แน่หล่ะ บัณฑิตจบใหม่ที่อนาคตสดใสกลับเลือกทำงานที่ห่างไกล
ย่อมมีนัยสำคัญซ่อนอยู่
หนุ่มกำยำสูง ผิวของเขาขาวใส รอยยิ้มที่จริงใจ กับผมรองทรงสั้น แต่แววตาแอบเศร้านิดๆ
เมื่อหกเดือนก่อนเป็นแบบนั้น
ที่นี่ ฝนแปดแดดสี่ อากาศค่อนข้างชื้น เขาคนนั้นก็สามารถปรับตัวได้ไว
ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงเสมอ
หนุ่มคนนั้นกำยำขึ้น สีผิวที่เข้มขึ้นจากการกร้านแดด รอยยิ้มที่หายไป แต่แววตาแอบเศร้ายังคงอยู่
ที่ใดมีคน ที่นั่นก็ต้องมีคำคน เสียงลือเสียงเล่า ข่าวปล่อยมีตามมา
บ้างก็ว่า นายช่าง อกหัก เลยหนีมาพักใจที่เมืองนี้
บ้างก็ว่า นายช่างหลบหนี การบังคับให้แต่งงาน
เอาเถอะ เสียงลือเหล่านี้เคยถูกรุ่นพี่เอาไปถามเจ้าตัว
คำตอบที่ได้รับ เป็นเพียง.
...ผมชอบอากาศที่นี่และเรื่องนั้นก็เป็นแค่การสุ่มเดา อีกอย่างผมก็ยังไม่แก่สักหน่อย ไม่เห็นต้องรีบอะไร?
...
นายช่าง ไม่พกโทรศัพท์ นายช่างไม่ดูทีวี
เลิกงานนายช่างก็ล้างมอเตอร์ไซค์คันโปรดทุกวัน
บางทีก็เห็นหยิบสมุดเล่มเล็ก ขีดๆเขียนๆอะไรลงไป
ดูชีวิตสุขสงบเหลือเกิน
........
ชีวิตในเมืองอันสับสน
ห้าทุ่มกว่า เธอเพิ่งเปิดประตูห้องพักเข้ามา
ร่างอันโปร่งบาง กับเสื้อแสดงสังกัดสีขาวกับแววตาที่สงบนิ่ง
นั่นคือภาพลวงจริงที่เธอต้องแสดงออกไป
หลังจากที่อาบน้ำพร้อมกับเปิดทีวีแช่ไว้ เธอก็มานั่งเช็ดผมหน้าจอทีวี
ตาเธอมีน้ำตาคลอๆ
เธอเหลือบมองโทรศัพท์ ก็ไม่มี miss call จากคนคนนั้น ไลน์ก็ไม่มีการเตือน
เข้าไปส่องเฟซ ก็ไม่ออนไลน์
...เขาอยู่ไหน?
นายช่างไม่สบายหรือเปล่าครับ เห็นหน้าซีดๆ
อืม!ครับ เหมือนไม่สบายมาสองสามวันแล้ว
ยังไหวอยู่ เขากล่าวพร้อมยิ้มแห้งๆ แววตาหม่นๆ
ตอบกลับกับเจ้าหน้าที่ที่เช็คระยะ ด้วยเครื่องมือที่ดูพะรุงพะรัง
ยังไม่ทันเที่ยงเลย แต่รู้สึกว่าวันนี้ ร้อนมาก
พอเขาเงยหน้าไปมองท้องฟ้า
ความรู้สึกว่า ภาพมันขาว และได้ยินเสียงตะโกนแต่บางเบา ว่า
นายช่าง นายช่าง.....
....
วันนี้วันสุดท้ายของการทำงาน ในช่วง "คลินิค"
เพื่อนสนิทสองคนมีโปรแกรมพาแฟนเด็กรุ่นน้องไปเกาะกัน
ถามย้ำอีกรอบไปด้วยกันไหม
ห่านจิก จะไปเป็นสรรพนามบุรุษที่สามทำอะไร?
"เชิญตามสบายเลย"
เธอตอบเพื่อนไปประมาณนั้น
"เอ้อ! แล้วแฟนเธอหายไปไหน ตั้งแต่จบไปก็ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย"
จะตอบแบบไหนดี เพราะเธอเองก็สับสน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาหายไป
ทะเลาะกันหรือเปล่า?..ไม่ใช่นะ พักหลังๆเราคุยกันน้อยมาก คงไม่ได้มาจากเรื่องนี้
"คงยุ่งเรื่องงานอยู่มั้ง"
"อ้าว! แล้วเขาทำงานที่ไหน"
"ไม่รู้"
เพื่อนอีกคนซักต่อ
"ยังงัย"
เธอก้มหน้าตอบ
"ไม่รู้"
เพื่อนทั้งสองคน เข้ามาโอบไหล่" อย่างไร เราก็เป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปีนะ มีอะไรเราพร้อมช่วย"
"ขอบใจเพื่อน"
"เราว่าเราแก้เองได้"
เธอฝืนยิ้มให้เพื่อน
เสียงโดนทุบหลัง ดังปัก ปัก
"สาด อย่ามาโกหกกู กูเพื่อนมึง "
ภาษาพ่อขุน หลุดออกมาจากปาก นศ.แพทย์
ไม่แน่ใจ ว่าคนในเคานเตอร์ได้ยินหมดไหม แต่ที่แน่ๆ ทุกคนหันมามองจุดเดียวกัน
เธอ ยิ้มเจื่อนๆ แล้วรีบบอกว่าเดี๋ยวตามพี่หมอตรวจคนไข้ต่อ
เธอเดินไปทางตึกผู้ป่วยใน
หนุ่มน้อยหน้าตาดี ที่เมื่อก่อนหุ่นกำยำกล้ามแน่น
แต่ตอนนี้ดูบางลง
ใบหน้าที่ตอบขึ้น
นิ้วมือก็ดูเรียวยาวมากว่าเดิมที่เคยสากหนา
เพื่อนทั้งสองคน มองหน้ากัน
คนหนึ่งพูดด้วยคำหนักแน่น "ปล่อยแบบนี้ไม่ได้"
อีกคนตอบกลับ "กูสงสารมัน"