พิมพ์หน้านี้ - ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Banoffypie.novel ที่ 19-06-2018 09:18:17

หัวข้อ: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 19-06-2018 09:18:17
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


✳  You are my galaxy ✳

Status : On air

Start 18/06/61
End 06/09/61


สามารถพูดคุยกันได้ทางทวิตเตอร์โดยใช้แฮชแท็ก #กาแล็คซี่สีชมพู  ค่ะ :)

ผลงานที่ลงจนจบแล้ว :  มุจลินท์  (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.0;topicseen)

ติดตามข่าวสารได้ทางด้านล่างค่ะ
FB  https://www.facebook.com/banoffypienovel/
Twit @banoffypiie
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Prologue - บทนำ ] 19-06-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 19-06-2018 09:26:03
Prologue

   ตั้งแต่ธัชธรรม์จำความได้เขาก็มีน้องชายหนึ่งคน เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มและผิวขาวจัดแตกต่างกับเขาที่ผิวแทนออกไปทางเข้มด้วยซ้ำ รูปร่างเราสองคนไล่เลี่ยกันจนเขาถึงอายุสิบขวบ ส่วนสูงเขาก็เริ่มสูงพรวดพราดจนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม่บอกเขาว่าน้องชายอ่อนแอและพัฒนาการช้าต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และสอนให้เขาดูแลน้องให้ดีนั่นคือหน้าที่ของพี่ชายคนโต เขารับคำและคอยดูแลน้องชายคนเล็กมาตลอด เขาและใบบุญอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เด็กหนุ่มจะเป็นคนพาน้องชายไปส่งที่โรงเรียนและรับกลับแทนมารดาที่ทำงานบริษัททุกวัน บางวันเขาก็จะพาน้องชายไปเดินเล่นที่สนามเด็กเล่นบ้างในบางวัน

   ใบบุญอายุสิบขวบแต่ว่าความคิดและการกระทำมักเหมือนเด็กอายุเจ็ดขวบ ในบางครั้งเขาก็ไม่อยากจะเชื่อแม่หรอกว่าน้องพัฒนาการช้า เพราะถ้าเป็นเรื่องความจำ ใบบุญจดจำได้ดีไม่แพ้เขาเลย น้องชอบอ่านหนังสือภาพและฟังเพลงเหมือนเขา เพราะแม่บอกว่าดนตรีบำบัดจะช่วยให้น้องได้ผ่อนคลาย สำหรับเขาแล้วดนตรีมันก็เหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายเขาไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะบิดาบังเกิดเกล้าที่เป็นอดีตนักดนตรี ซึ่งปัจจุบันแยกไปมีครอบครัวใหม่คอยสอนเขาเล่นกีต้าร์ก็เป็นได้ ทุกครั้งที่เขาได้จับเครื่องดนตรี ธัชธรรม์จะมีความสุขเสมอ

   วันนี้เขาพาใบบุญออกมาเล่นที่สนามเด็กเล่นในหมู่บ้านเพราะมารดาโทรมาบอกเขาว่าจะกลับดึก อีกอย่างปีนี้เขาก็อายุสิบสองแล้ว เพิ่งขึ้นชั้นมัธยมฯแม้จะเบื่อกับการดูแลน้องขนาดไหนแต่เขาก็ถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็ก แม่บอกว่าการเป็นผู้ดูแลมันอาจจะเหนื่อย แต่ให้ลองนึกถึงใจเขาใจเรา ถ้าเขาเป็นแบบใบบุญแล้วไม่มีใครสนใจเขาบ้าง เขาจะรู้สึกอย่างไร ธัชธรรม์มีน้องชายอยู่คนเดียวเขาก็อยากดูแลให้ดีที่สุด

   “ใบบุญ”

“จ๋า”

“อย่าไปเล่นตรงนั้นนะ” เขาชี้ไปที่กองทรายที่เด็กชายบรรจงปั้นขึ้นมาด้วยความตั้งใจ ถัดออกไปจนสุดทางมีท่อระบายน้ำที่ถูกเปิดทิ้งไว้ เขาคิดว่าคงเพราะเมื่อวานมีอาสาสมัครเข้ามาลอกท่อในหมู่บ้านอาจจะลืมปิดเอาไว้ เด็กสิบสองขวบอย่างเขายังรู้เลยว่ามันอันตรายแค่ไหน

“หนู หนูไม่ได้ไป หนูจะอยู่ตรงนี้” ใบบุญชี้ที่ที่เจ้าตัวอยู่ยืน ถัดจากเขาไปประมาณห้าก้าว เด็กชายกำลังก่อกองทรายกองใหม่เป็นรูปปราสาท รูปดาว และรูปปลาหมึก เขามองน้องชายพลางหันไปยังอีกฟากที่เพื่อนในวัยเดียวกันกำลังเตะฟุตบอลอยู่

“เสร็จหรือยัง พี่จะพาไปส่งบ้าน”

“ยังจ้ะ ขอหนูอีกแปบนึงนะ.. ใกล้แล้ว”
“เร็วๆนะใบบุญ” เขาคอยดูแลน้องตามคำสั่งของแม่ แม่บอกว่าน้องไม่เหมือนเด็กคนอื่น เขาเห็นแม่พาน้องไปพบแพทย์อยู่หลายครั้ง และต้องคอยกระตุ้นพัฒนาการอยู่เสมอ ส่วนเขามีหน้าที่คอยดูแลอย่าปล่อยให้คลาดสายตา

“พี่ธัชจะไปไหนจ้ะ” เด็กชายถามเสียงใสเพราะเห็นพี่ชายชะเง้อคอมองไปทางอื่นอยู่นานแล้ว ถ้าพี่ธัชไม่อยากเล่นอยู่ที่นี่เขาก็อยากจะชวนพี่ชายไปเล่นที่อื่นดูบ้างเหมือนกัน

“ไปเตะบอลกับเพื่อนน่ะ”

“หนูไปด้วยได้ไหม”

“เราไปก็เล่นไม่เป็นหรอก” เขาบอก พลางเท้าคางมองน้องชายที่ส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นมาให้ “มีแต่คนตัวใหญ่ๆทั้งนั้น” พวกรุ่นพี่เขาจับทีมเล่นกันน่าสนุกเขาก็อยากจะไปแจมด้วยอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่า..

“พี่ธัชก็ตัวใหญ่นะ ตัวใหญ่เท่านี่เลย” ใบบุญกางแขนทั้งสองข้างออกกว้าง ฉีกยิ้มสดใส

“เห็นพี่เป็นยักษ์หรือไง” เด็กหนุ่มหัวเราะ “เราน่ะตัวเล็กเกินไปต่างหาก”

“หนูกินข้าวทุกวันเลย กินเยอะกว่าพี่ธัชด้วย”

“กินก็ตัวเท่านี้อยู่ดี” เขามองน้องชายและตั้งท่าจะลุกขึ้น แต่เจ้าตัวแสบกลับไม่ยอมลุก ยังนั่งเล่นอยู่  “เอาล่ะจะกลับบ้านกันได้หรือยัง”

“ก็ได้ก็ได้ กลับบ้านแล้ว” ใบบุญยอมแพ้ ลุกขึ้นทั้งที่ในใจยังอยากจะเล่นต่ออีกนิด เพราะว่านานๆทีพี่ธัชจะพาออกมาข้างนอก แม่ก็ไม่ยอมให้เขาไปไหนมาไหนเองคนเดียวเพราะเป็นห่วงกลัวเขาจะหลง ทั้งๆที่เขาน่ะจำทางได้หมดนะ!

“ไม่งอแงนะ”

“ไม่งอแง เดี๋ยวพี่ธัชก็พาหนูมาเล่นอีก” เขายิ้มแป้น โผเข้าไปเกาะแขนพี่ชาย “หนูรู้ๆ”

“รู้ทันจริงๆ” ทั้งขำทั้งเอ็นดูเหลือเกิน “เช็ดมือเช็ดขาให้หมดนะ ทรายเกาะหมดแล้ว”

“หมดหรือยังอ่า” เจ้าตัวทำท่าสะบัดออก ทั้งปัดทั้งเช็ดไปหมดทั้งตัว

“มาใกล้ๆนี่มา” คนเป็นพี่เรียกน้องเข้าไปหาแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดเศษทรายที่ยังติดอยู่ตามตัว

“พี่ธัชใจดีจัง” เด็กชายยิ้มแก้มปริ ใบบุญเปรียบพี่ธัชเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่เลยล่ะ “กลับไปบ้านนะ ใบบุญจะยกเค้กให้พี่ธัชหนึ่งชิ้นเลย”

“เก็บไว้กินเถอะน่า พี่ไม่แย่งใบบุญหรอก”

“แต่ใบบุญ..”

“ไอ้ธัช” ธัชธรรม์หันหลังไปตามเสียงเรียกทันที เด็กชายตัวเล็กรีบวิ่งไปหลบหลังพี่ชาย

“ครับพี่” เขายกมือไหว้รุ่นพี่มอปลายที่โตกว่าเขาเกือบสี่ปี แม้ขนาดตัวจะโตไม่ห่างกันมากแต่เขาก็ไม่อยากมีปัญหา ส่วนมือจับจูงคนตัวเล็กเอาไว้ “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ทีมกูขาดคน มึงไปช่วยเล่นหน่อย” อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงในโรงเรียน เดินไปทางไหนคนก็รู้จักต้องเข้ามาทักทาย ธัชธรรม์อดจะตื่นเต้นในใจไม่ได้ ถึงใจจะอยากตอบรับแค่ไหน เขาก็ปล่อยน้องชายไปไม่ได้หรอก

“ผะ.. ผมไม่ว่าง”

“ไม่ว่างของมึงคือทำอะไร? เมื่อไหร่มึงจะเลิกโอ๋น้องมึงสักที ไอ้เด็กปัญญาอ่อนเอาไปเก็บในบ้านไป๊” รุ่นพี่คนหนึ่งเดินเข้าประชิด ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้เด็กชายที่ซุกหน้าเข้ากับช่วงอกพี่ชาย “เอามาก็เป็นภาระมึงเปล่าๆ ไปเล่นกับพวกกูนี่กว่าน่า”

“ผมกำลังจะกลับ” ธัชธรรม์ได้ยินแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที อยากจะพาใบบุญกลับบ้านเดี๋ยวนี้แต่อีกฝ่ายก็มีพรรคพวกเยอะเหลือเกิน

“มึงแน่ใจนะว่าจะปฎิเสธพวกกู” เสียงหัวเราะดังขึ้นระงม “ปล่อยให้มันกลับบ้านเอง หรือน้องมึงเป็นง่อยจริงๆวะหว่ายยย ไอ้ง่อย ไอง่อย ไอ้เด็กปัญญาอ่อน ปัญญาอ่อน”

“…” เขากำหมัดแน่น พยายามสงบสติอารมณ์ ไม่อยากให้อารมณ์ชั่ววูบทำให้เรื่องทุกอย่างมีปัญหา ใบบุญกระตุกเสื้อเขาอยู่หลายที

“พี่ธัชจ๋า” ดวงตากลมเริ่มคลอหน่วยไปด้วยน้ำตา เขาเห็นแล้วลูบหัวน้องชายเบาๆ

“ไม่มีอะไรหรอกใบบุญ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนกว่าเมื่อครู่ ฝั่งคนโตกว่าที่ล้อมรอบเดินเข้ามาประชิดอีกก้าวอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องได้ธัชธรรม์ไปกับพวกเขา

“อีกหน่อยเดี๋ยวมึงก็ปัญญาอ่อนแบบน้องมึงแน่ๆ” พวกมันหัวเราะเสียงดังลั่น “ไอ้พี่น้องปัญญาอ่อน!”

“พี่ธัชหนูกลัว” ใบบุญจะร้องไห้อยู่แล้ว ไม่เคยโดยใครเข้ามาหาเรื่องแบบนี้มาก่อน เด็กชายขาสั่นพั่บๆแทบจะล้มลงไปกองกับพื้นแต่เขาพยุงเอาไว้

“ใบบุญฟังพี่นะ เรากลับบ้านไปก่อนได้ไหม” เขาตัดสินใจก่อนที่อะไรๆจะแย่ไปมากกว่านี้ หันไปบอกน้องชายแต่ใบบุญส่ายหัวรัวๆทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“แต่หนู อยากกลับพร้อมพี่ธัช”

“เชื่อพี่นะ” เขาลูบหัวเด็กชาย แตะที่หลังเบาๆก่อนที่ใบบุญจะหันหลังวิ่งไปทางกลับบ้าน ธัชธรรม์รู้ว่าน้องเขาจำทางกลับบ้านได้และสนามเด็กเล่นที่นี่ก็ไม่ได้อยู่ไกลบ้านมากนัก มองจนน้องวิ่งหายไปลับตาเขาถึงได้เดินเข้ากลุ่มไป อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่ต้องทนเห็นใครมาว่าน้องชายของเขา

ช่วงหัวค่ำที่เขากลับถึงบ้านเด็กชายนั่งคุดคู้อยู่ที่มุมทางขึ้นบันได พอได้ยินเสียงเขาเรียกก็รีบกระโจนเข้ามาหา เขาจูงน้องชายไปที่ครัว เอาข้าวกล่องเข้าไมโครเวฟพร้อมทั้งอุ่นร้อนให้ ใบบุญไม่ได้ถามอะไรเขาเพียงแต่ซึมไปถนัดตา เจ้าตัวกินเสร็จก็เข้าห้องนอนไประบายสีจนผล็อยหลับไป มีเพียงเค้กหนึ่งชิ้นที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือเขาเท่านั้น

เค้กที่ใครบางคนสัญญาว่าจะให้..

+++

ธัชธรรม์ไม่คิดมาก่อนเลยว่าการตัดสินใจเมื่อวานจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาได้รับการยอมรับจากกลุ่มรุ่นพี่ ได้เข้าร่วมแก๊งค์เพื่อนที่เป็นที่รู้จักของโรงเรียน ได้เป็นที่สนใจของใครๆ มันช่างรู้สึกแปลกใหม่ และรู้สึกดีเหลือเกิน.. เด็กชายในวัยสิบสองปีรู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ระหว่างทางที่ไปโรงเรียนเขามักจะถูกรุ่นพี่หันมาโบกไม้โบกมือให้และเข้ามาทักทายอยู่เสมอ ในระหว่างช่วงพักกลางวันโรงเรียนเขาซึ่งแบ่งออกเป็นแผนกประถมฯและมัธยมฯมักจะมีเวลาพักที่ไม่ตรงกัน แต่ในปีนี้กลับให้พักพร้อมกันหมด ใบบุญจึงชอบมาหาเขามานั่งกินข้าวด้วย เพื่อนในห้องเขาคุ้นชินจนหมดแล้วเพราะเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ชั้นประถมฯ หลังจากที่เขาเข้ากลุ่มใบบุญถูกสั่งห้ามไม่ให้มาหาเขาอีก เขาไม่อยากเห็นน้องโดนแกล้งหรือพูดถึงในทางเสียหาย เด็กชายพยักหน้าเข้าใจและไม่เคยโผล่มาหาเขาอีกเลย

ธัชธรรม์รู้สึกไม่ดีเลยที่ทำแบบนี้ ใครต่อใครถามถึงใบบุญแต่เขาก็ได้แต่ตอบแบบขอไปที คิดว่าอย่างไรใบบุญก็ดูแลตัวเองได้ในระดับหนึ่ง เขาไม่จำเป็นต้องดูแลใกล้ชิดขนาดนั้นด้วยซ้ำ

 “ไอ้ธัชนั่นน้องมึงหรือเปล่าน่ะ” เขามองไปยังเด็กชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่คนเดียว เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกเช่นเคยและเขาได้แต่ทำเป็นหูทวนลม “เห็นแล้วขัดลูกตาจริงๆว่ะ”

“อะ เอ่อ”

“มีน้องแบบนี้กูว่าอย่ามีเลย” ถึงใบบุญจะเป็นอย่างไรตัวเขาก็ไม่เคยว่าน้องตัวเองเลยสักครั้ง ต้องมานั่งฟังคนอื่นพูดจาแบบนี้ ความอดทนเขาก็มีขีดจำกัด

“มันเลือกไม่ได้หรอกนะพี่” เขาตอบ “ไม่มีใครเลือกเกิดได้หรอก”

“กูรู้ ก็แค่มึงทำเป็นไม่สนใจ ทำเป็นไม่รู้จักมัน แค่นี้ก็ไม่มีใครรู้แล้ว” เขาเองก็รู้ว่าใบบุญและเขาหน้าตาไม่เหมือนกันสักนิด แทบไม่มีใครเชื่อว่าเป็นพี่น้องกันด้วยซ้ำ แต่เขาก็เมินเฉยกับคนพูดคนอื่นมาตลอด จนกระทั่งวันนี้วันที่เขากำลังจะมีสังคมใหม่

ทำเป็นไม่รู้จัก ทำเป็นไม่สนใจ..

เขาคิดอยู่ในใจ ไม่กล้าทำอย่างที่ใครบอก.. ได้แต่เฝ้ามองเด็กชายตัวน้อยที่เขาคอยเฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่เด็ก อยู่ห่างๆ เจ็บแปลบในใจเหลือเกินที่ทำได้แค่มอง ตกเย็นต้องแอบมารับน้องชายกลับบ้านทุกวัน เขาใช้ชีวิตแบบนี้จนกระทั่งขึ้นชั้นมอสาม วันที่ป้าพลอยกลับเข้ามาอยู่ในบ้านอีกครั้ง เดิมทีป้าพลอยแต่งงานและไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศๆนานจะแวะเข้ามาเยี่ยม เขาเองก็ไม่ได้เจอกับป้าพลอยตั้งหลายแล้ว กระพุ่มมือไหว้เสร็จก็เดินเข้าครัวไปจัดเตรียมของว่างมาให้

“ทับทิม แกยังเอาไอ้เด็กนั่นอยู่ในบ้านอีกหรือ” หญิงสาววัยกลางคนสวมชุดเดรสยาวสีเหลืองอ่อนเอ่ยถามมารดาเขา ทับทิมออกมานั่งต้อนรับพี่สาว ใบหน้าอิดโรยเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ ช่วงหลังมานี้เธอโหมงานหนักเพราะต้องบริการงานที่บริษัทด้วยตนเอง

“พี่พูดอะไรน่ะ เดี๋ยวลูกมาได้ยินจะทำยังไง”

“ไอ้ใบบุญน่ะหรือ มันจะไปรู้เรื่องอะไร เด็กเอ๋อแบบนั้น” พลอยไพรินพูดติดตลก ยกเล็บที่ทาสีครีมอ่อนขึ้นมาดู จะว่าไปเธอก็ไม่เห็นไอ้เด็กนั่นตั้งนานแล้วเหมือนกัน

“พี่พลอย” ทับทิมเอ่ยเสียงเครียด ลำพังแค่งานเธอก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว พี่สาวตัวดียังเข้ามายุ่งย่ามในชีวิตของเธอได้อีก ทั้งๆที่คิดว่าจะหนีพ้นและไม่อยากจะเอามารับรู้อีก

“แกเลิกฝันลมๆแล้งๆถึงสมบัติจากพ่อกับแม่มันเถอะ เด็กผีแบบมันไปอยู่บ้านไหนก็ล่มจมทั้งนั้น” หญิงสาวพูด น้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไร ต่างจากสีหน้าของทับทิมที่เริ่มซีดเผือด 

“หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่พลอย” ทับทิมเริ่มขึ้นเสียง เธอเริ่มจะโกรธพี่สาวเธอแล้วจริงๆ “ใบบุญไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย พี่ไปว่าหลานมันทำไม” เด็กชายที่เธอเฝ้าฟูมฟักมาตั้งแต่เด็ก รักประหนึ่งลูกชายในไส้

“ทำไมฉันจะว่ามันไม่ได้” พลอยไพรินก็ไม่ยอม ดวงตากลมลุกวาวขึ้นมาทันที “ไม่ใช่เพราะมันหรือไง ผัวแกถึงได้หนีไปมีเมียน้อย เพราะคิดว่ามันเป็นลูกชู้”

“ไม่จริง พ่อของเจ้าธัช เราเลิกกันด้วยดี ไม่ใช่อย่างที่พี่พูดเลยสักนิด” ทับทิมไม่ได้อยากจะทะเลาะเลย แต่เธอต้องปกป้องใบบุญเอาไว้ “เขาก็ยังส่งเสียลูกอยู่ตลอด”

“แต่มันก็จะได้เงินมากกว่านี้ ถ้าแกไม่เอาไอ้เด็กกาลกิณีนั่นเข้ามา” หญิงสาวแค่นเสียง ตั้งแต่วิฑูรย์หย่ากับน้องสาวเธอก็ไม่กล้าบากหน้าไปขอเงินน้องเขยอีก ลำพังเงินจากสามีจะไปพอยาไส้อะไร “เด็กบ้าอะไรพ่อแม่โดนฆ่าตายแต่ตัวเองยังรอดมาได้” ธัชธรรม์ชะงักกึก ถาดในมือสั่นจนแก้วน้ำแทบจะร่วงลงพื้น หมายความว่ายังไง?

ใบบุญไม่ใช่น้องชายของเขาหรอกหรือ?

“พี่พลอย มันจะมากไปแล้วนะ ทิมไม่ยอมให้พี่ว่าลูกเสียๆหายๆแน่”

“มันจริงหรือแม่ เรื่องที่..” เขาวางถาดลงกับโต๊ะ หันไปถามมารดาตัวเอง เมื่อกี้เขาไม่ได้หูฝาดแน่ๆ ป้าพลอยบอกเองว่าใบบุญไม่ใช่น้องชายเขา แล้วเป็นลูกใคร..

ลูกชู้.. ?

สาเหตุที่พ่อต้องเลิกกับแม่ ต้องย้ายออกจากบ้านไปเป็นเพราะใบบุญงั้นหรือ..

“จริงน่ะสิ มันไม่ใช่น้องแกแท้ๆ แม้แต่เศษเสี้ยวก็ไม่ใช่” พลอยไพรินจีบปากจีบคอ เรื่องใส่ไฟนี่เธอถนัดนัก น้องสาวเธอก็ไม่มีสิทธิ์เถียงด้วย “ถ้าไม่ใช่เพราะมัน พ่อแกก็ไม่ทิ้งแกกับแม่ไปหรอก”

“ทำไมแม่ต้องโกหกธัชด้วย” เด็กหนุ่มในวัยสิบห้าปีหันไปถามมารดา เขาโกรธที่แม่โกหก โกรธที่ต้องมารับหน้าที่ดูแลคนที่ไม่มีความผูกพันธ์แม้แต่สายเลือด คนที่ทำให้เขาต้อง.. ขาดพ่อ

“ยังไงใบบุญก็คือน้องหนูนะลูก” ทับทิมอึ้ง เมื่อลูกชายสุดที่รักตัดพ้อ เธอไม่มีแม้แต่คำตอบจะอธิบาย เพราะทุกอย่างมันยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องรับรู้..

“ผมไม่ยอมรับ! ไม่รับว่ามันเป็นน้อง!” เขาตะโกนทั้งน้ำตา “ผมเกลียดมัน!” โกรธแต่ทำอะไรไม่ได้มีแต่น้ำตาเป็นคำตอบแห่งความเสียใจ เสียงพูดข้างล่างดังจนใบบุญที่นอนอยู่สะดุ้งตื่น ค่อยๆลงบันไดเดินออกมาดู เด็กชายเห็นแม่ร้องไห้ก็ตกใจ แม่เงื้อมือขึ้นจะตีพี่ชายเขาแต่ก็ค้างเอาไว้ในอากาศ เด็กชายปิดตาไม่กล้ามองดู แม่ไม่เคยตีพวกเขาเลยสักครั้ง

แล้วทำไม ทำไม..

“ธัชธรรม์!”

เด็กหนุ่มขบกรามแน่น พยายามข่มความรู้สึกทั้งหลายเข้ามาประดังจนเขาต้องสงบสติอารมณ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเถียงแม่ แม่ที่ลำบากเลี้ยงเขามาคนเดียว เขาไม่อยากให้แม่เหนื่อย ไม่อยากให้แม่ต้องป่วย ได้แต่คิดทุกครั้งว่าถ้าพ่อยังอยู่ยังคอยดูแลพวกเขาเหมือนทุกครั้งก็คงจะดี แม่จะได้ไม่ต้องออกไปทำงาน มีเวลาดูแลเขามากกว่านี้ ทุกอย่างกลับตารปัตรเป็นเพราะมัน

เพราะมันคนเดียว..

+++

จากวันนั้นทุกอย่างมันก็เริ่มแย่ขึ้นเรื่อยๆ เขาทำเป็นไม่สนใจเด็กชายที่ตอนนี้ขึ้นชั้นมอหนึ่งและย้ายมาเรียนตึกเดียวกันกับเขา ธัชธรรม์ทำเป็นไม่รู้จักไม่สนใจ ทำเหมือนเด็กชายไม่มีตัวตน แม้ว่าใบบุญจะพยายามเข้าหาเขาอย่างไรก็ตาม เขาก็จะทำเหมือนมันไม่มีค่าให้มองเสียด้วยซ้ำ แม่ไม่พูดกับเขาเรื่องใบบุญอีกและไม่บังคับให้เขาต้องดูแลเด็กไม่สมประกอบนั่น เขามีเวลาไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ไปร้องเพลงคาราโอเกะ ไปเรียนดนตรีอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

เขามักเห็นใบบุญอยู่บ้านคนเดียว ถึงจะเริ่มออกไปข้างนอกได้แต่ก็ไม่เคยออกไปเลยสักครั้งถ้าไม่มีเขาหรือแม่พาไป เด็กชายอุดอู้อยู่แต่ในห้อง นอกเสียจากเขากลับบ้านถึงจะเสนอเข้ามาหา เขามองมันด้วยหางตาก่อนจะเมินเฉย

“พี่ธัช” ใบบุญย่องเข้ามาใกล้เขา ตอนที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสือ “นี่เค้กที่ธัชชอบกินไงจ้ะ” เค้กสตรอเบอร์รี่ชิ้นโตของโปรดเขาจริงๆนั่นแหละ เพียงแต่เห็นคนเอามาให้เขาก็คลื่นไส้ไม่อยากจะกิน

“เอาออกไปไกลๆ กูไม่กิน”

“พี่ธัช.. ทำไมล่ะ” เด็กชายร้องถาม ยกถ้วยขึ้นมาดม “มันยังไม่เสียสักหน่อย” เขาเพิ่งซื้อมาเองนะ!

“กูบอกให้ออกไปไกลๆไง” ธัชธรรม์กดเสียงต่ำจนเด็กชายสะดุ้ง ใบบุญไม่เคยโดนพี่ชายดุมาก่อนจึงตกใจมาก น้ำตาร่วงเผาะเป็นสาย ถือถ้วยขนมเอาไว้กับอก


“ฮึก พี่ธัชพูดดีๆกับหนูดีๆก็ได้นี่จ้ะ”

“ใครเขาจะอยากไปพูดดีกับมึง ไอ้เด็กปัญญาอ่อน” เขาพูดโดยไม่มองหน้าด้วยซ้ำเลยไม่เห็นสายตาของเด็กชายที่มองมาอย่างเสียใจ ใบบุญสะอื้นไห้ ทั้งชีวิตมีแค่แม่กับพี่ธัชเท่านั้น

“ฮึก.. ฮือ” เขากลั้นเสียงไม่ไหว ปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่น “พี่ธัชว่าหนูทำไม พี่ธัชไม่รักหนูแล้วหรือ”

“เหอะ” เขาตวัดสายตามอง พลางขมวดคิ้วแน่น “ไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก แล้วก็ไม่ต้องมานั่งรอ รำคาญ!”

“ฮึก ฮือ”

“อย่าเสียงดัง อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง!” เขาขึ้นเสียง “ถ้าว่างมากก็ออกไปซื้อของมาซะ” เขาเขียนยุกยิกลงในกระดาษที่ฉีกออกมาจากสมุด วาดแผนที่คร่าวๆจากบ้านไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ธัชธรรม์รู้ว่าใบบุญรู้จักเพียงแต่ไม่เคยไปเอง ส่วนมากแม่จะขับรถพาไป ถึงตะไม่ไกลมากแต่ทางเดินก็ซับซ้อนน่าดู เด็กชายเช็ดน้ำตาก่อนจะรับกระดาษมาดู เขาไม่เข้าใจแผนที่เลยสักนิด แต่คิดว่าถ้าถามทางก็น่าจะไปถึงได้

“แล้วพี่ธัชจะมารับหนูไหม”

“เออ” เขาแค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะพลิกหนังสือไปหน้าต่อไป ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับมาก็แล้วกัน! “เดี๋ยวไปรับ” ใบบุญพยักหน้าด้วยความดีใจก่อนวิ่งไปหยิบกระเป๋าเงินของตัวเอง มองดูใบรายการมีนมสดกับไข่ไก่ เขาซื้อได้อยู่แล้ว เดินไปเรื่อยๆตามทางที่พี่ชายเขียนเอาไว้โพย แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งหลง จนเขาต้องถามทาง ไม่น่าเลยรู้งี้ออกมาเดินเล่นบ่อยๆก็ดี

สองขาเริ่มล้าเมื่อเดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงจุดหมาย ใบบุญไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาไกลเท่าไหร่ คิดว่าไม่ต้องไปซื้อถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตแค่แวะเซเว่นแถวนี้พี่ธัชจะว่าไหม ในใจก็นึกกลัวไม่อยากให้พี่ชายนึกโกรธอีก ถ้าหากซื้อไปไม่ถูกใจเขาไม่อยากโดนพี่ชายดุ จู่ๆท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มลมกรรโชกแรงจนต้นไม้โยกไหว เม็ดฝนเริ่มร่วงเปาะแปะกระทบหลังคาเสียงดัง ใบบุญรีบสาวเท้าเดินหาที่หลบแต่ก็ไม่ทัน สายฝนโปรยปรายพร้อมแสงแลบแปรบปราบ ใบบุญนึกเกลียดท้องฟ้าก็วันนี้

เขากลัว กลัวจับใจ

“พี่ธัช พี่ธัชอยู่ไหนจ้ะ” เด็กชายในชุดนักเรียนเสื้อขาวและกางเกงสีน้ำเงิน กำลังเสียงร้องสะอึกสะอื้น ผิวหน้าขาวจัดขึ้นสีแดงจากการร้องไห้ เขายกมือปาดน้ำตาเรียกร้องหาพี่ชาย.. พี่ชายแสนดีของเขา “ฮึก.. ฮือ พี่ธัช”

   สายฝนพร่างพรายลงมาในช่วงเย็นย่ำ ร่างเล็กเปียกปอนจนหมด ผมเรียบลู่และดวงตาช้ำแดงก่ำ เขาใช้สองเท้าวิ่งเข้าไปหลบในเครื่องเล่นสไลเดอร์สีสันสดใสที่ตั้งตระหง่าน มือเล็กลูบหน้าลูบตาสลัดน้ำออกจนหมดนั่งคุดคู้พิงเพียงลำพัง ปากเล็กสั่นระริกจากความหนาวพร้อมพึมพำเรียกหาใครบางคน

   ที่เขาไม่มีวันหันมาสนใจ..
   
+++

(ต่อด้านล่างค่ะ )
   

หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Prologue - บทนำ ] 19-06-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 19-06-2018 09:29:41
(ต่อจากด้านบนค่ะ)

ธัชธรรม์มองเด็กชายที่นอนหอบหายใจอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงก่ำจากพิษไข้ ใบบุญไม่สบายจากการตากฝนเป็นเวลานาน กว่าจะไปพบเจ้าตัวนอนสลบอยู่ในสนามเด็กเล่นก็เป็นเวลาตอนเช้า กว่าแม่จะรู้และช่วยเขาออกตามหาก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว คราวแรกที่เจอแม่จะให้ใบบุญแอดมิทอยู่โรงพยาบาลด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวไม่ยอม อยากกลับมานอนที่บ้าน อยากอยู่ใกล้ๆเขา เด็กหนุ่มวางถ้วยข้าวต้มลง เตรียมผ้าขนหนูผืนเล็กที่ชุบน้ำมาหมาดๆค่อยๆบรรจงเช็ดตัว เขาคุ้นชินกับการดูแลใบบุญมานานแล้วจึงทำได้อย่างคล่องแคล่ว

   “พี่ธัช.. หนูขอโทษ”

“หุบปากไปซะ ใครสั่งให้พูด”

“ฮึก ฮือ พี่โกรธหนูหรือ”

“กินข้าวเสร็จแล้วก็กินยานอนซะ ไม่ต้องไปเดินเพ่นพ่านที่ไหนอีก” เมื่อคืนเขาแทบไม่ได้นอน หนังสือที่อ่านไปก็ไม่เข้าหัวเลยสักนิด ถ้าแม่รู้ว่าเขาเป็นคนสั่งให้ใบบุญออกไปซื้อของ เขาคงโดนดุไปแล้วแต่เจ้าตัวกลับปิดปากเงียบไม่บอกแม่ว่าออกไปไหน

“จ้ะ ก็ได้” เด็กชายพยักหน้า “พี่ป้อนหนูได้ไหม”

“มีมือก็กินเอาเอง” เขาตอบก่อนจะเห็นใบบุญทำหน้าจ๋อย ใบหน้าน่ารักยับยู่แทบจะจมไปกับเตียง เจ้าตัวครางเสียงแผ่ว แม้ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอม

“จ้ะ”

ธัชธรรม์เริ่มจับสังเกตุได้ ต่อให้เขาจะพูดจาแย่ๆหรือทำตัวไม่ดีอย่างไรแต่ใบบุญก็ไม่เคยโมโหใส่เขาเลยสักครั้ง เจ้าตัวเหมือนมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เขา ขอแค่ได้เจอเขาก็พอ เขานึกรำคาญรอยยิ้มหวานนั่นแปลกๆ มันทำให้เขารู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเขาเกลียดใบบุญก็เป็นได้ ตอนนี้ธัชธรรม์เตรียมสอบเข้ามอสี่ เขากำลังสอบชิงทุนไปเรียนที่ต่างประเทศ จากเกรดเฉลี่ยและผลการเรียนภาษาอังกฤษทำให้เขามีสิทธิ์สูงมากที่จะได้ทุนนี้ เด็กหนุ่มตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนัก และงดกิจกรรมทุกชนิด

ใบบุญมีหน้าที่ส่งข้าวส่งน้ำและเตรียมอาหารให้เขา เด็กชายเริ่มโตขึ้นและเริ่มหยิบจับทำอะไรด้วยตนเองเพราะไม่มีเขาคอยดูแลอีก ข่าวกระจายไปทั่วโรงเรียนว่าเขาลงแข่งขันและเป็นตัวเก็งในครั้งนี้ มีคนต้องการทุนนี้หลายคน เขาไม่รู้ว่าใครไปปล่อยข่าวกันแน่ เขาไม่อยากให้ใครรู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องการทุนนี้

หลังจากนั้นเขาไม่ได้ไปเข้ากลุ่มกับรุ่นพี่อีก พยายามปลีกตัวออกห่างมาและตั้งใจเรียนติวเข้มภาษาอังกฤษอย่างหนัก เขาได้ใบบุญคอยอยู่เป็นเพื่อน ทำให้เขาไม่รู้สึกกดดันจนเกินไป เจ้าตัวจะแวะมาหาเขาที่ห้องสมุดมานั่งอ่านหนังสือเป็นเพื่อนและกลับบ้านพร้อมกัน ต่อให้เขาไม่อยากพูดด้วยแต่เด็กชายก็พยายามหาเรื่องมาพูดคุยกับเขาจนได้

“พี่ธัชหิวอะไรไหมจ้ะ”

“ไม่กินแล้ว พอแล้ว จะอ่านหนังสือ”

“แต่พี่ธัชอ่านนานแล้วนะจ้ะ ตาจะเสียเอานะ”

“ช่างมันสิ”

“โถ่ ทำไมพี่ธัชดื้อแบบนี้ล่ะ” เด็กชายหัวเราะคิกคัก “แต่ก่อนยังว่าใบบุญดื้อ เดี๋ยวนี้ดื้อแทนไปแล้วหรือจ้ะ”

“รออยู่นี่เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อน” ธัชธรรม์ไม่อยากสนใจจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินลิ่วไปเข้าห้องน้ำ ใบบุญมองตามหลังพี่ชายจนลับตาแล้วหันกลับมาทำการบ้านตัวเองต่อ

“ไอ้ธัช เดี๋ยวนี้หายหัวนะมึง” เขาถูกกระชากไหล่เอาไว้ จิ๊ปากอย่างไม่พอใจก่อนจะหันไปมองคนที่ที่เพิ่งมาใหม่ “เดี๋ยวนี้ดังใหญ่แล้วนี่หว่า ไม่ต้องมาพึ่งบารมีอะไรพวกกูแล้ว”

“พี่พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง” เขาถาม ไม่อยากจะสนใจเรื่องไร้สาระ เขายอมรับว่าเมื่อก่อนยังเด็ก ยังตามใครไม่ทัน ตอนนี้เขาโตพอที่จะแยกแยะและคบคนแล้ว

“มึงถอนตัวไปซะ ทุนนี้กูจะเอา”

“ของแบบนี้มันวัดกันที่ความสามารถไม่ใช่หรือไง” เขาตอบ จ้องหน้าไม่ยอมหลบสายตา ถ้าหากจะอยากได้ก็เอาสามารถมาสู้กัน

“ถ้ามึงไม่ยอมถอยออกไปดีๆ มึงโดนแน่” เขาโดนผลักจนกระเด็นไปถูกกำแพงห้องน้ำ เสียวแปลบที่ไหล่แต่ก็ไม่เท่าเจ็บใจพวกมัน เรื่องอะไรที่เขาจะยอม!

   ก่อนวันสอบแข่งขันสามวันจู่ๆเขาก็ถูกเรียกเข้าห้องปกครอง มีคนแจ้งกระเป๋าเงินหายและเจออยู่ที่ใต้ลิ้นชักเขาในห้องเรียน ตั้งแต่เช้าธัชธรรม์แทบจะไม่ได้เข้าไปแตะต้องของในลิ้นชักด้วยซ้ำ เพราะเขามาถึงก็เข้าห้องสมุดไปอ่านหนังสือตลอด เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าไปในห้องเรียน ต้องมีใครเอามันมาใส่ไว้ใต้โต๊ะเขาตั้งแต่เย็นของวันก่อนแน่ๆ

   “ผมไม่ได้ขโมยจริงๆนะครับ”

“แต่หลักฐานอยู่ที่เธอนะธัช ครูเสียดายเธอจริงๆ”

“ผมไม่ได้ทำ!” ถ้าเขายอมรับ เขาต้องโดนตัดสิทธิ์สอบชิงทุนแน่ ถ้าให้เดาว่าเป็นฝีมือใครก็คงจะเดาได้ไม่ยากนัก นี่มันบัดซบจริงๆ พวกมันกะจะเหยียบให้เขาจมดินชัดๆ ประวัติเขาไม่เคยมีด่างพร้อยอย่างน้อยถ้าหากสอบไม่ติดก็ยังสามารถไปสอบเข้าโรงเรียนที่ชื่อเสียงในกรุงเทพฯได้ แต่นี่…

“ผมเป็นคนทำเองครับคุณครู”

“ใบบุญ?” ผู้มาใหม่ทำให้เขาหันไปมอง เด็กชายร่างผอมในชุดนักเรียนที่กำลังเดินเข้ามายืนข้างๆเขา

“ผมเห็นว่าเป็นของใครก็ไม่รู้ ก็เลยเก็บเอาไว้ที่ตัวเอง แต่ก็กลัวหายเลยไปฝากพี่ธัชเอาไว้ครับ”

“หมายความยังไง นี่เธอ?”

“พี่ธัชมาถึงโรงเรียนก็ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ไม่มีทางที่จะเข้าไปที่ห้องเรียนในตอนเช้าๆแน่ครับ” ใบบุญตอบฉะฉานไม่เหมือนเด็กที่พูดอ้ำอึ้งเหมือนเคย ราวกับเด็กปกติ?

“แล้วเธอ?”

“เป็นผมเองที่เอาไปใส่ไว้ในลิ้นชักของพี่ธัชครับ”

“ทำไมเธอทำแบบนี้ เธอคิดจะตัดสิทธิ์พี่ชายตัวเองหรือ?” คุณครูขมวดคิ้ว เตรียมจะขึ้นเสียง “เธอรู้ไหมว่ากำลังทำอะไร เหอะ เด็กอย่างเธอ..” คุณครูกำลังง้างปากพูดต่อ กำลังจะยกคำด่าทอที่ใครต่อใครต่อต่างก็พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติกับใบบุญเหมือนทุกครั้ง ธัชธรรม์เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคมเข้มสำดำสนิทนั้นแดงก่ำจนดูไม่ออกว่ากำลังร้องไห้หรือกำลังโกรธกันแน่

“พี่ธัชไม่ผิดนะครับคุณครู” เสียงของใบบุญดูเหมือนใกล้จะร้องไห้อยู่แล้ว จนคุณครูต้องชะงักไป

“คราวนี้ฉันจะปล่อยไป แต่เธอ.. ใบบุญ เจอของแล้วไม่ส่งคืนเจ้าของก็ไม่ต่างอะไรกับขโมย!” ดันแว่นตาขึ้นก่อนจะพูดเสียงดัง “ฉันจะเรียกผู้ปกครองมาพบแล้วทำทัณฑ์บนเอาไว้ คงต้องคุยกันหน่อยว่าต้องส่งเธอไปเรียนที่ไหนดี ให้เหมาะสมกับเด็กพิเศษอย่างเธอ” ใบบุญเงยหน้ามอง เขาไม่อยากย้ายโรงเรียน แต่ก็ต้องทนก้มหน้าฟังคำดุต่อไป ธัชธรรม์ตัวสั่นสะท้านมองคนที่แบกความผิดแทนแล้วพูดอะไรไม่ออก มันจุกมันแน่นอกไปหมด

ทำแบบนี้เพื่ออะไร?

   เขาได้ทุนไปเรียนต่อที่อเมริกาดังคาด แม่ดีใจกับเขาและอยากให้เขามีอนาคตที่ดี เขาร่ำลาเพื่อนๆและเตรียมตัวในการไปเรียน ศึกษาวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ จากที่เขาได้ยินมาหลังจากนี้ใบบุญจะถูกย้ายไปเรียนที่อื่นเพราะปัญหาเรื่องการปรับตัวและพัฒนาการช้า แม่ไม่ได้ว่าอะไรและพร้อมจะดูแลใบบุญทุกวิถีทาง แม่บอกว่าถ้าหากโรงเรียนนี้เขาไม่ต้องการ เราก็ไปเรียนที่โรงเรียนอื่นก็ได้

   ธัชธรรม์ไม่เจอใบบุญอีกเลยเหมือนอีกฝ่ายหลบหน้าเขาไม่ต้องการเจอหน้าเขาอีกแล้ว แตกต่างจากเขาที่อยากเจอ อยากขอโทษอยากพูดอะไรก่อนที่เขาจะไปจากที่นี่ เขายืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องใบบุญ เขารู้สึกเหมือนว่ามันผ่านมานานมากแล้วที่เขาไม่ได้พูดดีๆกับน้องชายคนนี้เลยสักครั้ง เด็กชายเปิดประตูออกมาก้มหน้าไม่พูดไม่จา

   “ไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่”

“พี่ธัช”

“อะไร”

   “พี่ธัชรักใบบุญบ้างไหมจ้ะ” เสียงแหบพร่าเล็กน้อยเอ่ยถามเขา เสียงช่างเบาราวกับจะปลิดปลิว เจ้าตัวค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสั่นระริกและแดงก่ำ จมูกน้อยๆขึ้นสีช้ำราวกับผ่านการร้องไห้อย่างหนัก

“ไม่รักและจะไม่มีวันรัก” เขาตอบไปอย่างใจนึก ไม่ได้คิดว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร ไม่รักก็คือไม่รักสำหรับเขาแล้ว ถ้าหากตัดใครออกไปจากชีวิต เขาก็ไม่มีวันกลับมามองหน้าได้อีก แต่เห็นแก่ว่าใบบุญช่วยเหลือเขา คำขอโทษที่เคยนึกไว้ว่าจะพูดถูกกลืนหายไป มีเพียงแต่คำว่าไม่รักและจะไม่มีวันรักออกมาเพียงเท่านั้น เด็กชายหลั่งน้ำตาเงียบๆยืนมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ มันแตกต่างจากสายตาเมื่อครั้งใบบุญมองเขามาอย่างทุกที มันเสียดแทงใจ มันทำให้เขารู้สึกว้าวุ่นบอกไม่ถูก ริมฝีปากแดงของคนตรงหน้ายกยิ้มราวกับสมเพชกับชีวิตตัวเองเหลือก่อน ค่อยๆพูดประโยคเชื่องช้า 

“ถ้าวันนั้นมาถึง ถ้าพี่รักใบบุญเข้าแล้วจริงๆ แล้วพี่จะต้องเสียใจ..”
   
+++

ประโยคสุดท้ายยังคงก้องอยู่ในหัวเขา ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นเพราะความฝันที่วนเวียนเหมือนติดค้างมานาน แต่มันนานเหลือเกิน นานจนตอนนี้เขาจำหน้าคนที่พูดไม่ได้ซะแล้ว.. มันช่างเจ็บปวดในใจแปลกๆ เขาดึงรั้งเสื้อยืดลงทาบทับกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอน ส่องกระจกเช็คยามเช้า ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผมสีดำและผิวแทนอย่างคนเอเชีย ดวงตาเรียวรีสีดำสนิทวาววับเขาส่ายหัวให้กับอาการเมาแฮงค์ที่เมื่อวานดื่มกับเพื่อนจนหนัก เมาเป๋จนแทบดูไม่ได้ อาจเป็นเพราะเขาดื่มมากไป ถึงได้ฝันประหลาดอีกแล้ว

เขาไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวมาหลายปีแล้ว ใช้ชีวิตเรียนจนจบไฮสกูลและซุ่มทำเพลงกับเพื่อนในวงการจนเริ่มพอมีชื่อเสียง สั่งสมประสบการณ์ในการทำเพลงอย่างที่เขาชอบ จนกระทั่งเขาขอทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ในที่สุด แต่ดูเหมือนว่าความฝันตั้งรกรากในต่างแดนจะต้องจบลงเพราะแม่บังเกิดเกล้ามีคำสั่งลากตัวเขากลับไทย เขาเองไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำหน้าอย่างไรหากเจอคนๆนั้น คนที่ทำให้เขาต้องฝันถึงมาตลอดหลายปี..

ใบบุญ..
 
   



TBC


ขอฝากน้องใบบุญกับพี่ธัชด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ
คุยได้กันที่ #กาแล็คซี่สีชมพู นะคะ
รัก  :mew1: :mew2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Prologue - บทนำ ] 19-06-61
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 19-06-2018 10:16:43
น้องใบบุญไม่ร้องน้าไม่ร้อง พี่ธัชไม่รักไม่เป็นไร มาๆเดี๊ยวพี่พาไปหาแฟนใหม่นะ ๕๕๕๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Prologue - บทนำ ] 19-06-61
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 19-06-2018 10:19:59
พี่ธัชใจร้ายยยยย สงสารน้องใบบุญ
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Prologue - บทนำ ] 19-06-61
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 19-06-2018 10:27:56
ใจนึงก็เกลียดพี่ธัชที่ร้ายกับน้อง

แต่อีกใจไม่การเกลียดกลัววันนึงน้องจะร้ายกับพี่ธัชบ้าง

แต่ชอบๆๆๆๆๆๆๆ +1เลยจ้าเรื่องนี้ มาต่อไวไวนะครับ คุณบานอฟฟี่พาย
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 1 ] 21-06-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 21-06-2018 14:43:50
Rhyme : 1

ธัชธรรม์เชื่อเสมอว่าการได้ใช้ชีวิตในสิ่งที่ตัวเองรัก มันจะมีความสุขกับกว่าการถูกบังคับให้อยู่ในกรอบที่มีแต่คนชี้นำ เขาต้องขอบคุณมารดาที่ให้เขาได้ใช้เวลาไขว่คว้าความฝัน เขาในวันนั้นและเขาในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างมากมายจริงๆ

ชายหนุ่มใช้เวลาร่ำลาเพื่อนฝูงและออกไปปาร์ตี้ติดกันทุกวันเป็นเวลาสองอาทิตย์ เขาร่ำลาเพื่อนในกลุ่มและรับปากว่าจะกลับมาแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันยากแค่ไหน อย่างน้อยที่สุดก็จนกว่าจะเรียนจบ ให้ตายเถอะ เขาคงคิดถึงชีวิตที่นี่ชะมัด หลังจากที่เขาจบไฮสกูลและดื้อแพ่งกับมารดาไม่ยอมกลับประเทศไทย เขาก็ได้เฮนรี่และคู่หูตัวโตอย่างเคนและอเล็กซ์ช่วยหางานพิเศษให้ทำ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการรวมกลุ่มเพื่อทำตามฝันของเขา.. เขาชอบเขียนเพลงและทำมิกซ์ บางครั้งก็ไปร้องเพลงเปิดหมวกอยู่บ้าง กว่าเพลงที่พวกเขาร่วมทำกับเพื่อนจะเริ่มเป็นที่รู้จักก็ใช้เวลาเป็นปีด้วยซ้ำ

   เริ่มมีนักร้องเชิญเขาไปร้องร่วม ถึงจะเป็นเพียงนักร้องที่ไม่มีชื่อเสียงโด่งดังแต่มันก็ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น เขารู้ว่าตัวเองยังต้องฝึกฝนและหาประสบการณ์อีกเยอะ แต่ภาระหน้าที่จากทางบ้านเขาก็ไม่สามารถที่จะละทิ้งได้ เขาเป็นห่วงมารดาที่อายุมากขึ้นทุกวัน ไหนจะต้องดูแลน้องชายไม่สมประกอบอีกคน ถ้าเขาขืนยังอยู่ที่นี่ต่อไปไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง

   “แล้วเจอกัน!”

“ไว้นายลืมเจสสิก้าได้ อย่าลืมพาคนใหม่มาอวดพวกเรานะ” เคนยิ้ม ก่อนจะแท็กมือกับเขา เรากอดกันด้วยมิตรภาพที่สั่งสมมานาน เชื่อเถอะว่าถ้าเรามีเพื่อนที่อยู่ด้วยกันเหมือนครอบครัว มันก็ผูกพันมากเลยล่ะ

“ฝันไปเถอะ” เขาแยกเขี้ยวใส่ เมื่อไหร่พวกบ้านี่จะเลิกล้อเรื่องแฟนเก่าเขาสักที เฮนรี่หัวเราะเสริมอย่างชอบใจก่อนจะตบไหล่เขา

“ขอให้นายมีความสุข ธัช”

“ขอบใจ ว่างๆอย่าลืมมาเที่ยวประเทศไทยนะ”

“ไปแน่เพื่อน ถ้าแกเลี้ยงฉัน ฮ่าๆ”

“ไปตายไป! อเล็กซ์” ทุกคนหัวเราะก๊ากเมื่อเขาหันไปด่าเพื่อนอีกคน เขาโบกมือลา จดจำความทรงจำดีๆเอาไว้ “See you again!”

ได้เวลาที่กลับไปสู่โลกความเป็นจริงสักที

นั่งเครื่องมาเกือบสิบสองชั่วโมง สภาพตอนนี้เขาเพลียเต็มทน เสียงดังจอแจจากผู้คนรอบข้างทำให้เขาอดจะรำคาญไม่ได้ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ปลดกระเป๋าเป้ลงจากไหล่ เขาถอดแว่นกันแดดสีดำสนิทพลางมองไปบริเวณจุดนัดพบโดยรอบ เสื้อแจ็คเก็ตสีเหลืองที่สวมมาถูกถอดออกทันที ไปอยู่ต่างประเทศมาเกือบห้าปีใช่ว่าเขาจะไม่ลืมความโหดร้ายของภูมิประเทศบ้านเกิด เขาหมุนโทรศัพท์ไอโฟนไว้ในมือ เมื่อเห็นแม่ส่งข้อความผ่านไลน์มาบอกเขาว่าจะให้คนมารับ และคนที่กำลังมารับเขาก็คือคนที่เขาดันอยากเจอเสียด้วย..

   ใบบุญ..

   เขายืนรออยู่เกือบสิบนาทีแต่ก็ไม่มีวี่แวว เห็นแม่ส่งคอนแทคทางไลน์มาให้เขาจึงแอดไปอัติโนมัติ เพราะเห็นว่าจะต้องติดต่อกันหรอกเขาถึงยอมแอดไปก่อน ตั้งแต่ที่เขามาเรียน เขาและใบบุญก็ไม่เคยคุยกันเลยสักครั้ง เราเหมือนคนแปลกหน้าไปแล้ว

   ‘Hey! อยู่ไหนแล้ว?’

   ไม่มีเสียงรับจากปลายสายจริงๆ มีแต่ความเงียบจนเขาอดทนไม่ไหวต้องส่งสติ๊กเกอร์หมีแทงเข่าไปหนึ่งตัว นี่ กล้าเมินเขาได้ยังไง!

   ‘พี่ถึงแล้วหรือครับ’ หมอนั่นรีบส่งข้อความมาทันทีที่เขาส่งสติ๊กเกอร์ไป

   ‘เออสิ’

   ‘งั้นรอแปบนะ ผมกำลังวนหาที่จอดรถ’

   ‘เร็วๆเลย’

   เขาจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ กำลังนึกคำด่าเป็นภาษาไทยสมองยังไม่ทันได้ประมวลเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเสียงเรียกโทรเข้าจากไลน์ของเด็กหนุ่มที่ในภาพเป็นรูปกีตาร์โปร่งและหมาพันธ์โกลเต้นกำลังนอนหมอบอยู่ข้างๆ เขาไม่ได้สนใจมากไปกว่านั้น พอเห็นว่าเป็นชื่อใบบุญก็รีบกดรับสายทันที เสียงดังทะลุออกมาจากโทรศัพท์จนเขาหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

   “พี่อยู่ตรงไหน ผมหาไม่เจอ” เสียงหอบหายใจดังถี่ เจ้าตัวคงกำลังจะวิ่งตามหาเขาไปทั่ว

   “อยู่ตรงทางออก”


   “เจอแล้ว!”
   ธัชธรรม์หันไปด้านหลังตามเสียง เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำลังนั่งยองๆกับพื้นราวกับเหนื่อยจัด ผิวขาวจัดตัดกับเสื้อยืดแขนสั้นสีเทาและกางเกงผ้ายืดสีน้ำตาล ทรงผมชี้โด่ชี้เด่เหมือนกับรังนกดูยุ่งๆปิดหน้าปิดตา แว่นตากลมโตสีดำสนิท แล้วนั่นอะไร ใส่รองเท้าแตะมารับเขา ยังกล้าออกจากบ้านมาทั้งที่สภาพแบบนี้เขาล่ะเชื่อเลยจริงๆ

   เขานึกถึงดวงหน้าขาวและดวงตากลมโตคู่สวยที่ชอบมองเขาด้วยสายตารักใคร่ เสียงหวานเจื้อยแจ้วที่ชอบเข้ามาออเซาะ หยอกล้อให้เขาได้แกล้ง และใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่มองเขาอย่างตัดพ้อ ใจเขาสั่นกระตุกทุกครั้งที่ต้องนึกถึง บางครั้งเขาก็นึกถึงขึ้นมาเฉยๆ ไม่รู้ทำเหมือนกัน.. แต่พอเขาได้เจอใบบุญอีกครั้ง กลับกลายเป็นไอ้เด็กทึ่มแสนเชยที่ดูไม่ประสีประสาไปเสียได้ นี่เขาคงจะขาดหวังมากเกินไปจริงๆ

   “จะกลับบ้านกันได้หรือยังครับ” เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ ท่าทางประหม่าอย่างเห็นได้ชัด “มีอะไรให้ผมช่วยไหม?”
“มีกระเป๋าอีก2ใบ แค่นี้แหละ” เขาพยักเพยิดไปด้านหลัง ของที่ขนกลับมาได้ก็มีแค่เสื้อผ้า ส่วนเครื่องดนตรีบางชิ้นก็คงต้องใช้วิธีส่งมาแทน ใบบุญพยักหน้าแล้วรีบไปช่วยถือ

“พะ พี่เป็นยังไงบ้าง”

“สบายดี”

“ระ หรือครับ ดีจังเลยนะ” เด็กหนุ่มเกาหัวแกรกๆพร้อมยิ้มแห้งให้

“ไม่ต้องพูดมาก รีบเดินนำไปได้แล้ว” เขาเดินตามแผ่นหลังที่ก้มงองุ้มเล็กน้อย แค่ท่าทางการเดินก็ขัดหูขัดตาเขาเสียเหลือเกิน เขาจับไหล่บางเอาไว้ ส่วนอีกมือทาบทับไปที่กลางแผ่นหลังก่อนจะดัดให้เด็กหนุ่มเหยียดหลังตรง

“โอ๊ย เจ็บ!”

“เดินกับกู อย่ามาเดินหลังงอแบบนี้”

“ขะ ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มเบ้ปากด้วยความเจ็บก่อนจะก้มหน้ารับคำ

“แล้วนี่ทำไมผมไม่รู้จักไปตัด” เอื้อมมือจะไปเปิดหน้าผาก แต่เด็กหนุ่มก็โยกตัวหลบเขาทันจนได้ “แม่ไม่บอกหรือไงวะ”

“ก็บอกอยู่ครับ” เขาตอบพี่ชายเสียงเบา “แต่ว่าผมชอบแบบนี้”

“มันจะเสียสายตา” เขาแอบเสียดายดวงตาคู่สวยขึ้นมานิดหน่อย พอพูดอย่างนั้น เด็กหนุ่มก็สะดุ้งตัวขึ้นมาทันที เขามองอย่างงุนงง หรือว่าเขาพูดอะไรผิดไป

“พี่เป็นห่วงผมหรือ”

‘พี่ธัชเป็นห่วงใบบุญหรือจ้ะ’

แวบหนึ่งที่เขานึกถึงคำพูดและการแทนตัวอย่างสนิทสนม ตอนนี้ใบบุญแทบจะไม่กล้าเข้าใกล้เขาด้วยซ้ำ เจ้าตัวเดินออกห่างแถมยังหลบตาอีก เขามีอะไรน่ากลัว? บางครั้งเขาก็อยากจะพูดคุยกับคนตรงหน้าดีๆสักครั้งแต่ก็ติดทิฐิในใจ สมองสั่งการว่าคนๆนี้คือตัวโชคร้ายที่ทำให้ครอบครัวเขาต้องแตกแยก

“ไม่มีทาง” พูดแล้วก็เดินกระแทกไหล่เด็กหนุ่มออกไปอีกทาง ใบบุญกำหัวไหล่ มองชายหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ สายตาที่มองแผ่นหลังกว้างนั้นยังคงตัดพ้อ.. ว่าเมื่อไหร่จะเลิกจงเกลียดจงชังเขาเสียที!

“เดี๋ยวสิครับ รอผมด้วย”

“Shit!”

บรรยากาศในรถเงียบสงบมีเพียงเสียงลมหายใจของชายหนุ่มที่กำลังงีบอยู่ทางเบาะด้านหลัง เด็กหนุ่มมองผ่านกระจก ใบหน้าที่เขาคิดถึงมาตลอดดูคมเข้มขึ้น คิ้วดกดำที่พาดอยู่เหนือดวงตาเรียวรีสีดำสนิท ผมสีดำธรรมชาติที่ตัดเข้าทรงอย่างดี ผิวแทนเข้มและลาดไหล่กว้าง เสื้อยืดแบรนด์เนมพอดีตัวที่รัดรึงจนเห็นกล้ามเนื้อสมส่วน กางเกงยีนส์สีเทาพอดีตัวและรองเท้าสนีกเกอร์สีน้ำเงินสด

หล่อกว่าในรูปอีกแน่ะ..

ใบบุญเหลือบมองอยู่หลายครั้งจนต้องตั้งสติให้ตั้งใจขับรถ ในใจฟองฟูดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แต่ก่อนเขาต้องคอยส่องอินสตราแกรมพี่ธัช ทั้งติดตามแฟนเพจวงดนตรีและตามงานสมัยที่ชายหนุ่มกำลังเริ่มมีชื่อเสียง ได้เห็นพี่ธัชมีความสุขกับชีวิตที่กำลังไปได้สวยเขาก็ดีใจแล้ว ถึงแม้ว่าความเป็นจริงชายหนุ่มจะไม่เคยแยแสหรือสนใจเขาเลยก็ตาม แค่ได้มองอยู่ไกลๆก็มีความสุขแล้วจริงๆ

ขอแค่ได้รักอยู่ตรงนี้..

รถจอดสนิทในเขตรั้วบ้านแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังคงนอนหลับอยู่ เขาลงจากรถไปเปิดประตูด้านที่ธัชธรรม์กำลังนอน ไม่กล้าชะโงกหน้าเข้าไปใกล้แต่เรียกเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยิน เขาเอื้อมมือไปเขย่าตัวคนที่กำลังหลับสบาย โยกหน้าเข้าไปเรียกใกล้ๆเผื่อว่าจะได้ยินเสียง

“พี่ธัช ถึงบ้านแล้วนะ” เขานึกเห็ฯใจคนที่เดินทางเหนื่อย ถ้าเข้าไปนอนในบ้านคงจะสบายกว่านี้

“อืม..” ชายหนุ่มสะบัดมือเขาออก เขาจึงคว้าไหล่ไว้แน่นก่อนจะเขย่า

“ตื่นได้แล้วนะครับ” จู่ๆร่างเขาก็เซเข้าไปทับธัชธธรม์ มือหนาดึงเขาเข้าไปใกล้จนใบหน้าเราแทบจะชิดกันอยู่แล้ว “เหวอออออ”

“เฮ้ย” ชายหนุ่มตกใจดึงออกแรงผลักเขาออกมาอีกที ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องเจ็บตัว!

“โอ๊ยยย” เขากุมสะโพกเพราะล้มก้นกระแทกอย่างจัง เวรเอ๊ย แว่นกระเด็นไปไหนอีก

“ทีหลังอย่ามาปลุกอีก” เสียงกดต่ำพร้อมกับแววตาไม่สบอารมณ์ ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะขี้โมโหได้ขนาดนี้ ไม่รู้ไปกินรังแตนมาจากไหน! ถ้าไม่ปลุกแล้วจะให้ทำอย่างไร คนบ้าเอ๊ย!

“คะครับ ขอโทษครับ” ขบฟันแน่นเพราะความเจ็บ รีบเข้าไปขนของท้ายรถเข้าไปในบ้าน มารดาเขาได้ยินเสียงเอะอะจึงออกมาดู

“ธัช มาถึงแล้วหรือลูก” ทับทิมปราดเข้าไปหาลูกชายคนโต เพิ่งได้เจอตัวจริงๆในรอบหลายปี ลูกชายเธอโตมากเหลือเกิน “เหนื่อยไหม? เข้าบ้านมาก่อนเร็วลูก”

“งั้นผมเอากระเป๋าพี่ไปเก็บข้างในนะครับ”

“เอามานี่” ธัชธธรรม์กระชากออกจากมือคนตัวเล็ก “ตัวแค่นี้จะหิ้วไหวหรือไง”

“อ่ะ เอ่อ” เขายืนนิ่งอึ้ง แค่กระเป๋าล้อลากมันก็ไม่ได้เกินความสามารถเขาหรอกนะ

“รีบเข้ามา”

“ครับ….”

ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปยังบ้านที่แสนอบอุ่นที่เขาไม่ได้เหยียบย่ำเข้ามาเกือบห้าปี ภายนอกยังคงเหมือนเดิม สีที่หลุดลอกมันถูกทาสีทับเมื่อต้นปี ส่วนด้านในมีการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ เขาเห็นจากรูปถ่ายที่มารดาเป็นคนส่งมาให้ดู ข้าวของเครื่องใช้เรียบง่าย สะอาดสะอ้าน ให้บรรยากาศของความเป็นบ้านแตกต่างจากหอพักที่เขาอยู่อย่างสิ้นเชิงจริงๆ

นี่สินะ.. บ้าน

“แม่ทำอาหารเอาไว้พอดี เดี๋ยวลองชิมอาหารไทยหน่อยก็แล้วกัน” ทับทิมจับจูงลูกชายเดินไปนั่งพักโซฟาสีครีมเบาะนุ่มที่เธอซื้อมาใหม่เพราะเป็นสีที่ลูกชายคนโตชอบ เธออยากจะเอาใจใส่ให้กับลูกชายที่ห่างจากอกแม่ไปเสียนาน

“ผมกินไม่เยอะนะ ปวดหัว” เขาบอก

“งั้นรีบกินข้าวกินยาไปนอน ใบบุญไปช่วยหาข้าวหาปลาให้พี่เขาหน่อยสิลูก”

“ครับแม่” เขาพยักหน้าก่อนจะกุลีกุจอเข้าครัวไปเตรียมตั้งโต๊ะอาหาร เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กหายเข้าไปในครัว ทับทิมหันมามองธัชธรรม์ เธอเอื้อมไปจับมือของลูกชาย

“คราวนี้กลับมาอยู่กับแม่นะ” เสียงแผ่วของมารดาทำให้เขาหันมาสบตา “ธัช..”

“ครับ”

“ไม่โกรธน้องแล้วนะลูกนะ”

“มันไม่ใช่น้องผม!” เขาตวัดเสียงเข้ม ก่อนจะรู้สึกตัวว่ากำลังโมโหจึงบอกมารดาโดยไม่ยอมสบตาอีก “แม่อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลยครับ”

“ธัช.. แม่ขอร้อง” ทับทิมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่ลูกชายก็ยังไม่ยอมลงให้ เธอเสียใจจริงๆ “น้องไม่มีใครแล้ว อย่าทิ้งน้องเลยนะลูก”

“เสร็จแล้วนะครับ เราจะกินกันเลยไหม” เด็กหนุ่มเดินเข้ามาตาม เห็นมารดากำลังคุยธุระหน้าตาเคร่งเครียดก็รู้สึกว่าตัวเองเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า จึงได้ส่งยิ้มแห้งไปให้

“กินเลยๆ เดี๋ยวแม่กินด้วย” ซับน้ำตาที่คลออยู่จนเหือดแห้ง ก่อนจะลุกขึ้นเรียกธัชธรรม์ให้ไปทานข้าวด้วยกัน “ใบบุญก็มากินด้วยนะ หนูผอมเกินไปแล้ว”

“จ้ะแม่ รอแปบนะจ๊ะ”

ธัชธรรม์มองตามร่างบางที่หายเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงหลุบตามองมือหนาของตัวเองเพียงเท่านั้น เด็กชายตัวน้อยที่เขาอุ้มขึ้นคอ คอยอาบน้ำให้แต่งตัวให้ ถึงจะไม่ได้คุยกันนานแล้วแต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามันมีอะไรขาดหายไป ไม่ว่าจะเพราะด้วยเหตุผลอะไรที่เขาไม่อยากจะนึกถึง เขาไม่อยากจะไปขุดคุ้ย ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว..

“มันก็ดูปกติ ไม่ได้ดูเหมือนแต่ก่อน”

“น้องดีขึ้นแล้ว ตอนนี้เรียนกีตาร์อยู่” ทับทิมตอบ “อย่าเรียกน้องแบบนั้น..”

“กีตาร์?”

“น้องเห็นธัชชอบเล่นก็เลยอยากเล่นบ้าง มาขอแม่ไปเรียนตั้งแต่ก่อนลูกไปเรียนต่ออีก” เธอตอบ หลังจากได้ดนตรีเข้ามาเยียวยาบาดแผลทางจิตใจดูเหมือนเด็กชายตัวน้อยจะดีขึ้น เธอจึงยอมให้ลูกเข้าโรงเรียนมัธยมอีกครั้ง ใบบุญสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเด็กปกติ แม้จะไม่ชอบสุงสิงกับใครก็ตาม

“เหอะ”

“ถือว่าแม่ขอนะลูกนะ” เธอขอร้อง นี่คือสิ่งสุดท้ายที่เธอยังเป็นห่วง ไม่มีคนดูแลใบบุญไม่ได้..

“ผม..” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน คว้าข้อมือบางของมารดาขึ้นจูง ไม่อยากได้ยินเรื่องราวของคนอื่นอีก “เราไปกินข้าวกันเถอะครับ”

“ธัช..”

“ผมรักแม่นะครับ” เขาพูดแค่นั้นก็รีบเดินไปที่โต๊ะอาหาร ไม่อยากเห็นสายตาของมารดาอีก

เขาไม่อยากจะใจอ่อน..

เด็กหนุ่มคอยเหลือบมองพี่ชายตัวโตที่กำลังกินข้าวอยู่ตรงหน้า แค่พี่ธัชอยู่ใกล้ๆเขาก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ไม่รู้จะวางสายตาไปไว้ตรงไหนดี เขาอิ่มตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่อยากลุกไปไหน ได้นั่งมองแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ใบบุญเห็นแม่ทานเสร็จแล้วเขาจึงเดินออกไปเตรียมสละลอยแก้วมาให้มารดาเป็นของหวาน และทำเผื่อธัชธรรม์อีกถ้วยหนึ่ง

“น่าทานจริงๆ” รับจากลูกชายคนเล็กมาก็ชมเปราะ เลื่อนไปให้ธัชธรรม์อีกถ้วย “กินสักหน่อยนะลูกนะ”

“ครับแม่” เขาไม่อยากขัดใจมารดา รับมาวางไว้ตรงหน้า แต่มือยังไม่ละไปจากจานหลัก “ช่วงนี้งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้างครับ”

“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกจ้ะ เข้าที่เข้าทางมาได้สามปีแล้ว” เธอพูดพลางอมยิ้ม ได้คนไว้ใจมาช่วยงานแบ่งเบาภาระได้เยอะทีเดียว หลังจากหย่าขาดกับสามีเธอก็ต้องประคับประครองคนเดียวมาโดยตลอด ตอนนี้บริษัทก็ดำเนินไปได้ด้วยดี

“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะครับแม่”

“ถ้าธัชเอ่ยปากขนาดนี้ ถ้าเบื่องานที่ทำเมื่อไหร่ก็มาช่วยแม่ทำงานก็แล้วกัน” เธอหยอกเย้า ทับทิมไม่เคยบังคับให้ลูกชายต้องมาช่วยงานเลยสักครั้ง อยากให้เขาได้ทำงานที่ตัวเองรักมากกว่า

“ผมยังไม่เบื่อหรอก ผมแค่ไม่อยากให้แม่ทำงานหนักอีกแล้ว” เขาตอบเสียงหนักแน่น ถ้าหากเขาได้เข้าไปช่วยมารดาบริหารงานบ้าง ได้เรียนรู้งานบ้างคงจะดีไม่น้อย

“แม่ไม่เหนื่อยเลย ขอแค่มีใบบุญกับธัช แม่ไม่เหนื่อยเลยสักนิด”

“แม่..” เด็กหนุ่มครางเครือ หันไปหามารดา “ใบบุญรักแม่นะจ๊ะ”

“เป็นพี่น้องกัน ดูแลกันเอาไว้ดีๆ” เธอเอ่ยย้ำ ลูบหัวลูกชายคนเล็ก “อย่าให้แม่ต้องเสียใจ เข้าใจไหม” มองหน้าลูกชายคนโตที่เรียบเฉย เขาเอ่ยออกมาเสียงเบา

“ครับ..”

หวังว่าเขาจะทำให้มารดาได้..

ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 1 ] 19-06-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 21-06-2018 14:45:46
ต่อจากด้านบนค่ะ


ใบบุญช่วยพี่ชายยกของขึ้นห้องนอนชั้นบนอย่างตั้งอกตั้งใจ ต่อให้จะโดนธัชธรรม์ส่งสายตาไล่แค่ไหนเขาก็ไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น สองมือลากกระเป๋าล้อเลื่อนขึ้นบันไดบ้าน ค่อยๆเข็นเข้าห้องนอนของชายหนุ่ม ด้านในมีเตียงห้าฟุตและโต๊ะสำหรับอ่านหนังสือ ทุกอย่างยังคงสภาพเหมือนเดิมทุกอย่างตั้งแต่ที่ชายหนุ่มย้ายออกไป เขายืนเก้ๆกังๆกำลังจะออกจากห้องแต่ก็ไม่รู้ว่าพี่ชายต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า ความจริงเขาก็อยากอยู่ต่อสักนิด

“พี่ธัชจะให้ผมช่วยอะไรไหม”

“ช่วยออกไปจากห้องกู แค่นี้แหละ” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ ไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ พอลับหลังมารดาเขามักจะได้ประโยคแสบๆคันๆจากธัชธรรม์ตลอด

แค่นี้เขาทนได้!

“ก็ได้ครับ” เขาพยักหน้าเดินคอตกเตรียมจะออกจากห้อง แต่เห็นหน้าหงอยแล้วก็คิดถึงเด็กชายใบบุญตัวเล็กขึ้นมา ชายหนุ่มถอนหายใจ

“งั้นขอน้ำเปล่าขวดหนึ่งแล้วกัน”

“ดะ ได้ครับ งั้นรอแปบนะพี่” เด็กหนุ่มใบหน้าเปลี่ยนมาเป็นสดใสทันทีราวกับมีหูและหางงอกออกมา ชายหนุ่มเดินออกมาพิงขอบประตูมองเด็กหนุ่มที่เพิ่งวิ่งลงบันไดไป

ทำไมเขาชอบนึกถึงไอ้เด็กนี่ตลอด.. สงสัยจะเจ็ทแลคแน่ๆ

เด็กหนุ่มนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ในห้องของธัชธรรม์ เขามองชายหนุ่มกำลังแปะโปสเตอร์บนผนังเป็นรูปนักร้องคนโปรดของชายหนุ่มอย่าง Eminem เขามองไปเรื่อยพลางหยิบเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าก่อนจะช่วยพับและเอาใส่ไม้แขวนเสื้อเรียงเอาไว้ เขาจำเสื้อตัวนี้ได้ เคยเห็นชายหนุ่มตอนใส่ไปออกคอนเสิร์ตเล็กๆกับ Jacky แร็ปเปอร์หนุ่มผิวสีที่มีชื่อเสียงสุดๆ

“เรียนเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มถาม ใบบุญหันไปมองพลางเบิกตาโพลง เก็บอาการดีใจเอาไว้แทบไม่มิด

“ก็ดีครับพี่”

“เรียนที่ไหนล่ะ” ธัชธรรม์หยิบของใช้มาจัดวาง เขาเปิดเพลงจากชาแนลยูทูปที่เขาชอบคลอเบาๆ พลางโยกหัวตามจังหวะเพลง เด็กหนุ่มที่นั่งมองยิ้มแก้มแทบปริ.. เท่ชะมัด

“โรงเรียนมัธยมแผนกดนตรีครับ”

“ก็ดีนี่ แล้วเล่นอะไรล่ะ”

“ก็.. เอกร้องครับ”

“หื้ม? ไม่ยักรู้ว่ามึงร้องเพลงได้” ชายหนุ่มหันไปมอง แต่เขารีบก้มหน้าไม่กล้าสบตา ขนาดใส่แว่นเอาไว้แล้วก็ยังสบตาตรงๆไม่ได้เลย เขาไม่คิดเลยว่าจะชอบธัชธรรม์ขนาดนี้..

“แต่ก่อนก็ชอบร้องบ่อยๆครับ”

“งั้นก็ดี หาอะไรที่ชอบทำ”

“คะ ครับ” อย่างน้อยพี่ธัชก็เริ่มพูดดีๆกับเขาบ้างแล้ว.. เด็กหนุ่มนั่งจัดห้องไปเรื่อยจนเพลินเวลา หันไปมองพี่ชายอีกที เจ้าตัวก็นั่งฟุบอยู่ข้างเตียงซะแล้ว ในมือยังมีกระดาษจดเป็นภาษาอังกฤษด้วยลายมือยึกยือที่เขาอ่านไม่ออก คงจะเป็นเนื้อเพลงที่ธัชธรรม์ชอบเขียนตอนเวลาว่าง เขามักจะเห็นชายหนุ่มอัพเดตเรื่องราวชีวิต บางครั้งก็ก่นด่าโชคชะตาผ่านทางโซเชี่ยลอยู่เสมอ แต่ส่วนมากที่เขาเห็นจะเป็นพี่ชายเขาในโหมดปาร์ตี้พร้อมสาวๆผมบอนด์รายล้อมมากกว่า

เขาคลานเข่าเข้าไปใกล้เพ่งดูใบหน้าคมคร้ามที่ได้แต่เฝ้ามองผ่านหน้าจอตลอดเวลาห้าปี เสียงลมหายใจแผ่วเบาดังสม่ำเสมอ ใบบุญยิ่งขยับเข้าไปใกล้

หน้าตาดีจริงๆ..

เขามองอย่างพินิจพิเคราะห์ให้สมกับที่หายคิดถึง ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูป ตอหนวดเขียวครึ้มที่กำลังขึ้น กล้ามเนื้อกำยำที่อยู่ภายใต้เสื้อกล้ามตัวเล็กนั่น ให้ตายเถอะ ปาร์ตี้ได้ทุกวันแต่ก็ยังดูแลตัวเองดีขนาดนี้ เขาล่ะนับถือธัชธรรม์จริงๆ มือขาวเอื้อมไปแตะไล้ที่ผิวแก้มสาก เลื่อนลงมาที่ริมฝีปากคู่สวยที่กำลังยกยิ้มขึ้นน้อยๆราวกับกำลังอยู่ในห้วงฝันดี

รัก…

อันที่จริงเขาก็ไม่รู้ว่ารักอย่างไรกันแน่ รักเหมือนพี่น้องที่ปราศจากความใคร่ใดๆ หรือรักอย่างหนุ่มสาวที่ต้องการความสัมพันธ์ลึกซึ้ง รู้แต่ว่าสายตาของเขามองได้แค่เพียงคนตรงหน้าเท่านั้น..

‘ไม่รักและจะไม่มีวันรัก’

ยังจดจำประโยคนั้นได้ขึ้นใจ เพราะเขาเป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว หรือเป็นเพราะรังเกียจที่เขาไม่ปกติ เขายังเด็กนักกับคำว่ารัก ถึงได้ถามประโยคนั้นไป บ้าบอสิ้นดี เพราะสำหรับเขาแล้ว หากรักก็คือรัก..

มันคงจะไม่มีวิธีใดที่จะทำให้หนทางของเรามันมาบรรจบกันได้แล้วใช่ไหม

“พี่ธัช หนูคิดถึงพี่จังเลยจ้ะ พี่คิดถึงหนูบ้างไหม..” หยดน้ำตาเกลือกกลิ้งลงแก้มขาว เด็กหนุ่มกลั้นเสียงสะอื้นไห้ “อย่าเกลียดหนูเลยนะ..”

เด็กหนุ่มประครองแก้มของพี่ชาย ก้มลงแตะริมฝีปากทาบทับแผ่วเบา ส่งกระจายความอุ่นร้อนที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก เขามองชายหนุ่มด้วยความรักใคร่ ดีแค่ไหนที่รักคนตรงหน้าได้อย่างไม่ผิดศีลธรรม

ถึงจะโดนเกลียด เขาก็ยอม..

+++

เด็กหนุ่มเข้ามาในห้องนอนเปิดคอมพิวเตอร์ฟังเพลงคลอเบาๆแล้วตวัดกระเป๋านักเรียนขึ้นมา หยิบหนังสือเรียนออกจากระเป๋ามากองรวมกัน ตอนนี้เขาเรียนจบชั้นมอปลายแล้วและกำลังเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยเกี่ยวกับดนตรีที่เขาชอบ เด็กหนุ่มนั่งจัดของอยู่ไม่นานก็ลุกขึ้นไปเปิดแอร์คว้าหนังยางมามัดจุกผมม้าที่ปิดหน้าปิดตา ดวงตากลมโตสีน้ำตาลคู่สวยรับกับคิ้วสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากบางสีชมพูเข้ม ใบบุญหันซ้ายหันขวามองตัวเองในกระจก เด็กหนุ่มใบหน้ารูปไข่เครื่องหน้าเกลี้ยงเกลาและลักยิ้มข้างแก้ม เขาแค่นยิ้ม หันไปมองนาฬิกาที่แขวนผนังห้อง

สามทุ่ม..

อีกครึ่งชั่วโมงจะได้เวลาทำงาน

เขารีบจัดกระเป๋าหยิบเสื้อผ้ายัดใส่เข้ากระเป๋านักเรียนแทนหนังสือที่รื้อออกมา หยิบอุปกรณ์ที่ต้องใส่ทำงานยัดใส่อย่างรีบเร่ง มัวแต่ดีใจที่ธัชธรรม์กลับบ้านจนลืมไปเลยว่าวันนี้มีคิวเล่นที่บาร์ของรุ่นพี่ที่รู้จักกัน เด็กหนุ่มเปิดประตูออกนอกห้องยังคงได้ยินเสียงดีดกีตาร์ออกมาจากอีกฟากของประตูห้อง

 “You can try and read my lyrics off of this paper before I lay ’em But you won’t take the sting out these words before I say ’em Cause ain’t no way I’mma let you stop me from causing mayhem When I say I’mma do something I do it”
เสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับเครื่องประกอบจังหวะอย่างกีตาร์โปร่งกลับทำให้ดนตรีจังหวะหนักของนักร้องคนโปรดเปลี่ยนเป็นละมุนนุ่มลื่นขึ้นมาได้ แตกต่างจากคลิปที่เขาเห็นธัชธรรม์ร้องแร็ปหนักแน่น ประโยคคมกริบจนเขายังอดชื่นชมไมได้

ใจอยากจะยืนฟังชายหนุ่มร้องเพลงอีกสักพักแต่เวลาที่กระชั้นชิดทำให้เขาไม่อาจรั้งรอได้นาน เด็กหนุ่มเผลอลงเท้าหนักยามหมุนตัวลงบันได คนที่กำลังร้องเพลงอยู่ชะงักกึก ต้องหยุดร้องเพลงแล้วลุกออกมาเปิดประตูห้องดูว่าเสียงอะไร ธัชธรรม์ส่ายหัวคิดว่าตัวเองคงจะหูฝาด เมื่อกี๊เขาได้ยินเหมือนมีคนวิ่งลงบันไดบ้านทั้งๆที่ดึกขนาดนี้แล้วแท้ๆ

มองไปยังอีกฟากของห้องซึ่งเป็นห้องของใบบุญ หมอนั่นปกติก็แทบไม่จะพูดจาอะไรกับใครอยู่แล้ว อีกอย่างต่อให้จะทำอะไรเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว คิดว่าเขาอยากกลับไปดูแลหมอนั่นเหมือนตอนเป็นเด็กหรือยังไง

ไม่มีทาง!

ธัชธรรม์เริ่มติดต่อกับเพื่อนและรุ่นพี่ที่รู้จักกันสมัยเรียนไฮสกูล นับว่าโลกกลมมากเมื่อปัจจุบันอีกฝ่ายก็เป็นเจ้าของผับและค่ายเพลงเล็กๆที่ไทย เขาอยากจะกลับมาทำเพลงอีกครั้ง ถึงมันจะไม่ได้เหมือนเมื่อสมัยก่อนที่เขาเคยทำกับเพื่อนก็ตาม แต่มันก็น่าสนใจที่จะลองและเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ชายหนุ่มเริ่มลงมือเขียนเพลงอีกครั้ง..

+++

วันนี้รถติดกว่าที่เขาคิดทำให้เขาเผื่อเวลามาทำงานสายไปเกือบครึ่งชั่วโมง เด็กหนุ่มลงจากรถมอเตอร์ไซค์คนเก่ง ถอดหมวกกันน็อค คว้ากระเป๋าเป้แล้วรีบวิ่งเข้าไปหลังร้าน ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะโดนเฮียบ่นขนาดไหน เขายกนิ้วชี้ขึ้นจุ๊ปากให้พนักงานที่กำลังเดินวุ่น เมื่อไม่เห็นเจ้าของร้านบริเวณนี้เขาก็แทบจะโล่งอก รู้สึกรอดตายไปอีกวัน

ร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งนี้เป็นของรุ่นพี่ที่เขาเคยไปช่วยงานเมื่อสมัยเรียนมอห้า พอเรียนจบมอปลายเขาก็เลยขอทำงานพิเศษแลกกับค่าขนม โชคดีที่เฮียเมตตารับเขาไว้ช่วยงาน เขาถึงได้มีเงินมาผ่อนเจ้าลูกชายมาใช้ขี่ไปไหนมาไหนได้

“ไอ้ไบร์ท!” ชายหนุ่มร่างสูงตะโกนลั่น ก่อนจะชี้นิ้วไปที่เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินตัวลีบเข้ามา “มาสาย กูหักเงินมึงดีไหมเนี่ย”

“เฮียกิตอย่าหักผมเลยคร้าบ” ยกมือกระพุ่มไหว้ผู้ใหญ่หน้ายักษ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาก่อนแล้วกัน ซวยจริงๆทำไมเมื่อกี๊มองไม่เห็นนะ “รถติดจริงๆนะพี่ ผมไม่ได้โกหกเลย”

“กูเห็นมึงเช็คอินที่บ้านเมื่อสองชั่วโมงก่อน มีงานอะไรทำไมไม่บอก จะได้เอาคิวให้คนอื่น”

“ขอโทษจริงๆครับ ต่อไปจะไม่สายแล้วครับเฮีย”

“รีบไปทำงาน ค่าเสียเวลาก็เขียนเพลงมาให้กูสักเพลงก็แล้วกัน” เขาแค่นยิ้ม มองไอ้เด็กหน้ากวนทำหน้าบิดเบ้ กิตติไม่คิดเลยว่าเด็กเนิร์ดที่เขาเห็นตั้งแต่คราวแรก ทรงผมยับยุ่งแถมยังแต่งตัวเชยระเบิดจะมีมือมากขนาดนี้ แถมพอเอามาจับเจียระไนกลับเหมือนเพชรที่คลุกอยู่ในโคลนตม ซ่อนความร้ายกาจเอาไว้เสียมิด

“ผมไม่คุ้มเลยนะครับบบบบ”

“ไปได้แล้ว!”

ดุชิบหาย

เขาเข้าไปวางกระเป๋าหลังร้าน ผมสีดำถูกเซ็ตขึ้นใหม่และฉีดสเปย์ย้อมให้เป็นน้ำตาลทอง คอนแท็คเลนส์ถูกสวมแทนกรอบแว่นตาอันโต ห่วงเงินที่เจาะอยู่ริมฝีปากล่างค่อยทำให้ใบหน้าขาวจัดถูกลดทอนความหวานลงไปได้หลายส่วน เสื้อกล้ามสีขาวถูกสวมทับด้วยแจ็คเก็ตยีนส์และกางเกงขาเดฟขาดๆวิ่นๆที่พี่กิตเห็นก็อดจะถามทุกครั้งไม่ได้ ทำไมไม่มีใครเข้าใจว่ามันเป็นแฟชั่นบ้างนะ! เขาหยิบมาร์สผ้าสีดำมาคาดปาก ติดนิสัยไม่ชอบใครมองหน้าตัวเองตรงๆ

 “มาแล้วหรือวะ” ไอ้มังกรเดินเข้ามากอดคอ มันเป็นเพื่อนที่เรียนพิเศษด้วยกันกับเขาเมื่อสองปีก่อน ตั้งแต่นั้นมาก็เลยสนิทกัน “ไปๆ ถึงเวลาของมึงแล้ว”

“เออ วันนี้ขอแค่เที่ยงคืนพอนะ” เขาบอก ตั้งแต่นี้ใบบุญไม่อยากจะทำงานดึกแล้ว เดี๋ยวตื่นสายแล้วจะไม่ได้เจอธัชธรรม์ แต่เรื่องอะไรจะให้บอกไอ้เพื่อนตัวแสบนี่ตรงๆล่ะ

“ทำไมวะ”

“กู…” เขาอึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไง “เออน่า พรุ่งนี้มึงมาแทนกูแล้วกัน”

“อะไรของมึงวะ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเกาหัวแกรก “เดี๋ยวนี้มีลับลมคมในนะมึงอะ”

“พอ.. กูไปละ”

เขาสวมเฮดโฟนสีดำเข้ากับหูก่อนจะขึ้นไปยืนหน้าเครื่องเล่นเซ็ตมาตรฐานที่ใช้ในคลับ ลงมือเทสต์เสียงอยู่อีกสักครู่ ก่อนจะเริ่มเปิดเพลง เหล่าบรรดานักเที่ยวยามราตรีกำลังโบกมือโยกย้ายส่ายสะโพกไปมา แสงไฟหลากสีจากสปอร์ตไลท์ส่องไปทั่วบริเวณ จังหวะเพลงและบีทหนักหน่วงรวมกับเพลงที่เอามามิกซ์เป็นจังหวะเร็วที่จะทำให้ความร้อนในฟลอร์จะต้องแผดเผาให้ไฟลุก

“Everybody push your hands up!”

รูปร่างสูงโปร่งที่กำลังสแคลชมือไม่หยุด โยกตัวไปตามจังหวะเพลง จนกระทั่งเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ตัวโปรดไหลร่นลงมาที่ไหล่ข้างขวา โชว์ไหล่ขาวเนียนกลมกลึง เหงื่อเป็นเม็ดผุดขึ้นขึ้นตามลำคอขาวผ่อง แสงไฟที่ส่องวูบวาบยิ่งทำให้ผิวขาวจัดที่เคลือบน้ำดูมีสเน่ห์เย้ายวน เขาโยกหัวด้วยความเมามันส์แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่เริ่มกระหายน้ำ จนทนไม่ไหวต้องกระชากผ้าคาดปากสีดำออก ห่วงเงินที่ห้อยอยู่ริมฝีปากส่องแสงแวววาว ทุกคนด้านล่างแตกฮือแถมยกมือถือขึ้นมาถ่าย DJ ชื่อดังที่ไม่เคยมีใครได้เห็นหน้าค่าตามากนัก ใบหน้าหวานแสยะยิ้ม เผลอกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย ยกไมค์ขึ้นจ่อปาก

‘อาจจะเคยได้ยินแต่ผมก็อยากจะชิน ถ้าอยากรู้จักกันจริง ผมบอกตรงนี้ว่าไม่อยากจะรักใคร.. ไม่ยอมให้ใครเข้ามาในหัวใจ yeah ขอกันตรงนี้บางทีพูดไม่ตรงกับใจ..’

“เชี่ย โคตรเด็ด” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ชั้นสองมองลงมาด้วยสายตาวิบวับ เขาอยากจะมาดูให้เห็นกับตานานแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้จะเจอของดีอย่างที่ทุกคนว่าไว้จริงๆ

“อย่ายุ่งนะมึง เด็กพี่กิตเขา” เพื่อนเขาเอ่ยปราม พลางมองไปยังคนที่กำลังอยู่บนเวที จังหวะมันส์จนต้องสั่นขาตาม ทุกคนต่างถูกตรึงไว้ด้วยเวทมนต์แห่งเสียงดนตรี

“จริงหรือวะ แม่งโคตรได้เลยว่ะ”

“ไม่รู้ไปหามาจากไหน แต่โคตรดังเลยคนนี้.. นักร้องคนใหม่ของค่ายเลยล่ะ” ชายหนุ่มยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นจิบ มองไปยังร่างบางด้วยความคิดบางอย่าง

ทำยังไงถึงจะได้คนคนๆนี้มาเป็นของเขา..
+++

ธัชธรรม์วางกีตาร์ลงบนเตียงเขาปิดเพลงที่เปิดทิ้งเอาไว้ก่อนจะรับโทรศัพท์ ตั้งแต่กลับมาเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างนอกจากจัดห้องแล้วก็เขียนเพลงนิดหน่อย เห็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่ยังติดต่อกันอยู่โทรเข้ามาคงจะเป็นเรื่องชวนเที่ยวอีกเหมือนเดิม อีกฝ่ายเป็นนักศึกษากำลังจะขึ้นปีสาม ส่วนเขาที่มาเรียนทีหลังต้องมาเป็นรุ่นน้องมันซะได้ ไอ้ฮันเตอร์..

“ว่าไงมึง”

“เออ ทำอะไรวะ มาถึงไทยแล้วเงียบเลยนะมึง” เสียงเพลงดังลั่นมาตามสายโทรศัพท์สมแล้วที่เป็นเจ้าพ่อคาสโนว่า

“อยู่บ้าน พักผ่อน จะให้กูไปไหนล่ะ ยังไปไหนไม่ถูกหรอกตอนนี้” อีกฝ่ายพอได้ยินเขาตอบก็หัวเราะเสียงดัง
“ให้กูไปรับไหม”

“มึงจะพากูไปไหน?”

“เออน่า รับรองว่ามึงต้องชอบ”

“ได้ งั้นขอกูแต่งตัวอีกแปบนึง” เขารับปาก เริ่มคิดในหัวว่าจะใส่ชุดอะไรดี มองนาฬิกาข้อมือเป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว “บ้านกูอยู่ซอยเดิมนะ มึงจำได้ใช่ไหม?”

“จำได้ครับคุณชายยยยยยยย”

“ให้ไว!”

ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหลังจากที่วางสายโทรศัพท์ไป รถยนต์บีเอ็มสีขาวก็จอดหน้าบ้านเขา ชายหนุ่มลงจากรถโบกมือให้เขา เขาพยักหน้าก่อนจะขึ้นรถด้วยความรวดเร็ว วศินไม่พูดอะไรมากออกรถทันที เขาเอนหลังพิงเบาะมองไปตามถนนหนทางยามค่ำคืน เขาอยู่บ้านทั้งวันก็เริ่มจะเบื่อ ออกไปข้างนอกก็ดีเหมือนกัน

“เห็นอยากฟอร์มทีมทำเพลงขึ้นมาใหม่” วศินยักคิ้วให้เขา เขาหรี่ตามองมัน “กูมีคนเด็ดๆแนะนำมึงสนใจปะ”
“ใครวะ เด็ดๆที่มึงว่า”

“เป็น DJ หน้าตาดี หุ่นอย่างเด็ด” มันโวยวายเสียงดังดูจะถูกใจเป็นพิเศษ “โคตรแซ่บ! เพื่อจะฟีจเจอริ่งไงเพื่อน”

“กูอยากได้rapperเจ๋งๆสักคนมาช่วยทำเพลง” เขาตอบเสียงเรียบ ลองมันบอกฟีจเจอริ่งเขาจะไปคิดอะไรได้นอกจาก มันอยากหิ้วไปกกใจจะขาดอย่างที่มันชอบทำ “ถ้าได้แล้วค่อยมาคุยกัน”

“เท่าที่ได้ฟัง กูว่าโอเคเลย เห็นว่าน้องเขาเคยไปทำงานกับค่ายของเฮียกิต”

“KT record?”

“อืม เป็นไงน่าสนใจปะ” มันควักโทรศัพท์ออกมาให้เขาดู “นี่ไงคลิปน้องเขาที่แฟนคลับอัพโหลดลง” เขารับมาดูอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะเสียงกรี๊ดดังมากเขาเลยได้ยินเสียงไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

“คนบ้าอะไรทำไมต้องปิดหน้าปิดตา”

“มึง นี่คลิปล่าสุดเลย โอ๊ย กูชอบเขาจัง” ไอ้ฮันเตอร์ทำเสียงระริกระรี้ เขาล่ะหมั่นไส้มันจริงๆ “น้องน่ารักว่ะ”

“อืม..” เขาเสียบหูฟังเข้ากับโทรศัพท์แล้วตั้งใจฟังดีๆ “ก็ใช้ได้ไรม์คมดี” เขามองใบหน้าไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เพราะความละเอียดกล้องยังไม่มากพอ แต่ดูจากรูปร่างแล้วเป็นคนที่มี sex appeal ไม่เบาเลยทีเดียว

“เป็นไงน่าสนใจใช่ปะ มึงไปจีบหน่อยสิคนนี้ บอกเลยกูทุ่มไม่อั้น!” มันพูดอย่างอารมณ์ดี คนอย่างธัชธรรม์เลิกคิ้วขึ้นมาน้อยๆรู้สึกประหลาดใจกับเพื่อนที่ใจกล้าขนาดนี้ เขาเริ่มจะอยากรู้จักคนคนนี้ซะแล้วสิ

“เขาชื่ออะไรนะ”

“ไบร์ท aka Galaxy-B”


TBC

Aka = also know as = เป็นที่รู้จักในชื่อ

เจอกันตอนหน้าค่ะ

หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 1 ] 21-06-61
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 23-06-2018 11:45:23
หมั่นไส้นังพี่ธัช ตีๆๆๆๆ
แต่ว่าน้องไบรทททททททท์ แซ่บเว่ออออ :hao7:
ชอบค่ะ ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 1 ] 21-06-61
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 05-07-2018 11:30:32
อ๊ากกกกกก ใบบุญสายอ๊อง แต่ไบร์ทนี่เฟียตนะทำให้อีพี่หลงเยอะเลยไบร์ทแล้วค่อยเฉลยตัวว่าเราคือใบบุญ

อย่าไปยอมใจอ่อนยกโทษให้ง่ายๆนะ
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 1 ] 21-06-61
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 05-07-2018 11:35:01
คือดีอ่ะหน่องพายไม่เคยไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยอ่ะ

ชอบในคาเร็กเตอร์นายเอกนะครับ มีสองบุคคลิก ไบร์ทสู้เขานะ

ให้ใบบุญสู้ตอนนี้ท่าจะรอดยาก พี่ธัชเจอทีแทบจะกินหัวน้อง

น้องอยู่เฉยๆก็ชอบไปหงุดหงิดใส่น้อง ไม่เข้าใจเลย ทำไมชอบร้ายกับน้อง

อย่าหลงรักน้องบ้างนะจะให้น้องร้ายกลับบ้างคอยดู
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 2 ] 05-07-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 05-07-2018 21:05:29
Rhyme 2

   เด็กหนุ่มไขกุญแจเข้าบ้านด้วยความเงียบเชียบก่อนจะเดินอ้อมเข้าด้านหลังบ้าน ประตูเล็กที่ห้องครัวเป็นทางลับที่เขามักจะเอาไว้ใช้ขึ้นห้องตอนกลางคืนหลังจากทำงานพิเศษเสร็จ บรรยากาศรอบด้านมืดไปหมดเขาจะต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทะลุจากห้องครัวผ่านห้องรับแขกเพื่อขึ้นไปชั้นสอง ใบบุญกอดกระเป๋าเป้ไว้แน่น พยายามก้าวขากว้างๆไม่ให้ชนเข้ากับสิ่งของขวางทาง ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่บ้านกับมารดาแค่สองคน และไม่อยากเจอพี่ชายในสภาพนี้ด้วย 

   กึก!

   “โอ๊ย!” เขายกขาขึ้นกระโดดเหยงๆหลังจากเตะเข้าที่โต๊ะกินข้าวเข้าไปเต็มแรง เด็กหนุ่มสูดปากอยากจะร้องไห้ ทำไมต้องมาซุ่มซ่ามตอนนี้ด้วยนะ!

   “ใคร?”

   พี่ธัช?

   เขาปิดปากอัตโนมัติย่อตัวลงกับพื้นอย่างกับเป็นทหารพรานที่กำลังหลบหนีข้าศึก แสงไฟจากห้องน้ำที่อยู่ถัดออกไปจากห้องครัวทำให้เขาเห็นร่างสูงกำลังยืนโงนเงนเดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างนั้นยืนนิ่งไม่ไหวติงก่อนร่วงลงกับพื้นดังตึง! เขาตกใจรีบวิ่งไปเปิดไฟให้สว่าง กลิ่นเหล้าคละคลุ้งเหม็นจนเขาต้องบีบจมูกกลั้นหายใจ มองชายหนุ่มที่ล้มนอนลงกับพื้นแล้วใช้มืออีกข้างเขี่ยคนตัวโต ถ้าให้เดาก็คงไปเมามาจากข้างนอกแน่ๆ เขาเขย่าธัชธรรม์เบาๆ

   “พี่ธัช พี่ขึ้นไปนอนข้างบนเถอะครับ”

   “อือ” ชายหนุ่มยกมือปัดก่อนจะตะคอกเสียงดัง “อย่ามายุ่ง” เขาหน้าตึงไปทันทีแต่ก็ยังไม่หยุดความพยายาม ค่อยๆประคองคนตัวโตให้ลุกขึ้น ถ้ามานอนพื้นเย็นๆแบบนี้มีหวังไม่สบายกันพอดี

   “ค่อยๆลุกนะครับ”

   “อย่า.. ยุ่ง” ชายหนุ่มหรี่ตามามองเขาอีกรอบ ก่อนจะสะบัดมือทิ้งออกอย่างไม่ไยดี เขาขบฟันแน่น ยังรู้สึกเจ็บแปลบจากแรงสลัดเมื่อครู่ เมื่อไหร่จะชินกับท่าทีรังเกียจของคนๆนี้สักที

   เดี๋ยวก็ปล่อยให้นอนกับพื้นเย็นๆแบบนี้ซะให้เข็ด ไอ้บ้าเอ๊ย!

   “งั้นก็นอนตรงนี้ไปเลย ไอ้พี่เฮงซวย!”

   “ฮึก เจส.. อย่าทิ้งไอไป”

   “….”

   “ฮือ..”

“ผมควรจะสะใจพี่หรือสมเพชตัวเองดีวะเนี่ย” เขาเขี่ยแก้มขาวของตัวเองเบาๆ “รออยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มวิ่งปราดขึ้นไปบนห้องนอน โยนกระเป๋าเข้าที่ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนอย่างรวดเร็ว และย่องลงบันไดมาด้วยความไว ใบบุญมองคนตัวโตนอนแอ้งแม้งอยู่ที่เดิม เขาเข้าไปใกล้สอดแขนธัชธรรม์พาดคอตัวเองก่อนจะยกด้วยแรงทั้งหมดที่มี เขายอมรับว่าแอบปลื้มหุ่นหนาล่ำบึกของธัชธรรม์อยู่หรอก แต่เจอแบบนี้กระดูกเขานี่แหละที่จะหักแทน คนหรือหมีควาย!

“หนังก็ไม่ได้กิน ยังเอากระดูกมาแขวนคอ!” เขาบ่นอุบ กว่าจะลากเจ้าหมีตัวยักษ์ขึ้นไปข้างบนได้ เขาวางธัชธรรม์ไว้หน้าประตูห้อง นวดไหล่ตัวเองจนคลายความปวดเมื่อยแล้วผลักประตูห้องเข้าไปเปิดไฟ หันมามองคนตัวโตที่ยังนอนแบ็บอยู่หน้าห้อง “ทำดีแค่ไหนเขาก็ไม่เคยจะเห็นค่าซะทีสิน่า”

   เขาวางชายหนุ่มลงบนเตียงนอน ดูจากสภาพแล้วน่าแอบถ่ายรูปเอาไว้แบล็คเมล์ซะให้เข็ด เด็กหนุ่มยืนมองอย่างจนปัญญา ท้ายที่สุดก็แพ้ใจตัวเองเดินเข้าไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำสะอาด ค่อยๆเช็ดไปตามเนื้อตัวแผ่วเบา เผื่อเวลานอนชายหนุ่มจะได้สบายตัว สังเกตเห็นเสื้อผ้าเลอะคราบอาเจียนเป็นดวง เขาก็รู้แล้วว่าทำไมถึงได้กลิ่นแรงขนาดนี้ เดินไปตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อนอนและกางเกงขาสั้นที่ชายหนุ่มใส่เป็นประจำออกมา มือขาวลงมือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแค่สองเม็ดเท่านั้น แผงอกกำยำก็ปรากฎสู่สายตา เขาไม่ได้อยากจะมองแต่อยู่ตรงหน้าจะให้เบือนสายตาหนีก็คงแปลกๆ เขาดึงชายหนุ่มขึ้นนั่งถอดเสื้อออกจากตัว บิดผ้าให้หมวดแล้วเช็ดตัวอีกครั้งก่อนจะสวมเสื้อยืดให้ เหลือส่วนล่างที่ยังเลอะเทอะ..

   “เอาไงดีวะเนี่ย” ในเมื่อบริสุทธิ์ใจไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว ก็อย่าได้รอช้าเลย “ขอโทษนะครับ” เขาปลดกางเกงยีนของชายหนุ่มออกและสวมกางเกงนอนขาสั้นให้แทน ถ้าธัชธรรม์ตื่นมาตอนนี้คงไม่ต้องบอกเลยว่าเขาจะโดนข้อหาอะไร

   “เจส.. อย่าทิ้งผมไป” เขามองชายหนุ่มด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ยิ้มขื่นให้กับตัวเอง

   “ผมไม่เคยคิดจะทิ้งพี่อยู่แล้ว”

   “เจส..”

   “…” มองใบหน้าที่มักจะเฉยชากับเขามาตลอดบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด มือหนายกขึ้นไขว่คว้าในอากาศ เสียงร้องเรียกราวกับจะขาดใจ ใครกันนะ ที่มีอิทธิพลถึงขนาดนั้น ใครคนนั้นที่เขาคงไม่มีวันได้เป็น..

   น่าอิจฉาชะมัด..

    “ผมไปก่อนดีกว่า..” หมุนตัวกำลังจะเดินกลับห้องแต่แรงดึงทำให้เขาหงายหลังตึงลงไปนอนบนเตียง หันไปมองก็เห็นมือของพี่ชายกำลังกำเสื้อเขาแน่น “พี่ธัช!”

   “เจส.. อยู่กับผม” เขาโดนดึงเข้าไปกอด เสียงพร่ำร้องดังก้องอยู่ข้างหู นี่มันอะไรกัน.. จะให้เขารู้สึกยังไง เขาควรรู้สึกยังไงกัน “ขอร้อง..”

   “พี่ธัช ปล่อยผมก่อน” เขาดันตัวออก ชายหนุ่มเมามากและคงทำอะไรไม่ทันคิด เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากได้ยินถ้อยคำอ้อนวอนจากปากคนที่เขารัก “ให้ผมไปเถอะ ปล่อยผมไป”

   “ไม่ ไม่ปล่อย”

   “ผมไม่ใช่เจสสิก้าของพี่นะ”

   “เจส ฮึก..”

   “แม่งเอ๊ย” เขาอยากจะร้องไห้จริงๆ แรงกอดกระชับจากคนตัวโตกว่าทำให้เขาแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย ความอุ่นร้อนของผิวกายที่ส่งผ่านเข้ามามันทำให้เขารู้ว่าคนคนนี้ยังอยู่ ยังมีชีวิตอยู่ให้เขาได้รักได้มองเห็น ไมได้อยู่ห่างไกลเหมือนที่แล้วมา แต่เขา.. ก็มีหัวจิตหัวใจ มีความรู้สึกไม่ต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ ขอร้อง.. อย่ามองข้ามเขาได้ไหม

   “อยู่ด้วยกันนะ.. เจส”

   “…”

   “อย่าทิ้ง.. เลย”

   “ผมจะอยู่กับพี่..” ใบบุญมองหน้าชายหนุ่มแล้วยิ้มทั้งน้ำตา จะมีอะไรทุกข์ใจไปกว่าเห็นคนที่เรารักเจ็บปวดอีก ถ้าหากเขาจะปลอบโยนและทำให้ธัชธรรม์หายจากฝันร้ายและผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ ต่อให้เขาจะต้องเจ็บปวดแค่ไหน..

   เขาก็ยินดี..

   รุ่งเช้าธัชธรรม์รู้สึกปวดร้าวไปทั้งแขนเหมือนมีของหนักมาทับจนกระดุกกระดิกตัวไม่ได้ ปวดหัวจี๊ดจนลืมตาแทบไม่ขึ้นเขาจำไม่ได้แล้วว่าหลังจากฮันเตอร์พาเขามาส่งที่บ้านหลังจากไปฉลองต้อนรับเขากลับเมืองไทยกับกลุ่มเพื่อนที่มหาวิทยาลัยของฮันเตอร์ จากนั้นเขาเป็นยังไงบ้าง จำได้เลือนลางว่าเขาถูกสาวๆในกลุ่มคะยั้นคะยอให้ดื่มจนเขาอ้วกออกมาจนได้ ดวงตาสีดำกระพริบตาถี่ๆไล่แสงแดดที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง ปรับโฟกัสอยู่สักครู่ แขนซ้ายชาดิกจนเหน็บชาไปหมด

   กลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มถูไถเข้าที่หัวไหล่พร้อมใบหน้าขาวพิงอยู่ เขามองใบหน้าที่คุ้นเคยแล้วต้องเบิกตาโพลงร้องออกมาเสียงดัง จนคนที่หลับอยู่สะดุ้งตื่น นี่ใบบุญมาอยู่ที่เตียงเขาได้อย่างไร!

   เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?

   “มึงมานอนที่นี่ได้ยังไง” เขาลุกขึ้นนั่ง ขมวดคิ้วแน่น มองเด็กหนุ่มที่เพิ่งตื่นลุกขึ้นนั่งตาม

   “พี่ธัชนั่นแหละ ไม่ยอมให้ผมกลับห้อง”

   “ไม่จริง” เขาพูดเสียงแข็ง

   “พี่ธัชเมามาก ถ้าผมไม่พาขึ้นมานอนบนห้อง คงได้นอนอยู่หน้าห้องน้ำ” เขาไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่ม รู้สึกหนักตาอย่างไรไม่รู้ “ผมพูดจริงๆไม่ได้โกหกด้วย”

   “ไม่.. จริง” เขารู้สึกปวดหัวชะมัด เมื่อคืนจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ “มึงทำอะไร.. อาบน้ำให้กู?”

   “แค่เช็ดตัว ผมไม่ได้ทำอะไรเลย จริงๆ” เขาโบกมือไปมา เห็นชายหนุ่มหน้าซีดเผือดก็รู้สึกหน่วงหนึบในใจ ไม่เห็นจะต้องรังเกียจกันขนาดนี้เลย

   “ทีหลังอย่ามายุ่งอีก” ธัชธรรม์กดเสียงเข้มมองเด็กหนุ่มที่ไม่ยอมลุกออกไปจากเตียงนอนเสียที

   “ผม.. ผมทำไม่ได้หรอก”

   “มึงออกไปเลย ออกไปจากห้องกูเร็วๆ” เขาดันคนตัวเล็กกว่าให้ลุกขึ้น เสื้อใส่นอนเลิกขึ้นสูงจนเห็นผิวขาวจั้วะของอีกฝ่ายเต็มตา เขาเบือนหน้าหนี “ใบบุญ กูบอกให้มึงออกไป”

   “อือ ผมรู้แล้วครับ” เขาลุกขึ้นยืน ทั้งๆที่ยังตื่นไม่เต็มตา รู้สึกตาหนักๆชอบกล คงเพราะเมื่อคืนเขานอนร้องไห้จนหลับไปแน่ๆ เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาออกจากห้องไม่หันหลังกลับไปมองพี่ชายที่กำลังยืนมองจนกระทั่งประตูห้องปิดลง ชายหนุ่มมองเสื้อผ้าตัวเองแล้วก็ตกใจ เพราะมันไม่ใช่ชุดเดียวกับเมื่อวาน ยกแขนเสื้อขึ้นดมก็ไม่มีกลิ่นเหม็นเลยสักนิด มีเพียงกลิ่นตัวอ่อนๆของอีกฝ่ายที่ติดอยู่ตามเนื้อผ้าเท่านั้น จู่ๆก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกับใบบุญ แถมยังนอนกอดเด็กนั่นอีก.. เขากุมขมับนึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนแต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก เหลือบมองลูกชายที่โป่งพองอยู่ในกางเกงนอนเป็นปกติธรรมชาติในยามเช้า ไม่สิเป็นเพราะคนตัวนิ่มที่อยู่ในอ้อมกอดเขาเมื่อคืนต่างหาก

   เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่..

+++

   เด็กหนุ่มในชุดนอนเปิดประตูห้องตัวเองเข้าไปทิ้งตัวลงบนที่นอน นอนเหลือบมองนาฬิกาข้างฝาผนังที่บอกเวลาแปดโมงเช้า เขายังรู้สึกง่วงอยากจะนอนต่ออีกสักนิด แต่เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นจนเขาเอาหมอนมาปิดหู ใบบุญตัดสินใจลุกขึ้นไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นกดรับ เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทโทรมาหาแต่เช้า ถ้าไม่ได้มีธุระด่วนละก็ มีเรื่องกันแน่ไอ้มังกือ!

   “ไบร์ท เอ๊ย ใบบุญ” เสียงหัวเราะดังออกมาตามสาย จากที่ง่วงเมื่อครู่ได้ตื่นเต็มตาก็คราวนี้

   “อะไร” เขากัดฟันกรอด ชื่อไบร์ทก็แค่ชื่อเล่นที่เขาตั้งไม่ให้ใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาเท่านั้น เด็กหนุ่มไม่ชอบให้ใครเรียกนอกเหนือจากเวลางาน คนที่รู้ว่าเขาเป็นใครก็มีแต่มังกรและเฮียกิต

“ทำไมโหดอย่างนี้วะ” เสียงตัดพ้อดังออกมาตามสาย “ช่วยเป็นน้องใบบุญแบบใสๆหน่อยดิ” เขาเบือนหน้าไปอีกทาง ถ้าอยู่ใกล้คงได้แจกบาทาสักที เรื่องกวนขอให้บอก

“กวนตีนน่าไอ้มัง”

“มังกร”

“ไอ้มัง”

“เออ กูจะไม่เรียกชื่อมึงผิดแล้ว” อีกฝ่ายพูดเสียงอ่อน เพราะรู้ว่าเถียงกลับไม่ได้ “กูมีอะไรจะให้มึงดูด้วย!”

“อะไร?”

“ละมุนบอย”

“อะไรวะ”

“เดี๋ยวกูส่งลิ้งค์ให้ในไลน์นะ โคตรเด็ด” เสียงมันดูตื่นเต้นจนเขาเริ่มแปลกใจ คงไม่ใช่ส่งคลิปผีมาหลอกเขาอีกนะ เขาด่าจริงๆด้วย!

“ไม่เกี่ยวกับกูใช่ปะ”

“มึงเปิดคอมเลย!” พอได้ยินมันพูดแบบนี้เขายิ่งเริ่มตะหงิด ลุกขึ้นเดินข้ามกองเสื้อผ้าที่ระเกะระกะเต็มพื้น นั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ด้วยใจจดจ่อ คอมพิวเตอร์ค่อยๆรันหน้าจอขึ้นมา “เปิดยังวะ”

“ใจเย็นๆดิวะ มึงพูดซะกูตื่นเต้นเลย ถ้าไม่เด็ดนะน่าดู” เขาตอบ ใช้มือลูบหน้าลูจาให้ตื่นเต็มที่ คว้าแว่นตากรอบหนาขึ้นมาสวมด้วยความคุ้นเคย

“เออดิ เด็ดจริงๆ แล้วมึงจะเข้าร้านเฮียอีกเมื่อไหร่”

“อีกสักสองวันแล้วกัน กูยังอยากเขียนเพลงใหม่อีกหน่อย”

“น่าจะมาวันนี้ มาช่วยกู” มังกรทำเสียงงอแง มันเป็นถึงนักร้องชื่อดังประจำค่ายแต่ชอบให้เขาไปช่วยงานตลอด เห็นเขาเป็นอะไรกัน!

“ช่วยทำไมวะ ระดับมึงเนี่ยนะ เอาไม่อยู่”

“มันไม่ใช่อย่างนั้น..” อีกฝ่ายพูดพร้อมเสียงดังก็อกแก๊กเหมือนพิมอะไรอยู่ “เปิดหรือยัง ลิ้งค์อยู่ในไลน์นะเว้ย”

“เออๆ ใจร้อนจริงๆ” เขานั่งเซ็ง กว่าจะบูทเครื่องติด กว่าเขาจะเปิดเข้าโปรแกรมได้ ไอ้มังกรก็เร่งเขายิกๆ ถ้าไม่เด็ดนะมึง มึเรื่องแน่ เขารีบกดเปิดเข้าไปดูลิ้งค์ที่มันส่งมาให้ทันที เป็นคลิปที่อัพโหลดลงยูทูปถ่ายจากมุมชั้นสองของผับแห่งหนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นตาเหลือเกิน บนเวทีก็เป็นเขาที่กำลังคว้าไมค์มาร้องเพลงอย่างเมามันส์

เด็กหนุ่มปากค้าง มองตัวเองที่กำลังกระชากหน้ากากที่ปิดไว้เกือบครึ่งหน้าออก เขาอยากจะสบถออกมาเป็นคำหยาบแต่ยั้งปากไว้ทัน ไอ้มังกรหัวเราะกร๊ากอยู่ในสาย นี่คือสิ่งที่จะให้เขาดูงั้นหรือ โอ๊ย เขาอยากจะบ้าตาย “ชิบหาย ตายห่า!”

“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยมึง” มังกรกลั้นขำ “มึงรู้ไหมว่ารูปมึงว่อนทั่วไปทั้งโซเชี่ยลแล้ว อยากปิดหน้าปิดตาดีนัก ฉายาละมุนบอยไม่ได้มาเล่นๆ”

“ละมุนบ้าอะไรล่ะ กู.. เห้อ ทำไงดีวะเนี่ย” เขาทึ้งหัว มองตัวเองในคลิปแล้วอยากจะร้องไห้ เด็กหนุ่มบหน้าหวานฉ่ำกำลังกระโดดโยกไปตามเพลง เสียงตะโกนคลอเพลงตามดังลั่นจนเขายังตกใจ

“ไม่ต้องทำยังไงหรอก กูบอกเฮียแล้ว เดี๋ยวคงเข้าไปจัดการให้”

“ลำบากเฮียอีกแล้ว” เขากุมขมับ “เข้าไปร้านกูต้องโดนด่าอีกแน่ๆ” เดือดร้อนเฮียต้องมาคอยจัดการให้เขาทุกครั้ง เพราะเขาไม่พร้อมและไม่อยากจะเป้นจุดสนใจเหมือนอย่างคนอื่น เฮียยินดีที่จะไม่บอกใครว่าเขาเป็นใครมาจากไหน

“เฮียไม่ด่าหรอกมีแต่อยากเจอมึง เพราะลูกค้าจองโต๊ะเต็มไปยันอาทิตย์หน้าแล้ว!”

“หา!”

“มึงนี่ฮอตจริงๆ” มังกรพูดแล้วหัวเราะเสียงดัง “เย็นนี้ถ้าว่างก็เข้ามาหาหน่อยแล้วกัน ไปแดกข้าวกัน!”

“ได้ๆ ยังไงเดี๋ยวกูโทรหาอีกที” ใบบุญถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากดวางสายจากเพื่อนสนิทเสร็จเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น เมื่อคิดว่าตอนนี้ที่บ้านมีเพียงเขาและธัชธรรม์อยู่ด้วยกันสองคนก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“พี่ธัชมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ไม่มีอะไรก็เคาะไม่ได้หรือ”

“เปล่าๆพี่ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” เขาหน้าม้าน รู้สึกหน้าร้อนเมื่อเห็นสายตาคมปริบจ้องมองตรงๆ พลังทำลายล้างของคนตัวโตทำเอาเขาต้องหลบตาจริงๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะอยากมาคุยกับเขา แล้วนี่อะไรอีก.. ไม่สร่างเมาหรือยังไง

“หิวข้าว”

“ห้ะ อะไรนะครับ”

“กูหิวข้าว” ชายหนุ่มพูดทั้งที่ใบหน้าเรียบเฉย แต่คนฟังที่ยืนทำตาปริบๆดวงตาเป้นกระกายวิบวับ “ไปทำอะไรให้กินหน่อย”

“อ้อ ได้ครับ.. งั้นรอเดี๋ยวนะพี่” เขาผลุบเข้าห้องไปในห้องนอนรีบโกยเสื้อผ้าที่วางไว้ลวกๆใส่ตระกร้าให้เรียบร้อย เกาหัวยุ่งพร้อมสวมแว่นตาอันโตออกมาในชุดเดิม เดินออกมาก็ยิ้มแป้นให้ชายหนุ่มก่อนจะเดินลงบันไดลงไป ธัชธรรม์สังเกตแผ่นหลังบอบบางและการเดินของใบบุญ เขาหรี่ตามองสะโพกกลมกลึงภายใต้กางเกงนอนขาสั้น ขาเรียวยาวที่โผล่พ้นขอบกางเกงเป็ฯสีน้ำนมสวย แตกต่างจากผิวสีแทนปทางเข้มของเขา

ท่าเดินก็ปกติ ไม่ได้เดินกะเผก หรือบ่นว่าเจ็บอะไร

“เฮ้ย พี่” เขากำลังเดินลงบันไดอยู่ดีๆก็สะดุ้งโหยง ชายหนุ่มคว้าหมับเข้าที่เอวเขา หันไปถลึงตาใส่ชายหนุ่ม “เล่นบ้าอะไรเนี่ยครับ ตกใจหมด ถ้าตกบันไดไปจะทำยังไง”

“ขอโทษที” ชายหนุ่มดึงมือตัวเองกลับ พลางลอบมองสีหน้าเด็กหนุ่ม เห็นอีกฝ่ายพยายามหลบหน้าหลบตาเขาก็รู้สึกสงสัย หรือว่าจะมีอะไรปิดบัง “ไม่สบายหรือเปล่า”

“ไม่นะ ผมก็ปกติดี” เขาบืนบันหนักแน่น เห็นธัชธรรม์นิ่งเงียบไป

“อืม” ชายหนุ่มผละออกจากเขาทันที ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร เขามองแล้วชักจะหงุดหงิด เดินเข้าครัวไปเปิดตู้เย็นหยิบผักหยิบเนื้อสัตว์ออกมาลงมือหั่นด้วยความโมโห

คนบ้าอะไร เดี๋ยวผีเข้าผีออก ทำตัวไม่ถูกแล้วนะเว้ย

เขามัวแต่สาละวนอยู่หน้าเตาจนไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครเดินเข้ามายืนใกล้ๆ กว่าจะรู้สึกตัวก็เห็นเงาที่ทาบทับอยู่ด้านหลัง เกือบตกใจแล้วไหมล่ะ “อ๊ะ พี่ธัช ทำไมไม่ไปนั่งรอล่ะครับ”

“อยากมาดูว่าจะทำอะไร” เขาเหล่มองเด็กหนุ่ม ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังกระทะ “กลัวกินไม่ได้”

“ผมทำเองออกจะบ่อย ทำไมจะกินไม่ได้”

“ก็ทำไปสิ จะดู”

ทำแบบนี้จะไม่เชื่อกันใช่ไหม ได้ เดี๋ยวจะได้รู้กัน..

ชายหนุ่มยืนมองเด็กหนุ่มกำลังทำอาหารด้วยความกระฉับกระเฉง หยิบนั่นนี่ด้วยความเคยชินเป็นธรรมชาติ เสียงกระทะร้อนฉ่าตามด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาจนเขาท้องบิดมวนด้วยความหิว คนร่างเล็กวก่ากำลังตั้งใจทำอาหารอย่างเต็มที่ ปกติเด็กหนุ่มเป็นคนทำอาหารให้มารดาทานทุกวันอยู่แล้ว เพราะอยากช่วยแบ่งเบาภาระ ไม่อยากให้มารดาจ้างแม่บ้านมาให้สิ้นเปลือง เรียวขาที่โผล่พ้นกางเกงนอนขาสั้นขาวจั๊วะตัดกับสีกางเกงชัดเจน สะโพกขยับไปมาดูแล้วเพลินตา..

ธัชธรรม์ชะงักกึกรีบดึงสายตากลับมา เขามองเพลินจนมองไปถึงไหนต่อไหน อันที่จริงไม่ได้อยากจะเข้ามาใกล้เด็กนี่เท่าไหร่ เขาแค่อยากพิสูจน์ว่าเมื่อคืนเขาทำอะไรกับใบบุญไปหรือเปล่า เลยจงใจเข้าไปใกล้ชิด นอกจากจะรู้ว่าหมอนั่นไม่ได้เป็นอะไรแถมยังเผลอมองด้วยสายตาแปลกๆไปซะได้ เขาเดินหันหลังกลับไปนั่งโต๊ะ เสียงร้องดังลั่นออกมาจากครัวจนเขาต้องรีบกลับเข้าไปดู เขาเห็นเด็กหนุ่มกำลังกุมมือตัวเองแน่น ร้องโอดโอยเสียงดัง

“โอ๊ย! เจ็บๆๆๆ”

“เป็นอะไร เจ็บตรงไหน” เขารีบปิดเตาแก๊ส คว้ามือที่เด็กหนุ่มกุมเอาไว้ออกมาดู แต่เจ้าตัวส่ายหน้าไม่ยอมให้เขาดูท่าเดียว

“ไม่เป็นไรพี่ธัช แค่น้ำมันกระเด็นอะ” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อน สะบัดมือที่เป็นรอยวงสีแดงไปมา ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ “ไม่ต้องห่วงหรอก”

“แดงขนาดนี้ไม่เป็นอะไรได้ไง ไปนั่งพักเลยไม่ต้องทำแล้ว” เขารู้สึกหงุดหงิดจะดึงใบบุญไปนั่ง แต่เด็กหนุ่มฝืนตัวเอาไว้

“แต่ ผมยังทอดไก่ไม่เสร็จเลย”

“ไม่กินแล้ว กินเท่าที่ทำก็พอ” เขาพูดเสียงเข้ม เจ้าเด็กนี่ยังมาทำหน้าเหมือนเขาไปบีบคออีก “ไปทายา”

“ไม่เป็นไรครับ”

“กูบอกให้ไป” ต้องให้ขึ้นเสียงถึงจะพยักหน้ายอมทำตามที่เขาบอก

“ก็ได้ครับ ใม่เห็นต้องขึ้นเสียงเลย” เขาตอบเสียงเบา เดินเข้าไปในห้องครัวอีกฝั่ง มีตู้ยาเล็กๆติดอยู่บนผนังบ้าน หยิบยาทาออกมาก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ในครัว กำลังจะเปิดฝายาออกมาทาก็ถูกแย่งไปก่อน

“เดี๋ยวช่วย” คนตัวโตนั่งลงยองๆตรงหน้าเขา

“ไม่เป็นไรครับ” เขาเอื้อมมือจะไปหยิบหลอดยาออกมาจากมือชายหนุ่ม ได้อยู่ใกล้ๆบ่อยเกินไปแบบนี้มันไม่ดีต่อหัวใจเขาหรอกนะ ธัชธรรม์หลบได้ทัน เขาเปิดฝายาก่อนจะบีบออกมา

“อย่าดื้อ”

“ผมทำเองได้”

“ใบบุญ”

“….” เด็กหนุ่มก้มหน้างุด รู้สึกหัวใจพองโตเหลือเกินที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขา “ก็ได้ครับ” ยื่นมือขาวออกไป อีกฝ่ายทายาให้บริเวณที่เป็นรอยแดง ทันทีที่ได้สัมผัสเขาก็รู้สึกได้ว่าความรู้สึกตัวเองมันเอ่อล้นมามากมายขนาดไหน จู่ๆก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ชะมัด

“เป็นอะไร” ธัชธรรม์ขมวดคิ้ว มองคนตัวเล็กกว่าที่จมูกแดงก่ำ “ร้องไห้ทำไม”

“ปะ เปล่า ผมไม่ได้ร้อง”

“กูทาเจ็บหรือ แล้วแบบนี้เจ็บไหม” ธัชธรรม์ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่คว้ามือขาวขึ้นมาทายาให้แผ่วเบา ราวกับย้อนเวลากลับไปช่วงเวลาที่ยังคงสวยงามสำหรับเขา

“ไม่เจ็บ..”

“งั้นก็เลิกร้องไห้ได้แล้ว กูไม่ชอบ” ลุกขึ้นเดินออกไปเตรียมกับข้าว ยกวางมาบนโต๊ะจนเรียบร้อย เขาเข้ามาตามเด็กหนุ่มที่ยังนั่งซึมกะทืออยู่ หลังงองุ้มที่กำลังหันหลังให้เขาช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน “จะกินไหม”

“กะ กิน”

“จะกินก็รีบมา” เด็กหนุ่มเดินตามเขาออกไปที่โต๊ะอาหาร นั่งลงเงียบๆ ไม่พูดไม่จา กินไปได้ครึ่งนึงก็ลุกขึ้นจะเอาจานไปล้าง รู้สึกอิ่มตื้อไปหมด ไม่อยากกินอะไรด้วยซ้ำ เดินกลับมาก็เจอชายหนุ่มทัก “อิ่มแล้ว?”

“ครับ”

“ไปเอาของหวานมากิน”

“ผมไม่หิว”

“ไปหยิบมา” ธัชธรรม์กดเสียงเข้ม เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นไม่พูดจา ก่อนจะเดินเข้าไปห้องครัว ยกมือมองตรงข้อมือที่โดนน้ำมันกระเด็นใส่หลังจากทายาแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกเจ็บ มีเพียงแค่รอยแดงเท่านั้น เขาหยิบขนมปังออกมาทาแยมวางเรียงใส่จาน “นี่ครับ”

“กินซะสิ” เขาพยักเพยิด ไม่ได้ให้ใบบุญหยิบมาเพราะอยากจะกินเอง แต่เจ้าเด็กนี่กินข้าวไปนิดเดียวแล้วจะมีแรงหรือไง

“ไม่หิว”

“ใบบุญ อย่าดื้อ” เขาขมวดคิ้ว มองเด็กหนุ่มที่ยืนก้มหน้า “พี่บอกว่าอะไร”

“…”

“คราวนี้เป็นอะไรอีก ร้องไห้อีกแล้ว”

“.. พี่ไม่ได้เกลียดผมหรือ” เขาเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา รู้สึกสับสนในใจไปหมด มันรู้สึกดีอยู่หรอกที่ธัชธรรม์เข้ามาทำดี เข้ามาช่วยดูแล กลับไปช่วงที่เรายังคุยกัน แต่นี่มันไม่ใช่ความรักแบบที่เขาต้องการ..

“…”

“ผม ไม่รู้พี่ต้องการอะไร” เขากลั้นเสียงสะอื้น “ผม.. ผม” กำปลายเสื้อแน่น ไม่ยอมสบตาชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ธัชธรรม์ยกมือจะลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนแต่ก็ชะงักค้างเอาไว้ เขาเก็บมือกลับ มองเด็กตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ เพราะความเกลียด ความโกรธมันบดบังความรู้สึกดีๆไปหมดแล้ว

“เลิกร้อง คิดไปก็เท่านั้น ความจริงไม่มีทางเปลี่ยนไปได้หรอก”

“ถ้าเกลียดกันก็อย่ามาทำดีกับผมเลย ฮึก ฮือ” เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงกับพื้น

“….” ธัชธรรม์พูดอะไรไม่ออก เขาลุกออกมาจากโต๊ะอาหารปล่อยให้คนตัวเล็กร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น ใบบุญจมอยู่ในความคิดตัวเองกับคำว่าความจริงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ ธัชธรรม์ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง จู่ๆร่างกายก็ชะงักอยากจะเดินลงไปข้างล่าง ไปทำอะไร ไม่รู้ เขาทำตัวไม่ถูก แต่เขาไม่ชอบเห็นน้ำตาของอีกฝ่ายเลย เขาถอนหายใจ.. พูดกับตัวเองในใจ

เกลียดก็คือเกลียด…

+++

(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 2 ] 05-07-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 05-07-2018 21:09:27
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


ชายหนุ่มร่างสูงลงจากรถยนต์ส่วนตัว ใบหน้าคมเข้มเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา เขาเดินผ่านเข้าไปในผับที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน แจ็คเก็ตสีดำสวมทับกับเสื้อยืดลายกราฟฟิคสีขาว กางเกงยีนสีดำสนิท ธัชธรรม์ไปยังโต๊ะVIPชั้นสองที่เพื่อนเขาจองเอาไว้ ในหัวสมองครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มันรบกวนจิตใจเขามาตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเพื่อนเขาชวนออกมาแฮงค์เอ้าท์ข้างนอก เขาถึงได้ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตายังติดตาเขาอยู่เลย ฮันเตอร์นั่งลงข้างๆมองเพื่อนที่เหมือนคิดอะไรอยู่ด้วยความสงสัย

“เป็นอะไรวะ หน้าตาเหมือนมีปัญหาอะไรในใจ” เขายกมือเรียกบริกรให้มาที่โต๊ะ มองเพื่อนที่ยังคงเหม่อลอยแล้วขัดใจ “มึงอกหัก?”

“ไม่มีอะไร กูแค่คิดอะไรเพลินๆ”

“มาถึงนี่แล้วมึงยังจะคิดอะไรอีก นั่นๆสาวๆโต๊ะนั่นเด็ดชิบหาย” เขามองไปยังโต๊ะด้านล่าง สาวสวยกำลังเกาะกลุ่มพูดคุยกัน ธัชธรรม์ไม่ได้มองตามเพื่อน เขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น

“เออ เด็ดจริง”

“เห็นไหม เชื่อกู วันนี้มึงต้องได้กลับไปสักคนแน่” ฮันเตอร์กะตือรือร้นเป็นพิเศษ หันมามองเขาตาใส “กูติดต่อให้เอาไหม” สายตาแพรวพราวของชายหนุ่มจ้องมองไปยังโต๊ะด้านล่างที่ประกอบไปด้วยสาวๆใส่ชุดน้อยชิ้น ยิ่งเพลงเปิดคลอโยกย้ายไปกับเสียงเพลง ชายหนุ่มก็ยิ่งมองเพลินตา รีบสะกิดเพื่อนที่นั่งซึมกะทือให้รีบไปดู

“อืม..”

เสียงเพลงเริ่มดังขึ้นทุกคนจับจ้องไปที่เวที วันนี้ที่ผับคึกคักเป็นพิเศษ เพราะเมื่อวานมีDJชื่อดังมารับงานร้องประจำที่นี่ เขาและธัชธรรม์หมายมั่นปั้นมืออยากจะมาเจอไบร์ทเป็นพิเศษ แต่ดูเหมือนวันนี้จะแห้วเพราะดันเป็นนักร้องหนุ่มอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทกับDJหน้าหวานคนนั้น มังกรโบกมือให้สาวๆพลางถือแก้วเหล้าปรี่ไปที่โต๊ะสาวสวยที่ฮันเตอร์เล็งไว้ตอนแรก หลังจากที่ยืนคุยกันอยู่สักพักเขาก็เห็นว่ามีการแลกไลน์กัน

“อะไรวะ โดนหมาคาบไปแดกเฉยเลย” ฮันเตอร์กัดฟันกรอด มองดูเหยื่อที่หลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา

“มึงนั่งมองแบบนี้ เขาคงจะมาประเคนถึงที่หรอก”

“หงุดหงิด แม่งเป็นใครวะ”

“ก็น่าจะดาวเด่นของที่นี่มั้ง” เขาเห็นหน้าเด็กหนุ่มแค่ครั้งเดียวเขาก็จำได้ หมอนั่นเป็นนักร้องเบอร์ต้นๆของที่นี่

“หมั่นไส้ว่ะ”

“ไก่อ่อนเอ๊ย แน่จริงก็ไปจีบแข่งกับมันสิ” เขาหัวเราะ เพิ่งเคยจะเห็นเพื่อนหัวเสียเรื่องถูกแย่งผู้หญิงเป็นครั้งแรก
“เออได้!” เขาพูดทีเล่นทีจริงแต่เพื่อนเขามันดันเอาจริงซะได้ “เดี๋ยวกูมานะ” เขาส่ายหัวให้ไอ้เพื่อนตัวดีที่เสนอหน้าไปโต๊ะสาวๆกลุ่มนั้นซะแล้ว ส่วนไอ้หัวเทาเดินขึ้นไปบนเวทีจับไมค์ขึ้นร้องเพลง เสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม เขานั่งฟังพร้อมกับโยกหัวตามไปด้วย 

ฝีมือไม่เบา..

ธัชธรรม์นั่งจิบเหล้าพร้อมกับมองไปเรื่อยเปื่อย สายตาก็ไปปะทะกับชายหนุ่มที่นั่งโต๊ะเยื้องกับเขา ใบหน้าขาวซีดดวงตาเรียวรีสีดำสนิท ผมซอยยาวระต้นคอสีดำสนิทต่างจากเขาที่ผมสั้นเซ็ตทรง อีกฝ่ายยกแก้วเป็นเชิงทักทาย เขายกแก้วทักทายและดึงสายตากลับ นั่งอยู่สักพักก็มีหญิงสาวแวะเวียนมาพูดคุยด้วย แต่ชายหนุ่มไม่สนใจบอกปัดและมองเพื่อนที่กำลังหัวเราะร่วนอยู่ในกลุ่มสาวสวยด้านล่าง ส่วนนักร้องแร็ปเปอร์ก็ปล่อยเพลงออกมาจนเขาต้องหันกลับไปฟัง เสียงกรี๊ดของสาวๆและผู้คนที่ทยอยเข้ามาอย่างแน่นขนัดทำให้เขารู้ได้ทันทีว่า แฟนคลับและคนที่ติดตามงานมีเยอะจนน่าตกใจ 

“แม่ง โคตรเด็ด ทำไมไม่ไปกับกูว้า”

“นั่งอยู่ตรงนี้ก็เพลินๆดี เออมึงรู้จักไอ้โต๊ะนั้นไหม แม่งมองหน้ากูมาสักพักละ” ฮันเตอร์หันซ้ายหันขวาไปมอง แล้วก็เบือนกลับมาหาเขา

“ไอ้โชกุน?”

“มึงรู้จัก” เขาทำเนียนมองไปทางอื่น แต่ยังพูดถึงคนที่โต๊ะเยื้องเขาไปไกลนัก ไอ้ฮันเตอร์ทำหน้าเหมือนกลืนยาขมไม่อยากจะพูดถึงเท่าไหร่

“เดือนมหาลัย ปีกู!”

“นี่มึงหล่อน้อยกว่ามันหรือ” เขาหัวเราะ มองเพื่อนที่ทำหน้าอารมณ์เสีย

“ไอ้สัด! แม่งยัดชัวร์ โกงผลคะแนน”

“เรื่องแค่นี้ต้องโกงด้วย?”

“บ้านแม่งโคตรรวย อย่าไปยุ่งกับแม่งเลย” ไอ้ฮันเตอร์ทำเสียงฮึดฮัด ยกแก้วเหล้าขึ้นกรอกปาก ดูท่ามันจะไม่ชอบโชกุนเอามากๆ

“เออ แล้วนี่มึงจะกลับหรือยัง”

“ทำไมรีบกลับอะ ยังไม่ทันเมาเลย” ไอ้ฮันเตอร์ท้วง เริ่มออกอาการถ้าหากเขาไม่อยู่เป็นเพื่อน “หรือว่ามึงห่วงใคร ใครรออยู่ที่บ้าน”

“เปล่า” เขาปฏิเสธทันที ไม่ได้ห่วงใครสักหน่อย มีแค่ใบบุญอยู่ที่บ้าน หมอนั่นดูแลตัวเองได้ไม่เห็นต้องให้เขาเป็นห่วงสักหน่อย “ไม่มีอะไรอย่างที่มึงคิดหรอกน่า”

“เออ อย่าเพิ่งกลับแล้วกัน” ชายหนุ่มพยายามรั้งเพื่อน เมื่อครู่ที่ลงไปตกสาวก็ไม่ได้มาสักคน วันนี้มันเป็นวันไม่ดีของเขาเลย “สรุปว่าน้องไบร์ทไม่มาว่ะ กูถามวงในละ”

“ไม่มาก็ไว้วันหลัง ดูมึงอยากได้คนนี้จังเลยนะ”

“โอ้โห ถ้ามึงเจอนะ อย่างงี้ๆ” ฮันเตอร์ยกนิ้วโป้งขึ้นมา เขาเบะปาก ทีเรื่องแบบนี้ไม่เคยจะพลาด เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว

“กูว่าเพื่อนเขาก็เจ๋งดี ชื่ออะไรนะ มังกร?” เขายกแก้วขึ้นดื่ม

“อืม กูเคยอยากจะชวนอยู่ แต่แม่งตกหญิงเก่งกว่ากูหมั่นไส้ว่ะ”

“ไปๆ ไปดีลมาให้ได้”

“มึงจะเอา?”

“ตอนนี้ได้ใครก็ดีกับเราทั้งนั้น” เขายิ้มแต่มันไปไม่ถึงดวงตา “ถ้ามังกรมา ไบร์ทก็ต้องมา มึงเชื่อกูสิ”

“เออว่ะ กูลืมคิดไปเลย งั้นมึงรอกูแปบนะ” เขามองเพื่อนตัวเองวิ่งลงไปชั้นล่างด้วยความเร่งรีบ หมดมาดคุณชายทันที ธัชธรรม์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูนาฬิกา เกือบเที่ยงคืนแล้วไม่รู้หมอนั่นจะนอนไปหรือยัง..

+++

“ฮัดเช้ย!”

“เป็นหวัดหรือวะ อย่ามาใกล้กูนะ”

“กร มึงนี่เว่อจริงๆ กูแค่จามมันคัดจมูกเฉยๆ” เขานั่งลงบนโซฟาภายในห้องพักหลังเวที ใบบุญขี่มอเตอร์ไซค์มาจากบ้านเพราะเพื่อนตัวดีมันชวนออกมากินข้าว “เสร็จงานแล้วหรือวะ คนยังเยอะๆอยู่เลยนะ” ตอนนี้เขาเริ่มหิวข้าวแล้ว อุตส่าห์หิ้วท้องมารอตั้งนานแต่ลูกค้าเยอะเกินไป

“เยอะเพราะมารอดูมึงไง โอ้โห ฮอตจริงๆ” มันตบบ่าเขาเบาๆ ทำหน้าปลาบปลื้มจนน่าหมั่นไส้

“พูดมาก เสร็จงานแล้วก็กลับ กูหิวข้าว” เขาลูบท้อง มัวแต่นอนแต่งเพลงในห้องจนลืมกินข้าว ไม่อยากจะลงไปห้องครัวให้เจอหน้าคนที่เกลียดยิ่งกว่าอะไรดี เด็กหนุ่มกระชับแว่นตาให้เข้าที เสยผมยุ่งๆอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองไปด้านหลัง เขาไม่ได้แต่งตัวเหมือนมาทำงานเหมือนทุกทีเพราะไม่อยากให้ใครจำได้ ยังไงลุคนี้ของเขาก็ดูจืดจางไม่เป็นจุดสนใจของใครอยู่แล้ว ยิ่งพูดท้องก็ยิ่งหิว วันนี้เขาจะไปกินก๋วยเตี๋ยวหน้าเป็ดเจ้าเด็ดให้ได้เลย

“ได้ๆ จะเลิกงานละ จะกินอะไรบอก”

“ต้องอย่างนี้สิเพื่อน”

“เรื่องกินต้องบอกน้องใบบุญจริงๆ”

“ขอโทษนะครับ” พงกเขาชะงัก หันไปมองชายหนุ่มร่างสูงที่เข้ามาใหม่ ผมสีน้ำตาลไหม้และใบหน้าขาวดูสะอาดสะอ้านราวกับเป็นคุณชายจากตระกูลไหนสักแห่ง ใบบุญหันไปมองผู้มาใหม่ก่อนจะรีบเนียนเข้าไปหลบหลังเพื่อน มังกรทำหน้างุนงง ห้องนี้ไม่ใช่ห้องที่จะมีใครเข้ามาได้ง่ายๆสักหน่อย หมอนี่เป็นใคร?

“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ที่นี่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า”

“เอ่อ คือ ผมขอแนะนำตัวก่อน” ชายหนุ่มกระแอมไอ รู้สึกหน้าม้านเล็กน้อยที่โดนย้อนถาม “พี่ชื่อฮันนะครับ จะเรียกฮันเตอร์ก็ได้ พี่เป็นเจ้าของค่ายเพลงเล็กๆ ที่กำลังฟอร์มทีมอยู่ สนใจอยากร่วมงานกับน้องกรครับ”

HIL Record ?

มังกรรับนามบัตรมาอ่านแล้วขมวดคิ้ว เขาคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินเฮียพูดถึงว่าเป็นค่ายน้องใหม่ที่กระเป๋าหนักไม่เบา แต่เด็กหนุ่มยังไม่เคยเห็นศิลปินที่ออกกับที่นี่ หรือทำเพลงอะไรออกมาให้ได้ยินเลย ค่ายน้องใหม่แบบนี้ เขาก็ไม่อยากจะเสี่ยง ชายหนุ่มส่งนามบัตรให้ใบบุญที่เกาะเขาแน่นหนึบ เด็กหนุ่มรับไปอ่านก่อนจะมองหน้าชายหนุ่มผู้มาใหม่อีกครั้ง

“ตอนนี้ที่ค่ายกำลังทำผลงานอะไรอยู่หรือครับ” เด็กหนุ่มถามเสียงเบา ท่าทางไม่มั่นใจ “อะเอ่อ ผม ผมเป็นผู้จัดการส่วนตัวของมังกรน่ะครับ”

“อ่อ ตอนนี้เรากำลังทำเพลงใหม่ กำลังอยากได้แร็ปเปอร์เจ๋งๆที่มีผลงานมาร่วมงานด้วย” ชายหนุ่มขายของเต็มที่ ฉีกยิ้มกว้างยามอธิบาย “ส่วนศิลปินตอนนี้ที่อยู่กับเราก็มี KJ พอจะรู้จักไหมครับ”

นี่มัน.. พี่ธัช? ไม่ใช่หรือ..

“เอ่อ” มังกรทำหน้าฉงน เขายอมรับว่ารู้สึกคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก ส่วนเพื่อนเขาทำหน้าตกตะลึงไปแล้ว “มีอะไรอ่อวะ”

“ตกลงครับตกลง”

“เห้ย ตกลงซี้ซั้วได้ยังไง เดี๋ยวเฮียก็มาแหกอกหรอก” เขามองหน้าใบบุญอย่างไม่เข้าใจ

“เราไมได้เซ็นสัญญากับเฮียสักหน่อยก็แค่ไปช่วยงานเขา ไม่เป็นไรหรอกน่า”

“แต่มึงจะไว้ใจง่ายๆได้ยังไง” มังกรทำหน้ายู่ ถึงมันจะน่าสนใจก็เถอะ แต่ก็ช่วยคิดหน่อยไม่ได้หรือยังไงเล่า

“เอาเถอะ กูขอร้อง” เห็นทำหน้าอ้อนวอนเขาก็อดใจอ่อนไม่ได้

“ขอดูรายละเอียดงานก่อนนะครับ” มังกรถอนหายใจ ก่อนจะหันไปตอบฮันเตอร์ที่ยืนฉีกยิ้มอยู่

“ได้เลย งั้นพี่ขอเบอร์ติดต่อหรือไลน์เอาไว้หน่อยนะครับ” ฮันเตอร์ระริกระรี้รีบเข้ามายื่นโทรศัพท์แลกไลน์ “ดีใจมากๆเลยหวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันนะครับ”

“ครับ ยังไงผู้จัดการผมคงติดต่อไปอีกที” มังกรยิ้มให้

“เอ่อ ถ้ายังไงน้องกร อยากได้เพื่อนร่วมงานที่คุ้นเคย จะชวนน้องไบร์ทมาด้วยก็ได้นะครับ” ทันทีที่จบประโยคพวกเขาสองคนก็มองหน้ากัน “คือเพื่อนพี่ KJ น่ะครับ อยากร่วมงานกับน้องไบร์ทมาก รับรองว่าจะต้องเป็นคู่ที่แร็ปแบทเทิลที่มันส์สุดๆแน่นอน”

หมายความว่ายังไง อยากได้!?

พี่ธัชเนี่ยนะ!




TBC.







   

หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 2 ] 05-07-61
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 14-07-2018 12:01:27
ใบบุญจะได้เจอกับพี่ธัชแล้ว เขาจะได้ร่วมงานกันจริงๆแล้วใช่ไหมครับ
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 2 ] 05-07-61
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 14-07-2018 12:25:59
พี่ธัชทำไมยังใจร้ายกับน้องหล่ะ น้องไม่ได้อะไรผิดเลย

ทำไมต้องดุน้อง อย่าแอบหลงรักน้องไบร์ทนะ จะให้ใบบุญจัดการ
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 3 ] 24-07-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 24-07-2018 23:23:32
Rhyme 3

เด็กหนุ่มลืมเรื่องที่ฮันเตอร์เข้ามาติดต่อไปเสียสนิทเพราะกำลังตื่นเต้นดีใจกับผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เป็นไปตามที่หวังไว้ ในที่สุดเขาได้เป็นนักศึกษาคณะดุริยางคศิลป์ ส่วนธัชธรรม์ก็ไม่น้อยหน้า ยื่นคะแนนจนได้เข้าเรียนคณะเดียวกับเขาเช่นกัน ทับทิมดีใจมากจึงจัดงานเลี้ยงเล็กๆที่บ้าน มีลูกชายคนเล็กคอยเป็นลูกมือช่วยทำอาหารและไปจ่ายตลาด เด็กหนุ่มหั่นเนื้อสัตว์แต่ดันใจลอยคิดเรื่องอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนถูกมารดาดุและไล่เข้าไปเตรียมโต๊ะอาหาร ตั้งแต่คราวนั้นเขาก็ไม่ได้เจอหน้ากับธัชธรรม์ตรงๆอีก อีกฝ่ายอยู่แต่ในห้องส่วนตัว หลังจากทานมื้อเย็นก็จะออกไปข้างนอกกับเพื่อนแทบทุกวัน เขาทำได้เพียงแค่มอง อบู่บ้านเดียวกันแต่ใช้ชีวิตเหมือนต่างคนเป็นแค่คนแปลกหน้า บางวันเขายังคงออกไปทำงานพิเศษที่ผับอยู่บ้าง บางวันก็เลือกจะแต่งเพลงอยู่ที่ห้อง

เส้นทางของเขาและธัชธรรม์ไม่มีวันบรรจบได้จริงๆ

มังกรตอบรับเรื่องที่จะเข้าร่วมโปรเจ็คทำเพลงของฮันเตอร์ อันที่จริงเป็นเพราะเขาคะยั้นคะยอมากกว่า อยากอยู่ใกล้ชิด อยากจะดันทุรังทำในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ ในที่สุดคนที่อยู่ไกลแสนไกลอย่างธัชธรรม์ก็กลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง ต่อให้เกิดอะไรขึ้นเขายอมทั้งนั้น ขอแค่ได้มองอยู่ตรงนี้..

“ทานเยอะๆนะลูก”

“แม่ก็ด้วย อย่ามัวแต่ตักให้พวกผมสิ”

“เห็นลูกๆกินกันอร่อยแม่ก็อิ่มแล้ว” มารดาตักยำวุ้นเส้นให้เขาจนพูนจาน ส่วนธัชธรรม์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่กินเงียบๆ เขาเห็นชายหนุ่มเขี่ยหัวหอมออกจากจานเหมือนเคย นึกขำในใจแต่ก็เก็บอาการ ใช้สายตาที่อยู่ภายในแว่นกรอบหนาชำเลืองมอง ผมสั้นสีดำสนิทยุ่งเล็กน้อย ใบหน้าคมคร้ามและหนวดที่เริ่มขึ้นตอเล็กน้อยรวมกับขอบตาดำคล้ำไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้าเขาลดน้อยลงเลยสักนิด เขารู้ว่าชายหนุ่มออกไปเที่ยวกลางคืนทุกวัน ไม่รู้จะด้วยสาเหตุอะไรแต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ

“แม่ครับ ธัชมีเรื่องจะขอ” เขาวางช้อนลง มองมารดาด้วยท่าทีจริงจัง “ธัชอยากออกไปอยู่หอ”

“ทำไมล่ะ บ้านเราก็ไม่ได้ไกลจากมหาวิทยาลัยนี่” ทับทิมมองลูกชาย ก่อนจะเหลือบไปยังลูกชายคนเล็กที่ดูตกใจเล็กน้อย “แล้วน้องล่ะ ธัชไปอยู่คนเดียวแล้วจะทิ้งน้องเอาไว้หรือ”

“น้องดูแลตัวเองได้อยู่แล้วครับ ไม่เห็นต้องให้ผมดูแลเลย” ชายหนุ่มตอบ ไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มลอบกลืนน้ำลายด้วยความรู้สึกประหลาด หรือว่าสาเหตุที่ธัชธรรม์ไม่อยากอยู่บ้าน มันเป็นเพราะเขา..

“ยังไงแม่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี ยิ่งเราไม่ได้มาอยู่ไทยนานแล้วด้วย ปรับตัวได้แล้วหรือ”

“ก็ไม่ได้ยากอะไรนะครับ ผมปรับตัวได้ แม่ไม่ต้องห่วง”

“แต่แม่ไม่อยากให้ธัชทิ้งน้อง แม่เคยคุยกับธัชแล้วไงลูก”

“แต่แม่..”

“เราจะเลิกพูดเรื่องนี้อีก” ทับทิมเม้มปากไม่มองหน้าลูกชายคนโตที่มองด้วยแววตาตัดพ้ออีก บรรยากาศตอนนี้ที่ควรจะชื่นมื่นกลับอึมครึมจนเขาต้องเอื้อมมือไปโอบมารดาเอาไว้ มองไปทางธัชธรรม์ที่มีแสดงสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไมไ่ด้ เขาท้อเหลือเกิน ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป จะยิ่งมีแต่ความเกลียดชังให้กัน..  เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ไม่รู้เลยจริงๆ

“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวนะครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หมุนตัวกลับออกไป

“ธัช”

        “ผมจะทำอย่างที่แม่ต้องการ แต่ถ้าแม่อยากให้ผมทำดีกับมันเหมือนเดิมล่ะก็.. บอกเลยว่าไม่มีทาง” เขาตอบทั้งที่ยังยืนหันหลังให้อยู่ เด็กหนุ่มเผลอกำมือแน่นจนเจ็บไปหมด แต่น่าแปลกที่ตอนนี้มันไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น

           แม้จะน้ำตาตกใน.. ข้างในโหวงเป็นโพรงแทบจะไร้ความรู้สึก

           เป็นเพียงตัวอะไรสักอย่างที่ถูกมองข้าม

 เวลาภายไปไม่นานก็เข้าสู่ช่วงเดือนสิงหาคม เริ่มมีกำหนดการปฐมนิเทศนักศึกษาและกิจกรรมที่จะทำก่อนเข้าสู่ช่วงเปิดเรียนจริงๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวและกางเกงสแล็คสีดำถูกนำมาจัดวางบนเตียง เขารีดอย่างเรียบร้อยด้วยความตั้งใจ เตรียมเนคไทอย่างดี ทุกอย่างถูกระเบียบเป๊ะจนคนที่นอนมองอยู่ร้องฮึดฮัดด้วยความขัดใจ มังกรเบะปาก เมื่อเห็นชุดนักศึกษาของเพื่อนสนิท ส่วนเขาน่ะหรือ เป็นเสื้อนักศึกษาแขนสั้นสีขาวปล่อยชายรุ่ยร่ายแถมยังสวมรองเท้าผ้าใบสีฉูดฉาด ที่ใครเห็นแล้วต้องหันกลับมามองอีกรอบแน่

     ผิดระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า

           “ทำไมไม่แต่งแบบไบร์ทล่ะ กูชอบนั้นมากกว่าอะ” มังกรเริ่มงอแง นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงเขา เขาตีมือมันที่เข้ามายุ่งย่ามกับเสื้อผ้าเขา

           “ไม่เอาอ่ะ กูไม่อยากเด่น ไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับกูเยอะแยะ กูรำคาญเข้าใจไหม” เขาตอบยืดยาวพลางมองเพื่อนที่เดาะลิ้นอย่างขัดใจ

           “มีของดีก็ไม่รู้จักโชว์ ขี้คร้านคนจะเดินตามมึงเป็นพรวน”

           “พอเหอะ นิสัยกูเป็นยังไงมึงก็รู้”

           “คร้าบ กูล่ะเชื่อเลยจริงๆ” เขาลุกขึ้นนั่ง “มีแต่คนเขาอยากเด่นอยากดัง พรีเซ้นท์ตัวเองกัน ส่วนมึงกลับอยากจะปกปิดตัวเองเอาไว้ ทำแบบนี้คนอื่นจะไม่มองว่ามึงเนิร์ดหรือ”

           “เขาจะมองยังไงก็ช่างเขา กูแค่อยากมีชีวิตที่สงบสุข ไม่ใช่คนรุมล้อมเหมือนไบร์ท”

           “เสียดายชิบหาย แต่กูก็เคารพตัดสินใจของมึง” เขาถอนหายใจ “อยากเห็นมึงประกวดเดือน”

           “พอเลย ตัวกะเปี้ยกอย่างกูจะไปสู้อะไรเขา” เขาหัวเราะพลางหรี่ตามองเพื่อนสนิท อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่ามันมีแผนการจะลากเขาไปประกวด งานใหญ่ขนาดนั้นเขาไม่มีทางเข้าไปยุ่งแน่

           “กูเบื่อคนถ่อมตัวจริงๆ อย่างมึงเนี่ยนะเรียกเตี้ย” มังกรมองคนสูงโปร่งแล้วเบะปากอีกรอบ ถึงเขาจะตัวไล่เลี่ยกันแต่ความฮอตของเขาสู้เด็กหนุ่มตัวขาวจั้วะตรงหน้าไม่ได้เลย

           “มึงไปประกวดเองสิ เดี๋ยวกูเป็นหน้าม้าให้” ใบบุญพูดติดตลก ขยิบตาให้เพื่อนสนิท

           “ไม่คุยกับมึงละ อารมณ์เสีย” เขาตัดสินใจลุกขึ้นยืน เดินออกไปยืนริมหน้าต่าง รถยนต์สีดำมันปลาบแล่นออกมาจอดอยู่หน้าประตูบ้านตามด้วยชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษาเดินลงมาเปิดประตูบ้าน ใบหน้าคมคร้ามสีแทนยามโดนแสงอาทิตย์ยามเช้า น่ามองจนแทบละสายตาไม่ได้ “นั่นใครวะ พี่ชายที่มึงเคยเล่าให้กูฟังหรือ”

           “อือ เรียนคณะเดียวกันนี่แหละ” ใบบุญเดินตามเพื่อนมาดู พอเห็นว่าเป็นใครเขาก็ถอนหายใจยาว

           “พี่มึงหล่อฉิบหาย..  หน้าตาไม่เห็นเหมือนกันเลยว่ะ” เขาได้ยินแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดเพราะยังเคืองที่อีกฝ่ายทำหน้าตาเฉยเมยใส่เขาอยู่ได้ “แล้วไม่ไ่ปเรียนด้วยกันหรือวะ”

           “ไม่อะ เขาเกลียดกูจะตาย” ตอบได้แค่นั้น ก็ผละไปแต่งตัวต่อ ชุลมุนวุ่นวายกันอยู่อีกสักพักเขาถึงได้ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจออกไปเรียน มังกรเพิ่งจะย้ายบ้านมาอยู่แถวนี้ได้ไม่นานนัก ทำให้พวกเขาเจอกันบ่อยมากขึ้น มังกรเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อจัด คิ้มคมและดวงตาเรียวรีคู่สวย ผิวขาว นิสัยร่าเริงขี้เล่นทำให้เขาเป็นคนที่ป็อบในหมู่เพื่อนเสมอ แตกต่างจากเขาที่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร

เขาใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีก็มาถึงที่หมาย รีบเข็นมอเตอร์ไซค์ไปจอดหน้าคณะ แต่ในวันปฐมนิเทศที่เต็มไปด้วยนักศึกษาใหม่แบบนี้ ทำให้ไม่มีแม้แต่ทางเดินด้วยซ้ำ ในเมื่อไม่มีที่จอดรถเขาจึงต้องวนรถไปจอดที่คณะแพทย์ฯซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

           ใบบุญไม่ได้รีบเพราะให้มังกรนำไปก่อนแล้ว ทันทีที่เขามาถึงลานคณะ เขาก็เห็นมังกรโบกไม้โบกมือให้ ข้างๆมีรุ่นพี่กำลังยืนรอรับน้องๆพร้อมด้วยตีกลองประกอบเพลง ฟังแล้วสนุกสนานน่าดู.. แต่เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย ไม่อยากเป็นจุดเด่นให้ใครสนใจ ต่างกับใครบางคนที่ไม่ว่าจะมองทางไหนก็ต้องเห็นอยู่ในสายตาเสมอ ผู้ชายร่างสูงในชุดนักศึกษายืนเด่นเป็นสง่า จนใครต่างก็ต้องเหลียวมองไม่วางตา

ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหนก็เปล่งประกายราวกับพระอาทิตย์

ศูนย์กลางของทุกสรรพสิ่งที่เขาได้แต่มองอยู่ขอบนอกของจักรวาล.. ไม่มีวันได้เข้าใกล้

“น้องใบบุญ” เขาสะดุ้ง หันไปเจอรุ่นพี่ในชุดเสื้อยืดกางเกงเล มีป้ายชื่อแขวนอยู่แต่เขาไม่ทันได้มอง ดูแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่สันทนาการของคณะ

“คะ ครับ” เขาทำหน้าเหรอหราใส่ไม่เข้าใจว่าเรียกเขาทำไม รู้จักกันก็ไม่ใช่ “พี่มีอะไรหรือครับ”

“มังกรบอกให้น้องไปนั่งตรงนั้นน่ะ” ชายหนุ่มยิ้มแป้น ชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ใต้อาคาร “ไม่ต้องตื่นเต้นนะ พี่ๆใจดีทั้งนั้น”

“ครับพี่” เขาพยักหน้า กำลังจะเดินไปทางที่เพื่อนอยู่แต่ก็โดนดักเอาไว้ เด็กหนุ่มแอบขมวดคิ้วนิดหน่อย เขามักจะชอบชักสีหน้าเวลาไม่พอใจเพราะไม่มีใครเห็นใบหน้าภายใต้แว่นตาสีดำหนาเตอะอันนี้

“เรียกพี่เบย์ก็ได้ อยู่ปี2 เอกดนตรีตะวันตกนะ”

“คะครับ สวัสดีนะครับ” เขายกมือไหว้อีกรอบ ไม่กล้าสบตา อีกฝ่ายหัวเราะร่วน ไม่รู้จะตลกอะไรนักหนา

“มารยาทดีจริงๆเลยเรานเนี่ย ไปๆนั่งตรงโน้นดีกว่า” เขาพงกหัวรับคำก่อนจะรีบเดินลัดเลาะฝูงชนไปหาที่นั่งข้างเพื่อน ทิ้งชายหนุ่มเมื่อครู่ให้เป็นที่สนใจของผู้คนต่อไป

“ทุกคนดูเฟรนด์ลี่เนอะ” มังกรตื่นตาตื่นใจ แจกยิ้มไม่หยุด มันจะรู้ไหมว่าเป็นจุดสนใจของคนอื่นมากเกินไปแล้ว เขาไม่ชอบเลย “พี่ๆน่ารักกันมากเลย”

“อย่าทำตัวเด่นให้มันมากนัก” เขาห้ามปราม หรี่ตามองมันอย่างตำหนิ


“เอ้า ก็บุคลิกกูเป็นแบบนี้ ไม่ได้นั่งหน้านิ่งเหมือนมึงได้เป็นวันๆนะ”

“เออ งั้นกูไปนั่งที่อื่น” เขาถอนหายใจ

“ไม่เอา อยู่กับกู!” เตรียมจะลุกขึ้นแต่ก็โดนมันรั้งเอาไว้เลยต้องนั่งลงอยู่ที่เดิม

ชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษาดูโดดเด่นอีกคนกำลังยืนแจกน้ำเปล่าให้กับน้องๆที่เริ่มทยอยเข้ามาในห้องประชุม เขาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มหัวยุ่งที่นั่งทำหน้ามุ่ยสวมแว่นตาที่ปิดบังใบหน้าไปเกือบครึ่งทำให้เขาอดจะสงสัยไม่ไ่ด้ว่าจริงๆแล้ว น้องคนนี้มองเห็นเขาหรือเปล่า เขายื่นขวดน้ำไปข้างหน้า ใบบุญและมังกรชะงักก่อนจะไหว้ขอบคุณอย่างนอบน้อม ฮันเตอร์ยิ้มให้ก่อนจะมองหน้ามังกรอย่างสงสัย เหมือนเขาเคยเจอที่ไหนมาก่อน อาจเป็นเพราะมังกรในตอนนี้เรียบร้อยทำให้เหมือนเด็กนักศึกษาทั่วไปมากกว่ายามที่เจ้าตัวใส่ชุดไปเที่ยวแบบจัดเต็ม

“เหมืิอนพี่จะคุ้นหน้าน้องมาก่อน”

“ไม่ครับ ไม่ ไม่คุ้นแน่นอน” เขาจำหน้าฮันเตอร์ได้แม่น ไม่คิดว่าจะมาเจออีกฝ่ายที่คณะเสียได้

“พี่ไม่คุ้นเราหรอก แต่พี่คุ้นคนนี้ น้องชื่ออะไรหรือครับ” ฮันเตอร์เลยผ่านใบบุญไปทางมังกรที่กำลังดูดน้ำเปล่า เด็กหนุ่มเหลือบมองรุ่นพี่ที่มาถามชื่อก็รู้สึกตงิดแปลกๆ

ถ้าเป็นมุกจีบก็คงจะเก่าไปหน่อยนะ..

“กร” มังกรหันไปตอบแอบตกใจนิดหน่อยที่คนตรงหน้าดูเด็กลงเมื่ออยู่ใชุดศึกษา ปกติเจอในผับก็แต่งตัวเหมือนป๋าเตรียมมาหิ้วเด็กซะขนาดนั้น ใครจะไปรู้ว่ากำลังเรียนอยู่ล่ะ เด็กหนุ่มเมินหน้าหนีไม่อยากจะพูดกับฮันเตอร์ เขารู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้ว

“พี่ชื่อฮันนะครับ เรียกฮันเตอร์ก็ได้” ชายหนุ่มยิ้มทะเล้น แววตาเป็นกายราวกับเจอของเล่นที่ถูกใจ “น้องกรแล้วนี่คือ” เหลือบมองป้ายชื่อที่ห้อยคอของเด็กหนุ่มที่ทำตัวเป็นอากาศ ไม่หือไม่อือไม่สนใจอะไร เขาตอบรุ่นพี่เสียงเบา

“ใบบุญครับ ชื่อใบบุญ”

“อ๋อ น้องใบบุญ เอ๋ นี่ไม่ใช่น้องไอ้ธัชหรอกหรือ”

“อ่า เอ่อ ก็”

“ไอ้ธัช ไอ้ธัช!” ชายหนุ่มหันไปกวักมือเรียกเพื่อนตัวเอง “มีน้องมาเรียนด้วยทำไมไม่บอกวะ กูจะได้ช่วยดูแล” ชายหนุ่มเบนสายตามามองทางเขาก่อนจะขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย นัยย์ตาไร้ความรู้สึกยามมองเขา มันทั้งเจ็บทั้งทรมานยิ่งกว่าถูกเข็มทิ่มแทง

“มันเป็นบ้าอะไรของมัน มาทำหน้าบึ้งใส่อีก” ฮันเตอร์เกาหัวแกรก หันมาให้ยิ้มให้เขาที่นิ่งเงียบไป “มีอะไรก็บอกพี่ได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณครับ” เขายกมือไหว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะผละออกไป กลุ่มสาวๆที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขารีบเข้ามาจับจองที่นั่งใกล้ๆ เขาลอบสังเหตสีหน้าแล้วคงมีคำถามอยากจะถามเรื่องชายหนุ่มทั้งสองคนที่เข้ามาป้วนเปี้ยนเมื่อครู่มากกว่า เขาได้แต่ยิ้มให้และพยักหน้าเบาๆ ในครรลองสายตามีเพียงชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนๆด้วยความสนุกสนาน

เขากลับบ้านคนเดียวเพราะมังกรจะไปกินบุพเฟ่ต์กับเพื่อนในคณะต่อ ใช้เวลาไม่นานมังกรก็ได้เพื่อนใหม่หลายคนส่วนเขาที่ได้แต่ยิ้ม และขอแลกไลน์กับเพื่อนในคณะเท่านั้น เขาตอบแค่บางคำถามที่อยากจะตอบ คิดซะว่าแค่มาเรียน มีเพื่อนแค่มังกรก็พอแล้ว

เด็กหนุ่มจอดมอเตอร์ไซค์ที่ประจำที่มารดาจะไม่มีทางเห็น เมื่อเห็นว่าบ้านถูกปิดเงียบเขาจึงเดินขึ้นไปบนห้องตามปกติ เขาวางกระเป๋าเป้สีดำลงบนเตียงหยิบเอกสารชี้แจงเรื่องหลักสูตรและใบจ่ายค่าเทอมออกมาดู เทอมนี้เขาตัดสินใจจะเอาเงินเก็บที่ไปทำงานพิเศษมาใช้ ส่วนเงินของมารดาที่เขาได้มา เขาก็เก็บไว้ในบัญชีอย่างนั้น เขาปลดเนคไทออกและเดินออกไปยืนหน้ากระจก เด็กหนุ่มใบหน้าขาวซีดสวมแว่นตาทรงโตกำลังจ้องเขาตอบ เขากวาดเส้นผมหยักศกสีดำขึ้นไปเหนือหน้าผากเนียน หยิบหนังยางขึ้นมามัดจุกอย่างที่ชอบทำเป็นประจำเวลาอยู่คนเดียว ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนสุกสกาวสดใส ยามคลี่ยิ้มจะเห็นฟันขาวเรียงกันเป็นระเบียบสวย เขาถอนหายใจ จมจ่อมกับความคิดเพียงลำพัง

เด็กหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวเสร็จและจะลงไปกินข้าวในครัวก็ต้องชะงักเหมือนเห็นธัชธรรม์ในชุดนักศึกษาปล่อยชายเสื้อและกางเกงยีนส์ขาเดฟที่เรียบไปกับเรียวขายาวดูเท่อย่างที่ใครต่างก็ออกปากชม เขาชะงักกึกก่อนจะเดินเข้าไปเปิดตู้เย็นโดยไม่พูดอะไร มีเพียงความเงียบช่วยสื่อสารกันและกันเท่านั้น หัวใจเขาเต้นรัวเร็วจนกลัวใครอีกคนจะได้ยินด้วยซ้ำ

เต้นเบาๆหน่อยเถอะ!

“เดี๋ยวจะไม่อยู่บ้าน ล็อคบ้านดีๆด้วย” ชายหนุ่มพูดกับเขาแค่นั้นก่อนจะเดินออกไป เขายกน้ำขึ้นดื่มมองหันกลับไปก็เหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า

เสียงรถยนต์ออกตัวไปแล้ว..

เดินไปส่องมองขอบหน้าต่างดูรถยนต์ที่แล่นออกไป ถึงจะอยากรู้ว่าชายหนุ่มไปไหนไปทำอะไรแต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอ่ยถาม ได้แต่เข้าแอคเค้าท์ที่ตั้งขึ้นมาอย่างลับๆ เพื่อส่องรูปชายหนุ่มโดยเฉพาะ ที่ที่เขาจะเป็นแฟนคลับได้อย่างเต็มที่

KJ

เด็กหนุ่มทิ้งลงบนโซฟากดลอคอินเข้าอินสตราแกรมลับที่กดฟอลชายหนุ่มเอาไว้เพียงคนเดียว สไลด์ดูรูปพร้อมกับอมยิ้มไปด้วย รูปเมื่อสามวันก่อนเป็นรูปชายหนุ่มกำลังเอียงหน้าหลบกล้องเหมือนเป็นรูปแอบถ่ายเห็นเพียงเสี้ยวหน้า และเสื้อแจ็คเก็ตสีครีมที่ตัดกับผิวสีเข้มของเขา.. โคตรเซ็กซี่ชะมัด

ส่วนรูปเมื่อวานเป็นรูปในผับที่เขาไม่รู้ว่าที่ไหน เป็นรูปคู่ที่ถ่ายกับเพื่อนที่ชื่อฮันเตอร์ เขาเม้มปากแน่นเมื่อเห็นผู้หยญิงมากหน้าหลายตาคอมเม้นท์ให้เยอะแยะมากมายและชายหนุ่มก็ใจดีที่จะคอยตอบทุกคนอย่างใจเย็น เขาเองไม่มีแม้แต่ไม่กล้าแม้แต่จะคอมเม้น ได้แค่เพียงกดไลค์ไปเท่านั้น

คิดถึง

มองรูปแล้วก็แอบอมยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้านอนกลิ้งอยู่บนโซฟาอยู่ดีๆ จู่ๆโทรศัพท์ก็ส่งเสียงเรียกเข้า เขาไม่อยากจะรับสายใครทั้งนั้นเพราะอยากพักผ่อนเต็มที อีกอย่างเขาก็ไม่อยากจะฟังมันมาบ่นเรื่องนั่นนี่ เขาอยากนอน! ปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังจนดับไปหลายรอบ ไลน์ก็เด้งแจ้งเตือนขึ้นไม่หยุดจนเขาทนไม่ไหวต้องกดเข้าไปอ่านจนได้

‘ใบบุญ มาที่ผับเดี๋ยวนี้เลย’ เห็นข้อความแล้วเขาก็ส่ายหัว เรื่องอะไรจะออกไป ไหนๆเฮียกิตก็ให้เขาหยุดได้หลายวันเขาจะขอนอนพักผ่อนอยู่บ้านให้สบายใจไปเลย หึๆ

‘ม่ายยยย กูจะนอน’ ใบบุญกดส่งข้อความพร้อมสติ๊กเกอร์กระต่ายคลุมโปงกำลังจะกดถ่ายเซลฟ์ฟี่ตัวเองนอนกอดหมอนข้างไปเย้ยเพื่อน แต่มือก็ไปโดนแจ้งเตือนที่อีกฝ่ายส่งมาเสียก่อน

Dragon.k sent a photo
เขากดเปิดเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ มันคือรูปชายหนุ่มที่เขาคุ้นหน้าเป็นอย่างดีกำลังร้องเพลงอยู่บนเวที แสงไฟสปอร์ตไลท์สาดส่องไปตามเนื้อผิวสีสวย เขามองรูปธัชธรรม์อย่างตกตะลึงก่อนจะมือลั่นกดเซฟอัตโนมัติ ให้ตายเถอะ รูปนี้มันโคตรเซ็กซี่ไปเลย!

‘ตกลงจะมาไม่มา หืม? เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่มึงกับเฮียรู้จักกันด้วย แถมยังดังน่าดู ถ้ามึงมาช้า อดแน่!’

‘มึง’

‘อะไร สรุปจะมาไหม’

‘มีแบบเป็นคลิปวิดีโอปะ’

‘ไอ้…..’

(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 3 ] 24-07-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 24-07-2018 23:25:30
(ต่อจากด้านบนค่ะ)

เด็กหนุ่มจอดมอเตอร์ไซค์คู่ใจที่หน้าผับเหมือนอย่างเช่นเคย เขาไม่ไ่ด้มาที่ผับเป็นอาทิตย์แล้วเพราะเตรียมพร้อมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และเขาก็ไม่ชอบความวุ่นวายตั้งแต่ที่คลิปถูกอัพโหลดลงโซเชี่ยลครั้งนั้น เขาได้ฉายาใหม่ว่าละมุนบอย แถมยังมีกลุ่มแฟนคลับเป็นของตัวเองอีก แบบนี้ยิ่งน่าขนลุกเข้าไปใหญ่ เขาไม่ชินกับเรื่องแบบนี้เลยสักนิด แต่วันนี้เขาจะต้องไปดูธัชธรรม์แสดงบนเวทีด้วยตาตัวเองสักครั้งให้ได้

เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเรือนผมสีน้ำตาลทองถูกเซ็ทอย่างดี สวมเสื้อกล้ามและทับด้วยแจ็คเก็ตสีม่วงอ่อน กางเกงยีนส์ขาดตรงเข่าเป็นรูขนาดใหญ่ โชว์ผิวขาวจั้วะตัดกับแสงไฟ เขาเดินไปที่หลังร้าน กำลังจะทักทายเพื่อนที่ยืนคุยกับเฮียอยู่แต่ ชายหนุ่มร่างสูงเดินผ่านตัดหน้าเขาก่อน จนเขาต้องโยกตัวหลบไปอีกทาง.. นี่มันพี่ธัชนี่..

“แล้วนี่รู้จักกันหรือยัง”

“ก็รู้จักกันแล้วครับ ใช่ไหมพี่ธัช” ชายหนุ่มทำหน้างงเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเคยเห็นมังกรร้องเพลงอยู่บนเวทีและดูการแสดงมาพอสมควรจึงรู้โปรไฟล์อีกฝ่ายได้ไม่ยากจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป

“อืม”

“แล้วนี่ไบร์ทมันจะมาไหม”

“เห็นว่าจะมานะเฮีย เดี๋ยวขอโทรตามก่อน” เขาเม้มปาก ไอ้มังกรบอกเฮียแล้วหรือว่าเขาจะมา คิดว่าจะมาดูธัชธรรม์ไม่ได้บอกว่าจะมาคุยมาเจอหน้าจังๆแบบนี้สักหน่อย ไม่รู้แหละ จะว่าเขาใจเสาะก็ได้ เขากลัว กลัวว่าอีกฝ่ายจะจำได้นี่นา..

อย่าโทรมานะมึง

เขาล้วงโทรศัพท์ในกระเป่าแต่ก็ไม่ทัน เสียงมันดังลั่นเพียงพอที่จะทำให้คนหันมายังจุดที่่เขายืนหลบอยู่ มีอยู่สองทางคือเงียบต่อไปหรือเดินออกไปตอนนี้เลย เขากลัว กลัวจริงๆ กลั้นหายใจรอลุ้นแต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาเรื่อยๆราวกับมีคนกำลังเดินมาทางนี้

“สงสัยจะหูแว่ว” เสียงของมังกรดังอยู่ไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่ก่อนจะกลับไปที่เดิม เขาหมุนตัวค่อยๆเดินย่องออกมา หยิบฮู้ดขึ้นมาสวมปิดบังใบหน้าก่อนจะกลืนออกไปท่ามกลางนักท่องเที่ยวยามราตรี ใบบุญเดินหลบเข้ามาในโซนVIP ล้วงบัตรสมาชิกให้พนักงานดูก่อนจะเดินเข้าไปจับจองที่นั่ง เขาเลือกโต๊ะที่สามารถเห็นบนเวทีได้ชัดเจน เรียกบริกรมาสั่งเหล้าเอาไว้หนึ่งขวด จิบเบาๆอยู่ในมุมที่ไม่มีใครสนใจ โทรศัพท์ในกระเป๋าเขายังคงสั่นไม่หยุด เขาอยากจะด่าเพื่อนตัวเองจริงๆ เรียกบริกรมาสั่งเหล้าเพิ่มให้หายโมโห สายตาก็จับจ้องไปที่เวทีรอชายหนุ่มขึ้นไปร้องเพลงอีก เสียงเรียกทักทำให้เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเห็นแค่ช่วงล่างของอีกฝ่าย

“เอ่อ ตรงนี้มีคนนั่งไหมครับ จะขอนั่งด้วยได้ไหม พอดีมันเต็มหมดแล้ว”

“ได้ครับได้” เขาตอบ แต่ไม่ได้มองคนที่มาใหม่ให้ละเอียด สายตามองไปที่เวที ยกแก้วขึ้นจิบถึงเห็นว่าคนที่กำลังจะนั่งลงตรงหน้าเขาก็คือ.. ธัชธรรม์

ไอ้…

แทบจะพ่นน้ำสีอำพันออกมาเป็นฟองได้แต่ทุบอกสองสามทีก่อนจะกลืนลงคอจนแสบไปหมด ชายหนุ่มอีกคนที่เมื่อครู่ที่เขาไม่ได้สนใจหันมาถามด้วยความเป็นห่วง ทำไมเมื่อกี๊เขาถึงไม่ได้มองหน้าพวกนั้นให้ชัดๆกัน ไม่อย่างนั้น เขานี่แหละที่เป็นคนไปเอง!

ซวยจริงๆ!

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย”

“เปล่าครับ ไม่ได้เป็นอะไร” เขาลุกขึ้นพยายามตั้งคอให้ตรง ความมึนจากแอลกอฮอล์ทำให้เขาเสียการทรงตัวเล็กน้อย “เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มยอมทิ้งแก้วเหล้าที่ยังดื่มไม่หมดไว้ตรงนั้น ด้วยความเคยชินและความร้อนจากเหล้าทำให้เขาสะบัดฮู้ดออกจากหัว ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆเขาอ้าปากค้างทำหน้าตกใจเหมือนเคยเจอเขามาก่อน เด็กหนุ่มรู้สึกมึนหัวเล็กน้อยเพราะกระดกเข้าไปเพียวๆหลายแก้ว ใบหน้าขาวจัดขึ้นสีแดงระเรื่อน่ามอง สายตาปรือฉ่ำหวานเยิ้มอย่างไม่ได้ตั้งใจ ชั่วครู่รู้สึกเหมือนถูกจับจ้องจึงหันไปมองคนตัวโตที่กำลังจ้องเขาเขม็ง

ธัชธรรม์จ้องกลับอย่างไม่วางตาราวกับเจอของเล่นถูกใจ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มขึ้น เป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์เหลือร้ายทีเดียว ใบบุญเชิ่ดหน้าขึ้นก่อนจะยิ้มให้กลับ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ความกล้าเขาเพิ่มขึ้นทบทวี จากที่เคยหลบสายตาไม่เคยจ้องมองตรงๆสักครั้ง กลับกล้าส่งสายตาร้อนแรงให้ ชายหนุ่มยกยิ้ม เขาชูแก้วขึ้นราวกับเชื้อเชิญ

“ไม่ดื่มเป็นเพื่อนด้วยกันหน่อยหรือ” ชายหนุ่มเอ่ยทัก เขาค่อยๆเดินไปหยุดข้างชายหนุ่ม ไม่มีใครละสายตาไปจากใครทั้งนั้น เหมือนแม่เหล็กที่ต่างขั้วพร้อมจะดูดเข้าหากันตลอดเวลา เขาก้มลงจับไหล่หนาหยอกเย้าเขี่ยแก้มสากของชายหนุ่มเบาๆ บรรยากาศเจือไปด้วยกลิ่นอายอันตราย เด็กหนุ่มก้มลงกระซิบจนปลายจมูกเขาคลอเคลียใบหูสีเข้ม

“ถ้าอร่อย.. จะลองคิดดูก็แล้วกัน” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเชิ่ดตัวยืนตรงเดินผ่านไปทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ธัชธรรม์ยกยิ้มรู้สึกใจเต้นรัวอย่างน่าประหลาด

“มึงว่าน้องเขาหน้าคุ้นๆไหม เหมือนกูเคยเห็นที่ไหน แต่กูนึกไม่ออก”

“หึ มึงนึกต่อไปแล้วกัน.. เดี๋ยวกูมา” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หันไปมองแผ่นหลังบอบบางที่เพิ่งเดินจากไป
“เห้ย โหย เอาจริงหรือวะ” ฮันเตอร์ทำหน้าเหวอ มองเพื่อนตัวเองหมุนตัวตามเด็กหนุ่มคนนั้นไป “เอ.. หน้าเหมือนใครวะ”

ธัชธรรม์เดินหลบเหล่านักท่องเที่ยวยามราตรีที่กำลังสนุกสนานกับเสียงเพลงบนเวที สายตาเขายังคงจับจ้องไปที่แผ่นหลังโปร่งบางของเด็กหนุ่มที่เจอเมื่อครู่ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกถูกชะตาขนาดนี้ แค่เพียงได้สบตาคู่สวยคู่นั้นราวกับความรู้สึกเบื้องลึกในจิตใจมันถูกตีตื้น โหยหาอะไรบางอยา่ง อาจจะเป็นสัญชาตญาณที่กำลังกู่ร้องในใจอย่างเช่นตอนนี้ก็ได้ เขาอยากรู้เหลือเกินว่าเป็นเพราะอะไร..

เขาอยากได้..

ใบบุญสั่นสะท้านไปทั้งตัว มือที่อยู่ข้างตัวกำหมัดแน่นพยายามสงบสติอารมณ์จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เขาไม่น่าเปิดช่องโหว่เลย ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาทำแบบนั้น เขาต้องทำยังไงก็ได้ที่ไม่ให้ธัชธรรม์รู้ว่าเขาเป็นใคร เด็กหนุ่มเดินฝ่ากลุ่มคนเข้าไปห้องพักหลังเวที อยากจะทักทายมังกรก่อนจะปลีกตัวกลับบ้าน เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้ว..

“เพิ่งมาหรือไง” มังกรทักเขา ก่อนจะเดินมาตบไหล่ ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มาเล่นกับมันได้แต่ทำหน้ายู่ใส่

“อืม” เขาพยักหน้า นั่งลงบนโซฟา

“พี่ธัชไปไหนแล้วก็ไม่รู้ มาช้าขนาดนี้ อดไปนะมึง” มังกรบอก เพราะเขาเห็นว่าเพื่อนสนิทคนนี้ชอบเพลงชายหนุ่มมาก ถึงจะอยู่บ้านเดียวกันแต่มังกรก็ไม่รู้สาเหตุที่ทั้งสองคนไม่พูดคุยกัน

“ไม่เห็นเป็นไร ได้เห็นจากในคลิปก็พอใจแล้ว” เขาพูดไปอย่างนั้นแต่ในใจเสียดายเป็นบ้า

“มึงนี่มัน...”

“เดี๋ยวกูกลับแล้ว พรุ่งนี้มีเรียนมึงก็อย่าให้มันดึกมากนัก” เขาลุกขึ้นยืน คิดว่าถ้ายังไม่หายมึนหัวคงจะต้องได้นั่งแท็กซี่กลับบ้านแน่ๆ

“อือ หรือจะกลับพร้อมกูไหมล่ะ หน้ามึงแดงๆนะ ไปทำอะไรมา”

“มะ ไม่นี่” เขาส่ายหัว หลบตาเพื่อนที่จ้องมาอย่างจับผิด “จะเอาหน้าเข้ามาใกล้ทำไมเนี่ย”

“กลิ่นเหล้าหึ่งเลย ไหนบอกไม่ชอบกิน”

“เอาน่า กร นานๆที อย่าจุกจิกไปเลย” เขาไม่อยากจะฟังมันบ่นเลยจริงๆ

“ไหนๆมาแล้วก็ไปร้องสักเพลงไป” มังกรทำหน้าเจ้าเล่ห์ เขาส่ายหัววืด “อยากเห็นร้านเฮียระเบิดว่ะ”

“ไม่เอามึง ไม่ๆ กูจะกลับแล้ว แค่แวะมาบอก.. ว่าจะกลับ”

“อ้าวพี่ธัช สวัสดีครับ” เขาสะดุ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าชายหนุ่มจะ.. ตามมา ไม่หรอกน่า อาจจะมาหามังกรก็ได้ เขาเบี่ยงตัวหันไปมองเล็กน้อยก่อนจะดึงสายตากลับ รู้สึกร้อนที่แผ่นหลังเหมือนมีคนกำลังจ้องอยู่ “พี่ธัชจะร้องเพลงอีกไหม เอาอีกหน่อยน่า แฟนคลับพี่เยอะเหมือนกันนะครับเนี่ย”

“คงไม่เท่าน้องไบร์ทหรอกครับ”

“โหย คนนี้โคตรฮอตเลยนะพี่ ”

“มังกร!”

“ไม่สนใจร้องเพลงด้วยกันหน่อยหรือ” เขาถลึงตาใส่เพื่อนที่หัวเราะคิกคัก กำลังจะอ้าปากบอกว่าไม่แต่คนที่ยืนอนยู่ด้านหลังก็พูดขึ้นมาก่อน

“คงมีบางคนแถวนี้ไม่กล้าหรอก”

“ใครไม่กล้า” เขาตวัดสายตาหันไปมองคนตัวโตกว่า

“ไม่รู้เหมือนกัน” ธัชธรรม์ยักไหล่

“จะลองก็ได้นะ.. ” เขาหันไปเผชิญกับดวงตาสีดำคมกริบที่มองเขาอยู่นานแล้ว แสงไฟสลัวหลากสีจากด้านนอกส่องผ่านเรือนร่างใหญ่โตตรงหน้า เขาเห็นสันกรามของอีกฝ่ายชัดเจน กลิ่นอายบุรุษเพศชัดเจนจนเขาต้องใจสั่นราวกับผู้ล่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อตัวน้อย และพร้อมจะขย้ำให้แหลกคามือ แต่เขาไม่ใช่กระต่ายน้อยแสนดีที่จะปล่อยให้ราชสีห์ขย้ำอย่างง่ายดายเสียด้วยสิ “..ถ้าคิดว่าแน่” เขายื่นมือเรียวยาวออกไปแตะแผงอกที่ร้อนระอุ มันกระเพื่อมขึ้นลงถี่ขึ้นราวกับกำลังกักเก็บอารมณ์เอาไว้ภายใน ภูเขาไฟลูกนี้พร้อมจะระเบิดหรือยังนะ

“งั้นเราลองดูกันสักตั้ง”

มังกรมองสองคนตรงหน้าที่จ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร อันที่จริงเขาแค่อยากจะแกล้งเพื่อนให้อายม้วนต้วนมากกว่าแต่กลับกลายเป็นว่าเสือดาวหนุ่มกำลังรุกไล่พ่อสิงโตเจ้าป่าอย่างไรอย่างนั้น เขาแอบอมยิ้ม ปกติใบบุญจะไม่ชอบมองหน้าใครตรงๆแบบนี้เท่าไหร่นัก 

“งั้น.. เดี๋ยวไปเตรียมเพลงให้นะครับ” มังกรหันหลังกลับไปเตรียมดนตรีให้สองคนนี้พูดคุยกันไปก่อน มังกรหมายมั่นปั้นมือ หรือว่าเขาจะลองจับคู่สองคนนี้ดูดีไหมนะ..

“จะมองหน้าอีกนานไหม” เขาถามธัชธรรม์ พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่นทั้งที่ในใจมันเต้นจนแทบระเบิดอยู่แล้ว

“อยากมอง หรือมองไม่ได้?” อีกฝ่ายได้ยินก็ยักคิ้วพร้อมกับส่งรอยยิ้มพิฆาต ใบบุญเดินเข้าไปประชิดมากขึ้น อีกฝ่ายไม่หลบถอยเขาสักนิด อยากจะลองของเขาสินะ..

“ผมน่ามองขนาดนั้นเลยหรือ” แตะไปยังแผงอกแข็งแกร่ง “คนอย่างคุณมีสาวๆมาให้เลือกจนตาลายอยู่แล้ว”

“แต่ก็ไม่มีใครทำให้ดึงดูดใจได้เท่านี้” ธัชธรรม์ก้มลงหยอกเย้าแก้มขาว ใบบุญหน้าแดงก่ำบริเวณที่โดนแตะร้อนจนเขาต้องเม้มปากแน่น แทบจะทรงตัวไม่อยู่ สายตาของชายหนุ่มตรึงอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่มีจิลสีเงินติดอยู่

“หึ คุณปากหวานแบบนี้กับทุกคนเลยหรือเปล่า” เขาเงยหน้าขึ้น โน้มตัวชายหนุ่มลงมาและตวัดริมฝีปากข้างแก้มสาก เอาคืนที่เมื่อครู่ทำให้เขาเกือบหัวใจวาย

“ขึ้นเวทีได้เลยนะครับ” มังกรโผล่ออกมาก่อนที่จะได้ทำอะไรมากไปกว่านี้ เขาผละออกจากกัน เด็กหนุ่มเดินไปรับไมค์จากเพื่อนสนิทที่ทำหน้ายิ้มกริ่ม คอยดูเถอะ หลังจากวันนี้เขาต้องคิดบัญชีกับมังกรแน่!

จังหวะที่ขึ้นเป็นเพลงฮิตที่ร้องตามกันได้ทั่วบ้านทั่วเมือง เขายกไมค์ขึ้นจ่อริมฝีปาก ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านเสียงเพลงเหมือน ชายหนุ่มที่เดินตามเข้ามาร้องตามเสียงที่เป็นเอกลักษณ์คลอไปตามราวกับเป็นเพลงคู่ เขารู้สึกขัดใจเล็กน้อยเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยจังหวะให้เขาได้ร้อง เสียงกรี๊ดดังขึ้นกว่าเสียงดนตรีจนเขาตั้งสมาธิร้องคลอไปตามทำนอง อีกฝ่ายหันมามองเขาแล้วยกยิ้ม จู่ๆเพลงก็ตัดขึ้นทำนองใหม่..

‘ไม่อยากจะไปรบกวนให้มากมายแต่เด็กมันเหงาจะให้ทำไงได้ งอแงจะคิด จะคิดถึงแต่เธอ เวลาไม่เจอก็เบลอจนเพ้อเจ้อ อยากคุยอยากเจอถ้าเธอไม่ว่าอะไร..’

‘......’

‘อย่าเพิ่งหนีกันไปได้ไหม อยู่กับฉันนานๆได้ไหม ตอนเนี้ยไม่มีใคร I’m so lonely you know That I need you my babae’ สายตาคมกริบจ้องมาพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจ ทำเอาลมหายใจเขาสะดุดไปวูบหนึ่ง เสียงร้องคลอไปตามทำนองจนกระทั่งเพลงจบ ทำนองขึ้นเป็นจังหวะจนเขาชิงร้องขึ้นมาก่อน ระหว่างที่ร้องสายตาก็จ้องกลับไปยังสิงโตหนุ่มที่กำลังพร้อมจะพุ่งเข้ามาขย้ำ เสียงกรี๊ดจากด้านล่างเวทีดังกระหึ่ม 

‘ไม่คิดจะคบใครจริงจังเพราะไม่อยากทำร้ายใครและไม่ได้คิดว่าตัวเองดังหรือว่าเป็นคนหลายใจ ก็ฉันแค่ใจร้าย ฉันแค่ใจร้าย ทุกวันก็เตือนตัวเองในใจ อย่าไปทำร้ายคนอื่น..’

ถ้าไม่อยากเจ็บก็อย่าเข้ามา..

เขาเตือนแล้วนะ

เขามองชายหนุ่มไม่วางตา พร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันไปโบกมือให้แฟนคลับที่กำลังตะโกนเรียกด้านล่าง ทันทีที่จบเพลงธัชธรรม์รีบดึงข้อมือเขาลงจากเวทีทันที กึ่งวิ่งกึ่งจูงก่อนจะมาหยุดตรงมุมที่ไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมาเท่าไหร่นัก

ท่อนแขนแข็งแรงกักเขาเอาไว้ไม่ให้ไปไหน ริมฝีปากสีแดงฉ่ำคลี่ยิ้ม ดวงตากลมสีน้ำตาลคู่สวยเหลือบชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ถึงจะอยู่บ้านเดียวกันแต่ก็น้อยนักที่จะได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้ กลิ่นน้ำหอมเจือจางลอยอยู่ในอากาศยามปลายจมูกเกลี่ยแก้มใส เขาตัวแข็งเกร็งแต่ไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน มีเพียงสายตาที่วูบไหวพียงชั่วครู่เท่านั้น นิ้วเรียวยาวที่แต้มสีดำสนิทที่ปลายเล็บลากลงที่แผงออกหนาไปยังหนาหน้าท้องหนั่นแน่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เขาแอบลอบเห็นอีกฝ่ายกลืนน้ำลาย จนต้องแอบอมยิ้ม ที่รีบผลุนผันออกมาคงไม่ใช่เพราะว่ากำลัง ทนไม่ไหวหรอกนะ..

“หัวเราะอะไร”

“เปล่า แค่ขำคนขี้เขิน” เด็กหนุ่มยกยิ้มหวาน จนคนมองตาพร่าไปชั่วขณะ จับจ้องไปยังเด็กหนุ่มร่างบางที่ดูยังไงก็ไม่มีแรงขึดขืนเขาได้เลย ธัชธรรม์ชอบวนเวียนอยู่แถวแก้มใส มันนุ่มเสียจนเขาอยากจะงับสักที

“ใครเขิน ผิดคนแล้วมั้ง” เขาตอบ ระยะห่างกันไม่ถึงคืบจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน 

“ใครบางคน ที่มองจนตาเชื่อมนี่ไง”

“หึ พูดเก่ง”

“อย่างอื่นก็เก่งนะ หรือจะลอง..” เด็กหนุ่มยิ้มเย้า ดึงปกคอเสื้อแจ็คเก็ตของอีกฝ่ายให้โน้มลงมา ก่อนจะงับริมฝีปากคู่สวยเบาๆ อีกฝ่ายชะงักไปนิดเมื่อคนตรงหน้าจู่โจมไม่ทันตั้งตัว ธัชธรรม์สอดลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปทักทายจนเด็กหนุ่มสั่นสะท้านหันเอียงศีรษะให้ให้รับจูบได้อย่างถนัดถนี่ ต่างฝ่ายรุกไล้ดูดดึงจนเกิดเสียงหยาบโลน เด็กหนุ่มถอนจูบเชื่องช้า ใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากอีกฝ่าย “พอก่อนดีกว่า”

“ทำไม” เขาพูดเสียงแหบพร่า มือหนาสอดเข้าไปกอดเอวได้รูปของเด็กหนุ่ม ก้มลงกดจูบที่ซอกคอขาวจนเกิดรอบสีกุหลาบเบาบาง ธัชธรรม์ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเป็นได้ขนาดนี้ เขารู้แค่เพียงเขาจะปล่อยคนตรงหน้านี้ไปไม่ได้เด็ดขาด   
“ก่อนที่อะไรๆ.. จะย้อนกลับมาไม่ได้”

“….” ธัชธรรม์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ “จะไม่มีทางเสียใจกับสิ่งที่ตัดสินใจแล้วเป็นอันขาด” เขาเกลี่ยเส้นผมของเด็กหนุ่ม สบสายตาหวานที่เขารู้สึกชอบเหลือเกิน

“มันจะเป็นแค่ความสัมพันธ์ชั่วคืน ที่ต้องลืมตลอดไป” ชายหนุ่มนึกทบทวนคำในใจแม้จะตะโกนว่า ‘ไม่’ กี่พันครั้งก็ไม่ยอมเอ่ยปากพูดออกไป เขาไม่เชื่อหรอกว่าอีกฝ่ายจะลืมเขาได้ลง.. เขาไม่มีทางยอมรับแน่

“….”

“ถ้าคุณรับได้..” เขายกมือโอบรอบคอชายหนุ่ม อีกฝ่ายแข็งเกร็งด้วยความอดทน ใบบุญกระซิบเสียงแผ่วเบาข้างใบหูเชื่องช้า.. ในเมื่ออยากจะเล่นกับไฟดีนัก “ก็ลองดู..”


TBC
 

หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 4 ] 12-09-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 12-09-2018 12:55:02
Rhyme 4
[/b]

   บรรยากาศโดยรอบถูกตัดขาดจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง ความร้อนจากร่างกายที่เสียดสีผ่านเนื้อผ้ายิ่งทำให้รู้สึกหลอมละลาย ร่างสูงโปร่งทว่าบอบบางกว่าหอบหายใจถี่ มือขาวกำเสื้อแจ็คเก็ตอีกฝ่ายแน่น สายตาพร่ามัวไปหมดเพราะถูกช่วงชิงลมหายใจหนักหน่วงและ..เนิ่นนาน

   “ฮื้อ” ใบบุญพยายามสะบัดใบหน้าหนี ฝ่ามือหนากระชับที่ต้นคอเขาเอาไว้ ริมฝีปากถูกละเลียดชิม ลิ้นอุ่นชื้นไล้ไปตามแนวริมฝีปากเกี่ยวกับห่วงสีเงินที่เจาะอยู่ ก่อนจะออกแรงดึงจนเด็กหนุ่มครางเครือ ส่วนอ่อนไหวคัดเกร็ง ขาสั่นไร้เรี่ยวแรง

   “ไหนว่าเก่ง..” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูหลังจากปล่อยให้คนตัวเล็กกว่าเป็นอิสระ สอดมือหนาเข้าไปใต้เสื้อและแตะไล่ไปตามแนวกระดูกสันหลัง ใบบุญสั่นสะท้านไปทั้งตัวขบกรามแน่น

   สู้คนตรงหน้าไม่ได้จริงๆ..

   ได้ยินคำดูถูกจากคนตรงหน้าความกล้าก็เพิ่มขึ้นมาทบทวี สองมือบางสอดเข้าไปใต้แจ็คเก็ตสีดำ ไล้ไปตามแนวซิกแพคสวย บรรจงใช้ริมฝีปากกดจูบไปตามแนวแผงอก ธัชธรรม์เซไปข้างหลังเล็กน้อย ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อสัมผัสวาบหวามที่ถูกปรนเปรอ สายตาสะดุดไปที่ยอดอกสีอ่อนที่อยู่ภายใต้เสื้อกล้ามสีขาว ชายหนุ่มเม้มริมฝีปาก ดันร่างเล็กกว่าติดกำแพงพร้อมสอดท่อนขาแข็งแรงเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายหลุดหนีไปไหน ใบบุญตาลายจนเริ่มทรงตัวไม่อยู่ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆวนเวียนอยู่บริเวณจมูก มือขาวดันแผงออกหนาให้ออกไปก่อน อีกฝ่ายเลิกคิ้วมองอย่างไม่ค่อยพอใจ

“จะหยุด?”

“มะ ไม่!”

“ทางนี้ก็ไม่คิดจะหยุดเหมือนกัน”

“ฮื้อ” เขาถูกอีกฝ่ายปล้นจูบอีกครั้ง ความรู้สึกเสียดสีที่ยอดอกแล่นปราดไปทั่วร่าง เด็กหนุ่มครางเครือไม่ได้ศัพท์ ดวงตาหวานฉ่ำมองใบหน้าที่คิดถึงมานานแสนนาน ธัชธรรม์เคลิบเคลิ้มไปกับแววตาที่มองเขาอย่างแสนรักใคร่จนแทบจะอดทนไม่ไหว เอื้อมมือตบไปที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังคว้าซองพลาสติกสีเงินขึ้นฉีก ใบบุญเบิกตาโพลง พูดเสียงสั่น “คุณจะทำอะไร”

“มาขนาดนี้แล้วจะให้ทำอะไรล่ะ“

“....”

“หรือว่าไม่กล้า?”

“ใครบอกว่าไม่กล้า” เด็กหนุ่มเลียมุมฝีปากก่อนจะโน้มลำคออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ชิด บรรจงมอบจูบอ่อนหวานให้ชายหนุ่มที่แทบจะบ้าคลั่ง ธัชธรรม์ตอบรับจูบอย่างเต็มใจ เขารับรู้ได้ทันทีว่ามันหวานและเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง..

“อย่ามาท้ากันนะ”

“หึ กลัวจะติดใจน่ะสิ” ชายหนุ่มคลอเคลียแก้มใสจนอารมณ์ร้อนรุ่มพลุ่งพล่านจนเริ่มทนไม่ไหว เขาออกแรงเล็กน้อยดึงมือเด็กหนุ่มให้ออกจากที่นี่เร็วที่สุด ยัดคนตัวเล็กกว่าเข้าไปนั่งรถยนต์ส่วนตัวก่อนจะขับออกไปอยา่งรวดเร็ว แต่ไม่อาจเล็ดรอดสายตาของใครบางคนที่แอบมองอยู่ตลอดไปได้ เขาเก็บมือถือที่บันทึกภาพบางอย่างลงใส่กระเป๋า ครุ่นคิดภาพตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

+++

แผ่นหลังบอบบางเอนลงบนเตียงนุ่มก่อนถูกโถมทับด้วยร่างสูงใหญ่ ริมฝีปากอุ่นร้อนพรมจูบไปตามซอกคอขาวไล่ลงมาแผงอกขาวจัด ตวัดรัดรึงยอดอกอ่อนนุ่มที่กำลังชูชันด้วยความเสียวซ่าน เสื้อผ้าถูกปลดออกและโยนออกไปอย่างรวดเร็วมีเพียงเสียงหอบหายใจดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ใบบุญกำผ้าห่มแน่น เขาพยายามกลั้นเสียงหลังจากถูกปรนเปรอจนแทบเสร็จ
สม ส่วนอ่อนไหวถูกรูดรั้งขึ้นลงจนสั่นสะท้าน ดวงตาคลอไปหยาดน้ำ มันพร่ามัวไปหมดเห็นเพียงเงาเลือนลางของคนตรงหน้า มือขาวปัดป่ายไปตามกล้ามเนื้อหนั่นแน่นของชายหนุ่ม

“ไบร์ท..” ธัชธรรม์มองคนตัวขาวที่กำลังหอบหายใจถี่ ผิวขาวเนียนกระทบกับแสงไฟที่ส่งผ่านมาจากหน้าต่างช่างทำให้เขามัวเมาแทบถอนตัวไม่ขึ้น ไม่รู้ว่าอีกคนเป็นเทวดามาจุติจำแลงกายหลอกล่อเขาหรืออย่างไร “ไหวนะ..” เขาเห็นอีกฝ่ายจะถึงฝั่งฝันอยู่หลายครั้งเพียงแค่เขาสัมผัสก็สั่นสะท้านไปทั้งกาย เหมือนคนไม่เคยมีเซ็กซ์มาก่อน แตะโดนตรงไหนก็อ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งลนไฟ

จะเป็นไปได้ยังไง..

“อื๊อ..” เสียงครางหวานดังขึ้นเมื่อถูกขบเม้มไปตามร่างกาย “ช้าหน่อย..” เสียงหอบหายใจพร้อมเสียงสะอึก ฝ่ามือขาวถูกยกขึ้นมาปิดหน้าปิดตา ต่อให้จะปิดไฟจะมืดสนิทเขาก็ยังปอดแหกไม่กล้าอยู่ดี ในเมื่อมันเลยเถิดมาขนาดนี้

จะหยุดหรือไปต่อ

“พร้อมนะ” นิ้วหนาถูกสอดเข้าช่องทางที่ไม่ใช่ทางสำหรับร่วมรัก อาการตึงและเจ็บพุ่งพล่านจนถึงแกนสมอง เขารู้ว่ามันจำเป็นต้องถูกตระเตรียมก่อน และนี่ก็เป็นครั้งแรกของเขา..

“...” คำว่าไม่ถูกกลืนลงคอเมื่อดวงตาคมสีดำสนิทที่จ้องมองเขาตอนนี้ร้อนแรงแทบจะแผดเผาเขาจนเป็นจุล เป็นสายตาที่เขาเฝ้ามองอยากจะให้ธัชธรรม์.. มองมาตลอด..

ถึงวันนี้จะถูกมองเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ใบบุญก็ตาม..

   “เจ็บไหม” เขากดเสียงต่ำ สะกัดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง ทันทีที่แทรกผ่านช่องทางที่ปิดสนิท ชายหนุ่มรู้สึกแปลกๆกับสัมผัสที่มันคับแน่นไปหมด “อย่าบอกนะว่าไม่เคย..”

“เงียบน่า..”

“ไบร์ท”

“หุบปาก!” เขาดึงรั้งต้นคอของชายหนุ่มเข้ามาแนบชิด สองขาตวัดรัดเข้าช่วงเอวสอบ ส่วนอ่อนไหวกำลังแข็งเกร็งและปล่อยน้ำคัดหลั่งออกมาเยอะมากกว่าปกติ เพียงแค่ธัชธรรม์สัมผัสแผ่วเบาคนใต้ร่างก็กระตุกเฮือกและปลดปล่อยออกมาจนได้ เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากแน่นไม่กล้าสบสายตากับใครอีกคน

“โอเคใช่ไหม”

“อะ..อะไร”

“ถ้าจะใส่เข้าไป”

“…..”

“ว่ายังไงครับ… ไบร์ท”

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ มองแววตาของคนตรงหน้าที่มีความปรารถนาซุกซ่อนอยู่ ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นไบร์ท ไม่ใช่ใบบุญที่พี่ธัชเกลียดอีกต่อไป ได้.. ก็ได้

จะยอมเป็นให้ได้ทั้งนั้น..

“จะรออะไรอยู่ล่ะ..” ยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะรั้งคนตัวโตให้เข้ามาใกล้ แกนกายของอีกฝ่ายแข็งเกร็งพร้อมที่จะเริ่มบรรเลงบทรักให้ลุกเป็นไฟ เขาเลียริมฝีปากเชื่องช้าเอียงคอให้รับจูบได้ถนัด แลกเปลี่ยนความร้อนผ่านการจูบ และปลุกเร้าอารมร์ผ่านการสัมผัส เขาถูกดันให้นอนราบไปกับเตียง สองขาอ้ากว้างออก มองชายหนุ่มที่แทบจะอดทนไมไหวเขาก็หัวเราะคิก

“หัวเราะอะไร”

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“อย่ามายั่วกันจะดีกว่า” ธัชพุ่งเข้าประชิดคนตัวเล็ก พาดเรียวขายาวขึ้นบ่า จดจ่อแกนกายที่พรั่งพร้อมสู่ช่องทางที่บีบรัดโอบล้อมทุกทาง เขากัดฟันออกแรงบดเบียดเข้าไปจนสุดเส้นทาง มันทั้งอุ่นร้อนและคับแน่นมากกว่าเซ็กซ์ครั้งไหนๆที่เขาเคยสัมผัส เหงื่อเม็ดโตหยดลงบนแผงอกขาวที่กำลังหอบหายใจ ใบบุญยิ้มหวาน เป็นรอยยิ้มที่เขาอยากจะมอบให้คนตรงหน้าสักครั้ง.. มือเรียวขาวยกขึ้นเช็ดเหงื่อให้อีกฝ่ายแผ่วเบา

“พี่ธัช..”

“เมื่อกี๊เรียกว่าอะไรนะ”

“อื๊อ ธัช.. อย่าทำแรงสิ” เขาใช้มือดันไปยังหน้าท้องแน่นตึง สัมผัสโดนอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวเข้าออกในตัวเขา เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก รู้สึกจุกเสียดเหลือเกิน “เบาก่อน”

“นายเป็นใครกันแน่..”

“….”

“ไบร์ทไง” เขายิ้ม เกลี่ยนิ้วไปตามแผ่นอกหนา 

ตัวตนที่ใครต่อใครต่างก็ต้องการ..

“หึ..” ธัชธรรม์รู้สึกไม่สบอารมณ์ โดยที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ชายหนุ่มออกแรงกระแทกเข้าออกจนคนตัวเล็กสั่นระริก มือเกาะเกี่ยวจิกรึ้งตามแรงอารมณ์จนเนื้อเขาแทบหลุด

“ฮื่อ ยะอย่า ตรงนั้นมัน”

“ชอบใช่ไหม”

“ยะหยุดก่อน พอก่อน” เมื่อรู้ว่าตรงไหนสัมผัสไวเป็นพิเศษ จะถูกเน้นย้ำลงไปซ้ำจนเขาแทบจะหยุดหายใจ มันมากเกินไป เขาจะตายเพราะสำลักความสุขอยู่แล้ว..

“จะยั่วไปไหนวะ” จับคนตัวเล็กกว่าพลิกคว่ำชันเข่ากับเตียงก่อนจะเข้าทาบทับ ตอกย้ำอัดแน่นตัวตนแสดงความเป็นเจ้าของให้แทรกซึมเข้าไปถึงจิตวิญญาณ แหวกเนินเนื้อกลมกลึงก่อนจะใส่แรงโจนจ้วง เตียงไม้แข็งแรงไหวกึกตามแรงที่ถาโถมหนักหน่วง ฝ่ามือหนากระชับสะโพกขาวโยกตัวเข้าออกตามแรงอารมณ์ เขาเห็นคนตัวขาวกระตุกกึกมือกำผ้าปูที่นอนจนเส้นเลือดขึ้นเป็นทางยาว

“อ๊า.. มะ ไม่ไหว” ใบหน้าหวานส่ายไปมาบนหมอนสีครีม แรงขบริมฝีปากที่กำลังกลั้นเสียงครางได้กลิ่นเลือดขมปร่า ความรู้สึกเหมือนถูกดึงให้ขึ้นที่สูงก่อนจะระเบิดความต้องการออกมาพรั่งพรู “อื้อออออออ”

“ไบร์ท” เสียงเรียกชื่อหลังจากเซ็กซ์ที่ผ่านพ้นไป กลิ่นอายตลบอบอวลยั่วยวนให้ชายหนุ่มที่เพิ่งสุขสม อยากจะลิ้มลองของหวานตรงหน้าอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นรอยช้ำบวมแดงที่ช่องทาง มันขึ้นสีช้ำและมีสีเลือดเจือจาง มองคนที่กระดิกตัวแทบไม่ไหว เขาช่วยประครองให้ลุกขึ้นนั่ง จ้องเข้าไปในแววตาสั่นระริกที่พยายามหลบตาเขาอยู่

“อะ อืม”

“ทำไมไม่บอก” เขาไล้ไปตามเรียวขาขาว ก่อนจะหยุดที่สะโพกอวบอิ่ม อีกฝ่ายกระเถิบหนี “ว่าเป็นครั้งแรก”

“ไม่จำเป็น” เด็กหนุ่มเชิดหน้าขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืนหยิบเสื้อยืดที่ถูกโยนออกไปมาสวมทับ ทันทีที่ขาแตะพื้นก็แทบร่วงลงไปนอนเล่น ธัชธรรม์มองภาพตรงหน้า น้ำขุ่นข้นสีขาวไหลย้อนลงมาเปียกฉ่ำเป็นทางยาว เรียวขาขาวขึ้นสีช้ำเป็นรอยมือเขาเต็มไปหมด ผิวหมอนี่แค่จับนิดจับหน่อยก็เป็นรอยไปหมด เด็กหนุ่มก้มลงมองหยาดน้ำรักที่หยดเปื้อนกับพื้น เม้มปากแน่นใบหน้าขาวขึ้นสีแดงก่ำ

มะ เมื่อกี๊ไม่ได้ใส่ถุงหรือ

เด็กหนุ่มหน้าม้านจ้องชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงเขม็งอยากจะด่าแต่ก็พูดอะไรไม่ออก ทำท่าฟึดฟัดก่อนจะเดินกะเผกเข้าห้องน้ำ ธัชธรรม์มองตามดูว่าอีกคนจะทำอะไร เพิ่งเจ็บตัวมาแท้ๆยังจะซ่าอีกนะ

“จะไปไหน”

“ห้องน้ำ” ตวัดสายตาไม่พอใจใส่ตัวต้นเหตุ เขาเห็นกับตาว่าธัชธรรม์พกถุงยางมาด้วย แล้วทำไมไม่ใช้ พกไว้ดูเล่นหรือไง!

“ถ้าจะอาบน้ำ..ค่อยอาบด้วยกัน แต่ตอนนี้..” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินเข้าไปคว้าคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอด พรมจูบข้างแก้มขาวที่กำลังแดงระเรื่อ เจ้าตัวดิ้นอยู่ในอ้อมกอดเขาอยู่สักพักถึงจะยอมอยู่เฉยๆ “ขออีกรอบ”

“อะ..” อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะอ้าปากขยับขึ้นลง พูดตรงขนาดนี้จะให้เขาทำยังไงได้เล่า!

“ไม่ตอบก็ถือว่าตกลงนะ” เขายิ้มมุมปาก อุ้มลูกแมวตัวน้อยขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง นิ้วโป้งหนาเกลี่ยแก้มขาวนวล ริมฝีปากสีเชอร์รี่บวมเป่งเพราะฝีมือเขา ชายหนุ่มเลื่อนตัวเข้าไปหยอกล้อกับห่วงสีเงิน เด็กหนุ่มโยกหน้าหลบหนีไม่ให้มายุ่งกับปากเขาอีก

“ไม่เอา ไม่เล่นแล้ว”

“เล่นที่ไหน เอาจริงต่างหาก” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวบางที่แทบจะปิดเรือนร่างขาวผ่องไม่มิด ดวงตากลมโตหลุบมองที่พื้นก่อนจะเลื่อนมือขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่ม คราวนี้ธัชธรรม์เบาแรงและอ่อนโยนกว่าเดิม คืนนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่บนปุยนุ่น ลิ้มรสความสุขที่ปรารถนามาทั้งชีวิต

มีความสุขเหลือเกิน..

“พะ พี่ธัช..” น้ำตาไหลรินอาบแก้ม มันเป็นความรักที่เต็มไปด้วยความทุกข์ปะปนไปกับความสุขที่ไม่มีวันจับต้องได้ ต่อให้จะต้องเปลี่ยนเป็นอีกคน ถ้าหากธัชธรรม์ต้องการ

เขายอม..

สุดท้ายฉันก็พ่ายแพ้ แพ้ให้ใจตัวเองที่ไม่เคยหยุดรักเธอ
   สุดท้ายฉันยังรอคอยเธอเสมอ แม้จะเนิ่นนานซักเพียงไหน
   เธอยังคงมีผลต่อหัวใจ ไม่หายรักเธอได้สักที…...


(ต่อด้านล่าง)
   
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 4 ] 12-09-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 12-09-2018 12:56:50
(ต่อจากด้านบน)

ธัชธรรม์ตื่นขึ้นมาในความมืด เขากวาดแขนออกไปข้างเตียงที่ว่างเปล่า ผ้าห่มถูกพับไว้ปลายเท้าอย่างดี เขากุมขมับรู้สึกศีรษะหนักอึ้งปวดหนึบไปหมด มองเสื้อผ้าตัวเองที่วางระเกะระกะที่พื้นแต่กลับไม่มีของอีกคน รู้สึกประหลาดใจจึงลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำ เปิดไฟก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปดู ทุกสิ่งทุกอย่างว่างเปล่าราวกับที่นี่มีเพียงเขาอยู่คนเดียว ชายหนุ่มเปิดไฟในห้องมองสภาพห้องที่เละเทะแทบจะดูไม่ได้ เขาไม่ได้ฝันไปแน่ เมื่อคืน.. ไม่สิ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ มีใครอีกคนแสดงบทรักที่ไม่ประสีประสากับเขา แถมเขาเองก็ยัง.. เผลอทำรุนแรงเพราะยั้งตัวเองไม่ได้

   ร่องรอยบนเตียงนอนที่ยับยู่ยี่มีคราบน้ำคัดหลั่งที่เปียกชื้นเป็นวง แต้มอยู่บนผ้าปูที่นอนเป็นหลักฐานชั้นดีว่าเขาไม่ได้ฝันไปคนเดียวแน่ บนโต๊ะข้างเตียงมีกระดาษและเงินจำนวนหนึ่งวางอยู่ เขาหยิบขึ้นมาอ่านก่อนจะขยำทิ้งแล้วปาลงพื้นทันที
   ‘สำหรับค่าห้องครับ-ไบร์ท’

   ธัชธรรม์โมโหถึงขีดสุด เขารีบสวมเสื้อผ้าออกนอกห้องถามประชาสัมพันธ์ด้านล่างก็ไม่เห็นเด็กหนุ่มที่เขาตามหาออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขากำหมัดแน่น คิดจะฟันเขาแล้วทิ้งน่ะหรือ.. ฝันไปเถอะ!

   เด็กหนุ่มปวดร้าวไปทั้งตัวไม่ว่าจะพลิกตะแคงซ้ายหรือขวาความปวดร้าวจากช่วงล่างก็แล่นขึ้นมายังกระดูกไขสันหลังจนแทบไม่อยากจะกระดิกตัวไปไหนทั้งนั้น นอนกัดฟันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นนั่ง หยิบยาแก้ปวดและน้ำเปล่ากรอกเข้าปากก่อนจะมุดร่างม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่ม เสียงเคาะประตูด้านนอกดังขึ้นอีกระลอก แต่ด้วยฤทธิ์ง่วงงุนจากยาทำให้เขาไม่สามารถจะปรือตาขึ้นมามองได้อีกแล้ว

   “แม่บอกว่ามึงไม่สบาย” เสียงที่คุ้นเคยคือเสียงของมังกรพร้อมแรงยวบข้างตัว ทำให้เขามั่นใจว่าเป็นเพื่อนสนิทที่ตอนนี้เขาไม่อยากเจอมันมากที่สุด “ไปทำอะไรมาทำไมสภาพมึงเป็นแบบนี้ห้ะ?”

   “อย่าเสียงดังได้ไหม คนจะนอน”

   “ใบบุญ!”

   “โอ่ย กูไม่สบายนะ ให้กูนอนเถอะ” เขาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง เอามือปิดหูอีกชั้น

   “มึงจะบอกกูดีๆ หรือให้กูหาอะไรมาง้างปาก” อีกคนเริ่มส่งเสียงดังขึ้นด้วยความโมโห “บอกกูมาเดี๋ยวนี้!”

   “เมื่อคืนกูเมา ก็เลยไข้ขึ้น” เขาตอบเสียงแผ่ว “กินเยอะไปหน่อย มึงก็เห็น” โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่มแค่ดวงตากลมโตใสแจ๋วที่หวังจะช่วยให้ความโกรธของเพื่อนคลายลง

   “มันใช่หรือ มึงแน่ใจหรือวะ” น้ำเสียงมันดูโมโห โกรธจัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนที่ผ้านวมที่เขาห่มอยู่จะถูกกระชากออก พร้อมรอยจ้ำที่แดงพร้อยไปทั้งร่าง “แล้วนี่มันอะไร?”

   “กร มันไม่มีอะไรจริงๆ” เขาคว้าผ้าห่มกลับมาที่เดิม รู้สึกตกใจที่เพื่อนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

   “กูไม่โอเคกับเรื่องนี้จริงๆนะ”

   “แต่กูโอเค.. กู สบายมาก”

   “กูรู้ว่ามึงชอบเขา แต่มึงจะ..” ชายหนุ่มแทบจะทึ้งหัวตัวเอง “รู้ไหมทำแบบนี้เขาก็ไม่ได้รักมึงขึ้นมาหรอกนะ” ทำไมเขาจะไม่รู้กิตติศัพท์ของธัชธรรม์ คาสโนว่าตัวพ่อขนาดนั้นจะมาจริงจังอะไรกับน้องชายต่างสายเลือดตัวเองที่เกลียดแสนเกลียดขนาดนี้ เขาล่ะปวดหัวกับความสัมพันธ์ของคู่นี้จริงๆ

   “เพราะกูรู้ไง ไม่ว่ายังไงเขาก็คงไม่.. รัก”

   “มึงมีค่ามากกว่าที่จะต้องเอาตัวไปแลก” มังกรอยากจะตีให้เนื้อเขียวแต่ก็ทำเพื่อนไม่ลง “ใบบุญ.. กูเป็นห่วงมึงนะ”
   “กูตัดสินใจแล้ว มึง.. เชื่อใจกูเถอะนะ” มังกรไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากถอนหายใจและเดินไปหยิบผ้าสะอาดมาเช็ดตัวให้เพื่อน อย่างไรวันนี้ใบบุญก็คงไม่มีแรงไปเรียนแน่ มั่นใจว่าอาการของเพื่อนดีขึ้นเขาก็ขอตัวไปเข้าเรียนก่อน แล้วบอกกับใบบุญว่าจะเข้ามาหาอีกทีตอนเย็นหลังเรียนเสร็จ ลาแม่กำลังจะออกจากบ้านก็เห็นชายหนุ่มเดินสวนเข้ามา อีกฝ่ายมองหน้าเขาเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านไป

   เขาชักจะเกลียดขี้หน้าไอ้คนขี้เก็กขึ้นมาแล้วสิ..

   ธัชธรรม์มาถึงบ้านตอนแปดโมงเช้า เตรียมจะอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนก็เจอมารดาอยู่ในครัวแทนที่จะเป็นไอ้เด็กติ๋มนั่นเหมือนทุกที ทับทิมกำลังต้มโจ๊กให้ลูกชายคนเล็กที่นอนซมเป็นไข้ เมื่อวานก็ยังดีๆอยู่แท้ๆ ไม่รู้ไปโดนแดดโดนฝนที่ไหนมาถึงได้ไข้ขึ้นสูงขนาดนั้น จะพาไปหาหมอก็ไม่ไป เธอล่ะกลุ้มใจจริงๆ

   “วันนี้แม่หยุดหรือครับ”

   “จ้ะ น้องไม่สบายน่ะ ไม่มีคนดูแล แม่เป็นห่วง”

   “หรือครับ”

   “จะไปเรียนแล้วหรือลูก ทานโจ๊กรองท้องก่อนไปนะ” ทับทิมง่วนกับการเตรียมอาหาร แรงกอดจากด้านหลังทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย

   “แม่ อย่าโหมงานหนักเลยนะครับ ผมอยากให้แม่พักบ้าง” เสียงออดอ้อนจากลูกชายคนโตที่ไม่ได้เห็นมากนัก ทำให้เธออมยิ้มเล็กน้อย

   “แม่ก็พักตลอดนั่นแหละ”

   “พักตลอดที่ไหน เห็นวิ่งไปวิ่งมาไปต่างจังหวัดตลอดเลย”

   “ได้ไปต่างจังหวัดก็เหมือนได้ไปเที่ยวนั่นแหละ”

   “อย่าฝืนตัวเองมากไปเลยนะครับ” เขาก้มลงหอมแก้มมารดาหนึ่งฟอด “ถึงพ่อจะไม่อยู่ แต่ยังมีผม”

   “แม่รู้จ๊ะ พ่อธัชของแม่โตเป็นหนุ่มแล้ว” หันกลับไปมองสบตาลูกชายที่หล่อนรักยิ่งกว่าอะไรบนโลกใบนี้ ลูกที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ “แม่ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วสิเนี่ย”

   “ผมก็ยังเด็กในสายตาแม่เสมอ”

   “ถึงเวลาที่ธัชต้องโตแล้วนะลูก” ทับทิมลูบกระหม่อมลูกชาย จากเด็กชายตัวเล็กในวันนั้นจนถึงวันนี้กว่าที่เธอจะเลี้ยงขึ้นมาโตได้ขนาดนี้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ “ไม่มีแม่ ก็ยังเหลือธัชคอยดูแลน้อง”

   “ครับ” เขารับคำ แต่ยังไม่ปล่อยอ้อมกอดจากมารดา

   “น้องถามหาลูกตลอด เลิกโกรธเลิกเกลียดน้องเถอะนะ”

   “ผมขอไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วจะลงมาทานข้าวนะครับ” ก้มลงหอมแก้มมารดาแล้วรีบเดินปลีกตัวออกมา หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงใครบางคนที่เขาชังน้ำหน้ามันนัก ประตูห้องอีกฟากฝั่งยังคงปิดสนิทเหมือนดิม เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเปิดประตูห้องตัวเองเข้าไปจัดการชำระล้างร่างกาย รู้สึกแสบจนต้องนิ่วหน้าเมื่อรอยข่วนจากเล็บเป็นทางยาวเต็มแผงอกโดนน้ำ ทำให้เขาอดคิดถึงบทรักเมื่อคืนไม่ได้ คิดสะระตะได้อยู่ไม่นานก็เปลี่ยนเรื่องคิดไปเรื่อยเปื่อย

   ชายหนุ่มกำลังจะออกจากบ้านไปเรียน เขาเห็นแม่เดินลงมาจากด้านบนถือถ้วยใบเล็กวางบนถาดไม้ เขารีบเข้าไปช่วยยกประครองเอาไปเก็บในครัว ยกของมาเยอะขนาดนั้นถ้าตกบันไดไปจะทำอย่างไร

   “ผมบอกให้จ้างแม่บ้าน แม่ก็ไม่เคยเชื่อเลย”

   “ทำกันเองได้น่า อยู่กันแค่นี้เอง”

   “แม่ดื้อกว่าธัชอีกนะ”

   “ฮื้อ ไอ้ลูกคนนี้ว่าแม่หรือ” ทับทิมเอื้อมมือไปหยิกแก้มลูกชายที่ตอนนี้ตัวสูงใหญ่เหมือนพ่อไม่มีผิด

   “ผมไปเรียนแล้วนะครับ”

   “จ้ะ เดินทางปลอดภัยนะ” เขาโบกมือให้มารดาที่ยิ้มแฉ่งเดินเคียงข้างออกมาส่งเขาที่หน้าประตูบ้าน รถยนต์สีขาวเคลื่อนตัวออกจากบ้านก่อนจะถึงมหาวิทยาลัยในเวลาไม่นานนัก

   ธัชธรรม์ตรงไปที่ห้องเรียนทันที วันนี้เปิดเรียนวันแรกเขาไม่อยากไปสายให้เป็นจุดเด่น ถึงเขาจะเป็นจุดเด่นอยู่แล้วก็เถอะ ห้องเรียนในวิชานี้บรรจุได้เกือบสามร้อยคน เขามาเลทไปเกือบสิบห้านาทีมีเพียงที่นั่งแถวหน้าเท่านั้นที่เหลืออยู่ ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งไม่ได้สนใจใคร จนกระดาษถูกส่งต่อมาเรื่อยๆจนถึงเขา ถึงได้เห็นรายละเอียดของวิชานี้ว่าจะต้องทำงานอะไรบ้าง เขาไม่ค่อยชินกับระบบการเรียนที่ไทยเท่าไหร่ ทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ผู้ชายที่นั่งข้างเขาสะกิดให้หันไปมอง หมอนั่นอธิบายว่าอาจารย์ให้จับคู่ทำงานส่งเดือนหน้า และทุกคนมีคู่หมดแล้ว ขาดอีกคนหนึ่งที่ขาดเรียนไป เขาพยักหน้ารับไม่ค่อยสนใจไอ้เรื่องจับคู่เท่าไหร่ งานแบบนี้เขาทำเองคนเดียวก็ได้

   “เออธัช เห็นว่ารุ่นพี่ตามหาอยู่น่ะ”

   “ใคร” เขาหันไปถาม หลังจากนั่งเรียนไปได้สักพักแล้ว ไอ้หมอนี่ก็ชวนเขาคุยตลอดจนเขาต้องหันไปทำหน้าเข้มใส่ ดูหน้าตาคุ้นๆเหมือนว่าจะได้รับเลือกเป็นประธานรุ่นด้วย แต่เขาจำชื่อไม่ได้น่ะสิ ช่างมันเหอะ

   “พี่ฮันเตอร์”

   “อ่อ ขอบใจ” เขาลุกขึ้นยืนกำลังจะเดินไปหาอาจารย์เพื่อเช็คชื่อ อาจารย์แจ้งงานให้เขาฟังอีกรอบเรื่องงานที่จะมีส่งเพราะเห็นเขาเข้าห้องช้ากว่าคนอื่นและบอกชื่อคนที่เขาจะต้องทำงานด้วย

   “คู่ของเธอ เดี๋ยวนะคนที่ไม่มาวันนี้ ใบบุญ ตฤณตะวานิช นามสกุลเหมือนกันเป็นญาติกันหรือ”

   “ครับ”

   “งั้นดีเลย ไปทำงานมาแล้วกัน ฝากบอกเพื่อนให้ส่งใบลาด้วยนะ เรียนที่มหาลัยมันไม่เหมือนที่โรงเรียนนะจะบอกให้” เขาพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกนอกห้อง ได้ยินเสียงเรียกชื่อเขาแต่ก็ไม่ได้สนใจ หยิบโทรศัพท์มือถือที่สั่นมาได้สักพักเปิดออกดู เป็นไอ้ฮันเตอร์ที่จิกเขาไม่หยุด จนเขาต้องพิมตอบด้วยความโมโห

   ‘อยู่ไหนนนนน เลิกเรียนยังวะ’

   ‘เออ เพิ่งเรียนเสร็จ วุ่นวายจริงๆ’

   ‘เดี๋ยวรออยู่ใต้ตึกคณะนะมึง ไปกินข้าวกัน’

   ‘เออ รออยู่นั่นแหละ’

   เขาเก็บมือถือยัดลงกระเป๋าเสื้อก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจุดที่นัดหมายกับเพื่อนเอาไว้ ชายหนุ่มร่างสูงผมสีน้ำตาลอ่อนจัดทรงอย่างดียกมือทักทายเขาแต่ไกล ข้างๆกันนั้นมีชายหญิงในชุดนักศึกษาที่กำลังห้อมล้อมฮันเตอร์ต่างก็หันมามองเขาเป็นตาเดียว เขาไม่ได้สนใจอะไรเดินเข้าไปใกล้มันที่ส่งยิ้มกวนโอ๊ยให้

   “หิวข้าว” เขาพูดได้แค่นั้นก็เดินตัวปลิวออกมา ธัชธรรม์ไม่ค่อยชอบเสวนาพาทีกับคนที่ไม่สนิทคุ้นเคย ใครก็คิดว่าเขาเป็นคนโลกส่วนตัวสูงบ้าง ขี้รำคาญบ้าง แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยสนใจ

   “เฮ้ย รอก่อนดิ”

   “จะมาก็รีบตามมา”

   “ตกลงนี่กูมารอเจอมึงแค่ทักแล้วก็เดินหนีกูไปเลยหรือวะ” ไอ้ฮันเตอร์เดินตามเขาจนหอบเหนื่อย

   “กูเห็นมึงคุยกับเพื่อนอยู่ไม่อยากกวน อีกอย่างเดี๋ยวที่นั่งเต็ม” เขาหมายถึงที่นั่งในโรงอาหารตอนกลางวัน แย่งชิงกันยิ่งกว่าสงครามเสียอีก

   “นึกว่าไม่อยากคุยกับกู เพราะว่า.. ไม่อยากให้กูซักไซร้เรื่องที่เมื่อคืนมึงหายไปทำอะไรมา” น้ำเสียงหยอกเย้าทำให้เขาหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย จะพูดอะไรกันแน่….

   “ทำอะไร”

   “ไอ้เสือร้าย!” มันกระโดดกอดคอเขาจากด้านหลังจนตัวเขาเซไปข้างหน้า “มึงเดินตามน้องไบร์ทออกไปร้องเพลงด้วยกัน หายไปด้วยกันอย่าคิดนะว่ากูไม่เห็น”

   “มีหลักฐาน?”

   “เออ!” เขาจัดการเปิดรูปให้มันดูซะเลย ถึงจะมืดไปหน่อยแต่ก็พอจะเห็นได้ชัดว่าเป็นใคร “นี่ไง แหกตาดูซะ!”

   “ถ่ายขนาดนี้ไม่เดินเข้ามาดูเลยล่ะ” เขาแขวะ

   “เอ้า! ไอ้นี่” แรงรัดจากผู้ชายตัวโตที่ขนาดตัวไม่ต่างกันมากทำให้เขาเหมือนจะล้ม แล้วดูสายตาคนอื่นที่เขามอง ไอ้เพื่อนเวร! “บอกกูมาเลย มึงได้น้องเขาหรือยัง”

   “ยุ่งไม่เข้าเรื่องน่าไอ้ฮัน” เขาสะบัดมันออกไปจากตัว รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “มึงบอกกูมาดีกว่าว่ากูจะติดต่อน้องไบร์ทได้ยังไง” ฮันเตอร์เกาหัวแกรก มองเพื่อนอย่างจับผิดหรือว่าเมื่อวานมันจะแห้ววะ!

   “ก็เพื่อนสนิทเขาไง น้องมังกรปี1”

   “ทำไมกูไม่เคยเห็น” เขารู้ว่ามังกรคือเพื่อนสนิทของไบร์ท แต่เขาไม่ยักรู้ว่าหมอนั่นก็เรียนที่เดียวกับเขาด้วย
   “ถามจริง.. มึงเคยสนใจอะไรบ้าง”

   “กูอยากคุยกับเด็กที่ชื่อมังกร” เขาบอก

   “แล้วเมื่อกี้มึงเรียนห้องเดียวกับน้องเขา ไอ้โง่เอ๊ย” ฮันเตอร์ทำท่าโวยวาย หมดมาดคุณชายไปตั้งนานแล้ว
   “ระดับมึงต้องหาคอนแทคน้องเขาให้กูได้แน่” ธัชธรรม์ยิ้ม “คุณชายฮัน..”

   “มึงก็พูดเกินไป.. เดี๋ยวขอเวลากูสักสิบนาทีนะ” มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสาย ส่วนเขาหย่อนก้นลงที่นั่งเตรียมกินข้าวช่วงพักกลางวัน ชายหนุ่มยกยิ้มส่ายหัวให้กับเพื่อนสนิท

   เรื่องบ้ายอต้องขอให้บอก..
   
+++

   ธัชธรรม์ไม่ได้รับคำตอบอะไรจากมังกรแม้แต่น้อย อีกฝ่ายยืนยันที่จะไม่ขอติดต่อเพื่อนให้ และตอนนี้อีกฝ่ายบอกเขาได้แค่ว่าไบร์ทกำลังพักผ่อนและไม่ต้องการให้ใครรบกวน เขารู้สึกหน้าชาไปเล็กน้อยที่เจอคำพูดแบบนั้น ทำเอาเขาเหมือนไอ้โง่ที่ถูกฟันแล้วทิ้งต้องมาเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างไรอย่างนั้น โอเค.. มันเป็นเรื่องที่สมยอมกันทั้งสองฝ่ายและเราทั้งคู่ก็โตพอที่จะมีเซ็กซ์บนความรับผิดชอบได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้มั่นใจเท่าไหร่ว่าเมื่อคืนเขาได้ใช้คอนด้อมที่พกติดตัวไปหรือเปล่า..
   แย่ชะมัด เขาหยุดนึกถึงเด็กนั่นไม่ได้เลย..

   บ้านเดี่ยวหลังเดิมในความทรงจำตั้งแต่เด็กของเขาไมได้ดูเก่าหรือแตกต่างไปจากวันวานเลยสักนิด เขาคิดว่าคงเป็นเพราะแม่รักที่นี่มากและไม่อยากจะเห็นมันเก่าจนผุพังสลายไป เพราะเป็นที่ที่มีแต่ความทรงจำที่เต็มไปด้วยความรักของครอบครัว ธัชธรรม์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านที่เคยมีแต่เสียงหัวเราะ มันเงียบเหงาและอ้างว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่..

   ปกติถ้าหากเขากลับบ้านมักจะเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กกว่าเขาเกือบคืบ สวมชุดกางเกงเลเสื้อยืดหรือไม่ก็กางเกงขาย้วยกับเสื้อเก่าๆ คอยกวาดและทำความสะอาดส่วนต่างๆภายในบ้าน ผมเผ้าสีดำสนิทที่ดูยุ่งเหยิงตลอดเวลาบดบังใบหน้าไปเกือบครึ่ง ไหนจะแว่นอันโตที่ทำให้ดูเฉิ่มเชยย้อนยุคนั่นอีก เขาเห็นแล้วหงุดหงิดลูกตาทุกครั้ง แต่วันนี้กลับไม่มีภาพที่เขาเห็นจนชินตา จนนึกขึ้นได้ว่าหมอนั่นกำลังไม่สบายและนอนซมเป็นไข้อยู่ที่ห้อง เขาเห็นโน๊ตของมารดาแปะไว้ที่หน้าตู้เย็นว่ามีของว่างอะไรบ้างหากเขากลับบ้านมาแล้วไม่เจอใคร ดูเหมือนว่าแม่เขาจะออกไปช้อปปิ้งตามประสาได้สักพักแล้ว และคนที่แม่เป็นห่วงนักหนาก็คงจะหายดีแล้วล่ะมั้ง

   ชายหนุ่มเดินขึ้นห้องตัวเองกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อไป เขาเปิดกระเป๋าเป้หยิบชีทเรียนออกมาดูว่ามีการบ้านอะไรที่ต้องส่งบ้าง เมื่อเห็นกระดาษที่อาจารย์ฝากมาให้คนป่วยที่กำลังนอนซม เขาก็นึกสงสารขึ้นมาเล็กน้อย คว้าจับชีทและกระดาษใบนั้นก้าวออกไปเคาะห้องฝั่งตรงข้าม ประตูไม่ได้ล็อคอย่างที่คิด ชายหนุ่มผลักเข้าไปช้าๆก่อนจะปะทะกับความเย็นจากแอร์ นึกบ่นในใจว่าป่วยขนาดนี้ยังเปิดแอร์เข้าไปได้ยังไง ธัชธรรม์ตั้งใจจะเอากระดาษไปวางไว้บนโต๊ะหนังสือแล้วเดินออกไปแต่เสียงร้องเรียกแผ่วเบาก็ทำให้เขาชะงักเสียก่อน

   “แม่.. หนูหิวน้ำ”

   “….”

   “ขอดื่มน้ำหน่อยได้ไหมครับ”

   “…” เขาไม่ตอบยืนมองก้อนขยุกขยุยในผ้าห่ม ก่อนที่ก้อนกลมสีดำจะโผล่ออกมาเล็กน้อย ผิวขาวเผือดเนียนละเอียดกว่าที่เขาเคยสังเกต หากมองใกล้ๆจะเห็นเป็นเส้นเลือดชัดเจน

   คนบ้าอะไรขาวชะมัด….

“พี่ธัช.. อือ”

“…..”

“หนูขอโทษ..” เหมือนเสียงบ่นละเมอมากกว่าจะพูดให้เขาได้ยิน ชายหนุ่มยืนพินิจใบหน้าขาวในความทรงจำล้ำลึก ดวงตากลมโตสีน้ำตาลใสสุกกาวคู่นั้นที่มองเขาเสมอมา สองมือเล็กป้อมที่คอยดังเสื้อเขาเอาไว้เสมอ เสียงพูดเจื้อยเจี้ยวจำนรรจาที่ชาวยให้เขาไม่เคยจะเหงาได้เลยสักวัน เขาเอื้อมมือเข้าไปใกล้คนป่วยหวังจะเกลี่ยเส้นผมที่รกหูรกตานั่นให้ออกไป จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่เคยเพ่งพิจารณาดวงหน้าของคนตัวเล็กอย่างจริงจังเลยสักครั้ง

“หิว.. หนูหิว” คนป่วยพลิกกลับไปอีกทางก่อนจะจมหายไปในกองผ้าห่ม เขาชะงักมือก่อนจะดึงกลับอย่างรวดเร็ว ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะสนใจใคร่รู้เรื่องของใบบุญไปทำไม เขาส่ายหัว ละทิ้งความคิดอันฟุ้งซ่านก่อนจะเปิดประตูออกไปด้วยความเงียบเชียบ

“เกือบไปแล้ว..” เด็กหนุ่มเด้งตัวขึ้นมาบนเตียง คว้าแว่นที่วางเอาไว้ขึ้นมาสวม รีบเดินไปล็อคประตูห้อง หัวใจเต้นโครมครามราวกับมันกำลังจะเด้งออกมาจากอก เขารู้สึกตัวตอนเห็นเงามือของใครสักคนกำลังเอื้อมเข้ามาใกล้ จากกลิ่นน้ำหอมที่เขาคุ้นเคย ก็รู้ทันทีว่าคือธัชธรรม์ไม่ผิดแน่

เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง อาการไข้ลดลงแล้วหลังจากได้นอนพักผ่อน แต่ความเจ็บแสบทางช่องทางด้านหลังมันทรมานกว่าที่เขาคิดมากนัก แถมรอยดูดดึง รอยขบกัดตามตัวเยอะกว่าที่เขาคิดจนเขารู้สึกอายจริงๆ ใบบุญอ่านไลน์ของมังกรบอกว่ากำลังจะมาที่นี่ ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงสูดกลิ่นน้ำหอมที่ยังเจือจางอยู่ในอากาศ วันนี้เขาขอทำตัวขี้เกียจสักวันอยากนอนอยู่ในห้องที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาไปอีกนานๆ

KJ_tat post a photo

นิ้วกดเข้าไปที่แอปพลิเคชั่นอัตโนมัติทันทีที่ขึ้นแจ้งเตือน อิสตราแกรมค่อยๆโหลดรูปขึ้นเป็นไหล่ขาวเปลือยเปล่าของผู้ชายที่แต้มด้วยขี้แมลงวันสองจุดเล็กๆ และรอยสักมินิมอลเป็นรูปพระจันทร์เล็กๆตรงหัวไหล่ทำเอาเขาเบิกตาโพลง เปิดเสื้อมองหัวไหล่ข้างซ้ายตัวเองที่มีรอบสักเหมือนในภาพไม่มีผิดเพี้ยน ใบบุญอ่านแคปชั่นภาษาอังกฤษใต้ภาพซ้ำไปซ้ำมา..

Don’t leave me, pls

ได้โปรดอย่าไปจากฉัน

อ่านซ้ำๆจนขอบตาเริ่มร้อนผ่าวอีกระรอก เขาไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงกันแน่ ดีใจที่อีกคนมองเห็นเขาอยู่ตรงนี้ หรือจะเสียใจที่โดนมองผ่านเป็นคนอื่น.. ตัวตนที่ถูกปฏิเสธอย่างเขามันช่างทรมานเหลือเกิน อย่างที่ใครเคยว่าไว้ เจ็บยิ่งกว่าร่างกายก็คือหัวใจที่มันพังยับเยิน 



TBC

หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 4 ] 12-09-61
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 13-09-2018 05:34:23
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 5 ] 13-09-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 13-09-2018 12:51:44
Rhyme 5



            ตึก! ตึก!



เด็กหนุ่มหอบหายใจถี่รัว เขาใช้เวลาวิ่งขึ้นอาคารเรียนชั้นสี่อย่างรวดเร็วก่อนจะโผล่หน้าเข้าไปในคลาสวิชาทฤษฎีดนตรีตะวันตกได้ทันเวลาก่อนจะถูกอาจารย์ล็อกห้องเสียก่อน เขาเดินตัวลีบไปด้านหลังสุดซึ่งมีเพื่อนสนิทนอนฟุบกับโต๊ะเรียน ค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะวางกระเป๋าเป้ลงข้างตัว ใบบุญนวดขมับเบาๆเพราะรู้สึกมึนหัว เมื่อคืนเขาเผลอนั่งแต่งเพลงจนดึกดื่นรู้ตัวอีกทีก็หลับคาโต๊ะหนังสือจนเผลอตื่นสายอีกแล้ว ยังโชคดีที่เขามาเรียนทัน



ขืนขาดมากไปกว่านี้คะแนนเขาคงจะไม่เหลือ..



   “กร อาจารย์สอนถึงไหนแล้ว” เขาหันไปสะกิดเพื่อนที่ยังคงนอนนิ่ง ความหวังเดียวที่เขามีกลับพังทลายลงตรงหน้า จะฝากผีฝากไข้ได้ไหมเนี่ยห้ะ!



   “อือ ง่วง”



   “ให้มาเรียนไม่ใช่ให้มาหลับ” เขาสะกิดจนกว่ามันจะตื่น หูก็คอยฟังอาจารย์บรรยายไปด้วย ชีทที่เขาหอบหิ้วมาจากบ้านถูกกางออกจนเต็มโต๊ะเรียน ปากกาสีไฮไลท์ถูกรื้อออกมาพร้อมเตรียมจะเรียนเต็มที่ แต่ดูเพื่อนเขาสิยังจะมานอนอีก!



   “ก็มันง่วงนี่ เมื่อคืนกว่าจะเลิกตั้งตีสอง”



   “อย่ารับงานวันที่มีเรียนเช้าสิ”



   “ของีบหน่อยน้าาา”



   “เออ” เขากลับไปสนใจอาจารย์ที่กำลังสอน สายตาพลันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผมสั้นซอยสีดำสนิทที่เซ็ทอย่างดีกำลังนั่งเท้าคาง อยู่ข้างหน้าเขาไปอีกสามแถว หัวใจเต้นระรัวขึ้นมารอบ เขามองกรอบหน้าสมบูรณ์แบบอย่างไม่รู้เบื่อ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่เคยไปผับในฐานะไบร์ทอีกเลย เขายอมรับว่ายังไม่อยากเจอ ไม่อยากนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น เขายอมรับว่าตัวเองก็เผลอไผล ยินยอมพร้อมใจ ไม่ใช่ความผิดของธัชธรรม์เลยสักนิด



   หัวสมองไม่รักดีดันรื้อความทรงจำที่เกิดขึ้นออกมาได้ไม่รู้จบ ช่วงไหล่หนาที่เขาจิกแน่นจนได้กลิ่นเลือด ความรู้สึกตึงเจ็บราวกับร่างกายจะฉีกออกมาเป็นชิ้นๆยังคงจำฝังใจ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่จ้องมองเขาอย่างหลงใหล ทุกประสาทสัมผัสเขาตื่นตัว แทบจะย้อนกลับไปคืนนั้นอีกครั้ง



   ไม่ ไม่ ไม่ ห้ามนึกถึงอีก!



   เขาส่ายหัวพรืดก่อนจะก้มหน้าจดตามที่อาจารย์สอน บังคับตัวเองไม่ให้เผลอไปมองธัชธรรม์อีก “นักศึกษาอย่าลืมส่งงานด้วยนะคะ” หลังจากอาจารย์เช็คชื่อเสร็จก็เริ่มทวงถามงาน คราวที่แล้วที่เขาป่วยธัชธรรม์เป็นคนเก็บงานเอาไว้ให้เขา และทำจนเสร็จก่อนจะเอามาให้เขาดูว่าใช้ได้ไหม ใบบุญรู้สึกอิ่มเอมใจข้างในลึกๆ เขาเขินอายตอนชายหนุ่มเข้ามาคุยยิ่งกว่าตอนจูบกันครั้งแรกซะอีก



   ให้ตายเถอะ เขานึกบ้าอะไรเนี่ย



   “ให้มาเรียน ไม่ใช่ให้มามองผู้ชาย” เสียงกรวีร์ดังอยู่ข้างหู เจ้าตัวปัดผมไม่กี่ทีก็เข้าทรงเหมือนเดิม ผมสีน้ำตาลอ่อนสวยเข้ากับใบหน้าขาวเป็นอย่างดี ดวงตาเรียวรียาวตามประสาคนมีเชื้อจีน จมูกโด่งสวยเข้ารูปกับเครื่องหน้ามันช่างเหมาะเจาะเสียจริง ไม่รู้ว่าชายหนุ่มยอมลดตัวมาเป็นเพื่อนกับคนเฉิ่มเชยอย่างเขาได้ยังไง



   “นอนไปเลยไป!”



   “ไม่นอนแล้ว กวนมึงสนุกกว่าเยอะ”



   “จะดีมาก ถ้ามึงช่วยกูจดที่อาจารย์สอนนะกร”



   “กูฟังเอา ไม่จดหรอก”



   “เออ กูจะรอดูตอนสอบนะ!” พวกเขาเถียงกันอยู่สองคนเพราะด้านหลังไม่มีใครนั่งอยู่ ส่วนคนอื่นๆที่เริ่มเข้ามาเรียนก็จับกลุ่มกันแล้ว ส่วนเขาอยู่กับมังกรสองคนไม่ได้ไปสุงสิงกับใครมากนัก เรียนเสร็จก็ไปหาข้าวกินที่โรงอาหาร บางครั้งก็ไปหาที่งีบหลับในห้องสมุด ช่วงแรกของการเปิดเทอมเขามีเพียงกิจกรรมในคณะเท่านั้น ทำให้หลังจากเลือกเรียนในช่วงเช้าแล้วเขาจะต้องรออยู่ในมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมในช่วงเย็นซึ่งเป็นกิจกรรมซ้อมร้องเพลงที่รุ่นพี่จะเข้ามาพบปะพูดคุยทำความรู้จักกัน เขาเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เจอรุ่นพี่คนอื่นๆ



“เขาน่าจะเลือกดาวเดือน”



“มึงว่าใครจะได้”



“พี่ธัชของมึงไง”



“ไม่น่า..” เขานึกจากอุปนิสัยโลกส่วนตัวสูงของพี่ชาย ชายหนุ่มน่าจะปฏิเสธอย่างแน่นอน อีกอย่างธัชธรรม์ก็มีเพื่อนสนิทเป็นถึงรุ่นพี่ปีสามอย่างพี่ฮันเตอร์ ถ้าหากเขาไม่ยอมสักอย่างใครจะทำอะไรได้



“กูลงเลยพันนึง พี่ธัชมึงได้แน่”



“กูว่าคนที่น่าจะได้” เขาจับคางคุร่นคิด “มึงนี่แหละ!” ใบบุญยิ้มอย่างหมายมาด ถึงจะไม่ได้รู้จักใครมากมาย แต่ก็รู้ดีว่ามีคนอยากเข้าหาชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้มากแค่ไหน กรวีร์เป็นถึงนักร้องที่มีผลงานมากมาย ทำไมใครจะไม่อยากรู้จักกันล่ะ!



“ไอ้ ไม่เอาโว๊ย!”



“มาพนันกันไหมล่ะ”



   “เออ ใครแพ้เลี้ยงหมูกะทะ!”



   “ดีล!”



   พวกเขานั่งคุยเล่นกันอยู่ตรงใต้คณะ สลับกันเดินไปซื้อขนมมาแบ่งกันกิน พอนึกถึงแบบนั้นแล้วก็คิดถึงช่วงเรียนมัธยมอยู่เหมือนกัน เพราะเขาและมังกรจะชอบปลีกตัวออกมาแอบกินขนมกันอยู่เสมอ



            “ใจคอจะไม่ทักกันเลยหรือครับ” เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นหู ทำให้เด็กหนุ่มชะงักจากการงับขนมปังแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง ชายหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดนักศึกษากำลังส่งยิ้มให้เขา ดูจากการแต่งตัวที่เนี้ยบไปทุกกระเบียดนิ้ว เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆก็ขนานนามเรียกพี่ฮันเตอร์ว่าคุณชาย



           “พี่ฮัน สวัสดีครับ”



           “ดีใจจังเลยที่จำพี่ได้” หิรัญยิ้มหวาน “ถ้าไอ้ธัชมันบอกพี่สักนิดว่าเรามาเรียนด้วย พี่จะได้ช่วยดูแล” ฮันเตอร์เป็นเพื่อนธัชธรรม์มาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นจึงจำเขาได้แม่น เด็กหนุ่มหัวเราะแหะๆ รู้สึกไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้เลย



“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็โตแล้วดูแลตัวเองได้”



“โตขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยจริง” เขายิ้ม ยังจำภาพเด็กชายตัวเล็กที่ชอบติดตามพี่ชายไปไหนมาไหนได้อยู่เสมอ หิรัญกำลังจะเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมเหมือนอย่างที่ทำตอนเด็กๆ ใบบุญโบกหัวหลบ ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะ เขาเบนสายตาไปมองกรวีร์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขา



“เราสองคนสนิทกันหรือ”



“ไม่ ไม่เลยครับ ผมก็เพิ่งรู้จักกัน.. เนอะมังกร” ใบบุญหันไปยิ้มแห้งให้เพื่อนที่เริ่มจะแสดงอาการว่าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ เขาใช้ศอกกระทุ้งไปเบาๆ อีกฝ่ายทำหน้าเอือมระอาใส่เขาก่อนจะพยักหน้า



“อืม”



“ว่าไงครับน้องกร เรียนเป็นยังไงบ้าง” หิรัญหันไปถามชายหนุ่มที่นั่งหน้าบูด ตอนนี้เขาได้เห็นมังกรชัดๆไม่ใช่ที่เห็นจากจากคลิปในยุทูปหรือบนเวทีเหมือนอย่างเคย เจ้าตัวดูเหมือนเด็กมอปลายมากกว่าเด็กมหาวิทยาลัยเสียอีก ใบหน้าที่ดูไม่สนใจเขากลับยิ่งทำให้เขาอยากจะเข้าใกล้



“ก็ดี”



“ทำไมเมินพี่แบบนั้นละครับ ยังโกรธที่พี่เอาเบอร์เราให้ไอ้ธัชมันหรือ” หิรัญหัวเราะขำตามประสาชายหนุ่มอารมณ์ดี กรวีร์เบะปากใส่โดยที่ชายหนุ่มไม่เห็น เขาไม่อยากจะคุยกับเพื่อนของธัชธรรม์เลยสักคน หมอนี่กล้าเอาเบอร์เขาให้ธัชธรรม์ได้ยังไง หมอนั่นถึงได้โทรมาตามหาไบร์ทอยู่หลายวัน ให้ตายเขาก็ไม่มีวันบอก!



“ผมเบื่อจะคุยกับคุณ! ไอ้ใบบุญ ไปที่อื่น!” กรวีร์ยืนเต็มความสูง เขาดึงข้อมือเพื่อนให้ลุกขึ้น ใบบุญกำลังเค้ยวขนมปังกก็ต้องรีบกลืนก่อนจะหันไปมองรุ่นพี่



“อะ เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับพี่ฮัน” เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนจะถูกกึ่งลากกึ่งจูงออกไปอีกทาง ชายหนุ่มยืนกอดอก มองรุ่นน้องที่แสดงอาการไม่พอใจ เขายกยิ้มที่มุมปาก รู้สึกพออกพอใจเหลือเกิน ได้แหย่กรวีร์วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี



“ทำไมต้องโมโหด้วยเล่า”



“จะให้พูดไหมว่าเกลียดขี้หน้ามันขนาดไหน แล้วต้องมาทำเพลงด้วยกันอีก” กรวีร์บ่นอุบ เขาลากเพื่อนออกมานั่งหลังคณะ “กูน่าจะพามึงออกไปไกลๆ ไม่น่าให้เจอพวกมันเลย”



“ใจเย็นๆก่อน พี่เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกน่ากร อย่าอคติกับพี่เขานักเลย”



“เข้าข้างกันนัก ก็ไม่ต้องมาคุยกันเลย”



“เปล่าสักหน่อย” ใบบุญเอนหัวไปพิงไหล่ลาดหนาของเพื่อน “ไม่อยากให้กรดูไม่ดีในสายตารุ่นพี่ ยังไงเขาก็เป็นรุ่นพี่เรานะ”



“ก็ได้ ทีหลังจะควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้ก็แล้วกัน”



“ขอบคุณนะกร ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกันมาเสมอเลย”



“มึงเป็นเพื่อนกูนะ เลิกงอแงได้แล้ว”



“ก็คนมันซึ้งอะ ถ้ามึงไม่ซึ้งก็ไม่ต้องมาแซว”



“เอ้า ไอ้นี่ ไปหาขนมกินไป” เขาลากมันออกมาจนมันต้องยอมทิ้งขนมในมือ รู้สึกสงสารเลยกะว่าจะพาไปร้านขนมอีกรอบ “เดี๋ยวต้องมาซ้อมร้องเพลงตอนสี่โมง ว่างเยอะขนาดนี้วันหลังกูไม่อยู่รอที่มหาลัยแล้วนะ กลับไปนอนแล้วค่อยมายังทัน”



“จ้ะๆ ไม่ต้องบ่น”



กรวีร์พาเขาไปร้านขนม ได้ซาลาเปามาแบ่งกินกันสองคน เขาออกความคิดไปเดินเล่นตามคณะต่างๆ สำรวจดูมหาวิทยาลัย ตัดสินใจนั่งรถรางไปตามเส้นทาง ได้มองสถานที่แปลกตามันก็ช่วยให้เขาผ่อนคลายได้เยอะเหมือนกัน

“จะว่าไปเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วนะ”



“มอห้าที่แอบแม่ไปทะเลด้วยกัน โดนบ่นจนหูชาเลย ไม่เอาด้วยหรอก” กรวีร์ไหวไหล่



“ใครให้มึงป่วยจนไข้ขึ้นเล่า เขาเลยรู้หมดเลย”



“ก็ลงน้ำมันสนุกนี่หว่า”



“ไปไกลๆเลย” เขาทำหน้าบูด ก่อนจะเขยิบหนี คราวนั้นเขาโดนบ่นแถมยังโดนตัดค่าขนมอีก



“ง่า อย่าทิ้งเค้านะตัวเอง”



เสียงหัวเราะครืนดังลั่นจนเขาต้องทุบไหล่ของอีกฝ่ายให้หยุดหัวเราะสักที หลังจากเที่ยวเล่นกันจนพอใจเขากลับมาที่คณะเหมือนเดิม เพื่อนในรุ่นเขากำลังยืนจับกลุ่มรอคอยเวลาที่จะได้เข้าซ้อมร้องเพลง เวลาสี่โมงเย็นคือเวลาเลิกเรียนของรุ่นพี่อีกสักพักก็คงจะได้เริ่มสักที ใบบุญปลดกระเป๋าเป้ลงจากหลัง เอาไปวางกองรวมกับของเพื่อนคนอื่น



“ใบบุญ มึงเอามารวมกับกูนี่”



“อะไร”



“เอามาผูกกับของกูแบบนี้ มันจะได้ไม่หายไง”



“ไม่หายหรอกน่า”



“ไม่ได้ ใบนี้กูซื้อมาแพง”



“ตามใจมึงก็แล้วกัน” เขาขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับมันแล้ว “กูไปนั่งรอตรงนั้นนะ” กรวีร์พยักหน้าเข้าใจก่อนที่เขาจะหมุนตัวไปนั่งตรงม้าหินอ่อน ข้างๆเขาเป็นกลุ่มเพื่อนผู้หญิงหน้าตาสะสวยกำลังพูดคุยกัน เด็กหนุ่มไม่รู้จะทำอะไรก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย



“เห็นว่าพี่ธัชจริงๆแล้วต้องเรียนปี3 แต่ไปเรียนอยู่ต่างประเทศมา” เสียงพูดดังเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆจนเขาต้องเหลือบมอง ผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวจัดกำลังยืนคุยไม่ไกลจากเขานัก



“เป็นเราคงไม่กลับมาแล้วอะ”



“เห็นกลับมาเพราะต้องมาอยู่กับแม่นะ มีแม่คนเดียวเขาก็ต้องกลับมาอยู่กับครอบครัวสิ”



“แต่พี่เขาโคตรหล่ออะ น่าจะได้เป็นเดือนปีเรานะ”



“แต่มังกรก็หล่อ เราชอบฟังเพลงเขามากเลย”



“เราเป็นแฟนคลับเขาตั้งแต่เขาออกเพลงใหม่ๆ เพราะเนอะ” เขานั่งฟังแล้วก็อมยิ้มไปด้วย รู้สึกดีที่เพื่อนมีแฟนคลับแถมยังเป็นเพื่อนในคณะซะด้วย



   “มังกรมีแฟนหรือยังนะ”



   “ก็ไม่เห็นเขายุ่งอะไรกับใครนะ เห็นมีเพื่อนที่ไปไหนมาไหนบ่อยๆด้วยกันคนหนึ่ง” เขาแอบสะดุ้งเล็กน้อย เพื่อนคนนั้นที่ว่าก็คือเขาแน่นอน



   “เราขอไอจีมังกรหน่อย”



   “ได้ๆ แปบนะ อุ๊ย นั่นไงมังกรยืนตรงนั้นไง” เขามองไปตามนิ้วที่ชี้ไปของหญิงสาว กรวีร์กำลังมองซ้ายมองขวา คงจะมองหาเขาอยู่แน่ๆ พอสบตากันหมอนั่นก็เดินตรงมาที่เขายืนอยู่ทันที เขาได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดอยู่ข้างๆหู ให้ตายเถอะแฟนคลับหมอนี่มีอยู่ทุกที่จริงๆ



   “มานั่งอะไรตรงนี้เนี่ย”



   “มันร่มดี” เขาตอบ ก่อนจะเขยิบให้เพื่อนนั่งลงข้างๆ



   “วิวดีด้วย” หันไปมองเพื่อนที่ทำสายตากรุ้มกริ่มใส่ จนกระทั่งสายตาเลื่อนไปเจอกับใครบางคนที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ พร้อมกับชายหนุ่มอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิท ทุกสายตาของคนที่อยู่บริเวณนั้นจับจ้องไปที่ธัชธรรม์เป็นตาเดียว ราวกับถูกดึงดูด



   “พี่ฮันกับพี่ธัชอะแก.. มาแล้วๆ”



   “แกถ่ายรูปให้หน่อย”



   “หล่อมาก พี่ฮันขาวมากอะ”



   “มันหล่อตรงไหน ไม่เห็นจะหล่อเลย” กรวีร์เบือนสายตาแล้วหันมาบ่นอุบอิบกับเขา



   “พี่ฮันน่ะหรือ คนนี้หล่อมานานแล้ว” เขายืนยันคำพูดอีกคน จนกรวีร์ยู่ปากไม่พอใจ



   “ยังจะมาชมมันให้กูได้ยินอีก”



   “ฮ่าๆ”



   นั่งคุยกันอีกสักพักก็ประกาศเรียกรวมตัวกันที่ลานคณะ เขาเดินเข้าไปรวมกลุ่มก่อนจะฟังรุ่นพี่ชี้แจงรายละเอียดต่างๆ รุ่นพี่ชวนคุยเรื่องเรียนว่าแต่ละเอกจะต้องเรียนอะไรบ้าง เขาและมังกรเลือกเอกร้อง รุ่นพี่บอกว่าจะต้องเก็บชั่วโมงการแสดงให้ครบถึงจะจบหลักสูตรนั่นหมายความว่าเขาจะต้องมีการจัดแสดงดนตรี ฟังแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นทุกคนจึงตั้งใจฟังกันอย่างดี



“พี่อยากให้เราช่วยกันเลือกเพื่อนเรามาประกวดดาวเดือน” รุ่นพี่ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง เดินออกมายืนข้างหน้า มังกรบอกว่าพี่จีนเป็นดาวคณะปีที่แล้ว “ซึ่งเราจะจัดประกวดในงานกีฬาเฟรชชี่ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้านะคะ”



“ใครชอบใครคิดว่าคนไหนเหมาะสม สามารถเขียนชื่อลงในกระดาษโหวตมาเลยนนะคะ” พี่จีนยิ้มหวาน “เดี๋ยวนี้เขาทันสมัยแล้ว เดี๋ยวทำเปิดโหวตให้ในกลุ่มไลน์แล้วเราเข้าไปโหวตกันนะคะ อีกสิบนาทีนะ” ทุกคนพยักหน้าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือกัน



“มีใครบ้างคะที่เราอยากจะเสนอ”



“ธัชค่ะ”



“พี่ธัชเลยหรอคะ” พี่จีนยิ้มก่อนจะหันไปซุบซิบกับพิธีกรชายอีกคน “ได้ค่ะพี่ธัชนะคะ มีใครอยากเสนอเพื่อน หรืออยากจะเสนอตัวเองก็ไม่ว่ากันนะคะ”



“มังกรค่ะ”



“น้องมังกร อยู่ไหนคะ ยกมือหน่อยค่ะ โอ้โห แฟนคลับน้องเยอะมากๆเลย” ทุกคนหันมามองชายหนุ่มที่นั่งข้างเขาเป็นตาเดียว ส่วนเขานั่งตัวลีบไม่ได้ออกปากออกเสียงอะไร



“ครับ” กรวีร์ยกมือ ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร เจ้าตัวทำเหมือนเป็นเรื่องปกติมาก ส่วนเขากำลังนิ่งอึ้งอยู่เพราะทันทีที่มังกรยกมือขึ้น เสียงกรี๊ดก็เริ่มดังขึ้นมาทันที



“อยากเสนอใครอีกไหมคะ”



“เมษา?” พี่จีนเริ่มซาวด์เสียงจากคนในห้อง “น้องเมษายกมือหน่อยค่า”



“โอ้โห ปีนี้มีแต่น้องๆที่มีความสามารถจริงๆ” พี่จีนพูดเสียงหวาน ก่อนจะเริ่มลิสต์รายชื่อผู้เข้าร่วมประกวดทีละคน เพื่อให้ทีมงานใส่ชื่อก่อนจะเริ่มโหวต



“พี่ขอน้องผู้หญิงบ้างนะคะ”



ในขณะที่รุ่นพี่กำลังพูดคุยอยู่เขาก็เห็นธัชธรรม์ลุกขึ้นออกไปข้างนอก เจ้าตัวใบหน้าซีดเซียวจนเขารู้สึกแปลกใจ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งใบบุญจึงตัดสินใจขอรุ่นพี่ออกไปเข้าห้องน้ำก่อนจะค่อยๆเดินตามชายหนุ่มไป ร่างสูงไปหยุดอยู่ใต้ต้นไม้หลังคณะ เป็นโซนพักผ่อนเงียบสงบที่ไม่ค่อยมีใครเข้ามามากนัก เขาเดินเข้าไปใกล้ธัชธรรม์.. นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่ข้างนอกแล้วเขาจะได้ทักธัชธรรม์เหมือนอย่างที่คนอื่นทำบ้าง เหมือนจะรู้สึกตัวว่ามีคนอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มจึงหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาก็แสดงอาการไม่พอใจออกมาทันที



“มีอะไร”



“ปะ เปล่า แค่ออกมาเข้าห้องน้ำ” เขาตอบเสียงแผ่ว ลอบมองชายหนุ่มตรงหน้า “พี่ธัชเป็นอะไรหรือเปล่า ผมเห็นพี่หน้าตาซีดๆ ไม่สบายหรือ”



“อย่ามาทำเหมือนเป็นคนรู้จัก.. กูไม่ชอบ”



“เข้าใจแล้วครับ” เขาพยักหน้ารับคำ รู้สึกปวดหนึบในใจอย่างบอกไม่ถูก แค่ทักก็ยังไม่มีสิทธิ์เลยหรือ..



“ไม่ต้องมามองอย่างนั้น.. ทำไม ไม่พอใจอะไร” ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กกว่าที่ยืนห่อไหล่จนเสียบุคลิก ใบหน้าก้มงุดจนแทบชิดอก ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็รู้สึกขัดหูขัดตาบอกไม่ถูก แวบหนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นกายแบบนี้..



จะเป็นไปได้ยังไง..



“เปล่า ไม่มีอะไรนี่ครับ”



“สายตามันฟ้อง” ชายหนุ่มแค่นเสียง เขาโยนบุหรี่ในมือทิ้งก่อนจะใช้เท้าขยี้จนมันดับไป “อยากเรียกร้องความถูกต้องให้ตัวเองหรือ”



“ผมเปล่า” เขาส่ายหน้าพรืดพร้อมกับโบกมือไปมา “ผมแค่อยากจะบอกพี่ว่า.. ไม่ว่าพี่จะเกลียดผมด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ผมก็ยังรู้สึกกับพี่เหมือนเดิม”



“เก็บความรักจอมปลอมของมึงเอาไว้คนเดียวเถอะ” เขาขมวดคิ้วแน่น มองเด็กหนุ่มด้วยแววตาไม่เป็นมิตร “กูไม่มีน้องอย่างมึง”



“พี่ธัช”



“....”



“ใบบุญไม่เคยโกรธที่พี่ใจร้ายเลยนะ” เขาละล่ำละลัก ไม่รู้ทำไมเขาถึงอยากบอก บอกทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเก็บอยู่ในใจ เขาอยากจะอยู่ในสายตาของชายหนุ่มสักครั้ง “แค่พี่ธัชอย่าไล่ใบบุญไปเลยได้ไหม”



“กูเกลียดคือเกลียด ไม่เข้าใจที่พูดหรือไง”



“แต่หนู หนู..” เก็บกักคำว่ารักกลืนลงไป รู้ทั้งรู้ว่าพูดออกไปผลลัพ์มันจะเป็นอย่างไร เขาตอนนี้ไม่ใช่ไบร์ทที่ชายหนุ่มหลงใหลนักหนา ไม่ใช่.. เลยสักนิด



“ฟังนะ ไม่มีพี่ธัชคนเดิมอีกต่อไป เลิกหวังลมๆแล้งๆว่ากูจะกลับไปญาติดีกับมึงอีก” เขาใกล้หมดความอดทนเต็มที สะบัดไล่ความคิดที่ฟุ้งซ่านออกไปจากหัว ใบหน้าขาวยิ่งซีดหนักเข้าไปอีกเมื่อถูกเขาตะคอกใส่ “แค่สงสาร.. จำไว้!”



“….” ใบบุญปล่อยให้น้ำตาไหลลงอย่างเงียบงัน สะกดกลั้นอารมณ์เสียใจที่ทะลักทะลายออกมาไม่หยุด กลั้นเสียงสะอึกสะอื้นเอาไว้ในอก เขาก้มหน้าก้มตาเดินกลับไปที่เดิม ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำจนเบลอมองพื้นแทบไม่เห็น เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว ไม่กล้าสู้หน้ากลับไปหาธัชธรรม์อีก



โดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมา..



ไร้คุณค่า ไร้ราคาใดๆ



ความรักมักเล่นตลกกับหัวใจ รักคนที่ไม่ควรจะรัก ทำไมมันถึงได้ทรมานแบบนี้..





ใบบุญมองตัวเองในกระจก ใบหน้าขาวซีดเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา จมูกจิ้มลิ้มขึ้นสีแดงก่ำ เขาถอดแว่นตาวางลงข้างก็อกน้ำ ก้มตัวลงรองน้ำใส่ฝ่ามือก่อนจะเช็ดหน้าเบาๆ ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนคลอหน่วยไปน้ำสีใส สูดน้ำมูกก่อนจะล้วงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับใบหน้าจนแห้ง เขาคิดได้ว่าจะต้องเข้าซ้อมร้องเพลงที่คณะ จึงพาร่างกายอ่อนล้าของตัวเองมาที่หน้าห้องประชุม เด็กหนุ่มคิดใคร่ครวญ เขาออกมานานมากและไม่อยากตอบคำถามว่าเป็นอะไร ใบบุญจึงตัดสินใจนั่งรออยู่ใต้คณะแทน รออยู่ได้เกือบครึ่งชั่วโมง เขาก็เห็นกรวีร์เดินหน้าบึ้งออกมา

กรวีร์เห็นเพื่อนกำลังนั่งเหม่ออยู่ที่ม้าหินอ่อนก็รีบตรงปรี่เข้าไปหา เขาอยากจะบ่นใบบุญเหลือเกินที่ปล่อยให้เขาต้องเผชิญหน้ากับรุ่นพี่อยู่คนเดียว โดยเฉพาะหิรัญเห็นเขาเป็นตุ๊กตาหรือยังไงคิดอยากจะให้ทำอะไรก็ทำ ขัดใจชะมัด!

“ทำไมตามึงบวมๆ ไอ้ใบบุญ”

“อือ อย่ายุ่งน่า ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” เด็กหนุ่มเหลือบมองคนตัวสูงที่มาหยุดยืนตรงหน้า ทันทีที่เห็นกรวีร์เขาก็อยากจะโผเข้าไปกอดจริงๆ

“ไม่ให้ยุ่งได้ยังไง หน้าเละเทะขนาดนี้” ชายหนุ่มล้วงทิชชูออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาย่อตัวเล็กน้อยพยายามใช้ของในมือซับน้ำตาของใบบุญที่ร่วงเผาะออกมาเป็นสายน้ำ “จมูกแดงแปร๊ดเลย”

“อือ อย่ามอง”

“ไม่มองไม่ได้ ร้องไห้ขนาดนี้จะให้กูอยู่ดูเฉยๆหรือไง”

“กูอาย ไม่อยากให้มึงเห็นตอนกูสภาพไม่ดี”

“เห็นมาตั้งเยอะแล้วจะอายอะไร”

“กร ที่นี่ไม่เหมือนที่โรงเรียนเก่าเรานะ”

“ช่างมันสิ กูแคร์ที่ไหน” เขาลูบหัวเด็กขี้แยที่สูดน้ำมูกไม่หยุด ยังจดจำภาพครั้งแรกที่เจอกันได้อยู่เลย ถ้าหากไม่มีใบบุญเขาเองก็คงไม่มาถึงจุดนี้หรอก “เช็ดหน้าเช็ดตาให้ดีแล้วเข้าห้องไปซ้อมร้องเพลงต่อ” แค่คิดว่าจะต้องเจอสายตาที่มองมาด้วยความรังเกียจของธัชธรรม์แล้ว เขาก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ

“มะ ไม่เอา ไม่เข้าแล้วไม่ได้หรือ”

“อย่างอแงน่า”

“นะ กรนะ วันนี้ไม่อยากเข้าไปแล้ว”

“ถ้ากูรู้ว่า ปล่อยให้มึงอยู่กับพี่มึงแล้วจะเป็นแบบนี้ กูจะไม่ยอมให้มันเข้าใกล้มึงแน่ๆ”

“พี่ธัชไม่ผิดหรอก” เขาขบริมฝีปากแน่น “เป็นกูเองแหละ ที่แส่ไม่เข้าเรื่อง”

“มึงจะโทษตัวเองอีกนานไหม” เขาถอนหายใจ “ใบบุญ กูก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องมันเป็นยังไง แต่มึงอย่าลดคุณค่าตัวเองอีกเลย ถือว่ากูขอ”

“กู…”

“เอางี้ ไม่เป็นไร” เขาดันคนตัวเล็กกว่าให้ยืนขึ้น ตบไหล่เพื่อนเบาๆ ใบบุญยืนขึ้นเต็มความสูง เขาสูดจมูกแล้วมองกรวีร์ด้วยความสงสัย “กูจะหาแฟนให้มึงเอง!” 

   “ไอ้บ้า ไม่เอา!”

   “มึงต้องทำให้เขาเสียดาย ที่เขาไม่เลือกมึง”

“ไม่นะ ไม่เอาแบบนั้น” เขาดึงแขนกรวีร์เอาไว้ก่อนจะส่ายหน้าพรืด ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาเพื่อนสนิทที่มองมา “พี่ธัชเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

“ใครวะ” กรวีร์เกาหัวแกรก คนอย่างธัชธรรม์ถึงจะมีข่าวกับผู้หญิงไปทั่วแต่เขาก็ไม่เคยเห็นจะคบใครเป็นจริงเป็นจังสักที ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มกลับไทยมายิ่งไม่มีข่าวหลุดรอดออกมาเลยสักนิด

เดี๋ยวนะ..

 “อือ” เขาหลุบตามองพื้น “พี่ธัชชอบไบร์ท”

“นั่นไง นั่นนนไง!” เขาเบิกตาโพลง จับไหล่เพื่อนแล้วเขย่าไปมา “มึงก็คือบะ..”

“ห้ามพูดนะ!” เด็กหนุ่มตะครุบริมฝีปากเพื่อนไว้แน่น เกือบไปแล้วไงล่ะ!

“อื้ออออออออ อ่อยอ่อน(ปล่อยก่อน)” กรวีร์ยกมือยอมแพ้ บทจะแรงเยอะขึ้นมาเขาก็สู้ใบบุญไม่ได้จริงๆ เด็กหนุ่มส่งสายตาห้ามปรามก่อนจะลดมือลง คนตัวโตกว่าบ่นอุบ “เจ็บหน้าไปหมดแล้วเนี่ย”

“ใครใช้ให้พูดเสียงดังเล่า”

“ก็คนมันตกใจนี่หว่า ใครจะไปคิดว่าไอ้ เอ๊ย พี่ชายมึงจะติดใจน้องไบร์ทได้”

“ไบร์ทก็คือไบร์ท กูก็คือกู”

“ไม่ใช่แล้ว มึงคิดอย่างนี้ไม่ได้” เขาเห็นใบหน้างอง้ำแล้วก็คิดไล่เรียงว่าเกิดอะไรขึ้น นี่คงจะนอยธัชธรรม์มาอีกแล้วสิท่า “มึงก็คือมึง ไบร์ทก็คือมึง มึงก็คือไบร์ท.. กูสรุปให้นะ คือพี่ธัชชอบมึง”

“แต่เขาไม่รู้ว่ากู…” ได้ยินอย่างนั้นก็เหมือนหัวใจถูกบีบรัด ธัชธรรม์ชอบไบร์ทจริงๆ แต่กับเขามันไม่ใช่เลย “กูไม่ใช่คนที่เขาจะมารักได้เลย.. ฮึก” มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาเป็นคนที่ธัชธรรม์เกลียดยิ่งกว่าอะไรดี

“ไม่เอา ไม่ร้อง”

“ฮึก ฮือ”

“ไป กลับบ้าน เดี๋ยวกูไปส่ง”

“พี่เขาปล่อยแล้วหรือ”

“ปล่อยไม่ปล่อยไม่รู้แหละ ไปกลับบ้าน” กรวีร์จับไหล่เขาเอาไว้ “คืนนี้มึงไปนอนบ้านกูก็แล้วกัน”

“อะ อืม” เขารีบซุกเข้าหากรวีร์ทันทีเมื่อเห็นสายตาคมกริบของคนที่กำลังเดินผ่านมาทางนี้ ชายหนุ่มรู้สึกตกนิดหน่อยแต่ไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่กระซิบกระซาบกันอยู่สองคน “มึง กูไม่อยากเจอเขา”

“งั้นมึงก็กอดกูไว้แบบนี้แหละ” เขาโอบใบบุญเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะพาเดินไปที่รถยนต์ ท่ามกลางสายตาของคนในคณะที่กำลังแอบมอง บางคนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปยืนซุบซิบกันเสียงดัง

ธัชธรรม์กัดฟันกรอดมองแผ่นหลังบอบบางที่ถูกตะกรองกอดผ่านหน้าเขาไป เด็กหนุ่มเผลอสบตากับเขาชั่วครู่ก็เบือนหน้าหนี ชายหนุ่มร้องเหอะก่อนจะขมวดคิ้ว ต่อหน้าเขาทำเป็นระริกระรี้อยากให้เขาสนใจ พอมีคนอื่นเข้ามาใหม่ก็รีบจับเอาไว้สินะ

สำออยสิ้นดี!


(ต่อด้านล่าง)



หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 5 ] 13-09-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 13-09-2018 12:53:49
(ต่อจากด้านบน)



   ภาพที่กรวีร์โอบกอดเขาถูกกระจายไปในโซเชี่ยลอย่างรวดเร็ว ใบบุญไม่คิดมาก่อนว่าใบหน้าเฉิ่มเชยของตัวเองจะมีแต่คนพูดถึงและอยากเห็นใบหน้าเขาขนาดนั้น ส่วนใหญ่ที่เลื่อนเจอจะเป็นคอมเม้นท์ก่นด่าจากแฟนคลับของกรวีร์ บ้างก็บอกว่าเขาไม่เหมาะสม บ้างก็ว่าเขาจ้องจะจับนักร้องหนุ่มเอาไว้เป็นของตัวเอง เขาโยนโทรศัพท์ทิ้งลงกับเตียง ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน หยุดคิดความคิดฟุ้งซ่านต่างๆที่ถาโถมเข้ามา ตอนนี้เขาต้องทุ่มเทให้กับงานเพลงและการเรียนถึงจะถูก

   “มึงโอเคนะ”

“กูไม่เป็นไรหรอกน่า เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อย” เขาไหวไหล่ก่อนจะกระชับเป้สะพายหลังให้เข้าที่ ช่วงนี้กรวีร์ขับรถมารับเขาไปเรียนทุกวัน เพราะไม่อยากให้เขาเหนื่อยและกันไม่ให้เขาเจอธัชธรรม์ กลับกลายเป็นว่ายิ่งกรวีร์เข้าใกล้เขาเท่าไหร่ ข่าวซุบซิบก็เริ่มหนาหูมากขึ้น ขืนเป็นแบบนี้จะไม่เป็นผลดีต่องานเพลงแน่ๆ

เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ว่ากรวีร์ถูกเสนอชื่อให้เป็นเดือนคณะ ส่วนธัชธรรม์ไม่เข้าร่วมกิจกรรมประกวดนี้ และชายหนุ่มก็มีอิทธิพลมากพอที่จะปฏิเสธไม่ให้คนอื่นเข้าไปยุ่งย่ามกับชีวิตส่วนตัว ผลตกมาที่เพื่อนสนิทเขา กรวีร์จะต้องเข้ารับการฝึกซ้อมการแสเงเพื่อแข่งขันในเดือนหน้า เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้พาตัวเองออกมาก่อนที่ข่าวจะไปไกลมากกว่านี้ เสียงไลน์ดังขึ้นรัวๆจนเขาต้องหยิบมาเปิด เห็นไหมว่านึกถึงเมื่อไหร่ก็ต้องมา ตายยากจริงๆ

‘ใบบุญ อยู่ไหน’

‘วันนี้กูจะกลับเองนะ’

‘รอก่อน วันนี้กูซ้อมเต้น ไม่เย็นมากหรอก เดี๋ยวไปส่ง’

‘เกรงใจว่ะ ตั้งใจซ้อมนะเว้ย’          

   ใบบุญเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า เขาตัดสินใจนั่งรถประจำทางกลับบ้านสักวัน กำลังจะเดินออกจากใต้ตึกคณะในช่วงหกโมงเย็นที่เริ่มพลบค่ำ เขาก็เห็นเพื่อนผู้หญิงสองคนกำลังยกของกันอยู่ ลองเดินเข้าไปใกล้ อีกฝ่ายเห็นเขาก็ชะงักเล็กน้อย

   “เดี๋ยวเราช่วยนะ” เขายิ้ม เข้าไปช่วยถือของทันที ผู้หญิงตัวเล็กสองคนไม่น่าจะยกไหวอยู่แล้ว

   “ขอบใจนะ” อีกฝ่ายยิ้มอวดฟันขาวให้เขา “เราชื่อแฟง นี่เพื่อนเราชื่อหมิว”

   “เราชื่อใบบุญนะ”

   “อ้อ” แฟงทำหน้าเหมือนนึกออก ก่อนจะยิ้มให้เขา “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันจ๊ะ” เขามีเพื่อนในคณะนับคนได้ เพราะนิสัยพูดไม่เก่งทำให้เขาไม่มีความกล้าที่จะเข้าไปทักทายใครๆ ไม่เหมือนมังกรที่มักจะยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ

   “ทำไมทำกันสองคนล่ะ อันนี้รุ่นพี่ให้เราช่วยกันทำนี่นา” เขานึกขึ้นมาได้ว่ารุ่นพี่ให้ทำป้ายชื่อสำหรับห้อยคอเอาไว้ จะได้เรียกชื่อกันถูก

   “ไม่มีใครว่างน่ะ” แฟงหันไปมองกล่องนับสิบ มันเป็นกล่องใส่ป้ายชื่อสำหรับห้อยคอ “เหลือเรากับหมิว พรุ่งนี้ต้องเสร็จด้วย ไม่งั้นต้องโดนรุ่นพี่ว่าแน่ๆ”

   “งั้นเราช่วยนะ ต้องทำอะไรบ้าง” เขาอาสา ปลดเป้วางกับพื้นก่อนจะเข้าไปช่วยยกกล่องที่ยังถูกวางแอ้งแม้งเกะกะไปตามทางเดิน

“เอาเชือกร้อยเข้าที่แผ่นป้ายจ๊ะ ไม่ยาก”

“ได้ๆ เดี๋ยวตรงนี้เราจัดการให้นะ”

“ขอบคุณมากเลยนะ เดี๋ยวเราไปเก็บของก่อนแล้วจะมาช่วยนะ”

“ครับ”

ใบบุญช่วยยกลังลงจากรถกระบะจนเสร็จเรียบร้อย ของทุกอย่างก็ถูกกองรวมอยู่ที่ใต้ตึกคณะ แฟงบอกกับเขาว่าจะต้องขนเข้าไปในห้องสโมสรของรุ่นพี่ เพราะได้ขอใช้สถานที่เอาไว้แล้ว เขาพยักหน้ารับ ช่วยกันยกด้วยความทุลักทุเลเข้าไปในห้องทึบที่อยู่อีกด้านของตึก เหงื่อหลั่งเต็มแผ่นหลังจนเปียกชุ่ม เขาไม่คิดว่าของมันจะเยอะขนาดนี้ แต่ในเมื่อรับปากจะช่วยก็ต้องช่วยให้เสร็จ

“หมิวจะโทรบอกต้าก่อนนะ” หญิงสาวพูดถึงชื่อเพื่อนอีกคนที่เขาจำได้ว่าเป็นประธานรุ่นที่เพิ่งได้คัดเลือกกันไป เด็กหนุ่มพยักหน้า เขาใช้มือปิดจมูกเพราะฝุ่นในห้องเยอะเหลือเกิน ดูไม่เหมือนห้องที่จะใช้ประชุมของรุ่นพี่เลยสักนิด

“ได้ๆ เดี๋ยวเรารอตรงนี้นะ”

“มาช่วยแฟงทำตรงนี้ก็ได้จ้ะ”

“เอาสิ” เขานั่งขัดสมาธิถกแขนเสื้อจนถึงข้อศอก ค่อยๆตัดเชือกแล้วร้อยใส่ป้ายพลาสติกที่รุ่นของเขาจะต้องใช้สวมคอเพื่อทำกิจกรรมรับน้อง “แบบนี้ใช่ไหม”

“ใช่ๆ”

เขาไม่ใช่คนพูดเก่งอะไรได้แต่อมยิ้มฟังเพื่อนพูดกันสองคนแล้วนั่งทำงานต่อไป จนกระทั่งเขารู้สึกปวดหลังขึ้นมาจึงยกนาฬิกาขึ้นมาดู เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้วแต่งานตรงหน้ายังไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ กัดฟันข่มความเหนื่อยล้าของร่างกาย บิดขี้เกียจไปพลางนวดไปพลาง เขาใช้สายตาจ้องจนล้าไปหมด

“พักเถอะแฟงเดี๋ยวเราทำเอง”

“แต่มันยังเหลืออยู่อีกเยอะเลยนะ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจัดการเอง”

“ขอบคุณนะใบบุญ” เขาให้เพื่อนอีกสองคนกลับไปพัก ส่วนตัวเองนั่งทำงานต่อ รู้สึกปวดหนึบที่ข้อมือแต่ต้องอดทนเพราะอยากให้งานเสร็จเร็วๆ ความอ่อนล้าของร่างกายที่นอนน้อยเป็นทุนเดิมยิ่งทำให้เขารู้สึกเพลียมากกว่าปกติ รู้ตัวอีกทีภาพตรงหน้าก็เคลื่อนตัวรวดเร็ว ราวกับโลกใบนี้กำลังหมุนเหวี่ยงเป็นวงกลม..



“อ้าว” ชายหนุ่มร่างสูงเบือนหน้าไปมองห้องที่เปิดประตูทิ้งเอาไว้ด้วยความสงสัย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมห้องนั้นถึงเปิดประตูทิ้งไว้ กำลังจะเดินเข้าไปปิดก็เห็นเด็กหนุ่มกำลังนอนฟุบอยู่บนกล่องลังสีน้ำตาล เขาปัดฝุ่นที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศเดินเข้าไปแตะไหล่คนที่กำลังนอนแน่นิ่ง “น้องใบบุญ?”

หิรัญขับรถเข้ามาในคณะตอนเกือบสี่ทุ่มเพราะไอ้ตูมตามเหรัญญิกประจำรุ่นดันลืมกระเป๋าเงินเอาไว้ในห้องสโมสร เขาเลยกลายเป็นสารถีจำเป็น ขับรถเข้ามาเอาของแทนเพื่อนที่กำลังเมาเต้นแร้งเต้นกาอยู่ที่ร้านเหล้าละแวกมหาวิทยาลัย ธัชธรรม์ตามเขามาด้วยเพราะไม่อยากอยู่ในร้านนาน เขายืนสูบบุหรี่อยู่ข้างรถรอเพื่อนสนิทออกมาจากตึกสักที

“ไอ้ธัช ไปออกรถเลย!” เสียงตะโกนดังลั่นพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงที่อุ้มใครบางคนอยู่ในอ้อมกอด ธัชธรรม์หันขวับไปตามเสียง เขารีบสาวเท้าเข้าไปดูก่อนจะเห็นใบหน้าซีดเซียวของเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยดี

ใบบุญ..

“นี่มันอะไรกันเนี่ย”

“กูไม่รู้”

“ไปโรงพยาบาลก่อน” มือหนาแตะแก้มขาวซีด เขารู้ดีกว่าใครว่าใบบุญไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก เท่าที่จำได้มารดาเป็นคนพาใบบุญไปหาหมอแทบจะทุกอาทิตย์ แต่เขาไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคนตรงหน้าป่วยเป็นอะไรกันแน่ ดวงหน้าขาวซีดในความทรงจำที่ทอดมองเขาด้วยแววตารักใคร่ยังคงตราตรึงติดอยู่ในใจเสมอ

หรือว่าจะเป็นโรคร้ายแรง..

“เออได้! มึงอะไปขับรถ” หิรัญไล่เพื่อนตัวเองที่กำลังจับมือเด็กหนุ่มไว้แน่น เขาล่ะอยากจะขำให้ฟันร่วง ต่อหน้าด่าเขาว่าเขาสารพัด พอทีอย่างนี้ทำเป็นลนลาน ทำตัวไม่ถูกเลยสิมึง เขาประครองเด็กหนุ่มขึ้นไปบนรถ ลอบมองใบหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนสนิทที่เหยียบคันเร่งจนเขาต้องหาที่เกาะเอาไว้ “ขับดีๆหน่อยสิวะ”

“กูขับดีได้แค่นี้แหละ”

“ใจเย็นๆ ใบบุญจะต้องไม่เป็นอะไร”

“มึงไปเจอมันที่ไหน”

“ในห้องเก็บของ”

“ไปทำอะไรในนั้นวะ” เขาสบถออกมาเป็นคำหยาบ รู้สึกหงุดหงิดไปหมดทุกอย่าง

“กูไม่รู้เหมือนกัน เหมือนน้องกำลังทำป้ายชื่ออยู่” เขานึกถึงสภาพห้องเก็บของในนั้นแล้วก็รู้สึกขมคอ ทั้งฝุ่นทั้งกลิ่นเหม็นอับ เป็นห้องที่ไม่มีใครเข้าไปตั้งนานแล้ว “หรือว่ามีพี่คนไหนสั่ง ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่อง”

“ไปลากไอ้คนที่มันสั่งมาคุยกับกูหน่อย”

“ใจเย็นก่อน” หิรัญปรามเพื่อนที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ “น้องอาจจะมาช่วยเพื่อนทำก็ได้”

“แล้วมึงเจอใครไหม”

“ไม่เจอ น้องอยู่คนเดียว”

“ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมา กูไม่เอาพวกแม่งไว้แน่”

“เหอะ เกิดจะรักน้องขึ้นมาเชียว” หิรัญจี้ใจดำอย่างจัง จนชายหนุ่มตวัดสายตามองด้วยความไม่พอใจ

“กูเลี้ยงมันมากับมือ.. ป้อนข้าวป้อนน้ำยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม คนที่จะทำให้มันร้องไห้ได้” เขาแค่นหัวเราะ ปลายเท้าเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งทะยานไปข้างหน้า “มีแค่กูเท่านั้น”





TBC

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ พายทยอยเอามาลงให้วันละตอนนะคะ




หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 5 ] 13-09-61
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 14-09-2018 08:54:34
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 6 ] 16-09-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 16-09-2018 10:32:22
Rhyme 6

   “ฮึก..แง พี่ธัช” เสียงร้องไห้จ้าของเด็กชายดังลั่น ร่างเล็กก้นจ้ำบ้าลงกับพื้น สองมือที่เปรอะเปื้อนขยี้ตาไม่หยุด ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็วิ่งออกมาจากในบ้าน วงหน้าได้รูปคมเข้มและคิ้วดกหนาขมวดแน่น

   “ใบบุญ! ไปทำอะไรมาห้ะ?”

   “หนูเจ็บจังเลย” เด็กชายชี้ไปที่รถไอติมที่กำลังแล่นผ่านไป หลังจากกินข้าวเสร็จใบบุญก็ได้ยินเสียงกระดิ่ง เด็กชายตัวเล็กวิ่งออกมาเกาะหน้าประตูบ้านก่อนจะรีบวิ่งสาวเท้าเข้าไปใกล้ แต่ดันสะดุดกับพื้นเสียก่อน เสียงร้องไห้จ้าดังขึ้นสุดเสียง จนพี่ชายคนโตที่กำลังล้างจานสะดุ้ง เผลอแปบเดียวน้องชายตัวเล็กของเขาก็มาพร้อมกับแผลถลอกที่หัวเข่า ธัชธรรม์ลูบหัวด้วยความรักใคร่ ย่อกายลงดูแผลที่เลือดไหลซิบ เขาเป่าลมใส่แผลและใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเลือดที่ไหลออกมาเบาๆ

“ไม่ต้องร้องแล้ว พี่เป่าให้แล้วไม่เจ็บแล้ว เช็ดน้ำตาซะ”

“ฮึก ฮือ”

“ไม่เชื่อพี่หรือ”

“หนูเชื่อพี่ธัช”

“ทำไมทำตาละห้อยแบบนั้น อยากกินไอติมหรือ” เขามองเจ้าตัวเล็กที่ทำหน้าตาละห้อยน่าสงสาร ใครใช้ให้วิ่งออกมาไม่ทันดูแบบนี้กันเล่า มันน่าตีให้เข็ดเลยจริงๆ

“ยะ อยาก”

“งั้นขี่หลังพี่”

“พี่จะพาหนูไปซื้อหรือ” ใบบุญถามตาแป๋ว เสียงร้องไห้ชะงักทันทีเหมือนได้ยาวิเศษ

“พาไปทำแผลต่างหาก” เขาย่อกายลงให้เด็กขึ้นทาบทับ เจ้าลูกแมวลุกขึ้นยืนแล้วทิ้งตัวลงบนแผ่นหลังเขาอย่างจัง “เสร็จแล้วเราค่อยปั่นจักรยานไปร้านขนมกัน.. ดีไหม?”

“ดีครับ” ทั้งน้ำตาและขี้มูกถูกเช็ดโดยหลังเสื้อของพี่ชายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เสียงพูดอู้อี้ดังไม่ได้ศัพท์แต่ธัชธรรม์กลับได้ยินมันชัดเจน “หนูรักพี่ธัชที่สุดเลย”

   เด็กชายซุกใบหน้านุ่มนิ่มเข้าที่แผ่นหลังกว้างของพี่ชาย สองมือเล็กป้อมเกาะที่ไหล่หนา ความรู้สึกอ้างว้างและความเจ็บปวดมลายหายไปทันที ความอบอุ่นแผ่ซึมลึกในหัวใจดวงน้อย เขาเจ็บแผลที่หัวเข่าเหลือเกินแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้มีความสุขขนาดนี้

   “ใบบุญ..” เขาปวดหนึบไปทั้งร่าง เหมือนร่างกายหนักอึ้งราวกับมีหินมาถ่วงเอาไว้ เปลือกตาค่อยๆยกขึ้นเชื่องช้า แสงไฟจากหลอดนีออนทำเอาเขาแสบตาไปหมด “ใบบุญ”

   “อะ อืม” ปรับโฟกัสได้ แต่เสียงที่พูดออกมาแหบแห้งเหลือเกิน เขามองชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังยืนอยู่ข้างเตียง นี่เขาฝันไปหรือเปล่าถึงได้ตื่นมาเจอชายหนุ่มตรงหน้า “พี่ธัช”

   “เออ กูเอง”

“ทะที่นี่คือ..” เขาพยายามดันตัวลุกขึ้นนั่ง นึกไม่ออกว่าตัวเองมาที่นี่ได้ยังไง

“โรงพยาบาล” ธัชธรรม์มองคนป่วยที่หน้าซีดแล้วตอบเสียงแข็ง “ไอ้ฮันไปเจอเป็นลมอยู่ในห้องเก็บของ”

“เป็นลม?” เขาเนี่ยนะ..

   “หมอบอกร่างกายอ่อนเพลียมาก นอนให้น้ำเกลือสักพักก็กลับบ้านได้ ถามจริงๆเถอะเข้าไปทำอะไรในนั้น” ธัชธรรม์ยืนกอดอก ใบบุญเหลือบมองใบหน้าและเห็นว่าเขากำลังขบกรามอยู่

   โกรธอะไรอีก..

   “อะเอ่อ”

   “ธัช มึงอย่าเพิ่งรีบถามน้องมันเลย ให้น้องพักก่อน” เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากอีกฟากของห้อง หิรัญในชุดนักศึกษาอีกคนกำลังลุกขึ้นเดินมาหาเขา ใบบุญยกมือไหว้อย่างคุ้นชิน นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่..

   “มึงนี่ขัดขวางตลอด กูไม่ทำอะไรมันหรอก”

   “ผมไปช่วยเพื่อนในรุ่นทำป้ายชื่อ” เขาตอบเสียงเบา เล่าถึงความจริงที่เกิดขึ้น เขายังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน! “รุ่นพี่สั่งให้ทำนี่ครับ”

   “กูเปล่า” หิรัญส่ายหน้าวืด พร้อมกับโบกมือไปด้วย ธัชธรรม์หันไปส่งสายตาอำมหิตให้เพื่อน ก่อนจะหันไปถามคนตัวเล็กที่ยังหน้าซีดอยู่ “กูไม่รู้เรื่องงงงง”

   “เพื่อนคนไหน มีเพื่อนกับเขาด้วยหรือไง” ชายหนุ่มแค่นเสียง มองคนป่วยที่เผลอกำผ้าห่มแน่น

   “มะ มีสิครับ ก็เพื่อนชื่อแฟงกับหมิว”

   “มึงรู้จักไหมวะ” ชายหนุ่มหันไปถามหิรัญ

   “รุ่นน้องมีเป็นร้อย ใครจะไปจำได้วะ” หิรัญพยายามนึกก็นึกไม่ออก ถ้าเขาจำชื่อรุ่นน้องเป็นร้อยได้หมดทุกคนภายในเวลาไม่ถึงอาทิตย์ก็บ้าแล้ว “แต่ก็นะ ไม่เห็นจำเป็นต้องเข้าไปห้องนั้นเลย”

   “นั่นเป็นห้องสโมสรไม่ใช่หรือครับ” เขาตอบเสียงแผ่ว

   “ใช่ที่ไหนเล่า” หิรัญอธิบาย ในฐานะที่ตัวเองเป็นคณะกรรมการสโมสรและได้ทำงานกับรุ่นพี่ปีสี่มาตลอด เขายืนยันนอนยันได้เลย “นั่นมันห้องเก็บของ ใครเขาจะเข้าไปทำอะไรในนั้นนานๆ ฝุ่นเยอะจะตาย”

   “เอ่อ ผมไม่รู้”

   “กูขอเตือนนะ เลิกอยู่ใกล้ไอ้มังกรมันซะ” ธัชธรรม์พูดเสียงเข้ม คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก

   “อ้าว เขาเป็นเพื่อนกันถ้าไม่ให้อยู่กับเพื่อนแล้วจะให้ไปอยู่กับใคร” หิรัญมองแล้วไม่สบอารมณ์ ในโลกนี้คงมีมันคนเดียวที่พูดจาเหมือนจะกินหัวน้องตัวเอง “กับมึงหรือไง?”

   “กับใครก็ได้” ชายหนุ่มไหวไหล่ทำเหมือนไม่สนใจ ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้หิรัญหมั่นไส้มากขึ้นอีกเท่าตัว

   “งั้นเอาน้องมาอยู่กับกู”

   “ไม่ได้” ธัชธรรม์ตอบแทบจะทันที จนชายหนุ่มอีกคนร้องเหอะออกมาเสียงดัง ไม่รู้จะด่ามันยังไงดี

   “อะไรวะ ไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอนี่ก็ไม่ได้” หิรัญแค่นยิ้ม มองหน้าเพื่อนสนิทอย่างกวนๆ “หวงหรือวะ”

“ทำไมกูจะต้องไปห่วงไอ้เด็กนี่ด้วย.. ไร้สาระ” พูดจบ ชายหนุ่มก็เดินหันหลังออกนอกห้องไปเสียอย่างนั้น หิรัญแทบจะอ้าปากค้าง บทมันจะหนีก็หนีไปเสียดื้อๆ

ไอ้คนไม่ยอมรับความจริง ไอ้มนุษย์ซึนเอ๊ย!

“อะ อ่าว เห้ย.. กลับมาก่อน”

“ผมกลับบ้านได้หรือยังครับพี่ฮัน” หิรัญกำลังจะก้าวตามเพื่อนออกไปแต่ก็ต้องชะงักเสียก่อน เขาหันไปมองเด็กหนุ่มร่างบางที่ใบหน้าซีดเผือด

“เอ่อ เดี๋ยวไอ้ธัชคงมารับใบบุญกลับบ้านไปด้วย นอนพักไปก่อนนะ”

“คะ ครับ”

“ไม่ต้องห่วงนะ ถึงมันจะดูเลวๆไปบ้าง ปากหมาไปนิด แต่พี่ว่ามันก็เป็นห่วงใบบุญนะ”

“ฮะๆ ฟังดูแปลกๆนะครับ” เขาหัวเราะแห้ง ยิ้มขื่นให้กับตัวเอง “เกลียดยังไงก็คือเกลียด พี่ธัชก็แค่สงสารผมมากกว่า”

“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ” หิรัญนึกฉงน ไม่คิดว่าทั้งสองจะบาดหมางกันลึกขนาดที่ว่าเกลียดกันได้

“จะกลับกันได้หรือยัง” ธัชธรรม์เปิดประตูเข้ามาถาม ยืนมองเด็กหนุ่มที่หลบสายตา “เดินไหวไหม? หรือจะสำออยให้ไอ้ฮันมันอุ้มกลับไปดี”

“ไม่ด่าน้องสักวัน มึงจะตายไหมเนี่ย กูอุ้มกลับเองก็ได้” ธัชธรรม์ส่งสายตาคมมองตวัดมามองเขาทันที ชายหนุ่มหัวเราะแหะก่อนจะตอบไป “กูล้อเล่นน่ะ”

“ผมกลับเองได้ครับ ไม่ต้องรบกวนใคร”

“ปีกกล้าขาแข็งนักนี่ อยากกลับเองก็เชิญเลย”

“ใบบุญกลับกับพวกพี่เถอะ อย่าไปฟังมันเลย” หิรัญยิ้ม “เดี๋ยวพี่ไปส่งเราที่บ้านเอง แม่รออยู่อย่าทำให้ต้องเป็นห่วงเลยนะ”

“ก็ได้ครับ”

เขาพยักหน้ารับ เหลือบมองไปยังชายหนุ่มอีกคนที่ยังทำหน้าโกรธ ฝ่ายนั้นยืนกอดอกทำท่าท่างไม่สบอารมณ์จนเขาชักกลัว คนตัวเล็กกว่าขยับตัวจะลงจากเตียง อาการมึนหัวทำเอาเขาปวดหัวหนึบขึ้นมาอีกรอบ ไวเท่าความคิดก่อนที่เขาจะร่วงหล่นลงไปนอนเล่นที่พื้น อ้อมกอดหนาช้อนตัวเขาขึ้นได้ทัน กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยเจือจางปะปนกับกลิ่นบุหรี่ร้อนผ่าวทำเอาเขาใจเต้นระรัว มือขาวเกาะเสื้ออีกฝ่ายไว้จนแน่น

“ยังไม่หายแล้วปากดีบอกว่าหายแล้ว” เสียงดุของชายหนุ่มทำเอาเขาสะดุ้ง ใบบุญอยู่ในอ้อมกอดของธัชธรรม์แม้เขาจะกลัวก็ยังใจเต้นแรงไปด้วย

“ขะ ขอโทษครับ”

“ไปนอนพักอีกตื่นแล้วค่อยกลับ ไม่ต้องรีบ” เสียงดุลดความเข้มลง ก่อนจะประคองเขาให้นอนราบลงไป “ถ้าไปป่วยที่บ้านจะวุ่นวายอีก”

“ครับ”

“ดุจนน้องตัวลีบแล้ว ไอ้ห่าธัช” หิรัญตกใจเหมือนกัน เขาคิดว่าตัวเองอยูใกล้ใบบุญมากกว่าก็ยังไม่ทันเพื่อนสนิทที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“มึงอย่ามายุ่ง กูดูแลเองได้”

“เต็มปากเต็มคำเลยนะ”

“ไปไกลๆกูเลย”

“ไม่! เดี๋ยวมึงทำอะไรน้องขึ้นมา”

“สรุปมันเป็นน้องมึงแล้วใช่ไหม” ธัชธรรม์มองตาขวาง หิรัญเริ่มคิดซะแล้วว่าตกลงไอ้เพื่อนเขาคนนี้มันเกลียดน้องตัวเองจริงๆหรือว่ามันหวงจนเกินขนาดกันแน่!

“ถ้ามึงไม่เอาก็เอาน้องมาให้กูซะ”

“F**k off!”

เด็กหนุ่มนอนซุกอยู่ในผ้าห่มของโรงพยาบาล เขาได้ยินเสียงเสียงทุ่มเถียงของธัชธรรม์และหิรัญก็รู้สึกนึกขำ มองขวดน้ำผลไม้ที่วางเรียงอยู่ข้างเตียงคนไข้ รอยยิ้มจุดขึ้นที่ริมฝีปาก เมื่อเห็นในมือของชายหนุ่มยังมีถุงจากซุปเปอร์มาร์เก็ตถือเอาไว้ เขาค่อยๆหลับตาลง ความง่วงงุนจากฤทธิ์ยาและอาการอ่อนล้าทำให้เขาล่องลอยอยู่ในภวังค์อีกครั้ง ก่อนภาพตัดเขารู้ถึงฝ่ามือหนาที่แตะวางลงบนหน้าผาก ยิ่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคยความอบอุ่นก็แผ่กระจายไปทั่วหัวใจ

“แม่งเอ๊ย ตัวร้อนอีกต่างหาก” ชายหนุ่มสบถ “ไข้ขึ้นอีกแล้ว ทำไมมันป่วยบ่อยจังวะ”

“เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้น้องเอง มึงถอยไปดิ” หิรัญโผล่หน้าเข้าไปใกล้ เขาลองแตะหน้าผากใบบุญดูเหมือนจะไข้ขึ้นจริงๆด้วย “ยืนบื้อทำไมไปตามพยาบาลมาสิ”

“ไอ้ฮัน มึงถอยไปเลย ไอ้รากกล้วย” ธัชธรรม์ดึงเพื่อนตัวเองออกมา “กูทำเอง”

เขาง่วงเหลือเกินไม่ทันได้ยินว่าชายหนุ่มพูดอะไรต่อ เขาเกร็งร่างเล็กน้อยส่ายหัวไม่ให้ใครเข้ามาแตะต้องร่างกายเขาได้ ดวงตากลมฉ่ำปรือพยายามจะมองแต่แว่นสายตาเขาถูกถอดเอาไปวางไว้ที่ไหนไม่รู้ ภาพมันถึงได้มัวไปหมด มองอะไรไม่ชัดเจนเท่าไหร่

“นอนไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง” หิรัญปลอบเด็กหนุ่มที่เริ่มออกอาการงอแง พิษไข้ทำให้ใบหน้าขาวซีดแดงก่ำ

“ไม่เช็ดตัว.. นะ” เขาร้องขอ

“ไม่เช็ดตัวแล้วจะหายได้ไง ไข้ขึ้นอีกแล้วนะ”

“ไม่เอา”

“ใบบุญ อย่าดื้อ..” คราวนี้เป็นพี่ชายที่แทรกเข้ามาใกล้

“ฮึก ฮือ”

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ..” ประตูห้องถูกเปิดขึ้น ดูเหมือนว่าพยาบาลที่เขาไปตามจะมาแล้ว มันคงจะดีกว่าที่พวกเขาจะทำเอง “ญาติคนไข้รบกวนรอด้านนอกนะคะ เดี๋ยวจะเช็ดตัวให้คนไข้ค่ะ”

“ครับ”

ธัชธรรม์กับหิรัญผละออกจากเตียงปล่อยให้พยาบาลจัดการเช็ดตัวให้คนป่วย หลังจากจัดการจนเสร็จเรียบร้อยแล้วคนป่วยถูกปลุกให้ขึ้นมากินยา และเป็นอันได้ข้อสรุปว่าใบบุญจะต้องแอดมิทอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างน้อยหนึ่งคืน ชายหนุ่มให้หิรัญกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้ามาให้ใหม่ ส่วนเขากดสายโทรหามารดา บอกว่าเขาจะเป็นคนเฝ้าใบบุญเอง ทับทิมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ลูกชายคนโตเอ่ยปากทั้งๆที่ผ่านมาไม่เคยคิดจะเข้าใกล้หรือเกี่ยวข้องกับใบบุญเลยสักครั้ง เธอหวังว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ทำให้ทั้งสองกลับมาเป็นเหมือนเดิม

“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”

“แม่ไปเฝ้าน้องแทนดีกว่าไหมลูก”

“ไม่เป็นไรครับ แม่พักผ่อนเถอะ” เขาตอบ “รบกวนแม่เตรียมเสื้อผ้าให้ที เดี๋ยวให้ฮันเตอร์เข้าไปเอาให้นะครับ”

“ถ้าน้องตื่นให้น้องโทรหาแม่หน่อยนะลูก”

“ครับแม่ รักแม่นะครับ”

เขาวางสายโทรศัพท์จากมารดา ก่อนจะเบนสายตาทอดมองไปยังคนตัวเล็กที่นอนหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียง รูปร่างสูงโปร่งทว่าบอบบางเมื่อรวมกับผิวขาวจัดถ้าไม่ได้สวมชุดโรงพยาบาลสีฟ้าอ่อน มองแล้วเหมือนใบบุญจะกลืนไปกับเตียงด้วยซ้ำ เขายกมือแตะหน้าผากคนป่วยอีกรอบ เมื่อสักครู่หลังจากที่ทานยาลดไข้เข้าไปดูเหมือนความร้อนที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายจะลดลง เขาเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้มองคนป่วยที่หายใจเข้าสม่ำเสมอ

โตขนาดนี้แล้วหรือ…

เขาใช้นิ้วชี้แตะไปยังข้อมือบางที่มีสายน้ำเกลือเจาะเข้าที่หลังมือ เส้นเลือดสีเขียวจัดดูชัดเจนจนน่ากลัว เขายกท่อนแขนตัวเองขึ้นมอง ผิวสีแทนเข้มตัดกับผิวขาวจัดของอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตอนเด็กเขาเคยสงสัยมานานแล้วว่าทำไมผิวของเขาและใบบุญถึงได้ต่างกันขนาดนี้ มารดาและบิดาเขาเป็นคนผิวขาวเหลืองค่อนไปทางผิวแทนทั้งคู่ ไม่ใช่ผิวขาวจัดเช่นนี้

ข้อมูลที่เขาได้รับรู้ ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดจะหาความจริง ถ้าหากใบบุญเป็นลูกของชายชู้ที่ว่า เขาก็น่าจะหาข้อมูลของผู้ชายคนนั้นได้ไม่ยาก เมื่อมารดาเอาแต่ปฏิเสธอย่างเดียว คนที่จะให้ข้อมูลเขาได้ก็มีเพียง คุณป้าของเขาเท่านั้น น่าแปลกที่เขาติดต่อคุณป้าไม่เคยได้ราวกับหายตัวไป มีเพียงการโทรมาทางโทรศัพท์นานๆครั้งว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ส่วนเอกสารข้อมูลพวกใบเกิดและเอกสารทะเบียนราษฏ์ของใบบุญ ถูกเก็บซ่อนอย่างมิดชิด

ราวกับกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง

นึกเหตุผลไม่ออกว่าเรื่องราวทั้งหมดเชื่อมโยงกันอย่างไร สรุปแล้วใบบุญเป็นน้องชายที่สืบสายเลือดเดียวกับเขาหรือไม่ หรือเป็นใครก็ไม่รู้ที่เข้ามาด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ น้องชายที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กมีความลับปิดบังซ่อนเร้น หรือเห็นเขาเป็นเพียงไอ้โง่ที่วิ่งตามหาความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนคนบ้า ความรู้สึกเหมือนถูกหักหลังจากคนที่รักมาตลอด

รักแล้วใช่ว่าจะเกลียดไม่ได้..

“พะ พี่ธัช..”

“ว่าไง”

“หิวน้ำ”

“ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง เดี๋ยววูบอีกหรอก”

“อื้อ ดีขึ้นแล้ว” เขารับแก้วน้ำจากชายหนุ่มไปดื่ม ดวงตากลมเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังเป็นเวลาเกือบตีหนึ่งแต่ภาพที่เขาเห็นตรงหน้า ธัชธรรม์ยังอยู่ในชุดนักศึกษาเหมือนเดิม “พี่ธัชกลับบ้านก็ได้นะ ผมอยู่คนเดียวได้”

“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” สายตาคมดุตวัดมองอย่างไม่พอใจอีกครั้งจนเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก “กูจะอยู่จะไปก็เรื่องของกู ดูแลตัวเองให้หายเถอะ ไม่ต้องมายุ่ง”

“คะครับ”

“กินเสร็จแล้วก็นอนลงไป อย่าซนไม่เข้าเรื่อง”

“ครับ”

“ยังจะมองอีก บอกให้นอนลงไป”

“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

“เออ รู้ว่าโตแล้ว ถ้าดูแลตัวเองได้กูคงไม่มายืนหัวโด่ตรงนี้หรอก”

“ครับ” เขาก้มหน้างุด “ขอโทษครับ”

“แม่บอกว่าตื่นแล้วโทรหาด้วย” ธัชธรรม์ยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้ “เอาของกูไปใช้ก่อน ของมึงแบตหมดไปแล้ว”

“ครับ”

“เดี๋ยวกูมา รออยู่ที่นี่ ห้ามไปไหน” เขาพยักหน้าเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะเปิดประตูห้องออกไป ใบบุญมองโทรศัพท์ในมือด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ภาพหน้าจอเป็นรูปชายหนุ่มกำลังร้องเพลงบนเวที เป็นภาพที่เขาเคยกดเซฟเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ใบบุญกดเข้าไปที่ปุ่มโทรออกแล้วกดโทรหามารดาทันที รออยู่ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ

“แม่..”

“ใบบุญ? ดีขึ้นหรือยังลูก” 

“ดีแล้วครับ ไข้ลดลงบ้างแล้ว”

“ตอนแรกพี่ชายหนูเขาบอกว่า หนูแค่เพลียสะสม แล้วทำไมถึงไม่สบายได้ล่ะลูก” ทับทิมถามด้วยความเป็นห่วง หลายปีให้หลังมานี้ใบบุญไม่ค่อยจะเจ็บป่วยเท่าไหร่ เธอจึงวางใจอีกครั้ง “อาทิตย์ก่อนก็เพิ่งป่วยไป แม่เป็นห่วงแล้วนะ”
“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ ต่อไปจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้”

“แล้วพี่ธัชล่ะลูก”

“ออกไปข้างนอกครับ เดี๋ยวคงมา”

“พี่เขาว่าอะไรหนูหรือเปล่า บอกแม่ได้นะ แม่จะไปผลัดแทนพี่เขา”

“มะ ไม่ครับ ไม่ได้ว่าอะไร” เขาตอบมารดา ก่อนจะเลือกถามคำถามที่เขาตะขิดตะขวงใจมานาน เขาขบริมฝีปากแน่น “เอ่อแม่.. ผมถามอะไรแม่หน่อยได้ไหมครับ”

“อะไรหรือจ๊ะ”

“พ่อกับแม่จริงๆผมคือใครหรือครับ” ใบบุญกำผ้าห่มไว้แน่น หัวใจเต้นระรัวอย่างบอกไม่ถูก เขารู้มาตั้งหลายปีแล้วว่าตัวเองไม่ใช่ส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ ชื่อผู้ให้กำเนิดเขาใบใบสูติบัตรทั้งสองคนก็ไม่ใช่พ่อแม่ของเขาในปัจจุบัน อันที่จริงแล้ว เขาเป็นใครกันแน่ “ผมอยากรู้..”

“พี่ธัชถามอะไรหนูหรือเปล่า” เขาจับกระแสน้ำเสียงของมารดาได้ว่าสั่น แต่เขาอยากรู้คำตอบของเรื่องทั้งหมดจริงๆ

“ไม่ครับ ไม่ได้ถาม อันที่จริง ผมก็อยากรู้มานานแล้ว”

“….”

“แม่ครับ ผมไม่อยากให้พี่ธัชเกลียดมากไปกว่านี้แล้ว” น้ำตาคลอจนอยากจะร้องไห้ เขาเหมือนคนไร้ตัวตนมากขึ้นไปทุกที “แม่บอกความจริงกับผมได้ไหม..”

“เสร็จหรือยัง ทำไมยังไม่นอนอีก” เสียงเปิดประตูพร้อมเสียงทักของธัชธรรม์จนเขาหันไปมอง ใบบุญรีบปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลอยู่รอมร่อ เขาไม่อยากให้เป็นที่ผิดสังเกต

“ค่อยคุยกันนะครับแม่.. พี่ธัชมาแล้ว ครับ สวัสดีครับ” เขามองคนที่เพิ่งเข้ามาในห้อง ชุดนักศึกษาถูกเปลี่ยนเป็นชุดลำลองสบายๆแล้ว คงจะไปอาบน้ำมาแล้ว เขายื่นโทรศัพท์คืนธัชธรรม์ ค่อยๆมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม “ขอบคุณนะครับที่ให้ยืม”

“อืม นอนได้แล้ว”

“แล้วพี่จะนอนยังไง”

“กูนอนของกูได้แล้วกัน”

“ไม่ไปข้างนอกหรือครับ” เขาถาม ปกติธัชธรรม์มักจะมีงานร้องเพลงตามอีเว้นท์หรือบางครั้งก็ไปขลุกอยู่ในสตูดิโอของหิรัญมากกว่า นานๆทีเขาถึงจะเจอชายหนุ่มอยู่บ้านสักครั้ง

“พูดมาก จะนอนไม่นอน” ชายหนุ่มเริ่มไม่สบอารมณ์อีกครั้ง เดินไปปิดไฟก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา “กูปิดไฟแล้วนะ นอน!”

“ครับ”

“ป่วยแล้วพูดมากชิบหาย”

“ไม่ป่วยก็พูดครับ แต่พี่ไม่เคยฟัง”

“อย่ามายอกย้อน ไอ้เด็กบ้านี่” ธัชธรรม์ตอบ ก่อนเสียงบ่นงึมงำของชายหนุ่มจะหายไป เด็กหนุ่มมองแผ่นหลังกว้างในความมืด นึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเขาแค่คนเดียวที่รู้สึกอย่างนั้นก็ตาม..

“พี่ธัช.. นอนแล้วหรือครับ”

“….”

“ขอบคุณนะครับ”

“….”

“….”

“เออ”


ใบบุญตื่นแต่เช้าเพราะโดนปลุกให้ลุกขึ้นมากินยา ร่างกายที่ร้อนผ่าวหลังจากที่ได้พักผ่อนเต็มที่เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาก ดวงตากลมสีน้ำตาลสุกใสลอบมองชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังนอนตะแคงอยู่บนโซฟาไม่ห่างจากเตียงคนไข้ที่เขานอนมากนัก เขามองใบหน้าคมคร้ามของชายหนุ่มที่นอนนิ่งสนิท หันไปมองนาฬิกาใกล้ถึงเวลาเรียนเต็มที ในใจนึกลังเลเขาไม่อยากให้ธัชธรรม์ต้องมาขาดเรียนเพราะเขา ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณ ไม่อยากจะฟังคำพูดค่อนแคะจากอีกฝ่ายอีกแล้ว

เด็กหนุ่มก้าวลงจากเตียงพร้อมสายน้ำเกลือ เขาแตะไปที่ผิวเนื้อของธัชธรรม์เบาๆ อีกฝ่ายลืมตาขึ้นอัตโนมัติจนเขาตกใจแทบตาย เกือบหัวใจวายตายแล้วไหมล่ะ โธ่เอ๊ย!

“พี่ธัช ไม่ไปเรียนหรือครับ” เขาถามอีกฝ่ายที่กระพริบตาปริบๆ ริมฝีปากสวยขยับเชื่องช้า ก่อนที่ดวงตาคมจะเหลือบมองมาที่เขา

“ไม่ไป” เขาลุกขึ้นนั่งจัดผมให้เข้าทรง มานอนต่างที่แล้วเขารู้สึกนอนหลับไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่แถมยังปวดหลังอีกต่างหาก “หายแล้วหรือไงถึงมาเดินซ่า ขึ้นไปอยู่บนเตียงเดี๋ยวนี้เลย”

“แต่ว่า….”

“รีบๆหายจะได้กลับไปเรียน”

“ผมหายแล้ว”

“แน่ใจ?”

“จริงๆ ไม่เชื่อถามพี่พยาบาลก็ได้” เขาโบ้ยไปที่คนอื่นทันที ก็กินยาไปตั้งเยอะแถมยังนอนพักตั้งนาน ไม่ได้รู้สึกมึนหัวเหมือนเมื่อวานแล้วด้วย “จริงๆนะครับ”

“พูดมากขนาดนี้ไม่น่าจะหายนะ”

“ไม่ว่าผมสักวันจะเป็นอะไรไหมครับ” เขาอยากจะตะครุบปากตัวเองที่เผลอพูดอะไรก็ไม่รู้ออกไป อีกฝ่ายจ้องเชาเขม็งแทบจะกินหัวอยู่แล้ว

ฮือ น่ากลัว

“กูว่ามึงตอนไหน” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเดินตรงมาที่เตียง เขากระเถิบจนชิดผนังทันที “ไหนลองพูดมาสิ.. ใบบุญ”

“อะไรนิดหน่อยก็ว่า.. ก็ดุไปหมด พูดดีๆไม่เป็นหรือครับ” คนตัวเล็กไม่กล้าสบตา พูดอุบอิบในลำคอจนอีกฝ่ายต้องเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ เขาอยากจะกัดลิ้นตายมันตรงนี้ ออกไปห่างๆได้ไหม!

“เป็น แต่ไม่อยากพูด”

“ผมคุยกับพี่มากไปคงจะลำบากใจ ผมไม่คุยก็ได้” เขาสะบัดหน้าหนี อยู่ๆในอกมันก็ร้อนผ่าว รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีสิทธิ์จะไปน้อยใจอะไร แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ เขาไม่อยากจะมาเสียน้ำตาให้โดนสมน้ำหน้าสักหน่อย เด็กหนุ่มรีบมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม พลิกตัวหนีธัชธธรม์

“อืม”

“ผมดีขึ้นมากแล้ว พี่กลับบ้านเลยก็ได้จะได้ไม่ต้องลำบากมาดูแลผม” เขาพูดเสียงเบา ไม่ยอมหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ยังยืนอยู่ที่เดิม แต่เงาสูงของชายหนุ่มยังคงทาบลงมา

“ไม่หายแล้วยังซ่า” มือหนาแตะเข้าที่หน้าผากขาวนวล ใบบุญสะดุ้งเฮือกหลับตาปี๋ “ไข้ลดลงแล้วนี่.. อย่าดื้อให้มันมากนักจะได้ไหม ห้ะ?” เสียงดุพร้อมสัมผัสอุ่นจากฝ่ามือยังคงทิ้งความร้อนเอาไว้ คนป่วยหน้าร้อนผ่าวแทบจะมุดตัวหนีเข้าไปในผ้าห่ม เมื่อกี๊เขาฝันไปหรือเปล่า ยกมือบีบแก้มตัวเองเบาๆจนรู้สึกเจ็บ

ไม่ ไม่ใช่ความฝัน..

“…”
“คราวนี้ไม่เถียงแล้วล่ะ” ธัชธรรม์ยืนกอดอก เขามองเด็กหนุ่มที่ดิ้นอยู่ในผ้าห่มอย่างนึกสงสัย ไม่รู้เป็นอะไรของเขา

“จะคุยกับกูดีๆได้ไหม ออกมาจากผ้าห่มได้แล้ว”

“ไม่! ผมไม่อยากคุยด้วยแล้ว” ขืนโผล่หน้าไปตอนนี้ได้รู้กันพอดีว่าเขาเขินแค่ไหน “ผม.. ผมอยากนอนพัก”
ฮือ ไอ้มังกรช่วยด้วย.. เขินจะตายอยู่แล้ว

“กล้าปฏิเสธหรือ” แค่อีกฝ่ายไม่สนใจเขาก็รู้สึกหงุดหงิด อยากจับตัวเด็กหนุ่มขึ้นมาเขย่าแล้วถามเหตุผล แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่สบายและต้องการพักผ่อน คราวนี้เขาจะยอมอ่อนข้อให้ก็ได้ “จะคุยไม่คุย”

“ไม่!”

ไอ้เด็กดื้อ!

“ใบบุญ” เขาถอนหายใจและผ่อนเสียงเบาลง ธัชธรรม์ใช้เสียงที่มีเสน่ห์ของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เขาพูดเสียงนุ่มข้างหู “กล้าดื้อกับพี่หรือครับ” อีกฝ่ายโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม ใบหน้าแดงก่ำมองเขาอย่างตกตะลึง ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ยังซีดอ้าพะงาบเหมือนเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

“….”

“เห้ย ทำไมหน้าแดงอย่างนั้นล่ะวะ”

ฮือ ใครก็ได้พาใบบุญออกไปจากตรงนี้ที..



(ต่อด้านล่าง)




หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 6 ] 16-09-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 16-09-2018 10:34:17
(ต่อจากด้านบน)

   ใช้เวลานอนพักอยู่ที่บ้านอีกวันเขาถึงได้มาเรียนได้ปกติ แม่บอกเขาว่าร่างกายเขาอ่อนแอตั้งแต่เด็กไม่อยากให้เขาโหมทำงานมากเกินไปนัก ทับทิมกำชับให้ลูกชายคนโตของบ้านดูแลน้องเล็กให้ดี เขาได้แต่พยักหน้ารับคำของแม่ไม่ได้สนใจสายตาของธัชธรรม์ที่มองมาไม่หยุด เขารีบจ้วงข้าวใส่ปาก ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนวิ่งปร๋อขึ้นไปแต่งตัวเตรียมไปเรียนตอนเช้า เหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารก็ยังมองเขาไม่หยุด 

มองทำไม ไม่เคยเห็นคนหรือไง..

อยากจะถาม แต่เก็บเอาไว้ในใจดีกว่า..

“เดี๋ยวไปเรียนด้วยกัน” เขาตกตะลึงเป็นรอบที่สองของสัปดาห์ เมื่อชายหนุ่มร่างสูงที่ไม่ว่าจะมองตรงไหนก็โซแดมฮอตสุดๆอย่างธัชธรรม์กำลังชวนเขานั่งรถไปเรียนด้วยกัน เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ากระชับแว่นไม่ให้ไหลลงมาจากดั้งจมูก วันนี้มันมีสุริยุปราคา หรืออุกกาบาตที่ไหนจะพุ่งชนโลกหรือเปล่า?

“อ้าว ยืนบื้ออะไร จะขึ้นไม่ขึ้นฮะ?”

“ขึ้นๆครับ” สุดท้ายก็ยังปากหมานเหมือนเดิม!

“วันนี้เป็นอะไรหรือครับ”

“ใครเป็นอะไร”

“ก็ จู่ๆ” เขาไม่รู้จะอธิบายยังไงจริงๆ “พี่ถึงชวนผมไปเรียนด้วยกัน” เสียงในรถเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้น เขาเกร็งไปทั้งตัวกลัวทำรถหรูเปื้อน ไม่อยากโดนด่าจนหูแฉะหรอกนะ

“เรียนวิชาเดียวกัน ก็ไปด้วยกัน”

“คะครับ”

“ทำไม มีปัญหา?” ธัชธรรม์เริ่มขึ้นเสียงแข็ง เขาไม่สบอารมณ์เวลาใบบุญทำเป็นไม่สนใจเขา ยิ่งเห็นใครเข้ามาวุ่นวายเขาก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ อย่างไอ้เด็กนี่มันจะไปทันอะไรใครได้ หน้าตาซื่อๆเซ่อๆแบบนี้คงไม่วายโดนหลอก ชายหนุ่มหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ เขาไม่รู้ว่าทำไมจะต้องเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่เขาเกลียดนักหนา อยากผลักไสให้ไปไกลสายตา แต่อีกใจมันก็เป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก

เขาคงติดไข้มาจากไอ้เด็กนี่แน่ๆ

“มะ ไม่มีครับ” เด็กหนุ่มส่ายหัวพรืด ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์หาเพื่อนให้มาหาเร็วๆ “อ๊ะ เดี๋ยวผมขอลงตรงข้างหน้านะครับ”

“แต่มันเดินไกล”
“ไม่เป็นไรครับ”


“กลัวใครเข้าใจผิดหรือไง”

“หา?”

“กูถามว่ากลัวใครเข้าใจผิดหรือไง”

“ไม่ใช่สักหน่อย พี่พูดอะไรของพี่เนี่ย”

“ได้ งั้นลงไปเลย มึงลงไปเดี๋ยวนี้เลย” ได้ยินเสียงแข็งของชายหนุ่ม ใบบุญรีบเปิดประตูรถออกไปไม่ทันได้มองทางจนโดนมอเตอร์ไซค์เฉี่ยว คนตัวเล็กกลิ้งลงไปนอนกับพื้น ดีที่กระเป๋าเป้ใบใหญ่รองรับเอาไว้ทำให้ไม่กระแทกกับพื้นมากนัก ธัชธรรม์หันไปเห็นก็ตกใจเขารีบเปิดประตูรถออกไปดูเด็กหนุ่ม

“อูย” เขาคลำก้นป้อยๆ ไม่อยากจะนึกสภาพเวลานั่งเรียนเลยว่ามันจะเจ็บแค่ไหน

“เป็นอะไรมากไหม เจ็บตรงไหนบ้าง”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรจริงๆ”

“เดี๋ยวพาไปทำแผล”

“นิดหน่อยครับ ล้างน้ำทายาแปบเดียวก็หาย”

“พี่ธัชคะ ยุ่งอยู่หรอเปล่าคะ พอดีว่ารถจีนเป็นอะไรก็ไม่รู้ รบกวนพี่ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมคะ” เขากำลังทุ่มเถียงยื้อยุดกับธัชธรรม์เรื่องไม่ไปโรงพยาบาล หญิงสาวหน้าตาสะสวยที่เขาจำได้ว่าเป็นดาวคณะปีสองเดินแทรกเข้ามาถามด้วยความร้อนรน เธอชี้ไปที่รถยนต์ที่ขึ้นควันพวยพุ่งจอดอยู่ไม่ไกล ทั้งคู่ชะงักก่อนจะหันไปคุยกับคนมาใหม่

“ไม่ว่าง” ธัชธรรม์ตอบแทบจะทันที เขาอยากจะรู้นักว่าใครปล่อยข่าวเขาเจ้าชู้จีบหญิงไปทั่วกัน ถึงได้มีสาวๆเข้ามาข้องแวะเขาไม่หยุด ใบบุญอ้าปากค้างไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกล้าปฏิเสธกันตรงๆขนาดนี้ ดูเหมือนดาวคณะคนนี้จะเหวอไปเลยเหมือนกัน


“พี่ธัช ไปช่วยพี่จีนเถอะ ผมไม่เป็นอะไร”

“เรื่องของกู มึงอย่ามาบงการ”

“ถือว่าผมขอร้อง”

“ใบบุญ!”

“นะพี่ธัช” ใบบุญพูดเสียงเบา ชายหนุ่มกำข้อมือเขาแน่นจนเจ็บไปหมด เขาไม่อยากให้ธัชธรรม์ต้องมาลำบากใจ เขาไม่ได้เป็นอะไรมากอยู่แล้ว “ไปเถอะ”

“ดีจริงๆ กล้าไล่กูไปหาคนอื่น” เขามองเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะเม้มปากแน่น พยักหน้ารับคำ “ก็ได้ๆ” ธัชธรรม์เดินไปอีกทางก่อนจะจัดการรถยนต์ของหญิงสาวด้วยการเช็คเบื้องต้นและโทรหาช่าง เด็กหนุ่มยืนมองอยู่ห่างๆเขาเห็นชายหนุ่มกำลังพูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าสดใส จัดการจนเรียบร้อยทั้งสองจึงขึ้นรถยนต์สีขาวก่อนจะขับเคลื่อนตัวออกไป เขามองจนลับสายตา ไม่รู้ว่าเผลอกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อตั้งแต่เมื่อไหร่

ไม่เห็นเจ็บเลยสักนิด

ได้เห็นอีกฝ่ายได้อยู่กับใครที่คู่ควร.. แบบนี้มันก็ดีแล้วนี่นา



TBC


หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 6 ] 16-09-61
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 17-09-2018 00:46:00
สงสารใบบุญญญญ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 6 ] 16-09-61
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 17-09-2018 04:07:44
อยากตีพี่ธัชชชช  :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 6 ] 16-09-61
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 17-09-2018 16:55:31
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 7 ] 25-10-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 25-10-2018 12:39:31
Rhyme 7

“ไอ้เด็กอวดดี” ชายหนุ่มพึมพำในลำคอก่อนจะกำพวงมาลัยแน่นจนฝ่ามือหนาขึ้นเส้นเลือดปูดโปน ขบกรามด้วยความโมโหรู้ตัวอีกทีก็ขับรถมาถึงหน้าคณะแล้ว ธัชธรรม์ไม่รู้ว่าตนเองอารมณ์เสียเพราะอะไร นับวันเขาก็ยิ่งทำตัวไร้เหตุผลมากขึ้นไปทุกที

เพราะไอ้ใบบุญแท้ๆ

“พี่ธัชว่าอะไรนะคะ จีนได้ยินไม่ค่อยชัดน่ะค่ะ”

“พี่บอกว่าถึงคณะพอดีเลย” ชายหนุ่มยิ้มหวานแต่รอยยิ้มกลับไม่ขึ้นไปยังดวงตา “งั้นพี่ส่งเราตรงนี้นะ พี่มีธุระต้องไปทำต่อ” เขาปลดล็อกประตูก่อนจะผายมือไปทางอีกฝั่ง หญิงสาวหน้าม้านไปทันทีไม่คิดว่าโอกาสที่ได้มาง่ายๆกลับไม่สามารถที่จะสานความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มคนนี้ได้เลย ริมฝีปากสีชมพูอ่อนฉ่ำวาวเม้มแน่นสนิท เธอกำมือแน่นเพราะความตื่นเต้น ใช่สิ แค่ได้อยู่ใกล้ธัชธรรม์ เป็นใครก็ต้องตะลึงในความหล่อร้าย เธอเป็นถึงดาวคณะที่มีชื่อเสียง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเมินเธอ

“คือ..จีน คือว่า”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“จีนอยากจะขอไลน์พี่ธัชไว้ได้ไหมคะ”

“อ้อ” เขาร้อง ปรายตามองหญิงสาวที่บิดตัวแล้วบิดตัวอีก เขาเดาะลิ้น ไม่คิดจะสนใจเรื่องชู้สาวมานานแล้ว แต่ถ้ามีบ้างมันก็แค่สีสันในชีวิตเท่านั้น

ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป..

เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะเปิดแอปพลิเคชั่นสีเขียว หญิงสาวรับมือถือไปจับด้วยความดีใจ กดชื่อไอดีตัวเองลงไปอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตสีดำสนิทประกายระยิบระยับ ขนตางอนเป็นแพสวยสั่นไหวน้อยๆ ดูแล้วช่างน่าทะนุถนอมเหลือเกิน หญิงสาวพงกหัวเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะผลักประตูรถออกไป

“เดี๋ยวสิครับน้องจีน” เขาเหลือบมองเห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ ระยะจากสายตาต้องเห็นว่ารถเขาจอดอยู่ตรงนี้แน่ ชายหนุ่มยิ้มหวานเรียกหญิงสาวที่ทำหน้าตาสงสัย “จะไม่ให้รางวัลพี่หน่อยหรือครับ” นิ้วชี้เรียวยาวชี้ไปที่แก้มซ้ายของตัวเอง สายตาคมจ้องมองเหยื่อตัวน้อยตรงหน้า กลิ่นอายและบุคลิกหล่อร้ายมันทำให้หญิงสาวใจสั่น โน้มตัวลงไปจุมพิตที่แก้มสากของชายหนุ่ม

“จีนไปก่อนนะคะ แล้วจะทักไปค่ะ”

“บายครับ” ธัชธรรม์โบกมือก่อนจะลงจากรถ เขาหันไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ ใบบุญกำลังจับข้อศอกซ้ายของตัวเองเอาไว้ รู้สึกปวดหนึบเพราะแรงล้มเมื่อกี๊ จนเขาต้องโทรบอกกรวีร์ว่าจะขึ้นไปเช็คชื่อที่ห้องแล้วจะไปศูนย์พยาบาลเลยขอให้กรวีร์เก็บชีทเรียนให้เขาด้วย เงยหน้ามองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นฉากบาดตา หญิงสาวโน้มตัวลงหอมแก้มของธัชธรรม์อยู่ตรงหน้า วินาทีนั้นใจเขาแทบหล่นไปที่ตาตุ่ม มันเจ็บแปลบเข้าที่กลางอกอย่างบอกไม่ถูก ดวงตากลมเบิกโพลงอยู่หลังแว่นตากลมหนาขุ่น เด็กหนุ่มกำมือแน่น เขาก้มหน้างุดไม่ยอมหันไปมองใครบางคนที่กำลังจ้องมาทางนี้

เจ็บจนหายใจไม่ออก..

“จะไปไหน” ธัชธรรม์ร้องทักเด็กหนุ่มที่กำลังเดินผ่านหน้าเขาไป ใบบุญชะงักก่อนจะหันมาเชื่องช้า เขาลอบสังเกตเห็นใบหน้าขาวของเด็กหนุ่มซีดเซียวกว่าเมื่อเช้าเสียอีก

“พี่ธัชมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“คนอย่างกูต้องมีอะไรด้วยหรือถึงจะคุยกับมึงได้” เริ่มไม่สบอารมณ์เมื่ออีกฝ่ายไม่สบตาเขา แถมยังยืนเว้นระยะห่างเหมือนเขาเป็นเชื้อโรค เขามองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมเผ้ายุ่งเหยิงเนื้อตัวสภาพเลอะเทอะไปทั้งตัวจนดูแทบไม่ได้ “สภาพแบบนี้มึงจะไปเรียนเนี่ยนะ กูว่าต้องให้แม่พามึงไปทำประกันชีวิตหน่อยละ”

“ผมจะเป็นจะตายแล้วมันไปหนักหัวพี่ตรงไหน” ใบบุญไม่พอใจเหมือนกันที่โดนถากถาง ทุกครั้งที่เขาเก็บงำหรือไม่โต้เถียงเพราะเขาไม่อยากทำตัวไม่น่ารักให้ธัชธรรม์ไม่พอใจ แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร ผู้ชายคนนี้ก็ไม่เคยคิดจะสนใจความรู้สึกของเขาอยู่แล้ว

รักที่มีแต่น้ำตา..

“มึงกล้าเถียง?”

“ถอยไป!” เขาโมโหจนหน้ามืด ยอมรับว่าหึงธัชธรรม์กับหญิงสาวคนเมื่อกี้ เขาเผลอพูดเสียงดังจนแทบตะคอกด้วยซ้ำ ชายหนุ่มมองเขาตาเขม็งเส้นเลือดโผล่ตรงข้างขมับ เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธจัด ถ้าเขาเป็นตัวซวย.. ตัวโชคร้าย ก็เลิกวุ่นวายกับเขาสักที

“ใบบุญ!”

“อย่ามายุ่งกับผม!” เขาตะคอกใส่อีกคน มือไม้สั่นระริกไปหมด เป็นครั้งแรกที่เขาอยากจะร้องไห้ออกมาตรงนี้ “ปล่อยผมไปสักทีได้ไหม”

“กูวุ่นวายกับชีวิตมึงมากไปอย่างนั้นสินะ”

“….”

“อย่าสำคัญตัวผิดมากนักเลย” เขาเงียบ อีกฝ่ายเดินเข้ามาประชิด “เพราะแม่ขอร้อง กูถึงได้เข้าใกล้มึง”

“ที่พี่เป็นห่วงก็เพราะแม่หรอกหรือ” เขาถาม รู้สึกสะอึกในลำคอ มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกราวกับโดนน้ำเย็นสาดจนชาดิกไปทั้งตัว ที่ธัชธรรม์พาเขาไปโรงพยาบาล ช่วยดูแลมาส่งเขา ก็เพราะว่าแม่ขอร้อง..

“ใช่.. ที่กูทำลงไปก็เพราะเห็นแก่แม่”

“งั้นพี่ก็ไม่จำเป็นต้องมาห่วงผมแล้วล่ะ” เขากลั้นเสียงสะอื้น ยกมือเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม รู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกินที่คิดว่าเขารู้สึกดีกับเราบ้างแล้ว “ผมดูแลตัวเองได้”

“ปากเก่งนักนะมึง” ธัชธรรม์มองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังขู่ฟ่อ ถ้าเป็นลูกแมวก็คงกำลังกางเล็บพร้อมจะข่วนเขาเต็มที่ สภาพเด็กหนุ่มตอนนี้เสื้อนักศึกษาหลุดลุ่ยออกมานอกกางเกงแถมยังเลอะเทอะไปหมด ตรงข้อศอกมีเลือดไหลอาบจนเปียกชุ่ม แผลใหญ่ขนาดนั้นแต่ไม่บอกเขาว่าเจ็บสักคำ ธัชธรรม์คว้าข้อมือน้องชาย ต่อให้มันดื้อแค่ไหนเขาก็จะต้องพามันไปหาหมอให้ได้

“ปล่อยผมนะ” เจ้าตัวดิ้นพล่าน จะอ้าปากงับแขนเขาอยู่หลายรอบ ตั้งแต่เล็กจนโตเขาและใบบุญทะเลาะกันนับครั้งได้ ต่อให้จะโมโหแค่ไหน ใบบุญก็จะเชื่อฟังเขา ยอมฟังเขาทุกอย่าง ทั้งๆที่ควรเป็นอย่างนั้น..

เวลามันทำให้คนเปลี่ยนไปได้จริงๆ

“พี่ธัช นี่มันเรื่องอะไรกัน ปล่อยเพื่อนผมเดี๋ยวนี้นะ” กรวีร์รู้สึกเอะใจถึงได้เดินออกมาตามหาเพื่อน ถึงได้เห็นใบบุญกับธัชธรรม์กำลังฉุดกระชากกันอยู่ เขากลอกตามองบน ถ้าไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องที่โตมาด้วยกันเขาคงคิดว่าเป็นคู่แฟนงี่เง่าที่ตีกันเช้าเย็น

ไอ้คู่นี่เอาอีกแล้ว..

“ไอ้กร กูไม่อยากจะแตะต้องมันหรอกนะ สกปรก!” ธัชธรรม์ปล่อยมือจนอีกฝ่ายเซไปหากรวีร์ ชายหนุ่มเช็ดมือข้างตัว ร้องเหอะออกมาก่อนจะผลุนผลันเดินเข้าตึกคณะไปอย่างรวดเร็ว ใบบุญมองตามทั้งน้ำตา อยากจะร้องไห้โฮออกมาเสียงดัง

“มึงเป็นยังไงบ้าง ทำไมสภาพมึงเละแบบนี้วะเนี่ย” กรวีร์กันมามองเพื่อนเต็มตาถึงได้ตกใจ เยินขนาดนี้เขาไม่เรียกโดนเฉี่ยวแล้ว เขาประคองเพื่อนไปที่รถยนต์ของตัวเองก่อนจะพาไปส่งที่ศูนย์พยาบาล เด็กหนุ่มนั่งสะอึกสะอื้นไม่หยุด

“ฮึก ฮือ”

“เจ็บมากเลยหรอวะ” เขาถาม นั่งทำแผลอยู่ไม่นานใบบุญก็ออกมานั่งพักข้างนอก เจ้าหน้าที่ให้ยาแก้ปวดมากินเพราะแผลขนาดใหญ่ แถมยังต้องมาล้างแผลทุกวันด้วย ซวยจนไม่รู้จะซวยยังไงจริงๆ

“เจ็บ เจ็บมาก”

“ทำแผลเสร็จตั้งนานแล้วแม่งยังร้องไห้ไม่หยุด มึงเจ็บอยู่หรอ” เขาชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ จงใจถามคำถามจี้ใจดำจนอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตากลมสีน้ำตาลแดงช้ำไปหมด

“เจ็บจริงๆมึง กูเจ็บตรงนี้” เด็กหนุ่มทาบมือลงที่อกข้างซ้าย หัวใจยังคงเต้น เขายังหายใจอยู่ แต่มันปวดร้าวบาดลึกยิ่งกว่าใครจะรู้ เป็นเขาเองที่เห็นแก่ตัวไม่อยากจะรับรู้ว่าธัชธรรม์จะมีใคร

“ใบบุญ มึง” กรวีร์มองเพื่อนแล้วก็รู้สึกสงสาร ครั้งแรกที่รู้ว่าใบบุญชอบใครเขาก็คิดว่ามันเป็นไปแทบไม่ได้ “นานแค่ไหนแล้ววะที่เป็นแบบนี้ มึงชอบเขามาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“กูไม่รู้” เขาส่ายหัว แค่นึกถึงน้ำตาก็ไหลออกมา “กูรู้สึกไม่โอเคเลยจริงๆ”

“เดี๋ยวกูจะพามึงไปคลายเครียดเอง” เขาตบบ่าเพื่อน

แล้วมึงจะได้รู้ว่าผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก!

+++

แสงไฟระยิบระยิบราวกับหมู่ดาวพร่างพรายอยู่เหนือหัว แต่ในสถานที่นี้มันคือแสงจากหลอดไฟเล็กๆที่ประดับประดาอยู่ในสถานบันเทิงชื่อดังใจกลางเมือง ผู้คนแน่นขนัดตั้งแต่หัวค่ำเพราะระบบจองที่นั่งล่วงหน้าทำให้เหล่านักท่องเที่ยวยามราตรีที่จะเข้ามาเปิดโต๊ะภายในวันนี้จะต้องเป็นระดับ VIP ขึ้นไป ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโต๊ะชั้นสองในมุมที่สามารถเห็นเวทีเล็กๆด้านล่างได้ เขาขยับแก้วเหล้าสีอำพันไปมาจนเสียงน้ำแข็งกระทบดังแกร๊ง ท่วงท่าสง่างามเมื่อประกอบกับใบหน้าคมเข้มที่พระเจ้าบรรจงแต่งปั้นมาอย่างพอดิบพอดีทำให้สาวๆที่อยู่บริเวณใกล้เคียงลอบส่งสายตาเชิญชวนอยู่ไม่ขาด

ดวงตาคมกริบจ้องมองร่างบางที่กำลังโยกย้ายเรือนร่างอยู่บนเวที เสียงทรงพลังก้องกังวาลจนเขาไม่อาจละสายตาได้เลย มันตราตรึงใจราวกับเขาคุ้นเคยมันมาก่อน วงหน้าขาวแย้มยิ้ม ดวงตากลมสุขสกาวกำลังมองลงมาเบื้องล่างและกวาดขึ้นไปมองด้านบน ใบบุญก่อนจะชะงักเมื่อเห็นธัชธรรม์กำลังจ้องมอง ร่างสูงหนาในชุดเสื้อแจ็คเก็ตมีฮู้ดและกางเกงยีนธรรมดา ยังไม่อาจปกปิดเสน่ห์ที่แผ่กระจายมาพร้อมกับฟีโรโมนที่ดึงดูดผู้คนได้ เด็กหนุ่มหันหน้าหนีรีบปรับสีหน้าให้เข้าที่ ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับแฟนคลับที่มาออหน้าเวที

“ไม่ไปหาล่ะ เด็กมึงนี่” หิรัญดันข้อศอกไปทางเพื่อนที่จ้องมองคนบนเวทีตาหวานฉ่ำ ส่วนตัวเขาได้แต่นั่งเขี่ยแก้วเหล้าไปเรื่อย เพราะไม่มีอารมณ์อยากจะมาเที่ยวแต่เพื่อนเขามันลากมาจนได้

“ยังไม่ถึงเวลา”

“เออ ระวังเหอะหมาจะคาบไปแดก!” เขาพูดเสียงดัง อยากเห็นมันโดนน้องไบร์ททิ้งจริงๆ

“เอาเวลามาด่ากูไปหาเด็กของมึงเถอะ” ธัชธรรม์ปรายตามอง ก่อนจะส่ายหัวไปมา

“กูไม่มี กูโสด” หิรัญอยากจะวิ่งขึ้นไปคว้าไมโครโฟนประกาศมันเสียตอนนี้ว่าเขาอ้างว้างมานานแค่ไหน “ใครจะใจเริงเหมือนมึงล่ะ อ่อยเขาไปทั่ว” เขาแขวะเพื่อนที่ยังทำหน้ามึนอยู่นั่น

“กูไม่เคยอ่อยใคร”

“น้องจีนป่าวประกาศไปทั่ว ว่ามึงจีบเขา ไอ้ธัชเอ๊ย” ดาวคณะคนสวยก็ยังเสร็จมันจนได้ ข่าวกระจายไปเร็วมาก อีกหน่อยต้องมีศึกชิงนายกันเกิดขึ้นแน่นอน

“แค่คุยกันเฉยๆ ไม่มีอะไร”

“แต่น้องเขามีไง ปวดกบาลจริงๆ ไม่อยากจะคิด อีกหน่อยต้องมีผู้หญิงมาวิ่งไล่จับมึงอีกแน่” เขาไม่อยากจะคิดสภาพ ชื่อเสียงความดังมันมาพร้อมกับปัญหาจริงๆ

“กูไปหาไบร์ทก่อนนะ”

“เออ ไปไกลๆเลยมึงอะ” ธัชธรรม์ปลีกตัวออกมาจากหิรัญที่ยังบ่นเป็นหมีกินผึ้ง เขาค่อยๆลัดเลาะผ่านผู้คนจนเข้ามาเกือบถึงเวที คนตัวเล็กในชุดสูธอ่อนสีดำกากเพชรระยิบระยับ เมื่อโน้มตัวลงมาคุยหยอกล้อกับแฟนคลับ ผิวขาวน้ำนมก็โผล่พ้นออกมาจากเสื้อ จนกระทั่งยอดอกสีอ่อนโผล่วับแวม แสงไฟสะท้อนเข้ากับโลหะสีเงินเป็นวงกลมที่เจาะเข้าที่ยอดอกสีสวย ชายหนุ่มขมวดคิ้วเขาเข้าไปยืนใกล้ๆจนอีกฝ่ายเบือนหน้าหนีไม่สนใจ

คิดจะเมินกัน?

เขายืนคุมเชิง มองผู้คนเริ่มเบียดกันเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มมากขึ้น สต๊าฟออกมาส่งสัญญาณว่าให้กลับเข้าไปด้านในได้แล้ว แต่ดูเหมือนความชุลมุนจะมีมากกว่าที่คิด เมื่อมีมือใครสักคนโผล่พรวดเข้ามากระชากเสื้อนักร้องคนเก่ง ร่างเล็กไม่ทันตั้งตัวจึงไปตามแรงดึงจนหน้าคว่ำร่วงจากเวที

“ไบร์ท!” เขายื่นมือเข้าไปคว้าเด็กหนุ่มได้ทันก่อนจะร่วงลงมายังแฟนคลับที่รอทึ้ง ชายหนุ่มใช้ร่างสูงใหญ่คุ้มกันคนตัวเล็กที่กำลังตกใจไม่ให้ใครเข้ามาถึงตัวได้ “เป็นอะไรไหม” ใบบุญเงยหน้ามองไปตามเสียงเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ตกใจรีบถอยห่าง

“ปล่อยผม” เขานิ่วหน้าเมื่อข้อศอกที่ยังปวดแปลบกระแทกเข้ากับแผงอกของชายหนุ่ม

“เจ็บตรงไหน” เขาตัดสินใจช้อนคนตัวเล็กขึ้นอุ้ม ใบบุญทำหน้าเหวอ เกาะเกี่ยวตัวเองเอาไม่ให้หล่นแทบไม่ทัน ทุกสายตาจับจ้องเป็นตาเดียว พร้อมทั้งแหวกทางออกเมื่อเห็นธัชธรรม์ เสียงฮือฮาดังมากขึ้นกว่าเดิมพร้อมเสียงซุบซิบที่ดังมาเป็นระยะ

“คุณ!”

“อยู่เฉยๆน่า” เขาปล่อยคนตัวเล็กลงบนโซฟา พลิกซ้ายพลิกขวาเมื่อไม่เห็นมีบาดแผลตรงไหนจึงนั่งลงข้างๆ ใบบุลอบกลืนน้ำลายรีบกระเถิบถอยห่างจากชายหนุ่ม

“หายไปไหนมา” ธัชธรรม์ถาม เขาจ้องเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งหลังตรงเหม่อมองไปทางอื่น กล้ามากทั้งๆที่เขายังอยู่ตรงนี้แต่ยังเมินกันได้!   

“ทำไมผมต้องบอกคุณ” ใบบุญเชิ่ดหน้า ใช้ดวงตาคู่สวยมองกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “หรือว่าคุณอยากให้ผมรับผิดชอบเรื่องคืนนั้น เราก็วินวินทั้งคู่ ผมไม่ได้ซีเรียสอะไร”

“ทั้งๆที่เป็นครั้งแรกน่ะหรือ” ชายหนุ่มตอกย้ำ ใช้เสียงแหบพร่าและร่างกายหนั่นแน่นโน้มตัวเข้ามาคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนี ไม่อยากสบสายตาอันตรายนั่น แม้ร่างกายจะต่อต้านแค่ไหนแต่หัวใจกลับอ่อนปวกเปียกราวกับเทียนไขโดนไฟลน

อันตรายจริงๆ


(ต่อด้านล่าง)




 
 
 


หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 7 ] 25-10-61
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 25-10-2018 12:40:40
(ต่อจากด้านบน)


“ถ้าคิดจะเอาเรื่องนั้นมาผูกมัดผม.. เชิญคุณกลับไปใช้มุกเก่าๆกับผู้หญิงของคุณเถอะ” เขาบอกตามตรงก่อนจะจุดยิ้มหวาน เท้าแขนกับโซฟาเอียงคอเล็กน้อย ลำคอขาวผ่องที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อสีดำสนิทยิ่งขลับให้เสน่ห์เย้ายวนของคนตรงหน้าเพิ่มมากขึ้น “ผมขอตัวนะครับ..อ๊ะ”

มือหนาคว้าลำคอขาวผ่อง และอีกข้างใช้ตระกรองกอดด้วยอ้อมแขน กดเอวบางเข้ากับตัว คนตัวเล็กกว่าส่งเสียงอู้อี้เมื่อริมฝีปากถูกกวาดคว้านด้วยลิ้นอุ่นร้อน ลมหายใจปัดป่ายใกล้ชิด อุณหภูมิรอบตัวคล้ายกับจะร้อนขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มดันแผงอกหนาเอาไว้ ยิ่งเบียดร่างกายให้ออกจากการถูกเกาะกุมเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะยิ่งไปเพิ่มเชื้อไฟให้คนตรงหน้ามากขึ้นเท่านั้น

“หยุดนะ” ใบบุญพูดเสียงเบา เริ่มหอบหายใจยากลำบากเพราะถูกสูบลมออกไปจนแทบตั้งตัวไม่ทัน

“อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะลืมกันได้จริงๆ”

“มีใครเคยบอกไหมว่าคุณหลงตัวเองเป็นบ้า”

“ไม่มีนะ” เขาเลิกคิ้ว ทำหน้างุนงง “ผมหลงตัวเองตอนไหน ผมหลงแค่คุณต่างหาก..”

“อื้อ! คุณธัช!” ริมฝีปากสวยคู่นั้นที่ชอบพ่นคำหยาบคายใส่ก้มลงมาดูดดึงเนื้ออ่อนยิ่งลิ้นสากแตะลากไล้ที่ห่วงเงิน ใบบุญกระตุกเฮือกความเสียวแล่นพล่านไปทั้งร่างกาย

“แค่นี้ก็จะไม่ไหวแล้ว”

“คุณรู้ได้ยังไง”

“คุณสั่นไปทั้งตัวเลย เอางี้ ผมไม่แกล้งคุณดีกว่า” เขายิ้ม ก่อนจะถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกจนเหลือแค่เสื้อมกล้ามตัวบางติดตัว “เพราะผมจะทำจริง”

“คุณ ไอ้บ้า! ปล่อยนะ ผมตะโกนจริงๆด้วย” เขารู้ว่าห้องพักไม่ได้ล็อคแต่ก็ใช่ว่าใครจะเข้ามาได้ง่ายๆ เพราะมีการ์ดคุมอยู่หน้าตลอดเวลา ถ้าทำอะไรกันในนี้เสียงได้เล็ดลอดออกไปข้างนอกแน่

“ใครๆเขาก็รู้ว่าคุณกับผมเป็นอะไรกัน”

“มั่วที่สุด ผมไปเป็นอะไรกับคุณตอนไหนมิทราบ”

“เป็นตั้งแต่คืนนั้นแล้ว” ธัชธรรม์พูดเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมชาติ เขาทั้งอึ้งทั้งงงไปหมด “หรือว่าคุณไม่กล้าที่จะยอมรับ?” ชายหนุ่มตวัดเอวของอีกคนให้เข้ามาใกล้ ใบหน้าแดงเห่อร้อนทำเอาธัชธรรม์หัวเราะหึในลำคอ ภาพที่ใครต่อใครเห็นบนเวทีกับตัวจริงที่อยู่กับเขาช่างแตกต่างกันเหลือเกิน

“ทำไมจะไม่กล้า!”

“งั้นคุณก็มาเป็นแฟนผมซะสิ”

“ได้! เห้ย คุณพูดบ้าอะไรเนี่ย” ใบบุญตกตะลึง มองชายหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ “นี่มันจะไปกันใหญ่แล้วนะ!”
“สมยอมกันทั้งสองฝ่ายๆ แฟร์ดี”

“แล้วผู้หญิงของคุณล่ะ! นี่อย่าจับอะไรมั่วซั้วนะ” เขาตีมืออีกฝ่ายเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรยุบยับที่สะโพก เขาล่ะปวดหัวกับพ่อปลาหมึกตัวนี้จริงๆ!

“ผมไม่คิดจริงจังกับใครอยู่แล้ว” ธัชธรรม์เกลี่ยแก้มขาวของอีกฝ่าย ยอมรับอย่างแมนๆว่าถูกใจไบร์ทอย่างถอนตัวไม่ขึ้น มันมีความรู้สึกบางอย่างที่เขาคุ้นเคยและอยากค้นหา “ยกเว้นคุณ”

“ผมจะเชื่อคุณได้ยังไง เหอะ”

“การกระทำเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้” สายตาร้อนแรงที่ส่งมามันดึงดูดให้เขาจ้องมองอยู่นานสองนานจนลืมไปว่ามันอันตรายแค่ไหน!

“ปล่อยผมนะคุณ.. อ๊ะ” เขาถูกช่วงชิงจูบอีกครั้งคราวนี้ลิ้นร้อนฉ่าไม่ยอมปล่อยเขาให้เป็นอิสระ กวาดต้อนเอาลมหายใจและเพิ่มแรงดูดดึงจนเขาเริ่มตาพร่ามัว มือขาวจับเข้าที่ไหล่ลาดหนาและออกแรงจิกเมื่อถูกยอดอกถูกบีบเค้นจนเขาต้องนิ่วหน้า “อย่านะคุณ ที่นี่ไม่ได้!”

“ไม่มีใครเข้ามาหรอกน่า”

“ไอ้ลามก!”

“ถ้ายังไม่หยุดพูด เดี๋ยวจะให้พูดไม่ได้เลย” ธัชธรรม์ขยี้ยอดอกสีชมพูอ่อนของอีกฝ่ายจนสีมันเข้มขึ้น ใบบุญเชิดหน้าขึ้นอย่างอดทนไม่ไหวก่อนจะเผลอส่งเสียงร้องครวญครางอย่างน่าอายออกมา มือขาวรีบตะครุบริมฝีปากตัวเองเอาไว้

“คุณมันโรคจิต!”

“หึ ผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” เขาก้มลงฝากรอยช้ำเอาไว้ที่ซอกคอขาว ทั้งขบเม้มและออกแรงกัดเล็กน้อยจนคนตัวเล็กส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสงสาร มือที่ว่างฟ้อนเฟ้นไปตามเนื้อขาวนวลที่นุ่มนิ่มไปหมด เขาแตะไล่ลงไปยังกางเกงที่คับพองเพราะความตื่นตัวบางอย่างแล้วก็ต้องจุดยิ้มหัวเราะ “ร่างกายยังพูดความจริงมากกว่าปากคุณอีก”

“ก็คุณ! อื้อ!”

“แยกขาออก” เขากระซิบข้างหู เอนร่างบางลงไปนอนแผ่บนโซฟารูดซิบกางเกงออกมาจนเห็นชั้นในสีขาว ดูแล้วน่ารักไม่เหมาะกับลุคเซ็กซี่ของอีกฝ่ายสักนิด “แบบนั้นแหละเด็กดี”

“ฮื่อ ไม่เอา”

“มันจะไม่เจ็บเหมือนครั้งที่แล้วแน่ๆ”

“ไม่จริง”

“ไม่เชื่อใจงั้นหรือ”

“ผมไม่เชื่อคุณหรอก คุณมันจอมหลอกลวง”

“คราวนี้พี่จะทำเบาๆ” เขาปลอบโยนเด็กขี้แยที่เริ่มสะอื้นไห้ไม่หยุด เด็กหนุ่มแอ่นอกขึ้นมาเมื่อถูกปนเปรอจนตาลาย ราวกับร่างกายกำลังถูกแผดเผา มันร้อนรุ่มจนอยากจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกไปให้หมด “ไม่ต้องกลัวนะ”

ใบบุญไม่คิดว่าธัชธรรม์จะอ่อนโยนได้ขนาดนี้ เขารู้ว่าชายหนุ่มก็มีมุมแบบนี้บ้างเหมือนกันแต่เขาก็ไม่เคยเห็นมานานแล้ว มือขาวสอดเข้าที่กลุ่มผมดำสนิท ธัชธรรม์ป้อนจูบให้เขาไม่ขาดส่วนมือที่ว่างก็พยายามตระเตรียมช่องทางของเขาให้พร้อม ตอนนี้ใบบุญรู้สึกเหมือนยอดอกเขากำลังจะขาด เขาหายใจถี่รัว เหมือนจะขาดใจตายให้ได้

“ไม่ต้องเกร็งนะ พี่เข้าไม่ได้”


“อะ อื๊อ” เขารู้สึกแปลกๆจนต้องส่งเสียงร้อง อีกฝ่ายจูบซับที่ข้างแก้มเขาไม่หยุด

“ไบร์ท.. ” ชายหนุ่มเรียกเขา “ผ่อนคลายหน่อย” สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและทะนุถนอม ซึ่งใบบุญคงไม่มีวันจะได้รับ แค่คิดน้ำตามันก็พาลจะไหลออกมาอีกรอบ

“ฮึก ฮือ”

“ไม่ร้อง” มือที่ว่างของชายหนุ่มจัดการปลดเสื้อสูทสีดำออก เผยยอดอกสีสวยที่กำลังแข็งเกร็งเพราะแรงอารมณ์ เขาก้มลงดูดดึงใช้ฟันแข็งแรงขบกัดจนคนตัวเล็กสั่นกระตุกไปทั้งตัว เสียงร้องเรียกที่เต็มไปด้วยความต้องการยิ่งทำให้ธัชธรรม์ออกแรงมากขึ้นจนตุ่มไตสีสวยเคลือบไปด้วยน้ำชุ่มชื่นแวววาว ชายหนุ่มไล่ลงมาที่ท่อนแขนบาง ใบบุญเบ้หน้าเบาๆด้วยความเจ็บเขาสูดปากไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมา

“ตรงนี้เป็นอะไร” เขาทำหน้างุนงง เมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกเหมือนพันด้วยผ้าอะไรสักอย่างนูนขึ้นมาเล็กน้อย

“ปล่อยผมไปเถอะ” เขาวางทับมือตัวเองลงบนมือหนาก่อนจะค่อยเลื่อนมือธัชธรรม์ออก อยู่ๆก็รู้สึกตัวชาวาบ เขาไม่อยากจะคิดว่าถ้าหากพี่ชายรู้ว่าเขาเป็นใคร มันจะเกิดอะไรขึ้น เขายังไม่พร้อม..

“ทำไมล่ะ เจ็บตรงไหน บอกพี่สิ” ชายหนุ่มดูตกใจมาก ถามเขาด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก “ล้มเมื่อกี๊ใช่ไหม?”

“ผมไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น” ริมฝีปากอุ่นร้อนยังคลอเคลียที่แก้มขาวไม่ห่าง เด็กหนุ่มตั้งสติไม่ตัวเองหลงใหลไปกับความวาบหวามนั่น ธัชธรรม์แตะลิ้นลากไล้ลงมาตามซอกคอขาวหอมกรุ่น สูดดมกลิ่นกายหอมอ่อนๆเข้าไปเต็มปอด เขาบดเบียดร่างกายแน่นหนั่นของตัวเองทาบทับลงไปเชื่องช้า ราวกับสัตว์ผู้ล่าที่กำลังเขมือบเหยื่อ

“โกรธอะไรพี่?”

ปึง!

“อ้าว ทำไมผมเข้าไม่ได้ล่ะครับ” เสียงโวยวายหน้าประตูของกรวีร์ ทำให้เขาสะดุ้งเฮือกรีบผละออกมาจากชายหนุ่มเขาแอบลอบถอนหายใจก่อนจะดึงเสื้อขึ้นมาใส่ให้เรียบร้อย สมเพชตัวเองชะมัด แค่ธัชธรรม์เข้ามาใกล้นิดหน่อยก็อ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว นี่มันอันตรายจริงๆ

“ผม…” เขาพูดเสียงเบา “อยากกลับแล้ว”

“อย่างน้อยให้พี่ติดต่อเราได้บ้าง”

“ผมไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับใคร”

“แล้วพี่ล่ะ..” ดวงตาคมเข้มจ้องมอง ติดตรึงไม่ให้เขาหลีกหนีไปไหนได้เลย “ไบร์ทก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยใช่ไหม”

“ผม..”

“อ้าว ไบร์ท พี่ธัช?” เสียงผลักประตูเข้ามาทำให้ทั้งคู่หันไปมองผู้มาใหม่ กรวีร์เกาหัวแกรกทำหน้างุนงงสงสัย เขามองไปยังเพื่อนสนิทที่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือ เขาไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นอยู่กับธัชธรรม์เขาก็รู้สึกหม่ะนไส้ขึ้นมาทุกที “เมื่อกี๊เห็นเฮียบอกว่าหน้าเวทีมีปัญหานิดหน่อย ก็เลยรีบมาเลยเนี่ย มึงไม่เป็นอะไรใช่ไหม” กรวีร์มองด้วยสายตาเป็นห่วง เขารู้ว่าใบบุญช่วงนี้ร่างกายอ่อนแอ เขาเลยกังวลมากเป็นพิเศษ

คนบ้าอะไรเข้าโรงพยาบาลเหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2

“ไม่เป็นไร กลับเถอะ” เด็กหนุ่มดันตัวขึ้นจากโซฟา ร่างบางเกือบจะเซไปอีกทางเพราะร่างกายไม่ค่อยมีแรง

“ไบร์ท เดี๋ยวก่อน เรายังคุยกับพี่ไม่รู้เรื่องเลย”

“ผมไม่คุย” เขาตวัดเสียงเข้ม ไม่ยอมหันหน้าไปมองด้วยซ้ำ “เลิกยุ่งกับผมได้แล้ว”

“ว้าว เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย” กรวรีร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ชายหนุ่มยอมรับว่าหมั่นไส้ธัชธรรม์สุดๆ เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าพ่อหนุ่มซุปเปอร์สตาร์ของวงการแรปรู้ว่าคนที่ตัวเองตามหาตามจีบเอาเป็นเอาตายคือน้องชายตัวเองที่เกลียดนักหนามันจะเป็นยังไง

แค่คิดก็มันส์แล้ว.. หึ!

“เกี่ยวสิ ไบร์ทเป็นแฟนพี่”

“หา” กรวีร์แหกปากไม่พอยังพูดพร้อมทำตาโต ในที่สุดธัชธรรม์ก็พูดออกมาเต็มปากเต็มคำ เขามองเพื่อนตัวเองที่หน้าซีดไปเรียบร้อย “ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับพี่ธัช”

“กร!!” ใบบุญหันไปถลึงตาใส่เพื่อนที่ยังล้อเลียนไม่เลิก

“มึงเขินหรือวะไบร์ท” กรวีร์ได้ทีก็แซวเพื่อนใหญ่ หัวเราะท้องคัดท้องแข็งไม่เลิก

“ผมขอร้อง คุณอย่าพูดอะไรมั่วๆออกมาอีกนะ!” เขาหันไปบอกชายหนุ่ม ดูเหมือนว่าธัชธรรม์ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ รีบสาวเท้าเข้ามาใกล้ เขาเบี่ยงตัวหลบไม่ยอมให้แตะตัวเขาได้อีกแล้ว

“พี่พูดจริงๆ”

“แต่ผมไม่เอาคุณเป็นแฟนแน่”

“พี่ไม่ยอมแพ้หรอก”

“คุณ!!” เขาเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้วนะ

“เราก็มาดูกันว่า คนอื่นจะเชื่อพี่หรือจะเชื่อไบร์ท” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาอยากจะทุบคนตรงหน้าเหลือเกิน!

“คุณขู่ผม?”

“พี่ไม่ได้ขู่สักหน่อย พี่แค่ทำในสิ่งที่ใจพี่ต้องการ”

“ใจเย็นๆนะครับทุกคน ค่อยๆคุยกัน” กรวีร์เข้าไปแทรกกึ่งกลาง เมื่อเห็นเพื่อนโมโหหน้าแดงก่ำไปหมด เขารู้ว่าใบบุญไม่อยากเข้าใกล้ธัชธรรม์เพราะกลัวอีกฝ่ายจะรู้ความจริง

“กร กูจะกลับแล้ว”

“มึงแน่ใจนะว่าคุยรู้เรื่องแล้ว ถ้าพี่เขามาตามหามึงอีกจะให้กูตอบยังไง”

“ไม่ต้องบอกอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาด้วย!”

“อ้อ” กรวีร์เดาะลิ้น ก่อนจะหันไปยิ้มแฉ่งให้ “ตามนี้นะครับพี่ธัช” ชายหนุ่มเริ่มคิ้วกระตุก เขาจะไม่ชอบขี้หน้ากรวีร์ก็วันนี้แหละ

กวนตีนชะมัด

“ไบร์ท”

“เราไม่ควรจะรู้จักกัน คุณเลิกยุ่งวุ่นวายกับผมเถอะ” ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ชายหนุ่มก็คว้าข้อมือเขาเอาไว้ก่อนจะจับจูงออกไปจากห้อง “โอ๊ย ปล่อย”

“ขอยืมตัวเพื่อนแปบนะ”

“ไม่ต้องรีบคืนนะพี่” กรวีร์โบกมือลา มองสองคนที่เดินผ่านหน้าเขาไป ใบบุญหันมองหน้าอย่างขอความช่วยเหลือ เขาได้แต่ถอนหายใจ การจะแส่เข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่น โดนเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องที่เขาไม่ชอบอยู่แล้ว แล้วยิ่งเขารู้ว่าใบบุญก็ชอบธัชธรรม์ขนาดไหน ชายหนุ่มส่ายหัวตัวเขาเองก็จนปัญญาเหมือนกัน

เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง!

   ตอนนี้ใบบุญกำลังอารมณ์พุ่งขึ้นถึงขีดสุด ธัชธรรม์อุ้มเขาออกมาทั้งอย่างนั้น จนใครต่อใครที่เห็นต่างมองเป็นเรื่องปกติ ปกติบ้าอะไรกัน แทนที่จะช่วยห้ามปรามกลับยิ้มกรุ้บกริ่มกันไปหมด ขนาดเฮียยังไม่สนใจแถมยังให้เขารีบไปกับธัชธรรม์เร็วๆด้วย เขามาทำงานนะ ไม่ช่วยลูกน้องในสังกัดตัวเองแบบนี้มันบ้าที่สุด ไอ้เฮีย!

“ผมไม่ใช่สิ่งของที่คุณจะจับโยนไปไหนมาไหนก็ได้นะ” เขาขบฟันแน่น อยากจะข่วนหน้าธัชธรรม์เหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายมีร่างกายใหญ่โตและสามารถจะล็อคเขาไว้ได้ด้วยมือข้างเดียว บางทีเขาอาจจะทุบชายหนุ่มสักทีแล้วก็วิ่งหนีไป

ดูเหมือนมันจะเป็นความคิดที่ยากไปนิด เพราะตอนนี้เขากำลังอยู่บนรถสองต่อสองกับชายหนุ่ม!

“รู้น่า พี่ก็ไม่ได้จับโยนเราสักหน่อย พี่อุ้ม”

“ไอ้!”

“พูดเพราะๆหน่อยสิครับ เดี๋ยวโดนทำโทษนะ” ธัชธรรม์หันมายิ้มกรุ้มกริ่มใส่ เขารู้สึกดีที่ได้แกล้งคนตัวเล็ก ยิ่งเวลาแก้มขาวมันพองเพราะความโกรธเขาก็อยากจะเข้าไปบีบสักทีว่ามันจะนิ่มอย่างที่คิดเอาไว้ไหม

“เลิกเล่นลิ้นได้แล้ว! ผมจะกลับ จอดรถให้ผมลงเดี๋ยวนี้” เขางอแง ทำหน้าบูดบึ้ง นี่เขากำลังโมโหนะ หัวเราะอยู่ได้! โมโหชิบหายเลยแม่ง!

“นั่งพักให้ใจเย็นๆก่อน” ชายหนุ่มจอดรถข้างทาง มองออกไปด้านหน้าเป็นเชิงสะพานข้ามแม่น้ำ นับว่าเป็นจุดชมวิวที่เหมาะแก่การพาคู่รักมาชื่นชมทีเดียว แต่เขาไม่ใช่ และเขาไม่อยากจะอยู่ใกล้ธัชธรรม์มากไปกว่านี้แล้ว!

ก่อนที่มันจะถลำลึกจนเกินไป..

“ไม่! ผมจะตะโกนให้คนช่วย ชะ อื้อ!” ธัชธรรม์ช้อนใบหน้าคนตัวเล็กเอาไว้ก่อนจะป้อนลิ้นร้อนพร้อมทั้งขบเม้มไปทั่ว อีกฝ่ายดิ้นขลุกขลักอยู่สักพักก่อนจะยอมอยู่นิ่งๆให้เขารังแกได้เต็มที่

“เด็กดื้อก็ต้องถูกทำโทษ”

“นี่มันในรถนะคุณ เดี๋ยวคนมาเห็นจะทำยังไง นี่ อย่ามาจับนะ” ใบบุญตีมือปลาหมึกที่วนเวียนอยู่แถวสะโพก ไม่รู้ว่าไปตายอดตายอยากมาจากไหน เจอเขาทีไรเป็นต้องจับกลืนลงท้อง

“มันร้อนขนาดนี้แล้ว ให้พี่ช่วยดีกว่า” ชายหนุ่มหมายถึงแก่นกายร้อนที่พองตัวอยู่ภายใต้กางเกงของอีกฝ่าย ใบบุญหน้าม้านเมื่อถูกชายหนุ่มจับได้ เขาพยายามปัดป้องเต็มที่แต่เมื่อถูกกระตุ้นยังจุดอ่อนไหว ร่างกายที่แข็งขืนมันก็ค่อยๆลดการต้านทานลง

“อื้อ อย่า”

“กลัวคนเห็นหรือ ตื่นเต้นกว่าปกติใช่ไหม”

“คุณมันโรคจิต!” เขาตะคอกทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ การถูกจับผิดในเรื่องแบบนี้ไม่มีใครเขาอยากจะยอมรับทั้งๆที่ความจริงมันทนโท่อยู่ตรงหน้าหรอก-----โว๊ย เขาอยากจะบ้า!

“พี่รู้ว่าไบร์ทชอบ”

“ผมไม่เคยพูดสักคำ อ๊ะ อย่านะ ปล่อยก่อน” เด็กหนุ่มเริ่มดิ้น เมื่อซิปถูกรูดลงจนสุด มือหนาคว้าแก่นกายร้อนเอาไว้ก่อนจะรูดรั้งด้วยแรงช้าสลับเร็ว ใบบุญเบ้หน้าเพราะความรู้สึกแปลกๆเริ่มแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย เขายอมรับอย่างแมนๆว่าเคยช่วยตัวเองเพราะนึกหน้าของธัชธรรม์ พออีกฝ่ายมาทำให้เขาแบบนี้ บอกตรงๆมันแทบจะเสร็จตรงนี้เดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ

อาการนักละไอ้ใบบุญ..

“อย่าดิ้นสิ อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราทำอะไรกันหรือไง”

“แฮ่ก ฮื่อ.. ปล่อยผม” เขาร้องเสียงพร่า ไม่ได้รู้ตัวเองสักนิดว่าท่าทางและสายตาที่ฉ่ำปรือแบบนี้มันยั่วให้ชายหนุ่มอดกลั้นมากแค่ไหน

“พี่ปล่อยแน่.. ตอนที่ไบร์ทเสร็จนะ”

“เดี๋ยว! ทำอะไรเนี่ย” เขาร้องลั่นเมื่อเห็นธัชธรรม์กำลังก้มลงใช้ริมฝีปากครอบครองตัวตนเขาไปจนหมด นี่มันบ้าไปแล้ว! “มันสกปรกนะคุณ เงยหน้าขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย! อ๊ะ อ๊า ฮึก อย่า มัน อึก” เขาร้องไม่เป็นภาษาอีกฝ่ายไม่หยุดให้เขาเลย มันน่าโมโหที่สุด!

“มันรู้สึกดีไหม”

“ตะตรงนั้น”

“ตรงไหน” เขาถามย้ำ เมื่อใช้ลิ้นร้อนลามเลียไปบริเวณส่วนอ่อนไหวก็เห็นคนตัวเล็กกระตุกเฮือก เขายิ้มก่อนเร่งลงมืออีกครั้ง

“ฮื่อออออออ” นิ้วมือเรียวยาวเคลื่อนเข้าไปจับกลุ่มผมสีดำของชายหนุ่มทั้งสองข้าง เขาไม่สามารถขยับสะโพกไปไหนได้เพราะถูกแรงหนักของอีกฝ่ายกดทับเอาไว้ ตอนนี้ใบบุญรู้สึกเหมือนจะตาย เขาจะตายแล้วใช่ไหม.. “มะไม่เอาแล้ว”

“ไม่ได้หรอกมาถึงขั้นนี้แล้ว” ธัชธรรม์หัวเราะแผ่วเบา “เด็กดีต้องเชื่อฟังพี่นะ”

‘เด็กดีต้องเชื่อฟังพี่นะครับ ใบบุญ’

‘ถ้าหนูเป็นเด็กดี พี่ธัชจะพาหนูไปกินขนมใช่ไหม’

‘ใช่ กินให้พุงแตกไปเลยดีไหม’

‘ไม่เอาพุงแตก ใบบุญกลัว’


‘ก็ได้ๆ งั้นกินแต่พอดี แต่ว่าเรื่องนี้ต้องเป็นความลับของเราสองคน ห้ามบอกแม่นะ’

‘ได้ฮะ ความลับของเราสองคน ใบบุญสัญญา.. จะเป็นเด็กดี’

ใบบุญดึงตัวเองกลับจากความคิดที่ชอบดึงให้เขาจมลงไปในความรู้สึกเก่าๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่บนปุยเมฆนุ่มนิ่ม เด็กหนุ่มตาปรือฉ่ำหวาน เอนร่างกายไปตามเบาะรถยนต์ที่ถูกปรับจนสุด เขาเหลือบมองก้อนกลุ่มผมสีดำที่ขยับขึ้นลง นี่เขาฝันไปหรือเปล่า ธัชธรรม์กำลัง เอ่อ กำลัง..

“อย่าทำแบบนี้”

“ทำไมล่ะ”

“มันสกปรก ไม่เอา ออกไปก่อน” เด็กหนุ่มร้องถามเสียงผะแผ่ว “นะ”

“พี่เต็มใจ พี่อยากจะทำ”

“แต่..”

“ไม่มีแต่ทั้งนั้น ไม่ต้องกังวลอะไร” ชายหนุ่มยิ้ม ค่อยๆตะล่อมเจ้าลูกแมวจอมดื้อให้เชื่อฟังเขาแต่โดยดี อีกฝ่ายกำลังมึนงงจากสิ่งที่เขาปนเปรอไปเมื่อครู่ ยังไม่มีสติเต็มร้อย “ค่อยๆแยกขาออกนะ”

“อะ อื้ม” ใบบุญร้องคราง “มันรู้สึกดี.. อึก”

“เห็นไหมพี่บอกแล้ว” ธัชธรรม์ยังคงทำให้อีกฝ่ายสบายใจด้วยการพูดปลอบโยน “ถ้าไบร์ทผ่อนคลายมันจะยิ่งดีกว่านี้”

“อย่าโกหกผม..”

“พี่ไม่มีทางโกหกหัวใจตัวเอง” อยู่ดีๆน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ..

“ฮึก ฮือ”

“ไม่ร้องนะคนดี..” ธัชธรรม์เกลี่ยหัวตา ค่อยๆซับน้ำตาอย่างแผ่วเบาให้คนตัวเล็ก ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกแปลกประหลาดกับคนตรงหน้า มันเป็นความรู้สึกอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยคลับคล้ายคลับคลาราวกับเคยรู้จักมาเนิ่นนาน นิสัยเย่อหยิ่งที่เข้าใกล้แล้วจะเปลี่ยนเป็นคนละคน ขี้แย แถมยังปากแข็ง เหมือนเขาไม่มีผิด.. ธัชธรรม์ชะงักกึก เวลานี้เขาดันไปนึกถึงน้องชายนอกคอกที่เขาไม่คิดจะเหลียวแล มองเป็นก้อนฝุ่นที่เกะกะสายตา

ไม่ใช่หรอกมั้ง.. มันจะเป็นไปได้ยังไง

เขายังจดจำสายตาคู่นั้นได้เสมอ ดวงตากลมโตสน้ำตาลเข้มที่มองมาทางเขาเสมอ ไม่ว่าเขาจะพบเจอกับอะไรก็ตาม เขาก็มั่นใจว่าจะเด็กตัวอ้วนกลมคนนั้นจะวิ่งเข้ามา แม้จะไม่มีเรี่ยวแรงจะไปต่อกรกับใครได้ ต่อให้คนทั้งโลกจะก่นด่าเขามากมายเท่าไหร่

‘หนูจะอยู่ข้างพี่ธัชเอง’

   “คุณ..” ธัชธรรม์หลุดออกจากพะวัง เขามองเดกหนุ่มที่กำลังทอดกายอยู่ตรงหน้า “มันรู้สึกแปลกๆ”

“ตรงนี้หรือ”

“อื้อ” ใบบุญเบิกตาโพลงเมื่อถูกสัมผัส “อะ อะไรน่ะ” เด็กหนุ่มตัวสั่นระริกเมื่อช่องทางเล็กแคบถูกบุกรุกด้วยนิ้วอุ่นร้อน ดวงตากลมรื้นไปด้วยหยาดน้ำสีใส เมื่อความเจ็บแสบถูกแปรเปลี่ยนเป็นความสุขสม เสียงครางเครือดังออกมาริมฝีปากคู่สวย ธัชธรรม์ค่อยๆนำพาให้อีกฝ่ายไต่อารมณ์ไปพบกับความรู้สึกเสียวซ่าน เขาจุดยิ้มมองเรือนร่างขาวโพลนที่กำลังยั่วเย้าเป็นที่สุด คราบน้ำสีใสที่มุมปากทำให้เขาก้มลงไปชิมความหวาน ใช้ลิ้นอุ่นร้อนกวัดกวาดดูดดึงจนมือขาวต้องกำแน่นเข้าที่ไหล่หนา มือที่ว่างของเขายังไม่หยุดทำงาน ดุนเข้าดันออกปรับสภาพร่างกายให้พรั่งพร้อมจะรับความใหญ่โตของเขาได้

“ชอบไหม” เขากดจูบที่ข้างแก้มก่อนยกเรียวขาขาวให้พาดที่ลาดไหล่หนา เขาขบเม้มไปตามน่องขาเรียวที่ไร้เส้นขน ยิ่งเนื้ออ่อนตรงท่อนขาเขาใช้ลิ้นดุนดันพร้อมทั้งดูดจนขึ้นเป็นสีกุหลาบจ้ำไปหมด

“อย่าทำรอยนะ”

“ทำสัญลักษณ์ว่าพี่เป็นเจ้าของ ไม่ดีหรือ”

“คิดว่าคุณทำได้อยู่คนเดียวหรือไง” เด็กหนุ่มคว้าลำคอของอักฝ่ายโน้มลงก่อนจะดูดดึงจนเกิดเสียงน่าอาย ใบบุญไม่สนใจถ้าหากธัชธรรม์อยากจะแสดงความเป็นเจ้าของกับเขา เขาก็จะทำบ้างเหมือนกัน

“ทำตรงนี้กลัวคนอื่นไม่เห็นหรือไง”

“คนอื่นก็จะได้รู้ไง คุณน่าจะชอบ”

“ร้ายจริงๆ” เขายิ้ม ชักนิ้วที่กำลังคาเอาไว้ออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพรั่งพร้อมที่จะเป็นของเขาแล้ว ลูบไล้ท่อนแข็งแกร่งที่พร้อมจะสู้รบ ใบบุญไม่กล้าเหลือบมองสักนิด เขาอายเกินกว่าจะมองได้ “ผ่อนคลายนะ”

“อะ อืม” รู้สึกแน่นตึงกว่าความเจ็บก่อนท่อนร้อนจะถูกดันเข้ามา ธัชธรรม์ป้อนจูบให้เขาไม่ขาด ไม่ให้เขาไปเพ่งนึกถึงส่วนล่าง ช่วยให้เขาผ่อนคลายมากขึ้น สองขาเรียวยาวตวัดรัดเอวสอบที่กำลังเสือกไสตัวตนเข้าไปจนสุด เสียงครวญครางผะแผ่วดังขึ้นเป็นระลอกเมื่อถูกจุดอ่อนไหว เขาก้มลงจูบซับเหงื่อให้คนตัวเล็ก

“แน่นชิบ”

“อ๊ะ อื้อ”

“จับพี่เอาไว้”

“อึก อ๊ะ”

“ไม่เจ็บนะ”

“ไม่เจ็บ แต่มัน..” เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำเมื่อเงยหน้าขึ้นไปสบสายตาร้อนแรง ผิวกายเสียดสีกันจนเกิดความร้อน มีเหงื่อชื้นแฉะ เขาหลุบตาลง จนเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวเข้าออก “ฮื่อ..”

“ทำไมหน้าแดงแบบนั้น ร้อน?” ขายหนุ่มเสียงแหบพร่า กำลังสะกดอารมณ์ตัวเองไม่ให้ทำรุนแรงเกินไปนัก “หรือว่าเขินกันแน่”

“ปละเปล่า อ๊ะ..” ดันแผงอกหนากำยำของคนตรงหน้าเอาไว้ “ช้าหน่อยได้ไหม”

“อะไรนะ พี่ไม่ได้ยิน” มือหนาเลื่อนลงไปหยอกเย้าจุดอ่อนไหวที่กำลังแข็งตัวของเขา ใบบุญร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ไม่เคยชินกับเรื่องแบบนี้สักที ยิ่งเห็นคนตรงหน้าเขินอายแทบจะม้วนตัวเองเป็นก้อนนุ่น เขารีบดึงดันเข้าออกอย่างรวดเร็ว ก้มลงประกบปากส่งความหวานเมื่อกำลังจะไปถึงฝั่งฝัน เด็กหนุ่มกระตุกเฮือกสั่นระริกไปทั้งตัวผวาเข้ากอดธัชธรรม์แน่น

“อื๊อ”

“เลอะเทอะไปหมดเลย” เขากอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ไม่ยอมทอดถอนออกไปจากร่างกายของคนตัวเล็ก “ถอดเสื้อได้ไหมพี่จะเช็ดตัวให้”

“มะไม่เป็นไร” ใบบุญตอบ เขาดึงดันไม่ยอมจะถอดเสื้อออกเพราะไม่อยากให้ธัชธรรม์เห็นแผลที่ข้อศอก เขาไม่อยากตอบคำถาม ไม่อยากเห็นสายตาอบอุ่นแปรของอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นสายตาเกลียดชังอย่างที่เขาเคยเจอ

เขากลัว..

“อย่าดื้อน่า”

“คุณก็อย่าดื้อ!” เขาใช้สองมือกระชากใบหน้าหล่อเหลาลงมาก่อนจะป้อนจูบหวาน เป็นการปิดปากและให้หยุดเรื่องที่จะพูดซะ! “พูดมากจริงๆ”

“ถ้าพูดมากแล้วโดนแบบนี้พี่ก็อยากจะพูดทั้งวัน” เสียงหัวเราะดังออกมาจนเขาอยากจะมุดหน้าลงกับพื้น ให้ตายเถอะ ไม่มียางอายเลยใช่ไหม!

“บ้า!”

“ให้พี่ช่วยแต่งตัวไหม”

   “หยุดความคิดน่ารังเกียจของคุณซะ” เขาพูดโดยไม่ปรายตามองคนข้างๆเลยสักนิด ค่อยๆสวมเสื้อผ้าจนเสร็จเรียบร้อย ธัชธรรม์ได้แต่มองและอมยิ้ม

“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มมันทำให้เขาอยากจะทุบให้ใบหน้าหล่อๆนั่นมีแผลซะบ้าง ธัชธรรม์เดินลงไปจากรถ เขาหยุดยืนที่สะพานข้ามแม่น้ำ แสงไฟระยิบระยับส่องประกายของตึกสูงในยามค่ำคืนมันช่างงดงามแข่งกับแสงดาวบนท้องฟ้าเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายขนาดนี้ เขายืนสูดอากาศจนพอใจ ก่อนจะเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม

“คุณ..”

“ว่าไง?”

“เราไปโรงแรมกันได้ไหม”

“ได้สิ”

เด็กหนุ่มมองคนตัวโตที่นอนสลบไสลไม่ได้สติ คาดว่าอีกฝ่ายคงจะเหนื่อยกับการซ้อมดนตรีและทำเพลงใหม่กับหิรัญแน่ๆ เขาแตะลากไล้ไปตามสันจมูกโด่งสวย ริมฝีปากคู่นี้ที่พร่ำบอกว่า ‘รัก’ เขาตลอดทั้งคืน ธัชธรรม์ยอมเปิดเผยความรู้สึกและตัวตนให้เขารู้จัก ชายหนุ่มยังคงเป็นผู้ชายที่น่าทึ่งสำหรับเขาเสมอ ผู้เป็นพลังและแรงบันดาลใจให้เขาทำสิ่งที่รัก

‘พี่รักไบร์ทนะ’

‘คุณมันใจง่าย’

‘พี่ไม่อยากจะทรมานตัวเองมากกว่า ชีวิตคนเรามันสั้นนะ พี่คิดหรือพี่รู้สึกอะไรก็อยากบอกไปเลยดีกว่า’

‘คุณชอบผมเพราะอะไร’

   ‘เหมือนพี่เจอใครสักคนที่พี่คุ้นเคยกับเขาเหลือเกิน มันไม่มีเหตุผลมากมายนักหรอก ถ้าเราจะรักใครสักคนจริงๆ’

‘ผมเนี่ยนะ จะไปเหมือนใครในชีวิตคุณได้’

‘หลังจากนี้ก็ช่วยรับพี่ไว้ในชีวิตสักคนได้หรือเปล่า’

ทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงด้วยกลิ่นบุหรี่ที่ธัชธรรม์ชอบสูบ มันลอยเคว้งคว้างกระจายกลืนไปกับกลิ่นเอกลักษณ์ของการร่วมรัก เขาหอบหายใจและหมดแรงจากกิจกรรมไปกี่รอบไม่อาจจะนับมันได้ครบถ้วน แต่จูบรสบุหรี่ยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น เซ็กซ์ที่เกิดขึ้นเพราะเขายินยอมและพร้อมใจให้มันดำเนินไปตามอารมณ์และความรู้สึกที่ตรงกัน มันคือการร่วมรัก..

แต่รักที่เกิดจากการหลอกลวงและปิดบังตัวตนที่แท้จริง เขาไม่นับว่ามันเป็นความรักหรอก

มันคือการเห็นแก่ตัว..

เขาเกลี่ยไล้ไปตามกรอบหน้าได้รูปสวย เขาชอบผิวแทนสีเข้มของชายหนุ่มเหลือเกิน ใบหน้าที่นอนหลับสนิทดูไร้พิษสงราวกับเด็กน้อย เขาปรารถนามาตลอดชีวิตว่าอยากจะมีโอกาสได้เคียงข้างชายหนุ่มในฐานะอื่นที่ไม่ใช่น้องชาย มันคงจะเป็นได้แค่ความฝันที่ตื่นมาแล้วก็ลืม เป็นได้แค่ควันจากบุหรี่ที่ลอยเจือจางและหายไปจากอากาศ เป็นได้แค่ซินเดอเรลล่าที่ถึงเวลาเที่ยงคืนก็ต้องไป จางหายไปตลอดกาล..

ทิ้งไว้แค่ความทรงจำบางเบาที่พร้อมจะปลิดปลิวไปได้ทุกเมื่อ เขาพยายามบังคับไม่ให้น้ำตามันไหล เขารู้ว่าตัวเองร้องไห้เยอะเกินไปแล้ว แต่อย่างน้อยมันก็เป็นน้ำตาของความสุข

“ใบบุญก็รักพี่ธัชเหมือนกัน”

ลาก่อน..



TBC.
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 7 ] 25-10-61
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 25-10-2018 15:02:24
สนุก  ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 7 ] 25-10-61
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 26-10-2018 07:14:56
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 8 ] 27-10-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 27-10-2018 13:09:00
Rhyme 8

   ‘ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน.. แค่เธอไม่เป็นอะไรก็ดี

ไม่ว่าวันนี้เธอจะอยู่ที่ไหน ฉันก็จะรออยู่ที่เดิมต่อไป

แม้จะกระวนกระวายคิดถึงเธอตลอด อยากจะรู้

ตอนนี้เธอคิดถึงกันหรือเปล่า..’

เสียงร้องทรงพลังของชายหนุ่มฟังแล้วศร้ามากกว่าปกติ เขาถอดเฮดโฟนสีดำออกจากหัวหันไปชูนิ้วกลางให้เพื่อนสนิทที่กำลังโบกมือให้ผ่านกระจกของห้องอัดเสียง ช่วงนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีสมาธิร้องเพลงด้วยซ้ำ อารมณ์มันฟุ้งซ่านกระจัดกระจายไปหมด ธัชธรรม์นั่งลงบนโซฟาสีครีมภายในห้องสูทสุดหรู บนตึกสูงห้าชั้นซึ่งเป็นค่ายเล็กๆของหิรัญ แต่ให้พูดกันจริงๆที่นี่หรูหรายิ่งกว่าโรงแรมห้าดาวด้วยซ้ำ

“ช่วงนี้มึงดูไม่ค่อยดีเลยนะ เป็นอะไรหรือเปล่าวะ” เขาถามเพื่อนสนิทที่ดูหน้าตาบอกบุญไม่รับ แน่ล่ะ หิรัญไม่ใช่คนที่จะจับความรู้สึกเก่งเหมือนคนอื่นๆ เขาถึงไม่เข้าใจว่าเพื่อนกำลังมีปัญหาอะไร ถ้าอยากจะบอกเดี๋ยวก็คงบอกเอง
“เปล่า” นั่นไง มันปากแข็งขนาดนี้เอาอะไรมาง้างก็คงไม่ยอมบอก!

“หรือว่าเกี่ยวกับน้องไบร์ทวะ” หิรัญทำหน้าตาสงสัย หลังจากที่ได้ใช้สมองอันชาญฉลาดของตัวเองครุ่นคิดมันก็มีไม่กี่เรื่องหรอกที่จะทำให้ธัชธรรม์เป็นอย่างนี้ไปได้ “กูไม่ได้อยากจะยุ่งนะ แต่เพลงที่มึงแต่งช่วงนี้หดหู่สัดๆ เล่นกูปรับอารมณ์ไม่ทันเลย”

“ถ้ามึงไม่ไหวเดี๋ยวกูทำบีทเอง” เขาคิดไว้แต่แรกแล้วว่าจะต้องได้สายตาพิฆาตมาแทน หิรัญแทบจะกระเด้งตัวถอยออกมาแทบไม่ทัน เขาโบกมือเป็นพัลวัน

“โอเค กูไม่ถามแล้ว” รีบออกไปห่างๆก่อนที่มันจะกระโจนงับเขาดีกว่า “ดุชิบหาย” หิรัญมองเพื่อนตัวเองที่อารมณ์เสียเดินผลุนผลันออกไปจากห้องอัด หน้าตามันบูดบึ้งมาเป็นเดือนแล้ว เขาถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ ไม่บอกอะไรเขาสักอย่าง มีเพียงสิ่งเดียวที่เขารู้คือมันพยายามตามหาตัวไบร์ท แต่ก็ไม่เคยเจออีกเลย..

ไบร์ท.. หายไปเหมือนไม่เคยมีตัวตน

ทั้งแอคเค้าท์รูปถ่ายหายไปทั้งชาแนล

นี่มันชักจะยังไงอยู่นะ

“เออเฮีย น้องไบร์ทไปไหนอะ” เขาเอ่ยทักโปรดิวเซอร์ที่รู้จักสนิทสนมกันมานาน เฮียกิตเป็นทั้งเจ้าของค่ายเพลงและเข้ามาช่วยพวกเขาทำโปรเจ็คเพลงอยู่หลายครั้ง จึงเหมือนพี่ชายที่เคารพคนหนึ่ง “เดี๋ยวต้องอัดเพลงด้วยกันแล้วนะ”

“พักโปรเจ็คมันไปก่อน” ชายหนุ่มค่อยๆนั่งลงพิงโซฟาพลางทำหน้าครุ่นคิด ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่านักร้องเด็กปั้นของเขามันหายไปไหน รู้อีกทีทุกอย่างมันก็หายไปหมดแล้ว

คงจะอกหักละสิท่า

เขาได้แต่ทอดถอนใจ อย่าทำงานกูเสียแล้วกันมึง!

“ไอ้ธัชก็เป็นหมาบ้าไปแล้ว”

“เอาใจช่วยให้เพื่อนมึงตามหาเจอแล้วกัน” เฮียกิตยิ้มที่มุมปาก เขามองชายหนุ่มที่มีเค้าโครงของความหล่อเหลาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ หรือว่าเฮียกิตจะรู้อะไรบางอย่าง..

“หาอะไรอะเฮีย มันทำอะไรหายหรือครับ”

“ไปถามมันเอา ส่วนมึง ไปอัดเพลงไป!”

“ทำไมทุกคนดูรู้เรื่องกันหมด หมือนผมคนโง่อยู่คนเดียว” เขาทำหน้าบูดบึ้ง ทำไมมีแต่เขาคนเดียวที่ไม่รู้!

“เออ! หยุดเสือกไปเถอะมึง ไปทำงาน!”

ทุกคนใจร้าย มาทำให้เขาอยากรู้แล้วจากไป----โกรธโว้ย!

+++

แสงพระอาทิตย์ส่องกระทบกับผืนน้ำจนทอประกายระยิบระยับสวยงามเหลือเกินหากได้มาพักผ่อนและทอดทิ้งกายลงบนผืนทรายสีขาวละเอียด เขายืนจ้องมองไปยังผืนน้ำแม้อากาศจะร้อนแผดเผาแค่ไหนก็ตาม ผิวสีน้ำผึ้งมีเหงื่อเกาะพราวไปตามกล้ามเนื้อสวยงาม ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงดี เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบกับใครบางคนที่ใช้เวลาด้วยกันค่อนคืน เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจความรู้สึกเขาจริงๆเสียอีก จู่ๆในใจมันก็ปวดหนึบ ถึงเขาจะเคยผ่านความรักมาหลายรูปแบบแต่ครั้งนี้มันวูบโหวงเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ

มันเหมือนกับว่าทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น

ทั้งความรักและความทรงจำที่อยู่ด้วยกัน

เสียงข้อความเด้งเข้ามาในโทรศัพท์เขาไม่หยุด ธัชธรรม์ไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้น เขาอยากจะอยู่คนเดียว ใช้ความคิดที่มีคุยกับตัวเอง ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองหลงลืมอะไรบางอย่างไป ความมุ่งมั่นในการทำเพลง ทำดนตรีมันยังมีอยู่ แต่เขารู้บางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องมีแรงขับเคลื่อนหรือแรงบันดาลใจบางอย่าง และคนคนนั้นก็คือแรงบันดาลใจของเขา

เขาตัดสินใจจะทำเพลงขึ้นมาใหม่ด้วยตนเอง ถ่ายทอดความรู้สึกที่เขามีบอกผ่านความรักความคิดผ่านบทเพลงนี้ไป หวังว่าคนคนนั้นจะได้รับฟังและกลับมาหาเขาสักที..

“คุณ.. หน้าคุ้นจังเลยนะครับ” ธัชธรรม์ชะงัก เมื่อเห็นผู้ชายที่สูงไล่เลี่ยกับเขาเดินเข้ามาทักทายราวกับรู้จักกันมานาน เขาไม่ชอบให้ใครที่ไม่รู้จักเข้ามาหาซึ่งหน้า แน่นอนว่าทั้งผู้ชายและผู้หญิง..

“มุกนี้เขาใช้จีบผู้หญิงกันนะ” เขาขมวดคิ้ว กำลังคิดอะไรเพลินๆก็มีมารมาผจญจนได้ “และขอโทษทีที่ผมเป็นผู้ชาย”
“ไม่ๆ ผมหมายถึงผมคุ้นหน้าคุณจริงๆ” เขาทำหน้าเหมือนตกใจไปนิดหน่อยแต่ก็พยายามชวนคุย “ใช่ธัช ดุริยางค์ปีหนึ่งหรือเปล่า?”

“ใช่” ชายหนุ่มพยักหน้า “คุณ?”

“เราชื่อโชกุน” อีกฝ่ายหน้าตาหล่อเหลาแต่น้อยกว่าเขาหลายขุม และเขามั่นใจว่าไม่เคยรู้จักกันแน่ๆ “ไม่รู้จักก็คงไม่แปลก นายเพิ่งกลับมาอยู่ไทยได้ไม่นานนี่นา” เขาคุ้นชื่อที่ติดอยู่ในหัวนี่เหลือเกิน เหมือนเคยเจอกันมาที่ไหนจริงๆด้วย

หรือว่าจะเคยเจอในผับ?

“อ่าหะ แล้วมีอะไร” เขาถาม

“เราเห็นนายสนิทกับไบร์ท เราก็เลย..” พอได้ยินชื่อคนที่เขากำลังตามหา ไม่รู้อารมณ์โกรธมันพวยพุ่งมาจากไหน ถึงได้รู้สึกแย่แบบนี้ หรือเพราะเขาแสดงออกชัดเจนว่าไบร์ทเป็นคนของเขา คนอื่นๆจึงเข้าใจว่าสนิทกัน เขาไม่อยากจะอธิบายว่าสนิทถึงขั้นไหน รูปจากอินสตราแกรมที่เขาชอบลงก็น่าจะบอกได้ดี และดูจากท่าทางที่เข้ามาคุยด้วยแบบนี้ เขาก็รู้เลยทันที
คู่แข่ง

“อย่าถามถึงไบร์ทอีก”

“ทำไมล่ะ เป็นแฟนกันหรือไงถึงถามอะไรไม่ได้” อีกฝ่ายทำหน้ายียวนใส่เขา ถ้าไม่ติดว่าเขามาพักผ่อนและไม่อยากมีปัญหาไอ้หมอนี่ได้ชิมหมัดเขาสักยกแน่

“เออ! แฟนกู” ธัชธรรม์ไม่สนใจหน้าไหนทั้งนั้น รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ชั้นบนของโรงแรมที่จองเอาไว้ ชายหนุ่มมาค้างที่โรงแรมได้สองคืนแล้ว เขาโดดเรียนมาหลายวันจนแม่โทรมาตามและบ่นเขาจนหูชา เขาไหวไหล่ไม่ยี่หระ และไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ จึงไม่เห็นดวงตาอาฆาตเคียดแค้นที่มองมาจากอีกทาง

ธัชธรรม์คิดว่าตัวเองทำตัวเหมือนวัยรุ่นที่พออกหักโดนเขาทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใยก็ต้องไปหลบอยู่คนเดียวคิดอะไรคนเดียวทำตัวเป็นคนเหงาสองพันสิบแปด อันที่จริงการที่เขาได้อยู่กับตัวเองกลับทำให้เขาได้เขียนเพลงหลายเพลงทีเดียว กลับไปคราวนี้อย่างน้อยก็ไม่โดนเฮียกิตบ่นก็แล้วกัน

เขาขับรถกลับบ้านแทนที่จะไปสตูฯอย่างที่หิรัญโทรมาชวน บ้านเดี่ยวหลังเดิมยังคงเงียบสงบและมีต้นไม้ให้ร่มเงาดูร่มรื่นสบายตา เขาเห็นเงาตะคุ่มกำลังก้มๆเงยๆอยู่ที่สวนจึงบีบแตรเสียงดัง เสียงสายยางดังฟู่พร้อมกับน้ำพุ่งกระจายเต็มหน้าเขาทันที

ไอ้ใบบุญ ไอ้เด็กแว่นซุ่มซ่าม!

“ขอโทษครับ มือมันลั่น”

“แค่กูบีบแตรแค่นี้ ขวัญอ่อนไปได้” เขากวักมือเรียกเด็กหนุ่ม “มาเปิดประตูหน่อย”

“อ่อ ครับ” เด็กหนุ่มเช็ดมือที่เปียกกับกางเกง ก่อนจะวิ่งไปใส่รองเท้าแตะช้างดาวที่กระจัดกระจายไปคนละทาง เดินเหยาะแหยะมาทางประตูบ้านก่อนจะค่อยๆเลื่อนประตูบ้าน ให้รถยนต์สีขาวคันเดิมขับเข้ามา ใบบุญเหลือบมองผู้ชายตัวโตในชุดลำลองสบายๆ เขาแอบสังเกตว่าธัชธรรม์ดูจะซูบลงไปนิดหน่อยกว่าตอนเจอกันคราวที่แล้ว

“ร้อนจะตายห่า มึงใส่เสื้อคอเต่าทำไม”

“อ้ะ เอ่อ ผมกลัวดำน่ะ”

“ประสาท ถ้ามึงดำคงดำไปตั้งนานแล้ว” คนตัวโตเดินผ่านหน้าเขาเข้าไปในบ้าน เขาสะดุ้งทันทีเมื่อถูกทัก รีบลูบคอตัวเองทันที เด็กหนุ่มแอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หรือจะให้เขาบอกว่ามีหมามาขบมาเลียจนมันแดงเถือกไปหมด ยิ่งกว่าโดนยุงป่าหามซะอีก “แขนหายแล้วหรือ”

“แผลตกสะเก็ดแล้วครับ”

“เออ ดีละ อย่าทำให้แม่เป็นห่วง”

“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะหันไปจัดการรดน้ำต้นไม้เหมือนเดิม น้ำจากสายยางที่เขาเผลอสาดใส่ชายหนุ่มเมื่อครู่มันทำให้เสื้อยืดนั่นเปียกฉ่ำจนเห็นกล้ามเนื้อแข็งแกร่งด้านในชัดเจน บอกตรงๆเขาไม่รู้จะเอาสายตาไปมองตรงไหนดี จับแก้มตัวเองที่ร้อนขึ้นมากะทันหัน ส่ายหัวแล้วรีบทำงานของตัวเองให้เสร็จดีกว่า

อย่าไปนึกถึง อย่าไปนึกถึง..

ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกถึงอะไรๆที่มันมากกว่านั้น โดยเฉพาะค่ำคืนร้อนแรงของพวกเขาสองคนที่เติมเต็มตัวตนของกันและกันมันยังตราติดตรึงในหัวใจเสมอ ใครจะไปลืมคำพูดแสนอ่อนหวานจากคนที่ตัวเองแอบรักมาตลอดได้ลง เขาปลดสายยางแล้วรดน้ำลงกับพื้น ถอนหายใจ ในเมื่อเขาตัดสินใจจะจบมันก็ควรจะจบได้สักที

กลับมาเป็นน้องชายเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว

“อยู่กับความจริงได้สักทีน่ะใบบุญ”

“บ่นอะไร”

“เหวอ” เขาสะดุ้งเฮือก ปล่อยสายยางจนมันกระเด็นกระดอนจนเขารีบวิ่งไปตะครุบมันแทบไม่ทัน สถาพเขาตอนนี้จึงเละเทะแทบดูไม่ได้ ก็เอาน่า เลอะนิดหน่อยเอง แต่ดูเหมือนชายหนุ่มตรงหน้าจะไม่คิดอย่างนั้นนะ..

“แทนที่จะรีบทำให้มันเสร็จๆไป มัวแต่ยืนใจลอยอยู่ได้”

“เดี๋ยวก็เสร็จแล้วครับ” เขาตอบเสียงอ้อมแอ้ม

“แม่ไม่อยู่?”

“ไปประชุมงานที่เวียดนามกลับอาทิตย์หน้า” เขาค่อยๆแจกแจง ส่วนมือที่ว่างก็เช็ดคราบดินที่กระเด็นมาโดนเสื้อ “แม่ติดต่อพี่ธัชไม่ได้ก็เลยไม่ได้บอก”

“เออ กูรู้แล้ว โดนบ่นจนหูชาไปแล้วด้วย” ชายหนุ่มเกาหัวแกรก มือข้างซ้ายจับใบหูข้างขวาจนใบบุญสังเกตเห็นว่าเจาะหูมาใหม่ ตัวแสบถึงได้แอบมองอีกรอบ พอเห็นว่าอีกฝ่ายรู้ตัวก็รีบหลบสายตาทันที

“พี่หิวอะไรไหมจะได้ทำให้กิน”

“ไม่อะ กูอยากออกไปข้างนอก”

“….”

“และมึงต้อง-มา-กับ-กูด้วย!”

เด็กหนุ่มในชุดลำลองธรรมดาเดินตัวลีบอยู่ในห้างสรรพสินค้า เสื้อยืดสวมใส่สบายกับกางเกงสามส่วนเป็นชุดที่ดูดีสำหรับเขาแล้วจริงๆ ปกติเขาไม่ใช่คนที่ชอบแต่งตัวอยู่แล้ว นอกจากจะไปทำงาน.. นั่นแหละ เขาถึงได้หันมาสนใจแฟชั่นอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ใส่ต่อหน้าธัชธรรม์ไม่ได้อยู่ดี

‘วันเกิดแม่’

คนตัวโตพูดแค่นั้นก็ลากเขาออกมาด้วยกัน ทั้งๆที่ครั้งที่แล้วที่เจอกัน เรายังทะเลาะกันอยู่แท้ๆ

โอเค ก็แค่มาเดินเลือกของขวัญให้แม่ด้วยกัน

ไม่มีอะไรจริงๆ

“อยากกินอะไร”

“ผมหรือ” ชี้หน้าตัวเองที่ยังคงมึนงง คิดอะไรเพลินๆแล้วจู่ๆมาเรียกมันก็ฟังไม่ทันน่ะสิ “อะไรก็ได้”

“อะไรก็ได้มันไม่มีหรอก”

“…”

“มานี่” ชายหนุ่มลากเขาเลี้ยวเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นเสร็จสรรพ แถมยังหยิบเมนูมาสั่งไม่ถงไม่ถามเขาสักคำ “แดกให้มันเยอะๆหน่อย ตัวเล็กชะมัดเลยมึงอะ”

“ผมตัวไม่เล็กหรอก พี่ตัวใหญ่เกินไปต่างหาก” เขาบ่นอุบ แต่ก็รับเมนูมาเปิดเลือกอยู่ดี เขาทำงานบ้านทั้งวันหิวจนตาลายจะกินหมาได้ทั้งตัวอยู่แล้ว

“ชอบเถียงว่ะ ตอนเด็กๆกูเอาอะไรให้มึงแดกวะเนี่ย” ชายหนุ่มมองด้วยสายตาราวกับสมเพชเวทนาเขาเต็มทน “แดกยังไงก็ไม่อ้วน ตัวอย่างกับกุ้งแห้ง”

“แล้ว.. พี่จะซื้ออะไรให้แม่ดี” ใบบุญเปลี่ยนเรื่อง ขี้เกียจมานั่งฟังอีกฝ่ายบ่น

“ช่วยกูคิดหน่อย กูกับมึงพักรบกันชั่วคราว”

ผมไม่เคยคิดอยากจะรบกับพี่สักหน่อย ไอ้คนบ้านี่!

“แม่ชอบผ้าพันคอ ชอบเสื้อผ้าที่เป็นลูกไม้” เขานึกไล่เรียงของสะสมของแม่ว่ามีอะไรบ้าง “นอกนั้นก็เป็นพวกหนังสือนะ”

“มีเต็มบ้านจนท่วมตัวแล้ว ไม่เอาๆ เปลี่ยนๆ”

“งั้นเอาอะไรดี”

“อะไรที่ไม่เหมือนทุกๆปี”

“…” แล้วอะไรล่ะ! เขาคิดไม่ออกหรอกนะ

“กูกับมึงต้องเป็นลูกที่รักกันให้แม่เห็น”

“แล้ว ต้องทำยังไง?”

“ต้องแสดงให้แม่เห็นว่ากูกับมึง เป็นพี่น้องที่รักกันมาก” ชายหนุ่มนึกครุ่นคิด สิ่งที่แม่อยากจะได้จากเขามากที่สุดก็คืออยากให้เขาทำดีกับใบบุญเยอะๆ เขาก็ยอมรับว่าถึงจะเกลียดขี้หน้ามันแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อยากเห็นแม่เสียใจ มันเป็นสิ่งที่เขาทำได้ยากจริงๆ

“จะดีหรือพี่”

“ทำไม? มึงปัญหาหรือ แค่เดือนเดียวก็พอ” เขานึกความคิดดีๆได้อีกแล้ว อย่างน้อยแม่ก็คิดว่าเขากับมันกลับไปเป็นพี่น้องที่น่ารักเหมือนเดิม ส่วนเขาก็แค่ทนเหม็นขี้หน้ามันนิดหน่อย

“แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง”

“ตัวติดกับกู กลับบ้านกับกู ไปเรียนกับกู กินข้าวกับกู แค่นี้มึงทำได้ไหม?”

“…..”

ไม่เอา

ไม่

ไม่

ไม่! ใบบุญ มึง อย่า!

“กะ ก็ได้..”

+++

‘อาจเป็นเพราะกำลังเหงา ที่ทำให้ฉันคิดถึงเธอขนาดนี้

หรือเป็นเพราะดาวดวงนั้น

ทำให้เธอนั้นหายไป…’

“ก็เพราะดีนี่” เขากรอกเสียงพูดไปยังอีกฝ่ายเมื่อฟังเพลงจนจบ เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังออกมาตามสาย จนเขาต้องหัวเราะขำ “อกหักแล้วเขียนเพลงดีขึ้นนะ”

“เฮีย ทำไมพูดกับน้องแบบนี้ล่ะ”

“ใครใช้ให้มึงหายหัวแล้วส่งแต่มิกซ์เทปมาล่ะ โผล่หัวเข้ามาที่สตูฯบ้างนะ มีคนรอเจอมึงอยู่เยอะแยะเลย” เฮียกิตลุกขึ้นยืนเดินไปรอบๆห้อง จู่ๆก็มีพัสดุมาส่งตามด้วยเบอร์โทรแปลกๆที่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นของใคร

เรื่องอินดี้ไม่มีใครเกิน..

“ไม่ดีกว่า” อีกฝ่ายทำเสียงงอแง “ถ้าเพลงโอเคเฮียก็เอาไปอัดเลยนะ”

“จะไม่มาจริงๆหรือวะ”

“ก็ไม่มีธุระอะไรให้เข้าไปนี่”

“เดี๋ยวๆ กูมีข่าวมาบอก เขาจะจัดรายการแข่งกันอีกแล้วนะ งานที่มึงชอบอยากจะแข่งไม่ใช่หรือไง” เขาพูด อีกฝ่ายเงียบไปทันที เสียงตะกุกตะกักเหมือนกำลังจัดของอยู่ในห้อง

“หืม.. งานอะไรหรือเฮีย”

“Rap battle”

“…”

“รอบนี้มึงจะพลาดหรือวะ” เขาถามย้ำ รู้ว่าอีกฝ่ายอยากจะเป็นแรปเปอร์แค่ไหน ทั้งๆที่ยังเด่นด้านร้องแต่ก็พยายามฝึกตลอดมา ไหนๆก็ไหนๆแล้วเขาก็อยากให้เด็กมันลองสักตั้ง ดีกว่าเกิดมาแล้วไม่ได้ลองทำ คุยกันได้อีกไม่นานก็ขอวางสายไปทำการบ้านต่อ เขากดวางสายทิ้งก่อนจะเบนสายตาไปยังชายหนุ่มที่กำลังนั่งกุมมือจ้องมองเขาตาเขม็ง

“กูช่วยได้แค่นี้นะ” เฮียบอกก่อนจะโยนอะไรบางอย่างให้เขา “ที่เหลือมึงต้องทำเอง” เขากดเครื่องเล่นเพลงก่อนจะสวมเฮดโฟนค่อยๆซึบซับเสียงไพเราะและเสียงกีต้าร์โปร่งของคนที่ คิดถึงเหลือเกิน..

‘อาจเป็นเพราะกำลังเหงา ที่ทำให้ฉันคิดถึงเธอขนาดนี้

หรือเป็นเพราะดาวดวงนั้น

ทำให้เธอนั้นหายไป…

วอนเธอกลับมาหากันได้ไหม..

ตั้งแต่วันที่เราเจอกันวันแรกจนถึงวันที่เรานั้นเดินแยก..

 I will be waiting for you’

   ชายหนุ่มปลดเฮดโฟนสีดำออกจากหู เขาเปิดเพลงฟังไปมา ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็ไม่เข้าใจเลยสักนิด คนที่เลือกจะจากไป ก็คือตัวเองไม่ใช่หรือไง..

“ใครกันแน่ที่หายไป..” ชายหนุ่มนั่งกุมขมับเครียด เป็นเขาเองที่วิ่งเต้นเพื่อหาสปอนเซอร์จัดแข่งรายการใต้ดินขึ้นมารวบรวมเหล่าแรปเปอร์หน้าใหม่และรุ่นเก๋ามาประชันเพื่อหาสุดยอดแรปเปอร์ หิรัญคอยช่วยเขาทุกอย่างถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลเท่าไหร่นัก

“มึงเล่นงี้เลยหรือวะ”

“เออ ถ้ากูไม่ทำแบบนี้ กูก็ไม่มีทางเจอเขา” หิรัญไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเพื่อนเขามันจะต้องการเจอไบร์ทขนาดนี้ไปเพื่ออะไร แต่เขาก็ยินดีที่จะช่วยเพื่อน อย่างน้อยก็ได้โปรโมทค่ายเพลงที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้

“น้องเขาจะมาหลบหน้ามึงทำไม ถ้ามึงไม่ไปทำอะไรเขา”

“เออ กูทำ”

“ไอ้ธัช!”

“กูทำกูก็บอกทำ”

“แม่งเอ๊ย” เขาอยากจะบ้าตาย ดูมันพูดออกมาได้หน้าด้านๆ “สมควรแล้ว กูไม่รู้จะด่าคำไหนดีเลย” เขาไม่เคยถามไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เหตุผลแต่ไม่คิดว่ามันจะพูดออกมาได้หน้าตาเฉยแบบนี้ ไอ้สันขวานเอ๊ย!

“แทนที่จะมาด่ากู มาช่วยคิดว่ากูจะหาตัวไบร์ทเจอได้ยังไง” เขาขบกรามแน่น “ไม่ว่ายังไงกูก็ต้องลาก Galaxy-B ออกมาให้ได้” หิรัญได้ฟังก็ส่ายหัวให้กับนิสัยเลือดร้อนของธัชธรรม์ซึ่งเขาเห็นมาแต่ไหนแต่ไร แก้ยากและแก้ไม่เคยได้ต้องบอกว่ามันเป็นสันดานไปแล้ว ธัชธรรม์หมายมั่นปั้นมือเอาว่ามันจะต้องสำเร็จ

คิดจะหนีเขาน่ะหรือ.. หนีให้ได้ตลอดก็แล้วกัน!



ใบบุญกลับมาใช้ชีวิตปกติตื่นเช้าไปเรียนตกเย็นก็กลับบ้าน ถึงมันจะดูจืดชืดไปบ้างแต่เขาก็รู้สึกสบายใจ เขาไม่ค่อยได้เจอธัชธรรม์เท่าไหร่เพราะอีกฝ่ายไปสิงอยู่ที่สตูฯมากกว่า เขารู้จากเฮียกิตว่ากำลังจะมีแข่งขันแรปเปอร์ เอาไปปรึกษากับกรวีร์รายนั้นก็อยากให้เขาได้ลงแข่งขันด้วย แต่เขาไม่อยากเจอ.. ใครคนนั้นสักเท่าไหร่

ทุกวันนี้เจอกันแค่อีกฝ่ายแวะมาเอาเสื้อผ้าแล้วก็รอกินข้าวกับแม่แค่เท่านั้น เจอหน้ากันเขาก็แค่ยกมือไหว้ ส่วนธัชธรรม์นอกจากจะไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแล้วยังชอบเบะปากใส่อีก อย่าคิดว่าเขาไม่เห็นนะ!

“ซักผ้าให้กูด้วย” ชายหนุ่มอยู่ในชุดบ็อกเซอร์สีกรมตัวเดียวเดินอยู่ทั่วบ้าน จนกระทั่งเจอเขากำลังตากผ้าอยู่หลังบ้านนั่นแหละ ถึงได้ออกมาหาทั้งสภาพอย่างนั้น ถามหน่อยถ้าไม่มีเรื่องจะจิกหัวใช้จะโผล่หน้ามาให้เห็นไหม!

“ไม่ มือก็มีกดซักเองสิ”

“หรือจะให้กูเอาเสื้อผ้ากูไปรวมกับมึง ซักรวมกันก็ได้นะ”

“พี่ธัชอย่ามาทำนิสัยแบบนี้”

“นี่กูทำตัวเป็นพี่ที่ดีสุดๆแล้วนะ”

“อือ เอามา วางไว้ตรงนั้นแหละ” เขาขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงมากไปกว่านี้จึงพยักหน้าให้อีกฝ่ายวางตระกร้าเอาไว้ข้างๆ ธัชธรรม์ยิ้มกริ่ม โยกมือขยี้กลุ่มผมยุ่งเหยิงนั่นจนอีกฝ่ายหัวแทบคะมำลงไป เขาไม่ได้อยากทำรุนแรงนะ ใครใช้ให้อีกฝ่ายตัวเล็กอย่างกับหมากระเป๋าล่ะ

“ตากแล้วก็พับเก็บเข้าตู้ให้ด้วยนะจ๊ะ เดี๋ยวมาเอา”

“พี่ธัชอย่าเล่นหัว!”

“จ้ะๆ ไปแล้วนะจ๊ะ”

“กวนตีน!” สิ้นเสียงเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากในครัว นี่คงจะไปรื้อของในตู้เย็นออกมาอีกสิท่า! อยากจะรู้นักว่ามีผีห่าซาตานตนไหนดลใจให้เขาชอบคนแบบนี้ไปได้!


ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 8 ] 27-10-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 27-10-2018 13:10:03
ต่อจากด้านบน


เทศกาลรับน้องผ่านไปได้สองอาทิตย์แล้ว เขากลับรู้สึกว่ามันเริ่มจะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เวลากลับบ้านทีเขาเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ไม่ต้องมานั่งตัวเกร็งรอฟังรุ่นพี่บ่นหรือเทศนาเพราะคนในรุ่นไม่มีความตั้งใจ ไหนจะต้องยืนเกร็งร้องเพลงเป็นชั่วโมงๆอีก แค่เรียนก็เหนื่อยอยู่แล้ว.. อีกอย่างวันนี้รุ่นพี่ก็แจ้งว่านอกจากกิจกรรมเชียร์แล้ว ยังจะพานักศึกษาทั้งรุ่นไปทำกิจกรรมอาสานอกสถานที่เพื่อกระชับไมตรีรุ่นพี่รุ่นน้อง เขาก็ยอมรับว่ามันก็ช่วยให้เขาได้รู้จักเพื่อนมากขึ้นอยู่หรอก แต่ธัชธรรม์เนี่ยสิไม่ยอมให้เขาได้อยู่กับกรวีร์เลย เจ้าตัวอ้างว่าเพราะเราเป็นพี่น้องต้องอยู่ใกล้ๆกันเข้าไว้ นี่มัน----โว๊ย! บ้าบอที่สุด! อยากจะมาสนิทสนมกับเขาตอนนี้ คิดอะไรอยู่กันแน่

“มึงกูนั่งด้วยคนสิ” ชายหนุ่มยิ้มเผล่มาแต่ไกล ก่อนจะเอากระเป๋าเป้ยัดใส่ชั้นวางของด้านบน เขากระเถิบให้เพื่อนสนิทได้นั่งอย่างเต็มที่ อันที่จริงเขาก็นั่งจองที่ไว้ให้กรวีร์อยู่แล้ว วันนี้เป็นวันเดินทางไปค่ายอาสาวันแรก ทุกคนดูตื่นเต้นกันมากรวมทั้งเขาด้วย

“หน้ามึงเหมือนคนไม่ได้นอน”

“แล้วใครให้มึงหายหัวไปล่ะ กูรับงานแทนมึงทุกคืนเลยเนี่ย” กรวีร์โอดครวญ

“อ้าวหรอ ไม่เป็นไรหรอก มึงเก่งจะตายไป”

“เอาดีๆ มึงจะกลับมาเมื่อไหร่” กรวีร์ทำหน้าจริงจัง “มึงก็น่าจะรู้ว่าหลบพี่ธัชไม่ได้ตลอดหรอก”

“กูคิดว่า” เขาพูด ไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายเท่าไหร่ “กูอาจจะไม่ร้องเพลงอีกแล้ว”

“เห้ย ไม่ได้!” กรวีร์หันหน้ามามองเขาขวับ เบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อกี้หูเขาฝาดหรือเปล่า? ยังไม่ทันที่เขาจะได้คุยอะไรมากไปกว่านี้ สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่จำได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมคณะก็หิ้วกระเป๋าใบเขื่องเข้ามาใกล้ หน้าตาเขินอายเหมือนคนตกอยู่ในห้วงความรัก จนเขาก็ยังดูออก

“ใบบุญ เราขอนั่งข้างกรได้ไหม”

“อ้ะ เอ่อ ได้สิแฟง” เขาเขยิบออกมาให้เพื่อนได้เข้าไปนั่งแทน กรวีร์ทำหน้าเหรอหรา ลุกตามออกมาแบบงงๆ “เดี๋ยวเราไปนั่งตรงอื่นแทนได้”

“กูจะนั่งกับมึง” ชายหนุ่มกัดกราม เขาคว้าข้อมือของใบบุญเอาไว้แน่น

“เรื่องที่คุยค้างเอาไว้คุยในไลน์ก็ได้”

“ไอ้ใบบุญ!”

“ไม่ต้องโมโห กูตัดสินใจดีแล้ว” เขาปลดมือเพื่อนสนิทออก ก่อนจะไปหาที่นั่งใหม่ ตอนนี้รถบัสใกล้จะออกเต็มที ที่นั่งก็ถูกจับจองไปจนหมด มีทางเดียวก็คือไปหาคันใหม่นั่ง

“ขอบคุณนะ”

เสียงคุยหัวร่อต่อกระซิกของกลุ่มนักศึกษาดังขึ้นเป็นระลอก เขายังคงยืนมองหาที่นั่งแต่ก็ไม่มีใครสนใจ ถึงใบบุญจะพอรู้จักกับเพื่นอคนอื่นๆบ้างแต่เขาก็ไม่ได้สนิทสนมกับใครนอกจากกรวีร์มากนัก

“ใบบุญ มานี่” เสียงเรียกทำให้เขาหันขวับไปมอง ธัชธรรม์กำลังกวักมือเรียกเขาอยู่ ทุกคนได้ยินเสียงจึงกันไปมองกันเป็นตาเดียว “จะมาดีๆไหม”

“มะมีอะไรหรือครับ”

“นั่งกับกู”

“ตรงไหน” เขามองซ้ายมองขวา ตรงนี้ไม่มีที่ให้นั่งสักหน่อย

“ตรงนี้” ชายหนุ่มชี้ไปที่ตักตัวเอง เด็กหนุ่มทำหน้าเลิ่กลั่ก โบกมือเป็นพัลวันก่อนจะขอตัวไปหาที่นั่งคนอื่น ธัชธรรม์คิดจะทำให้เขาเป็นตัวตลกของคนอื่นหรือยังไง ให้นั่งตักเนี่ยนะ เขาไม่ใช่เด็กสิบขวบนะเว้ย!

“มะ ไม่เป็นไร”

“ใบบุญ”

“…” เขายังไม่ทันตอบอะไร ชายหนุ่มก็จัดการดึงเขาไปนั่งเรียบร้อย ขนาบข้างของธัชธรรม์ทั้งสองข้างก็เป็นรุ่นพี่ผู้หญิงสองคนที่มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ดะ เดี๋ยวนะ ทุกคนกำลังเข้าใจผิด

“หัวมึงยุ่งๆดีนะ แต่โคตรนุ่มเลย” หัวกลมๆดันอยู่ตรงจมูกเขาพอดี เลยได้กลิ่นอ่อนๆพอดี “ใช้แชมพูอะไรวะ”

“ก็.. ขวดสีเขียวไง”

“อันนั้นไม่ใช่ครีมนวดหรือวะ”


“ไม่ใช่ มันเป็นแชมพูสูตรธรรมชาติน่ะ”

“ไว้จะลองใช้บ้างละ ผมกูเซ็ททุกวันกลัวจะเสีย”

“พี่ต้องบำรุงบ้างนะ ถ้าผมแตกปลายหรือมันแห้งเกินไปมันจะไม่ดี”

“งั้นมึงก็มาทำให้บ้างดิ กูเห็นมึงหมักผมให้แม่บ่อยๆ”

“กะ ก็ได้ ถ้าว่างละก็นะ”

“ต้องว่างดิ วันๆมึงไปเที่ยวไหนบ้างหรือเปล่าเหอะ”

“ก็ชอบอยู่บ้าน”

“ทำให้ด้วย ไม่รู้แหละ กูจะเอาผมกลิ่นนี้”

“นี่ พี่อย่าดมหัวสิ.. มันจั๊กจี๋” เขาย่นคอหนี เมื่ออีกฝ่ายก้มลงมาเล่นปลายผม เขายิ่งเป็นคนบ้าจี้อยู่ด้วย

“อยู่เฉยๆน่า แค่ดมนิดหน่อยทำไมต้องหวงวะ” เขาจับเอวของอีกฝ่ายเอาไว้ให้นั่งตรงๆ จะว่าไปเอวหมอนี่มันเล็กดีชะมัด เวลาจับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอุ้มเด็ก “ซ่อนรูปนะ เห็นผอมๆแม่งมีพุงด้วย”

“พี่ธัช!”

“อยู่เฉยๆ อย่าดิ้นมาก ถ้าลูกชายกูตื่น มึงจะเดือดร้อน” ใบบุญงับปากที่กำลังจะอ้าด่าทันที หันหลังกลับไปทันที เขาอยากจะวิ่งลงจากรถก็ไม่ทันแล้ว รถออกแล้ว.. ฮือๆ ต้องอดทนนั่งอยู่ตรงนี้ไปอีกกี่ชั่วโมงกัน เขาอยากจะบ้าตาย!

ส่วนคนในรถเงียบกริบนั่งฟังบทสนทนาที่เหมือนอยู่บ้านเดียวกันของทั้งสองคนได้แต่ทำหน้างุนงง

ใบบุญกับธัชธรรม์เนี่ยนะ

เด็กแว่นเชยๆกับท็อปแรปเปอร์

ไม่จริงน่า
+++

 เกือบสี่ชั่วโมงกว่ารถบัสของคณะจะพาทุกคนมาถึงเป้าหมาย รุ่นพี่พาน้องๆเข้าที่พักก่อนจะเรียกเข้ามาพูดคุยเพื่อตกลงร่วมกัน เด็กหนุ่มรับฟังและได้จัดการแยกกลุ่มตามที่รุ่นพี่สั่ง กรวีร์กำลังจะเดินปรี่มาทางเขาแต่ก็โดนกลุ่มสาวๆรั้งตัวเอาไว้ก่อน จึงเป็นจังหวะดีของธัชธรรม์ที่ลากคอเสื้อใบบุญเข้าไปใกล้และกระซิบด้วยน้ำเสียงของซาตานร้าย

ใครก็ได้.. ช่วยเขาที..

   “นอนห้องเดียวกับกู”

   “แต่ผมจะนอนกับมังกร” เขายืนยันเสียงแข็ง

“มึงจะเข้าไปลากมันมาได้หรือไง” ชายหนุ่มพยักเพยิดไปทางกรวีร์ที่กำลังถูกล้อมหน้าล้อมหลัง เขาแค่นยิ้มสมน้ำหน้ามันยิ่งกว่าใคร ไม่อยากบอกเรื่องไบร์ทเขาก็ไม่ได้ว่า แต่มึงอย่าได้คิดจะอยู่อย่างมีความสุขเลย!

“ไม่ลองไม่รู้ อีกอย่างผมรอตรงนี้ได้”

“มึงอย่าชักช้า เอากระเป๋าเข้าห้องไป” เขาโยนกระเป๋าใส่เด็กแว่นที่ทำหน้าเหรอหรา ก่อนจะเอากุญแจห้องที่ได้มาเข้าไปไขรอไว้ก่อนล่วงหน้า

“แบบนี้มันมัดมือชกกันชัดๆ” เขาเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในห้อง ที่ที่เขามาทำกิจกรรมเป็นหมู่บ้านในชุมชนห่างไกลซึ่งยังมีวิถีชีวิตของเกษตรกรรมให้เห็นอยู่ และทางชุมชนก็เปิดให้เข้าชมภูมิปัญญาชาวบ้านที่หาดูได้ยาก ทำให้นอกจากเราจะได้มาทำกิจกรรมอาสาแล้วเรายังได้ความรู้กลับไปอีกด้วย

ที่พักเป็นโฮมสเตย์ชั้นเดียวที่ก่อขึ้นด้วยปูนแต่หลังคาทำจากใบจากมามุงกันเป็นแผ่นใหญ่แข็งแรงแม้ฝนจะตกหนักแค่ไหนก็ยังคงทน ในบ้านหนึ่งหลังมีเตียงใหญ่เตียงเดียว ยังดีที่มีห้องน้ำในตัวมีไฟให้แสงสว่าง คราวแรกเขานึกว่าจะต้องจุดตะเกียงไฟเจ้าพายุเหมือนอย่างคนสมัยก่อนซะแล้ว

“ยืนบื้ออะไร เอาเสื้อผ้าไปจัดเข้าตู้สิ”

“ครับ”

“อะนี่ ของกูด้วย”

“พี่ธัช อันนี้พี่ควรจะทำเองนะครับ”

“ทำๆไปเหอะ อย่าบ่น” ชายหนุ่มนอนแผ่บนเตียง ใบบุญมองด้วยสายตาตำหนิ “ไม่กล้าจับหรือไง” ชายหนุ่มเดินไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าก่อนจะคีบกางเกงชั้นในCalvin kleinสีดำของตัวเองขึ้นมาถือไว้ ใบบุญเห็นก็ตกใจทันที นี่มัน— ไอ้ ไอ้บ้า! โว๊ย ใครเขากางเกงในมาโชว์กันแบบนี้วะ เขาเบือนหน้าหนีมองข้าวของตัวเองที่กำลังหยิบออกมาจากกระเป๋า ไม่อยากจะสนใจคนที่ชอบกวนประสาท

“พี่ทำเองไปเลยนะ”

“อ่อนว่ะ”

เขาเห็นธัชธรรม์ยืนขำจนไหล่สั่น มันน่าโมโหจนอยากจะวิ่งไปทุบสักที แต่เชื่อเถอะว่าถ้าเขาทำแบบนั้นเขาอาจจะได้คืนกลับมามากกว่าเดิม งั้นปล่อยไว้แบบนั้นแหละ เขาไม่อยากมีเรื่องกับยักษ์ไททั่นตัวนั้น! นั่งเก็บของอยู่สักพักชายหนุ่มก็กระเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง มองหน้าเขาเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง

“เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ”

“ไม่เป็นไร พี่อาบก่อนได้เลย”

“กูไม่อาบ กูจะไปแดกเหล้ากับไอ้ฮัน”

“….”

“อาจจะไม่กลับห้อง มึงล็อคประตูห้องดีๆด้วย”

“ครับ” เขาชะงักไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น ในใจอยากถามว่าชายหนุ่มจะไปไหนก็ได้แต่เก็บปากเงียบ มองชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดและกางเกงยีนส์สีฟอกฉีดน้ำหอมกลิ่นประจำกำลังจะเปิดประตูออกจากห้องไป เขาก็ไม่เห็นอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะไปหาใครหรือเจอใคร คนอย่างธัชธรรม์มีสาวๆอยู่ในสต็อคมากมาย ส่วนเขามันก็แค่ไอ้ตัวน่ารังเกียจที่ไม่มีค่าให้สนใจอะไร

ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งอะไรอยู่แล้ว

นั่งคิดอะไรเพลินๆพลางพับผ้าใส่ตู้จนเสร็จเรียบร้อยเขาก็จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่มก่อนจะกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทอย่างกรวีร์ รายนั้นไม่ยอมรับโทรศัพท์เขาไม่รู้ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ใบบุญนอนเล่นได้อยู่ไม่นานก็ผล็อยหลับอย่างง่ายดาย รู้สึกตัวอีกทีกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งก็วนเวียนอยู่รอบจมูก เขาลืมตาขึ้นในความมืดก่อนจะเห็นคนที่คุ้นเคยกำลังนอนแผ่ทับเขาอยู่ ด้วยความตกใจจึงร้องตะโกนออกไปเสียงดัง

“พี่ธัช!” ใช้แรงที่มีดันคนตัวโตออกไปอีกทาง ก่อนจะมองสภาพชายหนุ่มที่เละเทะดูไม่ได้เลย “มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?” เขาหยิบนาฬิกาข้อมือที่ถอดทิ้งเอาไว้มาดูเวลา

เกือบตีสามแล้ว วงเหล้าน่าจะเลิกพอดี

“ไบร์ท…” เสียงพึมพำไม่ได้ศัพท์ดังอผ่วออกมาจากริมฝีปากคู่สวย เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินธัชธรรม์ละเมอถึงแบบนี้ ขอบตาร้อนผ่าวอย่างอดไม่อยู่ อย่างน้อยช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็มีความสุขเหลือเกิน
“….”

“ไบร์ท อย่าทิ้งพี่ไป”

“พี่ธัช” เขาเกลี่ยแก้มสากของชายหนุ่ม เสียงงึมงำของอีกฝ่ายพูดออกมาราวกับคนไม่ได้สติ เขาซับน้ำตาที่เปียกซึมจากหางตาของชายหนุ่ม เรื่องที่เขาไม่อยากจะร้องเพลงมันเป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจเอาไว้อยู่แล้ว เขาไม่อยากทรมานตัวเองมากไปกว่านี้ “พี่ธัชลืมไบร์ทเถอะนะ”

“ไบร์ท..”

“พี่รักหนูแทนไม่ได้จริงๆหรือ”

ถ้าอยากจะตัดใจ มันก็ต้องยอมเจ็บ..



TBC

หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 8 ] 27-10-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 27-10-2018 13:20:49
ทำไมพี่ธัชใจร้ายจัง รักน้องไม่ได้หรอ รักที่น้องเป็นน้องอ่ะ ไม่ใช่น้องเป็นไบร์ท
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 8 ] 27-10-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 27-10-2018 13:29:34
ตอนแปดมาแล้ว อ่านแล้วขอร้องได้ไหม

ทำไมพี่ธัชทำแบบนี้ ทำไมทำไมทำไม
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 9 ] 29-10-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 29-10-2018 16:04:07
Rhyme 9

บรรยากาศในช่วงรุ่งสางเย็นสบายน่านอน ถึงในหมู่บ้านจะไม่ได้ติดไฟฟ้าไว้ทั่วแต่แสงสว่างจากพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าก็ทำให้เขาค่อยๆซึมซับภาพความสวยงามของธรรมชาติได้ เด็กหนุ่มยิ้มกว้างให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะหันไปมองกล่องอุปกรณ์ที่วางเรียงรายอยู่ท้ายรถยังเหลืออยู่อีกเป็นสิบกล่อง เขาปาดเหงื่อที่ไหลลงข้างขมับก่อนจะทยอยยกกล่องไปไว้ในห้องโถงจนเสร็จเรียบร้อย ใบบุญยืนมองผลงานของตัวเองด้วยความพอใจก่อนจะลงมือจัดการของที่ยังเหลือค้างในรถบรรทุกอีก เมื่อคืนหลังจากที่เขานอนคอยเช็ดตัวให้ธัชธรรม์เสร็จเด็กหนุ่มนอนไม่หลับจึงออกมาเดินเล่นบริเวณหน้าบ้านพักซึ่งมีบ้านของคนอื่นๆอยู่ไม่ไกลกันนัก จนได้เจอกับกลุ่มของประธานรุ่นและรุ่นพี่ปีสูงที่เพิ่งจะกลับจากสังสรรค์เขาจึงได้พูดคุยกันนิดหน่อยและถูกไหว้วานให้มาช่วยจัดการอุปกรณ์ที่ถูกขนมาใช้จัดแสดง ในใจก็อดนึกถึงชายหนุ่มที่นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไม่ได้

หวังว่าตื่นมาแล้วจะไม่โวยวายนะ..

เขากลับไปในห้องอีกทีตอนเกือบเจ็ดโมงเช้า ธัชธรรม์ไม่ได้อยู่ในห้องพักแล้ว มีเพียงผ้าขนหนูที่ใช้แล้วตากทิ้งไว้ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงจะจัดการตัวเองจนสะอาดเรียบร้อยและหายไปไหนต่อไหนอีกตามเคย เด็กหนุ่มก้มลงดมกลิ่นตัวของตัวเองดูบ้างก็ทำหน้าเหยเก

“ไปอาบน้ำบ้างดีกว่าเรา”

เขาออกมาจากห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์ก่อนจะมาเจอชายหนุ่มนั่งเล่นอยู่บนเตียง ผ้าขนหนูที่ห้อยคอเอาไว้รีบดึงมาปิดตัวทั้งๆที่เสื้อผ้าก็ใส่จนครบ ธัชธรรม์เหล่มองเขาเล็กน้อยก่อนจะไม่สนใจนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ต่อไป เขาเดินไปตากผ้าขนหนูไว้ที่ราว ก่อนจะเดินมานั่งเล่นที่เตียงบ้าง อีกฝ่ายเอ่ยปากทักจนเขาสะดุ้งเฮือก

“ไปไหนมา”

“หืม”

“เมื่อคืนไปไหนมา”

“ผมไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” เขาตอบ รีบหลบสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมา

“กูตื่นมาไม่เจอมึง นึกว่าไปเดินตกท่อที่ไหน”

“ผมไปธุระนิดหน่อย”

“กับพวกประธานรุ่น?”

“อะ อืม แล้วก็รุ่นพี่ปีสูง”

“รุ่นพี่ชื่ออะไร” เขาถาม

“จำไม่ได้”

“คุยกับใครก็หัดถามชื่อเขาไว้บ้าง” เขามองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อยืดลายชิบะแลบลิ้นนี่มันอะไรกัน กางเกงผ้าขายาวสีน้ำตาลอ่อนกับทรงผมยุ่งๆแว่นตาหนาๆที่โคตรจะเฉิ่มเชย “มึงก็ตามน้ำกับชาวบ้านเขาไปเรื่อย ชอบไม่ชอบอะไรก็บอกเขาไปตรงๆสิ”

“อื้ม ผมจะจำเอาไว้” เขาพยักหน้า น้อยครั้งที่ธัชธรรม์จะพูดเรื่องดีๆอย่างคนอื่นเขาบ้าง

“แต่งตัวเสร็จก็ไปข้างนอกได้แล้ว” เขาลุกขึ้นเดินตามธัชธรรม์ออกไปด้านนอก เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะไปรวมกันที่ห้องโถงใหญ่ของหมู่บ้าน ทุกคนมารวมตัวกันได้สักพักแล้ว มีแต่เขาเองที่ช้าอยู่คนเดียว..

แอบรู้สึกผิดแหะ

เด็กหนุ่มรู้สึกปวดเมื่อยจนต้องใช้มือทุบๆไปตามตัว กลุ่มเพื่อนคนอื่นๆมองมาที่เขาแล้วก็พูดคุยหัวเราะกัน เขาได้แต่ส่งยิ้มไปให้ไม่เข้าใจความหมายของท่าทีแบบนั้นเหมือนกัน หรือว่าเขาจะลืมหวีผมมา.. คลำๆหัวตัวเองก็เห็นมันยุ่งเหมือนเดิมเขาชักมือกลับก่อนจะกวาดสายตาหาเพื่อนสนิทที่หายหัวไปตั้งแต่มาถึงที่นี่

“กร..” ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากเรียก ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนโดดเด่นก็ถูกดึงไปอีกทาง รุ่นพี่รายล้อมและพูดคุยกันสนุกสนาน เป็นพื้นที่ที่ไม่ทางให้เขาได้แทรกเข้าไปได้เลย ตอนแรกเขาอยาจะเดินเข้าไปทักทายกรวีร์อยู่หรอก แต่ดูจากสภาพตอนนี้แล้ว คงไม่ได้คุยแน่ๆ

“เดี๋ยวจะแบ่งกลุ่มตามสีนะครับ ใครได้สีอะไรก็ไปรับป้ายชื่อจากรุ่นพี่ประจำกลุ่มเลยจ้า” รุ่นพี่จัดการถือกล่องกระดาษเขย่าไปมาก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรอยู่ข้างใน เขาล้วงก่อนจะคลี่ดูว่าเป็นอะไร

สีเขียว..

หันไปมองธัชธรรม์ที่กำลังมีรุ่นพี่ยื่นป้ายชื่อสีฟ้าให้ เขาก็ได้แต่แอบลอบมองเงียบๆ ไม่รู้ว่าจะมีใครได้สีเขียวเหมือนกันกับเขาบ้าง มองไปทางกรวีร์ที่มองทางเขาหมอนั่นชูป้ายสีเขียวในคอก่อนจะยิ้มกว้าง เขายิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆ

“หายหัวไปเลยนะมึง”

“มึงนั่นแหละหาย มีเพื่อนใหม่แล้วลืมกู”

“กูไม่ลืม แต่กู..” กรวีร์กระซิบ “กูปลีกตัวออกไปไม่ได้ รุ่นพี่อยากให้กูลงประกวดเดือนปีนี้ เขาเลยอยากสนิทสนมเอาไว้” ชายหนุ่มทำหน้าเซ็ง แค่คิดว่าจะต้องปั้นหน้าตลอดเวลาเขาก็เอียนจะแย่แล้ว ชวนคุยแต่ละเรื่องเขาก็ต้องทำเป็นสนุกเอาไว้ก่อน

“กูบอกแล้วว่ามึงจะต้องได้”

“เพราะพี่ธัชของมึงสละสิทธิ์ไง ความซวยเลยตกมาที่กู” เขาทำตาโตเท่าไข่ห่าน คิดไว้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มจะต้องไม่ชอบกิจกรรมอะไรแบบนี้แน่ “เดี๋ยวคอยดูนะ ถ้ากูไม่ว่างไปร้องเพลงให้เฮีย สงสัยมึงได้กลับไปร้องเพลงแน่” กรวีร์หัวเราะ

“หุบปากไปเลย!” เขาเงื้อมมือจะทุบเพื่อนแตก็ต้องชะงักเมื่อมีสาวน้อยตัวเล็กเดินเข้าร่วมวงด้วย

“คุยอะไรกันหรือจ๊ะ”

“อ้าว แฟงกับหมิวนี่เอง” เขาทักทาย อีกฝ่ายยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะหันไปหากรวีร์

“ทุกคนอยู่ฐานไหนกันบ้าง” แฟงถามทั้งๆที่แต่ละคนก็ถือป้ายชื่อกันอยู่แล้ว “เสียดายจังเลยไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน”

“ไม่เป็นไรหรอก ไว้รอบหน้าก็ได้”

“แย่จัง..”

“แยกย้ายกันไปตามฐานได้แล้วนะครับน้องๆ” เสียงรุ่นพี่ปีสามดังลั่นไปทั่วบริเวณ เด็กหนุ่มที่กำลังร้อยเชือกเข้าป้ายชื่อสะดุ้งโหยง เมื่อจับกระดาษมาดูดีๆเขาก็จำได้ว่าเคยช่วยเพื่อนในรุ่นสองคนทำงานก่อนที่จะป่วยจนไม่สบาย แล้วจึงมารู้ทีหลังว่ารุ่นพี่ไม่ได้สั่งแต่เป็นของที่เพื่อนในรุ่นโหวตและให้ช่วยกันทำขึ้นมาเอง เขาไม่ได้พูดอะไรกับแฟงและหมิวอีกเพราะไม่อยากผิดใจกัน ถึงจะไม่รู้เหตุผลของอีกฝ่ายเท่าไหร่ แต่ถนอมน้ำใจเพื่อนเอาไว้จะดีกว่า

“เรา.. ขอแลกฐานกันได้ไหมอะใบบุญ”

“มีอะไรหรือแฟง”

“เราอยากอยู่ฐานเดียวกับมังกรอะ”

“อ๋อ ได้สิ” เขาดึงป้ายชื่อสีเขียวที่คล้องอยู่ออก ก่อนจะรับป้ายชื่อสีฟ้ามาคล้องคอแทน กิจกรรมในช่วงเช้าเป็นการแบ่งฐานแล้วกระจายกันไปทำกิจกรรมต่างๆ เขามองหาฐานของสีฟ้าก่อนจะเดินไปนั่งท้ายๆแถว พยายามเงี่ยหูฟังวิทยากรที่กำลังบรรยาย

“อยู่สีฟ้าก็มานั่งนี่”

อีกแล้ว..

เขาหันไปมองชายหนุ่มร่างสูงที่หัวมีผ้าโพกหัวสีกรม ดวงตาดุเข้มราวกับเหยี่ยว คิ้วดกดำและสันกรามชัด ผิวแทนสวยในชุดเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ตัวเก่งที่เขาเพิ่งซักให้เมื่ออาทิตย์ก่อน พักอยู่ด้วยกันทั้งคืนแล้วยังจะต้องมาเจอหน้ากันตอนกลางวันอีกหรือไง..

“ยังจะทำหน้ามึนอีก”

“รู้แล้วๆ”

“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย อยู่กลุ่มเดียวกับกูมันจะตายหรือไง”

“…” เขาไม่ตอบ เมินหน้าหนีก่อนจะเดินไปนั่งกับคนอื่นแทน ตอนนี้เขาง่วงจนตาแทบจะปิดอยู่แล้ว เพราะเมื่อคืนมัวแต่นั่งเช็ดตัวให้อีกฝ่ายจนไม่ได้หลับได้นอน ถามจริง.. ใครนอนลงก็บ้าแล้ว!

“จะไม่คุยกับกูใช่ปะ” เขาลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปใกล้ใบบุญที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จนรุ่นพี่ปีสามที่เป็นเพื่อนกันต้องห้ามปรามเพราะเกรงใจวิทยากร

“ไอ้ธัช มึงอย่าแกล้งน้อง”

“เงียบไป ไอ้คิม” หันไปพูดใส่เพื่อนเสร็จก็นั่งลงข้างๆใบบุญ

“ก่อนหน้านี้กูเห็นมึงไล่มันอย่างกับหมูกับหมา” หิรัญที่อยู่กลุ่มเดียวกันไม่พอใจจนต้องเอ่ยปาก เขาทนเห็นธัชธรรม์พูดจาไม่ดีกับใบบุญมานานแล้ว แล้วครั้งก็ต่อหน้าคนอื่นด้วย “เป็นหมาบ้าหรือไง”

“พี่ธัชกับใบบุญเป็นพี่น้องกันหรือคะ” เสียงถามมาจากกลุ่มเด็กผู้หญิงปีหนึ่งที่แอบมองมาทางนี้นานแล้ว ธัชธรรม์หันไปจุดยิ้มก่อนจะตะปบเข้าที่แก้มขาวจนปากเด็กหนุ่มยู่ยี่

“อือ หน้าเหมือนกันปะ”

“พี่อย่ามาจับหน้าผมนะ” เขาตกใจจนสะดุ้ง รีบสะบัดหน้าหนีทันที มือไปจับอะไรมาก็ไม่รู้ ยังจะมาเล่นแก้มเขาอีก!

“หวงเนื้อหวงตัวชิบหาย” เขาพูด เสียงออกตามไรฟัน รู้สึกเสียหน้าที่โดนไอ้แว่นมันตวาดต่อหน้าคนอื่น “ใช่สิ กูไม่ใช่ไอ้ฮันนี่นา”

“พี่ฮันเกี่ยวอะไรด้วย พี่ธัชอย่ามาโยนให้คนอื่นนะครับ”

“กูตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอมึงแล้ว กูรู้นะว่ามึงไประริกระรี้กับไอ้ฮันสองคน” เขากระซิบ ถ้าอยากจะปิดเขาก็ช่วยทำให้มันเนียนๆหน่อยสิ “ทำไม คิดจะหลบหน้ากูหรือไงไอ้แว่น”

“ผมตื่นเช้าออกมาจากห้องก่อนไม่ได้หรือไง ผมกับพี่ไม่ได้ตัวติดกันนะ” ใบบุญพูดเสียงแข็ง ก่อนจะสะบัดหน้าหนี ไม่รู้ทำไมธัชธรรม์ถึงชอบกวนประสาทเขาอยู่ได้ เรื่องเจอหิรัญก็เป็นตอนที่เขากำลังจะกลับบ้านพักแล้ว คุยกันแค่ไม่กี่ประโยคจะมาเหมารวมแบบนี้ได้ยังไง แล้วไอ้เรื่องตัวติดกันน่ะ ถ้าไม่ใช่ต่อหน้าแม่ก็ไม่จำเป็นเลยสักนิด

หมาบ้าจริงๆ!

เขาทำเป็นไม่สนใจชายหนุ่มกลับมานั่งฟังวิทยากรบรรยายไปเรื่อยก็เริ่มรู้สึกง่วง สักหงกไปหลายทีจนโดยสายตาตำหนิจากรุ่นพี่มาเป็นระลอก เขานั่งมองพื้นที่ธรรมชาติกว้างใหญ่ที่ชาวบ้านใช้ในการทำเกษตรกรรมกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ลมพัดเย็นๆที่ตีเข้ามาปะทะกับใบหน้ายิ่งทำให้เขาง่วงมากกว่าเดิม

“เดี๋ยวเราจะแบ่งกลุ่มไปลงแปลงผักกันนะ” รุ่นพี่ประกาศออกไมค์ ทุกคนเริ่มมองหาสมาชิกในกลุ่มทันที “จับกลุ่มสักห้าคนก็ได้” เขามองซ้ายมองขวาจะเดินเข้าไปขออยู่กลุ่มกับคนอื่นแต่ดูเหมือนจะช้าเกินไป ทุกคนมีกลุ่มกันหมดแล้ว

“ไม่เป็นไรใบบุญมาอยู่กับเราก็ได้”

“ขอบใจนะ”

“มาอยู่กับกูนี่” ชายหนุ่มดึงคอเสื้อเขาอย่างแรง  “จะไปอยู่ทำไมตรงนั้น”

“ปล่อยผมนะ ผมจะไปอยู่กับเพื่อน”

“เลิกดื้อแล้วฟังกูได้ละ” ใบบุญสะบัดตัวออกจากธัชธรรม์ได้เขาก็นั่งหน้ามุ่ยไม่อยากจะไปสนใจคนใจร้ายอีกแล้ว สุดท้ายเขาก็ได้อยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงอีกสี่คน รุ่นพี่แบ่งกลุ่มให้และพาไปดูแผลงที่เราจะเริ่มลงมือปลูกผัก

“ร้อนขนาดนี้ไม่ไหวหรอก”

“นั่นสิ แปลงผักกว้างขนาดนี้จะเสร็จเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

“เราฝากใบบุญจัดการได้ไหมจ้ะ” รอยยิ้มหวานพร้อมดวงตากลมที่มองเขามาอย่างมีความหวัง เด็กหนุ่มไม่รู้จะทำยังไงนอกจากพยักหน้าตกลง

“ได้สิ”

เด็กหนุ่มปาดเหงื่อที่รินไหลข้างขมับ เสื้อยืดสีขาวลายหมาชิบะแลบลิ้นพร้อมกางเกงผ้าขายาวเปียกชื้นแฉะไปด้วยเหงื่อ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า ถอดหมวกปีกกว้างออกจากหัวเอาแว่นสายตาเสียบกับคอเสื้อก่อนจะล้วงผ้าเช็ดผ้ามาซับหน้า ใครมันคิดกิจกรรมให้มาปลูกผักท่ามกลางแดดร้อนๆตอนเที่ยงแบบนี้วะ! เขาบ่นอุบในใจไม่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาทั้งที่ตอนนี้ทั้งร้อนและทั้งหงุดหงิดจนจะบ้าตาย รีบสวมแว่นก่อนจะคว้าจอบขึ้นง้างแล้วแงะดินขึ้นมาให้มันร่วนซุย

“ดินแข็งขนาดนี้ กว่าจะได้ปลูกผักคงตายก่อน”

ชายหนุ่มที่นอนกระดิกเท้าใต้ร่มไม้เงยหน้าจากหนังสือในมือมองเด็กหนุ่มที่ทำท่าจะไม่รอด

ไม่ไหวแล้วยังจะอวดดี

ถูกโยนงานหนักมาให้ก็ทำไม่มีปริปากบ่น ให้พรวนดินกลางแดดเปรี้ยง ถูกใช้ให้ยกของหนักคนเดียว ก็ยังยิ้มรับได้สบายใจไม่มีปัญหา เขาเห็นแล้วหงุดหงิดลูกตาชิบหาย ถูกเขาประเมินเป็นพวกเกรดต่ำไม่น่าคบหาก็ไล่ให้ไปทำงานอย่างอื่น ไอ้พวกตัดสินคนจากภายนอกมันมีอยู่ทุกสังคมจริงๆ ไอ้คนทำงานก็ทำไปเหอะ ผลงานออกมาก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าใครทำ เขาแค่นยิ้ม คิดว่าคนอย่างเขาไม่รู้หรือไงเรื่องกลุ่มประธานรุ่นชอบมาไหว้วานให้ใบบุญทำนั่นนี่

ไร้สาระชิบหาย

หงุดหงิดยิ่งกว่าก็คือคนของตัวเองกลายเป็นลูกกระจ๊อกคนอื่น แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน

คนที่ทำให้มันเจ็บได้ ร้องไห้ได้ มีแค่เขาคนเดียว!

“ไม่ไหวมึงก็มาพัก มึงจะฝืนตัวเองทำไม”

“เดี๋ยวงานไม่เสร็จ”

“ระหว่างงานไม่เสร็จกับมึงไม่สบาย มึงจะเลือกอะไร”

“ไม่เอา ผมไม่อยากทำงานค้าง”

“แม่งดื้อได้ใครวะเนี่ย”

“ใครเลี้ยงผมมา ผมก็ได้คนนั้นแหละ” เขาหันไปพูด นึกสงสัยว่าธัชธรรม์ไม่มีกลุ่มหรือยังไงถึงได้มาป้วนเปี้ยนกับเขาตลอด

“ย้อนกูอีก”

มันน่าลากจับมาตีก้นฟาดสั่งสอนให้รู้สำนึก ตัวกระจ้อยเป็นหมากระเป๋า ผิวขาวซีดที่จับนิดหน่อยก็เป็นรอย เอะอะก็ป่วยเข้าโรงพยาบาล โดนฝุ่นนิดหน่อยก็เป็นหวัด เขาควรจับมันใส่ขวดโหลทำเป็นกุมารทองไปซะเลย บอบบางชะมัด แล้วแม่งโคตรดื้อ พูดแล้วทำหน้ามึนใส่ไม่รู้ไม่รู้ชี้ เห็นแล้วโคตรหมั่นไส้

เชื่อ ใครพูดอะไรก็เชื่อ เขาพูดอะไรนี่ทำเมินตลอด!

โมโหสัดๆ!

“ทำไปเลยนะ ไม่เสร็จไม่ต้องหยุด ไม่ต้องแดกข้าวด้วย”

“พี่ธัชก็มาช่วยกันสิ”

เพราะเขารู้ว่ามันแกล้งไง เขาถึงไม่อยากลงไปทำ แต่ไอ้เด็กนี่มันซื่อมันเคยตามใครทันที่ไหน สวนผักนี่กี่แปลงจะให้ปลูกทั้งหมดนี่สงสัยจะต้องมาอยู่สักเดือนละมั้ง

“กูพูดอะไรเคยฟังกันไหมเนี่ย”

“พี่อยากพูดอะไรก็พูดไปสิ ฟังอยู่”

“เลิกทำแล้วมานั่งพัก หน้ามึงแดงหมดแล้ว”

“มันร้อนไงหน้าเลยแดง” เขาตอบ เรี่ยวแรงที่เคยมีมันหดหายไปไหนหมดไม่รู้ แค่จะกำด้ามจอบมือก็สั่นระริกไปหมด ภาพตรงหน้าเลือนลางและหมุนวนจนปวดหัว

“ยังอีก” ชายหนุ่มลุกพรวดเข้าไปรับร่างบอบบางที่กำลังเซล้มลงกับพื้น “เห้ย!”

กูว่าแล้ว

“มึน.. หัว”

“ไม่ต้องพูดมาก กินน้ำก่อน” ปลดกระดุมเสื้อแขนยาวที่คนตัวเล็กใส่ทับเข้าไป ให้ระบายความร้อน จะได้หายใจได้สะดวก คนป่วยปรือตามามองแทบไม่มีเรี่ยวแรงทำอะไรแล้ว

“พี่จะทำอะไร”

“ปลดกระดุมหน่อย จะได้หายใจได้สะดวก”

“ไม่เอา ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ร้อนมันเลยเวียน เซๆนิดหน่อย”

“ถ้ากูไปรับไม่ทัน มึงหน้าแหกแน่”

“ขอบคุณนะพี่..” ใบบุญยิ้ม เขานึกไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าตรงนี้ไม่มีธัชธรรม์อยู่ จะเป็นยังไง..

“เกลียดมึงชะมัด” เขาเห็นรอยนิ้มนั่นก็ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ปกติแยกเขี้ยวใส่หรือไม่ก็หลบหน้าเขาตลอด “ยิ้มทำไม”

“ถึงพี่จะเกลียดผมมากขนาดไหน.. ผมก็ไม่เคยคิดจะเกลียดพี่เลยนะ”

“พูดมาก ขนลุก”

“ฮ่าๆ”

“หุบปากไปเลย”

เขามองเด็กหนุ่มที่หน้าแดงก่ำยกยิ้มขึ้นหัวเราะดูเพลินตา ก่อนจะดันหัวมันให้ซบกับอกเขาเบาๆ อีกฝ่ายดิ้นขลุกขลักนิดหน่อยเหมือนหาที่ของตัวเองเจอก็หลับตานิ่ง ไม่เหมือนลูกแมวพยศที่จ้องจะกัดเขาเหมือนทุกที เขามองใบหน้าขาวซีดภายใต้กรอบแว่นหนา แก้มกลมขาวแดงก่ำราวกับมะเขือเทศ จมูกและปากจิ้มลิ้มยิ่งใกล้ๆมันก็ยิ่ง..

เหมือน..

เขาส่ายหัว คิดว่าตัวเองคงจะคิดถึงไบร์ทจนเห็นภาพหลอนไปได้

ไม่มีทางที่จะเป็นคนๆเดียว ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นไปได้เลย

เขามองแล้วก็ถอนหายใจ จากที่ปากบอกใครต่อใครว่าแสนเกลียดไม่อยากจะสนใจเห็นมันอยู่ในสายตา แต่พอมันเข้ามาใกล้เขาก็อดแกล้งไม่เคยได้ เวลาเขาตะคอกใส่มันก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วก็เดินหนี ไม่ก็ยืนเถียงเขาแล้วก็ทำหน้าไม่พอใจ รู้ทั้งรู้ว่านิสัยเป็นยังไง เวลาเขาดุ ก็ชอบแอบไปร้องไห้คนเดียว ดื้อเงียบ สาระพัดนิสัยไม่ดีที่เขาสอนเอาไว้ เป็นไงล่ะ โตขึ้นก็เอาคืนหมดทุกอย่างเลย

ดีจริงๆ!

ตั้งแต่เล็กจนโตด้วยกันมา เขาเคยทำให้มันร้องไห้อยู่ไม่กี่ครั้ง คอยกางปีกปกป้องจนมันเป็นลูกนกที่บินเองไม่ได้ ต้องรอเขา ต้องคอยเขาอยู่คนเดียว เขาเคยคิดอยู่บ่อยครั้งว่าสักวันลูกนกตัวนี้ก็ต้องบินได้เอง ถึงเวลานั้นมันจะมาไวไปหน่อยก็เถอะ แต่มันก็พิสูจน์ได้ว่า ใบบุญโตขึ้นแล้วจริงๆ

“กูทำไม่ดีกับมึงขนาดนี้ มึงยังจะรักกูอีกหรือวะ”

“….”

“ทำไมไม่เกลียดๆกูไปเลย..”

“….”

“กูมันเป็นพี่ที่ไม่ได้เรื่อง ทิ้งมึงให้มึงเจอเรื่องเหี้ยๆอยู่คนเดียว ทั้งๆที่คนที่อยู่ข้างกูก็มีแค่มึงเท่านั้น.. กูก็ยังทิ้งมึงได้ลงคอ ทำไมวะทำไม”

“….”

“มึงเกลียดกูเถอะ” เขาลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มของใบบุญ รู้สึกชอบสัมผัสนี้เหลือเกิน “มึงก็รู้.. ความจริงมันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”

“….”

“มึงกับกู ไม่มีทางจะกลับมาเหมือนเดิมได้หรอก” เขาพูดเสียงแผ่วเบา “สิ่งที่มึงเคยช่วยกูเอาไว้”

“….”

“ครั้งนี้กูจะเอาคืนให้มึงเอง”


(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 9 ] 29-10-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 29-10-2018 16:05:11
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


อากาศในช่วงเย็นมีลมพัดสบายแตกต่างจากช่วงกลางวันมากนัก เหล่าหนุ่มสาวที่มาเข้าร่วมกิจกรรมในช่วงกลางวันผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย รุ่นพี่ประชุมเพื่อเตรียมกิจกรรมให้รุ่นน้องได้ทำในช่วงหัวค่ำ ตอนนี้จึงเป็นช่วงพักผ่อนให้กินข้าวและกลับบ้านพักเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อมารวมกันอีกทีตอนหัวค่ำ กรวีร์มองซ้านมองขวาหาเพื่อนสนิทที่หายไปตั้งแต่ช่วงกลางวัน เขาถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าใบบุญไปไหน โทรศัพท์หาแล้วก็ไม่มีใครรับสาย จนกระทั่งเจอพี่ชายของเพื่อนสนิทกำลังยืนหลบมุมสูบบุหรี่อยู่ เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปถาม

“พี่ธัช ไอ้ใบบุญอะ”

“กูจะไปรู้ได้ยังไง” เขาพ่นควันสีเทาออกมา ก่อนจะหันไปตอบรุ่นน้องที่จ้องมาเขม็ง “มันจะไปไหนก็เรื่องของมันสิ”
“ก็พี่อยู่สีเดียวกับมัน” กรวีร์ตอบเสียงอ่อน เขาหมดปัญญาจะไปหาตัวมันแล้วจริงๆ บ้านพักมันอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ ไอ้คนที่รู้ก็ไม่อยากจะบอกเขาซะอย่างนั้น

“กูไม่จำเป็นต้องไปตัวติดกับมันสักหน่อย” ธัชธรรม์จุดยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่กรวีร์เห็นแล้วหงุดหงิดบอกไม่ถูก หมอนี่ถนัดแต่กวนประสาทคนอื่นอย่างที่ใบบุญบอกจริงๆ “มึงอะ เป็นเพื่อนประสาอะไร”

“ทำไม” เขาจับกระแสคำพูดของอีกฝ่ายได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจึงขมวดคิ้วแน่น “ไอ้บุญมีอะไรหรือเปล่า” ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ ร่างโปร่งบางแทบจะปลิวลมก็เดินตุปัดตุเป๋มาอีกทาง ธัชธรรม์เขวี้ยงบุหรี่ในมือแล้วขยี้ทิ้ง ความไม่พอใจตีรวยในอกขึ้นมาอีกระลอก เมื่อเห็นคนที่สมควรจะนอนพักออกมาเสนอหน้าข้างนอกอีกแล้ว

ยังไม่เข็ดสินะ..

“กร..”

“อ้าว มึงหายหัวไปไหนมา แล้วทำไมหน้าซีดๆแบบนั้น”

“เวียนหัวอะ อากาศมันร้อน” ใบบุญยิ้มให้ ก่อนจะส่ายหัวว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมาก พยายามไม่หันไปมองคนตัวโตที่ส่งสายตาตำหนิมาให้

“ไปแดกข้าวกัน เดี๋ยวพี่เขาจะให้ทำกิจกรรมช่วงเย็นอีก คราวนี้กูต้องได้อยู่กลุ่มเดียวกับมึงนะ”

“เออๆ ไปกินข้าวกัน”

เขามองเด็กหนุ่มร่างบอบบางเดินผ่านไป ขนาดเดินยังไม่มีแรงตัวบางเป็นเปลือกกุ้งยังคิดจะซ่า เขาอุตส่าห์ไปคุยกับรุ่นพี่ให้เรื่องที่มันป่วยจะได้ไม่ต้องมาเข้าร่วมกิจกรรมงี่เง่า มันยังดันทะลึ่งออกมาเสนอหน้าให้คนอื่นจิกหัวใช้อีก แล้วนี่เขาจะเป็นห่วงมันทำไม มันจะไปตายที่ไหนก็ถูกแล้ว เห็นแล้วหงุดหงิดชิบหาย

“พี่ธัชคะ”

“ว่า” เขาหันไปทางกลุ่มเด็กผู้หญิงสามคนที่เดินเข้ามาใกล้ ต่างคนต่างผลักอีกฝ่ายให้เข้ามาคุยกับเขา

“คือทางหลักสูตรเขาจะมีให้เก็บชั่วโมงการแสดงน่ะค่ะ เราเลยอยากจะชวนพี่มาอยู่ทีมเดียวกัน” เด็กสาวที่ถักผมเปียช้อนดวงตากลมโตมองเขาด้วยความเขินอาย ก่อนที่อีกฝ่ายจะหลบตาไป

“แล้วยังไงต่อ” เขาจำได้ว่าอยู่เอกเดียวกันตอนแนะนำตัว “เราอยู่เอกว๊อยซ์เหมือนกันนี่”

“ใช่ค่ะ พลอยอยู่เอกว๊อยซ์ แต่ว่าพี่ธัชเก่งกีต้าร์มากเลยนี่คะ”

“รู้ได้ไง”

“พวกเราเป็นแฟนคลับตั้งแต่พี่อยู่ที่อเมริกาแล้ว” เด็กสาวผมสั้นอีกคนบอก พลางทำเสียงอ้อนวอนจนคนแถวนั้นหันมามองว่าคุยอะไรกัน “นะคะ ยังไงก็ช่วยเก็บไปคิด ถ้าได้พี่มาอยู่ด้วยกัน พวกหนูจะดีใจมากเลย”

“พี่ก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น จะเก็บไปคิดก่อนแล้วกัน” เชายหนุ่มขี้เกียจจะยืนคุยตรงนี้จึงตัดบท ก่อนจะเดินหลบไปอีกทาง ปล่อยให้เด็กสาวยืนคุยกันตรงนั้นต่อไป

“ขอบคุณนะคะ” พลอยยิ้มแป้น รีบตีแขนเพื่อนอีกคนด้วยความเขิน “เห็นไหมพี่เขาไม่ได้ดุอะไรขนาดนั้นสักหน่อย”

“ฮือออออ น่ารักอ่า” เสียงวี้ดว้ายก็ยังดังพอที่จะทำให้คนแถวนั้นได้ยินอยู่บ้าง เด็กหนุ่มถือจานข้าวเดินมาหาที่นั่งจึงได้ยินไปโดยปริยาย เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นธัชธรรม์กำลังยืนคุยแล้วผละออกไปจากกลุ่มผู้หญิงตรงนั้น

“มองอะไร”

“ปะ เปล่า ไม่ได้มอง”

“ไม่ได้มองอะไรก็กูเห็นอยู่” กรวีร์เห็นเพื่อนเหม่อลอยจึงหันไปดูบ้างว่ามีอะไร “แล้วเมื่อกลางวันมึงหายไปไหนมาอะ กูแวะไปหาที่ฐานมึงก็ไม่เจอเลย”

“คือกู.. ไม่ค่อยสบายนิดหน่อยอะ” เขาก้มหน้างุด นึกถึงเหตุการณ์ก็รู้สึกแย่ เขาทำให้ธัชธรรม์ต้องลำบากอีกแล้ว เขาจำได้แค่ชายหนุ่มอุ้มเขาไปนอนที่ห้อง เช็ดตัวให้แล้วก็.. อืม แค่คิดถึงสัมผัสของอีกฝ่ายใบหน้าก็ร้อนผ่าวไปหมดแล้ว “ก็.. ก็เลยไปนอนพักที่ห้อง”

“แล้วมึงเป็นอะมากเปล่า หน้ายังแดงๆอยู่เลยนะ”

“กูดีขึ้นแล้ว ไม่เป็นไรหรอก” เขาโบกมือเป็นพัลวัน ไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง แค่นี้เขาก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว

“เห็นมึงไม่ค่อยสนิทกับใคร กูเป็นห่วงนะ กลัวมึงจะเข้ากับคนอื่นไม่ได้”

“ได้สิ มึงอะคิดมาก”

“อย่างน้อยมีพี่ธัชอยู่ กูก็เบาใจ”

“ทะ ทำไมอะ” ช้อนที่ถืออยู่ร่วงกระทบจานข้าวเสียงดัง ใบบุญรีบเก็บอาการสั่นของตัวเองที่ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องรู้สึกใจเต้นแรงอย่างนี้ด้วย

“ถึงเขาจะด่ามึงยังไง เขาก็อยู่ข้างมึงตลอด มึงไม่เคยสังเกตหรือไง” กรวีร์เอานิ้วจิ้มหน้าผากมันไปหนึ่งที คนอื่นเขามองออกกันทั้งนั้นว่าธัชธรรม์กับใบบุญสนิทกันแค่ไหน แต่แค่เขาไม่พูดก็เท่านั้น “มึงลองถอยออกมาดูบ้างเถอะ กูว่าพี่มึงก็ไม่ได้ใจจืดใจดำอะไรขนาดนั้น ถึงจะเหมือนหมาบ้าก็เถอะ”

“อย่ามาว่าพี่ธัชนะมึง”

“ต่อหน้าละด่ากัน กัดกันตลอด ลับหลังนี่เทิดทูนชะมัด”

“ก็กูชอบของกูนี่!” เขากัดฟัน ไม่เถียงเรื่องที่เขาหลงอีกฝ่ายหัวปักหัวปำแถมยังตัดใจไม่ลงอย่างกับคนบ้า

“ชอบอะไรหรือจ้ะ” เสียงทุ่มดังขึ้นเหนือหัวของเพื่อน ชายหนุ่มผิวขาวยืนยิ้มแฉ่งพร้อมกับจานข้าวในมือก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างกรวีร์

“พี่ฮัน มาแบบนี้ตกใจหมดเลยนะครับ”

“เห็นคุยกันท่าทางสนุก ให้พี่เผือกมั่งสิ” หิรัญทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็น จนกรวีร์ทำหน้าเอือมแถมยังกระเถิบหนีอีกฝ่ายจนแทบจะชิดอีกด้านของโต๊ะ แสดงออกว่ารังเกียจชัดเจน

“เก็บหน้าไม่หล่อของคุณออกไปเถอะ คนหล่อๆเขาจะคุยกัน”

“น้องกรคร้าบ พี่เป็นรุ่นพี่นะครับ นอกจากจะเป็นรุ่นพี่ที่คณะแล้วยังเป็นรุ่นพี่ค่ายด้วย ไม่เคารพกันก็ช่วยเห็นแก่หน้าเฮียกิตบ้างนะครับ” หิรัญพูดเสียงใส ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มกว้างสว่างไสวระยิบระยับไปหมด สมกับชายาคุณชายจริงๆ

“ผมจะเคารพคนที่ผมอยากจะเคารพเท่านั้น”

“ไอ้กร นี่ก็ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ตั้งแง่กับพี่เขาตลอด” เขาดุเพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก ปกติแล้วกรวีร์ไม่ใช่คนที่จะเกลียดใครง่ายๆอยู่แล้ว มันคงจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้

“ก็มัน..”

“อะไร พี่ทำอะไรหรือ” หิรัญทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะตักข้าวเข้าปากอย่างสบายอารมณ์ เรื่องที่เขาแอบเปลี่ยนเพลงของกรวีร์เป็นเพลงที่เขาเขียนเองน่ะ ไม่รู้เจ้าตัวรู้ได้ยังไง ถึงได้แสดงอาการต่อต้านเขาขนาดนี้ เจอหน้ากันจะยิ้มให้เขาสักหน่อยก็ไม่ได้ รู้ไหมว่าหน้าสวยๆน่ะไม่เข้ากับหน้าบูดๆหรอกนะ

“ยังจะมาทำไม่รู้ไม่ชี้อีก” กรวีร์เริ่มจะโมโห เขารวบช้อนก่อนหันไปตะคอกใส่อีกฝ่าย

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

“ไม่มีอะไรหรอก กรกับพี่เขาทำเพลงด้วยกัน เขาคงไม่พอใจที่พี่ทำเพลงรักให้เขา” หิรัญยิ้ม นั่งกินข้าวต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เดี๋ยวนี้ดังแล้วเลือกมากหรือวะ”

“กูเปล่าเลือกมาก แต่ต้องไม่ใช่เพลงมัน” กรวีร์หงุดหงิดจนอยากจะบ้า เขาอยากจะกระโดดบีบคอไอ้คนหน้ากวนตรงนี้เลยด้วยซ้ำ

“พี่ฮันเขียนเพลงเก่งจะตาย มึงยังเคย อื้อ!” กรวีร์แทบจะกระโดดข้ามโต๊ะแล้วลากเพื่อนออกไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้ ขืนปล่อยเอาไว้เขาต้องแย่แน่ๆ

“ไอ้ใบบุญ!”

“โอ้โห น้องกรก็เป็นแฟนคลับพี่เหมือนกันหรือครับ” หิรัญมองแล้วก็หลุดขำ จุดยิ้มเจ้าเล่ห์โดยที่อีกฝ่ายไม่มีทางเห็น “ดีใจจังเลย”

“เงียบปากไปน่า” กรวีร์ควันออกหูไปเรียบร้อยแล้ว เขาทั้งโมโหทั้งอายที่ถูกอีกฝ่ายจับได้ แถมหิรัญเอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มเขาเห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัด

“พี่ไปก็ได้ แต่ว่าหลังกลับจากค่ายพี่จะรออยู่ที่สตูฯเหมือนทุกวันนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะเดินผละออกไปพร้อมทิ้งกลิ่นน้ำหอมเจือจางในอากาศ ใบบุญยังคงไม่เข้าใจหันไปสะกิดเพื่อนที่ขบฟันกรอด ระหว่างที่เขาไม่อยู่ มันมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่

“มึงทะเลาะกับพี่เขา?”

“กูไมได้ทะเลาะ แต่กูเกลียดขี้หน้ามัน” กรวีร์ไม่อยากจะพูดมากไปกว่านี้ “ช่างแม่งเหอะ ไป”

ใบบุญเออออตามเพื่อนไปเก็บจาน ในใจก็ยังมีคำถามไม่หยุดว่ากรวีร์ไปสนิทกับหิรัญตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่ ในเมื่อเพื่อนไม่อยากตอบเขาก็ไม่อยากเซ้าซี้ รีบไปรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมในช่วงหัวค่ำร่วมกับเพื่อนคนอื่นๆ กรวีร์ยังเป็นจุดสนใจทุกครั้งเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน ใบบุญไม่แปลกใจเลยสักนิดเพราะเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ส่วนเพลงที่เริ่มปล่อยออกมาก็ไต่ขึ้นชาร์ตอันดับดีขึ้นเรื่อยๆ จากนักร้องโนเนมจะได้เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงจริงๆอย่างที่ใฝ่ฝันเอาไว้แล้ว

เขาดีใจแทนเพื่อนจริงๆ

“ใบบุญสนิทกับมังกรมากเลยหรือจ้ะ” หมิวถามพร้อมกับแฟงที่เริ่มจะขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ ใบบุญหันไปตอบ ดูเหมือนจะมีคนอยากรู้พอสมควร

“ก็ ใช่ เราเรียนมอปลายมาด้วยกันน่ะ”

“อ๋อ มิน่าล่ะ ตัวติดกันจังเลย”

“ไม่หรอก ก็แค่หมอนั่นกลัวว่าเราจะไม่มีเพื่อน”

“ใบบุญมาอยู่กับเราก็ได้นะ”

“ขอบคุณนะ จริงๆทุกคนก็ใจดีกับเรามากๆเลย ขอโทษนะถ้าเราพูดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่” เขาเกาหัวแกรก ไอ้เรื่องมนุษย์สัมพันธ์เขาก็พยายามทำให้ดีขึ้นนะ

“ไม่เป็นไร” แฟงส่ายหน้า “ขอแค่ใบบุญอยู่.. กรก็จะอยู่”

“อะไรนะ”

“กรกับใบบุญจะได้มาอยู่กับเราไง เป็นกลุ่มเดียวกันดีจะตาย” หมิวตอบขึ้นมาแทน

“อื้ม ขอบคุณนะ”

เขายิ้มให้หมิวกับแฟง ก่อนจะไปนั่งรวมกลุ่มเพื่อรอรุ่นพี่เรียกรวม เขาสวมเสื้อแขนยาวสีน้ำตาลเนื้อบาง รู้สึกหนาวๆร้อนๆขึ้นมาบอกไม่ถูก เพราะไม่อยากป่วยอีกจึงขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องพัก กรวีร์จะมาเป็นเพื่อนแต่เขาบอกไม่ต้องเพราะไม่อยากให้วุ่นวาย ฝนที่ตกลงมาปรอยๆทำให้พื้นที่เดินระหว่างทางเฉอะแฉะเพราะเป็นพื้นดินธรรมดา เขาเลยได้อาบน้ำอีกรอบเพราะเปียกมะล่อกมะแล่กไปทั้งตัว

‘รีบมา’

‘เขาจะไปเล่นเกมกันแล้ว’

ข้อความที่ส่งทิ้งเอาไว้ของกรวีร์ทำให้เขาเร่งมือในการสระผมให้มากกว่าเดิม เขาป่วยง่ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ภูมิร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจนโดนแม่ดุเสมอเวลาไปเล่นซนข้างนอก ถึงจะเป็นคนขี้โรคแต่เขาก็อยากจะใช้ชีวิตให้มันคุ้มดูสักครั้ง แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมส่งข้อความหาเพื่อนแต่ก็ไม่มีใครตอบ เข้าไปดูกลุ่มไลน์ของรุ่นก็ไม่มีใครโพสอะไร เขาเดินไปตามทางเรื่อยๆพร้อมกำร่มในมือเอาไว้เผื่อฝนเทลงมาอีกรอบ

“ใบบุญ”

“อ้าว แฟงแล้วเพื่อนล่ะ”

“เขาไปทำกิจกรรมตรงโน้นน่ะ ที่เราทำกันเมื่อเช้า”

“อ๋อ ได้ๆ เดี๋ยวเราตามไปแล้วนี่จะไปไหนล่ะ มันมืดแล้วนะ”

“ไม่เป็นไรๆ เราไปเข้าห้องน้ำแปบเดียว”

“งั้นเอาร่มไป เดี๋ยวไม่สบาย” เขาส่งร่มให้อีกฝ่ายไปถือเอาไว้ เดี๋ยวเขาวิ่งไปจากตรงนี้ไม่นานก็คงถึง แฟงยิ้มหวานให้เขาพร้อมกับโบกมือให้ อย่างน้อยการเริ่มต้นในมหาวิทยาลัยมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่เขาคิด เขากำลังจะมีเพื่อน กำลังจะมีสังคมใหม่ ที่จะสามารถเริ่มต้นได้อีกครั้ง

“ขอบใจนะ”

ใบบุญเดินลัดเลาะไปตามทาง สองข้างทางทั้งมืดทั้งเฉอะแฉะไปหมดจนเขาอยากจะไปจากที่นี่ไวๆ เดินไปได้สักพักจนทางเริ่มไม่คุ้นตาเขาจึงใช้โทรศัพท์เปิดไฟฉายส่องนำทาง ไอ้นิสัยหลงทิศหลงทางของเขาเมื่อไหร่จะแก้หายสักที เดินมาตามทางดีๆ เหมือนจะโผล่มาทางอื่นซะงั้น

“สงสัยต้องโทรถามไอ้กร” เขายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ลมในตอนกลางคืนพัดหวีดหวิวอยู่ข้างหูจนเสียวสันหลังวูบวาบ มันคงไม่มีอะไรโผล่มาเหมือนในหนังใช่ไหม “ไม่รับอีก ไอ้เพื่อนเลว” ต้นไม้พัดไปตามแรงลมเสียดสีกันจนเหมือนเสียงคนเดินย่ำพื้น เขาสะดุ้งจนต้องหันไปมองด้านหลังต่อหลายครั้ง เสียงฟ้าร้องดังครืนและความร้อนอบอ้าวที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ จู่ๆความรู้สึกกลัวในใจมันก็พวยพุ่งขึ้นมาเหมือนมีสวิตซ์เปิด เหตุการณ์ที่เคยอยากจะลืมมันกลับเด่นชัดในความทรงจำ เขานั่งคู้ตัวหลบเสียงฟ้าร้องพร้อมแสงสว่างวาบ

ความมืด

เสียงฟ้าร้อง

ฝน

“ชะ ช่วยด้วย”

 

TBC
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 9 ] 29-10-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: dorabarin ที่ 29-10-2018 20:34:35
 :sad4: ใบบุญญญญญ
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 10 ] 30-10-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 30-10-2018 23:29:02
Rhyme 10

“มันหายไปไหนอีกแล้ว” กรวีร์มองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบสามทุ่ม จนกิจกรรมผูกข้อมือจะเสร็จอยู่แล้วแต่ใบบุญก็ยังไม่มา เขาเดินไปเดินมานั่งไม่ติดพื้นจนเพื่อนคนอื่นต้องเข้ามาถาม “มีใครติดต่อมันได้บ้างไหม”

“ตอนนี้ฝนตกหนักมาก สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่ค่อยดี” หมิวตอบก่อนจะแตะเข้าแขนของชายหนุ่มเบาๆ “ใจเย็นๆนะกร ใบบุญอาจจะหลบฝนอยู่ที่ห้องก็ได้”

“แต่มันก็น่าจะบอกกันบ้าง” เขาปลดมือหมิวออกอย่างสุภาพ ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี

“ไม่สบายหรือเปล่า เห็นเมื่อตอนกลางวันเป็นลม”

“เป็นลม?” กรวีร์ทำหน้างง “ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่อง ใบบุญบอกแค่เวียนหัวก็เลยไปนอนพักเฉยๆ”

“หมิวก็รู้ว่ามาจากเพื่อนในกลุ่มอีกทีน่ะ.. เห็นว่ารุ่นพี่บอกแบบนั้นนะ”

“แล้วใครพามันไปนอน”

“ก็พี่ธัชไง..” แฟงตอบ ก่อนจะลอบสังเกตว่ากรวีร์มีทีท่าอย่างไรบ้าง เขาขบฟันกรอด โกรธที่เพื่อนมีอะไรก็ไม่บอก แถมธัชธรรม์ก็ให้เขาไปถามกับใบบุญเอาเอง รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองขี้โรค ก็ยังจะปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่ดูแลตัวเอง ปล่อยให้ป่วยซ้ำๆ ถ้ามันเป็นน้องเขานะ เขาจะจับมาฟาดก้นให้ลายเลยคอยดู ชายหนุ่มมองหาคนตัวสูง กวาดสายตาไปรอบบริเวณก็เจอธัชธรรม์กำลังพูดคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อน

“พี่ธัช เห็นใบบุญไหม”

“วันนี้มึงถามกูกี่รอบแล้วเนี่ย” ชายหนุ่มเริ่มอารมณ์เสีย ตวัดสายตาไปมองอย่างไม่พอใจ “ทำไมไม่ผูกเชือกเอาไว้เลยล่ะ”

“พี่ ผมถามดีๆนะ”

“เห้ย ใจเย็นๆ” หิรัญเข้ามาแทรกก่อนที่ทั้งสองคนจะแลกหมัดกันเสียก่อน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น กรบอกพี่ได้ไหม”

“ผมหาใบบุญไม่เจอ ไม่รู้มันไปอยู่ที่ไหน ถ้าพี่ธัชไม่บอกก็บอกเลขบ้านพักมา ผมจะไปตามมัน”

“หายไปนานหรือยัง”

“มันบอกจะไปเปลี่ยนเสื้ออะ แล้วก็หายไปเลย” กรวีร์ร้อนใจบอกไม่ถูก ใบบุญหายไปนานเกินไปแล้ว “ตั้งแต่กินข้าวเสร็จอะ”

“ไม่เห็นมีพี่คนไหนตามเลย”

“กูว่ามันชักจะแปลกๆยังไงอยู่นะ” หิรัญหันไปมองเพื่อน “น้องมึงไปทำอะไรใครไว้หรือเปล่า”

“มันก็แค่ไปขวางหูขวางตาคนอื่นเท่านั้นแหละ” ธัชธรรม์ถอนหายใจ

“คนอย่างมันเนี่ยนะ” กรวีร์ยังไม่อยากจะเชื่อ คนที่ไม่มีปากมีเสียงแถมเถียงใครก็ไม่ทันอย่างใบบุญเนี่ยนะ “จะไปทำอะไรใครเขาได้”

“งั้นกูจะไปหาที่ห้อง พวกมึงสองคนลองโทรหามัน ลองหาแถวนี้ดูก่อน” เขาลุกขึ้นยืน พูดรัวเร็วแล้วก็ผละออกไป สองขาวิ่งมาที่บ้านพักโดยไม่มีหยุด แต่ก็ไม่มีวี่แวว มีเพียงเสื้อผ้าชุดเก่าที่เขาเห็นใบบุญใส่เมื่อตอนเย็นเท่านั้น วิ่งวนกลับไปที่เดิมก็ยังไม่เจอ เขาไม่อยากบอกรุ่นพี่ให้รู้ตัว เพราะไม่แน่ใจว่าจะเป็นใครเป็นตัวการ ธัชธรรม์ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น แต่ตอนนี้เขาต้องหาตัวมันให้เจอก่อน

“เจอไหมพี่”

“ไม่เจอ” เขาส่ายหัว กรวีร์หน้าตาสลดไปทันทีที่เขาบอก “ที่ห้องก็ไม่มี”

“ผมหาทั่วแล้วก็ไม่เจอ หรือว่ามันจะเดินหลงไปที่อื่น”

“ก็เป็นไปได้ มันชอบเดินหลงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“ผมจะไปบอกรุ่นพี่ให้ช่วยตามหา”

“ไม่ต้อง” เขารั้งกรวีร์เอาไว้ “มึงเข้าไปรวมกลุ่มเหมือนปกติ ไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น” เขากำชับ อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปรวมกลุ่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ใจร้อนเป็นห่วงใบบุญแต่ก็ไม่อาจจะอยู่ข้างๆมันได้ในเวลาที่มันต้องการ เขามัน.. แย่ที่สุด

“เตรียมไฟฉายกับร่มให้กูที”

“มึงจะไปไหน ฝนกำลังจะตกหนักอีกรอบแล้วนะ”

“กูจะไปหาใบบุญ”

“กูไปด้วย”

“มึงอยู่นี่ เผื่อมันกลับมา” เขารับอุปกรณ์มาจากเพื่อน พร้อมกำชับให้มันอยู่ทางนี้ไม่ต้องห่วงเขา “ได้เรื่องยังไงบอกกูด้วย”

“เดี๋ยวมึง.. แม่งเอ๊ย” หิรัญไม่คิดจะให้เพื่อนออกไปคนเดียวอยู่แล้ว แต่พอเขาหันมาอีกทีก็ไม่เจอชายหนุ่ม มองไปทางกรวีร์ที่ดูร้อนใจจนปิดไม่มิด เขาก็อยากจะเข้าไปคุยให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่ดูท่าคงจะทำให้รุ่นน้องอารมณ์เสียมากกว่าเดิม เขาได้แต่ภาวนา

ขอให้เจอไวๆ..

ธัชธรรม์ตัดสินใจเดินไปตามทางที่ทำกิจกรรมเมื่อเช้า อย่างน้อยถ้าหากใบบุญหลงทางเจ้าตัวก็อาจจะมายังจุดที่คุ้นเคยบ้าง แต่ตอนนี้เกือบสี่ทุ่มรอบด้านมืดไปหมดแถมที่นี่ก็เป็นหมู่บ้านที่ห่างไกลไม่มีไฟฟ้าติดทุกที่เหมือนในเมือง เขาต้องอาศัยไฟฉายที่พกติดตัวมาส่องนำทาง เสียงปั่นจักรยานเก่าดังมาตามทาง เงาตะคุ่มสีดำตามเนินดินทำให้เขาหันไปมอง เสียงโซ่ที่หมุนวงล้อฝืดเคืองจนได้ยินเป็นเสียงประหลาด เขาส่องไฟฉายไปตามทางเดินก็เจอคุณลุงกำลังเข็นรถคันเก่ามาตามทาง

“พ่อหนุ่มจะไปไหน”

“ผมมาตามหาน้องครับ คุณลุงเห็นบ้างไหมครับ”

“แถวนี้สองทุ่มเขาก็ปิดไฟนอนกันหมดแล้ว ไม่มีใครเข้ามาในนี้หรอก มาเดินแบบนี้ระวังรถจะชนเอานะ” คุณลุงถอดงอบออกจากหัว ก่อนจะเพ่งมองชายหนุ่มรุ่นหลานตรงหน้า “เด็กที่ไหนลุงไม่เห็นหรอก”

“ผู้ชายตัวประมาณนี้อะครับ” เขาทำไม้ทำมือประมาณหัวไหล่ “ลุงไม่เห็นเลยหรือครับ”

“ลองเดินไปทางนั้นดูสิ ชอบมีคนเดินหลงเข้าไปบ่อยๆ”

“ได้ครับ ขอบคุณนะครับ”

เขาตัดสินใจเดินไปตามทางที่ลุงบอก ตลอดเส้นทางทั้งเปลี่ยวและมืดสนิท ยังนึกครึ้มในใจว่าคุณลุงท่าทางใจดีคนนี้เดินเข็นจักรยานมาได้ยังไงทั้งๆที่ไม่มีแสงสว่างเลยสักนิด กว่าจะคิดได้แล้วหันไปมองอีกทีก็เหลือแต่เพียงความว่างเปล่า มีเพียงเสียงลมและเสียงฟ้าร้องบอกสัญญาณเท่านั้น จู่ๆขนแขนเขาก็ลุกพรึ่บพรั่บอย่างไม่มีสาเหต ชายหนุ่มหันหน้ากลับไปเดินจ้ำอ้าว มือที่กำไฟฉายเหงื่อแตกพลั่กจนลื่นไปหมด ลมพัดฝุ่นดินที่พื้นกระจัดกระจายไปทั่ว ธัชธรรม์ยกมือหนาขึ้นมาป้องสายตา เขาตัดสินใจใช้โทรศัพท์โทรหาหิรัญ เผื่ออีกฝั่งจะหาใบบุญเจอแล้ว

แบตหมด..

“เอาอีกละ ชีวิตกูจะบัดซบอะไรได้เท่านี้ไหมวะ F*ck!” ตอนนี้เขาหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า “ใบบุญ มึงอยู่แถวนี้ไหม..”

“พี่ธัช”

“ใบบุญ” เขาหันซ้ายหันขวา ได้ยินเหมือนเสียงเรียกตัวเองจริงๆ หรือว่าหูเขาจะฝาดไป เงี่ยหูฟังดูอีกครั้งก็เห็นว่ามาทางพงหญ้าที่ขึ้นรก เขาแหวกมันออกและเห็นเด็กหนุ่มกำลังนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ในความมืด ใบหน้าขาวซีดมองเขาทั้งน้ำตาสภาพมอมแมมดูไม่ได้เลย

“พี่..”

“ใบบุญ” เขาร้องทัก ก่อนจะเดินลุยดินที่แฉะเพราะน้ำฝนจนรองเท้าผ้าใบเละเทะไปหมด “ทำไมมึงเป็นอย่างนี้” ธัชธรรม์ตกใจกับสภาพของคนตัวเล็กจริงๆ ถ้าเขาไม่รู้จักมันคงคิดว่าเป็นผีมาหลอกแน่ๆ

“หนูหนาวอะ ปวดหัวด้วย”

“ใครใช้ให้มึงมาทำอะไรแถวนี้” เขาประคองเด็กหนุ่มขึ้นมายืน แต่ดูเหมือนจะไม่มีแรงแม้แต่ทรงตัว เมื่อกลางวันก็เป็นไข้ยังไม่หายดีตอนนี้หาเรื่องป่วยอีกแล้ว

เออ ดี!

“หนูหาทุกคนไม่เจอ จะกลับมันก็มืด น่ากลัว” ใบบุญกลั้นน้ำตาไม่ไหว มันน่ากลัวจนเขาไม่กล้าเดินไปไหนต้องทิ้งตัวอยู่ที่พื้น “หนูหลงทาง.. มันมืดไปหมด ฟ้าร้อง หนูไม่ชอบเลย”

“ไม่ต้องร้อง มึงจะร้องหาพระแสงอะไรล่ะ” เขาใช้นิ้วปาดน้ำตามันออก จะดึงแว่นตาออกอีกฝ่ายก็ไม่ยอม สะบัดหน้าหนีเขาอีกต่างหาก ดื้อจริงโว้ย!

“หนูกลัว” มันร้องพร้อมสะอื้นจนตัวโยน เขาเห็นก็โกรธไม่ลง รู้ดีว่ามันบอบบางเหมือนแก้วขนาดไหน

“กูขอโทษ” เขาพูดเสียงอ่อน “กูทิ้งมึงอีกแล้ว เหมือนตอนนั้นไม่มีผิด”

“พี่ธัชไม่ผิด ไม่ผิดสักหน่อย” เด็กหนุ่มค่อยๆตอบ น้ำมูกไหลจนจมูกแดงก่ำ

“เลิกพูดมาก เปียกไปทั้งตัวแบบนี้ ถามจริงมึงหลบฝนประสาอะไร” เขามองสภาพแล้วส่ายหัวทันที เอ่ยเสียงแข็งจนคนตัวเล็กสะดุ้ง “ถอดเสื้อ”

“ไม่เอา ไม่ถอด”

“เร็วๆ จะถอดเองหรือจะให้กูถอด” ชายหนุ่มเร่งเร้าเพราะไม่อยากให้มันป่วยอีกรอบ เพราะคนดูแลก็คือเขาไง “มันมืดจะตายกูมองไม่เห็นหรอกน่า”

“ก็ได้ อย่าแอบมองนะ” ใบบุญตัวลีบไปทันที ก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองออก โอเค.. เขาขอถอนคำพูดที่ว่ามันมืดจนมองอะไรไม่เห็นอย่างน้อยผิวขาวจัดของมันก็สะท้อนแสงจันทร์จนสว่างเข้าตาอยู่ดี “หะ หันไปสิ”

“มีก็มีเหมือนกัน ยังจะมาทำอายอีก” เขาถอดเสื้อของตัวเองบ้าง มันยังแห้งสนิทและคงจะดีกว่าให้มันใส่เสื้อเปียกๆ “เอาของกูไปใส่ไป”

“ขะขอบคุณ”

“ถ้าแม่รู้ว่ามึงไม่สบายอีก คงไม่ต้องไปเรียนแล้วมหา’ลัยอะ เตรียมย้ายไปอยู่โรงพยาบาลดีกว่า”

“ไม่เอา อย่าบอกแม่นะพี่ธัช”

“ถ้ากูจะบอกแล้วมึงจะทำอะไรได้ ตัวเล็กอย่างกับลูกแมว” เขาถามเพราะเห็นอีกฝ่ายเงียบไป “ใส่เสร็จหรือยัง?”

“อื้ม เสร็จแล้ว” ใบบุญเดินเข้ามาใกล้เสื้อแขนสั้นของธัชธรรม์ตัวใหญ่พอที่เขาจะใส่เป็นแม็กซี่เดรสของผู้หญิงได้เลย

“แล้วกางเกงก็เปียกทำไมไม่ถอด ถอดแม่งให้หมด”

“ไม่เอา!”

“จะอายกูหรือจะยอมป่วย กูให้มึงเลือก”

“พี่ธัชอย่าใจร้าย”

“ไม่ต้องมาอ้อน คนอย่างมึงน่ะมันดื้อตาใส” เขาส่ายหัว ไม่เข้าว่าทำไมต้องถอดข้างล่างด้วย ถึงจะเปียกซึมลึกไปถึงข้างในแต่เขาก็ไม่กล้า..

“กูนับ 1”

“เปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนก็ได้” เขาเม้มปาก ก่อนจะหันหลังให้แล้วปลดกางเกงผ้าขายาวของตัวเองออก ชายหนุ่มรับเอาไปยัดใส่กระเป๋าเป้ที่สะพายมาด้วย เขาได้แต่มองตาปริบๆรู้วึกเย็นวูบวาบท่อนล่างไปหมด

ไม่ชินเลย.. 

“แม่ง ฝนตกอีกแล้ว ไปหาที่หลบฝนก่อน เร็ว!” ฝนเริ่มลงเม็ดอีกรอบ คนตัวโตคว้าข้อมือเขาไปจับไว้แน่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นประสานฝ่ามือ ความอุ่นร้อนของอีกฝ่ายส่งผ่านเข้ามาทำให้เขารู้สึกอบอุ่นบอกไม่ถูก

“อื้ม”

“จับมือกูเอาไว้แน่นๆ เดี๋ยวหายอีกคราวนี้กูไม่ตามแล้วนะ” พื้นดินที่กำลังถูกฝนตกใส่อย่างหนัก แปรสภาพเป็นดินโคลนขนาดย่อมทำให้การเดินทางกลับออกไปยากลำบากกว่าที่คิด จนกระทั่งเจอต้นไม้ต้นใหญ่ที่พอจะหลบฝนได้ “ตรงนี้น่าจะพอได้ ฝนตกหนักกว่าที่คิดว่ะ” ธัชธรรม์จูงมือเขาเข้าไปใต้ต้นไม้ ใช้ไฟฉายส่องดูก่อนจะใช้เศษกระดาษที่ติดมาในกระเป๋าปูให้เขานั่ง

“แล้วพี่มาได้ยังไง”

“กูก็เดินมาสิวะ เข้ามานั่งใกล้ๆสิ จะโดนละอองฝนหมดแล้ว” ธัชธรรม์ดึงคนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมจะเข้ามาใกล้เขาเลย “จะดื้อก็ให้มันดูเวลาด้วย.. ใบบุญ”

“อื้อ”

“เข้ามาอีก”

“พอยัง”

“มานั่งกับกูนี่” เขาชี้ตรงที่ว่างข้างๆ เด็กหนุ่มมองอย่างชั่งใจ “ทำไม กลัวกูมากขนาดนั้นเลยหรือ”

“เปล่า..” เขากระเถิบไปนั่งจนแทบจะนั่งบนตักของชายหนุ่มอยู่แล้ว

“โอ้โห เอาเสื้อกูไปเช็ดขี้มูกอีก ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย ตัวนี้หลายพันนะมึง”

“มันซักได้น่า พี่ธัชแม่ง” กำลังจะซึ้ง ทำคนอื่นเขาหมดมู้ดอีก!

“เออ ยิ้มได้ค่อยดีขึ้นหน่อย จะร้องไห้แล้วหน้าอูมๆเหมือนแมวปวดฟันเลย” เขาพูดล้อเลียน เด็กหนุ่มกลั้นขำสูดจมูกเสียงดัง ให้ตายเหอะไอ้เด็กเปี๊ยกนี่ ป่วย-อีก-แล้ว!

“ไม่ขำนะครับ”

“เช็ดหน้าเช็ดตาให้มันดีๆหน่อย.. เดี๋ยวกูทำให้”

“ไม่เป็นไรครับ.. ทำเองได้” ใบบุญส่ายหัวรัวเร็ว ก่อนจะหันหลังไปจัดการหน้าตาที่ดูไม่ได้ เขาใช้ปลายเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้าจนเรียบร้อยแล้วก็ใส่แว่นเข้าไปใหม่ “เสร็จแล้ว” เขาตอบเสียงเบา เมื่อเห็นธํชธรรม์เอนหลังพิงกับต้นไม้ เสียงเพลงดังแผ่วช้าๆ เขามองอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คิดว่าจะได้ฟังใกล้ขนาดนี้

“ต่อจากนี้ในค่ำคืนที่ฟ้าร้องคงต้องเหงา

เพราะไม่มีเธอมากอดเอาไว้ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

จากนี้ในค่ำคืนที่ฟ้าร้องคงเปลี่ยนไป

ตั้งแต่วันนั้นไม่มีเลยซักคืน ที่ฉันนอนหลับฝันดี”

“เพราะจัง” เขาแทบไม่ได้ละสายตาไปจากอีกฝ่ายได้เลย นี่สินะที่เขาเรียกว่าพรสวรรค์

“แหงอยู่แล้ว”

“ร้องอีกได้ไหม ผมอยากฟัง”

“เพลงนี้กูตั้งใจร้องให้คนคนนั้นฟังเป็นคนแรก มึงเป็นใครจะมาฟังกูร้องก่อน” เขาดันหัวทุยมันออกไป อีกฝ่ายคลำหัวตัวเองป้อยๆ หน้าตาเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ “อยากฟังเดี๋ยวจะร้องให้ฟังก็ได้ คิดว่ากูซ้อมร้องก็แล้วกัน”

“เมื่อก่อนที่ฉันนั้นมีเธออยู่ข้างกาย

ฉันไม่กลัวเวลาที่ฟ้ามันร้อง และไม่ใด้คิดว่าเธอนั้นจะจากฉันไป, no

ในวันที่ฟ้านั้นเป็นสีดำ that reminds me of you

และรู้ว่าเธอคงไม่หวนคืนมา ในคืนที่ฟ้ามันผ่าลงมาทำให้ฉันรู้สึกกลัว

Cause I know you would never come back to me After what I have done to you…”

“เขาคนนั้นสำคัญกับพี่มากเลยหรือ?”

“สำคัญสิ เขาเป็นคนรักของกูทั้งคนเชียวนะ”

“เขาชื่ออะไรหรือครับ”

“Galaxy-B” ธัชธรรม์ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหนออกมา แต่เขามีความสุขที่ได้บอกชื่อของใครบางคน “มันเป็นชื่อที่เขาใช้ในวงการแรปเปอร์ พูดไปมึงก็ไม่รู้จักหรอก” เขาเอนหลังพิงต้นไม้ เหม่อมองท้องฟ้าที่มืดสนิท “กูตั้งใจแต่งเพลงให้เขาอยู่เพลงหนึ่ง หวังว่าเขาจะกลับมาฟังเพลงของกูสักครั้ง”

“ผมเชื่อว่าเขาจะต้องได้ฟังเพลงของพี่แน่ๆ” ใบบุญกะตือรืนร้นจนเขานึกขำ ดีดหน้าผากเด็กดื้อไปอีกรอบ “พี่ธัชร้องเพลงเพราะมาก”

“มึงชมกู ก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะรู้สึกดีกับมึงมากขึ้นนะ”

“ผมรู้ ว่าพี่คงไม่มีวันรักผมหรอก”

“รู้ตัวก็ดีละ ฝนหยุดตกเมื่อไหร่จะได้ออกไปสักที” เขาละความสนใจก่อนจะหลับตาลง คิดถึงไออุ่นและสัมผัสจากใครคนนั้นเหลือเกิน “กูอยากกลับไปแต่งเพลงจะแย่แล้ว”

“อะ.. อืม” ใบบุญชันเข่าขึ้นนั่ง กอดตัวเองพลางแอบมองเสี้ยวใบหน้าของชายหนุ่มที่ผล็อยหลับไปได้สักพักแล้ว เสียงฝนยังคงดังโปรยปราย ก้อนเมฆบดบังแสงดาวที่เคยมีจนหมดสิ้น กระชับอ้อมกอดที่กอดตัวเองเอาไว้ จะเป็นอะไรไหมถ้าเขาจะขอ..

ขอให้ฝนตกนานกว่านี้อีกนิด จะได้ไหมนะ..

++

เรื่องทั้งหมดจบลงที่หิรัญตามหาแล้วเจอพวกเขาในช่วงรุ่งสาง ก่อนจะถูกหามส่งโรงพยาบาลกันอย่างทุลักทุเลเพราะสภาพฝนตกหนักทำให้ถนนที่เป็นทางออกจากหมู่บ้านมีความขรุขระและเข้าออกลำบากมาก ใบบุญไข้ขึ้นสูงอีกแล้ว คราวนี้น่าจะต้องนอนแอดมิทอีกหลายวัน เรื่องที่พวกเขาเป็นพี่น้อง และอยู่บ้านเดียวกันแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ธัชธรรม์ไม่ได้รู้สึกอะไรนอกจากคิดแค่ว่าจะจัดการคนที่ทำให้ใบบุญเป็นแบบนี้อย่างไรดี

คนที่ทำให้มันเจ็บ ต้องเจ็บกว่ามันเป็นสิบเท่า!

 เขายอมรับว่าตัวเองก็ไม่ใช่พี่ชายที่ดี รู้ทั้งรู้ว่ามันโดนเพื่อนในรุ่นหมายหัวก็ห้ามอะไรไม่ได้ มันซะอีกที่ยอมทนโดนแกล้งโดนรังแก ไม่ต่างจากเขาสมัยก่อนเลย ชายหนุ่มไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นอีก ถ้าจะมีใครมาทำอะไรมันอีกคงต้องผ่านเขาไปให้ได้ก่อน

“พี่ธัช อย่าบอกแม่เลยนะ” คนป่วยที่นอนซมอย่างมันมีสิทธิ์อะไรมาห้ามเขากัน ต้องให้แม่บ่นซะให้เข็ด!

“กูบอกแน่.. แม่จะได้ขังมึงไว้ในบ้านไม่ต้องไปซ่าที่ไหนอีก”

“โถ่ พี่ธัช” ไม่ต้องมาทำหน้าตาน่าสงสาร เขาไม่หลงกลมันแน่ หิรัญจู่ๆก็เดินเข้ามาแยกเขาให้ออกห่างจากเตียงพร้อมกับมองเขาตั้งหัวจรดเท้า สภาพเขาตอนนี้มีเพียงกางเกงยีนใส่ติดตัวเท่านั้นแถมยังเดินเท้าเปล่าอีกต่างหาก

“แล้วมึงเนี่ยอะไร เอะอะถอดเสื้อตลอด ไม่ได้เป็นอะไรก็กลับไป” ชายหนุ่มมองสภาพเพื่อนแล้วส่ายหัว ไม่คิดว่าคนที่ห่วงหล่อห่วงหน้าตาอย่างมันจะลงทุนขนาดนี้ เหล่ไปมองคนตัวเล็กที่หน้าแดงก่ำเพราะพิษไข้ก็ต้องถอนหายใจ

เกลียดแค่ไหน.. ก็ยังสำคัญกับหัวใจอยู่ดี

ไอ้คนปากแข็งเอ๊ย ปากมึงถ่วงด้วยหินหรือยังไง!

“กูจะเฝ้ามัน”

“หยุดเลย มึงหยุดอยู่ตรงนั้นแหละ กลับไปจัดการตัวเองก่อนไป เดี๋ยวกูดูแลน้องทางนี้ให้” เขาโบกมือไล่มันออกนอกห้อง “ดูสารรูปมึงด้วย พยาบาลไม่ตกใจก็ดีแค่ไหนแล้ว”

“เอางั้นก็ได้ กูฝากมันด้วยนะ” เขายอมผละออกจากคนป่วยที่ยังมองเขาตาใส เดี๋ยวคอยดูถ้ามันหายเมื่อไหร่เขาจะเอาคืนให้หนักเลย!

“เออๆ”

ธัชธรรม์ตรงดิ่งกลับที่พักไม่สนใจพวกรุ่นพี่คนอื่นที่มาช่วยเฝ้าใบบุญอยู่ที่โรงพยาบาล กิจกรรมทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไป เขาตัดสินใจกดโทรหามารดาแต่ไม่มีการตอบรับจึงฝากข้อความเอาไว้ ระหว่างนั้นก็เก็บเสื้อผ้าของตัวเองและของคนตัวเล็กเอามากองรวมไว้ที่เตียงเตรียมยัดใส่กระเป๋าเป้เพื่อเดินทางกลับทันทีที่ใบบุญออกจากโรงพยาบาล ชายหนุ่มนึกขึ้นได้จึงเข้าไปอาบน้ำล้างเนื้อตัวให้สะอาดจนกระทั่งแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเสียงโทรศัพท์ก็ดังพอดี

“ธัช น้องเป็นยังไงบ้างลูก”

“แอดมิทอีกแล้วครับ หมอเจาะเลือดไปตรวจอยู่” ยิ่งได้ยินเสียงของคนเป็นแม่ร้อนรนเขาก็ทำตัวไม่ถูก ทั้งรู้สึกผิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำซาก เขาปล่อยให้มันโดนรังแกอีกแล้ว..

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องถึงได้เข้าโรงพยาบาลอีก”

“ผมขอโทษที่ดูแลน้องได้ไม่ดีครับแม่”

“แม่ไม่เคยโทษธัชเลย แม่จะไปหาไว้เจอกันที่โรงพยาบาลจ้ะ” มารดาวางสายไปได้สักพักแล้วแต่เขายังคงจมอยู่กับความคิดของตัวเอง มันคงถึงเวลาแล้วที่เขาต้องคุยเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที

กรวีร์ลุกพรวดแล้ววิ่งตรงมาหาเขาทันทีที่เจอกัน ทุกคนในรุ่นดูตกใจเล็กน้อยกับการมาถึงของเขา ตอนนี้เขาต้องการเคลียร์เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด

“ใบบุญเป็นยังไงบ้างพี่”

“มันยังไม่ตายก็แล้วกัน” เขาตอบ ส่วนกรวีร์แทบจะทรุดลงไปกับพื้นด้วยความโล่งอก

“ผมจะไปเยี่ยมมัน”

“อย่าเพิ่งไปไหน มึงต้องช่วยกูจัดการก่อน” เขาพูดเสียงแข็ง ถึงจะโมโหแค่ไหนแต่ก็ต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้

“จัดการ?”

“ไปเรียกเพื่อนมันมา มันมีเพื่อนอยู่แค่กี่คนมึงก็น่าจะรู้ดี”

จะได้คิดบัญชีให้มันจบๆไป!

   ในช่วงกลางวันที่ทุกคนพักผ่อนตามอัธยาศัย กรวีร์ก็ถือโอกาสชวนเพื่อนผู้หญิงที่ดูสนิทกับใบบุญมาพูดคุยด้วย ดูทั้งสองดีใจที่เห็นเขาเข้าไปหา แต่ในใจก็ยังนึกสงสัยว่าทั้งคู่มีอะไรเกี่ยวข้องกับธัชธรรม์กันแน่..

   เขาไม่เห็นจะเข้าใจเลย..

“เรียกเรามามีธุระอะไรหรือเปล่า” หมิวเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆเมื่อเห็นธัชธรรม์ ใครๆก็รู้กันทั่วว่าหมอนี่ยิ่งกว่าหมาบ้า ต่อให้หล่อขนาดไหนพวกเธอก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งให้เสียเวลา

“ต้องให้บอกหรือไงว่ามีอะไร?”

“พี่ธัชทำไมต้องตะคอกด้วยละคะ” แฟงสะดุ้งตกใจ รีบเข้าไปหลบหลังกรวีร์

“พี่ธัชใจเย็นๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมงงไปหมดแล้วนะ หมิวกับแฟงเกี่ยวอะไรด้วย”

“นั่นสิ เราไปทำอะไร?”

“ให้พูดอีกทีว่าไม่ได้ทำอะไร ตอนนี้รู้อะไรไหม? จะบอกให้นะ ใบบุญนอนอยู่ที่โรงพยาบาล” เขาขบกรามแน่น ความรู้สึกโมโหพุ่งพล่านจนร้อนระอุ “เพราะพวกเธอทำอะไรน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี ใบบุญมันซื่อมันไม่รู้หรอกว่าเธอคิดอะไร”

“ระ เรา”

“คราวก่อนที่มันไม่สบายเพราะพวกเธอใช้ให้มันไปทำป้ายห้อยคองี่เง่าในห้องเก็บของ มันแพ้ฝุ่นเกือบตาย” เขาตะคอกเสียงดัง กรวีร์ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายที่จงเกลียดจงชังน้องตัวเอง จะรู้ความเป็นไปแทบทุกอย่าง “มันไม่มีใครคบ เพราะไม่ใช่พวกเธอหรือไงที่ไปบอกคนอื่น มันกับไอ้กรไม่ได้เป็นแฟนกันรู้ไว้ด้วย”

“พวกเรารู้แล้ว ว่าทั้งสองคนไม่ใช่แฟนกัน!” หวิวเอ่ยละล่ำละลัก เพราะเกรงใจที่กรวีร์อยู่ด้วย “แต่เราก็ไม่ชอบให้ใบบุญมายุ่งวุ่นวายกับกร”

“หมายความว่ายังไง” กรวีร์ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ เขาอยู่ของเขาดีๆแท้ๆ “มันเกี่ยวอะไรกับเราด้วย”

“ก็หมายความว่าในระหว่างที่มึงไปซ้อมการแสดงอะไรนั่น ใบบุญมันก็ต้องอยู่คนเดียวเพราะไม่มีใครเอาไง” เขาพูด เพราะเห็นทุกอย่างกับตา “ถ้าไม่ใช่กูช่วย แล้วมันจะมีงานส่งไหม ใส่ชื่อเอาไว้แล้วลบมันออกทีหลัง ทำไมพวกเธอแม่งเป็นคนแบบนี้วะ”

“ไม่เกี่ยวกับเราสักหน่อย”

“อย่ามาทำเป็นพูดอย่างนี้ เพราะเมื่อวานเธอให้มันไปที่ไหน มันไม่ใช่เส้นทางที่เราทำกิจกรรมสักหน่อย”

“หมิว? แฟง?” กรวีร์ตกใจกับคำพูดของชายหนุ่ม เขาหันไปมองหญิงสาวสองคนที่กัดริมฝีปากแน่น ไม่กล้าสบตาเขาเลยด้วยซ้ำ

“เราไม่คิดว่าใบบุญจะโง่ขนาดนี้”

“เธอไม่มีสิทธิ์มาว่ามันโง่!” เขาตะคอก แม้จะโมโหแค่ไหนก็ได้แค่กำหมัดแน่น “มันหลงทางไปไหนต่อไหน เกือบตายแล้วพวกเธอรู้ไหม” เขาโกรธจนอยากจะฉีกผู้หญิงตรงหน้าเป็นชิ้นๆ สภาพที่เขาเห็นมันตอนนั้นไม่ต่างอะไรกับผ้าขี้ริ้ว

“กรี๊ด”

“พี่ธัชใจเย็น” กรวีร์แทรกกลาง รับรู้ว่าธัชธรรม์กำลังโมโหแค่ไหน เขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทีละเล็กละน้อย “ค่อยๆคุยกันนะพี่”

“กูไม่เหมือนมันที่เชื่อคนอื่นไปซะหมด” เขาเอ่ยเสียงสั่น เหตุการณ์ที่ถูกกลั่นแกล้งมาตั้งแต่เด็กมันฝังใจเขาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้ใครแน่ “ถ้ายังมายุ่งกับใบบุญอีก จำเอาไว้ว่ามันจะไม่จบแค่นี้แน่” เขาผละออกไปก่อนที่จะระงับตัวเองไม่ไหว

“ถ้าเธอชอบเราจริงๆ ก็อย่าทำแบบนี้กับเพื่อนเราอีก” กรวีร์พูดเสียงเข้ม สายตาที่มองแปรเปลี่ยนไปเย็นชาจนน่ากลัว ทั้งสองรู้สึกเย็นยะเยือกตกใจจนหน้าซีดเผือด “เราก็ไม่เอาเธอไว้เหมือนกัน”

เขาไม่ยอมให้ใครมาทำให้เพื่อนเขาเจ็บแน่..
+++

ทับทิมยกเลิกงานทั้งหมดและขอตัวออกจากการประชุมก่อนเวลา ไม่ทันได้เตรียมของสำหรับเดินทางก็มาถึงสนามบินแล้ว ในใจเธอร้อนรนยิ่งกว่าอะไร ทั้งเป็นห่วงลูกชายคนเล็กที่เธอเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ลูกชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ทับทิมยังจำได้ดีภาพของเด็กชายตัวเล็กจ้ำม่ำผิวขาวจัด ดวงตากลมใสแจ๋วสีน้ำตาลสุกสกาว และริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เรียกเธอว่าแม่นั้น.. มันช่างเหมือนใครคนนั้นเหลือเกิน

   ใครบางคนในห้วงความจำทรงจำที่เป็นความสุขเบื้องลึกภายในใจ

   เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน

   (ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 10 ] 30-10-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 30-10-2018 23:30:01
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


ประตูห้องสีขาวถูกเปิดอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องสีขาวสะอาดยังคงมีแสงสว่างยามเย็นส่องเข้ามาอยู่บ้าง พยาบาลบอกกับเธอว่าคนไข้อ่อนเพลียและมีอาการไข้ขึ้นสูงจนเกือบช็อค หญิงสาววัยกลางที่มีเค้าโครงความสวย สวมชุดกระโปรงสีครีม ผมยาวดกดำถึงกลางหลังสนิทเข้ากับผิวขาวเหลือง ใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มเสมอ ดวงตากลมโตที่มักจะมองด้วยสายตาอ่อนโยนเต็มตื้นไปด้วยหยาดน้ำตาราวกับจะขาดใจเมื่อลูกชายคนเล็กนอนแบ็บอยู่ที่เตียง ใบหน้าและริมฝีปากขาวซีด ดวงตากลมสวยคู่นั้นไร้ชีวิตชีวายิ่งกว่าครั้งที่เจอกันเมื่ออาทิตย์ก่อน

   “..แม่”

“ทำไมหนูซนอย่างนี้ล่ะลูก”

“หนูขอโทษ”

“ขอโทษแม่ทำไม หนูดื้อกับแม่หรือจ้ะ”

“หนู หนูไม่สบายอีกแล้ว” เขาพยายามลืมตามองมารดาที่กำลังลูบหัวอยู่ข้างเตียง แค่เห็นคนตรงหน้าน้ำตาก็ไหลรินออกมาเงียบๆ “หนูทำให้แม่เป็นห่วง” ชอบใช้สรรพนามแทนตัวเหมือนครั้งยังเด็ก เวลาอ้อนหรือไม่สบายก็มักจะงอแงให้เธอได้โอ๋อยู่เสมอ

“ตาหนูของแม่เดี๋ยวก็หายแล้ว”

“พี่ธัชบอกแม่หรือจ๊ะ”

“ใช่ พี่ธัชเป็นห่วงหนูมากเลยนะ”

“หนู.. ดีใจที่พี่ธัชเป็นห่วง” ใบบุญส่งรอยยิ้มบางเบาให้มารดา

“แม่รู้ๆ เมื่อก่อนก็ตัวติดกันตลอดเลยนี่นา” ทับทิมบรรจงลูกกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบา ตัวยังร้อนอยู่เลยยังจะดื้อไม่ยอมนอนอีก “ไม่เอาไม่พูดแล้ว นอนพักเถอะ แม่ไม่กวนหรอกจ้ะ”

“แม่..” เขาส่งเสียงร้อง “หนูอยากรู้..”

“…”

“พ่อกับแม่หนูคือใครหรือจ๊ะ”

“ใบบุญ..” ทับทิมนิ่งอึ้ง

“เอกภพคือพ่อของหนูใช่ไหม แล้วเขาไปไหน” ใบบุญเจอใบเกิดของตัวเองที่ซ่อนอยู่ในห้องของมารดา ความจริงเมื่อครั้งยังเยาว์วัยถูกค้นพบว่ามันไม่จริง ชื่อบิดามารดาของเขาไม่ใช่ชื่อเก่าของแม่อย่างที่เคยบอกเขาไว้ แต่เป็นใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก “พ่อกับแม่หนูเขาไปไหน”

“แม่อยู่นี่ แม่ทิมอยู่นี่ไงลูก”

“แม่บอกหนูมาเถอะ หนูขอร้อง”    

“รอให้หนูอาการดีขึ้นกว่านี้ดีไหมจ้ะ” เห็นลูกชายร้องไห้สะอึกสะอื้นเธอก็แทบจะขาดใจ สองมือกระพุ่มไหว้ขึ้นตรงอก ถ้าเขาไม่รู้ว่ารากเหง้าตัวเองมาจากไหน จนตายเขาก็คงตายตาไม่หลับ อ้อนวอนมารดาผู้เป็นที่พึ่งสุดท้าย
“ไม่เอา.. นะแม่”

“ไม่ร้อง หยุดร้องไห้ก่อน สภาพตัวเองยิ่งไม่ค่อยดียังจะฝืนอีก”

“นะครับแม่”

“จ้ะ ไม่เอาไม่ต้องร้องแล้ว” เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ลูกชายก่อนจะนั่งลงช้าๆ กล้ำกลืนความหลังที่ทรมานกัดกินเธอมาแสนนาน “พ่อเอกของหนู.. เป็นแฟนเก่าของแม่เองจ้ะ เราเจอกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยตอนนั้นพ่อหนูเป็นเดือนคณะด้วยนะ หล่ออย่าบอกใครเลย.. ส่วนแม่ปรางเป็นเพื่อนสนิทของแม่เอง”

“มะ.. หมายความว่าพ่อกับแม่หนูเป็นเพื่อนสนิทของแม่ใช่ไหมจ้ะ”

“ใช่ลูก.. ถึงแม่จะเลิกกับพ่อเอกแต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”

“ละแล้วทำไม”

“ถ้าแม่บอกอะไรไป ใบบุญสัญญากับแม่ได้ไหม” ทับทิมซับน้ำตาที่ไหลปริ่มขอบตา ความลับที่เธอไม่เคยได้บอกใครมันเกี่ยวข้องกับใบบุญอย่างไม่รู้ตัว “ว่าหนูจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับบ้านของพ่อเอก”

“ทำไมล่ะครับ”

“สัญญากับแม่ได้ไหมลูก”

“จ้ะ หนูสัญญา” เขาไม่ค่อยเข้าใจมากนัก แต่ว่าดูจากท่าทางของมารดาแล้วน่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว อาการไข้ที่กำลังรุมเร้าทำให้เขาปรือตามองอย่างยากลำบาก แต่ว่าเขาอยากรู้เหลือเกิน ทุกประสาทสัมผัสแม้จะไม่เอื้ออำนวยแต่เขาก็อยากจะได้ยินจากปากของมารดาถึงความจริงทั้งหมด

“เราเจอหนูตอนที่.. ตำรวจเข้าไปพบศพพ่อเอกและแม่ปรางอยู่ในบ้าน แม่ปรางกอดหนูเอาไว้แน่น แม่คิดว่าหนูจะไม่รอดแต่ว่า.. หนูกลับรอดเหมือนมีปาฏิหาริย์”

“พ่อกับแม่หนู.. ไม่อยู่แล้วหรือจ้ะ ฮึก” ขอบตาเขาร้อนผ่าวอีกรอบ ก้อนสะอึกมันจุกที่อกทันทีที่ได้ยินจากปากของมารดา

“ไหนบอกกับแม่ว่าจะไม่ร้อง”

“ฮึก ฮือ” เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อพบความจริงว่าพ่อและแม่บังเกิดเกล้าไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว ความหวังที่เคยมีกลับหายไปในพริบตา

“สิ่งที่หนูได้กลับมาคืออาการหวาดผวาทุกคืน หมอบอกว่าเป็นอาการเครียดจากการเจอเหตุการณ์สะเทือนใจ ไม่มีญาติคนไหนอยากจะรับเลี้ยง.. แม่จึงต้องรับหนูมาเป็นลูกบุญธรรม” ทับทิมเช็ดน้ำตาให้ลูกชายแผ่วเบา ยิ่งตอนสะอื้นแก้มที่เคยขาวกลับขึ้นสีแดงก่ำ “เลี้ยงคู่กับลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวและตั้งชื่อให้คู่กัน”

ธัชธรรม์และใบบุญ

คุณงามความดีและความเมตตาของบุญ

“ฮึก..ฮือ” เขาร้อง ร้องจนเหมือนจะขาดใจ สิ่งที่เกิดขึ้นมันโหดร้ายเกินกว่าที่เด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่งจะได้รับ และเขาไม่อาจจะรู้เลยว่ามันส่งผลถึงอนาคตอย่างไร ความทรมานที่เขาต้องเผชิญ สิ่งที่เขากลัวล้วนมาจากเหตุการณ์ในอดีตทั้งสิ้น อาการปวดหัวกำเริบอีกครั้งมันกินเวลายาวนานจนหัวเขาแทบระเบิด เขาถูกฉีดยาและไม่รับรู้ความจริงใดๆอีกเลย มีเพียงความฝันล่องลอยที่โผล่เข้ามารบกวนจิตใจอีกแล้ว

เขาว่ากันว่าความฝันของคนเรามาจากจิตใต้สำนึกส่วนที่ลึกที่สุด คราวนี้เขามองเห็นบรรยากาศในคืนนั้นได้ราวกับฝังรากลึกอยู่ในจิตวิญญาณ อากาศเย็นสบายเพราะแรงลมและก้อนเมฆสีดำทะมึนแพร่ขยายไปทั่วทั้งท้องฟ้า เขาซุกอยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับกำเสื้อของแม่เอาไว้แน่น เสียงดังเปรี้ยงที่เขาเข้าใจมาตลอดว่ามันคือเสียงฟ้าร้องน่ากลัวกลับกลายเป็นเสียงจากปลายกระบอกปืนที่เล็งมาทางมารดา เขาซุกอยู่ในอกอุ่น มือและขาของเด็กชายเล็กเกินกว่าจะวิ่งตามบิดาออกไปด้านนอกของบ้าน

“แม่..”

“ชู่ว อย่าส่งเสียงนะลูก”

“พ่อไปไหน หนูจะไปหาพ่อ”

“เดี๋ยวพ่อก็มา หนูรอพ่อกับแม่ตรงนี้นะลูก”

“เสียงดังจังเลยครับแม่” “มันคือเสียงอะไร”

“ฮึก ฟ้าร้อง ฝนมันจะตกแล้วลูก หลับตาก่อนนะถ้าหนูง่วงก็นอนหลับไปได้เลย”

“หนูไม่ง่วง หนูอยากออกไปเล่นกับพ่อเอก” เด็กน้อยชักเริ่มง่วงเพราะอากาศเย็นสบาย วันนี้มารดาปิดประตูบ้านและหน้าต่างมิดชิดกว่าทุกที วันนี้เขาเลยอดมองดูคุณก้อนเมฆลอยบนท้องฟ้าเลย

ปัง!

เผลอตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะเสียงดังจนร้องไห้จ้า เสียงดังเปรี้ยงที่เขาเข้าใจมาตลอดว่ามันคือเสียงฟ้าร้องน่ากลัวกลับกลายเป็นเสียงจากปลายกระบอกปืนที่เล็งมาทางมารดา เด็กชายโผเข้ากอดมารดาแน่น อาวุธสีดำมะเมื่อมตรงหน้าช่างเหมือนกับที่เขาเคยเห็นในโทรทัศน์จริงๆ คุณลุงสองคนที่เขาไม่คุ้นหน้ากำลังยกปืนมาทางเขา

“อย่ามาทางนี้ วิ่งไป!”

“แม่!!!” เด็กชายหวีดร้องสุดเสียงก่อนที่เสียงปืนจะดังอีกนัด มันผ่าทะลุเข้ากลางอกของมารดาที่กำลังปกป้องเขา เหมือนภาพตรงหน้ามันหยุดเคลื่อนไหวและสมองจดจำราวกับถ่ายภาพเอาไว้ เด็กชายตัวเล็กกรีดร้องทั้งน้ำตา ภาพตรงหน้าพลันแดงฉานจนหมด

โลกทั้งใบของเด็กชายคนหนึ่งปลิดปลิวแตกสลาย

เสียงปืนยังคงดังก้องในหัวจวบจนสติดับวูบไป

แม่จ๋า.. อย่าทิ้งหนูไป..



TBC





หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 11 ] 31-10-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 31-10-2018 22:46:21
Rhyme 11

   เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาเจอเพดานสีขาวและความรู้สึกปวดหนึบกึ่งกลางศีรษะ ดวงตากลมกระพริบเชื่องช้าพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่าง ใบบุญรู้สึกร่างกายหนักไปทั้งตัวกระดิกตัวยากลำบากเหลือเกิน กระทั่งคนที่กำลังงีบอยู่ข้างเตียงสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาร้องเสียงหลง ใบบุญมองหน้าเพื่อนสนิทที่ยับยู่ยี่หมดความหล่ออย่างสิ้นเชิงก็นึกขำ เขาเอ่ยเสียงแผ่วเบา

   “ขอ..น้ำ”

“ได้ๆ มึงไม่ต้องขยับเดี๋ยวกูปรับเตียงเอง” ชายหนุ่มกุลีกุจอรินน้ำใส่แก้วก่อนจะปรับเตียงให้เขา “ค่อยๆดูดนะ”

“ขอบใจนะ กูหลับไปนานไหม”

“มึงอะหลับข้ามวัน กูมาเปลี่ยนจากพี่ธัชเมื่อเช้านี่เอง”

“พี่ธัชก็มาหรือ”

“อือ เขามาเฝ้าตั้งแต่เมื่อคืน ส่วนแม่บินกลับไปแล้ว”

“….”

“เดี๋ยวก็คงมา มึงไม่ต้องห่วงหรอก ข้าวของก็เก็บเรียบร้อยแล้ว มึงออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ก็กลับบ้านไปพักผ่อนได้เลย”

“เสียดายจัง กูก็อยากทำกิจกรรมกับเพื่อนเหมือนกันนะ”

“มึงไม่ต้องเสียดายหรอก กิจกรรมมันทำเมื่อไหร่ก็ได้”

“แต่ว่า…”

“ไม่ต้องพูดมากแล้ว เดี๋ยวกูเรียกพยาบาลก่อน เผื่อมึงต้องกินข้าวกินยาอีก” เขาลุกขึ้น มองใบหน้าขาวซีดของใบบุญด้วยความเป็นห่วง “รออยู่นี่นะ ปวดฉี่ก็บอก”

“มึงนี่มัน…” เขาส่ายหัว ปล่อยให้กรวีร์ได้จัดการอย่างที่เจ้าตัวต้องการ แต่สังเกตได้ว่าวันนี้เพื่อนสนิทมีอาการลุกลี้ลุกลนผิดปกติ หรือจะมีเรื่องไม่สบายใจกันแน่ ขนาดตัวเองไม่สบายก็ยังเป็นห่วงคนอื่น สำหรับเขาแล้วเขามั่นใจว่าเขาอดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกอย่าง

รวมถึงเรื่องที่เขาเพิ่งรู้ด้วย..

มือทั้งสองข้างกำแน่น มีคำถามมากมายที่เขาอยากจะรู้เหลือเกิน พ่อแม่เขาทำผิดอะไรถึงได้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น แล้วญาติพี่น้องของเขาคนอื่นๆล่ะ ทุกคนไม่ต้องการเขาแล้วใช่ไหม..

“เดี๋ยวก็กลับได้แล้วล่ะ ไข้ลดแล้ว”

“อื้ม อยากกลับแล้ว”

“พี่ธัชคงมารับตอนบ่าย มึงโอเคแล้วแน่นะ ไม่เจ็บตรงไหนนะ” เขาถาม

“ดีขึ้นแล้ว แค่ร่างกายอ่อนเพลียเฉยๆเว้ย”

“กูใจไม่ดีเลยจริงๆ ร่างกายมึงอ่อนแอ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ป่วยแล้ว”

“กูจะดูแลตัวเองให้ดี ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

“กูขอโทษ กูผิดเองที่ดูแลมึงไม่ดี” เขารู้สึกสะอึกทันทีที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“มันไม่เกี่ยวกับมึงหรอกน่า กร อย่าโทษตัวเองเลย” ใบบุญบอกก่อนจะยิ้มให้ “ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“เกี่ยวสิ มันเกี่ยวกับกูทั้งนั้น เพราะกูอีกแล้วที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้” กรวีร์เสียงสั่น เพราะเขาที่ทำให้มันต้องเจ็บตัวแบบนี้ เป็นเพราะเขาอีกแล้ว..

“บ้าไปแล้ว ไม่ต้องร้อง”

“มึงไม่มีเพื่อนทำไมไม่บอกกูสักคำ” เขาเค้นเสียงถาม มันรู้สึกจุกไปหมด

“มันไม่จำเป็นต้องบอกมึงทุกเรื่อง กูไม่อยากให้มึงไม่สบายใจ” คนป่วยถอนหายใจ เขาไม่อยากจะคิดมาก ก็เลยคิดว่าไม่จพเป้นต้องบอกก็ได้ “เพื่อนกูก็มี หมิว..”

“มึงอย่าไปนับมันเป็นเพื่อน มันทำกับมึงตั้งเยอะแยะ มึงยังจะ..”

“เพื่อนคงไม่ได้ตั้งใจ มึงอย่าไปโทษเขาเลย” ใบบุญบอก

“ไม่ว่าเมื่อไหร่ นิสัยมึงก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ มึงทำดีกับคนที่เกลียดมึงได้ยังไงวะ” เขาขบฟันแน่น ทั้งโมโหทั้งโกรธ “มันทำให้คนทั้งรุ่นแบนมึง มึงยังจะไปคิดว่ามันเป็นเพื่อนได้อีกหรือวะ มึงก็เป็นนักร้องมีชื่อเสียง ถ้าพวกมันรู้คงเข้ามาประจบมึงแทบไม่ทัน”

“กร กูอยากใช้ชีวิตเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยปกติ มึงก็รู้ กูไม่อยากเป็นที่จับตามองของใคร” ใบบุญบอกก่อนจะยิ้มเจื่อน ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนล้วนแล้วมีแต่ปัญหาทั้งนั้น “ถ้าเขาจะคบกับกูเพราะกูเป็นคนมีชื่อเสียง มันจะเรียกว่าเพื่อนหรือวะ”
“ฮึก ฮือ กูขอโทษ”

“แม่ง ตัวอย่างกับควาย ร้องไห้ทีแฟนคลับมึงคงวิ่งหนีกันหมด”

“เพราะมึงอะแหละ”

“เห้อ ขี้แยจริงๆ” เขายกมือขึ้นเสยผมที่เริ่มเหนียวของตัวเอง ส่วนอีกข้างจนมีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ “ตอนนี้กูก็มีเรื่องให้คิดหลายอย่าง ความจริงที่กูเพิ่งรู้มันหนักกว่าที่กูคิด”

“หมายความว่ายังไง เรื่องมึงกับพี่ธัชหรือวะ”

“กูกับเขาไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆอยู่แล้ว เพียงแต่ได้ยินจากปากแม่มันทำให้กู.. ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้” เขาพูดเสียงเบา อย่างน้อยที่สุดเขาก็รู้สักทีว่าควรทำอะไรต่อไป

“มะ หมายความว่ายังไง”

“กูจะกลับไปร้องเพลง”

“มึงอย่าล้อกูเล่นนะ” กรวีร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะถามย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง “มึงจะกลับไปร้องเพลงจริงๆนะ”

“ไม่มีเหตุผลที่กูจะต้องปิดบังตัวตนอีกต่อไป”

“ไหนบอกว่าไม่อยากเป็นจุดสนใจไงวะ” เขาเกาหัว มองคนป่วยที่ส่งยิ้มให้ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

“มันถึงเวลาแล้วที่กูต้องเอาคืน..”
+++

   ธัชธรรม์มารับเขากลับบ้านทันทีหลังจากที่กรวีร์โทรไปบอกว่าคุณหมออนุญาติให้เขากลับบ้านแล้ว เราสองคนไม่มีคำพูดระหว่างกันแม้สักประโยค มีแต่ความอบอุ่นใจที่รับรู้ว่ายังมีคนอยู่เคียงข้าง ใบบุญทำตัวเป็นเด็กดีกินยาจนครบและโดนมารดากำชับให้ดูแลสุขภาพ หลังจากวันนั้นเขาและธัชธรรม์ก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดคุยกันเหมือนเดิม มันเหมือนแก้วที่มีรอยร้าวพร้อมจะปริแตกได้ตลอดเวลาหากมีการกระทบกระทั่ง อีกฝ่ายจึงไม่ค่อยอยากจะเจอเขานัก

เขาเข้าใจ..

บรรยากาศในช่วงแรกของการเปิดเทอมใหม่ยังคงมีกิจกรรมมาให้เขาตื่นตาเรื่อยๆ โดยเฉพาะกิจกรรมการแข่งขันกีฬาเฟรชชี่ที่เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ ทุกคณะจะต้องส่งผู้เข้าร่วมการแข่งขันในทุกกีฬาเพื่อไปแข่งกับคณะอื่น และผู้เข้าแข่งขันที่ดูจะเป็นสุดยอดผู้เล่นที่ลงแทบจะทุกการแข่งขันและเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้เข้าร่วมชมได้อย่างถล่มทลายจะเป็นใครไปได้นอกจาก ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นหมาบ้าแห่งคณะดุริยางค์ฯ

   ธัชธรรม์

   ใบบุญไม่คิดว่าชายหนุ่มที่เขากำลังดูการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำตรงหน้าจะมีพลังทำลายล้างต่อหัวใจขนาดนี้ หากประเมินจากทรูปร่างหน้าตาซึ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นดาราได้สบาย รวมไปถึงพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงและเล่นดนตรี ยังมีเรื่องกีฬาที่เป็นเลิศอีก นี่เขายังมีเรื่องที่ไม่รู้อีกที่เรื่องของธัชธรรม์กันแน่ ดวงตากลมมองกล้ามหน้าท้องหนั่นแน่นที่โผล่พ้นขอบกางเกงว่ายน้ำสั้นขึ้นมา กล้ามเนื้อสวยที่เรียงตัวกันอย่างพอดี ทำให้เขาเผลอจ้องมองจนอีกฝ่ายหันมาสบตากับเขาจนได้

   โอ๊ย ชิบหายแล้ว

   เขารีบหันหน้าหนีเดินลงจากอัฑจรรย์เพื่อไปหาห้องน้ำ ใบบุญทำเนียนตามเพื่อนคนอื่นที่มาเชียร์คณะตัวเอง แต่อันที่จริงแล้งเขามาแอบมองใครบางคน ทั้งๆที่เห็นหน้าที่บ้านกันทุกวัน เขายอมรับว่าใจไม่แข็งพอที่จะตัดความรู้สึกรักออกไป เขาจึงขอเลือกที่จะให้มันจางหายไปตามกาลเวลาดีกว่า..

   “ใบบุญ”

“กร”

“ไม่ดูพี่ธัชแล้วหรือ”

“ไม่ดูแล้ว” เขารีบบอกปัด พยายามลืมเรื่องโดนจับได้ว่าแอบดู เสียหน้าชะมัด

“งั้นไปกินข้าวเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ มีพี่จะพาไปเลี้ยงเขาให้กูชวนเพื่อนไป”

“ได้ๆ เอาสิ เดี๋ยวกูไปเอากระเป๋าแปบ” เขาพยักหน้าก่อนจะรีบวิ่งเอากระเป๋าที่ฝากเอาไว้ สะพายเป้ใบโตเสร็จแล้วก็วิ่งไปหาเพื่อนที่จุดนัดพบ เขาเห็นกรวีร์ยืนคุยกับชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งจึงปรี่เข้าไปทักทาย อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้เขา

“สวัสดีครับ”

“พี่โช นี่เพื่อนผมเอง ชื่อใบบุญ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ชื่อเพราะจังเลยนะ” ชายหนุ่มยิ้มหวาน ใบหน้าขาวผ่องแบบนี้มีเชื้อจีนแน่นอน “พี่ชื่อโชกุนนะครับ”

“ขอบคุณครับพี่โชกุน คุณแม่ตั้งให้น่ะครับ”

“งั้นเดี๋ยวไปคุยที่ร้านดีกว่า จองไว้แล้ว เดี๋ยวเราไปเจอกันที่ร้านเลยนะครับพี่โช”

“ได้ๆ เจอกัน” ชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวจัดที่เขามองเพลินยิ้มหวานให้ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแล้วเดินไปที่รถยนต์สุดหรูที่จอดไว้อีกฝั่ง เขามองจนกรวีร์ต้องสะกิดเรียก

“เห้ย มึงจะมองอีกนานไหม พี่โชกูสึกพอดี”

“กูแค่คิดว่าเขาหน้าคุ้นๆแค่นั้นเอง” เขาบอกก่อนจะชะเง้อคอไปดูอีกรอบ “ทำไมเขารวยจังวะ ขับรถสปอร์ตซะด้วย”

“พี่บัดดี้กูเองอะ บ้านรวยชิบหาย” กรวีร์บอก “มัวแต่มองอยู่นั่น เดี๋ยวกูก็ฟ้องพี่ธัชหรอก”

“อย่าเอาเขามาขู่ กูไม่กลัวหรอก”

“โอเคๆ ไม่กลัวก็ไม่กลัวจ้ะ”

เขานั่งรถยนต์ของเพื่อนสนิทไปร้านอาหารที่เจ้าตัวจองไว้ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นใจกลางเมืองที่เขาไม่เคยคิดจะเหยบย่างเข้ามาเลยสักครั้ง เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาก็เจอรุ่นพี่กำลังกวักมือเรียก โซนที่นั่งก็เป็นห้องส่วนตัวมีที่กั้นชัดเจนดูแล้วบรรยากาศดีมากเหมาะแก่การมากับคนเพื่อนจริงๆ

ท่าจะรวยไม่ใช่เล่น

“วันนี้ไม่ต้องเกรงใจเลยนะมึง พี่โชไม่อั้นอยู่แล้ว”

“เว่อร์จริงไอ้กร” ชวดลบอกติดตลก ก่อนจะหันไปอีกทาง “ใบบุญทานเยอะๆเถอะ ตัวเล็กไปแล้วนะ”

“โอ๊ยพี่โช มันอะกินจุจะตาย”

“นี่มึงจะเอาใช่ไหม”

“โทษจ้ะ ล้อเล่นนิดเดียวเอง” กรวีร์ชอบแหย่เพื่อนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว “งอนแก้มพองเลย”

“ไอ้บ้านี่!”

“ทั้งสองคนสนิทกันจังเลยนะ” ชวดลบอก ก่อนจะเรียกพนักงานมารับเมนู

“แหะๆ นิดหน่อยนะครับ”

“ทั้งสองคนรู้จักกัไนด้ยังไงหรือครับเนี่ย”

“พี่โชเป็นเดือนมหาลัยสองปีที่แล้ว ส่วนที่มาเป็นคู่บัดดี้กันได้เนี่ยก็จับฉลากเอา พอดีพี่เขาดวงดีอะนะก็เลยได้กู” กรวีร์ยืดหลังตรงดูภูมิใจมาก จนเขาชักจะหมั่นไส้

“คุยกับมึงแล้วปวดหัว” เขาเบะปากใส่มันไปที

“ฮ่าๆ”

“ขอโทษถ้าพูดจาหยาบคายนะครับพี่โช” เขาเห็นชายหนุ่มหัวเราะขำ ก็นึกขึ้นได้ว่าอาจจะหลุดคำหยาบออกไป

“ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ถือ” ชวดลบอกก่อนจะยื่นเมนูให้เขาดู “งั้นเราสั่งอะไรมากินกันดีกว่า”

“วันนี้เจ้าภาพใจป้ำจริงเว้ยยยย”

“ไอ้กรอย่าเสียงดัง!”

พวกเขาสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะจนกินกันแทบไม่ไหว โดยเฉพาะกรวีร์ที่กินเยอะจัดจนต้องขอตัวไปเข้าห้องน้ำตั้งหลายรอบ เขาเลยมีโอกาสได้คุยกับรุ่นพี่เป็นการส่วนตัว อีกฝ่ายทั้งใจเย็นและดูนิ่งจนเขาไม่รู้จะคุยอะไรด้วยดี ส่วนใหญ่จะเป็นคำถามที่เขาโยนให้อีกฝ่ายตอบมากกว่า

คนคุยไม่เก่งอย่างเขาไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ

   “แล้วช่วงนี้พี่เรียนเป็นยังไงบ้างครับ”

“ปีสามงานเยอะมากครับน้องใบบุญ แถมเทอมหน้าพี่ต้องเตรียมตัวไปฝึกงานอีก” ชวดลบอก ก่อนจะส่งยิ้มให้ “โชคดีที่ฝึกบริษัทตัวเองได้ คงจะไม่หนักมากจนเกินไป”

“บริษัทของพี่โชทำเกี่ยวกับอะไรหรือครับ”

“เป็นบริษัทนำเข้ารถยนต์ครับ จริงๆก็ทำหลายอย่าง” ชายหนุ่มทำท่านึก ไม่ว่าจะมองทางไหนก็เหมือนคุณชายจริงๆ “ตระกูลพี่เราเป็นนักธุรกิจกันมาหลายรุ่นแล้ว ไม่รู้จะไปทำอะไรแล้วล่ะครับ”

“เก่งจังเลยนะครับ”

“ไม่หรอกน้องใบบุญ พี่อยากทำอย่างอื่นมากกว่า”

“ทะทำอะไรหรือครับ”

“พี่อยากเปิดค่ายเพลง”

“ค่ายเพลง?”

“ใช่ ตอนนี้พี่ก็กำลังคุยๆกับมังกรอยู่” ชายหนุ่มบอก ก่อนจะจ้องมาที่เขาเขม็ง “แต่ดูเหมือนจะติดสัญญาอีกหลายปี พี่จะเข้าไปฉีกสัญญาให้ก็ไม่ยอม”

“อ่ะ เอ่อ” เขาเริ่มไปไม่ถูก ไม่รู้อึกฝ่ายคิดอะไรอยู่กันแน่ “ผมว่าก็มีนักร้องเก่งๆหลายคนนะครับ”

“ใครล่ะ เราพอจะรู้จักไหม แนะนำพี่ได้นะ” ชวดลยิ้มหวาน “พี่ไม่ค่อยสนิทกับเด็กคณะดุริยางค์ฯซะด้วยสิ”

“เอ่อ ผมขอไปนึกก่อนแล้วกันนะครับ”

“KJ หรือว่า Galaxy-Bดีล่ะ” ลมหายใจเขาแทบสะดุดเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง ใบบุญรีบเก็บสีหน้าตัวเองก่อนจะทำหน้าตกใจ

“พี่ธัชน่ะหรือครับ พี่โชลองไปคุยมาหรือยัง”

“อย่าว่าแต่คุยเลย แค่เห็นหน้าหมอนั่นก็แยกเขี้ยวใส่แล้ว” ชลดลมองเด็กหนุ่มอย่างเพลิดเพลิน “พี่อยากได้อีกคนมากกว่า”

“บะ.. ไบร์ท?”

“ใช่” เขาพูด “พี่อยากได้ไบร์ท..”

“แต่ว่า เขาเลิกร้องเพลงไปแล้วนี่ครับ” เขาเสมองไปทางอื่น พยายามนึกชื่อนักร้องดังๆช่วงนี้ ทำไมนึกไม่ออกวะ! “ไม่มีใครตามตัวเจอด้วยซ้ำ”

“พี่ก็กำลังสืบอยู่เหมือนกัน กำลังตะล่อมถามมังกรอยู่” เขาพูดเสียงเบา พยายามจ้องดวงตาผ่านแว่นตากลมโตของเขา “เราสนิทกับมังกรนี่ เคยเจอไบร์ทบ้างไหม”

“มะ ไม่เลยครับ ไม่รู้จักเลย”

“เสียดายจังเลยนะ..” ใบบุญหลบสายตาคมกริบที่มองมาอย่างจงใจ อยู่ดีๆก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว รีบจ้วงแซลมอนตรงหน้าทำเป็นวุ่นวายกับการกิน ไม่สนใจอีกฝ่ายที่มองเขาด้วยสายแปลกๆ

“อ้าว ไอ้ใบบุญ แย่งของกูไปกินอีก”

“มึงก็สั่งใหม่สิวะ”

“เห็นไหมพี่โช มันกินจุจะตาย”

“พี่ว่าน้องใบบุญน่ารักดี..” ชวดลหัวเราะ เขารู้สึกถูกชะตากับเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก

“อย่าไปยุ่งกับมันเลยพี่โช พี่ชายมันดุ”

“ไอ้กร!”

“ฮ่าๆ เสียดายจังเลย” ชวดลมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ ใบหน้าขาวจัดและริมฝีปากสีสดจิ้มลิ้มมันช่างดึงดูดเขาเหลือเกิน ถ้าหากถอดแว่นตากลมโตที่เกะกะนั่นออกไปจะเป็นยังไงนะ.. “สายตาสั้นหรือครับน้องใบบุญ”

“ใช่ครับ สายตาสั้น ถ้าถอดก็คงมองอะไรไม่เห็นเลย แหะๆ”

“แย่จัง พี่ว่าตาเราต้องสวยมากแน่ๆ”

“ไม่หรอกครับพี่โช เวลาผมถอดแว่นแล้วหน้าจะแปลกๆน่ะครับ ใส่แบบนี้น่าจะดีกว่า” ใบบุญตัวลีบไปในทันที เขาหัวเราะแห้งทำเป็นคีบซูชิเข้าปาก แต่เหงื่อที่หลังแตกพลั่กเหมือนกำลังถูกจับผิด เขาคงจะคิดมากไปเองล่ะมั้ง

“ฮ่าๆ ใบบุญมันอ๊องแบบนี้แหละพี่ อย่าไปอะไรกับมันเลย” กรวีร์ตักปลาดิบที่เพิ่งสั่งมาใส่จานชวดล “กินเยอะๆเลยนะครับ ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ” ใบบุญหลุดหัวเราะขำทันที ไอ้เรื่องกวนตีนไม่มีใครชนะกรวีร์หรอก

พวกเขาพูดคุยกันอยู่อีกสักพักกรวีร์ก็ขอตัวกลับก่อนเพราะมีธุระ พวกเขาจึงต้องพากันกลับพร้อมกับห่อไปกินอีกหลายกล่อง ชายหนุ่มมองเด็กหนุ่มร่างบางที่กำลังคุยหยอกล้อกับเพื่อนรู้สึกติดตาบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มคนนั้นดูเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยทั่วไป เรียบร้อยแถมยังจืดจาง ถ้าไม่สังเกตดีๆก็จะไม่เห็นว่ามีคนๆนี้อยู่ด้วยซ้ำ แต่เขากลับสนใจแววตาคู่สวยที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นสีดำคู่นั้น

“หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ”

“อ๊ะ ครับ ขอบคุณมากเลยนะครับพี่โช”

“ไม่เป็นไร กลับกันดีๆนะ”

“บายครับ” กรวีร์โบกมือให้รุ่นพี่ก่อนที่รถยนต์คันหรูจะขับออกไปไกล ชายหนุ่มหันมามองหน้าเพื่อนที่คิ้วขมวดก็อดสงสัยไม่ได้ “มึงกินไม่อิ่มหรือวะ ทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น”

“มึง พี่โชเขาเป็นใครกันแน่วะ” เขาแอบลอบถาม “กูรู้นะว่าเขามาแอบคุยกับมึงให้ไปร้องเพลงให้เขา”
“มึงรู้ได้ไง”

“นั่นไง ไม่เคยคิดจะบอกกูเลยใช่ไหม”

“กูไม่อยากให้มึงไม่สบายใจ ยังไงๆกูก็ไม่ไปจากเฮียกิตหรอก” กรวีร์เกาหัวแกรก “ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหรอก รู้แต่ว่าตระกูลเขารวยมาก นามสกุลอะไรนะ กวินทร์ธาดานนท์ อะไรนี่แหละ”

กวินทร์ธาดานนท์

“มึงบอกว่าเขานามสกุลอะไรนะ”

“กวินทร์ธาดานนท์” กรวีร์ย้ำ “มึงไม่รู้จักหรือไง ดังชิบหาย”

“กวินทร์ธาดานนท์..”

“ทำไมวะ มีอะไรหรือวะ”

“เปล่าๆ ไม่มีอะไร กูแค่รู้สึกคุ้นหูนิดหน่อย” เขาคลับคล้ายคลับคลาเหลือเกินว่าจำมาจากไหน หัวใจรู้สึกเต้นกระหน่ำบอกไม่ถูก ในมือรีบกดพิมเสิร์ชนามสกุลนี้ทันที เขาได้แต่พร่ำบอกกับตัวเองว่ามันไม่จริง มันต้องไม่ใช่ มันก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น เขาไม่คิดหรอกว่ามันจะ..

ใบบุญมือสั่นไปหมดเขาเปิดไล่อ่านข่าวเก่าๆ กดดูรูปภาพที่นานมาแล้วตระกูลนี้มีลูกชายอยู่สามคน ในรูปค่อนข้างเก่าเป็นผู้ชายสามคนที่ใบหน้าคล้ายคลึงกันราวกับพี่น้อง เป็นงานเลี้ยงเปิดตัวบริษัทตั้งแต่สมัยเกือบยี่สิบปีก่อน เขาอ่านชื่อไล่เรียงลงมา.. พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ใบหน้าที่เขาถอดแบบออกมาแท้จริงๆแล้วเหมือนบิดาอย่างไม่ผิดเพี้ยน
เอกภพ กวินทร์ธาดานนท์

+++

ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 11 ] 31-10-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 31-10-2018 22:47:09
ต่อจากด้านบนค่ะ


+++++

เสียงกีต้าร์ดังคลอเข้ากับเสียงร้องทุ้มมีเสน่ห์สะกิดให้หิรัญเหลือบมองเข้าไปผ่านประตูกระจกที่มีแต่กองกระดาษสุมอยู่เป็นกองใหญ่ ชายหนุ่มจึงเปิดประตูเข้าไปก็ต้องตกใจเพราะเห็นธัชธรรม์กำลังนอนพิงโซฟาพลางร้องเพลงคลอไปด้วย กองกระดาษที่ถูกขยำจนเละเทะถูกทิ้งขว้างจนแทบไม่มีทางเดิน คนที่กำลังร้องเพลงหันมามองด้วยหางตาก่อนจะก่อนจะกลับไปฮัมเพลงต่อ แววตาที่เคยมีชีวิตชีวาดูเศร้าหมองลงจนหิรัญเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เขาไม่เคยเห็นธัชธรรม์เป็นแบบนี้มาก่อน ดูท่าพิษรักคราวนี้จะทำให้เพื่อนเขาเจียนตายเลยทีเดียว

ธัชธรรม์ไม่สนใจเพื่อนที่เข้ามาถามไถ่ ทุกวันเขามักจะใช้ห้องในค่ายเพลงของหิรัญไว้พักผ่อนและแต่งเพลง วันไหนที่มีเรียนเขาก็จะแวะกลับไปที่บ้านเพื่อแต่งตัวก่อนจะกลับมานอนที่นี่แทบทุกวัน เขารู้สึกว่าเขาอยากอยู่เงียบๆคนเดียว ไม่อยากให้ใครมารบกวนช่วงที่เขากำลังอยู่กับตัวเอง

“ใจคอมึงจะไม่กลับบ้านเลยหรือวะ จะนอนที่ค่ายทุกวันแบบนี้ แม่มึงด่ากูพอดี”

“กูยังไม่อยากกลับ ทำไม มึงหวงใช่ไหม กูจะได้ไปที่อื่น”

“ไม่ๆ กูไม่หวง มึงอยู่ที่นี่แหละ อยู่ในสายตาดีแล้ว กูจะได้ไม่ต้องไปตามหาที่ไหน”

“อืม มีธุระแค่นี้ใช่ไหม กูอยากอยู่คนเดียว”

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไล่กันสิวะ”

“กูมีอะไรให้มึงดู” เขายื่นไอแพดให้ธัชธรรม์ เป็นยูทูปชาแนลที่ชื่อคุ้นตาเหลือเกิน เพลงคิดถึงดาวที่กำลังเล่นเป็นดนตรีใหม่ที่แตกต่างจากที่เขาเคยฟัง แต่เขาจำน้ำเสียงนี่ได้มันคือคนคนนั้นไม่ผิดแน่ “น้องเขาเปิดชาแนลใหม่อะ สดๆร้อนๆเลย เป็นเพลงที่เพิ่งส่งมาเมื่ออาทิตย์ก่อน”

“….”

“เฮียบอกว่าน้องจะเข้ามาอัด ส่วนเรื่องดนตรีกับพวกท่อนแรปจะใส่เพิ่มไปใหม่” เขาคิดว่ามันจะต้องดีใจแน่จึงรีบเดินมาบอก “เฮียให้มึงเป็นคนจัดการดูแลเพลงนี้ มึงจะรับไหม?”

“ไบร์ทจะเข้ามาเมื่อไหร่”

“น่าจะอาทิตย์หน้า เห็นเฮียบอกว่าน้องติดกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยก็เลยไม่ค่อยว่าง”

“น้องเรียนที่ไหน”

“กูไม่รู้โว๊ย คงจะหลังแข่งรายการ Rap นั่นแหละ อีกประมาณสองอาทิตย์” หิรัญบอกก่อนจะเหล่มองไปที่เพื่อนสนิท “มึงก็ไปทำตัวให้หล่อๆก่อนไปเจอน้องเขาก็แล้วกัน สภาพตอนนี้แม่งดูไม่ได้เลยจริงๆ”

“มึง”

“อะไร”

“ตบกูทีดิ”

“หา”

“กูฝันไปหรือเปล่าวะ มึงหยิกกูที เอาแรงๆเลยนะ”

“มึงจะไม่ทำกูคืนแน่นะ”

“ทำ”

“ไอ้สัด ไปไกลตีนเลย กูไม่เล่นกับมึงแล้ว!” หิรัญกระโดดหนี เมื่ออีกฝ่ายกำลังจะทำร้ายเขาเพราะอยากทดสอบว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า มึงต้องตีตัวเองไม่ใช่มาตีกู ไอ้บ้าเอ๊ยยยยยย

ไม่น่าไปเล่นด้วยเลย เกือบเจ็บตัวแล้วไหมล่ะ!

+++

ช่วงนี้ใบบุญเห็นธัชธรรม์กลับมาบ้านบ่อยขึ้น ใบหน้าที่ชอบเคร่งขรึมกลับยิ้มแย้มสดใส แม่เองก็ดูจะคลายกังวลกับลูกชายคนโตขึ้นมาบ้าง ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจกลับไปร้องเพลง บอกกับเฮียกิตว่าจะกลับไปทำงานเพลงที่ตัวเองเหมือนเดิม เขาก็รู้ว่าสักวันว่าความจริงทุกอย่างจะต้องเปิดเผย ไม่มีความลับบนโลกใบนี้ เหมือนกับตัวตนของเขาที่มีเพียงคนเดียว นั่นเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการหรือเปล่า ถ้าหากรู้ความจริง..

ใจหนึ่งเขาก็รู้สึกกลัวหากตัวตนที่แท้จริงของเราไม่เป็นที่ต้องการของคนที่รัก มันคงจะเจ็บปวดแสนสาหัส เขาทำใจเอาไว้แล้ว ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม.. แต่ตอนนี้เขามีเรื่องที่เขาจะต้องจัดการก่อน

ขอให้มันผ่านไปด้วยดี..

“ฮัลโหลครับพี่โช มาถึงหน้าบ้านแล้วหรือครับ” เขาตอบเสียงโทรศัพท์ด้วยเสียงสดใส จนชายหนุ่มที่นั่งกินข้าวอีกฝั่งเหลือบตาขึ้นมามอง ใบบุญลุกเก็บจานจนเสร็จเรียบร้อยก็ขอตัวก่อน “ไปเรียนก่อนนะครับ”

“ไม่ไปกับพี่ธัชหรือลูก”

“ไม่เป็นไรครับ วันนี้มีรุ่นพี่มารับ”

“จ้ะๆ เดินทางปลอดภัยนะ”

“รักแม่นะครับ” เขากอดมารดาพร้อมกับหอมแก้มไปฟอดใหญ่ ก่อนจะสะพายกระเป๋าเป้เดินออกจากบ้านไป ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาเต็มยศที่ยืนรออยู่ข้างรถหรูส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตูรถให้ขึ้นนั่ง ฝ่ามือหนาแปะเข้าที่หัวกลมๆก่อนจะลูบเบาๆ เขาทำเป็นยิ้มเขินอายรีบดันตัวเข้าไปนั่งรถเรียบร้อย ปล่อยให้ชวดลยืนเก้อแล้วรีบอ้อมอีกฝั่งไปขับรถ

โชคดีที่คราวก่อนที่เจอกัน ชวดลเป็นคนเอ่ยปากขอช่องทางติดต่อเขาจากกรวีร์ คราวแรกเพื่อนเขาไม่แน่ใจว่าเขาจะอนุญาตหรือไม่จึงไม่ได้ให้ไป วันต่อมาจึงให้ไป เขาเองก็ต้องการจะสนิทสนมกับชวดลอยู่พอดี

“เดี๋ยวพี่ไปส่งเราที่คณะนะ”

“พี่โชกุนมารับส่งใบบุญทุกวันแบบนี้ คนอื่นจะมองไม่ดีเอาได้นะครับ”

“ทำไมล่ะ พี่มาส่งไม่ได้หรือครับ”

“ก็ใบบุญไม่ใช่คนที่มีฐานะเท่าเทียมกับพี่”

“จะบอกพี่ว่าคนอื่นมองเราไม่ดีน่ะหรือ ใครพูดแบบนั้นพี่จะจัดการให้หมด”

“อย่าเลยครับ ใบบุญก็แค่พูดดูเฉยๆ” เขาหลุบตามองตักตัวเอง “ใบบุญไม่อยากให้คนอื่นมองพี่ไม่ดีต่างหาก”

“น่ารักจริงๆเลยเด็กคนนี้”

“แหะๆ น่ารักจริงหรือครับ เพิ่งมีพี่คนแรกเลยนะที่ชมใบบุญ”

“คนอื่นตาถั่วน่ะสิ” ชวดลเอื้อมมือมาจับแก้มขาว เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวหลบก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดอย่างไม่ให้ผิดสังเกต

เขารังเกียจญาติผู้พี่ที่ไม่เคยเห็นหัวครอบครัวเขาจะแย่ คิดว่าที่เขายอมไปไหนมาไหนด้วยเพราะเขาพิศวาสนักหรือไง ความรู้สึกที่อัดอั้นสะสมมันทำให้เขาต้องลุกขึ้นมาจัดการกับสิ่งที่เขาต้องการจะรู้ ข่าวการเสียชีวิตของทายาทครอบครัวกวินทร์ธาดานนท์เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศ เป็นการฆ่ายกครัวที่โหดร้ายทารุณที่แม้แต่เด็กอายุสามขวบก็ไม่ละเว้น เห็นข่าวตัวเองแล้วเขาก็ได้แต่แค่นยิ้ม เด็กผู้ชายคนนั้นตายไปแล้วจริงๆ เพราะเขาได้ชีวิตใหม่จากแม่ทับทิม เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่ให้เขาจะต้องไปเกี่ยวข้องกับคนตระกูลนั้นอีก ทั้งๆที่แม่ทับทิมย้ำเตือนเขาแล้วว่าไม่ให้เขากลับไปยุ่งกับบ้านนั้นอีก แต่ใจเขามันอดรนทนไม่ไหว ต้องการรู้ความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเขากันแน่.. และเขาจะให้ชวดลเป็นเครื่องมือ

“ถึงแล้วนะครับ”

“ขอบคุณพี่โชมากเลยนะครับ”

“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นกินข้าวเย็นกับพี่สักมื้อได้ไหมครับ”

“ช่วงนี้ใบบุญต้องซ้อมร้องเพลงทุกวันเลย เดี๋ยวจะมีการแสดงที่คณะน่ะครับ ใบบุญขอจองคิวพี่โชไว้ล่วงหน้าเลยไหม” เด็กหนุ่มพูดพร้อมยิ้มหวาน ทำเอาคนมองตาพร่าไปชั่วขณะ

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ พี่ก็อยากฟังเราร้องเพลงเหมือนกัน”

“ขอบคุณนะครับ พี่โชก็น่ารักที่สุด”

“พี่เขินหมดแล้วเนี่ย”

“ฮ่าๆ แก้มแดงเลย”

“ไปเรียนเถอะ เดี๋ยวพี่จะอดใจไม่ไหวซะก่อน”

“ฮื่อ ใบบุญไปดีกว่า ตั้งใจเรียนนะครับ” เขาโบกมือให้ชวดล ก่อนจะเดินเข้าตึกคณะเขาก็เจอธัชธรรม์กำลังยืนคุยกับพี่จีน ดาวคณะปีสองที่มีข่าวลือว่าคบกันอยู่อย่างลับๆ เขาทำเป็นไม่สนใจไม่อยากจะมองฉากหวานของคนที่เขาไม่อยากจะเห็นมากที่สุด แต่แรงกระชากจากด้านหลังทำให้เขาต้องหยุดเดินไปชั่วขณะ ก่อนจะหันไปเห็นตัวต้นเหตุ!

“จะไปไหน”

“พี่ธัช ปล่อย”

“ใช้มารยาอะไรถึงไปตกผู้ชายได้ล่ะ”

“พี่ธัชพูดให้มันดีๆนะ พูดแบบนี้ผมเสียหาย” เขาสะบัดข้อมือที่อีกฝ่ายจับเอาไว้ ความน้อยใจพุ่งวาบจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาตรงนั้น สายตาเรียบเฉยเย็นชาของธัชธรรม์ที่มองมันทำให้เขาสั่นสะท้าน สายตาของความว่างเปล่าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ต่างจากเขาที่ยังคงมองด้วยความรักที่หลบซ่อนอยู่ข้างใน

“เหอะ ระวังมันหน่อยแล้วกัน” ชายหนุ่มสะบัดผม ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดบอกไม่ถูก ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไงที่ใบบุญมีคนคอยดูแล เขาจะได้ไม่ต้องกังวลว่าใครมันจะมาทำอะไรอีก แต่ปากเจ้ากรรมมันไม่เคยพูดไปอย่างที่ใจคิดได้สักที “เพราะมันชอบฟันแล้วทิ้ง!”

“.....” เขามองแผ่นหลังกว้างที่จากไปทั้งน้ำตา เพราะอะไรกัน ทำไมเขาถึงไม่เคยได้รับความรักจากอีกฝ่ายเลยสักครั้ง มันจะมีวันนั้นบ้างไหม ที่เขาจะได้รับเหมือนคนอื่นเขาบ้าง อย่างน้อยคำพูดดีๆหรือสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข เขากลับไม่เคยได้เลย..

หนูรักพี่แค่คนเดียวนะ..


ใบบุญกลับมาทุ่มเทให้กับการซ้อมเพื่อร่วมการแสดงของคณะสำหรับเก็บชั่วโมงไว้แจ้งจบ ถึงเขาจะเป็นเพียงเฟรชชี่แต่ก็ได้รับการยอมรับจากรุ่นพี่เพราะเป็นเด็กเรียบร้อยและตั้งใจฝึกซ้อม การร้องเพลงครั้งนี้เขาเลือกที่จะอยู่กลุ่มเดียวกับกรวีร์เพราะไม่อยากเห็นเพื่อนงอนตุ๊บป่องอีก ส่วนหมิวกับแฟงก็เลือกที่จะไม่ยุ่งวุ่นวายกับเขาอีกเลยนับตั้งแต่นั้น เขาเองก็เสียดายอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปสนใจอีก เขาจึงกลับมาทุ่มเทให้กับความชอบตรงหน้าอย่างจริงจัง ชวดลยังแวะมาหาเขาอยู่เสมอ บางครั้งก็เอาขนมและน้ำผลไม้มาฝากทุกครั้งที่แวะมาหาเขา กรวีร์เห็นแล้วอิจฉาตาร้อนเอ่ยปากแซวเขาตลอดจนชวดลเขินจัดจนต้องขอตัวกลับทุกครั้ง เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีความรู้สึกดีๆให้ แต่เขาไม่อาจจะมอบความรักกลับไปได้จริงๆ

“พี่ธัชลงเพลงใหม่อีกแล้ว”

“…”

“ไม่สนใจหน่อยหรือวะ”

“ไม่อะ”

“เป็นเพลงรักที่เขาแต่งให้มึงนะ”

“เขาไม่ได้แต่งให้กู” เขาพูดพร้อมกับเบือนหน้าไปทางอื่น “เขาแต่งให้ไบร์ท”

“มึงกับไบร์ทก็คนๆเดียวกัน กูว่านะ บอกๆแม่งไปให้จบ” กรวีร์อีดอัดมานานแล้วเหมือนกัน เขาอยากให้อีกฝ่ายรู้สักที “ชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็ไปหาคนใหม่!”

“ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดีสิวะ กูคงไม่ต้องมานั่งเครียดแบบนี้”

“ไม่ต้องเครียด พรุ่งนี้มึงก็ได้ร้องเพลงแล้ว”

“พรุ่งนี้พี่โชจะมาดูด้วยนะ”

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง หรือว่ามึงชอบพี่โชแล้ว” เขาหรี่ตามองใบบุญอย่างจับผิด “เห็นเขาตามจีบมึง บอกตรงๆว่ากูรู้สึกแปลกๆ เขาคงไม่คิดว่ามึงเป็นไบร์ทใช่ไหม”

“รู้ก็ช่างเขาสิ เพราะยังไงพรุ่งนี้ทุกคนก็ต้องรู้”

“มึงเอาจริงดิ” กรวีร์อ้าปากค้าง “ตายห่า!”

“โวยวายอะไรของมึง”

“เตรียมตัวหลบพี่ธัชสิวะ!” เขาทำท่ากอดตัวเองแน่น ไม่อยากจะคิดเลยว่าผู้ชายคนนั้นรู้จะเกิดอะไรขึ้น “กูยังไม่อยากโดนฆ่า”

“เขาจะมาทำอะไรได้ มึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก “เขาคงไปอยู่กับพี่จีน คงจะลืมไบร์ทไปแล้วด้วยซ้ำ”

“อย่าคิดมากสิวะ”

“กูขอตัวกลับบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน” กรวีร์มองเพื่อนสนิทตัวเองที่ลุกขึ้นเก็บของก่อนจะออกจากห้องซ้อมไปไม่พูดไม่จากับใคร เขาถอนหายใจ เป็นห่วงใบบุญมากแค่ไหนแต่ก็เข้าไปยุ่งวุ่นวายมากไม่ได้ เขาเลยปล่อยให้เจ้าตัวเป็นคนตัดสินใจเอง..

เทศกาลงานดนตรีของคณะดุริยางค์ฯจัดขึ้นเป็นประจำแล้วแต่ความสะดวกของนักศึกษาที่จะต้องเตรียมการแสดงและฝึกซ้อมกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะปีหนึ่งใหม่แกะกล่องอย่างพวกเขาที่ตื่นเต้นยิ่งกว่าใครๆ ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมงานกับรุ่นพี่แต่พวกเขาก็พยายามทำออกมาให้ดีที่สุด กรวีร์เตรียมตัวพร้อมที่สุดเพราะมาถึงตั้งแต่เช้าในขณะที่เขากำลังมองหาเพื่อนสนิทก็เจอกับชวดลที่มารออยู่ก่อนแล้ว

“พี่โชมาเช้าจัง งานเริ่มตั้งบ่ายๆแน่ะครับ”

“พี่ตื่นเต้นน่ะ เลยรีบมาก่อน”

“ใบบุญคงดีใจแย่เลย”

“อย่าเพิ่งบอกใบบุญนะว่าพี่มาแล้ว พี่อยากเซอไพร์สน่ะ” เขาถือช่อกุหลาบเอาไว้ในมือช่อใหญ่ หวังว่าเด็กหนุ่มจะดีใจกับของขวัญของเขานะ

“ได้ครับ พี่ไปรอก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมไลน์หา”

“ได้ๆ ขอบใจนะ”

เวลาหมุนเลยผ่านไปจนเกือบเที่ยง เหล่าสต๊าฟกำลังเตรียมเวทีอยู่ที่ลานหน้าคณะพร้อมกับเหล่านักศึกษาที่แวะเวียนมาดูบรรยากาศ ความคึกคักยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อมีร้านค้ามาตั้งเพื่อให้เลือกซื้อขนมและน้ำดื่ม ไฟหลากสีติดประดับประดาอยู่ตามรอบบริเวณดูสวยงามจนต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายเก็บไว้ กรวีร์แต่งตัวในชุดนักศึกษาพร้อมกับเซ็ทผมใหม่เรียบร้อยเขาโทรหาใบบุญตั้งแต่สิบเอ็ดโมงจนตอนนี้จะบ่ายโมงแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แวว

ชิบหายแล้ว..

บ่ายสองรุ่นพี่เรียกเขาไปเตรียมตัวเพราะต้องร้องเพลงต่อจากเพื่อนอีกคน เขาเป็นห่วงใบบุญจนล่อกแล่กไม่มีสมาธิเอาเสียเลย เขาจึงไลน์หาเพื่อนส่งข้อความทิ้งเอาไว้ ก่อนจะขึ้นไปร้องเพลง ผู้ชมกำลังโบกไม้โบกมือให้เขาเสียงแฟลชวูบวาบที่เขาไม่เคยชินสักครั้งสาดเข้ามาจนต้องหรี่ตา กรวีร์แจกรอยยิ้มก่อนจะโบกมือกลับไปให้คนที่รอชมการแสดงอยู่ด้านล่าง ไม่ว่าจะขึ้นเวทีบ่อยมากแค่ไหน เขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ

“คนต่อไปนะคะ น้องมังกร ชั้นปีที่หนึ่งค่ะ จะมาในเพลงปากดีค่ะ” เสียงปรบมือดังขึ้นก่อนจะตามด้วยผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาเตรียมชมการแสดงอย่างหนาแน่น

“กรี๊ด มังกร!”

“ถ่ายรูปเร็วแก”

“น่ารักกกกกกกกกกกก”

“ปากดีเข้าไว้ไม่อยากให้ใครรับรู้

ที่เห็นฉันยังคงยิ้มอยู่ ทั้งที่จริงยืนแทบจะไม่ไหว

พูดว่าไม่เป็นไร ทั้งที่ใจไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย

ไม่ได้ต้องการ ให้ใครมาเห็นใจฉันเลย ไม่อยากเฉลย

ความจริงข้างใน ให้ใครรู้ ที่เห็นว่าฉันยังยิ้มอยู่ จะมีใครรู้ว่าเสียใจ”

หิรัญมองชายหนุ่มบนเวทีก่อนจะจุดยิ้ม เขาอุตส่าห์แต่งเพลงรักให้ไม่รู้กี่เพลง ดันชอบร้องแต่เพลงเศร้า นี่ก็คงจะรู้ว่าเขาจะมาดูถึงได้ร้องแต่เพลงที่ฟังแล้วไม่สื่อความหมายถึงใครออกมาชัดเจน สายตาของกรวีร์เหลือบไปมองเห็นคนตัวสูงที่กำลังยกนิ้วให้ เขาเผลอขบกรามและร้องหลุดไปท่อนหนึ่ง ในใจเขาตอนนี้อยากจะโชว์นิ้วกลางใส่ชะมัด

“มันจะมาร้องจริงๆหรือวะ”

“มาสิ อยู่กลุ่มเดียวกับมังกรนี่แหละ” เขาหันไปบอกเพื่อนสนิทที่กำลังยืนหน้ามุ่ย “แต่ว่า.. ไม่เห็นใบบุญจริงๆนะเนี่ย ไม่ใช่ตื่นเวทีหรอกนะ”

“ยิ่งเอ๋อๆอยู่ด้วย จะทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”

“เป็นห่วงหรือวะ เอาน่า น้องทำได้อยู่แล้วไม่เป็นไรหรอก”

“ถ้ามันยังไม่ร้องมึงก็มาเป็นเพื่อนกูหน่อย” ธัชธรรม์เรียกเพื่อนไปอีกทาง หิรัญทำหน้างุนงงก่อนที่เขาจะออกแรงลากมันไป

“จะไปไหน”

“เออน่า”

กรวีร์มองธัชธรรม์ที่กึ่งลากกึงจูงหิรัญออกไปอีกทางก็นึกโล่งอก พอเห็นหน้าหมอนั่นแล้วเขาร้องเพลงไม่ค่อยออก สายตาที่มองมามันแปลกๆจนเขาทำตัวไม่ถูก เห้อ หมอนั่นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ กว่าจะร้องจบเพลงเขาก็ต้องแจกยิ้มจนเมื่อยปาก กล่าวขอบคุณก่อนจะรีบลงหลังเวที เขาเกือบชนกับคนที่กำลังเดินสวนออกมาจนต้องหันไปขอโทษ อีกฝ่ายยิ้มให้เขาก่อนจะยื่นมือมาแตะไหล่ เด็กหนุ่มร่างบอบบางตรงหน้าผิวขาวจัดและทรงผมซอยสั้นดัดเข้าทรงสีน้ำตาลทอง พร้อมกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้ม ห่วงเงินที่ส่องประกายอยู่บนริมฝีปากจิ้มลิ้มสีสด อีกฝ่ายยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวจนเขาต้องอ้าปากค้าง
“ไบร์ท? ไม่สิ ใบบุญ?”

“จำเพื่อนไม่ได้หรือไง” อีกฝ่ายยังอ้าปากค้างไม่เลิก จนเขาต้องทุบไหล่มันไปเบาๆ

“กูไม่คิดว่ามึงจะทำจริง”

“ความลับไม่มีในโลก” เด็กหนุ่มยกมือจุปาก ก่อนจะปรายตามองไปบนเวทีที่กำลังจะเรียกนักร้องคนต่อไป “อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด”

“มึง…เห้ย!”

“คนต่อไปนะคะ น้องใบบุญ ชั้นปีที่หนึ่งค่ะ จะมาในเพลงคิดถึงดาวค่ะ” เสียงปรบมือเปาะแปะก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไปบนเวที เสียงกรี๊ดและเสียงเชียร์ดังระงมจนเขาตกใจ ทุกคนมองมาที่เขาแทบไม่เชื่อสายตา เขายิ้มก่อนจะยกไมค์ขึ้นจ่อริมฝีปาก ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านบทเพลง..

“อาจเป็นเพราะกำลังเหงา ที่ทำให้ฉันคิดถึงเธอขนาดนี้

หรือเป็นเพราะดาวดวงนั้น

ทำให้เธอนั้นหายไป…

วอนเธอกลับมาหากันได้ไหม..

ตั้งแต่วันที่เราเจอกันวันแรกจนถึงวันที่เรานั้นเดินแยก..

 I will be waiting for you”

ทันทีที่เพลงจบลงหน้าเวทีก็เต็มไปด้วยแฟนคลับที่ออเข้ามาหาจนเขายกมือไหว้ขอบคุณแทบไม่ทัน เขากำลังเดินหันหลังกลับไปยังด้านหลังเวทีแต่ก็โดนเรียกเสียก่อน ชายหนุ่มมายืนหน้าเวทีพร้อมช่อดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ เขายิ้มขำมองชวดลที่ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มลงรับดอกไม้จากชายหนุ่ม

“แทนที่พี่จะเซอร์ไพร์สเรา ทำไมพี่รู้สึกโดยเซอร์ไพร์สก็ไม่รู้..”

“แล้วพี่ชอบไหมละครับ” เขายิ้มให้ “ใบบุญที่เป็นแบบนี้”

“ไม่ว่าแบบไหนก็ชอบทั้งนั้นแหละ ขอให้เป็นคนนี้ก็พอ”

“ขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้นะครับ”

“พี่ดีใจที่ใบบุญชอบนะ”

ธัชธรรม์กลับมาพร้อมดอกกุหลาบสองดอกในมือที่เขาเดินไปซื้อในซุ้มเมื่อครู่ ไหนๆก็มาดูแล้วเขาก็อยากเอาดอกไม้ให้มันสักหน่อย ถ้าไม่มีใครให้เลยเดี๋ยวจะร้องไห้ขี้มูกโป่ง กลับกลายเป็นว่าเขาต้องตกตะลึงเมื่อเห็นคนที่ยืนร้องเพลงคิดถึงดาวอยู่ตรงหน้าคือคนที่เขาอยากจะเจอมาตลอด เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะ หัวใจเต้นรัวแรงจนแทบจะระเบิดออกมา ทั้งๆที่คนตรงหน้าคือคนที่เขาเฝ้ารอมานานกลับกลายเป็นที่ผ่านมา ไบร์ทอยู่กับเขามาตลอด.. ใบบุญอยู่กับเขามาตลอด.. ความจริงตรงหน้าเหมือนค้อนที่ตอกเข้ากลางอกเขาจนจุกและหายใจแทบไม่ออก

เขามองชวดลที่กำลังยื่นช่อดอกกุหลาบให้ใบบุญ ใบหน้าขาวใสขึ้นสีแดงระเรื่อ เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบดูมีความสุขเหลือเกิน เขาก้มลงมองมือตัวเองถึงได้รู้ว่าเผลอกำจนหนามทิ่มแทงเข้าเนื้อเข้าไปจนลึก กลิ่นเลือดคละคลุ้งชวนเวียนหัวจนเขาต้องปล่อยดอกกุหลาบนั้นร่วงลงพื้น

หลุดร่วงและไร้ค่าไม่ต่างจากหัวใจของเขา..


TBC


หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 11 ] 31-10-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 01-11-2018 10:38:27
น้องไบร์ทบุญเปิดตัวแล้ว แบบนี้พี่ธัชอย่าทำอะไรน้องนะ

ห้ามเลยนะห้าม
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 11 ] 31-10-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 01-11-2018 10:42:52
พี่ธัชจะโกรธไหม พี่ธัชจะทำอะไรน้องไหม พี่ธัชจะเกลียดใบบุญไหม

ไม่อยากให้น้องร้องไห้อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 02-11-2018 11:52:47
Rhyme 12

   รถยนต์คันหรูค่อยๆเคลื่อนเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้านเดี่ยวสีขาวหลังเดิมที่คุ้นตา เด็กหนุ่มลงจากรถพร้อมช่อดอกกุหลสบช่อโต มืออีกข้างยังมีของพะรุงพะรังอีกหลายอย่างที่ชวดลเป็นคนซื้อให้ ใบบุญยิ้มให้ชายหนุ่มที่อาสามาส่ง แค่เขาเอ่ยปากอะไรก็ดูเหมือนอีกฝ่ายพร้อมจะหามาให้ในทันที เขาส่งยิ้มหวานก่อนจะใช้มือที่ว่างโบกมือบ๊ายบายชวดล ใบบุญรู้ว่าเจ้าตัวกำลังอ้อยอิ่งไม่อยากจะขับรถกลับแค่ไหน แต่เขาก็ต้องทำเป็นใจดีสู้เสือ รีบตัดโอกาสที่อีกฝ่ายอยากจะเข้าไปหาเขาในบ้าน

“เดี๋ยวคืนนี้พี่โทรหานะ”

“อื้อ ขับรถกลับบ้านดีๆนะครับ”

“อย่าลืมกอดหมีที่พี่ซื้อให้ล่ะ คิดซะว่ามันแทนตัวพี่ก็แล้วกัน”

“นิสัย! เดี๋ยวนี้ชักร้ายแล้วนะครับ”

“ฮ่าๆ พี่ไปก่อนนะครับ” ชวดลมองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังกอดตุ๊กหมีตัวโตแล้วก็ต้องยิ้ม “ฝันดีนะครับ”

“ฝันดีครับพี่โช” ใบบุญมองจนรถยนต์คันหรูแล่นหายลับไปกับความมืด เขามองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม ป่านนี้แม่คงจะนอนไปแล้ว ส่วนธัชธรรม์ก็คงจะไปนอนที่สตูดิโออีกตามเคย เขาเปิดประตูเข้าบ้านวางสัมภาระไว้ที่โซฟาก่อนจะควานหาสวิตช์ไฟในความมืด

“อ๊ะ” เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกกระชากให้หันหลังกลับไป เขาเห็นธัชธรรม์ยืนหน้าทะมึนกำลังสะกัดกลั้นอารมณ์เต็มที่ ดูเหมือนว่าข่าวจะไปไวกว่าที่คิด เขาจะต้องพูดกับอีกฝ่ายให้รู้เรื่อง

“หึ หายไปกับผู้ชายสองต่อสองคงจะสนุกเลยสิท่า เสร็จมากี่ยกล่ะ” คำพูดที่ออกมาจากปากชายหนุ่ม มันทำให้คำพูดที่เขากำลังจะบอกถูกกลืนหายไปในทันที

ใช่สิ.. ยังไงอีกฝ่ายก็มองเขาไม่ดีไปแล้ว

“พี่ธัช!”

“ทำไม ตกใจอะไร” เขามองใบหน้าตกใจของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นใกล้ๆแบบนี้ก็ยิ่งตอกย้ำความจริงว่าคือคนเดียวกันจริงๆ “สนุกมากนักใช่ไหมที่ปั่นหัวกูได้”

“หนูอธิบายได้นะ”

“จะอธิบายว่าอะไรก็พูดมาสิ กูรอฟังอยู่” เขาเดาะลิ้น จับมือมันเอาไว้แน่นจนคนตัวเล็กเบ้หน้าด้วยความเจ็บ “เล่นกับความรู้สึกคนอื่นมันเป็นยังไงล่ะ”

“หนูไม่ได้ตั้งใจ”

“มึงคงจะเกลียดกูมากเลยสินะ เพราะกูชอบด่าชอบว่ามึงตลอด” เขาตะคอกเสียงดัง คว้าไหล่ลาดบางทั้งสองข้างไว้แน่น “พอใจหรือยังที่มันเป็นอย่างนี้ ถามว่าพอใจหรือยัง!”

“พี่ธัชใจเย็นๆก่อน”

“มาทำให้กูรักแล้วก็หายไปกับคนอื่น จะให้กูคิดยังไง” เขามองคนตัวเล็กที่กำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างเจ็บปวด “เพราะมันใช่ไหม?”

“หนูกับพี่โชไม่ได้เป็นอะไรกัน” ใบบุญตอบทั้งน้ำตา เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ “เราสองคนเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันเท่านั้น”

“อย่าพูดชื่อมันให้กูได้ยินอีก” เขาไม่อยากจะฟังคำโกหกมากไปกว่านี้อีกแล้ว “มานี่!” ใช้แรงฉุดกระชากข้อมือบางให้เดินตามขึ้นไปชั้นสอง คนตัวเล็กดิ้นอย่างไรก็ไม่สามารถสู้แรงเขาได้เลย

“ปล่อยหนูนะพี่ธัช”

“ไม่!” ชายหนุ่มตวัดร่างเล็กกว่าขึ้นพาดบ่าก่อนจะเดินดุ่มขึ้นห้องตัวเองที่อยู่ชั้นสอง เปิดประตูห้องด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะโยนเด็กหนุ่มลงบนเตียง ใบบุญมองชายหนุ่มที่เดินไปล็อคกลอนประตูห้อง ความรู้สึกตกใจทำให้เขารีบวิ่งออกไปที่ประตูห้อง ธัชธรรม์จับข้อมือขาวเอาไว้แน่นก่อนจะดึงอย่างแรงจนมันขึ้นสีแดงก่ำ ใบบุญพยายามดิ้นให้หลุดออกจากการเกาะกุม แต่เขาไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆหรอก

“พี่ธัช หนูไม่ได้ตั้งใจ พี่โกรธหนูขนาดนั้นเลยหรือ”

“กูโกรธมาก!” ถ้าจะให้บอกว่าโมโหขนาดไหน ก็คงไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ “ต้องมารู้ทีหลังว่าคนที่กูรักเขา โกหกมาตลอด เป็นมึง.. มึงจะรู้สึกยังไง มึงคงเห็นกูคงเป็นไอ้โง่มากสินะ”

“หนูไม่เคยคิดอย่างนั้น”

“ทำไมวะใบบุญ มึงจะโกรธจะเกลียดอะไรกูก็ได้ แต่ทำไมมึงต้องเล่นกับความรู้สึกกูแบบนี้”

“หนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

“เฉดหัวกูทิ้งแล้วคิดจะไปหาคนใหม่ ไอ้โชมันคงไม่รู้ล่ะสิว่ามึงเป็นเมียกูแล้ว” เขาแค่นยิ้ม มองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า “ก็คงต้องฝากไปบอกมันนะว่ากินของเหลือจากกู!” เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย
เพี้ยะ!

“พี่ธัช! พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง” เขาตกใจจนตัวสั่นระริก เขาตบหน้าพี่ธัชไปแล้ว.. อีกฝ่ายมองเขาด้วยสายตานิ่งสนิทแล้วหัวเราะขำเหมือนสิ่งที่เขาทำเป็นแค่เรื่องตลก

“ทำไม พอพูดความจริงทำเป็นรับไม่ได้” ธัชธรรม์ดึงคนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้ เขากระซิบด้วยถ้อยคำน่ารังเกียจหวังให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวดไม่แพ้กัน “หรือว่าต้องให้เตือนความจำอีกรอบ”

“ปล่อย!” ใบบุญดิ้นพล่าน พยายามแงะมือตัวเองออกจากอีกฝ่าย แต่ก็ไม่อาจสู้แรงได้เลย หยดน้ำใสคลอหน่วยอยู่ที่ขอบตา เขาพยายามกลั้นมันเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมา ไม่อยากอ่อนแอให้อีกฝ่ายเห็น “ปล่อยหนูไปเถอะนะ”

“เรื่องอะไรกูจะปล่อย กูรอมึงมานานแค่ไหนแล้ว” เขาคลอเคลียกับแก้มขาว ก่อนจะใช้มือที่ว่างกระชากเสื้อนักศึกษาจนกระดุมหลุดออกทั้งแผง ผิวสีน้ำนมนวลเนียนปรากฏแก่สายตา ธัชธรรม์ก้มลงฉกชิมยอดอกสีสวยใช้ลิ้นตวัดรัดก่อนจะขบเม้มจนเป็นสีแดงก่ำ ใบบุญกลั้นเสียงน่าอับอายของตัวเอง

เขากลัวแม่จะได้ยิน..

“พี่ธัช.. อย่านะ ไม่เอาแบบนี้”

“ทำเป็นไม่เคย”

“ไม่เอาแบบนี้”

“แล้วชอบแบบไหน หึ!” เขาปลดกางเกงนักศึกษาของอีกฝ่ายออกรวมไปถึงชั้นในสีขาวที่หลงเหลือติดตัวอยู่เพียงชิ้นเดียว คนตัวเล็กสั่นระริกไปทั้งร่าง ดวงตาแดงก่ำเพราะร้องไห้ไม่หยุด “จะร้องทำไม? เพิ่งจะมานึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำมาหรือไง”

“หนูไม่เคยเสียใจกับความรู้สึกตัวเอง.. จนมาวันนี้” เขาพูดเสียงแหบพร่า “พี่ธัชไม่ถนอมน้ำใจหนูเลย”

“ทำไมกูจะต้องทะนุถนอมกับคนที่มันทำร้ายกูด้วย รู้ใช่ไหมว่ากูไม่ชอบให้ใครมาทำร้ายก่อน”

“หนูไม่ได้คิดจะทำร้ายพี่เลยสักนิดนะ”

“กูไม่เชื่อ”

“ฮึก..ฮือ พี่ปล่อยหนูไปเถอะนะ” เขาร่ำไห้มองชายหนุ่มด้วยสายตาเว้าวอน “มีอะไรก็คุยกันดีๆไม่ได้หรือครับ”

“กับคนอย่างมึง ไม่จำเป็นต้องพูดดีด้วยหรอก”

“อื๊อ อ๊ะ” เขากระตุกเฮือกเมื่อยอดอกถูกงับและขบด้วยฟันแข็งแรงอีกรอบ ความรู้สึกเจ็บแล่นปราดไปทั่วร่าง “ไม่เอาตรงนั้น.. พี่ธัช”

“เงียบสักที” ชายหนุ่มมองเด็กหนุ่มผิวขาวจัดที่นอนห่อตัวร้องไห้อย่างน่าสงสารอยู่ใต้ร่างเขา ผิวเนื้อที่เขาตีตราจับจองขึ้นสีแดงไปทั่วบริเวณ “จับนิดหน่อยแม่งก็แดงไปทั้งตัวละ” ก้มลงฉกชิมริมฝีปากสีหวานทั้งดูดดึงจนคนตัวเล็กต้องทุบให้ปล่อย จนมันขึ้นสีแดงเข้มและบวมช้ำฉ่ำวาวจนเขาอดใจไมไหวต้องก้มลงจูบจ้วงให้หายคิดถึงอีกรอบ

คิดถึง?

ความรู้สึกตั้งแต่ที่รู้ว่าไบร์ทเป็นใครมันทั้งเจ็บแสบราวกับถูกน้ำเกลือราดลงแผลสดทั้งปวดร้าวจุกอกจนแทบหายใจไม่ออกเมื่อเห็นใครคนอื่นยืนแทนที่เขา ที่ที่ตรงนั้นมันควรจะเป็นของเขา!

เหมือนเด็กที่หวงของเล่น พอตัวเองเล่นจนเบื่อก็ทิ้งขว้างไม่สนใจแต่ถ้าหากใครไปเก็บมาเล่นต่อ อาการหวงของมันจะกำเริบ ต่อให้เขาไม่ได้ก็ต้องไม่มีใครได้เหมือนกัน ธัชธรรม์รู้ดีว่าเวลาโมโหมักจะยั้งมือไม่ค่อยอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามจะพูดคุยกับใบบุญดีๆ แต่ว่าภาพที่เห็นชวดลมาส่งพร้อมคำพูดหวานของทั้งคู่มันทำให้เขาหน้ามืด กว่าเขาจะจำได้ว่าชวดลคือคนเดียวกับที่ต้องการอยากจะเจอไบร์ทมาก่อนเขาก็ยิ่งแทบคลั่ง ความโกรธครอบงำตอกย้ำว่าเขาคือคนโง่ที่ถูกหักหลังจากคนที่รักอย่างเลือดเย็น มันตีรวนในอกจนอดทนไม่ไหวต้องสั่งสอนให้คนตรงหน้ารู้สำนึก แต่น้ำตาของมันเท่านั้นที่เขาไม่ชอบเลย ไม่ว่าเขาจะผ่อนแรงลงหรือว่าช่วยจัดท่าทางให้สะดวก แต่คนตัวเล็กก็ยังมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวดที่เขาไม่มีวันเข้าใจ

พูดสิ พูดออกมา..

“พี่ธัช ให้อภัยหนูเถอะนะ”

พูดออกมาว่าความรู้สึกที่มีให้มันเหมือนกัน มันตรงกันจริงๆหรือเปล่า เพราะเขาไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง กว่าจะรู้ตัวว่าสิ่งที่ตัวเองทำทั้งหมดมันทำร้ายความรู้สึกของใบบุญมันก็สายไปแล้ว ที่ตรงนั้นไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป.. เป็นเขาเองที่เหยียบย่ำคนตรงหน้าจนแหลกเหลว ทำร้ายจิตใจและผลักไสต่างๆนาๆ มันก็ถูกแล้ว.. ที่เขาจะไม่ใช่คนที่ถูกเลือก

“อย่าร้อง.. กูบอกว่าอย่าร้อง!”

“ไม่เอา หนูเจ็บ” ร่างเล็กถดถอยหนีจนชิดกับขอบเตียง ก่อนจะคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างกาย “หนูไม่อยากทำ!”

“ทำกับมันได้ แต่ทำกับกูไม่ได้สินะ?”

“มะ ไม่” เขาสูดน้ำมูกพร้อมทั้งสะอึกสะอื้น กว่าจะพูดแต่ละคำมันช่างยากลำบาก “ไม่ใช่อย่างนั้น” เขาแค่ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ร่างกายมันเกิดขึ้นเพราะแรงอารมณ์ เขาไม่ใช่ที่ระบายความโกรธของใคร!

“หึ!”

“อื้อออออ!” เด็กหนุ่มดิ้นพล่านเมื่อสิ่งแปลกปลอมค่อยๆลุกล้ำเข้ามาในร่างกาย มือหนาตะปบเข้าที่ริมฝีปากบาง ก่อนที่เสียงจะดังเล็ดรอดออกไป ธัชธรรม์ใช้นิ้วเพื่อตระเตรียมช่องทาง มันทั้งคับแคบและรัดแน่นจนเขาเองก็ทรมานไม่แพ้กัน

“อย่าเกร็งสิวะ” เขากระซิบข้างหูก่อนจะจูบพรมไปตามซอกคอขาว “แยกขาออก.. อย่างนั้นแหละ”

“พี่ธัช.. ไม่ทำไม่ได้หรือ”

“เลิกพูดมากได้แล้ว” เขาขบเม้มไปตามผิวขาวนวล ก่อนจะฝากร่องรอยสีกุหลาบตีตราเป็นเจ้าของไปทั่วร่างบาง ผิวเนื้อนุ่มนิ่มยามบรรจูบไล้ทีละส่วนให้ความรู้สึกดีจนเขาไม่อยากจะปล่อยให้ใครได้แตะต้อง ยิ่งส่วนเนื้ออ่อนโคนขาที่ขึ้นสีง่ายก็ถูกเขาละเลียดชิมจนหมด เด็กหนุ่มครางเครือพยายามสะกัดกลั้นอารมณ์อ่อนไหวที่กำลังแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย

“พี่ธัช.. อื๊ออออออ”

“ตรงนี้สินะ?” เขายังคงใช้นิ้วช่วยเบิกทางแต่มันยังคงฝืดเคือง “ใช้น้ำลายแทนก็แล้วกัน”

“อ๊ะ พี่ธัชจะทำอะไร ไม่เอานะ”

“อย่าดิ้นสิวะ”

“ปล่อยนะ ไม่เอา!” ใบหน้าสวยเชิ่ดหน้าขึ้นก่อนจะหอบหายใจถี่เมื่อลิ้นอุ่นแตะไล้วนอยู่ที่ปากช่องทาง เขาเกร็งไปทั้งตัวจนแทบจะเสร็จสม มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน “อ๊ะ..”

“ฮึ่ม!” ชายหนุ่มช้อนตัวอีกฝ่ายให้นอนหงาย สองขาขาวเนียนหุบแน่นจนเขาต้องออกแรงแยกมันออก ช่องทางอุ่นร้อนกำลังตอดรัดพร้อมที่จะรับตัวตนของเขาเข้าไป “อย่าเกร็ง”

“ฮึก..”

“แน่นชะมัด!” ธัชธรรม์ค่อยๆอัดเบียดตัวตนของเขาเข้าไปเชื่องช้าเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ ขบฟันกรอดสลับกับก้มลงจูบให้คนตัวเล็กผ่อนคลาย บรรจงซับเหงื่อที่ไหลข้างขมับก่อนจะดุนดันเข้าไปจนสุด ใบบุญครวญครางพร้อมหอบหายใจถี่ เขาเห็นอีกฝ่ายเกร็งมือจิกเข้ากับผ้าปูที่นอนก็เอื้อมมือเข้าไปคลายออก เด็กหนุ่มหันมามองหน้าเขา ใบหน้าสวยยังคงมีน้ำตาคลออยู่เช่นเคย ในใจอยากจะถามว่าเจ็บตรงไหนแต่ทิฐิในใจมันรุนแรงมากเกินกว่าที่เขาจะถามออกไป

“อ๊า!” ชายหนุ่มเริ่มขยับเขยื้อนร่างกายใหญ่โต “พี่ธัช เบาก่อน.. หนูเจ็บ”เขาดันเข้าและถอนออกมาอย่างแรงก่อนจะสลับเข้าออกจนเตียงไม้ขนาดหกฟุตสั่นกึกกระทบกับฝาผนังห้อง ใบบุญถดถอยหนีแต่ก็ไม่สามารถจะหลุดรอดไปจากอ้อมกอดที่แข็งแรงของเขาได้ คนตัวเล็กสั่นระริกรองรับความรู้สึกสุขสมที่มีเขารู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว

“อย่าสำออย ทุกทีไม่เห็นจะเรื่องมาก”

“ฮึก.. ฮือ พี่ธัชใจร้าย” ใบบุญสะอึกสะอื้น ร่างกายโปร่งบางยังคงสั่นตามแรงกระแทก สองมือยกขึ้นปิดตาไม่ให้น้ำตามันไหลออกมามากไปกว่านี้

เขามันน่าสมเพชแค่ไหน.. มีค่าแค่เพียงร่างกาย หาใช่หัวใจที่อีกฝ่ายต้องการ

แม้จะเจ็บช้ำร่างกายถูกตักตวงความสุขมากแค่ไหนเขาก็ยังอดทนได้ไม่เท่ากับรู้ว่ามีประโยชน์แค่เพียงระบายความใคร่ เป็นสนามอารมณ์ที่รองรับความโกรธเกลียดชังของอีกฝ่าย เขาทรมานเหลือเกินที่เป็นได้แค่เพียงตุ๊กตาที่ใช้แล้วทิ้ง.. ไร้ซึ่งการเหลียวแลใส่ใจ

“มึงเป็นของกู” เขาขบกราม หยัดสะโพกใส่แรงที่มีถาโถมใส่อีกฝ่ายที่เหมือนจะเริ่มทนไม่ไหว แข้งขาอ่อนแรงไม่ว่าเขาจะจับเปลี่ยนท่าทางอย่างไรก็ได้ “ของกูคนเดียว!” เสียงคำรามอย่างสุขสมก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่จะล้มลงทาบลงคนตัวเล็กที่นอนแน่นิ่ง ดวงตากลมโตไร้ชีวิตชีวามีเพียงหยดน้ำตาไหลออกมาเพื่อให้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่

ทรมานเหลือเกิน..

ธัชธรรม์ตะกรองกอดเด็กหนุ่มที่เคลิ้มหลับไปทั้งคราบน้ำตา เขามองร่องรอยตามร่างกายที่เผลอทำรุนแรงไปแล้วก็กระชับคนในอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขาทำพลาดอีกแล้ว ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาทุกอย่างจนมันแย่ไปหมด ชายหนุ่มถอนหายใจไม่รู้จะทำยังไงกับคนตรงหน้าดี ก่อนจะบรรจงกดจูบที่หน้าผากขาวนวลค่อยๆหลับตาลง

 “แม่จะบอกผมว่าใบบุญไม่ใช่น้องชายผมจริงๆ”

“น้องใบบุญเป็นลูกชายของเพื่อนแม่ที่แม่รับมาเป็นลูกบุญธรรม” ทับทิมมองลูกชายคนโตที่กำลังตกใจ เมื่อธัชธรรม์อยากรู้ เธอก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ควรจะบอกความจริง “น้อง.. ไม่ใช่ลูกชู้อย่างที่ลูกเข้าใจ และพ่อของลูกเราเลิกรากันด้วยดี ที่ เขาไม่คิดจะกลับมาเยี่ยมเพราะมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว”

“แล้วที่ผ่านมา.. ทำไมแม่เพิ่งบอกผม!”

“ธัช.. ที่ผ่านมาที่แม่ไม่อยากพูดเพราะไม่อยากให้เราช่วยเหลือ.. ให้ท้ายน้อง” เธอพูดเสียงแผ่วเบา “เรื่องราวในอดีตบางอย่างเราก็ไม่ควรรื้อฟื้นมันขึ้นมา” 

“ช่วยเหลือเรื่องอะไร? ผมไม่เข้าใจ” เขางงไปหมดแล้ว

“ใบบุญรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว.. ลูกอย่าให้น้องเข้าไปยุ่งกับบ้านกวินทร์ธาดานนท์เป็นอันขาด” เธอบอกลูกทั้งน้ำตา ไม่อยากให้มันเกิดโศกนาฎกรรมขึ้นมาอีก “ลูกช่วยห้ามใบบุญที ถือว่าแม่ขอร้อง”

“ผม.. ผม”

ความจริงทั้งหมดมันทำให้เขาหน้าชา.. ที่ใบบุญป่วยเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆตั้งแต่เด็กเป็นเพราะผลข้างเคียงจากภาวะเครียดอันเกิดจากเหตุการณ์สะเทือนใจที่เห็นพ่อแม่ตัวเองถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา เด็กชายตัวน้อยมีพัฒนาการเชื่องช้า ไม่พูดจาและกลัวคนแปลกหน้า รวมไปถึงกลัวเสียงดังๆจนร้องไห้ไม่หยุด ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าน้องเขาเป็นเด็กพิเศษจึงไม่เคยถูกปฏิบัติเหมือนเด็กปกติทั่วไป ถูกกลั่นแกล้งและรังแกจากคนอื่น หลายครั้งที่เขาเคยนึกรำคาญว่ามีน้องไม่เต็มเต็งเหมือนคนอื่น ผลักไสน้องชายตัวน้อยที่คอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอให้ออกไปไกลๆจนใบบุญต้องอยู่คนเดียว กว่าเจ้าตัวจะดีขึ้นและกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ก็ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่หลายปี

แล้วเขาทำอะไรลงไป..

ที่ผ่านมาเขาทำร้ายใบบุญไปมากมายขนาดไหน

ยังจะเรียกร้องความรักได้อยู่อีกหรือ..

เด็กหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นกลางดึก เขาใช้แรงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดดันท่อนแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายที่กำลังหลับสนิทออกไปให้พ้นตัว ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงพาร่างกายอันบอบช้ำไปที่ห้องน้ำ กัดฟันข่มความเจ็บที่แล่นปราดไปทั่วร่าง รอยเขียวช้ำเป็นจ้ำตามตัวเริ่มชัดเจนขึ้นจนเขาเริ่มเป็นกังวล ใบบุญใช้สายน้ำชำระล้างร่างกายจนสะอาด แต่เขากลับไม่อาจจะลบความเสียใจออกไปได้เลย   

เขาทำไม่ได้จริงๆ

เสียงเคาะประตูทำให้เขารู้สึกตัวก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง สะดุ้งมองรอบข้างกลับไม่มีคนตัวเล็กนอนข้างกันอย่างเมื่อคืน ธัชธรรม์รีบเด้งตัวลุกออกไปเปิดประตูกลับเจอเพียงมารดา เขามองซ้ายมองขวาปรับอารมณ์ไม่ให้ลุกลี้ลุกลน 

“ไม่ไปเรียนหรือไงจ๊ะ สายแล้วนะลูก”

“ใบบุญล่ะครับแม่”

“น้องออกไปเรียนแล้ว” ทับทิมบอกลูกชายคนโต เธอเห็นว่าวันนี้ธัชธรรม์ไม่ลงมากินข้าวเหมือนอย่างเคย คิดว่าคงจะตื่นสายแน่ๆ “รุ่นพี่เขาก็มารับอย่างเคยนั่นแหละ”

“รุ่นพี่?” เขาตื่นเต็มตาก็ตอนนี้ “อีกแล้ว?” ยังไม่ทันจะได้พูดดีๆกันสักครั้ง หมอนั่นก็ทำเขาโมโหอีกแล้ว รู้ว่าเขาไม่ชอบให้ไปวุ่นวายกับไอ้ชวดลก็ยังไม่เชื่อฟัง!

“รีบไปอาบน้ำเถอะลูก”

“ครับแม่ ขอบคุณนะครับ” เขาบอกมารดาก่อนจะเข้าไปอาบน้ำด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แม้จะบอกตัวเองว่าให้สงบสติอารมณ์ก่อน แต่ดูเหมือนว่าพอเป็นเรื่องของใบบุญ เขากลับทำไม่ได้เลย

มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่..

ธัชธรรม์เข้าเรียนสายไปเกือบยี่สิบนาทีแต่ก็ไม่ทำให้เขาซีเรียสมากไปกว่าการหาคนตัวเล็กไม่เจอ ทั้งๆที่คลาสเรียนวิชานี้ก็ไม่มีคนมากแต่เขากลับไม่เห็นเงาของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ ในใจร้อนรุ่นกลัวว่าคนตัวเล็กจะเป็นอะไรไป เมื่อคืนเขาทำรุนแรงไปตั้งขนาดนั้น.. หายไปไหนของเขากันนะ.. ในที่สุดเขาก็อดทนรอให้เลิกเรียนไม่ไหวต้องออกมานั่งอยู่ใต้ตึกคณะพร้อมหิรัญที่เขาลากมันมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย

“เป็นอะไรของมึงอีก”

“กูหาใบบุญไม่เจอ”

“มึงเคลียร์กับน้องมึงแล้ว?” หิรัญถาม เขายอมรับว่าเมื่อวานเขาก็ตกใจไม่แพ้กัน ใครจะไปคิดว่าเด็กหนุ่มเรียบร้อยคนนั้นจะคือคนเดียวกับนักร้องหน้าใหม่ไฟแรงคนนั้น

“ยัง”

“เอ้า ไอ้ห่าเอ๊ย” หิรัญอยากจะทึ้งหัวตัวเอง มีเพื่อนอย่างมันทำเอาผมเขาร่วงวันละสิบเส้น “ไอ้โชตามจีบน้องอยู่ มึงจะปล่อยมันคาบไปแดกหรือวะ ก็รู้ๆอยู่ว่ามัน..”

“กูไม่ปล่อยหรอก แต่..” เขาไม่รู้เลยว่าใบบุญคิดอะไรกันแน่

แม่งเอ๊ย.. แค่พูดว่าขอโทษมันยากนักหรือไงวะไอ้ธัช!

“กูขอเตือนเลย”

“กูรู้แล้วน่ะ” เขาตัดสินใจโทรหาใบบุญ ถึงจะโทรติดแต่ก็ไม่มีคนรับ เขาหันไปมองเสียงหัวเราะต่อกระซิกที่ดังขึ้นจากอีกทาง เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทองสวยกำลังยืนพูดคุยหัวเราะอยู่กับชวดล มือเรียวยาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะตัดสายทิ้งต่อหน้าต่อตาเขา

“ไม่รับหรือครับ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่โช เดี๋ยวใบบุญไปเข้าเรียนก่อนนะ”

“อื้อ เย็นนี้พี่มารับเหมือนเดิมนะ” ชวดลเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมนิ่มของคนตัวเล็ก ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อ ดูน่าทะนุถนอมเหลือเกินในสายตาเขา

“วันนี้เราจะไปไหนกันดีครับ”

“ตามใจน้องใบบุญเลยครับ”

“มึง!” ธัชธรรม์ตรงปรี่เข้าไปกระชากข้อมือบาง ดึงรั้งคนตัวขาวให้เข้ามาแนบอก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากแม้กระทั่งหิรัญก็ยังตามมาห้ามไม่ทัน ได้แต่วิ่งตามเข้ามาสมทบ

“โอ๊ย! นี่คุณ” ใบบุญขมกรามด้วยความเจ็บ เขาไม่อยากขยับเขยื้อนร่างกายมากนักเพราะมันยังบอบช้ำอยู่ เงยหน้ามองชายหนุ่มที่มีสีหน้าเดือดดาลเขาก็รู้สึกเจ็บแปรบที่อกขึ้นมาอย่างนั้น “ปล่อยผม!”

“กูมึงบอกแล้วใช่ไหมอย่าไปยุ่งกับมัน”

“คุณมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้.. อย่ามาทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมนะ” เขาตวัดสายตามองด้วยความไม่พอใจ ชายหนุ่มชะงักกึก ไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มมองเขาอย่างนี้มาก่อน แววตาของคนที่ไม่มีความรู้สึกอะไรหลงเหลืออีกแล้ว..

“ใบบุญ..” เขาทำตัวไม่ถูกเลยเมื่อเจอสายตาแบบนั้นเข้า

“ปล่อยผมนะ ไม่งั้นผมจะตะโกนให้คนช่วย!”

“คุยกันก่อน”

“ไม่!”

“ใบบุญ” ชวดลเห็นท่าไม่ดีจึงปรี่เข้ามาใกล้ เขามองชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะร้องอ๋อในใจ เขาเคยได้ยินข่าวคราวเรื่องที่ธัชธรรม์คบหากับไบร์ท ไม่นึกว่ามันจะเป็นเรื่องจริงที่เขาได้มาเห็นกับตา

“พี่โช ช่วยด้วย!”

“มึงปล่อยเดี๋ยวนี้!” ชวดลผลักชายหนุ่มให้ออกห่างก่อนจะเงื้อมือชกหน้าไปทีจนธัชธรรม์หน้าหัน เขาแตะริมฝีปากที่ปริแตกจนเลือดซึม มองใบบุญที่หลบอยู่หลังของอีกฝ่าย

“ต้องการแบบนี้สินะ”

“ใบบุญ” ชวดลถามเด็กหนุ่มที่กำลังอยู่ในอาการตกใจ “เป็นอะไรมากไหม”

“ไม่เป็นไรครับ”

“เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ” ธัชธรรม์มองใบบุญที่โผเข้ากอดอีกฝ่าย ก่อนจะพากันเดินจากไปไม่มองเขาเลยสักนิด มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกปวดร้าว ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เพราะไม่ใช่คนที่เขาต้องการ..

“ชิบหายแล้ว มึงไปคุยกับน้องยังไง แย่หนักกว่าเดิมอีก” หิรัญเข้ามาดูอาการเพื่อน ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะอยู่เฉยให้อีกฝ่ายต่อยโดยไม่เอาคืน

“กู..” เขาพูดไม่ออกจริงๆ ในใจมันหน่วงไปหมด “กูยังไม่ได้ขอโทษเขา” ยังไม่ได้บอกว่าที่จริงแล้วเขารูสึกผิดและอยากจะขอไถ่โทษกับความเลวร้ายที่เคยทำมา แต่ตอนนี้มันคงไม่ทันแล้ว.. คนอย่างเขามันคงเลวเกินกว่าจะได้รับโอกาสนั้น ในใจทั้งจุกทั้งเจ็บ ความรู้สึกของใบบุญที่เขาละเลยมาตลอด ไม่คิดเลยว่าลองมาโดนเองบ้าง

แม่งโคตรเจ็บเจียนตาย

การเห็นค่าในวันที่สายเกินไป.. มันไม่มีประโยชน์เลย



(ต่อด้านล่างค่ะ)

หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 02-11-2018 11:53:56
(ต่อจากด้านบนค่ะ)

++

เสียงดนตรีดังขึ้นเป็นจังหวะก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงจะถือไมโครโฟนยืนร้องเพลงต่อหน้าเขา ธัชธรรม์เงยหน้ามองเพื่อนที่กำลังซ้อมร้องเพลงแต่กลับมากวนตีนเขา ขย้ำก้อนกระดาษที่เขียนเนื้อเพลงปาใส่หิรัญที่กำลังล้อเลียนเขาอย่างสนุกสนาน แต่เขาไม่เล่นด้วยเว้ย!

สามวันแล้วที่ใบบุญไม่ได้กลับไปนอนที่บ้าน แถมยังปิดช่องทางติดต่อกับเขาทุกทาง ในชั่วโมงเรียนก็คอยหลบเลี่ยง ไม่ยอมเข้าใกล้เขา.. ทำเขาเหมือนตัวเชื้อโรคที่ไม่อยากเข้าใกล้ จนเขาต้องหอบข้าวของกลับมานอนสตูดิโอเหมือนเดิม ไม่เห็นหน้าเขาคงจะทำให้อีกฝ่ายเบาใจลงไปได้บ้าง

“บ้างก็พูดให้เธอไป ทั้งที่ใจขอให้เธออยู่ หวังไว้ข้างใน ที่เธอพูด ขอแค่ขู่ แม้ฉันพูดว่า ถ้าเธอไปก็อย่ากลับมา
ทั้งที่ข้างในยังต้องการแต่ฉันแค่ปากหมา”

“มึงหยุดร้องได้แล้วไอ้ฮัน” เขาลุกขึ้นยืน จะเตะมันจริงๆถ้ายังไม่หยุด

“ทำไม เพลงออกจะเพราะ น้องกรร้องเพลงนี้ได้ถูกใจกูจริงๆ”

“มึงจะขยี้กูไปถึงไหน” เขาขบฟันกรอด ตอนนี้ธัชธรรม์ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ได้แต่ใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับการแต่งเพลง เขาวางกีต้าร์ไว้ข้างตัวก่อนจะลุกขึ้นยืน ยิ่งจมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆต่อไปเขาคิดว่ามันคงไม่ดีแน่ๆ

“เอาน่าเพื่อน กูเอาใจช่วยให้ง้อน้องได้”

“เหอะ ให้เขาเลิกบล็อกเบอร์โทร บล็อกไลน์กูก่อนก็แล้วกัน”

“น่าสงสารจังเลย”

“น้ำเสียงมึงดูไม่สงสารกูเลย”

“จะให้กูพูดตรงๆไหม มึงมันเลว ไอ้จ๊าดง่าว! มีของดีอยู่กับตัวเสือกไม่ดูแล ต้องให้กูด่าเป็นภาษาอะไรอีกดี” หิรัญหัวเสียจนอยากจะบ้า “ดูสิ่งที่มึงทำ น้องกรเลยไม่มาซ้อมร้องเพลงกับกูสามวันแล้ว สามวัน!”

“กูเอาช่วยมึงให้จีบน้องติดก็แล้วกันนะ”

“เพราะมึง ไอ้เพื่อนเลว!”

“ใครมันจะไปรู้ละวะ”

“กูไม่ด่ามึงแล้วเปลืองน้ำลาย!” หิรัญชูนิ้วกลางใส่เพื่อน ยิ่งเห็นหน้ามันยิ่งหมดอารมณ์ร้องเพลง “เตรียมตัวไปแข่งวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ถ้าคราวนี้ง้อไม่ได้กูจะสมน้ำหน้าให้ดู!”

“เออ” เขามองเพื่อนที่เดินออกจากห้องไป ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองจมจ่อมอยู่กับห้วงอารมณ์เคว้งคว้าง ค่อยๆจรดปากกาลงกระดาษอีกครั้ง เขาตั้งใจเขียนเพลงนี้มาก มันจะเป็นบทเพลงที่บอกถึงความรู้สึกในใจของเขาทั้งหมด คำขอโทษและคำขอโอกาสที่จะได้คนรักกลับคืนมา มือหนาสั่นระริกยามจับปากกา มันสั่นและเขียนไม่ได้เพราะถูกบดบังด้วยม่านน้ำตา ความรู้สึกเจ็บปวดที่ผ่านมา เขารับรู้มันทั้งหมดแล้ว

พี่ผิดไปแล้ว

พี่ขอโทษ..

++

โครม!

“ฮึก.. ฮือออออ”

“เสียงอะไรน่ะ” ธัชธรรม์เดินเข้ามาในครัวก่อนจะตกใจเมื่อเห็นภาพตรงหน้า “เห้ย ใบบุญ!”

“พี่ธัช” เด็กชายแก้มยุ้ยหันมามองทั้งน้ำตา เค้กก้อนเบ้อเริ่มที่อยู่ในช่องฟรีชลงตุ้บลงมาคว่ำที่พื้น โดยมีเด็กชายตัวน้อยกำลังยืนอยู่บนเก้าอี้พลาสติก ใบหน้าขาวจัดค่อยๆขึ้นสีแดงก่ำก่อนจะร้องสะอึกสะอื้น นั่นเป็นเค้กที่พวกเขาไปเลือกซื้อมาเพื่อฉลองวันเกิดของคุณแม่ แต่เด็กชายตัวเล็กกลับทำมันร่วงหล่นเสียแล้ว “หนูขอโทษ”

“ไม่เอาไม่ต้องร้อง ยิ่งร้องยิ่งไม่น่ารัก”

“ฮืออออออออ หนูไม่ได้ตั้งใจ” พอเขาบอกว่าไม่น่ารัก เจ้าตัวเล็กก็แหกปากร้องไห้จ้า

“เลอะเทอะไปหมดแล้ว ไปอาบน้ำเร็ว” เขาใช้ผ้าขาวสะอาดเช็ดมือที่เปื้อนของน้องชาย “เดี๋ยวพี่เก็บตรงนี้เอง”

“ไม่เอา หนูเป็นคนทำเลอะเทอะ หนูก็ต้องเก็บสิ”

“งั้นเราช่วยพี่ก็แล้วกัน”

“แม่จะโกรธหนูไหม”

“ไม่โกรธหรอก”

“แต่..” เด็กชายเบะปาก น้ำตาก็อกที่สองกำลังจะไหลออกมาอีกรอบ “มันเป็นของสำคัญนะพี่ธัช”

“สำหรับพี่เค้กมันก็แค่ขนม แต่ถ้าใบบุญร่วงลงมาจากเก้าอี้แล้วเป็นอะไรไป พี่คงจะเสียใจมากกว่าเค้กก้อนนี้แน่”

“เพราะหนูเป็นคนสำคัญหรือจ้ะ”

“อื้อ ใบบุญสำคัญกับพี่สิ” ลูบหัวเด็กน้อยที่กำลังงอแง “ก็เป็นน้องชายที่พี่รักนี่นา”

“หนูก็รักพี่ธัช” เด็กอ้วนกางแขนออก ยื่นสองแขนจ้ำม่ำวิ่งเข้ามากอดรวบเขาไว้ “โตขึ้น.. หนูแต่งงานกับพี่ธัชได้ไหม”

“แค่ห้าขวบ” เขาดีดหน้าผากไปหนึ่งที อดตกใจกับคำพูดของเด็กไม่ได้จริงๆ “คิดจะมาขอพี่แต่งงานแล้ว ร้ายกาจ!”

“แต่จุ๊บแจงที่ห้องอนุบาลสองทับหนึ่งยังขอใบบุญแต่งงานได้เลย” เด็กชายทำหน้าสงสัย ใครๆเขาก็แต่งงานกัน! “ใบบุญก็ขอพี่ธัชแต่งงานได้สิ”

“ไอ้เด็กดื้อเอ๊ย” เขาอยากจะบ้าตาย ทั้งขำทั้งเอ็นดู “งานแต่งงานมันเป็นพิธีสำหรับผู้ใหญ่”

“แต่ว่าใบบุญยังเป็นเด็ก” เด็กชายพูดเสียงอ่อน “แต่งงานยังไม่ได้หรือจ้ะ หนูอยากอยู่กับพี่ไปจนโต ตัวโตเท่านี้เลย”

สองแขนอ้วนกางออกกว้างจนเขาอยากจะเอาหน้าเข้าไปพุงน้อยๆเหลือเกิน

“ชักแก่แดดเกินวัยแล้วนะ”

“แก่แดดคืออะไรอะพี่ธัช”

“มานี่เลย พี่จะพาไปอาบน้ำ!”  เขารวบเข้าที่กลางลำตัว จะอุ้มไปห้องน้ำ แต่เสียงร้องก็ขัดเขาเสียก่อน

“พี่ธัช อย่าจับพุงหนู~~”

“ไอ้เด็กอ้วน อย่าวิ่งหนีนะ” พอเขาปล่อยมือ เด็กอ้วนก็วิ่งหลบออกจากห้องครัวไป “รีบมาเร็ว เดี๋ยวเราจะได้ออกไปซื้อเค้กก้อนใหม่กัน”

“อื้อ พาหนูไปเที่ยวด้วยเลยนะ”

“ยังอีก ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“ฮิฮิ”

ใบบุญนึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขก็อดจะยิ้มให้กับมันไม่ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและธัชธรรม์ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขเหลือเกิน ใบบุญเอนหลังพิงโซฟาก่อนจะกอดเข่าแน่น ร่องรอยตามเนื้อตัวที่บ่งบอกว่าเมื่อคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นยังคงเด่นช้ำราวกับตอกย้ำความจริงที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้.. ความรักของเขามันไม่มีวันเป็นจริงได้อยู่แล้ว ต่อให้เราจะไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ ธัชธรรม์ก็ไม่สามารถจะตอบรับความรู้สึกของเขาได้หรอก

“มึงจะอยู่ที่นี่เลยก็ได้นะ” กรวีร์มองเพื่อนสนิทที่ยังเหม่อมอง เขาเป็นห่วงมันเหลือเกิน หลังจากที่เอ่ยปากชวนใบบุญมาพักที่คอนโดด้วยกัน เจ้าตัวก็หอบข้าวของเข้ามาอยู่กับเขาได้สักพักแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก กูแค่อยากคิดอะไรเงียบๆคนเดียว”

“แต่ว่าพรุ่งนี้ มึงต้องเจอเขาอีกนะ”

“กูทำได้” เขายิ้ม ความรู้สึกมันชินชาไปเสียแล้ว

ความรู้สึกของคนที่แอบรักข้างเดียวมาตลอดหลายปี.. รักทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่มีวันจะเป็นจริงได้

ทนเจ็บปวดทรมานมานานแค่ไหนแล้ว

มันถึงเวลาที่ควรจะพอเสียที



TBC
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 02-11-2018 19:14:57
นี่ติดทีมน้องใบบุญ

ถ้าน้องไม่เปิดเผยตัว ก็ไม่สนใจน้องเหมือนเดิมซินะ หึ
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 03-11-2018 01:31:49
โถ่ใบบุญลูกแม่ แต่ว่ากันตรงๆ นังฟางกับหมิวเนี้ย ควรโดนตบๆๆๆๆ ให้ตายข้างถนนค่ะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 03-11-2018 21:34:45
น้องงงงงงงงงงงง  :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 27-11-2018 07:42:34
 :L2:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 26-12-2018 02:12:26
อยากอ่านต่อแล้วว  :hao4:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 13 ] 05-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 05-02-2019 16:36:37
                                                                        Rhyme 13


   
         แสงไฟสปอร์ตไลท์สีแดงส่องลงไปยังเวทีที่ยกพื้นสูงเกือบเมตร ผู้ชมหลายร้อยคนส่งเสียงฮือฮาเพื่อร่วมเชียร์แรปเปอร์ที่ตัวเองชื่นชอบ พิธีกรที่คุ้นหน้าคุ้นตาตามหน้าจอโทรทัศน์โบกมือทักทายแฟนคลับที่เข้ามาชมกันอย่างหนาแน่น ถึงขนาดที่ว่ายอดวิวและเรตติ้งพุ่งกระฉูดอย่างไม่น่าเชื่อว่ารายการเล็กๆที่ฉายลงทางยูทูปชาแนลจะมีคนให้ความสนใจขนาดนี้ ป้ายเชียร์และป้ายไฟคงจะไม่ได้เห็นจากที่นี่ มีเพียงเสียงตะโกนดุดันและเสียงก่นด่าดังระงมเพื่อรอคอยการแข่งอย่างใจจดใจจ่อ
   
        เด็กหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวสวมทับด้วยแจ็คเก็ตยีนส์ จิบค็อกเทลสีสันสดใสตรงเคาร์เตอร์บาร์ห่างกันไม่ไกลจากเวทีนัก ฮู้ดยีนส์ถูกดึงขึ้นมาสวมปิดหน้าปิดตาเห็นแค่เพียงครึ่งล่างของใบหน้า เขามองไปรอบๆเวทีก่อนจะเรียกเช็คบิลเก็บเงิน และแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มฝูงชนที่กำลังเบียดเสียดเพื่อหามุมเพื่อดูเวทีให้ชัด พิธีกรกำลังเรียกแฟนคลับให้เตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะเรียกแรปเปอร์แต่ละคนขึ้นไปแนะนำตัวและแรปพรีเซ้นท์หรือเป็นการแนะนำตัวเองโดนใช้จังหวะดนตรี เขามองซ้ายขวาก่อนจะแทรกทางเข้าไปเพื่อรอเข้ารวมการแข่งขัน
   
        “และแรปเปอร์คนต่อไปของเรา คุณธัช aka KJ ค่ะ!” เสียงกรี๊ดดังระงมจนเขาต้องยกนิ้วขึ้นอุดหู ชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังขึ้นไปยืนบนเวทีสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำ โชว์แผงอกหนาและผิวสีแทนสุดเซ็กซี่ ใบบุญเมินสายตาไปมองทางอื่นแทน ถึงจะไม่ได้เจอกันหลายวันแต่อีกฝ่ายก็ดูสบายดี ไม่ได้ดูแย่อย่างที่หิรัญบอกเขาสักหน่อย เว่อกันไปใหญ่แล้ว “อยากให้ช่วยแนะนำตัวเองหน่อยนะคะ”
   
         “KJ ah! I’m KJ ใครๆมองว่าผมเป็นคนร้าย แต่เพียงหัวใจมันคล้ายๆจะลอยไปหาคุณ เหมือนผมเป็นคนเจ้าชู้แต่อยากบอกให้รู้รักคุณคนเดียว”

         “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด พี่ธัชชชชชชช”

         “หนวกหูชะมัด” เขามองชายหนุ่มที่อยู่บนเวทีก่อนจะเบะปากใส่ เสียงเชียร์ดังมากจนเขาอยากจะยกมือขึ้นมาอุดหู เด็กหนุ่มกระชับฮู้ดให้แน่นก่อนจะรอฟังคนต่อไป หันซ้ายหันขวาดันไปสะดุดตากับธัชธรรม์ที่กำลังมองมาทางเขาพอดี อีกฝ่ายจุดยิ้มที่มุมปากให้แต่เขาทำเป็นมองไม่เห็น

        “เป็นแรปเปอร์ที่ฮอตจริงๆค่ะ ขอเชิญคนต่อไปคุณฮันเตอร์ aka H-tor”

        “พี่ฮันนนนนนนนนน”

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด”

   เขายืนดูแรปเปอร์แต่ละคนทยอยออกมาแรปพรีเซ้นท์แนะนำตัวเองทีละคนท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่น จนกระทั่งถึงคิวคนสุดท้าย.. 

   “คนต่อไปคุณไบร์ท aka Galaxy-B” ทุกคนเงียบเสียงทันทีที่เขาเดินออกไปขึ้นเวที ปลดฮู้ดที่คลุมศีรษะออกก่อนจะยิ้มหวานให้แฟนคลับ กลุ่มผมสีน้ำตาลทองเมื่อกระทบแสงสปอร์ตไลท์ยิ่งขับให้ผิวขาวจัดของใบบุญเด่นจนเกิดเสียงฮือฮา ธัชธรรม์มองคนตัวเล็กที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลจากเขา อย่างน้อยใบบุญก็ไม่ได้ล้มป่วยอย่างที่เขาเป็นห่วง

        จะมีคนคอยดูแลไหม..

        เขาเฝ้าถามกรวีร์อยู่ตลอดถึงแม้จะไม่เคยได้คำตอบกลับมาเลย แต่เขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะดูแลตัวเองได้ ใบบุญรู้สึกแปลกๆกับสายตาของใครบางคนที่มองมา มันไม่ใช่อย่างที่เขาคุ้นชินเอาซะเลย ดวงตากลมสีดำสนิทคู่นั้นมองราวกับรอคอยอะไรบางอย่างจากเขา

       “และทั้งหมดนี้คือ 16 แรปเปอร์เลือดใหม่ที่จะมาเขย่าวงการฮิบฮอปให้ลุกเป็นไฟ ช่วงหน้าเราจะมาจับฉลากว่าใครจะได้แรปแบทเทิลกันเป็นคู่แรกและใครจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ค่ะ!”

      “เฮ!!!!!” เสียงตะโกนกู่ร้องเชียร์แรปเปอร์ที่ตัวเองชื่นชอบดังกระหึ่มอีกรอบเมื่อเข้าสู่ช่วงพักก่อนเริ่มเข้าแข่งขันจริง เขาเดินลงจากเวทีเพื่อเข้าไปห้องพัก แต่ก็ถูกเรียกซะก่อน น้ำเสียงละกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยมันทำให้เขาได้ไม่ยากนักว่าเป็นใคร

     “ใบบุญ”

      “อะไร?” เขาหันไปตอบและมองด้วยหางตา อีกฝ่ายอยู่ห่างเขาพอสมควร “มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”

      “เมื่อไหร่จะกลับบ้าน” น้ำเสียงธัชธรรม์ดูสั่นชัดเจน แต่เขาไม่ได้สนใจยักไหล่เพียงเล็กน้อยแล้วเดินหันหลังกลับ

      “จนกว่าผมจะไม่เห็นหน้าคุณอีก”

        “ได้” เขานิ่งไปครู่ก่อนจะตอบ พอได้เห็นอีกฝ่ายต่อหน้าอย่างนี้ แม้อยากจะเอื้อมมือไปกอดแค่ไหนมันก็เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว “พี่จะย้ายออกไปเอง ถ้ามันทำให้ใบบุญสบายใจ แต่พี่ขอเถอะ กลับมาอยู่บ้านของเรานะ”

        “หึ! หยุดพูดเถอะ ผมไม่คิดจะเชื่อคุณแล้ว” เด็กหนุ่มตอบเสียงแข็ง ไม่อยากสบตาที่มองมาอย่างขอร้อง “จะให้กลับไปโดนคุณทำร้ายอีกหรือ ไม่มีทาง!” คราวนี้จะมาใช้ลูกเล่นอะไรอีกล่ะ ในเมื่อเขาก็ไม่ไปให้เห็นหน้าแล้ว ยังต้องการอะไรจากเขาอีก

        “ฟังพี่ก่อนใบบุญ”

        “ผมไม่ฟัง” เขาขึ้นเสียง สะกัดกลั้นอารมณ์เสียใจ มันหมดเวลาที่จะต้องมานั่งร้องไห้ เขาจะไม่ยอมถูกทำร้ายอีกต่อไป “ผมไม่ฟังคุณอีกแล้ว!”

       “พี่ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา นะ พี่ขอโอกาส..”

       “โอกาสที่จะได้ทำร้ายผมอีกครั้ง?”

      “พี่ขอร้อง” จะให้เขานั่งลงคุกเข่าต่อหน้าคนอื่นเขาก็ยอม ขอเพียงโอกาสที่จะได้กลับไปยืนข้างกันเหมือนเดิม “พี่ยอมทุกอย่างแล้ว”

      “เหอะ” เขาแค่นยิ้ม ยิ่งนึกถึงเรื่องเลวร้ายมันก็ยิ่งทิ่มแทงแผลในใจ คำว่ารักมันใช้ไม่ได้ผลกับทุกคนหรอกนะ “ยอมทุกอย่างใช่ไหม? งั้นก็ยอมแพ้ถอนตัวออกจากรายการนี้ไปสิ กล้าหรือเปล่าล่ะ” เด็กหนุ่มเชิ่ดใบหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ตกตะลึง เขารู้ว่ารายการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้กับงานเพลงของธัชธรรม์ที่จะทำให้คนรู้จักเพลงของเขามากขึ้น รวมไปถึงโปรโมทโปรเจ็คต่างๆของค่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าหากถอนตัวออกไปตอนนี้ นอกจากจะต้องไปเริ่มใหม่ยังเสียเครดิตอีกต่างหาก

      “…..”

      “ถ้าทำไม่ได้ก็อย่ามายุ่งกับผมอีก” เขามองชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอึ้งไปพลางเบือนสายตาไปทางอื่น ยิ่งเข้าไปยุ่งมันก็ทำให้การตัดผู้ชายคนนี้ออกยิ่งลำบาก เราไม่ควรเจอกันเลยด้วยซ้ำ เจ็บเกินไปไหม ความรักอะไรแบบนี้ เมื่อยิ่งรักยิ่งเหนื่อย ก็อย่าฝืนใจ.. “ผมขอตัว”
 
      ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กที่เดินจากไป เขาแทบจะกุมขมับ “เอาไงดีละวะเนี่ย! โธ่เว้ย” อดกลั้นอารมณ์ด้วยการต่อยเข้าไปที่กำแพงปูน เจ็บร่างกายแค่ไหนก็ไม่เท่ากับความรู้สึกที่เจ็บปวดหัวใจ

      “ใบบุญ”

      “พี่โช” เขาเดินออกมาอีกทางเพื่อไปโซนที่เพื่อนรออยู่ กรวีร์ตัดสินไม่เข้าร่วมการแข่งขันเพราะยังไม่พร้อมจึงมาเป็นกองเชียร์ข้างเวทีคู่กับชวดลที่มาให้กำลังใจ ช่อดอกไม้สีสดใสทำเอาเด็กหนุ่มทำหน้ายู่ ดูเหมือนว่าชวดลจะถนัดเอาอกเอาใจเหลือเกิน

    “เป็นไงบ้างเหนื่อยไหม”
 
    “ยังไม่ทันได้แข่งเลยครับ พี่เป็นห่วงมากไปแล้วนะ” เขายิ้ม รับดอกไม้มาถือไว้ก่อนจะเอ่ย “ขอบคุณนะครับ ดอกไม้สวยมากเลย”

    “ถ้าชอบพี่ก็ดีใจแล้วครับ” สายตาแพรวพราวของชายหนุ่มตรงหน้า ทำเอาเขาต้องหลุบตาหนี คิดว่าเขาดูไม่ออกหรือยังไง ที่ยอมเป็นลูกแมวน้อยแสนน่ารักเพราะอยากเข้าใกล้ต่างหากล่ะ
 
     “ฮื่อ ทำเหมือนผมเป็นเด็กเลยนะ”

     “ก็เป็นเด็กของพี่ไง”

     “ฮ่าๆ เด็กในสังกัดหรือครับ”

     “เด็กน้อยของพี่ต่างหาก” เอื้อมมือไปลูบแก้มขาวผ่อง หิรัญสะกิดเพื่อนที่กำลังยืนมองอยู่ นึกในใจว่าเขาไม่น่าพามันมาตรงนี้เลย ถ้าอาละวาดอีก.. เขาจะทำยังไงล่ะเนี่ย

    “ไปทางอื่นเถอะ ตรงนั้นโต๊ะก็ว่าง”

    “ไม่ กูจะนั่งแถวนี้”

    “ธัช กูขอเหอะ วันนี้มึงอย่ามีเรื่องเลย”

    “กูไม่มีอารมณ์จะไปมีเรื่องกับใครหรอก”

    “เอาก็เอาวะ” หิรัญเดินเข้าไปโต๊ะข้างๆเด็กหนุ่ม เขาเห็นกรวีร์หันมามองเล็กน้อย และที่สำคัญเขาดันเจอชวดลอยู่โต๊ะเดียวกันกับใบบุญอีกต่างหาก นั่งใกล้ชิดกันขนาดนั้นเขาที่เป็นคนนอกยังรู้สึกประดักประเดิดแล้วเพื่อนเขามันยังใจเย็นได้อยู่อีก คราวนี้เขาคงจะต้องมองมันใหม่แล้ว

     “เบียร์แก้วนึง”

     “อีกครึ่งชั่วโมงต้องแข่ง ยังจะมาแดกเบียร์ เดี๋ยวก็แรปอ้วกพุ่งหรอก” หิรัญห้ามเพื่อนที่กำลังจะสั่งกับบาร์เทนเดอร์ มันหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ซะงั้น

      “เออ กูไหว ไม่ได้คออ่อนเหมือนมึง”

       “น้อง พี่ขอวิสกี้ไม่ต้องมิกซ์” เขาเห็นมันท้าทายก็เลยสั่งบ้าง เอาสิก็ให้มันรู้ไป!

      “ว่าแต่กู มึงกะเอาเมาเลยปะเนี่ย”

      “ดื่มย้อมใจเป็นเพื่อนมึงไง ไอ้สัด!” เขาอยากจะด่ามันเหลือเกิน ช่วงนี้ที่เขาต้องเข้าหากรวีร์ไม่ติดก็เพราะมันนั่นแหละ ไอ้เพื่อนเลว!

     “พี่ธัช พี่ฮัน ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวหน้าตาน่ารักสองคนเดินเข้ามาขอถ่ายรูป ธัชธรรม์ไม่ได้สนใจอะไรเพียงแต่หันไปมองหน้าเพื่อน

    “ได้ครับ” เขาหันไปมองธัชธรรม์ที่ยังทำหน้าตึงอยู่ ทำแบบนี้แฟนคลับก็หายหมดน่ะสิ “ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยไอ้ธัช แฟนคลับน่ารักชิบหาย” เขากระซิบกระซาบ ก่อนที่จะโดนศอกกระทุ้งเข้ามาอย่างจัง ไม่มีคำพูดใดๆนอกจากความเจ็บ..

    “เซลฟ์ฟี่ไหมครับ”

    “ขอบคุณค่ะพี่ฮัน” หิรัญรับโทรศัพท์มาจากแฟนคลับ ก่อนจะยกขึ้นถ่าย เขาคืนโทรศัพท์ก่อนจะกลับมานั่งเก้าอี้ของตัวเอง รู้สึกกระชุ่มกระชวยจริงๆ

    “แก้มชนกันเลยว่ะเมื่อกี๊”

    “มึงนี่หน้าม่อจริงๆ ดูโต๊ะข้างด้วยมองมึงตาเขียวปั๊ดแล้ว” ธัชธรรม์บอกเพื่อน เขาไม่สนใจหรอกว่าความสัมพันธ์ของกรวีร์และหิรัญจะเป็นอย่างไร แต่อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าสองคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ไม่ยอมบอกเขาอยู่

    “อูย ตายห่า คะแนนกูยิ่งตกอยู่ สงสัยรอบนี้แรงก์จะตกเอาไม่ขึ้นแล้วว่ะ” เขาเกาหัวแกรก เมื่อเห็นอีกฝ่ายเมินเขาอย่างเห็นได้ชัด ตายห่าแล้วกู!

    “สมน้ำหน้า”

    “ไม่ดูเลยตัวเองเลยมึงเนี่ย เขานั่งอิงแอบกันอยู่ตรงหน้า ใจแข็งเหมือนหินผาเลยนะ” หิรัญได้ทีแซะเพื่อนบ้าง ธัชธรรม์หน้าเสียไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบเสียงเบา

    “แข็งเหี้ยไรล่ะ ยุบหนอพองหนออยู่เนี่ย”

    “โถ่ ไอ้เราก็คิดว่าแน่”

    “อยู่กับมึงแล้วกูประสาทจะแดกจริงๆ” ธัชธรรม์ยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบแอบเหล่มองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก อีกฝ่ายนั่งแนบชิดกับชวดล เขาแอบเห็นมันโอบใบบุญ ทีนี้อารมณ์ขุ่นมัวของเขายิ่งขึ้นอีกรอบ ยกแก้วเบียร์กระแทกลงบนโต๊ะเสียงดังจนคนอื่นหันมามอง

    “อะไรของมึงเนี่ย เป็นบ้าหรือไง”

    “เออ กูเป็นบ้า” หิรัญสังเกตเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามกันให้เพื่อนออกไปก่อน ก่อนที่ธัชธรรม์มันจะหน้าขึ้นเลือดอัดใครขึ้นมาตรงนี้ เขายังไม่อยากหิ้วใครโรงพยาบาลนะครับ!

    “พี่ธัช”

    “อ้าว จีน”

    “พี่ฮันก็อยู่ด้วยพอดีเลย ยังไม่ไปเตรียมตัวหรอคะ จะแข่งแล้วนี่นา”

     “ระดับนี้คงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากแล้วครับน้องจีน”

    “จริงด้วยค่ะ พี่ธัชคงจะซ้อมมาเยอะแล้ว” หญิงสาวรีบเบียดคนอื่นๆที่เริ่มเข้ามามุงก่อนจะเข้าประชิดตัวชายหนุ่ม “จีนขอถ่ายรูปคู่ด้วยนะคะ”

    “ได้สิ” เขายิ้มก่อนที่หญิงสาวจะเข้ามาเบียดแนบชิด เสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยไม่สามารถปกปิดผิวขาวของหล่อนได้เลย โดยเฉพาะทรวงอกที่ตั้งใจมาโชว์โดยเฉพาะ หิรัญเป็นคนกดชัตเตอร์สายตาก็แอบเหล่ไปมองโต๊ะข้างๆ ใบบุญกำลังมองมาทางนี้พร้อมใบหน้าทะมึน

    ชิบหาย!

    “กูว่ามึงไปเหอะ อยู่ตรงนี้ไปก็ง้อน้องเขาไม่ได้หรอก”

    “อืม กูก็รู้อยู่แล้วแหละ” เขาบอก ไม่หันกลับไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งอิงแอบแนบชิดกับใครคนอื่น ไม่อยากจะตอกย้ำว่าสิ่งที่ทำเขาผิดพลาดไปมันไม่มีโอกาสได้กลับมาแก้ไขแล้ว เขาถอนหายใจหันไปยิ้มให้กับหญิงสาวที่เข้ามารอเขาตั้งแต่หัวค่ำ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายปลื้มและอยากพัฒนาความสัมพันธ์แค่ไหน แต่เรื่องของความรู้สึกเราไม่สามารถจะเลือกรักใครได้ มันบังคับความรู้สึกรักกันได้ที่ไหน เขาวางตัวเป็นกลางใครต่อใครจึงคิดว่ามีโอกาสที่จะก้าวพ้นความเป็นเพื่อน แต่เปล่าเลย เขาปิดกั้นหัวใจเพราะใครบางคนมาเนิ่นนานแล้ว

    “จีนไปด้วยคนสิคะ”

    “ถ้าไม่กลัวว่าแฟนคลับพี่จะว่าก็มาด้วยกันสิ”

    “ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวควงแขนเขาก่อนจะยิ้มร่า เรื่องอะไรเธอจะปล่อยธัชธรรม์ให้หลุดมือ หมิวกับแฟงน่ะไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเธอหรอก คราวนี้กำจัดเสี้ยนหนามอย่างใบบุญออกไปไกลๆได้ ธัชธรรม์ก็จะสนใจเธอเพียงคนเดียว “ใครๆก็อยากอยู่กับพี่ทั้งนั้น”

    “หรือครับ” เขายิ้ม แต่มันรอยยิ้มมันไม่ขึ้นไปถึงดวงตา “ใกล้ถึงเวลาแล้ว ไปกันได้แล้วมั้ง”

    “รีบๆไปกันเถอะ”

    ใบบุญแอบลอบมองแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปไกล หัวใจวูบโหวงเมื่อเห็นธัชธรรม์คุยกับคนอื่นด้วยความสนิทสนม ท่าทางจับมือถือแขนที่เห็นมันทำให้เขาอยากจะเดินเข้าไปแยกทั้งสองคนออกจากกัน ใบหน้าหมองเศร้าของอีกฝ่ายที่เขาเห็นในวันนี้ ใบบุญเองก็ไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนอย่างธัชธรรม์จะพูดอย่างนั้นกับเขา
คนอย่างนั้นจะพูดคำว่า ขอโทษ ได้จริงๆ?

    “ใบบุญโอเคนะ หน้าซีดๆไม่สบายหรือเปล่า” ชวดลบอกด้วยความเป็นห่วง คนตัวเล็กส่ายหน้าก่อนจะยิ้มน่อยๆ “หรือว่ากินเบียร์มากไป”

    “เปล่าครับ ไม่ได้เป็นอะไร แค่คิดอะไรเพลินๆ”

    “ถ้าไม่ไหวก็บอกนะมึง”

    “อื้อ กูโอเค มึงเชื่อกูเถอะ” กรวีร์ก็อยากจะเชื่ออยู่หรอกถ้าไม่เห็นแววตาอาลัยอาวรณ์ที่มีให้ธัชธรรม์ ถึงเจ้าตัวจะหลบซ่อนความรู้สึกแค่ไหน แต่สายตามันกลับบอกทั้งหมด

    เห้อ.. แล้วจะทำยังไงต่อล่ะทีนี้ อีรุงตุงนังกันไปใหญ่แล้ว

    “ผมขอตัวไปเตรียมตัวก่อนนะครับ”

    “เดี๋ยวพี่จะคอยเชียร์นะครับคนเก่ง” เขาโยกศีรษะหลบโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังเคลื่อนมือเข้ามาจับ ชวดลชะงักกึกไปชั่วครู่ก่อนจะกลับมายิ้มปกติ “สู้ๆนะครับ”

     “ขอบคุณครับพี่โช” เขาพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะเดินกลับไปยังเวที กรวีร์มองตามแผ่นหลังเล็กก็รู้สึกเป็นห่วง ไม่รู้ว่าทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจหรือยัง แต่เมื่อเขาเห็นรอยช้ำตามตัวของเพื่อนสนิทแล้ว ก็แอบสะใจธัชธรรม์ที่ถูกปฏิเสธไม่ได้ แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องของคนสองคนเขาก็ได้แต่คอยดูอยู่ห่างๆ หากเพื่อนเขาตัดสินเอาแล้วว่าแบบนี้คือทางออกที่ดีสุด เขาก็เคารพในการตัดสินใจ

    “และต่อไปนี้ก็จะเป็นการแข่งขันแรปแบทเทิลในช่วงแรกนะคะ และผู้เข้าแข่งขันที่จะต้องมาร้องเพลงด้วยกันได้แก่Masterjasper และ H-tor” หิรัญยิ้มหวานก่อนจะโบกมือโชว์แฟนคลับ เจ้าตัวเป็นเคยเป็นทั้งโปรดิเวอร์ทำเพลงให้กับศิลปินและเคยเขียนเพลงให้แรปเปอร์มาหลายคน ครั้งนี้ที่เขาอยากจะลงแข่งก็เพื่อจะพิสูจน์ให้ใครบางคนเห็นว่าเขาไม่ได้มีเพียงแค่เงิน แต่เขามีความสามารถด้วย!

    “เวลาทักไปก็ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่ตอบ ถามไปก็ไม่ตอบ จะเอายังไงได้โปรดช่วยบอก ตอนเนี้ยมัน Missing you And I don’t know what to do บอกกันซักทีให้รู้ อยู่ที่ไหน จะทำไร อยู่กับใคร My Babae”

    “ทำไมพี่ฮันต้องมองมาทางนี้ด้วย” เขาหันไปหาเพื่อนที่กำลังเลิ่กลั่ก “เขามองมึงใช่ไหม”

    “เกี่ยวอะไรกับกูล่ะ ไม่รู้โว๊ย”

   “มีความลับไม่บอกเพื่อนนะ” ใบบุญหรี่ตาอย่างจับผิด

   “ไม่-มี” เขาหันไปถลึงตาใส่เด็กหนุ่ม “ดูปากกูชัดๆ ไม่-มี-เว้ย”

   “อย่าให้รู้ก็แล้วกัน ว่าแอบไปกิ๊กกับพี่ฮันแล้วไม่บอก”


(ต่อ)

หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 05-02-2019 16:41:29
“ถ้าให้เป็นแฟนหมอนั่น กูยอมเอาปี๊บคลุมหัวตัวเองดีกว่า” เขาพูดเสียงดัง ก่อนจะเบนสายจาไปทางอื่น เดี๋ยวก่อนนะ ร้องเพลงก็ร้องไปสิจะมามองหน้าเขาทำไมเล่า!

ไอ้คนบ้าเอ๊ย!

“สงสารพี่ฮันจังเลย”

“มึงต้องสงสารกูสิ ฮึ่ย!” เขาบ่นงึมงำ ส่งสายตาไปหาคนบนเวทีที่ยังมองเขาไม่หยุด

มองอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง!

“และผู้เข้าแข่งขันที่จะต้องมาร้องเพลงด้วยกันเป็นคู่ต่อไปได้แก่ KJ และ Galaxy-B ค่ะ” เสียงประกาศทำให้ชายหนุ่มที่เพิ่งลงากเวทีหันมาทำตาโตใส่เพื่อน ธัชธรรม์มองไปบนเวทีไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว แค่วันนี้มันเร็วกว่าที่คิดแค่นั้นเอง

“เหี้ย!” หิรัญร้องเสียงหลงออกมาทันที “กู กูเปลี่ยนเป็นตัวกูเองได้ไหม”

“มึงร้องไปแล้ว จะร้องอะไรอีกล่ะ” เขาขำเพื่อนที่ลนลาน ส่วนเขาไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร อีกฝ่ายมีฝีมือพอตัวอยู่แล้ว ก็ให้ตัดสินกันไปตามความสามารถ “กูไปนี่แหละ ดีแล้ว”

“ขอเสียงกรี๊ดหน่อยให้คุณไบร์ทและคุณธัชค่า”

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”

เอาเข้าจริงมันตื่นเต้นจนแทบบ้า แม้จะเคยขึ้นเวมีผ่านการร้องเพลงมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แต่ใบบุญเองก็เพิ่งจะเคยผ่านการแข่งขันแบบนี้เป็นครั้งแรก มันท้าทายเขามากจริงๆ เด็กหนุ่มขึ้นไปยืนบนเวทีก่อนเริ่มร้อง บีทและดนตรีที่ทำขึ้นมาใหม่ทำให้คนฟังต้องโยกตามสเต็ปอย่างไม่รู้ตัว

“ฉันรู้ดี ว่าตัวเองยังดีไม่พอ และบางทีฉันก็ยังไม่พร้อม จะยอมรับใคร ให้เดินเข้ามาดูแลหัวใจ ฉันรู้ สักวันนึงฉันจะดีให้พอ และในวันที่ฉันพร้อม จะยอมรับใคร มาเดินคู่กันตลอดไป ก็ฉันไม่รู้ต้องทำอย่างไร บางทีก็พูดไม่ตรงกับใจ หรือฉันต้องพูดให้ตรงกับใคร หรือเพียงแค่พูดตรงตรงออกไปเท่านั้นพอ” ใบบุญร้องจนจบท่อนเพลง ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายร้องต่อ เขามองไปยังด้านหน้าไม่ได้เหลือบมองคนข้างๆเลยสักนิด เขามองเด็กหนุ่มที่ยืนห่างออกไปสายตาจับจ้องจนทุกคนต้องมองตามว่าเขามองอะไร

“ก็คนเคยรักมันก็มีบางครั้งที่ยังคิดถึง มันก็มีบางครั้งที่ยังลึกซึ้งอยู่ โปรดเข้าใจ ก็ยินดีนะที่ได้เห็นเธอมีความสุขกับคน แบบที่เธอคิดว่าใช่....ฉันดีใจ แต่อยากจะถาม...ที่ผ่านมา เธอยังคงคิดถึงกันไหม ฉันแค่เพียงต้องการ ที่จะรู้ว่าฉันยังคงพอมีโอกาส และฉันจะยังคงรอแต่เธอ แม้นานแค่ไหน ขอโอกาสแก้ไข ฉันจะทำมันให้ดี”

“….” ใบบุญหันหลับไปมองชายหนุ่มที่กำลังร้องเพลง.. ให้เขา

สายตาที่มองมาอย่างเจ็บปวดทำเอาหัวใจเขากระตุก

มันจะมีประโยชน์อะไรกับการเห็นค่าในวันที่มันสายเกินไป..

“ถ้าถามว่าเศร้ามั้ย ก็บอกว่าเศร้าดิ เพราะถ้าทุกอย่างมัน fresh ความรักของเราก็คงไม่เน่าดิ แต่มันไม่ถึงขนาดต้องร้องไห้หรือต้องฟูมต้องฟาย cause sooner or later everything will be just fine since I dedicated all my life to music ตอนใครมาถามว่าเป็นยังไงก็บอกไม่เป็นไรชิวๆดิ I mean I’m not ok but I’m fine and still doing it และขอให้เธอได้มีความสุข with your new คู่ชีวิต”

“…” เขาเบือนหน้าไปทางอื่น ในใจรู้สีกกระอักกระอ่วนไม่น้อย ธัชธรรม์ทำแบบนี้คนอื่นเข้าใจผิดกันพอดี

“ก่อนที่เราจะให้ผู้ชมช่วยกันโหวตและคะแนนจากกรรมการ เอ๊ะ เดี๋ยวอะไรนะคะ” พิธีกรทำหน้างงเหมือนเห็นธัชธรรม์เดินเข้ามาใกล้ สีหน้าตกใจของหญิงสาวทำให้แฟนคลับที่อยู่ด้านล่างเริ่มส่งเสียง “แบบนี้มันได้ที่ไหนกัน คุณแน่ใจแล้วหรือคะ?”

“ผมขอถอนตัวจากการแข่งขัน” ธัชธรรม์คว้าไมค์ออกมาจากมือพิธีกร เขามองตรงไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังยืนมองอยู่ ไฟสปอร์ตไลท์ดับวูบพร้อมกับความโกลาหลของทีมงาน ใบบุญมองชายหนุ่มที่กำลังส่งยิ้มให้ ตอนนั้นเขาทำอะไรไม่ถูกจริงๆอยากจะเข้าไปถามแต่ขามันก็ไม่ขยับ เขาเห็นธัชธรรม์หมุนตัวลงจากเวทีไป ถึงได้นึกว่าตัวเองพูดอะไรเอาไว้..

“ยอมทุกอย่างใช่ไหม? งั้นก็ยอมแพ้ถอนตัวออกจากรายการนี้ไปสิ กล้าหรือเปล่าล่ะ”

++

การแข่งขันวันนั้นถูกออกเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด ทำเอาโปรดิวเซอร์ผู้จัดงานใหญ่อย่างเฮียกิตโมโหจนแทบเผาผับให้วอดวายไปในคืนนั้น ใบบุญกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองเดือนแล้ว โดยที่ห้องตรงข้ามของธัชธรรม์ไม่มีเงาของเจ้าของห้องมานานแล้ว เขาแอบเปิดประตูเข้าไปดูห้องที่มีเตียงที่ถูกคลุมเอาไว้ ส่วนของใช้ต่างถูกเก็บเรียบร้อยราวกับไม่เคยมีใครเคยอยู่มาก่อน มารดาบอกว่าธัชธรรม์ขอย้ายไปอยู่กับคุณพ่อโดยให้เหตุผลว่าจะเตรียมตัวทำเพลง และจะแวะมาหาคุณแม่ทุกวันหยุด เขาซึมซับกลิ่นอายของใครบางคนก่อนจะปิดประตูลง

แบบนี้มันก็ดีแล้ว..

มือบางเลื่อนนิ้วสไลด์เข้าไปในแอปพลิเคชั่นที่คุ้นเคย แอคเค้าท์ที่เขาไม่ได้เข้าไปดูมันนานแล้วตั้งแต่ที่อีกฝ่ายรู้ความจริง กลั้นใจกดเข้าไปดูทั้งๆที่รู้ว่าดูแล้วจะต้องมานั่งช้ำใจ ภาพที่เขาเห็นกลับเป็นทะเลผืนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา หาดทรายเม็ดขาวถูกเจ้าของรูปใช้นิ้วเขียนเป็นภาษาอังกฤษ

‘You are my galaxy’

แด่คนที่ผมรักที่สุด

ใบบุญไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง เขารีบกดเลื่อนรูปไปก็เจอแต่รูปของธัชธรรม์เต็มไปหมด นี่เขาคิดจะอัพรูปเยอะไปไหนเนี่ย! เขาเลื่อนจนมาเจอรูปชายหนุ่มถอดเสื้อโชว์ผิวสีแทนพร้อมสวมกางเกงเสริฟสวมแว่นกันแดดสีชาพลางชูสองนิ้วขณะที่กำลังถ่ายรูปกับแฟนคลับ เขาจำได้ว่าพูดถึงพี่ชายเขาว่าไปเที่ยวร้านอาหารของคุณพ่อที่เปิดอยู่แถบภาคใต้ คงจะถือโอกาสไปเที่ยวด้วยเลย
 
Nantichaa_T say : ทำไมยืนห่างกันขนาดนั้นละคะ

KJ_tat say : เดี๋ยวแฟนหึงครับ 

Nantichaa_T say : พี่ธัชมีแฟนแล้วหรอคะ? กรี๊ดดดด

KJ_tat say : ความลับครับ 

มือกระตุกวูบจนเผลอไปกดไลค์ข้อความอันนั้นเข้า เด็กหนุ่มหน้าเสียรีบกดออกทันที คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง.. เด็กหนุ่มลุกขึ้นเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเรียนภาคบ่าย หลังจากที่แม่ออกไปทำงานแต่เช้าบ้านก็ดูเงียบเหงาเหมือนทุกที ย้อนกลับไปเหมือนตอนที่เขาอยู่กับแม่แค่สองคน

“พี่โช” เขาเรียกชายหนุ่มที่กำลังยืนพิงรถคันหรูอยู่หน้าบ้าน

“ตื่นสายหรือครับวันนี้”

“จะมาไม่บอกกันก่อนเลย จะเซอร์ไพร์สหรือครับ”

“เย็นนี้ว่างหรือเปล่า พี่อยากพาเราไปเที่ยวหน่อย”

“ว่างนะครับ พอจะไปได้อยู่” เขานึกว่าวันนี้มีนัดที่ไหนหรือเปล่า “พี่จะพาไปที่ไหนหรือครับ”

“เป็นความลับครับ” ชายหนุ่มยิ้มหวาน เดินเข้ามาช่วยเขาถือข้าวของเป็นปกติ ใบบุญรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นมากกว่าพี่น้อง ทุกอย่างที่ทำให้เขาเป็นประจำทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเราสองคนคบกัน ในเมื่อเขาไม่ได้ออกมาปฏิเสธและอีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจเขาคิดกับชวดลเพียงพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น.. พี่ชายที่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด..

“พี่โชสวัสดีครับ” กรวีร์ยกมือไหว้รุ่นพี่ที่ช่วงนี้เขาเจอบ่อยเหลือเกิน “มาบ่อยขนาดนี้ย้ายมาเรียนที่คณะผมเลยไหมพี่”

“พูดมากจริงมังกร พี่ไปก่อนนะฝากดูใบบุญด้วยล่ะ”

“ฝากมันดูแลผมยังจะง่ายกว่านะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยแซวก่อนจะเบ้หน้าด้วยความเจ็บ “โอ๊ย หยิกกูทำไม”

“บ๊ายบายครับพี่โช”

“บ๊ายบายครับ” อีกฝ่ายส่งยิ้มก่อนจะขับรถไปเรียนที่คณะของตัวเอง ขนาดเทอมหน้าจะต้องวุ่นเรื่องฝึกงานแต่ชวดลก็ยังอุตส่าห์
หาเวลามารับส่งเขาตลอด เขาหันหลังกำลังจะเดินขึ้นตึกก็เจอกรวีร์กำลังยิ้มอย่างมีเลศนัย

“อะไรของมึง ยังไม่ไปเรียนอีก”

“คบกันแล้วใช่ปะวะ”

“อะไรเล่า ไม่รู้เว้ย”

“โหย ทำไมทำงี้อะ ที่กูยังบอกมึงทุกอย่างเลยนะ” เห็นเพื่อนสนิทงอแงเขาก็นึกขำ ทำไมมันถึงได้ไม่รู้จักโตแบบนี้นะ!

“เรื่องนี้กับเรื่องนั้นไม่เหมือนกันโว๊ย” เขาสะบัดมันให้ออกไปจากตัว “ปล่อยกูได้แล้ว อึดอัด”

“อ้าว นั่นพี่ฮัน” เขาเหลือบไปเห็นรุ่นพี่ที่คลับคล้ายคลับคลาจึงเรียกเสียงดัง แล้วหิรัญก็หันมาทางเขาจริงๆด้วย “พี่ฮัน”

“มึงจะเรียกเขาทำไม ไอ้ห่านี่”

“มึงแกล้งกูก่อนอะ” เขาทำปากยู่ใส่เพื่อนสนิทที่ขยำผมเขาจนยุ่งไปหมด เพิ่งเซ็ทมาตั้งแต่เช้าตอนนี้ยุ่งเป็นรังนกอีกแล้ว “อยากแกล้งกูเองช่วยไม่ได้”

“พี่ธัช ไม่เจอกันนานเลยนะ”กรวีร์กลับเห็นธัชธรม์อยู่ด้วยจึงเลือกทักทายชายหนุ่มที่หายหน้าหายตาไปได้สักพักแล้ว

“อืม หวัดดี” ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าทักทาย ธัชธรรม์ผิวสีแทนเข้มขึ้นอีกระดับเมื่อสวมเสื้อนักศึกษาสีขาวจัด เขาเห็นใบหน้าคมคร้ามมีไรหนวดขึ้นเล็กน้อยก็รีบเสมองไปทางอื่น อีกฝ่ายเห็นเขาก็ไม่เดินเข้ามาทางนี้กลับอ้อมไปเดินอีกทางแทน

คิดจะหลบหน้ากันใช่ไหม?

“มึงไม่คุยกับพี่เขาแล้วหรือวะ” กรวีร์พูดหยอกเย้า แต่เขาดันยิ้มไม่ออก “ลืมไปว่ามึงมีพี่โชแล้ว”

“ไปเรียนเหอะ” เขาเรียกเพื่อนให้เลิกพูดพร่ำก่อนจะนำหน้าไปยังห้องเรียน วิชาช่วงบ่ายนี้เป็นวิชาที่เด็กปีหนึ่งจะต้องเข้าทุกคนอยู่แล้ว ห้องที่เรียนจึงสามารถบรรจุนักศึกษาได้เกือบสามร้อยคนและมีนักศึกษาจากคณะอื่นมาเรียนด้วยบ้างประปราย ใบบุญได้ที่นั่งอยู่ริมประตูก็รีบเดินเข้าจองที่ก่อนที่จะมีคนมานั่ง เขานั่งลงก็รีบหยิบสมุดขึ้นมาจด

“ขอโทษครับ ขอทางหน่อย”

“อ๊ะ ได้ครับ” เขากระเถิบให้อีกฝ่ายเข้าไปนั่งด้านในของแถว เมื่อเงยหน้าถึงจะเห็นว่าเป็นใคร ดวงตาคมเข้มที่จ้องมองมานั้นแทบจะสะกดทุกอย่างเอาไว้ ใบบุญไม่คิดเลยว่าจะเจออีกฝ่ายใกล้ขนาดนี้

 “โอ้โห เป็นไงๆที่กูจองไว้เจ๋งปะ” หิรัญที่ตามมาทีหลังหันไปพยักเพยิดกับเพื่อน

   “เจ๊งล่ะสิไม่ว่า เลือกที่อะไรของมึงเนี่ย” เขากัดฟันพูด รู้ว่าใบบุญไม่อยากเจอก็ไม่ไปเสนอหน้าให้เห็นอีก แต่นี่อะไรเพื่อนเขามันดันจองโต๊ะติดกันเฉยเลย แล้วอย่างนี้จะมีสมาธิเรียนได้ไหม?

   ยิ่งเห็นอีกฝ่ายมีความสุขสบายใจดีโดยที่ไม่มีเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าดีแล้วที่ตัวเองเป็นคนเดินออกมา ใบบุญควรจะเจอแต่คนดีๆ เขาไม่อยากโผล่หน้าไปให้อีกฝ่ายลำบากใจ หญิงสาวผมยาวประบ่าสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องกวาดสายตาไปทั่วก่อนจะหยุดลงที่ตัวเขา

   “พี่ธัช”

“อื้ม หวัดดี ว่าไงจีน”

“จีนนั่งด้วยคนค่ะ” เธอมองใบบุญก่อนจะพูดจีบปากจีบคอ “อุ๊ย.. ใบบุญขอทางหน่อยนะจ้ะ” หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงข้างเขา ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้เจอผู้หญิงคนนี้บ่อยเหลือเกิน เขาไม่อยากจะพูดปฏิเสธตรงๆให้เสียน้ำใจ แต่ว่าถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเขาคงรู้สึกไม่ดีแน่

“พี่ขอเรียนแบบเงียบๆนะครับ” เขาหันไปบอกก่อนจะหันมาตั้งใจฟังอาจารย์ที่กำลังเริ่มจะสอน ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าเจื่อนอย่างไร อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากจะให้ความหวังใคร เพราะรู้ว่าการที่รักเขาและเขาไม่รักตอบมันเจ็บมากแค่ไหน
ตอนนี้เขารู้แล้วจริงๆ..

“ตอนเย็นเราไปกินข้าวกันนะคะ พี่ฮันด้วย”

“เอ่อ พี่มีนัดแล้วอะ ไปกับไอ้ธัชแล้วกัน”

“….” ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรนอกจากจดสิ่งที่ฟังอาจารย์อธิบายลงสมุดบันทึก เขาไม่อยากเอาเรื่องไร้สาระมาใส่หัว แค่วันๆหนึ่งเรียนเสร็จแล้วกลับไปทำเพลงที่สตูดิโอต่อก็แทบจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว จะให้เขาเอาเวลาไปสนใจใครได้อีก
จีนไม่ได้พูดอะไรนอกจากเรียนเงียบๆอย่างที่เขาร้องขอ กระทั่งสี่โมงเย็นอาจารย์ให้การบ้านและเตรียมตัวปล่อยเขาก็เริ่มคิดแล้วว่าวันนี้จะไปกินอะไรดี ต่อให้ไม่มีใครชวนเขาก็มีร้านอาหารที่เขาอยากไปกินอยู่แล้ว เขาหันไปปฏิเสธหญิงสาวอย่างเรียบง่ายว่ามีธุระก่อนจะเดินลิ่วออกมาไม่สนใจใคร เหลือบสายตาเห็นคนตัวเล็กกำลังเก็บกระเป๋า ไหล่ลาดบางและเอวคอดที่เขาเคยสัมผัส ชายหนุ่มทอดสายตามองจนกระทั่งอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามอง เขารีบหันหน้าหนี ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินผ่านเขาไปขึ้นรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่หน้าตึกคณะ

ชวดลกำลังยืนรอพร้อมทั้งรับกระเป๋าเป้ไปถือให้ก่อนจะโอบใบบุญขึ้นรถ ส่วนเขากลับได้แค่ยืนมองทั้งๆที่ตรงนั้นมันควรเป็นของเขา ได้แค่มอง..

มองเห็นเขามีความสุข

มองเห็นเขามีรอยยิ้ม

มองเห็นเขาอยู่กับคนที่เขารัก

แค่นั้นเขาก็พอใจ..

+++

รถยนต์คันหรูขับเข้าไปที่บ้านหลังใหญ่สีขาวสะอาดตามันใหญ่ถึงขนาดที่ว่าคือคฤหาสน์ดีๆนี่เอง ในโรงรถที่ขับผ่านด้านในมีรถยนต์ยี่ห้อหรูจอดเรียงรายนับสิบคันและราคาแต่ละคันก็สามารถซื้อบ้านเขาได้ทั้งหลังด้วยซ้ำ เขาหันไปมองชวดลที่อมยิ้มมาตลอดทาง

“พี่โชพาผมมาที่ไหนครับเนี่ย”

“มาบ้านพี่น่ะสิ มาทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่พี่” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม คิดอยากจะเซอร์ไพร์สคนตัวเล็กเสียหน่อย

“เอ่อ จะดีหรือครับ”

“ทำไมล่ะ พี่ก็อยากให้เรารู้จักที่บ้านพี่ด้วย ไม่ต้องกลัวหรอกนะ คุณพ่อคุณแม่พี่ใจดี” เขาบอกปลอบเด็กหนุ่มทีเริ่มทำหน้าไม่ไว้ใจ ชวดลหัวเราะขำกับท่าทางของใบบุญ รู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้เหลือเกิน นอกจากเขาจะรู้สึกสะใจที่สามารถแย่งคนรักของธัชธรรม์มาได้ เขายังรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างน่าประหลาด

“แต่ว่า..” เขาคิดหนัก ไม่เคยมีประสบการณ์ไปเที่ยวบ้านเพื่อนสักเท่าไหร่ “ถ้าพี่โชว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”

“ไม่ต้องเกร็งนะครับคนดี”

“โถ่ เพิ่งมาบอกตอนนี้ใครจะไปสบายๆได้ล่ะครับ” เขาโอดครวญ ถ้าเขารู้แต่แรกอาจจะขอต่อรองเป็นวันอื่นที่เขาพร้อมมากกว่านี้ อีกอย่างเขาไม่ได้เป็นอะไรกับชวดลสักหน่อย แบบนี้มันเปิดตัวชัดๆ

“ฮ่าๆ”

“แกล้งผมใช่ไหมครับเนี่ย”

“พี่ไม่ได้แกล้ง พี่อยากจะพาใบบุญมาให้ที่บ้านรู้จักจริงๆ”

“ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้ล่ะครับ” เขาแอบสังเกตุสีหน้าของอีกฝ่าย เห็นรอยยิ้มพิมใจของชายหนุ่มก็อยากจะรู้ว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่กันแน่

“พี่…” เขาจอดรถ ก่อนจะหันมาสบสายตากลมโตของใบบุญ “อยากเป็นมากกว่าที่เราเป็นอยู่”

“ผม.. ยังไม่พร้อม จริงๆเราเหมาะจะเป็นพี่น้องกันมากกว่า” เขารีบตัดบท ไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดมากไปกว่านี้อีกแล้ว

“พี่ให้เวลาเราคิดอีกนาน ยังไม่ต้องตอบพี่ได้ไหมครับ” ชวดลหน้าเสียไปครู่หนึกก่อนจะปรับให้เป้นปกติ คนอย่างเขาไม่เคยโดนใครปฏิเสธด้วยซ้ำ แล้วทำไมเจ้าเด็กคนนี้ถึงได้ไม่รับรักเขากันแน่..

“ตะแต่ว่า..”

“คุณแม่พี่ออกมารอพอดี” เขาหันไปเห็นผู้หญิงวัยกลางคนยืนรออยู่หน้าประตูบ้าน ใบหน้าขาวจัดออกไปทางเชื้อสายจีนทำให้เขารู้ว่าชวดลถอดแบบมารดาออกมาไม่ผิดเพี้ยนเลยทีเดียว เด็กหนุ่มลงจากรถและเดินเข้าไปกระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม เธอรับไหว้เพื่อนลูกชายก่อนจะชักชวนให้ทานข้าว

“น้องใบบุญครับแม่”

“สวัสดีครับคุณป้า”

“เรียกแม่ก็ได้จ้ะ”

“ครับคุณแม่” เด็กหนุ่มเดินตัวลีบเข้าไปในบ้าน คุณแม่ชวนให้เขานั่งรอที่โต๊ะอาหารระหว่างที่รอกินข้าวด้วยกัน เขากลับขอเดินดูรูปภาพใส่กรอบที่แปะข้างฝาผนังเรื่อยๆจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่รูปผู้ชายวัยหนุ่มสามคนยืนเคียงข้างกัน ใบหน้าละม้ายคล้ายกันจนเขาอดคิดไม่ได้ว่าเป็นฝาแฝดกันหรือเปล่า ตัดสินใจเอื้อมมืออันสั่นเทาไปแตะกระจกเชื่องช้า ลูบไล้ใบหน้าของบิดาที่เขาอยากจะเห็นใกล้ๆเหลือเกิน.. คุณพ่อ.. 

“ทำอะไรน่ะ!”

TCB

หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 13 ] 05-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 06-02-2019 13:02:31
กำลังจะเข้มข้นขึ้นไปอี้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 14 ] 13-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 13-02-2019 11:47:47
                                                            Rhyme 14


   ใบบุญสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปตามเสียง เขาเห็นชายหนุ่มวัยกลางคนลักษณะภูมิฐานกำลังยืนขมวดคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย เขายกมือกระพุ่มไหว้ จับจ้องใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าที่แม้อายุจะร่วงโรยตามกาลเวลาแต่ยังมีเค้าโครงความหล่อเหลาเมื่อครั้งยังสมัยหนุ่มๆอยู่ ชายหนุ่มสูงวัยคลายใบหน้าเครียดขรึม มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาใจแป้วเมื่ออีกฝ่ายไม่พูดไม่จาแถมยังใช้สายตาพินิจพิเคราะห์เขายกใหญ่ เขารีบสำรวจเสื้อผ้าของตัวเองก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ

       “เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ทำผมสีแปลกๆ” เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยขึ้นก่อนจะมองเขาอย่างเต็มตาอีกครั้ง “เพื่อนเจ้าโชหรือไง”

       “คะครับ ผมชื่อใบบุญครับคุณลุง” พูดออกไปเสียงสั่นโดยไม่รู้ตัว รัศมีความน่าเกรงขามของอีกฝ่ายแผ่กระจายจนเขารู้สึกเกร็งขึ้นมา

       “ชื่อเพราะดี ใครตั้งให้ล่ะ”

       “คุณแม่ตั้งให้ครับ”

       ”อืม” เขาหลุบตามองพื้น พึมพำเสียงเบา “รูปนั้นมันเก่าแล้ว มองแต่ตาก็แล้วกัน”

       “ครับ ขอบคุณนะครับ”

       “ขอบคุณทำไมล่ะ รูปคนแก่ๆมันไม่น่าสนใจหรอก”

       “ผม เอ่อ อยากรู้ว่าคนในรูปคือใครน่ะครับ”

       “พี่น้องของฉันเอง สนใจด้วยหรือเจ้าหนุ่ม” ตวัดสายตามองอีกครั้ง เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอคิดใคร่ครวญว่าจะตอบอะไรกับคนตรงหน้าดี ดูท่าแล้วคงจะเป็นบุคคลสำคัญของบ้านนี้เสียด้วย

       “คะครับ เจ้าสัวแห่งตระกูล.. ประวัติคงจะน่าสนใจไม่น้อยใช่ไหมละครับ” ใบบุญยิ้มใจดีสู้เสือทั้งที่เหงื่อแตกพลั่ก ชายหนุ่มสูงวัยไม่ได้พูดอะไรก่อนจะกลับหลังหัน สองมือไขว้ด้านหลังก่อนจะเดินจากไป เขาไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น

       “มันไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจอย่างที่เธอบอกหรอก” เสียงพูดพึมพำทำให้เขาพยายามจับใจความ “วงการธุรกิจมันน่ากลัว”

       “อ้าว คุณพ่อ” ชวดลเดินลงมาจากบันไดบ้านที่ปูด้วยหินอ่อน ราวบันไดที่เลี้ยวคดมองแล้วต้องตะลึงในความสวยงามของการแกะสลักหินอ่อนให้เป็นลวดลาย เขาเดินลงยืนข้างชายหนุ่มสูงวัยก่อนจะเริ่มแนะนำ “ใบบุญนี่คุณพ่อของพี่เอง”

       “ครับพี่โช”

      “ไปกินข้าวกันเถอะ คงจะหิวกันแย่แล้ว” คุณพ่อไม่ได้พูดอะไรนอกจากเดินนำไปที่โต๊ะกินข้าว ใบบุญถอนหายใจด้วยความโล่งอกนึกว่าเมื่อกี๊จะถูกจับกินซะแล้ว

       “ไม่ต้องเกร็งนะใบบุญ คุณพ่อแกเป็นแบบนี้แหละ แต่ใจดีพี่รับรองได้”

       “...” เขาไม่ตอบ ได้แต่ส่งสายตาขุ่นเคืองไปให้ ชวดลได้แต่ยิ้มขำจูงมือเขาไปอีกทาง

       บรรยากาศรับประทานอาหารเป็นไปอย่างเรียบง่าย บนโต๊ะมีอาหารไทยทั่วไปแต่รสชาติกลมกล่อมและถูกจัดวางอย่างสวยงาม คุณแม่ชวนเขาคุยอยู่บ้างแตกต่างจากคุณพ่อที่นิ่งเงียบเสียมากกว่า เขาแอบสังเกตพลางกินข้าวเงียบๆ คำถามที่พ่อลูกส่วนใหญ่คุยกันมักจะเป็นเรื่องธุรกิจมากกว่าจะคุยเรื่องทั่วไปอย่างคุณแม่ 

       “อร่อยไหมลูก”

       “ถูกปากมากเลยครับ”

       “งั้นก็ทานเยอะๆนะจ้ะ”

       “ขอบคุณครับ” เขายิ้ม ก่อนจะลงมือตักผลไม้ที่คุณแม่ส่งมาวางไว้ให้ตรงหน้า เธอเข้าประชิดก่อนจะกระซิบถามแผ่วเบา เขาชะงักไปครู่ก่อนจะยิ้มให้ ไม่แปลกที่ใครๆจะสงสัยความสัมพันธ์ของเขาและชวดล เพราะแววตาของชายหนุ่มที่ส่งมาให้เขานั้นมันช่างอ่อนโยน

       “หนูใบบุญ.. หนูคบกับโชหรือลูก”

       “เปล่าครับ เราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันเฉยๆครับแม่”

       “โชไม่เคยพาใครมาที่บ้านเลย หนูเป็นคนแรกเลยนะ”

       “หรือครับคุณแม่” เขาตกใจกับคำตอบอยู่บ้าง แต่ก็รู้ว่าชวดลมีโลกส่วนตัวมากแค่ไหน “ผมยังไม่พร้อมที่จะมีใคร อีกอย่างพี่โชก็เหมือนพี่ชายคนหนึ่งของผมด้วย”

       “แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าจะ.. คบกัน เพียงแต่คุณพ่อคงจะไม่ชอบใจแน่” เธอตอบอย่างลำบากใจ เป็นความรู้สึกกังวลของคนเป็นแม่ที่อัดอั้นมานาน “โชเป็นลูกชายคนเดียว พี่สาวของเขาก็แต่งงานไปอยู่ต่างประเทศกับสามีหลายปีแล้ว”

       “อ่อ ครับ” เขาตอบพร้อมส่งรอยยิ้มให้อีกฝ่ายมั่นใจ มันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากแต่อย่างน้อยคุณแม่ก็ไม่ได้รังเกียจรสนิยมของลูกชาย “คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมกับพี่โชเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันจริงๆ”

       “แม่อยากให้เขาเลือกในสิ่งที่ตัวเองรัก..” เสียงแผ่วเบาเริ่มสั่นเครือ “แม่สงสารพี่เขา..”

       “ไม่เป็นไรนะครับคุณแม่ พี่โชจะไม่ทำให้คุณแม่ผิดหวังแน่นอน”

       “ขอบคุณนะลูก” เธอมองใบหน้าของเด็กหนุ่มใกล้ๆ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนและโครงหน้ารูปไข่ ริมฝีปากบางสีอ่อนที่รวมกันแล้วช่างเหมาะเจาะ “หน้าตาหนู มันเหมือน.. เหมือนมาก”

       “เหมือนอะไรหรอครับ” เขาทำหน้างง

       “แน่ะ คุณแม่พาใบบุญมาหลบผมหรือครับ ผมขอตัวน้องแปบนะครับ” ชวดลที่กินข้าวเสร็จก็โผล่พรวดเข้ามาหาเขาทันที คุณแม่ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าส่งยิ้มให้ลูกชายเพียงคนเดียว

       “ฮื่อ ผมกำลังคุยกับคุณแม่อยู่เลย พี่โชจะพาไปไหนหรือครับ” เขามองชายหนุ่มที่ยิ้มกว้างจับจูงมือเดินขึ้นบันได “ไม่ยอมบอกอีก!”

       “เดี๋ยวก็รู้แล้ว หลับตาก่อนได้ไหมครับ”

       “หลับทำไม จะแกล้งอะไรผมอีกครับเนี่ย”

       “พี่ไม่ได้แกล้ง แค่มีอะไรจะให้ดู”

       “กะก็ได้ ถ้าแกล้งล่ะน่าดู!” เด็กหนุ่มยู่ปาก ก่อนจะยอมกลับตาให้อีกฝ่ายจับจูงมือเดินไปในความมืด กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆโชยมาแตะจมูก มันหอมหวานเหมือนดอกไม้ชวนให้หลับสบาย เขาค่อยๆเดินพลางเกาะชวดลแน่น เจ้าตัวปล่อยมือก่อนจะจับไหล่ให้เขาเดินนำไปข้างหน้า

       “ค่อยๆลืมตานะครับ”

       “!?”

       “Happy Birthday!” เขาให้เด็กหนุ่มเปิดตาช้าๆ ใบบุญนิ่งอึ้งเมื่อมองเข้าไปในห้องที่มีแต่ช่อดอกกุหลาบวางเรียงราวทั่วทั้งห้อง พร้อมลูกโป่งที่ติดฝาผนังสีสันสดใส มันถูกวางเรียงกันเป็นคำว่าสุขสันต์วันเกิด ตรงกลางมีเค้กรูปเด็กผู้ชายถือไมโครโฟนกำลังร้องเพลงอยู่

       “เห้ยพี่รู้ได้ไง?” เขาตกใจหันไปถามชวดลที่ยืนยิ้มกริ่ม ดูภูมิอกภูมิใจเหลือเกิน

       “ไม่เห็นจะยาก แค่วันเกิดเองนะ”

       “แต่มันคือวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่วันนี้สักหน่อยนะครับ”

       “พี่อยากเป็นคนแรกของใบบุญ” ชายหนุ่มเข้ามาประชิด เอื้อมมือแตะแก้มขาวนวล เขาจ้องมองดวงตากลมสีน้ำตาลคู่สวย “อยากเป็นคนแรกที่ใบบุญจะนึกถึง”

       “….”

       “พี่รู้ว่ามันอาจจะเร็วไปกับสิ่งที่พี่กำลังจะบอก แต่พี่อยากให้เราเก็บไปคิดได้ไหม”

       “อะ อะไรหรือครับ” เขายังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอยู่ มันรวดเร็วไปหมดเลย “พี่โช?”

       “ใบบุญ” เขากระแอมไอ ใบหน้าขาวจัดขึ้นสีแดงก่ำ หัวใจเต้นกระหน่ำรัวมากกว่าครั้งไหนๆ “เป็นแฟนกับพี่นะ”

        “….” เขาตกใจไปชั่วครู่ “เอ่อ ผมเคยบอกพี่ไปแล้วนี่ครับ”

        “แต่พี่อยากให้ใบบุญเก็บไปลองคิดดูก่อน.. ไม่ได้หรือครับ”

        “คือว่า” เขาไม่รู้จะบอกยังไงกับชายหนุ่มดี ความจริงต่างๆที่เขากำลังจะค้นหาและเรื่องจริงที่เขารับรู้ ถ้าเกิดว่าเขาเป็นญาติกับชวดลจริงๆ คงไม่มีทางที่จะคบกันได้อยู่แล้ว “ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วครับ ต้องขอโทษพี่โชด้วยถ้าหากว่าผมทำให้พี่ มีความ
หวัง..”

       “พี่ก็พอจะรู้อยู่แล้ว”

       “ดูออกขนาดนั้นเลยหรือครับ”

       “แววตาที่มองพี่กับมองคนนั้นมันต่างกันนะ”

       “พี่รู้?”

        “รู้มาตั้งแต่แรก แต่ก็ยังดันทุรังไม่เข้าเรื่อง” เขาถอนหายใจ ถึงจะอยากเป็นคู่แข่งแค่ไหนแต่ถ้ามีเจ้าของแล้ว มันก็ยากเกินไปจริงๆ “ในเมื่อใบบุญบอกกับพี่ตรงๆอย่างนี้พี่ก็คงต้องยอมถอยจริงๆสินะ”

       “เราก็ยังเป็นพี่น้องกันได้เหมือนเดิมนะครับ”

       “เป็นพี่น้องที่สนิทกันเลยดีไหม”

       “ฮื่อ! ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว”

       “งั้นพี่ไปเอามีดมาตัดเค้กดีกว่า เรารอพี่อยู่ตรงนี้นะครับ.. สงสัยแม่บ้านจะลืมเอามาให้”

       “ครับ” เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะมองชายหนุ่มที่เดินคอตกออกไป การที่เขาได้พูดออกไปตรงๆมันทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ ดีกว่าให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเขาให้ความหวังอยู่อย่างนี้ เพราะในใจตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะรักใครได้อีก

       เด็กหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบห้อง บ้านหลังนี้สวยจริงๆ แค่เห็นก็รู้ว่าข้าวของเครื่องใช้ราคาแพงทุกอย่างจนเขาไม่กล้าจะไปแตะต้องอะไร แอบชะโงกหน้าออกไปทางหน้าต่าง มองวิวทิวทัศน์เป็นสนามหญ้าสีเขียวขจี เหมือนเด็กที่ตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน ตู้เก็บของในห้องทำมาจากไม้สักที่ขัดและเคลือบเงาวาววับ เขามองภาพที่วางเรียงรายจนไปสะดุดกับภาพงานแต่งงานของชายหญิงคู่หนึ่ง

       พ่อเอกกับแม่ปราง..

       ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของคนทั้งคู่ทำให้เขาอดที่จะกลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหว เขาทำได้เพียงลูบผ่านกระจกใสมองพ่อกับแม่ที่มีตัวตนเพียงแค่ในรูปถ่ายเพียงเท่านั้น คำว่ารักที่อยากได้ยินอีกครั้ง ไม่มีวันที่จะได้ยินอีกแล้ว..

       “หนูคิดถึงพ่อกับแม่จังเลย”

       ใบบุญรีบปาดน้ำตาก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับเข้ามาในห้อง เขารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชวดล มองคนตัวเล็กที่ดูซึมๆไปก็เอ่ยปากถาม

       “เป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือ”

       “เปล่าครับ อยู่ๆก็คิดถึงพ่อกับแม่”

       “เด็กขี้แยเอ๊ย”

       “พี่โช ผมถามอะไรพี่หน่อยได้ไหม” เขาเงยหน้ามองชวดล เขาอยากจะรู้ความจริงเหลือเกิน..

       “คนในรูปนี้เขาเป็นใครหรือครับ..”

       +++

       หิรัญมองไปยังประตูห้องที่ปิดสนิทด้วยความรู้สึกกระอั่กกระอ่วน หลังจากที่ธัชธรรม์เขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งลงที่พื้นแล้วก็หายเข้าไปในห้อง เขาตกใจวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นล่าสุดขึ้นมาดู หน้าจอมันแตกร้าวจนแทบมองอะไรไม่เห็น เขากดดูที่เพื่อนสนิทเปิดค้างเอาไว้ มันเป็นหน้าต่างแอปพลิเคชั่นอินสตาแกรมที่นิ่งค้างไว้รูปหนึ่ง รูปนั้นเป็นห้องสีขาวสะอาดที่ตกแต่งด้วยดอกไม้และลูกโป่งสีสันสวยงาม ตรงกลางมีเด็กหนุ่มที่เขาคุ้นเคยกำลังยืนเป่าเค้กอยู่ตรงกลาง ชายหนุ่มตกใจก่อนจะขยี้ตาดูให้ชัดอีกเพราะชื่อแอคเค้าท์มันเป็นของ…

       Chava_Cho : HappyBirthday my sweet @Bright_BB

        เชี่ย!

       หิรัญมือไม้สั่นก่อนจะเบอร์โทรหาคนที่คิดว่ารู้เรื่องทั้งหมดดี เขารอสายอยู่สักครู่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับสักนิด ทั้งเป็นห่วงเพื่อน ทั้งเป็นห่วงคนที่กำลังติดต่อว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์เขาสักที! ไอ้ตัวแสบเอ๊ย ไปหนีเที่ยวที่ไหนอีกวะ

       “ฮาโหล..”

       “ทำอะไรอยู่จ๊ะที่รัก”

       “หา ที่รักไหน”

       “ก็โทรหาแฟนไม่ให้เรียกที่รักแล้วให้เรียกอะไรล่ะจ๊ะ” เขาบอกเสียงหวาน อีกฝ่ายส่งเสียงหึใส่เขาอีก

       “พี่ฮัน ตบปากเท่าอายุตัวเองเดี๋ยวนี้!” กรวีร์ตื่นเต็มตาทันที “ผมบอกแล้วไงไม่ให้โทรหา แค่ไลน์มาก็พอ”

        “ก็พี่มีเรื่องด่วนอยากจะถามนี่จ๊ะ” หิรัญหน้าซีดเมื่อแฟนสุดที่รักเริ่มออกอาการวีน “เราเป็นแฟนกันนะ ถ้าไม่ให้พี่โทรหาแล้วพี่จะไปโทรหาใครได้อีกล่ะ”

       “วุ่นวายจริงๆ” กรวีร์แยกเขี้ยวใส่คนในโทรศัพท์ เขาลุกขึ้นจากหมอนนิ่มอย่างอาลัยอาวรณ์ ตั้งแต่รู้จักกับหิรัญชีวิตเขาก็ไม่ได้พบเจอกับความสงบสุขอีกเลย! พ่อคนช่างตื้อ ตอแย และทำตัวติดหนึบจนน่ารำคาญ ไม่รู้ว่าเขาหลวมตัวตบปากรับคำหมอนั่นว่าเป็นแฟนได้ยังไง เราสองคนแอบคบกันอย่างลับๆได้หลายเดือนแล้ว โดยที่ข้อตกลงก็คือจะต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ไม่งั้นคือ เลิก! เลิกสถานเดียว และหิรัญก็ชอบที่จะแหกกฎที่เขาตั้งขึ้นมาแทบทุกข้อ!

       ลองข้ามเส้นมากกว่านี้ เขานี่แหละจะเฉดหัวให้กระเด็นเลย!

       “น่านะ อย่าโกรธพี่เลยนะจ๊ะคนดี” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อนหวาน “ตื่นหรือยัง เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าว”

       “ไม่ไปไหนอะ โทรสั่งเข้ามาก็พอ”

        “งั้นพี่ไปหาที่ห้องนะ”

        “อือ ซื้อของกินเข้ามาด้วยนะ”

       “ได้จ้ะ” จะของกินของใช้พี่ก็จะเตรียมให้หมดทุกอย่างเลยจ้ะ หิรัญวางสายยอดรักเสร็จก็รีบแต่งตัวหล่อออกไปคอนโดของกรวีร์ทันที รอบนี้เขากะว่าจะเอาของใช้ไปทิ้งไว้ที่นั่นให้มากหน่อย ค่อยๆเนียนไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็จะดีเอง! เดินเข้าไปกะว่าจะเคาะ
ห้องบอกธัชธรรม์ก่อนว่าเขาจะไม่อยู่ หรืออาจจะไม่กลับเลยก็ได้ แต่คิดว่าคงจะไปรบกวนสมาธิเสียเปล่าๆ เดี๋ยวไลน์บอกมันเอาก็แล้ว รู้สึกผิดต่อเพื่อนแค่ไหนแต่ความรักของตัวเองก็ยังต้องไปต่อ ขืนไปช้าพ่อยอดขมองอิ่มเขาโวยวายบ้านแตกเดี๋ยวจะแย่กันไปหมด!

       ชายหนุ่มจับกีต้าร์ตัวโปรดด้วยความรู้สึกว่างเปล่า เขาลูบมันเชื่องช้านึกถึงภาพที่เคยนั่งเล่นกีต้าร์กับใครบางคนมันผุดขึ้นมาในห้วงความทรงจำ รอยยิ้มหวานๆและน้ำเสียงเจื้อแจ้วยังคงติดตรึงอยู่ในใจทุกวันนี้ เขาไม่เคยนึกแปลกใจเลยว่าทำไมตัวเองถึงได้เป็นห่วง เดือดร้อนแทนอีกฝ่ายต่างๆนาๆ แต่เพราะอคติมันบดบังความรู้สึกลึกๆที่เขาพยายามปฏิเสธตัวเองมาตลอด มันทำให้เขาต้องสูญเสียคนสำคัญไปจนได้

       “พี่ธัช เล่นเพลงให้หนูฟังอีกสิ”

       “พี่เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้เดี๋ยวมาฟังใหม่ได้ไหม” เขามองเด็กชายในชุดเอี๊ยมสีเหลืองอ่อน ใบหน้าน่ารักยู่ยี่เพราะโดนขัดใจ และคนคอยตามใจก็คือเขาเองนั่นแหละ

       “หนูก็อยากเล่นกีต้าร์เก่งๆเหมือนพี่ธัชอะ เมื่อไหร่จะสอนหนูเล่นบ้าง”

       “ไม่เอาหรอก มันเจ็บนิ้วนะ” เขารีบเก็บกีต้าร์ให้ห่างไกลจากมือใบบุญ

       “จะเจ็บแค่ไหนเชียว หนูทนได้อยู่แล้ว”

       “ไม่เอา พี่ไม่อยากให้เราเจ็บ รอโตกว่านี้ค่อยเล่นก็ยังได้” ธัชธรรม์บอก เด็กตัวกะเปี๊ยกอย่างใบบุญจะมาเล่นเหมือนเด็กโตได้ยังไงกัน “ตอนนี้ก็ร้องเพลงให้พี่ฟังไปก่อน เดี๋ยวพี่จะเล่นกีต้าร์ให้เอง”

       “อื้อ ได้เลย หนูจะร้องเพลงให้พี่ธัชฟังทุกวันเลย” เด็กชายขยี้ตาที่แดงก่ำเพราะกำลังกลั้นน้ำตา พยักหน้าหงึกหงัก จนเขาต้องรวบเข้ามากอด ไอ้เด็กขี้แยเอ๊ย!

       “สัญญาแล้วนะ” นิ้วก้อยเล็กป้อมถูกยื่นมาตรงหน้าเขาก่อนที่จะเกี่ยวกัน รอยยิ้มค่อยๆโค้งขึ้นจนแก้มขาวกลมดิก

       “สัญญาฮะ”

       หยดน้ำตาอุ่นไหลรินลงเชื่องช้ามันเจ็บปวดยิ่งกว่าความเสียใจใดๆของเขาที่ผ่านมาทั้งหมด หัวใจมันวูบโหวงราวกับไม่มีการคงอยู่ของมันอีกต่อไปแล้ว ใช่ หัวใจของเขาที่มันเคยเป็นของเขา มันไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไป แต่เป็นของเจ้าของรอยยิ้มหวานที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอมา และเป็นเขาเองที่ทำร้ายหัวใจตัวเองอย่างเลือดเย็น คำพูดและการกระทำของเขาที่ผ่านมาทั้งหมดมันเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัย มันก็สมควรแล้ว..

       ได้เห็นใบบุญมีความสุขกับคนที่เขาเลือก ทั้งๆที่ควรจะยินดีแต่ข้างในมันเจ็บจนแทบทนไม่ไหวอยู่แล้ว ชายหนุ่มนอนหลับตานิ่งสนิท ลึกๆในใจนึกอยากจะหายตัวไป ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว.. เสียงเพลงที่เปิดคลอเอาไว้ทำให้ใจเขาสงบมากขึ้น ทั้งชีวิตที่ผ่านมานอกจากครอบครัวก็มีเพียงเสียงดนตรีที่ทำให้เขามีพลังในการใช้ชีวิต ในห้วงแห่งความคิดที่ล่องลอยอย่างยาวนาน ธัชธรรม์ตัดสินใจแล้วว่าจะทุ่มเทให้กับสิ่งที่เขารัก..

       บรรยากาศในมหาวิทยาลัยไม่ได้คึกคักเหมือนทุกทีเพราะเข้าใกล้ช่วงสอบกลางภาคของภาคเรียนที่หนึ่ง ใบบุญนับๆดูแล้วก็เพิ่งเปิดเทอมได้แค่เพียงสองเดือนเท่านั้น แต่เขาต้องกลับมาสอบอีกแล้ว ชีวิตการเรียนมหาวิทยาลัยมันช่างลำบากกว่าที่เขาคิดจริงๆ เขานั่งรอกรวีร์เข้าเรียนคาบบ่ายด้วยกัน หมู่นี้เพื่อนเขาทำตัวยุ่งๆตลอดเวลา ทั้งๆที่ไม่ได้เข้าสตูดิโอหรือรับงานของเฮียกิตแล้ว เขาอยากรู้จริงๆว่ามันหายไปไหน

       “อยู่ไหนแล้ว” เขาโทรหาอีกฝ่ายอยู่นานกว่าจะรับ ไม่ใช่ยังไม่ตื่นหรอกนะ

       “กำลังจะออก โทษทีนะมึงให้มึงรอนานเลยอะ” พอรับสายก็รีบตอบเขาทันที นั่นไง มันตื่นสายจริงๆด้วย

       “ไม่เป็นไร คิดมากน่า กูรอได้”
 
       “ถ้ากูไปเลท มึงก็เข้าห้องเรียนเก็บชีทให้กูไปด้วยเลยนะ” กรวีร์บอก “พี่ฮันบอกว่าให้เพื่อนเขาจองที่ไว้แล้ว มึงเข้าไปนั่งได้เลย”

       “เออๆ แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่ฮันด้วยวะเนี่ย” เขากำลังจะถามอีกรอบแต่สายก็ตัดไปเสียก่อน “ฮัลโหลๆ แม่งตัดสายทิ้งอีก” เขาบ่น ก่อนจะส่ายหัวให้กับเพื่อนตัวดีที่ชอบทิ้งเขาอีกแล้ว

       คอยดูนะ อย่าให้เจอ เขาจะบ่นให้ผมมันร่วงเลย!

       +++++

       “พี่ฮัน ผมคุยกับเพื่อนอยู่ เลิกกอดผมสักที” เขาหันไปว่าชายหนุ่มร่างสูงที่กอดเขาจากด้านหลัง เอาคางมาเกยไหล่เขามันจั๊กจี๋รู้ไหมเนี่ย

       “ไม่เอา ไม่ปล่อย ทำไมพี่ต้องปล่อยด้วย กรสนใจแต่โทรศัพท์ไม่สนใจพี่เลยอะ”

       “แค่คุยแปบเดียวเอง ทำไมงอแงจังครับ” ทำหน้าเนือยใส่หิรัญที่ทำตัวง๊องแง๊งอีกแล้ว

       “ไม่ได้ แค่คุยก็ไม่ได้”
 
       “ประสาท! เพื่อนนะไม่ใช่กิ๊ก” เขาพูดเสียงเข้ม ต้องให้ดุถึงจะยอมเข้าใจหรือไง “ตัวอย่างกับหมีควายเลิกกอดได้แล้วอึดอัด”

       “ไม่อยากปล่อยเลย ต้องไปเรียนแล้วหรือ” รีบกอดเขาแน่นมากขึ้นไปอีกจนอึดอัด

       “กอดมาทั้งคืนแล้วจะอะไรนักหนา”

       “งั้นคืนนี้กอดอีกคืนได้ไหม”
 
       “ชาติหน้าตอนบ่ายสามละกัน”

       “โอ๊ย! ใจร้ายหยิกพี่ทำไมครับ ชอบทำร้ายร่างกายพี่จังเลย เป็นซาดิสม์หรือไง” หิรัญลูบตรงที่โดนหยิกป้อยๆ เขาทำเป็นบีบน้ำตาให้ดูน่าสงสาร

       “ใช่ ชอบทำแรงๆให้พี่เจ็บ”

       “อ้าว ไหงเมื่อคืนชอบแบบเจ็บๆเองล่ะ” หิรัญหลุดปากออกไปจนชายหนุ่มนั่งข้างๆหันไปบิดเนื้ออีกรอบ “โอ๊ย ไม่พูดแล้วครับ ไม่พูดแล้ว” ถูกเปลี่ยนดึงหูขึ้นลงแบบนี้ ต่อให้เก่งมาจากไหนก็แพ้ราบคาบแล้วครับ!

       “พูดอีกที กรจะไม่ให้พี่มาค้างแล้ว” เขาบ่นกระปอดกระแปด คนบ้าอะไรตีมึนไม่ยอมกลับห้อง ชวนกินขนมจนลามขึ้นมากินบนเตียง โว๊ย! ไอ้คนเจ้าเล่ห์ ให้ตายเถอะ คนเสียเปรียบน่ะมันเขาชัดๆ “จะฟ้องเฮียด้วยว่าพี่เคลมเด็กในสังกัด”

       “จ้ะ บอกก็ดี พี่จะได้ให้เฮียช่วยเป็นหูเป็นตาให้เวลามีใครมาเกาะแกะเจ๊าะแจ๊ะคนของพี่” หิรัญไม่พูดเปล่าทำมือเป็นปูไต่ไปตามท่อนแขนขาวของอีกฝ่าย กรวีร์กระเถิบหนีแต่ก็ถูกมือหนาคว้าเอวเอาไว้ก่อน

       เอาปูไต่ออกไปเลยนะ ไอ้บ้า!

       “นิสัย! พี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ ผมเป็นนักร้อง ถ้าเขารู้ว่ามีแฟนเรตติ้งก็ตกน่ะสิ”

       “ไม่ต้องเป็นก็ได้นักร้องอะ” หิรัญเบ้หน้า รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างนั้น คบกับเขาไม่เห็นจะต้องปกปิดเลย “เป็นเมียเจ้าของค่ายแล้วจะเครียดทำไม บ้านพี่รวย”

       “ไอ้!” เขาอยากจะพ่นไฟใส่คนที่ทำลอยหน้าลอยตาตรงหน้าจริงๆ “คนอย่างพี่นี่มัน..!” เขาอึกอักพูดไม่ออกเลยเมื่อหิรัญพูดอย่างนั้น กล้าพูดได้ยังไงว่าเขาเป็นเมีย แค่แฟนเว้ยแค่แฟนนนนนนน!

       “ไปอาบน้ำกันดีกว่า”

        “หยุดมือเดี๋ยวนี้นะ” เขาคว้ามือหนาของอีกฝ่ายที่กำลังเลื่อนลงไปด้านล่าง เมื่อคืนเขาก็ระบมไปทั้งตัวไม่รู้จักยั้งมือเลยยังจะมาเล่นอีกแล้วหรือ ฝันไปเถอะ!

       “ต้องสัญญามาก่อนว่าคืนนี้จะให้พี่มาค้างด้วย”

       “ไม่”

       “พี่ก็ไม่ปล่อย เดี๋ยวพี่อุ้มไปอาบน้ำแล้วกลับมานอนอีกรอบ”

       “ผมจะไปเรียน”

      “ก็สัญญามาก่อนสิครับ แล้วพี่จะปล่อย”

       “พี่กล้ามาต่อรองกับผมหรือ” เขาทำหน้าถมึง ทั้งๆที่ตอนแรกเป็นเขาเองต่างหากที่ควบคุมอีกฝ่ายทุกอย่าง แต่พอเอาเข้าจริงไหงเป็นแบบนี้ไปได้? เขาไม่ยอมหรอกนะ!

       “พี่ไม่กล้าหรอกจ้ะ”

       “ก็ปล่อยผมสิ”

       “ถ้าพี่ไม่ได้นอนกับกรคืนนี้ พี่ก็ไม่มีที่ไปแล้ว กรก็รู้ว่าไอ้ธัชมันนอนอยู่ที่สตูฯแล้วจะให้พี่ไปอยู่ไหนละครับ” หิรัญทำเสียงน่าสงสารระดับที่ต้องยกถ้วยออสก้าร์ให้ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาใจอ่อนได้ยังไง

      “อือ ก็ได้ นอนที่นี่ก็ได้”

      “จริงๆนะ”

      “อือ ปล่อยได้แล้ว”
 

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 13 ] 05-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 13-02-2019 12:11:17
       “ครับๆ ปล่อยๆ” หิรัญปล่อยคนรักให้เป็นอิสระ ก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะลุกขึ้นพร้อมน้ำขาวขุ่นที่ไหลย้อยออกมาตามง่ามขาเป็นทางยาว เขาหันไปมองหิรัญที่ยิ้มแผล่

       “เมื่อคืนพี่ฮันไม่ได้ใส่ถุงหรือ”

       “ไม่ใส่มันใกล้ชิดกว่านี่ครับ”
 
       “ไอ้บ้า!” เขาคว้าหมอนได้ก็ไล่ตีหิรัญยกใหญ่ “คืนนี้ไปนอนโซฟาเลย แล้วก็ไปตรวจเลือดเดี๋ยวนี้!”

       “อย่าใจร้ายกับพี่เลยครับ ที่รักกกกกก” เขากอดขาคนรักเอาไว้แน่น ยอมโดนตีนิดหน่อยแลกกับได้นอนในห้องมันดีกว่าเยอะ

       “ออกไปไกลๆเลยนะพี่ฮัน!” สะบัดยังไงก็ไม่หลุดจนกว่าเขาจะยอม หิรัญเวียนหัว สงสัยคาบบ่ายเขาคงจะได้โดดเรียนแน่ๆ “ทำไมดื้อแบบนี้เนี่ย หา?”

       โว๊ยยยยยยย สรุปเขาได้คนหรือได้ปลาหมึกเป็นแฟนกันแน่วะ!
 
       +++++++

       ใบบุญรอจนกระทั่งเลยเวลาเรียนเกือบสิบนาทีแต่กรวีร์ก็ยังไม่มา เขาจึงตัดสินใจขึ้นห้องเรียนไปก่อน เพราะไม่อยากถูกเช็คชื่อว่ามาสาย ห้องเรียนขนาดกลางจุนักศึกษาได้ประมาณเกือบร้อยคนทำให้เขาคุ้นหน้าคุ้นตาคนที่เรียนเซคนี้พอสมควร ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กคณะเขาหรือรุ่นพี่ที่ตามมาลงวิชานี้ทีหลังมากกว่า เขาไม่ได้สนใจใครมากนัก ถึงจะมีใครเข้ามาทักทายเขาก็ตอบไปตามมารยาท เขากวาดสายตาเจอที่ว่างก็รีบนั่งลงเพราอาจารย์เริ่มสอนแล้ว

       “ขอโทษนะครับ.. ตอนนี้อาจารย์สอนถึงหน้าไหนแล้ว”
   
       “อ่อ หน้า14 แล้ว”
 
       “ขอบคุณครับ” เขาเงยหน้าไปขอบคุณก็ต้องตกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายคือธัชธรรม์ โลกมันกลมกว่าที่คิดเพราะเขารีบแท้ๆไม่ทันได้ดูเลยว่านั่งข้างใคร

       “จะย้ายที่ก็ได้นะ”

       “ไม่เป็นไร” เขาตอบอึกอัก เจอแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ไม่ดีเลย

       “เป็นยังไงบ้าง.. สบายดีใช่ไหม”

       “อื้อ สบายดี”

       “ดีแล้วล่ะ..” เขาไม่กล้าหันมองอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตาจดตามอาจารย์ ก่อนที่นมสดรสช็อคโกแลตถูกวางบนโต๊ะเลคเชอร์ อีกฝ่ายส่งให้พร้อมทำท่าให้เขาดื่ม “ไว้รองท้อง”

      “ขอบคุณ”

      “ไม่เป็นไร ที่ผ่านมาก็ควรจะดูแลอยู่แล้ว” เสียงเขาพูดพึมพำ “ตั้งใจเรียนเถอะ อาทิตย์หน้ามีสอบมิดเทอม”

       “อื้อ” ใบบุญชะงักไปครู่หนึ่งตอนที่ได้ยินอย่างนั้น เสียงสั่นเครือของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยด้วยซ้ำ หัวใจในอกมันเต้นรัวแรงอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่บอกตัวเองแล้วว่าจะตัดใจแต่พอเจอหน้ากัน มันกลับทำไม่ได้เลย..

       “ข้อนี้ตอบอะไร?” เขาหันไปถามเพื่อนที่นั่งข้างแต่ก็ไม่ได้คำตอบ จนกระทั่งธัชธรรม์สะกิดแขน

       “ข้อนี้ก็ตอบอันนี้ไง”

       “ขอบคุณ”

       “ไม่เข้าใจก็ถามได้” เขารู้ว่าอีกฝ่ายอยู่แต่ที่สตูดิโอนานๆจะกลับบ้านที ทั้งทำงานและเรียนอย่างหนัก แต่ธัชธรรม์ก็ยังเป็นคนที่เก่งในสายตาเขาอยู่ดี อีกฝ่ายหัวดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว “เนื้อหามันจะเยอะหน่อย ต้องหาเวลาทบทวนบ้างนะ”

      “ขะ เข้าใจแล้ว”

      “ไปก่อนนะ” เขาพยักหน้าก่อนจะมองคนตัวสูงลุกขึ้นเดินผ่านหน้าไป ธัชธรรม์ทำควิซเสร็จเป็นคนแรกๆในห้องด้วยซ้ำ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเราจะเหมือนเส้นขนานกันจริงๆ

       เราใช้เวลารักใครสักคนเพียงเสี้ยววินาที

       แต่กลับใช้เวลาลืมใครสักคนเกือบทั้งชีวิต..

       +++

       ใบบุญกลับมาร้องเพลงเต็มตัวอีกครั้ง หลังจากทำผลงานได้ดีในการแข่งรายการ Rap Battle แม้จะไม่มีธัชธรรม์ รายการยังต้องดำเนินต่อไป ในขณะที่แฟนคลับเขาเริ่มเยอะมากขึ้น ยอดติดตามทั้งในยูทูปชาแนลและแฟนเพจเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมถึงสามเท่า เฮียกิตเรียกเขากลับไปทำงานอีกครั้ง.. และแน่นอนว่ามันเป็นการทำงานร่วมกับธัชธรรม์ที่เข้ามาช่วยเป็นโปรดิวเซอร์ร่วม เขากลับมาอัดเพลงอีกครั้งแม้จะรู้สึกแปลกๆที่มีสายตาคมกริบมองอยู่ไม่ห่าง

       “พี่โชไม่ว่าหรือไง” กรวีร์แอบกระซิบถาม เขาไม่กล้าถามเพื่อนอย่างที่หิรัญต้องการ ถ้าเพื่อนเขาตัดสินใจเลือกแล้ว เขาก็เคารพการตัดสินใจทุกอย่าง เพียงแต่ว่าตอนนี้มันอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดี ธัชธรรม์ยังมองมาที่เพื่อนของเขาด้วยสายตาที่ใครๆก็ดูออก..

       “เขาจะว่าอะไร”

       “มึงกับพี่โช” เขาทำนิ้วมือจิ้มๆเข้าหากัน

       “ไอ้บ้า จะบ้าหรือวะ”

       “เอ้า ก็เห็นรับส่งกันทุกวัน”

       “ช่วงนี้กูขอไม่ให้เขามารับส่งแล้ว เพราะเขาจะต้องเตรียมฝึกงาน” เขาไม่เคยบอกอะไรกับกรวีร์เพราะไม่อยากให้เพื่อนเชียร์เขาจนออกนอกหน้า “เป็นแค่พี่น้องกันเว้ย”

       “จริงหรือวะ ไม่ได้แอบซ่อนความลับอะไรหรอกใช่ไหม”

       “กูมีอะไรก็บอกอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่พร้อมจะมีใครหรอก”

       “ระวังถ่านไฟเก่ามันลุกนะมึง”

       “ไม่มีถ่านอะไรทั้งนั้นแหละ กูกับเขาก็แค่คนรู้จักกันธรรมดา” เขาตอบ เพราะอีกฝ่ายวางตัวห่างไป เขาก็สบายใจในระดับหนึ่ง มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้คิดทบทวนว่าจริงๆแล้ว เขารักธัชธรรม์จริงๆหรือแค่ฝังใจกับอีกฝ่ายเท่านั้น ทุกวันนี้เขาก็ยังตอบตัวเองไม่ได้.. ไม่เป็นไร มันยังมีเวลาอีกมากพอที่จะให้ลืม

       “พี่ธัชอัดเพลงอะไรอะเฮีย นานแล้วนะ” กรวีร์นั่งรอจนไส้กิ่ว ส่วนหิรัญก็หายไปทำงานอยู่อีกห้อง “ผมสั่งข้าวมารอกินพร้อมกันเนี่ย”

       “เพลงใหม่ออกพร้อมของมึงนี่แหละ” เฮียหันมาตอบ “ไอ้ฮันมันทำบีทอยู่”

       “อยากฟังแล้วแฮะ”

       “อดใจรอ มึงก็อย่าใจร้อนไปเร่งมันล่ะ”

       “ผมเนี่ยนะไปเร่ง เฮียเห็นผมเป็นยังไง” เขาทำปากยู่ ทำไมทุกคนต้องคิดว่าเขาเป็นเด็กป่วน เขาออกจะเรียบร้อยนะครับ

      “ไปแดกข้าวไป เสียงดังหนวกหู”

       “ก็ไม่มีใครว่างกินด้วยเลยอะ ใบบุญแดกเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” เขาล่าถอยมาจากคนอื่นก็วอแวกับเพื่อนต่อ อีกฝ่ายกำลังท่องเนื้อเพลงพึมพำออกไม่หยุด

       “กูไม่หิว”

       “เออ กูกินคนเดียวก็ได้” เขาเริ่มหงุดหงิด “ทำไมช่วงนี้เราขี้หงุดหงิดจังวะ”

       “สงสัยประจำเดือนจะมาไม่ปกติ” แรงกอดจากด้านหลังทำให้กรวีร์ตกใจ หันไปก็เจอหิรัญกำลังยิ้มแฉ่งไม่ห่าง

       “พี่ฮัน ปากหรือนั่น”

       “ปากน่าจูบอะไรอย่างนี้ใช่ไหมจ๊ะ”

       “ยังจะมาเล่นอีก เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน เล่นบ้าอะไรอีกแล้ว” ดันคนตัวใหญ่ให้ออกเร็วๆก่อนที่ใครจะมาเห็น ดูสิ เขาบอกแล้วใช่ไหมว่า อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อ ไม่เชื่อกันมั่งเลย

       “ก็เห็นบ่นไม่มีคนกินข้าวด้วยพี่ก็เลยมากินเป็นเพื่อนแล้วไงจ๊ะ”

       “งานเสร็จแล้วหรือครับ”

       “ยังอะ ก็คนมันคิดถึงที่รัก”

      “ประสาท!” เขารีบดันหิรัญออกไป เดินเข้ามากินในครัวถึงจะไม่มีใครเห็นแต่ไม่รู้จะมีใครได้ยินหรือเปล่า เขารีบเดินนั่งไปนั่งโต๊ะปล่อยให้อีกฝ่ายทำหน้าเศร้า

       “ทำไมต้องว่าเค้าด้วยอะ”

       “เลิกทำแอ๊บแบ๊วแล้วไปหยิบจานมาได้แล้ว!”

       “จ้ะ” หิรัญทำท่าตะเบ๊ะเป็นทหาร ก้มลงหอมแก้มแฟนตัวเองฟอดใหญ่ “อีกนิดก็จะเป็นแม่แล้วนะ ตามสบายเลยนะจ๊ะที่รัก” ได้ยินอีกฝ่ายพูดแล้วกรวีร์อยากจะกำหมัดแล้วทุบอีกฝ่ายจริงๆ คนอะไรกวนโอ๊ยชะมัด!

       ใบบุญเตรียมตัวอัดเพลง เขาซ้อมร้องอยู่นานจนเวลาล่วงเลยเกือบดึกดื่น เฮียบอกให้เขามาอัดพรุ่งนี้แทนเพราะคงจะต้องใช้เวลาเยอะมากกว่าทุกครั้ง เขารับคำและเตรียมตัวเก็บของเพื่อที่จะนั่งรถกลับบ้าน ส่วนกรวีร์หายไปไหนอีกแล้วไม่รู้ เขาจึงไม่ได้โทรตาม คิดว่ายังไงพรุ่งนี้ก็ต้องเจอกัน

       “ไม่ค้างที่นี่หรือ” ธัชธรรม์ออกมาจากห้องอัดได้สักพักแล้ว เขามองเด็กหนุ่มที่นั่งตาปรืออยู่ที่โซฟา “กลับตอนนี้อันตรายจะตายไป”

      “ไม่เป็นไร”

       “ให้ไปส่งไหม”

       “ไม่จำเป็น” ใบบุญบอกปัดความหวังดีของอีกฝ่าย ปกติเวลาเขาไปไหนมาไหนธัชธรรม์ก็ไม่เคยคิดจะสนใจอยู่แล้ว เขาไม่ใช่เด็กอมมือที่จะกลับบ้านดึกๆคนเดียวไม่ได้สักหน่อย

       “อะ.. อืม” ชายหนุ่มเก็บคำพูดกลืนลงไป มองคนตัวเล็กสะพายกระเป๋าเป้เดินออกไป เฮียกิตนั่งมองแล้วก็ถอนหายใจ ไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่ที่จะเข้าไปยุ่งย่าม ถ้าหากไม่มีผลกระทบกับงานเขาก็ไม่ไปแส่แน่นอน

       เด็กเอ๋ยเด็กน้อย.. ความรักยังมีอะไรมากกว่าที่คิดนัก

       “จะเอายังไงก็เอา”

       “ผม”

        “ชีวิตมันสั้นกว่าที่เราคิด ถ้ามึงยังลังเล มึงก็ไม่มีทางได้เขาคืนมา”

       “ขอบคุณนะเฮีย”

       “เออ พักผ่อนบ้างนะมึง เดี๋ยวพ่อมึงจะด่ากูเอา” ชายหนุ่มมองตามหลังก่อนจะถอนหายใจ เขาก็ยังเป็นเด็กน้อยในสายตาผู้ใหญ่อยู่ดี ธัชธรรม์ตัดสินใจแล้ว..

       อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว..

       เด็กหนุ่มสวมเฮดโฟนฟังเพลงก่อนจะเดินตามทางไปเรื่อยเปื่อย เขาชอบความเงียบในตอนกลางคืนเพราะมันเงียบทำให้ได้ยินเสียงชัดเจน เขายอมรับว่าเหนื่อยจากการเรียนและงานเพลงมาก รู้ว่ามันยากแต่เขาก็สนุกสุดๆ ถึงมารดาจะไม่ได้ว่าอะไรเขาเรื่องที่เขาทำงานพิเศษ แต่เขาก็ไม่อยากทำให้เป็นห่วง ส่วนพักนี้เฮียกิตทุ่มเทให้กับการออกเพลงในอัลบั้มนี้มากเพราะมันหมายถึงเส้นทางดนตรีในอนาคตของเขา เขาต้องมีความสุขสิ แต่ทำไมถึงยังรู้สึกว่างเปล่าแบบนี้ เขาเล่นร้องเพลงไปเพื่ออะไรกันแน่..

       ปรื๊น!

       “ขึ้นรถ”

        “มะ ไม่” เขาถอยหลัง เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงจดมอเตอร์ไซค์ดูคาติอยู่ข้างถนน ค่ำมืดดึกดื่นแบบนี้โผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ คิดดีไม่ได้เลย.. “ผม ไม่มีอะไรให้ปล้นหรอกนะ”

       “พี่เอง” ธัชธรรม์ถอดหมวกกันน็อคออก อยู่ดีๆก็โดนหาว่าเป็นโจรซะแล้ว “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

        “ไม่ต้อง ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่ง”

        “รู้.. แต่พี่เป็นห่วง”

        “ไม่ต้องมาห่วง ไปห่วงคุณของคนนู่น” เขาพูดจนแทบตะโกนออกมา อยู่ๆก็โมโหอย่างบอกไม่ถูก

        “แล้วไอ้โชไม่มารับหรือไง”

        “พี่โช ไม่ว่าง เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”

       “ขึ้นมาเร็ว หรือจะให้ต้องไปอุ้ม” ธัชธรรม์ใช้น้ำเสียงปกติ ต่างจากทุกทีที่ชอบขึ้นเสียงใส่ใบบุญ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแน่น ไม่อยากจะเข้าใกล้ชายหนุ่มมากนัก

       “ไม่”

       “เร็วๆ ใบบุญ อย่าดื้อ”

       “….” เขารู้ว่าเส้นทางตรงนี้มันเปลี่ยว และอีกฝ่ายคงไม่ยอมไปง่ายๆ จึงตัดสินเดินขึ้นไปซ้อนท้าย เขาบ่นงึมงำในลำคอ ไอ้รถคนนี้มันนั่งสองคนสบายที่ไหนเล่า! “เร็วๆนะ ง่วงแล้ว”

       “ครับ เกาะพี่ดีๆล่ะ”

       “อือ” เขาพยายามไม่ใกล้ชิดอีกฝ่ายมาก แต่แรงเบรกก็ทำให้เขายิ่งถลาเข้าไปใกล้มากขึ้น แทบจะเรียกได้ว่ากอดเลย “ขับรถยังไงของคุณเนี่ย”

       “แปบเดียว เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

       “ขับแบบนี้อย่าขับเลย กากชะมัด” เขาบ่น

       “ครับๆ”

       ทันทีที่รถจอดสนิทเขาก็รีบลงอย่างรวดเร็ว ธัชธรรม์มองคนตัวเล็กที่กำลังไขประตูเข้าบ้าน ต้นคอเล็กขาวผ่องที่โผล่พ้นจากคอเสื้อ เห็นกระดูกนูนขึ้นมาเล็กน้อย เขามองภาพนั้นก่อนที่อีกฝ่ายจะมาถลึงตาใส่ เหมือนลูกแมวกำลังขู่ฟ่อไม่มีผิด

        “ฝันดีนะ”

        “อืม แล้วไม่นอนบ้านหรือไง” เขาถาม เห็นอีกฝ่ายมาส่งเขาขนาดนี้ ยังจะกลับไปนอนที่สตูฯอีกหรือไง

       “ไม่อะ”

       “แล้วจะลำบากมาส่งทำไม”

       “เป็นห่วงไง” อยู่ๆเขาก็โผเข้าไปกอดคนตัวเล็กที่กำลังยืนงง เผลอสูดกลิ่นตัวอ่อนๆของอีกฝ่าย ใบหน้าขาวงอง้ำขณะที่กำลังซุกอยู่ที่แผงอกเขา สองมือกำปั้นทุบเข้าที่ไหล่จนปวดไปหมด แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย ขอโอกาสได้เข้าใกล้อีกนิดก็ยังดี

       “นี่ ปล่อยนะ!”

       “ขออยู่แบบนี้อีกนิดนะ”

       “ไม่เอา!”

        “คิดถึง”

        “…”

        “แม่งโคตรคิดถึงเลยว่ะ”

         “อย่า..” มือที่ทุบค่อยๆคลายลงทิ้งข้างลำตัว น้ำตารื้นคลอหน่วยค่อยไหลริน สัมผัสจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากคล้ายจะปลอบประโลมไม่ให้เขาร้องไห้ สองมือหนาประคองใบหน้าเขาเอาไว้ จับจ้องดวงตากลมสวยที่กำลังสั่นระริก เราสบตากันท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องผ่านแมกไม้ น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เขาแสนคิดถึงทำให้ใจสั่นไหวทุกครั้งที่ได้ยิน

        “สุขสันต์วันเกิดนะครับ คนดีของพี่”

        อย่าทำให้เขาต้องกลับไปเจ็บเหมือนเดิมอีกเลย.. ได้โปรด..


         TBC.
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 15 ] 13-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 13-02-2019 17:11:23
                                                                      Rhyme 15


   ใบบุญรู้สึกไม่สดชื่นเอาซะเลยเขาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั่วศีรษะเมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยหลับ แถมต้องตื่นแต่เช้ามาใส่บาตรในวันเกิดอายุครบสิบเก้าปีเต็ม มารดาตื่นมาช่วยเขาทำกับข้าวแต่เช้า บรรยากาศในบ้านที่มีเพียงเขาและมารดาสองคนเป็นเรื่องที่เขาชินเสียแล้ว บางครั้งมีเจ้าแมวหลงทางมาร้องขออาหาร เขาจะเป็นคนคลุกข้าวกับปลาทูเอาไปให้กิน เสียงร้องเมี๊ยวอยู่ไม่ไกลทำให้เขาเห็นเจ้าลูกแมวสามสีตัวเดิมที่ชอบเข้ามาในบ้านอยู่บ่อยๆ เขาหยิบจานไปคว่ำจนเสร็จเรียบร้อยถึงจะนั่งลงลูบหัวเจ้าเหมียวตัวน้อย

   “หิวใช่ไหมล่ะ

   “เมี๊ยววว”

        “มาจากไหนล่ะเนี่ย หื้ม เข้ามาทุกวันเลยคิดถึงคนให้อาหารล่ะสิ” เขาอุ้มลูกแมวตัวน้อย ดวงตามันกลมโตสีดำสุกสกาว เล็บที่อุ้งเท้ากางออกเพราะกำลังตกใจ เขารีบวางมันลงก่อนจะเกาคางเจ้าตัวเล็ก นึกถึงเมื่อคืนที่ธัชธรรม์มาส่งเขาก็ยังโมโหไม่หาย

         ‘แม่งโคตรคิดถึงเลยว่ะ’
   
         ‘คุณ! เลิกพูดอะไรบ้าๆสักที ปล่อยผมได้แล้ว’ เขาดิ้นอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรง

         ‘จะไม่ให้โอกาสพี่หน่อยหรือ’ เขาถามเสียงสั่นเครือ ‘พี่อยากดูแลใบบุญ’

         ‘คุณมีโอกาส มีเวลามากกว่าคนอื่นมากมาย แต่คุณไม่เคยเห็นค่า’
 
         ‘พี่ขอโทษ’

         ‘ไปตายซะ!’ เขาพูดก่อนจะผลักอีกฝ่ายอย่างแรงแล้วหันหลังเข้าบ้าน

         “ใบบุญ พระท่านมาแล้วลูก”

        “อ๊ะ ครับแม่” เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อได้ยินมารดาเรียก เขาส่ายหัวลบความคิดที่วิ่งพล่านในหัวก่อนจะปล่อยลูกแมวที่ยังติดพันรอบตัว เดินเข้าไปล้างมือก่อนจะตามไปหน้าบ้าน โต๊ะไม้ตัวเล็กมีถุงกับข้าวที่เขาจัดแจงมัดใส่ถุงเรียบร้อยแล้ว เขาจำได้ว่าสมัยเด็กๆแม่มักจะทำกับข้าวใส่ปิ่นโตเอาไปถวายที่วัดมากกว่า จนกระทั่งใส่บาตรเรียบร้อยก็เตรียมขนของกลับเข้าไปในบ้าน

        “วันนี้ชวนพี่ธัชมาไหมลูก มากินเลี้ยงกันที่บ้านหน่อยไหมจ้ะ” ทับทิมมองลูกชายคนเล็กที่หน้าตาเหมือนนอนไม่เต็มอิ่มก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้ เพราะเธอรู้ว่าทั้งเรียนและทำงานไปด้วยมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

        “ไม่แน่ใจว่าพี่เขาจะว่างไหมนะครับแม่ แต่หนูจะลองถามนะ”

        “จ้ะ” ทับทิมมองใบหน้าลำบากใจของลูกชายคนเล็ก ไม่รู้ทั้งสองคนพูดคุยกันดีๆหรือยัง เธอเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมนิ่ม เดี๋ยวนี้เธอต้องเป็นฝ่ายเงยหน้ามองลูกชายเสียแล้ว “โตเป็นหนุ่มแล้วนะลูกชายแม่”

        “หนูก็ยังเด็กในสายตาแม่อยู่ดีนั่นแหละ”

        “เรื่องอ้อนขอให้บอกเลยนะ เจ้าลูกคนนี้”
 
       “อยากพาแม่ไปเที่ยวอะ หาเวลาว่างไปเที่ยวกันไหมครับ” เขากอดรอบเอวมารดา เกยคางที่ไหล่บาง

       “ได้สิ ให้พี่ธัชขับรถไปก็ได้” ทับทิมบอกพลางช่วยลูกชายยกถ้วยชามที่วางอยู่เอาเข้าบ้านให้เรียบร้อย ใบบุญไม่ได้ตอบมารดา เขาไปสนใจเจ้าลูกแมวตัวเล็กยังคงร้องแง้วๆและวิ่งรอบตัวเขา

       “เดี๋ยวคลุกข้าวให้ รอก่อนสิไอ้ตัวเล็ก”

       “เมี๊ยวววววววว” เขาวางถ้วยใบเล็กก่อนจะเทข้าวคลุกปลาทู เจ้าตัวเล็กกระโดดพุ่งเข้ามาแทบจะทันทีจนถ้วยเกือบจะคว่ำ.. คงจะหิวมากจริงๆนะ

       “ค่อยๆกินสิ” เขาลูบหัวมันแผ่วเบา มันเลียมือเขาก่อนจะเอาตัวเข้ามาเบียด “ถ้าชอบก็อยู่ที่นี่แล้วกัน”

       “เมี๊ยววว”

        เขากลับขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปเรียนภาคเช้า ชุดนักศึกษาสีขาวแขนยาวพร้อมเนคไทค์สีกรมท่าครบชุดดูเรียบร้อยสมฐานะนักศึกษาใหม่ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มฉายแววหมองเศร้าอยู่ครู่หนึ่ง เขายืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกแต่งตัวปรับอารมณ์ตัวเองให้เข้าโหมดปกติ ความรู้สึกวูบโหวงในใจมันคืออะไรกันแน่..
เด็กหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่งไปเรียน เขาไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนมารดาอีกแล้วเพราะเขาปฏิเสธจะไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวอย่างเด็ดขาด และสำหรับเขามอเตอร์ไซค์มันก็สะดวกสบายมากกว่า ใช้เวลาไม่นานเขาก็มาถึงหน้าตึกคณะก่อนเวลาเรียนเกือบครึ่งชั่วโมง กดโทรหาเพื่อนสนิทแต่ก็ไม่มีเสียงสัญญาณตอบรับอีกเช่นเคย เขารู้สึกเหมือนกรวีร์กำลังมีความลับกับเขา!

        อย่าให้เจอตัวนะ.. 

        “น้องใบบุญ”

       “อ้าวพี่ฮัน” เขายกมือไหว้รุ่นพี่ สายตาก็เหลือบมองว่าจะเจอคนที่ชอบมาด้วยกันหรือเปล่า ชายหนุ่มในชุดนักศึกษายิ้มแป้นในมือถือถุงขนมเต็มไปหมด

        “สุขสันต์วันเกิดนะจ้ะ”

        “ขอบคุณครับ พี่ฮันรู้ได้ไงครับเนี่ย”

        “ก็มันขึ้นแจ้งเตือนในเฟสบุคน่ะสิ”

        “อ้อ” เขานึกขึ้นได้พอดี ปกติก็ไม่ค่อยได้เข้าไปเล่นเท่าไหร่ นานๆทีจะเข้าไปเช็คเพจเท่านั้น “ผมไม่ค่อยได้เข้าไปเล่นเลย”

        “เข้าไปตอบแฟนเพจซะมั่งสิ”

        “แหะๆ แล้ววันนี้พี่ฮันมีเรียนเช้าหรือครับ”

        “เอ่อ” หิรัญเกาหัว จะให้บอกได้ยังไงว่าเขามารอเจอแฟนตัวเอง เพราะเมื่อวานเขาทำอีกฝ่ายโกรธเลยไม่ได้นอนกอดเลย แค่คิดก็รู้สึกเศร้า “พี่.. เอ่อ”

        “ทำอะไรกันอยู่หรือ”

        “กร มาพอดีเลย ไปกินข้าวกัน” เขาลุกขึ้นยืน สาวเท้าเข้าไปหาเพื่อนที่ขอบตาดำคล้ำขึ้นนิดหน่อย ช่วงนี้เฮียใช้งานมันหนักไหรือเปล่านะ “จะได้ขึ้นเรียนทัน.. ไปเหอะยังพอมีเวลา”

        “อืมๆ เอาดิ” กรวีร์พยักหน้า เหลือบตามองหิรัญที่ทำตัวลีบเป็นกุ้งแห้ง เขาไม่สนใจอีกฝ่ายเลยสักนิด เพราะยังเคืองเมื่อวานที่อีกฝ่ายรุ่มร่ามกับเขาในห้องครัวจนเฮียเกือบเห็น มันน่าทุบไหมล่ะ!

        “พี่ฮันไปด้วยกันสิครับ” ใบบุญหันไปชวนรุ่นพี่

        “อื้ม เอาสิ พี่ขอไปด้วยคน”

        “จะไปชวนเขาทำไม” กรวีร์พูดเสียงแข็งใส่

        “ไปกินกันหลายๆคนดีกว่า” เด็กหนุ่มกระซิบข้างหูเพื่อน “มึงยังไม่เลิกเขม่นพี่เขาอีกหรือ?” กรวีร์ทำหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะพยักหน้า เขาไม่อยากให้เพื่อนลำบากใจเพราะต้องทำงานด้วยกันอีกนาน

       “ก็ได้”

        บรรยากาศในตอนเช้าก่อนเข้าเรียนเริ่มมีนักศึกษาทยอยมากินข้าวสลับสับเปลี่ยนตลอดเวลาทำให้โรงเรียนดูคึกคัก วันนี้พวกเขามากินข้าวโรงอาหารที่อยู่ใกล้กับตึกเรียนรวม หลังจากแยกย้ายกันไปสั่งข้าวโดยมีหิรัญนั่งจองที่เอาไว้ให้ ชายหนุ่มได้แต่นั่งครุ่นคิดว่าจะทำยังไงให้กรวีร์คืนดีกับเขาสักที เมื่อคืนทำเอาเขานอนไม่หลับต้องรีบแจ้นมารอที่คณะ ถ้าหากกรวีร์ขอเลิกกับเขา

        จะทำยังไงดี.. ไม่นะ!

        “พี่ฮัน” ใบบุญมองรุ่นพี่ที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ท่าทางเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ “ไปซื้อข้าวสิครับ”

        “พี่ไม่ค่อยหิว”

        “โถ่ รองท้องหน่อยก็ดีนะ” เขาคิดว่าหิรัญจะต้องมีเรื่องเครียดอยู่แน่ๆ จึงออกตัวไปหาน้ำมาให้ “งั้นผมไปซื้อน้ำให้นะ” ใบบุญเดินสวนกับกรวีร์ที่กำลังมาที่โต๊ะพอดี เขามองหน้าคนรักที่ซีดเผือดก็เอ่ยปากถามเสียงแข็ง

       “ทำไมไม่กินข้าว”

       “ไม่หิวครับ”

        “ไปกินหน่อยเถอะ วันนี้เรียนทั้งวันไม่ใช่หรือไง”

        “เป็นห่วงพี่ด้วยหรือครับ” หิรัญหลุบตามองโต๊ะ ทำหน้าตาน่าสงสารอีกแล้ว

        “ถ้าไม่ห่วงก็ไม่ถามหรอก เลิกงอแงได้แล้ว” กรวีร์รู้ว่าชายหนุ่มตั้งใจมาง้อเขาแต่เช้า ถุงขนมนั่นก็จะเอาให้เขาเหมือนทุกวัน กรวีร์ยอมรับว่าอีกฝ่ายเอาใจใส่เขาดีจริงๆ เว้นแต่หื่นกามเกินไป!

        “จริงๆนะ”
 
        “อือ” เขาเห็นหิรัญหงอยก็อดใจอ่อนไม่ได้ทุกที ไม่เป็นไร.. รอบนี้เขาหลอกล่อให้อีกฝ่ายกินข้าวไปก่อนแล้วค่อยทำโทษอีกครั้งก็ยังไม่สาย “ต้องกินข้าวเช้าทุกวันนะครับ”

        “ถ้ากรพูดงี้ ให้กินอะไรพี่ก็กินได้ทั้งนั้นแหละจ้ะ”

        “อืม กรค่อยไปทำโทษพี่ทีหลังก็ได้”

        “โถ่ พี่ยอมหมดแล้วจ้ะ” กรวีร์เห็นท่าทางกะล่อนแล้วอยากจะทุบคนรักจริงๆ เขารีบปรับสีหน้าท่าทางให้ปกติก่อนจะลงมือกินข้าวมันไก่ ใบบุญเดินเข้ามานั่งพร้อมน้ำเปล่าในมืออีกสองขวด

       “พี่ฮันไปไหนแล้วล่ะ”
 
       “ไปซื้อข้าว”

       “อ้าวไหนบอกไม่กินไง”

       “ไม่รู้เหมือนกัน” กรวีร์หลบสายตาของใบบุญที่มองมาอย่างจับผิด เขาเองก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกเพื่อนสนิท เพราะไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายไปกันใหญ่

        ขอเวลาให้เขาหน่อยนะ.. แล้วเขาจะบอกทุกอย่าง

        ใบบุญเข้าไปเรียนคาบเช้าส่วนกรวีร์จะตามเข้ามาทีหลังเพราะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เขาเปิดชีทเรียนก่อนจะนั่งฟังอาจารย์สอนตามปกติ การสอบกลางภาคใกล้เข้ามาทุกทีทำให้เขาอดกังวลไม่ได้ เขาอาจจะต้องรีบทำเพลงให้เสร็จแล้วรีบมาทุ่มเทให้กับการเรียน จู่ๆโทรศัพท์ในกระเป๋าเขาสั่นครืด เอี้ยวตัวล้วงขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง ไลน์ชื่อแปลกๆเด้งขึ้นมาขอเพิ่มเพื่อนก่อนจะรัวข้อความ

       KJ_tat

       ‘ใบบุญ.. สุขสันต์วันเกิดนะครับ’

       ‘เพลงนี้พี่ใช้ช่วงเวลาที่เราห่างกันเขียนขึ้นมา.. สุดท้ายพี่ก็รู้ว่าจริงๆแล้วหัวใจพี่เป็นของใคร ถ้าไม่รังเกียจพี่อยากให้ใบบุญฟังเป็นคนแรกนะ แล้วก็ขอโทษสำหรับทุกอย่าง..’

       หัวใจเต้นรัวแรงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือใคร เขาเลื่อนมือขึ้นไปจะกดบล็อคแต่อีกใจก็อยากจะ.. อยากจะฟังเพลงที่อีกฝ่ายเขียนขึ้นมา เขารู้ว่าธัชรรม์ตั้งใจกับการอัดเพลงครั้งนี้มาก ใครจะไปรู้ว่าเพลงนี้มันจะถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเขากัน! เขาเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้เผลอขบริมฝีปากเวลาที่ชอบใช้ความคิด ก็แค่กดลบทิ้งไปก็สิ้นเรื่อง จะได้ไม่ต้องกลับไปรู้สึกแย่อีก..

       สมองสั่งอีกอย่างแต่หัวใจกลับสั่งให้ทำอีกอย่าง..

       เขาลุกขึ้นเดินออกมานอกห้องเรียน สวนทางกับกรวีร์ที่กำลังจะเข้าไปในห้อง เสียบหูฟังเข้ากับโทรศัพท์มือถือก่อนจะกดเข้าไปในลิ้งค์ที่อีกฝ่ายส่งมาให้ มันเป็นเพลงช้าที่ทำนองคุ้นเคยราวกับว่าเขาเคยได้ยินมาก่อน

       “พี่ธัช หนูไม่อยากฟังเพลงนี้แล้ว เปลี่ยนไม่ได้หรือจ้ะ”

       “พี่ต้องฝึกเล่นกีต้าร์มันก็เลยต้องเล่นซ้ำๆบ่อยๆสิถึงจะเก่ง”

       “แต่หนูอยากฟังเพลงอื่นแล้วนี่นา”

       “พี่จะเล่นเพลงอื่นก็ได้แล้วเราอยากฟังเพลงอะไรล่ะ”

       “หนูอยากฟังเพลงที่พี่แต่งเอง.. แต่งให้หนูมั่งสิ”

       “รอพี่เก่งๆก่อนนะ แล้วพี่จะแต่งให้..”

       ใบบุญนึกถึงคำพูดของชายหนุ่มที่เคยบอกเอาไว้ว่าสักวันจะเขียนเพลงให้ คราวนี้เขารู้แล้ว.. คนที่ทำให้เขารักในการร้องเพลงก็คือธัชธรรม์ คนที่คอยสอนคอยดูแลเขามาตลอดตั้งแต่เด็ก คนที่คอยปกป้องเขา..คือใครคนนั้น มือเรียวบางสั่นระริกเมื่อเห็นชื่อเพลงที่ขึ้น

        ‘You are my galaxy’

    “ในคืนที่ดาวมันเต็มฟ้าที่เธอยังอยู่เคียงข้างฉัน อยากบอกว่าเธอคือทั้งหมดของฉัน..” เสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์ที่เขาจำได้ว่าเป็นใคร ใครบางคนที่เคยทำเขาร้องไห้มานับครั้งไม่ถ้วน ใครคนนั้นที่ยังคอยวนเวียนอยู่ในหัวใจ ข้อความที่อยู่ใต้วิดีโอเป็นข้อความสั้นๆจากคนร้อง เขาค่อยๆอ่านช้า

        ถึงคนที่ผมรัก นี่คือจดหมายคำขอโทษจากพี่ชายนิสัยไม่ดี

   สิ่งที่พี่สัญญาเอาไว้ พี่ทำได้แล้วนะ

   ยังคงเฝ้ามองดวงใจของพี่อยู่เสมอ

   คุณคือทุกอย่างของผม..You are my Galaxy

   “ฮึก.. ฮึก ทำแบบนี้ขี้โกงชะมัด” เขาอ่านตัวอักษรทุกตัวจนกระทั่งตัวสุดท้าย เด็กหนุ่มปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทรุดตัวลงกับม้านั่ง ใบบุญไม่เข้าใจเอาซะเลย ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้.. ถ้าหากไม่ต้องการกันแล้วก็แค่ปล่อยมือไปแค่นั้น ยิ่งทำแบบนี้เขาก็ยิ่ง..

        ตัดใจได้ลำบากเหลือเกิน

        +++

   เขามาถึงสตูดิโอตอนทุ่มครึ่ง เพราะมัวแต่ประชุมงานกลุ่มกับเพื่อนในเซค ส่วนกรวีร์หายไปทำธุระตั้งแต่บ่ายก่อนจะโทรมาบอกว่าเฮียจะเลี้ยงพิซซ่าในวันเกิดเขาให้รีบมากินของฟรีโดยด่วน เขาเลยต้องทำงานแทนในส่วนของกรวีร์ก่อนจะขอตัวออกมาแทนที่วันนี้เขาจะได้อัดเพลงสบายๆกลับได้มาปาร์ตี้วันเกิดตัวเองแทนเสียอย่างนั้น คิดซะว่าคลายเครียดก่อนสอบก็แล้วกัน.. เขาจอดมอเตอร์ไซค์เสร็จก็เดินขึ้นมาชั้นสอง ค่ายเพลงของหิรัญมีลักษณะเหมือนตึกออฟฟิศทั่วไปมีทั้งหมดห้าชั้น โดยจะแบ่งเป็นชั้นสำหรับซ้อมดนตรี ห้องซ้อมร้อง และห้องซ้อมเต้น

   “ทำไมเฮียมาเลี้ยงที่นี่ล่ะ” เขาถามกรวีร์ที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เดินผ่านเข้ามาจากชั้นล่างก็ไม่เห็นมีใครอยู่สักคน “ปกติเห็นไปจัดที่ผับตลอด”

   “วันเกิดน้องใบบุญก็อยู่แต่คนสนิทสิครับ ไปเลี้ยงที่ผับ.. ผับแตกแน่”

        “เว่อน่า สั่งอาหารมาหรือยัง? แล้วคนอื่นไปไหนหมด”

        “เดี๋ยวก็มา ออกไปซื้อของอยู่” กรวีร์ละสายตาจากโทรทัศน์มองเพื่อนที่หน้าตาเซื่องซึม เขาและหิรัญเห็นเพลงที่ธัชธรรม์ปล่อยออกมาแล้วไม่รู้คนตรงหน้านี้เห็นหรือยัง “วันนี้เฮียลงทุนเข้าครัวเองเลยนะ”

        “โอ้โห ฝนจะตกว่ะ”

        “มึงต้องลอง หมูย่างเกลือของเฮีย” ชายหนุ่มทำหน้าทำหน้าพิลึก จนใบบุญนึกสงสัย

       “กินไม่เหลือ?”

       “ไม่มีคนแดก”

      “โอ๊ย เฮียได้ยินเสียใจตายเลย.. มึงโดนตัดเงินแน่” เขาหัวเราะ ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาสีน้ำตาล แอร์เย็นจนเขาชักเคลิ้มคว้าหมอนอิงมากอดแนบอกแล้วผล็อยหลับไป กรวีร์หันมาอีกทีก็เห็นเด็กหนุ่มกำลังคู้ตัวนอนหลับสบายอารมณ์ เขาไม่อยากปลุกเลยให้ใบบุญนอนพักอีกหน่อย วันนี้คงจะเรียนมาหนักแถมยังช่วยทำงานในส่วนของเขาด้วย

       ช่างเป็นเพื่อนที่ประเสริฐจริงๆ

       “ทำไมมานอนตรงนี้เนี่ย” ธัชธรรม์กลับเข้ามาจากข้างนอก เขาเห็นเด็กหนุ่มกำลังนอนหลับก็เอ่ยถามกรวีร์เสียงเบา

       “พี่อุ้มมันเข้าไปในห้องหน่อยสิ”

       “ปล่อยให้อยู่กับกู มึงแน่ใจ?” ชายหนุ่มถามย้ำ เลิกคิ้วใส่

       “ถ้าพี่ทำอะไรมันอีกละก็.. จะไม่มีทางได้เห็นมันตัวเป็นๆแน่” กรวีร์กดเสียงแน่นย้ำจนอีกฝ่ายหน้าเสีย เขารู้ว่าธัชธรรม์ตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว

       “ไอ้ฮัน เอาแฟนมึงไปเก็บดิ” ชายหนุ่มเดินไปตามหิรัญที่กำลังหิ้วของเข้ามา

       “เห้ย พี่ธัชรู้ได้ไงอะ” กรวีร์ถามเสียงหลง ก่อนจะหันไปมองคนรักที่กำลังอึ้งเหมือนกัน “พี่ฮัน!!”

       “พี่เปล่านะ พี่ไม่ได้บอกใครเลย”

       “ไม่ต้องบอกหรอก กูแค่เจอถุงยางในห้องนอนข้างบน ไม่ใช่พวกมึงสองตัวแล้วจะเป็นใคร” ชายหนุ่มพูดเชื่องช้าเหมือนไม่ยี่หระอะไร

       “เชี่ย!” เขาหน้าชาไปหมด หันไปถลึงตาใส่คนรักที่หน้าซีดเป็นไก่ต้ม “พี่ฮัน ไอ้บ้าเอ๊ย! เก็บของไม่ละเอียดเลย” เขาระดมหมอนข้างฟาดให้หิรัญไม่ยั้ง อยากจะบ้าตายวันละหลายๆรอบ!

       “โอ๊ย ที่รัก.. พี่เจ็บ” หิรัญโอดครวญแต่ก็รับแรงกระแทกจากหมอนข้างแต่โดยดี ธัชธรรม์มองสองคนทะเลาะกันแล้วเวียนหัวไม่รู้ปีศาจซาตานตนใดดลใจให้สองคนนี้คบกันแน่..

       เขาเปลี่ยนไปมองใบบุญที่กำลังนอนกอดหมอนอิงคู้ตัวอยู่บนโซฟา แก้มใสจนเห็นเลือดฝาดพองเล็กน้อยดูน่ารักน่าหยิก เขาใช้นิ้วมือเกลี่ยเส้นผมออกจากวงหน้า ขนตายาวเป็นแพสวยเรียงตัวเป็นระเบียบ ริมฝีปากสีสวยที่เขาชอบมอง เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนตรงหน้าทำให้เขาจุดยิ้ม ชายหนุ่มเดินขึ้นไปห้องนอนเพื่อหยิบผ้าห่มลงมาห่มให้ กรวีร์และหิรัญมองการกระทำตรงหน้าเงียบๆ ก่อนจะมองหน้ากัน

       “พี่ว่าพี่ธัชจะง้อใบบุญได้ไหมอะ”

       “ไม่รู้” หิรัญไหวไหล่ “เท่าที่คุยกัน น้องก็ยังไม่ได้พูดอะไรนะ แต่เรื่องเพลงอะเห็นแล้ว”

       “กรก็ไม่ได้ถาม ไม่กล้า.. กลัวมันจะน้อยใจหาว่าเข้าข้าง” เขาส่ายหัว

       “ใบบุญไม่คิดอย่างนั้นหรอกน่า”

       “พี่ธัชจะรักเพื่อนผมจริงๆใช่ไหม” เขาถามหิรัญ

       “เขารักกันมาตั้งนานแล้ว.. เพียงแต่เพิ่งจะมารู้ใจตัวเอง” กรวีร์พยักหน้ารับคำ มองบรรยากาศเงียบๆแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เขาไม่สามารถจะบอกได้เลยว่าใบบุญเลือกที่จะให้โอกาสธัชธรรม์ไหม เป็นเรื่องยากจะคาดเดาและเขาก็ขอให้เพื่อนได้เลือกทางที่ตัวเองมีความสุขสักที

       ใบบุญสะดุ้งตื่นขึ้นมาไม่เห็นใครจึงเดินลงไปชั้นล่างสุด เสียงหัวเราะเฮฮาดังลั่นออกมาจากห้องครัว เขาเดินเข้าไปก่อนจะยกมือไหว้เฮีย มองไปที่โต๊ะก็มีอาหารวางเต็มไปหมดเลย ยืนลูบท้องป้อยๆมองอาหาร เชื่อเลย! พอตื่นขึ้นมาท้องมันก็ร้องทันที

       “ตื่นแล้วหรือไง เรียนเหนื่อยสินะใบบุญ”

       “นิดหน่อยครับเฮีย” เขารีบเข้าไปประจบ วิ่งไปล้างมือก่อนจะหยิบเฟรนฟรายด์ขึ้นมากินเล่น เขารู้สึกเหมือนมีคนมองจึงหันไปเจอธัชธรรม์กำลังยืนกินเบียร์กระป๋องอยู่ เขาไม่ได้พูดอะไรกับอีกฝ่ายก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่น

       ไม่รู้จะคุยอะไรดี..

       “อร่อยอะเฮีย อันนี้มันไวน์ใช่ไหม”

       “กินของแพงด้วยนะมึงเนี่ย”

       “ฮ่าๆ เดี๋ยวผมรินแจกคนอื่นด้วยเลยแล้วกัน” กรวีร์เดินไปหยิบแก้วมาแจกก่อนจะรินไวน์ที่ขโมยมาจากตู้เฮียมาเปิดกิน ใบบุญดมกลิ่นมันเล็กน้อยก่อนจะเบ้หน้า มันกินได้จริงๆใช่ไหม? “ไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้น เชื่อกูมันกินได้”

      “เอาไปให้ใบบุญมันกินอีก เดี๋ยวก็เมาไม่รู้เรื่องหรอก”

       “โถ่เฮีย ระดับผมแล้ว สบายมาก” เขายืดอกยอมรับว่าตัวเองน่ะทานแอลกอฮอล์ได้ ธัชธรรม์มองคนตัวเล็กที่ซดไวน์เข้าปากแบบไม่สนใจใคร เขาเดินออกไปตรงระเบียงหยิบบุหรี่ออกมาสูบอีกมวน

       “เครียดหรือวะ”

       “เครียดอะไร” เขามองหิรัญที่ยืนเยื้องออกไปไม่ไกล

       “เรื่องน้อง”

       “นิดหน่อย” เขาพ่นควันสีเทาออกมา เรื่องบุหรี่เขาจะสูบเฉพาะตอนที่มีเรื่องเครียดหรือกินเหล้าเท่านั้น “กูทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว”

       “ถ้ามึงคิดว่าสิ่งที่มึงทำมันเต็มที่แล้ว มึงคิดดีแล้วว่าจะยอมปล่อยน้องไป กูก็ไม่ได้ว่าอะไร” หิรัญนั่งลงตรงม้านั่ง ซดเบียร์กระป๋องในมือ

       “พูดงี้หมายความว่ายังไงวะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจกับคำพูดของเพื่อนเลยสักนิด “กูไม่เคยบอกสักคำว่าจะปล่อย อย่างน้อยกูก็จะคอยดูอยู่ห่างๆ”

       “มึงทนไหวหรือไง ถ้าต้องเห็นเขารักกับคนอื่น” หิรัญถามตรงๆ อีกฝ่ายหันมาจ้องเขม็ง

       “ไม่”



 (มีต่อ)
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 15 ] 13-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 13-02-2019 17:40:26
       “อย่าโง่นักเลย มึงควรจะรีบเสนอหน้าไปง้อทำคะแนนได้แล้ว” ในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนเขาก็อยากให้เพื่อนสมหวังมีความสุข เรื่องอะไรจะปล่อยให้คนอื่นมันมาชิงตัดหน้าไปได้

       “กูไม่ได้เหมือนมึง กูมีวิธีของกู”

       “ถ้ามึงช้า กูก็ช่วยไม่ได้” หิรัญลุกขึ้นยืน พูดไปมันก็ไม่เข้าใจ ไอ้วิถีพระเอกมันใช้ไม่ได้แล้วโว้ย เขาอยากจะบอกมันจริงๆ “ไอ้โชก็จ้องจะงาบอยู่ไม่เห็นหรือไง ถ้ามึงคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่มันดีแล้ว กูก็ดีใจด้วย”

       “….”

       “กูไปหาเมียกูละ” เขายกมือขึ้นทำท่าจุ๊บๆ อย่างน้อยมันก็กำความลับเขาอยู่ อย่าไปกวนตีนมันมากจะดีกว่า “ห้ามบอกเฮียด้วยว่ามึงรู้”

       “เออ น่ารำคาญจริง” เขาโยนบุหรี่ลงพื้นก่อนจะใช้เท้าขยี้ทิ้ง เหม่อมองพระจันทร์กลมโตที่กำลังส่องแสงท่ามกลางความมืดมิด ปาร์ตี้คาราโอเกะในห้องยังมีเสียงลอดออกมาแม้เวลาจะล่วงเลยเกือบห้าทุ่มแล้วก็ตาม เฮียขับรถกลับไปดูแลงานที่ผับ ส่วนหิรัญก็พากรวีร์ไปนอนที่คอนโดแล้ว เขามองสภาพห้องที่เละเหมือนผ่านศึกสงครามแล้วละเหี่ยใจ กองผ้าห่มค่อยๆขยับก่อนที่ใบหน้าขาวจัดของคนที่อยู่ด้านในจะโผล่ออกมา ชายหนุ่มตกใจ.. เขาลืมไปได้ยังไงว่ายังมีใบบุญอยู่อีกคน

       “…”

       “เอ่อ.. ไปอาบน้ำไหม? จะนอนที่นี่หรือจะกลับบ้านพี่จะได้ไปส่ง” เขาถาม เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไรจนเขาต้องเดินเข้าไปใกล้ เห็นใบบุญกำลังนั่งหลับตาอยู่

       “….”

       “หลับหรือเปล่าน่ะ?”

       “ไม่หลับ”

       “ไม่หลับก็ลืมตาสิ” เขาบอก ก่อนจะหลุดขำออกมา ไอ้เด็กคนนี้

       “มันลืมไม่ขึ้นอะ”

       “งั้นก็นอนไป หนาวไหมจะเบาแอร์” เขาเดินไปเบาแอร์เพราะรู้ว่าใบบุญขี้หนาว อีกฝ่ายทำตัวสั่นๆอยู่ในผ้าห่ม น่ารักเป็นบ้า ตอนนี้ทำอะไรก็น่ารักไปหมด..

       “หนาว.. หนาวมากๆเลย”

       “ไม่สบายหรือเปล่า ใครให้กินไวน์เข้าไปเยอะขนาดนั้น” เขาเริ่มไม่สบายใจเพราะใบหน้าขาวจัดของใบบุญขึ้นสีแดงก่ำ เห็นซดไวน์อย่างกับน้ำเปล่า ไม่ใช่ว่ากินเยอะไปหรือไง?

       “มันหนาวๆร้อนๆบอกไม่ถูก”

       “นั่นไง ถ้าไม่สบายอีกรอบนี้ พี่ไม่พาไปหาหมอแล้วนะ” เขาเริ่มบ่น

       “หนูไม่ได้เป็นอะไร แค่กินเยอะไปแล้วมันมึนหัว ง่วงๆ” ปลดผ้าห่มออกจากหัว กลุ่มผมสีน้ำตาลทองยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ดวงตากลมแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว

      “เมาแล้วล่ะแบบนั้น ไปนอนข้างบนเถอะ นอนตรงนี้ไม่ได้”

      “แล้วนอนตรงไหนได้”

       “ห้องนอนข้างบนไง เดี๋ยวพี่มานอนข้างล่างเอง”

       “แล้วพี่จะมานอนข้างล่างทำไม” น้ำเสียงอู้อี้ทำให้เขาได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ “ทำไมเราไม่นอนด้วยกันล่ะ” ธัชธรรม์เลิกคิ้วมองคนตัวเล็กที่เริ่มพูดเสียงแผ่วเบา

       “เมาใหญ่แล้ว ไปอาบน้ำก่อนไหมค่อยนอน” เขาบอก มองเด็กหนุ่มที่แค่นั่งก็ยังทรงตัวไม่อยู่ ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาจากตัวก็รู้แล้วว่า.. ไม่รอด เมาชัวร์

       “ไม่ หนูไม่ไป! ฮึก ฮือ”

       “ใบบุญอย่าดื้อ” เขารั้งคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืน แต่ใบบุญไม่ยอมท่าเดียว

       “พี่ก็บอกว่าหนูอย่าดื้อ อย่าดื้อทุกที พี่อะแหละโคตรดื้อ”

       “พี่ดื้อตอนไหน”

       “ทุกตอนเลย” ชูกำปั้นทุบเข้าไปที่ไหล่หนาของธัชธรรม์ น้ำเสียงอู้อี้บ่นเขาไม่หยุด “ไอ้คนใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยย”

       “เดี๋ยว ตีพี่ทำไมเนี่ย พี่เจ็บนะ” เขารวบคนตัวเล็กเข้ามากอด อีกฝ่ายมองเขาน้ำตาคลอ เห็นแบบนั้นก็อดใจอ่อนยวบไม่ได้ อยากจะโอ๋อยากจะกอดซะตรงนี้

       “หนูเจ็บกว่าพี่ยังทนได้เลย แค่นี้ทนไมได้หรือไง”

       “ใบบุญใจเย็นก่อน เราเมามากแล้วนะ” เขาบอกคนตัวเล็กที่เริ่มงอแง ถ้าเป็นตอนอารมณ์ปกติให้ตายก็คงไม่มีทางคุยกับเขาแบบนี้แน่ “มีอะไรก็ค่อยๆคุยสิ”

       “….”

       “โกรธอะไรพี่?”

       “โกรธที่พี่มันโง่ โง่ โง่”

       “โอเคพี่โง่เอง พี่ผิดเองพอใจหรือยัง”

       “ฮึก..ฮือ” เด็กหนุ่มเริ่มร้องไห้เสียงดัง สะอึกสะอื้นจนน่าสงสาร ธัชธรรม์ทำอะไรไม่ถูก ปกติเขาก็แค่เดินผ่านไปไม่เคยคิดจะสนใจแต่คราวนี้มันไม่ใช่ แค่เห็นน้ำตาของใบบุญเขาก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว “ทำไมพี่ต้องทิ้งหนูไปด้วย.. ทำไมพี่ต้องทิ้งหนูไป” สรรพนามแทนตัวน่าเอ็นดูถูกพูดออกมาแทนตัว เป็นแบบนี้เสมอเวลาอยู่ด้วยกันสองคน จริงๆเขาก็ชอบให้ใบบุญแทนตัวเองแบบนี้มากกว่าด้วยซ้ำ

       “ไม่ทิ้งแล้ว ไม่ทิ้งไปไหนแล้ว สัญญาเลย”

       “จริงๆนะ พี่ธัชสัญญาแล้วนะ”

       “อื้อ แล้วเราก็ต้องสัญญาด้วยว่าจะไม่กินเยอะจนเมาไม่รู้เรื่องแบบนี้อีก” เขาบอกแกมขำ ลูบหัวอีกฝ่ายที่สูดน้ำมูกเบาๆ

       “หนูไม่ได้เมา!” คนตัวเล็กยังไม่ยอมแพ้ เถียงสู้ทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำแถมยังยืนไม่ตรงอีก “เมาตรงหนาย”

      “พูดยังไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วยังมาบอกว่าไม่เมา” เขาบอก “ไปนอนข้างบนได้แล้ว”

      “อุ้ม”

      “หา?”

      “อุ้มหน่อย” เขามองเด็กหนุ่มที่ปรือตาฉ่ำ สองแขนกางออกกว้าง ขนาดทำริมฝีปากยู่ก็ยังน่ารักจนเขาอยากจะงับเข้าสักที เขาถอนหายใจก่อนจะช้อนตัวใบบุญขึ้นอุ้ม อีกฝ่ายสอดแขนเข้าที่รอบคอพิงซบอกเขาก่อนจะหลับตาพริ้ม ธัชธรรม์รู้สึกหายใจติดขัด ตั้งแต่ทะเลาะกันนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้าใกล้คนตัวเล็ก เขาอุ้มใบบุญขึ้นไปชั้นสาม ห้องนอนสำหรับแขกที่เขาจับจองมาหลายเดือนมีเตียงนอนและเครื่องนอนพร้อม ค่อยๆวางเด็กหนุ่มลงบนเตียงแต่มือของอีกฝ่ายดันไม่ยอมปล่อยเขาซะนี่

       “ปล่อยพี่ก่อน เร็วครับ”

       “ไม่เอา อยากให้พี่ธัชนอนด้วย” ดวงตากลมโตฉ่ำปรือช่างยั่วยวนเขาจริงๆเชียว

       “เมาแล้วน่า อย่างอแง”

      “ก็บอกว่าไม่เมา หนูไม่เมาจริงๆ” ใบบุญส่ายหัว

      “โอเค ไม่เมาก็ไม่เมา งั้นปล่อยมือพี่ก่อนนะครับคนดี” เขาถูกดึงคอเสื้อจนล้มโครมลงไปที่เตียง “เห้ย!”

      “อยากนอนกอดพี่ธัช ไม่ได้นอนกอดมานานแล้ว” คนตัวเล็กกอดเขาเอาไว้แน่น ชายหนุ่มคิดว่ามันคงจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่ได้อยู่ในท่าล่อแหลม เขาบอกเด็กหนุ่มที่เริ่มจะเคลิ้มหลับ

      “ปล่อยพี่ก่อน”

      “นอนกับหนูนะ”

      “โอเค ก็ได้พี่ยอมแล้ว” เขาทิ้งตัวนอนลงไปบนเตียง อีกฝ่ายโผเข้ากอดก่อนจะซุกเข้าที่อก ชายหนุ่มพึมพำอยู่กับตัวเอง สถานการณ์แบบนี้เขาคิดดีไม่ได้เลย “เอาไงดีวะเนี่ย”
   
       “เหมือนฝันเลย หนูฝันไปหรือเปล่า”
 
      “ยังไม่ได้หลับจะฝันได้ยังไง”

      “หนูเคยอยากให้พี่พูดดีๆกับหนูเหมือนแต่ก่อน” เด็กหนุ่มเงยหน้ามองเขา ดวงตากลมมองเขาด้วยแววตาเหมือนเก่า มันเต็มไปด้วยความรัก “พอไม่มีพี่อยู่สักคน หนูเหงามาก คิดถึงพี่ธัชมากเลย”

      “ตั้งแต่ตอนไหน”

      “ตอนพี่ไป’เมกา”

      “พี่ พี่ขอโทษ” เขาเป็นคนทิ้งอีกฝ่ายไปจริงๆ ไม่มีการติดต่อใดทั้งนั้นก็จริงอย่างที่ใบบุญบอก เขามันคนใจร้ายจริงๆ แต่วันนี้คนใจร้ายอย่างเขาใจจะขาดอยู่แล้ว
   
      “ฮึก ฮือ”

      “ไม่ร้องๆ เป็นเด็กขี้แยหรือไงจะร้องไห้ทำไม” เขาเกลี่ยน้ำตาที่ไหลออกมาอีกรอบ “ก็พี่อยู่นี่แล้วไง”

      “อือ หนูร้อน..” ใบบุญลุกขึ้นก่อนจะลงมือแกะกระดุมเสื้อนักศึกษา “ขอถอดเสื้อผ้านะ”

      “เดี๋ยวๆ ถ้าถอดก็ไปอาบน้ำเลย” เขาหยุดมืออีกฝ่ายที่กำลังจะปลดกางเกง จะถอดก็ไปถอดที่อื่นอย่ามาถอดตรงนี้พี่ขอร้อง!

      “ไม่อยากอาบแล้ว”

      “แล้วจะถอดทำไม”

      “มันร้อน.. พี่ก็ถอดด้วยกันสิ” เขารีบกุมเป้ากางเกงเอาไว้ เกือบไปแล้วไหมล่ะ!

      “ไม่ถอดโว๊ย!”

      “ทำไมต้องหวงเนื้อหวงตัวด้วย” เด็กหนุ่มยู่ปาก ทำหน้าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ เดือดร้อนเขาต้องโอ๋อีกแล้ว “รังเกียจหนูมากใช่ไหม”

      “ไม่ใช่อย่างนั้น พี่ว่าเราควรนอนได้แล้วนะ โอเค๊?”

      เขารวบเด็กหนุ่มเข้ามากอด ก้มลงฟัดแก้มขาวสักทีสองที ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกมันเขี้ยวอยากจะจับฟัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น แก้มกลมขาวๆที่เขาเคยนึกรำคาญว่ามันจะแตกเมื่อไหร่ ไหนจะริมฝีปากที่ชอบคว่ำใส่เวลาเขาบ่น ดวงตากลมที่ชอบมองหาแต่เขา หรือจะเป็นตัวนุ่มนิ่มที่ชอบซุ่มซ่ามลำบากให้เขาต้องดูแลเป็นประจำ

      เขารู้แล้วว่าทำไมถึงไม่อยากปล่อยให้ใบบุญคลาดสายตา ทำไมตัวเองถึงต้องเอาตัวเข้าไปวนเวียนเข้าใกล้ทั้งที่ปากบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนา แต่หัวใจมันรู้สึกตรงกันข้ามมาตั้งนานแล้ว เพราะความเป็นพี่น้องโตด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก เห็นกันมาตั้งนานใครจะไปคิดว่าความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกมันคือความรัก รักที่เฝ้ามองและรอคอยมาตลอด มันคือรักที่บ่มเพาะโดยใช้เวลามาอย่างยาวนานและเขาก็ควรจะรู้ใจตัวเองได้เสียที..

       “อื้อ หนูจั๊กจี๋นะ” อีกฝ่ายเอาหน้าหนีเมื่อไรหนวดเขาทิ่มลงไปทีแก้มนิ่ม

      “ใบบุญ”

      “หนูเมาแล้วนะ”

      “ไม่เมา”

      “ถ้าไม่เมา ตื่นขึ้นมาต้องจำได้นะว่าพูดอะไรกับพี่บ้าง”

      “จำได้สิ”

      “พี่ขออัดวิดีโอเอาไว้ได้ไหม เป็นหลักฐานว่าเราไม่ได้เมาจริงๆ” เขาถาม อีกฝ่ายเอียงคอมองเขาก่อนจะพยักหน้า

      น่ารักจริงๆ..

      “ได้!”

      “งั้นพี่อัดละนะ” เขายิ้มกริ่มก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดกล้องเอาไว้ เด็กหนุ่มตรงหน้ายังอยู่ในชุดนักศึกษาที่ปลดออกมาจนเกือบเปลือยกำลังปรือตาฉ่ำใส่กล้องเขา ให้ตายก็ไม่มีวันให้ใครได้เห็นแน่ “นี่ใคร” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

      “พี่ธัช”

      “คิดถึงพี่ไหมครับ เราไม่ได้เจอกันตั้งนานใบบุญคิดถึงพี่ไหม”

      “คิดถึงมาก อยากเจอพี่ธัชมาตลอดเลย” ใบบุญน้ำตาคลออีกรอบ ต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมให้คนตัวเล็กกินแอลกอฮอล์อีกแล้ว คอยดู!

      “อยากบอกอะไรกับพี่”

      “อยากนอนกอดเหมือนแต่ก่อน”

      “แต่พี่ตัวใหญ่นะถ้าพี่นอนทับเราจะไม่เป็นไรหรือ”

      “ไม่เป็นไร”

      “แล้วต่อไง.. รักพี่ไหม?” เขาลองถามพลางมองหน้าอีกฝ่าย

      “รัก” ดวงตากลมหลุบตามองพื้นเล็กน้อยก่อนจะช้อนขึ้นมามองเขา “รักพี่ธัชมาตั้งนานแล้ว”

      “อืม เยี่ยม!” เขายิ้มเหมือนคนบ้า หัวใจเต้นรัวจนแทบจะระเบิด “เขาว่าคนเมาจะพูดความจริงนะ”

      “หนูไม่ได้เมา!” ใบบุญยังเถียงทั้งที่หน้ายังแดงก่ำ

     “อืม พี่ก็รักใบบุญเหมือนกัน” เขาพูดก่อนจะรวบคนตัวเล็กมากอดเมื่อเห็นน้ำตาอีกฝ่ายร่วงพรู จูบซับไล่ลงตรงพวงแก้มนิ่มค่อยๆปัดเป่าความรู้สึกไม่ดีออกไป เขารู้ว่ามันต้องใช้เวลา แต่ไม่ว่าอีกนานแค่ไหนเขาก็จะทำ จะคอยอยู่เคียงข้างและดูแลทดแทนช่วงเวลาที่เขาทำหล่นหายไป

      ให้เขาได้ดูแลหัวใจดวงนี้ด้วยเถอะ..



       TBC.
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 16 ] 14-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 14-02-2019 10:39:48
                                                             Rhyme 16


   เด็กหนุ่มขยับร่างกายด้วยความรู้สึกไม่สบายตัว เขารู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปหมด ค่อยๆลืมตามองเพดานสีขาวปรับโฟกัสให้มันเข้าที่ อาการปวดศีรษะเข้าจู่โจมเขาทันที อาการแฮงค์กลับมาอีกแล้วต้องเป็นเพราะเมื่อวานเขาดื่มเยอะเกินไปแน่ๆ มือขาวปัดป่ายไปรอบตัวก็รู้สึกแปลกๆถึงอะไรบางอย่างชื้นแฉะที่วนเวียนอยู่แถวซอกคอ เขาพยายามสะบัดเท่าไหร่ก็ไม่ออก หรือว่าจะเป็นไอ้ตัวเล็กจอมแสบที่ชอบร้องขออาหารแต่เช้า

   “ไอ้ตัวเล็ก.. อย่า” เปลือกตาเขาหนักอึ้งเหลือเกิน เขากะว่าจะนอนอีกรอบแล้วค่อยลุกไปคลุกข้าวให้มันกิน ตอนนี้รอไปก่อนนะ “ไม่เล่นน่า!”

   “ใครคือไอ้ตัวเล็ก” เสียงทุ้มดังขึ้นในโสตประสาท มันคุ้นจนเขาต้องเอี้ยวตัวหันไปมอง ธัชธรรม์กำลังนอนอยู่ข้างเขาหน้าตาไม่ค่อยพอใจแถมยัง.. ไม่ใส่เสื้อ?

        เดี๋ยวนะ เขาก็โป๊เหมือนกันนี่หว่า!

   “พี่ธัช!” เขาลุกขึ้นคว้าห่มมาคลุมตัวจนเป็นก้อนกลม กระเถิบหนีอีกฝ่ายที่จุดยิ้มให้ มะเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น เขาจำได้ว่าร้องคาราโอเกะอยู่กับเฮียแล้วก็ดื่มไวน์ที่กรวีร์เปิดให้ไปเยอะมาก

   “นอนอยู่กับพี่แท้ๆยังพูดชื่อคนอื่นอีก” ธัชธรรม์ตะแคงข้างหันมาทางเขาท้าวก่อนจะหลุบตามองพื้นเตียง น้ำเสียงสั่นเครือจนดูน่าสงสาร “พี่น้อยใจนะ”

        “อะไรกันครับเนี่ย?” เขางงเป็นไก่ตาแตกเป็นอาการของอีกฝ่าย หมายความว่าเมื่อคืนเขาเป็นคนเริ่มก่อนใช่ไหม หรืออะไร ทำไมจำอะไรไม่ได้เลยโว๊ย!

        “รับผิดชอบพี่เลยนะครับ.. คนดี” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม พยายามกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นคนตัวเล็กทำท่าตื่นตกใจ อยากจะรวบเข้ามาฟัดแรงๆให้หายมันเขี้ยวซะให้เข็ด แต่ตอนนี้เขาต้องนิ่งเอาไว้ก่อน

        “ไม่ตลกนะครับ แล้วทำไมพี่ไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ” เขาพูดก่อนจะมองอย่างแวดระวัง เมื่อคืนเขาก็ไม่ได้พูดคุยกับธัชธรรม์สักประโยค แล้วจะไปชวนอีกฝ่ายมานอนด้วยกันได้ยังไง

        “ใบบุญเป็นคนถอดเอง ถอดให้พี่ด้วย”

        “บ้า! ไม่จริง” ใบบุญอ้าปากค้างส่ายหัวดิก เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำอะไรอย่างนั้นแน่

        “พี่มีหลักฐานนะ ไม่เชื่อมาดูนี่สิ”

        “อะไรนะ?”

       “เมื่อคืนไง ใบบุญยังนั่งคุยกับพี่อยู่เลย” ชายหนุ่มยิ้ม เขาชูโทรศัพท์ไอโฟนที่กำลังเปิดวีดีโออยู่

      “ไหนครับ?” เขาคลานเข้าไปใกล้มองตัวเองในจอโทรศัพท์ของอีกฝ่าย นะนั่นมันเขาจริงๆด้วย! เด็กหนุ่มที่กำลังงอแงพูดเสียงดังฟังชัด ใบหน้าแดงก่ำขนาดนั้นดูยังไงก็เมาชัดๆ

      “คิดถึงมาก อยากเจอพี่ธัชมาตลอดเลย”

      “รักพี่ธัชมาตั้งนานแล้ว”

   “เชี่ย!” เขาอ้าปากค้าง ขยี้ตาตัวเองก่อนจะดูอีกรอบว่าเขาไม่ได้มองผิดไป “ฮื่อ!” เขาขืนตัวเมื่อชายหนุ่มคว้าเข้าไปกอด วงแขนแข็งแรงโอบล้อมจนเขากระดิกตัวไม่ได้เลย

   “ที่นี้เราก็มาคุยเรื่องของเราได้หรือยัง”

       “คุย.. อะไรครับ”

      “เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด”

       “ผมไม่รู้”

      “จะไม่รู้ได้ยังไง?” เขาขบเม้มใบหูขาวจนเด็กหนุ่มหดคอหนี “ใบบุญกับไบร์ทคือคนเดียวกัน”

      “ระเรื่องนั้น ผมก็ขอโทษไปแล้ว” เขาพยายามดิ้นแต่ไม่หลุด “ปล่อยผมนะ”

      “พี่ไม่จบ” ชายหนุ่มมองคนตรงหน้าแววตาเศร้าซึมลง “เรื่องที่ผ่านมา.. พี่ขอโทษ พี่มันโง่อย่างที่ใบบุญบอกนั่นแหละ”

      “พี่ธัช..”

      “พี่มันใจร้อน ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี จนเผลอทำร้ายคนที่พี่รักเข้าจนได้” ชายหนุ่มบอกก่อนจะกอดเขาไว้แน่น “พี่อยากขอโทษและพี่รู้.. สิ่งที่พี่ทำลงไปมันไม่น่าให้อภัยเลย แต่พี่ก็อยากจะขอโอกาสที่จะได้ดูแลเราอีกครั้ง” ชายหนุ่มเกลี่ยเส้นผมสีสวยของอีกฝ่าย สบตามองอย่างลึกซึ้ง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มสวยสั่นระริก ที่ผ่านมาเขาไม่เคยสนใจคำขอโทษอีกฝ่ายเพราะคิดว่าธัชธรรม์ต้องการที่จะเอาชนะเขาเท่านั้น

      ไม่คิดเลยว่า.. ชายหนุ่มก็จะรู้สึกเหมือนกันกับเขา

      “ผม.. ผม”

      “พี่ทำผิดกับใบบุญมามากพอแล้ว”

      “ผมรู้ว่าพี่เกลียดผมเพราะอะไร ตะ.. แต่เราก็ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆอย่างที่พี่บอกนั่นแหละ” เขาหลุบตามองไปทางอื่น ค่อยๆพูดออกมาแผ่วเบา “ผมไม่ใช่น้องชายพี่ และจะไม่มีวันเป็น”

      “….”

      “เพราะผมไม่เคยมองพี่ว่าเป็นพี่ชายมาตั้งแต่แรก” เขามองชายหนุ่มที่หน้าเสียไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป “ก็บอกแล้วไงว่า..รักมาตั้งนานแล้ว”

      “ใบบุญ..” ธัชธรรม์คลี่ยิ้ม ก่อนจะรวบตัวใบบุญเข้ามากอด เขาดีใจ.. ดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ใบบุญยังอยู่กับเขาไม่ไปไหน เขาไม่อยากฝันร้ายอีกแล้ว

      “ไม่ต้องมากอดเลยยังไงผมก็ยังไม่หายโกรธที่พี่ทำรุนแรงแบบนั้น” เด็กหนุ่มทำหน้ามุ่ย ทุบเข้าที่ไหล่ของชายหนุ่ม

      “จะให้พี่ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น ขอแค่มีใบบุญอยู่ข้างๆ” เขายิ้มหวาน มองเด็กหนุ่มด้วยสายตารักใคร่ เมื่อหมอกควันแห่งความไม่เข้าใจปลิดปลิวออกไปก็ไม่จำเป็นต้องปิดยังความรู้สึกในใจอีกต่อไป

      “ฮื่อ ไม่ชินพี่ธัชแบบนี้เลย” เขายกมือปิดหน้า ไม่กล้าสบตาหวานฉ่ำของอีกฝ่าย บทจะอ้อนก็อ้อนเหลือเกิน หัวใจเขาเต้นแรงจนจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้วนะ

      “แล้วปกติพี่เป็นยังไง”

      “จะให้พูดจริงๆหรือ” พอเห็นชายหนุ่มพยักหน้าเขาก็ทำหน้าครุ่นคิด ให้สามวันสามคืนก็ไม่หมดจริงๆ “ขี้โม้ขี้เก๊กพูดมากปากหมางี่เง่าเอาแต่ใจ”

      “เดี๋ยวๆ พี่เป็นขนาดนั้นจริงดิ นี่เรามองพี่เป็นคนแบบนั้นหรือวะ” ธัชธรรม์อึ้ง เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่ผู้นิสัยดีเลิศเลออะไร แต่ในสายตาใบบุญทำไมเขาดูแย่ขนาดนั้น

      “พูดไม่เพราะนะครับ!”

      “จ๋า พูดเพราะแล้วจ้ะ”

      “หึ! คอยดูนะ ถ้าพี่ธัชยังทำตัวไม่ดีกับผมอีก ผมจะไปหาคนอื่นให้ดู” เขาบอก อีกฝ่ายเบิกตาโพลง

      “ไม่เอา!” ธัชธรรม์กอดเขาแน่นมากขึ้น ส่งไออุ่นผ่านทางร่างกาย “พี่ไม่ยอมให้ใบบุญไปกับคนอื่น”

       “ทำไมล่ะ ถ้าพี่ดูแลไม่ดี ก็มีคนอื่นอยากจะดูแลนะ” เขาดันอกชายหนุ่มออกก่อนจะมองตาแป๋ว เรื่องอะไรเขาจะต้องยอมเหมือนเมื่อก่อนด้วย!

       “ไม่เอาแล้ว พี่จะดูแลใบบุญดีๆเลย.. พี่ไม่ยกใบบุญให้ไอ้โชกุนหรอก”

       “ก็ไม่รู้สิครับ” เขาทำลอยหน้าลอยตา ชายหนุ่มหน้าซีดเผือดรีบกอดเขาใหญ่เลย เขายิ้มขำก่อนจะเอื้อมมือไปกอดตอบเหมือนกัน

       “ไม่ได้ พี่ก็รักใบบุญไม่แพ้มันหรอก”

       “อะไรนะครับ”

       “พี่รักใบบุญ”

       “....” เขาอึ้ง พอได้ยินชายหนุ่มพูดต่อหน้ามันก็อดดีใจไม่ได้

       “เป็นอะไรครับ มองหน้าพี่สิ” เขามองเด็กหนุ่มที่เอามือปิดหน้า “เขินที่พี่บอกรักหรือครับ เมื่อคืนก็ยังขอให้พี่พูดตั้งหลายรอบ”

      “ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ หนูคิดมาตลอดว่าพี่แค่อยากเอาชนะหนูต่างหาก” เขามุดหน้าเข้ากับหมอนไม่ยอมเปิดหน้าให้อีกฝ่ายเห็น เขาไม่อยากร้องไห้ให้ธัชธรรม์เห็นอีกแล้ว

       “ไม่จริงเลย ไอ้เด็กขี้แย” ชายหนุ่มแงะออกมาจากหมอนก่อนจะช้อนคางเขาขึ้น “อย่าร้องดิ พี่เห็นแล้วใจคอไม่ดี”

       “ก็คนมันดีใจอะ ร้องไม่ได้หรือไง” เขาบ่นอุบ

       “งั้นร้องออกมาให้พอ แล้วจากนี้พี่สัญญาจะไม่ทำให้เราต้องร้องไห้อีก”

       “….”

       “เป็นแฟนกับพี่นะครับ”


+++


       เพลงYou are my Galaxyของธัชธรรม์ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งภายในสัปดาห์เดียว ชายหนุ่มเริ่มถูกติดต่อให้ไปถ่ายแบบและออกงานร่วมกับนักร้องค่ายอื่นในอีเว้นท์ต่างๆ คนที่หน้าบานมากที่สุดคือเฮียกิตที่คอยสนับสนุนงานเพลงของเรามาตั้งแต่แรกเริ่ม เพลงของกรวีร์และหิรัญกำลังจะถูกปล่อยออกมาในอาทิตย์หน้า ส่วนเพลงคิดถึงดาวของเขา เฮียบอกว่าจะทำเอ็มวีให้เป็นเรื่องราวและโปรโมทเพลงของเขาคู่กับเพลงของธัชธรรม์ ตอนนี้เขาได้กำลังใจในการทำงานมากมายทั้งๆแฟนที่ชื่นชอบผลงานและแฟนคลับที่ติดตามมาตั้งแต่เขายังเป็นนักร้องสมัครเล่น

       ตอนนี้ธัชธรรม์ย้ายกลับเข้ามาอยู่บ้านเหมือนเดิม เพราะอีกฝ่ายไม่อยากให้เขาคลาดสายตา แถมยังย้ายข้าวของมาไว้ในห้องนอนเขา จนตอนนี้ห้องเขาเต็มไปด้วยเสื้อผ้า ของใช้ หนังสือเรียนที่ชายหนุ่มเอามาทิ้งไว้ในห้องเขาได้ทุกวัน ผ้าห่ม หมอนก็ย้ายมาอยู่ห้องเขาทั้งหมด ทั้งๆที่ห้องก็อยู่ตรงข้ามกันแต่ธัชธรรม์ก็ยังทำมึนไม่ยอมเอาของย้ายออกไปจากห้องเขาสักที โชคยังดีที่แม่ยังไม่เห็นไม่ต้องเกิดคำถามแน่ๆ

        “วันนี้ไม่ได้พักหรือครับ” เขาถามชายหนุ่มที่กำลังแต่งตัวออกไปข้างนอก เสื้อยืดมีฮู้ดสีกรมท่าและกางเกงยีนส์สีซีดเข้ากับรูปร่างสูงใหญ่อย่างพอเหมาะ ถ้าลองให้เขาใส่คงจะดูไม่จืด

       “เฮียเพิ่งโทรมาบอกว่ามีงาน พี่ไม่อยากไปเลย” ชายหนุ่มโอดครวญทั้งที่วันนี้เป็นวันเสาร์แท้ๆแต่ก็ถูกเรียกใหไปทำงานแทนนักร้องที่แคนเซินงานไปเมื่อวาน เขาจึงได้เสียบแทนโดยไม่ได้ตั้งใจ

       “เอาน่า แปบเดียวก็เสร็จแล้ว จะให้ไปรับไหมครับ”

       “มันดึก พี่ไม่อยากให้เราออกมาข้างนอกคนเดียว”

       “ก็ไม่ไกลจากบ้านมากนี่ครับ ผมไปได้” เขาเสนอตัว จริงๆคืออยากไปดูชายหนุ่มร้องเพลงด้วย

      “ตามใจ มาแล้วบอกพี่ด้วยนะ” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ “บอกเฮียก็ได้ว่าจะมา”

      “รับทราบครับ!”

     “พี่อยากนอนดูหนังกับเรามากกว่าอะ” เขายังบ่นไม่เลิก แผนการสวีทของเขาถูกขัดขวางจนได้ แล้วจะไม่ให้อารมณ์เสียได้ยังไง

      “เรื่องนั้นที่พี่ดูค้างไว้หรือครับ ค่อยกลับมาดูก็ได้”

      “พี่เปลี่ยนใจละ ไม่ต้องไปรับพี่หรอก พักผ่อนอยู่บ้านเถอะ” เขาบอกเด็กหนุ่ม ไม่อยากให้ไปเบียดเสียดกับคนอื่น แถมอีเว้นท์ที่เขาไปวันนี้ก็คนเยอะมากด้วย เขาเป็นห่วง

      “เอ้า ทำไมอะ”

      “ไม่อยากให้คนอื่นมอง แม่ง!” เขาบอกก่อนจะขมวดคิ้วแน่น “มองเหมือนจะแดกเข้าไปทั้งตัว”

      “คิดมากอีกแล้ว”

      “ไม่รู้แหละ อยู่บ้านเป็นเพื่อนไอ้ตัวเล็ก โอเคไหมครับ” เขาก้มลงจุ๊บหน้าผากเด็กหนุ่ม ก่อนจะสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรด ใบบุญยืนมาส่งเขาที่หน้าบ้านพร้อมอุ้มไอ้ตัวเล็กไว้แนบอก

      “อือ รู้แล้วครับ ไม่ซนน่า” เด็กหนุ่มเบะปากใส่คนรัก เห็นเขาเป็นเด็กห้าขวบหรือไง!

      “โอเค งั้นพี่ไปก่อนนะครับ” เขาก้มลงแตะริมฝีปากทาบทับลงไปแผ่วเบา มันเขี้ยวจนอยากจะขบให้ช้ำ

      “ฮื่อ พอแล้ว”

      “เดี๋ยวคืนนี้พี่มานอนกอด”

       “ทะลึ่ง!” เขามองชายหนุ่มที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปาก มันน่าทุบนัก! “ขับรถดีๆนะครับ” มองรถยนต์สีขาวขับออกไปหัวใจก็เบาโหวงทีละนิด ไม่อยากจะเชื่อว่าตั้งแต่ปรับความเข้าใจกัน ความบาดหมางต่างๆที่เขาคิดว่ามันไม่สามารถจะแก้ไขได้ มันกลับกลายเป็นเรื่องเล็กลงไปถนัดตา

       ‘ไม่ต้องรอกินข้าวกับพี่นะ เดี๋ยวจะรีบกลับไปหา คิดถึงครับ’

   เขายิ้มให้กับโทรศัพท์มือถืออยู่คนเดียว ก่อนจะฟุบหน้าลงกับหมอนอิง แมวลายด่างมองเขาก่อนจะใช้ขาตะบบเบาๆ เขาเงยหน้ามามองก่อนจะแตะไปที่หัวมัน

       “คนกำลังเขินอยู่ อย่าเพิ่งกวนสิตัวเล็ก”

       “เมี๊ยววววววว”

   “ฮ่าๆ ขอโทษทีหิวข้าวแล้วใช่ไหม” เขาลุกขึ้นเข้าครัวลงมือทอดปลาทู ลูบท้องไปมาเขาเองก็ชักหิวแล้วเหมือนกัน เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น เขาหรี่เตาแก๊สกำลังรอให้น้ำมันร้อน กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปรับโทรศัพท์ที่ยังดังไม่หยุด

    “สวัสดีครับ”

       “นั่นใครพูด?” เสียงผู้หญิงที่ไม่คุ้นดังเข้ามาจากในสาย เขาถามย้ำ

      “แล้วนั่นใครครับ?”

       “เอ๊ะ ฉันจะพูดกับเจ้าของบ้าน ไปตามมาที”

       “ไม่มีใครอยู่ครับ มีผมอยู่คนเดียว” เขาตอบ

       “แก? ไอ้ใบบุญ?”

      “แล้วคุณ?” เขาถาม

       “พี่สาวแม่เธอไงล่ะ”

      “ป้าพลอย?”

      “ธัชอยู่ไหนไปเรียกเขามาคุยกับฉันหน่อย” น้ำเสียงที่ออกคำสั่งทำให้เขารู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยถูกผู้หญิงคนนี้ปฏิบัติดีๆด้วยเลยสักครั้ง ถ้าหากไม่ใช่พี่สาวของแม่ทับทิมเขาคงจะด่าเป็นชุดไปแล้ว

      “พี่ธัชไม่อยู่ครับ”

      “งั้นก็เอาเบอร์เขามา”

      “ผมไม่มี” เขาตอบเสียงแข็ง “ถึงมีผมก็ไม่ให้”

      “ไอ้เด็กผี คอยดูนะฉันจะฟ้องแม่แก!” เสียงด่าแหลมปรี๊ดดังออกมาแต่เขาก็ไม่สนใจ

      “เชิญขี่ม้าสามศอกไปฟ้องเลย ผมจะได้เอาใบแจ้งหนี้ที่คุณไปขี้ทิ้งเอาไว้ส่งให้แม่ดู” ร้องเหอะในลำคอก่อนจะตอบ “ผมก็อยากจะรู้นักว่าเงินเดือนผัวฝรั่งที่โยนมาให้คุณใช้จะมีปัญญาจ่ายหนี้คืนได้ไหม”

      “กรี๊ดดด ไอ้เด็กเลว ไอ้เด็กบ้า”

      “เลิกยุ่งกับพี่ชายผมอีก แล้วอย่าหาว่าผมไม่เตือน!” เขาวางสายโทรศัพท์เสียงดัง คงเห็นธัชธรรม์กำลังได้ดิบได้ดีแล้วจะมาไถเงินอีกแล้วสิท่า! ป่านนี้คงจะดิ้นเร่าๆเป็นปลาขาดน้ำไปแล้ว

     “เมี๊ยววววววว”

    “โอเค รอแปบนึงนะตัวเล็ก” เขาวิ่งกลับไปห้องครัวลงมือทอดปลาทั้งที่อารมณ์ขุ่นมัว อีกฝ่ายไม่ค่อยได้ติดต่อเข้ามาเท่าไหร่นอกจากจะมีปัญหาเรื่องเงิน เพราะชอบหยิบยืมคนอื่นไปทั่วเดือดร้อนมารดาเขาที่ต้องตามรับผิดชอบอยู่เสมอ เขารู้ว่าพลอยไพลินไม่ชอบขี้หน้าเขาเท่าไหร่นัก และเขาเองก็ไม่ได้อยากนับถือด้วย!

   “ตัวเล็กมาทางนี้เร็ว” เขาเทข้าวคลุกปลาทูลงชาม “รอให้มันหายร้อนก่อน”

       “เมี๊ยวววววว”

       “อะ นั่นไงบอกว่ามันร้อน ค่อยๆกิน” เขามองมันกินค่อยๆงับเข้าปากทีละนิด “สงสัยต้องให้พี่ธัชซื้ออาหารเม็ดมาให้ตัวเล็กหัดกินแล้วล่ะ” มันเงยหน้ามองเขาเหมือนจะประท้วงอะไรบางอย่าง จะว่าไปไอ้ตัวเล็กกับธัชธรรม์ไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่ เพราะชอบแย่งพื้นที่บนเตียงนอน จนเขาต้องอัปเปหิทั้งคู่ออกจากห้องถึงจะได้นอนอย่างสงบสุข

       ใบบุญใช้ช่วงเวลาว่างในตอนบ่ายจัดห้องให้เรียบร้อย เขาเก็บของของธัชธรรม์ที่ทิ้งเอาไว้กลับคืนห้องเดิมเพราะไม่อยากให้แม่สงสัย ถือวิสาสะเปิดเข้าห้องชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามก่อนจะค่อยๆจัดวางของทีละอย่าง เขาพับผ้าใส่ตู้เสื้อผ้า สมุดหนังสือเรียนก็ใส่เข้าตู้ให้จนห้องดูสะอาดขึ้นกว่าเดิมอีก

      มารดาไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดทำให้วันหยุดยาวนี้เขาต้องอยู่บ้านคนเดียว ถ้าธัชธรรม์อยู่ป่านนี้คงนอนดูหนังจนหลับไปหลายตื่นแล้ว ไหนเป็นคนบอกให้เขาขยันอ่านหนังสือแต่ตัวเองดันชวนเขาเที่ยวเล่นตลอด ส่วนชายหนุ่มไม่เห็นต้องอ่านหนังสือมากมายก็ทำข้อสอบได้คะแนนท็อบทุกที

       ไม่ได้อิจฉานะ เขาแค่หมั่นไส้

       เขาเปิดคอมพิวเตอร์เช็คเพจที่นานๆจะเข้าไปดูสักที รวมไปถึงเฟซบุคที่เล่นทิ้งเอาไว้ตั้งนานแล้ว แจ้งเตือนสีแดงขึ้นหราจนเขาต้องกดเข้าไปดูพบว่าคำขอเป็นเพื่อนเยอะมากจนเขาตกใจ เขากดยอมรับคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาอย่างเพื่อนและรุ่นพี่ในคณะที่เคยทักทายกัน ส่วนคนไหนที่เขาไม่รู้จักเขาก็กดลบออกไปให้หมด หน้าต่างเด้งขึ้นพร้อมตัวสีแดงเขียนว่าLIVE เป็นการถ่ายทอดสดของงานอีเว้นท์ที่ธัชธรรม์ไปร้องเพลงพอดี

       คนดูเยอะชะมัด..

        เขานั่งรอเพื่อที่ดูชายหนุ่มร้องเพลงอยู่เกือบชั่วโมงจนงานใกล้จะเลิก ชายหนุ่มเดินออกมาจากหลังฉากส่งยิ้มหวานให้แฟนคลับที่ส่งเสียงกรี๊ดก่อนจะเริ่มร้องเพลง ไม่คิดเลยว่าเขาจะรู้สึกเขินเวลาเห็นชายหนุ่มเอาเพลงที่แต่งให้เขาร้องให้คนอื่นฟังแบบนี้มันก็ไม่ต่างจากบอกรักเขาให้คนอื่นฟังน่ะสิ!

       “โอ๊ย ตายๆ” เขาหน้าร้อนผ่าว มองคนรักที่กำลังยืนอยู่บนเวที ธัชธรรม์เป็นผู้ชายที่เขามองยังไงก็ไม่มีเบื่อ ชายหนุ่มหน้าตาดีมาตั้งแต่เด็ก คิ้วหนาคมเข้มและผิวสีแทนน้ำผึ้งสวย จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากเข้ารูปที่ประกอบกันลงตัวเหมาะเจาะ รูปลักษณ์ภายนอกเป็นที่ต้องตาของสาวๆ ไม่แปลกที่เฮียกิตบอกว่ามีคนทาบทามชายหนุ่มให้ไปถ่ายแบบอยู่ไม่ขาด

       ‘ถ้าวันหนึ่งมันดังขึ้นมา ก็ทำใจหน่อยนะ’

       ‘ผมรู้แล้วครับเฮีย’

      เขาเตรียมใจยอมรับเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าหากมันทำให้ชายหนุ่มได้ไปถึงฝั่งฝันที่ต้องการเขาก็พร้อมจะสนับสนุนทุกอย่าง ลำพังแค่เขาเป็นนักร้องมีเพลงของตัวเองก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่ธัชธรรม์ไม่ใช่.. เขายังไปได้ไกลกว่านี้..

       “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” เขาพึมพำอยู่คนเดียว ในเมื่อเลือกแล้วก็มีแต่ต้องเดินหน้าต่อเท่านั้น “เนอะตัวเล็กเนอะ”

       “เมี๊ยวววววววว”

       ธัชธรรม์เปิดประตูบ้านเอาก่อนจะขับรถเข้ามาจอด บรรยากาศเงียบสงบจนน่าสงสัย เขามองเข้าไปในบ้านที่มืดสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่ โทรหาใบบุญแต่ก็ไม่มีคนรับ ไม่รู้เจ้าตัวหายไปไหนทั้งๆที่เขาไลน์ไปหาตั้งแต่เย็นแล้ว เปิดไฟก็ไม่เจอใครอยู่ชั้นล่างจึงรีบเดินขึ้นไปชั้นสอง ประตูห้องนอนเขาเปิดทิ้งเอาไว้ เห็นเด็กหนุ่มกำลังนอนซุกอยู่ในผ้าห่มของเขาโดยมีไอ้ตัวเล็กนอนอยู่ปลายเท้า เขามองแล้วนึกเอ็นดูก้มลงจุมพิตที่หน้าผากขาวเนียนจนคนที่กำลังนอนหลับลืมตาตื่นขึ้นมา

       “พี่ธัช มาแล้วหรือครับ”

       “มาแล้ว กินข้าวหรือยัง” เขาถาม มองคนรักที่กำลังงัวเงีย โคตรน่ารัก..

       “ยังเลย นอนเพลินน่ะครับ แหะๆ”

       “งั้นพี่พาไปกินข้างนอกไหม”

      “มะไม่ครับ ทำกินเองก็ได้”

       “จะทำให้พี่กินใช่ไหม”

       “ฮื่อ พี่อยากกินอะไรก็บอกมาได้เลยครับ” เขาลุกนั่งตัวตรงมองชายหนุ่มตรงหน้า ชุดเดียวกับที่เขาเนบนเวทีเลย คงจะรีบกลับมาหาเขาเลยไม่ทันได้เปลี่ยน

       “พี่อยากกินใบบุญ”

      “ทะลึ่ง!” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเป็นกากบาท “อันนี้กินไม่ได้นะ ผมไม่ใช่ของกิน”

       “โถ่ ก็พี่ไม่ได้กินนานแล้ว”

       “ดะเดี๋ยวผมทำกับข้าวให้กิน พี่ลงไปรอได้เลย” เขาตอบ ค่อยๆจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่

       “เขินหรือครับ หน้าแดงเชียว”

       “ไม่ใช่สักหน่อย” เขาเถียง

       “เมี๊ยววววววว”

       “ไม่ใช่เรื่องของแมว คืนนี้มึงไปนอนข้างล่างเลยคนเขาจะจู๋จี๋กัน” ชายหนุ่มหันไปทะเลาะกับแมวที่กำลังนอนเล่นอยู่บนตักเขา

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 16 ] 14-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 14-02-2019 10:41:49
“พี่ธัช!” เขาหัวเราะ ปวดหัวกับทั้งคู่! “อย่าไปทะเลาะกับแมวสิครับ”

“ดูมันสิ มันไม่อยากให้พี่เข้าใกล้ใบบุญชัดๆ” ชายหนุ่มมองตัวเล็กด้วยสายตาคาดโทษ รอใบบุญเผลอก่อน เขาจะเอามันไปปล่อยให้เข็ด!

“กับแมวก็หึงด้วยหรือครับ”

“หึงหมด พี่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับแฟนพี่”

“อยู่ข้างนอกอย่าไปพูดแบบนี้เลยนะครับ” เขาบอก รีบดันแฟนตัวเองให้ลงไปด้านล่าง
“ทำไมพี่จะพูดไม่ได้”
“ก็พี่ธัชเริ่มมีชื่อเสียงมีแฟนคลับ มันคงจะไม่ดีถ้าเขารู้ว่าพี่มีแฟนแล้ว”
“พี่เข้าใจ พี่คุยกับเฮียแล้ว” ชายหนุ่มถอนหายใจ เขารู้ว่าเข้ามาในวงการพอเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้างจะทำอะไรก็มีแต่คนจับตามอง “ถ้ามีปัญหามากก็ไม่ต้องร้องไม่ต้องออกงาน ทำงานเบื้องหลังก็ได้”
“แต่ว่า”
“ไม่ต้องมากังวลแทนพี่ พี่สิต้องไม่ทำให้เราเป็นกังวล ทำไมพี่ต้องคบกับใบบุญแบบหลบๆซ่อนๆด้วยวะ” เขาเผลอสบถ จนอีกฝ่ายมองเขาด้วยสายตาอ่อนอกอ่อนใจ
“แต่มันเป็นโอกาสที่พี่ได้ ผมไม่อยากให้พี่เสียโอกาสไป”
“ใช่ พี่เคยอยากมายืนตรงจุดนี้” เขาบอก “แต่พี่ก็เสียโอกาสที่จะอยู่กับใบบุญมานานแล้ว ถ้าเขาชอบผลงานของพี่เขาจะต้องยอมรับพี่ต้องนี้ให้ได้”
“เรื่องนี้.. เราค่อยคุยกันดีกว่าครับ” เขาเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง ชายหนุ่มถอนหายใจ
“เฮ้อ พี่ไม่อยากให้เรากังวล เข้าใจพี่เถอะนะ”
“โอเคไปกินข้าวกันก่อนนะครับ” เขาจับจูงมือหนาเดินลงไปชั้นล่าง ชายหนุ่มไม่พูดอะไรเพียงแต่ประชับมือให้แน่นขึ้น นั่นถือว่าเป็นคำตอบที่ดีสำหรับเขาแล้ว
เขาทำผัดกระเพราทะเลราดไข่ดาวอย่างที่เจ้าตัวชอบ ธัชธรรม์ชอบกินอาหารทะเลมาก โดยเฉพาะปลาหมึก สมัยก่อนที่พ่อยังอยู่บ้านเดียวกันพวกเขาชอบไปทะเล และธัชธรรม์ก็มักจะชวนเขาไปดูพ่อตกหมึกด้วยกันเสมอ จะว่าไปเขาก็ไม่ได้ไปเที่ยวกับธัชธรรม์นานแล้วเหมือนกัน
“มองพี่กินก็อิ่มหรือไง กินเยอะๆเลยนะ”
“แค่มองพี่กิน ผมก็อิ่มแล้ว” เขาตอบก่อนจะยิ้มหวานใส่
“ไม่ได้ ต้องกินให้เยอะกว่านี้นะ”
“จะขุนให้ผมอ้วนหรือครับ”
“ดี.. เต็มไม้เต็มมือดี พี่ชอบนะ”
“คนทะลึ่ง!” เขาพูดเสียงดัง เมื่อไหร่ธัชธรรม์จะเลิกรุ่มร่ามกับเขาสักที “ไม่บ้ากามสักวันจะตายไหม”
“พี่คงขาดใจตายแน่ๆเลย”
“ผมไม่คุยกับพี่แล้ว” เขาเมินหน้าหนี
“โถ่ อย่าใจร้ายสิครับ” ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นถือจานไปล้างแล้วตามมาช่วยเขาเช็ดโต๊ะ เขาไม่ได้พูดอะไรอุ้มไอ้ตัวเล็กขึ้นห้องทันที อีกฝ่ายเดินตามเขามาต้อยๆ “ใบบุญ พี่ไม่แกล้งแล้วววว”
“คนทะลึ่งเราไม่ให้เข้าห้องหรอกเนอะตัวเล็ก”
“เมี๊ยวววววววววว” ยิ่งได้ยินเสียงร้องเหมือนดีใจนักหนาของเจ้าแมวตัวแสบ ชายหนุ่มก็อยากจะจับมันใส่กรงขังเอาไว้จริงๆ หรือว่าเขาจะเอาไปฝากไว้กับหิรัญดี
“ถ้าไม่อาบน้ำไม่ให้ขึ้นเตียงนะครับ”
“เรามีนัดดูหนังกันก่อนนอนนะ ใบบุญลืมพี่แล้วหรือครับ”
“จริงด้วยครับ เดี๋ยวอาบน้ำแล้วจะไปรอข้างล่างนะ” เด็กหนุ่มนึกขึ้นได้จึงขอตัวเข้าห้องไปก่อน เขามองตามหลังไปก่อนจะเดินคอตกเข้าห้องตัวเอง แทนที่จะได้เนียนไปห้องของคนรัก แต่ข้าวของดันกลับมาอยู่ที่เดิมทั้งหมดซะอย่างนั้น
ไม่เป็นไร เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกน่า!
โซฟายาวสีเทาตั้งอยู่หน้าโทรทัศน์แอลซีดีเครื่องใหญ่เขากับธัชธรรม์นั่งอยู่คนละฝั่งโดยมีไอ้ตัวเล็กนอนคั่นอยู่ตรงกลาง หนังสตาร์วอร์ฉายจบไปอีกภาคเขาหันไปมองคนตัวเล็กที่ผล็อยหลับไปแล้ว ค่อยๆสะกิดคนที่หลับคอพับคออ่อนให้ตื่น
“ใบบุญ”
“จบแล้วหรือครับ”
“จบแล้วครับ ไปนอนกันได้แล้วเนอะ” เขาบอกคนรัก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรก็รู้สึกเอ็นดูเหลือเกิน
“ฮื่อ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ใช่ไหม”
“ใช่” เขาตอบ “ไม่ต้องห่วงหรอกยังมีเวลานอนอีกเยอะน่า” เด็กหนุ่มซุกเข้าแผงอกหนาหาความอบอุ่น เขาสอดมือเข้าที่รองคอและข้อพับขาก่อนจะอุ้มขึ้น พาคนรักขึ้นไปนอนข้างบนปล่อยไอ้ตัวเล็กนอนเฝ้าบ้านอยู่ข้างล่างไปก็แล้วกัน!
“ฝันดีนะครับ” เขาจุมพิตที่หน้าผากขาวนวลเหมือนอย่างเคย ที่แน่ๆเด็กหนุ่มติดสัมผัสจากเขาแล้ว
“พี่ธัช” เด็กหนุ่มตาปรือปรอย มองคนรักที่กำลังยืนอยู่หน้าห้อง “จะไม่นอนกับหนูหรือ”
“พี่กลับไปนอนห้องตัวเองดีกว่า หมอนผ้าห่มอะไรเราก็เอาไปเก็บให้พี่หมดแล้วนี่” ใบบุญได้ยินก็ทำหน้ายู่ รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังตัดพ้อน้อยใจเขาขนาดไหน
“พี่ธัช งอนหรือครับ”
“พี่มีสิทธิ์งอนด้วยหรือครับ”
“ทำไมจะงอนไม่ได้ก็พี่เป็นแฟนของหนูนี่” เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายชอบให้แทนตัวแบบไหน ก็รีบอ้อนทำคะแนนไม่อยากให้ธัชธรรม์งอนนาน เพราะลำบากตอนง้อ
“ไม่เป็นไร พี่ไปนอนห้องพี่ดีกว่าครับ”
“พี่ธัช” เขาพูดเสียงเบา อีกฝ่ายหันมามอง “นอนกับใบบุญนะ”
“อย่ามาอ้อนให้มากนัก เดี๋ยวจะเจอดี”
“นะนะ”
“ใบบุญ.. คืนนี้พี่ว่าอย่าดีกว่า”
“ทุกทีก็ยังนอนได้เลย”
“วันนี้ไม่ได้” ธัชธรรม์ลูบหัวคนรัก เจ้าตัวจับมือเขาไปคลอเคลียกับแก้มขาว
“ใจร้าย โกรธอะไรหนูก็บอกสิ”
“ไม่ได้โกรธ” ธัชธรรม์อยากจะบอก แต่เขาก็ไม่อยากให้เด็กหนุ่มมองเขาไม่ดี คิดว่าเขาอยากจะนอนกอดอีกฝ่ายเฉยๆหรือยังไงกัน “นอนได้แล้วนะครับ คนดี”
“…” เจ้าตัวทำแก้มพองลมไม่พอใจเขาอย่างเห็นได้ชัด “วันนี้หนูดูLIVEที่พี่ธัชร้องเพลงด้วย”
“เป็นไง ชอบไหม”
“เท่มาก” ชูนิ้วโป้งให้ชายหนุ่มก่อนจะยิ้มหวานให้ ไม่อยากบอกธัชธรรม์ว่าเขาดูไปเขินไป แทบจิกหมอนขาดอยู่แล้ว
“ดีจัง”
“แต่หนูหวง ทำไมพี่ต้องน่ารักกับคนอื่นด้วย”
“ที่พี่ร้องเพลง พี่ยิ้ม พี่ถ่ายรูปกับแฟนคลับเพราะมันเป็นงาน” เขาเกลี่ยแก้มขาวของคนรัก มองคนตัวเล็กที่อยู่ๆก็งอแง “หนูก็รู้”
“อือ รู้แต่มันอดไม่..อื้อ”
“แต่พี่ทำแบบนี้กับใบบุญคนเดียว..” ชายหนุ่มค่อยๆบดจูบร้อนลงทาบทับริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มที่ชอบพูดเจื้อยแจ้ว อีกฝ่ายส่งลิ้นเข้ามาเงอะงะจนเขาต้องนำทาง กระหวัดเกี่ยวเรียกร้องให้ความต้องการภายในใจลุกโชน
“อ๊ะ.. อื๊อ” มือขาวสอดขึ้นคล้องรอบลำคอชายหนุ่มที่อยู่ด้านบน โดนปล้นจูบจนตาลายไปหมดแล้ว “พะพี่”
“ครับ?” ธัชธรรม์ยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ในความมืด เขาสอดมือหนาเข้าไปในชุดนอนลายหมีพูห์ของอีกฝ่าย ยอดอกสีหวานถูกเขาฉกชิมดูดดึงจนอีกฝ่ายกลั้นเสียงครางไม่ไหว บิดเร่าอยู่ในอ้อมกอดเขา ดวงตาคมเข้มฉายแววไปด้วยความต้องการเขามองเหยื่อตัวน้อยที่กำลังถูกล่อลวง
“ไม่ไหวแล้ว” เสื้อชุดนอนถูกเลิกขึ้นไปกองรอบคอ เขาขบเม้มอกขาวจนขึ้นสี ใบบุญส่ายหัวใหญ่จนเขาต้องขึ้นไปจูบปลอบ “มันรู้สึกแปลกๆ”
“พี่จะทำเบาๆ” เขาบอกก่อนจะก้มลงหยอกล้อกับยอดอกสีหวานอีกครั้ง เด็กหนุ่มครางเครือเริ่มบดเบียดเข้าหาเขามากขึ้น “ใบบุญ.. ไหวนะ?”
“ถ้าทำเบาๆ หนูก็ไหว..”
“ฮึ่ม!” เขาขบอารมณ์พลุ่งพล่าน อยากจะทะนุถนอมคนรักให้มากกว่านี้ “พี่สัญญา”
“อื้อ!” กางเกงนอนขายาวของใบบุญถูกรูดรั้งลงไปกรอมข้อเท้าขาว ชายหนุ่มยกเรียวขาขาวจัดพาดที่ไหล่หนา เขามองภาพต้องหน้าก่อนจะกดข่มอารมณ์รวดร้าว ส่งนิ้วพร้อมเจลหล่อลื่นเข้าไปเบิกทางไว้ก่อน เด็กหนุ่มกระตุกเฮือกผวากอดเขาแน่น
“ไม่ต้องกลัวนะครับ”
“อื้อ” ใบบุญพยักหน้าก่อนจะเอนตัวลงนอนราบไปกับเตียง ชายหนุ่มค่อยๆส่งนิ้วหนาเข้าไปเชื่องช้า พรมจูบไปตามใบหน้าขาวที่มีเหงื่อชื้น สูดกลิ่นสบู่หอมอ่อนๆที่เขาชอบได้กลิ่นเวลาเจ้าตัวเดินผ่านอยู่ในบ้าน “หนู.. เสียว”
“ตรงนี้ใช่ไหม”
“อ๊า!” อกขาวแอ่นขึ้นสูงเมื่อถูกสัมผัสจุดอ่อนไหว น้ำตาคลอหน่วยรื้นขึ้นมาทันทีเมื่อชายหนุ่มสัมผัสจนเกือบถึงจุดฝั่งฝันแต่กลับหยุดมือเสียก่อน “อะ เอาอีก”
“ได้ครับที่รัก” เขายิ้มรับก่อนจะยกตัวเด็กหนุ่มขึ้นนั่งหันหน้าเข้าหาเขา ใบบุญเขินอายหน้าแดงก่ำไม่กล้าสบตาจนเขาต้องปล้นจูบอีกรอบ หลังจากดูดกลืนลมหายใจจนขาดห้วง เขาใช้มือรูดรั้งส่วนอ่อนไหวของเด็กหนุ่มไปด้วย “พร้อมนะ”
“อื้อ!” ใบบุญมองมาที่เขาด้วยดวงตาหวานฉ่ำ เต็มตื้นไปด้วยความรักแม้ไม่มีคำพูดใดๆเอ่ยออกมา ธัชธรรม์เอนร่างคนรักให้นอนอยู่ในท่าที่สบาย ค่อยๆดุนดันส่วนใหญ่โตเข้าสู่ช่องทางคับแคบที่โอบล้อมเขาทุกทาง ชายหนุ่มกัดฟันแน่น เขาพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ตัวเองเผลอทำรุนแรง ค่อยๆขยับสะโพกเชื่องช้าให้คนรักได้ปรับตัว เสียงหอบครางสลับเสียงเตียงกระทบชวนให้อารมณ์ลุกโชน ชายหนุ่มจับสะโพกขาวจัดของคนรักเอาไว้ก่อนจะส่งหยาดเชื้อเข้าไปจนสุดทาง
“ดีไหม?” เขาถามก่อนจะรั้งคนตัวเล็กให้นั่งบนตัวเขาแทน สองมือดันอกเข้าเอาไว้ก่อนจะมองเขาอย่างงุนงง ใบบุญหลีกเลี่ยงการตอบคำถามของเขา แต่มีหรือคนอย่างธัชธรรม์จะยอม
“อื้อ”
“ไม่พูด.. พี่ก็ไม่รู้นะ” เขาค่อยๆดุนดันแก่นกายที่พร้อมรบอีกรอบ แม้เด็กหนุ่มจะมีท่าทางเงอะงะแต่ก็ทาบทับลงมาเชื่องช้า กลืนกินของเขาเข้าไปจนหมด ใบบุญสั่นระริกไปทั้งตัวไม่กล้าขยับเขยื้อนเพราะรู้สึกแน่น เขากัดฟันมองคนที่นอนเอามือรองต้นคอสายตาร้ายกาจที่สุด!
“ใครเขาพูดกันล่ะ หนูเขินนะ”
“ฮ่าๆ” เขาเห็นคนแบะปากก็เอื้อมมาฟัดแก้มขาวด้วยความเอ็นดู “สงสัยวันนี้คงต้องทำให้เขินหลายๆรอบ” ไม่พูดเปล่าก่อนจะกระทุ้งสะโพกจนเด็กหนุ่มครางเครือ กำปั้นเล็กๆทุบเข้าที่อกอย่างไม่แรงนัก
“พี่ธัชบ้าที่สุดเลยยย!” เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกันก่อนที่เพลงรักจะเริ่มบรรเลงเพลงต่อไป..
ท่ามกลางบรรยากาสที่อบอวลไปด้วยความรัก ด้านนอกฝนกำลังตกอย่างหนักจนกระทั่งเสียงก็ไม่อาจจะทำให้ชายหนุ่มทั้งสองหลุดออกจากภวังค์ได้ เสียงวิบวับกระพริบถี่อยู่ในความมืด โทรศัพท์มือถือที่ใบบุญวางลืมเอาไว้ในห้องรับแขกสั่นครือคราดอยู่บนโต๊ะก่อนหน้าจอจะดับลงพร้อมข้อความที่เด้งขึ้นมา
‘พรุ่งนี้ว่างไหมครับ.. พี่อยากเจอ-พี่โชกุน’

หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 16 ] 14-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 14-02-2019 10:51:16
ต่อด้านบน



       “พี่ธัช!” เขาหัวเราะ ปวดหัวกับทั้งคู่! “อย่าไปทะเลาะกับแมวสิครับ”

       “ดูมันสิ มันไม่อยากให้พี่เข้าใกล้ใบบุญชัดๆ” ชายหนุ่มมองตัวเล็กด้วยสายตาคาดโทษ รอใบบุญเผลอก่อน เขาจะเอามันไปปล่อยให้เข็ด!

      “กับแมวก็หึงด้วยหรือครับ”

       “หึงหมด พี่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับแฟนพี่”

       “อยู่ข้างนอกอย่าไปพูดแบบนี้เลยนะครับ” เขาบอก รีบดันแฟนตัวเองให้ลงไปด้านล่าง

       “ทำไมพี่จะพูดไม่ได้”

       “ก็พี่ธัชเริ่มมีชื่อเสียงมีแฟนคลับ มันคงจะไม่ดีถ้าเขารู้ว่าพี่มีแฟนแล้ว”

      “พี่เข้าใจ พี่คุยกับเฮียแล้ว” ชายหนุ่มถอนหายใจ เขารู้ว่าเข้ามาในวงการพอเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้างจะทำอะไรก็มีแต่คนจับตามอง “ถ้ามีปัญหามากก็ไม่ต้องร้องไม่ต้องออกงาน ทำงานเบื้องหลังก็ได้”

      “แต่ว่า”

       “ไม่ต้องมากังวลแทนพี่ พี่สิต้องไม่ทำให้เราเป็นกังวล ทำไมพี่ต้องคบกับใบบุญแบบหลบๆซ่อนๆด้วยวะ” เขาเผลอสบถ จนอีกฝ่ายมองเขาด้วยสายตาอ่อนอกอ่อนใจ

      “แต่มันเป็นโอกาสที่พี่ได้ ผมไม่อยากให้พี่เสียโอกาสไป”

      “ใช่ พี่เคยอยากมายืนตรงจุดนี้” เขาบอก “แต่พี่ก็เสียโอกาสที่จะอยู่กับใบบุญมานานแล้ว ถ้าเขาชอบผลงานของพี่เขาจะต้องยอมรับพี่ต้องนี้ให้ได้”

      “เรื่องนี้.. เราค่อยคุยกันดีกว่าครับ” เขาเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง ชายหนุ่มถอนหายใจ

       “เฮ้อ พี่ไม่อยากให้เรากังวล เข้าใจพี่เถอะนะ”

       “โอเคไปกินข้าวกันก่อนนะครับ” เขาจับจูงมือหนาเดินลงไปชั้นล่าง ชายหนุ่มไม่พูดอะไรเพียงแต่ประชับมือให้แน่นขึ้น นั่นถือว่าเป็นคำตอบที่ดีสำหรับเขาแล้ว

        เขาทำผัดกระเพราทะเลราดไข่ดาวอย่างที่เจ้าตัวชอบ ธัชธรรม์ชอบกินอาหารทะเลมาก โดยเฉพาะปลาหมึก สมัยก่อนที่พ่อยังอยู่บ้านเดียวกันพวกเขาชอบไปทะเล และธัชธรรม์ก็มักจะชวนเขาไปดูพ่อตกหมึกด้วยกันเสมอ จะว่าไปเขาก็ไม่ได้ไปเที่ยวกับธัชธรรม์นานแล้วเหมือนกัน

       “มองพี่กินก็อิ่มหรือไง กินเยอะๆเลยนะ”

       “แค่มองพี่กิน ผมก็อิ่มแล้ว” เขาตอบก่อนจะยิ้มหวานใส่

       “ไม่ได้ ต้องกินให้เยอะกว่านี้นะ”

       “จะขุนให้ผมอ้วนหรือครับ”

       “ดี.. เต็มไม้เต็มมือดี พี่ชอบนะ”

        “คนทะลึ่ง!” เขาพูดเสียงดัง เมื่อไหร่ธัชธรรม์จะเลิกรุ่มร่ามกับเขาสักที “ไม่บ้ากามสักวันจะตายไหม”

        “พี่คงขาดใจตายแน่ๆเลย”

        “ผมไม่คุยกับพี่แล้ว” เขาเมินหน้าหนี

        “โถ่ อย่าใจร้ายสิครับ” ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นถือจานไปล้างแล้วตามมาช่วยเขาเช็ดโต๊ะ เขาไม่ได้พูดอะไรอุ้มไอ้ตัวเล็กขึ้นห้องทันที อีกฝ่ายเดินตามเขามาต้อยๆ “ใบบุญ พี่ไม่แกล้งแล้วววว”

       “คนทะลึ่งเราไม่ให้เข้าห้องหรอกเนอะตัวเล็ก”

       “เมี๊ยวววววววววว” ยิ่งได้ยินเสียงร้องเหมือนดีใจนักหนาของเจ้าแมวตัวแสบ ชายหนุ่มก็อยากจะจับมันใส่กรงขังเอาไว้จริงๆ หรือว่าเขาจะเอาไปฝากไว้กับหิรัญดี

       “ถ้าไม่อาบน้ำไม่ให้ขึ้นเตียงนะครับ”

       “เรามีนัดดูหนังกันก่อนนอนนะ ใบบุญลืมพี่แล้วหรือครับ”

       “จริงด้วยครับ เดี๋ยวอาบน้ำแล้วจะไปรอข้างล่างนะ” เด็กหนุ่มนึกขึ้นได้จึงขอตัวเข้าห้องไปก่อน เขามองตามหลังไปก่อนจะเดินคอตกเข้าห้องตัวเอง แทนที่จะได้เนียนไปห้องของคนรัก แต่ข้าวของดันกลับมาอยู่ที่เดิมทั้งหมดซะอย่างนั้น

       ไม่เป็นไร เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกน่า!

       โซฟายาวสีเทาตั้งอยู่หน้าโทรทัศน์แอลซีดีเครื่องใหญ่เขากับธัชธรรม์นั่งอยู่คนละฝั่งโดยมีไอ้ตัวเล็กนอนคั่นอยู่ตรงกลาง หนังสตาร์วอร์ฉายจบไปอีกภาคเขาหันไปมองคนตัวเล็กที่ผล็อยหลับไปแล้ว ค่อยๆสะกิดคนที่หลับคอพับคออ่อนให้ตื่น

       “ใบบุญ”

       “จบแล้วหรือครับ”

       “จบแล้วครับ ไปนอนกันได้แล้วเนอะ” เขาบอกคนรัก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรก็รู้สึกเอ็นดูเหลือเกิน

       “ฮื่อ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ใช่ไหม”

       “ใช่” เขาตอบ “ไม่ต้องห่วงหรอกยังมีเวลานอนอีกเยอะน่า” เด็กหนุ่มซุกเข้าแผงอกหนาหาความอบอุ่น เขาสอดมือเข้าที่รองคอและข้อพับขาก่อนจะอุ้มขึ้น พาคนรักขึ้นไปนอนข้างบนปล่อยไอ้ตัวเล็กนอนเฝ้าบ้านอยู่ข้างล่างไปก็แล้วกัน!

       “ฝันดีนะครับ” เขาจุมพิตที่หน้าผากขาวนวลเหมือนอย่างเคย ที่แน่ๆเด็กหนุ่มติดสัมผัสจากเขาแล้ว

       “พี่ธัช” เด็กหนุ่มตาปรือปรอย มองคนรักที่กำลังยืนอยู่หน้าห้อง “จะไม่นอนกับหนูหรือ”

       “พี่กลับไปนอนห้องตัวเองดีกว่า หมอนผ้าห่มอะไรเราก็เอาไปเก็บให้พี่หมดแล้วนี่” ใบบุญได้ยินก็ทำหน้ายู่ รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังตัดพ้อน้อยใจเขาขนาดไหน

       “พี่ธัช งอนหรือครับ”

       “พี่มีสิทธิ์งอนด้วยหรือครับ”

       “ทำไมจะงอนไม่ได้ก็พี่เป็นแฟนของหนูนี่” เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายชอบให้แทนตัวแบบไหน ก็รีบอ้อนทำคะแนนไม่อยากให้ธัชธรรม์งอนนาน เพราะลำบากตอนง้อ

       “ไม่เป็นไร พี่ไปนอนห้องพี่ดีกว่าครับ”

       “พี่ธัช” เขาพูดเสียงเบา อีกฝ่ายหันมามอง “นอนกับใบบุญนะ”

       “อย่ามาอ้อนให้มากนัก เดี๋ยวจะเจอดี”

       “นะนะ”

       “ใบบุญ.. คืนนี้พี่ว่าอย่าดีกว่า”

       “ทุกทีก็ยังนอนได้เลย”

       “วันนี้ไม่ได้” ธัชธรรม์ลูบหัวคนรัก เจ้าตัวจับมือเขาไปคลอเคลียกับแก้มขาว

       “ใจร้าย โกรธอะไรหนูก็บอกสิ”

       “ไม่ได้โกรธ” ธัชธรรม์อยากจะบอก แต่เขาก็ไม่อยากให้เด็กหนุ่มมองเขาไม่ดี คิดว่าเขาอยากจะนอนกอดอีกฝ่ายเฉยๆหรือยังไงกัน “นอนได้แล้วนะครับ คนดี”

       “…” เจ้าตัวทำแก้มพองลมไม่พอใจเขาอย่างเห็นได้ชัด “วันนี้หนูดูLIVEที่พี่ธัชร้องเพลงด้วย”

       “เป็นไง ชอบไหม”

       “เท่มาก” ชูนิ้วโป้งให้ชายหนุ่มก่อนจะยิ้มหวานให้ ไม่อยากบอกธัชธรรม์ว่าเขาดูไปเขินไป แทบจิกหมอนขาดอยู่แล้ว

       “ดีจัง”

       “แต่หนูหวง ทำไมพี่ต้องน่ารักกับคนอื่นด้วย”

       “ที่พี่ร้องเพลง พี่ยิ้ม พี่ถ่ายรูปกับแฟนคลับเพราะมันเป็นงาน” เขาเกลี่ยแก้มขาวของคนรัก มองคนตัวเล็กที่อยู่ๆก็งอแง “หนูก็รู้”
 
       “อือ รู้แต่มันอดไม่..อื้อ”

       “แต่พี่ทำแบบนี้กับใบบุญคนเดียว..” ชายหนุ่มค่อยๆบดจูบร้อนลงทาบทับริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มที่ชอบพูดเจื้อยแจ้ว อีกฝ่ายส่งลิ้นเข้ามาเงอะงะจนเขาต้องนำทาง กระหวัดเกี่ยวเรียกร้องให้ความต้องการภายในใจลุกโชน

       “อ๊ะ.. อื๊อ” มือขาวสอดขึ้นคล้องรอบลำคอชายหนุ่มที่อยู่ด้านบน โดนปล้นจูบจนตาลายไปหมดแล้ว “พะพี่”

       “ครับ?” ธัชธรรม์ยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ในความมืด เขาสอดมือหนาเข้าไปในชุดนอนลายหมีพูห์ของอีกฝ่าย ยอดอกสีหวานถูกเขาฉกชิมดูดดึงจนอีกฝ่ายกลั้นเสียงครางไม่ไหว บิดเร่าอยู่ในอ้อมกอดเขา ดวงตาคมเข้มฉายแววไปด้วยความต้องการเขามองเหยื่อตัวน้อยที่กำลังถูกล่อลวง

       “ไม่ไหวแล้ว” เสื้อชุดนอนถูกเลิกขึ้นไปกองรอบคอ เขาขบเม้มอกขาวจนขึ้นสี ใบบุญส่ายหัวใหญ่จนเขาต้องขึ้นไปจูบปลอบ “มันรู้สึกแปลกๆ”

       “พี่จะทำเบาๆ” เขาบอกก่อนจะก้มลงหยอกล้อกับยอดอกสีหวานอีกครั้ง เด็กหนุ่มครางเครือเริ่มบดเบียดเข้าหาเขามากขึ้น “ใบบุญ.. ไหวนะ?”

       “ถ้าทำเบาๆ หนูก็ไหว..”

       “ฮึ่ม!” เขาขบอารมณ์พลุ่งพล่าน อยากจะทะนุถนอมคนรักให้มากกว่านี้ “พี่สัญญา”

       “อื้อ!” กางเกงนอนขายาวของใบบุญถูกรูดรั้งลงไปกรอมข้อเท้าขาว ชายหนุ่มยกเรียวขาขาวจัดพาดที่ไหล่หนา เขามองภาพต้องหน้าก่อนจะกดข่มอารมณ์รวดร้าว ส่งนิ้วพร้อมเจลหล่อลื่นเข้าไปเบิกทางไว้ก่อน เด็กหนุ่มกระตุกเฮือกผวากอดเขาแน่น

       “ไม่ต้องกลัวนะครับ”

       “อื้อ” ใบบุญพยักหน้าก่อนจะเอนตัวลงนอนราบไปกับเตียง ชายหนุ่มค่อยๆส่งนิ้วหนาเข้าไปเชื่องช้า พรมจูบไปตามใบหน้าขาวที่มีเหงื่อชื้น สูดกลิ่นสบู่หอมอ่อนๆที่เขาชอบได้กลิ่นเวลาเจ้าตัวเดินผ่านอยู่ในบ้าน “หนู.. เสียว”

        “ตรงนี้ใช่ไหม”

        “อ๊า!” อกขาวแอ่นขึ้นสูงเมื่อถูกสัมผัสจุดอ่อนไหว น้ำตาคลอหน่วยรื้นขึ้นมาทันทีเมื่อชายหนุ่มสัมผัสจนเกือบถึงจุดฝั่งฝันแต่กลับหยุดมือเสียก่อน “อะ เอาอีก”

        “ได้ครับที่รัก” เขายิ้มรับก่อนจะยกตัวเด็กหนุ่มขึ้นนั่งหันหน้าเข้าหาเขา ใบบุญเขินอายหน้าแดงก่ำไม่กล้าสบตาจนเขาต้องปล้นจูบอีกรอบ หลังจากดูดกลืนลมหายใจจนขาดห้วง เขาใช้มือรูดรั้งส่วนอ่อนไหวของเด็กหนุ่มไปด้วย “พร้อมนะ”

       “อื้อ!” ใบบุญมองมาที่เขาด้วยดวงตาหวานฉ่ำ เต็มตื้นไปด้วยความรักแม้ไม่มีคำพูดใดๆเอ่ยออกมา ธัชธรรม์เอนร่างคนรักให้นอนอยู่ในท่าที่สบาย ค่อยๆดุนดันส่วนใหญ่โตเข้าสู่ช่องทางคับแคบที่โอบล้อมเขาทุกทาง ชายหนุ่มกัดฟันแน่น เขาพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ตัวเองเผลอทำรุนแรง ค่อยๆขยับสะโพกเชื่องช้าให้คนรักได้ปรับตัว เสียงหอบครางสลับเสียงเตียงกระทบชวนให้อารมณ์ลุกโชน ชายหนุ่มจับสะโพกขาวจัดของคนรักเอาไว้ก่อนจะส่งหยาดเชื้อเข้าไปจนสุดทาง

       “ดีไหม?” เขาถามก่อนจะรั้งคนตัวเล็กให้นั่งบนตัวเขาแทน สองมือดันอกเข้าเอาไว้ก่อนจะมองเขาอย่างงุนงง ใบบุญหลีกเลี่ยงการตอบคำถามของเขา แต่มีหรือคนอย่างธัชธรรม์จะยอม

       “อื้อ”

      “ไม่พูด.. พี่ก็ไม่รู้นะ” เขาค่อยๆดุนดันแก่นกายที่พร้อมรบอีกรอบ แม้เด็กหนุ่มจะมีท่าทางเงอะงะแต่ก็ทาบทับลงมาเชื่องช้า กลืนกินของเขาเข้าไปจนหมด ใบบุญสั่นระริกไปทั้งตัวไม่กล้าขยับเขยื้อนเพราะรู้สึกแน่น เขากัดฟันมองคนที่นอนเอามือรองต้นคอสายตาร้ายกาจที่สุด!

       “ใครเขาพูดกันล่ะ หนูเขินนะ”

       “ฮ่าๆ” เขาเห็นคนแบะปากก็เอื้อมมาฟัดแก้มขาวด้วยความเอ็นดู “สงสัยวันนี้คงต้องทำให้เขินหลายๆรอบ” ไม่พูดเปล่าก่อนจะกระทุ้งสะโพกจนเด็กหนุ่มครางเครือ กำปั้นเล็กๆทุบเข้าที่อกอย่างไม่แรงนัก

       “พี่ธัชบ้าที่สุดเลยยย!” เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกันก่อนที่เพลงรักจะเริ่มบรรเลงเพลงต่อไป..

        ท่ามกลางบรรยากาสที่อบอวลไปด้วยความรัก ด้านนอกฝนกำลังตกอย่างหนักจนกระทั่งเสียงก็ไม่อาจจะทำให้ชายหนุ่มทั้งสองหลุดออกจากภวังค์ได้ เสียงวิบวับกระพริบถี่อยู่ในความมืด โทรศัพท์มือถือที่ใบบุญวางลืมเอาไว้ในห้องรับแขกสั่นครือคราดอยู่บนโต๊ะก่อนหน้าจอจะดับลงพร้อมข้อความที่เด้งขึ้นมา

        ‘พรุ่งนี้ว่างไหมครับ.. พี่อยากเจอ-พี่โชกุน’



            TBC.

หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 17 ] 14-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 26-03-2019 20:33:48
Rhyme 17
   

        อากาศหลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืนเย็นชื้นกว่าปกติทำให้เขารู้สึกหนาวขึ้นเล็กน้อย รีบซุกเข้าหาไออุ่นของชายหนุ่มที่นอนกกกอดอยู่เคียงข้าง อ้อมแขนหนากระชับเข้าที่เอวก่อนจะรั้งเขาเข้าไปใกล้กว่าเดิม ใบบุญได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกดังขึ้นสม่ำเสมอจึงลืมตามองอีกฝ่าย ยกมือบางลูบไล้ปลายคางเกลี้ยงเกลาที่เขาเป็นคนโกนให้ ถึงวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่ใบบุญติดนิสัยตื่นเช้ามาดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน เขาโน้มหน้าขึ้นไปจูบแก้มสากแผ่วเบา ธัชธรรม์ลืมตามองเขาข้างนึงก่อนจะซุกเข้าหาเขาแน่น

        “ปล่อยก่อนนะครับ”

        “ขอนอนต่ออีกหน่อยนะ” เสียงแหบพร่าพร้อมกับแรงกอดที่มากขึ้น ทำให้เขาต้องยกมือขึ้นทุบเบาๆอย่างไม่แรงนัก เห้อ.. ต้องเป็นแบบนี้ทุกเช้าเลย ไม่ยอมให้เขาลุกไปไหนก่อน

        “ฮื่อ ไม่ได้แล้วครับ”

        “เมื่อคืนก็เหนื่อยไม่ใช่หรือ” คนเจ้าเล่ห์พูดทั้งที่ไม่ลืมตา ก็ใครล่ะที่ไม่ยอมหยุดสักที “ไหนๆวันนี้ก็ได้หยุดแล้วนะ”

        “พี่ธัชนอนไปก่อนแล้วกันครับ” เขาบอกก่อนจะปลดท่อนแขนหนาออกจากตัว ค่อยๆพาร่างอ่อนแรงของตัวเองลงไปข้างล่าง แค่ลงบันไดช่วงสะโพกเขาก็ปวดร้าวไปหมด ทั้งเขินทั้งอยากจะทุบคนที่นอนอยู่ในห้องให้เข็ด!

        “วางโทรศัพท์ไว้ไหนนะ” ใบบุญเดินหาก่อนจะเจอมันวางไว้ในห้องรับแขกพอดี เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าเป็นใครก่อนจะพิมข้อความตอบกลับไป ชวดลไม่ได้ติดต่อกับเขามาสักพักแล้วเพราะมัวแต่ยุ่งกับเรื่องเรียนที่จะต้องเตรียมตัวไปฝึกงาน ไม่รู้อีกฝ่ายมีธุระอะไรกันแน่

   จะมีอะไรหรือเปล่านะ?

   ตอบกลับไปได้ไม่นานโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขากดรับอย่างรวดเร็วก่อนจะกรอกน้ำเสียงสุภาพลงไป ชายหนุ่มได้ฟังก็ส่งเสียงหัวเราะมาตามสาย

   “เราไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้วนะ พี่ก็ต้องคิดถึงเป็นธรรมดาสิ”

        “แค่อาทิตย์กว่าๆเองครับพี่โช” เขาตอบ

        “เราต้องหาเวลามาเจอพี่บ้างนะ”

        “ช่วงนี้ก็พอจะเจอได้อยู่ครับ” เขากำลังนึกว่าช่วงนี้มีงานด่วนอะไรไหม เขาก็อาจจะปลีกเวลาไปได้เป็นบางวัน “พี่โชจะให้ไปเจอที่ไหนดีครับ”

        “เดี๋ยวพี่ไปรับเราที่คณะเหมือนเดิมก็ได้ครับ”

        “เอ่อ ผมว่าเราไปเจอกันข้างนอกก็ได้ครับ พี่โชนัดมาเลยดีกว่า” ใบบุญลืมนึกไปเลยว่าธัชธรรม์อยู่ด้วยแทบจะตลอดเวลา ถ้าหากคนรักรู้ว่าเขายังติดต่อกับชวดลจะต้องมีปัญหาแน่ๆ

        “กลัวใครเห็นหรือครับ”

        “ไม่มีสักหน่อยครับ!” เขายืนยันเสียงแข็งจนอีกฝ่ายหลุดขำ

        “ฮ่าๆ พรุ่งนี้พี่จะบอกอีกทีแล้วกันว่าจะเจอที่ไหน”

        “ครับ แล้วเจอกันนะครับ” เขาวางสายก่อนจะถอนหายใจ ไม่อยากจะคิดสภาพถ้าหากชวดลมารับเขาที่คณะจะเกิดอะไรขึ้น ธัชธรรม์คงไม่ยอมเด็ดขาด เขาไม่อยากทะเลาะกับแฟน!

        “ตัวเล็กหิวหรือยัง”

        “เมี๊ยวววววววววว” อุ้มเจ้าแมวที่เมื่อคืนโดนไล่ออกมานอนนอกห้อง มันประท้วงด้วยการขบเขาเบาๆก่อนจะร้องเรียกเสียงดัง เขาหัวเราะแกมสงสารก่อนจะลูบปลายคางจนมันเคลิ้มหลับตาพริ้มคลอเคลียไปมา

        นึกถึงชายหนุ่มที่โทรเข้ามาหาเมื่อครู่ เขารู้ว่าชวดลยังมีความหวังเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนแต่เขาไม่อาจบอกความจริงได้ว่าตัวเองเป็นใคร ทั้งคำพูดและการแสดงออกทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีกับชายหนุ่มขึ้นมา บางทีเขาอาจจะคิดมากไปก็ได้..

        ‘คนในรูปนี้เขาเป็นใครหรือครับ..’ เขาถามชวดลก่อนที่อีกฝ่ายจะหันไปมองที่รูปถ่าย ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนมาจับข้อมือเขาเอาไว้แน่น ไม่ได้ตอบคำถามในทันที เขาจับได้ในน้ำเสียงที่กระตุกไปครู่หนึ่งและแววตาสั่นไหว

        ‘คุณอาเอกเป็นน้องชายของคุณพ่อพี่เองครับ’

        ‘แล้วตอนนี้..คุณอาเอก’ เขาถามซ้ำ

        ‘เขาเสียชีวิตไปหมดแล้วล่ะ.. ทั้งบ้านเลย’

        ‘ผมเสียใจด้วยนะครับ ยังอายุน้อยๆแท้ๆ’

        ‘น่าสงสารจริงๆนะ ทั้งพ่อแม่ลูกไม่มีใครรอดเลย’

        ‘มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ’

        ‘มีโจรบุกปล้นแล้วก็ฆ่าปิดปากยกครัว เป็นคดีที่ดังมากเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน คุณพ่อพี่เสียใจมาก ใครจะไปคิดล่ะว่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของน้องชายตัวเอง’ เขาสังเกตเห็นชายหนุ่มหลุบตามองไปทางอื่น

        ‘ไม่มีใครรอดเลยหรือครับ’

        ‘ไม่มี’

        ‘ละแล้ว..’ เขากำลังถามถึงน้องชายของคุณลุงอีกคนที่อยู่ในรูป แต่กลับได้สายตาเย็นเยียบของชวดลกลับมา เขาเม้มปากแน่นไม่คิดจะถามมากไปกว่านี้.. ถ้าเขาคือคนที่รอดชีวิตจากคดีนั้นจริงๆ ทายาทที่มีสายเลือดเดียวกันเช่นกันอย่างเขาทำไมถึงถูกทำให้หายไป ถ้าไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวแล้วมันจะเป็นเรื่องอะไรไปได้ เขาไม่อยากจะคิดไปเองเลย เขารู้อยู่เต็มอก.. เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใครต่อให้เป็นพี่น้องกันก็ตาม แต่ลึกๆแล้วเขาไม่อยากเชื่อว่ามันเกิดจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน

        อาจจะมีอะไรมากกว่านี้ก็ได้.. เขาไม่อยากฝังใจเชื่อกับสมมติฐานของตัวเอง แต่คำของมารดาที่ย้ำเตือนไม่ให้เขาเข้ามายุ่งที่บ้านหลังนี้ยิ่งทำให้เขาอยากรู้ความจริง เขาจำเป็นจะต้องเข้าใกล้ขวดลให้มากกว่านี้..

        “ทำอะไรอยู่น่ะ” เสียงเรียกของคนรักทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเจอชายหนุ่มที่เปลือยท่อนบน ส่วนช่วงล่างมีแค่กางเกงบ้อคเซอร์ตัวเดียวสวมอยู่

        “พี่ธัช”

        “มานั่งเล่นกับไอ้ตัวเล็กอยู่ตรงนี้เอง มาเล่นกับพี่ดีกว่า” เขาเดินเข้าไปสวมกอดคนรักที่กำลังหน้าซีด นิ้วโป้งหนาลูบแก้มใสเบาๆ หรือว่าเมื่อคืนเขาจะทำมากไปกันนะ

        “พอเลย เล่นอะไรกันครับ” ดันคนตัวโตที่ชอบเข้ามาคลอเคลียให้ถอยออกไป ดูเสื้อผ้าที่ใส่สิ แบบนี้แล้วเขาจะมองตรงไหนได้ “ไปอาบน้ำก่อนเถอะครับ เดี๋ยวทำอะไรให้กินนะ”

        “เดี๋ยวไอ้ฮันกับกรจะมาหา พี่จะให้พวกนั้นซื้ออะไรเข้ามาเลยแล้วกัน เราไม่ต้องทำหรอกพี่กลัวเราเหนื่อย” ธัชธรรม์เรียกคะแนนด้วยการเอาอกเอาใจคนรักเป็นพิเศษ เด็กหนุ่มถลึงตามอง

        “ผมก็ทำของผมมาตั้งนานแล้ว เพิ่งจะมากลัวเหนื่อยหรือครับ”

        “ไม่ได้ ตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้นนี่ครับ”

        “ฮื่อ ตามใจ” หลบจูบเป็นพัลวันเพราะอีกฝ่ายรวบเขาได้เมื่อไหร่ก็จะชอบฟัดทุกที ไม่รู้เป็นอะไรของเขา!

        “เมี๊ยวววววววว!”

        “ลืมไอ้ตัวเล็กเลยไปสนิทเลย เดี๋ยวผมมานะครับ”

        “ไอ้แมวผี” ชายหนุ่มมองคนรักที่ผละออกไปดูเจ้าตัวแสบที่ร้องเรียกหิวข้าว เขาขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอยู่ในใจ อยากทำแมวย่างจริงว้อย!

        กว่ากรวีร์และหิรัญจะมาถึงที่บ้านก็ล่วงเลยไปช่วงบ่าย ใบบุญปวดหัวเพราะธัชธรรม์บ่นเป็นหมีกินผึ้ง เรื่องที่เขาใส่ใจไอ้ตัวเล็กมากกว่าแฟนตัวเอง และของที่ได้มาจากหิรัญคือของเจ้าแมวตัวแสบล้วนๆ ชายหนุ่มสองคนที่มาใหม่มองบรรยากาศที่เปลี่ยนไปจากที่เจอครั้งสุดท้ายแล้วมองหน้ากันด้วยความสงสัย ตั้งแต่วันเกิดของใบบุญที่กินเลี้ยงกันที่สตูดิโอพวกเขาก็ไม่เจอทั้งสองคนอีกเลยจนกระทั่งธัชธรรม์โทรชวนหิรัญมาที่บ้านเนี่ยแหละพวกเขาถึงได้รีบแจ้นมา

        นี่เขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า?

        “สงสัยวันนี้จะได้กินแมวย่าง” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับมองไปที่เจ้าตัวดีที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนตักแฟนตัวเอง ที่ตรงนั้นมันของข้า! “กูไปหาเตาก่อน”

        “เห้ย กับแมวก็ยังหึงหรือวะ”

        “ไม่ได้ มันเกินหน้าเกินตากูไปละ”

        “เอามาฝากไว้กับกูไหมล่ะ” หิรัญก็เลี้ยงแมวเปอร์เซียสีขาวตัวกลมเอาไว้เหมือนกัน เขารู้ว่าธัชธรรม์ไม่ค่อยชอบสัตว์เลี้ยงเท่าไหร่ ไอ้คนกลัวโดนแย่งความรักเอ๊ย หลงใบบุญจนหน้ามืดตามัวยังไม่รู้ตัวอีก “ฝากแค่ชั่วคราวเวลาไม่มีคนอยู่บ้านก็ได้”

        “กูยกให้เลย”

        “พี่ธัช!” ใบบุญมองคนรักด้วยสายตาดุ จนคนตัวโตต้องยอมลดเสียงลง “หนูอยากเลี้ยง”

        “ถ้ามันลำบากก็ไม่ต้องเลี้ยงหรอก” เขาเบนไปมองกระบะทราย ถ้วยชาม หมอนนอนและอุปกรณ์อีกมากมายที่หิรัญเอามาฝาก เขารู้สึกว่าไอ้ตัวเล็กมันจะเลื่อนตำแหน่งมาเท่าเทียมกับเขาแล้วนะ

        “เดี๋ยวนะ” กรวีร์มองเขาสลับกับธัชธรรม์ ชี้นิ้วไปมา “ไอ้บรรยากาศข้าวใหม่ปลามันนี่มันอะไรวะ”

        “ตกใจอะไรกร กูกับใบบุญก็เหมือนมึงกับไอ้ฮันนั่นแหละ”

        “จริงดิ!” เขาหันไปมองเพื่อนหน้าตาตื่นตกใจ “ไม่เห็นบอกกันเลย”

        “มึงก็ไม่บอกกูเรื่องพี่ฮันเหมือนกัน” ใบบุญยู่ปากใส่ ลึกๆก็อดน้อยใจเพื่อนไม่ได้ ถ้าธัชธรรม์ไม่บอกเขาก็ไม่รู้อีกฝ่ายจะปิดบังเขาไปอีกนานแค่ไหน ทั้งๆที่เป็นเพื่อนสนิทกันแท้ๆ

        “….” กรวีร์พูดไม่ออก ทำหน้ากระอักกระอ่วน ก่อนจะเกาหัวแกรก “ขอโทษนะมึง”

        “รวมหัวกันปิดบังทั้งคู่เลยใช่ไหมครับ”

        “ใบบุญพี่อธิบายได้นะ” หิรัญเห็นอย่างนั้นก็อยากจะช่วยอธิบาย

        “ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนเลยนะครับพี่ฮัน”
       
        “คือกูไม่อยากให้มึงไม่สบายใจ กลัวคิดว่ากูจะอยู่ข้างพี่ธัช” กรวีร์ตอบเสียงเบา จะไม่ให้กังวลได้ยังไง ลองใบบุญได้โกรธอะไรก็เอาไม่อยู่!

        “ไม่ว่าเรื่องอะไรกูก็อยากให้บอก มึงเป็นเพื่อนกูนะกร”

        “ขอโทษ” ชายหนุ่มโผเข้ากอดเพื่อนสนิทก่อนจะกอดแน่น “กูขอโทษ”

        “อื้อ เลิกขี้แยได้แล้ว ไปกอดแฟนมึงโน่น!” ใบบุญหัวเราะ เขาไม่ได้โกรธจริงจังอะไรอย่างนั้น อย่างน้อยคนที่เข้ามาช่วยดูแลมันอีกคนก็คือหิรัญ เขาสิจะต้องดีใจ “พี่ฮันมองตาเขียวปั๊ดแล้ว”

        “มากอดพี่ก็ได้จ้ะ”

        “ไม่!”

        “ง่ะ” หิรัญอยากจะเข้าไปกอดแฟนตัวเองบ้าง แต่เห็นสายตาของกรวีร์แล้วเขานั่งรอเฉยๆก็ได้ “พี่ก็อยากกอดบ้างนี่” โถ่.. ดุกว่านี้ก็ร็อตไวเลอร์แล้วนะที่รัก

        “ไปหาพี่ฮันได้แล้ว”

        “นี่กูต้องยกมึงให้พี่ธัชจริงๆใช่ไหม” กรวีร์หรี่สายตามองชายหนุ่มที่นั่งทำเป็นไม่สนใจแต่แอบฟังอยู่ทุกประโยค

        “ทำไมหรือ?” ใบบุญหันไปมองหน้าคนรักที่นั่งข้างเขา
       
        “ช่วยถนอมๆเพื่อนผมหน่อยนะครับพี่ธัช” ชายหนุ่มชี้เข้าที่ซอกคอ ใบบุญตกใจรีบยกโทรศัพท์ขึ้นส่องคอตัวเอง ก่อนจะเห็นผลงานที่ธัชธรรม์ทำเอาไว้ มันเป็นรอยแต้มสีชมพูจางๆ ถึงมันจะไม่ชัดมากแต่คนอื่นเขาก็ดูออกว่าเป็นรอยอะไร

        “พี่ธัช เอาอีกแล้วนะ!”

        “นิดหน่อยเองน่า” ธัชธรรม์รั้งคนตัวขาวเข้ามาใกล้ก่อนจะซุกซอกคอ ใบบุญตัวแข็งเกร็งนี่ชายหนุ่มลืมไปหรือเปล่าว่าเราไม่ได้อยู่กันสองคนนะ แอบเห็นสายตาล้อเลียนของคนที่นั่งตรงข้ามทำเขาหน้าร้อนไปหมด

        พี่ธัชนะพี่ธัช!

        เขาและกรวีร์ช่วยกันเอาอาหารสดไปใส่ตู้เย็นและเตรียมอุกรณ์ย่างบาร์บีคิวกินกัน กรวีร์วิดีโอคอลหาเฮียกิตอวดว่าพวกเขาแอบเฮียมาจัดปาร์ตี้ก่อนจะได้เสียงบ่นมาแทน เสียงหัวเราะดังร่วนอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านเพราะพวกเขากำลังเตรียมอุปกรณ์ทำอาหาร เขามองธัชธรรม์สวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูแล้วหลุดขำ มองๆไปแล้วก็น่ารักไปอีกแบบเหมือนกัน เด็กหนุ่มแอบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นแอบถ่ายคนรัก

        แชะ!

        “ทำอะไรครับ” ธัชธรรม์หันมามองคนรักที่ยืนอยู่ไม่ไกล สองมือรวบไปไว้ด้านหลังเหมือนซ่อนอะไรไว้

        “เปล่าสักหน่อย เดี๋ยวไปหมักหมูดีกว่า”

        “ใบบุญ.. แอบถ่ายพี่หรือครับ”

        “ฮื่อ รู้แล้วจะถามทำไมละครับ” เขาย่นคิ้ว เมื่ออีกฝ่ายมาขวางไม่ให้เขาเข้าครัว รู้ว่าเขาแอบถ่ายแล้วก็ยังจะถามอีก

   “ถ่ายอีกเยอะๆเลยสิ พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

        “จริงนะ”

         “อื้อ ถ้าจะให้ดีก็ลงอิสตราแกรมไปเลย” จู่ๆชายหนุ่มก็กดเสียงเข้ม 

        “สงสัยอาการคนขี้หึงกำเริบ” กรวีร์พูดก่อนจะทำเป็นไม่สนใจแล้วช่วยหิรัญจุดไฟลงเตาถ่าน “ก็ไอจีมึงไม่มีรูปพี่เขาเลยมีแต่รูปพี่โช”

        “พูดตรงๆก็ดีจะได้รู้ตัว ลบรูปมันออกให้หมดเลยนะ” ธัชธรรม์แบมือจะขอโทรศัพท์มาดู แต่คนตัวเล็กส่ายหัวรัว ยิ่งทำให้คนตัวโตไม่พอใจหนักเข้าไปอีก เขาไม่อยากจะทำรุนแรงอุ้มเข้าไปทำโทษในห้องนะ

        “ทุกรูปเลยหรือครับ”

        “ใช่ ห้ามเหลือไว้แม้แต่รูปเดียว”

        “ก็ได้ๆ” เขายู่ปาก มองคนขี้หึงที่อยู่ในชุดสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูยืนทำหน้าทะมึนอยู่ตรงหน้า เขากดลบไม่นานก็ยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้ธัชธรรม์ดู “ลบหมดแล้วนะครับ”

        “น่ารักที่สุด”

        “พี่ก็ด้วย ถ่ายรูปคู่กับผู้หญิงเยอะไปแล้วนะครับ” ใบบุญได้ทีเอาคืนบ้าง ทีธัชธรรม์ยังทำได้แต่กับเขาดันมาห้าม แบบนี้มันขี้โกงชัดๆ “เดี๋ยวเจอคนขี้หึงกว่าแล้วจะรู้สึก”

        “ถ้าเป็นใบบุญหึง.. พี่ยอมทั้งนั้น” ชายหนุ่มจุดยิ้ม มองคนตัวเล็กที่เริ่มจะอารมณ์เสียขึ้นมาบ้าง ยิ่งเห็นใบบุญทำท่าไม่พอใจเขาก็ยิ่งชอบ ใครจะไม่อยากให้แฟนทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของบ้างล่ะ

        “ไม่ต้องมาพูดดี”

        “อิจฉาโว๊ยยยย!” หิรัญที่กำลังนั่งจุดไฟโวยวายขึ้นมา มือขาวเขาเต็มไปด้วยรอยเปื้อนเปรอะจากเตาถ่าน ใครใช้ให้คุณชายอย่างเขามาทำงานอย่างนี้เล่า เละเทะแล้วอย่ามาว่ากันนะ!

        “เลิกแหกปาก แล้วไปอ้อนเมียมึงนู่น”

        “อ้อนแข้งแทนน่ะสิวะ เมียกูไม่อ่อนโยนเลย” หิรัญบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะถอนหายใจ เห็นเพื่อนมันสวีทกับแฟนทีไรเขาต้องตาร้อนผ่าวทุกที

        “พี่ฮัน พูดแบบนี้ระวังจะโดนดี!”

        “ฮ่าๆ” ใบบุญและธัชธรรม์หลุดขำออกมาพร้อมกัน เห็นสองคนนั้นทะเลาะกันแล้วเขาก็อดอมยิ้มไม่ได้ ถึงจะตีกันบ่อยแค่ไหนแต่ตัวก็ไม่เคยห่างกันได้นานสักที พวกเขาช่วยกันทำอาหารง่ายๆก่อนจะย่างบาร์บีคิวกินด้วยกัน หิรัญจะสั่งเบียร์มาดื่มแต่เจอเขาเบรกไปก่อนเพราะไม่อยากเมาเหมือนคราวที่แล้ว คนรักที่นั่งอยู่เคียงข้างไม่ได้พูดอะไรเอาแต่ตักกับข้าวให้เขาจนพูนจาน สงสัยจะอยากให้เขาอ้วนขึ้นจริงๆ

        “กินเองด้วยสิครับพี่ธัช”

        “พี่อยากป้อนเรามากกว่า”

        “ผมกินเองได้”

        “อ้าปากเร็ว” ชายหนุ่มตักหมูชิ้นโตป้อนให้คนรัก อีกฝ่ายค่อยๆอ้าปากงับช้อน มือหนาของชายหนุ่มเกลี่ยริมฝีปากให้ใบบุญ เช็ดรอยเลอะและถือโอกาสจับแก้มนุ่มๆนั่นด้วย

        “เนี่ยแหละนะ แรกๆน้ำต้มผักเขายังว่าหวาน” หิรัญเบะปากก่อนหันไปมองแฟนตัวเองที่กำลังยื่นไก่ย่างให้

        “จะกินไหมครับ?” กรวีร์ยื่นให้คนรัก อีกฝ่ายทำหน้าตกใจสุดขีดเหมือนถูกหวยอย่างนั้น เขาก็แค่ทำเหมือนธัชธรรม์ก็เท่านั้น ลองป้อนเผื่อจะได้กินเยอะๆ มัวแต่มาคอยดูเขากินแล้วเมื่อไหร่ตัวเองจะอิ่ม
       
        “กินจ้ะ ยิ่งป้อนพี่ยิ่งกิน” ชายหนุ่มยิ้มหวานให้คนรัก นานๆทีกรวีร์จะทำสวีทกับเขาบ้าง “กินให้ท้องแตกก็ยังได้”

        “เว่อจริงๆ”

        “ได้บอกคนอื่นแล้วโล่งไหมล่ะ” เขาบอก ปากก็ยังเคี้ยวไก่ย่างไปด้วย กรวีร์หลุบตามองพื้นก่อนจะตอบเสียงเบา

        “อื้อ ดีกว่าเก็บไว้จริงๆนั่นแหละ”

        “ต่อไปจะได้บอกคนอื่น มีพี่เป็นแฟนไม่ต้องอาย” เขาเลื่อนไปกุมมืออีกฝ่าย เขาก็อยากบอกให้คนอื่นรู้เหมือนกันว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว ไม่ได้อยากคบแล้วต้องหลบซ่อน ไม่มีใครอยากจะอยู่ในความลับหรอก

        “กรแค่ไม่อยากให้เรื่องงานมีปัญหา หรือว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้ยังดูไม่ออกหรือครับว่ารัก” กรวีร์ตอบ ไม่หันกลับไปมองว่าชายหนุ่มมีท่าทีอย่างไร เขารู้ตัวเองดีว่าไม่ชอบแสดงออกและบังคับอีกฝ่ายให้เก็บเป็นความลับ ในใจก็นึกกลัวถ้าหากหิรัญอึดอัดกับสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ แล้วขอเลิกราไปตัวเขาจะเป็นยังไง จะกลับมาหัวเราะได้เหมือนเดิมไหม?

        “พี่รู้แล้วล่ะ แต่ว่าพูดอีกทีได้ไหม?” เขาสะกิดกรวีร์ จริงๆก็ได้ยินชัดแต่ก็อยากฟังอีกรอบ

        “พี่ฮัน!” หันไปมองชายหนุ่มที่จ้องมาอย่างจริงจัง “รักพี่ฮัน ได้ยินหรือยังครับ”

        “ได้ยินแล้วครับ”

        “เลิกน้อยใจได้แล้วนะ” เขากระชับฝ่ามือให้แน่นขึ้น เป็นสัญญษที่ไม่ว่าเมื่อไหร่เราจะจับมือแบบนี้ต่อไปด้วยกัน

        “รู้ได้ไงพี่น้อยใจ” หิรัญทำหน้าตางุนงง เขาก็มีน้อยใจบ้างแต่ก็เข้าใจกรวีร์ดี “พี่ก็แค่..”

        “ผมรู้ พี่อดทนกับผมมามากเท่าไหร่ ทำไมจะไม่รู้” เขาพูดเสียงแผ่วก่อนจะกระพุ่มมือไหว้คนรัก “ขอโทษที่เอาแต่ใจนะครับ”

        “วะ.. วันนี้กรมอุตุฯบอกว่าพายุจะเข้าหรือเปล่านะ” หิรัญแข็งค้าง ไม่อยากจะเชื่อสายตากับภาพตรงหน้าเท่าไหร่ หรือว่าเร็วๆนี้น้ำจะท่วมกรุงเทพฯจริงๆ

        “พี่ฮัน! ทำเป็นเล่นทุกทีเลย”

        “ช่วยตีพี่แรงๆได้ไหมพี่อยากรู้ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป” หิรัญตื่นตกใจจริงๆ เขาเกิดอาการอึ้งไปชั่วขณะ

        “ได้!” กรวีร์บอกก่อนรั้งคนรักเข้ามาใกล้ ประทับจูบลงบนแก้มขาวเบาๆ

        “…”

        “พอใจหรือยังครับ”

        “อะ..อืม ไม่ได้ฝันไปจริงๆด้วย” หิรัญมองคนรักอึ้งๆก่อนจะจับแก้มตัวเองไว้แน่น “แฟนพี่น่ารักที่สุดเลย” รั้งเอวกรวีร์เข้ามาใกล้ สบตาหวานมองอย่างลึกซึ้ง ต่อให้แฟนเขาจะดุแค่ไหนก็ยังน่ารักอยู่ดีนั่นแหละ!

        กว่าจะกินกันเสร็จเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบห้าทุ่ม เขาและกรวีร์อาสาล้างจานส่วนหนุ่มๆที่เหลืออีกสองคนต้องเคลียร์บริเวณสนามหญ้าให้เรียบร้อยก่อนคุณแม่จะกลับมาพรุ่งนี้ เขาชวนให้หิรัญนอนค้างที่นี่เพราะมันดึกมากแล้ว แต่ธัชธรรม์กลับห้ามเอาไว้แล้วรีบไล่ให้สองคนนั้นกลับไป ไอ้ตัวเล็กร้องตะแง้วอยู่ที่ปลายเท้า เขาอุ้มขึ้นมาลูบหัวจนมันหยุดร้อง

        “ไปนอนกัน”

        “วันนี้ดูขี้เกียจจังเลยนะครับ เดี๋ยวกินเดี๋ยวนอน” เขาพูดแกมติดตลก เอะอะก็ชวนเขานอนอยู่นั่นแหละ

        “ไม่ได้ พรุ่งนี้ก็เรียนแต่เช้า พี่ได้นอนกอดใบบุญแปบเดียวเอง”

        “โอ้โห กอดทั้งวันยังไม่เบื่ออีก”
       
        “ไม่เบื่ออะ”

        “แต่อยู่ที่มอห้ามกอดนะ” เขามองชายหนุ่มเขม็ง

        “ทำไมอะ ทำไมไม่ได้” ชายหนุ่มทำท่าโอดครวญ “ใครหน้าไหนมันมาแกล้งแฟนพี่อีก พี่จะจับหักคอให้หมด”



        50%
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 16 ] 14-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 27-03-2019 17:58:06
 :กอด1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 16 ] 14-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 27-03-2019 20:28:41
       “ไม่ใช่เพื่อนในรุ่นหรอกครับ” ใบบุญบอก “แต่เป็นแฟนคลับพี่ต่างหาก”

       “ถ้าจะให้พี่ทำเป็นไม่รู้จักล่ะก็ ไม่เอาด้วยนะ” เขาส่ายหัวรัวๆ ใบบุญชอบคิดมากอยู่เรื่อย แตกต่างกับเขาที่อยากทำอะไรตรงไปตรงมามากกว่า

       “ทำไมดื้อแบบนี้ล่ะครับ”

       “พี่ไม่อยากต้องกลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว” เขาพูดทำนองน้อยใจ ถ้าจะต้องกลับไปเฉยชาใส่กันเขาไม่เอาด้วยหรอก

       “โอเคๆก็ได้ครับ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามทำรุ่มร่ามเด็ดขาด!” เด็กหนุ่มถอนหายใจ ดูท่ายังไงธัชธรรม์ก็คงไม่ยอม “ว่าไงครับ”

       “ก็ได้..” ชายหนุ่มเดินคอตกหันหลังกลับไปบนห้อง เห้อ.. ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ใจอ่อนเรื่องนี้เด็ดขาด เขาอุ้มเจ้าตัวเล็กตามขึ้นไปบนบ้านต้องง้อกันอยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะหาย เขาต้องยอมแลกกับการนอนกอดด้วยกันทุกคืนแทน เขาอยากจะบ้า!
ทับทิมกลับมาถึงบ้านช่วงเก้าโมงเช้าเธอเห็นลูกชายสองคนกำลังขึ้นรถยนต์ไปเรียนก็มองอย่างแปลกใจ ธัชธรรม์ช่วงนี้ก็ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษแถมกลับมาอยู่บ้านมากขึ้น ส่วนใบบุญก็ไม่ซึมเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ หรือว่าพี่น้องสองคนนี้จะกลับมาคืนนี้กันแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี เธอจะได้สบายใจมากขึ้น อย่างน้อยใบบุญก็มีคนดูแลที่ไว้ใจได้

       หวังว่าจะดูแลกันดีๆนะ..

       “พี่ธัชขับรถเร็วเกินไปแล้ว” เขาบ่นคนรักที่เร่งเหยียบจนมิด มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้อยู่ไกลขนาดนั้นไม่เห็นต้องรีบเลย

       “พี่ก็ขับปกติ เรานั่งไม่เห็นจะบ่นเลย”

       “ปกติผมบ่นพี่ได้ที่ไหนล่ะ โดนด่าพอดี” เขาบ่นอุบ จนอีกฝ่ายหน้าเสียยอมลดความเร็วลงจนได้ เขาขอให้ธัชธรรม์ขับรถช้ากว่านี้ อย่างน้อยเขาก็ไม่เป็นห่วงว่าจะไปเกิดอุบัติเหตุที่ไหน

       “โอ๋ๆ พี่ไม่ขับเร็วแล้วครับ ไม่อยากให้เป็นห่วง”

       “รู้ตัวก็ดี คนที่ดื้อนั่นแหละพี่”

       “จ้ะ พี่จะเป็นเด็กดี โอเคไหมครับ” ชายหนุ่มทำท่าตะเบ๊ะก่อนจะแจกยิ้มหวานให้

       “แล้วอย่าลืมที่สัญญากันไว้นะครับ” เขาพูดย้ำ ลองอีกฝ่ายทำรุ่มร่ามกับเขาข้างนอก เขาจะตีไม่ยั้งแถมไม่ให้มานอนที่ห้องอีกด้วย

       “จ้ะที่รัก”

       “ดีมาก”

       “แต่ก่อนลงรถขอหอมแก้มหน่อยเถอะ” ชายหนุ่มโถมตัวจุ๊บแก้มเขาอย่างรวดเร็ว ใบบุญไม่ทันตั้งตัวก็โดนไปตามระเบียบ ธัชธรรม์หัวเราะดีใจที่เห็นคนรักตกตะลึง

       “นิสัย!”

       หลังจากเรียนคาบเช้าเสร็จหิรัญก็ออกตัวขอพาไปเดินตลาดนัดที่เพิ่งเปิดใหม่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย พวกเขาที่กำลังปวดหัวเพราะสอบย่อยจึงพาเห็นดีเห็นงามไปด้วย ธัชธรรม์ไม่อยากให้เขาไปเพราะอยากพาไปที่อื่นมากกว่า สืบเนื่องมาจากร้านขนมที่เขาบ่นกับกรวีร์ว่าอยากจะไปกินนั่นแหละ เจ้าตัวก็ทำหน้าที่แฟนที่ดีอยากจะพาเขาไปกินให้ได้ ทุกคนก็เลยยังคิดไม่ตกว่าจะไปเดินตลาดติดแอร์สุดหรูหรือจะไปนั่งร้านขนมแอร์เย็นฉ่ำดี ส่วนเขาที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นเพราะว่าเขาหิวแล้ว! ใบบุญคว้าโทรศัพท์ออกมาเช็คตามปกติ เขาเห็นข้อความจากชวดลก็รีบหลบไปคุยทางอื่น

       ‘ลืมนัดพี่หรือเปล่าเอ่ย?’

       ‘วันนี้ผมมีธุระด่วนพอดี ขอเป็นวันหลังได้ไหมครับพี่โช’

       ‘เสียใจจังเลย น้องใบบุญลืมพี่ซะแล้ว’

       ‘ไม่ได้ลืมสักหน่อยครับ คราวหน้าจะไม่พลาดแน่ๆ’ เขาส่งสติ๊กเกอร์ขอโทษส่งกลับไป หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่โกรธเขานะ ยังไงเขาก็ต้องหาทางไปเจอให้ได้

       “คุยกับใคร?”

       “อ๊ะ เปล่าครับ” เขารีบเก็บโทรศัพท์ก่อนจะยิ้มแผล่ให้คนรัก

       “อย่าคิดจะมีกิ๊กนะ เวลาพี่โมโหพี่ไม่ค่อยยั้งด้วย”

       “กิ๊กกั๊กอะไรกัน พี่ธัชคิดมากอยู่เรื่อยเลยนะครับ” เดินเข้าไปจับมือชายหนุ่ม ทำอ้อนให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นหน่อย

       “งี้แหละใบบุญ หมาหวงก้าง”

       “พอเลยมึงอะ เกาะแกะเมียกูจริงๆ” ธัชธรรม์ไล่เพื่อนตัวเองที่เข้ามาคุยกับเขา

       “เอ้า เมียมึงก็เพื่อนเมียกู ทำไมกูจะคุยเล่นไม่ได้”
       
       “เลิกเรียกเมียๆอะไรแบบนี้เถอะครับ คนอื่นได้ยินจะคิดยังไง” ใบบุญมองชายหนุ่มคุยกันเขาก็อดไม่ไหวต้องขอพูดสักหน่อย

       “ใช่ พี่ฮันไม่พูดนะครับ ไม่น่ารักเลย” กรวีร์ช่วยเขาสมทบด้วย สองคนนี้อยู่ด้วยกันทีไรชอบพ่นคำหยาบคายตลอด
       
       “งั้นเรียกที่รักก็ได้” หิรัญหันไปออเซาะคนรักตามระเบียบ

       สุดท้ายพวกเขาก็ยกโขยงกันมาร้านขนมจนได้ ร้านขนมบิงซูร้านนี้ถูกรีวิวลงทวิตเตอร์จนขึ้นเป็นร้านแนะนำ จนเขาร่ำร้องอยากจะมาให้ได้ บรรยากาศในร้านตกแต่งด้วยตุ๊กตาหมีโทนสีฟ้าอ่อนสบายตา มองแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ส่วนเมนูขนมหวานก็มีให้เลือกเต็มไปหมด เขาเห็นธัชธรรม์นั่งมองเมนูแต่ไม่ยอมเลือกสักที หรือว่าจะไม่ชอบกินกันนะ..

       “ไม่ชอบหรือครับ”

       “เปล่า ไม่เคยมาร้านแบบนี้อะ พี่สั่งไม่เป็น”

       “ไอ้ธัชมันเคยเข้าที่ไหน อย่างมันต้องร้านเหล้า พื้นที่อโคจรขอให้บอกเจอมันทุกครั้งเลยครับน้องใบบุญ” หิรัญได้ทีใส่ไฟใหญ่ เขามองคนรักที่ไม่ได้โต้แย้งอะไร

       เพราะมันคือเรื่องจริง

       “โอ้โห เพื่อนรัก กะเล่นให้กูตายเลยใช่ไหม”

       “เบาๆน่า คนกันเอง กูก็พูดความจริงให้น้องฟังแค่นั้น” หิรัญหัวเราะขำ นานๆทีจะเล่นเพื่อนคนนี้เขาก็ต้องจัดสักหน่อย เขาโดนมันเล่นมาหลายเรื่องแล้ว เรื่องนี้เขาจะไม่ทน!

       “ว่าแต่พี่ธัชแล้วพี่ฮันล่ะครับ”

       “พี่เป็นเด็กดีจ้ะ จริงๆ สาบานด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญเลย” กรวีร์มองแฟนตัวเองแล้วอยากจะบิดให้เนื้อเขียว ตัวเองก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกันคิดว่าเขาไม่รู้หรือยังไง

       “รับอะไรดีคะ”

       “ขอบิงซูสตรอเบอรรี่ แล้วก็ลิ้นจี่โซดาครับ” ใบบุญสั่งก่อนจะให้กรวีร์เป็นคนจัดการต่อ

       “ของผมเอาแพนเค้กเพิ่มไอศครีมวานิลลา” ชายหนุ่มสั่งอีกจาน ก่อนจะคืนเมนูกลับไป

       “ช่วงนี้ไอ้ธัชโดนแอบถ่ายรูปโคตรบ่อยลงเพจคิ้วบอยของมหา’ลัยด้วย” หิรัญเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เจอรูปเพื่อน จึงเอามาให้เขาดู มันเป็นเพจรวบรวมหนุ่มหล่อของมหาวิทยาลัยก็ไม่แปลกที่จะมีธัชธรรม์ติดโผหนึ่งในนั้น “น่าจะเปลี่ยนชื่อเพจจริงๆ คนอย่างมันไม่น่าใช่คิ้วบอย”

       “เปลี่ยนเป็นอะไรหรือครับ” เขาถาม

       “แบดบอยหรือแดนเจอร์รัสบอยน่าจะเข้าท่ากว่า”

       “ฮ่าๆ”

       “แฟนมึงยังหัวเราะเห็นด้วยกับกู” หิรัญหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้ธัชธรรม์ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ

       “ไอ้สัด!” ธัชธรรม์กัดกรามก่อนจะพ่นคำหยาบใส่เพื่อนสนิท พวกเขาหัวเราะเสียงดังสนุกสนาน พอได้มาอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ อยู่กับคนที่สบายใจเขาก็รู้สึกดีกว่าเดิมขึ้นเยอะเลย จริงๆแล้วทั้งหิรัญและธัชธรรม์ก็เป็นคนที่ชอบพูดคุยอยู่แล้วทำให้คนที่พูดคุยไม่เก่งอย่างเขาสามารถคุยผสมโรงและปล่อยมุขได้อย่างไม่เคอะเขินนัก

       เขาและธัชธรรม์ถึงบ้านตอนสองทุ่มพอดี ไฟที่บ้านยังปิดสนิทเพราะคุณแม่ยังกลับมาไม่ถึง ช่วงหลังๆมานี่เขาไม่ค่อยได้อยู่บ้านกับคุณแม่เท่าไหร่เพราะมีงานด่วนที่ต้องเดินทางอยู่เสมอ จากที่กังวลว่าจะต้องอยู่คนเดียว พอธัชธรรม์กลับมาอยู่ด้วยเขาก็อุ่นใจมากขึ้น อย่างน้อยมีอะไรก็จะได้ช่วยกันได้

       “เมี๊ยววววววว” เจ้าแมวลายด่างกระโดดพรวดเข้ามาหาทันทีที่เขาเข้าไปในบ้าน เดี๋ยวนี้เขาหัดให้ไอ้ตัวเล็กใช้กะบะทรายและกินอาหารเม็ด ดูเหมือนว่าขนจะสวยขึ้นอย่างที่หิรัญบอกเขาจริงๆ

       “คิดถึงป่าป๊าหรือครับ”

       “เมี๊ยวววว”

       “ใครเป็นเป็นป๊า พี่ต่างหากเป็นป๊า” ธัชธรรม์เสนอตัวเต็มที่

       “ผมเป็นหม่าม๊าหรือครับ” เขาทำหน้างง “ไหนบอกจะเอาตัวเล็กไปปล่อยไงครับ พี่ไม่ชอบไม่ใช่หรือ”

       “ถ้าใบบุญเลี้ยงมันแก้เหงา พี่ก็จะบอกว่ามีพี่อยู่แล้วทั้งคนไม่ต้องกลัวเหงา แต่ถ้าใบบุญอยากเลี้ยงเพราะอยากมีเพื่อนเวลาพี่ไม่อยู่ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร.. เลี้ยงเป็นลูกก็ได้”

       “ทำไมวันนี้ใจดีจัง กินของหวานแล้วอารมณ์ดีหรือครับ” เขามองคนรักที่ดูจะเขินอายอยู่บ้าง ถ้าไม่ตีกับไอ้ตัวเล็กเขาก็ไม่เป็นห่วง
       
       “พี่ใจดีอยู่แล้ว ทำไมชอบว่าพี่เหมือนพี่เป็นซาตานอย่างนั้น”

       “ก็มันจริง..อื้อ!” เขาถูกชายหนุ่มปล้นจูบอีกแล้ว คราวนี้นานจนเขาหายใจแทบไม่ทัน “เอาอีกแล้วนะพี่ธัช”

       “อยู่บ้านแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับ”

       “ถ้าจะจูบก็ต้องอยู่ในห้องเท่านั้น” เขาบอกเสียงเข้ม ถ้าไม่ทำแบบนี้คงได้รุ่มร่ามตลอดเวลาแน่

       “โหย ทำไมใจร้ายแบบนี้อะ”

       “ไม่ได้! เพราะพี่ธัชดื้อ”

       “เสียใจอะ” ชายหนุ่มทำหน้ามุ่ย ก่อนจะเบือนหน้าหนีแล้วเดินหายขึ้นไปชั้นสองทันที เขามองตามจนลับสายตา งอนได้ก็งอนไปเดี๋ยวค่อยไปง้อก็แล้วกัน

       เพลงใหม่ของหิรัญถูกปล่อยลงยูทูปเมื่อช่วงเย็น ยอดวิวกำลังขึ้นเรื่อยๆแถมยังถูกพูดถึงในทวิตเตอร์ รูปต่างๆของชายหนุ่มถูกแท็กมาในอินสตราแกรมเต็มไปหมด เขาเองก็แอบดีใจที่เห็นเรตติ้งของหิรัญดีขนาดนี้ ต่อไปถ้าหากมีผลงานยอดนิยมมากๆเข้าจะได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นแน่ๆ

       ใบบุญอาบน้ำสระผมแล้วก็เตรียมตัวเข้านอน คุณแม่โทรมาบอกเขาแล้วว่าจะกลับดึกไม่ต้องรอทานข้าว เขาเป่าผมจนแห้งไอ้ตัวเล็กก็ร้องแง้วๆจะขอขึ้นมานอนด้วย เขาเดินไปหยิบเบาะนิ่มมาวางไว้ข้างเตียง เจ้าตัวแสบก็เดินไปนอนเงียบๆ ดวงตากลมมองเขาก่อนจะผล็อยหลับไป

       “สงสัยจะงอนจริงๆ” เขาพึมพำเมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายโผล่หน้าเข้ามาขอนอนด้วยเหมือนทุกที กำลังจะไปปิดไฟแต่ก็มีคนตัวโตโผล่พรวดเข้ามาในห้องเสียก่อน เขาสะดุ้งเกือบจะเงื้อมมือทุบธัชธรรม์อยู่แล้วเชียว

       “พี่นอนด้วยสิครับ”

       “นึกว่าจะงอนจนไม่มาแล้ว”

       “รอพี่อยู่หรือครับ” กอดคนรักเอาไว้แน่น ก้มลงหอมแก้มเบาๆ “ชื่นใจจัง”

       “หอมจนแก้มช้ำหมดแล้วนะครับ”

       “ไหน ช้ำตรงไหนพี่จะได้ทายาให้” ชายหนุ่มตระกรองกอดพาคนตัวเล็กไปนั่งที่เตียง “เจ็บก็บอก.. พี่มันคนใช้แต่กำลังไม่คุ้นเคยกับอะไรแบบนี้หรอก” เขามองคนรักที่กำลังอายหน้าแดง ทำไมถึงได้น่ารักแบบนี้ก็ไม่รู้

       “ก็แค่ยั้งมือ.. ผ่อนแรง”

       “แบบนี้ใช่ไหม” เขาสอดมือเข้าไปในเสื้อนอนก่อนจะลูบไล้ไปตามผิวนุ่ม ครีมอาบน้ำก็ใช้เหมือนกัน ยาสระผมก็ยี่ห้อเดียวกันแต่ทำไมใบบุญถึงได้นุ่มนิ่มน่าฟัดไปทั้งตัวแบบนี้

       “พี่จับตรงไหนน่ะ ไม่เอานะ!”

       “นิ่มไปทั้งตัวเลย แถมยังขาวด้วย” เขามองคนตัวขาวจัดก่อนจะยกแขนตัวเองขึ้นเทียบ “ตัดกับสีผิวพี่ชะมัด”

       “อยากขาวมั่งหรือครับ แบบนี้เซ็กซี่ดีนะครับ”

       “ถ้าแฟนพี่ชอบ พี่อะไรก็ได้” เขายิ้มก่อนจะพรมจูบซอกคอขาว จุดไหนที่ใบบุญอ่อนไหวเป็นพิเศษเขารู้หมด..

       “อ๊ะ อื้อ!” ใบบุญดันคนรักให้ออกห่างไปก่อน “พี่ธัช.. พรุ่งนี้เราต้องไปเรียนแต่เช้า”

       “ตื่นสายหน่อยก็ได้ครับ”

       “แต่ว่า มันจะปวดสะโพกนะ” เขาประท้วง ทำไมไม่เข้าใจเขาบ้างเลยนะ!

       “พี่จะทำเบาๆ”

       “พี่พูดแบบนี้แต่ใส่แรงไม่ยั้งเลยสักครั้ง หนูไม่เชื่อแล้ว”

       “โอ๋ๆ” เขาก้มลงจูบหน้าผากขาวนวล กลิ่นแป้งเด็กอ่อนๆอบอวลไปทั่วร่างกายของคนตรงหน้า เขาอยากจะฝังจมูกลงซอกคอ รั้งมากอดแนบอกเอาไว้ทั้งคืน ยิ่งแก้มขาวผ่องนั้นขึ้นสีแดงระเรื่อเขาก็อยากจะหยอกล้อให้คนตรงหน้าเขินอาย เอื้อมมือปลดกระดุมเสื้อนอน แผงอกขาวจัดตัดกับยอดอกสีสวย และหน้าท้องแบนราบขาวเนียน เขาบดจูบลงเนื้ออ่อนจนคนตัวเล็กส่งเสียงครางเครือ ลิ้นแฉะชื้นลากไล้ไปตามผิวขาวสลับดูดเม้มจนขึ้นสีชมพูระเรื่อไปทั่ว ทั้งนุ่มนิ่มทั้งหอมละมุนจนเขาไม่อยากจะถอนกายไปไหน เด็กหนุ่มกลั้นเสียงร้องที่เริ่มจะทนไม่ไหว แรงอารมณ์เริ่มโหมกระพรือเมื่อจุดอ่อนไหวถูกลิ้นอุ่นร้อนของคนรักปนเปรอให้ไม่ขาด ทั้งช้าสลับเร็วจนเขาแทบจะขาดใจตาย สองมือขาวได้แต่ขยุ้มที่ศีรษะของชายหนุ่มไม่ให้กลืนกินมากไปกว่านี้

       “ชอบไหม?”

       “ฮื่อ” ดวงตาหวาฉ่ำปรือมองคนรักที่แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกวูบไหวที่ช่วงท้องน้อย ธัชธรรม์ถอดเสื้อยืดโยนทิ้งออกไป โชว์เรือนร่างบึกบึนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจนเขาแทบลืมหายใจ ปิดตาด้วยความเขินอาย เขาอาจจะตายเพราะความเร่าร้อนของคนตรงหน้าก็ได้

       “ไม่ตอบแสดงว่าชอบ พี่จะทำต่อนะ” ก่อนเขาจะระเบิดตัวตายมากไปกว่านี้ อีกฝ่ายก็ส่งลิ้นอุ่นร้อนเข้ามากวัดเกี่ยวจนเขาตาพร่า ลืมว่าจะต้องห้ามไม่ให้คนรักทำเกินขั้นตอนมากไปกว่านี้

       เขาไม่อยากไปเรียนแบบไม่มีแรงนะ!

       สองมือที่กำลังจะดันแผงอกหนาให้ออกไปกลับถูกชายหนุ่มรวบเอาไว้เหนือหัว ตอนนี้เหมือนเขากำลังถูกกินอย่างไรไม่รู้ สายตาเจ้าเล่ห์ที่มองเขาอย่างโลมเลียมันทำให้เขาขนลุกไปทั้งตัว อยากจะดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ไม่อาจหลุดพันจากรสสัมผัสหอมหวานอันนี้ได้ เขากำลังถูกล่อลวงให้ตกไปในหลุมพรางของสัตว์ร้ายชัดๆ

       ประตูห้องถูกเปิดขึ้นพร้อมบุคคลที่ไม่คิดว่าจะเจอ ทับทิมปล่อยกระเป๋าในมือร่วงจนกระแทกพื้นเสียงดัง พวกเขาตาโตก่อนจะลุกขึ้น ธัชธรรม์รีบห่อตัวเขาด้วยผ้าห่มก่อนจะโอบกอดเอาไว้แน่น เขามองคุณแม่ที่กำลังตกใจ

       “แม่ คือผมอธิบายได้นะครับ”

       “ธัช ลูกทำอะไรน้อง!”



         TBC.
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 18] 14-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 27-03-2019 20:47:00
                                                     Rhyme 18
   

   “แม่ใจเย็นๆก่อนนะครับ” ธัชธรรม์บอกมารดาที่ดูเหมือนจะอยู่ในอาการช็อคไปแล้ว เขาเองก็ตกใจไม่ต่างกัน เรื่องของเขาสองคน เขายังไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะบอกกับทับทิมอย่างไรดี ดูจากสถานการณ์แล้วมันอาจจะยุ่งยากกว่าที่คิด แม่อาจจะไม่ยอมให้เขาคบกับใบบุญ และในขั้นเลวร้ายที่สุดก็คือบังคับให้เลิกกัน แต่เขาจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นแน่

   ยังไงก็ต้องคุยให้รู้เรื่อง!

   “บอกแม่มา.. ว่าพี่ธัชทำอะไรหนู”   

   “คือ..” เด็กหนุ่มหลุบตามองพื้น มือประสานกันแน่นไม่กล้าสบตากับคุณแม่ที่จ้องมา เขาไม่อยากให้คุณแม่โกรธเลย “คือแม่ครับ”

   “แม่.. ผมกับน้อง” ธัชธรรม์รั้งคนตัวเล็กให้ถอยห่าง แทรกตัวขึ้นไปอยู่ตรงหน้าคุณแม่แทน เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เขาควรจะแสดงความรับผิดชอบและบอกความจริงให้ผู้ใหญ่ในบ้านในรู้ เขาเห็นมารดาเม้มปากแน่น แววตามีร่องรอยแห่งความเสียใจพาดผ่าน

   เพี้ยะ!

   ฝ่ามือฟาดเข้าที่แก้มจนเขาชาหนึบ แม่เงื้อมมือตีเขาทั้งๆที่น้ำตาไหลไม่หยุด เขาทำให้แม่ผิดหวังซ้ำซากอีกแล้ว ทำให้มารดาบังเกิดเกล้าต้องเสียใจจนร้องไห้ เขามันเป็นลูกที่แย่จริงๆ

    “แม่ไม่เคยสอนให้ธัชรังแกน้องอย่างนี้”

   “ผม..ขอโทษ” เขาไม่มีอะไรจะแก้ตัว ทุกอย่างที่เขาได้ทำกับใบบุญเป็นสิ่งที่ควรจะถูกก่นด่าด้วยซ้ำ ใบบุญดึงเสื้อเขาไปกำแน่น ร้องไห้เสียงสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารจนเขาต้องกอดปลอบ

   “พี่ธัช.. พี่ธัชไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย” เขาอยากจะอธิบายความจริงทุกอย่างให้แม่ฟัง แต่ไม่รู้ว่าแม่จะเชื่อไหม “พี่ธัชไม่ได้ทำอะไรผิดนะ”

   “แล้วที่แม่เห็นคืออะไร”

   “เราสองคนรักกันครับ” เขาตอบเสียงดังฟังชัด ดวงตากลมมองสบอย่างไม่มีลังเล เขาเห็นมารดานิ่งอึ้งไปครู่ก่อนจะกัดกรามแน่น เสียงพูดเริ่มดังกว่าเดิม เด็กหนุ่มตกใจเขาไม่เคยเห็นแม่โกรธขนาดนี้มาก่อนเลย

   “อะไรนะใบบุญ?”

   “เราสองคนรักกันมาตั้งนานแล้ว แม่ครับอย่าโกรธพวกเราสองคนเลยนะครับแม่” เขายกมือกระพุ่มไหว้ทั้งน้ำตา อยากจะอ้อนวอนขอให้เห็นใจ

   “ทำไมลูก.. ทำไม” ทับทิมเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลรินจนเปรอะใบหน้า ความเจ็บปวดรวดร้าวลงกลางใจอย่างแสนสาหัส ลูกชายที่เธอรักทั้งสองคนกลายเป็นแบบนี้ เธอทำได้แต่เพียงโทษตัวเองเท่านั้น “แม่เลี้ยงลูกไม่ดีตรงไหน.. บอกแม่สิ”

   “แม่ไม่ผิดหรอกครับ แม่ไม่ต้องร้องไห้นะครับ”

   “ฮึก แม่เลี้ยงไม่ดีตรงไหน บอกแม่มาสิ”

   “แม่ไม่ผิดครับ ฮึก แม่ไม่ผิดเลย”

   “ธัช แม่ขอเถอะนะ” หญิงสาวหันไปมองลูกชายคนโต ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เธอไม่เชื่อหรอกว่าความรักครั้งนี้มันจะคงอยู่ตลอดไปและเธอไม่อยากเห็นลูกชายที่เธอรักต้องเสียน้ำตาอีก “อยู่ห่างกับน้องเถอะนะ.. ถือว่าแม่ขอ”

   “แม่ ไม่เอา ไม่เอานะแม่ ฮึก” เด็กหนุ่มตกใจ เขาบอกละล่ำบอกกับมารดาที่กำลังโมโห ถ้าหากอธิบายให้แม่ฟังแม่อาจจะใจอ่อนก็ได้ “จะให้หนูทำอะไรก็ได้.. อย่าให้พี่ธัชไป”

   “แม่ขอโทษนะใบบุญ”   

   “หนูขอร้องนะ.. นะครับแม่”

   “ก็ได้ ผมจะไปก็ได้” ธัชธรรม์ตัดสินใจเด็ดขาด ในเมื่อมารดาไม่รับฟังเหตุผลและขอร้องให้เขาไปจากใบบุญ เขาก็จะทำให้ “แม่ห้ามผมไม่ให้เข้าใกล้น้องได้ แต่แม่ห้ามให้ผมเลิกรักใบบุญไม่ได้หรอก”

   “ธัช!” ทับทิมโกรธจนตัวสั่น ลูกชายคนโตของเธอเหมือนพ่อเขามากเกินไป ทั้งนิสัยและความไม่ยอมใคร มันทำให้เธอนึกถึงสามีที่เลิกร้างกันไปเมื่อเกือบสิบปีก่อนจริงๆ

   “พี่ธัช ฮึก อย่าไป” เด็กหนุ่มร้องเรียกทั้งน้ำตา “ฮึก.. ฮือ” ใบบุญทรุดลงกับพื้นมองธัชธรรม์ที่หายเข้าไปในห้องก่อนจะออมาพร้อมกระเป๋าสะพาย “พี่ธัช!” ชายหนุ่มมองคนรักที่กำลังร้องไห้แทบขาดใจ เขาอยากจะกอดปลอบแค่ไหนก็ต้องแข็งใจเอาไว้ เขาเดินเข้าไปใบบุญ อีกฝ่ายกอดเขาเอาไว้แน่น

   “ไว้รอแม่ใจเย็นลงกว่านี้แล้วเราค่อยไปคุยกับแม่อีกที”   

   “แล้วถ้าแม่ไม่ยอม..ล่ะฮึก”

   “ถ้าแม่ไม่ยอมเราก็ค่อยๆคุยกับแม่ อธิบายให้แม่ฟัง” กระซิบบอกเด็กหนุ่มที่กำลังร้องไห้ เขาลูบกลุ่มผมยุ่งด้วยความเอ็นดู จากนี้คงจะต้องฝากใบบุญเอาไว้กับไอ้ตัวเล็กไปก่อน แล้วเขาจะกลับมาทวงที่ของเขาคืน “ฟังพี่นะ เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ไม่ต้องร้องนะครับ”

   “หนูกลัว ถ้าแม่ไม่ยอมรับจะทำยังไง”

   “เชื่อพี่เถอะ ตอนนี้ให้แม่ใจเย็นก่อน อย่าร้องสิพี่ไม่ชอบเห็นเราเป็นอย่างนี้เลย”

   “ฮึก พี่ต้องกลับมาหาหนูไวๆนะ”

   “อื้ม” เขาลูบแก้มขาวของเด็กหนุ่มเกลี่ยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ดูสิร้องไห้จนตาช้ำไปหมด เขาเห็นคนรักเป็นอย่างนี้ต่อให้สงสารแค่ไหน อยากจะดึงเข้ามากอดจูบมากแค่ไหนก็ไม่มีทางทำได้ ชายหนุ่มกระพุ่มมือไหว้มารดาก่อนจะหันหลังเดินออกจากบ้านไป เสียงสะอึกสะอื้นปริ่มจะขาดใจของคนรักยังติดอยู่ในหูเขา

   คืนนั้นใบบุญนอนไม่หลับได้แต่พลิกไปมาอยู่บนเตียงคิดถึงคนที่คอยโอบกอดเขาทุกคืน หยดน้ำตาไหลรินเปียกแก้มทั้งสองข้าง รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาแค่ไหนแต่มันก็ไม่อาจจะหยุดความเสียใจที่กำลังถาโถมเข้ามาในหัวใจได้ เขารู้ว่าแม่รักเขาและพี่มากแค่ไหน ความคาดหวังของแม่ทำให้ไม่สามารถจะยอมรับความจริงตรงหน้าได้ เด็กหนุ่มฝังใบหน้าลงกับหมอนก่อนจะร้องไห้ ระบายความเสียใจออกมาไม่รู้จักหมดสิ้น ตื่นเช้าด้วยความอ่อนเพลีย ดวงตากลมโตเขาบมปูดเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนักจนต้องกลับมาใส่แว่นแล้ว เขาไม่ได้พูดอะไรกับแม่ระหว่างกินข้าวตอนเช้า บ้านกลับมาเงียบสงบเหมือนเคยมีเพียงไอ้ตัวเล็กที่ร้องตะแง้วเหมือนเดิม เขามองปลอกคอสีแดงสดที่ธัชธรรม์เป็นคนสวมให้ก็อดคิดถึงคนรักไม่ได้

   ป่านนี้จะทำอะไรอยู่ จะกินข้าวหรือยังนะ

   “กินเยอะๆนะใบบุญ”

   “ครับแม่”

   “แม่.. รักลูกทั้งคู่มากนะ” ทับทิมเอ่ยเสียงเบา เธอเสียใจเหลือเกินแต่ก็ไม่อาจจะปล่อยให้ลูกทำตามใจได้ เธออยากให้ลูกเข้าใจเธอบ้าง

   “หนูรู้” เขาหลุบตามองจานข้าว รู้สึกพะอืดพะอมจนกินอะไรไม่ลงเลย “หนูรู้จ้ะ..ว่าแม่หวังดีมากแค่ไหน”

   “อีกไม่นานลูกก็จะลืมได้เอง”

   “ครับ” เขาไม่ตอบอะไรมากไปกว่านั้น ลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าวขอตัวออกจากบ้านไปเรียนก่อน ใบบุญรู้สึกเจ็บตาเขาส่องกระจกและเห็นว่ามันบวมมากจนน่ากลัว กรวีร์เห็นคงจะตกใจมาก เขาน่าจะหาอะไรประคบมันก่อนไปเรียน แต่มองนาฬิกาแล้วไม่มีเวลาจึงพาตัวเองไปเรียนทั้งอย่างนั้น เขาไม่มีอารมณ์อยากจะทำอะไรเลย..

   “ใครทำอะไรมึงเนี่ย ทำไมสภาพเป็นงี้วะ” อย่างที่เขาคิดเอาไว้เลยว่าเพื่อนสนิทจะต้องตกใจ แค่เขาเห็นหน้ามันอารมณ์เสียใจที่เขากักเอาไว้ก็เหมือนจะล้นทะลักอีกรอบ เขาไม่ไหวแล้วจริงๆ

   “ฮึก.. กร”

   “ไม่เอาไม่ร้อง” กรวีร์พาเพื่อนมานั่งโต๊ะ คอยดูตามร่างกายว่ามันโดนใครทำอะไรมาหรือเปล่า “ไหนบอกกูมาดิ” กรวีร์กอดเพื่อนสนิทตัวเองที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด เขาไม่รู้จะปลอบยังไงได้แต่พามันมานั่งที่ลับตาคน ส่งผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่ให้แทนอันเก่าที่เปียกชุ่มไปหมด ร้องขนาดนี้เขากลัวมันจะไม่สบายไปเสียก่อน ค่อยๆลูบหลังปลอบใบบุญแผ่วเบา เห็นเพื่อนเป็นแบบนี้เขาก็ไม่สบายใจเอาเสียเลย

   “ฮึก.. ฮือ”

   “ไหนมึงเล่ามาสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เขามองใบหน้าเศร้าหมองของใบบุญ อีกฝ่ายเม้มปากแน่นผ่อนลมหายใจก่อนจะค่อยๆพูดออกมา..

                        +++

   ธัชธรรม์ยกมือขึ้นป้องแสงแดดก่อนจะใช้มือที่ว่างคว้ากระเป๋าเป้ที่หยิบติดตัวมาจากบ้านสะพายขึ้นบ่า ข้างในไม่มีอะไรมากนอกจากของใช้จำเป็น เมื่อคืนเขาตัดสินใจไปพักสงบจิตใจที่สตูดิโอก่อนจะซื้อตั๋วเครื่องบินลงใต้มาที่ภูเก็ต เพื่อมาหาหัวหน้าวงLA-Days มือกีตาร์ผู้โด่งดังและเป็นคนแรกที่สอนเขาให้จับเครื่องดนตรีเป็นครั้งแรก บิดาบังเกิดเกล้าที่ผันตัวจากนักดนตรีย้ายที่อยู่หลบลี้หนีหายมาเปิดร้านอาหารกึ่งผับอยู่ภาคใต้ จังหวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของประเทศไทย เขาไม่ได้ติดต่อกับนิรัชมาเกือบสิบปี จนเมื่อหลายเดือนก่อนเขาได้พบกับบิดาโดยบังเอิญ

   “พ่อ” เขาลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นนิรัชเดินเข้ามาใกล้ เขายืนรอรถอยู่ที่สนามบินก็เจอลูกน้องที่ร้านของพ่อมาพอดี อีกฝ่ายจำเขาได้จึงให้เขาติดรถมาด้วย

   “มาเองได้แล้วทำไมต้องให้ไปรับ โตเป็นควายละ”

   “ไม่ได้ให้ใครไปรับสักหน่อย ลูกน้องพ่อไปเจอก็เลยพามาด้วย” เขาตอบ ก่อนจะวางกระเป๋าไว้บนโซฟา บ้านเดี่ยวขนาดพอดีบนเกาะภูเก็ตราคาแพงลิบลิ่ว ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นอดีตนักร้องชื่อดังคงไม่มีเงินเก็บมาซื้อบ้านได้ขนาดนี้ มาเปิดร้านอาหารก็ดูจะมีรายได้ดี เขาไม่เห็นนิรัชจะมีครอบครัวใหม่อย่างที่มารดาบอก

   ดื้อทั้งคู่..

   “แล้วมาทำไมอีก เพิ่งมาไม่ใช่หรือไงวะ”

   “พ่อ” เขามองหน้านิรัช สีหน้าจริงจังกว่าทุกครั้ง

   “อะไร”

   “ผมกับใบบุญคบกัน”

   “หา มึงว่าไงนะ” นิรัชแทบสำลักน้ำเปล่าที่กำลังยกดื่ม ถึงใบบุญจะไม่ใช่ลูกแท้ๆแต่เขาก็เลี้ยงมาตั้งเล็ก รักมันไม่ต่างจากธัชธรรม์ด้วยซ้ำ พอเขาได้ยินอย่างนั้นสงสัยว่าเขาจะแก่จนหูฝาดไปแล้วแน่ๆ

   “แม่เห็นตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มพอดี ก็เลยโดนเฉดหัวออกมา”

   “เป็นกูเอาปืนยิงมึงไส้แตกแล้ว” นิรัชแทบจะปาด้วยแก้วน้ำ ทั้งตกใจทั้งอึ้ง เขาไม่ได้รังเกียจรสนิยมลูกชาย ต่อให้มันจะลุกขึ้นมาแต่งหญิงมันก็ยังเป็นลูกชายที่เขารักที่สุดในโลกอยู่ดี สำหรับเขามันอาจจะเป็นเรื่องที่พอทำใจได้ เพราะเลี้ยงด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก ความผูกพันมากกว่าคนทั่วไป แต่ทับทิมคงไม่คิดเหมือนอย่างเขาแน่ เธอจะต้องกีดกันทั้งสองคนสุดชีวิตแน่

   “อย่าโมโหสิพ่อ นี่ผมมาให้พ่อช่วยคุยกับแม่ให้นะ”

   “กูไม่เอาปังตอสับมึงก็บุญแล้ว มันเป็นน้องมึงนะ”

   “น้องที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอะนะ” ธัชธรรม์พูด ก่อนจะหรี่ตามองชายหนุ่มสูงวัยที่ยังมีเค้าโครงความหล่อเหลา เขาเหมือนเห็นตัวเองในอีกยี่สิบปีข้างหน้า “พ่อคิดว่าผมไม่รู้หรือไง ช่วยกันปิดมานานแค่ไหนแล้ว ทำไมต้องให้ผมมารู้ทีหลังด้วย”

   “มึงนี่มันขี้โมโหได้ใครวะ”

   “ได้พ่อมาเต็มๆ” เขาบอกก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาสีแดงสด รูปร่างหน้าตานิสัยเรียกได้ว่าถอดแบบออกมาเหมือนแท่นปั๊มเลยทีเดียว เพราะอย่างนี้เขาถึงได้แบกหน้ามาขอความช่วยเหลือจากมนุษย์พ่อผู้แยกตัวออกจากบ้านไปตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว มีแค่พ่อเท่านั้นที่จะช่วยคุยกับแม่ให้เขาได้

   “ไอ้ลูกเวร รอบที่แล้วมาล่อซะร้านกูพัง รอบนี้มึงจะทำอะไรพังอีกไหม”

   “พ่อคุยกับแม่ให้ผมก่อน ผมกลับแน่” เขาบอกเสียงแข็ง รอบนี้เขาจะไม่ยอมกลับไปมือเปล่า พ่อจะต้องกลับไปพร้อมกับเขา!
   
   “งานยากว่ะ” นิรัชกุมขมับ เขารู้จักนิสัยอดีตภรรยาของตัวเองดี “กูควรจะหาสินสอดไปสู่ขอกับแม่มึงจะง่ายกว่า”

   “พ่อ ผมจริงจังนะเนี่ย” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น “ยังไงผมก็ไม่เลิกกับใบบุญแน่”

   “ใจเย็นไอ้หนุ่ม” นิรัชขอเวลาตั้งสติก่อน “กูเป็นพ่อมึงยังตกใจไม่หาย ใบบุญก็ลูกกูนะ เลี้ยงมาตั้งเล็กๆ”

   “เลี้ยงมาด้วยกันแล้วยังไง ผมกับน้องได้กันแล้ว โอเคนะ”

   “ไอ้ห่าเอ๊ย” เขาอยากจะยกเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผาก มีลูกอย่างมันอายุเขาสั้นลงไปสิบปี “ผีป่าซาตานส่งมาเกิดจริงๆ มึงได้ใครวะเนี่ย”

   “ได้พ่อไง”

   “ดีมาก ถุ้ย!” นิรัชมองลูกชายตัวโตแล้วต้องแอบทอดถอนใจ ไอ้เรื่องนิสัยมุทะลุดุดันไม่ยอมใคร ยอมหักไม่ยอมงอเนี่ยมันได้มาจากเขามากเกินไปแล้ว เขากลัวมันจะไม่ได้แก่ตายเหลือเกิน “ได้ กูจะขึ้นกรุงเทพฯไปกับมึงแต่มีข้อแม้..”

   “ข้อแม้อะไรพ่อ?” ธัชธรรม์ดีดตัวขึ้นมาฟัง เขาหวังว่าข้อเสนอจะไม่โหดร้ายกับเขาจนเกินไปนัก อย่างน้อยเขาก็เป็นลูกชายนะ

   “เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ตามกูมา..”

   “ไปไหน?”

   “คิดว่ากูจะไปเจอหน้าคุณทับทิมทั้งที มึงมีอะไรมาแลกล่ะ”

   “พ่อ!”

   “ร้องเพลงซะ” นิรัชยกยิ้ม หวังว่าที่เขาฝากฝังไอ้กิตไปคงทำให้มันพัฒนาความสามารถตัวเองได้มากกว่าที่เขาเห็น “ถ้าลูกค้าในร้านทะลุหนึ่งพันคนเมื่อไหร่.. กูอาจจะยอมไปก็ได้”

   “พ่อบ้าไปแล้ว!”

   เขาไม่มีเวลามากมายขนาดนั้นหรอกนะ!

                        +++

   ใบบุญติดต่อธัชธรรม์ไม่ได้ตลอดทั้งวัน ลองถามหิรัญหรือเฮียกิตก็ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวหายไปไหน เขาเริ่มร้อนรนอยากจะคุยกับคนรักแต่ก็หาตัวไม่เจอ กรวีร์คอยอยู่เป็นเพื่อนในระหว่างที่ใบบุญกำลังซึมเศร้า เขาไม่อยากให้ใบบุญเครียดจนล้มป่วยอีก ไหนจะหาตัวธัชธรรม์ไม่เจอไหนจะเรื่องคุณแม่ที่ห้ามไม่ให้เจอกัน กรวีร์เองก็ปวดหัวแทนใบบุญเหลือเกิน ไม่รู้จะช่วยเพื่อนอย่างไรดี เด็กหนุ่มนั่งซึมในมือกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น ยังเฝ้ารอให้คนรักติดต่อเข้ามา

   “มึงโอเคนะ?”   

   “อืม กูไหว เดี๋ยวกลับบ้านแล้วล่ะ” เขาหันไปตอบกรวีร์ วันนี้ชายหนุ่มก็อยู่เป็นเพื่อนเขาทั้งวัน เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว

   “ให้ไปส่งไหมมึง กลับไหวนะ”

   “กูไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย มึงอย่าเว่อน่ะ”

   “มีอะไรก็บอกกูได้ตลอดนะ อย่าเก็บไปเครียดคนเดียว” กรวีร์ลูบหลังเพื่อน เขาเป็นห่วงมันจนไม่อยากให้ห่างสายตา “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กูจะอยู่ข้างมึงเสมอ” เหมือนที่เขาเคยให้คำสัญญาเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว

   “ขอบคุณนะกร” เขาจับมือกรวีร์ ส่งผ่านความห่วงใยไปให้ ไม่ว่ายังไงเขาก็จะเป็นกำลังใจ เป็นทุกอย่างให้อย่างที่มันต้องการ เขาจะไม่ยอมทิ้งมันไว้เด็ดขาด “แต่กูไม่เป็นไรจริงๆ ถึงบ้านแล้วกูจะโทรหานะ”

   “ก็ได้ ถ้ากูติดต่อพี่ธัชได้จะรีบโทรหานะ”

   “อื้ม” เขาโบกมือให้กรวีร์ที่วิ่งฝ่าฝนขึ้นรถยนต์คันหรูของหิรัญออกไป ถ้าไม่ติดว่าวันนี้หิรัญจะต้องไปโปรโมทเพลงที่งานอีเว้นท์ กรวีร์คงจะไม่ยอมห่างจากเขาแน่ๆ ใบบุญนั่งรออยู่ใต้คณะรอฝนหยุดตก วันนี้เขาขี่มอเตอร์ไซค์มาเรียนและไม่อยากขับออกไปให้เป็นอันตราย ระหว่างนั่งถอนหายใจ จู่ๆก็มีถุงขนมยื่นมาตรงหน้าเขา เด็กหนุ่มมองไล่ขึ้นไปจึงเห็นชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาคุ้นเคยกำลังยิ้มให้ ชวดลนั่งลงข้างเขา ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้นมีเพียงเสียงฝนตกลงกระทบพื้น

   “ไม่สบายหรือครับใบบุญ”

   “เป็นหวัดนิดหน่อยครับพี่โช” เขาไม่รู้จะคุยอะไรกับชวดลเหมือนกัน ได้แต่พงกหัวขอบคุณ “ขอบคุณสำหรับขนมนะครับ”

   “อื้อ พี่ตั้งใจเอามาฝากหลายวันแล้ว เพิ่งจะได้เจอเนี่ยแหละ”

   “วันนี้ก็ได้เจอแล้วนี่ครับ”

   “ถ้าวันนี้ฝนไม่ตกพี่ก็คงไม่เจอหรอก ช่วงนี้เรียนเยอะไม่ใช่หรือครับ” ชายหนุ่มถามพลางกระเถิบเข้ามานั่งใกล้

   “ครับ เรียนหนักด้วย พี่โชเป็นยังไงบ้าง”

   “เรียนก็เยอะทำงานก็หนัก เหนื่อยมากๆเลยครับ”

   “พี่โชต้องพักผ่อนเยอะๆด้วยนะครับ” เขาตอบอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม ถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่ฝืนก็ตามที “ช่วงนี้อากาศแปรปรวนระวังจะไม่สบายเอานะ”

   “รับทราบครับ” ชวดลมองเด็กหนุ่มที่มีท่าทีเซื่องซึมผิดปกติ เห็นดวงตากลมบอบช้ำถึงจะอยากถามแต่อีกฝ่ายคงไม่ตอบเขาแน่ “วันนี้น่าจะว่างไปกินขนมกับพี่นะครับ”

   “เกือบลืมนัดพี่โชซะสนิทเลย”

   “มันน่าน้อยใจไหมเนี่ย ลืมพี่ได้ลงคอ”


   50%
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 16 ] 14-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 27-03-2019 20:52:51

          “แหะๆ ทีหลังจะไม่ลืมแล้วครับ” เขาเกาหัวแกรก พอมีเพื่อนคุยด้วยก้รู้สึกไม่ฟุ้งซ่าน ดีกว่าอยู่คนเดียวเยอะเลย เขาลุกขึ้นเดินตามชวดลไปที่รถยนต์ ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ก็ฝากคุณป้าที่ร้านขายของเอาไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเรียนเขาจะได้ขี่กลับบ้านได้สะดวกหน่อย อากาศเย็นชื้นในช่วงฝนตกเป็นอะไรที่เขาไม่ชอบเอาซะเลย มันแฉะและรู้สึกเหนอะหนะไปหมด เขาคู้ตัวอยู่ในรถรถยนต์คันหรูของชวดล มันหนาวจนต้องกอดตัวเองเอาไว้


          “หนาวหรือครับ พี่เบาแอร์ให้เอาไหม?”


          “ก็ดีครับ สงสัยจะไม่สบายอีกแล้ว” เด็กหนุ่มหันไปพยักหน้า เขารู้สึกหนาวๆร้อนๆบอกไม่ถูก ครั่นเนื้อครั่นตัวแบบนี้สงสัยจะกลับมาป่วยอีกแล้ว


          “นั่นไง ป่วยอีกแล้ว” ชายหนุ่มลอบมองใบหน้าหวานที่เริ่มซีด “ตาสวยๆช้ำหมดเลย”


          “ให้พี่โชเห็นตอนแย่ๆจนได้”


          “ไม่เป็นไร พี่ไม่ถืออยู่แล้ว” ชวดลยิ้มก่อนจะตบไฟเลี้ยวเข้าร้านอาหาร “เดี๋ยวกินข้าวแล้วจะได้กินยานะครับ”


          “ดีเลยครับ” เขายิ้มตอบ สายตาก็หลุบมองโทรศัพท์เป็นระยะ จะผ่านไปครบวันแล้วแต่ธัชธรรม์ก็ยังไม่ติดต่อมา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า หรือว่าจะยอมรับสิ่งที่แม่บอกและจะยอมกลับไปเป็นพี่น้องกับเขาเหมือนเดิม ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่านพยายามเก็บกดอารมณ์กังวลใจเอาไว้ ชวดลลอบมองเป็นระยะนึกสงสัยว่าเด็กหนุ่มมีปัญหาอะไรในใจกันแน่


          “เอาล่ะ เด็กดีต้องทานเยอะๆนะครับ”


          “โถ่ แค่นี้ก็กินจะไม่ไหวแล้วครับ” เขาโอดครวญ รู้สึกกินอะไรไม่ลงเลย แค่เห็นก็อิ่มแล้ว “พี่โชช่วยกินเลย สั่งมาเยอะขนาดนี้ต้องเอามังกรมาด้วยแล้วล่ะครับ”


          “ฮ่าๆ เห็นว่าจะออกเพลงใหม่นี่?”


          “ใช่ครับ น่าจะสิ้นเดือนนี้ แต่เพลงก็อัดเสร็จหมดแล้ว”   


          “แย่จังเลย พี่ก็หานักร้องฝีมือดีอยู่” เหลือบมองเด็กหนุ่มที่นิ่งไป “ใบบุญไม่สนใจจะมาร้องให้พี่มั่งหรือครับ”


          “ยังไม่มีช่วงว่างเลยครับพี่โช ถ้ามีโปรเจ็คพิเศษอะไรที่ผมสามารถจะไปร้องด้วยได้ก็ติดต่อมาได้เลยนะครับ” เงยหน้าขึ้นตอบก่อนจะส่งยิ้มให้ ที่ผ่านมาชวดลก็คอยดูแลเทคแคร์ดีตลอด เป็นเหมือนพี่ชายคนหนึ่งด้วยซ้ำ ถ้ามีอะไรที่พอจะช่วยได้เขาก็อยากจะช่วย


          “พี่อยากได้เรามาอยู่เต็มตัวเลย ต้องรอสัญญาหมดสินะ”

         

          “คงจะต้องอย่างนั้นนะครับ” เขายิ้ม ไม่ได้คุยอะไรมากไปกว่านี้ ชวดลกำลังเปิดค่ายเพลงขึ้นมาใหม่โดยมีนักร้องที่มีชื่อเสียงมาร่วมงานหลายคนอยู่แล้ว ไม่เห็นจะขาดแคลนนักร้องตรงไหน ค่ายที่มีเงินสนับสนุนไม่ว่าจะออกเพลงอะไรก็มีกำลังโปรโมทมาก ไม่เห็นจะต้องกังวลเลยด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มกินจนอิ่มก็เอายาที่เตรียมเอาไว้มากิน เป็นยาลดไข้ที่เขาชอบพกเอาไว้เผื่อเวลาไม่สบาย


          “พี่จะไปส่งที่บ้านนะ”


          “ครับพี่โช” โดนฤทธิ์ยาเข้าไปเขาก็เริ่มมึนหัวอยากจะนอนพักผ่อนแล้วเหมือนกัน พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาอาจจะดีขึ้น เด็กหนุ่มสะพายกระเป๋าเป้ขึ้นบ่าก่อนจะขึ้นรถยนต์คันหรูของชวดลขับออกไป.. บรรยากาศในรถเงียบสนิท มีเสียงเพลงคลอเคลียแผ่วเบา ด้วยความง่วงถึงขีดสุดเขาจึงขอชวดลพักสายตาจนผล็อยหลับไป


          ชายหนุ่มมองคนที่หลับสนิทก่อนจะยิ้มกริ่ม เขาหรี่ตามองโทรศัพท์มือถือบนตักที่มีแสงวูบวาบก่อนจะกดปิดเครื่องแล้วโยนเอาไว้หลังรถ รถยนต์คันหรูเลี้ยวเข้าคอนโดสูงตระหง่านท่ามกลางฝนตกหนักและบรรยากาศมืดครึ้ม..


          “โทรไม่ติด” ธัชธรรม์ไม่ได้ติดต่อใบบุญมาหนึ่งวันเต็มๆ เปิดดูไลน์แล้วก็ตอบกลับไปแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยักตอบเขาสักที พอโทรไปก็ไม่รับสายไม่รู้ไปทำอะไรของเขาอยู่นะ เพราะมัววุ่นวายกับพ่อจนไม่เป็นอันทำอะไร กระทั่งโทรศัพท์ก็ยังไม่ได้จับ


          คิดถึงจนจะบ้าตายแล้วโว้ย


          “อะไรของมึงอีก อย่าลีลาลูกค้ามารอเต็มร้านแล้ว”


          “เพราะผมออกไปช่วยเรียกลูกค้าให้เป็นชั่วโมง ไม่งั้นคนจะเยอะขนาดนี้ไหมพ่อ” เพื่อที่จะให้ร้านของนิรัชมีลูกค้าเข้าได้มากที่สุด เขาเลยต้องลงทุนลงแรงออกไปเรียกลูกค้าอยู่ตั้งนาน บางคนที่จำเขาได้ก็เข้ามาทักทายและขอถ่ายรูป เขาก็จะเชิญชวนให้ไปที่ร้าน


          “เร็วๆ เวลาเป็นเงินเป็นทอง จะทำอะไรก็รีบทำ”


          “ผมรู้แล้วน่า เพราะผมจะทำให้มันเรียบร้อยภายในคืนนี้!”


          “จะเชื่อได้ไหมนะ”


          “ก็คอยดู!” ชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อกล้ามสีขาวพอดีตัวและกางเกงยีนส์สีซีดขาดวิ่นเข้ากับรองเท้าผ้าใบคู่ใจ นิรัชมองลูกชายของตัวเองแล้วก็ส่ายหัวมันยังหล่อได้ไม่ถึงครึ่งของเขาเมื่อสมัยก่อนเลยด้วยซ้ำ รวมๆแล้วก็ดูเหมือนเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป แต่สายตาคมคู่นั้นมันมีพลังดึงดูดกว่าที่คิดจริงๆ ใครจะไปรู้ว่าธัชธรรม์จะเรียกลูกค้ามาได้จนร้านเขาแทบแตกอย่างนี้


          ไม่ธรรมดา..


          ถึงจะชื่นชมลูกชายอยู่ในใจแต่เขาก็ไม่พูดออกไปให้มันเหลิงหรอก นี่เป็นเพียงก้าวแรกที่จะต้องผ่านไปสู่การเป็นนักร้องอาชีพ ต่อให้ต้องล้มลุกคลุกคลานหนักกว่านี้อีกสักกี่ครั้งก็จะต้องผ่านไปให้ได้ และนี่คือบทเรียนอีกอย่างหนึ่งที่คนเป็นพ่ออย่างเขาจะสอนให้มันได้เรียนรู้ว่าความสำเร็จมันไม่ได้มาโดยง่าย! ชื่อเสียงอันหอมหวานมันเป็นเพียงมายาที่เพียงลืมตาก็ปลิดปลิวหายไปแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสามารถที่จะอยู่ติดตัวเราไปตลอดต่างหาก!


          “วันนี้ผมจะมาร้องเพลงที่ผมอยากจะร้องให้คนที่ผมรักฟังที่สุด ต่อให้เขาจะไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ ณ ที่แห่งนี้แต่ผมก็เชื่อว่าพวกคุณทุกคนก็มีคนที่คุณรักสุดหัวใจกันใช่ไหมล่ะครับ งั้นเรามาช่วยกันร้องเพลงให้คนที่รักของกันดีกว่า!!”


          “เฮ!!!!”


          “ฉันก็มีทางของฉัน เธอก็มีทางของเธอตอนนั้น รักเรามันขนานกัน เราเลยไม่ได้คู่กันซักที ครั้งนี้ฉันขออีกทีสิ โอกาสที่พอจะมีสิทธิ์ ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปอีกแล้วว Baby” ชายหนุ่มจับไมค์ก่อนจะเริ่มร้องเพลง น้ำเสียงแหบพร่าทรงพลังเข้ากับดนตรีในจังหวะมันส์ ทุกคนในร้านเริ่มโยกพร้อมทั้งร้องตาม เสียงเฮดังลั่นพร้อมกับแสงสีสปอร์ตไลท์ที่สาดไปทั่วเวที


          เขาอยากจะร้องเพลงนี้ให้ใบบุญฟังเหลือเกิน..


          “เราต้องหลงทางกันอีกกี่หน เราสองคนต้องคลาดอีกกี่ครั้ง ครั้งนี้ฉันขอให้เธออยู่ฉันก็จะไม่ไปไหน ให้ฉันดูแลเธอได้ไหมฉันจะไม่ยอมเสียเธอไปอีกแล้ว”


          “เอาอีกกกก”


          “พี่ธัช ล่ำมากเลยค่า”


          “กรี๊ดดดดดดด”   

                   

          เสียงเชียร์ตอบรับเสียงดังลั่นจนเขาเองยังตกใจตัวเอง ใช้มือลูบหน้าเช็ดเหงื่อที่ไหลเข้าตา เขามองผู้คนที่ทยอยเข้ามาไม่หยุด พ่อคงไม่รู้หรอกมั้งว่าเขาใช้หิรัญช่วยโปรโมทอีกทางคนถึงได้เยอะขนาดนี้
เล่นกับซาตานก็ต้องเจอกับปีศาจร้ายอย่างเขานี่แหละ!


          “พ่อ” เขาเรียกชายหนุ่มทีกำลังพูดคุยกับลูกค้า ยอมรับว่าร้านเล็กแต่จุคนได้เยอะเพราะลานกว้างสนามหญ้าตรงหน้าร้านมีที่เพียงพอให้คนได้เข้ามาดูเขาร้องเพลง “ยกนี้ผมชนะนะ”


          “เออ” นิรัชจุดยิ้ม มองลูกชายที่โตเป็นผู้ใหญ่สักที หลังจากนี้เขาคงจะหมดห่วงไปอีกหนึ่งอย่าง “พรุ่งนี้มึงเก็บกระเป๋าจองตั๋วเครื่องบินได้เลย!”


          “หึ” เขายิ้มเจ้าเหล่ห์ มองบรรยากาศที่เขารักเหลือเกิน เขารักเวที เขารักเสียงดนตรีและผู้คนที่พร้อมจะร้องเพลงไปพร้อมกับเขา ถ้าใบบุญมาอยู่ด้วยกันมันจะดีแค่ไหนนะ..


          คิดถึง..

                                          +++


          เสียงกุกกักทำให้เขาค่อยๆลืมตาตื่นรู้สึกตกใจเพราะทุกอย่างรอบตัวมันมืดไปหมด ร่างกายเขาขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้เลยสักนิด รู้สึกปวดแปลบที่ข้อมือและข้อเท้าราวกับมีเหล็กแหลมมาทิ่มแทง ลองขยับตัวก็รู้สึกเจ็บไปหมด จู่ๆแสงจากหลอดไฟก็เปิดสว่างจนเขาต้องหรี่ตามองคนที่กำลังเดินเข้ามาหา ชายหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยย่อตัวลงลงนั่งเพื่อให้มองเห็นเขาในระยะใกล้ แววตาที่เคยมองเขาอย่างอ่อนโยนตอนนี้มันกลับแปลกไป ทั้งแข็งกร้าวและดุดัน


          “พะ พี่โช” เสียงที่ออกจากลำคอแห้งผากมันแหบพร่า ใบหน้าของเด็กหนุ่มเงยเชิ่ดขึ้นเมื่อถูกรึ้งกลุ่มผม อีกฝ่ายใช้มือจิกผมเขาให้เงยหน้าขึ้นไปสบตา เขามองชวดลด้วยสายตาสับสน


          นี่มันเรื่องอะไรกันแน่...     


          “กูเอง”


          “นี่มันอะไรกันครับ”


          “ยังมีหน้ามาถามหรือไงว่าอะไร” ชายหนุ่มสะบัดข้อมือนิดเดียว หน้าเขาก็หันไปอีกทางจนกระแทกพื้น ความรู้สึกชาหนึบก็ยังไม่เท่าความรู้สึกชาที่จู่โจมเข้ามาในหัวใจ “สนุกมากไหมที่ต้องคอยโกหกกูมาตลอด”


          “แค่กๆ ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”


          “ทำไม? อยากจะได้สมบัติจนตัวสั่นถึงต้องทำแบบนี้หรือไง” ชวดลตะคอกเขาเสียงดัง เขาถึงได้รู้ว่าชายหนุ่มรู้ว่าเขาเป็นใครแล้ว แต่เขาไม่ได้คิดอย่างที่ชวดลพูดเลยสักนิด เขาแค่อยากรู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใคร


          “พี่โช ผมไม่ได้อยากได้สักนิด”   


          “กูไม่เชื่อ!” ชวดลตะคอกเสียงดังก่อนจะก่อนถ่มน้ำลายใส่จนเขาต้องเบือนหน้าหนี นี่มันเรื่องอะไรกัน.. ชวดลจับเขามาไว้ที่นี่ทำไม “อยากจะได้สมบัติจนตัวสั่น อยากจะมาแทนที่กูใช่ไหม”


          “โอ๊ย พี่โช พูดบ้าอะไรของพี่เนี่ย ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ” เขายืนยันย้ำคำเดิมว่าไม่เคยต้องการอะไรจากบ้านนั้นเลยสักนิด


          “อย่ามาตอแหล ถ้าป้ามึงไม่บอกกูก็คงไม่รู้”


          “..อะไร?” พลอยไพลินมาเกี่ยวอะไรด้วย!


          “ลูกชายคนเดียวของทายาทกวินทร์ธาดานนท์ยังมีชีวิตอยู่” ชวดลตะคอกแล้วกระชากคอเสื้อเขาเอาไว้แน่น แววตาเกลียดชังที่ส่งมา มันทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารุ่นพี่ที่สุภาพอ่อนโยนคนนั้นจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้  “มึงรอดมาทำไม!”


          “พี่โช หยุดนะผมเจ็บ”


          “กูจะทำมึงให้ตายเลยคอยดู” สองมือหนากดเข้าไปที่ลำคอเล็ก เด็กหนุ่มตะเกียดตะกายเพื่อหลบหนีแต่ก็ไม่พ้น ชวดลออกแรงกดเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เด็กหนุ่มดิ้นพล่าน เขาจะฆ่ามันตอนนี้ก็ยังได้แต่มันง่ายเกินไป..


          “ฮึก ฮือ ปล่อยผมไปเถอะ”


          “ปล่อยให้มึงกลับมาแว้งกัดกูหรือไง” ชลดลพูดเสียเหี้ยม ถ้าพลอยไพลินไม่บอกเขาคงโดนมันหลอกไปอีกนาน ต่อไปมันก็คงมาหลอกเอาทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขาไป “กูเสียเงินไปเยอะกว่าจะรู้ว่าไอ้ทายาทคนนั้นมันเป็นใคร แล้วก็เหมาะเจาะพอดีที่มันเป็นมึง นังพลอยไพลินมันร้อนเงินจนต้องยอมขายมึง เป็นไงล่ะซึ้งใจน้ำตาจะไหลหรือเปล่า”


          “ปล่อยผมไปเดี๋ยวนี้นะ!” เขาร้องตะโกนจนแสบคอ แต่ก็ไม่มีใคร.. ไม่มีใครได้ยินเลยสักนิด น้ำตาไหลรินหยดเป็นสายเขาคิดเอาไว้แล้ว ตอนนี้เขาถึงได้รู้มารดากำชับเอาไว้เพราะไม่อยากให้เขาต้องมาอยู่ในอันตราย นังพลอยไพลิน นังงูพิษ รู้เรื่องทุกอย่างจงใจเกลียดชังเขาเพราะตัวเองไม่ได้สมบัติ ปลูกฝังตอกย้ำเสี้ยมสอนทำให้พี่ชายเกลียดเขา เขาจะได้ไม่มีที่ไปและกลับมาที่แห่งนี้ ผลักให้เขากลับมาช่วงชิงทุกอย่างที่เป็นของตัวเอง แลกเปลี่ยนทั้งหมดด้วยชีวิต และสุดท้ายหากเรื่องราวทั้งหมดถูกเปิดเผย เงินและมรดกบางส่วนจะต้องถูกแบ่งสรรให้ทับทิมในฐานะผู้ดูแลเขาแน่


          แต่เขาไม่ยอมหรอก!


          “หึ! ร้องเข้าไป ร้องเข้าไปอีก ต่อให้มึงร้องให้ตายก็ไม่มีใครได้ยินมึงหรอก”


          “พี่ทำแบบนี้ทำไม ผมไม่เคยอยากได้ของๆพี่เลยนะ” เขามองชายหนุ่มด้วยสายตาไม่เข้าใจ “พี่ก็เป็นทายาทกวินทร์ธาดานนท์ไม่ใช่หรือไงแล้วทำไมต้องมาทำแบบนี้กับผมด้วย”


          “หึ กูจะบอกให้เอาบุญก่อนที่มึงจะได้ไปปรโลก” มันเชิ่ดคางเขาเงยขึ้น กลิ่นบุหรี่ของอีกฝ่ายมันตีรวนเข้ามาจนเขาหายใจไม่ออก “กูเป็นแค่ลูกติดของแม่.. ไม่มีเชื้อสายกวินทร์ธาดานนท์อย่างที่มึงพูดไง!” เขาบีบแก้มเด็กหนุ่มจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้ออ่อนจนเลือดซิบ

         

          “ฮึก ฮือ ปล่อยผมไปเถอะ”


          “กูจะไม่ยอมให้มึงกลับมาเป็นหอกหนามในชีวิตกูแน่”


          “อย่านะพี่โช!”


          “อย่ากลัวไปเลยใบบุญ ก่อนมึงจะไปสบายกูจะให้แฟนมึงเจ็บปวดเจียนตายซะก่อน”


          “พี่โชจะทำอะไร ไม่นะ!”


          “อยู่เฉยๆถ้าไม่อยากเจ็บตัว” เขาตะคอกเสียงดัง “รับรองว่านอกจากจะไม่เจ็บแล้วมึงจะได้ไปอยู่กับพ่อแม่อย่างหมดห่วง”


          “ฮึก ฮือ พี่ธัช ช่วยหนูด้วย” ชวดลฉีกเสื้อนักศึกษาเขาทิ้ง ก่อนจะขบเม้มไปทั่วร่างกาย ใช้ฟันแข็งแรงกัดไปตามผิวขาวจัดจนขึ้นรอยช้ำ เขาดิ้นไปมาไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ทำโดยง่าย รู้สึกคลื่นเหียนอยากจะอ้วกเมื่อมีใครคนอื่นแตะต้องร่างกาย


          “กูบอกให้อยู่เฉยๆ”


          ผลัวะ
       

          “โอ๊ย!” ชายหนุ่มเงื้อมมือตบจนเขาหน้าชาไปทั้งแถบ รู้สึกแสบที่มุมปากขึ้น ชวดลมองภาพตรงหน้าด้วยความพอใจก่อนจะแสยะยิ้ม หยิบโทรศัพท์ไอโฟนเขาขึ้นมาเปิด และกดถ่ายรูป


          “กูอยากเห็นไอ้ธัชมากราบแทบเท้าขอร้องจริงๆ”


          “พี่โชอย่าทำอะไรพี่ธัชเลย” เขาละล่ำละลัก อีกฝ่ายคงไม่ทำอะไรเขาง่ายๆ แต่ถ้าธัชธรรม์รู้มันอาจจะมีข้อต่อรองมากขึ้น และเขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น


          “กูไม่ต้องทำอะไรมากมันก็เหมือนตายทั้งเป็น ลองให้เห็นคนที่มันรักตายไปต่อหน้า มันยังจะซ่าได้อีกไหม” ชวดลกดส่งรูปภาพทั้งหมดก่อนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไปอีกทาง ธัชธรรม์มันร้ายกว่าที่เขาคิดนอกจากจะปฏิเสธข้อเสนอเขาอย่างไยดี มันยังจงใจแคนเซิลงานในเครือที่บริษัทเขาเป็นเจ้าของ คิดจะหนีเขาให้พ้นมันก็คงยากสักหน่อย เพราะเขาจะเป็นคนลากมันมาที่นี่เอง!


          เขาบีบแก้มของเด็กหนุ่มอย่างแรงจนได้กลิ่นเลือดไหลคละคลุ้ง เด็กหนุ่มรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาอีกรอบ เลือดสีแดงเข้มหยดแหมะตามร่างกายเขาถึงได้รู้ว่าเลือดกำเดาไหลออกมา แรงกระชากทำให้เขาต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด เสียงมัจจุราชในคราบชายหนุ่มกเสียงเข้ม “มานี่.. แค่นี้กูไม่จบง่ายๆหรอกนะ”


          “ปล่อยผมนะ!”




         
          TBC.
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 18 ] 27-03-62 ★ P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 27-03-2019 21:03:38

                                Rhyme 19

   Biboon_ sent a photo

   เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นอยู่หลายครั้ง ชายหนุ่มกำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีไม่ได้สนใจอะไรนอกจากแฟนคลับที่กำลังมารอเขาร้องเพลง ส่งเสียงเชียร์และขอให้เขาร้องเพลงอื่นๆด้วย เขาร้องเพลงที่ตัวเองแต่งขึ้นเอง เพลงที่ทำทุกอย่างทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง เป็นเพลงที่เขียนถึงใครคนหนึ่งที่เขารักหมดหัวใจ..

   การแสดงจบลงในเวลาเกือบเที่ยงคืน ลูกน้องและเพื่อนพ่อเข้ามาชวนคุยและชนแก้วไม่หยุด ชายหนุ่มจึงต้องต้อนรับแขกแทนนิรัชที่กำลังวุ่นวายอยู่ภายในร้าน เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างไม่ใส่ใจจนกระทั่งเห็นว่าเป็นใครที่ส่งข้อความมา เขาอยากจะคุยกับใบบุญเหลือเกิน เขาอยากจะบอกว่าเขาจะไม่ยอมให้ใบบุญต้องอยู่คนเดียว ไม่ยอมแยกจากกันอีกแล้ว ถ้าหากเขาพานิรัชไปเชื่อว่ามารดาจะต้องยอมใจอ่อนแน่    

   ภาพที่เขาเห็นตรงหน้ามันทำให้เขาลืมหายใจไปชั่วขณะ ฝ่ามือหลั่งเหงื่อเย็นเยียบและออกแรงบีบโทรศัพท์อย่างไม่รู้ตัว ภาพเด็กหนุ่มที่กำลังเปลือยท่อนบนถูกมัดมือมัดเท้าไว้แน่น ใบหน้าขาวซีดเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา แก้มกลมนุ่มที่เขาชอบหยอกเอินด้วยการกดจูบกลับบวมช้ำ ริมฝีปากคู่สวยที่ชอบเรียกเขาเสียงเจื้อยแจ้วมีคราบเลือดติดอยู่ที่มุมปาก ร่างกายผอมบางมีร่องรอยที่เขาเห็นแค่ปราดเดียวก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น วินาทีนั้นมือเขาสั่นไปหมด หัวใจเต้นระรัวจนมันแทบจะหลุดออกมาจากอก

   “ใบบุญ..” นิรัชเห็นลูกชายยืนนิ่งค้างอยู่นานจึงเดินเข้าไปหา เขามองก่อนจะส่งเสียงเรียก มันอ่อนแรงจนแทบไม่ได้ยิน “พ่อ..”

   “นี่มันอะไรกัน?” นิรัชตกใจไม่แพ้ลูกชาย เขาถามธัชธรรม์   

   “ผม ผมก็ไม่รู้” ธัชธรรม์ลนไปหมด รีบกดสายโทรกลับเข้าไปที่เบอร์ของเด็กหนุ่มแต่ก็ไม่มีใครรับสาย รีบกดเบอร์หาหิรัญแต่ก็ไม่มีใครรับสายอีก วันนี้เป็นวันโปรโมทเพลงใหม่คงจะยุ่งหรือคงจะติดธุระอยู่

   ไม่ไหว.. เขารู้สึกจุกอก หายใจแทบไม่ออก น้ำตาที่คิดว่าไม่มีทางไหลออกมามันคลอหน่วยจนมองได้พร่ามัวเหลือเกิน นิรัชตบบ่าลูกชาย เขารีบต่อสายหาเพื่อนที่เป็นตำรวจอยู่กรุงเทพฯ ชายหนุ่มกระวนกระวายเขาไม่อยากทำอะไรแล้ว เขาจะไปใบบุญ!
   
   “ผมจะไปกรุงเทพฯเดี๋ยวนี้”

   “ใจเย็นก่อนธัช”

   “พ่อ! ผมไม่รอแล้ว”

   “ตั้งสติก่อน!” นิรัชกระชากลูกชายให้หันมาฟังเขา “ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มึงไปตอนนี้จะรู้หรือว่าน้องอยู่ไหน”

   “ผม.. ผมไม่รู้” เขาหมดเรี่ยวแรง ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น “ผมจะทำยังไงดี..พ่อ”

   “ธัช.. ใจเย็นก่อน” รีบคุยกับลูกชายให้ตั้งสติ เวลาคนเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าเป็นใครก็สติแตกกันทั้งนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นโชว์หน้าจอเป็นเบอร์ของหิรัญ เขารีบกดรับ อย่างน้องเพื่อนที่อยู่ทางนั้นน่าจะพอช่วยอะไรได้บ้าง ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง

   “ฮัน มึงอยู่ที่ไหน กูมีเรื่องให้ช่วยที ด่วน!”

   “ใจเย็นๆ มึงเป็นอะไรเนี่ย โวยวายใส่กูทำไม” หิรัญเพิ่งออกมาจากสตูดิโอที่ไปถ่ายรายการ ส่วนข้างๆก็มีกรวีร์ที่ตามไปด้วย

   “มึงช่วยแฟนกูที”

   “อะไรนะ” หิรัญทำเสียงตกใจก่อนทีอีกฝ่ายจะเล่าให้เขาฟัง รูปถูกส่งต่อมาให้เขานั่นทำให้กรวีร์ที่อยู่ใกล้ๆกันรับรู้เรื่องราวทั้งหมด ใบหน้าหวานงอง้ำและเดือดดาล เขาแยกกับใบบุญไปเมื่อช่วงเย็นนี่เองแล้วจะเป็นไปได้ยังไง?

   หิรัญวางสายจากเพื่อนสนิท เขารับปากว่าจะติตตามให้ก่อนที่ชายหนุ่จะเดินทางขึ้นกรุงเทพฯมาพรุ่งนี้เช้า กรวีร์กำหมัดแน่นนึกเสียใจที่ตนเองไม่ดูแลเพื่อนให้ดี ถ้ามันเป็นอะไรไปเขาคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต.. ทำไมต้องเป็นเพื่อนเขาด้วย

   “ไม่เอาไม่ร้อง ใบบุญจะไม่เป็นอะไร”

   “ผมปล่อยมันไว้คนเดียวอีกแล้ว”

   “ไม่ใช่ความผิดของกรหรอกนะ ไม่เอาอย่าร้องสิครับ”

   “กรจะไม่ยอมให้เพื่อนเป็นอะไรแน่” เขาปาดน้ำตาที่รื้นอยู่ขอบตา ก่อนจะกระชากแฟนขึ้นรถยนต์ หิรัญถูกยัดเข้าไปในรถแทนที่จะเป็นฝ่ายขับเองเหมือนทุกที เขามองคนรักด้วยความงุนงง รถยนต์ถูกเหยียบด้วยความเร็วก่อนจะมาจอดที่หน้าคอนโดสุดหรูใจกลางเมือง หิรัญยิ่งงงหนักเข้าไปอีกเมื่อเห็นคนรักสะกิดให้เขาออกไปด้วยกัน

   “จะไปไหนครับเนี่ย” เวลานี้เราควรจะไปแจ้งความที่สถานีตำรวจสิ?

   “ตามกรมาก็แล้วกัน” ชายหนุ่มขึ้นไปลิฟต์ชั้นสูง กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทางเดิน ก่อนจะหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง เด็กหนุ่มรัวมือทั้งทุบทั้งตะโกน แหกปากจนห้องข้างๆต้องโผล่หน้าออกมาดู หิรัญตกใจรีบจับคนรักเอาไว้

   “ทำอะไรเนี่ย?”

   “พี่วัตร! พี่วัตรอยู่ไหม พี่วัตรออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” เขาตะโกนโหวกแหวกโวยวายจนประตูห้องเปิดจริงๆ หิรัญมองชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวจัดที่กำลังไม่สบอารมณ์ ริมฝีปากกำลังคาบบุหรี่ควันพวยพุ่ง เจ้าตัวอยู่ในชุดผ้าขนหนูหม่นเหม่ปกปิดสะโพกสอบ กล้ามเนื้อสวยงามตามฉบับผู้ชายที่ออกกำลังกายเป็นประจำ

   “พี่บอกแล้วใช่ไหมถ้าจะมาให้ไลน์มาบอกก่อน”

   “พี่ไม่อ่านไลน์กรมาสองอาทิตย์แล้ว สองอาทิตย์!”

   “ทำงานยุ่งนี่หว่า ไม่ได้ว่างเป็นตำรวจที่กินเงินเดือนไปวันๆนะ” ชัยวัตรมองญาติที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องตรงหน้า มันห่างกับเขาตั้งสิบกว่าปี ถ้าไม่ติดว่าคุณน้าชอบพากรวีร์มาเล่นกับเขาที่บ้านบ่อยๆ เจ้าตัวคงไม่สนิทกับเขาขนาดนี้

   “ทำงานยุ่งหรือติดแฟนเด็ก” กรวีร์ทำตาถลึงให้ชายหนุ่มที่เดินตามออกมา อยู่ในชุดผ้าขนหนูแบบนี้คงไม่ต้องบอกว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ ชัยวัตรมีแฟนเด็กกว่าที่คบกันได้หลายปีแล้ว แถมยังพาไปเที่ยวที่บ้านแล้วด้วย ดูเข้ากับคนที่บ้านเขาได้ดีมีแต่เขานี่แหละอดจะหมั่นไส้ไม่ได้!

   “กร” ชัยวัตรมองน้องชายที่กำลังงอแง เขาเหลือบไปมองชายหนุ่มอีกคนที่เดินตามหลังมา ไล่ดูตั้งแต่หัวจรดเท้าของอีกฝ่าย “พาแฟนมาด้วยหรือ”

   “อือ” กรวีร์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ เขาจูงมือหิรัญเข้าไปในห้องรับแขกก่อนจะนั่งลง รอให้พี่ชายแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยคุยกัน ชัยวัตรเดินไปโอบคนรักที่กำลังเตรียมทำของว่างให้แขก

   “ไม่ต้องยุ่งยากน่าวี” ปฐวีหันไปมองคนรักแล้วก็ต้องส่ายหัว เขาไม่อยากให้กรวีร์มองเขาเป็นคนที่มาแย่งความรักจากชัยวัตรไป ถึงคนรักจะอธิบายเอาไว้แล้วว่าเป็นอาการปกติของน้องที่หวงพี่ชายแต่เขาก็อดจะคิดมากไม่ได้

   “แต่ผม..”

   “พี่จะไปคุยกับกรให้รู้เรื่อง มาดึกดื่นป่านนี้ต้องมีธุระด่วนบ้างแหละ เราก็ไปนอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ทำงานสายนะครับ” กระซิบที่ข้างหูแผ่วเบาก่อนจะจับจูงคนรักเข้าประตูห้องนอน เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสบายตัว ก่อนจะมาประจัญหน้ากับกรวีร์
   
   “มีอะไรไหนบอกมาสิ” กรวีร์ยื่นรูปให้ดู เขาจำเด็กหนุ่มคนนี้ได้แม่น เพราะสมัยเรียนโรงเรียนมัธยมปลายเขาเคยเห็นกรวีร์พาเด็กคนนี้มาเที่ยวเล่นที่บ้านบ่อย เขาเงยหน้ามองน้องชายที่กำลังอยู่ในอาการเครียด “ตั้งแต่เมื่อไหร่.. เราเจอเพื่อนครั้งล่าสุดที่ไหน” เขาไล่เรียงเหตุการณ์กับกรวีร์ ก่อนจะให้โทรไปหามารดาของใบบุญ เขาลุกขึ้นยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบ เดินเข้าไปจุมพิตคนรักที่ผล็อยไปบนเตียง

   “เดี๋ยวพี่มานะครับวี” ปฐวีไม่ได้ลืมตามองมองเขาเหมือนทุกทีกลับซุกตัวเข้ากับผ้าห่ม เขาออกจากห้องพยักเพยิดให้อีกสองคนตามเขามา ชัยวัตรขอข้อมูลของคนที่น่าจะอยู่ใกล้ตัวของใบบุญมากที่สุดเพื่อหาพยานหลักฐาน และเหตุจูงใจที่ทำให้คนร้ายลงมือ

   “นอกจากพวกเราแล้วใบบุญก็ไม่ได้สนิทกับใครเลยนะ” กรวีร์พยายามนึก เขารู้ว่าเด็กหนุ่มไม่ได้สุงสิงกับใครเป็นพิเศษนอกจาก.. “มีอยู่คนหนึ่งที่ใบบุญชอบไปไหนมาไหนด้วย”

   “ใคร” หิรัญถามคนรัก

   “พี่โช..” เขาบอก ก่อนจะอธิบายเรื่องราวทุกอย่าง “จริงๆแล้วใบบุญเคยถามเรื่องพี่โชเหมือนกันว่าเป็นใครมาจากไหน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็สนิทสนมกัน พี่โชชอบใบบุญก็จริงแต่ก็ไม่ได้รุกจีบมากเพราะรู้ว่าใบบุญมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

   “หรือว่าเพราะใบบุญไม่รับรักก็เลย..”

   “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลมาก พี่วัตรจะทำอะไรต้องระวังหน่อยนะครับ”

   “เรายังปักใจเชื่อไม่ได้ว่าเขาคือคนร้าย มีแค่ข้อมูลเท่านี้จะไปออกหมายจับคงไม่ได้” กรวีร์หน้าซีดไปถนัดตา เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว “แต่เราน่าจะหาที่อยู่ของเขาเจอได้” หิรัญเงยหน้าสบตากับผู้กำกับหนุ่ม

   “ผมจะให้นักสืบจัดการหาที่อยู่ของเขาให้เร็วที่สุด”

   “แล้วเราจะไปหาทุกที่เลยหรือครับ”

   “มันต้องมีสักที่แหละกร ตอนนี้ขอภาวนาอย่าเพิ่งให้ใบบุญเป็นอะไร” ชัยวัตรบอกเสียงเครียด ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอคดีทำร้ายร่างกายแบบนี้ หวังว่าฝ่ายนั้นจะไม่เล่นถึงชีวิต..

   “พี่วัตรต้องช่วยเพื่อนผมนะ” ชัยวัตรหน้าเครียด เขาประสานงานกับตำรวจในพื้นที่ แจ้งทะเบียนรถยนต์ของชายหนุ่มต้องสงสัย ส่วนหิรัญรีบจัดการหาที่อยู่ของชวดลให้เร็วที่สุด

   โน๊ตบุ๊คถูกเปิดขึ้นพร้อมกับเสียงรัวคีย์บอร์ด หิรัญใช้นักสืบประจำตระกูลที่มีความเชี่ยวชาญดีในการค้นหาข้อมูล เขาต้องการได้ที่อยู่ของชวดลทุกที่! ภาพคอนโดและเพนเฮ้าส์สุดหรูถูกส่งผ่านอีเมลล์มาทันที ชายหนุ่มเลื่อนดูแล้วมีประมาณเกือบแปดแห่งที่เจ้าตัววนเวียนไปใช้อยู่เสมอ ยังไม่รวมอาคารพาณิชย์ของเจ้าตัวที่มีเกือบสิบแห่ง เขาไม่มีเวลามากขนาดนั้น..
   
   “ปกติไปที่ไหนกัน”

   “ไปกินข้าว แล้วก็กินขนมครับพี่วัตร” กรวีร์ตอบเสียงเครียด “ไม่ได้ไปไหนไกลเลย”

   “งั้นลองดูคอนโดที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยก็แล้วกัน”
   
   “สี่ที่ แม่งเอ๊ย จะรวยไปไหนวะ!” หิรัญสบถ เขารู้ว่าชวดลร่ำรวยจากธุรกิจครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะมีทรัพย์สินในครอบครองมากมายขนาดนี้ “คงต้องไปหาที่แรกก่อน”

   ชัยวัตรประสานกับตำรวจในพื้นที่โดยใช้ตำรวจนอกเครื่องแบบตามหา เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ทำอะไรใบบุญเสียก่อน ตอนนี้ก็ได้แต่ขอให้เราเจอตัวเขาโดยเร็วที่สุด

   ธัชธรรม์กับนิรัชนั่งเครื่องมาถึงกรุงเทพฯตั้งแต่เช้า เขารีบไปหาหิรัญทันทีโดยปล่อยให้นิรัชกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อน เขาโทรศัพท์คุยกับมารดาและถามถึงใบบุญ จนได้ความว่ามารดาเข้าใจว่าน้องมาหาเขา เพราะเธอเองก็ติดต่อกับลูกชายคนเล็กไม่ได้เหมือนกัน เขาตัดสินใจบอกแม่กับความจริงทั้งหมด

   “ผมจะไม่อยู่ห่างจากน้องอีกแล้ว” เขาบอกมารดาที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ถ้าพ่อไปอยู่ด้วยคงจะไม่เป็นไร เขามาถึงก็เจอกรวีร์อยู่หน้าคอม เพราะหิรัญขอติดตามชัยวัตรไปตามหาด้วยตอนนี้เขาเลยต้องอยู่คนเดียว “ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน พี่จะไปด้วย”

   “อยู่ที่คอนโด..” กรวีร์บอกพิกัดล่าสุด ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนผ้าแล้วขับรถตามไปทันที กรวีร์ขอตามไปด้วย แต่พอลุกขึ้นยืนเขาก็เวียนหัวขึ้นมา เมื่อคืนไม่มีใครได้นอนสักคน ดูเหมือนร่างกายจะแบกรับภาระหนักมากไปแล้ว

   “กรอยู่นี่เถอะ”

   “แต่ว่าผมก็เป็นห่วงใบบุญเหมือนกัน”

   “ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า ไม่อยากเห็นมึงเป็นอะไรไปอีกคน เดี๋ยวไอ้ฮันจะบ้าตายเอา”

   “ทำไมทุกคนต้องทำเหมือนผมอ่อนแอด้วย!” กรวีร์บ่นอุบ แต่ก็ยอมพักผ่อนแต่โดยดีก่อนที่ร่างกายจะรับไม่ไหวแล้วเป็นอะไรไปเสียก่อน “พี่ธัชต้องพาใบบุญกลับมาให้ได้นะ”

   “อืม กูรู้แล้ว” ธัชธรรม์พยักหน้า เขาไปตามแผนที่ที่กรวีร์บอก จนกระทั่งเห็นหิรัญกำลังยืนคุยกับยามที่ไม่ยอมให้เข้าไปข้างใน เขาเดินสับขาไปหาอย่างรวดเร็ว หิรัญหันมามองเขาก่อนจะตบบ่า หน้าตาแต่ละคนตอนนี้แทบดูไม่ได้ ทั้งโทรทั้งดำคล้ำไปหมด
   
   “เจอไหม”

   “มีที่นี่แหละ ที่ยังเข้าไปไม่ได้” หิรัญมองตามไปก็เห็นชัยวัตรกำลังเดินเข้ามาพร้อมตำรวจนอกเครื่องแบบอีกสองคน “ดูแล้ว มั่นใจว่าจะเป็นที่นี่” ธัชธรรม์กัดฟันกรอด เขาไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากเฝ้ารอให้อีกฝ่ายออกมาหรือยังไง คนรักเขาทั้งคนยังหาตัวไม่เจอจะให้เขานิ่งนอนใจได้ยังไง เขาไม่ยอมอยู่เฉยแน่

   “ธัช นี่พี่วัตร.. พี่ชายของมังกร พี่เขาเป็นคนช่วยทำคดีนี้ให้”

   “ขอบคุณพี่มากเลยนะครับ”

   “อย่าเพิ่งขอบคุณเลย ขอให้ช่วยใบบุญได้ก่อนเถอะ”

   “ผมอยากเข้าไป”

   “เรายังเข้าไปไม่ได้” ชัยวัตรขมวดคิ้ว “แต่มันยังพอมีวิธีอยู่บ้าง”

   “แต่เรารอให้เวลาผ่านไปมากกว่านี้ไมได้แล้วนะครับ” ธัชธรรม์ร้อนรน เขาไม่อยากรออีกแล้ว ผ่านไปหนึ่งคืนมันก็มากพอแล้ว..
   
   “ถ้าเข้าแบบธรรมดาไม่ได้ ก็บุกแม่งเข้าไปเลย” ผู้กำกับหนุ่มตอบ ก่อนจะไหวไหล่ ทุกคนมองหน้ากันก่อนจะตัดสินใจลงมือ
   
   เด็กหนุ่มสัปหงกก่อนที่ศีรษะจะโขกกับผนังห้องน้ำ เขาลืมตาตื่นขึ้นมองลำตัวของตัวเองตั้งแต่หน้าอกลงไปถูกแช่อยู่ในน้ำเย็นไม่รู้กี่ชั่วโมงแล้ว แผลบริเวณรอบข้อมือและข้อเท้าที่ถูกเชือกมัดโดนน้ำจนแสบไปหมด เขาหนาวเหลือเกิน.. ทรมาน.. ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกตามด้วยร่างสูงที่เดินเข้ามาใกล้ แรงขยุ้มจากหนังศีรษะทำให้เขาเงยหน้าขึ้นไปแต่ลืมเปลือกตาไม่ขึ้น

   “ตายยากดีจริงๆ” ชวดลมองเด็กหนุ่มที่กำลังอ่อนแรง ถูกมัดอยู่ในอ่างน้ำ เขาปล่อยให้น้ำออกจนหมดแล้วผลักให้เด็กหนุ่มนอนราบลงในอ่างก่อนจะเปิดน้ำก๊อกให้ค่อยๆไหลเชื่องช้า เขาไม่อยากใช้ของมีคมให้มันเลอะเทอะ หลังจากนี้ถ้ามันตายจริงๆก็คงเอาไปโยนทิ้งในแม่น้ำเป็นอันเรียบร้อย แล้วใบบุญก็จะหายไปตลอดกาล หมดเสี้ยนหนามที่รบกวนหัวใจเขามาตลอด

   “เสียดายที่อัดคลิปไม่ได้ อยากส่งไปให้ไอ้ธัชมันดูจริงๆ”

   “ปล่อยผมเถอะนะ”

   “อยากพูดอะไรก่อนตายไหม”

   “ผม.. หนาว” เขาพึมพำไม่ได้ศัพท์ ลมปะทะกับร่างกายที่เปียกจนสั่นระริกไปหมด “อยากเจอพี่ธัช”

   “คงต้องรอเจอกันในนรกนะ” เสียงน้ำไหลรินจากก็อกไม่หยุด ค่อยๆท่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ชวดลจิบน้ำผลไม้ในมือก่อนเทลงในอ่างน้ำ “ช่วยเร่งเวลาให้มันเร็วอีกนิดนึงก็แล้วกัน” เขาพูดเสร็จก็หมุนตัวออกไปจากห้องก่อนจะล็อคประตู เสียงเคาะประตูห้องทำให้ชวดลส่องทางตาแมวประตู เห็นคุณป้าที่เข้ามาทำความสะอาดในห้องบ่อยๆเขาก็ตะโกนออกไป

   “วันนี้ไม่ต้องเข้ามา” อีกฝ่ายหายไปจากหน้าประตูแล้ว เขาเดินเข้าไปเปิดโทรทัศน์ให้เสียงดังจนกระทั่งประตูห้องถูกยิงลูกบิดพัง ชวดลตกใจถอยหนีเขาวิ่งไปคว้าปืนจากตู้มาถือเอาไว้ ชัยวัตรเปิดประตูเข้าไปยกปืนขึ้นจ่อ เห็นอีกฝ่ายกำปืนไว้แน่นก็คงไม่ต้องถามให้มากความ เขาพยักเพยิดให้ลูกน้องเข้าไปค้นในห้องอื่นๆ ธัชธรรม์จ้องชวดลด้วยสายตาแข็งกร้าว เขาวิ่งไปทุกห้องแต่ก็ไม่เจอ

   หรือว่าไม่ได้อยู่ที่นี่?

   “คุณตำรวจ? บุกรุกห้องคนอื่นแบบนี้ผิดกฏหมายนะครับ”

   “วางปืนลง”

   “ทำไมผมจะต้องวางด้วย!” เขาขบฟันแน่น ไม่รู้ทำไมมันถึงหาเขาได้เจอง่ายนัก “คุณนั่นแหละควรจะออกไปจากห้องผมได้แล้ว อย่าให้ผมต้องป้องกันตัวนะ” ชัยวัตรไม่อยากใช้ความรุนแรงกับอีกฝ่าย เขาไม่อยากต้องมานั่งแก้ปัญหาทีหลัง แต่ท่าทางวางกล้ามและอวดเก่งมันน่าจะจับมาสั่งสอนสักที!

   “ห้องนี้เปิดไมได้” หิรัญเขย่าลูกบิดยังไงก็เปิดไม่ออก

   “มึงถอยไป” ธัชธรรม์กระแทกตัวเข้าไปอย่างแรงก็ไม่มีทีท่าว่าจะพัง เขาคว้าปืนจากมือตำรวจ ปลดรังเพลิงก่อนจะยิงเข้าไปที่ลูกบิดจนมันพังออก เขาเปิดเข้าไปเจอสภาพของเด็กหนุ่มที่กำลังจมอยู่ใต้น้ำ ใช้มือหนาดึงรั้งร่างผอมบางอุ้มขึ้นมาวางที่พื้นก่อนจะปั๊มหัวใจ หัวใจเขาแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆเมื่อเห็นคนรักสลบไสล

   “ใบบุญ.. ใบบุญได้ยินพี่ไหม” เขาตีแก้มคนตัวเล็กเบาๆอีกฝ่ายสำลักน้ำออกมาอึกใหญ่ค่อยๆลืมตาขึ้นมามอง

   “แค่กๆ พี่ธัช..”

   “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่ต้อง” ในที่สุดเขาก็ได้หัวใจเขาคืนกลับมา

   “หนูหนาวจังเลย”

   “พี่อยู่นี่แล้ว”

   “หนู.. ขอโทษ”

   “ขอโทษอะไรอีก ไม่ต้องขอโทษอะไรทั้งนั้น แค่ใบบุญกลับมาหาพี่มันก็พอแล้ว พอแล้ว..” เขากอดคนตัวเล็กเข้าไว้แนบอก ใบบุญตัวเย็นชื้นต้องได้รับความอบอุ่น เขาห่อตัวด้วยผ้าขนหนูผืนหนาก่อนจะอุ้มคนรักออกไปข้างนอก เขามองหน้าชวดลด้วยความรู้สึกโกรธแค้นอยากจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายคามือ

   “พี่ธัช..” เด็กหนุ่มอ่อนเพลียเหลือเกิน เขาลืมตาแทบไม่ขึ้นอยู่แล้ว แต่ก็พยายามออกแรงรั้งเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้ เขาไม่อยากให้ธัชธรรม์ผูกใจเจ็บอาฆาตแค้นอีกฝ่าย “กลับบ้านเรานะ”

   “อื้อ กลับบ้าน” เขาพูดได้แค่นั้นก็กดจูบลงหน้าผากขาวนวลของคนที่เพิ่งหลับไป “พี่จะไม่ยอมให้เราอยู่ห่างจากพี่อีกแล้ว.. พี่สัญญา”

   ชัยวัตรจัดการรวบตัวชวดลไปโรงพักและแจ้งข้อหาหลายกระทงด้วยกัน อีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาและเตรียมทนายเอาไว้สู้คดีเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะจัดการคนผิดเอามาลงโทษให้หนัก เขาได้แต่หวังว่าเรื่อง



50%
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 18 ] 27-03-62 ★ P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 27-03-2019 21:10:49

          มันจะจบแค่นั้น แต่ไม่.. ธัชธรรม์ปรึกษากับนิรัชและได้ทนายฝีมือดีในการสู้คดี และต้องการจะรื้อคดีฆ่ายกครัวเมื่อยี่สิบปีก่อนขึ้นมาอีกครั้ง และหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเอาผิด เขาเชื่อว่าผู้บงการที่แท้จริงก็เป็นคนใกล้ตัวนั่นเอง

          ชายหนุ่มเพิ่งรู้ว่าชวดลไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันและเป็นเพียงลูกติดของอนันต์พี่ชายแท้ๆของเอกภพซึ่งเป็นคุณพ่อทางสายเลือดของใบบุญ เพียงเพราะว่าอยากให้อนันต์ได้เป็นผู้สืบทอด ภรรยาของอนันต์จึงจัดการครอบครัวของเอกภพให้สิ้นซาก แต่โชคไม่ได้เข้าข้างคนผิดเสมอไป ทับทิมซึ่งเป็นอดีตคนรักของเอกภพรู้ถึงปัญหาตรงนี้มานานและขอรับใบบุญมาเป็นลูกบุญธรรมเพื่อให้ฝ่ายนั้นเข้าใจว่าใบบุญตายไปแล้วทั้งครอบครัวและเลิกราไปในที่สุด

          ใบบุญถูกเลี้ยงขึ้นมาด้วยความรักความเอาใจใส่ไม่ต่างจากลูกแท้ๆอย่างธัชธรรม์ ทั้งๆที่เป็นเช่นนั้นแต่เมื่อทับทิมรู้ความจริงของลูกชายทั้งสองก็อดที่จะเสียใจไม่ได้

          “ลูกจะต้องไม่เป็นอะไร” นิรัชกอดปลอบอดีตภรรยาที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องไอซียู ใบบุญปอดติดเชื้อและต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด “คุณต้องเชื่อมั่นว่าลูกจะหายดี”

          “ชั้นสงสารลูกเหลือเกิน”

          “ผมก็สงสารลูกไม่แพ้กัน”

          “ชั้นจะทำยังไงดี” หญิงสาวปาดน้ำตาที่ปริ่มขอบตา นึกในใจว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้มานั่งคุยกับนิรัชแบบนี้

          “เรื่องของลูกทั้งสองคน” ตั้งแต่เลิกรากันไปเพราะเหตุผลของความไม่เข้าใจ ทับทิมก็ไม่คิดจะติดต่อไปหาอีกฝ่ายเลย ยอมเลี้ยงลูกเพียงลำพังโดยไม่เคยสนใจว่าลูกจะรู้สึกอย่างไร เพราะทิฐิแรงกล้าทำให้เธอและอดีตสามีเมินเฉยกันมาตลอด ถ้าหากได้คุยได้ปรับความเข้าใจกันตั้งแต่แรก เธอก็เชื่อว่าครอบครัวจะมีความสุขมากกว่านี้

          กว่าจะคิดได้ก็ช้าเกินไป...

          “ผมรักลูก” นิรัชเอ่ย เขาแอบเขินอยู่เหมือนกันที่ต้องมาพูดอะไรอย่างนี้ “ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรผมก็รัก ต่อให้คนทั้งโลกจะเกลียดเขา ผมก็ยังรัก”

          “ที่ผ่านมาชั้นไม่เคยถามความรู้สึกลูกเลยสักครั้ง” เธอบอกเสียงแผ่ว “ชั้นทำตามใจตัวเองตลอดและคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีแล้วสำหรับลูก แต่ชั้นก็คิดผิดมาตลอด..”

          “แต่ตอนนี้คุณคิดได้แล้ว อะไรที่ผ่านก็ลืมมันไปเถอะ คุณไม่อยากเห็นลูกมีความสุขหรือไง” เขาบอกหญิงสาวตรงหน้า กาลเวลาไม่ได้ทำให้ความสวยงามของเธอลดน้อยลง ผู้หญิงทุกคนมีความสวยงามในตัวเองเสมอ ความรักของแม่..
“ยังไงธัชกับใบบุญก็เป็นลูกของเราทั้งคู่”

          “....”

          “ผมอยากให้คุณมีความสุขนะ บางเรื่องปล่อยวางมันลงแล้วคุณจะค้นพบความสุข” นิรัชพูดก่อนจะจุดยิ้ม เขาส่งผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองอ่อนให้อดีตภรรยา ทับทิมมองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นแล้วต้องปล่อยโฮ เพราะมันเป็นผืนเดียวกับที่เธอเป็นคนปักเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ตอนที่เรายังอ่อนเยาว์และสื่อสารกันด้วยความเข้าใจ มันเป็นความทรงจำที่แสนจะมีค่าที่ถูกทำให้เลือนหายไปเพราะความกรุ่นโกรธในใจทั้งนั้น

          และวันนี้เธอค้นพบความสุขที่ได้ทำหล่นหายไปสักที..

                                                                            +++
         
          “แม่ไม่เห็นมาเยี่ยมหนูเลย.. พ่อด้วย” เด็กหนุ่มนอนแบ็บอยู่บนเตียง มองชายหนุ่มที่กำลังปอกแอปเปิ้ลให้ เขาไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะโกรธหรือเปล่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันใหญ่โตถึงขั้นต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเสียด้วย

          “เดี๋ยวหายเมื่อไหร่ก็จะได้กลับบ้านแล้วน่า ได้เจอแน่ไม่ต้องห่วง” ธัชธรรม์ตอบคนรัก พ่อกับแม่ยุ่งเรื่องคดีนิดหน่อยเลยยังหาเวลามาเยี่ยมไม่ได้ ส่วนเขาอาสามาเองทุกวัน จนใบบุญบ่นว่าอยากเจอคนอื่นบ้างแล้ว

          “แม่จะโกรธหรือเปล่า จะยังห้ามเราเหมือนเดิมไหม”

          “ไว้เราไปคุยกับแม่กัน ดีไหม?” เขาตอบยิ้มๆ

          “หนูไม่ให้พี่ธัชไปไหนแล้วนะ”

          “ถึงไล่ก็ไม่ไปไหนเด็ดขาด” เขาก้มลงจูบแก้มขาวที่เริ่มมีเลือดฝาดเหมือนเดิม หลังจากนอนพักอยู่เกือบสามวัน ไข้ที่มีก็ลดลงสามารถกินอาหารได้ปกติ เจ้าตัวบ่นอุบว่าขาดเรียนบ่อยแล้วไม่อยากหยุดมากไปกว่านี้ เดือดร้อนคนรักที่ต้องไปติดต่อทำเรื่องลาเรียนที่คณะให้ ใบบุญถึงจะยอมหยุดพักร่างกาย

          “หนูไม่อยากทะเลาะกับแม่”

          “พี่ก็ไม่อยาก”

          “เห้อ” เจ้าตัวถอนหายใจออกมาเสียงดัง ส่วนเขาก็ส่งแอปเปิ้ลที่หั่นเป็นชิ้นเรียบร้อยป้อนเข้าปากคนป่วย “หนูไม่สบายใจเลย”

          “ไม่ต้องเครียด ให้พี่เครียดคนเดียวก็พอ”

          “ก็ต้องเครียดด้วยกันสิ มันเป็นเรื่องของเราสองคนนะ”

          “เครียดมากๆแล้วจะหายไหม ฮึ!” ธัชธรรม์มองสายน้ำเกลือที่ห้อยระโยงระยาง เขาเห็นใบบุญป่วยทีไรเขาก็ยิ่งปวดใจ “ไม่อยากให้เราอยู่โรงพยาบาลนานๆแล้ว”

          “คุณหมอบอกใกล้จะได้กลับแล้ว”

          “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี กลับไปคราวนี้พี่จะย้ายแล้วนะ”

          “ย้ายไปไหน” คนป่วยกระเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง ดวงตากลมโตเบิกกว้างจนเขาอดหัวเราะไม่ได้ “พี่ธัชจะย้ายไปไหนหรือครับ”

          “ย้ายไปอยู่กับใบบุญไง” เขาบอก ก่อนจะลงมือแกะส้มลูกใหม่ “อยู่สองห้องมันเปลืองแอร์ พี่จะเสียสละย้ายไปอยู่ด้วยก็แล้วกัน”

          “โดนแม่บ่นแน่ แม่ไม่ยอมหรอกครับ”

          “แล้วถ้าพี่ขอแม่ได้ล่ะ ใบบุญจะว่ายังไง”

          “ก็.. ไม่ว่าอะไร” ใบบุญทำท่าครุ่นคิด ทุกวันนี้ก้เหมือนอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ต่อให้อีกฝ่ายจะขนของมาอยู่กับเขามันก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่หรอก

          “จริงๆนะ”

          “อื้อ หนูไม่อยากอยู่ห่างจากพี่ธัชแล้วอะ”

          “ไอ้ดื้อ อย่ามาปากหวานแถวนี้” เขายิ้ม ยื่นมือไปบีบจมูกคนป่วยเบาๆ

          “ทำไม?”

          “มันฟัดไม่ได้!”

          “ทะลึ่ง” เขาตีชายหนุ่มอย่างไม่แรงนัก อีกฝ่ายจับข้อมือเขาเอาไว้แผ่วเบา สอดประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน ธัชธรรม์ มองเห็นรอยแดงที่ข้อมือของคนรัก เขาก็อดจะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ตั้งแต่วินาทีนั้นเขาเหมือนถูกควักหัวใจออกไป ทรมานเจียนตายเพราะอีกฝ่ายมากแค่ไหน วันนี้เขาก็ได้รู้สักที..

          “พี่รักใบบุญนะ” เขาบอกรัก และมองสบสายตาหวานของอีกฝ่ายที่ส่งตอบมา มันดีแค่ไหนที่ยังมีกันและกันอยู่อย่างนี้ เวลาที่มันเสียไปแล้วแม้จะเอากลับคืนมาไม่ได้ แต่เขาก็ได้บทเรียนจากมันมามากมายเหลือเกิน

          “….”

          “ไม่ตอบพี่หน่อยหรือครับ”

          “อื้อ หนูก็รักพี่ธัชเหมือนกัน” เขาหลุบตามองไปทางอื่นไม่อาจสู้สายตาร้อนแรงที่ชายหนุ่มส่งมาได้เลย มันมีพลังทำลายล้างเกินกว่าที่จะจ้องตรงๆได้ ธัชธรรม์เอื้อมมือไปแตะแก้มขาวก่อนจะเอียงให้หันมาสบกับเขาตรงๆ

          “หลบตาพี่ทำไมล่ะ”

          “ก็.. มัน” เพราะเขาไม่กล้ามองตรงๆยังไงล่ะ!

          ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาก่อนที่ชายหนุ่มจะได้แอบเต๊าะแฟนมากกว่านี้ กรวีร์ถือกระเช้าอันเบ้อเริ่มที่มีแต่ของกินที่เขาชอบทั้งนั้น ธัชธรรม์รับจากมือแล้วก็หันไปขอบใจ หิรัญก็ถือถุงผลไม้มาเยอะแยะ ไอ้พวกนี้มันคิดจะให้แฟนเขาอยู่โรงพยาบาลอีกเป็นเดือนหรือยังไง

          “มาขัดจังหวะหรือเปล่าเนี่ย”

          “มะ ไม่ขัดสักหน่อย” คนป่วยยกตัวเอนหลังเป็นกึ่งนั่ง เขายิ้มแย้มต้อนรับเพื่อนและรุ่นพี่ที่แวะมาเยี่ยมทุกวัน ส่วนธัชธรรม์แอบโดดเรียนมาเฝ้าเขาได้สองวันแล้ว ไล่ไปเรียนยังไงก็ไม่ไป ไม่รู้ทำไมถึงดื้ออย่างนี้

          “เฮียล่ะ เห็นบอกว่าจะมา”

          “เดี๋ยวก็ตามมาแล้ว ไปหาของมาเฝ้าไข้อยู่”

          “จะหายอยู่แล้วไม่ต้องเอาอะไรมาฝากหรอก”

          “ใช่ๆ เดี๋ยวก็ได้กลับไปทำงานแล้ว” เขาตอบเสียงใส เรื่องเรียนก็มีกรวีร์กับหิรัญคอยช่วย ยังไงก็ตามกลับไปเรียนทันอยู่แล้ว

          “ขอให้หายไวๆนะมึง กูเหงามากเลยไม่มีมึงไปเรียนด้วย”

          “เออน่า เดี๋ยวก็ได้กลับไปแล้วจะงอแงทำไม”

          “ก็คิดถึงอะ” กรวีร์ยู่ปาก จะโผเข้าก่อนแต่ก็โดนขัดจังหวะอีกตามเคย

          “ไปไกลๆจากแฟนกูเลยไอ้กร” ธัชธรรม์ดันหน้าผากของกรวีร์ให้ออกห่าง เสียงหัวเราะดังลั่นสลับเสียงบ่นยืดยาวของใบบุญ ธัชธรรม์ห้ามไม่ให้เพื่อนโดนตัวเขา นี่มันออกจะเว่อเกินไปหน่อยแล้ว

          “พี่ธัชแม่ง โคตรขี้หวง”

          “พี่ก็หวงจ้ะ” หิรัญเสนอหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะโดนสายตาพิฆาตของกรวีร์เข้าไป เขาหลุดหัวเราะเมื่อเห็นคู่นี้หยอกล้อกันแล้ว อยากจะรู้จริงๆว่าไปรักกันตอนไหน..

          “ถ้าง่วงก็นอนพักนะ”

          “หนูยังอยากคุยเล่นอยู่เลย ไม่เป็นไรหรอกครับ”

          “ครับ” เขาดึงผ้าห่มให้ขึ้นมาปิดแนบอก ลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ ชายหนุ่มอยากให้คนรักได้พักผ่อนเยอะๆ แต่คนป่วยยังทำตาใสแจ๋วไม่ยอมนอนง่ายๆ

          ใบบุญนอนพักอยู่โรงพยาบาลอีกสองวันถึงจะได้กลับบ้าน ทับทิมและนิรัชเป็นคนไปรับกลับ เด็กหนุ่มกระพุ่มมือไหว้พ่อกับแม่ที่เลี้ยงดูเขามาเป็นอย่างดี ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากสายตาที่เต็มตื้นไปด้วยความรัก เขาอยากจะบอกพ่อกับแม่ทั้งสองเขาเหลือเกินว่าเขาก็รักพวกท่านไม่แพ้กัน

          ธัชธรรม์กลับมาจากมหาวิทยาลัยตั้งแต่ช่วงบ่าย ช่วงนี้เขาไม่รับงานอะไรทั้งนั้นเพราะต้องการอยู่ดูแลใบบุญอย่างเต็มที่ เขาเห็นพ่อกับแม่กำลังง่วนอยู่ในครัว นึกสงสัยว่ามีงานอะไรถึงได้ทำอาหารเยอะแยะขนาดนี้ เดินเอากระเป๋าไปเก็บในห้อง ก็เจอเด็กหนุ่มกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงเขา เปิดดูสมุดภาพตั้งแต่เด็กๆที่เขาจำไม่ได้แล้วว่าเก็บเอาไว้ที่ไหน ทิ้งตัวลงทาบทับจนใบบุญร้องด้วยความตกใจ
         
          “พี่ธัช หนูหนักนะ ออกไปเลย”

          “ทำอะไรให้พี่ทำด้วยคนสิ”

          “ดูรูปเฉยๆครับ”

          “ไหน นี่มันรูปพี่กับใบบุญนี่ครับ” เขามองเห็นเด็กชายตัวกลมหน้าขาวกำลังยืนอยู่หน้าบ้าน สมัยก่อนเขาฮิตถ่ายรูปกันแบบนี้หรือไง จะชูสองนิ้วก็ไม่มีสักนิด “ตอนเด็กๆน่ารักเนอะ”

          “ใช่ น่ารักมากๆ”

          “พี่หมายถึงใบบุญนะ”

          “หนูก็หมายถึงพี่ธัชไง เท่มากๆ”

          “เท่มากๆก็ต้องรักมากๆนะครับ”

          “มันเกี่ยวกันได้หรือครับ” เด็กหนุ่มถามตาใส ก่อนจะถูกริมฝีปากอุ่นร้อนของชายหนุ่มส่งผ่านความรัก ฉกชิมความหวานหอมที่ตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าแค่จูบจะทำให้เขาตัวลอยจนจะแตะก้อนเมฆอยู่แล้ว..

          “จะเกี่ยวกันได้หรือยัง” ชายหนุ่มยิ้มกริ่มส่งมือหนาไปเช็ดคราบที่ริมฝีปาก ใบบุญหน้าแดงก่ำไม่ยอมสบตาเขาสักที เจ้าตัวพยักหน้าก่อนจะฟุบลงกับหมอน ช่างดูน่ารักเหลือในสายตาเขา เราหัวเราะก่อนจะมองตากัน ส่งผ่านความรักผ่านริมฝีปากครั้งแล้วครั้งเล่า...

          บรรยากาศในครอบครัววันนี้ดูสดชื่นกว่าทุกวัน เป็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกครั้ง ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาและมีแต่เสียงหัวเราะให้กัน คุณพ่อเล่นกีต้าร์ส่วนธัชธรรม์เป็นคนร้องเพลง เขาและคุณแม่นั่งปรบมือให้จังหวะก่อนจะร้องเพลงตาม บ้านที่เคยเงียบเหงากลับมีเสียงหัวเราะให้กันอีกครั้ง..

          บ้านที่เรียกว่าบ้าน..

          “วันนี้ทุกคนดูมีความสุขจังเลยนะครับ” ใบบุญยิ้มแผล่ ก่อนจะใช้ช้อนส้อมจิ้มไส้กรอกแล้วงับเข้าปาก ชายหนุ่มมองคนรักที่เคี้ยวตุ้ย ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารักไม่เบื่อเลย

          “เมี๊ยวววววววววววว”

          “ตัวเล็ก หิวเหมือนกันใช่ไหม” เขาก้มลงมองลูกแมวที่ตัวโตกว่าเดิมนิดหน่อย เจ้าตัวแสบเอาหัวมาถูกไถกับขา อ้อนได้ถูกคนจริงๆ “สงสัยอาหารเม็ดจะหมด”

          “ไม่ต้องเดี๋ยวพี่ทำเอง” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คว้าไอ้ตัวเล็กแล้วเดินออกไปอีกทาง ทั้งๆที่ปกติก็ไม่ค่อยถูกกัน แต่วันนี้ธัชธรรม์ก็เล่นกับแมวจนเขาเห็นแล้วเหนื่อยแทน เขามองแผ่นกว้างก่อนจะหันมาตักอาหารต่อ สายตาของพ่อกับแม่ที่มองเขายิ้มๆแบบนี้มันหมายความยังไงกัน

          “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

          “หนูคิดยังไงกับเรื่องพี่ธัช”

          “หนู.. รักพี่ธัช” เขาหลุบมองจานข้าว “แบบคนรัก” ช้อนตาขึ้นมองพ่อกับแม่ที่ยังมองอยู่เขาก็อดเขินไม่ได้ ต่อให้ทั้งสองจะพูดอย่างไรเขาก็ยืนยันคำตอบเดิม

          เขาจะไม่ยอมเลิก..

          “แม่กับพ่อคุยกันแล้ว.. ถ้าลูกรักกันแม่ก็คงไม่ห้าม” ทับทิมบอก ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ ใบบุญนิ่งอึ้งเขามองทั้งพ่อและแม่สลับไปมาก่อนจะยกมือขอบคุณ ขอบคุณจริงๆครับ..

          “แต่ถ้าพี่ธัชเขาดื้อ ก็จัดการได้เลยอันนี้พ่ออนุญาต” นิรัชพูดติดตลก “นิสัยแบบนี้ต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน อย่าไปยอมนะลูก”

          “สอนอะไรกันครับเนี่ย” ชายหนุ่มรีบเข้ามานั่งที่โต๊ะทันที เขามองพ่อกับแม่ด้วยสายตาแปลกๆ “คุยอะไรกันอยู่หรือครับ”

          “คุยว่าจะยกใบบุญให้แกดีไหม”

          “พ่อ! เอาจริงดิ” ธัชธรรม์เบิกตาโพลง เขาหันไปกุมมือคนรักก่อนจะยกขึ้นมาจุมพิต ท่ามกลางสายตาของคนอื่น “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ”

          “พี่ธัช ปล่อยก่อน!” เขาตีมือชายหนุ่มที่หัวเราะดีใจ เขาก็อายเป็นเหมือนกันนะ!

          “ถ้าธัชดูแลน้องได้ แม่ก็ไม่ขัด” ทับทิมมองลูกชายสองคนที่เลี้ยงมากับมือ “ทำให้พ่อกับแม่เห็นว่าเราจะดูแลน้องได้ อย่างที่พ่อเอกและแม่ปรางฝากใบบุญเอาไว้กับเรา”

          “ผมจะดูแลน้องให้ดีที่สุด ผมสัญญา”

          “พี่เขาพูดแบบนั้นแล้ว ใบบุญล่ะจะว่ายังไง?”

          “หนูจะคอยกำราบพี่ธัชให้ได้ หนูสัญญา”

          “อ้าว ทำไมพูดงี้ละครับที่รัก”

          “ก็พี่ธัชชอบดื้ออะ”

          “สงสัยไม่ต้องเป็นห่วงแล้วล่ะคุณ ไอ้ธัชมันขัดน้องได้ที่ไหน” นิรัชมองแล้วส่ายหัว “ดูทรงแล้ว น่าจะได้พ่อบ้านใจกล้ามาอีกคน” เสียงหัวเราะดังผสมผสานกับเสียงร้องเพลง ธัชธรรม์เลื่อนมือไปโอบเอวเด็กหนุ่ม เขามองเจ้าของหัวใจที่นั่งอยู่เคียงข้างด้วยความรัก สบตาหวานซึ้งส่งผ่านความอบอุ่นไปตามฝ่ามือที่สอดประสาน ไม่มีอะไรจะมีความสุขมากไปกว่านี้จริงๆ

          วันที่หัวใจเราได้อยู่ข้างกัน..

         



                    TBC.
 
 



หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 20] 27-03-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 27-03-2019 21:20:31
                                   Rhyme 20

   เรื่องราวของใบบุญถูกเปิดเผยจนเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ ในที่สุดอนันต์ก็ต้องออกมาแถลงข่าวจนได้ เขายินดีให้ข้อมูลทุกอย่างที่เป็นประโยชน์แก่ตำรวจและแสดงความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และความลับก็ไม่มีในโลก ต่อให้ไม่สามารถจะเอาผิดเพราะหลักฐานไม่เพียงพอแต่กฏแห่งกรรมย่อมไม่มีใครหลีกหนีได้พ้น วิมลศิลาหัวใจวายเฉียบพลันเพราะช็อคกับเรื่องลูกชายจนกระทั่งต้องพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล  มารดาของเขาตัดการติดต่อทุกอย่างจากพลอยไพลินและไม่ให้เธอเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตครอบครัวได้อีก เขาก็ได้แต่หวังว่าขอให้เธอเอาตัวรอดจากข้อหาสมรู้ร่วมคิดที่ชวดลซัดทอดเธอแล้วกัน!

   ใบบุญกลับไปเรียนปกติ เขาลองมาคิดดูแล้วชีวิตในช่วงนี้มีเรื่องให้ตื่นเต้นหลายอย่าง ทั้งเรื่องเรียน ทั้งเรื่องงานเพลงที่กำลังจะปล่อยเพลงแรกของตัวเองออกไป และเรื่องความรักที่เขาจะต้องเรียนรู้กับธัชธรรม์อีกมากมาย ตั้งแต่มารดาอนุญาตให้พวกเขาสองคนคบหาดูใจกันได้ ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะดีใจออกหน้าออกตาจนเขาแอบหมั่นไส้ ธัชธรรม์ขนข้าวขนของเข้ามาไว้ในห้องเขาจนแน่นไปหมด ห้องที่มีผู้ชายสองคนและแมวหนึ่งตัวมันก็อบอุ่นดีเหมือนกัน..

   “ใกล้จะถึงคณะแล้วก่อนเข้าเรียนเราไปกินข้าวกันไหม”

   “ไม่อะ” เขานั่งกอดอก มองริมทางฟุตบาทที่รถยนต์ขับเคลื่อนผ่านไป ไม่มีอารมณ์จะเสวนากับชายหนุ่มที่นั่งข้างๆสักนิด เพราะรูปถ่ายของคนรักที่ใกล้ชิดกับหญิงสาวคนหนึ่งมันทำให้เขาอารมณ์เสีย!

   “งั้นพี่จะไปซื้อนมมาเผื่อเอาไว้ เผื่อเราหิว”

   “แล้วแต่เลยครับ”

   “ใบบุญเป็นอะไร ไม่ค่อยสบายหรือครับ”

   “ฮื่อ ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ” เขาตอบก่อนจะเบือนสายตาไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง ทุกเช้าชายหนุ่มจะเป็นคนขับรถพาเขาไปเรียนด้วยกัน เขารู้ว่าธัชธรรม์พยายามปรับตัวมากขึ้นตั้งแต่เรื่องลดความเร็วเวลาขับรถ ไม่พูดคำหยาบคาย และฝึกความอดทนที่จะไม่ทำรุ่มร่ามกับเขาข้างนอก

   แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ..

   ใบบุญลงจากรถโบกมือทักทายเพื่อนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ตึกคณะ กรีวีร์ปรี่เข้ามาหาเขาก่อนจะพากันขึ้นห้องเรียน ไม่ชายตามองคนรักที่กำลังเดินตามเลยสักนิด ชายหนุ่มมองแผ่นหลังบอบบางที่เพิ่งเดินออกไปด้วยความไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าใบบุญเป็นอะไรกันแน่..

   “พี่ธัช” ชายหนุ่มถอนหายใจ ถึงพวกเขาจะคบกันแต่ไม่ได้ประกาศให้ใครรับรู้ พวกเขาเป็นศิลปินที่มีผลงานทั้งคู่ ใบบุญก็เป็นคนห้ามเขาเองไม่ให้เปิดเผยเรื่องที่คบกันอยู่ มันก็เป็นธรรมดาที่จะมีคนเข้ามาเกาะแกะบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยนอกลู่นอกทางเลยนะ!
   
   “มีอะไร”

   “เดี๋ยวจีนขอไปนั่งด้วยนะคะ” หญิงสาวสอดมือเข้าที่ท่อนแขนหนาของชายหนุ่ม ช่วงนี้กระแสของธัชธรรม์กำลังมาแรงถ้าเธอได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆกับชายหนุ่ม เธอก็จะได้มีกระแสกับเขาบ้าง คนอื่นจะได้เข้าใจว่าเธอเป็นอะไรกับนักร้องหนุ่มคนนี้

   “จะไปนั่งที่ไหนก็ไปเถอะ พี่ขอตัวนะ” เขาสะบัดทิ้งอย่างไม่ใยดี ที่ผ่านมาเขาอาจจะเคยทำให้หญิงสาวคาดหวังอยู่บ้าง แต่เขาก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น

   “พี่ธัช รอจีนด้วย!”

   ชายหนุ่มเข้ามาในห้องเรียนกวาดสายตามองหาคนรักก่อนจะเดินเข้าไปนั่งด้วย กรวีร์เห็นแต่ก็ไม่พูดอะไร ได้แต่ก้มหน้าก้มตาจดเนื้อหาลงในสมุดบันทึก แต่ก็แอบลอบมองปฏิกิริยาของเพื่อนที่ยังนิ่งเฉยอยู่ ถึงจะมีข่าวเม้ากันให้แซ่ดว่าธัชธรรม์มีเจ้าของหัวใจแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครฟันธงว่าเป็นใคร ประกอบกับมีภาพหลุดของจีนออกมาเรื่อยๆ ซึ่งเขามั่นใจว่าเป็นยัยนั่นปล่อยข่าวเองนั่นแหละ คราวนี้จะแก้ปัญหายังไงก็เป็นเรื่องที่ธัชธรรม์จะต้องจัดการแล้วล่ะนะ

   “เอ่อ..” เขาหันหน้าไปหาใบบุญ แต่อีกฝ่ายไม่สนใจเขาสักนิด

   “ตรงนี้จีนไม่ค่อยเข้าใจเลยอะคะ”

   “จีน อย่าเพิ่งยุ่งกับพี่ได้ไหม” เขาหันไปบอกหญิงสาวเสียงเบา ไม่รู้ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ตามติดเขานัก!

   “พี่ธัชก็คุยกับจีนก่อนสิคะ”

   “ถ้ายังเสียงดังอยู่ ช่วยกรุณาออกไปนั่งตรงอื่นนะครับ” เด็กหนุ่มปรายตามอง พูดเสียงเย็นก่อนจะกลับไปตั้งใจฟังอาจารย์สอน ธัชธรรม์หน้าซีดเผือด เขาหันไปทางหญิงสาวที่กำลังกระฟัดกระเฟียด จะรู้บ้างไหมว่าทำคนอื่นเขาเข้าใจผิดหมดแล้ว!

   “จีน พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”

   “เรื่องอะไรหรือคะ”
   
   “ออกมาด้วยกันหน่อย” เขาลุกเดินออกจากห้องเรียนโดยมีหญิงสาวลุกตามออกไปด้วย หิรัญเดินสวนเข้ามาก็ทำหน้าไม่เข้าใจ เขาแวะเอาขนมมาให้คนรักแต่ไม่คิดว่าจะเห็นเพื่อนเดินไปกับผู้หญิงคนอื่น

   มีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะ?

   “อย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น มานั่งนี่”

   “จ้ะ” หิรัญนั่งลงข้างๆคนรัก ส่งเสบียงเหมือนทุกที กรวีร์ไม่เคยขอให้เขาทำสักนิด เป็นเขาเองที่อยากจะดูแล “มีอะไรก็ไลน์มานะ พี่ไปเรียนก่อน”

   “อื้อ ขอบคุณนะครับพี่ฮัน”

   “เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นหอมแก้มพี่สักทีก็ดีนะ”

   “พอเลย” เขามองชายหนุ่ม “ไปไกลๆเลย” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่พวงแก้มขาวจัดก็ขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย น่าเอ็นดูเหลือในสายตาของหิรัญ สงสัยเขาจะต้องพาลูกสะใภ้คนใหม่ไปให้ป๊ากับม๊าดูตัวไวๆเสียแล้ว

   “เลิกเรียนพี่จะมาหาใหม่นะครับ” เขาขอตัวกลับไปเรียน แค่แวะมาเห็นหน้าหิรัญก็ชื่นใจแล้ว เขาเตรียมตัวกำลังจะกลับออกไปก็เจอธัชธรรม์กำลังเข้ามาพอดี ตบไหล่ทักทายกันเล็กน้อย เขาเห็นเสี้ยวสายตาลำบากใจจากเพื่อนสนิท ถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็ตาม..

   “พี่มีแฟนแล้ว และพี่ก็ไม่อยากให้ทำแบบนี้ เข้าใจไหมจีน?”

   “ทำแบบนี้คืออะไร พี่ธัชมีแฟนแล้วจริงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าโกหกจีนนะ”

   “พี่มีแฟนแล้วจริงๆ แล้วก็ไม่อยากให้ทำให้เขาลำบากใจด้วย”

   “ถ้ามีพี่แฟนพี่ก็เปิดตัวมาสิ หรือว่าคิดจะแทงกั๊กกับคนอื่นไปทั่ว” หญิงสาวกอดอกมองชายหนุ่มด้วยสายตาไม่พอใจ “อยากจะสะบัดจีนทิ้งแล้วก็ไปหาคนใหม่ใช่ไหมคะ? ทำไมพี่ธัชใจร้ายแบบนี้”

   “พี่ไม่ได้คิดอะไรกับจีนเลยสักนิด” เขาถอนหายใจ ดันเจอกับผู้หญิงเรื่องมากน่ารำคาญที่เอาแต่เรียกร้องความสัมพันธ์ “พี่ขอโทษ ถ้าทำให้จีนคิดไปไกล แต่หลังจากนี้ถือว่ามันจบแล้วนะ” เขาตอบ ทำอารมณ์ให้เย็นเข้าไว้

   “ก็ได้ค่ะ มันจบก็ได้” จีนหลุบตาทำหน้าเศร้า เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าแฟนที่ว่าของธัชธรรม์คือใครกันแน่! คิดว่าเธอจะยอมแพ้แค่นี้หรือไง ไม่มีทางหรอก!

    ธัชธรรม์คิดว่าเรื่องทุกอย่างมันจบด้วยดีแล้ว.. แต่มันแค่เริ่มต้น รูปที่เขายืนคุยกับจีนถูกถ่ายและนำไปโพสในเว็บไซค์ข่าว และเขียนว่าเขามีความสัมพันธ์ลับๆกับเพื่อนสาวคนสนิท เฮียกิตรีบโทรมาหาเขาทันที ถึงจะเป็นข่าวเล็กน้อยแต่มันก็กระทบต่องานที่เขาทำมากพอสมควร นอกจากเรื่องงานแล้วเรื่องแฟนก็ด้วย..

   “ใบบุญครับ เรากลับบ้านกันเถอะ”

   “ผมจะกลับเอง”

   “โกรธพี่เรื่องข่าวหรือครับ มันไม่มีอะไรจริงๆ” เขาพยายามอธิบายแต่ดูเหมือนคนตัวเล็กจะงอแงไปแล้ว ฉิบหายจริงๆความซวยมาเยือน เด็กหนุ่มโบกรถแท็กซี่ออกไปต่อหน้าต่อตาเขาเลย.. ซวยแล้วกู

   เขาจะขับรถตามไปแต่ถูกเรียกตัวเข้าไปที่สตูดิโอเสียก่อน กลับไปเขาจะต้องไปคุยกับคนรักให้รู้เรื่องไม่งั้นคืนนี้ได้ขนของมานอนนอกห้องแน่.. เวลาใบบุญโกรธขึ้นมาห้ามได้เสียที่ไหน

   “ไง หน้าเหมือนคนขี้ไม่สุดเลยนะมึง”

   “ทักแบบนี้ผมหมดหล่อนะเนี่ย”

   “เออ หน้าบูดเป็นตูดกูก็ทักแบบนี้แหละ” เฮียแซวเล่นแต่เขาไม่ขำเลยสักนิด “เห็นข่าวแล้วใบบุญไม่แหกอกมึงหรือไง”

   “เฮียรู้?”

   “พ่อมึงบอกกูเอง” กิตติพูดพลางยกกาแฟขึ้นจิบ เขาและนิรัชเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องตั้งแต่สมัยเรียนมอปลาย เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่เขายังเป็นนักดนตรีสมัครเล่น ทุกวันนี้ยังติดต่อกันอยู่เสมอ และอีกฝ่ายก็ฝากฝังลูกชายมาให้เขาช่วยดูแล

   “พ่อนะพ่อ” เขาบ่นอุบ กลัวว่าถ้าเฮียรู้ขึ้นมา เขาจะต้องยิ่งปกปิดมากกว่าเดิม

   “เขารักมึงจะตายไป ไม่งั้นคงไม่ยอมให้คบกันหรอก”

   “ผมรู้” ชายหนุ่มกุมขมับ “กว่าจะมาถึงวันนี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆนะเฮียผมไม่อยากจะต้องมาทะเลาะกับเขาอีกแล้ว ผมอยากให้เวลาแต่ละวินาทีมีค่าที่สุด.. การที่ต้องห่างกันมัน..ทรมานเกินไป”

   “ความรักมันก็เหมือนลิ้นกับฟันกระทบกระทั่งเป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่เรื่องที่ง่ายที่สุดยังทะเลาะกันแล้วนับประสาอะไรกับปัญหายอดฮิตแบบนี้วะ”

   “เมื่อก่อนผมอาจจะเหี้ย ทำอะไรไม่ดีไว้เยอะ แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่อย่างนั้นแล้วนะเฮีย”

   “มาบอกกูทำไม ไปบอกแฟนมึงโน่น”

   “เขาไม่ฟังผมเลย”

   “มึงทำเลวกับเขาไว้เยอะ มาถึงตอนนี้ก็ถึงเวลาที่มึงต้องรับผล” เขาบอกชายหนุ่ม “จริงไหมล่ะ? กูถึงได้บอกไงใครรักก่อนคนนั้นแพ้ มันเคยแพ้มาตลอด”

   “….”

   “แต่ตอนนี้มึงดันรักมันมากกว่า มึงนั่นแหละแพ้”

   “ผมขอยอมแพ้.. ทุกเรื่องเลย” เขาหลุบตามองพื้น “ถ้าจะมีใครสักคนเจ็บก็อยากให้เป็นผมมากกว่า”

   “เอาไปเขียนเพลงได้เลยนะ”

   “โถ่ เฮีย ผมเครียดนะเนี่ย”

   “คนอย่างมึง โผงผาง ตรงไปตรงมา ด้านได้อายอด ยังมีอะไรต้องเสียอีก” ชายหนุ่มมองคนตรงหน้า “กูรู้ว่ามึงมีวิธีแต่มึงแค่ลังเล มึงไม่ต้องมาถามกูหรอก มึงอยากทำอะไรก็ทำเถอะ.. ชีวิตมันเป็นของมึง”

   “เฮียรู้?”

   “ถ้าคนเขารักมึงที่ผลงาน เขาก็จะรักมึงต่อไป แต่ถ้าเขารักมึงเพราะว่ามึงหน้าตาดี สักวันพอมึงแก่เหมือนกู เขาก็คงจะเลิกชอบมึงไป.. เพราะมันมีเด็กรุ่นใหม่มาแทนที่เสมอ ถ้ามึงอยากจะทำให้ผู้คนจดจำ มึงต้องฝึกตัวเองให้เก่งกว่านี้ สร้างผลงานให้ทุกคนเขาได้เห็นว่ามึงมีศักยภาพแค่ไหน”

   “ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากครับเฮีย” เขายกมือไหว้โปรดิวเซอร์ที่เคารพรักเหมือนพี่ชายเหมือนพ่ออีกคนหนึ่ง คนที่ผลักดันและสนับสนุนให้เขาทำในสิ่งที่รัก หลังจากนี้เขาจะไม่ลังเลอีกต่อไป ถ้าหากเขาจะต้องทิ้งความรักเพื่อเลือกความฝัน ทำไมเขาไม่เลือกมันทั้งคู่ล่ะ..

   ใบบุญไม่ได้เจอคนรักมาสองวันเต็มแล้ว ชายหนุ่มไลน์มาบอกว่ากำลังเตรียมซ้อมเพื่อที่จะขึ้นเวทีร่วมกับศิลปินคนอื่นในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินค้าชิ้นใหม่ โดยมีหิรัญเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย เขาไม่ได้ตอบอะไรนอกจากส่งสติ๊กเกอร์กลับไป อยากจะถามว่ากินข้าวบ้างหรือยัง หรือเหนื่อยไหมแต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกไป..

   เขาคิดเอาเองว่าช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างอารมณ์ขุ่นมัวแยกกันไปจัดการกับความรู้สึกตัวเองให้เรียบร้อยแล้วกลับมาคุยด้วยเหตุผลแบบนั้นน่าจะดีกว่า เขาไม่อยากจะทะเลาะกับธัชธรรม์สักหน่อย ในระหว่างที่ใคร่ครวญอยู่ในใจไอ้ตัวเล็กก็เดินนวยนาดขึ้นมานอนบนตัก ปกติถ้าชายหนุ่มเห็นจะต้องแย่งตักหนุนนอน ทะเลาะกับไอ้ตัวเล็กได้ทุกวัน..

   “เมี๊ยววววววววววววว”

   “คิดถึงป่าป๊าหรือไง” เขาเกาคางจนตัวแสบหลับตาพริ้มคลอเคลียไม่ห่าง อย่าว่าแต่ไอ้ตัวเล็กเลย เขาก็เริ่มคิดถึงคนรักแล้วเหมือนกัน ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง.. ใบบุญยอมรับว่าไม่พอใจเรื่องที่ชายหนุ่มมีหญิงสาวมาติดพัน จนเขาทำเมินไม่ยอมคุยด้วย ไม่รู้ว่าเขาทำมากไปหรือเปล่า..

   คิดถึงจัง..

   เสียงโทรศัพท์เป็นเพลงที่ชายหนุ่มแต่งให้เขา มันดังจนไอ้ตัวเล็กกระโดดจากตักลงไปที่พื้น เมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรมาเขาก็กดรับทันที “ว่าไงมึง”

   “อยู่ไหนออกมาเจอหน่อย”

   “ขี้เกียจออกแล้ว เหนื่อย การบ้านยังไม่เสร็จเลย” เขาบ่น

   “ระวังเฮียน้อยใจหรอก ไม่โผล่หน้ามาหลายวันแล้วนะ”

   “จะให้กูไปให้ได้ใช่ไหม พูดมาเลย” กรวีร์เร่งเขายิกๆเหมือนมีธุระสำคัญอะไรสักอย่าง

   “เออ มึงต้องมาด่วนนนนนน แค่นี้นะ!” มันกดวางสายอย่างรวดเร็วทำเอาเขามึนงง เดินเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วแวะไปหาที่สตูดิโอ.. หรือว่าจะกินเลี้ยงกันอีกแล้ว?

   เขาเปิดประตูเข้าไปก็ไม่เห็นมีใครอยู่สักคนกระทั่งเจอกรวีร์กำลังเปิดโทรทัศน์อยู่ เขาก็เดินเข้าไปนั่งด้วย อยากจะรู้ว่ามันมีอะไรถึงได้ตามเขามาที่นี่ “ไหนเฮียล่ะ”

   “ไปดูแลพี่ฮันกับพี่ธัชที่งาน”
   
   “งาน?”

   “งานที่ซ้อมกันอยู่หลายวันไง” เขาบอกก่อนจะเปิดโทรทัศน์ที่กำลังถ่ายทอดสด

   “รอดูย้อนหลังก็ได้มั้ง”

   “ไม่ได้” กรวีร์ทำหน้าเลิ่กลั่ก “ต้องดูวันนี้สิ!”

   “เออ ดูวันนี้ก็ดูวันนี้พอใจหรือยัง” เขาเอนตัวพิงโซฟาก่อนจะดูรายการโฆษณา กรวีร์ลุกออกไปห้องครัวหยิบขนมกับผลไม้ขึ้นมาชุดใหญ่ เขามองนาฬิกาเกือบสองทุ่มแล้ว ถ้าดึกกว่านี้เขาจะกลับไปทำการบ้านไม่ทันนะ “มาหรือยัง?”

   “มาแล้วๆ” กรวีร์กดรีโมทเปิดเสียง ช่วงแรกมีพิธีกรมาอธิบายสินค้าพูดถึงที่มาที่ไปและคอนเซ็ปของผลิตภัณฑ์ก่อนจะเชิญพรีเซ็นเตอร์ออกมาสัมภาษณ์ เขาเห็นธัชธรรม์และกรวีร์นั่งข้างกัน ส่วนอีกด้านเป็นนักแสดงผู้หญิงที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงพอสมควร เขาตะลึงไปเล็กน้อย อดยินดีกับความสำเร็จของธัชธรรม์ไม่ได้ เขาบอกแล้วว่าชายหนุ่มจะต้องไปได้ไกลกว่านี้.. เป็นทั้ง นักร้อง นักแสดง นายแบบ นักดนตรี..

   “พี่ฮันนนนน”

   “เชียร์ขนาดนี้ไม่ไปที่งานเลยอะ” หันไปมองเพื่อนที่ออกอาการอย่างกับเชียร์บอล

   “คนมันเยอะ เขาเลยไม่อยากให้ไป”

   “จริง คนเยอะมากๆอะ”
   



      50%
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 20 ] 27-03-62 ★ P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 27-03-2019 21:26:44


        “ไปก็วุ่นวายเปล่า รออยู่ที่นี่แหละ” กรวีร์บอกก่อนจะส่งขนมให้เขา เรื่องแค่นี้จะต้องลากเขามาดูถ่ายทอดสดหรือไง เขามองชายหนุ่มในโทรทัศน์แล้วก็อมยิ้ม วันนี้ธัชธรรม์อยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวเปลือยอกเล็กน้อยและกางเกงสแล็คสีดำที่ดูเข้ากันพอดิบพอดี เขามองจนเพลิน มองจนเขินเอง..

        อาการหนักแล้วเรา..

        “เรามาสัมภาษณ์นักร้องหนุ่มสุดฮอตที่กำลังมาแรงแซงโค้งกันดีกว่า คุณฮันและคุณธัชค่า” พิธีกรสาวสายในชุดราตรีสีขาวตามธีมของสินค้าส่งไมค์ให้ขายหนุ่มทั้งคนถือเอาไว้ “เสียงกรี๊ดดังมากๆ เป็นอย่างไรบ้างคะกับซิงเกิลแรงแรกที่ได้รับการตอบรับดีแบบนี้”

        “ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่ชื่นชอบและเป็นกำลังใจให้พวกเรานะครับ ผมและฮันยังคงมีเพลงที่ทำร่วมกันอยู่อีกหลายเพลง และหวังว่าทุกคนจะคอยสนับสนุนผลงานของเราต่อไปนะครับ” พิธีกรหันไปทางหิรัญที่นั่งส่งยิ้มให้แฟนคลับ

        “ขอบคุณทุกกำลังใจและทุกคำติชมนะครับ เราจะทำผลงานเพลงออกมาให้ดีกว่านี้ ฝากติดตามผลงานต่อๆไปของพวกเราด้วยนะครับ”

        หลังจากสัมภาษณ์กันไปหอมปากหอมคอ พิธีกรก็ให้หนุ่มๆได้ร้องเพลงพร้อมทั้งถ่ายรูปคู่กับผลิตภัณฑ์ เขามองชายหนุ่มที่เฉิดฉายอยู่บนเวทีก็รู้อิ่มเอมใจและยินดีกับธัชธรรม์มากจริงๆ ภาพตัดมาที่นักข่าวกำลังสัมภาษณ์ชายหนุ่มทั้งคู่ โดยเฉพาะเรื่องภาพหลุดของธัชธรรม์ที่มีข่าวเม้าว่าแอบคั่วเด็กในมหาวิทยาลัย

        “จริงครับ” ชายหนุ่มตอบก่อนจะยิ้มหวาน สายตามองตรงมาทางกล้อง “ผมมีแฟนแล้วจริงครับ เรียนอยู่คณะเดียวกัน”

        “อันนี้คุณธัชจะออกมายอมรับว่าภาพหลุดกับหญิงคนนั้นคือแฟนตัวจริงใช่ไหมคะ”

        “ไม่ใช่ครับ คนนั้นเป็นเพียงเพื่อนผมเฉยๆ ไมได้มีอะไรลึกซึ้งไปมากกว่านั้นครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ ขัดกับภาพลักษณ์ผู้ชายหล่อร้าย เพลย์บอยที่นักข่าวตั้งสมญานามให้จริงๆ

        “แล้วเมื่อไหร่จะเปิดตัวแฟนละคะ” ไมค์จ่อเข้าใกล้อีกเรื่อยๆ เห็นอย่างนั้นเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “คิดว่าเปิดตัวแฟนจะทำให้แฟนคลับลดน้อยลงไหมคะ”

        “สำหรับคำถามนั้น ผมคิดไตร่ตรองมาดีแล้วครับ และก็คิดว่าควรจะออกมาพูดให้เกียรติคนที่ผมรัก ว่าผมไม่ได้ปกปิดเรื่องคบหาดูใจกับใคร เพียงแต่ว่าไม่ใช่คนที่เป็นข่าวด้วยครับ”

        “แล้วเป็นใครคะ หรือว่ารอเปิดตัว”   

        “เป็น..เอ่อ” ชายหนุ่มจุดยิ้ม “เป็นนักร้องในค่ายเดียวกันนี่แหละครับ” ชายหนุ่มพูดก่อนจะยกมือเกาคอแก้เก้อ เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับที่รออยู่ด้านนอกได้เป็นอย่างดี ส่วนหิรัญไม่ได้พูดอะไรมากเขาแค่ตอบคำถามบางอย่างแทนเฮียกิตและพูดถึงผลงานที่กำลังทำอยู่ เรื่องแฟนของธัชธรรม์ก็เป็นที่พูดถึงอย่างมากและเดากันไปต่างๆนาๆว่าเป็นใคร มีบางคนที่จิ้นหิรัญกับธัชธรรม์ซะด้วย

        เด็กหนุ่มนั่งดูผ่านโทรทัศน์ตกใจนึกว่าชายหนุ่มจะหลุดปากพูดออกไปจริงๆ หรือจะเอาคืนเรื่องที่เขาไม่ยอมฟังคำอธิบายเลยจะประกาศต่อหน้าสื่อแบบนั้น ถ้าพูดจริงกลับมาเขาจะบิดให้เนื้อเขียวเลยคอยดู..

        “จะกลับแล้วหรือวะ?”

        “อืม ไม่มีอะไรก็จะกลับแล้ว”

        “ไม่รอเฮียก่อนล่ะ”

        “เดี๋ยวมาคุยกับเฮียพรุ่งนี้ก็ได้ คงไม่มีเรื่องด่วนอะไรใช่ไหม?” เขาตอบก่อนจะลุกขึ้นเดินลงไปสวมรองเท้า “ฝากบอกพี่ธัชที ว่าให้กลับไปคุยกันที่บ้าน ถ้ากลับมาช้านอนนอกห้อง” กรวีร์พยักหน้า ดูเหมือนว่าแผนการง้อออกสื่อจะไม่ได้ผล

        ตัวใครตัวมันนะ..

                                                                        +++

   ธัชธรรม์กลับถึงบ้านเกือบห้าทุ่ม เขาขอปลีกตัวกลับมาก่อนเพราะอยากมาหาคนรักใจจะขาด เขาได้รับข้อความที่กรวีร์ฝากมาบอกแทนก็อดจะเสียวสันหลังวูบวาบไม่ได้ ไม่ใช่ว่าใบบุญโกรธมากกว่าเดิมที่เขาบอกไปแบบนั้น เขารีบเข้าไปในบ้านค่อยๆเคาะห้องก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เขาเห็นใบบุญกำลังนอนหลับพริ้มอยู่บนเตียง ข้างล่างมีไอ้ตัวเล็กนอนอยู่ที่เบาะอย่างสบายอารมณ์ทั้งๆที่เขาไม่ได้คุยกับแฟนมาตั้งหลายวันแต่มันก็ยังนอนสบายใจเฉิบ คนตัวขาวลืมตาขึ้นมามองก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง

          “ไปอาบน้ำสิครับ”

        “งั้นพี่ขอเวลาแปบนึงนะจ๊ะ” ธัชธรรม์รับจัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว พุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำขัดเนื้อตัวร่างกายให้สะอาด ใช้เวลาไม่นานก็ออกมาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว เขานั่งลงข้างคนรักที่กำลังอ่านหนังสืออยู่

        “จะนอนได้หรือยังครับ”

        “นอนจ้ะ นอนกันได้แล้ว มันดึกแล้วเนอะ” เขาสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มอย่างคุ้นเคย เอื้อมมือกอดเอวของคนรักที่นอนอยู่เคียงข้าง อ้อมกอดอุ่นที่เขาไม่ได้สัมผัสมาหลายวัน คิดถึงที่สุด..

        ตอนนี้ชายหนุ่มจำได้ขึ้นใจอย่าทำให้คนรักโกรธเป็นอันขาด การโดนเมินเป็นอะไรที่ปวดใจจริงๆ กลับกันเด็กหนุ่มที่ถูกเขาเมินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกเขาพูดจาทำร้ายมาตั้งกี่หนยังอดทนกับเขาได้เลย.. เขาสัญญากับพ่อกับแม่ไว้แล้วจะไม่ทำให้ใบบุญผิดหวังแน่

        “ทำไมพี่ต้องพูดออกไปอย่างนั้นด้วย” ใบบุญพลิกตัวกลับมาประจัญหน้า ต่อให้จะอยู่ในความมืดแต่เขาก็รู้สึกว่าชายหนุ่มกำลังมองเขาอยู่

        “พี่อยากจะบอกด้วยซ้ำว่าใครคือเจ้าของหัวใจพี่.. แต่พี่กลัวเราลำบากใจ” ชายหนุ่มบอกเสียงแผ่ว ใบบุญกำลังปล่อยเพลงใหม่ในเร็วๆนี้เขาไม่อยากให้เรื่องของเขามันส่งผลต่องานของคนรัก

        “....”

        “เพลงใกล้จะออกแล้วด้วย”

        “แต่พี่ก็บอกว่าเป็นนักร้องค่ายเดียวกันนี่ครับ”

        “ก็... ตอนนั้นเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา ถ้าบอกไปแล้วโกรธพี่หนักกว่าเดิมจะทำยังไง” เขาบอก แถมยังยกธงยอมแพ้แล้ว ขอแค่ใบบุญไม่โกรธเขาไม่ว่าอะไรเขาก็จะยอมปรับปรุงตัว

        “หนูบอกแล้วไง.. ว่าหนูอยากให้พี่ไปได้ไกลกว่านี้” มือบางยกขึ้นลูบแก้มสากของคนรัก “สำหรับหนูไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงโด่งดังแค่ได้ทำงานที่รักก็พอใจแล้ว”

        “แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าหากพี่ประสบความสำเร็จอยู่คนเดียว”

        “ไม่หรอก หนูคิดดีแล้ว” เขาเกลี่ยแก้มคนรักเชื่องช้า “ถ้าหนูเกิดดังเหมือนพี่ธัชขึ้นมาอีกคน คงไม่ต้องได้เจอกันแน่ๆ อย่างน้อยหนูก็มีเวลาว่างอยู่กับพี่ธัชไง”

        “ไม่เอาอะ ถ้าต้องทำแต่งานไม่ได้อยู่กับใบบุญเลย พี่ต้องขาดใจตายแน่” เขาก้มลงหอมแก้มนิ่มของคนรัก “งั้นเราอย่าเพิ่งไปพูดถึงอนาคตมันได้ไหม แค่ตอนนี้พี่มีเราอยู่ด้วยกัน พี่ก็มีความสุขมากพอแล้ว ส่วนเรื่องที่ผ่านมา.. พี่ขอโทษ”

        “เรื่องผู้หญิงของพี่ธัชน่ะหรือ หนูไม่ใส่ใจหรอก” เขาพูดเสียงเย็น “ถ้าพี่ธัชจัดการเองไม่ได้ หนูจะจัดการเอง”

        “เดี๋ยวนี้โหดขนาดนี้แล้วหรือ เจ้าลูกแมว”

        “ฮื่อ ไม่อยากเหวี่ยงวีนนี่ครับ อยากพูดด้วยเหตุผล แต่ตอนนั้นมันโมโหอยู่จะให้ทำยังไง” อยากจะแปลงร่างเป็นนางมารร้ายแต่มันคงไม่เหมาะ ยังมีวิธีแก้ไขปัญหามากกว่าที่จะใช้อารมณ์ เขาเป็นคนขอให้ธัชธรรม์หัดควบคุมอารมณ์ร้อนแล้วเขาก็ต้องทำเป็นตัวอย่างด้วย

        “โอ๋ๆ พี่เข้าใจ”

        “หนูหวง พี่ธัชได้ยินไหม!”

        “ได้ยินแล้วจ้ะ พี่ได้ยินเต็มสองรูหูเลย” รั้งเอวบางของคนรักให้เข้ามาใกล้ กดจูบลงซอกคอหอมกลิ่นสบู่เจือจาง “แล้วพี่ก็อยากได้ยินอย่างอื่นมากกว่า”
       
        “ได้ยินอะไรครับ”

        “พี่รักใบบุญนะครับ”

        “ฮื่อ ขี้โกงแล้วแบบนี้จะโกรธลงได้ยังไง” เขาเอามือแตะปากคนรักเอาไว้ไม่ให้พูดมากไปกว่านี้ “พอเลย นอนได้แล้วนะครับ”
       
        “พี่ก็อยากจะนอนแต่ลูกชายพี่ไม่ยอมนอน”
       
        “พี่ธัช! คนบ้า” เด็กหนุ่มตกใจพยายามจะดิ้นหนีก็ดิ้นไม่หลุด ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดซอกคอก่อนจะถูกพรมจูบอย่างเชื่องช้า ชายหนุ่มค่อยๆลากลิ้นเปียกชื้นไปตามแอ่งชีพจร มือขาวคนตัวเล็กกอดรั้งบ่าของคนรัก

        “ดีไหม?”
       
        “ฮื่อ.. ” เขาผ่อนลมหายใจเข้าออกระหว่างถูกถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น มือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างขาวจัด ปลุกเป่าอารมณ์รักให้ลุกโชน ใบบุญส่งเสียงครางเครือรู้สึกเหมือนถูกหลอมละลาย เรี่ยวแรงที่มีถูกสูบหายไปตั้งแต่ชายหนุ่มกดจูบที่ริมฝีปากอ่อนนุ่ม กวัดกวาดละเลียดชิมความหอมหวานที่เขาเป็นผู้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว

        “ไม่ต้องกลั้นหายใจสิ”

        “ก็มัน..” เด็กหนุ่มหอบครางใต้เงาแสงจันทร์ที่ส่องลงมาเป็นพยานรัก รอยสีชมพูช้ำประปรายไปตามเนื้อกายขาวผ่อง เด็กหนุ่มไร้แรงจะห้ามปรามราวกับถูกดึงดูดด้วยแรงโน้มถ่วง อิงแอบชิดรับสัมผัสอุ่นร้อนที่ชายหนุ่มปรนเปรอให้ไม่ขาด

        “อย่าเกร็งสิครับ”

        “ไม่ได้ทำ..นานแล้ว” เขาบ่นอุบอิบ ไม่กล้ามองคนรักที่กำลังซุกไซร้อยู่ช่วงขาอ่อน ลิ้นชื้นลากไล้ก่อนจะเม้มแน่นจนเขาครางเสียงเบา ความรู้สึกเสียวซ่านแพร่กระจายไปทั่วร่างกายทุกที่ที่ถูกมือหนาลากผ่าน หน้าท้องแบนราบขาวนวลถูกชายหนุ่มหยอกล้อจนหดเกร็ง เหมือนมีมวลแปลกประหลาดอยู่ที่ท้องน้อย เขารู้สึกอึดอัดเหลือเกิน

        “พี่จะค่อยๆทำ”

        “อื้อ..อ๊ะ” ถูกจับปลายคางเชิดหน้าขึ้นไปรับจูบ สองมือดันแผงอกหนาเอาไว้ รู้สึกเหมือนจะไม่มีแรงเอาซะเลย “นะ.. เหนื่อยแล้ว”
       
        “เพิ่งทำเองยังไม่ถึงไหน”

        “ก็เหงื่อออกอีกแล้ว” เขาเถียง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งถอดเสื้อยืดออกจากตัว เห็นผิวขาวจัดทั้งตัวของเด็กหนุ่ม แรงอารมณ์เขาก็ลุกโชน แก่นกายแข็งแกร่งจนต้องขบกรามอดทนให้คนรักเตรียมพร้อมให้ดีเสียก่อน นิ้วหนาค่อยๆถูกชโลมด้วยเจลหล่อลื่นที่เขาแอบซ่อนไว้ใต้เตียงโดยที่ใบบุญเองก็ไม่รู้ ผลุบผ่านช่องทางคับแน่นอย่างเชื่องช้า เขาพรมจูบไปทั่วให้เด็กหนุ่มได้ผ่อนคลาย

        “เป็นยังไงบ้าง?”

        “มันก็แปลกๆ” เขาตอบได้แค่นั้นก็ยกมือปิดหน้า ใครเขาให้มาถามความรู้สึกอะไรกันตอนเข้าด้ายเข้าเข็มก็ไม่รู้ “แต่ว่ามันก็รู้สึกดี..”

        “จริงหรือ”

        “อ๊า!” เขารู้สึกว่ามันขยายตอดรัดมากกว่าเดิมเมื่อเพิ่มจำนวนนิ้วขึ้น เด็กหนุ่มดิ้นพล่านกะเถิบถดถอยออกไป เขากระเถิบตามก่อนจะโน้มัตวเข้าไปกอดปลอบจูบอยู่สักพักถึงจะเริ่มขยับ เสียงขยับเข้าออกโดยที่น้ำหล่อลื่นช่วยทำให้มีเสียงแปลกๆจนเด็กหนุ่มเบือนหน้าหนี เขากลั้นเสียงครางเมื่อปลายนิ้วถูกแตะสัมผัสจุดอ่อนไหว “ตรงนั้นมัน..แปลกๆ”

        “หื้ม? ตรงนี้ใช่ไหมครับ”

        “พี่ธัชอย่าสิ!”

        “ฮ่าๆ”

        “อย่าแกล้งกันนะครับ” เขาเงื่อมมือขึ้นทุบคนรักอย่างไม่แรงนัก อีกฝ่ายฟัดแก้มเขาไม่ยอมหยุด ส่วนนิ้วมือยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างดีจนใบบุญเองเริ่มจะไม่ไหว “ฮื่อ..”

        “ไปที่อื่นดีกว่า”

        “ฮื่อ เดี๋ยวก่อน ปล่อยหนูลงนะ” ธัชธรรม์รวบคนรักขึ้นอุ้ม ร่างกายอ่อนปวกเปียกที่ต่อต้านเขาไม่ได้ช่างน่ารักและทำเขาเกิดอารมณ์จริงๆ เจ้าตัวไม่มีแรงจะดิ้นหนีเขาได้อีก ได้แค่พิงซบอกเงียบๆ เดินมาหยุดตรงระเบียงปล่อยให้ใบบุญยืนดันประตูกระจกเอาไว้
       
        “ไหวนะ?”

        “ฮื่อ” คนตัวเล็กส่ายหัวไปมา เขาจิกผ้าม่านผืนบางเอาไว้แน่น รู้สึกอุ่นร้อนจากบางอย่างแทรกเข้ามาในร่างกาย ชายหนุ่มค่อยๆขยับเขยื้อนเชื่องช้าให้เขาได้ปรับตัว มันทั้งแน่นคับและร้อนผ่าวจนเขาจะละลาย

        “หอมจัง”

        “อย่าดม มันมีแต่เหงื่อ”

        “มีแต่เหงื่อพี่ก็จะดม”

        “พี่ธัชบ้า!” ร่างบางสั่นไหวโยกเอนไปตามจังหวะเร่งเร้า เสียงกระทบของผิวเนื้อดังเป็นจังหวะสลับเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความสุข ชายหนุ่มกำสะโพกขาวเอาไว้แน่นดีดควบเข้าออก เร่งเร้าจนใบบุญเริ่มจะไม่ไหวกระตุกเฮือกจนเขาต้องรวบเอวเอาไว้ “ไม่ไหวแล้ว..”
       
        “ไปพร้อมกันนะครับ” หอบร่างอ่อนแรงนอนแผ่ลงกลางเตียง เรียวขาขาวจัดขึ้นเป็นรอยนิ้วมือยามเขากดลงไปเพียงน้อยนิด เขาพาดขายาวลงลาดไหล่เสือกไสตัวตนของเองอีกครั้งจนสุดความยาว ใบบุญดันหน้าท้องเขาเอาไว้เจ้าตัวร้องครางจนแทบจะกรีดร้อง ก่อนจะกระตุกไปทั้งตัว เขาหยัดตัวตนจนสุดก่อนจะถึงจุดหมายฝั่งฝันไปพร้อมกัน “ฮึ่ม!”
เขาเกลี่ยเส้นผมของคนรักมองเครื่องหน้าที่สมบูรณ์เหมาะเจาะ ชายหนุ่มไล้ไปตามหน้าผากสวย สันจมูกโด่งและริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ชอบยิ้มให้เขา ใบบุญลืมตามองคนรักในความมืด รู้สึกเหนื่อยล้าแค่ไหนก็หายเป็นปลิดทิ้ง ธัชธรรม์จัดการดูแลเขาจนเรียบร้อย ทั้งเช็ดตัวและทำความสะอาด เอ่อ.. ตรงนั้น ให้อย่างไม่ปริปากบ่น เขามองการกระทำอย่างทะนุถนอมของคนตรงหน้า หยัดยิ้มกว้างจนมันระบายเต็มหน้า นึกว่ามันคือความฝันหรือเปล่า..
       
        “ยิ้มอะไร เหนื่อยแล้วก็นอนสิครับ” เขาถามคนรักที่ยังนอนเขาตาใสแป๋วมองนาฬิกาที่บอกเวลาตีสอง แต่เจ้าตัวกลับยังไม่ยอมนอนเสียที “แน่ะ.. ดื้อหรือครับ”

        “ยังไม่อยากนอน กลัวตื่นมาแล้วจะไม่เจอพี่”

        “พี่ก็อยู่ตรงนี้จะไปไหนได้ นอกจากเราจะไม่ต้องการพี่แล้ว วันนั้นพี่ถึงจะไป”

        “หนูนึกว่ากำลังฝัน เป็นฝันที่ดีจนไม่อยากตื่นเลย”

        “โถ คนดี” เขาจูบหน้าผากขาวนวลอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ “ไม่ว่าจะตื่นขึ้นมาอีกกี่ครั้งพี่ก็จะอยู่ตรงนี้เสมอไป”

        “กอดหน่อย”

        “มากอดกัน” รั้งคนตัวเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ไม่รู้เกิดคึกอะไรถึงได้อ้อนขึ้นมาเสียเฉยๆ เขาก็เลยต้องเอาใจคนรักเสียหน่อย เห็นใบหน้ามุดเข้าที่อกเขาแน่น นึกกลัวจะหายใจไม่ออก “นอนดีๆสิครับ”

        “หนูรักพี่ธัชจังเลย”

        “พี่ก็รักหนูเหมือนกัน” สอดแขนเข้าที่ใต้คอกดจูบลงกลุ่มผมนุ่มนิ่ม อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาใช้ริมฝีปากรับจูบแทน โอ้โห ร้ายจริงๆ “ขอบคุณนะครับ.. ที่ให้โอกาสพี่”

        “ฮื่อ.. ขอบคุณที่รักกันนะครับ” ชายหนุ่มเกลี่ยน้ำตาที่ปริ่มจะไหล ไม่รู้ทำไมแฟนเขาถึงได้ขี้แยขนาดนี้.. เขาค่อยๆจุมพิตลงที่เปลือกตาเบาๆ กอดก่ายแนบชิดด้วยอ้อมกอดอบอุ่น ปัดเป่าฝันร้ายไม่ให้กล้ำกราย สัญญาจะกล่อมให้คนรักหลับฝันดีทุกคืนจากนี้ไป..

       
               TBC


หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 16 ] 14-02-62 ★ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 27-03-2019 21:30:05

                                                                บทส่งท้าย

        เวทีใหญ่โตตั้งตระหง่านกำลังถูกจัดวางอุปกรณ์ ทีมงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกำลังเร่งมือเพื่อให้งานเสร็จทันเวลาขึ้นแสดงของนักร้องชื่อดังที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ ป้ายไวนิลขึ้นใบหน้าและชื่อเป็นตัวอักษรใหญ่โต แฟนคลับที่มาต่อแถวรอเข้าคิวตั้งแต่ช่วงบ่ายรอเข้าชมการแสดงอย่างใจจดจ่อ บรรยากาศร้อนอบอ้าวก็ไม่เป็นอุปสรรคในงานแสดงดนตรีแห่งปี ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาคับคั่ง หญิงสาวในชุดเดรสสีดำยืนโวยวายอยู่หน้าประตูทางเข้า เธอต้องการที่จะเข้าไปด้านในระดับวีไอพีเธอเป็นคนรู้จักของธัชธรรม์ทำไมจะเข้าไปไม่ได้!

        “ไม่ได้จริงๆนะครับคุณ”

        “ไปบอกพี่ธัชว่าชั้นมาหา.. บอกให้ไปบอกไง” ทีมงานทำหน้าเลิ่กลั่กมองหน้ากันก่อนจะเดินไปแจ้งผู้จัดการที่กำลังวุ่นอยู่กับการซ้อมบล้อกกิ้งให้กับนักร้องตัวเอง กิตติขมวดคิ้วแน่นหันไปถามนักร้องหนุ่มด้วยความงุนงง

        “เด็กมึงอีกแล้ว?”

        “เฮ้ยพี่ ไม่ใช่!” เขามองไปทางคนรักที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกทางสีหน้าอะไร “คือพี่..”

        “ก็แค่แมลงวันผมไม่สนใจหรอกครับ”

        “ใบบุญ”

        “ผมไม่ได้ชื่อใบบุญ ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้านจะมาพูดอะไรก็ได้นะครับคุณธัช” เด็กหนุ่มตรงหน้ามองเขาด้วยหางตา ธัชธรรม์กลืนน้ำลายดังอึก “ให้เขาเข้ามาเลยครับ” หันไปบอกทีมงานพร้อมกับยิ้มหวาน ทำเอาทีมงานที่อยู่ตรงนั้นมองกันไม่วางตา.. เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมดูเซ็กซี่อย่างนี้ ธัชธรรม์หันไปขมวดคิ้วใส่ใครก็ตามที่บังอาจจ้องแฟนเขาตาเขม็ง ไม่เข้าใจแค่ซ้อมเต้นทำไมต้องใส่กล้ามด้วย!

        “เชิญทางนี้เลยครับ” ทีมงานพาหญิงสาวที่อ้างว่าเป็นคนรู้จักเดินเข้ามา เด็กหนุ่มมองตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาเดินเข้าไปใกล้ ยืนกอดอกมอง

        “ชั้นจะคุยกับพี่ธัช ไม่ใช่แก” เธอหันไปถลึงตาใส่เด็กหนุ่ม รู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นนักร้องค่ายเดียวกับธัชธรรม์ เห็นหน้าตาใสซื่อที่แท้ก็ร้ายไม่เบา! “ตามพี่ธัชมาสิ” เด็กหนุ่มหันไปกวักมือเรียก

        “มีคนอยากจะคุยกับคุณ”

        “พี่ไม่อยากคุย”

        “แต่เขาดูอยากจะคุยกับคุณมากเลยนะ เอาไงล่ะ เผื่อจะมีธุระสำคัญ” ธัชธรรม์มองใบหน้าหญิงสาวอย่างหมดอารมณ์ โมโหแค่ไหนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

        “จีนกลับไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ”

        “จีนจะกลับได้ยังไง จีนอยากจะมาดูหน้าแฟนพี่ธัช!” เด็กหนุ่มที่ยืนฟังบทสนทนาเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะหัวเราะ

        “ก็นึกว่าเรื่องอะไร ดูนี่ให้ดีนะ” เขาดึงคอเสื้อชายหนุ่มให้เข้ามาใกล้เขย่งเท้าขึ้นนิดหน่อยจะฉกชิมริมฝีปากคู่สวยดูดกลืนจนหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้นอ้าปากค้าง

        “กรี๊ดดดด! ไอ้ใบบุญ!”

        “จุ๊ๆ ผมชื่อไบร์ทนะครับ” เขาใช้นิ้วโป้งเช็ดริมฝีปากของคนรัก ธัชธรรม์กำลังตกตะลึง “ที่นี้คุณน่าจะรู้ว่าเขาเป็นของใคร He’s mine!”

        “แก ไอ้..!”

        “หยุดพูดจาต่อว่าแฟนผมได้แล้ว เราควรจะหยุดตรงนี้กันดีๆก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว” ธัชธรรม์ขวางไม่ให้หญิงสาวพุ่งเข้ามาเข้ามาใกล้คนรักได้

        “กรี๊ดดดดด!”

        “ผมบอกคุณดีๆแล้วนะ แต่คุณไม่ฟังเอง ถ้าได้เห็นด้วยตาแบบนี้ก็ช่วยเข้าใจหน่อยนะ” เขาโอบเอวชายหนุ่มก่อนจะหมุนตัวกลับไปห้องพักด้านใน ปล่อยให้หญิงสาวร้องแรกแหกกระเชิงด้วยความโมโหอยู่ด้านนอก ทันทีที่เข้าไปในห้องพักก็ถูกอุ้ม ชายหนุ่มระดมจูบจนเข้าต้องทุบเตือนสติ ที่นี่มันที่ทำงานนะคุณ!

        “เผ็ดกว่านี้พี่จะทนไม่ไหวแล้วนะ”

        “ทำงานครับ!” เขาหยุดคนรักด้วยสายตา ตั้งแต่เขาออกเพลงใหม่ก็ได้ออกงานคู่กับธัชธรรม์ตลอดจนตัวแทบจะติดกันอยู่แล้ว ขืนเป็นอย่างนี้คงได้ทำผิดกฏเข้าสักวัน “เราจะแตะเนื้อต้องตัวกันเฉพาะอยู่ในบ้านเท่านั้น”

        “โถ่ ที่รัก”

        “ไม่มีข้อแม้นะครับ” เขากระพริบตาก่อนจะรีบหายออกไปจากห้อง แม้จะรู้ว่าผลที่ตามมามันจะทำให้เขาปวดสะโพกไปอีกหลายวันก็เถอะ..

        แฟนคลับเข้ามาชมการแสดงดนตรีมากมายเหลือเกิน เขาเคยใฝ่ฝันว่าสักครั้งในชีวิตจะต้องมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองให้ได้ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีสิ่งมากมายที่รอให้เขาไปเผชิญหน้าอยู่...

        “คิวต่อไปคุณไบร์ทกับคุณธัชนะครับ” ทีมงานเรียกแล้ว.. เขาหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่กำลังยิ้มกริ่ม หมายความว่ายังไงเพลงคู่? เดี๋ยวนะที่มันผิดจากสคริปต์ที่ซ้อมกันเอาไว้นี่!

        ทำนองเพลงที่คุ้นเคยดึงขึ้นราวกับถูกเซ็ตเอาไว้อยู่แล้ว ธัชธรรม์จับจูงเขาออกไปข้างนอกเวทีค่อยๆร้องเพลงที่เขียนให้เขาช้าๆ เด็กหนุ่มทำหน้างุนงงและเดินออกไปด้วยแต่โดยดี

        “วันนี้ผมมีความสุขมากครับ ที่มีโอกาสได้ร้องเพลงให้คนที่เป็นแรงบันดาลใจได้ฟังเสียที เพลงนี้จะบอกความรู้สึกของผมทุกอย่าง อยากให้เขาได้รู้ว่าเขาคือทุกอย่างของผม You are my galaxy ครับ”

        “...”

        “พี่อยากจะบอกใบบุญมาตลอด.. เป็นคำพูดที่พี่พูดบ่อย อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ เพราะคงจะต้องฟังไปอีกนาน เพราะพี่จะพูดมันทุกวันจนกว่าเราจะจำได้ขึ้นใจ..” เขาเกลี่ยแก้มขาวของคนรัก เห็นดวงตาแดงก่ำก็ไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะแฟนเขาน่ะขี้แยเหลือเกิน “อยู่กับพี่ตลอดไปเลยได้ไหม..” แหวนเงินถูกสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายเป็นการตีตราจองอย่างเป็นทางการ ในเมื่อขอพ่อกับแม่แล้วเขาก็ขอไม่เกรงใจแล้วกันนะ ใบบุญน้ำตาร่วงเผาะเป็นสายเมื่อสิ้นประโยค ธัชธรรม์รวบเด็กหนุ่มเข้ากอด เสียงอู้อี้ดังออกมาจากอ้อมกอด

        “จะอยู่กับพี่ธัชตลอดไป..” เขาเผลอหอมแก้มลงไปจนได้ ไม่คิดว่าจะถูกถ่ายทอดสดไหม เขาเคยบอกเฮียกิตแล้ว ต่อให้เกิดอะไรเขาก็ไม่เสียใจหรอกนะ เขาสบตาอยู่เนิ่นนานก่อนจะร้องเพลงขึ้น.. แด่ความรักที่เป็นทั้งความสุขสมหวังและเป็นพลังชีวิตให้กับเขา แด่คนรักที่ฟ้าประทานมาให้คนนี้..

        เขาสัญญาจะดูแลให้ดีที่สุด.. ใบบุญผู้เป็นทุกอย่างของเขา


                                                                             


                                                                        THE END

หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-03-2019 10:23:39
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-04-2019 11:25:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 02-04-2019 08:10:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 02-04-2019 11:37:40
 :mew4: :กอด1: :L2: :L1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 10-04-2019 00:00:47
ทุกคนแฮปปี้  :katai2-1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 12-07-2019 17:01:22
 o13
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-08-2019 07:49:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 22-11-2019 08:49:10
 :mew1:ดีงามมากอ่านตอนแรกนี่เกบียดอิพี่ธัชเชียวคนไรใจร้ายน้องออกจะน่าสงสารทำไมใจร้ายกับน้องจัง  พอหลังๆสมหน้ารักน้องแล้วน้องตัดใจไงละรู้สึกละสิ สม!!!

ขอบคุณไรท์สำหรับนิยายสนุกๆจ้า  o13
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
เริ่มหัวข้อโดย: w-for-winnie ที่ 08-12-2019 13:28:59
สนุกดีค่ะ แต่งงอยู่หน่อยว่าทำไมธัชจะจำใบบุญตอนเป็นไบรท์ไม่ได้เลยหรอ แบบว่าตอนเด็กๆก็เคยอาบน้ำให้ใบบุญมาก่อน ทำไมไม่รู้ว่าใบบุญมีขี้แมลงวันที่หัวไหล่ แบบว่าจะไม่รู้สึกตงิดใจเลยหรอ
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 09-03-2020 18:13:20
อ่านจบแล้วจ้า 

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 09:45:53
 :pig4: