผมเรียกพี่บรูคส์ พี่เขามองหน้าผมกัดฟันกรอดๆ

           “ไอ้บ้านจอจาน พวกมึงออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้!” ผมได้แต่ยืนมองบอยที่เดินกลับเข้าไปในบ้าน ทำไมแค่เด็กคนนั้นเขาถึงได้หันหลังให้ผมแบบนี้

           “แจ็คไปก่อนว่ะ “พี่เจสหันมาดึงแขนผม พี่เจมส์ก็วิ่งมา

           “เบียร์เข้าบ้าน!” พี่บรู๊คส์เรียกพี่เบียร์เข้าไปในบ้าน

           “เกิดอะไรขึ้นวะและเขาบอกว่าเจอเด็กแล้วเหรอว่ะ” พี่เจมส์ถามพี่เจสที่พยายามดึงรั้งให้ผมออกจากตรงนี้ไป

           “เจอแล้ว และไอ้คนที่เอาเด็กไปก็ไอ้น้องชายสุดรักของพี่นี้ไง ไอ้แจ็คน่ะ” พี่เจสหันไปบอกพี่เจมส์ พี่เจมส์หันมามองหน้าผม

           “ไอ้แจ็ค แล้วนี่มึงกลับมาทำไมอีกวะ” พี่เจมส์ถามผม

          “ก็เอาเด็กมาส่งไงพี่เจมส์ ผมผิดตรงไหนอะ” ผมหันไปถามพี่ชายผม

          “ไม่ผิด ไม่ผิดเลย ไอ้แจ็ค ไม่ผิดตัวเลยมึงถูกตัวมาก โธ่ไอ้ตัวโกง! เขาก็หากันไปซิ “ไอ้พี่จิมมี่อีกคน

          “กูบอกให้ไปไง ไอ้บ้านจอจาน!!” พี่บรูคส์ ตอนนี้พี่บีดึงแขนพี่บรูคส์เอาไว้

          “พี่โจละวะ” พี่เจมส์ถามหาพี่โจ แต่ผมต้องเข้าไปหาบอยก่อน จะให้เขามองว่าผมไม่ดีแบบนี้ไมได้

          “ไปแล้วนั้นไง พี่คนโจวิ่งไปจะถึงรถแล้วมั้งนั้นนะ รักน้องมาก” พี่เจสพูดแต่ผมกำลังจะเดินเข้าไป

           “ดูแลตัวเอง!!!” พี่โจตะโกนบอกมาแต่พี่โจนะลากแขนพี่เจไปก่อนแล้วหัวน้องสาวมากว่างั้น

           “ไอ้แจ็ค ไปก่อน!” พี่เจสดึงแขนผมลากเลยก็ว่าได้

           “ไอ้เจส นั้นน้องรักมึง เอามันกลับด้วยกูไปแล้ว ไอ้จิมมี่มึงจะกลับไหมหรือจะอยู่ให้พี่บรู๊คส์ยำมึงก็ตามใจ “พี่เจมส์บอกพี่เจส ผมยังคงหันหลังกลับไปมองเพราะว่าผมอยากจะเข้าไปหาบอย ผมอยากรู้ว่าเด็กนี้มันมีอะไรทำไมถึงมีอิทธิพลกับบอยมาขนาดนี้

            “ไปเถอะไอ้แจ็คดูนั้นพ่อเดินออกมาแล้วแสดงว่าพ่อก็คงโดนเหมือนกัน ไปเถอะมึง” พี่เจสที่ดึงลากผมจนมาถึงรถและดันผมเข้าไปในรถอีก ผมเห็นรถพี่ๆ ค่อยออกไปทีละคันและอีกคันก็รถของพ่อผม นี้ผมต้องเป็นคนผิดอีกแล้วเหรอว่ะ

            “ไปก่อนแจ็คไปตั้งหลักก่อนว่ะและมึงเล่นเอาเด็กน้อยออกไปแบบนั้นด้วย ตอนนี้พูดอะไรไปเขาก็ไม่ฟังเราหรอก” พี่เจสหันมาพูดกับผม พี่เจสทั้งดึงรั้งและลากผมให้ออกไปจนถึงรถคันหรูและพี่เขาก็เปิดประตูพร้อมกับดันผมเข้าไป พี่เจสขึ้นตามมาทันที

         “พี่ปีเตอร์ออกรถเลยครับ ด่วน! “พี่เจสบอกพี่ปีเตอร์

          “ออกเลยเหรอครับ” พี่ปีเตอร์ถามเหมือนจะไม่แน่ใจสิ่งที่ได้ยิน

           “หรือพี่จะรอให้ไอ้นี่มันออกไปตามบาทามาประเคนพวกเราก่อนละครับพี่ เขารอกระทืบพวกเราอยู่หลายเท้าเลยพี่ปีเตอร์” พี่เจสหันไปพูดกับพี่ปีเตอร์ แค่นั้นแหละพี่ปีเตอร์ก็รีบออกรถทันที ผมได้แต่เหลียวหลังหันไปมอง

          จนกระทั่งรถแล่นออกมาได้สักพัก ผมก็นั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไรไปตลอดทางจนมาถึงบ้านผม บ้านของผมหลังนี้ พวกผมไม่ค่อยได้มาพักบ้านหลังนี้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ใกล้กับลุงณะที่สุดก็ตาม แต่ผมก็ไม่เข้าไปก้าวก่ายถ้าเขาบอกว่าไม่ให้พวกผมไปแต่ว่าวันนี้ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมเขาห้ามผม ทันทีที่รถแล่นเข้ามาในตัวบ้านผมก็รีบเดินเข้าไปในบ้านทันที



            “นั้นไงมันมาแล้วพ่อ” พี่โจ้หันไปมาและชี้มาที่ผม พ่อนั่งลงสีหน้าไม่ค่อยดูเท่าไหร่ พ่อหันมามองผม พ่อลุกขึ้น ผมรู้ว่าพ่อโกรธที่ผมไม่ฟังคำสั่งพ่อเลย

           “ทำไมแจ็คไม่ฟังที่พ่อพูดบ้าง!! “พ่อหันมาถามผม

             “แล้ว?” ผมทำท่าจะเงยหน้าขึ้นถามพ่อผมกลับเช่นกันว่าทำไมไม่มีใครฟังผมบ้างละ แต่พี่โจส่ายหน้าว่าอย่าในตอนนี้ ดูพ่อกำลังโกรธ

              “พ่อบอกว่าไม่ให้แจ็คไป พ่อจะจัดการให้นี้ก็ไม่ทันได้คุยเลย งานเพิ่งจะเสร็จ เราก็ทำเรื่องซะแล้วและบ้านโน้นเขาโกรธมากแจ็ค!” พ่อพูด

             “ใช่พ่อ...แจ็คมันไม่ดีในสายตาบ้านโน้นอยู่แล้วพ่อ แจ็คมันดูแลบอยไม่ได้ แจ็คมันหวังสูงไปพ่อแต่แจ็คไม่ได้อยากได้บอยเพราะตำแหน่งแจ็ครักบอยตัวบอยไม่ได้รักเพราะตำแหน่งบ้าบออะไรนั้น “ผมพูดและทำท่าจะหันหลังออกเช่นกัน

               “แต่แจ็คก็ไม่ควรทำแบบนั้น!!” พ่อพูด พ่อมองหน้าผม สายตาของผมก็ประสานกันสายตาของพ่อ

                “แจ็ค!!” พี่โจพยายามเรียกสติผมว่าคนตรงหน้าคือพ่อผมน่ะ ผมไม่ได้โมโหพ่อผมเสียใจต่างหาก

              “ใช่พ่อ แจ็คพูดไปก็ไม่มีใครฟัง แม้กระทั่งพ่อตัวเองก็ไม่ฟัง!!! “ผมพูดทิ้งไว้แค่นั้นและเดินกลับขึ้นไปบนบ้านทันที เข้าห้องนอนตัวเองและเปิดเพลงที่ตัวเองชอบให้ดัง ผมใส่หูฟังไร้สาย ในห้องนอนผมค่อนข้างจะไฮเทค เรียกว่าสมาร์ตรูม มีทั้งหน้าจออัฉริยาะและทุกอย่างจะถูกคอนโทรลผ่านมือถือของผม ห้องน้ำใช้การสั่งงานผ่านเสียงได้ ผมเปิดเจออีเมลของไอ้หลุยส์มันส่งมาให้ผม มันกำลังจะสานต่อทุกอย่างของพ่อมันและผมก็จะลงขันร่วมด้วย มันบอกว่ายิ่งเริ่มเร็วยิ่งได้เปรียบ

            “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องนอนของผม ใครกันนะ ผมก็ต้องพับโน๊ตบุ๊คลง ผมยังให้ใครรู้ไม่ได้ เพราะว่ามันจะไม่เซอไพรส์ แต่ผมคงไม่ได้ทำเพื่อบอยแล้วแหละ ผมว่ามันอาจจะจบลงแล้ว

             “แจ็ค ลงไปทานอาหารเย็นกัน” พี่เจนนั้นเองที่ขึ้นมาเรียกผม พี่เจนน่ารักเหมือนเป็นพี่ที่อ่อนโยนที่สุดของผม ผมหันไปมองพี่เจน

             “ผมไม่กินอะพี่เจน ผมไม่หิวอะครับ” ผมตอบพี่เจน

            “โกรธพ่อเหรอแจ็ค อย่าทำแบบนี้ซิ พ่อนะรักและเป็นห่วงเรามากนะ แจ็ค” พี่เจนเดินเข้ามาในห้อง ผมยอมรับว่าผมเสียใจที่พ่อไม่ฟังผมบ้างเลย

            “ผมยอมรับนะพี่เจนว่าผมโกรธที่พ่อไม่ฟังผมอ่ะและผมก็เสียใจไปพร้อมๆ กันอ่ะพี่เจน “ผมพูด แต่ผมก็หยุดไว้แค่นั้น

              “พ่อรู้ความจริงแล้วแจ็ค พี่ปีเตอร์บอกกับพ่อแล้วว่าเรานะไม่ได้เอาเด็กไปแต่ช่วยเด็กคนนั้นเพราะว่ารถลุงหนึ่งเอาไปปล่อยไว้ที่กลางสี่แยกไฟแดง “พี่เจนพูด ผมพยักหน้าผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะรู้ความจริงก็ตามเพราะว่ามันสายไปแล้ว

              “พรุ่งนี้ผมไม่กลับไปที่โน่นนะพี่เจนบอกพ่อด้วย ผมว่าจะไปหาที่เที่ยวสักพักก่อน ยังไม่อยากกลับไป หรืออาจจะไม่กลับไปเลยก็ได้” ผมพูดพี่เจนเดินมาเอามือลูบหัวผมเบาๆ ผมไม่อยากไปเจอบอยสักพัก

“ตกลงไม่ลงไปทานอะไรสักหน่อยเหรอ” พี่เจนถามผมอีกครั้ง ผมส่ายหัวเบาๆ ว่าไม่ดีกว่าขออยู่บนห้องดีกว่า ผมก็ไม่รู้ว่าบ้านโน้นจะรู้หรือเปล่า แต่เขาก็มองว่าผมเป็นคนเกเรไม่ดี ไม่คู่ควรกับบอยอยู่แล้ว พี่เจนเดินออกไปจากห้องนอนของผม ผมก็เปิดโน้ตบุ้คขึ้นมามาดู ผมได้รับข้อความผ่านแอพพริเคชั่นจากไอ้หลุยส์

            หลุยส์ธรรณ์ :ไอ้แจ็คมึงทะเลาะอะไรกับบอยวะ

             แจ็ค: เขามองกูไม่ดีอีกแล้วและคงตลอดไปวะ กูจะทำทำไมวะถ้าเขาไม่ได้อยากได้กูอยู่แล้วว่ะหลุยส์

            ผมถามไอ้หลุยส์ตอนนี้ผมลบชื่อบอยออกไปแล้วเหลือแต่ชื่อผมในชื่อโปรไฟว์

           หลุยส์ธรรณ์:มึงนี้แม่งก็งี่เง่าตัวพ่อจริงๆ ว่ะ

            แจ็ค: ว่าแต่มึงรู้ได้ยังไงว่ะ

          หลุยส์ธรรณ์:ธรรณ์โทรหาบอยนะ บอยเสียใจมากเลยนะมึง

           แจ็ค:แล้วกูละว่ะหลุยส์โคตรเสียใจเลยว่ะ เสียใจที่ผ่านมากูทำไปไม่มีค่าว่ะ

          หลุยส์ธรรณ์ :เออ ว่าแต่พรุ่งนี้มึงกลับเลยไหมวะ

            แจ็ค:กูว่าจะว่าไปเที่ยวก่อนว่ะ สักอาทิตย์ถ้ากูดีขึ้นก็กลับไปว่ะ ถ้าไม่กูจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเลยว่ะ หลุยส์ มึงก็ดูแลบอยด้วยแล้วกันว่ะ “ผมส่งข้อความบอกมัน

          หลุยส์ธรรณ์:ถ้ามึงให้กูดูแล้วไม่ให้คืนแล้วนะโว้ย

          แจ็ค:กูคงไม่ไปทวงคืนแล้ววะ กูยอมแพ้แล้วว่ะแต่ไม่ได้ยอมแพ้มึงนะ ยอมแพ้ใจกูเองนี้แหละว่ะ

          ผมบอกไอ้หลุยส์ ผมรู้สึกไม่อยากไปต่อแล้ว นี่ผมพยายามดึงกันหรือว่าพยายามยื้อกันอยู่แน่ ทั้งที่มันมองไม่เห็นปลายทางเลยด้วยซ้ำ ผมจะพยายามต่อไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร สุดท้ายแล้ว บอยก็เลือกองค์กรมากกว่าผมอยู่ดี



           Part’ s บอย ผมนั่งมองแบงก์ ตอนนี้หลับสนิทและแขกที่มาในงานทุกคนก็กลับกันหมดแล้ว รวมถึงบ้านจอจานนั้นด้วยเขาก็ไปกันหมด จะไม่ไปได้อย่างไร พี่บรูคส์ไล่เขาไปขนาดนั้น ผมนั่งมองเด็กน้อย ยามหลับเขาก็เหมือนแจ็คมาก เหมือนขนาดนี้ ยังไม่รู้อีกเหรอและยังทำแบบนี้กับเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองได้ลงคออีกเหรอ ผมคิดในใจ แต่จะว่าไปแจ็คก็ไม่ผิดน่ะเพราะว่าเขาไม่รู้ หรือคนที่ผิดจะเป็นผมเองกันแน่

           “หมับ” พ่อเดินเข้ามาแตหัวผมเบาๆ

          “พ่อ ผมผิดเองที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับแจ็ค คนที่ผิดคือผมพ่อ” ผมพูดกับพ่อ

           “ฟู่!!” พ่อผมพ่นลมหายใจออกมายาวๆ เช่น พ่อคงรู้สึกแย่ที่พูดแบบนั้นกับอาภูมิไปเช่นกันเพราะว่าพ่อก็รักอาภูมิ

           “พ่อก็พยายามทำให้มันดีขึ้น่ะ แต่เหมือนจะยิ่งแย่ลงเหมือนกับบอย” พ่อผมพูด

            “แจ็คเขาเหมือนภูมิตอนหนุ่มๆ ไม่มีผิดเพี้ยน” พ่อผมพูดก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม ผมหันไปมองพ่อ

            “เมื่อก่อนเขาจะดื้อแต่ว่าเขาดื้อเพราะเขาอยากทำในสิ่งที่เขามั่นใจว่ามันดีแต่มันขัดใจลุงหนึ่ง จนวันหนึ่งเขาทะเลาะกับลุงหนึ่ง ทะเลาะกันหนักมาก วันนั้นพ่อก็เสียใจมากน่ะ “พ่อผมพูด

            “อาภีมถามพ่อว่าจะไปกับเขาไหม พ่อเลือกไม่ไป เพราะถ้าก้าวขาออกไปแล้วนั้นคือพ่อจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง พ่อทำไม่ได้ เพราะว่าสิ่งที่นี้ พ่อต้องเก็บไว้ให้บอย “พ่อผมพูด ผมพ่นลมหายใจออกมาทันที พ่อทำเพื่อผมและนั้นก็หมายถึงทายาทของผมด้วย หรือว่าผมต้องเลือกเหมือนพ่อเช่นกัน

             “แต่การกระทำของแจ็ควันนี้ มันต่างกันกับภูมิวันนั้นนะบอย พ่อไม่รู้เลยว่าเขาควรจะเป็นพ่อของแบงก์ได้ไหม พ่อมองไม่เห็นเลยบอย” พ่อบอกผม ผมหันมามองพ่อผม แบงก์ก็ตื่นขึ้นมานั่งพอดีเลย ผมรีบเดินไปอุ้มเขาออกมา แบงก์มองหน้าผม เขาคงเห็นน้ำใสๆ ที่ไหลอยู่ เขาปาดน้ำตาผม เอียงคอมองผมอย่างเด็กที่ไร้เดียงสา

            “Where’ s mum?” แบงก์เขาถามผม ถามหามัม มัมที่ไหนล่ะ ผมหันไปมองรอบๆ

              “มีแค่พ่อครับแบงก์” ผมบอกลูกชายของผม

             “Mum! It’ s so yummy!!” แบงก์เขาพูดและชี้ที่มุมปากที่ยังเลอะขนมอยู่ เขาบอกว่าขนมนี้อร่อยมาก ผมเองก็ไม่รู้ว่าขนมอะไรที่เขาทานเข้าไป

             “พ่อ เราเจอผึ้งแล้วครับพ่อ” พี่เจมส์เดินออกมาบอกพ่อ พ่อหันมามองหน้าผม ผมก็อุ้มแบงก์เดินตามพ่อออกไปทันที พี่ผึ้งนั่งก้มหน้านั่งอยู่

             “ผึ้ง” พ่อผมเรียกพี่ผึ้ง พี่เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าพ่อผม ผมค่อนข้างตกใจมาก ใบหน้าพี่ผึ้งบวมเหมือนถูกทำร้ายมา พ่อหันมามองหน้าผมก่อนจะนั่งลง

             “มันเกิดอะไรขึ้นผึ้ง” พ่อผมถามพี่ผึ้ง

               “ผึ้งก็ไม่รู้ค่ะเพราะว่ามันเร็วมากค่ะคุณกฤษณะ ผึ้งน่ะเดินไปตามคุณแบงก์เพราะคุณแบงก์เดินไปตามทางที่จะออกไปด้านหน้านั้นแต่ว่าอ้อมไปทางด้านหลังก่อน ผึ้งก็ตามหา ผึ้งได้ยินเสียงคุณแบงก์คุยกับใครสักคนแต่ผึ้งพอจะจำได้ว่าเป็นคุณแจ็ค” ผึ้งพูด ผมหันไปมองหน้าพ่อผม หัวใจผมมันยังบีบรัดมากขึ้น เขาทำจริงๆ เหรอ

                 “แต่พอผึ้งออกมาก็เจอแค่คุณแบงก์ค่ะ ผึ้งก็จะพาเธอเดินกลับแต่ว่าคุณแบงก์ก็ยังเดินดูนั้นดูนี้ จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งเดินมาถามว่า ใช่เด็กที่นี้ไหม ผึ้งหันไปมองก็จะพยักหน้าแต่ว่าไม่ทันได้เห็นชัดเจน รู้แต่ว่าเขาสวมสูทสีดำสนิท เขาตบเข้าที่ใบหน้าผึ้ง ตบจนผึ้งหมดสติไปเลยค่ะคุณกฤษณะ” ผึ้งพูด ผมนี้หันมามองหน้าพ่อผม

             “ใช่แจ็คไหม” พี่บรูคส์ถาม

             “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่แน่นอนค่ะ” ผึ้งพูด

            “ใช่พี่ปีเตอร์หรือเปล่าเพราะว่าเขาคุ้มกันไอ้แจ็คอยู่” พี่เจมส์ถามพี่ผึ้ง

            “ไม่ใช่ค่ะ ผึ้งจำพี่ปีเตอร์ได้ค่ะ พี่เขาสุภาพกว่านี้ค่ะ วันก่อนยังแวะซื้อขนมที่ร้านเอเชียมาฝากผึ้งเลยค่ะ พี่เขาไม่ทำผึ้งหรอกค่ะ” พี่ผึ้งพูด ผมหันมามองพี่ปีเตอร์เขาแอบมาหาพี่ผึ้งด้วยเหรอ

            “แล้วใครล่ะ” พ่อผมพูด

           “คุณกฤษณะค่ะ โทรศัพท์จากคุณหนึ่งค่ะ” หัวหน้าแม่บ้านอีกคนรีบนำโทรศัพท์มาส่งให้พ่อผม พ่อผมกดรับสาย

            “สวัสดีครับพี่หนึ่ง พี่ทราบเรื่องแล้วเหรอครับ ใช่ครับ เด็กในบ้านผม ผมก็รักเหมือนหลานผม ผมไม่ขออธิบายเรื่องนี้แต่เด็กนี้ไปอยู่ในรถพี่ได้ยังไง “พ่อผมพูด

             “ลุงหนึ่งเหรอ” พี่บอลถามขึ้น ผมสั่นหัวว่าไม่แน่ใจ พ่อผมคุยโทรศัพท์สีหน้าเคร่งเครียด

             “ไม่ใช่ พี่ไปเจอเขาที่ไหน “พ่อผมพูด

             “แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ พี่จะมาทดสอบอะไรไอ้แจ็คโดยการปล่อย หลานผมไว้กลางถนนนแบบนั้นไม่ได้!!”

             “เอาไว้ผมเข้าไปคุยกับพี่ดีกว่า ตอนนี้ผมไม่พร้อม ใช่ครับพี่หนึ่ง ภูมิเขากลับไปหลังจากนั้น พี่ทำให้ผมเข้าใจภูมิผิด!!! พอเถอะพี่ โอเคพี่ ครับ พี่หนึ่ง บายครับ” พ่อผมกดวางสาย ผมหันไปมองพ่อผม ตกลงใครทำกันแน่

               “ลุงหนึ่งบอกว่าเขาขับรถออกมาก็เจอคนกำลังจะพาแบงก์ขึ้นรถเขาไป ไม่ใช่ลุงหนึ่งที่ทำแต่เขาเห็นให้คนของเขาพาแบงก์ขึ้นรถและจะขับรถกลับไปวนกลับแต่ว่าเขาเถอรถแจ็คขับตามมาเลย อยากทดสอบแจ็ค” พ่อผม ผมมองหน้าผม เอาชีวิตลูกผมนี่น่ะ

             “ลุงหนึ่งปล่อยแบงก์กลางสี่แยก” พ่อผมพูด

             “มันเกินไปพ่อ” พี่บรูคส์พูดแต่พ่อยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ก่อน

             “แจ็คเขาวิ่งลงจากรถไปช่วยแบงก์ “พ่อผมพูด ผมหันมามองแบกง์ ที่เขาเรียกมี้คือแจ็คเหรอ

             “ไอ้แจ็คนี่น่ะ!!” พี่ๆ ผมยังแปลกใจเลย

             “ใช่แจ็คนี่แหละ” พ่อผมพูด

            “พ่อ ผมผิดอ่ะพ่อ” ผมบอกพ่อ

           “ผมควรจะฟังแจ็คอธิบายก่อน” ผมพูดกับพ่อ

            “พ่อก็ผิดที่ต่อว่าอาภูมิไปเยอะเหมือนกัน” พ่อผมพูดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาทันที พ่อหันไปมองทุกคน

            “พ่อ บอยต้องไปหาแจ็ค” ผมพูด

            “พ่อก็จะไปหาอาภูมิเราเหมือนกัน ดังนั้นบอยไปเตรียมตัว พ่อจะได้พาเราไปและบอยก็กลับไปพร้อมกับแจ็คเลยน่ะ “พ่อผมพูด

             “คืนนี้บีมอยู่ไม่ใช่เหรอ บีมกับพี่บรูคส์เขาดูแบงก์แทนได้” พ่อผมพูด ผมหันไปมองพี่บรูคส์ พี่บรูคส์ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พยักหน้า

“มีงานเหรอบรูคส์” พ่อผมถาม

            “พอดีรินทร์เขามีนัดตรวจ ร่างกายเพิ่มนะครับ ช่วงนี้เขาเพลียๆ ผมเลยให้เขาตรวจให้ละเอียด” พี่บรูคส์พูด

            “งั้นพี่บรูคส์ไปดูวรินทร์ก็ได้ ผมดูหลานได้ครับ” พี่บีมพูดพร้อมกับหันมาอุ้มแบงก์ไปจากผม ผมรู้สึกเหมือนพี่บรูคส์กับพี่บีมมีอะไรที่ไม่เข้าใจกันอยู่ พ่อมองผม พ่อพยักหน้าให้ผมไปเตรียมตัวไปขอโทษคนรักของผม ผมยอมขอโทษถ้าผมคือคนผิด หรือไม่ผิดผมก็ขอโทษเขาน่ะ คำขอโทษที่ทำให้เรารักษาคนรักเอาไว้ผมก็จะทำ เหมือนพ่อผมเช่นกัน พ่อคงไปขอโทษอาภูมิเหมือนกัน
           TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง) EP.35.1(แจ็ค X บอย)ความจริง (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 12-02-2024 13:39:02
EP.35.1(แจ็ค X บอย)ความจริง (ครึ่งหลัง)

            Part’ s แจ็ค ผมนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ในห้องผมเป็นแบบสมาร์ตรูม มีแต่สิ่งไฮเทคทุกอย่าง นี้ก็เป็นธุรกิจของพี่ชายผมพี่เจมส์ พี่ๆ ผมอายุน้อยร้อยล้านกันทุกคน พ่อผมเป็นเจ้าของสายการบินที่มีคนใช้บริการเยอะมาก พี่เจนเป็นเจ้าของโรงพยาบาลจักษุแพทย์ที่ใหญ่ที่สุด พี่โจมีธุรกิจเยอะแยะ แต่หลักๆก็คือช่วยพ่อผมและพี่โจก็พึ่งได้เป็นซีอีโอ้คนที่สองของบ้าน พี่โจ้กำลังรออยู่  แถมพี่โจยังเป็นนักวิทยากรให้กับมหาวิทยาลัยดังด้วย พี่โจผมเก่งด้านการบริหารและการตลาด  อันที่จริงผมต้องเรียกดอกเตอร์แล้ว พี่โจเขาจบปริญญาเอกแล้วด้วย ด้วยวัยแค่ยี่สิบหกเอง  ส่วนแจ็คนี้ซิ ตอนนี้ผมควรจะไปทางไหนดี จุดมุ้งหมายหลักจริงๆ ของผมอยากไปใช้ชีวิจธรรมดากับบอย บนกองเงินกองทอง ธุรกิจมาเยอะแยะมากมายที่ผมจะหยิบมาทำเป็นเงิน แต่ว่าตอนนี้ คงไม่ได้แล้ว ผมกลายเป็นตัวร้ายไปสำหรับบอยแล้ว เขาคงมองว่าผมไม่ชอบเด็กอยากรังแกเด็กอย่างเดียวหรือไงกัน

          “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องนอนของผมดีงขึ้นอีกครั้ง ผมก็หันไปมอง

           “ก็บอกไม่ทานไง ทานกันไปเลย ไม่ต้องมาเรียกแล้ว” ผมขี้เกียจลุกขึ้นไปกดล๊อกประตูแล้วเลยตะโกนไปแทนด้วยความหงุดหงิด

          “กึก” เสียงกุญแจไขประตูห้องห้องนอนของผม นั้นไงใครกันน่ะ อย่าบอกนะว่าพ่อน่ะ ผมหันไปมองที่ประตู มีว่ากำลังมีใครบางคนพยายามไขกุญแจห้องผมอยู่และกำลังจะเปิดประตูห้องเข้ามาในห้องนอนของผมด้วย

          “ก็บอกว่าไม่กินไง ไม่ต้องขึ้นมาตามแล้ว อยากอยู่คนเดียวสักพัก “ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าผมหงุดหงิดมากแค่ไหนแต่คนที่ที่เดินเข้ามากลับไม่ใช่พี่ๆผมแต่เป็นบอย ผมหันไปมองด้วยความแปลกใจเพราะว่าเขาไม่ได้มาบ้านหลังนี้ของผมตั้งแต่เขาหายไปสามปีกว่า ขนาดบ้านเขาอยู่ไม่ไกลจากผมน่ะแต่นี่เขากลับมาหาผม ประตูถูกปิดลงเบาๆ

          “บอยจะมาว่าอะไรแจ็คอีกละ “ผมถามบอย

           “แจ็ค บอยรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น บอยขอโทษที่ไม่ได้ถามก่อน” บอยพูด แต่ผมหันหลังให้เขา

           “แล้ว มาทำไมล่ะ “ผมถามบอยโดยไม่ได้หันไปมองบอย ผมเปิดโน๊ตบุ๊คของผมและกดมหาวิทยาลัยที่ผมสนใจอยากเข้า

           “แจ็ค บอยขอโทษ แจ็คไม่รู้หรอกว่าแบงก์มีค่ากับบอยแค่ไหน ในวันนี้แจ็คอาจจะยังไม่เข้าใจแต่สักวันแจ็ค” บอยพูด

            “แจ็คไม่มีวันเข้าใจหรอกบอยและคงไม่มีวันนั้นสักวันหรอก แจ็คพอแล้ว” ผมพูดโดยไม่ได้หันหลังกลับไปมองบอยเลย บอยเข้ามายืนอยู่ตรงกลางห้องผม

         “แจ็ค” บอยเรียกชื่อผมน้ำเสียงฟังดูเบามาก

          “แจ็คว่าจะไม่กลับไปแล้วอ่ะบอย บอยก็กลับไปได้น่ะ ไปอยู่กับพวกนั้น โดยเฉพาะไอ้คนที่เขาเลือกให้น่ะ “ผมพูดแต่บอยก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรผม ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้และหันไป ผมว่าจะบอกเขาว่าผมจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเลย บอยยืนมองผม น้ำตาเขาไหลริน

           “บอย “

           “ก็ได้แจ็ค..ถ้าแจ็คต้องการเลือกแบบนี้จริงๆ ถ้าแจ็คเลือกจะทิ้งบอยจริงๆ ทั้งที้บอยเลือกที่จะกลับมาหาหัวใจตัวเองเพื่อหัวใจอีกดวงหนึ่ง แต่ถ้าแจ็คคิดว่ามันไม่มีค่า แจ็คก็ทำตามที่แจ็คต้องการแล้วกัน “บอยพูดพร้อมกับหันหลังทันที ผมลุกขึ้นผมอยากใจแข็งกว่านี้แต่ว่าผมก็ยังใจอ่อนอยู่ดี นึกโกรธตัวเองเหมือนกัน ผมลุกขึ้นก่อนจะหันไปมองบอยที่กำลังหันหลังแต่ผมรู้สึกว่าบอยจะทรงตัวเองไม่อยู่และทำท่าจะล้มลง ผมก็รีบดันเก้าอี้ออกและกระโดดเข้าไปรับร่างนั้นก่อนที่จะกระแทกพื้นแม้จะไม่แข็งเพราะว่ามีพรมอย่างหนาปูเอาไว้อยู่ก็ตาม

        “บอย บอย บอย!! “ผมเรียกบอยแต่เขาไม่ตอบสนองอย่าบอกนะว่าบอยเป็นลมนะ ดูสีหน้าซีดมาก

           “บอย!!” ผมเรียกและเอาฝ่ามือแตะที่แก้มของบอย ผมก็มองซ้ายมองขวาและอุ้มบอยขึ้นไปไว้บนตียงนอนผมก่อน ผมก็วิ่งออกไปนอกห้อง

           “พี่เจน!!” ผมตะโกนเรียกพี่เจนดังลั่นบ้านเลย ผมวิ่งไปและมองลงไปที่กลางบ้านผมเห็นพวกพี่ๆ นั่งกันอยู่ที่ห้องรับแขก

         “พี่เจน บอยเป็นลมในห้องนอนผมอ่ะ” ผมเรียกพี่เจนเพราะว่าพี่เจนเป็นหมอและเป็นหมอตาด้วย พี่เจนก็ลุกขึ้นและวิ่งขึ้นมาบนบ้านทันที ผมวิ่งกลับไปที่ห้องนอนผม พี่ๆ พากันวิ่งขึ้นมาผมเข้าไปในห้องนอนผมก่อน ตามมาด้วยพี่เจนทันที พี่เจนวิ่งเข้าไปดูบอย

          “เว้ย!!” พี่โจ้ตามขึ้นมาเห็นบอยนอนอยู่บนเตียงก็ร้องเสียงหลงเลยทันที

            “พี่โจ้ไปเอากระเป๋าเแพทย์เจนมาทีครับ “พี่เจนสั่งพี่โจ้ พี่โจ้ก็วิ่งออกไป ผมก็มองพี่เจน ไม่นานพี่โจ้ก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋าแพทย์ของพี่เจนและพี่เจนก็วัดความดัน วัดทุกอย่าง ผมก็ยืนมองด้วยความกังวลที่เห็นบอยเป็นแบบนี้

           “พี่เจนบอยเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ผมถามพี่เจนด้วยความร้อนรน

             “ดูแล้วน่าจะพักผ่อนน้อยนะแจ็ค” พี่เจนพูด พ่อผมเดินเข้ามาในห้องนอนผม

            “บอยเป็นไงบ้างเจน “พ่อผมถามพี่เจน ผมยังคงยืนนิ่ง พี่เจนเงยหน้ามองผม พี่เจนรู้ว่าผมเสียใจอยู่เรื่องที่พ่อไม่ฟังเหตุผลของผมที่เป็นลูกของพ่อก่อนเลย

             “เจนว่าบอยอาจจะแค่อ่อนเพลียนะครับพ่อ” พี่เจนพูด

             “อืมม “พ่อพยักหน้า พ่อหันมามองผม

            “แจ็ค พ่อขอโทษน่ะ ที่ไม่ได้ฟังเราพูดก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น โกรธพ่อเหรอ” พ่อภูมิพูดขอโทษผม ผมเงยหน้ามองพ่อภูมิ ผมพยักหน้าเบาๆ

             “พรุ่งนี้พ่อกับลุงณะจะไปธุระกัน ดังนั้นพรุ่งนี้ก็กลับไปพร้อมกับบอยเลยนะแจ็คและดูแลบอยด้วยน่ะ ลุงณะเขาฝากให้เราดูแล ทำให้ดีน่ะรู้ไหม “พ่อผมพูดก่อนจะเดินออกจากห้องไป ผมพยักหน้าเบาๆ แค่นั้น พี่โจ้ พี่โจก็เดินเข้ามาพร้อมกัน

            “แจ็คพ่อรักเรามากนะและนี้พ่อก็ออกโรงปกป้องนายจนทะเลาะกับลุงหนี่งก็หลายครั้งเลยนะ “พี่โจพูด ผมพยักหน้าว่าผมรู้

            “ผมแค่แอบน้อยใจนะพี่โจ “ผมพูด

            “ไม่เอานะ พ่อรักเรามากและพ่อรู้สึกผิดที่ไม่ได้ฟังเราก่อนด้วยแต่เราก็ไม่ควรโกรธพ่อนะ เข้าใจที่พี่พูดไหม แจ็ค “พี่โจถามผม ผมหันไปเห็นบอยเริ่มได้สติแล้ว บอยขยับตัวแล้ว ผมรีบตรงเข้าไปหาบอยทันที

            “บอย “ผมรีบกุมมือบอย บอยมองหน้าผม

            “ผมเป็นอะไรไปเหรอครับพี่เจน” บอยถามพี่เจนแต่ดันไม่ถามผมซะงั้น

             “บอยเป็นลมอ่ะ แจ็ค ขอโทษน่ะ “ผมบอกบอย บอยหันมามองหน้าผม

                “พี่ว่าบอยอาจจะพักผ่อนน้อยไปน่ะ พี่ได้ฉีดวิตามินบีให้แล้วนะครับ” พี่เจนบอกบอยและลุกขึ้นพี่เจนมองหน้าผม พี่โจที่ยืนกอดอกอยู่ก็เดินหันหลังออก พี่โจ้และพี่เจนก็ยิ้มให้ผมสองคนและเดินออกไปเช่นกัน พี่ๆ คงอยากให้ผมกับบอยได้มีเวลาปรับความเข้าใจกัน

               “เออ บอย งั้นบอยกลับบ้านดีกว่าแจ็ค” บอยพูดและทำท่าจะลุกขึ้น

              “บอย จะกลับได้ยังไงเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาน่ะ “ผมพูดและดึงแขนบอยไว้

            “ก็แจ็คบอกบอยเองไม่ใช่เหรอว่า ให้บอยกลับน่ะ “บอยพูดและหันไปมองทางอื่นแทน

             “ก็แจ็คน้อยใจ ทำไมใครๆ ต้องมองว่าแจ็คไม่ดีพอตลอดเลย แจ็คก็เลย...”

             “แล้วบอยมองแจ็คแบบนั้นหรือเปล่าล่ะที่ผ่านมา” บอยถามผม ผมเงยหน้าขึ้นมองบอย ผมนั่งย่องๆ ลงและกุมมือบอยไว้

             “ถ้าเรื่องวันนี้บอยขอโทษ เสียใจแต่สิ่งที่ทำให้บอยเสียใจมากกว่าคือบอยไม่ฟังแจ็คก่อน” บอยพูด

              “ถ้าบอยมองแจ็คแบบนั้นแบบที่แจ็คคิดว่าคนอื่นมอง บอยจะมาหาแจ็คเหรอ สู้บอยไปตามที่ลุงหนึ่งบอกไม่ดีกว่าเหรอแจ็ค” บอยพูดผมพยักหน้าว่าจริง

                “แจ็ครู้ว่าแจ็คนะงี่เง่าตัวพ่อ แต่ก็” ผมพูดสายต่าผมประสานกับบอย บอยค่อยยันตัวเองขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นมองผมก่อนจะ

              “หมับ!” ฝ่ามือของบอยประคองที่รอบคอของผมก่อนจะโน้มให้ผมก้มลงไปหาเขาและ

             “อืมมมม” บอยจูบผมก่อน ผมก็จูบบอยตอบเช่นกัน ผมค่อยเลื่อนตัวเองขึ้นมาและดันบอยให้นอนราบลงไป ผมขึ้นมาคร่อมร่างของบอยเอาไว้โดยไม่ได้ทิ้งทำหนักทั้งตัว ริมฝีปากของเราสองคนยังดูดดื่มความหวานของกันและกัน หยอกเย้ากันไปมา

              “อืมมม อ้าห์ “ผมค่อยๆ ไล่ลงมาฝั่งริมฝีปากไว้ที่ตามซอกคอของบอย บอยเป็นผู้ชายที่มีความหอมติดตัวมาตั้งแต่เกิด มันน่าอัศจรรย์ ผมไม่อาจจะหยุดสูดดมมันได้เลย ผิวพรรรณ์ที่เนียนสวยจนผมเองก็หยุดสัมผัสไม่ได้เช่นกัน ผมดันตัวเองขึ้นมามองบอย ผมยิ้มให้บอย

              “อย่ายิ้มยั่วแจ็คแบบนี้ซิครับ แจ็คทนไม่ไหวน่ะ” ผมพูดกับบอย บอยก็ยิ้มให้ผมพร้อมกับนิ้วเรียวๆ ที่กำลังไต่ลากจากแผ่นอกของผมลงไปจนถึงพุงที่ไม่มีไขมันอยู่เลยและมันก็กำลังไต่ลงไปจนผมต้องจับเอาไว้ก่อน

              “ก็ไม่ต้องทนซิ บอยว่าบอยพร้อมแล้ว” บอยพูด ผมก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ ผมถอดเสื้อยืดของผมออกไปเผยให้เห็นกล้ามเนื้ออกที่แน่น ไหล่ที่กว้าง ผมก้มลงและฝ่ามือผมก็จับกระจับเอวก่อนจะถลกชายเสื้อเชิ้ตตัวนั้นของบอยขึ้นมาจนเผยให้เห็นหน้าท้องเนียนๆ ของบอย ผมก็ฝังใบหน้าลงไป

               “อ้าห์” บอยครางออกมาเบาๆ ผมจูบลงที่หน้าท้องแบนราบนั้น ผมรู้สึกถึงการบิดตัวของบอย ผมยิ่งพึงพอใจ

              “แจ็ค อืมม แจ็ค” บอยเรียกชื่อผม ผมก็เงยหน้าขึ้นมองบอยว่ามีอะไรเหรอแต่ผมรู้ว่าทำไม เพราะว่าความเสียวซ่านนั้น บอยกระดกศีรษะขึ้นและมองไปที่ตรงประตู

              “ล๊อคประตูหรือยังบอยอายถ้าพี่ๆ ของแจ็คเปิดเข้ามาเจอแบบนี้” บอยพูดด้วยอาการเขิน ผมพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตู พร้อมกับหยิบป้ายว่าห้ามกวน ถ้าแขวนป้ายนี้ไว้จะไม่มีใครมากวนใจแจ็คเลยสักคน

               ผมก็เดินกลับมาที่เตียงและทำการปลดกระดุมกางเกงยีนแต่ยังไม่ถอดออกไปเลย ผมกลับขึ้นมาบนเตียงอีกที ผมก้มลงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของบอยจนหมด ผมก้มลงและซบใบหน้าเข้ากับหน้าท้องของบอย คนที่นอนถึงกับสะดุ้งเกร็งหน้าท้องตามการขบและเม้มของผม ผมดูดและขบจนคนที่อยู่เบื้องล่างดิ้นส่ายไปมา เสียงหายใจหอบของบอย

            “บอย แจ็คไม่มีถุงนะ คือว่าแจ็คไม่เคยพาใครมานอนที่นี้มี่แต่บอยคนเดียวและจะเป็นบอยคนเดียวตลอดที่ได้มาที่นี้กับแจ็ค” ผมพูดบอกบอยว่าผมไม่มีถุงยางอนามัย บอยมองหน้าผมด้วยสีหน้ากังวล

            “นะบอย แจ็คไม่ได้ไปมั่วกับใครน่ะ ถามว่าเรื่องอย่างว่ามีบ้างไหม แจ็คยอมรับน่ะแต่มีเพื่อเก็บไว้เป็นประสบการณ์เฉยๆ” ผมพูด

           “และแจ็คก็ป้องกันตัวเองดีตลอดน่ะ ต่อไปแจ็คสัญญาว่าจะไม่มีอีกแล้ว มีแค่บอยคนเดียว ขอแจ็คนะครับ “ผมพูดออดอ้อนบอย สีหน้าบอยกังวลแต่ก็พยักหน้าให้ผม ผมก็จัดการถอดกางเกงบอยออกไปทั้งหมดทั้งชั้นนอกชั้นใน ส่วนผมก็ถอดเช่นกันไปทั้งสองชั้นเช่นกัน

           “บอยทำไมผิวสวยแบบนี้นะ ผิวก็หอมด้วย เหมือนอาบน้ำแร่แช่น้ำทุกวันเลยอ่ะ อืมม” ผมพูดไปปากก็หอมดอมดมทุกอณูของร่างกายบอย และสูดดมอย่างหื่นกระหาย และผมก็พลิกตัวบอยให้มาอยู่ในท่าด็อกกี้

            “ลองท่านี้นะบอย “ผมพูดกระซิบที่ข้างหูบอยและจัดการจัดท่าให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะค่อยๆ แยกขาบอยออกเล็กน้อยและผมก็สอดแกนกายที่มันพองตัวเต็มที่ตอนนี้มันพร้อมจะเข้าไปอยู่ในกายของบอยแล้ว บอยก้มมอง

            “เอื้อก” เสียงกลืนน้ำลายลงคอดังจนผมได้ยิน คงเห็นความยาวของมันแล้วซิ

            “แจ็คจะไม่รุนแรงสัญญา ฟ้อด!” ผมพูดและหอมที่หัวไหล่บอย พร้อมกับค่อยๆ ดันสิ่งนั้นให้แทรกเข้าไปในกายของบอยช้าๆ ผมว่าคงเจ็บพอสมควร ที่ผ่านมาผมกับบอยยังไม่ถึงขั้นสอดใส่ มีแต่จูบกัน แต่ว่าวันนี้บอยยอมผมแล้ว ยอมเป็นของผมแล้วทั้งกายและใจ

             “อ้าห์ อืมมม อืมมมม โอ๊ยยย ซี้ด อืมมม แจ็ค” บอยร้องครางเป็นพักๆ และเรียกชื่อผม ผมก็ค่อยๆ ขยับๆ ถ้าบอยร้องเจ็บก็จะหยุด ผมสังเกตจากมือบอยที่จิกผ้าปูที่นอน ผมค่อยจูบไปตามหัวไหล่ และไล่ไปตามลำคออ้อมไปด้านหน้า และใช้ลิ้นเลียไล่ขึ้นมาที่ใบหูชอนไชเข้าไปไม่ลึก ดูท่าบอยจะสยิวน่าดูบอยเอาฝ่ามือขึ้นมาแตะที่ศีรษะผมเอาไว้

            “เสียวป่ะ” ผมกระซิบถามบอยเบาๆ ผมพยักหน้าเบาๆ และกัดริมฝีปากตัวเอง ผมรู้ว่าบอยไม่เคยทำแบบนี้กับใครแน่ๆ บอยเหมือนเด็กเนิร์ดแต่ไม่ใช่ซะที่เดียว ผมไม่อยากเชื่อเลยว่ายิ่งบอยโดนผมเล้าโลมแบบนี้บอยก็ยิ่งตื่นตัวมาก เหมือนตื่นเต้นกับความรู้สึกแปลกใหม่

             “โอ้วว แจ็ค บอย ซี้ด “บอยร้องเรียกผม แถมหลับตาพริ้มแบบนี้แสดงว่าเขากำลังมีความสุขกับรสรักที่ผมปรนเปรอให้

              “อันที่จริงเราน่าจะทำกันบ่อยๆ น่ะ ดูท่าทางบอยจะชอบ อืมมม เห็นบอยแบบนี้ มันยิ่งยั่วแจ็คมาก ซี้ด อืมมม “

               “ไม่ได้แจ็ค ถ้า เราพล้าดกันขึ้นมาอีก บอย…. “

              “พล้าดอะไรอะ ไม่หรอก มันดีจะตายไป บอยไม่ชอบเหรอ อืมม” ผมพูดและก้มลงจูบบอย ผมก็ค่อยพลิกให้บอยขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ บอยค่อยหย่อนลงช้าๆ เพื่อให้สวนที่โด่เด่ของผมเข้าไปในกายบอยอีกครั้ง

            “คุมเองเลยน่ะ แจ็คอยากได้แบบว่า อารมณ์แบบคาวบอยเลยอ่ะได้ไหมครับที่รัก” ผมกระซิบกับบอย บอยก็มองผมและบอยก็ทำท่าควบสิ่งนั้น แม้จะยังชำนาญแต่ก็ทำได้ดีทีเดียว จนผมเองก็จะไม่ไหวต้องดันตัวเองขึ้นมาจูบคาวบอยหนุ่มของผม คาวบอยของผมก็ควบใหญ่ๆ และยิ่งควบเร็วมากขึ้นแค่ไหนผมก็ยิ่งเสียวมากแค่นั้นจนกระทั่ง ทุกอย่างหยุดนิ่งพร้อมการเกร็งของร่างกาย น้ำรักกำลังจะมา

            “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตู บอยทำสีหน้าตกใจจะลุกพล้วดเลยแต่ผมดันเอวเอาไว้ก่อน

             “อย่าเพิ่งดิบอย อย่าเพิ่ง จะมาแล้วเนี่ยะ”

              “แจ็คมีคนเคาะประตูเพื่อว่าเป็นพ่อ”

               “ไม่หรอก พ่อน่าจะไปเตรียมตัวออกไปธุรกับลุงณะ “ผมพูด ผมไม่อยากหยุดกิจกรรมเลย

           “โยกต่อซิบอยนะ ส่วนข้างนอกให้รอไปก่อน อันนี้สำคัญ นะบอยไม่งั้นแจ็คแย่แน่ๆ” ผมพูดอ้อนบอยและบอยก็โยกต่อ จน น้ำรักผมมาถึงทางออกแล้ว

             “อู้ยย!! อาห์!!! “เสียงลากยาวจากปากผม และบอยก็ค่อยๆ ลุกถอนสิ่งนั้นออก บอยก็หยิบผ้าห่มพันตัวเองและวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที ผมก็ค่อยๆ ลุกขึ้น เดินไปหยิบเอากางเกงยีนมาสวมไว้ก่อนและเดินไปที่ประตูห้อง ผมแอบมองจากช่องเล็ก พี่โจนี้เอง มาขัดทำไมนะ

             “พี่โจอะไรเนี่ยะ” ผมเปิดออกมา พี่โจมองผมก็คงรู้นะว่าผมทำอะไรอยู่

             “พี่บรู๊คเขาโทรหาบอยแต่บอยไม่ได้รับสายมึง และถ้าบอยไม่โทรกลับมึงจะให้พี่เขยมาหามึงที่นี้และเห็นว่ามึงทำ อิบอิบ น้องเขาไหมล่ะ แจ็ค” พี่โจพูด

            “เดี๋ยวบอกบอยให้โทรกลับน่ะ มีอะไรไหมอะ เกือบไม่เสร็จนะพี่โจ”

             “เหรอ ไม่มีอะไรแล้ว แล้วนี่บอยจะทานอะไรไหมพี่จะได้ให้แม่บ้านทำให้ และมึงก็จะถนอมบอยหน่อย เขาเพิ่งพื้นจากการเป็นลมนะไอ้แจ็ค พวกพี่ไม่อยากงานเข้า” พี่โจพูดกระซิบกับผม

               “รู้แล้ว แค่นี้นะ ผมจะไปอาบน้ำ แล้วถ้าจะกินอะไรจะโทรไปบอกที่ห้องครัวเองพี่โจ” ผมบอกพี่โจ

              “อีกอย่างพรุ่งนี้ผมกับบอยกลับกันเองได้ไหมอ่ะ ผมจะไปนัดเจอไอ้หลุยส์มัน น่ะพี่โจ” ผมพูดบอกพี่โจ อ้อนด้วย

              “ก็ได้ เอาการ์ดพ่อไปด้วยสองคนล่ะ “พี่โจพูดแค่นั้นผมก็รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ และปิดประตูลง บอยยังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ เหมือนรอผมด้วยเช่นกัน ผมก็ไม่รอช้า ถอดกางเกงยีนและเข้าไปยืนอยู่เบื้องหลังบอย พร้อมกับโอบกอดร่างนั้นเอาไว้

              “บอย ทำไมบอยรักแบงก์มากละ เขาคือใคร “ผมถามบอย บอยหันมามองหน้าผม

             “แจ็ค ถ้าบอยบอกว่าแบงก์คือลูกของบอยล่ะ แจ็คจะรับตรงนี้ได้ไหม” บอยบอกผม ผมก็ต้องทำหน้าตกใจ ผมเลื่อนไปแตะเมนูให้น้ำหยุดไหล่ ผมมองหน้าบอยว่ายังไงกัน นี้บอยไปทำใครท้องมาเหรอ

            “บอยไปมีอะไรกับผู้หญิงมาเหรอ”

             “บอยทำใครท้องมาเหรอ “ผมถามบอย บอยมองหน้าผม

             “บอยอยากมีลูกนะ บอยเลย” บอยพูด

            “อย่าบอกนะว่าบอยก็ทำเหมือนที่พ่อๆ เราทำนะ “

             “แต่ก็โอเคนะ ถ้าบอยอยากมีลูก” ผมพูดบอกบอย

            “ต่อไปก็จะเป็นลูกของเรานะแจ็ค ได้ไหม “บอยถามผม

             “ก็ได้นะ แต่ดูท่าจะไม่ค่อยชอบหน้าแจ็คสักเท่าไหร่ เอาไว้ แจ็คไปหาบอยที่บ้านบ่อยๆ น่ะ เราจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น “ผมพูดกับบอย ผมกอดบอยตอนนี้โล่งไปเยอะเลยที่รู้ว่าไอ้แบงก์เป็นแค่เด็กน้อยธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่แฟนของบอยอย่างที่ผมกลัว แต่ดูท่าจะร้ายกาจใช่เล่น คงต้องเอาของเล่นไปล่อเยอะๆ เด็กน่ะแพ้ของเล่นอยู่แล้ว และเดี๋ยวรู้ว่าใครจะแน่กว่ากันระหว่างแจ็คกับแบงก์

           TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง) EP.36(ดิว Xแอ้)แอ้เสียใจ(ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 12-02-2024 22:29:20
EP.36(ดิว Xแอ้)แอ้เสียใจ(ครึ่งแรก)

             Part’ s ดิว ผมมีปากเสียงกับลุงหนึ่งเรื่องที่ลุงจะมาบังคับพวกผมเพียงเพราะว่าเขาแพลนให้พวกผมเกิดมาเพื่อเดินตามหมากที่เขาวางเอาไว้ไม่ได้ ตอ่ให้เป็นคนให้ชีวิตพวกผมก็เถอะแต่นี้มันชีวิตพวกผมแล้ว ถามว่าพ่อบังคับผมขนาดนี้ไม่ ไม่แน่นอน มีแต่ลุงหนึ่และองค์กรนี่แหละ

             แต่ยังไม่ทันไร จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาคุยกับลุงหนึ่งดูท่าจะเรื่องด่วนและลุงหนี่งก็หันมาบอกผมว่าเขาจะไปคุยกับผมอีกทีผมก็ต้องขมวดคิ้วรอว่ายังจะคุยอีกเหรอครับลุงผมก็บอกไปอยู่หยก ๆ ว่าผมนะมีคนรักแล้ว และผมก็คิดว่าแค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วที่ผมจะปฏิเสธบอย ผมรู้ว่าบอยสำคัญแค่ไหนและองค์กรก็สำคัญไม่แพ้กันแต่ผมควรจะเลือกคนที่สำคัญกับลูกๆ ผมไม่ใช่เหรอ แต่มันติดที่ว่าผมกับพูดหรือบอกเรื่องแอ้กับลูกๆ ผมไม่ได้นี่ซิ

              ตอนนี้ผมก็ได้แต่ชะเง้อคอมองดูความวุ่นวายของบ้านลุงกฤษณะ ดูท่าจะงานเข้าจริงๆ และนี่ไอ้แจ็คมันไปไหนซะก็ไม่รู้ผมเห็นบอยเดินเข้าเดินออกเหมือนกับมีเรื่องอะไรที่ค่อนข้างใหญ่ พ่อผมกับอาภีมก็ได้แต่มองเช่นกันไม่รู้จะเข้าไปช่วยเขาทำอะไรได้

             “พ่อ ดูเขามีเรื่องกันนะแล้วทำไมเราไม่กลับเลยอะพ่อ” ผมถามพ่อผมคุณหมอภาณุเดช พ่อหันมามองหน้าผม

              “มึงรีบเหรอ ไอ้ว่าที่ลูกเขย” พ่อผมหันมาถามผมกลับ ถามผมแบบนี้ขนลุกเลยผม เรียกว่าที่ลูกเขยกันแบบนี้ ว่าที่ลูกเขยลุงกฤษณะแน่ๆ ผมสั่นหัวเบาๆ ไม่เอา จะเอาว่าที่ลูกเขยคนข้างๆ ผม ผมแอบชี้ไปเก้าอี้ข้างๆ พ่อผม พ่อผมหันไปเหล่ตามองตามนิ้วผม ผมพยักหน้าว่าอยากเป็นลูกเขยคนนั้นมากกว่านะพ่อน่ะ พ่อผมหันมองและโชว์นิ้วเฉือนคอใส่ผมอีกน่ะ อันนี้มันตัดกำลังลูกชัดๆ เลยพ่อ ผมคิดในใจ

            “พี่ภา ผมได้ยินมาว่ามีเด็กในบ้านพี่ณะ หายไปอ่ะ “อาภีมปภพเดินกลับเข้ามาและมองหน้าพ่อผมก่อนจะหันมามองผมด้วย ก็สองคนพ่อลูกใช้ภาษามือคุยกันอยู่

             “ดูท่าจะวุ่นวายด้วยแต่ภีมก็ไม่มีโอกาสได้คุยกับพี่ณะเลย เด็กนั้นใครเหรอพี่ภา ทำไมดูพี่ณะเป็นห่วงเอามากๆ เลย” ผมหันไปมองพ่อผม พ่อไม่เคยบอกเรื่องบอยมีลูกกับอาภีมปภพเหรอนี้ขนาดแฟนกันน่ะ พ่อหันมามองหน้าผม พ่อคงอ่านสายตาผมออก พ่อส่ายหัวเฉยเลยว่าไม่ ผมก็พยักหน้าว่างานเข้าแล้วแหละพ่อ

             “พี่ภา ว่าไงละ “ผมก็ยิ้มเอาไงละพ่อ พ่อหันกลับไปมองหน้าอาภีมด้วยอาการ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

              “แฟนพ่อถามอ่ะไม่มีคำตอบให้อาจจะงอนยาวน่ะพ่อ “ผมกระซิบกับพ่อผมและส่งยิ้มให้คุณหมอภาณุเดชผมเหมือนจะกดดันพ่อผมอยู่นะว่าถ้าไม่อยากตอบก็รีบเพ่นเถอะ

             “ไปเรากลับกันเถอะ” พ่อภาลุกพร้วดขึ้นทันทีเลยทำเอาอาภีมปภพตกใจมิใช่น้อยพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองพ่อผมด้วยอาการงงแต่ผมนะรีบลุกครับ ไม่งง ครับ รีบกลับกันเถอะ

            “ไปซิภีมกลับเถอะ พี่มีธุระด้วยมีเครสรอคลอดกับพี่หลายคน ตามฤกษ์ซะด้วยเลยฤกษ์ไปนี้เสียหายหลายแสนเลยไปครับ “พ่อผมนะหมอสูตินรีเวชนี้ครับ ผมหันมามองอาภีมปภพ

             “มีอะไรกันหรือเปล่าพ่อลูกคู่นี่นะ” อาภีมปภพลุกขึ้นพร้อมกับมองหน้าพ่อผมและผมสลับกันไปมา

              “ไม่มี!” ผมกับพ่อตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายและเสียงก็สูงปรี้ดพอกันเลย

             “โกหกแน่ๆ “อาภีมปภพถามขึ้น

             “ไปเถอะภีม” พ่อผมพูดและหันไปดันอาภีมปภพออกส่วนผมก็รีบเดินนำหน้ารีบไหมบอกได้ว่ามากอยากออกไปจากตรงนี้แย่แล้ว

              “ไม่ลาพี่ณะก่อนเหรอพี่ภา” อาภีมปภพถามพ่อผม

              “ไหนละพี่ณะ ดูท่าจะงานเข้า นั้นดูไอ้พี่ชายเรานะไอ้ภูมิมันกระเด็นออกมาแล้วน่ะ สงสัยงานนี้เพราะลูกมันเลยน่ะ แล้วเราจะรออะไรไปเถอะภีม” พ่อผมพูดและชี้ให้อาภีมดู อาภูมิพ่อของไอ้แจ็คเดินออกมาอย่างไว้ดูจากสีหน้าถ้าจะงานเข้าจริง และงานนี้ก็คงมาจากบ้านจอจานแน่ๆ แล้วผมจะรออะไร

                 ผมรีบลุกเดินนำหน้าออกไปทันทีและรีบเดินแทรกเพื่อตรงไปยังที่จอดรถเอาไว้ เป็นรถของโรงแรมที่ผมพักกัน ผมหันมาเห็นพ่อผมกึ่งลากอาภีมออกมา พอไปถึงรถได้ผมรีบเข้าไปนั่งในรถทันที ผมเข้าไปนั่งอยู่ด้านหน้ากับพี่คนขับพ่อผมกับอาภีมก็นั่งหลัง

                “ออกรถเลยครับ ผมจะไปเอากระเป๋าเดินทางและกลับไปส่งพวกผมที่สนามบินเลยนะครับผมรีบครับ” พ่อผมพูดผมหันมามองพ่อผม อยากจะเซย์เยสดังๆ ไม่นานรถเก๋งคันหรูก็พาผม พ่อและอาภีมมาส่งที่โรงแรมหรูที่ผมเข้าพักกันเมื่อคืนแม้จะไม่กีชั่วโมงก็ตาม ผมรีบแพ็คของลงกระเป๋าเพื่อจะได้เดินทางกลับผมคิดถึงกว่าจะถึงก็คงเย็นเกือบจะมืดแต่ไม่เป็นไรจะหาเรื่องกลับเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อจะได้ไปร่วมงานวันเกิดลูกชายของผม น้องมีนก่อน ผมมีของขวัญวันเกิดของมีนแล้วอยู่ที่บ้านแล้ว ผมฝากพี่ดิมไปให้ก่อน พี่ดิมมาขึ้นเวรแพทย์พาร์ทไทม์ที่โรงพยาบาลของพ่อผม ผมหยิบเอากล่องแหวนมาดู ผมซื้อให้แอ้  ผมรู้ขนาดนิ้วของแอ้ดี จับทุกวันขนาดนั้น ผมตั้งใจจะให้แอ้ ผมเลือกแล้วเลือกแอ้

*****

              Part’ s แอ้ ผมมากับติ๊กและพายเพื่อมาเดินแบบให้กับห้องเสื้อชื่อดัง คอนเซ็ปต์เสื้อสูทสำหรับใส่ออกงานต่างๆ แม้ว่าผมจะไม่อยากมาก็ตามแต่ติ๊กมันก็ดันให้อาภาคย์เอ่ยปากขอพ่อผมมาขนาดนั้น ผมก็ต้องมาและนี่เมื่อคืนไอ้ดิวมันก็ส่งข้อความมาหาผม ว่ามันคิดถึงผม เล่นเอาผมใจหายเลยผมก็ไม่รู้ว่าวันนี้ลุงหนึ่งจะคุยอะไรกับดิวบ้าง ตอนนี้ในหัวผมวุ่นวายไปหมดใจผมก็กลัวว่ามันอาจจะต้องแต่งงานกับบอยเร็วขึ้นหรือเปล่า

              “แอ้” ผมสะดุ้งเฮือกเพราะว่ามีคนมาเรียกผมขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ ผมหันไปมองต้นเสียงนั้น คนที่มาเรียกผมก็เป็นนายแบบที่มาเดินแต่คนละแบรนด์กันแต่ก็ใช้ห้องแต่งตัวเดียวกัน ผมไม่ได้สนิทกันมาก่อน เพิ่งจะมาเจอกันครั้งแรกวันนี้แต่ติ๊กบอกว่าไอ้คนนี้มันติดตามข่าวครอบครัวของผมมาก่อน ก็ผมเป็นน้องชายพี่อ้นไงมันก็เลยรู้จักผมไปด้วย นายแบบคนนี้ชื่อว่าไนท์และเป็นนายแบบที่ฮอทที่สุดในตอนนี้ หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทยจีนและเดนมาร์ก

             “ไนท์” ผมเรียกชื่อคนที่เดินถือขวดน้ำหวานมาให้ผมขณะที่ผมกำลังรอติ๊กและพายที่ขึ้นไปเดินโชว์ฟินเนเล่ ชุดสูทสำหรับคู่รัก ผมเองที่ขอปฏิเสธที่ใส่ชุดนี้คู่กับติ๊กเพราะว่าผมไม่อยากงานเข้าไปถึงดิว ไอ้นี่มันขึ้หึง

             “เห็นนั่งอยู่คนเดียวเลย เอามาให้ดื่ม” ไนท์เขาส่งขวดน้ำหวานมาให้ผม ผมก็มองทั้งเขาและขวดที่ส่งมาให้

             “เราไม่ได้ใส่อะไรลงไปแน่นอนเชื่อใจเราได้ เราไม่ใช่พวก เออ “ไนท์ทำท่าจะพูด

             “เปล่าหรอกเราไม่ได้คิดแบบนั้นแต่เราเพิ่งดื่มน้ำไปแล้วน่ะ “ผมพูดและส่งยิ้มให้

              “ลองดูหน่อยนะวันนี้อากาศมันร้อนนะ เดี๋ยวน้ำตาลตกจะทำให้เป็นลมได้นะ ลองดูหน่อยซิครับ “ไนท์เขาก็พยายามคะยั้นคะยอให้ผมดื่มผมก็รับขวดน้ำหวานมาและทำท่าจะเปิดแต่นายก็ดึงขวดกลับไปและหมุนเปิดฝากมาให้ผมแทน

              “นี่ครับ” ไนท์พูดและส่งขวดน้ำกลับมาให้ผม ผมก็รับ แต่เหมือนเขาจะพยายามป้อนผม ผมก็รีบคว้ามาถือเอาไว้เอง ผมกลัวงานจะเข้าเอา แอบจิบๆ เอาไม่อยากดื่มเยอะยอมรับว่าไม่ค่อยไว้ใจไนท์เท่าไหร่ ไนท์เขาก็มองผมและยิ้มกลับมาให้

           “ผมเห็นแอ้มาหลายครั้งแล้วแต่ช่วงหลังๆ นี้ไม่ค่อยได้มาเนอะ ยุ่งเหรอครับ” ไนท์ถามผม

            “ครับผมกำลังเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารนะครับ เหมือนพี่ๆ ของผมนะครับ” ผมบอกไนท์

             “แอ้ครับ ผมถามจริงๆ นะ คุณมีแฟนหรือยังครับ” ไนท์หันมาถามผม

             “แคร๊ก” ๆ “ได้ผลผมก็ต้องสำลักทันที ไนท์ก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปากให้ผมแต่ผมเองก็รีบคว้ามาเช็ดเองผมกลัวว่าไอ้ติ๊กมันเห็นแล้วมันจะถ่ายรูปผมไปลงในไลน์กลุ่ม มันยิ่งอยากจะให้ดิวเห็นว่าผมมีคนอื่น ถามว่าผมโกรธไหมมันก็ต้องมีบ้างแต่ติ๊กมันเพื่อนรักผมและผมเองก็รู้สึกผิดที่ดิวมันดันเลือกผมไม่ได้เลือกคนที่แอบรักมันมานานเช่นติ๊ก

              “ตื้ด” เสียงมือถือผมสั่นผมรีบเดินออกไปกดรับสายทันที เบอร์ผมมีไม่กี่คนหรอกที่จะโทรหา มีพี่ๆ ผมแต่ไม่บ่อยแน่นอนและอีกเบอร์นั้นคือดิว ที่นานๆ ที นั้นเป็นเพราะว่าผมกับดิวแทบจะไม่เคยห่างกันเลยก็ว่าได้ และนี่ดูท่าจะกลับแล้วมั้ง

             //ดิว ว่าไง// ผมกระซิบกระซาบถามดิว

             //จะกลับแล้วแอ้ //ดิวบอกผมว่าจะกลับแล้ว ผมแอบยิ้มนิดๆ

             //อยู่ไหนแล้วอ่ะ// ผมถามดิวแอบมองหาว่าติ๊กมันลงมาหรือยัง

             //อยู่บนเครื่องบินแล้วแอ้พรุ่งนี้กลับบ้านที่ค่ายฯกันนะ ดิวขับรถไป เราจะได้ไปฉลองวันเกิดลูกชายพร้อมกันและกลับไปโรงเรียนวันรุ่งขึ้นแทน// ดิวบอกผม

             //แต่ไอ้ติ๊กมันจะให้แอ้ไปพร้อมกับมัน อ่ะดิว// ผมบอกดิว

            //เอาน่ะ ดิวจัดการเองเรากลับพร้อมกันพรุ่งนี้เลยแต่เช้าก่อนที่ไอ้ติ๊กมันจะตื่น// ดิวบอกผม

             //แค่นี้ก่อนนะแอ้ อาภีมมองดิวอยู่สงสัยจะคิดว่าดิวแอบคุยกับลูกชายเขาอยู่นะ// ดิวพูดผมก็อมยิ้มก็มึงแอบคุยอยู่นี้ไง

            //เจอกันนะดิว //ผมพูดและกดวางสายไปทันที ผมหันมาก็เจอ ไนท์ เขายังคงยืนอยู่ด้านหลังผม ผมก็คิดว่าเขาเดินออกไปซะแล้ว ก็ผมคุยกับดิวนานพอสมควร

          “อ้อ! มีแฟนแล้วนี่เอง” ไนท์ถามผม ผมก็พยักหน้าว่ามีแล้ว

          “ได้ยินชื่ออยู่น่ะ คงจะเป็นคนที่ชื่อดิวใช่ไหมครับ คนที่เกือบจะต่อยผมวันนั้นนะครับ” ไนท์พูดผมกับผม ผมก็ทำสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ ถ้าไนท์ไปบอกติ๊กล่ะ ว่าผมบอกกับไนท์ว่าผมกับดิวเป็นแฟนกันจะทำยังไงดี

             “เราขอโทษน่ะ “ผมพูดขอโทษไนท์จะว่าไปเขาก็เป็นคนที่สุภาพคนหนึ่งแต่ผมมีคนที่รักแล้วและยังเป็นพ่อของลูกๆ ผมอีกผมก็จะเลือกคนนี้ ไนท์ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินหันหลังออก

            “ไนท์ เราขออย่างดิอย่าบอกติ๊กที่นายได้ยินเราคุยกับดิวได้ไหม” ผมขอร้องไนท์ ไนท์หยุดก่อนจะหันกลับมามองผม

              “ได้ซิครับแอ้ ไนท์ชอบแอ้ไนท์ ดังนั้นไนท์จะไม่ทำร้ายคนที่ไนท์แอบรักหรอกครับ “ไนท์พูดผมก็พยักหน้าขอบคุณเขาผมหันเจอติ๊กและพายที่เดินลงมาแล้ว ติ๊กมองผมกับไนท์สลับกันไปมา

              “แอบมาแจกชขนมจีบแอ้อยู่นี้เอง” ติ๊กมันแซวผมกับไนท์

              “ติ๊กพี่กูโทรมาถามว่ากูจะกลับบ้านได้เลยไหมเพราะว่าพี่กู ให้กูกลับไปกรอกเอกสารในการสมัครเข้าเรียนแล้วว่ะติ๊ก กูต้องส่งเขาแล้ว “ผมพูดบอกติ๊ก ไมเชิงว่าผมโกหกแต่เอกสารน่ะยังไงก็รอได้อยู่แต่นี้ผมพูดเหมือนผมต้องรีบทำแล้ว

             “มึงกลับก่อนก็ได้นะเพราะว่ากูต้องไปกับพี่กู ส่วนพายมันจะรอเจออาเปรมดิ์ที่นี้ด้วย “ติ๊กบอกผม ผมก็พยักหน้าและหันไปเก็บทุกอย่างเพื่อจะได้กลับบ้าน

            “ให้รถที่โรงแรมไปส่งนะแอ้” ติ๊กบอกผม

            “ไอ้ดิวมันยังไม่กลับวันนี้ใช่ป่ะ มึงเป็นคนบอกกูเองนี่ ว่าจะกลับพรุ่งนี้” ติ๊กมันถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน ใช่ตามกำหนดการแต่นี้มันโทรมาบอกผมจะถึงแล้วผมเลยแค่ยิ้มให้มัน ผมก็ยอมรับว่าผมเองก็กันท่าดิวกับติ๊กเหมือนกันแต่ทำเยอะไปกว่านี้ก็ไม่ได้เพราะว่าผมก็แคร์ติ๊กเหมือนกันแต่นี่ผมจำต้องโกหกเพราะถ้าผมบอกไปว่าดิวมันเปลี่ยนวัน ติ๊กมันคงไม่ให้ผมอยู่กับดิวสองต่อสองแน่ๆ ผมเลยเลือกที่จะไม่พูดอะไร ผมเดินไปหยิบทุกอย่างใส่กระเป๋าเป้ และเดินลงไปเพื่อไปนั่งรถของโรงแรมกลับบ้านผม ส่วนติ๊กคงมีธุระและอาจจะไม่กลับไปที่บ้านก็ได้ ผมเดาเอา
             TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง) EP.36.1(ดิว Xแอ้)แอ้เสียใจ(ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 14-02-2024 13:01:28
EP.36.1(ดิว Xแอ้)แอ้เสียใจ(ครึ่งหลัง)

              Part’ s ดิว เครื่องบินส่วนตัวเป็นเครื่องบินเจ็ท เครื่องบินส่วนตัว รุ่นใหม่ที่มีความเร็วสูง ใช้เวลาสั้นกว่าเครื่องบินปกติ และบินยิงยาวรวดเดียวมาถึงที่สนามบินส่วนตัวทันที ตอนนี้ผมกำลังนั่งรอพี่คนขับรถของโรงแรมของอาภาคย์ที่จะมารับผม พ่อให้ผมกลับไปบ้านก่อน พ่อผมจอดรถไว้ที่โรงแรม ผมดีใจเพราะว่าไม่ต้องทนตาร้อนแอบมองพ่อกับอาภีมสวีทกันมันอิจฉาครับและยิ่งทำให้ผมคิดถึงคนที่บ้านแย่แล้วผมน่ะ ส่วนพ่อผมกับอาภีมว่าจะอยู่รอลุงกฤษณะที่ตามมาด้วย ด้วยเครื่องบินเจทส่วนตัวเหมือนรู้สึกว่าจะออกมาพร้อมๆ กับพวกผมเลย ดังนั้นก็น่าจะถึงแล้ว ถ้ามาด่วนแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องหารือกันแน่ๆ ผมเชื่อว่าบรรดาพ่อๆ ก็ไม่ได้นั่งเฉยปล่อยลูกโดนรังแกฝ่ายเดียวแน่นอน

              ผมเหลือบมองเวลาเกือบจะสามทุ่มแล้วด้วย พ่อผมก็นั่งกับอาภีมคุยกันกะหนุงกะหนิง ผมแอบมองพ่อผมเป็นระยะๆ พอพ่อผมเงยหน้ามาก็หาอะไรปาใส่ผมทันที มองก็ไม่ได้พ่อผมนิและที่ผมแอบมองเพราะว่ามันทำให้ผมแอบคิดไปถึงอนาคตของผมกับแอ้ผมอยากเป็นเหมือนพ่อผมกับอาภีม ผมรู้ว่าพ่อผมก็ผ่านอะไรมาเยอะมากเหมือนกันกว่าจะได้อาภีมมาเป็นของพ่อผมและชีวิตรักของผมกับแอ้ก็อาจจะคล้ายๆ กับพ่อผมกับอาภีม พ่อผมมีคนขัดขวางความรัก ไม่ใช่ใครอื่นคนเดียวกับผมเลย นั้นคือลุงหนึ่งที่เป็นคนขัดขวาง แต่เหตุผลอะไร แค่เพราะว่าต้องการให้ผมคู่กับบอยเหรอผมว่ามันน่าจะมีมากกว่านั้นอีก



           ข่าวซุบซิบดารา

            นายแบบหนุ่มฮอท ไนท์ หรือทิชากรที่กำลังมาแรงในขณะได้ แอบซุ่มดูแลหัวใจ ลูกชายนายทหารยศสูงสุด พลเอกภีมปภพ ที่ชื่อแอ้มีคนแอบถ่ายภาพขณะกำลังป้อนน้ำหวานชื่นใจไม่รู้ว่าคนป้อนหรือน้ำหวานอันไหนจะหวานกว่ากัน

            “ฟั๊ค!!” ผมสบถออกมาดังลั่นไปหมดเมียผมมีชู้

           “อะไรดิว” พ่อภาถามผมและอาภีมก็มองหน้าผม

            “เมียมีชู้อ่ะพ่อ ดูดิไม่น่าไปกับพ่อเลย เห็นไหมเนี่ย!!” ผมพูดขึ้นมาแต่ก็ทำเอาอาภีมหันมามองหน้าพ่อผม

           “มันมีเมียแล้วเหรอพี่ภา” อาภีมหันไปถามผมพ่อผมทันที

           “ผมมี…” ผมก็กำลังจะอ้าปากพูดว่าเมียผมก็ลูกชายอานั่นแหละ

          “เมียอะไร มึงไม่มีเมีย …ดิว!” พ่อผมพูด พี่คนขับรถมาถึงพอดี พี่เขาเดินลงมาเพื่อจะเปิดประตูให้ผมพี่เขาได้ยินก็มองหน้าผมทันทีแต่ผมนี้อยู่ในโหมดกำลังหึงเมีย

            อายุยังน้อย มีเมียแล้วเหรอครับรีบเหรอครับ” พี่เขาถามผมด้วยเช่นกัน พ่อผมขยิบตาและส่ายหัวให้ผม อาภีมก็มองหน้าพ่อผมกับผมสลับกันไปมา

           “ตกลงลูกชายพี่มีเมียหรือไม่มีเมียเนี่ย” อาภีมถามพ่อผม

           “ไม่มีภีม มันเพิ่งจะเรียนจบมัธยมเองน่ะ “พ่อผมพูดก่อนจะพยายามดันผมให้เข้าเข้าไปในรถ สังเกตจากสายตาอาภีมผมว่าอาภีมกำลังไม่เชื่อพ่อผมอยู่ พ่อผมหันไปยิ้มให้อาภีมที่ยืนเอามือกอดอกมองอยู่

             “กลับบ้านและถ้ามึงจะไปวันเกิดลูกก็ไปน่ะ พ่อจะทำหนังสือให้มึงหยุดอีกวัน วันจันทร์” พ่อผมพูดลอดไรฟันกับผม ก่อนจะหันไปยิ้มกับอาภีม และนี่แหละที่ผมต้องการ ผมรีบพยักหน้าทันที ได้อยู่อ้อนเมียตั้งหนึ่งวันก็ยังดี

              “ภีมเข้าไปรอพี่ณะด้านในกันพี่ณะน่าจะลงเครื่องบินส่วนตัวแล้ว “พ่อผมบอกอาภีมและดันอาภีมกลับเข้าไปด้านในเช่นกัน



               พี่คนขับรถเข้ามาทำหน้าที่คนขับเพื่อไปส่งผมที่บ้าน พี่เขาก็ออกรถทันที ผมเข้าไปดูแอ้ในแอปพลิเคชันที่ใช้คุยกัน แอ้มันไม่ได้ออนไลน์เลย แต่ว่าหายไปไหนของเขานะ อยู่ห้องนอนหรือเปล่าแต่ผมเข้าไปดู ก็เห็นพายโพสต์รูปว่ากำลังอยู่ที่โรงแรมกับพ่อ ส่วนติ๊กผมไม่รู้ แต่ผมว่าแอ้ไม่น่าจะอยู่กับติ๊กแน่ๆ

                และทันทีที่รถที่มาส่งผมที่บ้านเข้ามาจอดผมก็ไม่ลืมขอบคุณคนขับรถ ก่อนจะเดินเข้าไปแต่ไม่ได้เข้าบ้านตัวเอง ผมเองก็เดินมาหยุดและมองขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้าน ผมจำได้ว่านั้นห้องนอนแอ้ผมก็หยิบก้อนหินและผมก็เขียนใส่ในกระดาษพร้อมกับโยนขึ้นไปผมว่าแอ้อยู่ในห้อง ผมยืนเอามือล้วงกระเป๋ารอคนด้านบน

            “ดิว!” แอ้เปิดหน้าต่าง แอ้ชะโงกหัวออกมามองผม ผมทำมือให้แอ้ลงมาเพื่อจะได้เคลียร์เรื่องข่าว มันทำให้ผมหึงจนรอพรุ่งนี้เช้าไม่ไหว แอ้ก็ปิดหน้าต่างลง ตรงที่ผมยืนคือท้ายบ้านไม่นานแอ้ก็เดินลงมา แอ้สวมชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืดเข้ารูปสีแดงขับกับผิวขาวๆ นั้น

              “มีอะไรดิว เดี๋ยวพี่กูก็” แอ้ถามผม ผมเดินตรงเข้าไปและ

             “หมับ!” ผมจับแอ้ดันไว้ที่กำแพงบ้านเอาแขนกันแอ้ไว้ แอ้มองหน้าผม ลมหายใจอุ่นๆ ของแอ้ลดใบหน้าของผม ตอนนี้ใบหน้าเราสองคนอยู่ใกล้กันมากจนผมเริ่มขยับริมฝีปากรอ

             “เอื้อก!” เสียงแอ้กลืนน้ำลายดังเอื้อกมันทำให้ผมแอบกระหยิ่มยิ้มย่อง นั้นแปลว่าแอ้ก็อยากจะจูบผมเช่นกัน

             “ให้ใครป้อนน้ำหวานให้วันนี้แอ้” ผมถามแอ้

            “ไม่ได้ให้ใครป้อนซะหน่อย” แอ้พูด

            “แอ้ บอกดิวมาเดี๋ยวนี้เลยน่ะ” ผมกำลังคาดคั้นเอาความจริงจากแอ้ แอ้ก็มองหน้าผม

            “ไอ้ไนท์” แอ้เอ่ยชื่อไอ้คนที่ผมเคยจะตะบันหน้ามันไปแล้ว ตอนที่ไปนั่งเฝ้าแอ้และติ๊กถ่ายแบบ

            “แต่มันไม่ได้ป้อนกู มันแค่หยิบมาให้กูเฉยๆ ดิว” แอ้พูด ผมก็โชว์มือถือให้แอ้ดู มันเหมือนทำท่าจะป้อนน่ะ

            “กูรับมากินเองดิว “แอ้บอกผมแต่ผมเชื่อทุกคำพูดที่แอ้พูด ผมก็เก็บมือลงไปในกระเป๋ากางเกงทันที ผมเชื่อคนที่นอนคุยกันมากกว่าข่าวอยู่แล้วแต่ว่าอาการหึงมันห้ามไม่อยู่จริงๆ

             “และมันก็รู้แล้วว่ากูกับมึงคบกันอยู่แต่กูขอไอ้ไนท์ว้ว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับติ๊ก “แอ้บอกผม ผมแอบคิดในใจอย่าบอกน่ะว่านี้ไอ้ติ๊กเป็นนกต่อให้ไอ้ไนท์มาจีบแอ้

              “แต่รูปหลุดในนี้กูไม่รู้ใครทำและมันก็เป็นภาพที่ถ่ายจากมุมที่มองเหมือนกับว่ามันจะป้อนกูแต่ไม่ใช่นะดิว “แอ้บอกผม ผมก็มองใบหน้าเนียนๆ นั้น

             “ต่อให้ไม่ใช่อย่างที่เขาโพสต์ไว้ก็ตามแต่ดิวก็จะทำโทษ” ผมพูดพร้อมกับสอดมือผมเข้าไปประสานมือแอ้และขึงไว้ที่กำแพง ผมใช้ความแข็งแกร่งล๊อคตัวแอ้เอาไว้และผมก็ประกบปากจูบแอ้ทันที ไม่จูบธรรมดาไซ้ลงมาที่ซอกคอนั้นด้วย

             “ดิว …อาร์…. อย่าดิว ..อาร์…พี่อ้นอยู่บ้านดิว” แอ้ร้องครางและพยายามห้ามผม แต่น่าทีนี้เอาช้างมาชุดก็ไม่อยู่ ผมปลุกอารมณ์ของแอ้จนแอ้เริ่มต่อต้านผมน้อยลง ผมก็กลั้นใจหยุดซะก่อน แอ้มองผมประมาณว่าเสียอารมณ์หน่อยๆ น่ะที่ผมหยุดทำหน้าตาเฉย

           “คิดถึงอ่ะ ไปนอนห้องดิวน่ะ บอกพี่อ้นว่าเราไปทำการบ้านกัน น่ะแอ้ การบ้านเยอะ อยากทำการบ้านกับเมียมากเลย การบ้านค้างมาหลายวัน  “ผมพูดก่อนจะก้มลงไซ้คนตรงหน้าต่อ ดิวพยายามบิลด์อารมณ์เมียน่าดู แถมน้องหนูในกางเกงดิวก็แข็งปังขึ้นมาทันที ผมว่าแอ้รู้สึกได้ว่ามันกำลังดันโคนขาอ่อนแอ้อยู่

            “ครูเขาไม่ได้ให้การบ้านไม่ใช่เหรอไอ้ดิว” แอ้ถามผม

            “ดิวนี่แหละจะให้การบ้านเอง ไปน่ะไม่ไหวแล้วอ่ะ จะแตกแล้วเนี่ยะ!” ผมพูดและเลิกเสื้อยืดแอ้ขึ้น

           “ดิวไม่เอา เดี๋ยวพี่กูเห็น” แอ้ก็เอาดึงชายเสื้อลง ผมกำลังจะดูดสองจุดที่แปะไว้อยู่แล้ว

          “ไอ้แอ้!นั้นมึงหรือเปล่านะ “ผมก็สะดุ้ง เสียงพี่อั๋น เรียกแอ้ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองและแอ้ก็ดันผมออกพร้อมกับจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย ทั้งที่ผมกำลังปลดตะขอกางเกงแอ้อยู่แล้ว แอ้ก้มลงมองก่อนจะติดมันให้เรียบร้อย แถมยังแอบค้อนผมอีกน่ะ ผมรู้ว่าผมเร็วมากเรื่องแบบนี้

           “ใช่พี่อั๋นมีอะไร!!” แอ้ตะโกนถามพี่อั๋นและทำมือสั่งห้ามไม่ให้ผมพูดอะไรทั้งนั้น แอ้ทำมือให้ผมหมอบลงไปที่พุ้มไม้

            “มึงนั่นแหละที่มีอะไรแอ้ ยังมีหน้ามาถามกูกลับอีก ห๊ะ! “พี่อั๋นตะโกนลงมาถามแอ้

            “และนั้นมึงลงไปทำอะไรที่ตรงนั้นน่ะ มันรกขนาดนั้นไอ้แอ้!” พี่อั๋นชะโงกหัวมาจากห้องนอนพี่เขา แอ้ทำนิ้วไล่ผมออกไปก่อน ผมสั่นหัวว่าไม่ไปอ่ะ

            “ไปก่อน!!” แอ้พูดผมลอดไรฟัน

           “ทำของตกอ่ะเลยลงมาเก็บ นี่กำลังหาอยู่พี่อั๋น เออ หาเจอแล้วด้วย” แอ้ตะโกนตอบไป ผมก็ต้องหมุดออกมาก่อน ใจก็เสียดายสงสัยผมจะได้ค้างแน่ๆ คืนนี้ ยังไงก็ต้องหาเหตุผลให้แอ้ไปค้างห้องผมให้ได้



            Part's แอ้ ผมรีบเดินกลับเข้าบ้านทันที ก็ไอ้ตัวดีมันดันมาเรียกผมลงไปหาที่ด้านหลัง พอไอ้ดิวมาถึงก็แสดงบทรักที่หึงหวงผมกับไอ้ไนท์ทันที ไอ้นายแบบที่มันบอกว่ามันชอบผมวันนี้ แต่ความซวยใครไม่รู้แอบถ่ายคลิปผมกับไนท์ ตอนที่กำลังส่งขวดน้ำหวานให้ผมแต่ในมุมนั้นมันเหมือนกับว่าเขาป้อนผมแล้วแต่ผมไม่ได้ให้มันป้อนสักหน่อย เลยทำให้ผมโดนดิวมันบดขยี้ริมฝีปากแม้จะไม่ได้ดิบเถื่อนซะทีเดียว



            ผมใช้นิ้วเรียวๆ ของผมแตะที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ ใจก็อยากจะหาเรื่องไปนอนกับดิวอยู่นะ แต่พี่อ้น พี่อั้ม พี่โอมอยู่บ้านซะด้วย ครบชุดขนาดนี้ แต่ถ้าพี่อ้นไม่อยู่ผมยังขอไปได้ พี่อั้มนะเขาเข้าใจผมที่สุด ส่วนพี่โอมน่ะ ตามใจน้องเพราะว่าพี่แกมักจะหาเรื่องออกไปหาเด็กในสังกัดพี่เขาตลอดอยู่แล้ว อยู่ไม่ค่อยติดบ้าน

             "พี่อ้น" ผมเดินออกมาก็เจอพี่อ้นที่ยืนกอดอกอยู่ พี่อ้นมองหน้าผมและมองช่องที่ผมเดินออกมา

             "มึงลงไปทำอะไรนะ ไอ้แอ้ กูบอกให้มึงดูทีวีและเตรียมตัวนอน นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วมึง "พี่อ้นถามผม ผมหันไปเห็นพี่โอมเลี้ยวรถเก๋งคันสีขาวเข้ามาป้ายแดงซะด้วย สงสัยพ่อถอยให้ใหม่แน่ๆ

            "เออ ของหล่นนะพี่อ้น แอ้เลยลงไปหา แต่เจอแล้วและกำลังจะขึ้นแล้วพี่อ้น"ผมพูด พี่อ้นแหงนหน้าขึ้นไปมองที่ห้องนอนของผม ใช่มันไม่ได้ตรงกับห้องนอนผมเลย

            "มันหล่นมาไกลเนอะ ปามาเองหรือเปล่ามึง นี่แอบนัดหนุ่มมาแอบคุยหรือเปล่าไอ้แอ้! "พี่อ้นพูด ทำเหมือนอยู่ในเหตุการณ์เลย เพราะน้องโดนหนุ่มที่ชื่อไอ้ดิวมันนัดมา

             "ไม่มี!จะขึ้นแล้ว "พูดทำแก้มป่องเพื่อกลบเกลื่อนและทำท่าจะแทรกตัวขขึ้น

               "รีบขึ้นห้องเลย นั้นเสียงรถพ่อมาแล้วมึง"พี่อ้นพูดบอกผม พ่อกลับมาแล้วแต่ทำไมมาที่หลังไอ้ดิวก็ไม่รู้ ที่แน่ๆ ผมต้องรีบกลับขึ้นห้องก่อนเช่นกัน เดี๋ยวพ่อจะถามาเรื่องที่ผมโดนโพสต์ลงโซเชียลเพราะว่าดันมีชื่อพ่อผมอยู่ในนั้น แต่แปลกนะพี่อ้นกลับไม่ถามผมสักคำ หรือว่าพี่อ้นยังไม่รู้

             "ดิวไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ก็กลับไปเรียนแล้ว พรุ่งนี้แอ้จะนอนห้องดิวนะ ค่อยทำการบ้านแล้วกัน รักดิวน่ะ "ผมส่งข้อความเข้าเบอร์มือถือของดิวแอบสปอยด์ชวนดิวทำการบ้านด้วยแค่คิดก็เสียดายนิดๆ ผมยอมรับว่าตั้งแต่มีลูกกับดิว ผมมีอารมณ์อย่างว่าทุกครั้งที่ดิวพูดทะลึ่งกับผม และจู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงรถแล่นตามเข้ามาจอดอีกคันแต่ผมคิดว่าอาจจะเป็นรถของพ่อภาแน่ๆ ตอนนี้ผมยืนอยู่ตรงบันไดว่าจะขึ้นห้องนอนผมอยู่แล้ว

           "ภีม บอกพี่ซิ ว่ามันยังไงกัน ตกลงแอ้กับดิวเขายังไงเขารักหรือไง"ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงลุงหนึ่งดังเข้ามา ลุงหนี่งมาบ้านพ่อผม เสียงที่ทำให้ผมสะดุ้งกลัวทุกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไม ผมยืนนิ่ง เสียงนั้นกำลังตรงไปทีห้องทำงานของพ่อผม

            "ถ้าเขาจะรักกันภีมจะไม่ห้ามเลยเพราะนั้นมันหัวใจของเขาทั้งคู่พี่หนึ่ง ผมน่ะเลี้ยงได้แค่ตัวแต่ไม่ใช่หัวใจ "พ่อภีมพูด พ่อจะไม่ห้ามความรักของผมสองจริงเหรอ ผมหันมองซ้ายและขวา ผมเองก็อยากจะรู้ ผมเลยเดินถอยหลังมายืน ผมเห็นลุงหนึ่งจริงๆ ด้วย แม้จะเห็นแค่ด้านหลังผมก็พอจำได้กำลังยืนอยู่ในห้องทำงานของพ่อภีม แต่ทำไมภาพด้านหลังแบบนี้มันคุ้นตาผมเหลือเกิน

            "แต่พี่ห้าม"ลุงหนึ่งพูด มันทำให้ผมตื่นจากภวังค์ นี่ลุงหนึ่งห้ามผมกับดิวไม่ให้รักกันอย่างนั้นเหรอ แต่ก็แน่ละก็ไอ้ดิวมันคือคนที่ถูกเลือกนี่ ลุงหนึ่งก็คงไม่เห็นด้วยแน่นอน แล้วพ่อจะคัดค้านได้เหรอถ้าผมกับดิวจะรักกัน มันทำให้ผมเริ่มเห็นอนาคตของผมสองคนที่มืดมัวเต็มที

            "พี่จะมาห้ามทำไม แอ้เป็นลูกของภีมแล้วและพี่เองที่"พ่อภีมพูดแปลกๆ

            "ใช่พี่เอง เป็นพี่เองที่บอกให้ภีมอย่าเก็บแอ้ไว้ แอ้ผิดปกติและนี้ใช่ว่าพี่ไม่รู้ว่า ไอ้ภามันทำอะไรกับแอ้ แต่พี่กลัวภีมจะเดือดร้อน พี่ถึงได้ปล่อยให้มันเงียบมาจนถึงตอนนี้และพี่มีสิทธิ์ที่จะห้าม! “ลุงหนึ่งพูดบอกพ่อผมว่าเขาบอกไม่ให้เก็บผมเอาไว้ หรือว่าลุงหนี่งรู้เรื่องที่ผมมีลูกมดอยู่ในตัวผม แต่พ่อภาเคยบอกผมว่ามันมาที่หลังและนี้ที่ทำให้ผมต้องถอยหลังออกมา ยืนนิ่งตกใจสิ่งที่ลุงหนึ่งพูด ">เขาไม่อยากให้พ่อภีมเก็บผมเอาไว้

           “ผมรู้ว่าพี่ทนได้ แม้กระทั่งจะเห็นแอ้ ตายต่อหน้าพี่ ผมทำไม่ได้ และตอนนี้เขาเป็นลูกผม ผมมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจให้เขา!!” พ่อภีมพูดเสียงดังใส่ลุงหนึ่ง ผมไม่เคยเห็นพ่อผมโกรธขนาดนี้และต่อหน้าลุงหนึ่งแบบนี้ด้วย แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล จริงๆ แล้วเขาไม่ได้อยากให้ผมอยู่ เขาอยากให้ผมตายเหรอ

           "ภีมรักษาแอ้จนหายแล้ว ภีมรักแอ้ ... เหมือนลูกภีม"พ่อผมพูดผมกำลังหัน ผมไม่ได้ยินประโยคหลังชัดเจนเท่าไหร่ เพราะว่าตอนนี้หูผมอื้ออึงไปหมด

            “ดังนั้นภีมคนเดียวที่มีสิทธิ์ในตอนนี้ พี่หนึ่ง”

           "แต่แอ้...เขาเป็น…."ผมสะดุ้งตกใจแต่ไม่ทันแล้ว

            "โคล้ม! "ผมชนอะไรบางอย่างล้ม พ่อวิ่งออกมาดูผมทันที ตอนนี้น้ำตาผมไหลมามากมาย ผมเสียใจที่เขาบอกว่าไม่ได้ให้ผมอยู่แต่พ่อเลือกให้ผมอยู่ ให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อ

            "แอ้ แอ้!ฟังพ่อก่อน"พ่อภีมและลุงหนึ่งที่มองผม ลุงหนึ่งตกใจเหมือนกัน แต่ผมไม่ควรอยู่ตรงนี้ ทำไม ผมผิดปกติมากจนเขาไม่อยากให้ผมมีชีวิตอยู่เลยเหรอ ผมวิ่งออกมา

           "แอ้!มึงจะวิ่งทำไมของมึงวะ?"พี่โอมถามผม ผมวิ่งมาเจอพี่โอมก่อน พี่เขากำลังจะเดินเข้าบ้าน

             "พี่โอม กุญแจรถละ"ผมถามพี่โอมพร้อมกับแบมือขอกุญแจรถเพราะว่าผมเพิ่งจะเห็นพี่โอมขับรถเขามาหมาดๆ รถน่าจะจอดอยู่ด้านนอกสุดในตอนนี้

             "น่ารักวะน้องกู วิ่งมาจะเอากุญแจจะเอาเก็บให้เอง นี้ไง ลูกรักเลยน่ะ เพิ่งถอยออกมา "พี่โอมพูดและผมคว้ากุญแจ และวิ่งออกไปทันที

             “ไอ้นี่!จะรีบวิ่งไปดูลูกรักกูเหรอ ดูแต่ตานะมึง อย่าสะกิดเดี๋ยวเป็นรอย “พี่โอมตะโกนตามหลังผมออกมาผมเห็น รถเก๋งฮอนด้า สีขาว รุ่นใหม่ล่าสุดเลย ผมรีบเข้าไปในรถพร้อมสตาร์ท ทันทีผมต้องออกไปจากตรงนี้

              "แอ้ จะไปไหน!! "พี่อ้นตะโกนผมไม่ได้ฟังอะไรทั้งนั้นผมเร่งเครื่องและขับออกไปเลย ผมรู้ว่าคงได้มีรอยยางไหม้ที่พื้นกันบ้างเพราะว่าผมเบิ้นเครื่องและออกตัวแบบเร็วที่สุดเพื่อให้ออกไปให้เร็วที่สุดเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าผมจะขับไปไหนแต่น้ำตาผมไหลไม่หยุด ผมก็ปาดน้ำตาไปด้วย มือก็ประคองพวงมาลัยรถไปด้วย มือถือผมก็สั่นแต่ผมก็เลือกที่จะไม่กดรับมัน

               “ตกลงเขาไม่ได้อยากให้กูอยู่เหรอวะดิว ฮือๆ” ผมร้องไห้ไปด้วยและปาดน้ำตาไปด้วยและยังบังคับพวงมาลัยไปด้วย น้ำตาเริ่มไหลรินเป็นทางระหว่างที่ผมกำลังขับรถออกไป ภาพเบื้องหน้ามัวๆ เพราะว่าน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมานั้น มันทำให้วิสัยทัศน์เริ่มไม่ชัดเจนแต่ผมก็พยายามบังคับพวงมาลัยและเท้าก็เหยียบคันเร่งไปด้วย

              TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง) EP.37(ดิว Xแอ้)ดิวอยากให้แอ้อยู่ NC 18+
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 15-02-2024 12:45:17
EP.37(ดิว Xแอ้)ดิวอยากให้แอ้อยู่ NC 18+

          Part’ s ดิว ผมจำใจเดินกลับบ้าน ผมอยากจะชวนแอ้มานอนค้างที่บ้านผมแต่ดูท่าแอ้ไม่ยอมมาแน่ๆ ถ้าพี่อ้นอยู่บ้านแบบนี้ แต่แปลกน่ะว่าทำไมพี่ๆ บ้านอ. อ่างพากันอยู่บ้านไม่ยอมออกไปซ่าที่ไหนกันเลย ผมใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากของผม ผมจูบแอ้เพราะผมหึงแต่ไม่เท่าที่ผมทำกับแอ้วันนั้นที่ผมหึงแอ้กับไอ้พี่ภาณุ ไอ้ไนท์นี้แอ้ไม่สนใจมันหรอกผมรู้ ตอนนี้ผมเดินกลับมาที่บ้านผม ผมเห็นรถมาส่งพ่อผมเป็นรถเก๋งคันหรูที่มาจากโรงแรมของอาภาคย์ ผมก็แอบคิดไหนพ่อบอกว่ามีเครสรอทำคลอดที่โรงพยาบาลไง นั้นแน่พ่อทำเพื่อลูกโดยการยอมโกหกหวานใจของพ่อ

              “ดิว เห็นอาภีมมาหรือยัง” พ่อถามผมทันทีที่เจอหน้าผม ผมก็ส่ายหัวว่าไม่รู้ พ่อผมชะเง้อมองเหมือนมีอะไรสักอย่าง

              “มีอะไรเหรอพ่อ และไหนพ่อบอกว่ามีเครสรอคลอดไง” ผมถามพ่อผม พ่อมองหน้าผม

              “กูโกหก เพื่อจะได้รีบกลับ กูไม่อยากตอบคำถามเรื่องหลานลุงณะกับพ่อตามึงน่ะเพราะมันจะพาลมาถึงเรื่องของลูกตัวดีกูด้วย” พ่อผมพูดก่อนจะหันมามองผม ผมก็ยิ้มแฉ่งแถมยังชูนิ้วโป้งให้พ่อผมด้วย แต่พ่อผมดันส่ายหัวแทนซะนี่ ลูกอุตส่าห์ชมว่าพ่อสุดยอด

              “ไอ้ดิวพ่อต้องไปบ้านอาภีมก่อนนะ เราขึ้นไปบนบ้านเลย พ่อเห็นรถลุงหนึ่งมาหาอาภีมน่ะ” พ่อผมพูด ผมหันไปมองจริงด้วย พ่อคงไม่อยากให้ผมปะทะกับลุงหนึ่งอีกน่ะ

                “พ่อให้ผมไปด้วยไหม” ผมถามพ่อ พ่อหันมามองหน้าผม

                “ไปเพื่อช่วยให้มันแย่ลงหรือไง มึงแรงกว่ากูอีกดิว อยู่นี้แหละ จะได้เตรียมตัวไปหาลูกๆ พรุ่งนี้เช้า” พ่อผมพูด โธ่อุตส่าห์อาสาจะไปเป็นแบคหลังให้พ่อซะหน่อย

                    “นั้นพี่กู กูคุยเองได้ เข้าใจน่ะดิว” พ่อผมพูด ผมพยักหน้า ผมรู้ว่ากฎเหล็กของทุกบ้านคือพวกผมจะไม่ข้ามรุ่นกัน แต่พวกผมก็ไม่ชอบให้ใครมาก้าวก่ายสิทธิของพวกผมเช่นกัน แต่พยายามจะไม่ข้ามเล้นจนพ่อๆ พวกผมถูกมองไม่ดีจนหาว่าไม่สอนเรื่องพวกนี้พวกผม ดังนั้นบรรดาพ่อจะเป็นคนออกหน้าให้ถ้าจำเป็น แต่ส่วนใหญ่จำเป็นทุกเรื่อง

                    “ดิว นั้นรถกระบะที่มึงอยากได้ พ่อซื้อให้แล้ว ขับดีดีละ “พ่อผมพูดและโยนกุญแจรถให้ผม ผมก็ยิ้มทันที จังหวะที่ผมกำลังหันหลังจะไปดูรถใหม่ที่พ่อถอยมาให้ เป็นรถกระบะโฟว์วีลแบบสี่ประตู ผมเป็นคนชอบแบบลุยๆ ไม่ชอบรถเก๋งหรูๆ ยิ่งโลดเตี้ยยิ่งไม่ชอบเอาซะเลย แต่พ่อจะซื้อรถมินิแวนเอาไว้สำหรับบ้านผม ก็ลูกเยอะ

                    "บรื้นๆๆ "เสียงรถที่เร่งออกไปอย่างรวดเร็ว ใครหนอรีบอะไรขนาดนั้น รถพี่โอมนี้ คงรีบไปโป่ง โป้ง ฉึ้งกับเด็กๆ แน่ๆ หรือว่าพี่อ้นจะไปด้วยนะ เดี๋ยวดูรถก่อนแล้วขึ้นไปหาเรื่องชวนแอ้ลงมาดูรถใหม่ดีกว่าแต่ว่า

                     "ไอ้แอ้มึงจะไปไหน!! "เสียงพี่อ้นตะโกนถามแอ้ เฮ้ย! ที่เร่งออกไปนั้นคือแอ้เหรอ งามไส้ล่ะผมว่า! ปกติแอ้มันทำแบบนี้ ถ้าไม่มีเรื่อง ผมหันหลังกลับไปมอง พ่อก็หยุดชะงัก ส่วนผมวิ่งเข้าไปดูเห็นพี่โอมกับพี่อ้นยืนเถียงกันอยู่สองคน

                     "ไอ้แอ้!! รถกูเพิ่งถอยมาเมื่อวาน ขับแบบนี้คงได้เจิมแน่นอน ลูกรักของโอม พี่อ้น ดูน้องพี่ดิ!! "พี่โอมอีกคนแต่น้ำตาแถบไหลรถคันนั้นรถพี่โอม ผมวิ่งไปชะเง้อพ่อผมยืนมองอยู่และหันมามองผมพี่อ้นกับพี่โอมกำลังเอะอะโวยวายกันอยู่

                     “กูเห็นแล้ว แล้วมึงให้กุญแจน้องไปทำไมล่ะไอ้เวร!!! “พี่อ้นหันมาบ่นพี่โอมใหญ่เลย

                    "ดิวไปดูแอ้ มีเรื่องอะไรแน่ๆ "พ่อหันมาพูดกับผมมองคนที่เดินออกมาลุงหนึ่ง ชัดเลยมีเรื่องแน่นอน



                   ผมรีบวิ่งไปที่รถที่พ่อเพิ่งจะโยนกุญแจมาให้ โดดขึ้นรถผมและขับตามออกไปทันทีด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูง แต่โชคดีที่ถนนเส้นนี้เป็นเส้นตรง ส่วนแอ้เองก็ขับเร็วมากเช่นกันแต่ผมคิดว่ารถใหม่ผมกำลังแรงม้าแรงกว่า ผมก็เร่งขึ้นมาจนผมตามแอ้ทัน เกือบร้อยหกสิบแล้วนะแอ้ผมคิดในใจ ผมก็ตีขึ้นมาเทียบเท่าแอ้พยายามบอกให้แอ้เบาแต่แอ้ไม่มองมาที่ผมเลย เอาไงดีน่ะ

               “ปี้นนนนนน!!!” ผมบีบแตรดังสนั่นแต่ความเร็วของรถแอ้ก็ไม่ลดลงเลย ผมเลยตัดสินใจเหยียบขึ้นไปอีกจนแซงรถแอ้ขึ้นไปอีกและได้ผล พอพ้นรถแอ้ไปผมก็ตัดสินใจ ผมหมุนพวงมาลัยเพื่อขวางหักรถกลับ ตอนนี้รถผมประจันหน้ากับรถแอ้แล้ว แอ้ขับตรงมา ผมก็หลับตาปี๋รอคือถ้าแอ้ไม่เบรกก็ชนและโดนผมเต็มๆ แอ้เบรกสุดตัวทันที

               “เอี้ยด!!!!!!” เสียงดังจนแสบแก้วหู จากการเหยียบเบรก ผมค่อยลืมตาขึ้นมอง

                “ฟู่!!!” เล่นเอาผมพ่นลมหายใจออกจากปลายจมูกที่โด่งรั้นของผมทันที

                “เอื้อก” เสียงผมกลืนน้ำลายลงคอที่หันไปเห็นว่ารถผมกับรถแอ้มันใกล้กันมากจนเกือบจะชน



                 ผมก็รีบกระโดดลงจากรถของผม ผมได้กลิ่นยางไหม้คลุ้งไปหมด ผมไม่รอช้ารีบวิ่งไปเปิดประตูรถฝังคนขับ ผมกอดแอ้ แอ้ตัวสั่นไปหมด มือยังจับพวงมาลัยแน่น ผมต้องค่อยๆ แกะมือแอ้ออก แอ้หันมามองหน้าผม น้ำตาไหลรินอาบสองแก้วนั้นทำเอาผมใจหายเลย แอ้หันมากอดผมแน่นมาก แค่นี้ก็ไม่ต้องพูดว่าแอ้รู้สึกยังไง เสียใจที่สุด ผมก็กอดแอ้ตอบทันที

                 "ใจเย็นแอ้ ใจเย็นๆ หายใจลึกๆ แอ้ “ผมพูดปลอบแอ้ ผมรับรู้ถึงการเต้นหัวใจที่ดังจนแทบจะทะลุออกมาด้านนอก ผมตัวดันแอ้ออก ผมมองใบหน้านั้นก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยออกและพาแอ้ลงมาจากรถเพื่อไปนั่งที่รถของผมแทน

                  "แอ้ดิวจะเอารถของแอ้เข้าข้างทางนะครับ แอ้นั่งรอดิวในรถนี่น่ะ ดิวจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ดิวรู้ว่าแอ้เสียใจนะครับ "ผมบอกแอ้ แอ้ได้แต่พยักหน้ากับผม ผมรีบเดินกลับมาที่รถของแอ้และเข้าไปในรถเพื่อขับรถของแอ้เข้าข้างทางที่ตรงไหล่ทาง ผมเดินลงมาจากรถเพื่อจะไปที่รถของผม ผมกดโทรออกไปหาพี่อ้น

                   //พี่อ้น ผมไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ผมอยู่กับแอ้แล้วพี่ ผมจะจอดรถแอ้เขาเอาไว้ทีไหล่ทางน่ะพี่ ผมจะพาแอ้ไปกับผม ผมว่าแอ้รู้สึกแย่อ่ะพี่ //ผมโทรหาพี่อ้น

                   //ได้ดิว พี่จะไปเอารถไอ้โอมเอง ป่านนี้มันนั่งร้องไห้ เป็นห่วงรถใหม่มันแล้ว ดูแลไอ้แอ้น้องพี่ด้วยน่ะ ขอบใจว่ะดิว//พี่อ้นบอกผม น้ำเสียงของพี่อ้นดูเป็นห่วงแอ้มากกว่าทุกครั้งและยอมให้ผมพาแอ้ไปแต่โดยดี


                   ผมหันไปเห็นรถที่แล่นมาพร้อมกับเปิดไฟกะพริบเพื่อเข้าจอดไหล่ทางรถคันนั้นคือรถของพี่ดิมพี่ชายของผม ส่วนตัวผมเองก็รีบกลับไปขึ้นรถ ผมก็หันกลับมองคนที่นั่งข้างๆ ผมก้มลงมองมือของแอ้ที่ประสานกันไว้แบบนี้ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่สะเทือนใจมากแต่ใครกันที่ทำแบบนี้กับแอ้ ผมเห็นแล้วก็เจ็บใจขึ้นมาทันที ผมก็รีบขับรถออกโดยไม่ได้ทักทายพี่ดิม ผมเห็นพี่อ้นลงมาจากรถพี่ดิมและตรงไปที่รถที่แอ้ขับออกมา

                   ผมก็ขับรถตรงไปที่คอนโดของผมทันที เป็นคอนโดของบ้านผมเอง พ่อซื้อเอาไว้ เพราะว่าใกล้กับโรงพยาบาลของพ่อผม สาขาที่กรุงเทพและเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ทำรายได้ดีติดอันดับต้นๆ ของโรงพยาบาลทั้งหมดที่พ่อผมมี แอ้เองก็นั่งเงียบไปตลอดทางเช่นกัน ผมเอื้อมมือไปจับมือของแอ้ที่ประสานกันไว้ ผมแกะมันออกและเอามากุมไว้ขณะที่ผมขับรถ ผมยังไม่กล้าถามอะไรแอ้มากในตอนนี้ ผมรู้สึกได้ว่ามือแอ้ยังสั่นอยู่ แสดงว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

                  "แอ้ ถึงแล้ว"ผมหันไปบอกแอ้ ผมนำรถเข้ามาจอดได้สักพักแอ้ก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ แอ้หันมามองผม น้ำตาแอ้ไหล ผมเองก็ตกใจ เห็นแบบนี้แอ้ร้องไห้ยากมากนะถ้าไม่เจ็บปวดจริงๆ ผมปลอดเข็มขัดแอ้ออก

                   "ขึ้นห้องกันดีกว่าแอ้ "ผมบอกแอ้ แอ้พยักหน้ากับผม ผมรีบมาเลยไม่ได้กลับไปคุยอะไรกับพ่อเลย พ่อบอกดูช่องทางเอาไว้ให้ผมแล้ว ถึงจะยากจะหนักผมจะทำ


                   ผมพาแอ้ขึ้นไปบนคอนโดของผมทันที ระหว่างที่เดินดูแอ้เดินเหม่อๆ ผมก็ต้องคอยประคองให้แอ้เดินต่อไปจนถึงห้อง พอปิดประตูลงผมก็พาแอ้ไปที่ห้องนอนทันที ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว แอ้นั่งลงที่ข้างเตียงและผมก็นั่งลงข้างๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นผมนั่งยองตรงหน้าแอ้ ผมเงยหน้าขึ้นมองแอ้ แอ้ก็มองผม ผมยิ้มอ่อนๆ ให้แอ้ ผมอยากให้แอ้ยอมรับว่าตัวเองก็มีโมเมนต์ขี้อ้อนน่ารักกับเขาเหมือนกัน แอ้ยิ้มอ่อนๆ ให้ผม

                 “ใครทำอะไรแอ้บอกดิว ซิแอ้” ผมถามแอ้ ผมเอาฝ่ามือแตะที่แก้มแอ้เบาๆ

                 "ดิวเขาไม่ได้อยากให้กูอยู่ "แอ้พูดเสียงสั่นๆ ผมก็ต้องเลิกคิ้วสูงเพราะว่าผมไม่เข้าใจที่แอ้พูด

                 “ใครเหรอแอ้ ใครไม่อยากให้แอ้อยู่และนี่มันเรื่องอะไรกันแอ้ “ผมถามแอ้ แอ้หันมามองหน้า

                  “เขาบอกว่าอันที่จริงเขาไม่ได้อยากให้แอ้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วดิว ฮือๆ เขาอยากให้กูตายดิว แต่พ่อภาช่วยแอ้ไว้ดิว ฮือๆ” แอ้พูด มันทำให้ผมนึกขึ้นได้เรื่องที่แอ้จำเป็นต้องมีมดลูกและกลายเป็นเด็กผู้ชายท้องได้เพราะว่าแอ้ป่วยหนักมาก

                  “หมับ!” ผมดีดตัวลุกขึ้นมากอดแอ้เอาไว้ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ผมกอดอยู่แบบนั้น

                   “ใครละแอ้ ที่พูดแบบนั้นแอ้ บอกดิวซิ” ผมพูดปลอบแอ้

                  “ฮือๆ” แอ้ร้องไห้จนตัวสั่นโยน แสดงว่ามันหนักจริงๆ สำหรับแอ้ตอนนี้

                 "แต่ดิวอยากให้แอ้อยู่ แอ้เราจะอยู่ด้วยกันนะแอ้เพราะว่ามีครอบครัวที่น่ารักรอเราอยู่ ใครบอกแอ้มาแบบนั้น ช่างเขาปะไร เราไม่สนอยู่แล้ว ดิวบอกแอ้แล้วว่า เราจะอยู่ด้วยกัน ดังนั้นดิวแคร์แอ้ที่สุด

 
                   ผมกอดแอ้แน่นกว่าเดิมแอ้ก็กอดผมแน่นมากเช่นกัน แน่นจนไม่อยากจะปล่อยผมออก และคนที่ทำให้แอ้เสียใจแบบนี้ผมคิดว่าลุงหนึ่งแน่ๆ ที่เป็นคนพูด ผมก็กำหมัดแน่น ผมคงต้องปะทะกับเขาครั้งใหญ่แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ เขาต้องมาพูดว่าเขาไม่ให้ผมเลือกแอ้แน่นอนแต่ผมไม่เข้าใจที่แอ้บอกผมว่าเขา ไม่ให้แอ้อยู่นั้นหมายถึงอะไร ทำไมอาภีมไม่ทำอะไรเลยแอ้ลูกอาภีมทั้งคนน่ะ ทำไมลุงหนึ่งมามีสิทธิ์ในตัวแอ้มากกว่าอาภีม แต่คงไม่ใช่กับผมแน่นอน

                   ผมก็ดันแอ้ให้นอนราบลงไป ผมขึ้นไปคร่อมร่างของแอ้เอาไว้แทน ผมใช้ฝ่ามือผมลูบไล้ใบหน้าแอ้ไปมา แอ้ใช้ซอกคอหนีบมือผมเอาไว้เหมือนกับว่าเขาชอบที่ผมทำ ผมก็ยิ้มให้แอ้ ผมอยากให้แอ้แสดงออกแบบนี้กับผมบ่อยว่าแอ้ต้องการอะไรอยากให้ผมทำอะไร

                    “คนที่พูดนั้นคือลุงหนึ่งใช่ไหมแอ้ บอกดิวเถอะ” ผมถามแอ้ ผมรู้ว่าแอ้ไม่อยากให้ผมดื้อกับลุงหนึ่งเพราะว่าแอ้กลัวว่าพ่อผมจะเดือดร้อนและผมอีกคน แต่ผมจะทำหน้าที่ปกป้องคนที่ผมรักให้ถึงที่สุดเหมือนที่พ่อผมทำ

                    “แอ้บอกดิวซิ” ผมถามแอ้ แอ้ไม่ได้พูดไอ้แต่พยักหน้า ตอนนี้แอ้เหมือนเด็กน้อย เหมือนลูกๆ ของผมไม่มีผิดเพี้ยน

                     "แอ้ ต่อให้ดิวจะต้องปะทะกับลุงหนึ่งดิวก็จะทำ แอ้ ดิวเลือกแอ้ หัวใจดิวเลือกแอ้ อย่าฟังใครว่าใครจะเลือกให้ดิวคู่ด้วยเพราะหัวใจดิวเลือกแอ้เท่านั้นและดิวก็เชื่อว่าลูกๆ ดิวเลือกแอ้เช่นกัน "ผมพูดกับแอ้

                      ผมก้มลงประกบปากจูบแอ้ แอ้ก็จูบผมตอบ แถมมือแอ้ที่ไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตผม ไม่บ่อยเลยที่แอ้จะน่ารักกับผมแบบนี้ ผมก็รีบถอดเสื้อเชิ้ตและโยนทิ้งไปด้านข้าง แอ้ก็น่ารักปลดกระดุมกางเกงยีนของผมและรูดมันลงเพื่อผมจะได้ถอดมันออกไป ผมก้มลงไปช่วยแอ้ถอดเสื้อผ้าออกและปลดกระดุมกางเกงและพากันถอดมันออกไปจนหมดทุกชิ้น

                 "วันนี้น่ารักน่ะ ดิวชอบอ่ะ ชอบให้แอ้แสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา อยากก็บอกว่าอยาก ชอบก็บอกว่าชอบ ทำบ่อยๆ น่ะ "ผมกระซิบที่ข้างหูแอ้ และซุกไซ้ที่เบาพร้อมกับเม้มขบติ้งหูของแอ้

                  ผมรู้สึกว่ามันคงปลุกเร้าอารมณ์แอ้น่าดู แอ้ขยับส่ายไปมาปลายลิ้นฝีปากบขึ้นมาเลียที่ริมฝีปาก มันยิ่งดูเซ็กซี่เร่าใจดิวมาก ดวงตาคู่งามนั้นก็หลับตาพริ้ม มันบ่งบอกได้ว่าแอ้กำลังอยู่ในห่วงอารมณ์ไหน ผมเดาได้เลยว่าเป็นช่วงนั้นแน่ๆ แต่ผมก็ต้องพักยกเอาไว้ก่อนเรื่องปั๊มลูกเพราะว่าพ่อผมสั่งมา

                 “อะ….ดิว….. แอ้เสียว” แอ้พูดผมก็ชะงักมองแอ้ ผมชอบแอ้ตอนนี้มันดูน่ารักและยั่วอารมณ์ผมที่สุด

                  “อืมม …อื้ม ….. อ้าห์ … ซี้ด …ดิว “แอ้ร้องครางเมื่อผมไล่ริมฝีปากไล่ลงไปจากแผ่นอกและไปยังหน้าท้อง ผมขบและเม้มแอ้ก็เด้งแอ่นสู้ผม

                    “ดิว!!” แอ้เรียกผมเสียงหลงเมื่อผมไล่ขบไปจนถึงเนินเนื้ออ่อนเหนือโคกไปหน่อย แอ้แอ่นขึ้นและลงตามจังหวะการขบของผม ผมก็ยิ่งได้ใจทำต่อ เหมือนกับว่าผมกำลังทรมารคนที่นอนเบื้องล่างยังไงก็ไม่รู้

                     “ดิว แอ้ เสียวทนไม่ไหวแล้วดิว!!” แอ้พูดพร้อมกับร่างที่เริ่มกระตุก

                     "เร็วซิดิว ใส่ซะทีซิ แอ้ไม่ไหวแล้วอยากได้ ดิว!! "แอ้ร้องคราวและเร่งให้ผมสอดใส่เข้าในช่องทางรักได้แล้ว ผมก็ลุกขึ้น และมองแอ้ ผมยิ้มให้แอ้ ผมชอบแอ้ทำตัวน่ารักแบบนี้บนตียงแบบนี้เหลือเกิน และผมก็เดินไปที่โต๊ะเล็กๆ เพื่อหยิบถุงยางและเจล ของพวกนี้จะมีอยู่ประจำติดไว้ ผมจัดการสวมมันลงไปและละเลงด้วยเจลหล่อลื่น

                      ผมก็กลับมาที่เตียง แอ้มองผมสายตามันยั่วยวนผมเอามากๆ แอ้ยกขาขึ้นตั้งเพื่อรอต้อนรับแกนกายของผมที่มันชูชัน พ่อยังพูดเลยว่าของผมโตเกินวัยไปมากทีเดียว ทำไมพ่อถึงรู้ได้เพราะว่าผมให้พ่อเก็บเชื่ออสุจิไปผสมตอนที่ผมอยากมีน้องมีนและน้องมีนก็คือสิ่งที่พิเศษของผมและแอ้ด้วยแต่แอ้ไม่เคยรู้

                      “มาซิดิว” แอ้เรียกร้องผมให้เข้าไปหาเขาสักที ผมก็ขึ้นไปและมองแอ้

                      "ได้ผัวจัดให้ เมียขอมาขนาดนี้ ผัวจัดให้ถึงใจเลย"ผมพูดบอกแอ้ แอ้มองผมและยิ้มยั่วยวนมาให้ผมและผมก็แหวกขาแอ้ออกพร้อมกับค่อยๆ ดันส่วนนั้นเข้าไปช้าๆ แต่ก็ลื่นไหลได้ดีจนเข้าไปได้ครึ่งทาง ผมรู้ว่าแอ้ก็อึดอัดปนจุกๆ ผมก้มลงจูบแอ้ แอ้ก็จูบผมกลับ

                       “ดิว แอ้รักดิว่นะแต่ไม่อยากทำร้ายดิว” แอ้พูดกับผม ผมมองแอ้ แอ้ไม่เคยพูดคำนี้กับผมเลย ผมยิ้มออกมามากที่สุด ผมดีใจที่สุดที่ได้ยินแบบนี้

                      “แอ้ไม่เคยทำร้ายดิว ดิวรักแอ้ รักมากมากที่สุด ดิวรู้ว่าเราอายุยังน้อยและบางทีเหมือนดิวเห็นแก่ตัวแต่ดิวเชื่อว่าแอ้เกิดมาเพื่อดิวและลูกๆ ของดิว อยู่กับดิวนะแอ้ “ผมพูดและก็เริ่มขยับสะโพกเข้าออกแบบถี่ๆ แอ้ก็จับเอวผม พร้อมกับขับเพื่อให้ผมโยกเร็วขึ้น

                       “ดิว จัดหนักๆ แอ้อยาก…. ได้” แอ้บอกผมด้วยน้ำเสียงกระเซ้ามาก ฟังแล้วน้องผมก็ยิ่งแข็งขึ้น

                       “ห๊ะ!” ผมร้องออกมาคือไม่เคยได้ยินแบบนี้เลยนะ

                       “เร็วซิดิว แอ้อยากได้ “แอ้ยิ่งบีบเอวผมให้ผมซอยให้ถี่ขึ้น ผมก็ต้องสนองเมียหน่อย ถ้าพรุ่งนี้เอวเคล็ดนี้ไม่ต้องโทษใครเลยนะ

                        “ปัก! ปํก! ปัก!” แบบเน้นๆ ขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่าหนักพอไหมและผมก็พลิกแอ้ให้ขึ้นบ้าง เพื่อว่าแอ้จะคุมเกมมันเองและถึงใจกว่า แอ้ยิ้มให้ผมและแอ้ก็โยกสะโพกเบาๆ ก่อน หลังจากนั้นงานคาวบอยก็มาทันทีขึ้นลงถี่ๆ วันนี้เหมือนคนโดนยาเลยบอกตรงๆ มันเร่าร้อนมากแอ้ขึ้นลงแบบขึ้นเกือบหลุดและลงแบบสุด

                       “ปึกๆ” เสียงดังแบบเน้นๆ จน

                       “แอ้! “ผมเรียกแอ้และจับเอวแอ้ยั้งเอาไว้ก่อน

                      “เบาๆ แอ้ เดี๋ยวของดิวหัก เบาได้เบานะเมียน่ะ! “ผมพูดบอกแอ้ เพราะเล่นขึ้นก็สุดลงก็สุดแบบนี้ โอกาสจะหักมีสูง แอ้ก้มลงมองผมและก็ค่อยๆ ขึ้นลงแบบเนิบๆ สีหน้าแอ้บอกได้ว่าแอ้มีความต้องการทางเพศมากกว่าทุกครั้ง


                       ผมก็รู้สึกแปลกใจ แต่ผมก็นึกขึ้นมาได้พ่อเคยบอกผมไว้ ตอนนั้นผมและพ่อต้องการเก็บไข่ของแอ้เอาไปผสมเทียม พ่อบอกว่าสังเกตว่าแอ้จะไข่ตก ให้ดูจากวันไหนที่แอ้มีความต้องการทางเพศค่อนข้างสูง (อาจจะไม่เหมือนกันทุกคนแต่แอ้เป็นแบบนั้นจริงๆ) และผมก็พลิกแอ้ให้ไปอยู่ในท่าดอกกี้ แอ้เหลียวหลังมามองผม ผมเทพมากที่พลิกร่างแอ้โดยไม่ให้หลุดจากกันและผมก็เด้งสวนเข้าออกอย่างต่อเนื่องแอ้ก็โยกแบบเด้งรับจังหวะเราเข้ากันเหมือนเล่นเพลงเดียวกัน

                       ผมพาแอ้มาที่ขอบเตียงเพื่อจะได้ซอยเน้นๆ ดูแล้วถ้าผมใช้ท่าธรรมดาจะไม่ถึงใจเมียแน่วันนี้ เขาเรียกวันพิเศษของเมียจัดให้หนักๆ หน่อย โชคดีที่พ่อสั่งห้ามผมเพราะว่าแอ้ต้องไปทดสอบร่างกายพ่อห้ามผมหนักหนาว่าอย่าทำให้แอ้ท้องในช่วงนี้ ไม่อย่างนั้นผมคง ไม่สวมถุงหรอก อยากมีลูกกับแอ้หลายๆ คน พักไว้แค่นี้ก่อนรอแอ้เรียนจบดิวจะจัดอีกสักสามสี่คนแค่คิดก็ยิ้มแล้ว แอ้หรี่ตามอง ผมก็เลยต้องทำหน้าที่สามีให้ถึงใจเมียก่อน เสียงดังสนั่นไปทั้งห้องจนกระทั่ง

                     “ดิว อ้าห์ “แอ้ร้องเรียกชื่อผมออกมา ไม่นานร่างผมกระตุกและนั้นก็แปลว่าผมสำเร็จแล้วแอ้น่าจะเช่นกัน


                      ผมรับรู้ได้ว่าแอ้กระตุกเหมือนกัน แอ้ทิ้งตัวนอนลงแผ่ ผมก็ค่อยถอนแกนกายออกช้าๆ ผมโถมตัวเองขึ้นไปค่อมร่างแอ้แต่ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงทั้งหมด ผมจูบแอ้ที่แผ่นหลัง แอ้ผิวเนียนสวยมาก ผมว่าผู้หญิงก็ชิดซ้าย ยิ่งแอ้ได้กินฮอร์โมนสำหรับสร้างเอสโตรเจนสำหรับมดลูกด้วยแล้ว ผิวพรรณแอ้ยิ่งเปล่งปลั่งดูสวยเกินกว่าชายชาตรีและนี่ก็ทำให้ผมคิดหนักถ้าแอ้ไปฝึกต้องไปตากแดดตามลมล่ะ ไหนจะต้องอาบน้ำรวมกับผู้ชายคนอื่นอีก คิดแล้วก็อยากไปพร้อมกับแอ้แต่ผมต้องเรียนแพทย์ก่อน

                      “แอ้ ขอบคุณนะครับ วันนี้ดิวถึงใจที่สุด ดิวอยากให้แอ้แสดงออกแบบนี้ “ผมพูดกับแอ้ แอ้ก็มองผมและผมก็ค่อยจับมือแอ้


                       เราสองคนลุกขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัวพร้อมกัน ถูสบูกันในห้องน้ำ กอดกันในห้องน้ำภายใต้สายน้ำที่ไหลลงมารดที่ตัวของผมสองคน สักพักผมก็ออกมาแอ้สวมชุดนอนที่ผมสองคนเอามาทิ้งไว้ แอ้มาค้างที่นี้กับผมบ่อยเมื่อก่อน หนีไอ้ติ๊กมานอนด้วยกันที่นี้

                       “ดิว บอกพี่หมอด้าไว้หรือเปล่าว่าเราจะไปกันนะพรุ่งนี้” แอ้ถามผมขณะที่แอ้เดินกลับมาจากด้านนอก แอ้อุ่นนมมาให้ผมเหมือนเช่นทุกครั้ง ผมก็รับมาดื่ม

                       “สงสัยพี่มึงจะมานอนที่นี้ดิว นมนี่เพิ่งจะซื้อมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ “แอ้บอกผม

                      “น่าจะอย่างนั้น ช่วงนี้พี่ๆ โดนพ่อส่งมาอบรบกันเยอะขึ้นนะแอ้” ผมพูดและผมก็กระดกรวดเดียวหมดแก้ว

                       “ขอบคุณนะครับ ฟ๊อด” ผมพูดและส่งแก้วนมคืนให้แอ้ พร้อมกับหอมแก้มเป็นรางวัลให้แอ้

                        “ดิวไม่ได้บอกพี่ด้านะแอ้ว่าเราจะไป อันนี้เซอไพรส์” ผมพูดแอ้กํมองผมยกไหล่สูง แอ้เดินออกไป ไม่นานก็กลับเข้ามาและล้มตัวลงนอน ข้างๆ ผมแถมยังนอนแบบเบียดๆ กับผมอีก ผมก็หันมามองแอ้ สงสัยอยากกอดแน่ๆ ผมก็เลย วางหนังสือที่ใช้อ่านลงและโน้มตัวไปปิดไฟที่หัวเตียง

                        “รู้ว่าอยากกอด รู้สึกเมียว้อนผัวน่าดูนะคืนนี้น่ะ” ผมกระซิบแอ้ก็กอดผมและซบลงที่แผ่นอกของผม ผมเองก็โอบตัวแอ้เอาไว้เอามือลูบที่หัวไหล่แอ้เบาๆ ไม่กี่นาทีคนข้างๆ ผมก็หลับสนิท สังเกตได้จากลมหายใจที่เข้าออกอย่างสมำเสมอ

                        “อยู่เป็นเมียและแม่ของลูกให้ดิวนะแอ้ “ผมกระซิบกับคนที่หลับแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือไม่แต่ผมก็จะบอกเขาแบบนี้ทุกคืนที่ได้นอนด้วยกัน ผมโอบกระชับร่างนั้นเข้ามาไว้ภายใต้ร่างของผมเพื่อมอบไออุ่นให้ ผมเปิดแอร์เย็นพอประมาณเพื่อจะได้กอดคนนี้แน่นๆ


                         TBC…



หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.38(ดิว Xแอ้)เกือบไปแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 17-02-2024 20:41:30
EP.38(ดิว Xแอ้)เกือบไปแล้ว

              Part’ s ดิว ผมลืมตาขึ้น เช้าแล้วนี้แต่คนที่หนุนไหล่ผมยังหลับอยู่เลย ผมเอานิ้วเกลี่ยที่แก้มใสๆ นั้น เมื่อคืนแอ้ร้องไห้อย่างหนักที่เดียว แอ้เสียใจที่ลุงหนึ่งพูดแบบนั้น ผมนี้แค้นมาก ผมอยากรู้ว่าทำไม อาภีมถึงยอมลุงหนึ่งเรื่องแอ้ ลุงหนึ่งกับแอ้เป็นอะไรกันแน่ อย่าบอกนะว่าลุงหนึ่งจะเอาแอ้ไป ไม่น่ะลุงหนึ่งแก่แล้วแอ้ก็ยังเด็กมาก ผมนี้ไม่ยอมเด็ดขาด เพราะถ้าไม่อย่างนั้น ลุงหนึ่งจะมาห้ามผมกับแอ้ทำไม

            "กี่โมงแล้วดิว"แอ้งงัวเงียถามผม ทั้งที่ตายังหลับอยู่ เมื่อคืนผมสองคนจัดหนักไปหน่อย

             "เจ็ดโมงแอ้ ต่ออีกหน่อยก็ได้นะ กว่าแอ้จะได้นอนปาเข้าไปเกือบตีสองแล้ว"ผมพูด

             "ที่จริงน่าจะได้นอนตั้งแต่เที่ยงคืนนะ "แอ้ลืมตามองผม แอ้พูด แต่ยิ้มเล็กๆ มันช่างน่ารัก

             "อืมมม"ผมก้มลงประกบริมฝีปากเรียวได้รูป แอ้จูปผมกลับเช่นกัน ผมจูปและไซ้ไปตามซอกคอของแอ้ ตัวแอ้หอมตลอดเวลา ขนาดยังไม่อายน้ำ ไม่ต้องใส่น้ำหอมเลย หอมแบบธรรมชาติ

               "แอ้ดิวคุยกับพ่อแล้วนะ พ่อมีวิธีที่จะช่วยเราสองตนนะ แอ้ เชื่อใจดิวนะ ดิวจะทำ "ปมพูดสีหน้าแอ้กังวล

              "แอ้ไม่อยาก..อุ๊บ"แอ้จะพูดห้ามผม ผมรู้ว่ามันค่อนข้างหนัก

             "ดิวจะทำเพื่อลูก เพื่อคนที่ดิวรัก นะแอ้น่ะ ให้ดิวลองก่อน แอ้อย่าพึ่งไปคิดถึงอย่างอื่น"ผมพูดกับแอ้ แอ้มองหน้าผม

              "ทั้งที่ลุงหนึ่งประกาศว่า ห้ามเป็นแอ้อย่างนั้นเหรอดิว"แอ้พูดกับผม

               "แต่ดิวก็ประกาศว่าดิวจะเลือกคนที่ดิวรักเท่านั้น ดิวพูดต่อหน้าลุงหนึ่งก่อนที่ดิวจะบินกลับ "ผมพูด แอ้มองหน้าผม แอ้รู้ว่าผมเจอลุงหนึ่งทีไรปะทะกันทุกที ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันและเป็นเฉพาะรุ่นพวกผมด้วย

                 “ดิวบอกลุงหนี่งว่าดิวมีคนที่ดิวรักแล้ว ดิวจะเลือกคนที่ดิวรัก” ผมพูดกับแอ้ ผมหันไปหยิบกล่องที่ตอนแรกผมจะให้แอ้เมื่อคืนแต่ว่าพี่อั๋นเรียกซะก่อน ผมส่งกล่องนั้นให้แอ้ดู แอ้มองก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง แอ้รับกล่องนั้นไปเปิดดู แอ้มองหน้าผม ผมพยักหน้าว่าผมซื้อให้เขา มันมีสองวง แอ้เปิดดูแอ้มองหน้าผมก่อนจะส่งกล่องนั้นกลับคืนมาให้ผม

                "ทำไมละแอ้ ดิวซื้อให้แอ้ ดิวรักแอ้ ดิวเชื่อว่าแอ้รักดิว อย่างน้อยมันก็แสดงให้ดิวรู้ว่าแอ้คือของดิว ดิวก็มีอีกวงเหมือนกัน "ผมพูด แอ้มองหน้าผมก่อนจะหันหลังให้ผมแทน

                "ปลดตะขอสร้อยคอให้แอ้หน่อยจะใส่ไว้ที่สร้อยคอ แอ้เชื่อว่าเอาไว้ที่ไหนก็เหมือนกันเพราะว่าแอ้รู้อยู่แล้วว่าดิวรักแอ้ ไม่จำเป็นต้องให้คนทุกคนรู้ แค่เราสองคนและคนที่ในครอบครัวเรา แอ้ว่ามันเพียงพอแล้ว "แอ้พูด ผมพยักหน้าก่อนจะปลดตะข้อสร้อยคอ สร้อยเส้นนี้ผมก็เป็นคนซื้อให้ สร้อยคอทองคำขาวและแหวนนี้ก็ทองคำขาวเช่นกัน ผมซื้อมาตอนที่รอขึ้นเครื่องที่สนามบินแอบพ่อเข้าไปซื้อมา พ่อรู้แต่พ่อก็ทำเป็นไม่รู้

               "ดิวแหวนจะอยู่ที่นิ้ว หรือที้ไหนไม่สำคัญ มันสำคัญว่าใจ อยู่ที่ไหนเท่านั้น "แอ้พูด ผมแกะตะขอสร้อยคอให้แอ้ผมสวมแหวนใส่ไว้ที่ที่สร้อยคอให้แอ้และดันตะขอกลับเข้าไป

              "ขอบคุณนะ "แอ้พูด ผมมองแอ้

              " ทั้งแหวนและเมื่อคืน ขอบคุณนะ ดิว "ผมเอามือแตะใบหน้าเรียวได้รูป

                "ดิวทำเพราะแอ้คือหัวใจของดิว"ผมพูดแอ้ก็พยักหน้ากับผม ผมก็มีสร้อยคอทองคำขาวที่ซื้อมาด้วยกันสวมเอาไว้ ผมก็ปลดออกและสวมแหวนนั้นเอาไว้เช่นกัน แอ้มองแหวนที่ผมสวมไว้ที่สร้อยคอของผม

                   "แอ้โชคดี แต่มีบางคนที่น่าสงสารนะดิว เขาไม่โชคดีเหมือนแอ้ เขาอยากรักใครสักคนแต่เขาก็ไม่ได้รัก"แอ้พูด ผมขมวดคิ้ว ผมมองใครนะ

                   "แอ้หมายถึงใคร"ผมถามแอ้ แอ้มองหน้าผม

                 "คนที่เขาอยากให้ดิวรักเขาเหมือนที่ดิวรักแอ้"แอ้พูดกับผม

                "แอ้หมายถึงพายหรือบอย “แอ้มองหน้าผม ผมรู้ว่าแอ้รู้เรื่องบอยจากที่ผมบอกเขาทุกอย่างเกี่ยวกับบอย

                  “หรือว่าพาย พายน่ะรู้ว่าดิวชอบใคร "ผมพูดกับแอ้ แอ้ก็ยิ้มอ่อนๆ ให้ผมและลุกขึ้นเข้าห้องน้ำทันทีไป ผมรีบตามไป อาบน้ำด้วยกัน เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้อาบน้ำด้วยกัน ผมอาบน้ำกับแอ้มาตั้งแต่เด็ก เพราะแบบนี้หรือเปล่ามันทำให้ผมมีความรู้สึกทางเพศเร็วกว่าเด็กวัยเดียวกัน กลิ่นหอมอ่อนมันแตะปลายจมูกผม ผิวพรรณที่นุ่มนวลไม่รู้ว่าผู้หญิงจะนุ่มแบบนี้ไหมแต่ที่แน่ๆ ผมไม่อยากสัมผัสใครแล้วนอกจากผิวของแอ้ ผมใช่เวลาอาบน้ำเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะรีบออกมาแต่งนตัว วันนี้ผมจะไปเซอไพรส์วันเกิดลูกชายของผม

                    "แอ้ ลงไปหาอะไรทานข้างล่างกันไหม"ผมถามแอ้ คอนโดนผมมีคาเฟ่ชั้นล่าง

                     "ไม่มีอะไรในตู้เย็นเหรอดิว"แอ้ถามผม

                     "น่าจะมีนะเพราะพี่ดิ๊บมานอนอยู่นะเรียนหนักช่วงนี้ พี่ดิ๊บจะได้ไปเป็นหมออินเทิร์นเร็วขึ้น"ผมพูดกับแอ้

                    "แอ้ทำกินเองดีกว่า กินอะไรดีอะดิว"แอ้ถามผม

                   "ไข่ม้วนดีกว่า "ผมพูด

                  "ชอบเหมือนลูกๆ เลยนะ"แอ้แซวผม

                 "แม่ของลูกทำอร่อยนิ"ผมพูด เดินมาที่ห้องครัวเพื่อช่วยแอ้ ผมช่วยแอ้ทำอาหารด้วย ผมคิดว่าการเป็นพ่อบ้านที่ดีควรช่วยภรรยาทำด้วย ผมเตรียมนั้นเตรียมนี้ แต่จู่ๆ ผมก็ต้องชะงัก ผมหันไปมองพี่เดฟกับพี่เอ็กซ์ เดินออกมาจากอีกห้อง ผมกับแอ้พยักหน้าพร้อมกันและรีบแอบข้างตู้เย็นทันที

               “ไอ้ดิว พี่กูมา” แอ้พูด ผมชะโงกหัวไปมอง ผมพยักหน้าว่าใช่เลยพี่เอ็กซ์ตัวเป็นๆ เลย

                 “น้องเขาแซ่บดีน่ะเดฟแต่ว่าน้องเขาออกเพื่อนสาวไปหน่อยมึงน่ะ” พี่เอ็กซ์นี้เขาพาเด็กมาปั่ม ปั้มกันที่นี้เหรอ ผมกับแอ้รีบพลุบเข้ามุมหาที่แอบทันที

                  "เดฟ มีอย่างอื่นไหมนอกจากไข่"พี่เอ็กซ์ถามพี่เดฟ พี่เดฟพอทนพี้เอ็กซ์นี้ซิ พี่เดฟเดินมาหยุดที่ตู้เย็น พี่เดฟหันมาเจอผมสองคนพอดี พี่เดฟสะบัดหน้ามามองและแอ้สองทีติดเลย พี่เดฟตกใจ แบมือถามว่าผมมาเหรอ ผมพยักหน้าและผมก็ชี้พี่เอ็กซ์ พี่เอ็กซ์กำลังจะเดินมาดูที่ตู้เย็น เดินมาก็เห็นผมสองคนแน่ๆ

                  “มีอะไรในตู้เย็นมึงบ้างไหมให้กูดิ…” พี่เอ็กซ์ถามพี่เดฟ ผมเห็นเท้าพี่เอ็กซ์มาใกล้ๆ แล้ว

                 "โป้ก"พี่เดฟ เปิดประตูตูเย็นโดนหน้าพี่เอ็กเพื่อว่าพี่เอ็กจะได้ไม่หันมาเห็นผมสองคน ผมรีบหมอบกับพื้น ทั้งคู่และคลานออกไปทันที ไปแอบด้านหลังเคาเตอร์ตรงกลาง

               "โอ้ยย!!! เดฟ มึงบ้าหรือเปล่า เปิดตู้เย็นใส่หน้ากูทำไม หน้าตาที่หล่อขั้นเทพของกู "พี่เอ็กซ์เม้งแตกใส่พี่เดฟใหญ่เลย ก็โดนเข้าไปขนาดนั้น ผมสองคนนี้ยังเจ็บแทนเลย

                   "เอ็กซ์ กูขอโทษ เจ็บไหม "พี่เดฟ พูดและเข้าไปถามแบบว่าช่วยบังให้ผมด้วย

"มาโดนบ้างไหมสาดดดด"พี่เอ็กซ์ถามพี่เดฟ

                 "กูจะเปิดดูให้ไงว่ามีอย่างอื่นไหม "พี่เดฟพูดผมกำลังหมอบคลานกันเลย

                  "แล้วมึงทำไมไม่รอให้กูเดินไปถึงค่อยเปิดฟ่ะ โอ้ยย! เจ็บ หน้าผากกูโนไหมเนี๊ยะ ถ้าโนนะมึงเจ็บ "พี่เอ็กซ์พูด

                  “ไหนดูซิ มาให้หมอดูให้ กูเป็นหมอน่ะ มามากูดูให้” เสียงพี่เดฟบอกพี่เอ็กซ์ พร้อมกับจับหน้าพี่เอ็กซ์เอาไว้ไม่ให้หันไปหันมา ผมกับแอ้ก็รีบคลานหนีทันที พี่เดฟ ยึดจับใบหน้าพี่เอ็กซ์เอาไว้ไม่ให้หันเลย

“                  มึงหลอกกูเปล่าเนี๊ยะแบบว่าให้กูรู้สึกดีอ่ะแต่จริงๆ ไม่ใช่ เหมือนคุณหลอกดาว” พี่เอ็กซ์กับพี่เดฟเขากำลังสนทนากันอยู่ ผมสองคนก็กคลานหนีกันทันที ไม่กล้าลุกขึ้นวิ่ง

                   "เอาไงดีดิว รู้อย่างนี้กูให้มึงพาไปนอนคอนโดกูดีกว่า "แอ้บ่นผมทันที

                  "แอ้ ปืนลง บันไดหนีไฟ "ผมพูดบันไดหนีไฟของที่นี้เป็นแบบบันไดลิงเพราะว่าคอนโดที่ผมซื้อไว้ไม่ใช่คอนโดสูงแต่เป็นคอนโดที่มีแค่แปดชั้นแต่ห้องที่พ่อผมซื้อเอาไว้อยู่ชั้นห้า คอนโดนนี้พ่อผมซื้อเอาไว้นานแล้ว ผมตอนนี้ผมสองคนหมุดออกมาแล้ว โชคดีที่ผมเอากระเป๋าถือมาวางไว้ข้างนอกห้องนอนด้วย พี่เอ็กซ์ต้องเห็นแน่นอน

                 “ดิว” แอ้เรียกผมเพราะว่าผมสองคนออกมาได้ครึ่งทางแล้วจะถึงตรงที่จะไปลงบันไดหนีไฟ

                 "แป็ก"เสียงพี่เอ็กซ์ทำกระปุ๊กบัตเตอร์ตกลงพื้นและพี่เขาก็ก้มลงเก็บพอดี พี่เขาต้องเห็นผมสองคนแน่ๆ เลย แต่จู่ๆ

                  "เอ็กซ์ "พี่เดฟเรียกพี่เอ็กซ์เสียงหลง

                 "พลุ๊บ"พี่เดฟช่วยเอากระป๋องครอบหัวพี่เอ็กซ์ ระหว่างนี้ผมสองคนรีบวิ่งกันเลยครับและออกไปที่สามารถปืนลงบรรไดหนีไฟได้

                "ไอ้สาดเดฟ วันนี้มึงเป็นเชียอะไรของมึงเนี๊ยะมาครอบหัวกรูทำไมสาด และกูไม่เอากระป๋อง ตอนนี้!"พี่เอ็กซ์เม้งพี่เดฟดังขึ้น ผมสอคนหันไปมอง พี่เดฟก็ทำท่าเหมือนมีคนครอบหัวพี่เขาเหมือนกัน

                 “กูว่าพี่มึงเอามุกนี้มาจากTiktok “แอ้หันมาบอกผม ผมพยักหน้า

                  “กูสงสารพี่เดฟว่ะ” แอ้พูด พวกผมผ่านออกมาได้แล้วค่อยโล่งอกหน่อยแต่พอก้มลงลงไปด้านล่างก็เสียวเหมือนกัน

                  “ไม่เป็นไรหรอก พี่เดฟเขารักดิวเพราะว่าดิวนะน้องรักพี่เดฟน่ะ “ผมพูดแอ้มองเงยหน้ามองผม

                  “ถ้ากูเป็นพี่เดฟ กูคงรักมึงมากจนอยากเตะมึงมากกว่า หาแต่เรื่อง” แอ้พูดว่าผม

                 ผมสองคนปืนจากระเบียง สูงอยู่ระแต่ก็ต้องทำ และผมกับแอ้ พากันปีนลงไป ผมนึกในใจทำไมพี่เดฟจะมาก็ไม่บอก ผมปีนลงมาอย่างเร็วมาก จนเกือบถึงพื้น ผมมีกระเป๋าลงมาด้วย

                   "ผมช่วยไหมครับ "มีคนรอช่วยดีเลย ผมรีบส่งกระเป๋าให้ เงยหน้ามองแอ้ที่ตามผมลวมาติดๆ

                  "ขอบคุณครับพี่…เว้ยย!!!"ผมหันไปขอบคุณ ดันเป็น พี่รปภ

                      "ผมเห็นอะไรผิดสังเกตเลยมาดูนะครับ นึกว่าขโมย ไม่คิดว่าจะเป็นคุณดิว คุณแอ้ ปืนคอนโดตัวเองทำไมเหรอครับ เอ๊ะหรือว่า ลิฟต์เสีย แต่ถ้าลิฟต์เสียบันไดในอาคารยังใช้ได้นะครับ ใช้บันไดในอาคารดีกว่านะครับ"พี่ปรภ

                    "เออ ผมหัดไว้เพื่อ เกิดไฟไหม้ จะได้รู้ว่าบันไดใช้ยังไง เนอะแอ้เนอะ"ผมพูดแอ้พนักหน้า

                   "สุดยอดเลยครับคุณดิว คุณแอ้ "พี่เขาชม

                   "งั้นผมสองคนขอตัวนะครับธุระเยอะ"ผมพูดแบบขอตัว

                   “แต่อย่าทดสอบแบบนี้บ่อยนะครับ มันสูงครับ จะไม่คุ้มกันท่าตกลงมานะครับ ด้วยความหวังดีครับผม” พี่รปภบอกผมสองคน ผมสองคนก็พยักนห้า

                   "เออ คุณเอ็กซ์กับคุณเดฟมานี้ครับ ผมเห็นรถจอดอยู่ มิน่าละตอนเที่ยงคืนครึ่งผมเดินสำรวจ โอ้ย พาใครมาอิบ อิบแน่เลย ซีดซาดน่าดู ครางกันซะผมนี้ขนรุก "โอ้ว shit เพราะเวลานั่นแหละที่ผมสองคนอิบ อิบกัน ผมหันมามองแอ้ มันกัดปากและคงอยากหันมากัดหูดิวเหมือนกัน

                 "คงจะใช่ แต่อย่าแซวนะพี่ผมเตือน เมื่อคืนจบไม่สวย และตื่นเข้ามายังมีอารมย์ค้าง ถ้าพี่แซวขึ้นมางานอาจจะงานเข้า ช่วงนี้พี่เขาฝึกโหดมาก "ผมพูด

                 "จริงเหรอครับ โชคดีที่คุณดิวบอกผมก่อน งั้นไม่แซวครับ "พี่ รปภ.

                "ผมขอตัวนะครับ "ผมรีบพากันออกมาทันที่ และรีบไปขึ้นรถทันทีผมขับรถออกมา แอ้มองผม เมื่อคืนอยากบอกว่าแอ้สุดยอดมาก โอ้ว

                “ทำไมมองแบบนั้นละดิว” แอ้ถามผม

                 “เมื่อคืน สุดยอด อยากได้อีกอะ” ผมพูด

                   “ไอ้บ้าไอ้หื่น “แอ้หันมาตีผม หน้าก็แดงเขินแน่เลย

                     “เมื่อคืนหนังเอ็กซ์ชิดซ้ายเก็บไปได้เลยน่ะ ดิวชอบแอ้ตอนนี้ที่สุด แอ้เป็นตัวของตัวเอง “ผมพูด แอ้หันหน้าหนี

                  “หิวไหม แวะหาอะไรทานกันก่อนไหม แอ้” ผมถาม

                   “ที่ไหนดีละ” ผมถาม

                   “เออ มานรูดไหม “ผมถามแอ้

                  “ไอ้ดิว!! “แอ้หันขวับมาจะหยิกหูดิวอีกแล้ว

               “โอ๊ยแอ้อย่า ดิวขับรถ เขาล้อเล่น ร้านอาหารแถวนี้ก็ได้” ผมพูดพร้อมกับเอนตัวหลบแอ้ด้วยเกือบทิ้งพวงมาลัยรถแล้วเชียว ผมขับไปจนไปเจอป้ายร้านอาหารและผมก็เลี้ยวรเข้าไป เพื่อหาอะไรทานกันลองท้องก่อนเดินทางกลับ ไม่อยากกลเลยอยากอยู่แบบนี้กันสองคน แต่ทำยังไงได้มีภาระกิจต้องทำรถแฃะคนจเฯ๋บ
ฃรออยู่ ต้องทำให้เสร็จ นั้นไปเซอไพรส์วันเกิดน้องมีน สองขวบแล้ว ป่านนี้คงนั่งหง๋อยกันหมดแล้วเพราะว่าผมบอกไว้ว่าไปไม่ธิ
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.39(ดิว Xแอ้)เซอไพรส์วันเกิดน้องมีน ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 18-02-2024 21:41:05
EP.39(ดิว Xแอ้)เซอไพรส์วันเกิดน้องมีน ครึ่งแรก

       แอ้VSดิว หลังจากที่ผมสองคนเพ่นกันออกมาจากคอนโดก็ขับรถไปค่ายทหารทันที ผมชำนาญการขับรถตั้งแต่ยังไม่สิบแปดปี ผมขับรถให้พ่อผมบ่อยและเดินทางไปกลับกรุงเทพบ่อยเหมือนกันก็เรียนอีกที่ลูกอยู่อีกที ตอนแรกคิดว่าถ้าผมได้เข้ามหาวิทยาลัยผมจะพาลูกๆ ไปอยู่กรุงเทพด้วยซ้ำ

           “เป็นไงละไอ้ดิว ดีนะที่เดฟช่วยเอาไว้ไม่อย่างนั้นกูจะตอบคำถามพี่เอ็กซ์ยังไง” แอ้พูด ผมขับรถจนใกล้จะถึงบ้านแล้ว

            “แอ้ เราต้องบอกพี่ๆ แล้วนะ สงสารพี่ดิมและ พี่เดฟอ่ะ ที่ต้องโกหกเพื่อนซี้แบบนั้นตลอดและเราปิดไปไม่ได้นานอยู่แล้ว ลูกเราโตขึ้นทุกวันแอ้” ผมพูดบอกแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม

             “แอ้ ดิวเชื่อว่าหลานๆ น่ารัก ลุงๆ นะหลงหลานแน่ๆ เชื่อดิ” ผมพูด แอ้หันมามองผมอีกที

               “จะว่าไป ยังไม่ได้เปิดเครื่องเลยน่ะและส่งข้อความหาไอ้ติ๊กอีก ป่านนี้มันไปตามหากูที่บ้านแล้ว” แอ้พูด ผมก็มองแอ้และยิ้มให้แอ้

               “ยิ้มอะไรดิว” แอ้เหลือบตาขึ้นมองผม

                “แอ้ ดิวส่งข้อความหาติ๊กให้แล้ว บอกว่าแอ้จะนอนคอนโดของแอ้” ผมบอกแอ้ แอ้หันมาทำหน้าตกใจ

                  “จะขอบใจเหรอ” ผมถามแอ้

                 “ดิว พี่อั๋นเขาเอากุญแจไป เขาจะไปนอนที่นั่น พี่อั๋นเขาจะอ่านหนังสือเลยอยากได้ความสงบอ่ะ แอ้ได้ยิน พี่อั๋นบอกกับพี่อ้นอยู่ ก่อนออกจากบ้านไป” แอ้พูด ผมก็มอง

                  “คงไม่ซวยขนาดที่ติ๊กมันไปถามพี่อั๋นหรอกมั้งแอ้” ผมพูดขึ้น

                  “ภาวนะขออย่าให้มันถามก็แล้วกัน “แอ้พูดและหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดดู มีข้อความเข้ามามากมาย แอ้ก็ไล่อ่านดู ผมก็หันไปมองแอ้

                  “ว่าไงมีข้อความจากติ๊กไหมแอ้” ผมถามแอ้

“ไม่มีอ่ะ แปลกน่ะ “แอ้พูด

               “ช่างมันเถอะ ไม่มีก็ดีแล้ว ดิวไม่อยากให้ติ๊กมันว่าอะไรแอ้อีก “ผมพูดขณะที่ผมกำลังขับรถไปที่ค่ายทหาร ผมกุมมือแอ้ไว้ตลอด

                “แอ้ ตอนเช้ามืดแอ้ฝันร้ายเหรอ ดิวเห็นแอ้ร้องไห้และกอดดิวแน่นมาก ดิวตกใจเลยอ่ะ” ผมหันไปถามแอ้ แอ้ก็มองผม

               “ฝันร้ายเหรอแอ้” ผมถามแอ้ แอ้ชอบนอนฝันร้ายตลอด

               “อืม” แอ้พยักหน้าเบาๆ

              “ฝันว่าอะไรละ เห็นแอ้ฝันร้ายบ่อยมากเลย ดิวเป็นห่วง “ผมพูด ตอนนี้ผมขับมาใกล้จะถึงค่ายฯทหารแล้ว ตอนนี้ก็เกือบจะห้าโมงเย็นแล้วด้วย กะว่าไปถึงก็ได้เวลาอาหารเย็นเลย

              “ฝันเหมือนเดิมอ่ะดิว “แอ้พูดกับผม ผมหันไปมองพร้อมกับเลิกคิ้วสูง เหมือนเดิมนี้คือ

              “ที่บอกว่าฝันว่าแอ้สวมชุดตะเบงมานอะไรนั้นนะเหรอ และดิวก็ถือดาบแบบสงครามยุกต์บางระจันอีกแล้วเหรอแอ้” ผมถามแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม ผมถึงกับเกาหัวแกร็ก แอ้ชอบฝันว่าตัวเองเป็นผู้หญิงยุกไหนก็ไม่รู้

               “อย่าถามกูนะว่ากูดูหนังบางระจันก่อนนอนหรือเปล่า กูไม่ได้ดู ดิวแต่กูฝันอีกแล้วและรอบนี้ กูฝันว่า ลูกๆ กูไปกันคนละทิศละทางเลย กูกลับคิดถึงแฝดวะดิว “แอ้พูดผมหันมามอง

              “ไม่เอานะ สงสัยเมื่อวานแอ้คงกังวลเรื่องลุงหนึ่งน่ะ เลยฝันเป็นตุเป็นตะไป “ผมพูดตอนนี้รถผมเลี้ยวเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ว ผมยังไม่เห็นรถพ่อของผมนะ ไม่รู้ว่าจะกลับมาไหม แต่เห็นรถพี่ๆ ผมจอดอยู่ พี่ดิมก็มาถึงแล้วเช่นกัน

               “แล้วของของขวัญลูกๆ ละดิว” แอ้ถามผม ผมหันมามองหน้าแอ้

                “ดิวเอาใส่ไว้ในรถพี่ดิมวันก่อนที่จะไปงานบ้านลุงณะ ลูกๆ จะได้รู้ว่าเรามาไม่ได้” ผมพูด แอ้หันมามองหน้าผม

                “มึงแกล้งลูก” แอ้หันมาทำหน้าดุ

                “นิดนึง” ผมตอบแอ้ ผมเดินเข้าไปด้านในบ้านกันอย่างเงียบๆ ผมเห็นมีลูกโป่ง สีฟ้าแสดงถึงว่าวันนี้วันเกิดใครคนใดคนหนึ่ง แน่นอนต้องน้องมีนของผม วันนี้น้องมีนครบสองขวบแล้ว มีลูกบอลลูนเลขสองลอยอยู่

                “วันนี้พ่อแอ้พ่อดิวจะมาหรือเปล่าป้าด้า” เด็กน้อยถามพี่ชายของผมพี่หมอด้า

                “บอกอย่าเรียกป้าไง เรียกลุงด้าซิครับ” พี่ด้าผมพูดตอนนี้กำลังจัดสถานที่เพื่อจะได้ฉลองวันเกิดลูกชายเกือบคนเล็กของผม

                 “พี่ด้าอาหารเด็กน้อยให้จัดไว้ที่โต๊ะเด็กเลยไหม…. “ไอ้เดียร์น้องชายคนเล็กของผมตอนนี้มันแจกขนมจีบน้องชายเกือบคนเล็กของแอ้อยู่คือน้องแอม เดียร์มันหันมามองเจอผมกับแอ้ที่เข้ามายืนเงียบๆ อยู่ โดยที่ลูกแฝดยังไม่รู้ ผมทำนิ้วจุ๊ปากให้เดียร์มันอย่าเพิ่งส่งเสียงหรือพูดอะไร

                “ป้าด้า วันเกิดพวกเราจะมีลูกโป่งอะเปล่า” มาริโอเจ้าหนูจังไหมถามพี่หมอด้าของผม

                “มีซิครับ” พี่หมอด้าพูด ผมก็เข้ามายืนใกล้เข้าไปอีก และหันมามองหน้าแอ้ แอ้ปิดปากขำลูกๆ ตอนนี้ช่วยพี่ด้าของผมวุ่นวายตกแต่งโต๊ะที่จะใช้วางพวกเค้กวันเกิดของน้องมีน

                  “เอาละเด็กๆ เราไปรอทานอาหารกันดีกว่า คุณปู่ใกล้จะถึงแล้วครับ ส่วนพ่อแอ้กับพ่อดิว ลุงด้าว่าคงไม่ได้…” พี่หมอด้าพูดหันมาเจอผมสองคนยืนพ่อดีเลย

                 “มา!” พี่หมอด้าพูดพร้อมกับทำท่าตกใจ ผมสองคนยกมือไหว้พี่ด้าแต่ยังไม่ส่งเสียงดัง เดี๋ยวลูกๆ จะรู้ซะก่อนว่าผมสองคนมาด้วย

                 “อยากให้พ่อแอ้มา “น้องไอซ์พูดแต่ไม่ได้หันมามองว่าผมยืนอยู่ข้างหลังเขา

                “แต่ลุงด้าว่าสงสัยพ่อจะมานะ” พี่หมอด้าด้าพูดและหันไปมองหลาน

                “งั้นลุงด้าไปเอาน้องมีนที่กำลังแต่งตัวอยู่บนบ้านมาก่อนแล้วกันนะครับ หลานๆ “พี่หมอด้าพูดผมก็พยักหน้าเบาๆ ผมเดินเข้าไปด้านหลังแฝดของผม และ

                 “อยากให้พ่อแอ้พ่อดิวมาเหรอครับ” ผมย่อตัวลงกระซิบถามเด็กๆ จากด้านหลัง เด็กๆ สะดุ้งและหันหลังมาพร้อมกัน

                 “พ่อแอ้พ่อดิว!!” ทั้งสามคนส่งเสียงเรียกผมกับแอ้เสียงหลงเลยและพากันโผ่เข้าหาผมสองคน ผมก็กอดผมก็กอดมาริโอ้กอด ไอและไอซ์เข้าไปกอดแอ้

               “ขอน้องโอ้กอดพ่อแอ้ได้อะเปล่า” มาริโอ้ถามผมว่าจะขอไปกอดแอ้บ้าง

                “ได้ซิครับแต่อย่ากอดนานนะ คนนั้นของพ่อ” ผมพูดและชี้ไปที่แอ้ ตอนนี้ไอซ์กับไอกอดอยู่ มาริโอ้อีกคน และผมก็กางแขนให้ไอซ์มากอดผมบ้าง ไอซ์ก็วิ่งจากแอ้มาหาผมและกอดผม

               “ฟ๊อด!” หอมแก้มผมด้วย

               “ไอซ์คิดถึงพ่อดิวกับพ่อแอ้ที่สุด” ไอซ์พูด ผมหันไปมองไอ ที่ยืนอยู่ ผมสอนไอให้เขาเข้มแข็งเพื่อจะได้ปกป้องน้องๆ แฝดของเขาได้และเขาก็ทำได้ดี ไอเป็นที่อึดอดทนที่สุด เหมือนผม ผมก็มอง

              “อยากกอดพ่อไหม” ผมถามไอ

             “ครับ” ไอพยักหน้าตอบผมเบาๆ และตรงเข้ามากอดผมแต่อ้อมกอดของไอ นั้นดูแข็งแกร่ง ผมนี้ภูมิใจในตัวเขาจริงๆ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ชายผม พี่ดิมอุ้มน้องมีนลงมาด้วยชุดที่น่ารักที่สุด มาในชุดวู้ดดี้ เรื่องทอย สตอรี่ และพี่ดรีมก็อุ้มมิ้น คนนี้สวมชุดบัสไรเบียร์แทน แต่แฝดผมทำไมเป็นเอเลี่ยนไปได้นะชุดนะ

              “กูว่าลูกแฝดมึงนะเอเลี่ยนเหมาะที่สุดว่ะ สามเอเลี่ยนของป้าหมอด้าเขา” พี่ดรีมพูด และยังขำลูกแฝดผมอีกนะ

             “แน่ละ ทำเอาพี่ไม่กล้าไปร้านเบเกอรี่หลายอาทิตย์เลยแหละ ก็เล่นเรียกพี่ว่าป้าดังลั่นเลยอ่ะ “พี่หมอด้าพูดและทำแก้มป่อง

            “สวัสดีครับพี่ดิม พี่ดรีม “แอ้ยกมือไหว้พี่ๆ ผมก็ยกมือไหว้เช่นกัน แอ้หันไปรับน้องมีนที่ดีดตัวมาก่อนเพื่อนเลยเขาอยากให้แอ้อุ้มเขาก่อนมิ้น

             “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ” แอ้พูดและผมก็เข้าไปกอดทับ

            “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ หนุ่มน้อยของพ่อ” ผมพูดและ “ฟ๊อด! “เสียงหอมแก้มซ้ายขวาของผมกับแอ้ น้องมีนหน้าหวานมากเหมือนแอ้ตอนเด็กๆ เลย พ่อบอกผม แต่แปลกนะไม่มีรูปแอ้ตอนเด็กให้ผมได้ดูเลยมีแต่ตอนที่โตแล้วและมาอยู่กับผมตอนนั้นก็น่าจะสี่ห้าขวบได้ (มีนคือสิ่งพิเศษที่ผมสั่งทำขึ้นมา ผมไม่กล้าบอกแอ้ กลัวแอ้ด่าผม)

             “ฮึกๆ” แต่อีกคนซิกอดอกทำท่าจะร้องไห้ คงคิดว่าผมสองคนลืมเขาแล้วแน่ๆ แอ้พยักหน้าให้ผมไปเอามิ้นมาอุ้ม ผมก็กางแขนเข้าไป รีบดันตัวเองออกแต่พี่ดิมแกล้งไม่ยอมปล่อยมาหาผม

             “เฮ้ย! พอเจอพ่อมันดันหน้าลุงทันทีเลยว่ะ” พี่ดิมพูดและผมก็ต้องรับมิ้นมาอุ้ม มิ้นหันไปเห็นมีนที่ออดอ้อนแอ้ มิ้นกางมือจะตีพี่มีน

             “อืมม” มีนส่ายหน้าหลบและเบี่ยงตัวให้แอ้หลบมิ้นทันที แสดงว่าตีพี่บ่อย แถมด้วยแฝดของผมพากันไปหลบหลังแอ้กันหมดเลย

               “เก๊ที่สุดเลยลูกเล็กมึงเนี๊ยะ” พี่ดรีมพูด ผมก็มองมิ้นส่ายหัวว่าไม่เอาไม่น่ารัก

             “ไม่ ไม่ ไม่ “พูดว่าไม่รัวๆ เลยเขาบอกว่าเขาไม่ได้เก๊ ใครนะ

            “เอาละให้พ่อลูกเขากอดกันไปก่อน พวกพี่ไปจัดโต๊ะวะ พ่อโทรมาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว และคงจะไปส่งอาภีมก่อน “พี่ดรีมพูด ผมพยักหน้าพี่ดรีมเดินเข้าไปพร้อมกับพี่ด้า ไปจัดโต๊ะรอ

            “ทำไมเพิ่งจะมาถึงกันว่ะ” พี่ดิมถามผมกับแอ้

            “แหมก็ว่าจะมาถึงเย็นๆ เพื่อเซอไพรส์ลูกอะพี่ดิม” ผมพูด

           “เหรอ!!” พี่ดิมถามผมเสียงสูง ผมรู้ว่าพี่ดิมคิดทะลึ่งอยู่ แต่มันก็จริงๆ แอ้ไปอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่จัดสักยก ไหวเหรอ?

            “พี่อ้นละพี่ดิม” แอ้ถามหาพี่อ้น

            “ไปหาเมียมันไง เมียน้อยหมายเลขหนี่งมันมานะ วันก่อนไปตีกับเมียน้อยยังไม่ทันติดหมายเลขเลยฟาดเข้าเข้าไปดังหักต้องไปทำดั้งใหม่นะ “พี่ดิมพูดผมหันไปมองแอ้ที่ทำหน้าตกใจ

             “วันนี้วันเกิดใครเนี่ยะ!” เสียงที่ทำให้ผมสองคนต้องหันไปมอง พี่โดม ผมยังไม่เจอพี่โดมเลยตั้งแต่ต้องกลับไปเรียน

             “พี่โดมสวัสดีครับ” แอ้หันไปยกมือไหว้พี่โดม พี่โดมมาด้วยชุดปลายเวท

               “สวัสดีครับแอ้ “พี่โดมทักแอ้และเข้ามา “ฟ๊อด” หอมแก้มมีนเสียงดังเชียว

              “ป้าป! “พี่โดมเข้ามากอดผมที่ตบที่หลังดังสนั่นเชียว

              “ตบเบาๆ ก็ได้เดี๋ยวตายก่อน” ผมแซวพี่ชายผม

            “อะไรวะไอ้ว่าที่หมอทหารฟิตหน่อย” พี่โดมพูดและพี่โดมก็ก้มมองมิ้น มิ้นหันหน้าหนีพี่โดม พี่โดมก็ไล่มอง ไม่ยอมสบตาเลย หันหนีจนผมเองก็ต้องหมุนตาม ผมชี้ถามพี่โดม พี่โดมก็แบมือไม่รู้

            “ลูกมึงงอน มึงไม่กลับบ้านไอ้หมอโดม” พี่ดิมพูด ผมพยักหน้า

             “ไปเจอเด็กที่ไหนอีกละมึง”

              “มันก็มีบ้าง คนไข้นะ เขาอยากให้ไปดูแล ข้อเท้าเจ็บ” พี่หมอโดมพูด ผมหันไปพยักพเยิดกับแอ้

               “เหรอ!!” ผมกับพี่ดิมพร้อมกันทันที

              “กูเดาว่าคนไข้คงเปลี่ยนที่เจ็บจากข้อเท้าเป็นที่อื่นแทนหลังจากที่มึงตามไปดูอาการเขานี่แหละหมอโดม” พี่ดรีมพูด ผมหันไปมองพร้อมกัน เป็นหมอเด็กที่ทะลึ้งที่สุดเลยมั้ง

              “อาจจะเจ็บข้อมือเพิ่มก็ได้” พี่ดรีมพูด

             “ไม่ได้ช่วยพี่ดรีมหนักกว่าเดิม” พี่โดมหันมาบอกพี่ดรีม

             “หาลุงไหม” พี่โดมกางแขนแต่มิ้นส่ายหัว

            “เฮ้ย! งอนลุงจริงดิ ไม่ได้นอนด้วยกันคืนเดียวเอง “พี่โดมพูด

            “นี้มิ้นนอนกับพี่เหรอ” ผมถามพี่โดม

            “มันไม่ได้นอนกับกูหรอกไอ้ดิวมันนอนคนเดียวเพราะว่ากูยกเตียงให้ลูกมึงทุกคืน ทุกวันนี้กูนอนที่นอนเสริมวะ “พี่โดมพูด

            “ทำไมอะ” ผมถามพี่โดม

            “ทั้งดิ้นทั้งถีบขนาดนี้กูจะทนนอนได้ไงวะ ตัวแค่นี้ถีบกูนอนไม่ได้เลยอ่ะ” พี่โดมพูด ปนหัวเราะ

             “เร็วดิไอ้เดย์ กูกลัวไม่ทันกินเค้กหลานกู “เสียงพี่แดน ผมหันไปมองพี่แดน พี่เดย์และพี่ดิ๊บ เดินเข้ามาพร้อมกล่องของขวัญวันเกิดคนละกล่อง

             “พี่แดน พี่เดย์ พี่ดิ๊บ สวัสดีครับ” ผมกับแอ้ยกมือไหว้พี่ชายอีกสามคนของผม แต่ละคนตรงเข้ามากอดและหอมหลานผมกันหมด ผมสองคนมองยืนมองและหันมามองหน้ากัน

             “ถ้าพี่ๆ ของแอ้รู้ว่ามีหลานจะรักเขาเหมือนพี่ๆ ของดิวไหม” แอ้พูดขึ้นผมหันมามอง

              “ดิวเชื่อว่ารักนะ แม้ว่าดูเหมือนอยากจะเตะเด็กซะมากกว่าแต่ดิวก็เชื่อว่า ลูกๆ ของดิวมีดีพอตัวที่จะทำให้ลุงๆ บ้าน อ.อ่างรักและหลงเลยแหละ” ผมพูดกับแอ้และมองหลานๆ แฝดที่หัวเราะเพราะว่าโดนลุงๆ พากันหอม

              “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ ฟ๊อด” พี่แดนตรงเข้ามาหอมมีน แอ้อุ้มอยู่

              “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ ฟ๊อด” พี่เดย์อีกคนก็เข้ามาหอมมีน

              “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ ฟ๊อด! ฟ๊อด! “แต่คนหลังนี้พี่เดย์ ทำไมหอมสองที ผมเงยหน้ามอง ทั้งมีนและแอ้ที่เอามือลูบแก้มตัวเอง นั้นแปลว่าพี่ดิ๊บมันหอมเมียผมด้วยครับ

             “พี่ดิ๊บ บอกอย่าหอมเมียผมไง!!”

             “ฝากไปให้แอร์ด้วยไง” พี่ดิ๊บพูด ผมไม่รู้ว่าพี่ดิ๊บเขาพูดเล่นพูดจริง เพราะว่าพี่แอร์รุ่นเดียวกับพี่ดิ๊บแต่ไม่เคยเข้ามาสุงสิงหรือพูดคุยอะไรกับพี่ดิ๊บเลยไม่มีพี่รุ่นเดียวกันคนไหนที่เป็นเพื่อนพี่แอร์เหมือนพี่ๆ ทุกคนที่รุ่นเดียวกันมักจะเป็นเพื่อนกันแต่ไม่ใช่กับพี่แอร์ มันน่าแปลกสำหรับพวกผม

                “ทำไมมึงไม่ไปหอมเขาเองละวะ ไอ้เวร!!” พี่ดิมหันไปเม้ง แอ้มองหน้าผมทำหน้ายู่เลย

               “คุณปู่” ลูกแฝดผมเรียกพ่อผมพร้อมเพรียงกันและวิ่งไปหาทันที พ่อผมเดินเข้ามาพอดี ผมเห็นภาพลูกๆ ผมเข้าไปกอดพ่อผม มิ้นก็ยังกางแขนรอเลย เอนตัวไปด้วยจะไปหาปู่ ผมก็ต้องอุ้มไปแอ้ก็อุ้มมีนไปหาพ่อผมเช่นกัน พ่อน่าจะออกเดินทางมาตอนบ่ายๆ เหมือนผมเพราะว่าผมตื่นมาก็เกือบเที่ยงแล้ว

                 “ไงละ พ่อมาเซอไพรส์หรือไง ดูยิ้มดีใจกันใหญ่เลย” พ่อผมพูดแซวลูกๆ ผม

                “สุขสันต์วันเกิดนะน้องมีน “พ่อผมพูด

               “ดิมไปเอาถุงของขวัญมาให้พ่อหน่อยในรถนะ” พ่อผมบอกพี่ดิม แอ้มองพ่อผมและยกมือไหว้พ่อผม

               “อะไรที่แอ้ได้ยิน อย่าไปคิดมาก ทำทุกวันให้ดีแค่นี้พอแล้วแอ้ ภีมนะเขารักแอ้มากนะ เป็นห่วงเรามากจริงๆ และสิ่งที่แอ้ได้ยินมามันก็อาจจะตรงทั้งหมดก็ได้น่ะ พ่ออยากให้แอ้เชื่อคนที่เขาหวังดีกับแอ้ เท่านั้น “พ่อผมพูดทำเอาแอ้ยืนน้ำตาซึมเลยแอ้เข้าไปกอดพ่อผม แต่ผมรู้ว่าคนที่แอ้อยากกอดมากที่สุดคืออาภีมในตอนนี้ ก็ผมสองคนไม่ได้บอกอาภีมว่าผมมาบ้านกัน มางานวันเกิดหลานของอาภีมพ่อตาผมด้วย ถ้ารู้คงได้แห่มากันหมดแน่ๆ ผมจะโดนตีนพี่อ้นเอา อันนี้แหละที่กลัวที่สุด เพราะว่าพี่ดิมบอกเอาไว้ว่าเรามีกฎ ใครเอาน้องต้องโดนบททดสอบจากพี่ๆ ทำกัน แล้วผมจะกล้าบอกเหรอครับ

               “พ่อแกล้งเมียผมทำไมอ่ะ” ผมแซวพ่อผมทันที

             “ฉิบหายแล้ว! นี่กูแกล้งเมียมึงเหรอครับดิว” พ่อหันมาถามผมทันที ผมพยักหน้าว่าใช่ไง ยืนน้ำตาซึมขนาดนี้

             “พ่อจัดโต๊ะเสร็จแล้วเราทานอาหารกันเลยไหม” พี่ด้าเดินเข้ามาถาม

             “เอาซิ “พ่อผมพูด และดันหลานๆ เดินเข้าไปด้านใน

            “พ่อ” แอ้เรียกพ่อผมว่าพ่อ

             “พ่อคิดว่าเราทั้งคู่น่าจะพร้อมบอกภีมเร็วๆ นี้นะ แต่เขาเจอกันแล้วนะพ่อเรานะ วันก่อนแอบไปหาพ่อที่คาเฟ่คุณประภัสรา และโอ้เขาเจอ โอ้เขาเรียกย่า “พ่อบอกผมกับแอ้ ผมสองคนหันมามองหน้ากันตกใจเหมือนกัน

              “แต่เสียดายพ่อไม่ได้เห็นตอนที่ภีมเขาเจอนะ แต่พ่อเชื่อว่าภีมรักหลานแน่ๆ “พ่อภาพูด ผมหันมามองหน้าแอ้

             “ผมขอเวลาสักอาทิตย์สองอาทิตย์ได้ไหมพ่อ ขอให้ผมส่งยื่นใบสมัครสอบเข้าทหารก่อนครับพ่อภา” แอ้พูดบอกพ่อผม พ่อผมพยักหน้า

             “ดิวละ ใบสมัครอยู่บนห้องแล้ว กรอกและจะได้ยื่นเลย “พ่อผมพูด

             “พ่อ…ดิวมัน มันจะ...” แอ้ทำท่าจะถามพ่อผม

              “แพทย์ทหาร” พ่อผมพูดตอบแทนผมทันที

            “ผมพร้อมแล้วพ่อ ที่จะไปทุกทีที่แอ้ไป” ผมพูดและหันไปมองแอ้

             “ถ้าอย่างนั้นก็ดี เอาละไปทานอาหารกันดีกว่า ไอ้พี่เดฟเรามันมาไม่ได้นะวันนี้ มันบอกเพื่อนมันตัวติดจนแงะไม่ออก ไอ้เอ็กซ์นะ ถ้ามามันมาด้วยไอ้เอ็กซ์คงร้องมาด้วย งานจะเข้าเอา หึ หึ “พ่อผมพูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วย ผมก็เพิ่งจะเจอกันเมื่อเช้านี้เอง
             TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.39.(ดิวXแอ้)เซอไพรส์วันเกิดน้องมีน ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 19-02-2024 19:36:47
EP.39.1(ดิวXแอ้)เซอไพรส์วันเกิดน้องมีน ครึ่งหลัง

      Part's ดิว ผมนั่งทานอาหารกันส่วนเด็กแฝดของผมพี่ตอนนี้เขามีโต๊ะอาหารเป็นของตัวเองเป็นโต๊ะสำหรับเด็ก เขานั่งทานกันเรียบร้อย น้องมีนยิ่งเรียบร้อยมา แต่มีอยู่แค่คนเดียวที่ทำให้โต๊ะอาหารมีสีสันพี่ๆ ผมบอกว่า ต้องคอยหลบอาหารที่เหวี่ยงไปรอบๆ แต่แอ้นะดีคอยปรามได้ วันนี้เลยเอาอยู่ อาหารไม่ค่อยกระจายไปไหนมาก

           “ชู้!!” แอ้ทำนิ้ว มิ้นถึงได้หยุดเหวี่ยงและพยายามตักอาหารใส่ปากเองอย่างระมัดระวัง ผมแปลกใจทำไมมิ้นฟังแอ้มากกว่าคนอื่น มิ้นค่อนข้างดื้อ เขาเหมือนคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองสูง

            “พ่อแอ้” มาริโอ้เดินมากระซิบกระซาบกับแอ้

             “อะไรครับมาริโอ้” แอ้ก้มลงถามมาริโอ้

             “@#$%@#$%” มาริโอ้เอามือป้องปากและกระซิบกับแอ้ถึงกับยิ้มและหันไปมองพ่อผมและหัวเราะเบา แต่มันก็ทำให้พวกผมเลิกคิ้วมองกันท้ั้งหมด

            “ไปกินข้าวก่อนนะครับ “แอ้บอกมาริโอ้

            “เราจะได้กินอะเปล่า” มาริโอ้ถามแอ้ก่อนจะเหลือบตามองพ่อผม ราวกับว่าเขาทำอะไรผิดไว้

             “ได้ครับ” แอ้บอกมาริโอ้ ส่วนผมก็เลิกคิ้วมองแอ้ว่ามาริโอ้พูดอะไรกับแอ้ แอ้รอให้มาริโอ้กลับไปนั่งที่ซะก่อน

               “โอ้เขาถามแอ้ว่าเขาจะได้กินเค้กไหม เขาว่าปู่สั่งห้ามกินเค้กสามวันนะครับ” แอ้พูด ผมหันไปมองพ่อ พ่อผมอมยิ้มทันที

             “โทษไอ้ลุงดิมมัน ดันพาไปซื้อมาสามสิบชิ้นเลย กินแต่เค้กไม่กินข้าวเลย พ่อเลยสั่งทำโทษ ห้ามกินและห้ามลุงพาไปซื้อ สามวัน” พ่อผมพูด ผมหันไปมองพี่ดิม จะซื้ออะไรเยอะขนาดนั้น

              “ก็กูให้ลูกมึงช่วยจีบแพท หลานอาเปรมอะดิ เด็กแฝดเลยเรียกค่าจ้างเป็นเค้กและเรียกแพทว่าป้าแพทเขาเลยยื่นข้อเสนอถ้าไม่เรียกป้าซื้อเค้กเพิ่มให้”

             “และมันก็เกิดการแบทเทิลกันนิดหน่อย ผลสุดท้ายกูนี่ได้มาสามสิบก้อนเลย สมใจร้านแต่ขัดใจปู่” พี่ดิมพูด

              “แล้วเป็นไงโอ้มันแอบมาเปิดตู้เย็นกินแต่เค้กเลยไง “ไอ้เดียร์รีบเสริม แต่พี่ดิมหยิบอาหารบนโต๊ะปาใส่มันทันที

              “มันน่าไหมล่ะมึง บอกว่าเค้กมันหวานมากและแป้งทั้งนั้น ฟันก็จะพุและมีโอกาสเป็นเบาหวาน ลุงมันไม่ค่อยเชื่อกูเลย ขนาดให้พวกมันเรียนหมอกันนะ” พ่อผมบ่นทันที

               “พี่ดิมจะจีบพี่แพท พี่ชายไอ้พายเหรอ” ผมถามพี่ดิม

               “เออ อย่าแซว”

             “อายเหรอพี่ดิม” พี่ด้า

             “อย่าแซวมันเพราะว่ามันกินแห้ว” พ่อผมพูดเองเลย พวกผมก็ทานอาหารเย็นกันไป คุยกันไปหัวเราะกันไป นี้แหละความสุขของครอบครัวผม เสียดายพี่เดฟอีกคน ไม่อย่างนั้นคงครบองค์ประชุมวันนี้บ้านดอเด็ก ผมหันไปมองแอ้ แอ้ก็คงคิดถึงพี่ๆ ถ้าวันที่เราบอกความจริงบ้านนี้ก็คงมีความสุขมาก ผมว่าผมพร้อมแล้วแหละ จะเกิดอะไรก็เกิด ผมเชื่อว่าลูกๆ ผมทำให้พี่ๆ บ้าน อ.ออ่างรักได้ไม่ยากแน่ๆ

             “เอาละ เด็กๆ เดี๋ยวเราจะช่วยน้องมีนแกะของขวัญและเป่าเค้กกันแล้วนะและจะได้ไม่เข้านอนดึกเพราะว่าพรุ่งนี้ไปโรงเรียน” พี่ด้าพูดและหันไปมองเด็กๆ แอ้รีบช่วยพี่ด้าเก็บความสะอาดบนโต๊ะ บ้านผมใช่เครื่องล้างจานเลยง่าย



              ผมเองก็พาลูกๆ เดินไปที่ห้องนั่งเล่น ผมนั่งลงและน้องมีนก็นั้งมองของขวัญมากมาย เพราะพี่ๆ ผมซื้อให้คนละชิ้นแม้จะกระทั่งเดียร์เอง มันก็เจียดตังค์ค่าขนมมาซื้อให้หลาน และเริ่มช่วยกันแกะของขวัญกัน น้องมีนยังเด็กเลยต้องให้พี่แฝดช่วยและมีมิ้นอีกคนที่ถนัดฉีก และของขวัญส่วนใหญ่ของน้องมีนก็จะเป็นหนังสือนิทาน ซีดีการ์ตูนที่เขาชอบ ผมกับแอ้ซื้อทอย สตอรี่ภาคล่าสุดให้ หนังสือนิทานเจ้าหญิงเจ้าชาย น้องมีนชอบให้อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน และมีเสื้อผ้าน่ารักๆ จากหมอด้าและพี่หมอดรีม และตามด้วยเค้กที่สั่งทำเป็นพิเศษ ทอย สตอรีเช่นกัน มีวู้ดดี้และเจสซี่

               “แฮปปีเบิร์ดเดย์ทูยู แฮปีเบิร์ดเดย์ ทูยู แฮปปีเบิร์ดเดย์ทู น้องมีน แฮปปีเบิร์ดเดย์ทูยู”

               “ฮิบๆ ฮูเลย์! ฮิบๆ ฮูเลย์! “เสียงลูกแฝดของผมและน้องมีนก็เป่าเค้ก มีคนช่วยเป่าแม้ยังเป่าไม่เป็นก็ตาม น้องมิ้น

              “เอาละเป็นเด็กดีนะลูกนะ มีน สุขภาพแข็งแรงและเป็นเด็กดีของปู่ ย่า และลุงๆ และก็พ่อแอ้พ่อดิวนะลูก” พ่อผมเดินมาแตะหัวให้พรลูกผม ผมกับแอ้ก็ยกมือไหว้แทนน้องมีน

              “ถ้าอย่างนั้นพ่อขึ้นไปดูเอกสารก่อนนะ เราก็ใช่เวลาอยู่กับลูกๆ เห็นคิดถึงร้องหากันทุกวัน” พ่อผมบอกผมกับแอ้

               “พ่อเชื่อน่ะว่าไม่มีอะไรมาแทนที่ความรักเราสองคนได้หรอก อย่าไปฟังคนที่ยืนพูดอยุ่ภายนอกแต่เขาไม่รู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเท่ากับตัวเราเองที่รู้ นะดิวแอ้” พ่อผมพูดก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องทำงานของพ่อ

              “ถ้าอย่างนั้นพวกพี่ขึ้นไปอาบน้ำกันก่อนนะดิว “พี่ดรีมหันมาบอกผม พี่ๆ ก็คงอยากให้ผมอยู่กันตามลำพังพ่อแม่ลูก (แม้ว่าแม่จะอยู่ในร่างผู้ชายก็ตาม นั้นคือแอ้)

             “ใครอยากฟังพ่อร้องเพลงบ้าง” ผมถามเด็กๆ ผมหันไปหยิบกีตาร์มาถือไว้

             “เย้ๆ” ทุกคนร้องดีใจและพากันยกมือขึ้นไม่เว้นแม้แต่มิ้น รายนั้นไม่รู้ว่ารู้เรื่องไหมแต่ยกเอาไว้ก่อน

              “นั่งข้างๆ พ่อแอ้กันนะ” ผมพูด น้องมีนก็ไปนั่งข้างๆ พี่แฝดส่วนแอ้นะอุ้มมิ้นไว้ จะได้นั่งฟังกันอย่างสงบสุข ฮาๆ

              “เพลงนี้พ่อขอมอบให้ พ่อแอ้น่ะ “ผมพูดและเริ่มบรรเลง ผมชอบเล่นกีตาร์ ผมเคยมีวงดนตรีกับเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันที่โรงเรียนมัธยมปลายและตอนนี้ก็สอบเข้าเตรียมทหารกันหมดแล้วด้วย เพื่อนผมก็จะมี บอสไอ้นี่พ่อเป็นผู้ว่าการประปาแล้ว

            I found a man, stronger than anyone I know

He shares my dreams, I hope that someday I’ ll share his home

I found a love, to carry more than just my secrets

To carry love, to carry children of our own

-

I don’ t deserve this

You look perfect tonight.

              ภาพที่ผมเห็นตลอดที่ผมเล่นกีตาร์และร้องเพลงนั้น คือแอ้กำลังกอดลูกและโยกไปกับจังหวะเพลงที่ผมบรรเลง มันคือภาพที่สวยงามที่สุด แอ้นี้แหละคือแม่ในร่างผู้ชายที่เเพอเฟ็คที่สุดของผม หลังจากที่ผมร้องเพลงเสร็จ เสียงปรบมือลูกๆ ผมก็ดังขึ้น ผมเหลือบไปมองเวลา ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว เลยเวลาเข้านอนของลูกๆ ผมมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วและคงต้องพากันไปแปรงฟันก่อนพาเข้านอน ส่วนผมกับแอ้จะอาบน้ำกันทีหลัง หลังจากส่งลูกๆ เข้านอนเรียบร้อยแล้ว

               “ได้เวลาแปรงฟันและเข้านอนนะครับเด็กๆ”

             “พรุ่งนี้ไปโรงเรียนไปหาเพื่อนๆ นะครับ” ผมพูดและวางกีตาร์ลง

             “พ่อไปส่งได้อะเปล่าโอ้อยากให้พ่อไป โอ้อยากบอกเพื่อนๆ ว่าเรามีพ่อที่หล่อมว๊าก!” มาริโอ้พูด ทำเสียงได้รู้เลยว่าพ่อหล่อมาก ฮาๆ

             “ได้ครับ พ่อดิวกับพ่อแอ้จะไปส่งก่อน ดังนั้นเด็กๆ ต้องรีบเข้านอน เพราะว่าตื่นส่ายพ่อไปส่งไม่ได้นะครับเพราะว่าพ่อแอ้กับพ่อดิวต้องรีบกลับครับ” ผมพูดและมองเด็กๆ มีทำท่าคิดกันด้วย พรุ่งนี้กว่าผมจะไปถึงคงประมาณแปดโมงกว่าๆ แน่ๆ และผมก็ต้อนเด็กขึ้นบ้านกัน เพื่อจะได้พากันเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน มิ้นนะพี่โดมมายืนรอแล้ว

              “มาม๊ะ! มาให้พ่อโดมตบตูนนอนซะดีดี” พี่โดมพูดแต่มิ้นซิโบกไม้โบกมือไม่เอาใหญ่เลยแต่ผมก็ต้องส่งให้ เพราะว่าผมต้องพามีนไปล้างหน้าแปรงฟันกับพี่ๆ ก่อน น้องมีนนะโงนเงนเต็มทีแล้ว

              “ฝันดีครับมิ้น ฟ๊อด “ผมพูดหอมแก้ม

             “ฝันดีครับ เอาไว้คราวหน้านะ พ่อแอ้พ่อดิวมาค้างหลายวันจะพาไปนอน วันนี้นอนกับลุงโดมนะ ฟ๊อด” แอ้บอกน้องมิ้น และพี่โดมก็พาเข้าห้องนอนไปทันที

              “ดิวพาไอ ไอซ์และโอ้ไปแปรงฟันก่อนนะ น้องมีนง่วงมากแล้วแอ้จะพาไปเอง “แอ้พูดผมพยักหน้า

             “มีน ราตรีสวัสนะครับลูก พ่อดิวรักมีนนะครับ ฟ๊อด” ผมพูดบอกน้องมีนและพาแฝดของผมเขาห้องน้ำก่อน แต่ละคนรู้หน้าที่ตัวเองเข้าไปก็ไปยืนที่เก้าอี้สำหรับรองเพื่อยื่นให้ถึงขอบอ่างและผมก็บีบยาสีฟันใส่แปรงแต่ละคนก็แปรงฟัน มาริโอ้นี่แปรงไปด้วยร้องเพลงไปด้วย แอคติ้งเยอะเหลือเกินจนผมกลัว ผมไม่อยากให้ลูกไปทางการแสดงเหมือนติ๊กเลย คือพูดง่ายๆ ไม่อยากให้ลูกผมเป็นดารา มีบริษัทโฆษณาติดต่อลูกผมมาหลายครั้งแล้ว เพราะเป็นพรีเซนเตอร์ ให้โรงพยาบาลพ่อผม เขาเลยอยากได้แต่ผมปฏิเสธตลอด

               “เอาละ หนุ่มๆ ของพ่อขึ้นเตียงนอนได้แล้ว” ผมพูด เตียงเล็กๆ สำหรับเด็ก และนอนได้คนเดียวเป็นเตียงรูปรถแข่งของมาริโอ้ ส่วนเตียงของไอและไอซ์เป็นเตียงที่ใหญ่กว่ามาริโอ้ นอนได้สองคน ทำไมทั้งคู่นอนด้วยกัน เพราะว่าน้องไอซ์ชอบตื่นมาร้องไห้ละเมอผมเลยให้ไอซ์นอนกับไอจะดีกว่าเขาจะได้ปลอบน้องและเด็กสองคนนี้เขาเกิดมาพอมาวางด้วยกันเขาก็จับมือกันหมับเลย



             ผมก็ตรงเข้าไปหอมแก้มมาริโอ้ก่อน” ฟ้อด!” เสียงดัง แอ้เดินเข้ามาใหน้องนอนลูกพอดีและผมก็เดินไปหอมแก้มไอกับไอซ์ แอ้ก็หอมแก้มลูกๆ ทุกคนเช่นกัน

              “เอาละนอนหลับฝันดีนะครับ พรุ่งนี้พ่อไปส่ง “ผมพูดบอกลูกๆ แฝดของผม

              “ครับพ่อแอ้พ่อดิว รักพ่อครับ” พูดพร้อมกัน ผมกับแอ้ฟังจากน้ำเสียงคงจะพากับหลับในไม่กี่นาทีนี้แหละ ผมกับแอ้ก็พากันเดินออก แต่ก่อนจะออก แอ้หันไปมองไอกับไอซ์ ที่นอนกอดกัน ผมพยักหน้าให้แอ้ออกมาจากห้องก่อนค่อยคุยกัน ทันทีที่แอ้เดินออกมา ผมก็ปิดประตูลงอย่างเบามือที่สุดจนประตูปิดสนิทดี

               “ดิว เราจะปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ไม่ได้ ต่อไปจะแยกกันยากนะ พี่ด้าก็บอกแอ้ว่า ไอนะ หวงไอซ์จนเกินไป ไม่น่าจะใช่พี่น้องแล้วนะดิว” ผมพยักหน้าว่าผมคงต้องหาวิธีแก้ไขก่อนจะสายเกินไปให้ได้ ไม่อยากให้เหมือนกับพี่แดนที่รักพี่หมอด้าเกินพี่ชายแบบนั้น

               “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องซื้อเตียงใหม่และให้เหตุผลว่าเราซื้อเตียงที่ใหญ่ขึ้นเพื่อจะได้นอนกันได้คนละเตียงและลูกๆ โตกันแล้ว “ผมพูดบอกแอ้ แอ้พยักหน้าคงต้องตามนั้น ทำไมผมสองคนถึงกังวล เพราะว่า ไอ ไอซ์และมาริโอ้ เกิดจากไข่ของแอ้และสเปิร์มของผม ถึงจะฝากไว้ในครรภ์ของผู้หญิงที่อุ้มบุญ เด็กก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนอุ้มบุญในทางสายเลือด เขาเป็นลูกของผมสอง และนั้นก็แปลว่าพี่น้องกันแท้ๆ จะปล่อยมารักกันเกินพี่น้องไม่ได้อีก ผมกับแอ้ต้องทำอะไรสักอย่าง



                 TBC...

TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)พิเศษ ความลับของพ่อๆ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 20-02-2024 21:03:22
พิเศษพ่อๆ เขารักกันมาก่อน

           Part's พ่อภาณุเดช ผมขับพาคนที่ผมรัก พลเอกภีมปภพ กลับมาที่โรงแรมของภาคย์อีกครั้งเพื่อจะได้มาตั้งหลักคุยกัน ก็เพราะพี่หนึ่งคนที่ทำหน้าที่ดูแลพวกผมแทนพ่อแม่ที่ถูกสังหาร พี่หนึ่งตามภีมไปที่บ้าน ผมก็ไม่รู้ว่าพี่หนึ่งมาที่นี้ด้วยเพราะว่าเห็นรีบร้อนออกไปตอนที่อยู่ที่บ้านพี่ณะแต่ไงมาเจอกันที่นี้อีกและพี่หนึ่งก็ตามไปพูดเรื่องแอ้กับภีม ภีมบอกผมว่าแอ้เข้ามาได้ยินพอดี และแอ้ก็เสียใจมาก เลยขาดสติ ขับรถคันใหม่ป้ายแดงออกไป ด้วยความเร็วและดีที่ผมให้ดิวขับตามไป ส่วนผมเองก็เกือบได้มีเรื่องกับพี่หนึ่งเช่นกัน ดีที่ภีมกอดผมห้ามผม พอภีมทำแบบนี้แล้วผมก็ต้องหยุดเพื่อคนที่รักผม

          “พี่ภา” ผมเดินมาเจอภาคย์เข้าพอดี ภาคย์รีบเดินตรงมาหาผมสองคนทันที

          “อ้าวทำไมกลับมาอีกล่ะ “ภาคย์ถามผมสองคน ผมหันไปมองภีม

          “พี่หนึ่งตามมึงไปเหรอภีม” ภาคย์ถามภีม ภีมพยักหน้าว่าใช่ นี่แสดงว่าภาคย์รู้ว่าพี่หนึ่งจะมา

          “ผมรู้ก่อนแล้วว่าพี่หนึ่งจะมาเพราะว่าผมให้คนเตรียมห้องพักเอาไว้ให้ พี่หนึ่งบอกว่ามีเรื่องด่วนที่นี้” ภาคย์ ผมหันไปมองหน้าชาย พี่หนึ่งจะกลับมาพักที่นี้อีกเหรอ คงได้วางมวยกันตอนแก่แน่ๆ ผม

          “ไม่พักแล้วเพราะว่าพี่หนึ่งน่ะ รีบร้อนกลับไปอีกนี้ก็ไปขึ้นเครื่องบินเจทส่วนตัวไปแล้ว บอกว่ามีเรื่องด่วน ไม่รู้จะด่วนกี่รอบกันแน่ น่าเป็นห่วงพี่หนึ่งน่ะ” ภาคย์พูด ผมสองคนมองหน้ากัน ผมก็รู้ว่าบุญคุณน่ะมีแต่ว่าบางเรื่องพี่หนึ่งก็ควรจะหย่อนลงบ้าง

          “พี่ณะล่ะภาคย์ “ผมถามหาพี่ณะทันที

           “อยู่บนห้องรับรองนะ ผมยังไม่รู้ว่าพี่ณะจะอยู่ค้างหรือว่ารอขึ้นเครื่องบินกลับไปเลยอีก เห็นว่าที่โซลมีปัญหาด้วย” ภาคย์พูด ผมพยักหน้าแต่ล่ะคนมีเรื่องด่วนกันทั้งนั้นและหันไปมองภีมที่ทำท่าจะถอนหายใจเพราะว่าผมสองคนก็มีปัญหาเหมือนกัน

           “พี่ภาขึ้นไปกับภีมก่อนแล้วกัน ผมจะโทรเช็คลูกๆ ผมก่อน แล้วผมจะตามขึ้นไป” ภาคย์พูดผมสองคนพยักหน้า

              ผมกับภีมพากันขึ้นไปชั้นที่เป็นห้องรับรองของพวกผมทันที ชั้นนี้จะมีการ์ดดูแลอย่างใกล้ชิด โรงแรมนี้จะค่อนข้างหรูมาก แขกที่มาพักส่วนใหญ่ก็จะเป็นระดับผู้บริหารและนักธุรกิจที่ค่อนข้างมีฐานะ จึงจะเน้นความสงบเป็นอันดับหนึ่งเช่นพวกผมเหมือนกัน

             “เชิญครับ” ผมเดินมาถึงห้องที่พี่ณะพักอยู่ การ์ดที่ทำหน้าที่ดูแลก็รูดการ์ดเปิดประตูให้ผมสองคนเข้าไป ผมเห็นพี่ณะนั่งอยู่ พร้อมแก้ววิสกี้ นี้ดื่มเหล้าเลยเหรอ ภูมิมองหน้าผมและแบมือว่าเขาก็ห้ามพี่ณะไม่ได้

           “พี่ณะ” ผมเดินเข้าไปก็ดึงแก้ววิสกี้ออกจากมือ ผมรู้ว่าพี่ณะยังไม่ได้ดื่มจนเมาแต่ผมก็ว่ามันไม่ควรดื่มสำหรับพี่ณะ พี่ณะ สุขภาพไม่ค่อยดี ผมเลยสั่งห้ามพี่ณะดื่มพวกวิสกี้ พวกแอลกอฮอล์แรงๆ มาหลายปีแล้ว พี่ณะเองก็ไม่ดื่มเลยจนตอนนี้ ผมมองหน้าพี่ณะว่ากลับมาดื่มอีกทำไมเนี่ย

           “ภูมิไปโทรหาแจ็คให้พี่หน่อย เช็กว่าเขาจะกลับกันวันไหนแน่ พี่เป็นห่วงบอย” " พี่ณะบอกภูมิ ภูมิหันมาพยักหน้าและหันมามองหน้าผม

           “อย่าให้พี่ณะดื่มอีกนะพี่ภา” ก่อนที่ภูมิจะเดินผ่านผมไปภูมิได้หันมามองหน้าผมและผมก็พยักว่าได้จะดูให้

           “พี่ภา ผมขอไปรับสายอ้นก่อนน่ะ” ภีมหันมาบอกผม ผมก็พยักหน้าเช่นกัน ผมหันมามองพี่ณะที่นั่งอยู่ ตอนนี้ในห้องเหลือแค่ผมกับพี่ณะสองคนเท่านั้น

            “ตกลงใครพาหลานพี่ไป พี่ณะ” ผมหันมาถามพี่กฤษณะ

             "พี่ยังไม่รู้ว่าใครพาไปแต่พี่หนึ่งบอกว่าไปเจอว่ามีคนกำลังพาหลานพี่ออกไป พี่หนึ่งลงไปช่วยขึ้นมา"พี่ณะพูด

              "พี่หนึ่งเขาบอกว่าจะพากลับมาส่งคืนแต่หันไปเห็นรถแจ็คเขา พี่หนึ่งเลยลองใจแจ็คดู"พี่ณะพูด ผมหันมองพี่ณะ ลองด้วยวิธีนี้นี่น่ะ ผมส่ายหน้าว่าไม่ใช่

             “พี่ก็คิดแบบนั้นแหละว่าพี่หนึ่งทำแบบนี้ได้ยังไง นั้นหลานพี่ ต่อให้เป็นลูกไอ้แจ็คก็ตามแต่ก็เป็นลูกบอยด้วยและมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่านั้นหลานพี่ “พี่ณะหันมาบอกผม ผมรับรู้ได้ว่าพี่ณะโมโหพี่หนึ่งอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนครั้งนี้

             “พี่หนึ่งบอกว่าเขารู้ว่าแจ็คจะต้องขับรถตามเขาออกไปและเขาแค่อยากรู้ว่าแจ็คจะทำยังไง และสิ่งที่พี่หนึ่งเห็นคือแจ็คมันลงไปช่วย “พี่ณะพูด ผมถึงกับแสดงสีหน้าตกใจแต่นั่นมันก็เป็นสัญญาณที่ดี ก็เด็กนั้นลูกไอ้แจ็คมัน มันคือพ่อที่จะปกป้องลูกมัน แต่มันยังไม่รู้ก็แค่นั้น

              “พี่ว่าพี่หนึ่งเริ่มระแคะระคายเรื่องแบงค์หลานพี่แล้วแหละภา ไม่อย่างนั้นพี่หนึ่งไม่ทำแบบนี้หรอก” พี่ณะหันมาพูดกับผม

               “ทำเพื่ออะไรล่ะภา ลองใจเหรอหรือว่าอยากรู้ความจริงๆ” พี่ณะพูดเขามองหน้าผม ผมก็เดาไม่ได้เลยว่าพี่หนึ่งต้องการอะไรกันแน่

                “ผมเองก็พูดเรื่องนี้ไม่ได้ ยิ่งต่อหน้าภีมด้วยนะพี่ณะ” ผมพูดขึ้น พี่กฤษณะหันมามองหน้าผม

                “ผมกับพี่ก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกัน คือกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พี่ณะ แต่ผมคงต้องบอกภีมเร็วนี้” ผมพูดขึ้น

                “นี่อย่าบอกนะว่า “พี่กฤษณะหันมามองหน้าผม ถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจไม่ใช่น้อย

                “ใช่ ผมมีเหมือนพี่นั่นแหละ มีหลานแล้ว ลูกไอ้ดิวมัน ไอ้ดิวมันถึงได้ขัดคำสั่งพี่หนึ่งไงพี่ณะ” ผมพูด พี่ณะหันมามองหน้าผมอย่างจริงจัง

                  “กับใคร” พี่ณะถามผม

                   “แอ้” ผมพูดบอกพี่ณะ

                   “อันนี้ภีมยังไม่รู้น่ะพี่” ผมพูด พี่หนึ่งยิ่งทำสีหน้าตกใจและแปลกใจมากไปอีก

                   “ทำไมล่ะภา คนรักกันไม่ควรจะปิดนะเรื่องนี้น่ะและพี่ก็เห็นเราน่ะ ไม่เคยมีอะไรปิดบังภีมมาก่อนเลยน่ะ มีอะไรก็คุยกับภีมเขาตลอด” พี่ณะพูด พี่เห็นความรักของผมกับภีมมาตั้งแต่ภีมพึ่งจะสิบสี่ปีเอง มันนานมากแค่ไหนที่ผมรักน้องชายคนนี้เยี่ยงคนรักและดูแลมาตลอด

                   “ผมก็ไม่อยากปิดแต่ว่าเรื่องแอ้ ผมกับภีมผิด ผมเลยยังไม่รู้ว่าผมควรจะเปิดเผยมันดีไหมไงพี่ณะและภีมเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์ในตัวแอ้เต็มร้อย ถ้าเปิดเรื่องนี้ขึ้นมา มันอาจจะเดือดร้อนกันหมด” ผมพูด

                   “ยังไงเนี๊ยะภา” พี่ณะ ถามผม

                    “เอาไว้เรื่องนั้นรอให้ภีมพูดแล้วกันแต่ผมว่า ไม่น่าจะใช้ตอนนี้เพราะว่าพี่หนึ่งก็ตามภีมไปที่บ้าน เอาไว้ให้ภีมพร้อมก่อนแล้วกันน่ะภี่ณะ” ผมพูด พี่ณะพยักหน้ากับผมว่าเข้าใจ

                     “แต่พี่ยังไม่เข้าใจ ก็ไหนเราว่ามีแค่คนเดียวคือบอยยังไงล่ะภาแล้วแอ้เขามีได้ยังไง” พี่ณะถามผม ผมหันไปมองที่ประตูเพื่อแน่ใจได้ว่าไม่มีใครเปิดเข้ามา

                      “ผมทำผิดกฎเพื่อช่วยรักษาชีวิตแอ้ พี่จำได้ไหมว่าแอ้เขาไม่สบายมากจนเกือบจะไม่รอด “ผมพูดขึ้น

                       “นั้นแปลว่าแอ้ตั้งครรภ์ได้เหมือนบอยใช่ไหม บอกพี่ซิ” พี่ณะถามผมอีกที สีหน้าพี่ณะ เหมือนคนมีความหวังขึ้นมา ผมพยักหน้าว่าใช้ ผมคิดว่าเผลอๆ แอ้จะสมบูรณ์กว่าบอยแต่ว่าไม่ใช่ในแบบเดียวกับบอยแค่นั้น แอ้น่าจะมีติดตัวมาตั้งแต่เกิดแต่ไม่สมบูรณ์และมันก็ทำร้ายตัวแอ้เองผมเลยต้องเปลี่ยนอันใหม่ที่ดีกว่าเดิมให้

                       “คือพี่ณะ…มันไม่เหมือนกัน แอ้เกิดจากการปลูกถ่ายอวัยวะและแอ้อาจจะมีมาตั้งแต่แรกเกิดแต่ไม่ใช่จากการตกแต่งพันธุ์กรรมเหมือนบอย และสิ่งที่ผมทำให้แอ้มันกับเข้ากันได้ดีและผมก็ทำเพราะความจำเป็นพี่ณะ “ผมพูดบอกพี่กฤษณะ

                        “พี่อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับภีมนะพี่ณะเพราะคนที่ขอเรื่องนี้เอาไว้กับผมคือแอ้เอง ดังนั้นคนที่ควรจะบอกภีมคือแอ้ “ผมพูด พี่ณะพยักหน้ากับผม

                      “พี่เองก็กลัวพี่หนึ่งจะรู้เรื่องบอยเหมือนกัน ถ้าพี่หนึ่งรู้อีกว่าบอย ท้องไม่ได้อีกแล้ว โอ๊ยพี่ไม่อยากคิดเลยภา “พี่ณะพูดและทำท่าจะคว้าแก้ววิสกี้แต่ผมดันออก

                        “และถ้ารู้ว่าบอยมีลูกกับแจ็ค พี่ก็ไม่อยากคิดอีกว่าจะเป็นยังไง พี่เลยยังต้องปิดเอาไว้ก่อน” พี่ณะ พูด

                       “พอแล้วพี่ณะ” ผมพูดห้ามปราม

                        “ตอนนี้เขาก็ต้องการให้เราแต่งตั้งคนที่จะขึ้นตำแหน่งแล้วนะภาและเรื่องสืบเชื้อสายนั้นอีกละ “พี่ณะพูด

                        "เหตุผลหลักๆที่เขาเร่งเรา มีหลายครอบครัวที่ถูกสังหารแต่เราไม่มีหลักฐานมากพอที่จะหาคนทำผิดทั้งที่เราก็รู้กันอยู่ว่าใคร "พี่ณะพูด สีหน้าออกจะไปทางหนักใจมากกว่า
               "บอยเองก็ไม่อยากได้ พี่รู้ว่าบอยอึดอัดแต่ว่าเราเลือกเขามาแล้ว"พี่ณะพูด ผมพยักหน้าว่าผมเข้าใจ

               “ที่ภาบอกว่าแอ้เขาท้องได้  แล้วนี่ดิวกับแอ้เขามีกันกี่คนแล้วเนี๊ยะ” พี่ณะถามผม

                “ห้าคนแล้วพี่ณะ” ผมตอบ

                “ห้าคนเลยเหรอ นั้นก็แสดงว่าแอ้ท้องได้เหมือนผู้หญิงปกติทั่วไปเลยนะซิภา” พี่ณะถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ

                 “ถ้าอย่างนั้นก็ให้แอ้ขึ้นรับตำแหน่งไปเลย บอยเขาไม่อยากได้ตำแหน่งนี้และพี่ก็ว่าพี่พอแล้วภา ดูบอยไม่มีความสุข พี่ทนเห็นลูกตัวต้องมาแบกอะไรแบบนี้ พี่ทนไม่ได้” พี่ณะพูด

                 “พี่ณะ เด็กห้าคนนี้เราเลือกที่จะมีเขาเพื่อมาดูแลองค์กรก็จริง พายนี้เขาเลือกดิเอ็นเอ ที่่เรียกว่าเด็กอัจฉริยะมาใส่ไว้มันไม่ตรงกับตำแหน่งผู้นำแน่นอน ส่วนติ๊กนี้ตอนนี้ภาคย์บอกว่าดื้อที่สุดเขามีความคิดเป็นของตัวเองไม่ยอมใครง่ายๆ คิดว่าไม่ไหวที่จะให้ขึ้นแทน และแอ้นี้ พี่หนึ่งเขาประกาศเลยว่า ไม่ให้แอ้รับตำแหน่งเด็ดขาด” ผมพูด พี่ณะสะบัดหน้ามามองผม แบบไม่อยากจะเชื่อที่ผมพูด

                  “ทำไมละ ทำไมพี่หนี่งพูดแบบนั้นละภา “พี่กฤษณะถามผม

                   “อย่าถามผมเลยผมไม่รู้จริงๆ “ผมบอกพี่ณะ

                   “คุณสมบัติผู้นำองค์มีแค่บอยเท่านั้นที่เหมาะสมที่สุด แต่ว่าเราจะมีแค่โอเมก้าไม่ได้ เราต้องมีอัลฟ่า “ผมพูดกับพี่ณะ พี่ณะถึงกับหันหน้าไปมองทางอื่น แค่นี้พี่ณะก็ไม่อยากคิดไปถึงอนาคตให้บอยแล้วว่าจะเป็นแบบไหนเพราะว่าขนาดยังไม่ได้ขึ้นเลยน่ะยังจะยุ่งขนาดไหน

                  “ทุกคนเลือกแล้วว่าให้บอยคือคนที่ตั้งครรภ์ ดังนั้นเราต้องหาคนที่จะมาเป็นอัลฟ่ามาคู่กับบอย “ผมพูดกับพี่กฤษณะ


                   พี่ณะก็ทำท่าคิดหนักทันที ผมรู้ว่าตำแหน่งนี้ใครก็ไม่อยากได้อึดอัดที่สุด มีความเป็นตัวเองน้อยมากเพราะว่าถ้าขึ้นแล้วมีความเสี่ยงอันตรายสูง มีคนอยากโคตรอำนาจอยู่หลายคนและถ้าขึ้นแล้วก็เรียกว่าผู้นำองค์กร แน่นอนอยู่เหนือพวกผมอีกต่างหาก เหมือนได้แบกโลกไว้ทั้งใบเลยก็ว่าได้

                  “ถ้าอย่างนั้นก็มีทางเดียว ต้องทำให้แจ็คขึ้นรับตำแหน่งให้ได้แต่ดู ยังเกเรอยู่เลย จะไหวไหมล่ะภาและนี้ดูท่าจะหัวดื้อสุดๆ พี่ว่าดิวก็ดื้อน่ะแต่แจ็คดื้อแบบนี้มีความคิดเป็นของตัวเองมากที่สุด จน…. “พี่ณะพูด ผมก็ทำมือให้ทำยังไงได้ละ

                  “พี่หนึ่งประกาศไม่เอาแจ็ค” พี่ณะพูด ผมมองหน้าพี่ณะ

                  “ใช่เขาพูดเอง” พี่ณะหันบอกผม สีหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิม ไม่ให้เครียดได้ยังไงพี่ณะโดนสองทาง ภูมิก่อคนรักและแจ็คก็คือลูกของภูมิและพี่ณะก็ไม่อยากให้ภูมิมีเรื่องกับพี่หนึ่งแถมไอ้แจ็คตัวดีนี่ก็มาเป็นว่าที่ลูกเขยอีกและพ่อของหลานพี่ณะอีก

                  “ลูกของบอยกับแจ็ค ก็ดื้อเหมือนพ่อมันไม่มีผิดเพี้ยนเช่นกัน นี้พี่ต้องคอยปรามเอาไว้นะ นี้ขนาดสองขวบเองน่ะภา” พี่กฤษณะพูดผมก็แอบยิ้มขำๆ ให้คุณปู่ ที่ถึงกับต้องแตะหน้าผากตัวเองทันทีที่พูดถึงหลาน

                  “ตอนนี้พี่นึกไม่ออกเลยว่าปัญหามันอยู่ที่ตัวแจ็คหรือภูมิตอนนั้นที่เลือกเดินออกไปกันแน่ “พี่ณะพูดผมพยักหน้าผมรู้เรื่อง ก็ตอนนั้นภูมิคงคิดว่าจะออกไปแล้วไม่กลับเข้ามาอีกแต่สุดท้ายภูมิก็เลือกกลับมาช่วยพี่ณุและยังขึ้นแทนผู้ประกอบการที่มีกำลังมากกว่าพวกผมซะอีก เป็นนายทุนหลักเลยก็ว่าได้

                  “มันไม่ใช่ความผิดของเด็กเพราะว่าที่เราแพลนกันเอาไว้ พวกเขาก็ยังไม่เกิด แต่พอเขาเกิดมาทุกคนมีความคิด มีความต้องการของตัวเอง เราเลี้ยงได้แค่ตัว เราเลี้ยงหัวใจเขาไม่ได้พี่ณะ “ผมพูดพี่กฤษณะมองหน้าผม

                   “ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้พี่ภาคย์ แต่ช่างมันเถอะยังไงมันก็แค่ข่าวซุบซิบ แอ้เขาไม่เป็นแบบนั้นหรอก” ผมต้องยุติการสนทนากับพี่ณะ เพราะว่าเสียงภีมกำลังคุยกับใครสักคนและกลับเข้าในห้องที่ผมนั่งอยู่กับพี่ณะ ภีมเข้ามาพอดี และตามมาด้วยภูมิอีกคน

                  “บอยกับแจ็คจะขึ้นเครื่องมากันแล้วครับพี่ณะ เขามาพร้อมกับหลุยส์และเพื่อนของบอยที่ชื่อธรรณ์นะครับพี่ณะ” ภูมิพูดและเข้ามานั่งข้างๆ พี่กฤษณะในฐานะคนรัก

                  “ธรรณ์เขาเป็นเพื่อนกับบอยมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นเด็กดีพี่การันตีได้” พี่ณะพูด

                  “ภีมมีอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้นละ” พี่กฤษณะหันถามภีม ผมก็หันไปมองเช่นกันและเลิกคิ้วสูง ก็เมื่อกี้ก็ยังโอเคอยู่เลยนะ

                 “ก็วันนี้แอ้เขามาเดินแบบกับติ๊ก แต่ดันมีนายแบบมาชอบ และก็มีคนแอบถ่ายรูปไปโพสต์ลงข่าวซุบซิบกันแถมยังระบุชื่อลูกชายพลเอกภีมปภพ งานเข้าไปไอ้ภีม” ภาคย์พูด ผมก็มองภีม ถ้าอย่างนั้นตอนที่ไอ้ดิวมันสบถออกมาว่าเมียมันมีชู้

                 “เปรมดิ์ไปไหนละ” ผมหันไปถามเพราะไม่เห็นน้องชายเกือบจะคนเล็กของผมจะว่าเป็นคนเล็กก็ได้นะเพราะเป้ไม่ใช่น้องชายพวกผมจริงๆ แต่ผมรักและเลี้ยงดูเหมือนน้องแท้ๆ แถมมันก็เอาแต่ใจไม่แพ้น้องแท้ๆ เลยจริงๆ แต่พวกผมก็ยอมจนไม่ไหวต้องส่งไปอยู่กับพี่สามและนั้นก็ได้เรื่อง โดยลูกชายพี่สามจับไปทำเมียซะเลย แต่ก็ดีมีคนดูแลพวกผมก็อุ่นใจ

                  “เปรมดิ์มันงานเข้านะพี่ แต่ไม่ได้บอกว่างานอะไรเข้านะ และมันก็รีบกลับไปกับพี่สี่แล้วก่อนที่พี่จะมาได้สักพัก ผมเลยโทรบอกติ๊กว่าให้มารับพายกลับไปด้วยพรุ่งนี้ “ภาคย์พูดขึ้น

                   “พวกเราพักที่นี้แล้วกันนะ พี่ณะกลับพรุ่งนี้เถอะ “ภูมิมันบอกพี่ณะ พี่ณะก็หันมามองหน้าผม ผมก็พยักหน้าตามนั้นเพราะว่าพากันออกมาแล้วด้วย ผมหันไปพยักหน้าเรียกภีม ภีมก็ลุกตามผม เพื่อขึ้นไปยังห้องพักที่ภาคย์จัดไว้ให้พวกผมพักกัน

                  “แต่ผมต้องกลับบ้านนะ พรุ่งนี้เช้าจะมาแต่เช้า “ภาคย์พูดผมพยักหน้าก่อนจะดึงแขนภีมปภพขึ้นไปบนห้องพักกับผม ต้องรีบเลยเพราะว่าต้องไปปลอบคนนี้อีก

                   “พี่ภา ไหนบอกว่าจะคุยกับพี่ณะไง”

                    “พี่คุยแล้ว” ผมพูดขณะที่เข้าไปในลิฟต์

                    “อ้าวแล้วทำไมไม่รอผมละพี่ภา” ภีมปภพถามผม ผมหันไปมองหน้า

                    “รอไปคุยกับพี่ดีกว่าไหม เพราะว่าเราต้องคุยกันแบบส่วนตัว” ผมกระซิบกับภีมปภพ ภีมหันมามองหน้าผม และหันหน้าหนีคุณหมอจอมหื่นทันที เขาคงเดาได้ทันทีว่าบทรักหนุ่มใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น

                    “หื่นชะมัดเลย แล้วนี่ก็หลอกผมออกมาจากบ้านอีก “ภีมปภพหันมาบ่นผมทันที ผมเดินมาจนถึงห้องพัก พี่ภีมเดินเข้าไปก่อน ผมปิดประตูลงและเข้าไปสวมกอดภีมจากด้านหลัง

                    “พี่หนึ่งว่าอะไรภีมอีกไหมก่อนที่พี่จะเข้าไปนะ” ผมถามภีม น้องที่ผมรักมากจนข้ามคำว่าพี่น้องแม้จะไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดก็ตาม

                    “ก็มีแค่เรื่องแอ้นะพี่ภา เราตัดสินใจผิดหรือเปล่าแต่ภีมทนไม่ได้ที่จะเห็นแอ้ “ภีมหันมาบอกผม เขาคงคิดว่าเขาตัดสินใจผิดที่ให้ผมทำแบบนั้นกับแอ้

                    “พี่เองที่เป็นหมอพี่ก็ทนไม่ได้ภีม ถึงภีมไม่ขอร้องพี่ พี่ก็จะทำ เพื่อช่วยแอ้เขาในวันนั้น” ผมพูดและโอบเอวบางๆ ของนายทหารติดยศสูงสุด โอบเอวเข้ามาหาผม

                    “อืมม” ผมประกบปากจูบภีมอย่างละมุล

                    “ตกลง ที่พี่ทำให้แอ้นั้นนะ เออ มัน “ผมก็มองหน้ามันอะไรเหรอ ผมปั่นหน้าได้นิ่งและไม่มีอาการใด ใจก็อยากบอกนะแต่ผมว่าต้องคุยกับแอ้และดิวก่อนจะดีกว่า

                    “อะไรเหรอภีม” ผมถามภีมปภพ

                    “อืมมม “ผมก็ประกบจูบริมฝีปากนั้นอย่างหนักหน่วงขึ้น ภีมก็โอบรอบคอผมไว้ ผมก็ดันภีมเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ จนถึงห้องนอน พร้อมกับใช้เท้าดันประตูให้ปิดลง

                    “พี่ภา ดะ เดี๋ยว ผมจะถามพี่…. อืมมม” ภีมปภพร้องห้ามผม

                    ผมจะหยุดทำไม หยุดภีมก็สักผมเรื่องแอ้ซิ บอกว่ายังบอกไม่ได้ ผมจัดการผลักภีมปภพลงไปนอนและผมก็ขึ้นไปคร่อมร่างนั้นไว้ พร้อมกับซุกไซ้ไปตามลำคอ มือก็ปลดเครื่องแบบที่ภีมสวมใส่อยู่ ผมรู้ว่าภีมก็ต้องการเช่นกัน ภีมกระดกหัวขึ้นมามองผมและจัดการปลดกระดุมเสื้อผ้าผมเช่นกัน ผมก็สวมเครื่องแบบเช่นกัน วันนี้ไปในฐานะแพทย์ทหาร ผมลุกขึ้นมายืน ภีมก็ดันตัวเองขึ้นและปลดหัวเข็มขัดกางเกงเครื่องแบบของผมออก ผมก็ถอดมันออกไป พร้อมกับก้มลงถึงกางเกงเครื่องแบบของภีมออกไปเช่นกัน

                    “พี่ภา” ภีมกำลังจะเอ่ยปากถามผม แต่ผมทำนิ้วจุ๊ปาก

                    “อย่าเพิ่งพูดเรื่องเครียดๆ ตอนนี้ซิ เดี๋ยวน้องพี่หด” ผมกระซิบและโถมตัวเองลงไปผมจัดการจูบเรือนร่างของภีมปภพ ผมพรมจูบไปทั่วทุกอณูของร่างกาย ทั้งดูดและเม้ม ประสบการณ์ยอมรับว่าโชกโชน ผมยอมรับว่าภีมไม่ได้อยู่กับผมตลอด ผมก็จะหาเด็กมาปรนเปรอบ้าง ดังนั้นถ้าลูกจะทำก็ไม่ว่าอะไรแต่ขอให้ป้องกันตัวเองดีดีก็พอ

                    “อืมมม พี่ภา “พี่ครางออกมาเบาๆ เมื่อผมเลื่อนลงไปถึงขอบกางเกงยางยืดนั้น ผมรู้ว่าภีมอยากให้ผมช่วย

                    “ให้พี่ทำให้ไหม” ผมถามคนที่นอนบิดตัวเองไปมา

                    “รออยู่ อย่าลีลาได้ไหมคุณหมอ” ภีมปภพกระดกหัวขึ้นมาบอกผม ผมก็หัวเราะเขาในลำคอก่อนจะฝังหน้าลงไปจัดการ และถอดปราการสุดท้ายออกไป

                    “โอ้วว พี่ภา โอ้วว ซี้ด อืมมม “ภีมปภพกอดผมร่างกายก็บิดไปมาและเด้งขึ้นลงตามจังหวะการขบเม้มของผม และเขาก็เริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อผมเริ่มใช้ปากกับสิ่งนั้น ภีมปภพมีแฟนเป็นผู้หญิง ช่วงที่เขากับผมเริ่มคบกัน เพื่อบังหน้าและผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ภีมปภพขอให้อุ้มลูกให้เขาโดยใช้วิธีทางการแพทย์ของผม แต่เรื่องบนเตียงกับผู้หญิงคนนั้นผมรู้มาบ้างว่าภีมก็มีอะไรเหมือนเช่นแฟนกันทั่วไป และผมเองก็ยอมให้เขาทำ เพราะว่ามันทำให้เรื่องบนเตียงของผมและเขายิ่งมีรสชาติมากขึ้นเช่นกัน มันทำให้เราสองคนตอบสนองกันได้ดีขึ้น

                    “คิวพี่แล้วนะภีม ขึ้นนะ “ผมกระซิบเมื่อภีมปภพสำเร็จไปแล้วหนึ่ง น้ำรักเต็มปากไปหมดเลย จนต้องแอบไปคายทิ้ง เยอะไปไหม และผมก็เดินกับมาหาภีม ผมก็นอนลงและภีมก็พลิกมาค่อมผมเอาไว้

                    “ไม่ใส่ถุงเหรอ ภีมปภพถามผม ขณะที่ผมกำลังละเลงเจลที่ลงบนน้องรักของผม ห้องนี้เป็นห้องพิเศษที่ภาคย์น้องรักของผมจัดไว้ให้ดังนั้นอุปกรณ์สำหรับบทรักจึงมีพร้อม

                     “ไม่ดีกว่าเพราะว่าพี่แขวนนวมไปหลายปีแล้วภีมก็รู้ พี่รอภีมคนเดียว” ผมบอกภีมปภพ ภีมเขาก็ยิ้มให้ผมอย่างผู้ชัย และภีมก็ค่อยกดช่องทางรักเพื่อครอบแกนกายผม ถึงอายุอานามจะเยอะแต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้ล่วงโรยไปตามอายุ มันยิ่งผงาดสู้ศึกตลอดเวลา

                      “โอ้วว พี่ภา “ภีมร้องออกมาเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ดันมันลงไปช้าๆ และไม่นานก็หายเข้าไปจนหมดด้าม ภีมค่อยๆ โยกเบาๆ พร้อมกับหรี่ตามองลงมาที่ผม มือที่ประสานกันไว้ ผมก็ดันตัวขึ้นจูบภีม เพื่อคุมเกมรักไม่ให้รีบร้อนเสร็จซะก่อน ภีมและผมบรรเลงเพลงรักที่นุ่มนวล

                       ภีมเป็นคนไม่ชอบบทรักรุนแรง ผมเลยนอนให้ภีมจัดการเอง ควบคุมมันเองไม่นาน ร่างผมก็กระตุกและน้ำรักของผมก็พุ้งกระฉูดอยู่ภายในกายของภีม ภีมหยุดนิ่งและก้มลงมาจูบผม ก่อนจะถอนตัวเองลงมานอนข้างๆ ผม ผมก็โอบไหล่ภีมเข้ามาหาอกผม ผมหันไปมองภีมปภพ เขายังคงเป็นน้องที่น่ารักน่าถนอมของผมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน เลยไปครึ่งชีวิตได้แล้วแต่ภีมก็ยังคงเป็นเด็กน้อยของผมอยู่ดี ถึงแม้ภีมจะห่างกับผมแค่สามปีก็ตาม

                    “ภีม พร้อมจะอยู่กับพี่หรือยัง” ผมหันไปกระซิบถามภีมปภพ

                    “นี้ยังเรียกว่าไม่พร้อมอีกเหรอพี่ภา” ภีมปภพหันมาถามผมกลับ ผมก็จับมือภีมมาไว้บนหน้าอกของผม

                    “อยากอยู่ด้วยกันทุกวัน” ผมพูดและกุมมือภีมมาหอมเสียงดัง “ฟ๊อด”

                    “แบบสามีภรรยาไปเลยนะ ภีม” ผมบอกภีมปภพ

                     “พี่พร้อมหรือยังล่ะ มาถามผม ถ้าพี่พร้อมก็ควรจะ” ภีมพลิกตัวขึ้นมามองหน้าผม

                     “จริงนะ ถ้าพี่พร้อมเราจะอยู่กับพี่ใช่ไหมภีม” ผมถามภีมกลับ พร้อมรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ส่งไปให้

                     “พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผมแล้วกัน แต่อย่าให้รอนานนนะ ไม่อย่างนั้นผมจะไปอยู่กับพี่หนึ่งอีก” ภีมปภพพูดบอกผม ผมเข้าใจความหมายดีนั้นแปลว่าเขาเริ่มระแคะระคายเรื่องหลานๆ ลูกของแอ้กับดิวมาแล้วแต่ภีมเขาไม่ถามผมตรงๆ เขาคงรอเมื่อพร้อมที่จะบอกเขานั้นเอง แถมขู่ผมมาแบบนี้ เฮ้อ! ไม่ได้ซิ ผมต้องคุยกับไอ้ลูกดิวแล้วซิ ให้มันบอกพ่อตามันไปเถอะ ไม่อย่างนั้น คนนี้ขู่จะไปอยู่กับพี่หนึ่ง ไปช่วยงานพี่หนึ่งอีก ผมตายแน่



                       TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.40 (ติ๊ก) แอ้มันโกหกผมอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 21-02-2024 12:52:55
EP.40 (ติ๊ก) แอ้มันโกหกผมอีกแล้ว
​​​​​​​

            Part ติ๊ก เมื่อคืนแอ้มันส่งข้อความหาผม มันบอกผมว่ามันจะนอนคอนโดแทนและพี่ชายของแอ้มันจะไปส่งเอง ดังนั้นมันจึงไม่กลับไปพร้อมกับผมและผมก็รู้ว่ามีเรื่องที่บ้านของบอยด้วย ผมรู้ว่าไอ้แจ็คมันฝืนคำสั่งไปหาบอยที่นั่นแต่ผมรู้แค่นั้น ส่วนเรื่องอะไรผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เลยไม่ได้ถามพ่อผม ตอนนี้เรื่องที่ผมกำลังสนใจคือ ดิวมันกลับมาก่อน อันที่จริงมันต้องมาถึงพรุ่งนี้ ผมไม่รู้ว่าแอ้มันไม่รู้หรือว่ามันไม่ยอมบอกผมกันแน่ แต่ถ้าเป็นอันหลังนี่มันน่าเจ็บใจหนัก และผมก็เดินไปที่บ้านแอ้มันทันทีทั้งที่รู้ว่ามันไม่อยู่ก็เพราะว่าผมอยากรู้ว่ามันไปนอนที่ไหนกันแน่ ถ้าดิวมันกลับมาก่อนแบบนี้
           "สวัสดีครับพี่อั๋น"ผมเดินออกมาเจอพี่เอสเดินงัวเงียออกมาจากรถพอดี ในสภาพที่บอกได้ว่านอนน้อยแต่ก็นอน แต่ดูแล้วแทบจะไม่ได้เลยจะดีกว่า พี่เอสหันมาเจอผมเข้าพร้อมกับหาวทักทายผมทันที
           "สวัสดีครับน้องติ๊กมารอแอ้มันเหรอครับ"พี่เอสถามผมด้วยอาการสะลึมสะลือ พี่อั๋นเขาถามผม
            "เปล่าครับแค่มาเดินเล่นเฉยๆ เพราะว่าไอ้แอ้มันบอกผมว่ามันจะไปนอนคอนโดนะครับพี่” ผมพูด พี่อั๋นมองหน้าผมขมวดคิ้วทันที อย่าบอกน่ะว่าแอ้มันโกหกผมน่ะ
             “แต่ผมก็แค่เดินผ่านมาเพื่อว่ามันจะเปลี่ยนใจกลับมาบ้านเหมือนกันและจะได้กลับไปที่ที่เราต้องไปติดคุกด้วยกัน "ผมตอบพี่เอสไปผมแทนเลยว่ามันเหมือนคุก พี่อั๋นเลิกคิ้วมองหน้าผมอีก
             "จริงดิ! แต่พี่ไปนอนคอนโดมาน่ะ พี่dHไม่เห็นแม้แต่เงามันเลย สงสัยไปfu**ingกับหนุ่มที่ไหนแน่เลย น้องพี่ย่อมเหมือนพี่” "ผมเงียบเลยมันโกหกผมอีกแล้วไอ้แอ้และคงไม่ต้องถามหรอกว่านอนที่ไหน คอนโดไอ้ดิวแน่นอน
            "งั้นพี่ขึ้นบ้านก่อนนะ ง้วง ง่วง "พี่อั๋นพูดและอ้าปากห้าว ไปนอนยังไงยังง่วง!
            "พี่ไปนอนคอนโดไอ้แอ้ ทำไมพี่ยังง่วงอีกอะ"ผมหันถามพี่อั๋น
             "เออ นอนน่ะนอนอยู่น่ะแต่มันนอนคนละแบบและท่าเจอท่ายากนะ แน่นอนต้องไม่อยากจะนอน..."พี่อั๋นพูด ผมหันมามองพี่เขาพูดยังไงของเขาและนี่มันนอนแบบไหนเนี๊ยะ จะบอกว่าตัวเองไป อิบ อิบ กับใครมาก็บอกมาเถอะ ผมต้องเหลือกตาขึ้นบน คุยด้วยแล้วปวดหัวผมเลยคิดว่าผมเดินกลับไปบ้านดีกว่า เพื่อไปรอพี่พัฒน์ที่รถ ไอ้แอ้น่ะไอ้แอ้โกหกผมได้ คอยดูนะกลับไปนี้ผมคงได้เจอดีกับผมบ้าง
            "รู้จักท่ายากไหม ไม่รู้จักซิท่า ว่างๆ จะพาไปฝึก พี่มีเยอะ แบ่งปันกันได้"ไอ้พี่อั๋นพูด ผมมองพี่อั๋น แบบว่าทำไมอะ ท่ายากอะไรของเขาผมหันมากอดอกมอง ผมคิดว่าคุยโวแบบนี้มีไม่กี่ท่าหรอกเอาเข้าจริงๆ นะ
           "น้องกูไม่ต้องใช้ท่ายากหรอกมั้ง ไอ้อั๋น"พี่ตุ๊มายืนอยู่ข้างหลังผมตอนไหนก็ไม่รู้
           "อุ้ย พี่ตุ๊ สะ... สาสวัสดีครับพี่"พี่อั๋นทักทายพี่ตุ๊ยกมือไหว้พี่ตุ๊ผมไม่ทันเลย
           "มึงจะเอาท่ายากอะไรมาเทรนน้องกู ไอ้ พลทหาร"พี่ตุ๊ถามพี่เอส ตั้งแต่พี่ตุ๊กับพี่อ้นพี่ดิมต่อยกันไม่มีใครกล้าแหยกับบ้านตอเต่าเลย
          "ท่ายาก เกี่ยวกับ การฝึกทหารเพื่อน้องติ๊กอยากเรียนรู้เป็นวิทยาทานนะครับพี่ตุ๊ "พี่อั๋น ผมหันไปมองพี่ตุ๊ ไม่เลยนะไม่ร้องขอ และหันมามองพี่อั๋น
           "คงไม่ต้องมั้ง เอส เพราะน้องกูนี้จบมา ก็เข้าเป็นผู้บริหารโรงแรมของพ่อกูหรือไม่ก็เป็นบริหารโรงเรียนมีสองอย่างแค่นี้ ไม่คงไม่จำเป็น! ต้องใช้ที่มึงว่าว่ะ อั๋น!"พี่ตุ๊ พูดบอกพี่อั๋น
          "เฮอๆ ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรครับ เอสขอลาละพี่ กู้ดไนท์ เอ้ย! กู้ดมอนิ่งนะครับทุกคน "พี่อั๋นพูดและรีบล่ำลาพี่ตุ๊กับผมทันที
          "ดูท่าจะง่วงนอนนะมึงนี้ จะขึ้นไปนอนข้างบน หรือจะนอนตรงนี้ละ "พี่ตุ๊พูดและมองหน้าพี่เอส ผมก็ยิ้มให้ว่าเอาไง
           "อุ้ย! นอนบนบ้านดีกว่าพ่อเพิ่งซื้อเตียงให้ใหม่ เด้งดีนะ น่า..จะ.... "พี่อั๋นมีจะมาชวนผมอีกนะ
         "รีบขึ้นไป! เดี๋ยวเตียงมึงจะไม่ได้ใช้เตียงใหม่ที่อากูซื้อให้มึงน่ะเอส "พี่ตุ๊ดพูดก่อนจะทำท่าหันหลังเดินออกพร้อมกับยักไหล่ให้ผมเดินตามกลับบ้านไปด้วยกัน
          "งั้นไปนะพี่ตุ๊ อยากนอนเตียงใหม่ เดินทางให้สนุกนะน้องติ๊ก “พี่อั๋นพูดและยังหันมาบอกให้ผมเดินทางให้สนุก ผมว่ากลับไปสนุกแน่น้องพี่นะเพราะว่ามันโกหกผม
           "พี่อั๋นครับ” ผมเรียกพี่อั๋นไว้ขณะที่พี่ตุ๊เดินหันหลังออกไปแล้ว พี่อั๋นหันมามองหน้าผม ผมควักมือเรียกพี่เอาเข้ามา ผมก็เอามือป้องหูพี่อั๋น พี่เขาเงี่ยหูตั้งใจฟังทันที
          “เออ ท่ายากนะ ผมมีหมดแล้วคงไม่ต้องฝึกแล้วพี่อั๋น "ผมกระซิบบอกพี่อั๋น มีเอสมองหน้าผม
         "แจ๋ว! "พี่อั๋นขึ้นบ้านไปโล้ด ผมเดินมารอขึ้นรถ ผมเดินทางไปกับพี่พัฒน์รอบนี้ พี่พัฒน์เอางานมาทำด้วยตลอดเลย (พี่พัฒน์คือใครจะมาในตอน เรื่องรักวุ่นวาย ของพี่ๆ)
         "พัฒน์!....งานบางงานแบ่งคนอื่นทำบ้าง "พี่ตุ๊บอกพี่พัฒน์
         "คนไหนละ พี่ตุ๊ ไปจะหมดแล้วที่อยู่ก็ล้นมือกันคนแล้วพี่ตุ๊"พี่พัฒน์หรือครูพัฒน์พูดกับพี่ตุ๊ ผมแอบขำเลยพี่ตุ๊ มองหน้าชี้นิ้วให้ผมหยุดหัวเราะ
          "โอเค นี้คอมเพลนพี่ใช่ไหมเนี๊ยะ "พี่ตุ๊พูดกับพี่พัฒน์ ผมก็เหลือบตามองแต่ไม่กล้ามองตรงๆ เดี๋ยวพี่ตุ๊ไม่กล้าสวีทกับพี่พัฒน์โชว์พวกผม
          "เปล่าซะหน่อย "พี่พัฒน์พูดมีแอบค้อนพี่ตุ๊
          "ไม่นาน ครูที่จบใหม่พร้อมทำงานจะเดินทางไปเร็วๆ นี้ อย่าทำหน้างอซิ มันเหมือนปลาทูแม่กลอง"พี่ตุ๊แซวพี่พัฒน์ พี่พัฒน์สะบัดหน้าหันไปมองพี่ตุ๊ทันที
          "หึ!!"ผมขำพี่ชายผม อย่างน้อยก็ยังพอมีเรื่องให้ผมคล้ายโมโหไอ้แอ้หน่อยเรื่องพี่ตุ๊นี่แหละ
           "มุขสมัยไหนนี้ "พี่พัฒน์พูด พี่พัฒน์ก็เปิดประตูเข้าไปนั่งทำหน้าที่คนขับส่วนผมก็เดินไปนั่งข้างพี่พัฒน์
           "ห้ามขับเร็ว เร็วได้ไม่เกิน 100 "พี่ตุ๊สั่งพี่พัฒน์ เร็วได้แค่ 100 แล้วจะถึงเมื่อไหร่ละเนี๊ยะ ผมหันไปมองพี่ตุ๊
          "ปกติพี่พัฒน์ก็ขับไม่เร็วอยู่แล้ว วิ่งจ๊อกกิ้งยังเร็วกว่าเลย"ผมพูดบอกพี่ตุ๊
          "อุ้ย! ติ๊กว่าพี่ขับช้าเป็นเต่าเหรอเรานิ"พี่พัฒน์หันมาทำท่าจะตีแขนผม
          "เพราะอย่างนี้ไง ถึงให้ออกแต่เช้ามีเวลาลัลล่าในรถกันหลายชั่วโมง "พี่ตุ๊พูด อ้อ มีหน้าล่ะรีบปลุกแต่เช้าตรู่เลย
          "ห้ามเปลี่ยนให้ติ๊กขับเด็ดขาดนะพัฒน์ เข้าใจไหม คุณครู ถ้าไม่เชื่อนะ"พี่ตุ๊สั่งพี่พัฒน์ ห้ามผมขับรถ เพราะว่าผมขับรถเร็ว ผมเคยชนคนเสียชีวิตด้วยแต่นั้นมันอุบัติเหตุ เขาข้ามถนนเร็วและครอบครัวผมก็ต้องรับผิดชอบดูแลครอบครัวเยื่อคนนั้นจนตอนนี้ เพราะว่าผมเป็นดาราแล้วไง เรื่องมันเลยใหญ่โต
          "ครูใหญ่จะทำโทษครูเล็กเหรอ"ผมถามพี่ตุ๊
          "ใช่ ครูใหญ่คนนี้จะทำโทษ"พี่ตุ๊พูดลืมตัวแน่เลย พี่ตุ๊สะบัดหน้ามามองผม ที่แอบขำ พี่ตุ๊นี้ปากแข็งนะรักพี่พัฒน์ก็ไม่ยอมแสดงออกต่อหน้าพวกผมหรอก
           "เอานี่ไปได้แล้ว ทั้งคุณครูละลูกศิษย์เลยนะน่าจับตีก้นทั้งคู่"พี่ตุ๊ พี่พัฒน์สตาร์ทรถ พี่ตุ๊มองพี่พัฒน์ พี่พัฒน์ก็มองพี่ตุ๊
          "จะหอมแก้มก็หอม เขาไม่แอบดูหรอก"ผมพูดพร้อมกับ หันหน้าไปทางอื่นแต่ว่าผมมีกระจกมองข้างที่ปรับมาให้เห็นได้ พวผมก็อยากให้ะตุ๊ลงเอยกับพี่พัฒน์ซะที ผมรู้ว่าพี่ตุ๊กับพี่พัฒน์รักกันแต่ติดที่พี่พัฒน์เป็นลูกบุญธรรมของพ่อผม แต่ผมรู้มากกว่านั้น ผมรู้ว่าพี่ตุ๊กับพี่พัฒน์โป่งโป้งชึ้งกันแล้ว แต่เราไม่เอามาพูดกันเพราะว่าพวกเราให้เกียรติพี่เราสองคน
          "ฟ๊อด! "เสียงดังเชียวพี่ตุ๊นี้และพี่พัฒน์เลื่อนปิดกระจก และค่อยๆ แล่นออกมาช้า ผมเห็นพี่พัฒน์เอาฝ่ามือลูบแก้มตัวเองและอมยิ้มไปด้วย นั้นแปลว่าพี่พัฒน์เองก็รักพี่ตุ๊
          "เราไปรับพายกันใช่ไหม ติ๊ก"พี่พัฒน์หันถามผม ผมพยักหน้า เพราะว่าพ่อโทรมาบอกว่าอาเปรมด์งานเข้าให้ผมแวะไปรับพายด้วย พาไปด้วยกัน ผมก็รู้ว่าพายมันก็แอบชอบไอ้ดิวเหมือนกันและเพราะเหตุนี้หรือเปล่ามันเลยเริ่มจะไม่อยากเป็นหมอขึ้นมาซะเฉยๆ
         “ติ๊ก เป็นอะไรหรือเปล่า” พี่พัฒน์เห็นผมเงียบไป ผมหันไปยิ้มให้พี่พัฒน์พร้อมกับผมส่ายหน้าไปมาว่าผมไม่เห็นอะไร
         “พี่เอ๋ ยังมีงานมาให้เราอยู่ไหมติ๊ก อย่าหักโหมหนักติ๊ก “พี่พัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงผมแล้วอย่างนี้พวกผมจะไม่รักพี่พัฒน์ได้อย่างไร
       “ก็ไม่เยอะหรอกครับพี่พัฒน์ แต่ถ้าเยอะก็คงจะดี พี่พัฒน์ ติ๊กเบื่อที่จะเรียนที่นั่น “ผมพูดกับพี่พัฒน์
           “พี่ก็เข้าใจ เราอยากจะเข้ามหา’ ลัยและมีเวลาทำนั้นทำนี้เยอะแยะ และที่นั่นแทบจะไม่มีอะไรสำหรับติ๊กเลย” พี่พัฒน์หันมาพูดกับผม ไม่ใช่หรอก ผมเบื่อที่ผมต้องทนเห็นแอ้กับดิวมันไม่เป็นเหมือนเดิมมันมีแค่กันและกันมากกว่ามีผมแล้วไง
              “แต่ถ้าเราจะมองให้มันเป็นความสุข มันก็ทำได้นะ” พี่พัฒน์หันมาพูดกับผมอีก
              “พี่ชอบเหรอพี่พัฒน์” ผมถามพี่พัฒน์ ผมรู้ว่าพี่พัฒน์เข้าใจที่ผมถาม ผมไม่ได้หมายถึงโรงเรียนนั้นอย่างเดียว
              “เออ พี่” พี่พัฒน์ ทำท่าอึกอักที่จะพูด
              “พี่พัฒน์ รักพี่ตุ๊ ใช่ไหมและติ๊กเชื่อว่าพี่ตุ๊ก็รักพี่พัฒน์เหมือนกัน “ผมพูดพี่พัฒน์หันมามองผมแว๊ปหนึ่งและหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ
             "เมื่อไหร่พี่ตุ๊กับพี่พัฒน์จะ แฮปปี้แอนดิ้งซะที พี่ตุ๊จะขี้เก๊กไปไหนก็ไม่รู้ พวกผมนี้จะหมดความอดทนว่าจะคุยกับพี่ตุ๊กันอยู่แล้ว"ผมพูดกับพี่พัฒน์ พี่พัฒน์มองผม
           "เออ"พี่พัฒน์เงียบไปเลยที่นี้ พี่ตุ๊ก็ขี้เก๊กอยู่นั่นแหละ พวกผมจะอกแตกตายกันอยู่แล้ว สงสารพี่พัฒน์
            "พี่พัฒน์น้อยใจไหม "ผมถามพี่พัฒน์ตรงๆ
            "ก็มีบ้างนะแต่ พี่เข้าใจพี่ตุ๊ นะติ๊ก"พี่พัฒน์หันมาบอกผม เห็นไหมพี่ตุ๊นิ
              “พี่พัฒน์คงเสียใจมากที่เห็น พี่ตุ๊ไปกับ พี่ขวัญตอนนั้น พวกผมสงสารพี่กันมากเลยน่ะ “ผมพูด แม้ว่าพี่ขวัญจะเสียไปแล้วก็ตาม ตอนนั้นพี่พัฒน์คงต้องทนเห็นคนที่ตัวเองรักไป เอาใจคนอื่นคือพี่ขวัญซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพี่พัฒน์แต่พอพี่ขวัญเขาได้พี่ตุ๊เขากลับไม่พูดกับพี่พัฒน์เลย และพี่ตุ๊ก็เอาใจเขามากจนพวกผมนี้หมั่นไส้มาก แต่มันจบไปแล้ว โดยพี่ขวัญกระโดดตึกเสียชีวิต
            “ติ๊กรักพี่พัฒน์นะ พี่เหมือนพี่่แท้ๆ ของติ๊ก “ผมพูด
               “พี่ก็รักติ๊กนะ เป็นห่วงเรานะ บางวันก็เห็นเราไม่มีความสุขเลย ติ๊ก” พี่พัฒน์พูด พี่พัฒน์มองหน้าผม
             “อะไรที่ทำให้เราไม่มีความสุข โย้นมันทิ้งไปบ้างก็ได้นะ หึ” พี่พัฒน์พูดตอนนี้พี่พัฒน์ขับรถเข้ามาจอดด้านหน้าโรงแรมแล้ว พายมันยืนรออยู่ มีหนุ่มล้ำยืนอยู่ไม่ไกลจากมัน ดูส่งสายตาให้พาย แต่ไอ้นี่มันไม่น่าไว้ใจ เห็นผมแบบนี้เป็นห่วงมันมากน่ะพายเนี๊ยะ
              “อีพาย! ไปได้แล้ว ฮอร์โมนมึงนี้ทำงานตลอดเลยนะ” ผมเปิดกระจกแซว พายมันก็หันมายิ้มให้ผมและหันไปโบกมือให้คนข้างๆ
              “ไปก่อนนะ “พายบอกคนนั้น ไอ้คนนั้นดูท่าจะอยากได้เบอร์โทรพายมาก
             “เอาเบอร์พ่อน้องเขาไหม มีนะ พ่อน้องเขาเป็นผู้บัญชาการทหารอยู่ตอนนี้น่ะ “ผมตะโกนถาม พี่คนนั้นทำท่าตกใจ รีบเดินเข้าไปด้านในทันทีโดนไม่รอเบอร์โทร
          “อีติ๊ก มึงสกัดกูอ่ะ เขาอุตส่าห์มายืนฉีกยิ้มให้กูตั้งนาน พี่พัฒน์ดูซิ” พายพูด
            “หึๆ พาย พี่ว่ามันยังไม่ถึงเวลานะ เรียนก่อนดีกว่าไหม “พี่พัฒน์หันมาพูดกับพาย และออกรถทันที พายมันนั่งเบาะหลัง ผมรู้ว่าพายมันจะเอาพวกบรรยายที่มันต้องอ่านมาฟัง
             “เป็นไงบ้างมึง” เมื่อวานลุงหนึ่งมาหาที่โรงแรมพ่อผมด้วยเห็นว่ามีปากเสียงกันกับลุงณะ ผมว่าพายมันน่าจะอยู่เหตุการณ์ ผมถามพาย แต่พายมันมองหน้าผม
             “เมื่อคืนนะเหรอ มีหนุ่มล้ำๆ มาเพียบเลย ที่โรงแรมลุงภาคย์อะ เมื่อคืนเขาประกวดโดมอนแมน แก “อีพาย พูด ผมอยากจะเค้กกะโหลกมันจริงๆ กูไม่ได้หมายถึงหนุ่มๆ พายมันขยิบตาว่าไม่พูดตอนนี้ให้ผมฟัง
                 “ทำไมมึงไม่โทรบอกกู “ผมแซวมันกลับ หันขวับมาเลย
                “นี้ใส่เสื้อกล้าม เห็นกล้ามแขนนี้แบบน่า…” พายมันพูดพี่พัฒน์ถึงกับมองผ่านกระจกมองหลัง
                “น่าจับตาดู” อีพาย เล่นเอาพัฒน์ต้องยกมือขึ้นทาบอก
                “และสวมกางเกงยีนก็ฟิต! น่าดู มว๊าก” พายพูด
               “พอได้แล้ว อุ้ย! พี่ทนฟังไม่ได้ เราสองคนนี้ คุยอะไรกันเนี๊ยะ พี่ตุ๊มาได้ยิน โดนแน่ๆ เลย” พี่พัฒน์ หันมาเอ็ดผมสองคนแบบไม่จริงจัง แต่ก็ทำให้ผมสองคนอดหัวเราะไม่ได้
"color:#000000;"> “ก็เลยต้องเม้ากันหลับหลังนี้ไงพี่พัฒน์” พายพูด
              “และเราสองคนนี้นะ จะทำให้พี่ใจแตกไปด้วยนะเนี๊ยะ” พี่พัฒน์พูดพร้อมกับเหล่ตามองผมสองคน ก่อนจะหันไปขับรถต่อ ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูว่าแอ้มันส่งข้อความมาหาผมอีกไหม แต่ไม่มี ผมก็ไม่โทรน่ะ จะดูซิว่ามันจะโทรมาหาผมบ้างหรือเปล่าวันนี้ หรือว่าเมื่อคืนมันกับดิวจัดกันจนลุกไม่ขึ้นกันแน่
               Pie = ทำไมหน้ามึงไม่รับแขกเลยว่ะ
                TKtik=แอ้มันโกหกกู
                Pie=โกหกมึงเรื่องไรว่ะ
               TKtik= เรื่องไอ้ดิวมันกลับก่อนและมันไปนอนที่ไหนก็ไม่รู้ กูว่ากับไอ้ดิว
              Pie =พอเถอะว่ะ มึง ให้มันรักกันเถอะ มึงรู้ไหมว่าทำไมมันไม่บอกมึง
             Pie = เพราะแอ้มันแคร์ความรู้สึกมึงว่ะ มึงเคยแคร์มันบ้างไหมว่ะ กูถามจริง
              TKtik = ตกลงมึงซ้ำกู!!
              ผมพิมพ์ข้อความและหันหลังไปมองพายมัน มันก็ส่ายหัวให้ผมและเก็บมือลงทันที ผมก็เหลือบมองใบหน้าของพาย ผ่านกระจกมองหลัง แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ ผมนั่งเงียบไปจนถึงโรงแรมพ่อผม ผมบอกพี่พัฒน์ว่าจะนอนที่ห้องพักที่โรงแรมกัน ไม่กลับบ้าน ว่าจะลงไปหาอะไรดื่มกันซะหน่อย ผมน่ะลูกหลานเจ้าของไม่ต้องดูบัตรก็เข้าได้ แต่ถ้าพ่อรู้ก็จะโดนด่า ผมแค่บอกพนักงานว่าห้ามบอก ถ้าบอกจะได้รู้ว่าใครจะโดนหนัก เท่านั้นแหละเงียบกริบ
              “พรุ่งนี้จะไปเรียนกันยังไงละ” พี่พัฒน์ถามผม
              “ให้รถโรงแรมไปส่งครับพี่พัฒน์ “ผมพูดและยักไหล่พาย พายมันก็เดินออกมา และพากันขึ้นห้องพัก โรงแรมผมมีแต่ชาวต่างชาติมาพัก แม้จะห่างไกลแหล่งท่องเที่ยวแต่เรามีรถบริการรับส่งและแรงแรมนี้มีเครือที่ต่างประเทศมากมาย ต่างชาติรู้จักดี บริการเลิศหรู แต่เท่าที่ผมทราบมี คนถือหุ่นอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เป็นคนพื้นที่และเป็นผู้มีอิทธิพล แต่มันก็แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์
             “เช็กอินครับ” ผมเดินตรงปที่หน้าเคาน์เตอร์
              “ค่ะ ขอเอกสารการbooking ด้วยค่ะ”
               “นี่ครับ” ผมพูดและส่งกระดาษที่ผมปรินซ์มาไว้ให้พนักงานดู ผมจองในนามของชื่อผม พนักงานเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าตกใจ
              “อัพเกรดให้นะคะ คุณติ๊ก” พนักงานแจ้งผม ผมพยักหน้าเขารู้ว่าผมคือใคร
               “เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวให้พนักงานเราพาขึ้นไปที่ห้องพักนะคะ”
                “ขอบคุณครับ เออ ผมกับคุณพายจะลงมานั่งดื่มกันหน่อยช่วงเย็น น่าจะทุ่มหนึ่ง รบกวนดูโต๊ะที่ห่างไกลความวุ่นวายให้ผมหน่อยนะครับ แบบส่วนตัวยิ่งดี “ผมบอกพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะหันไปพยักหน้าเรียกพายที่เอาแต่กดโทรศัพท์เล่น
                “มึงโทรบอกพวกนั้นปะวะว่าเราพักกันที่นี้” พายถามผม
                “ถ้าหมายถึงแอ้ กูไม่ได้บอกว่ะ ถ้ามันแคร์กูจริง มันโทรมาแล้วพาย “ผมพูดและเดินเข้าไปในลิฟต์ ผมเข้าไปยืน ขณะที่ลิฟต์กำลังปิดลง จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามา เป็นชายหนุ่มหุ่นมาตรฐานชายไทย ถือกระเป๋าเป้เข้ามา กางเกงยีนทันสมัยแต่ขาด ผมก็เหลือบตามองและเบ้ปากนิดๆ พายสะกิดผม
                “คุณหนูเชี้ยอะไรกูไม่แคร์ กูแค่อยากเรียนกับพวกไอ้ภาคิน กูก็ไม่แคร์ ถ้าไอ้ธงรบมันจะแท่งกูกลับเพราะว่ากูแท่งมันกูก็ไม่กลัว ก็กูตั้งใจกลับมาเพราะกูอยากเจอมันอีก บร้าๆ” ดูท่าไอ้นี่จะกินรังแตนมาแน่ๆ แต่ว่าไอ้นี่มันพูดถึงไอ้ภาคิน มันคงไม่บังเอิญซวยเป็นคนเดียวในห้องกับผมหรอกมั้ง มันบ่นสายคนในสายมันไปจนใกล้ถึงชั้นก่อนผมสองชั้น มันถึงได้กดชั้นที่มันจะออกจากลิฟต์ ผมก็ยืนกอดอกมองจากด้านหลังพร้อมกับพาย และมันก็ออกไปโดยไม่หันมามองผมสองคนนี่มันทำเหมือนผมสองคนคืออากาศธาตุไปได้ยังไงวะ
                 “มันคิดว่าเราคือเงาของจูออนหรือไงว่ะติ๊ก” พายพูด
                 “ชั่งแม่ง ดูมันแต่งตัวดิ ปอนด์ชะมัด ดังนั้นกูก็ไม่แคร์!!!"ผมพูดและเดินออกตรงไปห้องพักวีไอพีของผม ผมก็วางกระเป๋าหรูสีน้ำตาล และพายมันก็หยิบเอาแล็บท๊อปขึ้นมา มันเรียนออนไลน์ พายมันเก่งเรียกว่าอัจฉริยะ มาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ เรียนรู้เร็ว มันจบมัธยมปลายนานแล้ว แต่ตอนนี้เขาต้องการให้มันเรียนหมอและสาขาโรคหัวใจด้วย ผมนั่งรอเวลาจะลงไปทานอาหารเย็นและไปหาที่นั่งดริ้งกัน ส่วนอีพายเขาก็ไปหาอาหารตามองพวกผู้ชายหล่อ บาร์เทนเดอร์อะไรประมาณนี้ แต่พายมันไม่เอาหรอกแค่มองกับหยอดเขาเล่นไปวัน วัน และบาร์เทนเดอร์ผับในโรงแรมผม ส่วนใหญ่หน้าตาดีทั้งนั้นเลย คัดมาอย่างดี
           

          TBC...

หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.41. (แอ้Xดิว) คุณพ่อวัยใส
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 21-02-2024 21:03:00
EP.41. (แอ้Xดิว) คุณพ่อวัยใส

        Part’ s ดิว ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้าอีกเช่นเคย ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยอาการงัวเงีย เมื่อคืนหลังจากที่ผมส่งลูกเข้านอน ผมก็กลับมาอาบน้ำกับแอ้ เมื่อคืนแค่อาบน้ำจริงๆ ไม่ได้ทำการบ้านกันเพราะว่าคืนก่อนแอ้ก็จัดหนักให้ผมไปแล้ว แต่ที่เพลียเพราะว่าผมกรอกเอกสารที่จะสมัครเข้าเรียนแพทย์ทหารให้เสร็จ ส่วนแอ้นะเขากรอกใบสมัครเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยให้เสร็จเรียบร้อยเหมือนกัน ผมรู้ว่าผมกับแอ้จะไปฝึกแต่คนละทีแต่ถึงยังไงผมก็ต้องดึงแอ้กลับมาอยู่กับเลยให้ได้

                แต่ตอนนี้ผมสลึมสลืม ยังไม่ทันได้ลืมตาดี ผมก็เอามือคลำไปทั่วก็ไม่เจอร่างแอ้คนที่นอนให้ผมกอดทั้งคืน แอ้ไปไหนนะ ไม่อยู่บนเตียงกับผมแล้ว ผมก็รีบลุกขึ้นทันที ผมเห็นชุดนักเรียนแขวนไว้แล้ว แอ้เป็นภรรยาที่น่ารักมากจริงๆ ถ้าอยู่บ้านนี้แอ้จะเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้ผมหมด ผมคิดว่าแอ้คงไปที่ห้องแฝดแน่ๆ ผมเดินไปห้องนอนลูกชาย ผมได้ยินเสียงแอ้คุยกับลูกๆ ดังมาจากในห้องนอน

               “พ่อแอ้ ไข่กับไก่อะไรจะเกิดก่อนกันนะ” มาริโอ้กำลังชวนแอ้คุยขณะที่แอ้แต่งตัวให้เขาอยู่ ผมเห็นไอกับไอซ์ที่นั่งรออยู่แล้วเพราะว่าเขาสองคนแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ไอนั่งตัวติดกับไอซ์ตลอด

               “อะแฮม!” ผมทำเสียงกระแอม แอ้หันหลัวมามองผม

               “ตื่นแล้วเหรอดิว” แอ้ถามผม

               “ทำไมไม่ปลุกดิวมาช่วยละแอ้” ผมถามแอ้

              “เห็นดิวนอนดึกนะและดิวต้องขับรถอีก เลยอยากให้พักผ่อนให้เต็มที” แอ้พูดบอกผม

              “ลูกๆ ของพ่อหล่อจังครับ” ผมชอบทั้งสามหนุ่มของผม

             “เสร็จหรือยังครับ ลุงด้าจะได้พาไปทานอาหารเช้า พ่อแอ้เขาทำไข่ม้วนเอาไว้ให้นะครับ ลงไปทานกันและจะได้ไปโรงเรียนกันครับ “พี่ด้าเดินมารับเด็กๆ และยังสปอยด์ลูกผมว่าแอ้ทำไข่ม้วนเอาไว้ให้อีก ผมก็เลิกคิ้วสูง นี้ยังมีเวลาลงไปทำไข่ม้วนให้ลูกๆ อีกเหรอ สุดยอดคุณแม่จริงๆ

               “เย้ๆ “ทั้งสามหนุ่มยกมือกันและพี่ด้าก็พากันลงไป ส่วนผมกับแอ้เดินกลับไปที่ห้องนอนของผม

               “รีบไปแต่งตัวดิว “แอ้หันมาเร่งผม และผมก็พากันเข้าห้องเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ระหว่างช่วยกันแต่งตัวผมกับแอ้หันมาช่วยกันติดกระดุมเสื้อผ้ากันและกัน ผมกับแอ้ทำแบบนี้ทุกวันเพราะว่าเมื่อก่อนแอ้จะนอนบ้านเดียวกับผม ช่วงที่อาภีมไปช่วยงานลุงหนึ่ง

                “แอ้ทำแซนด์วิชเอาไว้เราไปทานกันในรถนะดิวเพราะว่าถ้าทานที่นี้จะไม่ทันเวลา” แอ้บอกผม ผมพยักหน้า ผมเดินเข้าไปไปประชิดตัวแอ้ และโอบเอวแอ้ผมก็ประกบริมฝีปากที่หนาได้รูปกับริมฝีปากบางสวยของแอ้

                 “ไปเถอะดิวเดี๋ยวสาย” แอ้พูดก็พยักหน้าและพากันหยิบกระเป๋าเป้และเดินลงไปชั้นล่าง

                 “พ่อนะออกไปตั้งแต่เช้าแล้วอ่ะดิว “แอ้พูดบอกผม ผมพยักหน้า

                 “พี่แดนขับรถไปกับพ่อและพ่อก็พามีนไปด้วย พ่อบอกว่าตรวจสุขภาพและรับวัคซีนกระตุ้นเพิ่ม “แอ้บอกผม

                 “เสียดายแอ้ไม่ได้อยู่กอดน้องมีนตอนที่โดนฉีดยาอ่ะดิว” แอ้พูดผมก็แตะที่แขนแอ้เบาๆ ระหว่างที่ผมกำลังเดินลงบันไดก็เห็นพี่ๆ ผมยืนรออยู่ พี่โดม พี่ดรีม พี่ด้า และแฝดของผมที่ยืนรอไปสถานรับเลี้ยงเด็กเล็กที่พ่อแม่ไม่มีคนดูแลแต่ส่วนใหญ่ก็เอามาฝากเลี้ยงเพราะว่าอยากให้น้องช่วยเหลือตัวเองได้และได้ความเรียนรู้จากพี่เลี้ยงที่ผ่านการอบรมมาแล้ว

                   “นั้นไง พ่อลงมา แว้ว!! “มาริโอ้หันมาตะโกนบอกลุงๆ เขาแต่ว่าลงมาแว้วนี้ซิ

                    “ลงมาแล้ว!!” พี่ๆ ผมพูดออกมาพร้อมกันเลย

                    “คิก คิก คิก” มาริโอ้ยืนหัวเราะ ผมกับแอ้ก็ขำเหมือนกัน ลูกผมเป็นคนตลก

                    “ลุงว่าคนนี้ไม่น่าจะต้องไปศูนย์เด็กเล็กแล้วมั้งครับ ไปเข้าตลกอคาเดมี่เถอะลูกเอ่ย จบมามีงานเลย” พี่ดรีมพูด

                    “เอาละ ดิวพี่ขับรถเราไปก่อนนะและเราก็ไปส่งลูกๆ เรา ค่อยเปลี่ยนรถกับพี่แล้วกัน” พี่โดมพูด ผมก็ส่งกุญแจให้พี่โดม ขับรถกระบะผมไปและผมก็รับกุญแจรถตู้ที่ลูกผมนั่งมาจากพี่ดรีม

                    “เดี๋ยวน่ะ!! นี่จะพากันไปส่งลูกๆ เข้าเรียนกันแบบนี้เหรอครับ คุณพ่อวัยใส “พี่ดรีมร้องทักผมขึ้นมา

                    “ใช่ไงพี่ดรีม ลูกๆ ขอให้ผมกับแอ้ไปส่งอ่ะ ไหนๆ ก็ได้กลับมาแล้ว” ผมบอกพี่ดรีม

                    “เออ ...จะไปกันทั้งชุดนักเรียนแบบนี้เหรอครับ ผู้ปกครองเพื่อนร่วมห้องลูกมึงไม่สัมภาษณ์ขนาดที่ว่าเก็บรายละเอียดเพื่อเอาไปเขียนชีวประวัติกันแย่เหรอครับ คุณพ่อที่อายุน้อยมากๆ ยังใส่ชุดมัธยมปลายแต่ลูกจะเข้าประถมอยู่แล้ว” พี่ดรีมพูด ทำเอาผมสองคนก้มดูชุด เออ จริงด้วย ผมสวมชุดนักเรียนม. ปลายแบบนี้ ผมลืมไปเลยครับ

                      “เออว่ะ ดิว ชุดแบบนี้ไม่น่าจะใช่พ่อของลูกๆ มึงน่ะ ดูจากชุดน่าจะเพื่อนลูกมากกว่าว่ะ ฮาๆ “พี่โดมพูดพร้อมกับหัวเราะผมสองคนด้วย

                     “เออ แอ้ก็ลืมคิดไปว่ะดิว” แอ้พูดผมก็หันซ้ายแลขวา

                    “งั้นก็ขอไปเปลี่ยนชุดเลยแล้วกันพี่พาเด็กขึ้นรถเลยพี่” ผมพูดบอกและผมกับแอ้ก็วิ่งขึ้นห้องรีบถอดชุดนักเรียนมัธยมปลายออกทันที พร้อมกับสวมชุดธรรมดาเสื้อยืดกางเกงยีนและวิ่งลงชั้นล่าง ผมก็ขึ้นไปบนรถมินิแวน ลูกๆ อยู่ในรถกันหมดแล้ว มิ้นด้วยมิ้นนั่งหลังกับมาริโอ้ ไอแฃะไอซ์นั่งตรงกลาง

                     “เอาละพร้อมหรือยังครับ” ผมกับแอ้เข้ามานั่งในรถและหันไปถามเด็กๆ

                    “เย้ๆ” เสียงพร้อมเพรียงกันมาก ผมก็ออกรถ ผมหันมามองแอ้ เห็นแบบนี้แล้วผมกับแอ้ไม่อยากกลับไปเรียนเลยอยากอยู่ดูแลลูกๆ ของผม ผมขับไปจนถึงศูนย์สำหรับดูแลเด็กเล็กค่ายฯทหาร ที่นี้จะรับดูแลเด็กเล็ก ตั้งแต่แรกเกิดเลยก็ว่าได้แต่ส่วนใหญ่แรกเกิดพ่อแม่เด็กจะดูแลเองก่อนจนหมดช่วงลาคลอด

                    “เอาละถึงแล้วครับเด็กๆ โรงเรียนของหนู” ผมพูดบอกลูก เพราะว่าลูกๆ จะเข้าใจว่านี้คือโรงเรียนของพวกเขาและผมก็เดินไปเปิดประตูเลื่อน เด็กๆ พากันเดินลงมา ส่วนแอ้เข้าไปอุ้มมิ้น

                     “อ่า!!!”

                     “ดิว!! มิ้นไม่ยอมลงอ่ะ” แอ้เรียกผมเสียงหลง ผมเดินไปดู มิ้นยึดคาร์ซีทแน่นเลย

                    “แอ้ไปดูแฝดแล้วกันดิวจัดการเอง” ผมพูดและจัดการแกะมือเหนียวๆ ลูกชายคนเล็ก

                   “มิ้นไปลูก ครูโมรออยู่! “ผมพูดและแกะมือนั้นออกทีละมือ

                    “ทำไมแสดงอาการรักโรงเรียนขนาดนี้ ไปเถอะ!!” กว่าจะงัดออกมาได้จากคาร์ซีท เล่นเอาเหงื่อแตกเลยผม

                   “ฟู่! “ผมพ่นลมหายใจออกมาทันที และมองลูกมิ้นตัวแสบ ทำหน้างอคอหัก มองผมกับแอ้ ทำท่าเบะปากใส่ผมสองคนทันที

                    “คิก คิก คิก” พี่ๆ แฝดสามยืนขำมิ้นกับผมกันใหญ่เลย ผมพากันเดินเข้ามา ก็มีส่วนกับผู้ปกครองที่มาส่ง แต่ละคนก็รู้จักผมกันดี เพราะว่าเป็นลูกหลานเจ้าของค่ายทหารแห่งนี้ พากันยิ้มทักทายผมก็เช่นกัน

                        “เอาละ ไหนละครูนุ่น” ผมถามเด็กๆ และมองหาครูนุ่น

                        “ออโต้” เสียงมาริโอ้เรียกใครสักคนน่าจะเพื่อนกัน ผมก็เห็นเด็กอ้วนๆ วิ่งมาหามาริโอ้ และอีกคนก็ผอมจน ผมอยากบอกว่าอย่าวิ่งมากลูกล้มไปกระดูกอาจจะหัก และทั้งสองก็วิ่งมาหยุดที่ลูกแฝดของผม

                        “ออโต้ วันนี้พ่อเรามาส่งนะ เรามีพ่อ!!” มาริโอ้บอกเพื่อน ผมกับแอ้ก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

                       “คนไหนอะพ่อนาย” ถามว่าคนไหน

                       “นี่ไง” ทั้งสามคนชี้มาที่ผมสองคน ผมก็พยักหน้าใช่ไง

                       “สองคนเลยเหรอ พวกนายมีพ่อสองคนเหรอ” คนผอมเงยหน้าถามมาริโอ้ ไอและไอซ์ ผมหันมามองแอ้ เหมือนจะงานเข้านะ แอ้ส่ายหัวเล็กและชี้มาที่ผม นั้นคือผมแสดงตัวคนเดียว ผมส่ายหน้าไม่ได้หรอก ผมต้องยืดอกว่าผมมีเมียเป็นผู้ชาย

                      “ใช่ไง แล้วนายมีพ่อกันกี่คนละ” แต่มาริโอ้ชิ้งถามกลับไปซะก่อน

                       “คนเดียว” เด็กคนอ้วนตอบและหันไปมองคนผอม

                      “หว่าน้อยจัง!” ผมสะบัดหน้าไปมอง เขาถูกแล้วลูกโอ้

                      “เหรอ! งั้นเราจะบอกให้แม่เราหาพ่อเพิ่มน่ะ เราจะได้มีหลายคนเหมือนพวกนาย” ผมก็ต้องพากันยืนอึ้งกิมกีกันสองคน พูดมาแบบนี้ผมกับแอ้ไปไม่ถูกเลย

                       “ท่าทางจะงานเข้าว่ะดิว เออ มองหาครูนุ่นเถอะดิว” แอ้กระซิบบอกผม ผมก็เห็นครูนุ่นกำลังเดินออกมา ผมรีบยกมือขอความช่วยเหลือ

                       “อ้าว! แอ้ ดิว มาส่งน้องเองเลยเหรอคะวันนี้” ครูนุ่น เป็นครูอนุบาลที่นี่ รู้จักครอบครัวผมกับครอบครัวแอ้ดี ครูนุ่นเป็นเพื่อนกับพี่ดิมและพี่อ้นมาก่อน ดังนั้นครูนุ่นจะค่อนข้างเข้าในลูกๆ ผมเป็นอย่างดี

                       “สวัสดีครับพี่นุ่น “ผมพูดและครูนุ่นก็กางแขนมารับมิ้น มิ้นหันไปมองครูนุ่นก่อน

                       “สวัสดีครับครูนุ่นก่อนซิลูก” แอ้บอกลูกแฝดของผม แต่ละคนก็ยกมือไหว้ ส่วนผมก็ชี้ให้ครูนุ่นดูเด็กอ้วนเด็กผอม ที่ยืนมองผมกับแอ้

                       “ออโต้กับเต้ย มายืนทำอะไรตรงนี้ครับ” ครูนุ่นถามเด็กสองคน

                        “มาริโอ้เรียกพวกเรามาดูคุณพ่อเขานะครับครูนุ่น แต่พ่อของมาริโอ้เขามีสองคนอ่ะ แต่พวกเรามีคนเดียวอ่ะครูนุ่น “คนอ้วนพูดขึ้น ครูนุ่นหันมามองหน้าผมสองคนและคงเข้าใจกันดี

                        “น้อยไปเหรอครับครูนุ่น” อีกคนถามครูนุ่น ผมสองคนก็มองหน้าครูนุ่นประมาณว่างานเข้าเพราะผมสองคนครับครูนุ่น

                       “อ้อ! เดี๋ยวครูนุ่นอธิบายทีหลังนะลูก ไปเล่นกันตรงโน้นก่อนน่ะ “ครูนุ่นพูด และหันมายิ้มให้ผม และรับน้องมิ้นไป

                       “เดี๋ยววันนี้น้องมิ้นอยู่กับครูนาก่อนนะคะ เพราะว่าครูโม”

                       “ครูโมท้องแตก” มาริโอ้

                       “ห๊ะ!!” ผมหันมามองลูกชายตกใจครับ

                       “พ่อๆ อย่าซื้อแตงโมให้โอ้กินนะ โอ้กลัวท้องใหญ่มากๆ เหมือนครูโม ครูโมกินแตงโมเยอะไป ครูโมกินเข้าไปทั้งลูกเลยพ่อดิว!!” มาริโอ้พูดและทำมือว่าท้องโต

                        “ครูโมไม่ได้ท้องแตกลูก แต่ครูโมเขาลา เดี๋ยวพรุ่งนี้ครูโมน่ะ ไปเล่นกับเพื่อนก่อนไหม” ครูนุ่นพูดและหันมายิ้มแหยๆ กับผมสองคน ครูนุ่นขวักมือเรียกครูอีกคน น่าจะใช่ครูนา ให้มารับมิ้นไปดูแลวันนี้ ไอก็จับมือไอซ์เดินไปหาเพื่อนแต่มาริโอ้นะวิ่งไปก่อนแล้ว

                       “ลูกๆของผมสองคนเป็นยังไงบ้างครับครูนุ่น” แอ้หันไปถามครูนุ่น

                       “เด็กก็ปกติดีนะคะ” ครูนุ่นพูดและถามแอ้

                       “คือผมแค่กลัวว่าเขาเคยรู้สึกแตกต่างจากเพื่อนไหม เข้ากับเพื่อนได้ดีไหม” แอ้พูด

                       “ไม่นะคะ พี่พยายามไม่ให้เขาดูแตกต่างจากเพื่อน และถามว่าเข้ากับเพื่อนๆ ได้ไหม ได้นะคะ “

                        “มาริโอ้เนี๊ยะเพื่อนๆ รักเพราะว่าเขาช่างพูดช่างเจรจา ช่างสักช่างถาม เขาน่ารัก เลยเข้ากับเพื่อนๆ ได้สบาย “ครูนุ่นพูด ผมก็พยักหน้าเพราะว่ามาริโอ้นี้พูดเก่งประจำบ้าน

                       “ส่วนไอซ์เขาก็จะมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งของเขา ดังนั้นเพื่อนของเขาก็จะสไตล์เดียวกัน จะมีไม่กี่คน ก็จะมีไทม์ ใบเฟิร์น และน้องจีน่า”

                       “แต่ละคนก็จะนุ่มนิ่ม ส่วนเด็กผู้ชายคนอื่นก็จะไม่ค่อยกล้าเข้ามาเล่นกับไอซ์ เท่าไหร่” อันนี้ผมกับแอ้หันมามองหน้าพร้อมกัน อย่าบอกนะว่าเพราะไอนะ

                      “ส่วนไอนี้ พูดน้อยค่ะ ต่อยหนักไปนิด” ผมก็สะดุ้งทันที

                      “เขาทำเพราะว่าเขาหวงไอซ์เหรอครับ พี่นุ่น” แอ้ถามขึ้น

                     “ยอมรับค่ะ ใครแตะต้องไอซ์นี้ โดนทุกราย วันก่อนก็ตาเขียวไปหนึ่งคน แต่ว่าเขาชอบเล่นแรงๆ และทำไอซ์เจ็บด้วย พี่ชายเลยจัดไป พ่อแม่เด็กตอนแรกก็โมโหนะแต่เพื่อนๆ ในห้องบอกว่าเขาแกล้งไอซ์ก่อน เรื่องก็เลยจบค่ะ” ครูนุ่นพูดและหันมามองหน้าผมสองคน

                       “ผมกลัวมากเลยพี่นุ่น ผมกลัวว่าเขาเห็นครอบครัวคนอื่นมีทั้งพ่อทั้งแม่เขาจะคิดว่าเขาขาดหรือเปล่า” แอ้พูด ผมหันมามองแอ้ ที่ยืนมองลูกๆ เล่นกับเพื่อนๆ

                      “แอ้ ดิว ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปทุกครอบครัวหรอกค่ะ เด็กในนี้ บางคนก็มีแค่พ่อ และบางคนก็มีแค่แม่” ครูนุ่นพูด ผมสองคนก็รู้ ในนี้มีแต่ครอบครัวทหาร บางคนก็เสียชีวิตจากการปะทะกับคนร้าย เพราะว่าหน่วยงานของผมขึ้นอยู่กับเอกชน ดังนั้นจะมีถูกส่งไปเป็นทหารจ้างในพื้นที่เสียงอันตราย แต่ก็ได้ค่าตอบแทนค่อนข้างสูง

                      “ถามว่าเขาเคยถามพี่ไหมเวลาเห็นครอบครัวอื่นๆ ถามนะ เคยถามว่าแม่คืออะไร ทำไมเขาไม่มี” พ่อครูนุ่นพูด แอ้หันมามองหน้าผม

                      “พี่ก็อธิบายกับเขาไปตรงๆ นะว่าแม่คือคนที่อุ้มท้องเรามาด้วยความรัก พอพี่พูดแบบนี้เขาสามคนก็เงียบ” ครูนุ่นพูดและหันมามองหน้าผมสองคน แอ้เริ่มจะหน้าซี้ด

                      “พี่ก็ถามเขาว่าเราอยากมีแม่เหรอ แล้วพ่อดิวกับพ่อแอ้ เขารักเราสามคนไม่ใช่เหรอ เรารักพ่อแอ้ดิวกันหรือเปล่า” พี่นุ่นพูด

                       “เขาสามคนก็บอกพี่นะ ว่าเขารัก เขารักพ่อแอ้พ่อดิว “

                        “แล้วทำไมถามหาแม่ละ ถ้ามีแม่แล้วเราจะรักแม่หรือเปล่า” พี่นุ่นพูด

                        “เขาก็บอกพี่นะเขาไม่รู้ แต่เขารู้ว่าเขารักแอ้กับดิวมากกว่า อยากอยู่กับพ่อแอ้กับพ่อดิว ไม่อยากไม่อยู่กับคนอื่น พี่ก็ถามเขาอีกนะว่าทำไมละ”

                         “มาริโอ้บอกว่า เขาไม่รู้ว่าคนนั้นจะรักเขาไหมแต่พ่อแอ้พ่อดิวรักเขาแน่ๆ นี้คือคำพูดของมาริโอ้ นะแอ้ ดิว” พี่นุ่นพูด ผมว่าแอ้รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยแน่ๆ แอ้ยิ้มออกมาในทันที

                         “ดังนั้นพี่เชื่อว่าไม่มีอะไรมาแทนที่ความรักได้หรอก และเขาเห็นความรักของแอ้กับดิว เขานึกภาพมันออกมากกว่า แต่ที่เขาถามพี่ก็คงเพราะว่าแค่เห็นว่าเขาไม่มีเหมือนกับคนอื่นก็แค่นั้น “ครูนุ่นพูดและหันมายิ้มให้ผมสองคน

                          “ขอบคุณมากๆ เลยนะครับพี่นุ่น แอ้นะเขาคิดมากเรื่องนี้ตลอดเลยครับ ผมว่าตอนนี้เขาดีขึ้นแล้วแหละ” ผมพูดและหันไปมองแอ้

                            “พี่นุ่น ผมสองคนต้องขอตัวนะครับ ผมต้องไปแล้ว” ผมพูดบอกครูนุ่น

                           “น้องไอ น้องไอซ์ น้องโอ้ มานี้เร็วพ่อแอ้พ่อดิวจะกลับแล้วลูก” ครูนุ่นเรียกลูกแฝดของผม พวกเขาก็วิ่งมาหาผมไอซ์มาถึงก็กอดแอ้ ผมก็กอดมาริโอ้และไอ

                            “พ่อไปแล้วนะเด็กๆ พ่อจะมาหาทุกอาทิตย์ “ผมพูดบอกลูกๆ ผม

                            “เดินทางปลอดภัยนะคะ ส่วนเด็กพี่จะทำหน้าที่ครูให้เต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างระหว่างกันและพี่ก็เชื่อว่าเด็กๆ เขาปรับตัวได้ดีอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง “ครูนุ่นบอกผมและพาแฝดผมกลับเข้าไป ตอนนี้คงใกล้เวลาเข้าห้องเรียนแล้ว



                          ผมกับแอ้หันมามองหน้ากันและจำใจเดินออก ผมเห็นแอ้เหลียวหลังไปมองลูกตลอด มองจนผมสองคนขึ้นไปบนรถและผมก็ต้องเอารถไปเปลี่ยนที่โรงพยาบาลพ่อผมด้วย

                          //พี่ดรีม ผมเอารถมาเปลี่ยนแล้วอ่ะ//ผมโทรบอกพี่ดรีม

                          //เดี๋ยวพี่เดินออกไปดิว// พี่ดรีมพูดสายและผมก็นั่งรอในกับแอ้ ในรถ เหมือนแอ้พยายามจะโทรหาใครสักคน

                          ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูรถ ผมรีบลงมาจากรถและส่งกุญแจให้พี่ดรีม ผมก็แบมือรับกุญแจรถกระบะโฟว์วีลของผมมาทันที

                         “พี่ดรีม พี่รู้ไหมว่าลูกผมไปต่อยเด็กนะ” ผมถามพี่ดรีม

                         “เออ กูลืมบอกมึงไป ลูกไอมึงนะ วัดสายตาประกอบแว่นให้เขาไปเมื่อพุธที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเด็กคนนั้นเขาอยากจะเล่นกับไอซ์ แต่ไอซ์เขาไม่ชอบและยังไงก็ไม่รู้ เห็นโอ้มันบอกพี่ว่าเด็กคนนั้นมันจะหอมแก้มไอซ์หรืออะไรนี้แหละ ไอเลยจัดไปสองข้าง พ่อแม่ก็โมโหน่าดูนะ แต่พอพ่อเราไปเรื่องเลยจบลงด้วยดี “พี่ดรีมพูด ผมพยักหน้าค่อยยังชั่วหน่อยที่จบลงด้วยดี

                        “จบลงที่ว่าเขาเอาลูกเขาออกไปอยู่ที่อื่นแทน” พี่ดรีมพูด ผมถึงกับไถล

                        “แต่ผู้ปกครองหลายคนแล้วนะพูดว่าเด็กคนนั้นดูเกเรมาก ครูเองก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน ก็เลย ตามใจเขาก็แล้วกัน” พี่ดรีมพูด ผมก็พยักหน้า

                        “เอานะ พวกเราก็ผ่านมากันแล้วเรื่องพวกนี้” พี่ดรีมพูดและหันมาแตะไหล่ผม ผมก็พยักหน้าก่อนจะเดินพาแอ้เดินออกไปขึ้นรถกระบะของผม และจะได้พากันกลับ ผมรุ้ว่าแอ้ไม่อยากให้ไอเป็นเด็กที่ถูกมองว่าเป็นเด็กชอบความรุนแรง

                        “อาทิตย์หน้าเรากลับบ้านเราก็ค่อยๆ คุยกับลูกนะ แต่เหตุผลที่พี่ดรีมบอก ไอเขาก็ทำหน้าที่พี่ชายนะแอ้ “ผมหันไปพูดกับแอ้

                        “แค่เขามีพ่อที่เป็นรักเพศเดียวกันมันก็แปลกอยู่แล้วแต่นี้มาใช่ความรุนแรงอีก ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะมองว่าประเภทของเราเป็นประเภทชอบใช้ความรุนแรงซะด้วยอ่ะดิว” แอ้พูด

                        “แต่ความจริงมันไม่ใช่สักหน่อยนิแอ้ เราจะไปแคร์เขาทำไมและดิวก็เชื่อว่า ลูกๆ เราจะไม่ยอมให้คำพูดเหล่านั้นมาทำร้ายเขาได้แอ้"ผมพูด "เพราะเรามีเกาะป้องกันอย่างดี นั้นค่อ สิ่งที่ดิวแอ้



                         พ่อและพี่ๆ สอนพวกเขา นั้นแหละคือเกาะป้องกันตัวเขาจากคนภายในนอกที่หวังทำร้ายเขา ดังนั้นดิวไม่อยากให้แอ้คิดมาก นะครับ" ผมพูด แอ้มองหน้าผม ผมเชื่อว่าแอ้เชื่อใจผม "ดิวว่าเรากลับกันดีกว่า ถ้าแอ้ง่วงนอนก็ได้นะ ใกล้ถึงแล้วดิวจะปลุก” ผมบอกแอ้ แอ้หันมามองผม ผมก็ออกรถทันที แอ้ก็ไม่ยอมนอนนั่งแกะแซนด์วิชมาป้อนผม ระหว่างที่ทำหน้าที่ขับรถ ป้อนน้ำ ป้อนขนม ก็เมียน่ารักแบบนี้ไงผมถึงได้ไม่อยากได้ใครอีก นอกจากแอ้

                  TBC...



หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.42. (แอ้Xดิว) เขาเหมือนคนที่ผมคุ้นเคย
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 22-02-2024 06:37:49
EP.42. (แอ้Xดิว) เขาเหมือนคนที่ผมคุ้นเคย

               Part แอ้ ผมกับดิวไปส่งลูกแฝดผมและน้องมิ้นที่ศูนย์ดูแลเด็กเล็กของทางค่ายทหารแต่ไม่ได้รองรับแค่คนที่ทำงานในค่ายหรือโรงเรียนพยาบาลแต่ก็ยังมีคนนอกบ้างและพ่อผมก็เปิดให้เป็นสวัสดิการฟรี ครูทุกคนมาดูแลจะผ่านการอบรมหลักสูตรดูแลเด็กก่อนวัยเรียน คือตั้งแต่แรกเกิดจนถึงหกขวบ
                           วันนี้ผมกับดิวได้พูดคุยกับครูนุ่น ทำให้ผมรู้ว่าลูกๆ รักผมกับดิวมากแต่เขาก็ยังคงมองว่าเขามีไม่เหมือนเพื่อนบางคน นั้นก็คือแม่ ใครคือแม่ ถ้าเอาตามจริงผมก็คือแม่เขานั่นแหละแต่ผมไม่ได้อุ้มท้องเข้ามาแค่นั้น แต่เขาก็เกิดจากเลือดเนื้อของผมกับดิว พ่อก็บอกกับผมกับดิวว่าเด็กกับคนที่อุ้มบุญให้ผมจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดแค่อุ้มให้เท่านั้น แต่ความผูกพันอาจจะมีดั้งนั้นพ่อผมต้องทำข้อตกลงที่เคร้งครัดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้วกับคนคนที่ทำหน้าที่อุ้มบุญให้ผมสองคน
               “แอ้ใกล้ถึงโรงเรียนแล้ว เดี๋ยวดิวจะแวะที่ปั๊มน้ำมันนะ จะได้เปลี่ยนชุดกัน นะครับ “ดิวหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ดิวค่อยๆ ปล่อยมือผม และหันไปหมุนพวงมาลัยรถเพื่อเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน
               “เดี๋ยวซื้ออะไรไปกินเลยนะแอ้ “ดิวบอกผม ผมพยักหน้า ดิวนำรถเข้าไปจอดและผมกับดิวก็หยิบเป้ออกมาตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำชายในปั๊มทันที ห้องน้ำไม่ถือว่าสะอาดมากแต่ก็พอใช้ได้ ผมกับดิวแค่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเท่านั้น ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย และพากันออกมา
                “ไปหาซื้ออะไรทานกัน เอาง่ายๆ แล้วกันดิว ในเซเว่นเอาไหม แอ้ไม่ค่อยหิวอ่ะ” ผมบอกดิว ดิวก็พยักหน้าและผมก็เดินตรงเข้าไปในซูเปอร์มาเก็ต
               “ดิวไปดูเครื่องดื่มแล้วกันนะ แอ้จะดูพวกแซนด์วิช ขนมปังพอ เพราะว่ายังไงก็ต้องทานอาหารกลางวันอยู่ดี “ผมบอกดิว ดิวพยักหน้าและผมก็เดินไปที่ช่องที่มีพวก แซนด์วิชทูน่า ผมก็เลือกมาห่อสองห่อ ให้พอประทังความหิวไปก่อน เพราะว่าตอนนี้น่าจะเป็นคาบเรียนที่สามแล้ว ระหว่างที่ผมกำลังเลือกอยู่ ผมหันไปเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนมองขนม ขนมรูปหมีมีไส้ช๊อกโกแล็ตและพวกขนมจุกจิกๆ เห็นแล้วก็นึกถึงลูกๆ ของผม
                “น้องเซน “ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาเรียกเด็กคนนั้น ผู้หญิงที่ดูราวๆ สามสิบต้นๆ
                “แม่น้องเซนซื้อได้หรือเปล่าครับ” เด็กน้อยถามแม่ของเขา
                “เซน แม่ขอโทษน่ะ แม่มีเงินมาแค่พอจ่ายค่าไฟกับค่าผ่อนของแค่นั้นเองลูก เอาไว้อีกสองสามวันเงินแม่ออกแม่จะซื้อให้นะครับ” พอผมได้ยินแบบนั้นแล้วทำไมผมเจ็บในหัวใจยังไงก็ไม่รู้ ยิ่งเห็นใบหน้าที่แสนเศร้านั้นด้วย

                      ผมออกมายืนมองทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บแปลกๆ และนี่ก็ทำให้ผมคิดที่ครูนุ่นพูดว่า ไม่มีครอบครัวใครสมบูรณ์แบบหรอกดังนั้น ผมจึงเดินเข้าไปและหยิบขนมที่น้องเขาหยิบมาดูแต่แม่ของเขาบอกว่าซื้อให้ไม่ได้มาถือเอาไว้และขนมน่ารักๆ อีกสองสามอย่าง รวมๆ แล้วก็ไม่น่าจะเกินสองร้อยบาท ไม่ใช่ผมไม่มีเงินนะแต่ถ้าซื้อให้เยอะเกินแม่ของเขาจะไม่กล้ารับ และผมก็เดินหาดิว ดิวมองหน้าผมและมองขนมที่ผมหอบมาด้วย
                “แอ้ ลูกไม่ได้มากับเรานะแอ้ ซื้อไปให้ใครอ่ะ ดิวก็ไม่ทานน่ะแอ้หรือว่าคิดถึงลูกเลยซื้อไปดูต่างหน้า “ดิวพูดปนหัวเราะอีกต่างหาก
                “เอาน่ะ” ผมพูดและหันไปเหล่มองเด็กน้อยที่ยืนเกาะขาแม่ของเขา ดูแล้วน่าจะแก่กว่าลูกผมปีสองปีเอง
                “พี่ค่ะ ระบบมันช้านะคะ รบกวนพี่รอก่อนได้ไหมคะและขอหนูคิดเงินให้น้องเขาก่อนค่ะ” พนักงานหน้าเคาน์เตอร์บอกผู้หญิงคนนั้น ผมก็ยังมองเด็กน้อยนั้น หน้าตาเขาเหมือนผมคุ้นเคย ยิ่งมองยิ่งรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ และผมก็เอาขนมวางไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์
                “ขนมนี้ผมรบกวนแยกใส่ถุงให้หน่อยนะครับ” ผมบอกพนักงาน ดิวก็มองหน้าผมเลิกคิ้วมอง ผมก็แค่ยิ้มให้ ผมหันไปเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินไปอีกเคาน์เตอร์หนึ่งชำระค่าไฟและค่าผ่อนสินค้าตามที่เขาได้บอกลูกของเขา
                “แอ้ไปได้หรือยัง เสร็จแล้ว” ดิวบอกผมและผมก็รับถุงใส่ของมาถือไว้ ผมเดินออกมาพร้อมกับดิว
                “ดิวรอแป๊บหนึ่งน่ะ” ผมบอกดิว ดิวก็มองผม
                “มีอะไรเหรอแอ้” ดิวหันมาถาม และจังหวะนั้นเองแม่ลูกคู่นั้นก็เดินออกมาพอดี ดูหน้าตาเด็กน้อยแอบเศร้าที่ไม่ได้ขนมที่อยากกิน
                “ขอโทษนะครับ พอดีว่าผมจะซื้อขนมไปให้หลานแต่ลืมไปว่าหลานไม่อยู่บ้าน เออ ผมให้น้องได้ไหมครับ” ผมถามผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็มองหน้าผม และผมก็ส่งถุงขนมที่ผมเพิ่งจะซื้อจากเซเว่นให้เขาดู แม่เขาก็มองลูกชายของเขา
                 “คือ?”
                 “นะครับ ผมก็ไม่ชอบทานซะด้วยมันขนมเด็กนะครับ” ผมพูดและส่งยิ้มให้เด็กน้อย
                 “ขอบคุณนะคะ น้องเซนขอบคุณพี่เขาด้วยซิครับ” ผู้หญิงคนนั้นหันไปบอกน้องเซนลูกชายของเขา เด็กน้อยเงยหน้ามองผมพร้อมรอยยิ้มที่เปื้อนขึ้นบนใบหน้า ผมก็ยื่นถุงนั้นให้ เขาก็รับไปและ
                   “ขอบคุณนะครับ พี่สวยจัง” ผมก็สะดุ้ง
                    “พี่เขาหล่อต่างหากละเซน” แม่ของน้องเขาหันมาบอกน้องเซน
                   “ไม่เป็นไรครับ “ผมพูดและส่งยิ้มให้เด็กน้อย และแม่ของเขาก็พาเด็กน้อยคนนั้นออกไป ผมก็ยังคงยืนมองอยู่จนเขาดิวดึงแขนผมให้ไปขึ้นรถ
                   “แอ้ไปขึ้นรถเถอะ” ดิวบอกผม ผมก็พยักหน้าก่อนจะเดินตามไปแต่ผมก็ยังหันกลับมามอง
                   “แอ้ นั้นลูกเขา” ดิวพูดบอกผม ผมหันไปมองค้อนใส่ไอ้ดิว
                   “กูรู้ดิว” ผมบอกไอ้ดิวมันแอบโมโหนิดหน่อย
                    “มองเหมือนจะไปแย่งลูกเขาอย่างนั้นแหละ ไปขึ้นรถเถอะแอ้ “ดิวก็เร่งผมจังเลยให้ขึ้นรถเพื่อจะได้กลับโรงเรียน พอผมขึ้นไปได้ดิวมันก็หันมามองผมและอมยิ้ม
                   “รู้ไหมว่าเวลาแอ้แสดงความรักเด็กๆ รัศมีความเป็นแม่มาเต็มเลย” ดิวพูดแต่มันก็ทำให้ผมนี้อดอมยิ้มให้ๆ ไม่ได้ ดิวก็ขับรถออก ผมก็หันมาแกะนั้นแกะนี้ให้ดิวทาน ระหว่างนั้นผมเหลือบไปเห็นเด็กคนนั้นที่ชื่อเซนเดินเกาะแขนแม่ของเขาดูมีความสุขแต่ทำไมผมถึงมองด้วยอาการอิจฉายังไงก็ไม่รู้เหมือนเขาแย่งของรักผมไปดูแลเลย
                    “ทำไมเหรอแอ้ ทำไมมองเขาแบบนั้นละแอ้?” ดิวยังหันมาถามผม
                    “ไม่รู้อ่ะ เหมือนเด็กคนนี้เคยเป็นของแอ้มาก่อนแต่มันในความฝันที่แอ้เคยฝันอ่ะ ที่เล่าให้ดิวฟังประจำ” ผมหันไปบอกดิวแต่ยังชะเง้อมองเด็กน้อยที่หยิบขนมในถุงที่ผมซื้อให้ออกมาอวดแม่ของเขา ดูรอยยิ้มนั้นซิ เหมือนรอยยิ้มที่เขาเคยมอบให้ผมมาก่อน มันตราตรึงจนผมจำได้ดี แต่เหมือนกับว่ามันหายไปนานมากแล้ว
                     “งานระลึกชาติก็มาเมียกู นั้นมันลูกเขาแอ้!” ดิวมันพูดกับผม
                     “โอ๊ย!!” ดิวมันร้องเสียงหลง ผมหยิกเข้าที่ต้นแขน เล่นเอารถเสียหลักไปนิดหนึ่ง และดิวก็หันมาลูบแขนตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันมาไปขับรถเหมือนเดิม
ดิวแอบขำผมด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ผมคิดก็คือใบหน้านั้นผมคุ้นเคยมาก ผมนั่งคุยกับดิวเรื่อยเปื่อยส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องลูกนั่นแหละ เรื่องน้องไอกับน้องไอซ์ อันนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงเขาเกิดมาก็สนิทกันมาก น้องไอซ์ก็ร้องหาพี่ไอตลอดและไอก็ชอบที่จะแสดงบทพี่ที่รักและหวง เน้นคำว่าหวงเลย ผมกับดิวคงต้องหาวิธีที่เด็ดขาดได้แล้ว
                    TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.42.(แอ้Xดิว) ศัตรูหัวใจดิวโผ่มาอีกคน
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 22-02-2024 11:05:40
EP.42.(แอ้Xดิว) ศัตรูหัวใจดิวโผ่มาอีกคน

                    Part’s แอ้ ดิวนำรถเข้ามาจอดที่โรงเรียนและผมก็วิ่งไปที่ป้อมหน้าทางเข้าโรงเรียนกัน ดิวไม่ลืมที่จะยื่นเอกสารที่พ่อภาทำให้เพื่อให้เราเข้าเรียนสายได้วันนี้ ลุงรปภ. อ่านข้อความและโทรศัพท์ไปที่ห้องฝ่ายปกครอง
                    “เชิญครับและรบกวนนำเอกสารนี้ไปให้ห้องธุรการด้วยนะครับ “ลุงแกก็หันมามองบอกผมสองคน ผมก็รีบวิ่งขึ้นห้องเรียนทันที ตอนนี้คายเรียนที่สามแล้ว ผมวิ่งขึ้นไปที่ห้องเรียนกันก่อนทันที
                    “ขออนุญาตครับ” ไอ้ดิวมันรีบขออนุญาตครูที่กำลังสอนอยู่ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ไม่มีพวกภาคินเข้าเรียน
                    “เชิญค่ะ ทำไมเพิ่งมาโรงเรียนกันละคะ” ครูที่ทำหน้าที่สอนเอ่ยถามผมสองคน ผมหันไปเจอสายตาไอ้ติ๊กมันมองผมและมันก็หันไปคุยกับพาย
                    “นี่ครับเอกสาร” ดิวส่งเอกสารให้ครูที่สอนกำลังสอนอยู่ที่หน้าห้องเรียนดู
                    “เชิญไปนั่งที่ค่ะ” แค่นั้นหลังจากที่ครูอ่านเอกสารที่พ่อภาทำให้ ก็สั่งให้ผมสองคนไปนั่ง ผมก็นั่งกับดิวเหมือนเดิม
                     “ทำไมพึ่งจะมาวะ” ไอ้แจ็คมันหันมาถามผมทันที ผมเงยหน้ามองบอยก็ยิ้มให้ผมก่อน
                     “กูกับแอ้ พ่อให้เข้าไปในค่ายด่วนเพราะว่ากูสองคนต้องเตรียมยื่นใบสมัครสอบเข้าแล้วว่ะ” ดิวเป็นคนตอบแทน ผมหันไปมองติ๊ก ติ๊กมันไม่มองหน้าผมสักนิด ผมกันไปมองพาย พยักพเยิดให้มัน แต่พายนิ้วเฉือนคอให้ผม ผมก็ต้องรู้แล้วแหละว่ามันโกรธผมมากแน่ๆ ผมก็นั่งเรียนไปจนหมดชั่วโมงและติ๊กมันรีบลุกออกไป ผมเดาว่าน่าจะไปห้องน้ำ ผมรีบลุกตามไปทันที
                    “แอ้ไปไหน” ดิวถามผมทันทีขณะที่มันกำลังลอกการบ้านเมื่อเช้า
                    “ไปห้องน้ำ” ผมตอบไอ้ดิว
                    “ไปง้อเมียน้อยหรือเปล่า เห็นหน้าเป็นตูดตั้งแต่เช้าแล้ว” ไอ้หลุยส์มันพูดและไอ้แจ็คมันก็แตะมือแท็คทีมกันทันที ผมก็ส่งนิ้วกลางให้ทันทีเช่นกันก่อนจะออกไปจากห้องไป ผมรีบเดินไปให้ทันติ๊ก ไปจนถึงห้องน้ำและ
                      “หมับ!” ผมคว้าแขนติ๊กไว้
                     “ติ๊ก มึงโกรธกูเหรอวะ” ผมถามติ๊ก
                      “มึงไปเอากันมาใช่ไหม ใช่ไหมแอ้!!” ติ๊กมันถามผม ขณะนั้นก็มีคนเดินมาเข้าห้องน้ำและหยุดมองผมกับติ๊ก พายก็รีบเดินเข้ามาอีกคน
                      “เห้ย! รอไปคุยกันที่บ้านดีกว่าไหมวะ” พายพูดขึ้นและมองหน้าผมสองคน ก่อนชวนให้ผมสองคนหันไปมองรอบๆ
                     “อิท น๊อท เยอร์ บิสสิเนส! “ติ๊กมันพูดภาษาอังกฤษใส่คนที่มาใช้ห้องน้ำและหันมามองพวกผมกัน
                      “วอท เดอ ฟั๊ค อาร์ ยู ลุ๊ก เก็ต อัส! จัสเก็ต เดอะฟั๊กเอาท์!” ติ๊กหันไปพูดเสียงดังผมก็แตะแขนมันว่าพอแล้วอย่าทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่แต่ติ๊กมันสะบัดมือผมออก และคนคนอื่นก็พากันเดินออก
                     “แม่งลูกเจ้าของเรียนแล้วไงวะ เขาสร้างไว้ให้มึงใช้คนเดียวหรือไง” พวกที่เดินออกก็พากันบ่นต่อว่าติ๊กกัน ติ๊กมันมองหน้าผม
                     “ติ๊ก!” พายมันพยายามห้ามติ๊ก
                    “ไม่ใช่เรื่องของมึงพาย” ติ๊กมันพูด ผมสะบัดหน้าไปมองติ๊กและมองพาย ผมมองว่ามันพูดแบบนี้ได้ยังไง
                    “เออ งั้นกูไป “พายมันเดินออกไปเช่นกัน
                    “มึงพูดแบบนี้กับพายได้ไงว่ะติ๊ก” ผมถามติ๊กทันที
                    “มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลย ว่ามึงไปเอากันมาใช่ไหม!!” ติ๊กมันถามผมและเดินก้าวเท้าเข้ามาหาผม
                    “บอกกูดิ!!” ติ๊กมันตะคอกเสียงดังใส่หน้าผม
                   “ขนาดมึงรู้ว่าดิวมันกลับมาก่อนที่มันบอกมึง มึงยังไม่บอกกูเลยไอ้แอ้ นั้นแปลว่ามึงจงใจปิดกูเหมือนกัน “ติ๊กมันพูด ผมยอมว่าผมไม่ได้บอกติ๊กมัน ผมอยากอยู่กับดิวให้มากที่สุดก่อนผมจะไปต่างหากและตอนนั้นผมคงเป็นคนหลีกทางให้ติ๊กมัน ผมคิดเอาไว้ ผมได้แต่ยืนมองติ๊ก ผมไม่โกรธมันเลยสักนิด
                    “ซี้ด!” ติ๊กก็ยิ่งบีบที่ต้นแขนของผมแรงขึ้น เล็บยางและเรียวแหลมนั้น มันจิ๊กเข้าไปที่ต้นแขนผมจนรู้สึกเจ็บ
                     “ติ๊ก กู “ผมกำลังจะพูด
                    “มึงจะโกหกอะไรกูอีก “ติ๊กมันพูดและง้างมือจะฟาดหน้าผม ผมก็หลับตาแต่ว่าไม่มีเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าผม ผมค่อยๆ ลืมตาเพราะว่าคนที่มาจับข้อมือติ๊กไว้คือดิว "ไอ้ดิว"ผมกับติ๊กอุทานชื่อนี้พร้อมกัน
                     “กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่ามึงอย่าทำแอ้มัน!” ดิวตะคอกเสียงใส่ติ๊ก ติ๊กก็ตกใจมิใช่น้อย ดิวมันเหวี่ยงติ๊กออกไป
                     “ตุ๊บ” เสียงติ๊กไปชนกำแพงแต่ไม่แรงมากและดิวมันก็จะเข้าไปหาติ๊ก ผมก็รีบดันหน้าออกมันไว้
                     “หยุด!! ดิว!!” ผมห้ามปรามมัน
                      “ก็มันโกหกกู มันบอกจะกลับกับกูและนี้มันกลับไปกับมึง โทรหากูก็ไม่มี เพื่อนกันภาษาอะไรวะ มึงอีกคนไอ้ดิว ทำไมถ้ามึงอยากตัดกูออกไปจากชีวิตมึงสอง ก็บอกมาตรงๆ ดิว่ะ!! ว่ามึงคบกัน!!!” ติ๊กพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น
                      “ติ๊กกูกับแอ้นะไปด้วยกันเมื่อวานเพราะมีเรื่องที่กูกับแอ้ต้องทำด้วยกัน” ดิวมันพูด ผมก็ดันหน้าอกมันเอาไว้
                      “อย่าบอกนะดิว” ผมกระซิบผมหมายถึงอย่าบอกว่าผมกับมันไปฉลองวันเกิดลูกมีนมานะ ดิวมันมองหน้าผม
                      “ไปด้วยมีเรื่องเชี้ยอะไรวะ มันสำคัญขนาดที่บอกให้กูรู้ไม่ได้ใช่ไหม หรือว่ากลัวกูตามมึงสองคนไป” ติ๊กมันถาม
                      “กูกับแอ้ จะถูกส่งไปเรียนทันทีที่ผลการตรวจร่างกายผ่าน กูแค่ไปกรอกเอกสารกัน มึงดูดิ ไอ้เชี้ย!!!” ดิวมันพูดและโยนเอกสารที่พ่อภาทำให้ ให้ติ๊กมันดู ติ๊กมันหยิบไปอ่านและมองหน้าผมสองคน
                      “เชี้ยอะไรกันอีกว่ะ แม่ง มันจะทะเลาะกันทำไมวะ” เสียงเอะอะโวยวายดังเข้ามา ไอ้แจ็คมันเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับบอยอีกคน
                       “อะไรกันเนี๊ยะ! พายมันวิ่งออกไป มันบอกว่ามึงบ้าไม่ต่างกับหมาบ้าเลยติ๊ก กูบอกกี่ครั้งแล้วว่ะ ว่าเรามีกันแค่นี้และนี่ยิ่งต้องสามัคคีกัน แค่ต้องมาทำอะไรบ้าๆ ที่โรงเรียนพ่อมึงก็แย่แล้วติ๊ก!” แจ็คมันพูด บอยเดินมาแตะที่ไหล่ติ๊กเบาๆ ว่าให้ติ๊กใจเย็น
                       “และมึงสองคนก็ไม่บอกกูกันบ้างเลย ทำให้พวกกูเป็นห่วง ว่าทำไมมึงไม่กลับมากันตั้งแต่เมื่อวานไอ้ดิว ไอ้แอ้” แจ็คมันหันมาพูดกับผมสองคน
                       “แอ้มันมีเรื่อง ลุงหนึ่งตามไปที่บ้านอาภีมแต่อย่าถามเลยนะว่าแอ้มันโดยอะไร มันเสียใจมากพอแล้ว “ดิวมันพูดและหันมาดึงแขนผมออกไปทันที
                       “กูสองคนไม่ได้อยากปิดอะไรมึงนะติ๊กแต่มึงเองที่ไม่เปิดใจให้พวกกูสองคนแบบนี้ไง! “ดิวมันลากผมออกไปจากตรงนั้นทันที และพาผมไปตรงไปที่ห้องพยายาล มันลากเก้าอี้มาให้ผมนั่งลง ผมกำลังอ้าปากพูดมันก็ทำนิ้วจุ๊ปากไม่ให้ผมพูดและหันไปค้นตู้ยา ตอนนี้ครูห้องพยาบาลไม่อยู่
                         “โอ๊ย!” ผมร้องเสียงหลงทันทีที่ดิวมันเอายามาทาที่ต้นแขนผม ที่ติ๊กมันกดนิ้วลงไปจนแดงอมเขียว
                         “จะให้ดิวทนได้นานแค่ไหนแอ้ ทนเห็นมันทำแบบนี้นะเหรอ แอ้! ดิวทนไม่ได้” ดิวมันพูด ผมก็ก้มหน้าลง
                        “ก็มันเพื่อนเราไหมว่ะดิว เพื่อนที่เกิดมาก็เจอกันไหมว่ะดิว “ผมพูดขณะที่ดิวกำลังหันหลังออกไปเพื่อเอาหลอดยากไปเก็บ คนที่เดินเข้ามาก็คือติ๊ก ติ๊กมันเดินมาหาผม และมันก็กอดผม
                         “แอ้กูขอโทษ” ผมก็ต้องกอดมันกลับ
                         “กูขอโทษว่ะติ๊ก เรื่องที่กูไม่โทรบอกมึงอ่ะ” ผมพูด
                         “อย่าทำกับมันแบบนี้อีก ติ๊ก กูขอละ” ดิวมันเดินเข้ามาและมองผมสองคน ผมลุกขึ้นยื่น
                        “ไปทานข้าวกัน “ดิวพูดผมพยักหน้า
                        “มึงขอโทษพายหรือยังติ๊ก” ผมถามติ๊ก
                        “อืม “ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้าผมสองคนเดินลงไปที่ห้องอาหาร ผมเห็นมีกลุ่มนักเรียนที่ที่มองหน้าพวกผมกัน
                        “สามพีกันหรือเปล่าว่ะ” เสียงพูดคุยกันดังมาเข้าหูติกและติ๊กก็สะบัดหน้าไปมองทันทีและจะตรงไปหาเรื่องเขาอีก ผมก็ดึงแขนไอ้ติ๊กเอาไว้ ผมเด็กพวกนี้คงเป็นกลุ่มที่ติ๊กมันไล่ออกไปลากห้องน้ำตอนที่มีเรื่องทะเลาะกับผมและมันก็คงได้ยินว่าติ๊กมันถามผมว่าไปเอากันหรือเปล่า
                        “เป็นไงละ ใครก็มองกันว่าสามผัวเมียกันอยู่แล้ว” ดิวพูดและเอามือล้วงกระเป๋า
                        “ไปกินข้าวเถอะว่ะ ติ๊ก” ผมพูดและดึงแขนมันกลับ ติ๊กมันชี้หน้าเด็กพวกนั้น และผมก็ดึงลากติ๊กมันออกไปจนถึงห้องอาหาร ผมเห็นพายคุยกับต้นข้าวและบลูสนุกสนาน สงสัยจะหนังสือเอ็มเล่มใหม่ออกแล้วแน่ๆ พายเงยหน้าขึ้นมามองผมและยิ้ม
                        “พายกูขอโทษ” ติ๊กมันพูด พายหันมามองค้อนขวับทันที
                        “ที่หลังพูดเชี้ยอะไรคิดนิดนึงนะมึง “พายพูดและลากเก้าอี้ให้มันนั่งลงข้างๆ ติ๊กมันหันมามองหน้าผมว่าผมจะเลือกนั่งตรงไหน ผมก็นั่งลงข้างๆ ติ๊กเช่นเดิม ส่วนดิวมันก็ไปนั่งถัดจากผมไป
                        “เมื่อวานกูเห็นพวกไอ้ภาคินมันเข้าไปบ้านพี่แฮกซ์กันว่ะ เห็นบอกว่า คนที่เคยอยู่แก้งเดียวกับมันและแท่งพุงเพื่อนมัน ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครจะกลับมาเรียนที่นี้ว่ะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูด
                        “ใครวะ ลอร์ดโวลเดอมอร์เหรอว่ะ ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครนะ” ไอ้ดิวมันรีบถามขึ้นทันที
                       “ใช่แล้วไอ้นี่แหละที่มันกำลังจะกลับมา ดังนั้นพวกมึงควรจะไปตามล่า สิ่งที่จะทำลายลอร์ดโวลเดอมอร์เอาไว้เลย มันคือของดำเจ็ดอย่าง “ไอ้ต้นข้าวพูด
                       “เว๊ย!! ไม่ใช่ นั้นมันแฮร์รี่พอร์ตเตอร์ ไอ้ดิว!” ไอ้ต้นข้าว
                       “เออว่ะ กูก็คิดว่าลอร์ดโวลเดอมอร์ แป๊ะ!” พายมันรีบลุกแทกทีมแตะมือกับดิวทันที และแจ็คกับหลุยส์ ที่เดินโอบเอวธรรณ์ เดินมานั่งที่โต๊ะ มันมองหน้าพวกผม
                      “ตกลงมึงดีกันยังไอ้สามผัวเมีย นี่กูเดินผ่านใครก็พูดกันว่ามึงตีกันเพราะว่าตกลงวันจะfu**ing กันไม่ได้” แจ็คมันพูดและหันไปมองไอ้หลุยส์ ผมสามคนก็ให้นิ้วกลางมันทันที
                     “แธงค์!” ไอ้แจ็คมันขอบคุณพวกผม
                      “บอยละว่ะ” ติ๊กมันถามแจ็ค
                      “โทรศัพท์อยู่” แจ็คพูดและบอยก็เดินตรงมาทันที
                      “แจ็ค สั่งอะไรไปส่งไว้ที่บ้านบอยนะ” บอยถามไอ้แจ็ค พวกผมก็มองหน้าไอ้แจ็คกัน มันก็เงยหน้าขึ้นมามาจากมือถือมันและส่งยิ้มให้บอย แต่สีหน้าบอยซีเรียสมากมันหาได้สำนึกไม่
                      “ก็ของเล่นไง ของขวัญปลอบใจลูกเลี้ยงของแจ็คไง แบงค์เขาชอบไหมครับ” แจ็คมันพูดว่าลูกเลี้ยง
                       “ลูกเลี้ยง อะไรอีกว่ะ “ติ๊กมันถามขึ้น
                      “แจ็คแต่แบงค์แค่หนึ่งขวบเองนะ ทำไมถึงได้สั่งพวก รถอาร์ทีวี เกมส์เพลสเตชั่นอีกรุ่นใหม่ล่าสุดและยังมีพวกมอเตอร์ไซด์วิบากอีก แจ็ค นี้ไม่ใช่ของเล่นเด็กเล็กเลยนะ” บอยพูด ผมก็หันมามองดิว บอยบอกแจ็คแล้วเหรอ
                      “เดี๋ยวนะ ใครมีลูก” พายยกมือขัดถามขึ้น
                      “พวกมึงคงยังไม่รู้ว่าบอยเขามีลูกแล้ว กูนี้ขึ้นตำแหน่งพ่อเลี้ยงที่อายุน้อยที่สุดว่ะ เนอะบอยเนอะ “ไอ้แจ็คมันบอกว่ามันเป็นพ่อเลี้ยงด้วย
                      “บอยมีลูก!!” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกันยกเว้นผมกับไอ้ดิวที่แค่หันไปมองบอย บอยก็ขยิบตามาที่ผมสองคน
                     “ไอ้แจ็คนี้มันต้องกินหญ้าเบอร์ไหนถึงได้โง่ขนาดนี้นี่มันเจอแล้วนะมันยังดูไม่ออกเลยว่าลูกมัน” ไอ้ดิวมันหันมากระซิบกับผม ผมก็เอาข้อศอกกระทุ้งให้มันหันไป
                     “บอยมีลูกได้ไงอ่ะ “ติ๊กมันถามบอย
                     “คือ เออ “บอยทำท่าอึกอักก่อนหันมามองอีกคนที่ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลย
                     “เอานะ มีได้แล้วกัน ตอนนี้กูสองคนก็เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กันแล้วนะ ไม่ยินดีหน่อยเหรอวะ” แจ็คมันพูดแต่บอยซิยืนมองแจ็ค ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ
                     “โอเค เคินแกรทเชอะเลเชิ่น!” ไอ้หลุยส์มันบอกว่าสนิทกับบอยมันยังทำหน้างง มากเลยแต่ก็ลุกขึ้นเช็คแฮนด์กับไอ้แจ็ค แบบงงๆ ไม่ต่างอะไรกับพายและติ๊ก ต้นข้าวกับบลูก็อ้าปากค้างไปตามๆ กัน
                      “เออ บอยขอโทษนะที่ไม่ได้บอกทุกคน ว่าบอยมี ลูกแล้ว “บอยพูดและหันไปมองหน้าไอ้แจ็ค ผมกับดิวพากันส่ายหัว มันช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย และนี่ก็ทำเอาทุกคนตกใจไม่แพ้กันแม้กระทั่งต้นข้าวและบลู
                      “คือ.. น้อง… “ผมรู้ว่ามันยากที่จะพูดเพราะคำว่าไม่พร้อมมันทำให้อะไรๆ ก็ยากไปหมด ทั้งหมดนี้เพราะว่าไอ้แจ็คที่ไม่ใช่คนที่เขาเลือกถ้าเป็นไอ้ดิว ข่าวนี้คงเป็นเรื่องน่ายินดีมากกว่าซิน่ะ
                      “เป็นลูกของผู้หญิงที่บอย พลาดไปน่ะ” บอยพูด น้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าเจ็บมากแค่ไหนแต่ไอ้แจ็คมันไม่เข้าใจเลยสักนิด
                       “ไม่น่าเชื่อเลยบอย!!” ทุกคนพูดเป็นเสี่ยงเดียวกัน
                       “พายไม่อยากเชื่อเลยอ่ะ ถ้าเป็นไอ้แจ็คน่ะพายเชื่อสนิทเลยเพราะว่าไอ้นี่เมาแล้วไม่รู้เรื่องถ้าจะพล้าดเสียตัวให้ใครนี้มันแน่ๆ แต่บอยนี่ “พายพูดขึ้น
                       “ว่าแต่น้องกี่ขวบแล้วอ่ะบอย” พายถามต่อ
                       “สองขวบแล้ว” บอยตอบ
                        “แล้วไอ้คุณพ่อเลี้ยงมือใหม่มึงซื้ออะไรไปฝากลูกอ่ะ” ไอ้ติ๊กมันถามไอ้แจ็คทันที
                        “ก็รถอาร์ทีวี เกมเพลย์สเตชั่นใหม่ล่าสุดเลย PS5 พีโอบ๊อกซ์ด้วย รถมอเตอร์ไซดิ์วิบากเพื่ออยากได้ความตื่นเต้น” ไอ้แจ็คมันพูด และยิ้มให้พวกผม
                        “มันไม่มีความสำนึก” ไอ้ต้นข้าวพูด ปกติมันก็ไม่ค่อยพูดแบบนี้กับพวกผมอยู่แล้ว "กูอายุสิบห้าจะสิบหก ยังไม่เคยเล่นเลยของพวกนี้ นี้ให้น้องที่พึ่งจะ 2 ขวบแล้วเหรอ" ไอ้บลูอีกคนมันยังรู้เลย
                        “บอยเพิ่งจะบอกว่าลูกเขาสองขวบเอง ทำไมมึงไม่ซื้อหนังสือการ์ตูน หนังสือนิทาน หรือไม่ก็ของเล่นที่เขาระบุอายุเด็กไม่เกินสามขวบเล่นได้ว่ะ แจ็ค” อันนี้ไอ้ดิวเป็นคนพูด และแจ็คมันก็โดนพวกผมบ่นมันชุดใหญ่เลย เพราะว่าเล่นซื้อของเล่นให้ลูก (มันเอง) แต่มันยังไม่รู้เลย คิดว่าเป็นลูกบอยคนเดียวและมันก็คือพ่อเลี้ยงไปก่อน ผมคิดว่าบอยน่าจะมีเหตุผลที่ยังไม่บอกแจ็คแหละ ผมพวกนั่งทานกันจนเสร็จเรียบร้อย ผมเลยว่าจะเดินไปซื้อน้ำ พายกับติ๊กมันกำลังซุมหัวดูรูปที่ไปถ่ายงานกันผมเลยไม่ชวนออกมาด้วย ผมเดินมาก็เห็นบอยเดินไปกับธรรณ์
                         “แอ้” บอยเรียกผมเอาไว้ ผมสามคนยืนห่างกับพวกนั้นพอสมควร
                         “บอยบอกแจ็คแล้วเหรอ”
                        “ไม่ได้บอกหรอกแอ้ แต่ทำไงได้เขาเจอกันแล้วและพ่อให้บอยบอกว่าบอยไปทำผู้หญิงท้องมาแทน ไม่รู้ว่าจะไปกันใหญ่อีกหรือเปล่า พ่อกับลุงหนึ่งก็มีปากเสียงกัน” บอยพูด ผมกับธรรณ์พยักหน้ากับบอย
                      “แจ็คมันไม่เอะใจอะไรบ้างเหรอ” ผมถามบอย
                      “ไม่รู้ซิ” บอยพูดและหันไปมอง
                       “แอ้ยังไม่เคยเจอน้องน่ะ เลยไม่รู้” ผมพูด
                       “หน้าบล็อกเดียวกันนั่นแหละพ่อลูกนะ” ธรรณ์พูดปนขำ ผมหันมามองธรรณ์ที่เดินมาสมทบ อย่าบอกน่ะว่าธรรณ์ก็รู้เรื่องนี้ บอยพยักหน้ากับผมว่าใช่
                     “พ่อบอกว่ามีวิธีเดียวคือต้องให้แจ็คขึ้นตำแหน่ง แต่องค์กรต้องการผู้นำ ดังนั้นบอยจะต้องรักษาการไปก่อน บอยต้องมีงานเยอะขึ้นนะ “บอยพูดและมองหน้าผมสองคน
                       “เห็นใจว่ะ เป็นคนสำคัญนี้ลำบากตัวและลำบากใจว่ะ” ธรรณ์พูด
                       “เราไปห้องน้ำก่อนนะแอ้” บอยพูดและเดินแยกไปเข้าในร้านขายน้ำของโรงเรียน
                      “พี่ครับ ผมขอน้ำเปล่าสามขวดครับ” ผมบอกพี่คนที่ขายน้ำ เขาก็พยักหน้า

                        ขณะที่ผมกำลังยืนรออยู่ ช่วงนี้เป็นเวลาพักเที่ยงคนรอซื้อน้ำเยอะพอสมควร เห็นทีช่วงนี้ต้องพวกสามคนไปสักพัก และผมก็เข้าใจที่ดิวพูดนะ ว่าเราจะมีกันสามคนแบบนี้ไปตลอดไม่ได้ แล้วจะให้ผมทำยังไง ในเมื่ออีกคนก็แอบรักและอีกคนดันมารักผมและผมก็รักมันและผมกับมันก็มีพยานรักกันอีก แต่บอกไม่ได้ บอกใครไม่ได้เลย แม้กระทั่งครอบครัวผมเอง แต่พ่อภีมพูดแล้วว่าผมต้องบอก เฮ้อ!
                       “อุ้ย! “ผมสะดุ้งเพราะว่ามีขวดน้ำมาแตะที่แก้มผม ผมหันไปมองคนที่ทำแบบนี้กับผม
                       “นาย!” เขาเรียกผม ผมก็หันไปมองว่าเขาคือใคร
                       “เราเห็นพี่เขาส่งขวดน้ำให้นานแล้ว คิดอะไรอยู่เหรอ” คนที่รับขวดน้ำจากพี่คนขายน้ำเอาไว้ให้ผม เขายืนมองผมอยู่ ผมก็มองว่าเรารู้จักกันเหรอ
                       “เราชื่อนาวิน เราเรียนห้องถัดไปจากนายนะ นายชื่อแอ้ใช่ป่ะ น่ารักดีทั้งชื่อและคน “ผมพยักหน้าและรับขวดน้ำมา ผมกำลังจะควักเงินจ่าย และเรียกพี่เขามา
                       “เราจ่ายให้แล้ว” ผมสะบัดหน้าไปมอง จ่ายให้ด้วยเหรอ
                       “แลกกับเบอร์โทรได้ปะ” ผมกำลังจะรับขวดน้ำมาแต่คนที่บอกว่าชื่อนาวินยื้อกลับไปและมาขอแลกกับเบอร์โทรผมนี่น่ะ
                       “ได้ดิ เดี๋ยวกูให้เอง แต่เบอร์มันอยู่ใต้รองเท้ากูว่ะ อยากดูปะ!” เสียงไอ้คนที่รู้ว่าใครเดินมา ไอ้ดิว มันเดินเอามือล้วงกระเป๋าอย่างเท่และน่ากลัวมาก ดิวมันเดินมาคว้าขวดน้ำไปถือเอาไว้เอง คนที่ชื่อนาวินมองหน้าผมกับดิวสลับกันไปมาก่อนจะเลิกคิ้วสูง
                       “แฟนเหรอ” นาวินถามผมก่อนจะหันไปมองหน้าดิว แต่จังหวะนั้นติ๊กและพายเดินเข้ามาพอดี
                       “เพื่อนเรา” ผมรีบตอบแต่ดิวมองหน้าผมและหันไปมองหน้านาวิน
                       “กูเพื่อนแต่พิเศษมีไรป่ะ” ดิวมันหันไปกระซิบกับไอ้นาวิน ไอ้นี่แม่งก็หันมายิ้มแบบไม่กลัวไอ้ดิวซะด้วย
                       “ไอ้นาวิน กูรอแดกน้ำมึงอ่ะ ชาตินี้นะมึง ถ้าได้ชาติหน้าคงต้องรอมึงกรวดไปให้แล้ว เว้ยยย!!!” เสียงที่พวกผมคุ้นเคยกันในห้องเรียน ไอ้โซ่่ มันดินมาเรียกไอ้นาวิน แสดงว่าคนนี้คือเพื่อนมันและทันทีที่มันเห็นหน้าไอ้ดิว มันก็ร้องตกใจทันที
                      “นี่เพื่อนมึงใช่ไหม” ไอ้ดิวมันหันไปถามไอ้โซ่วทันที ไอ้โซ่รีบเดินมาดึงแขนเพื่อนมันและลากออกไปทันทีเช่นกัน ผมว่าไอ้โซ่มันรู้จักไอ้ดิวดี และมันก็กระซิบกระซาบกับนาวิน นาวินหันมามองผมและทำนิ้วขอเบอร์โทรผมอีก
                      “ไอ้แอ้นี่มึงกำลังโดนเขาจีบเหรอวะ” พายมันถามผม
                       “แถมเป็นเพื่อนไอ้พวกนั้นที่อยู่ในห้องเราอีกว่ะ” ไอ้ติ๊กอีกคน ผมหันมามองไอ้ดิว มันยังยืนมองไอ้คนนั้นอยู่
                      “ปึก!” ผมกระทืบเท้ามัน ไอ้ดิวมันหันมามองหน้าผม ผมก็ส่ายหัวให้พอ และพากันเดินออกเพื่อไปเข้าห้องเรียนช่วงบ่ายและจะได้พากันกับบ้าน ผมกับดิวก็ต้องแลคเชอร์ ที่พวกเพื่อนๆ จดตามที่ครูบอกกัน
                      “ดิว มึงงอนกูเหรอ เรื่องที่ไอ้นั่นมันจีบกูนะดิว” ผมกระซิบถามไอ้ดิว เพราะว่ามันนั่งลอกแลคเชอร์แบบเงียบมาก
                      “ดิวถ้ามันรู้กูเป็นยังไงกูว่ามันก็กระเจิงแหละ” ผมกระซิบ ไอ้ดิวมันเงยหน้าขั้นมามองผมและยิ้มให้ผม ก่อนจะหยิบมือถือมาและมันก็ให้ผมดู มันเป็นเหมือนกระทู้ที่ถูกตั้งขึ้น และมันก็มีรูปผมที่ถูกแอบถ่ายขณะที่กำลังนั่งเฉยๆ กดมือถือเล่นไปด้วย หัวข้อกระทู้มันบอกว่า
                     // คนนี้น่ารักผมแอบชอบ อยากได้เป็นแม่ของลูก //
(https://i.ibb.co/C7jtSMk/3fcb035253970dc7278c2f60c0364a85-edited.jpg)
                    “เว๊ย!” ผมร้องเสียงหลงทันที ดีที่ไอ้ติ๊กกับพายมันเดินไปหาพี่พัฒน์เลยไม่ได้อยู่ในห้อง
                    “ดิว กูไม่ได้ไปบอกให้เขาอยากได้กูนิ” ผมพูดบอกดิว
                    “หึงอ่ะ เข้าใจป่ะ แสดงออกก็ไม่ได้โคตรอึดอัดเลย!!” เสียงลอดไรฟันนั้น มัดที่กำเอาไว้ทุบโต๊ะเบาๆ
                   “พอแล้ว คืนนี้ไปนอนด้วยแล้วกัน พอใจป่ะ” ผมพูด ทีอย่างนี้ยิ้มออกมาทันที และผมกับดิวก็ลอกงานที่พวกแจ็คมันจดเอาไว้จนเสร็จ พอดีหมดชั่วโมงสุดท้ายแล้วด้วยก็จะเตรียมตัวกลับกันเลย
                      //แอ้ กูกับพายรอด้านล่างเลยว่ะ// ผมได้รับข้อความจากติ๊ก ผมหันมามองดิว
                     “ดิว ติ๊กกับพายบอกรอข้างล่างเลยว่ะ” ผมบอกดิว ผมก็ลุกขึ้นทันที จังหวะนั้นที่ผมกำลังจะหันตัวออกผมก็เจอกับสายที่ของภาคิน เขายืนอยู่และมองมาที่ผมก่อนจะเลื่อนเก้าอี้เก็บและเขาก็ยิ้มให้ผม ยิ้มอ่อนๆ ผมก็ยิ้มกลับแต่ก็ต้องหุบก่อนที่ดิวจะหันมาเจอเพราะว่าไอ้นี่มันไม่เคยเข้าใจคำว่ายิ้มตามมารยาท มันจะขึ้นเอายิ่งค้างๆ มาอยู่ด้วย พวกผมพากันเดินออก วันนี้ไม่มีอะไรมาก คงรีบกลับไปทำการบ้านที่ครูให้เอาไว้ตั้งแต่เช้า งานเยอะเลยวันนี้ ดูแล้วคงไม่มีเวลาจิจ๊ะกันแน่นอนระหว่างผมกับดิวแต่ก็ตั้งใจกลับไปนอนกับดิวมันหน่อย เอาใจมันหน่อย มันหัวร้อนอยู่ ผมไม่แปลกใจทำไมไอหัวร้อน เหมือนมันนี่แหละ
                     TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.43.ไอ้คนที่คุณก็รู้(ยกเว้นพวกผม)รู้ว่าใคร 1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 23-02-2024 06:48:27
EP.43.ไอ้คนที่คุณก็รู้(ยกเว้นพวกผม)ว่าใคร
          Part’ s แจ็ค สามอาทิตย์ผ่านไปไว้เหมือนโกหกจะเดือนหนึ่งแล้วแต่ว่าพวกผมยังซื้อใจพวกภาคินมันไม่ได้เลย แต่สามอาทิตย์มานี้มันทำให้พวกผมได้อะไรเยอะแยะ ได้เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างสงบ ผมยอมรับว่าพวกผมไม่เคยยอมใครแต่มาที่นี้ ยอมได้ยอม เลี่ยงได้เลี่ยงเลยไม่อยากปะทะเพราะว่าปะทะขึ้นมา ก็มีเยาวชนในนี้มองพวกผมและภาพคนที่เสียคือพ่อและลุงและอาของพวกผม จากคนที่มีพาวเวอร์ก็เหมือนกลับสู่คนที่ไม่มีอำนาจอะไร แต่มันก็ทำให้รู้ว่าถ้าผมอยู่ในสังคมคนที่ต้อต้านไม่ใช่สังคมที่เอาแต่เชิดชูและสังคมนั้น ก็เชิดชูเพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น แต่ในนี้คือพวกผมต้องทำยังไงก็ได้ให้เหมือนคนอื่นๆ ตอนนี้เริ่มมีคนยอมรับบ้างแล้ว ส่วนใหญ่ก็พวกน้องๆ น้องๆ ที่ชอบคนหล่อๆ อย่างพวกผมแต่ยังมีกลุ่มที่แอนตี้กันพอสมควรอยู่ มันคงต้องใช้เวลาแหละผมว่า แต่นะนานแค่ไหนนี่ซิ ที่แน่ๆ พวกผมมีเวลาแค่ปีเดียวที่จะต้องจัดการทุกอย่างให้จบ
                “ไอ้แจ็ค” ไอ้หลุยส์มันเรียกผม ผมหันไปมองหน้ามันขณะที่กำลังเดินเข้าไปในโรงเรียน ผมมารถที่ทางโรงเรียนไปรับเหมือนเช่นเคย แอ้ดิวพายและติ๊กมันมารถกระบะที่เป็นแบบโฟร์วีลไดรฟ์ของไอ้ดิว ผมว่ามันน่าจะยืนรอผมอยู่ด้านในกันแล้ว บอยรีบเดินไปหาธรรณ์ทันที เหมือนจะมีเรื่องเม้ามอยด์กันตามประสาหนุ่มเหลือน้อย (อันนี้คิดเองไม่กล้าบอกเมีย)
               “ดูดิ บอยกับธรรณ์นะ ดูสนิทกันมาก ดูคุยกัน เหมือนสาวๆ เลยวะ ฮาๆ” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมนี้ตั้งใจฟังอย่างดีแต่พอมันบอกเหมือนสาวๆ ผมก็อดที่ขำไม่ได้
               “ได้ยินนะ! “อันนี้ธรรณ์เอง ไอ้หลุยส์มันหดกลับทันที มันเกียมัวมากกว่าผมซะอีก
              “วันนี้จะมีอะไรใหม่ๆ ไหมวะ ของเดิมเบื่อว่ะ เบื่อพวกไส้กรอกแฮมขนมปัง” ไอ้ดิวมันพูดขึ้นมันเดินตามหลังพวกผมเข้ามาติดๆ ไอ้ผมก็นึกว่ามันจะมาถึงก่อนซะอีก ผมหันไปมองสามหนุ่ม (เหลือน้อย แอ้ ติ๊ก พาย ดูยังไงก็สปีชีย์เดียวกัน) ผมพยักพเยิดไปที่สามหนุ่มนั้น ดิวมันยักไหล่ให้ผม พวกผมกำลังเดินผ่านห้องธุรการ ห้องที่พวกผมไปติดต่อวันแรกที่มา ผมเห็นว่ามีรถจอดอยู่ด้านหน้าเลย เป็นรถกระบะ โหลเตี้ย สีเขียวมรกตสวนมากและแต่งสีดำตัดที่ฝาปิดกระบะหลัง แต่งรถก็ว่าแรงแต่มาจอดในนี้ด้วยแรงกว่าอีก
                    “แรงว่ะ แม่งเข้ามาจอดด้านในโรงเรียนและยังจอดด้านหน้าตึกแบบนี้ด้วยอีก พ่อมันต้องใหญ่กว่าเจ้าของโรงเรียนแล้วเนี๊ยะ เพราะว่าขนาดพวกเรายังต้องเดินทางไกลโคตร” พายพูด ผมหันไปมองพร้อมกันเออจริงด้วยและมันก็เข้ามาขนาดนี้เลย รถของพนักงานกับครูที่นี้ยังจอดที่จอดที่เขาเตรียมเอาไว้ให้เลย
                 “แต่ถ้าเป็นรถสปอร์ตหรือซูเปอร์คาร์ก็จะไม่ว่าเลยอ่ะ รถกระบะโคตรธรรมดาแถมยังโหลดเตี้ยมาก มันเท่ตรงไหนวะ กูอยากรู้” ติ๊กพูด ผมก็หันไปมอง ทำไมมันไม่รู้จักไปจอดที่เขาให้จอดว่ะ แต่ที่น่าแปลกใจให้ขับเข้ามาได้ยังไง
                  “ไม่น่าจะใช้รถของนักเรียนหรอกว่ะ ใครจะให้เข้ามาในนี้ คงเป็นคนมาติดต่อธุระด้วนมั้ง มันรีบ “ไอ้ดิวพูด พวกผมก็หยักไหล่สนใจอะไร ระหว่างที่กำลังจะเดินผ่าน พวกผมก็ได้ยินการสนทนา ที่เรียกว่าน่าจะตะโกนคุยกันมากว่าเพราะว่ามันดังออกมาด้านนอกขนาดนั้น ผมเริ่มหันมามองหน้ากันอีกครั้ง
                  //ตอนที่ผมย้ายมาครูอีกคนก็บอกว่าว่าผมเรียนห้อง311ได้แต่ทำไมตอนนี้ผมเรียนห้องนั้นไม่ได้ครับ ผมอยากทราบเหตุผล// ทุกคนหยุดเดินพร้อมกันหมดและหันมามองหน้ากันทันที
                  “ห้อง 311 นี่มันห้องเรานี่หว่า” ไอ้แอ้พูดขึ้น
                 //ผมไม่สนใจหรอกครับว่าลูกท่านหลานคุณคนไหน พ่อเป็นใครใหญ่แค่ไหน ผมจะเรียนห้องนั้น ทำไมครูต้องสนใจด้วยครับว่าพวกมันจะชอบหรือไม่ชอบผมเพราะว่านั้นไม่ใช่ธุระของผม ที่จะต้องรอให้พวกนั้นบอกว่าชอบผมซะก่อน ที่จะให้ผมไปเรียนห้องนั้นได้ //ไอ้คนที่มันตะโกนโหวกเหวกอยู่บนห้องธุรการและมันก็คงหมายถึงพวกผมแน่ๆ
               “เหมือนจะงานเข้าพวกเราว่ะ” ไอ้พายพูดขึ้น
               “ไม่แปลกวะ ไปเถอะว่ะ ไปหาที่นั่งกินข้าวกันดีกว่า “ผมหันไปบอกพวกมัน และหันไปโอบเอวบอยให้เดินต่อจะดีกว่า ไอ้หลุยส์มันก็โอบเอวของธรรณ์ให้เดินตามเช่นกัน
                    “รถแม่งก็ไม่ได้เท่เลยนะแค่โหลดเตี้ยแค่นี่เอง ดูแล้วไม่เห็นจะมีอะไรให้ต้องขับเข้ามาอวดยันในนี้เลย “ไอ้ติ๊กพูดและเบ้ปาก "แต่จะว่าไปมันก็แต่งสวยดีวะ ถ้าพ่อกูให้กูก็อยากแต่งแบบนี้น่ะ" ไอ้ดิวมันพูด ผมหยักไหล่ ผมน่ะพ่อไม่ให้ขับรถนานแล้ว เกือบสองปีแล้วเพราะว่าผมเคยเอาไปขับรถและเกิดอุบัติเหตุ มีคนบาดเจ็บแต่เคราะห์ดีที่ไม่เสียชีวิตและมันเป็นเพราะความหัวร้อนของผมเอง
                     “ไปเถอะน่ะ เรื่องของมันและมึงก็อย่าไปหาเรื่องมันก็แล้วกัน"ไอ้ดิวพูดเพื่อห้ามปรามไอ้ติ๊ก "แค่มันยังไม่ทันเจอหน้าพวกเราเลย แม่งก็เริ่มจะไม่ชอบขี้หน้าขึ้นมาซะแล้ว ดังนั้นมึงอย่าไปหาเรื่องอะไรกับมันให้มันแย่ลงไปอีก ไปห้องอาหารซะติ๊ก “ไอ้ดิวพูดและมันก็ดันไอ้ติ๊กให้เดินไป พายกับแอ้กำลังเดินออกเช่นกัน
                     “งานนี้ต้องรีบแล้ววะไอ้แจ็คให้ไอ้ป๊อดมันหาคนมาสืบพวกไอ้ภาคินซะก่อนวะ ว่าพวกมันคือใคร อะไรคือสาเหตุว่ะ” ไอ้หลุยส์มันบอกผม ผมก็พยักหน้าคิดว่ารอช้าไม่ได้ ระหว่างที่พวกผมกำลังจะเลี้ยวเข้าที่โรงอาหาร
                      “กูก็รีบว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดขึ้น ผมหันมามองหน้ามันคืออะไร
                      “ลุงหนึ่งไปที่บ้านอาภีมแถมยังพูดอะไรก็ไม่รู้ทำให้แอ้เสียใจ กูว่าเราต้องจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุดว่ะ เพื่อเราจะได้ไปทำตามหน้าที่ของเราให้เร็วที่สุดเช่นกัน” ไอ้ดิวมันพูด ผมพยักหน้า
                      “ดังนั้นเราต้องจัดการพวกไอ้ภาคินให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่แม่งทำตัวน่าเรียกมาตบกระบาลเรียงตัวเลยว่ะ แค่ตั้งใจเรียนแค่นี้แม่งก็ทำกันไม่ได้” ผมพูดขณะที่กำลังเดินตามพวกบอย ธรรณ์ แอ้ ติ๊กและพายที่เดินคุยกัน
                       “เฮ้ยย! กูเห็นพี่เดี่่ยวมาเรียนว่ะ “พวกที่อยู่ในห้องอาหารซุบซิบกันเป็นเรื่องปกติแต่วันนี้มันพูดถึงใครก็ไม่รู้แต่ดูท่าจะทอล์คออฟเดอะทาวน์
                     “จริงดิ พี่เขามาแก้แค้นเปล่าวะ ก็พี่เขาโดยพักการเรียนไป งานนี้สงสัยแม่กูให้กูย้ายโรงเรียนไปเรียนที่อื่นแน่ๆ ว่ะ กลัวตายก่อนเรียนจบว่ะ” ผมหันไปมองน้องที่มันคุยกัน คงไม่ได้หมายถึงไอ้ที่อาละวาดกับครูห้องธุรการอยู่นั้นน่ะ
                      “ฟังแล้วรู้สึกดีขึ้นชะมัดเลยว่ะ” ผมพูด บอยก็มองหน้าผมและหันไปมองหน้าธรรณ์
                      “เฮ้ย! กูลืมวะ กูจะไปหาพี่พัฒน์ก่อนพ่อกูฝากบอกเรื่องสำคัญมาว่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูดและหันไปจูงมือพายทันที
                      “แอ้ ตักอาหารให้กูด้วยนะ เดี๋ยวกูจะมากินว่ะ” ไอ้ติ๊กมันห้นมาบอกแอ้ ผมพากันเดินเข้าไปด้านในห้องอาหารทันที ผมเห็นไอ้ป๊อดมันเดินออกมารอพวกผม ป๊อดมองหน้าพวกผม
                      “สวัสดีครับพี่ๆ อาหารพร้อมแล้วครับ” ไอ้ป๊อดพูด พวกผมพยักหน้าและทำท่าจะเดินไปตักอาหาร
                      “พี่ครับ พี่ได้ยินข่าวอะไรมาบ้างหรือเปล่าครับ” ไอ้ป๊อดมันถามพวกผม พวกผมหันไปหน้าไอ้ป๊อดพร้อมกัน
                      “ข่าวอะไรวะป๊อด” ไอ้ดิวมันถามป๊อด ไอ้ปีอดมันหันซ้ายหันขวา พวกมก็หันไปตามมันเช่นกัน
                      “อะไรไอ้ป๊อดอย่าเยอะ!!” ไอ้หลุยส์มันถามไอ้ป๊อด ผมก็พยักหน้าเห็นด้วยว่ามันเยอะไปแล้ว
                      “ข่าวที่ว่า เออ คนที่คุณก็รู้ว่าใครกลับมาเรียนที่นี้นะครับ” ไอ้ป๊อดมันพูดยังมองไปรอบด้วยความหวาดระแวงอีกครั้ง
                       “มึงมาเหมือนไอ้ต้นข้าวอีกแล้ว ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ตกลงมันเป็นใครวะ” ผมพูดและหันไปถามไอ้ป๊อด
                       “ใครวะ ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครคัมแบค ใช่ลอร์ดวอเดอร์มอร์ในเรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์หรือเปล่าไอ้ป๊อด ถ้าใช่กูรู้แล้วเพราะว่ากูดูจบแล้วป๊อด” ไอ้ดิวมันพูด ไอ้ป๊อดก็ยังหันซ้ายหันขวาอยู่นั่นแหละ
                       “ไม่ใช่ครับพี่” ไอ้ป๊อดพูด
                          “พี่คนนี้เขาเคยเรียนที่นี้ แถมยังเคยมีเรื่องกับพี่ธงรบขาโหดจนต้องโดนย้ายไปอยู่ที่อื่นด้วยและนี่พี่เขากลับมาอีกแล้ว พี่เขาโหดมากพูดเลย” ไอ้ป๊อดพูด พวกผมหันมามองหน้ากัน
                        “เอาอย่างนี่นะป๊อด พวกกูนี้น่ะไม่สนใจแล้วว่ามันคือใครเพราะว่าศัตรูพวกกูที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ ก็ทำความรู้จักไม่หมดแล้ว ดังนั้นไอ้ที่มาใหม่เอาไว้ท้ายๆ ก่อนเลยป๊อด” ไอ้ดิวพูด ผมกับไอ้หลุยส์พยักเลยว่าเห็นด้วย
                        “เออว่ะ กูว่าหลีกทางพวกกูจะไปหาอะไรมากิน ตอนนี้อาหารเช้ามันสำคัญป๊อด ช่วงนี้ใช้ความคิดเยอะด้วย คิดว่าพวกกูจะทำยังไงให้อยู่รอดไปจนถึงซีซันหน้าป๊อด” ผมพูดและพยักหน้าให้มันหลบไปจะได้ไปตักอาหารเช้ามานั่งทานกัน
                          ไอ้ป๊อดมันเลยจำเป็นต้องหลบให้พวกผม พวกผมเดินไปที่ตรงมุมอาหารเช้าที่ถูกจัดเอาไว้ พวกผมเลือกตักอาหารที่ตัวเองชอบเพื่อจะได้พากันไปนั่งทาน บอยก็หันมาหาผมและหยิบจานผมไปตักผักสลัดให้ผม บอยนี้ชอบบังคับให้ผมทานผักตลอดแต่ก็ฝืนทนหน่อยเพื่อความสบายใจของคนบังคับ
                       “กินผักจะได้ไม่ท้องผูก อ่ะนี้ผักสลัดแจ็ค” บอยบอกผม ผมก็พยักหน้าและลองเคี้ยวดู
                      “เหม็นเขียวอ่ะบอย” ผมพูดเพราะว่าผักสลัดนี้ไม่เหมือนที่แม่บ้านผมทำให้เลย
                       “ก็ผักมันสีเขียว ทานไปเลย ห้ามเขี่ยทิ้งน่ะ ถ้าเขี่ยทิ้งโดนน่ะ” บอยพูดและชี้นิ้วเอ็ดผมด้วย ผมก็ต้องยอมและผมสองคนก็เดินกลับมาที่นั่ง
                        ผมเห็นไอ้ติ๊กกับพายมันเดินกลับมาแล้ว ดูสีหน้าพายที่ดูกังวลส่วนไอ้ติ๊กน่ะยิ้มกริ่มตอนเดินเข้ามา ผมพยักพเยิดกับไอ้ดิว หวังว่าไอ้ตัวดีมันจะไม่ไปรับงานมาให้พวกผมอีกน่ะ ไอ้ดิวมันยักไหล่ก่อนจะนั่งลง ส่วนแอ้น่ะตักอาหารรอไว้ให้มันสองคนแล้วตามมาด้วยไอ้หลุยส์และธรรณ์ที่เดินกะหนุงกะหนิงออกมาพร้อมกัน มันขยันแซงหน้าผมเหลือเกิน
                      “จะว่าไปก็ต้องขอบคุณแผนการของแจ็คนะที่ทำให้หลุยส์กับธรรณ์เขา” บอยพูด
                      “รักกัน” ผมพูดและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
                     “จริงๆ ธรรณ์นะเคยเจอหลุยส์มาก่อน ตอนนั้นบอยกับหลุยส์ไปทานอาหารกันและบังเอิญไปร้านเดียวกัน” บอยบอกผม
                      “อะไรนะ นี้แอบไปทานอาหารด้วยกันมาก่อนด้วยเหรอ” ผมถามบอย บอยหันมาเหล่มองผม
                       “ต่อมหึงทำงานอีกแล้ว” บอยถามผมแถมแอบค้อนด้วย
                       “ก็นิดหนึ่ง อ่ะเล่าต่ออยากรู้” ผมพูดอ้อนบอย
                     “ธรรณ์เขาแอบชอบหลุยส์ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแต่หลุยส์ก็ไม่ได้สนใจอะไรธรรณ์ “บอยพูด
                      “ก็มันมัวแต่สนใจบอยไง “ผมชิ่งพูดทันที
                     “นินทาอะไรผมครับคุณแจ็ค” ไอ้หลุยส์มันหันมาถามผมทันที ประโยคหลังนี้เอ่ยชื่อมันดังไปหน่อย
                     “ไม่ได้นินทาโว้ย! เล่าสู่กันฟังเนอะบอย” ผมหันไปบอกไอ้หลุยส์
                     “ไอ้ต้นข้าว ไอ้บลู” ไอ้แอ้มันเรียกเพื่อนซี้ของมัน สองคนนี้โดยเฉพาะไอ้ต้นข้าวนี้สนิทกับแอ้มากมีอะไรมันก็คุยกับแอ้ตลอด พวกผมหันไปมองสองหนุ่มน้อยเดินเข้ามา "แสดงว่าไอ้ภาคินมันไปคุยกับพ่อแม่ต้นข้าวให้แล้ว"ไอ้หลุยส์พูด ผมพยักหน้าว่าน่าจะใช้ไม่อย่างนั้นไอ้ต้นข้ววคงกลับมาเรียนไม่ได้แน่นอน
                      “ดีว่ะพวกมึง” ดูมันหน้าหวานแต่ทักพวกผมที่ทำเอาพวกผมหัวทิ่มไปตามๆ กัน ก็มันขัดกับหน้าหวานๆ ของมันมาก
                        “ดีว่ะ ต้นข้าว บลู” ผมหันไปยกมือทักทายมันและหันมาทานอาหารกันต่อ ดูเวลาแล้วเดี๋ยวกจะเข้าแถวแล้ว
                         “เออ.... กูเดินผ่านมาเห็นรถกระบะจอดอยู่ ใครแม่งไปพ่นสีรถไว้วะ สงสารเจ้าของรถว่ะ “ไอ้ต้นข้าวพูด ผมหันมามองหน้าไอ้ต้นข้าว รถกระบะ?
                        “รถสีอะไรวะ “ไอ้ดิวมันถามต้นข้าวทันที
                        “สีเขียวอ่ะคาดดำด้วยติดสติกเกอร์ สวยว่ะ "ไอ้ต้นข้าวพูด มันสีเหมือนรถไอ้คนที่โวยวายบนห้องธุรการหรือเปล่า
                        "แต่ว่าตอนนี้เละไม่เป็นท่า ใครแม่งมือบอนก็ไม่รู้ เป็นกูนี้นะ จะจับแม่ง” ไอ้ต้นข้าวพูด
                        “กระทืบเหรอ” ไอ้บลูถถามไอ้ต้นข้าว
                       “เอออะดิ เล่นซะเละขนาดนี้ เคืองยันลูกบวชอะมึง “ไอ้ต้นข้าวพูด
                       “ไปหาอะไรมาทานดิวะต้นข้าว บลู เดี๋ยวมึงสองคนก็ไม่ทันหรอก” แอ้มันหันไปบอกไอ้ต้นข้าวและไอ้บลู พวกมันสองคนถึงได้ลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหาอะไรมาทานกัน พวกผมหันมามองหน้ากัน มันใช่คันเดียวกันไหมและหวังว่าจะไม่ใช่ฝีมือคนในกลุ่มผมน่ะ
                       “รถไอ้คนที่มันบอกจะมาเรียนกห้องเรียนกับพวกเราไหมวะ” ผมถามขึ้น
                      “เออวะ กูพอจะจำสีได้วะแต่มันก็บอกไม่ได้ว่าใช่รถไอ้คนที่ยืนโวยวายหรือเปล่า บางทีอาจจะเป็นรถคนอื่นก็ได้ว่ะ” ไอ้ดิวพูด ผมก็พยักหน้าว่าจริงด้วย
                     “เฮ้ยย! พี่เดี่่ยวคัมแบค!!!” ผมได้ยินมาจากด้านหลัง ทำไมเสียงพวกนั้นมันดูตกใจกันจังว่ะ
                     “มันอยู่ไหนไอ้คุณหนูนะ!!!!” ผมถึงกับวางช้อนกันแต่ยังไม่ได้หันหลังไปมอง ยังขอทำใจก่อน น้ำเสียงมันน่ะใช่แต่ไม่รู้ว่าหน้าตามันจะโหดปานใดนี่ซิ
                     “กูหวังว่าจะไม่ใช่โต๊ะเรานะมึง” ไอ้ดิวมันพูด
                     “แล้วฉายาที่พวกนั้นมันเรียกพวกเราอะไรวะ” ผมหันไปถามทุกคน
                    “ไอ้คุณหนูไง” ไอ้ติ๊กมันพูด ใช่ถ้าอย่างนั้นก็คงโต๊ะพวกผมนี้แหละแต่ว่ายังไม่ทันที่พวกผมจะหันหลังกลับไปมอง
                   “ฟิ้ววววววว!!!!” เสียงเหมือนมีบางสิ่งฝากระแสลมลอยมา และลอยมาจนถึงโต๊ะพวกผม
                    “ตุ๊บ!!!” ตรงกลางโต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่พอดี มันคือรองเท้าผ้าใบ สีดำ รองเท้านักเรียนชัดๆ
                    “กูว่าคงจะโต๊ะเราแล้ววะ เชี้ย! มันมาลงขนาดนี้แล้ว” ไอ้พายพูด พร้อมเอานิ้วคีบให้ออกไปไกลๆ หน้ามัน และเอามือปัดเหมือนว่ากลิ่นคงได้ทีมาก
                    “ป๊อด) )) )) )” ผมเรียกไอ้ป๊อดเพราะว่ามันเดินกลับเข้าไปช่วยแม่มันอยู่ด้านใน แฃะป๊อดมันก็เดินมาหาพวกผมทันที
                     “รับอะไรเพิ่มพี่) )) )” ไอ้ป๊อดมันร้องถามพวกผมก่อนที่ตัวมันจะเดินออกมาถึง
                    “ไม่รับ กูส่งคืนได้ไหมอันนี่น่ะ กูกินไม่ได้ป๊อด” ไอ้ดิวมันพูดและชี้ไปที่รองเท้า
                     “อ้อ แน่นอนพี่นี้มัน...รองเท้า...รองเท้าใครอ่ะพี่” ไอ้ป๊อดมันถามพวกผมกลับ พวกผมหันไปมองหน้ามันทันที
                    “ป๊อดผิดใช่ไหมครับพี่” ไอ้ป๊อดมันถามกลับ
                    “ผิดที่ถามเพราะว่าพวกกูไม่รู้ ดังนั้นฝากมึงไปให้ประชาสัมพันธ์เขาหาอีกข้างแล้วกันเพราะว่าที่ลอยมานี่มันมาข้างเดียววะป๊อด” ไอ้ดิวมันบอกไอ้ป๊อด
                   “รองเท้ากูเองว่ะ!!!” เสียงเจ้าของมันดังมาและพวกผมทั้งโต๊ะหันไปมอง มันยืนเท้าซะเอว หน้าตาบอกได้ว่าโหดมาก หน้าตามันออกแนวชายไทยแท้และท่าทางจะมวยไทยด้วย
                     “พี่เดี่่ยวววววว) )) )” ไอ้ป๊อดมันเรียกชื่อไอ้คนนั้น ผมก็ถึงบางอ้อ ชื่อเหมือนที่พวกเด็กๆ มันคุยกันนั้นเอง และไอ้ป๊อดมันก็ถอยหลังทันทีเหมือนมันเจอพลังงานบางอย่างที่น่ากลัว ไม่ใช่แค่ป๊อดน่ะ ทุกคนพากันลุกจากโต๊ะเหมือนทำท่าจะวิ่ง ส่วนพวกผมยังทำหน้างงกันอยู่เลย พวกผมค่อยๆหันไปมองไอ้คนที่ไอ้ป๊อดมันบอกผมว่า ไอ้คนที่คุณๆเขารู้กันว่ามีนคือใคร ผมหันไปมองหน้า หน้าตาไทยแท้ ไทยแท้ๆเลย ผิวสีแทน (ผมหันไปมองพาย มองตาเยิ้มเลย) ผมหันมามองไอ้คนที่ยืนนี้อีกที มันน่ากลัวตรงไหนว่ะ มันหน้าตาดีเพราะปกติคนหน้าโหดมันต้องไม่หล่อนะ มันต้องโหดแบบผ่านมาหลายสมรภูมิรบ

                    TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.43.ไอ้คนที่คุณก็รู้(ยกเว้นพวกผม)ว่าใคร 2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 23-02-2024 17:30:46
             
  EP.43.ไอ้คนที่คุณก็รู้(ยกเว้นพวกผม)ว่าใคร 2
                    Part's แจ็ค พวกผมค่อยๆหันไปมองไอ้คนที่ไอ้ป๊อดมันบอกผมว่า ไอ้คนที่คุณๆเขารู้กันว่ามันคือใคร (แต่พวกผมไม่รู้จริงๆว่ามันนะคือใคร)  พวกผมค่อยๆหันไปมองหน้าคนที่ส่งรองเท้ามาทักทายพวกผม หน้าตาไทยแท้ ไทยแท้ๆเลย ผิวสีแทน (ผมหันไปมองพาย มองตาเยิ้มเลย) ผมหันมามองไอ้คนที่ยืนนี้อีกที มันน่ากลัวตรงไหนว่ะ มันหน้าตาดีเพราะปกติคนหน้าโหดมันต้องไม่หล่อนะ มันต้องโหดแบบผ่านมาหลายสมรภูมิรบ ผมหันไปมองรอบๆ กลัวไอ้คนนี่นี้น่ะ
                    “อยากได้อีกข้างกูจัดให้ไม่ต้องเสียเวลาไปตามหา” มันบอกว่ามันอีกข้างด้วย
                    “นี่มันคือซินเดอเลล่าตามหารองเท้าที่หายไปอีกข้างใช่ไหมวะ” ไอ้หลุยส์มันหันมาถาม
                    “ใครจะใจกล้าแปลงร่างเป็นเจ้าชายหิ้วรองเท้าไปคืนมันวะ” ผมถามแต่ล่ะคนพากันสั่นหัวแม้กระทั่งไอ้ดิวเอง
                    “พี่ครับ แม่ผมเรียกครับ “ไอ้ป๊อดมันหันมาบอกพวกผมก่อนหันหลังวิ่งกลับเข้าไปทันที
                     “อ้าวไอ้ป๊อด!!! กูยังไม่ได้ยินแม่มึงเรียกเลย แม่มึงเรียกมึงในใจเหรอไอ้ป๊อด!! มึงนี้แม่งชิ่งเก่งตัวพ่อเลยว่ะ! “ผมตะโกนตามหลังไอ้ป๊อดไปทันที ไอ้นี่มันป๊อดสมชื่อจริงๆ ผมยังคงมองหน้ามันไอ้คนที่ยืนมองพวกผมเหมือนกับว่าใครไปเผาบ้านมันมา
                       “เออ...รองเท้าคุณมึงไหมครับ” พายมันเป็นคนใจกล้าถามแต่ว่ามึงจะขึ้นคุณทำไมถ้ามึงจะมีคำว่ามึงตามหลังขนาดนี้
                      “เอาคืนไปได้ไหมครับและเดี๋ยวกูส่งคืนให้ว่ะ กลิ่นนี้...ซักบ้างน่ะ มันเริ่มเหม็นแล้วอ่ะ สงสารเพื่อนๆ บ้างน่ะ ถ้าถอดมาเพื่อนจะเป็นลมได้” ไอ้พายพูดและทำท่าโยนรองเท้ามันกลับไป
                     “กูว่าจะซื้อใหม่เลยว่ะ แต่ต้องได้กระทืบพวกมึงก่อนเพราะว่ามันอาจจะเลอะจนใส่ต่อไม่ได้” ไอ้คนนั้นมันพูดขึ้น
                    “อู้ย!” พวกผมร้องออกมาพร้อมๆ กัน และหันมาเหล่มองหน้ากัน
                    “จะกระทืบพวกกูทำไมวะ ขอเหตุผลวะ” ผมถามมันทันที
                    “มีคนบอกว่าพวกมึงไปพ่นสีที่รถกูและเขาบอกว่าพวกมึงคือคุณหนู ห้อง311 ที่ทำให้กูไม่ได้ไปเรียนที่ห้องนั้น” นั้นไง แต่ใครวะที่พ่นและผมไปทำให้มันไม่ได้เรียนได้ไง หน้าตามันพวกผมก็เพิ่งจะเห็นกันวันนี้เอง

                     “ใครวะมึง ผิดคนหรือเปล่าและรถมึงคันไหนวะ จอดไว้ตรงไหน เด็กเกเรที่อื่นมันมาพ่นหรือเปล่า” ไอ้ดิวมันถาม
                     “ไม่ผิด!! รถกูน่ะจอดไว้ด้านหน้าทางขึ้นออฟฟิศเพราะว่ากูรีบ” มันตอบพวกผม ทำเอาพวกผมหันมาสุมหัวกันคิด
                    “ใช่รถคันที่สีเขียวไหมวะและไอ้ต้นข้าวมันบอกว่ามีคนมือบอนไปพ่นเละเทะเลย” ผมถามก่อนจะหันมามองไอ้ที่ยืนเอากำปั้นกระแทกกับอุ้มมือรอแจกให้ผมคนล่ะมัดสองมัด
                      “มีคนบอกกูมาและเด็กพวกนี้กูรู้จักดีและมันก็บอกว่าไอ้คนที่เป็นดาราน่ะ มันทำและมันก็อยู่แก้งพวกมึงด้วย” ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร มันพูดขึ้น ผมก็ถึงบางอ้ออีกแล้วและสะบัดหน้ามองไอ้ติ๊ก ไอ้ตัวต้นเหตุ
                     “ไอ้ติ๊กมึงไปทำรถมันทำไมวะ “ไอ้แอ้มันหันมาต่อว่าไอ้ติ๊ก
                    “ก็กูหมั่นไส้มันนิ ที่มันว่าพวกเรา กูได้ยินกูกับพายก็เคยเจอมันที่โรงแรมพ่อกูด้วย และหมั่นไส้ที่มันเอาแต่ด่าพวกเราเพราะว่าไม่ได้เรียนห้องไอ้พวกนั้น กูเลยอยากสั่งสอนมันซะหน่อย" ไอ้ติ๊กพูดผมหันไปมองหน้าไอ้ตัวรับงานพร้อมกันหมด "มึงพามันมาสั่งสอนพวกกูมากกว่าไอ้ติ๊ก"ไอ้ดิวหันมาเม้งใส่ไอ้ติ๊กทันที"ก็ใครจะไปรู้ว่ามันจะโหดสาดขนาดนี้ “ไอ้ติ๊กพูดผมนี้หันไปส่ายหัวเลยและทำนิ้วเฉืยดคอใส่มันด้วย พวกผมลุกขึ้นและหันไปดู มันยืนทำหน้าตาเหมือนใครไปเผาบ้านมันมาก มันบีบมือเสียงดัง กร๊อบๆ
                     “กูไม่สนใจว่าพวกมึงเป็นใคร พ่อใหญ่แค่ไหน “มันพูด ผมหันมองไอ้ดิว
                     “เออ กูขอโทษเรื่องเพื่อนว่ะเรื่องรถ ส่วนเรื่องห้องเรียนกูว่ามึงควรจะไปคุยกับอาจารย์หรือเจ้าหน้าที่ธุรการน่ะ อันนี้พวกกูทำให้ไม่ได้ว่ะเพราะว่าพวกกูแค่มาเรียนไม่ได้มาบริหารโรงเรียนว่ะ ดังนั้นทุกเรื่องมึงควรจะไปร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ให้เขาส่งเรื่องไปยังท่านผอ โรงเรียนอีกทีนะครับมึงครับ” ผมพูดบอกมันไปหวังว่าจะเป็นคำแนะนำที่ดี แต่ไอ้หลุยส์มันทำนิ้วเฉือดคอให้ผม ส่วนคนอื่นก็พากันส่ายหัวไปพร้อมๆ กัน ผมหันไปมองพวกมันก็นี้กูช่วยแล้ว
                     “You’ re suck!” ไอ้หลุยส์มันชมผม ผมเลยต้องส่งนิ้วกลางให้มันไป
                     “กูพูดผิดตรงไหน” ผมถามพวกผมเพื่อนผม
                     “และพวกนักเรียนในโรงเรียนบอกกูว่าตั้งแต่พวกมึงเข้ามาก็ทำตัวขาใหญ่ นี่มึงคงไปบอกครูใช่ไหมว่าไม่ต้องการกูเข้าไปเรียนในห้องมึงน่ะ” ผมก็สะบัดหน้าไปมองว่าพวกผมไปพูดตอนไหนวะ
                     “แล้ว?” ไอ้ดิวมันถามคงหมายถึงมันต้องการอะไรจากสังคม
                     “ถ้าวันนี้กูไม่ได้กระทืบพวกมึงกูจะไม่กลับบ้าน” ไอ้คนนี้มันพูดว่ามันจะไม่กลับบ้านถ้าไม่ได้กระทืบพวกผมซะก่อน พวกผมเกาท้ายทอยกันทันที มีแต่คนอยากให้ทานโปรตีนเกือบทุกวัน
                     “งานงอกเลยว่ะ” อันนี่พวกผมคงลุกออกจากโต๊ะกันได้แล้วครับ
                    “โดยเฉพาะไอ้คนที่ทำรถกูด้วย “มันพูด
                    “เดี๋ยวกูทำรถให้ใหม่จะให้แต่งให้ด้วยก็ได้น่ะ “ติ๊กมันพูด ผมหันไปเหล่ตามองไอ้ติ๊กมันเพราะมันคนเดียวเลยทำของมันขึ้น
                   “ไม่...กูไม่อยากได้เงินพวกมึงกูอยากจะกระทืบพวกมึง” มันยังยืนยันคำเดิมแถมเงินก็ซื้อมันไม่ได้ด้วย ผมหันมามองไอ้ติ๊กเป็นไงล่ะมึง!
                   “เออ...กูว่าพวกเราไปกันเถอะวะ ดูท่าไอ้นี่มันจะจบยากอย่าไปแลกกับแม่งเลยว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดและลุกขึ้นมันพยักหน้าให้แอ้ลุกขึ้นและไอ้ติ๊กมันก็ลุกขึ้น และตามด้วยพาย ผมก็หันไปพยักหน้าให้บอยว่าไปดีกว่า
                  “มึงนั้นเองใช่มั้ยที่พ่นสีใส่รถกู “นั้นชี้ไปที่ไอ้ติ๊กทันที มันสะดุ้งโย้งเลย
                  “เชี้ย!” ไอ้ติ๊กมันสะบดออกมา
                  “ก็มึงเสือกหาเรื่อง กูบอกว่าอย่า มึงไม่ฟังกูเองนิ” พายพูด พวกผมส่ายหัวให้ไอ้ตัวดีของกล่มผม
                  “มึงไปขอโทษมันไป “ไอ้ดิวบอกไอ้ติ๊ก
                  “ไม่เอาอ่ะ ดูมันดิ เหมือนเมายาบ้ามาชัดๆ เลย” ไอ้ติ๊กพูด
                  “พวกกูขอโทษแทนเพื่อนกูวะ เอาเป็นว่าจะให้มันทำรถให้มึงใหม่” ไอ้ดิวหันไปพูด แต่
                  “กูไม่ต้องการ กูมีปัญญา” พวกผมก็
                  “แล้วมึงจะเอายังไงอ่ะ ไอ้นั่นก็ไม่เอาไอ้นี่ก็ไม่เอา เยอะว่ะ!” ไอ้ติ๊กพูด
                  “แจ็ค!” ไอ้หลุยส์มั้นเรียกชื่อผมเข้าไปหามัน ผมก็มองว่ามีอะไรมันควักมือเรียกผม ผมก็เดินออกไป มันกันก็โอบคอผม แสดงว่าความลับแน่ๆ
                  “มีอะไร” ผมถาม
                  “กูว่าไอ้นี่น่าจะคนจริงว่ะ” ไอ้หลุยส์พูดผมหันไปมองคนที่มันบอกผมก่อนจะหันกลับมายังไอ้หลุยส์
                  “กูก็เห็นว่าคนมันคนจริงๆและคนบ้าด้วย” ผมพูดกับไอ้หลุยส์
                  “เฮ้ยย! ดูดิ ผู้คนล้อมรอบถอยกันหมดและซุบซิบนินทากันเหมือนรู้จักไอ้นี่มาก่อนวะ” ไอ้หลุยส์พูดผมก็มองไปรอบๆ น่าจะใช่ น่าจะเคยเรียนที่นี้ หรือว่าไอ้คนนี้คือคนที่คุณก็รู้ว่าใครที่ไอ้ป๊อดมันพูด
                  “และยิ่งไอ้ป๊อดนี่้่มันตกใจสุดขีด กูว่าเอามันไว้วะ” ไอ้หลุยส์ ผมนี้เกาห้วเลยแต่ละคนที่บอกว่าให้เอาไว้ในตอนนั้นก็ไอ้ภาคิน มันก็ได้มองเห็นความดีอะไรผมเลยด้วยซ้ำและนี้มาไอ้นี่อีกที่ตั้งใจมากจะกระทืบพวกผมตั้งแต่วันแรกที่มันย้ายมา ผมสะบัดหน้าไปมองหน้าที่ยืนมองพวกผมเหมือนมันไม่ยอมจบ
                  “แล้วจะเอามันไว้ยังไง” ผมถามไอ้หลุยส์ และไอ้หลุยส์มันก็พยักพเยิดไปทางไอ้ดิว
                  “มึงจะให้ไอ้ดิวเข้าไปต่อยกับมันเหรอวะ” ไอ้หลุยส์กระซิบกับผม
                  “เออ กูว่าฝีมือแม่งต้องสูสีกันแน่ “ไอ้หลุยส์พูดผมก็พ่นลมออกมา ปัญหาคือจะบอกไอ้ดิวยังไงวะ
                 “เอานะ แก้งเราต้องการที่มีคุณภาพว่ะตอนนี้” ไอ้หลุยส์พูด ผมก็เดินเข้าไปสะกิดไอ้ดิว ไอ้ดิวมันหันมามองผม ผมก็ดึงตัวมันออกมาก่อน
                “มีอะไรไอ้แจ็ค” ไอ้ดิวมันถามผม แววตามันบ่งบอกได้ว่าผมคงหาเรื่องให้มันอีกแล้ว
                 “มึงช่วยรับคำท้าประลองกับไอ้คนที่มั้นยืนอยู่นี้หน่อยได้ไหมวะ ..ดิว “ผมบอกมัน
                 “ไอ้แจ็ค มึงให้กูไปต่อยกับมันเหรอวะ มึง-....” ไอ้ดิวมันถาม
                  “กูว่าสำหรับมึงนะ ไม่ยากว่ะ พวกกูอยากได้มันเข้าแก้งแต่ขอชมผลงานมันหน่อย” ไอ้หลุยส์พูด ไอ้ดิว มันเหล่มองผมสองคน
                  “กูยิ่งไม่อยาก” ไอ้ดิวทำท่าจะปฏิเสธ
                  “กูจ่ายให้เข็มละห้าพัน” ไอ้หลุยส์พูด
                  “กูไม่ได้อยากได้ตังค์ สัส!” ไอ้ดิวมันบ่นผมสองคนแต่มันก็พยักหน้า ผมหันไเจอหน้าบอยที่หันมามองผมว่ามีอะไรแน่ๆ ไอ้ดิวมันเดินออกไป ตรงไปยืนตรงหน้าไอ้คนที่ยืนโมโหพวกผมอยู่
                  “ดิว ออกมาไอ้นี้มันฉีดยาหรือยังก็ไม่รู้” ไอ้ติ๊ก ผมหันเจอไอ้หลุยส์มันลากเก้าอี้มานั่งดู ไขว่ห้างด้วยนะสาด
                  “มึงจะต่อยกับกูใช่มั้ยที่ออกมานี่ ห๊ะ! ไอ้ตุ๊ด” ไอ้นี่มันเปิดมากได้แรงมาก ไอ้ดิว มันก็หันมามองพวกผม
                  “เดี๋ยวมึงก็ได้รู้จักกู “ไอ้ดิวพูด

                  “เฮ้ยย! พี่เขาจะต่อยกับพี่เดี่ยวว่ะ พวกมึง กูขอลงข้างพี่เดี่ยว” มีคนตะโกนดังออกมา
                  “ไอ้นี่มันชื่อเดี่ยวว่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูดและหันมาหยักคิ้วให้ผม ผมก็พยักไหล่แล้วไง
                  “กูลงข้างพี่ดิวว่ะเพราะว่ามันก่อนต่อยเด็กเทคนิคสลบเลยมึง” มีคนเชียร์ไอ้ดิวด้วย
                  “ตุ๊บ” ไอ้คนที่ยืนมันโยนกระเป๋าเป้ ยี่ห้ออาดิด๊าสของมันลอยไปและมันก็ปรี่เข้ามาหาไอ้ดิวทันที ด้วยหมัดตรง ไอ้ดิวหลบได้ทันแบบชำนาญการ ไอ้ดิวมันเรียนต่อยมวยมาด้วย ครูสอนมันก็แช้มป์มวยสากลสมัครเล่น และไอ้ดิวมันก็สวยหมัดตรงกับไปที่ใบหน้าไอ้คนนั้น
                 “โอ้ววว!” มันไม่ได้ร้องแต่กองเชียร์ร้องคงเจ็บแทน ไอ้คนนั้นกระเด็นไปไม่ไกลพอมันตั้งหลักได้มันก็เข้ามาใหม่ ที่นี้ซัดกันนัวเลย จนไอ้ดิวมันเสียหลักนิดหนึ่ง
                 “ผลั่ก!” และไอ้ดิวมันก็โดนไปหนึ่งหมัดถึงกับหน้าสะบัดและเซไปอีกทาง ผมเห็นว่ามันเลือดซิบเลย
                 “อู้ยย!” ทั้งกองเชียร์และผมเลยครับ แต่ไอ้คนนี้มันถือโอกาสนี้เข้ามาทันทีไอ้ดิวก็หันไปใส่กับมันต่อ มีทั้งแตะทั้งต่อย
                  “เชี่ยเอ๊ย! มวยคู่เอกเลยว่ะ แม่งสูสีกันแบบ ตาต่อตาฟันต่อฟันเลยว่ะ กูโคตรชอบเลย” ไอ้หลุยส์พูด ผมยืนเอามือจับคางของผม ไอ้หลุยส์นี่มันตาดีเหมือนกัน
                 “หมับ” มีคนเดินมา ผมหันไปเท่านั้นแหละผมสะดุ้งสุดตัวเลย คนนั้นคือบอยนั่นเอง
                 “นี้เล่นอะไรกัน!” บอย กอดอกมองผมและมองไอ้หลุยส์ ธรรณ์ก็อีกคน มองไอ้หลุยส์ มีเมียรสนิยมเหมือนกันมันเป็นแบบนี่แหละเหมือนได้แฝดมาเป็นเมีย
                 “คือว่าบททดสอบนิดหน่อยนะบอย ธรรณ์” หลุยส์พูด แถมมันยังพยักเพยิดให้ผมช่วยมันด้วย
                 “บอกให้หยุดเดี๋ยวนี้เลย มันไม่ใช่เรื่องเลยนะ แจ็ค! หลุยส์!” บอยเอ็ดผมสองคน
                 “ดูซิ ไอ้ดิวนะปากมันแตกแล้วนะ เฮ้ย!” ไอ้ติ๊กมันเข้ามาอีกคน ไอ้แอ้ที่เดินไปมองไอ้ดิว ถึงแม้มันจะไม่แสดงอาการอะไรเลยแต่ผมว่ามันก็เป็นห่วงที่สุดดูจากสายตา พายนี้ยืนเอามือหน้าแต่แอบมองลอดช่องพร้อมกับไอ้สองคนหน้าหวานๆ นั้นด้วย ผมหันไปมอง มันจะแอบมองตามซอกนิ้วทำไมเพราะว่ามันก็เห็นอยู่ดี
                   “แป๊ะ แป๊ะ แป๊ะ” ไอ้หลุยส์มันตบมือเหมือนกับว่าการแสดงมันจบแล้ว มันสองคนหันมามองพวกผม จังหวะนั้นไอ้ดิวมันต่อยให้คนที่ชื่อเดี่่ยวลงไปกองอยู่แล้ว
                     “สุดยอดว่ะ กูอยากได้คนแบบนี้ แบบมึงว่ะ” ไอ้หลุยส์มันเดินไปและชี้ไปที่ไอ้เดี่ยวและไอ้เดี่ยวมันก็ชี้ตัวเอง
                      “เรื่องรถไอ้ติ๊กเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพราะมึงทำ” ไอ้หลุยส์มันหันมาพูด
                     “ส่วนเรื่องห้องเรียน พวกกูจัดให้ มึงเรียนห้องเดียวกับพวกกูว่ะ “ไอ้หลุยส์มันพูดก่อนจะหันมามองหน้าไอ้ติ๊ก
                     “มึงจัดการเรื่องห้องเรียนให้มันได้เรียนห้องเดียวกับพวกเรา เป็นการไถ่โทษที่มึงทำรถมันด้วยติ๊ก” ผมหันมาพูดกับไอ้ติ๊ก ติ๊กมันมองผม ผมก็มองหน้ามันอีก
                     “มึงจะให้พวกกูช่วยเรื่องโรงเรียนมึงไหมติ๊ก” ผมถามมันไอ้ติ๊กมันชักสีหน้าก่อนจะพยักหน้าและเดินหลบไปโทรศัพท์ทันที คุยกับพ่อของติ๊กเขา
                     “กูหลุยส์” ไอ้หลุยส์มันก็แนะนำตัวและยื่นมือไปเช็คแฮนด์ มันก็ทำหน้างง แต่ก็เช็คแฮนด์กลับ
                     “กูแจ็คว่ะ” ผมหยักคิ้วและยื่นมือไปทักทายเช่นกัน
                      “นี้บอยและธรรณ์แฟนของกูสองคน” ผมแนะนำสองหนุ่มหน้าหวานของผมสองคน
                     “กูดิวว่ะ” ไอ้ดิวมันยื่นมือไปเช็คแฮนด์ก่อนจะเดินออกมา
                    “เดี๋ยวนี้อะไรของพวกมึงเนี๊ยะ!” ไอ้คนที่ยืนงง ในดงลาเวนเดอร์มันถามพวกผม
                     “มึงเพื่อนพวกกูแล้ว ยินดีต้อนรับว่ะ สู่ห้อง 311 ที่มึงอยากเรียนไง “ไอ้หลุยส์พูด และไอ้ติ๊กเดินเข้ามาพร้อมกับพยักหน้าว่าจัดการให้เรียบร้อยแล้ว
                      “มึงได้เรียนห้องเดียวกับพวกกูแล้ว โอเคน่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูด พวกผมได้ยินเสียงคุยกันเอะอะเดินเข้ามาโดยมีครูพัฒน์เดินนำหน้ามา ไอ้ติ๊กยืนอ้าปากหวอทันที
                      “แล้วทำไมพึ่งจะไปบอกครูกันละว่ามีคนต่อยกัน “ครูพัฒน์เดินมาอย่างรวดเร็ว พวกผมหันมามองหน้ากัน
                      “งานเข้าแล้ววะ พี่พัฒน์มา พ่อกูรู้แน่ๆ เลยวะ” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันไปมองแสดงว่ามันบอกพ่อมันไม่หมดว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้ขอให้เพิ่มเด็กใหม่มาเรียนกับพวกผม
                    “กูไม่อยากโดนพ่อบ่นนี่หว่าเลยบอกไม่หมด” ไอ้ติ๊กพูด
                    “ก็ผลงานมึงไอ้ติ๊ก” ไอ้แอ้มันพูด
                     “นี่พวกเธอ ครูได้ยินว่ามีการต่อยกัน ใครต่อยกับใคร” ครูพัฒน์ถามและมองพวกผมและไอ้คนที่ยืนอยู่
                     “ดูสภาพแล้ว นายใช่ไหม กับ “ครูพัฒน์พูดและหันไปมองไอ้คนที่ยืนอยู่
                     “ผมครับครูพัฒน์” ไอ้ดิว มันยกมือขึ้น
                     “อะไรดิว แล้วต่อยกันทำไม” ครูพัฒน์หันไปถามไอ้ดิว
                     “เออ พี่พัฒน์ มันสองคนแค่ ประลองมวยกัน ไม่มีอะไรมากครับ ใช่ไหมวะ “ไอ้หลุยส์มันพูดและมองไอ้คนที่ยืน
                    “เออ ครับ ผมแค่ประลองฝีมือกัน นิดหน่อย” ไอ้ดิวมันตอบ
                    “และเราก็ประลองมวยกับเขางั้นเหรอทั้งที่เราเพิ่งจะมานี่น่ะ นายกิตติศักดิ์” ครูพัฒน์ถามและมองหน้าเด็กนักเรียนมาใหม่
                    “และครูหนิงก็บอกครูว่าเราโวยวายเรื่องที่ไม่สามารถจัดให้เราลงเรียนห้อง311 ได้ใช่ไหม” ครูพัฒน์ถาม ไอ้เดี่ยวมันก็พยักหน้าเบาๆ
                    “ที่ให้ลงไม่ได้เพราะว่า...เราจำกัดคนต่อห้อง เพื่อทำให้การเรียนการสอนไม่อึดอัดจนเกินไป ไม่มีใครถืออภิสิทธิ์เหนือใครแน่นอน” ครูพัฒน์พูดก่อนจะหันมามองพวกผม นั้นหมายถึงพวกผมเช่นกัน
                    “และครูจะได้ดูแลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่เกี่ยวกับว่าใครไม่ให้ใครเรียน ในโรงเรียนนี้ไม่มีใครได้อภิสิทธิ์เหนือใครทั้งนั้น “ครูพัฒน์พูด
                    “เหมือนอย่างที่เราเข้าใจ “ครูพัฒน์พูด
                    “พี่พัฒน์ครับ...เอ๊ย..ครูพัฒน์ครับ ผมว่าจะบอกอยู่พอดี ให้เขาเรียนห้องพวกผมนะครับ ไอ้นี่มันเพื่อนพวกผมครับ “ผมบอกครูพัฒน์ ครูพัฒน์หันมามองหน้าพวกผม และพวกผมก็ยิ้มให้
                    “แต่ว่า” ครูพัฒน์ทำท่าจะค้านและจู่ๆ มือพี่พัฒน์ก็ดังขึ้น พี่พัฒน์หันไปกดรับสายทันทีและคุยกันอยู่สิบกว่านาทีได้ ก่อนจะหันมามองพวกผม
                    “ตกลงเรารู้จักกันใช่ไหม” พี่พัฒน์ถามและมองหน้าพวกผมทุกคน
                    “จริงครับ” พวกผมยกเว้นไอ้ติ๊ก ไอ้แอ้มันก็เอาแขนกระแทกพยักหน้า
                    “จริง...มั้ง” ไอ้ติ๊ก ผมกับไอ้หลุยส์หันมามองมัน หาเรื่องแล้วยังไม่สำนึกอีก
                    “ใช่ครับพี่พัฒน์” ไอ้ดิวมันพูด
                    “ถ้าอยากเรียนห้อง 311 “ครูพัฒน์ถามไอ้คนที่ชื่อเดี่ยว มันก็พยักหน้า
                    “ก็ได้ แต่อย่าเล่นอะไรกันแบบนี้อีกนะ นี้โรงอาหารไม่ใช่สนามมวย” ครูพัฒน์พูด
                    “ดูซิ พากันปากคอแตก ไปทำแผลและคนอื่นๆ ไปเตรียมตัวเข้าแถวกันได้แล้ว” ครูพัฒน์พูด ไอ้คนที่ยืนมันก็เดินตามพวกผมออกไป
                    “มึงชื่ออะไรวะ” ไอ้ดิวมันหันไปถาม
                    “กู เดี่ยวว่ะ”
                    “ไปทำแผลกันก่อนว่ะ “ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองไอ้หลุยส์
                    “กูว่ามันได้คนถูกคอแล้วมึง “ไอ้หลุยส์มันพูด
                    “เห็นไหมการคัดคนของกูเจ๋งไหมวะ” ไอ้หลุยส์
                    "ไม่!!!” อันนี้สาวๆ ของผมกับไอ้หลุยส์ นั้นก็คือบอยกับธรรณ์ และเดินทิ้งมันและผมอีกดคนด้วย
                    “อู้ยยย!” ไอ้หลุยส์
                    ลำบากกูต้องง้อเมียอีก ไอ้หลุยส์) )) )”
                    “บอย เขาโดนบังคับ) )) )” ผมรีบวิ่งตามเมียผมไป ทันที พยายามง้อแต่เมียก็สะบัดงอน ไอ้หลุยส์มันก็ตามง้อธรรณ์ เหมือนกันเลย
                    “สมน้ำหน้าเป็นไง เชียร์กันมันหน้าดูแต่ลำบากตอนจบ อันนี้เรียกหักมุม เมียทิ้งทั้งคู่ ฮาๆ “พายพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ เมียผมสองคนก็พากันเดินนำไปเลยไม่รอกันเลย เวลางอนนี้ใช้ได้เลยทั้งบอยและธรรณ์ สมแล้วที่เขาเป็นเพื่อนซี้กันมาก่อน
                TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.44 ไอ้เดี่ยว เพื่อนใหม่ ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 24-02-2024 17:09:05
EP.44 ไอ้เดี่ยว เพื่อนใหม่ ครึ่งแรก     
     

        Part’ s เดี่ยว ผมชื่อเดี่ยว นายกิตติศักดิ์ ผมเคยเรียนโรงเรียนนี้มาก่อนและเคยอยู่แก้งเดียวกันกับไอ้พวกภาคินแต่ตอนที่ผมอยู่ตอนนั้นพี่ข้าวปั้นเป็นหัวหน้าแก้ง(แบบเงียบๆ)แต่ผมดันมีเรื่องกับไอ้ธงรบ เพื่อนของไอ้ภาคินมัน ตอนนี้มันไปเรียนอยู่โรงเรียนเตรียมทหารของภาคิน ผมดันไปแท่งมันเข้าและนั้นก็ทำให้ผมต้องถูกย้ายไปเรียนที่อื่นเพราะว่าแม่ผมกลัวว่าผมจะเสียคนไปมากกว่านี้ ตอนนั้นผมโกรธมากผมไม่อยากไปเพราะการไปของผมทำให้ผมเสียเพื่อนและคนรัก นั้นคือแฟนผม เหตุผลที่ผมแท่งพุงไอ้ธงรบเพราะว่ามันมานอนกับแฟนผมด้วยและที่ผมทำเพราะว่าป้องกันตัวด้วยเช่นกัน
     
        แม่ผมพบรักใหม่หลังจากที่พ่อผมเสียชีวิตไปพ่อผมคือจ่าสิบเอกชาติชาย เขาเป็นคนติดตามของพลเอก พ่อเลี้ยงของผมเป็นคนออสเตรเลียนและเคยแต่งงานกับคนไทยมาก่อนจนมีลูกสาวที่เป็นลูกครึ่งไทยออสเตรเลียหนึ่งคน พ่อเลี้ยงคนนี้ชอบเมืองไทยมาก เขาซื้อที่ดินและปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์ส่งออก ภรรยาคนเก่าของเขามาเสียชีวิตด้วยโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย พ่อเลี้ยงผมเดินทางบ่อย เดินทางไปกับแม่ผม ผมเลยเหมือนอยู่คนเดียวที่ไทย ทั้งที่แม่ผมชวนผมไปอยู่ด้วย ผมได้วีซ่าติดตามแม่จนเป็นพีอาร์แล้วและกำลังจะสอบซิตี้เซนต์ ผมยังลังเลอยู่ ใจอยากอยู่ที่นี้แต่แม่ก็อยากให้ไปเรียนที่ออสเตรเลียมากกว่าและที่ผมไม่อยากไปคือ ผมไม่ค่อยชอบพี่สาวลูกติดพ่อเลี้ยงผมเท่าไหร่ นางพยายามจะเข้าหาผมแบบถึงเนื้อถึงตัวตลอด จนผมอึดอัด
         
              และตอนนี้ผมได้ขอแม่ผมกลับมาเรียนที่เดิม ผมอยากจะกลับมาเจอเพื่อนๆ กลุ่มเดิม ผมได้ยินมาว่าพวกภาคินกลับมาเรียนที่นี้แล้วหลังจากถูกพักการเรียนไป ทั้งที่ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะเหมือนเดิมไหม ผมเล่นแทงพุงเพื่อนรักมันไปแบบนั้นและวันนั้น ผมใจร้อน มันเล่นมีอะไรกับแฟนผมและวันนั้นก็เป็นวันที่ผมเลิกกับเธอทันที ตอนนั้นศักดิ์ศรีลูกผู้ชายด้วยแต่ว่า มันทำให้ผมคิดได้ว่าศักดิ์ศรีลูกผู้ชายที่ผมยอมไม่ได้ทำให้แม่ผมนั่งร้องไห้เสียใจ กลัวผมจะหมดอนาคตแต่โชคดีที่ไอ้สรจักร เพื่อนของไอ้ธงรบมันบอกว่าคนที่ผิดคือไอ้ธง มันเกือบจะแทงผมก่อนเช่นกันดังนั้นเหตุการณ์ในตอนนั้นมันคือการป้องกันตัว แต่ดีที่ไอ้ธงมันไม่ได้เป็นอะไรมาก ส่วนผมไม่โดนข้อหาอะไรแต่ว่าต้องย้ายไปเรียนที่อื่นแทนและวันนี้ผมกลับมาแล้ว มาเรียนที่เดิม
               
               แต่ว่าผมกลับมาเจอเพื่อนใหม่ ตอนแรกก็ไม่น่าจะใช่เพื่อนใหม่เพราะว่าที่ผมได้ยินมา เป็นลูกคุณหนู ผมเองเป็นคนไม่ชอบลูกคุณหนูเท่าไหร่ เลบแอนตี้ทันทีและยิ่งได้ยินว่าห้องนี้จำกัดคน ทั้งที่ผมตั้งใจมาตั้งแต่ขอย้ายมาแล้วและยังมีคนมือบอนมาฉีดสเปรย์สีใส่รถผมอีกแม้จะไม่เยอะก็เถอะแต่ว่ารถคันนี้ผมได้มาจากพ่อผม ดังนั้นผมเลยขึ้นและสุดท้ายผมได้ประลองหมัดมวยกับไอ้ดิว มันต่อยมวยเก่งและหมัดมวยนี้มันเหมือนที่พ่อผมสอนมาไม่ผิดแต่ผมยังไม่ได้ถามอะไรไอ้ดิว
            “เดี่ยว” ไอ้คนที่เรียกชื่อผม คือคนที่ที่ผมต่อยกับมันเมื่อสักพักนี้ มันบอกว่ามันชื่อไอ้ดิว ผมนี่ถูกชะตากับมันทันที มันเก่งเรื่องหมัดมวยไม่แพ้ผมเหมือนกัน หมัดมวยพวกนี้พ่อผมสอนผมมา พ่อผมเป็นนักมวยเก่าและเป็นแชมป์มวยสากลสมัครเล่นมาก่อน
              “มึงต่อยมวยเก่งวะ มึงเคยเรียนต่อยมวยมาใช่ไหมวะ” ไอ้ดิวมันถามผม
             “พ่อกูเป็นคนสอนกูเองและพ่อกูก็เป็นทหารช่างด้วย แถมพ่อกูก็ยังเป็นนักมวยมาก่อน” ผมบอกดิวมัน ผมเห็นมีคนหน้าหวานๆ วิ่งตามมันมาและไอ้คนที่ทำรถผมซะเละเทะไปด้วยสีสเปย์ ผมหันไปมองหน้ามันแต่มันดันแอบด้านหลังไอ้คนหน้าหวานทันทีซะนี่
              “อะไรของมึงวะไอ้ติ๊ก” หนุ่มหน้าหวานคนนั้นหันไปถามคนที่แอบอยู่ ผมก็ยิ้มที่มุมปากพร้อมกับยักคิ้วให้ ที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นเก่งน่ะ แต่จะว่าไปผมก็สะดุดกับหน้าหวานๆ ของหนุ่มคนนี้ซะแล้ว ตั้งแต่ผมเดินเข้ามาแต่เหมือนมีบางสิ่งที่กั้นเอาไว้ เหมือนกับว่าเขามีเจ้าของแล้ว แต่อีกคนนี้ดูท่าจะหยิ่งใช่เล่นเหมือนกันคนที่ทำท่าเหมือนไม่อยากจะคุยกับผมเท่าไหร่ ผมรู้มาว่าเขาเป็นดารา
               “ก็ดูไอ้นี่ดิ หน้ามัน ยังกะพวกหื่นกาม” ดูมันชมผมซะหุบยิ้มแทบไม่ทัน หน้าตาหล่ออย่างผมนี่น่ะ ผมแอบคิดในใจ
             “ไอ้เดี่ยว มึงอย่าบอกนะว่า พ่อมึงคือจ่าสิบเอกชาติชาย” ไอ้ดิวมันพูด ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามันแปลกใจว่ามันรู้ได้ยังไง
              “มึงรู้จักด้วยเหรอวะ “ผมถามไอ้ดิวกลับ
              “ใช่ดิกูรู้จักดีทีเดียวเพราะว่ากูก็เรียนต่อยมวยกับเขามา” ไอ้ดิวมันบอกผม มิน่าล่ะ ดูกลยุทธ์การปล่อยหมัดและการหลบหลีกนี้มันคุ้นๆ เหมือนที่พ่อผมสอนผมเอาไว้ไม่มีผิด
                “พ่อกูเป็นแพทย์ทหารที่ดูแลค่ายทหารและโรงพยาบาลในค่ายทหารXXXX” ไอ้ดิวมันพูด
              “นายแพทย์ภาณุเดชหรือเปล่าวะดิว” ผมถามไอ้ดิวมันพยักหน้า
             “พ่อกูพูดให้กูกับแม่ฟังบ่อยๆ ว่าท่านมีบุญคุณกับพ่อกูมากว่ะ” ผมบอกไอ้ดิว
             “แต่ทำไมกูไม่เคยเจอมึงเลยว่ะไอ้เดี่ยวแต่กูรู้ว่าจ่าแกมีครอบครัวและจ่าเขาขอกลับไปอยู่กับครอบครัวเขา พ่อกูเลยทำเรื่องย้ายให้ไป กูโคตรเสียดายเลยอยากเรียนกับจ่าต่อ” ไอ้ดิวมันถามผม
             “กูไม่ได้เข้าไปในค่ายฯหรอกว่ะ พ่อกูน่ะพอเวลาลากลับมาบ้านก็จะฝึกกูต่อยมวยอย่างหนัก แม่กูนะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่หรอก เขาไม่อยากให้กูไปท้าตีท้าต่อยกับใครเขา “ผมบอกไอ้ดิว
             “แต่พ่อกูก็สอนเสมอว่า ให้ใช้ในยามจำเป็นเท่านั้นวิชาที่พ่อกูสอนเอาไว้ พ่อกูบอกห้ามเอาไปรังแกใครและกูก็ทำตามที่พ่อกูสอนมาตลอด........แต่วันนี้ กูขอโทษจริงๆ วะ กู…” ผมพูด
              “เฮ้ย! กูเข้าใจว่ะ รถของใคร ใครก็รักป่ะวะ “ไอ้ดิวมันพูดและหันไปมองไอ้คนต้นเหตุ ไอ้คนที่ไอ้ดิวพูดถึงก็ยืนกอดอกและเหลือกตาขึ้นบนทันที เขารู้ว่ากำลังโดนมองว่าเป็นคนผิด
              “แต่กูไม่เจอจ่าแกนานมากแล้วน่ะ จ่าแกเป็นไงบ้างว่ะ เพราะว่าจ่าแกขอย้ายไปที่อื่นระหว่างรอย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดจ่าแก และนั้นกูก็ไมเจอจ่าแกอีกเลย” ไอ้ดิวมันถามผม
              “พ่อกูเสียไปได้สามปีแล้วจากเหตุวางระเบิด ตอนนั้นพ่อกูติดรถขบวนทหารไปด้วยและนั้นก็คือวันสุดท้ายทั้งที่พ่อบอกว่าจะขอกลับมาอยู่กับกูและแม่ แค่รอคำสั่งออกแค่นั้น” ผมพูด ไอ้ดิวมันหน้าเสียไปเลย
             “แต่ก็ไม่ทันว่ะ” ผมพูด
             “เสียใจด้วยวะเดี่ยว กูไม่รู้ตรงนี้จริงๆ ว่ะ ถ้ารู้กูกับพ่อจะไปงานจ่าแกด้วย” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองคนข้างๆ มัน อยากรู้จักคนนี้เหลือเกิน มันเหมือนมีอะไรให้ผมไม่อยากละสายตาจากเขาเลยแต่ก็ไม่กล้ามองตรงๆ
               “อ้อคนนี้ชื่อ แอ้ ลูกท่านนายพลภีมปภพน่ะ” ไอ้ดิวมันบอกผม ผมเองก็รู้จักนายทหารท่านนี้
               “ปกติพ่อกูจะขับรถให้ทานนั่ง “ผมพูดและพยักหน้าให้แอ้ ผมรู้ว่าหน้าเขาหวานจน
              “อะแฮม “อีกคนก็กระแอมใส่ผมซะนี้ ผมหันไปมอง
               “นี้ติ๊กว่ะ คนที่จะซ่อมรถให้มึงน่ะ” ไอ้ดิวมันลืมไม่ได้แนะนำตัวมันก็เหมือนเรียกร้องหน่อยๆ ผมหันไปมอง
               “นี่คือดาราเหรอ ...มีแต่คนบอก ว่าแต่เป็นดาราช่องไหนอ่ะ ไม่เคยเห็นแสดงอะไรเลย” ผมหันไปถามมีแอบค้อนผมขวับเลย จริงๆ ผมก็เคยเห็นหน้าเห็นตาที่หน้าจออยู่หรอกแต่ผมนี้แกล้งมันนะ
               “ดาราแสดงแต่หนัง ไม่ได้แสดงละคร และส่วนใหญ่จะหนังอินเตอร์ บ้านไม่มีเน็ตฟิกซ์ ไม่รู้จักหรอก” คนนั้นพูด
               “ไอ้ติ๊กปากมึงเหรอวะ” ไอ้คนหน้าหวานหันไปต่อว่า
               “มีเน็ตฟิกซ์แต่ดูเฉพาะหนังโหดๆ ระบิดลงตูมๆ “ผมพูดและก้าวเท้าเข้าไป มันก็ถอย
               “และยิ่งหนังที่พระเอกสาดิสนี้ชอบมาก พระเอกคิขุอาโนเนะไม่ใช่สเป็คเลยไม่ค่อยดู” ผมพูด
               “เออ ...กูรู้แล้วไม่ต้องมาใกล้ขนาดนี้หรอก หน้ามึงมันก็บอกแล้วว่าโรคจิต” ไอ้ที่ชื่อติ๊กพูด ผมก็ยิ้มและหยักคิ้ว
               “ไปเถอะว่ะ ไปทำแผลกันดีกว่าวะจะได้เข้าห้องเรียนกัน” ไอ้ดิวมันพูดและผมก็เดินพากันเข้าไปในห้องพยาบาล มีครูที่เป็นพยาบาลประจำห้องเดินออกมาพอดีเลย
                “อ้าวพวกเธอ เป็นอะไรกันมาเหรอ ดูหน้าตาแต่ล่ะคนซิ ไปมีเรื่องกับใครมาเนี่ย!” พยาบาลที่ดูแลห้องพยาบาลถามพวกผม
               “คือว่ามีเรื่องเข้าใจผิดกันเลยชกต่อยกันนิดหน่อยนะครับ ครูพัฒน์ให้พวกผมมาทำแผลครับ” ผมบอกเขา “คือว่าครูมีเรื่องด่วนนะพวกเธอ”
               “ไม่เป็นไรครับ พวกผมหายาทาเองได้ครับ “ไอ้ดิวมันพูด
              “แน่ใจเหรอ ถ้าอย่างนั้นดูแลตัวเองกันก่อนนะคะ พี่มีธุระด่วนน่ะและดูแผลไม่น่าจะใหญ่ทำกันเองได้นะคะพี่ขอโทษทีนะคะ” พี่พยาบาลที่ประจำห้องพยาบาลพูดและรีบวิ่งไป คงมีเรื่องรีบจริงๆ ผมพากันเดินเข้าไปในห้อง ไอ้ดิวมันเดินไปเปิดตู้ยาอย่างชำนาญและคนหน้าหวานที่ชื่อแอ้ก็เข้าไปหยิบอะไรสักอย่างออกมา หนุ่มหน้าหวานคนนั้นก็หยิบเอาถุงคล้ายกับโคลด์แพ็คออกมาและส่งให้ผม
              “ประคบซะ” แอ้บอกผม ผมพยักหน้าและรับมาทำตามอย่างว่าง่าย
               “อ่ะ นี้ว่ะยาทาแก้ฟกช้ำ “ไอ้ดิวมันส่งหลอดยาให้ผมเช่นกัน
               “Rrrr “เสียงมือถือไอ้ดาราข้างๆ ผมดังขึ้น
              “ฉิบหายแล้วพ่อกูโทรมา กูรับสายก่อนนะมึง” ไอ้ดารานั้นมันพูดและก็รีบเดินออกไปทันที
               “พ่อมันเป็นเจ้าของโรงเรียนนี้ไง” ไอ้ดิวมันอบกผม ผมก็พยักหน้า

                ผมเองเคยเจอเจ้าของโรงเรียนนี้ครั้งหนึ่งตอนนั้นท่านมาประชุมและพ่อผมก็มาให้การดูแลความปลอดภัย ท่านดูอายุไม่น่าจะใกล้หลักห้าเลยนะ ดูแล้วไม่เกินสี่สิบปีด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยอมรับว่าไอ้ดารานี่มันหน้าตาดีจริงๆ หล่อคนล่ะแบบแต่ล่ะคนหล่อแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งนั้น ไอ้สองคนเมื่อเช้ามันหล่อและดูมีออร่าประมาณว่าน่าจะเป็นอัลฟ่า ส่วนอีกสองคนหน้าหวานดูหล่อและน่าจะเป็นแนวเบต้า
             “ดิวประคบหรือยัง” แอ้หันไปถามดิว ผมว่าเหมือนสองคนนี้มีอะไรบางอย่างแม้ว่าการแสดงมันไม่ได้บ่งบอกชัดเจนว่าเขาเป็นอะไรกันอยู่น่ะ แต่แปลกน่ะแอ้จะไม่แสดงตอนคนนั้นอยู่ คนที่ชื่อติ๊ก
            “มึงสองคนเป็นแฟนกันหรือเปล่าวะ” ผมถามไปแบบตรงๆ ทันทีเพราะเห็นแอ้กำลังจะเอาประคบที่มุมปากไอ้ดิว
             “ไม่...” แอ้พูดแต่ว่าไอ้ดิว “ใช่” มันสองคนตอบพร้อมกันแต่ตอบกันคนละคำตอบเลย
             “โอ๊ย!” ดิวมันร้องลั่นทันทีแอ้มันคงกดแรงแน่ๆ ผมก็เอามือเกาหัวแทน ไม่น่าถามมันตอนนี้เลยผม แอ้มันคงเขินมั้ง
                “โอ๊ยแอ้! ตอนไอ้เดี่ยวต่อยนะไม่เจ็บเท่าแอ้กดลงมาเลยน่ะ ซี้ด!” ดิวมันพูดและบ่นแอ้อีกต่างหาก
            “ไม่ใช่แต่เป็นเพื่อนกัน” ไอ้แอ้มันพูดและรีบยัดเอาที่ใช้ประคบมุมไอ้ดิวอยู่ใส่มือให้ดิว ให้ดิวมันประคบเองทันที ผมก็เห็นสีหน้าไอ้ดิว มันผิดหวังแต่มันก็รับคืนมา
            “อ้าวติ๊กมาแล้วเหรอมึง พ่อว่าไงวะ” แอ้ถามติ๊ก ที่เดินหน้ามุ้ยเข้ามา
             “พ่อบอกว่ากูต้องไปงานอาทิตย์หน้า อาทิตย์เดียวกับที่กูบอกว่าจะไปเที่ยวบ้านมึงอ่ะแอ้” ติ๊กมันพูด ไอ้ดิวสะบัดหน้าอย่างตกใจ
              “ไม่เห็นเคยบอกเลยว่าจะมันจะไปด้วยน่ะ” ไอ้ดิวหันไปถามแอ้ ผมว่าสามคนนี้มีอะไรซับซ้อนกันอยู่แน่ๆ
             “ก็กู…” จะว่าไปผมก็ขมวดคิ้วเหมือนกัน มันเป็นเพื่อนกันแบบไหนจะไปเที่ยวบ้านแต่ว่าไอ้ดิวมันชักสีหน้ากังวลทันที
          “ทำไมกูไปเที่ยวบ้านไอ้แอ้ไม่ได้วะและก็ไม่ได้ขอไปบ้านมึงสักหน่อยไอ้ดิว” ติ๊กพูด ผมหันมามองติ๊กและหันไปเหล่ตามองไอ้ดิว มันแอบทำนิ้วเชือดคอใส่ติ๊กและพยักพเยิดให้ผม ผมก็พอจะเดาออกว่าทำไม แสดงว่าคนนี้คงเป็นก้างปลาชิ้นใหญ่ของมันละซิ แต่คำถามคือใครกันที่ไอ้ดาราพยายามกันท่าอยู่แน่ๆ แอ้หรือดิวที่เขารู้สึก
           “กูว่าจะหาเรื่องเบี้ยวงานวะ “ไอ้ติ๊กพูด
           “เออ! ถ้ามึงสองคนดีขึ้นแล้วไปขึ้นห้องดีกว่ามั้ยวะ” ไอ้แอ้มันเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย ผมเห็นไอ้ดิวมันลุกขึ้นแต่ติ๊กนะดึงแขนไอ้แอ้ออกไปก่อน ผมหันไปมองไอ้ดิว มันก็เก็บพวกยาเข้าที
           “มึงชอบแอ้เหรอวะ” ผมถามไอ้ดิว มันก็นิ่งไปทันที
           “กูขอโทษวะแต่กูว่ากูดูออก” ผมบอกไอ้ดิว
           “กูรักมันแต่มันกลัว อนาคตที่ยังมาไม่ถึงแอ้มันกังวลเยอะไปหมดว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด
             “อนาคตอย่างพวกมึงยังต้องกลัวอะไรอีกวะ” ผมถามเพราะว่าผมก็รู้จักครอบครัวพวกมันมาบ้าง แต่ละคนโปรไฟว์ดีขนาดนี้
             “อันนี้จริงพวกกูควรจะไปเรียนตามที่วางแผนกันไว้แล้วว่ะ พวกกูเรียนจบมัธยมปีที่หกกันมาแล้ว บางคนก็เรียนมหาวิทยาลัยออนไลน์กันบ้างแล้ว” ไอ้ดิวมัน
            “กูกับแอ้รอเรียกตัวว่ะ แอ้ต้องไปเรียนเกี่ยวกับทหารส่วนกูเลือกจะไปเรียนแพทย์ทหารเพราะว่ากูมีบางสิ่งที่ต้องการจัดการแต่กูบอกมึงไม่ได้ในตอนนี้ว่ะเดี่ยวว่ากูกับแอ้เป็นยังไงกัน” ไอ้ดิวมันพูดกับผมสายตามันมองไปที่แอ้กับติ๊กทีเดินคุยกัน
            “มึงกับแอ้เป็นแฟนกันแบบลับๆ เหรอว่ะ” ผมถามไอ้ดิว
             “กูกับแอ้ ไม่ได้แค่เพื่อนหรือคนรัก แต่กูมากกว่านั้นวะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมพยักหน้า
             “เออ...ขึ้นห้องเถอะวะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็เดินขึ้นห้องเรียนไปพร้อมกับไอ้ดิวมัน ผมว่ามันคงมีปัญหามาจากไอ้ดารานั้นด้วย แต่จะให้ผมถามมันตอนนี้คงเร็วเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งเป็นเพื่อนกัน ผมเดินมาหยุดที่หน้าห้อง 311 ผมก็สูดลมหายใจยาวๆ ถึงจะแค่สองปีแต่ว่า
             “อ้าวไอ้เดี่ยวไม่เข้าห้องวะ” ไอ้ดิวมันถามผม เพราะผมยื่นอยู่หน้าห้อง
             “ดิว!” ครูคนนี้ที่เดินไปที่ห้องอาหาร ผมจำได้ว่าเขาคือครูพัฒน์เพราะว่าวันที่ผมมายื่นใบสมัครผมเห็นเขากำลังคุยกับผู้ปกครองที่เข้ามาโวยวายและทำเรื่องย้ายลูกตัวเองไปเรียนที่อื่น ผมเห็นมีแค่ครูคนนี้ที่วุ่นวายกับงานโรงเรียนอยู่คนเดียว คนอื่นๆ ก็ดูเหมือนเช้าชามเย็นชาม
             “และเรานายกิตติศักดิ์ใช่ไหม” ครูพัฒน์เขาหันมาทางผมพอดี
             “ครับครู เออ เรียกผมว่าเดี่ยวก็ได้ครับ” ผมบอกครูพัฒน์ ครูพัฒน์พยักหน้าและผมสองคนก็ให้ครูพัฒน์เข้าไปก่อน ไอ้ดิวมันมองหน้าผม ผมก็ยิ้มให้มัน
               “สวัสดีครับคุณครู “มีหัวหน้าห้องหน้าตาเด็กเนิ้ดมาก
              “สวัสดีครับนักเรียนทุกคน นั่งลงได้” ครูพัฒน์พูด
              “ดิวเข้ามาก่อนซิ” ครูพัฒน์บอกไอ้ดิวเข้าไปก่อน ผมก็ยืนรอสักครู่
              “เออ วันนี้ครูมีนักเรียนใหม่มาอีกหนึ่งคนนะ ชื่อนายกิตติศักดิ์ “ครูพัฒน์บอกผมให้ผมเดินเข้าไป พอผมเดินเข้าไปหยุดที่หน้าห้องเรียน
             “ครื้ด!” เสียงเก้าอี้ถูกเลื่อนออกโดยพวกเพื่อนไอ้ภาคิน  แต่ไอ้ภาคินมันเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม มันค่อนข้างตกใจที่เห็นผมกลับมายืนที่นี้อีกครั้ง มันคงไม่คิดว่าผมจะกลับมาอีกซิน่ะ ผมยักคิ้วให้มัน ผมรู้จักไอ้ภาคินมาก่อน ไอ้โซ่ไอ้นี่เห็นกวนๆ แบบนี้มันดีน่ะ มันคือเพื่อนผมคนแรกเพราะว่าผมเคยช่วยมันเอาไว้ มันยักคิ้วให้ผมแต่ก็คงเกรงใจเพื่อนๆ คนอื่นๆ เพราะแต่ล่ะคนก็พรรคพวกของไอ้ธงรบที่เคยมีเรื่องกับผมทั้งนั้น
                “ไอ้เดี่ยวนี่หว่า” พวกมันกระซิบกระซาบกันทำให้พวกไอ้ดิว หันมามองผมและมองพวกนั้นและสองคนที่บอกให้ผมเข้าร่วมกลุ่มก็พยักหน้ากัน
                “สวัสดีครับ ผมชื่อกิตติศักดิ์ ชื่อเล่นชื่อเดี่ยวครับ ยินดีที่รู้จักเพื่อนๆ … ทุกคน”
                  “วี้ดวิว!! “ไอ้แจ็คมันแซวผม ครูพัฒน์หันมามองหน้าผม ครูพัฒน์คงแปลกใจทำไมพวกนี้มันเงียบกันหมดไม่ยอมปริปากอะไรเลย
                    “เออ..นาย” ครูพัฒน์กำลังจะหาที่นั่งให้ผมแต่ มีอยู่คนหนึ่ง หนึ่งในเพื่อนของไอ้ดิว เขายกมือขึ้นทันที
                   “ให้นั่งโต๊ะข้างไอ้ติ๊กก็ได้ครับ ครูพัฒน์” ไอ้แจ็คมันก็ยกมือเรียกให้ผมไปนั่งข้างไอ้ดารานั้น ได้ผลสะบัดหน้ามามองโต๊ะข้างและทำท่าจะค้านด้วย
                  “ทำไมต้องให้มันมา” ติ๊กทำท่าจะปฏิเสธผม
                   “เออ น่ะ แค่นั่งตรงข้ามมึงไม่ได้นั่งกลับมึงซะหน่อย” ผมได้ยินไอ้หลุยส์มันพูด
                  "หรือจะเปลี่ยนให้มานั่งกับพายก็ดีนะแจ็ค พายชอบของใหม่" พายพูด พวกผมหันไปมอง สยองแทนได้เดี่ยวเลย
                  ผมเดินเข้าไปนั่งและครูพัฒน์ก็เริ่มพูดคุยทำหน้าที่ครูที่ปรึกษาประจำห้องนี้ ห้องนี้เกรียนมากตั้งแต่มันขึ้นม.4 แล้วเปลี่ยนครูที่ปรึกษาเป็นว่าเล่นและที่รอดมาได้เพราะว่ามีแบล็กดี ไอ้คนนี้มันเจ๋งจริงๆ แต่ว่ามันเป็นเพื่อนรักไอ้ธงรบนะซิ ผมเองยังอยากกลับมาเป็นเพื่อนมันเลย ไอ้คนนี้มันชื่อสรจักร มันเจ๋งพอๆ กับไอ้ดิวเลยก็ว่าได้ ผมก็หันไปยิ้มให้ทุกคนแต่ยกเว้นพวกไอ้ภาคิน ผมไม่รู้ว่ามันจะแค้นแทนเพื่อนมันไหมก็เล่นฝากมีดแม้จะไม่ยาวมากมันเป็นแค่มีดพกอันเล็กๆ แต่เกือบได้ไปพบยมบาลเหมือนกัน
                 “ดีวะเดี่ยว” อีกคนที่ทักผม ผมหันไปมอง ไอ้คนนี้หน้าคุ้นๆ
                 “จำเราได้ป่ะ เราน้องพี่ข้าวปั้นอ่ะ”
                 “เออ เหมือนจะจำได้วะ แต่ตอนนี้กูคิดว่ากูจำไมได้ว่ะ” ผมพูดคนที่ผมถามผม หุบยิ้มทำทีแถมยังทำหน้าเซ็งผมอีก งงซิครับ รออะไรแต่
                  “ขอบใจมาก!” แถมด้วยน้ำเสียงโมโหผมอีกด้วยเอาเข้าไป ก็ผมจำไม่ได้หรอกครับแก้งนี้เยอะแยะไปหมด และอีกคนเพื่อนหน้าตาน่ารักคิกขุสะกิดและสั่นหัวไปมา เขาก็หันมายิ้มตาหยีมาให้ผมแทน ผมก็ยิ้มกลับ
                   “เราบลู” ชื่อน่ากินจริงๆ แต่ผมไม่ชอบสไตล์นี้เลยแค่ยิ้มๆ ให้ ก่อนจะหันมาเจออีกคนที่เอามือเท้าคางรอให้ผมหันไปเจอประหนึ่งว่าจะได้พบรัก
                 “ดีนาย เราชื่อพายนะ ขนมพาย หวานมันกรอบมากพูดเลย “อึ้งได้อีกครับน้องขนมพาย ผมก็ยิ้มๆ นี้ผมเข้ามาผิดแก้งหรือเปล่าครับ หน้าตาโหดๆ อย่างผมควรจะอยู่แก้งที่คล้ายๆ กับพวกไอ้ภาคินครับ แต่พอผมหันมาเจอคนที่นั่งข้างๆ น้องขนมพาย ดารารูปหล่อผมก็ยิ้มแฉ่งให้ทันที
               “ยิ้มเพื่อ?” เจอคำถามนี้ไปหุบทันทีครับ
                  “เดี่ยวอย่าไปยิ้มกับมันเลย มายิ้มกับพายดีกว่า อยากไปนั่งตรงนั้นอ่ะ ว่างป่ะ แต่พายอ่ะว่างมาก ทั้งตัวและหัวใจ” น้องพายผมหันมามองที่ข้างๆ ผมว่าน้องคนนี้เริ่มน่ากลัว ผมรีบเอากระเป๋าวางทันที
                 “วางกระเป๋าแล้วอ่ะ” ผมพูด
                 “มึงช่วยรักษาน้ำใจกูนิดหนึ่งน่ะ แหมวางกระเป๋าแล้ว ชิส์!!” จู่ๆ ก็สะบัดบ๊อบใส่ผมซะงั้น

                ผมก็ต้องเกาทายถอยตัวเอง ผมมองบรรดาสมาชิกแก้งนี้ นี้ผมคิดถูกแล้วใช่ไหมเนี่ย ไอ้แจ็คกับหลุยส์นี่ก็ดูโอเค รัศมีความเป็นผู้นำ ส่วนดิวนี้ดูแข็งที่สุดในแก้ง แอ้นี้ดูมีทั้งอ่อนและแข็งไปพร้อมๆ กัน ส่วนดารานั้นก็ดูจะอีโก้สูง สองหนุ่มหน้าหวานอีกคนที่ชื่อบอยดูมีรัศมีความเป็นผู้นำที่มีเมตตาและอีกคนก็ดูน่ารักคล้ายกับบอย พายนี้ดูแล้วน่ะจะเป็นเด็กที่ฉลาดเกินวัย ส่วนอีกสองคนนี้ที่ชื่อต้นข้าวกับบลู ดูแล้วมันก็ธรรมดาแต่มาแก้งนี้ได้ยังไง แปลกน่ะมีครบหมด
              TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.44.1 ไอ้เดี่ยว เพื่อนใหม่ ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 25-02-2024 10:52:30
             
EP.44.1 ไอ้เดี่ยว เพื่อนใหม่ ครึ่งหลัง

                  Part’s เดี่ยว บรรยากาศในห้องเรียนที่มันแปลกไป ปกติพวกภาคินมันไม่ใช่พวกที่ชอบต่อต้านใครมาก่อนน่ะแต่รั้ มันเล่นนั่งเหมือนแบ่งแยกดินแดนกันขนาดนี้ มันต่างกันลิบลับมาก อันนั้นแก้งเด็กเกรียน ถ้าไม่ติดว่าผมก็ถูกชะตาไอ้ดิวผมคงเพ่นไปแก้งไอ้ภาคินแล้วเนี่ยแต่ว่าผมถูกใจไอ้ดิวมันมาก ผมหันมามองไอ้ดิวที่นั่งกับแอ้ แต่ผมดันเผลอแอบมองแอ้ตลอด ทำไมเขาเหมือนบางสิ่งให้สะกดสายตาอยู่ที่เขายังไงก็ไม่รู้ จนกระทั่ง
                “เดี่ยว ไปหาอะไรกินกันวะ” สะดุ้งเพราะมีคนมาเรียกชื่อผม ก็คือไอ้แจ็คมัน ผมรีบกุมหน้าอกตกใจครับ มันเล่นถามผมแบบนี้
                 “เฮ้ยย!! มึงตกใจทำไมว่ะ” แจ็คมันถามผมแต่สายตามันเหล่มองไปทางที่ผมมองอยู่
              “ตกใจดิ เล่นถามตอนทีเผลอแบบนี้” ผมพูดแก้ตัว
                “โทษทีว่ะ ว่าแต่มึงมองใครอยู่ว่ะ ไอ้ดิวหรือว่าไอ้แอ้” ไอ้แจ็คมันถามผม
               “ไอ้ดิว” ผมพูด มันก็พยักหน้า
              “เออว่าจะไปไหนกันวะ” ผมถาม
               “ไปหาอะไรกินกันด้านล่างไง” ไอ้แจ็คมันบอกผม ผมก็พยักหน้าก็ดี
               “แม้เห็นนะแอบมองแอ้เหรอ” มีคนทักผม ผมหันไปมองไอ้คนที่ชื่อบลูนั้นเอง ไอ้ดิวมันหันมามองผมพร้อมกับแอ้
              “จริงดิ มึงชอบแอ้เหรอ” ติ๊กมันถามผมทันที ผมสะบัดหน้าไปมองหน้าติ๊ก
                 “ชอบ...ชอบอะไร..เปล่า” ผมพูดและยิ้มๆ ให้ไอ้ดิวมัน ผมก็ลุกขึ้นพร้อมทันที ผมเดินลงมาพร้อมๆ กับพวกนั้น ก็เดินคุยมากับไอ้แจ็ค ไอ้หลุยส์ พวกมันสองคนก็แนะนำบอยกับธรรณ์
                “ไอ้เดี่ยวมึงจะเอารถไปซ่อมที่ไหนวะ” ไอ้ดิวมันถามผม ผมนะมีอู่ซ่อมรถที่่พ่อผมรู้จักดี เป็นอู่ซ่อมรถที่พ่อผมแต่งรถคันที่ผมได้มาจากพ่อ พ่อเหมือนตั้งใจทำให้ผมโดยเฉพาะและผมก็รู้จักเขาดีนับถือเหมือนเป็นลุงแท้ๆ ของผมเลย
                “กูมีอู่ซ่อมของลุงกูว่ะ เขาเป็นคนที่พ่อกูเคารพ เขาเปิดอู่อยู่ที่นี้” ผมพูดบอกไอ้ดิวว
                “ไอ้ติ๊กมึงอย่าลืมจัดการรถให้มันนะมึง” ไอ้ดิวหันบอกไอ้ติ๊กที่เดินกับแอ้และพาย
                “เออ กูรู้แล้ว ย้ำจัง” ติ๊กพูด
                 “งั้นกูโทรหาเขาก่อนว่ะ” ผมพูดและเดินเลี่ยงไปเพื่อหาที่คุย ผมกดมือถือลุงของผม แม้ไม่ใช่ลุงแท้ๆ ก็เถอะ
                  //ดีวะเดี่ยวแล้วนี่ว่าไง โทรมาหาลุง//
                //ลุงเทพผมกลับมาเรียนที่เดิมแล้วครับ// ผมบอกลุง
              //เออแล้วแม่มึงเขาให้กลับมาเหรอวะ// ลุงเทพถามผม
             //ให้ครับและแม่ผมเขาไปอยู่ต่างประเทศแล้วครับ//
              //เออ ...// ลุงเทพ
              // ผมจะเอารถไปซ่อมนะครับ คือผมต้องลงสีใหม่ //
             //อ้าวทำไมละ เพิ่งลงไปเมื่อปลายปีที่แล้วนิ//
           //คือมี คนมือบอนนะครับยำรถผม// ประโยคนี้ผมพูดเสียงดังหน่อยเพราะว่ามีคนมาแอบฟังผม
          //เวรจริงๆ ใครวะมันทำกับมึงได้ //
         //ถ้าเจออีกทีผมว่าจะจับทำเมียเลยลุง// ผมพูด ไอ้คนที่แอบฟังผมรีบออกมาทันที
           “ปากดีนะมึงน่ะ” นั้นมันออกมาแสดงตัว
            “แอบฟังเหรอ” ผมเอามือปิดโทรศัพท์ของผมและเดินย่างสามขุมเข้าไปหา อีกคนก็เดินถอยหลังหนีผมแต่มันติดกำแพง ผมก็เดินย่างเข้าไปต่อ
              //ลุงผมเรียนนะซิ ถ้าอย่างนั้นลุงมาเอารถผมได้ไหมครับเพราะลุงมีกุญแจสำรองของผมนี่ครับ//
            //เออได้ ได้ เดี๋ยวลุงให้คนไปเอานะ// ลุงเทพพูด ผมก็กดวางสายก่อน เพราะกลัวคนที่มาแอบฟังผมจะหนี
           “หมับ” ผมใช่มือดันกั้นไว้ไม่ให้ออกไปไหนได้ คนที่ยืนแนบชิดติดกับแพง ถึงกับทำตัวลีบ
          “มึงจะทำอะไรกู “ไอ้ติ๊กมันพูด
           “ทำไมไม่ปากดีแล้วละ” ผมถามติ๊ก
             “ปากดีแบบนี้หน้าตบด้วยปากกระชากด้วยลิ้น” ผมพูดผมันก็หลับตาปรี่แต่ก็เหล่ตามองเป็นระยะพอ

             ผมยิ่งเข้าใกล้คนตรงหน้าก็หลับตาปรี๋เพื่อหนีสายตาของผม สายตาอันแหลมคม ผมเป็นคนที่ตาดุเอาเรื่องมากมีคนบอกผมหลายคนแต่จริงก็มีแววเจ้าชู้เหมือนกัน ตอนนี้ผมใช้มันชอนไชมองคนตรงหน้า มันทำให้คนตรงหน้าไม่กล้าสบตาผม มันก็ยิ่งทำให้ผมยิ้มที่มุมปาก
              “แล้วมายื่นแอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน มันเสียมารยาทนะครับคุณหนู” ผมพูด คนที่ผมต่อว่าอยู่ก็ลืมตาโพลงทันที
             “ก็ กูแค่มาแอบฟังให้แน่ใจว่ามึงไม่ได้ต้องการเงินและหลอกว่า” ประโยคนี้ทำเอาผมนี้สั่นหัวเล็กน้อย เสียความรู้สึก
             “นิ กูไม่ใช่คนแบบนั้นว่ะ แค่ต้องการเงินของมึง ถ้ามึงไม่อยากก็ไม่ต้อง กูจัดการได้” ผมขึ้นและเดินถอยหลังจะออกทันที ทำไมพอเป็นไอ้คนนี้มันพูดเรื่องเงินกับผมแล้วผมต้องปรี้ดทันที
             “เฮ้ยย! กูไม่ได้ความว่าแบบนั้น เออ กูเชื่อมึงและกูก็” ผมหันมามองว่ายังไง
             “ไม่อยากเสียคำพูดกับเพื่อนๆ กู มึงงก็ให้เขาทำบิลมาเก็บที่กู” ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้าและเดินออกมาทันทีแต่ผมเดินออกมาเจอไอ้ดิวพอดี
               “มึงจะไปไหนนะไอ้เดี่ยว” ไอ้ดิวมันเรียกผม มันเห็นว่าผมเดินไปอีกทางที่ไม่ใช่ห้องเรียน
                “กูจะไปเอาของที่รถวะเพราะว่าลุงเขาจะส่งคนมาเอารถกูไปซ้อม “ผมบอกไอ้ดิว
                 “ไปด้วยดิว่ะ” ไอ้ดิวมันบอกผม ผมก็ผงกศีรษะว่ามาดิ และไอ้คนหน้าหวานพร้อมกับดาราจอมกวนนั้นก็วิ่งตามมาติดๆ เหลือแต่พายที่กำลังกินน้ำปั่นอยู่กับบอยและธรรณ์แฟนไอ้หลุยส์มัน ผมเดินมาที่ผมจอดรถไว้ โธ่ เอ่ย เปรี้ยวลูกรักของพ่อ ผมคิดในใจ
                   “เวรเลย “ไอ้ดิวพอมันเห็นสภาพรถผม
                  “ไอ้ติ๊กมึงนี้เชี้ยมากว่ะ มึงทำรถมันเละขนาดนี้เลยเหรอวะ” ไอ้ดิวมันพูดแสดงว่ามันก็เป็นคนรักรถมากเช่นกัน และไอ้แอ้ก็ยืนมองแบบเสียดายเช่นกัน
                    “ก็มันดันปากดีด่าพวกเราก่อนนี่หว่า” ไอ้ติ๊กมันแถ ผมก็เปิดประตูหยิบกระเป๋าเสื้อผ้า อาดิดาสและกีตาร์ตัวโปรดของผมออกมา
                   “เออ นี้มึงมาเรียนต้องพกกระเป๋าเดินทางมาด้วยเหรอวะ “ไอ้ติ๊กมันถามผม
                  “กูเพิ่งจะย้ายมาจากหอโรงเรียนเดิมและกูว่าจะมาหาหอพักแถวนี้ “ผมหันไปบอกพวกมัน
                “อ้าวมึงไม่มีบ้านทีนี้เหรอวะเดี่ยว” แอ้มันถามผม หน้าหวานแต่ดูมันพูดหมดราคาเลย คือผมคาดว่าน่าจะพูดจากหวานๆ เพราะๆ เข้ากับหน้าตานิดนึงน่ะ และผมก็อุตส่าห์แอบชอบแต่ผมคิดว่าผมคงเข้าไม่ถึงเพราะไอ้ดิวนี้แหละและผมเองก็เป็นคนไม่ชอบแย่งของใคร ถ้ายกให้ก็ว่าไปอย่าง
                “ไม่มีหรอก แม่เราขายไปแล้วตั้งแต่พ่อเราเสีย” ผมพูดกับแอ้
               “เออ พวกกูมีห้องว่างวะแต่ยังไม่มีเฟอร์นิเจอ มึงเข้าไปอยู่ก่อน พวกกูจะขอพ่อพวกกูให้เอาเฟอร์เข้ามา” ไอ้ดิวมันพูด
              “อะไรนะ” ไอ้ติ๊กมันทำท่าจะค้าน
              “ทำไมวะ กูว่าไอ้หลุยส์ไอ้แจ็คมันก็เห็นด้วยกับที่กูพูด “ไอ้ดิวมันพูด
               “เฮ้ย! ไม่เป็นไร” ผมทำท่าจะปฏิเสธเช่นกัน
              “ไม่เอานะ อยู่กับพวกกู บ้านกว้างวะ” ไอ้ดิวมันพูด ไอ้แอ้มันพยักหน้าอีกคน ผมก็โอเค
              “อะไรวะ ไอ้นี่มาไม่ทันถึงวันเลยได้นั้นได้นี้” ติ๊กที่ทำท่างอดแงดใส่ และพาแอ้เดินออกไปทันที
              “อย่าไปถือสามันเลยวะ แต่จริงๆ มันเพื่อนที่ดีนะโว้ย” ไอ้ดิวมันพูด ผมหยักไหล่ น่าจะนะ แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นข้อดีเลย แต่มันก็ยิ่งทำให้ผมอยากแกล้งมากขึ้น
               “ถ้าอย่างนั้นก็เอาของมึงไปใส่ไว้ที่รถกูว่ะ กูเอารถมาใช้ ช่วงนี้มึงก็ใช้รถกูแทนได้นะโว้ย เพราะว่าพวกกูก็มีรถที่มารับส่งอยู่แล้ว “ไอ้ดิวมันพูด ผมก็พยักหน้าตามนั้น พวกไอ้ดิว แอ้ อีกคนก็จำใจช่วยจะดีกว่า ช่วยผมขนของไปใส่ไว้ในรถของไอ้ดิวที่จอดไปไม่ไกลกันมาก
                “มึงเล่นกีตาร์ด้วยเหรอว่ะ” ติ๊กมันถามผม ผมหันไปหยักคิ้วให้เพรวาะติ๊กมันถือกีตาร์โปร่งของผมอยู่ กีตาร์ตัวนี้ผมรักเลย พ่อผมซื้อเอาไว้ก่อนที่พ่อจะเสียไม่กี่เดือน ผมนำสำภาระทุกอย่างใส่ไว้ในรถดิวและพากันเดินกลับมาที่ห้องเรียน
                “เฮ้ยแจ็ค หลุยส์ พวกกูชวนไอ้เดี่ยวไปอยู่บ้านพวกเราว่ะ” ดิวบอกไอ้แจ็คกับไอ้หลุยส์ มันหันมามองผม
               “ดีเลยวะ ว่าแต่ห้องนั้นไม่มีเฟอร์นิเจอนี่หว่า” แจ็คพูด
                “กูจัดให้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเฟอร์มา” ไอ้หลุยส์พูดและมันก็โทรศัพท์ทันทีสั่งเฟอร์นิเจอร์ ไอ้นี่มันไวมาก ผมหันนั่งดูพวกสาวๆ ขอเรียกสาวๆ นะเพราะดูก็รู้ว่าน่าทะนุถนอม แอ้ ติ๊ก พาย เขาคุยกัน
              “เดี่ยว” ผมหันไปมองคนที่เรียกชื่อผม ไอ้ภาคิน
             “ไงวะภาคิน” ผมหันไปทักทายมัน พวกเพื่อนมันมองผม โดยเฉพาะไอ้โซ่ ไอ้นี่มันต่อยกับผมมาแล้ว เรียกว่าแลกหมัดกันหน้าตาปูนไปหมดแต่คนที่สภาพย่ำแย่ก็คือไอ้โซ่ ไอ้นี่ปากหมานขั้นเทพ ผมว่ามันจำไม่มีวันลืมแน่ๆ ในตอนนั้น ผมมองหน้าไอ้ภาคินอีกทีว่าไง
             “กูไม่คิดว่ามึงจะกลับมาวะ” ภาคินมันถามผม
               “กูก็คิดว่าจะไม่กลับแล้วแต่กูคิดอีกที กูควรจะกลับมาว่ะ แต่ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นใคร มึงรู้ดีว่าทำไม” ผมหันไปบอกไอ้ภาคินและหันมาหยักคิ้วให้ไอ้ดิวและพวกเพื่อนๆ มันที่หันมองผมสลับไปมากับไอ้ภาคิน
              “ยินดีวะ” ไอ้ภาคินพูด
             “มึงงจะบอกเพื่อนมึงก็ได้นะว่ากูกลับมาแล้ว มันคงคิดถึงกูมากว่ะ” ผมบอกไอ้ภาคิน เพื่อนมันที่ผมหมายถึงนั้นคือไอ้ธงรบ ไอ้นี่ปลาไหลตัวพ่อ มันเอาหมดทัั้งชายและหญิง แม้กระทั่งแฟนของไอ้ภาคินมันยังเอาเลยแต่ก็อย่างว่าแฟนไอ้ภาคิน มันอ่อยเขาด้วยแหละ แฟนมันเป็นผู้หญิงแต่ตอนนี้ผมไม่รู้รสนิยมมันแล้ว ผมมองคนข้างๆ ที่ไม่คุ้นเคยดูน่าจะเพิ่งมาใหม่หลังจากที่ผมโดนพักการเรียนและย้ายไปเรียนที่อื่น เขายิ้มเจื่อนๆ มาให้ผม
              “มันคงจะรู้เองในไม่ช้าเพราะว่ามันก็เทียวไปเทียวมาอยู่ที่นี้ ไอ้นี่มันบ้าวะ กูคงห้ามไม่ได้น่ะถ้ามันเจอมึง แต่มึงคงไม่กลัวมันหรอกว่ะ “ไอ้ภาคินพูดและเดินหันหลังทำท่าจะเดินออก
              “กูก็พร้อมวะ มึงน่าจะรู้ดีว่าเรื่องวันนั้น มันสมควรโดนว่ะ” ผมพูดกับไอ้ภาคิน ภาคินแค่หยุดชะงักก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อและพวกเพื่อนๆ มันก็เดินตามออกไปทันที
              “คุยกันได้คุสาดมาก มึงมีความหลังกับมันเหรอวะ” ไอ้ดิวมันกระซิบถามผมทันที
               “มี กับเพื่อนมัน พวกมันกูก็มีกับไอ้โซ่ว์ เพราะว่ามันปากเสียกับกู แต่ เห็นไอ้โซ่ว์ปากแบบนี้ มันโคตรรักเพื่อนเลยวะ” ผมหันมาบอกไอ้ดิว ไอ้ดิวชี้ที่ไอ้โซ่นี่น่ะ
               “กูกับมันเป็นเพื่อนกันก็หลังจากได้ปล่อยหมัดใส่กันเหมือนกูกับมึงอ่ะ และวันหนึ่ง ขณะที่กูกำลังขับรถมอเตอร์ไซด์กลับบ้าน” ผมพูด ไอ้ดิวมันขมวยคิ้วมองผม
                 “เมื่อก่อนกูชอบแว่นบอกตรงๆ แต่อายุยังไม่ถึงที่จะทำใบขับขี่ไง” มันพยักหน้าว่าให้เล่าต่อ
                 “ก็มีคนดักทำร้ายกู มันอัดกูด้วยไม้เบสบอลและคนที่เข้าไปช่วยกูคือไอ้โซ่ กูสองคนแม่งสู้กับพวกมันที่เข้ามารุมสี่ห้าคนได้แต่ว่ากูสองคนก็กอดคอกันกลับบ้านสภาพแย่แต่ก็ได้เพื่อนว่ะ” ผมบอกไอ้ดิว ไอ้ดิวมันพยักหน้า
               “และมาอีกครั้งไอ้โซ่มันโดนรุมเพราะว่ามันดันไปหลี่แฟนเด็กสถาบันอื่นกูก็ช่วยมันเอาไว้และนั้นก็ยิ่งทำให้มันกับกูเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน” ผมบอกไอ้ดิว
               “พวกมันก็มีดีใช่ไหมวะ” ไอ้แจ็คถามผม
              “ดีมากถ้าพวกมึงได้มันเป็นเพื่อนว่ะ” ผมพูด
              “แต่สำหรับกูพวกมันทำให้พี่กูติดคุก” ไอ้ต้นข้าวพูดโพล่งขึ้นมาแต่ไม่ดังมากกลัวมันได้ยินแน่ๆ
              “พี่กูเป็นหัวหน้าแก้งพวกมันไง มึงไม่ทันพี่กูเหรอวะไอ้เดี่ยว” ผมก็ถลึงตาที่ไอ้ต้นข้าวพูดก่อนจะทำท่าคิด
              “พี่มึงพี่ข้าวปั้นเหรอวะ ที่เป็นหัวหน้าแก้ง”
               “เอออะดิ มึงจำได้แล้วหรือไง”
               “กูจำมึงไม่ได้แต่กูจำพี่มึงได้และ” ผมกำลังจะพูด
               “พี่มึงไม่ได้ติดคุกเพราะไอ้พวกนี้ พี่มึงนะมีผู้หญิงจากคอนแวนด์มาติดและคนนี้สวยมากจนเข้าตาพี่บอส ที่เป็นเพื่อนสนิทพี่มึงน่ะ “ผมพูดเพราะผมรู้เหตุการณ์วันนั้นผมโดนย้ายไปก่อนแล้ว ไม่ซิ โดนไล่ออก แต่ท่านผอ ใจดีให้ผมมีโอกาสย้ายไปต่อที่อื่น ไม่อยากนั้นผมคงลอยแพไม่มีที่เรียนแน่ๆ
               “พี่กูโดนหักหลังเหรอวะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูดด้วยสีหน้าที่ตกใจ ผมพยักหน้าแค่นั้น
               “กูคิดว่าไม่ใช่ว่ะ กูว่ามีคนทำให้พี่มึงติดคนเดียวและคนนั้นพี่มึงน่ะรู้จักดีแตไ่ม่ใช่พวกพี่แฮกซ์ กูได้ยินพี่แฮกซ์เขาเตือนพี่มึงอ่ะแต่ว่าวันนั้นกูมาเรียนวันสุดท้ายแล้ววะ"ผมพูด
                  "กูรู้แค่นี้ จะมีเรื่องอื่นอีกมั้ยกูไม่แน่ใจว่ะ แต่ที่แน่ๆ พวกไอ้ภาคินไม่รู้เรื่อง มันเคารพพี่มึงกันทุกคน กูก็ด้วย ” ผมบอกไอ้ต้นข้าว มันทำหน้าเสียใจขึ้นมาทันที
                “ไอ้บอสไปไหนวะ กูไม่เคยเห็นมันอีกเลย” ไอ้ต้นข้าวพูดมันคงอยากเอาคืนไอ้บอสแต่ไอ้นี้นี่นะ ผมส่ายหัวมันเด็กอนุบาลสำหรับไอ้บอสถ้ามันยังอยู่ แต่
                  “ไอ้บอสมันก็ถูกพ่อแม่มันส่งไปเรียนต่างประเทศก่อนที่ลูกเขาจะติดคุกเพราะยาเสพติดไง “ผมหันไปบอกไอ้ต้นข้าว
                  “ไอ้นี่คือคนแรกที่ดึงยาเข้ามาในโรงเรียนนี้และกูคิดว่ามันมีคนสืบต่อว่ะ กูรู้แค่ว่ามันรู้จักกับลูกชายนักการเมืองและเป็นคนที่มีคนนับหน้าถือตา มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อฟอกเงินด้วย “ผมพูดกับพวกแจ็ค
                “ไอ้เชี้ยเอ๊ย” ไอ้แจ็คมันสะบด ทำเอาผมนี้ตกใจ มันด่าผมทำไม
               “มึงไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมพึ่งโผ่มาว่ะไอ้เดี่ยว มึงช่วยพวกกูได้เยอะเลยว่ะ” ไอ้แจ็คพูด
               “แล้วพวกกูอะ” ไอ้ต้นข้าว
                “ไม่เลย ได้แต่ทำน่ารักไปวันวัน ห่าน!” ไอ้ติํ๊กมันพูด พวกผมก็หัวเราะเพราะมันทำหน้างอนนั้นเองไอ้ต้นข้าว พวกผมนั่งเรียนช่วงบ่ายกันจนได้เวลาเลิกเรียน
                “พวกกูถูกส่งมาแก้ปัญหาโรงเรียนนี้ไง กูว่ามึงนี้แหละที่จะช่วยพวกกูได้” ไอ้แจ็คพูด ผมชี้ตัวเองผมนี้
                 “ไหน ไหนก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ช่วยกันหน่อยแล้วกันเพื่อน” ไอ้แจ็คพูดแต่จะว่าไปก็ถลำเข้าแก้งพวกมันมาขนาดนี้แล้ว ผมก็พยักหน้าก็ได้ว่ะ
                   “ดีล!!” มีจับมือด้วยเหมือนทำสัญญากันเลยว่ะแต่ผมก็ยอมรับก็ได้เพราะว่ามันช่วยให้ผมได้เรียนห้องนี้และไม่ถูกส่งกลับไปเรียนที่เดิมเพราะมีเรื่องชกต่อยกัน
                  “กลับบ้านกันเถอะวะ” ไอ้ดิวพูด พวกผมเดินพากันลงไปชั้นล่างด้วยกัน
                    “กูหวังว่าจะไม่มีใครมาดักรอกระทืบอีกนะ ขอพักบ้างเหอะ” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมหันมามองทุกคนแต่ล่ะคนก็พยักหน้าว่าจริง
                   “แสดงว่าพวกมึงงานเข้าเยอะละซิ” ผมพูดปนหัวเราะ
                  “เออ แม่งทุกวันเลยวะ” ไอ้แอ้พูด ผมก็ยิ้ม คนนี้มันพูดน้อย ผมหันเจอไอ้ดิวมันยิ้มให้ผม ผมก็รีบมุดหลบเดี๋ยวมันรู้ว่าผมแอบชอบแอ้ ไม่รู้ผมรู้สึกใจสั่นๆ เวลาแอ้ยิ้มแต่ผมก็รู้สึกอยากจะแกล้งไอ้ดารา เห็นมันทำหน้าโกรธหน้างอนแล้ว มันมีความสุขแปลกๆ แต่ว่ามันจะมาทำเหมือนโกรธผมทำไมนั้นซิ ผมไม่ได้ไปทำอะไรให้สักหน่อย
                 TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.45 (เดี่ยวXติ๊กXปู)สองคนที่แตกต่าง 1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 26-02-2024 20:17:45
EP.45 (เดี่ยวXติ๊กXปู)สองคนที่แตกต่าง 1

            Part's เดี่ยว ผมเดินตามทุกคนลงมา ตอนแรกผมว่าจะพักที่โรงแรมก่อนดูลาดเลาว่าจะอยู่ที่นี้ได้ไหม แม่ผมอยากให้ผมไปเรียนที่ออสเตรเลียเพราะว่าแฟนใหม่แม่ผมเป็นคนออสเตรเลียและผมก็ได้วีซ่าติดตามแม่เรียบร้อยแล้วผมแค่เคยไปและไปเรียนภาษาตอนที่ผมถูกพักการเรียนแต่ว่าใจผมอยากกลับมาอยู่ทีนี้มากกว่า ที่ผมคุ้นเคยมากกว่า
            ผมหันไปมองรอบๆ ทุกอย่างก็ดูปกติดีน่ะ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจกลับมาผมได้ยินมาว่าโรงเรียนนี้มีพวกเด็กถิ่นอื่นมาปั่นป่วน ทำให้นักเรียนหลายคนย้ายหนีไปเรียนที่อื่นกันแต่น่าแปลกที่พวกไอ้ภาคินมันยังเลือกที่จะกลับมาเรียนที่นี้หรือไม่คิดอีกทีมันอาจจะไม่มีที่ไปแล้วก็ได้ โดนพักการเรียนโดนขึ้นบัญชีดำขนาดนั้น
               มีนักเรียนเดินผ่านพวกผมไปมาเพื่อพากันกลับบ้านกันแต่จะมีนักเรียนที่เป็นเด็กม.3ขึ้นไปก็จะพาตกใจผมกันเพราะว่าเมื่อก่อนผมสายโหด ไม่มีใครกล้าตอแยกับผมกัน ผมยอมรับว่าผมเลือดร้อนมากจนกระทั่งหลังจากที่พ่อผมเสียชีวิต ผมต้องอยู่กับแม่ ผมเลยไม่อยากทำให้แม่เสียใจมากไปกว่านี้อีก เพราะหลังจากที่พ่อจากไปแม่ก็เงียบลง ไม่เหมือนเดิม และนั่นแหละผมเลยต้องไม่ทำให้แม่แย่ลงไปกว่านี้
             “เดี่ยวมึงไปรถคันเดียวกับไอ้ติ๊กให้กูทีดิว่ะ กูมีเรื่องจะคุยกับแอ้ว่ะ ไอ้นี่มันไม่เปิดโอกาสให้กูคุยกันเลยว่ะมึง “ไอ้ดิวมันพูด พอติ๊กได้ยินมันทำท่าจะหันมาแต่ผมจับแขนมันไว้ซะก่อนและล๊อกเอาไว้เลย ไอ้ดิวมันก็ดึงแขนแอ้วิ่งไปอย่างรวดเร็วและพาแอ้ไปขึ้นรถกระบะของดิวมันทันที
              “จับกูไว้ทำไม” ติ๊กหันมาถามผม
              “นั่งด้วยกันไม่ได้เหรอ รังเกียจเหรอ” ผมพูดและยิ้มให้พายที่กำลังจะก้าวขาขึ้นรถไป
              “เดี่่ยว…พายรอในรถนะ จ๊วบๆ” น้องพายผมก็ยิ้ม พยักหน้าว่าได้ ผมมองหน้าติ๊ก
              “จ๋าพาย” ผมพูดเพราะกับน้องพาย ผมเห็นไอ้ดิวและแอ้มันขับรถออกไปแล้ว เหลือแค่ติ๊กที่มองผมแต่ยังไม่ยอมขึ้นรถ ติ๊กมันขบฟันจนเสียงกรอดๆ
                “จะให้อุ้มขึ้นรถเหรอครับคุณหนู” ผมกระซิบที่ข้างหูติ๊ก
                ติ๊กมันสะบัดหน้ามามองผม ผมก็เลิกคิ้วว่าจะเอายังไง แต่ไม่มีการตอบรับ ผมก็ถลกแขนเสื้อขึ้นเหนือหัวไหล่จะได้อุ้มแต่อีกคนก็รีบพล้วดเข้าไปในรถทันที ผมก็ตามเข้าไปนั่งแต่นั่งตรงข้ามกันเพราะนี้มันรถลีมูซีนที่นั่งได้สี่คนหันหน้าเข้าหากัน
                “เดี่ยวจร๊า” น้องพายเรียกผมเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมหันไปมองว่าไง
               “อีพาย กูอยากให้พี่แพท พี่พีชเห็นมึงแบบนี้จริงๆ ให้กูถ่ายคลิปส่งให้ไหมล่ะ” ติ๊กพูด พายก็หันมาค้อนขวับๆ เลย
                “เดี่ยว.... มันอิจฉาน่ะ” พายพูดผมก็ยิ้มพยักหน้า และหัน หยักคิ้วให้คนหน้างอที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับผม จะว่าไปลีมูซีนนี้หรูใช่เล่นนะ มีอุปกรณ์สารพัด เหมือนโฮมเธียเตอร์เคลื่อนที่เลย นี้เป็นครั้งแรกของผมที่ได้นั่งรถหรูแบบนี้ แต่ผมจะไม่ยอมเสียเงินซื้อรถแบบนี้เด็ดขาด จะว่าไปก็ขึ้นเปรี้ยวลูกรักของผม รถอีซูซุ แต่งสีเขียวมีลาย
               “ถึงแล้วก็ลงไปซิ นั่งกว้างอยู่ได้” ไอ้ติ๊กมันบอกผม
                  ผมก็รู้แล้วแหละเพราะว่ารถจอดสนิทขนาดนี้ถ้าไม่ถึงเขาจะจอดทำไมล่ะ แต่ผมแกล้งใครบางคนอยู่ ผมก็ค่อยๆ ก้าวเท้าลงจากรถช้าๆ เพื่อถ่วงเวลา ทันทีที่ผมลงมาผมก็หันไปเห็นรถไอ้ดิวตามมาทีหลัง นี้ขนาดขับออกมาก่อนยังถึงที่หลังแสดงว่าไปแอบคุยกันตรงไหนแน่ๆ และไอ้ดิวก็ขนของผมลงมาจากกระบะหลังที่มีที่ปิดอย่างดี พี่คนขับรถก็ตรงเข้าไปช่วยขนเช่นกัน
              “ไม่เป็นครับคุณหนู ผมเอาเข้าไปให้ในบ้านครับ” พี่คนขับรถบอกผม แต่ผมเกรงใจเพราะว่าผมก็ไม่ใช่ลูกเจ้านายเขาซะด้วย
               “ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณหนูหรอกครับและผมถือไปเองดีกว่าเกรงใจครับ” ผมพูด
               “ถ้าเขาอยากถือพี่วางเอาไว้นี้แหละครับ ขอบคุณนะครับ” ไอ้ติ๊กมันพูดบอกพี่คนขับรถ พี่เขาก็ว่างของลงแบบเกรงใจเพราะว่าติ๊กสั่งเขาแบบนั้น
                “ขอบคุณครับพี่” ผมกล่าวขอบคุณและกำลังจะยกกระเป๋าเดินทางของผมและกีตาร์
               “พายช่วยถือให้เอาไหมเดี่่ยว” พายยิ้มตาหยีมาหาผม แอ้และดิวนะช่วยถืออย่างอื่นไปแล้วไง ผมหันไปพยักหน้าให้พาย
               “อีพาย ปกติมึงแทบจะไม่เคยเอ่ยปากช่วยคนอื่นเขาถือ แล้ววันนี้อะไรเข้าสิงมึงเหรอห๊ะ! หรืออยากมีส่วนร่วม” ติ๊กถามพาย พายขอช่วยผมถือกีตาร์
                “ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิงนะแต่รู้ว่าเดี่ยวน่ะสิงอยู่ในใจพาย ...เลิฟยู” พายผมก็เอามือเกาหัวแกรกๆ มามุขนี้เลยเหรอ
                “ทำไมอะ ไม่ฟินเหรอ ...เอาใหม่” พายพูดและทำนิ้วเลิฟยูอีกที ผมว่าผมงงมากกว่าฟินอีกน่ะครับ
                “ผลั่วะ! “จากติ๊กหนึ่งที่ นี้เขาหยอกเล่นกันแรงแบบนี้เลยเหรอ
                 “อะไรอีนี่นิ” พายหันขวันไปหาติ๊กทันที
                   “เอามานี้กีตาร์นะ ถือแบบนั้นเดียวก็เสียหมด ขาก็สั้นยังทะลึ่งอีก” ติ๊กพูดและดึงกีตาร์ผมไปจากพายและถือเข้าบ้านไปเลย
                   “มันแอบชอบเดี่ยวแน่ๆ เชื่อเรานะ เรารู้จักมันดีแต่มันเป็นประเภท ดาราอ่ะ อีโก้สูงไงเดี่ยว” พายกระซิบบอกผม ผมเดินเข้ามาในบ้าน
                  “เดี่ยวขึ้นห้องพักก่อนไหมวะ เพื่อมึงจะจัดห้องนอนมึงก่อน อาบน้ำและลงมาทานอาหารกันว่ะ “ไอ้ดิวมันพูด ผมพยักหน้าแต่ผมไม่เห็นติ๊กแล้ว
                  “มันลากเมียกูขึ้นไปอีกแล้ว” ผมได้ยินแบบนั้นผมก็หันมาเหล่ตามองมันนี่มันเรียกแอ้ว่าเมียเลยเหรอ แสดงว่ามันสองคนคงก้าวข้ามคำว่าแอบรักไปนานแล้ว
                  “ตกลงมึงกับแอ้” ผมถามไอ้ดิวระหว่างที่เดินขึ้นไปชั้นสอง ไอ้ดิวก็ช่วยผมถือของขึ้นไปด้วย
                  “ใช่กูกับแอ้เป็นแฟนกันในเชิงพฤตินัยแต่แสดงออกไม่ได้ อึดอัดชะมัดวะ” ผมหันไปมองหน้ามันมีแบบนี้ด้วยเหรอวะ
                    “กูสองคนมีบางสิ่งที่...." ดิวท่าอยากจะอธิบายแต่ดูแล้วน่าจะยากจริงๆ " โอ๊ย กูไม่รู้จะอธิบายยังไง พวกไอ้แจ็ค และทุกคนก็ไม่รู้มึง มันบอกไม่ได้อ่ะ แอ้อ่ะ กลัวไปทุกอย่างแม้กระทั่งตัวกูเองมันก็กลัว “ไอ้ดิวพูด ผมก็รับฟัง มันพูดเหมือนมันอึดอัดจริงๆ พอเดินมาถึงห้องในสุด
                 “นี้ห้องมึงวะ ขาดเหลืออะไรบอกได้เลยน่ะ “ไอ้ดิวมันพูดและผมก็เปิดประตูเข้าไป เห็นเฟอร์นิเจอร์แล้วก็ต้องตกใจนี้โรงแรมห้าดาวชัดๆ เลยวะ
                 “ดีไปไหมวะ” ผมหันมาถามไอ้ดิว
               “เอานะ เพื่อนพวกกูแล้ว” ไอ้ดิวมันพูดและทำท่าจะเดินกลับไปห้องพักมัน
               “กูอยู่ถัดจากห้องมึงไปนะ แต่บางคืนอาจจะได้ยินอะไรแปลกๆ จากห้องกูบ้างอย่าว่านะโว้ย!” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองมันว่าอะไรแปลกๆ วะ ไอ้ดิวมันหันซ้ายแลขวา
               “แบบซี้ดอ้าห์อะไรแบบนี้” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็ยกนิ้วโป้งให้เลย และดิวมันก็กำลังจะหันหลังออก
               “ดิว” ผมเรียกชื่อมัน
               “มีอะไรคุยกับกูได้วะ กูซื่อสัตย์กับเพื่อนกูทุกคน” ผมพูด ไอ้ดิวมันยิ้มให้ผม
                “ใจวะ “ไอ้ดิวมันพูดและมันก็เดินกลับไปที่ห้องพักมัน ผมเห็นแอ้กำลังเปิดประตูออกมาจากห้องที่ตรงข้ามกับห้องไอ้ดิว แอ้มันมองผมและเดินตามดิวเข้าห้องไป ผมก็ได้แต่ยืนมอง ยังไม่ได้รักเลยอกหักแล้วกู ผมคิดในใจ

               ผมจัดข้าวของเข้าที่และก็อาบน้ำแต่งตัว จะว่าไปก็เกรงใจพวกมันเหมือนกัน ผมรู้สึกว่าผมกับไอ้ดิวมีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายๆ กัน ชอบอะไรที่คล้ายกัน แถมยังมีครูมวยคนเดียวกับผมอีกนั้นคือพ่อของผมเอง ผมเห็นข้อความของแม่ผมส่งมาหา แม่ผมแต่งงานกับชาวต่างชาติหลังจากที่พ่อผมเสียไปได้ห้าปี
               แม้ว่าผมจะยังเสียใจแต่ผมก็เข้าใจแม่ แม่บอกผมว่าชีวิตต้องดำเนินต่อ และฝรั่งคนนี้ก็รักแม่ผมจริง ผมเจอเขาสองสามครั้ง แต่แม้จะไม่ค่อยได้เจอ พอแม่กลับมาเขาก็ฝากของมาให้ผมตลอด ผมรู้แค่ว่าเขาเป็นนายทหารที่ปลดระหว่างแล้วแต่มีเงินไว้กินไว้ใช้เหลือเฟือ แต่ว่าผมแทบจะไม่เคยเบียดเบียนเงินเข้าเลย ผมเอาเท่าที่จำเป็นแต่แม่ผมก็คอยส่งใส่บัญชีให้ผมตลอด จนผมก็พอมีเงินเก็บกับเขาบ้าง
               “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องพัก
              “ไม่ได้ล๊อก” ผมบอกคนที่เคาะประตูห้องนอนผม
              “เดี๋ยวกินข้าวว่ะ “ไอ้ดิวนี้เอง ผมก็พยักหน้า ผมเห็นแอ้ออกมาพร้อมมัน
              “วันนี้ไอ้ตัวดีเขาเป็นอะไรสงสัยมึงทำคุณไสยใส่แน่ๆ ปกติมันจะต้องมาลากเมียกูไปอยู่ประจำห้องมัน พาไปอาบน้ำประแป้งให้ด้วย จนใครๆ ก็มองว่ามันเมียน้อยกูแล้ว” ไอ้ดิวพูด ผมสะบัดหน้ามามองแอ้ นี้แอ้มันเป็นทั้งรับและรุกเลยเหรอวะ
              “โอ๊ย!  แอ้! “แอ้มันบิดหัวนมดิวซะมันร้องเสียงหลงเลย ผมว่าถ้าเล่นแบบนี้ใช่แล้วแหละผัวเมียกัน ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างพร้อมกัน ผมเห็นพวกไอ้แจ็คและเพื่อนๆ นั่งกันที่ห้องนั่งเล่น ผมเดินเข้าไปกับไอ้ดิวและแอ้ ก็เห็นไอ้ป๊อด คู่กรณีผมอีกคนแต่ผมไม่ถือสามันหรอกมันยังเด็กและมันก็เป็นคนกตัญญูแต่ที่ทำลงไปก็คงเพราะจำใจ
               “พี่เดี่ยว” ไอ้ป๊อดมันเรียกผมและยกมือไหว้ผม
               “เออ ไอ้ป๊อด” ผมทักมันและนั่งลง ดูหน้าไอ้ป๊อดเปลี่ยนเป็นสีซีดขึ้นมาทันที
               “เป็นอะไรวะป๊อด หน้ามึงซีดยังกับจะเป็นลม” ไอ้แจ็คถามไอ้ป๊อดและขำมันด้วย
              “มันเจอคนที่คุณก็รู้ว่าใครเข้าไง” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมหันไปมองไอ้ป๊อด มันเป็นเด็กที่เคยอยู่ในแก๊งของภาคิน มันซ่ามาตั้งแต่ประถมก็ว่าได้เพื่อจะได้เข้าแก๊งไอ้ภาคินตอนที่มันได้มาเรียนมัธยมและมันคงคิดว่าเท่ที่สนิทกับพวกพี่ๆ ที่เป็นหัวโจ๊กของโรงเรียน ดังนันไอ้ป๊อดจะรู้จักผมดีพอสมควร แต่ว่ามันเล่นเรียกผมว่าไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครเลยเหรอ ไม่มีใครรู้หรอกว่าความจริงแล้วที่มันน่าซี้ดเพราะว่ามันเคยหักหลังผมแต่ที่มันทำเพราะมันโดนขู่จะทำลายร้านแม่ของมัน มันไม่อยากให้แม่มันเดือดร้อน
             “ว่าไงป๊อด!” ผมถามมันอีกครั้ง มันก็สะดุ้งสุดตัวเช่นกัน
              “มึงจะตกใจกูทำไมป๊อด กูไม่ว่าอะไรกับมึงหรอกกูเข้าใจ” ผมพูด ไอ้ป๊อดมันยิ้ม
              “ผมขอโทษจริงๆ พี่เดี่ยว วันนั้นผมโดนขู่ถ้าไม่ช่วยมันจะพังร้านแม่ผม” ไอ้ป๊อดพูด
              “เออ...เรื่องมันแล้วไปแล้ว ช่างมันเถอะ” ผมพูด
              “เออ มาเข้าเรื่องป๊อด คนไหนวะที่มึงบอกกูว่าจะให้มาสืบอะ ได้ยัง กูรออยู่และกูรีบ” ไอ้แจ็คมันไอ้ป๊อด มันจะจ้างคนสืบเลยเหรอวะ
              “สืบใครวะ” ผมหันมาถามพวกมัน
              “พวกไอ้ภาคินวะ อยากได้ข้อมูลว่ามันคือใครอะไรยังไงและเพื่อนๆ มัน” ผมก็พยักหน้า จะว่าไปผมรู้แต่ไม่ลึกมาก จะเสนอตัวผมก็ว่ามันสืบดีกว่า และจะได้ข้อมูลที่อัปเดตกว่าผมแน่ๆ
              “ได้ครับพี่แจ็คและวันนี้พี่เขามาด้วยครับ พี่เขาชื่อพี่ปู เดี๋ยวผมไปเรียกให้ครับ” ไอ้ป๊อดพูดและรีบวิ่งออกไปไม่ถึงสิบนาทีมันก็กลับเข้ามาพร้อมกับหนุ่มน้อยหน้ามน หน้ามนจริงๆ ตัวเล็กๆ ขาวๆ มายืนตรงหน้าไอ้แจ็ค และพอไอ้แจ็คมันเงยหน้าขึ้น มันก็ตกใจ เกือบจะทุกคนเลยก็ได้
              TBC...

หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.45 (เดี่ยวXติ๊กXปู)สองคนที่แตกต่าง 2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 27-02-2024 13:26:42
EP.45 (เดี่ยวXติ๊กXปู)สองคนที่แตกต่าง 2

                    Part’s เดี่ยว หลังจากที่ผมเข้าไปอยู่บ้านเพื่อนใหม่ พวกนี้ก็กล้าซื้อใจผมโดยพาผมเข้าไปอยู่ในบ้านทั้งที่พึ่งจะเจอกันวันนี้เองแต่ว่ามันก็ซื้อใจผมไปทั้งหมดแล้วเหมือนกัน  ผมไปเจอไอ้เด็กที่ชื่อไอ้ป๊อดพูด ไอ้เด็กคนนี้เคยหักหลังผมเพราะว่าไอ้คนที่มีปัญหากับผมขู่จะทำลายร้านแม่มัน มันก็ไม่อยากโดนแม่ด่าและทำให้แม่มันเดือดร้อน เลยร่วมมือกับไอ้คนที่ไม่ชอบหน้าผม ผมเข้าใจมันน่ะเลยไม่โกรธมัน และป๊อดยังมาดูแลพวกเพื่อนๆใหม่ผมด้วย  ป๊อดไปจัดหาคนมาสืบประวัติพวกไอ้ภาคิน ป๊อดรีบวิ่งออกไปเพื่อไปเรียกคนนั้นเข้ามาหาพวกผม ป๊อดวิ่งไปไม่ถึงสิบนาทีมันก็กลับเข้ามาพร้อมกับหนุ่มน้อยหน้ามน หน้ามนจริงๆ ตัวเล็กๆ ขาวๆ มายืนตรงหน้าไอ้แจ็ค และพอไอ้แจ็คมันเงยหน้าขึ้น มันก็ตกใจ เกือบจะทุกคนเลยก็ได้
               “ไอ้ป๊อด มึงจะให้คนนี้เข้าไปสืบเหรือวะ มึงจะบ้าเหรอ ทำไมไม่หาคนที่หน้าโหดๆ” ไอ้แจ็คมันหันไปด่าไอ้ป๊อดทันที
               “พี่แจ็ค พี่ปูนะเก่งนะพี่และพี่เขาร้อนเงินนะตอนนี้ พี่เขาบอกว่าเขาทำได้นะ พี่เขารู้จักคนกลุ่มนั้นและพอจะเข้าไปหาข้อมูลได้” ไอ้ป๊อดพูด
                “เฮ้ย...มันเสี่ยงเกินไปสำหรับเขา” ไอ้ดิวอีกคน
               “นั้นซิบอยก็เห็นด้วยน่ะ มันอันตรายเกินไป” บอยอีกคน
               “ทำไมไม่ให้เราลองก่อนละ ค่อยตัดสินเรา” คนที่ชื่อปูพูด เขาเงยหน้าขึ้นมามอง หน้าตาน่ารักแบบธรรมดา แบบธรรมชาติมาก
                “มาทำนี้ร้อนเงินเหรอ ติดยาด้วยหรือเปล่า” ผมถามขึ้นทำเอาคนที่ถูกผมถามหันขวับมาทันทีสายตานี้คมกริบมากและหันกลับไปคุยกับหลุยส์และแจ็คต่อ หน้าตาที่ดูเรียวสวยราวสตรี ปากนิดจมูกหน่อย ผิวที่ขาวมากตัวก็เล็กบอบบาง
                “ไอ้เดี่ยว!” ไอ้ดิวมันอยู่ข้างๆ ผม มันกัดฟันเรียกชื่อผม
                 “อะไรของมึงวะเนี๊ยะ! เดี่ยว” ไอ้แอ้อีกคนและพวกไอ้แจ็ค หลุยส์มันก็มองผม ธรรณ์คนที่ไอ้หลุยส์มันบอกผมว่าเป็นแฟนมันก็หันไปกระซิบกระซาบกับอีกคนที่เป็นแฟนแจ็คที่ชื่อบอย เขาก็มองผมและขำกันอีก อายเลยผม
                “ก็แบบว่า ร้อนเงินจนทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งงานเสี่ยงนะ มันก็ต้องมีอย่างเดียว” ผมพูดขึ้นแบบแก้เขินหน่อยๆ
                 “และไม่อยากให้หาเรื่องมาให้พวกมึงเท่านั้นเอง” ผมพูดและมองหนุ่มหน้าหวานที่นั่งนิ่ง ที่นี้ไม่พูดตอบละ
                “พี่เดี่ยว คือไม่ใช่แบบนั้นครับ พี่ปูนะเขาต้องการเงินเพราะว่าแม่พี่ปูเขาป่วยมากครับ “ไอ้ป๊อดพูดทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที และแต่ละคนก็หันมามองผมกันหมด
               //เป็นไงละมึง//ไอ้ดิวมันหันมาพูดกับผมให้ผมอ่าน//ก็กูไม่รุ้นี้หว่า//ผมก็หันไปพูดให้มันอ่านปากเช่นกันและหันไปมองหน้าปูที่นั่งทำหน้านิ่งมาก ไม่รู้เสียใจหรือโกรธกันแน่
               //แล้วทำไมมึงไม่เปิดบทสนทนาที่มันดีกว่านี้วะ//ไอ้แอ้หันมาบ่นผมไม่ดัวมาก//ก็ปกติ ถ้าคน ร้อนเงินและทำงานอะไรที่เสียงแบบนี้ก็มักจะต้องการเงินไปซื้อยาไง// ผมพูดกระซิบกับดิวและแอ้
              “แต่นี่” ผมกำลังจะเอ่ยก็มีเสียงมาขัดจังหวะพอดี
              “อะฮืม” ไอ้หลุยส์มันกระแอมที่พวกผมซุบซิบกัน
              “เอาเป็นว่าฉันจ้างนายนะ เอานี่เงิน” ไอ้หลุยส์มันส่งเงินสดให้ปึกหนึ่งเลย ปูรับไปและเงยหน้าขึ้นมองทำหน้างงๆ
               “มันเกินมาหกพันบาทนะ ที่ตกลงกับป๊อดเราเอาแค่สี่พันบาท”
               “พอดีไอ้ป๊อดมันบอกเราไว้ว่าแม่นายต้องการเงินเพื่อไปให้ค่ายาคีโมไม่ใช่เหรอ ฉันให้และน่าจะมีหลายงานเลยรับไว้” ไอ้หลุยส์มันบอกกับปู
                “ถ้าอย่างนั้นก็ไปทานอาหารกันเลยดีกว่าวะ “ไอ้แจ็คมันพูดผมนี้รู้สึกผิดมากแต่ปูเขาก็ทำหน้าได้นิ่งมากจนเดาไอ้ยากจริงๆ ปูลุกขึ้นเดินผ่านผมไปแบบไม่เหลียวตามองผมเลย
                “แหม! มึงนิ ชอบเขาก็บอกเขาไปตรงๆ เลย ทำปากเสียแก้เขิน” ไอ้ดิวมันแซวผมซะดัง ติ๊กหันมามองและเบ้ปากใส่ผมอีก ผมเดินตามไปจนจะถึงห้องอาหาร
               “ปู “แอ้มันเรียกปู เขาก็หันมามองแอ้ แต่แปลกนะทำไมเขาถึงได้ยิ้มละมุนให้แอ้ได้ทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน
               “เออ มีคนอยากขอโทษน่ะ” แอ้พูดและหันมามองผม ผมก็ชี้ตัวเอง
              “ไม่ต้องก็ได้มั้งเพราะดูแล้ว” ปูพูด
              “ไอ้เดี่ยว” ไอ้ดิวมันผลักไหล่ผม
              “น่ะ เขาอยากขอโทษ” แอ้พูดและเดินตามติ๊กและพายเข้าไปในห้องอาหารและตามด้วยดิว ผมก็ยืนมองปู ยิ่งมองใกล้ๆ ผมรู้สึกเขินจนพูดไม่อะไรไม่ออก เป็นคนใบ้ขึ้นมาซะอย่างนั้น
              “มีอะไรก็รีบพูดนะ เราจะได้รีบทำงานของเราและรีบกลับ แม่เรารออยู่ “ปูพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ตามสไตล์ของเขาแต่เขาไม่มองหน้าผมเลยด้วยนี้ซิ
              “คุยยังไง คนที่คุยด้วยไม่มองหน้า” ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ซอร์ฟลงกว่าเมื่อสักครู่
              “ก็” ปูหันมามองหน้าผม ผมยิ้มรอ
              “ตกลงว่ายังไงละ” ปูมองหน้าผมอย่างจริงจัง
              “คือเรื่องในห้องนะ เราปากไว้ ปากไม่ดี เราขอโทษนะ” ผมพูดไปด้วยเอามือรูปหัวตัวเองไปด้วย คือมันเขินด้วย คนตรงหน้าไม่ได้มีอาการรู้สึกเขินผมเลยสักนิด
              “เราเข้าใจว่า เป็นใครก็คงคิดแบบนี้นายคิดก่อนทั้งนั้นแหละ เอาเป็นว่าเราไม่โกรธแล้ว” ปูพูดและทำท่าจะหันหลังเดินออก
              “หมับ” ผมจับมือปู คือว่ามันไวกว่าความคิดของผมซะงั้น ปูหันมามองผมที่ที่จับข้อมือเขาไว้ ผมก็ปล่อยมือเขา
              “มีอะไรให้ช่วยบอกนะ “ผมบอกปู เขาก็ยิ้มให้ผม ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องอาหารและผมก็เข้าไปนั่งข้างไอ้ดิว ไอ้ดิวมันหันมาหยักคิ้วให้ผม ผมก็หยักคิ้วกับ ปูและป๊อดก็จัดการเอาอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะ พวกผมก็ทานกันไป ผมก็หันไปมองปูเป็นระยะ
                “กินปูไหมเดี่ยว” มีคนถามผม
                “กิน ...น่ากินนะ “ผมก็พูดแต่ก็ต้องสะดุ้งมีปูมาจ่อที่ตรงหน้า เป็นปูผัดผงกะหรี่ น้องพายตักมาให้ผม ทำท่าจะป้อนด้วย
                “ขอบคุณครับพาย วางในจานก็ได้ครับ” ผมบอกพาย
                “อยากป้อนอ่ะ “พายพูด
                “ก็เขาบอกว่าเขาจะกินปูไม่ได้กินพาย มึงก็ยังเซ้าซี้เขาอีก อีนี่” อีกคนคือติ๊กพูด
                “พายรสปู” พายพูด
                “ไม่มีอ่ะ” ผมพูดและกลั้นหัวเราะ
                “พี่ๆ ทานกันเสร็จแล้วใช่ไหมครับ งั้นป๊อดเก็บอุปกรณ์เลยนะครับเพราะว่าพี่ปูจะไปดูแม่ของพี่ปูที่โรงพยาบาลนะครับ”
                “อ้าว! แล้วพรุ่งนี้ปูไม่มีเรียนเหรอ” บอยหันไปถามปู
                “มีแต่เราอยากอยู่เฝ้าแม่เรานะ เพราะว่ากลางคืนพยาบาลยุ่งมากและเขาก็อนุญาตให้เฝ้าได้หนึ่งคน” ปูพูด
                “ห้องพักแบบไหนเหรอ” ติ๊กหันไปถาม
                “แม่เราไม่มีสิทธิ์อะไรนอกจากบัตรทอง ก็ได้ห้องพักรวมนะ” ปูพูด
                “อืมม ถ้าเป็นห้องพิเศษแพงมากเนอะ” ติ๊ก
               “ติ๊ก” แจ็คมันเรียกชื่อ และส่ายหัวไปมาว่าอย่าทำ
               “ก็แค่ถามเพราะว่าไม่เคยใช้ห้องพักรวม ไม่ได้เหรอ” ติ๊กมันหันมาถามไอ้แจ็คและติ๊กก็ลุกขึ้นเดินไปเลย
               “เออ วันนี้มันไม่เรียกมึงไปด้วยละแอ้ หรือว่างอนใครหรือเปล่า แถวๆ นี้” ไอ้หลุยส์มันแซวแต่ธรรณ์นะตีที่ไหลหลุยส์
               “ถ้าอย่างนั้นพวกผมไปนะพี่เดี๋ยวจะดึกสำหรับพี่ปู “ป๊อดพูดและก็เก็บทุกอย่างลงหมอใบใหญ่กันสองคนกับปู ผมก็ลุกขึ้นช่วยทันที
                “อู้ยยย! ช่วยกันด้วย สงสัย จะมีเด็กช่วยวางอาหารเพิ่มแล้วมึง” ไอ้แจ็คมันแซวผม ผมก็ช่วยไอ้ป๊อดมันยกออกไปที่รถเพราะไม่อยากให้ปูยก และผมก็ยืนมองรถคันที่มากับพวกป๊อดและปูออกไป นี้แสดงว่าเขาก็ไม่มีรถซินะ เห็นแบบนี้แล้วผมสงสารจับใจเลย ผมรู้สึกถึงตอนที่ผมรู้ว่าผมเสียพ่อผมไปแล้วผมเสียใจมากแค่ไหน
               //สวัสดีครับ ลุงครับ// ผมโทรหาลุงที่ทำสีรถให้ผม
               //ว่าไงเดี่ยวลุงกำลังทำสีให้เอ็งอยู่//
               //ลุงผมขอเอาสีเดิมเพราะลุงจะได้แก้ไม่เยอะ ผมคิดว่าจะไม่ลงใหม่ทั้งคันจะดีกว่า//
               //อ้าวทำไมละ นี้กะว่าสักสองอาทิตย์ก็เสร็จเลย// ลุงบอกผม
               //ผมต้องการรถไว้ใช้ครับช่วงนี้ ผมไม่มีรถนะครับลุง //
              //เออ อันที่จริงก็ไม่มากมาย แก้เฉพาะที่ ก็ไม่น่าจะเกินจากสามวัน เพราะว่ามันเป็นเยอะหน่อยก็ปิดท้ายกระบะ แต่ไม่ยาก ช่วงนี้ลุงมีเครื่องมือค่อนข้างทันสมัยมาลงและห้องอบอีก //ลุงเขาบอกผม
              //งั้นเอาตามนั้นครับลุง// ผมพูดและก็กดวางสาย ผมเดินเข้าบ้านมาก็เจอพวกไอ้แจ็คและหลุยส์ บอยและธรรณ์กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกัน แต่ผมไม่เห็นไอ้ดิวและแอ้
               “พวกนั้นขึ้นห้องไปกันหมดแล้ววะ พวกกูว่าจะคุยกันสักหน่อย” ไอ้แจ้คพูด ผมพยักหน้าและเดินขึ้นผมว่าจะวิดีโอคอลคุยกับแม่สักหน่อยแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผม ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินผ่านห้องนอนติ๊ก หรือว่าจะ
               “มึงหึงเขาก็บอกมาเถอะไอ้เดี่ยวน่ะ พอเห็นเขาจีบปู”
               “กูจะหึงทำไมคนอย่างไอ้เดี่ยว”
               “ก็มึงชอบเขาใช่ไหมล่ะ”
               “กูไม่ได้ชอบมันและถ้ากูจะอยากมีแฟน หาคนที่ระดับเดียวกับกูดีกว่าไหมเพราะว่ากูเป็นลูกเจ้าของโรงเรียนนะโว้ยย “ผมก็เลยไม่กล้าจับลูกบิดเลย ผมก็เดินไปห้องนอนผม ใช่ซิ เขามันลูกเจ้าของโรงเรียนจะมามองผมทำไมวะ
                “ก๊อกๆ” มีคนมาเคาะห้องนอนผม ผมเปิดประตูไปดู ผมเห็นไอ้ดิวมันมายืนและมันก็ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผม ผมหยิบมาคลี่ดู เป็นเบอร์โทร มันเขียนว่าปู เบอร์มือถือของปู
                 “ใช่ กูขอไอ้แจ็คมาให้ กูว่าเขาก็โอเคดีนะ น่ารักดีด้วยและกูก็เห็นมึงมองเขาอยู่”
                 “นี้มึงกลัวกูจีบแอ้ขนาดนั้นเลยเหรอ”
                “กูไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ถ้ามึงจะจีบแอ้และแอ้เขาโอกับมึงกูก็ไม่มีสิทธิ์ขวาง” ไอ้ดิวมันพูด
                “แต่กูเป็นเพื่อนใครแล้วสิ่งที่กูจะไม่ทำกับเพื่อนคือแย่งคนรักเพื่อนวะ” ผมพูดและหยิบกระดาษแผ่นนั้นไป

                   ถ้าผมจะเลือกคบใครสักคน ผมควรจะคบคนที่เขารับผมได้จะดีกว่าไหมเพราะว่ามันน่าจะสบายใจกว่า ผมพลิกกระดาษไปมาก่อนจะเมมเบอร์ลงในมือถือไอโฟนรุ่นใหม่แต่ไม่ล่าสุด เครื่องนี้ผมได้มาตอนวันเกิด พ่อเลี้ยงผมซื้อให้และแม่ผมก็เอามาให้ผมที่ไทยเองด้วย ผมก็เลยลองส่งข้อความไป
                  //เบอร์เดี่ยวนะ พรุ่งนี้ลงมาทานอาหารเข้ากันได้ไหม เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ปากไม่ดี// ผมส่งข้อความหาปู
                  //เหรอ//
                 //น่ะปู มาทานอาหารเช้ากัน//
                //พรุ่งนี้บอกอีกทีนะ ตอนนี้เราต้องปิดมือถือแล้วเพราะว่า พยาบาลเขาบอกห้ามใช้เสียงและเครื่องมือสื่อสารอิเล็กโทรนิกต่างๆ ตอนนี้คนไข้คนอื่นต้องการพักผ่อน พรุ่งนี้เราจะโทรบอกเดี่ยวอีกทีแต่เช้านะ กู้ดไนท์//

               จะว่าไปก็แปลกที่นะ ผมก็เป็นคนที่นอนไม่ค่อยหลับแปลกที่แปลกทาง ก็เลยหยิบเอากีตาร์เครื่องโปรดมาเล่นเพลงที่ผมชอบ ผมชอบเพลงวงบอดี้แสลมมาก ชอบตั้งแต่ชุดแรก ติดตามทุกชุดทุกเพลงที่พี่เขาออกมาเลย และเพลงอกหักที่พีคที่สุด เมื่อแฟนสาวที่ผมรักดันไปนอนกับเพื่อนไอ้ภาคิน มันชื่อไอ้ธงรบและผมเองก็ต่อยหน้ามัน และมีเรื่องบานปลายจนกระทั่ง ผมเอามีดแท่งไปที่พุงของมัน มีดนะเล็กมาแต่มันก็ถูกห้ามส่งโรงพยาบาลทันทีแต่มันนะสายโหด แค่นั้นจิบๆ ของมัน ผมนั่งเล่นกีตาร์ไปสักพัก ผมนึกขึ้นมาได้ผมว่าจะเดินไปถามไอ้ดิวว่าพรุ่งนี้มันเอารถไปไหม ผมขอไปรถมันดีกว่าเพื่อว่าอีกคนเขาอาจจะไม่อยากให้ผมนั่งรถไปด้วย
                 “ก๊อกๆ” ผมเดินไปเคาะประตูแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยขยับลูกบิดมันไม่ได้ล๊อคประตู ผมเลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปก็ไม่เจอไอ้ดิว หรือว่ามันทำธุระอยู่ในห้องน้ำ
                    ผมเดินไปจับลูกบิดเปิดประตูเข้าไปทันทีแต่สิ่งที่ผมเห็น ผมถึงกับต้องรีบปิดประตูลง ไอ้ดิวกำลังจูบกับแอ้ โดยตัวแอ้ถูกวางพาดอยู่บนอ่างล้างหน้า
                    “แกร๊ก” เสียงลูกบิดถูกหมุนและเปิดออก ไอ้ดิวมันเปิดออกมา
                   “ขอโทษว่ะ “ผมรีบบอกขอโทษขอโพยทันทีแต่ไอ้ดิว มันกลับกลั้นหัวเราะ
                     “ช่างมันเถอะ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าวะ” ดิวถามผมยิ้มๆ
                     “เออ กูว่าจะมาถามว่าพรุ่งนี้มึงเอารถไปไหมว่ะ กูว่าจะติดรถมึงไปว่ะ “ผมบอกไอ้ดิว
                     “เอาไปดิ ไปด้วยกันดิว่ะ “ดิวมันบอกผม ผมพยักหน้า และกำลังจะเดินออก
                     “เดี่ยว” ดิวมันเรียกผม ผมหันมามองหน้ามัน
                     “คือ เออ เรื่องกูกับแอ้ กูไม่เคยบอกใครเลยวะ แม้กระทั่งไอ้ติ๊กและคนอื่นๆ ก็คงไม่ต้องบอกเพราะว่าพวกมันเดากันได้แต่ ติ๊กนี้มันแทบจะไม่เปิดใจรับเรื่องกูสองคน “ไอ้ดิวมันพูด ผมฟังจากน้ำเสียงของมันแล้ว ดูท่าทางปัญหาใหญ่ของมันคือติ๊กนี่แหละ
                     “กูไม่ใช่คนปากพล่อยว่ะและขนาดพวกมันสนิทกับมึงมากมึงยังบอกไม่ได้กูก็คงไม่ไปบอกหรอกว่ะ มึงควรจะเป็นคนบอกมันเองว่ะ” ผมหันมาบอกไอ้ดิว
                    “กูกับแอ้ มันก้าวข้ามคำว่าแฟนกันไปแล้วว่ะ มันเป็นมากกว่านั้นว่ะ แต่กูบอกไม่ได้ตอนนี้ “ดิวมันพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
                    “เออ เรื่องพวกนี้กูไม่เข้าไปยุ่งหรอกว่ะ”
                    “แต่ถ้ากูเป็นติ๊ก เป็นคนที่โตมากับพวกมึงจริงๆ ก็คงเสียใจว่ะ “ผมพูดก่อนจะเปิดประตูออกไปขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านห้องนอนอีกคนเพื่อตรงไปห้องนอนของผม ผมก็หยุด
                     “เบื่อแล้วอ่ะ พี่เต้ ไม่อยากไปแล้ว รู้ว่าโรงแรมพ่อแต่ติ๊กก็เบื่อนิ ก็ไปทีไรก็ทะเลาะกับพวกมันตลอด ก็มันชอบพูดว่าเหน็บแนมอ่ะ ใครจะทนได้ ดีแค่ฟาดไปที่ดังทำจมูกแค่ไม่กี่หมื่น ดีไม่ถลกหนังหน้าจะได้ไปทำใหม่หมดทั้งเบ้าหน้ามันเลย บร้าๆๆๆๆ “ผมนี่พยักหน้าเบาๆ หัวร้อนเหมือนกันน่ะแต่ทำไมผมกลับแอบอมยิ้ม ผมไม่ค่อยชอบแบบเรียบร้อยเท่าไหร่แต่ก็ได้แฟนแบบเรียบร้อยหวานๆ ทุกทีและติ๊กนี่นะ ค่อนข้างเป็นคนที่ดูอีโก้สูงแต่ก็มีมุมที่อ่อนไหวเหมือนกัน แต่อย่างว่าเขาอยู่สูงเกินไป ผมเอื้อมไม่ถึงหรอก เอาจริงๆ เอ๊ะ คิดแบบนี้นี้ผมแอบชอบไอ้ดาราคนนี้จริงๆ เหรอ
                  “เดี๋ยวกูขึ้นมา กูทำหล่นที่โต๊ะอาหารแน่ๆ เลยว่ะ ไม่ได้หรอกอันนี้พี่ต้าร์ซื้อให้” ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูออกมาจังหวะที่ผมกำลังบิดลูกบิดประตูพอดี ติ๊กหันมามองหน้าผม ก่อนจะรีบหันหลังให้ผมและเดินลงไป ผมก็แอบเดินตามลงไปตามเข้าไปที่ห้องครัว ผมยืนผิงขอบประตูมองคนที่อีโก้สูงพยายามหาของใต้โต๊ะอาหารอยู่
                   “หล่นตรงไหนวะ ถ้าหายพี่ต้าร์เสียใจแย่เลยกู “ผมได้ยินเสียงคนที่บ่นงึมงำอยู่ใต้โต๊ะ ผมก็ก้มลงมองและคนนั้นก็หันมาเจอผมอย่างจัง
               “เว๊ย!!” ร้องเสียงหลงออกมาทันทีและทำท่าจะลุกแต่มันใต้โต๊ะนะเฮ้ย! ผมเลย เอามือไปรองเอาไว้ไม่ให้หัวคนนั้นกระแทก
                “หาอะไรเนี๊ยะ!” ผมถามติ๊ก เขาแหงนหน้าขึ้นมองและจับมือผมออก
               “หาต่างหู” ติ๊กพูดเบาๆ
               “ทำหล่นเมื่อไหร่ละ” ผมถาม
               “ใส่ไปเมื่อเช้า ตอนอาบน้ำมันก็ยังอยู่ น่าจะตอนที่ลงมาทานข้าวนี้แหละ” ติ๊กพูดและหันไปเอามือคล้ำไปทั่ว
               “ช่วยหา “ผมพูดและหันไปมองคนที่พยักหน้าแค่นั้นและสาละวนกับการคล้ำหาไปทั่ว
                “ทำไมอ่ะ แฟนให้มาเหรอ” ผมถาม
                “พี่ให้มา มันแพงอ่ะ ต่างหูเพชรอ่ะ ถึงมันจะเล็กแต่พี่ชายซื้อให้ตอนวันเกิดอ่ะ กูหวง!” ติ๊กพูด และผมก็คลำไปจนเจออะไรบางอย่าง ผมหยิบขึ้นมาดูมันคือต่างหูเพชรจริงๆ ด้วย อันเล็กๆ รูปแบบมันก็บ่งบอกว่าเป็นสไตล์ของผู้ชายเขาใส่กัน ยังดีที่หมุดตรงท้ายมันตกอยู่ด้วยกัน
                “อันนี้หรือเปล่าเนี๊ยะ!” ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมาทำตาโตและพยักหน้า ติ๊กจะคว้าคืนแต่ผมชักกลับ
                “อะไร เอาคืนมา” ติ๊กพูด
                 “ไม่ขอบคุณเลยอ่ะ คุณหนู” ผมพูด ติ๊กมันเหลือกตามองบนก่อนจะ
                 “แธงส์กิ้ว”
                “คนไทย พูดภาษาไทยซิครับคุณ…”
                “อย่าเรียกคุณหนูได้ป่ะ กูโตแล้ว เออ ขอบใจ” ผมก็ฟังดูแปร่งๆ แต่ก็เอาว่ะ ผมส่งไปให้ ติ๊กทำท่าจะใส่มันเอง
                 “ใส่ให้ป่ะ” ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมาเหล่มองผมก่อนจะส่งต่างหูกลับมาให้ผม ผมก็ขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ ผมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ น่าจะสบูอาบน้ำแน่ๆ คงไม่มีใครฉีดน้ำหอมก่อนนอนแน่นอน แต่มันหอมแบบอยากฝังจมูกเข้าไปดอมดม
                  “รีบใส่ให้ก่อนได้ป่ะ กูจะขึ้นไปเตรียมตัวเข้านอน” ติ๊กพูดเร่งผม
                 “มองไม่เห็นอ่ะ “ผมพูดและขยับเข้าไปใกล้อีก จังหวะที่ติ๊กหันมามองผมพอดี ใบหน้าของติ๊กห่างจากผมแค่ไม่กี่เซนติเมตร ใบหน้านี้เนียนใสมาก จนผู้หญิงอายเลยก็ว่าได้ ผมเองก็ยังไม่เรียบเนียนเท่านี่เลย ขนาดแม่พาไปรักษาสิวมาแล้วนะ หลายครอส ที่จริงๆ ไม่อยากไปหรอกแม่บังคับ
                   “กูเจาะหูกูไม่ได้เจาะจมูก…. ไอ้เดี่ยว!” ผมสะดุ้งคนที่บอกผม ผมก็พยักหน้าและค่อยๆ จับติ่งหูนั้นและเอาต่างหูก้านใส่ไปอย่างเบามือที่สุด เพราะถ้าผมทำเจ็บขึ้นมานี้คงได้กัดหูผมแน่ๆ และผมก็ปิดท้ายด้วยจุกที่ครอบกั้นไว้
                   “ก็แค่สงสัยว่าไปทำจมูกที่ไหนมา สวยดีนะ” ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้าคนที่ผมชม
                   “ทำไมดาราต้องทำศัลยกรรมทุกคนเหรอ ยกเว้นกูไม่ได้หรือไง อันนี้พ่อกูให้มา นั้นแปลว่ากูมีมาตั้งแต่เกิด” ติ๊กตอบผมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่านอยด์
                    “โกรธเหรอที่ถามนะ” ผมถามติ๊กกลับแอบชำเลืองตามอง
                    “ไม่ได้โกรธมึงแค่เบื่อว่ะ มีแต่คนถาม คือแบบว่าไม่คิดว่ากูมีมาตั้งแต่เกิดบ้างหรือไงวะอะไรแบบนี้อ่ะ “ติ๊กหันมาพูดและเอามือจับที่ตี่งหูเพื่อเช็กดูว่าแน่นพอไหม
                    “ก็มันสวยกว่าคนปกติ เอ๊ย! กว่าผู้ชายปกติเขาควรจะมีกัน มันจมูกผู้หญิงนะเนี๊ยะ!” ผมพูดและใช้นิ้วแตะเบาๆ แต่ผมก็ต้องชักนิ้วกลับเพราะว่ามีเสียงคนสนทนาเดินเข้ามาในห้องครังและกำลังจะผ่านผมสองคนที่ยังอยู่ใต้โต๊ะอยู่เลย
                     “อุ่นนมกินไหมล่ะแจ็ค บอยอุ่นให้ “
                    “ไวน์ไม่ได้เหรอ ไอ้หลุยส์มันแอบเอามาขวดหนี่ง”
                   “ไม่เอาแจ็ค”
                   “หลุยส์ละ เอาไหมนมอุ่นๆ นะ”
                    “ถ้าจะชวนมากินนม ทำไมไม่ชวนตั้งแต่อยู่บนห้องล่ะจะได้กิน”
                  “ทะลึ่ง”
                  “เดี๋ยวนะ ไปทำอะไรกันใต้โต๊ะว่ะ” ไอ้แจ็คมันก้มลงมาถามผมกับติ๊ก และผมก็ถอยหลังออกกันมาจากใต้โต๊ะ คราวนี้ทุกคนมองผมกับติ๊กสลับกันไปมา
                 “บอกแล้วว่าอย่าลงมาเขากำลังจะได้กัน” ไอ้หลุยส์
                 “ได้พองมึงดิไอ้หลุยส์ กูมาหาต่างหูกู” ติ๊กพูดและรีบแทรกตัวเองขึ้นไปบนบ้านทันที ผมก็ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยอาการเขิน
                 “ไม่เบานะมึงนะ มาถึงจะเล่นไอ้ดาราขาวีนประจำบ้านกูเลยเหรอ” ไอ้แจ็คมันถามผม
                 “เพี๊ยะ!” เสียงใครสักคนตีแขนก็คงแฟนแจ็คมันนั่นแหละ บอยหันมายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับและเดินหันหลังออกทันทีเช่นกันพร้อมยกมือโบกราตรีสวัสดิ์ ผมเดินตามขึ้นไปแต่เห็นหลังติ๊กไวๆ เขารีบเข้าห้องไปแล้ว จะว่าไปก็มีมุมมองที่น่ารักอยู่นะ ถ้าใส่ใจที่จะมองมัน
                 “เดี่ยว พรุ่งนี้มึงไปกับกูสองคนปะ “ติ๊กเปิดประตูออกมาถามผม ผมก็ยืนอึ้งงงไปซิครับ
                  “ไปโรงเรียนนะไอ้นี่ ไปก็บอกกูจะได้ให้พี่เขาเอารถมาเพราะว่าไอ้ดิวกับแอ้มันเอารถไปเอง” ติ๊กพูด
                 “เมื่อเช้ากูขอรถแค่สองคันกูไปกับไอ้ดิวแอ้มันและมันคงไม่พอ เลยจะให้มาเพิ่มอีกคัน “ติ๊กพูดผมพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจ
                 “ถ้าอยากให้ไปก็ไป” ผมพูด
                “เออ ก็แค่นี่แหละ เล่นตัวจริงๆ นะมึงนะ” และคนที่บ่นผมก็ปิดประตูลง ผมก็อดอมยิ้มไม่ได้ ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ตอนนี้ก็เกือบจะสี่ทุ่มกว่าแล้ว เตรียมตัวเข้านอนได้และก่อนจะนอนผมต้องส่งข้อความหาแม่ผมก่อนทุกคืน บอกราตรีสวัสดิ์และฝันดี ผมคิดถึงแม่นะแต่แม่ผมมีอนาคตที่ดีแล้ว มีคนดูแลที่ดีผมก็ควรจะดีใจด้วย ไม่ควรให้แม่มาจมอยู่แบบนี้ แต่ผมก็เชื่อว่าแม่ผมรักพ่อผมตลอดไปเช่นเดียวกับผมเหมือนกัน
                   TBC
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.4ุ6 (เดี่ยวXติ๊ก)ใครจะคู่ไคร
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 02-03-2024 20:48:10
รักวุ่นวายฯภาคน้องๆ จะรักกัน
                 Part’ s เดี่ยว ผมมาอยู่กับเพื่อนใหม่ได้สามวันแล้ว ผมยอมรับว่าพวกนี้มีดีกว่าที่ผมได้ยินมาซะอีก ที่บอกว่าเป็นแค่คุณหนูไปวัน วัน แต่แท้ที่จริงแล้วพวกนี้ถูกส่งมาเพื่อแก้ปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่ เพื่อหาสาเหตุจริงๆ ว่าทำไมโรงเรียนนี้ถึงได้มีปัญหาและผู้ปกครองพากันพาลูกหลานย้ายไปเรียนที่อื่น และในเมื่อพวกนี้รับผมเป็นเพื่อนผมก็จะช่วยด้วยอีกแรง และวันนี้ผมได้รับสายจากลุงเจ้าของอู่ซ่อมรถที่ผมได้นำรถสุดที่รักของผมไปจัดการแก้ไขเพราะว่ามีคนเอาสีสเปรย์ไปพ่นและมันก็ทำให้ผมมีเรื่องชกต่อยกับดิว จนสุดท้ายผมได้ดิวเป็นเพื่อนของผม ใจหนึ่งก็นึกขอบใจติ๊กมันเหมือนกันน่ะ
               “พี่แจ็คครับ ผมเอาผลงานที่พี่ปูไปสืบมาให้มาส่งครับ พี่เขาไปปริ้นที่บ้านของผมมาครับพี่” ไอ้ป๊อดพูดผมหันไปมองไอ้ป๊อด ผมว่าจะถามถึงปูแต่รอให้ป๊อดคุยธุระให้เสร็จก่อนจะดีกว่า ป๊อดมันก็ส่งแฟ้มเอกสาร ทำยังกลับว่ามันคือพนักงานบริษัทน่ะ และแจ็คก็รับมาเปิดดูก่อนส่งอันอื่นมาให้ทุกคนดูรวมทั้งผมด้วยเช่นกัน
                 พอผมเปิดดู ก็เจอไอ้มาร์คคนแรก ไอ้นี่พ่ออยู่ในสังกัด อบต เจ๋งเหมือนกันน่ะปูถึงได้ประวัติพวกนี้มา และมีไอ้โซ่ ที่เปิดร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า มันมีน้องหนึ่งคน เป็นน้องสาวชื่อสายป่าน ไอ้ภาคิน พ่อเป็นหมอและเป็นผู้อำนวยการแต่รักษาการดูแลโรงพยาบาลแทน (ใครสักคนหนึ่งผมไม่แน่ใจ) ภาคินมีน้องชายชื่อภาคิไนย์หรือไอ้ไนย์ ไอ้นี่ไม่จริงใจกับใครและมันก็คิดว่ามันแน่ เกือบขิตก็หลายครั้งแต่ดีที่ไอ้ภาคินมันยังช่วยไว้ได้และตัวไอ้ภาคินเองก็เกือบซวยเพราะน้องมันก็หลายหน
                  “กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะว่า ไนย์ น้องไอ้ภาคิน ที่เรียนอยู่ชั้นม. 2 จะเป็นแฟนไอ้ว่าน มีเรียนชั้นม.5 เลยน่ะมึง “ติ๊กพูดผมหันมามองทุกคน เมื่อก่อนว่านมันไม่ได้เรียนห้องเดียวกับภาคินและผมเองก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
                 “มึงเคยเรียนกับภาคินมึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเหรอวะ” ไอ้ดิวมันถามผม ผมสั่นหัวไปมา
                 “ไอ้ว่านน่าย้ายมาทีหลังนะและเมื่อก่อนไอ้นี่ไม่ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกับภาคินว่ะ" ผมพูด พวกไอ้ดิวก็พยักหน้าพร้อมกัน
                 “น่าจะมาเรียนทีหลัง ก่อนที่กูจะมีเรื่องและโดนพักการเรียนไม่นานและกูได้ยินมาว่ามันโดนยกแก๊งหลังจากนั้นไม่นานเช่นกัน ตอนนั้นกูกลับไปอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยงแล้ว กูไปเรียนภาษาที่ประเทศออสเตรเลีย “ผมพูด ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
                 “และว่านนี้มันเพิ่งย้ายมาอยู่กับครอบครัวภาคินไม่นานด้วยมั้ง กูได้ยินมาจากพวกไอ้โซ่นี่แหละว่า พ่อมันพาแม่บ้านมีลูกติดมาเรียนที่เดียวกับมัน” ผมพูด พวกนี้หันมามองหน้าผม ประมาณว่าแล้วให้พวกมันไปหาข้อมูลทำไม
                 “อย่างน้อยกูก็เพื่อนพวกมันมึงให้กูขายเพื่อนเก่าก็คงไม่ดี มึงจ้างเถอะ” ผมรีบพูดแก้ตัวทันที พวกมันก็ยังพยักหน้าเข้าใจและผมก็อยากให้ปูได้เงินตรงนี้ด้วย ผมดูแล้วปูน่าจะต้องการมัน
                 “แต่เรื่องที่ว่าน้องไอ้ภาคินเป็นแฟนว่าน กูไม่รู้ที่มาที่ไปว่ะ แต่ถ้าถามกู กูก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่ะ ไอ้เด็กนี้ นิสัยแย่มาก ต่างจากไอ้ภาคิน หน้ามือกับหลังเท้าเลย” ผมพูดก่อนจะช่วยพวกนี้เปิดดูอันอื่น
               ผมเจอข้อมูลของพี่แฮกซ์กับพี่กอล์ฟด้วย ปูนี้ก็ไม่ธรรมดานะที่หามาได้ขนาดนี้ เพราะว่าเรื่องครอบครัวพี่แฮกน้อยคนมาที่จะรู้ นี้รู้ขนาดที่ว่าพ่อแม่ของพี่แฮกเขาทำธุรกิจต่างประเทศและไม่คิดจะกลับมาอยู่เมืองไทย พี่แฮกเขาเลือกที่จะไม่ไปเพื่อจะอยู่กับพี่กอล์ฟ เพราะว่าเขาทั้งคู่เป็นแฟนกัน ส่วนพี่กอล์ฟ พ่อแม่ก็ไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศเหมือนกัน พี่กอล์ฟมีน้องสาวชื่อกิ๊ฟ น้องสาวพี่กอล์ฟแรงได้ใจเลย ใจแตกตั้งแต่อยู่ม.หนึ่งและยังท้องตั้งแต่เรียนม.2 ถ้าเรียนตอนนี้ก็อยู่ ม.5 แต่เห็นว่าคลอดลูกได้ขวบหนึ่งก็ท้องอีกคนทันที เลยถูกส่งตัวไปอยู่กับปู่กับย่าที่ต่างจังหวัดแต่ก็หนีกลับมาทุกรอบ
                 พี่กอล์ฟก็อยู่กับพี่แฮ๊ก พี่แฮ๊กเลยทำหน้าเหมือนเป็นพ่อของเด็กๆ ร่วมกับพี่กอล์ฟ อันนี้ผมรู้มาจากเพื่อนสนิทของผมที่บ้านอยู่ข้างบ้านพี่กอล์ฟแต่ว่าตอนนี้มันย้ายตามพ่อไปแล้ว พ่อทำงานเป็นผู้จัดการการประปา มันชื่อบอสแต่คนล่ะบอสที่เป็นรองหัวหน้าแก้งกับพี่ข้าวปั้นพี่ชายไอ้ต้นข้าว มีแต่คนพูดกันว่าหลังจากที่พี่ข้าวปั้นเข้าไปอยู่ในสถานพินิจ ทำไมพี่แฮกไม่เป็นหัวหน้าแก๊งซะเอง เป็นผมก็ไม่เอาล่ะ เพื่อนรักต้องมาโดนใส่ร้ายและหาข้อหลักฐานไม่ได้ พี่ข้าวปั้นเลยต้องเข้าไปอยู่ในสถานพินิจ ส่วนคนทำก็ลอยนวลไปอยู่เมืองนอก เขาเรียกว่าหักหลังกันเอง ส่วนคนอื่นก็ธรรมดาน่ะ ไม่มีอะไรโดดเด่น
                   “แต่กูเอะใจอย่างหนึ่งน่ะ ทำไม พี่ข้าวปั้นไม่ปฏิเสธวะ กูว่าปืนน่ะไม่ใช้ของพี่ข้าวปั้นว่ะ” ผมพูด ทุกคนหันมามองน้องผมกันหมด
                   “กูรู้จักพี่ข้าวปั้นดี กูว่าแกกำลังปิดบังปกป้องใครหรือเปล่า” ผมพูดขึ้น
                  “เรื่องนั้นจะได้คำตอบเมื่อเราได้พวกภาคินเป็นเพื่อนว่ะ” ไอ้ดิวพูด
                   “ผลงานใช้ได้เลยวะ เอาเงินไปให้เพิ่มอีก หนึ่งหมื่นบาทแล้วกันป๊อด ฝากเอาไปให้ปูด้วยแล้วกันเพราะการที่ไปถ่ายรูปมาแบบนี้ได้ก็โคตรเสี่ยงพอสมควร” ไอ้หลุยส์มันควักเงินให้ไปอีกปึกหนึ่งให้ป๊อดไป
                  “ป๊อด “ผมเรียกป๊อดเอาไว้ก่อนที่มันจะหันหลังเดินกลับเข้าไปด้านใน
                   “ครับพี่เดี่ยว” ป๊อดหันมาหาผม
                   “ปูไปไหนอ่ะ พี่ไม่เห็นปูเลย” ผมถามไอ้ป๊อดถึงปู
                   “ผมได้ยินว่าแม่พี่ปูกลับไปอยู่ที่บ้านแล้วครับพี่เดี่ยว แม่พี่ปูเขาดีขึ้นแล้วและพี่ปูคงดูแลแม่พี่ปูก่อนสักสองสามวันนะครับ” ป๊อดบอกผม
                   “แต่ผมเห็นพี่ปูบอกว่าจะกลับมาเรียนพรุ่งนี้นะพี่และจะมาช่วยแม่ผมที่ร้านที่โรงเรียนทุกเช้าด้วยครับ แม่ผมจ้างเพิ่มนะครับพี่เดี่ยว” ไอ้ป๊อดพูด ทำงานหนักแบบนี้จะแย่เอาน่ะ ไหนจะเฝ้าแม่อีก
                  “อ้าวแล้วใครดูแลแม่ของปูล่ะ ถ้าปูเขาทำงานเยอะขนาดนี้เดี่ยว” แอ้ถามเดี่ยว
                   “อ้อ มีป้าข้างบ้านนะครับ เขาสนิทกับแม่ของพี่ปูตั้งแต่ทำงาน...ที่ไหนซักที่นี้แหละครับพี่ปูบอกผมไว้ เหมือนจะอยู่ในค่ายทหารอะไรนี้แหละครับ “ไอ้ป๊อดพูด
                    “คิดถึงน้องปูเหรอวะ” ไอ้ดิวมันแซวผมเสียงดังและติ๊กก็ลุกพล้วดขึ้นทันที
                    “เออ ..กูจะไปห้องน้ำนะ แอ้ไปไหม” ไอ้ติ๊กมันบอกทุกคนและหันไปถามแอ้เพื่อจะชวนไปห้องน้ำด้วยกัน มันไม่มองหน้าผมเลยสักนิด เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วและทุกครั้งที่ผมถามหาปู
                   “ปวดอยู่พอดี ไปด้วยได้ไหม” ผมลุกขึ้นทันทีเช่นกัน ผมมองหน้าติ๊ก
                   “กูชวนแอ้มันไม่ได้ชวนมึง” ติ๊กหันมาพูด
                   “ดีเลยไปกับไอ้เดี่ยวดิ กูยังไม่ปวดอ่ะติ๊ก” แอ้มันพูด
                    “พายล่ะ ไปหรือเปล่า” ติ๊กหันไปถามพาย
                   “กูไม่ได้ท่อเดียวกับมึง กูไม่ปวดว่ะ” พายพูด
                     ติ๊กมันก็หันมามองหน้าผมและเดินออกไปเลยโดยไม่พูดอะไรเลย ผมหันมามองหน้าทุกคนที่มองผมกับติ๊กแบบงง ผมก็ยิ้มให้และวิ่งตามไปติดๆ ผมวิ่งไปจนถึงตัวและจับแขนติ๊กเอาไว้ เขาหันมามองมือผมที่จับต้นแขนเขาเอาไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม
                     “เออ... เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเหมือนโกรธกันเลยอ่ะ” ผมถามติ๊ก
                      “อะไรนะ กูนี่น่ะเหมือนโกรธ โกรธใคร โกรธมึงเหรอ “ไอ้ติ๊กมันถามผมกลับ ผมพยักหน้า
                      “ก็เห็นแสดงอาการโกรธทุกครั้งที่ถามถึงปู” ผมพูดและพยายามมองเข้าไปที่นัยต์ตาคู่นั้น แต่ติ๊กหลบผมทันที
                      “กูจะโกรธทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แต่กูแค่คิดว่าเขาจะหลอกมึงหรือเปล่า “ติ๊กพูด ติ๊กมองหน้าผม ผมก็ยืนเอามือเท้าเอวมองติ๊ก ขนาดนี้ยังไม่เชื่ออีกเหรอว่าปูเขาเป็นยังไง สภาพเขาแย่กว่าติ๊กแค่ไหน
“ทำไมถึงคิดว่าปูหลอกล่ะ ถ้าปูเขาไม่ลำบากเขาจะมาทำงานพิเศษทำไมล่ะติ๊ก เขาลำบากกว่าติ๊ก ลำบากกว่าทุกคนแม้กระทั่งเดี่ยวเอง ยังสบายกว่าเลย” ผมพูด ติ๊กหันมามองหน้าผม
                      “กูไม่เชื่อและกูก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ใครๆ จะต้องเชื่อกันด้วยวะ กูว่ามันมีอะไรแปลกๆ บางทีก็เหมือนคนเสแสร้ง มึงเข้าใจปะ” ติ๊กพูดและหันมามองผม คงรูว่าผมไม่เชื่อที่เขาพูด ไม่ใช่แค่ผม ผมว่าทุกคน
                      “กูไม่น่าเสือกเลย” ติ๊กพูดก่อนจะหันหลังเดินออก ผมรู้ว่าพฤติกรรมของปูย่อมทำให้คนที่ไม่ได้มองโลกสวยอย่างติ๊กไว้ใจได้แน่นอน แต่ผมอยากให้เขาฟังปูก่อน ผมก็คว้ามือเขาไว้ ติ๊กหันมามองผมอีกครั้ง
                       “ปูเขาน่าสงสารจริงๆ น่ะติ๊ก เชื่อเดี่ยวซิ” ผมพูด ติ๊กมองหน้าผมนิ่งๆ
                       “ลองเปิดใจก่อนได้ไหม ถ้าเป็นอย่างที่ติ๊กกลัว เราค่อยว่ากันอีกที” ผมพูดเชิงขอร้องติ๊ก ติ๊กมองหน้าผมนิ่งอีกคราวนี้และทำท่าจะหันหลังเดินออกแต่ผมก็ดึงแขนเอาไว้อีก
                        “กูปวดฉี่ไอ้เดี่ยว! หรือว่ามึงจะให้กูราดตรงนี้ไหม ไอ้เดี่ยว!” ไอ้ติ๊กหันมาพูดกับผม
                     ผมมองคนที่ยืนบิดเล็กหน้อยแสดงว่าปวดจริงๆ ไม่ได้แค่วิ่งแบบนางเอกละคร ติ๊กสะบัดมือผมให้หลุดและรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมก็เดินตามไปติดๆ อีกเช่นกัน ติ๊กมันเข้าไปฉี่ที่โถฉี่ชายทันที ผมก็เข้าไปยืนข้างและก็ปลดกระดุมและรูดซิปเอาน้องหนูออกมาพ่นน้ำเล่นเช่นกัน ติ๊กก็ยืนทำธุรส่วนตัวไปด้วยผิวปากไปด้วย แถมยังหันมาชำเลืองมองผมที่ยืนแกล้งทำหน้าฟิน
                       “อุบาศว่ะ!” เขารู้ผมแกล้งเขานั่นแหละ
                       “เออ...นั้น พ่อให้มาเยอะที่สุดแล้วใช่ป่ะ” ผมก้มลงไปมองน้องหนูติ๊ก ถามว่าเห็นไหมไม่เห็นหรอกโถมันบังมิดแต่ว่าแกล้งทำเหมือนเห็น ติ๊กรีบเอาฝ่ามือมาดันหน้าผมให้หันไปมองทางอื่นแทน
                       “ทำไมมึงได้มาเยอะหรือไง ทำเป็นปากดี ไอ้ประเภทขี้อวดน่ะ สั้นทุกราย นั้นไงยังมาว่าผมอีกน่ะ ผมพยักพเยิดให้ดูเอาเองแล้วกัน
                       “ก็พอตัว” ผมพูดและยิ้มเท่ๆ ให้ คนที่กำลังก้มลงมอง
                        “Holy shit!! “ติ๊กสบถออกมา ผมก็หยักคิ้วอย่างภาคภูมิใจ ติ๊กมองหน้าผมพร้อมกับกลืนน้ำลายลงไป ผมยอมรับว่าผมไม่น้อยหน้าหนุ่มๆ ชาติไหนๆ แน่นอน
                      “ไหนใหญ่แค่ไหนดูมั้งดิ” จู่ๆ ก็มีคนมายืนโถถัดไปจากผม ผมหันไปมองไอ้ดิวและมันก็ปลดของมันออกมาบ้าง ผมก็ชะโงกมองทันที
                     “F**k!!” ผมสบดออกมาทันที ใครให้มันมาเยอะขนาดนี้วะ ผมเองนี้ว่าโอแล้วนะยังรองมันอีกนะมันมาครบหมดใหญ่และยาวผมชะเง้อมองคนที่ยืนโถถัดไปจากติ๊กทันทีนั้นคือแอ้แต่มองไม่เห็นครับเพราะว่ามันไกล แต่ที่ผมมองนะคือว่า รับได้ยังไงไซซ์ขนาดนี้ แอ้ขยิบตาให้ผมเพราะว่ามันกลัวผมจะหลุดปากแซวและติ๊กคงได้รู้ความลับของทั้งคู่ ผมสี่คนก็ทำภารกิจกันเสร็จเรียบร้อยและก็พากันเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกันทันที
                   “แก ว่าใครขะคู่ใครกันอ่ะ “ผมได้ยินสาวๆ ที่ยืนลับๆ ล่อๆ แอบมอง อย่าบอกน่ะว่ามาแอบมองพวกผมเข้าห้องน้ำผู้ชายกัน ผมสี่คนหันมามองหน้าก่อนจะทำทีเดินผ่านแบบว่าไม่รู้ว่ามีคนแอบมอง
                   “ไม่รู้ซิแต่รู้ว่าตอนนี้จิ้นมากอ่ะ เล่นหน้าตาดีทั้งหมดเลย เรียกว่าทั้งแก้งเลยก็ว่าได้ “ผมเห็นสาวๆ ที่ยืนกระซิบกัน ชมพวกผมขณะที่เดินออกมาจากห้องน้ำกัน มีแบบนี้ด้วย ผมก็ยิ้มๆ ให้สาวๆ พวกเขาแสดงอาการเขินกันใหญ่เลย
                      “กูว่าพี่แอ้นะน่าจะคู่พี่เดี่ยวแน่ๆ ส่วนพี่ติ๊กนี้ต้องพี่ดิว” ผมหันไปมองและยิ้มให้อีกทีพร้อมกับทำเครื่องหมายถูกต้องนะครับ แต่ดันมีคนสกัดผมซะหัวทิ่มเลยนั้นคือไอ้ดิวและมันก็แอบยกนิ้วกลางให้ผม ข้อหาที่ทำให้ใครๆ ก็อยากยกเมียมันให้ผม
                        TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.4ุ7 (เดี่ยวXติ๊ก)ดิวขอให้เดี่ยวช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 03-03-2024 12:16:01
EP.4ุ7 (เดี่ยวXติ๊ก)ดิวขอให้เดี่ยวช่วย

                    Part’s เดี่ยว พวกผมก็ขึ้นมาเรียนช่วงบ่ายกันต่อ วันนี้พวกไอ้ภาคินมันไม่เข้าเรียนช่วงบ่าย ผมก็ไม่รู้ว่ามันแอบออกไปจากโรงเรียนไปได้ยังไงและที่น่าสงสารคงเป็นครูพัฒน์ที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา บรรดาครูคงรายงานผู้อำนวยกันน่าดูแต่ว่าเท่าที่ผมทราบโรงเรียนนี้ไม่มีผู้อำนวยการมาพักหนึ่งแล้ว
                     “เดี่ยว มึงไปรับรถวันนี้ใช่มั้ยวะ ไอ้ดิวมันบอกกูว่ะ” ไอ้แจ็คมันถามผม
                    “ใช่ว่ะ กรูว่าจะให้พี่เขาแวะส่งกูหน่อย” ผมบอกแจ็ค
                    “ได้ดิ พวกกูไอ้หลุยส์ บอยและธรรณ์จะไปคันเดียวกัน เราสี่คนมีนัดกันที่โรงแรมอาพวกกูว่ะ “ไอ้แจ็คบอกผม ผมพยักหน้า
                        “โรงแรมพ่อไอ้ที่ใครเขาก็รู้ว่ามันเยอะ” แจ็คพูดและพยักพเยิดไปที่ติ๊กที่นั่งงดงานอยู่ ติ๊กไม่ได้หันมามองแต่ส่งนิ้วกลางมาให้แจ็คมันแทนว
                       “กูได้ยินสัส!!” ติ๊กพูด
                     “เออพายเห็นบอกว่าอาเปรมดิ์มาหาเหรอวะ” แจ็คหันไปถามพาย
                    “ใช่ พ่อบอกว่าจะให้รถที่โรงแรมมารับตอนหลังเลิกเรียนเลยอ่ะ “พายหันมาพูด
                    “แต่ถ้าเดี่ยวชวนเราจะรีบโทรบอกพ่อทันทีว่าไม่ไปอยากไปกับผู้บ่าวแทน” พายพูด ผมสะดุ้งตรงนี้แหละ
                     “ไปหาพอเถอะพาย เดี่ยวว่าเดี่ยวอยู่คนเดียวได้ จริงๆ น่ะ” ผมชะโงกหัวไปบอกน้องพายทันที พายมองผมและสะบัดบ๊อบไปทันที
                     “อ้าวอีพายทำไมมึงไม่บอกกูก่อนว่ะ แล้วนี่มึงก็ไม่กลับพร้อมกูอะดิ” ติ๊กพูด
                      “ก็พ่อเพิ่งจะบอกอ่ะหรือมึงจะไปด้วยกันไหมล่ะ ไปทานหาอาหารโรงแรมหรูพ่อมึงเองอ่ะ” พายหันไปถามติ๊ก
                    “เอาอย่างนี้ซิ มึงว่างอ่ะ มึงก็ไปกับไอ้เดี่ยวมันเลยแล้วกันเพราะถึงยังไงมึงก็ต้องเป็นคนจ่ายเงินค่าซ่อมรถไอ้เดี่ยวอยู่แล้ว ไปด้วยกันเลยดิ” ไอ้แจ็คพูด ผมหันมามองไอ้แจ็ค มันก็ยักคิ้วให้ผม ผมหันไปมองติ๊กที่มองหน้าไอ้แจ็คนิ่งๆ เหมือนกำลังใช้ความคิด สิ่งที่ผมคิดได้ตอนนี้คือระหว่างติ๊กกับสุนัขพันธิ์พิทบลู คุณจะเลือกอย่างไหนนั่งรถไปกับคุณ ผมว่าพอๆ กันเลยแหละ
                     “อะไรวะทำไมกูต้องไปวะ” ติ๊กถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
                      “มึงเป็นคนทำรถมัน” ไอ้แจ็คพูด ติ๊กหันมาค้อนผมทันที
                       “เฮ้ย! ไม่เป็นไรหรอกว่ะ” ผมพูด
                       “ให้มันไปวะ ให้มันจัดการที่มันทำให้เรียบร้อย มันควรจะมีส่วนร่วมบ้างว่ะ “ไอ้แจ็คมันพูดและติ๊กมันก็บ่นหงุ้งหงิ้งๆ อยู่คนเดียว ผมก็พยักหน้า ผมนั่งเรียนไปจนถึงเวลาเลิกเรียน จะว่าไปปูก็หายเงียบไปเลยข้อความก็ไม่ส่งหาผม โทรไปก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ ผมคิดว่าพรุ่งนี้จะชวนไปนั่งรถเล่นด้วยซะหน่อย
                     “ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่บ้านวะ กูมีติวออนไลน์กับพี่ชายกู” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็พยักหน้าและหันไปมองแอ้
                       “กูไปไม่ได้ว่ะ กูมีอ่านหนังสือและพี่อ้นจะโทรมาถามกูอีก ถ้ากูตอบไม่ได้โดนหนักยิ่งกว่าตอนพี่กูทำโทษทหารใหม่แน่ๆ “ไอ้แอ้พูด ผมหันไปมองและพยักหน้าก่อนจะหันมามองไอ้ดิว สองคนนี้เตรี้ยมกันมาหรือเปล่า
                      “ไปครับพี่จะพาไปออกเดต” ผมหันไปบอกติ๊กแทนทันที ติ๊กก็สะพายกระเป๋าและยกนิ้วกลางให้ผมแทน ไม่ต้องคิดมากเลย ผมเดินตามติ๊กลงมาถึงชั้นล่างและทุกคนก็แยกย้ายไปขึ้นรถ ผมก็ขึ้นไปนั่งคันเดียวกันติ๊ก ติ๊กมันก็เอาแต่กดมือถือคุยกับใครก็ไม่รู้ตลอดทาง ผมเองไม่ใช่คนชอบนั่งจ้องแต่โทรศัพท์ซะด้วย ไม่ใช่สาวกออนไลน์ ผมนั่งเงียบๆ มาจนถึงอู่ของผม
                        “คุณหนูจะกลับยังไงครับ” คนขับรถถาม
                        “เออ ..” ติ๊ก เงยหน้าขึ้นมองผมและคนขับ
                       “จะกลับไปก่อนก็ได้นะ เราอยู่คนเดียวได้” ผมพูดแอบทำเสียงน้อยใจ
                        “ก็บอกมาตรงๆ ว่าให้อยู่เป็นเพื่อนดิวะ ทำหน้าตา “ติ๊กพูดขึ้นและเบ้ปาก
                      “พี่ผมจะกลับพร้อมกันกับเดี่ยวเลยครับเพราะว่าผมสองคนมารับรถที่ส่งซ่อมนะครับพี่” ติ๊กบอกพี่คนขับ
                     “ได้ครับ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรโทรหาพี่ตลอดได้เลยนะครับคุณติ๊ก”
                     “ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวกลับโรงแรมก่อนนะครับ เพราะว่าวันนี้มีคนสำคัญเดินทางมาหลายคนนะครับ คนขับรถไปรับไปส่งจะไม่พอและวิ่งกันหลายเที่ยวครับ” พี่เขาพูด ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็พยักหน้ายิ้มขอบคุณพี่เขา
                     “ใครมาวะ “ติ๊กทำหน้างง
                      “ไปดิไปเอารถมึง” ติ๊กพูดผมก็เดินเข้าไป หาลุงเจ้าของอู่ ลุงเขาออกมารับผม ผมก็ยกมือไหว้
                       “รถเรียบร้อยแล้วนะ “ลุงบอกผม ติ๊กที่ยืนข้างๆ ลุงเขาก็มองและยิ้มๆ ให้
                      “เพื่อนหรือแฟนล่ะ” ลุงเขาถามผม ผมสะบัดหน้าไปมองลุง เขาเป็นผู้ชายนะ
                      “โอ๊ยย! สมัยนี้ ลุงตามทันนะไอ้หนุ่ม เห็นบอกว่าเพื่อนๆ แฟนทุกราย” ลุงพูดและยิ้มให้ติ๊ก ติ๊กที่ทำหน้าตกใจอยู่มาก
                      “หน้าตาคุ้นๆ นะเหมือนคนที่ลุงรู้จัก ท่านเป็นคนดี และท่านก็ไม่เคยถือเนื้อถือตัว เดินทางมาที่นี้ทีไรจะต้องเอารถมาให้ลุงเช็กสภาพ ท่านไว้ใจลุง”
                    “ใครอ่ะลุง” ผมถามลุง
                    “คุณภาคย์ เจ้าของโรงแรมชื่อดังและเจ้าของโรงเรียนที่เอ็งเรียนอยู่นะเดี่ยว” ลุงเขาพูด ติ๊ก็ยิ้มให้ผม
                     “นั้นพ่อผมครับ” ติ๊กบอกลุง
                    “ว่าแล้วเชียว ท่านสบายดีนะครับคุณหนู”
                    “ไม่ต้องเรียกผมคุณหรูหรอกครับ ผมนะ ไม่ได้เป็นคุณหนูอะไรที่ไหน เออ ว่าแต่ค่าซ่อมรถของเดี่ยวเท่าไหร่ครับ ผมจ่ายให้” ติ๊กพูดผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาก็ไม่ได้ทำตัวแตกต่างหรือเด่นอะไร แถมยังบอกลุงว่าไม่ต้องเรียกเขาว่าคุณหนูอีกและติ๊กก็ถามถึงค่าใช้จ่าย
                 “เฮ้ย! ไม่ต้องก็ได้” ผมหันไปพูด
                 “จ่ายให้เดี๋ยวกูโดนพวกไอ้แจ็คมันด่าเอา” ติ๊กพูด
                 “เห็นไหมแฟนกันก็จะจ่ายให้แบบนี้” ลุงรีบแซวผมทันที
                 “เปล่าครับ” ผมรีบปฏิเสธและหันไปมองหน้าติ๊ก คือเราพูดพร้อมกันเลย
                  “ใช่ก็บอกมาเถอะ...” ลุงกำลังจะพูด
                 “ไอ้คนนี้และที่ทำรถผม” “ผมนี้แหละครับที่พ่นสีสเปย์ใส่รถมัน” ผมสองคนพูดพร้อมกันอีก และหันมามองหน้ากัน
                  “เออ..งั้นรอแป๊บนะหนุ่มๆ ลุงเข้าไปเอารายละเอียดว่าทำอะไรไปเท่าไหร่เดี๋ยวออกมา” ลุงเขาเลยรีบขอตัวเข้าไปที่ออฟฟิศ ผมหันมามองหน้าติ๊ก ติ๊ก หันหน้าหนีผม และจู่ๆ ก็มีสายเข้าที่มือถือผม ไอ้ดิว
                    “แป๊บนะเพื่อน” ผมบอกติ๊ก ติ๊กมันก็หยักไหล่ให้ผมและเดินไปดูรถที่ลุงผมกำลังทำไปด้วย
                    //อะไรวะดิว// ผมรับสายไอ้ดิว
                   //มึงอยู่ไหนกลับยังวะ// ไอ้ดิวมันถามผม เหมือนกระซิบกระซาบ กลัวใครได้ยิน
                 //ก็กำลังรอรับรถและจะกลับเลย//ผมตอบไอ้ดิว
                //อย่าเพิ่งรีบกลับ มึงช่วยกูก่อน// ไอ้ดิวพูด
              //ช่วยอะไรวะ// ผมถามไอ้ดิวกลับทันที
             //ดึงรั้งติ๊กมันให้กูก่อน สักหนึ่งชั่วโมง// ไอ้ดิวมันบอกผม
            //ทำไมวะ..// ผมถามไอ้ดิวด้วยความสงสัย
              //กูจะปลั้มเมียกู เพราะว่าไม่มีใครกลับบ้านตอนนี้มีแค่กูกับแอ้ กูขอวะ //ไอ้ดิวมันพูดขอร้องผม งานหนักเลยครับผม ผมหันไปมองติ๊ก
             //เออ ๆ // ผมพูดรับปากได้ดิวแต่ทำได้ไหมนี่ซิ คิดหนักเลย
            //ใจวะเดี่ยว จ๊วบ!!// ไอ้ดิวมันพูดและดันจูบส่งผ่านมือถือให้ผม ผมรีบดึงออกสยองมากและผมก็หันไปมองติ๊กยิ้มๆ ก่อนจะคิดว่าจะหาเหตุผลอะไรดีนะ ทันทีที่ผมนึกขึ้นได้ก็รีบวิ่งเข้าไปออฟฟิศของลุงที่ทำรถให้ผมทันที
             “ลุง ช่วยดึงเวลาเอาไว้ให้ผมหน่อยซิลุง เอาแบบว่าเครื่องต้องแก้ไขนิดหน่อยอะไรแบบนี้นะ ลุง” ผมกระซิบกับลุงที่ซ่อมรถให้ผม
               “อ้าวทำไมวะ” ลุงยังถามผมกลับเลย
                “นะลุงนะ ผมยังกลับไม่ได้ เพื่อนผมขอไว้ แต่ดูท่าคนนี้จะไม่ยอม แต่ถ้าลุงบอกว่ารถผมมีปัญหานั้นนี้อะไรแบบนี้เขาก็น่าจะยอม” ผมพูดกับลุง ผมกับลุงหันไปมองคนที่ยืนกอดอกอยู่ด้านนอกพร้อมกัน
                “นะลุง ช่วยผมหน่อย” ผมบอกลุง
                “งั้นเราลองไปสตาร์ทและทำท่าว่าสตาร์ทไม่ค่อยติดดิ” ลุงบออกผม ผมก็เดินออกมาติ๊กหันมามองผมแบบว่าผมมีเล่ห์กลอะไร ผมก็เดินเข้าไปและนั่งที่เบาะคนขับ ผมก็สตาร์ท มันติดและดับเลย ผมก็ลองใหม่ มันติดและดับ
                 “อ้าวรถเป็นอะไรอ่ะ” ติ๊กเดินมาถามผม
                 “เดี๋ยวให้ลุงเขาดูอีกทีวะ” ผมพูด
                  “อะไรวะ ถ้ารถยังไม่เสร็จก็น่าจะให้พี่คนขับกูรอก่อน สาด” ไอ้ติ๊กมันพูดบ่นผมทันที
                    “อ้าวเดี่ยวรถเป็นไร” ลุงเขาทำเป็นเดินมาถามผม
                   “ไม่รู้อะลุงมันสตาร์ทและดับเลย” ผมพูด
                  “สงสัยเป็นที่หัวเทียนว่ะ งั้นลุงดูให้ใหม่ รอไม่นาน” ลุงเขาพูดและผมก็ออกมายืนและหันไปมองติ๊ก ติ๊กมันเหล่มองผม
                 “มึงเล่นอะไรกับกูหรือเปล่า” จู่ๆ ติ๊กก็ถามผม ติ๊กมองหน้าผมแบบไม่อยากจะเชื่อ
                 “ไม่มี!” ผมพูด
                “เสียงสูง” ติ๊กพูดพร้อมยืนเอามือเท้าเอวแล้วด้วย
                 “พี่เดี่ยว พี่เดี่ยวจริงๆ ด้วยค่ะ” ลูกสาวลุงวิ่งมาทักทายผม น้องมาทั้งชุดนักเรียนคอนแว่นน่ารักมาเชียว ลุงบอกอยากให้เรียนโรงเรียนเดียวกับผมแต่น้องไม่ยอมเพราะว่าติดเพื่อน เพื่อนไปเรียนคอนแว่นกันหมด
               “เออ พี่เดี่ยวนี้เพื่อนพี่เหรอ” น้องดึงแขนผมและตายังมองติ๊ก และยิ้มให้ด้วย ติ๊กก็ยิ้มตอบให้แต่ก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจยิ้มเท่าไหร่
                  “ใช่ทำไมเหรอ” ผมถาม
                  “คือเขาเป็นดาราใช่ไหมอ่ะ” น้องเขาถามผมและชี้ไปที่ติ๊ก
                 “ใช่” ผมตอบ
                “ขอลายเซ็นหน่อยดิ แบบว่าจะไปอวดเพื่อนอ่ะ นะ นะ” น้องเขาอ่อนผมทันทีให้ขอลายเซ็นดาราขาวีนคนนี้นี่น่ะ
                   “เออ..คือพี่ถามให้นะ เพราะว่าเล่นหนังเป็นดาราขาวีนหลายเรื่อง เล่นแล้วไม่จบในหนังมาวีนต่อข้างนอก “ผมพูด
                 “ติ๊ก” ผมเรียกติ๊ก ติ๊กก็หันมามองผม
                  “คือน้องเขาปลื้มอ่ะ ขอลายเซ็นหน่อยได้ไหม” ผมถามและคนข้างๆ ก็พยักหน้าและเตรียมพร้อมมาก สมุดปากกาที่พร้อมจะให้ติ๊กเซนต์ชื่อ ติ๊กก็มองหน้าผมและพยักหน้าก่อนจะรับสมุดไปและบรรจงลงปากกาเซนต์ชื่อตัวเองลงไปและส่งสมุดคืนให้
                   “ขอบคุณนะคะพี่ติ๊ก พี่หล่อมากเลยอ่ะตัวจริงๆ อ่ะ” น้องเขาชมแต่แปลกติ๊กยิ้มเท่ๆ ส่งไปให้คนขอลายเซ็น
                 “ขอบคุณครับ” ติ๊กพูดแหละหันมาหยักคิ้วให้ผม
                 “นี้ไปช่วยแม่ทำกับข้าวได้แล้ว “ลุงบอกลูกสาวเขา น้องก็รับวิ่งออกไป แต่ก็ไม่วายหันมามองติ๊ก อะไรจะฟินขนาดนั้น
                  “เดี๋ยวลุงขอเปลี่ยนอันใหม่ให้นะเดี่ยว” ลุงพูดและจัดการถอนเปลี่ยนหัวเทียนออก ไม่น่านก็มีเสียงเหมือนฟ้าร้องและก็มีลมแรงและฝนก็เทลงมาอย่างหนัก
                  “อะไรอีกวะเนี๊ยะ!” ติ๊กมันบ่นออกมาทันทีอย่างหัวเสีย
                 “ฝนตกไง และหนักขนาดนี้จะให้ขับรถไปคงไม่ได้หรอกนะ อันตราย” ผมพูดและลุงก็เปลี่ยนหัวเทียนให้ผมเรียบร้อย
                 “จริง! อันนี้ยังไงลุงก็ยังไม่ให้ขับออกไปนะ เพราะว่าโค้งก่อนถึงมีรถตกลงไปหลายคันตอนฝนตกหนักๆ มันมองเห็นทางลำบาก” ลุงพูดผมก็พยักหน้าและหันมามองคนข้างๆ ที่หน้าบึ้งบูดมาก
                     “ดูแล้วถ้าตกหนักแบบนี้ไม่น่าจะนาน” ลุงพูด
                        “เออ เดี๋ยวลุงมานะ ลุงว่าจะส่งแฟ็กซ์ภาษีก่อนนะ” ลุงพูด ผมก็พยักหน้า ติ๊กก็หันไปหันมาไม่รู้จะทำอะไรคงเบื่อ
                       “เขาไปนั่งฟังเพลงไหมล่ะ แผ่นที่ให้มายังไม่ได้เปิดฟังเลย” ผมบอกติ๊ก ติ๊ก็พยักหน้าและผมก็เข้าไปนั่งในรถกันด้านใน ผมก็จัดการเปิดเครื่องเสียงและกดเปิดเพลงฟัง เพลงที่ติ๊กให้ผมมา เป็นเพลงที่ผมเล่นกีตาร์ได้ทุกเพลง โดนเฉพาะเพลงของพี่ตูน
                    “ไม่คิดว่านายจะชอบพี่ตูนเหมือนกัน”
                     “ชอบดิ ชอบมาเลย ชอบหลักการของพี่เขาและไม่รู้ พี่เขามีพลักเสียงที่ กูปลื้มวะ” ติ๊กพูด ผมก็ฟังไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดที่เพลงหนึ่ง อากาศ ผมหันมามองติ๊ก เขาก็ฟังเพลงนี้อย่างตั้งใจแสดงว่าชอบเหมือนกัน
                  “ชอบเพลงนี้เหรอ” ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผม
“อืมม ความรักมันก็แค่อากาศ มึงว่าไหม” ติ๊กพูดก่อนจะหันไปมองด้านนอกเพื่อแอบซ่อนความรู้สึกลึกๆ ของเขาจากสายตาของผม
                 “เดี่ยวก็ชอบเพราะว่าเขาร้องได้อินเนอร์มาก แต่เดี่ยวเชื่อว่าความรักมันมีตัวตนอยู่จริง” ผมพูดกับติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผม ตอนนี้ใบหน้าเราใกล้ชิดกันมากจน ผมเผลอเพย๋อปากจะจูบติ๊กและอีกคนก็เผยอปากนิดหน่อย
                  “ปี้น~~~~~~~” แต่ดันมามีเสียงแตรรถของผมเองเป็น กขค ก็เพราะว่าผมแขนผมดันไปกดโดนซะนี้ และตามมาด้วยลุงกับลูกสาวแกวิ่งลงมาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น ผมรีบเปิดกระจกลง
                 “ลองแตรน่ะลุง” ผมรีบบอกลุง
                 “เหรอ!! แม้เล่นซะกูตกใจหมด” ลุงเขาพูด
                 “ฝนหยุดยังวะ กูอยากกลับบ้านแล้ววะเดี่ยว” ติ๊ก พูด ผมก็เหลือบมองโทรศัพท์
               “รออีกแป๊บซิ ให้มันเบาลงอีกหน่อยนะ” ผมพูดกับติ๊ก จริงๆ ผมก็รอข้อความไอ้ดิวว่าเสร็จกันหรือยัง
                “มึงมีอะไรกันหรือเปล่า “ไอ้ติ๊กมันเซนแรงจริงๆ
               “ไม่”
              “กูเห็นมึงมองมือถือ “ติ๊กถามผม
               “กูโทรหาไอ้แอ้ดีกว่า “ติ๊กพูดและกดสายหาแอ้ทันที ผมก็แอบฟัง มันยังคงรอสายอยู่จนตัดไป
               “ไอ้แอ้” ติ๊กหัวเสียขึ้นมาทันที
              “โทรหาไอ้ดิว” ติ๊กมันบอกผม ผมก็สะบัดหน้าไปมอง
              “โทรทำไมอ่ะ ไอ้ดิวมันบอกว่าจะอ่านหนังสือไม่อยากกวน” ผมพูด
              “โทร!” ติ๊กมันขึ้นเสียง ผมก็กดสายหาไอ้ดิว รอแป๊บหนึ่งได้
              “ดิว เสร็จยัง” พอมันรับรีบถามเบา
               “เอามากูจะคุย” ติ๊กบอกผมและพยายามแย้งมือถือผมไป
               “ยัง...ซี้ด” มันร้องครางมาขนาดนี้ แปลว่ากำลังเข้าได้เข้าเข็มกัน
                “เออ มันยุ่งมากอ่ะติ๊ก”
                “เอามา” ติ๊กพูดและทำหน้าดุใส่ผม ผมก็ต้องส่งมือถือให้มันไป
                “ไอ้ดิว” ติ๊ก
                “ก็กูจะคุยกับแอ้ มันอยู่ไหน ชั้นล่าง”
                “ใช่กูจะคุย มึงวิ่งไปหามันหน่อย” และไอ้ติ๊กมันก็หันมามองผมระหว่างที่มันรอไอ้ดิว ผมก็ก้มหน้าหนี ผมยิ่งโกหกได้ไม่ค่อยเนียนอยู่ด้วย
                 “กูเห็นมึงเหมือนมีความลับอะไรกันกับไอ้ดิวหรือว่ามึงรู้อะไรมา” ติ๊กมันถามผม ผมก็ส่ายหัว
                  “ไม่นิ กูจะไปรู้อะไร” ผมรีบพูดปฏิเสธทันที
                 “แอ้ ไอ้ติ๊กมันจะคุยด้วยอ่ะ ไม่รู้มัน..แฮกๆ” เสียงไอ้ดิวพร้อมกับอาการหอบเหนื่อย แม้แสดงได้เนียนจริงๆ เพราะเมื่อกี้มันยังซีดส์อ๊าอยู่เลย
                   “มีอะไรติ๊ก” เสียงแอ้
                   “ก็กูโทรหามึงไม่ติดอะ มือถือมึงอะแอ้”
                   “ชาร์จอยู่และกูอ่านหนังสืออยู่ชั้น...ล่าง” เสียงแอ้พูด แต่น้ำเสียงมันลากแปลกๆ นะผมว่า ไอ้มันคงแกล้งนะ
                   “ไอ้ดิวมันอยู่ชั้นบนเหรอ”
                   “อืมมม” แอ้ตอบผมก็แอบขำ
                   “ใช่กูอยู่บน มึงอะไรอีกไหม พี่กูจะโทรหากูแล้ว “ไอ้ดิวมันพูด
                   “เออ กูจะรีบกลับเดี๋ยวนี้” ไอ้ติ๊กมันพูดและกดวางสาย มันหันมามองหน้าผม
                   “กลับเดี๋ยวนี้ หรือถ้ามึงไม่กลับ กูจะออกไปเรียกรถวินมอเตอร์ไซค์ห่าเหวอะไรก็ได้ตอนนี้เพื่อกลับบ้าน” ไอ้ติ๊กมันพูดขึ้นเสียงใส่ผม ผมก็พยักหน้าว่าได้ และผมก็เดินลงไปคุยกับลุง ขอบคุณลุงพร้อมกับจ่ายเงินให้ลุงและเดินกลับมาที่รถ ผมขับรถออกคนนั่งข้างผมหน้าตาบึ้งตึงขึ้นมาทันที

                    TBC…..
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.4ุ8 (ดิวXแอ้)นาทีทองต้องรีบ NC
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 04-03-2024 19:20:21
EP.4ุ8 (ดิวXแอ้)นาทีทองต้องรีบ NC

      Part’ s ดิว วันนี้ผมกับแอ้กลับบ้านกันมาสองคนเพราะว่าไอ้แจ็ค ไอ้หลุยส์ บอยและธรรณ์ไปที่โรงแรมอาภาคย์และพายก็ไปหาอาเปรมดิ์ ที่โรงแรมนั้นเช่นกัน ไอ้แจ็คมันกระซิบบอกผมว่ากลับดึก จะทำอะไรก็ให้รีบๆ ทำนะและมันก็ผลักดันไอ้ติ๊กให้ไปกับไอ้เดี่ยวอีกด้วย ผมก็เลยโทรหามันทันทีให้มันดึงรั้งและยื้อเวลาเอาไว้ให้ผมหน่อย ผมจะจุดจุดจุดกับเมีย

       “ปึก” ผมโยนกระเป๋าลงพื้นทันทีนาทีนี้ต้องรีบแล้ว ผมปลดกระดุมเสื้อนักเรียนทันทีส่วนแอ้เดินมาในห้องก่อนผม แอ้กำลังจะดึงชายเสื้อออกจากกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม ผมก็เดินไปหาแอ้จากด้านหลังและพลิกตัวแอ้หันมาหาผมทันทีโดยที่แอ้เองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว

        “ดิว!” แอ้ตกใจผมประกบจูบปากแอ้ทันที

        “ทำไมอะ นี้โอกาสทอง หาไม่ได้ง่ายๆ ซะด้วย” ผมพูดสายตาของผมมองที่แอ้

          “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวไอ้ติ๊กมันก็กลับ” แอ้พูดปรามผม

          “ไม่หรอกน่ะและน่าจะอีกนานหรือกว่าจะมาก็ครึ่งชั่วโมงแน่ๆ มีเวลาเยอะแยะ ได้หลายยกซะด้วยซ้ำ “ผมพูดและรวบเอวแอ้ไว้ผมก็ประกบปากจูบแอ้อีกครั้ง

         “ดิว...” แอ้เหมือนพยายามห้ามแต่นี้ผมรู้ได้ว่าไม่ได้ห้ามจริงหรอก ผมก็ดันแอ้ลงที่เตียงนอนขนาดคิงค์อะไรวะ เตียงนี้ที่ไอ้หลุยส์มันสั่งมาใหม่และทุกห้องด้วย (ผมแอบขอบคุณมันตรงนี้แหละ)



            ผมขึ้นมาคร่อมร่างของแอ้เอาไว้โดยไม่ทิ้งน้ำหนักลงไปทั้งตัว ผมได้เห็นสายตาที่ยั่วยวนกวนอารมณ์ที่คุกรุ่นของผม ผมมืออะไรวะให้มาลูบไล้ที่แผ่นอกของผม แผ่นอกที่แน่นไปด้วยมวลกล้ามเนื้อ แอ้กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ผมมองตามมือแอ้ ผมจับมือแอ้ลูบไล้ลำตัวแผ่นอกของผม ผมซิทอัพวันละสองร้อยและโหนบาร์อีกวันละสองร้อยเช่นกัน  แอ้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ผมก้มลงจูบแอ้ แอ้ก็จูบผมตอบอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน มือไม้ที่ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของผม



             และผมสองคนก็เปลี่ยนมาเป็นช่วยกันปลดทุกข์อย่างที่ปกปิดร่างกายผมสองคนออกไปและโยนออกให้พ้นทาง ไม่นานทุกอย่างก็ลงไปกองที่พื้นอย่างชำนาญ (สกิลนี้เทียบรุ่นพี่ของผมได้เลย) ผมค่อยๆ เลื่อนตัวลงไปที่หน้าท้องของแอ้ หน้าท้องที่แบนราบนั้น ผมก้มลงขบกัดเบาๆ ไล่ขบกัดเบาๆ ลงไปเรื่อยๆ จนถึงหัวหน่าว

            “อืมม” แอ้สะดุ้งและร้องครางออกมาพร้อมกับเด้งขึ้นลงตามการขบกัดของผม

           “อืมมม ดิว...ซี้ด” แอ้ร้องครางเรียกชื่อผม เหมือนจะห้ามแต่มือทำไมกดหัวผมไว้แบบนั้นนะ

            “แอ้จะไม่ให้ดิวทำหรือไม่ให้ดิวหยุดเนี่ย!” ผมถามแอ้

           “ดิว อย่าแกล้งกูดิ...ซี้ด จะทำก็รีบทำ ซี้ด!! “แอ้พูดพร้อมกับเสียงคราง

           “ก็เอามือออกดิคราบ เมียครับ” ผมพูด แอ้ก็สะดุ้งก่อนจะปล่อยศีรษะผมเป็นอิสระ ผมก็กระดกหัวขึ้น แม้กดซะไม่อยากให้หยุดก็ว่ามา และแอ้ก็พลิกตัวผมลงและแอ้ขึ้นมาคร่อมร่างของผมแทน

           “จะขับเองเหรอวันนี้” ผมถามแอ้ แอ้พยักหน้าและแอ้ก็จัดส่งหนอนยักษ์ของผมให้มุดเข้าไปในถ้ำของแอ้ สีหน้าที่บอกว่ามันอึดอัดแค่ไหนแต่แอ้ไม่ร้อง ทุกอย่างดำเนินการไปได้สวย แอ้ขย่มผมจนผมเองก็อยู่ไม่สุขและ

            “Rrrrrr “เสียงมือถือของแอ้ดังขึ้น ผมเหลือไปมอง โทรศัพท์แอ้ที่อยู่บนเตียงนอนของแอ้ แอ้หันไปมองและทำท่าจะทิ้งการขับเคลื่อนยานพาหนะอันนี้ไปซะงั้น

            “แอ้..อย่า..ทิ้งไปแบบนี้มันค้างหนักมากนะแอ้” ผมจับเอวแอ้เอาไว้

           “ก็ถ้าเป็นไอ้ติ๊ก กูตายแน่” แอ้พูด ผมก็ส่ายหัวว่าอย่าไป

             “ก็บอกมันซิว่าชาร์จอยู่ แอ้ อืม” ผมพูดและซุกไซ้แอ้จนแอ้บิดตัวไปมาด้วยความเสียวซ้าน และแอ้ก็ดำเนินการควบคุมเกมรักผมต่อไม่นานโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมเหลือบมองว่าใครโทรเข้า สายนั้นคือไอ้ติ๊ก

             “ดิวไอ้ติ๊กใช่ไหม” แอ้ถามผม

              “ไอ้เดี่ยว แป๊บน่ะ” ผมพูดและคว้ามือถือมาทันที

             “อ้าวทีอย่างนี้เสือกกดรับ” แอ้พูดต่อว่าผม

             “ก็จะดิวบอกให้มันรั้งติ๊กเอาไว้ เพื่อว่ามันจะเอาไม่อยู่และเราก็จะได้เร่งสปีดทัน” ผมพูดและกดรับสายทันที

             //ไอ้ดิวเสร็จหรือยัง// ผมเปิดสปีคเกอร์โฟน

            //ยัง กูเพิ่งดำเนินมาได้ครึ่งทางเอง ว่าไงมึง //ผมพูด แต่เหมือนมีคนยื้อแย่งโทรศัพท์ไป

            //ไอ้ดิว!// ไอ้ติ๊ก แอ้สะดุ้งทันทีหยุดภารกิจซะงั้น แต่ผมไม่หยุด เด้งแทนแต่แอ้พยายามห้ามผมเอาไว้

          //ว่าไงติ๊ก //ผมถามติ๊ก

          //แอ้ไปไหน//

          //แอ้อยู่ข้างล่าง// ผมพูดและพลิกแอ้ลงให้ผมอยู่บน ผมก็ใช้นิ้วคาดปากเอาไว้ไม่ให้แอ้พูดและนี้คือแอ้มันอยู่ล่างและผมอยู่บน (กูไม่ได้โกหกครับ)

         //ทำไมมันไม่รับสายกู//ไอ้ติ๊กมันถามผม แอ้ก็ชี้นิ้วนั้นหมายถึงความผิดของผมนั้นเอง

         //กูเห็นมันชาร์จโทรศัพท์ไว้บนนี้ไงและมันก็ลงไปอ่านหนังสือข้างล่าง//ผมพูด

       //แล้วทำไมมันไม่เอาไปด้วย มือถือมันน่ะ//ติ๊กถาม ผมนี้อยากจะตีเข่ากลางอากาศ ก็บอกอยู่ว่ามันจะอ่านหนังสือไอ้นี่ทำไมมันเข้าใจยากจริงๆ

          //ก็มันจะอ่านหนังสือ เอาไปมึงก็คอยโทรหามัน เสียสมาธิไง เรื่องง่ายๆ แค่นี้คิดเองอะไรวะว่ะ//ผมพูดแอ้แอบหยิกผมที่เอว ผมต้องฝืนไม่ร้องสักแอ๋ะ

         //กูจะคุยกับมัน// ติ๊กบอกผม

         //เออ…ก็ได้จะวิ่งไปตามให้น่ะ// ผมพูดและกดพักสายไว้ก่อนทันที ใช่ครับ ผมต้องทำเหมือนผมวิ่งไปตามแอ้ มันต้องทำให้เหนื่อยสมจริงด้วย



          แอ้ก็มองหน้าผมว่าผมจะเล่นอะไร ผมก็ทำนิ้วจุปากและสอยถี่ยิบเลย ไม่ต้องวิ่งจริงๆ แถมยังได้เหงื่อเหมือนไปวิ่งมาเหมือนเลย เผลอๆ จะเหนื่อยกว่าด้วย

            “โอ้วว.. ดิว..โอ้ววว..อืมมมม “แอ้ร้องครางแต่ก็เหมือนจะห้ามผมก็ทำนิ้วจุปากว่าให้ดิวจัดการเอง จนเวลาผ่านไปสักสิบนาทีถึงได้หยุดและผมถึงได้หันกลับไปกดเลิกพักสายไอ้ติ๊กมัน นานขนาดนี้มันคงด่าไอ้เดี่ยวหูแตกไปแล้วระหว่างที่รอผมอยู่

           “แฮกๆ “เสียงหอบเหนื่อยเหมือนกับว่าได้ไปวิ่งมาจริงๆ แต่เหนื่อยนี้ของจริงดิวไม่ได้แกล้งและผมก็หยักคิ้วให้แอ้ด้วย เทพไหม

           “แอ้ ไอ้ติ๊กมันจะคุยด้วย” ผมพูดและส่งมือถือให้แอ้

             //ว่าไงติ๊ก// แอ้พูด ผมก็เลื่อนตัวลงต่ำ ลงไปเล่นกับหน้าท้องแบนๆ ของแอ้ แอ้ก็พยายามทุบตีผมให้หยุดเล้าโลม แต่ผมไม่หยุด แอ้ก็คุยกับติ๊กไปด้วยบิดไปด้วยเสียวใช่ไหมล่ะ ผมคิดในใจ แอ้มันกัดปากตัวเองไม่กล้าร้องออกมา

           //ก็กูโทรหามึงไม่ติดอะ มือถือมึงอยู่ไหน// ไอ้ติ๊กพูด ผมเงยหน้าขึ้นมองเพราะว่าผมกดเปิดสปีกเกอร์ให้แอ้ก่อนจะส่งมือถือให้แอ้ไป  แอ้ทำหน้าให้ผมหยุดผมก็ส่ายหัวว่าไม่และก้มลงขบเม้มตรงจุดอ่อนที่ทำให้คนที่นอนแอ่นตัวขึ้นจนเกือบร้องครางแต่ก็มีเสียงเล็ดลอดมาหน่อยๆ

         //ชาร์จอยู่และกูอ่านหนังสืออยู่ชั้น...ล่าง// เสียงแอ้พูดและแอบคราง

        //อู้ยย // ผมร้องเพราะว่าแอ้มันบิดผมให้ผมหยุดนั่นแหละคนที่แอ่นร่างค่อยนอนราบลง

         //ไอ้ดิวมันอยู่ชั้นบนเหรอ// ติ๊กถามแอ้ ผมก็เลื่อนตัวขึ้น พยักหน้าว่าใช่ไงว่าอยู่บน (แต่บนตัวแอ้นะตอนนี้ )

        //อืมมม// แอ้ตอบ เพราะว่าค่อยเคลื่อนขยับแอ้ก็ใช้มือดันหัวเตียงไว้ไม่ให้หัวชนเตียงและนั่นแหละจะทำให้ความแตก ผมก็รีบหยิบมือถือมาจากแอ้

         //ใช่กูอยู่บน มึงมีอะไรอีกไหม พี่กูจะโทรหากูแล้ว// ผมถามติ๊กด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ

          //เออ กูจะรีบกลับเดี๋ยวนี้//ไอ้ติ๊กมันพูดและผมก็กดวางสายและโยนมือถือไปเลยตรงไหนไม่รู้ มือผมก็ดันหัวเตียงเอาไว้

          “ปัก ๆๆๆๆ” คือนาทีนี้ต้องเร่งสปีดระดับสิบเลย เสียงเตียงที่ดังเพราะแรงม้าผมเอง ก่อนที่จะถึงฝั่งผมก็ก้มลงจูบแอ้เพื่อผ่อนคลายและทุกอย่างก็จบลงอย่างเร่งด่วนแต่สุขทั้งคู่แอ้ก็เรียบร้อยเช่นกัน

          “ฟู่” ผมพ่นลมออกมาและนอนแผ่หลาลงข้างๆ แอ้ ผมเหลือบตาไปมองแอ้ที่กำลังลุกพร้วดขึ้นทันที แอ้รีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อการชำระร่างกายก่อนจะวิ่งออกมาสวมชุดนักเรียนกลับไป

          “แอ้จะไปโรงเรียนอีกเหรอ แอ้จะสวมชุดนักเรียนอีกทำไมอ่ะ” ผมกระดกหัวขึ้นถามแอ้

          “ก็ถ้ากูเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้าน เด็กอนุบาลก็ดูออก กูกับมึงทำอะไรกันไปแล้ว คิดซิวะดิว” แอ้มันบ่นผม ผมก็มองแอ้

           “ก็ทำแล้วไง วันนี้ดิวจัดเต็มมาก น้ำหมดตัวเลย” ผมพูด แอ้ก็ทำหน้าตกใจ

           “ไอ้ดิวนี่มึงไม่ได้สวมถุงเหรอว่ะ” แอ้พูดชึ้นเพราะว่าผมลุกขึ้นโดยที่ไม่ได้หาอะไรมากันกายปกปิด และผมก็พยักหน้าว่าไม่ได้สวม เห็นๆ อยู่

            “อยากมีลูกอีกคน” ผมบอกแอ้

           “ไอ้สัสดิว!!” คำชมจากเมียและของสมน้ำหน้าคุณ ที่ลอยมาปะทะใบหน้าหล่อๆ ของผม ก็แอ้ปาหมอนใส่ผม

            “ปึก!” ผมก็นึกว่าแอ้รู้ ว่าผมไม่มีถุงสวมอยู่

           “ก็เห็นแอ้รีบอ่ะ” ผมพูดแอ้ก็แต่งตัวและ

            “เก็บที่นอนให้เรียบร้อยด้วยนะ ก่อนที่ติ๊กมันจะมา ป่านนี้มันคงถึงหน้าบ้านแล้ว” แอ้พูดและจัดการหอบหนังสือและไอแพตรุ่นไหมแอ้ไม่ชอบพกโน๊ตบุ๊ค

            “ฉิบหายแล้ว!พี่อ้นส่งข้อความมาว่าเขารอกูนานแล้วด้วยไอ้ดิว มึงแม่งทิ้งระเบิดให้กูหลายลูกเลยนะสัด” แอ้พูดก่อนจะเปิดประตูและออกจากห้องไป ผมก็ลุกขึ้นเก็บที่นอนให้เรียบร้อย ให้ดูเหมือนไม่ได้ผ่านการใช้งานมาก่อนและเข้าห้องน้ำอาบน้ำอย่างเร็วและออกมาจัดการเปิดโน๊ตบุ๊คและกางหนังสือออก

             “ติ้ง” ข้อความจากพี่ชายผมพี่ดิม

             “กูรอจนหลับเลยไอ้ดิว มึงจะติวกับกูได้หรือยังครับ” พี่ดิม

              “ครับพี่ดิม ผมพร้อมมากแล้วตอนนี้ “

             “มึงหายไปไหนมา มึงน่าจะเลิกเรียนนานแล้ว” พี่ดิม

             “ไปทำหลานเพิ่มไง เห็นบอกว่าโตกันหมดแล้วอยากได้เล็กๆ น่ารักอีกไม่ใช่เหรอ”

            “พอครับ ขอพวกกูมีเวลาหายใจบางเถอะครับ และถ้ามึงทำมากูจะซื้อเป้ให้มึงเอาลูกเล็กของมึง กระเตงไปเรียนด้วยเลย สัส! “พี่ดิมบ่นผมทันที ผมรู้ว่าแอ้ไม่ท้องหรอกมันเลยวันไข่ตกไปแล้วและแอ้ก็ทานยาอยู่ด้วยยาตัวนี้มันทำให้ไข่ฝ่อและทานต่อเนื่องห้ามขาด

             “ฮาๆ “ผมหัวเราะพี่ดิมและการติวของผมก็เริ่มขึ้น พี่ดิมก็แนะแนวให้ผมอ่านนันอ่านนี้ผมคุยกับพี่ดิมไปได้สักพัก ก็มีเสียงรถเข้ามาจอดและมีคนเดินคุยเหมือนทะเลาะกันเข้ามา



             สักพักก็มีคนเดินมาหยุดที่หน้าห้องนอนของผม และเปิดประตูพล้วดเข้ามาทันที ไอ้ติ๊ก ติ๊กมันเดินมามองผมและใช้มันเหล่มองเตียงนอนผม ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ ผมหันไปมองไอ้ติ๊ก แบบว่ามีอะไรเหรอ

              “มีปัญหาอะไรเหรอ” ผมถามติ๊ก แอ้ที่ยืนอยู่ข้างหลังติ๊กและไอ้เดี่ยวที่มองลอดเข้ามา ผมแอบส่งซิกว่าทุกอย่างโอเคติ๊กมันก็หันไปมองแอ้

              “มึงรออาบน้ำพร้อมกูใช่ไหมวะแอ้” ติ๊กมันถามแอ้

              “ก็เออไงและกูก็เพิ่งจะคุยกับพี่กูได้นิดเดียวเอง เพราะว่าพี่กูติดธุระอยู่ “แอ้พูด

              “เออ ถ้าอย่างนั้นกูรอมึงแอ้ “ติ๊กพูดและเดินออกทันที แอ้ก็ตามติ๊กออกไป ผมก็มองสองคนนั้น

              “เฮ้ยย! มึงค้างไหมวะเพราะกูยื้อสุดๆ แล้ว” ไอ้เดี่ยวมันเข้ามาในห้องผมและปิดประตูลง

               “รุ่นนี้แล้วไม่มีค้างแน่นอน “ผมพูดและเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

               “เสร็จว่างั้น” ไอ้เดี่ยวมันแซวผม ผมยักคิ้วให้ว่าผมนะเทพ (ถ้ามันรู้ว่าผมทำแอ้ท้องได้ด้วยจะเทพขนาดไหน)

              “สบายตัวเลยวะ “ผมพูด

               “สุดยอดเลยมึงนี้ กูนี่ก็กลัวแทนมึงฉิบหายเลยวะ ดูท่าติ๊กมันจะโกรธอะไรขนาดนั้นวะนี่มันหึงใครกันแน่ มึงหรือแอ้” ไอ้เดี่ยวมันถามผม

              “ไม่น่าจะใช่กูวะ แต่จะว่าแอ้ก็ไม่รู้วะ “ผมพูด

               “น่าปวดหัวแทนวะจริงๆ เออ กูไปอาบน้ำดีกว่าวะ “ไอ้เดี่ยวมันพูด และผมก็ลุกขึ้น ผมเดินออกมามองซ้ายมองขวา ผมเห็นไอ้เดี่ยวมันกำลังเปิดประตูห้องนอนมัน

              “อย่าลืมช่วยกูอีกนะมึง “ผมบอกไอ้เดี่ยว มันก็หันมามองผม

               “เออๆ คราวหน้าจะพาไปไกลๆ หน่อยแล้วกันจะได้มีเวลา...” ผมพูด

                “ที่แท้นี้แผนมึงสองคนเหรอวะ ที่ลากกูไปอยู่ซะนานเลย ไอ้เดี่ยว ไอ้ดิว” ติ๊กมันเปิดประตูมาพอดี ผมหันไปมอง สายตาผมประสานกับสายตาของไอ้ติ๊กมัน ติ๊กมันมองหน้าผมและไอ้เดี่ยวที่ยืนหน้าซีดเชียว ไอ้นรี้หัวหด

               “ใช่! กูบอกให้มันทำเอง ดังนั้น มึงไม่ต้องไปโทษมัน"ผมพูด

              "และที่กูทำก็เพราะว่ากูอยากมีเวลาคุยกับแอ้"ผมพูด ติ๊กมองหน้าผม

              "แค่คุยเหรอ" ติ๊กมันถามผม

              " อาจจะมากกว่าคุยแต่มันก็สิทธิ์ของกูสองคนป่ะว่ะ"แต่กูไม่เข้าใจ อย่างหนึ่งว่ะ ว่ามึงเป็นอะไรวะ มึงบอกมาดิ กูจะได้เข้าใจให้ถูกว่ามึงพยายามกันกูกับแอ้ทำไม” ผมพูดบอกติ๊กมันพูด ไอ้ติ๊กหันมามองไอ้เดี่ยว คิ๊กไม่พูดอะไร หันหลังและปิดประตูใส่ผมสองคนทันที ไอ้เดี่ยวมันก็ยักไหล่ก่อนจะเข้าห้องนอนมันไปผมก็กลับเข้าห้องผมเช่นกัน

*****

                Part’ s เดี่ยว ผมรู้สึกผิดตอนที่เห็นสายตาคู่นั้นของติ๊ก มันแอบไว้ซึ่งความรู้สึกที่เจ็บปวด ผมเองก็เลยรู้สึกผิดขึ้นมาเหมือนกัน ผมเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำแต่งตัว และออกมาเอาสมุดมาทำการบ้าน ผมแอบดูมือถือจะว่าไปปูก็เงียบมาก เกิดอะไรขึ้นกับปูหรือเปล่านะ ผมแอบเป็นห่วง

              “ก๊อกๆ “เสียงเคาะประตูห้องนอนผม ผมเดินไปเปิดประตู คนที่มาเคาะก็คือไอ้ดิว

              “ไปทานข้าวกันวะ ไอ้ป๊อดเอาอาหารมาส่งวะ” ไอ้ดิวพูด ผมก็พยักหน้า

               “ขอโทษวะดิว “ผมพูดขอโทษที่ผมทำความลับระหว่างมันกับผมแตกต่อหน้าไอ้ติ๊ก ผมว่าคราวนี้มันคงยากขึ้น

               “เออ..วะ ไม่เป็นไร” ไอ้ดิวมันพูดเหมือนจะนอยด์ ผมลงมาถึงก็เห็นแอ้กับติ๊กกำลังนั่งทานกัน อาหารมีไม่กี่อย่าง

               “เดี๋ยว ป๊อดมันบอกว่าปูฝากจดหมายไว้ให้น่ะ มันกลับไปแล้ว ไปช่วยงานแม่มันต่อ” แอ้บอกผมและโบ้ยปากที่ซองจดหมาย ผมรีบหยิบขึ้นมาเปิดอ่านดูทันที จังหวะที่ไอ้ป๊อดเดินถือเอาอาหารมาเพิ่ม

               “จดหมายรักเหรอวะเดี่ยว” ไอ้ดิวมันถามผม

              “ปูบอกว่า มือถือปูเสียอ่ะ “ผมบอก

             “ไอ้ป๊อด แล้วพรุ่งนี้ปูจะไปโรงเรียนไหมวะ” ผมถามป๊อด

              “พี่ปูเขาบอกกับผมว่าจะไปนะพี่และพี่ปูก็จะไปช่วยแม่ผมทำอาหารก่อนด้วยเพราะว่าพี่แม่ครัวอีกคนเขาเจ็บท้องคลอดกะทันหันเมื่อตอนเย็น แม่ผมเลยขาดคนครับ” ไอ้ป๊อดพูด

            “บอกปูนะว่าให้ออกมาหาพี่หน่อยพี่มีของจะให้เขา” ผมบอกไอ้ป๊อด ป๊อดมันก็พยักหน้า ไอ้ดิวมันหันมามองหน้าผม

            “ก็พอดีกูมีมือถือไอโฟน รุ่นนี้ขายเมื่อสองปีที่แล้วแต่มันยังใช้ได้อยู่ เพราะมันยังอยู่ในกล่องอย่างดีไม่เคยถูกเปิด “ผมพูดทุกคนหันมามองผมยกเว้นติ๊ก เขาไม่มองผมเลยสักนิด

           “กูกะจะให้แฟนแต่ว่ามาเลิกกันซะก่อน เลยเก็บไว้อย่างนั้น” ผมพูด

           “ดีวะเพราะว่าปูเขาต้องใช้” แอ้พูด

           “ครื้นน!!!” เสียงเก้าอี้ถูกเลื่อนออก ผมหันไปมองคนนั้นคือติ๊กที่ลุกพร้วดขึ้นทันที

           “กูอิ่มแล้วแอ้ “ติ๊กพูดและเดินออกไปเลย ผมก็มองพวกมันสลับกันไปมาว่าผมทำอะไรผิดวะ ดิวก็ยักไหล่ประมาณว่าไม่รู้

            “อย่าถือสามันเลยวะ กูว่ามันเป็นห่วงมึง มันแค่กลัวมึงถูกหลอก “แอ้พูด ผมพยักหน้าเบาๆ แต่ก็แอบยิ้มเล็กน้อย



             พวกผมทานกันอิ่มก็ไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น นั่งดูทีวีกัน นั่งดูหนังกันในห้องที่เปิดไฟเอาไว้แบบสลัวๆ แต่ก็แอบเห็นไอ้ดิวมันจับมือแอ้ มีแอบหอมมือด้วย แอ้มันก็ตีไอ้ดิวห้ามมันไม่ให้ทำคงกลัวว่าติ๊กมันจะลงมาเห็นแน่ ๆ แต่ทว่าติ๊กก็ไม่ลงมาเลยหรือว่าหลับไปแล้วก็ไม่รู้ ผมนั่งกันอยู่จนดึก พวกแจ็คก็กลับมาและพวกผมก็พากันแยกย้ายขึ้นห้องนอน ผมยังหันไปมองห้องนอนติ๊ก ดอกฟ้าก็คือดอกฟ้าแล้วหมาวัดอย่างผมจะเอื้อมถึงได้อย่างไร

             TBC...



หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.4ุ9 (พายXมาร์ค)พระเอกจำเป็น
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 08-03-2024 09:43:26
EP.4ุ9 (พายXมาร์ค)พระเอกจำเป็น
            Part’ s พาย ผมมาหาพ่อเปรมดิ์ที่โรงแรมของอาภาคย์ พ่อบอกว่ามาธุระผมเลยบอกพ่อว่าจะออกมาหาพ่อ ผมคิดถึงพี่แพทก็มาด้วย ผมยิ่งอยากมาเข้าไปใหญ่ ผมคิดถึงพี่แพท พี่แพทไปเรียนทหารแต่ก็มีช่วงพักบ้างและก่อนที่ผมจะมีเรื่อง พี่แพทก็ไปฝึกหน่วยรบพิเศษ หน่วยจู่โจมใต้น้ำ ไปร่วมฝึกกับหน่วยนาวีซีลแต่ไปในฐานะตัวแทนนาวิกโยธิน พี่แพทเป็นหน่วยเดลต้าฟอร์ดและMI หน่วยข่าวกรองด้วย พี่ผมเก่งหลายอย่างเลยทีเดียว
         “คุณพายครับถึงแล้วครับ” พี่คนขับรถบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถที่ตรงด้านหน้าโรงแรม
         “ขอบคุณนะครับพี่” ผมพูดขอบคุณก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ผมเหลือบไปมองเห็นใครสักคนที่เดินเข้ามาเช่นกัน หน้าตาคุ้นๆ มันเหมือนคนที่อยู่ในห้องเรียนเดียวกับพวกผม ผมก็มองมันอีกที ไอ้คนนั้นมันเดินกดมือถือก่อนจะหันมามองผม มันตกใจ ผมว่าใช่แล้ว
         “มึง!!” ผมชี้หน้ามันซะก่อน
         “เจอหน้าก็มึงเลย” มันถามผม
         “กูไม่รู้ชื่อนี่หว่า” ผมพูด
         “มาร์คโว้ย!! “มันพูด
         “เออ จะมาร์คหรือจะหมาก็เรื่องของมึงเถอะ” ผมพูดและทำท่าจะเดินเข้าไปด้านในโรงแรม
         “ปากน่าจับจูบจริงๆ มาร์คโว้ย ไม่ใช่หมา” มันรีบพูดแก้ทันที ผมหันมามองไอ้มาร์คอะไรนี้พร้อมกับยิ้มตอบ กูแคร์เหรอ
         “ก็กูบอกว่าเรื่องของมึง ปัญหาของมึง” ผมบอกคนตรงหน้า
         “หน้าหวานซะเปล่า เสียแต่ปาก” ดูมันพูด
         “ปากเสียนะเหรอ อันนี้รู้ตัว มีแต่คนชม” ผมพูด ไอ้คนตรงหน้าผมสะบัดหน้ามามองผม ทำหน้าตกใจหรือประหลาดใจอันนี้พายก็แยกไม่ออก
          “แบบนี้ก็ได้เหรอ อันนี้ด่าครับไม่ได้ชม ควรไปปรับทัศนคติใหม่น่ะ” ไอ้มาร์คพูด ผมก็เบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะ เหลือบมองนาฬิกาประมาณว่าเสียเวลาคุยกับมันทำไมเนี่ย!
           “ว่าแต่ มาทำไมเนี่ย มาคนเดียวด้วย ไม่กลัวหรือไง ยิ่งเป็นที่หมายตาของบรรดาพวกอยากลองของแปลกอยู่” ไอ้มาร์คพูด
         “อันนี้กูเข้าใจได้เลยว่ามันด่าชัดๆ ไม่ได้ชม” ผมหันมาพูด
         “แหม! ที่อย่างนี้ระเร็วเชียวน่ะ” ไอ้มาร์คพูด
          “ว่าแต่มึงเถอะ…มาทำไมเนี่ย รับจ๊อปพิเศษเหรอ” ผมถามไอ้มาร์ค มันรีบก้มลงสำรวจเสื้อผ้าตัวเองทันที
         “แต่งหล่อขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะมาเป็นคนใช้บริการบ้างหรือไง โรงแรมหรู เสื้อผ้ากูก็แบรนด์เนมขนาดนี้ คิดได้ไงเนี่ย” ไอ้มาร์คพูด ผมทำหน้าแบบไม่เชื่ออ่ะ ผมยืนกอดอกมองอีกที
          “ของแท้ นี้ดู ไม่เชื่อเดี๋ยวกลับไปเอาใบเสร็จให้ดูเลย” ไอ้มาร์คพูด ผมก็เหล่ตามองว่าตกลงมันมาทำไม
          “จริงๆ มารับพ่อกู พ่อกูมาเจอคนสำคัญ” ไอ้มาร์คพูด
         “เหรอ!” ผมทำเสียงสูงใส่
         “ว่าแต่เราเถอะ มาทำไมคนเดียว เดี๋ยวก็โดนสอยหรอก” ไอ้มาร์คพูด ผมเบ้ปากใส่ทันที
        “ใครจะกล้า!” ผมพูดและแอบคิดในใจ มันไม่รู้จักน้องพายซะแล้ว ผมเดินผ่านไอ้มาร์คไปทันที จังหวะนั้นโทรศัพท์มาร์คมันดังพอดี มันเลยกดรับสายซะก่อนและผมก็เดินแทรกมาร์คมันเข้าไป
         //ฮัลโหลพี่แพท ผมมาถึงแล้วอะ” ผมโทรหาพี่แพททันที
         //พาย.. นั่งรอพี่กับพ่อด้านล่างก่อนน่ะ พอดีพี่กับพ่อยังคุยธุระกับ ท่านนายกอบต พื้นที่อยู่ แต่ใกล้จะเสร็จแล้วครับพาย” พี่แพทบอกผม
         //ได้ครับพี่แพท// ผมบอกพี่แพท

           ก่อนจะหันมามองไอ้มาร์ค มันก็หาที่นั่ง นั่งรอใครสักคน ผมหันไปมองหน้ามัน สงสัยไอ้นี่จะพาสาวมานอนโรงแรมแน่เลย ผมก็เดินสะบัดก้น ไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า เลิกเรียนมาหน้ามันเชียว กลัวจะได้ทอดไข่ ผมเลยตรงไปที่ห้องน้ำซะก่อน จะว่าไปพวกบอย แจ็ค หลุยส์และธรรณ์ก็มาที่เดียวกันแต่ว่าผมกับไม่เจอ น่าแปลก” ผมแอบคิดในใจ ก่อนจะเดินแยกเข้าไปในห้อง ผมยืนมอง จะเข้าห้องน้ำผู้หญิงมันก็จะดูไม่ดีเพราะว่ามีแขกเข้ามาใช้เยอะแยะ ถ้าเห็นว่าผมเข้าไปใช้นี่อาภาคย์จะโดนดราม่า เอาว่ะเข้าห้องน้ำชายนี่แหละ ผมตรงเข้าไปแต่ไม่ได้ทำอย่างอื่น เข้าไปใช้กระจกครับ หยิบเอานั้นนี้มาโป๊ะหน้าหน่อยๆ แม้จะเป็นผู้ชายแต่ดูแลใบหน้าดีทีเดียว
           “เฮ้ยย!!!” นี่มันน้องน่ารักที่ไปเจอที่ร้านไอติมกับพวกนั้นนี่หว่า” ผมได้ยินเสียงใครสักคนคุยกัน ผมหันมามอง อ้าปากค้างเล็กน้อย ถามว่าผมจำได้ไหม ไม่ค่อยได้ แต่คิดว่าไม่น่าจะจำจะดีกว่า ผมรีบเก็บทุกอย่างก่อนจะหันมามองสองคนที่เพิ่งเข้ามาและรีบเปิดประตูออกไปทันที
          “หมับ!!” มันตรงมาจับแขนผมซะงั้น
          “ไอ้เชี้ย!!” ผมด่ามันแต่ว่ามันแรงเยอะกว่าผมมาก
          “ไอ้เชี้ยปล่อยกู!!” ผมพยายามสะบัดแขนมัน
           “ไหน ไหน ก็เจอกันทีนี้ เราไปหาอะไรทำในห้องน้ำไหม ดูท่าจะ…” ไอ้นี่พูดและมันก็มองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
          “กูเลือก!!” ผมหันไปพูดใส่หน้ามัน ไอ้สองคนนี้หน้ามันโหดเกิ้น
          “แต่กูไม่เลือก!!” มันบอกไม่เลือกและยังจะพยายามลากผมกลับเข้าไปในห้องน้ำด้วย
          “ปล่อยกูน่ะ พ่อกูอยู่ข้างบนไอ้เชี้ย พี่กูก็อยู่นี้ มึงอยากเจอดีใช่ไหม ไอ้เชี้ย ไอ้สัตว์ ไอ้ชาติหมา ไอ้หน้าตัวเมีย ไอ้ควาย
          "ไอ้... ไอ้...ไอ้.... “ผมพยายามดิ้นรนและด่ามันไปด้วย งัดมาหมดทั้งสวนสัตว์ มันก็ไม่ยอมปล่อยผมพยายามลากผมอยู่นั้นเอง ผมก็สู้แรงไม่ไหว้ เหมือนเอาไม่ซีไปงัดไม้ซุงก็ว่าได้
          “ไอ้เชี้ย!!!” เสียงดังมาจากไหนไม่รู้แต่ว่าไอ้คนที่ลากผมมันหยุดชะงัก ผมก็หันไปมอง ไอ้คนที่เข้ามายืนที่ตรงทางเดินนั้นคือไอ้มาร์ค
          “มึงทำอะไรน่ะ!!” ไอ้มาร์คมันตะโกนถาม ผมก็รีบสะบัดแขนให้หลุด วิ่งออกมาทันที ถึงจะไม่ชอบหน้าไอ้นี่เท่าไหร่แต่ตอนนี้ต้องการพวก ผมวิ่งมาแอบด้านหลังมันทันที
           “มึงจะทำอะไรน่ะ ปล่อยน้องมัน เป็นผู้ชายซะเปล่าแม่งรังแกคนอ่อนแอกว่า มึงไม่น่าใส่หรอกเสื้อช๊อปน่ะ ควรใส่กระโปรงว่ะ” ไอ้มาร์คมันถามไอ้สองคนนั้น
           “มึงเสือกอะไรด้วย” ไอ้คนนั้นมันถามไอ้มาร์ค ไอ้มาร์คมันหันมามองหน้าผม
          “ไอ้นี่มันเรียนที่เดียวกับกู “ไอ้มาร์คมันพูด
          “แล้วไง มึงอยากเจ็บตัวไปกับน้องมันเหรอเพราะเรียนที่เดียวกัน” ไอ้คนนั้นถาม
          “เอ๊ะหรือว่าผัวน้องมันว่ะ” ไอ้นี่มันพูด
          “มึงนี่ปากหมาว่ะ ไอ้หน้าตัวเมีย” ไอ้มาร์คมันชี้หน้าด่า จะว่าไปตอนนี้มันก็เหมือนจะเป็นฮีโร่ของพายน่ะ ถ้ามันไม่กวนตีนตั้งแต่นาทีแรกที่ก้าวเข้าไปในห้องเรียนนั้น ผมคง ตกหลุมรักมันไปแล้ว แต่ว่าตอนนี้พักยกเรื่องนั้นไว้ก่อน
           “ได้ งั้นมึงโดนกูแน่” ไอ้คนนั้นมันหยิบมีดพกขึ้นมาทันที ผมก็รีบกดมือถือหาพี่แพท
          //พี่แพท //ผมโทรหาพี่แพท พี่แพทรับสายผมแล้วและผมก็กดแชร์โลเคชั่นไปหาพี่แพททันที ไอ้สองคนนั้นมันเดินเข้ามาหาผมกับไอ้มารึแล้วด้วย มันมีมีดมาด้วย ผมกับไอ้พี่มาร์คยืนติดกำแพงเลย ไอ้มาร์คมันหันมามองผมเป็นระยะๆ และมองไอ้นั้นด้วย ผมพยักพเยิดว่า จัดการมันดิ เห็นอยู่ในห้องโหดหนักไม่ใช่เหรอ
          “ผลัก!” ไอ้มาร์คมันถีบผมออกไป ย้ำว่ามันถีบครับ มันถีบผมกระเด็นไป ผมหันมามองหน้ามันทันที มันรู้จักฝีปากพายน้อยไปซะแล้วไอ้มาร์ค
           “ทำไมมึงไม่ถีบไอ้นั่น มึงมาถีบกูทำไมเนี๊ยะ!! ไอ้หมา!! ไอ้หน้าดอกวัว ไอ้...ไอ้...” ผมหันมาด่ามันเป็นชุดเลย ไอ้สองคนที่ยืนอยู่มันมองผมกัไบอ้มาร์คสลับกันไปมา ไอ้มาร์คมันหันหน้ามามองหน้าผม ผมอ่านปากมัน ผมก็พยายามอ่านน่ะ
           (วิ่ง) มันบอกให้ผมวิ่ง อ้อ คราวนี่เข้าใจแต่ว่าผมเข้าใจช้าไป เพราะว่าอีกคนวิ่งมาดักผมเอาไว้ ผมก็เลยต้องค่อยไถลกลับมาหาไอ้มาร์คมันอีก
           “โธ่เอ๊ย!! อุตส่าห์ถีบออกไปแล้วให้ไปหาคนมาช่วย!! แทนที่จะวิ่งออกไปยังหันกลับมาด่ากูอีก แล้วนี่ใครจะมาช่วยวะ!!” ไอ้มาร์คหันมาบอกผม
           “ที่หลังมึงปรึกษากูนิดนึงน่ะ” ผมพูดและมองไอ้พวกนี้ ดูมันถลกแขนเสื้อขนาดนี้ พายเละแน่ๆ วันนี้ กูไม่น่าหลุดมาตัวเดียวเลย
           “ไหนบอกเป็นเด็กฉลาดไอคิวสูงปรี้ดไง” ไอ้มาร์คหันมาถามผม
           “กูเน้นวิชาการโว้ย!!” ผมพูด
          “อันนี้มันไม่มีในหลักวิชาการ กูจะไปเก็ตได้ยังไงวะ” ผมพูด
           “ไม่เน้นรอดชีวิตว่างั้น งั้นเลิกอ่านได้แล้วตำรานะเพราะว่าการเอาชีวิตรอดมันสำคัญกว่า เชื่อกู” ไอ้มาร์คหันมาพูดกับผมสอนผมอีกด้วย และที่มันพูดนี้เจ็บกว่าด่าว่าผมโง่ อีก ผมรีบชูนิ้วกลางให้ไอ้มาร์คแทน ปากหมาจริงๆ
“มึง ได้กลายเป็นศพในโรงแรมหรูแน่ๆ ทั้งคู่เลย ไปนอนกอดกันในโลงแทน รักกันมากใช่ไหม” ไอ้นั่นมันพูด มันคงเห็นว่าผมกอดขาไอ้มาร์คอยู่ ผมคิดในใจพึ่งจะรักมันเมื่อกี้นี้แหละ ที่ผ่านมาไม่ชอบขี้หน้ามันเลย ทั้งแก้งด้วย

          ไอ้หน้าโหดๆ นั้นมันก็ตรงปรี่จะเข้ามา ผมก็ยกมือกัน ผมรู้สึกปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้ ไอ้มาร์คมันมากันผมอีกทีแต่ว่าทุกอย่างมันเงียบ ผมค่อยแอบมอง ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้สองคนนั้นมันกองอยู่กับพื้นเฉยเลย ผมก็ผลักไอ้มาร์คออก มันบังผมครับ ไอ้สองคนนั้นมันกระเด็นไปเพราะว่าพี่แพท มาช่วยผมเอาไว้ได้ทันนั้นเอง
        “พี่แพท!!” ผมเรียกพี่แพท แต่พี่แพท ชูนิ้วให้ผมนั่งตรงนั้นก่อน ไอ้มาร์คมองหน้าผมกับพี่แพทสลับกันไปมา ก่อนจะชี้นิ้ว ว่าใคร?
         “พี่กูโว้ย!!” ผมพูด ผมลุกขึ้นมา
          “ไอ้เขี้ยพวกนี้มันจะรังแกน้องพี่แพท สั่งสอนมันเลยพี่แพท!!!” ผมพูด พี่แพทหันไปมองหน้าสองคนนั้น
         “โอ้วว! พี่มาก่างเลยว่างั้น” ไอ้มาร์คหันมาถามผม ผมหันมามองหน้ามัน ยืดเลยและตอนนี้ และไอ้สองคนนั้นมันก็มองพี่แพทผม สายตามันดูโกรธมากและอีกคนก็คว้ามีดตรงเข้าไปหาพี่แพทแต่พี่ผมฝึกมาอย่างดีจึงหลบคมมีดทันและก็จับข้อมือไอ้คนนั้นเอาไว้ได้พร้อมกับบิดและมีดก็ตกลงพื้น
          “ผลัก!!” พี่แพทตีเข่าเข้าไปทำให้ร่างกันกระทุ้งขึ้นตามแรงกระแทกของเข่าพี่แพท
          “อู้ยยย!!!” ผมกับไอ้มาร์ค เจ็บแทนแม่งเลย พอเพื่อนมันเห็นก็วิ่งไปหยิบมีดที่กระเด็นไปวิ่งมาหาพี่แพทอีกที มันคงคิดว่าพี่แพทหมดทางหันไปโต้ตอบซิท่าแต่ไม่ใช่พี่แพทผม พี่แพทฟาดเท้าเข้าไปที่คนที่วิ่งเข้าไปถึงกับกระเด็นไปชนฝาผนังทันที
          “ตุบ!!!” และมันก็แน่นิ่งไป
          “ว้าว!!” เสียงไอ้มาร์คมันอุทานทันที เป็นไงล่ะเท้าพี่แพท อีกคนหันไปมองเพื่อนก่อนจะพยุงตัวเองและวิ่งไปงัดเพื่อนให้มันลุกและพากันออกไปอย่างหมาเลยก็ว่าได้ ไอ้มาร์คยื่นมือเพื่อพยุงผมขึ้น จะว่าไปมันก็ไม่ใช่เด็กเกเรอะไรเลยน่ะไอ้มาร์คนี้ ผมยืนขึ้นมาได้ แอบเขินเล็กน้อย
           “อ้าว!! เขินทำไมวะ” ไอ้มาร์คมันถาม
           “มึงเคยดูหนังเกาหลีไหม ฉากฟินๆ น่ะมึงเคยไหม” ผมพูด
          “ขอบใจน่ะ” ผมพูด ผมยืนมองไอ้มาร์ค ไอ้มาร์คมันมองผม มันยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ผมก็อายม้วนเลย พระเอกแม้จะในคราบแบดบอยก็เถอะ
         “ปึก!!” จู่ๆ พี่แพทยก็ผลักหน้าไอ้มาร์คออกไปและดึงผมเข้าไปกอดแทน คือพี่ชายผมค่อนข้างหวงครับ ผมหันไปมองไอ้มาร์ค มันเซไปแต่ไม่ถึงกับล้มน่ะ
        “เกิดอะไรขึ้นพาย” พี่แพทถามผม
        “ก็ไอ้สองคนนี้มันเคยหาเรื่องพวกผมอ่ะพี่แพทแต่ว่าวันนี้ดันมาเจอผมที่ห้องน้ำนี่อ่ะพี่แพท” ผมพูด พี่แพทกอดผม
       “โชคดีที่ได้ไอ้….” ผมจะหันไปมาบอกว่าไอ้มาร์คแต่ว่ามันหายไปซะก่อน
       “ไปด้านนอกเถอะ พ่ออยู่ที่ร็อบบี้แล้ว” พี่แพทพูด
       “ผมคิดถึงพี่แพทจังเลย” ผมพูด
        “อ้อนพี่อีกแล้ว” พี่แพทพูด
        “ก็พี่แพทฝึกเยอะอ่ะ ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย” ผมพูดและทำแก้มป่อง
       “พี่ไม่ฝึกแล้วแต่เราดิ ไปหาเรื่องคนอื่นเขาทำไม ไม่งั้นก็ได้กลับไปอยู่กับพ่อและพี่แล้วเนี่ย” พี่แพทพูด ผมสองคนพากันเดินออกมาและตรงไปหาพ่อผมทันที ผมเห็นพ่อผมกำลังคุยกับใครสักคน ดูสูงวัย ผมเดาได้ว่าน่าจะเป็นนายกอบต เขายืนคุยกับพ่ออยู่และผมยังเห็นคนที่ยืนข้างๆ คนที่คุยกับพ่อผมด้วย นั้นคือไอ้มาร์ค เออ ผมพึ่งได้ข้อมูลมาว่าพ่อมันเป็นนายกอบต นี่หว่า ไอ้มาร์คหันมามองหน้าผม
         “งั้นผมลานะครับท่าน ผมจะพยายามจัดการให้เร็วที่สุดครับ “คนนั้นก็ยกมือไหว้พ่อผม ผมยกมือไหว้คนนั้นตามมารยาทและไอ้มาร์คนี่มันก็ยกมือไหว้ลาพ่อผมก่อนจะเดินไปกับคนนั้น ผมเดาได้ว่าพ่อมันนั่นแหละมาร์คมันหันมามองหน้าผมก่อนจะเดินออกไป
         “หมับ” ผมตรงไปกอดพ่อผมทันที สามอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เจอพ่อเลย ผมคิดถึงพ่อมา
         “อะไรกันนี่ มาถึงก็อ้อนพ่อทันทีพาย” พ่อเปรมดิ์ถามผม
         “อ่อนพี่แพทเขาหรือยังล่ะ” พ่อถามผม
         “อ่อนไปแล้ว” ผมพูด
         “พ่อ เมื่อกี้ผมไปช่วยพายมา มีคนพกอาวุธเข้ามาในโรงแรมอาภาคย์” พี่แพทพูด พ่อหันมามองหน้าผม ผมพยักหน้าว่าจริง พ่อตกใจพอสมควร
          “พายบอกว่าเคยไปเจอและมีเรื่องเขมนกันมาก่อน” พี่แพทพูด
          “พ่อผมว่าที่นี้ มันเกินกำลังน้องๆ ไปแล้วน่ะพ่อ” พี่แพทพูด
           “เอาน่ะ ภาคย์กำลังลงคนสำคัญมาช่วยอีกคนและพวกพ่อก็ไม่ได้ปล่อยน้องตามลำพัง นี้ไงพ่อมาคุยกับคุณชัชชาติ เขาเป็นคนนายกอบตที่นี้และพ่อก็รู้จักเขามาก่อน พ่อเลยมาคุย” พ่อผมพูด ผมพยักหน้า
            “ว่าแต่พวกนั้นมันทำอะไรเราอีกไหมพาย” พี่แพทยถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่ได้ทำอะไร
            “ว่าแต่พี่แพทกับพ่อมาที่นี้โดยตรงเลยเหรอ” ผมถาม
            “เปล่าหรอกพี่แพทเขามายื่นเรื่องจะไปร่วมปฏิบัติหน้าที่พิเศษกลับหน่วยรบพิเศษที่ค่ายลุงภา” พ่อบอกผมผ พยักหน้าอีกรอบ
             “และพ่อกับพี่แพทคงกลับเลยน่ะพาย อยู่นานไม่ได้ พี่แพทเขามีอบรม” พ่อบอกผม ผมจำใจพยักหน้าอีกครั้ง ผมก็กอดพ่อเปรมดิ์แต่น่าแปลกน่ะถ้าพี่แพทมากับพ่อ ป๊าสี่ไม่ได้มาด้วย ไม่รู้ว่าป๊าสี่เกรงใจพี่แพทหรือเกรงใจพ่อ แต่กับพวกผมป๊าสี่ดีมากเหมือนพ่ออีกคนเลย
             “แล้วไอ้คนมาช่วยเราไว้ ใครกันพาย” พี่แพทถามผม
            “เออ… เป็นเพื่อนในห้องเรียนพี่แพท” ผมพูด
            “แค่เพื่อนน่ะ” พี่แพทถามผม ผมขมวดคิ้ว
           “แค่เพื่อน…” ผมตอบพี่แพท
            “แล้วไป” พี่แพทพูด
           “พี่ยังไม่อยากให้น้องมีแฟน อยากให้ใช้เวลานี้ให้มากกว่านี้ พอมีแฟนจะไม่มาอ้อนพี่แล้วไง” พี่แพทพูด ผมยิ้มตาหยีให้พี่แพทของผม ผมกับพ่อและพี่แพทเข้าไปในห้องอาหาร พ่อผมจองเอาไว้แล้ว สั่งอาหารที่ผมชอบทั้งนั้นเลยมาทาน ผมชอบเอาใจพี่ชายก็จะคอยตักนั้นตักนี่ให้ ผมเป็นเด็กช่างอ่อนพี่ชายของผม มีไอ้พี่พีชนี้แหละที่ไม่ค่อยอ้อน พี่แพทเอาใจผมแต่พี่พีชมักจะกวนใจผมมากกว่าแต่ก็รักพี่ชายทั้งสองคนเหมือนกันนั่นแหละ
           “พาย… พ่อจะให้ส่งเอกสารให้น่ะ เขาจะให้พายไปเรียนแพทย์ เร็วที่สุด” พ่อบอกผม ผมเงยหน้ามองพ่อผม ผมรู้สึกตกใจแต่ใช่ว่าผมไม่เคยรู้ ผมรู้มาก่อนแล้ว
            “พาย .. พายเป็นคนเรียนเก่งที่สุด มีความสามารถที่สุด พ่ออยากให้พายใช้มันให้เกิดประโยชน์ที่สุด” พ่อผมพูด ผมมองพ่อเปรมดิ์ ผมแอบเสียดายเวลา ผมยังอยากใช้เวลากับเพื่อนๆ ให้มากกว่านี้ พี่แพทหันมามองหน้าผม พี่แพทแตะที่หัวผมเบาๆ พี่แพทก็คงเข้าใจความรู้สึกของผม ผมไม่ได้พูดอะไรต่อผมทานอาหารต่อและฟังพ่อกับพี่แพทคุยกัน ผมจำใจความได้ว่าพี่แพทจะต้องมาประจำการชั่วคราวเพื่อเรียนรู้งานที่ค่ายลุงภา แต่ก็ดีน่ะไม่ไกลจากที่ผมเรียน ผมภาวนาว่าขออย่าให้ผมไปเรียนก่อนเลยเพราะถ้าไปก่อน ผมก็พลาดเวลาที่จะได้อ้อนพี่แพทอีก
            TBC.....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.50 (หลุยส์Xธรรณ์) สิ่งที่ยังคาใจหลุยส์
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 08-03-2024 21:00:35
EP.50 (หลุยส์Xธรรณ์) สิ่งที่ยังคาใจหลุยส์

              Part’ s หลุยส์ ผมกับธรรณ์ แจ็คและบอย พากันมาตีสคอร์ช เพื่อออกกำลังกายกันแต่จริงๆ แล้วผมนัดใครสักคนเอาไว้ ผมให้เขาสืบให้ผมว่าใครกันที่เป็นคนส่งคนไปฆ่ายกครัวบ้านผม ถึงจะผ่านมาหลายปีแต่ผมจะไม่ยอมปล่อยผ่าน ผมต้องเอาคืนให้ได้ ผมรู้มาคร่าวๆ ว่าเป็นคนในองค์กรนี่แหละ
             “ปึก” ผมกับไอ้แจ็ค แข่งกันตี ส่วนบอยกับธรรณ์เขาจับคู่กัน ผมน่ะใช้แรงเยอะกลัว ตีทีหนึ่งแรงอัดเยอะมาก เลยต้องจับคู่กับคนที่แข็งแรงพอๆ กัน นั้นคือแจ็ค
             “มึงไม่ได้ชวนพวกกูแค่มาตีสควอชแน่ๆ ไอ้หลุยส์” ไอ้แจ็คมันถามผม ผมหันไปมองแว๊ปหนึ่งก่อนจะฟ้าดลูกเทนนิสที่เด้งกลับมา
             “ปึก!!” ดังสะนั้น ผมหันไปหยักคิ้วให้แจ็ค
             “ปึก!!” ไอ้แจ็คมันก็ฟาดลูกบอลด้วยไม้สควอชอย่างแรงจนเด้งกลับมาด้วยความแรงไม่แพ้กันกับผมเลย
             “กูจะเอาคืนคนที่ฆ่ายกครัวครอบครัวกู” ผมพูด ก่อนจะฟ้าดอีกลูกอย่างแรง
             “กูเดาว่าลุงหนึ่งก็น่าจะรู้ว่าใครแต่ทำไมไม่จัดการให้กู กูไม่เข้าใจว่ะ” ผมพูด ไอ้แจ็คมันมองหน้าผม ผมเห็นลูกมันเด้งกลับมาแล้ว
            “ปึก!!” ผมวิ่งไปดักและฟาดกลับไปก่อนจะมองหน้าไอ้แจ็ค
            “มึงรู้ว่าใคร” แจ็คมันถามผม ลูกเมื่อสักครู่ผมไม่ได้ฟ้าดแรงเท่าไหร่ มันเลยเด้งกลับมาแบบไม่แรงมากและ
            “ปึก!!” แจ็คมันรับลูกนั้นเอาไว้ได้โดยที่ไม่ได้หันไปมองซะด้วยซ้ำ
            “กูว่ากูรู้ว่ะ กูได้หลักฐานมาแต่มันน้อยไป” ผมพูด
            “ใครวะ?” แจ็คมันถามผ
            “พ่อไอ้ฌอน!!” ผมหันไปพูด
            “ไอ้ฌอนที่เขาอยากให้ได้ตำแหน่งแทนบอย ไอ้นี่มันเก่งแต่ว่ามันไม่มีคุณสมบัติเพียงพอเพราะว่าเก่งอย่างเดียวแต่ไอ้นี่มันโหดเหี้ยมไร้ความปรานี มันเหมือนเป็นเด็กมีปัญหามาตั้งแต่เด็ก พวกเขาเลยไม่ยอมรับ” ผมพูด
            “ปัญหาสำคัญคือพ่อมันจะให้คนที่เป็นกลุ่มมหาอำนาจมาเป็นแบล็กมันอีกที มันไม่ต่างกับขายพวกเราให้เขา เขาเลยไม่ยอมและทุกอย่างพี่พ่อกูและพ่อมึงช่วยกันรักษามาตั้งแต่รุ่นปู่ ก็จะถูกทำลายไปเหมือนกัน” ผมพูด ไอ้แจ็คหันมามองหน้าผม
             “มันมีน้องชายชื่อเชย์ ไม่ต่างกับไอ้ฌอนและแย่กว่าตรงที่ เรียนก็ไม่เอาไหน ไอ้นี่ไม่มีอะไรดีสักอย่างเลย “ผมพูดก่อนจะหันไปมองสองหนุ่มน้อยของผม เขาตีสควอชกันเสร็จแล้ว ผมพยักพเยิดว่าออกไปหาแฟนตัวเองกันเถอะ ผมกับไอ้แจ็คออกมาจากห้องตีควอช์ บอยก็ส่งผ้าเช็ดหน้าให้แจ็ค ธรรณ์ก็ส่งให้ผมหนึ่งผื่นเช่นกัน ซับเหงื่อให้ด้วย น่ารักไหมล่ะแฟนผมแต่ก็ไม่แพ้บอยเช่นกัน ซับให้แจ็คเช่นกัน
            “คุณหลุยส์ครับ ไปที่ห้องรับรองเลยไหมครับและผมจะได้ให้คนของทางโรงแรมจัดห้องอาหารไว้รอเลยนะครับ” พี่นาธาน เดินเข้ามาถามผม ผมพยักหน้าว่าได้
             “เราไปห้องรับรองจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปทานอาหารกันดีกว่า วันนี้หลุยส์ มีคนพิเศษมาทานอาหารด้วย” ผมพูดธรรณ์หันมามองหน้าผม ผมยิ้มอ่อนๆ ให้ธรรณ์ และผมสี่คนก็ขึ้นไปยังห้องรับรอง โซนที่เรียกว่าส่วนตัว จะไม่มีใครเข้ามาใช้ได้ ผมจัดการแยกกันเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกาย ก็ต้องคู่ใครคู่มันอยู่แล้ว
ผมรีบชำระร่างกายกันก่อนเพราะว่าคนสำคัญที่ผมนัดเอาไว้รอผมอยู่ ผมให้เขาเอาเสื้อผ้าจากห้องเสื้อชื่อดังมาไว้ให้พวกผมเลือก ธรรณ์นั้นเลือกเอาไว้ให้ผมแล้ว เขารู้ใจว่าผมชอบแบบไหน
               “รู้ใจจริงๆ เลยน่ะคนนี้และน่ารักแบบนี้ ไม่ไปไหนแล้วจริงๆ” ผมพูดขณะที่ธรรณ์กำลังช่วยจัดแต่งเสื้อผ้าให้ผม
               “ก็ชอบแบบนี้อ่ะ” ธรรณ์พูด
               “เรียนออกแบบซิ ธรรณ์น่ะมีพรสวรรด์ด้านนี้น่ะ” ผมพูด ธรรณ์ยิ้มให้ผม จังหวะนั้นคู่รักอีกคู่เดินเข้ามาในห้องโถงพอดี แจ็คกับบอย เดินเข้ามาพอดี ดูกะหนุงกะหนิงเข้ามาด้วยกัน หวานไม่เกรงใจผมสองคนเหมือนกัน
               “ไปกันเถอะ อาหารเย็นพร้อมแล้ว” ผมพูด ผมสี่คนเดินลงไปพร้อมกันที่ห้องอาหาร ที่ถูกจัดเอาไว้อยู่แล้ว ผมสี่คนเดินมาหยุดที่โต๊ะอาหาร มีคนนั่งรอผมสี่คนอยู่แล้ว เขายนั่งหันหลังอยู่ แจ็ค บอยและธรรณ์ หันมามองหน้าผม ผมหยักคิ้วให้ก่อนจะพยักหน้าให้ทุกคนเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
                “อ้าวมากันแล้วเหรอ” และคนที่ก้มหน้าก้มตาดูเอกสารก็เงยหน้าขึ้นมามองพวกผมสี่คน อึ้งกันไปเลยซิ โดยเฉพาะแจ็คและบอยเพราะคนที่นั่งอยู่ คือลุงสอง
                “นั่งลงซิ” ลุงสองบอกผม ผมหันมามองหน้าทุกคน
                 “สวัสดีครับลุงสอง” ไอ้แจ็คยกมือไหว้แบบงงๆ
                 “สวัสดีครับลุงสอง” บอย
                 “สวัสดีครับ” ธรรณ์
                 “สวัสดีครับลุง” ผมพูดก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับลุงสอง ลุงสองมองพวกผมทุกคนก่อนจะหยุดสายตาที่ธรรณ์
                 “แฟนเราเหรอคนนี้ หลุยส์” ลุงสองถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่และคนที่นั่งข้างๆ ผมก็เขินรอทันที
                 “เป็นยังไงกันบ้าง หึ?” ลุงหนึ่งถามทุกคนแต่ว่าทุกคนยังอึงกันอยู่
                 “อ้าวเป็นอะไรไปล่ะ” ลุงสองถามอีกครั้ง
                 “ยังตกใจนะครับเพราะว่าปกติพวกผมแทบจะไม่เคยเจอลุงสองเลยแต่ว่าจำได้ครับ” แจ็คพูด
                  “หึๆ ตอนแรก ลุงหนึ่งว่าจะมานะแต่ว่ามีเรื่องด่วนซะก่อน เลยมาไม่ได้ ให้ลุงมาแทน” ลุงสองพูดยิ้มๆ
                  “ลุงหนึ่งน่ะเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพวกเราน่ะ เขารักและเอ็นดูเรา ดูแลเราเหมือนที่เขาดูแลพ่อๆ ของเรานั่นแหละ “ลุงสองพูด
                  “แต่อย่างว่า อาจจะเผด็จการไปหน่อย” ลุงสองพูดยิ้มๆ ให้กับพวกผม
                  “ไม่ล่ะครับมากเลยดีกว่า” ไอ้แจ็คพูดแต่โดนบอยตีแขนเอาไว้
                  “เรานี่น่ะ น่ะสมกับที่ลุงหนี่งพูดไว้ไม่มีผิดน่ะแจ็ค “ลุงสองพูด
                  “ผมก็คิดว่าลุงหนึ่งจะมาเองซะอีกนะครับ” ผมพูดขึ้น แจ็คมันหันมามองหน้าผม ผมขยิบตาให้มัน ผมรู้ว่ามันไม่ค่อยอยากเข้าหน้ากับลุงหนึ่งเท่าไหร่แต่ยังไงเขาก็ดูแลผมแทนพ่อผมเหมือนกัน
                   “หลุยส์ ลุงรู้น่ะว่าเราแคลงใจเรื่องพ่อแม่และทุกคนในบ้านของเรา ที่เสียชีวิตไป “ลุงสองพูด
                   “ถามว่าลุงๆ ทุกคนอยู่เฉยไหม ไม่น่ะ เราก็พยายามหาหลักฐานกันอย่างเต็มที่แต่เราก็ต้องรับมือกับด้านอื่นด้วย ดังนั้น ลุงอยากให้พวกเราโฟกัสที่เรื่องเรียนก่อนเพื่อจะได้ เข้ามาช่วยกันดูแลองค์กรนี้และองค์กรนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของพ่อๆ เราน่ะหลุยส์” ลุงสองพูด
                  “โดยเฉพาะเราหลุยส์” ลุงสองพูด ผมก็คิดว่าจะได้คำตอบเรื่องพ่อผมสักที
                  “ทำไม มันใช้เวลานานจังละครับ” ผมถามลุงสอง
                 “เพราะคนที่ทำเรื่องนี้ก็ไม่ธรรมดาไงหลุยส์ เราจะเอาผิดเขา เราก็ต้องรอบคอบที่สุด” ลุงสองพูด
                 “เข้าใจน่ะ ตอนนี้ลุงอยากให้เราช่วยกัน ดูแลองค์กรนี้ก่อนเพื่อป้องกันคนที่พยายามจะล้มล้างองค์กรของเรา” ลุงสองพูด ผมหันไปมอง พี่คนหนึ่งเดินมาหาลุงสอง ผมคุ้นๆ หน้าเขาอยู่
                “อ้าวปิก มาแล้วเหรอ”
                “ครับพ่อ ผมคุยงานเสร็จแล้วนะครับ” พี่เขาพูด
                “นี่พี่ปิก ลุงชายคนโตของลุงเอง” ลุงสองแนะนำ พวกผมก็ยกมือไหว้กันทันที
                “สวัสดีครับ” พี่ปิกทักทายพวกผม ก่อนจะนั่งลง
                 “ลุงว่าเราทานอาหารกันก่อนดีกว่านะ จะได้คุยกันไปด้วยและเราก็ต้องกลับบ้านพัก ไม่อยากให้กลับไปถึงดึกมาก มันอันตราย “ลุงสองพูดและพวกผมก็สั่งอาหาร ผมหันมามองไอ้แจ็ค
                 //กูอธิบายทีหลัง//ผมส่งข้อความหาไอ้แจ็ค มันอ่านข้อความก่อนจะพยักหน้าให้ผม

                  ผมหันมามองธรรณ์ ผมเดาว่าบอยน่าจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการ พวกผมก็สั่งอาหารมาทานและได้พูดคุยกับลุงสอง ผมรู้ว่าทำไมลุงหนึ่งส่งลุงสองมาแทนเพราะว่าลุงสองกับลุงหนึ่งน่ะเขา จิจ๊ะกันอยู่แต่ไม่ค่อยมีคนรู้ มีแค่ลูกๆ ลุงสองและผมนี่แหละ พวกนี้ก็ไม่รู้กันแต่อาจจะรู้หลังจากที่ผมอธิบายทุกอย่างแล้วก็ได้

                  ผมคุยกันไปเรื่อยๆ เปื่อย ถึงได้รู้ว่าพี่ปิกเป็นแฟนกับพี่อู๋ ลูกชายคนโตลุงสี่ ลุงสองมีลูกชายหกคน มีคนแรกนี้เรียนสี่เหล่าทัพเลยก็ว่าได้ เขาถึงได้เรียกบ้านนี้ว่าสี่เหล่าทัพ ทัพบกพี่ปิก ทัพเรือพี่ปั๊ป ทัพอากาศไปส์และอีกหน่วยพี่เขาอยู่ในหน่วยสวาท พี่ปาร์ค และยังมีพี่ปุณณ์และพี่ปอร์ ด้วย ลูกๆ ของลุงสองไม่ค่อยได้มีใครเจอเท่าไหร่นานๆ จะเจอที ผมเองยังเจอน้อยมากแต่พวกแจ็คนี้น่าจะไม่เคยเจอเลยด้วยซ้ำ

                  พวกผมคุยกันไม่นานเพราะว่าลุงสองต้องรีบกลับเหมือนกัน ลุงหนึ่งคงรู้ว่าผมส่งคนไปตามสืบบ้านไอ้ฌอน ถึงได้มาสกัดผมไว้ก่อน ผมรู้ว่าไอ้ฌอนมันลี้ภัยไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งครอบครัว ดังนั้นผมเลยจะไม่รอให้มันซมซานคลานกลับมา ผมต้องลากมันกลับมารับโทษให้ได้ ผมสัญญากับตัวเอง
ทันทีที่อาหารค่ำสิ้นสุดลง ผมก็แยกย้ายกันกลับ ผมกับทุกคนกลับไปที่บ้านพัก วันนี้กลับดึกก็จะมีการ์ดตามประกบเพื่อคุ้มกันพวกผมสี่คนให้กลับถึงที่พักอย่างปลอดภัย ผมนั่งกุมมือธรรณ์เอาไว้ ธรรณ์หันมามองหน้าผม พร้อมรอยยิ้ม
                “หลุยส์ เชื่อที่ลุงสองพูดเถอะนะ หลุยส์ยังไม่พร้อม รอให้พร้อมก่อนดีกว่า เพราะว่ามันอันตรายเกินไป นะธรรณ์ขอล่ะ” ธรรณ์พูดอ้อนวอนผม ผมหันมามองหน้าธรรร์ ผมดึงธรรณ์เข้ามาจูบ
                 “หลุยส์รู้ครับและหลุยส์อยากได้ความจริงให้เร็วเท่านั้นเอง” ผมพูด
                 “ตอนนี้หลุยส์คิดว่าอย่าพึ่งเลย ดังนั้น หลุยส์ควรจะรอน่ะธรรณ์จะอยู่เคียงข้างหลุยส์เอง สัญญา” หลุยส์พูด จังหวะนั้น รถเข้าไปจอดพอดี ภายในบ้านดูเงียบเหงายังไงก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าพวกนั้นมันทะเลาะกันหรือว่าแยกกันขั้นห้องไปแล้ว ผมหันมามองแจ็ค
                  “เรื่องลุงหนึ่ง เอาไว้ค่อยอธิบายก็ได้ว่ะแต่กูว่ากูเข้าใจมึงว่ะ” แจ็คบอกผม ผมพยักหน้าว่าขอบใจที่มันเข้าใจผม ถึงมันจะไม่ค่อยปลื้มหลักการของลุงหนึ่งจนเรียกได้ว่าเข้าหน้ากันไม่เคยติดเลยก็ได้แต่มันก็เข้าใจว่าผมก็ต้องการให้เขาช่วยผมเรื่องคดีของพ่อกับคนในครอบครัวของผมอยู่ดี และที่ไอ้แจ็คไม่อยากถามผมเยอะ มันคงเห็นว่าทุกคนเหนื่อยและเพลียแย่แล้วเลยคิดว่าควรจะไปพักผ่อนกันก่อน ผมพาธรรณ์ขึ้นห้องเพื่อจะได้พักผ่อน เพื่อจะได้ตื่นมาทำภารกิจกันต่อวันรุ่งขึ้น

                  TBC…

หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.51 รู้สึกเหมือนงานจะเข้า
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 09-03-2024 13:35:14
EP.51 รู้สึกเหมือนงานจะเข้า

                แจ็ค ผ่านไปหลายอาทิตย์แล้ว พวกผมได้เพื่อนร่วมแก้งเพิ่มมาอีกหนึ่งคนนั้นคือไอ้เดี่ยว ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ไอ้โหดตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า แต่พอได้มา มันไม่ได้โหดแบบที่พวกนั้นคุยกันไว้เลย ผมว่ามันเหมือนไอ้ดิวแทบจะทุกอย่าง เหมือนกับผมกับไอ้หลุยส์ เราเหมือนคนเคมีเดียวกัน มันเข้ากันได้และคุยกันได้ทุกเรื่อง ผมว่าไอ้ดิวได้คู่ซี่และผมกลับมองไปถึงอนาคต ผมอยากให้ไอ้เดี่ยวมันเป็นทหารเหมือนไอ้ดิว เพื่อจะได้มีกองกำลังที่เข้มแข็งเพื่อปกป้ององค์กรและคนในองค์กร

              และช่วงนี้ผมสังเกตเห็นว่า ตั้งแต่ไอ้เดี่ยวมาเป็นเพื่อนกับพวกผม รู้สึกว่าติ๊กมันห่างกับดิวและแอ้ไปหน่อย แต่คงรำคาญไอ้เดี่ยวมันหน่อยเพราะว่ามันต้องควงทั้งติ๊กและพายไปพร้อมๆ กัน แถมยังโดยเฉพาะพายที่แทะเล็มไปด้วย ผมก็รู้ว่าพายมันหยอกเล่นแต่ไอ้ติ๊กนี้ผมว่ามันโดนไอ้เดี่ยวลากไปดีกว่า ผมไม่รู้ว่ามันทำเพราะดิวให้มันช่วยหรือว่ามันแอบคิดอะไรกับไอ้ติ๊กมันอยู่กันแน่ แต่ถ้ามันรักจริงผมก็ยินดีมาก ผมอยากให้ติ๊กมันเจอใครสักคนสักทีและบางทีมันอาจจะตัดใจจากคนที่เขาไม่รักมันได้ ผมคิดว่าไอ้เดี่ยวเหมาะสมที่สุดเพราะว่ามันมีความเหมือนคนที่ไอ้ติ๊กมันมีใจ อันนี้แหละที่จะช่วยเยียวยามันได้ดี
                “แจ็ค มานั่งซิ จะได้ทานอาหารเช้า” บอยเรียกผม ผมก็นั่งลงข้างๆ บอยและไอ้หลุยส์มันก็นั่งลงข้างธรรณ์เช่นทุกครั้ง ผมมองหน้าบอยที่กำลังแก้การบ้านให้ผมเป็นบางข้อ บอยหันมามองหน้า
                “เป็นอะไรไปนะแจ็ค “บอยถามผม
                “เปล่านะ” ผมตอบ แต่บอยเลิกคิ้วสูงไม่เชื่อที่ผมพูด
                “แจ็คก็แค่คิดว่าทำไมเขาต้องห้ามบอยไปไหนมาไหนกับแจ็คด้วยอ่ะและเขาไม่คิดจะให้บอยมีเวลาเป็นของตัวเองบ้างเหรอ “ผมพูดผมว่าจะช่วยบอยไปเที่ยวแต่บอยบอกว่าพ่อไม่ให้ไปไหนเด็ดขาด และบอยก็พูดอีกว่า ไปก็มีการ์ดไปเยอะแยะมันอึดอัดและดูไม่สนุก เลยจะพักที่โรงแรมที่กรุงเทพดีกว่า ผมนี้โมโหแทนบอยเลย
                “เสียใจเหรอที่บอยไปเที่ยวด้วยไม่ได้นะแจ็ค “บอยถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ผมหันไปมองและกำลังจะพูด
                "อ้าว! มาแล้วเหรอวะ ไอ้สามผัวเมีย” เสียงไอ้หลุยส์มันแซวไอ้ดิวแอ้และติ๊กที่เดินมาพร้อมกัน ผมกับไอ้หลุยส์หันไปมองสามคู่มันกลับมาติดแง๊ะเหมือนเดิมอีกแล้วเหรอ ไอ้ดิวยกมือไม่รู้จะทำยังไงและน้องพายก็เดินควงแขนไอ้เดี่ยวออกมาอย่างแนบชิด ผมดูหน้าไอ้เดี่ยวมันออกจะกลัวพายซะด้วยซ้ำผมเห็นแล้วก็อดที่จะส่ายหัวไม่ได้ ผมว่ามวยผิดคู่อย่างไอ้เดี่ยวมันต้องติ๊กนี้
                 “แอ๊ะ! แอบส่งสายตาให้พี่เดี่ยวเหรอจ๊ะ มารยาทนิส!! หนึ่ง! พี่เดี่ยวนี่ของพี่ครับ” พายบอกน้องๆ ผู้หญิงที่แอบโบกไม้โบกมือให้ไอ้เดี่ยวมัน แต่ละคนก็หัวเราะที่พายทำท่าหึงหวงเดี่ยว
                 “นั่งซิจ๊ะที่รัก” พายบอกเดี่ยว
                 “เดี่ยวตกลงมึงเสร็จพายมันไปแล้วเหรอวะ” ผมถามไอ้เดี่ยวรีบส่ายหัวทันที
                 “แม้บอกเขาไปเถอะ ทุกคนรับได้และช่วงนี้อาจจะต้องแบทเทิลกันหน่อยนะระหว่างพายกับปู เดี่ยวจะเลือกกินอะไร” พายพูดและหันไปถามไอ้เดี่ยวให้เลือกด้วยระหว่างพายกับปู
                  “ถามพี่มึงยัง พี่แพทอ่ะ เขารับได้ไหมและไอ้เดี่ยวด้วยมึงรับคอมแบทพี่ทหารได้ไหม ก่อนจะตัดสินใจกินพาย “ไอ้ดิวมันถามขึ้น ไอ้เดี่ยวส่ายหัวและรีบแกะมือพายออกทันที
                 “กูเบื่อว่ะ พวกมึงนี้ขัดลาภกูตลอดเลย” พายพูดและทำแก้มป่อง
                 “แล้วมึงกลัวอะไรกะแค่คอมแบท ที่หมัดไอ้ดิวไม่เห็นจะกลัวเลย” พายมันถามแอบค้อนได้เดี่ยว
                 “กลัวคอมแบทครับเพราะว่าโดนไปเจ็บและจุก!” ไอ้เดี่ยวพูดและแกะแขนพายออก
                “พี่เดี่ยว นี้ครับพี่ปู” ไอ้ป๊อดมันลากแขนปูออกมาส่งให้ไอ้เดี่ยว
                 “ปู นั่งด้วยกันซิ” ไอ้ดิวมันบอกปู ดิวมันก็คนลุกจากที่นั่งฝั่งเดียวกับพวกมันและข้ามมานั่งฝั่งพวกผมทันที ผมหันไปมองนั้นคือไอ้ติ๊ก สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
                 “อะไรของมันวะ” ผมพูดขึ้นผมชี้ไปไอ้หลุยส์มันยักไหล่ไปทางไอ้เดี่ยวกับปู ผมกำลังจะอ้าปากแซวแต่ไอ้ติ๊กมันส่งสายตาจิกมาให้ผมและบอยก็หันมาค้อนผมอีกคนเลยไม่กล้าแซวเลย
                 “นั่งซิ ปู เดี่ยวมีอะไรจะให้” เดี่ยวพูดและจับมือปูให้นั่งลงและไอ้เดี่ยวมันก็หยิบเอากล่องมือถือไอโฟนรุ่นที่ไม่ใหม่และไม่เก่าจนะเกินไป น่าจะออกมาหลังพวกผมไม่กี่ปี แต่สภาพคือของใหม่ ปูทำหน้าตกใจอยู่เหมือนกัน
                 “เดี่ยวให้เพราะว่าปูไม่มีมือถือใช่ไม่ใช่เหรอ” เดี่ยวมันพูด
                 “รับไปซิปู ไอ้เดี่ยวมันอยากให้” ไอ้ดิวพูด พวกผมก็พยักหน้าว่าเห็นด้วยน่ะและพากันลุ้นให้ปูรับมือถือนี้ไป ปูมองหน้าพวกผมทุกคนแต่คงสะดุดที่ไอ้ติ๊กที่ทำท่าหน้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เบ้ปากใส่ด้วย
                 “คือว่า ปูรับไม่ได้หรอกเดี่ยว มันดีเกินไป” ปูพูด
                 “อันนี้เหรอที่ว่าดีเกินไป อันนี่น่ะมันตกรุ่นไปแล้ว ที่ไม่รับหรือว่าอยากได้อันที่ดีกว่านี้กันแน่” ติ๊กมันพูดขึ้นแบบไม่เจาะจง
                 “ติ๊ก “แอ้มันร้องห้ามติ๊ก ผมหันไปมองหน้ามันว่ามันเป็นอะไรผีอะไรเข้าสิงแต่เช้า
                 “รับไปซิปูและเวลาพี่เดี่ยวโทรรับด้วยนะ “ไอ้ดิวมันแซวปู ปูก็รับกล่องมือจากเดี่ยวไป
                 “มาใส่ซิมให้ ไหนละซิมอันเก่านะ เอามาไหม” เดี่ยวมันก็หันไปซุมหัวคุยกับปูและตั้งค่ามือถือให้ปู พวกผมก็นั่งทานอาหารกัน ผมเพิ่งสังเกตนะว่าวันนี้นักเรียนไม่เยอะ มากันน้อยมาก
                  “ทำไมวันนี้นักเรียนไม่เยอะเลยวะ แปลกวะ” ผมพูดขึ้นพวกผมก็หันไปมองรอบๆ
แปลกตรงไหนวะเพราะว่าตั้งแต่ได้มาเรียนที่นี้ นักเรียนก็ไม่ได้สมดุลกับขนาดโรงเรียนอยู่แล้ว” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็ว่าจริง
                  “ปู ขอบใจน่ะ ข้อมูลที่พวกนายให้เรามาดีมากเลย มันทำให้เรารู้ว่าใครเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหน “ผมบอกกับปู ปูก็พยักหน้ารับทราบ
                  “ปู แม่ป่วยเป็นยังไงบ้าง แข็งแรงขึ้นหรือยัง” บอยถามปู
                  “แม่เราก็ดีขึ้นนิดหน่อยนะ แต่ยังเพลียๆ อยู่เพราะยาคีโมน่ะ” ปูพูด
                  “แล้วแม่ปูรับยาคีโมจบครอสหรือยัง” ดิวมันถามปู
                  “ไม่จบหรอกและคงไม่ได้แล้วเพราะว่าแม่เราไม่มีสิทธิ์อะไรเลยดังนั้นยาคีโมน่ะค่อนข้างแพงเกินไปสำหรับแม่เรา เราเองก็ยังทำงานไม่ได้ แต่เราคิดว่าจะหยุดเรียนไปก่อน “ปูพูด
                  “เออ..มีอะไรให้พวกเราช่วยบอกน่ะ เรื่องเงินอะไรพวกนี้ก็บอกเราได้น่ะ” พวกผมพูด ปูเงยหน้าขึ้นมองพวกผมและยิ้มให้
                  “เออ เราต้องเข้าไปแล้วนะเดี่ยวเพราะว่าเราต้องช่วยแม่ของป๊อดก่อนจะที่ไปเข้าห้องเรียนน่ะ “ปูพูดก่อนจะรีบลุกขึ้น
                  “เดี่ยว ขอบใจน่ะ “ปูหันมาขอบใจไอ้เดี่ยวและยิ้มหวานมาให้ไอ้เดี่ยวมัน ทำให้พวกผมต้องแซวมันกันใหญ่ยกเว้นไอ้ติ๊ก ที่นั่งนิ่งเฉยไม่สนใจ ไอ้หลุยส์มันพยักพเยิดให้ผมดูไอ้ติ๊ก ผมพยักหน้าว่าใช่ ผมว่ามันหึงไอ้เดี่ยว ดูไอ้เดี่ยวก็ชอบมันน่ะแต่ว่าเหมือนไอ้ติ๊กเองนี่แหละที่พยายามหลอกตัวเองทั้งที่มันทำไม่ได้

                    หลังทานอาหารเสร็จ พวกผมก็เดินไปเข้าแถวตามปกติ แต่วันนี้แถวสั้นๆ ทุกห้อง เหมือนจะไม่ปกติ ผมไม่เห็นไอ้ภาคินนะวันนี้ ปกติมันต้องมาเข้าแถวเพราะว่ามันต้องรายงานตัวกับอาจารย์ฝ่ายปกครองทุกวัน แต่วันนี้ไม่มา
                 “เวลาหยุด เขาก็นัดกันหยุดดีเนอะ ทำยังกะเทศกาลตรุษจีน สาทจีนอะไรแบบนี้ ที่มากันก็โหรงเหรงเข้าไปอีก หรือว่าพวกนักเรียนพากันออกไปอีกแล้ววะ” ไอ้ติ๊กมันพูดขึ้นนพอพวกผมทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จก็รีบพากันเดินขึ้นห้องเรียนทันที
                 “บอย “ผมเรียกบอยไว้
                 “หึ” บอยหันมามองหน้าผม
                  “บอยเคยคิดบ้างไหมว่า ที่ผู้ใหญ่เขาไม่อยากให้บอยกับแจ็คคบกันนะ บอยเคยคิดว่าพวกเขาคิดถูกไหม” ผมถามบอย
                  “แจ็ค เขาไม่ได้ห้ามแต่เขาแค่อยากเห็นว่าแจ็คมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็เท่านั้นเอง แต่บอยเชื่อว่าแจ็คทำได้นะ” บอยพูดและให้กำลังใจผมอีก ผมเดินมาถึงห้องเรียน ในห้องที่ว่างเปล่า
                 “พวกมันไม่เข้าเรียนกันเหรอวะ” ไอ้ดิวถามขึ้น พอผมเดินเข้าไปในห้องเรียนก็เห็นว่าน คนเดียวที่นั่งอยู่และกำลังลอกการบ้านสมุดตั้งใหญ่ น่าจะเป็นของพวกมันทั้งหมด
                 “ว่านทำอะไรนะ “ไอ้ดิวมันถามว่าน
                  “เออ...หวัดดีพวกนาย” ว่านทักทายพวกผม สีหน้าบอกว่าเหมือนมีเรื่องในกังวล
                  “นายทำการบ้านอีกแล้วเหรอ” พายถามว่าน
                  “อืมม..คือว่าเมื่อวานพวกภาคินมีเรื่องนะ มีเพื่อนคนหนึ่ถูกแท่ง อาการสาหัส” ว่านพูด ทำเอาพวกผมตกใจ
                 “ใครวะ “ไอ้เดี่ยวถาม
                  “ชื่อเอก แต่เดี่ยวคงไม่รู้จักเพราะเอกเข้ามาที่หลังจากที่เดี่ยวย้ายไปแล้วอ่ะ” ว่านพูด
                  “ถ้าอย่างนั้น เอาสมุดการบ้านมาพวกเราช่วย” ผมพูดและเดินไปหยิบสมุดจากว่านทันที ผมดูสีหน้าว่านน่าจะแทบจะไม่ได้นอนเลยมั้งนั้นนะ ผมก็หยิบและส่งให้ทุกคนคนละเล่มสองเล่ม
                 “กูด้วยเหรอวะ แค่การบ้านกูเองยังขี้เกียจเลยไอ้แจ็ค” ไอ้ติ๊กรีบทำท่าจะปฏิเสธ ผมหันมามองหน้ามัน ช่วยพวกผมหน่อยไม่ได้หรือไง นี่โรงเรียนพ่อมึงนะ ผมส่งสายตาแต่ให้ความหมายยาวมากมันก็ทำท่าฮึดฮัดขึ้นมาทันที ไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ
                 “ก็ได้วะ และนี้สมุดใครวะ เน่าฉิบหายเลย” ไอ้ติ๊กพูดและเอานิ้วคีบ ย้ำว่าคีบ
                 “สมุดไอ้มาร์คไงมึงดูชื่อดิ” พายรีบตอบทันที
                  “ไอ้เชี้ยนี้หล่อแต่หน้าจริงๆ ซกมก!” ไอ้ติ๊กมันบ่นและพวกผมก็ช่วยกันลอกการบ้าน จะว่าไปก็ยังไม่เห็นไอ้หัวหน้าห้องเลยเช้านี้ ไอ้นี่หายอีกคนแต่ช่างมัน พวกผมลอกการบ้านที่อาจารย์ให้ทั้งหมดสี่วิชา จนเสร็จ แต่จะว่าไปนั่งเพลินก็ไม่มีครูเข้าสอนเลยวันนี้
                  “วันนี้ครูไม่เข้าสอนเหรอวะ” พายถามขึ้น
                  “เฮ้ย ไอ้ข้าวกับไอ้บลู” แอ้มันพูขึ้น พวกผมเงยหน้าขึ้นมองสองคนที่เดินเข้ามา เรียกว่ามาช้ามาก
                 “ทำไมวันนี้มึงสองคนมาช้าจังว่ะ” ไอ้ติ๊กมันถามขึ้น
                 "ก็เมื่อเช้าอะดิ รถตำรวจเยอะแยะไปหมด เมื่อคืนมีตีกันซอยถัดจากบ้านกูไปสามซอยมีคนเสียชีวิตและอาการสาหัสด้วย เมื่อคืนพวกไอ้ภาคินมันก็ไปนะแต่มันคงช่วยเพื่อนมันไม่ทันว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูดพวกผมหันมามองหน้ามันและส่งสัญญาณว่าที่มึงนินทานะ เพื่อนของไอ้ว่านมันและมันก็นั่งอยู่นั้น
                “อะไร” ยังโง่ได้อีกไอ้ต้นข้าว จนไอ้บลูมันสะกิดให้หันไปมองไอ้ว่านที่ก้มหน้าก้มตาทำการบ้านอยู่
                 “อ้าว! ว่านนี่หว่า “ไอ้ต้นข้าวมันเพิ่งหันไปเจอว่าน ผมนี่เกาหัวหยิกเลย
                 “เพื่อนมึงเป็นไงบ้างวะว่าน” ไอ้ต้นข้าวมันตะโกนถามว่าน มันยังมีหน้าไปตะโกนถามเขาอีกนะ
                 “เอกเหรอก็สาหัส ไม่รู้ว่าเป็นไงบ้างเรารีบกลับมาอาบน้ำแต่งตัวและมาเรียนเลยอ่ะเพราะว่าเราต้องทำการบ้านน่ะ” ว่านเงยหน้าขึ้นมาตอบไอ้ต้นข้าว แสดงว่าว่านกับไอ้ต้นข้าวมันรู้จักกันมาก่อนแน่ๆ
                 “คนที่เสียชีวิตเคยเป็นนักเรียนที่นี้แต่โดนไล่ออกเมื่อเทอมที่แล้วแต่เขาไม่ได้เรียนห้องนี้หรอก” ว่านพูด พวกผมก็พยักหน้า
                 “เห็นเรียกครูประชุมด่วนกันด้วยนะวันนี้และตอนเดินผ่านมาก็มีครูมารวมตัวกันเกือบทั้งหมดด้วย” บลูพูดขึ้น ผมก็รู้สึกว่าโรงเรียนจะไปไม่รอดแน่ๆ
                 “กูว่าโรงเรียนพ่อกูคงโดนปิดถาวรแน่ๆ ว่ะ “ไอ้ติ๊กมันหันมาพูด
                 “ก็ดีไม่ใช่เหรอวะ พวกมึงจะได้กลับไปใช้ชีวิตที่พวกมึงอยากได้แต่กูซิ ห่าเอ๊ย เพิ่งย้ายมาแท้ๆ “ไอ้เดี่ยวมันพูดขึ้น
                 “พวกกูน่ะ โดนคาดหัวไว้และถ้าภารกิจนี้ไม่เสร็จนะ กูว่าลุงหนึ่งคงลงโทษหนักวะ” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันมามองหน้าบอย ตอนนี้แววว่าภารกิจจะไม่สำเร็จซะแล้วซิ
                “ว่านพวกเราทำการบ้านให้เสร็จแล้วว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดและพวกผมก็ส่งสมุดเพื่อจะคืนให้ว่าน ว่านมันลุกขึ้นมาเพื่อจะมาเอาสมุดคืนจากพวกผม แต่
                 “ครื้นนนน!!!” ไอ้ว่านมันยืนเอนไปเอนมาและมันก็ล้มครับ พวกผมก็ตกใจซิครับ
                 “ว่าน!!” พวกผมร้องเรียกชื่อมันเสียงหลง แต่มีคนไวกว่าไอ้ดิวนั้นเองที่ลุกไปและเอามือลองหัวว่านไว้ไม่ให้กระแทกพื้น พวกผมพากันลุกขึ้นพล้วดทันที
                  “ว่าน ..ว่าน!” ไอ้ดิวมันพยายามเรียกว่าน ที่ดูแล้วน่าจะหมดสติไปแล้ว
                  “ว่านเป็นลมว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด
                 “พาไปส่งห้องพยาบาลดิดิว” แอ้บอกไอ้ดิว
                  “เออ ไอ้ดิวอุ้มไปห้องพยาบาลเลยมึง” ไอ้หลุยส์พูด

                  "ไอ้ดิวมันก็ช้อนตัวว่าน ร่างบางๆ ไม่ผอมไม่สูงมากแน่นอนมันอุ้มได้สบายเลย มันก็พาว่านลงไปอย่างเร็ว แอ้มันก็ตามไปทันที ไอ้เดี่ยวมันก็เดินตามลงไปอีกคน พวกผมนั่งรอจนเสียงอ๊อดดังขึ้น นี้คือเวลาพักทานอาหารแล้ว
                 “ไปรอพวกไอ้ดิวข้างล่างกันเถอะ บอย” ผมหันไปบอกบอย บอยก็เก็บอุปกรณ์การเรียนทุกอย่างใส่ใต้โต๊ะ
                 “หลุยส์ ธรรณ์ ไปรอไอ้ดิวข้างล่างกันวะ ติ๊กไปวะ” ผมหันเรียกพวกมันและพากันเดินออกจากห้อง

                 TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.52 ซื้อใจพวกภาคิน 1 ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 09-03-2024 20:26:53
EP.52 ซื้อใจพวกภาคิน 1 ครึ่งแรก

              Part’s แจ็ค ผมพึ่งสังเกตุว่าทำไมโรงเรียนนี้ วันนี้มันเงียบมากจริงๆ นี้เวลาพักเที่ยงปกติ พวกเด็กๆ มันจะวิ่งลงมากันพากันไปแย่งเข้าแถวซื้ออาหารแต่พวกผมไม่ต้องแย้งกัน ผมพากันเดินแบบสบายไปทานข้าว เดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วย ไอ้หลุยส์มันก็เดินไปหยอดธรรณ์ไปส่วนติ๊กมันก็เดินไปจัดทรงผมยุ่งๆ ของมันไปด้วย ไม่นานผมก็ลงมาถึงชั้นล่างและพวกผมก็เห็นไอ้ดิวมันเดินลงมากับแอ้และไอ้เดี่ยวเช่นกัน
              “ว่านมันเป็นไงบ้างวะ ดิว” ผมถามไอ้ดิว
              “ว่านรู้สึกตัวแล้วและเห็นว่าจะขอกลับบ้านเลยมั้งเพราะว่ามันแทบจะไม่ได้นอนเลย มันบอกน่ะ” ไอ้แอ้บอก พวกผมพยักหน้า และมองไปทางซ้ายทางขวาก็ไม่มีใครแย้งกันลงเหมือนเดิม
              “ทำไมวันนี้พวกนักเรียนมันไม่กินข้าวกันวะ จะว่าไปวันนี้แทบจะไม่มีนักเรียนมาเลยว่ะ ชักเริ่มจะยังไง ยังไงแล้วว่ะพวกมึง” ไอ้ดิวมันหันไปพูด ผมพยักหน้าแต่ก็ไม่มีอะไรแปลกไปกว่านี้อีกแล้ว
              “ยิ่งนับวันยิ่งแปลกไปไหมวะ” ไอ้ติ๊กพูด และมันก็เดินไปดึงแขนแอ้ ว่าให้เดินไปกับมัน และพวกผมก็พากันเดินไปที่ห้องอาหาร ห้องอาหารก็ยิ่งว่างมีแค่ไม่กี่โต๊ะ ผมเดินผ่านมีน้องไอ้ภาคินนั่งกับเพื่อนๆ มัน ระหว่างที่ผมกำลังจะผ่านพวกผมัน มันก็รีบหดหัวลง ทานอาหารมันทันที ผมหันมายิ้มที่มุมปากให้ไอ้หลุยส์
               “พี่ๆ ครับ จะนั่งด้านในหรือนั่งด้านนอกดีครับวันนี้” ไอ้ป๊อดมันออกมาต้อนรับพวกผม ผมหันไปมองทุกคน ที่นั่งทานกันแบบเงียบมากๆ ซึ่งปกติจะมีเสียงโห่บ้าง ผิวปากบ้างให้พวกผม แต่วันนี้ไม่
               “นั่งทานข้างนอกวะ “ผมบอกไอ้ป๊อด พวกนั้นมันก็หาโต๊ะนั่งทันที แต่ละคนก็ก้มหน้าอยู่กับมือถือ
               “ปูละวะป๊อด” ไอ้เดี่ยวมันถามหาปูทันที
               “พี่ปูไปกับแม่ผมครับ วันนี้ป้าผมทำหน้าที่แม่ครัวแทน ส่วนแม่ผมไปจัดบุปเฟ่ที่โรงแรมครับและพี่ปูเลยอาสาไปช่วยด้วยครับพี่เพราะไหน ไหน วันนี้นักเรียนก็นัดกันหยุดเกือบหมดนี่ครับ” ไอ้ป๊อดพูด
                “เดี๋ยวน่ะไอ้ป๊อด มึงบอกว่านักเรียนเขานัดกันหยุดเหรอวะ แล้วทำไมพวกกูพลาดวะ” ผมถามไอ้ป๊อดด้วยความแปลกใจ
                “พี่ไม่รู้เรื่องเหรอครับ อ้อเขาคุยกันในไลน์กลุ่มน่ะครับ พวกเขาไม่ดึงพวกพี่เข้าไปด้วย ผมลืมไปนะครับ" ไอ้ป๊อดพูดผมก็หันมามองหน้าพร้อมกับกระดิกเท้าด้วย มันทำให้พวกผมรู้สึกดีมีคนรักมาก มากขนาดไม่อยากดึงไปร่วมกลุ่มด้วยทั้งที่อยู่โรงเรียนเดียวกันแท้ๆ
                 "ส่วนผมก็ไม่กล้าถามพี่ๆนะครับเพราะว่าพี่อาจจะเป็นคนรักเรียนน่ะครับ” ไอ้ป๊อดมันพูด ผมนี่อยากจะกระทืบมันจริงๆ ที่เรื่องอย่างนี้ไม่มีบอกพวกผมเลย
                 “แล้วไอ้พวกที่ไม่มานี้คือไม่รักเรียนกันเลยเหรอ มันเยอะไปน่ะไอ้ป๊อด” พายพูด
                 “พวกนั้นเหรอครับ เขารักชีวิตมากกว่านะครับพี่เพราะว่าเกิดอะไรขึ้นเขายังไปหาโรงเรียนเรียนใหม่ได้แต่ชีวิตซิพี่ ตายไปนี้ไปเกิดใหม่ได้อย่างเดียวเลยนะพี่น่ะ” ไอ้ป๊อดพูด ผมหันมามองหน้ากันพยักหน้าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายนั้นคือ เลิกคุยกับมันเถอะ ยิ่งคุยมันยิ่งกวนตีน
                 “แต่ถึงยังไงเรา ก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปบอกพ่อวะว่าจะหยุดหรอกว่ะ ถึงบอกไปก็ต้องมาอยู่ดี เชื่อกูดิ” พายพูด ผมหันไปชี้นิ้วว่ามันพูดถูก
                 “เพราะว่าภารกิจของเราสำคัญยิ่งกว่าชีวิต ภารกิจไม่สำเร็จเขาไม่ให้เราไปไหนจากที่นี้เป็นอันเด็ดขาด” พายพูด ผมหันไปมองหน้าพาย พูดให้กำลังใจกันได้ดีมาก
                 “ปูไม่มาเรียนเหรอวะป๊อด” ไอ้เดี่ยวมันถามไอ้ป๊อด
                  “ห้องพี่ปูเขาก็พากันกลับบ้านกันหมดนะครับ” ไอ้ป๊อดพูด ผมหันมามองหน้ากันไม่น่าเชื่อและ ทำไมทุกคนนัดกันหยุด แต่ไม่มีใครบอกพวกผมบางเลยว่ะ
                  “แต่ตอนเย็นพี่ปูจะแวะที่บ้านพวกพี่นะครับไปช่วยผมเหมือนเดิม” ป๊อดพูด ไอ้เดี่ยวยิ้มออกทันทีเลยผมแอบเห็นกัน และหันมาหยักคิ้วให้กันและกันยกเว้นไอ้ติ๊ก
                  “พวกผมจะเข้าไปเอาอาหารมาให้นะครับพี่ๆ อาหารพวกพี่วันนี้เสร็จแล้วครับ “ไอ้ป๊อดมันก็เข้าไปและพวกผมก็นั่งรอกัน แต่ยังไม่ทันไร ผมเห็นมีคนวิ่งเข้ามาและ
                  “มีคนจะมากระทืบนักเรียนโรงเรียนเราวะ มันมากันเยอะเลย รู้อย่างนี้กลับบ้านไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงดีกว่า เชี้ยเอ๊ย!!!” มันตะโกนไปรอบๆ และพวกผมก็หันไปมองพร้อมกับ
                  “ไม่นะโว๊ย!! ให้พวกกูกินก่อนดิวะ …เฮ้ย!” ไอ้ดิวตะโกนสวนออกไป  นี้มันห่วงกินมากกว่าชีวิตใช่ไหมเนี๊ยะ ผมหันไปมองรอบๆแต่ล่ะพากันลุก ไม่จนอาหารที่ทานค้างกันเอาไว้แล้วพวกผมจะนั่งรออะไรละครับ เท้าจะมาขนาดนี้
                  “เที่ยงก็ไม่พักเหรอวะ กูโคตรหิวเลยสัส” ไอ้ดิวครับที่กำลังจะโมโหหิว
                  “พี่ๆ ครับเข้าไปหลบด้านในก่อนไหมพี่ พวกนั้นจะมากระทืบนักเรียนที่นี้ครับพี่ ไม่ใช่พวกพี่ครับ” ไอ้ป๊อดมันบอกพวกผมและรีบผายมือให้พวกผมเข้าไปในห้องกระจก ห้องที่พวกผมเคยนั่งทานอาหารกัน ผมเห็นพวกนักเรียนบางคนวิ่งออกไปคนละทางสองทางสองทาง
                 “วันนี้นักเรียนน้อยมากครับ ถ้ามันหาคนที่มันอยากกระทืบไม่เจอมันอาจจะเปลี่ยนแผนนะพี่ เป็นกระทืบพวกพี่แทน” ไอ้ป๊อดพูด พวกผมพากันลุกพรวดขึ้นทันที มีแบบนี้ด้วยเหรอ แผนสำรอง พวกผมรีบพากันเดินเข้าไปที่ไอ้ป๊อดมันบอกพวกผม ไม่อยากตกเป็นแผนสำรองของพวกมันเหมือนกัน
                  “ติ๊ก…โรงเรียนมึงท่าจะแย่วะ บอกพ่อมึงอากูนะ ไปหาทำเลดีกว่านี้ง่ายกว่าว่ะ พวกกูยอมแพ้!” ผมหันไปพูดกับพวกมัน และผมเห็นว่าไอ้ป๊อดมันล๊อกประตู พวกผมก็ยืนมองกัน และผมก็เห็นว่ามีคนมายืนพร้อมกับไม้ทีและมันก็ลากใครมาด้วยก็ไม่รู้
                   “ดูแม่งดิ หน้าตาโหดสัสเลยว่ะ” พายพูด
                   “ทีแบบนี้ทำไม ไม่ให้การ์ดมายืนคุ้มกันพวกเราว่ะ เวลาไปไหนไม่มีอะไรเลยที่มันน่ากลัวแต่การ์ดนี้ยืนทุกมุมจนกระดิกตัวไม่ได้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเซ้งๆ ก็จริงๆ ชีวิตพวกผมเป็นแบบนี้มาตั้งนานยกเว้นพวกไอ้ดิว ไอ้แอ้ มันไม่ต้องมามีใครคอยประกบแบบผม และยิ่งบอยนี้ ไม่รู้กี่ชั้น เพราะว่าบอยสำคัญที่สุด
                   “อ้อ เขาอยากให้เราตายอย่างสมศักศรีว่ะ” ไอ้พายพูดขึ้น เล่นเอาพากันสะบัดหน้าไปมองมันทุกคน ปากมันเหรอนั้น
                    “เหี้ยอะไรของมึงพาย” ไอ้ติ๊ก
                    “ก็มาตายในหน้าที่แบบนี้ไง ลุงหนึ่งถึงได้ส่งพวกเรามาที่นี้ เพื่อสิ่งนี้ “พายพูด ผมก็หันไปยกนิ้วกลางให้ทันที
                   “พวกมึงเจอของดีแบบนี้เยอะเหรอว่ะ” ไอ้เดี่ยวมันถามขึ้น “ไอ้ดิวมันพยักหน้าแทนพวกผม
                   “ตกลงมันมากระทืบใครวะป๊อด” ไอ้เดี่ยวมันตะโกนถามทันทีที่เห็นไอ้ป๊อดมันเดินออกมา
                   “เด็กในโรงเรียนนี้พี่แต่ไม่ใช่พวกพี่สบายใจได้” ไอ้ป๊อดมันบอกพวกผม ค่อยโล่งอกไปหน่อยนั้นไง มันลากมาแล้วและกำลังช่วยกันยำเละเลย
                   “ไม่ใช่พวกเรา งั้นเอาเก้าอี้มานั่งชมกันเถอะว่ะ” ผมพูด บอยสะบัดหน้ามามองไอ้หลุยส์ก็เหมือนกัน
                   “พึ่งจะรู้ว่าทำไมพวกมันถึงได้มายืนมุงดูเวลาพวกเราถูกกระทืบ อ้อมันมันส์อย่างนี้เอง “ไอ้หลุยส์พูดและมันก็พยักหน้าให้ผมลากเก้าอี้มาสมทบเช่นกันและสองหนุ่มน้อยของผมพากับมุบมิบกันทันที นินทาสามีว่างั้น และผมก็เอามือลูบคางนั่งมอง ไอ้หลุยส์มันทำท่าจะท้าพนันอีกแล้ว ส่วนพวกไอ้ดิวมันก็ยืนกอดอกมองและเล็งว่าใครกำลังเป็นที่รองเท้าพวกมันอยู่
                   “ใครวะ ไอ้คนที่รองเท้าทาบทับอยู่นั้นนะ นักเรียนโรงเรียนเราไหมวะ” ไอ้ดิวมันหันไปถามไอ้ป๊อด
                   “นี้มันกระทืบกันขนาดนี้เลยเหรอ น่ากลัวอ่ะ “ธรรณ์ที่ถามขึ้นบ้าง ด้วยสีหน้าตกใจไม่เคยเห็นละซิ พวกผมก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน ปกติไปไหนมีแต่การ์ดมากัน
                   “มันกระทืบใครวะป๊อด” ผมหันไปถามไอ้ป๊อด
                   “ผมถามเพื่อนก่อนพี่” ไอ้ป๊อดมันยกมือถือมากดไลน์หาเพื่อนมัน
                   “พี่มันมากระทืบน้องชายของพี่ภาคินครับพี่ ไอ้นี่มันชอบไปวุ่นวายแก้งนั้นแก้งนี้ไงพี่” ไอ้ป๊อดมันพูด พวกผมก็หันมามองหน้ากัน
                   “อ้อ! แล้วไปวะ ยังไงก็ไม่ใช่พวกกู” ผมพูดและไอ้น้องของไอ้ภาคินมันคงไปแกว่งเท้าหาเสี้ยนเองช่วยไม่ได้ เพราะว่ามันก็หาเรื่องให้หลุยส์มาแล้ว ไอ้หลุยส์มันมองหน้าผมแบบเป็นคำถามว่าใคร
                   “ไอ้เด็กที่มันเกือบส่งมึงไปหาพวกค้ายาไงและนี้ มันน้องไอ้ภาคินวะ” ผมหันไปบอกไอ้หลุยส์ และมันสะบัดหน้ามามองผมทันที ผมสังเกตได้ว่าแววตามันบอกผมว่ามันกำลังมีความคิดที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ
                   “ไม่นะมึง” ผมรีบร้องปฏิเสธทันทีส่ายหัวด้วย
                   “นี้แหละงานของพวกเราเลย” ไอ้เวรเอ๊ย! ผมนี้ยกมือผมขึ้นแตะหน้าผาก ตอนนี้พวกผมแอบดูกันอยู่ที่ม่านรูดไม่กล้าให้พวกมันเห็นเดี๋ยวมันจะเข้ามา หาเรื่องพวกผมต่อ เพราะว่าพวกผมใครก็บอกว่าฟีโรโมนมันพุ้ง จนบาทาอยากจะพุ้งเข้ามาปะทะและ เหล่าบรรดาน้องน่ารักของพวกผมก็เป็นที่ต้องตาต้องใจพวกมันอยากได้ซะด้วย
                   “เอานะ ช่วยน้องไอ้ภาคินมันและมันก็น่าจะเห็นความดีเราบ้างแหละ” ไอ้หลุยส์พูด ไอ้ดิวหันมามองและมันก็ทำท่าคิด ผมเองก็คิด ผมหันไปมองสีหน้าบอยที่กังวล กลัวแทนพวกผมไปอีก
                   “เอาวะ! ยังไงแม่งก็เด็กว่ะ ดูแม่งดิ รุมกันขนาดนั้นเดี๋ยวมันตาย” ไอ้ดิวพูดอีกคน ไม่น่าเชื่อเลย และพวกผมก็หันมามองหน้ากัน ก็คงต้องตามนั้นแหละเหตุผลมันได้ว่าพวกผมควรออกไปลุยกับพวกมัน
                   “บอย ธรรณ์ ติ๊ก และพาย และแอ้ด้วยมึงอยู่ในนี้แหละ และมึงด้วยต้นข้าวกับบลู “ผมหันไปบอก ไม่อยากให้พวกสาวๆ ของพวกผมออกไปเสียงกับพวกผม
                   “อะไรวะ กูไปด้วย “ไอ้ติ๊กมันพูด และแอ้ลุกแล้วแสดงว่ามันก็ไม่อยู่ มันจะลุยด้วยและ ไอ้เดี่ยวมันก็ยักไหล่ว่าพร้อมหรือยัง คือแบบว่ามันพร้อมมากประมาณนั้นและผมก็หันไปหาอาวุธกันคนละอัน มีอะไรใกล้ๆ ก็หยิบและถือติดมือไปด้วย
                  “บอย อยู่กับ ธรรณ์น่ะ “ผมหันไปบอกบอยเพราะจะให้ผมมาห่วงหน้าผวงหลังไม่ได้ ผมกลัวจะดูแลบอยไม่ได้เท่าที่ควร ดูพวกมันมากันเยอะพอสมควรแต่หน้าตัวเมีย มากันเยอะขนาดนี้เพื่อมากระทืบเด็กม.2นี่น่ะ
                  “กูขอโทษนะมึง กูจะโดนพ่อเล่นเอาถ้ากูมีเรื่องวะ ไม่อย่างนั้นกูลุยด้วยแล้วว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูดขอโทษพวกผม ผมยกมือให้ว่าไม่เป็นไร และพวกผมก็กำลังจะเปิดประตู
                  “พี่จะไปไหนกันนะ” ไอ้ป๊อดมันวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่ มันเดินออกมาเห็นพวกผม ที่อาวุธครบมือมาก ไม้กวาด ไม้แถวๆ นั่นแหละ และพวกที่ตักขยะ กำลังจะเปิดประตูออกไป
                  “ออกไปหาอะไรทำไง พวกกูว่าง “ผมหันไปบอกไอ้ป๊อด และไอ้ป๊อดมันก็ชี้นิ้วไปด้านนอกนั้น พวกผมก็พยักหน้าว่าใช่
                  “เฮ้ย!! พี่จะออกไปจริงๆ เหรอ” ไอ้ป๊อดมันถามพวกผม
มึงเห็นน้องไอ้ภาคินไหม มันโดนรุมกระทืบอยู่นั้น พวกกูทนไม่ได้หรอกว่ะ “ไอ้ดิวมันพูด และไอ้ป๊อดมันก็ พยักหน้าและ
                  “พวกพี่ใจหล่อมากเลยอ่ะ พูดเลย แต่รอผมแป็บหนึ่งนะพี่” ไอ้ป๊อดมันวิ่งหายเข้าไปในครัว ผมก็ยืนมองหน้ากัน ว่าทำไมวะรออะไร และมันก็ออกมาพร้อมกับจี้และมาให้ผมคนละอันผมหยิบมาดู เป็นพระสำหรับห้อยคอ ผมหันไปมองไอ้ป๊อดเอามาเพื่ออะไร
                 “อ่ะ พี่ขอให้พี่ๆ แคล้วคลาดปลอดภัยนะพี่น่ะ รุ่นนี้ปลุกเสกมาแล้วครับพี่ ของขลังพี่” ไอ้ป๊อดมันพูด นี้มันให้กำลังใจหรือว่ามันกำลังบั่นทอนกำลังใจพวกผมกันแน่
                 “ถือไปนี้ถ้าโดนแท่งไม่เข้าเหรอป๊อด” ไอ้ติ๊กมันถาม
                 “ถ้ามีดไอ้นั้นมันทื้อไม่เข้าพี่แต่ถ้าคมและแหลมด้วยนะพี่ติ๊ก ป๊อดว่าเข้าพี่” ไอ้ป๊อดพูด ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามันประมาณว่าแล้วมึงให้พวกกูมาทำไมเนี๊ยะ
                 “แล้วถ้ามันมีปืนละ ยิงจะเข้าไหมวะ…ไอ้ป๊อด” ไอ้หลุยส์มันถาม
                 “มีดยังแท่งเข้านับประสาอะไรกับปืนละพี่หลุยส์ เข้าแน่ๆ แต่กี่นัดแล้วแต่ความสามารถของพวกพี่ที่จะกระโดดหลบ” ไอ้ป๊อดพูด ไอ้ดิวมันก็หันไปพยักหน้าให้คนใกล้ไอ้ป๊อดที่สุดคือไอ้แอ้
                 “ผลัก!” ไอ้แอ้มันถีบไปหนึ่งที กระเด็นไปแต่มันก็ลุกขึ้นมาใหม่ พวกผมพาส่ายหน้าและหันมามองหน้ากัน คิดว่ากระทืบไอ้นี่ก่อนดีกว่า
                  “เข้าไหมล่ะป๊อด” ไอ้แอ้มันหันไปถามไอ้ป๊อดที่ลงไปนอนกองกับพื้นเพราะโดนเท้าแอ้ไป
                  “เข้าครับพี่แอ้ เต็มๆเท้าของพี่เลยครับ อู้ยย!!” ไอ้ป๊อดพูด
                  “ผมล้อเล่นครับ คือผมคิดว่ามากับพระมันจะมีโชคพี่ พี่ออกไปช่วยไอ้ไนย์นะ พี่โคตรหล่อที่ใจเลยอ่ะพี่ “ไอ้ป๊อดพูด
                  “ดูดิพี่ทั้งโรงเรียนไม่มีใครกล้าเท่าพวกพี่เลย ป๊อดขอให้พี่ๆโชคดีนะพี่” ไอป๊อดมันพูด ผมหันมามองหน้ามันเพราะมันนี้แหละที่จะทำให้พวกผมอยากหันหลังกลับไม่อยากออกไปเหมือนกันเล่นบอกว่าทั้งโรงเรียนไม่มีใครช่วยไอ้ไนย์น้องไอ้ภาคินมีแต่พวกผมแบบนี้แต่ก็เอาว่ะ ผมก็พยักหน้าและรับไปกันคนละองค์ และผมก็เปิดประตูและพากันออกไปยืนอย่างเท่ มาก แต่พวกมันก็หาได้สนใจพวกผมไม่ ยังคงรุมกระทืบไอ้ไนย์น้องไอ้ภาคินอย่างเมามัน
                 “แกร่งๆ” ผมหันไปเคาะโต๊ะอะลูมิเนียมเสียงดังนั่นแหละพวกมันถึงได้หันมามองพวกผม ที่ยืนอย่างเท่
                  “ใครวะ!” มันไม่รู้จักพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน
                 “มันไปอยู่ที่ไหนกันมาวะ ไม่รู้จักพวกเรา” ผมหันมาคุยกันเอง
                 “มันคงมาจากหลังเขาว่ะ “ไอ้ติ๊ก
                 “ปากดีนะมึงนะ เดี๋ยวเอาตีนพวกกูไปแดก” นั้นมันหันมาชี้พวกผม
                 “ปล่อยเด็กนั้นดีกว่าวะ พวกมึงแม่งเชี้ยมากที่เข้ามากระทืบเด็กนักเรียนในโรงเรียนอื่นที่ไม่ใช่โรงเรียนมึง”
                 “มึงคิดว่ามึงอยู่ในยุคบ้านป่าเมืองเถื่อนกันหรือไงวะ ถึงได้ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองกับเขาบ้างเลย เรียนหนังสือมาซะเปล่า ทำตัวเป็นพวกไร้การศึกษาไปได้ ทางบ้านคงภูมิใจน่าดูซิท่า ห๊ะ!” ผมพูดตะโกนเสียงดัง
                 “แบบที่มึงเป็นอยู่เขาเรียกหมาหมู่แถมมึงยังรังแกคนไม่มีทางสู้ อันนี้ไม่มีลูกผู้ชายที่ไหนเขาทำกันว่ะ” ไอ้เดี่ยวมันตะโกนพูดกับพวกนั้น ได้ผลไอ้คนที่จับคอเสื้อน้องไอ้ภาคินอยู่ มันหันมามองพวกผมและมันก็โยนไอ้เด็กนั้นลงไปกองที่พื้น ดูจากหน้าตาที่ปูดโปนนั้นคงโดนไปหลายหมัดและหลายตีนเหมือนกัน มันพยักหน้ากับเพื่อนมันให้เปลี่ยนจุดหมายมาที่พวกผมแทนคราวนี้
               
               TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.52.1 ซื้อใจพวกภาคิน 1 ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 09-03-2024 22:37:42
EP.52.1 ซื้อใจพวกภาคิน 1 ครึ่งหลัง

            Part's แจ็ค ผมถามพวกผมันไป คนที่จับคอเสื้อไอ้ไนย์อยู่มันก็โยนไอ้เด็กนั้นลงไปกองที่พื้น ดูจากหน้าตาที่ปูดโปนนั้นคงโดนไปหลายหมัดและหลายเท้าอยู่เหมือนกัน
            “พวกมึงกล้าเข้ามาเอามันไปไหมล่ะ” ไอ้คนที่น่าจะเป็นหัวโจกของกลุ่มหันมาถามพวกผมพร้อมชี้มาด้วยไม้ที ผมหันมามองหน้ากันและ มีคนกระซิบกระซาบกับไอ้คนที่ชี้หน้าพวกผมด้วยไม้ที
            “อ้อโธ่!กูก็นึกว่าว่าใคร! ไอ้ลูกคุณหนูใครก็อยากลองเอาตูดนะเหรอวะ ไอ้ลูกตุ๊ดเอ้ย! ไปไหนก็ไปเลย กูไม่อยากกระทืบตุ๊ด ฮาๆ “ไอ้นี่มันพูดและมันก็หัวเราะใส่พวกผม และมันยังไล่ให้พวกผมออกไป มันก็พยักหน้าให้เพื่อนมันทำท่าจะลากไอ้ไนย์น้องไอ้ภาคินออกไปกระทืบที่อื่นต่อ
            “กูบอกให้มึงปล่อยมันไง! และพวกมึงนั่นแหละที่ควรจะใส่หัวออกไปจากโรงเรียนพวกกู” ผมพูดชี้หน้าพวกมัน
            “ที่นี้สถานศึกษาไม่ใช่สนามมวยหรือเวทีประลองความบ้าของพวกมึง “ผมเอาไม้กวาดนั้นชี้หน้ามันกลับไป มันก็มองหน้ามันและหัวเราะกันใหญ่
            “ได้ถ้าอยากลองดีเข้ามาดิ เดี๋ยวพวกกูจะเอาของดีกูยัดตูดให้ร้องลั่นเลยมึง”
           “ร้องไปฟ้องพ่อตุ๊ดๆ ของพวกมึงไม่ทัน อย่าคิดพวกกูไม่รู้นะว่าพวกมึงลูกใคร” นั้นไงอันนี้แหละที่ทำให้พวกผมขึ้นมากกว่าที่พวกมันกระทืบไอ้ไนย์น้องไอ้ภาคินซะอีก
           “ตอนแรกกูก็กะจะแค่ให้พวกมึงปล่อยเด็กนั้นว่ะ แต่ตอนนี้กูขอกระทืบปากแม่งเลยดีกว่า “ผมพูดและพวกผมก็เข้าไปพวกมันปรี่กันเข้ามาหาพวกผม ระหว่างทางที่ผมวิ่งไป ผมคว้าเอาไม้กวาดแต่ว่ามันอ่อนไปหน่อยสำหรับไอ้พวกปากดีพวกนี้ ผมเห็นไม้ที่น่าจะเป็นไม้ระแนงวางอยู่และมันก็แข็งกว่าไม้กวาด ผมเลยเปลี่ยนอาวุธและหยิบมันขึ้น คนแรกที่เข้าหาผม กำลังฟาดผมด้วยไม้ที ผมก็ใช้ไม้ที่ผมก้มหยิบฟาดที่ขามันเข้าไปก่อน ได้ผลมันล้มคว่ำไปเลยและผมก็เข้าไปฟาดมันเข้าที่ท้องมันทันที
          “โอ้ยย! ไอ้เชี้ยตุ๊ด” มันร้องด่าผม ผมก็เข้าไปเตะมันซ้ำอีกสองสามทีและเตะไม้ทีมันให้กระเด็นออกไป พวกไอ้ดิวและไอ้เดี่ยวมันไม่เอาไม้ มันใช้หมัดมันล้วนๆ ได้ผล ลงไปกองกันแบบเรียงตัว ส่วนแอ้มันก็เทควันโดสายดำและมีคนคอยซ้ำอย่าไอ้ติ๊กพี่พอแอ้มันเตะมาไอ้ติ๊กแม่งซ้ำเลยด้วยไม้กวาดพื้นที่ด้ามค่อนข้างหนาหน่อย มันแทกทีมกันได้ดี
           “ไอ้หลุยส์” ผมเรียกไอ้หลุยส์ เพราะว่ามันเข้าไปลากน้องไอ้ภาคินออกมา ผมเรียกให้มันเข้ามาหาพวกผม
           “ผลัก!” มีคนวิ่งมาถีบผมและไม้ในมือผมก็กระเด็นหลุดมือไป ผมลงไปกอง ไอ้หลุยส์มันหันมองผมและไอ้นั่นมันก็ยกไม้ทีทำท่าจะเข้ามาเล่นผม ไอ้หลุยส์มันหันซ้ายแลขวาและมันก็คว้าเอากล่องกระดาษทิชชูขึ้นมา แต่ว่ามันเสือกแกะออกมาแค่ม้วนทิชชู้ ผมสะบัดหน้าไปมองเอามาทำไม เอากล่องไอ้สาดเอ๊ย!
          “มึงคิดว่ามันเจ็บเหรอ” ไอ้หน้าโหดนั้นมันหันไปถามไอ้หลุยส์พร้อมรอยยิ้มที่ดูก็รู้ว่ามันไม่กลัวสักนิด แถมมันยังทำหน้าตาท้าทายมาก แน่นอนไม่มันเจ็บหรอกแค่ม้วนกระดาษทิชชู! ผมนี้เอามือแตะหน้าผากตัวเอง ผมเลือกคบมันได้ยังไง
          “ลองไปไหมล่ะ” ไอ้หลุยส์มันถามไอ้คนนั้นพร้อมกลับทำท่าจะปาใส่แบบเหมือนกำลังหยอกเล่นอีก ผมก็มองไอ้หลุยส์ มึงเล่นอะไรของมัน เวรจริงๆ ไอ้คนต้นคิดให้ออกมาช่วยน้องไอ้ภาคินแต่ไงมันถึงได้ซื่อบื่อแบบนี้ว่ะ ไอ้หลุยส์มันทำท่าจะปาอีกรอบไอ้นี่มันก็โหยกหลบซ้ายโหยกขวาอีกครั้ง
          “เป้ง!” เสียงภาชนะที่น่าจะเหล็กกระแทกที่หน้าผากไอ้คนที่จะตีผม
          “โอ๊ย!!!” มันร้องลั่นออกมาทันทีและเอามือกุมหน้าผากมันเอาไว้ ผมว่ามันคงเจ็บกว่าม้วนกระดาษทิชชู้แน่นอน ไอ้คนที่ฟาดมันเข้านั้นก็คือไอ้ป๊อด มันยืนถือกระทะเหล็กรออยู่แล้วนี่เอง ไอ้คนที่โดนไปก็ถึงกับมึนเลยและครับ ไอ้ป๊อดมันก็เตะไม้ทีของไอ้คนนั้นกระเด็นมาให้ผม ผมก็คว้าและลุกขึ้นไปจะฝาดมัน
          “เฮ้ยย อย่านะโว้ยย!!!” มันร้องขอผมและพยายามดิ้นหนี
           “ที่อย่างนี้มึงมารองขอว่ะ ไม่ซ่าอีกละวะ “ผมถามมัน
           “ผลั่ก!” ผมรู้ว่ามีคนโดนต่อย ผมหันไปไอ้หลุยส์มันโดนไอ้ร่างใหญ่ที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งมาต่อยเข้าไปที่ใบหน้าไอ้หลุยส์กระเด็นไป บอยและธรรณ์รีบออกมาจากห้อง ธรรณ์รีบเข้าไปประคองหลุยส์
           “เมียมึงเหรอวะ มามะมาเป็นเมียพี่ดีกว่า” ไอ้คนนั้นมันก็เข้าไปคว้าแขนธรรณ์และพยายามลากออกไปด้วย
           “ปล่อยเพื่อนเราน่ะ” ผมก็มองบอย บอยทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาธรรณ์ ผมก็จะวิ่งไปห้ามบอย
            “พี่แจ็คระวัง” ผมหันมาก็เจอหมัดไอ้คนที่ผมมันร้องขอไว้แต่ตอนนี้มันลุกมาได้มันก็ตะบันหน้าผมจนผมสะบัดกระเด็นไปอีกทาง บอยหันมามองผมและวิ่งมาหาผมแทน
           “ผลั๊กๆ ผลั๊วๆ ตุ๊บ” เสียงที่ผมได้ยินผมหันไปมองนั้นคือไอ้เดี่ยวที่เข้ามากระชากธรรณ์ออกมาและเหวี่ยงคืนไปให้ไอ้หลุยส์และไอ้หลุยส์มันก็กระโดดรับร่างธรรณ์ไว้ได้ทันทีอย่างกับพระเอกหนังเลยครับส่วนไอ้เดี่ยวมันก็ตรงปล่อยหมัดไม่ยั้งแถมด้วยเสยปลายคางทิ้งท้ายทำเอาไอ้คนนั้นน๊อกเอาค์กลางอากาศและตกลงมานอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
          “ว้าว!” ผมกับไอ้หลุยส์ร้องออกมาด้วยความอเมซซิ่งครับผม และไอ้เดี่ยวมันก็เข้าไปช่วยไอ้ดิวต่อ
          “พี่แจ็ค กระทะแม่ผมบุบเลยอะพี่ แม่ด่าผมแน่ๆ เลย!” ไอ้ป๊อดมันพูดผมหันไปมองกระทะที่ว่าแข็งนี้หัวแม่งแข็งกว่าอีกเหรอ เล่นซะบุบเลยแต่คิดอีกทีสงสัยกระทะนี้จะไม่ผ่านISO
          “ไอ้ป๊อด! หน้ากูนี้ที่มึงต้องเป็นห่วง บุบไปนี้แพงกว่ากระทะมึงอีกและไอ้กระทะอันนี้เดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่ ไปสั่งในอีเบย์ กูจ่ายให้เอายี่ห้อที่แข็งและทนแรงกระแทก เพื่อคราวหน้าต้องใช้อีก” ” ผมหันไปบ่นกับไอ้ป๊อดทันที พอบอกซื้อให้ใหม่มันแม่งยิ้มแฉ่งมาเชียวผมหันไปเห็นพวกไอ้แอ้ไอ้ติ๊กมันกำลังซัดพวกนั้นอยู่เช่นกัน ผมจะไปช่วยก็เป็นห่วงบอย ไอ้แอ้มันเข้าไปช่วยไอ้ดิวอีกเพราะว่ากำลังโดนรุม ส่วนไอ้เดี่ยวมันกำลังซัดไอ้คนตัวโตอีกคน ผมเองก็ไม่รู้จะไปช่วยใครดี ไอ้ติ๊กก่อนแล้วกัน
 
            ผมก็ไปและคว้าไม้แถวนั้นฟาดไอ้คนที่ติ๊กมันฟาดอยู่ ถึงกับล้มตัวงอไปเลย ผมยักไหล่ให้ติ๊กมันคงไม่ลุกมาแล้วแหละ ผมรีบเดินมาหาบอยก่อน แต่จังหวะที่ผมเดินกลับไป ผมเห็นคนที่ล้มอยู่มันลุกขึ้นมาและคว้าไม้ มันได้มันก็รีบตรงดิ้งไปหาไอ้ติ๊ก แน่นอนผมวิ่งกลับไปไม่ทันแน่ๆ
            “ผลั่ก!” มีคนวิ่งไปดึงร่างติ๊กให้หมุนหนีและร่างนั้นก็เข้าไปรับไม้แทนทันที ผู้โชคดีนั้นก็คือไอ้เดี่ยว มันรับไปเต็มๆ หลังมันเลย เจ็บจริงเลยและทีนี้ไม่ใช้ตัวแสดงแทน แถมมันกอดไอ้ติ๊กเอาไว้อยู่
           “โป๊ก!” อันนี้ไม่รู้ใครล่อนกระทะลอยไปใส่หัวไอ้คนนี้ แน่นิ่งไปเลย น๊อกเอาท์ ผมหันไปมองไอ้ป๊อดมันเหรอ มันก็ส่ายหัวว่าไม่ใช่มันแต่กระทะน่ะลอยไปแล้ว
           “เว๊ย!!” ผมและไอ้ป๊อดร้องอุทานพร้อมกันเพราะว่าไอ้คนที่ยืนเท่ๆ ข้างๆ ผมสองคนนั้นคือไอ้หลุยส์ ดูจากท่าที่มันค้างเอาไว้ มันแน่นอนที่เป็นคนปาไป หลักฐานมันชัดเจนมาก ผมมองหน้ามันว่า มันทำได้ไงแบบนั้นน่ะ แม่นมาก มันยักไหล่ใส่ผมและชี้ที่สมอง เออ ผมรู้ว่ามันเป็นพวกไม่ใช่กำลังใช้สมองเป็นหลัก
            “ไหนๆ มึงก็จะซื้อให้มันใหม่อยู่แล้วนิ ก็สั่งมาสองอันเลยเอาไว้สำรองว่ะ ฮาๆ” ไอ้หลุยส์พูดและชี้นิ้วมาที่ผม ผมหันไปยกนิ้วกลางให้ว่าขอบใจ ไอ้ดิวมันวิ่งไปดูไอ้เดี่ยวทันทีที่นอนกุมไหล่มันอยู่ ผมเพิ่งจะเห็นไอ้ติ๊กมันดูเป็นห่วงไอ้เดี่ยวน่าดูก็วันนี้ ติ๊กมันพยายามเรียกไอ้เดี่ยวเช่นกัน
            “ไม่ใช่แฟนรับแทนไม่ได้นะพี่แจ็คแบบนี้ เห็นแล้วเสียวหลังแทนพี่เดี่ยวเลยอ่ะเพ่!” ไอ้ป๊อดมันพูด ผมก็พยักพเยิดกับไอ้หลุยส์ให้หันไปดูคู่นั้น คู่รักปากแข็งแห่งปี ไอ้เดี่ยวกับไอ้ติ๊ก ไอ้หลุยส์มันเข้าใจความคิดผม มันพยักหน้าว่าคิดตรงกัน ก่อนจะหันมาแปะมือกันว่าใช่เลย แถมยังมีคนรอแปะมือกับผมอีกคนคือไอ้ป๊อด ผมสองคนหันมามองพร้อมกันทันที
             “โป๊ก! โป๊ก!” ที่หัวป๊อดไม่แรงพร้อมกันเลยคนล่ะที
             “แก่แดดนะมึงน่ะ” ผมพูด ไอ้ป๊อดมันก็เอามือลูบหัวมันเบาๆ ผมหันไปจับเอวบอยถอยออก เพราะว่าไอ้เดี่ยวก็เจ็บอีกคนแล้ว และจู่ๆ ไอ้คนที่ผมจะตะบันหน้ามันไว้มันลุกพล้วดขึ้นมาพร้อมกับไม้ที อีกที นึกในใจพวกนี้ทำไมมันอึดกันหนักว่ะ
            “ไอ้เชี้ยมึงอย่าอยู่เลย “มันวิ่งปรี่เข้ามาจะฟาด ไม่ผมก็บอยนี่แหละ แต่ผมพลิกเอาตัวบังแทนบอย อย่างน้อยก็ได้ปกป้องเมีย ผมคิดในใจบอยก็กอดผมแน่นเช่นกัน
            “ผลั่ก! “ผมก็ปิดหลับตาปรี๋ เป็นไงเป็นกันปกป้องคนที่รักไว้ก่อนแต่เปล่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมลืมตาขึ้นบอยที่เอามือปิดหน้าตัวเองและหลับตาอีกด้วย
            “เฮ๊ย!!” ผมก็เปิดตาที่หลับปรี๋กับบอย ก็เห็นไอ้คนนั้นอยู่ดีดีมันก็มอบและทันทีที่ผมหันมองดูรอบๆ มีคนสวมหมวกกันน๊อก มันไปเอาไม้เบสบอลที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งมาและฟาดไอ้คนนั้นลงไปกองกลับพื้นแทน ถ้าไม่มีบอยนี้ผมคงกระโดดจูบปากมันไปแล้ว มันคือพระเอกใส่หมวกกันน๊อกถึงแม้ว่าจะไม่มีม้าขาวมาก็ตาม
            “บอยไม่เป็นไรแล้ว” ผมบอกบอยและดึงแขนบอยให้ลุกขึ้น ผมวิ่งเข้าไปหยิบไม้ทีของไอ้คนนั้นมาถือเอาไว้ กะว่าฟื้นมากูฟาดซ้ำครับ เอาให้กลับยาวไปอีกเลยมึง
            “อย่า อย่าทำกู” มันขออีกแล้วผมพยักหน้าและผมก็
             “ผลั๊ก” เข้าให้แต่ไม่ได้ตีมันด้วยไม้ที ผมเตะผ่าหมากแม่งเลยมันก็เอามือกุมเป่า หน้านี้บอกได้ว่าเจ็บมากแค่ไหน ออกสีม่วงๆ หน่อยได้มั้ง
            “ไอ้สาด...เตะลูกกูทำไม ไอ้เชี้ยย มันยังเด็กอยู่!” มันร้องด่าผมด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
            “ก็มันดื้อเหมือนมึงไงหรือมึงจะให้พวกกูทะลวงประตูหลังมึงด้วยละนี่แหละงานถนัดพวกกู “ผมถาม ผมก็เอามืออีกข้างกุมก้นมันทันที
            “แต่กูไม่เอาวะ เสียดายน้องกูเพราะมันใหญ่และยาวของมึงมันเพิ่งจะได้ครึ่งกูเอง” ผมพูดดูหน้ามันซีดขึ้นมาทันที
            “ผลั๊ก!” อีกทีเน้นๆ
            “อู้ยย เชี้ย เดี๋ยวกูเป็นหมันไอ้เชี้ย โอ๊ยยย โอ๊ย!!” ผมร้องเพราะว่าผมย้ำไปอีกทีที่เป้าของมันและหันไปคว้าแขนบอย

            TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.53 ซื้อใจพวกภาคิน 2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 10-03-2024 06:46:28
EP.53 ซื้อใจพวกภาคิน 2

                 Part แจ็ค ผมมองไปรอบๆ พวกที่พวกผมอัดลงไปกองและบ้างก็มอบสนิท บ้างก็คลานหนีกันออกก็มีเป็นไงละด่าพวกผมว่าตุ๊ดกัน ผมพยักหน้าให้ไอ้หลุยส์ และมันก็พยักหน้ากลับมามันโอเค ผมมองน้องชายของไอ้ภาคินที่ไอ้หลุยส์ไปลากออกมาพร้อมกับพวกเพื่อนมันอีกสองคน มากองไว้ ผมเห็นไอ้เดี่ยวมันลุกขึ้นแล้วแสดงว่ามันโอเคแล้ว ผมคิดว่าต้องเรียกรถพยาบาลซะอีก มันชูนิ้วแรพโยะมาขนาดนั้นแปลว่ามันยังเหนียวอยู่
             “มันโอเคว่ะ” ไอ้ดิวเดินมาบอกพวกผม ผมก็หันมามองไอ้คนที่ยืนสวมหมวกกันน๊อก
             “มึงเป็นใครเนี๊ยะ!” ผมหันไปถามไอ้นั่นที่สวมหมวกกันน๊อก
             “เฮ้ยย!! ไอ้หัวหน้าห้อง!!!” พวกผมร้องเรียกมันออกมาพร้อมๆ กัน หลังจากที่มันก็เปิดกระจกหน้าให้พวกผมดู
            “ใช่ครับผม พอดีเมื่อเช้าผมไปยื่นใบสมัครสอบโควต้ามาและกะว่าจะมาเรียนตอนบ่าย แต่เห็นมีแต่คนวิ่งหัวซุกหัวซุนกันและเขาก็บอกว่ามีคนเข้ามากระทืบเด็กในโรงเรียน และน่าจะเป็นพวกคุณนะครับ แต่ผมก็กลัวเสียภาพลักษณ์เลยหยิบเอาหมวกกันน๊อคสวมมาด้วยครับผม” ไอ้หัวหน้าห้องมันพูด มันกลัวเสียภาพลักษณ์ น้ำตาจะไหลเลยผม ซึ้งใจจริงๆ
             “เออ ขอบใจ ไม่ต้องห่วง รอบหน้ากูให้มึงเป็นอีกแน่นอนตำแหน่งหัวหน้าห้อง ทำดีขนาดนี้ อีกสมัยไปเลย” ผมหันไปชี้หน้ามัน
              “จะให้ผมอยู่อีกเหรอครับ ผมเกรงว่าชีวิตผมจะหาไม่ก่อนได้เข้ามหาวิทยาลัย ผมถึงได้รีบไปสอบโควต้าเอาไว้ก่อนจะดีกว่าครับท่าน” ไอ้หัวหน้าห้องมันพูด ผมหันไปมองรอบๆ พวกที่นอนหมอบกันและบางคนก็พยายามลากเพื่อนออกไปอย่างทุลักทุเล
              “โรงเรียนพวกกูไม่ใช่ที่พวกมึงจะเข้ามากระทืบใครก็ได้ พวกมึงไสหัวกันออกไปเลยน่ะ” ผมตะโกนบอกพวกมันแต่ดูท่าจะคลานยังไม่ได้เลยบางคน
              “แป๊ะๆ” เสียงปรบมือดังสนั่น พวกผมหันไปมองระหว่างที่พวกผมกระทืบเพื่อช่วยไอ้นี่มีเด็กนักเรียนแอบมองพวกผมอยู่ตลอดเลยว่างั้นแต่มันกลัวกัน แต่ว่าตอนนี้พวกมันออกมาปรบมือกันใหญ่เลย
              “จริงด้วย! ออกไป! ออกไป! ออกไป! จากโรงเรียนพวกเรา!” พวกนั้นก็ตะโกนบอกกัน ผมก็ยืนกอดอก อย่างเท่ นาทีพวกผมคือซูเปอร์ฮีโร่
              “พี่แจ็คครับ ผมว่าสงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหารดีกว่าไหมครับพี่” เสียงไอ้ป๊อดมันพูดอยู่ด้านหลังพวกผม
             “พี่ พี่แจ็ค ผมว่า มันยังไม่จบนะพี่นะ” ไอ้ป๊อดพูด
              “ยังมีอีกเหรอ ที่เห็นนี่ก็หมอบหมดแล้วเนี๊ยะ!” ผมหันไปถามป๊อดมัน มันก็ชี้ไปที่ตรงประตูทางเข้า พอพวกผมหันไปมองเท่านั้นแหละ
             “แกร็ง!!!” เสียงพวกผมทิ้งอาวุธกันหมด มีคนมายืนบังประตูและมันก็มากันอีกชุดเหรอวะ
             “ยังมีอีกเหรอวะ” ไอ้ดิวพูดขึ้น
             “กูว่าถ้าเพ่นตั้งแต่ทีแรกและไม่ออกมาช่วยไอ้เด็กเวรนี้ พวกเราคงรอดไปถึงไหนไหนแล้วเนี๊ยะ!” ไอ้พายพูด พวกไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูมันก็ยืนกอดกันกลมดิก
             “ใครกระทืบคนของกู มึงเจ็บหนักแน่!” มันตะโกนมาพร้อมกับชี้หน้าพวกผมด้วยไม้ที
             “ถ้าบอกว่าพวกเราไม่เกี่ยวมันจะเชื่อไหมวะ” ผมหันไปถามทุกคน
              “มึงดูพวกนี้ดิ หมอบขนาดนี้ ไปหลอกเด็กอนุบาลเถอะมึง” ไอ้หลุยส์มันกระซิบกลับมา ผมหันมามองหน้ากันอะไรกันวะ และพวกกองเชียร์ก็หายไปหมดยังกับมันมีเวทมนตร์หายตัวได้
              “นี้มันมีประตูโดเรม่อนเหรอวะ หายไปไหนกันวะ โคตรเร็วเลย” ไอ้หลุยส์มันพูด
              “ไว้กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว” ไอ้ป๊อดอีกคน ผมก็ดันบอยไปไว้ด้านหลังก่อน
              “Rrrrrrrr “เสียงโทรศัพท์ไอ้ป๊อดดังขึ้นและมันก็รีบรับสายทันที
              “อะไรนะพี่ แป๊บนะพี่” ไอ้ป๊อดมันคุยโทรศัพท์และมันก็หันมาหน้ามองพวกผม
              “พี่รับหน้าไปก่อนนะพี่ เดี๋ยวป๊อดมา พวกพี่ภาคินเขาโทรหาผมนะพี่” ผมสะบัดหน้าไปมองไอ้ป๊อด นี่มันยังให้พวกผมรับอีกเหรอครับ แต่ไม่ทันแล้วมันพูดและออกวิ่งไปทันที
               “ก็ให้มันมาช่วยน้องมันดิโว้ยย พวกกูจะได้เพ่นบ้าง! “ไอ้ดิวมันตะโกนตามหลังไอ้ป๊อดไป พวกผมหันมามองไอ้ที่ยืนทำหน้าโหดมาก ดูจากใบหน้าแต่ละคนที่รอยบากมา มันคงจะผ่านสมรภูมิรบมาเยอะกว่าพวกที่นอนหมอบนี้แน่ๆ พวกผมเดินมารวมกันหมดที่จุดเดียวกัน
                “ไอ้ที่หมอบนี้มันแค่สมุนตัวน้อยๆ ใช่ไหมว่ะ” ไอ้ติ๊กมันกระซิบถาม ผมก็คิดว่าน่าจะใช่เพราะที่ยืนอยู่นะหน้ามันโหดกว่าไอ้พวกนี้หลายเท่า พวกผมค่อยถอยหลังคนละก้าว สองก้าว หันซ้ายหันขวาหาทางเพ่น
               “ทหารมา) )) )” มีคนตะโกนมา จังหวะนั้นไอ้พวกนั้นมันหันหน้าหันหลังกันแล้วพวกผมจะยืนกันทำไมวิ่งซิครับ เข้าไปในห้องกระจกก่อนเลยและรีบล็อกประตูทันที แต่พวกผมดันลืมน้องไอ้ภาคิน
                “ไปเอามันมาด้วยดิวะ” ไอ้หลุยส์ มันจะรักไอ้เด็กนี้อะไรกันหนักหนา ผมกับไอ้ดิวก็วิ่งไปลากมันเข้ามาด้วย และล๊อกประตีอีกที รูดปิดม่านด้วยจะได้ดูเหมือนไม่มีใครอยู่ตรงนี้

                 [พวกพี่มาแล้วน้องๆ ไม่ต้องวิ่ง พี่มาดี มาม๊ะ มาให้พี่จับซะดีดี ทำไมไม่พกปาก สมุด พกกันมาทำไม มีด ไม้ พวกนี้มันอันตราย ไม่ควรเอามาเล่นอย่างยิ่ง) )) )) ] นั้นไงที่พวกผมได้ยิน ดังมาจากข้างนอกไม่ต้องรอดู รีบพากันหันไปมองทางออกน่าจะต้องเป็นด้านหลังของโรงอาหาร

                “ฉิบหายแล้ว นี้เสียงพี่โอมกู กูตายแน่มีง” ไอ้แอ้พูด ผมหันไปมองไม่ได้ยินบ่อยแต่รู้เลยว่าใครมา ไอ้ป๊อดวิ่งออกมา
                 “อ้าวพี่ไม่รับหน้าพวกมันกันเหรอ” ดูมันถามพวกผม
                “รับพองมึงเด้ ทหารมาโน้น!” ไอ้ติ๊กมันพูด
                 “ถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อกู มึงตกงานไอ้ป๊อดและร้านค้าแม่มึงประกาศเซ้งได้เลย!! ปิดกิจการถาวร!!” ไอ้ติ๊กมันหันไปพูดกับไอ้ป๊อด
                “พี่ติ๊กครับ ไม่ได้นะครับพี่ ภาระเยอะบ้านผมน่ะ ทั้งบ้านทั้งรถผ่อนยังไม่หมด เอาอย่างนี้ พวกพี่ภาคินบอกว่าจะเอารถมารับที่ตรง ...” ไอ้ป๊อดพูดและทำท่าคิด ผมก็รอว่าตรงไหนล่ะจะได้ไป
                 “ที่เดิมดิประตูหนี พวกมันรู้ดีและกูมีกุญแจ” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็พยักหน้ากัน พากันกอดไอ้ต้นข้าว มันช่วยผมได้ก็วันนี้แหละ
                 “ถ้าอย่างนั้น ออกด้านหลังเลยพี่ “นั้นไอ้ป๊อดมันพูดและมันก็วิ่งนำไป ผมก็วิ่งตาม มันจะผ่านครัว ใหญ่ มีแม่ค้า พ่อค้าและคนมาทำงาน นั่งกินส้มตำ อาหารหลักอย่างสบายใจไม่สนว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอก ยังมีหน้ามาโบกมือให้ผมด้วย พวกผมก็โบกมือตอบก่อนจะพากันวิ่งตามไอ้ป๊อดออกไป
                “ไอ้ป๊อดเขาเลิกตีกันยังวะ” ผมถามไอ้ป๊อด
                “ใกล้แล้วพี่เพราะว่าพี่ทอทหารรอตอนอยู่ด้านนอกพี่ เล่นกันแรงมาก อาวุธครบมือเลยพี่ เหมือนมาปราบปรามผู้ก่อการร้ายเลยอ่ะพี่!” ไอ้ป๊อดมันตอบและพวกผมก็พยักหน้าให้พวกที่นั่งกันอยู่ด้านหลังที่ทำงานในโรงครัว นี่เขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น พวกผมก็ผงกศีรษะขอโทษกัน ก่อนจะขอเดินผ่านออกไป ผมวิ่งมาด้านหลังและไอ้ป๊อดมันก็เปิดประตูให้พวกผม
               “ไปเลยพี่ โชคดีนะพี่ บาย” ไอ้ป๊อดมันพุดและปิดประตูทันที
               “นี่มันให้พรพวกเราเหรอวะ ไอ้ป๊อดน่ะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูด ผมก็โบกไม้โบกมือช่างแม่งเถอะ พวกผมยืนคิดไปทางไหนต่อดี ทันใดนั้นที่พวกผมก็ได้ยินเสียงคือเสียงดัง ดูท่าจะอลหม่าดกันน่าดู แล้วพวกผมจะอยู่รอกันทำไม วิ่งครับ ผมวิ่งไปที่ตรงประตู ที่ต้นข้าวบอกว่ามีกุญแจ
              “ฉิบหายแล้ว “ไอ้ต้นข้าว มันมองประตู มันไม่ได้ล๊อกนี่หว่า
              “มึงไม่ได้ล๊อกประตูไว้เหรอวะ” ผมถามไอ้ต้นข้าว
              “กูล๊อก แต่กู….” ไอ้ต้นข้าวพูดพร้อมกับหันมามอง สีหน้ามันซีดๆ ไปนะ
             “อะไรไอ้ข้าว” แอ้มันถาม
              “ก็วันนั้นอ่ะที่เราใช้ประตูนี้หนีตีนพวกนั้นนะ ไปที่ร้านไอศกรีม กูล๊อกด้านนอกไว้ไง กลัวพวกนั้นมันตามไงแต่กูลืมคิด…..” ไอ้ต้นข้าวพูด ทำให้พวกผมหันมามองหน้ากันและ พากันขอพรจากฟ้าทันที ยกมือขึ้นบนอากาศ เยี่ยมมาก!!
               “มึง …..ไม่โง่ธรรมดาไอ้ต้นข้าว “ผมหันมาชี้หน้ามัน
              “ขอบใจ” ไอ้ต้นข้าว มันยังมีหน้ามาขอบใจผมอีก กูด่าครับ
              “จ้าดง้าวเลยละมึง!!” ไอ้ติ๊กมันด่าเป็นภาษาเหนือให้ทันทีและพวกผมก็คิด และก็คิด
              “ก็วันนั้นกูกลัวมันวิ่งตามพวกเราออกไปไง กูเลยล๊อกแม่งเลย แต่วันนี้กูว่าวันนั้นกูไม่น่าล๊อกเลยว่ะ แล้วเราจะออกไปกันยังไงวะ” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็ทำท่าคิด
              “เอาโต๊ะนักเรียนที่กองนั้น มาดิวะ และปืนข้ามไป “ไอ้เดี่ยวพูด และพวกผมก็หันไปมองว่าใช่เลยและผม ไอ้ดิว ไอ้เดี่ยว ไอ้หลุยส์ที่ดูแข็งแรงที่สุดเข้าไปยกออกมาคนละตัวและ
              “แจ็ค หลุยส์ มึงสองคนข้ามไปก่อนวะ กูกับไอ้เดี่ยวจะคอยส่งทุกคน” ไอ้ดิวมันพูด และหันพยักหน้ากับไอ้เดี่ยว ผมกับไอ้หลุยส์ก็ปืนขึ้นไปและปืนกำแพงขึ้นไป ก่อนจะข้ามกำแพงแต่จะว่าไปมันก็สูง
              “สูงวะดิว” ผมบอกมัน
              “มึงสองคนรับโต๊ะและโยนลงไป” มันบอกผมและไอ้ดิวมันก็ ปืนขึ้นมาบนโต๊ะและรับโต๊ะนักเรียนมาจากไอ้เดี่ยวและส่งมาให้ผมกับไอ้หลุยส์ ผมกับไอ้หลุยส์รับตอนแรกก็ว่าจะเหวี่ยงลงไป
              “เดี๋ยวไอ้แจ็ค กูกะก่อน มันจะได้ลงไปตั้งได้พอดี” ไอ้หลุยส์พูด ผมก็มองหน้ามันจะกะอะไรอีกและไอ้หลุยส์มันใช้นิ้วตั้งฉากเหมือนกับว่ากำลังวัดมุดองศา ผมก็ชะเง้อมองเดี๋ยวพวกที่ตามจับนักเรียนก็มาพอดี
              “ไอ้หลุยส์” ผมเรียกมัน
              “เออๆ ได้แล้ว “ไอ้หลุยส์พูดก่อนจะทำมือให้ผมค่อยๆ หย่อนมันลงไม่ใช่เหวี่ยงมันลงและผมทำตามไอ้คนชอบคิดและวางแผนและมันก็ใช้ได้ดี
            “เป๊ะเลยวะ” ไอ้หลุยส์มันพูดเพราะว่ามันลงไปตั้งพอดีเลยและผมกับไอ้หลุยส์ก็หันหลังและลงไปยืนที่โต๊ะนักเรียน
            “กูว่ามึงรอด้านล่างวะเพราะถ้ามาอีกคนอาจจะหัก” ผมบอกไอ้หลุยส์มันก็ทำตามที่ผมบอก
            “มาเลยดิว” ผมบอกไอ้ดิว และคนแรกที่ไอ้ดิวมันกำลังส่งมาก็คือธรรณ์ ผมก็ยื่นมือไปรับมือธรรณ์ที่กำลังข้ามกำแพงแบบกลัวๆ กล้าๆ และธรรณ์ก็ตั้งท่าจะกระโดด ผมก็พยักหน้าว่าผมเอาอยู่
            “หมับ” ผมรับเขาอยู่พอดีเลย ธรรณ์กอดผมไว้ด้วยอาการตกใจแต่ก็รีบปล่อย ผมก็ยิ้มให้ แอบเสียดายผมมีแฟนแล้วครับ
            “ไอ้หน้าแขกมึงกอดเมียกูไอ้สัส กูเองยังไม่เคยกอดเมียมึงเลยนะไอ้เชี้ย!” ไอ้ที่ยืนชี้หน้าด่าผมคือไอ้หลุยส์
            “เอาไปเลย เมียกูกำลังจะมา” ผมหันไปบอกมันและส่งธรรณ์ลงไปให้ไอ้หลุยส์มัน แม่งยังหันมาค้อนผมอีกนะผมเงยหน้าขึ้นไปกางแขนรอรับบอยเล็งแบบไม่ให้พล้าด
         “หมับ” และผมก็รับบอยมาอย่างทะนุถนอม พอบอยและผมทรงตัวได้ บอยก็มองหน้าผม ด้วยความน่ารักเลยจับแก้มนิดนึง บอยก็ตีแขนน่ารักเนอะแต่ มันใช่เวลานี้ไหมฮาๆ
           “ช่วยเลิกฟินกันสักครู่แล้วรับพายก่อนได้ไหม กูกลัวความสูง!!” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองที่ค้างอยู่บนขอบกำแพงแถบยึดแน่นด้วยและสั่นอีกต่างหาก
           “มารจริงๆ เลยมึง” ผมหันไปเม้งและบอยก็หัวเราะผม ผมก็ต้องส่งไปให้ไอ้หลุยส์มันต่อ และหันกลับกางแขนรับพายลงมา
            “หมับ! “ผมก็ต้องกอดเพราะว่าโต๊ะนักเรียนมันโคลงเคลงและผมก็รีบดันพายมันออกด้วยเช่นกัน ดันหน้ามันไว้ด้วย
             “อะไรวะ จะดันทำไมเนี๊ยะ ที่เมื่อกี้ฟินน่าดู กูก็อยากฟินบ้างอะไรบ้าง” พายมันพูด
             “ไม่เอามึงนะน่ากลัวพาย มึงลงไปเลย” ผมหันไปบ่นและรีบดันพายลงไป แต่ไม่ทันได้มองว่าไอ้หลุยส์มันไม่ได้หันมารอรับพาย
           “ตุ๊บ” พายลงไปได้นั่งก้นจั้มเบ้าที่พื้นทันที
           “อายยยย” พายร้องออกมาทันที
            “พาย!” บอยและธรรณ์ร้องออกมาพร้อมกัน
           “โอ้วฉิบหายแล้วกู!!! “ไอ้หลุยส์มันพูดและวิ่งมาประคองพายขึ้น มันดันไม่ได้หันมารอรับพายเหมือนที่รับบอยและธรรณ์ ผมหันไปทำนิ้วเชือดคอคือมันโดนพายเม้งแตกแน่ๆ พายสะบัดหน้างอนใส่มันทันที และคนต่อมาก็คือไอ้ต้นข้าว และบลู ไอ้ต้นข้าวนะมันทำเหมือนจะแมนมันรีบปล่อยผมก่อนที่ผมจะปล่อยมันและมันก็ลงไปเอง ไอ้นี่มันเหมือนทอมบอยชัดๆ ส่วนอีกคน
            “บลูมึงจะกอดกูไม่ว่าอย่าลูบกูไอ้นี่โรคจิตกว่าอีพายอีก ลงไป” ผมบ่นไอ้บลูเพราะว่าพอรับมันมามันไม่กอดเปล่ามันลูบด้วย แม้มีหันมากัดปากอีกนะ ผมรีบถีบมันลงไปแทน (ย้ำว่าไม่ได้ผลักถีบจริงๆ)
             “แจ็ค กูลงได้” ไอ้ดิวมันบอกผม ผมก็พยักหน้าและผมก็กระโดดลงมาที่พื้นและดิวมันก็กระโดดลงมายืนรอคนที่จะมาต่อไป คือไอ้แอ้ แอ้มันก็กระโดดตามลงมาแต่ ไอ้ดิวมันรับได้อย่างแม่นมากแถมมันรับแบบอุ้มเลยครับ
             “เฮ้ยย!!” พวกผมร้องออกมาพร้อมกัน ผมว่าแอ้มันก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าไอ้ดิวมันจะรับได้แม่นแบบนี้
             “โอ๊ยย!!!” ไอ้แอ้มันดึงขนจมูกไอ้ดิวและมันก็ดีดตัวงมายืนที่พื้นทันที พวกผมยังคงมองหน้ามันกับไอ้ดิว สลับกันไปมา
             “มันทำได้ไงวะ ไม่เห็นบอกกูบ้างเลยสาด” ไอ้หลุยส์มันพูด ไอ้ดิวที่เอามือขึ้นมาเกาหัว
             “ไอ้เดี่ยว ไอ้ติ๊ก ทำไมมึงยังไม่มาวะ รอพ่อมึงมาจับตัวเหรอวะ” ผมตะโกนถามมันสองคน
             “ไอ้ติ๊กมันกลัวมันไม่กล้าไปว่ะ” ไอ้เดี่ยวมันชะโงกหัวมาคุยกับผม
             “มาเร็วติ๊ก มึงรอให้เขามาจับมึงหรือไง” ไอ้เดี่ยวมันตะโกนคุยกับติ๊ก ผมเห็นมีรถวิ่งมาแล้ว รถเก๋งและรถกระบะ ทันทีที่เลื่อนกระจกรถลง มันคือไอ้โซ่ อย่าบอกนะว่าพวกผมหนีเสือปะจระเข้นะ หนีเท้าข้างในมาเจอเท้าข้างนอกอีกเหรอวะ
              “เฮ้ย! ขึ้นรถว่ะ” ผมหันไปมองคนที่ลงจากรถมาเรียกผมพวกผม ไอ้โซ่ และไอ้มาร์ค อีกคนคนผมไม่รู้แต่มันหน้าดี และอีกคันก็ตามเข้ามาผมยังไม่เห็นหน้าตาคนขับ
             “ไอ้ภาคินให้พวกกูมารับพวกมึงว่ะ” ไอ้โซ่มันบอกผม
             “เพื่อนกูอีกคนและไอ้เดี่ยวแม่งยังไม่ยอมข้ามมา มันกลัว” ผมหันไปบอกไอ้โซ่ คนอื่นก็ลงมาจากรถ มีไอ้มาร์คที่ผมรู้จัก
            “รีบเลยนะมึงเขาบอกว่าผู้อำนวยการโรงเรียนมาใหม่วันนี้และกำลังกวาดพวกที่มาหาเรื่องตีกันไปส่งค่ายทหาร” ไอ้โซ่มันบอกพวกผม ฉิบหายแล้ว อยู่โรงเรียนกฎระเบียบก็เยอะอึดอัดแย่แล้วนี่ถ้าโดยไปอยู่ค่ายทหารด้วยตายครับ
            “ไอ้ติ๊ก เขาบอกผู้อำนวยการมาใหม่วะ สงสัยพี่มึงแน่วะ พี่ตุ๊อ่ะ” ผมตะโกนบอกไป ไม่นานได้ผล มันรีบพลวดพลาดขึ้นมานั่งค้างอยู่กำแพง
           “เชี้ยแล้ว พี่กูมาเหรอ ไอ้เดี่ยว มึงลงไปก่อน ไปรับกูเลย สูงแบบนี้ จากที่กูไม่ต้องทำจมูกกูได้ทำแน่ๆ และเบ้าหน้ากูคงได้จัดใหม่ไฉไลกว่าเดิมอีกก็งานนี้ ลงไปดิไอ้ดำ!!” ไอ้ติ๊กมันรีบพูดสั่งไอ้เดี่ยวทันทีและมันก็ผลักไอ้เดี่ยวลงมาก่อนเพื่อน
พอไอ้เดี่ยวลงมาและรอรับ ไอ้ติ๊กมันรีบกระโดดตามลงมาติดๆ เร็วจนไอ้เดี่ยวมันไม่ทันได้ตั้งตัวและมันทั้งคู่ก็ล่วงลงมาพร้อมกัน เป็นไปตามสเต็บเหมือนฉากในละครที่ไอ้ติ๊กมันเล่น พระเอกนางเอกร่วงหล่นลงมาและนางเอกอยู่บนตัวพระเอก แล้วก็....จุ๊บกันแต่ภาพนี้มันไอ้ติ๊กอยู่บนครับ บนตัวไอ้เดี่ยว ทำเอาพวกผมหันไปมองทางอื่นกันหมด เขินแทนมันหรืออายแทนมันสองคนก็ไม่รู้ และมีสายตาอีกหลายคู่ที่ลงมาจากรถทันที เพื่อมายืนอ้าปากค้างดูมันสองคน
            “งานซีรี่ย์เกาหลีก็มา” ไอ้มาร์คมันพูดขึ้น ผมหันไปยักไหล่ ปกติพวกกูว่ะ แต่ไม่เคยกลางแจ้งแบบไอ้คู่นี่แน่ๆ รู้สึกอายแทน
            “เฮ้ยย!” ไอ้ติ๊กมันร้องและรีบดีดตัวลุกขึ้น ผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์หยักคิ้วให้มัน ผมว่าคู่นี้มันมีSomething wrong กันแน่ๆ เลย แต่ดูแล้วมันก็ปากแข็งอีกคู่นั่นแหละ ไอ้หลุยส์บอกแล้วว่ามันอ่านความคิดผมได้และมันก็ยักคิ้วกลับมาให้เป็นคำตอบ
            “ไปที่บ้านพี่แฮกซ์ก่อนดีกว่าส่วนน้องไอ้ภาคินนะ ไอ้ป๊อดมันให้คนไปส่งไว้ที่โรงพยาบาลที่พ่อมันเป็นหมอแล้วว่ะ “ไอ้โซ่พูดและพงกหัวเชื้อเชิญให้พากันขึ้นรถ ในขณะที่ในโรงเรียนก็เสียงดัง ทหารกำลังไล่จับพวกที่มาตีกันนั้นเอง
            “มันจะพาพวกเราไปฆ่าหมกป่าไหมวะ “ไอ้ติ๊กพูดขึ้นไม่น่าจะกระซิบหรอกแม่งทำเอามือป้องอีก จนได้โซ่มันหันมาหัวเราะเบาๆ
            “ไม่หรอกมึง กูรู้จักพวกมันดี ไปเถอะว่ะ” ไอ้เดี่ยวมันพูดและมันก็ดึงแขนไอ้ติ๊กไปกับมันไปขึ้นรถคันเดียวกับมันทันที ผมหันมามองไอ้ดิว มันคู่ซี่มันนะไอ้เดี่ยว ไอ้นี่เข้าใจกำจัดก้างขวางคอมันได้ดี มันยักคิ้วให้ผม
           “ปื้น!!!” มีมอเตอร์ไซด์ เวสป้าขับเข้ามา ดูจากสีกางเกงก็รู้ว่าไอ้นี่แค่ม.ต้นแน่ๆ เพราะว่ามอต้นสีกากีส่วนมอปลายสีดำ
           “มีอะไรวะไอ้แช้มป์” ไอ้มาร์คมันหันไปถามไอ้คนที่ขับรถมา
           “มีดิพี่ นี้ผู้อำนวยการคนใหม่และกองกำลังทหาร รวบเด็กที่มารอตีพวกเรานะไว้หมดแล้ว โหดโคตร และนี้เขากำลังโทรตามผู้ปกครองแต่ละคนมาเพื่อจะทำการเจรจา ผมว่าเราไปบ้านพี่แฮกซ์กันเลยดี่กว่าพี่ ก่อนที่จะลามมาหาเรา” ไอ้เด็กที่ชื่อแชมป์ มันทำท่าจะหมุนรถมันกลับแต่มันดันมาชงักที่ไอ้บลูซะงั้น และพวกผมก็หันมามองไอ้บลูกัน ดูมันทำท่าเขินใส่เขาอีกมันอีก
            “เพี๊ยะ!” อันนี้ไอ้ต้นข้าว ไอ้นี่แม่ไอ้บลู พวกผมตั้งให้เพราะว่าเห็นมันห้ามนั้นห้ามนี้ ยิ่งกว่าแม่มันจริงๆ ซะอีก
            “มึงจะยืนบิดไปมาทำไมวะ ดูไอ้นี่มันเด็กม. ต้นนะมึง “ไอ้ต้นข้าวมันต่อว่าไอ้บลู
“ถ้าอย่างนั้นก็ไอ้ดิวมึงไปรถไอ้นาวินก็ได้วะ มันเพื่อนพวกกูแต่อยู่คนละห้องกัน รถเก๋งคันสีดำนั้นนะที่โหลดเตี้ยๆ “ไอ้โซ่มันชี้ไปที่ที่รถที่จอดอยู่คันที่สาม ไอ้ดิวมันหันไปมองและหันมามองหน้าไอ้โซ่ ผมก็มองไอ้ดิว คือหน้าตามันบ่งบอกได้ว่าเจอคู่อริเก่าและไอ้ดิวมันก็ยักไหล่ให้แอ้เดินตามมันไปแบบจำใจ
            “ส่วนพวกมึงมารถกู นั่งได้4 คน” ไอ้โซ่พูด ผมหันไปหยักไหล่ให้หลุยส์และมันก็จูงมือธรรณ์ไปผมก็จูงมือที่รักผมบอย
           “ไอ้เดี่ยวรถไอ้มาร์คว่างวะ แต่มันนั่งได้สองคนนะข้างหน้าเบียดหน่อยมันรถแต่ง” ไอ้โซ่พูดไอ้เดี่ยวมันหันมามองติ๊กที่ยืนกอดอยู่ และหันมามองพาย ต้นข้าวและไอ้บลู
            “แล้วกูละ กูกับไอ้บลู พายด้วย” ไอ้ต้นข้าว
            “นั้นไงที่ยืนใส่เรแบนด์นะ” ไอ้โซ่พูดและพวกผมก็หันไปมีคนออมมายืนทำท่ากอดอกและมองมาที่พวกผมโดยเฉพาะไอ้ต้นข้าว
            “น้องน่ารักมาเลยรถพี่พร้อม” ไอ้คนนั้นมันพูดเชื้อเชิญ
            “ไอ้เชี้ยนี้มัน” ไอ้ต้นข้าวพูดเพราะว่าไอ้คนที่เอ่ยปากเชื้อเชิญมันก็แสดงอาการว่ามองมาทางไอ้ต้นข้าวชัดเจน
           “ไอ้กีตาร์ เพื่อนไอ้ธงรบมัน ไม่มีอะไรหรอกนะมึงไปเถอะ “ไอโซ่พูด
           “พี่คนนั้นนะ มานั่งรถผมได้นะครับ “ไอ้แชมป์มันชี้ไปที่ไอ้บลู แม้ทำท่าเขินหนักมาก
           “ต้นข้าว เราไปรถน้องนั้นนะ แล้วเจอกัน” นั้นไงไอ้บลูมันพูดเร็วและกระโดดขึ้นรถเวสป่าไปหน้าตาเฉยและไอ้คนขับมันก็ออกตัวไปเลยทันที “เฟี้ยว!!!!” โดยที่ไอ้ต้นข้าวมันยังไม่ทันร้องห้าม มันแค่อ้าปากค้างไว้และกำลังจะด่า
           “ไอ้เชี้ยบลู!!!”ไอ้ต้นข้าว มันไปแล้วผมหันมามองหน้ามัน
           “แล้วไอ้นั่นมันพาบลูไปไหน” แม่ไอ้บลูหันมาถามทันที
           “มันไปทางลัด สำหรับรับรถมอเตอร์ ไอ้นี่มันยังไม่มีใบขับขี่มันขี่ออกถนนไม่ได้หรอกต้นข้าว “ไอ้โซ่พูด ผมหันมาหน้ากัน มีแบบนี้ด้วยเหรอวะ
           “พายไปกับไอ้ต้นข้าวแล้วกัน” ผมหันมาบอกพายที่หันมาสะบัดบ๊อกไปพร้อมๆ กับต้นข้าว
           “ไปเถอะต้นข้าว และมีอะไรโทรหาพวกกู” ผมบอกไอ้ต้นข้าวที่หน้างอคอหักมาและเดินไปแบบไม่เต็มใจหนัก และไอ้คนที่ยืนกอดอกอยู่ก็เปิดประตูให้ทันที แต่ต้นข้าวก็กวนได้ใจเหมือนกัน มันเดินไปขึ้นอีกฝั่งแทนและเปิดประตูเองส่วนพายก็ตามข้าวไปติดๆ เช่นกันอีกฝัง
           “ฟาล์วเลยกู” ไอ้คนที่ยืนเปิดประตูรอมันพูดและพวกผมก็พยักหน้าพากันขึ้นรถกันเถอะ ผมขึ้นไปนั่งข้างคนขับกับไอ้โซ่ ผมเหลือบไปเห็นมีคนกำลังปืนขึ้นมาที่ตรงกำแพงที่ผมปืนออกมาเช่นกัน
            //ทางนี้มีอีกกลุ่ม!!! // พวกพี่ทหารปืนกำลังขึ้นมาได้ ก็เห็นพวกผมที่ก้าวเท้าขึ้นรถไปกันหมดแล้ว พี่เขาก็ส่งเสียงเรียกคนอื่นๆ ทันที

            แต่รถพวกที่มารับพวกผมก็ถอยหลังไปตามๆ กันด้วยสกิลขั้นเทพจริงๆ และออกมาจนพ้นซอย และพวกมันก็รีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว ขนาดที่พวกพี่ทหารยังตามไม่ทันเลย ผมหันไปยกนิ้วให้ไอ้โซ่ ผมว่าพวกผมเรียนถูกห้องแล้วแหละตอนนี้ จากตอนแรกที่คิดว่าแอดมิน จับพวกผมยัดลงผิดห้องจนอยากจะขอย้าย ไอ้โซ่หันมายักคิ้วให้พวกผมเช่นกัน จะว่าไปพวกมันก็อาจจะมีดีมากกว่าเป็นเด็กเกเรที่ใครต่อใครพูดกันก็ได้น่ะ ถ้ามีคนให้โอกาสพวกเขา

            TBC…

หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.54 ผมได้เพื่อนเพิ่มมาทั้งแก๊งเลย ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 11-03-2024 13:28:58
EP.54 ผมได้เพื่อนเพิ่มมาทั้งแก๊งเลย ครึ่งแรก

                Part แจ็ค หลังจากที่พวกผมพากันขึ้นรถที่พวกเพื่อนๆ ของภาคินที่ขับเข้ามาดักรับพวกผมเพื่อพาพวกหนีพี่ๆ ทหาร ผมยอมรับว่ามันผิดครับแต่ถ้าจะเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ผมเองก็อยากรู้ว่าพวกนี้กำลังทำอะไรกันอยู่และนี้คือการซื้อใจเพื่อให้ได้เป็นเพื่อนด้วยเช่นกัน ส่วนพี่ๆ นั้นพวกผมไปอธิบายทีหลังกันได้ รถที่พวกผมนั่งมาก็แล่นออกมาได้ประมาณสิบกว่านาทีก็มาถึงบ้านหลังใหญ่ รูปทรงดูทันสมัย มีพื้นที่กว้างมาก ทันทีที่รถเข้ามาจอด ผมก็ก้าวเท้าลงมาจากรถกันเพื่อดูลาดเลา ผมหันไปเจอพวกพี่แฮกซ์ เออ หรือมันจะพามาให้พวกนี้กระทืบวะ ผมคิดในใจเหมือนกัน
             "พวกกูนับถือพี่แฮกซ์กัน พี่แกดีนะโว้ย!” ไอ้โซ่พูด ผมหันมามองหน้าไอ้โซ่
             “และนั้นก็ลูกน้องพี่แฮกซ์อีก พวกมึงคงเคยเห็นอยู่นะที่หน้าห้องน้ำชายนะ "ไอ้โซ่มันหันมาบอกพวกผม ผมพยักหน้าว่าใช่ไง ก็เลยแอบกลัว ผมกวาดตามองไปรอบๆ และผมก็หันไปเห็นไอ้ดิวและแอ้มันลงมาจากรถไอ้คนที่ไอ้โซ่มันบอกว่าเพื่อนพวกมันอีกคนแต่อยู่คนละห้อง หน้าตามันหล่อใช่เล่น ผมเห็นมันมองแอ้อยู่หลายครั้งแล้วและตอนนี้มันก็มองแต่ไอ้ดิวมันดึงแอ้เรียกว่าจะโอบเอวเลยก็ว่าได้ ไอ้แอ้มันก็จะหันไปตบหัวไอ้ดิวอีก
            “ผลั๋วะ!!!”เสียงดังฟังชัดมาก
            “อู้ยย!!!” ผมกับไอ้หลุยส์อุทานพร้อมกัน เจ็บแทนประมาณนั้น ไอ้ดิวผู้ไม่เคยกลัวใคร กลัวแม่แอ้มันอยู่คนเดียวเลย ไอ้ดิวเอามือลูบหัวตัวเอง   ผมหันมามองหน้ากันหยักคิ้วให้กันเป็นอันว่าเข้าใจตรงกันน่ะและผมคิดว่าไอ้แอ้มันคงอายคนอื่นเขามากกกว่า แต่กับไอ้ดิวนั้นที่ทำแบบนี้ ผมว่าชัดเลยไอ้ดิว มันหึง ต่อมาก็ไอ้เดี่ยว ไอ้ติ๊ก ลงมาจากรถไอ้มาร์ค มันนั่งหน้ามาแบบเบียดๆ กันขนาดนั้นเพราะว่าเป็นรถตอนเดียว
             "ขอบใจวะที่ช่วย น้องเรา"ไอ้ภาคินมันเดินมาขอบใจพวกผมทันที ผมพยักหน้า
             "ไม่เป็นไรว่ะเพราะยังไงมันก็เป็นเด็กในโรงเรียนเดียวกับพวกกู "ผมบอกไอ้ภาคิน
              "ว่าแต่พวกนี้มันเข้ามาบ่อยเหรอวะ กูได้ยินพวกนักเรียนพูดกันว่าพอพวกมันจะมา ทุกคนจะพากันกลับบ้านหมดเลยว่ะ"ไอ้ดิวมันหันไปถามไอ้ภาคินอีกคน
             "พวกมันคงไม่กล้าแล้วแหละเพราะว่าวันนี้ ผู้อำนวยการคนใหม่มาแล้วและได้ให้พวกทหารมาจัดการลากพวกมันไปแล้วไปอบรม กูก็ไม่รู้ว่าผู้อำนวยการคนใหม่เขารู้ได้ยังไงวะ” ไอ้มาร์คพูด พวกผมมก็คิดนะเพราะขนาดพวกผมเองยังไม่รู้อะไรเลย เรียกว่ารู้แม่งที่หลังตลอดก็ว่าได้อยู่โรงเรียนเดียวกันแท้ๆ
             “พวกที่มาหาเรื่องนะคือพวกไอ้เวย์ มันมีแบคหลังเป็นนักการเมืองและนี้พวกกูก็ไปช่วยกัน วางตะปูเรือใบให้พวกมันหนีไม่ได้ และไปช่วยกันปิดประตูโรงเรียนด้านอื่นๆ ไว้เอาไว้ได้ทัน "ไอ้มาร์คพูด นับว่ามันยังรักโรงเรียนพวกผมกัน
              "ใครวะผู้อำนวยการคนใหม่มึงได้เห็นหน้ากันบ้างไหมวะ "ผมถามแต่ว่าทุกคนส่ายหน้าว่าไม่รู้
              "โอ๊ย!! "เสียงไอ้เดี่ยวมันร้อง ผมหันไปเห็นไอ้ติ๊กมันเปิดดูหลังไอ้เดี่ยว
              “มันเอาหลังมารับไม้แทนกูว่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูดขึ้น จะว่าไปไอ้ติ๊กนี้มันก็มีโมเม้นเป็นห่วงคนอื่นเหมือนกันนะดูจากสายตาที่ห่วงใยกัน ไอ้หลุยส์มันเอาไหล่มากระแทกผมให้ดู ผมพยักหน้าว่าใช่แล้วแหละ ผมก็ยิ้มที่มุมปาก
              “เจ็บไหมว่ะเดี่ยว” ติ๊กมันถามไอ้เดี่ยว ไอ้เดี่ยวมันส่ายว่าไม่แต่สีหน้ามันบ่งบอกว่าเจ็บอยู่นะ แต่ผมก็คิดว่านี่ถ้าไม่รักกันคงไม่ทำแบบนี้แน่นอน ผมหันมามองบอยที่มองติ๊กและยิ้มให้บอยก็พยักหน้าเบาๆ
              "เอาน้ำแข็งไหม กูเอามาให้จะได้ประคบ "ไอ้ภาคินมันหันไปถามไอ้เดี่ยวก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านใน
              "หักไหมมึง"ไอ้ติ๊กถามไอ้เดี่ยว
               "ไม่หรอกแต่มันคงช้ำอะ มึงดูแลมันเลย"ไอ้ดิวพูดก่อนจะเดินกลับมาหาพวกผม ส่วนไอ้แอ้มันก็รีบเดินไปหาต้นข้าวทันที และพายอีกคนที่พากันก้าวเท้าลงจากรถ ก็หน้างอคอหักมาทันที และผมคิดว่าไอ้แอ้กับติ๊กคงดูแลได้ ผมเลยเลือกที่จะเดินกลับมาหาบอยแทน
               "บอย ร้อนไหมครับ"ผมเดินมาถามบอย
               "ไม่ละ แจ็คละเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า "บอยถามผมด้วยความเป็นห่วงพร้อมกลับสำรวจความหล่อผมด้วย ว่ายังอยู่ครบไหม ผมนี่อมยิ้มทันที ผมหันไปมองไอ้หลุยส์ มันนั่งเช็คโทรศัพท์มันและมีธรรณ์คอยพัดวีอยู่ใกล้ๆ มันยังมาทำนิ้วแล๊พโย๊ะให้ผมดูแสดงว่ามันโอเค
               "เป็นอะไรวะมึง ไอ้ต้นข้าว"ผมหันไปถามไอ้ต้นช้าวทันทีที่มันเดินมาหาพวกผม
                "แม่งโคตรซวยเลย ดันนั่งมากับไอ้โรคจิตว่ะ "ผมมองไปที่เพื่อนของไอ้ภาคิน หน้าตาเอาเรื่องอยู่ มันเดินตามมาติดๆ แต่มันก็ยังเว้นระยะห่างจากพวกผม มันยืนยิ้มพร้อมกับลูบคางมันด้วย มันสองคนมองมาที่ไอ้ต้นข้าว โดยเฉพาะไอ้คนที่ผมยาวรากไทรนี่มันมองต้นข้าว เหมือนหนุ่มเจอสาวในสเป็คไม่มีผิดเพี้ยนเลย
                 "น้องน่ารักคร๊าบ!" ไม่คิดจะขอบคุณพี่ธงรบกับพี่กีตาร์สักคำเหรอครับ” ไอ้คนที่ดูกวนตีนมันถามไอ้ต้นข้าว ส่วนไอ้ต้นข้าวนอกจากจะไม่ขอบคุณมันยังเหลือตามองบนใส่ด้วย
                 “น่าจะขอบคุณที่พี่สองคนเป็นคนขับรถที่หล่อที่สุดในโลกให้นั่งหรือไม่ก็หอมแก้มสักฟ๊อดก็ยังดี ….อืม " ไอ้สองคนนี้ไม่พูดเปล่ามันเอียงแก้มมาทันที พอพวกผมได้ยินกันแบบนี้ ก็พากันพยักหน้าเข้าใจเลยว่าทำไมไอ้ข้าวมันหน้างอ เป็นปลาทูแม่กลอง
                  “เน่ายิ่งกว่าคลองแสนแสบอีกไอ้เชี้ยสองคนนี้แหละ” ติ๊กมันพูดเชิงว่ากระซิบแต่ดัง อยู่ไกลๆ ก็ได้ยินและไอ้สองตัวนี้หาได้สะทกสะท้านไม่ ยังยิ้มรับอีก
                  “คลองแสนแสบเลิกเน่าไปแล้วเหลือแต่ไอ้พวกนี้แหละว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดขึ้นบ้าง
                  "น่ารักหลายคนเลยด้วยวะ ไอ้กีตาร์ "พอมันพูดแบบนี้ ผมก็จับบอยและดันบอยไว้ข้างหลังผม สายตามันมองกวาดทุกคนเลย ส่วนไอ้หลุยส์มันยืนกอดอกมอง สายตาของมันเริ่มลามปรามมาทางบอยและธรรณ์อีกและยังเลยไปถึงแอ้อีกคนแต่มันสะดุดที่แอ้ ส่วนแอ้มันก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร มีแค่ไอ้ดิว ที่ยืนถลกแขนเสื้อรอ
                 "หวงวะเห้ย!"ไอ้คนที่ หน้ามันกวนแบบโรคจิตสุดๆ
                 "น้องน่ารักบ้านป้ามึงดิ พวกกูหล่อโว้ย!"ไอ้ติ๊กหันไปตอบ ไอ้ติ๊กมันเป็นคนแรงๆ แลกได้แลก แต่ถ้าแลกไม่ได้มันโยนให้พวกผมทันที ฮาๆ แอ้มันรู้เลยรีบเดินเข้าไปดึงแขนติ๊กเอาไว้ก่อน
                 "ปากแบบนี้พี่ทำเมียมาหนักต่อหนัก "ไอ้คนที่กวนตีนและปากดีซะด้วย พอไอ้ติ๊กได้ยินมันจะหันหลังกลับไปหาเรื่องอีก แอ้มันก็ต้องเข้าไปดึงติ๊กให้ถอยออกมาอีกครั้ง ไม่ให้เข้าไปแหย่กับพวกผมมันอีก และไอ้โรคจิตนั้นมันก็มองแอ้ แถมมันยังกัดปากด้วยแสดงว่ามันคิดอะไรกับไอ้แอ้อีกแน่ๆ แต่ผมว่ามันคิดผิด
                  "จะว่าไปคนนี้ก็น่า...เอาว่ะ"มันรามปรามถึงไอ้แอ้อีกคน ก็งานงอกทันทีและพวกผมเดาได้ว่ามั้นหมายถึงน่าอะไรที่มันพูด
                  "พลั่ก!"ไอ้ดิวมันส่งหมัดตรงไปไอ้นั่นจนใบหน้าสะบัดไปตามแรงเหวี่ยงของหมัดไอ้ดิว ผมหันไปกอดอกมอง เป็นไงละ เลือดซิบเลยละซิ
                  "เว๊ย!! ไอ้เสาธง!"เพื่อนมันร้องออกมาด้วยความตกใจที่เพื่อนมันโดนหมัดไอ้ดิวล่วงไปขนาดนั้น
                  "มึง ...ขวับ! "มันลุกมาได้ มันดึงมัดพกออกมาทันที
“เชี้ย!!” ผมอุทานออกมา ไอ้นี่มันเล่นแรงไปแล้วน่ะ มีมีดด้วย
                  "ไอ้ธง!!"ไอ้เดี่ยวมันลุกขึ้นทันที มันน่าจะรู้จักไอ้นี่ดี มันถึงได้เรียกชื่อไอ้คนที่เอามีดพกออกมา และมันหันมามองไอ้เดี่ยวด้วยสีหน้าตกใจเหมือนพวกไอ้ภาคินที่เห็นหน้าไอ้เดี่ยวตอนก้าวขาเข้าห้องเรียนวันแรก
                 "ไอ้เดี่ยว!!" มันชะงักและหันมามองไอ้เดี่ยวแทนและเหมือนกลับว่ามันจะเล่นไอ้เดี่ยวด้วยอีกคน ไอ้เดี่ยวก็ถลกแขนเสื้อรอเหมือนกัน ไอ้หลุยส์มายืนกอดอกอยู่ข้างๆ ผม เหมือนจะรอชมมวยคู่เอก แต่ว่า
                 "หยุดไอ้เสาธง!! นี่เเพื่อนกูและนั้นพ่อมึงรออยู่ด้านในนั้น เข้าไป!!"ไอ้ภาคินมันเดินเข้ามาห้ามไว้ซะก่อน ไอ้หลุยส์ส่ายหน้าด้วยความเสียดายอดดู ผมเองก็เสียดายอยากดูไอ้ปากดีมันโดนสอยลวงไปอีกทีและเพื่อนมันก็ลากคอไอ้ธงรบออกไปตามที่ไอ้ภาคินมันบอก แต่มันยังหันมาทำนิ้วเชือดคอใส่พวกผมอีกนะ พวกผมหันไปมองหน้ามันว่ากลัวที่ไหน ไอ้ภาคินมันก็ส่งถุงน้ำแข็งไปให้ไอ้เดี่ยว และไอ้ติ๊กมันก็รับไปประคบประหงมหลังไอ้เดี่ยว
                  "ไอ้สองคนนี้มันเพื่อนพวกกูว่ะ” ไอ้ภาคินและหันไปเหล่มองที่เดินออกไปนั้น
                   “ไอ้คนที่มึงต่อยมันไปนะ ชื่อไอ้ธงรบมันเป็นนักเรียนเตรียมทหารส่วนอีกคนนะชื่อไอ้กีตาร์มันเรียน คอนแว่น ม.6 มันพึ่งย้ายกลับมาเรียน มันเป็นเพื่อนของเพื่อนพวกกูอีกที” ไอ้ภาคินพูด
                   “แต่จริง ๆ ไอ้กีตาร์มันควรจะจบแล้วแต่มันโดนพักการเรียนปีเดียวกับพี่แฮกซ์ ก็เลยอยู่ม.6 อีกปีเหมือนกัน” ไอ้ภาคินมันพูด
                   “แสดงว่าพี่แฮกซ์ก็ควรจะจบมอหกแล้ว “ผมหันไปถามไอ้ภาคิน มันก็พยักหน้าและผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ผมเองก็จบม. หกแล้วแต่จบก่อนคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน
                    “แต่ไอ้สองคนนี้มันเจ๋งนะแต่มีเจ๋งกว่านี้อีก อยากให้พวกมึงเจอมันว่ะ มันเป็นอัลฟ่าของไอ้สองคนนี้อีกที เสียดายที่มันเป็นหัวหน้าพวกกูแทนพี่ข้าวปั้นไม่ได้และตอนนี้พวกกูก็ต้องการใครสักคนมาขึ้นเป็นหัวหน้าแก้งพวกกูว่ะ "ไอ้ภาคินพูดมันหันมามองพวกผมเหมือนกับว่ามันจะ มอบตำแหน่งหัวหน้าแก้ง พวกผมพากันส่ายหัวกันหมด
                      "แล้วไอ้บลูละ มันมากับเพื่อนมึงอะ"ต้นข้าวหันไปถามไอ้ภาคิน เออพวกผมลืมไอ้บลูไปเลยครับ
                     “เฮ้ย!!!  มันโดนฆ่าหมกป่าไปยังว่ะเพราะว่ามันออกมาพร้อมๆ กับพวกเรานะ “พายพูด บอยหันไปตีต้นแขนเบาๆ แต่ที่พายพูดพอไอ้ภาคินมันได้ยิน มันถึงกับกลั้นหัวเราะทันที
                     "ไอ้แชมป์ละซิ ที่มันพาไอ้บลูมา ไอ้นี่นะมันเป็นรุ่นน้องพวกกู มันไม่มีอะไรหรอกไอ้ต้นข้าวเดี๋ยวมันก็มา "ไอ้ภาคินพูดปนหัวเราะเหมือนกับว่ามันรู้อะไรแน่ๆ แต่ไอ้ต้นข้าวนี้มันก็หน้างอเป็นแม่รอลูกไม่กลับบ้าน
                     "กูว่า งานนี้มันคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ มันยังมีแบล๊กอีกและแบล็กแม่งก็เป็นผู้มีอิทธิพลของที่นี้ กูได้ยินพวกมันคุยกันมาบ้าง มันบอกว่า เขาอยากให้นักเรียนที่นี้ย้ายหรือลาออกไปให้หมด เขาอยากได้โรงเรียนนี้ไปทำศูนย์การค้า “ไอ้ภาคินพูด มันทำให้ผมพยักหน้ากันทุกคน ปัญหาหลักคือแบบนี้นี่เอง
                      "ก็ร่วมมือกันดิ กูสนใจพวกมึงนะและกูรู้มาว่าพวกมึงไม่ได้อยากทำลายโรงเรียนนี้ " พูดผมอ่านที่ผลงานจากปูคนที่ไปสืบมาให้พวกผม นับว่าใช้ได้ เหมือนตรงกัน และไอ้ภาคินมองผมแบบว่าผมรู้ได้ยังไง ผมก็ทำนิ้วเครื่องหมายถูกว่าพวกผมเจ๋งไง
                       "พวกมึงรู้จักพวกกูเพราะว่ามึงให้ไอ้ปูห้อง318 มาสืบกู"ไอ้ภาคิน ชิบหายแล้วพวกผมซิครับที่อึ้งกิมกี่ เพราะว่ามันดันรู้อีกว่าผมจ้างคนสืบแถมยังรู้อีกว่าคนที่ผมจ้างนะชื่อปู
                      “ไอ้นี่มันเป็นเด็กเรียนแต่แม่มันป่วยเลยลำบาก มึงส่งมันไปทำงานเสี่ยงแบบนี้ มันจะซวยเอา” ไอ้ภาคินพูดและมองหน้าพวกผม บอยหันมาแอบค้อนผมทันทีเพราะว่าบอยห้ามผมตั้งแต่แรกแล้ว
                      “พวกกูรับผิดชอบมันเอง นี้ไอ้เดี่ยวมันก็คงจะดูแลเอง” ผมพูดและหันไปชี้ไอ้เดี่ยวที่ยืนให้ติ๊กมันประคบที่หลังให้
                       “โอ้ยยย!!!” เสียงไอ้เดี่ยว
                       “โว๊ย!!” ทำเอาพวกผมตกใจหันไปมอง ไอ้เดี่ยวกับไอ้ติ๊ก ผมลืมไปไม่น่าพูดตอนนี้เลย ไอ้เดี่ยวซวยไปเลย ติ๊กมันส่งห่อน้ำแข็งคืนให้ทันทีก่อนจะเดินออกไป ไอ้เดี่ยวมันก็รับห่อน้ำแข็งคืนมาแบบงงและหันมามองหน้าพวกผม
                       “เชี้ยเอ๊ย! ซวยไอ้เดี่ยวเลยกู” ผมแอบบ่นงึมงำอยู่คนเดียวและผมก็รีบทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ และคนที่เข้ามาดูแลก็กลายเป็นพายไป เสร็จอีพายก็วันนี้แหละไอ้เดี่ยว ดูท่าการถูเข้า ยั่วน่าดู จนไอ้เดี่ยวมันต้องจับมือพอเถอะ
                      "นั้นไง ไอ้บลูมาแล้ว"พายมันลุกพล้วดและชี้นิ้วไป พวกผมก็มองตาม รถเวสป้าคันน่ารักน่าชังขับตรงเข้ามา
                       "เด็กคนนี้กูเห็นบ่อยวะ เหมือนมันแอบชอบบลูวะ"ไอ้หลุยส์พูด ผมหันไปมองจริงเหรอว่ะ มันรุ่นน้องเลยนะ ไอ้ข้าวตรงปรี่ไปเลย มันเพื่อนหรือแม่ไอ้บลูวะนั่นนะ
                       "ไอ้แชมป์นะ รุ่นเดียวกับน้องกูและลูกพี่ลูกน้องไอ้กีตาร์ เพื่อนไอ้ที่มึงตะบันหน้าไปนะ "ไอ้ภาคินพูด พวกผมพยักหน้าตาม
                       "พลัก!"จู่ๆ ไอ้ต้นข้าวเดินไปถึงก็กระโดดต่อยหน้าไอ้แชมป์ มันกลัวไอ้แชมป์ไม่รู้สึกเลยกระโดดต่อยเลยและไอ้แชมป์มันก็กระเด็นไปตามแรงเหวี่ยงของมัด
                        "Dam it!"พวกผมรีบวิ่งไปห้ามมันไอ้ต้นข้าวที่ยืนสะบัดมือเจ็บซิครับ.
                        "ข้าว! ไปต่อยแชมป์มันทำไม"บลูเข้าไปห้ามไอ้ต้นข้าว
                        “เออนั้นดิ มึงไปต่อยน้องมันทำไมวะไอ้ต้นข้าว” ไอ้ดิวมันถามไอ้ต้นข้าว พวกผมก็งงไม่แพ้ไอ้ดิวมัน
                        "มันพามึงไปไหนมา"ไอ้ต้นข้าวถามไอ้บลู ที่ยืนทำหน้าสำนึกผิดต่อหน้าแม่ข้าวของมัน
                       "อู้ย!!! พี่ต้นข้าว ผมแค่พาพี่บลูเขาไปแวะกินไอติมกันนะครับ"ไอ้เด็กคนนั้นตอบ พวกผมสะบัดหน้าไปมองกันหมดนี้มันสองคนยังมีโมเมนต์ไปนั่งทานไอซ์ครีมกันอีกเหรอครับ
                        "ไอ้ข้าว ไอ้แชมป์มันไม่มีอะไรหรอก "ไอ้ภาคินมันพูดและปิดปากขำไอ้ต้นข้าวทั้งยืนสะบัดมือเพราะว่ามันเจ็บเอง
                        "แม่หวงลูกนะมึงนิ ไอ้ข้าว"ไอ้ดิว ไอ้สองตัวนั่นก็มองต้นข้าวอยู่มันซุบซิบคุยกันถึงไอ้ต้นข้าวแน่ๆ
                        "เข้าไปด้านในกันว่ะ"ไอ้ภาคินพูดผมเดินตามเข้าไปด้านในกับมัน เพื่อจะได้ทักทายเพื่อนๆ ไอ้ภาคิน
                        “ดีวะ พี่ชื่อพี่แฮคและนี้พี่กอล์ฟ” พี่เขาแนะนำตัว ผมจำได้ว่า เคยเจอหน้าห้องน้ำชาย ปากดีว่าพวกผมอยู่นะ พี่แฮกซ์คือรุ่นพี่พวกผม ตอนแรกคิดว่าจะเป็นคู่อริกับพวกผมแน่นอน แต่จริง ๆ เป็นพวกไอ้คิน พี่แฮกซ์ที่บ้านทำธุรกิจส่งออกส่วนกอร์ฟ คือแฟนพี่แฮกซ์เขา น้องสาวเรียนอยู่คอนแวนต์ เห็นว่าท้องในวัยเรียนเลยเปลี่ยนโรงเรียนมาหลายทีแล้ว ที่ปูสืบมาให้ผม อันนี้ของแถมไอ้ป๊อดบอกมา
                          “ขอโทษวะที่พี่แซวแรงไปวันนั้น มัน...มีคนให้ทำว่ะ ..” พี่แฮคพูดและหันไปหยักไหลให้ภาคิน
                          "ขอบใจน่ะที่ช่วยน้องไอ้ภาคิน "พี่แฮกซ์พูดพวกผมก็ยกมือทักทายเพื่อนพี่แฮกซ์อีกเกือบสิบคน ทุกคนทักทายพวกผมดี มีสองคนมองได้กวนตรีนได้อีก อีกคนมันเขม่งมองที่ไอ้ดิวเพราะว่าไอ้ดิวต่อยมันไป "ไอ้ธงรบ ไอ้กีตาร์ นี้เพื่อนพวกกรู"ไอ้ภาคินหันไปปรามมันอีกที
                           "ไม่น่าเชื่อ เปลี่ยนสไตล์เพื่อนเป็นคุณหนูแล้ว"ไอ้ธงรบมันถามไอ้ภาคิน แสดงว่ามันก็คงรู้จักพวกผมแต่อาจจะยังไม่ดีพอ
                            "แล้วน้องน่ารักละ"ไอ้กีตาร์มันชี้มาที่ต้นข้าว
                            "น่ารักบ้านเตี่ยมึงดิ"นั่นขึ้นอีก ดีนะบอยดึงไว้ ของมันขึ้นง่ายกว่าพวกผมอีก
                            “ไอ้ต้นข้าวเย็นไว้ลูก “ดีที่พายมันนั่งใกล้ที่สุด มันเลยห้ามไอ้ต้นข้าวไว้ได้ทันและพวกผมก็นั่งดื่มกัน
ระหว่างที่นั่งคุยกันผมแอบสังเกตเห็นว่า ไอ้ภาคินมันก็คอยหันมามองแอ้เป็นระยะๆ เวลาทีเผลอหลายครั้งแล้ว อย่าบอกนะว่าไอ้ภาคินมันแอบชอบแอ้น่ะ ผมใช้ศอกสะกิดได้หลุยส์ มันก็หันมามเองผมและหันไปมองตามสายตาของผมเช่นกัน
                          “กูก็เห็นมันแอบมองตั้งแต่ในห้องเรียนหลายครั้งแล้วเหมือนกันว่ะ” ไอ้หลุยส์มันกระซิบกลับมา
                          “คนชอบแอ้เยอะว่ะ ดูไอ้ที่ไอ้ดิวมันอยากจะโดดขย้ำคอนั้นอีกว่ะ ที่เป็นเพื่อนกับไอ้โซ่ะน่ะ ไอ้นี้แม่ง แสดงออกแบบไม่เกรงกลัวไอ้ดิว มันจะตะบันหน้าแม่งเลยว่ะ” ไอ้หลุยส์พูดผมพยักหน้าแต่ผมสองคนลืมไปว่ามีสายตาสองคู่หันมากอดอกมองผมอยู่นั้นคือบอยและธรรณ์
                           "เออ งั้นพวกกูกลับนะไม่มีอะไรแล้วนิ พวกมึงก็รอดตีนพวกมันมาได้แล้วนี่และนี่กูได้ยินว่าโดยเก็บเข้าไปฝึกหมดแล้วด้วย ดีใจด้วยนะพวกมึง! "ผมได้ยินเสียงนี้คุ้นๆ หูพวกผมน่ะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
                         "ไปไอ้เสาธง ไอ้กีตาร์ "เสียงเรียกไอ้โรคจิตสองคนนี้และมันก็หันไปทันทีตามเสียง

                        TBC.....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.54.1 ผมได้เพื่อนเพิ่มมาทั้งแก๊งเลย ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 11-03-2024 19:01:31
EP.54.1 ผมได้เพื่อนเพิ่มมาทั้งแก๊งเลย ครึ่งหลัง

              Part’s แจ็ค พวกผมหันไปตามเสียงที่เรียกชื่อไอ้โรคจิตสองคนนั้นทันทีเพราว่าน้ำเสียงมันฟังแล้วคุ้นหูพวกผมมาก เหมือนคนที่พวกผมรู้จักและดูท่าจะมีอิทธิพลกับไอ้สองคนนั้นน่าดู
              "ไอ้จักร!!"ผมกับไอ้ดิวเรียกชื่อมันออกมาพร้อมกัน ไอ้นี่มันลูกคนเล็กของลุงสามของพวกผม ลุงสามคือน้องชายลุงหนึ่งอีกทีและเป็นแฟนอาภาคย์พ่อของไอ้ติ๊กอีกด้วย ผมหันไปมองไอ้ติ๊กที่ยืนอ้าปากค้าง งงละซิ ว่ามันมาได้ไง ใช่พวกผมก็งงกันทั้งหมด
              "เฮ้ย!! ไอ้สาด พวกมึงเอง กูก็นึกว่าใคร ที่พวกมันบอกว่าช่วยน้องไอ้ภาคินเอาไว้ "ไอ้สรจักรมันเดินมาหาพวกผม และทุกสายตาก็มองมาที่พวกผมกันหมดจนเป็นตาเดียวกัน รวมถึงไอ้สองคนนั้นด้วย มันก็ตกใจมากกว่าพวกเพื่อนไอ้ภาคินซะอีก
              "มึงรู้จักมันเหรอวะ"ไอ้ธงรบ มันถามไอ้สรจักร (สรจักรคือน้องชาย พี่อธิคมแฟนอาเป้พวกผมอีก)
              "มันลูกพี่ลูกน้องกูไอ้ธง "ไอ้สรจักรมันหันไปตอบ
              "ดีวะ "ไอ้แอ้ มันทักไอ้สรจักร แน่นอนมันต้องรู้จักดีเพราะว่าไอ้สรจักร มันเคยจะจีบแอ้และมันก็ได้ตะบันหน้ากับไอ้ดิวไปแล้วเมื่อสามปีก่อนผมจำได้ดี
              "ดี…ว่ะ "ไอ้ติ๊กทักแบบเสียมิได้
               //อันนี้เขาเรียกแจ็คพ๊อตไหมว่ะ แม่งเพื่อนร่วมห้องเป็นเพื่อนซี่ลูกลุงสามอีก// ติ๊กมันหันมาทำปากมุบมิบกับพวกผมทันทีแน่ละลุงสามก็คือแฟนพ่อมันครับ ผมส่งสัญญาณไอ้จักรมันหันมามองมึงอยู่
               “นินทาพ่อกูเหรอครับ มึงครับ เดี๋ยวกูฟ้องพ่อกูและพ่อกูคงไปฟ้องพ่อมึงอีกที” ไอ้จักรมันพูด แน่นอนไอ้ติ๊ก มันก็เหลือกตาขึ้นมองบนทันที มันบ่งบอกได้ว่าเป็นมิตรกันน่าดู และส่วนพายก็แค่ยักไหล่ทักทาย ไอ้สรจักร
              "นี้ไอ้ธงรบและไอ้กีตาร์และนั่นไอ้ อธิป เพื่อนกู"ไอ้จักรแนะนำเพื่อนมัน และมันก็ชำเลืองตาหันไปมองไอ้หลุยส์
              "คนนี้ไอ้หลุยส์ว่ะ เพื่อนใหม่พวกกู"ผมแนะนำไอ้หลุยส์กับไอ้สรจักร
              "มึงนี้เองที่กูได้ยินแต่ชื่อมึงแต่กูไม่เคยเจอตัวจริงว่ะ เคยเจอแต่พี่โจนาธานคนที่คอยดูแลมึงนะ พี่เขาสบายดีนะ"ไอ้จักรมันทักไอ้หลุยส์ ผมหันไปมองนี้รู้แม้กระทั่งคนที่ดูแลมันเลยเหรอว่ะ
             "สบายดี พี่อธิคมละ"ไอ้หลุยส์รู้จักพี่ชายของไอ้จักร พี่อธิคมแฟนอาเป้พวกผม (จะมาในตอนพิเศษ ความรักรุ่นอา)
             "พี่กูสบายดีวะ ยังบ่นเสียพี่โจนาธานอยู่เลยที่ลาออกไปเพราะว่าไปดูแลมึงแทนอ่ะ "ไอ้จักรหันมาพูดกับไอ้หลุยส์ ผมหันไปมองหน้าไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์มันพยักหน้าประมาณว่าเล่าให้ฟังทีหลัง ผมพยักหน้าตอบ
             "แล้ว"ไอ้จักรโบ้ยปากไปที่บอยกับธรรณ์ ถ้ามันรู้จักธรรณ์ไม่แปลก นี้ถามถึงบอยอีกคน
             "บอยไงว่ะ"ผมตอบมัน มันนิ่งและใช้ความคิดอยู่พักหนึ่ง
             "อ้อ! ลูกอากฤษณะ ได้ยินที่เขาพูดมาว่า หนุ่มตาสีฟ้า ใครเห็นต้องหลงรัก จริงอย่างที่เขาพูดจริงๆ"ไอ้จักรพูด ใช่ใครก็พูดกันแบบนั้น บอยมีนัยต์ตาสีฟ้าจริง มันชวนให้หลงใหล และยิ่งรอยยิ้มที่ดูสุขุมและอ่อนโยน
            "ถือเป็นคำชม ขอบคุณนะ"บอยตอบกลับทันที ผมหันไปมอง
            "คนนี้ ธรรณ์"ผมหันไปแนะนำ
            "แฟนกู"ไอ้หลุยส์มันรีบออกตัวทันที
            "ก็คงทั้งคู่มั้งมีเจ้าของแล้ว"ไอ้จักรพูดและมองไปที่บอย เพราะว่าผมก็กุมมือบอยอยู่
            “กูว่าหน้าคุ้นๆ ว่ะ เพื่อนมึงคนนั้นนะ วันก่อนเขาช่วยพวกกูเอาไว้นี้หว่า” ไอ้ดิวมันพูดและชี้ไปที่เพื่อนอีกคนที่
            “นี้ไอ้อธิป เพื่อนกูอีกคน ไอ้นี้มันเงียบๆแต่โหดสาด” ไอ้สรจักรพูด  ไอ้คนนี้มันก็ยกมือทักทาย
             “ขอบใจว่ะ เรื่องวันนั้น” ผมหันไปขอบใจคนที่ชื่ออธิป
            “เออ ใช่มันบอกว่าเจอพวกลูกพี่ลูกน้องกูแต่มันไม่รู้ว่าพวกมึงมาทำไมกันที่นี้ กูก็คิดว่ามาเที่ยวกันหรือเปล่า กูเลยให้มันช่วยพวกมึงเอาไว้ก่อนว่ะ “ไอ้สรจักรพูด ผมก็พยักหน้า
            “เฮ้ย! นั่งดื่มอะไรกันก่อนดิวะ จะได้ทำความรู้จักพวกเพื่อนๆ ของกูกันด้วย” ไอ้ภาคินพูด ผมหันไปมองหน้ากันและก็พยักหน้า ไอ้ต้นข้าวมันก็เกาะติดไอ้บลูแจเลย มันกลัวไอ้เด็กแชมป์จะมาคว้าไอ้บลูไปจากมัน
พวกไอ้มาร์คมันก็เอาเบียร์มาส่งพวกผมคนละขวดและมีพวกน้ำผลไม้มาให้พวกที่ไม่ดื่มเบียร์ ก็จะมีแค่ธรรณ์ บอย พวกไอ้ต้นข้าวและบลู ส่วนคนอื่นดื่มเบียร์กันได้ แต่ผมหันไปเห็นแอ้มันคว้าเบียร์มาแต่โดนสกัดจากไอ้ดิว มันหยัดน้ำผลไม้ให้แทนและมันก็คว้าเบียร์ไปดื่มหน้าตาเฉย
             “นั้นไอ้มาร์ค พวกมึงก็เจอมันในห้องแล้ว ไอ้นี่ไอ้มาร์ซ เป็นเพื่อนอีกห้องพวกกู และบร้าๆ ปกติไม่เคยคุยกันเลย วันนี้ก็คุยกัน สนุกสนานถูกคอกันดี พวกผมเพิ่งจะรู้ว่าไอ้ภาคิน พ่อมันเป็นคนดูแลโรงพยาบาลให้พ่อของดิวอีกที ที่เป็นอีกสาขาหนึ่งที่นี้ด้วย ไอ้ภาคิน บอกว่าพ่อให้มันเป็นหมอแต่ว่ามันดันถูกพักการเรียนซะก่อน มันเลยไม่รู้จะทำได้ไหม
             “และนี่ไอ้นาวิน มันอยู่ห้องถัดไปว่ะ “ไอ้ภาคินมันแนะนำอีกคน หน้าตามันหล่อดูดีที่สุดเลยก็ว่าได้ ดูจากการแต่งตัวก็น่าจะลูกคุณหนูแต่พวกมันไม่ชอบคุณหนูไม่ใช่เหรอว่ะ แอบคิดในใจ แต่ไอ้นี่มันจ้องมองแอ้ตลอดเลยหนักกว่าไอ้ทุกคนที่แอบชอบส่วนไอ้ดิวก็กระดิกเท้ารอพร้อมมากที่จะเตะไอ้นั่น
            “ไอ้วิน” ไอ้โซ่มันเรียกไอ้นาวินเพื่อนมัน ถึงได้ค่อยละสายตาจากแอ้ไปบ้าง
            “ฟู่” พวกผมพรูลมหายใจออกมาพร้อมๆ กัน จะเพิ่งมามีเรื่องต่อยกันอีกนะโว๊ยเฮ้ย ผมแอบคิดในใจ ผมมองไปรอบๆ หายไปหนึ่งคนนี่หว่า
           “ไอ้ว่านละว่ะ” ผมถามไอ้ภาคินเพราะว่าปกติจะเห็นว่านอยู่กับภาคินตลอด
           “ไปดูไอ้ภาคิไนย์น้องชายกู มันเป็นแฟนกัน” ไอ้ภาคินพูด พวกผมต้องผงะ ไอ้เด็กที่โดนพวกนั้นกระทืบนี้นะ แฟนมัน
          “มึงล้อพวกกูเล่นปะมึง” ไอ้ดิวมันถามกลับทันที ผมหันไปมองมันจะตกใจทำไมว่ะ
          “ไม่ได้ล้อเล่น เอาไว้มึงจะรู้จักพวกกูดีขึ้นเอง” ไอ้ภาคินพูด และพวกผมก็นั่งคุยกันมันคุยกัน พวกผมถึงได้รู้ว่าไอ้สรจักร มันสนิทกับพวกนี้เพราะว่ามันเคยเกือบโดนรุมทำร้ายแต่พวกนี้ช่วยมันไว้และไอ้สรจักรก็เป็นแบคอัพให้พวกมันไม่อย่างนั้นมันไม่รอดกันถึงทุกวันนี้ แต่ไอ้จักรมันขึ้นหัวหน้าแก้งไม่ได้ ไม่มีกล้าขึ้น
           “กูต้องกลับแล้วว่ะ กูต้องไปหาพ่อกูว่ะ เขาอยู่กับแฟนเขาว่ะ” ไอ้สรจักรมันพูดแต่ประโยคที่ว่าเขาอยู่กับแฟนเขานะ มันเหล่ตามามองไอ้ติ๊กแบบเต็มๆ ไอ้ติ๊กหันมาก็ยกนิ้วกลางให้ทันที พวกเพื่อนไอ้ภาคินถึงกับตกใจ แน่ละคงมีแค่ไอ้ติ๊กที่กล้าทำได้ ไอ้จักรมันก็แค่หัวเราะในลำคอ
            (แม่งใจกล้าว่ะ ให้นิ้วกลางไอ้จักรด้วย)พวกนั้นมันพูดกันทันที
            “กูยกให้มึงคนเดียวเลย นี่ถ้าเป็นคนอื่นโดนของดีกูแล้วน่ะมึง”ไอ้จักรพูดกับไอ้ติ๊ก
            “กูกลัวมึงเหรอ” ไอ้ติ๊กหันไปพูดใส่หน้าไอ้จักรทันที
            “ว่าแต่มึงจะให้กูบอกพ่อมึงหวานใจพ่อกูให้ไหมว่ะติ๊ก ว่ามึงงานเข้าว่ะ” ไอ้จักรมันถามไอ้ติ๊ก
            “ไม่ต้อง กูบอกเองได้ นั้นพ่อกู” ไอ้ติ๊กมันพูดโดยไม่ได้มองหน้าไอ้จักร
           “ไงวะไอ้เดี่ยว ทำยังไงมาเข้าแก้งพวกนี้ได้ว่ะ” ไอ้สรจักรมันทักทายไอ้เดี่ยว แบบคนเคยรู้จักมาก่อน
            “มันต่อยกับไอ้ดิวกูเลยชวนมันเข้าแก้งพวกกูเลยว่ะ” ผมพูดบอกไอ้สรจักร ผมรู้ว่าไอ้จักรมันรู้รสหมัดของไอ้ดิวดี มันหันไปมองไอ้ดิวและยักไหล่เบาๆ
            “แล้วพวกมึงละ ไอ้เสาธง ไอ้ตาร์ “มันหันไปถามไอ้สองคนที่เป็นเพื่อนมัน มันก็มองหน้าพวกผม ส่วนไอ้ธงรบมันก็มองแบบกวนตีนได้อีก ก่อนจะยักไหล่และเดินออกไปกับไอ้สรจักร
            “กูต้องกลับบ้านว่ะเพราะว่าพ่อแม่กูมันนัดทานข้าวบ้านเพื่อนเก่าที่สนิทมากแต่กูแม่งอยากไปทานข้าวกับน้องน่ารักนั้นมากกว่าวะ” ไอ้โรคจิตนั้นหันมาและชี้ไปที่ต้นข้าว ไอ้ต้นข้าวมันขึ้นเลยพวกผมก็
           “ไอ้ต้นข้าว!!!” รีบเข้าไปยิดมันเอาไว้ซะก่อน ส่วนไอ้โรคจิตนันก็ยืนเอียงแก้มกะว่าไอ้ข้าวมันคงเอาปากไปปะทะแต่ผมว่าเท้าของไอ้ต้นข้าวมันมากกว่าที่จะลอยไปปะทะให้
            “พวกกูไปก่อนนะมึง มีอะไรบอกพวกมันและกูจะมาช่วยว่ะ แต่ถึงยังไงพวกกูก็ต้องเจอมึงอยู่ดีเพราะองค์เดียวกัน “ไอ้สรจักรพูดก่อนจะหันไปควักมือเรียกใครสักคนที่ยืนคุยกับเพื่อนๆ มันอยู่ และไอ้คนนั้นก็เดินมา ผมจำได้หน้าได้ คนที่เคยช่วยพวกผมที่ร้านบ้านไอติมนี่หว่า
            “ที่นี้คนของพวกกูทั้งนัน ที่นี้รู้แล้วใช่ไหมวะ ว่าพวกมึงไม่ได้ลุยกันตามลำพัง พวกกูก็อยู่รอบๆ นี้แหละ “ไอ้สรจักรมันพูด ผมพยักหน้า
           “ไปก่อนน่ะ กูต้องเข้ากรุงเทพว่ะ “ไอ้สรจักรพูดมันหันไปมองแอ้และยิ้มให้ แต่ไอ้ดิวมันก็ยืนมองอยู่มันก็คงไม่กล้ามากไปกว่านี้ ไอ้ภาคินมันก็คงรู้ เช่นกันมันก็ไม่กล้ามองมาก
            “พวกมึงจะกลับกันยังไงวะ” ไอ้ภาคินหันมาถามพวกผม
             “เอาไงดีว่ะ ถ้าให้รถพวกพี่เขามารับ กูเดาว่าเขาคงพาเข้าไปรับโทษที่โรงเรียนก่อนเลย พ่อกูต้องสั่งไว้แน่ๆ “ไอ้ติ๊กมันพูด
             “เอาอย่างนี่ดิวะ มีรถสองคัน ขับกลับบ้านเองเลย “ไอ้ดิวมันพูดและหันไปมองหน้าไอ้เดี่ยว
             “มึงจอดไว้ตรงไหนวะ” ไอ้โซ่มันหันมาถามไอ้ดิว
             “กูสองคนจอดไว้ด้านนอกว่ะ ไม่ได้เข้าไปจอดด้านในว่ะ “ไอ้ดิวมันพูด ผมก็แปลกใจว่าทำไมมันสองคนถึงได้จอดรถไว้ด่านนอกกัน ผมว่ามันคงเอะใจอะไรกันบ้างแหละ
            “งั้นพวกกูแอบไปส่งมึงและมึงก็เข้าไปขับรถมึงออกมา “ไอ้โซ่มันพูดไอ้ดิวมันพยักหน้าว่าตามนั้น และไอ้ดิวกับไอ้เดียวก็เดินตามพวกไอ้โซ่ไป
            “แม่งกูได้ยินว่าผู้อำนวยการคนใหม่มา หล่อสาดเลยว่ะ ยังหนุ่มอยู่เลยแต่ถ้าจะโหดด้วยว่ะ” พวกมาร์ชมันพูดกัน ผมหันมามองหน้าไอ้ติ๊ก
             “พี่ตุ๊หรือเปล่าว่ะ แต่พี่พัฒน์บอกว่างานพี่ตุ๊ที่กรุงเทพและงานก็ยุ่งจะตายไป ไม่น่าจะมาน่ะ ส่วนพี่ต๊ะ ไม่อยมกลับมาดูงานที่นี้อยู่แล้ว” ไอ้ติ๊กมันพูดขึ้น พวกผมนั่งคุยกับพวกไอ้ภาคิน ทำความรู้จักกันทุกคน ไอ้โซ่มันหันมาขอบคุณไอ้หลุยส์ที่ช่วยซื้อหุ้นบริษัทพ่อแม่มันเอาไว้แต่ไอ้หลุยส์มันไม่เอามาเป็นของมันเอง
              “พรุ่งนี้ไปทานข้าว เช้าพร้อมกับพวกกูว่ะ “ผมหันไปบอกพวกไอ้ภาคิน พวกมันก็พยักหน้า ตอนนี้ไอ้ดิวและไอ้เดี่ยวมันขับรถมาถึงที่หน้าบ้านพี่แฮกซ์แล้ว
            “แฮกซ์… กอล์ฟจะไปรับลูกแล้วน่ะ” พี่กอล์ฟเดินมาบอกพี่แฮกซ์ พี่เขาก็พยักหน้า พี่กอล์ฟหันมายิ้มให้พวกผมก่อนจะเดินออกไป ผมหันมามองพี่เขา
            “ลูกน้องสาวกอล์ฟมันนะ น้องมันมีแล้วก็ทิ้งขว้าง มีแต่ไอ้กอล์ฟที่ดูแล กูก็เลยช่วยกอล์ฟดูแลจนมันเป็นลูกกูสองคนไปแล้ว” พี่แฮกซ์พูด ผมพยักหน้าแค่นั้นผมพอจะรู้มาบ้างแล้ว ไอ้ดิวมันเดินมาหาผม
            “อะมึงขับไปแล้วกันกูกลับไปกับไอ้เดี่ยวมัน ติ๊กไปกับพวกกู พายไปกับไอ้แจ็คมันก็ได้รถกูนั่งแคปหลังได้สามคน” ไอ้ดิวมันพูด ผมนะขับได้
            “ไอ้เชี้ยแจ็คมันขับรถเร็ว กูจะอ้วกไหมเนี๊ยะ” พายมันบ่นผมทันที ไอ้นี่เคยนั่งมาก่อนแล้วไง
            “พายมึงไปพร้อมพวกกูดิวะ “ติ๊กมันหันมาบอกพาย
           “ไอ้ต้นข้าว ไอ้บลู ให้ไอ้นาวินมันไปส่งดิ บ้านมันอยู่ทางเดียวกับมึงอ่ะ” ไอ้มาร์คมันบอกไอ้ต้นข้าว ต้นข้าวก็พยักหน้าก่อนจะเดินไปจะไปขึ้นรถไอ้นาวิน ไอ้นั่นมันยังหันมาส่งนิ้วขอเบอร์โทรไอ้อีกนะ ไอ้ดิวมันก็งัดนิ้วกลางให้ทันที
           “ไอ้แจ็ค มึงอย่าขับเร็วนะมึง ถ้ากล้องวงจรตรวจจับความเร็ว จับภาพได้และส่งไปบ้านนี้พ่อกูด่ากูยับเลยนะโว้ย” ไอ้ดิวมันพูด ผมยักไหล่ว่าได้
          “พวกผมกลับเลยนะพี่แฮกซ์ กลับก่อนว่ะพวกมึง” ผมหันไปบอกลาพวกมัน
           “ไอ้คิน ฝากบอกไอ้ธงรบด้วยว่ากูว่างเมื่อไหร่จะเข้าไป หาไอ้ปริ้นซ์มัน “ไอ้หลุยส์มันพูดผมมามองหน้าไอ้หลุยส์ว่ามันรู้จักกันด้วยเหรอ
            “กูเล่าให้ฟังทีหลังว่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมจูงมือบอย พากันไปขึ้นรถไอ้ดิวบอยนั่งหลังกับธรรณ์ ไอ้หลุยส์มันนั่งข้างคนขับกับผม ผมขึ้นไปนั่งและกดปุ่มสตาร์ท ผมหันไปมองไอ้หลุยส์ที่กำลังคาดเข็มขัดและหันไปมองหนุ่มๆ เหลือน้อยคาดเข็มขัดกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็
            “บรึ้นๆๆๆ” เร่งเครื่องทันที ไอ้หลุยส์มันหันมามองหน้าผม
            “บรื้น!!!” เสียงลากยาวเพราะว่าผมดริฟกลับรถ กลิ่นยางใหม่โชยมาทันที
           “แจ็ค!!” “ไอ้แจ็ค!!!” ลั่นรถทันที
           “เล่นเชี้ยอะไรของมึงเนี๊ยะ” ไอ้หลุยส์มันคว้าที่สำหรับมือจับเหนือหัวมันไป ตอนนี้มันคงเกือบจะฉี่ราดเลยอะดิ และผมก็คิดว่าฝุ่นคงตลบอบอวลไปหมด พอผมหมุนรถมาตรงทางออกได้ก็เปิดกระจก พวกไอ้โซ่ ไอ้มาร์ค และคนอื่น ๆ นี้ยืนอ้าปากค้างกันเป็นแถว ไอ้ดิวมันยืนเอามือเท้าเอวมองและส่งนิ้วกลางให้ผมทันที ผมก็ขับรถออกมาแต่ไม่เร็ว ผมแกล้งไอ้ดิวมัน และผมก็ขับในความเร็วปกติไปจนถึงบ้าน

           TBC...

หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.55 เดี่ยวเลือกคนที่เลือกได้เถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 12-03-2024 09:32:45
EP.55  เดี่ยวเลือกคนที่เลือกได้เถอะ

                Part’ s เดี่ยว พวกไอ้โซ่มันขับรถไปส่งผมกับไอ้ดิว แอบเข้าไปขับรถออกมา วันนี่เซ้นส์ผมก็ดีซะด้วย ผมดันบอกไอ้ดิวว่าจอดด้านนอกเถอะเพราะเมื่อเช้าผมสังเกตเห็นว่าโรงเรียนนี่มีนักเรียนมากันน้อยผิดปกติทั้งที่ไม่ใช่ช่วงเทศกาลที่จะพากันหยุดขนาดนี้ และตอนนี้พวกผมแอบกลับไป ผมก็เห็นโรงเรียนเงียบมาก เขาบอกกันว่ามีผู้อำนวยการมาใหม่ และสั่งประชุมครูด่วน ส่วนพวกเด็กเดนที่มาตีกันในโรงเรียนก็ถูกส่งไปเข้าค่ายทหารกันหมดแล้ว ไอ้ดิวบอกว่าจะกลับรถคันเดียวกับผมเลย ติ๊ก แอ้ และพายด้วย ส่วนรถของไอ้ดิวมันจะให้แจ็คขับกลับไปแทน
               “กูไปเข้าห้องน้ำก่อนว่ะ” ผมหันไปกระซิบกับไอ้ดิวและรีบตรงไปห้องน้ำที่บ้านของพี่กอล์ฟ ผมรู้จักดี ก็เมื่อก่อนมากันบ่อย นี้คือแหล่งกบดานของพวกผมกัน ผมเดินมาเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา เจ็บหลังเหมือนกัน วิ่งไปรับไม้แทนติ๊ก แต่ผมเห็นตอนที่ติ๊กตกใจวิ่งมาดูผมทันที ทำให้ผมอมยิ้มออกมาเลย เหมือนในหนังเลยไม่มีผิด
               “ติ๊ก ไอ้เดี่ยวมันช่วยมึงนะโว้ย! "เสียงพายเดินคุยกับติ๊กเข้ามาด้านใน ผมก็รีบหันหลังวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที แอบดักฟังว่าเขาจะว่ายังไง จะขอบคุณผมไหม แต่น้ำเสียงที่ถามผมก็แสดงได้ว่าเป็นห่วงมากพอดู
               "แล้วไงอ่ะ "ติ๊ก พูดว่าแล้วไง ทำไมผมเจ็บแป๊บเลยว่ะ ที่ได้ยินแบบนี้
               "แสดงว่ามันก็ชอบมึงว่ะติ๊ก"พายพูด
               "มึงจะให้กูไปชอบมันเหรอ กูเป็นใครแล้วมันอะ "ติ๊กพูด ผมนี้จุกเลย เออ จริงเขาเป็นใคร เป็นแม่งตั้งหลายอย่าง ดาราดัง เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนอีก
               "และเดี๋ยวก็กลับแล้ว อยากจะกลับไปลัลลาแย่แล้ว อยากไปเรียนมหา’ "ลัยแล้ว มาเรียนที่นี้ทำไมก็ไม่รู้ดูดิ แต่ละวันแม่งมีแต่บาทามารอ กันดารก็กันดาร” ติ๊กพูด
                “อันนี้โคตรรันทดเลยจริงๆ เบื่อๆ ก็ไม่มีห้างสรรพสินค้าอะไรให้เดินเลย มีแต่ร้านสะดวกก็เดินไปซื้อ "ติ๊กพูดอีก แน่ล่ะเพราะว่าไม่มีห้างสรรพสินค้าไง ถึงได้มีนายทุนอยากจะสร้าง แต่ดันอยากสร้างบนที่ดินตรงนี้อีก การที่เขาไม่อยากอยู่ที่นี้ก็ไม่แปลกอะไรเพราะว่าเขาเป็นดารา ใครอยากมาอยู่ที่ไม่ค่อยเจริญมากแบบนี้ละ
ถ้าถามผมว่า ให้ผมไปอยู่ที่ฟาร์มของแด้ดดี้ผมนี้คงไม่เอาแน่ เขาเป็นพ่อเลี้ยง ที่มีที่ทำไร่องุ่นและทำไวน์ มีทั้งที่ไทยและเมืองนอกมากมาย มีบริษัทไวน์อีกด้วยแต่ว่ามันไม่ใช่ทางของผม ผมก็ไม่ชอบและผมไม่เคยคิดจะตามแม่ไปอยู่เมืองนอกสักครั้ง เพราะว่าผมไม่อยากไปอยู่ใกล้กับพี่เชอรี่ ลูกติดพ่อเลี้ยงผม ไม่ใช่กลัวใจตัวเองแต่กลัวจะได้มีเรื่องชนิดที่มองหน้ากันไม่ติดไปตลอดชีวิต ผมอาจจะบันดาลโทสะต่อยนางได้ นางคอยมาเกาะแกะผม แถมยังจัดการผู้หญิงที่มาเข้าใกล้ผมจนหมด
                "แล้ว มึงจะเสียใจติ๊ก"พายพูดกับติ๊ก ผมนี้แหละที่เสียใจ ณ ตอนนี้ ผมไม่ควรที่จะไปมีใจให้เขาเลยติ๊ก
                "ปึก "โทรศัพท์ผมหล่น ไถลออกไปข้างด้านนอก และมีก็มีคนก้มลงเก็บ ผมย่อตัวมองคนนั้นมันคือติ๊ก
               "เดี่ยว"ติ๊กมันเรียกชื่อผม ใช้หน้าจอโทรศัพท์ผมดันเป็นรูปติ๊กมัน ผมก็แอบถ่ายเอาไว้ ผมรีบเปิดประตูห้องน้ำออกมาทันที ติ๊กมองหน้าผม
                "ฉิบหายแล้ว"พายสบถออกมา ติ๊กมองหน้าผม ผมยื่นมือไปขอโทรศัพท์คืนและเดินออกทันที ผมทนมองเขาไม่ได้ ในเมื่อได้ยินขนาดนี้แล้วนิ
                 "เดี่ยว!!"ติ๊กเรียกผมและวิ่งตามผมมาติดๆ แต่ผมหันไปยกมือเบรกเขาเอาไว้ก่อนที่ผมจะหันหลังเดินต่อไป
                 "เดี่ยวฟังกูก่อน"ติ๊กเรียกผมและจับไหล่ผมให้ผมหยุดเดิน
                  "เรารู้นายเป็นใคร เราเป็นใคร…โอเคนะ "ผมหันมาพูดและแกะมือติ๊กออกและหันหลังออกต่อไปทันทีเพื่อจะไปที่รถไอ้ดิวกับแอ้คงรออยู่แล้ว ส่วนพายนะเดินตามมาแต่เว้นระยะห้างเอาไว้
                   "ไอ้เดี่ยว! กูบอกให้หยุด! "ติ๊กเรียกผมแบบขึ้นเสียงออกคำสั่งให้ผมหยุดเดิน ผมก็หยุดซะอย่างนั้นและติ๊กมันก็เดินมาประชิดผม
                 “เดี่ยวกูขอโทษ! กูไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น” ติ๊กมันพูดผมหันมามองหน้าติ๊กมัน ส่วนพายกำลังจะเดินผ่านผมกับติ๊กไป
                 “กูไปรอที่รถกับพวกดิวและแอ้นะ มีอะไรก็เคลียร์กันแล้วกันนะ พวกกูรอได้ว่ะ” พายพูดและปล่อยให้ผมกับติ๊กยืนอยู่กันสองคน ผมยืนเงียบๆ อยู่สักสิบนาทีได้โดยยังไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมา
                  "เดี่ยว มึงชอบกูเหรอ"จู่ๆ ติ๊กก็ถามผมขึ้น ผมกลับไปเป็นฝ่ายหันหลังออก และพรูลมหายใจออกมาพร้อมกับยืนเอามือล้วงกระเป๋า
                  "ตกลงว่าไงไอ้เดี่ยว "ติ๊ก มันถามผม
                  "หรือมึงแค่จะช่วยไอ้ดิว แค่นั้นมึงบอกกูมาตามจริง "ติ๊กถามผมอีกครั้ง ผมหันหลังกลับมามองติ๊ก ผมมองหน้าติ๊กนิ่งโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
                  "เดี่ยวกูรักมึงไม่ได้ แต่กูเป็นเพื่อนมึงได้เพราะกู…"ติ๊กรีบชิงพูดก่อนที่ผมจะเอ่ยปากพูดอะไรแล้วแบบนี้ผมจะพูดได้ไหมก็คงไม่ได้
                   "รอคนที่เขาไม่รัก จะรอทำไม"ผมถามติ๊ก ผมรู้ว่าติ๊กมีคนที่แอบรักอยู่และยังรอเขาอยู่ ส่วนผมเองก็เคยรักผู้หญิงคนหนึ่ง ผมรอแล้วรอเรา สุดท้ายเขาก็ไปรักคนอื่น
                  "มึงไม่เข้าใจหรอก แต่สักวันกูอาจจะได้เขามา "ติ๊กพูดแค่นั้น ผมว่าผมเงียบดีกว่าตอนนี้พูดอะไรไปเขาก็ไม่ฟังอยู่ดี
                  "อืมม เพื่อนก็เพื่อนเพราะจริงๆ แล้ว เราชอบผู้หญิงว่ะที่ผ่านมาเรามีแต่แฟนเป็นผู้หญิง เราอาจจะไม่ได้ชอบแบบนี้จริงๆ ก็ได้น่ะ” ผมพูดให้คนข้างๆ สบายใจ
                 “เออ ดีแล้วที่มึงชอบผู้หญิง ชอบเพศที่สังคมยอมรับ อย่าชอบแบบพวกกูเลย สังคมยังไม่ค่อยอยากยอมรับกัน กูยังต้องคอยปฏิเสธความจริงกับนักข่าวอยู่เลย และต้องคอยหาข่าวว่าชวนนางเอกคนนั้นคนนี้ไปทานข้าวเพื่อกลบเกลื่อน แต่ความจริงมันไม่ใช่ มึงเข้าใจกูไหมวะ “ติ๊กบอกผม ผมก็พยักหน้า ยิ่งผมเห็นหน้าเขาผมรู้สึกเจ็บ แต่ผมไม่รู้ว่าใครที่ติ๊กรอเพราะว่ามันมีสองคน ไม่แอ้ก็ดิว แต่ผมกลับคิดว่าไม่ใช่แอ้ ที่ติ๊กต้องการ แต่ว่าเป็นไอ้ดิวเหรอ?
              “ไปที่รถเถอะพวกไอ้ดิวมันรอแล้ว” ติ๊กพูดผมพยักหน้า ผมเดินมาถึงไอ้ดิวมันก็ยืนพิงรถผมอยู่กับแอ้และพาย พวกนั้นหันมามองผม
              “กลับกันเถอะว่ะ พวกไอ้แจ็คมันคงถึงบ้านนานแล้วว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมพยักหน้า ไอ้ดิวเป็นคนมานั่งหน้ากับผมติ๊ก แอ้และพายเขานั่งแค๊ปหลังหัน ผมเขาไปทำหน้าที่คนขับเงียบๆ
                  “มึงโอเคไหมวะ” ไอ้ดิวมันหันมาถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ มันก็ก้มลงเล่นเกมในมือถือของมันต่อ ผมเหลือบมองติ๊กผ่านกระจกมองหลัง เขาก็สนุกสนานร่าเริงปกติดี
“เดี่ยว! วันนี้น้องปูมึงมาช่วยไอ้ป๊อดนี่หว่า” ไอ้ดิวมันพูดโพล่งขึ้นมาดื้อๆ ผมก็เหลือบตาไปมองไอ้ดิวแต่ไอ้ดิวมับขยิบตาให้ผม ผมเหลือบมองติ๊กที่หยุดการสนทนาแป้ปหนึ่งก่อนจะหันไปชวนแอ้และพายคุยต่อ ไอ้ดิวก็ยังขยิบตาอยู่นั่นแหละ
“เออว่ะ เขาบอกจะมาวันนี้ว่ะ” ผมก็เลยพูดขึ้นบ้าง
“เสาร์อาทิตย์ชวนปูไปเที่ยวดิว่ะ “ไอ้ดิวมันพูดผมพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดของไอ้ดิว ผมควรจะเลือกควรที่คู่ควรซิน่ะ ไม่ใช่คนที่อยู่สูงเกินเอื้อมแบบติ๊กเขา ติ๊กเขาก็ยังคงคุยกับแอ้กับพาย เหมือนเขาไม่ได้สนใจสิ่งที่ผมกับดิวคุยกันอยู่
*****
                   Part's แจ็ค ผมขับรถไอ้ดิวมาถึงบ้านพวกผมโดยจีพีอาร์เอส ผมน่ะเคยขับ ก็ขับเป็นนะแต่ผมเป็นประเภทใจร้อนยิ่งโดนยั่วแบบเบิ้นรถใส่นี้จี้ดเลย ผมชอบความเร็วด้วยไม่ใช่แค่ว่ายน้ำอย่างเดียว แต่พอเกิดอุบัติเหตุคราวนั้น พ่อผมเสียเงินทำขวัญไปเยอะมากหลายล้านเลย พ่อบอกผมว่าห้ามจับรถเด็ดขาด แต่ครั้งนี้มีคนที่ผมรักนั่งมาด้วยผมเลยต้องขับแบบระมัดระวังที่สุด จนมาถึงบ้าน พอพากันเข้ามาได้ก็เจอเลยไอ้ป๊อด
                   "ดีครับพี่ๆ รับน้ำใบบัวบกกันไหมครับ"ไอ้ป๊อด มันถามพวกผมทันทีที่นั่งลงเอนไปกับโซฟา มันกวนพวกผมจริงๆ
                  "ไอ้หลุยส์จัด"ผมหันไปบอกไอ้หลุยส์
                 "ผลั่ก"เท้าไอ้หลุยส์ คือคำตอบว่าพวกผมจะเอาไหมน้ำใบบัวบกนะ
                 "พี่ครับผมล้อเล่น รับน้ำอะไรดี วันนี้ป๊อดยินดีบริการ มาดูแลให้ถึงที่บ้านเลย มาก่อนเวลาด้วย "ไอ้ป๊อดพูด
                "น้ำอะไรก็ได้ขอเย็นๆ "ผมพูดบอกไอ้ป๊อดและมันวิ่งออกไปทันที ผมได้ยินเสียงรถผมว่าพวก ไอ้ดิว แอ้ พาย ติ๊กมาพอดี เลยตามมาด้วยไอ้เดี่ยว แต่ละคนหมดสภาพ เหนื่อยพอพอกันกับพวกผม
                 "มาแล้วครับน้ำเย็นชื่นใจ ดีครับพี่ดิว พี่เดี่ยว พี่แอ้ พี่ติ๊ก เออ พี่พายที่รัก"ไอ้ป๊อดพูดแต่อีพายไม่เล่นด้วย มันยู่ปากใส่ไอ้ป๊อด
                 "เดี๋ยวมึงก็จะโดนบาทาคนน่ารักของมึงหรอก เล่นไม่รู้เวลาร่ำเวลา"พายพูดพร้อมกับดึงขายเสื้อออกจากชายกางเกงและกำลังจะสะพัดกระจายพวกฟีโนโมนมันออก ผมรีบดึงชายเสื้อเอาไว้ให้หยุด!! เพราะว่ามันไม่โบกธรรมดาผิวขาวๆ มันจะออกมาวับๆ แวมๆ
                 “พาย” ผมรีบร้องห้าม พายมองมือผม ก่อนจะปล่อยชายเสื้อลง
                "ไปเอาน้ำมาให้พวกกูเลยป๊อด มึงนี้แม่งชิ่งตัวพ่อเลย "ไอ้ดิวสั่งคงเหนื่อยจริงงานนี้ แต่ละคนนั่งลงแบบเหมือนไปแบกหามอะไรมาเลย
                “ป๊อด ปูละ” ไอ้เดี่ยวมันาถามหาปูทันที แต่มีคนเบ้ปากใส่นั้นคือไอ้ติ๊ก ผมก็หันมามองไอ้นี่มันแปลกเดี๋ยวก็ดีกับไอ้เดี่ยว เดี๋ยวก็งอนมันขึ้นมาหน้าตาเฉยซะงั้น ไอ้หลุยว์มันพยักพเยิดกับผม
               “เดี๋ยว...พี่ปูเขามาพร้อมกับอาหารเลยครับพี่ ผมมาดูแลพวกพี่ๆ ก่อนครับ แม่สั่งมาครับ” ไอ้ป๊อดพูดไอ้เดี่ยวมันพยักหน้าและจู่ๆ พวกผมได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามากันอีกคัน ใครวะ ผมมองหน้ากันทันที อย่ายบอกนะว่างานจะเข้าพวกผมที่บ้านนี้อีกนะ
“ใครมาว่ะ “ไอ้ติ๊กมันถามขึ้น ผมหันไปมองคนที่เดินฉับๆ เข้ามาในตัวบ้านพวกผม

                   พวกผมก็ลุกขึ้นมองซ้ายมองขวา เกิดเป็นพวกนั้นมันตามมาล้างแค้นจะได้หาอาวุธทัน ผมเห็นว่าคนที่มาเยือน หยุดอยู่ที่ทางเข้าประตูและไอ้คนนั้นก็คือ ไอ้สรจักร!!! ไหนมันบอกว่าจะกลับไง ไอ้สรจักรมันมายืนมองพวกผม ตอนนี้มีอะไรใกล้มือนี้คว้ากันเอาไว้ก่อนแต่ส่วนใหญ่ก็พอจะทำให้คู่ต่อสู้เจ็บได้แต่พอผมหันไปเห็นไอ้หลุยส์มันคว้ารีโมททีวี ไอ้นี่มันประจำเลย!! อาวุธแต่ล่ะอย่างมันทำให้ฝ่ายตรงข้ามกลัวตรงไหนวะ ผมแอบส่ายหัวไปมาและไอ้หลุยส์มันก็โยนรีโมทลง
                 “ไอ้จักร!! พวกกูตกใจหมด นึกว่าพวกนั้นมันตามมาเล่นพวกกูที่บ้านอีก” ผมหันไปด่ามันทันที มันก็ยืนกอดอกหัวเราะผม
                “เข้ามาดิ!” ผมเองพูดและมันก็เดินเข้ามานั่ง พวกผมก็พากันนั่งลงทันทีด้วยสภาพที่เหนื่อยล้า
                “พี่จักรเบียร์มั้ยครับพี่” ไอ้ป๊อดมันเรียกชื่อไอ้สรจักร มันรู้จักไอ้จักรด้วยเหรอ ผมหันไปเหล่มองไอ้สรจักร
                “ไอ้นี้เมื่อก่อนมันชอบติดตามพวกไอ้ภาคินตั้งแต่ก่อนเข้ามัธยมแล้ว” ไอ้สรจักรมันพูด พวกผมหันไปมองหน้าไอ้ป๊อด
                “นี่มึงเข้าแก๊งตั้งแต่ยังไม่ขึ้นมัธยมเลยเหรอวะป๊อด เรวววมาก” ไอ้ติ๊กมันหันไปถามไอ้ป๊อด
                “เร็ว หรือเลวครับพี่ติ๊ก”
                “เลว!!!” ไอ้ติ๊กมันย้ำให้ไอ้ป๊อดแบบเต็มๆ หน้า
                “จัดมาไอ้ป๊อดแต่ไม่ต้องหลายขวดกูขับรถกลับ” ไอ้จักรบอกไอ้ป๊อดและหันมามองสภาพพวกผม ที่นั่งกระดกเบียร์กัน มีบอยที่ดื่มแค่น้ำเปล่าแค่นั้น
                “ดูสภาพย่ำแย่น่ะ พวกมึงเนี๊ยะ ฮาๆ” ไอ้จักรมันพูดและแน่นอนของสมน้ำหน้ามันจากพวกผมก็ถูกส่งให้พวกมันกันคนละแท่ง
                “กูรู้แล้วว่าพวกมึงมาเพราะว่าพ่อกูได้รับคำสั่งจากลุงหนึ่งให้ดูพวกมึงด้วย กูก็เลยสั่งพวกมันดูให้อีกทีแต่คงเล่นพวกมึงแรงไปหน่อย นอยด์เลยดิ” ไอ้สรจักรพูด อ้อที่แท้พวกนั้นมันกวนตีนพวกผมเพราะไอ้จักรมันสั่งนี้เอง
               “วันแรกก็นี้อยากพากันขนข้าวของกลับเลยก็ว่าได้ที่เห็นพวกไอ้ภาคิน” ผมพูดและหันมามองหน้าทุกคน
               “ฮาๆ” ไอ้สรจักรมันหัวเราะพวกผม
               “กูก็ไม่คิดว่าพวกมึงจะเข้ากับพวกมันได้เหมือนกันเพราะว่าพวกนี้แม่งคนล่ะแนวกับพวกมึงเลย” ไอ้จักรพูด
               “นี่มึงเป็นหัวหน้าแก๊งพวกมันเหรอว่ะ” ผมถามไอ้สรจักร
               “กูเป็นไม่ได้พ่อกูเอาตายเลยว่ะ แต่พวกมันไม่มีหัวหน้ากันตอนนี้ ตั้งแต่พี่ข้าวปั้นพี่ไอ้ต้นข้าวนะโดนจับไป ส่วนไอ้บอสที่เคยแย่งชิงก็โดนส่งไปอยู่ต่างประเทศ ก็ไม่มีใครขึ้นตำแหน่ง พี่แฮกซ์ก็ไม่เอาแต่รักษาการให้น่ะพี่เขาทำอยู่ “ไอ้สรจักรพูดและมองมาที่ผมกับไอ้หลุยส์
                “กูไม่ได้ว่ะ แค่นี้ก็กูก็โดยเพ้งเล็งแย่แล้ว” ผมพูด บอยพยักหน้าเห็นด้วยที่ผมปฏิเสธ ผมเองก็ไม่ชอบซะด้วย
                “ไอ้ดิว” ผมหันไปที่ไอ้ดิวมันสะบัดหน้ามองผมทันที
                “กูไม่เอา กูไม่ถนัดงานแบบนี้ “ไอ้ดิวรีบปฏิเสธทันที
                “ไอ้หลุยส์มึงนั่นแหละ เหมาะสมที่สุด” ไอ้หลุยส์มันมองหน้าไอ้สรจักร
               “มึงแบคอัพพวกมันได้ดี กูจะบอกพวกมันให้ “ไอ้สรจักรพูด ก่อนจะหันมามองแอ้ แต่มันยิ้มแปลกๆ ส่วนไอ้ดิวมันก็กระดิกเท้ารอ แต่แอ้มันสะกิดเอาไว้
               “นี่พ่อกูเพิ่งโทรมาถามหามึงอยู่นะไอ้ติ๊กว่าลูกเลี้ยงยังมีชีวิตอยู่ไหมว่ะ ฮาๆ” ไอ้สรจักร มันทำให้ไอ้ติ๊กสะบัดหน้ามามองมันทันทีและนิ้วกลางคือคำตอบ
                 “ฝากบอกว่าวันนี้ยังมีแต่พรุ่งนี้มะรืนนี้ไม่รู้ว่ะ ถ้ามาแม่งแบบนี้ทุกวันกูตายเข้าสักวันแหละว่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูด ด้วยน้ำเสียงเง้างอนอยากกลับเต็มที
                “พี่ปูมาแล้วครับพี่” ไอ้ป๊อดมันวิ่งเข้าบอกแต่ว่าบอกใคร ไอ้เดี่ยวหรือเปล่า พวกผมหันไปมองหน้ามันพร้อมกันหมด
                “บอกพี่เดี่ยวครับพี่” ไอ้ป๊อดพูด
                “ระบุด้วยดิว่าบอกใคร แต่ว่าเอ่ยชื่อน้องปูมาไอ้เดี่ยวมันก็หูผึ่งแล้วมั้ง” ไอ้ดิวมันแซวเพื่อนมันทันที แต่ผมสังเกตมีคนหันหน้าหนีด้วย
                “ให้พวกผมตั้งโต๊ะอาหารเลยนะครับพวกพี่และพวกพี่จะได้พักผ่อนกันตามอัธยาศัย” ไอ้ป๊อดมันพูดผมก็โบกมือว่าตั้งเลย
                 “จักรทานอาหารด้วยกันดิว่ะ “ผมบอกมัน
                “ไม่เอาว่ะ กูต้องรีบไป กูแค่แวะมาคุยกับพวกมึงเรื่องนี้ พอพวกมันครบแล้วประชุมเลยว่าให้ไอ้หลุยส์มันขึ้นตำแหน่งหัวหน้าว่ะ ดูแลตัวเองกันดีดีนะโว้ย หวังว่าจะรอดถึงหนึ่งปีที่ลุงหนึ่งเขาบอกไว้ว่ะ “ไอ้สรจักร มันพูด
                “ปากมึงเหรอว่ะ “ผมพูด
                “เอานะ พวกมึงซื้อใจพวกไอ้ภาคินได้ นี้มึงก็ได้ทหารในกองโจรมาเป็นสมุนแล้ว เชื่อกูมันเจ๋งวะ” ไอ้สรจักรพูด ผมหันไปมองไอ้คนที่เข้ามายืน ต่างพากันขมวดคิ้วมอง
                “ไอ้ฐา ลูกชายคนเล็กลุงสี่ไง” ไอ้สรจักรมันพูดไอ้คนตัวเล็กมันโบกมือให้พวกผม
                “พายมึงอ่ะ ลูกลุงสี่แฟนพ่อมึง ไม่ทักทายมันหน่อยล่ะ” ติ๊กมันสะกิดพาย ที่นั่งทำหน้างง
               “กูไม่เคยเจอลูกป๊าเลยว่ะ แต่ละคน “ไอ้พายพูดผมหันมามองด้วยความตกใจกันหมด ก็ลุงสี่แฟนอาเปรมดิ์พ่อมันอ่ะ แปลกมาก พายมันแค่ยักไหล่ว่าใช่
               “ก็เขาบอกว่าลูกๆ ป๊ากูน่ะ กวนตีนพวกกูเลยไม่อยากเจอ” พายพูดแต่มันพูดได้โคตรตรงเลย
              “ไอ้ฐา พายมันบอกพวกพี่ๆ มึงกวนตีนว่ะ “ไอ้สรจักรมันหันไปบอกไอ้คนที่เล่นมืออยู่
              “อ้าวเห้ย! ปากน่าวางเท้าวะ” มันจะขึ้นทันทีเลยครับ
             “รองเท้ามึงเบอร์อะไรอะ” ไอ้นี่ก็ไม่ยอมครับ ไอ้ติ๊กมันต้องดึงเอาไว้
             “อย่าพาย เดี๋ยวมึงนะหมอบ” ไอ้ติ๊กมันห้ามพาย กลัวพายโดนกระทืบ
             “งั้นพวกกูไปก่อนว่ะ พ่อกูรออยู่จะบินกลับเลยวันนี้ กูน่าจะมาอีกทีเดือนหน้าเลย “ไอ้สรจักรมันพูด ก่อนจะหันหลังออก
             “ไอ้หลุยส์ ไอ้ภาคินมันบอกกูว่ามึงฝากบอกไอ้ธงรบ เรื่องไอ้ปริ้นซ์เหรอว่ะ” ไอ้สรจักรมันหันมาถามไอ้หลุยส์
              “เออ กูจะเอามันกลับมาอยู่กับกู ยังไงมันก็เป็นคนในครอบครัวกูคนเดียวที่เหลืออยู่ กูจะดูแลมันเอง…ต่อจากนี้ “ไอ้หลุยส์พูด ไอ้สรจักรพยักหน้าและพากันเดินออกไปกับอีกคน ผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์ ผมจำได้มันเลยบอกผมไว้ว่ามันมีลูกพี่ลูกน้องที่เกิดจากน้องชายของพ่อมันแต่น้องชายพ่อมันเสียไปก่อนอีก
             “ขึ้นไปอาบน้ำกันก่อนแล้วกันว่ะ ค่อยๆ ลงมาทานอาหารกัน” ผมบอกแต่ล่ะคน

                 พวกผมต่างก็พากันแยกย้ายขึ้นห้องพักของตัวเอง นี้ก็หมดไปอีกวัน จะว่าไปชีวิตแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันน่ะ ตื่นเต้นดี ไม่เหมือนที่ผ่านมา ชีวิตที่เรียบหรูอยู่สบายของพวกผม มีคนตามดูแล ไปทางไหนก็มีแต่คน ยอมไปซะหมด แต่ล่ะคนก็ยอมเพราะว่าพวกผมมีบารมีพ่อค้ำคออยู่และวันนี้พวกผมก็ทำให้พวกที่มองว่าพวกผมเป็นได้แค่ลูกคุณหนูเปลี่ยนความคิดใหม่ได้และพวกผมก็ได้เพื่อนจริงๆ ต่อไปเรื่องคงหมดแล้ว มันทำให้ผมคิด จริงอย่างที่พ่อผมพูดเลย ผมอาจจะได้อะไรดีดีจากที่นี้

                  ตอนนี้ผมก็ได้ คนรัก ไอ้เพื่อนแท้เพิ่มมาอีกคนจากที่มีอยู่แล้ว คนนั้นคือหลุยส์และดูเหมือนกับว่านี้คือจุดเริ่มต้นของการที่พวกผมจะปฏิรูปองค์กรของพวกผมใหม่ ผมคิดไปไกลขนาดที่ว่าในอนาคตผมอาจจะได้พวกนี้มาอยู่องค์กรผมก็ได้ แต่ตอนนี้ไอ้หลุยส์มันต้องขึ้นตำแหน่งหัวหน้าพวกนี้ไปก่อน ผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์ ผมว่ามันเดาความคิดผมได้ ผมหันไปชูกำปั้นหลุยส์มันก็ชูกำปั้นมาปะทะกำปั้นของผมตอบก่อนจะพากันลุกขึ้นเพื่อแยกย้ายไปอาบน้ำ

                 TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้อง)EP.5ุ6 ปากไม่ตรงกับใจ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 13-03-2024 10:21:38
EP.5ุ6  ปากไม่ตรงกับใจ   
       

             Part เดี่ยว หลังจากที่พากันอาบน้ำก็รีบ ผมรีบลงมาช่วยปูจัดโต๊ะอาหาร วันนี้ปูน่ารัก ดูสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย และยังห้อยโทรศัพท์ที่ผมให้เอาไว้ด้วย ติดตัวเอาไว้ตลอด ผมแอบมองปู ผมคิดว่า ผมควรจะเลือกคนที่คู่ควรกับผมเช่นปู ผมยอมรับว่าผมมีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอดและคนล่าสุดที่ทำให้ผมมีเรื่องกับไอ้ธงรบคือข้าวฟ่าง ดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งและเธอก็สวย ผมจีบเธอติดได้ไม่ยาก เธอคือเซ็กส์ครั้งแรกของผมเช่นกันแต่สุดท้ายเธอก็นอกกายไปกับไอ้ธงรบที่ผมทราบเธอโดนพ่อแม่พาเธอไปเรียนที่อื่นหลังจากที่ผมมีเรื่องกับไอ้ธงรบและผมพักการเรียนทันที แต่เอาจริงๆ ผมว่าผมได้หมดนะผู้หญิงผู้ชายขอแค่ผมรู้สึกดีกับคนคนนั้น แค่นั้นก็พอ

           “มองอะไรเดี่ยว” ปูหันเจอว่าผมกำลังมองหน้าเขาอยู่พอดีหันมาเร็วชนิดที่ผมก็หลบไม่ทัน ผมนี้ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองด้วยอาการเขิน ตอนนี้ทุกคนพากันเดินลงจากชั้นบน แอ้กับติ๊กเดินคุยกันลงมาพอดี ติ๊กมองหน้าผมและปู

            “แอ้มึงนั่งไหน นั่งข้างกูป่ะวะ” ติ๊กถามแอ้ แอ้ยักไหล่ว่าได้ ส่วนไอ้ดิวมันเดินมากับพาย พูดเล่นหยอกล้อกันลงมาแต่ผมรู้ว่ามันไม่ใช่คนรักแน่นอนและอีกคนนี้คงจะคอยกันไอ้ดิวจากแอ้แน่ๆ ผมหันไปมองติ๊ก เขามันไม่มองหน้าผมเลยสักนิด

            “ปู แหมมีคนช่วยนะเดี๋ยวนี้ “ไอ้ดิวมันแซวผมกับปู

          “ก็แฟนกันอ่ะนะ ใช่ป่ะปู “พายพูดและหันไปเหล่มองติ๊ก ที่นั่งกดโทรศัพท์เล่นไม่สนใจเสียงรอบข้างใดๆ ปูก็จัดอาหารลงบนโต๊ะ จนเกือบครบ

             “อ้าวปู เป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอเลยน่ะช่วงนี้ “ไอ้แจ็คมันทักทายปู

             “แม่เป็นไงบ้างปู “บอยถามปู

              “แม่เราก็รู้สึกเพลียๆ น่ะเพราะหลังจากได้รับยาคีโม” ปูพูด

              “นี้หายไปหลายวัน รู้เปล่าว่า มีคนชะเง้อคอรอทุกวัน” ไอ้หลุยส์มันแซวผมทันที

               “ที่มาไม่ได้เพราะว่าเราต้องอยู่กับแม่เรา ป้าข้างบ้านเขาไปทำธุระน่ะ” ปูพูด

              “เออ พอดีว่าเราต้องกลับก่อนบ้านก่อนนะ วันนี้เราต้องไปอยู่กับแม่เรา แม่เราอยู่บ้านคนเดียว” ปูพูด ผมหันไปมองปูว่าจะไปแล้วเหรอ

              “พี่ปู แม่ผมโทรมาบอกให้เอาของไปให้ตอนนี้อ่ะ ของที่แม่ผมต้องใช้ไม่พออ่ะพี่ปู “ป๊อดมันวิ่งออกมาบอกปู

                “ถ้าอย่างนั้นป๊อดไปส่งพี่ที่ตรงตลาดก็ได้นะ พี่จะนั่งวินไปเอง “ปูหันไปบอกป๊อด ผมหันมามองหน้าปู

                “เราไปส่ง” ผมหันไปบอกปู ปูก็มองหน้าผม

               “เออ ไปส่งปูดิ จะให้กูไปด้วยไหมว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดและถามผมว่าให้ไปเป็นเพื่อนไหม ทุกคนหันไปมองไอ้ดิวพร้อมกันหมด

               “คนเขาจะไปจู๋จี๋กันมึงจะไปทำไมวะไอ้ดิว” แจ็คมันถามไอ้ดิวทันทีและทุกสายตาก็หันไปมองไอ้ดิว ขยิบหูขยิบตากันใหญ่แต่คนที่ทำเป็นไม่สนใจคือติ๊ก

              “เออว่ะ กูลืมงั้นมึงไปเถอะว่ะ กูไม่อยากเป็น กขค ว่ะ เฮอๆ” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองติ๊กก่อนเขาก็นั่งเงียบ ทานอาหารไปด้วยดูหน้าจอมือถือไปด้วย ไม่พูดอะไรสักคำ

                 “ไปเลยไหมปู “ผมถามปู ปูพยักหน้าและมองอาหารที่โต๊ะ

                “ไปเถอะ เรายังไม่หิว” ผมพูดแค่นั้นและจับมือปูพากันเดินออกไปที่รถของผม ปูหันมามองหน้าผมและมองมือผมที่จับข้อมือเขาเอาไว้ แต่ปูไม่ได้สะบัดออกแค่ยิ้มให้ผม ผมเปิดประตูให้ปูเข้าไปนั่งข้างๆ คนขับ ผมก็เปิดเพลงฟังไปด้วยส่วนใหญ่ก็เป็นของพี่ตูน บอดี้แสลมทั้งนั้นที่ผมชอบ

             “คลื้ด!!"ท้องใครบางคนร้องดังมาก ผมหันไปมอง ปูแน่ๆ เลย เขาเอามือกุมไว้ที่ท้องตัวเองนิดหน่อย

               "หึๆๆ หิวเหรอปู” ผมถามปู ปูหันมามองหน้าผม

               “วันนี้ยุ่งๆ เลยไม่ได้ทานอะไรเลย อันที่จริงแม่ของป๊อดก็เรียกให้ทานแล้วแหละแต่เราอยากเสร็จงานไวไวจะได้กลับไปดูแม่” ปูพูด ผมพยักหน้าตอนนี้ก็ขับออกมาได้สักพักแล้วผมกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นมีรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวอยู่

                “ก๋วยเตี๋ยว ปากซอยเป็นไง เราหิวเหมือนกัน "ผมหันไปบอกปู ผมค่อนข้างชินกับการขับรถที่นี้ ปูบอกแค่ว่าตำแหน่งตรงไหนผมก็รู้หมดแล้ว และผมก็เลี้ยวรถเข้าไปหาที่จอดทันที

               "ไปซิครับปู เดี๋ยวก็หิวแล้วด้วย"ผมบอกปูแต่เขามองหน้าผม ผมรีบลงจากรถเปิดประตูให้ด้วยปูก็ก้าวขาลงมาพร้อมกับมองหน้าผมยิ้มๆ ผมสองคนเดินมาหาโต๊ะนั่ง และปูนั่งลงตรงข้ามกับผมเด็กที่อยู่ในร้านเดินตรงมาหาผมทันที หน้าตากวนได้อีก

                "รับอะไรดีเพ่! " ผมเงยหน้ามองคนถาม

                "เส้นใหญ่ ทุกอย่าง"ผมบอกคนที่มายืนรอจดหยิกๆ มันแนวมาผมก็แนวไป

               "ป๋า โต๊ะนี้ใหญ่ทุกอย่าง"ผมสะบัดหน้ามองไอ้คนตะโกน มันรู้ได้ไง โต๊ะอื่นๆ ก็หันมามองผมเช่นกัน ผมก็ยิ้มรับว่าครับผมใหญ่ครับทุกอย่างเลย

               "คิก คิก คิก "ปูปิดปากขำผม

                "แล้วน้องละครับ"มันถามปูมั้งแต่เรียกน้อง ทั้งที่ปูน่าจะรุ่นเดียวกับผมหรือไม่ก็อ่อนเดือนแค่ไม่กี่เดือนแหละ แต่ผมยอมรับว่าปูหน้าเด็กกว่า

                 "เส้นเล็กน้ำตกหมู"ปูสั่งน่ารักเชียว

                  "เล็กตกหมู ยังดีไม่เล็กทุกอย่าง "ไอ้คนจดหยิกๆ มันตะโกนสั่งและหัวเราะร่วนเลย ผมก็เงยหน้ามองมัน แล้วมึงจะจดทำไมถ้าจะตะโกนประจานพวกผมแบบนี้

                   "ทำไมรู้จักป๊อดล่ะ"ผมถามปูพร้อมกับรินน้ำใส่แก้วให้

                  "แม่เราเป็นผู้ช่วยแม่ป๊อดทำอาหารมานานแล้วน่ะ แต่พอแม่ป่วยเราก็เลยทำแทนแม่เรานะเดี่ยว "ปูพูด ผมนี่สงสารเขาเลย ปูตัวเล็กขาวๆ ทำไมต้องมาทำงานเหนื่อยแบบนี้ทั้งที่ยังเรียนอยู่เลยแถมยังต้องทำงานไปด้วย ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อแม่เขาด้วย

                 "แล้ว"ผมกำลังถามว่าพ่อละ

                "พ่อเราเสียไปนานแล้วตั้งแต่เราอายุได้แปดขวบเก้าขวบนี่แหละ "ปูพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเสียใจที่ไม่ได้เห็นแม้แต่หน้าพ่อตัวเอง

                  "พ่อเราเพิ่งเสียไปได้ ไม่กี่ปีนี่เอง "ผมพูด

                "เสียใจด้วยน่ะ"ปูพูด และก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟ ที่โต๊ะพอดี

               "อะ"ปูคีบลูกชิ้นให้ผมก่อนทันที

               "ทำไมละ"ผมถามปู

               "มันเยอะอะกินไม่หมดหรอก นี้จะไม่เอาใช่ปะ"ปูพูดก่อนจะเงยหน้ามาถามผม

              "เอาครับ ขอบคุณครับ "ผมพูด ผมนั่งทานไปคุยนั่นคุยนี้ จนสักพักผมก็ทานกันเรียบร้อย ผมขับรถไปส่งปูที่บ้านในชุมชนร่วมใจ1 บ้านสองชั้นสภาพกลางเก่ากลางใหม่และผมอยากบอกว่าชุมชนนี้เหมือนสลัมแต่ละคนก็หาเช้ากินค่ำแต่บางคนมีเงินใช้ทั้งที่การงานไม่ได้มั่นคง นั้นคงไม่ต้องบอกหรอกว่าเอาเงินมาจากไหนถ้าไม่ใช่ค้ายา

              “รู้ใช่ไหมว่าชุมชนนี้เป็นยังไงเดียว” ปูถามผม ผมพยักหน้า

              “น่าจะหาที่อยู่ใหม่น่ะปู” ผมบอกปู

             “นี้เป็นบ้านพ่อเรา พ่อเราสร้างเองกับมือเขาเลยน่ะแต่ว่าตอนนี้น้องชายและแม่ของพ่อเขามาอยู่ด้วยเพราะว่าเขาโดนเวนคืนที่ดินนะ” ปูพูด ผมพยักหน้า

                “กลับบ้านเถอะเดี่ยว มันจะดึกเราไม่อยากให้เดี่ยวขับรถกลับดึกเป็นห่วงน่ะ” ปูพูด ผมพยักหน้า ทำไมผมแอบไปนึกถึงเขาคนนั้นน่ะว่าดึกป่านนี้เขาจะเป็นห่วงผมไหม ผมยิ้มให้ปูก่อนจะหันหลังเตรียมจะเปิดประตูรถ

                 "ขับรถดีดีนะ เจอกันที้โรงเรียน"ปูพูดผมโบกมือให้ผมก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ผมยืนมองอยู่พักหนึ่งก่อนจะขึ้นรถและรีบขับกลับออกมาในทันที ผมเหลือบมองเวลาเกือบจะสี่ทุ่มครึ่งแล้วไปกึงก็คงห้าทุ่มพอดี การบ้านผมน่ะทำเสร็จแล้วเลยออกมาได้ ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นจะนอนหลับไปหรือยังนี้ซิ

                  Part’ s ติ๊ก ผมนั่งทำการบ้านไม่รู้ว่าไอ้เดี่ยวมันทำเสร็จหรือยัง นี้ออกไปแรดกับเขาอีกแต่มันก็ทำถูกแล้วเพราะว่าผมเองเป็นคนบอกให้เดี่ยวมันไปเลือกคนที่คู่ควร ถามว่าผมวิเศษมาจากไหนหรือเปล่าก็ไม่ แต่ผมแค่รู้สึกว่า ผมเหมือนยังรอใครอยู่ ใครคนนั้นที่ผมรู้สึกเหมือนผมเคยรักแต่ความจริง ผมไม่เคยได้ความรักจากคนนั้นเลย ทำไมผมรู้สึก มันมาจากความรู้สึกลึกๆ ที่บอกที่มาที่ไปไม่ได้จริงๆ

               “พายมึงคุยกับใครว่ะ หัวเราะไปด้วยคุยไปด้วย มึงมีคนมาจีบมึงเหรอวะ” ผมหันไปถามพาย แอ้มันนั่งทำการบ้านข้างๆ ผมเช่นกัน หันไปมองพายเหมือนกัน

                “แน่ล่ะ กูไม่ได้ขี้เหล่นิและที่สำคัญ กูชอบมีแบบเป็นของตัวเอง คนรักอ่ะ ไม่ใช่เที่ยวไปรักคนอื่น” พายพูด

                “หลงรักคนมีเจ้าของแอบมองเขาทุกวัน หลงรักแฟนชาวบ้าน ไม่รู้ตัว…” พายมันร้องเพลง ผมรู้ว่ามันประชดผม ผมหันไปหยิบเอาก่อนยางลบปาใส่พายมันแต่ไม่โดน พายมันก็แลบลิ้นใส่ผม ไอ้แอ้มันนั่งสั่นหัวไปมากประมาณว่าผมสองคนนี้ยังเด็กกันอยู่ถึงได้แกลังกันแบบนี้ ผมหันมามองแอ้ ก่อนจะหันไปมองเวลาที่ตั้งเอาไว้อยู่ที่หัวเตียงของผม

                “แอ้มันง่วงนอนแล้วให้มันไปนอนเถอะมึง” พายบอกผม ผมหันมามองหน้าแอ้มัน

               “ง่วงก็นอนนี้ดิ” ผมพูด

              “มึงบ้าไปแล้ว มันมีเตียงที่นอนสบายๆ ให้มันไปนอนที่เตียงมันดิ” พายพูด ผมหันมามองพาย ถามว่าพายเคยชอบดิวไหม ใช่พายก็แอบรักไอ้ดิวมาก่อนแต่ทำไมมันเปลี่ยนใจก็ไม่รู้ เหมือนพายมันรู้อะไรมาแตไม่บอกผม ผมหันมามองแอ้อีกที

               “มึงไปนอนได้แล้วแอ้” ผมบอกแอ้ แอ้มันก็พยักหน้าและลุกขึ้นไปทันที แอ้หันมายิ้มให้พาย ผมก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจะได้เข้านอน นี่จะสี่ทุ่มแล้วทำไมไอ้เดี่ยวมันยังไม่กลับมาอีก จะว่าไป ผมคิดว่าจะโหลดเพลงใส่แฟ็ซส์ไดรว์ให้มันซะหน่อยเอาไว้เปิดฟังในรถ รถไอ้เดียวยังไม่ทันสมัยเหมือนรถพวกผม ไอ้เดี่ยวมันบอกว่ารถคันนี้ได้มาจากพ่อมัน มันเลยไม่อยากเปลี่ยนเป็นรถแต่งคันแรกที่พ่อมันกับลุงที่เป็นเจ้าของอู่ช่วยกัน ใช่เมื่อก่อนไอ้เดี่ยวก็มีฐานะปานกลางแต่พอแม่มันแต่งงานใหม่กับหนุ่มที่มีฐานะจากต่างประเทศก็เป็นคนมีฐานะขึ้นมาทันทีแต่เดี่ยวมันก็ยังทำตัวติดดินเหมือนเดิม

              (พี่พีช พี่พั้นซ์ไปไหนอ่ะ อะไรไม่รู้ อยู่บ้านยังไงเคยรู้อะไรบ้างไหม ไม่ได้เหวี่ยง แต่ถามเฉยๆ มันน่าโมโหไหมล่ะ ถามอะไรพี่ไม่รู้สักอย่างสู้พี่แพทก็ไม่ได้) พายมันโทรไปบ่นพี่พีชอีกแล้วและนั้นพี่เขาก็วางสายใส่มันทันที ก็มันเล่นเปรียบเทียบพี่มันแบบนี้

             “อะไรวะ ไอ้พี่พีช ไอ้บ้า!!!” พายมันด่าพี่พีชกับมือถือของมัน

             “ก็มึงเล่นเปรียบเทียบพี่แพทกับพี่พีชแบบนั้น ใครก็โมโหเปล่าวะ กูยังไม่เคยเปรียบเทียบพี่กูกับใครเลยนะมึง ขนาดพี่ตุ๊ตึงจนพวกกูอยากจะ ....อึยยยย กูยังไม่ทำเลยน่ะ” ผมพูดกับพายก่อนจะเดินมาทาครีมบำรุงผิวหน้า ผมเดินมาที่โน๊ตบุคของผมและหยิบเอาแฟรซไดรฟ์มาดาวน์โหลดเพลงที่ผมชอบฟัง ส่วนใหญ่เป็นแนวร๊อกทั้งนั้น

              “พี่ต้าร์เขามีแฟนหรือยังวะ” พายมันถามผม

             “มีมั้งแต่ไม่เคยบอกอ่ะและกูก็ไม่เคยถามเพราะว่า การเป็นพี่น้องกันใช้ว่าต้องถามทุกเรื่องนะมึง” ผมหันไปพูดกับพาย

             “กูเคยได้ยินพี่แพทคุยโทรศัพท์กับพี่ต้าร์ เหมือนพี่ต้าร์จะโทรมาบ่นๆ กับพี่แพท แฟนพี่เขาเจ้าชู้ว่ะ เจ้าชู้ตัวพ่อเลยมึง กูเลยถามมึง แต่ถ้ามึงไม่รู้ก็ไม่เป็นไร” พายพูด ผมหันไปมองพาย จริงเหรอ แฟนพี่ต้าร์เจ้าชู้ตัวพ่อเลยเหรอ ใครวะ ผมหันมามองพายอีกที เพราะว่าไม่มีใครรู้เลยแต่พี่แพทรู้ แสดงว่าคนคนนั้นต้องไม่ใช่คนที่พี่ตุ๊ชอบแน่ๆ หรือพี่ตุ๊ห้ามไม่ให้พี่ต้าร์คบแน่ๆ ไม่อย่างนั้นไม่บอกเพื่อนสนิทมากกว่าคนในครอบครัวหรอก

                “กูนอนแล้วน่ะ นอนดึกสิวขึ้น “พายพูด ผมหันไปมองพาย มันรักหน้ามันยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ผมดาวน์โหลดเพลงจนครบแต่จะว่าไปเดี่ยวมันกลับมาหรือยัง

                “พายกูจะลงไปดื่มน้ำว่ะ “ผมบอกพาย พายมันกำลังนอนลง เอาที่ปิดตามาปิดตาด้วย พายใช้นิ้วคีบเอาที่ปิดตาออกข้างหนึ่ง

                “จะแอบลงไปดูว่าเขากลับมาหรือยังก็บอกมาเถอะ ปากกับใจไม่ตรงกันเลยนะมึงอ่ะ ไปบอกให้มันไปหาเขาแต่จริงๆ มึงก็อยากจะบอกว่าอย่าไป ถุ้ย!!” อีพายผมนึกด่ามันในใจก่อนจะหันไปหยิบเอาหมอนที่เตียงนอนของผม ขวางไปที่พายทันที ผมเดินออกไป ผมหันไปมองห้องนอนไอ้ดิว อยากจะเคาะประตูเรียกแต่ว่าห้องมันเงียบมาก มันคงนอนกันแล้ว อยากจะเคาะเพราะว่าอยากรู้ว่ามันนอนเตียงเดียวกันหรือเปล่า เคาะดีไม่เคาะดี ทำไมผมรู้สึก มันรู้สึกเหมือนผมเคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาก่อน อึดอัด มันเจ็บอยู่ข้างในลึก จนสุดท้าย ผมเลือกไม่เคาะและเลือกที่จะเดินไปข้างล่างแทน ขณะที่

                 ผมเดินลงไปถึงชั้นล่าง ผมได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาพอดี ผมรีบหลบทันทีที่ตรงหมุมบันได ผมแอบมอง คนนั้นคือไอ้เดี่ยวมันเข้ามาแล้ว ผมเหลือบมองเวลาที่นาฬิกากลางเก่ากลางใหม่ ที่วางอยู่ เป็นนาฬิกาโบราณ มันห้าทุ่มแล้ว นึกด่าในใจ บ้านเขาอยู่ข้ามจังหวัดเหรอถึงได้พึ่งมา ไอ้เดี่ยวมันกำลังจะเดินมาที่บันไดแล้วผมจะรออะไร

                  "กึก"ขณะที่ผมกำลังหมุนตัวกลับขึ้นไปผมดันไปเตะบางสิ่งเข้าที่ตรงบันไดบ้านและก็ไม่ทันได้เดินกลับขึ้นไป

                  "หมับ!"มีคนมาจับแขนผมเอาไว้ คนนั้นคือเดี่ยว เดี่ยวมันเร็วมากและผมเองก็กำลังจะเสียการทรงตัว ผมกำลังจะหงายหลังแต่ว่าเดี่ยวรับผมเอวไว้ได้ทันเสียก่อน ผมหันมาประสานสายตากับเดี่ยว ผู้ชายไทย หน้าตาหล่อเข้ม คิ้วหนาแตได้รูป ผิวไม่ขาวไม่ดำ ออกไปทางสีแทนแบบชายไทย มีกล้ามท้องเพราะว่ามือผมดันพุงเดี่ยวเอาไว้อยู่ ไม่มีพุงหรอกมีแต่ซิกแพค ผมมองใบหน้านั้น ผมเองที่ต้องกลืนน้ำลายลงคอตัวเองดัง

                “เอื้อก!!!” เสียงดังฟังชัดจนผมเองก็ต้องรีบดันเดี่ยวออกก่อน ผมค่อยๆ ทรงตัวเองให้ได้

               "ลงมาดูเหรอ"เดี่ยวถามผม

              "เปล่าแค่…ลงมาจะหาน้ำดื่ม” ผมมองจ้องเข้าที่แววตาคู่นั้น

              “จะขึ้นนอนแล่ว "ผมพูดและทำท่าจะขึ้นห้องแต่ว่า

               “หมับ” เดี่ยวจับมือผมเอาไว้ ผมหันมามองมือไอ้เดี่ยวและมองหน้ามันว่าจับทำไม เดี่ยวมองผมและยิ้มให้ผมที่มุมปาก

                "เห็นกลับดึกหรือเปล่า เอ๊ะหรือว่าหึงที่เดี่ยวออกไปกับปู"เดี่ยวถามผมพร้อมกับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

                "ไม่หึง ดีใจด้วยปูนะเขาดูเหมาะสมดีน่ะ "ผมพูด

                 “ดังนั้นจะไปส่งทุกวันก็ไม่มีใครว่าหรอก เชิญ” ผมพูด เดี่ยวมันก็ปล่อยมือจากมือผมทันที เดี่ยวก้าวถอยหลังลงไปหนึ่งขั้นบันได

                  "คงจะจริง เขาอาจจะเหมาะกับคนอย่างเดี่ยว"เดี่ยวพูดและหันหลังเดินไปทันที ผมยืนมองหลังไหว เดี่ยวเดินเข้าไปไปห้องครัว ผมทำได้แค่มองเท่านั้น ทำไมมันยากนักที่จะบอกว่ากูเริ่มรู้สึกไงเดี่ยว ผมเป็นคนเดินกลับขึ้นไปชั้นบนแทน ความรู้สึกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมรู้สึกเสียใจที่ดิวมันรักแอ้ แต่ที่แย่ที่สุดคือมันปิดผมอยู่แต่ทำไมกลับได้เดียว ผมรู้สึกเหมือนผมกำลังอิจฉามากกว่า ผมสับสนไปหมด วันตีกันยุ่งเหยิงอย่างบอกไม่ถูก ผมเดินเข้าไปในห้อง พายหลับไปแล้ว ผมหันไปเห็นแฟรซ์ไดรว์วางอยู่ ผมก็หยิบมันขึ้นมาและเอากระดาษโน้ตมาเขียนเอาไว้

"เพลงในรถมึงน่ะปลวกมาก: p"

                ผมรีบเดินออกมาจากห้อง ผมเดินไปเปิดประตู ห้องนอนไม่ได้ล๊อก ผมได้ยินเสียงดังในห้องน้ำ ไอ้เดี่ยวมันร้องเพลงในห้องน้ำประจำ เสียงมันดีใช่เล่นและผมก็วางแฟรซ์ไดรว์เอาไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือนั้น ผมพึ่งจะเห็นข้อความในมือถือของเดี่ยว

               (ขอบใจน่ะเดี่ยว สำหรับมือถือและพาเราไปทานก๋วยเตี๋ยว ขอบคุณที่เดี่ยวรู้สึกดีกับปูขนาดนี้ ขอบคุณจริงๆ น่ะ นอนหลับฝันดีนะเดี่ยว)

                 ผมรีบวางมือถือเดี่ยวลงทันที เพราะว่าคนในห้องน้ำกำลังจะเปิดประตูออกมาจังหวะที่ผมยืนอยู่ เดียวไม่ได้สวมเสื้อออกมาแค่ผ้าขนหนูพันกายแบบหมิ่นๆ มันทำให้ผมเห็นซีกแพคที่ชัดเจนกว่าตอนที่ผมสัมผัสซะอีก น้ำที่เกาะตามลำตัว เดี่ยวมันอาบน้ำ เดี่ยวมองหน้าผม ผมก็มองไอ้เดี่ยว นายแบบที่ผมถ่ายแบบด้วยยังชิดซ้ายเลย ไอ้ดิวกับไอ้เดี่ยวมันมันคล้ายกันมาก

                “ติ๊ก” เดี่ยวเรียกชื่อผมเบาๆ ยังคงมองผมอยู่ ต่างคนต่างตกใจ ไม่รู้ว่าตกใจในเหตุผลเดียวกันไหม

              “กูเอาแฟรซไดรว์มาให้เพลงมึงมีมันไม่เพราะ “ผมพูดแค่นั้นก็รีบหันหลังออกและผมก็รีบเปิดประตูออกไปทันทีเช่นกันและตรงไปที่ห้องนอนตัวเอง รีบปิดประตูเหมือนผมหนีอะไรมา ผมยืนเอามือกุมหน้าอกตัวเอง ใจผมมันสั่นบอกไม่ถูก ที่เห็นไอ้เดี่ยวแบบนั้น ไอ้เชี้ยเอ๊ย!!! ผมด่าตัวเองในใจ

TBC…..



หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้องๆ)EP.5ุ7 (ติ๊กXเดี่ยว)ช่วยเป็นแฟนต้นข้าว
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 13-03-2024 20:46:32
EP.5ุ7 (ติ๊กXเดี่ยว)ช่วยเป็นแฟนต้นข้าว

                       Part's เดี่ยว ตื่นมาแต่เช้าแต่งตัวหล่อๆ เหมือนเช่นทุกวัน ก่อนออกจากห้อง ผมก็ไม่ลืมที่จะหยิบแฟรซไดร์ที่ติ๊กมาวางไว้ให้เมื่อคืนจะเอาไปเปิดฟังในรถต่อ ระหว่างที่ผมเดินลงมาชั้นล่าง ผมก็เห็นไอ้ดิว มันยืนรอผมอยู่คนเดียว ผมก็มองหาว่าไม่มีใครแล้วเหรอ รวมไปถึงติ๊กด้วย ดิวมันหันมามองผมก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัวมันเหมือนที่ผมทำเช่นกัน
                     “มึงมองหาใครวะ ถ้าไอ้แจ็ค บอย ไอ้หลุยส์และธรรณ์ล่ะก่อ เขาไปกันหมดแล้ว” ไอ้ดิวพูด ผมก็มอง จะมองหาเขาทำไมเพราะว่าเขาก็ไปคนละคันกับผมอยู่แล้ว ไอ้ดิวมองหน้าผมและมันก็ยิ้มกริ่ม ผมว่ามันก็คงรู้ดีว่าผมมองหาใคร
                     “อยู่ในห้องครัว เขาต้องดื่มเครื่องดื่มบำรุงผิวพรรณกันก่อนออกจากบ้าน” ไอ้ดิวพูดและสามหนุ่มเหลือน้อยก็เดินออกมาจากห้องครัวทันที
                      “อะไรไอ้ดิว กูได้ยินน่ะ กูดื่มโปรตีนโว้ย!!” ติ๊กเป็นคนแรกที่ถามไอ้ดิว
                      “เดี่ยว!! “พายเรียกผมแถมยังจะเข้ามาหาผมแต่ว่ามีคนดึงเอาไว้ซะก่อน คนนั้นคือติ๊ก
                      “มึงนี่ก็แสดงออกเกิ้น!! เก็บอาการบ้างเถอะมึง” ติ๊กพูดก่อนจะลากแขนพายและแอ้เดินออกไปทันที ไอ้ดิวมันมองหน้าผม ขยิบตากับผม ผมก็มองหน้ามัน มันก็ยิ่งขยิบตา ผมก็มองเพ้งเข้าไปในตาของมัน
                      “โอ๊ย!!” สุดท้ายผมต้องเป็นคนจับให้มันเลิกขยิบตา
                      “อะไรของมึง!” ผมถามไอ้ดิว ไอ้ดิวมันชะโงกมองสามคนนั้นเดินออกไป
                      “กูอยากไปกับแอ้ มึงช่วยกูหน่อยดิ” ไอ้ดิวมันกระซิบกับผม ผมก็มองหน้ามัน เอาอีกแล้ว แต่สายตามันอ้อนวอนผม ผมก็เลยใจอ่อน ผมสองคนรีบเดินตามสามหนุ่มออกมาทันพอดี ติ๊กหันมามองผมกับไอ้ดิว
                       "กูไปกับมึงนะแอ้ "ติ๊กบอกแอ้ทันที ผมหันไปมองไอ้ดิว ไอ้ดิวดึงผมถอยหลังออกมาก่อนจะทำท่ากระซิบกับผม //รถไม่มาหนึ่งคันวันนี้//ไอ้ดิวมันกระซิบกับผม ผมก็พยักหน้า
                       "ไม่ไปกับไอ้เดี่ยวละว่ะติ๊ก "ไอ้ดิวถามติ๊ก
                       "นั้นดิรถไอ้เดี่ยว...ก็มีอีกคัน "พายอีกคน แอ้ไม่ได้พูดอะไร ผมไม่เคยเห็นแอ้ขัดใจอะไรติ๊กเลยนะ
                       “มึงก็ไปกับมันดิ” ติ๊กหันมาบอกพายโดยไม่มองหน้าผม
                       "เออ ขอบใจนะ แฟรซไดซ์ที่ให้มานะกูไม่ดูหนังเอ็กซ์ในรถ"ผมพูด ติ๊กมันแค่ยักไหล่แต่ก็ต้องไถลเพราะว่าผมบอกมันคือหนังโป้
                       "กูให้ผิดอันไปเหรอว่ะ "ติ๊กมันรีบพูดและผมก็เดินหันหลังออกทันที

                       ผมรีบเดินไปขึ้นรถของผมที่จอดเอาไว้รีบเปิดประตูเข้าไปและก็มี่คนวิ่งตามผมมาติดๆ และรีบเปิดประตูเข้ามานั่งในรถผม ดูสีหน้าแล้วน่าจะโมโหที่ผมบอกว่าเขาโหลดหนังโป้มาให้ผมแน่ๆ ผมเหลือบมองผ่านกระจกมองหลัง ก็เห็นไอ้ดิวก็วิ่งขึ้นรถมันไปมันลากแขนไอ้แอ้ขึ้นไปด้วย ส่วนพายก็วิ่งขึ้นรถไอ้ดิวไปทันที
                      “มึงบอกว่ากูโหลดหนังโป้ให้มึงเหรอว่ะเดี่ยว “ติ๊กมันถามผม ผมก็ยักไหล่
                     "ไม่รู้ซิ แต่มันซี้ดซ้ดด สนั่นเลยอ่ะ ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าชอบแบบนี้ด้วย ะ"ผมพูดก่อนจะสตาร์ทรถ
                     "ไม่จริงอะ ไหนมึงลองเปิดดิ "ติ๊กพูดและหันมามหน้าผมและมองที่แฟลซ์ไดร์ในมือของผม
                     “เปิดเดี๋ยวนี้!!” ติ๊กบอกผมเป็นเชิงออกคำสั่ง ผมก็เสียบแฟล็ซไดร์และเลือกเมนูเปิด มันก็ขึ้นมาที่เพลงโปรดของผมทันที เพลงของพี่ตูน
           
อยากดีพอ ให้เธอได้มั่นใจ ปับ ปา ดับ ปับ ปับ ปา เย เย้
แต่ที่พอมี ก็แค่ทั่วๆ ไป มั่นใจ ปับ ปา ดับ ปับ ปับ ปา เย เย้
ความจริงคือเธอยังลังเล ยังไม่เทให้กันหมดหัวใจ
กังวลว่าเธอจะเจอใคร ที่รักเธอเหมือนกัน
ฉันก็เลยแค่ขอให้...เธอ…..
[/i]

                    "ไอ้เดี่ยว!!! "หันขวับมามองผมทันที ผมก็หันไปมองคนเรียกผม นึกว่าจะทำหน้าซึ้งเพราะว่าเพลงแต่ไม่ใช่
                    "โอ๊ย!! “เสียงผมร้องออกมาเพราะว่าติ๊กมันบิดหูผมสองข้างพร้อมกันเลย ผมรีบเอามือกุมหูตัวเองแทบไม่ทัน
                    "ปึก"เสียงปิดประตูของคนที่นั่งข้างๆ ผม แต่ทว่าเขาไปกันหมดแล้ว
                    “อ้าว! แล้วกูละ"ติ๊กพูดออกมาและมองไปรอบๆ
                    "ก็คันนี้ไง หรือจะเดินไปก็ดีนะ ฝุ่นก็แดง แดดก็ร้อน กว่าจะถึงคงจำสภาพเดิมไม่ได้แน่ "ผมพูด ติ๊กหันมามองหน้าผม
                    “ถ้าอย่างนั้นก็ยืนตัดสินใจไปก่อนแล้วกันนะ “ผมก็ค่อยๆ ออกตัว ติ๊กหันมาทำท่าจะก้าวเท้าขึ้น ผมก็แกล้ง ออกตัวอีก ขึ้นไม่ได้ และหยุด พอจะขึ้นออกตัวอีก
                    “เห้ย! มึงจะให้กูไปด้วยไหมไอ้เดี่ยว” ติ๊กทำท่าโมโห ผมเอียงหัวมองคนที่ยืนหน้ามุ้ย ทำไมเวลาโกรธถึงได้น่ารักแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้คนนี้ และนี้ก็คือสาเหตุที่ทำให้ผม ชอบแกล้งเขา
                    “อะจร๊าไม่แกล้งแล้ว ขึ้นเลย “ผมพูดผมหยุดรถแล้ว อีกคนขึ้นมาหน้างอมาเลย ผมก็เปิดฟังเพลงที่เขาโหลดมาให้ผมไปด้วยในแฟล็ชไดซ์ แต่ล่ะเพลงเพราะๆ ทั้งนั้นมีทั้งเพลงสนุกและเพลงเศร้า
                   "เพลงเพราะดีนะ ทุกเพลงเลย "ผมเอ่ยขึ้นและมองคนข้างๆ ดูน่าเศร้าๆ นะ
                   "อืมม"อีกคนตอบมา
                   "ไม่อยากมาด้วยขนาดนั้นเลยเหรอ"ผมถามติ๊ก
                   "เปล่านี่ "ติ๊กหันมามองผม และหันกลับไปกดเลือกฟัง ระหว่างที่ผมกำลังขับรถไปที่โรงเรียน ติ๊กก็ไม่ได้นั่งเปล่า หันไปเปิดนั้นดูนี้ในรถผมไปทั่ว ผมก็ขับไปและหันมาเหล่มองไปด้วย ค้นหาอะไรของเขานะ ทำยังกะว่าเป็นแฟนพยายามจับให้ได้ว่ามีกิ๊กหรือเปล่าอย่างนั้นแหละ
                    "รถรกมาก"ติ๊กบ่น เขาบ่นเหมือนแม่ผมไม่มีผิดเลย แม่ผมคือผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด ผมพูดกับแม่ว่า ผมจะรักคนที่ผมรักให้เหมือนผมรักแม่ผม
                    "อะไรที่ไม่ใช้ทิ้งบ้าง จะเก็บไว้ชิงโชคเหรอ รถก็ดูดีนะ ภายนอกอะ" ติ๊กยังคงตั้งตาบ่นผมอยู่และจัดรถให้ผมไปด้วย แต่ผมกลับชอบ เพราะว่ามันทำให้ผมคิดถึงแม่ผม แม่บ่นผมทุกอย่างแต่บ่นเพราะท่านรักผม แล้วคนนี้ละบ่นเพราะอะไรนะ ผมอยากจะรู้
                   "คนขับก็ดูดีนะ ว่าไหม"ผมพูดคนที่จัดรถผมก็หันมาชำเลืองตามอง
                   "นิดหนึ่ง"ติ๊กพูด
                   "นี้รูปใครอะ"ติ๊กถามผมพร้อมกับหยิบรูปถ่ายออกมาจากลิ้นชักด้านหน้า ผมก็ชะเง้อมอง รูปถ่ายผมตอนเด็กๆ ผมถ่ายกับพ่อของผม
                   "รูปเราตอนเด็กๆ ถ่ายกับพ่อ ตอนไปหาพ่อที่ค่ายฯ แหละนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เราได้เข้าไปในนั้น "ผมพูดบอกติ๊ก
                   “แล้วตอนนี้ละ พ่อนายน่ะไปประจำการที่ไหนเหรอ” ติ๊กถามผม ผมหันไปมองหน้าติ๊ก ผมนิ่งไปหลายวินาทีเหมือนกัน
                    “พ่อเราเสียไปแล้ว” ผมตอบติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผมด้วยแววตาที่มันดูว่าเขาก็เห็นใจผม
                    "ตอนเด็กๆ อ้วนวะ แก้มป่องเลยอะ "ติ๊กพูดและมันก็ทำให้มต้องก้มลงดู รูปนั้นอีกครั้ง ตอนรถติดไฟแดงกลิ้นน้ำหอมอ่อนๆ โชยมาแตะจมูกผม ผมเผลอสูดเข้าไปเต็มปอด
                     "ปี้ปๆๆๆ "เวรแล้วไฟเขียว ผมรีบออกตัว ติ๊กมองผมค้าง
                     "น้ำหอมมันหอมน่ะ"ผมพูดเอามือเกาหัวแก้เขิน
                      "ชอบกลิ่นนี้เหรอ "ติ๊กถามผมและดมเสื้อต้วเอง
                      "อืม "ผมตอบในลำคอ
                      "ให้เอาไหม น้ำหอมอ่ะ มีเยอะ"ติ๊กหันมาพูดกับผม
                      "ไม่อะ…กลิ่นมันหอมแบบดูอ่อนหวานเกินไป "ผมพูดและทำให้คนฟัง แอบค้อนผมด้วย
                       "ไม่เห็นมีกลิ่นน้ำหอมเลย ไม่ฉีดบ้างเหรอ"ติ๊กยืนหน้ามาดมกลิ่นน้ำหอมที่ตัวผมขณะที่ผมกำลังขับรถ ผมนี้ตกใจเลย
                      “เว้ยย! ติ๊ก..ทำอะไรนะ?” กลับกลายเป็นผมเองที่เสียหลักคือมันเขินมาก ติ๊กเงยหน้ามองผมแว๊ปหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปจัดของต่อ
                      "ซื้อไม่เป็น"ผมตอบติ๊ก ตอนนี้มาถึงโรงเรียนแล้วแต่รถทุกคันจอดด้านนอกเหมือนปกติทุกครั้ง ผมก็เดินลงมาจากรถ ไอ้ดิวมันส่งสัญญาณว่าเข้าไปก่อน ผมหันมามองติ๊กที่กำลังเก็บขยะในรถผมใส่ถุงและออกมายื่นให้ผม
                       “เก็บไว้ชิงโชคฝาโองเหรอมึง” ติ๊กมันถามผม แต่ผมกลับไม่โกรธนะ ยิ้มให้ด้วย ผมรับถุงขยะมาจากติ๊กเพื่อจะได้เอาไปใส่ถังขยะ ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปด้านใน สายตาผมก็เหลือบไปเห็นไอ้ต้นข้าวที่มากับใครก็ไม่รู้และมีไอ้บลูมาด้วย ผมมองดีดี นั้นมันไอ้กีตาร์นิ ที่มาส่งต้นข้าว ผมจำรถเก๋งมันได้ ไอ้นี่บ้านมันรวย ไอ้กีตาร์ มันมีพี่ชายชื่อซอ มีน้องสาวชื่อเปียโน บ้านนี้มีโรงเรียนสอนดนตรีและมีธุรกิจอื่นๆ อีก ผมกับติ๊กหยุดรอต้นข้าวเพื่อจะได้เข้าไปพร้อมกัน แต่เล่นเดินหน้างอคอหักมาแบบนี้ ผมพยักพเยิดให้ติ๊กมองต้นข้าว ไอ้ต้นข้าวมันเดินลากไอ้บลูออกมาและหันไปส่งนิ้วกลางให้ไอ้กีตาร์ ไอ้นี่มันหล่อและเท่แต่ผมว่ามันออกจะแนวโรคจิตไปหน่อยเหมือนเพื่อนมันไอ้ธงรบ
                        “แม่งทำไมซวยได้ขนาดนี้ว่ะ กู” ไอ้ต้นข้าวมันเดินบ่นงุ้งงิ้งๆ เข้ามาจนถึงพวกผม
                        “เป็นอะไรของมึง” ไอ้ติ๊กมันถาม ไอ้กีตาร์มันออกมายืนโบกไม้โบกมือให้ต้นข้าวอีก ติ๊กก็ชะเง้อคอมองและไอ้ต้นข้าวมันก็หันไปมองพร้อมกับนิ้วกลางให้แบบเต็มๆ ตา แต่ว่าไอ้คนที่ยืนนั้นมันกลับส่งนิ้วเลิฟยูกลับมาให้ไอ้ต้นข้าวแทน พร้อมกับส่งจูบด้วย ไอ้อ้นต้นข้าวหันมามองผมสองคน
                         “มึงดูดิ อะไรจะซวยขนาดนี้ ไอ้โรคจิตนี้แม่ง เป็นลูกของเพื่อนรักพ่อแม่กู” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมสองคนถึงกับพยักหน้าพร้อมกับใช่แล้วซวยได้อีก
                         “พอดีครอบครัวไอ้บ้านี้เขาเพิ่งจะย้ายกลับมาและมันเพิ่งไปทานข้าวบ้านกูมาว่ะเมื่อวานนี้” ไอ้ต้นข้าวพูด
                         “และมันก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้แชมป์อีก ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ที่มันจีบไอ้บลูอ่ะ ซวยซ้ำซวยซ้อน! “ไอ้ต้นข้าวพูดและหันมาเหล่มองไอ้ลูกบลูมันที่ยืนทำท่าสำนึกผิด
                         “แล้ว?” ติ๊กถามมั้นสองคน
                         “มันอยากให้กูไปเรียนโรงเรียนเดียวกับมันว่ะ ดูมันดิ มันพยายามใส่ไฟพวกมึงอีกและพ่อแม่กูก็กำลังจะหลงเชื่อมันอีก รอบที่แล้วดีที่พี่แฮกซ์ไปช่วยพูดให้กูเลยได้กลับมาเรียนแต่รอบนี้เจอไอ้นี่เข้าไปกูว่าพ่อแม่กูคงได้หาที่เรียนใหม่ให้กูแน่ๆ ว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมดูสีหน้ามันแล้ว มันคงเซ็งมาก
                         “โอ๊ยย เซ็งว่ะ!!” ไอ้ต้นข้าวพูด ติ๊กพยักหน้าก่อนจะหันมามองหน้าผม
                         “เอาอย่างนี้กูมีแผนว่ะ” ติ๊กพูดพร้อมกับหันมามองหน้าผมอีกครั้ง มองผมแบบชัดเจนมากกว่าผมถึงกลับชี้หน้าตัวผมเอง ผมนี่น่ะคือแผน ติ๊กพยักหน้า
                         “ให้ไอ้เดี่ยวมันเป็นแฟนมึง” ติ๊กพูด ผมกับต้นข้าวสะบัดหน้ามามองหน้าติ๊กพร้อมกันเลย
                         “ห๊ะ!!” อุทานพร้อมกันด้วย
                         “ไม่ต้องไปหาที่ไหน ไอ้เดี่ยวนี่แหละ” ติ๊กพูด ผมส่ายหัวไปมาทันที ผมว่ามันไม่เวิร์คหรอก ผมเคยเจอไอ้นี่ ไอ้นี่มันโรคจิตและมันก็ฉลาดมาก ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ได้ฉายามือแฮกขั้นเทพหรอก...ไอ้กีตาร์น่ะ
                         “ไอ้นี่มันไม่ใช่คนโง่ติ๊ก มันโคตรฉลาด มันไม่เชื่อหรอก” ผมพูด
                         “ทำไมอ่ะ มึงช่วยเพื่อนแค่นี้ไม่ได้เหรอ ห๊ะ!! “ติ๊กพูด พร้อมกลับยืนเอามือเท้าเอวมองผม สายตานี้ดุเดือดมากแล้วแบบนี้ใครจะกล้าปฏิเสธ ผมเลยต้องพยักหน้าหงึกๆ
                         “มึงทำเป็นว่ามึงเป็นแฟนไอ้ต้นข้าวมันหน่อย” ติ๊กกระซิบบอกผม ผมหันไปมองหน้าติ๊กจะดีเหรอ
                         “ช่วยมันหน่อยดิว่ะ เพื่อนกันหรือเปล่า” ติ๊กพูดผมหันมามองต้นข้าวที่ยืนหน้าบึ้งเอาว่ะ
                         “ให้ทำไงอ่ะ” ผมถามติ๊กกลับ
                         “ถือกระเป๋าให้กันและเดินจับมือ” ติ๊กกระซิบข้างหูผม ผมหันมามองเอาขนาดนี้เลยเหรอ
                          “เร็วดิ” ติ๊กมันพูดเชิงบังคับผม ผมสั่นหัวเล็กน้อยก้อนจะแบมือขอกระเป๋าไอ้ต้นข้าว ไอ้ต้นข้าวมันก็ทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามใส่ผมทันที “?” ทำหน้างงและมองมือผมที่แบอยู่ตรงหน้ามัน
                          “อะไรของมึงอ่ะไอ้เดี่ยว” ไอ้ต้นข้าวมันถามผม ผมหันมามองไอ้ผู้กำกับ นักแสดงมันไม่รับบท
                         “ไอ้ต้นข้าว! ให้ไอ้เดี่ยวมันถือกระเป๋าให้มึงและทำเหมือนมึงกับมันเป็นแฟนกันไง "ติ๊กบอกต้นข้าว
                          "ทำไมว่ะ"ต้นข้าวมันถามติ๊กกลับ "แกล้งเป็นแฟนกันเพื่อไอ้โรคจิตนั้นมันรู้ว่ามึงมีแฟนเดี๋ยวมันก็เลิกตามมึงเอง” ติ๊กพูด ไอ้ต้นข้าวหันไปมองไอ้โรคจิตนั้นก่อนจะส่งกระเป๋ามาให้ผม
                         “ปึก” มันวางได้แมนมาก จนผมนี่แทบจะหน้าทิ่มตามแรงกดมันทันที
                          “วางเบาๆ ก็ได้ไอ้ข้าว” ผมบ่นอุบทันทีและก็เอามาถือให้ก่อนจะหันไปมองติ๊ก
                          “จับมือ” ติ๊กพูดผมก็มองหา
                          “ไหนละมือ” ผมถาม
                        “นี้ไงหรือมึงคิดว่านี่ขาหน้ากูล่ะ ไอ้เดี่ยว!” ต้นข้าวยื่นมาให้ผม ผมก็ต้องกุมมือแบบเกๆ กังๆ มันไม่ใช่คนที่ผมอยากกุมมือนี้ครับ
                          “แนบชิดหน่อยดิมึง” ติ๊กมันดันให้ต้นข้าวเข้ามาใกล้ชิดผมอีกและติ๊กมันก็เดินอยู่กับบลู มันยักคิ้วหลิ่วตากันสองคน ผมก็เดินผ่านนักเรียนที่หันมามองผมกันใหญ่เลย
                          “แฟนพี่ต้นข้าวคือพี่เดี่ยวเหรอวะ” แต่ละคนพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจจนกระทั่งผมมาเจอไอ้เด็กที่มันพาบลูไปกับมัน แน่นอนมันหันมามองผมกับต้นข้าวพร้อมทั้งยังแอบถ่ายรูปผมกับไอ้ต้นข้าว คงส่งไปให้ไอ้โรคจิตนั้นดูแน่ๆ พวกผมเดินมาถึงก็เห็นพวกไอ้ดิวมันยืนอยู่ มันเข้าห้องอาหารไม่ได้และผมก็ทำท่าจะปล่อยมือไอ้ต้นข้าว
                           “อย่าเพิ่งปล่อยมือไอ้ข้าวดิว่ะไอ้เดี่ยว!” ติ๊กบอกกับผม
                          “เพื่อว่าไอ้แชมป์มันอยู่แถวนี้ ผมหันมามองติ๊ก ตัวต้นคิด ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ไม่เห็นมันแล้วเนี่ย
                          “ห้องอาหารปิดว่ะ น่าจะเป็นเพราะว่าตีกันเมื่อวานอ่ะ" ไอ้ดิวมันพูดก่อนจะหันมามองผมที่เหมือนเบ้ไอ้ต้นข้าวเลยแถมยังจับมือกันอีก ไอ้ดิวมันมองหน้าผมและมองมือผมที่กุมมือไอ้ต้นข้าวเอาไว้ ส่วนไอ้คนที่ผมกุมมือมันก็เดินมองไปรอบๆ ไม่ได้ทำหน้าฟินเหมือนคนเป็นแฟนกันสักนิด
                          “มึงจูงไอ้ต้นข้าวทำไมว่ะ กลัวมันหลงเหรอ” ไอ้ดิวมันถามผม ผมก็ก้มลงมองมือตัวเองที่กุมมือมันเอาไว้
                           “กูให้มันแสดงเป็นแฟนไอ้ต้นข้าว” ติ๊กเป็นคนพูด
                            “ฉิบหายแล้ว!” ไอ้ดิวมันสบถออกมาไอ้ต้นข้าวมันสะบัดหน้ามามองไอ้ดิวทันที
                           “นี้ชมเหรอ” ไอ้ต้นข้าวถามไอ้ดิว
                           “ไอ้ต้นข้าวมันบอกว่าไอ้โรคจิตที่พยายามแจกขนมจีบมันเมื่อวานน่ะ ไปกินข้าวที่บ้านมันและพยายามจะเกลี้ยกล่อมให้พ่อแม่ต้นข้าวมันย้ายต้นข้าวไปเรียนที่อื่นและไอ้โรคจิตนี้มันก็ชอบต้นข้าว กูเลยให้ไอ้เดี่ยวแสดงเป็นแฟนมัน” ติ๊กพูดและผมก็หันไปเจอพายที่เดินมากับแอ้
                             “เดี่ยวจร๊า” พายเดินตรงดิ่งมาหาผมก่อนเบรกสุดตัวจนหัวแทบทิ่ม
                             “เดี่ยว!! ทำแบบนี้ได้ยังไง นอกใจพายเหรอ” พายพูด
                             “หลักฐานเห็นๆ เลย ทำแบบนี้กับพายได้ยังไง ฮึก ฮึก ฮึก” พายแสดงได้เหมือนคนอกหักเลยจริงๆ ทำเอาคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหยุดมองผม พายเองก็เดินมานั่งกระหนาบข้างกับผมทันที ตอนนี้ผมคือคนกลางที่หนักใจมาก
                              “สงสัยต้องเพลงนี้แล้วแหละ” พายหันมามองไอ้ต้นข้าวก่อนจะหยิบเอาปากกาออกมาแทนไมโครโฟน
                              “เธอ หรือเธอบ่ฮู้จัก ว่าเขาคือคนฮัก ของเฮา มาแต่ดน เธอ คือจั่งหน้าด้าน หน้าทน แอบแชท แอบคอล ขอเบิ่งอีหยังกัน” เพลงขึ้นมาทันที ต้นข้าวสะบัดหน้าไปมองพาย ก่อนจะงัดเอาปากกาขึ้นมาบ้าง ไมโครโครโฟนเหมือนกัน อย่าบอกนะว่าจะแบทเทิลกันน่ะ ถามผมสักนิดเถอะ!!
                              “ตบมือข้างเดียวสิดังติ้ ถ้าแฟนเธอบ่มีใจ ถ้าฉันเล่น เขาปฏิเสธไป กะจบส่ำนั้น แต่นี่เขาบอกว่าเขา โสด อยู่ในโหมดแฟนตาย ไปหลายวัน แล้วเธอ สิให้ฉัน เฮ็ดจั่งได๋” ผมถึงกลับกุมขมับตัวเอง ต้นข้าวยืดอกยื่นล้ำมาขนาดนี้ และมีเหรอที่น้องพายจะยอมน้อยหน้า ยืดมายืดใส่ไม่โกง และสองคนหันมาประชันกัน ผมคนกลางที่ยืนตัวลีบ
                               “แต่ถ้าเธอฮู้แล้ว เธอสิเลิกอยู่เบาะ” น้องพายถามต้นข้าวกลับ
                               “บ่ เฮาเลิกบ่ได้ กะคนมีฮักหมดใจไปแล้ว) )) )” ต้นข้าวมันก็ร้องพร้อมกับทำมือด้วย การแบทเทิลกัน แถมยังทำฟุตฟิตใส่กันเอง กลิ่นปากตัวเองละซิ ผมเงยหน้าขึ้นมองทั้งคู่ ก่อนจะมองทุกคน ไม่มีใครจะช่วยห้ามศึกหน่อยเหรอ แต่ล่ะคนส่ายหัวพร้อมกับโบ้ยปากให้ผมนี่แหละเป็นกรรมการ
                                “พอ!!!” ผมต้องเป็นคนห้ามทับเองว่าให้พอเถอะ
                                “พอเถอะครับ!! ฉายาที่ใครก็ว่าโหด พังหมดแล้ว น่ะ ทั้งคู่เลย” ผมพูดก่อนจะมองทั้งสองคนพยักหน้าด้วยข้อร้องเลย ฉายาที่เขาล่ำลือกันของเดี่ยว และทั้งสองคนก็ยอมหยุดและสะบัดบ๊อบใส่กันก่อนจะถอยออกมาและพากันควงแขนผมซ้ายขวา ผมหันไปมองซ้ายทีขวาที ยังจะถอยกลับมาทีเดิมอีกเหรอ
                                 “อินเนอร์มาเต็มๆ ไอ้เดี่ยว เมียหลวงและเมียน้อยมึง” ไอ้ดิวมันพูด

                                    ผมหันไปมองรอบๆ เด็กๆ ห้องอื่นก็ยืนดูสองคนนี้แบทเทิลเพลงรักควรมีสองคนผมหันมามองไอ้ดิวขยิบตาว่าให้ทำอะไรสักอย่างดิและทั้งสองคนก็จับแขนผมไว้แน่นเลยไม่ยอมปล่อย ผมหันมามองไอ้ดิวอีกทีแต่ว่ามันก็ยักไหล่กลับมาว่าไม่สามารถ ผมหันมามองหาไอ้ผู้กำกับว่าให้มันสั่งคัตให้ผมที แต่ว่าหาไม่เจอ ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว ผมก็ไม่เห็นแอ้ ดังนันผมน่าจะเดาได้ว่าไปกับแอ้ ผมก็เลยค่อยๆ แกะมือต้นข้าวให้มันไปจับมือพายแทน ส่วนผมก็รีบถอนตัวเองออกไป ไอ้ดิวมันยืนรอผมอยู่แล้ว ดังนั้นผมก็รีบเดินออกไปไอ้ดิวทันที ผมขออนุญาตทิ้งเลยครับทั้งคู่ ไอ้ดิวมันหันมามองผม มันกลั้นหัวเราะผมด้วย
                              “เป็นไงล่ะ เขาให้ทำอะไรก็ทำ ยังไม่ทันได้เป็นแฟนเขาเลย มึยอมเขาขนาดนี้แล้ว “ไอ้ดิวพูด ผมถึงกลับเกาหัวแกร็กๆ คันที เพราะว่ามันตรงมาก ผมเองไม่เคยยอมใคร มีคนเดียวจริงๆ
                               “กูว่า…ไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่าว่ะ ที่สหกรณ์น่ะ พอจะมีขนมนิดๆ หน่อยแก้หิวว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดและ
                         
                            ผมก็เดินแทรกตัวเข้าไปในสหกรณ์ของโรงเรียน ปกติจะมีแค่พวกสมุดปากกาแต่ว่าวันนี้มีพวกแซนด์วิชด้วย ครูคงรู้ว่าห้องอาหารอยู่ในสภาพที่เละมากแม่ค้าคงทำอะไรขายกันไม่ได้วันนี้ ผมกับไอ้ดิวก็หาซื้ออะไรทานกันจนออกมาก็เจอต้นข้าวกับพายที่ยังฟาดฟันกันไม่เลิกจนสัญญาณเข้าแถวดังนั่นแหละ ระหว่างที่ผมเดินผ่านคนอื่นๆ ไปเข้าแถวพายและต้นข้าวก็เข้ามาแย่งจะควงแขนผม
                          “ไอ้เดี่ยว ไอ้แชมป์มันยืนมองมึงใหญ่เลยว่ะ กูว่ามันต้องรายงานไอ้กีตาร์แน่ๆ เลยว่ามึงกับไอ้ต้นข้าวเป็นแฟนกันของจริง” ติ๊กเดินมากระซิบกับผม ผมก็มองสองคนที่ยื้อแย่งผมอยู่นี้
                          “ดูท่างานนี้มึงคงได้โชคสองชั้น ได้กินทั้งยอดข้าวและขนมพายไปพร้อมๆ กัน” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันมามองพวกไอ้แจ็คที่เดินตามมาเข้าแถว มันก็มองผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ
                           “มึงพ่นยาเสน่ห์ใส่ไอ้ต้นข้าวมันเหรอวะ” ไอ้แจ็คมันถามผม ผมอยากจะส่งนิ้วกลางก็ส่งไม่ได้ติดสองคนนี้ มีคนแอบขำผมอยู่ บอยและธรรณ์
                           “นักเรียนเข้าแถวค่ะ จะมายื้อแย่งอะไรกันนี่มันเวลาเข้าแถวหรือจะให้ครูพาเธอสามคนออกไปยืนเข้าแถวพิเศษด้านโน้น ไปแย่งกันตรงโน้นเลยดีไหมคะ!” คุณครูเดินมาแยกผมสามคนพอดี ผมแทบจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณจริงๆ และทั้งสองคนก็ถูกส่งไปเข้าแถวที่ด้านหน้าแทนให้ห่างจากผมสักพัก

                            ผมหันมามองติ๊กที่ชะเง้อมองหาว่าไอ้แชมป์มันจะมองผมอยู่ไหม ผมแอบสั่นหัวไปมา ทำไมผมรู้สึกน้อยใจแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ น้อยใจที่เขาพยายามให้ผมจีบคนอื่นอยู่นั่นแหละแต่เขาแสดงสีหน้าไม่พอใจถ้าเป็นปู จะว่าไปผมก็หันไปมองหาปูเหมือนกันแต่ว่าไม่เจอหรือว่าช่วยแม่ของป๊อดอยู่ ก็ไม่น่าจะใช้น่ะเพราะว่าวันนี้ห้องอาหารปิด ตอนบ่ายเดินไปหาที่ห้องดีกว่าผมแอบยิ้มกริ่มก่อนจะหันมาเจอคนที่ยืนมองผม เขาคงเดาสายตาของผมได้ว่าผมมองหาใครอยู่ ติ๊กหันหน้าไปมองทางอื่นทันที ผมยืนจนกิจกรรมหน้าเสาธงจบลง และพากันแยกย้ายขึ้นห้องเรียน ผมเดินแถวออกมาจนเจอเพื่อนของปูยืนอยู่
                             “เธอ ปูล่ะ” ผมถามผู้หญิงในกลุ่ม เธอหันมามองหน้าผมก่อนจะส่งยิ้มให้ผม
                             “ปูเหรอ เขาขอครูที่ปรึกษาเข้าสายน่ะเห็นบอกว่าต้องป้อนข้าวและป้อนยาแม่ก่อนน่ะเดี่ยว” เพื่อนของปูบอกผม ผมพยักหน้า ผมหันมาเห็นติ๊กเดินมาหยุดมองและเดินแทรกขึ้นไปทันที
                              “เราไปก่อนน่ะ ปูคงใกล้จะถึงแล้วแหละ” เพื่อนๆ ของปูคงรู้ว่าติ๊กไม่พอใจเลยพากันแยกตัวออกไป ผมหันไปมองคนที่เดินขึ้นไป ผมก็รีบเดินตามไปติดๆ
                              “หมับ” ก่อนจะรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ ผมมองหน้าติ๊ก
                              “มีอะไรจะขึ้นห้อง” ติ๊กพูดโดยไม่มองหน้าผม
                              “ทำไมต้องแสดงอาการไม่พอใจทุกทีที่เดี่ยวถามหาปูด้วยล่ะ” ผมถามติ๊ก ติ๊กมองหน้าผม
                              “กูเหรอแสดงความไม่พอใจ คิดเองหรือเปล่า” ติ๊กพูดและทำท่าจะสะบัดมือผมให้ปล่อยแขนเขา
                               “หึงเหรอ” ผมถามติ๊ก ติ๊กมองหน้าผม
                               “หึงก็บอกดิ ถ้าไม่อยากให้ไปจีบคนอื่นก็บอกดิ แค่บอกมา จะเอายังไง” ผมบอกติ๊ก ติ๊กมองหน้าผมนิ่งๆ
                               “ใช่กูไม่อยากให้มึงจีบปู แต่กูอยากให้มึงจีบไอ้ต้นข้าว มันเหมาะกับมึงมากกว่า นี้ไงเหตุผล” ติ๊กพูด ประโยคนี้ทำให้ผมต้องปล่อยแขนติ๊กทันที จังหวะนั้นต้นข้าวเดินขึ้นมาพร้อมกับแอ้พอดี ส่วนพายน่ะเดินถ่ายทำวิดิโอเพื่อไปลงติ๊กต๊อกกับบลู ทุกคนหยุดมองผมกับติ๊กสลับกันไปมา
                               “นี้ไงที่มึงอยากให้กูบอก กูก็บอกแล้วไงเดียว ทำได้ป่ะล่ะ” ติ๊กพูดก่อนจะเดินขึ้นไปทันที แอ้มองหน้าผมก่อนจะเดินแทรกตัวขึ้นไปหาติ๊กก่อน ต้นข้าวก็เลิกคิ้วมองผมอีกคน
                              “เพราะกูหรือเปล่าว่ะ ถ้าใช่กูขอโทษว่ะเดี่ยว” ต้นข้าวพูด ผมสั่นหัวว่าไม่ใช่มันหรอก
                               “ไอ้คนที่มึงก็รู้ว่ามันปากแข็งอ่ะดิ” พายพูด
                                “ไปขึ้นห้องเถอะเดี่ยว” ดิวมันเดินตามมาผมไม่รู้ว่ามันได้ยินอะไรไหมแต่ว่ามันโอบไหล่ผมและพากันเดินขึ้นห้องไปเลย ผมนั่งเรียนตามปกติ พวกภาคินมันก็อยู่ในห้องเรียนรอพวกผมแล้วแต่ว่ามันดูเป็นมิตรมากกว่าทุกวัน จะว่าไปแค่ช่วยเด็กนั้นพวกมันถึงกับเปลี่ยนความคิดด้านลบกับพวกนี้ได้มากขนาดนี้เลยเหรอ ผมล่ะเชื่อเลยว่าพวกนี้มันมีดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ
                         TBC...

หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้องๆ)EP.5ุ8 ภารกิจต่อไปของพวกผม(ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 14-03-2024 11:40:41
EP.58 ภารกิจต่อไปของพวกผม(ครึ่งแรก)

                 Part’ s แจ็ค หลังจากที่พวกผมเสี่ยงตายเข้าไปช่วยน้องชายไอ้ภาคินออกมาจากดงฝ่าเท้าได้และพวกนั้นก็โดนจับส่งไปอบรมแก้ไขพฤติกรรมชอบยกพวกตีกัน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปชั่วข้ามคืน พวกผมมีแต่คนยกมือไว้ทักทายจากรุ่นน้องของโรงเรียน ผมเหมือนเป็นฮีโร่พวกเขาเลย ผมทำให้พวกผมเริ่มใจชื้นขึ้นมาแสดงว่าภาระกิจของพวกผมคงใกล้แล้วซิน่ะ ใกล้ความจริงแล้ว
              “พวกเราขึ้นห้องกันเลยน่ะ แจ็ค” บอยหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ผมเห็นดิวมันรอไอ้เดี่ยว ไอ้หลุยส์พยักพเยิดไปที่ติ๊ก
              “กูว่า มันกำลังยิงกระสุนนัดเดียวแต่ได้นกสองตัวอยู่ว่ะ” ไอ้หลุยส์พูด ผมหันไปมองไอ้หลุยส์ เลยปล่อยให้บอยกับธรรณ์เดินคุยกันไปก่อน ผมยังไม่เก็ตที่ไอ้หลุยส์มันพูดเท่าไหร่
          “อะไรของมึงว่ะ” ผมถามไอ้หลุยส์ทันที
              “กูว่าไอ้ติ๊กมันมีแผนซ้อนอยู่ด้วย เหมือนมันจะกำลังกันไอ้เดี่ยวจากปูอยู่ว่ะ” ไอ้หลุยส์พูด ผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์
             “เรื่องไอ้เดี่ยวกับปู เด็กๆ มันเริ่มรู้แล้ว มันก็คุยกันบ้างแล้ว ว่าเดียวจีบปู แต่คนปล่อยข่าวกูไม่แน่ใจว่าใช่ไอ้ป๊อดหรือเปล่าน่ะ” ไอ้หลุยส์มันบอกผม ผมพยักหน้า คิดไม่ถึงเลยเนี๊ยะ
             “และเรื่องไอ้ต้นข้าวเป็นแฟนไอ้เดี่ยว ถึงจะแฟนกำมะลอก็เถอะ คนพูดกันเยอะอีก ต้องเข้าหูปูบ้างแหละ” ไอ้หลุยส์พูด ผมสั่นหัวเลย ไอ้นี่ มันแผนชั่วชัดๆ
            “มันหึงแต่มันไม่ยอมลดอีโก้ “ผมพูด ผมรู้จักไอ้ติ๊กดี ระหว่างที่ผมเดินผ่านนักเรียน วันนี้มีแต่คนยิ้มให้พวกผม ตอนนี้พวกผมก็กลายเป็นฮีโรของนักเรียนหลายๆ คนไปด้วยเหมือนกัน
ผมเดินเข้าไปในห้องตามมาด้วยพวกภาคิน ที่เดินคุยกันสนุกสนาน ผมหยุดมองพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ ใช่ครับผมกำลังมองหน้าไอ้หัวหน้าห้อง ผมยังไม่ได้ขอบคุณเลยที่เข้าไปช่วยผม
            “มองหาใครเหรอแจ็ค” บอยถามผม
            “มองหาไอ้หัวหน้าห้องไง บอย” ผมตอบ บอยเลิกคิ้วมองผมทันที
            “ก็ที่เข้าไปช่วยเราสองคนเอาไว้ไง” ผมพูด บอยพยักหน้าก่อนจะพากันเดินเข้าไปในห้อง เข้าไปหาที่นั่ง ไอ้ติ๊กมันเดินหน้างอคอหักเข้ามาก่อน เข้ามาถึงก็มานั่งทันที ตามมาด้วยไอ้เดี่ยวที่ ดูท่าจะงอนกันชัดๆ เลย ผมมองคนที่เดินตามมาอีก นั้นคือพาย ต้นข้าวและบลู

              ผมหันไปมองทั้งสามคน แต่ล่ะคนก็หยักไหล่และพยักหน้าไปที่ไอ้เดี่ยวพร้อมกัน นั้นแปลว่าคนที่เป็นต้นเหตุให้ติ๊กมันหน้างอคือไอ้เดี่ยว ผมเห็นไอ้เดี่ยวมันนั่งลงแบบกล้าๆ กลัวๆ ข้างๆ ไอ้ติ๊กอีก ใช่ครับเวลาไอ้ติ๊กมันโมโห น่ากลัวว่าหมาอีกน่ะผมว่า บอยหันมาพยักหน้ากับผม ให้หันมาเตรียมตัวได้แล้ว ไม่รู้ว่าวันนี้ครูพัฒน์จะเข้ามาหรือเปล่า
              “ถ้าพ่อรู้ว่าแจ็ค เริ่มทำให้ทุกอย่างดีขึ้นแบบนี้ พ่อณะ ต้องดีใจแน่ๆ” บอยพูด ผมหันมามองบอย
              “แล้วบอยล่ะ” ผมถามบอย
              “ดีใจซิเพราะว่ามันแสดงให้บอยเห็นว่า แจ็คโตและมีความรับผิดชอบในหน้าที่ สิ่งที่แจ็คได้รับ ได้แล้ว” บอยพูด ผมหันมายิ้มกับบอย
               “เฮ้ย!!วันนี้เลิกเรียนเร็วว่ะ ไปเตะบอลกันไหมวะ” จู่ๆ ไอ้โซ่มันก็ลุกขึ้นถามทุกคน
                “พวกมึงเตะบอลกันด้วยเหรอวะ” ไอ้ดิวมันลุกขึ้นถามไอ้โซ่ทันทีที่ได้ยินคำว่าเตะบอล ไอ้ดิวมันชอบเล่นฟุตบอล มันเก่งขนาดที่ว่าเกือบได้ติดทีมชาติแต่ว่ามันเป็นคนที่ไม่ชอบอดทนใครมาว่าพ่อกับพี่ๆ มันไม่ได้ เลยมีเรื่องจนมันไม่ได้ไปต่อแต่มาแบบนี้ มันก็คงคิดถึงทีมของมันบ้างแหละ
                “ชอบดิ แต่ไม่เคยเตะแบบจริงๆ จังๆ ว่ะ” ไอ้โซ่พูดหันมาบอกไอ้ดิว
                “ไอ้มาร์คนะมันเล่นเก่งว่ะ “เพื่อนอีกคนในห้องพูดขึ้น
                “ไอ้ว่านเห็นมันผอมบางมันเล่นบอลพิ้วนะโว้ย!” ไอ้มาร์คมันพูด ว่านหันมา
                “งั้นไปด้วยดิว่ะ กูอยากเล่นว่ะ กูชอบเล่นฟุตบอลว่ะ” ไอ้ดิวมันรีบทันที ผมเห็นว่าไอ้ดิวมันเข้ากับพวกนี้ได้เร็วมาก ดูมันคุยเล่นกันสนุกสนาน เหมือนรู้จักกันมานาน ผมหันไปมองไอ้เดี่ยว มันง้อไอ้ติ๊กสำเร็จแล้ว นั่งหัวติดกันทันที ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
                “กูถามหน่อยดิ วันก่อนใครทำการบ้านให้กูว่ะ ลายมือโคตรสวยเลยว่ะ ไอ้ว่าน” จู่ๆ ไอ้มาร์คมันก็ถามขึ้น พวกผมหันไปมองไอ้ติ๊กที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับหน้าจอของมัน
                “ทำไมวะ” ไอ้โซ่มันถาม
                “ลายมือสวยโคตรเลย มึงไปให้สาวที่ไหนทำการบ้านให้กูว่ะว่าน” ไอ้มาร์คมันคิดว่าสาวทำการบ้านให้ ไอ้คนที่ทำให้มันเงยหน้าขั้นมามอง ผมพยักพเยิดไปทางไอ้มาร์ค
                “มันถามว่าใครทำการบ้านให้มัน มึงไม่ใช่เหรอ” ผมถามไอ้ติ๊ก ไอ้ติ๊กมันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะ
               “กูนี่แหละทำให้เอง! “ไอ้ติ๊กมันลุกขึ้นยืนเอามือเท้าเอวและพอไอ้มาร์คมันได้ยินมันก็สะบัดหน้ามามองไอ้ติ๊กและก้มลงมองสมุดเน่าๆ ของมันอีกที และหันมามองไอ้ติ๊กอีกครั้ง
               “ฉิบหาย! กูนี้เอาไปนั่งฝันนอนฝัน อยากเห็นหน้าเหลือเกิน อยากได้ทำเมียด้วยกู” ไอ้มาร์คพูด
               “ฮาๆ” พวกเพื่อนๆ ไอ้มาร์คพากันขำทันที
               “ไอ้เชี้ย สมุดมึงนะเน่ามาก มึงไปซื้อสมุดใหม่ได้แล้ว มีไหมเงินนะ ถ้าไม่มีกูนี่จะจ่ายให้เอง ไอ้ซกมกเอ๊ย!!” ไอ้ติ๊กมันพูดเชิงด่าไอ้มาร์ค
               “อยากได้มันเป็นเมียเหรอว่ะ “ผมตะโกนไปถามไอ้มาร์ค
               “ไม่เอาอ่ะ ดุฉิบหาย ได้มานี้กูว่าได้แม่มาเพิ่มอีกคนไม่ใช่ได้แค่เมียวะ” ไอ้มาร์คมันพูดและติ๊กก็หันไปหยิบกระดาษมาปั้นเป็นก้อนๆ ก่อนจะปาไปที่ไอ้มาร์ค โดนหัวมันเต็ม
               “ชั่วโมงนี้ วิชาอะไรวะ” ไอ้ต้นข้าวมันถามขึ้น
               “สังคมว่ะ” ไอ้บลูมันตอบ
               “เหมือนเดิม นั่งเล่นโทรศัพท์เหมือนเดิม ไง” พายพูด ผมหันมามองบอย เปิดก็หยิบเอาหนังสือที่ใช้ในการเรียนปริญญาออกมาอ่านแทน เนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ถามว่าผมเก่งภาษาอังกฤษไหม ผมเก่งครับเพราะว่าพ่อผมกับพี่จะพูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษซะส่วนใหญ่
                “มาแล้วครับ” ไอ้หัวหน้าห้องมันเดินเข้ามาในห้อง ทุกคนหันไปมองตามเสียงพร้อมกันหมดและไอ้หัวหน้าห้องก็พาตัวเองเดินเข้ามาในห้องอย่างสง่าผ่าเผย
                “เดี๋ยวๆ” ไอ้โซ่มันลุกขึ้นยืนและเรียกไอ้แว่นเอาไว้ ขณะที่มันกำลังเดินผ่าน ไอ้แว่นมันหันไปมองคนที่เรียก มันหาได้เกรงกลัวไอ้โซ่ไม่
                “กูถามจริงเหอะว่ะ มึงเป็นหัวหน้าห้องตอนไหนวะ พวกกูยังไม่รู้เรื่องเลยมึง” ไอ้โซ่มันถามนี่มันยังไม่รู้เหรอว่ามันเป็นตอนไหน
                “ตอนที่พวกคุณไม่มากันนะครับ” ไอ้แว่นมันตอบได้อย่างสุภาพมากและไอ้แว่นมันก็เดินมานั่งโต๊ะประจำของมัน

                   ตอนนี้บรรยากาศในห้องเรียนพวกผมดูคึกคักขึ้นเยอะเลย จากที่ต้องนั่งเก็งกัน มีหยอกเล่นกันผมชอบบรรยากาศแบบนี้มาก ผมยอมรับนะว่าผมไปเรียนมัธยมปลายที่เมืองนอก มันแตกต่างแต่ถามถึงความอบอุ่นแล้วผมชอบแบบนี้มากกว่า บอยก็คงเช่นกัน แต่บอยนะเรียนโฮมสกูลอยู่พักหนึ่งบอยบอกผมแต่บอยก็ไม่ได้บอกเหตุผลกับผมนะว่าทำไม ส่วนไอ้หลุยส์มันก็เรียนแต่โฮมสกุลเช่นกันตั้งแต่พ่อแม่โดนสังหาร
                 “สวัสดีครับ นักเรียน” จู่ๆ ก็มีเสียงคนเดินสับเท้าเข้ามายืนที่หน้าห้องเรียนของพวผมและทักทายพวกผม แต่พอพวกผมเงยหน้าขึ้นมอง ก็ต้องตกใจ
                “พี่ตุ๊!!!” พวกผมร้องเรียกพี่ตุ๊กันหมด พี่ตุ๊หันขวับมามองพวกผม เลิกคิ้วสูง ส่วนไอ้ติ๊กน่ะมัวแต่ กดโหลดเพลงกับไอ้เดี่ยว พอไอ้เดี่ยวมันง้อเข้าหน่อย ดีกันหันมาหัวชนกันเหมือนเดิม

                 ผมก็หันไปและสะกิดทั้งคู่โดยเฉพาะไอ้ติ๊ก แต่มันสะบัดแขนออก ยังอีกยังก้มหน้าก้มตาอีก พวกไอ้ภาคินมันก็ตกใจทำไมพวกผมถึงได้หันมานั่งเรียบร้อยกันหมด พี่ตุ๊หันไปมองพวกภาคิน พวกมันก็คงเริ่มรับรู้รัศมิอัลฟ่าลอยมาแต่ไกล มันพากันนั่งที่กันหมดพี่ตุ๊พยักหน้าให้ พี่ตุ๊หันมามองไอ้คู่ (รัก) ไม่รู้ตัวเลยคนรอบข้างเขารู้กันหมดแล้ว ทั้งคู่ยังคงก้มหน้าก้มตาช่วยกันกดมือถือ มันสวมแอร์พอร์ตอยู่เพื่อฟังเพลง พี่ตุ๊ก็เดินมาที่โต๊ะพวกผ และมาที่ตรงไอ้ติ๊กมัน ผมคงต้องปล่อยให้เป็นชะตากรรมของมันสองคนแล้วแหละทีนี้ พี่ตุ๊พยักหน้าให้ผมว่าพี่ตุ๊จะจัดการเอง
               “ทำอะไรกัน” พี่ตุ๊ถาม
               “โหลดเพลงไง กูว่าง” ไอ้ติ๊กมันตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคนถามสักนิด พวกผมนี่ปาดเหงื่อแทนทันที แต่ว่าไอ้เดี่ยวมันเงยหน้าขึ้นมาก่อน มันก็ต้องอึ้งไปกับพวกผมที่นั่งกันเรียบร้อยจนเรียกว่าแทบจะพับเพียบเลยก็ว่าได้ ไอ้ดิวมันชี้พี่ตุ๊และชี้มาที่ไอ้ติ๊ก พร้อมกับแอบทำนิ้วเฉือนคอให้ไอ้เดี่ยวมันดู มันตายแน่งานนี้
              “หงึกๆ” ไอ้เดี่ยวมันสะกิดเรียกติ๊กทันที
              “ก็นี้ไงกูโหลดอยู่ไอ้เดี่ยว ก็ชั่วโมงนี้เขาให้ใช้มือถือประกอบในการเรียนโซเชียลมีเดีย “ไอ้ติ๊กมันเงยหน้าขึ้นมองไอ้เดี่ยวพวกผมหันหลังกลับกันหมด นั้นแปลว่าเรื่องของมึงแล้วติ๊กเอ๊ย
              “อะไร” ไอ้ติ๊กเสียงไอ้ติ๊กแต่พวกผมยังไม่กล้าหันไปมองมัน
               “เฮ้ย!!!!” เสียงร้องออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจของมันทั้งคู่
               “ครื้น!!” เสียงเก้าอี้ผมว่ามันกำลังจะออกวิ่ง
               “จะไปไหน!” พี่ตุ๊ถามไอ้ติ๊ก
               “มาได้ยังไงอ่ะ” ไอ้ติ๊กมันถามพี่ตุ๊
               “กลับมานั่งที่เดี๋ยวนี้!” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับชี้นิ้วลงที่นั่งของมัน
               “และเก็บมือถือใส่กระเป๋าซะ ปิดเครื่องเลยจะดีมาก นี้เวลาเรียนไม่ใช่เวลาเล่นมือถือ” พี่ตุ๊พูด ไอ้ติ๊กมันถึงได้กลับมานั่งที่แบบกล้าๆ กลัวๆ
               “มือถือไม่ใช่หนึ่งในอุปกรณ์การเรียนของพวกเราทุกคน หนังสือ ปากกา ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัดอะไรพวกนี้ต่างหาก ที่ควรจะวางไว้เตรียมความพร้อม ทันทีที่ครูของพวกคุณเข้ามาสอน” ครูตุ๊พูดและพวกผมก็หยิบมือถือยัดลงกระเป๋ากันหมด
              “ยุกนี้ยุคไอที   ผมเข้าใจแต่แบ่งเวลาด้วย ไม่ใช่ถือตลอดเวลา ทำเป็นสังคมก้มหน้า ไม่ยิ้มไม่สบตาคนรอบข้าง” พี่ตุ๊พูดก่อนกวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่มีใครมีมือถืออยู่บนโต๊ะแล้ว
              “พี่กูมาไงว่ะ” ไอ้ติ๊กมันหันมาถามพวกผม แล้วพวกผมควรจะถามใครละครับ
              “อะแฮม” เสียงกระแอมของพี่ตุ๊
              “หัวหน้าห้อง..เชิญครับ” พี่ตุ๊เรียกไอ้แว่น
             “นักเรียนทำความเคารพ” หัวหน้าห้องพูด
             “สวัสดีครับคุณครู “พวกผมทักทายพี่ตุ๊กัน แปลกใจใช่ไหมครับว่าทำไมไม่มีนักเรียนหญิงเลย เพราะว่าห้องนี้เป็นห้องที่ตกซ้ำชั้นกันยกห้องไง พวกภาคินโดนพักการเรียนยกห้อง และด้วยไม่มีใครอยากมาเสี่ยงด้วยเลยไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากมาเรียนห้องนี้กัน ห้องนี้เลยกลายเป็นห้องเรียนชายล้วน
               “ นั่งลงได้ครับ” พี่ตุ๊บอกพวกผม พี่ตุ๊หันไปนั่งที่ขอบโต๊ะก่อนจะหันไปมองรอบๆ ห้องตอนนี้เงียบมากจนเหมือนไม่มีใครอยู่ในห้อง แม้แต่เสียงลมหายใจยังเงียบเลย
                “สวัสดีครับ นักเรียนทุกคน ผมเป็นครูสอนวิชาสังคมคนใหม่และ เป็นครูที่ปรึกษาคนใหม่ห้องนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ต้องทำหน้าดีใจกันขนาดนั้น” พวกผมหันมามองหน้ากันทันทีแต่ไอ้ติ๊กมันทำท่าจะร้องไห้ แน่นอนไอ้เดี่ยวมันทำหน้างงและชี้ไปที่ไอ้ติ๊ก
                “ดีใจจนพูดไม่ออกเลยเหรอ” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบห้องและมาหยุดที่พวกผม
                 “ดีใจมากกกก” พวกผมพร้อมใจกันมากเช่นกัน เรียกว่าดีใจน้ำตาไหลเลยจะดีกว่า ตอนนี่พวกผมคงได้นั่งเกร็งกันหมด และยิ่งกว่าก่อนจะได้พวกภาคินมาเป็นเพื่อนซะอีกครับ พี่ตุ๊สายโหดแบบนิ่งๆ พวกพี่ๆ ผมไม่กล้ายุ่งแล้วพวกผมจะเหลือเหรอครับ หันมามองหน้ากันแอบปาดเหงื่อไปด้วย
                  “พี่ชายคนโตไอ้ติ๊กมัน” ผมกระซิบบอกไอ้เดี่ยว มันก็ทำตาโตยิ่งกว่าไอ้ติ๊กเข้าไปอีก
                  “คุยอะไรกัน “พี่ตุ๊หันมาถามพวกผม
                  “ไอ้เดี่ยวมันอยากรู้ว่าพี่เป็นใครนะครับ เอ๊ย ครูเป็นใครนะครับ” ผมพูด ไอ้เดียวมันหันมาทำท่าปฏิเสธ ว่าไม่ใช่
                  “ใครชื่อเดี่ยว ลุกขึ้นซิ” พี่ตุ๊เรียกไอ้เดียว ไอ้ติ๊กมันเงยหน้ามองไอ้เดี่ยว
                  “เราชื่ออะไร”
                  “กิตติศักดิ์ครับ…ผม” ไอ้เดี่ยวมันตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก กลัวพี่ชายไอ้ติ๊กเลยดิ
                  “คุณอยากรู้เหรอครับว่าผมชื่ออะไร” พี่ตุ๊ถามไอ้เดี่ยว
                  “เออ คือ ผม เออ ครับ ครู”
                  “ได้ ผมจะบอกให้ ผมชื่อ ภูริภัทร์หรือครูตุ๊ ผมเป็นผู้อำนวยการคนใหม่ของโรงเรียนนี้” พี่ตุ๊พูด
                  “ปึก ๆๆๆๆ” เสียงปากกาหลุดจากมือกันหมดทุกคน มันคงตกใจกันหนักมาก
                   “ผู้อำนวยการมาสอนเองเลยเหรอว่ะ” พวกภาคินมันพากันหันมากระซิบกระซาบกันเป็นแถว
                 “ใช่ครับ ผมจะสอนเองโดยเฉพาะห้องนี้” พี่ตุ๊พูดย้ำว่าเฉพาะห้องนี้
                  “จะดูแลอย่างดีเป็นพิเศษ” พี่ตุ๊พูด เน้นด้วยว่าเป็นพิเศษ
                  “เอาละ ผมจะเข้าเรื่องก่อนนะ เมื่อวานห้องนี้หายไปไหนกัน ทั้งห้อง” พี่ตุ๊ถาม พวกผมก้มหน้าลงไม่กล้าตอบครับ
                  “ไม่ตอบ ผมถามว่าพวกคุณหายไปไหนกันมาเมื่อวาน!!” พี่ตุ๊ขึ้นเสียงถามพวกผมอีกครั้ง
                  “อย่าให้ต้องถามอีกรอบ ไม่อย่างนั้นผมจะทำโทษ ทั้งห้อง” พี่ตุ๊พูดและมองหน้าพวกผม
                  “ไม่มีใครตอบครูใช่ไหมครับ “พี่ตุ๊นั่งเอาปากกาเคาะฝ่ามือ เหมือนกับว่ากำลังนับ
                  “ไปบ้านพี่ที่เรียนที่นี้ครับ” ไอ้ภาคินมันลุกขึ้นตอบแทน
                  “หนีเรียนด้วยใช่ไหม นายภาคิน” พี่ตุ๊ถามพร้อมกับมองหน้าทุกคนเรียงตัวเลย
                  “ครับ” ภาคินตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ
                  “เห็นห้องอาหารของโรงเรียนกันไหมครับ” พี่ตุ๊ถาม ผมหันมามองหน้ากัน เห็นตั้งแต่เมื่อวานเลยแหละ เละมากกก
                 “มันเละมาก เละจนนักเรียนนั่งกันไม่ได้ เพราะว่าฝีมือพวกเรา และพี่พอจะทราบเหตุผลว่าทำไม แต่ถึงยังไงก็ต้อง
                 “ทำโทษ” พี่ตุ๊ลุกขึ้นและเดินมาทางพวกผม ใช่ครับ ผมเห็นห้องอาหารปิดไม่ให้เข้าไป แน่ละสภาพเมื่อวานมันลงเละเทะน่าดู
                 “ดังนั้น ลุก!”พี่ตุ๊พูด พวกผมลุกพร้อมกันทั้งห้อง
                   “ ฝั่งนั้นน่ะ ลุกขึ้น ไม่ใช่ฝั่งนี้” พี่ตุ๊พูดว่าให้ฝั่งทางพวกผมลุกแต่บอกไม่ใช่ฝั่งพวกภาคินลุก พวกผมก็ลุกขึ้นทำหน้างงๆ กัน พวกไอ้ภาคินมันก็หันมามองผมกันหมด
                  “ไปทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนเที่ยง “พี่ตุ๊บอกให้พวกผมไปทำความสะอาดให้เสร็จก่อนเที่ยงด้วย
                 “อุปกรณ์ผมเตรียมเอาไว้ให้หมดแล้วเชิญครับ” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับผายมือให้พวกผม
                 “อะไรอะพี่ตุ๊” ไอ้ติ๊กมันทำท่าจะค้านพี่ตุ๊หันมามองหน้า
                 “ครูตุ๊” พี่ตุ๊พูดและมองหน้าติ๊ก
                “ครูตุ๊ ดุชะมัดเลย เดี๋ยวฟ้องเจ้าของโรงเรียนเลย “ไอ้ติ๊กพูดด้วยท่าที่เง้างอน แต่ก็เดินออกตามพวกผมออกมา
                 “ตอนนี้ผู้อำนวยการใหญ่สุด ไปได้แล้ว เร็วๆ เลยนะ ทำให้สะอาด” " พี่ตุ๊พูด พวกผมหันไปมองพวกภาคินกัน
                  “ส่วนที่เหลือ ครูจะให้ทำรายงานแทนก็แล้วกัน ให้หัวหน้าจับคู่ให้ ทำรายงานเป็นคู่ รันตามเลขที่นั่ง” พี่ตุ๊พูด
                   “พวกเราก็มาตามงานกับหัวหน้าห้องเอาน่ะ ทำหลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จ” พี่ตุ๊บอกพวกผมขณะที่พวกผมกำลังเดินออกมาพร้อมกัน หันมามองหน้ากัน เกิดมาไม่เคยเลยไม่เคยทำความสะอาด ทำไงว่ะ เนี๊ยะ!
                “โทรขอคนใช้พ่อมาทำแทนทันไหมว่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูด
                 “ยืนทำอะไรกันรีบไปซิ เดี๋ยวก็ไม่ทันตอนเที่ยง ถ้าไม่เสร็จก่อนเที่ยง จะให้ไปทำด้านหน้าต่ออีกนะ” พี่ตุ๊ออกมายืนมองพวกผมที่ยืนหันซ้ายแลขวาอยู่หน้าห้อง ผมหันไปมองพี่ตุ๊ก่อนจะพากันวิ่งลงไปอย่างเร็ว เพราะว่านี้มันก็สิบโมงเข้าไปแล้ว

               พวกผมลงมาก็เห็นอุปกรณ์ทำความสะอาดถูกวางอยู่ที่ด้านหน้าห้องอาหาร ผมยืนมองอุปกรณ์ทำความสะอาดเหล่านั้นก่อนจะหันมามองไอ้ต้นคิดเมื่อวานเป็นไงละ ไอ้หลุยส์ และพวกผมก็เข้าไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดกันแบบเก้ๆ กังๆ ก็คนมันไม่เคยทำ แต่พวกแอ้มันคงเคยมันเลยรู้ว่าทำอะไรกันบ้าง ไอ้บลูไอ้ต้นข้าวด้วยเพราะดูจากท่าทางที่ทะมัดทะแมงกว่าพวกผม
พวกผมเริ่มเข้าไปทำความสะอาด ไปปัดกวาดเช็ดถูกัน และจู่ๆ ก็มีคนมาสมทบช่วยพวกผมกัน เริ่มจากไอ้หัวหน้าห้องก่อน และพวกภาคิน สักพักผมเริ่มได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากด้านนอก อย่าบอกนะว่ามันตีกันอีกนะ ผมหยุดฟังกันทั้งหมด ส่วนพวกภาคินมันก็หัวเราะพวกผมกัน
               “เด็กบนตึกและรุ่นพี่ เขาลงมาช่วยกันทำด้านนอกว่ะ” ไอ้ภาคินมันพูด พวกผมก็ต้องหูผึ่งซิครับ ไม่คิดว่าพวกมันจะรักโรงเรียนกันเป็นด้วย ผมหันไปเห็นพวกไอ้ดิว ไอ้เดี่ยว ติ๊ก พาย และก็แอ้ มันหยอกล้อเล่นกับพวกไอ้โซ่ ไอ้มาร์คและคนอื่นๆ ในห้องและช่วยกันทำความสะอาดไปด้วย
“อย่างน้อยก่อนจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย เราก็ยังได้มีความทรงจำดีดีเกิดขึ้นที่นีน่ะแจ็ค “บอยหันมาพูดกับผม ผมพยักหน้าว่าใช่
               “บอยคือหนึ่งความทรงจำดีดีของแจ็ค ขอบคุณนะที่กลับมาในช่วงเวลาแบบนี้” ผมหันมาบอกบอย ผมเห็นบอยมีเหงื่อออกผมก็เลยล้วงกระเป๋าไปหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้
                “วี้ดวิ้ว” พวกไอ้โซ่มันแซวผม
                “แปะๆ” ครูพัฒน์เดินเข้ามาหาพวกผม
               “ใกล้เสร็จกันหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วไปรวมตัวกันที่โรงยิมเลยนะทุกคน พี่ตุ๊มีเรื่องจะพูดด้วย” พวกผมหันไปทางครูพัฒน์และพากันพยักหน้าเพราะว่าใกล้จะเสร็จแล้ว

                 พวกผมเดินมาที่โรงยิม โรงยิมที่ทันสมัยแต่แทบจะไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ผมเห็นมีนักเรียนทุกห้องมารวมกันที่นี่ ครูอาจารย์ด้วย ระหว่างที่เดินมา ผมเห็นสิ่งเปลี่ยนแปลงนั้นคือ โรงเรียนกลับสู่สภาพเดิม จากที่เมื่อเช้าเรียกว่ากระจัดกระจายเต็มไปหมดทั้งขยะล้มระเนระนาดไปหมด ขยะนี่เกลื่อนเลย ผมเห็นภารโรงช่วยกันเก็บ แต่สภาพตอนนี้เรียบร้อยแล้ว ผมเดินไปนั่งแถวตามลำดับชั้นเรียน เจอพี่ๆ ก็ยกมือไหว้ ผมก็ไม่รู้อายุเขาเท่าไหร่แต่พวกผมนะ18 ปีกันแล้ว และจบม.6กันหมดแล้วด้วย ผมได้เริ่มเรียนปริญญาตรีออนไลน์กันแล้ว มหาลัยที่พวกผมเรียนอยู่ต่างประเทศ ส่วนใหญ่เขาให้เริ่มออนไลน์ก่อนและค่อยเข้าไปเรียนในมหา'ลัยช่วงหลังๆ
                “สวัสดีครับ ครูอาจารย์ทุกท่านและนักเรียนทุกคน ผมครูตุ๊ ผมมาทำหน้าที่ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป “พี่ตุ๊คุณไปบนเวที
                “จากเหตุการณ์เมื่อวาน ครูรู้สึกเสียใจและผิดหวังที่สถานศึกษาแห่งนี้ ที่ควรจะเป็นทีที่มีแต่นักเรียนมาเรียน มาหาความรู้ แต่เมื่อวาน ที่ตรงนี้ไม่ต่างอะไรกับสนามมวย มีแต่อันตพาลเข้ามา” พี่ตุ๊พูด
                “ครูหวังว่าเหตุการณ์เมื่อวานจะเป็นเหตุการณ์สุดท้ายและครูหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นกับโรงเรียนของเราอีก” ครูตุ๊พูด พวกผมก็หันมามองหน้ากัน
               “แต่วันนี้มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมอยากจะรักษาโรงเรียนนี้เอาไว้ให้นักเรียนที่ต้องการมาหาความรู้ ได้ใช้เป็นสถานที่ศึกษา นั้นก็คือ ความร่วมมือร่วมใจกัน ของทุกคน ครูขอขอบคุณที่พวกเราช่วยกันทำความสะอาด จนโรงเรียนเรากลับมาสู่สภาพที่เรียกว่า นี่คือโรงเรียนอีกครั้ง” ครูตุ๊พูด
                 “ดังนั้น วันนี้ครูก็มีรางวัลให้ วันนี้ห้องอาหารใช้การไม่ได้จึงไม่มีแม่ค้าพ่อค้ามาขายอาหารกัน ดังนั้นครูจึงสั่งพิซซามาให้ทานกัน หัวหน้าห้องแต่ละห้องทำการนับจำนวนเพื่อนในห้องเรียนและเดินไปแจ้งครูทางด้านโน้นเลยนะครับ “ครูตุ๊พูด ผมเห็นไอ้แว่นมันเดินนับทุกคนแล้ว
                “ปู” ไอ้เดี่ยวมันลุกไปเรียกปู ส่วนไอ้ติ๊กมันก็ลุกแต่ไปนั่งที่อื่นแทน
                “ตกลงเพื่อนมึงมันจะเอาใครกันแน่ว่ะ” ผมหันไปถามไอ้ดิวเพราะว่ามันนั่งใกล้ๆ ผม แอ้มันนั่งคุยกันกับไอ้ต้นข้าว ไอ้บลูอยู่ระหว่างที่กำลังนั่งรออาหารกลางวันนั้นคือพิซซ่า
               “มึงว่ามันชอบใครละ” ไอ้ดิวมันหันมาถามผม
               “กูว่าไอ้คนที่มึงก็รู้ว่าใครวะและคนนั้นก็ชอบเขาน่ะแต่มันปากแข็ง” ผมหันไปพูดพร้อมกับพยักพเยิดไปที่ไอ้ติ๊ก ตอนนี้มันเปลี่ยนไปนั่งกับแอ้อีกแล้วตั้งแต่ได้ยินไอ้เดี่ยวเรียกหาปูนั่นแหละ ไอ้ดิวก็หันมาพยักหน้ากับผม
                 “เออ กูก็ดูออก แต่ว่าคนของมึงแม่งอีโก้สูงว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด ก่อนจะหันมายักคิ้วเท่ๆ ให้ผม
                 “กูก็เห็นด้วยว่ะ “ไอ้หลุยส์มันก็โพล่งขึ้นมาบ้าง ไอ้เดี่ยวมันเดินกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม ส่วนอีกคนนี้หน้าบึ่งมากคือไอ้ติ๊ก
                “ไอ้ดิว คู่อริมึงมาว่ะ “ผมสะกิดให้ไอ้ดิวมองพี่ภาณุ พี่เขาเดินตรงมาแล้ว อย่าบอกน่ะว่าตรงมาทางนี้ ไอ้ดิวมันตั้งท่าจะลุกแล้วด้วย ไอ้แอ้มันหันมามองไอ้ดิว อย่าพึ่งมีเรื่องกันน่ะวันนี้พี่ตุ๊อยู่ด้วย ตายแน่ๆ ผมคิดในใจ แต่ผมว่าพี่ภาณุที่ดูสุขุมแบบนั้นไม่น่าจะอยากมีเรื่องด้วยหรอก
             TBC….
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯEP.58.1ภารกิจต่อไปของพวกผม(ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 15-03-2024 07:03:18
EP.58.1ภารกิจต่อไปของพวกผม(ครึ่งหลัง)

              Part’s แจ็ค ผมสะกิดให้ไอ้ดิวมองพี่ภาณุ พี่เขาเดินตรงมาแล้ว อย่าบอกน่ะว่าตรงมาทางนี้ ไอ้ดิวมันตั้งท่าจะลุกแล้วด้วย ไอ้แอ้มันหันมามองไอ้ดิว อย่าพึ่งมีเรื่องกันน่ะวันนี้พี่ตุ๊อยู่ด้วย ตายแน่ๆ ผมคิดในใจ แต่ผมว่าพี่ภาณุที่ดูสุขุมแบบนั้นไม่น่าจะอยากมีเรื่องด้วยหรอก
          “เชี้ยเอ๊ย!! ทำไมแม่งต้องมาเจอไอ้พี่ภาณุที่นี้ด้วยว่ะ เพื่อนรักพี่แอร์อีก “ไอ้ดิวมันสบถออกมาผมหันมามองหน้าไอ้ดิว
          “กูเคยมีเรื่องกับไอ้พี่ภาณุ พี่เขาเรียนโรงเรียนเตรียมทหารกับพี่แอร์” ผมมองไอ้ดิว เรียนเตรียมทหารแล้วมาโผ่อะไรที่นี้ งงเลยผม
           “กูก็ไม่รู้จริงๆ ว่ะ ช่วงหลังๆ กูไม่ค่อยได้เจอพี่แอร์ พอเกิดเรื่องไม่ได้เจอเลย ดังนั้นไอ้พี่ภาณุมาที่นี้ได้ยังไง กูก็ไม่รู้ว่ะ” ผมพูด
           “เขาจะให้กูตั้งชมรม ว่ายน้ำ กูถามให้ไหมวะ” ผมบอกไอ้ดิว มันแค่หยักไหล่ไม่เชิงว่าอยากรู้ ผมหันไปมองคนที่เดินตรงปรี่มา ผมเดาได้ว่าไม่ได้มาหาผมหรอกและหลังมานี้ผมแทบจะไม่ได้เจอพี่แกเลยด้วย
            “พี่ภาณุสวัสดีครับพี่ มาหาผมหรือว่ามาหา…ใครครับ” ผมถามพี่ภาณุทันที ไอ้ดิวมันแอบส่งนิ้วกลางให้ผมก่อนจะหันไปส่งยิ้มแบบกวนได้อีกให้พี่ภาณุ
            “มาหาแจ็คก่อนน่ะ ส่วนอีกคน… “พี่ภาณุพูดและหันไปมองหาแอ้ ไอ้ดิวมันหันไปชำเลืองตามอง นี่คือแสดงอาการว่าหึงแน่นอน
            “แจ็ค นี่ต่อ ต๋อง เขาเคยเป็นนักว่ายน้ำประจำโรงเรียน สองคนนี้เก่ง ต่อถนัดท่ากรรเชียง ต๋องฟรีสไตล์ พี่ว่าเราน่าจะลองมาตั้งชมรมดูนะ” พี่ภาณุพูดแนะนำคนที่มากับพี่เขาด้วย ผมพยักหน้าทักทาย
            “ผม…” ผมทำท่าคิด
            “ผมขอคิดดูก่อนนะพี่ภาณุ ถ้าจะให้ผมสนับสนุน ผมยินดีนะแต่จะให้ผมร่วมลงแข่ง ผมขอคิดดูก่อนนะพี่ ตอนนี้ผมกำลังเรียนออนไลน์อยู่ ผมคงไม่ค่อยมีเวลาซ้อม” ผมพูด พี่เขาก็พยักหน้า
            “ถ้ายังไงเราคุยกันอีกทีนะแจ็ค พี่อยากจะให้ชมรมว่ายน้ำจองโรงเรียนนี้กลับมาทำชื่อเสียงอีกครั้งและเพื่อให้รุ่นน้องต่อไป” พี่ภาณุพูด
             “แอ้…” พี่ภาณุหันเรียกแอ้ แต่ไอ้ดิวมันลุกไปถึงแอ้ก่อน มันไวมากจนพวกผมสะบัดหน้าไปมองว่ามันลุกไปตอนไหน ทั้งที่มันยังนั่งใกล้กับพวกผมอยู่เลยเมื่อสักครู่
                “แอ้ไปซื้อน้ำกัน “ดิวมันลากแขนแอ้ลุกไปหน้าตาเฉย พี่ภาณุก็ได้แต่ยืนมองทำหน้างง ผมก็หันมาแปะมือกับไอ้หลุยส์ งานนี้ไม่เรียกหึงก็หมาหวงก้างแล้วแหละผมว่าน่ะ พี่ภาณุหันมายิ้มเจื่อนๆ ให้ผมก่อนจะหันไปคุยกับสองคนที่มาคุยกับผมก่อน แสดงว่าเอาไอ้สองคนนี้มาบังหน้าว่ามาคุยกับผมแต่จริงๆ จะมาหาแอ้
                “นี้ครับ พิซซ่าห้องเรา” หัวหน้าห้องมันหอบพิซซ่ามาวาง หลายถาดเลย
                “เฮ้ย!! พิซซ่ามาแล้วว่ะ “พวกผมเรียกพวกไอ้ภาคิน ให้มันลุกมา ไอ้เดี่ยวมันก็ยืนรอไอ้ติ๊ก แต่ติ๊กมันเล่นตัวทำเป็นไม่ยอมเดินมาจนไอ้เดียวมันเดินไปลากแขนมาแทน
                “ไอ้ว่าน” น้องชายไอ้ภาคินเดินมาเรียกไอ้ว่าน ตั้งแต่ที่พวกผมช่วยมัน มันก็ยังไม่โผ่หัวมาขอบคุณพวกผมสักคำ ผมหันไปมองหน้าไอ้เด็กคนนั้น ผมนี้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไอ้เด็กม. 2 คนนี้น่ะแฟนไอ้ว่านมัน ดูมันทำตัวก่าง แถมมันไม่เคารพไอ้ว่านทีแก่กว่ามันสักนิดเลย ผมว่ามันแปลกๆ
                “ไอ้คีย์” ไอ้ภาคินมันเรียกน้องมัน พวกผมไม่รู้ว่ามันชื่อเล่นว่าคีย์ ปกติใครก็เรียกไอ้ไนย์กันและภาคินมันก็ควักมือเรียกน้องชายมันเข้ามาด้วย
                “มึงขอบคุณพี่เขาหรือยัง ที่ช่วยไม่ให้มึงถูกกระทืบตายน่ะ “ไอ้ภาคินมันถามน้องชาย น้องมันมองหน้าพวกผมได้กวนตีนมากๆ แต่ก็
                  “พรึบ” มันยกมือไหว้พวกผม แบบเสียมิได้
                  “ขอบคุณครับพี่” ดูมันพูดขอบคุณ ไอ้หลุยส์มันยักไหล่แค่นั้น
                 “มึงจะเรียกว่านไปไหน พวกกูจะกินกันแล้ว ให้มันกินอะไรกันก่อนดิว่ะ “ไอ้ภาคินมันพูดต่อว่าน้องชายมัน
                 “เออ “มันพูดแค่นั้นและเดินออกไป ว่านมันเดินกลับมาหาภาคินทันที
                   “ตกลงไอ้ว่าน มันเป็นแฟนคนพี่หรือคนน้องกันแน่ว่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมนั่งไขว่ห้าง พร้อมกับพยักหน้าว่าเห็นด้วยกับไอ้หลุยส์มันเพราะดูว่านมันติดกับไอ้ภาคินมากกว่าไอ้ภาคิไนย์ซะอีก
             บอยและธรรณ์เดินไปตักพิซซ่ามาให้ผม ดูจากหน้าตาแล้วแสดงว่าสั่งจากโรงแรมพ่อพี่ตุ๊เขามาแน่ๆ และจังหวะนั้นไอ้ดิวมันเดินกลับมานั่งพร้อมแอ้ ไอ้เดี่ยวมันก็ได้จังหวะที่แอ้ลุกไป มันรีบเข้าก็นั่งตัวติดกับไอ้ติ๊กทันที เผลอแป๊บเดียวมันดีกันเร็วจริงๆ และยังนั่งดูเพลงโปรดในมือถือหัวชนกันทันที พวกผมทานกันไปคุยกันไป ทำให้รู้จักพวกไอ้ภาคินกันมากขึ้น
                     “ไง “ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เจอผู้อำนวยการโรงเรียน นั้นก็คือพี่ตุ๊ เดินมาบนนั่งโต๊ะมองพวกผม เหมือนกับว่ามีเรื่องจะคุยกับพวกผม
             “พี่มีเรื่องจะคุยด้วย ทุกคนเลย แต่ไม่เป็นไร คุยกันไปทานไปได้” พี่ตุ๊พูด พี่พัฒน์เดินมายืนข้างๆ พี่ตุ๊
                                 “ก่อนอื่นขอบใจพวกเราน่ะ ที่ช่วยเด็กโรงเรียนที่ถูกโดนรุมทำร้ายเอาไว้ได้ ว่าแต่เด็กคนนั้นเป็นน้องชายใครนะ?” พี่ตุ๊พูดขอบคุณพวกผมและถามหาน้องไอ้ภาคิน
                                “น้องชายผมเองครับ” ภาคินยกมือขึ้นก่อนจะตอบ พี่ตุ๊ พี่เขาก็พยักหน้าแค่นั้น
   “โอเค “พี่ตุ๊พูดก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ
   “พี่อยากให้พวกเรานะทำผลงานอีกอย่างได้ไหม “พี่ตุ๊พูดผมหันมามองหน้ากันหมด
                               “พี่จะให้พวกผมไปท้าดวลกับใครอีกเหรอครับ” มีคนยกมือขึ้นมาถาม พวกผมหันไปมองไอ้คนที่ถามคือไอ้โซ่ ผมพากันทำนิ้วเฉือดคอใส่มัน ไอ้นี้มึงกล้ามาก พวกผมยังไม่กล้าเลย พี่ตุ๊ยกมือเอาไว้ก่อน
                 “ไม่ต้องแล้ว รอชุดที่ไปอบรมกลับมาก่อน คราวนี้ก็ไม่มีใครอยากมาท้าดวลแล้วและถ้ามีอีก พี่คงส่งพวกเราไปแทนน่ะ น่าจะตัวต้นเหตุ” พี่ตุ๊พูด นั้นไงไอ้โซ่รีบนั่งลงทันที
                              “อยากไปไหมล่ะ มีแต่ความสนุกรอมึงอยู่” ไอ้ดิวหันไปพูดกับไอ้โซ่
                             “ไม่เอาดีกว่าผม ผมรักเรียน” ไอ้โซ่พูด
                             “เหรอ!!!” ทุกคนพูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
                            “ดีมาก!!ที่รักเรียน” พี่ตุ๊พูดย้ำ
                             “เพราะว่าพ่อแม่ส่งมาเรียน ไม่ได้ส่งมา สู่รบปรบมือกับใครเขา ถ้าอยากเป็นแบบนั้น แนะนำให้ไปเป็นทหารปกป้องประเทศ อันนั้นจะน่าภูมิใจกว่า” พี่ตุ๊พูด
                              “เอาล่ะพี่ขอเข้าเรื่องน่ะ พี่อยากให้ตั้งชมรมที่ตัวเองถนัดขึ้นมา โรงเรียนนี้ไม่มีชมมาปีหนึ่งแล้ว พี่ก็ไม่    รู้ว่าทำไมนะ” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองหน้าพวกภาคิน พวกนั้นก็พยักหน้าพร้อมกัน
                             “ดิว เราเก่งฟุตบอล ตั้งชมรมฟุตบอลขึ้นมา” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ดิว
                            “เออพี่รู้มาว่า เดฟ มันกลับมาแล้ว ให้มันมาเป็นโค้ชให้หน่อย ให้เดฟมาเทรนให้ ได้ข่าวว่าช่วงนี้ว่างมากไม่ใช่เหรอและก็หาคนเข้าชมรม จริงๆ พี่ก็อยากให้เพื่อนเราในห้องนี้ เข้าชมนี้กันนะทำได้ไหม “พี่ตุ๊พูดเป็นเชิงเสนอแนะ ทุกคนหันมามองหน้ากันโดยเฉพาะพวกของไอ้ภาคิน
                             “และถ้าทำผลงานดี พี่จะแก้ประวัติการพักการเรียนให้และจะได้ไม่มีผลต่อการไปเรียนต่อหรือทำอะไรในอนาคต” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองผมได้ยินพวกไอ้โซ่มันบอกชอบเตะฟุตบอล
                             “สนใจไหม” พี่ตุ๊ถามแบบเจาะจงไปที่กลุ่มพวกไอ้ภาคิน มันมองหน้ากันก่อนจะหันมาพยักหน้า
                             “ไปรวบรวมมาน่ะดิว พี่จะเป็นสปอนเซอร์ให้ เสื้อทีม อุปกรณ์ทุกอย่างและจะมีเบี้ยเลี้ยงสำหรับคนที่ได้ไปแข่งกับทีมอื่นน่ะ” พี่ตุ๊พูดและหันมาทางผมเลยที่นี้
                            “แจ็ค ชมรมว่ายน้ำ พี่อยากให้ชมรมว่ายน้ำของเรากลับมาเป็นที่หนึ่งอีกครั้งและอยากให้มีรุ่นต่อๆ ไป ปูทางให้รุ่นน้องเอาไว้ให้พี่หน่อย “พี่ตุ๊พูดบอกผม บอยพยักหน้าผมก็จำต้องพยักหน้าทั้งที่เมื่อสักครู่พี่ภาณุเดินมาถามผมอยู่ ผมยังบอกว่าคิดดูก่อนเลยแต่นี่คงต้องทำแล้วแหละ ผมคงจะต้องโทรหาโค้ชส่วนตัวของผมให้มาช่วยเทรน
                         “แอ้ พี่ได้ยินมาเราสอนคาราเต้เด็กเล็กได้ใช่ไหม” พี่ตุ๊หันไปถามไอ้แอ้ ไอ้นี่มันคาราเต้สายดำ
                          “ครับ” แอ้ตอบเบาๆ
                          “โรงเรียนเด็กเล็กก่อนวัยเรียนที่อยู่ข้างๆ โรงเรียนเรานี้ มีเด็กเล็กและมีผู้ปกครองหลายคนที่เลิกงานช้า พี่ว่าแอ้ลองรับสอนเด็กดูไหม พี่มีช๊อป ไปทางด้านหลังและค่อนข้างปลอดภัย เริ่มสอนสักบ่ายสามโมงเป็นต้นไป สักวันละครึ่งชั่วโมงก็แล้วกันน่ะ ได้ไหมแอ้” พี่ตุ๊ถามไอ้แอ้ และแอ้มันหันมามองหน้าไอ้ดิวก่อนจะหันไปพยักหน้าว่าได้อีก
                          “เขียนรายละเอียดมาให้พี่ ว่าต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง พี่จะได้หามาให้นะแอ้” พี่ตุ๊พูด ตอนนี้ไอ้ดิวมันกำลังล่าสมาชิกชมรมฟุตบอล
                         “ติ๊ก “พี่ตุ๊เรียกไอ้ติ๊ก แต่ติ๊กมันก้มหน้าก้มตา ดูมือถือไอ้เดี่ยว
                         “ติ๊ก!!” ติ๊กมันสะดุ้งโย้ง ก่อนจะรีบลุกขึ้นด้วยอาการตกใจ
                         “พี่อยากให้เราตั้งชมรมดนตรีดนตรี พรุ่งนี้พี่จะเอาพวกเครื่องดนตรีมาลง พี่จะลงเอาไว้สองที่คือที่ห้องซ้อมดนตรี และที่โรงอาหาร “พี่ตุ๊พูด ไอ้ติ๊กมันก็ยพักหน้าผมรู้ว่ามันชอบร้องเพลง มันเป็นคนเสียงดีแต่ลุงหนึ่งไม่ยอมให้เป็นนักดนตรีเด็ดขาด ขนาดมันเป็นดาราเขายังไม่อยากสนับสนุนเลยแต่ติ๊กมันดื้อ
                        “ไอ้เดี่ยวเลย มันเล่นกีตาร์เก่งครับ” ไอ้โซ่มันพูด ผมรู้ว่าไอ้โซ่มันเคยสนิทกับไอ้เดี่ยวมาก่อน
                       “ไอ้นาวินว่ะ มันเล่นกีตาร์เก่งพอพอกับไอ้เดียว” ไอ้โซ่พูดเชียร์เพื่อนมันอีกคน แต่ว่ามันอยู่คนละห้องกับพวกผม
                        “ไอ้ดิว มึงอ่ะ มึงชอบเล่นกีตาร์ไฟฟ้านี่หว่า” ติ๊กมันพูดขึ้น ผมก็พยักหน้าว่าเออจริงด้วย แต่มันเล่นได้หมดแหละกีตาร์นะ
                        “ไอ้โซ่เลยตีกลอง มันเก่งพี่” ไอ้มาร์คมันชี้ไปที่ไอ้โซ่
                       “หน้าอย่างมึงนี่นะ” ไอ้ติ๊ก
                       “หน้าอย่างผมนี่แหละครับ ตีมาหมดทุกกลองแม้กระทั่งกลองเพล ตีตอนดึกๆ ด้วย”
                       “ฮาๆ” พวกไอ้ภาคินมันหัวเราะทันที แต่พวกผมไม่รู้เรื่องเลยหันไปมองไอ้โซ่
                         “ตอนนั้นมันเมารั่วไง เล่นซะพระตื่นมาทั้งกุฏิ ฮาๆ “พวกไอ้ภาคินแต่พี่ตุ๊กอดอกพร้อมกับส่ายหัวแบบนี้แปลว่าผลงานที่ผ่านมาไม่ผ่าน ฮาๆ
                          “ส่วนพาย พี่ว่าจะให้ช่วยติวน้องๆ นะ” พี่ตุ๊พูดกับพาย พายก็พยักหน้าเบาๆ
                         “พี่ครับ มีคนสมัครแล้วหนึ่งครับ ไอ้มาร์คครับ มันบอกว่าเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง” ไอ้โซ่มันยกมือขึ้นบอกพี่ตุ๊ ผมเห็นไอ้มาร์คมันเขินขึ้นมาทันที อย่าบอกน่ะว่า มันชอบพาย!!
                       “วิชาไหนบ้างล่ะ ที่เรียนไม่รู้เรื่อง” พี่ตุ๊ถาม
                       “ถามว่าวิชาไหนที่มันเรียนรู้เรื่องดีกว่าครับ” ไอ้โซ่พูด
                       “วิชาไหน” พี่ตุ๊ถาม
                       “พละครับ วิชาเดียวที่มันเรียนรู้เรื่อง “พวกเพื่อนมันแกงมันเองเลยไอ้มาร์ค
                      “ฮาๆ” ทุกคนไม่เว้นแม้แต่พวกผมก็หัวเราะ ไอ้มาร์ค ไอ้มาร์คมันหันมาไล่เตะไอ้โซ่
                      “แหม น่าภูมิใจแทนพ่อแม่น่ะ” พี่ตุ๊พูด พร้อมกับส่ายหัวเบาๆ หัวเราะน้องๆ จะว่าไปภาพนี้ผมแทบจะไม่เคยเห็นพี่ตุ๊ยิ้ม ปกติจะหน้าเข้มเต็มคาราเบลจน ตนที่เจออย่างพวกผม นั่งเกร็งกันหมด แต่ว่าวันนี้กันเองมาก
                      “บอย พี่อยากให้ตั้งชมรมฟันดาบนะ ไม่เคยมีแต่อยากให้ลองดู เอาใจสายที่ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นสักหน่อย” พี่ตุ๊พูดผมหันไปมองบอย ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย ไม่ซิทุกคนเลย
                       “บอยเขาเป็นแชมป์ฟันดาบของโรงเรียนที่กรุงโซล มาก่อนนะ “พี่ตุ๊พูด ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอ บอยก็ยิ้มๆ ให้ผม ไอ้หลุยส์มันยังทำหน้าเหวอเลย
                       “ธรรณ์ก็เหมือนกัน ธรรณ์ก็ได้แชมป์ฟันดาบมาเหมือนกัน” บอยพูด
                       “จริงดิ!!” ไอ้หลุยส์ทำท่าตกใจสุดขีด ที่รู้ว่าเมียสุดที่รักเป็นแชมป์ฟันดาบมาก่อน ขนลุกขนพองเลยซิท่า ผมหันมามองไอ้หลุยส์มันเพิ่งจะรู้เหรอ ผมน่ะรู้ว่าบอยชอบกีฬาฟันดาบตั้งนานแล้ว
                       “หลุยส์ พี่ว่าเราต้องเรียนออนไลน์เลยนะ อันนี้ลุงหนึ่งเขาสั่งมาน่ะ” ไอ้หลุยส์ได้ยินเช่นนั้นมันพยักหน้าตอบแค่นั้น มันไม่ได้ตกใจอะไรสักนิด
                       “เอาละ พี่มอบหมายงานแค่นี้ แต่ละคนไปจัดสรรกันเอาเองนะ คุยกันว่าใครสนใจอันไหน มีเพื่อนก็ดึงเพื่อนมา มีน้องก็ดึงน้องมา เพราะว่าพอรุ่นเราจบไป รุ่นน้องยังสืบสานต่อได้ “พี่ตุ๊พูดก่อนจะลุกขึ้น
                      “ถ้าทำผลงานดีพี่ก็มีรางวัลใหญ่เหมือนกัน “พี่ตุ๊พูดทิ้งท้ายเอาไว้
                      “และอย่าลืมนะ รายงานส่งพรุ่งนี้ ที่ให้ไปทำเป็นคู่นะ ไปดูเอาน่ะว่าใครคู่ใคร ดูรายชื่อที่หัวหน้าห้อง” พี่ตุ๊พูดและพวกผมก็หันมามองหน้ากัน มีรายงานด้วยเหรอ
                      “พี่ก็หมดเรื่องคุยแค่นี้ ทานอาหารกันให้เรียบร้อยแล้วขึ้นเรียนกันตามปกติช่วงบ่ายน่ะ “พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันไปเรียกครูพัฒน์เดินออกไป ผมเห็นไอ้ติ๊กมันมองพี่ตุ๊เดินคลอเคลียไปกับครูพัฒน์ มันแอบถ่ายวิดีโอด้วย
                            พวกผมนั่งทานอาหารกันและพอเสร็จเรียบร้อยก็แยกย้ายขึ้นห้องเรียนทันที ระหว่างที่กำลังจะเดินขึ้น ผมเห็นไอ้ป๊อดมันส่งใครขึ้นรถกระบะไปก็ไม่รู้และขับออกไปทันที
                         “ใครเป็นอะไรหรือเปล่าวะ” ผมพูดเป็นเชิงคำถาม พวกไอ้เดี่ยว ไอ้ดิว แอ้ ติ๊กและพายมันเดินออกมาพร้อมกัน มันพากันไปห้องน้ำมาก่อนจะเดินขึ้นชั้นเรียน
                        “ป๊อดใครเป็นอะไรวะ กูเห็นมึงส่งขึ้นรถกระบะไปว่ะ” ผมถามไอ้ป๊อด
                        “แม่พี่ปูพี่ ไม่รู้เป็นอะไร ข้างบ้านพี่ปูเขาโทรมาบอกและพาส่งโรงพยาบาลให้ พี่ปูเลยรีบไปดู” ไอ้ป๊อดพูด ผมหันมามองไอ้เดี่ยว
                        “โรงพยาบาลอะไรวะป๊อด” ไอ้ดิวมันถามไอ้ป๊อด
                       “โรงพยาบาลจังหวัดนะพี่ ชั้นศัลยกรรมหญิง ห้องรวมนะพี่ ไม่รู้ว่าจะได้นอนไหมแม่พี่ปูเขาไม่มีสิทธิ์การรักษาอะไรเลยน่ะพี่ “ไอ้ป๊อดมันพูด ไอ้เดี่ยวมันหันมามองหน้าไอ้ดิว
                        “กูจะไปดูปูว่ะ” ไอ้เดี่ยวมันพูดว่าจะไปดูปู
                         “กูไปด้วยดิว่ะ “ไอ้ดิวอีกคนดิวหันไปมองแอ้ ไม่มองธรรมดามันจับมือด้วยแต่แอ้มันรู้ว่าพวกผมอยู่ตรงนี้เลยสะบัดออกก่อน และหันไปมองติ๊กที่ยืนหันไปมองทางอื่น
                          “กูไม่ไปนะ กูไม่ชอบโรงพยาบาลว่ะ เหม็น” ติ๊กมันพูดและรีบเดินขึ้นตึกทันที ผมหันมามองไอ้ดิวและยักไหล่ ปล่อยมันไปก่อน
                          “ป๊อด ขอชื่อแม่ของปูให้พี่ด้วยดิ” ผมบอกไอ้ป๊อด มันก็เอากระดาษมาจดและส่งให้ผม //นางเทียมใจ สุดวิไล ผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง//
                            “พวกมึงไปดูแล้วกันว่ะ มีอะไรให้พวกกูช่วย บอกเลยนะโว้ย! ยังไงปูมันก็ช่วยไอ้ป๊อดดูแลพวกเราว่ะ และนี้มันก็สืบพวกไอ้ภาคินให้อีก งานเสี่ยงแต่มันก็ทำว่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูดผมพยักหน้าเห็นด้วยนะ และพวกไอ้ดิว ไอ้เดี่ยวและแอ้มันก็ไป พายนะคงไปดูแลไอ้ติ๊ก และพวกผมก็เดินตามกันขึ้นห้องเรียนทันที แต่ว่าไม่เห็นติ๊กมัน ผมคิดว่ามันน่าจะขึ้นมาก่อน แต่ที่ไหนได้มันเข้ามาทีหลังพวกผมอีก ตามมาด้วยพาย ติ๊กมันนั่งลงไม่พูดไม่จากับใครเลย ผมก็รู้ว่าถ้ามันเงียบแบบนี้ ก็ต้องปล่อยมันสักพัก ผมหันมามองพายแทน พายยิ้มผมแค่นั้น ผมก็หันจัดการเตรียมเรียนวิชาช่วงบ่ายกัน
                              TBC...


หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯEP.59 (พายXมาร์ค)เขาจีบกันแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 15-03-2024 20:53:58
EP.59 (พายXมาร์ค)เขาจีบกันแล้ว

                  Part’ s พาย หลังจากที่พวกผมทำความสะอาดห้องอาหาร ที่ถูกพวกที่มาหาเรื่องและพวกผมด้วยเช่นกันที่ทำหน้าที่ปกป้อง เลยพากันเละด้วยกัน พี่ตุ๊เลยให้พวกผมทำความสะอาดกันเองแต่ว่ามันทำให้พวกผมรู้ว่า พวกนักเรียนในโรงเรียนไม่ได้เกลียดหรือไม่ชอบพวกผมเพราะว่าทุกคนลงมาช่วยผมกันทั้งหมด รวมไปถึงพวกภาคินด้วยเช่นกัน
                  หลังจากที่พวกผมความสะอาดเสร็จพวกผมก็มานั่งทานอาหารในโรงยิม ที่ถูกจัดเป็นห้องอาหารชั่วคราว พี่ตุ๊ที่มาทำเซอไพรส์เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นผู้ใหญ่ใจดี สั่งพิซซ่ามาเลี้ยงทุกคน และพี่ตุ๊ก็มอบหมายให้ทุกคนทำหน้าที่ที่ตัวเองถนัดกัน ดังนั้นผมจึงได้หน้าที่สอนพิเศษน้องๆ เพราะว่าผมเป็นคนเรียนเก่ง ค่อยข้างฉลาด มีไอ้คิวสูง ผมเองก็อยากเอาความรู้ความสามารถของผมมาทำให้เกิดประโยชน์ ก็เลยรับปากพี่ตุ๊ พอพี่ตุ๊มอบหมายเสร็จก็กลับขึ้นไปที่ห้องทำงานทันที
                  “พาย “ผมหันไปมองไอ้ต้นข้าว ว่ามีอะไรเพราะว่าต้นข้าวมันเรียกผม
                  “ไอ้มาร์คมันส่งมาให้” ต้นข้าวบอกผมก่อนจะส่งกระดาษมาให้ ผมเคยเจอไอ้มาร์คที่โรงแรมอาภาคย์ ตอนที่ผมไปหาพ่อกับพี่แพท ตอนนั้นยังไม่ชอบขี้หน้ามันเท่าไหร่แต่ว่ามันกลับทำให้ผมประทับใจ มาร์คมันเข้าไปช่วยผมตอนนั้น ผมคลี่กระดาษออกมาเปิดดู
                  “อยากให้ติวให้หน่อย” ไอ้มาร์คมันเขียนมา ผมหันไปมอง ไอ้มาร์คหันมามองผมเข้าพอดี มาร์คมันฉีกยิ้มให้ผมทันที ผมแอบแลบลิ้นใส่ก่อนจะก้มลงอ่านข้อความในจดหมายต่อ
                  “ขอสมัครเป็นนักเรียนได้ไหมครับ” ไอ้มาร์คมันเขียนมาให้ผม ผมก็เขียนข้อความต่อไปอีกว่า
                  “จะเรียนอะไร” ผมเขียนตอบไปและส่งให้ไอ้ต้นข้าว ผมรู้ว่าไอ้มาร์คกับไอ้ต้นข้าวรู้จักกันแต่ไม่ได้บอกไอ้แจ็ค ผมเห็นไอ้มาร์คแอบมาคุยกับไอ้ต้นข้าวประจำและต้นข้าวก็บอกว่าบ้านไอ้มาร์คอยู่ด้านหลังบ้านมันด้วยเลยสนิทกันมาตั้งแต่พึ่งจะย้ายมาใหม่ๆ แล้ว
                  “ปึก” และคราวนี้ไอ้มาร์คมันโยนมาให้ผมเอง ผมก็เปิดดู
                 “อยากให้ติววิชา ความรัก จะได้รู้จักความรักสักที” ไอ้มาร์คพูด
                 “เน่า!” ผมส่งข้อความหาไอ้มาร์คโดยตรงเหมือนกันและมาร์คมันก็ก้มหน้าก้มตาเขียนอีกและมันก็ทำท่าจะส่งต่อให้ต้นข้าว
                “ยุกต์ไหนแล้วเนี่ย มึงอยากคุยกับพายมึงก็มานั่งนี่ดิ กูไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์นะมึง” ไอ้ต้นข้าวมันพูดเสียงดัง ทำให้พวกภาคินมันหันมามองไอ้มาร์คกันหมด
                “ไอ้เชี้ยข้าว!!!” ไอ้ข้าวโดนไอ้มาร์คด่าทันที ที่ทำให้ทุกคนรู้หมดเลย ผมเองก็เขินเลย
                “ที่อย่างนี้ทำเป็นป๊อดไอ้มาร์ค” ไอ้โซ่มันแซวไอ้มาร์คทันที ผมหันไปมองว่าไอ้มาร์คมันจะกล้าเดินมาหาผมไหม พวกเพื่อนๆ ก็เชียร์ไอ้มาร์คเหลือเกินและไอ้มาร์คก็เดินกะลิ้มกะเหลี่ยเข้ามาหาผม ผมหันไปมอง ที่แบบนี้ทำมาเป็นเขินแต่ผมที่นั่งอยู่โดยมีต้นข้าวกับบลูนั่งอยู่ มาร์ค มันก็มองสองคนที่นั่ง
                “เออ มึงไล่กูด้วยสายตาใช่ป่ะไอ้พี่มาร์ค” ไอ้ต้นข้าวถาม
                “ไม่ได้ไล่แต่ถ้ามึงไม่ลุกขึ้นแล้วกูจะนั่งยังไง “ไอ้มาร์คพูด
                “นั่นแหละมันแปลว่าไล่ “ไอ้บลูพูดและทั้งคู่ก็ลุกขึ้นไป ผมหันมามองไอ้มาร์ค มันยิ้มๆ ให้ผม
               “ว่าไง” ผมถามมาร์ค
               “มึงก็บอกเขาไปดิ ว่ามึงแอบมองน้องเขาอยู่ ที่อย่างนี้ทำเป็นไม่เคย” ไอ้โซ่มันแซวไอ้มาร์ค ไอ้พี่มาร์คมันทำท่าเขิน ผมหันไปมองหน้ามันว่ายังไง
              “วันนั้นไม่ได้ขอบคุณอ่ะ ขอบคุณน่ะที่ช่วย” ผมพูดขึ้นก่อน
              “ไม่เป็นไร” มาร์คพูด
              “เออ…. จริงๆ แล้ว ตั้งใจจะเดินไปคุยด้วย “มาร์คพูดว่าวันนั้นเขาตั้งใจจะเดินตามไปคุยกับผม
              “ในห้องน้ำนี่น่ะ โรคจิตกว่าไอ้สองคนนั้นอีกอ่ะ ฮาๆ” ผมพูดแต่ก็อดกลั้นหัวเราะไม่ได้
              “ก็ตอนแรกจะทักตั้งแต่หน้าประตูแต่เห็นเรียกซะน่ารักเชียว ไอ้หมา ใครจะกล้าทัก” มาร์คพูด เออ มันก็จริงนะ ตอนนั้นผมยังหมั่นไส้ที่มันชอบทำหน้าเก๊กในห้องเรียนไง
             “ก็ชอบทำหน้าตากวนตีนในห้องเรียน วันนั้นก็นึกว่าตามไปจะทำอะไรหรือเปล่า” ผมพูด
             “วันนั้นไปรับพ่อ พ่อบอกว่าไปคุยกับท่านแต่ไม่รู้ว่าเป็นพ่อของพายนี่” มาร์คพูด
             “ว่าแต่ คนนั้นพี่ชายเหรอ?” มาร์คถามผม
             “ใช่ดินั่นแหละพี่ชาย ทำไมอะ” ผมถามไอ้มาร์ค
             “โหดไปน่ะ” มาร์คพูด
             “ป๊อดเหรอ” ผมถาม
             “ไม่” มาร์คตอบ ผมก็ยิ้ม
             “งั้นกูโทรหาพี่ก่อน นัดมาเจอกัน” ผมพูดก่อนจะหยิบมือถือแกล้งไอ้มาร์คมัน
             “หมับ!!” มาร์คมันรีบจับมือผมไว้ทันที ผมหันไปมองที่อย่างนี้ทำเป็นป๊อด
             “แหมๆ รีบอีกแล้ว เอาไว้ก่อนดีกว่า เราเกรงใจพี่เขา “ไอ้มาร์คพูด
             “ที่จริงอยากคุยด้วยตั้งแต่วันแรกแล้วแต่กลัว” ไอ้มาร์ค
             “กลัวเสียฟอร์ม” ผมถามไอ้มาร์ค
              “อ้าว! ก็เพื่อนๆ เปิดตัวกันใหญ่ขนาดนั้น จะให้มาร์คมาคิขุอาโนเนะได้ยังไงอ่ะ มันขัด! “ไอ้มาร์คพูด ผมเห็นพวกไอ้ต้นข้าว ไอ้บลู มันไปคุยกับพวกไอ้โซ่ ดูต้นข้าวสนิทกับพวกน่าดู มาร์คมองผมและหันไปมองไอ้ต้นข้าวและบลูเหมือนกัน
             “แปลกใจเหรอ” มาร์คถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ
             “จริงๆ แล้ว มาร์ครู้จักต้นข้าวมานานแล้ว บ้านต้นข้าวมันอยู่ติดกับบ้านมาร์ค รั่วบ้านเดียวกันเลยแต่ด้านหลังน่ะ” มาร์คพูด ผมหันมามอง ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย มาร์คพยักหน้าว่าจริง
             “ไอ้ต้นข้าวน่ะ เคยติดตามพี่ข้าวปั้นแต่มันไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับที่พี่มันหัวหน้าแก้ง มันคงคิดว่าเป็นการไปหาเพื่อน คุยสนุกๆ กันเฉยๆ อ่ะ” ไอ้มาร์คพูด ผมพยักหน้าเบาๆ ผมนั่งคุยกันหลายเรื่องก่อนเกี่ยวกับครอบครัวมาร์ค จนกระทั่งผมได้ยินเสียงเอะอะคุยกันระหว่าง พวกแจ็ค ดิวและไอ้เดี่ยว ที่กำลังคุยกันกับไอ้ป๊อด ผมหันไปมองว่าเกิดเรื่องอะไรและติ๊กมันก็ลุกพรวดขึ้นไปเฉยเลย ผมหันไปมองไอ้ต้นข้าว
             “เกิดอะไรขึ้นว่ะ ต้นข้าว” ผมถามไอ้ต้นข้าว
             “แม่ของปู เข้าโรงพยาบาล ไอ้เดี่ยวเลยจะไปดู” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมพยักหน้าว่ารู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขั้น ไอ้ติ๊กมันไม่เห็นด้วยแน่ๆ น่าแปลกที่เป็นมันคนเดียวที่คิดลึก คิดถึงขั้นที่ว่าปูเหมือนเป็นสแกมเมอร์อะไรประมาณนี้ คิดไปไกลเกิ้น แต่จริงๆ แล้ว มันหึงนั่นแหละ รักเขาแต่ดันปากแข็ง

              ผมหันมามองมาร์ค มาร์คพยักหน้ากับผมว่าไปดูเพื่อนก่อน ผมก็ลุกขึ้นและเดินตามติ๊กที่เดินออกไปแล้ว ผมเห็นเดี่ยว ดิวและแอ้ ผมก็รู้เลยว่าไอ้ติ๊กมันหัวเสียคุณสามเลยทีเดียว อีกคนที่หึงเขาและอีกคนที่ตามไปและดันไม่ชวนมันไปอีก หลายเศร้าเกิน มากกว่าสามเส้าอีกมั้ง ผมก็รีบจ้ำอ้าวตาม ติ๊ก ไอ้นี่มันก็รีบเดิน เหมือนจะไปตามวัวตามควายที่ไหนก็ไม่รู้
             “ติ๊ก!!” ผมเรียกมัน ติ๊กหันมามองผมแว๊ปหนึ่งแต่ว่ารีบเดินและจู่ๆ ติ๊กมันก็ไปหยุดที่ห้องผู้อำนวยการ ผมก็เบรกตัวโก่งเลย อย่าบอกน่ะว่ามันจะไปฟ้องพี่ชายมันน่ะ แต่ปกติติ๊กไม่ใช่ตนแบบนี้น่ะ ผมเห็นติ๊กเปิดประตูเข้าไป ผมก็รีบตามไป ผมคิดว่าห้ามไม่ทันแล้วแหละ มันเดินเข้าไปในห้องทำงานผู้อำนวยการแล้ว ผมเปิดประตูเข้าไป พี่ตุ๊ก็ลุกขึ้นแล้ว ผมหันไปมองหน้าติ๊ก พี่ตุ๊ก็มองหน้าผมสองคนสลับกันไปมา พร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปม
            “มีอะไรหรือเปล่าพาย” พี่ตุ๊ถามผม
            “ไม่มีครับ ผมแค่ตามติ๊กมา” ผมพูดเบาๆ ผมหันไปมองติ๊ก ติ๊กแค่หันมาชำเลืองตามองผม
            “งั้นพี่ลงไปข้างล่างน่ะ” พี่ตุ๊พูด ผมหันมามองติ๊กอีกที่ ผมว่าติ๊กเข้าใจสายตาของผม ผมถามติ๊กมันด้วยสายตา ประมาณว่า ทำแบบนี้ทำไม
            “เขาสามคนไปทีประตูด้านหน้ากันใช่ไหม” พี่ตุ๊ถามติ๊ก
           “ใช่พี่ตุ๊ ไอ้เดียวมันจอดรถไว้ด้านหน้า ไม่ได้เอาเข้ามาจอดด้านในพี่ตุ๊” ติ๊กพูด
            “อืมม งั้นพี่จะได้ไปที่ประตูหน้า ตอนนี้มีพี่คนเดียวเท่านั้นที่มีอำนาจให้ ใครออกนอกโรงเรียนในเวลาเรียนได้คนเดียวเท่านั้น “พี่ตุ๊พูด ผมหันมามองติ๊กใหม่อีกที เฮ้ย มันรีบมาบอกพี่ตุ๊ให้ลงไปเพื่อให้สามคนนั้นออกไปได้อย่างนั้นเหรอ ผมนี้รู้สึกผิดขึ้นมาทันที
            “ทำไม มึงคิดว่ากูร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ” ติ๊กพูดก่อนจะหันหลังออก
            “กู ขอโทษว่ะ” ผมพูดเบาๆ
            “ไม่มีใครออกไปได้นอกจากพี่ตุ๊สั่ง เพราะพี่ตุ๊ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบเมื่อวานอีก” ติ๊กพูด ก่อนจะเดินออกไป ผมก็เดินตามมันไป ติ๊กมันก็น่าสงสารอยู่น่ะ
             “ติ๊ก ทำไมมึงไม่บอกไอ้เดียวไปตรงๆ ว่ะ ว่ามึงก็มีใจให้มัน “ผมถามติ๊ก ติ๊กมันหยุดชะงักโดยไม่ได้หันมามองหน้าผม
             “มันก็มีใจให้มึง ใครก็ดูออก” ผมพูด
             “กูกลัวว่ะ กูกลัวว่ามันจะทำแค่เพื่อช่วยไอ้ดิวกับไอ้แอ้” ติ๊กพูดแค่นั้น ผมนี่อยากจะ ตบกระบาลมันจริงๆ
             “ชั่วโมงนี้เป็นวิชาพละ ลงไปด้านล่างกันดีกว่า” ผมพูด ติ๊กหันมามองหน้าผม
             “ไม่ล่ะ กูจะอยู่บนห้อง ฝากบอกครูด้วยว่า กูไม่สบาย โอเคน่ะ” ติ๊กพูดและจังหวะนั้น ไอ้แว่นหัวหน้าห้องเดินลงมาพอดี เพื่อเตรียมตัวไปเรียนวิชาพละ ไอ้แว่นมองหน้าผมสองคน
            “มีอะไรไอ้แว่น” ผมถามไอ้แว่น
             “คุณสองคนรู้หรือยังว่าทำรายงานคู่กับใคร” ไอ้แว่นมันขยับแว่นตาหนาๆ ของมันก่อนจะถามผมสองคน
           “ไม่รู้ว่ะ” ผมตอบแทน
           “ผมดูให้” ไอ้แว่นพูดก่อนจะเปิดมือถือของมันที่ บันทึกอะไรต่อมิอะไร ราวกับว่ามันคือนักธุรกิจร้อยล้านอย่างนั้นแหละ
           “คุณพาย ทำรายงานคู่กับผมครับ” ไอ้แว่นพูด ผมชี้หน้าตัวเอง ผมนี่น่ะ
           “แต่ ไม่ต้องห่วง ผมทำเสร็จแล้วครับ พรุ่งนี้รอส่งได้เลย” ไอ้แว่นพูด ผมพยักหน้า
           “ส่วนคุณติ๊ก ทำรายงานคู่กับ คุณเดี่ยวครับ” ไอ้แว่นพูด ไอ้ติ๊กมันสะบัดหน้ามามองหน้าไอ้แว่นและจู่ๆ ไอ้ติ๊กมันก็จะเข้าไปกัดหูไอ้แว่นซะนี่
           “เว้ยย!!” ไอ้แว่นร้องเสียงหลงเลย
           “มึงบอกว่ากูทำรายงานคู่กับไอ้เดี่ยว มึงดูดิ มันไปแรดแล้วน่ะ!!!” ติ๊กมันชี้หน้าไอ้แว่น
           “ผมไม่รู้นี่ครับ “ไอ้แว่นพูด
          “แล้วไอ้ดิวกับแอ้ล่ะ” ผมถามต่อ
          “คุณดิวกับคุณแอ้ เขาทำรายงานคู่กันครับ” ไอ้แว่นตอบ
          “ไอ้แว่น!!” ติ๊กมันโมโหไอ้แว่นอีกแล้ว
          “ไอ้แว่น!! กูว่ามึงรีบลงไปเรียนพละก่อนไป ก่อนที่มึงจะได้ไปโรงพยาบาล และวิชาพละมึงคงไม่ได้เรียนไปอีกหลายอาทิตย์เลยเพราะว่ามึงอาจจะได้แอทมิท ไปดิ!” ผมพูดบอกไอ้แว่น
          “ผมไม่ใช่คนจับฉลากรายชื่อนี่ครับ อันนี้ คุณผู้อำนวยการที่มาสอนต่างหากละครับ ไปโกรธเขาซิครับ!” ไอ้แว่นพูดไอ้แว่นพูดก่อนจะรีบเดินหนีลงไปเพราะว่ามันไม่อยากเจ็บตัว ผมหันมามองหน้าติ๊ก
          “งั้นมึงลงไปเลย กูต้องทำรายงานเพราะว่าคู่กูมันไปหาเมียมัน มึงเห็นไหมน่ะ ซวยฉิบหาย!” ไอ้ติ๊กพูดก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องทันที ผมก็ต้องยืนพ่นลมหายใจออกมายาวๆ หนักกว่านี่มีอีกไหม ผมแอบคิดในใจ ผมก็เดินหันหลังลงไปที่โรงยิม ผมเดาว่าทุกคนอยู่ที่นั้นกันหมดแล้วแน่นอน ระหว่างที่ผมกำลังเดินลงไปข้างล่าง ผมกำลังเดินส่วนพี่ตุ๊พอดี
           “พาย แล้วติ๊กล่ะ” พี่ตุ๊ถามผม
           “มันขึ้นไปทำรายงานอ่ะครับพี่ตุ๊และติ๊กมันก็ไม่ชอบ อยู่ที่ร้อนๆ พี่ตุ๊ก็น่าจะรู้ มันเลยขออยู่บนห้อง” ผมพูด พี่ตุ๊พยักหน้าเบาๆ ผมเดาว่าพี่ตุ๊น่าจะเดาสถานการณ์ออกอยู่แล้ว
           “บางทีให้เขาได้คิดอะไรเองบ้าง มันจะดีบ้างพาย” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ
           “ลงไปเรียนได้แล้ว จะหมดคาบแล้ว ยังไม่เข้าเรียนเลย” พี่ตุ๊บอกผม พี่ตุ๊ยิ้มอ้อนๆ ให้ผม ผมก็พยักหน้าก่อนจะเดินส่วนลงไป จะว่าไปพี่ตุ๊น่ะรักและเป็นห่วงมันมาก ไอ้ติ๊กนี่ชอบบ่นว่าพี่ตุ๊ดุอย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่าพี่ตุ๊ดูอบออุ่นจะตายไป มันทำให้ผมคิดถึงพี่แพท พี่พีช จังเลย ระหวางที่ผมเดินลงไปจนถึงด้านล่างและเดินตรงไปยังลานที่สำหรับเรียนวิชาพละ ผมไม่เห็นทุกคนกำลังเล่นแบทมินตันอยู่
           “พาย!!” ต้นข้าวเรียกผม ผมก็กำลังจะวิ่งไปไปหาโดยไม่ได้มองว่าผมกำลังวิ่งผ่านสนามฟุตบอล จู่ๆ ลูกฟุตบอลก็พุ้งตรงมาหาผม ผมยืนรอกรี้ดเลยแต่กรี้ดไม่ออกได้แต่เอามือปิดหน้าเอาไว้ ป้องกันหน้าเอาไว้ก่อน
            “ปัก!!” เสียงดังเหมือนมีบางสิ่งกระทบกับฟุตบอลแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน พอผมลืมตาขึ้นมาถึงได้เห็นไอ้พระเอก คนที่ขี่ม้าขาวมาช่วยเอาไว้ นั้นคือมาร์ค มาร์ควิ่งมาเตะลูกฟุตบอลทิ้งไปอีกทาง
           “เฮ้ย!! ดูด้วยดิ ตรงนี้มันทางคนเดินมึงเห็นไหม โดนน้องพายเขาขึ้นมาทำไงวะ!! “มาร์คหันไปเอ็ดน้องๆ
            “ขอโทษครับพี่!!” น้องเขารีบขอโทษใหญ่เลย กลัวไอ้มาร์ค
           “ว้าววว!! พระเอก!!!” เสียงแซว ดังมาทันที ผมมองมาร์ค เขินเลย
           “เกือบไปแล้ว” มาร์คพูด
           “ขอบใจน่ะ” ผมพูดขอบใจมาร์ค
           “ครูให้เล่นตีแบทอ่ะ ทุกคนมีคู่หมดแล้ว เหลือแต่มาร์คอ่ะ ยังไม่มีคู่” มาร์คพูด
           “โสดว่างั้น” ผมถามกลับ
           “โดนเลย!!” มาร์คพูด
            “พายล่ะ” มาร์คถามผม
          “ไม่น่าจะโสดแล้วแหละ” ผมพูด เขินหนักเข้าไปอีก
           “มีแฟนแล้วเหรอ!!” มาร์คถาม
           “กำลังจะมีมั้ง” ผมพูด
           “จีบขนาดนี้ เด็กอนุบาลก็ดูออก ดังนั้น กูจะทนเพื่อ?” ผมพูดและถามไอ้มาร์ค ก่อนจะเดินไปและเล่นตีแบทคู่กัน ระหว่างนั้นก็โดนแซวจากเพื่อนๆ ของมาร์ค โดยเฉพาะไอ้โซ่นี่แหละ จะว่าไปพวกนี้ก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรเลย เหมือนเด็กๆ ทั่วไป
            “พาย ติ๊กล่ะ มันไปไหนอ่ะ ไม่เข้าเรียนวิชาพละ” แจ็คเดินเข้ามาถามผม ผมหันไปมองไอ้แจ็ค
            “อยู่บนห้อง” ผมบอกแจ็ค
           “มันเฮิร์ท?” แจ็คถามผม
           “ใช่แหละ มันคงเสียใจแต่ดันซวยเสียใจซ้ำซ้อนในตอนเดียวกัน” ผมพูด แจ็คมัน มองหน้าผม
          “มึงไม่แปลกใจเหรอ ตั้งแต่ตอนที่มึงคบกับมันแล้ว คบได้สั้นมาก มึงไม่รู้สึกเหรอว่ามันกักเอาไว้ให้ใคร” ผมถาม ใช่ครับ ผมรู้เรื่องแจ็คและไอ้ติ๊ก ตอนที่บอยทิ้งไปใหม่ๆ ไม่มีใครรู้เลย มันสั้นมากจริงๆ ที่มันลองคบกันสุดท้ายไม่รอด
          “เพราะมันดราม่าควีนไง มันเลยไปไม่รอดมากกว่ามึง มันไม่ได้กักอะไรใครหรอกมันแค่โลกส่วนตัวสุงกว่ากู” แจ็คพูด
          “มึงไม่เคยบอกบอยใช่ไหมว่ามึงเคยคบกับไอ้ติ๊ก” ผมถามแจ็คเบาๆ แจ็คสั่นหัว
          “ตอนนั้น มันงงๆ คบหรือไม่คบ มันแยกไม่ออกวะ” แจ็คพูด
         “กูว่ามันก็แยกไม่ออกระหว่างความรู้สึกของมันกับไอ้ดิวเหมือนกันและแอ้อีกคน” แจ็คพูด
         “แต่อีกคนนี้กูมันเฮิร์ทหนักกว่าและมันก็เสือกปากดี ไปพูดเอาไว้ว่า ไอ้เดี่ยวไม่คู่ควรที่จะเป็นแฟนแต่เป็นเพื่อนดีกว่าไง” ผมพูด แจ็คหันมามองหน้าผมแบบไม่เชื่อ ผมพยักหน้าว่าใช่ มันพูดจริง
         “งานนี้ก็ต้องให้มันแก้ทีตัวมันเอง ไม่มีใครแก้ได้แล้วแหละพาย จริงๆ” แจ็คพูดก่อนจะเดินไปหาบอย บอยก็มองหน้าผมเชิงถามหาติ๊ก ผมชี้ไปบนห้องโน้น
         “พาย ไปห้องน้ำกันไหม” ต้นข้าวเดินมาหาผม ผมพยักหน้าว่าได้ ผมต้นข้าวและไอ้บลู ก็เดินไปห้องน้ำก่อนจะกลับขึ้นห้องเรียนเพื่อเตรียมเรียนวิชาต่อไป ระหว่างที่พวกผมสามคนเดินกันไปที่ห้องน้ำ จู่ๆ ก็เจอกลุ่มเด็กนักเรียนกำลังยืนคุยกันอยู่
         “นี่แก ตกลงพี่เดี่ยวเป็นแฟนใครกันแน่ พี่คนที่ชื่อปูห้อง 318 หรือว่าพี่ต้นข้าวว่ะ” ผมหันมามองต้นข้าว มันดังแล้วไง ข้ามคืนเลย
         “กูว่าพี่ต้นข้าวว่ะ พี่เดี่ยวน่าจะเลือกน่ะ พี่ปูนี้ ใครก็รู้ว่า เขาเคย เอาตัวไปแลกเงิน พูดง่ายๆ ขายตัวนั่นแหละ” ผมหยุดชะงัก จริงเหรอ ผมหันมามองต้นข้าวและบลู
        “กูก็พอจะได้ยินจากเด็กๆ เขาคุยเรื่องปูกันแบบนี้เหมือนกัน” ต้นข้าวพูด บลูพยักหน้าเบาๆ ว่าใช่
        “ชีวิตใครจะสมบูรณ์ว่ะ จริงไหม ถ้าเขาเลือกได้เขาคงไม่ทำหรอก” ต้นข้าวพูด
ผมนี่สงสารปูขึ้นมาทันทีแต่อีกคนซิ ที่มองว่าปูคือพวกต้มตุ๋น มันควรจะได้ยินที่พวกน้องๆ เขาพูดถึงปูกันมากกว่า ระหว่างที่ผมกำลังเดินผ่านน้องๆ กลุ่มนั้น เขาก็หันมามองหน้าผมก่อนจะรีบเดินแยกตัวไปทันที เขารู้ว่าเป็นเพื่อนกับเดี่ยวอยู่แล้วและคงกลัวโดนไอ้เดี่ยวมันว่าเอามากกว่าด้วย ผมสามคนพากันเข้าห้องน้ำและรีบพากันกลับขึ้นห้องเรียนทันที ผมเห็นติ๊กมันนั่งก้มหน้าก้มตาทำรายงานอยู่ ติ๊กเป็นคนที่เขียนหนังสือสวยมาก สวยเหมือนตัวพิมพ์เลยก็ว่าได้
           “ติ๊ก มึงทำรายงานเสร็จยังให้กูช่วยไหม” ก่อนที่ผมจะค่อยๆ นั่งลง ผมถามติ๊ก ติ๊กเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม
           “ยังอ่ะ” ติ๊กตอบผมแบบห้วนๆ ระหว่างนั้นทุกคนเดินเข้ามานั่งกันหมด หลุยส์มองผมกับไอ้ติ๊กแต่ก็ไม่กล้าถามอะไรน่าจะเป็นที่ธรรณ์ สะกิดหลุยส์เอาไว้ แจ็คมันก็ไม่กล้าถามเหมือนกัน บอยก็มองผมยิ้มๆ ติ๊กมันไม่เงยหน้ามองใครทั้งนั้นและการเรียนวิชาคาบสุดท้ายก็เงียบกริบ เหมือนไม่มีติ๊กอยู่ในห้อง ผมเองก็ไม่กล้าชวนคุย จนกระทั้งเลิกเรียน
          “พวกกูจะไปดูห้องที่จะใช้เป็นชมรมว่ะ” แจ็คพูดขึ้น
          “บอยกับธรรณ์ก็จะไปดูเหมอืนกัน” บอยพูดขึ้น
         “กูไปกับธรรณ์และบอยว่ะ” หลุยส์พูด
         “มึงล่ะติ๊ก ไปกับกูไหม” ผมถามติ๊ก ติ๊กมองหน้าผมก่อนจะเก็บทุกอย่าง
         “กูกลับบ้าน” ติ๊กพูดพร้อมกับลุกขึ้นทันที ติ๊กเก็บทุกอย่างและเดินออกไปโดยไม่ยอมพูดยอมจากลับใครเลย ไม่มีใครกล้าแซวติ๊กเลยสักคน มันคงสังเกตจากสีหน้าของติ๊กได้ดี
          “ตกลงมันโกรธใครว่ะพาย” หลุยส์มันหันมาถามผม
          “นั้นดิ มันโกรธใครเนี่ยว่ะ” แจ็คพูดอีกคน
          “งั้นกูสองคนไปหาที่เงียบๆ ทำรายงานน่ะและกูจะรอดูพวกนั้นมันซ้อมฟุตบอลกันด้วย” ต้นข้าวพูด ทุกคนโบกมือให้ไอ้ต้นข้าว ต้นข้าวมันได้คู่กับไอ้โซ่ ส่วนบลูได้คู่กับไอ้คนชื่อเอ็ม ผมหันไปมองมาร์ค มาร์คมันคงเห็นสีหน้าผมแตกต่างจากตอนบ่ายมาก ก็ผมกังวลเรื่องไอ้ติ๊กนี่แหละ มาร์คเลยทำนิ้วให้ผมยิ้ม ผมก็ยิ้มอ่อนๆ ตอบกลับไปและผมก็เก็บของเช่นกัน ผมคงลงไปกับต้นข้าวและบลูเลย ว่าจะไปดูพวกนี้แตะบอลเหมือนกัน
           TBC...


หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯEP.60 (เดี่ยว)ไปเยี่ยมแม่ของปู
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 16-03-2024 11:29:35
EP.60 (เดี่ยว)ไปเยี่ยมแม่ของปู

                Part’ s เดี่ยว หลังจากที่ป๊อดบอกผมว่ามีคนไปส่งปู เนื่องจากแม่ของปู ถูกส่งไปโรงพยาบาลด่วน ปูจึงรีบไปดูแม่ของเขาทันที ผมรู้ว่าปูเขาน่าสงสารมาก ไม่มีพี่น้อง แถมเขาก็เสียพ่อเขาไปตั่งแต่เขายังเด็กและแม่คนเดียวของเขาก็มาป่วยหนัก เป็นมะเร็งอีก สิทธิ์รักษาพยาบาลอะไรก็ไม่มีเลย ผมยิ่งสงสารเขามากแต่ยอมรับว่ามันเหมือนกระจกบางๆ กั้นระหว่างคำว่ารักกับคำว่าสงสาร คำว่าเหมาะสมกับคำว่าสูงค่า เอื้อมถึงหรือจะต้องไขว่คว้าให้ได้มาก มากมายหลายอย่างในหัวผม

                 “เดี่ยว!!” ผมหันไปมองคนที่เรียกชื่อผม ไอ้ดิวและแอ้ เดินตามผมมาติด ไม่ซิ วิ่งจะดีกว่า

                 “มึงจะออกไปทั้งแบบนี้ไม่ได้ มึงต้องขอเขาก่อน” ไอ้ดิวบอกผม

                 “นาทีนี้ ไม่มีอารมณ์ขอแล้ว” ผมหันไปพูด

                 “ปูต้องการใครสักคน เขาไม่มีใครและกว่าจะขอ ไม่รู้ว่าจะได้ไหม แต่กูต้องไป “ผมหันไปพูดกับไอ้ดิว

                 “มึงเลือกเขาใช่ไหมล่ะ “ดิวพูด ผมหันไปมองหน้าแอ้ ผมรู้ว่าแอ้รักและเป็นห่วงติ๊กแค่ไหน ผมเองกลับให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ ผมเดินมาจนถึงหน้าประตู ยามที่ดูแลรีบลงมาขวางทันที

                  “จะไปไหนกันครับ ยังไม่ใช่เวลาเลิกเรียนเลยครับ ห้ามออกครับ นี้คือคำสั่งท่านผู้อำนวยการคนใหม่ครับ” ลุงคนที่เป็นรปภ ของโรงเรียนรีบพูดทันที

                  “ผมขอออกไปดูแม่เพื่อนได้ไหมครับ เขาเข้าโรงพยาบาลด่วนนะครับ ผมแค่ไปดูเพื่อว่าเพื่อนผมต้องการความช่วยเหลือ เขาไม่มีใคร ผมขอออกไปแป๊บเดียวได้ไหมครับ” ผมพูด

                  “นั้นซิ ผมขอออกไปไม่นานครับ พวกผมจะรีบกลับมา” ดิวช่วยพูดอีกคน

                  “ไม่ได้ทั้งนั้น จนกว่าจะมีคำอนุญาตจากท่านผู้อำนวยการเท่านั้น!” ลุงรปภ เขาพูด ผมนี่เกาหัวทันที

                   “ผมอนุญาต” จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของพวกผมสามคน ผมหันกลับไปมอง คนที่พูดนั้นคือพี่ตุ๊ ผู้อำนวยการคนใหม่ พี่ตุ๊มองผมสามคนสลับกันไปมา

                   “ผมขอ...” ผมทำท่าจะพูดแต่ว่าพี่ตุ๊ยกมือห้ามผมเอาไว้ซะก่อน

                   “ติ๊กบอกพี่หมดแล้ว พากันไปเถอะและถ้ามีอะไรที่เกินความสามารถเราสามคน โทรหาพี่ “พี่ตุ๊พูด ผมสามคนยกมือไหว้และพี่ตุ๊ก็พยักหน้ากับลุงรปภ ให้เปิดประตูได้ ผมสามคนก็พากันวิ่งออกไปเพื่อจะได้รีบกลับมา



                    ผมรู้ว่าแม่ของปู เขานอนที่โรงพยาบาลไหน เป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด ที่ผมรู้จักก็ตอนที่พ่อผมถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และพ่อผมก็ถูกส่งไปที่โรงพยาบาลนั้น ต่อมาพ่อผมก็เสียชีวิตที่นั่น อันที่จริงกำลังก็จะรีเฟอร์ไปโรงพยาบาลค่ายทหารที่พ่อของได้ดิวดูแลอยู่แล้วแต่ไม่ทัน สาเหตุเพราะว่าคนมาใช้บริการเยอะมาก เรียกว่าหนาแน่นเลยทีเดียว แถมพยาบาลก็ดุ พูดกับคนไข้นี่แทบจะไม่มีหางเสียงเลยและยิ่งไม่มีสิทธิ์ในการรักษาไม่ต้องพูดถึงเลยจะได้รับการดูแลแบบไหนกัน ผมขับมาจนถึงลานจอดรถและนำรถเข้าจอดทันที ดูจากสภาพที่หน้าแน่นของรถที่นำมาจอดก็น่าจะรู้ว่าคนเยอะไหน ไอ้ดิวมันยังทำหน้าตกใจเลย

                      “หาของเยี่ยมด้วยว่ะไอ้ดิว "แอ้พูดกับไอ้ดิว ผมก็ยืนคลี่กระดาษที่ไอ้ป๊อดมันเขียนชื่อนามสกุลแม่ของปูให้ผมมาออกมาดู แม่ของปูชื่อว่า ป้าเทียมใจ สุดวิไล ผมเดินตรงไปที่เวชระเบียนทันทีเพื่อถามหาห้องพักที่แม่ปูพักรักษาส่วนดิวกัยแอ้ไปดูของเยี่ยมแม่ของปู

                      "สวัสดีครับผมมาเยี่ยมคนไข้ชื่อคุณป้าเทียมใจ สุดวิไล"ผมถามเจ้าหน้าที่ อ้วนๆ สวมแว่นตา เหล่มองผมลอดแว่นตา ผมคิดในใจนี้คือการมองคนมาใช้บริการเหรอ

                      "เขียนชื่อคนไข้ใส่กระดาษและรอ"ผมก็มองนี้บริการดีไปไหมเนี๊ยะ! คือบริการดีดีหายไปไหนหมด ผมยื่นกระดาษที่มีชื่อนามสกุลให้เจ้าหน้าที่เขาก็รับไป ผมขยับมายืนไม่ไกลมากหนัก ผมหันไปมองดิวกับแอ้เดินกลับเข้ามาหาผม เขามองผมก่อนจะหันไปมองเจ้าหน้าที่ที่ดูจะไม่ค่อบสบอารมณ์หนัก ดิวมันคิ้วมองผม ผมพยักหน้าว่านี่แหละที่ทำให้ผมออกมายืนห่างๆ ก่อนจะใช้ร้อนทำอะไรมากกไปกว่านี้ จากน้ำเสียงของเข้าหน้าที่ ทำให้ผมสามคนยืนติดกันเพราะว่ากลัวครับ ถามว่าผมกลัวไหม ไม่กล้วหรอกแต่ก็พยายามจะไม่อะไรที่ไม่สมควรออกไปเพราะว่ามันกระทบหลายคน

                       "ว่าไงเดี่ยว"ไอ้ดิวกระซิบข้างหูผม ถามผมเพราะสีหน้าผมเริ่มหงุดหงิด

                       "เขาให้กูรอ บริการดีมากเลย"ผมพูดประชด

                       "คนเยอะนี่หว่าไอ้เดี่ยว มึงดูดิ"แอ้พูดขึ้นพร้อมพยักพเยิดให้ผมดู ผมก็รู้ว่าเยอะแต่จะมาทำหน้าตาบอกบุญไม่รับแบบนี้ใส่ผู้ใช้บริการมันก็ไม่ถูกนะ

                      "คุณเทียมใจ สุดวิไล อยู่ตึกคนไข้อนาถาข้างตึกสงฆ์ "เจ้าหน้าที่พูดย้ำชัดเจนว่าคนไข้อนาถา ผมนี้โมโห

                      “ป้า แค่คนไข้ยากไร้ก็พอมั้งครับ ไม่ต้องใช้ว่าอนาถาหรอกมั้งเพราะว่ามันหมดยุกต์นั้นไปนานแล้ว ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันหมดแล้วป้า” ผมพูด เจ้าหน้าที่ลุกขึ้นขึงตาใส่ผมด้วยความโมโหที่ผมเรียกเขาว่าป้า ส่วนไอ้ดิวมันก็ดึงแขนและลากผมออกไปทันทีเช่นกัน

                      “อย่าไอ้เดี่ยวไอ้เชี้ย นั้นเจ้าหน้าที่นะมึง” ไอ้ดิวมันเป็นฝ่ายห้ามผมและดึงลากผมออกมาจากจุดนั้น

                      “ฟู่!!” ผมยืนพรูลมหายใจออกมาจากปลายจมูกโด่งรั้นของผม ผมพยายามระงับความโกรธอยู่ ที่ผมโกรธนี้ไม่ใช่แค่เพราะว่าแม่ปูคนเดียว แต่มันทำให้ผมหวลไปคิดถึงพ่อของผมด้วย

                     “เป็นห่าอะไรของมึงวะ"ไอ้ดิวถามผม ผมไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดอะไรแบบนี้เลยจนผมกลับมายืนที่เดิมที่นี้ ความทรงจำที่เลวร้ายมันกลับมาอีกครั้ง "แทนที่จะได้เข้าไปเยี่ยมเดี๋ยวป้าแกก็เรียก รปภ มาลากออกไปหรอกมึง “ไอ้ดิวมันถามผมและตบบ่าผมเบาๆ เพื่อให้ผมเย็นลง

                     “กู…กู.. นึกถึงพ่อกูว่ะ พ่อกูเสียที่นี้ ตอนนั้นกูคิดว่าถ้าเขา ส่งพ่อกูไปโรงพยาบาลพ่อมึงทัน พ่อกูคงไม่เสียว่ะ กูเลย …” ผมพูด

                     “โมโหว่ะ เพราะต้นเหตุที่ทำให้เขาส่งพ่อกูไปไม่ทันก็เพราะเอกสารบ้าบออะไรก็ไม่รู้ แทนที่จะส่งไปก่อน กูเลยจำภาพนั้นจนฝังใจว่ะ” ผมพูดพร้อมกับก้มหน้าลง แอ้กับดิวมันมองหน้าผมและพยักหน้าว่ามันสองคนเข้าใจผม

                     “ไปหาแม่ของปู เถอะว่ะ “ไอ้ดิวพูดและหันไปจับต้นแขนแอ้



                       ผมสามคนเดินไปตามป้ายบอกทางที่ตัดไว้ตามจุดต่าง ๆ พอพวกผมกำลังเดินผ่านร้านค้าแอ้ก็รีบตรงเข้าไปซื้อนมตราหมีมาสองแพ็ค ผมยืนรออยู่ ผมอยากจะช่วยเป็นเงินจะดีกว่าผมไม่รู้ว่าคนไข้ทานอะไรได้หรือทานอะไรไม่ได้บ้าง พอแอ้ออกมาก็รีบพากันเดินออกทันที

                       “ตอนพ่อกูถูกยิงและพามาที่นี้ พยาบาลแทบจะไม่ทำอะไรเลยและมีสายโทรมาว่าให้รีเฟอร์พ่อกูไปที่โรงพยาบาลในค่ายฯที่พ่อมึงดูแลอยู่ด่วน แต่ว่าพ่อกูทนพิษบาดแผลไม่ไหวเลยเสียชีวิต ตอนนั้นกูแทบอยากจะเอาปืนมายิ่งแม่งเลยทุกคนเลยว่ะ” ผมพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น ผมยังแค้นจนถึงทุกวันนี้ แต่ว่าวันนั้นแม่ผมจับแขนผมไว้ แม่บอกว่าแม่เสียพ่อไปแล้วอย่าทำให้แม่เสียผมไปอีกคนเลย ผมเลยหยุดความคิดบ้าๆ นั้น

                      “ไอ้เดี่ยว” แอ้มันแตะไหล่ผม ผมพยักหน้าว่าผมโอเค ผมรู้ว่าผมทำไม่ได้หรอกตอนนั้นนะ ต่อให้อยากทำก็เถอะ พวกผมเดินมาถึงห้องพักคนไข้ตามที่เจ้าหน้าที่เวชระเบียนบอกผมมา เป็นแผนกคนไข้ยากไร้ เป็นห้องรวม คนไข้เยอะมาก ผมเดินเข้าไปมองหาว่าเตียงไหน จะถามพยาบาลหน้านี้บอกบุญไม่รับเอาซะเลย ไม่มีใครสนใจด้วยว่าจะมาทำไม หาใคร

                      “เห็นแล้วอึดอัดแทนเลยว่ะ คนไข้เยอะมาก ถ้าเป็นไปได้ ถ้าปูยินยอมกูว่าทำเรื่องย้ายไปโรงพยาบาลพ่อกูดีกว่าว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด

                      "นั้นไงปู"แอ้ผมมองตามแอ้ ผมเดินตรงไปหาปู ตอนนี้ปูที่นั่งหมอบหลับอยู่ มือก็กุมมือของแม่เขาอยู่ด้วย แม่ของเขาดูผอมมาก หน้าตาอิดโรย พอเขาหันมาเจอพวกผมสามคนก็ยิ้มให้และสะกิดเรียกปู เพราะว่าปูหลับอยู่ข้างๆ เมื่อคืนคงไปช่วยแม่ของป๊อดจนดึก

                        "ปูเพื่อนลูกหรือเปล่า"แม่ของปูพูดด้วยน้ำเสียงของคนที่แทบจะไม่มีแรง พวกผมยกมือไหว้แม่ของปู และพอปูเงยหน้าขึ้นมา เจอผมสามคนก็มีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด

                        “พวกนายมาได้ยังไง” ปูลุกขึ้นถามพวกผม แอ้เป็นคนส่งนมให้ก่อนและรอยยิ้ม

                       "พวกเรามาเยี่ยมแม่นายน่ะปู "ดิวพูดและสะกิดไหล่ผมให้พูดอะไรบ้าง

                      “พอดี เดี่ยวเจอป๊อดน่ะปู เขาบอกว่าแม่ปูเข้าโรงพยาบาลด่วนเลยรีบตามมา” ผมพูด

                      "ขอบใจนะแต่…."ปูพูดพร้อมกับก้มลงมองของฝากที่แอ้ซื้อให้

                     "ไม่เป็นไรน่ะปู"แอ้พูดพร้อมกับยื่นมือไปแตะที่ไหล่ของปู

                     “พวกเราเต็มใจมาเยี่ยม “ดิวพูดเสริมอีกคน

                     "ใครเป็นญาติคุณเทียมใจ รบกวนออกไปคุยกับเจ้าหน้าที่การเงินด้านนอกด้วย "จู่ๆ ก็มีพยายาลอายุเยอะแล้วเดินมาเรียกหาญาติคนไข้แม่ของปูนั่นแหละ แต่พูดจาได้ห้วนมาก ผมหันไปมองไอ้ดิว ไอ้ดิวมันขยิบตาว่าอย่าก่อเรื่อง ผมรู้ว่าไม่ควรเพราะว่าแม่ของปูยังต้องเข้าออกโรงพยาบาลนี้และคงต้องมานอนห้องนี้อีกด้วย

                    "เออ...แม่ เดี๋ยวปูมานะ"ปูพูดและเดินไป ผมเห็นสีหน้าปูดูกังวลขึ้นมาทันที

                    "เขาคงจะทวงค่ายานะ มันค้างมาตั้งแต่ครั้งก่อนแม่ยังไม่มีเงินจ่ายเขาเลย ปูก็รับงานทำนั้นทำนี้แต่ก็ยังไม่พอ แม่นี่สงสารปูเหลือเกิน เกิดมาไม่เคยมีครบเหมือนคนอื่นเขา"แม่ของปูพูดไปน้ำตาก็คลอเบ้าไปด้วย

                     “หงึก ๆ “ไอ้ดิวมันดึงเสื้อนักเรียนของผม

                     “เดี่ยว นี้เงินกูกับแอ้ นะเอาไปช่วยปูจ่าย ทำยังไงก็ได้ให้ปูรับเงินนี้"ไอ้ดิวกระซิบกับผมพร้อมกับส่งเงินมาให้จำนวนหนึ่งแต่แน่นอนมันเยอะมากสำหรับเด็กมัธยมที่จะพกกันขนาดนี้

                     “กูไปกดมาจากตู้เอทีเอ็มข้างๆ ร้านสะดวกซื้อ เอาน่า แค่นี้ ไม่เยอะหรอกสำหรับกู กูช่วยได้ก็ช่วยว่ะ” ดิวพูด ผมก็พยักหน้า ผมก็เห็นจำนวนเงินหนึ่งหมื่นแปดพันบาทที่ดิวกดมาให้ ผมก็หยิบใส่เข้าไปอีกสองพันเพื่อจะได้เป็นสองหมื่น ให้ปูเอาไว้ใช้ ผมเดาว่างช่วงนี้ปูไม่น่าจะทำอะไรได้มาก ต้องคอยดูแลแม่ของเขาก่อน ผมเดินออกไปเพื่อไปตามหาปู ผมก็เจอปูยื่นคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่ ดูสีหน้าคนสองคนที่ต่างกันลิบลับ อีกคนดุกังวลและอีกคนก็เรียกได้ว่ากำลังไล่ตอนคนที่กำลังจนมุม คงคิดว่าจะทำให้ตัวเองดูเหนือกว่าซิน่ะ ผมพ่นลมหายใจออกมายาวก่อนจะเดินเข้าไป

                     "น้อง ค่ายาคีโมมันแพงนะคะ น้องต้องหามาจ่ายได้แล้วค่ะไม่อย่างนั้น ยาคีโมอีกรอบก็ให้ไม่ได้ค่ะเพราะว่ามันจะเยอะเกินไป พวกพี่ก็ต้องมานั่งตามหนีกันอีกและคนที่ซวยคือพี่ค่ะ พี่นี่ค่ะที่จะโดนหัวหน้าด่าค่ะน้อง! "เจ้าหน้าที่เดินมาพูดกับปู

                     "ผมขอเวลาสองสามวัน"ปูพูดด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมแต่อีกฝ่ายดูท่าไม่เคยมีพ่อแม่หรือไงถึงไม่เข้าใจหัวอกลูกกตัญญูกัน

                     "เท่าไหร่ครับ "ผมเดินเข้าไปถามทันที ปูหันมาผมยกมือเบรกเอาไว้ ผมมองหน้าเจ้าหน้าที่ เขาก็มองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลยก็ว่าได้

                      "เดี่ยว ไม่นะ"ปูพูดและดึงแขนผม เขาไม่อยากให้ผมจ่ายให้เขาแต่

                      "เท่าไหร่ครับผมจะจ่ายเดี๋ยวนี้"ผมพูดมองหน้าเจ้าหน้าที่กลับ เป็นเจ้าหน้าที่ที่มารยาทแย่แล้วยังเป็นคนที่ไร้เมตตาธรรม แถมการบริการก็แบ่งชนชั้นอีก นี้แค่เพราะว่าแม่ของปูเขาไม่มีสิทธิ์ในการรักษาเช่นคนอื่นๆเท่านั้น และเขาเป็นคนไข้ที่ไม่มีตังค์แค่นั้น

                       "หนึ่งหมื่นห้าพันบาทค่ะ"เจ้าหน้าที่โชว์ใบแจ้งค่ารักษาให้ผมดู ผมก็รับมาถือเอาไว้ ปูเงยหน้ามองผม

                       "ผมยินดีจ่ายตอนนี้ ไปห้องการเงินได้เลยใช่ไหมครับ "ผมพูดเจ้าหน้าที่พยักหน้า ผมก็เดินตามทันที ปูหันมามองผมก่อนจะรีบเดินตามผมไปในทันที ผมสับเท้าเดินให้ทันเจ้าหน้าที่

                       "ไปจ่ายเถอะปู ไม่ต้องห่วง มีเมื่อไหร่ค่อยให้เรากับดิว "ผมพูดกับปู ผมพากันมาที่ห้องการเงินและนำเงินออกมานับ เพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่ของปูและเขาะจะได้ยาคีโมชุดต่อไปได้อีก

                       "หนึ่งหมื่นห้าพันบาทครบถ้วนนะครับ คุณเจ้าหน้าที่"ผมส่งเงินให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ทำการตรวจนับอีกครั้งและกำลังจะออกใบเสร็จ แต่ผมนะปากไว้

                      "พึ่งจะขึ้นป้ายว่าผ่านISO มา  ทำไมการพูดจากับผู้ใช้บริการได้แย่มาก "ผมพูดเสียงดัง จนคนรอบ ๆ ที่รอจ่ายเงินก็หันมามองผมสองคนเป็นตาเดียวกันหมดแต่ผมไม่แคร์

                       "จริงด้วย ไม่มีมารยาท บริการก็แย่ เงินก็ภาษีเรา"คนข้างๆ ผมพูด ส่วนผมยักคิ้วให้คนที่กำลังออกใบเสร็จคงโกรธผมมากและไม่ใช่มีแค่ผมและอีกคน คนอื่นก็ซุบซิบว่ากันต่างๆ นานา

                       “ใช่ แถมทำงานก็ช้ามาก รอมาจะชั่วโมงแล้วนะแค่จ่ายเงินแค่เนี๊ยะ!” มีผู้หญิงคนหนึ่งมาบนเหมือนกันข้างๆ และคนอื่นๆ อีกที่เข้ามาสมทบ

                     "ใบเสร็จ!"คนนั้นส่งใบเสร็จให้ผม และยังหันมามองค้อนผมสองคนด้วยที่ผมจุดประกายคนข้างๆ ให้ลุกขึ้นบ่นกันใหญ่เลย

                     "ไม่มีใครเขาบอกเหรอครับคุณว่าควรมีค่ะลงท้าย บริการนะเขาไม่เลือกสถานะกันหรอกนะครับคุณ"ผมพูดแต่ปูดึงผมออก ไม่อยากให้ผมมมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่ที่นี้ ผมเดินกลับเข้าไปยังห้องคนไข้ที่แม่ปูพักอยู่ ผมเห็นแอ้กำลังประคองแม่ปูทานน้ำ

                      "ขอบใจนะแอ้"ปูรีบเข้าไปช่วยด้วยอีกคน

                      "ไอ้ดิวละแอ้"ผมถามแอ้เพราะว่าผมไม่เห็นไอ้ดิวมันไม่อยู่ตรงนี้

                       "แม่ของปูเขารู้จักพ่อภาณุเดชพ่อของดิวน่ะเพราะแม่ของปูเคยรับดูแลพี่ๆ ของดิว ตอนที่พี่ๆ ของดิวเกิด ดิวเลยไปโทรหาพ่อภา เราจะย้ายแม่ของปูไปโรงพยาบาลในค่ายทหารของพ่อดิว "แอ้พูดผมก็คลี่ยิ้มออกมาผมหันไปมองหน้าปู ปูก็มองหน้าแอ้ อีกที ผมว่าปูเขาคงดีใจที่แม่อาจจะได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ดีๆ ผมเองก็ดีใจนี่ถ้าพ่อผมย้ายได้ทันพ่อผมคงปลอดภัย

                        "แต่พวกเราไม่มีสิทธิ์อะไรเลยนะแอ้"ปูพูดขึ้น

                        “พ่อของดิวนะใจดีมาก เขาไม่มาห่วงว่ามีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์หรอกปู พ่อภาของดิวนะเป็นหมอที่ยื่นมือเขารักษาคนไข้ทุกคนด้วยความเต็มใจ” แอ้พูดและไอ้ดิวก็เดินกลับเข้ามาพอดี

                        "ครับพ่อขอบคุณครับ"ไอ้ดิวมันคุยกับพ่อมันเสร็จแล้วและวางสายทันที

                        "ไม่เป็นไรปู คุณน้าคนนี้เคยอยู่ดูแลพี่ๆ ของดิว

                  พ่อของดิวยินดีจะรับแม่ของปูไปรักษาอย่างดี ที่โรงพยาบาลที่อยู่ในค่ายทหารของพ่อดิว และมันก็ไม่ไกลมากหนัก พรุ่งนี้พ่อจะให้รถที่โรงพยาบาลมารับ และวันหยุดดิวกับแอ้จะกลับไปที่ค่ายกันด้วย ไปหาแม่ของปูด้วยกันก็ได้น่ะ"ดิวพูด ปูกอดแม่ของเขา ปูดีใจมากจนร้องไห้ทันที ที่แม่เขาจะได้รับการดูแลดีกว่านี้ ผมดีใจแทนจริงๆ ผมหันมองไอ้ดิว ผมเชื่อว่าถ้าต่อไปไอ้ดิวได้ทำหน้าที่เหมือนพ่อของเขาแน่ๆ เขาจะทำแบบนี้เช่นกัน ผมเองก็อยากจะทำให้ตัวเองมีประโยชน์เหมือนกัน ผมอยากเจอท่านอีกครั้ง ผมได้ยินพ่อผมพูดถึงท่านบ่อย ๆ ว่าท่านเป็นคนมีเมตตามากแค่ไหน

                   "คุณหนู"แม่ปูพยายามยกมือไว้ดิว

                   "อย่าเรียกผมคุณหนูเลยครับ ตัวโตขนาดนื้ เรียกไปไม่มีใครเชื่อแน่นอน "ไอ้ดิวพูดปนหัวเราะและจับมือแม่ของปูไม่ให้ไหว้ไอ้ดิว

                   "ปูกลับไปเรียนเถอะนะการเรียนสำคัญ"แม่ของปูพูดกับปู

                   "และไปช่วยป้าแป้ดทำอาหารด้วย ป้าแป้ดยิ่งไม่มีคนช่วยอยู่น่ะช่วงนี้ "แม่ของปูพูดกับปู แสดงว่าป้าแป้ดนี้สำคัญกับแม่และปูมากพอสมควร ผมรู้ว่าป้าแป้ดคือแม่ของไอ้ป๊อดนั้นเอง

                    "ขอโทษนะคะ เตียงนี้ชื่อคุณเทียมใจใช่ไหมคะ"มีเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งเดินมาถามที่เตียงคนไข้ที่ผมยืนอยู่

                     "ใช่ครับ"ปูลุกขึ้นตอบทันที

                    “ศ.นพ.พลเอกภาณุเดช ได้ส่งเอกสารทางแฟกซ์มาให้ ผอ.โรงพยาบาลว่า คุณคือคนไข้ของคุณหมอ จะให้รีเฟอร์ไปที่โรงพยาบาลที่ค่ายฯพรุ่งนี้ตอนเช้า เดี๋ยววันนี้จะย้ายเข้าห้องคนไข้พิเศษก่อน มีพยาบาลดูแลนะคะ "เจ้าหน้าที่พูดดีทีเดียว ดีกว่าตอนแรกมาก แตกต่างราวกับหน้ามือและหลังเท้า ผมหันมามองไอ้ดิว พ่อของดิวนี่เจ๋งจริง ๆ ไอ้ดิวยักไหล่ให้ผม

                    “ใครก็เกรงใจ แต่พวกกูไม่เคยเอาชื่อนามสกุลพ่อมาขู่ใครเล่นนะมึง พ่อเอาตายเลยมึง ถ้ามีเหตุผลที่สมควรก็อาจจะได้อยู่” ไอ้ดิวมันกระซิบกับผม ผมนะเชื่อมัน

                    "ปูกลับกันเถอะกลับไปพร้อมกันเลยนะเพราะว่าปูต้องไปช่วยแม่ไอ้ป๊อดไม่ใช่เหรอ ส่วนแม่นะไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว มีคนดูแลอย่างดี และถ้าจะไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลพ่อของดิว เดี๋ยวจะพาไปเอง"ผมพูดบอกปู ปูก็ยิ้มให้ผมรอยยิ้มที่ดูดีกว่าตอนที่มาเห็นทีแรก และพยาบาลก็เข้ามาเข็นเตียงคนไข้คือแม่ของปูออกไปพักที่ห้องพักพิเศษ
                       พวกผมพากันเดินลงมา พวกผมเชื่อใจว่าพ่อของดิวจะดูแลแม่ของปูดี ผมเดินมาถึงชั้นล่าง ผมจับมือปูมาตลอด ผมสงสารเขามาก บางคนมีพร้อมก็พร้อมไปซะทุกอย่าง บางคนขาดก็ขาดไปซะทุกอย่างเช่นกัน

                  "ขอบใจน่ะ เดี่ยว"ปูหันมาพูดกับผม

                  "กินข้าวหรือยัง "ผมถามปูเพราะว่าตอนที่ผมกำลังทานพิซซ่าอยู่ผมเห็นไม่เห็นปูนั่งอยู่แล้ว

                   "เออ "ปู แสดงว่ายัง

                   "พวกเรายังหิวอยู่เลย ไปหาอะไรทานกันดีกว่า "แอ้พูดผมหันไปมองก็เพิ่งจะทานพิซซ่ามาไม่ใช่เหรอ แต่อย่างว่าและ ผมไม่ได้ทานมากเพราะว่ามัวแต่คุยกันมากกว่าและผมก็เองก็ไม่ได้ชอบทานพิซซ่าวะด้วย ปูพยักหน้าเป็นคำตอบเบาๆ และพวกผมพากันเดินไปขึ้นรถ ปูขอไปนั่งหลังกับแอ้ ผมเหลือบมองผ่านกระจกมองหลังดูสองคนนี้เขาคุยกันสนิทกันเร็วจัง

                    "ปูเขาน่ารักน่ะมึง ว่ามั้ย? " จู่ๆ ไอ้ดิวมันก็พูดขึ้นมาที่ข้างหูผม ผมหันมามองหน้ามันผมเข้าใจความหมายของมันดี มันคงให้ผมคิดว่าอีกคนที่ดีพร้อมเขาคงไม่ต้องการให้ใครดูแลแต่อีกคนที่เขาขาด นั้นซิผมควรยื่นมือเข้าไปขอดูแลจะดีกว่า ดังนั้นผมควรเลือกคนที่ ผมจะเลือกได้ใช่ไหม

                     "มึงหมายถึงให้กูเลือกเหรอวะ "ผมถามไอ้ดิวทั้งที่รู้ความหมายดีอยู่แล้ว

                     "ปูเขาน่ารักกว่าไอ้ติ๊ก กูกลัวมันจะทำให้มึงเจ็บ ไอ้ติ๊กน่ะและนี่กูเตือน"ไอ้ดิวพูดผมนิ่งไปเลย จริงอีกคนเขาคงไม่จำเป็นเพราะเขาพร้อมทุกอย่างแล้ว

                     "กูไม่ได้กันมึงนะเดี่ยว"ไอ้ดิวพูด ผมพยักหน้ากับมัน



                             ผมมาถึงร้านอาหารใกล้ ก็เข้าไปหาอะไรทานกัน ในร้านอาหาร ผมกับปูคุยกันมากขึ้น ยิ่งเห็นความน่ารักของปู แต่ผมกลับยังไม่รู้สึกพิเศษ หรือมันอาจจะแค่เริ่มต้น ผมรู้ว่าเขาคนนั้นสูงเกินไปสำหรับผมที่ผมจะไปไขว่คว้ามาครอง ผมหันไปมองไอ้ดิว มันพยักหน้ากับผม ให้ผมดูปูกับแอ้คุยกัน น่าแปลกน่ะที่แอ้เป็นคนพูดน้อยที่สุดแต่กลับเข้ากับคนอื่นๆ ได้ดีกว่าติ๊กมาก ไม่ว่าจะเป็นต้นข้าว ที่ดูสนิทกับแอ้ เห็นคุยกันถูกคอแทบจะทุกเรื่องและนี่ก็ปูอีกคน

                       "เฮ้ย! กลับเถอะว่ะ นี่เราต้องกลับไปทำรายงานส่งพี่ตุ๊อีก "ไอ้ดิวพูดขึ้นผมพยักหน้าและพากันขับรถเข้าไปด้านในโรงเรียน ผมก็ไปลงสมุดว่าไปไหนกันมา ผมลงในสมุดรายงานว่าพาเพื่อนไปหาแม่ที่เข้าโรงพยาบาลกันมา และพอเจ้าหน้าที่ที่ดูแลอยู่ก็โทรไปแจ้งผู้อำนวยการนั้นคือพี่ตุ๊ และเขาก็ให้พวกผมกลับเข้ามาในโรงเรียนได้

                        TBC......



หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ EP.61 (แอ้Xดิว)เด็กเกเรก็มีดี
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 16-03-2024 21:52:08
               
EP.61 (แอ้Xดิว)เด็กเกเรก็มีดี
                      Part’ s ดิว หลังจากเยี่ยมแม่ของปูที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วก็พากันกลับมาที่โรงเรียนเพราะว่าผมนัดเตะฟุตบอลกับพวกไอ้โซ่และผมก็กำลังจะตั้งชมรมฟุตบอลด้วยเลยอยากลองฝีเท้ากับพวกนี้สักหน่อย ปูก็กลับมาโรงเรียนพร้อมพวกผมเลย คาบสุดท้ายไม่มีเรียน พวกแจ็คและบอย ก็พากันไปสำรวจสถานที่ที่จะใช้เปิดชมรม แจ็คไปสำรวจสระว่ายน้ำ เพื่อจะได้ปั่นเด็กใหม่ๆ เอาไว้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนตามที่พี่ตุ๊บอก บอยก็ไปดูสถานที่ นั้นคือห้องที่จะใช้เปิดชมรมฟันดาบกับธรรณ์ เห็นนุ่มนวลแบบนี้บอยเป็นแชมป์ฟันดาบมาตั้งแต่อยู่ชั้นประถมเท่าที่พวกผมทราบกันดีและเท่าที่ผมได้ยินมาอีก ว่ามีคนแห่เข้ามาสมัครเยอะเลยและส่วนใหญ่ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นกันก็จะชื่นชอบกีฬาด้านนี้เป็นพิเศษ   ส่วนผมผู้ซึ่งชื่นชอบการเตะฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจและก็ชอบการต่อยมวยแต่ให้ผมเลือกผมเลือกเป็นนักฟุตบอลมากกว่าแต่พ่อก็ส่งผมไปเรียนต่อยมวยแต่ไม่ใช่เพื่อให้ผมเก่งขึั้นแต่เพื่อให้ผมนำไปใช้ในถูกต้อง
                        ผมเดินตรงไปที่สนามฟุตบอลของโรงเรียนทันที สนามที่กว้างมากเป็นทั้งสนามกีฬาฟุตบอลและสนามแข่งขันกีฑา ผมว่าโรงเรียนของอาภาคย์ทุกสาขามีสนามกีฬานี้แหละที่ใหญ่ที่สุด ผมเห็นพวกพวกภาคิน กำลังเล่นฟุตบอลกันอยู่ ปูก็ยืนคุยโทรศัพท์อยู่โดยใช้โทรศัพท์ของเดี่ยวเพื่อโทรหาป๊อดเพราะว่าโทรศัพท์ของปูไม่ได้เอาสายชาร์จโทรศัพท์มาด้วยและแบตเตอรี่ก็หมดแล้วด้วย ผมหันไปมองไอ้เดี่ยวว่ามันจะลงสนามไหม เดี่ยวมันส่งสัญญาณว่ารอแป๊ปหนึ่ง
               "ดิว แอ้ ไอ้เดียว"ต้นข้าวตะโกนเรียกพวกผมมาแต่ไกลพร้อมกับรีบเดินเข้ามาหาผมทันทีเหมือนกับมีเรื่องด่วนเลย
               “เออ ดีว่ะปู” ไอ้ต้นข้าวมันหันมาเจอปูพอดี
               "ไอ้ติ๊กละ ข้าว"แอ้ถามหาไอ้ติ๊กทันที ผมหันไปมอง มันพึ่งจะสะบัดตูดขึ้นห้องด้วยความไม่พอใจที่พวกผมจะไปเยี่ยมของปูที่โรงพยาบาลกันน่ะแอ้
               "กลับบ้านไปแล้ววะ สงสัยจะ ไอ้นี่ว่ะ"ไอ้ต้นข้าวพูดและชี้ไปที่ไอ้เดี่ยว ไอ้เดี่ยวน่าจะรู้ว่าหมายความว่ายังไง ผมหันไปมองหน้ามัน ผมพูดไปแล้วน่ะ ว่าใครที่มันควรจะเลือกดูแล
                "ลูกชายแอ้นี้ งี่เง่าเอาแต่ใจดีเนอะ"ผมพูดและแอ้มันหันขวับมามองผมเลย “ลูกคนโต” ผมพูดต่ออีกด้วยแอ้มันหันมาส่งนิ้วกลางให้ผม
                 "ไอ้ดิว มาเตะบอลกันว่ะ "ไอ้โซ่วิ่งมาเรียกพวกผม แน่นอนผมรีบหันพยักหน้ารับทันที
                 "ไอ้เดี่ยว เตะบอลดีกว่าว่ะ"ผมบอกไอ้เดี่ยวและมันก็พยักหน้าตอบผม

                      ผมสองคนวิ่งตามลงไปในสนามทันที ผมสองคนไปอยู่ข้างเดียวกับไอ้โซ่ ว่าน ไอ้มาร์ค ไอ้ภาคินเป็นประตูมีเพื่อนในห้องเรียนและคนอื่นๆที่เรียนห้องอื่นและชั้นอื่นก็มี  ผมลงเตะฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน ผมเพิ่งรู้ว่าพอพวกผมได้พวกนี้เป็นเพื่อนผมได้อะไรมากกว่าทิ่คิดเอาไว้อีก พวกไอ้โซ่มันเจ๋งจริงๆ ไอ้ว่านนี่เห็นเงียบๆ มันไวมากอยู่ตำแหน่งแบ็คซ้ายเพราะว่าว่านถนัดซ้ายและแบ็คขวาก็เป็นไอ้มาร์ช ไอ้มาร์ชนี่มันเป็น เพื่อนต่างห้องของภาคิน ไอ้นี่มันเก่งพอตัว ไอ้มาร์คก็กองหน้า มีไอ้มิกซ์ห้องอื่นเข้ามาเสิร์มและอีกหลายคนเลยและมีทีมรุ่นน้องของภาคินมาเป็นทีมฝ่ายตรงข้าม ส่วนผมอยู่ตำแหน่งกองกลางตัวรุกและไอ้เดี่ยวกองกลางตัวรับ ไอ้นี่มันเข้าขากับผมได้ดีอย่างน่าแปลกใจเพราะว่าผมกับไอ้เดี่ยวไม่เคยเล่นด้วยกันมาก่อน การได้ลองเล่นกับพวกนี้มันทำให้ผมเห็นถึงพรสวรรค์พวกนี้ นี้ขนาดเล่นแบบไม่มีการวางแผนการเล่นยังเล่นได้ขนาดนี้ ถ้าได้พี่เดฟมาช่วยด้วยผมว่าแชมป์ปีนี้เป็นของชมฟุตบอลพวกผมแน่ๆ และมันจะทำให้ทุกคนเห็นว่าเด็กๆเกเรที่พวกเขาหมายหัวเอาไว้มีดีเหมือนกัน
                 "มันเจ๋งวะ ถ้าได้มาเป็นทีมน่ะ สุดยอดเลย่วะ"ผมพูดกับไอ้เดี่ยว
                 "มึงก็สุดยอดวะ…เดี่ยว "ผมพูดชมไอ้เดี่ยวเพราะว่าเดี่ยวมันเล่นเข้าขากับผมได้ดีมาก ทั้งลูกรับและลูกส่ง มันลงตัวทีเดียว ผมเก่งศูนย์หน้าและจุดเด่นของผมคือยิ่งประตูจากกลางสนามมาไม่รู้กี่ลูกแต่ดันมาตกม้าตายตอนโดนคู่อริมันเหยียดผมที่เป็นเพศทางเลือกนี่แหละ โดนใบแดงออกจากสนามทันทีและผมยังไปมีเรื่องต่อยกลับมันหลังสนามอีกเพราะว่ามันว่าแอ้ อันนี้โดนผมต่อยหนักกว่าในสนามหลายเท่าเลยจนผมไม่สามารถกลับเข้าไปร่วมทีมได้อีก
                 "เยส! เยส! เยส"ตอนนี้เข้าประตูไปแล้ว พวกไอ้โซ่ว มันดีใจน่าดู ผมเตะยิงยาวไปถึงหน้าประตูและไอ้เดียวมันก็ซัลโวเข้าไปแบบสวยงาม
                  "สุดยอดเลยวะ ไอ้ดิว ปึก! "ไอ้โซ่วมันวิ่งมา
                  “พวกมึงโดนใจกูเลยว่ะ การเล่นของพวกมึงแม่งเหมือนพวกมีประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอลมาเลยว่ะ “ผมพูดชมพวกผม
                  "คืนนี้กูถามพี่กูวะว่ามาได้เมื่อไหร่ แต่คิดว่าเร็วๆ นี้วะ "ผมพูดกับพวกภาคิน พวกมันก็ยกนิ้วให้ผม
                  "เออ ๆ มาเมื่อไหร่ กูก็พร้อมเสมอ ถ้างั้นพวกกูกลับบ้านก่อนว่ะ คิดถึงแม่” ไอ้มาร์ซ พูด ทุกคนหันไปมองไอ้มาร์ซกันหมด
                   “แม่อะไรกันแน่ที่มึงคิดถึงน่ะ” ไอ้โซ่มันถามไอ้มาร์ค
                   “แม่ทูนหัว” ไอ้มาร์ซตอบ แต่ล่ะคนโชว์นิ้วกลางกันคนล่ะอันให้ไอ้มาร์คทันที
                   “เออ งั้นกูกลับก่อนวะ วันนี้กูต้องไปหาพวกไอ้จักรว่ะและจะคุยเรื่องที่จะเรียกพวกในกลุ่มคนอื่นเข้ามาคุย ว่าเรามีหัวหน้าแก้งคนใหม่แล้ว” ไอ้ภาคินพูดผมพยักหน้า พวกผมก็ต้องกลับแล้วเหมือนกัน แสดงว่าไอ้จักรมันมา
                    “เจอกันพรุ่งนี้ว่ะ พรุ่งนี้ซ้อมดนตรีด้วยนะโว้ย! "ไอ้โซ่ตะโกนบอกทุกคน ผมก็ยกนิ้วแรพโยวพร้อมกันว่าพร้อม ขณะที่ผมกำลังจะเดินขึ้นไปหาแอ้ที่นั่งอยู่บนอัศจรรย์เชียร์ ผมดันพบว่ามีไอ้เวรนั้นอีกแล้วที่มานั่งมานั่งคุยกับแอ้และปู ดูมันนั่งชะโงกมองแอ้ชัดเจนมาก ไอ้คนนั้นก็คือไอ้นาวิน
                   "ไอ้ดิว!"ไอ้เดี่ยวเรียกผมแต่ไม่ฟัง ผมเดินขึ้นไปถึงก็ดึงแขนแอ้ทันที
                    "แอ้กลับบ้าน"ผมพูดหยิบกระเป๋าเป้ผมและแอ้ ขึ้นมาสพายไว้บนบ่าของผม
                    "เออ ผู้ปกครองมารับแล้วเหรอครับ"ดูมันถามแอ้ มันว่าผมเป็นผู้ปกครอง ผมนี้ถลกแขนเสื้อแล้วกูพร้อมจะมีเรื่อง
                    "ผู้ปกครองบ้านป้ามึงดิ"ผมพูดใส่หน้ามันทันทีและทำท่าจะเข้าไปต่อยมันด้วย
                   "อย่าไอ้ดิว!"แอ้ลุกขึ้นห้ามผมทันที จับมัดผมให้คลายลง
                   "ไอ้นาวิน มึงจะกลับไหมบ้านอะ"ไอ้โซ่มันเรียกไอ้นาวิน ไอ้นี่มันเป็นลูกพี่ลูกน้องไอ้โซ่อีกทีไง ผมก็มองหน้ามันว่าเอาไง
                   “มึงเลือกเอาระหว่างบ้านกับโรงพยาบาล มึงจะไปไหน” ผมถามไอ้คนตรงหน้า มันหันมาส่งยิ้มให้แอ้อยู่นั่นแหละทั้งที่เพื่อนมันเรียกแล้วแต่ยังไม่ยอมรีบไปอีก
                   "กลับบ้านซิครับคุณพ่อคุณแม่รออยู่ ดุวะพันธ์อะไรวะ? "ดูมันชมผมว่าผมนะพันธ์อะไรอีก
                    “พันธ์ุอะไรก็ได้ ที่ทำให้มึงน่วมได้ก็แล้วกันหรืออยากจะลอง” ผมพูดแอ้ยังดันผมไว้ไม่ให้มีเรื่อง ผมยอมรับเวลาหึง ผมก็หน้ามืดเหมือนกัน แอ้มองหน้าผมสายตาแอ้จับจ้องที่ผมไม่วางตา จนผมต้องหยุดตัวเอง และไอ้นั่นมันก็ต้องเป็นฝ่ายเลือกเดินลงไปหาไอ้โซ่แต่ยังหันมาส่งยิ้มให้แอ้อีกต่างหาก มันยิ่งทำให้ผมต้องจ้องมองมันแบบไม่ละสายตา จนไอ้โซ่มันลากคอลูกพี่ลูกน้องของมันออกไป
                     “ฮาๆ ไอ้ดิว” ไอ้เดี่ยวมันนั่งหัวเราะผมซะงั้นน่ะ ที่เห็นผมออกอาการหึงแอ้ขนาดนี้
                     "คิก คิก คิก "ปูอีกคนที่หัวเราะผม
                     "ปูไม่ขำเลยน่ะ "แอ้พูดแต่ไม่ได้โกรธอะไรปูหรอก แอ้หันมามองผม พร้อมส่ายหัวไปมาด้วยก่อนจะดึงกระเป๋าไปถือเอง
                      “มึงด้วยไอ้เดี่ยว ที่หลังก็ช่วยดึงสติเพื่อนมึงหน่อยน่ะ” แอ้หันไปเม้งใส่ไอ้เดี่ยวก่อนจะก้าวเท้าเดินจั้มอ้าวลงไปทันที
                     "มึงหึงเหรอว่ะไอ้ดิว"ไอ้เดี่ยวถามผม
                     "เป็นมึงล่ะ มึงจะหึงไหมไอ้เดี่ยว"ผมมันถามกลับทันที
                     "แน่นอน ต้องหึง"ไอ้เดี่ยวพูด มีเหล่ไปที่ปู ปูหันมามองผมกับไอ้เดี่ยว ประมาณว่าไม่เข้าใจ

                           ตอนนี้ผมก็สับเท้าเดินตามแอ้ให้ทันก็แอ้เล่นเดินจ้ำอ้าวไม่รู้ว่าโกรธหรืออายกันแน่ เล่นเดินไม่รอกันเลย ผมเดินออกมาก็เห็นไอ้แจ็คมันขึ้นรถแล้วเช่นกัน มันส่งสัญญาณมาว่าเจอกันที่บ้าน ผมทำนิ้วโอเค และดึงแอ้ไว้ ให้รอผมก่อน
                      “เดี่ยวกลับพร้อมกูเลยไหม” ผมหันไปถามไอ้เดี่ยว
                       "กูไปส่งปูก่อน"ไอ้เดี่ยวพูด และผมโบกมือให้มัน ผมและแอ้ เดินไปที่รถของผม ดีทีเอารถมาคือรถทางโรงแรมจะได้ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นแทน
                       "ดิว มึงอย่าทำแบบนี้ได้ไหม"แอ้พูดขึ้นทันทีที่ผมขึ้นรถ
                       "แอ้ ดิวรักแอ้ ดิวไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ ที่ให้ ไอ้ ไอ้ "ผมพูดขึ้นเหมือนกัน
                      "นาวิน"แอ้พูดชื่อมัน
                       "จำชื่อมันได้ด้วย"ผมพูด
                       "เวลาหึงนี้มึงงี่เง่านะ" แอ้พูดผมแค่เบียงสายตาไปมองแอ้แว็ปหนึ่ง
                       "ใช่ดิวรู้ ว่าดิวงี่เง่า แต่ถ้าไม่รัก ดิวจะหึงไหมล่ะแอ้!"ผมพูดพร้อมกลับใส่เกียร์ออกตัวทันที และรีบขับรถออกจากที่จอดรถอย่างเร็ว แอ้หันมามองหน้าผม ผมเลยต้องผ่อนเท้าลงก่อน แอ้ถึงได้หันไปมองนอกรถแทน
                        "เขาก็แค่มาคุยกับกู ดิว "แอ้พูดอธิบาย ผมรู้ว่าแค่มาคุย แอ้คิดแค่นั้นแต่ไอ้คนที่แค่มาคุยมันคิดมากกว่านั้น
                       "มันจีบแอ้ "ผมพูดและเหล่ไปมองแอ้
                       "กูรู้ว่าควรทำยังไงดิว กูมีภูมิคุ้มกันพอ ถ้าไม่อย่างนั้น"แอ้พูดและหันมาหาผม
                      "ป่านนี้มีเยอะแล้วเนี่ย"ผมพูด แอ้ถึงกลับสะบัดหน้ามามองผม
                      "ดูดิ ไอ้ภาคินมันก็แอบมอง ไอ้พี่ภาณุก็ตามแจกขนมจีบอีกและนี่ยังไอ้นาวินอีก จะให้ดิวทนเหรอ ทนไม่ได้อ่ะ" ผมหันไปพูด
                      "ดิวกูรู้ว่ากูควรจะทำยังไง กูไม่ได้ใจอ่อนให้กับทุกคนนะ"แอ้พูด ผมหันไปมอง นั้นแปลว่าใจอ่อนให้ผมคนเดียวใช่ไหม ผมยิ้มกริ่มทันที
                      "จริงอ่ะ"ผมถามแอ้ พร้อมกับเหล่มองอีกนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้ากับผม
                      "ห้ามยิ้มกลับ"ผมพูดเชิงออกคำสั่งกับแอ้
                      "ห๊ะ? "แอ้สะบัดหน้าหันกลับมามองผมทันที
                      "ห้ามส่งสายตาปิ้งๆ"ผมพูดพร้อมกับหันไปมองว่า อันนี้จริงจัง
                      “…” แอ้มองผมคงหมดคำพูดละซิ
                      "ห้ามพูดคำหวานด้วย"ผมพูดต่อ
                       "มึงจะบ้าหรือเปล่าดิว กูไม่เคยทำอยู่แล้ว กับมึงกูยังไม่ทำเลยไอ้บ้า!! "แอ้พูด หันมามองผมเต็มเลยทีนี้
                      "ก็มันหึง อย่าทำนะ ดิวทนไมไ่ด้ "ผมรีบพูดอ้อนแอ้ ให้เหมือนลูกแมว
                       “เฮ้อ!!” แอ้ถอนหายใจออกมายาวๆ
                       "ถ้าลูกมึงทำก็น่ารักดีนะดิว ไอ้แบบนี้อะ อ้อนแบบนี่น่ะ "แอ้พูดแต่แอบยิ้มไปทางอื่น ผมกับแอ้เดินขึ้นรถทันที
               
                      TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันEP.62 (แอ้Xดิว)แวะทำงานงาน อิบ อิบ NC
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 17-03-2024 07:00:40
EP.62 (แอ้Xดิว)แวะทำงานงาน อิบ อิบ NC

                      Part’s ดิว ผมก็ขับรถออกมาจากโรงเรียนกลับบ้าน ผมไม่รู้ว่าอะไรจะรออยู่ที่บ้าน คนที่จะโดนจะเป็นผม แอ้หรือไอ้เดี่ยวจากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร มันโมโหใครก็ไม่บอก ไม่พูดแต่ผลลัพท์มันลงที่แอ้ทุกที ผมหันไปกุมมือแอ้ระหว่างขับรถและเอามาหอมเป็นช่วงๆ จนใกล้ถึงบ้าน เหลือเวลาอาการเย็นตั้งเยอะ ผมจอดรถที่ไหล่ทาง แอ้มองว่าผมจอดทำไม ผมกดล็อคประตูรถทันที
                       "จอดทำไมดิว"แอ้ถามผมทันที
                        "กลับไปบ้านต้องทำรายงานส่งพี่ตุ๊ไม่ได้อิบ อิบ อะ ดิวขออิบ อิบตรงนี้ได้ไหมแอ้ เรามาทำรายงาน อิบ อิบ กันก่อนแล้วค่อยกลับไปทำรายงานวิชาของพี่ตุ๊กันต่อ นะจ๊ะเมียดิว"ผมหันไปบอกแอ้ แอ้มันตกใจแต่ช้าไปแล้ว ผมปลดเข็มขัดผมและกระโดดไปคร่อมร่างของแอ้เอาไว้ ผมไว้มากเรื่องนี้ขอบอก ผมไซ้ซอกคอแอ้ และสลับขึ้นมาจูบแบบดูดดื่ม ตอนแรกแอ้ก็ดันผมออก สักพักก็โอบผมไว้แถมเผยอริมฝีปากให้ผมสอดลิ้นนุ่มๆ เข้าไปได้
                        "แอ้ไปเบาะหลังกันนะ ตรงนั้นมันแคบกว่า ทั้งแคบและเสียว! "ผมพูดและแอ้นะมองผม แต่แอ้ก็ขยับเปลี่ยนไปที่เบาะที่แค็ปหลัง รถของผมเป็นแบบ open cab รุ่นใหม่
                        ผมปลดกระดุมเสื้อปลดหมดแล้วและรูดซิปกางเกงถูกรูดลงเรียบร้อย ทันทีที่แอ้ไปที่เบาะหลัง ผมก็ตามไปและผมถอดเสื้อผมออก และกางเกงนักเรียนของผมและแอ้แต่ไม่ได้ถอดออกจนหลุดออกมา ผมเอามือไปหยิบถุงยาง ดิววางแผนเอาไว้แล้ว มีถุงยางใส่เอาไว้ในกล่องเก็บของและสวมใส่ทันที ผมก็เล้าโลมแอ้ก่อนจนแอ้ได้ที่ นาทีนี้ต้องทำเวลาพูดเลยและจัดการสอดใส่ทันที
                         “โอ้วว โอว โอ้ววว ซี้ด “สัมผัสได้ว่ารถมันโย้กเย้กเลย
                         “ตับๆๆ” เสียงกระแทกกลบเสียงครางดังสนั่นอยู่ในรถ แอร์ที่เปิดจนเย็นจัดแต่ผมสองคนกลับเหงื่อแตกผลักๆ เพราะกิจกรรมในร่มนี้แหละ (จริงๆ ต้องเรียกว่ากิจกรรมในรถต่างหาก) (ปล. ขอรถพ่อมาใช้ก็เพื่อสิ่งนี้)
                         “อู้วววว “ผมรู้สึกว่าเกร็งกระตุกนั้นแปลว่าน้ำรักของผมกำลังพุ้งออกมา ผมเอามือเท้ากระจกผมเงยหน้าขึ้นมอง รู้สึกว่ามีเงาใครด้านนอก แต่เพราะว่ากระจกมันเป็นฝ้าไง ผมก็ค่อยใช้มือปาด
                        ” ปื้ด!” และที่ผมเห็นมันก็คือ ไอ้เดี่ยว!!!! ไม่ใช่คนเดียว ไอ้แจ็คอีกคน ฉิบหายแล้วครับผม ผมรีบหันไปหยิบเสื้อมาปิด แอ้ก็มองผมว่ามีอะไร และส่งนิ้วกลางให้มันแปลว่าปฏิเสธห้ามดู
                       “มีอะไรดิว แอ้ถามผมทันทีและรีบดึงกางเกงขึ้นมา ผมเห็นว่าแอ้กำลังแต่งตัวอยู่แต่ถ้าออกไปเจอพวกมันนี้คงได้เม้งผมแน่ๆ ผมก็รีบแต่งตัวแบบลวกๆ ก่อนจะรีบเปิดประตูลงไปและปิดประตูทันทีเช่นกันไม่ให้เห็นแอ้
                             ผมเดินอ้อมรถมาก็เจอไอ้เดี่ยวมันนั่งยองๆ อยู่ มีไอ้แจ็คอีกคน และรถของทางโรงแรมที่จอดห่างไปหน่อย บอยกับธรรณ์เขาอยู่ในรถ ส่วนรถไอ้เดี่ยวจอดต่อจากรถผมไปหน่อย มาจอดตอนไหนก็ไม่รู้ได้ มันน่าไหมล่ะ
                       “จอดทำอะไรกันว่ะ ฮาๆ” ไอ้เดี่ยวถามผมปนหัวเราะคือมันก็น่าจะเดาได้อยู่แล้วจะถามทำไมผมแอบคิดในใจ ไอ้แจ็คมันเงยหน้าขึ้นมองผม มันไม่พูดแต่มันก็กลั้นหัวเราะอยู่
                       “จอดเล่นอะไรกัน จ้ำจี้กันเหรอมึง ฮาๆ” สุดท้ายไอ้แจ็คก็ถามผมจนได้แถมหัวเราะร่วนเลย ผมก็แต่งตัวไปด้วย ไม่ต้องอธิบายแล้วว่าทำอะไรกัน มันชัดเจนมาก
                      “ทำไมไม่รอไปที่ห้องวะมึง เตียงจะดีกว่าไหมว่ะ นี้มันแคบไป ฮาๆ” ไอ้หลุยส์อีกคน ผมแจกนิ้วกลางให้มันทุกคนเลย
                       “กลับได้ยัง “ไอ้เดี่ยวมันถามผม แอ้มันเปิดกดกระจกรถลงและชะโง้กหน้ามาเจอพวกนี้ถึงกับตกใจและรีบปิดกระจกรถทันที
                      “ไปเจอกันที่บ้าน ห้ามแซวมันกันนะมึงเพราะว่าไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครมันจะอาละวาดกับแอ้เอา กูขอว่ะ “ผมพูดและชี้หน้าพวกมัน มันก็พากันเดินกลับไปที่รถและยังหันมาหัวเราะผมอีกนะ แต่ผมนี้ซิ เข้าไปจะเจออะไรบ้างวะ ผมค่อยๆ เปิดประตูรถเข้าไปเมียนั่งเหมือนกำลังนับเลขอยู่ในใจ ผมค่อยๆ ปิดประตูลงเบาๆ กลัวเมียตกใจ
                        “เป็นไงมึงไอ้ดิว!!!” เมียหันขวับมาและ
                         “โอ๊ย!! แอ้ “แอ้มันบิดหูผมทั้งสองข้างพร้อมกัน
                        “บอกมันแล้วห้ามแซวตอนถึงบ้าน “ผมพูดและค่อยเอามือเมียออกจากหู
                        “มึงตัวเดียวเลย มึงจะหื่นอะไรหนักหนา” แอ้บ่นผมและคาดเข็มขัด
                        “ออกรถดิว่ะ “แอ้สั่งผม แอบคิดในใจจ๊ะแม่!!
                            ผมก็ขับรถตามพวกไอ้เดี่ยวมา ไอ้เดี่ยวมันน่าจะถึงก่อนผมอีกและถามมาด้วยไอ้แจ็ค บอย หลุยส์และธรรณ์ ผมเดินไปช่วยเมีย (แอ้) ถือของเข้าบ้าน ผมได้ทำรายงานคู่แอ้ สมดังที่ผมตั้งใจ แอ้หันมามองผม ผมยิ้มกรุ้มกริ่มเพราะว่าไอ้กดเมียไปหนึ่งยก
                       “ทำเป็นยิ้มไอ้ … ไอ้หื่น กูว่าพ่อน่าจะเอายาอะไรมึงกินบ้างนะดิว” แอ้บ่นผมทันที
                       “ยาอะไรดีล่ะ ยาโด่ไม่รู้ล้มเหรอ ขนาดนี้ยังต้องให้ดิวโด๊ปอีกเหรอครับ ลูกก็ดกขนาดนี้ ถ้าโด๊ปยาด้วยนี้ ตั้งทีมฟุตบอลแน่ๆ “ผมกระซิบกับแอ้ แอ้หันมา
                       “โอ๊ยย!” บิดได้ตรงพิกัดมากสองจุดเล็กบนแผ่นอกของผม นี้ขนาดเล็กมากยังเล็งได้ตรงขนาดนี้
                       “คิดถึงลูกอ่ะแอ้ วันนี้ อยู่ที่ห้องได้ไหมอ่ะ จะโทรหาลูก” ผมพูดกับแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม ผมเดาว่าแอ้ก็คิดถึงลูกเช่นกัน
                       “ถ้าลูกโตและดิวกับแอ้ต้องเรียนที่กรุงเทพ ดิวอยากเอาลูกไปเรียนที่กรุงเทพด้วยแอ้ว่าไง” ผมถามแอ้ และแอ้ก็หันมามองหน้าผม แอ้นิ่งเงียบอีกแล้ว
                      “แอ้ ลูกต้องการเราเหมือนกันน่ะ “ผมพูด
                       “กูยังไม่รู้เลยดิวว่ากูจะไปที่ไหนดิวและจะได้อยู่กับมึงกับลูกไหมดิว ถ้ากูต้องไปอยู่กับลุงหนึ่งล่ะดิว” แอ้หันมาพูดกับผม
                      “ดิวจะทำให้แอ้ไม่ต้องไป เชื่อดิวป่ะ” ผมบอกแอ้ ตอนนี้ผมสองคนกำลังเดินเข้ามาในบ้านสิ่งที่ผมสองเห็นคือ ทุกคนยืนอึ้ง เหมือนมีเรื่องกัน และที่ผมเห็นก็คือไอ้ติ๊กมันปาสมุดรายงานใส่ไอ้เดี่ยว ผมเดาว่าไอ้เดี่ยวมันได้ทำรายงานคู่กับไอ้ติ๊กแน่ๆ และมันก็ซวยสองต่อตรงที่ไม่ได้มาช่วยมันทำและมันก็ดันไปเยี่ยมแม่ของปู ผมเองก็ไม่รู้จะช่วยมันยังไง

                       แอ้เดินหายเข้าไปในครัวก่อนจะออกมาพร้อมกับขวดน้ำเปล่าและพยักพเยิดให้ขึ้นห้องดีกว่า ส่วนไอ้เดี่ยวมันก็เก็บรายงานก่อนจะเดินหายเข้าห้องครัวไป แอ้หันไปหยุดมองที่ห้องนอนไอ้ติ๊ก ก่อนจะหันมามองผม เหมือนกำลังใช้ความคิดว่าจะเอายังไง ถ้าแอ้เปิดประตูเข้าไปมันก็คงดึงรั้งแอ้เอาไว้ แต่แอ้เลือกที่จะเปิดประตูห้องนอนของผมกับแอ้และเข้าไปในห้องนั้นแทน เท่านั้นแหละมุมปากของผมกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มทันทีและรีบเดินตามเข้าไปพร้อมกับรีบปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว และแอ้ดึงชายเสื้อนักเรียนออกมาจากกางเกงนักเรียน
                      “หมับ” ผมตรงไปกอดแอ้จากด้านหลัง แอ้หันมาเหลียวมองผมแต่ก็ไม่ได้ดันออกแต่อย่างใด
                       “คุยกับลูกก่อนไหมแอ้และเดี๋ยวเราค่อยอาบน้ำกัน” ผมกระซิบที่ข้างหูของแอ้ ปลายจมูกก็ซุกไซ้ไปที่ซอกคอของแอ้ แอ้พยักหน้าเบาๆ

                        ผมก็เดินกลับไปที่เตียงนอนพร้อมกับหยิบเอาโน้ตบุ๊คขึ้นมาเปิดและเข้าไปที่แอปพลิเคชันที่ผมใช้วิดีโอคอลคุยกับพี่ๆ ผม แอ้เดินมาหยุดมองผม ผมก็ดันโน้ตบุ๊คออกไปเพื่อจะได้มีที่ว่างเอาไว้ให้แอ้นอนลง แอ้เดินมาทิ้งตัวลงนอนลงตรงหน้าของผม ระหว่างที่รอพี่ดรีมรับสาย ผมก็ก้มลงมองแอ้ที่นอนลงตะแคงรอตรงหน้าผม ผมเองก็นอนตะแคงกระหนาบข้างเช่นกัน ไม่นานพี่ดรีมก็กดรับสายเรียกเข้าของผม
                    “ฮัลโหลดิวโทษทีว่ะ พอดีพี่คุยโทรศัพท์เพื่อสั่งอาหารอยู่และงานเข้าอีก ก็เลยมารับสายช้าว่ะดิว” พี่ดรีมพูดและบอกว่างานเข้าอีก ใครกันน่ะ ผมได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ พี่ดรีมและพี่ดรีมก็หันไอแพตไป คนที่นั่งร้องไห้นั้นคือมาริโอ้ แอ้ดีดตัวขึ้นนั่งทันที
                    “พี่ดรีมลูกผมเป็นอะไรอ่ะ ทำไมนั่งหัวเราะละพี่” ผมถามขึ้นแบบขำๆ แอ้สะบัดหน้ามามองผม และคนที่นั่งร้องไห้เหมือนกันสะบัดหน้ามามองผมทันที
                     “ร้องไห้!!” มาริโอ้หันมาพูดกระแทกเสียงใส่ผม หน้างอคอหักทันที
                    “โอ๋ๆ พ่อแซวเล่นน่ะ ว่าแต่ร้องไห้ทำไมครับ” ผมถามมาริโอ้
                    “มาริโอ้ ร้องไห้ทำไมครับ เป็นอะไรครับ” แอ้ถามลูกชายฝาแฝดคนที่สามของผมเหมือนกันแถมยังแอบค้อนที่ผมแกล้งลูกชายจนหน้างอ
                    “ไอ้ ไอ้ ไอ้ …ฮึก .. ไอ้ ไอ้ ... ไอ้...ฮีกๆ” มาริโอ้พยายามตอบผมกับแอ้แต่ก็สะอึกสะอื้นไปด้วย แล้วผมสองคนจะรู้เรื่องกันไหมวันนี้น่ะ
                    “ตัดไปที่โฆษณาก่อนแล้วกัน ..ไอ้...ไอ้.. อยู่นั่นแหละ เที่ยงคืนก็ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง ให้กูเล่าแล้วกันกูคือผู้เห็นเหตุการณ์ “พี่ดรีมหมุนไอแพทมาส่องหน้าพี่ดรีมแทนเพราะว่าดาราหน้ากล้องสะอึกสะอื้นจนพูดไม่รู้เรื่อง
                    “โดนน้องชายสุดที่รักฝังเขี้ยวเอาไว้ให้เพราะว่าแย่งของเล่นกัน น้องเล็กสุดแสบเลยกัดเข้าให้ที่หลัง เล่นเอาคนพี่นี้ร้องไปสามบ้านแปดบ้านเลยครับลูกมึงน่ะ” พี่ดรีมบอก
                   "นี่ขนาดน้องมันมีอาวุธแค่ฟันหน้าสี่ซี่เองนะมึงน่ะ" พี่ดรีมพูดปนหัวเราะ แต่ดูจากสีหน้าคงเจ็บหน้าดู
                   “มาริโอ้ ไม่ร้องนะลูก” แอ้พูดกับมาริโอ้
                   “น้องคงไม่ตั้งใจกัดโอ้หรอกน่ะ” แอ้พยายามปลอบมาริโอ้ ที่นั่งสะอึกสะอื้น
                   “แล้วนี่…อาทิตย์นี้จะกลับมาบ้านไหมวะ” พี่ดรีมถามผม
                     “ดูก่อนน่ะว่าจะไปได้ไหมอ่ะพี่ดรีม” ผมบอกพี่ดรีมแอบเห็นมาริโอ้หลุบตาลง และผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเด็กน้อยวิ่งมา
                    “พ่อมาแล้วพี่ไอ “เสียงไอซ์เรียกไอพี่ชายฝาแฝดและทั้งคู่ก็เข้ามานั่ง
                    “พ่อดิว พ่อแอ้ พ่อจะมาหรือเปล่าน้องไอซ์คิดถึงพ่อ” ไอ้ซ์พูดอ้อนอยากให้ผมไปหา ไอนั่งก้มหน้าลง ผมรู้ว่าไอก็อยากให้ผมไป แต่ไอเขาพยายามจะไม่อ่อนแอ
                    “พ่อกับพ่อแอ้จะกลับไปหานะวันหยุดนี้น่ะ “ผมพูดกับลูกๆ พากันยิ้มออกมาทันที แอ้หันมามองผม เพราะว่าผมแกล้งลูกไงอยากให้ลูกอ้อน
                   “เย้ เย้ เย้” เด็กๆ พากันดีใจใหญ่เลย แอ้แค่หันมายิ้มให้ผม
                  “แล้ววันนี้ไอไปต่อยเพื่อนอีกหรือเปล่า” ผมถามไอ
                   “ไอ เออ ไอ ไม่ได้ต่อยครับพ่อดิว เพราะว่าไอไม่อยากให้พ่อโกรธ ไอเลย ไม่ต่อยครับ” ไอพูดตอบผมสองคนเบาๆ ผมพยักหน้า
                   “เก่งมากไอ” ผมพูดชมไอ แอ้หันมาเหล่ตามองผม ใช่วันนี้ผมก็เกือบจะต่อยไอ้นาวินเหมือนกัน ผมนี้เข้าใจความรู้สึกของไอขึ้นมาทันที
           “ลูกมึงเขาไม่ต่อยแต่เตะก้านคอแทน” พี่ดรีมพูด ผมนี้ถึงกับไถลไปเลย
          “จริงดิ!” ผมถามพี่ดรีม
        “กูหยอกๆ ช่วงนี้ หลานไอ ไม่รับงาน พวกกู้นี้โล่งอก ที่เวลาไปรับไม่ต้องได้ยินคำว่า ไองานเข้า”พี่ดรีมพูด ผมกับแอ้โล่งอกไปด้วย
   “แป๊ปน่ะ”พี่ดรีมพูดก่อนจะลุกไป
                     “เอาล่ะ นี้ไงพอดิวพ่อแอ้ “พี่ดรีมไปอุ้มลูกชายคนเล็กของผมมา มิ้น มิ้นมองหน้าผมกับแอ้ยิ้มดีใจแต่พอหันไปเจอคู่อริเท่านั้นแหละ นั่งกอดอกหน้าคว่ำทันทีทั้งคู่ด้วย
                   “แป๊บหนึ่งน่ะ จัดมุมก่อน มุมแดงกับมุมน้ำเงิน เขายังไม่ดีกัน เดี๋ยวคงได้มีใครกระโดดข้ามไปกัดหูกันบ้าง และโน๊ตบุคกูคงพังมึงคงไม่ได้เห็นหน้าลูกมึงหลายวันกว่าจะหาเครื่องใหม่ที่สเป็คเหมือนเดิม” พี่ดรีมพูดและจัดการให้นั่งกันคนจะมุม ไม่ได้หวงอะไร หวงโน๊ตบุคตัวเองที่อยู่ระหว่างคู่อริสองคน
                  “น้องมีนไปไหนล่ะพี่ดรีม” แอ้ถามพี่ดรีม
                   “น้องมีนวันนี้ไม่ค่อยสบาย สงสัยพี่เลี้ยงพาไปเดินชมสวนดอกไม้ที่พ่อเอาไปลงน่ะ อาการเฮย์ฟีเวอร์เลยกลับมาอีกน่ะแอ้ แต่ไม่เป็นไร แค่น้ำมูกไหลนิดๆ หน่อยๆ “พี่ดรีมพูด แอ้หันมามองผม
                    “อย่าบอกน่ะว่าโหมดแม่หวงลูกขึ้นมาน่ะแอ้”
                    “ก็แอ้บอกครูแล้วว่าน้องมีนแพ้เกสรดอกไม้ ถ้าเป็นไปได้อย่าพาไปจะดีกว่า” แอ้พูดกับผม ผมรู้ว่านี้คือส่วนหนี่งของการเรียนการสอนมันก็ห้ามยาก
                   “เอาน่ะนิดหน่อยและพี่ดรีมก็บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก นี้หมอเด็กพูดเองเลยน่ะแอ้” ผมพูดปลอบคุณแม่ (ในร่างผู้ชาย)
                   “พี่ดรีมถ้าอย่างนั้นผมกับแอ้จะไปอาบน้ำก่อนน่ะ วันนี้มีรายงานต้องรีบทำ ทำคู่กับเมียด้วยเนี๊ยะ!” ผมพูด พี่ดรีมถึงกับถลึงตาใส่ผมสองคนแอ้หันมา “ไอ้ดิววว” เสียงลอดไรฟันออกมาขนาดนี้
                   “รายงานทำคู่กับเมีย มันทำให้กูคิดน่ะ ว่านั้นคือรายงานอิบอิบหรือเปล่า” พี่ดรีมรีบถามผมกับแอ้ทันที
                   “ไม่ใช่พี่ดรีม อันนั้นทำมาแล้ว แต่อันนี้รายงานวิชาสังคม พี่ตุ๊น่ะเขามาเป็นครูสอนที่นี้” ผมบอกพี่ตุ๊
                   “กูก็ตกใจรอ แม้นึกว่าจะหาทำลูกกันอีก แต่ก่อนจะคิดหาทำ รบกวนมองที่นั่งตาแป๋วนี้ด้วยนะมึงน่ะไอ้ดิว “พี่ดรีมพูด แอ้หันมาทำตาปะหลับปะเหลือกใส่ผมทันที และเด็กน้อยตาแป๋วทั้งหมดสี่คู่มองผมสองคนและพี่ดรีมสลับกันไปมา
                   “งั้นแค่นี้น่ะกูจะพาลูกๆ มึงไปเตรียมตัวทานอาหารเย็นได้แล้วและจะได้พากันเข้านอน” พี่ดรีมพูด
                   “โอเคครับพี่ดรีม พี่ดรีม ขอบคุณนะครับ” แอ้พูดกับพี่ดรีม
                  “ยินดีครับแอ้ จะว่าไปชีวิตพวกพี่ก็มีสีสันดีน่ะ มีเด็กๆ วิ่งวุ่นวายอยู่ในบ้านแบบนี้ แต่”
                  “ขอไว้แค่นี้ก่อนน่ะ” พี่ดรีมพูดดักคอไว้ทันที
                    “พี่ดรีมไปห้ามน้องพี่นี้ ผมว่าพี่ควรจะหายาลดอาการมาให้มันกินบ้างเฮอะ” แอ้พูดแม้มีแอบทะลึ่งกับเขาด้วยน่ะ
                    “ลดอาการหื่นเหรอ พ่อบอกว่ามีทางเดียวแอ้”
                     “อะไรอ่ะพี่ดรีม” แอ้ถามพี่ดรีมก่อนจะหันมาชำเลืองตามองผม
                     “จับมันตัดตอนซะ ตัดทิ้งไปเลยไง” พี่ดรีมพูด
                     “เฮ้ยย! แร๊งส์อ่ะพี่ดรีม อันนี้ไม่ดีน่ะ แนะนำกันแบบนี้น่ะ” ผมพูดและเอามือกุมน้องดิวน้อยๆ ในกางเกงทันที แอ้หันมามองผม เสียงเลยซิผม ไม่เสียวซ่าน เสียวกลัวน้องในกางเกงจะหายไป
                     “เด็กๆ ล่ำลาพ่อๆ กันได้แล้วและลงไปทานอาหารเย็นกันครับ” พี่ดรีมบอกลูกๆ ของผม
                     “รักพ่อแอ้พ่อดิว ที่สุด” เด็กแฝดพูดพร้อมกันพร้อมกับยื่นหน้ามาบอกผมกันหมดแต่คนเล็กนี้ยังพูดเป็นประโยคไม่ได้ พูดได้เป็นคำๆ เลย ก็ได้แค่หันไปมองพี่ๆ แทนและยื่นหน้าทำปากจู๋จะจูบที่หน้าจอ แอ้ใช้นิ้วแตะที่หน้าจอโน้ตบุ้คของผมเบาๆ ด้วยอาการคิดถึงลูกๆ แต่ไม่รู้ว่าในใจแอบคิดอะไรอีกไหม ผมไม่อยากให้แอ้คิดว่าต้องมีวันที่เขาต้องหายไปจากลูก ผมไม่อยากให้เขาคิดแบบนั้นเลยและผมกดวางสาย
                   “แอ้ “ผมเรียกแอ้ แอ้พลิกตัวมานอนมาตะแคงหันหน้าชนกับผม ผมก็พลิกตัวเองให้ขึ้นไปคร่อมร่างของแอ้ ผมแอ้ให้นอนราบลงไป แอ้มองผม แอ้ใช้ฝ่ามือลูบไล้ที่ใบหน้าผมเบาๆ ก่อนจะไล่ลงมาที่ที่ตรงระหว่างแก้มและคางของผม ผมก็ใช้ลำคอหนีบมือแอ้เอาไว้ ผมอยากให้แอ้ทำแบบนี้กับผมทุกวัน อยากให้แอ้น่ารักแบบนี้กับผมและเฉพาะกับผมคนเดียวเท่านั้นตลอดไป
                    “อาบน้ำกันดีกว่าแอ้ จะได้ทำรายงานกันต่อ” ผมพูดบอกคนที่นอนอยู่เบื้องล่าง แอ้พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะดันตัวผมให้ลุกขึ้นและพากันถอดเสื้อผ้า ผมทั้งคู่ตรงเข้าไปในห้องอาบน้ำ เรากอดกันอยู่ภายใต้ฝักบัว สายน้ำที่ราดรดลงมาที่กายผมสองคน ไม่ใช่สัมผัสแรกของเราแต่เพราะว่าตอนเด็กๆ เราก็ทำแบบนี้ด้วยกันมาตลอดและนี้อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของผมทั้งคู่มันก้าวข้ามคำว่าเพื่อนมานานแล้ว แต่มันกลับเหมือนมีบางสิ่งมากั้นผมกับแอ้เอาไว้ ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ไม่ใช่ติ๊กแน่นอน มันเหมือนมีบางสิ่งที่ผมกับแอ้เองก็ยังไม่รู้ มันเหมือนเป็นหลุมดำที่คอยจะดึงแอ้ไปจากผมยังไงก็ไม่รู้
                      มันทำให้ผมคิดถึงความรักของพ่อผมกับอาภีม พ่อผมกับอาภีม โตมาด้วยกัน อายุไล่เลี่ยกัน พ่อๆ ผมถูกสอนให้ดูแลกันเอง ถึงไม่ใช่พี่น้องที่คลานตามกันมาก็ตาม พี่ดูแลน้อง พ่อผมก็ดูแลอาภีมมาตลอด เหมือนผมกับแอ้แต่น่าแปลก เมื่อก่อนมีผมแอ้และติ๊กแต่ผมกลับรู้พิเศษแค่แอ้คนเดียวแต่แอ้ซิ กลับแคร์ติ๊กมาก จนบางที่ผมก็แอบคิดนะว่าแอ้ ชอบติ๊กหรือเปล่า แต่ผมว่าไม่น่าจะใช้ หรือว่ามีอะไรที่เขาไม่ยอมบอกผมตรงๆ ผมเองก็ไม่อยากตามหาคำตอบนั้น มันไม่สำคัญเท่าแอ้และตอนนี้ผมต้องคิดว่าผมจะทำยังไงให้แอ้ยังอยู่กับผม ทำยังไงไม่ให้แอ้ถูกส่งไปฝึกที่อื่นที่ไกลจากผม

                    TBC


หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันEP.63(ติ๊กXเดียว)เกินห้ามใจจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 18-03-2024 10:35:13
EP.63(ติ๊กXเดียว)เกินห้ามใจจริงๆ

               Part's ไอ้เดี่ยว ผมรีบไปส่งปูและรีบกลับบ้านทันที ผมรู้สึกตงิดๆ เหมือนงานจะเข้าผม และระหว่างที่ผมขับมาผมก็เห็นรถไอ้ดิวมันจอดข้างทาง และรถที่มาส่งพวกแจ็ค หลุยส์ มันก็จอดห่างออกไป ผมก็ก้าวเท้าลงมา แจ็คและตามาด้วยหลุยส์มันลงมาด้วยและชี้ไปที่รถ มันทำนิ้วมันคงจะป๊าปๆ กันอยู่ ผมว่าใช่แหละรถโยกขนาดนั้น และจริงด้วย มันคงคิดว่าถ้ากลับไปบ้านไอ้ติ๊กมันงอลอะไรผมมันอาจจะลากแอ้ไปคลุกอยู่กับมันแน่ๆ และผมก็รีบขับรถกลับมาบ้านทันที พอผมเข้าไปก็เจอพายกับติ๊ก ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ผมรับรู้ได้ว่าบรรยากาศมันอึมครึมมาก
             "กลับมาแล้วพาย"ผมเห็นพายนั่งเอามือเท้าคาง หันมามองผม ผมดูพายทำรายงานเสร็จแล้ว พายมันทำรายงานคู่กับไอ้แว่น ผมก็ส่งสายตาไปที่คนข้างๆ
             “มึงทำรายงานคู่กับมัน คอนเก็ทซูเลชั่นเลยมึง” พายกระซิบบอกผม อันนี้แหละที่ผมคิดว่าเซ้นผมแรง จริงด้วย ผมทำรายงานคู่ติ๊กนี่หว่า ผมลืมไปเลยถามไอ้หัวหน้าห้องว่าผมทำคู่กับใคร และคนที่ผมทำด้วยหน้าบึ้งขนาดนี้
              "กูไปนะ มึงเคลียร์กันเอง กูไม่ไหวจะเคลียร์ว่ะ พูดเลย "พายพูดบอกผมก่อนจะลุกขึ้นไปส่วนผมก็มองติ๊ก หน้าตอนนี้โหดมาก
              "ติ๊ก เดี่ยวขอโทษนะ เอาเรามาช่วยกันทำรายงานด้วยกันนะ "ผมเป็นฝ่ายขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ คนที่นั่งกดโทรศัพท์ไม่สนใจว่าผมเข้ามา ผมมองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งถูกปาเอาไว้เกลื่อนพื้นไปหมด นี้เขียนไม่ถูกหรือว่า อารมณ์โกรธเข้าสิงเนี๊ยะ!
              "ติ๊ก"ผมเรียกอีกทีแต่ยังเงียบ
              "เดี่ยวรู้ว่าเดี่ยวผิดที่ไม่ได้มาช่วยตอนแรกแต่ตอนนี้มาช่วยแล้วนะ "ผมพูดกับติ๊ก คราวนี้ได้ยินและหันมามองผม
              "ใช่ และกูก็ดันมาซวย! ต้องทำรายงานคู่กับมึงทำไมก็ไม่รู้ เป็นไงพากันไปสวีตมา ย้ายไปอยู่ห้องมันเลยดิ...ปึก!"ติ๊กพูดขึ้นเสียงพร้อมกับปารายงานใส่ผมทันทีก่อนจะลุกเดินขึ้นและเดินขึ้นบ้านไปเลย ผมลุกขึ้นมองทุกคน ทุกคนที่เขามาก็หยุดมองผมกันหมด แอ้กับดิวเพิ่งเข้าก็มองด้วยมันคงเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน
              "ให้กูยินดีหรือไว้อาลัยให้มึงดีว่ะ ที่ไอ้ติ๊กมันหึงมึงนะไอ้เดี่ยว"ไอ้หลุยส์พูดแซวผม
              "ไอ้ตี๋ไม่ต้องไปแซวเขาเลย ไปรีบขึ้นห้องทำรายงานเลย ยังไม่ได้เริ่มเลยนะ "ธรรณ์พูดและรีบดึงหูหลุยส์ขึ้นห้องทันที ส่วนไอ้แจ็คมันไม่พูดและยักไหล่และพาบอยขึ้นบ้านไปเช่นกัน แอ้มันก็เดินเข้าไปหยิบขวดน้ำและส่งซิกกันกับดิวว่าจะขึ้นไปบนห้องเลย
              "มันเป็นอะไรวะเดี่ยว"ไอ้ดิวถามผม
              "ติ๊กทำรายงานคู่กับกูว่ะ และนี่ก็คงโกรธ ที่กูไม่ช่วยทำรายงาน"ผมพูดไอ้ดิวมันพยักหน้าแค่นั้นและโบกมือให้ผมก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน ส่วนผมก็เดินรีบเข้าไปในครัว กะว่าจะเอาขนม น้ำผลไม้ขึ้นไปด้วย ผมจัดการจัดจานและรินน้ำผลไม้ที่ติ๊กเขาชอบ เอาไปง้อหน่อยจะดีกว่า
               "ก๊อก ก๊อก ก๊อก " ผมเคาะประตูห้องติ๊กเดินมาเปิดและทำท่าจะปิดทันทีเช่นกันแต่ว่าผมใช้มือข้างเดียวดันเอาไว้
               "อย่าติ๊ก..เดี๋ยวมันหกแล้วอดกินเลยนะ นี้เดี่ยวตั้งใจมาเสิร์ฟให้เลยน่ะ "ผมร้องห้ามติ๊กไม่ให้ปิดประตู ติ๊กมองที่ผมถือมา น้ำผลไม้ที่ติ๊กชอบนั่นแหละ ติ๊กปล่อยให้ผมเข้ามา ผมก็ถืองานที่ต้องทำคู่กันขึ้นมาด้วย ผมวางทุกอย่างลง และ ติ๊กเอาโต๊ะญี่ปุ่นมากางทำรายงานเอาไว้แล้ว เขารู้ว่าผมต้องขึ้นมาแน่ๆ มันทำให้มุมปากของผมกะตุ๊กขึ้นมาเป็นรอยยิ้มแต่อีกคนยังหน้าบึ่งเฉยอยู่
               “รู้ด้วยเหรอว่าต้องขึ้นมาน่ะ เตรียมจัดสถานที่ไว้รอขนาดนี้” ผมพูดแซวแต่คนที่ผมแซวกับหันมามองตาขวางขนาดนี้
                “ไม่แซวก็ได้ มานั่งซิ เดี๋ยวเราทำเอง ติ๊กนั่งกินน้ำผลไม้และขนมชมอย่างเดียวพอ "ผมพูดพร้อมกับเอามือตบที่นั่งข้างๆ ติ๊กนั่งลง ติ๊กปรายตามามองผมแค่นั้น
               "เดี่ยวขอโทษ ถ้าเรารู้ก่อนจะไม่ไปเตะบอลและจะรีบกลับมาช่วยทำเลย “ผมพูดนติ๊กยังคงเงียบ
                “หรือว่าโกรธที่เดี่ยวไปดูปู” ผมถามติ๊ก เขาหันมามองหน้าผมก่อนจะวางปากกาลง
                “ติ๊ก… คือไงดีละ แม่ของปูมาเขาน่าสงสารนะติ๊ก ค่ารักษาก็ไม่ค่อยมี นี่เดี่ยวกับดิวก็ช่วยเหลือไปบ้างเท่าที่ช่วยได้ "ผมพูดกับติ๊ก ติ๊กมองผมและพยักหน้า ไปอย่างนั้นแหละ ผมไม่รู้ทำไมเขาไม่ชอบปู มีอะไรทำไมไม่บอกละ เขาเงียบนิ่งไปพักหนึ่ง
                “ปูทำอะไรให้ติ๊กไม่ชอบเขาเหรอ “ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผม
                “กูนี่นะ ไม่ชอบเขา ทำไมกูต้องไม่ชอบเขาว่ะ เขาไม่ได้มีอะไรกับกูสักหน่อย “ติ๊กพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งมาก ก่อนจะหันไปหยิบน้ำผลไม้มาดื่ม
                "โอเค ไม่มีก็ไม่มีเนอะ” ผมพูด คือไม่อยากก่อไฟในตัวคนข้างๆ ผมอีก หมอดแล้วก็ไม่อยากให้ปะทุขึ้นมาอีก
                “และนี้...เดี่ยวก็รีบกลับมานะ กะว่าจะโหลดเพลงต่ออ่ะ ที่เราโหลดกันอยู่อ่ะ"ผมพูดง้อหน่อยติ๊กหันมามองผมแว๊ปหนึ่ง ผมก็หยิบขนมส่งให้อยากป้อนแต่คนที่นั่งข้างๆ แต่ดันชิ้งหยิบไปทานเองจากมือผมซะก่อนเหมือนรู้ว่าจะป้อนขนมง้ออย่างนั้นแหละ และผมก็รีบหยิบแก้วน้ำผลไม้ส่งให้ติ๊ก เขาก็มองผม ปรนนิบัติดีไงวันนี้
                 "อืมม พอแล้ว มึงเขียนเลยนะ "ติ๊กพูดให้ผมหยุด และส่งปากกาเมจิกให้ผมเขียน ผมก็รับมา มองอีกคนที่ดื่มน้ำผลไม้ไปด้วย
                 "ไอ้เดี่ยว มึงเขียนไม่สวย เอามานิ กูเอง ไอ้ดำเอ๊ย! "ติ๊กก้มลงมองผมก็เขียนโอเคน่ะแต่ไม่เฟอเฟคพอ นั้นแย่งผมไปเขียนเลย และคนที่ก้มหน้าก้มตาตั้งตาเขียน ผมก็มองเขาเขียนนะลายมือเขาสวยจริงๆ เหมือนตัวพิมพ์มาก แต่สิ่งที่ผมมองไม่ใช่แค่ตัวหนังสือแต่เป็นใบหน้าที่รับกับจมูดโด่งรั้นอันนั้น
                 "ตัดรูปดิ มองหน้ากูอยู่ได้ มองแล้วรายงานมึงจะเสร็จไหม"ติ๊กบ่นผมทันทีที่หันมาเห็นว่าผมจ้องมองเขาอยู่ บางทีผมก็ชอบแบบเดิมแบบนี้น่ะ ไม่รู้ซิหรือว่าเราโรคจิตว่ะ ดุก็ดุ เอาแต่ก็ที่หนึ่งแต่นี้มันนิสัยของเขา ชอบแบบที่เขาเป็น มันไม่หวาน ทำให้ผมแอบเอามือลูบคางตัวเองและคิดตามที่นักข่าวสายบันเทิงเขียนถึงดาราขาวีนคนนี้ วีนและเหวี่ยงไปหมดจนนักข่าวไม่กล้าสัมภาษณ์เยอะ
                 “ยังอีกไอ้ดำ!!” ผมก็รีบหันไปหากรรไกร "คร๊าบขุ่นแม่!! "ผมพูด
                 "โอ๊ย! “ติ๊กหยิกหูอีกแล้ว
                 “บอกอย่าหยิกหู "ผมร้องเสียงหลง เพราะว่าติ๊กหยิกเข้าที่ใบหูผม ตอนนี้ผมนอนลงกับพื้นพยายามแกะมือติ๊กออกแต่อีกคนลืมเขาขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้อยู่
                “นี้กูไม่ใช่แม่มึงน่ะ “ติ๊กพูดยังหยิกหูผมอีกไม่ยอมปล่อย แต่ผมหยุดดิ้นแล้วแหละเพราะว่า
                "จะว่าไปท่านี้ก็ดีเหมือนกันนะ "ผมพูดหยักกับติ๊ก เขาคงลืมตัว ติ๊กก้มลงมองดูสภาพเขากับผมตอนนี้ แถมยังคร่อมตรงน้องผมพอดีเลย
                  "เฮ้ย! "ติ๊กทำท่าจะรีบลุกหนี และผมไว้กว่ารีบดึงรั้งคนที่ขึ้นมาคร่อมร่างผมเอาไว้ทำให้ติ๊กล้มลงมาหาผมเต็มๆ ปากเราทั้งคู่ก็เกือบจะประสานกัน แววตาที่จ้องมองกันและกันของผมและเขา ริมฝีปากหน้าและริมฝีบางนั้น ขยับเหมือนอยากจะประสานกันแย่แล้ว ผมเลยพลิกอีกคนที่อยู่บนตัวผมให้นอนลงและเปลี่ยนเป็นผมขึ้นไปคร่อมไว้แทน ผมก้มลงจูบริมฝีปากบางๆ นั้นในทันที ประสบการณ์จูบผมก็ไม่น้อยแต่ส่วนใหญ่เป็นสาวๆ คนนี้แหละที่เป็นผู้ชายคนแรกที่ผมจูบ
                  “อืมม” เสียงครางออกมามือที่กำเสื้อนักเรียนผมแน่นก็ค่อยๆ คลาย และใช้มือดันเบาๆ แบบไม่ได้ดันออก ผมเลยเปลี่ยนเป็นผมจับมือติ๊กออกและใช้ฝ่ามือของผมประสานเข้าที่ฝ่ามือของติ๊ก ยกเอาไปวางไว้ข้างๆ ลำตัวแทน ปากผมก็บดขยี้ปากคนเบื้องล่าง จะว่าไปมันก็ไม่แปลกประหลาดไปจากการจูบผู้หญิงแต่รสชาติมันต่างกัน เพราะว่ามันไม่ได้อ่อนหย้วบเหมือนสตรีแต่มันมีรสลมุนซ้อนอยู่ในความแข็งกร้าว ผมไม่รู้ว่าเนิ่นนานแค่ไหนที่เราสองคนจูบกัน
               "ติ๊ก ตกลง มึงจะให้กูช่วยไหม... เว้ย!! "พายเปิดประตูเข้ามาพอดี ผมสองคนหันไปเจอ และรีบถอนปากออกจากกันอย่างรวดเร็วและรีบแยกออกจากกันด้วย ผมก็ลุกขึ้นและติ๊กลุกขึ้นนั่ง พายปิดประตูลงมองผมสองคนสลับไปมา
               "พายไม่ใช่นะ ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะ เออ มันแค่อุบัติเหตุ "ติ๊กพูดขึ้น ผมหันไปมองพาย ผมว่ามันดูไม่เหมือนอุบัติเหตุแน่นอน
               "จริงอ่ะ"พายถาม
               "จริงพาย…ไม่มีอะไร กูกับมันแค่หยอกเล่นกัน แค่นั้น เหมือนเวลากูเล่นกับแอ้ไง มึงก็เคยเห็นนิ ก็เล่นกันแบบนี้” ติ๊กมันพูดผมหันไปมอง เล่นกับแอ้มันแบบนี้จริงเหรอ พายแอบสั่นหัวไปมาว่าไม่ใช่ ผมก็ยิ้มๆ
               “และเดี่ยวมัน ก็มีเมียแล้วคือไอ้ปู "ติ๊กพูดพร้อมกับหันมามองหน้าผม ผมกับปูยังไม่ได้มีอะไรกันผมคิดในใจ
               "ถ้าอย่างนั้นมึงเอาไปทำเลยไอ้เดี่ยว กูจะอาบน้ำแล้ว เอาไปทำที่ห้องมึงเลยนะ ทำให้เสร็จด้วยเพราะว่าส่งพรุ่งนี้!!!"ติ๊กพูดและเดินเข้าห้องน้ำไปเลย ผมยืนเกาหัวแกรกๆ คนอะไรเปลี่ยนเร็วเหลือเกิน อารมณ์น่ะ

                ผมก็ก้มลงเก็บกระดาษรายงานจะเอาไปทำต่อที่ห้อง ผมแอบคิดว่าเหตุการณ์เมื่อกี้นี้เหมือนที้เขาเล่นกันเหรอกับแอ้เหรอ หรือว่าแอ้กับติ๊ก เขาเป็นมากกว่าเพื่อนกันอีก แล้วไอ้ดิวละ อะไรวะ?? ผมก็ว่าไม่น่าจะใช้ แต่ผมไม่รู้อะไรมาก่อนเลยไม่อยากตัดสิน
                 "มันก็แบบนี้เแหละเดี่ยว แต่ถ้ามึงคิดว่าคนที่รักมึงดีกว่าเลือกเขาเถอะวะ รายงานให้กูช่วยบอกนะ กูเสร็จแล้ว ไอ้แว่นมันทำเสร็จตั้งแต่ที่โรงเรียนแล้ว"พายพูด และผมพยักหน้า
ผมเดินออกกลับห้องผม รีบอาบน้ำและรีบออกมาทำรายงานต่อ ผมไม่ได้ลงไปทานข้าวผมไม่ค่อยหิวก็ไปทานมากับดิวและแอ้อีกหลังจากกลับจากโรงพยาบาลก็ยังอิ่มอยู่ ผมนั่งทำรายงาน นั่งปั่น ทำไปได้เกือบครึ้งแล้ว ดูเวลานี้เกือบห้าทุ่มแล้ว ผมก้มหน้าก้มตาเขียนสักพักประตูห้องถูกเปิดออก
                   "เดี่ยว"ผมหันไปมองติ๊ก ถือแก้วนมมาด้วย ผมหันไปบิดขี้เกียจทีหนึ่ง
                   "ถึงไหนแล้ว "ติ๊กถามผม
                   "เกินครึ่งแล้วละ "ผมตอบและหันมามอง
                   "อะ นมอุ่นๆ "ติ๊กส่งแก้วนมให้ผม ผมเงยหน้าขึ้นมองและรับแก้วนมมา
                   "มาเขียนต่อเอง "ติ๊กพูดก่อนจะสะกิดให้ผมขยับออก ผมก็ลุกขึ้นเดินออกมานั่งพักดื่มนมอุ่นๆ ที่คนนี้อุตส่าห์เอามาให้ผม ผมดื่มไปอมยิ้มไปด้วย ติ๊กก็ตั้งหน้าตั้งตาเขียนรายงานต่อให้ผม หลังจากที่ผมดื่มนมเสร็จก็ช่วยติดรูปที่สมุดรายงาน ผมสองคนช่วยกัน จนรายงานเสร็จเหลือบไปมองนาฬิกานี่ก็เกือบจะตีสอง เหลือแค่หน้าปกกับสารบัญอีกนิดหน่อย
                   "เหลือหน้าปกอีกเหรอ หาว..."ติ๊กพูดดูท่าจะง่วงนอนแล้ว ผมหันไปมองคนที่ปิดปากหาว
                   "เดี่ยวทำเอง ไปนอนเถอะ"ผมพูดกับติ๊ก
                   "นอนรอนะ เสร็จแล้วเรียก จะตรวจดูก่อน” ติ๊กพูดและเดินไปเอนตัวลงนอนที่เตียงนอนของผม ผมจัดการเขียนหน้าปก ผมเคยช่วยงานศิลป์ หลวงตามาก่อน ตาของผมเองที่เป็นเจ้าอาวาสแต่ตอนนี้ท่านก็มรณภาพไปแล้ว หลังจากที่พ่อผมเสียไม่นานและผมก็ทำได้ดีซะด้วย พอผมทำเสร็จผมก็ลุกมาดูคนที่บอกจะรอตรวจงานแต่ว่าดันผล๋อยหลับไปแล้ว ผมรีบเก็บทุกอย่างเข้าทีก่อน ผมเปิดไฟทันทีไม่อยากปลุกคนที่กำลังหลับให้กลับไปห้อง ผมค่อยๆ หมุดเข้าไปในผ้าห่ม ทันทีที่ร่างผมเอนลงนอนบนที่นอน
                   "หมับ "ติ๊กพลิกมาสวมกอดผม ผมก้มลงน้องคนที่หลับสนิทเหมือนเสือสิ้นลายกลายเป็นแมวเมี๋ยวน่ารักคนนี้ แต่เวลาร้ายนี้ก็นางพญาดีดีนี้เอง ผมอดเผลอยิ้มไม่ได้สักที

                   ผมก็เอาแขนผมกอดร่างติ๊กให้มาหนุนไหล่ผม ผมอยากให้เขานอนตรงนี้กับผม ผมเลยเลือกที่จะไม่ปลุกจะดีกว่า จะว่าไปได้มองหน้าคนนี้ใกล้มันก็ทำให้ผมใจสั้น หายใจไม่เป็นจังหวะ ผมกับชอบตอนที่เขาเป็นตัวเองมากกว่า ผมใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากคนที่หลับสนิท วันนี้ผมได้ลิ้มรสมันไปแล้วริมฝีปากเรียวสวยได้รูปนี้ ผมมองอยู่สักพักจนผมก็เริ่มอดใจไม่ไหว ผมก้มลงไปไปก่อนจะประทับริมฝีปากผมอีกครั้งกับคนที่หลับสนิท ผมโลมเลียริมฝีปากคนที่นอนอยู่ ผมพยายามทำแบบเบาที่สุดเพราะกลัวคนนี้จะตื่นขึ้นมาและอาละวาดผมแน่ๆ ที่ขโมยจูบ
                 “อืมม” เสียงคราวเบาๆ รับการจูบของผม ผมเลยต้องหยุดไว้แค่นี้ก่อน
                 “อยากจะรักนะแต่นายคือดอกฟ้า แต่เดี่ยวเอื้อมไม่ถึง” ผมพูดแค่นั้นเบาๆ ก่อนจะผล็อยหลับไปเหมือนกัน
                 “เวลาไม่มีฤทธิ์นี้น่ารักน่ะรู้หรือเปล่า” ผมพูดเบากับคนที่หลับสนิท ผมสังเกตจากลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
                “อืม” นั้นมีเสียงออกมาจากลำคอ ผมนี้ตกใจ
                “ติ๊ก” ผมเรียกเบาๆ แต่ไม่มีเสียงตอบแสดงว่าหลับจริง ผมค่อยๆ หลับตาลงง่วงเหมือนกัน ผมค่อยๆ หลับตาลงเช่นกันไม่นานความมืดก็เข้ามาแทนที ผมเผลอหลับไป ผมรู้สึกว่ามีคนกอดผม ด้วยความที่ง่วงด้วยเลยไม่ได้ลืมตามองและปล่อยให้กอดไปตามสบายได้เลย  ผมก็กอดคนนี้ด้วยเช่นกัน ผมรู้ว่ามันยากมากที่จะห้ามใจไม่ให้รักคนที่เขาอาจจะไม่คู่ควรกับผม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกดีกับคนนี้ ทั้งที่ใครก็กลัวแทนผมไปหมดเพราะว่าเขาอาจจะเหมือนตัวอันตรายอย่างที่คนอื่นๆเข้าใจแต่ไม่ใช่สำหรับผมคนเดียว
   “ปัง!!!”เสียงเคาะประตูห้อง จนผมสะดุ้งตื่แต่คนที่ผมนอนกอดอยู่ยังไม่ตื่น โชคดีที่ผมล๊อกประตูเอาไว้ ทั้งที่ปกติผมไม่เคยล๊อกประตูเลย ถ้าไม่อย่านั้นไอ้ดิวมันต้องเข้ามาเห็นแน่ๆ ผมเดินไปที่ประตู เปิดประตูแหงมๆเอาไว้
   “ว่าไงดิว” ผมถามไอ้ดิว ด้วยสภาพที่งัวเงียมาก
   “ดึกซิท่ามึง” ไอ้ดิวมันพูด ผมมองดู มันสวมชุดนักเรียนแล้ว   
   “ เมื่อคนมึงทำคนเดียวหรือว่าติ๊กมาช่วยว่ะ”ดิวถามผม   
   “มาช่วยทำกลับไปนอนดึกเหมือนกัน “ผมพูด ไอ้ดิวมันมองหน้าผมนิ่งหลายวินาที ก่อนจะพยักหน้า
   “มึงไปทีหลังแล้วกันและพาไอ้คนที่รู้ว่าใครไปด้วย “ไอ้ดิวมันพูดแค่นั้น หรือว่ามันจะรู้ว่าติ๊กนอนในห้องนอนกับผม แอ้เดินออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ดิวหยักไหล่ว่าไปเรียนได้แล้ว ผมถึงได้ปิดประตูและเดินเข้ามาในห้อง ผมยืนมองติ๊กที่นอนหลับอยู่  ผมปล่อยให้เขานอนสักสิบนาทีดีกว่า ระหว่างที่ผมเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว ผมใช้เวลาไม่เกินสิบนาที ผมออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขานั่งงัวเงียอยู่บนเตียงนอนของผม
          "อืมมม กี่โมงแล้ว"ติ๊กถามผมพร้อมกับทำตาปรือๆ ยังง่วงนอนอยู่
          "เจ็ดโมงยี่สิบแล้วครับ "ผมหันไปตอบติ๊ก
          "อ้อ..เห้ย สายแล้ว"ติ๊กร้องด้วยความตกใจพร้อมกับดีดตัวลุกพรวดขึ้นมาทันที เขาไม่รอช้าวิ่งเข้าห้องน้ำไปผมทันที ผมก็ยักไหล่แค่นั้นก่อนจะหันกลับมาจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย
          "เห้ย! ทำไมไม่มีของใช้กูเลยวะ "ติ๊กตะโกนออกมาจากห้องน้ำของผม
          "จะมีได้ไงนี้มันห้องน้ำเดี่ยว"ผมเดินไปพูดที่ตรงประตูห้องน้ำก่อนจะเดินกลับมาแต่งตัวต่ออีกหน่อย เอะวันนี้ผมแต่งตัวแบบพิถีพิถันและนานกว่าทุกวัน วันนี้ก็กะว่าจะหวีผมเท่ๆ สักหน่อย
          "เดี่ยว! ไปเอาครีมอาบน้ำ โลขั่นทาผิวและชุดอาฟเตอร์เชฟให้หน่อยดิ"ติ๊กเดินมาเปิดประตูแง้มๆ ผมก็เดินไปชะเง้อมองคนที่ยืนแอบอยู่ เขาเหลือกตามองผม ว่าห้ามแอบดู มันทำให้ผมกระหยิ่มยิ้มย่องพยายามชะเง้อมองให้ได้
           "ว่าอะไรนะเดี่ยวได้ยินไม่ชัดนะครับ เปิดกว้างอีกหน่อยซิประตูน่ะ "ผมพูดและพยายามมองลอดช่องเข้าไป
           "เดี่ยว ไปเอาที่บอกไปอะให้หน่อย พลีส!!!"ติ๊กพูดเชิงขอร้อง ผมก็ยิ้มแบบชอบใจคนที่สั่ง

                  ผมก็พยายามเอาเรือนร่างไปแอบไว้ในมุมมีโผ่มาให้เห็นแค่ใบหน้าหล่อๆ แค่นั้น ผมเดินออกไปหยิบให้และรีบกลับมาส่งให้ติ๊กเขารีบเปิดประตูมาดึงไปทันทีอย่างรวดเร็ว ผมแค่เห็นแว๊ปๆ ผมยอมรับว่าผิวเขาสวยเนียน ก็ดาราต้องดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว และติ๊กก็รีบอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะออกมาจัดทรงผมที่ห้องนอนผม ผมนั่งเอามือเท้าคางมองคนที่ยืนพิถีพิถันในการแต่งตัว นี้แค่ชุดนักเรียนน่ะ ยังดูดีขนาดนี้
              "เดี่ยว มานี่ดิ"ติ๊กหันมาเรียกผม “หึ” ผมก็เลิกคิ้วเป็นคำถามว่าเรียกทำไม
              “บอกให้มาก็มาดิ ไอ้ดำ” เรียกซะน่ารักเชียว ผมก็ลุกไปอย่างว่าง่าย
              “ฟิดๆ” เสียงฉีดสเปร์ยน้ำหอมใส่ผมสองสามที ตามเสื้อของผม ก่อนที่คนตรงหน้าผมจะยื่นปลายจมูกมาดมเขาก็คงลืมตัวไป ปลายจมูกนั้นมันอยู่ใกล้คอเสื้อผมมาก มันทำให้ริมฝีปากผมขวับโดยอัตโนมัติ
               "กลิ่นนี้ก็หอมดีน่ะ เอาไหมมีหลายขวด"ติ๊กพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม เขาคงเดาได้ว่าผมคิดอะไรอยู่ ใบหน้าเราใกล้กันขนาดนี้ หน้าคนนี้ก็เนียนจนผมแทบจะอดใจไว้ไม่ไหว ต้องเลียริมฝีปากตัวเองผมค่อยโน้มใบหน้าหล่อๆ เข้มๆ ของผมเข้าไปหาคนตรงหน้าก็ยังนิ่งมองผมอยู่ไม่ได้ขยับหรือถอยหลังไป ริมฝีปากหนาๆ ของผมแตะริมฝีปากบางๆเข้ารูปนั้น แถมยังเป็นรูปกระจับอีกต่างหาก ติ๊กมองหน้าผม ต่างก็กลืนน้ำลายลงคอพร้อมกัน
                  “ไปโรงเรียนเถอะเดี่ยว เดี๋ยวพี่กูทำโทษมึงกับกูจนได้” ติ๊กพูดก่อนจะถอยหลังก้าวเท้าออกในทันทีผมเองก็ต้อง ค้างเอาไว้แบบนั้น ผมห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้จริงๆ
                  “ฟู่” พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ มองคนที่เดินหันหลังออกไปจากห้อง นี่ผมกำลังจะหวันไหวให้กับคนคนนี้จริงๆ เหรอ ผมเดินตามเขาลงไป บ้านที่โล่งเพราะว่าไม่มีใครอยู่แล้วติ๊กหันมามองผม ผมพยักหน้าว่าทุกคนไปหมดแล้ว ติ๊กพยักหน้าตอบผมเบาๆโดยไม่ได้พูดอะไร
                 “ติ๊ก เดี่ยวขอโทษ” ผมพูด
                  “อย่าทำอีก เพื่อนกันเขาไม่ทำกัน และกูก็แค่เพื่อนมึง” ติ๊กพูดก่อนจะเดินออกไป ผมทำได้แค่เดินตามเขาออกไป ผมรู้สึกเหมือนผมคือหมาวัดกับนายดอกฟ้ายังไงก็ไม่รู้
             TBC….


TBC

หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯEP.64(ติ๊กXเดียว)ตกลงสถานะคืออะไร
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 19-03-2024 12:07:29
EP.64(ติ๊กXเดียว)ตกลงสถานะคืออะไร

                  Part’s เดี่ยว ผมขับรถออกมาจากบ้านพัก ติ๊กนั่งเลือกฟังเพลง ผมก็ไม่ได้ถามอะไรอีกเพราะว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว เขาบอกผมว่าเขาแค่เพื่อนดังนั้นผมต้องหักห้ามใจตัวเองให้ได้  ที่จะไม่ทำแบบนั้นอีก แต่ถามว่าผมจะใจแข็งได้ไหม ถ้ายังใกล้ชิดกันแบบนี้ และที่ทำให้ผมยิ้มคือ ติ๊กไม่ได้แค่นั่งรถธรรมดา จัดนั้นเก็บนี้แต่ก็บ่นไปพร้อมกันเพราะว่ารถผมรก ทั้งที่พึ่งเก็บไปแท้ๆ ผมขับมาจอดไว้ด้านหน้าของโรงเรียน ที่นี้เขาไม่ให้นักเรียนนำรถเข้าไปจอดด้านในยกเว้นคนมาติดต่อ ผมเคยเอาเข้าไปจอดใกล้กับทางขึ้นไปห้องธุรการและก็โดนมือดีทำเอาผมต้องไปทำใหม่ ไม่ใช่ใครอื่น ติ๊กนี่แหละ
"น้าครับเปิดประตูให้หน่อยครับ"ผมเรียก รปภ ที่นั่งอยู่
                "สายแล้วนะครับ ห้ามเข้าแล้วครับ"รปภ.บอกพวกผม ลุงนี่เคร่งไปไหม เมื่อวานจะออกไปเยี่ยมเพื่อนก็ไม่ยอมจนครูตุ๊ลงมานั่นแหละ และผมก็เหลือบมองเวลาลา ยังได้อยู่นี้ถ้าเขาหยวนๆ ให้ผมสองคนสักหน่อย
                "แต่นี้เพิ่งจะสิบแปดเองนะครับ "ผมพูด เพราะเพิ่งจะ 8.18 นาทีเอง กำลังเข้าแถวอยู่
                "เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอบคุณครับ"เสียงพี่ตุ๊เป็นฝ่ายบอก ลุงรปภที่ยืนทำหน้าที่ปิดเปิดประตู พี่ตุ๊เดินเข้ามาหาผมสองคน ผมสองคนได้ยืนหลุบตามองพื้นกัน น้องน่ารักแต่พี่ชายดูดุยังไงก็ไม่รู้ ผมแอบคิดในใจ พี่ตุ๊เดินเอามือไขว้ยืนมองผมสองคนผ่านช่องประตูเหล็ก สายตาเขม็งมาก
               "พี่ตุ๊ "ติ๊กเรียกพี่ชายเขา และพี่ตุ๊ก้มดูลงดูนาฬิกาหรูแพงมากที่ข้อมือตัวเอง
               "ทำอะไรกันอยู่นี่มันแปดโมงสิบกว่านาทีแล้วน่ะ และเวลานี้คือเวลาที่เพื่อนๆ เข้าแถวกัน ทำไมเพิ่งจะมากัน ติ๊ก เดี่ยว
               "พี่ตุ๊ ผมกับติ๊กมองหน้ากันสลับกันไปมา
                "ทำรายงานเมื่อคืนครับพี่เลยนอนตื่นสาย"ผมตอบพร้อมกัน พี่ตุ๊มอง
               "ทำรายงาน อิบ อืบ หรือเปล่า เลยมาถึงป่านนี้! "พี่ตุ๊พูดรายงานและทำนิ้วเหนือหัวแบบว่า อิบ อิบ
                “รายงานพี่ตุ๊แน่นอนไม่ใช่ อิบ อิบ อะไรที่ไหน แค่รายงานเป็นหนาๆก็ไม่ต้องคิดจะทำอะไรแล้วและนี่ก็เป็นคนสั่งเองจำไม่ได้หรือไงอ่ะพี่ตุ๊"ผมหันมามองคนที่ยืนบ่นพี่ชายตัวเอง ผมทำได้แค่ก้มหน้ามีคนเดียวเลย
               "วิชาที่พี่สอนอ่ะ โคตรยากเลยอ่ะและก็เยอะด้วยให้ยังกับทำวิทยานิพนธ์จะให้อะไรเยอะแยะก็ไม่รู้ เรียนก็ตั้งแปดวิชาต่อวัน ไม่ได้เรียนวันล่ะวิชานี่พี่ตุ๊” ติ๊กพูดแต่ว่าพี่ตุ๊กับหันมาเหล่มองผมแทน
               “อุ้ยย!” ผมสะดุ้งครับ ไอ้ที่กวนบาทาพี่น่ะน้องชายพี่ครับไม่ใช่ผม
               “จริงเหรอเดี่ยว” พี่ตุ๊ถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ ว่าใช่
               “รายงานพี่นั่นแหละและเมื่อวานไอ้เดี่ยวมันไปเยี่ยมแม่เพื่อนป่วยที่โรงพยาบาล เลยมาช่วยช้า กว่าจะเสร็จเกือบตีสอง "ติ๊กพูดผมมอง ผมคิดว่าเขาจะไม่พูดเรื่องที่ผมไปเยี่ยมแม่ปูซะอีก
              "อืมม เข้ามาได้ และพี่จะให้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะครั้งหน้าโดนทั้งคู่"พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันไป พยักหน้าให้ รปภ.เปิดประตู ผมเดินเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้พี่ตุ๊ และผมสองคนก็วิ่งเข้าไปแถวต่อจากไอ้ดิว ไอ้ดิวมันมองหน้าผมและคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ติ๊กวิ่งไปแทรกที่ด้านหน้าแอ้ทันที แต่ไอ้ดิวไม่ได้พูดหรือถามอะไรผมจนกระทั่งกิจกรรมหน้าเสาธงสิ้นสุดลง
              "ไอ้เดี่ยว วันนี้พี่กูมาว่ะ มาที่ชมรมฟุตบอล อย่าลืมน่ะมึง "ไอ้ดิวหันมาบอกผม ผมพยักหน้า

               วิชาแรกของวันนี้คือวิชาพละ เป็นผมกับติ๊กดูแล้วไม่น่าจะลงเล่นอะไรได้เลย ง่วงมาก ผมเดินนั่งลงข้างๆ คนที่สภาพไม่ต่างจากผมนั้นคือติ๊ก และฟังครูประวิทย์ ครูสอนวิชาพลศึกษาสั่งว่าวันนี้ให้ทำอะไร ดูจากอุปกรณ์ที่วางอยู่ น่าจะเล่นแบทมินตันแน่ๆ พอครูเขาสั่งเสร็จก็พากันไปหาสนามเล่นกันแต่ผมกับติ๊กเลือกเดินไปที่อัศจรรย์แทน ไม่มีอารมณ์จะเล่น มันง่วงมาก ผมเอาแขนเท้าอีกชั้นหนึ่งและเอนหลังพิง ผมนั่งอยู่ชั้นกลาง ผมรู้สึกว่ามีคนเดินขึ้นมาและมาหยุดตรงหน้าผมกระเป๋าเป้ที่วางลงข้างๆ พร้อมกับหันหลังและนั่งลงตรงระหว่างขาของผมด้วย ผมกระดกหัวก้มลงมอง ทำแบบนี้ไม่ให้ผมคิดได้ยังไง คนที่นั่งก็เอาแขนมาพาดหน้าขาผมเอาไว้ ประมาณว่าจะขอพิงเพื่อจะได้แอบหลับว่างั้น
                "ง่วงชิบเลยว่ะ "ติ๊กพูดก่อนจะหันมามองผม ผมก็ยักคิ้วเหมือนกันนั่นแหละ
               "เดี่ยวตีแบทกันไหม! ไอ้ดิว มันตะโกนถามผม ผมโบกมือไม่เอา ผมก้มลงมองคนที่กอดอกหลับตาพิงอยู่ มันจะรู้ไหมว่าผมคิดนะเฮ้ย!!! ทั้งที่พยายามแล้วน่ะว่าผมไม่ควรคิดกับคนนี้เกินไปกว่าเพื่อน แต่ก็ปล่อยไป เพราะว่าผมก็ง่วงด้วย ผมหันไปหยิบเอาเสื้อแจ็คเก็ตในกระเป๋ามาคลุมหัว ทั้งผมและอีกคน ผมพล่อยหลับไปได้สักพักน่าจะสักสิบนาทีได้
               "โอ๊ย! เดี่ยวแดดเข้าตากู"อีกคนร้องขึ้นมาผมก็ตกใจหมด พระอาทิตย์ส่องมาตรงผมสองคนพอดี แสงมันจึงเข้าตาคนที่นอนพิงผม ขนาดมไม่ลืมตายังรู้ได้ว่าแดดส่อง
              "หยิบแว่นตาเรแบรนด์ให้หน่อย ในกระเป๋า"ติ๊กบอกผม เรียกว่าสั่งจะดีกว่ทา ผมก็หันไปหยิบและสวมให้ด้วยดีมั้ย
              "ค่อยยังชั่ว มึงตัวเดียวเลยไอ้เดี่ยว กูง่วงเนี๊ยสัส! ถ้ามึงไม่กวนตีนกูน่ะทำเสร็จตั้งแต่เย็นแล้วไอ้เชี้ย! "บ่นผมอีกนะ และนี่ผมผิดตรงไหนไปบ่นคนให้ทำรายงานโน้นดิครับ ผมอมยิ้มเล็กก่อนมองคนที่หลับตาลงพร้อมแว่นตายี่ห้อหรู ผมเองก็หลับตาลงเช่นกัน อย่างน้อยหนึ่งคาบเรียนก็ยังดี ที่ได้อยู่แบบนี้
             "โป้ก"ลูกขนไก่แน่เลย ช่างมัน ฉันไม่แคร์
            “โป้ก โป้ก” อันนี้สองลูกติด ก็ยังช่างมัน ฉันไม่แคร์
             “โป้ก โป้ก โป้ก “สามลูกติดแบบนี้ไม่ธรรมดา มันโกรธมาก ผมค่อยๆ เปิดผ้าคลุมสอดส่ายสายตาดูว่าใคร ผมเห็นไอ้ดิวมันเล็งไม้ตีแบทมาที่ผม ไอ้นี้มันเป็นคนตีมาที่ผมสองคนแน่นอน ไอ้มารเอ๊ย
             "อะไรของมึง!!” ผมตะโกนถามไอ้ดิว ไอ้ดิวมันยืนเอามือเท้าเอวและมันชี้ด้วยไม้แบทไปด้านข้างของผม ผมหันไปมอง ว๊าก!! พี่ตุ๊มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ว่าผมจะลุกไปเลยก็ไม่ได้ น้องพี่เขาเอาแขนพาดเข่าผมเอาไว้อยู่ พี่ตุ๊ยืนกอดอกมองผมและมองน้องชายของเขา
           "ติ๊ก ติ๊ก "ผมสะกิดเรียก
           "อะไรเดี่ยว กูง่วง มันยังไม่หมดคาบไม่ใช่เหรอไอ้วิชาพละอะไรเนี๊ยะ! ให้กูนอนก่อนได้ไหม หมดคาบแล้วค่อยปลุกกู รายงานห่าอะไรก็ไม่รู้เยอะฉิบหาย ยังกับทำวิทยานิพนธ์"ติ๊กพูดอย่างอารมณ์เสีย คือผมอยากบอกว่าก็ง่วงน่ะก่อนหน้านี้แต่ตอนนี้ตื่นลืมง่วงไปทันตาเห็นเพราะว่า (พี่ไอ้คนนี้จอมโหดน่ะมายืนจังก้าอยู่ตรงนี้ข้างๆ รัศมีความเป็นพี่มาเต็มๆ)
            "พี่ตุ๊"ผมก้มลงบอกติ๊กที่ข้างหูเสียงลอดไรฟัน
            "กูเคยเห็นแล้ว พี่กู เคยเห็นทุกวัน มาโรงเรียนยังเห็น นี้หลับกูยังต้องเห็นอีกเหรอ ให้กูอยู่ห่างๆ พี่กูบ้างเถอะเดี่ยว "ติ๊กยังหลับตาพูด พี่ตุ๊พยักหน้า พี่ตุ๊เดินมายืนตรงหน้าผมกับติ๊ก
            "ใช่ เห็นกันทุกเวลาแน่คราวนี้ นี่นั่งทำอะไรกันสองคน! "พี่ตุ๊พูดเสียงดัง จนคนที่นั่งผิงผมสะดุ้งสุดตัวและเสื้อผมก็ถูกดึงออกไป โดยพี่ตุ๊
            "เห้ย เสียงพี่กู” ติ๊กเด้งขึ้นมานั่งจากที่ผิงผมอยู่ หันซ้ายหันขวา ผมก็ชี้ว่าอยู่ตรงหน้า
            "เว้ย!! "ติ๊กร้องเสียงหลงที่หันไปเจอพี่ตุ๊
            "นั่งทำอะไร เอาเสื้อคลุมกันแบบนี้ด้วย คิดว่าไม่มีใครมองเห็นใช่ไหม ห๊ะ! "พี่ตุ๊ถามเสียงดัง
            "ก็มันง่วงและที่คลุมก็เพราะว่าแดดมันส่องอะพี่ตุ๊ "ไอ้ติ๊กพูดแก้ตัว แต่จริงแล้วผมคลุมเองกันแดดให้เขาด้วยและอยากจะมองหน้าคนนี้ใกล้อีกด้วย
            "แน่ใจนะ พี่ว่าถ้าจะรักจะชอบพี่ไม่ว่า อย่าทำแบบนี้ในที่โจ่งแจ้ง มันใช่เหรอติ๊ก เดี่ยว! "พี่ตุ๊ เอ็ดผมสองคน ผมเองก็ไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้น แต่คนที่เงียบคือติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผมและหันกลับไปมองหน้าพี่ตุ๊
            "ใครพี่ตุ๊ ผมกับมันเพื่อนกัน” ติ๊กหันไปบอกพี่ตุ๊
            “แหละนั่นแฟนมันพี่ตุ๊ ไอ้ต้นข้าว “ติ๊กพูดและชี้ไปที่ต้นข้าวที่กำลังเดินเข้ามา พี่ตุ๊หันไปมองตามที่ติ๊กชี้ไปก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมว่าหลอกเด็กอนุบาลเถอะติ๊กผมแอบคิดในใจ
             “ไอ้ต้นข้าวมานี้เห้ย! แฟนมึงอยู่นี้ "ติ๊กตะโกนเรียกต้นข้าว ควักมือเรียกด้วยให้เดินมาหามัน มันมองหน้าผม ติ๊กและพี่ตุ๊อีกคน ด้วยอาการเลิกลัก ติ๊กมันตะโกนเรียกต้นข้าวดังมากจนนักเรียนพากันมองลงจากตึก ปูอยู่บนตึกด้วย ปูมองมาที่ผมแป๊บหนึ่งและเดินเข้าห้องไปทันที งานเข้าซ้ำซ้อนเลยผม
             "นั้นแฟนมันนั้น"ติ๊กบอกพี่ตุ๊ ไอ้ต้นข้าวเดินมาถึงก่อนตามมาด้วย บลู และแอ้
             "เราเป็นแฟนกับเดี่ยวเหรอ ต้นข้าว "พี่ตุ๊ถามต้นข้าว ต้นข้าวมองติ๊กพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ตอบว่าใช่
             "ชะ ใช่ ใช่ คะครับ"ต้นข้าวแบบยังงงได้อีก พี่ตุ๊มองต้นข้าวสลับกับผมและติ๊ก
             "งั้นแล้วไป "พี่ตุ๊ พูดแค่นั้น (แอบพ่นลมเบา)
            “แต่ถึงไม่ใช่แฟนก็อย่านั่งกันแบบนี้ คนอื่นเขาคิด เข้าใจไหมติ๊ก” พี่ตุ๊พูด ผมก็พยักหน้าเบาๆ
            “มันเหมือนนั่งจูบกันอยู่” พี่ตุ๊พูดผมเดาได้ว่านี้คือพี่ห่วงน้องใช่ไหมครับ ติ๊กหันมามองหน้าผมแล้วก็ขยับออกนั่งห่างจากผมออกไปอีก
            "ไอ้เดฟ กับไอ้เอ็กซ์มากี่โมงดิว"พี่ตุ๊เปลี่ยนเป็นหันไปถามดิวที่เดินมาทางพวกผมแทน ดิวบอกว่าพี่ชายมันจะมาเป็นโค้ชให้พวกผม เตะฟุตบอลกันเพื่อจะได้สร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียน
            "มาถึงนี้ก็ บ่ายสามโมงครึ่งครับพี่ตุ๊ "ดิวพูด
             "โอเค พี่มีไปประชุมที่โรงแรมคิดว่าคงไม่ทัน "พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันมามองติ๊ก
            “พี่ไม่อยู่น่ะติ๊กไปเรียนออนไลน์ในห้องทำงานของพี่พัฒน์ล่ะ “พี่ตุ๊บอกติ๊กแต่ทำไมสายตารเล็งมาที่ผมละครับ ติ๊กพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะชำเลืองตามามองผม
 
                  พี่ตุ๊ก็เดินออกไปขึ้นรถตู้ที่มารอรับ ครูพัฒน์ลงมายืนรอพี่ตุ๊อยู่ พี่ตุ๊หันมามองผมกับติ๊กแว้บหนึ่ง เหมือนจะพูดอะไรกับครูพัฒน์และชี้มาที่ผมสองคนก่อนจะขึ้นรถไปในทันที เสียวสันหลังวาบเลยครับผม และผมก็หันมามองคนข้างๆ ที่นั่งเอามือเท้าค้าง ทำหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์ ผมแอบคิดในใจอีกว่ามึงไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไงพี่โหดขนาดนี้ พวกผมกันไปเห็นพายก็เดินมากับไอ้มาร์ค
                "ไอ้มาร์คมันจีบพายว่ะ"แอ้พูด ดูคุยกันกะหนุงกะหนิง น่ารักเชียว ผมว่าดีแล้วแหละผมจะได้รอด ไม่อย่างนั้นกระหนาบซ้ายขวาไม่ไหวครับผม
               "ผลัก!" เสียงดังเหมือนมีคนถูกผลักกระเด็นไปเกยกับตนเข็มที่ปลูกเรียงเอาไว้
               "เว้ย!!! "พวกผม นั้นคือท่าเขินของพายเหรอ ไอ้มาร์คมันลุกขึ้นมาได้
               "พาย ครับเขินเบ่าๆ หน่อยครับ กูว่ากูจะตายก็จีบน้องพายนี้แหละครับ"ไอ้มาร์คมันพูด
               "มาร์คก็พูดเกินไป เขินเลยเนี่ย"พายทำท่าจะขินอีก ดีที่ไอ้มาร์ครับจับมือพายไว้ก่อนไม่อย่างนั้นมันมีรอบสอง
               "พอจร๊าๆ เขินแต่พองาม เขินมาร์คเดี๋ยวมาร์คช้ำในตายก่อน และเมื่อสักครู่ที่มาร์คกระเด็นไปนั้นพายผลักหรือถีบครับ "ไอ้มาร์คถามพาย
               “ก็แค่พลักเบาๆ เอง มาร์คน่ะ มึงแสดงเกินค่าตัวไปเองหรือเปล่า” น้องพายพูดด้วยน้ำเสียงและท่าที่ที่เอียงอาย
               “กระเด็นไปค้างอยู่ต้นเข็มขนาดนั้นไม่ได้แสดงหรอกครับ แถมเจ็บจริงอีกต่างหาก “ไอ้มาร์คมันพูด
               “ขอใบสมัครคืนทันไหม” ไอ้มาร์ค
               "ได้ แต่มันมีทั้งใบสมัครและใบมรณะด้วยเอาไหม”พายพูด 
               “ซวยแล้วกู!” ไอ้มาร์คมันพูด ที่พายพูดนั้นคือถ้ามันขอเลิกนี้มันตายสถานเดียว ผมหันมามองติ๊กที่นั่งเงียบๆ ไม่รู้ว่าเขาโกรธผมหรือเปล่า ไอ้ดิวมันขึ้นมานั่งข้างๆ ผม และส่งน้ำหวานมาให้ผมรับไปดื่ม มันมองหน้าผมสายตามันเป็นคำถาม มันก็คงรู้แหละ ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองติ๊กที่นั่งอยู่กับแอ้ ต้นข้าวและบลู ผมรู้ว่ามันสูงเกินไป  ก็ไม่แปลกที่เขาจะบอกพี่ชายเขาไปแบบนั้น ว่าเราไม่ได้มีอะไรที่พิเศษต่อกัน
               TBC.....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันEP.64.1(ติ๊กXเดียว)รักสามเศร้า
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 19-03-2024 20:47:12
             
  EP.64.1(ติ๊กXเดียว)รักสามเศร้า
[/size][/color]

                Part’ s ติ๊ก ผมนั่งดื่มน้ำที่แอ้มันซื้อมาให้ เมื่อสักครู่ผมง่วงมากผมนั่งหลับพิงไอ้เดี่ยวมัน สวมแว่นตาเรแบรนด์นั่งหลับๆ ตื่นๆ แอบมองหน้าไอ้เดี่ยว มันเป็นคนที่หล่อเข้มแบบว่าชายไทยแท้ด้วย หุ่นมันก็เหมือนหุ่นหนุ่มหล่อแบบชาวไร่ชาวนามันหล่อแบบมีเอกลักษณ์ของมัน เป็นพระเอกได้สบายๆ เลย แต่คิดอีกทีไม่เอา เดี๋ยวไอ้เดี่ยวทำเราจะตกงานถ้าแนะนำให้พี่เอ๋ แต่จริงๆ ถ้าไอ้เดี่ยวมันได้เข้าวงการก็มีคนมาเกาะแกะอีก ตอนนี้ผมสับสนในใจผมเอามากๆ
                "ไปห้องน้ำกัน และจะขึ้นเรียนวิขาต่อไปแล้ว"แอ้พูด ผมก็พยักหน้าว่าเห็นด้วย ร้อนมากด้วยคิดว่าไปล้างหน้าล้างตาดีกว่า
                 "บลู ต้นข้าว ไปห้องน้ำกันวะ"แอ้พูดและมันสองคนมันลุกตาม
                 "พายไปห้องน้ำกัน"ผมเรียกพาย เพราะมันนั่งอยู่กับไอ้มาร์ค และพายมันก็ลุกมาหาผม ส่วนไอ้ดิวโบกมือว่าไม่ไป ผมหันไปมองไอ้เดี่ยวแต่ไม่ได้พูดอะไร แต่มันก็มองผมและก็ยิ้มที่มุมปากอย่างเท่สัส! ผมเดินมาถึงห้องน้ำ ห้องเรียนอื่นคงหมดคาบกันแล้วเลยพากันมาเข้าห้องน้ำเหมือนกัน
                 "คนเยอะวะ ไปห้องน้ำชั้นสองกันไหมวะ "ต้นข้าวถามพวกผม และ ผมก็เห็นด้วยนะ เพราะพวกผมเรียนชั้นสามกัน ผมเดินตามขึ้นไป ผมเห็นปูยืนอยู่กับเพื่อนแถมๆ หน้าห้องน้ำ
                 "ต้นข้าว มึงเป็นแฟนไอ้เดี่ยวเลยดิ มันนิสัยดีนะมึงและมึงกับมันดูหมาะสมกันดี "ผมพูดกับต้นข้าว ผมพูดค่อนข้างเสียงดังเพื่ออะไร เพื่อให้ปูได้ยิน
                  "เฮ้ย! "ไอ้ต้นข้าวมันร้องออกมาและทำท่าจะเอามือมาปิดปากผมอีก
                  "เมื่อเช้ามัน มาส่งมึงอีกไหมล่ะ"ผมถามถึงไอ้ต้ากับต้นข้าว
                  "ไม่วะ มันเงียบหายไปเลยว่ะ แผนมึงใช้ได้ว่ะ” "ต้นข้าวพูด
                  "ของไอ้เดี่ยวมันดีก็อย่างนี่แหละ "ผมพูดและเดินแทรกเข้าห้องน้ำไปทันที ปูและเพื่อนหันมามองหน้าผม ผมก็หันไปมองกลับผมกลัวเหรอและผมตั้งใจพูดให้พวกเขาได้ยินซะด้วย เพื่อนของปูคนหนึ่งทำท่าจะเดินมาหาผมทันทีแต่ปูดึงแขนเอาไว้ เขาคงไม่อยากให้เพื่อนสาวของเขามีเรื่องกับผมน่ะ
                   “กลับห้องเถอะ” ปูบอกเพื่อนๆ เขาก่อนจะกันเดินแทรกตัวไปแต่ก็หันมามองหน้าผมกันอีกครั้ง ผมยืนทำเป็นไม่สนใจ ผมสังเกตเห็นปูหันมาหันมายิ้มให้แอ้ แอ้มันก็ยิ้มกลับอีกก่อนจะหันมามองหน้าผมหลังจากที่พวกนั้นเดินออกไปหมดแล้ว
                   "ติ๊กมึงตั้งใจพูดให้ไอ้ปูมันได้ยินใช่ไหมวะ “พายมันถามผม
                   “ทำแบบนี้ทำไมวะ "พายมันหันมามองหน้าผม
                   "เออ กูตั้งใจ กูไม่เชื่อคนอย่างปู มันจะมาหลอกหรือเปล่าก็ไม่รู้"ผมพูดกับพาย
                   "ติ๊ก ปูเขาไม่ทำแบบนั้นหรอกน่ะและแม่เขาก็ป่วยจริง "แอ้พูด ผมหันมามองไอ้แอ้ด้วย
                   "อ้อ มึงพากันไปเยี่ยมมากับไอ้ดิวกูลืม เดี๋ยวนี้ เออออไปกับคนอื่นแล้วใช่ไหมวะ แอ้!"ผมพูดและจะแทรกตัวออก ไม่เข้ามั้นแล้วห้องน้ำน่ะผมคิดในใจ
                   "หมับ"แอ้มันดึงแขนผม
                   "อย่างี่เง่าได้ไหมว่ะติ๊ก มึงมันมีพร้อมในขณะที่คนอื่นเขาขาด มึงไม่เข้าใจเข้าหรอกติ๊ก"แอ้พูดว่าผมมีพร้อม ใช่พร้อมในความสุขจอมปลอมหลอกตัวเองไปวัน วัน เออกูมีผมคิดในใจแต่ความสุขที่แท้จริงของผมน่ะมันเป็นคนแย้งไป ผมหันมามองหน้าแอ้มัน สายตาของผมกับแอ้ประสานกันโดยไม่ต้องพูดอะไรเลย มันคงเดาได้หมดที่ผมคิด
                    "กู ยังขาด คนที่กูรัก และเหตุผลที่กูขาดเพราะใครบางคนเห็นแก่ตัว มึงก็รู้ดีไอ้แอ้ "ผมพูด เท่านั้นแอ้มันก็ปล่อยแขนผมและผมก็เดินออกมาทันทีเช่นกัน ผมเดินขึ้นห้องเรียนเลย ทำไม เมื่อก่อนมันก็มีผม ก็มีกันสามคน แต่มันกับเลือกแอ้ กูไม่ดีตรงไหนวะดิว
                    "ปึก"ผมเดินมาชนใครสักคน ผมเงยหน้ามองคนนั้นคือ ปู
                    "ขอโทษนะ"ปูพูด ผมมองและพยักหน้า ก่อนจะ เอามือปัดที้ไหล่ผมเอง และเดินไปทันที
                    "แกไปทำอะไรเขาหรือเปล่าวะปู"เพื่อนของปูถามปู ผมไม่แคร์ ผมก็เดินขึ้นมาบนห้อง พวกดิวมันขึ้นมาแล้ว ผมตรงไปนั่งที่นั่งของผม โดยไม่พูดไม่จากับใครทั้งนั้น
                     "เป็นอะไรของมันวะ"ไอ้แจ็คพูดเชิงถามแต่ไม่ได้เจาะจงว่าจะถามผม คงเห็นสีหน้าผมแล้วมันไม่ควรจะถาม เห็นมันแบบนี้ มันก็รู้จักนิสัยผมดีไอ้แจ็คน่ะ บอยหันมามองผมแจ็คก็โบกมือให้บอยว่าให้ปล่อยผมไว้แบบนี้สักพัก
                     "ติ๊ก แอ้ละว่ะ"ดิวถามผมแต่ว่าถามหาไอ้แอ้ ผมเงยหน้าขึ้นมา มันเคยห่วงกูไหมว่ะไอ้ดิว ตกลงลมหายใจเข้าออกของมึงคือไปแอ้ใช่ไหม เหมือนผมกำลังพาลเลยตอนนี้ ผมเงยหน้าขึ้นมามองหน้าไอ้ดิว
                      "ไม่รู้กูขึ้นมาก่อน "ผมตอบห้วนๆ
                       "ก็มึงไปห้องน้ำกับมันมาแต่ดันกลับมาคนเดียว "ไอ้ดิวพูดต่อ
                        "ใช่ กูเสร็จกูก็ขึ้นมาก่อนดังนั้นกูไม่รู้ "ผมตอบและเปิดหนังสือแบบว่าไม่ยากสนทนาอะไรทั้งนั้น สักพักแอ้ พาย ต้นข้าวและบลูเดินพวกมันก็เข้ามา ดิวทำท่าจะถามแอ้ และผมก็ทำเป็นไม่สนใจ เสียงเก้าอี้ ถูกลากก็คงเป็นพายที่นั่งข้างๆ กับผม แต่พอผมหันไป กลับกลายเป็นแอ้มานั่งกับผมแทน ส่วนพายมันไปนั่งกับดิวแทนและซุบซิบคุยกัน มีไอ้แจ็ครวมหัวด้วยอีก ไอ้พวกเชี้ยนี้ก็แม่ง บอยหันมามองผมสายตาที่เป็นห่วง ไอ้หลุยส์กับธรรณ์ก็หันมามองและหันกลับไปเช่นกัน
                       "ติ๊ก "แอ้มันเรียกผม ผมหยุดชะงักแค่นั้นและเขียนต่อ ทำเป็นไม่สนใจมัน
                        "อย่าทำแบบนี้ได้ไหม"แอ้จับแขนผม
                         “ฟู่” ผมพ่นลมออกมา ผมเงยหน้ามองแอ้ โดยมีสายตาไอ้ดิวที่มองผมสองคน สายตาที่มอง คงมองว่าผมวุ่นวายกับแอ้ และสายตาที่หันมองแอ้มันห่วงใยแอ้ มันช่างต่างกัน มันโคตรเจ็บเลยว่ะ
                         "ติ๊ก"แอ้เรียกผมอีกที
                         “มึงให้กูรู้สึกยังไง กูเพื่อนมึงป่ะว่ะ” ผมหันมาพูดกับแอ้มัน
                         “ติ๊ก มึงเพื่อนกู แต่ที่กูพูดก็เพราะว่ากูไม่อยากให้คนอื่นมองมึงไม่ดีถ้ามึงทำแบบนั้นติ๊ก” แอ้มันพูด ผมก็มองมันและหันไปทางอื่น ผมเคยแคร์เหรอ เมื่อก่อนเหวี่ยงนักข่าวจนโดนแบนมาแล้วกูก็ทำมาแล้ว ผมคิดในใจกะอีแค่นักเรียนในโรงเรียนพ่อกูเอง อยากมาเรียนที่นี้ตายเลยกู
                         “มึงเป็นใคร มึงลูกเจ้าของโรงเรียนป่ะว่ะและพี่ตุ๊ก็มาเป็นผู้อำนวยการอีก อย่าทำให้พี่ตุ๊เดือดร้อนไปด้วยดิว่ะ           
                        "ติ๊ก” แอ้พูดกับผม ผมหันไปมองหน้ามัน เออผมลืมไปเลยว่ะ พี่ตุ๊
                        “ตี๊ก” แอ้เรียกผมอีกครั้ง
                        "เออ!!!"ผมพูดแค่นั้น ตอนนี้อาจารย์เข้าสอนวิชาต่อไปแล้ว ขณะที่ผมกำลังเรียน อาจารย์กำลังขึ้นหัวข้อบนกระดานดำ
                         "ติ๊ก"เดี่ยวมันเรียกผม พอผมหันไปมันส่งกระดาษให้ผม ผมก็รับมาอ่าน ยุคไหนวะเนี๊ยะ ยังใช้กระดาษเป็นสื่อ เออ เมื่อก่อนเคยทำบ่อยตอนเรียนประถมแต่นี้ยุคมีโทรศัพท์แล้วนะเว้ยเห้ย แต่ผมก็คลี่ออกมาอ่าน
                          ///เป็นอะไร โกรธอะไรแอ้มัน //ไอ้เดี่ยวมันเขียนมาให้ผมอ่าน มีคนห่วงแอ้เพิ่มอีกคนว่างั้น แต่ผมดันคิดอะไรได้สักอย่าง แอบยิ้มที่มุมปากก่อนจะ
                          ///ไม่มีอะไร แฟนกันก็งอลกันบ้าง ธรรมดาว่ะ//ผมเขียนต่อและส่งไปให้ไอ้เดี่ยวมัน ไอ้เดี่ยวมันรับไปเปิดอ่านมันถึงกับสะบัดหน้ามามองผม และมันก็เขียนหยิกๆ ลงกระดาษต่อจากแผ่นเดิม
                          //หลอกเด็กอนุบาลดีกว่าไหม ว่าแอ้เป็นแฟนนะ //เดี่ยว มันเขียนส่งมาให้ผม แถมยักคิ้วมาให้ผมอีก ว่าไม่เชื่อที่ผมเขียนบอกมันไป
                          //มึงไม่เชื่อก็เรื่องของมึง กูสองคนรักกันมาก จะให้จูบให้ดูเลยไหมล่ะ// "ผมเขียนและส่งกลับไปให้มัน โดยไม่ได้หันไปมอง ผมรู้ว่ามันเดาผมออกหมดแล้วว่าผมต้องการใคร ไอ้เดี่ยวน่ะ
                         “อืมมม รักกันมากใช่ไหมคะ นักเรียน” ผมก็ต้องตกใจสะดุ้งโหยงเพราะว่าคนที่รับกระดาษไม่ใช่ไอ้เดี่ยว เป็นคุณครูเนตร ครูคนใหม่ที่พี่ตุ๊หามาสอนพวกผม คนข้างโหดเฮี้ยบ!
                          "รักสามเส้าเราสามคนเหรอคะนักเรียน งั้น ออกไปยื่นคาบไม้บรรทัดหน้าห้อง ใครเขียนคนแรก"ครูเนตรถามและมองผมสามคน
                            "ผมครับ"ไอ้เดี่ยวยกมือขึ้นตอบ ครูเนตรพยักหน้าให้ออกไปยืนหน้าห้อง
                            "และใครที่เธอเขียนให้"ครูถามเดี่ยวก่อนที่ไอ้เดี่ยวจะเดินออกไป
                            "ให้ติ๊กครับ"เดี่ยว มันตอบว่าให้ผม ผมหันไปแอบโชว์นิ้วกลางให้มันเลย
                             “อะฮืม” ครูเนตร
                             "ลุกขึ้น และใครคือแฟนเธอติ๊ก"ครูเนตรถามผม ผมมองไอ้ดิวและผมก็ก้มลงมองติ๊ก
                              "แอ้ครับ เป็นแฟนของผม"ผมตอบแอ้มันสะบัด และคนที่สะบัดหน้ามาพร้อมกัน คือไอ้ดิว
                              “WTF!” จากไอ้แจ็ค กับไอ้หลุยส์ มันสบดออกมาแม้จะไม่ดังมากแต่ผมก็ได้ยิน ส่วนอีพายน่ะมันเหลือกตาขึ้นบนเบ้ปากและมองบนใส่ผมอีกคน แถมยังพวกไอ้ภาคินก็เช่นกัน เล่นเอาเงียบไปหมดทั้งห้องเลยดิ
                             “ขอโทษครับครู” ครูถึงกับหันไปมองไอ้แจ็คที่สบถออกมาแบบนั้น ไอ้แจ็ครีบขอโทษขอโพยทันที บอยหันมาตีแขนแจ็คเบาๆ
                               "ถ้าอย่างนั้น…ลุกค่ะทั้งสามคนเลย รักสามเส้าเราสามคน แต่รบกวนไปตกลงกันนอกเวลาเรียนนะคะนักเรียน ออกไปยืนด้านนอกเลยค่ะ คาบไม้บรรทัดพร้อมกระต่ายขาเดียว รักกันมากก็ไปยืนด้วยกัน "ครูเนตรสั่งผมสามคน ไอ้แอ้มันลุกขึ้นและหันมามองหน้าผมพร้อมกับส่ายหัวไปด้วย ว่าทำไมมันถึงได้โดนร่างแหไปด้วยนั้นเอง
                              "ผมว่า ตกลงวันกันไม่มากว่ามั้งครับ ครับอาจารย์"ไอ้มาร์ค
                              "555"พวกมันขำผมสามคน ผมแอบหันไปส่งนิ้วกลางใส่มัน ตอนอาจารย์เผลอ
                              "อยากไปช่วยเขาไหมล่ะ ปราโมทย์ จะได้ไปยืนด้วยกัน เพื่อนายจะมีไอเดียดีดีแนะนำ"ครูเนตร บอกไอ้มาร์ค
                              "ไม่ละครับ ไม่ยุ่งเรื่องผัวๆ เมียๆ คร๊าบ"ไอ้มาร์คมันพูด และผมสามคนออกมายืนกันที่หน้าห้อง และคาบไม้บรรทัดพร้อมกับยืนกระต่ายขาเดียวด้วยกางแขนออก ครูเนตรออกมายืนมองและกลับเข้าไปสอนต่อ
                              "อึง อึง"ผมออกเสียงรอดไม้บรรทัด หันไปทางไอ้เดี่ยว
                              "ใครกันแน่ เห็นไหมแอ้มันโดนไปด้วยเลย"ไอ้เดี่ยวมันดึงไม้บรรทัดออกจากปากมันและพูด
                              "ใช่กูไม่รู้เรื่องกูก็ดันโดนไปด้วย มึงสองคนแม่งเล่นเชี้ยอะไรไม่รู้เรื่อง"ไอ้แอ้ อีกคน ดึงไม้บรรทัดออกมาพูด
                            "ไอ้แอ้ มึงแม่งทิ้งกูเลยนะสัส! "ผมหันไปเอาไม้บรรทัดออกมาพูดกับไอ้แอ้บ้าง
                            "นี้ ออกมายืนหน้าห้องยังซ่าอีก เดี๋ยวให้ไปยืนกลางสนามเลย"คุณครูออกมาผมจำต้องคาบไม้บรรทัดและยืนกระต่ายขาเดียว จังหวะที่ ห้องอื่นเปลี่ยนคาบพอดี ดันเป็นห้องของปู และปูก็เดินผ่าน เพื่อนๆ เขาหัวเราะพวกผมและไอ้เดี่ยวมันทำท่าตลกให้ปูดู ปูก็หันมาขำมัน ผมนี้เจ็บใจ ผมหันมองหน้ามันไอ้เดี่ยวทันที
                           "อู้ย! "มันร้องที่หันมาเจอหน้าผม
                           "ตลกบริโภคนะมึงนะ "ผมว่ามัน และหันมาคาบไม้บรรทัดต่อ ส่วนไอ้แอ้มันก็ยืนคาบไม้บรรทัดและส่ายหัวไปมาอีกคน ไม่รู้น่าเอือมระอาใครกันแน่ ส่วนผมก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ไอ้ดำนี่แหละ ยังมายักคิ้วหลิ่วตาใส่ผมอีกน่ะ
                            TBC......
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯนEP.65(แอ้Xดิว)เจอน้องเซนอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 20-03-2024 13:35:04
EP.65(แอ้Xดิว)เจอน้องเซนอีกครั้ง

                Part's แอ้ วันนี้ช่วงบ่ายผมนั่งกับไอ้ติ๊ก ผมรู้ว่ามันโกรธที่ผมเหมือนเข้าข้างปู แต่ผมไม่อยากให้คนอื่นมองติ๊กไม่ดี มันเป็นถึงลูกเจ้าของโรงเรียนผมยิ่งไม่อยากให้คนอื่นมองว่าติ๊กเป็นคนหัวรุ่นแรงทั้งที่ความจริงไม่ใช่ แถมตอนระหว่างเรียนไอ้ติ๊กกับไอ้เดี่ยวมันเขียน จดหมายหากันโต้ตอบกันไปมาและดันพ่วงผมลงไปด้วยเลยโดนทำโทษให้ไปยืนหน้าห้อง เดี๋ยวพอหมดชั่วโมงผมก็ต้องเตรียมตัวลงไปที่ช๊อปที่พี่ตุ๊เตรียมเอาไว้ให้ผม ก็วันนี้เป็นวันแรกที่ผมจะไปเจอเด็กๆ ผมรับสอนคาราเต้ให้กับเด็กที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลเป็นเครือของโรงเรียนพี่ตุ๊เหมือนกันผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมากันกี่คน คิดถึงเด็กๆ ของผมเองเหมือนกัน

             "ติ๊กมึงมีเรียนออนไลน์เลยหรือเปล่าว่ะ” ผมถามไอ้ติ๊กเพราะว่าพี่ตุ๊ให้มันเรียนออนไลน์ช่วงหลังเลิกเรียนก่อน วันละหนี่งชั่วโมงและวันนี้ผมได้ยินว่าพี่ตุ๊ไม่อยู่และให้มันไปอยู่กับพี่ครูพัฒน์แทน
              "แอ้ กูไปเลยนะ เดี๋ยวสาย พี่ตุ๊จะบ่นกูเอาว่ะ เสร็จแล้วโทรหาล่ะ จะได้ไปรับ วันนี้ซ้อมดนตรีน่ะ จ๊วบ! "ติ๊กและมันก็ไม่พูดเปล่าดันหันมาจูบปากผมด้วยทั้งที่มันก็ไม่เคยทำจริงๆ แต่ครั้งนี้ ผมก็หันมามองหน้ามันว่านี้มันมาไม้ไหนของมันและมันก็รีบเดินออกไปในทันที พอผมหันมามองสายตารอบข้างที่มองผมแบบอึ้งไปกันหมดจนมาหยุดที่สายตาไอ้ตัวดีของผม ไอ้ดิว นี้แหละที่ไอ้ติ๊กมันทิ้งระเบิดเอาไว้ให้ผมกู้
               (ไอ้เชี้ยเอ๋ย!) งานเข้าอีกแล้วซิผมน่ะ (พวกมึงสองคนเคยเข้าใจผมบ้างไหมเนี๊ยะ ผมแอบคิดในใจ)
               "บอยไปเถอะ อย่าไปอิจฉาเขา"แจ็คพูดกับบอย ผมหันไปโชว์นิ้วกลางให้แจ็คมันเพราะว่ามันดันแซวผมและดึงแขนบอยออกไป บอยยังคงหันมามองผมแอบยิ้มเล็กน้อย
               "ธรรณ์"หลุยส์เรียกธรรณ์อีกคนลุกขึ้นและมองมาที่ผม ผมรู้ว่าไม่มีใครเชื่อเรื่องผมกับติ๊กแน่นอน
                "วันนี้กูรีบกลับบ้านว่ะ แม่บอกมีธุระว่ะแอ้ พรุ่งนี้เจอกันน่ะและหวังว่าพรุ่งนี้กูคงไม่ได้ยินข่าวดีอะไรมากไปกว่ามึงเป็นแฟนไอ้ติ๊กล่ะ ฮาๆ "ไอ้ข้าวอีกคน ผมหันไปจะโบกมันสักทีแต่มันหนีและลากแขนไอ้บลูออกไป
                "กูไปรอที่สนามกันเลยนะ ถ้าจะเคลียร์กันยาวเลย งานนี้” ไอ้เดี่ยวพูดและมันก็ไม่พูดเปล่า
                 “เมียพี่มีชู้......ชาวบ้านรู้กันทั่ว) )) )) "ไอ้เดี่ยวมันร้องเพลงให้ผมมันจะรู้ไหมว่าไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร นั้นคือไอ้ดิวมันยืนทำหน้าเหมือนใครไปเผาบ้านมันเลย พวกไอ้ภาคินมันก็ยักไหล่กันและออกไปรอกันที่สนามแน่ๆ
                 "ดิว "ผมเรียกไอ้ดิว ผมรู้ว่ามันงอนผมอีกแล้วเพราะว่ามันยืนนิ่งเงียบ แต่ว่าท่าทางมันเหมือนมีอะไรจะพูดเยอะแยะไปหมด
                  "อย่างอนกันได้ไหม แค่ติ๊กงอนกูก็แย่แล้ว"ผมพูดกับดิว
                  "มันงอนเรื่องอะไร เลิกตามใจมันสักทีได้ไหมแอ้! "ดิวหันมาพูดกับผมพร้อมกับลุกขึ้นมาหาผมด้วย
                  "มันเป็นใครละ เพื่อนกูหรือเปล่า ที่จะให้กูทำตามที่มึงบอกนะดิว "ผมหันไปถามไอ้ดิวและพร้อมจะยกกระเป๋าพวกอุปกรณ์ที่จะไปสอนเด็ก วันนี้ผมเปิดสอนวันแรกด้วย
                  "หมับ"ดิวรีบแย่งกระเป๋าอุปกรณ์ของผมไปถือทันที ผมหันมามองหน้า ก็ไม่ได้หนักอะไรมากเลยน่ะ
                  "มันหนักอย่าถือเอง..แอ้! "ดิวพูดผมเลยต้องปล่อยก็ได้ ผมเดินลงมาชั้นล่างกับดิว
                  "มันไม่จริงใช่ไหมแอ้"ดิวหันถามผม ขณะที่เดินลงบันไดมาด้วย ผมก็หันมามองไอ้ดิว มึงทำไมโง่อะไรเบอร์นั้นว่ะ อย่างผมนี่นะแฟนมัน ผมก็ส่ายหัว
                   “บอกดิวดิแอ้…ว่ามันไม่ใช่อ่ะ ที่ติ๊กมันบอกว่าแอ้เป็นแฟนมัน” ดิวยังพูดอีก ทำหน้าตาเง้างอนได้อีกด้วย ผมต้องเหลือกตามองบน เลียนแบบพายมันตอนที่ติ๊กประกาศว่าผมเป็นแฟนนั่นแหละ
                    "อืม อันนี้กูก็ไม่รู้ว่าติ๊กมันจะ..."ผมหันมาพูดกับไอ้ดิว
                    "พูดแบบนั้น แอ้ ดิวหึงอ่ะ"ดิวพูดกับผมว่ามันหึง
                    "กูก็เห็นมึงหึงทุกคนอะ เผลอๆ กับหมาด้วยมั้งมึงน่ะ"ผมพูดกับดิว
                     “ก็อาจจะเตะหมาด้วย ถ้ามันมองแอ้” ไอ้ดิวพูด ผมสะบัดไปมองกูประชดนะไอ้เชี้ยนี้ แต่ว่ามีคนที่ตกใจมากกว่านั้น คือไอ้นาวิน ไอ้คนที่เคยจีบผมมันเดินลงมาพอดีและมันก็สะดุ้งสุดตัวเช่นกันเพราะว่ามันลงมาถึงก็ได้ยินประโยคเด็ดที่ดิวพูดออกไปพอดี และผมก็คิดว่าหมาที่ไอ้ดิวมันหมายถึงคงเป็นไอ้นาวินนั่นแหละ ไอ้นาวินมันถึงกลับหันหลังเดินกลับไปลงทางอื่นทันที ผมหันมามองไอ้ดิว
                   “มึงเยอะไปน่ะดิว” ไอ้ดิวมันหันไปมองแว๊ปหนึ่งก่อนจะหันมาฉีกยิ้มให้ผม
                   "ไม่รักจะหึงไหมล่ะแอ้ "ดิวพูดบอกผม ผมหันมาก็ใจอ่อนกับสายตาคู่นั้นอีกแล้ว
                   "แต่มันมากไปดิว "ผมพูด ตอนนี้ผมสองคนเดินมาถึงอาคารเรียนที่พี่ตุ๊เตรียมไว้ให้ผมแล้วมีเบาะเรียบร้อย นักเรียนยังมาไม่ถึง ดิววางกระเป๋าผมลงให้ผม
                   "ก็มันทนไม่ได้นิแอ้ "ดิวพูด ผมหันมามองหน้าดิว ไอนะได้มันมาเต็มๆ เลย ผมไม่แปลกใจทำไมไอมีเรื่องต่อยกับคนที่วุ่นวายกับไอซ์บ่อย
                  "ได้ดิวจะพยายามไม่หึง...มาก"ดิวพูดผมยิ้มออกมานิดหนึ่ง พยายาม
                  "พยายามไม่หึงเลยจะได้ไหมดิว "ผมพูดกับดิว และหันไปเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบเอาอุปกรณ์ออกเตรียมเอาไว้ให้เด็กๆ
                   "ดิวไปได้แล้วพี่เดฟ พี่เอ็กซ์จะรอเอานะ"ผมบอกดิว
                   "รอดิวด้วยล่ะ จะเดินมารับเอง "ดิวพูดกับผม ผมหันไปมอง สั่งยังกับว่าผมเป็นเด็กสองขวบเลยนะมึงน่ะ
                   “จะได้มาช่วยเก็บของไม่อยากให้แอ้ทำเอง” ดิวพูด
                   “เป็นห่วงแม่ของลูก” ดิวพูดแต่มันก็ทำให้ผมอมยิ้ม
                   “อืมม” ผมแค่ทำเสียงในลำคอและดิวก็หันหลังจะเดินออก
                   "ดิว "ผมเรียกดิว ดิวก็หันมา
                   "รีบมารับนะ จะรอ "ผมบอกดิว ดิวก็หันยิ้มให้ผม

                   ผมรู้ว่าเขาอยากให้ผมอ้อนเขาบ้างอะไรบ้างแต่ก็น่ะผมไม่อยากอ้อนเขามากเพราะว่าผมกลัวใจผมเองต่างหาก ถ้าวันหนึ่งผมต้องไปจากดิวไปจริงๆ ล่ะ ผมไม่อยากคิดแล้วตอนนี้ ผมเดินมาจัดของสำหรับเด็กๆ สักพักผมก็เห็นคุณครูพานักเรียนมา ประมาณ สิบห้าคน มีทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย
                 "สวัสดีค่ะ คุณแอ้ใช่ไหมคะ นี้ค่ะนักเรียน ที่จะมาเรียนเทควันโดกับคุณแอ้กันค่ะ”
                 “เด็กๆ ค่ะ นี้พี่แอ้นะคะ "คุณครูที่พามาถามผม และผมพยักหน้าคุณครูก็แนะนำนักเรียนตัวน้อยของผม น่ารักจริงๆ เลย
                  "เอาละ ห้ามดื้อ ห้ามซน พี่แอ้ก็คือคุณครูนะคะ ถ้าดื้อพี่แอ้มีสิทธิ์ทำโทษเข้าใจไหมคะ "คุณครูพูดผมก็ยิ้มให้
                  "พี่ชื่อครูอ้อยค่ะ คุณแอ้ เออ ประมาณสี่โมงครึ่งค่ะแต่ไม่เกินห้าโมงเย็น ผู้ปกครองจะเข้ามารับที่นี้เลยนะคะ นี้รายชื่อเด็กๆ และชื่อผู้ปกครองเด็กค่ะคุณแอ้”
                 “และนี้ค่าสอนนะคะ เออ มีน้องเซนที่แม่เขาจะมาให้ทีหลังค่ะและถ้าเย็นนี้เขาไม่ให้ วันจันทร์ พี่อ้อยคงไม่ส่งมาเรียนนะคะ "ครูพี่เลี้ยงบอกผมพยักหน้า

                   ผมมองตามที่ครูพี่เลี้ยงโบ้ยปากไป ผมเห็นนั่งอยู่ห่างจากเพื่อนหน่อยและเด็กคนนี้ที่ผมเจอตอนที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในปั๊มน้ำมันและผมก็ซื้อขนมให้เขาไปด้วยเพราะผมรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ขึ้นมาซะเฉยๆ ทำไมโลกนี้มันกลมเหลือเกิน ผมรู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก ในผมเต้นแรงมากที่เห็นใบหน้าของเขาอีกครั้ง และเด็กคนนี้ก็เหมือนมีอะไรพิเศษกับผมมาก ตั้งแต่วันนั้น และตอนนี้ที่ผมเจอเขา ผมรู้สึกถึงความผูกพันกับเขายังไงก็ไม่รู้ เหมือนผมกับเขาได้อยู่ด้วยกันมาก่อน แต่ที่จริงแล้วไม่เคยเลย
                    "ชื่อน้องเซนค่ะ แม่เขาทำงานโรงงานเป็นแม่บ้าน เลิกงานก็เย็นมาก รายได้แค่พอประทังไปวันวันค่ะ น้องเซนเข้ากับเพื่อนไม่ค่อยได้เพราะว่า ไม่ค่อยได้มาเรียน แต่แปลกนะคะ น้องเซนเขารักเรียนมาก อ่านเขียนได้คล่องมากค่ะ เรียกว่าเรียนเก่งก็ว่าได้ค่ะ"ครูอ้อยบอกผม ผมก็พยักหน้าและมองเซน น่าจะแก่กว่าลูกๆ ผมปีหรือสองปีนี่แหละ
                   "งั้นพี่อ้อยไปก่อนนะคะ"ครูพี่เลี้ยงพูดผมพยักหน้า
                   "ครับ" ผมเดินไปหาเด็กคนนั้นที่ชื่อเซน
                    "ไม่ขยับไปนั่งใกล้ๆ เพื่อนละครับน้องเซน"ผมถามเซน เซนเงยหน้ามองผมตาแป๋วเชียว ผมยิ่งมองเขาใกล้ๆ ยิ่งบอกไม่ถูกมันเหมือนคนดีใจที่ได้เจอคนที่ไม่ได้เจอกันนานและพลัดพรากจากกันไปนาน
                    "กลัวเพื่อนไม่อยากให้เซนนั่งด้วย"เซนพูดกับผม และมองเพื่อนที่เล่นกัน แต่ไม่มีใครชวนเซนเล่นเลย
                    "ไม่หรอกครับ มากับพี่แอ้นะครับ"ผมพูดและแบมือ เซนยืนมือมาให้ผมจับและผมก็จูงมือเซนลุกขึ้นเพื่อเดินไปหาเพื่อนๆ
                    "สวัสดีครับ “ผมทักทายเด็กๆ และแอบหันไปมองน้องเซนที่นั่งเกือบจะใกล้ชิดกับเพื่อนแต่ก็ยังกลัวๆ
                    “สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ พี่แอ้” เด็กๆ ทักทายผม แสดงว่าครูอ้อยสอนมาแน่นอน
                    “สวัสดีครับทุกคน พี่ชื่อพี่แอ้ พี่ยินดีจะสอน คาราเต้ให้กับน้อง แต่พี่อยากให้ เพื่อนคนนี้นั่งด้วยกันได้ไหมครับ เราเพื่อนกันใช่ไหมครับ "ผมถามเด็กๆ ทุกคนมองมาที่เซน
                  “น้องเซนอยากนั่งกับเพื่อนไหมครับ” ผมถามเซน เซนพยักหน้า
                  "นั่งกับเราก็ได้น่ะเซน"เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเรียกเซนนั่งลง
                   "เอาละ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักว่า เทควันโดคืออะไร บร้าๆๆๆๆๆๆๆ "ผมก็อธิยายแบบสไตล์การสอนสำหรับเด็กเพื่อให้เขาเข้าใจง่าย ผมสอนขึ้นพื้นฐานก่อน ดูเด็กๆ ชอบมากและสนุกกับที่ผมสอน โดยเฉพาะเซน เขามีพรสวรรด์น่ะครับ ผมว่าเซนเขาสนใจและใส่ใจมาก
                   "เซนเตะได้พี่แอ้ เย้ เย้"ดูเขายิ้มมีความสุขกว่าตอนแรกที่มานั่ง ห่างๆ เพื่อนตอนนี้มีเพื่อนแล้ว นิ เขาก็เริ่มจะสนุกกับเพื่อนๆ
                   "เก่งมาก เซน"ผมชม และได้เวลาเลิกเรียนแล้วผู้ปกครองเริ่มมารอกันแล้ว
                   "นี้คือคนที่สอนคาราเต้เหรอ ที่ว่าเป็นลูกชายของพลเอกภีมปภพหรือเปล่า แถมบ้านนี่ก็เป็นเกย์ทั้งบ้าน หน้าตาดีอะ จะว่าหล่อก็หล่อ จะว่าสวยก็สวยนะ ชะนีอิจฉา "ผมได้ยิน จะดีใจดีไหม ผมหันไปยิ้ม ๆ ให้ เขารู้ว่าผมได้ยินก็ยิ้มกลับมาให้ผม
                   "เอาละ กลับบ้านได้แล้วครับ กลับไปฝึกเองที่บ้านและคราวหน้า พี่จะสอนท่าต่อไปให้นะครับ พรุ่งนี้ไม่ได้มาเรียนกันเพราะว่า พรุ่งนี้ เราเลิกเร็วกันใช่ไหมครับ งั้น เจอกันวันจันทร์ เลิกแถวครับ "ผมบอกเด็กๆ
                  "เย้! "เด็กๆ พากันวิ่งไปหาผู้ปกครอง แต่เซนยังมองหาคงยังไม่มา แม่ของเซน
                  "เซน แม่ยังไม่มาเหรอครับ"ผมถามเซนและเก็บอุปกรณ์เขาที่เก็บของ ผมว่าจะไม่เอากลับ เซนเดินมาช่วยผมเก็บ น่ารักจริง
                  "ครับพี่แอ้ แม่คงยังไม่เลิกงาน "เซนบอกผม
                  "มานั่งกับพี่แอ้มา แล้วนี่น้องเซนหิวไหมครับ "ผมเรียกเซน ให้เซนมานั่งกับผม ผมถามว่าหิวไหม เห็นคลำท้อง ผมเอาขนมยูโรเค้กติดมาด้วยและน้ำผลไม้ ดิวซื้อมาให้ผม
                   "นี่ครับน้องเซน"ผมส่งให้และแกะให้ด้วย ผมแปลกใจว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกพิเศษกับเซน แบบที่ไม่เคยรู้สึกกับเด็กคนอื่นๆ มาก่อน ความรู้สึกแบบนี้เหมือนตอนที่ผมดูแลและทำให้ลูกๆ ผมมองเขา ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับเขามาก่อน ไม่ใช่แค่วันนั้นทีผ่มเจอเขาแต่เหมือนเขาเคยอยู่กับผมมานานแล้ว
                   TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯEP.65.1(แอ้Xดิว)ผมรู้สึกเหมือนเขาเคยเป็นของผม
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 21-03-2024 13:58:56
EP.65.1(แอ้Xดิว)ผมรู้สึกเหมือนเขาเคยเป็นของผม

                Part’s แอ้ นี้ก็เกือบห้าโมงแล้ว ผมยังนั่งรอแม่น้องเซนมารับ ผมไม่ได้รู้สึกโกรธเลยที่เขามารับช้า ดีซะอีกผมได้คุยกับน้องเซนเยอะแยะเลย  เซนเป็นเด็กน่ารักพูดจาไพเราะ รอยยิ้มที่สดใส่นี้ทำให้ผมเอ็นดูเด็กคนนี้เหลือเกินและที่ผมรู้สึกคือ ผมเหมือนได้นั่งคุยกับลูกของผมจริงๆ มันมีความใกล้ชิดผูกผันกัน เหมือนมันเคยเกิดขึ้นแต่ว่าหายไปจากผมพักใหญ่ๆ ผมรอจนกระทั้งดิวเดินมาหาผม ดิววางกระเป๋าลง ดิวมองเด็กที่นั่งกินขนมกับผม
             "ไปแป็บเดียว คลอดลูกแล้วเหรอ"ไอ้ดิวถาม ผมแทบจะยันด้วยเท้าเลยดีที่ น้องเซนนั่งอยู่กับผม เลยไม่ทำ
             "คิก คิก คิก"เซนขำผมกับดิว
             “เซนนี้พี่ดิวครับ” ผมบอกเซน เซนมองผมและดิว
              "ดู ท่าจะหิวน่ะ "ดิวพูดเพราะกินยูโรเค้ก ตุ้ยๆ เลยและกินน้ำผลไม้ที่ดิวแวะซื้อให้ผมเมื่อตอนเช้า เอาไว้ทานตอนเย็น
              "หิว เขาไม่ได้กินข้าวเพราะเซนหาช้อนไม่เจอ เพื่อนเอาไปซ้อน"เซนพูด ผมหันไปมอง โธ่เอ๊ย!
              "เออ นี้"ดิวถามผม คงหมายถึงเซน เห็นมีแค่เซนคนเดียวตอนนี้
              "คนอื่นกลับไปหมดแล้วดิว เหลือแค่เซน เขารอแม่เขามารับนะ ดิว"ผมบอกดิว และเซนที่เงยหน้ามองผม
               "ชื่ออะไรครับ "ดิวถามเซน
               "ชื่อเซน"เซนตอบแต่ห้วนไปหน่อยนะ
               “ชื่อเซนครับ” ผมพูดให้เซนฟังจะได้พูดตอบดิวใหม่อีกครับ ผมรู้ว่าเขาเข้าใจว่าที่ผมบอกคือต้องมีครับลงท้ายด้วย
               “ชื่อเซนครับ” เซนพูดตามผม น่ารักมากเลย
                "น่าจะเท่าๆ กับอัยย์ ไอซ์และโอ้น่ะแอ้"ดิวพูดกับผม
                "น่าจะแก่กว่าปีหนึ่ง"ผมบอกดิว ดิวเพ็งมองน้องเซนพร้อมกับขมวดคิ้วด้วย
                "ดิวจำเด็กที่แอ้ซื้อขนมให้เขาได้ไหม ที่ปัํมน้ำมันน่ะ นี้ไงคนนี่แหละและวันที่เขาก็มาเข้าเรียนกับแอ้" ผมพูดกับดิว ดิวสะบัดหน้ามามองผม ผมพยักหน้าว่าใช่ แค่นั้นดิวก็ไม่ได้ถามต่อ และหันไปมองหน้าน้องเซนที่มองผมกับดิวตาแป๋ว
                "พี่ดิวเป็นแฟนพี่แอ้เหรอครับ"เซนถามดิว และผมสะบัดหน้าไปมองเลย
                "เซน พี่เป็นผู้ชาย"ผมพูดกับเซน
                "อ้าวเหรอ นึกว่าเป็นพี่สาว คิก คิก คิก "เซนพูด
                "ฮาๆ บอกแล้วให้เปลี่ยนทรงผมด่วนเห็นไหมใครก็มองว่าทอมบอยไปหมดแล้ว" ไอ้ดิวมันพูดว่าเป็นเพราะทรงผมของผมไง และยังมาขำอีกน่ะ ผมก็มองไอ้ดิว ว่าตลกมากไหม ให้หยุดหัวเราะผมวะที
               "เซน" ผู้หญิงอายุประมาณ สามสิบต้นๆ มาเรียกเซน ผมหันไปมอง เขาเป็นแม่ของเซนผมจำเขาได้ที่ร้านสะดวกซื้อ
                "แม่มาแล้วพี่แอ้ พี่ดิว "เซนพูด ผมจูงเซนออกมาหาแม่เขา แม่เขายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบ
               "ขอโทษนะคะที่มาช้า ปลีกตัวมาไม่ได้จริงๆค่ะ ขอโทษจริงๆค่ะ"คุณแม่ของเซนพูดขอโทษขอโพยผมใหญ่เลย
                "ไม่เป็นไรครับ "ผมบอกตอนนี้เซนไปกอดแม่เขาแล้ว ผมยิ่งมองยิ่งมีความสุขแปลก ๆ
               “วันจันทร์ใช่ไหมครับพี่แอ้ "เซนหันมาถามผม
                "เออ เซนไม่ได้ลูก เงินแม่ยังไม่ออกเลย "แม่ของเซนพูด เซนเงยหน้ามองแม่ของเขาแบบไม่เข้าใจ
                “เซนไม่ได้มาเรียนแล้วลูก” แม่ของเซนพูด
                “น้องเซนอยากเรียนหรือเปล่าครับ” ผมถามน้องเซน เขามองหน้าผม เขาพยักหน้าว่าอยากเรียน
                "เอาอย่างนี่นะครับ คุณแม่น้องเซน ไม่ต้องจ่ายครับ ผมให้เซนมาเรียนกับผมฟรี ผมไม่เก็บเงิน เซนเขามีพรสวรรด์"ผมพูดกับแม่ของเซน แม่ของเซนมองผม
                “และเขาก็ดูจะสนใจด้วย ผมเลยไม่เก็บเงินนะครับและถ้าคุณแม่เลิกงานเย็นบอกผมก่อนได้นะครับ ผมยินดีจะอยู่เป็นเพื่อนเขาก่อนจนกว่าคุณแม่จะมารับ” ผมพูดดิวหันมามองหน้าผมพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นคำถาม แต่ก็ไม่ถาม
              “เรื่องครูพี่เลี้ยง ผมคุยกับครูเขาเองนะครับ คุณแม่ไม่ต้องกังวลครับ” ผมบอกแม่ของเซน
              "ขอบคุณนะคะครู” แม่ของน้องเซนพูด
              “ผมไม่ใช่ครูหรอกครับ เรียกผมว่าแอ้ก็ได้ครับ” ผมพูด
               “ขอบคุณค่ะคุณแอ้ และที่แม่อยากให้น้องเซนเรียนเพราะว่าไม่มีใครอยู่กับเซนหลังเลิกเรียนนะคะ และรายได้ดิฉันกับค่าใช้จ่ายที่เยอะมากมายมันไม่พอกัน ฉันจ้างคนดูแลเขาไม่ได้ค่ะหลังจากเลิกเรียนแล้ว "แม่ของเซนพูด ผมนี้สงสารเขาสองคนจับใจผมเลย ผมหันมามองดิว ดิวก็มองผมดิวพยักหน้า ผมรู้ว่าสงสารทุกคนไม่ได้
              "ใช่และไอ้เว้าก็จะฆ่าเซนด้วยน่ะพี่แอ้"เซนพูดขึ้น ผมกับดิวมองเซนด้วยสีหน้าตกใจ
              "เซน อย่าพูดอย่างนั้นซิ"แม่ของเซนหันไปเอ็ดน้องเซน
              "คือเป็นลูกพี่ชายแฟนนะคะ ค่อนข้างเกเร พ่อของเซนเขาเสียตั้งแต่เซนเกิดได้ไม่กี่วัน "แม่เซนพูด ผมนี้ยิ่งสงสารเซนมากขึ้น ลูกผมนี้โชคดีที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่ลำบากเลยสักนิด
              "วันจันทร์มาเรียนนะเซน"ผมพูดกับเซน เซนพยักหน้า
               "คุณแม่เลิกงานเมื่อไหร่ก็มารับแล้วกัน ผมเข้าใจ ผมยินดีที่จะดูแลเขาให้ ผมรู้สึก….” ผมพูดพร้อมกับก้มลงมองน้องเซน แต่ดิวแตะแขนผมพร้อมกับส่ายหัว
               “ชอบเขา "ผมพูดบอกแม่ของเซน แม่ของเซนยิ้มด้วยความดีใจ ผมเอามือลูปหัวของเซน เขาแหงนหน้าขึ้นมามองหน้าผม สายตาที่บริสุทธิ์ ใสซื่อคู่นี้ ทำไมยิ่งผมมองลึกลงไป ผมถึงได้สัมผัสถึงสายใยบางๆ ระหว่างผมกับเขา ผมสะดุ้งทันทีที่มีคนสะกิดผมคนนั้นคือดิว สะกิดให้ผมมองแม่ของน้องเซน
               "ถ้าอย่างนั้น ไปก่อนนะคะ ต้องพาไปซื้อซี่โครงไก่ทอด เซนเขาใจดี เอาไปเลี้ยงหมาจรจัดนะคะ"แม่เซนพูดและก้มมองเซนด้วยความเอ็นดู
               "เหมือนพี่แอ้เลยนะ ชอบซื้อลูกชิ้นเลี้ยงน้องหมา"ดิวพูด เดินไปหาเซน เอามือลูปหัวเซน ผมแอบค้อนเพราะผมเคยซื้อเลี้ยงสุนัขหน้าโรงเรียนประจำ รถขายลูกชิ้นมาจะซื้อแต่ไม่เคยเกิน และเอามาเลี้ยงหมา
               "หมับ "ดิวส่งแบงก์ร้อยให้เซนใบหนึ่ง
                "พี่ฝากซื้อให้น้องหมาด้วย พี่แอ้นะเขาชอบเลี้ยงน้องหมาเหมือนเซนน้องเซนเลยครับ ดังนั้นพี่ฝากด้วยนะครับ "ดิวพูดกับเซน
                "น้องหมาต้องดีใจแน่เลย แต่ .."เซนพูดและมองแม่ของเขา คงกลัวแม่จะว่า
               “พี่ให้ครับ “ดิวพูดและมองแม่ของเขา ว่าพวกผมเต็มใจจะให้
               "ขอบคุณพี่เขาซิและเราต้องรีบไปแล้วก่อนที่อาโกจะปิดร้านซะก่อนน้องหมาอดกินแน่ๆ "แม่ของเซนพูด
                "ไปก่อนนะคะ ขอบคุณที่ให้เซนเรียนอีกครั้งค่ะ คุณแอ้"แม่ของเซนพูดและจูงเซนออกไป ผมมอง ดิวหันไปช่วยผมเก็บของเข้าทีและปิดช๊อบ ช๊อบนี้พี่ตุ๊จัดไว้ให้ผมสอนเด็กๆ โดยเฉพาะ
                "พี่เดฟกับพี่เอ็กซ์กลับแล้วเหรอดิว "ผมถามดิว แปลกจังพี่เอ็กซ์ไม่เดินมาตามหาผม
                "อืมมม แถมพี่เดฟ รีบไปส่งว่านนะแอ้ ดูท่าจะ ปิ้งว่าน"ดิวพูด ว่านที่นั่งกับภาคิน แต่ว่านเป็นแฟนไอ้ภาคีย์นิ และมันหึงจะตายไป
                "ดิว ว่านเป็นแฟนน้องไอ้ภาคินนะ น้องมันห่วงว่านจะตายไป"ผมพูดเพราะว่าต้นข้าวเล่าให้ผมฟัง
               "ระหว่างเด็กนั่นกับคุณหมอทหาร จบใหม่ๆ อย่างพี่เดฟ เด็กนั่นสู้ไม่ได้หรอก แอ้"ดิวพูด ผมหันไปมอง
               "พี่เอ็กซ์ ถามถึงแอ้ไหม"ผมถามดิว
              "ถาม ว่าแอ้เป็นยังไงบ้าง "ดิวบอกผม ผมหันไปมองว่าแล้วดิวมันจะตอบว่ายังไง
              "ดิวเลยบอกว่า แอ้ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ อาเจียน เวียนหัว ก็อย่างนี้แหละ เดือนสองเดือนแรก มักจะแพ้ "ไอ้ดิวพูดแต่ที่มันบรรยายมามันอาการคนท้องนิ ผมหันขวับมาเลยไอ้ดิว
              "โอ๊ยแอ้! "ผมตีด้วยกระเป๋า ก็พูดแบบนี้มันอาการคนท้องชัดๆ
              "ล้อเล่นๆ บอกแอ้สบายดี อ่านหนังสือเตรียมสอบทุกคืน หลังจากอ่านเสร็จเราก็ ทดสอบสอบภาคปฏิบัติกันต่อแค่นี้เอง "ไอ้ดิว มันก็ยังไม่พ้นอยู่ดี
              "ไอ้ดิวมึงก็ยังไม่พ้นเรื่องบนเตียงอยูดี ไอ้หื่น! "ผมเอาสมุดมาตีดิว มันไม่เจ็บหรอกครับผมเดินมาถึงตรงมุมตึก ติ๊กยืนอยู่ ไม่รู้นานแค่ไหน เขาอาจจะเห็นผมสองคนเดินหยอกล้อกันมา
              "ติ๊ก"ผมเรียกติ๊ก
              "กำลังจะเดินไปหาแต่ว่าดิวรับมึงมาแล้วนิ” ติ๊ก
              “ไอ้ดิวพวกกูซ้อมดนตรีกัน ไอ้เดี่ยว ไอ้โซ่ว์ ไอ้นาวิน ไอ้มาร์ค รอมึงอยู่ "ติ๊กพูดและเดินนำไปทันที ผมมองดิว
              “ติ๊ก"ผมเรียกติ๊ก แต่ดิวดึงแขนผมไว้
               "ปล่อยมันบ้าง งอนอะไรไร้สาระ "ดิวพูดและ ผมสองคนเดินตามเข้ามาในห้องซ้อมดนตรี อุปกรณ์ครบมากและใหม่ด้วย พี่ตุ๊เพิ่งจะซื้อมาแน่เลย ผมวางกระเป๋าลงและขึ้นไปจัดเบส ผมปรับเบสได้ และดิวก็ไปปรับกีตาร์
              "ดีครับ แอ้ "นาวินทักผม ผมพยักหน้าทักทาย ผมยิ้มให้
              “ไปไหนมาเหรอครับ ตอนแรก...วินก็นึกว่าแอ้จะมาที่สนามฟุตบอล นี่อุตส่าห์มารอเลยนะครับ “นาวินหันมาพูดกับผมทันที
               “อ้อวันนี้แอ้...สอนคาราเต้เด็กนะครับ วิน” ผมบอกวิน ในสายตาไอ้ดิวที่มันมองนาวิน เหมือนมันจะต่อยไอ้นาวินเลย ติ๊กมันก็มองดิวและไอ้นาวิน ไอ้มาร์ซเพื่อนอีกห้องมาเล่นคีย์บอร์ดให้
               “ถ้าอย่างนั้นกูนั่งรอพวกมึงซ้อมด้านล่างนะ “ผมพูดผมไม่ชอบเล่นดนตรีชอบดูดิวมันเล่นมากกว่า

                     ผมนั่งมองดิวเล่นกีตาร์ ไอ้เดี่ยวและติ๊กเป็นคนร้องนำ ไอ้โซ่มันตีกลองไอ้นาวินก็เล่นกีตาร์ไฟฟ้า นาวินมองมาที่ผมตลอด ผมเองก็พยายามไม่หันไปมองแต่มันก็อึดอัดพอดู เพราะว่าหันมากี่ทีมันก็มองผมแบบนั้น จนการซ้อมจบลง สรุปก็คือวันศุกร์นี้จะขึ้นเวทีร้องเพลงและเป็นวันที่จะแนะนำตัวผู้เข้าสมัครประธานโรงเรียน พี่ตุ๊ให้หลุยส์ แจ็ค บอยและธรรณ์ลงสมัคร พวกผมก็ต้องลงเป็นสมาชิกในกลุ่มไปด้วย
                “งั้นพวกกูกลับก่อนเลยว่ะ “ไอ้โซ่พูดกับดิว ผมหันมาเจอนาวินที่ยืนรอส่งยิ้มให้ผมอยู่ ผมหันไปมองและจู่ๆ ก็มีคนมายืนบัง นั้นคือไอ้ดิว (ผมแอบคิดอยู่ในใจนี่มันก็บอกผมว่าจะพยายามไง) แต่นาวินมันก็ไม่ลดล่ะ มันขยับมาอีกทางและส่งยิ้มพร้อมกับโบกมือส่วนไอ้ดิวมันก็มีความพยายามที่สูงขึ้นมาอีก มันขยับบังผมอีก และก็หันไปส่งนิ้วกลางให้คนที่มันบังอยู่ ดีน่ะที่ติ๊กมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ สงสัยมันหลบไปโทรศัพท์อยู่
                “กลับได้แล้วไอ้วิน กระโดดไปมายังกับกระโดดหนังยางเล่นกับสาวๆ นะมึงน่ะ” ไอ้โซ่มั้นเรียกไอ้นาวินออกไป
                “กลับก่อนนะครับแอ้ “ไอ้นาวินมันโบกไม้โบกมือให้ผมอีกที ส่วนไอ้ดิวน่ะเหมือนพยายามนับหนึ่งถึงสิบอยู่ ที่ผมอยากให้มันพยายามอดทนเพราะว่ามันจะได้สอนให้ไอรู้จักอดทนเหมือนกันได้ไงแต่นี้ดูแล้ว ไม่น่าจะได้
                “บ้านหรือโรงพยาบาลที่มึงอยากจะกลับไป” ไอ้ดิวมันหันไปชี้นิ้วถามไอ้นาวิน
                 “บ้านว่ะ” นาวินรีบตอบทันที
                 “งันก็รีบก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจส่งมึงไปโรงพยาบาล อ้อพ่อกูเป็นหมอว่ะ เดี๋ยวกูจัดให้” ไอ้ดิวมันพูด
                 “ไม่ดีกว่า กูเกรงใจว่ะ งั้นกูกลับบ้านว่ะ “ไอ้นาวินพูดและไอ้โซ่มันก็ลากไอ้นาวินออกไป
                 “ไอ้เดี่ยวแล้วติ๊กล่ะ”
                 “เห็นบอกว่ามีสายเข้าน่ะ”
                 “งั้นมึงพากลับด้วยกูมีเรื่องต้องคุยกัน” ไอ้ดิวมันพูดและดึงแขนผมให้ลุกทันที
                  “คุยแบบไหนวะ” ไอ้เดี่ยวมันถาม ยังทำหน้าตาทะเล้นได้อีก
                  “คุยแบบที่ผัวเมียคุยกัน เสื้อไม่ต้องใส่อ่ะ” ไอ้ดิวพูด และมันก็ลากแขนผมออก ผมอยากจะเอากระเป๋าตตีแม่งเลย แต่อย่างว่าแหละชินซะแล้วเวลามันพูดกับไอ้เดี่ยว ผมไม่เขินแล้วมีแต่อยากจะกระทืบมันสองคนแพ๊คคู่เลย และไอ้ดิวมันก็ลากผมมาถึงรถและมันก็ดันผมเข้าไปนั่ง ไม่ให้นั่งธรรมดา มันก็เลื่อนเบาะให้ไถลไปด้านหลังพร้อมกับเข้ามานั่งคร่อมผมเอาไว้
                 “ปึก” ประตูปิดลงทันที
                 “ทำไมชอบทำให้ดิวหึงอ่ะ”
                “มึงหึงทำไมล่ะ”
                 “ก็ดูมันดิ พยายามจีบขนาดนี้ แอ้เป็นแม่ของลูกดิวน่ะ ถ้าลูกรู้เข้าลูกจะเสียใจน่ะ เพราะว่าลูกอยากให้แอ้กับดิวรักกันตลอดไป ไม่อยากให้ไปรักคนอื่น อืมมม” มันพูดและก้มลงมาไซ้ที่ซอกคอของผม มือไม้ก็ปลดกระดุมเสื้อผมไปด้วย
                 “อย่าดิว อืมมม อ่าห์ “ผมร้องห้ามแต่ก็เผลอครางออกมา
                “อย่าดิว ซี้ด” ก็ดิวมันเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อนักเรียนของผมและมันก็บี้สองจุดของผมไปด้วย
                “จ๊วบ!!”
                “ดิวว” ผมก็ต้องแอ่นอกขึ้นเพราะว่าดิวดูดที่คอผมเสียงดังมากเหมือนจะทำให้เป็นรอยเลย

                      ก๊อกๆๆ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะกระจกรถ อย่าบอกน่ะว่าติ๊กน่ะ ผมรีบดันไอ้ดิวออก
                “ดิว” ผมเรียกดิวด้วยอาการตกใจและรีบติดกระดุมทันทีไอ้ดิวมันก็ ทำหน้าแบบหัวเสียก่อนจะติดหัวเข็มขัดกลับเข้าไป นี้ปลดเข็มขัดตัวเองรอแล้วเหรอ ทันทีที่ประตูรถเปิดออกมาสิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากกว่าเจอไอ้ติ๊กซะอีก เพราะว่าคนที่ผมสองคนเจอก็คือพี่ตุ๊ พี่เขามายืนเอามือไขว้หลัง ผมเห็นรถตู้ของพี่ตุ๊จอดอยู่ห่างไปหน่อย
               “ทำอะไรกันในรถ ดิว แอ้” พี่ตุ๊ถามผมสองคนและจังหวะนั้นไอ้เดี่ยวมันเดินออกมาพร้อมกับไอ้ติ๊ก ทั้งคู่มองผมสลับไปมา อ้าปากหวอด้วยที่ผมสองคนโดนพี่ตุ๊เอ็ดอยู่ ผมแอบภาวนาพี่ตุ๊อย่าบอกเรื่องผมกับดิวในรถน่ะ ไม่อย่างนั้น
               “ทำไมยังไม่กลับบ้านกันล่ะ” พี่ตุ๊ถามทั้งผมและสองคนที่ตามมา
               “ซ้อมดนตรีอยู่อ่ะพี่ตุ๊เพราะว่าจะขึ้นร้องเพลงวันศุกร์ไง “ติ๊กมันพูด พี่ตุ๊หันมามองหน้าผมกับดิว ไอ้ดิวมันยืนนิ่ง แต่ผมซิ ค่อยๆ เงยหน้ามองพี่ตุ๊ช้าๆ
                “แล้วมีอะไรกันอ่ะพี่ตุ๊” ไอ้ติ๊กมันเอ่ยถามพร้อมกับมองมาที่ผมกับไอ้ดิวและหันไปมองพี่ตุ๊อีกที พี่แค่เอี่ยวตัวไปมองติ๊ก
               “ไม่มีอะไร กลับบ้านกันได้แล้ว มันเย็นมากแล้วน่ะและมันก็อันตรายด้วย พี่ไม่อยากให้ขับรถกันมืดๆ ค่ำๆ “พี่ตุ๊พูดก่อนจะปรายตามามองผมสองคนและหันไปมองติ๊กและเดี่ยวอีกที
                “เจอกันพรุ่งนี้น่ะ ห้ามมาซ้ายเกินกว่าเจ็ดโมงสี่สิบห้า “พี่ตุ๊พูดแต่สายตานี้มองผมกับดิวอย่างเดียวเลย ผมก็เข้าไปนั่งในรถ พี่ตุ๊เดินกลับไปขึ้นรถตู้และออกไปก่อนพวกผม ไอ้ดิวตามเข้ามา ติ๊กมันไปกับไอ้เดี่ยว ผมได้แต่นั่งนิ่ง
                “เป็นอะไรไปแอ้” ดิวถามผม
                “กูกลัวพี่ตุ๊จะพูดเรื่องมึงกับกูว่ะ กลัวพี่ตุ๊จะพูดกับติ๊กมันอ่ะ” ผมพูด ดิวมองหน้าผมก่อนจะหันไปเปลี่ยนเกียร์และออกรถทันทีเช่นกัน ตามรถไอ้เดี่ยวไปติดๆ
                “ดิวเชื่อว่าพี่ตุ๊เป็นผู้ใหญ่พอและถ้าพูดขึ้นมาพี่ตุ๊ก็คงจะพูดแบบผู้ใหญ่ที่ให้คำแนะนำไม่ใช่ยุให้แตกแยกกัน ดิวเชื่อย่างนั้น” ดิวหันมาพูดกับผมและมันก็กุมมือผมเอาไว้และดิวก็ออกรถขับตามเดี่ยวมาติดๆ ต่อให้ดิวจะพูดว่าพี่ตุ๊ไม่พูดแต่ผมก็อดกังวลใจไม่ได้อยู่ดี

                 TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯEP.65.1(เดี่ยวXติ๊ก)สถานะแค่เพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 22-03-2024 17:52:47
EP.65.1(เดี่ยวXติ๊ก)สถานะแค่เพื่อน

               Part’ s เดี่ยว วันนี้พวกผมแสดงคอนเสิร์ตที่โรงอาหาร ปีนี้พี่ตุ๊ให้พวกผมลงแข่งขันชิงประธานนักเรียน บอยและแจ๊คจะลงแข่งขัน สมัครคัดเลือกประธานนักเรียน พวกผมเลยช่วยเรียกเรทติ้งด้วยการแสดงคอนเสิร์ตและเป็นการเปิดตัวชมรมของพวกผมด้วยเช่นกัน ผมได้สิทธิ์เป็นนักร้องนำพร้อมกับติ๊ก ผมนะเสียงดีใครๆ ก็บอก ติ๊กก็ไม่เชื่อจนเมื่อวานผมได้ขึ้นซ้อมร้องเพลง ไอ้โซ่ ไอ้ภาคินน่ะมันรู้ดีเพราะว่าผมเคยไปร้องเพลงวันปีใหม่ที่บ้านพี่แฮ็กซ์ มันสองคนเลยไม่แปลกใจ แต่มีบางคนที่ยังไม่รู้ พอได้ยินก็อึ้งไปเลยทีเดียว รวมไปถึงติ๊กเช่นกันแต่ว่าติ๊กเป็นคนเสียงดีและร้องถูกคีย์กว่าผมเยอะเพราะว่าเขาเรียนร้องเพลงมา ติ๊กเขาเป็นดาราออกงานบ่อยก็ต้องร้องเพลงได้ด้วย ผมเองยังชอบน้ำเสียงของเขาเลย ร้องเพลงหวานๆ ก็เพราะหรือจะออกแนวร๊อค ก็หนักแน่นได้ใจ
               และวันนี้วันขึ้นแสดงจริง ดังนั้นเดี่ยวจะมาเล่นๆ ไม่ได้ผมคิดในใจ ขณะนี้ผมกำลังยืนเพื่อรอขึ้นคอนเสิร์ต ใจเต้นแรงเพราะว่าผมต้องร้องกับติ๊ก ตอนนี้ใจผมเต้นแรงมากเหมือนมีคนตีกลองอยู่ในอกผมเลย ผมยืนมองไปรอบๆ จะว่าไป ผมยังไม่เห็นปูเลยน่ะ ผมอุตส่าห์ชวนเขามาดูผมเล่นดนตรีด้วยและว่าจะถามเขาว่าจะไปหาดูแม่เขายังไง ถ้าไม่มีใครพาไป ผมจะอาสาไปส่งให้และจะเลยไปไหว้พ่อของดิวด้วย ผมเคยเจอท่านแค่ครั้งสองครั้งแต่ก็จำท่านได้ติดตาผม
              "ไอ้เดี่ยว"ติ๊กเรียกผมจนผมตกใจ ผมหันมาติ๊ก เขาก็มองกวาดสายตาตามผมเช่นกัน ติ๊กหรี่ตามองผม ผมเลยต้องหันมามองเขาแทน
             "ว่าไงครับ"ผมหันไปถามติ๊ก ผมก็รีบยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับรอยยิ้มดีใจให้คนตรงหน้าผม ติ๊กมองผม ผมก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้ๆ อีก คนตรงหน้าผมถึงกลับทำตัวไม่ถูกก่อนจะก้าวถอยหลังออกไปหน่อย
            “ว่าไงครับ” ผมถามติ๊กอีกครั้ง
             “มึงยืนมองหาใครอยู่เหรอ” ติ๊กถามผม
             “อืมมม ไม่นิ “ผมตอบ ผมไม่อยากทำให้บรรยากาศก่อนร้องเพลงมันแย่ ถ้าเขารู้ว่าผมกวาดตามองหาปู พอผมตอบไปติ๊กก็พยักหน้าเบาๆ
              "เออ…เดี่ยว.."ติ๊กมองหน้าผมทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เหมือนระแวงอะไรอยู่ด้วยเหมือนกัน ผมก็เลิกคิ้วรอว่ามีอะไร เรียกว่ารอลุ้นเลยดีกว่า
                “เออ.. คือ…กูได้ยินมาว่า” ติ๊กพูด ผมก็เลิกคิ้วมองอีก ได้ยินมาว่าอะไร ลุ้นกว่าตอนฉลากกินแบ่งรัฐบาลจะออกซะอีก
               "กูได้ยินมาว่า…” ติ๊กพูด ผมก็พยักหน้าต่อว่ายังไง
                “ได้ยินมาว่าไอ้กีตาร์จะมา…กูอยากให้มึงเตรียมเพลงหวานๆ เอาไว้ยอดไอ้ข้าวด้วย"ทันทีที่ติ๊กพูดออกมา ผมก็มองหน้าติ๊ก ผมรู้สึกผิดหวังจริงๆ ที่ได้ยินแค่เขาบอกผมให้เตรียมเพลงไว้จีบต้นข้าว ไม่ได้ถามอย่างอื่นเลยว่าผมตื่นเต้นไหมที่จะขึ้นไปร้องเพลงอะไรแบบนี้ กังวลไหม ที่ต้องร้องเพลงกับคนเสียงดีกว่าผมแต่นี่เขากลับ…
                " วิ่งมาเพื่อบอกแค่นี้ใช่ไหม"ผมถามด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังพร้อมกับหันหลังทำท่าจะเดินขึ้นเวที
                 "เดี่ยว! ทำไมว่ะ"ติ๊กถามผมทันที
                "ทำไม ถามตัวเองดีกว่ามั้ย? "ผมถามติ๊กกลับโดยไม่ได้หันมามองติ๊ก

                 ผมเดินตรงขึ้นไปบนเวทีทันที จัดการปรับสายกีตาร์ตัวเอง ไอ้ดิวมันก็ขึ้นมาและมองหน้าผมด้วยสายตางงๆ มันคงเห็นผมกับติ๊กคุยกันอยู่ก่อนจะแยกตัวขึ้นมา ส่วนแอ้นั่งอยู่ด้านล่างกับพวกแจ็ค บอย ธรรณ์ หลุยส์ และพาย นั่งอยู่แถวหน้าสุด ตอนนี้หลุยส์ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งภาคินเรียบร้อยแล้ว ผมหันไปชำเลืองตามองติ๊กที่กำลังเลือกเพลงที่จะร้องอยู่ ติ๊กแค่หันมามองผมแว๊ปหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
                “มีอะไรหรือเปล่าเดี่ยว” ดิวมันถามผมก่อนจะหันไปมองติ๊กและหันมามองผม
                “ไม่มีอะไร” ผมตอบเบาๆ
                “จริงอ่ะ” ไอ้ดิวมันถามผมอีก สายตามันบอกว่าไม่เชื่อว่าผมไม่มีอะไจริงๆ
                “เออ… มี” ผมโกหกมันไม่ได้จริงๆ ดิว เลิกคิ้วมองผมทันที
                 “เหลามา!!” ดิวมันขยับเข้ามาใกล้ๆ ผม ผมหันไปมองติ๊กที่กำลังคุยกับพวกไอ้โซ่ แพลนว่าจะเล่นเพลงไหนกันบ้าง
                “ติ๊กมาบอกให้กูร้องเพลงหยอดต้นข้าวเพราะว่าไอ้พี่กีตาร์มันมา” ผมพูด ดิวมองหน้าผม
                “มึงเลยเฮิร์ท “ไอ้ดิวมันถามผม
               “มึงบอกมันบ้างหรือยังว่ามึงรู้สึกยังไงกับมัน” ดิวถามผมกลับ
                “บอกแล้วแต่เขาบอกกูว่า กูแค่เพื่อน เขามีคนอยู่ในใจ” ผมพูดก่อนจะเงยหน้ามองไอ้ดิว ไอ้ดิวถึงกับขมวดคิ้วทันที
              “ใครวะ มันคนซวยน่าดูที่ไอ้ติ๊ก มันเก็บเอาไว้ในใจ” ไอ้ดิวพูด ผมหันไปมอง ไอ้นี่มันไม่รู้สึกอะไรหรือว่ามันไม่เคยมองใครนอกจากแอ้เลยไม่รู้สึกจริงๆ
               “ว่าเพื่อนแบบไหน ที่ขอให้มึงทำนั้นทำนี้ให้แถมยังแสดงอาการหึงชัดเจนขนาดนี้ หลอกเด็กดีกว่าไหม” ดิวถามผม ผมหันมามองหน้ามันก็จริงอย่างที่ไอ้ดิวพูดเหมือนกัน แต่ผมแค่ยิ้มๆ ผมรู้แต่ว่าคนนั้นน่ะ เขาพยายามก่อกำแพงให้มันสูงขึ้นแต่ก็พยายามดึงผมขึ้นมาด้วยเช่นกัน ความรู้สึกของผมคือ เหมือนใกล้จะถึงแต่ก็ยืดออกไปอีก สรุปคือเอื้อมไม่ถึงอยู่ดี
               “เขาให้ลงไปยืนรอด้านล่างก่อนว่ะ เขาจะให้ตัวแทนของแต่ล่ะทีมที่ลงสมัครขึ้นมาพูดแนะนำตัวก่อน” ไอ้ดิวมันสะกิดผม ผมพยักหน้าเพราะว่าผมก็ปรับแต่งกีตาร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ผมกับไอ้ดิวลุกขึ้นเพื่อจะเดินลงไป ผมหันไปเจอไอ้พี่กีตาร์ยืนกอดอก หน้าตาบอกบุญไม่รับและสายตามันนี่มองมาที่ผมเต็มๆ ผมกับไอ้ดิวลงมายืนด้านล่าง ดิวมันส่งซิกคุยอะไรกับแอ้สักอย่างผ่านสัญญาลักษณ์มือ และตัวแทนแต่ล่ะทีมก็ขึ้นไปบนเวทีเพื่อแนะนำตัวเองและนโยบาย ผมเองก็มองหาปูไปด้วย
               “ไอ้เดี่ยว มึงชวนปูมาดูไหมวะ” จู่ๆ ไอ้ดิวมันหันมาถามผม
               “ชวนดิ แต่ไม่เห็นเลยเนี่ย” ผมพูด
               “กูว่าจะถามเขาว่าเขาจะไปเยี่ยมแม่เขายังไง ถ้าไปจะได้ชวนไปกับกูและแอ้เพราะว่ากูจะกลับที่ค่ายทหารว่ะ” ดิวพูด
                “กูว่าจะไปส่งเอง” ผมพูด
               “ไอ้นี่!ตกลง มึงจะลงลำไหน มึงเหยียบเรือสองแคมแบบนี้ไม่ได้ มันกักคนอื่นเขา” ไอ้ดิวพูด
                “กูสงสารปูและกูก็ช่วยเขาแล้ว ขอช่วยให้ถึงที่สุดก่อน ส่วนอีกคนกูไม่เห็นอนาคตเลยว่าเขาจะเลือกกูไหม” ผมพูด
                “ส่วนปูน่ะ กูอยากช่วยเขาจริงๆ ไม่หวังอะไรตอบแทน” ผมพูด
               "เดี่ยว!" จังหวะนั้นติ๊กเข้ามาเรียกผมพอดี ดิวพยักพเยิดกับผมก่อนจะหันไปมองติ๊ก คนที่เดินตรงปรี่เข้ามาหาผมสองคน แต่ว่าผมสองกวาดตามองหาปูอยู่ก่อนหน้าแล้ว ติ๊กเข้ามาถึงก็มองไปรอบๆ เหมือนกัน
                 "มองหาใครอีกล่ะ"ติ๊กถามผม ไอ้ดิวมันหยักไหล่ก่อนจะเดินออกไป ประมาณว่ามันให้ผมตอบเองเลย ผมหันมามองหน้าติ๊ก
               "เดี่ยวมองหาปูน่ะ ปูบอกเดี่ยวไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่าจะมาดูแต่นี่ไม่เห็นมาเลย"ผมพูดไปสายตาผมก็มองหาไปด้วยเช่นกันจนผมหันมาเจอสายตาของติ๊ก เขามองผมอยู่และก็ทำท่าจะหันหลังให้ผมซะเฉยๆ และทำท่าจะเดินออกไปทันที
                "หมับ"ผมคว้ามต้นแขนติ๊กเอาไว้ได้ เขามองที่มือผมที่จับแขนเขาเอาไว้ ติ๊กมองผม สายตาที่ดูเปลี่ยนไป ติ๊กสะบัดมือผมให้ปล่อยแขนเขา
               “ถ้ามึงพร้อมมึงก็ขึ้นไปแล้วกัน “ติ๊กพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วห้วนมาก ผมควรจะดีใจดีไหมเพราะนี้มันคือาการของคนหึงชัดๆ เลย
              "นี่หึงเหรอ! "จู่ๆ ผมก็ถามติ๊ก เท่านั้นแหละติ๊กก็รีบแกะมือผมออกและยังจะเดินออก
                “ติ๊ก!!” ผมเรียกชื่อติ๊ก ติ๊กชะงักเท้าแต่ไม่ได้หันมามองผม
                "ตกลงติ๊กจะเอายังไง เดี๋ยวก็ทำให้เดี่ยวรัก เดี๋ยวก็ทำเหมือนไม่มีอะไร บอกซิติ๊ก ว่าต้องการกันหรือเปล่า ไม่ใช่มาแสดงแบบนี้ พูดซิ ว่ายังไง เดี่ยวจะได้ ทำตัวถูก "ผมถามติ๊กทันทีเพราะว่าตอนนี้ผมก็เริ่มสับสนแล้วนะ กับการกระทำของเขา ผมมองติ๊ก คนที่ยืนตรงหน้าผม เขาได้แค่กลืนน้ำลายลงคอ
               "กูไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น มึงคิดไปเอง กูไม่เคยรักมึงเกินไปกว่าเพื่อน ดังนั้นมึงจะไปกับใคร ก็เชิญได้เลย"ติ๊กพูด ผมได้แค่พยักหน้างั้นเหรอ ผมต้องเป็นฝ่ายก้าวถอยหลังออกมายืนเพื่อเว้นระยะห่างของผมและเขา แค่เพื่อนที่เขาบอก
                "งั้นเดี่ยวจะคบกับปู"จู่ๆ ผมก็ถามติ๊กทันที ผมสังเกตอาการของติ๊กที่นิ่งเงียบมาก ผมมองรอลุ้นว่าเขาจะว่ายังไงต่อ
                "ก็ดีแต่ช่วยเรื่องไอ้ข้าวก่อนแล้วจะไปคบกับใครมึงก็ไป! "ติ๊กพูดโดยไม่ได้หันมามองผมเลยและเขาก็เดินกลับขึ้นไปบนเวทีทันที ทิ้งให้ผมยืนอยู่คนเดียว ทำไมผมต้องรักเขา ทำไมว่ะไอ้เดี่ยว มันสับสนในใจของผม
                 ">เดี่ยว!” เสียงเรียกที่ทำให้ผมได้สติ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่เรียกผมจากบนเวที นั้นคือไอ้ดิว
               “ขึ้นมาดิว่ะ เขารอมึงเนี่ย ไอ้นักร้อง!!"ดิวมันเรียกผมให้ขึ้นเวทีได้แล้ว

                     ผมก็เดินขึ้นเวทีไปและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างผมกับติ๊ก ไม่มีใครรู้หรือดูผมสองคนออก มีแค่ไอ้ดิวเท่านั้นผมคิดว่าอย่างนั้น ผมหันมองไปรอบๆ ผมดูแล้ว ผมว่างานนี้ แจ็คและบอยได้คะแนนนำแน่ๆ และรุ่นพี่พวกไอ้โก๋ ยืนมองด้วยความหมั่นไส้ ผมได้ยินมาว่าพวกนี้มันเป็นลูกหลานของผู้มีอิทธิพลที่นี้ มันเกเรใช่เล่นแต่จะมาเป็นประธานนักเรียน เรื่องเรียนยังไม่รอดเลย ดังนั้นใครจะเลือกมันนอกจากว่ามันจะใช้กลโกงเท่านั้นแหละ หลังจากที่แต่ละทีมพูด จบผมเริ่มโซโล เพลงโดยการเทสเสียงดนตรีกันก่อนแสดงจริง
                 “สวัสดีครับน้องๆ พวกเรามาจากชมรมดนตรีนะครับ หัวหน้าชมรมของเราก็ไม่ใช่ใครอื่น พี่ติ๊กครับ” ไอ้มาร์คมันแนะนำติ๊กคนแรก
                 “และตอนนี้เรากำลังรับสมัครน้องๆ ที่สนใจอยากจะ...โดนตรีน” ไอ้มาร์ค พวกผมหันไปมองไอ้คนพูดออกไมโครโฟนประมาณว่ามันนี้แหละที่จะโดนคนแรก
                  “เฮ้ยย!!” พวกด้านล่างส่งเสียงกันดังสนั่น
                  “เกรงใจคุณครูบ้างไอ้เชี้ย” ไอ้โซ่มันหันไปบอกเพื่อนมัน ผมกับไอ้ดิวหันหลังกลับไปมองไอ้มือกลอง คือมึงก็ไม่ได้แตกต่างจากมันเลยไอ้โซ่ เพราะว่าที่มันพูดก็ออกไมโครโฟน มันรีบยกมือขอโทษขอโพยทันที
                    “ผมล้อเล่นครับ ตอนนี้ชมรมดนตรีของเรากำลังรับสมัครน้องๆ ที่สนใจอยากเล่นดนตรีกับพวกพี่ๆ เชิญลงชื่อได้เลยนะครับ พี่พาย พี่ต้นข้าวและพี่บลูและพี่แอ้ ที่ตรงโต๊ะที่จัดเอาไว้ได้เลยครับผม “ไอ้มาร์คมันเป็นพิธีก่อนให้พวกผมวันนี้ ตอนนี้แอ้ บลูและต้นข้าว เปลี่ยนไปทำหน้าที่คนที่รับลงทะเบียนเข้าชมรมพวกผมกันแล้ว
                   “ตอนนี้พวกพี่ๆ ก็พร้อมแล้วที่จะมา เล่นให้น้องๆ ได้ฟังและโยกตามกันได้เลยนะครับ “ไอ้มาร์คพูดก่อนจะผายมือมาทางพวกผม
                 "มาเริ่มเพลงแรกกันเลย ถ้าไม่อยากเจ็บตัว แนะนำให้เอาเก้าอี้ออกไปห่างๆ ตัว เพราะเราจะโดดกัน ดนตรี…มา!!! "ไอ้มาร์ค
                ทันทีที่มาร์คยกเวทีให้กับพวกผม ติ๊กก็เลือกเพลง ชีวิตเป็นของเราของบอดี้แสลม,ความเชื่อ ตามด้วย the end วงลิงคินพาร์ค จังหวะมันมาก สองเพลงนี้ พายขึ้นมาแจม และต่อด้วย one more night อันนี้ผมแจมด้วย สามเพลงรวดเล่นเอาพวกผมหอบกันเลยเพราะแต่ละเพลงใช้พลังงานเยอะมาก
                "เรามาพักเหนื่อยกันด้วยเพลง รักเบาๆ จากพี่เดี่ยวหมอบให้ พี่ต้นข้าว แฟนของพี่เดี่ยวเขาหน่อย) )) )) "ติ๊กพูดออกไมล์ ผมหันมามองคนพูดเขาก็หันมายิ้มให้ผมก่อนจะส่งไมล์มาให้ผมและพยักพเยิดให้ผมไปอยู่ตรงกลางเวทีแทน พวกเพื่อนในห้องเรียน พวกไอ้ภาคินก็มาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยถึงจะไม่ได้อยู่ในชมรมดนตรีกับผมทั้งหมดก็ตาม มีคนเดิน ไปหยิบเก้าอี้มาวางให้ผมและปรับไมล์ให้ผมด้วย สำหรับที่ผมใช้ร้องเพลงรักซึ้งๆ ผมหันไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเวที ว่าเขาจะรู้สึกยังไงถ้าผมจะร้องเพลงรักจีบคนอื่นอยู่ และดูแล้วเขาก็เฉยๆ
              "วี้ด วิ้ว"เสียงคนแซว ผมเห็นไอ้กีตาร์มันยืนมองอยู่ แน่นอนมันต้องมองมาที่ผม สีหน้ามันบ่งบอกได้ว่ามันกำลังไม่พอใจ ขนาดที่ว่ามันแทบจะกระโดดขึ้นมาบนเวทีเพื่อมาฆ่าผมเลยด้วยซ้ำ ผมไม่ค่อยสนิทกับมันหรอกครับเมื่อก่อนแต่รู้จักชื่อและกิตติศัพท์มันอยู่ ว่ามันก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นมันจึงเป็นเพื่อนรักไอ้ธงรบได้ แต่ว่าตอนนี้ผมต้องทำตามที่ติ๊กขอร้องผมให้มันผ่านไปได้ซะก่อน นั้นคือการจัดเพลงรักแบบซึ้งๆ ให้ต้นข้าวมันก่อน
               When you say nothing at all เพลงที่ผมเลือกมาร้องไห้ ต้นข้าว แต่จริงๆ ผมเลือกให้เขาคนนั้นแหละ เพราะผมเชื่อว่าคำพูดกับสีหน้าและแววที่เขาแสดงออกมันขัดกัน และตามด้วย โลกกลมพรหมลิขิต ผมหันไปมองไอ้กีตาร์ปรากฏว่าไอ้พี่กีตาร์มันหายหัวไปแล้ว มันคงไปวางแผนแน่ๆ ผมรู้จักพวกมันดีและผมก็คงต้องรับมือหนักเลยทีนี้ ถ้าไม่ใช่คำขอร้องของเขาคนนั้นผมคงไม่อยากทำแบบนี้ ผมเองไม่อยากมีเรื่องอีกครั้งจนต้องพักการเรียนเพราะว่าถ้าพักรอบนี้ ผมคงไม่ได้เรียนแล้วแหละ ผมนั่งพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะเดินไปหาติ๊ก
                "กีตาร์มันไปแล้ว พอใจหรือยัง"ผมกระซิบพูดกับติ๊ก ก่อนจะเดินมายืนตำแหน่งกีตาร์เหมือนเดิม ทำไมวันนี้ผมถึงได้เซ้งแบบนี้ว่ะไม่รู้เป็นเพราะว่าปูไม่มาหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือว่าไอ้คนที่สั่งให้ผมทำทีไปจีบคนอื่นแบบนี้ว่ะ
                 "เดี่ยว อย่างอนกูได้ไหม"ติ๊กหันมาพูดกับผมพร้อมกับจับต้นแขนผมแต่ว่าผมสะบัดให้หลุด ส่วนไอ้ดิวน่ะมันลงไปดื่มน้ำก่อนจะ เดินขึ้นมาเวทีและยืนตำแหน่งมือกีตาร์ด้านข้างผม
                "ติ๊ก กูขอร้องบ้างดิว่ะ "น้องพายเรียกติ๊กไปคุยและติ๊กก็พยักหน้าให้พายขั้นมาบนเวที และเข้ามาคุยกับพวกผมเพื่อเลือกเพลง พอผมรู้ว่าพายจะร้องเพลงอะไรก็หันมาเปิดโน้ตที่พวกผมโหลดใส่ไว้ในไอแพตที่วางเอาไว้ พายเลือกร้องเพลง น้ำซึมบ่อทราย พายร้องได้เพราะมากจริงๆ เงียบกันทั้งห้องโถงใหญ่ พอพายร้องจบติ๊กก็ดึงผมไปอยู่ตรงกลาง
                “คืนให้น่ะ” พายพูดก่อนจะพยักพเยิดไปที่ติ๊ก นั้นคือคืนพื้นที่ให้ผมกับติ๊ก และ ติ๊กหันไปดีดนิ้วขอดนตรี พอดนตรีขึ้น ผมเป็นชอบดนตรีอยู่แล้วก็รู้เลยว่าเพลงอะไร เพลงลืมไปก่อน จังหวะมันสนุกขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ผมลืมไปเลยว่าผมกับติ๊กเรางอนกันอยู่ แถมตามมามด้วยเพลง Nothing on you แต่ว่าท่อนแร๊พนี้ไอ้มาร์คมันมาแจมด้วย ผมรู้ว่ามันถนัดแนวนี้
                " มีใครอยากฟังพี่ดิวร้องเพลงบ้างยกมือ"ติ๊กพูด ยกมือกันเป็นพลึบ
                  "ไหน ๆ แฟนคลับขอมา พี่ดิวจัดให้สักเพลงซิครับพี่ดิว "ไอ้ติ๊กพูดและไอ้ดิวมันมายืนตรงกลาง มันหันไปบอกทุกคน มันเลือกเพลง แค่บอกว่ารักขอ ดิวมันร้องเพลงเพราะมาก เสียงมันดีน่ะ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าดิวมันร้องเพลงได้ไพเราะ มันเพราะมากจริงๆ เสียงของดิวมันละมุลมาก ฟังเพลิน เรียกได้ว่าทำเอาสาวๆ นั่งเคริมกันเป็นแถวเลยทีเดียว
                 “ขอร้องอีกเพลงแล้วกัน “ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองหน้ามัน ร้องต่อด้วยเหรอ
                 “กรี้ด!!!” เสียงกรี้ดนี้สนั่นโรงอาหาร ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทั้งนั้น ผมยอมรับว่าไอ้ดิวน่ะแฟนคลับสาวๆ เยอะน่ะ และมันหันไปบอกข้างหลังและผมว่าขอเพลง ของขวัญ ชัดเลยว่าให้ใคร เพลงนี้มันร้องไห้แอ้ฟังแน่นอน เสียงมันดีทีเดียว

              ติ๊กที่กำลังยืนมองอยู่ ผมรู้สายตามันเจ็บปวดมากที่เห็นคนที่ตัวเองรักและผูกพันมาพร้อมๆ กับอีกคนแต่เขาเลือกคนนั้นมากกว่า ติ๊กถึงกลับออกอาการ หันหลังและก้าวเท้าเดินลงเวทีไปทันที ผมก็เส้นกีตาร์ให้ดิวมันร้องจนจบเพลง ผมรู้ว่าดิวมันรักแอ้มาก ผมไม่รู้ว่าควรเรียกรักสามเส้าดีไหม เพราะว่ามีแต่คนเศร้า แอ้คนที่ถูกรักก็เศร้าที่ทำให้อีกคนเจ็บ ส่วนไอ้ดิวก็เศร้าเพราะว่ามันแสดงออกเต็มที่ไม่ได้แต่อีกคนเศร้ากว่า แสดงอะไรออกไปเลยไม่ได้ ยิ่งกว่าตบมือข้างเดียวซะอีก ผมลุกขึ้นและเดินลงเวทีไปเพื่อไปดูติ๊กทันที ผมเห็นแบบนี้ผมรู้สึกแปลกๆ แต่ผมก็คงทำได้แค่หน้าที่เพื่อนอย่างที่เขาบอกผม ติ๊กนั่งอยู่กับพาย ผมเดาว่าเขาก็เจ็บมากจนพูดไม่ออกและมันก็แสดงออกไม่ได้
              "กูขึ้นไปร้องต่อ มึงดูมันด้วยนะเดี่ยว"พายพูดและขึ้นไปเล่นจังหวะเพลงมัน มัน มัน ต่อ พายเป็นคนชอบร้องเพลงและเสียงดีทีเดียวน่าจะไปเป็นนักร้องแต่พวกนี้บอกว่ามันทำแบบนั้นไม่ได้ โดนสั่งห้าม พอพวกมันบอกมาแค่นั้นก็ไม่กล้าถามต่อว่าทำไมทำตามสิ่งที่ตัวเองรักไม่ได้ พวกมันบอกว่าแม้กระทั่งหัวใจตัวเองก็ยังทำไม่ได้แต่พวกมันไม่ยอมที่จะให้ใครมาบงการชีวิตมันได้หรอก
                 ผมเดินมาหยุดตรงหน้าติ๊กพร้อมกับ นั่งยองๆ ลง ผมเห็นมือที่ประสานกันอยู่ มันบีบไว้แน่น ผมคงไม่ต้องถามว่าตอนนี้คนตรงหน้าผมรู้สึกยังไงเพราะมันจะยิ่งทำให้คนที่ตอบผมเจ็บมากกว่าเดิม ผมจึงเลือกที่จะไม่ถาม ผมค่อยๆ จับมือนั้นให้คลายลง ติ๊กเงยหน้าขึ้นหน้าผมที่อยู่เกือบจะระดับเดียวกัน
               "ถ้ามันเจ็บก็พอเถอะ “ผมพูด ติ๊กเงยหน้ามองหน้าผม
"มึงไม่เข้าใจกูหรอกไอ้เดี่ยว"ติ๊กพูดพร้อมกับลุกขึ้นผมก็ลุกตาม ติ๊กหันมามองผมและทำท่าเดินหนีผม ผมก็รีบดึงรั้งติ๊กเอาไว้พร้อมกับผมดึงคนนั้นเข้ามากอด คราวนี้เขาไม่ดิ้นรนและยอมให้ผมกอดเข้าไปไว้ ผมไม่รู้ว่ากอดในฐานะอะไรแต่อยากจะทำให้คน คนนี้รู้สึกดี ว่าอย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งที่เข้าใจความรู้สึกลึกๆ ของเขา
               "เข้าใจดิ ว่ารักคนที่เขาไม่รักมันเจ็บยังไง "ผมพูดกระซิบกับคนที่ผมกอดเอาไว้
                 "เดี่ยว กูรักมึงไม่ได้เพราะกูก็เลิกรอเขาคนนั้นไม่ได้เหมือนกัน มึงเข้าใจกูไหมวะ "ติ๊กพูด ผมรับรู้ได้ว่าติ๊กก็กอดผมกลับ ตรงบ่าของผมมันเปียกชื้น ผมก็ทำได้แค่เอามือลูบหลังติ๊กเบาๆ
                "แต่ก็เป็นเพื่อนมึงได้ "ติ๊กพูดและดันผมออก ติ๊กหันหน้าหนีผมเพื่อปาดน้ำตา เพราะว่าผมก็กำลังจะยกนิ้วขึ้นมาปาดให้อยู่พอดีเหมือนกัน
                 "ร้องเพลงกันไหม"ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผม
                 “ได้ทำอะไรบ้าๆ บ้างมั้นก็อาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นน่ะ เดี่ยวทำบ่อย” ผมพูดปนหัวเราะ ติ๊กหันมายิ้มแกมหัวเราะใส่ผม พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ ผมสองคนเดินกลับขึ้นไปเวทีกันพร้อมกับเดินไปเลือกดูว่า ร้องเพลงอะไรต่อ แน่นอนผมสองคนต้องเลือก เพลงของบอดีแสลม

                 TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(ภาคน้องเขารักกัน)EP.66(เดี่ยวXติ๊ก)เดี่ยวไปช่วยปู 1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 30-03-2024 06:46:47
  EP.66 (เดี่ยวXติ๊ก) เดี่ยวไปช่วยปู 1  

              Part’ s เดี่ยว  หลังจากที่พวกผมได้ปลดปล่อยความบ้ากันออกมาโดยการร้องเพลงมันๆ ด้วยกัน พวกผมก็ลงมานั่งพัก ผมก็ร้องเพลงกันสนุกสนานกับพวกไอ้โซ่ ไอ้มาร์ค ไอ้นาวินมันเล่นกีตาร์เก่งจริงๆ ผมก็ยอมรับเลย พวกเราแสดงความบ้าออกมาจนเกือบบ่ายสองและคงต้องพอแค่นี้เพราะว่าเริ่มไม่มีเสียงร้องกันแล้ว พวกผมนั่งพักเบรกกันว่าจะขึ้นไปเรียนคาบสุดท้ายและก็จะนัดกันไปเตะฟุตบอลด้วยกัน
             "ผลงานดีวะ เรทติ้งพวกูพุ่งกระฉูดเลยว่ะ"ไอ้หลุยส์พูด ผมลงมานั่งดื่มน้ำ ไม่ใช่เหล้าแน่นอนเพราะว่าจะขึ้นเรียนตอนบ่ายต่อแม้จะแค่สองวิชาก็ตาม
             "เสียงมึงดีว่ะเดี่ยว"ต้นข้าวพูดเอ่ยปากชมผม
             "อะไอ้ดำ กินซะไม่อย่างนั้นคืนนี้มึงเจ็บคอแน่ "ติ๊กเอาน้ำอุ่นมีมะนาวมาให้ผมดื่ม ค่อยยังชั่วหน่อย ผมหันมามอง ทำแบบนี้จะให้ผมเลิกคิดได้ยังไงวะ
             "แม้ดูแลกันดี้ดี เลยนะ"ไอ้มาร์คมันแซวผมกับติ๊ก ติ๊กมันเอาแก้วเปล่าปาไอ้มาร์ค
             "ก็เพื่อนกัน"ติ๊กรีบพูดขึ้น
             "พี่เดี่ยว พี่ปูหายไป"ไอ้ป๊อดวิ่งมาหาผมด้วยหน้าตาตื่น แอ้กับดิวมันลงมานั่งโต๊ะพอดี มันหายไปไหนมากันไม่รู้ และพอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจซิผม
              "หายไปไหน"ผมรีบถามไอ้ป๊อดทันที
              "นั้นดิว่ะ แต่จะว่าไปก็ไม่เห็นปูที่โรงเรียนเลยน่ะวันนี้ "ไอ้ดิวพูดขึ้น
              "ตั้งแต่เมื่อวานแล้วพี่เดี่ยว ก็พี่ปูบอกกลับไปบ้านแหละจะมาค้างบ้านผมเพราะว่าจะมาช่วยงานครัวให้แม่เพราะว่าแม่ผมมีงานพิเศษเข้ามาเย็นนี้แต่นี้พี่ปูก็ไม่มา” ป๊อดพูด
              “ตอนแรกผมก็คิดว่าพี่ปูเปลี่ยนใจมาวันนี้แทนแต่นี้เพื่อนพี่ปูก็บอกผมว่าพี่ปูไม่มาโรงเรียนด้วย” ป๊อดบอกว่าปูไม่ได้มาโรงเรียน
             “พี่ปูเขาแม่ผมว่าจะมาช่วยงานวันนี้แต่จะขอหยุดไปเยี่ยมน้าเทียมใจที่โรงพยาบาลพ่อพี่ดิวแทนแต่นี่ก็ไม่เห็นมาเลยอ่ะพี่เดียว ผมชักเป็นห่วงแล้วซิพี่เดี่ยว” ไอ้ป๊อดพูด ผมหันมามองหน้าไอ้ดิว
             “ที่ผมรู้ ลูกพี่ลูกน้องพี่ปูเพิ่งออกมาจากคุกด้วย ไอ้นี่มันเชี้ยมาก มันหาเด็กส่งไอ้พี่เจต พี่เดี่ยวรู้จักมันนิ"ไอ้ป๊อดพูด ผมก็ลุกพรวดเลย ผมรู้จักไอ้เจตมันหาเด็กติดยาและบางทีหลอกไปส่งพวกบางคนที่ยากมีเซ็กหมู่เรียกว่ารุมโทรมก็ว่าได้
              "ที่ บ้าน ปู ใช่ไหม"ผมถามผมเคยไปแต่
              "หลังที่พี่ไปส่งนะ บ้านของแม่พี่ปู่ ตอนนี้ มีคนซื้อไปแล้วพี่ปูเขาต้องไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งและอยู่ละแวกเดียวกับบ้านไอ้เจตด้วยพี่เดี่ยว "ป๊อดพูด
              "ถ้าอย่างนั้น อยู่ที่ไหนละ "ผมถามไอ้ป๊อดทันที
              "ชุมชนร่วมใจ 1 ด้านในสุดเลย พี่ต้นข้าวรู้จักพี่"ไอ้ป๊อดพูด ต้นข้าวมันเดินกลับมาที้โต๊ะพอดี มันเพิ่งจะเดินไปซื้อน้ำกลับมา มันก็ทำหน้าตาเหลอหลาทันที
              "ต้นข้าว มึงรู้จักบ้านไอ้ปูไหม อยู่ชุมชนร่วมใจ"ผมถามต้นข้าว ทันทีไอ้ต้นข้าวมันทำหน้างงๆ
             "ตรงข้ามบ้านพี่เก่งเพื่อนสนิทพี่ข้าวปั้นอ่ะ "ไอ้ป๊อดบอกต้นข้าว
             "อ้อ งั้นกูรู้จักว่ะ มีอะไรวะ "ไอ้ต้นข้าว มันทำท่านึกก่อนจะบอกว่ามันรู้จัก
             "มึงจะไปเหรอ กูว่าให้พี่ตุ๊เขา"ไอ้แจ็คมันพูดขึ้น
             "กูจะไปช่วยเขาก่อน รอพี่ตุ๊ไม่ได้หรอกว่ะเพราะถ้าช้า ชีวิตปูจะเป็นยังไงวะ ถ้าต้องเจอเรื่องแย่ๆ และมันคงแย่มากจริงๆ ว่ะ เพราะว่ากูรู้จักพวกไอ้เจตดี "ผมพูดแค่นั้น ผมหันมามองติ๊ก เขายืนมองผมสายตาที่ผิดหวังมันปรากฏขึ้น ยังไงผมก็ต้องไปช่วยปู
            "เดี่ยว! กูไปด้วย"ไอ้ดิวลุกขึ้น มันดึงแขนผมไว้ ผมหันมามองสายตามัน สายตาของเพื่อนแท้ ผมพยักหน้า
            "แอ้ ไปไหม"ดิวถามแอ้ แอ้หันไปมองติ๊ก ติ๊กหันไปทางอื่น
            "ไป"แอ้ตอบและลุกขึ้นเช่นกัน
            "ติ๊กละไปไหม"ดิวหันไปถามไอ้ติ๊ก ผมก็มองเขา
           "ไม่ละ ไม่ไป ไปทำไม เรื่องจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ คนบ้าอะไรจู่ๆ จะหายไป ถ้าไม่ เต็มใจอยากไปเอง "ติ๊กพูดพร้อมกับลุกขึ้นและเดินออกไปจากโต๊ะทันที ตามไปด้วยพายที่วิ่งตามติ๊กไปติดๆ ผมหันมามองหน้าทุกคนจนถึงไอ้ไอ้ดิว มันพยักหน้าว่าให้ผมเลือกเลย ผมก็พยักหน้าตอบว่าผมเลือกแล้วและไอ้ดิวมันน่านจะรู้ดีว่าผมเลือกใครแล้ว ผมไม่อาจเอื้อมเขาคนนั้นแน่นอน
            "บลูมึงอยู่นี้ ห้ามไปไหนน่ะมึง ไม่อย่างนั้นกูจะฟ้องพ่อกับแม่มึง"ไอ้ต้นข้าวไม่วายหันมาสั่งไอ้บลูราวกับว่ามันคือแม่ไอ้บลูอย่างนั้นแหละ
            "เออๆ มันอยู่กับพวกกูได้ กูดูให้ ไอ้แม่หวงลูก "ไอ้หลุยส์พูด
            “มึงกลัวลูกมึงหนีไปหาผู้ชายเหรอ” ไอ้แจ็คอีกคน มันจะทำให้ไอ้ต้นข้าวไม่ไปก็เพราะมันนี่แหละ
             “กูว่ามึงน่ะหวงมันมากกว่าพ่อแม่จริงๆ มันอีกว่ะ” ไอ้ดิวอีกคนหันมาพูดกับต้นข้าว
             “ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราดูแลให้น่ะ” ธรรณ์พูดกับต้นข้าว ต้นข้าวมันเลยพยักหน้ายอมแต่ก็กันไปชี้นิ้วกับไอ้บลู ประมาณว่าห้ามหายไปไหน มันหวงไอ้บลูหนักกว่าพ่อแม่มันอีกมั้งผมคิดว่าหลังจากนั้นผมสามคนก็รีบเดินออกไปจากห้องอาหารทันทีเพื่อจะไปที่รถแต่ประตูดันปิด ผมวิ่งไปหา รปภ.ที่ทำหน้าที่เปิดปิดประตู เป็นรปภ คนใหม่ด้วย
          “ลุง ครับเปิดประตูให้หน่อย ผมมีเรื่องที่บ้านผมต้องรีบไปครับ ลุง           "ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
          "เรียกซะแก่เชียว ผอ.ให้เปิดได้ตอนเลิกเรียนแล้วเท่านั้น ผู้อำนวยการสั่งเอาไว้ครับคุณ "รปภรีบ ตอบพวกผมทันที สายที่พยายามทำให้ดูว่าดุ กวาดสายตามองพวกผมทุกคน
          "เปิดให้หน่อยเถอะครับ พวกผมมีธุรจริงๆ "ไอ้ดิวพูดอ้อนวอนอีกคน
          “พวกคุณอีกแล้ว ยังไม่เลิกเรียนเลยครับ จะไปไหนกันอีกครับ” ลุงเขาถามพวกผม พวกผมก็เกาหัวกันทันที
          "เปิดประตูให้เขาครับ"เสียงมาจากด้านหลังผม พวกผมหันไป เป็นพี่ตุ๊ พี่ตุ๊รู้ได้ยังไงว่าผมจะออกไปข้างนอก อย่าบอกนะว่าติ๊กเดินไปบอกพี่ตุ๊นะ มันทำให้มุมปากของผมกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แสดงว่าเขาก็มีน้ำใจเหมือนกันนะแม้ว่าจะไม่แสดงออกให้เห็นชัดเจนก็ตาม ผมรู้มาจากพายว่าตอนที่ผมไปเยี่ยมปู ติ๊กก็ขึ้นไปคุยกับพี่ตุ๊ให้ลงมาอนญาติให้ผมไป
         "เออพี่ตุ๊พวกผมจะไป"ไอ้ดิวมันจะอธิบาย
          "ติ๊กบอกพี่แล้ว ว่าให้พี่ลงมาเพราะเขาคงไม่เปิดถ้าไม่มีคำสั่งพี่เหมือนกัน "พี่ตุ๊พูด
           “ที่ผมอยากไปเองเพราะว่า ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันขนาดไหนและที่สำคัญ ถ้าไม่ได้ร้ายแรงมากแต่ให้พี่บุกไป มันอาจจะเป็นผลเสียกับพี่ด้วยนะครับ” ผมพูดกับพี่ตุ๊ พี่ตุ๊เขาพยักหน้าว่าเขาเข้าใจ ผมนึกแปลกใจทำไมพี่น้องไม่เหมือนกันเลย
          “ถ้าอย่างนั้นก็ระวังตัวกันด้วยน่ะ มีอะไรที่เกินความสามารถของเรา ให้รีบโทรหาพี่นะดิว เข้าใจไหม อย่าเข้าไปโดยพลการถ้าไม่ปลอดภัย เป็นอันขาด “พี่ตุ๊พูดเชิงออกคำสั่ง พวกผมพยักหน้าพร้อมกัน และรีบพากันเดิไปที่ขึ้นรถของผม ทุกคนเข้าไปนั่งกันหมดแล้ว ส่วนผมก็เข้าไปนั่งทำหน้าที่คนขับรถ

            พวกผมก็รีบขับออกไปตามที่ต้นข้าวบอก ผมขับไปถึงชุมชนที่ต้นข้าวบอกว่าเป็นชุมชนที่บ้านเก่าของปู พอผมขับรถเข้าไป ผมรู้สึกได้เลยว่าชุมชนนี้ดูลึกลับน่ากลัวเพราะเหมือนจะเป็นแหล่งมั่วสุมเล่นยากันได้ง่าย ผมขับไปตรงข้ามบ้านเพื่อนของพี่ข้าวปั่น มีบ้านกลางเก่ากลางใหม่ อยู่หลังหนึ่ง
           "หลังนี้แน่เลยเดี่ยว"ต้นข้าวพูด
           "ต้นข้าวอยู่หลัง แอ้"ไอ้ดิวบอกต้นข้าว แอ้ก็ดึงต้นข้าวมาไว้ด้านหลัง ไอ้ต้นข้าวน่ะมันป๊อดอยู่แล้ว มันก็รีบไปหลบหลังแอ้ทันทีเหมือนกัน เรียกได้ว่าไม่ต้องดันมันก็รีบไปทันที ส่วนผมน่ะเดินนำหน้าเข้าไปทันทีและกดกริ่งแบบรัวๆ กดอยูสองสามที ก็มีคนเดินออกมานี่ลายสักเต็มตัว มันสวมแค่กางเกงบอลตัวเดียว
            "มึงมาหาใคร"มันถามแบบไม่มีคำว่ามิตรภาพเอาซะเลย
             "มาหาปู ปูอยู่ไหม"ผมถามคนตรงหน้ากลับแบบไม่เป็นมิตรเช่นกัน
             "ปู ปูไหน ไม่มี ที่นี้ไม่มีคนชื่อปู มึงมาผิดบ้านแล้ว ไอ้หนู"มันตอบได้ห้วนมากแถมยังเรียกพวกผมไอ้หนูอีก ผมหันมามองหน้าไอ้ดิว มันยังไม่รู้จักผมสองคนซิท่า
             "กูว่ามีว่ะเพราะว่านี้มันบ้านของปู"ผมพูดกับคนตรงหน้า ผมเดาว่าไอ้คนนี้แน่เลยที่ไอ้ป๊อดบอกว่าลูกพี่ลูกน้องที่ชอบหาเด็กส่งไอ้เจต แลกกับยา ผมดูสภาพน่าจะเพิ่งอัพยามาด้วย
             "ก็กูบอกไม่มีไง มึงอยากเจ็บตัวหรือไง"มันพูดขึ้นเสียงกับพวกผม ผมยืนประชันหน้ากับมันอยู่แบบไม่กลัว
              "ปูอยู่ไหน"ผมขึ้นเสียงดังใส่มันเลยคราวนี้
              " มึงไม่บอก ใช่ไหม"ผมถามมัน อีกครั้ง และพยักหน้า แบบว่าพร้อมจะอัดมันแล้ว
              "ผลั่ก! "ผมตะบันหน้าใส่มัน ไปหนึ่งที่และตามไปซ้ำ ต่ออีกหลายที “ผลั่กๆๆๆๆ”
              "ไอ้สัส! พอแล้วแล้ว"มันร้องห้ามผม และไอ้ดิวเข้ามาจับผมให้หยุดต่อยมัน พอมันลุกมาได้ผม จับคอมันไว้
              "กูถามว่า ปูอยู่ไหนบอกพวกกูมา!!! "ผมถามมัน ไอ้ดิวยืนมองหน้ามัน กำหมัด แบบว่าถ้าไม่บอกตะบันอีกแน่
              "กูไม่รู้ว่ามันอยู่ไหนตอนนี้ กูรู้แค่ว่า ไอ้เจตมันพาไปแต่ไปไหนไม่รู้ มึงอย่าทำกูเลย ทำกูไปก็แค่นั้น กูไม่รู้อยู่ดี "มันตอบ ผมทำท่าจะต่อยมันอีก แต่ว่าไอ้คนนั้นมันยกมือขึ้นป้องและหวาดกลัว แสดงว่ายาที่มันพี้มาเริ่มหลอนด้วยเหมือนกัน
              "มึงจะต่อยกู กูก็ไม่รู้อยู่ดี มันแค่มาพาไป"มันพูดกับผมและไอ้ดิวมันมือผมไว้
             “กูว่ามันไม่รู้จริง ๆ ว่ะไอ้เดี่ยวและมึงต่อยมันไปก็เท่านั้น…เชื่อกูดิ” ไอ้ดิวเป็นคนเข้ามาห้ามผมและมันก็จับมือข้างที่ผมกำมัดอยู่เอาไว้ ดิวมันพยักหน้าว่าให้ผมปล่อยมัน ผมก็จำต้องปล่อยคอมันให้เป็นอิสระ
              "ถ้าปูเป็นอะไร กูจะกลับมาคิดบัญชีกับมึงแน่ๆ ในฐานะที่มึงคือตัวต้นเหตุ"ผมพูดพร้อมกับชี้หน้าไอ้คนที่นั่งอยู่กับพื้นและพวกผมก็หันมาพยักหน้าและพากันเดินออกไปเพื่อไปขึ้นรถก่อนที่พวกมันในบ้านจะออกมาสมทบ เพราะมีคนเปิดประตูออกมาดูคงเป็นพวกที่มาพี้ยากันแต่พวกผมออกมากันแล้วและรีบพากันขึ้นรถ ผมถอยรถออกมาจากซอยนั้นทันที
             "จะไปหาปูกันที่ไหนวะ "ไอ้ดิวถามขึ้น ผมก็มืดแปดด้านเลย ไอ้เจตผมไม่รู้ที่อยู่มันด้วย ถ้ารู้น่ะ จะไปกระทืบแม่งตอนนี้เลยจริงๆ
            "ไอ้เจตกูรู้จัก มันส่งเด็กให้พวกมีตัง เอาไปฟันเล่น มันเชี้ยมาก ทำไมต้องเป็นปูวะ"ผมพูดขึ้น ผมรู้แค่ฉายาความเชี้ยมันเท่านั้น และคนที่มันพาไปดันเป็นปูอีก
             "ไอ้เจตมันรับจ้างทั่วไป ทุกอย่างที่ทำให้มันได้ตังค์ เดี่ยว” ต้นข้าวพูด ผมมองไอ้ต้นข้าวผ่านกระจกมองหลัง
             “กูเดาว่า ตอนที่พี่กูโดนหักหลังมันน่าจะร่วมด้วยวะและกูว่ามีคนจ้างมันมาด้วย"ต้นข้าวพูด ผมหันมามองหน้าไอ้ดิว
            "นี้พวกกูทำมันลำบากเหรอวะ"ไอ้ดิวพูด
            "ไม่น่าจะให้ปูสืบตั้งแต่แรก "ไอ้แอ้พูดขึ้น
            Rrrr จู่ๆ มือถือไอ้ดิวก็ดังขึ้น ไอ้ดิวมันพยักหน้ากับผม ผมเดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนในกลุ่มโทรมา
             "แจ็ค พวกกูหาปูไม่เจอวะ รู้แค่ว่าไอ้เจตพาไปแต่ไปไหนไม่รู้ และที่มันเป็นแบบนี้เพราะมันทำงานให้พวกเรา เออ แม่งพวกกูมึดแปดด้านเลย พี่มันบอกไม่รู้ รู้แค้คนที่มารับไปคือไอ้เจต เอออ ดีเลยกูลืมนึกถึงไอ้จักร มันคงรู้ มึงโทรเลย กูรอ"ดิวมันโทรหาไอ้แจ็ค ผมหันมามองหน้าไอ้ดิว
           "ไอ้จักรน่าจะรู้ "ดิวมันพูด เออผมลืมมันไปเลย
            Rrrr ทิ้งช่วงไม่นานก็สายเข้ามือถือดิวทันที
           "ไอ้แจ็คโทรมาแล้ว"ไอ้ดิวพูดและกดรับสาย
            (ว่าไงแจ็ค ไอ้ธงรบมันรู้จักเหรอ เออ งั่นพวกกูกลับไปที่โรงเรียนวะ เจอกันแค่นี้) ไอ้ดิว พูดและวางสาย
             "เรากลับไปรอที่โรงเรียนวะ รอไอ้จักรมันจะไปหาไอ้ธงรบ มันบอกว่าไอ้ธงรบมันรู้จักไอ้เจตดีทีเดียวเพราะว่าไอ้เจตมันเอาเด็กมาให้ไอ้ธงรบบ่อย "ไอ้ดิวพูด ผมขับถออกมาใจก็อยากไปถามไอ้ธงรบ แต่มันคงบอกผมหรอกเคยเอามีดเสียบมันไว้ด้วยผมกำลังออกมาถนนใหญ่แล้ว เพื่อกลับไปที่โรงเรียน สงสัยงานนี้ต้องให้พี่ตุ๊ช่วยแล้วแหละ มันน่าจะเกินความสามารถพวกผมแล้ว

                TBC
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯ(รุ่นน้องๆ)EP.66(เดี่ยวXติ๊ก)เดี่ยวไปช่วยปู 2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 04-04-2024 13:11:40
             
EP.66(เดี่ยวXติ๊ก)เดี่ยวไปช่วยปู 2 

            Part’ s เดี่ยว ผมตะเวรตามหาปู ผมก็ร้อนใจกลัวมันทำอะไรปู ผมคงรู้สึกผิดไปตลอดและพวกไอ้ดิวมันก็คงรู้สึกผิดมากกว่าผมที่ดึงเอาปูเข้ามา ไอ้เจตมันอาจจะได้รับออเดอร์มาจากพวกที่ดิวให้ไปสืบ มันไม่ได้มีแค่พวกพี่แฮกซ์ มันไปถึงไอ้บอสด้วย ตอนนี้พวกผมกำลังจะกลับไปตั้งหลักที่โรงเรียนก่อนถ้าไม่ได้เรื่องคงต้องให้พี่ตุ๊แจ้งตำรวจแต่ใครจะรับแจ้งและถ้าแจ้งไป เรื่องปูคงกระฉ่อนไปทั้งโรงเรียนอีก นี่แหละที่ทำให้ผมต้องออกไปตามหาเองดีกว่า

             Rrrrr เสียงโทรศัพท์ ไอ้ดิวดังอีกแล้ว

            "ว่าไงจักร อะไรนะปูอยู่กับไอ้ธงรบ "ไอ้ดิวพูดว่าปูอยู่กับไอ้ธงรบ ผมกึงกับเบรกกะทันหันทันที "เอี้ยด!!!!" จนทุกคนหัวทิ่มไปตามๆกัน

             "เว้ยย!!! ไอ้เดี่ยว!!! "ทั้งคันเลยร้องออกมาพร้อมกัน ผมหันมามองไอ้ดิว นี่มันส่งปูไปให้ไอ้ธงรบอย่างนั้นหรือ แล้วมันไม่ทำอะไรไปแล้วเหรอวะเนี๊ยะ!

              "แล้วคอนโดมันอยูไหน ไอ้เดี่ยวมันรู้ เออ กูไปเดี๋ยวนี้ ใจวะ"ไอ้ดิวมันพูดว่าคอนโดไอ้ธงรบ เท่านั้นแหละผม กลับรถทันทีไอ้ดิวมันวางสายแล้ว ผมรู้จักคอนโดหรือมันเรียกรังรักสำหรับสำเร็จความใคร่ของมันนี่มันทำระยำกับปูแล้วหรือยังก็ไม่รู้ ถ้าใช่ มันกับผม ขาดกันสะบั้นกันวันนี้แน่ ผมรีบเหยียบไปเลย

              "ไอ้เดี่ยว กูรู้ว่ามีงห่วงปูมากนะ แต่ช่วยห่วงกูบ้างอะไรบ้างและมึงกลับรถแบบไม่เกรงใจบุคคลในเครื่องแบบแบบนี้ เดี๋ยวพ่อกูก็ได้ต่อสัญญาให้กูเรียนไปอีกห้าปี ไอ้เชี้ย!! "ไอ้ดิวเม้งผมทันที ผมหันไปมองไอ้ดิว มันนั่งเกร็งและเอามือจับที่จับเหนือศีรษะมันเอาไว้แน่นและข้างหลังแอ้กับไอ้ต้นข้าวด้วย มันก็หาที่ยืดกันเช่นกันแต่ว่าผมรีบผมก็เลยยิ่งเหยียบเพื่อไปต่อ

              "เออ ไอ้เดี่ยว เดี๋ยวมึงไม่ได้ไปช่วยไอ้ปู ขับเบาๆ ลงหน่อยดิ! "แอ้ ผมค่อยได้สติ ผมลดความเร็วลง

             "ฟู่!!! “เสียงพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

             “ค่อยยังชั่ว กูหัวใจจะวายว่ะไอ้แอ้” ไอ้ต้นข้าวพูดพร้อมกับเอามือกุมหน้าอกไปด้วย

             “นี่กูคิดถูกไหมเนี๊ยะ! ที่ตัดสินใจมากับมึงไอ้เดี่ยว! "ไอ้ต้นข้าว ผมขับมาจนถึงคอนโดไอ้ธงรบ คอนโดนี่ไม่ค่อยเคร่งเรื่องคนนอกเท่าไหร่ ไอ้ธงรบมันไม่ชอบอยู่แบบ มีกฎระเบียบเยอะ มันชอบแหกกฎเสมอ ผมพยักหน้ากับไอ้ดิว ว่าขึ้นไปได้เลย ผมกับดิว แอ้และต้นข้าว เดินปะปนไปกับคนที่พักที่คอนโดนี้เข้าไปด้านใน คอนโดนี่นักเรียนนักศึกษาพักเยอะ จึงไม่มีใครผิดสังเกตพวกผมได้ ผมตรงไปชั้นที่ไอ้ธงรบอยู่ทันที ตอนนี้ผมไม่ฟังใครทั้งนั้น ผมไปถึงหน้าห้องไอ้ธงรบ

                  ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะประตูดังสนั่น จนใครๆ พากันเปิดประตูออกมาดู และไอ้ธงรบมันก็เปิดประตูออกมาผมเห็นสภาพมันสวมแค่ผ้าขนหนูแล้วอยากตะบันหน้ามันจริงๆ

                "เห้ย! ยังไม่ได้ทำอะไรเด็กมึงหรอกน่ะ "ไอ้ธงรบรีบพูด พร้อมกับยกมือขึ้นเพราะว่ามันรู้จักผมดี ว่าผมใจร้อนแค่ไหน

                 "มาแล้วเหรอวะ อยู่ในห้องวะ "ไอ้จักรตามไอ้ธงรบออกมาตามจากห้อง และตามมาด้วยไอ้กีตาร์ ไอ้กีตาร์อีกตัว มันคงกำลังทำระยำกับปูเหมือนกัน เพราะเสื้อมันไม่ติดกระดุม ต้นข้าว มองหน้าไอ้กีตาร์

                 "น้องต้นข้าว!"ไอ้กีตาร์ มันมีสีหน้าที่ตกใจอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่มันเป็นต้นข้าวมากับพวกผม

                  "อยู่ห่างๆ กู คนที่เอาแต่พูดให้แม่กูมองว่าดีที่แท้เชี้ยยิ่งกว่าหมา "ต้นข้าวพูด ผมเดินตามไอ้จักรเข้าไปในห้องนอน

                  “พี่ไม่รู้ว่า” ไอ้กีตาร์มันพยายามจะอธิบายแต่ดูท่าไอ้ข้าวไม่รับฟังแน่ๆ

                  “ไม่รู้เชี้ยอะไรแต่ว่ากูไม่สนหรอก ที่กูรู้ มึงแม่งน่าขยะแขยงว่ะไอ้กีตาร์” ต้นข้าวมันพูด ผมหันไปมองหน้ามันแว๊ปหนึ่ง

                 "ไอ้เจตมันเอาปูมาส่งให้ไอ้ธงรบและมันไม่รู้ว่าเป็นคนของพวกมึง "ไอ้สรจักรมันพูดแก้ตัวให้ไอ้ธงรบและไอ้กีตาร์

                 "แล้วมันอยู่ไหน กูมาแล้วจะได้จัดมันไปเลย"ไอ้ดิวถามสรไอ้จักร คงหมายถึงไอ้เจต

                  "มันแค่นกต่อ แต่กูจัดให้ทีหลัง โอเคน่ะ เพราะว่าไอ้เชี้ยนี้ไม่มีเชี้ออะไรหรอก กูจัดการมันได้ ตอนนี้คนในห้องนั้นที่มึงต้องพาไปดูแล ห่วงคนนั้นก่อนดีกว่า "ไอ้จักรมันพูดพร้อมกับพยักพเยิดให้ผมตามมันไป ไอ้กีตาร์ทำท่าจะเข้ามาหาต้นข้าวแต่ต้นข้าวชี้หน้าเอาไว้อย่าเข้ามาใกล้ ผมเดินตามหลังไอ้จักรเข้าไป และไอ้จักรเปิดประตูห้อง ภาพที่ผมเห็นปูที่ถูกมัดมือมัดปาก นอนดิ้นอยู่บนเตียง ผมรู้เลยว่าตอนนี้ปูโดนอะไรไป

                  "เออ! ไอ้เจตมันเป็นคนทำนะไม่ใช่พวกไอ้ธงที่ทำน้องปูมึงเป็นแบบนี้ "ไอ้จักรมันพูด ผมถอดเสื้อผมสวมให้ปู พวกผมแก้หมัดปู ปูก็โผลมากอดผมทันทีและไซ้ผมด้วย

                  "Shit!"ไอ้ดิวสบถออกมาทันที แอ้กับต้นข้าวมองปู ก็แน่ละปูดูเรียบร้อยราวกับผ้าผับไว้ มาเจอแบบนี้ปูเปลี่ยนไปเป็นแมวยั่วสวาทเลยและ ผมอุ้มร่างปูออกมา มือไม้ปูก็ลูบไล้ไปตามตัวของผม ไล่ผมไปทั่วเลยจริงๆ

                   "กูว่ามึงควรจะต้องขอบใจกูนะ ที่ช่วยให้มึงสนุกกันต่อ"ไอ้ธงรบยังมีหน้ามาพูดจาหมาๆ กับผมอีก ผมหันไปแต่

                     "ผลั่ก!"ไอ้ดิวมันจัดหมักตรงไปที่ไอ้ธงรบ และไอ้กีตาร์จะเข้ามาแต่แอ้หันขวับตั้งท่าส่งปลายเท้าแต่ว่าไอ้กีตาร์แต่ว่าไอ้กีตาร์มันชักเท้ากลับทันซะก่อนไม่งั้นมันโดนแน่ๆ

                    "ไม่เข้าไปล่ะมึง ไอ้นี่มันแค่เทควันโดสายดำเอง จิ๊บๆ "ไอ้สรจักรหันถามไอ้กีตาร์ที่ถอยออกไป

                    "เคยได้ยินทีเดียวสลบไม่เอาอ่ะ"ไอ้กีตาร์พูดมันหันไปดูไอ้ธงรบ ที่จับหน้าคงเจอหมัดไอ้ดิวเล่นซะมึนเลยซิท่า หมัดมันหนักผมรู้ดี ผมโดนไปนี้ยังมึนเลย

                     "ขอบใจวะจักร "ผมหันมาพูดกับไอ้จักรและพวกผมเดินออกจากห้องกัน พวกผมเดินมาที่ลิฟต์ ปูที่ผมอุ้มก็ยั่วยวนผมน่าดู

                     "งานหนักละมึงไอ้เดี่ยว ดีนะที่พรุ่งนี้วันหยุดนะ"ไอ้ดิวพูดขึ้น ช่วยได้มากเลยนะ

                     "ไอ้ดิวมึงนี้"แอ้ปรามไอ้ดิว

                      "ดูสภาพนี้ซิแอ้ น้ำมันหมดสต๊อกแน่ "ไอ้ดิวมันพูด ให้กำลังใจผมมาก

                      "ต้นข้าว รอพี่ก่อน พี่ทำไปเพราะพี่หึงต้นข้าว พี่หึงที่ต้นข้าวไปเป็นแฟนมัน"ไอ้กีตาร์มันตามออกมา และมันบอกว่าที่ทำกับปูเพราะหึงที่ผมกับต้นข้าวเป็นแฟนกัน แต่ไอ้ปูไปเกี่ยวอะไรด้วย ผมทำท่าจะออกไปเล่นมันอีกคนเหมือนกัน

                    “อย่าไอ้เดี่ยว “ไอ้ดิวห้ามผม

                    “ตอนนี้พาปูกลับบ้านก่อนดีกว่า” ไอ้ดิวพูดผมก็พยักหน้า โชคดีของมัน

                    "กูไม่ใช่แฟนมันและกูทำไปเพราะกูอยากให้มึงออกไปจากชีวิตกู กูยากอยู่กับเพื่อนๆ กู ไม่ใช่มึง "ต้นข้าวพูดมันบอกความจริงไอ้กีตาร์แต่มันบอกว่ามันอยากให้ไอ้กีตาร์ออกไปจากชีวิตต้นข้าวมัน ผมว่ามันหนักกว่า บอกว่าผมเป็นแฟนมันอีกนะ เพราะหน้าไอ้กีตาร์แย่ลงมากทีเดียว

                    ">และมึงไม่มีวันรู้หรอกว่าเพื่อนแท้เป็นยังไงกีตาร์ เพื่อนแท้น่ะมันต้องพากันไปทางที่ดี ไม่เหมือนเพื่อนเชี้ยๆ ที่มึงมีนี่ แม่งพาไปทางที่เลวๆ” ไอ้ต้นข้าวมันด่าแบบเหมารวมเลย ไอ้สรจักรและไอ้ธงรบมันเดินออกมาพอดี มันก็รับไปเต็มๆ

                  “เวรเลยกู ซวยไปด้วยเลยมึง ไอ้เชี้ย!!” ไอ้สรจักรพูดพร้อมกับหันมาด่าไอ้ธงรบ

                  “น้องเขาชมซะกูเขินเลยไอ้เชี้ย!” ไอ้ธงรบ

                  “ดังนั้นมึงควรจะเลิกไปอวยว่าตัวมึงดีอย่างนั้นอย่างนี้กับพ่อแม่กูได้แล้ว มึงแม่งเชี้ยกว่าที่มึงพูดกับพ่อแม่กูเอาไว้เยอะว่ะ ไอ้พี่กีตาร์ "ต้นข้าวพูด

                  "ตอนนี้กูเกลียดมึงมาก กูพูดเลย "ต้นข้าวพูดในขณะที่ลิฟต์กำลังจะปิด ผมเดินลงมาชั้นล่างดีที่ไอ้จักรมันให้เสื้อคลุมมาอีกตัว ผมก็พยายามมจับมือปูให้นิ่งๆ ตอนเดินผ่านคนดูแลตึก ผมเดินมาถึงที่ผมจอดรถเอาไว้

                  "เออ เจอแล้ว เกือบวะ…ดีที่ไอ้จักรมันห้ามไว้ ปูเหรอ ไม่น่าห่วง กูห่วงไอ้เดียวมันจะคางเหลืองก็คืนนี้ โดนของดีมาแบบนี้และใครจะจัดการปราบน้องปู ก็ต้องไอ้เดี่ยวดิ เออ งั้นมึงก็ไปบอกพี่ตุ๊ด้วยว่าปูเขาปลอดภัยแล้ว และนี่มึงจะไปเที่ยวกับบอยเลยเหรอวะ เออ เดินทางปลอดภัยวะ กลับมาคุยกัน โอเค บายว่ะ "ไอ้ดิวมันโทรคุยผมเดาได้ว่าเป็นแจ็ค ผมอุ้มร่างปูเข้าไปนั่งด้านหลัง

                 "เดี่ยว กูขับเอง แอ้นั่งหน้า "ดิวมันพูดผมพยักหน้า ว่าดีเลย

                   "กูด้วยได้ไหมอะ กูรู้สึกว่ากูคือส่วนเกิน"ไอ้ต้นข้าวพูด แอ้มันพยักหน้าคือนั่งหน้ากันสองคนและไอ้ดิวขับ พอผมขึ้นรถได้ ปูใส่ผมจัดเค็ม ทั้งไซ้คอจะทั้งตัวอยู่แล้ว

                   “ไอ้ดิว ออกรถดิวะ “ผมเร่งมัน มันหันมายิ้มเยอะเย้ยให้ผม

                   "อืมมมม"แม้เจ้า แน่นอน เดี่ยวไม่ใช่พระอิฐพระปูน มันโด่เด่ขึ้นมาตั้งแต่อุ้มปูขึ้นมาแล้ว

                   “ไหวไหมมึง ไอ้เดี่ยว” ไอ้ดิวมันถามผม

                     “ใกล้จะไม่ไหวแล้วกูอ่ะ เร็วๆ “ผมเร่งไอ้ดิว มันก็ออกรถขับรถกลับบ้านพักแน่เลย อ้อแต่คงต้องไปส่งไอ้ต้นข้าวก่อนที่บ้านเพราะว่าไม่ไกลจากที่นี้เท่าไหร่ด้วย ไอ้ต้นข้าวมันโทรเช็กไอ้บลูแล้ว บลูกลับบ้านไปแล้ว ผมเห็นไอ้แชมป์มันตามรับตามส่งอยู่ เด็กม.2 รุ่นเดียวกับไอ้ภาคิไนย์น้องชายไอ้ภาคินมันนั่นแหละแต่เอาจริงๆ ไอ้ต้นข้าวไอ้บลูนี้รุ่นน้องพวกผมสองปีแต่ว่าเราก็คบกันอย่างเพื่อนมากกว่า

                     “ไปก่อนนะมึง เจอกันวันจันทร์ว่ะ “ไอ้ต้นข้าวพูดก่อนจะหันมามองผม

                     “ของมึงนี้ วันจันทร์ยังจะมาเรียนไหวไหม” ไอ้ต้นข้าวถามผม ผมหันไปอยากจะคว้าอะไรปาใส่มันจริงๆ และไอ้ต้นข้าวก็เดินออกไป ไอ้ดิวก็ออกรถทันที เพื่อรีบพาผมกลับบ้านพัก ก่อนที่ทุกอย่างจะไม่ไหวเพราะปูก็เริ่มเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ จนผมเองก็เกือบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ใจก็อยากจะจัดการปูซะที่ตรงนี้เหมือนกัน แต่ต้องห้ามตัวเองไว้ก่อน ผมเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนแน่นอนโดนเล้าโลมแบบนี้ อาจจะไม่รอดคืนนี้ผมน่ะ ผมยิ่งมองใบหน้าปู แต่ทำไมภาพใบหน้าอีกคนเข้ามาแทรกตลอด คนนั้นก็คือติ๊ก
                     TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.67 ติ๊กกำลังหาที่ลงพอดีเลย
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 09-04-2024 22:13:23
EP.67 ติ๊กกำลังหาที่ลงพอดีเลย

            Part’ s ติ๊ก ผมนั่งช่วยพี่ตุ๊ทำงานเอกสารแทนพี่ตุ๊เห็นว่าผมลายมือสวยเลยมอบหมายให้ผมเขียนรายงานลงในสมุดบันทึก ผมยอมรับว่าผมลายมือสวยเหมือนพิมพ์เลยทีเดียว พี่ตุ๊ขอลงไปคุยกับครูมาใหม่ ผมรู้ว่ากว่าจะเป็นโรงเรียนมันยากมากแต่ว่ารักษานี่ซิยากกว่าเพราะการบริหารงานโรงเรียนมันยุ่งยากกว่าบริหารงานโรงแรมซะอีก ผมนี้นับถือพ่อผมเลย ที่พ่อสามารถที่จะเปิดและขยายสาขาได้มากมายทั่วประเทศแต่ว่าโรงเรียนนี้ที่ผมมาเรียน ไม่ใช่ทั้งหมดของพ่อผมแต่เป็นขององค์กร ดังนั้นโรงเรียนนี้จึงไม่เชิงว่าเป็นเอกชน จึงมีนักเรียนหลากหลาย มีตั้งแต่ฐานะดีจนถึงฐานะยากจนเพราะว่าได้ทุนมาก็มี
           “คุณน้ำตาลครับ ผมบอกว่าพี่ตุ๊ไม่อยู่ในห้องครับ” ผมได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากด้านนอกห้อง ทำให้ผมต้องวางปากกาลงก่อนจะเปิดดูหน้าจอมอนิเตอร์ ผมถึงกับต้องมองจ้องว่าใครกัน นั้นมันผีบ้าที่ไหนเนี๊ย! สวมชุดแซกสั้นไม่เกรงใจว่านี้คือโรงเรียนบ้างเลย ที่สำคัญ กำลังยื่นใช้นิ้งชี้หน้าพี่พัฒน์ของผมด้วย มีเหรอที่ติ๊กจะปล่อยเอาไว้ ผมรีบลุกขึ้นไปก่อนจะเปิดประตูทันที
           “อย่ามาโกหก” ผู้หญิงคนนี้บอกพี่พัฒน์ เธอไม่เห็นว่าผมยืนอยู่ข้างหลัง
           “กลัวเหรอว่าฉันจะทำให้คุณตุ๊ เขี่ยหลอนทิ้ง ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะว่าฉันน่ะ ทำจริง!” ผมพยักหน้า
           “ดังนั้น อย่ามากันท่าฉันซะให้ยาก ถ้าคุณตุ๊เขาเอาหลอนจริง ป่านนี้คงบอกใครต่อใครไปทั่วแล้วว่าเป็นอะไรกัน เขาอบกแค่ว่าเป็นน้อง ก็อยู่ส่วนน้อง เข้าใจไหม “เธอพูด
           “แต่อย่างว่าแหละ ดูซิ จื้ดฉืดขนาดนี้ ใครจะเอามาออกหน้าออกตา สำรวจตัวเองหน่อยน่ะ “ผมถึง สำรวจคนที่ว่าพี่พัฒน์ผมทันที ผมมองสำรวจรูปร่างของนาง ตัวเล็กน่ะ แต่ขานี้เป็นป่องเหมือนผักตบชะวา ผิวขาวใช้แต่ขาวซีดมากกว่า หน้าอกนี้ก็ดันจนขึ้นมาทั้งเต้าอยู่แล้ว ผมเดาว่าดันแบบนี้น่ะ ไม่ค่อยมีหรอก
           “ผมไม่ได้โกหกและไม่ได้กลัวอะไรคุณทั้งนั้น แต่ว่าที่คุณทำมันรบกวนการทำงานของพี่ตุ๊ครับ คุณควรจะโทรมานัดและมาตามเวลานัดครับ” พี่พัฒน์พูด
           “ฉันจะมาตอนไหนก็เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องของแก เป็นได้แค่น้องกำมะลอ น้องแท้ๆ ก็ไม่ใช่สักหน่อย อย่าเสล่อ!!! “เธอพูด
           “ฉันว่าเธอควรจะไปหา ใครน่ะ เมื่อเช้าน่ะเห็นลูกน้องฉันบอกว่ายืนคุยกัน กะหนุงกะหนิง ฉันว่าเธอต้องแบบนั้นน่ะ พวกสายช่างน่ะ ไม่ใช่สายบริหารงานอย่างคุณตุ๊ เหมาะสมดี “นางพูด ผมนี้แทบจะเหลืออด พี่พัฒน์หันมามองผมพอดี
            “ไปหาแบบนั้นไป เข้ากันดีกว่า ส่วนฉันจะไปหาซีอีโอของฉันนี้ “ผู้หญิงคนนี้พูดก่อนจะหันมาและเขาก็ต้องตกใจมากที่เห็นว่าผมยืนจังก้าที่หน้าประตู
           “ว้ายตายแล้ว! “ผู้หญิงคนนี้อุทานทันที
           “ยังไม่ตายแต่ดูท่าจะมีคนได้ตายอย่างสงบศพสีชมพูแน่ๆ โดยเฉพาะคนปากดี “ผมพูด
           “เธอคือใครเนี่ย? และนี่มาทำอะไรในห้องผู้อำนวยการย๊ะ นักเรียน” เธอเอ่ยถามผม แถมย้ำว่านักเรียนด้วย
           “มาเล่นซ้อนแอบเหรอ” คุณคนนี้ถามผม
           “พี่พัฒน์ครับ นี่คนบ้าที่ไหนหลุดมาเหรอครับ ให้ผมเรียกรปภ ให้ไหมครับ หรือร้องขอให้เจ้าที่โรงพยาบาลรักษาโรคประสาท มาพอไปดีครับ” ผมถามพี่พัฒน์
           “นี่แก แกกล้าเรียกฉันว่าเป็นคนบ้าเหรอ ฉันไม่ยอม เด็กบ้า เด็กเปรต เด็กไม่มีใครสั่งสอน แกต้องได้เจอดี แกรู้ไหมว่าฉันลูกใครและพ่อฉันน่ะเป็นใคร เด็กๆ ที่นี้ รู้จักพ่อฉันทุกคนและพ่อฉันก็สั่งเด็กๆ พวกนี้ได้ด้วย “ผมพยักหน้าว่ากลัวจังเลย
           “ติ๊ก ไม่เอาน่ะ กลับไปทำงานต่อเถอะพี่จัดการเอง” พี่พัฒน์พูด
           “อ้อ นี่เด็กเธอเหรอนางครูพัฒน์ นี้ส่งเด็กเธอเข้ามาสนองในห้องคุณตุ๊เลยเหรอ เป็นแม่เล้าซะด้วย” ผมนี้ว่าจะหันหลังเพราะไม่อยากทำให้พี่พัฒน์เดือดร้อนแต่ว่าขึ้นมาขนาดนี้ติ๊กจะทนเพื่อ ผมหันหลังเดินลงมาทันที ผมยืนเอามือเท้าเอวส่วนผู้หญิงตรงนี้นี้ตกใจก่อนจะถอยหลังทันที
           “นี่แกจะทำอะไรฉันน่ะ “เธอถามผม
           “สั่งสอนคนที่ปากดีนี่ไง เป็นผู้ใหญ่ภาษาอะไรวะ รู้ตัวไหมว่าเป็นผู้หญิงที่มีแค่อายุเท่านั้นบอกได้ว่าแก่แล้วแต่สมองนี้ดูท่าจะไม่โตหรือหยุดโตไปนานแล้วครับป้า” ผมพูด เธอมองหน้าผม
           “อ้ายย!!!!” ผมกับพี่พัฒน์ถึงกับต้องเอานิ้วอุดหูทันที
           “นี่คุณน้ำตาล!! คุณจะมากรี้ดแบบนี้ไม่ได้น่ะครับ คุณไม่อายนักเรียนที่นี้บ้างเหรอครับ” พี่พัฒน์ถาม
           “นั้นซิ มาเล่นจำอวดให้เด็กมันหัวเราะกันอยู่ได้ บ้าหรือเปล่า” ผมถามเธอ
           “เธอกล้ามากน่ะ ฉันจะให้คุณตุ๊จัดการและฉันเดาว่า เธอคงได้รับการสั่งมาจาก….” เธอพูดก่อนจะหันไปมองพี่พัฒน์
           “คนนี้ใช่ไหมที่สั่งให้ทำน่ะ” เธอหันไปชี้พี่พัฒน์ ผมมองบนทันที
           “นี่ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลน่ะ ที่จะต้องให้ใครสั่งนั้นทำนี้ อันนี้คิดเองได้” ผมพูด
           “ฉันไม่สนล่ะ รอคุณตุ๊มาก่อน แกสองคนโดนแน่นอน” ผู้หญิงคนนี้พูด
           “งั้นก็ยืนรอไปน่ะ “ผมพูด
           “พี่พัฒน์ เข้ามาในห้องเถอะ ยืนข้างนอกทำไมร้อนจะตาย เราเข้าไปตากแอร์กันดีกว่า ปล่อยให้คนบ้ายืนร้องแรกแหกกระเจิงไปคนเดียว จะรอใครก็รอไปแล้วกัน” ผมพูดพร้อมกับพยักหน้าเรียกพัฒน์เข้าห้องทำงานพี่ตุ๊
           “หยุด!! ฉันต่างหากที่ควรจะได้เข้าไปรอคุณตุ๊ในห้องเพราะว่าฉันคือแขกส่วนแกกับครู ออกไปข้างนอก” จู่ๆ เธอก็กระโดดขวางพี่พัฒน์และทำท่าจะไล่ผมออกจากห้อง
           “เป็นแขกของใครเหรอ” ผมถามเธอกลับ
           “คุณตุ๊ “เธอตอบผม
           “งั้นก็รอคุณตุ๊แล้วกันน่ะเพราะว่าคุณไม่ใช่แขกของผมสองคน “ผมพูดและพยักหน้าให้พี่พัฒน์เข้าห้องแต่นางนี้ก็ไม่ยอม ผมก็เลยก้าวเท้าออกมามองหน้าเธอว่าจะขวางทำไม จู่ๆ พี่ตุ๊ก็เดินขึ้นมาถึงพอดี
           “ตุ๊บ!!” นางรีบกระโดดลงไปกองกับพื้นเฉยเลย
           “อ้าย!! ช่วยด้วยค่ะ เด็กนักเรียนทำร้ายค่ะ” ผมก็ยืนมอง แสดงเก่งกว่ากูอีก ตีเนียนมาก พี่ตุ๊เดินมาถึงมองผมกับยายคุณน้ำตาลอะไรนี้สลับกันไปมา
           “คุณตุ๊ค่ะ เด็กนักเรียนคนนี้ทำร้ายค่ะ เขาทำตามคำสั่ง ครูพัฒน์ค่ะ ครูพัฒน์เขาสั่งให้เด็กคนนี้ทำร้ายน้ำตาลค่ะ” ผมหันไปมองพี่พัฒน์ งานใส่ร้ายคนอื่นก็มาเหรอ
           “นี่ ช่วงนี้ยุ่งมากไหม” ผมถามเธอ
           “ไม่ยุ่ง ทำไม” เธอถามผม
           “กูจะให้ผู้กำกับหนังติดต่อไปเล่นบทนางร้ายให้หน่อยแม่ง แสดงเหมือนจริงมาก” ผมพูด
           “แต่ดูแล้วในชีวิตจริงเธอนี้คงไม่มีบทดีกับเขาบ้างเลยมั้ง” ผมพูดเธอสะบัดหน้ามามองหน้าผมทำท่าจะอ้าปากด่าผมแต่เธอก็เสแสร้งทำเป็นบทนางเอกซะงั้นเพื่อให้พี่ตุ๊เห็นใจ ผมเบ้ปากทันที
           “ติ๊ก!!!” พี่ตุ๊เรียกชื่อผมเพื่อให้ผมหยุดเล่นสงครามประสาทกับผู้หญิงคนนี้ พี่มองผมและมองคุณน้ำตาลที่นั้งพับเพียบเหมือนเจ็บน่าดู พี่ตุ๊ทำท่าจะก้มลงไปช่วยประคองผู้หญิงขี้สำออยคนนี้แต่ว่า
           “พี่ตุ๊อย่า ผมดีกว่า” ผมรีบเอาตัวเข้าไปขวางก่อนจะย่อตัวลงเพื่อจะช่วยดึงแม่น้ำตาลก้นหมออะไรนี้ขึ้นมาแทนพี่ตุ๊
           “หมับ” ผมรีบจับแขนเธอแต่เธอมองหน้าผมก่อนจะมองพี่ตุ๊ สายตานี้แตกต่างกันลิบลับเลยน่ะ
           “ผมช่วยนะครับคุณน้ำบาดาล” ผมพูด
           “น้ำตาลย๊ะ!!” เธอพูด
           “ลุกขึ้นครับ” ผมพูดกัดฟันให้เธอลุกขึ้น
           “ไม่!!” เธอพูดเพราะว่าเธอต้องการให้พี่ชายผมเป็นคนชุดเธอขื้นซิน่ะ
           “รีบลุกขึ้น “ผมพูดรอดไรฟันประมาณกูกำลังจะหมดความอดทนน่ะ
           “ก็บอกว่าไม่” เธอยังยืนยันว่าไม่ ผมหันไปยิ้มกับพี่ตุ๊ที่ยืนเลิกคิ้วมองผมว่าทำไมเธอไม่ลุกขึ้นสักที
           “แมงมุมมันอยู่ข้างๆ น่ะครับ ตัวใหญ่ซะด้วย” ผมพูด
           “อ้ายย!! ไหน ๆ มันอยู่ไหน) )) ) “เธอรีบดีดตัวขึ้นมาทันที ผมหันไปหยักคิ้วให้พี่ตุ๊ เป็นไงล่ะ ไม่ต้องเสียเวลา หลอนดีดตัวขึ้นมาได้ก็มองไปรอบๆ
           “ไหนล่ะ แมงมุมน่ะ “เธอถามผม
           “ไปแล้ว” ผมพูด
           “โกหก!!” เธอมองหน้าผม
           “คุณก็โกหกไม่ใช่เหรอ โกหกหาว่าผมผลัก ดังนั้นนี้เราก็เสมอกัน” ผมพูด
           “นิ!!...” เธอทำท่าจะด่าผมต่อ
           “พอเถอะครับ เด็กๆ มองกันหมดแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ อธิบายให้ผมฟังหน่อย” พี่ตุ๊ถามพร้อมกัมองหน้าผมสามคนสลับกันไปมา
           “ครูพัฒน์” พี่ตุ๊หันไปผายมือให้พี่พัฒน์อธิบาย
           “คือคุณน้ำตาล…” พี่พัฒน์ทำท่าจะอธิบาย
           “พอดีน้ำตาลนะคะ มีเรื่องจะมารายงานเกี่ยวกับเด็กนักเรียนค่ะ มีคนรายงานที่พ่อของน้ำตาลว่าเด็กของที่นี้ไปสร้างความเดือดร้อนค่ะ น้ำตาลเลยว่าจะมาคุยกับคุณตุ๊ ไม่อยากให้เกิดปัญหาใหญ่” เธอพูดแทรกทันที
           “แต่ว่ามีคนไม่ยอมบอกน้ำตาลกันท่าใหญ่เลยค่ะและยังสั่งให้เด็กที่นี้ ทำร้ายน้ำตาล น้ำตาลก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ นะคะ” เธอพูด
           “คุณไม่ได้บอกผมแบบนี้เลยนะคุณน้ำตาล คุณบอกว่าจะมาหาคุณตุ๊แต่ผมบอกว่าคุณตุ๊ไม่อยู่ แต่ถึงอยู่ คุณน้ำตาลก็ควรจะนัดล่วงหน้าเพราะว่าช่วงนี้คุณตุ๊งานเยอะ มีเอกสารต้องเซนต์มากมาย ส่วนเรื่องด่วนอะไรของคุณ คุณไม่ได้บอกผมเลยด้วยซ้ำ” พี่พัฒน์พูด พี่ตุ๊หันไปมองคุณน้ำตาลทันที
           “อ้าว ฉันต้องบอกเธอด้วยเหรอ นี่เรื่องสำคัญมากควรจะบอกคุณตุ๊มากกว่าน่ะ คุณครู เพราะว่าคุณตุ๊คือผู้บริหารโรงเรียนนี้” เธอพูด
           “คุณน้ำตาล คุณคงไม่ทราบว่า พัฒน์เขาเป็น ผู้ช่วยผู้อำนวยการครับ ดังนั้นตำแหน่งพัฒน์กับตำแหน่งของผมไม่ได้ต่างกันมากครับ คุณสามารถบอกได้ทุกเรื่องครับ เหมือนกันครับ” พี่ตุ๊หันไปพูดกับคุณน้ำตาล
           “คิก” ผมถึงกลับกลั้นหัวเราะทันที
           “เป็นไงล่ะ ไม่ศึกษาข้อมูลก่อนจะมาแบทเทิลเขาก็ยังงี่แหละ” ผมพูด
           “ก็น้ำตาลไม่ทราบนี่ค่ะ” เธอพูด
           “แต่!! ที่ร้ายแรงมากไปกว่านั้นคือเด็กคนนี้ เขาทำร้ายน้ำตาล แบบนี้ คุณตุ๊ควรจะเรียกผู้ปกครองมารับผิดชอบนะคะ “เธอพูดพร้อมกับหันมาชี้ที่ผม ผมก็ชี้ตัวเอง
           “เออ คุณน้ำตาลครับ ผมว่าอย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยนะครับ ผมให้เด็กขอโทษได้ไหมครับ” พี่ตุ๊พูด ผมก็มองพี่ตุ๊ ขอโทษทำไม
           “ขอโทษคนแบบนี้เพื่ออะไรอ่ะ ไปขอโทษหมายังดีกว่า “ผมหันไปพูดกับพี่ตุ๊ พี่ตุ๊ทำหน้าให้ผมขอโทษจะได้จบๆ ไป
           “เห็นไหมคะ ไม่ได้ค่ะ เรียกผู้ปกครองเด็กมาค่ะ” เธอพูดพร้อมกับหันมามองหน้าผม
           “คือผมว่าไม่ดีกว่านะครับ “พี่ตุ๊พูด
           “อยากเรียกพ่อผมมาอย่างนั้นเหรอ” ผมถามคุณน้ำตาล พี่พัฒน์แตะแขนผมพร้อมกันสั่นหัวเบาๆ
           “ใช่ ไปเรียกมา ฉันจะรอ” เธอหันมาพูด
           “ไม่ต้องไปเรียกที่ไหนไกลหรอกครับ ผู้ปกครองผมน่ะ อยู่ใกล้ๆ นี่ครับ” ผมพูด
           “เป็นใครเหรอ ครูหรือว่าภารโรงล่ะแต่ฉันเดาว่า ภารโรงมากกว่า” เธอพูด ผมพยักหน้า
           “คุณน้ำตาล” พี่ตุ๊เรียกเธอ
           “ลงไปเรียกมา ฉันกับคุณตุ๊จะนั่งรอในห้อง” เธอพูด
           “ไม่ต้องไปรอที่ไหนหรอกครับครับ อยู่ตรงนี้แหละเพราะว่าผู้ปกครองผมน่ะ เขายืนอยู่นี้และตรงนี้ ตรงหน้าคุณนี่!! “ผมพูดและชี้ไปที่พี่ตุ๊ ให้เป็นผู้ปกครองไปเลยหนี่ง พี่ตุ๊หันมามองหน้าผม
           “ฮาๆ ตลกตายเลย ใครจะเชื่อว่าคุณตุ๊นี่น่ะ ผู้ปกครองเธอ โกหก!!”
           “พี่ตุ๊ บอกเขาไปซิครับว่าพี่คือใครแล้วเป็นผู้ปกครองผมได้หรือไม่ได้” ผมถามพี่ตุ๊ พี่ตุ๊มองหน้าผมก่อนจะหันไปมองผู้หญิงเจ้าปัญหา
           “พี่พัฒน์เขาก็เป็นผู้ปกครองผมเช่นกันนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็มีผู้ปกครองสองคนตอนนี้ เลือกเอาเลยจะคุยกับใครแต่ผมคิดว่า คนนี้ดีที่สุด คุยเลย คุณผู้บริหารโรงเรียน” ผมพูดและชี้ที่พี่ตุ๊
           “ไม่จริงใช่ไหมคะคุณตุ๊” เธอหันไปถามพี่ตุ๊
           “เออ จริงครับ” พี่ตุ๊พูด
           “นักเรียนคนนี้เขาเป็น น้องชายคนเล็กของผมครับ “พี่ตุ๊พูด
           “อะไรนะคะ?” เธอถึงกลับสะบัดหน้ามองหน้าผมทันที
           “ใช่ครับ น้องชายคนเล็กของผมเอง ชื่อติ๊กครับและที่ผมไม่ให้เรียกพ่อเขามาเพราะว่าพ่อเขาก็คือพ่อผม” พี่ตุ๊พูด
           “และพ่อผมก็ไม่อยู่ครับ ไปธุระต่างประเทศ” พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันมามองหน้าผม
           “ดังนั้นผมก็รักษาการผู้ปกครองไปก่อน” พี่ตุ๊พูดกัดฟันเล็กน้อย ผมน่ะยิ้มกับคุณน้ำตาล
           “นะ…. นะ…น้องชายเหรอคะ” เธอถามพี่ตุ๊ ติดอ่างขึ้นมาทันทีเลย เธอมองผมกับพี่ตุ๊สลับกันไปมา
           “ครับ คุณน้ำตาล ผมนี่แหละลูกชายคนเล็กของพ่อภาคย์ “ผมพูด
            “คนที่เป็นดาราใช่ไหมคะคุณตุ๊” คุณน้ำตาลหันไปถามพี่ตุ๊ พี่ตุ๊พยักหน้าว่าใช่
            “ที่ว่าขาวีนสุดๆ” เธอพูดชมผม
            “นี่ชมเหรอ…” ผมถามเธอกลับทันที
            “แต่…ผมไม่ได้วีนทุกคนน่ะ วีนเฉพาะคนที่ กวนประสาทผมก่อน” ผมพูดพร้อมกับมองหน้าเธอ
            “ว่าแต่…เมื่อกี้ผมผลักคุณเหรอครับ คุณน้ำตาล” ผมถามคุณน้ำตาล
            “เมื่อกี้เหรอ…เออ... ไม่ใช่ค่ะ น้ำตาลน่าจะสะดุดขาตัวเองค่ะและน้ำตาลก็ตกใจมาก เลยคิดว่า คุณผลักนะคะ เฮอะๆ “คุณน้ำตาลพูด
            “หน้าตาดีนะคะ น้องชายคุณตุ๊ หล่อทั้งบ้านเลยเนอะ “คุณน้ำตาลอะไรนี่จะเข้ามาหาผมแต่ว่ากระเทิบออกทันที
            “แสดงเก่งทุกบทบาทเลยเนอะ คนเดียวได้หมดทุกบทแต่รู้สึกว่าบทคนบ้านี่เล่นได้เนียนเหมือนคนบ้าจริง” ผมพูด
             “ติ๊ก!!” พี่ตุ๊พูด
            “ตกลง เขาทำอะไรคุณหรือเปล่าครับ” พี่ตุ๊ถามเธอ ผมหันไปมองหน้าอีกครั้ง
            “ไม่ค่ะ น้ำตาลคิดว่าเราเข้าใจผิดกันนิดหน่อยค่ะ” คุณน้ำตาลพูด
            “ถ้าอย่างนั้น ก็แล้วไปครับ” พี่ตุ๊พูด
            “ว่าแต่คุณน้ำตาลมีเรื่องอะไรสำคัญมากเหรอครับ” พี่ตุ๊ถาม
            “เราเข้าไปคุยกันในห้องสองคนดีไหมคะ” ผมหันไปมองสองคนเลยเหรอ”
            “ผมรีบนะครับ ผมต้องไปดูงานที่สระว่ายน้ำก่อน” พี่ตุ๊พูด
            “งั้นคุณ รายงานกับครูพัฒน์ได้ไหมครับเพราะว่าครูพัฒน์เขาก็รับเรื่องนี่ได้ นะครับ ผมรีบจริงๆ ขอบคุณครับ” พี่ตุ๊พูดก่อนจะพยักหน้ากับพี่พัฒน์และหาเรื่องชิ่งหนีไปทันที ผมก็หยักไหล่ก่อนจะหันมามองคุณน้ำตาล
            “ดูท่าจะเรื่องใหญ่น่ะ อยู่ฟังด้วยดีกว่าจะได้ช่วยกันจับผิด” ผมพูดยิ้มๆ
            “ไม่ดีกว่า ฉันมีธุระด่วนเหมือนกัน “และคุณน้ำตาลอะไรก็รีบหันหลังเดินออกไปทันที ผมก็มองตามเธอก่อนจะหันมามองพี่พัฒน์
            “พี่พัฒน์ พี่อย่าไปยอมยายบ้านี้ให้มากน่ะ มีอะไรบอกพี่ตุ๊ไปตรงๆ เลย ว่าไม่ควรให้คนแบบนี้เข้ามาในโรงเรียนได้แล้ว อาการหนักเหมือนคนขาดยาเลยเนี๊ยะ” ผมพูด
            “ติ๊ก! เรานี่น่ะ ไปว่าเขา เขาเป็นลูกคนใหญ่คนโตและเขาก็สนิทกับพ่อด้วยน่ะ” พี่พัฒน์พูด
            “ใหญ่แค่ไหน ผมไม่แคร์เพราะว่าผมเชื่อว่าพ่อจะไม่ยอมเหมือนกันถ้าลูกสาวเขาทำกับพี่พัฒน์แบบนี้เพราะว่าพ่อน่ะรักพี่พัฒน์เหมือนลูกๆ ทุกคน” ผมพูดก่อนจะหันหลังเข้าไปในห้อง โดยมีพี่พัฒน์ตามเข้าไปเช่นกัน ผมนั่งลงทำเอกสารให้พี่ตุ๊ต่อ
            “ติ๊ก อ่ะน้ำผลไม้ ดื่มสักหน่อยน่ะ ดูสีหน้าเราซิ เครียดเหรอ” พี่พัฒน์ถามผม ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่พัฒน์
            “ทานสักหน่อยจะได้ดีขึ้น” พี่พัฒน์พูดพร้อมกับนั่งลง
            “ผมแค่เบื่อๆ น่ะพี่พัฒน์ ผมอยากรับงานบ้างแล้ว” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแอบนอยด์ พ่อแบนงานผมเกือบหมดเลย
            “พ่ออยากให้ติ๊กพักน่ะพี่ว่า” พี่พัฒน์พูด
            “แต่มันเป็นงานที่ผมชอบน่ะ” ผมบอกพี่พัฒน์
            “พี่เข้าใจแต่ว่า...” พี่พัฒน์พูด
            “ลุงหนึ่งเขาติงมา นี่มันชีวิตผมไหมอ่ะพี่พัฒน์ “ผมพูด
            “เอาน่ะ พอเราผ่านเรื่องนี้ไปได้ ลุงหนึ่งก็คงไม่เคร่งกับเรามากแล้วแหละพี่ว่าน่ะ “พี่ตุ๊พูดเชิงให้กำลังใจผม จังหวะนั้นประตูถูกเปิดเข้ามา ผมเดาว่าเจ้าของห้องเพราะว่าห้องพักพี่ตุ๊ต้องใส่รหัสผ่านและมันก็ใช่จริงๆ ด้วย ผมมองพี่ตุ๊
            “พี่ตุ๊ ไปดูสระว่ายน้ำมาแล้วหรือครับ” พี่พัฒน์ถามพี่ตุ๊
            “ดูมาแล้วตอนที่พี่ลงไปคุยกับครูคนใหม่น่ะพัฒน์แต่ดันเจอคุณน้ำตาล” พี่ตุ๊พูด
            “ตอนแรกก็หลบอย่างดี นึกว่าจะขึ้นมาไม่เจอ ที่ไหนได้มายืนต่อปากต่อคำกับ…” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับหันมามองผมด้วย
            “ผมก็ไม่ได้อยากต่อปากต่อคำกับเธอแต่ว่าเธอยืนด่าพี่พัฒน์ฉอดๆ ผมคงไม่ทน” ผมพูด
            “แต่ถ้าพี่ตุ๊ทนได้ก็เรื่องของพี่” ผมพูด
            “ติ๊ก พี่ไม่ได้ทนแต่ว่าบางเรื่องมันก็พูดยาก” พี่ตุ๊พูด
            “พี่โทรหาพ่อของคุณน้ำตาลแล้วน่ะ สั่งว่าห้ามเธอเข้ามาโดยไม่มีเหตุจำเป็น พ่อของเธอก็รับปากพี่แล้วน่ะ” พี่ตุ๊พูด ผมก็พยักหน้าว่าพอได้อยู่แต่ยัง จนกว่าจะแน่ใจว่ายายคุณน้ำตาลนี่จะไม่กลับมากวนใจพี่พัฒน์อีก
            “พี่เจอแจ็คแล้ว เขาบอกว่าปูปลอดภัยดีแล้ว “พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ
            “แอ้ ดิว ก็กลับบ้านพักเลย” พี่ตุ๊พูด
            “งั้นผมกลับบ้านพักเลยเหมือนกันเพราะว่าผมจะไปทำรายงานต่อที่บ้าน ผมจะมาหาพี่ตุ๊ตอนเช้าเลยน่ะ จะได้กลับบ้านกัน” ผมพูดพร้อมกับเก็บข้าวของให้เข้าที่ น่าแปลกน่ะที่ไม่มีใครโทรบอกผมเลย อย่างว่าและทุกคนคงมองว่าผมคือตัวร้ายกันหมด ใครจะอยากจะบอกล่ะว่าไหม
            “ผมก็จะกลับบ้านเลยน่ะพี่ตุ๊ ผมจะมาหาพี่ตุ๊พรุ่งนี้เช้า ผมจะกลับกรุงเทพกับพี่ตุ๊และพี่พัฒน์เลย” ผมพูด พี่ตุ๊พยักหน้าเบาๆ พี่พัฒน์หันมามองหน้าผม
            “พี่จะไปส่งเราก่อนเพราะว่าพี่จะไปงานทำบุญวันเกิดพี่ขวัญเขา” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองหน้าพี่ตุ๊ ผมเชื่อว่าพี่ๆ ทุกคนก็ไม่เห็นด้วยที่พี่ตุ๊ยังไม่ยอมตัดขาดกับครอบครัวนี้สักที
            “พรุ่งนี้มาแต่เช้าน่ะจะได้ออกแต่เช้า บอกพี่คนขับรถให้ไปรับแต่เช้าเลยล่ะ” พี่ตุ๊ชิ่งพูดกับผมซะก่อน ผมหันมามองพี่พัฒน์ พี่พัฒน์พยักหน้ากับผมเบาๆ ผมรู้ว่าพี่พัฒน์แค่พี่ตุ๊มากแต่ว่าพี่ตุ๊ซิ แคร์พี่พัฒน์แค่ไหน ในบางเรื่องก็ยอมเขาเกินไป ยอมตั้งแต่พี่ขวัญแล้ว ทั้งที่เราทุกคนก็รู้ว่าพี่พัฒน์น่ะ รักพี่ตุ๊ ผมเลยทำได้แค่เดินออกไปเพื่อจะกลับไปที่บ้าน ว่าแต่ผมจะทำหน้ายังไงถ้าเจอไอ้เดี่ยวมันหรือว่าความสัมพันธุ์ของผมกับไอ้เดี่ยวมันจะจบแค่นี้ คำว่าเพื่อนก็ไม่ควรจะมีกันแน่ ในหัวผมนี่ตีกันวุ่นวายไปหมดเลย ตกลงผมรู้สึกอยู่ตอนนี้ โมโหที่แอ้ไปกับไอ้ดิวหรือโมโหที่ไอ้เดี่ยว มันไปช่วยปูกันแน่  มันสับสนไปหมด
            TBC…
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.67ดิวบอกติ๊กไปแล้วว่ารักแอ้
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 11-04-2024 13:42:01
EP.67ดิวบอกติ๊กไปแล้วว่ารักแอ้

              Part's ดิว หลังจากทีพ่วกผมไปช่วยปูมาเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับรถพาต้นข้าวไปส่งที่บ้าน ต้นข้าวบอกพ่อมันว่าไปทำธุระเลยให้เพื่อนไปส่งส่วนบลูนั้น ไอ้แชมป์เด็กรุ่นน้องอาสาไปส่งแทน  ไอ้ต้นข้าวนี้ควันออกหูทันที ผมก็พากันกลับบ้าน พวกแจ็ค บอย ธรรณ์และหลุยส์เขาจะไปกรุงเทพกัน พายก็ไปหาอาเปรมดิ์ ส่วนไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ไม่มีใครรู้เลยว่าจะเอายังไง ไม่รู้จะกลับมาบ้านไหมเพราะว่าไม่มีใครเจอหลังจากที่ผมออกมาจากโรงเรียน  ผมว่ามันควรจะใช้เวลาคิดให้มากกว่านี้ ว่าเรื่องที่มันโกรธน่ะสมควรไหม ไอ้เดี่ยวมันไปช่วยปูเพราะว่าเขาโดนพาตัวไปทำมิดีมิร้ายและมันอาจจะสืบเนื่องมากจากทีพวกผมจ้างปูด้วยมั้ง
            "เดี่ยว พาขึ้นห้องมึงไปเลยว่ะ "ผมบอกไอ้เดี่ยว ไอ้เดี่ยวมันพยักหน้าและก็อุ้มร่างปูขึ้นไปห้องนอนมันไปทันที
            "พรุ่งนี้เราไปหาลูกๆ กันนะแอ้เพราะว่าปูอยากไปหาแม่เขาด้วยแน่ๆ "ผมพูด แอ้หันมามองผม
             "ดิว แอ้ยังไม่รู้เลยว่าพ่อจะไปที่ค่ายฯ ไหม"แอ้พูด
            "แอ้ลูกๆ คิดถึงเราแย่แล้วนะ"ผมพูดกับแอ้
            "โอเค ดิวโทรถามพี่เดฟ ว่าอาภีมไปไหม พี่เดฟว่าจะถามพี่เอ็กซ์อยู่ มีเอกสารที่อาภีมต้องเซนต์ให้พี่เดฟด้วย "ผมหันมาบอกแอ้และรีบกดโทรศัพท์หาพี่เดฟพี่ชายผมทันที
            //ว่าไงดิว//พี่เดฟรับสายผมและถามผมทันที
            //พี่เดฟ ตกลงอาภีมไปที่ค่ายฯมั้ยพี่อาทิตย์นี้อ่ะ//ผมถามพี่เดฟ
            //เอ็กซ์บอกพี่ว่าไม่ได้ไปนะ//พี่เดฟบอกผม ผมก็หันมาบอกให้แอ้อ่านปากว่า” อาภีมไม่ไปที่ค่ายฯ” แอ้พยักหน้า
            //ผมสองคนจะไปที่ค่ายฯกันและจะเข้าไปที่โรงพยาบาลด้วย ผมจะพาเพื่อนไปหาแม่เขา ผมให้พ่อรีเฟอร์เขาไปรักษาที่โรงพยาบาลในค่ายทหารนะครับพี่เดฟและแม่ของเพื่อนผมเขาเคยเป็นแม่นมที่ดูแลพี่ดิม ดรีม พี่โดม ด้วยนะพี่เดฟ //ผมบอกพี่เดฟ
            //อ้าวเหรอ! เออแต่พี่ได้ยินพี่โดมพูดอยู่นะว่ากำลังสั่งยาจากนอกที่ราคาค่อนข้างแพงให้ คนที่เคยเลี้ยงดูพี่โดมตอนแรกเกิดน่ะ ก็น่าจะคนเดียวกันนี่ล่ะมั้ง// พี่เดฟบอกผม
            //และผมว่าจะพาแอ้ไปสวีทกันบนเขาด้วยอ่ะพี่เดฟ// ผมพูดและมองแอ้ เป็นที่แรกที่ผมมีอะไรกับแอ้ด้วย
            //โอเค ไปสวีทกัน แต่ไม่ต้องเมคเบบี้มาน่ะ//พี่เดฟพูดร้องห้ามผมแบบนี้ มันยากนะเนี๊ยะ!
            //ถ้ามึงซ่ามารอบนี่ไอ้เอ็กซ์มันกระทืบมึงจริงๆ แน่เพราะเรื่องเก่ายังไม่เคลียร์เอาเรื่องใหม่มาอีก รอบนี้ไม่ขวางด้วย” พี่เดฟพูด ผมคิดในใจพี่จะยอมให้น้องรักถูกเพื่อนรักพี่กระทืบจริงๆ เหรอ ผมเดาว่าไม่หรอก บ้านผมรักกันดี
           //เออ แค่นี้ก่อนนะดิว ไอ้เอ็กซ์มันขึ้นมาแล้ว พี่จะเข้าไปที่ค่ายฯ เหมือนกัน พี่คงไปถึงวันเสาร์ค่ำๆ และขึ้นเวรให้พ่อเช้าวันอาทิตย์อีก//พี่เดฟพูด
           //โอเคเจอกันพรุ่งนี้น่ะพี่เดฟ//ผมพูดกำลังจะกดวางสาย
           //แล้วเจอกันดิว//พี่เดฟก็กดวางสายจากผม

                ผมหันไปหาแอ้ทันที ผมกอดแอ้ ไซ้ลงที่ตรงซอกคอขาวนวล ดีใจจะได้เจอลูกๆ แล้ว แอ้คงรู้สึกเหมือนกันกับผม ผมสองคนถึงมีลูกอายุน้อยแต่ผมรักลูกผมมากเพราะว่าสิ่งที่พ่อทำให้ผมสองคนมันเห็นภาพความรักของพ่อผมเลยอยากส่งต่อให้ลูกผมรับรู้เช่นกัน
              “ดิวพอก่อน” แอ้ปรามผม แอ้คงกลัวเดี่ยวจะลงมาเห็นเข้า
              “แอ้ คืนนี้ไม่มีมาร จัดหนักนะคืนนี้อ่ะ” ผมพูดอ้อนแอ้และยังใช้ปากผมซุกไซ้ไปด้วย แอ้ก็ปล่อยให้ผมไซ้ไปตามซอกคอขาวๆ นั้น มือแอ้ก็ลูบไล้แผ่นหลังผม ตอนนี้ไม่ห้ามแล้ว
              "พอก่อนดิว แอ้จะไปต้มข้าวต้ม วันนี้ทานข้าวต้มกันน่ะ แอ้ทำให้ปูด้วย "แอ้พูด ผมก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าว่าได้ ผมก็ไม่อยากให้แอ้ทำหลายอย่างเหมือนกัน ทานเหมือนๆ กันง่ายดี แอ้น่ะเป็นคนทำอาหารเก่งตั้งแต่มีลูกก็ว่าได้ แอ้ก็ทำให้ลูกทานบ่อยๆ แอ้ทำอาหารอร่อยไม่แพ้ผู้หญิงเลยเพราะอย่างนี้ไงผมถึงอยากให้แอ้อยู่กับผมและลูกๆ ไปตลอด ผมยืนมองแอ้เดินเข้าครัวไป ผมนั่งลงเปิดดูฟุตบอลที่ผมชอบ เพื่อว่าจะมีทริคดีดี จะได้นำมาใช้ จู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา คนนั้นก็คือติ๊ก
            "ติ๊ก"ผมเรียกติ๊กเพราะว่ามันเห็นผมแต่ยอมไม่ทักผมซะนี้และทำท่าจะเดินขึ้นไปบนบ้านซะอย่างนั้น
            “ติ๊ก!!” ผมเรียกมันอีกที ติ๊กหยุดและค่อยๆ หันมามองผมสายตาเหมือนว่าผมเรียกเขาทำไม
            "ติ๊ก พรุ่งนี้กลับบ้านหรือเปล่า"ผมถามติ๊ก
            "กลับ…” มันตอบผมได้ห้วนมากเหมือนไม่เต็มใจจะตอบ
             “แต่กูจะไปกับพี่ตุ๊พรุ่งนี้และกูจะไปนอนกับพี่ตุ๊คืนนี้ด้วย มึงจะได้ไม่มีมารไง"ติ๊กพูด นั้นแสดงว่ามันได้ยินที่ผมพูดกับแอ้ และนั้นก็แปลว่าติ๊กมันน่าจะมาได้สักพักหนึ่งแล้วซิ ติ๊กมันก็รีบเดินขึ้นไปที่ชั้นสองทันที ผมก็ลุกขึ้นผมเดินตามติ๊กขึ้นไปชั้นบนเช่นกัน ผมไม่อยากคุยให้แอ้ได้ยินว่าติ๊กกลับมาเพราะว่าแอ้จะออกมาปกป้องมันอีก ผมคิดว่าผมควรจะต้องพูดอะไรบ้างแล้ว
             "ติ๊ก "ผมดึงแขนมันเอาไว้ ติ๊กสะบัดมือผมให้ปล่อย ผมก็ปล่อยมือ
            "กูมันเป็นมารของมึงสองคนไปแล้วใช่ไหมวะ ดิว!"ติ๊กมันถามผม น้ำเสียงมันโกรธเอามาก
            "ติ๊ก มึงทำตัวเองทั้งนั้น ทั้งที่แต่ก่อนมึงก็ไม่เป็นแบบนี้น่ะติ๊กและเราสามคนสนิทกันมากแถมแอ้มันก็ตามใจมึงมากกว่ากูอีก กูไม่รู้อะไรทำให้มึง มึงถึงได้...เปลี่ยนไปแบบนี้ว่ะ "ผมถามติ๊ก
           "มึงมันไม่เคยรู้เลยใช่ไหมวะ ว่าอะไรมาทำให้กูเป็นแบบนี้ ดิว! "ติ๊กมันพูดและมองผม ผมก็มองหน้าติ๊กมันกลับ
           "มึงรักแอ้มันใช่ไหม"ติ๊กถามผม
           "ใช่! กูรักแอ้และแอ้ก็รักกู "ผมตอบติ๊ก
           "สรุปคือมึงสองคนรักกัน นานแค่ไหนแล้วละ ที่มึงปิดกู"ติ๊กถามผม ว่านานแค่ไหนแล้ว
           "กูรักแอ้มาตลอด แต่..ติ๊กกูสองคนยังเป็นเพื่อนมึงแต่มันก็ต้องมีช่องว่างกันบ้าง มึงเข้าใจไหม"ผมพูดกับติ๊ก
            "แอ้คือทุกอย่างของกู "ผมพูดอีก ติ๊กมองผมและหันหลังจะเข้าห้อง
            "อย่าตามกู!! "ติ๊กยกมือเบรกผม ผมได้แต่ยืนพ่นลมออกมานี้มันไม่เข้าใจผมสองคนเลยใช่ไหม ทั้งที่ผมคิดว่ามันจะเข้าใจผมสองคนที่สุดเพราะเราอยู่ด้วยกันไปไหนกันตลอดและมากกว่าไอ้แจ็ค บอยและพายอีก
            "เดี่ยว"ผมเรียกเดี่ยว ก็มันดันเปิดประตูออกมาพอดีและมันก็คงได้ยินคนคุยกันอยู่ที่หน้าห้องมัน
            "ปูเป็นไงบ้างว่ะเดี่ยว"ผมหันมาถามไอ้เดี่ยวมัน
            "ดีขึ้นแล้ว"เดี่ยวพูด ผมมองสำรวจดูเห็นว่าไอ้เดี่ยวมันเปลี่ยนชุดด้วยและนี้ก็แปลว่ามัน
            "เหนื่อยเลยดิมึง เอาไข่ลวกไหม"ผมถามมันแบบขำ ขำ
            "กูเพิ่งเคยเห็นปูสภาพนี้ น่ารักดีเหมือนกันนะมึง ลองกับแอ้มั้งไหมวะ"ไอ้เดี่ยวมันถามผม
            "น่าลองวะ"ผมพูด “แต่กูไม่กล้าหรอก ถ้าแอ้มันรู้เอากูตายเลยถ้าทำแบบนั้นน่ะ” ผมบอกไอ้เดี่ยว
            "แอ๊ด"เสียงประตูถูกเปิดออกมา ติ๊กมันออกมาจากห้องติ๊กมันมองผมกับเดี่ยวแว็ปหนึ่งและมันเดินทำท่าจะเดินออก ทั้งที่ไอ้เดียวมันก็ยืนมองอยู่ มันก็ไม่ทักทายไอ้เดี่ยวเหมือนกันแสดงว่ามันคงยืยฟังผมกับไอ้เดี่ยวคุยกันอยู่
             "ติ๊ก"เดี่ยวมันเรียกติ๊กแค่ชะงักแต่มันก็เดินต่อส่วนไอ้เดี่ยวมันก็ทำท่าจะตามออกไปแต่ว่าผมดึงมันเอาไว้
             "มันกำลังโกรธกูกับแอ้ กูบอกมันว่า กูรักแอ้และตอนนี้กูว่ามึงอย่าเพิ่งไปเข้าหน้ามันเลยว่ะเพราะมึงจะซวย สองเท่ามากกว่ากู"ผมพูดเตือนไอ้เดี่ยว ไอ้เดี่ยวมันหันมามองหน้าผม ผมพยักหน้าเบาๆ
              “เออ กูยอมรับว่า กูไม่ควรพูดไป แต่กูก็ต้องการให้เขารู้ว่า ควรปล่อยกูสองคนได้แล้ว ไอ้เดี่ยว” ผมพูด
              “เพื่อนก็คือเพื่อนแต่มันต้องมีที่ว่างให้กูสองคน แบบคนรักบ้าง” ผมพูดกับไอ้เดี่ยว มันก็พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ
             “ต่อให้โตมาด้วยกันก็เถอะหรือว่าเกิดวันเดียวกันเพราะว่าเขาเลือกมา แต่กูกับแอ้ก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเองป่ะว่ะ” ผมพูด ไอ้เดี่ยวมันพยักหน้าเบาๆ
             "แอ้กำลังต้มข้าวต้มให้มึงกับปูว่ะและพรุ่งนี้พาปูไปเยี่ยมแม่เขาด้วยกันว่ะ และจะพาไปสวีทกันบนยอดเขา อุทยานใกล้ค่ายทหาร สุดยอดว่ะ "ผมพูด และหยักคิ้วให้เดี่ยว
              "ไปมาบ่อยละซิ"ไอ้เดี่ยวมันถามผม
               "ไปถามแอ้ดู เด็ดกว่าไปเสม็ดอีก เสร็จทุกรอบและลูกคนเล็กก็ได้มาจากที่นี้ว่ะ “ผมพูดกับไอ้เดี่ยว
               "เออ กูรอข้างล่างนะ ปูดีขึ้นแล้วค่อยพากันลงไปกินข้าวล่ะ "ผผพูดและเดินลงไป เห็นแอ้ยืนมอง อยู่ที่ประตู อย่าบอกนะว่าออกมาเจอติ๊ก
               "แอ้ มองหาใครน่ะ"ผมถาม ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าแอ้มองหาใครจากหน้าต่าง
                "ติ๊กมาใช่ไหมดิว "แอ้หันมาถามผม แสดงว่าไม่ได้เจอกัน
                 "อืมม มาเอาของและติกก็จะไปนอนบ้านพักครูพัฒน์กับพี่ตุ๊ พรุ่งนี้เขาจะกลับ กทมกับพี่ตุ๊เลยนะแอ้ "ผมบอกแอ้
                 "ดิว พูดอะไรกับติ๊กหรือเปล่า"แอ้กันมาถามผม
                "เออ ไม่ได้พูดแต่ดิวแค่ถามว่า จะกลับบ้านหรือเปล่าแค่นั้นเอง"ผมพูด ผมรู้ว่าแอ้ไม่เชื่อผมหรอก
               "ดูเหมือนติ๊กมันโกรษน่ะ"แอ้พูดพรอ้มกับกอดอกมองผม แบบขอความจริง แต่ผมนะว่าที่คุณหมอ ดริฟเก่ง
               “ใช่ มันโกรธที่แอ้ไปกับดิวไงและโกรธไอ้เดี่ยวอีกละ ที่มันไปช่วยปู “ผมพูดกับแอ้
               “แน่ใจนะ แล้วทำไมติ๊กไม่เข้ามาหาแอ้ล่ะ “แอ้ถามผม
               “มันพาลไปหมดแหละแอ้ ทำยังกับว่าไม่รู้จักนิสัยติ๊กมัน” ผมพูดก่อนจะเข้ามาสวมกอดแอ้จากด้านหลัง
                “หมับ “ผมเอาคางเกยไว้ที่หัวไหล่ของแอ้
               “แอ้เชื่อดิวบ้างซิ” ผมพูดจาอ้อนแอ้ แอ้พยักหน้าแบบจำใจเชื่อ ผมรู้ดี
                "แอ้ มันต้องมีช่องว่างกันบ้าง ระหว่างเราและติ๊กนะแอ้ "ผมพูดกับแอ้ ผมจับไหล่แอ้เอาไว้ แอ้มองหน้าผม ผมรู้ว่าแอ้เสียใจ แอ้รักและเป็นห่วงติ๊ก ผมก็รักมันนะ แต่มันเลือกทำตัวเอง
               "ข้าวต้ม จะเสร็จแล้วล่ะดิว แล้วนี่ปูเป็นยังไงบ้าง "แอ้ถามผม
                 "ดีขึ้นแล้ว เดี่ยวมันปราบปูซะหมอบไปแล้ว "ผมพูดกับแอ้
                "หื่นพอกันกับมึงเลยนะ” นี่เมียชมครับผมคิดในใจ
                 “ใครเขาเข้าใจส่งไอ้เดี่ยวมันมาเป็นเพื่อนมึงเนี๊ยะ!"แอ้พูดยิ้มๆ ก่อนจะหันทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในครัว วันนี้ไม่มีใครมาส่งข้าวส่งน้ำเพราะว่าพวกผมแพลนจะกลับกันหมดตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่แผนของผมดันเปลี่ยน เปลี่ยนอย่างที่ตั้งใจเลย เรียกได้ว่าเข้าทางเลยดีกว่า ที่จะพาแอ้ไปหาลูกๆ ของผม ผมเดินตามแอ้ไปติด
                 "หมับ..” ผมก็คว้าตัวแอ้เอาไว้ก่อนและจับแอ้หมุนกลับมาหาผม แอ้ไม่ทันตั้งตัวผมก็จูบแอ้อย่างหนักหน่วง ผมบดขยี่เบาที่ริมฝีปากนั้น แอ้มาโอบรอบคอผม ผมดันแอ้ไปบนโต๊ะ ปากยังทำงานอยู่ แอ้ตอบสนองผมได้ดี เอ๊ะ ไม่ขัดขืนเลยสงสัยว่าคืนนี้ดิวได้จัดก่อนไป บ้านพักบนเขาแน่นอน
                 "อะฮึม"เสียงใครสักคนกระแอมเพื่อขัดจังหวะของผมสองคน ผมสองคนก็หันไปมองและคนที่ทำเสียงก็คือไอ้เดี่ยวและมันพาปูลงมาด้วย แอ้รีบผลักผมออก ตัวมารก็คือไอ้เดี่ยวนี่แหละ ไม่ใช่ไอ้ติ๊กแล้วแหละผมว่า
                  "ข้าวต้มเสร็จหรือยังล่ะ ถ้ายังกูจะขึ้นไปต่อกันบ้าง "ไอ้เดี่ยวพูด แอ้หันไปคว้ากล่องทิชชูจะปาไอ้เดี่ยวผมคว้าเอาไว้ซะก่อน
                  "แอ้อย่าเอาทิชชู้ปามัน"ผมห้ามแอ้
                  "มึงเป็นห่วงเพื่อนมึงเหรอเหรอ"แอ้ถามผมทันที
                  "กล่องทิชชูมันไม่เจ็บ ปาไปก็เท่านั้น จะไปหาอันอื่นปามัน เช่น สากตำพริกหรืออะไรประมาณนี้ ปาแล้วเจ็บจริง "ผมพูดกับแอ้ ไม่ได้ห้ามนะ แต่ให้เปลี่ยนอุปกรณ์ดีกว่าไหม แอ้มองกล่องกระดาษทิชชูและพยักหน้าเห็นด้วยว่าปาไปก็เจ็บ ปูนี้ปิดปากขำ ไอ้เดี่ยวมันโดนหลบหลังปูทันที
                  "ไอ้เชี้ยดิว มึงแม่งก็รักกูมาก แทนที่มึงจะห้ามไอ้สัส"ไอ้เดี่ยวมันพูด
                "มึงไม่ใช่เมียกูนิ มาเป็นเมียกูดิ กูจะรักมึงมากกว่านี้ "ผมพูดเล่นกับมัน ไอ้เดี่ยวมันยกนิ้วกลางให้ผมเป็นคำตอบว่าไม่
                "เป็นยังไงบ้างปู"แอ้เดินไปถามปู
                 "มึนๆ อยู่เลยน่ะ "ปูพูด
                 "ก็โดนยา...อุบ"ผมกำลังจะพูดไอ้เดี่ยวปิดปากผมทันที
                 "ยานอนหลับ"ไอ้เดียวพูด ไอ้เดี่ยวไม่ได้ปูว่าโดนยาปลุกเซ็กส์
                  "อืม แค่ยานอนหลับ เดี๋ยวก็ดีขึ้น ไปทานข้าวดีกว่าน่ะ "แอ้พูด ผมเดินตามแอ้ ผมมองไอ้เดี่ยว
                 "กูไม่อยากให้ปูรู้สึกแย่ ที่รู้ว่าตัวเองโดนยาปลุกเซ็ก"เดี่ยวพูด ผมพยักหน้ารับทราบ
                  "พรุ่งนี้ตกลงไปหาแม่ของปูกันป่ะว่ะ "เดี่ยวพูด ผมพยักหน้าโอเค ตอนนี้แอ้กับปูนั่งคุยกัน ดูคุยกันถูกคอจริงๆ ผมนั่งทานข้าวต้มกัน และก่อนจะพาขึ้นห้องไปแพ็คกระเป๋าเพื่อออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า แอ้ขึ้นไปก่อน ผมเดินออกไปจัดรถ เช็ครถ ไอ้เดี่ยวด้วย ปูขอตัวไปพักยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่
                  “แอ้” ผมเดินขึ้นห้องมาแล้ว ผมเห็นแอ้ จัดของลงกระเป๋าเสื้อผ้าลูกๆ ที่แอ้ไปสังออนไลน์มา แอ้นะรู้ใจลูกมากกว่าผมซะอีกและลูกๆ ก็ชอบชุดที่แอ้ซื้อให้ทุกคนเลย
                  “มีแต่ของลูกอ่ะ” ผมพูดแอบงอน
                   “ของดิว ในตู้” แอ้พูดและผมก็เดินไปเปิดดู ผมก็เจอเสื้อผมแอ้ซื้อให้ผมเช่นกัน ผมชอบใส่เสื้อโปโล ทำคอตั้งๆ เท่ๆ
                   “หายงอนยังอะ” แอ้ถามผม ผมก็คลี่ดูเสื้อสีฟ้าซะด้วย แถมลายใหม่ล่าสุดอีกด้วย
                   “หายแล้วครับ แอ้อาบน้ำกันน่ะ “ผมชวนแอ้อาบน้ำ ผมรู้ว่าแอ้ยังไม่ได้อาบน้ำ แสดงว่ารอผมแน่นอน ผมเดินมาขอมือแอ้ และหยักไหล่ไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำกัน แอ้ก็ลุกขึ้นตามผมไป ผมกับแอ้แค่อาบน้ำกันไม่ได้ทำอะไรกันรอเอาไว้คืนพรุ่งนี้ดีกว่า
                   TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.68 เจ็บที่พูดไม่ได้
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 14-04-2024 20:41:54
EP.68 เจ็บที่พูดไม่ได้

                Part’ s ติ๊ก ผมกลับมาบ้านพักพี่พัฒน์และพี่ตุ๊ ผมเสียใจมากที่ไอ้ดิวมันบอกผมแบบนั้น ว่ามันรักแอ้ และแอ้คือทุกอย่างของมัน แถมไอ้เดี่ยว มันก็คงเรียบร้อยปูไปแล้ว ใครก็พูดกันว่าปูโดนยาปลุกเซ็กส์มา ถ้าเป็นเช่นนั้นไอ้เดี่ยว ก็คงจะไม่นั่งมองปูอยู่เฉยๆ หรอก ผมไม่รู้ว่าผมเสียใจที่ไอ้ดิวบอกว่ารักแอ้มากกว่าไอ้เดี่ยวไปช่วยปูและมันก็เลือกปูแถมมันยังชมอีกว่าปูน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ แน่ละได้กันแล้วนื่
             “ติ๊ก” ผมสะดุ้งเฮือกเพราะว่าพี่พัฒน์เรียกผม
             “เป็นอะไร เขี่ยข้าวอยู่นั่นแหละหรือว่าพี่พัฒน์ทำไม่อร่อยล่ะ” พี่ตุ๊ถามผม ผมก้มลงมองจานข้าวที่ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่ผ่องลงไปเลย
             “ไม่มีทางที่พี่พัฒน์ทำไม่อร่อยแต่วันนี้ติ๊กไม่ค่อยหิวอ่ะ” ผมพูดและทำหน้ายู่ ก่อนจะรวยช้อนไว้ด้วยกัน
             “แน่ใจนะ หรือว่าไม่สบายเนี๊ยะเราน่ะ หึ!” พี่พัฒน์พูดและเอามือมาอังหน้าผากผมว่ามีไข้ไหม พี่ตุ๊ชำเลืองตามองผม
             “ตัวก็ไม่ร้อนนะ” พี่พัฒน์พูดแน่ละ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย
             “งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำดีกว่า ผมว่าจะเข้านอนแล้ว วันนี้ร้องเพลงเหนื่อยอ่ะพี่พัฒน์ พี่ตุ๊” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้น ผมเดินกลับเข้าห้องนอนอีกห้องพี่ตุ๊ให้คนมาทำความสะอาดให้ เพราะว่าห้องนี้ไม่มีใครนอน แน่ล่ะพี่ตุ๊เขาคงจะนอนห้องเดียวกับพี่พัฒน์ ทุกวัน เฮอ! เมื่อไหร่พี่ตุ๊จะเปิดตัวพี่พัฒน์ในฐานะแฟนซะทีนะ
                   ผมเข้าห้องน้ำอาบน้ำ ขณะที่ผมอาบน้ำอยู่ใต้ฝักบัว ผมก็ปล่อยให้สายน้ำไหลลงมารดลงที่ตัวของผมและขณะนั้นน้ำตาของผมมันรินไหลมากับสายน้ำเช่นกัน ผมร้องไห้ออกมาดังแข่งกับเสียงน้ำไหล เพื่อให้เสียงสายน้ำมันดังกลบเกลื่อน และหลังจากที่ผทร้องไห้จนพอใจผมก็ปิดน้ำและออกไปเช็ดตัวให้แห้ง ผมมองตัวเองหน้ากระจก มึงเป็นใครวะติ๊ก มึงจะมาร้องไห้ให้เขาทำไม มึงน่ะเป็นดารามีคนเข้ามาเยอะแยะ กลัวอะไรวะ แต่ทำไมผมถึงไม่ดีพอสำหรับไอ้ดิวอยู่ดี ผมรีบแต่งตัวก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำและสิ่งที่ทำให้ผมตกใจที่สุดก็คือ
              “พี่ตุ๊” ผมเห็นพี่ตุ๊นอนอยู่บนเตียงนอนในห้องที่ผมจะนอนคืนนี้ พี่ตุ๊สวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว คงอาบน้ำแล้วเหมือนกัน
               “แอบมานั่งเงียบๆ แบบนี้น้องตกใจหมดพี่ตุ๊” ผมบ่นพี่ชายผม
              “กลัวนอนคนเดียวไม่ได้เลยมานอนเป็นเพื่อน” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ
              “มานั่งนี้มา “พี่ตุ๊เรียกผมเข้าไป
              “จะมาอบรมอะไรก่อนนอนอีกอะง่วง!” ผมพูดกับพี่ตุ๊ก่อนจะนั่งลงข้างๆ พี่ตุ๊
               “เป็นอะไร บอกพี่ซิ” พี่ตุ๊ถามผม เห็นพี่ตุ๊ดุ ดุแบบนี้ก็มีช่วงเวลาที่อ่อนโยนนะ ผมกอดพี่ตุ๊ พี่ชายคนโตผม ใครก็บอกว่าพีตุ๊ดูสุขุมและอบอุ่น บางครั้งผมก็อยากได้พี่ที่เฮฮาแบบพี่ดิมกับพี่อ้นนะ แต่จะว่าไปเวลานี้อ้อมกอดจากพี่ชายคนนี้ผมอยากได้มากที่สุด
              “พี่ตุ๊ ยังรักพี่โจอยู่ไหม” จู่ๆ ผมก็ถามพี่ตุ๊ขึ้น ทั้งที่เรื่องนี้มันผ่านมานานมากแล้วและมีแค่พวกผมที่รู้ ผมเองยังไม่เคยบอกไอ้แจ๊คเลย พี่ตุ๊เงียบไปพักหนึ่ง
               “ถามทำไมล่ะ “พี่ตุ๊ถามผมกลับ
               “ก็แค่อยากรู้ “ผมพูดกับพี่ตุ๊ หน้ายังซบที่อกอุ่นๆ ของพี่ชาย
               “พี่ก็ยังรัก คนเรารักแล้วเลิกรักไม่ได้หรอกแต่มันเปลี่ยนไปแล้วติ๊กหรือบางทีมันอาจจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย มันแค่ความรักของเพื่อน ที่โตมาด้วยกัน บางทีมันแยกแยะไม่ออกหรอกนะติ๊ก” พี่ตุ๊พูด พี่ตุ๊ก้มลงมองผมเอามือลูบหัวเบาๆ
               “พี่ไม่อยากให้มันซ้ำรอยอีกครั้งกับน้องพี่” พี่ตุ๊พูด
               “เออ คืออะไรอ่ะพี่ตุ๊ผมไม่เข้าใจอ่ะ” ผมถามแต่ก็ไม่กล้าสบตาพี่ตุ๊ตรงๆ
               “ติ๊ก ชอบดิวใช่ไหม” พี่ตุ๊ถามผมคือถามได้แบบตรงมาก ผมเงยหน้ามองพี่ตุ๊
               “เออ พี่ตุ๊ ผม” ผมพูดไม่ออกเลยและก็ไม่กล้าสบตาพี่ตุ๊
                “ติ๊ก พี่ว่านะแอ้ก็รักติ๊กนะและห่วงใยติ๊กมากเช่นกันและดิวมันก็รักเรานะ แต่มันอาจจะไม่ได้มากไปกว่าเพื่อนที่โตมาด้วยกัน “พี่ตุ๊พูด ผมก็คงได้แค่นั้นจริงๆ
                “คำว่าเพื่อนนี้แหละยั่งยืนที่สุดแล้วติ๊ก “พี่ตุ๊พูด พี่ตุ๊เอามือมาลูปหัวผมเบาๆ
                “พี่เชื่อว่ายังมีคนที่รักน้องพี่ “พี่ตุ๊พูดนี้คงให้ผมตัดใจใช่ไหม
                “พี่ตุ๊ ติ๊กได้ยินพี่ตุ๊คุยกับพี่โจนะ ที่พี่ตุ๊ บอกพี่โจตอนนั้นก่อนที่พี่โจจะบินไปเรียนเมืองนอก ว่าถ้าพี่โจไม่รักพี่ตุ๊อย่างคนรัก ก็ห้ามไปคบกับพี่อ้น “ผมพูด พี่ตุ๊ก้มลงมองผมตกใจเล็กน้อย
                “ผมไม่เคยบอกเรื่องนี้กับไอ้แจ็คน่ะพี่ตุ๊หรือแม้กระทั้งแอ้ที่ผมสนิทที่สุด “ผมพูดพี่ตุ๊พยักหน้า
                 “ฟู่!” พี่ตุ๊พ่นลมออกมาจากริมฝีปากหนาๆ นั้น ใช่แล้วมันผ่านมาหลายปีแล้วและมันก็ยิ่งทำให้บ้านผมกับบ้านพี่อ้น บ้านพี่ดิม ห่างกันไปทั้งที่แต่ก่อนสนิทกันมาก
                “มันนานแล้วติ๊กและตอนนี้มันก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว ตอนนั้น พี่ก็เท่าๆ เรานี้แหละย่อมทำอะไรที่ไม่คิดบ้าง ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้พี่จะเลือกไม่ทำแบบนั้น น่ะติ๊ก” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้า
                “พี่ตุ๊ ติ๊กออยากให้พี่ตุ๊รักพี่พัฒน์ ติ๊กออยากให้พี่ตุ๊ แต่งงานกับพี่พัฒน์น่ะ เมื่อไหร่พี่จะบอกรักพี่พัฒน์ซะทีละ จะรอให้เสียพี่พัฒน์ไปก่อนหรือไง” ผมเงยหน้าขึ้นพูดกับพี่ตุ๊ พี่ตุ๊มองหน้าผม
                 “คงเร็วๆ นี้แหละ “พี่ตุ๊พูดยิ้มๆ ผมก็ทำตาโต ดีใจที่สุดเลย ดีใจแทนพี่พัฒน์
                 “จริงนะพี่ตุ๊ พวกผมนะอึดอัดอยากบอกแทนจะแย่แล้ว” ผมพูด
                  “แน่ละพ่อสื่อทั้งนั้นนิ เอาละนอนได้แล้วพรุ่งนี้ออกเดินทางแต่เช้านะ พี่ต้องไปช่วยพ่อทำงานเอกสารสำคัญน่ะติ๊กและพี่ก็ต้องไปงานทำบุญวันเกิดพี่ขวัญเขาด้วย ดังนั้นพี่จะไปส่งเราก่อนและพี่งานเลย” พี่ตุ๊พูด ผมหันมามองหน้าพี่ตุ๊ ว่าจะพาพี่พัฒน์ไปทำไม ที่นั้นน่ะ
                   “ช่วงนี้ติ๊กไม่มีงานอะ เงียบมาก สงสัยพ่อโทรเบรกงานผมแน่ๆ เลยพี่ตุ๊ ถ้าอย่างนั้นติ๊กไปช่วยพ่อทำเอกสารแทนก็ได้นะพี่ตุ๊ พี่ไปงานเถอะ “ผมพูดพี่ตุ๊สะบัดหน้ามามองผม
                   “ทำไมอะ พอจะไปช่วยก็ทำเป็นไม่เชื่ออะ พอไม่อยากไปก็เข็นจังเลย พี่ตุ๊นิ” ผมพูดพร้อมกับทำเสียงน้อยใจนิดๆ แต่ไม่ได้น้อยใจจริงๆ
                   “สงสัยพี่ต้องไปหาอะไรแคะหูสักหน่อย น้องชายพี่ขอไปช่วยพ่อทำงานเอกสาร “พี่ตุ๊พูดพร้อมกับวางไอแพดลง ผมแลปลิ้นใส่พี่ชายผมเลย และหยิบมือถือมากดฟังเพลง จะได้หลับตาลงซะที ไม่อย่างนั้นผมคงหลับไม่ลงและพรุ่งนี้ค่อยโทรหาพายด้วยว่ามันไปแรดที่ไหน เห็นบอกว่าอาเปรมดิ์มารับ ส่วนพี่ตุ๊ยังคงเช็กงานจากไอแพต
ตึ้ง! เสียงกล่องข้อความผมดังขึ้น พายมันส่งรูปมาให้ผม ผมก็เปิดเข้าไปดู
                 Pie// ไอ้เดี่ยวมันเล่นเพลงนี้โคตรเพราะเลยและอินเนอร์ดีเว้ออ่ะ//พายมันส่งรูปได้เดี่ยวเล่นกีตาร์และร้องเพลง When you say nothing at all ผมยอมรับว่ามันร้องได้ไพเราะเพราะมากจริงๆ . อย่างผมต้องไปเรียนร้องเพลงเพราะออกงานบ่อยแต่ว่าไอ้เดี่ยวมันไม่ได้เรียนเสียงมันยังไปได้ขนาดนี้ ถ้าเรียนน่ะผมว่านักร้องมืออาชีพได้เลย
                 Tik//แล้วไงว่ะ มันมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว
                 Pie// แล้วทำไมมึงไม่บอกมันไปเลยล่ะว่ะ ว่ามึงคิดยังไงกับมัน มันจะได้เลือกได้ถูก
                  Tik // บอกอะไร กูไม่ได้คิดเชี้ยอะไรกับมันทั้งนั้นแหละ และแค่นี้น่ะกูจะนอน กูนอนบ้านพักพี่ตุ๊กับพี่พัฒน์” ผมส่งข้อความไปบอกพายและกำลังจะวางมือถือลง
                  Pie//ปากไม่ตรงกับใจ ระวังจะเสียใจที่เสียเขาไปแบบเอากลับคืนมาไม่ได้//
                  Tik //กูว่ากูเสียไปแล้วว่ะ (ผมพิมพ์ข้อความตอบพายไป ผมว่ามันเรียบร้อยไปกับปูแล้วแหละ)

                  “ติ๊ก เดี๋ยวพี่มาน่ะ พี่จะไปหาอะไรอุ่นๆ ทานก่อน เราเอาไหม นมน่ะ” พี่ตุ๊หันมาถามผม ก่อนจะลุกจากเตียงไป ผมพยักหน้าเบาๆ แค่นั้น
                 ตึ้ง! พายมันส่งรูปมาให้ผมอีกแล้วแต่รูปนี้เป็นรูปเดียวเล่นกีตาร์และหันมามองผมที่ยืนอยู่ด้านข้าง มันแอบอมยิ้ม ที่หันมามองผมด้วยเช่นกัน แต่ว่ารูปพวกนี้มันคืออดีตไปแล้ว แค่เสี่ยววินาทีมันก็กลายเป็นแค่ความทรงจำขึ้นมาได้ เดี่ยวมันเลือกเขาแล้ว

                  Tik // พอแล้วพายกูขอร้องไม่ต้องส่งรูปพวกนี้มาให้กูแล้วว่ะ กูจะนอนแล้ว พรุ่งนี้กูโทรหาน่ะ ไนท์ ไนท์
Offline ทันที เพราะว่ามันเจ็บ

                   ผมลุกขึ้นจากที่นอน จะว่าไปก็ออกไปหาอะไรอุ่นๆ ดื่มบ้างดีกว่าเพื่อว่าจะได้หลับสบายดีเหมือนที่พี่ตุ๊พูด ผมเดินออกไปจากห้องนอนและตรงไปที่ตรงห้องครัวเล็กๆ และสิ่งที่ที่ผมต้องหยุดชะงักไม่กล้าก้าวเท้าเดินต่อ คือพี่ตุ๊กำลังจูบอยู่กับพี่พัฒน์ ผมยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง จนพี่พัฒน์หันมาเห็นผม ผมค่อนข้างตกใจไปในทางดีใจ ผมไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อนเลย คือที่บ้านพี่ตุ๊ไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลยหรือว่าเกรงใจพ่อก็ไม่รู้ แหมแต่ที่นี้จัดเต็มเลย
                 “ติ๊ก” พี่พัฒน์เรียกชื่อผมเบาๆ ก่อนจะดันตัวพี่ตุ๊ออก พี่ตุ๊แค่หันมามองผม แต่พี่พัฒน์คงอายน่าดู พี่ตุ๊กับทำตัวเฉยๆ ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ผม
“นมอุ่นๆ น่ะพี่พัฒน์เขาอุ่นเอาไว้ให้ ผสมน้ำผึ้งลงไปหน่อยจะได้หลับสบายติ๊ก มาดื่มซิ” พี่ตุ๊พูดก่อนจะส่งแก้วนมอุ่นๆ มาให้ผม ผมก็รับมาถือไว้และกระดกดื่ม
                 “งั้นผมไปนอนก่อนนะพี่ตุ๊ พรุ่งนี้เราทานอะไรกันก่อนออกเดินทางนะครับ” พี่พัฒน์พูดก่อนจะเดินมาหาผม
                 “ราตรีสวัสดิ์น่ะติ๊ก “พี่พัฒน์เดินมาพูดกับผมก่อนจะเอามือลูบหัวผมเบาๆ
                “อันที่จริง พี่ตุ๊ไปนอนห้องพี่พัฒน์ก็ได้น่ะ ผมนอนคนเดียวได้น่ะพี่ตุ๊” ผมเงยหน้าขึ้นบอกพี่ตุ๊
                “ไม่เป็นไรหรอก นอนกันทุกคืนแล้ว คืนนี้จะนอนกับน้องชายพี่บ้างไม่ได้หรือไง เรายิ่งไม่ค่อยมีเวลาตรงกันเลย ติ๊ก” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าว่าจริงๆ ผมก็กระดกดื่มนมอุ่นๆ ทำไมผมถึงได้คิดไปถึงไอ้เดี่ยว ป่านนี้คงกอดกันกลมแล้วดิแถมยังเนื้อแนบเนื้อด้วย ไอ้เชี้ย แล้วมึงมาถามกูทำไมว่าอยากมีกันอยู่ไหม ไอ้สัส!! ผมคิดในใจ
*****

                  Part’ s เดี่ยว ผมอาบน้ำเป็นคนสุดท้าย ผม ผมให้ปูอาบน้ำก่อน หลังจากทำธุรส่วนตัวเสร็จ ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมก็เห็นว่าปูหลับแล้ว ผมยืนมองปูที่นอนหลับสนิท ผมว่าเขาน่ารักมากน่ะ ดูน่าทะนุถนอม แต่ผมกลับรู้สึกว่า ผมคิดถึงใครอีกคนมากกว่าและผมยอมรับว่าผมไม่ได้ทำอะไรปูเลยสักนิด ผมพาเขาเข้าไปอยู่ในห้องน้ำและกอดเขาไว้แค่นั้น ให้สายน้ำไหลผ่านจนปูเริ่มได้สติและนั้นผมถึงได้พาปูออกมานอนอยู่บนเตียงแค่นั้นแต่ว่าผมเปลี่ยนเสื้อ้ผ้าให้ปู ผมก็ไม่ได้มองเต็มตาหนัก ผมก็หลับตาบ้าง เอามือคลำๆหาและเปลี่ยนให้แบบทุลักทุเล นึกแล้วก็ขำตัวเอง ผมยืนมองปูก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างเบาที่สุดเพราะว่ากลัวว่าปูจะตื่น
             
                 ตึ้ง! เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าในมือถือของผม ผมก็กดเข้าไปดู ในกล่องข้อความและคนที่ส่งให้ก็คือพาย รูปตอนที่ผมขึ้นไปร้องเพลงกันบนเวที ตอนงานใกล้จะเลิก ตอนที่ผมชวนเขาขึ้นไปร้องเพลงด้วยกัน ชวนไปทำอะไรบ้าๆ เพื่อว่าเขาจะดีขึ้น สายตาติ๊กที่มองผม ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองใช่ไหม มันบ่งบอกว่าเขาเองก็รู้สึกยังไงกับผม
                 Pie// คนปากกับใจไม่ตรงกันอ่ะน่ะเดี่ยว ดูแล้วไม่ต้องแอบยิ้มเลยน่ะ // พายส่งข้อความมาแซวผม ผมยอมรับว่าดูแล้วก็แอบยิ้มอยู่คนเดียว แต่ทว่าเขาบอกกับผมเองว่าเขาไม่ได้รักผมเกินไปกว่าเพื่อนกัน
                  //เดี่ยวมึงคงจะรู้ใช่ไหมว่ามึงควรจะเลือกรักใคร // ไอ้ดิว พูดกับผมหลายวันก่อน ตอนนี้สองสิ่งนี้กำลังตีกันอยู่ในหัวผมทำให้ผมวุ่นวายไปหมดว่าผมควรจะเลือกทางเดินไหนดี จน ผมหันมามองปูที่นอนหลับปุ๋ย จะว่าไปเขาน่าสงสารมาก เฮ้อ! รักแบบเพื่อนมันอาจจะยั่งยืนกว่าว่าไหม ติ๊ก ผมค่อยๆ แทรกตัวเองเข้าไปในผ้าห่ม ผมค่อยดึงรั้งร่างของปูเข้ามากอดไว้ ผมเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ผมอาจจะรักปูได้หรือว่าผมกำลังสับสนอยู่
                  “อืมม” ปูแค่ส่งเสียงแค่นั้นเบาๆ และก็เงียบไป
                  “เดี่ยวคิดว่าเดี่ยวควรจะเลือกที่เดี่ยวไขว่คว้าได้ใช่ไหมปู “ผมพูดกับคนที่หลับอยู่ ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินไหมน่ะ แต่ผมคงต้องเลือกแล้ว เลือกคนที่ผมคู่ควรจริงๆ ผมทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ปู ดูท่าจะยังเพลียจากยาที่ปูได้รับและโชคดีที่ไม่มีอาการค้างเคียงอื่นๆ นี่ถ้าผมไปไม่ทันไม่รู้ว่าปูจะเป็นยังไง ต่อไปผมคงต้องดูแลปูให้ใกล้ชิดมากกว่านี้และมันอาจจะทำให้ผมเลิกคิดกับเขานั้นได้ มันอาจจะแต่ผมจะทำได้ไหมนี่ซิ

                  ผมนอนหลับโดยมีปูนอนอยู่ในอ้อมกอดของผม ผมมารู้สึกตัวตื่นก็ตอนที่เริ่มมีแสงสว่างจากพระอาทิตย์สอดแทรกเข้ามา ผมค่อยๆหันไปมองดูนาฬิกาตั้งโต๊ะดิจิตอล นี้เกือบจะเจ็ดโมงเช้าแล้ว ผมค่อยขยับตัวออกกลัวว่าปูจะตื่น ปูยังหลับอยู่เลย มันก็ไม่แปลกหรอก ฤทธิ์ยาน่าจะยังตกค้างอยู่ ผมเดินลงไปชั้นล่าง ผมเห็นมีกระเป๋าวางเอาไว้อยู่แล้วแสดงว่า ดิวและแอ้มันพร้อมเดินทางแล้วแต่กระเป๋านี้เหมือนจะไปแล้วไม่กลับมาอีก
              “ไอ้เดียวมึงตื่นแล้วเหรอ” ไอ้ดิวมันเดินออกมา
               “มึงย้ายบ้านเหรอ” ผมถามไอ้ดิว
               “กูอยากย้ายทุกวันแหละมึง”ไอ้ดิวมันพูด ผมก็มองแล้วนี่อะไร
               “ของลูกกู” ไอ้ดวิมันพูด ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามัน
               “จริงๆของลูกกู กูมีลูกกันแล้ว” ไอ้ดิวพูด
               “ลูก!! มึงพูดเล่นใช่ไหม “ผมเดินลงมามองหน้ามัน ไอ้ดิวมันรูดซิปกระเป๋าและหยิบมาให้ดู เสื้อผ้าเด็กจริงๆด้วย
               “เชื่อหรือยัง” ไอ้ดิวพูด
               “มึงมีกันได้ยังไงอ่ะ” ผมถาม
              “มีแล้วกันแต่อย่าให้กูพูดเลยว่ามีได้ยังไงอันนี้หลักการแพทย์บวกหลักวิทยาศาสตร์และหลายๆอย่าง พูดไปปีหนึ่งยังไม่หมดเลย” ไอ้ดิวพูด ผมพยักหน้าเบาๆ
                “ติ๊กมันรู้เรื่องนี้ไหม” ผมถามไอ้ดิว ดิวหันมามองหน้าผม
               “ไม่รู้ว่ะ” ดิวพูด
               “นั้นไง แค่มึงสองคนเป็นแฟนกันก็แย่แล้วน่ะทีปิดบังคนที่โตมาด้วยกันแต่นี้มีลูกอีก หนักเข้าไปอีก” ผมพูด ไอ้ดิวมันหันมามองหน้าผม
                “กูไม่ได้อยากปิดขนาดนี้แต่ว่า มันมีบางอย่างที่กูยับไม่สามารถที่จะบอกได้เพราะว่ามันอาจจะมีผลกระทบกับหลายๆคน” ดิวมันชักสีหน้าเข้าสู่โหมดซีเรียสขึ้นมาทันที
                “เฮ้ย!! กูขอโทษว่ะ “ผมพูด
                “กูเข้าใจ เป็นใครก็คิดแบบที่มึงคิดนี่แหละ”ดิวพูด
               “งั้นกูขึ้นไปปลุกปูก่อนนะจะได้ขับไปไม่ห่างกันมาก เพราะว่ากูก็ไม่เคยไปที่นั้น ครั้งแรกเลยวะ” ผมบอกไอ้ดิว ดิวมันพยักหน้า แอ้เดินลงมาพอดีเลย มีของลงมาอีกสองสามอย่าง ดิวก็รีบขึ้นไปขนลงมาแทน ผมหันไปยิ้มกับแอ้ จะว่าไปไอ้ดิวนี้มันทำเหมือนมันเป็นพ่อบ้านไปแล้วน่ะ แต่ทำไมผมรู้สึกสงสารอีกคนจับใจยังไงก็ไม่รู้ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง เมื่อวานไอ้ดิวมันบอกไปแล้วว่ามันรักแอ้ขนาดนั้น
               TBC...

หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.69 ลูกแฝดของดิว 1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 02-05-2024 18:11:15
EP.69 ลูกแฝดของดิว 1

         อัยย์ ไอศูรย์ แฝดพี่คนโต นิสัยมุทะลุดุดันเหมือนดิวไม่มีผิดเพี้ยนรเลย เข้มแข็งไม่ยอมร้องไห้ง่าย ๆ แบบที่ดิวสอนและ อัยย์ทำหน้าที่พี่ชายคนโตได้ดี ไม่มีใครกล้ารังแกน้องแฝดเขาเลยแม้แต่คนเดียว แต่เขาทั้งรักและหวงน้องเกินไปจนดิวและพี่ๆ ดิวกังวลจะส่งผลถึงตอนโตและน้องที่เขารักและหวงแหนนั้นก็คือ ไอซ์ น้องชายฝาแฝดที่เกิดมาปุ๊ปพอเจอกันก็จับมือกันทันที

 

      ไอซ์ อิศรา แฝดคนที่สองที่สุขภาพไม่แข็งแรงเหมือนพี่ชายฝาแฝดและนัองชายฝาแฝดเท่าไหร่ ไอซ์ดูอ่อนแอ้น ดูน่าทะนุถนอม ดวงตากลมโตมีความหวานๆ ริมฝีปากเล็กน่ารัก สไตล์ปากนิดจมูกหน่อย ซึ่งแน่นอนใครก็อยากจับ มันจึงเป็นเหตุให้พี่ชายอย่าง อัยย์ ที่ห่วงน้องไอซ์เอามากๆ ออกอาการเขม่นทุกคนที่เข้าใกล้น้องโดยเฉพาะผู้ชายและเด็กผู้ชาย แต่เขาไม่กังวลน่าจะมีสาวเข้ามาใกล้น้องไอซ์ของเขา

 

      โอ้ เรียกเต็มๆ ว่ามาริโอ้ อชิระ แฝดคนที่สามออกจะอาโนเน๊ะ น่ารักใสซื่อ ด้วยคำพูดอิน'นะเซินทฺทำให้ใครต่อใครหลงใหลและหลงกล แต่อย่างหลังมากกว่านะ 555

 

            เด็กทั้งสามตื่นมาแต่เช้าตรู่ วันนี้ปู่ของเขาไปตรวจคนไข้แต่เข้า ลุงๆ ก็ไปทำหน้าที่คุณหมอและลุงบางคนก็เรียนที่กรุงเทพจึงจะเดินทางกลับมาหาหลานๆ ช่วงปิดเทอมและวันหยุดยาวและวันนี้ลุงดิมพี่ชายคนโตของดิวก็เพิ่งลงเวรดึกมาก็ยังนอนไม่ตื่น ลุงดิมคงลืมไปว่าวันนี้ลุงต้องดูแลเด็กแฝดหลายของเขาแต่ว่า ณ ตอนนี้มันก็เกือบจะสิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว และคนที่ทำหน้าที่ดูแลเด็กก็คงเป็นอาที่อายุน้อยของพวกเขานั่นเอง อาเดียร์ หนุ่มน้อยกำลังนอนนฝันหวาน ยังไม่ยอมตื่นเช่นกัน

   "แอมจร๊า จ้วบๆๆๆ "อาของพวกเขากำลังจ้วบๆ กับหมอนข้างพร้อมกำลังกำจัดน้ำลายที่กำลังจะไหลยืดลงที่หมอนที่เขาหนุนอยู่ และอาของพวกเขาก็ไวไฟซะจริงๆ นี่แค่อายุแค่14 ปีเอง น้องคนเล็กบ้าน ด.เด็ก ที่แอบชอบแอม เรียกว่าแอบคบกันอยู่เพราะยังกลัวบาทาพี่ชายคนโตของบ้าน อ.อ่าง

   "โห่ สงสัยอาเดียร์จะหิวข้าวพี่ อัยย์ ดูซิดูดหมอนข้างดัง จ้วบๆๆ เลยอะ” มาริโอ้ หันไปพูดกับพี่ชายฝาแฝดคนโต

   "ใครบอก อันนี้ลุงดรีมเคยบอก เขาเรียก หื่นกามในความฝัน" อัยย์ ออกจะแก่แดดมากกว่าน้องๆ ที่ยังทำหน้าประหนึ่งว่ามีเครื่องหมายคำถามแปะมันคืออะไร

   "หื่นกามคืออะไรอะ มันดีอะเปล่า"มาริโอ้หันมาถามพี่ชาย เพราะว่าอีกฉายาคือเจ้าหนูจังไม

   "มันดีไหมอ่ะพี่ อัยย์ ไอซ์ไม่รู้"น้องไอซ์แฝดน้องคนที่สอง แปลกที่ว่าคำถามเดียวกันกับแฝดคนที่สามแต่มันกลับทำให้แฝดพี่คนโตยิ้มแฉ่งให้น้องแฝดคนที่สาม ในความน่ารัก

   "ไม่ดีหรอกครับน้องไอซ์ เอาอย่างนี้เรามาปลุกอาเดียร์กันดีกว่า อาเดียร์จะได้โทรสั่งของชอบเรากัน” อัยย์ผู้เป็นผู้นำเพราะว่าเป็นแฝดพี่พูดและทำท่าคิด

   “เออ พี่คิดก่อนน่ะปลุกยังไงดี เพราะดูแล้วท่าจะตื่นยาก "อัยย์พี่ชแฝดคนโตพูดและทำท่าคิด

   "ทำให้อาเดียร์ตกใจ เขาดูหนังมา แบบว่าไฟไหม้ น้ำท่วม บ้านจะพังอะไรอย่างเนี๊อะ"มาริโอ้พูดเสนอความคิด

   "ใช่โอ้พี่เพิ่งเห็นนายออกความคิดสุดยอดวันนี้แหละ"อัยย์หันไปบอกน้องชายฝาแฝดคนที่สาม

   "แล้วที่ผ่านมาละ"มาริโอ้ถามพี่ชาย (●_●)

   "ไม่ได้เรื่อง "อัยย์หันไปตอบน้องชาย

    “คิก คิก คิก” ทำให้แฝดคนที่สองถึงกับปิดปากขำแฝดพี่และแฝดน้อง

   "พี่อัยย์!! "มาริโอ้สะบัดหน้ามามองพี่ พี่ชายฝาแฝดทันที ส่วนแฝดพี่พอเห็นอากัปกิริยาแฝดน้องคนที่สามก็เดาไปว่าน้องอาจจะเหวี่ยงแน่ๆ

   "พี่ชมโอ้เหรอ ว่าความคิดโอ้ สุดยอด เย้! "แต่ว่ามันผิดคาด มาริโอ้ลุกขึ้นดีใจใหญ่ และมันก็ทำให้พี่แฝดพี่อย่างอัยย์ถึงกับต้องยกมือขึ้นเกาหัวเลย งงกับน้องตัวเอง

   "บางครั้งพี่ไม่เข้าใจนายเลยโอ้ บอกตรงๆ "อัยย์พูดกับน้องชายแฝดคนที่สาม นั้นคือมาริโอ้

   "โอเค เราสามคนมาปลุกอาเดียร์กัน"ทั้งสามคนพยักหน้าเข้าใจตรงกัน

   "อาเดียร์ ตื่นเร็ว ไฟไหม้ ไฟไหม้) )) )) )” อัยย์พี่ชายคนโตเริ่มก่อนโดยการตระโกนกรอกเข้าไปในหูผู้เป็นอา

   "อืมม ไฟไหม้ โทร 199 เดี๋ยวดับเพลิงมา แจ๊ป แจ๊ป"ผู้เป็นอาก็ยังไม่อยากตื่นแถมยังแนะนำหลานๆ โดยที่ตาก็ไม่ลืมและยังต้องกำจัดน้ำลาย ที่กำลังจะไหลย้อยลงไปที่หมอนข้างกลับเข้าไป

   “งั้นน้องไอซ์ลองบ้างนะครับ” อัยย์หันไปบอกน้องชายฝาแฝดคนที่สอง

   "น้ำท่วม น้ำท่วมอาเดียร์ตื่นเร็ว เร็วน้ำจะท่วมบ้าน) )) )) )" ไอซ์คนที่สองตะโกนกรอกหูผู้เป็นอาแบบกลัวๆ อาเดียร์จะตกใจ

   "น้ำท่วมเหรอ ในอ่างน้ำหรือเปล่า ดึงจุกออกเดี๋ยวน้ำก็ลงท่อ"ผู้เป็นอาหลับหูหลับตาพูดไป

   "แผ่นดินไหว แผ่นดิน ไหว ไหว ไหว "อันนี้มาริโอมีแอคโค้ด้วย

   "แผ่นดินไหวเหรอ แผ่นดินไหว ไหว ไหว "ผู้เป็นอากำลังเคลิ้มได้ยินอะไรแว้วๆ ว่า ไฟไหม้ น้ำท่วม แผ่นดินไหว เห้ย!! มาหมดมาเลย 2012 แน่นอน อยู่ไม่ได้แล้วรักชีวิตต้องคิดหนี

   "ไม่ ไม่น่ะ เอาไงดี ต้องออกจากที่แคบ คุณครู บอกให้หาทางออก ทางออกคือทางที่เข้ามา หลักการดีน่ะนี่ ประตู ใช่เลย นาทีฉุกเฉินไม่ต้องพกอะไรติดตัวไป ไฟฉายไม่เอาดีกว่า ตุบ ตุ๊บ ตุ๊บ"ได้ผลที่หลานใช้วิธีนี้ปลุกผู้เป็นอา อาเขาวิ่งแจ้นลไปงแล้วก่อนจะได้สติ วิ่งกลับขึ้นมาใหม่เพราะว่า มีคำสั่งถูกป้อนเอาไว้ในหัวว่าให้ดูแลหลานแฝดให้ดีน่ะวันนี้

   "หลานๆๆๆๆ หลานอา หนีเร็วลูก โอ้วมายก๊อต ต้องพาหลานหนี"ผู้เป็นอาวิ่งกลับมาจูงหลานๆ ลงไปและพาวิ่งออกไปนอกบ้านอย่างลนลาน (สมจริงไปไหม ดูหน้าตาหลานๆ ที่ง้ง งง

   "มีหลานด้วย มีภาระเยอะ ต้องขอความช่วยเหลือเหมือนในหนังเลย ต้องไปขึ้นเครื่อง และไปขึ้นยานอวกาศหนีและไปนอกโลก!! "ผู้เป็นอาแสดงว่าดูหนังเมื่อคืนไม่จบ เขาไม่ได้หนีไปนอกโลกกันน่ะเฟ้ย!!

   "หนีเร็ว 2012 มาแล้วโลกจะแตก) )) )) )) )) "อาเขาออกไปตะโกนด้านล่างเสียงดังวุ่นวายไปถึงเพื่อนบ้านข้างเคียงกัน

   "ไอ้หนุ่มมึงเมายามาเหรอเมายากันยุงว่ะ ตะโกนอะไรเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน"ลุงข้างบ้านรีบชะเง้อคอมาจากรั่วข้างบ้าน ที่มีพื้นที่กว่า 5ไร่เศษๆ

   "ไฟจะไหม้ น้ำจะท่วมโลก แผ่นดินจะไหว 2012 ชัดๆ ที่เขาบอกว่าโลกจะแตก ไงลุงไปอยู่ไหนมา"ยังมีหน้าไปว่าเขาอีก

   "เอ็งนั่นแหละว่ะที่ไปอยู่ที่ไหนมานี่มัน 2024 ถ้าฝันร้ายก็กลับไปนอนไป๊ ตะโกนซะกูตกใจ กำลังฝันหวาน ฝันถึงสาวๆ นุ่ง…."ลุงข้างบ้านลุงบ้านกำลังจะบอกว่าฝันถึงสาวๆ แต่แกก็เหลือบมองไปเป็นสายตาอีกสี่คู่ และหันไปมองอีแก่ที่บ้าน ถ้าไอ้เด็กสี่คนนี้มันคาบไปบอกเมียแก คงได้โดนไม่สากก็ครกแน่ๆ

   "เออ ลุง ตอนนี้มันสองพันเท่าไหร่น่ะ "ผู้เป็นอาเอ่ยถามกลับ

   “สองพันยี่สิบสามแล้วไงมึงและที่เขาบอกว่าโลกจะแตกน่ะมันเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วโว๊ย!! มึงน่ะไปไหนมา”

   “นี้มันสองพันยี่สิบสี่แล้วเหรอ” ผู้เป็นอาเอ่ยปากถามลุงข้างบ้านทันที

   "เออ! "ประสานเสียงจากเพื่อนบ้าน ที่มามุงดู บางคนก็ออกมายืนเอามือเท้าเอวมองคนในบ้าน ที่ยืนเกาะกลุ่มกับหลานๆ

   "มึงไม่มีปฏิทินหรือไง"ผู้เป็นอาเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามองที่ระเบียงเพื่อนบ้านรอบๆ หลานๆ ตัวแสบยื่นหัวเราะชอบใจอาของเขาและเพื่อนบ้านที่พร้อมกันชะโงกมองมารอบรั่วบ้าน

   "เฮอๆ เมื่อคืนเขาดูหนัง 2012 ดูในNetflix อะ ดูแล้วไม่จบ เฮ้อๆๆ ๆ หลับก่อน "ผู้เป็นอาพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะและเกาหัวกลบเกลื่อน เขารู้สึกอายต่อทุกสายตาเพื่อนบ้าน ที่มองมาที่เขาคนเดียวเลย

   "งั้นก็กลับไปดูให้จบ ตะโกนซะผู้คนตกใจกันหมด ดีน่ะที่เป็นลูกคุณหมอ "จากเพื่อนข้างบ้าน

   "อู้ย!! ดีน่ะที่ตำแหน่งพ่อปกป้องลูก"ผู้เป็นอาค่อยเดินเข้าบ้านพร้อมหลานพากันขำ

   "แกล้งอาทำไมเนี๊ย! คนกำลังฝันหวาน กลับไปนอนต่อดีกว่า"ผู้เป็นอาทำท่าจะขึ้นไปนอนต่อ

   "อาเดียร์ จอมขี้เกียจ พวกเขาหิวแล้วนะ!!!"ทั้งสามหนุ่มพูดออกมาพร้อมกัน

   "หิวก็โทรไปสั่งอาหารตามสั่งซิครับ สั่งอาก็คงไม่ได้กินหรอกครับ อาหารต้องสั่งพ่อครัวแม่ครัว ส่วนอานะ มีสั่งได้คนเดียวครับ พ่อทูนหัวของอาคืออาแอม หุ หุ หุ "อาจอมหื่นพูดพร้อมกับทำท่าคิด ที่นอนฝันอยู่ ได้กอดได้หอมแอม

   "ได้เขาจะโทรไปสั่งกับปู่ก็ได้ "หลานคนโต อัยย์ ฉลาดแกมโกงเพราะรู้ว่าอาบอกปู่อาเดียร์โดนหนักแน่ๆ ที่ไม่ยอมดูแลพวกเขา

   "ดีเลย เฮ้ย! โทรสั่งปู อาก็โดนปู่เตะซิงานนี้"ผู้เป็นอาทำท่าคิด ถ้าเป็นเช่นนั้นจะโดนเท้าพ่อตัวเองเพราะปู่กำลังหลงหลาน 555

   "หยุดๆๆๆ หลานรักของอา อาล้อเล่น โอเคอาสั่งให้ รักนะต๊วบๆๆ "ผู้เป็นอาดึงหลานๆ กลับมา พยายามจะหอมด้วย

   "แหว๊ะ อาเดียร์ยังไม่ได้แปรงฟัน"หลานๆ ตัวแสบ

   "อาเดียร์จะล้างหน้าแปรงฟัน ขอเวลาสิบนาทีจะลงมาสั่งให้ "และผู้เป็นอาเดินหายขึ้นบ้านไปสักพักก็ลงมาและหยิบโทรศัพท์มาและค้นหาสมุดที่จดเบอร์ไว้

   "เอาละใครจะเอาอะไรบ้าง บอกมา"ผู้เป็นอาถามหลานๆ

   "เขาเอาพิซซาหน้า หน้า หน้า "มาริโอ้

   "หน้าจะได้กินชาติหน้า โอ๊ย! หน้าอยู่นั่นแหละ ฮาวาเอี้ยนแล้วกันน่ะ"ผู้เป็นอาตัดบทเลือกหน้าให้หลานทันที

   "เขาเอาไก่เคนตักกี้" น้องไอซ์

   "เขาเอาแมคโดนัล"น้องอัยย์ครับ"ผู้อาไม่วายบ่นหลานๆ

   "ไม่!!!! "ชัดเจนเต็มสองรู้หูผู้เป็นอาเลย

   "ถ้ากินไม่หมดน่ะ อาจะทำโทษทั้งสามคนเลย "ผู้เป็นอาพูดขึ้นและกำลังคิดแผนทำอะไรดีนะ ล้างรถพ่อเราดีกว่า เราจะได้ไม่ต้องล้างเองใช้แรงงานเด็ดถนัด

   "แล้วจะสั่งอย่างละเท่าไหร่ ชุดเล็ก"อาถามหลาน และคิดแผนไปด้วย

   "เอาชุดใหญ่ๆ เลย “ไอและไอซ์พูด ชุดใหญ่กินไม่หมดแน่นอน ไม่ต้องล้างรถแถมอิ่มจังตังอยู่ครบ ผู้เป็นดำเนินการคิดแผนชั่วร้าย

   "พิซซ่าเอาเท่านี้ ...."มาริโชว์มือให้ผู้เป็นอาดูว่าเอา5ถาด

   "พิซซ่า 5 ถาด โอ๊ย! เอาไปเลี้ยงใคร ...เออ ก็ได้"ผู้เป็นอาทำท่าจะคัดค้านแต่ว่าคิดอีกที ถึงเหลือพี่ก็กลับมากินได้และตัวเองก็ไม่ต้องทำงานบ้าน หาเรื่องทำโทษหลานไปในตัว

   "เอาละทำข้อตกลงสนธิสัญญาเบริ่ง"อาพูดกับหลานๆ แต่

   "-_? "ทั้งสามคนเลย (เด็กเล็กขนาดนี้จะไปรู้จักได้ไง คนเขียนว่าถ้าจะอาติ้งต้อง อู้ย หันมามองกลับไปเขียนต่อ)

   "ถ้ากินไม่หมด ล้างรถปู่ รดน้ำต้นไม้ในสวนหย่อมของปูและถอนหญ้าในแปลงดอกไม้ปู่ด้วย ถ้าเห็นด้วย อาจะได้โทรสั่งเดี๋ยวนี้เลย"ผู้เป็นอาถามหลานๆ ใช้แรงงานเด็กถนัดมาก

   “ว่าไง” ผู้เป็นอาหรี่ตามองหลานๆ ที่ยืนทำท่าคิดหนัก

   "โห่!! "หลานๆ พากันร้องออกมาพร้อมๆ พร้อมกับทำท่าคิด

   "ว่าไงครับ? "ผมเองและหลานๆ หันไปรวมหัวกัน

   "จะดีเหรอพี่อัยย์"ไอซ์ถามพี่ชายฝาแฝดคนโต

   "เราจะกินหมดอะเปล่า"มาริโอ้ถามพี่ชายเขาเช่นกัน

   "หมดซิเพราะว่าเรามีตัวช่วย "อัยย์กระซิบบอกน้องๆ ทุกคนหันมามองหน้ากัน ใช่แล้ว ตัวช่วยอยู่ด้านหลังบ้าน บ้านปูเป็นซอยที่มีเพื่อนๆ ของเขาในศูนย์รับเลี้ยงเด็กเยอะแยะเลย

   "โอเค"พร้อมกัน

   "ห้ามคืนคำนะ "ผู้เป็นอาพูดและกดโทรสั่งทันทีภายในสามสิบนาทีอาหารจะมาส่งโดยบริษัทรับจัดส่งอาหาร

   "เอาละอาะจะไปเตรียมอุปกรณ์ให้น่ะ อิอิ สบายเราละไม่ต้องล้างรถ รดน้ำต้นไม้และถอนหญ้า มีหลานมันดีตรงนี้แหละ หลานเด็กมาก อาเอาไว้หลอกใช้ ฮาๆ"เดินไปหัวเราะ แต่ผู้ป็นอาไม่รู้หรอกว่าหลานมีเด็ดกว่านั้นอีก เวลาผ่านไม่นานนอาหารมาส่ง ครบทุกที่ที่ผู้เป็นอาสั่ง

        TBC....
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.69.1 ลูกแฝดของดิว 2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 05-05-2024 13:42:00
  EP.69.1 ลูกแฝดของดิว 2  

              Part's สามหนุ่มของพ่อแอ้กับพ่อดิว  หลังจากที่ผู้เป็นอาสั่งอาหารให้หลานรัก แฝดสามของเขา อาหารจะมาส่งภายในไม่เกินครึ่งชั่วโมง ระหว่างนี้ผู้เป็นอาก็ใช้ความคิด จะใช้หลานทำอะไรที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องทำงานบ้าน งานครัว งานสวน เอาให้หมดเลยเพราะเขามั่นใจได้ว่า อาหารที่สั่งมานั้น หลานทานไม่หมดแน่นอน แต่เขาหาได้รู้ไหมว่า เขากำลังโดนหลานวางแผนซ้อนแผนเอาไว้อีก

            "อาไปเอาละนะ หลังจากกินเสร็จเตรียมตัวเหนื่อย555"ผู้เป็นอาเดินออกไปหน้าบ้านทันที

           "ไปเปิดประตูด้านหลังเร็วพี่อัยย์มากันแล้ว"มาริโอ อัยย์วิ่งไปเปิดประตูหลังบ้าน เพื่อต้อนรับเพื่อนๆ ที่เป็นลูกๆ ของเจ้าหน้าที่ในค่ายเข้ามาเกือบสิบห้าคนได้

            "อาหารมาแล้วเรากินกันน่ะ เพราะว่าเราสั่งมาเยอะเลย"อัยย์พูดและทุกคนก็เขามาในบ้านหมดแล้ว ระหว่างนั้น ผู้เป็นอาเดินยิ้มกริ่มเข้ามาในบ้าน ผู้เป็นอาก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่พบเห็น เด็กมากมายมายืนรออยู่แล้ว

             “อะไรกันเนี๊ยะ!” ผู้เป็นอาเอ่ยถามพร้อมกับนับจำนวนไปด้วย

             “เพื่อนๆ ของเรามาช่วยเรากินที่อาสั่งอ่ะ” อัยย์พูด

              “แบบนี้ก็ได้เหรอ?” ผู้เป็นอาถามหลานแฝด นี่อาโดนหลานตลบหลังเหรอ

              “อาไม่ได้บอกนี้ว่าต้องเป็นพวกเราเท่านั้น นี้เพื่อนๆ ของพวกเราและปู่ก็บอกว่าเราอยู่ซอยเดียวกันต้องช่วยเหลือกัน              “มาริโอ้พูดพร้อมยกคำสอนปู่มาสอนอาอีกด้วย อาถึงกับกุมขมับตัวเอง ตอนนี้ผู้เป็นอาต้องแก้ใหม่เป็น มีหลานมาหลอกใช้อาชัดๆ เลย กาสิก กาสิก

               "เหรอ!!…มาเยอะขนาดนี้ อาเชื่อแล้วว่า......."ผู้เป็นอาทำท่าจะร้องไห้ เสียรู้หลานๆ

                "กินหมดแน่นอน นี่หลานอาเล่นกันแบบนี้เลยเหรอ เล่นกันแรงมาก ไม่เห็นบอกอาก่อนเลยอ่ะ"ผู้เป็นอาพูด

                "สะใภ้!!"หลานคนที่สาม มาริโอ้พูด

                 "เซอร์ไพร์ไม่ใช่สะใภ้ งานนี้กูล้างรถเหมือนเดิม ถอนหญ้าเหมือนเดิม รดน้ำต้นไม้เองเหมือนเดิม "ผู้เป็นอาพูดก่อนจะวางถาดอาหารลงและจัดการอุปกรณ์ปราตี้ให้หลาน ทำหน้าที่เป็นเด็กเสิร์ฟจำเป็นให้หลานๆ อีก พวกเด็กๆ ก็สนุกสนานกับการกินอาหารที่ถูกวางเรียงเอาไว้ ผู้เป็นอาได้แต่นั่งเท้าค้างมอง และดูท่าแล้วคงไม่เหลือใครลุงๆ แน่นอน

                  "เด็กอนุบาลที่นี้เขาดีจริงอะไรจริง มีนัดเพื่อนมาปาร์ตี้กันแล้ว จำเริญหลานๆ กู"ผู้เป็นอาพูดบ่นกับตัวเอง ก่อนจะหันไปเปิดทีวีดูหนังไปพลางๆ ระหว่างที่หลานกับมีปาร์ตี้

                  "อาเดียร์ซอสหมด"หลานรักรีบวิ่งมาบอกอา กำลังดูหนังมัน มัน ก็ต้องวิ่งไปหาซอสมะเขือเทศมาเติมให้ กินกันเก่งจริงๆ ไปห้าหกขวดเลย ผู้เป็นอาวิ่งกลับมาพร้อมกับขวดซอส

                  "อาเดียร์ น้ำหมดแล้ว"น้ำดื่มหมดอีก อาเดียร์วิ่งกลับเข้าไปในครัวหยิบเอาขวดน้ำดื่มมาเติมให้หลายๆ เติมไว้ในแทงน้ำมีก๊อกน้ำเปิดเองได้ ระหว่างที่เดินไปและเดินกลับผู้เป็นอาก็ได้ยินเสียงหลานรักพูดเสียงดังว่า

                  " นายยิ่งเราทำไมอ่ะ” "เสียงอัยย์พูดกับเพื่อน

                  “เราไม่ตั้งใจ"

                  “เรายิ่งนายคืนบ้าง"อัยย์พูด

                 “พี่อัยย์....โอ้ช่วยยิงน่ะ” เสียงมาริโอ้

                  “แป้ด!!!! ปิ้ด! โครม! “เสียงดังโครมคราม เสียงเหมือนถ้วยพลาสติกหล่น และเสียงหัวเราะของเด็ก มันก็ปกติแต่ดีที่ให้ใช้ถ้วยพาสติดปลอดภัยหายห่วงผมเดินออกมาถึงกับอาการช๊อก เหมือนดูหนังแนว ช๊อกซินิม่า แต่ละคนมีซอสมะเขือเทศบนหัวกันทั้งนั้นแล้วภายในบ้านล่ะจะเป็นยังไงบ้าง ผู้เป็นอาหันไปมองรอบ พร้อมกับรีบวางถังน้ำลง และยกมือขึ้นกุมศีรษะตัวเอง ตายแน่งานนี้อาตายครับ โดนพ่อด่าเละแน่ๆ

                   "โอ้….. ปื้ด ปื้ด ปื้ด"นี้มันสงกรานต์ซอสมะเขือเทศกันหรืออย่างไร

                   "โอ้วมายก๊อต! มันเกิดบ้าอะไรขึ้น หยุด หยุด หยุด ...” ผู้เป็นอาพยายามเอ่ยปากร้องเพื่อจะห้ามปรามเด็กๆ แต่

                   “แผล๊ด!!” "แต่มีบางสิ่งพุ่งเข้ามาในปากด้วยความแม่นยำ

                   "แจ๊ป ๆๆ ซอสมะเขือเทศ ใครฟะ ... “ผู้อาถึงกับเลือดขึ้นหน้าก่อนจะหันมาหาว่าเป็นฝีมือใคร เท่านั้นแหละ

                   “น้องไอซ์"คนที่ฉีดเจ้ามาในปากผู้เป็นอาคือน้องไอซ์หลานชายแฝดคนที่สองที่น่ารักและน่าทะนุถนอม ยืนทำตาปริบๆ แบบนี้อาจะกล้าว่าหลานหรือ ไม่ครับ

                   "อาเดียร์ ไอซ์ขอโทษ ไอซ์ จะ จะ "น้องไอซ์ ที่ทำท่ารู้สึกผิด

                   "โอเคน้องไอซ์มายื่นข้างนี้ โธ่! เรียบร้อยอย่างกับผ้าผับไว้ มายับเอาก็วันนี้เองครับ หลานไอซ์ครับ"ผู้เป็นอาพูดก่อนจะดันไอซ์มาหลบมุมเอาไว้ก่อน ก่อนจะหันมาหาว่าหลานอีกสองคนอยู่ไหนแต่สิ่งที่ผู้เป็นอาหันไปเห็น

                    "เห้ย! อย่านั้นถ้วยรางวัลตอบปัญหาตรู อย่า เดี๋ยวแตก) )) )) "ผู้เป็นอาหันไปเห็นเด็กคนหนึ่งชนโต๊ะมีถ้วยรางวัล ที่เขาเพียรพยายามเก็บเนื้เก็บตัวและได้เป็นตัวแทนไปแข่งขัน ตอบปัญหาที่ประเทศจีนแถมยังไปกับแอมด้วยเลยรักมากเลย ถึงขนาดลงทุนพุ่งพรวดเข้าไปรับเอาไว้

                     "ได้แล้วถ้วยที่รักและหวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใด แอมจร๊าเขารักษาสมบัติของเราสองคนเอาไว้ได้!!!! โอ้วพระเจ้า ...เว้ยยยย พลุบ! "กระโดดรับได้แบบพระเอกหนังบู้กระโดดแต่เพราะแรงกระเด็นมาจึงพาเอาร่างผู้เป็นอาเข้าไปหมุดอยู่ในช่องแถมออกไม่ได้อีก

                    "ใครก็ได้ช่วยมาดึงอาหน่อยเร็ว พลีส!! "ผู้เป็นอาร้องบอกหลานๆ

                     "พลีสสสส! "ผู้เป็นอา

                    "อึบ อึบ"มีคนพยายามดึงคงเป็นหลานรัก แต่ว่าไม่ออก

                     "อาเดียร์โอ้ดึงไม่ออก อารออยู่นี้นะ "มาริโอ้ พูดกระซิบ

                    "โอ้จะกลับมาช่วยอาเหรอ"อาถามหลานกลับซึ้งใจจริงๆ

                     "ไม่อะรอปู่มาแล้วกัน "มาริโอ้บอกผู้เป็นอาว่าให้รอปู่ม ปูมาก็เย็นแล้ว โธ่! กรรมของผู้เป็นอา แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว มาติดอยู่ขนาดนี้ คงต้องร้องเพลงรอ ฉันรอเธออยู่แต่ไม่รู้ เธออยู่หนใด…

              Part’ s ลุงดิม ตั้งแต่กลับจากไปลัลล่ากับไอ้อ้นพี่ชายคนโตของบ้าน. อ่าง และพอกลับมาอยู่ที่ค่ายทหารฯ พ่อของเขาก็จัดตารางเวรลูกรักให้ทันที ให้หมอดิมขึ้นเวร แพทย์ GP ทันทีเลย และนี่เขาก็เพิ่งจะลงเวรดึกกลับมาตอนเช้านี้เอง และพ่อของเขายังบอกอีกว่าให้ตื่นมาดูหลานบ้างน่ะ มีหลานกับเขาแล้วครับผม

             /// พี่ดิม ผมกับแอ้มาที่ค่ายฯกัน ตอนนี้แวะพาเพื่อนมาหาแม่เขาที่โรงพยาบาลและผมจะเข้าไปรับลูกแฝดผมตอนนี้เลยน่ะพี่ แต่งตัวให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ // ดิว น้องชายเกือบคนเล็ก คนเล็กคือไอ้เดียร์ ส่งข้อความหาผม ว่าจะมาเข้ามารับลูกแฝดทื้งสามคน ผมก็ลุกขึ้นไปเตรียมตัวล้าง

              เฮ้อ! บรรยากาศคันทรีทาวน์มันดีแบบนี้เอง ไม่ต้องวุ่นวายเพราะรถติด ควันพิษก็เยอะ (สูดดมเข้าไปร่างกายก็เป็นภูมิแพ้) )) ) ตอนนี้ผมออกมายืนบิดขี้เกียจที่ตรงระเบียงบ้านชั้นสอง บ้านพ่อผมปลูกด้วยไม้สักทั้งบ้านถูกออกแบบได้คลาสสิคมาก และมองลงไปยังชั้นล่างก็จะเห็นที่นั่งรับแขก แถมวันนี้ก็มีแขกเต็มไปหมด แถมเป็นแขกรุ่นเล็กไซ้มินิ วิ่งเต็มบ้านไปหมด มันช่าง ช่าง ช่าง
              "เห้ย!!! จำได้บ้านผมมีเด็กแค่สามคนและอีกสองยังเล็กมากหนัก แต่ตอนนี้ 1 2 3 4 5.......18 " ผมพูดกับตัวเองและค่อยๆ นับดูจำนวนเด็กที่วิ่งไปมา
                "Oh! Shit ผมสบถออกมาทันที พร้อมกับขยี้หูขยี้ตาอีกทีเพื่อว่าพึ่งจะตื่นมาตามันลาย แต่ว่าไม่ใช่ มันจำนวนเท่าเดิมที่ผมนับตอนแรก
                  "มาจากไหนวะนี่!! “หมอดิมได้สติทันที เดินจั้มอ้าวลงมาจากชั้นที่สองทันที โอ้วเวรแล้วบ้านทำไมมีแต่สี..สีแดงเถือกขนาดนี้
                  "ลุงดูหัวเขาซิ"อัยย์หลานชายฝาแฝดคนโตวิ่งมาหาลุงดิมพร้อมกับก้มลงให้ลุงของเขาดู

                   เฮ้ย!!นี่มันเลือด นี้มีเด็กมาตีกับหลานๆ ของผม และที่สำคัญคือมาตียันในบ้านของผมเลยเหรอ มันหยามกันเกินไปแล้ว สถาบันไหนเนี่ย แต่มองๆ ไปก็คุ้นหน้า เหมือนเคยเจอตอนไปส่งหลานๆ ที่สถานรับดูแลเด็กเล็กก่อนวัยเรียนที่จัดตั้งโดยพ่อผมเองเพื่อเป็นสวัสดิการแก่พนักงานทั้งครอบครัวทหารและที่ทำงานในโรงพยาบาล ผมยืนมองหน้าตาคุ้นๆ ทั้งแก๊งเลย ไปส่งหลายบ่อยเห็นประจำ! ไปหลังบ้านก็เจอเลยเป็นชุมชนเลยทีเดียว หลังบ้านผมมีชุมชนที่ตั้งอยู่ มีเด็กเล็กกันทุกบ้านเลย สงสัยต้องย้ายบ้านหนีซะแล้วแหละ หมอดิมคิดว่าเพราะดูท่าจะดุน่ะชุมชนนี้!!
              "เลือดออกเลยเหรอลูก ใครทำหัวหลานลุงแตก ก่อนอื่น เออ เราไปโรงพยาบาลกันก่อนไหมลูก เดี๋ยวค่อยกลับมาแก้แค้น เลือดทั้งตัวเลย! มาริโอ้!! "ทันทีลุงหันไปเจอหลานแฝดคที่สามที่ทั้งเนื้อตั้งตัวมีแต่สีแดงเลอะเทอะไปหมด เห็นเช่นนี้แล้วผมก็ตกใจ และคิดว่าควรจะพาหลานๆ โรงพยาบาลดูแล้วมาริโอ้น่าจะหนักกว่าเพื่อนทั้งตัวเลย
               "จ๊วบ!” หลานชายคนโตใช้มือป้ายซอสมะเขือเทศที่ริมฝีปากหนาๆ ของผมและผมก็ใช้ลิ้นตวัดเลียเพื่อชิมรสชาติของมัน หวานๆ นี่มันซอสมะเขือเทศนี่หว่า ไม่ใช่เลือดค่อยยังชั่ว ผู้เป็นลุงคิดในใจ
                “นี่มันซอสมะเขือเทศนี้ครับหลานครับ” ลุงดิมเอียงคอถามหลานๆ
                "ใช่ ใช่ คิก คิก คิก " หลานๆ พากันตอบและหัวเราะผมกันหมด เล่นเอาผมถึงกับยกมือขึ้นมากุมขมับ ถ้าหลานเลอะเทอะขนาดนี้ไม่ต้องถามถึงภายในบ้านเลยครับ ผมลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆ ทุกอย่างมีแต่ซอสมะเขือเทศเต็มไปหมด
                 "นี้มันสงครามซอสมะเขือเทศกันหรือไง...หยุดเดี๋ยวนี้!! “ผมตะโกนร้องห้ามปรามเด็กๆ แต่ไม่มีใครฟังเลย ขอเปลี่ยนจากสั่งเด็กไปสั่งทหารผลัดใหม่แทนได้ไหม อันนั้นยังฟังกันบ้างแต่นี้ ไม่มีสักคนเลย ที่จะฟังผมออกคำสั่ง!!
                “บอกให้หยุด! ไม่งั้นน่ะ จะจับไปโยนเป็นอาหารจระเข้ที่บ่อหลังบ้านกันให้หมดเลย"ผมตะโกนอีกครั้งและมีคำขู่ด้วย เอาจริงๆ ไม่มีจระเข้เหรอครับแต่ว่ามันได้ผล ทุกคนหยุดนิ่งเหมือนกดปุ่มสต๊อป
                "มีจระเข้ด้วยเหรอลุงดิม อัยย์อยากลงไปดู"ผมก้มลงมองหลาน อยากลงไปดูจระเข้ เลยเหรอ จระเข้น่ะ ไม่ใช่ปลาโลมาที่จะมาเล่นกับหนูโดนไม่จับหนูไปรับประทาน เฮ้อๆ หลานหนอหลาน
                "เอาละ ปาร์ตี้จบแล้วเชิญแขก ไม่ได้รับเชิญกลับบ้าน บ้านใครบ้านมัน "ผมพูดพร้อมกับทำหน้าดุ ดูจริงๆ ดุมากด้วย ยังอีก
                “มาทางไหน???” ผมถามเด็กๆ
                 “ประตูหลังบ้าน!!” ตอบพร้อมกันมาก
                  “เชิญเลยที่ประตูหลังบ้านและต่อไปนี้ประตูนั้นจะถูกปิดตายไม่เปิดอีก!!” ผมพูดพร้อมทำหน้าดุแต่ว่าไม่มีเด็กคนไหนกลัวสักคนเลย (หมอดิมอยากจะร้องไห้ ทำไมเด็กยุคต์นี้ หลอกยากจริงๆ)
                  "โห!!!! เพิ่งมากันอะ" แต่ละคนหันไปมองหน้ากัน แถมยังบอกผมอีกว่าเพิ่งมากันนะ และนี่เพิ่งเริ่มกันบ้านยังเละได้ขนาดนี้ถ้าอยู่กันทั้งวันมีหวังไฟไหม้บ้านเหลือแต่ต่อแน่ๆ
                  "เดี๋ยวนี้ ..บาย"ผมบอกเด็กๆ และชี้ไปที่ประตูทางออก ทำหน้าดุได้อีก แต่ละคนก็ต้องพากันเดินออก ผมหันไปมอง แต่ละคนที่พากันเดินคอตกเป็นแถวทำ ผมต้องใจแข็งเข้าไว้ หน้าดุเข้าไปอีก ปั่นจนเมื่อยแล้วเนี่ยผมคิดในใจ พอเด็กๆ หันมาเห็นก็พากันวิ่งอ้าวไปกันหมดเลย
                 "Omg!พระเจ้าช่วย เอาเด็กนี้ไปทอดทีเถอะ เล่นอะไรกันนี่หลานลุง แล้วอาเดียร์ละ หายไปไหนครับหลานๆ " ผมหันมาถามหลานๆ แต่ละคนพากันก้มหน้าแอบหัวเราะกันอีกก็มองเพื่อขอคำตอบ
                 "พี่ดิม"เสียงน้องชายผม มันอยู่ไม่ไกลจากที่นี้แต่อยู่ตรงไหนล่ะ
                 "เดียร์เหรอ มึงอยู่ไหน"ผมถามพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจอมีแต่เสียงดังออกมา
                 "ดึงเขาออกไปที เขาอยู่ตรงนี้"ไอ้เดียร์พูดว่าเขาอยู่ตรงนี้ “แล้วมันตรงไหนล่ะไอ้เดียร์” ผมตะโกนถาม
                 "ที่เท้าลุงอะ คิก คิก คิก"หลานผม อัยย์บอกผมและพากันหัวเราะ ผมก็ก้มดูมันเป็นช่องแคบแต่มันเข้าไปแอบทำไม นี้กลัวเด็กขนาดนี้เลยเหรอ ไอ้อาเด็กโค่ง
                "ไอ้เดียร์! มันหมุดไปได้ยังไง" ผมก้มลงถามไอ้เดียร์ก่อนจะ ดึงตัวมันออกมาอย่างยากลำบากแต่ก็ดึงออกมาจนได้
                "คิก คิก คิก "หลานๆ พาหัวเราะชอบใจผู้อา
                "พี่ดิม เดียร์.."พอไอ้เดียร์ออกมาได้มันก็ยืนขึ้นทำท่าจะฟ้องแต่ว่า
                "อยู่ทางนี้! "ผมกับหลานๆ พูดพร้อมกันก็ไอ้เดียร์มันหันผิดทาง
                "กูอยู่ข้างหลังมึงนี้เดีย!!"ผมบอกไอ้เดียร์ให้มันหันหลังมา พอมันหันมาได้ผมก็ต้อง เอามือขึ้นแตะหน้าผาก
                "คิก คิก คิก"หลานๆ พากันหัวเราะอีก ดูสภาพไอ้เดียร์ไม่ได้แตกต่างจากหลานเลย มีแต่ซอสมะเขือเทศเต็มตัวไปหมด
                "พี่ดิม ฮือๆ เขาโดนเด็กรังแก ยกมาทั้งศูนย์เลยพี่ดิม "ไอ้เดียร์มันก็จะโผเข้ามากอดผม แต่ด้วยความรักน้อง ผมเลยเอาเท้ายันมันเอาไว้ก่อน ก็รักนะแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตัวมันเต็มไปด้วยซอสมะเขือเทศ
                "พี่ดูซิ "มันพยายามจะซบผมร้องไห้ให้ได้ ผมก็ใช้มือดันออกไม่ให้เข้ามา ยังพยายามอีก
                "กูเห็นแล้วเดียร์ อยู่ตรงนั้นแหละ กูอาบน้ำแล้ว “ผมพูดและมองหน้ามัน เดียร์มันก็ยืนทำหน้างอคอหัก”
               “มึงนี้โดนเด็กรังแก แถมเด็กที่นี้ส่วนใหญ่คือเด็กอนุบาลเพราะที่นี้มีแค่สถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน "ผมพูด
                "นั่นแหละที่เดียร์ยิ่งเจ็บใจมาก "มันพูดมาได้
               "ใช่กูเองก็แสนจะเจ็บใจมาก แต่ไม่ใช่เด็กอนุบาลพวกนั้นน่ะ แต่กูนี่เจ็บใจมึงนี้แหละไอ้เดียร์ โตมาขนาดนี้จนเข้าเรียนมัธยมแล้ว มาแพ้เด็กอนุบาล จำเริญน้องกู"ผมพูดพร้อมกับเอามือเท้าเอวมองไอ้น้องคนเล็ก ดูจากหลานๆ แล้วผมว่ามันเล็กกว่าหลานผมอีก สมองน่ะ
                "มึงพาหลานๆ และคุณมึงไปอาบน้ำไปเดียร์” ผมบอกไอ้เดียร์
                “และ อัยย์ ไอซ์ และโอ้ พ่อดิวกับพ่อแอ้กำลังจะมารับครับหลานๆ ดังนั้นพากันไปอาบน้ำนะครับ"ผมบอกพวกเด็กๆ เขาก็ทำตาโตดีใจกันใหญ่เลย
                "พ่อมา พ่อจะมา อาเดียอาบน้ำเร็วๆ "เด็กๆ พากันเร่งผู้เป็นอาทันทีเลย ก่อนจะพากันวิ่งขึ้นไปบนบ้าน เด็กสามคนนี้รักดิวกับแอ้มาก มากจนผมอิจฉาสองคนนี้จริงๆ และพวกผมก็ต้องขอบคุณทั้งสองคนทำให้บ้านผมนี่มีสีสันมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะเร็วไปหน่อยสำหรับวัยของทั้งคู่ ผมยืนหันไปมองรอบๆ ก็คงต้องพึงบริษัทรับจ้างทำความสะอาดอีกแล้ว
                "ฮัลโหลครับ คุณวัลลพใช่ไหมครับ" ใช่ครับ คุณหมอดิมใช่ไหมครับนั้น"
                 "ครับผม ว่าแต่คุณหมอดิมโทรมามีอะไรเรียกใช้ผมเหรอครับ"
                 " ผมคิดว่าวันนี้คุณวัลลพคงต้องออกรบแล้วแหละครับ"
                 "จะดีเหรอครับคุณหมอทหาร ผมน่ะแค่บริษัทรับกำจัดสิ่งสกปรกครับผม จับแต่อุปกรณ์ทำความสะอาดครับคุณหมอทหารครับ จะดีเหรอครับที่จะให้ผมพากันไปจับปืน"คุณวัลลพพูด
               "ผมล้อเล่นครับ ผมว่าจะ เออ รบกวนส่งคนมาทำความสะอาดบ้านนพ. ภาณุเดชหน่อยครับ วันนี้นะครับ"
               "บ้านคุณหมอ เอะ! คนของผมเพิ่งทำความสะอาดไปเมื่อวานนะครับ"
               "ผมทราบครับแต่วันนี้ มันหนักกว่าเมื่อวาน เกณฑ์คนมาเยอะๆ เลย มาตีราคาหน้างานแล้วกัน ได้โปรด"ผมพูดเชิงขอร้อง
              "ได้ครับได้ ถ้าจะงานใหญ่จริง อีก 1 ชั่วโมงครับผมจะรีบไปขอไปเกณฑ์คนก่อนนะครับคุณหมอดิม"
              "ได้ครับขอบคุณครับ"ผมวางสายจากคุณวัลลภ ผมก็ได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านผมแล้ว ไม่ใช่ใครอื่นไอ้น้องดิวของผมแน่นอน ดิวโทรมาบอกว่าจะมาหาลูกๆ วันนี้


              TBC...
หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.70 ดิว แอ้ ไปหาลูกๆ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 12-05-2024 00:22:11
EP.70 ดิว แอ้ ไปหาลูกๆ

   Part’s ดิว ผมกับแอ้ขับรถไปที่บ้านเลย จะไปรับแฝดของผมและพากันไปหาอะไรทานกันหลังจากที่เยี่ยมแม่ของปูแล้ว ส่วนปูไปกับเดี่ยว ผมกับแอ้ขนของที่แอ้ไปซื้อมา เสื้อผ้าของลูกๆของผมทั้งนั้น ลูกชายฝาแฝดของผม อัยย์ ไอซ์ และมาริโอ้ สามคนนี้เป็นแฝดอายุสี่ขวบ น้องมีน คนนั้สองขวบครึ่งและอีกคนเล็กสุดขวบหนึ่งแล้ว กำลังหัดเดินเตาะแตะ คนเล็กนี้ได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะว่า ถุงแตก แต่ก็เลี้ยงอย่างตั้งใจ ผมยอมรับว่าผมสองคนมีลูกกันตั้งแต่อายุย่างสิบห้าปี เรียกได้ว่าแอ้เริ่มที่ท้องได้ผมก็จัดเลย(แต่ไม่รู้ในตอนนั้นว่าแอ้ท้องได้จริง)
   “แอ้ ดิวยกกระเป๋าไปเองดีกว่า” ผมบอกแอ้ แอ้เดินไปอุ้มน้องมีน ผมไปรับน้องมีนมาจากพี่เลี้ยงส่วนมิ้นน่ะไปอยู่พี่เลี้ยง วันนี้ฝากเลี้ยงแค่ครึ่งวันเท่านันและผมก็ได้โทรบอกพี่ดิมแล้วด้วยว่าจะมารับลูกแฝดไปเที่ยว  ปีหน้าลูกแฝดของผมก็ต้องย้ายไปเรียนที่กรุงเทพพร้อมกับผมแล้ว
   “พ่อแอ้….”น้องมีนก็เดินคุยกับแอ้ ผมหันไปเหลียวมองเป็นระยะๆ ผมแปลกใจทำไมบ้านเงียบจัง ทั้งที่แฝดของผมอยู่บ้าน ส่วนน้องมิ้นนั้นไปฝากเลี้ยงไว้ที่ศูนย์เนอสเซอรี่เด็กเล็กที่โรงพยาบาลแทน พ่อผมทำงานวันนี้ด้วย
   “ปึก” ผมเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ผมลากกระเป๋าเข้าไปถึงด้านในก่อน ผมยืนมองกวาดสายไปรอบๆ สิ่งที่ผมเห็นคือ บ้านผมเกิดสงครามอะไรไรขั้นในบ้านแบบนี้  ผมยืนกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะมาหยุดที่พี่ดิมที่ยืนมองผมพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นคำตอบว่า ผลงานทั้งหมดนี้ไม่ใช่ใครอื่น ลูกๆผมเอง ลูกแฝดของผมแน่ๆ
        "พี่ดิมดีครับพี่” ผมหันไปยกมือไหว้พี่ดิมแต่ก็ยังตกใจกับสิ่งทีเกิดขึ้นในบ้านของพ่อผม พ่อกลับมานี้เม้งแตกแน่ๆแต่คงเป็นพี่ผมนี้แหละที่จะโดนเม้ง
          “นี่พี่ทำอะไรกับบ้านอะ เล่นกันยังกับเป็นเด็กๆ เนอะ” ผมถามพี่ชาย พี่ดิมหันมามองหน้าผม
         “ไอ้พ่อลูกดก มึงลืมไปเหรอครับว่ามึงมีลูกแล้วน่ะครับและลูกๆ มึงนี้ก็น้องลิงดีดีนี่เอง” พี่ดิมพูดปนหัวเราะ
          "ลูกๆ มึงเขามีปาร์ตี้กันแต่จัดหนักไปนะเล่นซะกูไม่รู้ว่าคนความสะอาดเขาจะปวดหัวกันไหม"พี่ดิมพูด
          "ลูกผมเหรอ สุดยอด"ผมพูด พีดิมหันมาเหล่ตามอง
         "แอ้ไม่มาเหรอดิว"พี่ดิมถามผม
         "นั้นไง "ดิวชี้ให้ผมมอง แอ้กำลังจูงมือน้องมีน ทั้งคู่เขาเดินคุยกันกะหนุงกะหนิงแถมยังชี้นิ้วดูนั้นดูนี้ตามประสาเด็กวัยกำลังอยากรู้อยากเห็น พี่ดิมหันไปมองพร้อมรอยยิ้ม พี่ว่าพี่ดิมก็คิดเหมือนผมนีแหละ แอ้คือแม่ที่ดีที่สุดของผม
         "คิดอะไรกับแม่ของหลานพี่อ่ะ...” ผมถามพี่ดิมเห็นมองแอ้นานไปหน่อย
         “ปึด!!”ดึงขนจมูกผมซะนี้
         “โอ๊ย!! พี่ดิมดึงขนจมูกเขาอะ"ผมบอกพี่ดิม
         "มองเพราะคิดถึงตอนที่เรากำลังหัดเดินจนเราเดินได้พ่อก็ยังอยู่เคียงข้างเรา หนุนเรา พี่รักพ่อมากขึ้นไปอีกเลยน่ะดิว ที่เห็นภาพดิวกับแอ้รักลูกๆ มันก็ยิ่งทำให้มองเห็นภาพความรักของพ่อได้มากขึ้น"พี่ดิมบอกผม
          "ดิวรักพ่ออยู่แล้วแต่ตอนนี้รักมากขึ้นไปอีก ดิวจะทำตามที่พ่อบอกดิวและดิวก็เชื่อมันคือสิ่งที่พ่อคิดว่าดีที่สุด"ผมพูด ผมมองแอ้กับน้องมีน ทันทีที่น้องมีนเข้ามาในบ้านและเจอลุงดิมเข้า
         "ลุงดิม"น้องมีนทักพี่ชายของผม
         “พี่ดิมสวัสดีครับ"ทักทายพี่ดิม
         "ผมกับดิวผ่านที่ศูนย์เลยแวะเข้าไปรับน้องมีนออกมาเลยนะครับ “แอ้บอกพี่ดิม
         “ไม่รู้ว่าพ่อเสร็จหรือยังเพราะว่าผมกับดิวไม่เจอพ่อภาครับ”แอ้พูด
          "พ่อโทรหาพี่แล้วแหละ พ่อบอกว่าใกล้จะกลับแล้วล่ะแอ้ เห็นพ่อบอกว่ามีประชุมด่วน แต่เดี๋ยวพี่ดูแลให้แอ้” พี่ดิมพูดก่อนจะย่อตัวลง
          “น้องมีน ลุงลูก พ่อแอ้พ่อดิวจะไปทำธุระน่ะครีบ ฟ๊อด!” พี่ดิมอุ้มน้องมีนขึ้น หอมน้องมีนด้วย น้องมีนเขาน่ารัก ตาเขาหวานเหมือนแอ้ ยิ้มนี้ละม้ายคล้ายแอ้มาก คิ้วโค้งสวยได้รูป ปากนิด จมูกหน่อยแถมได้ผิวหอมมาจากแอ้เต็มๆ
        "เออ เกิดอะไรขึ้นกับบ้านอะดิว"แอ้หันมาถามผมทันที ที่หันไปมองรอบๆบ้าน ที่เต็มไปด้วยซอสมะเขือเทศ
        "ผลงานลูกๆ เราไงแอ้"ผมพูดด้วยความภาคภูมิใจ แอ้หันขวับมามองหน้าผมทันที อู้ย!!! สะดุ้งสุดตัวเลยเมียทำหน้าดุใส่ทันที
        "จริงเหรอพี่ดิม แอ้ขอโทษนะพี่ แอ้ช่วยเก็บ"แอ้ทำหน้าตกใจทันทีที่รู้ว่าทั้งหมดคือผลงานลูกแฝดตัวเอง
         "ไม่เป็นไรแอ้พี่มีคนมาช่วยทำความสะอาด เดี๋ยวเขาพาทีมงานมาและเรื่องแค่นี้จิ๊บๆ ครับ และพวกพี่ซิต้องขอบใจแอ้ ที่ทำให้บ้านพี่สมบูรณ์ มันมีความสุขมากกว่า เรื่องเออ….” พี่ดิมพูด
         “ดูเล็กลงไปถนัดตาแอ้"พี่ดิมบอกแอ้
          “ผมอยากรู้ว่าพ่อภีมกับพี่อ้น เขาจะคิดแบบพี่ไหมอ่ะพี่ดิม "แอ้พูด ผมหันมามองพี่ดิม
           "แอ้ พี่เชื่อว่าไอ้อ้นนะถ้ามันรู้ มันจะดีใจ ดูภายนอกมันเหมือนคนไม่รักเด็กแต่จริงๆ มันก็ต้องรักหลานมันเชื่อพี่ซิแอ้ "พี่ดิมบอกแอ้
            "พ่อแอ้ พ่อดิว"มาริโอ้วิ่งมาโดยสวมมาแค่ กกน. วิ่งลงมาหาแอ้ทันที เขาถือเสื้อผ้ามาด้วย
            "ฟ้อดๆๆๆ "คงคิดถึงมาก      
           "พ่อดิวหอมมั้งครับ" ผมบอกลูกชายก่อนจะย่อตัวลงและหอมแก้มเสียงดัง
           " ฟ๊อด! " ผมหอมมาริโอ้เสียงดัง
           "หอมจริงลูกใครหว่า "ผมแย่งแอ้หอมมาริโอ้ มาริโอ้ก็พยายามดันหน้าผมออก
           "คิก คิก คิก พ่อดิว หนวดพ่อดิวอ่ะ คิก คิก คิก"มาริโอ้พูด ผมเอามือคลำดู ลืมโกนหนวดเลยเมื่อวาน
           "ดิว เดี๋ยวลูกคัน บอกให้โกนก่อนมาก็ไม่ยอมโกน “แอ้หันมาเอ็ดผมทันที
           “มาครับพ่อแอ้ใส่ชุดให้ นะครับโอ้ นี้ชุดที่พ่อแอ้ซื้อให้นี้ครับ "แอ้พูดพร้อมกับมองหน้ามาริโอ้ ตอนนี้เขากำลังติด มาริโอ้ ตัวการ์ตูนที่เป็นเกมที่พวกผมชอบเล่นกันตอนเด็กๆ
            "เขาชอบมากพ่อแอ้"มาริโอ้บอกแอ้ว่าเขาชอบชุดที่แอ้สั่งซื้อมาให้เขา
           "พ่อพี่ซักแทบทุกวัน ใส่วันเว้นวันเลยแอ้ "พี่ดิมพูด แอ้ก็อมยิ้มให้ลูกชายฝาแฝดคนที่สาม
           "พ่อจะซื้อให้อีกนะครับ จะได้มีใส่ทุกวันเลย "แอ้พูดดูมาริโอ้ดีใจใหญ่เลยที่ได้ยินแบบนั้น
            "น้อง มีน หอม หอม"มาริโอ้หันมาหาน้องมีนที่ผมอุ้มอยู่ คู่นี้เขารักกันยกเว้นมิ้นเพราะว่าทะเลาะกันประจำกับมาริโอ้ น้องมีนดีดตัวจะโผไปกอดพี่ชาย ผมก็ต้องย่อตัวลงให้พี่น้องกอดกันได้ มันเป็นภาพที่พวกผมเห็นกันประจำ พวกผมรักใคร่ปรองดองกันมากจริงๆ ผิดใจกันแทบจะไม่ค่อยมี งอนกันก็มีบ้างแต่ไม่นานก็ดีกัน
           "พ่อดิว พ่อแอ้ ฟ๊อด"อัยย์ ลูกชายแฝดคนโตดิว แค่วิ่งมากอดแอ้และกอดดิวทันที คนนี้ผมเขาสอนให้เข้มแข็งมาก ร้องไห้นับครั้งได้เลย
           "พ่อดิว ฟ๊อด! พ่อแอ้ ฟ๊อด! ไอซ์คิดถึงพ่อที่สุด"น้องไอซ์แฝดคนที่สอง ทั้งกอดทั้งหอม กอดไม่ยอมปล่อยเลย แต่ละคนพากันกอดกันคงคิดถึงมากจริงๆ นี้ขนาดไปไม่กี่เดือนเอง
         "พี่ดิวดีครับ พี่แอ้ดีครับ หมับ? ฟ้อด! " อันนี้ไอ้เดียร์กอดและหอมอีกด้วย แต่ว่ามันทำเพื่อ???
         "-_? "ผมกับพี่ดิมหันไปมองหน้าไอ้เดียร์ อันนี้ใครบอกให้มันทำนิ
         "ไอ้ดิวน้องมึงเป็นอะไรนี่"แอ้พูดพร้อมดันหน้ามันออกและผมเองก็ก็ถลกแขนเสื้อแล้ว
         "ไอ้เดียร์นั้นเมียกู"ผมพูด
           "อู้ย! เห็นหลานกอด เลยกอดมั้ง แหะๆๆๆ "น้องเดียร์มันพูด และเอามือเกาหัวแก้เขินจนน่าโดนเตะน่ะผมว่า
           "อืมม "แอ้ ดันไอ้เดียร์ออก
           "ขี้ตู่อย่ามากอดพ่อเขานะ"มาริโอ้ รีบออกมายืนขวางทันที น่ารักมาที่หวงพ่อแอ้ทันที
          "ห้ามหอมด้วยเขาห่วง"น้องไอซ์
         "หือ! "อันนี้อัยย์ ทำท่าทางขู่กลับทันที
          "มึงมากอดกูนี้และก็มาหอมกูนิ ไอ้นี้ลืมตัวบ่อยนะมึงน่ะ"ผมพูด เห็นแบบนี้ผมก็รักน้องน่ะ ถึงเดียร์มันจะไม่ใช่น้องแท้ๆของพวกผม นั้นคือมมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกผมทางสายเลือดเลยก็ตาม มันรักน้องนะ เดียร์ห่างจากอมเกือบสามปีได้ จริงๆ เดียร์ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อผมแต่พวกผมรักมันเหมือนน้องแท้ๆ เป็นลูกของคนที่พ่อรู้จักและเขาเสียชีวิตลงพ่อเลยรับมาอุปการะ ตั้งแต่แรกเกิดเลย
            "ดิว ป่านนี้ปูกับเดี่ยวคงรอเราอยู่แล้ว"แอ้หันมาบอกผม
            "เพื่อนผมนะพี่แม่เขาป่วยเป็นมะเร็ง และเขามีปัญหาด้านการรักษา โรงพยาบาลแถวบ้านผมเลย"ผมพูด
            "ดีแล้วดิว งั้นไปเถอะ พี่ดูน้องมีนเอง เออ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ให้ดรีมมัน พารับไปฉีดวัคซีนเสริมดีกว่ามีอีกตัวที่ต้องฉีด "พี่ดิมพูด มีนน่ะน่ารักมาก เลี้ยงง่ายมาก ยิ้มเก่งด้วย ใครก็อยากเลี้ยง ผมหันมามองแอ้ว่าจะไปกันได้แล้ว
            "น้องมีน ฉีดยาเจ็บเหมือนมดกัด"ทันทีที่มาริโอ้ได้ยินว่าฉีดวัคซีนก็หันมาหาน้องชายทันที ผมก็ก้มลงมอง ร้องแหกปากคนแรกเลยดีกว่าที่เห็นเข็มน่ะ
            "แต่นายร้องซะไม่เหมือนโดนมดกัดเลยนะโอ้ "ไอ พี่ชายฝาแฝดรีบค้านทันที
           "ก็มดตัวนั่นตัวใหญ่เท่าช้าง พี่เจ็บมว๊าก!!!"มาริโอ้หันมาพูดกับน้องมีน ผมนี้เกาหัวทันทีเลย สมควรแล้วที่ลุงหมอดรีมบอกว่าหลานชายคนนี้ควรจะไปอยู่ตลกอาคาเดมี่ และน้องมีนตอนแรกยิ้มๆ นี้หุบยิ้มเลย 555
           "โอ้ไปขู่น้องทำไมล่ะ"แอ้พูดและหัวเราะมาริโอ้ด้วย
           "มีนไม่ร้องหรอกมีนเก่ง ฟ้อด!!"แอ้พูดและหอมแก้ม คนที่ถูกหอมก็ทำตาหยีให้แอ้
           "พี่ดิวขากลับแวะซื้อนมเย็นให้หน่อย น่ะ น่ะ "ไอ้เดียร์ดูมันอ้อนเป็นลูกแมวเลย
           "เออ ๆ มึงก็เลิกเอาหัวมาไถพี่ได้แล้ว กูขนลุก จะอ้อนน่ะช่วยดูอายุมึงด้วย"ผมพูดและดันหัวไอ้เดียร์มันออก
           "ร้านไหนอ่ะ"ผมถามเดียร์
          "ร้านเดิมหลานรักผมรู้จักพี่ดิว"ไอ้เดียร์พูด
           "อ้อ!!  โอ้จำได้ ร้านป้านมยานเหมือนถุงกาแฟและเวลาสั่งต้องทำท่า ส่ายนมเยอะๆ ด้วย เพราะว่าอาเดียร์ทำประจำ 
           "มาริโอ้ และยังเต้นเอามือจับส่ายไปมาอีกหลานผม
          "ใช่เลยหลานอา ... อู้ย!!!"ผมสามคนหันไปมอง ไอ้อาเดียร์มันสอนหลานได้ดีมาก
          “มึงทำได้ไง ป้าคนขายเขาอายุเยอะแล้วน่ะไอ้เดียร์” ผมหันไปพูด
          “มันเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดไง เฮอะๆ”ไอ้เดียร์พูดแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ผมนี้อยากจะเตะมันจริงๆ ส่วนหลานก็ไม่รู้เลยว่าอันควรจำไม่ควรจำ
          "ไปดิวรีบไป"แอ้หันไปบอกผม
          "ดีนะที่เมียกูรีบ ไม่งั้นมึงโดนแน่ๆ ไอ้เดีย รอบนี้บาทากูนี่"ผมพูด
           "ที่กูเร่งเพราะเดี๋ยวกูคงได้เตะน้องมึงด้วยอีกคน" แอ้หันมาพูด ผมก็พยักหน้าสมน้ำหน้ามัน
           "พี่แอ้ อย่าเตะเขานะ"ไอ้เดียร์พูด
           "แอ้ไม่ต้องเดี๋ยวพี่เตะมันให้ พี่ดิมพูดก่อนจะหันไปชำเลืองตามองไอ้เดียร์ พี่ดิมอุ้มน้องมีนอยู่ ตอนนี้แฝดสามพร้อมมากแล้วที่จะไปพบเพื่อนรักของผม ถึงจะเพิ่งคบกันแต่ผมรู้สึกสนิทกับเดี่ยวมาก มันทำให้ผมนึกถึงเพื่อนอีกสามคนที่เคยเรียนด้วยกัน อยู่ชมรมฟุตบอลมาด้วยกันแต่ไม่ได้ไปต่อกันเพราะว่ามันก็ลาออกจากทีมเหมือนผมเช่นกัน นั้นคือบอส กอล์ฟและอู๋  ผมหวังว่าไปเรียนรอบนี้คงได้เจอมันสามคนตอนที่ผมถูกส่งไปฝึก สามคนนี้ฝีมือดี ตอนนี้เป็นรักเรียนเตรียมกันอยู่

                  หลังจากที่ผมมารับลูกแฝดของผม ก็พากันขึ้นรถครอบครัว เป็นรถมินิแวนด์ ผมขับได้หมดทุกคัน ผมเริ่มขับรถตั้งแต่อายุสิบสี่แต่ต้องมีพ่อหรือพี่ชายผมนั่งด้วย ผมมีใบขับขี่กันแล้วตอนนี้ ก็ขับได้เลยตามใจชอบแต่ผมต้องขับอย่างมีสติเพราะว่าลูกๆผมคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมพาเด็กๆมารที่โรงพยาบาลของพ่อผม
              "พ่อจะพาเราไปฉีดยาอีกแล้วเหรอ เขาเพิ่งโดนมาเองน่ะ เมื่อวันก่อนอ่ะ โอ๋ยังเจ็บอยู่เลย "มาริโอ้รีบพูดพร้อมหลุบตาลง คงเพราะว่าเขาเห็นว่าผมเลี้ยวรถเข้ามาในโรงพยาบาล
             "เอากี่เข็มดีวันนี้"ผมพูดถามลูกชาย แอ้หันมาชำเลืองตามอง แม้แม่หวงลูกก็มา
             "เอาสองเข็ม อ๊า ไม่เอาอ่ะ ไม่เอา "มาโอ้พูดและทำท่าจะร้องไห้คนนี้กลัวเข็มฉีดยามาก
            "โป้งพ่อดิว แล้ว"มาริโอ้พูดทำแก้มป่องใส่ผมด้วย
           "พ่อล้อเล่น"ผมพูดพร้อมกับมองลูกชายผ่านกระจกมองหลัง
           "ดิว มึงจะแกล้งลูกทำไม มาริโอ้ไม่ฉีดลูกแต่ถ้าจะฉีด ฉีดพ่อดิวคนเดียว"แอ้ปลอบมาริโอ้ และยังหันมาบอกว่าผมนี้น่ะ
            “งั้นเดี๋ยวคืนนี้พ่อฉีดแม่แอ้ด้วยน่ะจะได้เสมอกัน “ผมรีบพูดทันทีแอ้หันมา ทำท่าจะหยิกพุงผมด้วย
            "ดิวแอ้เห็นรถพ่อภีม"แอ้พูดผมก็มอง
           "จริงดิแอ้ไหนอ่ะและไหนพี่เดฟบอกอาภีมไม่มาไง" ผมรีบพูด
           "นั้นดิดิวและแอ้ก็บอกพ่อด้วยว่าไม่ได้ไปไหนถ้ามาเจอนี้กูโดนสองเด้งเลยน่ะไอ้ดิว "แอ้เริ่มตกใจ
           "เออดิวไปจอดชั้นบนดีกว่าแอ้"ผมพูดและเลี้ยวรถขึ้นไปจอดบนชั่นที่ 2 ของตึกทันที
           “แอ้อาจจะตาฝาดไปก็ได้น่ะเพราะว่าพี่เดฟเพิ่งเอาเอกสารไปให้อาภีมเซนต์เองน่ะ เมื่อเช้าน่ะ” ผมหันมาบอกแอ้และลูกๆ ก็มองพวกผมตาแป๋ว แอ้ก็พยักหน้าเบาๆ ผมก็เช่นกันก่อนจะหันไป
          "เอาละเด็กๆ วันนี้พ่อมีแขกพิเศษ เพื่อนพ่อสองคน วันนี้ทำตัวให้น่ารักกันหน่อย นะครับคุณลูกๆ ถ้าทำได้ จะมีรางวัล
          "ผมทำข้อตกลงกันกับลูกๆ แต่ละคนพากันพยักหน้ารับทราบ อยากเจอเพื่อนใหม่กันแย่แล้ว ผมก็พาลูกๆ ลงมาจากรถและเดินเข้าทางเข้าโรงพยาบาลทันที
          "ดิวเราไปหาพ่อก่อนไหม "แอ้ถามผม
           "ดิวไม่รู้ว่าวันนี้พ่อจะขึ้นตรวจหวอดคนไข้หรือลงตรวจที่แผนกก่อนน่ะซิแอ้ “ผมพูดก่อนจะทำท่าคิด
           “เออ ดิวว่าเราไปทางนั้นดีกว่า "ผมบอกแอ้
          "ทางนี้ดีกว่า ทางนั้นมันจะเป็นทางออก แอ้ไม่อยากเจอพ่อ"แอ้บอกผม ยังอีกก็บอกอยู่ว่าพี่เดฟเขาเพิ่งไปให้อาเซนต์เอกสารมาน่ะแอ้นี่
           "แอ้อาจจะเป็นคนอื่นขับรถพ่อภีมมา พี่เดฟไม่โกหกเราหรอก"ผมบอกแอ้
           "ดิวไปอีกทางเหอะ"แอ้ยังคงบอกผม
            "แอ้ ดิวคิดว่าทางนี้ปลอดภัยกว่าเชื่อดิวซิแอ้ นะครับ"ผมหันไปบอกแอ้ที่มีสีหน้ากังวล
           "มึงนี่กูบอกทางนี้ดีกว่าไง” นั้นไงเมียของขึ้นครับ ผมก็ยืนเกาหัวแกรกๆ
           "พ่อดิว พ่อแอ้เราจะไปทางไหนกันแน่ อัยย์ ไปไม่ถูก” ผมสองคนลืมไปเลยว่ามีลูกมาด้วย ไอซ์ก็มองผมสองคนสลับกันไปมา อย่าว่าแต่ลูกเลย พ่อเองก็ไปไม่ถูก แม่เริ่มงอแง
           "โอเค โอค ไปทางพ่อแอ้แล้ว"สุดท้ายดิวก็ต้องยอมเมียครับผม ผมก็คว้ามข้อมือลูกและแอ้ด้วย ผมจำได้ผมจูงมาสองคน แต่ว่าตอนนี้ซ้ายหนึ่งคนคืออัยย์และขวาคือแอ้ และแอ้ก็คงจูงไอซ์ แล้วมาริโอ้ล่ะ
            "แอ้ลูกอยู่กับแอ้กี่คน"ผมถามแอ้โดยสายตายังมองหาทางเดินไปที่ตึกคนไข้ที่แม่ของปูแอทมิทอยู่ มองดูให้แน่ใจว่าปลอดภัยแน่นอนก่อนที่จะเดินผ่านไป
            "น้องไอซ์คนเดียว ทำไมเหรอ"แอ้ถามผม
             "ดิว…ก็อัยย์คนเดียวไง"แอ้พูดว่าคนเดียว ผมก็หยุดชะงักก่อนจะก้มลงมองว่าผมจูงอยู่กี่คน ปรากฏว่ามีคนเดียวและผมก็หันไปมองแอ้อีกที
             "ลูกเรามีสามคนน่ะแอ้แต่ตอนนี้เหลือสองคนแล้วอีกหนึ่งคนล่ะแอ้ "ผมถามแอ้และแอ้หันมามองหน้ากัน ตอนนี้อัยย์ ไอซ์และอีกคนที่หายไปก็คือ มาริโอ้!!!
             "ดิว! มาริโอ้หายไปไหนอ่ะ"นั้นไงมนุษย์แม่ตกใจทันที แอ้ถามผมพร้อมกับหันหามาริโอ้ เวรเลยผมลูกหาย ผมสองคนหันซ้ายแลขวาก็ไม่มี
             "พ่อตอนที่พ่อดิวกับพ่อแอ้เถียงกัน โอ้มันเห็นรถไอติมอ่ะ มันคงลงไปข้างล่าง"งานเข้าทันทีที่ อัยย์บอกผมว่ามาริโอ้อาจจะลงไปที่รถขายไอศกรีม ผมกับก็ส่งอัยย์ให้แอ้จับไว้ก่อนและวิ่งไปที่ระเบียง เสียงฝีเท้าแอ้และเด็กๆ วิ่งตามมาติดๆ
            "ทำไมเพิ่งบอกพ่อละอัยย์"ผมหันถามอัยย์ เชิงต่อว่า
            "พ่อเถียงกันอัยย์ไม่รู้จะบอกตอนไหนอ่ะ"อัยย์พูด ก็จริงครับลูก ผมพากันชะเง้อคอมองและก็
            "แอ้นั้นไง เดินอ้าวไปนั่น ลูกนะลูก!" ผมมองลงไปด้านล่างและนั้นไงมาริโอ้ลูกชายฝาแฝดคนที่สามของผมเดินไปข้างล่างนั้น ลูกตัวแสบผมเดินอ่าวตรงดิ่งไปที่รถขายไอติม ดูท่าเดินแล้ว น่าจะไปหาเรื่องเขามากกว่าไปซื้อไอติมน่ะนั้นน่ะ และมีคนยื่นอยู่สามคนกับพ่อค้า ผมหันมามองแอ้ และพากันวิ่งลงบันไดไปจนถึงชั้นล่าง ลูกช่างเก่งจริงๆ ลงมาได้อย่างไรคนเดียว
             "เอี้ยด! "เสียงผมเบรกสุดตัวก่อนจะหดเข้ามุมคว้าตัวลูกอัยย์เข้ามาด้วย ตามมาด้วยแอ้และไอซ์อีกคน เด็กๆ พากันมองหน้าผมสองเป็นเครื่องหมายคำถามว่าผมกับแอ้แอบกันทำไม ก็เพราะว่าคนที่ผมเห็นน่ะ คือพี่เขยผมเอง ถ้าไม่มีลูกมาด้วยก็คงออกไปทักทายกันปกติแล้ว
             "ดิว นั้นพี่อ้น พี่อั๋น และพี่โอ๊ค ตายแน่กู"แอ้พูด ผมหันไปมองหน้า ตายคนเดียวเหรอ ดิวนี้แหละที่จะตายก่อนเพื่อนเลย ถ้าพี่อ้นรู้ว่าผมทำน้องพี่เขาท้องแบบนี้
             "ทำไมเหรอพ่อ อุ๊บ"ผมเอามือปิดปากลูกชายฝาแฝดคนโตเอาไว้ก่อน แบบว่าตอนนี้พ่อยังไม่พร้อมจะอธิบาย
              "จุ๊ๆๆๆ "ทำนิ้วบอกลูกๆ ว่าห้ามส่งเสียง
              "แอ้พาลูกขึ้นไปชั้นสองก่อนน่ะ และดิวจะไปลากลูกตัวแสบเข้ามา” ผมพูด ผมยอมเสียสละเอา
              “หลวงพ่อ ช่วยลูกรอดปลอดภัยจากตีนพี่เมียด้วยเถิด ลูกนะลูกหางานให้ตลอด! " ผมยกมือขึ้นบนบานศาลกล่าวก่อนเลยที่จะออกไป แอ้มันก็มองหน้าผมและส่ายหัวไปมา ก่อนจะจูงมือพาลูกสองคนขึ้นไป   

             TBC…