พิมพ์หน้านี้ - King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนพิเศษ 5: 29 ตค.64 จบบริบูรณ์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Sorrowkung ที่ 03-11-2020 11:51:01

หัวข้อ: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนพิเศษ 5: 29 ตค.64 จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 03-11-2020 11:51:01
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

นิยายเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์สมมุติ ชื่อตัวละครและสถานที่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเท่านั้น นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหารุนแรงหรือพฤติกรรมที่เหมาะสม ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรพิจารณา งานเขียนนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้เขียน ห้ามคัดลอก, ทำซ้ำ, เผยแพร่หรือตีพิมพ์โดยไม่ได้รับอนุญาต

********************************************************************************

King Class Away
ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง

สารบัญ
ตอนที่ 1: ค่าเข้าใกล้ 85%
ตอนที่ 2: Invisible Man
ตอนที่ 3: วันประกาศผล
ตอนที่ 4: มาได้แค่นี้
ตอนที่ 5: โรงเรียนเก่า
ตอนที่ 6: เปิดเทอม
ตอนที่ 7: ฝึกบาสครั้งแรก
ตอนที่ 8: Dimension
ตอนที่ 9: ซีคอน
ตอนที่ 10: อ่อนนุช 17
ตอนที่ 11: หลักฐานชิ้นสุดท้าย
ตอนที่ 12: วิ่ง
ตอนที่ 13: เพื่อนเก่าจากห้องคิง
ตอนที่ 14: มาบ้านเรามั้ย
ตอนที่ 15: พิซซ่า
ตอนที่ 16: Phishing
ตอนที่ 17: ด้านมืด
ตอนที่ 18: เรื่องที่ขอ
ตอนที่ 19: 1 on 1
ตอนที่ 20: 送君千里 终有一别
ตอนที่ 21: จุดวิกฤต
ตอนที่ 22: Union and Except
ตอนที่ 23: เผย
ตอนที่ 24: Inquisition
ตอนที่ 25: Vertical Lookup
ตอนที่ 26: PIN
ตอนที่ 27: Revealation
ตอนที่ 28: งานกลุ่ม
ตอนที่ 29: เดทแรก
ตอนที่ 30: Inception
ตอนที่ 31: Deception
ตอนที่ 32: Stress
ตอนที่ 33: Dreams Are My Reality
ตอนที่ 34: By Your Side
ตอนที่ 35: นั่งกับเราไปเรื่อย ๆ ได้มั้ย
ตอนที่ 36: Before The Final Countdown
ตอนที่ 37: Enter The Exam
ตอนที่ 38: Sour เปรี้ยว, Bitter ขม
ตอนที่ 39: เซตว่าง (Ø)
ตอนที่ 40: Stairway To Heaven
ตอนที่ 41: แอร์ห้องปกครองหนาวมาก
ตอนที่ 42: Beginning Of The End
ตอนที่ 43: In The End
ตอนพิเศษ 1: แข่งบาสครั้งแรก
ตอนพิเศษ 2: กลับไปดวงจันทร์กันเถอะ
ตอนพิเศษ 3: มีมึงในชีวิตกู มีกูในชีวิตมึง
ตอนพิเศษ 4: รหัสลับ
ตอนพิเศษ 5: ดีก็รักสิ (จบบริบูรณ์)
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 03-11-2020 11:58:58
King Class Away: ep1
ค่าเข้าใกล้ 85%


29 มีค. 7:15น.

รถของพ่อค่อย ๆ ขยับฝ่ารถที่โคตรติดเข้าใกล้ปากซอยโรงเรียนที่ผมไม่คุ้นเคย นักเรียนเยอะแยะในชุดเครื่องแบบต่าง ๆ เต็มไปหมดเพราะวันนี้เป็นวันสอบเข้าม.4 ถึงจะเคยมาครั้งหนึ่งตอนสมัครสอบสัปดาห์ที่แล้ว แต่วันนี้มันเครียดและอึดอัดชิบเป๋ง พ่อบ่นกดดันเข้าไปอีก
“จะสายแล้วเนี่ย รถติดมากเลย ขนาดเผื่อเวลาแล้วนะ สอบกี่โมงนะพัต?”
“9 โมงครับพ่อ”
พ่อถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเริ่มบ่นต่อ “พัตลูกดูไว้ พวกนี้คู่แข่งทั้งนั้น จำไว้นะสายวิทย์-คณิตเขารับแค่ 15 คน”
ผมได้แต่ตอบเบา ๆ ว่าครับ
โรงเรียนรับเด็กม.4 จากภายนอกจำนวนไม่มากเพราะมีเด็กม.3 ภายในโรงเรียนขึ้นม.4 อยู่แล้ว การแข่งขันจึงสูงมาก
“เอกสารครบแล้วนะ? เช็คหรือยัง? บัตรประจำตัว บัตรประชาชน ใบคะแนน O-Net ดินสอ ยางลบ” พ่อย้ำเป็นรอบที่สาม

ยิ่งเข้าใกล้ปากซอยโรงเรียนรถก็ยิ่งติด “พ่อว่าลูกลงเดินไปเองละกัน ดีไหม?” ผมได้แต่ขานครับ

คำว่า “ดีไหม” ของพ่อไม่เคยตอบอย่างอื่นได้ ขืนพูดอะไรตอบไปมากกว่านี้มีแต่จะโดนบ่นเพิ่มอีก ใจผมก็อยากลงรถก่อนจะเครียดมากไปกว่านี้เดี๋ยวความรู้ที่ติวมาจะหายหมด
“เดี๋ยวพ่อชิดซ้ายจอดให้ ดูด้านหลังให้ดีก่อนเปิดประตูนะ สอบเสร็จโทรบอกพ่อด้วย”

ก่อนผมจอดประตูลงจากรถ พ่อออกคำสั่งชุดสุดท้าย “ตั้งใจสอบนะ ทวนซิจำอะไรที่พ่อสั่งได้บ้าง?”
“ต้องได้สายวิทย์-คณิตครับ”
“อะไรอีก?”
“ต...ต้องได้ห้องคิง”
“อะไรอีก? อันนี้สำคัญมากนะ!”
“ถ...ถ้าเจอคุณครูบิ๊วห้ามทักเด็ดขาด”

ผมเดินตามกระแสคนเลี้ยวเข้าซอยโรงเรียนที่เคยมาสมัครสอบ เกือบตายคารถพ่อแล้วตรู แต่ความเครียดยังรออีกเยอะจนกว่าจะสอบเข้าม.4 เสร็จ รู้สึกเหมือนหนังสายลับชิบเป๋ง ถ้าเจอคุณครูบิ๊วจะทำแบบคนไม่รู้จักกันได้ไหมฟระ อันที่จริงผมอยากเจอครูนะแต่…

“น้องพัตทำได้ 98% แบบนี้ครูสบายใจละ ได้ห้องคิงแน่ ๆ ครับ”

ครูบิ๊วเช็คคะแนนเทสต์อันสุดท้ายบนจอคอมในห้องผมแล้วหันมายิ้มจนตาเกือบปิด ครูเพิ่ง 34 เหมือนเป็นพี่มากกว่าคุณครู 

“อาทิตย์หน้าจะสอบละ น้องพัตทำได้แน่ครับ” ครูยิ้มบาง ๆ ด้วยความดีใจ (หรือไม่ก็โล่งอกที่ติวจบซะที ผมว่าครูเองก็กลัวพ่อผมพอ ๆ กันแหละ)
“ครับ” ผมตอบเบา ๆ ความเครียดตลอดการติว 3 เดือนจบแล้ว มั่นใจว่าสอบเข้าได้แน่ ๆ

ครูบิ๊วหันมองประตูห้องแว่บนึงแล้วยื่นหน้าเข้ามากระซิบ ใกล้จนรู้สึกความอุ่น “ถ้าได้ห้องคิง ครูจะซื้อเกม Switch ให้ตามสัญญานะ”

...คำพูดของครูเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ใจชื้นขึ้น...

เสียงคนสองคนกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาจากข้างหลัง
“เฮ้ย! ไอ้บอม สอบกี่โมงวะ?”
“กรูจำไม่ได้!”
“ฉิบหายแล้ว ๆ กินข้าวทันมั้ยวะ”
“ไอ้เหรี้ย! ไปดูห้องสอบก่อนแล้วค่อยหาข้าวกิน!” คนทางขวาหันมาตะคอกเพื่อนแต่เป้าของเสียงกับน้ำลายกลายเป็นผมที่ดันอยู่ตรงกลางเต็ม ๆ

“ฮ...เฮ้ย! โทษที! เราไม่ได้ตั้งใจ!”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบไปพลางเช็ดหน้า
เขาหันมาหัวเราะแหะ ๆ หน้าเกลี้ยงผิวสีน้ำตาลอ่อนผมสั้นคิ้วเข้มนั่นทำผมชะงักไปแว่บนึง

“เข้าสอบ 9 โมงน่ะครับ ยังมีเวลานะ” ผมตอบให้คนแปลกหน้า
“อ้อเหรอ! เอองั้นไม่ต้องวิ่งละ นายก็มาสอบเหมือนกันเหรอ?” คนชื่อบอมถาม
“ครับ”
“ดี ๆ งั้นไปด้วยกันนะ ถ้าหลงก็หลงกันทั้งสามคนนี่แหละ” คนทางซ้ายพูดพลางหัวเราะ
“ปากไม่มงคล มรึงหลงไปคนเดียวเหอะไอ้สน พวกกรูไม่พลาดตามมรึงหรอก” บอมเอื้อมมือผ่านไหล่ผมไปผลักหัวเพื่อน

พวกเราสามคนเดินผ่านประตูโรงเรียน ยกมือไหว้ศาลอะไร ๆ ทั้งซ้ายขวาเอาฤกษ์ไว้ก่อน แล้วดูกระดานประกาศห้องสอบที่สนามกลางโรงเรียน
“กรูได้ห้อง 132 ตึก 1 ชั้น 3 ว่ะ” สนพูด
“สาด นี่เพื่อนใหม่อยู่ด้วยนะมรึง พูดสุภาพสิครับ” บอมตบแขนเพื่อน
“แล้วมรึงสุภาพ?”
“กรูพูดครับ”
“สรรพนามพ่อขุนรามของมริงสุภาพตรงไหนวะครับคุณบอม เพื่อนใหม่เค้าคุณหนูนะครับ” สนชี้กางเกงสีน้ำเงินของผม
“พูดปกติก็ได้ครับ เราชื่อพัต”
“เราบอมครับ”
“เราสน ชื่อเต็มชื่อใบสนแต่ชื่อน่ารักเกิน เรียกสนก็พอ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ บอม สน เราได้ห้อง 136”
“เราก็ห้องเดียวกัน” บอมชี้กระดาษบนกระดาน
“งั้นไปเดินหาห้องสอบให้สบายใจก่อนแล้วไปหาข้าวกินกัน” ทุกคนพยักหน้า

สองคนในชุดเครื่องแบบนักเรียนกางเกงสีน้ำตาลนี้ดูสนิทกันจัง

พอหาห้องสอบเจอพวกเราก็เลือกนั่งรอตรงระเบียงใกล้ ๆ ที่ยังพอว่างอยู่ คนที่มาสอบต่างนั่งอ่านกันหน้าดำคร่ำเคร่ง ความเครียดก่อนหน้านี้ที่หายไปหมดเริ่มกลับมาอีกแล้ว

“เชรี่ย! กดดันว้อย แดกข้าวไม่ลงละ” สนกับบอมบ่นแล้วหยิบตำราออกมาอ่าน
“จริง ๆ อ่านตอนนี้ก็ไม่เข้าหัวหรอกครับ นั่งสมาธิดีกว่านะ” ผมบอก
“จริงอ่ะ?”
“จริงดิ” ผมเปิดกระเป๋าเช็คถุงเครื่องเขียนให้สบายใจแล้วนั่งสมาธิหลับตาตามที่คุณครูบิ๊วสอน

“แต่ทำใจยากนะ เราไม่ค่อยเก่งด้วย”
ผมเหลือบตามองบอม หน้าเขาเวลาขมวดคิ้วโคตรน่ารักเลยว้อย กลิ่นหอมจาง ๆ เวลาอยู่ใกล้นี่รู้สึกดีจัง
“บอมเคยลองทำข้อสอบเก่ามั้ยครับ?”
“เคย ได้ 80%”
“เราได้ 73.6%” สนตอบบ้าง
“งั้นไม่ต้องกังวลหรอก 70% ก็ติดแล้ว คุณครูบิ๊...” ผมหยุดคำพูด เกือบหลุดปากเรื่องที่ครูบิ๊วบอก

“คะแนนต่ำสุดปีนี้ที่ประเมินไว้คือ 78%สำหรับสายวิทย์
70%สำหรับสายศิลป์
85%คือต่ำสุดที่จะเข้าห้องควีน
ถ้าห้องคิงต่ำสุดคือ 90% ยังไงน้องพัตก็ได้แน่ครับ”


“ค...ครูแนะแนวที่โรงเรียนเก่าเราบอกน่ะครับ”
“เหรอ ฟังแล้วอุ่นใจขึ้น ขอบใจนะครับพัต” 
 
85% คือต่ำสุดที่จะเข้าห้องควีน คำนี้วนในหัวผม เดิมทีผมไม่เคยสนใจเกณฑ์คาดเดาต่ำสุดของห้องควีนเพราะพ่อย้ำทุกครั้งว่าต้องเป็นห้องคิงเท่านั้น แต่ความคิดบางอย่างกำลังก่อตัว บางอย่างที่ทำให้อกผมบีบรัด

ข้อนี้ใครตอบผิดจะให้กินบอระเพ็ด
ทำไมทำคะแนนได้น้อยกว่าห้องปกติ ไปวิ่งรอบสนาม 5 รอบ
…...85%คือต่ำสุดที่จะเข้าห้องควีน…..


“พัต นายเป็นอะไรวะ? ทำหน้าน่ากลัว” สนถาม
“เราขอไปห้องน้ำก่อนนะครับ” ผมลุกออกไป

พวกเธอตอบปัญหาวิชาการแพ้เด็กห้องโน้นได้ไง วันนี้อดข้าวนะ
อย่าขี้แยนะ จะเก่งก็ต้องแบบนี้แหละ


ผมล้างหน้าอีกที ใกล้เวลาสอบแล้ว ผมรีบเดินกลับมาหน้าห้องสอบเจอบอมนั่งคนเดียว

“พัตไปนานจัง สนมันไปเข้าห้องสอบแล้วนะ นายไม่สบายหรือเปล่า?”
“ป...เปล่าหรอก เราสบายดีครับ เตรียมตัวเข้าห้องสอบกันเหอะ”

ผมเปิดกระเป๋าหยิบถุงเครื่องเขี…..เฮ้ย!!!
“บอม เห็นถุงดินสอของเรามั้ย?”
“นายถือไปห้องน้ำไง”
“แย่แล้ว!”

นี่ผมใจลอยขนาดนั้นเลยเรอะ! ผมรีบวิ่งไปห้องน้ำแต่บอมจับแขนไว้
“พัตกลับไปหาของตอนนี้ไม่ทันหรอก ครูเรียกเข้าห้องสอบแล้วนะ”
บอมยื่นซองดินสอกบเหลายางลบมาให้ “เอานี่ไปละกัน เราเตรียมมาเยอะ”
“ข...ขอบใจนะครับบอม”
“เพื่อนกันน่า”

หลังจากเข้าห้องสอบและแยกไปนั่งประจำที่ บอมก็หันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง

คุณครูผู้คุมสอบแจกกระดาษคำตอบตามด้วยข้อสอบวิชาเลข ทำให้สมาธิที่กระเจิดกระเจิงกลับมาได้ ข้อสอบไม่ยากแฮะทำให้ผมมีเวลาชำเลืองมองบอมได้บ้าง เขาดูใกล้มากทั้งที่นั่งห่างไปครึ่งห้อง ผมสั้นกับต้นคอผิวสีน้ำตาลอ่อน เสื้อนักเรียนสีขาวกับไหล่กว้างนั่น
“เราก็ห้องเดียวกัน” รอยยิ้มของเขาตอนชี้กระดาน

ผมทำข้อสอบเสร็จแล้ว ยังเหลือเวลาอีก 20 นาทีสำหรับทบทวนซ้ำ
ตอบได้ 49 ข้อ
ไม่มั่นใจ 1 ข้อ
มันคือ 98% ...หัวใจบีบรัดแน่นอีกครั้ง ผมมองก้อนยางลบ…

“เชรี่ยเอ๊ย! โคตรยากเลยทั้งสองวิชา” สนบ่นพลางเดินนำไปโรงอาหาร
“พัตทำได้ไหมอ่ะ?”
“ก็...ก็พอทำได้ครับ”
“เฮ้อ! อีกสามวิชาพวกกรูจะรอดไหม ยังไงเราขอดูดซึมความรู้นายบ้างนะ” สนเกาะแขนแล้วซุกหน้าเข้าซอกคอ
“โอ๊ย! อย่าาา! จั๊กจี้!”
“โรงอาหารคนเยอะมากเลย สั่งอะไรยังไงดีล่ะเนี่ย เราไม่รู้จักโรงเรียนนี้อ่ะ”
“แยกกันไปเหอะจะได้กินเร็วหน่อย เราอยากนั่งอ่านภาษาอังกฤษ ได้ข้าวแล้วกลับมารวมกันที่โต๊ะนี้นะ”

“พัตชอบข้าวหมกไก่เหรอ?” บอมมองจานผมหลังกลับมานั่งรวมกัน
“เปล่า เราชอบก๋วยเตี๋ยวอ่ะ แต่คนเยอะขนาดนี้มีโอกาสสูงที่เราจะโดนชนแล้วหกใส่เสื้อจะลำบากตอนสอบตอนบ่าย”
“เชร้ดดดด! นี่นายวิเคราะห์ทุกอย่างแบบนี้หมดเลยเหรอ?”
“ก...ก็แค่กันไว้ก่อนน่ะครับ สนไม่แน่ใจตรงไหนในวิชาภาษาอังกฤษก็ถามเราได้นะ เผื่อเรารู้”
“เรายังงงเรื่อง Past perfect ถูกกระทำ เติม ing อะไรเนี่ย เขียนทีไรผิดทุกที”
“สนเรียงแบบนี้นะครับ Per-Con-Pass คือ tense เสริมสามตัวนี้จะเรียงตามลำดับแบบนี้เสมอ Perfect , Continuous, Passive ท่องประโยคนี้นะ I have been being told...” ฉันถูกบอกเล่ามาเสมอว่า

“เอ้อ เทคนิคนี้เข้าใจง่ายดีแฮะ”
บอมกับสนถามอีกหลายข้อ ผมดีใจที่ช่วยให้เพื่อนใหม่ลดความกังวลลงได้ บอมเวลาขมวดคิ้วก็น่ารักแล้ว แต่เวลาเขายิ้มออกนี่น่ารักกว่าเดิมล้านเท่า

ผมเหลือบตามองชื่อจริงของบอมที่ปักบนอกเสื้อ ศรุต บูรณาวิทย์
คือตั้งใจแค่อยากรู้ชื่อเท่านั้นจริง ๆ นะ แต่ทำไมรู้สึกเขิน ใจเต้นแรงเหมือนกำลังลวนลามหน้าอกเขา

บอมเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมาพอดี ผมรีบหลบตา
“ใกล้เวลาเข้าสอบวิชาที่ 3 แล้ว ขึ้นห้องกันเถอะ” ผมพูด 
“แล้ววันประกาศผลมาเจอกันไหม? ถ้าติดกันทุกคนนี่ไปฉลองกันเถอะ” สนพูดเพราะสอบยาวติดกันสามวิชา ตอนเลิกอาจไม่ได้เจอเพื่อนใหม่คนนี้อีกแล้ว
“เรายังไม่รู้จะมาดูตอนกี่โมงน่ะครับ”
“เรารอ มาดูด้วยกันเหอะ” บอมพูดแบบหน้าตาจริงจังมาก
“เรามีธุระจริง ๆ”
“แอดมานะพัต เดี๋ยววันนั้นเราโทรหา”

เข้าห้องสอบอีกครั้ง ผมมองบอมจากด้านหลัง ขอให้บอมกับสนทำคะแนนได้เยอะ ๆ นะ หวังว่าจะได้เจอพวกเขาอีก

---------------------------------------------------------------------------

วิชาสุดท้ายภาษาอังกฤษผมทำจนวินาทีสุดท้าย ...เป็นการทำข้อสอบที่ยากที่สุดในชีวิตผม…พอออกมาก็ไม่เจอบอมกับสนแล้ว ใจมันโหวง ๆ เหมือนผมจะไม่ได้พบพวกเขาสองคนอีกแล้ว ผมยังไม่ได้คืนดินสอยางลบกบเหลาให้บอมเลย

ผมเปิดเครื่องมือถือแล้วโทรหาพ่อให้มารับ
“ทำได้ไหมพัต?” ประโยคแรกที่เดาได้ไม่ผิดเลย
“ยากกว่าที่คิดครับ”
“เหมือนเทสต์ที่ครูบิ๊วให้เราทำไหม?”
“......”
“พ่อหมายถึงครูเค้าเก็งข้อสอบตรงไหม?”
“ไม่ค่อยเหมือนครับ”

กลับถึงบ้านผมกินข้าวอาบน้ำเข้านอนทันที
“เหมือนเทสต์ที่ครูบิ๊วให้เราทำไหม?” บางอย่างสะท้อนในอก พ่อคิดว่าจ้างครูบิ๊วมาช่วยโกงสอบให้เราเหรอ

ผมเปิดไลน์มีแต่เพื่อนที่โรงเรียนเก่าทักมา
เอ็ม: สู้ ๆ นะเว้ยไอ้พัต
โต้ง: พัตสอบยากป่ะวะ
โต้ง: กลับมาได้นะเว้ย


ครูบิ๊วไม่ส่งข้อความอะไรมาเลย
ผมเลื่อนดูข้อความของบอม มีแค่สติ๊กเกอร์ที่เขาส่งมาตอนแอดกันตอนเที่ยง

ถึงบ้านยัง? ….พิมพ์หาบอมแบบนี้ดีเปล่าวะ
ข้อสอบยากเนอะ ….โอ๊ยไม่อยากพูดเรื่องสอบแล้ว
อาบน้ำยัง? ...ฟังดูหื่นไปป่ะวะ
นอนยัง อยากคุย ...ดูเหมือนตั้งใจจีบเหรี้ย ๆ
ชื่อนายเพราะนะ ศรุต ...stalker ชัด ๆ ไอ้พัตเอ๊ย
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 03-11-2020 12:11:12
King Class Away: ep2
Invisible Man


30 มีค. 6:17น.

เช้าวันจันทร์ของปิดเทอม ผมลืมตามองเพดาน ...ขนาดปิดตั้งปลุกแล้วก็ยังตื่นเวลานี้ตามความเคยชินอยู่ดี แล้วตรูจะมีปิดเทอมทำไมวะ ไม่มีติวแล้ว ไม่มีคุณครูบิ๊วด้วย ตอนนี้ก็แค่รอประกาศผลในอีก 6 วัน….อะไรแข็ง ๆ ข้างหมอน อ้าว! เมื่อคืนนอนดูมือถือจนหลับไปเลยเหรอ เปิดจอมาเหลือแบต 1% ผมงัวเงียควานหาสายชาร์จข้างเตียงพลางเปิดไลน์ดูข้อความ

Yesterday 22:47
บอม: ไปหมูกะทะกับเพื่อนเพิ่งกลับ พัตนอนยัง?

เฮ้ย!!!!!!
แล้วมือถือก็ดับไปเลย เฮ้ย! ข้อความจากบอม!! หัวใจผมเต้นแรง รีบเสียบชาร์จทันที บู๊ตเครื่องเสร็จรีบเปิดไลน์พิมพ์ตอบทันที

6:26
พัต: โทษทีเราเพิ่งตื่น เมื่อคืนเหนื่อยเลยนอนเร็ว

ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ รอเขาตอบ…ตอบดิ...ลุ้น ๆ ...ตอบดี๊….อ้อ! เช้าขนาดนี้ใครจะตื่นฟระ ร้อนใจโว้ย! อาบน้ำละกัน จะทำอะไรก็ไม่มีสมาธิ เงี่ยหูรอเสียงตะดึ้งนี่แหละ วันนี้ตั้งใจจะอ่านทบทวนวิชาสังคมล่วงหน้าแต่ใจมันไม่มีสมาธิเลยลงมานั่งเล่นข้างล่าง

“ลูกตื่นเช้าจัง ปิดเทอมนะเนี่ย” แม่เอ่ยถามพลางแต่งตัวเตรียมไปทำงาน
“เคยชินน่ะครับแม่”
“เมื่อวานสอบยากไหมลูก?”
“ก็...ทำได้เยอะอยู่ครับ”
“ลูกแม่ติดแน่จ้ะ แล้ววันนี้จะทำอะไร จะไปเที่ยวกับเพื่อนไหม?”
“พัตไม่ได้นัดเพื่อนไว้เลยครับแม่ สนใจแต่เรื่องสอบเข้า ไม่ได้นัดอะไรเลย”
“งั้นไปนั่งเล่นที่โรงแรมไหม วันนี้แม่มีประชุมถึงบ่ายสี่แล้วตอนเย็นถ้าลูกไม่ได้ไปไหนเราไปหาอะไรกินฉลองสอบเสร็จดีไหม?”

แม่ผมเป็นผู้จัดการเครือโรงแรม ทำงานทุกวันแทบไม่เคยมีวันหยุด ยิ่งวันหยุดเนี่ยงานยิ่งเยอะ

ระหว่างขับรถไปทำงาน แม่หันมาถาม
“ไม่ได้นัดใครแน่นะพัต?”
“ไม่มีครับแม่ ทักเอ็มกับโต้งไปแต่ยังไม่มีใครตื่นเลย” เอ็มกับโต้งคือเพื่อนสนิทที่โรงเรียนเก่า
“ก็เห็นพัตเช็คมือถือตลอดเลย รอใครอยู่รึเปล่า?” แม่ถามโดยไม่ละสายตาจากการขับรถ
หน้าผมร้อนผ่าววูบหนึ่งทันที ตอนนั้นเองมือถือก็ดังตะดึ๊ง

9:12
บอม: พัตตื่นเช้าจัง =_=zZ ได้นายเป็นนาฬิกาปลุกทุกวันคงดี

โอ๊ยส่งมาแบบนี้ตรูไปไม่เป็นเลยว้อย ถึงจะพยายามทำหน้านิ่ง ๆ แต่หูของลูกชายแดงระเรื่อขึ้นมา อังคณาอมยิ้ม

หลังจากถึงโรงแรม แม่ฝากผมไว้ที่ห้องพักพนักงานหลังฟร้อนต์ของโรงแรม เป็นที่ประจำของผม แม่บอกอยู่ตรงนี้จะได้ฟังฝรั่งพูดบ่อย ๆ ผมสวัสดีพี่ ๆ พนักงานแล้วหาโต๊ะที่หลบมุม วางเป้ลงแล้วใช้เวลากับสิ่งที่ยากสุดคือ….ตรูจะตอบบอมยังไงดีวะ!? เปิดมาแบบนี้ โอ๊ย!

ความเคยชินน่ะ ปกติต้องตื่นเช้ามาติว ….ฟังดูอวดเก่งหรือเปล่าวะ
บางวันก็ตื่นสาย ….เค้าสนใจเรื่องมรึงตื่นเช้าจริงเหรอไอ้พัต
ให้ปลุกนายทุกวันก็ได้นะ ...ถ้าจะตอบแบบนี้ขอเป็นแฟนไปเลยเหอะ
กินข้าวยัง? ….ฟังดูเทคแคร์ออกหน้าออกตามาก
อาบน้ำยัง? ….โอ๊ย ทำไมใจตรูวนเวียนแต่เรื่องนี้วะ
ยังไม่ทันจะพิมพ์ตอบบอมก็ส่งมาอีก

บอม: ขอบใจนะที่นายบอกให้นั่งสมาธิ ช่วยติวอังกฤษให้ด้วย เราว่าเราทำสอบได้ดีขึ้น
พัต: ดี ๆ
บอม: โทรได้ไหม?

ประโยคสั้น ๆ ของบอมทำใจผมพองโต ผมอยากคุยกับเขา อยากฟังเสียงเขา แต่ตอนนี้ผมอยู่ในห้องพักพนักงาน มีคนอื่นอยู่ด้วย แม่สอนเสมอว่าห้ามรบกวนพี่ ๆ เค้า

พัต: โทษนะเราอยู่ออฟฟิซแม่ คุยไม่ได้
บอมเงียบไปเลย เค้าจะโกรธที่เราขัดใจเปล่าวะ? ผมเริ่มกังวลและเสียดาย

บอม: ไม่เป็นไร งั้นถามหน่อย เลขข้อ 45 ที่หาพื้นที่สามเหลี่ยมใหญ่ที่สุดในวงกลมตอบอะไรเหรอ?
พัต: ตอบ 3 อ่ะ

บอมส่งสติกเกอร์ยิ้มดีใจ ...แปลว่านายตอบถูกสินะ

บอม: เทคนิคจำ tense ที่พัตสอน เราได้ใช้ข้อนึงด้วย
อ๊าก!!! ดีใจชิบเป๋ง
 
บอมถามอีกหลายข้อและส่วนใหญ่เขาตอบถูก ผมคิดฝันไปไกล ภาพที่เขาชี้นิ้วบนกระดานแล้วพูดว่าเราก็ห้องเดียวกัน ...บางทีเราอาจได้อยู่ห้องเดียวกัน แต่โอกาสมันน้อยแค่ 1 ใน 7 เพราะห้องสายวิทย์มี 7 ห้อง สายศิลป์มี 6 ห้องตามที่ครูบิ๊วบอก ไม่สิ...ยังไงผมไม่ได้ห้องคิงหรือห้องควีนแน่ แปลว่าโอกาสมีแค่ 1 ใน 5 ถึงจะมีโอกาสมากขึ้นแต่ก็ยังน้อยอยู่ดี

บอม: เราไปกินข้าวนะ บาย

แล้วผมก็อยู่คนเดียวอีกครั้ง ผมมองหน้าจอบทสนทนา ตั้งใจจะมองให้เห็นเขาที่อยู่อีกด้าน ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้ไหมที่ผมจะได้ใกล้เขามากกว่านี้ แล้วเขาคิดกับผมยังไง เพื่อนใหม่ที่บังเอิญเจอ หรือแค่หาคนช่วยหาห้องสอบ หรือแค่คนเฉลยข้อสอบเหรอ ….หรือผมอาจไม่ได้เป็นอะไรในสายตาเขาเลย...เฮ้อ! ยังไงตอนนี้หาข้าวกินก่อนดีกว่า ผมหยิบโทรศัพท์พิมพ์หาแม่

พัต: แม่ครับทานข้าวเที่ยงกัน
แม่: แม่ยังประชุมไม่เสร็จ ลูกไปคนเดียวละกันนะ
พัต: ครับแม่
แม่: เรื่องมื้อเย็น แม่คงยังไม่เสร็จงาน
พัต: ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมกลับเองครับ


มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก ชินแล้ว ผมสะพายเป้ขึ้นหลังแล้วเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าไปสยาม ถ่ายรูปโพสเผื่อเพื่อนสักคนจะทักมา หาเป้ใหม่กับปากกาใหม่ดีกว่า เวลาเรียนจะได้มีสีสันหน่อย แล้วไปดูเกมที่ MBK ชั้น 6 เฮ้อ...เกมที่เล็งไว้ก็ยังไม่มา ผมอยากได้สติกเกอร์จอย Switch ลายมิกุ แต่คิดอีกทีเดี๋ยวตอนแม่มาทำความสะอาดห้องแล้วเห็นก็หาว่าสิ้นเปลืองบ้างล่ะ ติดเกมเสียการเรียนบ้างล่ะอีกแหง ๆ

ตอนนี้บ่ายคล้อยแล้ว ความหิวเพิ่มมากขึ้นแต่ผมอยากแวะร้านอนิเมทก่อน วันนี้มีฟิกเกอร์ Fate ด้วย อยากซื้อจัง...แต่ว่า...ถ้าผลสอบออกมาอย่างที่ผมตั้งใจจริง ๆ ผมว่าฟิกเกอร์ Jeanne d’Arc คงมีอายุแค่ 6 วัน สุดท้ายก็ได้แค่พวงกุญแจเล็ก ๆ ผมติดมันเข้ากับซิปด้านในเป้ใบใหม่สีฟ้า พ่อแม่จะได้ไม่เห็น

ก่อนกลับก็มื้อเย็นที่ฮะจิบังตรงชั้นโรงหนังโต๊ะริมทางเดินตามเคยเพราะอากาศเย็นกว่าโต๊ะในร้าน วันนี้ซัด 2 ชามเลยชดเชยมื้อเที่ยงด้วย สักพักก็มีข้อความเข้า

โต้ง: อยู่ไหนแล้วมริง?
พัต: สยาม เพิ่งตื่นเหรอสาด เราทักไปตั้งแต่เช้า
โต้ง: กรูเล่นคอมทั้งวัน ปิดทุกแอพไม่งั้นเสียสมาธิ มริงอยู่อีกนานไหมจะไปหา แชร์โลมา

พัต:  (https://pbs.twimg.com/profile_images/3779230943/1dc39730b0c09f93f970016053913c92.jpeg)
โต้ง: ฟวย เอาดี ๆ
พัต: จะกลับบ้านแล้ว ไว้วันหลังนะ
โต้ง: แล้วสอบเป็นไงบ้าง
พัต: ประกาศผลเสาร์นี้
โต้ง: ติดแน่ มริงทำได้


...ผมไม่รู้จะพิมพ์ตอบโต้งยังไงดี...
...ถ้าโต้งรู้ว่าผมทำอะไรลงไป มันจะแหกปากยังไง...
ผมเปิดดูรูปตารางที่นั่งวันสอบ กระดาษที่มีชื่อผมกับเขา...เราอาจได้อยู่ห้องเดียวกันแบบนี้ใช่มั้ย…

“โห! รอบคอบขนาดถ่ายที่นั่งสอบเลย”
“เฮ้ย!!! บอม!” ผมหันหลังกลับไปตามเสียง บอมยืนชะโงกหน้าดูมือถือผมจากด้านนอกร้าน เป็นผีเหรอวะ วาร์ปมาโคตรได้จังหวะ
บอมในชุดเที่ยวกับเสื้อวอร์มดูแปลกตา แต่กลิ่นน้ำหอมคุ้น ๆ ยืนยันว่าเป็นเขาจริง ๆ

“เออแฮะ ชอบกินก๋วยเตี๋ยวจริง ๆ ด้วย” (จำได้ด้วยเหรอ!)
“บ...บอมมาได้ไง?”
“อือ...เรามาดูหนังกับเพื่อนน่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“Invisible Man”
“เหรอ กินอะไรด้วยกันก่อนไหม?”
“หนังจะฉายแล้วอ่ะ เราไปดูหนังละนะ”

ผมได้แต่มองแผ่นหลังของเขาที่เดินห่างออกไป โคตรดีใจที่ได้เจอกันเร็วขนาดนี้ แต่ก็แค่แป๊บเดียวเอง อยากอยู่กับเขาให้นานกว่านี้ มีคำมากมายในหัวแต่พูดไม่ออกสักคำ

กล้บถึงบ้านด้วยความรู้สึกโหวง ๆ ภาพบอมในชุดเที่ยวยิ่งทำให้ผมอยากอยู่ใกล้เขามากขึ้นไปอีก
….โว้ย! ตรูจะไม่นั่งเหงาเศร้าบ้าเป็นพระเอกซีรีส์หรอก คิดเหรอว่าผมจะทำได้แค่นี้!
ผมหยิบมือถือเข้าเฟสบุ้คพิมพ์ #InvisibleMan

ถ้าบอมใส่ hashtag ชื่อหนัง ผมก็มีโอกาส ...แล้วผลลัพธ์ก็เป็นของคนที่หาหนทาง

Saroot Bomberman
ดูคนเดียว จะน่ากลัวไหมเนี่ย?
#InvisibleMan


------------------------------------------------------------------------------------
*ขอบคุณภาพจาก https://pbs.twimg.com/profile_images/3779230943/1dc39730b0c09f93f970016053913c92.jpeg
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 03-11-2020 12:36:22
King Class Away: ep3
วันประกาศผล


3 เมย. 13:57น.

ผมยังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงด้วยความสับสนมาตลอด 3 วัน ไอ้พัตเอ๊ยมริงนี่แมร่ง stalker ตัวจริง แอบดูทั้งชื่อจริงบนอกเสื้อของบอม แล้วตอนนี้ยังแอบได้เฟสเขามาอีก

Saroot Bomberman ผมเลื่อนดูเฟสเขาทีละอันอ่านทุกคอมเม้นต์อย่างช้า ๆ
คนอะไรชื่อ Bomberman น่ารักฉิบหาย! ถ้ามีโอกาสจะถามเขาว่าชอบเล่นเกมนี้เหรอ อยากกดไลค์อยากแอดเฟรนด์มาก แต่ถ้าทำจริงนี่ความแตกแน่ เขาจะเกลียดผมไหมที่แอบหาข้อมูลเขาขนาดนี้ (จริง ๆ จะสมัครเฟสใหม่เพื่อส่องโดยเฉพาะก็ปลอดภัยดี แต่ผมอยากดูด้วยเฟสตัวเองมากกว่า)

เลื่อนลงมาเจอภาพเขากับสนถอดเสื้อเล่นบาสทำผมแทบเลือดกำเดาพุ่ง
เลื่อนกลับขึ้นไปที่โพสบนสุด มีเพื่อนมาคอมเม้นต์หลายคนละ

ดูคนเดียว จะน่ากลัวไหมเนี่ย?
#InvisibleMan

ไปไม่ชวน
   รีบอ่ะ เพิ่งนึกได้ว่าอยากดู
   มีงี้ด้วย
        วัยรุ่นใจร้อน
สนุกไหม? รีวิว ๆ
   สนุกมาก ดูเอง
สาดไม่ชวน งี้กรูก็ต้องดูคนเดียวสิ
   สนออกค่าตั๋วให้ดิเดี๋ยวไปอีกรอบ
ดูแล้ว หนุกมาก
   เนอะ


บอมเพื่อนเยอะดีเนอะ เทียบกับผมที่มีเพื่อน 2 คนถ้วน ผมเหมือนมนุษย์ล่องหนที่ได้แต่มองเขาไกล ๆ
พรุ่งนี้จะเป็นวันประกาศผลสอบแล้ว เครียดเรื่องนี้ก่อนดีกว่าไหมตรู?

ผมเปิดเกมเล่นให้หายคิดถึงหลังจากหยุดเล่นมาหลายเดือนตั้งแต่ตอนสอบไฟนอลเทอมที่แล้วต่อด้วยการติวส่วนตัวกับคุณครูบิ๊ว 3 เดือนรวด และพรุ่งนี้พอผลสอบออกผมคงโดนห้ามเล่นเกมไปอีกนานเลย ...หรือไม่ก็อาจโดนหนักกว่านั้น

ผมกลัวพ่อ อยากคุยกับใครสักคนแต่ก็ไม่มี 

17:04น.
มื้อเย็นวันนี้พ่อแม่อยู่กันพร้อมหน้า ถึงหน้าตาจะยิ้มแย้มแต่ก็มีบรรยากาศกดดันซ่อนอยู่
“พรุ่งนี้ประกาศผลแล้วนะพัต”
“ครับพ่อ” ผมก้มหน้าตอบ ไม่กล้าสบตาพลังทำลายล้างของพ่อ
“อืม ตอนเย็นไปฉลองกันนะ” พ่อพูดยิ้ม ๆ
เอาแล้วไง บรรยากาศกดดันชนิดบารอมิเตอร์ระเบิด คือตรูต้องติดห้องคิงเท่านั้นใช่มั้ย

“พัตทำเต็มที่แล้ว ทำใจให้สบายนะ” แม่เอ่ยฝ่าบรรยากาศกดดันแต่เหมือนจะกู้ระเบิดไม่สำเร็จแถมยังเพิ่มความอึมครึมกว่าเดิม
“ครับแม่ ผมไปอ่านเลขต่อนะครับ”

20:47น.
อ่านเลขม.4 ทบทวนจบไป 5 บท คืนนี้พอแค่นี้ละกัน ...ผมชอบเรียนจริง ๆ หรือแค่ทำตัวดีให้พ่อพอใจ
อย่างน้อยผมก็พอติวม.4 ให้บอมได้ก็แล้วกัน เขาต้องติดแน่ ๆ
ว่าแล้วก็ทักหน่อยดีไหม ไหน ๆ เขาก็อยากให้ผมไปดูประกาศผลสอบพร้อมเขา

พัต: บอมเป็นไงบ้าง สบายดีไหม? พรุ่งนี้ไปกี่โมงเหรอ?
บอม: ลุ้น ๆ อยู่
บอม: พรุ่งนี้ไป 8 โมงน่ะ
พัต: อือ แล้วเจอกันนะ

บอมไม่ตอบอะไรอีก ขอเฟสบุ้กเขาเลยดีไหมจะได้ไม่ต้องแอบส่องอีกแล้ว แมร่งเอ๊ยน่าเกลียดเปล่าฟระ? ถ้าเขาเลิกคุยกับผมไปเลยล่ะ?

บอม: โทรได้ไหม?

ห้ะ!...อะไรนะ มือสั่นเลยตรู คือคอลคุยกันตอนค่ำแบบนี้มันเหมือนคนจีบกันฉิบหาย (ยังไม่ทันอะไรนี่คิดไปไกลแล้ว) ไม่หรอกเขาอาจแค่ขี้เกียจพิมพ์เหมือนเคย อย่าเพิ่งฝันไปไกล

พัต: ได้สิ
ตึ๊ก! ตึ๊ก! ตึ๊ก! ใจเต้นเลย ยังไม่ทันเตรียมใจบอมก็คอลไลน์มาจริง ๆ กดรับมือสั่นเลยตรู

“ห...หวัดดีบอม”
“เออ เราพิมพ์ช้าเลยโทรหาดีกว่า”
เสียงโคตรหล่อเลยว้อยยยยย

“บอมยังไม่นอนเหรอ?”
“ยังไม่ง่วงเลย คิดเรื่องสอบแล้วนอนไม่หลับ แต่พัตคงสบายมากนะ เข้าได้แน่ ๆ”
“เออ ทำใจให้สบาย ๆ อย่าเครียด”
ปากพูดแบบนั้นแต่ตอนนี้ตรูทำใจสบาย ๆ ไม่ได้แล้ว มือจับโน่นจับนี่คุมสมาธิไม่ได้เลย

“อืม ขอบใจนะพัต”
“ล...แล้วบอมอาบน้ำยัง?”
ฉิบหายแล้ว! หลุดปากออกไปแล้ว!! แย่แล้วไอ้พัต!!! เค้ารู้ความหื่นหมดแล้ว!!

“กำลังจะไปอาบน่ะ แล้วพัตอาบยัง?” บอมตอบนิ่ง ๆ
“ก...กำลังจะไปอาบเหมือนกัน”
“อือ อาบพร้อมกันเลย”

โอ๊ย! ตอบมาแบบนี้ทำตรูคิดไปไกลสุดขอบจักรวาล! ทำไมนายชอบพูดอะไรให้ตรูคิดฟระ หรือใจเราพร้อมจะไปทางนี้ตลอด แล้วตรูจะนอนหลับไหมคืนนี้! ภาพในหัวมันจินตนาการไปไกลบวกกับภาพที่บอมถอดเสื้อเล่นบาส

“พัต” บอมพูดเสียงเบา ๆ
เหรี้ย! เข้ากับภาพในหัวตรูตอนนี้เลย ผมกับเขาใต้ฝักบัว บอมยื่นหน้าเปียกปอนเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที

“หือ” ผมตอบเสียงเบา ตอนนี้จิตใจเตลิดเข้าโหมด NC ไปแล้ว
“ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันใช่ม้ย? เราดีใจที่ได้เจอพัตนะ”
“อืม” ผมตอบได้แค่นั้น

เขาคงกังวลว่าจะสอบเข้าไม่ได้ ถึงอยากจะบอกให้เขาสบายใจแต่ผมไม่ควรให้ความหวังว่าเขากับสนจะสอบเข้าได้ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่รู้แน่เหมือนกัน

“เอ่อ งั้นเราขอแอดเฟสของบอมได้ไหม?”
“ได้สิ ศรุต บอมเบอร์แมน”
“แป๊บนะ” ผมกดสลับไปเฟสบุ้กแล้วกดแอดเฟรนด์ทันที ในที่สุดตรูก็ได้เฟสบอมอย่างเป็นทางการรรรรร ทีนี้ผมก็ได้เป็นเพื่อนเขาเต็ม ๆ แล้ว ไม่ต้องแอบส่องแล้วว้อย!!

“แอดไปแล้วนะ เห็นยัง?”
“เห็นละ” บอมตอบ
“พรุ่งนี้เจอกันตรงไหนดี?” ผมถาม แต่บอมกลับเงียบไป

“พัต นายรู้ได้ไงว่าเฟสเราสะกดเป็นภาษาอังกฤษ?”
ฉิบหายแล้ว!!!

“เอ่อ….อ่า...ร...เราก็ลองพิมพ์ดูน่ะ”
“อืม งั้นเราไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันร้านน้ำหน้าโรงเรียนนะ”
บอมวางสายไปแล้ว เกือบซวยแล้วตรู ผมนั่งมองมือถือ

Saroot Bomberman accepted your friend request.

-----------------------------------------------------------------

4 เมย.

7:37น.
รถของพ่อเคลื่อนฝ่าการจราจรที่หนาแน่นเช่นเคย เช้านี้คือวันประกาศผลสอบ บรรยากาศในรถตอนนี้มีแต่ความเงียบที่โคตรกดดัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิทยุเป็นรายการหรือเพลงอะไร

“ตื่นเต้นเหรอพัต?”
“ครับ”
“ลูกคงรู้นะว่าต้องได้เท่านั้น ลูกน่ะ...” พ่อขยับปากเหมือนจะพูดอะไรแต่แล้วก็กลับนิ่งต่อ


“ให้พ่อส่งถึงหน้าโรงเรียนไหม?”
“รถติดมาก ผมลงเดินไปเหมือนครั้งที่แล้วดีกว่าครับ”

ผมเดินเข้าซอยโรงเรียน นักเรียนหลายคนมีพ่อแม่มาด้วย ก็มันเป็นวันสำคัญนี่นะ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากให้พ่อแม่มาด้วยเลยเพราะมั่นใจว่าโศกนาฎกรรมกำลังจะเกิดด้วยน้ำมือผมเอง...จริง ๆ ผมก็อยากให้พ่อแม่เดินมากับผม ครั้งสุดท้ายที่ผมจำได้คือตอนป.5 ที่ผมไม่สบายแล้วแม่ลางานมารับที่โรงเรียนตอนบ่าย

“กินยากับวิตามินซีตามที่หมอบอกนะลูก”
“พัตไม่อยากกินวิตามินซี มันแสบปาก”
“งั้น...เราไปกินไอติมมะนาวกันนะ คงมีวิตามินซีเหมือนกัน”

แต่พอขึ้นป.6 ผมได้อยู่ห้องคิงนั้น ชีวิตก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย

ตรงหน้านั่นผมเห็นบอมกับสนยืนอยู่หน้าร้านค้าแล้ว อย่างน้อยก็มีอะไรบางอย่างให้ผมมีความสุขก่อนระเบิดจะลง
“หวัดดีครับ บอม สน”
“หวัดดีพัต ป่ะเดินเข้าไปพร้อมกันเลย”
“ตื่นเต้นว่ะ” สนพูด
สำหรับผม ใช้คำว่าหวาดกลัวดีกว่า

“จะได้อยู่ห้องเดียวกันไหมนะ?” สนพูด
...ความเป็นไปได้ที่สามคนจะได้ห้องเดียวกันมีแค่ 1/25
“จะได้ห้องคิงไหมว้า?” บอมพูดแทงเข้ากลางใจผมดังฉึกเลย
“มริงเนี่ยนะจะได้ห้องคิง รู้เหรอห้องไหน?”
“เออ ไม่รู้แฮะ”

ห้อง 4/1 คือห้องคิง ห้อง 4/7 คือห้องควีน ผมท่องคำของคุณครูบิ๊วในหัววนไปมาแต่พูดออกมาไม่ได้

พวกเราสามคนเดินฝ่าคนมากมายตรงไปกระดานกลางสนามใต้หลังคาอันใหญ่
ผมไล่นิ้วที่ห้อง 4/1 ที่คาดหวังสุด ๆ ว่าจะไม่เจอชื่อผมในนี้ ในห้องที่พ่อแม่ผมคาดหวังไว้สูงมาก
ทั้ง 45 รายชื่อ….ไม่มีชื่อผม อกผมโหวง ๆ ไม่รู้ว่ามันคือดีใจหรือเสียใจหรืออะไร

ใจผมเต้นแรงขึ้น ๆ เมื่อขยับไปดูรายชื่อห้องถัดไป

ไล่รายชื่อห้องต่อไป 4/2
เจอชื่อ ศรุต บูรณาวิทย์
“บอม นี่ไงชื่อนาย!”

ทั้งสองคนพุ่งหัวเข้ามาดู “เฮ้ย! จริงด้วย ไอ้บอมมริงติดแล้วว้อย!” ทั้งสองคนกอดคอกันดีใจ
“มา ๆๆ เราช่วยดูชื่อพวกนายให้!” บอมกล่าวเสียงดังอย่างลิงโลด
“พัตชื่ออะไรเหรอ? เราช่วยหาให้”
“นนทภัทร วงศ์ประสาน”

ผมไล่นิ้วลงมาทุกชื่อของห้อง 2 ...แต่ไม่มีชื่อผมในห้องนี้

แล้วผมก็เจอ นนทภัทร วงศ์ประสาน ห้อง 4/4
ผมเหมือนหูอื้อ เสียงต่าง ๆ รอบตัวหายไปหมด

-------------------------------------------------------------------------------

“มีสนามบอลกว้าง ๆ ด้วยโว้ย ดีใจชิบเป๋ง วู้ววว!!!” สนตะโกนพลางวิ่งนำไปสนามบอลหลังโรงเรียน
“สอบติดแล้วโว้ยยย! ห้อง 8 โว้ยห้อง 8!!”
“ไม่อยากเชื่อเลยพวกเราเข้าโรงเรียนดังนี้ได้ สุดยอดเลยเนอะ” บอมยิ้มหน้าบานแฉ่ง

คือบรรยากาศตอนนี้ผมควรดีใจใช่มั้ย…ผมสอบเข้าได้สายวิทย์-คณิตโดยไม่ใช่ห้องคิงหรือห้องควีน ทุกอย่างตามที่ผมตั้งใจแล้วนี่

“เราสองคนอยู่ห้องใกล้กันเลยเนอะพัต ดีจัง” บอมหันมายิ้มจนตาปิด
“......”
“พัตเป็นอะไรเงียบไปเลย ไม่สบายเหรอ?”
“เปล่าครับ”
กลับบ้านไปผมตายแน่ พ่อกับแม่คงผิดหวังมาก ลาก่อนเครื่องสวิตช์ ฟิกเกอร์และหนังสือการ์ตูนที่เหลือรอดจากระเบิดลงคราวที่แล้ว
“ไปลองขึ้นอัฒจันทร์นั่นกันไหม? สูงดีนะ!”

พ่อกับแม่อุตส่าห์จ้างครูสอนส่วนตัวตั้ง 3 เดือน แต่ผมก็...ผมทำถูกหรือเปล่านะ แต่ผมเกลียดห้องคิงนี่หว่า ผมไม่ยอมเข้าห้องนรกอีก 3 ปีเหมือนตอนม.ต้นหรอก

ห้องนรกที่ไม่มีใครเข้าใจ บ่นไปก็มีแต่คนบอกว่าครูทำถูกแล้ว ถูกเหรี้ยอะไร! ให้ผมกินบอระเพ็ดโคตรขมทุกครั้งที่ตอบผิด โดนลงโทษต่าง ๆ นานา ให้อดข้าวฟังครูด่า วิ่งรอบสนาม

“พัตไม่สบายหรือเปล่า? ทำไมทำหน้าแปลก ๆ” บอมหันกลับแล้วเดินมา
ผมมองบอม ความผิดหวังที่เจ็บสุดคือผมไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับบอม ทำไมผมถึงโง่ตั้งความหวังกับความเป็นไปได้แค่ 1 ใน 5

“ไหนดูหน่อยตัวร้อนไหม?” บอมพูดแล้วคว้าแขนผมไปลูบจนถึงข้อพับ
“เอ่อ….บอ….บอมครับ” มือของบอมยกมือมาแตะหน้าผากผม หน้านิ่งที่จ้องตาผมนี่….
“ตัวไม่ร้อนนี่ นายเป็นอะไรไหมอ่ะ? เห็นซึม ๆ”
“เปล่า เรากำลังดีใจน่ะครับ”

บอมยิ้มแล้วกอดคอผม “พัตไม่ต้องพูดครับกับพวกเราแล้วนะ เราฟังแล้วแมร่งโคตรเกร็งเลย เราเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันแล้วนะ”
“อื้ม”
“งั้นไปเดินดูโรงเรียนกันเถอะพัต” เขากำข้อมือผมแล้วดึงให้วิ่งผ่าสนามบอลไปกับเขาไปเลย โอ๊ย! นี่นายเป็นพวกถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้เลยเหรอฟระ ...แต่ก็รู้สึกดี ความอุ่นจากมือเขาลบความกังวลความเศร้าหายไปหมด จะมัวกังวลกับความทุกข์ทำไมในเมื่อความสุขอยู่ตรงหน้า นั่นสินะ ถึงจะอยู่คนละห้องแต่เขาก็อยู่ตรงนี้แล้ว อยู่โรงเรียนเดียวกันแล้ว...ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว…

“อัฒจันทร์สูงดีเนอะ โรงเรียนเก่าเราเทียบไม่ได้เลย แล้วของที่โรงเรียนเก่านายสูงขนาดนี้มั้ยพัต?”
บอมหันมาถามพลางยิ้ม เอ่อ...เจอรอยยิ้มระยะประชิดแบบนี้ตรูคำนวนความสูงไม่ถูก ตรูคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น

"เออ พัตจะเลือกชมรมอะไรเหรอ?"
"ไม่รู้สิบอม เรายังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย ก็คงชมรมคอมมั้ง" ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมสนแต่เรื่องหนีให้พ้นห้องคิงเท่านั้น
"พัตอยู่ชมรมบาสเถอะนะ ตอนอยู่โรงเรียนเก่าเรากับสนเป็นนักกีฬาบาสนะ นี่ก็กะจะเข้าชมรมบาสอีก เราอยากเป็นตัวจริงทีมโรงเรียนด้วย"
"เหรอ!" มิน่าบอมกับสนตัวสูงหุ่นดีจัง

"นะพัตนะ อยู่กับเรานะ" บอมไม่พูดเปล่าแต่แขนขวาโอบไหล่ผม มือซ้ายกุมมือผมแน่น ตางี้เป็นประกายมาก คือจะให้ผมเข้าชมรมบาสให้ได้ใช่มะ อ้อนแบบนี้ใครจะปฏิเสธได้ฟระ

"ก...ก็ได้" โอบกันขนาดนี้ขออะไรผมก็ให้หมดแล้ว บอมยิ้มกว้างจนตาปิด
"แต่เราเล่นบาสไม่เป็นเลยนะ เคยเรียนตอนม.ต้นแต่ก็ลืมหมดละ"
"พวกเราจะสอนพัตเอง ไม่ต้องห่วงนะ"
"อืม"
“ถ่ายรูปที่ระลึกกันเหอะ” สนหยิบกล้องขึ้นมาเซลฟี่พวกเรา

--------------------------------------------------------------------------

หลังจากแยกกับสองคนนั้นผมก็โทรเรียกพ่อมารับ ...มาแล้วช่วงเวลาที่ผมกลัวที่สุด…ผมเปิดประตูรถแล้วก้าวเข้าไปนั่ง ทุกวินาทีมันเงียบและอึดอัดเหลือเกิน ความสุขเมื่อครู่หายไปหมด

“เป็นไงบ้างพัต?” พ่อถามเสียงนิ่ง ๆ
“ส...สอบติดครับ”
“ติดห้องอะไรเหรอ?”

“...ห้อง 4 ครับ”

ผมกลั้นใจรวมพลังใจกว่าจะพูดออกมาได้ ถึงจะเตรียมใจมาแล้วก็ยังไม่กล้ามองหน้าพ่อตอนนี้ พ่อเองก็รู้จากคุณครูบิ๊วว่าห้องคิงห้องควีนคือเลขห้องอะไร พ่อนั่งนิ่งไม่ขับรถ ทุกอย่างหยุดนิ่ง...นิ่งเหมือนระเบิดปรมาณูกำลังจะทำงาน ผมกัดฟันแน่น ภาพตอนผมลบคำตอบช่องที่ถูกออกแล้วจงใจกาผิดฉายวนซ้ำ ๆ ในหัว ถึงจะทำใจมาตั้งแต่วันสอบแต่ผมก็ยังกลัวพ่ออยู่ดี ผมกลัวเวลาพ่อโมโห

“ห้องวิทย์-คณิตใช่มั้ย?”
“ครับ”
พ่อนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วขับรถขึ้นถนนช้า ๆ ตามองไปที่ถนนตรงหน้าไม่หันมามองผม พ่อไม่เปิดวิทยุเหมือนทุกครั้ง

“ลูกทำได้ดีมาก พ่อภูมิใจตัวลูกนะ”

ห้ะ! ผมหูฝาดไปเรอะ!?

“ข้อสอบคงยากใช่ไหม?”
“ค...ครับ” กลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“สอบติด ได้ห้องดีก็ดีแล้ว เย็นนี้กินอะไรดี?”
“อะไรก็ได้ครับ”

นี่พ่อตัวจริงหรือเปล่าฟระ? ทุกทีเนี่ยโมโหอาละวาดตวาดผมแน่ ทำไมมันต่างจากที่ผมกลัว แต่ยังไงก็โล่งอกไปที ทรมานมาตลอดหลายวัน...อะไรก็ได้ แค่พ่อไม่โมโหก็พอ…พอหายกลัวผมก็มองทิวทัศน์ริมถนนรอบข้าง นี่จะเป็นภาพที่ผมได้เห็นตลอดอีก 3 ปี
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 03-11-2020 12:49:28
King Class Away: ep4
มาได้แค่นี้


4 เมย. 9:07น.

หลังจากส่งลูกชายลงหน้าโรงเรียนบรรพตก็ขับรถไปร้านกาแฟตรงห้างใกล้โรงเรียนเพื่อนั่งรอลูกชาย เขาร้อนใจอยากจะไปดูผลสอบพร้อมลูกด้วยซ้ำแต่อังคณาบอกเขาให้รอลูกหาที่นี่ ให้ลูกโทรหาเอง นี่ก็นานแล้วนะ แค่ดูผลสอบนี่เจ้าพัตจะใช้เวลานานอะไรขนาดนี้ เสียการเสียงานหมดแล้ว

เสียงกระดิ่งประตูดังกริ๊ง หญิงสาวที่เขาคุ้นตาเดินเข้ามา
“อ้าวคุณ วันนี้ไม่ได้ไปทำงานเหรอ?”
“ชั้นลาตอนเช้าค่ะคุณ”

เขางงงวยแต่ก็ลุกขึ้นขยับเก้าอี้ให้ภรรยาของเขานั่งร่วมโต๊ะ เขานิ่งไม่เอ่ยอะไร คำถามว่า “ถ้าคุณลาได้แล้วทำไมคุณไม่มาส่งลูกเอง?” อยู่ที่ริมฝีปากแต่เขาพอรู้แล้วว่าอังคณามาทำไม

“ลูกโทรมาหรือยังคะ?”
“ยังเลย” บรรพตส่ายหน้าเบา ๆ ทั้งสองรู้จักลูกชายของพวกเขาดี ไม่โทรมาแบบนี้ก็หมายความว่า…

ตอนลูกอยู่โรงเรียนเก่าได้ห้องคิง พอให้ลาออกมาสอบเข้าโรงเรียนใหม่กลับไม่ได้ห้องคิง เขารู้สึกเสียหน้าและอับอายกับการตัดสินใจครั้งนี้มาก
“คุณคะ ชั้นขอพูดอะไรได้ไหม?” เธอกุมมือเขา
“คุณคะ ความดุของพวกเราพาลูกมาได้แค่นี้ค่ะ”

----------------------------------------------------------------------------

เขาจ้องลูกชายที่นั่งเบาะข้างคนขับ ถึงพัตจะนั่งนิ่งแต่ไหล่ก็สั่นเล็กน้อยตอนพูดว่า “ห้อง 4 ครับ”
ลูกพลาดทั้งห้องคิงและห้องควีน ความดุของเขาพาลูกมาได้แค่นี้ ลูกตัวน้อยที่เคยยิ้มสดใสเวลาทำการบ้านได้ ตอนนี้กลัวตัวสั่นเหมือนลูกนก เหมือนตอนเขาพาลูกลาออกจากโรงเรียนเก่า
“ห้องวิทย์-คณิตใช่มั้ยลูก?”
“ครับ”
...ความดุของเขาพาลูกมาได้แค่นี้...

“ลูกทำได้ดีมาก พ่อภูมิใจตัวลูกนะ ข้อสอบคงยากใช่ไหม?”
“ค...ครับ”
“สอบติด ได้ห้องดีก็ดีแล้ว เย็นนี้กินอะไรดี?”
“อะไรก็ได้ครับ”

แล้วเขาต้องใช้อะไรถึงจะพาลูกไปต่อจากนี้

----------------------------------------------------------------------------

ตอนเย็นทุกคนเลือกฉลองที่ภัตตาคารอาหารจีนใกล้บ้าน
“วันนี้ผมได้เพื่อนใหม่ 2 คนนะครับชื่อบอมกับสน จริง ๆ รู้จักกันตั้งแต่วันสอบเข้าเลยครับ บอมกับสนก็สอบติดเหมือนกันครับ บอมห้อง 2 สนห้อง 8 ครับ พอดูผลสอบเสร็จพวกเราก็ไปเดินดูรอบโรงเรียนเลยครับ หลังโรงเรียนมีสนามบอลกับอัฒจันทร์ด้วยครับ” พัตเล่าเรื่องวันนี้ยาวเฟื้อย

“ดีจัง เพื่อนลูกก็เรียนเก่งนะเนี่ย แล้วพ่อแม่เค้าทำงานอะไรเหรอ?”
“ไม่รู้อ่ะแม่”
“วันหลังก็ลองถามเค้าดูนะ”
“คร้าบ” พัตหน้ามุ่ยเล็กน้อย ลูกยังไม่เข้าใจหรอกว่าพวกเขาถามเรื่องอาชีพพ่อแม่ฝ่ายโน้นเพื่ออะไร

“แล้วเพื่อนในห้องล่ะรู้จักใครไหม?”
“ยังไม่รู้จักใครเลยครับ”
“ลูกแม่มนุษยสัมพันธ์ดีเนาะ รู้จักเพื่อนต่างห้องก่อนซะงั้น ฮะ ๆๆ”
“แล้วต้องทำอะไรต่ออีกไหม?”
“อีก 3 วันไปมอบตัวครับพ่อ วันอังคารหน้า”

ลูกชายคนเดียวของเขากลับมาเป็นเด็กสดใสพูดไม่หยุดอีกครั้งหลังจากเขาได้ยกภูเขาแห่งความกดดันออกจากอกของพัต

“แล้วโรงอาหารก็คนเยอะมากเลยครับ มีร้านขายเบอร์เกอร์ด้วยครับแต่ตอนวันสอบแถวยาวมากเลยไม่ได้ซื้อครับแต่กลิ่นหอมมากเลย พอวันประกาศผลสอบบอมก็ชวนกันไปกินเบอร์เกอร์ร้านนี้ครับก่อนเที่ยงเดี๋ยวคนเยอะ อร่อยจริง ๆ ด้วยครับไม่เหมือนเบอร์เกอร์ในร้านฟาสต์ฟูดเลย อ้อ! ชั้นบนของโรงอาหารเป็นหอประชุมครับ เดี๋ยววันรายงานตัวพ่อแม่จะได้ขึ้นไปดูครับ เป็นเธียเตอร์นั่งสูง ๆ เหมือนที่โรงเรียนเก่าครับแต่เก้าอี้ใหม่กว่าเยอะเลย”

“แล้วช่วงปิดเทอมที่เหลือนี่พัตกะจะทำอะไรดี? บรรพตเอ่ยถาม
“ผมกะจะไปดูคลาสเรียนพิเศษที่ตึกที่ผมเคยเรียนน่ะครับ”
“ไม่เลือกในเน็ตไปก่อนเลยล่ะจะได้ไม่เสียเวลา กว่าจะเทียบคอร์สอะไร ๆ เยอะแยะ”
“เอ่อ...ผมว่าไปเดินเลือก อาจมีพวกคอร์สที่เค้าไม่ได้ลงในเน็ตด้วยน่ะครับ”
“อืม ก็ตามใจลูก”

-----------------------------------------------------------------------------------------------

5 เมย.

10:15น.
ผมเลือกชุดที่หล่อที่สุด วันนี้ผมนัดบอมและสนมาเลือกที่ติวด้วยกัน อีกเดี๋ยวจะได้เจอบอม ได้อยู่กับเขาทั้งวัน เลือกที่ติวเดียวกัน วิชาเดียวกัน ทานอาหารด้วยกัน พอเลิกเรียนตอนเย็นผมอาจกล้าพอชวนเขาไปเที่ยวบ้านผมที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ นี่จะเป็นช่วงปิดเทอมสุดท้ายของม.3 ที่มีความสุขที่สุด

พวกเขาเดินข้ามถนนมาพร้อมนักเรียนอีกจำนวนมาก ถึงอย่างนั้นผมเห็นบอมโดดเด่นกว่าใคร
“หวัดดีสน บอม”
“หวัดดีพัต”
วันนี้บอมในชุดเที่ยวก็หล่ออีกแล้ว เสื้อวอร์มสีดำแดงมีโลโก้ทีมบาสดูแตกต่างเป็นอีกคนที่เคยเจอที่โรงเรียนในชุดนักเรียนแต่ความอบอุ่นเวลาอยู่ใกล้ยังเหมือนเดิม

“หวัดดีจ้าพัต” ผู้หญิงที่เดินข้ามถนนมาพร้อมกับบอมและสน...แต่ยังยืนอยู่ข้างบอม...เอ๋!!?
“เราชื่ออัมพรจ้า เรียกอั้มก็ได้นะ ยินดีที่ได้รู้จักนะพัต” ...เดี๋ยวนะ นี่ใคร?
“นี่อั้มเพื่อนสนิทของเรากับบอม เรียกอ่ำก็ได้” สนพูดกลั้วหัวเราะ
“อีสน อีบ้า!” อั้มตวาดแว้ด ๆ แล้วหัวเราะ
“เรียกอัมพรหรืออำพลก็ได้” บอมพูดบ้าง
“โอ๊ย บอมก็อีกคน” อั้มฟาดมือเบา ๆ ใส่หลังบอมแบบดูแว่บเดียวก็รู้ว่าสนิทกันมาก
“มือหนักชิบเป๋ง ฮ่า ๆๆ” บอมหัวเราะขำพร้อมหลบฝ่ามือที่กวัดแกว่ง

เฮ้ย ๆๆๆๆ!! นี่คือใคร อะไร ยังไง แล้วความสนิทระดับเล่นหัวกันได้ขนาดนี้คืออะไร??

“พวกเราสนิทกันมาตั้งแต่ม.1 แล้วล่ะ พอบอกว่าจะมาหาที่ติว อั้มเลยอยากมาด้วย” บอมเล่าพลางเปิดดูตารางคอร์สหลายใบหลังจากเดินสำรวจขึ้นมาหลายชั้น
“เหรอ?” ความโหวง ๆ จี๊ด ๆ ในใจแล่นวูบขึ้นลง

“เราว่าคอร์สนี้น่าสนนะ ครูเค้าได้เกียรตินิยมด้วยนะ เหลืออีกไม่กี่ที่เอง” ผมยื่นโบรชัวร์วิชาเลขให้ อันนี้ผมเลือกแล้ว น่าเรียนมากต้องถูกใจทุกคนแน่

“สน อั้ม พวกนายว่าอันนี้โอเคป่ะวะ?” แล้วสามหัวก็สุมมารวมกัน ...ความสนิทขนาดหัวชิดกันขนาดนี้...ต่อหน้าผมเลย
“อีอั้มผมมรึงบัง โอ๊ย! มริงตีกรูทำไม!?”
“พูดสุภาพดิ พัตเค้าอยู่ด้วยนะ”
“มริงนี่พูดเหมือนไอ้คุณบอมเป๊ะ”
“เอ่อ...ทุกคนพูดกันตามปกติก็ได้ครับ”

“เราว่าแพงไปอ่ะ ที่เก่าเราถูกกว่านี้” สนเปรย (เฮ้ย! อย่าแบบนี้ดิ)
“พัต เราว่าเราเรียนไม่ไหวอ่ะ” (เฮ้ย! สองเสียงแล้ว ไม่นะ ๆๆ ตรูชักใจเสียแล้วนะ)
“เราก็ว่ามันแพงเกินน่ะ เราต้องติวหลายวิชาด้วย แถมไกลบ้านอีก” (ไม่นะ ไม่ๆๆๆ)

“ต...แต่ที่นี่สอนดีมากเลยนะ” ผมคะยั้นคะยอแต่บอมได้แต่นิ่งแล้วถอนหายใจ
“หรือดูอันอื่นก็ได้นะ เราว่าอันนี้ก็...”
“เราขอบใจนะพัตที่แนะนำที่เรียนดี ๆ ให้พวกเรา แต่เราสู้ค่าเรียนแต่ละคลาสไม่ไหวน่ะ”
“อืม”
ผมจำไม่ได้แล้วว่าพูดอะไรต่อจากนั้น หัวมันหวิว ๆ จำได้แค่ทั้งสามคนโบกมือลาแล้วลงบันไดเลื่อนไป

...อะไรกัน
...คิดว่าจะได้เรียนพิเศษที่เดียวกัน
...ได้สนุกใกล้ชิดกันตลอดปิดเทอมแล้วไปโรงเรียนด้วยกันต่อ
...ไม่มีอะไรเหมือนที่ฝันไว้เลย
...แถมยังเห็นอั้มสนิทกับบอมขนาดนั้น
...ไม่ใช่เพื่อนแน่นอน

“นาย...นาย!”
“ห้ะ!” ผมสะดุ้งเมื่อมือใครสะกิดบ่าเบา ๆ เจอคนยืนข้างผม
“เราได้ยินนายบอกว่าจะลงเลขม.4 ครูวิงใช่มั้ย? ใกล้เต็มแล้วนะเมื่อกี้เราก็เพิ่งสมัคร”
“เหรอ...ข..ขอบใจนะครับ” ผมรีบเก็บเอกสารบนโต๊ะใส่เป้เพื่อรีบไปสมัครก่อนคลาสเต็ม ถึงจะเสียใจแต่เรื่องที่ต้องทำก็ต้องทำไม่ให้การเรียนบกพร่อง

หลังจากสมัครและจ่ายค่าเรียนเสร็จก็ได้บัตรประจำตัว พนักงานเอ่ยถามว่าจะลงเคมีด้วยเลยไหม
“เย็นนี้มีคลาสทดลองเรียนชั่วโมงครึ่งด้วย น้องจะลองเรียนไหมเดี๋ยวพี่จองที่ให้”
“ได้ครับ”

วิชาเคมีเป็นคลาสที่ยังไม่เต็มเพราะเด็กสายวิทย์บางคนอาจนึกว่าเป็นวิชาเลือก จริง ๆ วิชาที่เป็นทางเลือกคือชีววิทยา อันนี้ที่คุณครูบิ๊วบอก ผมเข้าคลาสก่อนเวลานิดนึง ผมควรแชทหาบอมไหม มันจะเหมือนผมขี้ตื๊อไหม? เขาอาจกำลังเที่ยวสนุกกับอั้ม โอ๊ย! ปวดหัว จี๊ดที่ใจมาก

“อ้าว! เจอกันอีกแล้ว” คนที่ช่วยสะกิดผมเมื่อครู่นั่งลงเก้าอี้ถัดจากผม
“ขอบใจนะครับที่ช่วยเตือนเราให้รีบมาสมัคร”
“ครับ เราชื่อเอส”
“เราชื่อพัต ยินดีที่ได้รู้จักนะครับเอส”
“แล้วเพื่อนนายเค้าลงเรียนด้วยไหม?”
“เอ่อ...พวกเค้าไม่ได้ลงน่ะ เค้าไม่สะดวก”
“เหรอ งั้นนายก็ลงคนเดียวเลยดิ?”
“อืม”
“เราก็เหมือนกัน งั้นนั่งเรียนด้วยกันเลยนะเราจะได้มีเพื่อน”
“ก็ดีครับ”

“เราว่า...เราคุ้นหน้านายนะ” เอสจ้องหน้าผม “จำได้แล้ว เราเห็นนายตอนวันประกาศผลสอบ”
“อ้าว! นี่เอสเรียนที่เดียวกับเราเหรอ? เราห้อง 4”
“เราห้อง 3 โลกกลมดีเนอะ ดีจังได้เพื่อนร่วมโรงเรียนมาเรียนพิเศษด้วย”
“ห้องติดกันด้วย ดีจัง”
“ถ้าเคมีสอนดีเราก็จะลงด้วยเลย นายลงด้วยป่ะ?” เอสยิ้มดีใจ

ยังไม่ทันที่ผมจะตอบ คนตัวสูงที่นั่งข้างหน้าก็หันมาเอ็ดเบา ๆ
“เฮ้! เงียบหน่อย เค้าให้มาเรียนไม่ใช่มาคุย”
“อ...เอ่อ ขอโทษครับ”

คลาสเคมีสอนน่าสนุกได้ความรู้ดี แน่นอนผมกับเอสเลือกเรียน พอออกมาจ่ายค่าสมัครพวกเราก็เดินลงตึกมาด้วยกัน
“โชคดีมากเลยได้พัตเป็นเพื่อนเรียนด้วยกันแล้ว ตอนแรกมาคนเดียวนึกว่าปีนี้จะน่าเบื่อซะละ เพื่อน ๆ เราแยกกันไปหลายโรงเรียนเลย” เอสบิดขี้เกียจ
“เราก็ดีใจเหมือนกัน”
“แต่หวังว่าไอ้บ้าเรียนนั่นจะไม่ลงด้วยนะ” เอสหน้านิ่ว
“เค้าก็พูดถูกนะ พวกเราก็คงคุยเสียงดังจริง ๆ”
“ไม่รู้แหละ ไม่ชอบหน้ามัน เออเดี๋ยวเรากลับบ้านก่อนนะ”

ผมหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าแต่ไม่รู้จะแชทอะไรหาบอม ไม่รู้ตัวเองรู้สึกอะไรกันแน่ ตอนนี้อย่าพิมพ์อะไรหาเค้าเลย
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 03-11-2020 13:04:12
สวัสดีนักอ่านทุกท่านครับ ขอฝากนิยายเรื่องใหม่ King Class Away ลงวันแรกให้อ่าน 4 ตอนนะครับ แล้วจะมาทุกวันอังคารนะครับ

ไม่ได้กลับมาเล้าเป็ด 13 ปี นานจนลืมรหัสและอิเมล์ตอนสมัคร 555 ขอฝากผลงานเก่าด้วยนะครับ ผมไม่ใช่เด็กขายน้ำโว้ย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=1463.msg32409#msg32409) สมัยนั้นคุณ Junrai_Hyper™ พลูน้อยกลอยใจช่วยอัพให้ครับ ดีใจที่ผ่านมา 13 ปียังมีคนอ่านด้วย รีพลายล่าสุด 8 กย.
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 03-11-2020 23:02:18
 :hao5:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 10-11-2020 02:49:38
King Class Away: ep5
โรงเรียนเก่า


กลับมาถึงบ้านผมก็ล้มตัวนอน แผนที่คิดหวังพังหมดเลย แล้วยังเห็นบอมกับอั้มสนิทกันขนาดนั้น

พวกเราสนิทกันมาตั้งแต่ม.1 แล้วล่ะ พอบอกว่าจะมาหาที่ติว อั้มเลยอยากมาด้วย

ถ้าสนิทกันมา 3 ปีขนาดพามาด้วยแบบนี้คิดยังไงก็เป็นแฟนกันแน่ ...ผมไม่น่าชวนบอมกับสนมาดูที่เรียนพิเศษเลย...ไม่สิ เราแนะนำสิ่งที่ดีให้เค้าทำไมต้องคิดย้อนเสียใจด้วยล่ะ อีกอย่างถึงผมจะรู้หรือไม่รู้ บอมก็สนิทกับอั้มอยู่แล้ว ...ผมก็แค่เจ็บเร็วขึ้นเท่านั้นเอง

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากอยู่ใกล้บอม เป็นแค่เพื่อนก็ได้ บางทีผมอาจช่วยติวเขาได้ ผมรื้อตำราเรียนม.4 ที่ผมเรียนจบไปตั้งแต่ตอนอยู่ห้องคิงม.3 มาดูว่ายังอยู่ครบทุกวิชาไหม ช่วงปิดเทอมที่เหลือตอนนี้ผมมีติวแค่เลขกับเคมีตอนวันอาทิตย์ ผมเขียนรายชื่อวิชาม.4 ที่จะทบทวนลงไปในวันว่างที่เหลือ เผื่อ 2 วันไว้อ่านของม.5 ล่วงหน้าด้วย

เปิดตำราเรียนแล้วก็ย้อนคิดถึงเรื่องดี ๆ สมัยนั้น...ภาพผมกับโต้งนั่งเรียนด้วยกัน...แล้วก็...ก็ไม่มีแล้วนี่หว่า ที่นึกออกก็มีแค่เนี้ย
ผมหยิบโทรศัพท์จะไลน์หาโต้ง แต่คิดอีกทีโทรหาเลยดีกว่า (แต่มันจะปิดเครื่องหรือเปล่าไม่รู้)

“หวัดดีพัต”
“หวัดดีโต้ง”
“ไงวะมริง ผลสอบเป็นไงบ้าง?”
“...อือ”
คือผมไม่รู้จะเล่าเรื่องทั้งหมดยังไงให้มันฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมไม่ติดห้องคิง ถ้าผมเล่าทางโทรศัพท์นี่มันคงแหกปากกลับมาจนผมหูตึงไปข้างนึงแน่

“ติดอ่ะดิ ดีใจด้วยนะมริง”
“...อือ” โทษนะโต้งผมยังไม่พร้อมจะเล่าเรื่องนี้ให้นายฟัง
“แล้วโทรมานี่มีอะไรวะ?”
“ไม่มีอะไร้ คิดถึงเพื่อน ก็เลยโทรมาคุยด้วย”
“เออ มริงน่ะไม่โทรหากรูก็โทรหาเอ็ม”

“ซึ่งไอ้เหรี้ยเอ็มแมร่งก็ไม่เคยรับสายเลย” ผมกับโต้งพูดพร้อมกันแล้วก็หัวเราะ
“กรูโทรหามันทีไรมันก็ไม่รับสาย พอไปถึงโรงเรียนก็บอกโทษทีกรูลืมโทรกลับ”
“เออ เราก็โดนประจำ บ้านมันมีแต่โทรเลขมั้ง”

“พัตมริงพิมพ์มาก็ได้นะ บางทีกรูปิดเครื่อง เดี๋ยวโทรไม่เจอกรูมริงก็เฮิร์ตอีก”
“มันไม่เหมือนกันหรอก ได้คุยรู้สึกดีกว่า”
เหมือนเวลาบอมโทรหาผม ผมก็รู้สึกดีกว่าอ่านข้อความเยอะเลย

“ปากหวานขึ้นนะ เหรี้ยกรูนึกว่ามริงกำลังจีบกรู”
“ฟวย! ไปอาบน้ำละ”
“เออ ๆ ขอบใจนะที่โทรมา ไว้เจอกันใหม่”

หลังอาบน้ำเสร็จผมก็เปิดเน็ตหาคอร์สติวม.5 ช่วงปิดเทอม เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น บอมโทรมา!
เอาไงดีวะ! ตั้งสติก่อน ๆๆ มริงต้องไม่งอนที่เขาไม่ยอมเรียนพิเศษกับมริงนะพัต มริงต้องไม่เฮิร์ตเรื่องอั้ม มริงต้องทำตัวเป็นเพื่อนแล้วมริงจะไม่เจ็บ

“หวัดดีบอม”
“หวัดดีพัต เออ โทษทีนะที่พวกเราไม่ได้ลงเรียนที่นั่น เรารู้ว่าพัตตั้งใจเลือกคอร์สให้มากเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกบอม นายลองอ่านตำราเรียนล่วงหน้าสิ ช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นนะ ถ้าสงสัยตรงไหนถามเราได้”
“ได้เลย เอ้อ! วันพุธนี้พัตว่างไหม?”
“ว่างสิ มีอะไรเหรอ?”
“ทีมบาสโรงเรียนเก่าเราจะมีแข่ง เรากับสนก็ลงด้วย พัตมาดูด้วยกันนะ”
“ห้ะ! ด...ได้สิ ที่ไหน กี่โมง?”
“สนามอยู่ข้างเซ็นทรัลบางนา พัตรู้จักมั้ย?
“ส่งโลเคชั่นมานะ เราไปถูก”
“บ่ายสามถึงห้าโมงเย็นนะ”
“ได้ ๆ เราว่าง” ต่อให้ผมไม่ว่างผมก็ว่าง!!

“นี่คือแข่งชิงถ้วยระดับประเทศเหรอ?” ผมถามด้วยความตื่นเต้น
“ฮะ ๆๆ ไม่ใช่อ่ะพัต พวกเราจัดแข่งกันเองสนุก ๆ ก่อนเปิดเทอม”
“เหรอ? ได้ ๆ แล้วเจอกันนะ!”
ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ถ้าได้ใกล้ชิดบอมผมก็โอเคหมดแหละ เชรี่ย! ผมจะได้ไปดูบอมแข่งบาส

------------------------------------------------------------------------

8 เมย.

12:25น.
หลังจากทานข้าวเที่ยงล้างจานเสร็จผมก็ขึ้นห้องมาแต่งตัวเตรียมไปดูบอมแข่งบาส ถึงใจหนึ่งจะโคตรมีความสุข แต่อีกใจก็หวั่นว่าจะเห็นภาพเขากับอั้ม ...ทีมบาสโรงเรียนเก่า ก็แปลว่าอั้มมาด้วยแน่ ๆ สุดท้ายผมเปลี่ยนใจไม่ใช้เป้สีฟ้าใบใหม่ที่อุตส่าห์ซื้อมา วันนี้แต่งดีแค่ไหนก็ดับ ใบนี้เอาไว้ใช้ตอนเปิดเทอมละกัน ผมปิดบ้านแล้วไปขึ้น BTS เช็คจากมือถือแล้ว นั่งยาว ๆ ไปสถานีอุดมสุขแล้วต่อแท็กซี่เอา

พอขึ้นรถไฟฟ้าแป๊บนึงบอมก็โทรมาเลย
“หวัดดีบอม”
“หวัดดีพัต นายมายังไงเหรอ?”
“เราไป BTS น่ะ”
“พัตมาถูกนะ? เราเป็นห่วง”
“มี google map ไม่ต้องห่วง บอมเตรียมตัวแข่งให้สบายใจเถอะ”

พอรถแท็กซี่ไปถึงสนาม เชร้ดดด! ผมนึกว่าเป็นลานปูนกลางแดด ที่ไหนได้เป็นอาคารใหญ่ สนามในร่ม พื้นไม้ ติดไฟติดแอร์ด้วย อลังการมาก ผมกดส่งข้อความไปบอกพ่อแม่ว่ามาถึงสนามแล้วพร้อมส่งโลเคชั่นให้สบายใจ

“พัตมาแล้วเหรอ!”
เสียงบอมดังมาจากข้างหลัง ผมหันไปหาบอมด้วยความดีใจ บอมยืนยิ้มในชุดบาส เชรี่ย!!! ตรูลืมไปเลยว่าชุดบาสมันเป็นเสื้อกล้ามนี่หว่า แค่เห็นแขนกับหัวไหล่ของบอมตรูก็แทบเลือดกำเดาพุ่งแล้ว ไอ้พัตมริงต้องเก็บอาการรรรร!
“หวัดดีบอม”
“พวกเราอยู่ทางนี้ ป่ะเดี๋ยวพาไปรู้จักกับเพื่อน ๆ เรา” บอมชี้มือไปเห็นสนยืนคุยกับอั้มอยู่
“ทุกคนนี่พัตเพื่อนเราที่โรงเรียนใหม่ พัตนี่เพื่อนเราชื่อป๊อก, เตเต้, ภู, แดง” จริง ๆ มี 8 คนแต่ผมจำได้แค่นี้ เป็นคนที่จำหน้าจำชื่อคนอื่นไม่ค่อยได้
“และก็อั้ม ที่พัตเจอเมื่อวานก่อน”
“หวัดดีครับทุกคน หวัดดีครับอั้ม เราชื่อพัตครับ”
“หวัดดีพัต ดีใจจังเจอกันอีกแล้ว”
“อั้ม งั้นกรูฝากพัตไว้กับมริงนะ พวกกรูไปอุ่นเครื่องละ” สนพูดก่อนวิ่งลงสนาม

เอาแล้ว เข้าบรรยากาศวางตัวยากละตรู ผมพยายามบอกตัวเองว่าบอมเป็นเพื่อน ๆๆ อั้มก็เป็นเพื่อน ๆๆ
“พัตมายังไงเหรอ?”
“เรามารถไฟฟ้าแล้วต่อแท็กซี่น่ะ แล้วอั้มมาไงเหรอ?”
“โอ๊ยไกลมากอ่ะ มาจากสมุทรปราการ”
“อ้าว มาไกลจัง”
“โรงเรียนอยู่ที่นั่นอ่ะ แต่สนามดีที่ใกล้สุดอยู่ตรงนี้ ก็ดีนะไม่ต้องตากแดด มีแอร์ด้วย”
เออ ผมก็น่าจะเอะใจว่าตอนเจอบอมกับสนครั้งแรกเขาใส่กางเกงสีน้ำตาล แปลว่าอยู่จังหวัดอื่นนี่นา

พวกบอมเริ่มแข่งจริงแล้ว ผมดูไม่รู้เรื่องหรอกแต่ก็คอยเชียร์ตามคนอื่น ๆ เวลาบอลลงห่วง บางทีก็เบียดกันแรงมาก ดูไปก็เป็นห่วงเขาไป ผู้ชายคงสนุกกับอะไรแบบนี้สินะ
“พัตกินอะไรมายัง มีขนมเต็มเลยนะ น้ำก็มี”
“ขอบใจนะอั้ม เราทานมาแล้วน่ะครับ”

จังหวะบอมเคลื่อนไหวผมก็อดไม่ได้ที่จะมองลอดช่องเสื้อไปเห็นอะไรต่อมิอะไร เป็นกีฬาที่ชุดโคตรโป๊เลย ผมควานหาอะไรกินในถุงขนมก่อนเลือดกำเดาจะพุ่ง มีแต่ขนมขบเคี้ยวที่แม่ห้ามแฮะ ส่วนอั้มก็ถ่ายรูปคนในสนามไปเรื่อย ๆ ผมเองก็อยากถ่ายรูปตอนบอมเล่นบาสบ้าง แต่มันคงดูน่าสงสัย

คนที่ไม่ใช่แฟนทำแทนทุกเรื่องไม่ได้

“พัก 2 นาที” กรรมการเป่านกหวีดแล้วประกาศ
พวกบอมกับสนเหงื่อโชกเดินมาหยิบน้ำ ผมทำตัวไม่ถูกเลยว่าควรทำอะไร ทำไมพักเร็วจัง บอมนั่งลงข้างผมหอบแฮ่ก ๆ พลางจิบน้ำ
“บาสมี 4 ควอเตอร์นะ อันนี้ควอเตอร์แรกแล้วพัก 2 นาที เดี๋ยวจบควอเตอร์ที่สองก็จะพักครึ่ง 15 นาที”
บอมคงเห็นผมกำลังงงเลยอธิบายกติกาให้ผมซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรเลย เชรี่ยแล้วตรู นึกว่ามันพักครึ่งแบบฟุตบอล (จริง ๆ ตอนม.2 ก็เรียนบาสนะแต่ลืมหมดแล้ว)

“เบื่อไหมพัต?”
“ไม่เบื่ออ่ะ สนุกดี” ผมสิควรถามบอมว่าเบื่อผมไหมที่อยากเข้าชมรมบาสแต่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง
“ก็เห็นทำหน้าเซ็ง ๆ”
...แย่แล้ว ผมว่าผมพยายามทำหน้าสนุกแล้วนะ บอมยังเห็นอีกเหรอ

“เห็นเขาเบียดนายแรงมากเลย เป็นอะไรมั้ย?”
“โอ๊ย ธรรมดา ฮะ ๆๆ เราล่ะอยากโดนเบียดจะได้ฟาล์ว จะหมดเวลาแล้วเราไปเล่นต่อละนะ”

อีกสักพักบอมก็ขอเปลี่ยนตัวมานั่งพักอีก เพื่อนเขาลงไปเล่นแทน
“พัตถ่ายรูปเท่ ๆ ของเราไว้บ้างมั้ย? ดูหน่อยสิ”
“ห้ะ! ค...คือบอมอยากให้เราถ่ายรูปให้เหรอ?”
แย่แล้ว ผมไม่ได้ถ่ายเลย ก็ใครจะกล้าแย่งหน้าที่แฟนอย่างอั้มล่ะ

“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเราพักหายเหนื่อยแล้วจะลงไปเล่นต่อ ฝากพัตถ่ายเราเท่ ๆ นะ” บอมยิ้มจนตาปิด ตัวบอมที่เต็มไปด้วยเหงื่อตอนนี้ร้อนจนผมรู้สึกไออุ่นได้เลย สักพักเขาก็เปลี่ยนตัวกลับลงสนาม

ผมถ่ายรูปบอมกับสนไปเรื่อย ๆ ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ จนพักครึ่งแต่บอมกับสนก็ไปนั่งประชุมวางแผนกันเพราะคะแนนสูสีเลยไม่ได้มาคุยกับผม ไม่เป็นไรอ่ะ ได้เห็นพวกเขาสนุกกันแบบจริงจังแค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว ช่วงครึ่งหลังย้ายฝั่งสนามแล้วสักพักสนก็ออกมานั่งพักบ้าง
“ไงพัต สนุกมั้ย?”
“อื้ม ดูสนุกดี”
“เห็นบอมบอกว่าพัตจะเข้าชมรมบาสกับพวกเราใช่มะ? นายดูแล้วชอบเล่นตำแหน่งไหนเหรอ?”
“เราเล่นไม่เก่งน่ะ จริง ๆ เราลืมกติกาหมดแล้วด้วย ไม่รู้เราเหมาะกับตำแหน่งไหน” กับบอมผมไม่กล้าพูดเรื่องนี้
“ไม่ใช่เหมาะไม่เหมาะ มันอยู่ที่ใจนายชอบอะไร” สนจิ้มเบา ๆ ที่อกผม

“ไม่ต้องแคร์ความสูง เก่งไม่เก่ง ถนัดไม่ถนัด กีฬามันมีไว้ให้คนเราข้ามขีดจำกัด ถ้านายชอบนะเราว่านายทำได้ทุกอย่าง คนเพิ่งเริ่มฝึกนี่แหละโคตรตัวเซอร์ไพรซ์ป่วนเกมเลย”
“ขอบใจนะสน”
“เราก็ขอบใจนายที่ช่วยติวอังกฤษตอนวันสอบเข้าให้ ตรงหลายข้อเลยว่ะ เราไปเล่นต่อละ”

เกมดำเนินไปจนจบควอเตอร์ที่ 3 ทุกคนกลับมาพัก 2 นาที ผมหยิบน้ำจะเอาไปให้บอมแต่เห็นเขายืนคุยกับอั้ม บอมยื่นโทรศัพท์ให้อั้มดูแล้วเขาสองคนก็ยิ้มให้กัน...จี๊ดเลยตรู เปิดขวดน้ำแดรกเองเลยละกัน

เกมดำเนินต่อจนจบ ทุกคนเข้ากอดกันแล้วบอมก็เดินมาตรงที่ผมกับอั้มนั่งอยู่

“เราไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวกลับด้วยกัน”
...คือบอมพูดกับอั้มหรือผมวะ?...

มริงคิดว่าเขาพูดกับใครล่ะ ก็ต้องแฟนเขาอยู่แล้ว เมื่อกี้ยังไม่ชัดเจนพอหรือไง แปลว่าอีกคนที่เหลือต้องกลับบ้านเองไง จะนั่งรอจนเป็นหมาหัวเน่าเหรอ เค้าให้มาเป็นตากล้องเสร็จงานแล้วก็กลับบ้านดิ ผมมองไปรอบตัว แต่ละคนก็ยืนคุยนั่งคุยกันบ้าง เก็บของบ้าง

“พัต รอบอมก่อนสิ” อั้มพูด
“เอ่อ...เรากลับเองน่ะครับ ไปละอั้ม บ๊ายบาย”
...ผมก็ต้องไปเงียบ ๆ เป็นแค่เพื่อนจะเรียกร้องให้เขาดูแลเท่าแฟนเหรอวะ…

ผมกดส่งภาพทั้งหมดให้บอมกับสนแล้วสะพายเป้ขึ้นหลังเดินออกมานอกอาคาร สงสัยต้องเดินไปเรียกแท็กซี่ถึงถนนใหญ่

“พัต! รอเราด้วย”
อ้าว! บอมหอบกระเป๋าสัมภาระวิ่งตามผมมา

“ป่ะ พัต กลับบ้านกัน เนี่ยสนก็กำลังมา”
“ร...เรานึกว่าบอมจะไปส่งอั้ม”
“เราชวนพัตมา เราก็ต้องไปส่งพัตดิ”
“ว่าแต่บ้านพัตอยู่ไหนวะ?” สนเดินตามมาถามบอม
“บ้านเราอยู่แถวพญาไท”
“งั้นก็ไปรถไฟฟ้าละกัน พัตไปลง BTS พญาไทใช่มั้ย?”
“อืม”

บอมกับสนคุยกันเรื่องเกมที่เพิ่งเล่นจบไปตลอดทางที่นั่งรถเมล์มาจนถึงสถานี BTS แล้วขึ้นรถไฟฟ้า
“ขอดูรูปที่พัตถ่ายหน่อยสิ”
“เราส่งให้บอมกับสนไปแล้วล่ะตั้งแต่ตอนแข่งเสร็จ”
“อ้าวเหรอ เรายังไม่ทันดูเลย เราออกมาเห็นนายไม่อยู่ อั้มบอกว่าพัตกลับแล้วเราก็รีบวิ่งตามมา”
“ร...เราขอโทษนะบอม”
บอมกับสนตั้งใจจะกลับกับผมตั้งแต่แรกแล้วเหรอ

“น่า ไม่เป็นไร” บอมตบไหล่ผม
“เราขอดูจากมือถือพัตได้มะ? ของนายจอใหญ่ดีอ่ะ” สนพูด
“ได้สิ” ผมยื่นเครื่องของผมให้สน
“พัตก็มาดูด้วยกันดิ” บอมโอบไหล่ผมให้หัวมามุงสามหัวชนกัน ดูยากกว่าเดิมอีก แต่ก็สนุกดี
“โห! รูปนี้เจ๋ง นายถ่ายเก่งนะเนี่ย” บอมพูดโดยไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอ เขาไม่รู้ว่าผมเหลือบตามองเขา ไม่ได้มองจอ
"จังหวะดีด้วยนะมีแค่มริงกับกรูใต้แป้น"
"เออ ตอนนั้นโคตรว่างเลย ไอ้ภูส่งหลอกไปนอกเขตพวกนั้นเลยวิ่งตามไปหมด"

ผมไม่รู้เขาคิดอะไร แต่ผมมีความสุขกับบรรยากาศสามคนแบบนี้ อยากอยู่ไปนาน ๆ

บอมกับสนลงสถานีอ่อนนุช ทั้งสองคนโบกมือให้แล้วผมนั่งรถต่อไปลงสถานีพญาไท สักพักผมเปิดเฟสก็เห็นบอมอัพรูปเขากับสนตอนกำลังชุลมุนใต้แป้น รูปที่ผมถ่าย
แก๊งสามคน
   ไหนวะสามคน กรูเห็นแค่สอง
   อีกคนก็พัตถ่ายรูปไง

หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 10-11-2020 03:15:15
King Class Away: ep6
เปิดเทอม


หลายสัปดาห์ช่วงปิดเทอมผมอัดตารางอ่านหนังสือทั้งทบทวนม.4 ติวล่วงหน้าม.5 ผมอาจเล่นบาสให้เก่งทันไปลงสนามกับบอมและสนไม่ได้ แต่ผมสามารถช่วยพวกเขาเรื่องการเรียนได้ นอกจากนี้ผมก็ซื้อลูกบาสมาฝึกซ้อมพื้นฐานตามยูทิวป์ แต่เอาเข้าจริงก็ยากชะมัด ลูกบาสกระเด็นไปนอกรั้วบ้านบ่อยมาก บางครั้งบอมโทรมาถามวิชาต่าง ๆ ทำให้ผมรู้ว่าเขาอ่านล่วงหน้าอย่างที่ผมเคยแนะนำจริง ๆ

และแล้วก็ถึงวันอาทิตย์สุดท้ายของการปิดเทอม
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เจอบอมแล้ว” ผมบอกกับตัวเองพลางหยิบชีตเคมีออกมาเตรียมเรียน
“ห้ะ พัตว่าอะไรนะ?” เอสเงยหน้ามาถาม
“อ...เอ่อ เราหมายถึง...” หมายถึงอะไรดีฟระ
“เกมใหม่ของ switch น่ะ จะขายพรุ่งนี้พอดี”
“นายก็เล่น switch เหรอ เราก็มีเหมือนกันแต่ไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นเลย แอดเราได้มะ?”
“ได้ดิ” แล้วเอสก็บอก friend code มา
“แล้วเกมใหม่ที่พัตบอกคือเกมอะไรเหรอเราไม่เห็นรู้เลยว่าจะมีเกมออกใหม่ตอนวันเปิดเทอม”
เอสยังพูดไม่ทันจบประโยค คนตัวสูงที่นั่งข้างหลังก็กระแอมไอเบา ๆ หันไปเจอเขามองตาขวางเลยวุ้ย

“จองเวรจองกรรมพวกเราจริง ที่ตั้งเยอะทำไมมันไม่ไปนั่งที่อื่นฟระ?” เอสกระซิบบ่น
“จริง ๆ พวกเราก็ไม่ควรคุยกันในห้องเรียนน่ะนะ”
“งั้นแอดไลน์เราไว้ละกันนะ”
“ได้ ๆ แต่เราเล่นเกมได้แค่สัปดาห์ละ 3 ชม.นะ”

กลับมาถึงบ้านผมก็อาบน้ำจัดกระเป๋า พรุ่งนี้จะเปิดเทอมแล้ว
โทรหาบอมดีมั้ย คุยอะไรดีล่ะ ยังไม่ทันตัดสินใจอะไรบอมก็โทรมา! เฮ้ย! ขอตั้งสติก่อน!!

“หวัดดีบอม”
“.............” อ้าวทำไมไม่พูด เป็นอะไร?
“ฮัลโหลบอม”
“พัตไม่ค่อยโทรหาเราเลยอ่ะ” เดี๋ยว ๆๆ ไอ้น้ำเสียงแฝงความงอนนี่คืออะไรฟระ

“เฮ้ย เราก็คิดถึง เอ๊ย นึกถึงบอมเหมือนกัน แต่เราเรียนเยอะเลิกก็ดึกแล้ว เราไม่กล้าโทรกลัวรบกวน”
จริง ๆ ที่ผมไม่ค่อยกล้าโทรหาบอมเพราะกลัวจะทำเขารำคาญ มีแต่บอมแหละเป็นฝ่ายโทรมา

“โทรได้ ถึงนอนก็ตื่นมารับได้”
“อืม ๆ แล้วบอมไปเล่นบาสกับเพื่อน ๆ อยู่ไหม?”
“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เล่นอ่ะ เตรียมตัวเปิดเทอมกัน”
ผมกับบอมคุยกันต่าง ๆ ที่ทำช่วงปิดเทอมจนเกือบสามทุ่ม

“คืนนี้รีบนอนเถอะพัตพรุ่งนี้เปิดเทอม”
“อืม แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะ”
“ราตรีสวัสดิ์นะพัต”

ผมรวบรวมความกล้า
“วันแรกพวกเราเดินเข้าโรงเรียนพร้อมกันไหม? ห...หมายถึงเรา บอม สน”
“..............”
เฮ้ยอย่าเงียบดิ บอมเงียบไปเลยแบบนี้ตรูชักใจเสียนะ

“ได้สิ บอมรอร้านน้ำเหมือนเดิมนะ”
“โอเค แล้วเจอกัน”
บอมวางสายไปแล้ว ผมเอามือถือเสียบชาร์จแล้วล้มตัวลงนอน ประโยคที่บอมเรียกชื่อเล่นตัวเองนี่…โอ๊ย!!! น่ารักชิบเป๋ง เรียกบอมแทนตัวเองแบบนี้ด้วยเสียงหล่อเข้มแบบนั้นแล้วหลับไม่ลงเลย ผมหยิบน้ำยามาขัดหัวเข็มขัดและเข็มกลัดโรงเรียน จัดเป้ใบใหม่ของผมอีกครั้ง พรุ่งนี้ผมต้องดูดีที่สุดสำหรับบอม ผมแทบรอวันเปิดเทอมไม่ไหวแล้ว

--------------------------------------------------------------------------------------------

วันจันทร์เปิดเทอม

พอพ่อจอดรถผมก็ลงเดินเข้าซอยโรงเรียน บรรยากาศทุกอย่างแปลกใหม่ไปหมด นักเรียนหลายระดับชั้นเป็นสิบ ๆ คนเดินเข้าไปทางเดียวกัน ผมสะพายเป้ใบใหม่สีฟ้าที่ซื้อตอนปิดเทอมสำหรับวันนี้โดยเฉพาะ เดินไปถึงหน้าร้านก็เจอบอมกับสนยืนรออยู่แล้ว บอมกับสนที่ผมยาวขึ้นในชุดเครื่องแบบใหม่ เข็มสีทองที่กลัดบนอกเสื้อสีขาวกว้าง ๆ นั่นดูดีชะมัด กางเกงขาสั้นสีดำกับท่อนขายาว ๆ  ถุงเท้าขาว รองเท้าดำ ดูดีไปหมด

“โห! มาเช้ามาก ขอโทษทีนะที่ให้รอ”
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเรามาเร็วน่ะ ป่ะเข้าโรงเรียนกันเถอะ”
“เอ๋...เป้ของพัต” บอมจับที่เป้ใบใหม่ของผม
“มีอะไรเหรอ?”
“เป้นายเหรอ?” บอมถาม
“ใช่ เราเพิ่งซื้อวันที่เราเจอบอมที่ร้านฮะจิบังหน้าโรงหนังไง จำได้มะ?”
“อ้อ วันนั้นเราก็นึกว่าพัตมากับใคร” บอมพูด
“เรามากับใคร? ยังไงนะ? เห็นผีฮะจิบังนั่งร่วมโต๊ะกับเราเหรอ?”
“ก็เรานึกว่าพัตมากับเพื่อน เห็นมีก๋วยเตี๋ยวสองชามแล้วก็มีเป้สองใบ”
“อันนั้นเรากินคนเดียว”
“โห! กินเยอะขนาดนั้นได้ไง”

“เอ่อ...พัต โรงเรียนเก่านายเค้าให้ใช้เป้แบบนี้เหรอ?” สนถามบ้าง
“อืม ทำไมเหรอ?”
“กรูว่าละ นายมาจากโรงเรียนเอกชนนี่เอง รู้มั้ยว่าโรงเรียนนี้เค้าไม่ให้ใช้เป้อื่นนอกจากเป้ตราโรงเรียน”
“อ้าว จริงอ่ะ?”
ทันทีที่พูดจบอาจารย์ที่ใส่แว่นหนายืนหน้าโรงเรียนก็แกว่งไม้เรียวเรียก ฉิบหายซวยแล้วตรู

“นักเรียนคะ รู้ไหมคะว่าห้ามใช้เป้แฟชั่น ต้องเป็นกระเป๋าหนังดำหรือเป้โรงเรียนเท่านั้น”
“ขอโทษครับ”
“ในระเบียบการก็มีเขียนไว้นะคะ ถือสมุดตำราไปค่ะ แล้วเขียนชื่อเบอร์โทรเหน็บเป้ไว้ตรงนี้ ตอนเย็นค่อยมารับกลับค่ะ แล้วพรุ่งนี้ใช้กระเป๋าหรือเป้ให้ถูกระเบียบนะคะ”

อะไรฟระ วันแรกของการเข้าเรียนดันโดนครูด่า เป้ที่อุตส่าห์ซื้อสำหรับมาเรียนโรงเรียนใหม่โดยเฉพาะก็โดนยึด
“ไม่เป็นไรนะพัต” บอมปลอบ
“เสียดายแทนเลยว่ะ เป้นายออกจะสวย” สนพูดพลางโอบไหล่ปลอบใจ
“อือ ขอโทษพวกนายด้วยนะ วันแรกก็ฤกษ์ไม่ค่อยดีละ”
“โอ๊ย อย่าคิดมาก”
เช้าวันแรกผมอุตส่าห์ตั้งความหวังจะได้เดินเข้าโรงเรียนพร้อมบอม มีต้นไม้ประจำโรงเรียนที่ยังเหลือดอกประปรายอยู่สองข้างทาง ...แต่นี่มันผิดจากที่หวังไปหมดเลย

“อ้อ! เราเอานี่มาคืนบอมด้วย ขอบคุณมากนะ วันนั้นถ้าไม่ได้บอมช่วยเราคงแย่แน่” ผมหยิบถุงดินสอยางลบกบเหลายื่นคืนให้บอม
“อืม มาเราช่วยถือหนังสือ” บอมยิ้มจนตาปิด รอยยิ้มที่เป็นกำลังใจให้ผมมาตั้งแต่วันสอบเข้า

พอเดินขึ้นถึงชั้นสามก็มาถึงห้องประจำชั้นม.4/2 บอมยื่นหนังสือคืนให้
“เราไปก่อนนะสน พัต แล้วตอนพักเที่ยงมากินข้าวด้วยกันนะ มริงด้วยสน”
“เออ ห้องพัตถัดไปอีก 2 ห้องใช่มั้ย? เดินไปด้วยกันนะ” สนพูด

ตอนเดินผ่านห้องถัดไป ห้องประจำชั้นม.4/3 ผมมองกวาดเข้าไปแต่ดูเหมือนเอสยังไม่มา
“ถึงห้องเราแล้ว” ผมชี้ป้ายห้อง
“งั้นเราไปละ ห้องประจำชั้นเรา 4/8 คงอยู่สุดระเบียงโน่นเลย” สนโบกมือแล้วเดินต่อไป

ผมเดินเข้าห้องที่ไม่คุ้นเคย ไม่รู้จักใครสักคนเลย แถวหน้าสุดยังว่างอยู่ เอาไงดีหว่า ไม่อยากพลาดอะไรแบบเรื่องเป้อีก ผมเลยเดินเข้าไปหาคนที่อยู่ใกล้สุด

“หวัดดีครับเราชื่อพัตนะ เค้ากำหนดไหมว่าใครต้องนั่งตรงไหนครับ?”
“ไม่รู้สิ แต่ไม่เห็นมีกระดาษอะไรบอกไว้หน้าห้องนะครับ เราก็นั่งตามใจเหมือนกัน เราชื่อตุลย์นะ”
“ขอบคุณครับตุลย์” เลือกตามใจชอบงั้นก็ดี ผมเลือกแถวหน้าซ้าย ทำเลที่ครูจะไม่บังกระดาน แล้วจัดสมุดหนังสือเรียนใส่ลิ้นชักโต๊ะ

“โดนยึดเป้เหรอครับ?” ตุลย์ย้ายมานั่งข้าง ๆ
“แหะ ๆ ใช่ครับ”
ผมหยิบมือถือมาเปิดรูปตอนบอมกับสนเล่นบาส แก๊งสามคน ...ตอนนี้แต่ละคนไปอยู่คนละห้องเลย ผมรู้สึกใจหาย...ผมกดปิดมือถือเก็บใส่กระเป๋ากางเกง

“พัต! ป่ะไปซื้อเป้โรงเรียนกัน” บอมเดินเข้าห้องมา
“ซื้อเป้เหรอ?”
“ใช่ พัตจะได้ไม่ต้องหอบสมุดแบบนี้ทั้งวัน”
“บอมครับนี่ตุลย์ ตุลย์ครับนี่บอม”
“หวัดดี ๆ”
บอมดึงมือผมให้รีบเดินตาม “ต้องรีบขนาดนี้เลยเหรอ?”
“นายจะได้ไม่รู้สึกแย่ไปตลอดวันไง”

ตรูไม่ใช่เปราะบางแบบนั้นนะว้อย!

เดินมาถึงห้องสหกรณ์ แย่ละคนเต็มไปหมดเลย และส่วนใหญ่คือ...มาซื้อเป้ เหอ ๆๆๆ
“บอมคนเยอะมากอ่ะ เรามาซื้อเองทีหลังก็ได้ นายไปเตรียมตัวเข้าเรียนเถอะ”
“ไม่ได้หรอก เราตัดสินใจแล้วต้องทำให้ได้”

ผมมองเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังออในห้อง นั่นเอสนี่หว่า
“เอส!” ผมตะโกนเรียก
เอสหันมาเห็นผม ผมโบกมือให้
เอสทำมือเป็นแว่นแปะหน้าพลางทำหน้าโหด ๆ แล้วทำท่าสะพายเป้ ผมผงกหัวหงึก ๆ เขาทำนิ้วโอเคแล้วสักพักก็ออกมาพร้อมเป้ 2 ใบ

“พัต นายก็ซวยเหมือนเราใช่มะ?”
“ฮะ ๆๆ ช่าย โดนยึดเป้ ขอบใจมากนะครับ ราคาเท่าไหร่เหรอเอส?”
“750 บาทอ่ะ”
“เราไม่มีแบ๊งค์ย่อยแฮะ เดี๋ยวโอนให้ได้มั้ย?”
“ได้สิ”

บอมยืนงงมองหน้าผมกับเอสสลับกัน
“บอมครับนี่เอส เอสครับนี่บอม”
“หวัดดีเอส”
“หวัดดีบอม”
“บอมอยู่ห้อง 2 น่ะ” ผมบอก
“อ้าว งี้ก็ห้องเรียงกันเลยดิ บอมห้อง 2 เราห้อง 3 พัตห้อง 4” เอสพูด
“ขอบใจอีกทีนะครับเอส เดี๋ยวพวกเราขึ้นห้องก่อนนะ”
“อืม บ๊ายบาย เราจะไปเดินเล่นรอบ ๆ ก่อน”

ระหว่างที่เดินขึ้นบันไดกลับไปห้องประจำชั้นบอมก็เอ่ยถาม “เพื่อนจากโรงเรียนเก่าเหรอ? ดูสนิทกันจัง”
“เปล่านะ เรารู้จักเอสตอนเรียนพิเศษ บังเอิญมากเลย”
“นายนี่” บอมขยี้หัวผม
“ว้อย อย่าดิเดี๋ยวผมเสียทรง”
“เรานึกว่านายเป็นพวกลูกคุณหนู แต่นี่เปิดมาวันแรกนายก็มีเพื่อนตั้งหลายคนแล้ว นายโดนยึดเป้ก็ไม่เห็นจะเสียใจ จัดการปัญหาอะไร ๆ ได้สบายเลย”
“เราไม่คุณหนูแบบนิยายอย่างนั้นหรอก เราแสบกว่านั้นเยอะ”
“อย่างเช่น?”
“ไม่บอก” ผมอมยิ้ม ผมมันร้ายกว่าที่นายนึกนะบอม

------------------------------------------------------------------

เอสสะพายเป้ใบใหม่เดินกลับขึ้นห้อง
“เปิดเทอมวันแรกก็เสียตังค์ละ ซวยชิบเป๋ง แล้ววันนี้จะมีอะไรอีกไหมเนี่ย?”
“ก็ช่วยนั่งเงียบ ๆ ไม่คุยเสียงดังแบบตอนเรียนพิเศษละกัน”

...เสียงใครฟระโคตรคุ้นเลย เอสหันหลังกลับไป
“เฮ้ย!!!”
“เราไม่ได้ชื่อเฮ้ย เราชื่อตี้”

------------------------------------------------------------------

คาบ 3 และ 4 เป็นวิชาฟิสิกส์ที่ต้องย้ายมาเรียนอาคาร 4 เป็นอาคารสำหรับกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์
พวกเราทยอยเดินเข้าห้องในขณะที่อาจารย์ยืนรออยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ดแล้ว คุณครูบิ๊วที่เคยติวพิเศษที่บ้านให้ผมสามเดือนระหว่างปิดเทอมนั่นเอง

“อาจารย์ชื่อพิพัฒน์นะครับ เรียกอาจารย์บิ๊วก็ได้”

ถึงจะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วแต่ก็อดรู้สึกเกร็งไม่ได้ที่ต้องแกล้งทำเหมือนไม่เคยรู้จักคุณครูมาก่อน สองคาบแรกเป็นความรู้ฟิสิกส์เบื้องต้นและหน่วย SI ซึ่งผมเรียนตั้งแต่อยู่ห้องคิงม.3 โรงเรียนเก่าแล้ว คิดเสียว่าเรียนทบทวนเล่นฉากเดิมเก็บไอเท็มให้ครบ 100% ก็แล้วกัน ยังไงก็อย่าเรียกผมให้ตอบคำถามอะไรนะเพราะผมคงทำตัวไม่ถูกถ้าต้องแกล้งทำว่าไม่เคยเรียนมาก่อน

จบคาบ 4 ทุกคนทำความเคารพอาจารย์แล้วเดินออกจากห้อง ผมเดินก้มหน้าออกมาโดยไม่มองคุณครูบิ๊ว ถึงเวลาพักเที่ยง ผม, บอม, สนก็แยกกันไปซื้ออาหารแล้วมานั่งรวมกัน

“คาบสุดท้ายเย็นนี้เป็นคาบสันทนาการนะ ทุกคนมาเล่นบาสกันนะ”
บอมยิ้มกว้าง ดูท่าเขาจะชอบบาสมาก ท่าทางดีใจจนเนื้อเต้นเหมือนเด็กกำลังจะไปร้านของเล่นยังไงยังงั้น
"พัตบอกว่าเล่นไม่เป็นแต่ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพวกเราสอนนายให้ เนอะสน?" บอมกอดคอผมพลางถามเพื่อนสนิท

นายนี่ถึงเนื้อถึงตัวตลอด แล้วจะไม่ให้ผมคิดอะไรได้ไงฟระ ผมอยากอยู่ใกล้ ๆ บอมนะ แต่เรื่องอยู่ชมรมบาสกับพวกนายเนี่ย…ผมนึกถึงภาพบอมกับสนถอดเสื้อเล่นบาส...คือถ้าตรูต้องเจอช็อตแบบนี้ทุกวันจะเก็บความรู้สึกได้ยังไงฟระ

“เอ่อ...เราจะไปเล่นสแครบเบิ้ล” สนตอบ
“ห้ะ! มริงเนี่ยนะ?”
“เออดิ เค้าว่าเล่นสแครบเบิ้ลจะได้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเพิ่ม”
“จริงเหรอพัต?”
“ก็จริงนะ” ผมก็เคยอยู่ตอนม.ต้น ก็ได้คำศัพท์เยอะขึ้นนะ รวมถึงคำศัพท์แปลก ๆ อย่าง AA, FAQIR, QANAT แต่ผมไม่ไปหรอกเพราะเดาได้เลยว่าจะเจออะไร

“งั้นพวกเราไปลงสแครบเบิ้ลด้วยกันทั้งสามคนเลยมั้ยจะได้เรียนเก่ง แล้วตอนเย็นค่อยมาเล่นบาสกัน” บอมเสนอ
“......” ก็อยากตอบนะแต่ผมเลือกจะเงียบดีกว่า พวกนายไม่รู้หรอกว่าจะเจออะไร

“บอม มริงอยากเล่นบาสก็เล่นไปดิ” สนพูดแล้วลุกออกไปเลย
“อ้าวเฮ้ย มริงเป็นอะไรวะ?” เหลือแค่บอมกับผมนั่งอยู่กับบรรยากาศอึมครึม
“มันเป็นอะไรฟระ พัตรู้มั้ย?”
“บอมครับ ใจเย็นนะ”
“นายรู้เหรอสนมันเป็นอะไร?”
“ห้อง 8 คือสายศิลป์ เราว่าสนอาจรู้สึกแย่ที่ทำคะแนนสอบได้น้อยเลยอยากเรียนเก่งขึ้นมั้ง เราเดานะ”

---------------------------------------------------------------------------------

15:40น.
คาบสันทนาการ

สนก้าวเข้ามาในห้องตึก 11 ที่จัดเป็นห้องเล่นสแครบเบิ้ลสำหรับคาบนี้ คุณครูประจำชมรมเข้ามาถามชื่อ
“ใบสนครับ ห้อง 4/8 ครับ”
“เคยเล่นสแครบเบิ้ลมาก่อนไหมจ๊ะ?”
“เคยเล่นแค่ตอนเด็ก ๆ ครับ”
“งั้นเดี๋ยวครูหากลุ่มให้นะ ต้องเล่น 4 คนแบ่งเป็น 2 ทีมนะ มีใครอยากให้เพื่อนใหม่เล่นด้วยไหมจ๊ะ?”
ทั้งห้องเงียบกริบ...อะไรฟระ?
“งั้นใบสนนั่งกับกลุ่มนี้นะ พวกเธอช่วยสอนเพื่อนด้วยนะ” ครูรุนหลังผมเข้าไปในกลุ่ม 3 คน

เด็กแว่นที่สนจับคู่ด้วยอธิบายกติกา
“เราจะหยิบตัวอักษรออกมา 7 อันแล้วเรียงใส่บาร์ ระวังอย่าให้ฝ่ายโน้นเห็น”
“อ้อ เราพอเข้าใจอยู่”
“งั้นนายเรียงคำแรกบนบาร์ให้เราดูหน่อยว่าจะใช้คำไหน อย่าอ่านออกเสียงนะ”
BAND
“บ้าเปล่าวะ อักษรใช้ง่ายพวกนี้เก็บไว้ก่อน มันผสมคำได้หลายแบบ” ไอ้แว่นกระซิบ
“เราขอโทษ เอ่อ...งั้นนายเล่นไปละกันเราขอดูก่อน”

อะไรฟระ ทำไมมันดูไม่สนุกประเทืองปัญญาอย่างที่คิดไว้เลย ไอ้แว่นนี่แม่งก็อารมณ์ร้ายฉิบหาย เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชม. ยิ่งเล่นยิ่งเบื่อ ว่าแต่ไอ้แว่นนี่ทำไมมันชอบก้มขึ้นก้มลงตลอด
“ไอ้เสก มริงแบมือมาดิ๊!” อีกฝ่ายตวาด
“อะไร กรูไม่ได้ทำอะไร”
“กรูบอกให้มริงแบมือ!”

เชรี่ยอะไรวะพวกมริงเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ จู่ ๆ ทะเลาะกันเพราะอะไรฟระ? ก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นไอ้แว่นก็ยัดบางอย่างใส่มือผมที่อยู่ใต้โต๊ะ ตัวอักษรสแคร้บเบิ้ลตั้งหลายอัน! ผมเข้าใจทุกอย่างทันที

“เฮ้ย! นี่นายเล่นโกงเหรอ?” เข้าใจแล้วว่าตัวอักษรที่เกินมามันมาจากไหน ไอ้แว่นจกขึ้นมาจากถึงตอนต้นเกมมากกว่า 7 ตัวนั่นเอง
“ค...ใครเขาก็เล่นกันแบบนี้ทั้งนั้นแหละ ไม่เชื่อขอดูในมือแต่ละคนสิ!” ไอ้แว่นตอบ
ผมมองไปรอบห้อง ทำไมมีแต่คนหลบตา แมร่งโกงกันทุกคนเลยเหรอฟระ!?

“พวกนายโกงทุกคนเลยเหรอ นี่เล่นสแครบเบิ้ลหรืออะไรกันวะ?” ไม่มีใครตอบ
“ไม่อยู่แล้วว้อย” ผมหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้อง

อะไรฟระ! นี่เหรอกิจกรรมส่งเสริมสติปัญญา!! เล่นโกงทุกคนแบบนี้เนี่ยนะ!!!
“นี่ๆๆ ใบสน อย่าเพิ่งไปเลยนะจ๊ะ เพิ่งมาวันแรกเองนะ” คุณครูประจำชมรมวิ่งตามมา
“ขอโทษนะครับคุณครู แต่ผมคงอยู่ไม่ได้ ผมขอไปหากิจกรรมอื่นนะครับ” ผมยกมือไหว้ลา
“พวกเธอจะลาออกทั้งสองคนเลยเหรอจ๊ะ? ครูเสียใจนะเนี่ย”
“พวก...ผม?”

พอหันไปข้างหลังก็เจอไอ้แว่นอีกคนยืนอยู่ด้วย ไอ้แว่นยักไหล่หนึ่งที
“ครับ ผมก็ลาออกด้วยครับ”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 10-11-2020 03:31:39
King Class Away: ep7
ฝึกบาสครั้งแรก


15:40 น.
คาบสันทนาการ

“ตอนม.ต้นพัตเล่นบาสบ้างใช่มั้ย?”
“อืม ก็เล่นตอนม.2”
“งั้นลองเลี้ยงบอลให้ดูหน่อย”
บอมส่งลูกบาสมาให้ ผมก็พยายามตีให้มันเด้งขึ้นลง
“ทำแบบนั้นจะเจ็บมือนะ นายต้องใช้ปลายนิ้วเลี้ยงลูกบาส”
“ยังไงนะ?”
“กางนิ้วออก ไม่ต้องเกร็ง พอลูกบาสเด้งขึ้นมาใช้นิ้วรับ แล้วตอนกดมันลงก็ใช้แค่ข้อนิ้วกับข้อมือ”
...ยากมาก…
“นึกว่าเล่นแมงมุมขยุ้มหลังคาละกัน” บอมก็วางฝ่ามือบนหลังมือผมแล้วทำท่ารวบปลายนิ้วเข้าตรงกลาง
“ข...เข้าใจละ” วิธีอธิบายของนายทำสติสตังผมเตลิดหมดแล้ว

“งั้นวันนี้พัตลองเลี้ยงอยู่กับที่ก่อน แล้วค่อยเดินไปเลี้ยงไป เดี๋ยวเราไปคุยกับรุ่นพี่ก่อนแล้วจะกลับมาสอนชู้ตนะ นายจะได้มีเบสิคไว้เล่นคนเดียวได้”
ผมมองบอมจากระยะไกล มีความสุขชะมัด ช่วงเวลาที่ได้อยู่ใกล้เขา อยากให้มีไปนาน ๆ ถึงแม้ว่าต้องฝึกอะไร ๆ ที่ไม่คุ้นเคยก็ตาม

“เริ่มเลี้ยงบอลได้แล้วนะ งั้นส่งบอลให้เราหน่อย” อ่ะก็โยนลูกบาสให้
“ฮะ ๆๆ ต้องใช้นิ้วของสองมือประคองลูกบาสไว้ระดับหน้าอก แล้วสะบัดข้อมือดันลูกบาสออกไป”
...ยากอีกแล้ว…

“ทำได้ไหม? โอเคแบบนั้นแหละ ส่งลูกบาสให้เราเลย ทีนี้เราจะส่งกลับ พัตก็รับด้วยท่าเดียวกันนี้นะจะป้องกันนิ้วบาดเจ็บ”

“เอาล่ะ นายเริ่มเบสิคได้แล้ว เดี๋ยวมาเรียนการชู้ตกัน แป้นตรงนั้นว่างละ ลองชู้ตดู”
ผมก็ทุ่มลูกบาสไปแต่ไม่โดน

“ฮะ ๆๆ อันนั้นท่าทุ่มลูกฟุตบอล มันจะไม่โด่ง”
“แล้วชู้ตยังไงเหรอ?” ตรูทำอะไรเป็นบ้างฟระ? บอมจะเบื่อผมไหมเนี่ย

“เอามือนึงยกขึ้นเหนือหัวแบบนี้ โอเคนั่นแหละ มือนี้คือมือที่จะออกแรงส่งลูกด้วยข้อมือ แล้วอีกมือประคองด้านข้าง”
“ยังไงนะ?”
บอมสอนหลายทีแต่ผมก็ยังทำไม่ได้ ตรูเลือกผิดหรือเปล่าฟระเนี่ย ผมกลัวเขาเบื่อรำคาญผมแล้วสิ

“อือ...งั้นเอาอย่างนี้ละกัน” แล้วบอมก็เดินอ้อมมาข้างหลัง อกทาบหลัง แขนทาบแขน
“ทำตัวตามสบายนะ” บอมเอียงหัวเข้ามาคุยด้านข้างซอกคอแล้วจัดแขนผมให้ถูกท่า ...คือ...คือนายกำลังกอดเรา ซุกซอกคอเรา พูดเบา ๆ ข้างหูเรานี่ทำตัวตามสบายไม่ไหวหรอกว้อยยย

“ลองชู้ตดู สะบัดแค่ข้อมือนะ”
“ต้องเล็งยังไง?”
“ตามองกรอบสีบนแป้นบาส ไม่ต้องเล็งห่วง เล็งกรอบสีแล้วสะบัดข้อมือ จำความรู้สึกนี่ไว้”
...จำความรู้สึกได้เลยว่าอุ่นมาก...อกกับแขนบอมแข็งมาก ไม่สิ นี่ตรูจะพาตัวเองเข้าโหมด NC แล้วใช่มั้ย

บอมบอกให้ผมยืนที่เดิมแล้วตัวเองวิ่งไปเก็บบอล
“เมื่อกี้บอลต่ำไป ลองเล็งให้สูงขึ้น นั่นแหละ” คราวนี้บอลสูงขึ้นก็จริงแต่เบี้ยวขวา ผมเดินไปจะเก็บลูกบาสแต่บอมกอดเอวไว้
“พัตไม่ต้องไป ยืนที่เดิมนี่แหละ จำความรู้สึกไว้ เดี๋ยวเราไปเก็บลูกให้เอง”

ผมชู้ตอีกหลายครั้งแต่ไม่ลงสักที บอมวิ่งเก็บจนเหงื่อเริ่มเต็มตัว เขาปลดกระดุมลงสองเม็ด เชรี่ยแล้วตรูสมาธ้งสมาธิไม่อยู่แล้ว

พัตมริงต้องตั้งใจ ถ้ามริงชู้ตไม่ลงสักทีแล้วเขาเบื่อมริงล่ะแย่แน่ ในที่สุดลูกบาสก็โดนกรอบสีบนแป้น กระเด้งขอบห่วงแล้ว...กระเด็นออกไป
“เยี่ยม ๆๆ อีกทีนะ คราวนี้เล็งให้สูงกว่ากรอบนิดหน่อย”

ครั้งนี้ลูกบาสโดนเหนือกรอบแล้วหล่นลงห่วงดังซวบ
“เย้! พัตทำได้แล้ว” บอมเข้ามาตบบ่า ตอนนี้เสื้อเขาชื้นเหงื่อเต็มไปหมดเพราะวิ่งเก็บลูกบาสให้ผมครั้งแล้วครั้งเล่า มองเห็นหุ่นเขาลาง ๆ จนผมต้องหลบตา

พวกเราออกมานั่งพักข้างสนาม
“ขอบใจมากนะครับ บอมเหนื่อยแย่เลย โทษนะเพราะเราเล่นบาสไม่เป็น”
“แต่ตอนนี้เล่นเป็นแล้วนี่” บอมหันมายิ้มและโอบเอวผม

...มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนจะหยุดเวลา หยุดเสียงจอแจรอบข้าง
...ผมเพิ่งสังเกตชัด ๆ ว่าตาของบอมเป็นสีน้ำตาล
...เขาไม่หลบสายตา...ผมก็เช่นกัน
...ไออุ่นที่เขาโอบกอดผมหลายต่อหลายครั้ง...ดึงให้ผม...ลืมเรื่องแฟนเขาไป
...หน้าบอมเคลื่อนใกล้เข้ามา...อะไรก็ได้...ผมอยากได้ทั้งหมด

“เฮ้ยบอม พัต กรูกลับมาแล้ว! ห้องสแครบเบิ้ลแมร่งโคตรเชรี่ยเลย!”
$&%&^*^%$%$#^% แย่แล้ว!!! เมื่อกี้ตรูเกือบทำอะไรฟระ!!

“มีเรื่องอะไรเหรอวะสน?”
สนเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในคาบสแครบเบิ้ล เป็นอย่างที่ผมคาดไว้เลย เพียงแต่ไม่นึกว่าสนจะระเบิดลงตั้งแต่คาบแรก เหอ ๆๆๆ
พวกนายนึกภาพไม่ออกหรอกว่าสังคมเล็ก ๆ ที่หลายคนเอาเปรียบกัน ชิงดีชิงเด่น อิจฉากันทุกวินาทีเป็นยังไง นี่ยังไม่รวมถึงความกดดันและการลงโทษจากครู การกวดวิชาถึงสามสี่ทุ่ม ที่สำคัญคือพ่อแม่ไม่เข้าข้างเรา พวกเขาเห็นด้วยกับเรื่องพวกนี้

“อย่างนี้มริงมาเข้าชมรมบาสเลยละกันนะ”
“เออ กรูก็ว่าที่นี่แหละน่าจะเหมาะสุดละ”
“เมื่อกี้กรูก็คุยกับรุ่นพี่แล้ว เขาว่าจะคัดคนเก่งฟอร์มทีมลงกีฬาสีเลย มริงมาด้วยนะ เดี๋ยวพี่เขาจะแบ่งทีมเล่นกันตอนนี้เลยก่อนจบคาบ”
“งั้นเราเล่นด้วยนะ” อย่าทิ้งตรูดิ ผมก็อยากมีส่วนร่วม
“พัตนั่งดูก่อนละกันนะ อันนี้เราเล่นกับตัวจริงม.5 ม.6 เขาจะเล่นกันโหดมาก เล่นแรงกว่าตอนพวกเราเล่นกันวันนั้นอีก”
“อืม ก็ได้”

หลังจากแข่งเสร็จก็เย็นแล้ว บอมไปคุยอะไรกับรุ่นพี่ ผมกับสนช่วยกันเข็นลังอุปกรณ์เข้าไปเก็บในโรงยิม
“เออนี่พัตรู้มั้ย ตอนเราลาออกจากห้องสแครบเบิ้ลน่ะมีคนลาออกพร้อมเราด้วย”
“โห! เพื่อนสนเหรอ?”
“ไม่อ่ะ ไม่รู้จักเลย เขาบอก ‘ผมก็ลาออกด้วยครับ’ แล้วก็เดินหายไปอีกทางเลย”
“อืม ถ้าเจอแบบนั้นก็คงทนไม่ไหว”

สนปล่อยมือจากรถเข็นไปถอดเสื้อนักเรียนที่ชุ่มเหงื่อออกพาดบ่า
$&^%&^$^%o_O”&%^%#@

“ร้อนชิบเป๋ง เออ! พัต เราลองอ่านหนังสือล่วงหน้าตามที่บอมบอกว่านายแนะนำ แต่แมร่งไม่รู้เรื่องเลยว่ะ ทำไงดีวะปรึกษาหน่อยสิ”
“เอ่อ...งั้น...ว...ว่าง ๆ เรามาติวกัน เราอธิบายให้”
“ขอบใจนะเพื่อน” สนโอบไหล่ผมแน่น ๆ

...นายช่วยใส่เสื้อก่อนได้ไหม กล้ามของสนเป็นมัด ๆ ทั้งกล้ามอกกล้ามท้อง เหงื่อเกาะพราวตัวเงาวับ ตรูจะตายละว้อยยย!! ตรูไม่อยากเป็นคนหลายใจ จิ้นหลายคนว้อย

“เป็นไรวะพัตเดินแข็ง ๆ?”
“เปล่านี่”
นายนั่นแหละต้นเหตุ

“แล้วมีวิธีไหนอีกที่ทำให้เรียนเก่ง?”
“ก็...อ่านเว็บภาษาอังกฤษเรื่องที่นายชอบและมีแอพดิคชันนารีไว้เปิดดูความหมาย แล้วจดใส่สมุดพก”
“เออ เราจะลองดูนะ แล้วแอพนี่มันต้องซื้อหรือเปล่า?”
“มีแอพฟรีหลายอันนะ เดี๋ยวเราส่งลิ้งค์แอพที่เราใช้ให้นะ”
“ขอบใจนะพัต” สนพูดพร้อมจับผมหันไปหาเขา เห็นเขาเปลือยท่อนบนเต็ม ๆ ระยะประชิด เชรี่ยแล้ว ตรูละสายตาไม่ได้

ผมคิดถูกไหมเนี่ยที่เข้าชมรมบาสเดียวกับพวกเขา ถูกเนื้อต้องตัวกันขนาดนี้ ถอดเสื้อให้เห็นแบบนี้...ผมว่าสักวันความคงแตก หรือไม่ผมก็ทนไม่ไหวปล้ำบอมแมร่งบนสนามนี่แหละ

...ผมลืมอะไรไปรึเปล่าหว่า...เฮ้ย! ลืมโทรให้พ่อมารับ!!
“พ่อครับ ขอโทษครับ ผมเพิ่งเสร็จธุระครับ”
“ทำไมเย็นจังล่ะ พ่อเห็นเด็กคนอื่นเดินออกมาตั้งแต่บ่ายสี่แล้ว”
“ค...คาบสุดท้ายของ ม.4 เป็นคาบสันทนาการน่ะครับ เลิกช้าหน่อย”
“อืม รอหน้าประตูโรงเรียนแหละไม่ต้องเดินออกซอยมา มันเริ่มมืดแล้ว”
“ครับ ขอโทษครับพ่อ”

รถของพ่อแล่นมาจอดหน้าประตู เปิดประตูเข้าไปเจอพ่อหน้าบูด
“คาบสันทนาการเหรอ? ชมรมใช่ไหม?”
“สันทนาการแยกกับชมรมครับพ่อ เราเลือกไม่เหมือนกันก็ได้ครับ”
“ลูกเลือกชมรมอะไร? คอมพิวเตอร์, ภาษาอังกฤษ, ห้องสมุด หรือสแครบเบิ้ลเหมือนที่โรงเรียนเก่า?”
“เอ่อ...”
“ชมรมอะไรเหรอ?”
“บ...บาสเก็ตบอลครับ”

บรรยากาศกดดันก่อตัวขึ้นในรถทันที
“แล้วเป้นั่น...”
“ครับพ่อ คือโรงเรียนห้ามใช้เป้สี ผมเลยต้องซื้อเป้โรงเรียน”
“แล้วเป้สีฟ้าของลูกอยู่ไหน?”
“ผมลืมไปเอาคืนจากห้องปกครองครับ พอจบชมรมห้องก็ปิดแล้ว”

พ่อนิ่งเงียบไป...
“งั้นพรุ่งนี้ไปเอาเป้คืนจากห้องปกครองนะ แล้วต่อไปพ่อต้องมารับกี่โมง?”
“สัปดาห์แรกผมยังไม่รู้เลยจะมีกิจกรรมอะไรเลิกกี่โมงครับพ่อ แต่ผมจะโทรบอกพ่อก่อนเลิกครึ่งชั่วโมงนะครับผมสัญญา”

พ่อนิ่งเงียบไปอีกครั้ง คราวนี้นานเลย
“พัต นี่วันแรกลูกก็เหลวไหลหลายเรื่องเลยนะ”
“ครับพ่อ”

“แล้วลูกว่าการเล่นกีฬาจะทำให้เสียการเรียนไหม? วันก่อนลูกบาสของลูกก็ทำกระจกแตกไปบานนึงแล้ว”
“ผ...ผมจะไม่ให้การเรียนตกครับ การออกกำลังช่วยเพิ่มพัฒนาการร่างกายและสมองครับพ่อ”
ผมรู้แล้วว่าพ่อต้องการพูดอะไร

“แต่เวลาแข่งจริงก็อาจบาดเจ็บจนต้องขาดเรียนก็ได้หรือเปล่า? พ่อว่าย้ายไปชมรมสแครบเบิ้ลดีไหม?”
“ผ...ผม...ผมจะไม่ลงเล่นจริงครับ …มันจะเป็นแค่กิจกรรม”

หลังอาบน้ำกินข้าวเสร็จผมก็ขึ้นห้องนอนทันที
...แต่ตอนนี้เล่นเป็นแล้วนี่…ใบหน้าบอมที่ยิ้มตอนพูดประโยคนี้
...ผมจะไม่ลงเล่นจริงครับ มันจะเป็นแค่กิจกรรม...

ทำไมวะ...ทำไมวะ...คิดวนไปมา ผมก็แค่...อยากเป็นคนปกติธรรมดา...อยากเล่นบ้าง

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น บอมโทรมา
“ห...หวัดดี..บอม”
“เออ จะโทรมาบอกว่าวันนี้พัตพัฒนาเร็วมากเลย ฝึกเรื่อย ๆ นะ”
“ข...ขอบใจนะบอม”
“เฮ้ย! ทำไมเสียงนายแปลก ๆ วะ?”
“เรา...เราคงเป็นหวัดน่ะ”
“เหรอ งั้นรีบพักผ่อนนะ ขอให้หายไว ๆ นะพรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนได้”
“อืม ขอบใจนะบอม”

ผมกดวางแล้วมองมือถือ...ผมตั้งภาพบอมกับสนเล่นบาสเป็นภาพหน้าจอแล้วกำมือถือนอน
...เราก็คงได้แค่นี้…ก็ได้แค่คนนอกสนาม

----------------------------------------------------------------------

บรรพตนั่งในความมืดของห้องทำงาน เขากดเบอร์โทรใครคนหนึ่ง
“สวัสดีครับคุณครูบิ๊ว ผมมีอีกงานหนึ่งอยากจะไหว้วานคุณครู”
“สวัสดีครับคุณพ่อของน้องพัต มีอะไรเหรอครับ?”
“ครูช่วยดูผลสอบเข้าของพัตหน่อยว่าตอบผิดข้อไหนบ้าง ผมจะได้หาติวเตอร์สอนพัตในจุดที่เขาอ่อน”
“เอ่อ...กระดาษคำตอบเก็บที่ส่วนกลาง ผมเกรงว่าจะดูยากนะครับ”

“เวลาคุณครูให้เด็กทำข้อสอบ คุณครูมีการเฉลยคำตอบทีหลังใช่มั้ยครับ เพื่ออะไรครับ?”
“เพื่อให้เด็ก ๆ เรียนรู้จากความผิดพลาด จะจดจำได้แม่นมากและไม่ทำผิดซ้ำอีกครับ”
“นั่นสิครับ ที่ผมขอให้คุณครูทำก็จุดประสงค์เดียวกัน พัตจะต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด คุณครูเองก็อยากให้ลูกศิษย์พัฒนาตัวเองใช่ไหมครับ?”

“เอาเป็นว่าผมจะลองดูว่าจะเข้าถึงกระดาษคำตอบได้ไหมนะครับ”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 7: อัพ 10 พย.63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 10-11-2020 11:38:36
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 7: อัพ 10 พย.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 17-11-2020 02:20:39
King Class Away: ep8
dimension


ตื่นเช้ามาปวดเมื่อยเนื้อตัวมาก คือไม่ค่อยได้ออกกำลังกายสินะเรา แต่ก็ต้องฝืนทำตัวเหมือนปกติไม่ให้พ่อเอามาเป็นประเด็นบ่นอะไรเพิ่มได้อีก
“วันนี้ก็อย่าลืมไปเอาเป้คืนนะ แล้วเอาไว้ใช้แค่ตอนไปเรียนพิเศษพอ” พ่อกำชับตอนจอดรถส่งหน้าปากซอยโรงเรียน
“ครับ”

“หวัดดีพัต”
“หวัดดีบอม สน”
“เป็นไงบ้างหายหวัดยัง?” บอมโอบไหล่มือมาโดนต้นแขนผม
“โอ๊ย!”
“อ้าวเฮ้ย! เจ็บเหรอ?”
“อือ เจ็บแขนนิดหน่อย”
“ความผิดมริงเลยไอ้บอม มริงก็รู้ว่าพัตเค้าเด็กเรียน เสือกฝึกเขาซะหนัก”
“โทษนะพัต เรา...เราเห็นนายทำได้ก็เลยอยากฝึกให้เยอะ ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกบอมสน สนุกดี เราชอบ” เห็นบอมทำหน้าเหมือนจะเจ็บแทนผมแค่นี้ผมก็หายเจ็บแล้ว

“แล้วตกลงหายหวัดยัง?” บอมถามและเอามือแตะหน้าผากผมทันทีไม่รอคำตอบ ...มือของเขาทำให้เรื่องกลุ้มใจทั้งหมดของผมหายไป
“เราหายแล้..” ผมพูดยังไม่ทันจบมือของบอมก็ลอดเข้าปกเสื้อผมมาจับต้นคอ
“เออตัวไม่ร้อนแล้ว ค่อยยังชั่ว” ผมจะไข้ขึ้นก็เพราะมือปลาหมึกของนายนี่แหละ ถึงเนื้อถึงตัวทำให้คิดตลอดเลย

“เราว่าที่พัตเป็นหวัดอาจเพราะใส่ชุดนักเรียนเล่นบาสนะ มันอุ้มเหงื่อ พัตเรียนพละวันไหนเหรอ?”
“วันศุกร์น่ะ”
“เฮ้ย เหมือนกันเลย เราเรียนคาบ 7 กับ 8”
“เราเรียนคาบ 5 กับ 6 น่ะบอม”
“ดี ๆ รุ่นพี่บอกว่าทุกเย็นวันศุกร์จะซ้อมใหญ่ ใส่ชุดพละน่าจะโอเคกว่า เตรียมเสื้ออีกตัวมาเปลี่ยนตอนเล่นเสร็จด้วยนะ แล้วมริงเรียนพละวันไหนเหรอสน?”
“กรูเรียนพฤหัส”
“แบบนี้จะซักตากทันไหม?”
“ไม่น่าทันนะ นี่ก็หน้าฝนด้วย แต่เอาเสื้อบาสมาใช้แทนก็คงได้นะ หลังเลิกเรียนครูคงไม่ว่าหรอก”
“งั้นกรูเอามาบ้างดีกว่า” บอมบอก
...ผมจะได้เห็นบอมกับสนในชุดบาสอีกแล้ว จะดีใจหรือหวาดเสียวดีฟระ...

“เอ่อ...บอมสน เย็นวันศุกร์เราอาจอยู่ได้ไม่นานนะ พ่อเรามารอรับ”
“อ้าวเหรอ นึกว่าจะได้ซ้อมกันนาน ๆ ยังไงพัตลองขอพ่อดูดิ”
“อืมจะลองดู” (ไม่มีทาง แค่นี้พ่อก็จะฆ่าผมอยู่แล้ว) ผมตอบแล้วแยกไปเอาเป้ที่ห้องปกครอง

“เออสน ไหน ๆ จะเอาเสื้อบาสมา มริงว่าเอารองเท้ามาด้วยดีมั้ยจะได้เล่นคล่อง ๆ”
“รองเท้ากรูแมร่งพื้นจะหลุดตั้งแต่แข่งครั้งที่แล้ว ปะกาวสองรอบแล้ว”
“อ้าวเหรอ?”
“นี่ก็เก็บตังค์ซื้อใหม่อยู่”
“อือ แล้วเจอกันตอนพักเที่ยงโต๊ะเดิมนะ”

-----------------------------------------------------------------

“วันนี้ลองร้านใหม่ มีผัดมะกะโรนี น่าอร่อยดีแฮะ” บอมเดินถือจานมานั่งรวมกัน
“พัตกินข้าวหมกไก่อีกแล้วเหรอ?”
“วันนี้ปวดแขน ไม่อยากต่อคิวร้านอื่นนาน ๆ น่ะ คนเยอะเบียดกันไม่ไหว”
“อืม ยังไงถ้าอยากกินร้านอื่นบอกเราได้เดี๋ยวไปซื้อให้ ของสนเป็นข้าวกะเพราหมูสับเหรอน่ากินดีแฮะ”

สนนั่งเหม่อไม่ตอบอะไร
“สน มริงเป็นอะไรวะ?”
“อ..อ้อ ไม่มีอะไรหรอก”
“ไม่สั่งไข่ดาวด้วยเหรอ เห็นมริงสั่งข้าวกะเพราทีไรต้องมีไข่ดาวประจำนี่?”
“เมื่อเช้ากินมาเยอะแล้วเลยไม่ค่อยหิวน่ะ”

-----------------------------------------------------------------------

ช่วงพัก 30 นาทีระหว่างคาบ 6 กับคาบ 7 สนเดินไปนั่งคนเดียวหลังโรงเก็บของข้างที่จอดรถหลังตึก 10

“เฮ้อ…ทำไงดีวะเนี่ย?”
เดือนนี้เหลือเงินอยู่แค่ 2,500 ไหนจะค่าเรียนพิเศษที่ต้องสมัครภายในสุดสัปดาห์นี้ ถ้าสมัครช้ามันเต็มไปก่อนก็ต้องไปเรียนที่ไกลขึ้นก็ต้องมีค่าเดินทางอีก ห่านเอ๊ยเพิ่งเรียนได้สองวันตรูไม่เข้าใจหลายวิชาเลย แล้วจะเหลือเงินซื้อรองเท้าใหม่ไหมฟระ

เอ๋...มีเสียงคนคุยอะไรอยู่ใกล้ ๆ

“เฟิร์ส ดิมบอกแล้วไงว่าไม่โทรตอนเรียน”
“ก็ตอนเย็นเราต้องเรียนเปียโนเราคุยกับดิมไม่ได้ แม่มานั่งเฝ้า พอค่ำดิมก็อ่านหนังสือนี่”
นั่นไอ้แว่นคนที่ลาออกจากห้องสแครบเบิ้ลพร้อมเรานี่หว่า

“ช่วงเปิดเทอมดิมมีอะไรต้องทำเยอะน่ะ”
“เราก็การบ้านเยอะเหมือนกัน ดิมมีเรื่องเยอะขนาดลืมเราเลยเหรอ?”
“ไม่ใช่นะ”
แล้วมันจะเปิด vdo.call ทำไมฟระ แต่ก็ดี ชอบฟังคนเป็นแฟนง้อกัน สนุกดี แปลง่าย ๆ ว่าเผือก แฟนแมร่งเสียงน่ารักดีนะ

“แล้วดิมจำได้ไหมว่าเดือนหน้า...”
“จำได้วันเกิดเฟิร์ส ดิมไม่ลืมหรอก”
“ดิมจำได้ไหมว่าสัญญาจะให้อะไรเป็นของขวัญเรา”
“เอ่อ...เอาเป็นว่าเราจะเลือกของที่ถูกใจเฟิร์สให้นะ”
“ดิมอ่ะ...ดิมสัญญาแล้วนะว่า...”
“เฟิร์ส”
“ดิมสัญญาแล้วนี่ ทำไมล่ะ? รู้ไหมว่าเรารอดิมมาตลอด” สัญญาอะไรฟระ พูดวนไปวนมา
“ตอนปีใหม่ดิมก็บอกว่าไม่พร้อม วาเลนไทน์ก็บอกรอก่อน แล้วตอนนี้ดิมยัง...”
“เฟิร์ส! พวกเรายังเด็กอยู่นะ” เฮ้ย อะไรฟระ? อย่าบอกว่าที่กำลังทวงสัญญาคือเรื่อง XXX อะไรแบบนั้น

“แค่นี้ก่อนนะ ดิมต้องไปเรียนแล้ว”
เสียงออดหมดเวลาพักดังขึ้น แต่ไอ้หมอนั่นไม่ยอมขยับเลย แล้วตรูจะเดินออกไปยังไงฟระ

1 นาทีผ่านไป ไอ้แว่นทำไมมริงยังไม่กลับห้อง ไหนมริงบอกแฟนว่าจะไปเรียนไง
2 นาที มันยังถอนหายใจยืนจ้องมือถือพร้อมใบไม้ร่วงลงมาเบา ๆ ประหนึ่งมิวสิควิดีโอ
3 นาที ไม่ไหวแล้วว้อย ตรูจะเข้าเรียนสายแล้ว ค่อย ๆ ย่องผ่านด้านหลังมันไปละกัน...แต่ชีวิตจริงไม่ใช่ละครตลก...เพราะไอ้แว่นมันหันมาพอดี…

“เอ่อ...เราไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนายนะ อันที่จริงเรามาก่อนน่ะ คือเราก็มานั่งกลุ้มปัญหาชีวิตอยู่ตรงนี้ก่อนนายแล้ว”
ไอ้คนชื่อดิมยืนนิ่งตาเบิกโพลงเหมือนคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงกับผมดี

“คือเราก็มีปัญหาชีวิต นายก็มีปัญหาชีวิต เราสองคนเจ๊ากันเนาะ อะไรที่เราได้ยินเราจะลืม ๆ ไปละกัน คอนเวิร์สทางใครทางมันละกันนะ”
“นายได้ยินอะไรบ้าง?” ไอ้คนชื่อดิมเดินเข้ามาพูดเบา ๆ
“ก็ได้ยินไม่ชัดหรอก แค่...เอ่อ...แฟนนายอยากให้นายมีอะไรอย่างว่ากับเขา แต่นายผลัดมาตั้งแต่ปีใหม่วาเลนไทน์สงกรานต์เช็งเม้งวันแรงงานจนเดือนหน้าจะเป็นวันเกิดเขาแล้ว” วิชาย่อความตรูได้คะแนนเต็ม

ดิมจับบ่าผมไว้ ก้มหน้านิ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เชรี่ยแล้ววว”
“พวกนายค่อย ๆ คุยกันนะ เราเอาใจช่วยนะ ใส่ถุงกินยาคุมนะเพื่อน ขอเราไปเรียนได้ไหม กรูจะเข้าสายแล้วเนี่ย”
“เฮ้อ...ทำไงดีวะเนี่ย?” ดิมก้มหน้าถอนหายใจ

ตรูก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะว้อย! ดันบังเอิญแอบฟังแฟนทะเลาะกันเพราะไอ้ผู้ชายไม่ยอม XXX แบบนี้จะให้พูดปลอบหรืออะไรยังไงไปไม่เป็นเลย

“เฮ้ยดิมปล่อย! อย่าให้เราต้องใช้กำลังนะเว้ย”
เอ๋า! เงียบอีก ไอ้สาด ตรูจะกล้าใช้กำลังจริง ๆ ได้ไงในเมื่ออยู่ข้างตึกเรียนที่ทุกห้องทุกชั้นมีนักเรียนกำลังนั่งเรียน ขืนมีเรื่องเสียงดังกันตรงนี้แมร่งชะโงกมาดูกันทั้งตึก ห้องประจำชั้นตรูก็อยู่ชั้นสาม

“เอางี้ดิม! เราไม่บอกใคร นายกลุ้มใจอะไรมานั่งคุยกันหลังเลิกเรียน ตกลงไหม?”
“เออ...ก็ได้”
“ป่ะ ไปเรียนได้แล้ว ตอนเย็นกลับมาเจอกันตรงนี้”
“อืม ขอบใจนะ”

แต่ไอ้ดิมก็ยังเดินขึ้นบันไดตามมาเรื่อย ๆ
“มริง...เอ๊ยนายก็แยกไปดิ จะเดินตามเรามาทำไม?”
“ก็ห้องเราอยู่ทางนี้” ดิมชี้มือห้องติดกับห้องประจำชั้นของผม “เราอยู่ห้อง 7” อ้าวเฮ้ย! นี่อยู่ห้องติดกันเลยนี่หว่า ไม่ทันสังเกตเลย ดิมพูดเสร็จก็เดินเข้าห้องตัวเองไป ส่วนผมค่อยย่องมุดประตูหลังห้องเข้ามานั่งโต๊ะตัวเอง

“ไอ้สน เมื่อกี้มริงเดินมากับเด็กห้องควีนเหรอ?”
“หืม? อะไรนะ? ห้องควีน”
“ใช่ ห้อง 7 ไงห้องควีน มริงไม่รู้เหรอ? เป็นห้องเด็กเก่งรองจากห้องคิง”
“อ้าวเหรอ? มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอฟระ? นึกว่ามีแค่ห้องคิง” ...ไอ้แว่นนกเขาไม่ขันไม่มีปัญญาอึ๊บแฟนนั่นน่ะนะเด็กเรียนเก่ง
“เออ เมื่อวานพวกกรูจะตีสนิท ไปนั่งทานข้าวกับพวกห้อง 7 แมร่งลุกหนีเลยซะงั้น”
“แบบนั้นเลยเหรอ แมร่งยังกะนิยาย แต่มันก็แล้วแต่คนรึเปล่าวะ ไอ้ดิมก็ดูไม่หยิ่งแบบนั้นนะ”
“มริงก็ระวังไว้ เดี๋ยวเจอพวกมันเชิดใส่มริงจะหน้าชา”

-----------------------------------------------------------------

หลังเลิกเรียน ดิมมานั่งรออยู่แล้ว ผมนั่งลงข้าง ๆ
“ไงดิม นายดีขึ้นรึยัง?”
“อืม ขอบใจนะใบสน”
“นายรู้ชื่อเราด้วยเหรอ?”
“เราจำได้ตั้งแต่นายระเบิดลงกลางห้องสแครบเบิ้ลน่ะ ฮะ ๆๆ”
คำตอบของดิมทำผมอึ้งไปแว่บนึงแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก คือผมจะชวนคุยอะไรยังไงได้ฟระ อึดอัดชิบเป๋ง เป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อนเลยแถมไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วย

“ตอนนายโมโหนั่นโคตรเจ๋งเลยนะ ตอนนี้นายดังในกลุ่มห้องคิงกับห้องควีนเลยนะ 555 เราล่ะอยากมีความกล้าแบบนายบ้างจัง”
“รู้สึกยังไงก็ทำออกไปอย่างนั้น แค่นั้นแหละ เดี๋ยวนะ! แล้วห้องคิงห้องควีนมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?”
“ส่วนใหญ่ในชมรมสแครบเบิ้ลก็พวกห้องเรากับห้องโน้นแหละ”
นี่ตรูเดินเข้าไปในชมรมเด็กเรียนระดับหัวกะทิเรอะ แล้วทุกคนมีนิสัยขี้โกงแบบนั้นน่ะนะ

“แล้วที่ใบสนบอกว่ามีปัญหา บอกเราได้มั้ยเผื่อเราช่วยได้ ไหน ๆ นายก็ช่วยเราแล้ว”
“เรียกเราสนเถอะ เรียกชื่อเต็มเรารู้สึกจั๊กจี้ยังไงไม่รู้ และเราไปช่วยอะไรนายตอนไหน?”

ดิมผงกหัวเบา ๆ
“แค่มีนายนั่งอยู่ด้วยตอนเรามีปัญหาก็ช่วยเราแล้ว...คิดดูดิเรื่องแบบนี้เราจะเล่าให้ใครฟังได้”
มันก็จริงนะ ถ้านกเขาตรูไม่ขัน ไม่อยากปั่มป๊ามกับแฟนเนี่ยไม่เล่าให้ใครฟังแน่
 
“แล้วปัญหาของสนคืออะไรเหรอ?”
“คือ…เอ่อ...เราไม่มีตังค์ไปเรียนพิเศษน่ะ นี่เพิ่งเปิดเทอมมา 2 วันเราเรียนไม่รู้เรื่องตั้งหลายวิชา”
ทำไมตรูถึงเล่าเรื่องนี้ให้คนที่เพิ่งรู้จักฟังได้ง่าย ๆ ฟระ? ขนาดไอ้บอมผมยังไม่บอกมันเลย

ดิมมองผมด้วยหน้านิ่ง ๆ ไม่มีการล้อเลียนหรือทำหน้ารังเกียจ
“สนไม่เข้าใจวิชาไหนบ้าง?”
“เลข อังกฤษ วิทยาศาสตร์” เพิ่งเปิดเทอมได้ 2 วัน ตรูไม่เข้าใจวิชาหลักสักตัว

ดิมนิ่งไปสักพักนึงแล้วหันมาตอบ “เราติวให้นายได้นะ เราอาจไม่ได้เก่งมากแต่ก็คงช่วยนายประหยัดค่าเรียนพิเศษได้”
“เฮ้ย! เกรงใจน่ะดิม”
“ให้เราช่วยอะไรสนบ้างเหอะ เอาเป็นว่าวันมะรืนมาเริ่มติวที่นี่หลังเลิกเรียนครึ่งชม.นะ”
“ตอนเย็นเราต้องซ้อมบาสน่ะดิม”
“‘งั้นตอนเช้าก็ได้ เดี๋ยวเราไปก่อนนะสน” ดิมพูดพลางลุกขึ้น แต่ผมไม่เข้าใจว่ามันจะติวให้ผมทำไมเลยกุมมือมันไว้ก่อน
“ดิม ถ้านายจะทำดีกับเราเพื่อปิดปากเราเรื่องนั้นน่ะ ไม่ต้องก็ได้ เราไม่พูดอยู่แล้ว”
“เราอยากแก้ปัญหาให้เพื่อน ถ้าไม่ใช่ปัญหาใหญ่คงไม่มานั่งกลุ้มคนเดียวใช่มั้ย เราเพื่อนกันแล้วนะ”
ผมมองตามันว่ามันหมายความแบบนั้นจริง ๆ หรือแค่อยากอวดว่ามันฉลาดกว่าผม

“ถ้าเราทำให้นายรู้สึกไม่ดี เราขอโทษนะ”
“ไม่หรอก คือเพื่อนห้องเราเพิ่งเล่าเรื่องที่มันไปคุยกับคนห้องนายแล้วโดนเมิน เราเลยคิดว่าจริง ๆ นายอาจไม่อยากสุงสิงกับเรา”
“เรื่องนั้นนี่เอง” คราวนี้ดิมทำหน้าอมทุกข์แบกโลกหนักยิ่งกว่าตอนคุยกับแฟนมันซะอีก แมร่งนิ่งไปเลย นิ่งไปนานด้วย เฮ้ย ๆๆๆ
“ดิมนายเครียดไปเลยเหรอ เราก็แค่ห่วงว่านายฝืนทำเพื่อปิดปากเรา ก็แค่นั้นแหละ ติวก็ติวดิวะ!”
“อืม มะรืนนี้เจอกันนะ”

------------------------------------------------------------------

เวลาเดียวกัน ณ ห้องเก็บเอกสารแผนกธุรการ

“คุณน้องบิ๊วคะ ตกลงหาแบบใบประเมินการสอนปี 60 เจอไหมคะ?”
“ยังไม่เจอเลยครับพี่ศรีเพ็ญ ผมว่าน่าจะอยู่ลังนี้มั้งครับ”
“จำเป็นต้องใช้ด่วนเหรอคะ? ปีการศึกษานั้นก็ผ่านไปนานแล้วนะคะ”
“คือผมจะทำพรีเซนต์ข้อมูลย้อนหลังคืนนี้น่ะครับ ขอโทษด้วยนะครับ เกรงใจพี่จริง ๆ ครับ”
“พี่ต้องรีบกลับบ้านด้วยสิ งั้นพี่ฝากปิดห้องด้วยนะคะ ไม่ต้องปิดประตูเหล็กนะคะเดี๋ยวรปภ.มาจัดการเอง”
“ได้ครับ ขอบคุณมากครับ”

กระดาษคำตอบสอบเข้าม.4 อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญแต่โรงเรียนก็ต้องจัดเก็บ 3 ปีตามมาตรฐาน ISO มีอีกทางที่จะได้เห็นคือเข้าไปดูฐานข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์แต่ต้องได้ลายเซ็นอนุมัติจากอาจารย์หัวหน้าแผนก...พร้อมกับคำถามว่าทำไมถึงอยากดู อันนั้นแหละที่ผมไม่อยากให้ใครรู้ ที่มาขอหาเอกสารตอนหลังเลิกเรียนก็หวังให้อ.ศรีเพ็ญทิ้งผมไว้ในห้องแบบนี้แหละ ลังกระดาษใหม่ล่าสุดที่เพิ่งย้ายมาเก็บห้องนี้ กระดาษคำตอบอยู่ในนี้ ผมรู้เลขประจำตัวผู้สอบของน้องพัตจึงหาไม่ยาก

กระดาษคำตอบวิชาแรก คณิตศาสตร์ ...นนภัทร วงศ์ประสาน...49/50
ผมถ่ายรูปเก็บไว้พลางสงสัย ที่ผมรับงานแปลก ๆ นี้จากพ่อน้องพัตเพราะเรื่องนี้แหละ

กระดาษคำตอบวิชาที่สอง วิทยาศาสตร์ ...นนภัทร...50/50 พัตไม่ได้ห้องคิงทั้งที่ตอนติวทำได้ดีมาก คะแนนแต่ละวิชาก็สูงขนาดนี้
กระดาษคำตอบวิชาที่สาม ภาษาไทย ...นนภัทร...49/50
กระดาษคำตอบวิชาที่สี่ สังคม ...นนภัทร...47/50
แทบจะได้เต็มทุกวิชา หรือคอมพิวเตอร์ตรวจผิด?

กระดาษคำตอบวิชาสุดท้าย ภาษาอังกฤษ ...นนภัทร...17/50
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 7: อัพ 10 พย.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 17-11-2020 02:44:33
King Class Away: ep9
ซีคอน


6:35น. เช้าตรู่วันพฤหัสบดี
 
“ฮ้าวววว! ขนาดแม่ปลุก ตรูยังไม่เคยตื่นเช้าเท่านี้เล้ย” ผมบ่นพลางหาวง่วง ทำไงได้ไอ้ดิมนัดติวตอนเช้า ยังดีที่ติวในโรงอาหาร คงเรียนไปกินข้าวไปได้นะ ผมแวะซื้อข้าวกะเพราหมูสับแล้วเดินไปที่โต๊ะ...ที่ไอ้ดิมนอนฟุบอยู่
“เฮ้ย นัดเรามาแท้ ๆ ดันนอนซะนี่”
“อ...อือ...สนมาแล้วเหรอ โทษที” ดิมเงยหน้ามางัวเงียหยิบแว่นใส่
“ถ้าตื่นไม่ไหวก็อย่านัดเช้าดิ แล้วกินข้าวยัง?”
“ยังเลย”
“อ่ะ” ผมดันจานไปตรงหน้ามัน
“สนกินไปเลยก็ได้ เดี๋ยวเราค่อยไปซื้อ”
“อันนี้ตั้งใจซื้อมาให้นายเป็นค่าติว เดี๋ยวเราไปซื้ออีกจาน กินไปเลยนะไม่ต้องรอ”

ผมวางกระเป๋ากับถุงกางเกงวอร์มและไม้ปิงปองบนม้านั่งแล้วเดินกลับไปซื้อข้าวกะเพราหมูสับอีกจานมานั่งกินตรงข้ามกับมัน ดิมมองสองจานแล้วอมยิ้ม
“สนใจดีเนอะ”
“ใจดีไงวะ?”
“ก็จริง ๆ แล้วข้าวกะเพรานี่นายกะจะกินเองใช่มั้ย? พอไปซื้ออีกจานก็ยังเป็นข้าวกะเพราเหมือนเดิมทั้งที่มีตั้งหลายร้าน”
ดิมอธิบายแบบเข้าใจตรูทะลุปรุโปร่ง ...ตรูเริ่มเข้าใจความน่ากลัวของพวกเด็กเรียนแล้ว แมร่งอ่านใจตรูได้จากแค่ข้าวกะเพรา 2 จาน!
“คิดมากอ่ะมริง รีบกินเหอะ” ผมตัดบท หลังจากกินเสร็จผมเอาจานไปเก็บข้างหลังโรงอาหารแล้วเริ่มติวซะที
“วิชาเลขละกันนะ สนไม่เข้าใจตรงไหน?”
“ฟังก์ชั่นคอมโพสิตอ่ะ โคตรงง fog gof อะไรไม่รู้เรื่องเลย”
“อือ งั้นเริ่มจากโจทย์ง่าย ๆ ก่อนจะได้เข้าใจรูปแบบ” แล้วมันก็เริ่มวาดรูป
“ดูกลับหัวแบบนี้เรายิ่งงง เดี๋ยวเราไปนั่งฟากเดียวกับนายดีกว่า”

ผมนั่งข้างซ้ายของดิม มือขวามันจะได้ไม่บัง
โจทย์กำหนดว่า f = {(1,b),(2,c),(3,d)}
และ g = {(d,x),(b,y),(c,z)}

“เมื่อเขียนเป็น gof(1) เราก็ไปดูว่าชุดวงเล็บไหนของ f ที่นำหน้าด้วย 1 ก็คือ (1,b)
ดู b ตัวหลังให้ดีนะเราจะใช้มันเป็นตัวไปหาคำตอบขั้นถัดไป
มาดูบรรทัดของ g ชุดวงเล็บไหนที่นำหน้าด้วย b ก็คือ (b,y)
เราก็เอาตัวหลังของชุดนี้มาเป็นคำตอบ
gof(1) = y
คล้าย ๆ เล่นเกมปริศนามองหาไล่ไปตามลำดับน่ะ”

“อ๋อ ก็ไม่ยากนี่นา แบบนี้ถ้า gof(2) ก็เท่ากับ z ใช่มั้ย?” ผมเขยิบเข้าไปดูกระดาษให้ชัด ๆ ไอ้ดิมก็เขยิบหนี
“จะกระเถิบไปทำไมล่ะ ช่วยดูหน่อยเราตอบถูกมั้ย?”
“เออ...ตอบถูกแล้ว” จากนั้นดิมก็เขียนโจทย์ให้ลองทำอีกหลายข้อแล้วค่อย ๆ ยากขึ้น เออแฮะตรูทำได้เว้ยเฮ้ย
“ขอบใจนายมากเลยนะ เข้าใจขึ้นเยอะเลย”
“อืม เพื่อนกันน่ะ เราช่วยสนประหยัดค่าเรียนได้เราก็ดีใจ”
“เจ็ดโมงครึ่งละ ป่ะขึ้นห้องเอากระเป๋าไปเก็บด้วยกัน”

ระหว่างเดินผ่านลานกลางโรงเรียนเพื่อไปห้องประจำชั้นผมก็หาเรื่องชวนดิมคุย
“นายอุตส่าห์ติวให้เรา ถ้ามีอะไรให้เราช่วยก็บอกเราได้นะดิม”
“อืม”
“แล้วชอบดูหนังดูละครอะไรไหม?”
“ไม่ได้ดูอ่ะ” เออ...เด็กเรียนเขาก็แบบนี้สินะ
“แล้วตอนนี้เข้าชมรมอะไรเหรอ?”
“คอมพิวเตอร์”
“เออดีเนอะได้เล่นเกม”
“เขียน Python น่ะ” คืออะไรฟระ คล้ายไบก้อนไหม?
“หลังเลิกเรียนนายทำอะไรบ้างที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเรียนเนี่ย?”
“ก็...วิ่งล่ะมั้ง”
“เฮ้ย! เรานึกว่านายเป็นเด็กเนิร์ดบ้าเรียนตลอดเวลาซะอีก ก็ออกกำลังเหมือนกันนี่หว่า ดี ๆ วิ่ง 100 เมตรเหรอ? หรือวิ่งผลัด?”
ดิมนิ่งไปครู่หนึ่ง “ก็แค่วิ่งรอบสนามบอลน่ะ ไม่ได้เป็นนักกีฬาอะไร” เอ็งวิ่งรอบสนามบอลเป็นงานอดิเรกหลังเลิกเรียนเหรอ?

“ถึงห้องเราละ เราไปก่อนนะสน พรุ่งนี้เจอกันเวลาเดิม” ดิมพูดแล้วเดินเข้าห้อง 4/7 ไป ผมเดินต่อไปห้องประจำชั้นตัวเองก็เจอพัตเดินผ่านมา
“หวัดดีพัต” อ้าวทำไมมันไม่ตอบฟระ หน้าตาเครียด ๆ
“พัต เป็นอะไรวะ?”
“อ้าว! สน หวัดดี”
“นายเป็นอะไรทำหน้าแปลก ๆ?”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก ...แล้วบอมอยู่นี่ด้วยไหม?”
“ไม่อ่ะ มันคงอยู่ที่ห้องมันมั้ง เราก็เพิ่งมาจากโรงอาหาร มีธุระอะไรกับไอ้บอมเหรอ?”
“เอ่อ...ไม่มีหรอก ก็ปกติเห็นสนกับบอมอยู่ด้วยกัน งั้นเราไปก่อนนะ ใกล้ได้เวลาเข้าแถวแล้ว”

สนมองตามหลังของเพื่อนไป
“พัตมันเป็นอะไรของมันวะ?”

---------------------------------------------------------------------------------

7:15น.
หลังจากลงรถพ่อที่ปากซอยผมก็รีบเดินไปร้านน้ำหน้าโรงเรียน ...แต่ไม่มีเขาที่นั่นเหมือนวันก่อน ๆ
นี่เปิดเทอมมาหลายวันแล้วพวกเขาก็คงมีเพื่อนมีกลุ่มในห้องตัวเอง คงไม่มารอเราเหมือนวันแรก ๆ อีกแล้วล่ะ… ผมปลอบใจตัวเอง ช่างเถอะเดี๋ยวตอนเข้าแถวก็ได้เจอกัน ผมหยิบมือถือมาเช็คข้อความก่อนปิดเครื่องตามระเบียบโรงเรียน หืม! มีข้อความจากครูบิ๊ว!

ครูบิ๊ว: เย็นนี้พัตมาเจอครูที่ศูนย์อาหารห้างซีคอนชั้น 4 นะครับ

ตั้งแต่ติวเสร็จก่อนสอบเข้าจนถึงวันนี้ครูบิ๊วไม่เคยส่งขอความอะไรมาเลย...ครูนัดเจอที่ห่างไกลโรงเรียนแบบนี้...หรือว่าหรือครูรู้แล้ว? ผมเม้มปากแน่น หรือมันอาจไม่มีอะไรก็ได้ ผมยืนคิดทั้งที่ในหัวสับสนไปหมด

ตอนนี้ผมอยากเจอบอม ภาพที่เขาหันมายิ้มในห้องสอบ ภาพนั้นที่ทำให้ผมมีความกล้าทำเรื่องบ้า ๆ นี้...แต่มันก็เป็นไปไม่ได้...ผมต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้ด้วยตัวเอง ที่แน่ ๆ ต้องกลับบ้านค่ำแน่เพราะห้างอยู่นอกเส้นทางกลับบ้านขนาดนี้ผมต้องโทรบอกพ่อก่อนไม่งั้นระเบิดลงอีก 

“พ่อครับ เอ่อ...เย็นนี้ผมจะกลับบ้านเองนะครับ”
“หืม? มีอะไรเหรอลูก?” พ่อเสียงดุมาเลย แต่อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ชัดอย่างหนึ่งคือ...พ่อไม่รู้ว่าครูบิ๊วนัดผม ไม่งั้นพ่อคงพูดขึ้นมาเองแล้ว
“ผมจะไปติวกับเพื่อนครับ เดี๋ยวนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองครับ”
“เพื่อนคนไหนเหรอ? ทำไมไม่อ่านตอนพักเที่ยง กลับดึกมันอันตรายนะ” ชิบเป๋งละยังไม่ทันคิดเลย!
“อ่า...เอ..เอสครับ เพื่อนที่เคยเรียนพิเศษด้วยกันตอนปิดเทอมครับ” ชื่อเดียวที่คิดขึ้นมาได้
“อืม ถ้าจะให้พ่อไปรับก็โทรบอกได้นะ”
“ครับพ่อ”

ผมกดลบข้อความของคุณครูบิ๊วแล้วปิดมือถือ ผมยังยืนงง ๆ ว่าหลอกพ่อประมาณนี้โอเคใช่ไหม พ่อไม่รู้ว่าครูบิ๊วนัดผมแปลว่าครูไม่ได้บอกพ่อ อย่างน้อยครูน่าจะอยู่ข้างผม ผมเดินผ่านประตูโรงเรียนไปขึ้นอาคารเรียน ในหัวยังสับสนและกลัวไปหมด
“พัต เป็นอะไรวะ?” เสียงของสนดึงสติผมกลับมา
“อ้าว! สน หวัดดี”
“นายเป็นอะไรทำหน้าแปลก ๆ?”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก ...แล้วบอมอยู่นี่ด้วยไหม?”
“ไม่อ่ะ มันคงอยู่ที่ห้องมันมั้ง เราก็เพิ่งมาจากโรงอาหาร มีธุระอะไรกับไอ้บอมเหรอ?”
“เอ่อ...ไม่มีหรอก ก็ปกติเห็นสนกับบอมอยู่ด้วยกัน งั้นเราไปก่อนนะ ใกล้ได้เวลาเข้าแถวแล้ว”
นั่นสินะ ชีวิตจริงไม่ใช่นิยายที่เวลาเรามีปัญหาแล้วเขาจะโผล่ออกมาได้จังหวะแบบนั้น...อะไรที่ทำไปก็ต้องจัดการให้จบให้ได้ด้วยตัวเอง

ใกล้ได้เวลาเข้าแถว เพลงมาร์ชโรงเรียนดังทั่วโรงเรียน ผมลงไปยืนประจำแถวที่ลานหน้าเสาธง แถวของห้องม.4/4 และมองไปข้างหน้าอีกสองแถว ผมมองหาบอมเหมือนทุกวันแล้วก็เห็นเขาอยู่ตรงนั้น แถวของห้องม.4/2 ทุกเช้าผมเห็นแผ่นหลังของเขา ผมรองทรงสั้นกับต้นคอสีน้ำตาลอ่อน เห็นเวลาเขายิ้มคุยกับเพื่อน เห็นแบบนี้ทุกเช้าจากระยะห่างได้แค่นี้ ไม่รู้ว่าผมกำลังเศร้าหรือสุข ตอนพักเที่ยงผมก็นั่งโต๊ะอื่นเพราะกลัวจะซ่อนสีหน้าจากบอมไม่ได้

--------------------------------------------------------------------------------

16:37น.

หลังเลิกเรียนผมสะพายเป้เดินออกประตูใหญ่ไปขึ้นรถเมล์เพื่อไปซีคอน นักเรียนเยอะมากทั้งไปขึ้นรถโรงเรียนและรถเมล์ มันเป็นบรรยากาศที่ผมไม่คุ้นเคย ตั้งแต่ตอนสอบเข้าจนถึงวันนี้วันที่ 4 ของการเปิดเทอมผมไม่เคยขึ้นรถเมล์แถวนี้เลย เปิดแอพเช็คสายรถเมล์ ต้องไปต่อรถที่สี่แยก ชักกังวลนิด ๆ จะไปถูกไหมเนี่ย ผมเดินเข้าไปยืนรอที่ศาลาหน้าโรงเรียน คนเยอะมากเลย ฟ้าก็เริ่มครึ้มฝนทำให้ผมเครียดมากขึ้น ผมต้องส่งข้อความบอกบอมด้วยว่าเย็นนี้ไม่ไปซ้อมบาส

พัต: โทษทีบอม วันนี้เราต้องกลับก่อนนะ มีธุระ

สักพักมือถือผมก็ดังขึ้น บอมโทรมาเลย
“พัตมีธุระเหรอ? ตอนเที่ยงเราก็ไม่เห็นนาย”
“เอ้อ ใช่ ๆ เราต้องรีบกลับน่ะ”
“เสียงดังจังพัต นั่นนายอยู่ศาลาหน้าโรงเรียนเหรอ?”
“ใช่ ๆ” ทำไมเดาแม่นจังฟระ
“เฮ้ย! พัตจะไปไหนอ่ะ? นั่งรถเมล์ไปเหรอ? ขึ้นเป็นหรือเปล่า?” คือตรูไม่ใช่ลูกคุณหนู แต่ก็ดีใจที่เขาเป็นห่วงนะ
“ไปซีคอนน่ะ”
“เหรอ ไปทำอะไรน่ะ ดูหนังเหรอ?”
“เปล่า คือเราไปติวหนังสือน่ะ”
“โห ไปไกลจัง เอ้อ! สนบอกเราว่าเมื่อเช้านายเครียด ๆ เป็นอะไรรึเปล่า?”
“ไม่มีอะไรหรอก เราแค่ห่วงว่าจะไปห้างไม่ถูกน่ะ เราไม่เคยไป”
“ให้เราไปด้วยไหม เดี๋ยวเราไปหาที่ศาลา แถวนั้นบ้านเราเอง เราชำนาญ”
“ไม่เป็นไรหรอก บอมซ้อมบาสเถอะ แค่เราโดดซ้อมก็เกรงใจมากแล้ว”
“ไปไหวจริง ๆ เหรอ ให้เราพาไปก็ได้นะไม่ต้องเกรงใจ อยากโดดซ้อมเหมือนกัน 555”
“เราไปได้ ขอบใจนะบอม”
“อืม งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ ฝนใกล้ตกนะดูแลตัวเองด้วย ไปถึงก็โทรมานะ”

ก่อนหน้านี้ผมรู้แค่ว่าบอมลง BTS อ่อนนุชแต่ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ตรงไหน ตอนนี้แค่รู้ว่าบ้านบอมอยู่แถวซีคอนผมก็ใจชื้นขึ้นมาละ แบบนี้ใช่มั้ยที่เขาบอกว่าแค่เห็นหลังคาบ้านก็ชื่นใจ ผมลงรถเมล์ที่หน้าห้างแล้วหาทางขึ้นศูนย์อาหารชั้น 4 พอไปถึงก็เจอคุณครูโบกมือให้จากโต๊ะที่หลบหลังมุมกำแพง ผมยกมือไหว้แบบเกร็ง ๆ นี่เป็นการพูดคุยกันครั้งแรกตั้งแต่สอบเข้า

“ครูนัดกะทันหันไปนิด น้องพัตกลับบ้านได้อยู่นะ?”
“ได้ครับ” ผมนั่งลงด้านตรงข้าม บนโต๊ะมีตำราเรียนที่ครูวางไว้ให้เหมือนนักเรียนมาติวกับติวเตอร์
“คุณครูมีธุระอะไรเหรอครับ?” เข้าประเด็นไปเลย ทุกอย่างมันผิดปกติไปหมดจนไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว คุณครูไม่พูดอะไรแค่ยิ้มบาง ๆ แล้วยื่นถุงพลาสติกให้ ผมรับมาแบบงง ๆ
“ตามสัญญาครับ น้องพัต” เกมใหม่ของ Nintendo Switch เหรอ?
“แต่...แต่ผมไม่ได้ห้องคิงนะครับ”
“ครูเห็นคะแนนสอบของพัตแล้ว น้องพัตอยากเล่าอะไรให้ครูฟังก็เล่าได้ทุกเรื่องนะ ครูปิดทุกอย่างเป็นความลับให้”
“ค...ครู...รู้แล้วเหรอ?”
“รู้แล้วครับ ลูกศิษย์คนนี้ทำได้สูงมากทั้ง 4 วิชา คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ภาษาไทย, สังคม
ยกเว้นวิชาสุดท้ายของการสอบ...ทำให้ได้แค่ 17 ข้อจาก 50 ข้อ” ...ครูรู้แล้ว...
“วิชาสุดท้ายคือภาษาอังกฤษ...วิชาถนัดที่สุดของพัต ถนัดถึงขนาดมั่นใจว่าตอบถูกแค่ 17 ข้อแล้วคะแนนเฉลี่ยออกมาเป็น 84.8% คะแนนสูงสุดที่จะได้เข้าสายวิทย์-คณิตแน่นอน โดยไม่เข้าห้องคิงและห้องควีน ไม่ใช่ความบังเอิญใช่ไหมครับน้องพัต?”

...คุณครูพูดทุกอย่างที่ผมตัดสินใจทำ...ความคิดแค่แว่บเดียวในตอนนั้น

“ฮึกๆๆ ครูอย่าบอกพ่อแม่ผมนะครับ” ผมกลั้นทุกอย่างไม่ไหวแล้ว
“คุณพ่อของพัตให้ครูค้นหากระดาษคำตอบเพื่อจะหาติวเตอร์มาสอนจุดที่พัตได้คะแนนน้อย แต่ไม่ต้องห่วงนะครูแต่งเรื่องให้แล้วว่าข้อสอบปีนี้ยากและพัตอ่อนวิชาสังคม”

“ผม...ผมไม่อยากอยู่ห้องคิง ฮึก ๆๆ ครูรู้มั้ย...ผมเจออะไรบ้างตั้งแต่ป.6 จนถึงม.3”

“พวกผมถูกบังคับให้เรียนของม.4 ทำการบ้านมากกว่าห้องปกติ 3 เท่าทุกวัน พอตอบผิดก็โดนบังคับให้กินบอระเพ็ดขม ๆ โดนทำโทษให้วิ่งรอบอาคาร ฮึก ๆๆ ผมอาย”

“ไปแข่งตอบปัญหาสัปดาห์วิชาการแพ้โรงเรียนอื่นก็โดนด่า โดนอดอาหาร”

“พวกผมต้องเขียนโจทย์ยาก ๆ ให้เพื่อนในห้องตอบไม่ได้แล้วเขาจะโดนทำโทษ แต่ถ้าเขาทำได้ผมต้องโดนทำโทษ ครูรู้มั้ยพวกเราโดนบังคับให้กลั่นแกล้งกันเองแบบนี้ทุกวัน ผม...ผมไม่มีเพื่อน ทุกคนกลัวว่าคนอื่นจะเก่งกว่า”

“ต้องฝึกปัญหาเชาว์ คณิตคิดในใจ คิดช้าโดนประจาน หลังเลิกเรียนต้องเรียนกวดวิชาให้ครบทุกวัน ต้องติวถึง 3-4 ทุ่มช่วงก่อนสอบ ผมเจอแบบนี้มาตลอด”

“ฮึก ๆๆ แล้วครูรู้มั้ยว่าอะไรที่แย่ที่สุด? คือตอนที่ผมบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ แต่เค้าบอกว่าดีแล้วอยากเก่งต้องเคี่ยวเข็ญแบบนี้! ...ไม่มีใคร...เห็นใจผมเลย ฮึก ๆๆ”

“พัต...ครูไม่เคยรู้เลยว่า...”

“ไม่เป็นไรครับ ครู...ครูอย่าบอกพ่อแม่ผมก็พอ...ขอบคุณสำหรับเกมนะครับ...” ผมเก็บมันลงในเป้ น้ำตามันเอ่อจนเห็นอะไรไม่ชัด

“สำหรับครูแล้วพัตเป็นยิ่งกว่าเด็กห้องคิงนะครับ พัตเลือกเส้นทางชีวิตด้วยตัวเอง ต่อไปถ้าพัตมีปัญหาอะไรปรึกษาครูได้ตลอดนะ”
“ข...ขอบคุณครับ งั้นผม ก..กลับบ้านนะครับ”
“ให้ครูไปส่งไหม?”
“ฮึก...ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้ครับ”

ผมเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ สภาพตรูตอนนี้ทุเรศชะมัด แต่ก็ดี...อย่างน้อยผมได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นมานานซะที แต่ตอนนี้แมร่งปริ่ม ๆ จะร้องไห้ตลอดเวลา เดินเล่นสักพักให้ใจสงบก่อนดีกว่า...ตอนนี้ผมเป็นอิสระแล้วใช่มั้ย เป็นนักเรียนธรรมดา ไม่มีห้องคิง ไม่มีการเรียนโหดร้ายแบบนั้นอีกแล้ว จะเดินห้าง จะเล่นเกมตู้ จะแวะร้านเกมร้านการ์ตูนก็ได้แล้วใช่มั้ย คุณครูก็ช่วยโกหกพ่อแม่ให้แล้ว คงไม่มีใครสงสัยอีกแล้วใช่มั้ย

ครืน….ครืน…เสียงอะไร? อย่าบอกนะว่าฝนใกล้ตก ลมพัดแรงมากพร้อมละอองฝน ผมรีบข้ามสะพานลอยไปฟากตรงข้ามห้าง ฝนเริ่มตกแล้ว เมฆฝนมืดตื๋อเลย พยายามเรียกแท็กซี่แต่ทุกคันมีคนโดยสารหมด แล้วสักพักฝนก็ตกหนักแบบมืดฟ้ามัวดิน ทีนี้ตรูจะกลับบ้านยังไงฟระ! รถติดแน่ ๆ รถเมล์ก็ไม่มา จากนี้กว่าจะถึงบ้านจะใช้เวลากี่ชั่วโมง ผมวิ่งเข้าไปหลบฝนใต้สะพานลอยพลางชะเง้อหาแท็กซี่แต่ดูจะไร้ความหวังเพราะวินาทีนี้แทบทุกคนก็เรียกรถอุตลุต กว่าจะมีหลงมาถึงป้ายรถเมล์ที่ผมยืนสักคัน ผมวิ่งฝ่าฝนไปที่รถแต่พอบอกว่าไปพญาไทหรือสถานี airport link เขาก็ไม่ไป

เกือบสองทุ่มแล้ว ผมเริ่มเปียกมากขึ้นทุกที แย่แล้วพ่อด่าแน่
“พัต!”

ผมหันไปตามเสียง ผมไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย คนผมรองทรงในชุดนักเรียนที่เปียกปอนนั่น...บอม!
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 7: อัพ 10 พย.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 17-11-2020 03:12:12
King Class Away: ep10
อ่อนนุช 17


“บอม นายมาได้ยังไง?”
บอมก้าวยาว ๆ เบียดเข้ามาหลบฝนใต้สะพานลอยกับผม ถึงจะเปียกไปทั้งตัวแต่เขาหอบเหมือนวิ่งมาไกล
“แฮ่ก ๆ...กว่าจะหานายเจอ”
“นายตามหาเราเหรอ?”
“ก็เราเป็นห่วง กลัวนายหลงทางเลยโทรหาแต่โทรไม่ติด เรากลัวว่านายจะเป็นอะไรเลยตามหา”
“อ้าวเหรอ?” ผมหยิบมือถือมาดู แบตหมดตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ผมหยิบพาวเวอร์แบ๊งค์มาเสียบ

ฝนที่สาดเข้ามาทำให้บอมเดินกระเถิบเข้ามาอีก “เราเป็นห่วงนะเนี่ย”
“ขอบใจนะบอม ขอโทษนะตอนเรามาถึงห้างก็ลืมโทรบอกบอมด้วย”
“น่า พัตสบายดีเราก็สบายใจแล้ว”
“แต่ตอนนี้เนี่ยสิ แค่หารถไปสถานีหัวหมากยังยากเลย” ผมมองการจราจรบนถนน
“ถนนศรีนครินทร์รถติดมาก แถมกำลังสร้างรถไฟฟ้าอีกไม่มีแท็กซี่คันไหนยอมไปแน่”
“อือ นี่เราก็เรียกมาเป็นชั่วโมงละ รถเมล์ก็ไม่มาเลย เฮ้อ” ทำยังไงดีถึงจะกลับบ้านได้ ป่านนี้พ่อแม่เป็นห่วงแย่แล้ว

“เราว่าคืนนี้นายค้างบ้านเราดีกว่า”
เฮือก!!!

------------------------------------------------------------

แท็กซี่เลี้ยวเข้าซอยอ่อนนุช 17 ตามที่บอมบอก ฝนยังตกอยู่ บอมเปิดประตูรั้วทาวน์เฮาส์ 4 ชั้นแล้วบอกผมรีบวิ่งลุยน้ำท่วมตามเข้ามา ถอดรองเท้าถุงเท้าไว้หน้าบ้าน
“เอาเป้ไว้หน้าบ้านละกัน เอาสมุดหนังสือข้างในออกมาด้วยนะ” ยังดีที่ฝนเข้าไม่ถึงข้างในเป้ไม่งั้นสมุดหนังสือเปียกเละหมดแน่
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้วครับ พัตมาค้างด้วยครับ”
บอมตะโกนไปด้านในตัวบ้าน คุณแม่ของบอมเดินออกมาหน้าตาตื่น

“เปียกฝนกันมั้ยเนี่ย? ว้าย! ระวังเป็นหวัดนะ! บอมรีบพาเพื่อนไปอาบน้ำเร็ว!”
“สวัสดีครับคุณน้า ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” ผมยกมือไหว้คุณแม่ของบอม
“สวัสดีจ้ะ คนนี้เหรอพัตที่บอมพูดถึงบ่อย ๆ รีบไปอาบน้ำก่อนเถอะ บอมรีบให้พัตอาบห้องข้างบนนะ แล้วลูกมาอาบห้องข้างล่าง”
“ครับแม่ ป่ะพัต” บอมคว้าแขนผมขึ้นบันไดไปชั้นสองแล้วเปิดไฟห้องน้ำให้
“พัตเข้าไปอาบก่อนเลย เดี๋ยวเราหาผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าให้”

ด้วยความต่างที่ เขาบอกให้ทำอะไรผมก็ทำ พอถอดชุดนักเรียนที่เปียกโชกออกก็ก้าวเข้าไปอาบฝักบัว สักพักบอมก็เคาะประตู ก๊อก! ก๊อก!
“พัต เราเอาผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้ามาให้แล้ว”
เดี๋ยวนะ ตอนนี้ตรูแก้ผ้าแล้วจะเปิดประตูห้องน้ำได้ไงฟระ
“เดี๋ยวนะบอม ขอเราแต่งตัวก่อน”
“เฮ้ย! นายจะกลับไปใส่ชุดเปียก ๆ ทำไม เนี่ยเราเอาชุดใหม่มาให้”
“เอ่อ...ก็”
“เร็ว ๆ เราหนาว”

ผมแง้มประตูห้องน้ำเปิดไปรับผ้า เจอบอมเปลือยท่อนบนนุ่งแต่ผ้าเช็ดตัว เชร้ดดด! เจอภาพแบบนี้เข้าไปตรูคุมสายตาตัวเองไม่ได้เลย
“ข...ขอบใจนะบอม”

บอมที่ไม่ใส่เสื้อแทบจะเป็นคนละคนกับที่ผมมองจนเคยชินในชุดนักเรียน หุ่นผอมไหล่กว้างผิวสีน้ำตาลอ่อนกับกล้ามล่ำไปถึงกล้ามท้อง มีน้ำชื้นยิ่งขับกล้ามให้ชัดขึ้น ถึงจะเคยเห็นในเฟสเขาแล้วแต่เจอจัง ๆ แบบนี้ทำตัวไม่ถูกเลย

บอมดึงผ้ากลับแต่เดินชิดเข้ามาที่ช่องประตู อมยิ้มขำ ๆ
“เอ่อ...บอม เราขอผ้าเช็ดตัว” ผมพยายามหลบหลังประตูและเอื้อมมือออกไป
“เราว่า...” บอมยิ้มมุมปากแล้วผลักประตูห้องน้ำเบา ๆ
“เราอาบกับนายดีกว่า”
“เฮ้ย! อย่า!! ไม่ได้!!!”ผมผลักประตูห้องน้ำต้าน เล่นอะไรของนายวะบอมมมมม ตรูแก้ผ้าอยู่!!
“ฮะ ๆ ไม่ได้จริงอ่ะ?” หนุ่มนักบาสยังหยอกไม่เลิก พยายามดันประตูเปิดเข้ามาให้ได้
“ไม่เอ๊า! ไม่เล่น!” มริงอย่าคะยั้นคะยอ เดี๋ยวตรูเปลี่ยนใจ!! ปากบอกไม่เอาแต่ใจผมตอนนี้นึกเตลิดไปไกลแล้ว
“ก็ได้ ๆๆ ไม่แกล้งพัตละ เอ้านี่ผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้า เดี๋ยวเราไปอาบข้างล่างนะ”

เชรี่ยละ! นี่มันบอมเวอร์ชั่นที่ผมไม่เคยเจอ ปกติแค่เจอความเทคแคร์เพื่อนแบบโคตรถึงเนื้อถึงตัว เดี๋ยวจับแขน เดี๋ยวแตะหน้าผาก เดี๋ยวโอบกอดก็ทำตรูจิ้นไปถึงไหนต่อไหนละ เลเวล 2 คือจะอาบน้ำด้วยกันเลยเรอะ! เขาเล่นกับเพื่อนแบบนี้ทุกคนรึเปล่าฟระ อาบน้ำไปก็ใจเต้นไม่หยุด ถ้าเมื่อกี้ผมตอบตกลงบอมจะเข้ามาจริงไหม ...ห่านเอ๊ย! ทำไมตรูปฏิเสธ... เขาจะคิดอะไรกับผมหรือเปล่า แล้วถ้าผมเข้าใจผิดไปเองข้างเดียวล่ะ...ตรูคิดถูกมั้ยที่มาค้างบ้านเขา

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำ เอ่อ...แล้วจะตากผ้าเช็ดตัวตรงไหนหว่า ชุดนักเรียนที่เปียกนี่อีกจะให้ไว้ตรงไหน บอมก็ยังอาบน้ำไม่เสร็จ ครั้นจะเดินลงไปถามคุณแม่ก็ไม่รู้จะคุยกับผู้ใหญ่ยังไง มีเสียงคนเดินขึ้นบันไดมาพอดี
“พัตอาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ?”
“อืม เราต้องตากผ้าที่ไหนเหรอ?”
“เอามาตากที่ระเบียงห้องเราเลย” บอมที่นุ่งแต่ผ้าเช็ดตัวเดินนำไปยังห้องที่ประตูเปิดแง้มมีแสงไฟ “รกหน่อยนะ”
ผมเปิดประตูระเบียงเอาผ้าไปตากที่ราวแล้วนั่งลงบนเตียง ให้ตายเหอะผมไม่สามารถหยุดชำเลืองมองบอมที่กำลังแต่งตัวได้เลย ผิวสีน้ำตาลอ่อนมีกล้ามทั้งตัว บอมสวมกางเกงเข้าไปใต้ผ้าเช็ดตัวก่อนดึงผ้าเช็ดตัวออกแล้วหยิบขวดทรอสโคโลญจ์สูตรสีเขียวขึ้นมาทาตัวแล้วใส่เสื้อยืดทับ บอมเดินเอาผ้าเช็ดตัวมาตากที่ระเบียงบ้าง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ผมเจอประจำเวลาเขาอยู่ใกล้คือโคโลญจ์อันนี้นี่เอง บอมนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ ผม ใกล้จนได้ความอุ่นบวกกลิ่นหอม ผมยุ่ง ๆ เป็นธรรมชาติหลังอาบน้ำของเขาเป็นภาพที่ผมรู้สึกดีมาก ๆ
“โทรบอกที่บ้านเรียบร้อยแล้วนะ?”
“อืม โดนดุเลย ฮะ ๆๆ”
บอมอมยิ้ม “ดีจังที่ชวนพัตมานอนกับเรา”
“ด...ดียังไงอ่ะ?”
“ก็เวลาอยู่ที่โรงเรียน นายเหมือนเด็กเรียน เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด ชอบทำหน้าเครียด” บอมโอบไหล่ผม
“เพิ่งเห็นเวลาพัตหัวเราะ”
“เหรอ ฮะ ๆๆ”

บอมไม่พูดอะไร เอาแต่มองกับยิ้มบาง ๆ และลูบไหล่ผมช้า ๆ อีกมือวางลงบนขาผมเบา ๆ
...คืออะไรวะ...ช่วงเวลาที่ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง ผมมองตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น บางอย่างบอกให้ผม
...ก้าวข้ามเส้น...ความรู้สึกเหมือนเย็นวันนั้นข้างสนามบาส...ควบคุมตัวเองไม่ได้
...แขนอุ่น ๆ ของเขา…ผมคิดไปเองไหมว่าแขนเขากำลังดึงผมเข้าไปใกล้เขามากขึ้น หน้าผากเราสองคนจะแตะกันแล้ว เขาจะทำอะไร...อะไรก็ได้

“บอมรีบพาเพื่อนลงมากินข้าวเร้ววว!”
“ครับแม่!” บอมขานรับแล้วดึงแขนผมลุกจากเตียง “ป่ะ ไปกินข้าวกัน”
“อ...อืม” ผมใช้มือซ้ายกดเป้ากางเกง เชร้ดดดของขึ้นเลยตรู...เกือบไปแล้ว! บอมคงไม่สังเกตเห็นนะ

“ตักเต็มที่ไม่ต้องเกรงใจเลยนะลูกพัต กินเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ”
“ขอบคุณครับคุณน้า”
“เรียกแม่เถอะจ้ะ” คุณแม่ของพัตพูดพลางแตะแขนผม (ผมรู้ละ นิสัยชอบจับแขนจับตัวของบอมมาจากใคร)
“เห็นบอมบอกว่ามาติวที่ซีคอนแล้วติดฝนเหรอลูก?”
“ช...ใช่ครับคุณแม่” คือตอนเรียกคุณแม่ใจก็เต้น หน้าร้อนวูบวาบ

“ขยันจังเลย ดีนะพ่อแม่คงดีใจมาก”
“เอ่อ...ครับ”
“พัตเค้าเรียนเก่งมากเลยครับแม่ ช่วยสอนผมตอนสอบเข้าด้วย”
“อุ้ย! ลูกแม่สอบได้เพราะหนุ่มน้อยคนนี่เอง”
“ไม่หรอกครับ บอมเค้าเก่งอยู่แล้ว สอนผมเล่นบาสด้วยครับ”
“ดีจ้ะ จะได้แข็งแรง แล้วลูกพัตบอกคุณพ่อคุณแม่ยังจ๊ะว่าคืนนี้นอนที่นี่?”
“บอกแล้วครับ”
“ดีแล้ว พ่อแม่จะได้ไม่เป็นห่วง แล้วมาค้างบ่อย ๆ นะบอมจะได้มีเพื่อน ลูกแม่เค้าไม่ค่อยเห็นพาใครมาเที่ยวบ้าน มีแต่สนนี่แหละที่มาบ่อย ๆ”
“ก็เพื่อนคนอื่นอยู่ทางสมุทรปราการนี่แม่”

คุณแม่ชวนคุยเรื่องต่าง ๆ สักพักก็ขอตัวไปพักผ่อน
“สองหนุ่มทานไปเรื่อย ๆ นะ แม่ไปนอนก่อนนะ”
“ครับ เดี๋ยวผมจัดการครัวเองครับแม่” พอทานเสร็จผมก็ช่วยบอมล้างจานคว่ำตากแล้วขึ้นห้องนอน บอมเอาแปรงสีฟันอันใหม่ให้ผมแปรงฟันแล้วไปจัดกระเป๋าต่อ

“พรุ่งนี้พัตเรียนวิชาไหนบ้างล่ะ เอาหนังสือเราไปแทนก่อนนะ”
“ขอบใจนะบอม เอ่อ...ก็มีเลข ภาษาไทย เคมี พละ สุขศึกษา สังคม”
“เอ้อ! พัตมีพละวันศุกร์คาบ 5-6 นี่นา! เราก็มีพละคาบ 7-8 ทำไงดีล่ะเรามีชุดพละตัวเดียว?”
“ไม่เป็นไร เทอมนี้เรียนปิงปอง ไม่ต้องใส่ชุดพละก็เล่นได้ เราขอยืมแค่ไม้ปิงปองก็พอ”
“แต่พัตจะโดนครูดุหรือเปล่า? นายเอาชุดเราไปเถอะ”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ มาค้างนี่ก็เกรงใจมากแล้ว เราไม่เครียดกะแค่เรื่องไม่มีชุดเครื่องแบบหรอก ขอยืมไม้ปิงปองก็พอ เดี๋ยวตอนจบคาบเราเอาไปให้บอม”
“อืม งั้นคืนนี้เข้านอนกันเหอะ”
ผมขึ้นนอนบนเตียงฝั่งหนึ่ง บอมกดปิดไฟแล้วเดินมาที่เตียง เอาจริง ๆ ผมใจเต้นไม่น้อยเลย ผมกำลังจะได้นอนข้างบอมบนเตียงเดียวกัน

มันยากมากที่ต้องอยู่ใกล้เขาที่ไม่ระวังตัวอะไรเลยแบบนี้ เดี๋ยวนุ่งผ้าเช็ดตัว เดี๋ยวจะอาบน้ำด้วย เปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้า แล้วยังตอนนั่งบนเตียงโอบไหล่มองหน้ากันนั่นอีก ผมจะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว อยู่แบบนี้อีกสักพักคงบังเอิญได้กันแน่ ๆ
 
ไฟมืดลง เสียงฝนยังตกไม่หยุด มีแต่แสงจากไฟถนนลอดผ่านม่านเข้ามาพอเห็นเงาตะคุ่ม ๆ บอมเดินมาที่อีกฝั่งของเตียง บอมจับที่ชายเสื้อยืดตัวเองแล้ว...ถอดออก O_o!! เขาสอดตัวเข้ามาใกล้ผมใต้ผ้าห่ม ขยับตัวสักพักก็เห็นบอมโยนกางเกงออกไป ตรูไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย...

“อ้อ! เผื่อพัตอยากเข้าห้องน้ำตอนดึก มีสวิตช์ไฟตรงนี้นะ”
บอมชันตัวขึ้น เอื้อมตัวผ่านผมไปชี้สวิตช์ไฟที่หัวเตียง ...หน้าบอมแทบติดกับหน้าผม...และท่อนบนของบอมไม่มีเสื้อผ้าเลย!! (ท่อนล่างก็น่าจะไม่มีเหมือนกันเพราะเขาโยนกางเกงออกไปแล้ว)
“อ...โอเค เรารู้ละ”
“งั้นราตรีสวัสดิ์นะพัต”
“อืม...”

หลับไม่ลงละทีนี้ บอมนอนห่างจากผมแค่สองคืบ...และเขา...เปลือย นี่คือเลเวล 3 ของนายใช่มั้ย? ภาพใกล้คมชัดสุด ๆ เมื่อกี้กับอกและไหล่ที่พ้นผ้าห่มขึ้นมานี่ยืนยันว่าผมกำลังนอนกับบอมที่แก้ผ้าอยู่

ตึก ๆ! ตึก ๆ! ตึก ๆ! ตึก ๆ! ตึก ๆ!

อากาศหนาวแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าใต้ผ้าห่มตอนนี้ร้อนเหมือนผมรู้สึกอุณหภูมิจากตัวบอมที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า
ผมพยายามข่มตาแต่หลับไม่ลงจริง ๆ ใจมันเต้นแรงมาก ...บอมนอนแก้ผ้าอยู่ข้าง ๆ ผม…

ทั้งห้องมีแต่ความเงียบกับเสียงฝน ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ...เขาอาจหลับแล้ว...ผมตะแคงตัวช้า ๆ ไปทางเขา...อยากเห็นหน้าบอมตอนนอน คิ้วเข้มกับตาที่หลับอยู่ คนที่ผมเคยได้แต่แอบมองจากข้างหลัง ตอนนี้อยู่ตรงหน้าห่างไปแค่ไม่กี่คืบ ผมไล่สายตาไปตามคาง คอ ไหล่และอกที่เปลือยเปล่า

บอมลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ผมจะหันหนีหรือแกล้งหลับก็ไม่ทันละ ได้แต่นอนนิ่ง ๆ มองเขากลับไป
“พัตนอนไม่หลับเหรอ?” บอมกระซิบ
“เอ่อ...เดี๋ยวก็หลับแล้วล่ะ”
“มีเรานอนด้วยนายคงนอนไม่สบายใช่มั้ย เดี๋ยวเราลงไปนอนข้างล่างก็ได้”
“ไม่ต้องหรอก บอมนอนนี่แหละ เราคงแค่แปลกที่น่ะ” ผมจับตัวบอมใต้ผ้าห่ม ไม่อยากให้เขาไปที่อื่น เอ่อ...ตรูจับได้ส่วนไหนวะเนี่ย รู้แต่มันอุ่น ไออุ่นที่ทำผมรู้สึกดี การมีนายนอนข้าง ๆ นี่แหละผมโคตรมีความสุขแล้ว…

“บอม” ผมกระซิบออกไปโดยไม่รู้ตัว
“หืม?”

ผมคุมตัวเองไม่ได้แล้ว เสียงเพลงของวงดิอิมพอสซิเบิ้ลที่พ่อเคยเปิดในรถมันกำลังบรรเลงในหัวผม...หนาวเนื้อห่อเนื้อจึงหายหนาว…หนาวราวอกร้าว ห่มอกหาย…

เราชอบนาย...พูดไปดิวะ! บรรยากาศมาขนาดนี้แล้ว
ไม่! เขามีแฟนอยู่แล้วนะ อั้มไง!

“เอ่อ...นายไม่ใส่อะไรเวลานอนแบบนี้ทุกทีเหรอ?” คือตรูไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
“อืม ใส่แล้วเรานอนไม่สบาย อึดอัด พัตไม่เคยเหรอ? ลองดูดิ” เขากระซิบ
“อ่า...เดี๋ยวเราไปลองที่บ้าน”
“อือ” บอมตอบเบา ๆ ในคอแล้วหลับตานอนต่อ ผมปล่อยมือจากตัวบอม พลิกตัวหันหลังให้ก่อนที่ใจจะเตลิดไปไกลกว่านี้ ถ้าตรูถอดตอนนี้ รับประกันได้ว่าผมห้ามตัวเองไม่ให้ปล้ำคนข้าง ๆ ไม่ได้แน่

ในที่สุดความเพลียมาตลอดวันก็ชนะความหื่น เหนื่อยสุดก็การห้ามใจไม่ให้คิดนี่แหละ ผมเริ่มง่วงเคลิ้มหลับไปกับเสียงฝน

เอี๊ยด! เตียงยุบไปทำให้ผมตื่น บอมขยับตัวเหรอ ผมจะตะแคงตัวไปดูแต่…เขาคร่อมอยู่บนตัวผมแล้ว
“บ...บอม” เงาดำที่คร่อมอยู่บนตัวผมดึงผ้าห่มออกช้า ๆ
“เราถอดให้นะ พัตจะได้นอนสบาย” เขาพูดพร้อมเสียงหายใจหนัก ๆ ที่บอกว่านี่ไม่จบแค่ถอดเสื้อผ้าตรูแน่นอน

เสียงเพลงของพี่เบิร์ดแว่วมา

เมื่อเราสบตา เหมือนว่าจะรู้ ทั้งที่มองอยู่แต่ก็ดูเหมือนยังไกล

ตาสีน้ำตาลคู่นั้นอยู่แทบชิดกับหน้าผม หน้าผากเคลื่อนจนมาแตะกัน ...ลมหายใจอุ่น ๆ…
เขาคิดอะไรอยู่ ผมเหมือนจะรู้แต่ก็ไม่รู้ ตรูควรห้ามเขาไหม...ห้ามก็บ้าแล้ว...พวกเรากำลังข้ามเส้นแล้ว แต่นี่บ้านเอ็งนะเฟ้ย! แม่ก็อยู่นะ ใจผมเต้นแรง แต่ก็ยกตัวให้เขาดึงเสื้อออกง่ายขึ้น

ช่วยกระเถิบมา เข้ามาฝากใจ ซบลงตรงไหล่ แอบอุ่นไอของกายกัน
 
“พัตเคยมั้ย?” บอมกระซิบเสียงสั่นพลางซุกหน้าลงที่ไหล่ผม เนื้อแนบเนื้อ อกทับอก จมูกกับปากไซ้ที่ข้างหูพร้อมเสียงหายใจหนัก ๆ บอมไซ้จมูกลงที่ซอกคอซ้ายขวาจนกลับมาจ้องตาผม...ตาสีน้ำตาลมองนิ่งเหมือนขอคำตอบ

ลมหายใจอุ่นอุ่น ไอละมุนจากเธอ ใจฉันคงละเมอไปแสนไกล

เคยอะไรวะ? บอมหมายถึงอะไรก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้อะไร ๆ ผมก็ไม่เคยทั้งนั้น รู้แค่ว่าตัวบอมหนักและอุ่นมาก ผมไม่รู้จะวางมือลงตรงไหน ทั้งอยากทั้งกลัว ผมแตะที่หน้าขาแน่น ๆ ของบอม ลูบขึ้นมาที่เอวและแผ่นหลัง ผิวเรียบลื่นและอุ่นจนอยากลูบไปเรื่อย ๆ

คำรักเพียงแผ่วแผ่ว ฟังแล้วยอมหมดใจ ลืมฟ้าดินใดใดไปทั้งวัน

“บอมไม่เคยอ่ะ” หน้าเกลี้ยงเกลาคลุกซุกไซ้ลงมาที่คอ เลื่อนมาที่อก มือก็จับกางเกงผมแล้วรูดลง...
“บ...บอม...” สัมผัสของเนื้อแนบเนื้อทุกส่วนแบบที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน
“พัต...” บอมเอ่ยชื่อผมแล้วประกบปาก ลิ้นของเขากวาดเข้ามา เสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายของผมหลุดออกไปแล้ว บอมไล้ลิ้นปาดตั้งแต่คอของผม...ลงไปที่ท้อง...ต่ำลงไปเรื่อย ๆ ผมกัดฟันกรอด พยายามจับแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าของเขาไม่ให้ลงต่ำไปกว่านี้แต่ก็หยุดเขาไม่ได้ เขางับหยอกตั้งแต่ข้างล่างไล่มาตามตัวผมจนถึงริมฝีปาก
“พัต...” บอมเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“อ...อือ...” ผมตอบเสียงกระซิบที่ข้างหู
“พัต”
“อือ...บอม...เรา...”
“พัตตื่นเร็ว! จะเช้าแล้ว!” O_o! ผมสะดุ้งเด้งขึ้นจากเตียง บอมในชุดพละทำหน้าเหวอ
“ขอโทษนะที่ปลุก”
“เอ่อ...ไม่เป็นไร บอมปลุกเราก็ดีแล้ว”
“พัตไปอาบน้ำนะ นี่เสื้อนักเรียนของเราแขวนไว้ให้แล้ว เดี๋ยวเราลงไปรอข้างล่างนะ”

ผมชันตัวขึ้นมาตั้งสติ เสื้อผ้ายังอยู่ครบ เกือบฉิบหายแล้วไอ้พัต ไอ้บ้า!!!
“พัต” บอมเรียกระหว่างเปิดประตูออกจากห้องนอน
“หืม?”
“มีของเหมือนกันนะนายเนี่ย”

อุ๊ก! ผมเอามือปิดที่เป้าที่แข็งตั้งขึ้น บอมอมยิ้มแล้วเดินออกไป แมร่งเอ๊ย ไม่ทันแล้วใช่มั้ย!?
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 10: อัพ 17 พย.63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-11-2020 23:32:07
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 10: อัพ 17 พย.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 24-11-2020 01:43:00
King Class Away: ep11
หลักฐานชิ้นสุดท้าย


“หลับสบายไหม?” บอมถามระหว่างที่พวกเรากำลังโหนรถเมล์ไปโรงเรียน รถแน่นมากจนตัวชิดกัน
“อืม” ...หลับลงที่ไหนเล่า บอมเล่นถอดโชว์ทุกวินาทีจนแทบไม่เหลือที่ให้จินตนาการ โดยเฉพาะช็อตสุดท้ายแก้ผ้านอนทำหัวใจผมเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ จนเก็บไปฝันเรตเอกซ์เหมือนจริงสุด ๆ 
“ฝากขอบคุณคุณแม่บอมด้วยนะ อุตส่าห์เอารองเท้าไปผิงไฟให้แห้งด้วย”
“แม่บอกไม่ต้องเกรงใจนะ วันหลังมาเที่ยวอีกนะ”
บอมในชุดพละสีน้ำเงินมีเสื้อยืดสีขาวข้างใน หอมกลิ่นโคโลญจน์มาก หน้าเขาใกล้มากจนผมไม่กล้าสบตา ภาพฝันเมื่อคืนซ้อนเข้ามา ไม่ไหวแล้วตรู ต้องเอาเรื่องพวกนี้ออกจากสมองให้ได้

“พัตหิวข้าวยัง?”
“ยัง เออแล้วบอมไม่ได้ทานข้าวเช้าเหรอ? ทุกทีเราเจอบอมหน้าโรงเรียนก็เดินขึ้นห้องเรียนเลยนี่?”
“อืม ปกติเราก็ทานข้าวเช้าที่บ้านนะ แต่วันนี้อยากไปดูสนที่โรงอาหารแล้วทานข้าวที่นั่นเลย พัตทนหิวนิดนึงนะ”
“ดูสนที่โรงอาหาร?”
“เขาติวเลขตอนเช้าน่ะ ขยันโคตร”
“ติวกับใครเหรอ?”
“เพื่อนเขาชื่อดิมน่ะ ห้อง 7 เราก็ไม่เคยเจอ วันนี้เลยจะไปหาพร้อมกันเลย”
“ห้อง 7?” ผมทวนคำพูด ห้องควีนนี่นา แปลกจัง ห้องควีนเป็นสายวิทย์แต่สนอยู่สายศิลป์...แล้วทำไม...
“พัตทำหน้าแปลก ๆ มีอะไรเหรอ?”
“หืม? เปล่า ๆ เราคิดอะไรไปเรื่อยน่ะ”

พอลงรถเมล์ที่หน้าโรงเรียนก็เดินข้ามถนนเข้าซอยโรงเรียน เพิ่ง 6 โมงเช้าคนยังไม่ค่อยเยอะ บอมเดินเร็วทั้งที่หอบสัมภาระมากกว่าผม
“ถุงรองเท้าบาสน่ะ วันนี้วันศุกร์กลับบ้านเย็นได้จะเล่นให้เต็มอิ่มเลย เดี๋ยวจบคาบ 8 พัตใส่เสื้อพละของเรานะเวลาเหงื่อออกจะได้ไม่ป่วย พัตคงไม่รังเกียจนะเราใส่เสื้อข้างในมา เราเอาชุดบาสของเรามาเปลี่ยนด้วยล่ะ”

บอมคิดทุกอย่างเพื่อดูแลผมขนาดนี้เลย
“ขอบใจมากนะบอม...แต่เราอยู่ได้แค่ห้าโมงเย็น ขอโทษทีนะทั้งที่เราเข้าชมรมบาส”
“อ้าวเหรอ?” บอมทำหน้าผิดหวัง...เป็นสีหน้าที่ผมไม่อยากเห็นจากเขาที่สุดแล้ว
“คือ...เรา” ถึงคุณครูบิ๊วจะช่วยโกหกพ่อเรื่องคะแนนสอบเข้าจนผมน่าจะหมดเรื่องกังวลไปหนึ่งอย่างแต่ก็ยังติดเรื่องสัญญากับพ่อว่าจะไม่เล่นกีฬาจนกระทบการเรียน

“เราเข้าใจ พัตต้องตั้งใจเรียนใช่มั้ย?”
“อืม ขอโทษนะบอม”
“เฮ้ย! ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าพัตมาติวเราด้วยละกัน” บอมยิ้มตาปิด ขอบใจนะที่ทำให้ผมรู้ว่าผมยังมีค่าในทางที่ผมพอจะทำได้

พวกเราเดินขึ้นบันไดโรงอาหารก็เจอสนกับอีกคนนั่งอยู่ข้างกัน
“หวัดดีสน”
“อ้าว หวัดดีบอม พัต ไหงมาแต่เช้า? นี่เพื่อนเราชื่อดิม”
“หวัดดี” ดิมเงยหน้าขึ้นมาโบกมือ
“เราชื่อบอมนะห้อง 2 นี่พัตห้อง 4 แล้วพวกนายกินข้าวกันยัง?” บอมถามสนกับดิม
“พวกเรากินแล้วน่ะ”
“งั้นเรากับบอมไปซื้อข้าวก่อนนะ พวกนายติวกันตามสบายนะ”
ผมพูดพลางเดินไปวางกระเป๋าบนโต๊ะที่ห่างออกมา บอมวางตามแล้วเดินมาซื้อข้าวด้วยกัน

“ทำไมไม่นั่งโต๊ะเดียวกับเขาล่ะพัต?”
“เขาติวอยู่ จะไปนั่งกินข้าวข้างพวกเขาคงเสียสมาธิ”
“เออก็จริง”

พอทานข้าวแล้วเอาจานไปเก็บเสร็จ สนกับดิมก็ติวเสร็จพอดี
“ป่ะ เดินขึ้นตึกพร้อมกันเลย” สนพูด
“เออ...แล้วไปไงมาไงดิมถึงติวให้สนได้ล่ะ?” บอมถาม แต่สองคนกลับทำหน้าแปลก ๆ
“คือเราบ่นว่าอยากประหยัดตังค์ค่าเรียนพิเศษมาซื้อรองเท้าบาสน่ะ ดิมเค้าเลยอาสาติวให้ นี่เขาอยู่ห้องควีนนะ เรียนโคตรเก่งอ่ะ”
“โห นายเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ สุดยอดอ่ะ เราเคยได้ยินเพื่อนบอกว่ามีห้องคิงห้องควีนแต่ก็ไม่เคยคุยกับคนสองห้องนี้เลย” บอมพูด
“เราไม่เก่งขนาดนั้นหรอก”
“ถึงห้องเราแล้ว เราไปก่อนนะ” บอมโบกมือให้แล้วเดินเข้าห้องประจำชั้นตัวเอง
“เราก็ไปละนะ” ผมโบกมือแล้วมองหาเอสในห้อง 3 ...อ้าว! เอสไม่อยู่แฮะ

“สนกำลังเก็บเงินไปซื้อรองเท้าบาสเหรอ?” ดิมถามระหว่างเดินกับสนไปห้องประจำชั้นสุดระเบียงตึก
“อืม โทษนะที่เราบอกนายไม่หมด คือ เอ่อ...มันฟังดูบ้า ๆ น่ะ ประหยัดเงินค่าเรียนพิเศษไปซื้อรองเท้า ทำให้นายต้องมาลำบากติวเราด้วย”
“เฮ้ย ไม่บ้าหรอก และก็ไม่ลำบากเราเลย ดีซะอีก เราน่ะเล่นกีฬาอะไรไม่เป็นสักอย่าง”
“เดี๋ยวเลิกเรียนมาเล่นบาสด้วยกันกับพวกเราสิ เราสามคนอยู่ชมรมบาส เราสอนให้นายได้นะ”
“หลังเลิกเรียนเราต้อง...ไปวิ่งรอบสนามบอลน่ะ” ดิมตอบ
“งั้นเราไปวิ่งด้วยนะ ยังไงเราก็ต้องวิ่งวอร์มอัพอยู่แล้ว”
“จริงนะสน!?” ดิมยิ้ม
“อือ แล้วเจอกันหลังเลิกเรียนที่ม้าหินข้างสนามบอลนะ”

-------------------------------------------------------------------------------

ณ ห้องสหกรณ์

เอสกำลังเขย่งหยิบน้ำขวดที่ชั้นบนสุด แต่อีกมือก็เอื้อมจากข้างหลังและหยิบไป เอสหันกลับไปมองคนตัวสูงที่ยืนข้างหลัง
“อ้าว! ตี้”
“จะเอาอันนี้เหรอเตี้ย?” ตี้ยื่นขวดให้เอส
“ขอบใจ” เอสรับมาแบบหงุดหงิด
“ชอบกินอันนี้เหรอวะ? พยายามหยิบขนาดนั้น” ตี้ถาม
“เปล่า เห็นขวดมันมีรูปการ์ตูนก็เลยอยากรู้ว่าเรื่องอะไร ...อืม...ไม่ใช่การ์ตูนแฮะ เหมือนแถมโค้ดเกม”
เอสยืดแขนพยายามยัดขวดน้ำกลับไปบนชั้นแต่ตี้ดึงไปจากมือ
“นายชอบเล่นเกมไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เอาล่ะ? เราเห็นนายคุยกับเพื่อนเสียงดังเรื่องเกมตอนเรียนพิเศษ”

เอสหันกลับมามองไอ้โย่ง
“ตี้”
“หืม?” ตี้ยักคิ้ว
“เราขอโทษเรื่องคุยในห้องเรียน โอเคนะ?”
“เครรรร” ตี้จ่ายเงินแล้วเปิดฝาดื่มทันที “นายนี่พูดตรงดีเนอะเอส”
“เออ เราไม่รู้จะทะเลาะกับเพื่อนร่วมห้องนาน ๆ ทำไม และอันที่จริงเราก็ทำผิดก่อน”
“แล้วตะกี้นายไม่เอาไอ้เนี่ย คือนายไม่เล่นเกมอะไรพวกนี้เหรอ?”
“อืม อันนี้แถมโค้ดไอเท็มเกมออนไลน์ เราไม่เล่นอ่ะ เล่นแต่ switch กับอ่านการ์ตูน”

“เอส!” ผมเดินเข้าไปเอสในห้องสหกรณ์
“หวัดดีพัต มีอะไรเหรอ?”
“เรามีธุระจะคุยด้วยน่ะ เอ๊ะ! นี่!” ใครน่ะหน้าคุ้นมาก นี่คนที่ติวคลาสเดียวกันตอนปิดเทอมนี่หว่า
“นี่เพื่อนห้องเราเอง ชื่อตี้ พัตจำได้ใช่มั้ย?”
“จำได้ ที่เรียนพิเศษคลาสเดียวกันตอนปิดเทอม”
“หวัดดีพัต” ตี้โบกมือทักทาย
“หวัดดีตี้”
“เดี๋ยวเราขึ้นห้องก่อนนะ ไปล่ะ” ตี้พูดก่อนเดินขึ้นตึกไป

ผมจูงมือเอสมาข้างตึกช้อปอุตสาหกรรม ตรงนี้น่าจะลับสายตาที่สุดแล้ว
“พัตมีอะไรเหรอ?”
“เรามีเรื่องอยากให้เอสช่วย” ตอนนั้นผมไม่น่าพลั้งปากบอกชื่อเขากับพ่อเลย แต่มันคงแปลก ๆ ถ้าผมจะไปติวคนเดียว
“เรื่องอะไรเหรอพัต?”
“สัญญาก่อนนะว่าจะไม่บอกใคร”
“อืม แต่รีบพูดนะใกล้จะเข้าแถวหน้าเสาธงแล้ว” อย่างน้อยเอสก็น่าจะพอจะเป็นที่พึ่งให้ผมได้
“คือถ้าพ่อแม่เราถามว่าเมื่อวานนายไปติวที่ซีคอนกับเราหรือเปล่า นายช่วยตอบว่า “ใช่” ได้ไหม?”
“ห้ะ! ยังไงนะ?”
ผมมองหน้าเอส ถึงเวลาต้องเล่าความจริงให้หมดแล้ว ผมทนสร้างเรื่องโกหกเพิ่มไม่ได้อีกแล้ว ผมยอมให้เอสรู้เพราะมีความเป็นไปได้สูงมากที่พ่อจะถามหาเอส พ่อแม่จะรู้เรื่องที่ผมจงใจทำคะแนนสอบเข้าต่ำ ๆ ไม่ได้เด็ดขาด!

“เฮ้ย! นี่นายจงใจกามั่ววิชาสุดท้ายเพื่อจะไม่ต้องอยู่ห้องคิงห้องควีน ประมาณนั้นใช่มั้ย?” เอสอุทานหลังฟังเรื่องทั้งหมด
“ใช่! เราไม่อยากอยู่ห้องแบบนั้นแล้ว เราโดนเยอะมากตั้งแต่ประถมจนม.3”
“เชร้ด! นี่นาย...” เอสตบบ่าผม

“นายตัดสินใจเด็ดเดี่ยวมาก มิน่านายแมร่งเก่งชะมัด ตอนเรียนพิเศษทั้งเลขทั้งเคมีนายเข้าใจหมดเลย ตอนนั้นเรายังทึ่งเลยนะ”
“เราไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก ยังไงก็ขอโทษนะที่ดึงนายเข้ามาเกี่ยวด้วย”
“ไม่เป็นไร ตื่นเต้นดีนะยังกะนิยายสายลับ ไม่ต้องห่วงนะถ้าเราเจอพ่อนายจะคุยเนียน ๆ ให้”
“ขอบใจนะเอส”
“เออ แล้วถ้าพ่อแม่นายถามว่าจะไปติวอีกไหมให้เราตอบยังไง?”
“บอกว่าวันนั้นลองเรียนแล้วติวเตอร์ไม่ค่อยเก่งเลยไม่เอา”
“โอเค แบบนี้ก็ง่ายดี”

เสียงเพลงมาร์ชโรงเรียนดังแล้ว ผมกับเอสรีบเดินแยกไปเข้าแถวชั้นตัวเองที่หน้าเสาธง ผมเคลียร์ทุกปัญหาหมดแล้วใช่มั้ย ...หมดแล้วสิ...ไม่น่ามีอะไรเหลือให้พ่อแม่ผมรู้ได้อีกแล้ว…

--------------------------------------------------------------------------------

คาบ 5 วิชาพละ

“นายนนภัทร ทำไมไม่ใส่ชุดพละ?” อาจารย์ถาม
“ผมลืมครับ”
“สก๊อตจัมป์ 20 ที แล้วคราวหน้าอย่าลืมล่ะ” มันก็แค่นี้แหละไม่เห็นน่ากลัวเลย แต่ผมไม่ยอมให้บอมยกชุดพละให้ผมแล้วโดนลงโทษแบบนี้แน่

ผมจับคู่กับตุลย์ฝึกตีปิงปองกันจนจบคาบ 6 ผมก็นั่งรอในโรงยิมสักพักคนห้อง 4/2 ก็ทยอยเข้ามา ช่วงเวลาสลับคาบเป็นตอนที่ห้อง 4/4 ของผมจะเรียนเสร็จแล้วเปลี่ยนจากกางเกงวอร์มกลับเป็นกางเกงนักเรียนและห้อง 4/2 ของบอมจะเปลี่ยนกางเกงนักเรียนเป็นกางเกงวอร์ม ตอนแรกผมตั้งใจรอเวลานี้เลยแหละหวังว่าจะได้เห็นบอมเปลี่ยนชุด แต่เมื่อคืนตรูดูไปเยอะมากละ ป่านนี้ยังจำได้เลย เหอ ๆๆ
“เป็นไงพัต ครูว่าไงบ้าง?” บอมในกางเกงวอร์มเดินมาหา ผมยื่นไม้ปิงปองให้
“แค่สก๊อตจั๊มป์น่ะ จิ๊บ ๆ”
“โชคดีนะโดนน้อย เราเป็นห่วงนาย” บอมจับมือผมแทนที่จะจับไม้ปิงปอง! เฮ้ย! เลือกเวลาหน่อยว้อย นี่ต่อหน้าเพื่อนทั้ง 2 ห้องเลยนะเฟร้ย
“แล้วเจอกันที่นี่ตอนเลิกเรียนนะพัต มาเปลี่ยนชุดก่อนไปเล่นบาส”
“ด...ได้ แล้วเจอกัน”
บอมยิ้มแล้วรับไม้ปิงปองวิ่งไปรวมแถวอีกฟากของโรงยิม

คาบ 7 เรียนสุขศึกษา แทบไม่มีสมาธิเลย นึกถึงแต่ตอนบอมจับมือผม ดีนะไม่มีใครทันสังเกต...หรือผู้ชายจับมือกันเป็นเรื่องปกติวะ อยากให้จบคาบ 8 เร็ว ๆ จัง ตอนนี้ผมใส่ชุดนักเรียนของบอมนี่นา นอกจากเข็มโรงเรียน,เข็มขัด, รองเท้าแล้วทุกอย่างเป็นของบอมทั้งหมดเลย ...เหมือนเขาอยู่ข้าง ๆ แล้วผมยังได้เอาชุดนี้กลับบ้านไปซักให้เขาอีก อย่างน้อยผมก็มีของของเขาข้าง ๆ ตลอดเสาร์อาทิตย์นี้ ...คิดแบบนี้แล้วมีความสุขจัง
----------------------------------------------------------------------------

16:30 หลังเลิกเรียน

ผมเดินขึ้นตึกมารอบอมที่โรงยิม ห้อง 4/2 เพิ่งเลิกพอดี บอมเดินมาหาเหงื่อเต็มตัวเลย
“แค่เรียนปิงปองทำไมเหงื่อท่วมขนาดนั้นล่ะบอม?”
“จับคู่เล่นกับเพื่อนมันไปหน่อยน่ะ จะเรียนทั้งทีก็ต้องเอาให้เต็มที่ดิ ฮะ ๆๆ”
“บอมชอบเล่นกีฬาจริง ๆ นะ”
“อือ ถือว่าวอร์มไปในตัวเลย ป่ะไปเปลี่ยนชุดกัน”

เฮือก!

ผมเดินเขาไปห้องแต่งตัว ตอนนี้ไม่มีใครในห้องแล้ว ...มีแค่ผมกับเขา…บอมถอดเสื้อพละออก เสื้อยืดสีขาวข้างในรั้งติดขึ้นมาด้วย เห็นกล้ามท้องเต็ม ๆ
“อ่ะ พัตใส่ตัวนี้” บอมยื่นชุดพละให้แล้วถอดเสื้อยืดออก

ไอ้พัตแกต้องทำตัวตามปกติ! อย่าหันไปดู ๆๆ ผมปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออกพาดราวข้างผนัง
“พัตตัวขาวจัง” บอมพูด ผมงี้ทำตัวไม่ถูกเลย พยายามเอาเสื้อพละยัดเข้าตัวแต่มันเก้ ๆ กัง ๆ เขินโว้ย!

พยายามไม่ชำเลืองดูบอมแต่ก็ห้ามสายตาตัวเองไม่ได้ บอมที่เปลือยท่อนบนถอดกางเกงวอร์มออก...เหลือแค่กางเกงในตัวเดียว...โอ๊ย! ทำไมเขาไม่ใส่เสื้อบาสก่อนละว้อยยยย! บอมนั่งเปิดเป้ควานหาชุดบาส ตาย ๆๆ ช็อตนี้ตรูตายแน่!! กว่าเขาจะแต่งตัวเสร็จผมแทบหัวใจวายละ นี่มันเลเวล 4 แล้ว!!
“ป่ะพัต ไปอุ่นเครื่องที่สนามกัน”
“อ...อือ เสื้อนักเรียนของบอมเดี๋ยวเราเอาไปซักให้นะ วันจันทร์จะเอามาคืนให้”
ภาพเมื่อกี้ติดตามาก ไอ้บอมมมม! ทำไมไม่ระวังตัว เปิดอ้าซ่าโชว์ห่อหมกทุกอย่างขนาดนี้!!

เดินลงมาจากโรงยิม สมาชิกทีมบาสมาที่สนามแล้ว แต่ไม่เห็นสน
“อ้าว! ไอ้สนไปไหนเนี่ย?” บอมหยิบมือถือออกมาจากเป้โทรหาเพื่อนสนิท
“โทรไปก็ไม่รับสาย ยังไงวะ?”
“หรือยังไม่ลงมาจากชั้น 3? ให้เราไปตามไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอก มันคงไปทำธุระอะไรก่อนละมั้ง พัตมาฝึกก่อนละกันนะ”

บอมในชุดบาสนี่หล่อที่สุดละ เห็นไหล่ใหญ่กับต้นแขนชัด ๆ ตลอดแบบนี้มีความสุขชะมัด แต่ช่วงเวลาความสุข 30 นาทีผ่านไปเร็วเหลือเกิน แป๊บเดียวจะห้าโมงเย็นแล้ว
“บอม เราต้องกลับบ้านแล้วนะ พ่อมารับที่หน้าโรงเรียนแล้ว” ผมไม่อยากกลับเลย อยากอยู่กับเขานาน ๆ
“เราเดินไปส่งนะ”
“อืม” ดีจัง ช่วงเวลาความสุขจะยืดไปอีกนิด ตอนเย็นอากาศดี ผมกับบอมเดินผ่านถนนหน้าโรงเรียนมาด้วยกัน
“ถ่ายรูปกันหน่อย” บอมโอบคอผม

ผมเห็นรถพ่อจอดหน้าโรงเรียนแล้ว...ตึก ๆๆ…ทำไมรู้สึกแปลก ๆ ฟระ? ลางสังหรณ์ของผมบอกว่าบางอย่างที่น่ากลัวกำลังจะเกิด...อะไรฟระ...พ่อเปิดประตูรถออกมา...บางอย่างเตือนผมว่า...จะให้พ่อเจอบอมไม่ได้!

“นั่นพ่อของพัตหรือเปล่า?”
“อืม”

พวกเราเดินไปที่รถ
“สวัสดีครับคุณลุง” บอมยกมือไหว้
“ไหว้พระเถอะลูก นี่เพื่อนที่พัตไปค้างบ้านเขาเมื่อคืนใช่ไหม?” พ่อยิ้มและรับไหว้
“ครับพ่อ นี่บอมครับ”
“ขอบใจนะที่ดูแลพัตเมื่อคืน เป็นนักกีฬาบาสด้วยใช่มั้ยที่พัตเคยไปดูเราแข่ง เก่งมากเลย”
“ขอบคุณครับคุณลุง ยังไม่เก่งขนาดนั้นหรอกครับ”
“แล้วเรียนห้องไหนเหรอลูก?”
“ผมอยู่ห้อง 2 ครับ”
“เรียนเก่งกว่าลูกลุงอีกสิเนี่ย? พัตอยู่ห้อง 4 เอง”
“ผมว่าโรงเรียนคงจัดคละ ๆ กันไม่เกี่ยวกับเลขห้องมั้งครับ เพราะจริง ๆ พัตเรียนเก่งกว่าผม”

...ผมเริ่มรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา...อะไรฟระ…

“จริงเหรอ? ลูกบอมท่าทางเรียนเก่ง เล่นกีฬาก็เก่งนะเนี่ยตัวสูงเชียว”
“เก่งสู้พัตไม่ได้หรอกครับ พัตเค้าเคยเฉลย...” บอมพูดพลางดึงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง

ซวยแล้ว!!! ไอ้นั่นไง! หลักฐานที่ผมยังไม่ได้จัดการ! สิ่งที่ผมไม่เคยคาดถึง...แชทไลน์ของผมกับบอม! แชทที่ผมเฉลยข้อสอบเข้าให้บอม!!! บอมหยิบมือถือออกมาแล้ว...ผมยืนตัวแข็งทื่อ...ผมทำอะไรไม่ได้เลย วิกฤตที่สุดแล้ว!

ทันใดนั้นโทรศัพท์ของบอมก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล สนมีอะไรเหรอ? ….ห้ะ! อะไรนะ?”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 10: อัพ 17 พย.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 24-11-2020 02:04:37
King Class Away: ep12
วิ่ง


16:30 หลังเลิกเรียนที่สนามบอลหลังโรงเรียน

ผมแต่งชุดบาสมายืดเส้นรอที่ม้าหินข้างสนามบอลแล้ว สักพักดิมก็เดินถือกระเป๋ามา
“สนมารอนานยัง?”
“เพิ่งมาน่ะ นายเพิ่งเลิกเรียนเหรอ?”
“อืม” ดิมถอดแว่นใส่กล่อง
“ป่ะสน ไปวิ่งกัน”
ผมวิ่งคู่ไปกับดิม จะว่าไปหน้าตามันตอนไม่ใส่แว่นก็ดูดีนะ แว่นมันตลกไม่เข้ากับหน้า
“ดิมมาวิ่งทุกวันไหม?”
“ไม่ทุกวันหรอก”
“มีเป้าหมายยังไงเหรอ? วิ่ง 100 ม. วิ่งข้ามรั้วหรือมาราธอน? แต่ละแบบมันฝึกไม่เหมือนกันนะ”
“แค่วิ่งไปเรื่อย ๆ น่ะ”

พอผ่าน 2 รอบก็มีคนวิ่งมาข้าง ๆ ดิม
“ไงดิม กี่รอบวะ?”
“8” ดิมตอบสั้น ๆ
“ของกรู 5 รอบ จะตายห่าละ มริงก็สู้ ๆ นะดิม”

“นั่นใครเหรอ?” ผมวิ่งไปถามดิมไป
“เพื่อนห้องเราน่ะชื่อโกมล”
“นายจะวิ่ง 8 รอบเลยเหรอ นี่ 3 กิโลเมตรกว่าเลยนะ ไหวเหรอ?”
“ก็ต้องไหวน่ะ” ดิมพูดพลางวิ่งต่อไป

ยังไงดีวะเนี่ย จริง ๆ ผมวอร์มอัพ 2 รอบนี่ก็พอแล้วนะ ป่านนี้พวกบาสคงเริ่มเล่นแล้วด้วย แต่พอเห็นอาการแปลก ๆ ของดิมแล้วผมชักเป็นห่วงจนต้องวิ่งตามมันไปเรื่อย ๆ
“ดิม ปกตินายกลับบ้านกี่โมง?”
“ก็แล้ว..แต่ บางวันก็...ห้าโมง” มันพูดไปหอบไป
“ดิม นายพูดไม่ถนัดแล้ว! อาการนี้คือนายไม่ไหวแล้วนะ”
“เราไหว...อีก... 2 รอบเอง”
“ไอ้ดิมหน้ามริงซีดแล้ว พักก่อนโว้ย!” ตรูไม่สนละจับมันลากมาที่ม้าหินเลย

ผมเอนตัวดิมลงนอนกับม้าหินแล้วปลดกระดุมเสื้อออก หน้าซีดตัวเย็น หายใจเบา ๆ แต่ถี่ แมร่งจะเป็นลมเหรอวะ? เอาไงดีล่ะตรู หลังเลิกเรียนห้องพยาบาลก็ปิดแล้ว คิดอะไรไม่ออกเลย รีบโทรหาไอ้บอมก่อนดีกว่า
“ฮัลโหลสน มีอะไรเหรอ?”
“เฮ้ยบอมอยู่ไหนวะ ไอ้ดิมวิ่งรอบสนามบอลแล้วจะเป็นลม ตอนนี้อยู่ม้าหิน”
“ห้ะ! อะไรนะ? เออ ๆ เดี๋ยวกรูรีบไป”

“จิบน้ำก่อนนะ อย่ากินเยอะล่ะ” ผมเอาน้ำขวดจากกระเป๋าให้มันจิบก่อน เอาหนังสือพัดให้ สักพักบอมกับพัตก็วิ่งหน้าตื่นมา
“เราไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง” ดิมพูดช้า ๆ
“หน้าซีดตัวเย็นเลยนะเนี่ย” บอมแตะหน้าผาก
“ไปหาหมอก่อนมั้ย พ่อเรามารับพอดี เดี๋ยวให้พ่อไปส่ง”
“เราไม่เป็นอะไรหรอก นั่งพักก็หาย”
“มริงอย่าดื้อดิวะไอ้ดิม!” ผมดึงแขนมันมาพาดไหล่ “ไปโรงบาลกัน”

พวกเราช่วยกันเอามันนอนที่เบาะหลัง พัตถือกระเป๋าของดิมไปนั่งข้างหน้า
“รถไม่พอนั่งน่ะสน บอม แต่ไม่ต้องห่วงนะพ่อจะพาไปโรงพยาบาลตรงนี้”
“เออ ฝากด้วยนะพัต ขอบคุณนะครับคุณลุง”
 
พ่อขับรถออกมาพ้นปากซอยโรงเรียนก็เลี้ยวซ้ายไปกลับรถเข้าโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกล บุรุษพยาบาลเข็นรถมารับดิมไปตรวจ ผมกับพ่อนั่งรอข้างนอก
“ดิมนี่ห้องเดียวกับลูกเหรอ?”
“เปล่าครับ เขาอยู่ห้อง 7”
“ห้อง 7 ใช่ห้องควีนที่ครูบิ๊วเคยบอกไหม?”
“ใช่ครับพ่อ”
“แล้วสนิทกันไหม?”
“เพิ่งรู้จักกันวันนี้แหละครับ”

บุรุษพยาบาลเข็นดิมออกมาแล้ว สีหน้าดีขึ้นเยอะเลย
“น้องไม่เป็นอะไรนะครับ คุณหมอบอกว่านอนน้อย อ่อนเพลียและออกกำลังหนักเกินไป เดี๋ยวญาติเชิญนั่งรอจ่ายเงินกับรับยาด้านโน้นเลยนะครับ”
“ขอบคุณคุณลุงกับพัตมากนะครับ” ดิมยกมือไหว้
“ไม่เป็นไรหรอกลูก หนูสบายดีก็ดีแล้ว”

“อันนี้เป็นน้ำเกลือแร่นะคะ ชงดื่มบ่อย ๆ นะคะ ส่วนวิตามินทานหลังอาหาร 3 มื้อ ไม่มียาอย่างอื่นนะคะ” เจ้าหน้าที่แจ้งตอนผมเดินไปรับยา
“คุณลุงครับเดี๋ยวผมกลับเองก็ได้ครับ”
“ลุงไปส่งดีกว่า บ้านอยู่ตรงไหนเหรอ”
“อยู่แถวห้างอิมพีเรียลสำโรงครับ”
“โห! นี่มาเรียนยังไงไกลขนาดนั้น?”
“นั่งรถเมล์บ้าง บางทีก็ BTS ไปสถานีพญาไทแล้วต่อลง Airport link มาลงสถานีหัวหมากครับ”
“ลุงไปส่งหนูที่บ้านดีกว่า”
“ขอบคุณครับ”
“พัตไปนั่งข้างหลังช่วยดูเพื่อนนะ”
“ครับพ่อ”
“แล้วตอนนั้นไปทำอะไรถึงเป็นลมได้ล่ะ?” พ่อเอ่ยถามระหว่างขับรถไปตามทางที่ดิมบอก
“คือ...ผมทำการบ้านไม่เสร็จ ครูเลยทำโทษให้วิ่งรอบสนามบอลครับ”

...บรรยากาศในรถเงียบกริบทันที…

รถเลี้ยวเข้ามาในซอยจนมาหยุดหน้าบ้านตามที่ดิมบอกทาง
“ขอบคุณนะครับคุณลุง”
“อืม หายเร็ว ๆ นะลูก”

ผมถือกระเป๋าของดิมเดินตามเขาไปถึงหน้าบ้าน
“ขอบใจนะพัต”
“เพื่อนกันน่า ยังไงก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว”
“เอ่อ...พัต”
“หืม?”
“พัตอย่าบอกสนกับบอมได้มั้ย เรื่องที่เราโดนทำโทษ แล้วก็เรื่องที่บ้านเราอยู่ไกลด้วย”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็เดี๋ยวสนจะเกรงใจ ไม่ติวกับเราอีก เราแค่จัดเวลาไม่ได้แค่นั้นแหละ อีกสองสามวันคงดีขึ้น”
“ก็ได้ อ้อ! สนเขาฝากเราขอไลน์นายด้วย”
“อืม เบอร์โทรเรานะ...” ผมกดแอดไลน์ตามเบอร์ที่ดิมบอก แล้วกดส่ง contact ของสนให้ดิม
“ขอบใจนะพัต เดี๋ยวเราโทรหาสน” ดิมพูดแล้วถือกระเป๋าเข้าบ้านไป ผมกลับมาขึ้นรถแล้วพ่อก็ขับออกไป ตลอดทางเราแทบไม่คุยอะไรกัน ผมพอเดาได้ว่าพ่อคิดเรื่องอะไร แต่ช่างเถอะผมก็มีเรื่องต้องคิดเหมือนกัน
------------------------------------------------------------------

หลังอาบน้ำและเอาชุดทั้งของผมและบอมไปใส่ตะกร้าแล้วผมก็เข้าห้องนอน คิดเรื่องที่สำคัญสุดตอนนี้ ผมต้องลบแชทไลน์ของผมกับบอมให้ได้ มันเป็นหลักฐานที่แน่นหนามากว่าผมสามารถทำข้อสอบเข้าได้คะแนนดีกว่าไอ้ที่ผมกามั่วไป ถ้าบอมเอาให้พ่อแม่ดูล่ะก็ผมตายแน่

simulation 1
พัต: บอม นายช่วยลบแชทไลน์อันนั้นได้ไหม?
บอม: ทำไมเหรอ?
พัต: คือมันเป็นหลักฐานว่าเราฉลาดมากแต่จงใจกามั่วเพราะไม่อยากได้ห้องคิงน่ะ
แมร่งขึ้นฟังดูโคตรอวดตัวเองเลย จำได้ว่าเขาเคยเปรยว่าอยากเข้าห้องคิง บอมคงหมั่นไส้ผมแน่ ผมต้องหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้

simulation 2
พัต: บอม นายช่วยลบแชทไลน์อันนั้นได้ไหม?
บอม: ทำไมเหรอ?
พัต: คือเราหมดแพชชั่นกับนายแล้ว ช่วยลบแชทเลิกกันแบบไม่เหลือเยื่อใยอะไรเลยได้ไหม?
บ้า บ้ามาก ๆ

จะหาข้ออ้างยังไงก็ไม่เนียนสักทาง หรือว่า...ผมแอบเข้ามือถือบอมเองซะเลย แต่มันมีรหัสนะ
อ้อ! ลืมเกมใหม่ที่ครูบิ๊วซื้อให้เลย ผมเปิดเป้หาเกม...เอ๋ เกมอยู่ไหนวะ? ลืมไว้ที่โรงเรียนเหรอ? ไม่นะวันนี้ทั้งวันผมไม่ได้หยิบออกมาเลย ...ไม่สิ ผมไม่เห็นมันในเป้ตลอดทั้งวันเลยต่างหาก หรือผมลืมไว้บ้านบอมตอนที่รีบเอาสมุดหนังสือออกจากเป้ตอนวิ่งฝ่าฝนเข้าบ้าน
กริ๊ง!!! ผมหยิบโทรศัพท์มาดู บอมโทรมาพอดีเลย
“หวัดดีพัต ดิมเป็นไงบ้าง?”
“หมอบอกว่าแค่อ่อนเพลียน่ะ ไม่ต้องห่วง”
“เออ ค่อยโล่งอก อ้อ! พัตลืมของไว้บ้านเราน่ะ”
“กล่องเกมใช่มั้ย?”
“ไม่รู้สิ มันเป็นถุงน่ะ เราก็ไม่ยังไม่ได้เปิดดูเลย คิดว่าเป็นของส่วนตัวของพัต”
“บอมเปิดดูเลยก็ได้ น่าจะเป็นเกม switch น่ะ เอ่อ...เราเพิ่งซื้อที่ซีคอน”
“ได้ งั้นเราเปิดดูให้นะ”

...บอมเงียบหายไปพักนึง...ทำไมใช้เวลาเปิดนานจัง
“ฮัลโหล บอม”
“อ...เอ้อ ใช่กล่องเกมจริง ๆ แหละพัต ยังห่อพลาสติกอยู่เลย พัตจะรีบเล่นเสาร์อาทิตย์นี้ไหม เราเอาไปให้ได้นะ”
“โห บ้านเราสองคนไกลกันมากเลยนะ บอมไม่ต้องลำบากหรอก รบกวนเอามาให้เราวันจันทร์ละกัน เราจะได้เอาหนังสือกับชุดไปคืนนายด้วย”
“อืม”
“หรือบอมจะแกะเล่นก่อนก็ได้นะ เกมนี้เราดูรีวิวเขาว่าสนุก”
“มันของเครื่องอะไรเหรอ?”
“เครื่อง Nintendo switch น่ะ”
“เราไม่มีน่ะ มีแต่เพลย์ 2 แต่ก็น่าจะพังละมั้งไม่ได้เปิดเล่นนานแล้ว” ผมนึกภาพบอมตอนเล่นเกมไม่ออกจริง ๆ คงน่ารักดีเนอะ
“งั้นวันหลังบอมมาเล่นที่บ้านเราดิ” เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นี่ตรูกำลังชวนเขามานอนค้างบ้านผมนี่หว่า โอ๊ย! ไอ้พัต! ฉิบหายแล้วเค้าจะคิดมากมั้ย!
“เอ่อ...ระ...เรา ...มะ...หมายความว่าบอมกับสนน่ะ หรือชวนเพื่อนคนอื่นก็ได้”

“อืม พัต เราถามอะไรนายหน่อยสิ”
“อะไรเหรอ?”
“พัตมีแฟนยัง?”

เฮือก! โทรศัพท์แทบหลุดมือ ตะกี้ผมได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย? ไอ้ประโยคแบบนี้กับน้ำเสียงเบา ๆ กระซิบนิด ๆ
นี่มัน...เหรี้ยยยย! ประโยคจีบชัด ๆ!!! ทำตัวไม่ถูกแล้วตรู! เสียงเข้ม ๆ ของเขาถามคำถามแบบนี้ เหมือนเขามานั่งถามอยู่ตรงหน้าเลย
“...ยัง...” ผมตอบกลับไปเบา ๆ บอมเงียบไปนานมาก เขาจะพูดอะไรต่อวะ
เราก็ยังไม่มีใคร
พัตรู้สึกยังไงกับเราหรือเปล่า
พัตเป็นแฟนเราได้ไหม
คบกับเรานะ
ลองมั้ย ลองมาเรียนรู้กัน นายยังไม่ต้องชอบเรามากก็ได้ แค่เปิดใจให้กันก็พอ (คือถ้านายนึกอะไรไม่ออจะก้อปจากซีรีส์มาพูด ตรูก็ไม่ถือ)


“อืม...แล้วเจอกันวันจันทร์นะ พัตรีบนอนนะ”
“อือ ราตรีสวัสดิ์นะบอม”
อ้าว! อะไรวะ!? เปิดประเด็นแบบนี้แล้วก็จบไปเฉย ๆ โอ๊ย! โคตรค้างเลยว้อย! หรือเป็นเรื่องธรรมดาที่เพื่อนผู้ชายเค้าถามกันวะ?

ผมเปิดเฟสเขา เลื่อนขึ้นลงไปมา หวังว่าเขาจะโพสอะไรสักอย่าง จะบอกใบ้หรือระบายความในใจอะไรสักอย่างให้ผมรู้ทีเถอะว่าเมื่อกี้มันคืออะไร ...แต่ก็ไม่มีอะไรเลย เอาจริง ๆ บอมแทบไม่เล่นเฟส ผมวางมือถือลงแล้วกลับมาคิดวิธีลบแชทไลน์ต่อ ผมชวนเขามาบ้านแล้ว ถึงยังไม่รู้วันไหนแต่ก็มีโอกาสมากที่พ่อแม่ผมจะได้เห็นแชทอันนั้น ต้องลบให้เร็วที่สุด แต่มันก็เป็นบันทึกเรื่องดี ๆ ระหว่างผมกับเขา

...บางครั้งเขาก็ห่วงผมมาก...ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลย
...แต่อั้มเป็นแฟนเขา
...แต่เย็นเมื่อวานเขาก็วิ่งตามหาผมทั้งห้าง
...แต่เมื่อกี้เหมือนผมเป็นคนไม่สำคัญ หรือบอมอาจดีกับเพื่อนทุกคนแบบนี้อยู่แล้ว ผมไม่อยากเข้าใจผิดเข้าข้างตัวเองเลย
...ตอนวันจันทร์ที่สนามบาส ที่เขาเอาหน้าเข้ามาใกล้ผม...โอเคอันนั้นตรูน่าจะคิดไปเอง ใครจะบ้ากล้าจูบกลางสนามบาสกลางโรงเรียนตอนแดดเปรี้ยง ๆ แบบนั้น...แต่เมื่อคืนที่บอมนั่งโอบไหล่ผมบนเตียง ดึงผมเข้าไปหาหน้าเขาช้า ๆ จนหน้าจะติดกัน...ยังไงไม่ใช่เพื่อนทำกันแน่นอน

ตะดึ๊ง! เสียงเตือนของเฟสดังขึ้น
บอมโพสรูปที่เขากอดคอถ่ายคู่กับผมเมื่อตอนเย็น แท็กชื่อผมด้วย แต่ไม่เขียนข้อความอะไรเลย ผมไม่รู้ว่าระหว่างเราคืออะไร ที่แน่ ๆ คืนนี้ผมคงหลับยากอีกคืน

---------------------------------------------------------------------------------

“ฮัลโหล นั่นดิมเหรอ?” สนกดรับเมื่อมีไลน์คอลแปลก ๆ โทรมา
“อือ พัตส่ง contact ของสนมาให้เรา”
“มรึงเป็นไงบ้างดิม หายดียัง?”
“แค่นอนน้อยน่ะ เราชอบอ่านหนังสือดึก ๆ แล้วดันไปวิ่งเยอะน่ะ ไม่ต้องห่วงนะสน”
“กรูก็เห็นมรึงมานอนตอนเช้ารอติวกรูทุกวัน ดิมถ้ามรึงไม่ไหวก็ไม่ต้องติวให้กรูนะ”
“เฮ้ยเราสบายดีจริง ๆ หรือสนจะย้ายไปติวตอนเที่ยงมั้ย?”
“กินข้าวเสร็จก็ไปติวก่อนคาบ 5 งี้เหรอ?”

ผมย้ายมานั่งคุยบนเตียง
“เอางั้นก็ได้ กรูก็ตื่นเช้าไม่ค่อยไหวเหมือนกัน ฮ่า ๆๆ”
“ขอบใจนะที่พวกนายช่วยเราที่สนามบอล”
“เออ คราวหน้าก็อย่าวิ่งเกินตัวนะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกกรูได้นะ ดิมอุตส่าห์ติวให้เราขนาดนี้”
“เอ่อ...ถ้านึกออกเมื่อไหร่จะบอกสนละกันนะ”
“ได้ ๆ อ้อ! แล้วเรื่องมริงกับแฟนนี่ดีกันยัง?”
“........”
“เอ่อ...ดิม กรูโทษทีนะถ้าถามเรื่องส่วนตัวมริง คือเราก็เพิ่งเป็นเพื่อนกันแต่กรูรู้สึกสนิทกับมริงเลยพลั้งปากไป”
“ไม่เป็นไรหรอก คือเรายังไม่ได้คุยกับเฟิร์สเลย ตอนนี้ห้องเรารกน่ะ”
“ห้องรกเกี่ยวอะไรฟระ?”
“เฟิร์สเค้าให้เรา vdo.call อย่างเดียว ไม่โทรคุย”
“อ๋อ วันนั้นมริงเลยต้อง vdo.call ตรงโรงเก็บของ”
“เราเลยได้เจอสนไง ฮะ ๆๆ”
“อือ ขอให้ดีกันไว ๆ นะ นี่ดึกแล้วดิมพักผ่อนเถอะ”
“อืม แล้วเจอกันวันจันทร์ตอนเที่ยงนะ”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 10: อัพ 17 พย.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 24-11-2020 02:38:59
King Class Away: ep13
เพื่อนเก่าจากห้องคิง


เช้าวันเสาร์ผมมีเรื่องต้องรีบทำ ผมหยิบโทรศัพท์กดโทรหาโต้ง หวังว่ามันจะรับสายนะ โต้งเป็นเพื่อนร่วมห้องคิงสมัยม.ต้นที่เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าวันไหนเขาเล่นเกมจะปิดมือถือและออฟไลน์ทุกสื่อตัดขาดจากโลกเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะไปหามันที่บ้านอยู่ดี
“หวัดดีพัต โทรมาแต่เช้ามีอะไรเหรอ?”
“นายสบายดีไหม?”
“ก็สบายดี แล้วมรึงล่ะพัต?”
“สบายดี วันนี้ไปเดินห้างกันไหม ครั้งที่แล้วก็ไม่ได้เดินกับนาย”
“วันนี้กรูมีเรียนทั้งวันว่ะ พรุ่งนี้จะว่าง”

11 โมงวันอาทิตย์ผมไปรอโต้งที่ MBK หน้าร้านอนิเมะชั้น 7 ร้านโปรดของพวกเราสองคน มาทีไรก็ต้องแวะร้านเกมแล้วมาดูการ์ตูนกับฟิกเกอร์ที่นี่แล้วค่อยไปหาอะไรกินหรือดูหนัง วันนี้พวกเราได้การ์ตูนมาคนละเล่มแล้วเลือกร้านบุฟเฟต์เพราะนั่งอ่านไปกินไปได้นาน ๆ
“การ์ตูนสมัยนี้แพงสาดเลยนะพัตมรึงว่าไหม เล่มนึงเกือบร้อยบาทละ”
“อืม เรื่องที่เราตามอยู่ก็โดนยกเลิกลิขสิทธิ์ เซ็งมาก” ผมเอาเนื้อไปแกว่งในหม้อแล้วคีบเข้าปาก
“พัต มรึงมีอะไรรึเปล่าวะ? เห็นมริงทำท่าเหมือนจะพูดอะไร” โต้งหรี่ตามองผม
“จริง ๆ คือ…” ผมโน้มตัวไปกระซิบ

“เราอยากให้โต้งช่วยแฮ็กไลน์เพื่อนเราคนนึงน่ะ”
“พรบ.คอมนะ มริงรู้ใช่มั้ย? ถึงกรูจะยังเด็กม.ปลายก็เหอะ” มันตอบกลับทันที
“นายก็ทำแบบเนียน ๆ ก็ได้นี่ เรารู้ว่านายทำได้ ช่วยเราหน่อยนะ”
“มริงเห็นกรูมีสแตนด์ Paisley Park? หรือเป็น CSI, อีธาน ฮอว์ก, อัศวินคอมพิวเตอร์อัลโก้หรือแมคไกเวอร์หรือไง?”
“นะ ๆๆ”
“บอกกรูก่อนว่ามริงจะแฮ็กไลน์เขาทำไม?”
“เรื่องมันยาวมาก นายมีเวลาฟังไหมอ่ะ?”
“มีถมเถ บุฟเฟต์ชั่วโมงครึ่ง ถ้ามรึงยังเล่าไม่จบก็ไปต่อร้านไอติม”

ผมหยิบแผ่นเมนูขึ้นมา “คือตอนสอบเข้าที่นี่เราจงใจทำให้ได้คะแนนน้อย ๆ ไม่ให้ติดห้องคิงห้องควีน”
พรวด!! เศษเนื้อพุ่งออกมาจากปากโต้ง ตรูคิดถูกที่หยิบเมนูป้องกันไว้ล่วงหน้าแล้ว
“จริงดิมริง? ก็ไหนวันนั้นกรูถามมริงเรื่องสอบเข้า มริงก็อือ ๆ กรูก็นึกว่ามริงติดห้องคิงไปแล้ว!”
“ที่เราไม่บอกทางโทรศัพท์วันนั้นก็เพราะรู้ว่านายจะแหกปากลั่นแบบนี้นี่แหละ กลัวหูตึงข้างเดียว”
“นี่มริงบ้าบิ่นขนาดนี้เลยเหรอไอ้พัต! แล้วพ่อแม่มริงรู้มั้ย?”
“ก็ไม่รู้น่ะสิ! ขืนพ่อรู้เราหัวขาดแน่ เขาตั้งความหวังไว้มากเลยว่าเราจะติดห้องคิง เราบอกว่าข้อสอบมันยาก แต่ยังไงเราก็ได้สายวิทย์คณิตอย่างที่พ่ออยากได้ เค้าก็เลยไม่บ่นอะไร”
“เชรี่ย! ช็อกสาดดด! ตอนเรียนด้วยกันมริงเงียบ ๆ ติ๋ม ๆ นะ อะไรทำให้มริงกล้าขนาดนี้” ...บอมไง รอยยิ้มของเขาทำให้ผมกล้า...

“แต่กรูเข้าใจนะที่มริงพยายามให้ตัวเองไม่ติดห้องคิงถึงขั้นนี้ แล้วไลน์เพื่อนมริงเกี่ยวอะไรด้วยวะ?”
“คือเรารู้จักเขาตอบวันสอบเข้า ก็แลกไลน์กัน แล้วพอสอบเสร็จเขาก็แชทมาถามว่าข้อนั้นข้อนี้ตอบอะไร เราก็เฉลยคำตอบให้เขาไปน่ะโต้ง”
“อ๋อ! เข้าใจล่ะ แชทอันนั้นกลายเป็นหลักฐานเลยว่าจริง ๆ มริงทำข้อสอบได้แต่จงใจตอบผิดเพื่อให้หลุดห้องคิง”
“ใช่ แล้วตอนนี้เราเลยต้องลบมันให้ได้ ถ้าพ่อแม่เราเจอ เราตายแน่”
"พ่อแม่มริงจะมีโอกาสอ่านแชทเพื่อนมริงเหรอ กรูว่าแค่ลบแชทในไลน์มริงก็พอมั้ง"
"เราลบในไลน์เราแล้ว แต่เมื่อวานพ่อเราเจอเขาพอดีตอนมารับที่หน้าโรงเรียน คุยกันไปคุยกันมาแล้วเขาก็เกือบเปิดให้ดู"
“เชรี่ยละ แล้วทำไมมริงไม่อธิบายให้เพื่อนมริงฟังล่ะพัต เขาก็จะได้ลบแชท แค่นี้ก็จบเรื่องละ”
“คือเรา...เรากลัวเขาจะหมั่นไส้เรา...นายก็รู้ ใคร ๆ ก็อยากอยู่ห้องนี้ ใครจะเข้าใจอะไรเหมือนนายกับเราว่าอยู่ห้องคิงเนี่ยเจออะไรบ้าง”

โต้งนิ่งเงียบไป “อือ...กรูเข้าใจมริงละพัต...ก็ได้ กรูขอเฟสของเพื่อนมริงคนนั้นหน่อย”
“นายจะเอาเฟสทำไมวะ เราอยากให้แฮกไลน์”
“พัต มริงรู้มั้ยไลน์มีระบบป้องกัน การแฮกทางดิจิตัลแมร่งยากและเสี่ยงโดนจับ”
“แล้ว?”
“แต่การแฮ็กมือถือทำได้ง่ายกว่า”
“คือยังไงวะ?”
“อธิบายง่าย ๆ กรูจะใช้แอคเค้าต์เฟสปลอมส่งข้อความ phishing หลาย ๆ แบบให้เพื่อนมริง ถ้าเขาพลาดกดลิ้งค์นั้น กรูก็จะสามารถเปิดหน้าจอมือถือเขาได้ ที่เหลือมริงต้องจัดการเอง”
“phishing คืออะไรวะโต้ง?”
“จริง ๆ มันก็คือการตกปลา fishing นั่นแหละเพราะกระบวนการคือเอาเหยื่อล่อวางแล้วเป้าหมายเข้ามาติดเองเหมือนการตกปลา ปลากัดเหยื่อแล้วโดนตะขอเกี่ยวปาก แต่เขียนเป็น phishing เพื่อระบุว่าเป็นการหลอกลวงทางคอมพิวเตอร์”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” ...โต้งเริ่มวิชาคอมพิวเตอร์ 101...

“แต่วิธีนี้จะได้ผลถ้าเขากดข้อความนั้นด้วยมือถือเท่านั้น ถ้าเขากดอ่านด้วยคอมก็ฟาล์วเพราะระบบป้องกันของคอมพิวเตอร์ดีกว่ามือถือ เขาเล่นเฟสด้วยคอมพิวเตอร์ด้วยไหม?”
“ไม่นะ ที่เราเห็นบ้านเขาไม่มีคอมเลย”
“เพิ่งเปิดเทอมสัปดาห์เดียว มริงไปบ้านเขาแล้ว?” โต้งกระตุกคิ้ว
“วันนั้นเราไปซีคอนแล้วติดฝน เลยไปค้างบ้านเขาที่อยู่ใกล้ ๆ น่ะ”

โต้งหรี่ตามองผมเหมือนรู้ว่าผมเล่าไม่หมด อย่าดิมรึง ผมก้มหน้ากินเนื้อในจาน
“โอเค ขอเฟสเขาหน่อย” ผมเปิดหน้าเฟสของบอมให้เขาดู
“เพื่อนเราชื่อบอม”
“คนนี้เอง”
“โต้งรู้จักเหรอ?”
“กรูรู้จักเมื่อคืนนั่นแหละ” มันเลื่อนจอไปรูปที่บอมเพิ่งโพส เพราะบอมแท็กชื่อผมสินะเพื่อนทุกคนของผมเลยเห็นรูปนี้ด้วย

“มริงดูมีความสุขดีนะ นานแล้วไม่ได้เห็นมริงยิ้มแบบนี้ สามปีที่เรียนห้องเดียวกันหน้ามริงบูดเป็นตรูดตลอดเวลา”
“ก็ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ห้องคิงแล้ว”
“ที่นี่ก็เป็นเหรอวะ?”
“เรารู้จักคนนึงอยู่ห้องควีน ทำการบ้านไม่ทัน โดนครูสั่งวิ่งรอบสนามบอลจนเป็นลมเลย”
“เชรี่ยยยยย” โต้งเขี่ยเนื้อวนไปมาในหม้อพลางดูหน้าเฟสของบอม

“โอเคกรูจะช่วยมริง เดี๋ยวเย็นนี้กรูเริ่ม phishing ให้เลย”
“ขอบใจนะโต้ง”
“ถามหน่อย ถ้าปลดล็อกมือถือของบอมได้มริงอยากให้เป็นกี่โมง เพราะมือถือจะเปิดหน้าจอแค่แป๊บเดียวตามที่เจ้าของเครื่องตั้งเวลา ถ้าไม่มีใครกดอะไรมันก็จะล็อกหน้าจออีก มริงมีเวลาแค่แว่บเดียวต้องเข้าใช้เครื่องให้ทัน กรูต้องเขียนโค้ดล่วงหน้าไว้ในโปรแกรมให้ทำงานวันรุ่งขึ้นตามเวลาที่กำหนด โปรแกรมจะได้มีขนาดเล็ก เขาจะไม่ทันสังเกตตอน phishing ว่ามันดาวน์โหลดอะไรผิดปกติ”
“16:44 ละกัน เรากับบอมอยู่ชมรมบาส ทุกเย็นหลังเลิกเรียน 16:30 เขาจะเอามือถือใส่กระเป๋าแล้วไปเปลี่ยนชุด ช่วงเวลานั้นจะชุลมุน ไม่มีใครทันสังเกตแน่”

“เดี๋ยวนะ มริงอยู่ชมรมบาส?”
“อืม”
“มริงที่ตอนม.1 วิชาพละเล่นแชร์บอลไม่เป็นจนต้องถือตะกร้าอย่างเดียว”
“อืม”
“ม.2 ไม่เคยชู้ตบาส 3 แต้มลงสักลูก”
“อ...อืม”
“ม.3 มริงก็ไม่เคยเสิร์ฟลูกวอลเลย์ข้ามเน็ต” โต้งยิ่งหรี่ตาจ้องผมหนักกว่าเดิม
“เอออออออ เราก็เลยอยากเล่นกีฬาไง ห่าน! เล่นแต่สแครบเบิ้ลมาหลายปีจนจะต้มกินแล้ว” ผมเร่งไฟหม้อต้มให้เดือด ๆ เนื้อจะได้สุกไว ๆ ให้โต้งเลิกจับพิรุธผม

“ได้! มีข้อแม้อีกอย่างนึงด้วย”
“อะไรเหรอ?”
“ทันทีที่บอมโดน phishing กรูจะโทรบอกมริง แล้วเย็นนั้นมริงต้องมาหากรูที่บ้าน กรูจะบอกขั้นตอนสุดท้ายให้”
“ทำไมไม่บอกทางโทรศัพท์วะ?”
“จะเอาไม่เอา?”
“ก็ได้ ขอบใจนะโต้ง”
“เออ เพื่อนที่กรูสนิทที่สุดก็มีแต่มริงนี่แหละ เสียดายนะที่มริงย้ายไปที่อื่น”

...ถ้าไม่มีเรื่องนั้นผมก็คงยังเรียนที่เดิม...

“แล้วตอนบ่ายมีเรียนพิเศษไหม?”
“อืม เรามีเรียนเลขกับเคมีแถวบ้านน่ะ”
“เสียดายไม่ได้ดูหนังด้วยกันเลย กรูอยากดูดิจิม่อน ถ้าชวนคนอื่นแมร่งคงล้อกรูฉิบหาย”

สังคมเด็กเรียนที่ผมกับโต้งอยู่ด้วยกันมาสามปี มีแค่เราสองคนที่ชอบอะไรเหมือนกันทั้งเกมและการ์ตูน
“พัตมริงไม่เรียนออนไลน์แบบกรูวะ? อยากเรียนตอนไหนก็กดดู”
“เราไม่มีสมาธิดีขนาดนายน่ะโต้ง เคยลองละ เรียนผ่านหน้าจอเราหลับทุกที”
“อือ ไว้คราวหน้าดูหนังกัน เดี๋ยวเย็นนี้กรูจัดการเรื่องของมริงให้”

---------------------------------------------------------------------------------------

พอแยกกับโต้งผมก็ขึ้นรถไฟฟ้ามาลงใกล้ที่เรียนพิเศษ ผมขึ้นบันไดเลื่อนไปห้องเรียนก็เจอเอสกับตี้นั่งรออยู่ร้านน้ำหน้าห้องเรียน เอสโบกมือเรียกผม
“ทางนี้พัต เดี๋ยวรอคลาสโน้นเลิกก่อนค่อยเข้าไป”
“หวัดดีเอส หวัดดีตี้”
“หวัดดี” ตี้ยกมือทักทายห้วน ๆ ตามเคย
“เอส เมื่อเช้าเราไปร้านอนิเมะที่ MBK ได้การ์ตูนเล่มใหม่มาน่ะ นายอ่านเรื่องนี้มั้ย?”
“เอ้อ! เรื่องนี้เราก็อ่านอยู่ ออกเล่มใหม่แล้วเหรอเนี่ย ดีจัง”
“เราอ่านจบแล้วล่ะ เอสเอาไปอ่านต่อไหม?”
“เออดี ๆ เรายืมคืนนึงนะเดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปคืนที่โรงเรียน ว่าแต่จะเสี่ยงโดนครูยึดรึเปล่าเนี่ย?”
“ถ้าไม่หยิบขึ้นมาในคาบครูคงไม่ว่าหรอก”

ตี้จ้องมามองตาดุ ๆ เอสเลยหันไปหา
“นี่ยังไม่เข้าคลาสเลย นายจะดุที่พวกเราคุยกันทำไมฟระ?”
“เรายังไม่ทันพูดอะไรเลยเตี้ย” ตี้ทำหน้ากวนแล้วก้มหน้าอ่านตำราเลขต่อ
“เออพัต เห็นว่าการ์ตูนเรื่อง 7 Deadly Sins ทำเกมด้วยนี่ นายเล่นยัง?”
“มือถือเรารุ่นเก่าน่ะเล่นไม่ไหว เอสเล่นยัง? สนุกไหม?”
“เราก็ยังไม่ได้เล่น ไม่รู้สิเกมมือถือส่วนใหญ่ก็ระบบเดิม ๆ แต่แค่อยากดูอนิเมชั่นน่ะ เห็นว่าเสียงญี่ปุ่น”
“ไหนนายบอกไม่เล่นเกมมือถือไง แล้วนี่มาเรียนหรือมาคุยเรื่องเกมเรื่องการ์ตูนฟระ?” ตี้เอ็ด
“นี่ก็จับผิดจ๊าง! ตกลงเป็นพ่อหรือแฟนเราฟระ?”
“เราเลือกได้แค่สองอย่างเหรอ? งั้นขอเป็นอย่างหลังดีกว่า เป็นพ่อนายต้องจ่ายค่าขนมเท่าไหร่วะ เช้าก็แดรก เที่ยงก็แดรก ตอนบ่ายพักก็แดรก ตอนเย็นก็แดรก แล้วก็ยังเตี้ยเท่าเดิม”
“170 เซนไม่เตี้ยว้อย ความสูงปกติ นายมันโย่งเกินต่างหาก”
“เอ่อ...พวกนายสองคนดูสนิทกันดีนะ” ผมพยายามห้ามศึก
“ไม่สนิท!” ตี้กับเอสตอบพร้อมกัน

หลังจบคลาสวิชาเลข พวกเราสามคนก็ไปหาอะไรทานที่ศูนย์อาหารเพื่อรอเข้าคลาสเคมีตอนเย็นต่อ หลังเรียนเสร็จเราสามคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

หิวน้ำแฮะ ผมแวะร้านนมขนมปังปิ้งพลางเปิดเฟสในมือถือ รูปคู่ของผมกับบอมที่เขาโพสเมื่อวันศุกร์มีทั้งเพื่อนผมและเพื่อนบอมมาเม้นต์เยอะเลย และส่วนใหญ่เม้นต์ทางเดียวกันคือ “เปิดตัวเหรอวะ?” ...ถ้าเปิดตัวก็ดีสิ... หารู้ไม่นี่เกือบเป็นรูปสุดท้ายในชีวิตผมละ หลังจากถ่ายปุ๊บบอมก็เกือบเปิดแชทไลน์เฉลยข้อสอบของผมให้พ่อผมดู

บอมยังไม่ตอบอะไรสักเม้นต์ เขาอาจไม่ได้คิดอะไรเลยทั้งที่มีแฟนคืออั้มอยู่แล้ว ผู้ชายก็คงเป็นแบบนี้ล่ะมั้งไม่ต้องคิดมากอะไร อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องสนใครมองใครแซว ผมก็อยากเป็นได้แบบนี้บ้างจัง แต่ทำไมเวลาผม “ทำอะไรอย่างที่อยากทำ” มันดันกลายเป็นเรื่องยุ่งไปทุกที แล้วตอนนี้ผมก็ต้องตามทำลายหลักฐานแชทไลน์นั่นอยู่เนี่ย

บอมกอดคอถ่ายรูปกับผมแบบเพื่อน แต่ผมกลับกำลังหาทางแฮ็กมือถือเขา ถ้าบอมรู้ เขาจะยังนับผมเป็นเพื่อนไหมเนี่ย? หวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมต้องมาตามแก้ความผิดพลาดที่ตัวเองทำไว้…

“น้องพัตยังไม่กลับบ้านเหรอครับ? เดี๋ยวถึงบ้านดึกนะครับ” ครูวิงติวเตอร์วิชาเลขยืนอยู่ข้างโต๊ะผม
“เอ่อ...ผมหิวเลยหาอะไรทานน่ะครับ บ้านผมอยู่แถวนี้เองครับ”
“หืม โรงเรียนอยู่แถวพัฒนาการแต่บ้านอยู่แถวนี้ แบบนี้ก็เดินทางไกลทุกวันเลยสิครับ”
“พี่วิงรู้โรงเรียนผมด้วยเหรอครับ?”
“มีเขียนในใบสมัครน่ะครับ ทั้งชื่อเล่นทั้งชื่อโรงเรียน แล้วเห็นทำหน้าเครียด เรียนไม่เข้าใจหรือเปล่า?”
“เอ่อ...ใช่ครับ เรียนยาก แหะ ๆ”...ความเครียดมันแสดงออกมาชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย...
“สงสัยตรงไหนก็ถามพี่ได้นะครับ พี่เป็นรุ่นพี่โรงเรียนเรานะไม่ต้องเกรงใจ”
“ห้ะ! จริงเหรอพี่?”
“ใช่ครับ จบมานานละ”
“ขอบคุณครับพี่วิง ถ้าผมสงสัยตรงไหนจะถามนะพี่”

เสียงโทรศัพท์ของพี่วิงดังขึ้น “ฮัลโหล ป้อมมาแล้วเหรอ? ได้ ๆ เดี๋ยวเราลงไปนะ”
“งั้นพี่ไปก่อนนะครับน้องพัต”
“ครับพี่ ขอบคุณครับ”

-----------------------------------------------------------------------------------------

เอสก้าวเข้ารถไฟฟ้า ยังพอมีที่นั่งว่างท้ายรถ แล้วคนตัวสูงก็นั่งลงข้างเขา
“อ้าวเฮ้ยตี้! มาทางนี้ด้วยเหรอ?”
“อือ เราอยู่หมู่บ้านเมืองทอง แล้วบ้านนายอยู่ไหนวะเอส?”
“เราอยู่ศรีนครินทร์”
“เออดี! ลงสถานีเดียวกัน ปลุกเราด้วยนะ”
“ทำไมเราต้องปลุกนายด้วยวะ? แล้วตั้งใจจะนอนจริงเหรอเนี่ย?”
“เออ เราขึ้นรถทีไรง่วงทุกที ถ้านั่งเลยก็แย่สิ” ตี้พูดแล้วพิงหัวลงที่ไหล่เอส
“หลับสัปหงกแล้วปวดคอ ไหน ๆ มีเพื่อนมาด้วยเรานอนให้สบายดีกว่า”
“โอ๊ย! ผมนายจิ้มคอเรา” เอสบ่นแต่ตี้ไม่สนใจ

รถ airport link แล่นไปเรื่อย ๆ เอสเริ่มง่วงเช่นกัน ไม่นานสองหนุ่มม.4 ก็หลับพิงกันไปในรถที่เคลื่อนผ่านความมืดของกทม.
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 13: อัพ 24 พย.63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-11-2020 21:41:21
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 13: อัพ 24 พย.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 01-12-2020 02:55:22
King Class Away: ep14
มาบ้านเรามั้ย

เช้าวันจันทร์ระหว่างกำลังนั่งฟังอาจารย์พูดหน้าเสาธงดิมยื่นมือมาสะกิดผม
“สน เดี๋ยวเที่ยงนี้มากับเราหน่อยสิ”
“ได้สิ มีอะไรเหรอ?”
“เดี๋ยวเราบอกให้ เจอกันที่ระเบียงตอนจบคาบ 4 นะ”

พอจบคาบ 4 คนอื่น ๆ รีบลงไปโรงอาหารกัน ดิมยืนรอที่หน้าห้องแล้ว
“ดิม มริงหายดีแล้วเหรอ?”
“นอนพักตลอดเสาร์อาทิตย์ก็โอเคแล้ว เดี๋ยวพวกเราไปห้องของพี่ ม.5 กัน”
“หืม? ไปทำไมเหรอ?”
“ไปขอหนังสือเรียนน่ะ”
“ยังไงนะ กรูไม่เข้าใจ”
“เราจะไปขอหนังสือเรียนของรุ่นพี่น่ะ พอสอบไฟนอลจบเทอม 2 ส่วนใหญ่เค้าก็ไม่ใช้หนังสือเรียนกันแล้วจริงมั้ย เราก็ขอพี่เค้าไว้ล่วงหน้าเลย สนจะได้ประหยัดค่าหนังสือปีหน้าไปได้เยอะเลยไง”
“เฮ้ย ความคิดดีนี่หว่า”

แต่การเดินเข้าห้องพี่ ม.5/8 มันกดดันเหมือนกันนะเนี่ย ผมว่าผมก็ตัวสูงนะแต่พวกพี่ ๆ สูงกว่าผมอีก ดีที่มาตอนพักเที่ยงเลยมีคนไม่เยอะ ไม่เครียดเท่าไหร่
“หวัดดีครับพี่ เอ่อ...ผมชื่อใบสนนะครับอยู่ ม.4/8 ครับ”

รุ่นพี่หันมาทำหน้างง ๆ
“ครับน้อง มีอะไรเหรอ?”
“คือผมจะขอหนังสือเรียนของพี่หลังจากสอบไฟนอลเทอม 2 เสร็จน่ะครับ ได้ไหมครับพี่?”
“เออ...น้องบอกว่าห้อง 4/8 ใช่มั้ย?”
“ครับพี่”
“พี่เรียนมา 4 ปีเพิ่งเคยได้ยินรุ่นน้องห้องมาให้เทคแคร์ว่ะ อืม...ก็ได้นะ สอบปลายภาคเสร็จก็ไม่ได้ใช้ตำราของม.5 แล้วนี่นะ ถ้าน้องใบสนจะรับช่วงต่อก็ได้ แต่พี่วาดรูปเล่นไปเยอะแล้วว่ะ เอาจริงเหรอ?”
“ได้ครับพี่ ผมขอบคุณมากเลยครับ”
“อือ เดี๋ยวพี่เก็บไว้ให้ละกันนะ”


“ขอบใจมริงมากนะดิม กรูไม่เคยนึกถึงวิธีนี้มาก่อนเลย ถ้าทำแบบนี้เนี่ยประหยัดเงินค่าตำราได้เยอะทุกปีเลยนะเนี่ย” ผมพูดกับดิมระหว่างเดินไปโรงอาหาร
“บางทีหนังสือของรุ่นพี่ก็มีเขียนสรุปไว้ด้วย ทำให้เรายิ่งเรียนได้ดีขึ้น เราทำแบบนี้มาตลอดเลย”
“นี่สินะเทคนิคเรียนดีของมริง พัตเองก็แนะนำให้อ่านพวกเว็บภาษาอังกฤษ มีเพื่อน ๆ ดีแบบนี้กรูโคตรโชคดีเลย”
“แต่วันนี้คงติวไม่ทันแล้ว นี่ก็เที่ยงครึ่งละ รีบทานข้าวกันเถอะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยติวกัน”
ผมกับดิมเข้าแถวซื้อข้าวแล้วเดินไปโต๊ะประจำที่บอมกับพัตนั่งอยู่

“นั่นถุงอะไรเหรอวะบอม?”
“พัตซักเสื้อนักเรียนมาคืนกรูน่ะ ที่วันนั้นไปค้างบ้านกรู”
“แล้วดิมเป็นไงบ้าง หายดียัง?” พัตถาม
“เราสบายดีแล้วล่ะ ขอบใจทุกคนนะ เอ้อ! รู้ยังว่าอีก 2 สัปดาห์จะมีสอบเก็บคะแนนวิชาเลข” ดิมพูด
“งั้นพวกเรามาติวด้วยกันตอนเที่ยงไหม มีทั้งดิมกับพัตน่าจะดีนะ” สนยิ้มพลางหันไปหาดิม
“ดี ๆ งั้นช่วงนี้พวกเรารีบกินข้าวแล้วมาติวกันตอนเที่ยงครึ่งนะ”



ผมรับถุงชุดนักเรียนกับถุงเกมมาจากบอมแล้วรีบยัดถุงเกมใส่เป้ ถ้าอาจารย์มาเห็นอาจโดนยึดได้
ตอนนี้ในเป้มีทั้งเกมที่คุณครูบิ๊วซื้อให้กับการ์ตูนที่เอสเอามาคืนเมื่อเช้าและเสื้อพละสำหรับใส่เล่นบาสคาบสันทนาการ

พอถึงคาบ 8 ผมก็มารอที่สนามบาส แบตมือถือใกล้จะหมดแล้วผมจึงเสียบพาวเวอร์แบ้งค์แล้วใส่ในกระเป๋า
“ป่ะ พัตไปเปลี่ยนชุดกัน” บอมดึงมือผมไปห้องน้ำใต้โรงยิม
“บ...บอม ไม่ต้องก็ได้”

คือแค่นี้ผมก็รู้สึกแย่ที่กำลังหาทางแฮ็กมือถือบอมอยู่ แล้วจะอยู่ใกล้เขาที่ยิ้มให้ผมตลอดเวลาแบบนี้ผมโคตรรู้สึกผิดเลย (ถึงจะอยากเห็นเขาถอดเสื้อก็เถอะ)
“เออ จริงด้วย พัตคงอยากรีบซ้อมก่อนคนมาเยอะใช่มั้ย?”
พูดจบบอมก็แกะกระดุมเสื้อนักเรียนถอดออกข้างสนามบาสเลย เฮ้ย! ตรูไม่ได้หมายความแบบนี้!!!

ที่บอกว่า “ไม่ต้องก็ได้” คือไม่ต้องชวนตรูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมนายก็ได้ว้อย ไม่ได้บอกให้ถอดเปลี่ยนกันตรงนี้! ถึงแม้ว่าหลายคนจะทำแบบนั้นก็เถอะ แต่บอมมริงควรเก็บไว้ให้ผมมองคนเดียวว้อย! หัวใจเต้นแรงมากทั้งเขินทั้งอยากดูทั้งหวง! ผมเลยจำใจต้องถอดเปลี่ยนตรงนี้บ้าง พอเปลี่ยนใส่ชุดพละเสร็จก็เห็นบอมอมยิ้มจ้องผมอยู่
“พัตเขินเหรอ?”
“...ซ...ซ้อมกันเถอะ” ผมพูดอะไรไม่ออกที่รู้ว่าเมื่อกี้บอมมองผมอยู่
“พัตตัวขาวเนอะ ดีนะสนามบาสที่นี่มีหลังคานายจะได้ไม่คล้ำ ดูสิเราดำมากเลย เล่นกลางแดดตั้งแต่ม.1”
บอมเอาแขนมาทาบกับแขนผม เนื้อแนบเนื้อแบบนี้ผมทำตัวไม่ถูกเลย

“พัตรู้มั้ย เวลานายเขินนี่หน้าตลกมากเลย”
“เดี๋ยวนะ นี่เมื่อกี้นายตั้งใจเหรอ?”
บอมหัวเราะ “เออดิ ก็นายชอบทำหน้าเครียดทั้งวัน จะเล่นกีฬาต้องทำอารมณ์สนุกดิจะได้ผ่อนคลาย”

แย่ละ! จุดอ่อนของตรูโดนดูออกง่ายขนาดนี้เลยเหรอฟระว่าตรูแพ้เวลาเห็นคนถอดเสื้อ? แต่เหมือนบอมไม่คิดมากอะไร แถมยังแกล้งหยอกผมซะอีก...เดี๋ยวนะ แล้วไอ้ที่เขาบังเอิญถอด ๆ ต่อหน้าบ่อย ๆ นี่...ตกลงมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่มั้ยฟระ!?

“วันนี้เราจะสอนการเลย์อัพนะ พัตรู้จักมั้ย?”
“เคยเรียนตอนม.2 แต่ลืมหมดแล้ว” (โง่เรื่องพละมากเลยผม)
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพัตลองใช้มือเดียวโยนลูกบาสให้สนนะ”
“ใช้มือเดียวเหรอ? ไหนบอมบอกว่าเวลาส่งบอลต้องใช้สองมือ”
“อือ แต่อันนี้เราอยากดูอะไรหน่อยน่ะ พัตโยนเบา ๆ มาให้เราก็พอ” สนบอก
ผมก็โยนเบา ๆ ไปให้สน

“ถนัดซ้าย ดีเลยว่ะบอม”
“คืออะไรเหรอสน?”
“เราอยากรู้ว่าพัตถนัดมือไหนตามธรรมชาติน่ะ เนี่ยตะกี้นายใช้มือซ้ายโยนให้เรา”
“อ๋อเหรอ แล้วดียังไงเหรอ?”
“ก็คนส่วนใหญ่ถนัดขวาไง ถ้าพัตเลย์อัพมือซ้ายเค้ามักเดาทางไม่ถูก”

“พัตดูเรานะ ปกติเวลาเลี้ยงบอลเราห้ามจับบอลเดิน แต่เวลาเลย์อัพเราจับบอลเดินสองก้าวได้ ของนายคือให้ก้าวขาซ้ายก่อน แล้วก้าวขวาสปริงตัวขึ้นไป”

“มือซ้ายชูบอลขึ้นไปให้สูงสุด เล็งช่องระหว่างห่วงกับแป้นนะ มือขวายกนิดหน่อยไว้กันคนปัดบอล สะบัดข้อมือให้บอลไปโดนด้านซ้ายของกรอบใน เดี๋ยวบอลจะเข้าห่วงเอง”
“พัตฝึกวนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ยังไม่ต้องวิ่งเร็วนะ ตั้งใจแค่ท่าถูกก็พอ รับบอลแล้วเลี้ยงมาวนรอบกรวยอันนี้”
สนเอากรวยมาวางนอกเส้นสามแต้ม
ผมก็ฝึกไปเรื่อย ๆ สนุกดีแฮะ รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้กระโดด ระหว่างนั้นบอมกับสนแยกไปเล่นทีมกับรุ่นพี่

“เป็นไง เบื่อยังพัต?” บอมเดินกลับมา เหงื่อเต็มตัวเลย
“ไม่เบื่อเลย สนุกดี”
“ฟอร์มเริ่มสวยละ งั้นก็...” บอมเดินไปยืนหน้าแป้น
“พัตเลย์อัพอีกทีซิ”
ผมก้าวเท้าซ้าย ตามด้วยขวา สปริงตัวขึ้นพร้อมชูบอล….บอมก็กระโดดขึ้นยกมือกัน
เชรี่ยยย! หน้าแทบจะชนกัน!

“เวลาเลย์อัพจริงอาจมีคนกระโดดกันแบบนี้ พัตลองฝึกดูจะได้ชิน”
“เอ่อ...ร...เราขอฝึกคนเดียวได้มั้ยบอม?”
คือตรูดีใจนะที่ได้ใกล้ชิดนายขนาดนี้ แต่...แมร่งเอ๊ย! ทำตัวไม่ถูกว้อย!! หน้าแทบชนกัน ตัวก็ชิดกันเลย

“พัตไม่ค่อยเล่นกับใครเลยรู้สึกขัด ๆ เวลามีคนบล็อกหรือเปล่า? ไม่ต้องกังวลเรานะ นายใช้มือขวาบังแขนเราเลย”
ตรูไม่ได้รู้สึกขัดหรือกังวล แต่ตรูทำตัวไม่ถูกที่ไอ้คนนั้นดันเป็นนายนั่นแหละบอม!!
“มา ๆ ลองอีกที ไม่ต้องกลัวเรานะ”
มันเป็นช่วงเวลาที่ผมบอกไม่ถูกว่ามีความสุขหรืออะไรกันแน่ ทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้ ใบหน้านั้น...ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น...ความอบอุ่นกับกลิ่นโคโลจ์นนั้น

“แฮ่ก ๆ จะห้าโมงเย็นแล้ว เราต้องกลับแล้วล่ะบอม”
ผมถอดเสื้อพละที่ชื้นเหงื่อออก เปลี่ยนกลับเป็นเสื้อนักเรียน
“อืม เดี๋ยวเราเดินไปส่งนะ” บอมโอบไหล่ผม
...เพื่อนผู้ชายเค้าเดินไปส่งทุกครั้งเหรอฟระ... บอมเทคแคร์ผมมาก...มากจนผมกลัวว่าวันหนึ่ง...ผมจะห้ามใจไม่ไหว

“ไม่เป็นไรหรอกเราไปเองได้ บอมไปซ้อมทีมกับพวกพี่ ๆ เค้าเถอะ ขอบใจนายกับสนมากนะที่ช่วยสอนเราวันนี้” (ผมไม่พลาดให้บอมเจอพ่อแบบเมื่อวันศุกร์แน่ จนกว่าจะลบแชทไลน์นั้นได้ก่อน)
“อือ แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะ”

“ลูกเล่นจนเหงื่อชุ่มเลยนะเนี่ย ระวังจะป่วยนะ”
“สบายมากครับพ่อ วันนี้เรียนบาสสนุกดีครับ พรุ่งนี้เพื่อน ๆ จะติววิชาเลขกันด้วยครับ อีก 2 สัปดาห์จะมีสอบเก็บคะแนน”
“อืม...ถ้าลูกบริหารกิจกรรมกับการเรียนได้พ่อก็ไม่ว่าอะไรนะ ถ้าอยากอยู่กับเพื่อนต่ออีกหน่อยก็บอกพ่อให้มารับเย็นกว่านี้ก็ได้นะ”
“ขอบคุณครับพ่อ”


กลับมาถึงบ้าน อาบน้ำทานข้าวเสร็จผมก็กลับขึ้นห้อง ได้เวลาเอาเกมของมาเล่นละ
หืม? มีกระดาษอะไรแปะไว้ด้านหลังกล่องด้วย

ให้น้องพัต นักเรียนคนเก่งของครูนะครับ

คุณครูบิ๊วเขียนโน้ตให้ผมเหรอ? ...เดี๋ยวนะ...แล้วตอนนั้นที่บอมโทรมาบอกว่าผมลืมถุงนี่ไว้ที่บ้านบอมแล้วผมให้เขาเปิดดู บอมได้อ่านไอ้นี่ไหม? ถ้าอ่านเขาจะคิดว่ามันคืออะไรวะ? ที่แน่ ๆ บอมคงรู้แล้วว่ามันไม่ใช่เกมที่ผมซื้อเอง เขาจะรู้เรื่องผมกับครูบิ๊วไหม?

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น บอมโทรมา
“หวัดดีบอม”
“หวัดดีพัต วันนี้ซ้อมเยอะเลยปวดเมื่อยตัวมั้ย?”
“ไม่นะ”
“อืมดีละ เราก็เป็นห่วงว่าเราซ้อมให้นายเยอะไปไหม นี่ตามตารางวันพรุ่งนี้เรากับสนจะฝึกการส่งชิ่งให้นาย จะได้ลงเล่นจริงด้วยกันเร็ว ๆ”
“โห! บอมวางแผนการซ้อมให้เราล่วงหน้าแบบนี้เลยเหรอ?”
“ใช่ พวกเราอยากให้พัตมาเล่นบาสจริง ๆ ในสนาม นายจะได้สนุกกว่านี้ สัปดาห์นี้ก็ฝึกเดินเลี้ยงบอลบ่อย ๆ นะจะได้ชิน”
“อืม ขอบใจนะบอม ขอบใจสนด้วย”
“ตอนนี้ก็ยังขาดสมาชิกทีมอีกเยอะเลย เดี๋ยวพัตเก่งขึ้นแล้วเราจะบอกรุ่นพี่ให้พัตเป็นตัวสำรองนะ”
“ข...ขอบใจนะบอม”

พูดไม่ออกเลยว่าผมสัญญากับพ่อว่าชมรมบาสจะเป็นแค่กิจกรรมสันทนาการ ผมจะไม่ลงแข่งจริง...บอมอุตส่าห์ตั้งความหวังกับผม...ตอนนี้ช่างมันก่อนละกัน พ่อก็ดูท่าทีอ่อนลงเยอะ ถ้าผลสอบกลางภาคออกมาดีผมอาจขอเป็นตัวสำรองก็ได้

“อือ งั้นแค่นี้นะนายจะได้รีบนอน”
“เอ่อ...บอม”
“หืม? พัตมีอะไรเหรอ?”

ผมควรถามเขาไหมฟระว่าบอมได้อ่านโน้ตในถุงเกมนี่หรือเปล่า...แต่เท่าที่คุยเขาก็ไม่ถามถึงหรือมีท่าทีอะไรนะ งั้นผมไม่ควรถามให้เขาเอะใจดีกว่า
“เอ่อ...จะถามว่า...”

ถามอะไรดีวะ?

อาบน้ำยัง? ห่าเอ๊ยไอ้พัต มริงจะเลิกคิดเรื่องบอมแก้ผ้าสักครั้งได้ไหม
บอมมีแฟนยัง? คราวที่แล้วบอมยังถามผมเลย ผมก็ควรถามกลับไหม แต่กลัวคำตอบ ถึงวันนั้นจะเห็นเขาคุยยิ้มกับอั้มซึ่งก็โคตรชัดเจนอยู่แล้ว
ชวนคุยเรื่องที่เขาชอบไง! บาสไง! หาเรื่องคุยเล่นกับเขาเลย

“แล้วบอมดูรายการแข่งบาสอะไรบ้างมั้ย?”
“เราก็ดูหลายรายการนะ”
จากนั้นบอมร่ายยาวเลย ชื่อรายการ ชื่อทีม ชื่อนักกีฬา ซึ่งแน่นอนตรูไม่รู้จักสักชื่อ พลาดไหมดันชวนเขาคุยเรื่องนี้ ป่านนี้เขาคงรู้แล้วว่าจริง ๆ ผมไม่รู้จักกีฬานี้สักนิด ผมดูน่าเบื่อในสายตาเขาไหมเนี่ย?

“แต่เราไม่ค่อยได้ดูสดน่ะพัต ไม่มีเคเบิ้ลทีวี ตามร้านอาหารเค้าก็เปิดแต่ฟุตบอล ส่วนใหญ่เราดูแต่เทปเก่าในเว็บเอา”
“แล้วเร็ว ๆ นี้มีแมตช์ไหนที่อยากดูไหมอ่ะ?”
“ก็มีคืนวันศุกร์กับเช้าวันเสาร์นะ รายการเช้าวันเสาร์จริง ๆ คือแข่งตอนค่ำที่อเมริกาคืนวันศุกร์น่ะ”
“งั้นมาดูที่บ้านเราไหมล่ะ? ชวนสนมาด้วยดิ”
“ก็ดีนะ ว่าแต่จะรบกวนพ่อแม่พัตไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอกเค้าไม่อยู่ สุดสัปดาห์นี้พ่อแม่เราไปสมุย”
“ไปเที่ยวเหรอ? แล้วพัตไม่ไปด้วยล่ะ? สมุยน่าจะสวยมากเลยนะ”
“แม่เราไปทำงานน่ะ พ่อเราไปเฝ้า แต่เราไม่ไปหรอกต้องนั่งอยู่แต่ในโรงแรม”
“ห...เหรอ แล้วพัตไม่เหงาเหรอ?”
“ตอนเด็ก ๆ ก็เหงาบ้าง แต่ตอนนี้ชินละ”
“อืม ขอบใจนะพัต เดี๋ยวดูก่อนละกันว่าเรากับสนไปได้ไหม”
“อืม ราตรีสวัสดิ์นะบอม”

เย็นวันศุกร์นี้บอมกับสนจะมาค้างที่บ้านผมว้อย!!! ดีใจนอนไม่หลับเลย!
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 13: อัพ 24 พย.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 01-12-2020 02:59:15
King Class Away: ep15
พิซซ่า


เที่ยงวันอังคาร หลังทานข้าวเสร็จพวกเราก็เริ่มติววิชาเลขบทที่ 1 จบทันหมดพักเที่ยงพอดี
ดิมอธิบายเข้าใจง่ายมาก สมกับเป็นเด็กห้องควีนเลย

“วันนี้วันเกิดอยากกินพิซซ่าน่ะ ทุกคนไปกินด้วยกันไหม? วันอังคารมีโปร 1 แถม 1 พอดี” บอมพูดขึ้นมา
...ห้ะ! วันนี้วันเกิดบอมเหรอ เมื่อคืนตอนคุยโทรศัพท์ไม่เห็นบอกผมเลย

“ก็ดีนะ ถาดใหญ่หารกัน 4 คนก็ไม่แพงนะ” ดิมพูด
“แต่มีการบ้านวิชาเลขอีกตั้ง 10 ข้อนะ ถ้าเลิกเย็นเดี๋ยวทำการบ้านดึกแน่” สนแย้ง
“งั้นมาช่วยกันทำการบ้านตอนเลิกเรียนไหมล่ะ แบ่งกันคนละ 2-3 ข้อแป๊บเดียวก็เสร็จ” ผมเสนอ
“แบบนั้นก็ลอกการบ้านน่ะสิพัต?” บอมถาม
“ไม่หรอก ใครทำข้อไหนก็ต้องอธิบายวิธีทำให้ทุกคนรู้ แบบนี้จะเข้าใจละเอียดเหมือนทำการบ้านด้วยตัวเองเลย ตอน ม.ต้นเรากับเพื่อนก็เคยทำแบบนี้”
“ไอเดียนายดีนะพัต” ดิมพูด

...ตอนอยู่ห้องคิง การบ้านสุดยากวันละ 20 ข้อ ผมก็ต้องหาทางออก…

“งั้นเลิกเรียนมาเจอกันที่โรงอาหารนะ รีบทำรีบอธิบายแล้วจะได้ไปกินพิซซ่ากัน” สนนัดแนะทุกคน

ผมส่งข้อความไปบอกพ่อว่าวันนี้กินเลี้ยงวันเกิดเพื่อน จะกลับเอง
ดีใจชิบเป๋ง!!! ผมกำลังจะได้ฉลองวันเกิดบอม! ช่วงนี้มีเรื่องดีมาติด ๆ กันเลย ตอนนี้ก็ลุ้นว่าศุกร์นี้บอมกับสนจะมาค้างดูรายการบาสที่บ้านผมมั้ย


16:15น.
ห้องม.4/3 วิชาแนะแนว

คาบสุดท้ายวันนี้เป็นวิชาแนะแนว ผมกำลังทำแบบทดสอบอาชีพที่เหมาะสม ใช้หมุดปักกระดาษตามคำถามแล้วดูผลว่าเหมาะกับอาชีพอะไร คือผมก็ตั้งใจจะเป็นสถาปนิกอยู่แล้ว แต่ลองดูเผื่อมีอาชีพอื่นแปลก ๆ

“เอส” ตี้กระซิบ
“หืม? มีอะไรเหรอตี้ อย่ามาลอกการบ้านเรานะ”
“จะบ้าเหรอ ไอ้จิ้ม ๆ เนี่ยเค้าแนะแนวอาชีพที่เหมาะกับเรา จะลอกนายเพื่ออออออ?” ตี้กวนตีน
“แล้วนายมีอะไร?”
“เย็นนี้ไปห้องโสตกับเราหน่อย”
“ไปทำไม?”
แมร่งฟังเหมือนชวนไปทำมิดีมิร้าย ชวนไปห้องมืด ๆ เปลี่ยว ๆ แบบนั้นหลังเลิกเรียน

“มาช่วยดูเทปรายการที่เราตัดต่อหน่อย”
“เราจะรู้วิธีใช้เครื่องตัดต่อมั้ย ก็ให้คนในชมรมช่วยสิวะ”
“เทปมันตัดต่อเสร็จแล้ว แค่ไปนั่งดู”
“ให้เราไปนั่งดูเพื่ออะไร?”

“ก็อยากให้คนนอกช่วยดูว่ามันใช้ได้ไหม ช้าไปเร็วไปหรือเปล่า ถามรุ่นพี่ในชมรมเค้าก็อาจตอบเอาใจเรา”
“เฮ้อ แทนที่จะได้กลับบ้านเร็ว ๆ ต้องมานั่งดูอะไรวะเนี่ย?”
“บ้านอยู่ใกล้แค่เนี้ย น้ำจงน้ำใจไม่มีเลย”

ผมยังไม่ทันขยับปากด่า รุ่นน้องสองคนก็เดินเข้ามา
“พี่คะ รูปนี้ใช่พวกพี่สองคนมั้ยคะ?”
แล้วน้องก็เปิด IG ให้ดู ...รูปผมกับไอ้ตี้หลับหัวพิงกันบนรถไฟฟ้า

“เอ่อ...น้องครับ รูปนี้มาจากไหนเหรอ?”
“IG Cute_student ค่ะ”
เปล่า! หมายถึงใครถ่าย! ต้องเป็นใครสักคนบนรถขบวนนั้นแน่ ๆ นี่มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเลยนะว้อย

“พี่คะ หนูอยากถามว่า เอ่อ...คือ...พวกพี่สองคน...” น้องยิ้มกรุ่มกริ่มทำผมขนลุก

ไอ้ตี้กระซิบ “เอส ถ้านายไม่ไปดูเทป เราจะบอกน้องเค้าว่านายเป็นแฟนเรา”
“เชรี่ย อย่านะเว้ย เดี๋ยวลือไปไกล” รูปก็โคตรส่ออยู่แล้ว
“ไม่รู้ล่ะ” ตี้กระซิบแล้วหันไปยิ้มหวานให้รุ่นน้อง
“เออ” ผมกระซิบตอบอย่างจำใจ

“พวกพี่เป็นเพื่อนสนิทกันครับ IG พี่ Ty_Tweetie นะครับ ฝากฟอลโล่ด้วยนะ” ตี้ฉีกยิ้มแล้วโอบไหล่ผม รุ่นน้องก็ร้องวี้ดว้ายใหญ่
“ไอ้ฟาย โอบไหล่นี่เค้ายิ่งเข้าใจผิด!”
“ความสัมพันธ์ชวนจิ้นแบบนี้แหละขายดี เชื่อเรา เผื่อฟลุ้กติดกระแส Y มีคนฟอลโล่เยอะ ๆ อาจได้รับรีวิวสินค้านะเว้ย”
“ชื่อ Tweetie คิดได้ไงวะ ไม่เข้ากับนายเลย”
“ก็ชื่อจริงเรา ธวัชตรี พิมพ์ภาษาอังกฤษยาก คนจำยากขายไม่ได้เว้ย”

แมร่งเอ๊ย อยู่ดี ๆ ต้องโดนจิ้นกับไอ้โย่งเนี่ย อย่าให้รู้นะว่าใครถ่าย จะฟ้องละเมิด!


16:56น.
โรงอาหาร

วิธีแบ่งกันทำและเฉลยการบ้านได้ผลมาก ประหยัดเวลาไปเยอะเลย
ถึงตาผมเฉลยข้อสุดท้ายละ
“พอแทนค่าสมการแล้วจะได้ว่า X-Y=5 และ X*Y=36 วิธีเร็วสุดคือแยกตัวประกอบของ 36 คือ 3*12 ---> 3*3*4 ---> 3*3*2*2 แล้วจับคู่คูณใหม่ให้กลายเป็นเลข 2 ตัวแทนค่าลงสมการฝั่งซ้าย
18-2=16 ไม่ใช่
12-3=9 ไม่ใช่
9-4=5 อันนี้ใช่ สรุป X=9 Y=4”

“พัต...มริงไปเร็วมาก ห่านเอ๊ย! กรูยังงง ๆ ตรง X-Y กับ X*Y อยู่เลย” สนบ่น
“จะได้รีบไปกินพิซซ่าวันเกิดบอมไง แต่วิธีนี้จะใช้ยากถ้าผลคูณของ X*Y เป็นเลขจำนวนมาก ๆ น่ะ”

...ทำไมสามคนมองหน้ากันแปลก ๆ…

“ใช่ ๆ พวกเรารีบไปฉลองวันเกิดไอ้บอมกันเหอะ” สนพูดแล้วเก็บสมุดหนังสือใส่กระเป๋าแล้วเดินนำลงจากโรงอาหาร
“ขอบใจนะพัต เทคนิคนายนี่ทำการบ้านไวมากเลย แถมเข้าใจมากกว่านั่งทำคนเดียวอีก” บอมพูดยิ้ม ๆ

เพื่อบอม ผมทำได้ทุกอย่างแหละ…ว่าแต่ฟ้าครึ้มเร็วมากเลย เมฆก็ดำทะมึนมาเลย ผมอยากรีบทานรีบกลับบ้าน แต่อีกใจก็อยากอยู่กับบอมนาน ๆ ในวันพิเศษของเขา พอไปถึงประตูโรงเรียนก็เจอเอสกับตี้พอดี บอมตะโกนทัก
“หวัดดีเอส”
“หวัดดีบอม”
“เราชื่อตี้นะ หวัดดีทุกคน” ตี้ยกมือทักทาย
“หวัดดีตี้ วันนี้พวกเราจะไปกินพิซซ่าน่ะ พวกนายไปด้วยกันไหม? มีโปร 1 แถม 1” บอมชวน
“ก็ดีนะ มีคนหารเยอะดี” เอสพูด
“พอมีของกินล่ะใจง่ายเชียว ไหนเมื่อกี้บอกว่ารีบกลับบ้าน” ตี้พูด
“เอสจะรีบกลับบ้านเหรอ?” ผมถาม
“เปล่า ๆๆ อย่าไปฟังไอ้ตี้มันมาก”
“ป่ะ งั้นเรียกรถกะป๊อไปเลย”

ผมได้นั่งติดกับบอม โชคดีชะมัด (อันที่จริงทุกคนก็ติดกันไปหมดแหละ รถคันนิดเดียวอัดเข้ามาตั้ง 6 คน) บอมหันมาอมยิ้มให้ผมตลอดทางจนไปร้านพิซซ่าที่สี่แยกใกล้โรงเรียน พอขึ้นไปชั้นสองสั่งพิซซ่าเสร็จก็นั่งคุยกัน

“พวกเรานี่คนละห้องกันหมดเลยเนอะ นี่บอมห้อง2, เอสกับตี้ห้อง3, พัตห้อง4, ดิมห้อง7, เราชื่อสนนะห้อง8”
“เรา พัต สน อยู่ชมรมบาสนะ หลังเลิกเรียนมาเล่นด้วยกันได้นะ” บอมพูด
“เราชื่อดิมนะ อยู่ชมรมคอม ใครอยากโหลดหนังก็บอกเราได้”
“หนังประเภทไหนก็ได้เหรอวะ?” สนถาม
“หนังปกติเท่านั้นว้อย เซิฟเวอร์มันมีบันทึกประวัติ” คำตอบของดิมทำทุกคนฮา
“เราชื่อเอสนะอยู่ชมรมห้องสมุด ตอนนี้มีระบบ interactive ด้วย ไปลองเล่นกันได้นะ”
“เราชื่อตี้ อยู่ชมรมโสตทัศน์”
“ชมรมนี้ทำอะไรบ้างเหรอ?”
“ก็อ่านข่าว ทำสารคดี เดี๋ยวจะมีหนังมาฉายทีวีในโรงอาหารด้วยนะ เราอยากเป็นนักข่าวน่ะ”
“กวนตีนเก่งอย่างนายเนี่ยนะโย่ง จะเป็นนักข่าว” เอสพูดกับเพื่อนร่วมห้อง
“จุดขายจะตาย”

“ดิมอยู่ชมรมคอมเหรอ มือถือเราพักนี้มีข้อความอะไรแปลก ๆ เข้ามาแฮะ ไม่รู้โดนไวรัสรึเปล่า” บอมพูดขึ้นมา
...เฮือก! ฉิบหายแล้วตรู...

“ถ้าโดนไวรัสมันจะส่งข้อความออกไปนะ ไม่ใช่รับข้อความเข้ามา แต่ยังไงก็ไม่ควรกดอ่านลิ้งค์จากคนแปลกหน้านะ อันตราย”
...ดิมอย่าไปแนะแบบนั้นสิว้อย แล้วไอ้โต้งเพื่อนผมจะแฮ็กมือถือบอมได้ไงเล่า…

“เอ่อ...เราไปห้องน้ำแป๊บนึงนะ”
แย่แล้วบอมไม่หลงกลง่าย ๆ แถมมีดิมช่วยให้คำแนะนำอีก แบบนี้แผนของผมไม่สำเร็จแน่ ทำไงดีว้า...เรื่องนั้นช่างมันก่อนละกัน วันนี้วันเกิดบอมนะไม่ควรคิดเรื่องอะไรไม่ดี พอกลับมาที่โต๊ะ พิซซ่าถาดใหญ่ 2 ถาดก็มาเสิร์ฟพอดี แต่ละคนทานไปคุยกันไป ผมชอบบรรยากาศนี้จัง สมัยอยู่ห้องคิงไม่เคยมีเพื่อนเยอะ ๆ มานั่งทานเล่นสนุกกันแบบนี้

“พัตทานเยอะ ๆ สิ” บอมตักพิซซ่าอีกชิ้นใส่จานผม
“ขอบใจนะบอม” ตาสีน้ำตาลมองมาที่ผม ตาคู่นี้ผมมองได้ไม่เคยเบื่อเลย

“มาแล้วค่าาา!! ♫♪ Happy birthday to you! Happy birthday to you!! ♫♪”
เสียงพนักงาน Swensen’s เดินขึ้นบันไดมาพร้อมร้องเพลงอวยพรวันเกิดและไอศครีมชามใหญ่ที่ผมแอบสั่งตอนไปห้องน้ำ

ไอศครีมที่ติดป้าย Happy Birthday ถูกวางลงตรงกลางโต๊ะพร้อมจุดเทียนวันเกิด
“สุขสันต์วันเกิดนะบอม” ผมหันไปยิ้มให้เขา

บอมยิ้มแห้ง ๆ ทำตัวไม่ถูก
“พัต...นายสั่งมาเหรอ?”
“อื้ม วันเกิดบอมไง ไม่ต้องห่วงเราจ่ายตังค์ไปแล้ว บอมเป่าเทียนดิ”

สนหัวเราะร่วนและตบบ่าผมในขณะที่บอมยังยิ้มแห้ง ๆ ค้างตั้งแต่เมื่อกี้
“ฮ่า ๆๆ เราว่าแล้ว! พัตนายเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิด?”
“ใช่ นายเข้าใจป่ะ? ที่ไอ้บอมแมร่งพูดน่ะ วันนี้วัน-เกิดอยากกินพิซซ่า ไม่ใช่วันนี้วันเกิด-อยากกินพิซซ่า”

อะไรนะ! นี่ไม่ใช่วันเกิดเค้าเหรอ? ตกลงตรูแปลคำเขาผิด?
ดิมอมยิ้ม “พัต โอ๊ย! ฮ่า ๆๆ เราก็ว่านายพูดแปลก ๆ ตั้งแต่ตอนทำการบ้านละ”
“พัต นายแมร่งเล่นใหญ่จัดเต็มไอติมวันเกิดอ่ะ เชรี่ย! บอมมริงน่ะคนผิดเลย เสือกพูดกำกวม”
“พัต เราขอโทษ” บอมกุมมือผมทั้งที่ยังยิ้มไม่หยุด “ยังไงก็ขอบใจมากนะ”

“เดี่ยวพี่ถ่ายรูปให้นะคะ มายืนรวมกันน้า!” ทุกคนมารวมกัน บอมกอดคอผม เป็นการหน้าแตกที่ผมมีความสุขมากเลย
“พี่ครับ รบกวนเอามือถือผมถ่ายอีกรูปให้ด้วยนะครับ” บอมยื่นมือถือให้พี่พนักงาน
“ได้ค่า”

“สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้าละกันนะบอม นายเป่าเทียนดิจะได้กินไอติมกัน” ตี้ช่วยจบความหน้าแตกให้ผม
“พัตแมร่งตั้งใจมากอ่ะ รีบช่วยทุกคนทำการบ้านเพื่อมาฉลองวันเกิดให้มริงนะบอม นายคิดอะไรรึเปล่าว้าพัตตตตตต?” สนหยอกพลางหัวเราะ
“อย่าแซวว้อย รีบกินเลย!” บอมหน้าแดงทันที เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นเขาแบบนี้

สักพักเค้าก็เอารูปใส่กรอบกระดาษมาให้บอม เขายิ้มดีใจเขิน ๆ
“แล้ววันเกิดบอมจริง ๆ วันไหนเหรอ?” ผมถามระหว่างที่ทุกคนกำลังจ้วงไอติม
“19 มกรา 47 น่ะ แล้ววันเกิดพัตล่ะ?”
“วันเกิดเรา 24 กุมภา 47”
“งั้นเราเป็นพี่พัต 1 เดือนสินะ เอาไว้วันนั้นเราเลี้ยงวันเกิดนายคืนนะ” บอมหันมายิ้มให้ผม
“อืม”
บอมหยิบรูปที่พนักงานให้ขึ้นมาดูแล้วยิ้มกว้าง “ขอบใจพัตมากนะ”

พอทานเสร็จฝนก็เริ่มตก ซวยแล้ว! ทุกคนรีบจ่ายเงินหารกันค่าพิซซ่าแล้วลงมาชั้นล่าง
“เอส นายจะกลับยังไง?” ตี้ถาม
“อือ เรียกแท๊กซี่ไปก็ได้มั้ง ไม่ไกล แล้วมีใครไปทางเดียวกับเราไหม?” เอสตอบ
“เรากับสนอยู่อ่อนนุชน่ะ ก็ไม่ไกลหรอกแต่ว่าพัตนี่สิอยู่ไกล” บอมตอบและหันมามองผม
“เราไป airport link ได้”
“งั้นเราเดินไปส่งพัตที่สถานีนะ” บอมพูด
“บอมงั้นมริงกับกรูส่งพัตแล้วขึ้นรถเมล์ตรงนั้นเลย ดิมแล้วบ้านมริงอยู่ไหน?” สนถาม
“เอ่อ...ก็...”

รถเก๋งคนหนึ่งขับช้า ๆ มาหน้าร้าน Swensen’s และกะพริบไฟ
“ใครน่ะ?”
รถมาหยุดหน้าร้าน กระจกลดลง เป็นคุณครูบิ๊วนั่นเอง
“นั่นอาจารย์ฟิสิกส์นี่นา” ตี้พูด

“นักเรียนครับจะกลับบ้านกันหรือยัง เดี๋ยวอาจารย์ไปส่ง” ครูบิ๊วถามผ่านหน้าต่างรถ
ทุกคนมองหน้ากัน เอาไงดี

“ขึ้นมาเถอะเดี๋ยวเปียกฝนเป็นหวัดจะลำบากนะ”
“งั้นดิมมริงขึ้นไปก่อนเลย เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกอ่ะ” สนดันดิมขึ้นเบาะหลัง
“ตี้ นายตัวสูง ไปนั่งหน้าเลย”
“เอส นายมานั่งหน้ากับเรา” ตี้บอก
“บ้าเหรอ นั่งสองคนแล้วอาจารย์จะมองกระจกข้างได้ไง” เอสตอบ

ชุลมุนกันแป๊บนึงทุกคนก็ขึ้นรถได้หมด ตอนนี้ตี้นั่งหน้าข้างคุณครู ส่วนพวกผมอีกห้าคนที่เหลืออัดกันอยู่ที่เบาะหลัง
“อย่างกับกายกรรมเปียงยาง จะนั่งยังไงหมด ดิมกรูนั่งตักมริงนะ” สนพูด
ส่วนเอสกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนผมกับบอม

“ใครชื่ออะไร บ้านอยู่ตรงไหนกันครับ?” คุณครูบิ๊วถามทุกคน
“ผมชื่อตี้ครับอาจารย์ บ้านผมอยู่หมู่บ้านเมืองทองแถวโรงเรียนครับ”
“เอสครับ บ้านผมอยู่แถวแยกพระรามเก้าครับ”
“ผมชื่อบอมครับ อยู่อ่อนนุช 17 ครับ”
“ผมชื่อสนครับ อยู่ซอยตรงข้ามบ้านบอมน่ะครับ”
“นั่งท่านี้ไม่ถนัดเลยแฮะ บอมเรานั่งตักนายได้มั้ย?” เอสขยับตัว
“ได้สิ”
“ผมชื่อดิมครับ อาจารย์ส่งผมที่สถานี BTS อ่อนนุชนะครับ”
“บ้านดิมอยู่ไหนเหรอ ฝนตกแบบนี้อาจารย์ไปส่งที่บ้านดีกว่านะเดี๋ยวโดนฝนจะไม่สบาย”
“อยู่แถวอิมพีเรียลสำโรงครับ”
“โห ไกลมากเลย นายมาเรียนทุกวันไหวได้ไงเนี่ยดิม” ทุกคนพูดแทบจะพร้อมกัน

“อาจารย์ชื่อบิ๊วนะครับ” คุณครูบิ๊วหันไปบอกสน ซึ่งเป็นคนเดียวที่ไม่เคยเรียนกับคุณครูเพราะสนอยู่สายศิลป์ 
“สวัสดีครับอาจารย์บิ๊ว”
“งั้นอาจารย์ไปส่งเอสก่อนนะ แล้วเลี้ยวมาส่งตี้ แล้วไปส่งคนอื่น ๆ นะ”
ครูบิ๊วเริ่มขับรถออกจากลานจอดรถของห้างไปส่งเอสคนแรก บรรยากาศแบบนี้ก็สนุกดีนะครับเพื่อนเต็มรถ ...แต่พอเหลือบไปทางขวาเห็นสน บรรยากาศระหว่างสนกับดิมรุนแรงมาก

“ดิม” สนกระซิบเบา ๆ ไม่ให้รบกวนคนอื่น แต่น้ำเสียงนี่ชัดมากว่ากำลังโมโห
“ครับสน” ดิมตอบคนที่นั่งบนตักตัวเอง
“ที่มริงมางีบที่โรงอาหารทุกเช้าเพราะแบบนี้ใช่มั้ย? บ้านมริงแมร่งไกลชิบ”
“ครับสน”
“ไหนมริงบอกไม่ลำบากเลยที่ต้องมาติวกรูตอนเช้า”
“ครับสน ก็ไม่ลำบากนะ” ดิมยิ้มกวนแล้วกอดเอวเขา
“ถึงบ้านแล้วโทรหากรู เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ครับสน” ดิมยิ้มกวนอีกที

ด้านขวาเตรียมเกิดสงคราม ดิมนายตายแน่
ผมหันทางซ้ายมามองบอมดีกว่า ดีใจจังได้นั่งชิดกับเขา วันนี้ได้อยู่ใกล้กับบอมทั้งวันเลย

รถมาถึงบ้านเอสแล้ว
“ขอบคุณครับอาจารย์บิ๊ว หวัดดีนะทุกคน พรุ่งนี้เจอกัน” เอสบอกแล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน

พอไปส่งตี้เสร็จ บอมก็ย้ายไปนั่งข้างคนขับแทน ผม, สน, ดิมเลยนั่งหลังสบายขึ้น ผมคุ้นเส้นทางไปบ้านบอมเพราะเคยมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันพฤหัสที่แล้ว (เป็นคืนที่สนุกมาก เหอ ๆๆ) อิจฉาสนจังได้เป็นเพื่อนกับบอมตั้งแต่เด็ก บ้านก็ใกล้กันด้วย

รถเลี้ยวเข้าซอยอ่อนนุช 10 เป็นบ้านของสนที่อยู่ลึกในซอยนี้ คือซอยตรงข้ามกับซอยบ้านบอมนี่เอง
“ขอบคุณครับอาจารย์ ดิมถึงบ้านแล้วโทรหาเรานะ” สนพูดแล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน

“พัตค้างกับเราอีกมั้ย?” บอมพูด (อย่าชวนจริงเดี๋ยวผมตกลง)
“ไม่ได้อ่ะ เดี๋ยวพ่อว่า”
“งั้นเราไปละนะ ขอบคุณครับอาจารย์” บอมพูดก่อนเปิดประตูรถวิ่งเข้าบ้าน

ผมย้ายมานั่งหน้าข้างคนขับ ส่วนดิมนั่งหลัง
“ทำไมดิมมาเรียนไกลจังครับ?” คุณครูบิ๊วชวนคุย ผมก็สงสัยตั้งแต่คราวที่แล้วละว่าทำไมดิมเลือกโรงเรียนที่อยู่ไกลขนาดนี้
“ตอนแรกก็ลองมาสอบไว้เผื่อเลือก พอดีได้ห้องควีน พ่อเลยบอกให้เรียนที่นี่ครับ”
“แสดงว่าดิมเรียนเก่งมากเลยนะเนี่ย”
“ไม่หรอกครับ ทำแบบฝึกหัดทีไรก็ผิดหลายข้อทุกที โดนสั่งวิ่งรอบสนามบ่อยครับ ฮะ ๆๆ”
...คำพูดของดิมทำคุณครูบิ๊วและผมนิ่งเงียบพูดต่อไม่ถูกเลย...

คุณครูจอดส่งดิมที่ BTS อ่อนนุช จากนั้นก็ขับรถไปส่งผมต่อ
“ขอบคุณนะครับคุณครูบิ๊วที่ส่งผมกับเพื่อน ๆ”
“คือ...อันที่จริงครูมีเรื่องจะคุยกับพัตด้วยแหละ”
“เรื่องอะไรเหรอครับ?”
“พัตอาจได้ย้ายไปห้องควีน”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 13: อัพ 24 พย.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 01-12-2020 03:00:44
King Class Away: ep16
Phishing


“พัตอาจได้ย้ายไปห้องควีน”
“ครูบิ๊วหมายความว่ายังไงครับ?”

“เด็กห้องคิงคนนึงได้ทุนไปต่ออเมริกา ยูที่โน่นบอกว่านักเรียนจากเอเชียต้องเรียนภาษาอย่างน้อย 1 ปีถึงจะเข้าเรียนมหาลัยได้ ทีนี้ผู้ปกครองเลยบอกว่าไหน ๆ ก็ต้องเสียเวลาแล้วสู้เทียบโอนหน่วยกิตไปเข้าไฮสคูลเอกชนที่โน่นเลย เรียนจบแล้วเข้ามหาลัยต่อทันที”

ผมนั่งอึ้งคิดอะไรไม่ออกเลย

“สรุปคือเด็กคนนั้นจะไปเรียนไฮสคูลที่อเมริกาหลังจากสอบกลางภาคเทอม 1 เสร็จ ทีนี้เก้าอี้ห้องคิงก็ว่าง 1 ตัว ผอ.เลยคิดว่า...”
“จะเลื่อน 1 คนจากห้องควีนไปอยู่ห้องคิง แล้วเลือกนักเรียน 1 คนจากห้องปกติไปอยู่ห้องควีน” ผมสรุป
“ใช่แล้วครับ และจากผลคะแนนตอนสอบเข้าม.4...คนนั้นก็คือน้องพัตที่ทำได้ 84.8%”

เชรี่ยแล้ววว! รู้งี้แกล้งทำผิดอีกสักข้อดีกว่า

“มีอาจารย์แย้งว่าเปิดเทอมมาได้สักพักแล้ว เด็กนักเรียนหลายคนอาจเรียนเก่งขึ้น จึงควรใช้เกณฑ์อื่นมาพิจารณา”
“คืออะไรเหรอครับ?”
“คะแนน test เบื้องต้นและการบ้านทุกวิชาตั้งแต่เริ่มเปิดเทอม ...ซึ่งก็คือ...น้องพัตอยู่ดี” คุณครูบิ๊วหันมายิ้มแห้ง ๆ พลางถอนหายใจ

“คุณครูครับ ผมไม่อยากอยู่ทั้งห้องคิงห้องควีน ครูก็เห็นดิมแล้วว่าเป็นยังไง”
“ครูก็พยายามช่วยที่สุดละ ครูบอกว่ายังไงรอดูผลสอบกลางภาคก่อนจะได้เห็นศักยภาพนักเรียนจริง ๆ”
“มีทางเดียวคือ...ผมต้องจงใจสอบให้ได้คะแนนต่ำเพื่อดึงเกรดเฉลี่ยลงเหรอครับ?”
“น้องพัต...”
“ผมทำแบบนั้นไม่ได้ครับครู ผมต้องทำให้ได้คะแนนสูงสุดเพื่อขอพ่อลงทีมบาส”
“ทีมบาส?”
“ผมอยู่ชมรมบาส ผมอยากเล่นกีฬาเหมือนคนอื่น ๆ แต่พ่อให้ผมเล่นแบบเป็นกิจกรรม ไม่ให้แข่งจริง พ่อบอกว่าจะเสียการเรียน”
“พัตเลยจะทำคะแนนสูง ๆ ให้พ่อเห็นว่าไม่เสียการเรียน จะได้แข่งบาสสินะ?”
“ผมกำลังจะได้เป็นตัวสำรองแล้วครับ”
“งั้นก็ทางออกอีกวิธีที่พอเป็นไปได้”
“ยังไงเหรอครับ?”
“ถ้าตัวเต็งอันดับสองมีเกรดเฉลี่ยสูงกว่าน้องพัต”

...ฟังเหมือนง่ายแต่มันจะเป็นไปได้เหรอ ผมไม่อยากโอ้อวดนะแต่ผมเรียนเนื้อหาม.4 มาตั้งแต่ม.3 แล้ว จะให้นักเรียนในห้องปกติที่เพิ่งเรียนม.4 ตอนนี้ทำคะแนนให้สูงกว่าผมนี่แทบเป็นไปไม่ได้เลยเว้นแต่จะเป็นช้างเผือก ซึ่งต่อให้เป็นแบบนั้นจริงเขาก็ไปอยู่ห้องคิงห้องควีนหมดแล้ว...

“ตัวเต็งคนนั้นคือใครเหรอครับ?”
“คณะกรรมการกำลังคัดเลือกอยู่น่ะ”

โทรศัพท์ผมดังขึ้น โต้งโทรมา! เอาไงดีวะ เขาโทรมาแบบนี้แปลว่าบอมกด phishing แล้วแน่ ๆ และแปลว่าผมต้องไปบ้านโต้งตอนนี้...ผมควรบอกให้ครูบิ๊วไปส่งที่นั่นไหม...ไม่...โต้งคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ ผมเองก็ไม่คิดว่าคุณครูจะเห็นด้วยกับการแฮ็กมือถือเพื่อน ครูคงให้ผมไปอธิบายกับบอมตรง ๆ มากกว่า

ผมกดรับโทรศัพท์ “หวัดดีโต้ง โทษทีเรายุ่ง ๆ อยู่ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ” พูดจบปุ๊บผมกดวางสายทันทีไม่ให้ครูได้ยินอะไรทั้งนั้น
“เพื่อนโทรมาน่ะครับ” ผมตอบคุณครูบิ๊วที่หันมามอง
“คุณครูบิ๊วครับ ฝนไม่ตกแล้ว คุณครูจอดส่งผมตรงนี้ดีกว่าไม่ต้องไปส่งถึงบ้านหรอกครับ เกิดพ่อแม่ผมจำรถครูได้จะสงสัย”
“อืม ก็จริงนะ” ครูบิ๊วจอดรถข้างทาง
“เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองครับ ขอบคุณคุณครูมากนะครับ”
“ครับน้องพัต เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อเรื่องเกรดเฉลี่ยที่อื่นละกันนะ”

ผมเรียกแท็กซี่ไปบ้านโต้งทันที นี่มันคืนอะไรวะเนี่ยจู่ ๆ ก็มีแต่เรื่องปวดหัว
“ฮัลโหลโต้ง เรากำลังไปบ้านนายละ” ผมรีบโทรกลับไปบอกมันก่อนที่มันจะอารมณ์เสียมากไปกว่านี้


โต้งเดินมาเปิดประตูบ้าน

“พ่อแม่กรูนอนหมดละไม่ต้องห่วง” โต้งกระซิบและเดินนำเข้าห้องนอนมัน สมัยม.ต้นผมมาที่นี่บ่อย เป็นที่เดียวที่ผมมานั่งเล่นเกมกับโต้ง อ่านการ์ตูนกันสบายใจ ผมนั่งบนบีนแบ็คใบใหญ่ที่นั่งประจำ ส่วนโต้งนั่งเก้าอี้ตัวโปรดของมันหน้าโทรทัศน์

“แล้วเราต้องทำยังไงต่อเหรอโต้ง? ต้องรีบคุยนะตอนนี้เริ่มดึกละเดี๋ยวพ่อแม่เราโมโห”
“ฉลองวันเกิดสนุกป่ะ?”
“นายรู้ได้ไงวะ?”
“บอมเพื่อนมริงเพิ่งโพสเฟสเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว”

โต้งเปิดหน้าจอให้ดูเฟสของบอม...เมื่อ 2 ชม.ที่แล้วผมยังโคตรมีความสุขอยู่เลยก่อนจะเจอข่าวร้ายจากคุณครูบิ๊ว
“สนุกดี แต่จริง ๆ เราเข้าใจผิดน่ะ บอมไม่ได้เกิดวันนี้ เขาบอกเราว่าวันเกิดอยากกินพิซซ่า เราเลยเข้าใจผิด ฮะ ๆๆ สั่งไอติมวันเกิดให้เขาด้วย เรานี่โคตรบ๊องเลย”

แต่ดูเหมือนโต้งไม่ขำด้วย หน้าตามันซีเรียสซะงั้น
“โอเคนายไม่ขำ งั้นบอกมาเลยว่าเราต้องทำยังไงเรื่องแฮ็กมือถือ”
“ก็ตามที่คุยกันวันนั้นแหละ พรุ่งนี้ 16:44 มือถือเขาจะปลดล็อก มริงก็แอบคว้าเครื่องแล้วลบแชท”
“อ้าว! แล้วเรียกเรามาทำไมวะ?”
“กรูเรียกมริงมาเพราะจะบอกเรื่องอื่น”
“อะไรวะโต้ง?”
“พัต มริงชอบบอมใช่มั้ย?”

...ผมอึ้ง...ไม่รู้จะตอบยังไง โต้งเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมสนิทสุดและไม่อยากโกหกอะไรมันเลย...ผมไม่รู้จะตอบยังไง…

“ตอนมริงเล่าเรื่องบอมให้กรูฟัง มริงรู้มั้ยหน้ามริงแดง ดูออกง่ายเหรี้ย ๆ”

“แล้วมริงแคร์เขามาก ไม่กล้าอธิบายเขาเรื่องที่มริงหนีห้องคิง กลัวเขาจะหมั่นไส้มริง”

“มริงเข้าชมรมบาสตามเขา ทั้งที่มริงเกรดพละได้ 2 ทุกที”

“ดูดิ รูปมริงกับเขา ยิ้มระรื่นทั้งที่เมื่อก่อนมริงหน้าบูดตลอด”

“มริงสั่งไอติมวันเกิดให้เขาอีก”

“เออ...เราชอบบอม”

โต้งฟังแล้วเงียบไป

“นายรังเกียจเรามั้ย?”
“บ้าเหรอวะ จริง ๆ กรูก็พอดูออกตั้งนานแล้ว มริงก็คือมริงคนเดิม”
โต้งกอดผม “ที่กรูถามเพราะกรูอยากบอกมริงว่ามือถือเป็นพื้นที่ส่วนตัว มริงเตรียมใจหน่อยถ้าเจออะไร”
“โต้ง...”
“พัต มริงน่ะจอมเจ้าเล่ห์ แต่วางแผนห่าอะไรก็แป๊กแทบทุกที กรูเป็นห่วงว่าครั้งนี้ก็จะเหมือนกัน”

...มริงห่วงตรูหรือมริงด่าตรูฟระ...

“นั่นสิเนอะ เมื่อกี้ครูก็เพิ่งบอกเราว่าเราอาจได้ย้ายไปห้องควีน เชรี่ยเอ๊ยพยายามขนาดนี้ยังหนีไม่พ้น”
ผมเล่าเรื่องที่เพิ่งคุยกับคุณครูบิ๊วให้โต้งฟ้ง

“เรื่องอื่นมริงอาจะห่วยจะแป๊กนะพัต แต่เรื่องเรียนมริงเป็นนิวไทป์อันดับต้น ๆ ของห้องคิง คนนั้นจะทำคะแนนแซงมริงได้ไงในเมื่อมริงเองก็เปิด Trans-Am Mode สอบให้ได้คะแนนสูงสุดไปขอพ่อเล่นบาส”
“นั่นแหละที่เราคิดไม่ตก ยังไงเดี๋ยวค่อยคิดละกันยังพอมีเวลาก่อนสอบกลางภาค ขอบใจนายมากนะ เรากลับบ้านก่อนนะโต้ง” ผมตอบ
“แล้ว...อีกเรื่อง” โต้งนั่งลงหน้าผม สองมือจับมือผมเบา ๆ
“พัต กรูเสียใจด้วยนะที่พ่อมริงให้มริงย้ายโรงเรียนเพราะแค่มริงเพื่อนน้อย”
“โต้ง...”
"มีเพื่อนสองคนนี่ไม่พอเหรอวะ ทำไมพ่อมริงต้องให้มริงลาออก" เสียงมันเริ่มสะอื้น
ผมกอดโต้ง เรื่องบางเรื่องเราก็รู้กันแค่สามคน ผม โต้ง เอ็ม

“ถึงเราจะมีแค่นายกับเอ็ม แต่เราก็ดีใจแล้วล่ะ กับนายเราคุยได้ทุกเรื่องจริง ๆ”
“กรูเห็นรูปงานวันเกิด กรูดีใจที่ตอนนี้มริงมีเพื่อนเพิ่มแล้ว กรูเลยอยากให้มริงระวังให้ดีเรื่องลบแชท กรูห่วงกลัวมริงจะเสียเพื่อน”
“ขอบใจนะโต้ง วันหลังไปดูหนังกันอีกนะ”


กลับถึงบ้านเจอแม่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก แม่ยิ้มเหนื่อย ๆ
“ขอโทษครับแม่ ฝนตกรถติดเลยกลับช้าครับ”
“แล้วลูกโดนฝนไหม? รีบไปอาบน้ำนะ”
“ผมไม่โดนฝนครับ ขึ้นแท็กซี่ทันก่อนฝนตก แล้วพ่อไปนอนแล้วเหรอครับแม่?”
“อืม พรุ่งนี้พ่อมีประชุมเช้า แม่เลยนั่งรอลูกแทน”
“ผมขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แล้ววันเกิดใครเหรอ?” แม่ถาม
“วันเกิดบอมครับ แต่จริง ๆ ไม่ใช่วันเกิดเค้านะ ตลกมากเลยครับแม่”
ผมเล่าเรื่องปาร์ตี้วันเกิดอลเวงวันนี้ให้แม่ฟัง

“แม่ดีใจที่ลูกมีเพื่อนเยอะเลย”
เหตุผลเดียวที่พ่อให้ผมลาออกจากโรงเรียนเก่า เพราะอยู่มา 3 ปีมีเพื่อนแค่ 2 คน พ่อบอกเพื่อนคือ connection ที่มีค่าที่สุด ถ้าอยู่นานแล้วมีได้แค่นี้ก็ลาออกไปเริ่มที่ใหม่ ...เหตุผลบ้าบอที่สุด...แม่คัดค้านแต่ก็ไม่สำเร็จ

“วันหลังชวนเขามาเที่ยวบ้านเราด้วยนะ”
“ครับแม่ งั้นผมชวนเพื่อน ๆ มาค้างวันศุกร์นี้ได้ไหมครับ?”
“ได้สิ เสียดายแม่กับพ่อไปสมุยคืนนั้นพอดี แต่คงได้เจอกันทันกินข้าวเย็นนะ แม่กับพ่อขึ้นเครื่องสี่ทุ่ม”
“ครับแม่”

อย่างน้อยคืนนี้ก็จบด้วยเรื่องดี ๆ
...วันนี้ผมได้มีช่วงเวลาดี ๆ กับบอมและเพื่อน ๆ ...
...พรุ่งนี้ผมจะลบแชทไลน์ของบอมให้ได้ตามแผน…
...วันศุกร์บอมกับสนจะมาค้างดูบาสที่บ้านโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแชทนั่นอีกแล้ว…
...มันจะเป็นสัปดาห์ที่ดีมากแน่ ๆ...
...แล้วสัปดาห์หน้าค่อยคิดเรื่องตัวเต็งอันดับสองอะไรนั่น...
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 16: อัพ 1 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 03-12-2020 17:20:46
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 16: อัพ 1 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 04-12-2020 23:32:40
ดูเป็นเด็กฉลาดที่มีเพื่อนได้
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 16: อัพ 1 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: UnisonMinor ที่ 05-12-2020 19:25:12
คิดถึง วิงกับป้อม มาก ๆ ดีใจที่คุณคนเขียนแอบใส่มาให้หายคิดถึง  :hao5:

ประทับใจเรื่องเก่าของคุณ Sorrow มากเลยครับ อ่านซ้ำหลายรอบมากกกกก เพิ่งอ่านจบอีกรอบไปเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วเองครับ มาอ่านเรื่องนี้แล้วสไตล์ยังเหมือนเดิม สนุกมาก ๆ เลยครับ

กริช กับ ต้น จะมีแอบโผล่มาบ้างมั้ย แอบคิดถึงอะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 16: อัพ 1 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 08-12-2020 03:48:19
King Class Away: ep17
ด้านมืด


พวกเรายืนล้อมวงกันกลางห้อง

“ประสิทธิ์ จะถามใคร?”
“ถามพัตครับ 15*17 ได้เท่าไหร่?”
...5*7ได้ 35 ...ทด 3 ไว้… 7+3 ได้ 10...เรียงเป็น 105...ยก 15 ไว้หลักร้อย รวมเป็น...
“ช้าไป! นนทภัทรวิ่งรอบสนาม 1 รอบ!”

“วิรุฬห์ จะถามใคร”
“ถามพัตครับ 12*25 ได้เท่าไหร่?”
...แตกตัวประกอบ 12 ได้ 2*6 ...เอา2ไปคูณ 25 ให้เป็น 50 จะได้คิดง่ายๆ ...50*6 ได้…
“ช้าไป! นนทภัทรวิ่งรอบสนาม 2 รอบ!”

“ระพีพร จะถามใคร?”
“ถามพัตค่ะ 23*27 ได้เท่าไหร่?”
...3*7ได้ 21 ...เขียน 1 ...ทด 2 มาบวก 7ที่คูณสองเป็น 161 ...23 เบิ้ลสองเป็น 46 ไว้หลักร้อย รวมเป็น…
“ช้าไป นนทภัทรวิ่งรอบสนาม 3 รอบ”

ผมลืมตาตื่นขึ้นมามองเพดานห้อง

“621” ผมพึมพำคำตอบเบา ๆ

...ฝันร้ายแบบนี้อีกแล้ว…
...ผมหนีพ้นห้องคิงแล้วมันยังตามมาหลอกหลอนอีก ไอ้เกมคณิตคิดเร็วเนี่ย…
...สังคมแบบนั้นใครจะอยากมีเพื่อนฟระ...
...ความสุขที่เพิ่งทานพิซซ่ากับบอมแทบหายไปหมด...
...ผมจะเจอฝันแบบนี้อีกนานแค่ไหน…
...หรือมันกำลังจะกลายเป็นเรื่องจริงอีกครั้ง...

“ลูกไม่สบายหรือเปล่า เช้านี้เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดเลย” พ่อถามระหว่างขับรถมาส่งตอนเช้า
“เปล่าครับ”
“เมื่อคืนกลับดึกนะ อย่าทำแบบนี้บ่อยสิพ่อกับแม่เป็นห่วง” แล้วที่ให้ผมเรียนพิเศษถึง 3-4 ทุ่มนี่ไม่เป็นห่วงผมบ้างหรือไง
“ครับ ขอโทษด้วยครับ ผมไปละครับพ่อ” ผมตอบเบา ๆ แล้วเปิดประตูรถลงหน้าโรงเรียน

ร้านค้าหน้าโรงเรียนมีทั้งร้านเครื่องเขียนและร้านขนม ปกติผมไม่แวะซื้อขนมพวกนี้เลยเพราะแม่บอกว่ามันไม่มีสารอาหาร มีแต่แป้งกับน้ำตาล
“ช่างแมร่ง” ผมจ่ายซื้อป๊อกกี้ 10 บาทเปิดกิน อารมณ์ไม่ดี ขอกินอะไรหวาน ๆ หน่อยเถอะ
“ตะกี้นายว่าอะไรเหรอ?” สนมายืนข้างหลัง
“เฮ้ย!”
“อะไรวะ! ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น?” ...เชรี่ยแล้ว สนดันมาเจอด้านมืดของผม
“อ๋อ ๆๆ คือแม่เราไม่ค่อยให้ทานขนมแบบนี้อ่ะ แม่บอกเดี๋ยวอ้วน สนทานด้วยกันมั้ย?”
“เอาดิ” สนรับป๊อกกี้ไปสองแท่ง
"นายเล่นบาสทุกวันเนี่ยกินขนมก็ไม่อ้วนหรอก ดูเราสิ" พูดจบสนก็ดึงเสื้อโชว์หน้าท้องแบนราบ
...โอ๊ย! นายกับบอมนี่ชอบเปิดโชว์อยู่เรื่อย!

“ล...แล้วบอมไม่ได้มาพร้อมกันเหรอ?”
“มันบอกคุยโทรศัพท์ดึกเลยตื่นสาย เราเลยมาก่อน”
“เหรอ...” ผมพูดเบา ๆ ...บอมคุยกับใคร...นี่ผมหึงเหรอวะ…

“เออ กินป๊อกกี้แล้วนึกขึ้นได้ ช่วงนี้มันฮิตอะไรเหรอ เห็นคลิปในยูทิวป์คนกดดูเป็นล้านเลย”
สนกดเปิดมือถือ ผมเดาว่าฉากกินป๊อกกี้เนี่ยมันต้องเป็น...
“เนี่ย ดูดิ” ...ว่าแล้ว ใช่ซีรี่ส์วายอย่างที่ผมคิดจริง ๆ…
“อ่า...นายก็ลองเปิดดูดิสน”
“เน็ตเราช้าน่ะ กดทีรอตั้งนานก็เลยไม่เคยเปิดดู กินป๊อกกี้มันสนุกตรงไหนวะ แล้วหน้าชิดกันขนาดนั้นนี่กินยังไงวะ?”

สนคาบขนมแท่งหันมาหาผม “ลองดูมั้ยพัต?”
“บ้า” ผมตอบสั้น ๆ ...นี่นายไม่เคยเล่นจริง ๆ เหรอเนี่ย…
ด้านมืดของผมมันเริ่มทำงานแล้ว อันที่จริงสนก็หน้าตาดีนะ บวกกับตัวสูงหุ่นนักกีฬาด้วย...เชรี่ยเอ๊ย ภาพกล้ามเป็นมัด ๆ เขาตอนที่ถอดเสื้อคุยกับผมวันนั้นมันผุดขึ้นมาในหัวแล้ว

“หวัดดีสน หวัดดีพัต” ดิมตะโกนทักมาจากด้านหลัง
“หวัดดีดิม กินขนมมั้ย? ช่วยกันกินให้หมดก่อนเข้าโรงเรียน เดี๋ยวครูดุ” ผมยื่นซองป๊อกกี้ให้ แต่สนหันไปหาดิม
“มากินอันนี้กับเราดิ” สนพูดทั้งที่คาบป๊อกกี้ในปาก ดิมสะดุ้งแล้วหยิบจากถุงในมือผมกินแทน
“แล้ววันนี้มาโรงเรียนยังไงเหรอ?”
“นั่งรถเมล์มาต่อรถที่บางนาน่ะ” ดิมตอบ
“ช่วงนี้ทำรถไฟฟ้าด้วย รถติดแย่เลยมริง เออตรงนั้นเราก็นั่งรถผ่านสมัยเรียนม.ต้นที่สมุทรปราการนะ” สนบอก
“ที่สนเล่าให้ฟังเมื่อคืนใช่มั้ย?”

แล้วดิมกับสนก็คุยกันเรื่องสมัยม.ต้นอย่างสนุกสนานเพราะเคยเป็นเด็กสมุทรปราการเหมือนกัน
“อยากไปเที่ยวบางกระเจ้าอีกเนอะ” ดิมพูด
“เออ คิดถึงเหมือนกัน แล้วพัตเคยไปมั้ย?”
“ไม่เคยเลยอ่ะ เป็นยังไงเหรอ?”
“เป็นสวนใหญ่มากเลยล่ะ มีให้ปั่นจักรยานด้วย วันหลังพวกเราไปเที่ยวกันนะ”
“อืม”


คาบ 4 ห้องม.4/3 วิชาภาษาไทย

“การพูดที่มีประสิทธิภาพ ต้องควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ให้ประหม่าหรือตื่นเต้นจนเกินไป, ทักทายผู้ฟังอย่างเป็นมิตร, ท่ายืนเวลาพูดต้องแสดงความมั่นคง และมองผู้ฟังอย่างทั่วถึง ไม่มองจุดใดจุดหนึ่งเพียงจุดเดียว”

ผมกำลังจดตามที่อาจารย์พูด สายตาของอาจารย์มองกวาดไปทั่วห้องแล้วมาจุดที่...ที่ผมนี่หว่า...ทำไมสายตาแปลก ๆ ชวนเสียวสันหลังวาบ
“นายธวัชตรี! ทวนที่อาจารย์สอนเมื่อกี้หน่อยซิหลักการพูดที่มีประสิทธิภาพมีอะไรบ้าง?” โชคดีอาจารย์ไม่ได้เรียกผม แต่เป็นไอ้ตี้เพื่อนคู่กัดที่นั่งข้างหลังผม
“เอ่อ...ต้องมองผู้ฟังอย่างทั่วถึงครับ” ตี้ลุกขึ้นยืนตอบ
“แล้วหลักข้ออื่นอีกล่ะ?”
“เอ่อ...”
“เธอไม่ได้ฟังอาจารย์นี่ เห็นนั่งก้มทำอะไรอยู่?”
“ไม่ได้ทำอะไรครับ”
“นายเอกยุทธ ไปดูใต้โต๊ะเขาซิ” ...คราวนี้แหละอาจารย์เรียกผมจริง ๆ ละ...

ผมลุกขึ้นพลางเหลือบตาไปมองเจ้าตี้เพื่อนตัวโย่งที่นั่งข้างหลัง ผมเดินไปก้มมองใต้โต๊ะ
“ไม่มีอะไรครับอาจารย์”
“เอกยุทธ เธอช่วยปกปิดให้เพื่อนหรือเปล่า?”
“ไม่นะครับ” ผมพูดแล้วเดินกลับมานั่งโต๊ะตัวเอง
“เดี๋ยวอาจารย์เดินไปดูเอง ถ้าเจอล่ะก็พวกเธอสองคนโดนทำโทษแน่”

อาจารย์เดินมาดูใต้โต๊ะ ตี้เขยิบให้อาจารย์เห็นชัด ๆ แต่ใต้โต๊ะก็ไม่มีอะไรนอกจากสมุดหนังสือเรียน
“แล้วไป ตั้งใจเรียนด้วยอย่าเอาแต่นั่งก้มหน้า”
“ครับอาจารย์” ตี้ตอบ

หลังจบคาบ 4 ทุกคนเดินออกไปทานข้าวที่โรงอาหาร แต่ผมยังนั่งทำการบ้านอยู่จนเหลือแค่เราสองคน
“เอส...”
“หืม?”
“เอส เราขอบใจนายนะ”
“เออ แล้วนายคิดบ้าอะไรนั่งเล่นเกมในคาบ? เราพลอยซวยโดนอาจารย์เพ่งเล็งไปด้วย” ผมยื่นมือถือที่ล้วงมาจากใต้โต๊ะมันคืนให้
“ก็แค่อยากลองเล่นเกมที่นายเคยเล่าให้ฟัง”
“เราบอกว่าเราโหลดมาดูแค่อนิเมชั่นเปิดเรื่อง เราไม่ได้เล่นว้อย ก็บอกแล้วไงเกมออนไลน์พวกนี้มันก็แค่ให้เราทำเควสต์ประจำวันวน ๆ ไปเรื่อยแล้วก็กดซื้อไอเท็ม”
“ก็ตอนแรกกะจะดูแค่นั้นแหละ แต่พอเกมมันบอกให้ทำโน่นทำนี่ เราก็เลย...”
“ก็เลยติด เกือบทำเราซวยไปด้วย รีบลบเลยนะ”
“ดุสาด ลบก็ได้วะ นี่พ่อหรือแฟนวะเนี่ย ดุจริง ๆ”
“ติดเกมมือถือนี่ไม่เข้ากับตัวโย่ง ๆ ของนายเลยนะ”
“แล้วต้องแบบไหนวะที่นายว่าจะเข้ากับเรา”
“นายอยู่ชมรมโสตทัศน์ก็ต้องเป็นตากล้อง หรือไม่ก็เล่นดนตรี เล่นกีฬา...”
“ดำน้ำ ปลูกปะการัง ทำอาหาร นวดสปา ปลูกป่า ดำนา ดูดิสนีย์ออนไอซ์ แรลลี่ ตีกอล์ฟ ล่องเรือ ส่องสัตว์ ช๊อปปิ้ง ดูงิ้ว ดูละครเวที ดูคอนเสิร์ต” ตี้ทำหน้ากวนตีน
“เยอะไปละ”

“ตกลงนายชอบให้เราทำอะไรบ้าง?”
“ก็ถ่ายรูป เล่นดนตรี เล่นกีฬาไง”
“เอาอย่างเดียวดิว้อย ฝึกทุกอย่างพร้อมกันเราไม่มีเวลาเรียนพอดี”
“ก็เลือกที่นายชอบดิ๊ จะมาถามเราทำไมจะรีบทำการบ้าน เนี่ยเหลืออีก 3 ข้อไม่เสร็จเลย”
“โอ๋ ๆๆ นึกว่าช่วยเราแล้วนั่งเก๊กเท่ ๆ ที่แท้ทำการบ้านไม่เสร็จ เตี้ยเอ๊ยให้เราช่วยไหมล่ะ?”
“ไม่ต้องว้อย การบ้านเค้าให้ทำเอง” แมร่งเอ๊ย ตรูทำการบ้านช้ากว่าไอ้โย่งที่ติดเกมเนี่ยนะ รู้สึกเสียศักดิ์ศรีมาก
ตี้ชะโงกหน้ามาดู “ก้อนในวงเล็บทางซ้ายมีค่าเท่ากับก้อนด้านขวานะ ตัดมันทิ้งทั้งสองฝั่งเลยไม่ต้องคิด”
“ห้ะ! จริงเหรอ?”
“เนี่ยดูสิ ฟากนี้มีรูปสมการ (X-Y)² อีกฟากมี X² -2XY +Y² โจทย์จงใจใส่มาให้เราตัดทิ้ง” เชร้ด! ไม่ทันดูเลยนะเนี่ย
“เล่นเกมในห้องเรียนยังเก่งขนาดนี้” ผมแซวไอ้ตี้
“ไม่กัดเราซักแป๊บได้ไหมเตี้ย เลิกเล่นแล้ว ไม่เล่นแล้ว ประวัติด่างพร้อยหมดละ”
“เฮอะ! เห็นคนเล่นเกมพวกนี้เดี๋ยวก็กลับมาเล่นใหม่”
“งั้นเอามือถือเราไปทั้งวันเลยครับคุณแฟน เดี๋ยวตอนเย็นเราค่อยเอาคืน บอกพาสให้ด้วย 9876”
“พาสง่ายแบบนี้ไม่ต้องบอกก็เดาได้”
“อีก 2 ข้อทำเสร็จยัง?”
“ยัง โย่งนายไม่ต้องช่วยแล้วนะ”
“เออ ไม่ช่วยก็ได้” ว่าแล้วมันก็นั่งลงข้าง ๆ

"ยอด follow เราขึ้นเพียบเลย เพราะรูปคู่นั้นแท้ ๆ" ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์สนใจเรื่องนั้นหรอก รีบปั่นการบ้านให้เสร็จก่อนคาบ 5 ก็พอ
“ไปกินข้าวไป๊” ผมไล่ไอ้โย่งไปไกล ๆ จะได้มีสมาธิ
“จะทิ้งนายไว้คนเดียวได้ไง”
“เราไม่มีสมาธิว้อยนายนั่งมองเราแบบนี้”
“ทำไม่ทันก็อย่าพาลดิว้อย ไปกินข้าวก็ได้ นายจะเอาอะไร”
“บอกว่าอย่ากวนไง”
“ก็อยากรู้ว่านายชอบกินอะไร จะซื้อไว้ให้”
“ข้าวไข่เจียวผัดผักบุ้ง”
“ก็แค่นั้นแหละ ข้อนี้ติดตัวหารไว้นะไม่ต้องไปคำนวน เดี๋ยวตอนจบมันจะตัดกันหมดไปเอง” มันพูดพร้อมขยี้หัวผม
“ไอ้สาด” ผมหยิบยางลบปามันแต่มันหลบได้และวิ่งหนีไป

ตี้ซื้อข้าวเสร็จก็มานั่งรอเอส เห็นกลุ่มบอมเพิ่งลุกไปพอดีเหลือแต่สนกับดิมนั่งอยู่
“ดิม กรูว่าจะถามการบ้านดาราศาสตร์ด้วยอ่ะ แต่เกรงใจเห็นทุกคนติวเลขกัน”
“ได้สิสนถามเรามาเลย ยังพอมีเวลาก่อนขึ้นคาบ 5”

ดิมอยู่ห้องควีนสายวิทย์นี่หว่า เรียนวิชาดาราศาสตร์ของสายศิลป์ด้วยเหรอ? ตี้คิดในใจเงียบ ๆ


16:25 น.
ห้องม.4/4 วิชาภาษาอังกฤษ

...ใกล้เวลาแล้วนะ รีบ ๆ เลิกสิครับอาจารย์...ผมนั่งกระสับกระส่าย

ผมต้องเข้าถึงมือถือของบอมให้ทันเวลา 16:44
โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าผมลบแชทไม่สำเร็จแล้ววันศุกร์นี้บอมกับสนไปค้างที่บ้านผม เจอพ่อแม่ผม ...ผมจะพลาดไม่ได้!

“วันนี้พอแค่นี้นะ อย่าลืมทำการบ้านและอ่านทบทวนนะ”
“ทุกคนยืนตรง ทำความเคารพอาจารย์”

16:32 ผมต้องรีบแล้ว! ผมคว้าเป้วิ่งลงจากอาคารไปที่สนามบาส โชคดีบอมกับสนยังไม่มา

16:40 ผมถอดเสื้อนักเรียนออกเหลือแค่เสื้อยืดที่ใส่ไว้ข้างใน วิธีนี้ประหยัดเวลาที่สุด บอมกับสนจะได้ฝากกระเป๋าไว้ที่ผมตอนไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องแต่งตัวในโรงยิม เหลือเวลาอีก 4 นาที

“พัตมาไวจัง เปลี่ยนเสื้อแล้วด้วย วันนี้ฟิตมากเลยนะ” บอมเดินมาโอบไหล่
“ช...ใช่ ๆ วันนั้นบอมบอกว่าให้ตั้งใจซ้อมเผื่อจะได้เป็นตัวสำรองไง”
ผมอยากให้เขาโอบไหล่แบบนี้นาน ๆ จัง แต่ไม่ใช่วันนี้นะ

“บอมรีบไปเปลี่ยนเสื้อเถอะ มาช่วยฝึกเรานะ” 16:41 แล้ว
“เปลี่ยนตรงนี้เลยก็ได้” ว่าแล้วเขาก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อ นี่แหละที่ตรูอยากเห็น เอ๊ย! ไม่ใช่ว้อย!!!
“ไปเปลี่ยนที่ห้องดิ๊!”
“พัตเขินเราเหรอ?” บอมหันมายิ้มกวน ๆ เหมือนจงใจแกล้งจุดอ่อนของผม
“เปล่า!” จริง ๆ คือใช่! อยากดู เขินว้อย หวงด้วย
เหมือนตั้งใจจะแกล้ง บอมก้มหน้าลงปลดกระดุมหมด เชรี่ย!! ไม่ไหวแล้ว! กล้ามอกกล้ามท้องอยู่ตรงหน้าเลย

อาจารย์ฝ่ายปกครองเดินมาพอดี
“นายศรุต! ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำ อย่ามาทำตรงนี้ นักเรียนหญิงเยอะแยะ”
“ครับอาจารย์ งั้นเราฝากกระเป๋าไว้หน่อยนะพัต” บอมยื่นกระเป๋าให้ แล้วดึงกระเป๋าเงินกับมือถือส่งมาให้ผม นี่แหละที่ผมต้องการ

16:42 บอมเริ่มเดินไปโรงยิม เหลือเวลาอีก 2 นาที ใจเย็น ๆ พัตมริงทำได้ แต่มริงต้องนิ่ง อย่าลุกลนจนเขาสังเกต ผมรอจนบอมเดินไปไกลไม่น่าหันกลับมาดูแล้วแน่ ๆ ตอนนี้สนอยู่ไหนนะ? เขาคงไม่โผล่มาได้จังหวะแบบเมื่อเช้าอีกนะ ปฏิบัติการลับสุดยอดแต่ดันต้องทำกลางโรงเรียนต่อหน้าคนเป็นพันนี่โคตรเสี่ยงเลย! 

16:43 ผมหันหน้าเข้ากำแพงวางกระเป๋าบอมลงข้างเป้ผม ผมเปิดเป้แล้วยัดมือทั้งสองข้างพร้อมมือถือของบอมเข้าไปจัดการในนั้น แบบนี้ใครมองมาก็จะนึกว่าผมแค่กำลังหาของในเป้ เหลือเวลาอีกไม่ถึงนาที เร็วสิว้อย ๆๆๆๆๆ

16:44 หน้าจอมือถือของบอมสว่างวาบขึ้น โต้งนายนี่สุดยอดจริง ๆ เพื่อนรัก!
...วินาทีถัดมา...ผมก็เห็นภาพพื้นหลังของหน้าจอบอมอย่างชัดเจน…
...มริงเตรียมใจหน่อยถ้าเจออะไร…
...มือถือเป็นพื้นที่ส่วนตัว...
...นายพูดถูกว่ะโต้ง...
...และผมก็ไม่ได้เตรียมใจเชรี่ยอะไรเลย…
...ภาพพื้นหลังมือถือบอม เป็นภาพอั้มกำลังหอมแก้มบอม…

ใจผมเหมือนตกลงไปในหลุมดำ

วันนั้นที่บอมแข่งบาสกับเพื่อนโรงเรียนเก่า ที่บอมยื่นโทรศัพท์ให้อั้มดูแล้วพวกเขาสองคนก็ยิ้มให้กัน มันคือรูปนี้นี่เอง ผมน่าจะรู้ตั้งนานแล้ว ก็เขาสองคนสนิทกันขนาดนั้น แต่ผมยังหลอกตัวเองให้มีหวังเล็ก ๆ ว่าอั้มกับบอมอาจเป็นแค่เพื่อนกัน

...ไอ้พัตมริงตั้งสติไว้ จะเฮิร์ตอะไรไปเฮิร์ตทีหลัง ตอนนี้ทำภารกิจหลักให้เสร็จก่อน! ผมรีบมองหาไอค่อนไลน์ กดเข้าไป แชทของผมอยู่ไหนวะ? อยู่ตรงข้างบนนั่นไง...บอม pin chat ผมไว้เลย

เขาให้ความสำคัญกับผมขนาดนี้เลยเหรอ...กับเพื่อนชั่วคนนี้ที่กำลังแฮ็กมือถือเขา…ผมกดเข้าไป ถึงจะคิดเตรียมขั้นตอนไว้ล่วงหน้าแล้วแต่ตอนนี้สติผมหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ผมอยากจะลบแค่เฉพาะข้อความเฉลยข้อสอบเข้า แต่มันเยอะมากจะเลือกลบทีละอันไม่ทันแน่
Menu - Other Settings - Delete chat history

If you delete this chat’s history, you won’t be able to recover it. Are you sure you want to continue?

กดสั่งลบประวัติแชททั้งหมดแล้วกด backup ให้มั่นใจว่าแชทเฉลยนั้นจะหายไปตลอดกาล...พร้อมกับทุกข้อความระหว่างเขากับผม…

...จังหวะดีเหมือนประชดชีวิต...เขาชอบอั้ม ข้อความของผมก็สมควรโดนลบแล้ว…
ผมกดออกมาหน้าจอหลักแล้วปิดเครื่อง ทุกอย่างเป็นไปตามแผน และทุกอย่าง...จบแล้ว... ผมดึงมือถือของบอมออกมาจากเป้
“ป่ะ พัตไปฝึกกัน วันนี้เราจะสอนการชิ่งบอลให้นาย ว่าแต่สนมายังอ่ะ?”
“ยังเลย เรายังไม่เห็นเขาเลย”
“เออ งั้นมาเล่นส่งบอลกันสองคนก่อนก็ได้” บอมยิ้มสดใสในชุดเสื้อบาส
“อืม” ผมยื่นกระเป๋าเงินกับมือถือคืนให้บอม

เวลานี้ผมไม่อยากอยู่ใกล้เขาเลย รู้สึกโหวง ๆ ...บอมเป็นแฟนอั้ม…
จริง ๆ มันก็ชัดตั้งแต่ตอนไปดูที่กวดวิชาครั้งนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ…บอมกับอั้มสนิทเล่นหัวกันขนาดนั้น...ไหนจะตอนที่สนามบาสอีก มีแต่ผมที่โง่หลอกตัวเองว่าเขาคงเป็นแค่เพื่อนกัน

“บอม พัต กรูมาแล้ว โทษทีจารย์ดันมีเทสต์ย่อย เกินเวลาไปเยอะเลย” สนตะโกนมาแต่ไกล
“เหรอ แล้วเป็นไงบ้างทำได้ไหม?”
“ก็ได้นะ ดิมมันติวให้เราเยอะ เข้าใจโจทย์มากขึ้นเยอะเลย”
“เออแล้วดิมไม่มาเล่นด้วยกันเหรอ”
“มันอยู่โน่นน่ะชมรมคอม” สนชี้มือไปที่อาคาร 5 ด้านบนคือศูนย์คอมพิวเตอร์ เห็นดิมยืนโบกมืออยู่ จริง ๆ อยู่เป็นเพื่อนกันหลาย ๆ คนแบบนี้ก็ดีมั้ง ผมคิดในใจพลางดูบอมกับสนเล่นบาสกัน

“พัตรับบอล!” บอมตะโกนพร้อมส่งลูกมา
“เลย์อัพให้ดูหน่อย”
“เอ่อ...เรา” ตอนนี้ผมไม่มีกะใจจะทำอะไรเลย
“ไม่ต้องห่วงนะพัต เล่นกันสนุก ๆ” สนบอก
“อืม” ผมเลี้ยงบอลเข้าไปหน้าแป้น วิ่งสองก้าวแล้วเลย์อัพตามที่เขาเคยสอน

การหลอกตัวเองเป็นเรื่องถนัดที่สุดของผม แค่เปลี่ยนโหมดความรู้สึกน่ะไม่ยากหรอก

พวกเราสามคนเล่นกันจนห้าโมงเย็น ได้เวลากลับบ้านแล้ว
“เออ เรากับสนตกลงไปดูบาสที่บ้านนายนะพัต” บอมบอก
“ได้เลย ไปนอนค้างกันนะ”
“ดี ๆ ดูถ่ายทอดสดกันหลายคน” สนพูด

ถ้าผมไม่เห็นภาพหน้าจอนั่นผมคงมีความสุขกว่านี้...คงเป็นไอ้ไง่ที่มีความสุขไปวัน ๆ นานกว่านี้


กลับมาถึงบ้าน ผมล้มตัวลงนอน มันโหวง ๆ ในใจ เจ็บและเหงา ...ก็เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้นแหละ ผมเปิดภาพถ่ายของพวกเราสามคน ...มันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่วันแรกแล้วนี่นา…ที่ผ่านมา ที่เขากอดคอ โอบไหล่ จับมือและอะไร ๆ อีกหลายอย่าง มันก็แค่การเทคแคร์เพื่อนในแบบของเขาเท่านั้นแหละ มีแต่ผมที่คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอด คนนิสัยดีแบบบอมจะไม่มีแฟนอยู่แล้วได้ยังไง

กริ๊ง ๆๆ เสียงมือถือผมดังขึ้น บอมโทรมา
ตรูจะปรับอารมณ์ยังไงโหมดไหนดีวะเนี่ย? ตอนนี้ผมไม่อยากรับสาย ไม่อยากได้ยินเสียงเขาเลย
“หวัดดีบอม”
“พัต! มือถือเราเป็นอะไรไม่รู้! แชทนายหายหมดเลย!”
เปิดเรื่องมาก็แทงใจดำตรูเลย ใช่ คนร้ายคือคนที่นายกำลังคุยด้วยนี่แหละ

“ม...มือถือรวนเหรอ หรือแอพมันเพี้ยนรึเปล่า ลองอัพเดทยัง?”
“เราทำแล้ว กู้จากแบ็คอัพด้วยแต่ข้อความก็หายไปหมด” ...เราขอโทษนะบอม...เราจำเป็นต้องทำ...
“เออ ไม่เป็นไรนะบอม ยังไงเราก็ไปโรงเรียนทุกวันได้คุยกันอยู่แล้ว”
“ก็เราเสียดายนี่นา พัตเป็นเพื่อนคนแรกที่เรารู้จักที่นี่ สอบเข้าก็ห้องเดียวกัน อยู่ชมรมเดียวกันด้วย”

เชรี่ย ตรูรู้สึกผิดมาก T_T

“เห็นสนบอกว่ามีเทสต์ย่อย เดี๋ยวห้องพวกเราก็คงมีบ้าง เราหาข้อสอบเก่ามาลองทำดูมั้ย?”
“อือ ก็ดีเหมือนกัน”
“งั้นพรุ่งนี้เจอกันตอนเที่ยงเหมือนเดิมนะ” ...ถึงยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนเขาได้นี่นา สิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้เขาได้

วางสายแล้วผมก็เตรียมตัวไปอาบน้ำ โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง คุณครูบิ๊วโทรมา ผมรีบคลุมโปงแล้วกดรับ
“สวัสดีครับ คุณครู” ผมตอบเสียงกระซิบให้เบาที่สุด
“ครับน้องพัต ครูโทรมาบอกเรื่องตัวเต็งอันดับสอง”
“ใครเหรอครับ?”
“เขาชื่อ…”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 16: อัพ 1 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 08-12-2020 04:35:46
King Class Away: ep18
เรื่องที่ขอ


เช้าวันพฤหัสบดี
7:15น.

ผมมาที่ข้างโรงเวิร์คช้อปที่เดิม พัตรอผมอยู่แล้วตามที่โทรนัดเมื่อคืน
“หวัดดีพัต นายมีอะไรเหรอ?”
“หวัดดีเอส คือ...คือเรามีเรื่องต้องรบกวนนายอีกแล้ว”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“เร็ว ๆ นี้จะมีเด็กห้องคิงคนนึงไปเรียนต่อที่อเมริกา แล้วโรงเรียนจะคัดเด็กห้องควีนคนนึงไปอยู่ห้องคิง”
“แล้ว?” ผมกระเถิบเข้ามาใกล้ นี่ผมกำลังได้รู้ความลับวงในเลยนะเนี่ย
“จะมีการคัดเด็กจากห้องปกติคนนึงย้ายไปอยู่ห้องควีน”
“พัต นายกำลังจะบอกว่า...”
“คุณครูบิ๊วบอกว่าเราอาจโดนเลือกไปอยู่ห้องควีน”
“เฮ้ย! ผีหลอกวิญญาณหลอน นี่ขนาดนายพยายามหนีห้องคิงแล้วนะ”
“อืม แต่มันยังมีทางอยู่ คือโรงเรียนมีตัวเต็งอันดับสองไว้เผื่อเลือกด้วย ถ้าผลสอบกลางภาคเค้าได้คะแนนมากกว่าเรา คนนั้นจะได้ไปอยู่ห้องควีนแทนเรา”
“แล้วพัตรู้มั้ยว่าตัวเต็งอันดับสองนั่นคือใคร?”
“รู้ และนั่นแหละที่เราอยากถามเอส เขาอยู่ห้อง 3 ห้องเดียวกับนาย”
“เฮ้ย! มีคนเก่งขนาดนั้นอยู่ในห้องเราเหรอวะ? ใครเหรอ?”
“ชื่อธวัชตรี นายรู้จักไหม?”
“ห้ะ! ไอ้ตี้เนี่ยนะ!?”
“ตี้เหรอ?”

“พัต นายแน่ใจนะว่าข่าวไม่ผิด?”
“แน่ใจ คุณครูบิ๊วบอกเราเอง”
“จะว่าไป ไอ้ตี้มันก็ฉลาดนะ การบ้านยาก ๆ มันก็ทำเสร็จสบายเลย แต่เราว่าคงยากที่ตี้มันจะทำสอบได้มากกว่านายนะ เพราะตอนนี้แมร่งติดเกมมือถือ”
“หา!?”
“ไอ้ตี้มันเล่นในในห้องเรียนเลย เมื่อวานมันก็โดนอาจารย์เรียก เรายังเกือบซวยไปด้วย”
พัตอึ้งไป แหงล่ะผมก็ยังอึ้ง จะว่าไปผมเองก็มีส่วนทำให้ตี้มันเป็นแบบนี้

“มาสายเป็นประจำอีก บ้านมันอยู่ใกล้โรงเรียนนะแต่ดันมาสายบ่อยซะงั้น วัน ๆ สนใจแต่ IG”
หน้าพัตสลดไปเลย

“เราว่าไอ้ตี้ไม่น่าเป็นทางรอดของนายนะพัต แต่ถ้าเป็นจริงเราก็คงดีใจ เบื่อแมร่งชอบทำตัวน่ารำคาญ  ตี้มันชอบแกล้งเราตลอด ถ้ามันโดนย้าย เอ๊ย! เรียกว่าได้ย้ายไปห้องควีน เราก็สบายไม่มีคนแกล้งละ” ...ถึงจะอิจฉามันหน่อย ๆ ก็เถอะ ไอ้โย่งนั่นเหรอตัวเต็งห้องควีนอันดับสอง...
“ถ้าอย่างนั้นเรากับเอสต้องทำให้ตี้ขยันเรียนขึ้น ให้เกรดดี ๆ”
“ถ้าทำให้คน ๆ นึงเกรดดีถึงระดับเข้าห้องควีนได้เนี่ยเราทำเองไปแล้วพัต”
“มันก็พอมีทาง”
“จริงดิ? ทำไงล่ะ จะจับมันไปเรียนกวดวิชาเพิ่มอีกงั้นเหรอ?”
“การจะเรียนดีไม่ใช่แค่กวดวิชาอย่างเดียว มีองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วยที่ช่วยเพิ่มพัฒนาการของสมอง นั่นคือสารอาหาร, การออกกำลัง, การพักผ่อน, อ่านตำราล่วงหน้า, ทบทวนความรู้”
“เชร้ด! นี่เคล็ดลับของเด็กห้องคิงเหรอเนี่ย?”
“เราไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกเอส อย่างที่เอสบอกว่าจริง ๆ ตี้เรียนเก่งอยู่แล้ว ถ้าปรับปรุงเรื่องพวกนี้ได้เราว่าผลการเรียนเขาดีขึ้นแน่ ๆ”
“แต่จะทำให้คนที่ไม่ได้อยากเรียนเก่งลุกขึ้นมาปรับปรุงตัวเองนี่มันยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาอีกนะ”
“ก็มีวิธี แต่เราคงต้องรบกวนเอสให้ช่วยเราน่ะ เอสช่วยเราทีนะ”
“เฮ้อ! เอาวะ ถ้าทำให้ไอ้โย่งปากหมานั่นย้ายไปห้องควีนได้เราก็จะลองดู”
“ขอบใจนะเอส”
“สรุปว่าไอ้ตี้คือคู่แข่งชิงตำแหน่งห้องควีนของนาย ซึ่งนายพยายามจะให้เขาชนะโดยไม่รู้ตัว แต่นายเองก็ต้องทำคะแนนให้เยอะที่สุด นี่แมร่งการแข่งอะไรวะ?”


8:30 น.
ห้องม.4/3

เอาไงดีวะ ถึงพัตจะอธิบายแผนการให้แล้ว แต่จะเริ่มจริงผมก็ยังหวาด ๆ แฮะ ใกล้จะเริ่มคาบแรกแล้ว ยังไงก็ทำขั้นตอนแรกก่อนละกัน

ผมหันหลังไปหาไอ้บอยคนที่นั่งข้างตี้
“บอย ย้ายที่กับเราได้มั้ย?”
“ห้ะ? ย้ายทำไมวะ?” บอยทำหน้างง ตี้ก็ทำหน้างง (พวกมริงอย่างงดิ เราเองก็งงเหมือนกันว่าทำอะไรอยู่)
“คือเราสายตายาว อยากกระเถิบห่างกระดานอีกนิด”
“นายก็ย้ายไปหลังห้องดิวะ”
“นั่นไกลไป”
“งั้นก็ย้ายไป 2 แถวดิ”
“น...นั่นก็ไกลอยู่”
“อะไรของนาย เราไม่ย้ายว้อย” โอ๊ย! ไอ้บอยมริงจะดื้อด้านอะไรตอนนี้ เดี๋ยวอาจารย์เข้าห้องมาก็หมดโอกาสเปลี่ยนที่แล้วนะ
“ช่วยหน่อยดิว้า! เราอยากนั่งกับตี้!”

ดันเป็นจังหวะที่ห้องเงียบพอดี ทุกคนหันมามองผม
“อารายของนายว้าเอสสสส”
“ม...ไม่มีอะไร!”
“เอาเว้ย คู่จิ้นออกเรือละว้อย!” นุชตะโกนแซวมาจากหลังห้อง เชร้ด! นี่เธอเห็นรูปคู่ใน IG นั่นแล้วใช่มั้ย?
เท่านั้นแหละ ทั้งห้องก็เพ่งความสนใจมาที่ผมทันที แค่เริ่มต้นแผนก็บรรลัยแล้ว
“คู่จิ้นอะไรวะนุช สองคนนี้กัดกันประจำ”
“เธอยังไม่รู้ข่าวล่ะซี้ ไปหาใน IG ของตี้นะ” ผมหันไปหาไอ้ตี้ มริงน่ะตัวต้นเหตุเลย

“เออน่าบอย ช่วยย้ายหน่อยนะ ช่วยไอ้เอสมัน” ตี้พูด
“เอ๊า! นี่ตกลงพวกมริงสองคนเป็นใช่มั้ย?”
“เป็นป๊ะมริงสิ เอสมันมองกระดานไม่ชัดก็แค่นั้นแหละ ช่วยเพื่อนแค่นี้เอง”
“ก็ได้วะ ใช่ซี้กรูมันเมียน้อย ได้กรูแล้วก็ทิ้ง เมื่อวานพวกมริงสองคนก็ช่วยกันปิดเรื่องเล่นเกมในห้อง กรูก็เห็น สวีตกันมาก ยินดีด้วย ไปเถิดทั้งคู่ไปสู่ประตูสวรรค์” บอยหยิบหนังสือออกมาจากใต้โต๊ะพร้อมปล่อยมุกที่ผมไม่ค่อยจะฮา

 “ขอบใจนะบอย”
“เออ เราก็หยอกเล่นแหละ แฟนกันอยากนั่งด้วยกันก็บอกตรง ๆ นะเพื่อน เราพร้อมสนับสนุนเสมอ”
แฟนบ้าอะไรเล่า! ขี้เกียจต่อปากต่อคำแล้วว้อย ผมจัดหนังสือใส่ใต้โต๊ะ ตี้นั่งมองเงียบ ๆ ...ทำไมมันไม่แซวอะไรแบบทุกทีวะ…
“สายตายาวจริงเหรอเอส?”
“อ...อืม”
“ไปหาหมอตายัง?”
“ป...ไปแล้ว หมอบอกยาวนิดเดียวไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวก็หายเอง” เฮ้อ! พอไอ้ตี้ทำน้ำเสียงเป็นห่วงแบบนี้ผมรู้สึกแย่ที่ผิดศีลมุสาวาทา

ตี้ยื่นมือถือมาให้ผม
“อะไรเหรอ?”
“ก็บอกแล้วไงเวลาเรียนจะฝากมือถือที่นาย คุณแฟนจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเล่นเกม”
“ฟวย!”
ตี้หัวเราะชอบใจ ห่านเอ๊ย! เดี๋ยวลือกันทั้งโรงเรียนแน่ เอาเหอะขั้นตอนแรกย้ายมานั่งคู่กับตี้เพื่อควบคุมพฤติกรรม สำเร็จ! ผมมองมันอย่างเหี้ยมเกรียม ทนอีกเดือนเดียวเราจะส่งนายไปห้องควีน! หรือไม่ก็ส่งตัวเองนี่แหละหนีมันไปห้องควีนซะเลย



12:30น.
โรงอาหาร

เที่ยงนี้พวกเราสี่คนก็ติววิชาเลขกันเหมือนเดิม ผมดีใจจังที่มีคนเก่งทั้งดิมและพัตมาช่วยติวแบบนี้สนุกดี แถมประหยัดเงินกวดวิชาได้เยอะเลย ถ้าสอบเก็บคะแนนวิชาเลขได้ดีผมกะจะไปซื้อรองเท้าบาสคู่ใหม่ละ
“ดิม ศุกร์นี้พวกเราจะไปค้างดูถ่ายทอดสดบาสที่บ้านเราน่ะ ดิมไปด้วยกันมั้ย?” พัตเอ่ยถามหลังติวเสร็จ
“เอ่อ...เรามีธุระน่ะ ขอบใจนะพัตที่ชวน”
“วันนั้นพ่อแม่พัตไปต่างจังหวัดด้วยนะ มาปาร์ตี้กันไง เนอะพัต”
“อืม มาด้วยกันหลาย ๆ คนสนุกดีนะดิม”
ผมอยากให้ดิมไปด้วยจริง ๆ นะ อยากเห็นเขาได้สนุกด้วยกัน ลืมเรื่องเรียนอะไร ๆ ไปบ้าง
“ขอบใจนะสน แต่เราติดธุระจริง ๆ ไว้โอกาสหน้าละกันนะ”

หลังจากแยกย้ายกัน ผมกับดิมเดินกลับห้องพร้อมกัน
“เสียดายจัง อยากให้มริงไปด้วยว่ะดิม”
“อือ เราก็อยากไปนะแต่มีธุระ”
“เอ้อ! วันก่อนห้องกรูมีเทสต์เก็บคะแนน อาจารย์ออกใกล้กับที่มริงติวมากเลย ขอบใจนะ”
“แล้วสนทำได้ไหม?”
“อือ กรูว่าน่าจะได้เกิน 80% เลยล่ะ”

ดิมยิ้มดีใจ จะว่าไปดิมมันทำอะไรให้ผมตั้งหลายอย่าง ทั้งติวทั้งพาไปขอหนังสือเรียนจากรุ่นพี่
“ดิม ถ้ามีอะไรที่มริงอยากได้มริงบอกกรูเลยนะ กรูหาให้ ทำให้ได้ทุกอย่าง”

ดิมเงียบไป อ้าว! จะเงียบทำไมวะ
“กรูพูดจริง กรูไม่ใช่คนพูดเล่น ถ้าไม่ใช่อะไรแพง ๆ กรูทำให้ได้หมดอ่ะ มริงช่วยกรูตั้งเยอะ”
“เราไม่ได้ติวเพื่อให้นายตอบแทนนะ เราแค่อยากช่วยเพื่อน เหมือนที่นายช่วยเรา”
“เออกรูรู้ แต่กรูก็อยากให้มริงกลับบ้าง”

ดิมเงียบไปอีก “ทุกอย่างจริงเหรอ?”
“จริงดิ๊ กรูพูดแล้วไม่คืนคำหรอก”
“งั้น...สนมากับเราหน่อยดิ”

ดิมจับมือผมเดินไปห้องเก็บของหลังอาคารเรียน ที่ที่ผมเจอมันตอนคุย vdo.call กับแฟนมันครั้งนั้น
“สน...คือเรา...”
“มริงบอกมาเหอะ อยากได้อะไร”
“ถ้าเราขอ...” ดิมยังกำมือผม แมร่งบีบแน่นขึ้นด้วย เหมือนว่าสิ่งที่มันอยากขอเป็นเรื่องใหญ่มาก

“สน นายลองคบกับเราได้ไหม?”

...ผมได้ยินผิดหรือเปล่าวะ…

“สนลองคบกับเราได้ไหม? แค่สามสัปดาห์ก็ได้”
“ดิม มริงล้อกรูเล่นใช่ป่ะ?” ผมดึงมือกลับ
ดิมจ้องหน้านิ่งแทนคำตอบว่ามันไม่ได้ล้อเล่นแน่ ๆ “เราพูดจริง”
“คือ...ดิม กรู...กรูไม่ได้ชอบแบบนี้”
“คือเราเลิ...”
“ดิม มริงเลิกพูดเถอะ!”

ดิมแมร่งหน้าสลดไปเลย ผมก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง
“เราขอโทษนะสน เราขอโทษที่พูดอะไรที่นายไม่ชอบ” พูดแล้วดิมก็เดินไปเลย

...เชรี่ย…ดิมมันคิดกับผมแบบนี้เหรอวะ…


16:30น.

หลังเลิกเรียน ผมยืนที่ระเบียงอาคาร ทุกเย็นผมจะรอไอ้ดิมตรงนี้ว่ามันจะไปวิ่งรอบสนามบอลหรือไปชมรมคอม ถ้ามันไปวิ่งผมจะไปวิ่งด้วยเพื่อวอร์มอัพ คอยดูมันด้วยว่าไม่เป็นลมแบบวันนั้นอีก แต่ถ้ามันไปชมรมคอมผมก็จะไปเล่นบาสเลย แต่วันนี้ผมไม่รู้ยืนรออะไร ...ผมไม่อยากเจอหน้ามัน...ไม่อยากไปวิ่งกับมัน...แต่มันโหวง ๆ เหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง

วันไหนมันออกจากห้องมาหน้าซึม ๆ มันจะไปวิ่งแก้เครียด ผมจะไปวิ่งกับมันด้วยจนมันยิ้มออก
วันไหนมันไปชมรมคอมเลย มันจะหันมายิ้มโบกมือ
ทุกวัน ผมจะทำจนมั่นใจว่ามันยิ้มได้ แต่วันนี้ผมแน่ใจว่า...ไม่ว่าทางไหน...ผมก็จะไม่เห็นมันยิ้ม

“หงุดหงิดโว้ย!” ผมเดินลงบันไดไปสนามบาสเลย ที่ผ่านมาทั้งหมดแมร่งคิดกับผมแบบนี้เหรอวะ…ที่ติวให้ผมเพราะอะไรวะ...มริงเป็นไบเหรอ...มริงมีแฟนอยู่แล้วแต่จะให้ผมเป็น...เป็นเหรี้ยอะไรก็ไม่รู้!  ไม่อยากคิดแล้ว!
“ว้ากกก!!!” ผมปาบอลใส่แป้นให้หายโมโห ยิ่งคิดยิ่งโกรธ!
“ไอ้ห่าสน! มริงจะปาทำเชรี่ยไร กรูขี้เกียจวิ่งเก็บลูก” บอมตะโกนด่า
“เป็นอะไรของมริงวะสน?”
“วันนี้กรูเรียนหนักอ่ะ กรูเครียด วิชาปิงปองก็ไม่สะใจพอ บอมมริง 1 ต่อ 1 กับกรูมั้ย?”
“ก็ได้ แต่พัตนั่งดูอย่างเดียวจะเบื่อน่ะสิ”
“พัตกับบอมคู่กัน 2 คนเลย”
“ให้เราเล่นด้วยเหรอ?” พัตเหวอ
“อืม พัตคู่กับบอม เราคนเดียว ไม่ต้องห่วงพวกเราจะเล่นเบา ๆ”
“ก็ได้”

ได้ออกเหงื่อสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน พัตเองก็เคลื่อนไหวดีขึ้น เล่นบาสแล้วมันลืมเรื่องแย่ ๆ ไปหมด
“จะห้าโมงเย็นแล้ว เราต้องไปก่อนนะสน บอม”
“ป่ะ เดี๋ยวเราเดินไปส่ง”
“ไม่เป็นไร บอมกับสนเล่นกันต่อเถอะ ขอบใจนะวันนี้สนุกมากเลย”
“ป่ะ ไปซ้อมกับทีมใหญ่ต่อ”


17:30 ทุกคนเลิกซ้อมช่วยกันเก็บของ
“บอม เดี๋ยวกรูไปห้องน้ำแป๊บนะ”
“อืม เดี๋ยวกรูเก็บอุปกรณ์ให้”

ผมมองขึ้นไปที่ห้องชมรมคอม ไฟปิดหมดแล้ว มันไม่น่าอยู่ที่นั่นนะ ผมเดินไปที่สนามบอล ทีมบอลเองก็กำลังจะเลิก ไม่มีใครวิ่งรอบสนามแล้ว แหงดิวะ ถ้าดิมมันวิ่งตั้งแต่บ่ายสี่ครึ่งถึงตอนนี้มันคงไปลงมินิฮาล์ฟได้แล้ว...ผมจะมาหาอะไรวะ…


วันศุกร์
11:50 น.

พักเที่ยงแล้ว ผมมองผ่านประตูห้องม.4/7 เข้าไปเห็นดิมนั่งอยู่ ผมก็เดินผ่านห้องมันไปเลย...ผมไม่อยากคุยกับมัน…ไม่อยากเจอมัน...พอซื้อข้าวมาถึงโต๊ะ บอมก็เอ่ยถาม
“ดิมล่ะ?”
“ไม่รู้สิ ตอนเราเลิกคาบ 4 มันยังนั่งในห้องอยู่เลย”
“งั้นวันนี้คงติวกันสามคนละกัน เอ้อ! เตรียมชุดมาค้างบ้านพัตแล้วใช่มั้ย?”
“อืม เอามาแล้ว นาน ๆ จะได้ดูถ่ายทอดสดบาสเมืองนอก จะพลาดได้ไง”

ติวเสร็จผมก็ยังไม่เห็นดิม ไม่รู้จะโล่งใจที่ไม่ต้องเจอหน้ามัน ...หรือเป็นห่วงที่มันยังไม่ทานข้าว ไอ้แว่นเอ๊ย! กรูควรรู้สึกกับมริงยังไงวะ? ผมแวะซื้อแซนวิชชิ้นนึง ถ้ามันทานข้าวแล้วผมก็เก็บไว้กินเองตอนบ่ายละกัน ผมเดินกลับขึ้นห้อง จังหวะเดียวกับพวกห้อง 7 ทยอยเดินออกมาพอดี นี่เพิ่งเลิกเรียนคาบ 4 กันเหรอวะ ใกล้จะหมดพักเที่ยงแล้วนะ

ไอ้ดิมเดินออกมา ใจผมเต้นแรง ...ไม่อยากเจอมัน ไม่อยากคุยกับมัน ไม่อยากให้มันพูดเรื่องเมื่อวานอีก แต่ก็เป็นห่วงที่มันยังไม่ทานข้าวเที่ยง เป็นความรู้สึกที่โคตรกระอักกระอ่วนใจไม่รู้จะทำยังไงดี แต่มันหลบตาเดินผ่านผมไปเฉยเลยไม่พูดไม่ทักสักคำ

...เออ พอกรูไม่ยอมตามที่มริงขอ กรูก็หมดประโยชน์เลยใช่มั้ย กรูไม่น่าเป็นห่วงมริงเลย เก็บแซนวิชไว้แดรกเองก็ได้วะ! ผมเดินเข้าห้อง หงุดหงิดว้อย ต่อไปต่างคนต่างอยู่เลยไอ้แว่นกรูจะไม่ยุ่งกับมริงอีกแล้ว เสียแรงที่กรูอุตส่าห์รู้สึกดีกับสิ่งที่มริงทำ

“ไงล่ะมริง” ไอ้โบ้สะกิดผม
“อะไรของมริงวะโบ้?”
“เมื่อกี้กรูเห็นนะที่ไอ้แว่นเพื่อนเลิฟของมริงเมินมริงอ่ะ” ผมตอบไอ้โบ้ไม่ถูกเลย
“กรูบอกแล้วว่าพวกห้องควีนก็แบบนี้แหละ พอจะสนิทด้วยแมร่งก็เชิดใส่” ไอ้โบ้เบะปาก
“เขาเพิ่งเลิกเรียน อาจจะหิวข้าวจะรีบไปโรงอาหารก็ได้ มริงก็มองโลกแง่ร้ายว่ะโบ้” ไอ้ป้องแย้ง
“ทักสักคำมันยากตรงไหน?”
“ช่างแมร่งเหอะ” ผมแกะแซนวิชกิน ผมรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังอารมณ์เสีย แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอารมณ์เสียเพราะอะไร
ช่างแมร่ง! ขอผมอารมณ์เย็นลงกว่านี้ก่อนละกัน


16:30 น. สนามบาส

“เย็นนี้ตามโปรแกรมเราซ้อมชิ่งบอลกันสามคนนะ” บอมพูด
“เอาล่ะ พวกเราสามคนทีมเดียวกันนะ พัตยืนตรงนี้นะ สนมริงตรงโน้น เดี๋ยวเราเริ่มเลี้ยงบอลเข้าไปที่แป้น พัตเข้าไปรอในเขตโทษเลย”

บอมส่งลูกให้ผม ผมเลี้ยงแล้วส่งต่อให้พัต
“พัตเลย์อัพเลย”

แน่นอนว่าครั้งแรกพัตคงตื่นเต้นแล้วก้าวเท้าผิด
“ไม่เป็นไรนะพัต นายเพิ่งเคยรับบอลจากคนอื่นเป็นครั้งแรก ทำซ้ำ ๆ เดี๋ยวก็คล่อง เดี๋ยวสนส่งบอลให้เรา เราจะเลย์อัพให้พัตดูนะ ไม่ต้องเข้าไปใกล้แป้นมากเพราะเราก้าวเท้าได้สองก้าวอยู่แล้ว”

ทำซ้ำครั้งที่ 6 พัตก็เริ่มทำได้
“เยี่ยมมาก ๆ เดี๋ยวซ้อมอีกแบบ พอพัตได้บอลแล้วเราตะโกนว่า ‘หลัง’ พัตส่งบอลกลับมาให้เราชู้ตนะ”
“อืม”

เวลาซ้อมกันสนุก ๆ ผมก็ลืมเรื่องไอ้ดิมไปได้สักพัก ความหงุดหงิดก็ลดลงด้วย...ขอผมหัวโล่งใจเย็นลงกว่านี้อีกหน่อยค่อยคิดเรื่องนั้นต่อ…พอซ้อมถึงห้าโมงเย็น พ้นช่วงเวลารถติดแล้ว ก็ได้เวลาไปเที่ยวบ้านพัตซะที พวกเราเปลี่ยนชุดแล้วเตรียมไปขึ้นรถเมล์

เอ๋! มี missed call จากแม่ช่วงที่ซ้อมบาส
“ฮัลโหลแม่ เมื่อกี้แม่โทรมามีอะไรเหรอ?”
“สน เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเยี่ยมลุงต้อมกัน แม่จะทำแกงไปฝากลุงด้วย ลูกกลับมาช่วยแม่เตรียมของหน่อยนะ”
“อ้อ ได้ครับแม่” โอ๊ย! อะไรเนี่ย กำลังจะไปดูบาสที่บ้านพัตแท้ ๆ แต่ผมก็ขัดแม่ไม่ได้น่ะนะ
“พัต โทษที เราไปไม่ได้แล้วล่ะ เราต้องไปช่วยแม่ทำงาน แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องไปต่างจังหวัดกับแม่ด้วย”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 16: อัพ 1 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 08-12-2020 05:29:36
King Class Away: ep19
1 on 1


วันศุกร์
17:00น. สนามบาส

...โต้งเคยบอกว่าผมมันจอมเจ้าเล่ห์ แต่วางแผนห่าอะไรก็มักจะแป๊กทุกที
...และผมก็เห็นด้วยกับโต้ง เวลาผมทำอะไรที่อยากทำ มันมักจะผิดพลาดและเดือดร้อนหนักกว่าเดิม
...ผมอยากลบแชทไลน์ของบอม แต่สุดท้ายจบด้วยการเห็นภาพอั้มหอมแก้มบอม และมันเป็นภาพหน้าจอของมือถือบอมซะด้วยสิ ชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

...ก่อนหน้านี้ผมอยากเอาใจบอมด้วยการชวนเขาและสนมาดูบาสที่บ้าน แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสถานการณ์ลำบากใจและผมไม่สามารถยกเลิกได้
...ผมกำลังจะต้องอยู่ใกล้เขามากโดยที่รู้ว่าเขาคิดกับผมแค่เพื่อน
...ภาพหน้าจอทำให้ผมรู้ตัว ที่บอมโอบไหล่ กอดเอว จ้องตา เป็นแค่การเทคแคร์เพื่อนเท่านั้น
...ที่เขาจะอาบน้ำด้วย แก้ผ้านอนด้วย เปลี่ยนเสื้อต่อหน้า ก็แค่เรื่องปกติของเพื่อนผู้ชายหยอกล้อกัน

...และตอนนี้สถานการณ์ก็เลวร้ายสุด ๆ เพราะ
“พัต โทษที เราไปไม่ได้แล้วล่ะ เราต้องไปช่วยแม่ทำงาน แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องไปต่างจังหวัดกับแม่ด้วย”
สน นายอย่าทิ้งเราไว้กับบอมสองคนตอนนี้สิว้อย!!!

พวกเราสองคนยืนอยู่บนรถไฟ airport link มุ่งหน้าเข้าเมือง ผมพยายามรักษาระยะห่างแต่พอถึงสถานีรามคำแหงคนก็ขึ้นมาจนเต็มรถ บอมกับผมโดนเบียดเข้าใกล้กันเหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง
“คนเยอะเลยนะ พัตอึดอัดไหม?” บอมยื่นหน้ามาคุย
“ไม่อ่ะบอม ปกติเราก็ขึ้นรถเมล์รถไฟฟ้านะสบายมาก มีแค่เฉพาะตอนมาโรงเรียนน่ะที่พ่อมาส่งมารับ นี่ก็กะจะขอพ่อขึ้นรถ airport link มาเองละ เพราะดิมก็มาเส้นนี้เหมือนกัน”
“พัตมายืนในมุมนี้สิจะได้ไม่โดนเบียด” บอมจัดให้ผมยืนที่มุมรถ ส่วนตัวบอมยืนกันไม่ให้คนอื่นเบียดเข้ามา มุกเกาหลีที่สุด! ตำแหน่งนี้หน้าผมกับบอมหันเข้าหากันตลอดทางเลยสิฟระ ฉากโรแมนติกขนาดนี้ เดี๋ยวรถก็เลี้ยว หน้าบอมจะคะมำมาเกือบแตะหน้าผมแน่ ๆ ว่าแล้วรถก็เลี้ยวจริง ๆ หน้าบอมเข้ามาใกล้มากพร้อมกลิ่นโคโลญจน์ที่หอมเข้มขึ้นตามอุณหภูมิร่างกายที่เพิ่งเล่นบาสมา

ต่อไปจะอะไรอีกวะ? ลำโพงบนรถจะเปิดเพลงโรแมนติกล่ะสิ!?
หากฉันเพ่งมองตาเธอให้ลึกหน่อย อย่างน้อยอาจทำให้ต้องเฉลียวใจ
ว่ามีความหมายใด ซ่อนในดวงฤทัย บ่งบอกความในใจที่ดวงตา

เข้าบรรยากาศสุด ๆ เพลงเก่าได้โล่ เพลงคีรีบูนกันเลยทีเดียว!!!! แล้วทำไมบอมต้องมองผมนิ่ง ๆ แบบนี้ด้วยวะ มริงจะทำให้ตรูจิ้นไปถึงไหน!

แล้วบอมก็จะชวนคุยอะไรที่ทำให้จินตนาการผมยิ่งเตลิดล่ะสิ?
“แล้วพ่อแม่พัตไปต่างจังหวัดแบบนี้บ่อยไหม?”
“ก็ เดือนสองเดือนทีนึง แต่บางทีก็ไปบ่อย”
“แล้วพัตอยู่คนเดียวเหงาไหม?” ...นายจะถามอะไรให้มันโรแมนติกแบบนี้ทำไม
“ก็เหงาบ้าง แต่เราก็อ่านหนังสือ แล้วก็เล่นบอดี้เวทในบ้านตามยูทิวป์”
“ห้ะ! พัตเล่นบอดี้เวทด้วยเหรอ?”
“ใช่ จะได้เล่นบาสเก่งไง”

ผมพยายามคุยเรื่องอะไรก็ได้ที่ทำลายบรรยากาศโรแมนติก คืนนี้ต้องไม่มีคำว่า “เคลิ้ม” เด็ดขาด!
“เพิ่งเริ่มฝึกใช่มั้ย พัตต้องเน้นกล้ามเนื้อคอร์มัซเซิลนะ”
“คือตรงไหนเหรอ?”
“คือแกนกลางลำตัวน่ะ” บอมวางกระเป๋าลงที่พื้น แล้วใช้มือจับท้องผม เชรี่ยแล้ว ๆๆๆ
“ตั้งแต่กล้ามท้องที่เรียกว่าซิกแพค จริง ๆ มีกล้ามด้านข้างอีกหลายส่วน ไปจนถึงด้านหลัง”
มือบอมลูบไปตามเอวผม ลูบอธิบายไปถึงข้างหลัง ตายห่าแล้วตรู!!! ท่านี้บอมกำลังโอบเอวผมชัด ๆ
“เนี่ยพัตลองจับตรงเอวกับหลังเราดูสิ”
“ม...ไม่เป็นไร”
“นายต้องลองจับจะได้โฟกัสถูกว่าตอนคอร์มัซเซิลทำงานคือยังไง” ผมจับไปตามที่บอมบอกแล้วบอมก็เกร็งกล้ามส่วนนั้น
“จับแรง ๆ เลย รู้สึกใช่มั้ยว่ากล้ามส่วนนั้นแข็งขึ้น?” บอมถาม
“อืม เข้าใจแล้ว” ผมค่อย ๆ ดึงมือกลับ

นี่ขนาดพยายามทำลายบรรยากาศ ไหงมันยิ่งฮาร์ดคอร์กว่าเดิมฟระ? กลายเป็นลูบ ๆ โอบ ๆ กันในรถไฟฟ้า!! อีกนานเลยกว่าจะถึงบ้าน มันจะมีฉากหวาดเสียวชวนเคลิ้มแบบนี้อีกกี่ซีนวะ ที่แน่ ๆ ผมจะไม่ยอมให้เกิดซีนอุบัติเหตุล้มปากชนกันอะไรแบบนั้น เพราะในความเป็นจริงริมฝีปากกับฟันน่าจะกระแทกกันได้เลือดมากกว่า

“สวัสดีค่า วันนี้ดีเจกุ๊งกิ๊งมีเคล็ดลับดี ๆ มาบอกกันนะคะ อยากรู้มั้ยคะว่าเขาคนนั้นแอบชอบเราอยู่หรือเปล่า ลองเล่นจ้องตากับเค้าสิคะ คนที่ชอบเราจะไม่สามารถจ้องตาเราได้ถึง 10 วินาทีค่าาาา” เสียงจากลำโพงรถส่งความบรรลัยมาละ

“พัต”
“หืม?”
“ลองดูมั้ย?”
“ลองอะไรเหรอบอม?” คือตรูรู้แหละว่าบอมพูดถึงอะไร ตรูพยายามไม่ยอมจิ้นไม่ยอมเคลิ้มกับอะไรทั้งนั้น
“จ้องตาไง”
“เอาดิ”

1วิ คิดซะว่าแข่งจ้องตากับเพื่อนแบบสมัยประถมก็ได้
2วิ สมัยนั้นผมจ้องได้เป็นนาที
3วิ ไอ้การหลอกตัวเองเนี่ยเรื่องถนัดของผมอยู่แล้ว
4วิ ถึงตรงหน้าจะเป็นบอมสุดหล่อของผมก็เถอะ
5วิ ท่องไว้สิเขามีแฟนแล้วชื่ออั้ม
6วิ และผมจะไม่ยอมให้มิตรภาพของเราพังไปกว่านี้
7วิ เพราะฉะนั้นผมไม่ยอมหลบตาแน่
8วิ บอมหลบตาผม

อ้าวเฮ้ย!!? ทั้งผมและบอมนิ่งเงียบไปนาน แม้จะมีเสียงเพลงบนรถ แต่ทุกอย่างเหมือนจะเงียบไปหมดเพราะใจของผมจดจ่ออยู่กับคนตรงหน้าเท่านั้น เมื่อกี้มันคืออะไรวะ? บอมหลบตาหันหน้าเอียง ๆ แก้มแดงระเรื่อ คิ้วเข้ม ตาสีน้ำตาลอ่อนกับขนตายาว ๆ สายตาผมไล่โลมเลียหาคำตอบไปตามผิวแก้มถึงริมฝีปากที่น่าจูบ หยุด! ไอ้พัตมริงหยุดเลย!

“สถานีต่อไป สถานีพญาไท Next station Phaya Thai station” เสียงประกาศในรถปลุกสติผม
“บ...บอม ไปกันเถอะ”
พวกเราสองคนลงที่สถานีสุดทางจนได้ นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นผมยังเหนื่อยสุด ๆ กับการห้ามใจและฉากชวนเคลิ้มทั้งหลาย โดยเฉพาะตอนเล่นจ้องตานั่นดาเมจแรงสุดเลย คงเหลือแค่หิมะตกเท่านั้นที่ยังขาดไป ผมจะผ่านคืนนี้ไปได้ไหมวะเนี่ย?


ผมเดินนำบอมเข้าซอยมาแป๊บนึงก็ถึงบ้าน ผมไขกุญแจประตูรั้วเข้าไป
"บ้านพัตใหญ่นะเนี่ย"
"ไม่หรอก" พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอพ่อกับแม่รอที่โต๊ะอาหารแล้ว ผมกับบอมวางเป้กระเป๋าที่โซฟาแล้วไปสวัสดีท่าน
"พ่อครับแม่ครับผมกลับมาแล้ว บอมมาด้วยครับ"
"สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า"
บอมยกมือไหว้พ่อกับแม่ บอมเคยเจอคุณพ่อแล้ว

"สวัสดีจ้ะบอม คนนี้เองที่พัตพูดถึงบ่อย ๆ หนูเป็นนักบาสใช่มั้ยจ๊ะ?"
"ครับคุณป้า"
"เรียกคุณพ่อคุณแม่เถอะจ้ะ"...ไม่นะแม่อย่าพูดอะไรชวนจิ้นแบบนั้น...
"เห็นลูกพัตบอกว่าจะพาเพื่อนมา 2 คนนี่? บอมกับสน ใช่มั้ย?" พ่อถาม
"ครับคุณพ่อ แต่สนเขามีธุระด่วนต้องไปช่วยงานคุณแม่ครับก็เลยไม่ได้มา"
"ดีจังเลยช่วยงานคุณแม่ เสียดายนะไม่ได้เจอสนเพื่อนพัต นี่แม่ทำอาหารกับขนมไว้เยอะเลยกะจะมีลูกชายทีเดียว 3 คน" แม่พูดยิ้ม ๆ
"แล้วบ้านลูกบอมอยู่แถวไหนเหรอ?" คำก็ลูก สองคำก็ลูก เดี๋ยวก็ได้ลูกชายเพิ่มหรอก
"บ้านผมอยู่อ่อนนุชครับ"
"โห! มาไกลนะเนี่ย แล้วบ้านสนล่ะลูก เห็นพัตเล่าว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่โรงเรียนเก่าใช่มั้ยจ๊ะ?"
"บ้านสนก็อยู่อ่อนนุชครับ อยู่ใกล้ ๆ กับบ้านผมครับ" บอมตอบพลางหันมายิ้มให้ผม ประมาณอยากถามว่าผมเล่าอะไรไปบ้างเนี่ย

"แบบนี้ก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้วสิ?"
"ครับ ตั้งแต่ป.4 เลยครับ"
"พัตบอกว่าตอนม.ต้นเรียนแถวสมุทรปราการ ทำไมไปเรียนไกลบ้านจังล่ะบอม?"
"พวกผมเป็นนักกีฬาบาสตอนประถมแล้วได้โควต้าไปเรียนต่อที่นั่นครับ แต่เดินทางไกลบ่อย ๆ คุณพ่อคุณแม่เลยอยากให้เรียนม.ปลายใกล้บ้านก็เลยมาสอบเข้าม.4 ที่นี่ครับ"
ผมนั่งฟังอย่างตื่นเต้น ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ดีจังผมอยากสนิทกับบอมตั้งแต่ประถมอย่างนี้บ้าง

"มิน่าตัวสูงเชียว สอนลูกแม่เล่นบาสด้วยนะพัตจะได้สูงบ้าง"
"ครับ พวกเราสามคนอยู่ชมรมบาสครับ พัตก็ซ้อมทุกวันตอนเย็น ตอนนี้ก็เริ่มเล่นเก่งแล้วครับ"
"ยังไม่ขนาดนั้นหรอก" บอมชมนี่ผมเขินเลย
พ่อหันมองแม่แว่บนึง

"แล้วบ้านบอมทำอะไรเหรอลูก?"
"คุณพ่อผมเป็นวิศวกรสถานีขุดเจาะน้ำมันครับ นาน ๆ กลับบ้านที คุณแม่เป็นเจ้าหน้าที่เนิร์สเซอรี่ครับ"
"โอ้! งานดีนะเนี่ย แล้วจะเป็นวิศวกรเหมือนคุณพ่อไหม?" พ่อถาม
"ก็ดู ๆ อยู่ครับ"
"ลูก ๆ ทานข้าวกันเยอะ ๆ นะ คืนนี้พ่อกับแม่ต้องไปดูงานโรงแรมในเครือที่สมุยน่ะ ไว้คราวหน้ามาเที่ยวอีกนะ ทั้งสองคนบอมกับสนเลยนะ"
"ครับคุณแม่"

พ่อกับแม่เตรียมของไว้ในรถแล้ว ผมเดินไปเปิดประตูรั้วให้รถออก
"เล่นกับบอมให้สนุกนะ คืนนี้พ่ออนุญาตให้นอนดึกได้ เอาเกมมาเปิดทีวีใหญ่ข้างล่างก็ได้นะ"
"ขอบคุณครับพ่อ เดินทางปลอดภัยนะครับ" ถึงสีหน้าผมจะยิ้มแต่ในใจพูดว่า...พ่อจ๋า แม่จ๋า อย่าทิ้งผมไว้กับบอมสองคนนนน!

ผมกลับมานั่งกินข้าวกับบอมต่อ
"คุณพ่อคุณแม่นายน่ารักเนอะ" ...มาเป็นลูกอีกคนเลยไหมล่ะ...เอ๊ย! ไม่ใช่!...การฟังเรื่องของบอมทำให้ผมยิ่งรู้สึกใกล้ชิดกับเขามากขึ้น เหมือนได้เข้าไปร่วมในชีวิตเขาตั้งแต่ป.4 เห็นภาพเขาขยันซ้อมทุกวัน
"เพิ่งรู้ว่าบอมกับสนเล่นบาสเก่งจนได้โควต้าเลย"
“ยังไม่เก่งมากมายอะไรหรอก พัตเล่าเรื่องตอนประถมให้เล่าฟังบ้างดิ แลกกันไง”

ผมเล่าเรื่องสมัยป.4 ตอนเลิกเรียนจะรีบวิ่งไปเล่นเกมที่ร้านข้างโรงเรียน 5 บาทครึ่งชั่วโมงแล้วรีบวิ่งกลับมาให้ทันพ่อมารับ
“ฮ่า ๆๆ นึกภาพพัตติดเกมไม่ออกเลยนะเนี่ย ตอนเด็ก ๆ เราก็ชอบเล่นเกมนะ เกมบอมเบอร์แมนน่ะ เลยเอามาตั้งชื่อเฟส”
“อือ เราก็ชอบเหมือนกัน ใกล้ถึงเวลาถ่ายทอดสดละ บอมอย่าเพิ่งอิ่มนะแม่เตรียมขนมไว้ให้ด้วย กินไปดูไปละกันนะ”

ผมจัดการเปิดโทรทัศน์ช่องเคเบิ้ล จัดโซฟาแล้วเอาขนมออกมาจากตู้เย็น
“ทีมเนี่ยเป็นแชมป์หลายสมัยมาก แต่ปีที่แล้วเสียแชมป์ อีกทีมก็ผลงานดีมาตลอด แมตช์นี้เลยน่าดูมากว่าเขาจะชนะได้มั้ย”
ผมนั่งลงอีกปลายโซฟา ใจเริ่มเต้นแรง ...ตลอดคืนนี้ผมจะอยู่กับบอมสองต่อสอง…
“พัตมานั่งใกล้เราดิเราจะได้อธิบายให้ฟัง”
ผมจำใจขยับเข้าใกล้เขา ...มันจะไม่มีการเคลิ้มอะไรทั้งนั้น...บอมจะตั้งใจดูรายการแข่งบาส เราจะดูจนจบแล้วก็อาบน้ำเข้านอน แค่นั้นแหละ
“พัตคอยดูนะเดี๋ยวเบอร์ 11 จะชู้ตสามแต้ม ไม่ลงหรอกแต่เพื่อนเขารอรีบาวน์อยู่”
คือตรูดูไม่รู้เรื่อง ถ้าฟังเขาอธิบายแล้วยังไม่เข้าใจ เขาจะเบื่อเราน่ะสิ ถ้าสนมาด้วยเขาสองคนคงดูกันสนุกไปไม่ต้องอธิบายให้ผมฟังก็ได้

“นั่นไง!!! รีบาวน์จริง ๆ ด้วย! แต้มนำแล้ว!!” แขนบอมโอบไหล่ผมด้วยความดีใจ ส่วนตรูเหมือนกำลังตกนรก อยากเคลิ้มแต่ทำไม่ได้ ท่องไว้เขามีแฟนแล้ว ๆๆๆ
เกมผลัดกันรุกรับเร็วมากจนถึงช่วงพักครึ่งแต่บอมก็ยังไม่คลายแขนออก
“พัตก็ลูกคนเดียวเหมือนกันใช่มั้ย?” บอมหันมาถามในระยะใกล้ หน้าแทบแนบชิดคมชัดระดับ Full HD
“อืม”
“ดีใจจัง เราเหมือนได้เพื่อนที่เข้าใจเราเลย” บอมกระชับแขนให้ผมเข้าไปชิดเขามากขึ้น
“รู้มั้ยตั้งแต่เด็ก ๆ เราอยากมีน้องชายสักคนมาเล่นอะไร ๆ กับเรา เราเคยได้ยินว่าพี่น้องจะแย่งของเล่นกัน แต่ถ้าเรามีน้อง เราจะยกให้หมดทุกอย่างเลย”

...บรรยากาศโรแมนติกมาแล้ว…ตรูตายแน่...ผมภาวนาให้สนโทรมาบอกว่าเปลี่ยนใจแล้วนะอยากมาดูบาสด้วย...ใครก็ได้ช่วยมาคั่นตรงกลางที สองต่อสองแบบนี้ผมจะอดใจไม่ไหวแล้ว
“พัต”
“หืม?”
“รู้มั้ยตอนเราเจอพัตครั้งแรก”
“ต...ตอนนั้น...ทำไมเหรอบอม?” ตาสีน้ำตาลจ้องมาแบบเว้าวอน หรืออะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้จะบรรยายยังไง
"เรา…" บอมจ้องตาเหมือนกำลังตัดสินใจจะพูดบางอย่าง ลางสังหรณ์บอกผมว่าอะไรบางอย่างกำลังจะเกิด ผมต้องหยุดความโรแมนติกหรืออะไร ๆ นี่ให้ได้ ผมควานหารีโมทแล้วกดอะไรมั่ว ๆ หวังว่าจะมีรายการน่าสนุกให้บอมไปสนใจเรื่องอื่นแทน รายการโทรทัศน์กลายเป็นช่องยูทิวป์แล้วมิวสิควิดีโอก็เล่นขึ้น

ฉันไม่รู้สักนิดว่าเธอน่ะคิดถึงใคร ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำทำไมต้องคิดถึงเธอ
ก็อาจจะเป็นรอยยิ้ม ในเมื่อวันแรกเจอ ได้รู้จัก


“เราพลาดตะโกนใส่หน้านายที่อยู่ตรงกลางพอดี นายไม่โมโหแล้วยังช่วยบอกเวลาให้เราด้วย”

ฉันไม่รู้ว่าฉันทำไมควบคุมไม่อยู่ ฉันไม่รู้ไม่รู้อะไรสักอย่าง
ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าใจฉันวางไว้ข้างเธอ


“นายอาจขำเรานะ คือ...เราเหมือนเจอน้องที่เราอยากได้มาเป็นสิบปี”

ถ้าไม่ใช่ ไม่ต้องมาคอยใส่ใจได้มั้ย ถ้าไม่ชอบ เอาตาคู่นั้นหลบไปให้ไกล
ถ้าไม่เชื่อ เดี๋ยวฉันห้ามใจตัวเองไม่ไหว จะช่วยหยุดใจฉันมั้ย


“ตอนอยู่บนอัฒจันทร์ ที่เราถามพัตว่าอยากอยู่ชมรมอะไร พัตบอกว่าอยากอยู่ชมรมคอม”
“อืม”
“แล้วเราขอให้พัตอยู่ชมรมบาส นายจำได้มั้ย?”
“อืม จำได้”
“เราอยากถามพัตมานานแล้ว แต่เราไม่กล้า”
“ถามมาเหอะ”

ฉันเป็นของเธอทุกวัน เธอเป็นของฉันเหมือนกันบ้างหรือเปล่า
มันมีความสับสน ปนกับความเหงาเหงา คอยกั้นเราด้วยเส้นบางบาง


บอมจ้องตาผมนิ่ง “พัตเต็มใจมาอยู่ชมรมบาสกับเราหรือเปล่า? พัตชอบบาสจริง ๆ หรือว่าเราบังคับนาย?”
ผมจะตอบยังไงดี...ตอบเอาใจบอมมั้ย? แต่บอมเปิดใจพูดขนาดนี้แล้วนะ

ฉันเป็นของเธอแล้วไง อีกนานแค่ไหนจะรู้ใจฉันบ้าง
เธอก็ยืนอยู่ตรงนี้ แต่ก็ยังอ้างว้าง ได้แค่แอบรักเธอ


“ตอนแรกเราเข้าชมรมบาสเพราะเราอยากอยู่กับนายน่ะบอม” ...เป็นคำตอบที่ออกมาจากใจผมที่สุดแล้ว

ฉันไม่รู้สักนิดที่คิดน่ะผิดหรือถูก ฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังจะเศร้าหรือสุข
มันจะดีจะร้าย มันก็ขึ้นกับใจของเธอ ทุกคำตอบ


บอมนิ่งเงียบไป ผมก็เช่นกัน ผมไปต่อไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าผมพูดอะไรมากไปกว่านี้ความในใจอาจพรั่งพรูออกมา
“ช่วงครึ่งหลังน่าจะมาแล้ว” ผมกดรีโมทกลับไปดูการแข่งขันต่อแต่บอมก็ยังเงียบไปเลย
“บอม”
“หืม?”
“ตอนนี้เราเริ่มชอบบาสจริง ๆ นะ นายช่วยฝึกเราให้เป็นตัวสำรองทีนะ เราอยากไปแข่งกับนาย”
“ได้สิ” บอมยิ้มจนตาปิดและกลับมาพากษ์อธิบายการแข่งต่อจนจบ

“ทีมโปรดเราชนะล่ะ!” บอมสรุปพร้อมยิ้มดีใจ
“ดีใจด้วยนะบอม”
“อาบน้ำเข้านอนกันเถอะ มีอีกคู่พรุ่งนี้เช้า”
ผมพาบอมถือกระเป๋าไปไว้ที่ห้องนอนผมที่เปิดแอร์ไว้ก่อนแล้ว ผมหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ให้และเปิดไฟห้องน้ำให้บอมเข้าไปอาบน้ำ ส่วนผมแยกไปอาบอีกห้อง สักพักบอมในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มก็เดินมาพร้อมผ้าเช็ดตัวและชุดพละ ...ดีนะที่เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ถ้านุ่งผ้าเช็ดตัวมานี่...
“ขอบใจนะพัต คืนนี้สนุกมากเลย”
“อืม เอาผ้าเช็ดตัวตากที่ระเบียงได้นะ” บอมตากผ้าเสร็จก็พับชุดใส่กระเป๋าแล้วขึ้นมานอนบนเตียง
“ยังไม่ค่อยง่วงเลย”
“เล่นเกม Bomberman กันมั้ย?”
“มีเหรอ?”
“ของ Nintendo Switch นะ เล่นสองคนได้ มีแบบแข่งกันกับแบบช่วยกันลุยด่านด้วย” ผมยื่นจอยให้บอม
“ดีจังเกมโปรดของเราเลย” ...ผมซื้อมาเพื่อบอมโดยเฉพาะเลย...

“ทำไมนายเล่นเก่งจังว้า!” แหงละ บอมไม่ได้เล่นมานานจะสู้ผมที่เล่นประจำได้ไง
“เออนี่พัต เพื่อนตอนประถมของเราคนนึงก็เล่นเกมเก่งเหมือนนายนะ”
“เหรอ?” แล้วบอมกับผมก็สลับกันเล่าเรื่องสมัยประถมให้กันฟัง เราสองคนเล่นเกมจนถึงห้าทุ่ม ได้เวลาเข้านอนซะที ในที่สุดผมก็เอาตัวรอดมาจนเข้านอนได้ ไม่มีเคลิ้มอะไรทั้งนั้น ผมดับไฟเพดานแล้ว เหลือแค่ไฟหัวเตียงก็…

บอมพลิกตัวมาทางผม “พัตจำสัญญาได้มั้ย?”
“สัญญาอะไรเหรอ?”
“ก็ที่นายบอกว่าถ้าอยู่บ้านจะแก้ผ้าตอนนอนไง”
“อ...เอ่อ...จำได้”
“ลองทำยัง?”
“ยังเลย”
“งั้นลองเลย คืนนี้แหละ”
“ม...ไม่ดีมั้ง”
“ทำไมล่ะ?” บอมขยับเข้ามา ทำหน้าแกล้งไม่พอใจ
“ก็...ก็นายอยู่ด้วย”
“คืนนั้นเราก็ถอดตอนพัตอยู่ด้วย ไม่เห็นเป็นไรเลย นี่ไง” ว่าแล้วบอมก็ถอดเสื้อออก อารมณ์ไหนของนายวะบอม!!!
“ไว้วันหลังนะ”
“หึ ๆๆ ไม่มีวันหลังแล้ว” บอมพูดแบบขำ ๆ แต่การกระทำไม่ขำเพราะเขาดึงชายเสื้อผมขึ้นจริง ๆ
“เฮ้ย! ไม่!! บอม! ไม่เอ๊าาาา!!”
“บอมเบอร์แมนเราแพ้ แต่เกมแก้ผ้าเราชนะนายแน่!”

อ๋อ นี่นายแก้แค้นใช่มั้ย?!! ตัวอุ่น ๆ กับกลิ่นโคโลญจ์นอ่อน ๆ ของบอมที่กำลังปล้ำถอดเสื้อผ้าผมออกให้ได้ ผมก็ดิ้นสู้สุดฤทธิ์ บอมเล่นโกงใช้นิ้วจั๊กจี้เอวผมด้วย
“แว้ก! ฮะ ๆๆ บอม ฮะ ๆๆ อย่าดิ๊!!” ผมหลับตาปี๋พยายามปัดมือและดิ้นกุมเสื้อไว้
...อ...อะไรถูแก้มผม...อะไรบางอย่างที่นุ่ม กับเสียงหายใจอุ่น ๆ หนัก ๆ…

ผมลืมตาดู หน้าของบอมแนบกับหน้าผม จมูกกับปากของบอมแตะไล้แก้มผมเบา ๆ
“พัต…” เสียงหายใจหนักของบอม แววตาแสดงความรู้สึกมากมายที่ผมไม่เคยเจอ

“...บอม...”

บอมแนบหน้าลงบนหน้าผมหนักขึ้น เสียงหายใจหอบกระเส่า
“เราเคยนึกว่าเราชอบนายแบบน้อง แบบเพื่อน ไม่รู้ทำไมเราว่านายน่ามันเขี้ยว เราอยากเล่นกับนาย”
สองมือของบอมลูบไปตามตัวผมแล้วกลายเป็นกอดรัดแรง ๆ 

“พัต ร...เราอยากอยู่กับนาย” หน้าของบอมคลุกบดแก้มผม ไม่เหมือนการหอมแก้มละ เหมือนบอมกำลังคลั่ง

...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับบอม ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่เคลิ้มไปกับมัน ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่ทิ้งทุกเหตุผลอะไรควรไม่ควร

"เราก็อยากอยู่กับบอม" ผมพูดคำที่เก็บลึกไว้ในใจที่สุด ความรู้สึกแรกที่เกิดในใจผมตอนเจอเขา คำที่ผมไม่เคยได้พูดออกไป ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราสองคนจะเลยเถิดถึงขั้นไหน แต่ตรงนั้นจะมีบอม

“พัต...” ริมฝีปากของบอมบดกับแก้มผมอีกข้างพร้อมเรียกชื่อผมซ้ำแล้วซ้ำอีก วงแขนที่กอดรัดถูไปมาตามตัวเลื่อนไปที่ชายเสื้อของผมแล้วดึงขึ้นช้า ๆ จนพ้นตัว

ผมประคองหน้าของบอมเบา ๆ เส้นผมเขานุ่มมาก หน้าแดงระเรื่อ ผมแตะริมฝีปากนั้นเบา ๆ ...บอมไม่ขัดขืน...ผมเม้มลิ้มรสริมฝีปากทั้งบนล่าง บอมยอมผมทุกอย่าง ไม่มีเสียงอะไรในหัวผมอีกแล้ว ไม่มีเสียงห้าม ไม่มีเสียงยุ ...มีแค่ผมกับบอม…

ผมสอดลิ้นเข้าไปในปากเขาช้า ๆ เจอฟันแล้วก็ลิ้น...ลิ้นคนอื่นสากและเปียกแบบนี้เหรอ...กลิ่นยาสีฟัน...จูบเป็นแบบนี้เหรอ...นี่คือภายในตัวบอม...บอมของผม

บอมเอนตัวลงบนเตียง โน้มผมเข้าประกบจูบเขาอีกครั้งใช้ลิ้นซอกซอนไปมาในปากผมอย่างช้า ๆ ผมนอนทับบนตัวอุ่น ๆ ของเขา แลกลิ้น จูบแก้ม ซุกหน้าที่ซอกคอ บอมนิ่งให้ผมทำอะไรก็ได้ ผมไล้ลิ้นที่ซอกคอลิ้มรสไออุ่นของผิวที่ผมเคยได้แต่มอง ผมเคลื่อนมาที่อกแน่น สูดกลิ่นโคโลญจ์ หัวใจบอมเต้นแรงมาก มือผมลูบไปตามไหล่และแขน บอมตัวสั่น

"พัต...พัต…" เสียงเรียกชื่อผมเบา ๆ เหมือนคำอนุญาตให้ผมสัมผัสทุกส่วนของบอมที่ผมไม่เคยรู้จัก

ผมเองก็กำลังกลายเป็นตัวตนที่ผมไม่เคยเป็นเหมือนกัน ผมไม่เคยขัดใจบอมเลยแต่ตอนนี้ผมกุมมือบอม นิ้วสอดนิ้วกดลงบนเตียงไม่ให้ดิ้นตอนผมลงลิ้นที่หัวนม...กล้ามท้อง...และต่ำลงไปเรื่อย ๆ บอมครางดิ้นไปมา เข้าใจแล้วที่เขาว่าอยากจะกินกลืนเธอทั้งตัวคือความรู้สึกยังไง ตัวผมทับท่อนล่างของเขา บางอย่างแข็งขึ้นจนรู้สึกได้

บอมพลิกตัวให้ผมนอนลงบนเตียง ...ร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของบอมในแสงสลัวขึ้นคร่อมบนตัวผม...นี่ไม่ใช่ความฝัน…

หน้าของเขาเข้ามาชิดแล้วจูบอีกครั้ง ลิ้นของบอมสอดเข้ามา ปากที่บดบี้และจมูกกับใบหน้าที่คลุกกับหน้าผมอย่างคลุ้มคลั่ง ผมสอดแขนโอบกอดเขา ตัวบอมทั้งอุ่นและหนัก ทุกส่วนของเราสัมผัสกันจนร้อนผ่าว บอมถอนริมฝีปากออกพลางไล้ปลายลิ้นไปที่ใบหู “พัตอยู่กับบอมนะ”

“อืม เราจะอยู่กับบอม” ผมตอบตกลงไปแทบไม่เป็นภาษาพลางลูบแผ่นอกแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยลอนกล้ามของบอม บอมบดปากจูบสลับกับไซ้ซอกคอซ้ำแล้วซ้ำอีก ส่วนเอวขยับถูกับตัวผมแรงขึ้นเรื่อย ๆ... ผมไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรอีก ไม่รู้คืนนี้จะไปจบที่ไหน รู้แค่ผมมีบอม…

ทุกอย่างหยุดนิ่งไป

...ผมลืมตาขึ้น บอมจ้องตาผม...แต่สายตาเขาไม่เหมือนเดิม...มันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
"พัต...เราขอโทษ...เราไม่ตั้งใจ"

...เกิดอะไรขึ้น…
...ผมไม่เข้าใจ…
...แต่ผมก็ไม่แปลกใจ…
...เวลาผมทำอะไรอย่างที่อยากทำ...มันจะแย่กว่าเดิมเสมอ...ครั้งนี้เช่นกัน…
...เรื่องของเรามันจบแล้ว...

“ไม่เป็นไรนะบอม เราก็ขอโทษเหมือนกัน เราก็ไม่ได้ตั้งใจ”
บอมขยับตัวไปนอนห่าง ๆ “พัต...เรา...”
“้เราไม่เป็นอะไรจริง ๆ...เรา...เราขอโทษนะบอม” ผมใส่เสื้อผ้า เขาคงรู้สึกผิดกับอั้ม

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในรถไฟฟ้า...ไม่ได้มีแค่ผมที่เคลิ้มจนห้ามตัวเองไม่อยู่...บอมก็เช่นกัน
ผมคุมตัวเองให้ไม่แสดงสีหน้าอะไรทั้งนั้น ก็แค่ผู้ชายสองคนเล่นอะไรห่าม ๆ ขำ ๆ
...การหลอกตัวเองเป็นเรื่องถนัดที่สุดของผม...
...ก็แค่เด็กผู้ชายสองคนที่บางอย่างเตลิดไป…
...ผมชินแล้ว เวลาผมคาดหวังอะไร ๆ ก็มักจบแบบผิดคาดเสมอ
...ตอนป.5 ที่ผมตั้งใจเรียนให้พ่อแม่ดีใจ มันก็จบด้วยการเข้าไปอยู่ห้องคิง…
...ตอนผมร้องไห้บอกแม่ว่าครูให้กินบอระเพ็ดขม ๆ แม่กลับบอกว่าครูทำถูกแล้ว…
...ตอนทำใจว่าถ้าตั้งใจเรียนชีวิตคงดีขึ้น แต่มันก็จบด้วยการโดนให้ลาออก…
...ตอนอยากติดห้องเดียวกับบอม ก็ดันได้คนละห้อง…
...ผมพยายามอยู่ใกล้เขา แต่มันก็จบแบบนี้...

ตอนนี้บอมคงอยากกลับบ้าน แต่มันเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยผมก็ให้เขาได้อยู่คนเดียวละกัน
“เราไปนอนข้างล่างละกันนะบอม”
แต่บอมจับมือผมไว้ “พัตไม่ต้องไปหรอก นอนนี่กับเรานะ”

...ผมควรทำแบบนั้นจริงเหรอ...เขาแค่พูดตามมารยาทหรือเปล่า…

“นะพัตนะ นอนกับเรา”
“อืม” ผมนอนลงบนเตียงอีกครั้ง กดปิดไฟหัวเตียง
“ราตรีสวัสดิ์นะบอม” ผมเอ่ยในความมืดแล้วหลับตาลง

ผมฝืนหลอกตัวเองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น แต่ผมก็ทำไม่ได้เลยนอนตะแคงหันหลังให้บอม ...ทุกอย่างพังหมดแล้ว...ตอนนี้ผมเป็นอะไรให้บอมไม่ได้เลยแม้แต่เพื่อน ...ก็ผมไม่เคยคิดกับเขาแบบเพื่อนมาตั้งแต่แรกแล้วนี่นา ถ้าเป็นเพื่อนจริงผมคงห้ามบอมไม่ให้นอกใจอั้มสิ...แต่นี่ผมกลับ…

แขนของบอมพาดเบา ๆ ลงบนตัวผม ...ไม่มีคำพูดใด ๆ ...ไม่ต้องอธิบายว่าสัมผัสนี้คืออะไร เพื่ออะไร...แต่แค่นี้ก็ทำให้ผมหยุดทุกความคิดและหลับตาลงได้
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 19: อัพ 8 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 08-12-2020 06:01:11
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 19: อัพ 8 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 15-12-2020 16:41:27
King Class Away: ep20
送君千里 终有一别


ผมลืมตาตื่น… 5:17 เช้าวันเสาร์
ผมลุกขึ้นนั่งเรียกสติพลางมองบอมที่ยังหลับอยู่ และแขนของเขายังพาดบนตัวผม ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกยังไง จะว่าเสียใจก็ไม่เชิง สุขก็ไม่ใช่อีก
"พัตอยู่กับบอมนะ"
"อืม เราจะอยู่กับบอม"

นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เราคุยกันดี ๆ ...หลังจากนั้นมีแต่ภาษากายล้วน ๆ

ขอบใจนะบอมที่ให้เรายังอยู่ข้างนาย ถ้าเมื่อคืนผมลงไปนอนข้างล่าง ผมคงตื่นมาด้วยความรู้สึกที่แย่กว่านี้มั้ง อย่างน้อยผมได้เห็นเขาเป็นคนสุดท้ายก่อนนอน เป็นคนแรกที่เจอตอนตื่น
“อ...อือ” บอมลืมตาตื่นช้า ๆ
“พัตตื่นเช้าจัง” บอมพูดทั้งที่ยังงัวเงีย ถึงจะนอนข้างกันทั้งคืนแต่ผมก็ยังไม่กล้าสู้หน้าเขาอยู่ดี
“ก็นายบอกว่าถ้าได้เราเป็นนาฬิกาปลุกทุกวันคงดีไง”
“พัตจำที่เราพิมพ์แชทนั้นได้ด้วยเหรอ?” บอมยิ้มบาง ๆ
“อืม”
“เสียดายจัง แชทมันหายไปได้ยังไงก็ไม่รู้” ...เออ ผมนี่โง่จริง เปิดประเด็นให้ตัวเองเจ็บเอง…
“เดี๋ยวเราไปเตรียมอาหารเช้าให้นะ” ผมลุกจากเตียงแต่บอมดึงผมเข้าไปกอด
“ยังไม่หิวอ่ะพัต”
“บ...บอม”
ไม่มีเสียงตอบอะไรจากเขา เขาแค่นอนกอดผม มีแต่เสียงหัวใจเขาเต้นที่ผมได้ยินผ่านแผ่นหลังของผม

“พัต เรายังเป็นเพื่อนกันไหม?”
“อืม” ผมโคตรรู้สึกผิดเลย ทั้งที่บอกตัวเองตลอดว่าเขามีอั้มเป็นแฟนแล้ว แต่สุดท้ายผมก็คุมตัวเองไม่ได้
ไม่มีการคุยอะไรต่อ สักพักบอมก็คลายวงแขน
“เราไปเตรียมอาหารก่อนนะ บอมนอนต่อก็ได้ ยังเช้าอยู่”
ผมรีบอาบน้ำแล้วเตรียมอาหารเช้า สักพักบอมก็เดินลงมา ผมยังเปียกยุ่งชี้โด่เด่เป็นธรรมชาติ
“เช็ดหัวให้แห้งดิ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
“ข้าวกล่องไมโครเวฟนี่นา นึกว่าแน่” บอมยิ้มกว้างพร้อมเช็ดหัวไปด้วย
“คิดว่าจะเจอเราทำอาหารเช้าแบบในหนังเหรอ ทอดไข่ยังไม่เป็นเลย”

ผมกดเปิดรายการถ่ายทอดสดแข่งบาส บอมถือข้าวกล่องมานั่งกินหน้าโทรทัศน์ ผมนั่งอยู่ห่าง ๆบอมหันมายิ้มและตบเบาะข้าง ๆ นัยว่ามานั่งด้วยกันดิ แต่ผมส่ายหัว
...ถ้าเมื่อคืนผมยืนกรานจะนั่งไกล ๆ เหมือนตอนเข้าแถวทุกเช้า
...เขาอยู่แถวห้อง 2 ส่วนผมอยู่แถวห้อง 4
...มิตรภาพเราคงไม่จบแบบนี้
ยังไงก็ขอบใจนะบอม ที่พยายามทำทุกอย่างเหมือนปกติ ผมหลับตาซึมซับบรรยากาศนี้ คนเราแสร้งทำได้ไม่นาน ผมรู้ดี อย่างน้อยขอเป็นความทรงจำดี ๆ หลังจบการแข่งขันบอมกลับขึ้นไปเอากระเป๋า เขาพร้อมจะกลับบ้านแล้ว
“ป่ะ เดี๋ยวเดินไปส่งที่สถานี”
“ส่งแค่ประตูบ้านก็พอ”
“เดินไปส่งปากซอยก็ได้”
“เดินส่งพันลี้ก็ต้องจากกันอยู่ดี”
ผมถึงกับขำก๊ากน้ำตาไหล “นี่นอกจากดูบาสแล้วเราต้องนั่งดูหนังจีนเป็นเพื่อนนายด้วยไหม?”
บอมหัวเราะตบไหล่ผม “พัตยิ้มออกซะทีนะ เจอกันวันจันทร์นะ”
“อื้ม”

บอมกลับไปแล้ว บ้านเงียบจัง ผมกลับไปที่ห้องนอน บอมจัดเตียงให้เรียบร้อยแล้ว ผมนอนลงข้างที่ที่เขาเคยนอนเมื่อคืน ห้องดูเล็กลงไปจากเมื่อคืนที่มีบอมอยู่ด้วย ฟังเขาเล่าเรื่องสมัยประถมตลอดเวลาที่เล่นเกมด้วยกัน มันเหมือนโลกของผมขยายขึ้น แต่ตอนนี้...มันโหวง ๆ หน่วง ๆ ในใจ เจ็บเกินกว่าจะร้องไห้ระบายได้ ...ถ้าผมคุมตัวเองได้ ผมคงไม่ทำผิดแบบกู่ไม่กลับอย่างนี้...


วันอาทิตย์

ผมไปรอเอสกับตี้ที่ร้านสเต็คในตึกติว ถึงจะเสียใจเรื่องบอมแต่ผมก็มีอีกภารกิจคือช่วยตี้ให้เรียนเก่งขึ้นเพื่อหนีห้องควีน
“หวัดดีพัต”
“หวัดดีเอส ตี้ มาพร้อมกันเลยเหรอ?”
“อือ บ้านอยู่ใกล้กันน่ะ” เอสนั่งลงตามตำแหน่งที่ผมบอกไว้ล่วงหน้า ตี้เหลือที่นั่งเดียวคือด้านซ้ายของผม
“เราบอกนายแล้วว่าไม่ต้องรีบมาก็ได้” ตี้บ่น
“ก็เรากลัวรถติดนี่หว่า”
“รถไฟฟ้าเนี่ยนะ?”
“เออนะ มาเร็วก็ดีกว่ามาช้า”
“ตี้เคยอ่านสรุปฟิสิกส์เล่มนี้ไหมอ่ะ?”
“ไม่เคยแฮะ ทำไมเหรอ?”
“เล่มนี้สรุปเข้าใจง่าย มีเทคนิคทำโจทย์ยาก ๆ แบบละเอียดเยอะเลย เค้ามีภาพประกอบเข้าใจง่ายดีนะ”
(พิสูจน์แล้วว่าใช้เล่มนี้สอบเนื้อหาม.4 จบตั้งแต่ม.3 ที่ห้องคิงโรงเรียนเก่า)

ผมเปิดอธิบายทริคต่าง ๆ ในหนังสือที่แปะกระดาษไว้เรียบร้อยหมดแล้ว
“เออดีแฮะ งั้นเดี๋ยวเราไปหามาบ้างดีกว่า” แผนแนะนำคู่มือเป็นไปได้ด้วยดี
“แล้วของวิชาภาษาอังกฤษมีอันไหนแนะนำไหมพัต เราไม่ค่อยรู้เรื่องเลย” เอสถาม
“เราว่าเล่มนี้ดีอ่ะ เขามีกฎไวยากรณ์ที่มักออกสอบสรุปแยกให้ด้วย แล้วก็อีกเล่มอันนี้สำหรับทำข้อสอบ TOEIC พาร์ต reading เป็นแนวทางทำข้อสอบไว ๆ เพราะพาร์ตนี้กินเวลาที่สุด”

“แล้วของวิชาสังคมล่ะ?” ตี้ถามบ้าง
“ข้อสอบสังคมเปลี่ยนไปเหตุการณ์บ้านเมืองนะ ปีที่แล้วเน้นเรื่องกฎหมายควบคุมมลพิษ แต่ปีนี้น่าจะเน้นเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย เราว่าเรียนออนไลน์คลาสคนนี้ตามข่าวสารทันสมัยดี”
“พัต ทำไมนายพูดเหมือนนายเคยเรียนม.4 มาแล้ววะ?”
“ร...เราดูข้อสอบเก่าในเน็ตน่ะ”
แผนให้คนอื่นถามนำเพื่อให้ตี้กล้าเผยวิชาที่ตัวเองอ่อนออกมา ได้ผลแต่ก็เกือบพลาด

“ยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมง หาอะไรกินกันก่อนดีไหม?”
“เราเพิ่งทานข้าวเที่ยงไปเอง” ตี้บ่น
“นี่บ่ายสองแล้ว เดี๋ยวต้องเรียน 2 คลาสรวดถึงหนึ่งทุ่ม กินสเต็คไปก่อนเหอะ” เอสพูด
“ครับคุณแฟน สั่งจังเลย สั่งให้เราเลยไหมล่ะ?”
“ได้ เอาสเต็คปลาดอรี่จานนึงกับสเต็คปลาแซลม่อนจานนึงครับ เครื่องเคียงขอข้าวกล้องอบธัญพืชครับ” เอสสั่งให้ตามที่วางแผนไว้
“ผมเอาสเต็คปลาแซลม่อนด้วยครับ”

แผนทานอาหารให้ครบโภชนาการสำเร็จ! ในบรรดาร้านอาหารทั้งตึกนี้ สเต็คปลาเป็นตัวเลือกที่ได้สารอาหารครบโภชนาการที่สุดละ มีโปรตีนกับไขมันดีและได้วิตามินจากผักช่วยการพัฒนาสมอง

“บงการชีวิตทุกอย่างเลย พรุ่งนี้จะโทรปลุกด้วยไหมเนี่ย?” ตี้กระเซ้า
“กล้าป่ะล่ะ?” เอสท้า
“หกโมงครึ่งนะ”
“เดี๋ยวเจอเลย เดี๋ยวเจอ” แผนตื่นเช้าสำเร็จแบบงง ๆ ขอบใจมากเอสเพื่อนรัก

หลังจบวิชาเลขตอนสี่โมงเย็นก็นั่งร้านขนมปังนมสดระหว่างรอเรียนเคมี เลือกแบบไม่หวานกับขนมปังโฮลวีตก็ดีต่อสุขภาพ เรียนเยอะแบบนี้ใช้พลังสมองเยอะต้องเติมน้ำตาลด้วยคาร์บเชิงซ้อน
“ทำไมจู่ ๆ พวกนายแดรกกันโหดจังฟระ เราตัวสูงยังกินไม่เยอะขนาดนี้เลย”
“เออน่า กิน ๆ ไปเหอะ” เอสบอก
(ผมก็ซัดจนอิ่มถึงคอหอยเหมือนกัน นี่เป็นคอร์สอาหารบำรุงสมองสำหรับคนตัวสูงแบบนายเลยล่ะตี้)


จบติววิชาเคมี ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เอสกับตี้เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานี airport link พญาไท
“ตี้ เราหิวอ่ะ” เอสบ่น
“แดรกไปขนาดนั้นแล้วยังหิวอีกเหรอ?”
“ก็เรียนเยอะ ใช้สมองเยอะ แล้วนี่ก็ถึงเวลามื้อเย็นแล้ว”
“เออ เราก็หิวนิด ๆ แฮะ แต่วันนี้ไม่ค่อยง่วงนอนเหมือนทุกที” ตี้พูด
“ที่นายง่วงนอนเพราะสารอาหารไม่พอไง ตัวโย่งเป็นเสาไฟฟ้าแบบนายต้องกินเยอะ ๆ เข้าใจไหม?”
“แล้วทำไมไม่บอกตอนอยู่ที่ตึกล่ะ ร้านอาหารเยอะแยะ”
“ก็เราเบื่อนี่หว่า กินที่ตึกสองมื้อแล้ว” เอสบ่น
“สรุปคือนายอยากหาอะไรกินกับเราสองต่อสองใช่มั้ยเอส?” ตี้ถาม
“ทำไมประโยคของนายมันแปลก ๆ วะ?”
“เออ ๆ เดี๋ยวไปถึงสถานีหัวหมากแล้วหาอะไรกินกันค่อยแยกย้ายกลับบ้าน”

พูดจบตี้ก็จับหัวเอสซบบนไหล่ตัวเอง
“เฮ้ย! ทำไร?”
“ก็นายเตี้ยกว่า ครั้งที่แล้วเราพิงนายโคตรเมื่อยคอเลย รอบนี้นายเอาหัวพิงเรา เราเอาหัวพิงนายอีกทีน่าจะได้ตำแหน่งกำลังดี”
“นี่คนนะว้อยไม่ใช่เบาะไฟฟ้า แล้วไหนว่าไม่ง่วง?”
“ไม่ง่วง แต่มันไม่มีอะไรทำ”
“งั้น...แปลเพลงที่กำลังเปิดนี้ให้ฟังทีดิ”
“หือ?”
“ก็ถือว่าฝึกภาษาอังกฤษไง เราได้ยินเพลงนี้ตอนเด็ก ๆ แต่แปลไม่ค่อยออก” เอสพูดทั้งที่หัวโดนตี้พิงทับ

She’s so vulnerable แปลว่าเธอช่างเปราะบาง”
Like china in my hands เหมือนเครื่องกระเบื้องบางใสในมือฉัน”

“china คือประเทศจีนไม่ใช่เหรอวะ?”
“มันเป็นคำทับศัพท์น่ะ สมัยโบราณประเทศจีนทำเครื่องกระเบื้องเนื้อบางได้ก่อน คนตะวันตกชอบก็เลยนำเข้าและเรียกทับศัพท์ว่า china”
“นายรู้ได้ไงวะเนี่ย?” เอสถาม
“ก็เราอยากเป็นนักข่าวเลยชอบอ่านเยอะ ๆ อยากมีความรู้รอบตัวเยอะ ๆ”

I could never hurt the one I love ฉันไม่อาจทำร้ายคนที่ฉันรักสุดหัวใจ”
She’s all I’ve got เพราะเธอคือทุกอย่างที่ฉันมี”

“ถ้าไม่นับความปากหมาแล้ว นายเนี่ยเหมาะกับห้องควีนจริง ๆ ด้วย”
“ตะกี้นายว่าอะไรนะเอส?”
“เอ่อ….ถ้าไม่นับความปากหมา”
“สาด หลอกด่าเหรอวะ? แล้วประโยคหลังอะไรควีน ๆ จริง ๆ นะ”
“เอ่อ...เราบอกว่านายแปลเก่งจริง ๆ”
“ขอบใจนะเอส” ตี้ยิ้มเขิน ๆ แล้วเงียบไปสักพักก่อนยกมือถือขึ้นมาเซลฟี่
“อย่าบอกนะว่านายจะลงรูปหัวพิงกันแบบนี้อีกแล้ว”
“แน่นอน ลงทุกจันทร์, พุธ, ศุกร์, อาทิตย์อ่ะ”
“เฮ้ย!”
“ไม่เคยเข้ามาดู IG เราเลยล่ะสิ?”
“ไม่เคยใช้เลยตะหาก! IG ต้องรูปสวย ๆ กว่าจะถ่ายแต่ละที เสียเวลาชีวิต”
“อันนั้นมันเทรนด์ที่คนส่วนใหญ่นิยม พวกเราไม่ต้องเหมือนเค้าก็ได้ เนี่ยเราเน้นลงวันเดิมเวลาเดิมทุกครั้ง มันเหมือนดูซีรีส์ไง ทำสักพักเดี๋ยวก็มีแฟนคลับ”
“อย่านับเราเข้าไปใน ‘พวกเรา’ ของนายนะว้อย เอามาดูเด๊ะ มีรูปอะไรบ้าง!”

รูปตอนผมอยู่คลาสติวเลข นี่มันตั้งแต่วันแรกที่เจอไอ้ตี้เลยนี่หว่า
รูปตอนเอื้อมหยิบขวดน้ำในห้องสหกรณ์ มีมันเป็น foreground
รูปผมกินข้าว มีมันอยู่ห่าง ๆ ที่โรงอาหาร
รูปตอนเรียนปิงปองด้วยกัน
รูปหัวพิงกันบนรถไฟฟ้าที่น้องคนนั้นเอามาให้ดู
รูปตอนผมดูเทปตัดต่อในห้องโสต และมีมันเป็น foreground เช่นเคย
รูปตอนกินพิซซ่า
รูปตอนมันกับผมซื้อนมกล่องช่วงพักตอนบ่าย
รูปตอนผมหลับในห้อง มีมือมันเติมเขา
รูปตอนเดินคู่กันหลังเลิกเรียน
“รูปนี้เด็ดสุดเลยนะ เราให้เพื่อนถ่ายให้ จะได้มีมุมกล้องหลายแบบไม่ใช่แค่เซลฟี่”
“ฟวย! IG นายมีแต่รูปคู่กับเราแบบนี้ ต่อให้บอกคนทั้งประเทศว่าเป็นเพื่อนกันเค้าก็ไม่เชื่อหรอก เอารูปเรามาลงไม่ขออนุญาตแบบนี้ได้ไง ลบเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“มีสปอนเซอร์เข้าแล้วนะ 5,000 เอาป่ะ?”
“สปอนเซอร์? รีวิวสินค้าอะไรงี้เหรอ?”
“อืม จะยังให้ลบรูปไหม?”
“ไม่ ว่าแต่สินค้าอะไร?”
“แคลเซียมเพิ่มความสูง”
“แมร่งเอ๊ย ชิ! คนละครึ่งนะว้อย”
“โอเค เราชอบนายจริง ๆ นะเอส หัวไวคุยง่ายดี แล้วจะกินอะไรล่ะ? เบอร์เกอร์ ไก่ทอด พิซซ่า?" ตี้ถาม
"มีแต่จั๊งค์ฟู้ด กินแซนวิช Subway ดีกว่า มีเนื้อ มีผัก ขนมปังโฮลวีต"
"จู่ ๆ ก็รักสุขภาพขึ้นมานะนายเนี่ย"
"จะได้เรียนเก่ง ๆ ไง" เอสตอบ
"เกี่ยวเหรอวะ? มีอะไรก็แดรก ๆ ให้อิ่มไปเหอะ สนใจอะไรยุ่งยาก"
"ก็เรานี่ไงสนใจ ใกล้สอบกลางภาคแล้ว ต้องบำรุงทุกทางอ่ะ"

ตี้เถียงไม่ออกเลยเงียบไป สักพักหัวเอสก็เคลื่อนหล่นจากไหล่ตี้ "เตี้ย นั่งดี ๆ ดิวะ”
ไม่มีเสียงกัดกลับจากอีกฝ่าย “เอส...นี่หลับแล้วเหรอ?"

ตี้จับเอสพิงดี ๆ "เอสเอ๊ยยยยย"
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 19: อัพ 8 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 15-12-2020 17:00:56
King Class Away: ep21
จุดวิกฤต


เช้าวันจันทร์

ผมเดินเข้าซอยโรงเรียน ผมหวังว่าจะเจอบอมยืนรอที่ร้านน้ำหน้าโรงเรียนเหมือนเดิม แต่อีกใจก็หวังว่าจะไม่เจอเขา (อะไรวะใจตรู)
“หวัดดีพัต” เสียงสนตะโกนทัก
“หวัดดีสน หวัดดีบอม”
“นี่ เราเอาขนมสัมปันนีของขึ้นชื่อตลาดศาลเจ้าโรงทอง จ.อ่างทอง บ้านลุงเรามาฝาก”
“ขอบใจนะสน”

บอมไม่ยิ้มเหมือนทุกวัน ผมเองก็ยังทำตัวไม่ถูก ก็เมื่อคืนก่อนเรานัวเนียกันซะขนาดนั้น แค่เห็นเขาอยู่ตรงหน้านี้ผมยังใจเต้นแรงและรู้สึกผิด ยังมองหน้ากันได้แบบนี้ก็โคตรปาฏิหาริย์แล้ว ถึงบอมจะบอกให้ยังเป็นเพื่อนกันก็เถอะ

“หวัดดีพัต” บอมทักเบา ๆ
“หวัดดีบอม”
“เอ้อพัต บอมบอกว่าโทรทัศน์บ้านนายจอใหญ่มาก ดูบาสกันสนุกเลยล่ะสิ เสียดายจังเราดันติดธุระ”
“อ...อืม” ผมชำเลืองมองบอม หน้าเกลี้ยงคิ้วเข้มกับริมฝีปากที่ผมเคย…
“พัต ได้ยินเราเปล่า?”
“เหอ? สนว่าอะไรนะ?”
“เราถามว่านายชอบทีมไหนเหรอ? มีทีมในดวงใจมั้ย?”
“เอ่อ เราเพิ่งเริ่มเล่นบาสอ่ะ ไม่ค่อยรู้เรื่อง โทษทีนะ”
“เฮ้ยยยย! อยู่กับบอมทั้งคืนนี่ไม่โดนมันไซโคให้ชอบทีมโปรดมันเหรอว้า? Miami Heat น่ะ!”
...ไอ้คำว่าอยู่กับบอมทั้งคืนนี่ทำผมแทบสะอึก ตรูไม่โดนไซโคแต่ผลัดกันไซ้ตั้งแต่บนลงล่างเลย…

“เอ้อ เรื่องติวเลขสำหรับสอบเก็บคะแนนเนี่ยวันนี้เราน่าจะติวจบบทสุดท้ายละนะ บอมสนดิมจะได้มีเวลาอ่านวิชาอื่นต่อ”
“งั้นเจอกันเที่ยงนี้นะ” บอมพูดแล้วเดินเข้าห้องประจำชั้นไป

“พัต เดี๋ยวแวะห้อง 3 ก่อนนะ”
“อืม”
“หวัดดีเอส หวัดดีตี้”
“หวัดดีสน พัต”
“เราเอาขนมสัมปันนีของขึ้นชื่อตลาดศาลเจ้าโรงทอง จ.อ่างทอง บ้านลุงเรามาฝาก”
“ขอบใจนะสน”
“พวกนายนั่งติดกันเลยเหรอวะ มิน่าสนิทกันจัง”
“ช่าย สนิทมาก” ตี้หัวเราะ
“ไม่สนิทว้อย!” เอสเถียง

พอเอาขนมให้เอสกับตี้เสร็จผมกับสนก็เดินต่อไปตามระเบียง
“ทำไมวันนี้บอมมันพูดน้อยจังวะ? ทุกทีดูแข่งแล้วแมร่งจะคุยช็อตเด็ดได้ทั้งวัน”
“ม...ไม่รู้สิ เดี๋ยวเราเข้าห้องเราละนะสน ขอบใจสำหรับขนมนะ”
“เออ เจอกันตอนเที่ยง”

สนเดินต่อไปห้องประจำชั้นของเขาที่สุดระเบียง ดิมยืนรอเขาอยู่
“หวัดดีสน”
“........”
"เราโทรหานายเสาร์อาทิตย์แต่โทรไม่ติด"
"กรูไปต่างจังหวัด ไม่มีสัญญาณ" สนเดินผ่านดิมไปด้วยหน้าบูดบึ้ง
“สน เราอยากคุยกับนาย”
“คุยมาดิ”
“ไปคุยกันข้างล่างได้มั้ย?”
“คุยตรงนี้แหละ”
ดิมเงียบไป “นายโกรธเราแล้ว”
“เออ”
ดิมยืนนิ่งเงียบ ปล่อยสนเดินเข้าห้อง 4/8 ไป


12:14น. โรงอาหาร

ผมวางชามก๋วยเตี๋ยวลงบนโต๊ะ
“พัต มริงซื้อ เอ๊ย! นายซื้อก๋วยเตี๋ยวได้แล้วเหรอวะ?” สนถามแบบแปลกใจ
“อืม คนไม่ค่อยเยอะก็เลยกิน” จริง ๆ คือผมไม่อยากให้บอมเสนอตัวซื้อก๋วยเตี๋ยวให้ผมอีกแล้ว ผมควรเลิกรบกวนเขาเสียที
“สนคุยกับเราตามปกติก็ได้ เราไม่ถือหรอก เอ้อ! แล้วดิมล่ะ?”
“ไม่รู้ดิ ตอนเลิกคาบ 4 ก็ยังไม่เห็นมันออกมาเลย”
“คืออาจารย์สอนเลยพักเที่ยงอีกแล้วเหรอ?” บอมถาม
“ไม่รู้สิ กรูไม่ทันสังเกตอ่ะ”

มีอะไรประหลาด ๆ แฮะ ปกติเห็นสนมาพร้อมดิมตลอด แต่ช่างเถอะ ตัวผมตอนนี้เองก็ใช่ว่าจะปกติ
“เดี๋ยวนะพัต ทำไมวันนี้มริงดูแปลก ๆ วะ?”
“อะไรเหรอ?”...ฉิบหายล่ะ! ผมก็เช็คกระจกแน่แล้วนะว่าไม่มีรอยแดงรอยดูดอะไรทั้งนั้น…บอมเองก็นั่งนิ่งเหมือนกัน…

“ทำไมวันนี้มริงนั่งข้างกรูวะ? ทุกทีตอนกินข้าวมริงนั่งข้างไอ้บอมตลอด”
ก็วันนี้ผมไม่อยากนั่งข้างบอมไงเล่า! แค่แขนใกล้เขา ได้กลิ่นโคโลญจ์ รู้สึกไออุ่นจากตัวบอม ใจผมก็ย้อนกลับไปคืนนั้นแล้ว
“ยังไงก็รีบกินข้าวละกัน จะได้มีเวลาติวเยอะ ๆ เอาให้จบวิชาเลขวันนี้เลย”

บอมมองผมด้วยแววตาที่เจ็บปวดตอนผมพูดคำว่า “จบ”
ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะสื่อความหมายแบบนั้นนะ และผมเองก็เจ็บเหมือนกันที่ดันทำให้ความสัมพันธ์ของเราจบเห่ มันไม่ควรเริ่มตั้งแต่แรกแล้ว ผมบอกตัวเองเสมอว่าคนนิสัยดีอย่างบอมน่าจะมีแฟนสวย ๆ อย่างอั้ม แต่ผมก็ยังปล่อยตัวเองให้มีความหวังปลอม ๆ เก็บเกี่ยวความสุขจากนิสัยชอบดูแลเพื่อน ๆ ของเขา

“บทสุดท้ายเป็นเรื่องค่าวิกฤต คือค่า x ตรงจุดที่กราฟวกกลับ ถ้าเราลากเส้นความชันของกราฟจะเห็นว่าณ ตำแหน่งนั้นเส้นความชันขนานไปกับแกน x และเรียกตำแหน่งนั้นว่าจุดวิกฤต อย่างกราฟพาราโบล่าจะมีจุดวิกฤตที่ตำแหน่งสุดของปลายโค้ง วิธีคำนวณหาค่า x คือ...”

...แมร่งเอ๊ย วิชาเลขบทสุดท้ายก็ช่างได้ความหมายแย่ ๆ ซ้ำเติมชีวิตซะเหลือเกิน…ติวเลขจบแล้ว จากนี้ผมจะเจอบอมแค่คาบสันทนาการกับการซ้อมบาสที่...เอ่อ...อันตรายยิ่งกว่าการติวซะอีก
“ขอบใจมากนะพัต เราเข้าใจขึ้นเยอะเลย แล้วเย็นนี้คาบ 8 เจอกันที่สนามบาสนะ”
สนลุกไปแล้ว เหลือแต่บอมนั่งเงียบอยู่ ผมเก็บสมุดหนังสือเตรียมกลับห้อง
"บอม เราไปละนะ"

ผมลุกเดินมาได้ไม่กี่ก้าวบอมก็เดินตามมา
"พัต"

โทรทัศน์ในโรงอาหารเล่นเพลงฝรั่งขึ้นมา
Don't know when I've been so blue
Don't know what's come over you
You've found someone new and
Don't it make my brown eyes blue


“พัต” บอมเรียกชื่อผมซ้ำ แค่นั้นก็ทำให้ผมต้องหันกลับไปหาเขา ...ยังไงผมก็ไม่เคยขัดใจบอมได้จริง ๆ ตาสีน้ำตาลของบอมฉายแววเศร้าตอนมองมาที่ผม ตรูสงสัยว่าใครแมร่งปล่อยคิวเพลงวะ ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์แล้ว ได้บรรยากาศทุกเพลง โดนทุกดอก

Don't it make my brown eyes blue สิ่งที่เธอทำ ทำให้ดวงตาสีน้ำตาลของฉันต้องโศกา

“เย็นนี้พัตจะมาเล่นบาสด้วยกันมั้ย?”

I'll be fine when you're gone
I'll just cry all night long
Say it isn't true and
Don't it make my brown eyes blue


ผมรู้ว่าบอมยังอยากให้ผมเป็นเพื่อนเขาเหมือนเดิม มาซ้อมบาสกับเขา สิ่งเดียวที่ผมไม่รู้คือจะอยู่ในฐานะอะไร
“มาสิ เราชอบเล่นบาส"

Tell me no secrets, tell me some lies
Give me no reasons, give me alibis


"เราเป็นสมาชิกชมรมต้องมาทุกวันอยู่แล้ว บอมไม่ต้องห่วง”

Tell me you love me and don't let me cry
Say anything but don't say goodbye


“บอมช่วยซ้อมให้เราได้เป็นตัวสำรองทีนะ”
การฝืนตัวเองให้อยู่ใกล้นายเหมือนเพื่อน...ทั้งที่ผมคิดและทำไปไกลเกินเพื่อนแล้วนั้นยากมาก แต่ถ้าบอมต้องการผมก็ทำให้ได้
“อืม เดี๋ยวเรารอนะ” บอมยิ้มและโอบไหล่ผม เหมือนให้อภัยผมแล้ว เหมือนเหตุการณ์คืนนั้นไม่เคยเกิดขึ้น
...แมร่งเอ๊ย ลำบากใจชิบเป๋ง…


15:40น.
คาบ 8 วิชาสันทนาการ

ผมมาที่สนามบาสก่อนบอมเพื่อหาทางเลี่ยงเขา ทำไงดีวะ ตอนแรกผมคิดว่าว่าถึงยังไงเขาคงไม่กลับมา “สนิท” กันถึงระดับมือปลาหมึกอีกครั้ง เนี่ยในละครพอผ่านเหตุการณ์ประมาณนี้มา เค้าต้องมองหน้ากันไม่ติด อยู่กันห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ แบบหน่วง ๆ ปนเศร้า ๆ ซึ่งอย่างน้อยผมคงสบายใจว่าจะไม่เผลอใจอีก

แต่ไอ้โอบไหล่เมื่อตอนเที่ยงนั่นแมร่งแหวกทุกกฎ! บอกเลยว่าจุดวิกฤตที่ 2 แบบกราฟทรงคลื่นจะมาแน่นอน!

บอมเดินมาแต่ไกลแล้ว ผมต้องลงมือแล้ว!
“อาจารย์ครับ ผมว่าผมยังวิ่งเลี้ยงบอลไม่คล่องครับ ควรฝึกยังไงดีครับ?”
อาจารย์ประจำชมรม (และเป็นโค้ชทีมกีฬาบาสประจำโรงเรียน) หันมาตาเป็นประกาย
“เยี่ยมมากนายนนทภัทร รู้ส่วนที่ตัวเองยังอ่อน งั้นฝึกเลี้ยงบอลซิกแซกตามแนวกรวยพวกนี้ ขึ้นลงสุดขอบสนามไปเรื่อย ๆ นะ ไม่ต้องรีบ เอาท่าเป๊ะจนร่างกายจำได้ก่อน” อาจารย์จัดกรวยวางเรียงเป็นเส้นให้
“ครับอาจารย์”

“พัตขยันจัง” บอมยิ้มทัก ผมผงกหัวตอบแล้วเลี้ยงบอลวิ่งไปมา แบบนี้บอมเข้าหาผมไม่ได้แน่
ในที่สุดผมก็ผ่านคาบ 8 มาได้โดยบอมไม่มีโอกาสเข้าใกล้ แต่แมร่งเหนื่อยชิบเป๋ง หอบแฮ่กเลย
จู่ ๆ ก็มีอะไรเย็น ๆ มาแตะต้นคอ
“พัตมริงฟิตสาดอ่ะ มริงควรกินน้ำบ่อย ๆ ด้วยนะ” สนที่เหงื่อเต็มตัวยื่นขวดน้ำเย็นให้ผม
“ขอบใจนะสน”
“คืนนั้นดูแข่งแล้วมีไฟขึ้นมาเลยสินะ?”
“อือ” ผมตอบสั้น ๆ ...ไฟน่ะใช่ แต่แมร่งเป็นไฟราคะนะ เตลิดเบรกไม่อยู่เลยล่ะ
“ไงพัต วันนี้ขยันจัง” บอมเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เหงื่อโทรมตัวหลังจากฝึกทีมกับรุ่นพี่
“อ...อือ”
“มีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนพ่อพัตมารับใช่มั้ย? งั้นเดี๋ยวเราสอ...”
“เราจะฝึกเลี้ยง control ลูกตามคลิปนี้นะ” ผมยกมือถือที่เสียบพาวเวอร์แบ้งค์พร้อมเปิดคลิปยูทิวป์ อาวุธที่สองที่ผมเตรียมมา
“อ้อ...เอ่อ ก็ดีนะ” บอมหน้าเหวอเล็กน้อย

ผมลุกขึ้นซ้อมทันที
“ย่อเข่า เขย่งเท้าเล็กน้อย หลังตรง เลี้ยงข้างละ 100 ที บอลต่ำกว่าหัวเข่า อีกมือยกไว้คอยป้องกัน”
เนี่ย ตึ๊บ ๆๆๆๆๆ ท่าเป๊ะ บอมไม่มีทางเข้ามาขัดผมได้แน่
“บอม เมื่อคืนนั้นมริงทำอะไรไอ้พัตวะ ทำไมแมร่งขยันฟิตจัดขนาดนี้” สนหันไปถามบอม
“เอ่อ...ก็...ก็พากษ์อธิบายเกมให้พัตฟัง เค้าคงยิ่งชอบบาสมั้ง เลยตั้งใจซ้อมอ่ะ” บอมหน้าแดงขึ้น

ห้าโมงเย็นแล้ว ผมรอจังหวะบอมเผลอก็หยิบเป้วิ่งออกประตูโรงเรียนเลย ไอ้การหลบหน้าคนที่เราพลาดไป XXX ด้วยทำไมมันไม่ง่ายไม่ดราม่าแบบในละครวะ! เขาควรมองผมจากไกล ๆ ด้วยสายตาเจ็บปวดเศร้าเหงาหน่วง ปล่อยตรูเดินผ่านไปพร้อมลมพัดใบไม้แห้งโปรย ๆ คั่นระหว่างเราสองคนสิเฟร้ย! ไม่ใช่มาโอบไหล่ยิ้มหัวเราะใกล้ชิดกันแบบนี้!

“พัต ทำไมเหงื่อเต็มตัวแบบนี้ล่ะลูก?” พ่อถามแบบตกใจ
“แดดร้อนน่ะครับพ่อ”
ผมต้องหนีแบบนี้อีกนานเท่าไหร่วะ เหนื่อยสาด ผมจะไม่ยอมให้ค่าความชันกราฟเข้าใกล้ 0 เป็นครั้งที่สอง


กลับถึงบ้าน รีบอาบน้ำแล้วลงมากินข้าว
“วันนี้พัตกินเยอะจัง”
“วันนี้ติวเลขสำหรับสอบกลางภาคเสร็จก็ซ้อมบาสน่ะครับ”
“ซ้อมกับบอมเหรอลูก?”
“ค...ครับ”
“ดีจังพัตตั้งใจเรียนและเล่นกีฬาด้วย ต้องขอบใจบอมนะเนี่ย วันหลังชวนเพื่อนมาเที่ยวอีกนะ”
“ครับแม่” ...เค้าคงไม่กล้ามาอีกแล้วล่ะ...

กลับขึ้นห้อง ...อีกนิดเดียวก็จะจบคืนนี้ แต่เดาเลยว่าบอมจะโทรมาแน่ และเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เป็นบอมจริง ๆ ด้วย ผมทิ้งตัวลงบนเตียง เสียงเรียกเข้ายังดังเรื่อย ๆ ผมหมดมุกจะหนีหน้าเขาแล้ว
...พรุ่งนี้บอกบอมว่าเมื่อคืนเพลียจนหลับไปดีมั้ย
...แต่ก็อยากได้ยินเสียงเขา
...พัต มริงอยากเจ็บอีกเหรอ เค้ามีอั้มอยู่แล้ว
...แต่ถ้าบอมโมโหที่ผมไม่รับสาย แล้วเลิกเป็นเพื่อนกับผมล่ะ

ถ้ามีใครสักคนมองมา เขาคงนึกว่าเราเป็นคนรักกัน
ด้วยวิธีที่เธอทำที่ให้ความสำคัญ จนฉันบางทีก็ยังเผลอ
เผลอทุกทีที่เธอมากอด เผลอว่าเธอสุขใจที่เราได้เจอ
เคลิ้มไปตามที่เธอทำและเกือบหลงรักเธอ

...ไม่ใช่แค่เกือบอะดี๊...ทำไปแล้วด้วย บนเตียงนี่แหละ...
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 19: อัพ 8 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 15-12-2020 17:20:15
King Class Away: ep22
Union and Except


วันอังคาร
6:30น.

เสียงโทรศัพท์ดังปลุกตี้ขึ้นมา หน้าจอขึ้นชื่อเอส
“ห...หวัดดี...เอส นี่นายจะโทรปลุกเราทุกเช้าจริง ๆ เหรอเนี่ย?”
“เออ! ก็นายบอกเองนี่” นี่เป็นเช้าวันที่สองแล้วที่เอสโทรมาปลุกตี้
“รีบตื่นเลย! แล้วเมื่อคืนนอนกี่ทุ่ม?”
“ฮ้าาาาว! ตีหนึ่ง”
“ดึก!”
“ขอโทษคร้าบ จะไม่ทำอีกแล้วคร้าบ”
“แล้วนี่จะกินอะไรเป็นข้าวเช้า?”
“หึ ๆๆ” ตี้ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ
“ขำอะไรวะ?”
“ก็นายเช็คแมร่งทุกอย่าง ยิ่งกว่าแฟนแล้วอ่ะ”
“..........”
“เขินเหรอวะ เงียบไปเนี่ย?”
“ตกลงกินอะไร? อย่ากวน”
“ก็คงข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้าหมู่บ้านน่ะ”
“ห่านเอ๊ย ไม่ถูกหลักโภชนาการเลย งั้นมาเจอกันที่โรงอาหารนี่”
“คร้าบบบบ ดุกว่าแม่เราอีก”

เจ็ดโมง ตี้เดินเข้าซอยโรงเรียน เจอบอมกับสนนั่งอยู่
“หวัดดีพวกนาย”
“หวัดดีตี้”
“กินข้าวกันยังวะ?” ตี้ถาม
“พวกเรากินมาแล้วน่ะ นี่นั่งรอพัตอยู่ น่าจะใกล้มาละ”
“เราจะไปกินข้าวกับเอสที่โรงอาหารน่ะ ไปนั่งเล่นคุยกันป่ะ?”
“เออ ก็ดีเหมือนกัน ไปไหมบอม?”
“พวกนายไปเหอะ เราจะรอพัต” บอมตอบ
“ก็โทรบอกพัตดิว่ารอที่โรงอาหาร ไปเหอะเดี๋ยวเราเลี้ยงหมูยอ” ตี้พูดเสียงสดใส
“อารมณ์ดีอะไรวะตี้?” สนยักคิ้ว
“น่า ๆ จะได้มีเพื่อนคุย” ตี้ตอบแบบอารมณ์ดี
“ไปเหอะบอม มริงโทรบอกพัตก็ได้”
“เออ ๆ”

บอมโทรหาพัตระหว่างเดินเข้าโรงเรียน
“หวัดดีบอม”
“หวัดดีพัต เออพวกเราจะไปรอที่โรงอาหารนะ มีตี้กับเอสด้วย”
“อ...เอ่อ เรายังทำการบ้านไม่เสร็จเลย เราขึ้นห้องเลยละกันนะ โทษที”

“เออ แล้วดิมล่ะ หมู่นี้เราไม่เห็นเค้าเลย” เอสถามพลางตักข้าวหมูผัดผักรวมมิตรเข้าปาก
“เอ่อ...มันคงยุ่ง ๆ เรื่องเรียนมั้ง เห็นตอนคาบ 4 เรียนกันเกือบถึงคาบ 5 ตลอด” สนตอบ
“ห้ะ! คือไม่ได้กินข้าวงี้เหรอ?”
“ไม่รู้สิ” สนจิ้มหมูยอเข้าปาก พยายามซ่อนอารมณ์หงุดหงิดเวลาใครพูดถึงดิม

“เค้าเตรียมไปแข่งตอบปัญหาวิชาการไง” ตี้ตอบแล้วตักข้าวไข่ชะอมปลาทูเข้าปาก เมนูที่เอสเลือกให้
“นายรู้ได้ไงอ่ะ?” บอมถาม
“ก็เราเห็นรุ่นพี่ชมรมโสตเตรียมคิวไปถ่ายรายการน่ะ”
“แล้วทำไมพวกเราไม่เห็นต้องเตรียมตัวเลย?” เอสถาม
“ก็เค้าไม่ได้ให้เราไปไง เค้าส่งแต่ตัวแทนจากห้องคิงห้องควีน คิดว่าห้องธรรมดาอย่างพวกเราจะแข่งชนะโรงเรียนอื่นเหรอ?” ตี้หันไปตอบเพื่อนสนิท

“เอ้อบอม เรามีโปรเจคต์จะสัมภาษณ์ทีมโรงเรียนเรื่องการแบ่งเวลาเรียนกับซ้อมน่ะ เราอยากนำเสนอภาพลักษณ์ว่าเป็นนักกีฬาแล้วผลการเรียนก็ยังดีได้”
“อือ ก็น่าสนใจนะ เดี๋ยวเราคุยกับรุ่นพี่ให้”
“ไอ้พัตไง เรียนเก่งฉิบหายแต่ก็มาซ้อมบาสทุกเย็นนะ แมร่งเก่งขนาดติวพวกกรูได้ ตอนทำการบ้านพัตก็คิดโคตรไว กรูแตกสมการยังไม่เสร็จ พัตทำเสร็จแล้วอ่ะ” สนเอ่ย
“เราว่าพัตเก่งพอ ๆ กับดิมเลยล่ะ ขนาดตอนสอบเข้าพัตยังรู้คำตอบตั้งเยอะ” บอมบอก
“เออ วันนั้นพัตก็แนะนำหนังสือสรุปให้เราด้วย พูดจริง ๆ เรารู้สึกเหมือนพัตเคยเรียนม.4 มาแล้วว่ะ”

เอสเริ่มหน้าซีด
“เอส นายสนิทกับพัตนี่ เค้าซิ่วมาหรือไงวะ?”
“ไม่นี่ ก็เรียนมาตามระบบปกติ รีบกินเหอะจะเข้าแถวแล้ว”


16:30น.
สนามบาส

ผมเตรียมตัวซ้อม วันนี้จะใช้มุกไหนหลบหน้าบอมดีวะ
“พัต” บอมเรียก ...นายเป็นอโคไลท์เหรอ คิดปุ๊บวาร์ปมาปั๊บ
“หวัดดีบอม” ...ทำไงดีวะ อาจารย์ก็ยังดูกลุ่มรุ่นพี่อยู่ ผมต้องการตัวช่วยด่วน!
“เมื่อคืนเราโทรหาพัต นายนอนแล้วเหรอ?”
“ช...ใ..ช่ เมื่อวานซ้อมเยอะ กลับบ้านอาบน้ำกินข้าวนอนเลย โทษนะเราเพิ่งเห็น missed call ตอนเช้า”
“ตอนเที่ยงพัตก็ไม่มาทานข้าวกับพวกเรา”
“เอ่อ...”
“พัต...” บอมใช้สองมือจับบ่าผม ฉิบหายแล้ว!! บอมเล่นจู่โจมแบบนี้กลางสนามแล้วผมจะหนียังไงวะ ตาก็ประสานตา

เสียงเพลงจากลำโพงโรงเรียนดังแว่วมา
And I banished every memory you and I had ever made
But when you touch me like this
And you hold me like that
I just have to admit
That it's all coming back to me


ผมพยายามลืมเรื่องคืนนั้น ทุกสิ่งที่เราทำกัน แต่พอบอมจับบ่าผม ท่าเดียวกับตอนเขาจูบผม ความทรงจำทั้งหมดก็กลับมาชัดเจน...เราสองคนไม่สามารถแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

If I kiss you like this
And if you whisper like that


“เราขอโทษนะพัต พัตยังโกรธเราใช่มั้ย?” บอมพูดเสียงสั่นเบา ๆ แต่ได้ยินชัดเจนราวกับบรรยากาศรอบข้างเงียบสงัดเหมือนคืนนั้น คืนที่ผมจูบเขา และเขากระซิบข้างหูผม ...พัตอยู่กับบอมนะ

The flesh and the fantasies all coming back to me
I can barely recall but it's all coming back to me now


ความรู้สึกคืนนั้นกลับมาอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาล สัมผัสของผิว น้ำหนักตัว และความอุ่น
ความสุขที่ท่วมท้นจนคุมตัวเองไม่ได้ช่วงไม่กี่นาทีในตอนนั้นทำผมลืมหมดว่าอะไรไม่ควรทำ

“พัตยังให้เราเป็นเพื่อนอยู่ไหม? เราต้องทำยังไงให้พัตหายโกรธเรา?”
“บอม...เราไม่ได้โกรธนายนะ แต่เรา...”

If you forgive me all this
If I forgive you all that
We forgive and forget and it's all coming back to me


บอมจะยกโทษให้ผม ผมจะยกโทษให้บอมแล้วลืม ๆ ไปซะ จากนั้นเราก็ทำผิดซ้ำอีก
ไม่ใช่ละ!!!! ผมไม่รู้ใครเปิดเพลงแต่ผมจะหามันให้เจอและต่อยมันซะ เล่นซะตรูเคลิ้มเลย

...พัตอยู่กับบอมนะ...มันคืออะไรทั้งที่นายมีอั้มอยู่แล้ว ผมควรตอบสนองบอมยังไง ผมทำตามที่บอมขอไม่ได้จริง ๆ

“น้องบอมมานี่หน่อยสิ เห็นว่าจะมีรายการมาสัมภาษณ์เหรอ?” เสียงรุ่นพี่ตะโกนเรียกบอม เขาปล่อยมือจากผม
“พัตอย่าเพิ่งกลับนะ” บอมพูดด้วยสายตาอ้อนวอนก่อนเดินไปหารุ่นพี่
ผมควรทำยังไงดีวะ อยากตะโกนว่าบอมโว้ยนายควรไปอยู่กับอั้มดิวะ จะทำผิดซ้ำอีกทำไม...แต่ผมก็ไม่กล้าพูดออกไปสักคำ

“ช่วงนี้วิทยุโรงเรียนเป็นอะไรวะเปิดแต่เพลงเก่า” สนเดินบ่นเข้ามา
“สน ช่วยสอนเราหน่อยดิ”
“สอนอะไรดีล่ะ?”
“อะไรก็ได้”
“งั้นก็เลี้ยง cross over ละกัน เป็นทักษะต่อจากที่พัตฝึกเลี้ยงบอลเมื่อวาน”


17:14น.

“สน พัตล่ะ?”
“มันกลับไปแล้วอ่ะ พ่อมันมารับแล้ว”
บอมทำหน้าแปลก ๆ “เอ่อ...เดี๋ยวเย็นนี้กรูไปนั่งเล่นบ้านมริงได้ไหมสน?”
“ได้ดิ” ผมตอบ

พอห้าโมงครึ่งพวกเราเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดนักเรียนแล้วเดินไปขึ้นรถเมล์
“ตั้งแต่ติวกันนี่กรูเรียนรู้เรื่องขึ้นเยอะเลย เดี๋ยวสอบกลางภาคเสร็จกรูจะไปซื้อรองเท้าใหม่ละ เนี่ยกาวที่แปะเริ่มเอาไม่อยู่แล้ว มริงดูดิ” ผมยกรองเท้าปากอ้าให้ไอ้บอมดู
“เออ มริงจะไปซื้อที่ไหนเหรอ?”
“กรูว่าจะไปดูที่ Sport world ก่อน หรือมริงว่าควรซื้ออนไลน์ดีวะ ถูกแต่ไม่รู้ของแท้มั้ย?”
“ไม่รู้ดิ”
“ถ้าไปสยามก็มีรองเท้าสวยหลายร้าน แต่ราคาแพง หรือไปดูที่ FBT หน้ารามดี?”
“.............”
“บอมมริงเป็นอะไรวะ?” ผมเห็นมันเหม่อ ๆ
“เดี๋ยวถึงบ้านมริงกรูจะเล่าให้ฟังนะ”

พอลงรถเมล์ก็เดินเข้าซอยมาถึงบ้าน บอมเก็บรองเท้าในตู้เหมือนเป็นบ้านมันเองเพราะมาตั้งแต่ป.4 แล้วก็เดินตามผมขึ้นชั้นสองเข้าห้องนอน

“สน เมื่อกี้พัตคุยอะไรกับมริงเหรอ?”
“มันให้กรูสอนเลี้ยงบอลว่ะ ทำไมเหรอ?”
“เปล่าไม่มีอะไร” บอมตอบเสียงเศร้า ๆ อะไรของมันวะ
“คือกรูมีเรื่องอยากปรึกษามริง” บอมพูดพลางนั่งลงบนเตียง
“เอาดิ ว่ามาเลย”
“คือ...” ไอ้บอมถอนหายใจ 1 ครั้ง
“เฮ้อ...” มันถอนหายใจครั้งที่สอง
“คือว่า...กรู...” มันอ้าปากพูดแล้วก็เงียบไปอีก
“บอม เรื่องอะไรวะทำไมมันพูดยากขนาดนั้น?”
“กรูบอกมริงแล้วมริงอย่าบอกใครนะ...คือกรูก็รู้แหละว่ามริงไม่เคยเอาไปพูดต่อ...แต่แบบ...”
“เออ ไม่พูดหรอก เหยียบไว้นี่เลย ไว้ใจกรูได้”
“คือกรู...” มันถอนหายใจครั้งที่สามแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง

“กรูจูบพัต แล้วตอนนี้เขาโกรธกรู เขาไม่คุยกับกรูแล้ว”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 22: อัพ 15 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: Ritawongishere ที่ 16-12-2020 20:47:39
 :hao7: รอจ้าาา
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 22: อัพ 15 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: KaitlyynDuff ที่ 17-12-2020 19:19:39
เกิดอะไรขึ้น??? อย่างไรก็ตามฉันชอบส่วนนี้มาก! หวานจริงๆโดยเฉพาะกับเนื้อเพลงที่เข้ากันได้ดีกับช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน รอไม่ไหวแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป! พวกคุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้? หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายการต่อไปจะได้รับการอัปโหลดเร็ว ๆ นี้!
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 22: อัพ 15 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 20-12-2020 15:30:24
พอดีช่วงนี้ใกล้วันคริสมาสต์ ขอลงเรื่องสั้นของดิม Vector space เป็นเหตุการณ์ของดิมตอนม.3 นะครับ
Vector space: เราสองคนเป็นแค่ฝุ่นที่ลอยในอากาศ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72432.msg4052675#msg4052675&gsc.tab=0)
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 22: อัพ 15 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 22-12-2020 12:53:02
King Class Away: ep23
เผย


“คือกรู...” บอมถอนหายใจครั้งที่สามแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง
“กรูจูบพัต แล้วตอนนี้เขาโกรธกรู เขาไม่คุยกับกรูแล้ว”
บรรยากาศนิ่งเงียบไป 10 วินาที...ผมได้ยินผิดเปล่าวะ?

“มริง...จูบ...พัต...หมายถึงไอ้พัตน่ะนะ?”
“อือ” ไอ้บอมตอบทั้งที่นอนนิ่งบนเตียง ตาเหม่อมองเพดานห้องนอนผม
“ไอ้พัต...นนทภัทร...เพื่อนเรานี่เหรอ?”
“อือ”
“คือ...พวกมริงสองคน...บังเอิญหกล้ม...ปากแตะกัน...แบบในละคร...ใช่มั้ย?” ผมพยายามจะเข้าใจไม่พลาด
“ไม่ใช่อ่ะ กรู...กรูตั้งใจเลย หลายครั้งด้วย”
คำตอบของไอ้เพื่อนสนิททำผมอึ้งกว่าเดิม บอมมริงชอบผู้ชายเหรอวะ?

ผมค่อย ๆ นอนลงข้างมันแล้วกระซิบถาม “เชรี่ยยยย...เมื่อไหร่วะ?”
“คืนวันศุกร์ ที่พวกเราจะไปดูบาสที่บ้านพัตแล้วมริงต้องไปช่วยงานที่บ้านน่ะ”
“เดี๋ยวนะ ไอ้พัตบอกว่าคืนนั้นพ่อแม่มันไปสมุยนี่ ใช่มะ?”
“อือ”
“หมายความว่า...พวกมริงอยู่กันสองต่อสอง...ทั้งคืน...แล้ว...มริงก็จูบไอ้พัตไปหลายครั้ง...กรูเข้าใจถูกมั้ย?”
“อือ”
“เชรี่ย!! คือมริง...มริงชอบไอ้พัตเหรอ?”
“อือ”
อือสั้น ๆ ของไอ้บอมทำผมตะลึง เพื่อนสนิทของผม ซอยตรงข้ามที่เรียนด้วยกัน เล่นบาสด้วยกันมา 6 ปีตั้งแต่ป.4 ผมไม่เคยเห็นมันสนใจเรื่องแฟน ขนาดอั้มมาจีบมันตั้งแต่ม.1 มันก็ไม่สน แต่นี่…

“คือจู่ ๆ มริง เอ่อ...อย่างนั้นเลยเหรอวะ? หรือมันมีอะไรมากกว่านั้นวะ? บอมมริงช่วยเล่าให้ละเอียดได้ไหม?”
“คือกรูกำลังจะแกล้งถอดเสื้อของพัตแล้วกรูก็อดใจไม่ได้ หอมแก้มซ้ายของพัต แล้วก็หอมแก้มขวา แล้วพัตก็จูบปากกรู ตอนแรกกรูก็นึกว่าจูบคือ...ปากแตะกันแบบในละครแต่...ลิ้นของพัตเข้ามาในปากกรูเลย กรูทำตัวไม่ถูกเลยว่ะ แต่แมร่งก็...เหรี้ยเอ๊ย...บอกไม่ถูกว่ะ กรูก็... คือแมร่ง กรูเลยจับเค้าพลิกลงแล้วกรูก็ขึ้นคร่อมแล้วจูบแล้วก็...”
“กรูหมายถึงเล่าให้ละเอียดว่าทำไมมริงชอบไอ้พัต! มริงเริ่มรู้สึกกับเค้าแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่! ไม่ใช่ให้มริงเล่าบทอัศจรรย์!” ผมรีบเบรคก่อนมันจะบรรยายไปไกลเกินเรต 18+
“ห่าน! ก็มริงบอกให้เล่าละเอียด!!” บอมเอาหมอนข้างฟาดมาทีนึง
“แล้วมริงจะตีกรูทำเชรี่ยไรเล่า! ตกลงมริงรู้สึกแบบนั้นกับพัตตั้งแต่เมื่อไหร่วะบอม? แล้วแกล้งถอดเสื้อนี่มันคืออะไรวะกรูงงไปหมดแล้ว”

บอมนิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังคิดทบทวนความรู้สึก
“กรูเริ่มรู้สึกกับพัตคือตอนวันพฤหัสที่พัตไม่มาเล่นบาสกับพวกเราแต่ไปติวที่ซีคอนคนเดียว”
“อ่อ กรูจำได้”
“กรูเป็นห่วงเพราะเห็นพ่อเค้ามารับพัตทุกวัน แล้วนี่จะขึ้นรถเมล์เองถูกไหมเลยลองโทรไปถาม แต่พัตปิดมือถือ กรูยิ่งเป็นห่วงก็เลยขอรุ่นพี่กลับก่อน กรูอยากไปดูให้แน่ใจว่าเค้าโอเคมั้ย”
“ที่มริงเล่าให้กรูฟังว่าสุดท้ายมริงไปเจอพัตที่ป้ายรถเมล์หน้าซีคอนตอนฝนตกหนัก แล้วชวนเขาค้างบ้านมริง”
“อือ”
“แล้วไงต่อวะ? มันมีอะไรมากกว่าที่มริงเคยเล่าให้กรูฟังใช่มั้ย?”
“จริง ๆ ก็...มีอ่ะ คือกรูเล่าแบบเปิดใจกับมริงได้ใช่มั้ยสน? กรูไม่รู้จะพูดกับใครแล้วจริง ๆ”
“ได้ดิ ว่ามาเลย”
“คือแม่กรูให้พัตรีบไปอาบน้ำเพราะเปียกฝน แล้วกรูก็เอาผ้าเช็ดตัวกับชุดใหม่ไปให้ คือกรูเองก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเตรียมไปอาบห้องข้างล่างอ่ะ กรูเคาะประตูห้องน้ำแต่พัตแค่แง้มประตูยื่นแขนมา...คือ...เค้าไม่ได้ใส่อะไรเลยไง พัตมันเขินแบบ...แบบว่าไงดีวะ...กรูบอกไม่ถูก หน้าเค้าตลกดี”
บอมเล่าไปหน้ามันก็เริ่มแดงไป ลิ้นแมร่งพันกันหมดละ

ผมพอเข้าใจบอมนะ ตอนผมกับไอ้พัตเข็นอุปกรณ์ไปเก็บที่โรงยิมแล้วผมถอดเสื้อ ไอ้พัตแมร่งหน้าเหวอเลิ่กลั่กเดินตัวแข็งโคตรขำเลย
“เวลาอยู่ในโรงเรียนพัตเค้าเป็นเด็กเรียน เครียด ๆ ไม่ค่อยพูด แต่พอเจอตอนทำหน้าตกใจแบบนั้นกรูก็ยิ่งอยากหยอกหนัก ๆ เลยเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป”
“เชรี่ย! นี่มริง...”
“ตอนนั้นกรูแค่อยากแกล้งเค้าอ่ะ กรูอยากเห็นตอนพัตตกใจแค่นั้น”
“แล้วพวกมริงก็...?”
“บ้า! ไอ้พัดมันยันประตูไม่ให้กรูเข้า!”
...โล่งอก…

“แต่ก็นั่นแหละ กรูยิ่งรู้สึกว่าแกล้งพัตแล้วยิ่งสนุก พอตอนเข้านอนกรูก็อยากแกล้งพัตอีก กรูเลย...”
“มริงเลย...” อย่าบอกนะว่ามริงปล้ำ
“คือกรูเริ่มรู้ละว่าพัตจะเขินเวลากรูถอดเสื้อ”
“มริงเลย...”
“กรูเลยแก้ผ้านอน”
“เชรี่ยย!!”
“กรูมีผ้าห่มนะเว้ย...คือ...กรูแค่อยากแกล้งพัตเฉย ๆ อ่ะ แต่...” บอมพลิกตัวกดหน้าลงกับหมอน
“คือกรูรู้สึกสนุกดีเวลาพัตอยู่ใกล้ ๆ แต่ไม่รู้ทำไมกรูก็โกรธที่พัตไปที่ที่ไม่เคยไปคนเดียว กรูบอกว่าจะไปด้วยมันก็ดื้อ บอกว่าไปถึงแล้วจะโทรหากรูก็ไม่โทร กรูโมโหอ่ะที่ทำให้เป็นห่วง กรูหงุดหงิด กรูอยากแกล้งให้หายโกรธ แต่ไม่ใช่ว่ากรูโกรธมันจริง ๆ นะเว้ยสน แค่เห็นหน้าพัตกรูก็หายแล้ว เชรี่ยเอ๊ย! กรูไม่รู้จะอธิบายยังไง”

“บอม มริงหวงไอ้พัต”
บอมนิ่งเงียบไปนานจนผมนึกว่ามันขาดอากาศหายใจสลบไปแล้ว สักพักมันก็เอาหมอนออก
“กรูแปลกใช่มั้ยสน?”
“ไม่หรอก มริงเล่าไปเรื่อย ๆ ดิ กรูอยากฟัง”
“อือ ตอนนั้นกรูแค่อยากแกล้ง แต่พัตแมร่งตะแคงหันหนีกรูเลย นอนสักพักกรูเห็นว่าเค้านอนไม่หลับ กรูเริ่มรู้สึกแย่อ่ะ มริงว่ากรูแกล้งเค้าแรงไปไหม?”
“ถ้ามริงแก้ผ้านอนข้างกรู กรูยันมริงตกเตียงอ่ะ”
“นั่นแหละ พัตคงไม่อยากนอนกับกรูแล้วล่ะ แต่มันบ้านกรูไงเค้าคงไม่กล้าพูด กรูเลยลุกจะไปนอนที่อื่นเอง แต่...เค้าจับตัวกรูแล้วบอกว่านอนเตียงเดียวกันก็ได้”
“หืม?”
“ตั้งแต่ตอนนั้นกรูก็...กรูว่า...กรูชอบพัตไปแล้วว่ะ” ตอนบอมพูดประโยคนี้ ความเศร้าหายไปจากหน้ามัน

“กรูมีความสุขที่เห็นพัตอยู่บ้านกรู ใส่ชุดของกรู ได้ขึ้นรถเมล์ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน เค้ายืมไม้ปิงปองของกรู ยิ่งกรูสอนบาสให้แล้วพัตตั้งใจทำได้กรูโคตรมีความสุข ถึงจะอยู่คนละห้องแต่ก็ติวด้วยกัน ทุกเย็นกรูดีใจที่พัตมาชมรม อยากให้พัตมาลงสนามจริงกับกรูเร็ว ๆ แต่อยู่ได้แค่ครึ่งชั่วโมงเพราะพ่อมารับ กรูยังอยากอยู่กับเค้าต่อเลยหาเรื่องเดินไปส่งบ่อย ๆ คือ...ไม่รู้ทำไมกรูอยากมีพัตอยู่ด้วยตลอดเวลา”
ผมพูดอะไรไม่ออกเลย มันกับไอ้พัต ที่ฝึกบาสกัน ติวด้วยกัน นั่งทานข้าวก็นั่งติดกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อหน้าผมแต่ในใจไอ้บอมมันรู้สึกอะไรมากกว่าที่ผมเห็น

“ที่กินพิซซ่าวันนั้นพัตมันเข้าใจผิดว่าเป็นวันเกิดมริง มริงคงดีใจมากเลยสินะ?”
“เชรี่ย กรูโคตรดีใจอ่ะ แล้วยิ่งรู้ว่าพัตเกิดหลังกรู 1 เดือน สนมริงจำได้ใช่มั้ยที่กรูเคยบอกมริงตอนป.4”
ผมจำได้ ตอนนั้นพวกเราเล่นบาสกันจนค่ำ บอมมันพูดขึ้นมาว่าใจมันอยากมีน้องไว้เล่นบาสด้วย แต่ถึงพ่อแม่จะมีน้องอีกคนตอนนั้นอายุก็ห่างกันมากแล้ว มาเล่นโหด ๆ ดึก ๆ กับมันไม่ได้ ผมไม่เข้าใจมันเท่าไหร่หรอกว่าความเหงาของมันที่อยู่กับแม่แค่สองคนนี่เบอร์ไหนเพราะผมมีพี่สองคนกับญาติเต็มบ้าน แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วว่าความเหงาของมันสุดขั้วจริง ๆ

“เหมือนจู่ ๆ กรูก็มีน้องอายุใกล้กัน แล้วยิ่งกรูรู้ว่าพัตก็ลูกคนเดียว พ่อแม่เค้าก็ไปต่างจังหวัดบ่อย ๆ พัตบอกว่าบางทีก็เหงา คือกรู...กรูไม่รู้ว่ากรูชอบพัตแบบไหน เป็นเพื่อน เป็นน้อง รู้แต่ว่ากรูอยากมีเค้าอยู่ด้วยตลอดเวลา แมร่งเอ๊ย! ยิ่งพูดกรูเหมือนยิ่งวิปริตว่ะ”
ผมตบหลังมันเบา ๆ “ไม่ใช่หรอกมริง จะคิดมากทำไม มริงชอบพัตก็คือมริงชอบพัต แล้วพัตก็คงชอบมริงเหมือนกันไม่ใช่เหรอเพราะมันเป็นฝ่ายจูบมริงอ่ะ? ทำไมมริงต้องกลุ้มใจด้วยล่ะ?”
“คือ...พัตเค้ามีแฟนอยู่แล้วว่ะ”
“เฮ้ยยยยยย!!! เป็นไปได้ไงวะ? ก็พัตมันขลุกอยู่กับพวกเราตลอด ตอนเช้าก็เข้าโรงเรียนพร้อมกันเดินเข้าห้องประจำชั้นพร้อมกัน ตอนเที่ยงก็แดรกข้าวด้วยกัน ตอนเย็นก็ซ้อมบาสแล้วมริงก็เดินไปส่ง มันจะมีแฟนตอนไหน? แล้วมริงรู้ไหมใครแฟนมัน?”
“รู้”
“ใครวะ?”
“อาจารย์บิ๊ว”
ผมอึ้งไปอีก 10 วินาที กรูหูไม่ฝาดใช่มั้ย?

“มริงว่าไงนะ? อาจารย์ที่เคยขับรถส่งพวกเราวันฝนตกนั้นน่ะนะ?”
“อือ” บอมเปลี่ยนท่านอนตะแคง
“เชรี่ยยย!!! บอมมริงแน่ใจเหรอ? นี่เรื่องใหญ่เลยนะโว้ย!! พัตเป็นแฟนกับอาจารย์ผู้ชายในโรงเรียนเนี่ยนะ? พัตบอกมริงเรอะ!?”
“เค้าไม่ได้บอกกรูหรอก แต่กรูเห็นกับตา วันนั้นที่กรูตามพัตไปซีคอน กรูเจอพัตกับอาจารย์นั่งด้วยกันที่ศูนย์อาหาร”
“แค่นั่งด้วยกันอาจไม่ใช่แฟนนะว้อย เออ...แต่มันก็แปลกจริง ๆ แหละเหมือนนัดไปเจอกันนอกโรงเรียนว่ะ”
“กรูมองจากไกล ๆ ไม่รู้เค้าคุยอะไรกัน แล้วอาจารย์ก็ยื่นถุงให้พัต แล้วพัตก็ร้องไห้”
“เชรี่ยยยย!!!!” บอมแมร่งยิ่งเล่าเรื่องก็ยิ่งน่าตกใจขึ้นทุกที

“สักพักพัตก็เดินออกไป ตอนนั้นกรูไม่รู้จะทำไง พอจะตามพัตก็คลาดกันแล้ว กรูวิ่งตามหาทั้งห้างจนไปเจอเค้าติดฝนที่ป้ายรถเมล์ใต้สะพาน ตอนนั้นกรูอยากจะถามให้รู้เรื่องแต่เห็นเค้าทั้งเปียกทั้งตาแดง...กรูพูดอะไรไม่ออก กรูอยากให้เค้าสบายใจ ...กรูอยากให้พัตอยู่กับกรูคนเดียว”

...มริงเลยชวนพัตไปค้างบ้านมริงสินะ…

“แล้วในถุงมีอะไรวะมริงรู้มั้ย?”
“กรูรู้ คือตอนพัตไปค้างบ้านกรูเค้าลืมถุงไว้ จนเย็นวันศุกร์กรูกลับถึงบ้านเห็นถุงนั่น กรูโคตรอยากเปิดดูแต่มันเรื่องส่วนตัวของพัต กรูไม่กล้าเปิด กรูกลัวมันโกรธ เลยโทรไปบอกเค้าว่าลืมของไว้”
“แล้วพัตว่าไงวะ? มันตกใจไหมที่รู้ว่าลืมถุงของขวัญไว้บ้านมริง?”
“ไม่นะ พัตถามว่าใช่วิดีโอเกมมั้ย กรูบอกกรูยังไม่เปิดดูเพราะเป็นของของพัต เค้าบอกกรูให้เปิดดูเลย จะแกะเล่นเกมไปเลยก็ได้แต่กรูไม่มีเครื่อง switch น่ะ แต่นอกจากเกมแล้วมันมีกระดาษโน้ตในถุงด้วย”
“เขียนว่าไงวะ?”
บอมเปิดมือถือให้ผมดู รูปที่มันถ่ายกระดาษโน้ตอันนั้น

ให้น้องพัต นักเรียนคนเก่งของครูนะครับ

“เชรี่ยยยยย!!!!!”
“ทีนี้มริงเชื่อยังว่าพัตกับอาจารย์เป็นแฟนกัน” บอมเอาหมอนข้างตีหัวผม

“พัตบอกกรูว่าเกมนี้เค้าซื้อเองแต่จริง ๆ คืออาจารย์ให้ กรูโทรถามเค้าด้วยว่าเค้ามีแฟนยัง พัตก็บอกว่ายัง พัตโกหกกรูเพราะมันเป็นความรักต้องห้ามไง”
“แต่มริงมีหลักฐานแค่โน้ตใบเดียวนะเว้ย มริงอย่ารีบปักใจคิดแบบนั้น” ผมหยิบหมอนอีกใบมาตีมันคืน
“ตอนแรกกรูก็คิดงี้แหละ จนกรูเจอเรื่องที่ชัดสุด ๆ”
“อะไรวะ?”
“มริงจำวันที่กินพิซซ่าแล้วอาจารย์ขับรถไปส่งพวกเราทุกคนได้มั้ย?”
“จำได้” จริง ๆ อาจารย์คนนั้นก็ใจดีนะ แต่เค้าใจดีเพราะพัตเป็นแฟนเค้างี้เหรอ?
“ตอนอยู่ในรถ มริงเห็นอะไรแปลก ๆ ระหว่างสองคนนั้นมั้ย?”
“ไม่นี่ พัตมันนั่งข้างหลังกับพวกเรา อันที่จริงกรูจำได้ว่าไอ้ตี๋เนิร์ดไม่พูดอะไรกับอาจารย์เลยนะ”
“ไอ้นั่นแหละที่แปลก!”
“แปลกไงวะ?”
“มริงนึกดูดี ๆ ตอนนั้นใครพูดอะไรบ้าง?”

ผมชื่อตี้ครับอาจารย์ บ้านผมอยู่หมู่บ้านเมืองทองแถวโรงเรียนครับ
เอสครับ บ้านผมอยู่แถวแยกพระรามเก้าครับ
ผมชื่อบอมครับ อยู่อ่อนนุช 17 ครับ
ผมชื่อสนครับ อยู่ซอยตรงข้ามบ้านบอมน่ะครับ”
ผมชื่อดิมครับ อาจารย์ส่งผมที่สถานี BTS อ่อนนุชนะครับ


“สน มริงนึกออกยังว่ามีอะไรแปลก ๆ?”
“ไม่อ่ะ”
“พัตไม่บอกบ้าน จารย์ก็ไม่ถาม แล้วเค้าไปส่งถูกได้ไง!?”
“เชรี่ยยยยยย!!!!!! คืออาจารย์รู้บ้านพัตอยู่แล้ว!”
“ชัดยังล่ะมริง จารย์รู้บ้านพัต เคยมาบ้านพัต ตอนนั้นที่กรูกำลังทำอย่างนั้นกับพัต กรูก็คิดว่า...บางทีเค้าสองคนอาจ...เคยมีอะไรกันบนเตียงนั้นแล้ว พอกรูคิดแบบนี้กรูเลยทำต่อไม่ได้ กรูแมร่งเหรี้ย รู้อยู่แก่ใจว่าพัตมีแฟนแต่กรูก็ยัง...”
“บอม...”
“กรูขอโทษเค้า กรูบอกกรูไม่ได้ตั้งใจ พัตก็ขอโทษกรูบอกว่าเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน แล้วแมร่งก็จบแค่นั้นเลย ตอนนั้นกรูหวังอย่างเดียวคืออย่างน้อยเค้าจะยังเป็นเพื่อนกับกรู แต่พอวันจันทร์พัตก็ไม่ยอมคุยกับกรูแล้ว เค้าหลบหน้าตลอด ตอนเล่นบาสก็ไม่ให้กรูสอน แต่เค้าดันไปให้มริงสอนแทน”

ตอนนั้นผมนึกว่าอาการแปลก ๆ ของพัตเป็นเรื่องตลก ไม่นึกว่าระหว่างพวกมันสองคนมีเรื่องอะไรเตลิดไปถึงไหนต่อไหนขนาดนี้
“บอม มริงใจเย็นนะว้อย คือถึงกรูไม่เคยมีแฟนนะ แต่กรูว่าพัตไม่ได้โกรธมริงหรอก”
“จริงเหรอวะ? เค้าหลบหน้ากรูขนาดนั้น”
“เที่ยงวันจันทร์พัตก็ยังติวให้พวกเรานะ ถ้าเค้าโกรธที่มริงปล้ำเค้า พัตมันจะติวให้อีกเหรอ? แล้วมันยังไม่ได้เป็นแม้แต่ตัวสำรอง ถ้าเค้าโกรธมริงเค้าก็แค่ไม่มาชมรมก็ไม่เจอมริงแล้วจริงมั้ย? แต่นี่ไอ้ตี๋มันก็ยังมาซ้อมตามเวลาทุกวันนะว้อย”

บอมนอนนิ่งเงียบปล่อยให้ผมตีมันด้วยหมอน
“บอม กรูว่าเรื่องนี้มันแปลก ๆ  ถ้าพัตรู้ว่ามีโน้ตส่อขนาดนี้ในถุง ทำไมเค้ากล้าอนุญาตให้มริงเปิดดู แปลว่าไอ้ตี๋มันยังไม่ได้เปิดถุง ซึ่งมันผิดวิสัยเวลาเราได้ของขวัญจากแฟนนะว้อย มริงลองจินตนาการถ้ามริงเป็นแฟนกับอาจารย์ในโรงเรียนแล้วเค้าให้ถุงของขวัญมริง มริงยังไม่ทันเปิดดูแต่ดันลืมไว้บ้านกรู มริงกล้าให้กรูเปิดมั้ย?”
“ไม่อ่ะ ถ้ากรูยังไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไรกรูคงไม่ให้ใครเปิดดูแน่ กรูจะรีบแจ้นไปเอาถุงคืนเลย”
“แล้วพัตมันรีบมาเอาคืนเลยมั้ย?”
“ไม่ เค้าบอกไม่รีบ ให้กรูเอาไปให้วันจันทร์”
“นั่นไง”

บอมนิ่งเงียบไป ผมตีแมร่งด้วยหมอนจนเบื่อละ
“บอม กรูว่านะ ปัญหาทั้งหมดคือพัตเป็นแฟนกับอาจารย์จริงหรือเปล่า มริงควรถามพัตตรง ๆ”
“กรูไม่กล้าอ่ะสน”
“งั้นกรูจะสืบให้เอง”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 22: อัพ 15 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 22-12-2020 13:22:29
King Class Away: ep24
inquisition


เช้าวันพุธ ผมยืนรอไอ้พัตที่ร้านน้ำหน้าโรงเรียนเหมือนเดิม แต่วันนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมเพราะเรื่องที่ผมเพิ่งรู้จากบอม เรื่องที่มันกับพัตทำเมื่อคืนวันศุกร์ ความลับพิลึก ๆ อะไรก็แล้วแต่ที่ไอ้ตี๋เนิร์ดกับอาจารย์ปิดบังอยู่ อันที่จริงผมก็ยังไม่มีแผนอะไรจะล้วงความลับเลยด้วยซ้ำแต่ถึงยังไงผมต้องช่วยแก้ปัญหาให้ไอ้เพื่อนรักให้ได้

ถ้าจำเป็นจริง ๆ ผมกะจะลากไอ้พัตเข้าห้องแต่งตัวในโรงยิม เล่นงานจุดอ่อนไอ้พัตรับรองมันยอมพูดแน่ ๆ
“พัต กรูถามหน่อย มริงกับจารย์คนนั้นเป็นอะไรกัน?”
“อ...อะไรนะ?”
“พัต มริงไม่จำเป็นต้องทนเก็บความลับไว้คนเดียวอีกแล้วนะ กรูเห็นมริงกับอาจารย์นั่งคุยกัน ตอนวันนั้นที่จารย์ขับรถไปส่งทุกคนเค้าก็รู้จักบ้านมริง”
“ม...ไม่มีอะไรจริง ๆ นะ”
ผมกอดไอ้พัตด้วยแขนเดียวสบายมากเหมือนงูหลามรัดลูกหมา อีกมือปลดกระดุมเสื้อตัวเองทีละเม็ด
“กรูไม่ได้บังคับให้มริงตอบ กรูอยากคุยแบบเปิดใจกับมริงนะพัต”
“เฮ้ยสน! นายทำอะไร?”
“มริงจับดูดิ ใจกรูอยากรู้คำตอบจริง ๆ นะ” ผมกระซิบเบา ๆ อย่างจงใจข้างหูพัต
ผมดึงมือมันมาทาบอกแล้วลูบเหมือนใช้ฟองน้ำถูตัว ไอ้ตี๋ที่เก่งเรื่องเรียนแต่ดูจะซื่อ ๆ เซ่อ ๆ ในเรื่องอื่นทั้งหมด รับรองเจอไม้นี้มันไม่ขัดขืนหรือกล้าร้องแน่
“กรูรู้นะมริงชอบบอม บอมเพื่อนสนิทกรูมันก็ชอบมริง ตอนนี้มันกำลังทรมานที่มริงหลบหน้ามัน” ผมพูดพร้อมซุกหน้าลงซอกคอมัน
“ใจกรูก็ทรมานด้วย พัตมริงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจบอกกรูเถอะ กรูจะช่วยมริง”
พัตต้องยอมพูดแน่ แต่ไอ้บอมคงฆ่าผม แมร่งหวงยิ่งกว่าอะไรดี
อีกอย่าง ถ้าแผนนี้ไม่สำเร็จพัตคงไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้อีกแน่ ผมต้องเลือกวิธีที่เนียน ๆ กว่านี้

“หวัดดีสน” พัตตะโกนทัก ผมหันไปหามันแล้วคิดทบทวนแผนไม้ตายสุดท้าย 'งูหลามรัดลูกหมา' ถ้าจำเป็นจริง ๆ น่ะนะ
“หวัดดีพัต” ผมทักตอบกลับแต่สายตามันมองซ้ายขวา
“บอมล่ะสน?”
“บอมมันไม่สบาย เลยไปคลีนิค”
“ห้ะ! บอมเป็นอะไรมากไหมอ่ะ?” พัตทำหน้าเป็นห่วงจริง ๆ แฮะไม่ใช่เสแสร้ง ถ้าบอมได้เห็นหน้าพัตตอนนี้มันคงดีใจมาก
“แค่เป็นหวัดเจ็บคอน่ะ เดี๋ยวมันก็มาเรียนสาย ๆ ป่ะเดินเข้าโรงเรียนด้วยกันนะ”
“เอ่อ...เราขอโทรหาบอมก่อนนะ”

ผมนึกว่าพัตจะโทรหาแบบปกติแต่มันกลับกดวิดีโอคอลหาบอม
“หวัดดีบอม นายไม่สบายเหรอ?” พัตจงใจหมุนจอให้เห็นผมในกล้องด้วย นี่มริงตั้งใจให้บอมเห็นว่ามีผมอยู่ด้วยสินะ มริงพยายามที่จะไม่อยู่สองต่อสองกับไอ้บอมขนาดนี้เลยเหรอ
“อือ เราเป็นหวัดเจ็บคอนิดหน่อยน่ะ” โชคดีที่ผมเตี๊ยมกับไอ้บอมให้รออยู่หน้าคลีนิคแถวอ่อนนุช เล่นกับไอ้เด็กฉลาดก็ต้องเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์แนบเนียนที่สุด
“บอมหายไว ๆ นะ แล้วกำลังมาโรงเรียนใช่มั้ย หรือต้องลาป่วยอยู่บ้านเหรอ?”
“เรากำลังไปโรงเรียนน่ะ มียากินเดี๋ยวก็หายละ” ไอ้นี่ก็ลงทุนซื้อยาจากร้านขายยามาถือโชว์
ผมมองหน้าของพัตที่คิ้วขมวด หน้าแมร่งโคตรเป็นห่วงบอมจนผมพลอยรู้สึกผิดที่คิดแผนนี้ แต่ก็ดีที่บอมได้รู้ว่าพัตเป็นห่วงมัน
“พัตมากินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ เราไม่สบายกินคนเดียวกินไม่ค่อยลง พัตช่วยไปซื้อข้าวให้เราได้มั๊ย?”
บอมแมร่งก็อ้อนนนน ผมพยายามกลั้นขำสุดชีวิต กรูไม่เคยเห็นมริงอ้อนใครขนาดนี้เล้ยยยยยย

“เอ่อ...เรา”
พัตทำหน้าลำบากใจ นี่ไงอาการแปลก ๆ ของมริง ห่วงแต่ไม่กล้าเข้าใกล้
“มาเหอะพัต มากินด้วยกันสามคน” ผมรีบรวบรัด พัตหันมามองตาผมแล้วผงกหัว มันคงคิดว่ามีผมคั่นอยู่คงไม่เป็นไร
"โอเคนะพัต เดี๋ยวเรารีบไปโรงเรียนละ เจอกันนะพัต สน"

จบไปหนึ่งเรื่อง ผมกับพัตเดินเข้าโรงเรียนพร้อมกัน อย่างน้อยเที่ยงนี้ไอ้บอมคงชื่นใจ แต่เรื่องถัดมาคือผมต้องรู้ให้ได้ว่าพัตเป็นอะไรกับอาจารย์คนนั้น
“เออพัต มริงเคยดูหนังเกาหลีเรื่องนี้มั้ย?” ผมเปิดยูทิวป์ให้มันดู
“ไม่อ่ะ เราไม่ค่อยได้ดูหนังเกาหลีอยู่แล้ว”
“เรื่องนี้เขาว่าสนุกนะ คืออาจารย์มหาลัยเป็นแฟนกับลูกศิษย์ตัวเองในวิชาวรรณกรรม ต้องแอบคบกัน”
“เหรอ” พัตตอบเสียงปกติ
“นายว่าความรักแบบนี้แปลกมั้ย?”
“ถ้าเป็นนักศึกษาปีท้าย ๆ อายุ 20 แล้ว เราว่าไม่แปลกหรอก แต่ตอนคิดคะแนนคงลำบากใจเพราะวิชาพวกนี้ต้องตัดสินด้วยความรู้สึก มันอาจมีการลำเอียงหรือไม่ก็ตรงกันข้าม คือพยายามกดคะแนนแฟนตัวเองไม่ให้รู้สึกลำเอียง”
“แล้วถ้าอาจารย์มัธยมเป็นแฟนกับนักเรียนในโรงเรียนล่ะ?”
“คงยากน่ะ กฏหมายกำหนดว่าผู้เยาว์คืออายุต่ำกว่า 20”
ผมสังเกตสีหน้าไอ้ตี๋แต่มันไม่มีอาการตกใจร้อนตัวอะไรทั้งนั้น ออกจะคิดแนววิเคราะห์เหตุผลด้วยซ้ำ

“เออ แล้วนายคิดว่าอาจารย์บิ๊วเค้าเป็นไง?”
“เป็นไงนี่คือยังไง?” พัตเอียงหัวถาม
“คือนิสัยดีไหม แบบเป็นผู้ใหญ่อบอุ่นอะไรงี้”

ไอ้พัตเงียบไม่ตอบแต่จ้องผมไม่วางตา
“สน คือเราเพิ่งเป็นเพื่อนกับนายได้ไม่นาน แต่เราเต็มใจรับฟังทุกเรื่องนะ จะเก็บเป็นความลับให้”
“ห้ะ! เหรี้ย! ไม่ใช่ยังงั้น! กรูไม่ได้หมายความแบบนั้น!”
“อ่อ ๆ เราก็คิดไปว่า...”
“ไม่ใช่! เราแค่คุยสมมุติเรื่อยเปื่อยน่ะ!”
เชรี่ยละ หลอกถามไป ๆ มา ๆ ไอ้พัตนึกว่าผมชอบอาจารย์บิ๊วซะงั้น! แต่ก็ดี มันไม่มีท่าทีหึงหวงอะไรแม้แต่น้อยแปลว่ามันไม่ได้เป็นแฟนกับอาจารย์จริง ๆ
“แล้วสนมีแฟนยังอ่ะ?”
“ยัง!”
“อืม”
ทำไมกลายเป็นกรูกำลังโดนไอ้พัตล้วงข้อมูลวะ?
“ไม่รู้สึกอะไรดี รู้สึกอะไรกับใครเลยเหรอ?”
“ม...ไม่มีอ่ะ”
ประโยคของพัตทำให้ภาพไอ้ดิมโผล่ขึ้นมาในหัว ผมไม่อยากคุยประเด็นพวกนี้แล้ว นี่ก็เดินขึ้นตึกมาถึงชั้น 3 แล้ว อีกนิดเดียวพัตก็จะเข้าห้องประจำชั้นแล้ว ผมต้องหาเรื่องคุยเพิ่มเผื่อได้ข้อมูลอะไรอีก

“พัต พอดีเราไม่เข้าใจวิชาเลขเสริม นายช่วยอธิบายเราหน่อยได้มะ เดี๋ยวคาบแรกต้องเรียนแล้วน่ะ” ผมเปิดเป้หยิบตำราขึ้นมาเปิดหาเรื่องชวนคุย
“เอ่อ...เราว่าอันนี้ถามดิมดีกว่านะ”
“ช่วงนี้มันไม่ว่าง” นายจะถามถึงไอ้ดิมให้ผมหงิดหงิดทำไมวะ
“เหรอ...เอ่อ เราไม่ค่อยถนัดวิชานี้น่ะ เดี๋ยวเราหาหนังสือสรุปให้สนละกันนะ” พูดจบพัตก็เดินเข้าห้องประจำชั้นตัวเองไป

“เอ้อ! เราลืมถามสนอีกเรื่อง ดิมเค้ายังต้องเรียนตอนเที่ยงไหมอ่ะ?” พัตโผล่หน้าออกมาอีกครั้ง
“กรูก็ไม่รู้”
“อืม ๆ งั้นจบคาบ 4 เจอกันนะ”

พอจบคาบ 4 ไอ้พัตก็มายืนแกร่วอยู่หน้าห้องผมจริง ๆ คือมริงมารอให้ผมไปเป็นเพื่อนจะได้ไม่ต้องอยู่กับบอมสองคนสินะ เรื่องนั้นผมพอเข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ…
“ดิม! ไปกินข้าวด้วยกันนะ!”
ไอ้พัตจงใจตะโกนเรียกไอ้ดิมที่ยังอยู่ในห้องประจำชั้นที่อยู่ติดกัน ดิมมองพัตกับผมที่ยืนหน้าประตูห้องแล้วเดินมาแบบจำใจ นี่มริงกะจะลากเพื่อนมากินข้าวเที่ยงพร้อมกันให้หมดทุกคนเลยใช่มั้ย!

“หวัดดีพัต หวัดดีสน”
“หวัดดีดิม” ผมกับพัตพูดพร้อมกันด้วยความรู้สึกต่างกันสุดขั้ว ไอ้พัตทำหน้าโล่งใจที่หาไม้กันหมาได้อีกหนึ่ง ส่วนผมลำบากใจชะมัดที่ต้องกินข้าวกับดิม
“ดิม วันนี้ต้องเรียนตอนเที่ยงอีกไหม?”
“ไม่ต้องละ”
“งั้นไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ”
“ได้สิ”
“แล้วที่เรียนตอนเที่ยงตั้งหลายวันนั้นคือวิชาอะไรเหรอ?” พัตถามตอนเดินลงบันไดอาคาร
“ไม่ใช่เรียนหรอก อาจารย์ให้แข่งตอบปัญหากันเองในห้อง หาตัวแทนไปแข่งงานสัปดาห์วิชาการน่ะ”
“ดิมได้ไปแข่งสินะ?”
“ไม่หรอก เพื่อนคนอื่นเก่งกว่าเราน่ะ” ดิมตอบยิ้ม ๆ แต่...ตามันไม่ยิ้มด้วย
“เสียใจด้วยนะมริง” ถึงผมจะยังเคืองที่มันขอคบผมซ้อนกับเฟิร์ส แต่เห็นหน้ามันตอนนี้แล้วปากผมก็พลั้งไปเอง
“ขอบใจนะสน”

พัตเดินนำหน้าไป จังหวะนั้นดิมหันมาพูดกับผมเบา ๆ “สน เราขอเหอะนะ คุยกับเราแป๊บนึงได้มั้ย?”
“ก็...ก็ได้” ผมไม่อยากคุยเลย ให้ตายเหอะ! แต่จะปฏิเสธมันในเวลานี้มันต้องยิ่งเศร้าแน่ ถึงมริงจะเหรี้ย แต่ผมก็ทนไม่ได้เวลาเห็นมันทำหน้ามีความทุกข์ ผมจะทำยังไงกับสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้ดีวะ

“เอส! ตี้! กินข้าวกัน!” พัตตะโกนเรียกคู่หูห้อง 3 ที่กำลังเดินอยู่แถวลานกลางโรงเรียนพอดี
...โชคดีมีคนมาคั่นระหว่างผมกับดิมแล้ว...

ณ โรงอาหาร
บอมจ้องผมตาถลึงเหมือนพยายามจะคุยด้วยกระแสจิต
“กรูอุตส่าห์ชวนพัตมากินข้าวได้ แล้วทำไมมีคนอื่นด้วยวะ?”
“ไอ้พัตมันชวนดิมมา”


“อันนี้โจ๊กร้อน ๆ ของบอมนะ เราใส่ขิงเพิ่ม ช่วยให้หายหวัด” พัตวางชามโจ๊กตรงหน้าบอมเสร็จมันก็เดินไปนั่งอยู่สุดปลายกลุ่มข้างเอส ห่างจากไอ้บอมสุดกู่

“อ้าว! นายไม่สบายเหรอบอม?” ตี้ถาม
“อื้ม เป็นหวัดเจ็บคอนิดหน่อย แค่ก ๆ” บอมปิดปากไอเบา ๆ ให้สมบทบาท

“แล้วตี้กับเอสนี่ใครชวนมา?” บอมคุยกระแสจิตพร้อมเอามือสะกิดเข่าผมใต้โต๊ะ
“ก็พัตนั่นแหละ” ผมส่งกระแสจิตผ่านตีนกลับไปเบา ๆ
“ทำไมมริงไม่ห้ามมมม?” แมร่งสะกิดด้วยตีนกลับมาแรง ๆ หนึ่งที

“นี่กรูซื้อน้ำอัดลมใส่เกลือมาให้มริงด้วย ตอนเด็ก ๆ แม่กรูให้กินแบบนี้แล้วหายหวัด” บนโต๊ะผมส่งโค้กส่งยิ้มให้บอม แต่ใต้โต๊ะผมกับมันกำลังเตะกันอยู่
“แล้วมียากินไหมบอม?” ดิมถามด้วยความเป็นห่วง
“มี แค่ก ๆ” บอมหยิบซองยาขึ้นมาชู
“นี่มันยาแก้อักเสบ ไม่เห็นมียาฆ่าเชื้อเลย?” เอสมองบนซองยา นี่ก็รู้ดีอีก
“อ๋อ เรากินก่อนอาหารแล้วน่ะเลยวางไว้ที่ห้อง”
“งั้นเย็นนี้บอมรีบกลับบ้านเถอะ จะได้นอนพักเยอะ ๆ” พัตพูดด้วยความเป็นห่วง
“จริง เราเคยอ่านหนังสือเขาบอกว่าออกกำลังนี่ร่างกายยิ่งอ่อนเพลียนะ งดบาสก่อนเถอะ” ตี้สำทับ
“อืม ขอบใจทุกคนนะ”
บอมตอบแต่สะกิดตีนผมอีกที เย็นนี้คงได้ทำสงครามหมอนกันดุเดือดแน่ ไอ้ดิมก็มองผมเป็นระยะ มันคงอยากคุยกับผมแต่ผมไม่อยากคุยไง
“งั้นเย็นนี้กรูกลับบ้านพร้อมมริงนะ กรูเป็นห่วง”


“พัตบอกอะไรมริงบ้างวะ?” บอมนั่งลงบนเตียงผมพลางควานหาหมอนขนาดเหมาะมือ
“เท่าที่กรูสังเกต กรูมั่นใจมากว่าพัตไม่ได้เป็นแฟนกับอาจารย์” ผมหยิบหมอนใบใหญ่มาเตรียมเป็นโล่ไว้ก่อนเลย
“แค่นั้น?” แมร่งฟาดมาละ
“ห่าน! นี่ไม่ใช่นิยายนะว้อยจะได้คุยทีเดียวรู้หมดทุกเรื่อง” ผมตีมันคืน
“กรูอุตส่าห์ชวนพัตมากินข้าวได้ มริงปล่อยให้พัตชวนเพื่อนมาด้วยทำไม?” มันฟาดมาอีกที
“ชวนหรืออ้อนนนนนนนนน กรูล่ะอยากบันทึกวิดีโอคอลนั่นฉิบหาย” ผมตีมันกลับ
“กลายเป็นว่ากรูต้องโดดบาสให้สมบทบาท อดเจอพัตเลย” มันฟาดมาอีกหนึ่งป๊าบ
“ถึงมริงอยู่เล่นบาส พัตก็หาทางเลี่ยงมริงได้อยู่ดีอ่ะ” ผมตีมันคืน

ไอ้ตี๋เนิร์ดนี่มันไม่ได้เซ่ออย่างที่ผมคิด ที่แสบสุดคือมันดันทำให้ดิมมีโอกาสคุยกับผม ...หรือผมมีโอกาสเกือบคุยกับดิม จะอะไรก็ตาม ถ้าผมไม่จัดการเรื่องนี้ให้จบไอ้พัตคงชวนดิมมากินข้าวทุกเที่ยงแน่ กรูอึดอัดกับสถานการณ์แบบนี้โว้ย!

“พัตมันโคตรห่วงมริงนะ มันอุตส่าห์ไปซื้อโจ๊กมาให้ทั้งที่กลัวการซื้อของที่เป็นน้ำ ๆ เดินถือฝ่าฝูงคนตอนพักเที่ยงที่สุดเพราะกลัวหก แต่มันดันไม่อยากอยู่กับมริงตามลำพัง กรูถามจริง ๆ เหอะบอม มริงทำอะไรไอ้พัตมากกว่ากอดจูบมั้ย?”
“กรูก็ทำแค่นั้นแหละ!”
“มริงไม่ได้จับกุเจี๊ยวมันนะ?!” ผมทุบมันด้วยหมอนอีกที
“ยังไม่ถึงขั้นนั้นเลยว้อย!” มันฟาดกลับมารัว ๆ แล้วก็หยุดไป
“หรือ...หรือพัตเค้าไม่ชอบกรูแล้ววะ เค้าอาจแค่เทคแคร์เพราะกรูไม่สบาย แต่เค้ากลัวที่กรูหื่นเลยไม่เข้าใกล้ หรือเค้าไม่พอใจที่กรูหยุดกลางคัน?”
“กรูว่ามริงเริ่มคิดมาก”
“ถ้าพัตห่วงกรูจริง เค้าคงโทรหา...”

กริ๊ง ๆๆ เสียงมือถือของผมดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาดู
“ไอ้พัตโทรมาว่ะบอม สมพรปากมริงยัง?”
“ห้ะ! งั้นกรูคุย!”
“ไม่ได้สิมริง! นี่บ้านกรูนะ มันจะดูแปลกที่มริงป่วยแต่ดันอยู่บ้านกรู!”
“เออ จริงว่ะ” บอมหน้าหงอย มันคงอยากคุยกับพัต และมันคงงอนเล็ก ๆ ที่พัตไม่โทรหามันแต่โทรหาผม
“มริงออกไปก่อน เผื่อพัตเกิดอยากเปิดวิดีโอคอลเดี๋ยวเห็นมริงแล้วจะยุ่ง”
“ไม่เอา กรูอยากอยู่ฟัง” แล้วมันก็เอาผ้าห่มคลุมตัวกระแซะเข้ามาหมอบอยู่ข้างหลังผม
“เอาที่มริงสบายใจ อย่าส่งเสียงละกัน” บอมพยักหน้าผมเลยกดรับสายแบบออกลำโพง

“สวัสดีพัต”
“สวัสดีสน เราขอโทษนะที่โทรมากวน”
“เฮ้ย ไม่กวนหรอก”
“บอมเป็นไงบ้าง อาการดีขึ้นมั้ย?”
“เราไปส่งมันที่บ้าน กินโจ๊กกินยาแล้วนอนพักละ”
“อือ เรากลัวโทรไปจะรบกวนบอม คิดว่าอาจนอนอยู่ เลยโทรหาสนแทน ขอโทษทีนะ”
น้ำเสียงพัตเป็นห่วงบอมมาก ไอ้บอมก็ทำหน้าเศร้าเหมือนกัน
“พัตถือสายแป๊บนึงนะ แม่กรูโทรมา ขอคุยแวบเดียวมริงอย่าเพิ่งวางสายนะ”
“อืม ได้เดี๋ยวเรารอ”

ผมกดพักสาย ไอ้บอมขมวดคิ้วว่าผมจะทำอะไร
“มริงจะทำอะไรวะสน?”
“กรูรำคาญที่พวกมริงสองคนดราม่ากันอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวกรูตามความกระชุ่มกระชวยให้”
“มริงจะทำเชรี่ยไร?”
“มริงไปหลบละกัน กรูจะวิดีโอคอล”
“เฮ้ย!?”
“เชื่อกรู มริงไปหลบเร็ว”

ผมกดวิดีโอคอล พัตรีบกดรับทันที
“เออ คุยกับแม่เสร็จละ”
“อือ” พัตตอบแบบหน้างง ๆ ว่าผมจะวิดีโอคอลทำไม
“พัต ดูมริงห่วงไอ้บอมจังนะ”
“ก็...ก็เค้าไม่สบายนี่” หน้ามันเริ่มแดงฝาดขึ้นนิดนึง
“ก็จริง เออกรูเช็ดตัวให้มันด้วย”
“เหรอ...ก็ดีนะจะได้หายไข้” หน้ามันแดงขึ้นระดับ 2

ไอ้บอมโผล่หัวขึ้นมาจากขอบเตียง ส่งกระแสจิต มริงพูดเชรี่ยไรของมริง
“มันบอกเมื่อยตัวเช็ดเองยาก กรูเลยต้องเช็ดให้หมดทั้งตัวเลย ปกติเวลาแข่งบาสเสร็จก็แก้ผ้าอาบน้ำกันอยู่แล้ว”
“ห...เหรอ” หน้ามันแดงระดับ 3 แกล้งมันสนุกชิบเป๋ง

ไอ้บอมเขย่าขาผมพลางส่งกระแสจิตด้วยแววตาประทุษร้าย มริงหยุด! เช็ดทั้งตัวเชรี่ยไร!!
“พอกินยาเสร็จมันก็นอน แป๊บเดียวหลับเลย มันละเมออะไรแปลก ๆ ด้วยนะ”
“อะไรเหรอ?”
“อะไร พัตของผมนี่แหละ กรูไม่ยินไม่ค่อยชัด”
“เอ่อ... บอมนอนพักเยอะ ๆ ก็ดีละ” ตอนนี้หน้ามันแดงแปร๊ดแล้ว เชรี่ย! เร่งสีไวยิ่งกว่ากินซากุระ
“มริงว่าจริง ๆ แล้วมันละเมอว่าอะไรวะ เผื่อกรูเอาไปซื้อหวย”
“ม...ไม่รู้สิ เดี๋ยวเราไปทำการบ้านก่อนละกันนะ” พูดจบมันก็กดวางสายเลย

“กรูบอกแล้วว่ามริงคิดมาก ไอ้พัตมันโคตรชอบมริ...อุ๊!!” พูดยังไม่ทันจบแมร่งปาหมอนอัดหน้าผมเลย
“เช็ดตัวเช็ดไข่ละเมอพัตของผมเชรี่ยไรของมริง!! แล้วกรูจะมองหน้าพัตติดมั้ยทีนี้!”
แล้วสงครามหมอนรอบสองก็เริ่มขึ้นจนเหนื่อย ผมกดส่งวิดีโอที่อัดตอนคุยกับพัตเข้ามือถือบอม

“ไง ถูกใจมั้ยมริง?”
บอมไม่ตอบแต่อมยิ้มผงกหัว
“พัตมันชอบมริงแน่ ๆ และมันก็ไม่ได้เป็นแฟนกับจารย์อย่างที่มริงเคยคิดด้วย กรูว่ามริงลุยเลยเหอะ คุยกับพัตตรง ๆ ไปเลย”
“กรู...กรูไม่กล้า”

ไอ้เพื่อนหน้านิ่งคนนี้มันไม่เคยกลัวอะไร ขนาดมีเรื่องกับรุ่นพี่มันก็ไม่กลัว แต่ตอนนี้มันกลัวการโดนพัตปฏิเสธ
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกรูช่วยมริงเอง”
“ขอบใจนะสน”

บอมกลับไปไม่นาน เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นอีก ผมหยิบขึ้นมาดู ...ดิมโทรมา…

ผมบอกไอ้บอมให้ลุย แต่ตัวเองกลับไม่กล้า เข้าใจเลยว่าเวลาเป็นเรื่องของตัวเองนี่แมร่งยากชิบเป๋ง
ถ้าเป็นคนอื่นขอคบซ้อนผมคงแจกตีนไปแบบไม่ต้องคิด แต่พอเป็นมัน...ใจผมปั่นป่วน
ผมนั่งรอจนเสียงโทรศัพท์หยุดไปเอง...ไว้วันพรุ่งนี้ผมจะคุยให้รู้เรื่อง พรุ่งนี้ละกัน
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 24: อัพ 22 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 26-12-2020 15:00:19
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 24: อัพ 22 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 29-12-2020 10:54:21
King Class Away Ep.25
Vertical Lookup


เช้าวันพฤหัสบดี ผมกับบอมลงรถเมล์แล้วเดินข้ามถนนเข้าซอยโรงเรียน
“บอม เดี๋ยววันนี้พอมริงเจอพัตแล้วมริงรีบปลีกตัวไปเลยนะ บอกว่ารุ่นพี่นัดคุยเรื่องบาส”
“อ้าว! ทำไมต้องทำยังงั้นด้วยวะ?”
“กรูดูยูทิวป์มา เค้าบอกว่ามริงต้องทำให้อีกฝ่ายไม่เจอมริงบ้างแล้วเค้าจะอยากอยู่กับมริงมากขึ้น แบบยั่วให้อยากแล้วจากไปอะไรงี้”
“แต่กรูอยากคุยกับพัตนาน ๆ”
“มริงพยายามเข้าหาพัตหลายทีแล้วเค้าหนีมริงทุกทีอ่ะ เปลี่ยนแผนบ้าง”
“ได้ผลจริงแน่นะมริง?”
“แน่น่า เชื่อกรู ถ้าไม่เวิร์คเดี๋ยวกรูใช้ไม้ตาย”
“ไม้ตายอะไรวะ?”
“เอาน่า รับรอง” (รับรองว่ามันถีบผมแน่ถ้ารู้ไม้ตาย “งูหลามรัดลูกหมา” ของผม)

เดินมายังไม่ถึงร้านน้ำก็เจอพัตยืนรออยู่แล้ว มันห่วงบอมจริง ๆ ไอ้บอมก็ใช่ย่อยทำท่าไอค่อกแค่กทันที อ้อนเข้าไป สำออยเข้าไป
“หวัดดีบอม หวัดดีสน”
“หวัดดีพัต”
“บอมเป็นไงบ้าง?” พัตท่าทางแข็ง ๆ คงเพราะที่ผมอำมันว่าไอ้บอมละเมอถึงมัน
“ก็ดีขึ้นเยอะละ วันนี้เล่นบาสได้แล้ว” บอมยิ้มตาปิด
“พัตมาเล่นด้วยกันนะ” ผมพูด เพราะถ้าบอมชวนพัตคงหนีแน่
“อ...อืม คือที่จริงแล้ว...”
บอมหน้าเสีย หรือพัตจะไม่มาเย็นนี้?
“เมื่อวานเราก็มาชมรมนะ เราทบทวนท่าเลย์อัพกับท่าเลี้ยงบอลตามที่บอมกับสนสอน อัดคลิปไว้ด้วย”

พัตเปิดคลิปในมือถือให้ดู ขนาดผมกับบอมไม่มาชมรมพัตก็ยังมาแถมขยันเรียนรู้ ผมเข้าใจเลยทำไมบอมถึงชอบพัตขนาดนี้ พัตเป็นเพื่อนที่ชอบกิจกรรมแบบเดียวกับมัน ทุ่มเทเหมือนมัน คนที่อยากอยู่กับมันตลอดเวลาในทุกอย่างทุกเรื่อง
“ไม่ต้องห่วงนะ ถึงบอมกับสนไม่อยู่เราก็ตั้งใจซ้อม”
นายคงอยากให้ไอ้บอมสบายใจสินะ?
“ท่าเลย์อัพถูกแล้ว ท่าเลี้ยงลูกงอเข่าอีกนะให้บอลไม่ลอยสูง คนอื่นจะแย่งยาก” บอมพูด
“ได้ เดี๋ยววันนี้เราฝึก” แค่พัตบอกว่าจะมาชมรม บอมก็ยิ้มแก้มแทบฉีก

“ช่วงนี้บอมเรียนวิชาไหนไม่รู้เรื่องก็บอกเราได้นะเดี๋ยวเราติวให้”
“อืม ขอบใจนะ”
ผมเอื้อมแขนไปสะกิดไอ้บอม มริงต้องปลีกตัวแล้ว มันมองกลับมาด้วยแววตาเสียดาย
“พัต เราไปก่อนนะ เช้านี้รุ่นพี่มีนัดประชุมเรื่องทีมบาส”
“เหรอ? แล้วสนต้องไปด้วยมั้ย?”
“ไม่อ่ะ บอมไปคนเดียวก็พอ”
บอมเดินไปอีกทาง ไอ้พัตมองตามด้วยสีหน้าเป็นห่วงจนไม่รู้ตัวด้วยว่าผมมองมัน ...ในหัวมันคิดอะไรอยู่กันนะ อยู่ตรงหน้าแท้ ๆ แต่หาคำตอบไม่ได้... จนบอมเดินลับมุมตึกไปนั่นแหละพัตถึงหันมาเห็นผมมองมันอยู่

“อ้อ! เรื่องวิชาเลขเสริมที่สนถามเราเมื่อวาน เราหาหนังสือสรุปได้ 2-3 เล่ม ลองอ่านละเค้าเขียนดีนะ เนี่ยเราเซฟรูปปกมาด้วย นายลองไปหาตามร้านดูนะ”
พัตกดเปิดมือถือแต่หน้าจอยังค้างที่คลิปวิดีโอที่พัตซ้อมบาสเมื่อวาน แตะอะไรก็นิ่ง
“เอ๋? สงสัยเครื่องค้าง เครื่องเราเก่าแล้วน่ะ”
“พ่อแม่นายไม่ซื้อเครื่องใหม่ให้เหรอ บ้านนายออกจะรวย”
“แม่บอกต้องประหยัดน่ะ ยังใช้ได้ก็ใช้ไปก่อน เดี๋ยวเราปิดเปิดเครื่องอีกที”

พอเครื่องเปิดอีกครั้งพัตก็กดใส่ PIN เอ๋….เลข 6 ตัวนั่น…

พัตเปิดรูปปกหนังสือให้ผมดูและบรรยายว่าเล่มนี้สอนดี มีภาพประกอบเข้าใจง่าย แต่สมาธิผมไปอยู่ที่เลข PIN 6 ตัว…
“แต่ถ้าจะให้ดี เราว่าสนถามดิมดีกว่านะ เค้าอธิบายได้ละเอียดกว่าหนังสือแน่”
“มันไม่ว่างน่ะสิ”
“เมื่อวานดิมบอกว่าไม่ต้องคัดตัวแข่งสัปดาห์วิชาการแล้วนี่?”
“เออน่ะ เราอยากอ่านเอง”
“อยู่ห้องติดกันนี่ เดินไปถามก็ได้”
“เราไม่อยากถามมัน”
“ทะเลาะกันเหรอ?
แมร่งช่างสังเกตมาก พัตคงเห็นสีหน้าแปลก ๆ ระหว่างผมกับดิมเมื่อวานสินะ

“เปล่า” ผมพยายามเค้นเสียงโมโหให้พัตเลิกถาม แต่เสียงที่ออกมามีแต่ความรู้สึกผิดที่กำลังโกหก ใช่ ผมทะเลาะกับมันและเป็นการทะเลาะที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมโมโหอะไรกันแน่ หนำซ้ำผมยังหลบหน้าไม่รับสายมันทั้งที่รับปากแล้วว่าจะคุยด้วย

“คือ...บอกตรง ๆ นะ เราไม่ได้เรียนวิชานี้น่ะสน วิชานี้เป็นของสายศิลป์”
“เอ๋? แต่ดิมมันเคยติวบทต้น ๆ ให้เรานะ”

พัตเม้มปากเหมือนมันกำลังตัดสินใจจะพูดอะไรบางอย่าง
“สน คือจริง ๆ แล้วดิมขอให้เราปิดเรื่องนี้ไม่ให้บอกนาย”
“หืม?”
“ดิมก็ไม่ได้เรียนวิชานี้เหมือนกัน”
“อ้าว!?”
“เขาตั้งใจอ่านเพื่อมาติวสน ทั้งวิชานี้ เลขเสริม ดาราศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ที่พวกนายติวกันก็เป็นของเฉพาะสายศิลป์”

...ไอ้ดิม มริง…
...ภาพไอ้ดิมนอนฟุบที่โรงอาหารตอนเช้าตรู่ที่นัดผมติวทุกวัน…

“เราไม่รู้พวกนายทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่เราว่าดิมตั้งใจทำเพื่อสนจริง ๆ นะ”

...เหตุผลที่ผมอยากประหยัดเงินค่าติวเพื่อไปซื้อรองเท้าบาส…เหตุผลโคตรงี่เง่า...ทั้งที่ดิมก็รู้ แต่กลับชมว่าดีซะอีก มันน่ะเล่นกีฬาไม่เป็นสักอย่าง…

“ไหน ๆ เราก็ผิดสัญญากับดิมแล้ว เราขอพูดให้หมดเลยละกันนะสน”
“พัตบอกเราให้หมดเลย เรา...เราอยากรู้”
“ที่ดิมวิ่งตอนเย็นหลังเลิกเรียน เค้าไม่ได้วิ่งออกกำลังกายนะ”
“แล้วดิมไปวิ่งทำไมวะ?”
“เค้าทำการบ้านผิดหรือทำไม่ทัน มีเฉพาะห้องคิงกับห้องควีนที่ลงโทษแบบนี้”

...ที่มริงบอกวิ่ง 8 รอบ เพื่อนมริงวิ่ง 5 รอบ…
...ผมไม่เคยเอะใจว่าทำไมแต่ละคนวิ่งไม่เท่ากัน...
...ที่มริงเป็นลม บอกผมว่าอ่านหนังสือดึกแล้วไปวิ่งเยอะ ๆ…

ผมแมร่งเป็นไอ้โง่ฉิบหาย ก็ว่าทำไมหลายคนมองผมแปลก ๆ เวลาดิมติวให้ผม เพราะแบบนี้เองเหรอ? ดิมอดหลับอดนอนอ่านทั้งวิชาสายวิทย์ของตัวเองและวิชาสายศิลป์เพื่อติวให้ผมคนเดียวจนตัวเองเรียนไม่ทัน...สุดท้ายมริงไม่ได้เป็นตัวแทนไปแข่งสัปดาห์วิชาการ...

ผมหันหน้าหนีไปทางระเบียงแต่ก็เจอคน ๆ หนึ่งที่ชั้นล่างกำลังมองขึ้นมา ...ไอ้ดิม… ผมมองมัน มันก็มองขึ้นมาเช่นกัน
ถ้าผมแนะนำบอมให้ถามพัตตรง ๆ ผมเองก็ต้องกล้าถามไอ้ดิมตรง ๆ เหมือนกัน…

ครั้งนี้ผมจะไม่หนีแล้ว! ผมรีบวิ่งผ่านระเบียงยาวลงบันไดไปให้ถึงชั้น 1 แต่ดิมก็รีบวิ่งขึ้นมาเหมือนกัน เราเลยเจอกันที่โถงบันไดชั้น 2 หอบแฮ่กกันทั้งคู่
“แฮ่ก ๆๆ สน….เรา...อยาก...คุย..”
“เดี๋ยว ๆ กรูสิ...อยากคุย แฮ่ก ๆๆ แต่ขอ...ขอกรูหายใจก่อน”
ผมยืนหอบพิงผนังโถงบันได ตรูจะรีบวิ่งมาทำไมวะในเมื่อห้องประจำชั้นก็อยู่ติดกันแท้ ๆ
ก็ผมไม่อยากให้มันลำบากเพื่อผมอีกแล้วไง ไอ้ดิมเองก็คงรีบวิ่งมาเพราะกลัวผมหนีมันเหมือนกัน

“ดิม มริงยังอยากคุยกับกรูมั้ย?”
“อยากดิสน”
ผมมองไปรอบ ๆ มีคนเดินขึ้นลงบันไดหลายคน ดิมมันคงไม่อยากคุยตรงนี้เหมือนครั้งที่แล้วที่ผมบังคับมันให้พูดตรงหน้าห้องประจำชั้นแล้วมันไม่กล้า คราวนี้ผมจะยอมอ่อนให้มันก็ได้ฟระ

“ดิม มริงอยากคุยที่ไหนเมื่อไหร่ยังไงก็ได้ เอาที่มริงสบายใจ”
“แฮ่ก ๆๆ จู่ ๆ ถามแบบนี้คิดไม่ออกเลย” ดิมยิ้มหน้าเหนื่อย ๆ
“มริงวิ่งรอบสนามบอลกี่สิบรอบแล้วยังหอบขนาดนี้อีกเหรอ?”
“เราวิ่งสุดฝีเท้าเลยอ่ะดิ แฮ่ก ๆ เรากลัวนายเดินหนีเรา”
“กรูไม่หนีแล้ว” ผมเอื้อมไปแย่งกระเป๋าดิมมาถือ “ป่ะ ขึ้นห้องกัน มริงอยากคุยเมื่อไหร่ก็บอกกรู”
“เที่ยงนี้ได้มั้ย?” ดิมเอ่ยตอนเดินมาถึงหน้าห้องประจำชั้น 4/7
“ได้ เจอกันที่ไหนล่ะ?”
“บนอัฒจันทร์นะ”
“อืม เจอกัน”



สนามบอลมี 5 อัฒจันทร์สำหรับ 5 กลุ่มกีฬาสี แต่มองปราดเดียวก็เห็นไอ้ดิมนั่งรออยู่แล้ว
“กินข้าวยังดิม”
“ยังเลย แล้วสนล่ะ?”
“กรูก็ยัง ยังไม่หิวอ่ะ มาคุยกับมริงก่อน” ผมหย่อนตัวลงนั่งข้างมัน ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ดิมก็นั่งเงียบเหมือนกัน
“ดิม พัตเล่าให้กรูฟังหมดแล้ว”
ดิมฟังแล้วผงกหัว “ขอโทษนะที่เราปิดนาย”

“ไอ้เรื่องนั้นกรูก็อยากคุยให้ชัดกับมริง แต่กรูขอเริ่มจากเรื่องที่กรูโมโหสุดก่อนเลยละกัน กรูโมโหที่มริงจะคบทั้งเฟิร์สทั้งกรู กรูไม่ตกลง มริงเห็นกรูเป็นอะไรวะ? เออ! มริงทำดีกับกรูฉิบหาย ทำหลายอย่างด้วย มริงไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย ทำดีกับกรูจนตัวมริงเองลำบาก มีแต่กรูที่ถามมริงตลอดว่าอยากได้อะไรกรูจะทำให้...แต่พอมริงขอแบบนี้ ขอคบสามสัปดาห์คืออะไรวะ? หรือมริงแค่อยากให้กรูเป็นคู่ซ้อมให้มริงไปทำอย่างว่ากับเฟิร์สแฟนมริงงั้นเหรอ?” ผมอัดไม่ยั้ง มาเลยมริงอยากเคลียร์ก็เคลียร์มาเลย

“เราเลิกกับเฟิร์สแล้ว” ดิมตอบหน้านิ่ง
“ห้ะ! เมื่อไหร่?”
“หลังจากวันที่ไปกินพิซซ่าน่ะ”
“อ้าว! แล้วทำไมมริงไม่บอกกรู!”
“วันนั้นเราจะบอก นายก็บอกให้เราหยุดพูดไง”
...หงอยเลยกรู ผมเองนี่หว่าตัวก่อดราม่า ถ้าผมไม่ใจร้อนตะคอกใส่มัน ถ้าผมปล่อยมันพูดอีกประโยคก็คงไม่ต้องผิดใจกันหลายวันแบบนี้

“ล...แล้วทำไมมริงเลิกกับเค้าล่ะ?”
“วันนั้นตอนอยู่บนรถ...” ดิมมองหน้าผม ตามันเริ่มมีประกายหลังจากหน้าสลดมาตลอด
“ตอนที่นายนั่งตัก...เรารู้สึกดีมาก มากจนเผลอกอดเอวนายไว้ มันมากจนเรารู้ว่า….เราไม่มีทางรู้สึกแบบนี้กับเฟิร์ส เราเลยไม่อยากให้เค้ามาเสียเวลากับเราอีกแล้วน่ะ”

“แค่กรูนั่งตักนี่มริงดีใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ? กรูนั่งตักเพื่อนคนอื่นมีแต่มันบ่นหนัก บ่นว่ากรูตรูดแหลม”
ผมพูดจบไอ้ดิมก็หัวเราะลั่น ...เออ หน้าแบบนี้แหละที่ผมอยากเห็น หน้าที่ยิ้มที่หัวเราะแบบสบายใจ

“จริง ๆ เราก็ชอบนายตั้งแต่ตอนเจอกันที่เล่นสแครบเบิ้ลแล้วล่ะ”
“ที่กรูอาละวาดนั่นน่ะนะ?”
“อืม” ...เชรี่ย มีแต่เรื่องไม่น่าจดจำ
“ตอนแรกที่เราติดห้องควีน เราตื่นเต้นมากอ่ะ คิดว่าเปิดเทอมมามันคงเหมือนห้องเรียน X-men เหมือนเรื่อง The Gifted แต่...มันไม่ใช่เลย มีแต่การบ้านเยอะ ๆ ถ้าทำไม่ได้ต้องโดนลงโทษ แม้แต่คาบสันทนาการเราก็โดนบังคับว่าต้องเลือกสแครบเบิ้ลเพราะคะแนนสอบเข้าของเราอ่อนภาษาอังกฤษ”
“แมร่งโหดร้ายจังวะ”

“พอเริ่มเล่นก็เห็นหลายคนเล่นโกง เรารู้สึกแย่มากอ่ะ ต่อไปเราก็ต้องโกงแบบนี้บ้างเหรอ เราไม่อยากอยู่แต่ไม่รู้จะทำยังไง ตอนนั้นเองที่นายลุกขึ้นมาโวยวายแล้วเดินออกไป...รู้ไหมตอนนั้นนายโคตรเท่ เราเลยคิดได้ว่าเราต้องกล้าเลือกสิ่งที่เราชอบเองดิ เราก็เลยลาออกเดินตามนายไปด้วย ...เราอยากเป็นเพื่อนกับนาย แต่เราก็ไม่กล้าคุยกับนายอ่ะสน”

ดิมมองทอดสายตาไปที่สนามบอล
“พอวันถัดมาที่เราทะเลาะกับเฟิร์ส นายรู้มั้ยเราโคตรกลุ้มใจ ไม่รู้จะปรึกษาใคร ...แล้วนายก็อยู่ตรงนั้น”
“ตอนนั้นกรูนึกว่ามริงมีปัญหานกเขาไม่ขันอ่ะ”

ผมแซวเล่นแต่ดิมจับมือผมไว้ “เราได้เจอโชคดี 2 ครั้งติดกัน แต่โชคดีไม่อยู่กับเรานาน เราไม่รู้จะมีโอกาสแบบนี้อีกมั้ย เราบอกตัวเองว่าเราอยากมีนายทุกวันแบบนี้ เราต้องสร้างโชคขึ้นมาเอง ตอนที่สนบอกว่าอยากติว เราเลยตัดสินใจ...”
“ตัดสินใจอ่านหนังสือเรียนสายศิลป์ที่มริงไม่ได้เรียนเพื่อมาติวกรู จะได้มีเรื่องอยู่ใกล้กรู?”
“อืม”

“ไอ้นี่แหละอีกเรื่องที่กรูโมโห มริงทำตัวเองลำบากเพื่อกรูแบบนี้กรูเหมือนไอ้โง่ มริงรู้มั้ยเพื่อน ๆ เค้ารู้หมดว่ามริงอ่านเพิ่มจนตัวเองทำการบ้านไม่ทัน โดนลงโทษไปวิ่งรอบสนาม มีแต่กรูที่ไม่รู้เรื่องเชรี่ยอะไรเลยมาให้มริงติวทุกวัน”
“เราขอโทษนะสน แต่เราคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเราจะทำยังไงถึงจะสนิทกับนายได้”

“แล้วที่มริงขอให้กรูลองคบกับมริงสามสัปดาห์ มริงกะจะทำอะไรวะ? เวลาแค่นั้นมริงคิดว่าจะเปลี่ยนให้กรูชอบผู้ชาย ชอบมริงได้เหรอ?”
“ก็มาโรงเรียนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน นั่งติวด้วยกัน เล่นบาสเล่นคอมด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน เราไปนั่งเล่นบ้านนาย นายมานั่งเล่นบ้านเรา ดูหนังดูโทรทัศน์ ไปเที่ยวกันบ้าง”
“แมร่งก็แทบไม่ต่างจากปกติที่ทำอยู่ คิดว่าตัวติดกันสามสัปดาห์แล้วกรูจะชอบมริง?”
“เราไม่รู้”
“ตกลงอยากได้กี่สัปดาห์? เอาจริง ๆ”
“ไม่รู้เลย ถ้าตอบจริง ๆ ก็อยากให้ลองคบกันตลอดไปเลยน่ะ”
“อันนั้นไม่เรียกลองคบแล้วไอ้บ้า!”
“เราก็ไม่รู้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน นายบอกให้เราขอได้...เราก็ขออ่ะ...แต่เราไม่กล้าขอนานกว่านั้นกลัวนายจะไม่ยอม”
“นี่แหละที่กรูโมโหมริง มริงอยากได้อะไรก็บอกอย่างที่อยากได้จริง ๆ ดิวะ! ไม่งั้นกรูจะทำตัวให้ถูกใจมริงได้ไง มริงขอแค่นี้เพราะกลัวกรูไม่รับปาก เดี๋ยวพอครบสามสัปดาห์มริงก็เศร้าอีก”

หน้ามันสลดอีกแล้ว กรูล่ะกลุ้ม “เออ! สามก็สาม”
หน้ามันดีใจขึ้นมาวูบนึงแล้วก็เศร้าคิ้วขมวดอีก จนผมต้องเอานิ้วจิ้มหน้าผากมัน
“นี่ไง ๆ เห็นมั้ย พอกรูตกลงมริงก็กังวลละว่าสามสัปดาห์พอมั้ย ตกลงเอาไง?”
“เราไม่รู้ ใครจะรู้ล่ะต้องใช้เวลานานแค่ไหน”
“งั้นก็สาม! สามปีไปเลย!”
"ห้ะ! นายว่าอะไรนะ!?”
“สามปี คบไปถึงตอนประกาศผลแอดมิชชั่นเลย กรูว่าป่านนั้นกรูคงอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของมริงครบละ พอใจมั้ย?”

ดิมกอดผมเต็มแรง “นายพูดจริงใช่มั้ย!”
“กรูพูดจริง”
ดิมกอดผมแน่นไม่ปล่อยเลย มริง ๆ กอดนานไปไหม คนที่ตึก 7, โรงพละ, ตึก 11 เห็นหมดแล้วมั้ง
“เราคบกันแล้วใช่มั้ย?”
“เออ”

“ดิม”
“หือ?” มันตอบทั้งที่ไม่ยอมปล่อย
“ที่มริงบอกว่ามริงเล่นกีฬาไม่เป็นสักอย่าง”
“อืม”
“แต่กรูว่ามริงเล่นมวยปล้ำได้นะ มริงกอดแน่นจนกรูหายใจไม่ออกแล้วเนี่ย”
“อ้าว! ขอโทษ ๆ”
“ป่ะ ไปกินข้าวกัน”

ผมกับดิมเดินลงจากอัฒจันทร์ผ่านสนามบอลไปโรงอาหาร บอกไม่ถูกว่าผมรู้สึกยังไง มันรู้สึกสบายใจอุ่นใจแบบแปลก ๆ
“มริงจะกินอะไรล่ะดิม?”
“เราชอบกินร้านโน้นน่ะ นายไม่ต้องซื้อให้เราหรอก เคยทำตัวยังไงก็เป็นแบบนั้นแหละ”
“เออ กรูก็ทำตัวไม่ถูก”
“เราก็เหมือนกัน”

ผมกับดิมถือจานเดินไปถึงโต๊ะ เจอบอม, พัต, เอส, ตี้ นั่งทานข้าวใกล้เสร็จแล้ว ...พัตคงไปรอผมกับดิมที่หน้าห้องแต่ไม่เจอเลยไปชวนเอสกับตี้มาทานข้าวด้วยสินะ และเช่นเคยบอมมีโจ๊กใส่ขิงเยอะ ๆ ที่พัตซื้อให้ มันทำหน้านิ่ง ๆ แต่พอดูออกว่าไอ้บอมคงเซ็งและรู้ว่าไม่มีทางอยู่กับพัตตามลำพังได้แน่
“สนกับดิมไปไหนมาเหรอ เพิ่งมาทานข้าวเนี่ย?”
“พวกเราไปนั่งคุยกันนิดหน่อยน่ะ”
บอมกับพัตมองผมเหมือนอยากรู้ว่าผมไปคุยอะไรกับดิม ส่วนเอสกับตี้คุยกันเรื่องกิจกรรมชมรม

“เดี๋ยวตอนสัปดาห์วิชาการที่ห้องสมุดจะมีงานด้วยนะ พวกนายมาเล่นกันดิ มีแจกเครื่องเขียนนะ” เอสพูด
“ชมรมโสตทัศน์ก็จะไปถ่ายรายการแข่งตอบปัญหาที่โรงเรียน XXX ด้วยนะ เออ! ดิมอยู่ห้องควีนนี่ นายได้ไปแข่งด้วยมั้ย?”
“ไม่อ่ะ เพื่อนเราไปแข่ง” ดิมตอบหน้านิ่ง ๆ ผมดูไม่ออกเลยว่ามันเสียใจผิดหวังมั้ย
“แล้วบอมหายหวัดยัง?” พัตถาม เท่านั้นแหละหน้าไอ้บอมสดชื่นขึ้นทันที
“เราหายดีแล้วล่ะ ไม่เจ็บคอแล้ว วันนี้เล่นบาสได้ละ”
“ดี ๆ เห็นมั้ยโจ๊กใส่ขิงได้ผล” พัตพูดแล้วหันมาหาดิม “ดิม เย็นนี้มาเล่นบาสด้วยกันมั้ย?”
“ได้สิ วันนี้เราไม่มีงานชมรม เดี๋ยวเรามาเล่นด้วยนะ” ดิมพูดพร้อมหันมายิ้มให้ผม ในขณะที่ไอ้บอมหน้าสลดลงอีกครั้ง โอ๊ยกรูล่ะสงสารมริง ...กรูบอกแล้วว่าต่อให้มริงมาเล่นบาสได้ ไอ้พัตก็มีวิธีเลี่ยงมริงอยู่ดี

ผมเอื้อมมือไปสะกิดเข่าบอมคุยด้วยกระแสจิต
บอม มริงไม่ต้องเศร้า เดี๋ยวกรูจัดการไอ้พัตให้เอง
ทำไงวะ?
เอาเหอะ เชื่อใจกรูละกัน กรูมีไม้ตายละ
ไม่เอาละเมอพัตของผมเชรี่ยไรนั่นแล้วนะ แค่นี้กรูก็ไม่กล้าเข้าหน้าเค้าแล้ว


ผมมองไอ้พัตอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ พัต...เย็นนี้ต่อให้นายเป็นเสือติดปีกก็หนีไม่รอด! (ติดสำนวนหนังจีนจากไอ้บอม)
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 24: อัพ 22 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 29-12-2020 11:13:53
King Class Away Ep.26
PIN


16:30

พอจบคาบ 8 ดิมก็มายืนรอหน้าห้องเช่นเคย แต่บางอย่างไม่เหมือนเคยเพราะตอนนี้ผมคบกับดิม พูดตามตรงผมทำตัวไม่ถูกเลย มันแปลก ๆ ...ไม่เคยมีแฟนมาก่อน พอมีแฟนคนแรกก็เป็นผู้ชายซะงั้น…
“เราเคยเรียนบาสมาบ้าง” ดิมเอ่ยพร้อมพับแว่นใส่กระเป๋าระหว่างเดินไปรอพัตที่ห้อง 4
“อืม”
“วันนี้แข่งเลยไหม? แล้วเล่นกันหนักไหมอ่ะ?”
“นายอ่านสแลมดั๊งค์เยอะไปเปล่าว้า?”
“ก็เราไม่เคยเข้าชมรมกีฬา ไม่รู้เขาทำอะไรกัน”
ผมกอดคอดิม เจ้าแว่นดูจริงจังมาก ดูไปก็ทั้งขำทั้งทึ่งในความตั้งใจของมันนะ

“ดูจริงจังนะเนี่ย สบาย ๆ น่าแค่ชวนมาเล่นสนุกคลายเครียดหลังเลิกเรียน” ผมแหย่ไอ้ดิมที่มันถามยังกะจะเข้าทีมโรงเรียนเลย
“เราอยากทำให้ดีที่สุดน่ะ ก็ชมรมของสนนี่”
“มาบ่อย ๆ สิเดี๋ยวก็เก่ง เราสอนให้”
“ได้ งั้นเราจะมาเล่นบาสด้วยบ่อย ๆ นะ” ดิมยิ้มรับ
“แล้วนายก็ติวเราบ้าง สอนคอมเราด้วยละกัน”
“ได้เลย แล้วเล่นถึงกี่โมงเหรอ?”
“ทุกทีก็เล่นถึง 6 โมงเย็น แต่วันนี้บอมน่าจะกลับก่อน พวกเราก็เลิกแล้วกลับบ้านพร้อมกันเลย”
“อืม เป็นครั้งแรกนะที่ได้กลับบ้านกับนาย” ดิมยิ้ม

“ดิม กรูมีเรื่องนึงอยากคุยกับมริง”
“อะไรเหรอ?”
“คือกรูไม่เคยมีแฟนนะ แต่ที่กรูดูพวกละคร กรูว่าเรื่องระแวงหึงหวงไม่เข้าใจกันอะไรเนี่ยแมร่งน่ารำคาญสุด กรูเลยอยากบอกมริงอย่างหนึ่ง”
“อืม?”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กรูจะบอกทุกอย่างกับมริงตามตรง แล้วมริงรู้สึกอะไรยังไง สงสัยอยากพูดอยากถามอะไร พูดกับกรูได้ทุกเรื่องไม่ต้องเกรงใจกัน”

ดิมฟังแล้วเงียบไป
“โอเคมั้ย? คือกรูไม่ชอบเรื่องง้องแง้งน่ะ ถ้ากรูคุยกับเพื่อนผู้หญิงในห้องมริงอย่าคิดมากนะ กรูพูดคำไหนคำนั้นไม่เจ้าชู้โว้ย คบสามปีก็คือสามปี”
“อืม ระหว่างเราพูดกันได้ทุกเรื่อง”
“โดยเฉพาะหลังเล่นบาสเย็นนี้ เรามีบางอย่างต้องเคลียร์กับไอ้พัต มริงสัญญานะจะไม่หึง”
“มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“คืองี้...” ผมกอดคอดิมมากระซิบ
“เฮ้ย! ต้องแบบนั้นเลยเหรอ?”
“เออ ถึงต้องบอกมริงล่วงหน้าไง กรูก็ไม่อยากให้มริงระแวงคิดมากตั้งแต่วันแรก”

ไอ้พัตสะพายเป้ยืนรอหน้าห้องละ
“ป่ะพัต ไปเล่นบาสกัน”
“ดีจังวันนี้ดิมมาเล่นด้วย”
“อืม” ดิมตอบพร้อมหันมาทางผม “ต่อไปจะมาเล่นด้วยบ่อย ๆ”
“พัต มริงกับดิมไปเล่นกับไอ้บอมก่อนนะ กรูไปทำธุระแป๊บ”
“อืม” พัตผงกหัวรับ มันคงคิดว่ามีดิมอยู่ด้วยเลยกล้าเข้าใกล้บอมล่ะสิ

ลงไปถึงสนาม บอมก็อุ่นเครื่องอยู่แล้ว
“บอม วันนี้ดิมมาเล่นด้วยน่ะ มริงช่วยสอนพัตกับดิมแป๊บนะกรูไปทำธุระเดี๋ยวมา”
“ได้เลย ดีจังวันนี้ดิมมาด้วย”
“อืม อาจเล่นไม่ค่อยเก่งนะ” ดิมพูด
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราสอนเบสิคให้จะได้ไม่บาดเจ็บ วันนี้เบา ๆ พอแล้วมาเล่นชู้ตขั้นบันไดกัน”

ผมเดินไปร้านขนมหลังโรงอาหาร เป็นร้านเดียวที่ยังเปิดตอนเย็น
“สวัสดีครับคุณป้า ซื้อขนมหน่อยครับ” พูดแล้วก็หยิบ ๆๆ
“โห? นี่หนูหิวมากเลยเหรอ?”
“เป็นสวัสดิการไปเลี้ยงน้อง ๆ ทีมบาสน่ะครับ”
แผนการของผมไม่มีทางพลาด ไอ้พัตเอ๊ยงานนี้นายเสร็จแน่ ทุกปัญหาคาใจต้องจบในเย็นนี้...แต่ใช้เงินสัปดาห์นี้ของตรูหมดเลยว้อยยยย! พรุ่งนี้ตรูแดรกน้ำก๊อกแหง ๆ! ผมหอบถุงขนมมาวางหลบมุมกำแพงตรงโรงอาหารไว้ก่อนแล้วเดินไปเล่นบาสกับพวกบอม
“ไง กรูมาละ”
“อ่ะ มริงเริ่มเลย ตอนนี้พัตนำไปไกลแล้ว” บอมโยนลูกบาสมา
“โห! ไม่ใช่เล่นนะเนี่ย”
“บอมออมมือให้ตะหาก” พัตหัวเราะร่า
พัตมันพัฒนาไปบ้างละ ถึงจะไม่ค่อยแม่นแต่ท่าก็เกือบเป๊ะ เมื่อตอนเปิดเทอมพัตยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่เลย มิน่าบอมถึงชอบมริงสุด ๆ

พวกเราเล่นจนใกล้ห้าโมงเย็นแล้ว
“มือถือเราแบตหมดแล้วแฮะ แย่เลยว่าจะโทรหาแม่สักหน่อย” ดิมพูดขึ้นมา
“ดิมมีสายชาร์จมั้ย?” พัตเอ่ยถาม
“ไม่มีน่ะ”
“งั้นใช้พาวเวอร์แบ๊งค์ของเราก่อนก็ได้” พัตรูดซิปเปิดเป้หยิบพาวเวอร์แบ๊งค์ที่เสียบกับมือถือตัวเองยื่นให้ ดิมเสียบสายกับมือถือตัวเองแล้วโทรบอกที่บ้านมาจะทานข้าวข้างนอกเลยไม่ต้องรอ
“ขอบใจนะพัต”
“ไม่ต้องเกรงใจนะดิม เออห้าโมงแล้วเราต้องกลับละ” พัตเปลี่ยนเสื้อ เก็บมือถือกับพาวเวอร์แบ๊งค์ลงเป้
“พัตกลับยังไงอ่ะ?”
“พ่อเรามารับน่ะ เราไปละนะดิม บอม สน”
“งั้นเราไปส่งนะพัต”
“ไม่เป็นไรหรอกบอม ไปซ้อมกับพวกรุ่นพี่เถอะ”
“...งั้นเราไปเล่นกับพวกพี่เค้าต่อนะ” บอมยิ้มเศร้า ๆ ตามเคย ...กรูบอกแล้วยังไงพัตก็หาทางเลี่ยงมริงได้

...แต่เลี่ยงผมไม่ได้หรอก…
“เดี๋ยวก่อนพัต”
“สนมีอะไรเหร...” พัตอึ้งนะจังงังเพราะผมถอดเสื้อพละออกต่อหน้ามัน
“มริงแบ่งขนมไปกินด้วยสิ พวกพี่เค้าซื้อมาให้เยอะเลย”
“เอ่อ...แม่ไม่ให้เราทาน...”
“เอาไปเหอะ แมร่งเยอะพวกกรูกินไม่หมด”
“เดี๋ยวพ่อเราว่า”
“งั้นกรูยัดใส่เป้มริง พ่อจะได้ไม่เห็น”

ผมถือถุงขนมเดินเข้าประชิดตัว ระยะใกล้ขนาดนี้จุดอ่อนมริงทำงานแน่ พัตยืนตัวแข็งให้ผมเอื้อมมือไปรูดซิปเป้ที่อยู่ด้านหลังพัตแล้วยัดขนมลงไป มันฝรั่งทอด ป๊อกกี้ แอลฟี่ โปเต้ ปาปริก้า  คอร์นพัฟ  เงินกรูทั้งนั้น เอาให้แมร่งเต็มเป้เลย
“พัต มริงเล่นเก่งขึ้นนะ มริงต้องเล่นกล้ามเพิ่มแบบกรูด้วยนะจะได้แข็งแรง” ผมชวนคุยพลางยัดขนมลงเป้
“ด...ได้” หน้าพัตห่างจากอกผมไม่กี่เซ็น ตอนนี้หน้ามันแดงระเรื่อแล้ว ดูออกเลยว่าไอ้ตี๋กำลังขืนตัวไม่ให้โดนตัวผม นายนี่แกล้งง่ายชะมัด
“อ่ะ กินให้อิ่มเลยนะ ไม่ต้องกลัวอ้วนหรอกเล่นบาสทุกวันแบบนี้”
“ขอบใจนะสน เราไปก่อนนะ”

ผมซ้อมพื้นฐานให้ดิมต่อ ส่วนบอมไปเล่นทีมกับรุ่นพี่
“แล้วสนไม่ต้องไปเล่นทีมกับพวกบอมเหรอ?”
“ถ้ากรูไปแล้วใครจะอยู่กับมริง พวกรุ่นน้องกับม.4 ก็กลับหมดแล้ว อีกอย่างมริงต้องซ้อมพื้นฐานเยอะ ๆ เวลาเล่นจะได้ไม่บาดเจ็บ นิ้วซ้นทีก็เรียนลำบากแล้ว”
“เราเป็นภาระให้นายมั้ยเนี่ย?”
“อย่าคิดมาก ตอนม.ต้นกรูอยู่ทีมโรงเรียนกับบอมนะ เดี๋ยวฝึกแป๊บ ๆ ก็เข้าขากับพวกรุ่นพี่แล้ว”
“พวกนายเก่งจัง”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก แล้วมริงก็ไม่ต้องคิดมากว่าจะเป็นภาระ ดูแลมริงคนเดียวไม่ยากหรอก ถ้าวันไหนกรูต้องซ้อมกับทีมกรูจะบอกมริง”
“อืม”
“ว่าแต่มริงเหอะ ไม่ต้องไปชมรมคอมเหรอ?”
“เราทำโปรแกรมเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังรันหาบั๊กอยู่ มีเวลาว่าง”
"เอ๊ะ! นั่นมือถือใครน่ะ?"

บอมหันไปตามที่ผมชี้ มือถือกับพาวเวอร์แบ๊งค์วางอยู่ข้างกำแพง
"ของพัตนี่?" บอมหยิบขึ้นมาดู
"ใช่เหรอวะ?"
"ใช่ เราจำได้"
"งั้นก็แย่ล่ะสิ พัตกลับบ้านไปเกือบชั่วโมงแล้วนะ"
"บ้านพัตอยู่พญาไท ถ้าต้องวนกลับมาเอามือถือนี่มีหวังโดนพ่อบ่นแน่ เอาไงดีวะบอม?"
“งั้นเราเอาไปให้พัตที่บ้านเอง ถ้าไป airport link ชั่วโมงเดียวก็ถึง”
“บอม ลองใส่รหัสเปิดเครื่องพัตสิ ถ้าเปิดได้คงมีเบอร์พ่อแม่มัน จะได้โทรบอกพัตให้สบายใจตอนนี้เลย”
“กรูไม่รู้รหัสของพัตนี่”
“ลองวันเกิดดิ”
“อืม วันเกิดพัต 24 กุมภา”

บอมกด 2402 แต่เครื่องยังนิ่ง
“ต้องมากกว่า 4 หลักแฮะ” พูดแล้วบอมก็กด 47 ต่อ

Incorrect PIN number

“หรือเป็นค.ศ.หว่า?” บอมลองกด 240204

Incorrect PIN number

“เราเอาไปให้พัตที่บ้านเลยดีกว่า” บอมหันไปหยิบกระเป๋าทันทีอย่างร้อนใจ
“งั้นเราไลน์บอกพัตให้ด้วยว่าบอมกำลังเอาไปให้ เผื่อพัตเปิดอ่านด้วยคอม” ดิมเสนอ
“ขอบใจนะดิม” แล้วบอมก็วิ่งออกไปเลย

ผมรีบวิ่งตามไป “บอม มริงเชื่อกรู วันเกิด”
“ก็ลองวันเกิดพัตไปแล้วมันไม่ใช่น่ะ”
“ลองวันเกิดคนอื่นดิวะ”
“ถ้าพัตตั้งรหัสมือถือด้วยวันเกิดคนอื่นกรูก็คงไม่รู้ตัวเลขอยู่ดีอ่ะ”
“บอม มริงทำได้ ตอนนี้อยู่ที่ตัวมริงละ” ผมตบบ่ามันแล้ววิ่งกลับเข้าโรงเรียน



บอมวิ่งขึ้นสถานี Airport Link หัวหมากอย่างร้อนรน ถ้าเขาทำให้พัตมีความสุขเร็วขึ้นอีก 1 วินาทีเขาก็จะทำเต็มที่ เขาก้าวเข้าตัวรถ ไม่ถึงชั่วโมงน่าจะไปถึงบ้านพัต ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ...ไม่สิ ถ้าเขาปลดล็อกมือถือพัตได้ เขาจะบอกพัตได้เร็วขึ้น ถ้าเขาแค่รู้รหัส
...ลองวันเกิดคนอื่นดิวะ…
...บอม มริงทำได้ ตอนนี้อยู่ที่ตัวมริงละ…

สน มริงหมายความว่ายังไงวะ? อยู่ที่ตัวมริง...หรือว่า…

บอมเปิดเครื่องแล้วพิมพ์ช้า ๆ เพราะถ้าผิดครั้งที่สาม เครื่องจะไม่ให้ใส่รหัสไปอีก 15 นาที
1...9...0…1...



18:17

รถของพ่อเลี้ยวเข้าประตูบ้าน ผมเปิดประตูรถลงมาพร้อมถือเป้อย่างระมัดระวังเดินขึ้นห้องนอนไม่ให้ถุงขนมข้างในเกิดเสียงกรอบแกรบ พ่อแม่กำชับผมมาแต่ไหนแต่ไรไม่ให้กินขนมซองพวกนี้ แต่อีกใจก็ดีใจนะที่เพื่อน ๆ แบ่งขนมให้
“เอาไว้ในตู้หนังสือก่อนละกัน”

ผมล็อกห้องแล้วเปิดตู้ เปิดซิปเป้แล้วค่อย ๆ ดึงขนมออกมาทีละชิ้น เมื่อไหร่จะกินหมดเนี่ย แล้วมดจะขึ้นห้องนอนมั้ย ผมเปิดกล่องป๊อกกี้ของโปรดกินพลางจัดขนมแอบใส่ตู้ แล้วเอาเสื้อเปียกเหงื่อใส่ตะกร้า

เอาล่ะหมดแล้ว เตรียมตัวอาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวดีกว่า ผมควานหามือถือจะเอามาชาร์จแบต...เอ๋? มือถือไม่อยู่ในเป้ พาวเวอร์แบ๊งค์ก็ไม่มี ผมรื้อสมุดหนังสือออกมาจนหมด แต่ไม่มีมือถือผม นี่ผมลืมไว้ที่โรงเรียนเหรอ? ตั้งสติก่อน ๆๆ ตอนเลิกเล่นบาสผมเอามือถือใส่เป้หรือถือใส่กระเป๋ากางเกง? หรือผมเดินถือมาแล้ววางในรถพ่อ?

ผมรีบวิ่งลงมา “พ่อครับขอยืมกุญแจรถหน่อยครับ”
“มีอะไรเหรอพัต?”
“สงสัยผมลืมมือถือไว้บนรถครับ”
“พัตถือมาแต่เป้นะ”

ในรถก็ไม่มี แย่แล้วผมลืมไว้ที่โรงเรียนแน่ ๆ ตอนนี้หกโมงเย็นแล้วด้วย พวกบอมคงกลับบ้านหมดแล้ว ทำไงดี?
“ลูกลืมมือถือเหรอ?”
“ครับ สงสัยจะลืมไว้ที่โรงเรียนแน่เลย”
“ทำไมเหลวไหลแบบนี้ล่ะ”
“คุณคะอย่าดุลูกเลย ใคร ๆ ก็เคยลืมทั้งนั้นแหละ” แม่เดินมา
“เดี๋ยวแม่ลองโทรเข้ามือถือลูกดีมั้ย เผื่อมีใครเก็บได้”
“ครับแม่”

แม่หยิบมือถือจากโต๊ะแต่ยังไม่ทันกดอะไรมือถือก็ดังขึ้น
“พัต”
“ครับแม่?”
“มือถือลูกกำลังโทรเข้าเครื่องแม่”
“หา?” มีคนเก็บได้แน่ ๆ แต่...แต่เขาปลดล็อกรหัสได้ยังไง?
“เดี๋ยวแม่ลองรับดูนะ”
“ครับแม่”

คน ๆ เดียวที่จะเดารหัสได้ก็...ไม่นะ…
“สวัสดีค่ะ นั่นใครคะ?”
“สวัสดีครับคุณแม่ ผมบอมนะครับ เพื่อนพัตครับ”

บอมจริง ๆ ด้วย!!

“โอ้! ลูกบอมเก็บมือถือพัตได้เหรอ? พัตกำลังหาอยู่พอดีเลย แล้วนี่ลูกบอมอยู่ไหนเหรอ?”
“ผมกำลังนั่ง airport link ไปให้ที่บ้านนะครับ คุณแม่บอกพัตไม่ต้องห่วงนะ อีกแป๊บนึงน่าจะถึงครับ”

...บอมกำลังมาที่นี่…

“ขอบใจมากนะจ๊ะ เดี๋ยวลูกบอมคุยกับพัตละกันนะ”
“ครับคุณแม่”
ผมรับมือถือมา ...ปลายสายอีกฝั่งคือบอม...ถ้าเขาปลดล็อกมือถือผมได้ เขาก็คงรู้ทั้งหมดแล้ว
“พัต”
“บอม เอ่อ...ขอบใจมากนะที่เก็บมือถือให้เรา”
“พัต ...เรากำลังไปหานะ” เสียงกระซิบเบา ๆ ของบอม
“อืม เรารอนะ”

ผมนั่งรอบอมอยู่หน้าบ้าน ไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกยังไง บอมกำลังมาและเขาน่าจะรู้ความจริงแล้ว ถึงผมพยายามหลบหน้าแต่สุดท้ายผมก็กำลังรอให้ทุกอย่างพังลงตรงหน้า บอมคงรู้แล้วว่าผมคิดยังไงกับเขาทั้งที่เขามีแฟนอยู่แล้ว

ผมพยายามถอยออกให้อย่างน้อยผมยังเป็นแค่เพื่อนกับบอมต่อไปได้ แต่นี่แมร่งพังยิ่งกว่าโคตรพัง อย่างที่โต้งบอก ผมวางแผนอะไรก็แป๊กแทบทุกที

ที่ตลกสุดคือ...ตอนเห็นบอมเดินมาตรงรั้วบ้านผมดันมีความสุข
“พัตเรามาแล้ว”
“ขอบใจนะบอม เข้ามาก่อนนะ” ผมเปิดประตูรั้วให้บอมเข้ามา
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”
“ขอบใจมากนะบอมช่วยเก็บของของพัตไว้ให้ นี่ลำบากเอามาส่งให้อีก แล้วทานข้าวมายังจ๊ะ?”
“ยังเลยครับ แต่เดี๋ยวผมต้องรีบไปธุระต่อน่ะครับ”
“เหรอ เสียดายจัง ไว้วันหลังแวะมาเที่ยวอีกนะ”
“ครับ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” บอมยกมือไหว้และหันมามองผม
“แม่ครับ ผมเดินไปส่งบอมนะครับ”

พวกเราสองคนเดินออกจากซอยไปสถานีพญาไท ผมไม่รู้จะคุยอะไรทั้งที่ในหัวมีเรื่องมากมายอยากพูด กลัวไปหมดทุกอย่าง บอมเองก็เดินเงียบ ๆ ไม่รู้เลยเขากำลังคิดอะไรอยู่

มือผมแกว่งไปเฉียดมือบอม บอมก็คว้ามือผมไว้หลวม ๆ ผิวฝ่ามือแข็งที่อบอุ่นที่ผมเคยสัมผัส
“พัต...เราถามอะไรอย่างได้มั้ย?”
“ได้สิ”
“รหัสมือถือพัต...ทำไมเป็นวันเกิดเราล่ะ?”
“.........” เขารู้แล้วจริง ๆ ด้วย
“190147 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่มั้ยพัต?”

ผมหันไปมองบอม มาถึงตรงนี้จะหลบหน้าก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
“ไม่บังเอิญหรอก เป็นวันเกิดบอมจริง ๆ นั่นแหละ บอมเป็นคนสำคัญของเรา เราไม่อยากลืม”

มือถือเป็นพื้นที่ส่วนตัว...และผมให้บอมคนเดียวที่เข้ามาได้
“เราขอโทษนะ ทั้งที่รู้ว่านายมีอั้ม แต่เราก็ยัง...”

บอมกำมือผมแน่น “พัต อั้มกับเราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ”
“แต่รูปหน้าจอมือถือบอม”
“พัตเห็นเหรอ?”
“เอ่อ...ใช่เราเห็น”
“พัต เราไม่ได้เป็นแฟนอั้ม พัตเชื่อใจเรานะเราอธิบายได้”

บอมแตะไหล่ผมไว้เบา ๆ ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองมา
...ระหว่างภาพอั้มหอมแก้มบอมที่ผมเห็นในมือถือเขา กับสิ่งที่บอมพูด ผมจะเชื่ออะไร…
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 26: อัพ 29 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-12-2020 18:30:35
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 26: อัพ 29 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: conunGB ที่ 29-12-2020 19:18:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 26: อัพ 29 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-01-2021 00:23:14
อ่านตั้งนาน ต่างคนต่างเข้าใจผิดซะงั้น
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 26: อัพ 29 ธค.63
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 05-01-2021 12:35:29
King Class Away Ep.27
Revelation


“พัต เราไม่ได้เป็นแฟนอั้ม พัตเชื่อใจเรานะเราอธิบายได้” บอมแตะไหล่ผมไว้เบา ๆ ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองมา

“เราเชื่อบอม” ถึงความรู้สึกสองอย่างจะตีกันในหัวผม แต่ผมเชื่อสิ่งที่บอมจะพูด

“เรากับอั้มเป็นเพื่อนห้องเดียวกันตอนม.1” บอมลดมือมากุมมือผมไว้
“อั้มมานั่งดูเรากับสนซ้อมบาสหลังเลิกเรียนประจำ คือ...เราก็พอรู้ว่าเค้าคิดยังไง แต่เราคิดกับเขาแค่เพื่อนนะ พอม.2 เราอยู่กันคนละห้องแต่อั้มก็ยังสนิทกับพวกเราเหมือนเดิมจนสนแซวประจำ”

“เราคิดว่าถ้าเราเฉย ๆ สักวันเค้าคงเลิกรู้สึกแบบนั้นไปเอง คือเราไม่อยากทำร้ายจิตใจเพื่อนน่ะพัต จนถึงม.3 พ่อแม่เราอยากให้ลองสอบเข้าโรงเรียนที่ใกล้บ้านมากขึ้น แต่เราไม่อยากบอกอั้ม เรากลัวเค้าจะทำอะไรแปลก ๆ เราลำบากใจน่ะ”
“เราพอเข้าใจบอมนะ”
“อืม ตอนวันจบม.3 ตอนเซ็นเฟรนด์ชิป สนก็เลยบอกอั้มเองว่าพวกเราจะไปสอบเข้าม.4 ที่อื่น อั้มเค้าก็เงียบไปเลย”

“เค้าเลยบอกว่างั้นมาเล่นเกมกัน ให้เราถ่ายรูปคู่กับเค้าแล้วตั้งเป็นหน้าจอมือถือ ถ้าใช้รูปนี้ 5 เดือนเค้าจะซื้อเสื้อแจ็คเก็ตทีม Miami Heat ที่เราอยากได้ให้” บอมเปิดรูปเสื้อแจ็คเก็ตในมือถือให้ดู

“เราไม่ได้อยากให้เขาซื้อให้หรอก เราแค่ไม่อยากให้อั้มเสียใจเราเลยตกลง ทีนี้ตอนถ่ายเค้าก็…หอมแก้มเราเลย เค้าบอกต้องใช้รูปนี้ไม่งั้นเค้าไม่ยอม พัตถามสนก็ได้นะ เขาก็อยู่ตอนนั้นด้วย”
“เราเชื่อบอม เราเข้าใจบอมนะ เรารู้ว่านายใส่ใจดูแลเพื่อน ๆ ทุกคน”

สำหรับอั้ม การที่บอมจะไปอยู่โรงเรียนอื่นกะทันหัน ทางเดียวที่ยังพอจะมีหวังก็คงต้องทำแบบนี้เท่านั้น

ถึงจะอยู่คนละโรงเรียนแต่บอมก็รักษาคำสัญญาตลอด ตอนวันนั้นที่ผมไปดูบอมแข่งบาส ที่เขายื่นมือถือให้อั้มดูก็คืออยากให้เค้ารู้ว่าบอมรักษาคำพูดสินะ
“พัตเข้าใจเราแล้วนะ?”
“อืม”
“เราถามพัตได้มั้ย ...พัตเป็นอะไรกับอาจารย์บิ๊วเหรอ?”
“ห้ะ! เรากับอาจารย์บิ๊ว?”
“วันนั้นที่ซีคอนเราเห็นพัตนั่งคุยกับอาจารย์แล้วพัตก็ร้องไห้”
ฉิบหายแล้ว! บอมเห็นผมตอนนั้นเหรอ?

“พัต พัตเป็นแฟนกับอาจารย์รึเปล่า? บอกเราตรง ๆ เถอะนะ”
“บอม เราไม่ได้เป็นอะไรกับอาจารย์เลยนะ!”

บอมเข้าใจผิดเพราะเห็นที่อาจารย์ยื่นถุงให้ผมแล้วผมร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรนั่นสินะ ไหนจะกระดาษโน้ตในถุงที่บอมคงเห็นแล้วนั่นอีก มาถึงขนาดนี้แล้วผมต้องเล่าทุกอย่างก่อนเขาจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้…

“มันไม่ใช่อย่างที่บอมเห็นนะ คือพ่อเราจ้างอาจารย์บิ๊วให้ติวเราที่บ้านช่วงปิดเทอมสามเดือน”
“หืม?”
“พ่อบอกว่าคนที่จะติวข้อสอบเข้าโรงเรียนนี้ได้ดีที่สุดก็คืออาจารย์ในโรงเรียน พ่อตั้งใจมากให้เราสอบได้ห้องคิง แต่ถ้าคนอื่นรู้ก็อาจคิดว่าอาจารย์ช่วยเราโกงข้อสอบ เราก็เลยต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ”
“แต่พัต...”
“ใช่ เราไม่ได้ห้องคิง...เพราะเราจงใจกามั่วให้คะแนนต่ำ ๆ แค่สอบติด”
“เฮ้ย!? ทำไมล่ะ?”
“บอมก็เห็นว่าดิมเจออะไรบ้าง”
บอมนิ่งไป ห้องคิงห้องควีนในฝันของบอมและของหลาย ๆ คน มันคงสวยหรูเป็นแหล่งรวมเด็กหัวกะทิ

“ความจริงตอนม.ต้นที่โรงเรียนเก่าเราก็อยู่ห้องคิงมาตลอด เรียนโหดมาก เราโดนลงโทษแทบทุกวัน”
“มิน่าคืนนั้นตอนเล่นเกมพัตเล่าแต่เรื่องสมัยประถม ไม่เล่าเรื่องตอนม.ต้นเลย”
“แต่สุดท้ายตอนจบม.3 พ่อก็ให้เราลาออกเพราะเราเพื่อนน้อย พ่ออยากให้มีเพื่อนเยอะ ๆ เวลาจบไปทำงานจะได้รู้จักกันกว้างขวาง”
“พัต...”
“ถ้าเราได้ห้องคิงอีกเราก็คงไม่มีเพื่อนตามเคย ไม่รู้พ่อจะย้ายเราไปไหนอีก แล้วเช้าวันสอบเราก็เจอบอมกับสน”

“เรา...เราชอบนาย...ตั้งแต่ตอนนั้น”
ผมมองตาบอม ตาสีน้ำตาลคู่นั้นที่ผมเห็นตอนเช้าวันนั้น วันที่ผมตัดสินใจทำอะไรบ้าที่สุดในชีวิต

“เราคิดว่า...ถ้า...ถ้าได้ห้องเดียวกับบอมก็คงดี จะโดนพ่อด่าเราก็ทนได้...แต่เราก็ไม่ได้...”
ผมพยายามกลั้นใจเล่าให้จบ แต่น้ำตามันก็ไหลจนพูดไม่ออก
“พัตพอแล้ว เราเข้าใจ นายไม่ต้องพูดแล้ว” บอมกอดผมไว้แน่น
“ตอนบอมชวน...เข้าชมรมบาส...เราดีใจมากจะได้มีโอกาสอยู่กับนาย ฮะ ๆๆ แต่เราก็กลัวนะ กลัวนายจะรำคาญ รู้มั้ยเราห่วยวิชาพละที่สุด”
“ไม่ต้องบอกเราก็รู้ ฮ่า ๆๆ พัตเลี้ยงลูกบาสยังไม่เป็นเลย แต่เราชอบสอนพัตนะ เราดีใจที่เห็นพัตตั้งใจ ดีใจที่ได้ใกล้นายทุกวัน”

“พออาจารย์เห็นคะแนนสอบเข้าของเรา อาจารย์ก็เลยนัดเราไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เราก็เลยเล่าให้อาจารย์ฟัง...แล้วก็...ฮะ ๆๆ ...อย่างที่บอมเห็นนั่นแหละ ส่วนเกมในถุงนั่นคืออาจารย์เคยสัญญาตอนติวว่าถ้าได้ห้องคิงจะซื้อเกมให้เราน่ะ”
“พัตไม่เคยเล่าให้เราฟังเลย”
“ก็เราเห็นบอมอยากได้ห้องคิงเราเลยไม่กล้าเล่า เรากลัวนายหมั่นไส้เรา และอีกอย่างก็...”
“อะไรเหรอ?”
“เราเป็นคนลบไลน์ในมือถือนายเองแหละ”
“ห้ะ?”
“ก็วันนั้นบอมจะเปิดแชทไลน์เฉลยข้อสอบเข้าให้พ่อเราดู ถ้าพ่อรู้ว่าจริง ๆ เราทำได้นี่พ่อฆ่าเราแน่”
“แล้ว-พัต-รู้-รหัส-เรา-ได้-ไง?” วงแขนของบอมเริ่มแน่นเข้าพร้อมรอยยิ้มกวน ๆ
“เราไม่รู้รหัสอ่ะ เราแฮ็กมือถือนายเลย”
“นายนี่ร้ายจริง ๆ!” บอมซุกหน้ามาฟัดซอกคอผม
“พัตนี่ตัวแสบอย่างที่นายเคยบอกตอนวันเปิดเทอมเลย! ถ้าไม่ใช่อยู่กลางถนนนะจะจับกดให้เข็ด!”
“โอ๊ย ๆๆ นี่คนเยอะนะ”
“เราไม่สนอ่ะ” บอมยกผมในท่า bear hug เข้าไปในซอยเลย

“ที่ผ่านมาทั้งหมดพวกเราเข้าใจผิดกันไปเองงั้นเหรอ”
“อืม เราผิดเองแหละที่ไม่ได้บอกบอม”
“งั้นตอนนี้...” บอมยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ต...ตอนนี้?”
“เราชอบพัตได้แล้วใช่มั้ย?”
“ได้ เราก็ชอบบอมได้แล้วใช่มั้ย?”
“อืม”

ผมกอดบอมไว้ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ได้ จากวันที่เจอกันตอนสอบเข้า จากคนที่ไม่เคยรู้จักกัน จากที่ผมได้แต่มองบอมไกล ๆ
“พัตตัวสูงขึ้นนะ”
“เหรอ?”
“ตอนแรกที่เจอกันตาเราอยู่ตรงหน้าผากนาย แต่ตอนนี้อยู่ตรงคิ้วแล้ว”
“บอมสังเกตขนาดนั้นเลยเหรอ” ...ผมสูงขึ้นเหรอเนี่ย เพราะเล่นบาสสินะ...
“เรามองพัตตลอด”
คำพูดสั้น ๆ ของบอมเล่นเอาผมทำตัวไม่ถูกเลยว้อย

“พัตรู้มั้ยนายน่ารักที่สุดตรงไหน?”
“เอ่อ...ไม่รู้สิ” มีตรงไหนน่ารักด้วยเหรอวะ
“ตรงที่พัตมองเราแล้วนึกว่าเราไม่รู้ตัวไง ตั้งแต่ตอนแอดเฟสบุ้คแล้ว เราบอกชื่อเฟสแต่ยังไม่ทันบอกเลยว่าเป็นภาษาไทยหรืออังกฤษแต่พัตก็กดแอดมาทันที นี่ส่องมาตั้งนานแล้วใช่มั้ย?”
“เวรล่ะ รู้ตัวเรอะ?”
“ตอนเข้าแถวตอนเช้าด้วย พอเราหันหลังไปทีไรพัตก็หันหน้าหลบ”
“นี่รู้ตัวมาตลอดเลยเหรอ?” ...อย่างที่โต้งบอก ผมวางแผนอะไรก็แป๊กทุกที…
“แน่นอน คิดว่าที่เราเปลี่ยนเสื้อต่อหน้าพัตบ่อย ๆ คืออะไรล่ะ? แต่ตอนนั้นเราไม่แน่ใจว่าพัตเป็นแฟนกับอาจารย์หรือเปล่า ไม่งั้นเราทำมากกว่านั้นอีก” บอมยิ้มตาปิด เป็นยิ้มที่กวนที่สุด ตรูว่าแล้ว! ไอ้ฉากเซอร์วิสที่มีบ่อยชิบเป๋งนี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญนี่หว่า! แกล้งยั่วกันชัด ๆ!!
“ว้อย! ต่อไปไม่ต้องเลยนะ!”
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ผมก็ดีใจที่ผมไม่ได้คิดไปฝ่ายเดียว ผมไม่ได้เหงาอยู่คนเดียว

“พัต ไปนั่งรถไฟฟ้าเที่ยวกันแป๊บนึงได้มั้ย?” บอมถามพร้อมคลายอ้อมแขนลง
“ก็ได้ ทำไมล่ะ?”
“ก็ตกลงเป็นแฟนกันในซอยมืด ๆ นี่ไม่ได้บรรยากาศเลยน่ะสิ”
“บอมยังไม่กินข้าวใช่มั้ย งั้นไปที่สะพาน sky walk ที่สยามดีมั้ย วิวดีนะ แล้วไปกินฮะจิบังกันแล้วค่อยกลับบ้าน”
“ร้านที่เราเจอพัตหลังวันสอบตอนนั้นสินะ?”
“อืม”

ผมกับบอมนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีสยามแล้วเดินมาลาน sky walk ผมชอบตรงนี้มันเหมือนหนังไซไฟดี
“บอม”
“หืม?”
“จับมือได้มั้ย?” ถึงจะอายมากก็เถอะ แต่ผมก็ฝันแบบนี้มาตลอด
“อืม”
ผมจับมือบอมเดินช้า ๆ ไปที่ห้าง MBK
“ตอนม.ต้น เวลาเรารู้สึกแย่เราจะมาเดินแถวนี้ก่อนกลับบ้าน บางทีก็ไปเล่นเกมตู้จนค่ำ”
“พัตมีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ?”
“เวลาเราทำการบ้านผิด เราโดนบังคับให้กินบอระเพ็ดทุกที”
“มันเป็นยังไงเหรอ? เราเคยแต่ได้ยินชื่อ”
“ครูตัดเป็นท่อนสั้น ๆ ให้เคี้ยวสด ขมกว่ามะระร้อยเท่า”
“พัตเจออะไรมาหนักเลยนะเนี่ย”
“ตลอดหลายปีเลย ที่แย่สุดคือพ่อแม่เราบอกว่าต้องทำแบบนี้แหละจะได้เรียนเก่ง”
“พัต ต่อไปนี้พัตมีเรานะ พัตกลุ้มใจอะไรบอกเรานะ”
“อืม”

พอมาถึงร้านฮะจิบัง สั่งอาหารเสร็จบอมก็เอ่ยขึ้นมา
“รู้มั้ยวันนั้นที่เราเจอพัต เรานึกว่าพัตมากับแฟน”
“ที่บอมเห็นเป้ 2 ใบน่ะเหรอ?”
“ใช่ มีเป้ 2 ใบวางอยู่ ก๋วยเตี๋ยวก็มี 2 ชาม เราใจแป้วเลยอ่ะ”
“บอมนี่คิดมากนะเนี่ย”
“ก็นายผอม ใครจะนึกว่านายจะกินเยอะขนาดนั้น”
...ถ้าบอมได้เห็นเวลาผมโต้งเอ็มกินบุฟเฟต์จะตกใจกว่านี้ หลุมดำชัด ๆ

“แล้วเกมตู้ที่พัตว่าคือร้านที่อยู่หน้าร้านการ์ตูนฟากโน้นใช่มั้ย?”
“อืม”
“กินเสร็จแล้วไปเล่นกัน”
“มันจะดึกแล้วน่ะ เดี๋ยวพ่อแม่จะเป็นห่วงนะ”
“งั้นเสาร์อาทิตย์นี้ก็ได้”
“บอมอยากเล่นเหรอ?”
“เปล่า เราอยากเห็นเวลาพัตเล่นเกม เรานึกภาพไม่ออกเลยว่าเด็กเรียนเวลาเล่นเกมตู้จะเป็นยังไง และอีกอย่าง...”
“อะไรเหรอ?”
“พัตจะได้ลืมว่าเคยเหงาจนต้องมาเล่นเกมตู้ ต่อไปพัตจะมีเราอยู่ด้วย”

“ขอบใจนะบอม งั้นเสาร์นี้มาเล่นด้วยกันนะ"



บนรถสองแถวลาดกระบัง-อ่อนนุช

“นี่สนหยิบมือถือของพัตออกมาจากเป้ได้ยังไงเค้าไม่รู้ตัว?”
“กรูสกิลมือเบาไง ตอนนั้นยัดถุงขนมลงไปด้วยมันมีเสียงกรอบแกรบพัตเลยไม่รู้ ยิ่งกรูถอดเสื้อด้วยมันจะเขินจนตัวแข็งทื่อเลย”
“อืม” ไอ้ดิมพูดพร้อมขมวดคิ้ว
“เฮ้ยยย ดิมมริงสัญญาแล้วไงว่าจะไม่หึง”
“เปล่า แค่รู้สึกไม่ดีที่โกหกพัต”
“โกหกตรงไหนวะ?”
“ก็ที่นายให้เราหาเรื่องยืมพาวเวอร์แบ๊งค์ของพัตไง เราเลยโกหกว่าเราจะทานข้าวนอกบ้าน”
ผมให้ดิมช่วยเพื่อระบุตำแหน่งชัด ๆ ว่าพัตเก็บมือถือไว้ช่องไหนของเป้

“มริงก็ไม่ได้โกหกนี่ ก็หาข้าวกินกันแถว bts อ่อนนุชแล้วกรูก็ส่งมริงขึ้นรถไฟฟ้าไง”
“โห! นี่วางแผนไว้หมดเลยใช่มั้ย ฮะ ๆๆๆ”
“กรูบอกแล้วไง ดูแลมริงคนเดียวไม่ยากหรอก”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 27: อัพ 5 มค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 05-01-2021 15:54:39
ผมชอบเนื้อเรื่องเรื่องนี้นะครับ ตอนแรกอ่านแล้วรู้สึกหดหู่เล็กน้อย คุณซอร์โรว์สามารถอธิบายความอึดอัดของการเรียนห้องควีน แล้วสร้างผลกระทบของความ depress ให้เกิดกับตัวละครได้ดีมาก อันนี้สมจริงครับ ขอชม

ผมชอบการหยิบประเด็นเรื่องของความบ้าคลั่งในการแข่งกันเรียน แล้วเอามาบรรยายได้สมจริงในนวนิยาย เพราะมันทำให้เนื้อเรื่องมีตรรกะที่ดีขึ้น สมเหตุสมผลขึ้น สร้างน้ำหนักให้กับพื้นพล็อตตัวละคร โชคดีที่ตัวเดินเรื่องหลัก (พัต) เป็นคนที่อารมณ์ดีและติดขี้เล่น น้องตื่นตระหนกง่ายแล้วก็มีมุมหื่นๆในใจแต่ไม่กล้าแสดงออก น่าแกล้งดีครับ ฮะๆ มันเลยทำให้ความหนักหน่วงของอารมณ์ จากการบรรยายสภาวะซึมเศร้าที่เป็นผลมาจากการถูกบีบบังคับให้แข่งขันกันเรียนมันถูกลดทอนลง ซึ่งก็ทำให้เรื่องเบาขึ้น อ่านง่ายขึ้น และโทนเรื่องที่ติดสกินชิพและหื่นๆเล็กน้อย ก็ทำให้อ่านแล้วรู้สึกมีรอยยิ้มไปด้วย

สำหรับจุดติ มีอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือตัวสะกดครับ ผมคิดว่าตอนนี้เราก้าวข้ามยุคที่การเขียนนวนิยายต้องเว้นคำหยาบไปละ ดังนั้นใช้กู-มึง แม่ง แบบสะกดถูกได้เต็มที่ ไม่ถึงกับต้องแปรเสียงแบบสมัยก่อนเพื่อหลบคำเซนเซอร์ แล้วเล้าเป็ดเองก็ไม่มีนโยบายเซนเซอร์คำพวกนี้ด้วย ถ้าใช้คำพวกนี้ผมว่ามันจะทำให้เรื่องถูกหลักภาษามากขึ้นครับ ส่วนพวกคำอื่นๆที่จะหยาบ ก็ใช้แบบสะกดถูกได้เลยครับ อ่านแล้วชัดเจนกว่าด้วย ดังนั้นก็อยากให้แก้ตัวสะกดของคำหยาบครับ

เรื่องที่สองคือลอจิกของตัวละครผู้ปกครองของพัต อันนี้ผมว่ามันแปลกๆไปหน่อย ถ้าคุณพ่อพัตมองว่าการมีเพื่อนเยอะๆจะดี ทำให้มีเครือข่ายเวลาทำงานสามารถกว้างไกลและมุมมองที่กว้างขวางขึ้น การมีเพื่อนมันจะแปรผันตรงกับเวลาว่างจากการเรียนอยู่แล้วครับ ถ้าคุณมีเวลาว่างจากการเรียนน้อยมาก คุณก็จะมีเพื่อนน้อย สังเกตอย่างตอนที่พัตเรียนห้องควีน เรียนดึกดื่นๆ โดนทำโทษมากมาย แข่งกันเรียน เวลาว่างก็ต้องไปเรียนพิเศษอีก เหลวไหลไม่ได้ ดังนั้นมันจะเอาเวลาที่ไหนไปมีเพื่อนดีๆได้ครับ ถ้าจะหาเพื่อนจากสภาวะในห้องเรียนที่แข่งกันเรียน แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้แน่ๆ เพราะเกิดการแย่งชิงขึ้นตลอดเวลา มันไม่เอื้อ่ต่อความสัมพันธ์ที่ดีของเพื่อน ที่เกิดจากการเสียสละ การทุ่มเท ความมีน้ำใจต่อกันและกัน การแย่งชิงไม่เอื้อต่อสภาวะความสัมพันธ์พวกนี้ เช่นเดียวกับที่เรียนพิเศษ ซึ่งก็มีกฏระเบียบเคร่งครัด และพัตก็โดนที่บ้านตีกรอบค่อนข้างแน่น ดังนั้นจะเอาเวลาที่ไหนไปสร้างความสัมพันธ์ที่จะทำให้เกิดเพื่อนดีๆแบบที่คุณพ่อต้องการได้ครับ? มันเป็นไปไม่ได้ ได้อย่างที่ก็ต้องเสียอย่าง แต่การตีกรอบให้ลูกเรียนจนประสาทเสีย มันจะมีผลเสียมากกว่าผลดี เพราะอย่างที่เห็นว่าเคสพัตนี่ยังดีนะครับ รู้จักเอาตัวเองออกมาจากสภาวะที่ย่ำแย่ตรงนั้น กล้าฉีกตัวเองออกมาโดยที่ไม่ฟังใคร เพราะไม่งั้นซึมเศร้าแน่ๆ แต่อาจจะเพราะพัตมีความต้องการหลบเร้นด้วยแหละ ขบถน้อยๆที่เป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศวัยรุ่นพลุ่งพล่าน แถมยังชอบแอบมองหุ่นหนุ่มๆอีกนะ ฮะๆ

สำหรับคู่ตัวละคร ผมชอบสน-ดิม ที่สุดนะครับ ดิมให้อารมณ์พัตในช่วงม.ต้นเลย แต่ว่าสิ่งที่น่าสนใจคือดืมเป็นคนที่จิตใจดีมาก และไม่ขบถเลยสักนิด สิ่งที่น่ากลัวคือดิมอาจจะถูกสภาวะการแข่งขันแบบนั้นทำให้ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า ดังนั้นผมชอบเคสนี้ที่ตัวพระ (สน) น่าจะเป็นฝ่ายปกป้องดิมได้ดี ยังไม่นับว่าสนมีคุณสมบัติของตัวพระที่ดีหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่ดี ชอบออกกำลังกาย ขี้เล่น ซึนๆหน่อยแต่ก็พร้อมปกป้อง (พฤติกรรมดูให้อารมณ์คู่ ซองแทฮุน-คิมโดอุน ในตอนที่ 57จากเรื่อง How to fight ของ Webtoon มาก) แต่ว่าก็ยังมีปัจจัยอยู่อีก คือเรื่องครอบครัวของดิม ไม่รู้ว่าจะออกแนวบ้าเรียนเหมือนพัต หรือว่าสบายๆ แต่ว่ายังไม่รู้เรื่องที่ลูกตัวเองโดนทำอะไรแบบนี้จนดึกๆดื่นๆ ซึ่งถ้าเป็นแบบแรก สนน่าจะงานหนักหน่อย แต่ถ้าแบบที่สอง ก็น่าจะดันเส้นเรื่องไปทางพล็อตไม่ดราม่ามากได้ แต่ทั้งสองแบบผมว่าพล็อตคู่นี้มีศักยภาพดันไปได้ไกลมาก

อีกคู่นึงที่ผมว่าน่าสนใจ แต่ไม่ใช่แนวชอบเคมีของคู่พระ-นาย แต่เพราะอยากรู้ว่าจะแก้ปัญหาในอนาคตยังไง คือคู่ตี้-เอส ถ้าพูดกันตามจริง ผมว่าการที่พัตช่วยเอสในการจะผลักดันตี้เข้าไปในห้องควีนนี่อาจจะส่งผลอย่างคาดไม่ถึงเลยนะครับ อันดับแรกคือด้านกายภาพก่อน ตี้ไม่ได้ชอบเล่นกีฬามาก แต่ตัวสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และน่าจะออกกำลังกายบ้าง ทีนี้พอได้รับสารอาหารที่ถูกต้องครบถ้วน ศักยภาพทางกายจะพุ่งพรวดๆเลยเพราะยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น รับรองเดี๋ยวหุ่นล้ำหน้าบอมกับสนไปอีก เด่นเกินหน้าตาตัวพระคู่อื่นเลย ฮะๆ ส่วนเรื่องศักยภาพสมอง ถ้ามีเอสกับพัตช่วยกันวางแผน ก็น่าจะช่วยให้ผลักดันเข้าห้องควีนไปได้ไม่ยาก แต่ปัญหาคือหลังจากเจอสภาพแวดล้อมในการเรียนของห้องควีน ผมไม่แน่ใจว่าตี้จะมีความรู้สึกกับเอสต่อยังไง ดังนั้นลางดราม่ามาเต็ม แต่อย่างตี้ที่นิสัยค่อนข้างอินดี้ (สังเกตว่าอยากเป็นอาชีพที่ค่อนข้างอิสระ ช่างภาพ นักข่าว) น่าจะไม่แคร์อะไรมาก แต่ผมอยากเห็นว่าอนาคตคู่นี้จะเป็นยังไง และอยากเห็นพัฒนาการทางรูปร่างของตี้ด้วย

โดยรวมๆผมว่าโอเคแล้วครับ ยังไงแก้ไขเรื่องตัวสะกดนิดนึง ผมติดตามพล็อตอยู่ครับ น่าสนใจมาก ชอบตรงที่ว่า 18+ แล้วมีโทนเรื่องที่เป็นไปตามนั้นจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 27: อัพ 5 มค.64
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-01-2021 14:30:02
เป็นแฟนกันแล้ว~
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 27: อัพ 5 มค.64
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 11-01-2021 01:56:22
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 27: อัพ 5 มค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 12-01-2021 16:48:25
King Class Away Ep.28
งานกลุ่ม


5:52น.

“แม่ครับ ผมไปโรงเรียนนะครับ” ผมพูดพลางสะพายเป้ขึ้นหลัง หยิบรองเท้าบาสที่พื้นรองเท้าเปิดอ้าใส่ถุงขึ้นถือ
“จ้า ทำไมวันนี้ไปเช้าจังล่ะ? แล้วกินข้าวยัง?”
“ผมจะเอารองเท้าไปซ่อมตรงตลาดแล้วกินที่นั่นน่ะครับ”
“มีเงินค่าซ่อมรึยัง? เอานี่แม่ให้” แม่รีบเดินกลับเข้าไปในครัว
“ไม่ต้องหรอกแม่ สนมีแล้ว”
“อดข้าวอีกล่ะสิ? ไม่เอานะ!” แม่หน้าบึ้งตอนแปะมือเบา ๆ ที่แขนผมเพราะเอื้อมจะไม่ถึงหัวแล้ว
“ไม่อด ๆ สนประหยัดค่าติวไป 2 วิชา นี่มีคืนให้แม่ด้วย”
ผมยื่นเงินพันนึงคืนให้คิดว่าแม่จะดีใจ ที่ไหนได้หน้างอกว่าเดิมอีก “ไม่เรียนแล้วเหรอ!?”
“เปล่า เพื่อนสนติวเลขกับอังกฤษให้ เลยเหลือแค่กวด 2 วิชา”
“อ้าว! ไปลำบากเพื่อนอีก”
“ไม่ลำบากหรอก เค้าบอกว่าได้ทบทวนความรู้ตัวเองไปด้วยอ่า”
“จริงเหรอ?”
“จริงครับ แม่น่ะไม่เชื่อสนเหรอ?”
“ก็เวลาลูกเรียกชื่อเล่นตัวเองทีไรเนี่ยมีอะไรปิดบังแม่ตลอด อย่ามาอ้อน”
“ไม่ได้อ้อน แบบนี้ตะหากเรียกว่าอ้อน” ผมอุ้มแม่ที่ตัวนิดเดียวกลับไปอยู่ในครัว
“ว้าย! เล่นอะไรพิเรนทร์จริงลูกคนนี้!”

พอออกจากบ้านผมก็เดินตรงไปข้ามถนนอ่อนนุชตรงสี่แยกไฟแดง เอ๊ะ! นั่นดิมนี่
“หวัดดีสน”
“มารอกูเลยเหรอเนี่ย?”
“อืม ตอนนั้นที่อาจารย์มาส่งเราจำได้ว่าบ้านสนกับบอมอยู่ตรงนี้ ป้ายรถสองแถวที่ใกล้สุดก็น่าจะเป็นตรงนี้ก็เลยมารอ” มันพูดแบบชัดถ้อยชัดคำ
“แล้วไม่บอกกูวะ ถ้ากูไปก่อนล่ะ?”
“ถ้าถึง 6:30 ยังไม่เจอเราค่อยโทรหา”
“มึงนี่ชอบทำตัวเองลำบาก”
ดิมไม่ตอบ มันยิ้มอย่างเดียว

“แล้วมึงกินข้าวยัง?”
“ทานละ แล้วสนล่ะ?
“ยังเลย กูกะจะเอารองเท้าไปซ่อมที่ตลาดตรงสี่แยกแล้วกินข้าวที่นั่นตอนรอรองเท้าน่ะ”
“อ้าว ไหนว่าจะซื้อคู่ใหม่?”
“กูกะจะเรียนเลขเสริมกับวิทยาศาสตร์ ส่วนดาราศาสตร์จะตั้งใจเรียนเอง ที่เหลือเลขหลักกับอังกฤษให้มึงติวไง สองวิชานี้ของสายวิทย์”
“อืม แล้วนี่รอบอมใช่มั้ย?”
“ไอ้บอมมันไปถึงโรงเรียนแล้วมั้ง”
“ไปเช้าจัง”
“ปกติก็มาเจอกันตรงนี้ตอน 6:40 แหละ แต่วันนี้มันคงไปตั้งแต่ไก่โห่ ไปรอพัตน่ะ หึ ๆๆ”
“อ่อ ที่เมื่อวานบอมเอามือถือไปให้พัตน่ะนะ”

เมื่อคืนผมโทรถามมันว่าตกลงเป็นไง มันก็เงียบพูดแค่ว่า “ดีกันแล้ว”
“ยังไงว้า ดีกันแล้วของมึงเนี่ย” ผมแกล้งกระเซ้า
“คือตอนนั้นพัตเค้านึกว่า...กูเป็นแฟนอั้ม เค้าบังเอิญเห็นในมือถือกูน่ะ”
“รูปนั้นน่ะนะ?”
“เออ"
"คือเค้าคิดว่ามึงคบอั้ม พัตมันเลยไม่กล้าอยู่กับมึงสองต่อสอง กลัวมึงหื่นนอกใจอั้มสินะ?”
“เออก็ประมาณนั้นแหละ แต่มึงไม่ต้องบอกอั้มนะกูกลัวเค้าจะเสียใจไปกว่านี้”
“เออ ๆ แล้วเรื่องพัตกับอาจารย์ตกลงคือยังไงวะ?”
“จริง ๆ บ้านพัตจ้างอาจารย์มาติวตอนปิดเทอม เค้าเลยรู้จักกันอยู่แล้ว เรื่องมันยาวกว่านี้น่ะเดี๋ยวมีเวลากูเล่าให้ฟังนะ”
“เออ พวกมึงเข้าใจกันก็ดีแล้ว”

“รถสองแถวมาละ พวกเราไปกันเลยดีกว่า”
ดิมก้าวขึ้นรถสองแถว ส่วนผมยืนท้ายรถเพราะตัวสูง ถ้าเดินเข้าไปในรถต้องก้มตัว มาถึงตลาดตรงสี่แยกอ่อนนุช ผมเอารองเท้าไปซ่อมแล้วสั่งข้าวกะเพราไข่ดาว
“ดิม แล้วมึงมาเส้นนี้ทุกวันมั้ย?”
“ถ้าวันไหนตื่นเช้าก็มาทางนี้นะประหยัดค่ารถดี แต่วันไหนตื่นสายก็นั่ง bts ไปต่อ airport link ที่พญาไทมาลงหัวหมาก”
“เด็กเรียนอย่างมึงตื่นสายด้วยเหรอวะ?”
“บางทีก็ง่วงลุกไม่ขึ้นน่ะ ฮะ ๆๆ”
“ถ้าวันไหนจะมาเส้นนี้ก็โทรบอกนะ กูกลัวมึงมารอเก้อ”

ผมรับรองเท้าที่ซ่อมเสร็จแล้ว
“รอยเย็บใหญ่จัง” ดิมเอ่ย ผมเองก็อึ้งทั้งที่ทำใจแล้วว่าเย็บถาวรมันคงไม่สวยนัก
“มันไม่สวยแต่ก็ประหยัดเงินไปหลายพัน มึงเองก็ไม่ต้องลำบากติวกูหลายวิชาด้วย”
“อืม”



ผมเดินเข้าซอยโรงเรียน ยังนึกไม่ออกว่าจะทำตัวยังไงถ้าเจอบอม เกิดมาไม่เคยมีแฟนว้อย
“หวัดดีพัต”
“หวัดดีบอม” เช้านี้บอมในชุดพละดูสดใสกว่าทุกวัน หรือผมคิดไปเองฟระ
“แล้วสนล่ะ?”
“เช้านี้เขาเอารองเท้าบาสไปซ่อมก่อนน่ะ เราเลยมาคนเดียวแต่เช้า”
“อืม” ดีจังเช้านี้ได้เดินเข้าโรงเรียนกับบอมสองคน ชุดพละเหมือนกันด้วย
“เมื่อคืนนอนไม่หลับเลยนะพัตรู้มั้ย?”
“เราก็เหมือนกัน”
คิดว่าทำตัวยังไงดี อะไรจะเหมือนเดิม อะไรจะเปลี่ยนไป ที่สำคัญจะบอกเพื่อนยังไงดี

“พัตก็เหมือนเราใช่มั้ย? เราคิดทั้งคืนเลย งั้นพัตว่าเมื่อไหร่ดี?”
บอมทำหน้าเขินเกาหัวก้มหน้าพูดนี่น่ารักชะมัด...ว่าแต่...เมื่อไหร่ดีนี่คืออะไร?
“คืออะไรเหรอ?”
“ก็...” บอมกอดคอผม “เมื่อไหร่ดีไง”
“อะไรคือเมื่อไหร่ดี?”
“ก็เมื่อไหร่ดีไง” บอมยิ้มตาปิดพลางพูดเสียงกระซิบ
“คือ...จะบอกเพื่อนเมื่อไหร่ดีอ่ะเหรอ?”
“เปล่า ต่อจากคราวก่อนเมื่อไหร่ดี?”
“..........”
“พัตอ่า คราวนั้นไปครึ่งทางแล้วน้า”
ไม่อ่ะ น่าจะยังอีกเยอะเลย -///- อีกเยอะมาก
 
“เมื่อวานเราขอพ่อแล้ว ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเราจะนั่ง airport link ไปกลับเอง พ่อจะได้ไม่ต้องมารับส่งเรา”
“ดี ๆ”
“เพราะบอมมาเมื่อวานนั่นแหละ เราบอกพ่อว่าบอมออกจากโรงเรียนหลังเราหนึ่งชั่วโมงแต่มาถึงบ้านแทบจะพร้อมเราเลย พ่อเลยบอกว่าประหยัดเวลาดี”
“แล้วพรุ่งนี้ไปเล่นเกมตู้กันนะ”
“อืม” พรุ่งนี้จะเป็นเดทครั้งแรกของผมกับบอม ตื่นเต้นชะมัด

“อ้อ! สัปดาห์หน้ามีงานสัปดาห์วิชาการ ต้องจับกลุ่มทำสิ่งประดิษฐ์วิทยาศาสตร์ เราถามอาจารย์แล้วเค้าบอกว่าจับคู่กับเพื่อนห้องอื่นก็ได้ กลุ่มละ 3-4 คน บอมจับคู่กับใครยัง?”
“ยังเลย งั้นพวกเราจับกลุ่มกัน 4 คนดีมั้ย?”
“อืม ต้องสนุกแน่ ๆ บอมอยากทำอะไรเหรอ?”
“ยังนึกไม่ออกเลย เดี๋ยวหาไอเดียก่อนแล้วเที่ยงนี้มาประชุมกันนะ”



“พวกนายเตรียมตัวกันเร็วจัง จับคู่กับห้องอื่นได้เหรอ? เพิ่งรู้นะเนี่ย” เอสถามพร้อมวางชามสุกี้พิเศษเพิ่มไข่ต้มลงบนโต๊ะ
“รีบทำให้เสร็จก่อนเพราะถัดจากนั้นก็สอบกลางภาคแล้วน่ะ”
“แล้วเอสจับคู่กับใครเหรอ?” บอมถาม
“เราไง” ตี้ตอบทันที
“ถามเรายัง?” เอสเสียงแข็ง
“ท่านเอสจะจับคู่กับใครครับ?”
“นายไง ปล่อยให้คู่กับคนอื่นก็อู้แน่”
“นั่นไง แล้วจะเถียงเพื่อออ?” ตี้ยักคิ้วกวนใส่
“ชวนบอยกับมุกด้วยนะ ไม่ได้มีแค่ 2 คน” เอสถามพลางตักไข่ต้มใส่จานตี้
“นายก็กินไปสิ”
“ฟองนี้ตั้งใจมาให้นายอยู่แล้วเพราะเดาละว่าอาหารนายโปรตีนน้อยแน่ ๆ”
“ข้าวผัดใส่ไส้กรอกตั้งหลายชิ้นนะ” ตี้ชี้จานตัวเอง
“ไส้กรอกมีแป้งผสมตั้งเยอะ จริง ๆ มีเนื้อไม่ถึงครึ่งนะรู้มั้ย เนื้อที่ใช้ก็เป็นเศษเนื้อบดฆ่าเชื้อด้วยแอมโมเนียแล้วใส่สีแต่งรสกับสารกันบูด”
“พอ ๆๆ เลยเอส แดรกไม่ลงละเนี่ย”

“บอม มึงจะทำอะไรล่ะ?” สนถาม
“ก๊อกน้ำลอยได้”
“ฟวย เค้าเล่นกันมาจะ 20 ปีแล้วมั้ง”
“แล้วมึงเสนออะไรล่ะ?” บอมถามกลับ
“เกมถือแท่งผ่านด่านลวดไฟฟ้า”
“อันนั้นเค้าเล่นกันมาตั้งแต่พ่อกูยังประถม”
“พัตเสนออะไรดี?”
“คานสมดุลน่ะ มีคานกับตุ้มห้อยกับเชือกกลางคานให้เลื่อนไปมาได้เหมือนในแบบฝึกหัด เวลาเราทำการบ้านฟิสิกส์เราคิดว่าถ้ามีของจริงคงคำนวณง่ายดี”

“ฟิสิกส์บทไหนเหรอพัต?” ตี้ขมวดคิ้ว
“เอ่อ...เราจำไม่ได้แล้วล่ะ แล้วดิมเสนออะไรดี?”
“หุ่นเดินตามเส้นปากกาน่ะ เราเขียนโปรแกรมเพิ่มให้หุ่นสุ่มเดินเวลาเจอทางแยกได้”
“สุดยอดเลยดิม!”
“ต้องสร้างหุ่นยนต์เลยเหรอวะ?” สนถาม
“หุ่นมีขายสำเร็จรูปน่ะ” ดิมตอบ
“อันนี้เจ๋งดี คนเล่นใช้จินตนาการวาดเส้นเองได้ เวลาเจอทางแยกก็ลุ้นว่าหุ่นจะเดินทางไหน” บอมสำทับ
“ตกลงอันนี้แหละนะ ทุกคนเห็นด้วยมั้ย?” ผมรีบปิดประเด็นก่อนตี้จะสงสัยเรื่องวิชาฟิสิกส์ เพราะมันเป็นเนื้อหาม.4 เทอม 2 แต่ผมเรียนไปตอนอยู่ห้องคิงปีที่แล้ว เกือบซวยแล้ว
“เอาเลย ปีนี้ได้คะแนนเต็มแน่ ๆ” สนกอดคอดิม

“ย้ายมากลุ่มนี้ทันมั้ยเนี่ย?” เอสพูดขำ ๆ
“ไรว้า เราก็มีไอเดียดี ๆ เหมือนกันนะ” ตี้ขมวดคิ้ว
“จะทำอะไรล่ะ?”
“แบบจำลองการแลกเปลี่ยนอิเล็กตรอนของธาตุ ใช้ลูกปิงปองเป็นแกนกลาง หลอดดูดติดก้อนแม่เหล็กแทนอิเล็กตรอน ทำโมเดลประมาณนี้” ตี้วาดภาพในมือถือคร่าว ๆ
“ทำแบบนี้จะเข้าใจเลยว่าทำไมไฮโดรเจน 2 อะตอมจับคู่กับอ๊อกซิเจน 1 อะตอมเป็นน้ำ 1 โมเลกุล”
“ความคิดนายเจ๋งแฮะ แบบนี้เข้าใจเรื่องพันธะเคมีง่ายมากเลยแค่จำเลขอิเล็กตรอนแต่ละธาตุได้ก็พอ”
“คิดได้ไงเนี่ย เราเห็นนายนอนคาบเคมีประจำ” เอสแซว
“แค่ฟุบหน้าว้อยไม่ได้หลับ หูยังฟังตลอด”

“แบบนี้พวกเราสองกลุ่มน่าจะทำเสร็จเร็วแน่ แล้วสัปดาห์หน้ามาติวเตรียมสอบกลางภาคกันนะ”
ผมชำเลืองมองเอส เอสผงกหัวรับ แผนส่งตี้เข้าห้องควีนใกล้จะถึงขั้นสุดท้ายแล้ว
“ดี ๆ มาถ่ายรูปรวมกันหน่อย” ตี้ยกกล้องขึ้นถ่าย



จบคาบ 6 ผมเปลี่ยนกางเกงพละกลับมาเป็นกางเกงขาสั้นเสร็จห้อง 4/2 ของบอมก็มาพอดี
“นายเรียนเสร็จแล้วเหรอ ปิงปองวันนี้ยากมั้ย?” บอมเข้ามากอด เขินว้อย! ถึงเพื่อนผู้ชายจะกอดกันมันไม่ใช่เรื่องแปลกก็เถอะ แต่แบบนี้อีกไม่นานรู้กันทั้งสองห้องแหง
“ไม่ยากอ่ะ เรียนกติกาชั่วโมงนึงไปละ”
“อืม เดี๋ยวเลิกเรียนเจอกันที่สนามบาสนะ”

หลังจบคาบ 8 ผมมารอที่สนาม สนมารอก่อนแล้ว
“สน แล้วดิมล่ะมาเล่นด้วยกันไหม?”
“มันบอกว่าไปชมรมคอมน่ะ จะทำโปรแกรมที่ค้างให้เสร็จแล้วเสาร์อาทิตย์นี้จะเริ่มเขียนรายละเอียดงานกลุ่มของพวกเรา”
“ตั้งใจมากเลยนะเนี่ย”
“กูว่าจะไปเรียนคอมกับมันด้วย มันบอกว่าจังหวะดีเลยจะได้ฝึกเขียนคำสั่งง่าย ๆ”
“ดีจัง นายก็สนใจเรื่องนี้เหรอ?”
“ก็ลองอะไรใหม่ ๆ บ้างน่ะ เออวันนี้มาลองเล่นจริงกันนะ”
“เหรอ? ชักหวาด ๆ แฮะ”
“ไม่ต้องกังวลหรอก มายืดเส้นกันก่อนนะ บอมบอกว่าเดี๋ยวจะตามมา”
“แบบนี้เหรอ?” ผมทำท่ากายบริหาร
“ประมาณนี้แหละ เดี๋ยวมีท่าอื่นด้วย”

สนสอนท่าให้หลายท่า บางท่าผมก็เอื้อมตัวไม่ไหว
“แรก ๆ จะยืดไม่ถึงหรอกไม่ต้องกังวล ทำเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ได้ ต่อไปไอ้บอมจะมาช่วย”
สนทำหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ คืออะไรฟระทำไมยืดเส้นต้องทำหน้ามีพิรุธ

“พัต เตรียมพร้อมยัง? มายืดเส้นกัน” บอมมาในชุดบาสพร้อมด้วยเสื่อโยคะ 
“ได้เลย ว่าแต่เอาเสื่อมาทำไม?”
“พัตนั่งลงนะ กางขาออก เอื้อมมือไปแตะปลายขา”
“ไม่ถึงน่ะ”
“อืม งั้นนั่งขัดสมาธิ ขยับขาขึ้นลง โอเค ก้มตัวลงช้า ๆ เอาเท่าที่ได้”
บอมช่วยกดหลังเบา ๆ แล้วเปลี่ยนท่า ทำไมท่าหลัง ๆ มันต้องนอนฟระ มันเริ่มหวาดเสียวขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อบอมแทบจะขึ้นคร่อมตัวผมแล้ว
“พัตยกขาขึ้นนะ ไม่ต้องเกร็ง” แล้วบอมก็ยกขาผมข้างนึงขึ้นพาดบ่าเขา
“บ...บอม”
“อะรายยย! นี่ท่ายืดเส้น อย่าคิดมากดิ” เขายิ้มกวน
“โอ๊ย!”
“ไม่เกร็งนะ เราจะค่อย ๆ ทำ ถ้าพัตเจ็บก็บอก” บอมพูดพร้อมกดขาผมลง บอมยื่นหน้ามาใกล้ ๆ
“นี่ตั้งใจใช่มั้ย?” ทั้งท่า ทั้งบทพูด ใช่ชัด ๆ
“ตั้งใจอะไร? ยืดเส้นจริ๊ง ๆ อะเปลี่ยนข้าง” เขาหัวเราะร่าแล้วยกขาผมอีกข้างขึ้นพาดบ่า ตั้งใจแน่ ๆ จงใจสุด ๆ
ยิ่งบอมใส่เสื้อบาสที่เป็นเสื้อกล้ามที่เห็นไปถึงไหนต่อไหน มาใกล้ด้วยท่าหวาดเสียวขนาดนี้ ผมจะไม่ไหวแล้วว้อย!

“พัตลองยืนแล้วก้มตัวแตะปลายเท้าอีกที เห็นมั้ยเอื้อมเกือบถึงละ”
“เออ จริงด้วยแฮะ”
บอมยื่นหน้ามากระซิบ “พัตนี่จินตนาการเยอะนะ หึ ๆๆ”
ดูแววตาที่เป็นประกายนี่รู้เลยว่าบอมมีท่าหวาดเสียวแบบนี้อีกเพียบแหง ๆ แววตาแบบอยากแกล้งเต็มที่ หน้าตามีความสุขมาก

ลงสนามจริงครั้งแรกผมตื่นเต้นมาก ทำตัวไม่ถูกเลย อะไรที่เคยซ้อมนี่ลืมหมด
“พัต!” บอมตะโกนเรียกแล้วส่งบอลมาให้ผม แต่โดนอีกฝ่ายคว้าตัดหน้าไป
“ไม่เป็นไรนะพัต” บอมเดินมายิ้ม

อีกครั้งที่บอลลอยมา ผมคว้าไว้ได้แต่ทำอะไรไม่ถูกเลย
“เลี้ยงไปเลยพัต!”
พอเริ่มเลี้ยงลูกก็โดนคนอื่นปัดแย่งไปทันที

“เป็นไงสนุกมั้ยพัต?” บอมเดินกอดคอผมหลังเล่นเสร็จ
“ขอโทษนะ เราตกใจทำอะไรไม่ถูกเลย”
“ไม่เป็นไร พัตได้บอลตั้ง 2 ครั้งก็เก่งแล้ว ลงสนามจริงครั้งแรกตื่นเต้นแบบนี้ทุกคนแหละ” สนปลอบ
“อืม”
ถึงพวกบอมจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดี ซ้อมมาตั้งหลายสัปดาห์พอเล่นจริงเละไม่เป็นท่า ผมทำเค้าผิดหวังมั้ยเนี่ย
“ฝึกบ่อย ๆ เดี๋ยวพัตก็เก่ง เชื่อไว้นะเดี๋ยวทำได้”
“อืม”
“สน เดี๋ยวกูเดินไปส่งพัตนะ”
“กูก็จะขึ้นห้องคอมไปหาดิมแป๊บนึง”

“ตอนเราเล่นสนามจริงวันแรกตอนป.4 เราก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน เดี๋ยวเล่นบ่อย ๆ จะเริ่มใจเย็นเอง”
“ขอบใจนะบอม งั้นเราจะลงเล่นบ่อย ๆ นะ เย็นนี้กลับไปก็จะซ้อมด้วย”
“มีลูกบาสที่บ้านด้วยเหรอ?”
“ใช่ เราซื้อตั้งแต่วันที่ไปดูบอมแข่งตอนปิดเทอม ซ้อมเองที่บ้านประจำแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากอ่ะ ลานหน้าบ้านแคบนิดเดียว”
“ดีใจจังที่พัตชอบ”
“ก็...ก็อยากอยู่กับนาย เราก็ต้องตั้งใจซ้อม”
“อืม พัตทำได้ พรุ่งนี้เจอกัน เราไปรอที่ bts พญาไทนะ”
“อืม แล้วเจอกันนะบอม”



17:22น.
ห้องโสตทัศน์

ตี้กำลังเร่งตัดต่อวิดีโอสารคดีของชมรมให้เสร็จในวันนี้ ไม่อยากดองงานยาวข้ามเสาร์อาทิตย์ เขารู้ว่าอาจจะดึกเลยไม่ใด้ชวนเอสมาด้วย
สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล หวัดดีแม็ก”
“เอ้อหวัดดีตี้ เป็นไงไม่เจอกันตั้งนาน”
“เออ ตั้งแต่งาน motor expo ก็ไม่เจอนายเลย”
 
ตี้กับแม็กเป็นเพื่อนกันตอนเข้าค่ายนักข่าวรุ่นจิ๋วของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งตอนม.3 แม้จะอยู่คนละโรงเรียนแต่ชอบกิจกรรมเหมือนกันจึงคุยกันบ่อยในกลุ่มเล็ก ๆ บางทีรวมตัวกันไปถ่ายรูปในงานอิเว้นต์ใหญ่ ๆ หรือทำสกู๊ปข่าวลงสื่อส่วนตัว

“อือ ก็สบายดี นี่กำลังปั่นงานตัดต่อของชมรมอยู่ไฟลุกเลย ฮะ ๆๆ”
“ขยันตลอดนะนายเนี่ย เออ ถามอะไรหน่อยตี้ เห็นรูปใน IG นายน่ะ”
“ทำไมเหรอ?”
“นายรู้จักพัตเหรอ เค้าย้ายมาเข้าโรงเรียนนายเหรอวะ?”
“อะไรนะได้ยินไม่ชัด”
“พัตน่ะ นนทภัทร ที่นายถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ ลง IG เมื่อตอนเที่ยงน่ะ”
“อ๋อ พัต ใช่เพื่อนห้องข้าง ๆ เราเอง แม็กรู้จักพัตด้วยเหรอ?”
“ทำไมจะไม่รู้จัก Elite 5 ของรุ่นที่โรงเรียนเรา”
“Elite 5 คืออะไร?”
“พวกเด็ก EP. ห้องคิง 5 คนที่เรียนโคตรเก่งไง ไปประกวดชนะได้ยินชื่อหน้าเสาธงแทบทุกเดือน พัตย้ายมาโรงเรียนนายเหรอ มิน่าเดี๋ยวนี้ไม่ได้ยินชื่อเลย”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 28: อัพ 12 มค.64
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 13-01-2021 18:48:10
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 28: อัพ 12 มค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 19-01-2021 23:26:35
ขออภัยแฟนนิยายทุกท่าน วันอังคารนี้ปั่นงานไม่ทันครับ ขอยกไปวันศุกร์นะครับ
ขอบคุณคุณ meteexp เม้นต์แรกเลย
คุณ AkuaPink แฟนเหนียวแน่นเม้นต์ทุกสัปดาห์เลย
คุณ UnisonMinor แฟนตั้งแต่นิยายเรื่องแรก ขอบคุณมากครับจำน้องวิงกับป้อมได้ด้วย ผ่านมา 13 ปีวิงโตเป็นอาจารย์แล้ว
คุณ KaitlyynDuff คอเพลงเดียวกันเลยครับ
คุณ Grey Twilight คอมเม้นต์ยาวมาก ดีใจมากเลยครับ
คุณ OoniceoO ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ
คุณ Ritawongishere มาบ่อย ๆ น้า ดีใจครับ
คุณ conunGB ขอบคุณครับ
คุณ mystery Y ให้กำลังใจตลอดเลย ขอบคุณครับ
คุณ ซีเนียร์ มาเยี่ยมชมบ่อย ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 28: อัพ 12 มค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Mostly999 ที่ 21-01-2021 00:53:56
รอนะครับ อ่านรวดเดียวเลย ชอบมากๆ :mew2:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 28: อัพ 12 มค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 22-01-2021 23:39:54
King Class Away Ep.29
เดทแรก


เช้าวันเสาร์ผมมายืนรอบอมที่สถานี bts พญาไทก่อนเวลานัด ยังง่วงนิด ๆ เพราะเมื่อคืนอ่านเคมีกับสังคมไปหลายบทชดเชยล่วงหน้าเลย วันนี้จะได้เที่ยวกับบอมเต็มที่ เดทแรกในชีวิตเลยว้อยตื่นเต้นชะมัด ที่ผ่านมาเคยแต่แอบมองเขา ตอนอยู่ใกล้ก็ตื่นเต้นทำตัวไม่ถูก กลัวเขาจะไม่ชอบ แต่ตอนนี้ผมอยู่กับบอมได้อย่างสบายใ..

“พัตรอเรานานมั้ย!!!” บอมเข้ามากอดจากด้านหลังพร้อมทักเสียงดัง คนหันมามองพวกเราเป็นตาเดียว
“บ...บอม!”
“พัตหิวมั้ย? กินข้าวยัง?” บอมถามทั้งที่ไม่เลิกกอด แถมยังลูบหัวเล่นซะตรูเหมือนตุ๊กตาหมีเลย
“เรากินมาแล้วน่ะบอม”
“เหรอ? เรามีแซนวิชมาด้วยนะ นมกล่องก็มี เผื่อนายหิว” เขาเปิดเป้ให้ดู
...นี่มาเดินป่าเหรอ? เตรียมพร้อมมาก!

พอขึ้นรถไฟฟ้าได้บอมก็พามายืนมุมตู้ขบวน เขาจ้องและยิ้มไม่เลิกเลย
“คิดถึงพัตจัง”
“อืม เราก็คิดถึงบอม”
“ตรงนี้ไงที่พัตเคยพาเรามาดูที่เรียนพิเศษ อยู่ใกล้บ้านนายเลยแฮะ” บอมในเสื้อแจ๊กเก็ตสีเหลืองส้มชี้ไปนอกหน้าต่างรถ ผมเคยได้เห็นเขาได้ชุดเที่ยวแค่ 2 ครั้งเดียวคือหลังวันสอบกับตอนมาดูที่เรียนพิเศษที่นี่ตอนปิดเทอม
“ตอนนั้นเราว่าจะชวนพวกบอมไปเที่ยวบ้านเราด้วย”
“ผ่านมาเดือนกว่า ๆ เองแต่รู้สึกนานจังเลยเนอะพัต”
“คงเพราะช่วงเปิดเทอมมีอะไรเยอะมากเลย ทั้งเรียน ทั้งติว มีชมรมบาสด้วย”
บอมยิ้มตาปิด ที่ผ่านมาผมได้อยู่กับบอมแทบทั้งวันทุกวัน นึกถึงคืนนั้นที่บอมบอกว่า “พัตอยู่กับบอมนะ” เขาคงอยากทำแบบนี้มานานแล้ว

“วันนี้ไปเล่นเกมตู้กันแล้วกินอะไรดี? ดูหนังกันมั้ย? พัตมีธุระต้องทำอะไรหรือเปล่า?”
“เดี๋ยวดูหนังเสร็จก็อยากจะไปเดินร้านเครื่องเขียนซื้ออุปกรณ์ทำสิ่งประดิษฐ์น่ะ”
“แถวนี้มีแต่ห้าง มีร้านเครื่องเขียนด้วยเหรอ?”
“อืม เดี๋ยวเราพาไปดูนะ มีในสยามกับจามจุรีสแควร์ด้วย แถวนี้ถิ่นเรา ฮะ ๆๆ”

ผมเดินย่านนี้ตั้งแต่เด็กรู้ทุกซอก จะมีช่วงม.ต้นที่เรียนหนักมากนี่แหละไม่ค่อยได้เดินเที่ยวเลย มาก็แค่เดินร้านการ์ตูนใน MBK กับกินบุฟเฟต์ดูหนังกับโต้งเอ็มเท่านั้น หรือบางวันที่เบื่อมาก ๆ ก็มาเดิน sky walk ก่อนกลับบ้าน

“พ่อบอกว่าเมื่อก่อนห้างเคยมีสวนสนุกบนดาดฟ้าด้วย เราก็เกิดไม่ทันหรอก”
“บ้านพัตอยู่แถวนี้ คงมาเดินบ่อยตั้งแต่เด็กเลยสินะ?”
“อืม”
“ว้า! ว่าจะพาพัตเดินเที่ยว เตรียมขนมมาตั้งเยอะ กลายเป็นว่าพัตนำทางซะงั้น ฮะ ๆๆ”
...ที่บอมเคยบอกว่าตอนเจอผมว่าเหมือนได้เจอน้องที่เขาอยากได้มาเป็นสิบปี นายอยากดูแลน้องแบบนี้ใช่มั้ย…

เริ่มด้วยการไปเล่นเกมตู้กันก่อนเลย
“เล่น House of the dead กันนะ เล่นสองคนได้ ช่วยกันยิง”
“ดีๆ เราชอบเกมผี”
จากนั้นบอมชวนเล่นเกมชู้ตบาส น่าจะเป็นเกมโปรดเขาเลย ชู้ตแม่นมาก อยู่ข้างบอมแบบนี้รู้สึกอุ่นดีชะมัด ชอบกลิ่นโคโลญจ์นจาง ๆ ที่คุ้นเคยจากตัวเขาทำผมลืมความรู้สึกเหงาที่เคยมาเล่นเกมคนเดียวเวลาเซ็ง ๆ ไปเลย
“เที่ยงแล้วกินอะไรดีพัต?”
“บอมอยากกินอะไรล่ะ? เรายังไงก็ได้ เมื่อวานก่อนก็กินร้านโปรดเราไปแล้ว คราวนี้นายเลือกบ้าง”
“กินชาบูละกัน พวกเราเล่นบาสต้องกินเนื้อกินผักเยอะ ๆ”

บอมชอบเนื้อวัวกับเนื้อหมู ส่วนผมชอบพวกอาหารทะเลกุ้งกับหอย ว่าแล้วก็หยิบซูชิด้วยดีกว่า
“พัตจะกินหมดเหรอ?” บอมหน้าเหวอเมื่อเห็นของเต็มโต๊ะ
“สบายมาก เรามีหลุมดำในกระเพาะ ฮะ ๆๆ”
“คนนี้ท่าจะเลี้ยงยากนะเนี่ย อ้อ! แล้วดูหนังเรื่องอะไรดี?”
ผมหยิบมือถือขึ้นมาเลือกหนัง ตอนนั้นเองมีคนโทรเข้ามาพอดี
“ดิมโทรมาแฮะ”
“เรื่องงานกลุ่มมั้ง” บอมเอ่ย

“หวัดดีดิม”
“หวัดดีพัต เราโทรมากวนวันหยุดหรือเปล่า?”
“ไม่กวนหรอก ดิมมีอะไรเหรอ?”
“คือ...เราจะรบกวนพัตหน่อย พัตพอทำโจทย์ข้อนี้ได้มั้ย?”
ผมกดสลับมาดูหน้าจอ เป็นโจทย์วิชาฟิสิกส์ที่ยากเอาเรื่องเลยแฮะ
“คือเป็นการบ้านของเราน่ะ มีทั้งฟิสิกส์, เลข, เคมี อาจารย์บอกว่าใกล้สอบกลางภาคต้องฝึกข้อยาก ๆ”
โจทย์ฟิสิกส์ที่ต้องใช้ตรีโกณมิติผสมด้วย...บรรยากาศนรกที่คุ้นเคยมาก เหอ ๆๆ
“พัตพออธิบายให้เราหน่อยได้มั้ย? เราลองทำเองแล้วเมื่อคืนแต่ไม่เข้าใจหลายข้อเลย”
“เหลืออีกกี่ข้อเหรอ?”
“ฟิสิกส์ 3 ข้อ เลข 4 ข้อ เคมี 2 ข้อน่ะพัต”
“อืม...แป๊บนะเดี๋ยวเราโทรกลับ”

“การบ้านของห้องควีนเหรอเนี่ย โคตรยุบยับเลย ดูก็ตาลายแล้ว” บอมก้มลงมาดูมือถือที่เขายื่นให้
“พัตทำได้มั้ย?”
“ก็พอได้ แต่ถ้าอธิบายให้ดิมทางโทรศัพท์คงงงกว่าจะเข้าใจ”
“แล้วพัตจะทำไง?”
“มีหลายข้อด้วย เราต้องไปอธิบายที่บ้านดิมเลย”
ผมคิดว่าบอมจะทำหน้าผิดหวังที่ไม่ได้เที่ยวกับเขา แต่เขากลับยิ้มร่า “งั้นไปบ้านดิมกัน ดีเลยเราจะได้เรียนวิธีทำโจทย์ยาก ๆ แบบนี้ด้วย ถ้าทำเสร็จเร็วจะได้คุยงานกลุ่มกันต่อเลยดีมั้ย?”
“อืม งั้นเราโทรบอกดิมก่อนนะ”

“ดิม เราไปอธิบายให้ฟังที่บ้านนายเลยดีมั้ย?”
“พัตจะมาบ้านเราเหรอ?”
“อืม อธิบายทางโทรศัพท์คงเข้าใจยากน่ะ”
“แป๊บนึงนะ”
ดิมเงียบไปครู่หนึ่ง ผมได้ยินเสียงเหมือนเขาคุยกับใคร สงสัยคนที่บ้านมั้ง
“ได้ ๆ พัตมาได้เลยนะ เราขอโทษนะที่รบกวนนายขนาดนี้”
“ไม่เลย เราดีใจจะได้ไปเที่ยวบ้านนายละ อ้อ! เดี๋ยวบอมไปด้วยนะ”
“อืม พัตมาถูกนะ?”
“เราจำบ้านนายได้ เดี๋ยวนั่งรถไฟฟ้าไปนะ”

บอมแวะซื้อขนมในสยามไปด้วย เขาบอกว่าเอาไปฝากบ้านดิมและไว้ทานด้วยกันตอนทำการบ้านกับงานกลุ่ม
“บอมนี่ใส่ใจเรื่องของกินตลอดเลยนะ”
“เราเล่นบาสแล้วหิวบ่อยน่ะ เลยกลัวว่าพัตจะหิวเหมือนกัน นายก็ซ้อมทุกวัน”
“กินชาบูไปขนาดนั้นไม่หิวแล้ว”
“เผื่อไว้ก่อน กินกันหลายคนสนุกดี”
“อืม”
“พัตใจดีจัง ไปช่วยสอนการบ้านดิมด้วย”
“ก็เพื่อนกันนี่นา อีกอย่างเราก็...อาจเป็นต้นเหตุให้เขาเจอเรื่องแบบนี้”
“ยังไงนะ?”
“ก็เรากามั่วให้ไม่ติดห้องคิง ทุกอันดับเลยเขยิบขึ้นมา 1 คน ดิมอาจติดห้องควีนเพราะเราเป็นต้นเหตุ”
“พัตคิดมากไปแล้ว นายจะเอาทุกเรื่องมาโทษตัวเองไม่ได้นะ ดิมเค้าอาจติดห้องควีนตั้งแต่แรกแล้วก็ได้”
“ก็เรารู้สึกผิดนี่นา”
“พัตช่วยเพื่อนมาตลอด นายยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ ถ้านายไม่สบายใจอะไรก็ระบายให้เราฟังนะ เราอยู่กับพัตตลอดนะ”
บอมกอดผม เอ่อ...มันก็ดีนะแต่นี่รถไฟฟ้านะบอม
“บอม คนเยอะ”
“นี่แหละข้อดี เพื่อนผู้ชายกอดกันไม่มีใครสนใจหรอก” บอมยิ้มร่าเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่
แย่ละ แฟนตรูหื่นไม่แคร์ใคร ไม่สนใจสถานที่ด้วย -///- นี่เลเวลสูงสุดของนายรึยัง?

“พัต”
“หืม?”
“พัตว่าจะอธิบายการบ้านดิมเสร็จกี่โมง?”
“ตอนนี้จะบ่ายสองแล้ว เดินทาง 1 ชม. การบ้านมหาโหด 9 ข้อคงใช้เวลาสัก 3 ชม. คงเสร็จเกือบทุ่ม”
“แล้วพวกเราจะกินข้าวเย็นแล้วคุยงานกลุ่มต่อด้วยใช่มั้ย?”
“อืม ก็คงเสร็จราว 3 ทุ่ม”
“ถ้าพัตกลับบ้านก็เกือบ 5 ทุ่มเลยนะ”
“จริงด้วยแฮะ” ผมห่วงแต่เรื่องการบ้านของดิม ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย
“นั่นแปลว่า...” ตาของบอมเป็นประกาย
“แปลว่า?”
“พัตควรค้างบ้านเรา” บอมยิ้มตาปิดพร้อมรัดผมแน่น
“ฮะ ๆๆ นี่คิดเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนดิมโทรมาเลยใช่มั้ย”
“ก็เราอยากอยู่กับพัตตลอดเวลานี่นา”
“ได้ เดี๋ยวโทรบอกพ่อก่อนนะ”
“เราโทรชวนสนมาด้วยดีกว่า จะได้ทำงานกลุ่ม”

“สน เรากับพัตจะไปทำการบ้านที่บ้านดิมน่ะ นายไปด้วยมั้ย?”
“อ๋อ กูอยู่บ้านมันนี่แหละ”
“อ้าวเหรอ!”
“เออ แล้วเจอกันนะ”


มาถึงบ้านดิมในซอยข้างห้างอิมพีเรียลสำโรง ดิมมาเปิดประตูบ้านให้
“หวัดดีพัต หวัดดีบอม”
“หวัดดีดิม สนมาด้วยเหรอ?”
“อืม อยู่ในครัวน่ะ กำลังช่วยแม่เราทำอาหาร”
“เพื่อนมาแล้วเหรอลูก? แม่ทอดไก่ใกล้เสร็จแล้ว มากินด้วยกันเร็ว”

คุณแม่ของดิมเดินออกมาจากในตัวบ้าน ดูเหมือนการสอนการบ้านวันนี้จะกลายเป็นปาร์ตี้ใหญ่ไปแล้ว
“สวัสดีครับคุณป้า ผมมีขนมมาด้วยครับ” บอมกับผมยกมือไหว้
“โอ๊ย! ไม่ต้องก็ได้ แค่เพื่อน ๆ มาเที่ยวบ้าน ดิมเค้าก็ดีใจมากแล้ว”

สนในชุดผ้ากันเปื้อนยกถาดไก่ทอดออกมาวางที่โต๊ะเตี้ยหน้าโทรทัศน์ ดูแปลกตามาก ทุกทีเจอเขาแบบนักบาสตลอด
“เฮ้ย! มึงเป็นพ่อครัวเหรอ?” บอมตะโกนแซว
“ก็กูไม่รู้จะช่วยดิมมันทำการบ้านยังไง อ่านโจทย์กูยังงงเป็นไก่ตาแตก แล้วพวกมึงบอกว่าจะมากูเลยมาช่วยแม่เค้าทำอาหาร เนี่ยชิมไก่ทอดแม่ เด็ดกว่า KFC อีก”
“กินกันตามสบายนะ เดี๋ยวแม่ไปรีดผ้าต่อนะ”
“ขอบคุณครับคุณป้า”

ดิมหยิบจานช้อนส้อมแจกทุกคน บอมจัดขนมใส่ถาด แล้วปาร์ตี้การบ้านก็เริ่มขึ้น ระหว่างที่ทานผมก็อธิบายวิธีแปลงโจทย์เป็นสมการให้ดิม ถ้าทำข้อแรกได้เขาคงเบาใจและทานกับทุกคนได้สบายใจขึ้น

“ข้อนี้ค่า t มี 2 อัน t1คือเวลาที่รถคันแรกจะชนกับรถคันที่สอง t2คือเวลาที่มวลบนพื้นเอียงที่บรรทุกบนรถคันที่สองเคลื่อนที่ขึ้น แล้วเอาแรงที่เกิดจากการชนมาคำนวณมุมของพื้นเอียง”
“อ๋อ มิน่าเราแตกสมการแล้วงง เราใช้ t เดียวกันทั้งระบบนี่เอง”
“แรงตอนชนต้องคำนวณมวลที่รถคันแรกบรรทุกไว้ด้วย”
“งี้นี่เอง”
“แล้วคนขับทำไมมันเซ่อจังวะ รถอยู่ตรงหน้ายังขับไปชน” สนเปรย...เออ ผมก็คิดแบบนี้ประจำเหมือนกัน ทำไมไม่เบรคฟระ
“มึงก็ขัดเค้าจัง เสียสมาธิหมด”
“ก็กูสงสัยอ่ะ”

ผมอธิบายวิธีคิดข้อถัดไปเรื่อย ๆ สักพักสนก็เริ่มโอดครวญ “สมองจะระเบิดแล้ว แค่แตกทิศทางแรงเป็นบวกเป็นลบก็งงแล้วเนี่ย มีทั้งขึ้นลงซ้ายขวาเอียงซ้ายเอียงขวา นี่สูตรเกมคอนทร้าเหรอวะ?”
“เออ สนมึงไปเซเว่นปากซอยกับกูหาอะไรดื่มกัน ปล่อยเด็กห้องคิงกับห้องควีนเรียนกันเถอะ พัตดิมเอาอะไรมั้ย?”
“เราเอาไอติมละกันนะบอม”
“เรายังอิ่มอยู่เลย ขอบใจนะบอมสน” ดิมตอบยิ้ม ๆ

ดิมเอ่ยถามเมื่ออยู่กันตามลำพัง “พัต ทำไงเราจะเรียนเก่งได้แบบนายล่ะ?”
“เราไม่ได้เก่งหรอก คือจริง ๆ แล้ว เอ่อ...เราเคยเรียนเนื้อหาม.4 ตั้งแต่ปีที่แล้วน่ะ”
“จริงเหรอ?”
“ที่โรงเรียนเก่าเราอยู่โปรแกรม EP ห้องคิงน่ะ เรียนเร็วกว่าหลักสูตร 1 ปี”
“โห!”
“ตอนม.1 เราเรียนถึงเนื้อหาม.2 ครึ่งนึง พอม.2 เราก็เรียนจบของม.3 แล้วน่ะ”
“งี้ ม.3 ก็เรียนของม.4 พอขึ้นม.5 ก็จบหลักสูตรม.6 แล้วงั้นสิ?”
“อืม”
“แล้วม.6 เค้าเรียนอะไรล่ะ?”
“เรียนเหมือนมหาลัยปี 1 แล้วก็ทำ portfolio ไว้สอบสัมภาษณ์คัดตรงเข้ามหาลัย และก็หลักสูตรภาษาอังกฤษปรับพื้นฐานสำหรับไปต่อเมืองนอก”
“สุดยอดเลย!”
“อืม” ผมได้แต่ตอบสั้น ๆ ...มันคงสุดยอดนะถ้าผมทนจนเรียนจบ…

“แล้ว...”
ดิมเอ่ยค้างไว้แค่นั้น ผมรู้ว่าเขาอยากถามอะไร
“เราเพื่อนน้อยน่ะ พ่ออยากให้เราไปเรียนที่อื่นที่มีห้องคิงเหมือนกันเผื่อเราจะมีเพื่อนเยอะกว่านี้ พ่อบอกว่าคอนเนคชั่นเป็นเรื่องสำคัญเวลาโตขึ้น”
“เฮ้ย! เหตุผลประหลาดจัง แต่พัตเก่งขนาดนี้แล้วทำไมนายถึงไม่ได้ห้องคิงล่ะ? นายเก่งกว่าเราตั้งเยอะ”

ผมมองดิม สักวันเขาก็ต้องรู้ความจริง ความลับไม่มีในโลกหรอก
“เราจงใจกามั่วเองแหละ”
ผมเล่าเรื่องที่เจอมาตั้งแต่ป.6 จนถึงม.3 ให้ดิมฟัง

“บอมก็รู้เรื่องนี้ใช่มั้ย?”
“อืม”
“มิน่าบอมถึงบอกว่าปล่อยให้เด็กห้องคิงกับห้องควีนเรียนกัน เราว่าอีกเดี๋ยวห้องเราก็คงเรียนโหดแบบเดียวกับที่พัตเคยเจอ”
“ดิมทำได้แน่ เชื่อเรา โรงเรียนนี้ก็ไม่มีต้นบอระเพ็ดด้วยนะ เราเดินสำรวจทั่วแล้ว”
“พัตนี่มองโลกในแง่ดีเนอะ เฮ้อ...เราโชคดีนะที่เจอนาย”

ดิมเอนตัวลงนอนกับพื้นแล้วเปิดเพลงในมือถือ

When life doesn't seem worth the living
And you don't really care who you are
When you feel there is no one beside you
Look for a star
When you know you're alone and so lonely
And your friends have traveled afar
There is someone waiting to guide you
Look for a star

“สาย oldies เหรอ?”
“เปล่าอ่ะ เพื่อนเราชื่อปิงเคยให้เราฟังเพลงนี้เวลารู้สึกแย่”
“ความหมายดีนะ”
“เมื่อคืนเราทำการบ้านไม่ได้เลย เราปรึกษาสนว่าทำไงดี เค้าบอกว่าให้ลองปรึกษาพัต”
“.......”
“There’s a friend who’s waiting to guide you...Look for a star ขอบใจนะพัต ไม่ได้นายเราคงแย่”
“อืม”

...ถ้าแผนผมผิดพลาด อีกไม่นานผมก็ได้เรียนห้องเดียวกับดิมแน่ ๆ อันที่จริงก็คงไม่เลวนะอย่างน้อยผมก็มีเพื่อนสนิทหนึ่งคนในห้องนั้นแล้ว

บอมกับสนกลับมาพร้อมน้ำชาเขียวและไอติม พวกเราทำการบ้านกันต่อจนเสร็จเกือบหนึ่งทุ่ม
“เสร็จซะที ขอบใจมากนะพัต เราเข้าใจวิธีทำละต่อไปคงทำเองได้”
“งั้นกินข้าวไปคุยงานกลุ่มกันไปละกันนะ เดี๋ยววันจันทร์จะได้หาของมาทำให้เสร็จเร็ว ๆ เลย”

คุยสรุปงานกันเสร็จ ดิมเขียนโปรแกรม ผมเขียนแบบฐานกับกระดานเหน็บกระดาษ บอมกับสนผลิตจริง
“กูชอบต่อกันดั้มอ่ะ ขอกูประกอบหุ่นได้มั้ย?” สนพูด
“อันนี้ไม่เหมือนกันดั้มนะว้อย” บอมศอกเบา ๆ
“เราก็อยากต่อ เคยเห็นแต่ในยูทิวป์”
“งั้นทุกคนมาประกอบหุ่นด้วยกันนะ มีเว็บเนี้ยที่ขายหุ่นยนต์ สั่งคืนนี้น่าจะได้ของมะรืนนี้” ดิมเปิดคอมให้ดู
“งั้นวันอังคารมาช่วยกันประกอบทั้งหมดหลังเลิกเรียนนะ” ผมเสนอ
“ขอบใจมากนะดิมเลี้ยงข้าวตั้งสองมื้อ”
“ขอบใจทุกคนเหมือนกันนะมาช่วยอธิบายการบ้านให้เรา”
“งั้นพวกเรากลับบ้านก่อนนะ” บอมกอดคอผม แสดงออกชัดเจนมาก
“เออ คืนนี้กูค้างบ้านดิมอ่ะ จะติวภาษาอังกฤษกัน”

บอมกับผมนั่งรถเมล์มาขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีแบริ่ง คืนวันเสาร์รถว่างไม่ค่อยมีคนแล้ว พวกเราเลือกยืนข้างหน้าต่าง ดูไฟยามค่ำบนถนน
“สองคนนั้นดูสนิทกันดีนะ”
“อืม” สนเคยบอกว่าทะเลาะกับดิม ไม่รู้เหมือนกันว่าทะเลาะเรื่องอะไร แต่ตอนนี้กลับมาดีกันก็ดีแล้ว
“วันนี้ได้ทำอะไรหลายอย่างมากเลยนะ” บอมโอบไหล่ผม
“อืม ไม่ได้มาทำงานกลุ่มที่บ้านเพื่อนแบบนี้นานมากละ”
ครั้งสุดท้ายก็ตอนม.2 ตอนนั้นยังไม่บ้าเรียนขนาดนี้ งานกลุ่มแสดงละครภาษาอังกฤษได้ทำฉากเวทีกับเพื่อน ๆ ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน ...พูดแล้วก็คิดถึงเพื่อนนะ ตอนนี้ก็คงกำลังทำสิ่งประดิษฐ์วิทยาศาสตร์เหมือนกันมั้ง ทุกปีมักจะมีกลุ่มที่ทำผลงานเวอร์วังอลังการ

ผมกดเข้าไปดูเว็บบอร์ดกลุ่มปิดของเด็กนักเรียนโรงเรียนเก่าของผม…

“เป็นเดทครั้งแรกแบบเด็กเรียนเลยเนอะพัต ฮะ ๆๆ”
“....อืม...”
“พัตเป็นอะไร ทำไมดูเครียด ๆ”
“เปล่า เราไม่ได้เป็นอะไร”
“พัต เราดูออกนะ จู่ ๆ นายก็เปลี่ยนสีหน้าไปเลย มีอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรหรอก”
“ตะกี้นายดูมือถือแล้วนายก็เงียบไปเลย”

ผมควรให้บอมดูไอ้นี่มั้ย…
“พัต เราเป็นแฟนพัตนะ มีอะไรบอกเราได้”
ผมสู้ดวงตาสีน้ำตาลที่มองมาไม่ได้ ผมเลยต้องยื่นมือถือของผมให้เขาดู
“บอมสัญญานะจะไม่โมโหพวกเขา”
“พวกไหน?”
“สัญญาก่อนดิ”
“ก็ได้”

Topic: Elite5 กลายเป็น Elite4 ไปแล้วว่ะ
ห่า! นั่นโปเกม่อนแล้ว 555
พัตเกรดตกจนพ่ออาย ลาออกไปละ
ก็ดี ลดเวลาอวดเก่งหน้าเสาธงไปได้หลายนาที กูนั่งจนเมื่อย
ไปโรงเรียนใหม่สอบไม่ติดห้องคิงด้วยว่ะ
ก็แมร่งโง่ เข้าห้องคิงเพราะเส้นพ่อ
เรียนจริงไม่รอด
ตัดชื่อน่ารำคาญไปได้หนึ่ง กูฟังทุกวันจนหลอน


“Elite5 คืออะไรน่ะพัต?”
“อาจารย์ประจำชั้นคัดพวกเรา 5 คนในห้องคิงไปแข่งประกวดบ่อย ๆ คนอื่นก็เลยเรียก Elite5”
“นี่พวกมันด่านายนะพัต! มีแต่เรื่องมั่ว ๆ ทั้งนั้น!”
“ช่างเถอะ เรารู้ว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้นก็พอ”
หน้าบอมโกรธจัด “ไอ้พวกนี้มันใคร?”
“บอมสัญญาแล้วนะ ไปต่อปากต่อคำไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”
“...พัต”
“ตั้งแต่ตอนพ่อให้เราลาออกก็คิดอยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้”
ผมกุมมือของบอมไว้ แค่มีบอมอยู่ใกล้ผมก็ไม่รู้สึกอะไรมากกับคำนินทาพวกนั้น แค่เขาอยู่กับผมก็พอ ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นกับมืออุ่น ๆ นี้

“บอมเห็นห้องที่เปิดไฟนั่นมั้ย? เวลาค่ำ ๆ เรานั่งรถแล้วเห็นไฟในห้องแบบนี้เราคิดว่าคนในห้องคงมีความสุขมากกว่าเรา เค้าคงมีเพื่อนอยู่ด้วย ดูโทรทัศน์ด้วยกัน กินข้าวเล่นเกมด้วยกัน คุยกันว่าวันนี้เหนื่อยมั้ย แล้วก็เล่าความฝันให้กันฟัง ...เมื่อก่อนเราอิจฉาเค้านะ ตลกป่ะ ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในห้องนั้นมีใครอยู่หรือเปล่า”
“แล้วตอนนี้ล่ะพัต?” บอมกอดผมเบา ๆ และมองออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยกัน
“ตอนนี้เราไม่อิจฉาใครแล้ว บอมอยู่กับเรา เราก็มีความสุขแล้ว”
“งั้นคืนนี้เรานั่งคุย นั่งเล่นเกมด้วยกันอย่างที่พัตว่าในห้องเรากันนะ” บอมซุกจมูกลงบนหัวผม
“อืม”
“เดี๋ยวตอนปิดไฟห้องเรา พัตจะมีความสุขยิ่งกว่านี้”
...คือซีนนี้ต้องโรแมนติกป่ะ? นี่มาหื่นตลอดเลยว้อยยย! คืนนี้เราจะแค่นอนกันเฉย ๆ หรือเปล่า? แม่นายก็อยู่ด้วยนะเฟร้ย!
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 29: อัพ 22 มค.64
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 23-01-2021 11:24:56
 :hao6: :mew1: :mew3:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 29: อัพ 22 มค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 26-01-2021 23:31:17
King Class Away Ep.30
Inception


พอลงสถานี bts พวกเราก็เดินต่อเข้าถนนอ่อนนุชเพื่อไปรอขึ้นรถสองแถวหน้าตลาดเพื่อไปบ้านบอม
“เดี๋ยวแวะเซเว่นก่อนนะพัต”
“อืม” ...แถวหน้าบ้านบอมก็มีเซเว่น จะซื้อทำไมตั้งแต่ตรงนี้ให้ถือของไปไกล ๆ หว่า?
“พัตไปซื้อนมกล่องให้เราหน่อยสิ”
“ได้”
ผมเดินไปหยิบนมกล่อง แต่บอมยังยืนอยู่หน้าเค้าเตอร์ พอหยิบนมกลับมาก็เห็นบอมรีบยัดของกลับเข้าไปในชั้นวาง
“รับอะไรดีคะ?” พนักงานเซเว่นถาม
“ม...ไม่มีอะไรครับ”
หน้าบอมแดงไปถึงหู แล้วหยิบ 1 กล่องยื่นให้พนักงานไว ๆ “เอาอันนี้ครับ”
ผมได้แต่ยืนรอบอมซื้อเสร็จแล้วค่อยเดินไปจ่ายเงินค่านมกล่อง พอขึ้นรถสองแถวบอมก็ยังนั่งหน้าแดง
“ด...เดี๋ยวคืนนี้เล่นเกมเพลย์ 2 กันนะ”
“อืม”
“แล้วพรุ่งนี้พัตไปไหนมั้ย?”
“เรามีเรียนพิเศษ 2 วิชาตอนบ่ายแถวบ้านเราน่ะ”
“ตอนเช้ายังว่างใช่มั้ย? คือในซอยนี้มีสนามบาสด้วยนะ เจ้าเดียวกับที่พวกเราเคยไปเล่นข้างเซ็นทรัลบางนาน่ะ ตอนเช้าพวกเราไปเล่นครึ่งสนามกันได้มั้ย?”
“ได้สิ”



“แม่ครับ คืนนี้พัตมาค้างด้วยนะครับ” บอมบอกแม่ทันทีที่เปิดประตูเข้าบ้าน
“สวัสดีครับคุณแม่ ขอรบกวนนะครับ”
“มาเลย ๆ ลูกพัตไม่ต้องเกรงใจ กินข้าวมากันยัง?”
“ทานเรียบร้อยแล้วครับ”
“จ้า ลูกพัตตัวสูงขึ้นนะเนี่ย ไม่เจอแป๊บเดียว”
“จริงเหรอครับ?”
“สูงเกือบเท่าบอมแล้ว โตไวแบบนี้แม่อยากเลี้ยงจังเลยลูก มาเที่ยวบ่อย ๆ นะ”
...ก็จะมาเป็นลูกบ้านนี้แล้วครับ
“พัตเล่นบาสกับผมทุกวันเลยครับแม่”
“ทุกเย็นเวลากินข้าวกันนะ บอมเค้าเล่าเรื่องพัตกับเพื่อนที่โรงเรียนตลอด เล่าจนแม่นึกว่านี่แฟน”
...ใช่ครับแม่ นี่แหละแฟน
“บอมดูแลพัตด้วยนะ คืนนี้แม่ง่วงน่ะแม่จะขึ้นไปนอนแล้ว”
“ได้ครับ แม่ไปนอนเถอะ”

พอขึ้นห้องบอมก็จัดแจงหาชุดกับผ้าเช็ดตัวให้ “พัตไปอาบน้ำก่อนนะ”
“อืม”
อาบแล้วแปรงฟัน...แปรงอีกรอบละกันเผื่อไว้ก่อน -///- แล้วกลับมาในห้อง บอมก็เปิดเครื่องเกมเพลย์ 2 ให้ผมเล่นรอระหว่างที่บอมไปอาบน้ำ ผมเอาผ้าเช็ดตัวไปตากที่ระเบียง ถึงจะนั่งเล่นเกมแต่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย...ตื่นเต้นว้อย! คืนนี้จะยังไงฟระ

“เกมเก่าหน่อยนะพัต พอเล่นได้มั้ย?” บอมเดินเช็ดหัวเข้ามาในห้อง เขาไม่ใส่เสื้อ ใส่แต่กางเกงขาสั้นเดินผ่านเอาผ้าเช็ดตัวไปตากที่ระเบียง คือจะยั่วกันใช่มั้ย  ผมมองบอมจนแทบเล่นบอมเบอร์แมนไม่เป็นละตรู กดระเบิดพลาดโดนตัวเองตาย อุตส่าห์เก็บของอัพพลังไว้ตั้งเยอะ
“เล่นสองคนกันนะ” บอมหยิบจอยสองนั่งลงเล่นข้างกัน

ผมแกล้งกระเถิบเข้าไปนั่งชิดกับเขา เข่าเกยเข่า แขนแนบแขน บอมถึงกับเดินไม่พ้นแรงระเบิด นี่ ๆๆ ยั่วตรูจนเล่นพลาด ต้องเอาคืน
“ตั้งใจป่ะเนี่ย?” บอมยิ้มยักคิ้ว
“ตั้งใจ ก็นายแกล้งเราก่อน”
“อะไร ไม่ได้แกล้ง”
เปลือยท่อนบนโชว์กล้ามอกกล้ามท้องมาขนาดนี้ไม่เรียกว่าแกล้งจะเรียกอะไร เล่นสักพักผมเอามือลูบขา บอมปาจอยแล้วอุ้มผมขึ้นเตียงเลย “ไม่เล่นเกมละ มาคุยกันซะดี ๆ”

บอมวางผมลงบนเตียงแล้วทาบทับลงมา หน้าซุกไซ้คลุกไปตามซอกคอ
“เรารักพัตนะ” ริมฝีปากกระซิบเบา ๆ ตอนไล้ไปมาบนหน้าผม มือสองข้างเคลื่อนสะเปะสะปะหาชายเสื้อแล้วถกขึ้นทีละนิดพร้อมเสียงหายใจหนัก ๆ
“พัต...เรา...”
ผมโน้มหน้าบอมมาจูบช้า ๆ “เรารู้ว่าบอมอยากทำ”
“พัตรู้เหรอ?”
“ก็...เห็นตอนซื้อถุง”
บอมหน้าแดงระเรื่อ หน้าหล่อ ๆ ตอนเขินนี่โคตรน่ารักเลย

“เราก็อยากทำ ...แต่วันนี้คุณแม่อยู่นะ”
ดวงตาสีน้ำตาลฉายแววดีใจ “จริงนะ? ตอนแรกเรากลัวว่าพัตไม่กล้า”
“ก็กลัวแหละ แต่..” บอมไม่ฟังผมพูดจบประกบปากเลย หน้าหล่อเกลี้ยงเกลาคลุกบดลิ้นเข้ามาดุดันกว่าคืนนั้น ตกลงได้ฟังมั้ยเนี่ยว่าแม่อยู่
“อือ...” ยิ่งดิ้นเขายิ่งคลั่ง บอมถอนริมฝีปากออกแล้วเคลื่อนหน้าลงมาที่อก มือก็ค่อย ๆ ถอดกางเกงผมลงไปช้า ๆ
“บอม...แม่อยู่” ตอนนี้ทั้งกลัวทั้งอยาก ผมเดาไม่ถูกแล้วว่าบอมจะทำอะไร มันหยุดไม่อยู่แล้วตอนนี้
“หัวใจพัตเต้นแรงมากเลย”
บอมแนบหูกับอกผม ตาสีน้ำตาลมองช้อนขึ้นมา ผมจะคลั่งตายแล้ว ตัวบอมทั้งหนักทั้งอุ่น เขาขยับเอวถูท่อนเนื้อแข็งในกางเกงเขากับขาผม งั้นขอทำตามใจสักนิดเถอะวะ!

ผมพลิกตัวขึ้นคร่อมบอม ยั่วผมมาตลอดหลายสัปดาห์จนผมแทบทนไม่ไหวอยากปล้ำเขากลางสนามบาสหลายทีละ ถึงเวลาทำจริงแล้ว! ผมกระชากกางเกงเขาออก เรือนร่างเปลือยเปล่าของหนุ่มนักบาสอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ส่วนสัดต่ำกว่าเอวลงมาที่ผมไม่เคยเห็น ได้แต่จินตนาการ ตอนนี้ก็ยังอาย ๆ ที่จะมอง

ผมประคองหน้าบอมแล้วกดริมฝีปากลงลิ้มรสเขาทุกส่วน นี่คือบอมของผม ผมจูบสอดลิ้นเข้าไปชิมรสจนหนำใจแล้วซุกไซ้ซอกคอ ไม่มีคำพูดอะไรอีกแล้วนอกจากเสียงครางที่บอมพยายามกลั้น ต้วเขาอุ่นลื่นและหอมเพราะเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ ๆ ผมกดแกนกลางโยกเบา ๆ ลงบนท่อนเนื้อของบอม บอมกอดผมไว้แน่น ความรู้สึกที่กลางลำตัวตอนนี้มันยิ่งกว่าที่เคยทำเองเยอะเลย
“พัต...พัตอย่าแกล้งสิ เราไม่ไหวแล้ว”
“ให้หยุดมั้ย?”
“ไม่อ่ะ”

ผมขยับตัวลงลิ้นที่หัวนมบนหน้าอกแกร่งแล้วลากลิ้นไปใต้วงแขน สัมผัสทุกส่วนของบอม บอมของผม
“พัต...อย่า...” เห็นสุดหล่อของผมหน้าแดงก่ำอ้าปากหอบเบา ๆ นี่สนุกที่สุดเลย
“ก็ชอบเปิด ๆ ถอด ๆ ยั่วเราทำไมล่ะ”
ผมซุกไซ้ไล่ลงไปถึงกล้ามท้องเป็นลอน ส่วนมือผมลูบไปตามลำตัว เอวที่คอดกิ่วแต่แข็งปั๊กแบบนักกีฬา ผมลูบรุกล้ำไปถึงแก่นกายของเขา ใหญ่ชิบเป๋งเลย อุ่นมากด้วย
ผมรูดเบา ๆ พลางเลียกล้ามท้อง บอมเริ่มร้องครางจนต้องเอาผ้าห่มโปะหน้าตัวเอง เอาไงดีล่ะผมเริ่มกลัวความหื่นของตัวเองจะทำหนุ่มนักบาสกลั้นเสียงไม่อยู่ อยากทำแบบในหนังแต่ตัวเองก็กล้า ๆ กล้ว ๆ พอใช้นิ้วแตะน้ำใส ๆ ที่ส่วนหัวบอมก็ร้องอู้อี้
“พัต” บอมจับมือผมไว้
“หืม?”
“ขอ...ขอแค่…” บอมดึงตัวผมขึ้นไปเสมอหน้าเขา
“ขอแค่มือได้มั้ย เรากลัวกลั้นเสียงไม่ไหว”
“อืม”
หน้าเราสองคนแนบกัน ผมใช้มือให้บอม ลมหายใจอุ่น ๆ กับเสียงครางเบา ๆ ของบอมที่ข้างหูทำผมเตลิดหยุดไม่อยู่แล้ว สองแขนของบอมโอบกอดผม ปล่อยให้ผมใช้มือกับแก่นเนื้อของบอมเร็วขึ้น ๆ

“พัต เราขอ” พูดจบเขาก็พลิกขึ้นคร่อมโอบรัดผมไว้แน่น ซอยเอวถูไถกับต้นขาผม กล้ามท้องเขาก็บดถูท่อนเนื้อของผมด้วย บอมดูดไปทั่วทั้งตัว เราสองคนพยายามกลั้นเสียงจนเสร็จ

บอมคว้าผ้าห่มมาเช็ดตัวให้แล้วฟุบหมดแรงบนตัวผม มีแต่เสียงหอบเบา ๆ ของเราสองคน ร่างเปลือยเปล่าที่แสนอุ่นของบอมกอดกระหวัดผมไว้
“พัตไม่โกรธเรานะที่คืนนี้ทำให้ได้แค่นี้”
“ไม่โกรธหรอก ก็แม่อยู่”
“เรา...” บอมกุมมือผม “เราอยากอยู่กับพัตนาน ๆ”
“เราก็อยากอยู่กับบอมนาน ๆ”
“พัตมีความสุขมั้ย?”
“อืม”
“เรามีความสุขมากเลย” เขาหลับตาซุกหัวลงกับหัวผม ผมก็หมดแรงเหมือนกัน เราสองคนหลับในอ้อมกอดกัน

หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ เสียงบอมปลุกผมขึ้นมาในความมืด
“พัต”
“อือ…” ผมลืมตาขึ้นมา “เช้าแล้วเหรอ?”
“เปล่า นี่ตีสาม ...พัตเป็นอะไรรึเปล่า?” 
“หืม? ทำไมเหรอ?”
บอมจ้องผมแววตาเป็นห่วง...หรือจะขออีกยก?

“ไม่มีอะไร พัตนอนต่อเถอะนะ” บอมจัดหมอนให้ผมนอนถนัดขึ้น พร้อมห่มผ้านวมที่มาจากไหนไม่รู้
“อือ นอนกันนะ” ผมกุมมือบอมใต้ผ้านวม มือหนาที่อุ่นมาก
บอมกระซิบแล้วขยับผ้านวมคลุมเราสองคน “เราจะดูแลพัตเองนะ”



ผมตื่นมาตอนเช้า บอมไม่อยู่บนเตียงแต่ได้ยินเสียงจานกระทบกันที่ชั้นล่าง สงสัยบอมคงช่วยคุณแม่จัดมื้อเช้า แย่ล่ะผมนอนเตลิดแบบนี้เสียมารยาทจัง เลยใส่เสื้อผ้าเดินลงมาหวังจะช่วยอะไรบ้าง
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ?”
รู้สึกผิดนิด ๆ ไม่รู้เมื่อคืนคุณแม่ของบอมได้ยินอะไรไหม
“หวัดดีจ้าลูกพัต แม่ทำกับข้าวไว้แล้ว รีบอาบน้ำแล้วลงมาทานด้วยกันนะ”
“เราเตรียมชุดไว้ให้นายแล้วนะ ห้อยอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าน่ะ” บอมในชุดบาส เตรียมพร้อมไปเล่นบาสตามที่คุยกันเต็มที่เลย
ผมเดินกลับขึ้นห้องไปหยิบผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำแล้วรีบแต่งตัว...เดี๋ยวนะ นี่ก็เสื้อบาสนี่นา
“ชุดนี้ของบอมตอนม.ต้นน่ะ ลูกพัตใส่ได้พอดีมั้ย?”
“ใส่ได้ครับคุณแม่”
“เหมือนได้ลูกชายตอนเด็กมาอีกรอบเลย แต่ไม่ซนทโมนเหมือนบอมน่ะ ดีใจจัง”
“แม่จะเห่อพัตมากกว่าผมแล้วนะเนี่ย” บอมแซว
“ยืนคู่กันแล้วเหมือนพี่กับน้องชายเลย ชุดเหมือนกันด้วย ยืนชิด ๆ กันนะเดี๋ยวแม่ถ่ายรูปให้”
บอมยิ้มตาปิด กอดผมเอามือขยี้หัว

พวกเรานั่งรถสองแถวลึกเข้าไปในซอย ย่านนี้มีตลาดเล็ก ๆ ถัดไปเป็นอาคารใหญ่ที่เป็นสนามบาสกับสนามฟุตบอล บอมเดินนำไปที่สนามบาสในร่ม เช้าแบบนี้มีคนเล่นอยู่ห่าง ๆ แค่ทีมเดียว
“เราจองสนามนี้ไว้ มาเล่นกันเบา ๆ นะพัต”
“อืม”
ผมมีความสุขจัง เมื่อวานเราเดทกัน ตอนบ่ายก็ไปปาร์ตี้ทำการบ้านทำงานกลุ่มด้วยกันสี่คน ตอนค่ำก็อยู่กับบอมทั้งคืน เช้านี้ได้เล่นบาสด้วยกันสองคนอีก
“อยากลองดั๊งค์มั้ยพัต?”
“เราโดดไม่สูงขนาดนั้นหรอก”
“ขี่คอเรานี่”
“เฮ้ย! ไม่เอา!”
“เอาน่า! นะ ๆๆ สนุกเชื่อเรา”
“บอมจะยกเราไหวเหรอ?”
“สบายมาก”
บอมนั่งยอง ๆ ให้ผมขี่คอแล้วลุกขึ้น แป้นบาสอยู่ใกล้มาก ผมยัดลูกบาสลงห่วง ตื่นเต้นชะมัดเลย
“ตอนเด็ก ๆ พ่อเราก็ให้ทำแบบนี้” บอมยิ้มระรื่น
“คุณพ่อเป็นคนสอนนายเล่นบาสเหรอ?”
“ช่าย เราก็ฝันมาตลอดว่าถ้าเรามีน้อง เราจะสอนน้องเล่นบาสด้วย อยากให้เขาขี่คอดั๊งค์แบบนี้เหมือนกัน”
บอมเดินไปหยิบมือถือที่วางถ่ายไว้มุมสนาม
“ร้ายนะเนี่ย ไม่บอกก่อนว่าจะถ่าย”
“ถ้าบอกพัตคงไม่หัวเราะขนาดนี้อ่ะดิ” ว่าแล้วบอมก็กดโพสวิดีโอลงเฟสบุ้คเลย

จับมือจูงน้องไป มองฟ้าอันกว้างใหญ่ ฟ้าคงไกลไป ขี่คอพี่สูงเอง

“โห! เพลงเก่ามาก” ผมแซว บอมยิ้มไม่พูดอะไรแต่กอดผมไว้
“เราไม่ยอมให้ใครรังแกพัต”
“เฮ้ย! เดี๋ยว ๆ อะไรอ่ะบอม”
เขาไม่ตอบอะไร ...บอมคงหมายถึงเรื่องเว็บบอร์ดที่ผมให้เขาดู
“ไม่มีใครรังแกเราได้หรอกบอม นายก็รู้ว่าเราแสบขนาดไหน”

พอเล่นบาสเสร็จก็กลับบ้านมาอาบน้ำอีกรอบ
“พัตเอาชุดนี้ไปใส่ละกันนะ ชุดของพัตทิ้งไว้นี่เลย เผื่อวันหลังนายมาค้างอีก”
บอมเลือกเสื้อยืดกับเสื้อแจ็กเก็ตลายทีม Miami Heat ให้ผม
“ทีมโปรดของบอมนี่”
“อืม ดีใจจังพัตจำได้ด้วย”

เสื้อทีมโปรดของเขา...เหมือนที่บอมบอก ถ้าเรามีน้อง เรายกให้หมดทุกอย่างเลย

“เริ่มไม่แน่ใจว่าเราเป็นน้องบอมหรือแฟนบอม ฮะ ๆๆ”
“พัตเป็นทุกอย่างแหละ” บอมยิ้มตาปิด



ผมนั่งรถไฟฟ้ามาที่เรียนพิเศษ โทรศัพท์ผมดังขึ้น โต้งโทรมาแฮะ เดาได้เลยว่าเรื่องอะไร
“หวัดดีโต้ง”
“พัต มึงอย่าเข้าเว็บบอร์ดนะ”
“เราเห็นแล้วล่ะ”
“เชรี่ยเอ๊ย กูอุตส่าห์รีบโทรมากลัวมึงเห็น”
“แค่กระทู้ในบอร์ด ทำอะไรเราไม่ได้หรอก” ผมกระชับเสื้อแจ็กเก็ตของบอม ผมมีบอม ผมไม่อ่อนแอขนาดให้ตัวหนังสือมาทำร้ายผมหรอก
“ต่อความยาวสาวความยืด อยู่เงียบ ๆ เดี๋ยวพวกเค้าก็ลืม”
“ถ้ามึงว่างั้นก็ได้”
“เราอยากดู Fate Stay Night อ่ะโต้ง”
“เออ เดี๋ยวเปิดจองรอบพิเศษเมื่อไหร่ไปดูด้วยกันนะ”

ผมมีบอม มีโต้ง มีเอ็ม มีสน ดิม เอส ตี้ เพื่อนดี ๆ อีกตั้งหลายคน...ผมไม่สนใจแค่บางคนที่โรงเรียนเก่าที่ไม่ชอบเด็กห้องคิงหรอก...แต่ทำไมลางสังหรณ์ของผมมันรู้สึกว่าบางอย่างแย่ ๆ กำลังจะเกิดขึ้น

คิดมากน่า! ตามที่เอสบอกมา คะแนนของตี้ดีขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้จะลองชวนทำโจทย์ท้ายชีตวิชาเลขกับเคมี สัปดาห์หน้าก็ชวนมาทำการบ้านด้วยกัน ผมเก็งข้อสอบไว้แล้ว เท่านี้ก็พอจะเดาระดับคะแนนเขาได้ ที่เหลือผมก็แค่ทำคะแนนสอบกลางภาคให้ได้น้อยกว่า ตี้ก็ได้เข้าห้องควีนตามแผน

ผมนัดเจอเอสกับตี้ที่ร้านข้าวแกงกะหรี่ ต้องเปลี่ยนเมนูบ้างเดี๋ยวตี้เบื่อ ร้านนี้ดีที่มีสลัดผักด้วยได้สารอาหารครบ
“หวัดดีเอส หวัดดีตี้”
“หวัดดีพัต ไปเล่นบาสมาเหรอ?” เสื้อแจ็กเก็ตผมบ่งบอกมากเลยสินะ
“อืม เมื่อเช้าไปเล่นบาสกับบอมน่ะ”
“เออ ดีแฮะ ตอนม.2 เราก็เล่นบาสนะแต่พอการบ้านเยอะ ๆ ก็ไม่ได้เล่นอีกเลย” ตี้พูด
“งั้นหลังเลิกเรียนมาเล่นกันมั้ยล่ะ?” ผมชวน การออกกำลังเบา ๆ ช่วยเพิ่มพัฒนาการร่างกายและสมอง
“วันจันทร์มีชมรมโสตน่ะสิ วันอื่นก็ไม่แน่ใจว่าว่างมั้ย?”
“ออกกำลังบ้างหัวจะแล่นนะ” เอสช่วยเสริม
“นายมาด้วยป่ะล่ะเอส?” ตี้ถามกลับ
“มาดิ ตอนเด็ก ๆ เพื่อนเรียกเราจุง โคชิกะเลยนะว้อย”
“อันนั้นวอลเลย์บอล”
“เออ! ยังไงก็มาเล่นแป๊บนึงตอนเย็นละกัน” เอสสรุปแล้วตักสลัดใส่จานตี้ “กินผักด้วย”
“ก็ได้ นายเล่นเราก็เล่น”

“ยังมีเวลาเหลือครึ่งชม. มาลองทำโจทย์ท้ายเล่มกันมั้ย?”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน ใกล้สอบละ”
ตี้เข้าใจกฏพีซคณิตของเซ็ตและเรื่องพาวเวอร์เซ็ตเป๊ะมาก ไม่สับสนกับเครื่องหมาย แบบนี้ไปรุ่งแน่
“พัต เรื่องเซ็ตพวกเนี้ย ในชีวิตจริงเอาไปทำอะไรเหรอ?” ตี้เงยหน้าขึ้นมา
“นั่นสิ เราก็สงสัยเหมือนกัน อย่างตรีโกณมิติยังใช้หาความยาวด้านได้ แต่อันนี้ใช้ทำอะไร?” เอสถามด้วย
“เราก็ไม่รู้แฮะ”
“เราค้นในกูเกิ้ลก็ไม่ได้คำตอบ แปลว่าเรากำลังเรียนสิ่งที่ไม่รู้จะเอาไปใช้อะไรงั้นเหรอ?”
“เดี๋ยวเราหาคำตอบมาให้ละกันนะตี้”
“ใกล้เวลาเริ่มคลาสเลขละ เราไปห้องน้ำก่อนนะ” เอสพูดแล้วลุกไป

“เออพัต เราถามอะไรนายอย่างดิ?” ตี้ถามระหว่างพวกเราเก็บสมุดเตรียมออกจากร้านอาหาร
“อะไรเหรอ?”
“ตอนม.ต้นนายเรียนที่ไหนเหรอ?” คำถามของตี้ทำผมสะดุ้งโหยง
“ดลปัญญานุกูลน่ะ”
“โห! โรงเรียนดังนี่”
“ห...เหรอ?” ทำไมตี้ถามเรื่องนี้หว่า? ตรูยิ่งไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้เท่าไหร่
“แล้วทำไมนายมาต่อม.4 ที่นี่ล่ะ? ดลปัญญานี่ระดับท็อปเลยนะ”
“เอ่อ...”

ผมไม่รู้จะตอบยังไงดี ผมไม่อยากพูดความจริงแต่ก็ไม่อยากโกหก ผมไม่อยากโกหกเพื่อนมากไปกว่านี้

“เฮ้ย! เราแค่ชวนคุยไปเรื่อยน่ะ ก็เห็นนายรู้เยอะดี ถ้าเป็นเหตุผลส่วนตัวก็ไม่ต้องบอกหรอกเราเข้าใจ”
ตี้ตบไหล่ผม “ตอนเราเลือกต่อม.4 ที่นี่เพื่อนก็ถามเราเหมือนกันว่าทำไมไม่ไปโรงเรียน xxxx ดังกว่าตั้งเยอะ เพื่อนในห้องเราก็ไปสอบเข้าที่นั่นหลายคนนะแต่เราว่ามันเรียนหนักเกินน่ะ เราชอบใช้เวลาว่างทำกิจกรรมที่เราชอบมากกว่า”
“เหรอ? ความคิดก้าวหน้าดีนะ”
“นายก็เห็นด้วยใช่มั้ย? ดูแนวโน้มตอนนี้สิ ประกาศรับสมัครงานก็เน้นรับคนที่มีประสบการณ์ เราว่ากว่าเราจะจบมหาลัยก็อีก 7 ปี โลกอาจเปลี่ยนไปเยอะแล้ว เราคิดว่าทักษะเสริมเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราได้ในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ เราอยากเป็นนักข่าวก็เลยคิดว่าต้องเคยทำงานจริงเยอะ ๆ”
“ถ้านายอยากเป็นนักข่าว ทำไมเลือกสายวิทย์ล่ะ?”
“ขืนเลือกสายศิลป์มีหวังบ้านแตกดิ บ้านเราแต่ละคนจบหมอ จบวิศวะ แต่อยู่สายวิทย์ก็ใช่ว่าจะเป็นนักข่าวไม่ได้นี่ เราอาจได้เป็นนักข่าวสายวิทยาศาสตร์อันดับหนึ่งของประเทศก็ได้นะ”
“ตี้คิดการณ์ไกลดีเนอะ”
“อันที่จริงก็กลัวเหมือนกันแหละว่าเราคิดถูกมั้ยวะ แต่ได้นายช่วยติวบ่อย ๆ เราว่าเราเรียนรู้เรื่องขึ้นเยอะเลยว่ะ คะแนนเก็บก็ฟลุกมาก ก็เลยมั่นใจมากขึ้น ขอบใจนะพัต” ตี้กอดคอผม

“เดี๋ยวเสร็จงานสิ่งประดิษฐ์นี่เราจะตั้งใจละ คิดว่าถ้าคะแนนกลางภาคได้สัก 90% เราจะกล้าบอกพ่ออยากเป็นนักข่าว คนเรามันต้องกล้าประกาศเป้าหมายเนอะ”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 30: อัพ 26 มค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 30-01-2021 22:38:15
คิดถึง :sad4:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 31: อัพ 2 กพ.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 02-02-2021 15:38:33
King Class Away Ep.31
Deception


หลังเรียนเสร็จ พวกผมบอกลาพัตแล้วเดินลงมาชั้นล่างของอาคารเพื่อไปขึ้นรถ Airport link กลับบ้าน
ว่าแต่ทำไมวันนี้ไอ้ตี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ไม่ค่อยกวนตีนเหมือนทุกวัน
“หิวยังเอส?”
“อือ หิวละ”
“งั้นหาอะไรกินกัน”
“กิน Subway ตรงสี่แยกเหมือนเดิมมั้ยล่ะ?”
“เบื่อน่ะ เอสนายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเราควรทานอาหารหลากหลาย”
หืม? ผมหันขวับไปมองตี้ จะมาไม้ไหนฟระ?

“งั้นจะกินอะไรล่ะ? ตอนมื้อเที่ยงกับบ่ายก็ทานในตึกนี้แล้ว ข้างนอกเราก็ไม่เคยเดินไปทานตอนมืดเลย”
“งั้นตามเรามา”
“แมคเหรอ? หรือ KFC?”
“ตามมาละกัน ยังไม่รีบกลับใช่มั้ย?”
“อืม ไม่รีบ”

ผมนึกว่าตี้จะไปร้านฟาสต์ฟู้ดแถวนี้ (ซึ่งผมก็จะค้านมันเพราะไม่ถูกหลักโภชนาการ) แต่มันกลับพาผมเดินเข้าซอย
“เฮ้ย! ไปไหนตี้?”
“เหอะน่า ตามมา”
ตี้มันจะพาผมไปไหนฟระ แถวนี้มีแต่ร้านหรู ๆ สำหรับฝรั่งทั้งนั้น แล้วพวกเราก็มาหยุดหน้าภัตตาคารสีขาวป้ายชื่อเป็นแถบดำ ตี้หันมายิ้ม “ที่นี่แหละเขาว่าอร่อย เราดูรีวิวในเน็ตมาแล้ว”
“ท่าทางหรูชิบเป๋ง เราไม่ค่อยมีตังค์นะ”
ตี้ทำหูทวนลมเปิดประตูเข้าไปเลย นี่นายจะแกล้งแรงไปแล้วนะ นายอาจมีตังค์แต่ผมไม่มีนะว้อย
“ตี้!” ไอ้โย่งไม่ฟังเสียง เดินนำไปนั่งที่โต๊ะเลย
“ตี้! เราไม่มีตังค์!” ผมกระซิบเพราะอายคนอื่นในร้าน
“เราเลี้ยงเองน่า เอาเบอร์เกอร์ไข่กับออมเล็ตครับ ของผมชุดซีซาร์สลัดทูน่า”

ผมรีบคว้าเมนูมาเปิดตามเพื่อดูราคา โอเคไม่แพงมากยังพอไหว แต่นายไม่ถามกันเลยฟระ
“ตอนพักเที่ยงที่โรงเรียนเราเห็นนายเดินผ่านร้านเบอร์เกอร์ข้างโรงอาหาร นายชอบมองบ่อย ๆ เลยคิดว่าคงชอบแนวนี้ อันนี้มีผักเยอะด้วย รีวิวก็บอกว่าดี”

ตอนแรกผมจะด่ามันแต่เมนูที่มันเลือกก็น่ากินจริงแฮะ
“ร้านที่โรงอาหารคนเยอะตลอด นายไม่ชอบต่อคิวใช่มั้ยล่ะเอส?”
“ก็ประมาณนั้น ว่าแต่นายรวยมาจากไหนฟระ อยู่ ๆ จะเลี้ยงเรา”
“ก็...” ตี้ดึงมือถือออกมาเปิด IG
“มีสปอนเซอร์เข้า”
“เหรอ? คราวนี้อะไรน่ะ?”
“เสื้อยืดคู่รัก”
“...........”
“นะเอสนะ ช่วยรับงานนี้กับเราที”
“ไม่!”
“เหอะนะเอส เสื้อร้านนี้ครีเอทีฟมากเลยนะ แบบคู่ฝาแฝดก็มี เพื่อนรักก็มี เสื้อทีมก็มี เราอยากถ่ายงานนี้”
“แค่นี้เพื่อนในห้องก็นึกว่าเป็นคู่จิ้นกันหมดแล้ว”
“เหอะนะ จะได้มีตังค์ซื้ออุปกรณ์ทำสิ่งประดิษฐ์ด้วยไง คิดเสียว่าเพื่องานกลุ่มก็ได้”
“ได้เท่าไหร่ล่ะ?”
“6,000 แบ่งกันคนละครึ่ง”
“......”
ขอแกล้งหน้าบึ้งสักหน่อยเหอะ ไถหน้าจอดูเมสเสจที่มันคุยกับสปอนเซอร์ถ่วงเวลาแกล้งมัน
“นาย 4,000 เรา 2,000 ก็ได้ นะเอสนะ”
“เออ ๆ ก็ได้ แบ่งคนละครึ่งนั่นแหละ”
ก็อยากโก่งค่าตัวหรอกนะ แต่ดู ๆ แล้วตี้มันก็ต้องคุยงานคุยรายละเอียดอะไรเยอะเหมือนกัน อันที่จริงผมไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยอมให้มันถ่ายรูปบ้า ๆ บอ ๆ ลง IG จะเอามากกว่ามันก็น่าเกลียด

“ชอบนายที่สุดก็ตรงนี้แหละ” ตี้ยิ้มร่าแล้วพิมพ์ตอบเมสเสจ IG ทันที
“ที่พามาเลี้ยงคือกะมัดมือชกใช่มั้ย?”
“มีเรื่องอื่นด้วยน่ะเอส”
“อะไรเหรอ?”
“คือ...เราอยากขอบใ”
“เฮ้ย! นี่อะไรฟระ? ถ่ายแบบที่โรงเรียน!”
ผมไถไปดูที่ไอ้ตี้คุยงาน นัดถ่ายที่โรงเรียน แล้วดูท่าที่ต้องถ่ายมีทั้งกอด, ขี่หลัง, อุ้ม, นอนหนุนตัก, ท่าซารางเฮโย, กินป๊อกกี้คนละฟาก, แตะหน้าผากวัดไข้ แต่ละท่าบรรเจิดบรรลัยมากเหมือนขุดจากนิยายมาทุกเรื่อง
 
ตี้ยิ้มแห้ง ๆ “นะเอส เพื่องานกลุ่มนะโว้ย”
“เสื้อก็ส่อ ท่าก็ใช่ ถ่ายที่โรงเรียนด้วย เพื่อน ๆ ก็เห็นหมดดิวะ ไม่เอาว้อย”
ตี้หน้าสลดก้มลงไปพิมพ์

Ty_Tweetie: พี่ครับ เอาท่าธรรมดาได้มั้ยครับ?
Heart_JT: ทำไมล่ะคะน้องตี้น้องเอส?
Ty_Tweetie: เอสเค้าเขินครับ


“ไม่ได้เขินว้อย เอามานี่เราพิมพ์เอง” ผมแย่งมือถือมันมาเลย

Heart_JT: แค่ท่ากุ๊กกิ๊กเองนะคะ ให้พี่คุยกับน้องเอสได้มั้ย?
Ty_Tweetie: เป็นนักเรียนครับพี่ ขอท่าธรรมดาดีกว่า

Heart_JT:  :sad4:
Heart_JT: นะคะ เพื่อ FC น้าาาา

มีแฟนคลับด้วยเหรอวะ? IG ที่มีแต่รูปคู่บ๊อง ๆ เนี่ย?

Ty_Tweetie: ไม่ได้จริง ๆ ครับ
Heart_JT: งั้นพี่ขอแค่ 2 ท่านะคะ อันไหนก็ได้ พี่ยื่น story board ไปแล้วน่ะค่ะ
Ty_Tweetie: งั้นแค่ขี่หลังกับแตะหน้าผากวัดไข้ครับ
Heart_JT: ค่าาา  :mew1:

2 ท่านี้เพื่อนผู้ชายก็ทำกันนะ

“เรียบร้อยละเนาะ ทานข้าวกันต่อดีกว่า กินเยอะ ๆ นะจะได้สูง”
“ฟวยเหอะ เดี๋ยวโทรปลุกตอนตีห้าซะนี่” สรุปมันก็ปากหมาเหมือนเดิม
“ไม่ตื่นหรอก ฮ่า ๆๆ”
“แล้วที่บอกว่ามีเรื่องอื่นจะคุยด้วยคืออะไร?”
“ไม่มีแล้วล่ะ รีบกินเหอะจะสามทุ่มละ”

พอลงบันไดจากสถานี airport link หัวหมาก ตี้ก็เอ่ยขึ้นมา “ดึกแล้วเดี๋ยวเราเดินไปส่งนายที่บ้านนะ”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวนายก็นอนดึกอีก เรากลับเองได้”
“เออ ๆ พรุ่งนี้โทรมาปลุกด้วยนะ”
“ตื่นเองบ้างดิว้อย”
นายนี่เหมือนเด็กจริง ๆ ต้องโทรปลุกทุกเช้าหรือไง แต่ได้มา 3,000 โคตรดีใจเลยว้อย
ผมเดินข้ามถนนไปอีกฟากแล้วหันกลับมาดูให้แน่ใจว่าตี้มันกลับบ้านปลอดภัย ไอ้โย่งโบกมือแล้วคุยโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้ เอาเถอะมันเดินไปป้ายรถเมล์ก็โอเค   

กริ๊ง ๆๆ เสียงมือถือของตี้ดังขึ้น เขาโบกมือลาเอสแล้วกดรับสาย
“สวัสดีครับพี่ฮาร์ต”
“ยอมถ่าย 2 ท่าแล้ว เห็นมั้ยคะว่าพวกพี่เชี่ยวชาญเรื่องความรักมากกว่าแค่เสื้อยืด”
“ขอบคุณมากครับพี่”
“แล้วเมื่อไหร่น้องตี้จะบอกรักน้องเอสล่ะค้าาา พวกพี่ลุ้นเอาใจช่วยอยู่น้า”
“ถ้าสอบกลางภาคได้ 90% ผมจะบอกเขาครับ”
“ทำไมล่ะคะ?”
“ก็เอสเค้าช่วยดูแลให้ผมตั้งใจเรียน”
“งู้ยยย เงื่อนไขแบบเด็กนักเรียนจริง ๆ น่ารักจัง ขอให้สำเร็จสอบได้เยอะ ๆ นะจ๊ะ”



04:35น.
เช้ามืดวันจันทร์

มลฤดีมองลูกชายร่างสูงของเธออย่างประหลาดใจที่วันนี้ตื่นเช้ามาวิดพื้นกระโดดตบ พักนี้ตื่นเช้าทุกวันแถมออกกำลังด้วย แต่ไหนแต่ไรมาตี้ตื่นเกือบ 8 โมงตลอด ไปโรงเรียนสายประจำจนเธอระอาใจ ที่สำคัญคือมีโทรศัพท์มาปลุกทุกเช้า เห็นลูกชายคนเล็กคุยไปยิ้มไปอย่างนี้กำลังมีความรักแน่ ๆ เธอเลี้ยงลูกผ่านช่วงวัยรุ่นมาแล้ว 2 คนจึงพอเดาได้

เป็นช่วงเวลาสำคัญ เธอต้องยั้งใจไม่พูดแซว ได้แต่หวังว่าลูกชายจะเล่าให้ฟังเอง
“ทานข้าวมั้ยลูก?”
“ไม่ครับแม่ เดี๋ยวไปทานที่โรงเรียนกับเพื่อน”
มีแค่เรื่องนี้แหละที่เธอแอบงอนเล็ก ๆ ใครหนอมัดใจลูกชายเธอให้ไปทานข้าวเช้าด้วยทุกวัน เอาเถอะก็ดีกว่าที่เขาทานแต่แซนวิชกับข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้าปากซอยเพราะจะไปโรงเรียนไม่ทันอยู่รอมร่อ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ลูกชายคว้าแล้วกระโดดลงนอนบนโซฟา
“หวัดดี ฮ้าววว”
“เพิ่งตื่น”
มลฤดีแอบมองพฤติกรรมแปลก ๆ ของลูกจากในห้องครัว
“อือออ ไม่นอนต่อหรอก”

เธออมยิ้มอยู่คนเดียวในครัว พยายามทำอาหารให้เบาเสียงที่สุด กลัวลูกชายความแตกว่าจริง ๆ ไม่ได้อยู่ในห้องนอน วิธีอ้อนช่างน่ารักเหมือนตอนเด็ก ๆ ทั้งที่ตอนนี้สูงชะลูดแล้ว ตอนนั้นเป็นวันเด็กป.4 หรือป.5 นะที่ลูกชายคนเล็กอ้อนขอไปดูสถานีโทรทัศน์ แทนที่จะไปเที่ยวห้าง
“แค่นี้นะ เดี๋ยวไปอาบน้ำละ” เจ้าตัวสูงคุยโทรศัพท์เสร็จก็โดดผลุงขึ้นจากโซฟา
“ตี้ เอาอะไรไปทานที่โรงเรียนด้วยมั้ยลูก?”
“ไม่อ่ะแม่ ไปทานที่โรงอาหารกับเพื่อน”
“มีหมูอบนะ”
สิ้นเสียง ลูกชายหัวยุ่งก็โผล่หน้ามาในครัวทันที มลฤดีบรรจงหั่นหมูอบชิ้นใหญ่ให้ดูประหนึ่งกำลังอยู่ในรายการแข่งทำอาหาร เจอของชอบกับฉากหั่นสโลว์โมชั่นอย่างนี้จะห้ามใจไหวไหม
“น่ากินจังครับแม่ งั้นขอใส่กล่องไปหน่อยนะ อันนี้น่าจะคลีน”
ใครจะมาแย่งลูกชายเธอก็ไม่รู้ล่ะ แต่มั่นใจเสน่ห์ปลายจวักนี้มัดใจคนทั้งบ้าน ว่าแต่ ‘คลีน’ นี่คือยังไงนะ เดี๋ยววันนี้ต้องไลน์ถามกลุ่มเพื่อนดูสักหน่อย



6:35น.
เช้านี้ผมนั่งรอบอมที่ร้านน้ำหน้าโรงเรียน ผมอ่านชีทเคมีระหว่างรอ แต่ในหัวผมวนเวียนกับคำพูดของตี้

ถ้าคะแนนกลางภาคได้สัก 90% เราจะกล้าบอกพ่ออยากเป็นนักข่าว
เราอาจได้เป็นนักข่าวสายวิทยาศาสตร์อันดับหนึ่งของประเทศก็ได้นะ


ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ถ้าได้เรียนห้องควีนเขาจะเก่งขึ้นกว่านี้อีกแน่ ๆ...แต่ผมกลับรู้สึกผิด
“หวัดดีพัต”
ผมสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมาเพราะเสียงที่คุ้นเคยนั่นคือคนที่ผมกำลังนึกถึงพอดี ตี้ยืนยิ้มอยู่หน้าร้าน
“ห...หวัดดีตี้”
“รอพวกบอมอยู่เหรอ?”
“อืม”
“เราจะไปทานข้าวกับเอสน่ะ ไปก่อนนะ”
ผมมองตามตี้ที่เดินเข้าประตูโรงเรียนไป ข้อความไลน์จากเอสก็เด้งขึ้นมา

เอส: นัดตี้มาได้ตอนเช้าที่โรงอาหาร พัตมาทำโจทย์เคมีกันมั้ย?

...มันควรจะเป็นแบบนี้จริง ๆ เหรอ...ผมกำลังหลอกใช้เพื่อน ๆ เพื่อหนีห้องควีน หลอกใช้ตี้ หลอกใช้เอส …

พัต: เรารอพวกบอมอยู่น่ะ เอสทานข้าวกับตี้เถอะนะ ขอบใจนะเอส

“หวัดดีพัต มาเช้าเลยนะวันนี้”
เสียงบอมทักขึ้นมา ผมหันไปดูเห็นพวกเขาหอบไม้มาพะรุงพะรัง
“เมื่อเช้าเราไปถามร้านไม้หน้าปากซอยว่าพอมีเศษไม้มั้ยจะเอามาทำฐานสิ่งประดิษฐ์ เจ้าของร้านใจดีมาก เค้าขอดูแบบแล้วหาชิ้นเหมาะ ๆ ให้น่ะ” บอมยิ้มแฉ่งที่งานสิ่งประดิษฐ์เริ่มคืบหน้าแล้ว
“กูกับดิมเลยช่วยหอบมา เดี๋ยวเที่ยงนี้มาช่วยกันทำที่ช็อปไม้นะ กูคุยกับอาจารย์ไว้ละ” สนกล่าว
“งั้นเดี๋ยวเราไปช่วยนะ”
“เราเขียนโปรแกรมเสร็จแล้ว เดี๋ยวเที่ยงนี้จะลองรันโปรแกรมจำลองที่ห้องคอม พรุ่งนี้หุ่นมาจะโหลดโปรแกรมใส่ได้เลย”
“เฮ้ย! กูลองทำคอมด้วยสิดิม ยากมั้ยวะ? มันจะเหมือนหุ่นจูโอมารูมั้ย?”
“ตกลงมึงจะช่วยช็อปไม้หรือทำคอมวะ?” บอมถาม
“กูก็อยากทำทั้งสองอย่างน่ะ”
“สนช่วยดิมที่ห้องคอมเถอะ เดี๋ยวเรากับบอมประกอบฐานไม้เอง แยกกันทำจะได้เสร็จเร็ว ๆ”
“พัตไหวเหรอ? บอมทำคนเดียวก็ได้”
“เราไหว ตอนม.ต้นก็เคยทำงานไม้อยู่”

“แหม ๆๆๆ บอมทำคนเดียวก็ด้ายยยย กูเพิ่งเคยได้ยินมึงเรียกตัวเองมุ้งมิ้งแบบนี้”
“ห่าน! กูหลุดปากนิดเดียวเล่นกูเลยนะมึงไอ้สน” บอมคว้าไม้ออกมาจากถุง
“ไอ้เหี้ยบอม! ไม้นะโว้ยไม่ใช่หมอน”
สนหลบมากอดด้านหลังดิม “เอาสิมึง ตีมามึงไม่มีหุ่นส่งอาจารย์แน่”

พักเที่ยงพวกเรารีบทานข้าวแล้วแยกย้ายกันไปทำงาน ผมกับบอมช่วยกันทำฐานที่เวิร์คช็อปไม้ ส่วนดิมกับสนไปทดลองโปรแกรมที่ห้องคอม บอมเปิดแบบที่ผมเขียน ตัวกระดานออกแบบสำหรับเหน็บกระดาษ A0 ที่จะใช้ปากกาวาดเส้นทางเดินของหุ่นยนต์ มีกล่องไม้ไว้เก็บตัวหุ่นและช่องเก็บปากกา และไดคัทไม้เป็นชื่องานพร้อมใบอธิบายวิธีเล่นที่ดิมพิมพ์มาให้แล้ว

บอมใส่แว่นป้องกันแล้ววัดขนาดไม้อย่างทะมัดทะแมง เพิ่งเคยเห็นเขาในแบบนี้ เท่ชะมัดเลย อาจารย์มาสอนการใช้เครื่องใบเลื่อยตัดไม้ อธิบายหลักความปลอดภัยให้ ผมเริ่มทำตามที่อาจารย์สอน
“พัตไหวแน่นะ?”
“ไม่ต้องห่วง เช็คทิศใบเลื่อยให้แน่ใจอีกครั้งจะได้ไม่ดีดไม้ออก แล้วค่อยเปิดเครื่อง จับไม้แน่น ๆ ใส่เข้าไป”
การได้ทำอะไรนอกเหนือจากการอ่านหนังสือบ้างก็สนุกดีเหมือนกัน ผมอยากเป็นเหมือนคนธรรมดาและผมต้องเป็นให้ได้ บอมจะได้ไม่ต้องกังวล

พอตัดไม้เสร็จก็เอาไปขัดให้หมดเสี้ยน จากนั้นทากาวแล้วประกอบ บอมจัดการตอกตะปูซ้ำอีกที บอมเอาป้ายชื่องานทากาวติดบนกระดานไม้แล้วตามตามแบบมาประกอบขั้นสุดท้าย ฐานก็เสร็จเรียบร้อยทันหมดเวลาพักเที่ยงพอดี

พวกเราไปล้างมือล้างหน้าก่อนเดินกลับห้องประจำชั้น
“เช้านี้พัตมา airport link ใช่มั้ย?”
“อือ เราเพิ่งเคยขึ้นตอนเช้า กะเวลาไม่ถูกเลยมาเช้าไว้ก่อน”
“แล้วเย็นนี้ก็กลับเองมั้ย?”
“อืม พ่อบอกว่าเดินทางเร็วแบบนี้ให้อยู่เย็นได้อีกหน่อย จะได้มีเวลาเล่นบาสนานขึ้น”
“ดีจังเลย งั้นเล่นบาสเสร็จเราไปส่งพัตนะ”
“เรากลับเองได้ บอมอยู่ฝึกบาสกับพวกพี่ ๆ เถอะ”
“คือ...” บอมทำหน้าจริงจัง “เรามีเรื่องอยากคุยกับพัตน่ะ แค่สองคน”
“อืม ก็ได้”

บอมจะคุยอะไรกับผมหว่า? ท่าทางจะเป็นความลับขนาดต้องไปคุยกันที่ไกล ๆ ด้วยเหรอ?
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 31: อัพ 2 กพ.64
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 02-02-2021 18:52:53
 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 31: อัพ 2 กพ.64
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-02-2021 09:30:53
เขาจะคุยอะไรกันนะ?
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 31: อัพ 2 กพ.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 09-02-2021 22:21:36
King Class Away Ep.32
Stress


ช่วงพักเที่ยง
ณ ห้องคอมพิวเตอร์ ชั้น 3 ของอาคาร 5

บอมกับพัตไปช็อปไม้ ส่วนผมกับดิมมาจัดการเรื่องโปรแกรมของหุ่นยนต์ ตอนเที่ยงไม่มีใครในห้องคอมพิวเตอร์ สงสัยคงมากันตอนเย็น ๆ เท่านั้น ดิมจัดการเปิดไฟเปิดแอร์ เปิดเครื่องคอมแล้วเปิดโปรแกรมอะไรสักอย่างขึ้นมา “อันนี้เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปไว้ป้อนคำสั่งให้หุ่นยนต์นะสน ช่องด้านนี้สำหรับเขียนโค้ด แล้วพอสั่งรัน ตัวหุ่นในจออีกด้านจะจำลองว่ามันเดินตามที่เราเขียนคำสั่งยังไง”
“อืม” ผมนั่งอยู่ด้านซ้ายของไอ้ดิม หน้าจอมีอะไรยุบยับไปหมด
“ตอนนี้เราเขียนให้หุ่นไม่สุ่มเดินเลี้ยวทิศเดียวกันติดกันสามครั้งเพราะมันมักจะเดินวนกลับมาจุดเดิม”
“เออจริงด้วยว่ะ”
“การเขียนโปรแกรมจะพิมพ์เองด้วยมือก็ได้ หรือกดปุ่มคำสั่งสำเร็จรูปตรงด้านล่างจอก็ได้เหมือนกัน”
เวลาดิมทำคอมมันดูเท่ดีแฮะ

“สนลองทำดูมั้ย?”
“เออ ขอลองสักที”
ผมกดเล่นแป๊บ ๆ ด้วยปุ่มคำสั่งสำเร็จรูป ดูก็ไม่ค่อยยากนะ แต่ถ้าพิมพ์ภาษาต่างดาวแบบที่ดิมทำคงยังไม่ไหว พอเงยดูนาฬิกาที่ผนังก็เหลือเวลาแค่ครึ่งชม.จะถึงคาบ 5 ละ
“สนุกดี เดี๋ยววันหลังนายสอนเราอีกนะ วันนี้เอางานกลุ่มให้เสร็จก่อนละกัน”
“อืม เดี๋ยวขอแก้โค้ดอีกนิด”

“อ้าวน้องดิม มาตอนเที่ยงด้วยเหรอ?” รุ่นพี่คนหนึ่งเปิดประตูห้องเดินเข้ามาทักทาย
“ครับพี่ยุทธ ทำงานกลุ่มสิ่งประดิษฐ์น่ะครับ เขียนโปรแกรมหุ่นยนต์เดินตามเส้นปากกา”
“สร้าง AI เลี้ยวสุ่มเหรอ?” พี่ยุทธเดินมายืนคร่อมด้านหลังไอ้ดิม ท่าทางสนิทกันเชียว
“ครับพี่ นี่เพื่อนผมครับชื่อสน พี่ยุทธเป็นรุ่นพี่ชมรมคอมครับ”
“สวัสดีครับพี่ยุทธ”
“สวัสดีครับน้องสน”
 
ดิมเปิดมือถือรูปหุ่นให้ดู “เดี๋ยวพรุ่งนี้ได้หุ่นมาก็อัพโปรแกรมเข้าก็น่าจะเสร็จละครับ”
“อือ...พวกนี้หน่วยประมวลผลมันเล็กนะ น้องเขียนโค้ดแบบนี้ ลองด้วยซิมูเลเตอร์มันทำงานได้ แต่พอใช้กับหุ่นจริงมักจะเอ๋อน่ะ”
“อ้าว เหรอครับพี่?”
“อืม พี่ก็เคยเล่นพวกนี้มาก่อน ถ้าดิมอยากให้มันเคลื่อนที่เหมือนมีความคิดให้ลองใส่คำสั่งแบบตายตัวลงไปสัก 20 ชุดให้มันสุ่มเลือก คนเล่นดูไม่ออกหรอกว่ามันเป็นแบบกำหนดล่วงหน้า”
“อ้าว ยังงี้ก็ไม่ใช่ AI จริงสิครับ?” ผมแย้ง ไอ้พี่ยุทธแม่งเป็นใครวะมาดับความฝันของดิมซะงั้น
“ฮาร์ดแวร์มันมีข้อจำกัดน่ะ ก็มีทั้งสุ่มจริงสุ่มหลอกปนกันไป อย่างพวกเกมกาชาปองก็ไม่ใช่การสุ่ม 100% หรอก มันมีชุดคำสั่งไว้แล้วว่าคนเริ่มเล่นจะเปิดได้ของเทพใน 20 ครั้งแรกอะไรงี้ หลังจากนั้นก็เกลือล้วน ๆ ไปอีก 50 ครั้งค่อยได้ของดีอีก”
...เออพี่มันก็พูดมีเหตุผลแฮะ ว่าแต่ทำไมเรียกชื่อกันสั้นลงเรื่อย ๆ วะ? จาก ‘น้องดิม’ กลายเป็น ‘น้อง’ แล้วก็เหลือแค่ ‘ดิม’

“ถ้าอยากให้ดูเป็น AI แต่ประหยัดการประมวลผล ดิมก็เขียนชุดคำสั่งแตกต่างกันสัก 10 ชุดแล้วให้มันสุ่ม 2 ชุดมาต่อกัน แบบนี้ก็ดูดีนะ”
ไอ้พี่ยุทธไม่พูดเปล่า ๆ มันจับมือดิมที่กุมเมาส์เลื่อนไปเลย เฮ้ย!

“ก็มีความเป็นไปได้ 100 แบบแล้ว งั้นคั่นด้วยการสุ่มจริงทุก 1 ครั้งแบบนี้ก็พอรันได้ใช่มั้ยครับ?”
ไอ้แว่นคงสนุกกับการทำคอมจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ารุ่นพี่จับมือมันอยู่ ไอ้รุ่นพี่หน้าตี๋ก็เอื้อมแขนซ้ายผ่านไหล่ไอ้ดิมมาช่วยพิมพ์คอมอีก ท่านี้แม่งยิ่งกว่ากอดอีกโว้ย!!!
“ดิม จะหมดพักเที่ยงแล้ว!” ผมต้องรีบแยกพวกมันออกจากกัน
“จริงด้วย งั้นพวกผมไปก่อนนะครับพี่ยุทธ ขอบคุณมากครับที่แนะนำ” ดิมบันทึกงานลง thumb drive แล้วดึงออกจากเครื่องคอม
“การบ้านดิมยากขึ้นแล้วใช่มั้ย?” ไอ้รุ่นพี่อมยิ้ม
“พี่รู้ด้วยเหรอครับ?” ดิมถาม
“ก็ห้องควีนเหมือนกันนี่ พี่จำได้เลย 2 สัปดาห์ก่อนสอบกลางภาค นรกแตกมาก ให้พี่ช่วยติวก็ได้นะ”
“ขอบคุณครับพี่”

“เราไปขอหนังสือเรียนจากพี่ยุทธตอนเปิดเทอมน่ะ พอมาเจอกันอีกในชมรมคอมก็เลยคุยกันบ่อย ๆ”
ดิมเล่าระหว่างเดินกลับเข้าห้องประจำชั้น สรุปว่าไอ้พี่ยุทธเป็นรุ่นพี่ ม.5/7 ห้องควีนของดิม แถมขอหนังสือเรียนกัน แล้วยังอยู่ชมรมคอมด้วยกันอีก ชอบหุ่นยนต์เหมือนกันด้วย มันแต๊ะอั๋งจับมือพิมพ์โอบข้ามตัวนี่มึงไม่รู้ตัวเลยเรอะ!? แล้วนี่ยังจะไปให้มันสอนการบ้านอีก!? กูไม่ยอมโว้ย!!



16:35น.

ผมเลิกเรียนคาบสุดท้ายแล้วออกมายืนรอดิมหน้าห้อง มองผ่านประตูไปที่ไอ้แว่นยังเรียนไม่เสร็จ มันหันมามองแล้วบุ้ยใบ้ประมาณว่าอาจารย์ไม่เลิกสอนสักที พอบ่นด้วยสีหน้าเสร็จมันก็ยิ้มให้ทีนึง ยิ้มห่าอะไรเล่า! กูโมโหมึงอยู่นะโว้ย ขอคบกับกูแท้ ๆ แต่ดันปล่อยไอ้พี่ยุทธจับมือง่าย ๆ ซะงั้น

เอ๊ะ! ถ้าอยู่ชมรมเดียวกันก็แปลว่าไอ้พี่ขี้หลีนั่นน่าจะแต๊ะอั๋งมันมานานแล้วสิ อาจจะตั้งแต่เปิดเทอมที่ดิมลาออกจากชมรมสแครบเบิ้ลพร้อมผมเลยมั้ง คือดิมมันไม่ได้สนใจหรือตั้งใจทำคอมมากจนไม่รู้ตัววะ? จริง ๆ ผมควรโมโหไอ้พี่ยุทธสิฟระ? ไม่สิ กูโมโหมึงนี่แหละ ก่อนหน้านี้ยังไงก็ช่างแต่คบกันแล้วมึงต้องระวังตัวหน่อยสิ แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเรียนฟระ? รอนานแล้วนะว้อย บาสก็ไม่ได้ซ้อม กว่าจะเลิกปาไปเกือบห้าโมงเย็นแล้ว
“ขอโทษนะสน อาจารย์เลิกช้า”
“ขอโทษทำไมวะ ไม่ใช่ความผิดมึง แล้วนี่หิวป่ะวะ?”
“ก็นิดนึง หาอะไรกินก่อนไปเล่นบาสมั้ย? นายรีบไปซ้อมไหม?”
“ไม่รีบ ไปกินไส้กรอกกันน่าจะอิ่มท้องหน่อย”

“คือกูหงุดหงิด” ผมพูดหลังจากนั่งทานไส้กรอกกันไปครึ่งนึงแล้ว
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“ไม่รู้ว่ะ หลายเรื่อง” ผมพูดไปตามตรง ก็เราตกลงกันแล้วว่าจะพูดกันทุกอย่างตรง ๆ
“เรื่องที่เราเลิกช้าป่ะ?”
“อันนั้นกูต้องโมโหอาจารย์มึงอ่ะ”
“แล้วมีเรื่องอื่นไหม?”
“เรื่องรุ่นพี่มึงน่ะ กูว่ามันหาเรื่องแต๊ะอั๋งมึง กูไม่ชอบ ทั้งจับมือเลื่อนเมาส์ มาชิด ๆ พิมพ์คอมให้”
“เอ่อ บางครั้งเราก็ทำแบบนั้นเวลาช่วยเพื่อนพิมพ์คีย์บอร์ดนะ เราคิดแต่เรื่องโค้ด ไม่ทันคิดเรื่องอื่นน่ะ”

จะว่าไปเวลาพวกผมเล่นบาสก็มีโดนตัวกันก็ไม่เคยคิดอะไรนี่หว่า สนใจแต่การแข่งอย่างเดียว ดิมมันก็คงอารมณ์นั้นเหมือนกัน
“อืม งั้นขอแค่เรื่องจับมือละกัน”
“ได้ ต่อไปเราจะปล่อยเมาส์เลยเวลาใครมาช่วย”
ตอนตกปากรับคำว่าคบกัน ผมก็รู้สึกดีกับมัน แบบมากกว่าเพื่อนแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมากกว่านั้นได้ไหม ตอนนั้นคิดอย่างเดียวคืออยากดูแลให้มันสบายใจขึ้น แต่พอเห็นไอ้รุ่นพี่จับมือดิม ...นี่คนของตรูนะโว้ย!
“แล้วเรื่องการบ้านนรกแตกของมึงน่ะ เอาวิชาเลขมาดูหน่อยดิ”
“อือ”
ผมเปิดมาก็ตาลายแล้ว นี่การบ้านหรือโจทย์โอลิมปิกวิชาการฟระ? นี่ขนาดเป็นวิชาที่ผมก็เรียนเหมือนดิม แต่การบ้านมันยากไปอีกขุมจริง ๆ
“มึงทำได้รึเปล่า?”
“ก็พอได้ ใช้เวลาหน่อย ปัญหาคือมันเยอะมาก”
มันคงกังวล โลกของดิมดูโหดร้ายขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเป็นเรื่องใช้กำลังผมไม่กลัวหรอก แต่ยากด้วยการเรียนนี่ผมเองยังเอาตัวแทบไม่รอด แล้วผมจะดูแลมันได้ยังไงวะ ดิมเองก็คงเกรงใจไม่อยากถามพัตบ่อย ๆ นี่ก็ใกล้สอบกันแล้ว คนเดียวที่เอ่ยปากเต็มใจช่วยก็คือไอ้พี่ยุทธนี่แหละ ถึงผมจะไม่ชอบขี้หน้าแต่ลองคิดดี ๆ แล้วพี่มันก็ใกล้สอบกลางภาคเหมือนกันแต่ยังอาสาช่วยสอนการบ้านให้ดิม ก็นับว่าเป็นคนดีน่ะนะ ถ้ามึงไม่คิดอะไรกับพี่เค้ากูก็จะเชื่อใจมึง

“ดิม มึงให้พี่ยุทธสอนก็ได้นะ”
“แต่สนไม่ชอบพี่เค้านี่?”
“เราไปนั่งเรียนด้วย ไม่ปล่อยพวกมึงสองคนไว้ด้วยกันอ่ะ”
“จริงนะ?” ดิมหน้าระรื่นขึ้นมาทันที
“ไปเรียนด้วยนะเว้ยไม่ใช่ไปเที่ยว ทำไมต้องดีใจขนาดนั้น?”
“ขอบใจนะสน เวลาเจอการบ้านยาก ๆ เราเครียดน่ะ เราก็อยากให้นายอยู่ด้วย”
“เออ กูอยู่ด้วย บอกแล้วไงดูแลมึงคนเดียวไม่ยากหรอก แต่การบ้านมึงน่ะยากฉิบหาย”

“งั้นเราไลน์บอกพี่ยุทธก่อน”
“เฮ้ย! มีไลน์กันด้วยเหรอ!?”
“ก็ปรึกษาให้พี่เขาดูโค้ดโปรแกรมให้บ่อย ๆ น่ะ บางทีพี่เค้ารีโมทมาคอมเราด้วย”
“รีโมทคืออะไร?”
“ก็ประมาณว่าเขาออนไลน์มาทำงานในเครื่องคอมเราเลย เปิดไฟล์เปิดโปรแกรมอะไรได้ทุกอย่าง”
“เหรี้ย! ฟังดูน่ากลัวสาด แล้วทำไมชื่อไลน์มีรูปหัวใจด้วยวะ?”
“ก็พี่เค้าเขียนแบบนี้น่ะ ก็เห็นกันทุกคนที่แอดเขานะ”
“มึงก็ edit ลบรูปหัวใจออกไปดิ!”

เฮ้อ! นี่ผมต้องไปเรียนการบ้านโหดนรกนี่กับไอ้รุ่นพี่ขี้หลีด้วยเหรอ แต่ดันรับปากไปแล้วนี่หว่า ถึงจะไม่ชอบนักแต่เห็นดิมยิ้มได้ผมก็รู้สึกดี ผมไม่ชอบเวลามันทำหน้าอมทุกข์น่ะ
“ขอบใจนะสน”

“ดิม สน มาเล่นบาสกัน” บอมตะโกนเรียกเมื่อเห็นพวกผมเดินมาที่สนาม
“เออ ๆ มาแล้ว” ผมวิ่งนำไปรับลูกบาสจากบอมแล้วชู้ตเข้าห่วงแก้ความเซ็ง
“พวกเราทำฐานเสร็จแล้วนะดิม เราฝากไว้ที่ห้องอาจารย์เวิร์คช็อปน่ะ”
“ดีเลย เราก็ทำโปรแกรมเสร็จแล้วเหมือนกัน ได้รุ่นพี่มาช่วยด้วย แม่ไลน์มาบอกว่าพัสดุส่งมาถึงบ้านเราแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้มาประกอบด้วยกันที่โรงอาหารนะ”
"ทำไมเพิ่งมาล่ะ? วันนี้มีเรียนแถมตอนเย็นเหรอ?" บอมถามขำ ๆ แต่ผมงี้ไปไม่เป็นเลย
"ช่าย วันนี้มีแถมฟรีนิดนึง" มึงนี่มองโลกแง่ดีเนาะไอ้ดิม
 
----------------------------------

ผมซ้อมบาสถึงเวลากลับบ้านละ เวลาที่ได้อยู่นานขึ้นครึ่งชั่วโมงก็ยังสั้นอยู่ดี
“เดี๋ยวเราต้องไปละทุกคน”
“พรุ่งนี้เจอกันนะพัต” ดิมกับสนโบกมือลา
“สน กูไปส่งพัตนะ ฝากเก็บอุปกรณ์ด้วยนะ”
“ได้เลย พรุ่งนี้เจอกันที่ปากซอยนะ”

ผมกับบอมเดินไปสถานี airport link หัวหมาก จะรอรถเมล์หน้าโรงเรียนก็ห่างแค่ 4 ป้ายเลยเลือกเดินดีกว่า พออยู่กันสองคนแล้วก็เขิน ๆ นะ เมื่อคืนวันเสาร์ผมกับเขาไป ‘ไกล’ มากเลย -///- มองหน้าบอมจากด้านข้างแล้วนึกถึงตอนเขานอนอยู่ข้างกัน ที่บอมบอกว่ามีเรื่องอยากคุยกับผมคือเรื่องนี้หรือเปล่าหว่า?
“พัตหิวมั้ย?”
“ก็หิวนิด ๆ นะ แต่มาโรงเรียนเองวันแรกเราอยากรีบกลับบ้านน่ะพ่อจะได้ไม่เป็นห่วง”
“อืม”
ชวนคุยเรื่องของกินซะงั้น อยากตอบว่าอยากกินคนตรงหน้ามากกว่า แต่ถ้าตอบไปแบบนั้นก็ไม่รู้บอมจะลากผมเข้าพงหญ้าข้างทางตอนนี้มั้ย ฮ่า ๆๆ ตอนบอมมีอารมณ์นี่ผมเดาใจไม่ถูกจริง ๆ คราวที่แล้วก็กอดอุ้มผมกลางถนนเลย

“แล้วบอมมีอะไรจะคุยกับเราเหรอ?”
“อาจารย์บอกว่างดซ้อมบาสจนกว่าจะสอบกลางภาคเสร็จน่ะ”
“ก็ดีนะพวกเราจะได้มีเวลาอ่านหนังสือเยอะ ๆ งั้นต่อไปมาติวกันตอนเย็นมั้ยบอม?”
“อืม” บอมผงกหัว
ที่ผมอ่านทวนม.4 ทั้งหมดจะได้ใช้ให้เกิดประโยชน์เต็มที่เสียที ผมดีใจที่ได้ช่วยบอมบ้าง

“พัต ช่วงนี้พัตไม่สบายใจหรือเครียดอะไรมั้ย?”
“หืม? ไม่นะ ทำไมเหรอ?”
“ก็คืนนั้นที่นายค้างบ้านเรา...” บอมกุมมือผม “นายนอนกัดฟันน่ะ นายคงไม่รู้ตัว”
“...เอ่อ”

...บ้าน่า มันเป็นอีกแล้วเหรอ...

“เราไปหาในเน็ตมา เขาบอกว่าอาการนี้คือมีความเครียดสูง พัตมีอะไรไม่สบายใจบอกเราได้นะ”
ผมมองหน้าบอม ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วง ผมควรบอกเขามั้ย? แต่ถ้าเขารู้เขาจะยังรู้สึกกับผมเหมือนเดิมมั้ย…

“ถ้าเล่าให้เราฟังแล้วพัตอาจสบายใจขึ้นนะ”
“เราขอโทษนะบอม เรา...เรานึกว่าเราหายแล้วซะอีก” ผมไม่อยากให้เขารู้เลย แต่ผมก็อยากมีใครสักคนที่ผมสามารถบอกทุกอย่างได้
“นึกว่าหายแล้ว? คือพัตรู้ตัวอยู่แล้วเหรอ?"
"อืม เรารู้"
"พัตเป็นมานานแล้วเหรอ?”
“ตั้งแต่ม.2”
ผมไม่อยากให้บอมรู้เรื่องนี้เลย ไม่อยากให้เขามองว่าผมป่วย ตอนไปตรวจฟันประจำปีตอนม.2 คุณหมอบอกว่าฟันกรามผมมีรอยร้าวทั้งสองข้าง เมื่อตรวจละเอียดเลยรู้ว่านอนกัดฟันมาหลายเดือนแล้ว

...ฝันร้ายเรื่องห้องคิงที่ผมเจอบ่อย ๆ ไม่ได้จบแค่ในความฝัน…

“นี่พัตเป็นแบบนี้มา 2 ปีแล้วเหรอ?”
“อืม เราต้องใส่ฟันยางเวลานอน แต่ว่าตั้งแต่เราเจอบอม พอสอบไม่ได้ห้องคิงที่นี่เราก็ไม่ค่อยเป็นแล้ว เราใช้แอพบันทึกเสียงตอนนอนเรื่อย ๆ น่ะ ไม่นึกว่าเราจะเป็นอีก ขอโทษนะบอมคงรำคาญ”

...ตอนนี้ผมดูเป็นคนป่วย...ป่วยโรคเครียด...ป่วยทางจิต...ผมไม่อยากให้บอมรู้เรื่องนี้เลย

“มันไม่ใช่เรื่องรำคาญนะพัต นายกำลังเครียด เป็นเพราะไอ้เว็บบอร์ดพวกที่โรงเรียนเก่าที่มันว่านายคืนนั้นใช่มั้ย? แล้วคุณพ่อคุณแม่นายไม่ทำอะไรเลยเหรอ? แค่ใส่ฟันยางแค่เนี้ยนะ?”
“แม่บอกว่า...”

ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย อยากเรียนเก่งก็ต้องแลกด้วยอะไรบางอย่าง

“พัตบอกว่าไม่มีใครทำอะไรนายได้” บอมเสียงสะอื้นตอนดึงผมเข้าไปกอด
“จริง ๆ แล้วพัตก็ยังเครียดใช่มั้ย? เราช่วยอะไรพัตไม่ได้เลย เราดูแลนายไม่ได้ นายนอนครางเหมือนคนฝันร้าย เราทำได้แค่ปลุกพัตขึ้นมา”

อย่าขี้แยนะ จะเก่งก็ต้องแบบนี้แหละ

“หรือเป็นเพราะช่วยดิมทำการบ้านยาก ๆ นั่นใช่มั้ยพัตเลยนึกถึงสมัยเรียนม.ต้น งั้นต่อไปพัตไม่ต้อ..”
“เราเต็มใจช่วยดิม เค้าเป็นเพื่อนนะ และการบ้านน้่นก็ไม่ใช่สาเหตุหรอก”
“งั้นคืออะไรล่ะ?”

ถ้าบอมรู้ต้นเหตุที่ฝันร้ายยังหลอกหลอนผมอยู่คือเรื่องคัดคนเข้าห้องควีนจากคะแนนสอบกลางภาค บอมจะทำยังไง?
...จะให้ผมหลอกใช้ตี้กับเอสต่อไป...
...หรือจะห้ามผม แล้วผมโดนย้ายไปอยู่ห้องควีนจริง ๆ ...
...มันไม่มีคำตอบ บอมไม่ควรต้องตัดสินใจเรื่องนี้ บอมไม่ควรรู้เรื่องนี้…

"หมอบอกว่าเป็นแค่ความเครียดสะสมมานานน่ะ ออกกำลังเป็นประจำพอเหนื่อยก็หลับได้ ตั้งแต่บอมชวนเราเล่นบาสเราก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ นะ เดี๋ยวก็หายขาดเองแหละ"
"เหรอ? พัตพูดจริงนะ?"
ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นจ้องมาหาคำตอบว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงไหม

“จริงดิ” ผมดึงบอมมากอด...เขาจะได้ไม่เห็นสีหน้าโกหกของผม ...อีกแค่สองสัปดาห์เท่านั้น...แค่ผมทำให้ตี้เข้าห้องควีนแทนผมได้ก็ไม่ต้องฝันร้ายอีกต่อไป
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 32: อัพ 9 กพ.64
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 10-02-2021 17:36:52
ผมว่าคู่สนดิมนี่น่ารักมากเลยนะครับ ดิมนิสัยน่ารักสุดๆ เป็นคนที่สังเกตรายละเอียดอะไรเล็กๆน้อยๆและเอาเรื่องอีกฝ่ายมาใส่ใจ ปรับตัวเข้ามาหากัน เป็นนิสัยของการคบกันที่ดีมากๆ ผมว่าเดี๋ยวอนาคตดิมน่าจะฝึกเย็บรองเท้าแน่ๆเลย 555 ส่วนสนก็เป็นตัวพระที่มีคาแรกเตอร์เด็กม.ปลายผู้ชายชัดมาก เด่นสมจริงครับ ทั้งเรื่องที่ตัวสนเองเรียนไม่เก่ง แต่เนื่องจากอยากจะดูแลอีกฝ่ายเพราะตกปากรับคำคบกันแล้ว ก็ต้องหาทางออกให้กับดิม โดยยอมผ่อนเรื่องหึงหวงลง แต่ว่าก็มีมุมที่หวงๆเหมือนกัน เท่ดีครับ ชอบคาแรกเตอร์แบบนี้ที่รู้ว่าตัวเองเด่นด้านไหน ไม่เด่นด้านไหน แล้วก็ลนๆหน่อย สมกับเป็นวัยรุ่นดีครับ

รู้สึกว่าเราจะยังไม่เคยเห็นฐานะของบ้านดิม แต่การไปกลับบ้านโรงเรียนไกลขนาดนี้ก็น่าจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงอยู่นะครับ ก็น่าสนใจดีว่าเราจะมีปมเรื่องฐานะสำหรับคู่นี้มั้ย แต่ปมเรื่องฐานะนี่ถือเป็นปมที่ดราม่ามากพอสมควร อาจจะต้องดูพล็อตดีๆครับผม

PS. พอสะกดคำหยาบหลายคำได้ถูกต้องตามอักขระ ไม่แปรเสียงหรือเติม ร เรือ ตัวงานเขียนอ่านลื่นไหลมากครับ ชอบเลย
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 32: อัพ 9 กพ.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 16-02-2021 11:52:29
King Class Away Ep.33
Dreams are my reality


เช้ามืดวันอังคาร

ผมตื่นมาแล้วกดดูแอพบันทึกเสียง ไม่มีอะไรผิดปกติ ...เฮ้อ...ถ้ามันปกติแบบนี้ตอนค้างบ้านบอมคืนนั้นก็คงดี แต่ใครจะบังคับความฝันได้เล่า

ผมเข้าห้องน้ำ ถอดฟันยาง แปรงฟันอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาทานข้าวเช้าบนโต๊ะ พ่อกับแม่ไปทำงานหมดแล้วเพราะที่จอดรถว่างเปล่า

ตอนช่วงย้ายโรงเรียนใหม่ถึงอะไร ๆ จะแย่ไปหมด แม้พ่อจะดุแต่ลึก ๆ ก็ดีใจที่พ่ออยู่ใกล้ ๆ ไปรับส่งทุกวัน ได้ทานข้าวเช้าพร้อมพ่อ ฟังเพลงที่พ่อชอบระหว่างนั่งบนรถ ตอนเย็นก็ฟังพ่อเล่าอะไร ๆ ช่วงขับรถกลับบ้าน ...แต่ตอนนี้กิจวัตรตอนเช้ากลับมาเงียบเหงา ต่างคนต่างไปเหมือนสมัยม.ต้นอีกครั้งแล้ว

"พ่อครับ คุณครูให้เลื่อยไม้อัดเป็นตุ๊กตา ผมเลื่อยทีไรใบก็หักตลอดเลย"
"มาพ่อช่วยดูให้นะพัต"


...เอ่อ คือจะนึกถึงช่วงดี ๆ นี่ตรูต้องย้อนไปนึกเรื่องตอนป.5 เลยเหรอวะ?

ช่างเถอะ ผมพยายามคิดเรื่องกิจกรรมวันนี้ให้สนุก เที่ยงนี้พวกเราจะประกอบหุ่นและทำสิ่งประดิษฐ์วิทยาศาสตร์ให้เสร็จ ตอนเย็นไม่ต้องซ้อมบาสก็ติวกับบอมแทน ผมเดินขึ้นบันไดสถานี airport link เพื่อขึ้นรถไปโรงเรียน ระหว่างรอรถ ผมเปิดตารางสอบกลางภาคขึ้นมา สอบ 3 วัน พุธ, พฤหัส, ศุกร์ วันละ 4 วิชา

“เริ่มอ่านจากวิชาสุดท้ายไล่ย้อนขึ้นมาถึงวิชาแรก ความรู้จะสดใหม่พร้อมเข้าห้องสอบ พอสอบวิชาแรกเสร็จก็อ่านสมุดสรุปของวิชาถัดไป” เทคนิคที่ครูประจำชั้นเคยบอกไว้ อยากช่วยจัดตารางอ่านหนังสือให้บอมจัง อยากเจอเขาเร็ว ๆ

“พัตทายหน่อยนี่ใคร? อย่าหันมาน้า” ใครบางคนมาเกาะข้างหลังผม
“บอม! นายมาได้ไง!?”
“พัตอ่ะ นายต้องค่อย ๆ เดาสิจะได้สนุก ฮ่า ๆๆ”
ผมหันกลับไปหาบอม “เช้าขนาดนี้บอมมาอยู่ที่นี่ได้ไง!?”
“เมื่อคืนเรานอนคิดว่าจะช่วยพัตยังไงดี ก็เลยคิดว่าถ้าเราอยู่กับพัตทุกที่ที่พัตเคยรู้สึกไม่ดี เวลานายฝันเห็นที่นั่นนายก็อาจเห็นเราด้วย นี่เราเลยนั่งรถเมล์มาแต่เช้ามืดมาดักรอพัต”
“ข...ขอบใจนะบอม”

ระหว่างที่ยืนกันไปในรถไฟฟ้า บอมยืนชิดพลางยิ้ม
“ยิ้มอะไรอ่ะ?”
“พัตแหละยิ้มก่อน”
ก็แค่คิดว่าอยากให้บอมอยู่ตรงนี้ เขาก็มาอยู่จริง ๆ จะไม่ให้ดีใจได้ไง

บอมยกมือมาปิดตาผม
“พัตทายหน่อยนี่ใคร?”
“เล่นอีกเหรอ?”
“พัตจะได้มีเราในความทรงจำไง เวลาฝันว่าเดินทางคนเดียว คราวนี้พัตก็จะเห็นเรามาด้วย”
“อ่า...งั้น...บอมใช่มั้ย?”
“พัตต้องค่อย ๆ เดาดิ”
“เอ่อ...ตัวสูงใช่มั้ย?”
“ใช่”
“ตาสีน้ำตาลใช่มั้ย?”
“ใช่”
“นักว่ายน้ำหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ เป็นนักบาส”
“ก็ถอดโชว์บ่อยจนนึกว่าเป็นนักว่ายน้ำ”
“ฮึ! เดี๋ยวเหอะ!”
“อยู่ห้อง 4/2 ใช่มั้ย?”
“ใช่”
“ทีมโปรด Miami Heat”
“เก่งมาก”
“หมายถึงเรา?”
“หมายถึงทีม Miami Heat น่ะเก่งมาก”

มือบอมที่ปิดตาผมยังมีกลิ่นโคโลญจ์นอยู่เลย
“ใช้โคโลญจ์นทรอส สูตรสีเขียวใช่มั้ย?”
“ใช่ นี่พัตจำกลิ่นได้เหรอ?”
“จำได้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันน่ะ”
“ทายต่อดิ”
“ชอบดูหนังจีน”
“ใช่”
“บอมใช่มั้ย?”
“ใช่”

บอมเปิดตาแล้วจับมือผมแทน “ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นะ สักวันพัตจะฝันเห็นเราอยู่ด้วย”
“อืม”
หนุ่มนักบาสคิ้วเข้มตาสีน้ำตาลยิ้ม ดูท่าเกมของเขาจะลบความเครียดสะสมของผมไปได้จริง ๆ เพราะตอนนี้รู้สึกดีมาก ขนาดความรู้สึกหดหู่ที่ทานข้าวเช้าคนเดียวเมื่อกี๊ก็หายไปเลย (อันที่จริงผมก็เคยเห็นเขาในฝันแล้วนะคืนแรกที่ไปค้างบ้านเขา เป็นฝันติดเรทมากด้วย เหอ ๆๆ)

“แล้วบอมฝันเรื่องอะไรบ่อยสุดล่ะ?”
“ก็เรื่องแข่งบาสนี่แหละ”
“งั้นเราจะเป็นตัวสำรองให้ได้ เราจะได้ไปแข่งในสนามกับบอม ต่อไปบอมอาจฝันเห็นเราด้วย”
“อืม พัตสู้ ๆ นะ”

“ครูเราสอนว่าเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบให้อ่านจากวิชาสุดท้ายมาถึงวิชาแรก เราทำแล้วก็ได้ผลดีนะ”
“ระดับ Elite5 บอกแบบนี้ต้องเชื่อแล้วล่ะ”
“ตอนอ่านก็ให้เขียนสรุปย่อไว้ด้วย แล้วพออ่านวิชาแรกเสร็จก็เอาสรุปย่อวิชาที่สองมาอ่านต่อ ทำแบบนี้ไล่ไปทีละวิชา”
“ทำไมต้องเขียนสรุปย่ออีกล่ะ สมุดเรียนก็มีอยู่แล้วนี่?”
“จดอีกทีจะจำแม่นขึ้นน่ะ เลือกจดแค่ keyword สั้น ๆ แบบนี้” ผมเปิดกระเป๋าเอาสมุดจดสรุปเนื้อหาสำคัญมาให้บอมดูเป็นตัวอย่าง
“อันนี้เราทำตอนอ่านทบทวนของม.4”
“อืม งั้นเดี๋ยวเราทำบ้าง”


12:00น.
พักเที่ยง ณ โรงอาหาร

ผมกับบอมไปเอาฐานไม้จากห้องพักอาจารย์ช็อปไม้มาที่โรงอาหาร ดิมกำลังเปิดกล่องพัสดุพอดี
“โอ้โห! ของจริงออกมาดูดีมากเลย” ดิมกล่าวชมงานฝีมือของผมกับบอม
“เจ๋งนี่หว่า แต่ของกลุ่มเราก็ไม่แพ้กันนะ” กลุ่มตี้เอสก็มาทำสิ่งประดิษฐ์ที่โรงอาหารเหมือนกัน
“นี่! ซื้อทอดมันกับลูกชิ้นปิ้งมาเพียบเลย กินไปทำงานไปนะ” สนมาพร้อมกับอาหาร 2 จานใหญ่
“เราก็สั่งแพนเค็กกับไส้กรอกมาด้วย” มุกกับบอยเพื่อนห้อง 3 ก็มีขนมมาเหมือนกัน
“เยี่ยมเลย ปาร์ตี้สิ่งประดิษฐ์วิทยาศาสตร์ เด็กเรียนแท้ ๆ"

ดิมแกะห่อส่วนประกอบหุ่นยนต์ออกมา เพื่อน ๆ เข้ามามุงด้วยความตื่นเต้น
“เหมือนหุ่น Zoid เลย”
“มาช่วยกันประกอบนะ” ดิมกล่าว
“ขาหายไปไหนข้างนึงวะ?”
“เฮ้ย! อย่าประกอบผิดนะเว้ยมีตัวเดียว” สนพูดเรียกเสียงฮาทั้งโต๊ะ

“แล้วอ๊อกซิเจนมันรู้ได้ไงว่าจะจับกันเป็น O2 กับ O3 ในเมื่อมันก็สามารถประกอบได้เหมือนกัน?
บอยถามพลางหยิบโมเดลอ๊อกซิเจน 3 ก้อนมาต่อกันด้วยแรงแม่เหล็ก
“O3 เกิดจาก O2 1 โมเลกุล ไปจับตัวกับอ๊อกซิเจนอิสระที่แตกตัวออกมาจากโมเลกุล O2 อีกก้อนเพราะโดนรังสีอุลตราไวโอเล็ต C กระตุ้น มันก็เลยไม่เกิดขึ้นบนผิวโลกแต่เกิดในชั้นบรรยากาศเท่านั้น” ตี้ตอบ
“เชร้ดดดด!” ทุกคนอุทาน
“เป็นไงล่ะ กะแล้วต้องมีคนถามเราเลยอ่านมาก่อนละ” ตี้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ทำสิ่งประดิษฐ์แล้วได้ความรู้แบบนี้สนุกดีเนอะ”
“สนุกสุดตอนแย่งกินขนมกลุ่มอื่นนี่แหละ” สนกล่าวแล้วจิ้มไส้กรอกกลุ่มโน้นกิน
“เฮ้ย! ฮ่า ๆๆ” ทุกคนหัวเราะร่วน

พอประกอบเสร็จสนกับดิมวิ่งไปลงโปรแกรมที่ห้องคอมแป๊บนึงก็กลับมาพร้อมหุ่นที่สมบูรณ์ ผมกับบอมลองวาดเส้นทางซับซ้อนบนกระดาษในฐานไม้ ดิมเปิดเครื่องแล้วหุ่นก็เดินเลี้ยวไปมาพยายามหาทางไปสุดเส้นจนได้
“สำเร็จแล้ว!”
“โหย งานกลุ่มนี้เจ๋งเป็นบ้า” เอสพูด
“ของกลุ่มนายก็ไอเดียดีเหมือนกัน ดูแล้วเข้าใจการจับกันเป็นโมเลกุลได้ง่ายดี”
“แล้วเจอกันตอนประกวดนะ”

ทุกคนช่วยกันทำความสะอาดโต๊ะแล้วล้อมวงทานมื้อเที่ยงต่อจนหมดคาบ
ความเป็นเพื่อนก็ต่อกันขยายออกไปเหมือนโมเลกุลหลายอันเชื่อมโครงสร้างกัน
ผมมองป้ายชื่อสมาชิกที่ติดบนสิ่งประดิษฐ์

ศรุต, นนทภัทร, มิธิวัต, ใบสน
ผมมีเพื่อนหลายคนแล้ว ผมไม่กลับไปเหมือนเดิมแล้ว


คาบ 8
ห้องม.4/3

ตี้เปิดมือถืออ่านข้อความใต้โต๊ะในระหว่างคาบสุดท้าย เพราะวันนี้เป็นวันถ่ายแบบเสื้อ
“เอส พวกพี่ ๆ เค้าไลน์มาบอกว่าทำเรื่องกับฝ่ายธุรการเสร็จแล้ว เซ็ตสถานที่เรียบร้อย เดี๋ยวเลิกเรียนก็ลงไปถ่ายแบบกันได้เลย”
“อืม” ผมขานรับ ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร มันก็แค่ใส่เสื้อยืดถ่ายแบบง่าย ๆ มั้ง (นอกจากไอ้ 2 ท่าที่หวาดเสียวจะโดนเพื่อนแซวหน่อย) แต่พอเลิกเรียนปุ๊บถึงได้รู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น

“น้องตี้น้องเอสไปเปลี่ยนเสื้อแล้วมาแต่งหน้าจ้า”
“หา? ต้องแต่งหน้าด้วยเหรอครับ?”
“ใช่จ้ะ หน้าสดเวลาถ่ายมาแล้วจะดูหมอง ๆ จืด ๆ”

ผมกับตี้ไปเปลี่ยนเสื้อนักเรียนในห้องแต่งตัวของโรงพละเป็นเสื้อยืดคู่ที่เค้าเตรียมไว้ให้
“เป็นไรวะตี้ ทำไมหน้าแดง?”
“ก็...ก็นายน่ะถอดโต้ง ๆ เลย ไม่หันหลังหน่อยวะ”
“อายทำไม ตอนวิชาพละก็เปลี่ยนชุดพร้อมกันตลอด”
“อันนั้นมีหลายคน”
อะไรของไอ้โย่งมันวะ? เปลี่ยนแค่เสื้อ ไม่ได้ถอดกางเกงสักหน่อย
พอแต่งหน้าเสร็จก็เริ่มถ่ายตรงลานกลางโรงเรียนบ้าง ใต้แป้นบาสบ้าง ตรงที่กดน้ำดื่มบ้าง
ความยากเริ่มเกิดตรงที่คนเริ่มมุงนี่แหละ ตรูอายนะเฟร้ย

“ยืนชิดกันหน่อยจ้าให้ลายเสื้อต่อกันนะ”
คราวนี้ยากเลย ก็ไอ้ตี้มันโย่งเกินมาตรฐาน ตอนนั่งน่ะยังไม่เท่าไหร่ แต่พอยืนลายเสื้อเหลื่อมกันเป็นคืบ
“เอส”
“หืม?”
“เพื่อ 6,000 นะ” พูดจบมันก็เอาแขนโอบใต้วงแขนยกผมขึ้นเลย
“เฮ้ย!”
“ลายต่อกันยังครับพี่?”
“สูงอีกนิด โอเค นิ่งไว้นะจ๊าาาาา”

ในตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้ ได้แค่ยิ้มให้ถ่ายแบบเสร็จ ๆ หวังว่าเพื่อน ๆ ตรูจะกลับบ้านไปหมดแล้วนะ แต่ทันใดนั้นรุ่นน้องที่เคยมาถามพวกผมเรื่องรูปหัวพิงกันใน IG ก็ผ่านมาพอดี
“กรี๊ดดด! พี่ตี้พี่เอสสสส!”
แล้วน้องก็หยิบมือถือมาถ่ายรัว ๆ ผมหันไปหาไอ้โย่งไอ้ตัวการ ยังจะยิ้มหน้าระรื่นอีก

“ต่อไปฉากวัดไข้นะคะ ทุกคนเตรียมตัว”
พวกผมไปเปลี่ยนเสื้ออีกครั้ง คราวนี้ถ่ายที่ม้าหินข้างสนามบอล ตี้อมปรอทวัดไข้และทำตาปรือ ๆ เงยหน้าให้ผมแตะหน้าผากวัดไข้
“พี่ครับ”
“ค้าาา?”
“ถ้าไอ้ตี้มันมีเทอร์โมมิเตอร์แล้วทำไมผมต้องใช้มือแตะหน้าผากวัดไข้มันอีกล่ะครับ?”
“ปะออดอันอีไอ๊อื่อว่าเอ็นอวัด ไม่อั๊นคงอูไอ้อู๊เอื้อง”
“นายแหละพูดไม่รู้เรื่อง เอาเทอร์โมมิเตอร์ออกจากปากก่อนดิว้อย”
“ปรอทมันมีไว้สื่อว่าเป็นหวัด ไม่งั้นคนดูไม่-”
ผมยัดเทอร์โมมิเตอร์เข้าปากมันคืน “โอเคเข้าใจละ”

ผมนั่งอีกฟากของโต๊ะ ยื่นหลังมือไปแตะหน้าผากมัน ถึงตอนเรียนจะนั่งติดกันก็เถอะแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมแตะหน้ามัน รู้สึกอุ่น เขิน ๆ ยังไงไม่รู้
“ตี้ นายอย่าจ้องดิวะ ขนลุก”
“อีอนอาอ่วงอาวัดไอ้ อะไม่ใอ้อองได้ไอ”
“นายก็รู้ว่าพูดตอนคาบของในปากน่ะฟังไม่รู้เรื่อง”
“เอาออกใอ้หน่อยอิ”
“มือก็มี?”
เสียงชัตเตอร์ดังขึ้น โอเค เสร็จจากท่านี้ซะที
“น้องเอสค้าาา ช่วยย้ายไปนั่งติดกับน้องตี้ได้มั้ยค้าาา?”
“ก็ได้ครับ ทำไมเหรอครับ?”
“พี่อยากถ่ายช็อตนี้ 2 แบบจ้า ไว้ให้แฟนคลับกดโหวตว่าชอบแบบนั่งตรงข้ามหรือนั่งติดกัน เรียก engagement ได้ดีมากเลยค่าาา”

ผมเลยต้องมานั่งติดกับมัน (ใครเขาให้นั่งติดกับคนเป็นไข้ฟระ? เดี๋ยวก็ป่วยด้วยหรอก) เวลายกมือไปแตะหน้าผากตี้ หน้าผมเลยใกล้หน้ามันไปด้วย
“ทำตาซึ้ง ๆ ด้วยนะค้าาา”
“ทำไม่เป็นอ่ะพี่” ผมบ่น
“ไม่อ้องห่วง” ตี้พูดแล้วหันมาหาผม
“เอส”
“หืม?”
ตี้มันทำตาจริงจัง ชักแปลก ๆ แล้วแฮะ คือแอคติ้งมันโคตรได้
“เราขอโทษนะ ตอนเจอกันครั้งแรกเราพูดไม่ดีกับนาย”
“...เอ่อ...”
“ยกโทษให้เราได้มั้ยเอส?” ตี้พูดสีหน้าจริงจัง ขัดกับเทอร์โมมิเตอร์ที่คาบอยู่
“ก็...จริง ๆ ก็ไม่ได้โมโหหรอก เราเองก็ผิดที่คุยในห้องเรียน”
ไอ้ตี้ยังมองไม่เลิก อย่าทำตาซึ้งดิว้อยทำตัวไม่ถูกแล้ว

เสียงชัตเตอร์ลั่นเรียกสติผมกลับมา
“โอเคค่าาา สีหน้าแววตาดีมากทั้งสองคนเลย เยี่ยมมากเลยค่าาาา เก็บของย้ายไปจุดถัดไปกันเลยค่าาา”
“จ...จริง ๆ นายก็พูดชัดได้นี่หว่า” ผมดึงเทอร์โมมิเตอร์ออกจากปากมัน

“ฉากสุดท้ายแล้วนะค้าาา น้องเอสกับน้องตี้จะขี่หลังกันที่สนามฟุตบอล ด้านหลังเป็นพระอาทิตย์ตกดินนะค้าาาา เตรียมรีเฟลกซ์เตรียมไฟให้พร้อมนะค้าต้องถ่ายย้อนแสง”

ผมก็เล่นขี่หลังเพื่อนบ่อย ๆ แต่ทำไมครั้งนี้มันใจเต้นจังวะ เพราะไอ้ประโยคแปลก ๆ ของตี้นั่นแหละผมทำตัวไม่ถูกเลย
“น้องตี้แบกไหวไหมค้าาา?”
“สบายมากครับ ผมฝึกมาแล้ว”
ตี้ย่อตัวลงแล้วเอี้ยวหน้ามาหาผม “ขึ้นมาดิ”
“เรากระโดดขึ้นเองก็ได้”
“เออ ๆ เดี๋ยวคราวหน้าให้กระโดดขึ้นเอง”
“ไม่มีคราวหน้าแล้ว” ผมบ่นอุบพลางกอดคอ ตี้ช้อนใต้ขาผมแล้วลุกขึ้น
“น้องตี้หันมาเหมือนคุยกับน้องเอสนะคะ”
เชร้ดด้ง! หน้าแทบจะชนกันเลย ในท่านี้ผมจะขยับหนีก็ไม่ได้ด้วย
“ทำหน้าซึ้ง ๆ นะค้าาา เอาแบบเมื่อกี๊เลยค่าาา”

“เอส”
“หืม?” เอาดิ ‪ท่าไม้ตายเดิมน่ะ ใช้กับเซนต์ไม่ได้เป็นครั้งที่ 2 หรอก
“เราขอบใจนายนะที่ช่วยดูแลเรา”
“ห้ะ!”
“เราไม่รู้นายคิดยังไงย้ายมานั่งข้างเรา นายช่วยให้เราไม่โดนครูยึดมือถือ อยู่ชมรมเป็นเพื่อนเรา ชวนเราทำการบ้าน อ่านล่วงหน้าเป็นเพื่อนเรา”

“เลือกอาหารให้เรา ทานข้าวกับเราทุกมื้อ โทรเตือนเราให้รีบเข้านอน โทรมาปลุกทุกเช้า”
ทำไมนายต้องทำหน้ามีความสุขขนาดนั้นด้วยวะ ตรูรู้สึกผิดเต็ม ๆ

“บางทีเราเห็นนายในฝันเลยนะรู้มั้ย”
“คือเราหลอนขนาดนั้นเลยเหรอ?” ผมพยายามเบรคบรรยากาศอะไร ๆ นี่ด้วยมุกตลกแต่ดูจะไม่ได้ผล มันยังทำตาซึ้งเหมือนเดิม

“เราถามนายอย่างสิ?”
“อ...อะไรเหรอ?”
“ทำไมนายดีกับเราจัง?”
“เอ่อ...ก็”
“บอกเราไม่ได้เหรอ?”
“คือ...เรา...เอ่อ” จะให้ผมบอกยังไงว่าที่ทำทั้งหมดนี่เพื่อให้นายโดนย้ายไปห้อง 7

“จริง ๆ เราก็มีสองเรื่องอยากบอกนาย”
“อะไรเหรอตี้?”
“ถ้าเราสอบได้ 90% เราจะขอพ่ออยากเป็นนักข่าว”
“ฮึ! ยากนะว้อย”
“ก็เลยต้องพิสูจน์ตัวเองไง”
“อ...เอาจริงเหรอวะ?”
“จริงดิ เอาใจช่วยเราด้วยนะ”

...ผมไม่รู้จะบอกตี้ยังไงดี ถ้ามันทำคะแนนได้ขนาดนั้นมันเข้าห้องควีนแน่ เรียนหนักแบบนั้นแล้วตี้จะยังมีเวลาทำกิจกรรมที่ชอบอีกเหรอ?

“แล้วอีกเรื่องล่ะ?”
“ไว้ประกาศผลสอบเราค่อยบอกนาย สัญญานะว่าจะฟังจนจบ?”
"บอกเราเหรอ? งั้นก็บอกตอนนี้เลยสิ"
"มันต้องพยายามก่อนสิวะ แบบในหนังไงพระเอกต้องมุมานะบากบั่นฟันฝ่าถึงจะขลัง ถ้าบอกตอนนี้ง่าย ๆ ได้เลยเราก็บอกไปแล้วดิ!" มันออกจากโหมดซึ้ง เข้าโหมดปากหมาชั่วคราว
“อะไรวะ? ฟังดูน่ากลัว”
“เหอะน่า เอาเป็นว่าสัญญาแล้วนะ”
“เฮ้ย! เดี๋ยว!”

“น้องตี้น้องเอสค้าาา ถ่ายเสร็จนานแล้วค่าาา จะขี่หลังกันอีกนานมั้ยค้าาาา ขอบัตรประชาชนกับเลขที่บัญชีจ้าพี่จะทำเรื่องจ่ายค่าตัวให้น้าาา”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 33: อัพ 16 กพ.64
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-02-2021 21:39:31
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 33: อัพ 16 กพ.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 26-02-2021 04:44:27
King Class Away Ep.34
By Your Side


16:45น.

เย็นวันพุธ หลังเลิกเรียนผมกับดิมมานั่งรอพี่ยุทธติวการบ้านที่ม้านั่งหลังตึก 10 แต่นี่เลิกเรียนมา 15 นาทีแล้วไอ้พี่ขี้หลีก็ยังไม่มา
“อาจารย์อาจสอนเพิ่มน่ะ งั้นเราติวของสนก่อนละกัน มีตรงไหนที่อยากรู้เพิ่มไหม?” ดิมตอบพลางเปิดตำราวิชาภาษาอังกฤษขึ้นมา
“กูงงเรื่อง verb agreement น่ะ ดูยังไงว่าอันไหนใช้ is หรือ are”
“ต้องดูให้ออกว่าประธานเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ เช่น a number of people แปลว่าคนจำนวนมาก ต้องใช้พหูพจน์”
“แล้วกูจะรู้ได้ไง ก็มันมี a นำหน้า”
“ต้องท่อง collective noun บ่อย ๆ น่ะ คำที่โจทย์มักใช้บ่อย ๆ ก็เช่น a number of, a majority of, a crowd of, a class of”

ดิมเขียนมุกที่ข้อสอบชอบออกลงในสมุดผม ผมชอบดูหน้ามันเวลาใช้สมาธิไอ้ดิมเหมือนกลายเป็นอีกคน มีความมั่นใจ ดูดีกว่าหน้าอมทุกข์ที่มันทำประจำก่อนหน้านี้
“มีคำพิเศษที่ทำให้เรางงเช่น neither แปลว่าไม่ใช่ทั้งสอง ถือว่าประธานเป็น no one ต้องใช้กริยาเอกพจน์”
“อืม”
“อีกคำคือ either แปลว่าอันใดอันหนึ่ง ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ทั้งคู่จะใช้กริยาเอกพจน์ แต่ถ้าประธานอันใดคนหนึ่งเป็นพหูพจน์จะใช้กริยาพหูพจน์”

ว่าแต่ทำไมหน้ามันเริ่มแดงวะ? ผมก้มลงมองบนโต๊ะ เห็นมือขวาผมกับมือซ้ายมันแตะกันอยู่นิดนึง
โอ๊ย! มึงเขินง่ายขนาดนี้เลยเหรอวะ แค่นิ้วแตะกันเนี่ย (มันไม่ขยับมือออกด้วยนะ เนียนนะมึงทำเป็นนั่งนิ่ง ๆ) ไหนลองแกล้งมันดูหน่อย

“ช่วยอธิบายข้อนี้หน่อยสิ The council ________ of 250 members. ใช้ consist หรือ concists วะ?”
“Council แปลว่าสภา Consist แปลว่าประกอบด้วย ทีนี้เราต้องมาดูบริ- เอ่อ ดูที่บริบท คือ”
ผมขยับมือไปเกยมือมันนิดนึง แค่นั้นแหละมันแผ่นเสียงตกร่องทันที

“สภาประกอบด้วย...เอ่อ...สมาชิก...จำนวน 250 คน” ดิมอธิบายต่อ ผมก็ขยับมือไปวางบนมือมันเพิ่มอีก

“คือประธานที่เป็น collective noun ส...สามารถเป็นได้ทั้งเอกพจน์หรือพหูพจน์ ขึ้นอยู่กับ...”
ผมแกล้งกุมมือมันเบา ๆ แค่นี้มันก็พูดตะกุกตะกักแล้ว หน้าก็แดงขึ้น ๆ มึงนี่แกล้งง่ายชิบเป๋ง

“ข...ขึ้นอยู่กับกริยาที่กระทำ เป็นการกระทำที่รวมใจเป็นหนึ่ง หรือบุคคลแต่ละคน เอ่อ...กระทำแยกกัน”
ผมกุมมือมันแน่นขึ้น ผมเริ่มเข้าใจแล้วที่บอมบอกว่ายิ่งเห็นพัตเขินก็ยิ่งอยากแกล้ง เพราะตอนนี้ผมอยากแกล้งไอ้แว่นตรงหน้านี่เยอะ ๆ เลย
“อธิบายยังไงวะของมึงวะ กูไม่เข้าใจ”
“นายแกล้งเราอ่ะ” ดิมพูดเบา ๆ
“อะไร ใครแกล้งมึ๊งงงง?”
“ก็...นายจับมือเราน่ะ สมาธิหายหมดเลย” ไอ้แว่นเบี่ยงหน้าไปพูดกับตำราเรียน
“อ่ะ ๆๆ ไม่แกล้งก็ได้” ผมปล่อยมือมันออก แกล้งมากกว่านี้สงสัยไม่ได้ติวแหง แต่ดิมกลับจับมือผมไว้แทน
“เราแค่บอกว่านายแกล้งเรา ไม่ได้บอกให้ปล่อยมือซะหน่อย”

“โทษทีห้องพี่เพิ่งเลิก” พี่ยุทธเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ ไอดิม! มือน่ะมือ! มึงยังไม่ปล่อยมือกู!
“ครับพี่ อันนี้การบ้านเลขที่ผมไม่เข้าใจครับ” ดิมเปิดสมุดด้วยมือขวา แต่มือซ้ายมันยังกำมือผมไม่ปล่อย ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ คือมันอยากให้ผมสบายใจว่ามันไม่คิดอะไรกับพี่ยุทธแน่ ๆ สินะ ส่วนพี่ยุทธก็ตั้งสมาธิสอนการบ้านไม่ได้สนใจสองมือที่อยู่บนโต๊ะเลย จนพี่เงยหน้ามาหาผม
“น้องสนจดตามทันไหมครับ?”
“ผ...ผมไม่ได้ทำการบ้านแบบดิมครับ ผมอยู่ห้อง 4/8 ครับพี่”
“หืม?” พี่ยุทธหันมามองผมแบบงง ๆ
“ผมนั่งเป็นเพื่อนดิมครับ” รุ่นพี่ยังทำหน้างง แต่พอเห็นมือดิมกำมือผม พี่ก็อมยิ้ม “ครับ นั่งเป็นเพื่อนเนาะ”
ไอ้ดิมอมยิ้มทั้งที่ยังหน้าแดงระเรื่อ จากตอนแรกกะจะแกล้งดิมให้มันเขินมาก ๆ แต่กลายเป็นผมที่โดนมันเล่นงาน หนอย! เดี๋ยวติวเสร็จก่อนเหอะมึงเจอท่าไม้ตายกูแน่

“อันนี้หนังสือเรียนม.4 ที่พี่ใช้ปีที่แล้ว พี่มีโน้ตไว้บ้างตรงจุดที่เข้าใจยาก เผื่อจะมีประโยชน์กับดิม”
“ขอบคุณครับพี่ ผมกำลังสงสัยตรงเรื่องตรรกศาสตร์เลยครับ” ดิมปล่อยมือผมไปรับหนังสือเรียนจากพี่ยุทธ แล้วพี่ยุทธก็ติวต่อจนการบ้านของดิมเสร็จ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้มาติวกันต่อละกันครับน้องดิมน้องสน” พี่ยุทธยิ้มให้ก่อนจะลุกไป ผมกับดิมยกมือไหว้ขอบคุณ ตอนนี้ก็สบายใจละว่าพี่ยุทธไม่จีบไอ้ดิมแน่ ๆ แต่กูนี่แหละทั้งอายทั้งใจเต้น
“ดิม”
“หืม?”
“คืนนี้มึงติวให้กูได้มั้ย?”
“คืนนี้เหรอ?”
“อืม ค้างบ้านกูนะ”
“ได้จริงเหรอ?” ไอ้แว่นหน้าระรื่นขึ้นมาเลย
“ก็มึงเคยพูดไม่ใช่เหรอว่าอยากให้กูไปนั่งเล่นบ้านมึง มึงมานั่งเล่นบ้านกู ดูหนังดูโทรทัศน์ด้วยกัน”
“ได้ ๆ สัปดาห์นี้พี่เรากลับมาดูหนังสืออยู่บ้าน มีคนอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ เราขอโทรบอกแม่ก่อนนะ”

ระหว่างที่ดิมโทรบอกแม่ ผมก็โทรบอกบอม
“บอม คืนนี้ดิมจะไปค้างติวให้กูที่บ้านน่ะ นี่กำลังจะกลับบ้านกันแล้ว มึงกับพัตจะกลับพร้อมกันเลยมั้ย”
“เออ รอพวกกูที่หน้าประตูโรงเรียนนะ เดี๋ยวตามไป”
รอแป๊บเดียวพัตกับบอมก็เดินมา “ป่ะ ไปขึ้นรถเมล์หน้าโรงเรียนกัน”
“ดิมเป็นไงบ้าง การบ้านยากมั้ย?” พัตเอ่ยถาม
“มีรุ่นพี่ม.5 มาสอนให้น่ะ ตอนนี้ก็เริ่มเข้าใ-” จังหวะนี้แหละผมจับมือไอ้ดิมเลย พูดไม่ออกเลยเป็นไงล่ะมึง
“ชื่อพี่ยุทธน่ะเป็นรุ่นพี่ห้องควีนมาสอนให้ โคตรใจดีเลยเนอะดิม?”
“อืม” ไอ้แว่นตอบสั้น ๆ หน้าแดงแล้วมึง สม! แกล้งกูดีนัก
“เอ่อ...พัต เราจะไปส่งพัตที่พญาไทนะ” บอมยักคิ้วให้พัต
“อืม ไปกันเถอะ” พัตตอบทั้งที่ตายังมองเขม็งที่มือผมกับดิม
“งั้นพวกกูไปก่อนนะ ว่าจะไปหาอะไรกินแถวอ่อนนุชก่อนเข้าบ้าน”

ผมกับดิมนั่งรถเมล์มาลงอ่อนนุชแถวหน้าบ้านผม ย่านนี้ตอนค่ำเป็นร้านอาหารที่ผมทานตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ มีหลายร้านที่ผมทานประจำ
“มึงอยากกินอะไรล่ะดิม?”
“อะไรก็ได้”
“ไม่มีว้อยอะไรก็ได้ มีก๋วยเตี๋ยว ข้าวหมูแดง กระเพาะปลา ข้าวต้มปลา อร่อยมาก กูกินตั้งแต่เด็ก”
“ฮะ ๆๆ งั้นข้าวต้มปลาละกัน”

ข้าวต้มปลาเป็นร้านในตึกแถว ดีหน่อยไม่ต้องนั่งข้างถนน ดิมดูตื่น ๆ เพราะไม่เคยทานแถวนี้ มันนั่งยิ้มพลางหันมองรอบ ๆ ข้าง คิดถูกที่พามันมาค้างด้วย ดิมดูตื่นเต้นไม่ทำหน้าอมทุกข์แบบที่มันชอบทำเวลาออกจากห้องเรียน
“ร้านนี้เนื้อปลาชิ้นใหญ่ แต่ยังไงก็ระวังก้างหน่อยนะ” ผมบอกตอนพนักงานยกข้าวต้ม 2 ชามมาวางตรงหน้า
“อืม” ดิมตอบสั้น ๆ แล้วใช้ช้อนพลิกชิ้นเนื้อปลาไปมา
“อ่ะ ชิ้นนี้กูดูแน่ละไม่มีก้าง”

ผมตักชิ้นเนื้อปลายื่นไปตรงหน้าดิม นี่แหละไม้ตายของผม ไอ้แว่นเขินตกใจแต่ก็ยอมงับไปจากช้อนผม หน้ามันแดงแปร๊ดน่าจะเลเวลสูงสุดแล้วมั้ง แดงไปถึงหูเลย ใจผมเต้นตอนดิมทานเนื้อปลาที่ผมป้อน รู้สึกดีชะมัดเวลาทำให้มันมีความสุข อยากดูแลมัน อยากแกล้งมัน อยากเห็นมันเขินมากกว่านี้
“สน”
“หืม?”
“ตะกี้ตอนคุยกับบอมน่ะ”
“ทำไมเหรอ?”
“คือให้บอมกับพัตรู้ได้แล้วใช่มั้ยว่าเราคบกัน?”
“เออ พวกมันก็เป็นแฟนกัน บอกไปเลยมึงก็จะได้สบายใจด้วยไง แล้วมึงจะห่วงอะไรตอนนี้? ทีตอนอยู่หน้าพี่ยุทธมึงยังจับมือกูเลยนี่หว่า”
“ก็ตอนนั้นไม่ทันคิด เราเห็นนายระแวงพี่เค้า เราก็เลยคิดว่าทำแบบนี้จะได้ชัดเจนไปเลย”
“มึงนี่ก็นะ ใจกล้ากับเรื่องที่กูนึกไม่ถึงเรื่อยเลย”

ผมกับดิมก้มหน้ากินข้าวต้มปลาต่อจนเสร็จแล้วเดินข้ามถนนเข้าซอยบ้านผม
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้วครับ”
“ทำไมมาดึกจังล่ะลูก?” แม่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟา
“ขอโทษครับ วันนี้ติวกับรุ่นพี่นานหน่อยน่ะครับ วันพุธหน้าจะสอบกลางภาคแล้ว”
“สวัสดีครับคุณป้า ผมชื่อดิมครับ ขอรบกวนค้างคืนนึงนะครับ”
“สวัสดีจ้ะ นี่เพื่อนลูกมาค้างเหรอ?”
“ครับแม่ นี่ดิมเพื่อนผม คนที่ติวให้ผมน่ะครับแม่ คืนนี้ก็มาติวให้ด้วย”
“นี่ไปรบกวนเค้าไม่ให้กลับบ้านกลับช่องได้ไง! แล้วทานอะไรมาหรือยัง ให้แม่อุ่นกับข้าวมั้ย?”
“ไม่รบกวนหรอกแม่ ดิมเขาชอบ พวกผมทานข้าวต้มปลาปากซอยมาแล้วแม่”
“ลูกแม่ไปข่มขู่หนูให้ติวให้เค้ารึเปล่าจ๊ะดิม” แม่ผุดลุกขึ้นมาจับแขนดิม
“แม่! ใครจะทำอะไรแบบนั้น!”
“อย่ามา ๆ! ตอนป.3 ลูกบังคับเพื่อนให้ทำการบ้านให้”
“นั่นมันนานมาแล้วววว นี่ม.4 แล้วนะ สนไม่ทำแบบนั้นแล้วแม่อ่ะ”

“แล้วเตรียมเสื้อผ้ามามั้ยหนู?” แม่พูดเสียงหวานกับดิม
“เอ่อ...ไม่ได้ครับ แต่ไม่เป็นไรนะครับผมใส่ตัวเดิมได้” ดิมรีบพูด
“นี่ไง! ลูกบังคับเพื่อนมาแน่ ๆ เขาถึงไม่ได้เตรียมตัว” แม่หันมาพูดเสียง 2 กับผม
“ไม่ได้บังคับ ชวนเฉย ๆ” แม่ใจร้าย ทำไมดีกับดิมมากกว่าลูก
“ไม่ได้บังคับจริง ๆ นะครับ ผมก็อยากมาเที่ยวบ้านสนด้วยแหละครับ”
“เดี๋ยวดิมใส่เสื้อผมนอนก็ได้แม่”
“ดูขนาดตัวลูกกับเพื่อนสิ จะใส่ได้ไงหลวมโพรก ไป ๆ พาเพื่อนไปอาบน้ำ เดี๋ยวแม่หาชุดเก่าของลูกให้”

ระหว่างที่ดิมไปอาบน้ำผมก็รีบจัดห้องนอนให้เป็นระเบียบ ปกติเวลาบอมมามันไม่แคร์หรอกว่าห้องผมจะรกขนาดไหน แต่คนอื่นคงรับสภาพไม่ได้แน่ ผมมองหมอนสารพัดขนาดบนเตียง ถ้าไอ้ดิมเห็นมันจะล้อเปล่าวะ เอาผ้าห่มคลุมไว้ก่อนมั้ย แต่ถึงยังไงตอนนอนมันก็ต้องเห็นอยู่ดี

ดิมเปิดประตูห้องเข้ามาในชุดเก่าสมัยผมอยู่ม.ต้น มันชี้มือที่อกพร้อมอมยิ้ม “อ๊อพติมัสไพรม์”
“เออ ก็ตอนนั้นหนังทรานสฟอร์เมอร์มันดังไง กูเลยซื้อ”
“แล้วป.3 บังคับเพื่อนให้ทำการบ้าน โอ๊ย ฮ่า ๆๆ”
“กูต้องปิดปากมึงละ ห้ามบอกคนอื่นนะโว้ย!” ผมกอดฟัดมันลงบนเตียง
“ไม่บอก ๆ!!” ดิมพูดไปหัวเราะไป

“วันนี้มึงสนุกมั้ย?” ผมถามมัน
“อืม สนุกดี เราเคยนั่งรถผ่านแถวนี้แต่ไม่นึกเลยว่าเราเคยผ่านซอยบ้านนายหลายครั้งแล้ว”
“แล้วมันยังไงเหรอ?”
“ก็เหมือน” ดิมมองจ้องมา

“เหมือนตามหาพิกัดหนึ่งบนแกนสามมิติจนเจอ พิกัดเดียวที่เป็นคำตอบ ในจักรวาลที่เวิ้งว้าง”

“คำอธิบายของมึงนี่สมกับเป็นเด็กเรียนจริง ๆ”
“เราไม่นึกเลยว่าเราจะได้เจอสน...ไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้...ไม่นึกว่าเราจะบ้าขนาดขออะไรแบบนั้น...และก็...ไม่นึกว่านายจะตกลง”
“กูก็ไม่นึกเลยว่าจะเจอคนที่ทั้งทุ่มเท ทั้งกล้าทั้งบ้าแบบมึง”

บรรยากาศมันเริ่มเป็นใจ ตัวดิมในอ้อมกอดมันอุ่นดีจัง อยากลองฟัดมันจังจะรู้สึกเหมือนเวลาเล่นมวยปล้ำกับเพื่อนผู้ชายมั้ย อยากกอดแน่น ๆ ดูมันจะทำไง...อยากทำมากกว่ากอด...มันจะไปถึงขั้นไหนวะ...

ผู้ชายกับผู้ชายมันจะทำไงวะ...ลองดีมั้ย...แต่คืนนี้ต้องติวนะว้อย พุธหน้าจะสอบแล้วนะ
“กูไปอาบน้ำก่อนนะ มึงนอนเล่นไปก่อนละกันเดี๋ยวค่อยมาติว”
“อืม”

ผมอาบน้ำเสร็จเดินกลับมาที่ห้อง พบว่าไอ้ดิมนอนหลับกอดหมอนข้างซุกตัวในดงหมอนบนเตียงผมไปเรียบร้อยแล้ว มือถือก็เปิดเพลงฝรั่งเบา ๆ ด้วย จะนอนทั้งทีก็ยังฟังเพลงฝรั่งสมกับเป็นเด็กเรียนจริง ๆ

Sweet dreams, I'm dreaming til sunbeams find you
Keep dreaming Gotta keep dreaming
Leave the worries behind you
But in your dreams whatever they be


ตอนแรกอยากจะแกล้งปลุกมันขึ้นมาติว หรือฟัดมันสักที? แต่พอเห็นมันนอนยิ้มบาง ๆ ก็อ่อนใจ “คงเรียนเหนื่อยมาทั้งวันแล้วสินะ”
ยิ่งใกล้สอบมันคงเครียด ถึงมันจะไม่แสดงออกแต่เป็นใครก็คงรู้สึกแหละ ขนาดการบ้านประจำวันของมันยังยากพอ ๆ กับแข่งโอลิมปิกวิชาการอย่างนี้ตอนสอบจะขนาดไหน ผมเสียบสายชาร์จมือถือให้มันกับปลั๊กไฟบนหัวเตียง คลี่ผ้าห่มคลุมตัวมันเบา ๆ แล้วปิดไฟนอนมองดิมในความมืด ก็รู้สึกดีนะที่มีใครสักคนรักผมมากขนาดทุ่มเทได้อย่างนี้

You've gotta make me a promise
Promise to me
You'll dream
Dream a little dream of me
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 34: อัพ 26 กพ.64
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 27-02-2021 00:09:34
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 34: อัพ 26 กพ.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 02-03-2021 20:02:20
King Class Away Ep.35
นั่งกับเราไปเรื่อย ๆ ได้มั้ย


เช้ามืดวันพฤหัส

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า อ้าว! ไอ้ดิมไปไหนฟระ หรือมันไปอาบน้ำอยู่ ผมเดินงัวเงียจะไปดูที่ห้องน้ำก็ได้ยินเสียงคนคุยกันพร้อมเสียงทำอาหารที่ชั้นล่างเลยเดินลงไปดู
“นอนกินบ้านกินเมืองนะเรา ดูลูกดิมนี่มาช่วยแม่ทำอาหารเช้า”
“สน โทษทีเมื่อคืนเราหลับไปเลย”
“เนี่ยเอาเพื่อนมาลำบากเค้าเหนื่อยเลยหลับไ-” ผมไม่รอฟังแม่บ่น จัดการอุ้มแม่ไปห้องนอนที่ชั้นล่างเลย “รักแม่ที่สุดเล้ย แม่ไปพักน้าเดี๋ยวสนกับดิมทำอาหารเช้าเองคร้าบ!”
“ว้าย! เล่นแบบนี้เรื่อยเลย แม่อายเค้า!”

ผมเดินกลับมาที่ห้องครัว ไอ้ตัวดีในเสื้ออ๊อพติมัสกำลังง่วนผัดถั่วลันเตาอยู่ กูโดนแม่เขี่ยตกกระป๋องเพราะมึงเนี่ยแหละ “สุกยังมึง?”
“เราไม่แน่ใจน่ะ เราไม่เคยผัดแบบฝักเม็ดใหญ่”
“ขอบใจมากนะช่วยแม่กูทำอาหาร มากูจัดการต่อเอง มึงไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ”
ดิมหันมายิ้ม แม่งผัดจนหน้ามันย่องเหงื่อแตกเลย อยากแซวมันว่าผัดไม่เป็นก็อย่าทำเดี๋ยวแดกไม่ได้ แต่เห็นมันตั้งใจและตื่นเช้ากว่าผมเลยพูดดี ๆ กับมันดีกว่า มันยื่นตะหลิวให้ผมแล้วกระเถิบไปยืนมองข้าง ๆ
“ไปอาบน้ำดิวะ หรือต้องให้กูอุ้มไปแบบแม่กูอีกคน ฮะ ๆๆ”
“ก็อยากดูว่าผัดถึงขนาดไหนคือสุกอ่ะ” นี่ก็ตั้งใจไปซะทุกเรื่อง ผมเลยต้องผัดให้มันดูจนเสร็จเทลงจาน ดิมผงกหัวหงึก ๆ แล้วขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำแต่งตัวลงมาระหว่างที่ผมจัดกับข้าวทั้งหมดวางบนโต๊ะกินข้าว

“แม่ ผมทำอาหารเสร็จแล้วนะ แม่กินกับดิมไปก่อนเลยนะผมจะไปอาบน้ำละ”
“จ้า ๆ มาลูกดิม มากินข้าวกัน” จ๊ะ เรียกเป็นลูกไปโดยสมบูรณ์แบบแล้ว

พอมาถึงโรงเรียน พวกเราก็เดินขึ้นตึกตรงไปเข้าห้องประจำชั้น
“ดิม”
“หืม?”
“ช่วงสอบน่ะมึงมาค้างบ้านกูมั้ย? จะได้ไม่ต้องเดินทางไกล ตอนเช้าจะได้ไปสอบสบาย ๆ มึงไปกลับบ้านที่สำโรงต้องนั่งรถไปอีกเป็นชั่วโมง”
“ได้ ๆ ดีเลย คืนแรกก็ติวเบา ๆ กันอีกรอบก่อนสอบเนอะ”
“อืม มึงเอาแค่ชุดนักเรียนมาก็พอนะ ตอนอยู่บ้านใส่ชุดกู จะได้ไม่ต้องหอบอะไรมาเยอะ”
ถึงผมจะช่วยมันเรื่องการสอบไม่ได้ แต่ผมก็ช่วยมันประหยัดเวลาเดินทางไปได้อย่างน้อยวันละ 2 ชม.คงช่วยลดความเหนื่อยมันได้บ้าง

หลังจากดิมแยกเข้าห้องประจำชั้นไปผมก็เดินเข้าห้องตัวเองบ้าง เหลือเวลาอีก 6 วัน ดิมเขียนลำดับการอ่านทบทวนวิชาต่าง ๆ ให้แล้ว
“สน เพื่อนมึงมาน่ะ” ไอ้โบ้สะกิด
ผมเงยหน้าจากกองตำรามองไปที่ประตูก็เจอบอม “ไงวะมึง”
ไอ้บอมไม่ตอบแต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม “ยังไง ๆ” มาละไอ้ท่าทางสอดรู้สอดเห็นของมัน
“อะไรวะ ยังไง ๆ?”
“ก็ยังไง ๆ ไงล่ะครับคุณใบสน”
“พูดอะไรวะ ยังไง ๆ” ผมเดินนำมันลงบันไดไปหลังอัฒจันทร์เพราะรู้ว่ามันอยากคุยเรื่องอะไร พอได้ที่ลับตาบอมก็ถามเลย

“ยังไงวะมึงกับดิม?”
“ก็อย่างนั้นแหล้ะ”
“อย่างนั้นน่ะอย่างไหนนนนนน?”
ผมกอดคอมันมากระซิบ “ไอ้ห่า! จับมือกันนี่มึงต้องถามอีกเหรอ?”
“ก็กูอยากรู้ชัด ๆ”
“ก็อย่างนั้นแหล้ะ”
“เหรี้ย! ชาตินี้จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยมึง!!!!!” แล้วมันกับผมก็กอดคอตีเข่ากันพัลวันจนเหนื่อยต้องนั่งพัก

“จริงเหรอวะสน?”
“เออ”
“เชรี่ยย! นี่มึงอยากได้คนติวฟรีขนาดจีบดิมเลยเหรอ?”
“มึงจะบ้าเหรอ ดิมมันของลองคบกับกูน่ะ”
“คืออะไรวะขอลองคบ?”
“กูจะรู้มั้ยมึง กูยังงง ๆ อยู่เลย แต่เห็นมันทุ่มเทอ่านวิชาที่ตัวเองไม่ได้เรียนเพื่อมาติวกู กูก็เลยตกลง”
“เออแต่ที่กูเห็นนี่ไม่เรียกลองคบละม้างงงง”
“ก็ไม่ละ คือ...”

ผมเอนตัวลงนอนบนหญ้า “ตอนแรกมันก็แปลก ๆ นะ แต่อยู่กับมันก็สนุกดีอ่ะ ชวนไปไหนมันก็ไป ชวนกินอะไรมันก็กิน ชวนมาเล่นบาสมันก็มา จะดูแลเทคแคร์มันก็บอกว่าดูแลตัวเองได้ เมื่อเช้ามันก็ช่วยแม่กูทำอาหารด้วย”
“แล้วมึงชอบดิมป่ะ?” บอมเอนตัวลงนอนข้าง ๆ
“ก็ชอบนะ”
“แบบแฟน?”
“บอกไม่ถูกว่ะ แต่กูชอบเห็นเวลามันมีความสุขน่ะ”
มันกระเถิบเข้ามา “แล้วเมื่อคืนนนนน?” อย่าดิเว้ยกูก็เขินเป็นนะมึง
“ยังไม่มีอะไรว้อย มันอาบน้ำเสร็จก็ผลอยหลับไปเลย"
"แค่นั้น? ทีกูล่ะมึงบอกให้เล่าให้ละเอียด"
"ก็มันมีแค่นั้นน่ะ ว่าแต่มึงกับพัตเหอะ ยังไง ๆ”
“ก็นิดนึง”
“ยังไง ๆ”
“ก็นิดนึงแหล้ะ”
“เหรี้ย! ชาตินี้จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยมึง!!!!” อย่างนี้ต้องตีเข่า!!!
“แล้วพัตล่ะ ไม่มาด้วยกันเหรอ?”
“ถ้ากูพาพัตมาด้วยมึงจะเล่าละเอียดมั้ยล่ะ?”

“งั้นดีเลย คือกูก็อยากคุยกับมึงแบบซีเรียสนะบอม” ผมกระเถิบเข้าไปนั่งพิงมัน “ทำยังไงวะ?”
“คืออะไรวะสน? ทำยังไงเนี่ย?”
“ก็อย่างว่าน่ะ กูไม่รู้เค้าทำยังไง”
“เชรี่ย! เรื่องแบบนี้ใครเค้าถามกันล่ะ!”
“ทีมึงยังปรึกษากูเลย เรื่องนี้กูก็อยากปรึกษามึงบ้างอ่ะ”

ไอ้บอมเริ่มหน้าแดง “ม...มึงก็ดูในอินเตอร์เน็ตก็ได้นี่หว่า”
“มึงก็รู้เน็ตกูกาก แค่เปิดยูทิวป์ยังอืดเลย”
“ก็...มึงอยากทำอะไรมึงก็ทำ แบบที่มึงชอบพูดน่ะ ทำไปตามความรู้สึกนั่นแหละ”
“งั้นเล่าไอ้ ‘นิดนึง’ ของมึงให้กูฟังก็ได้”
“ไม่เอาละ กูไม่คุยแล้ว” พูดจบมันก็ลุกขึ้นปัดเศษหญ้าตามตัวแล้ววิ่งแจ้นหนีไปเลย
“ทำตามความรู้สึกเหรอวะ? ก็กูหมั่นเขี้ยวอยากทุ่มไอ้ดิมเหมือนเล่นมวยปล้ำอ่ะ ได้เหรอวะ?” ผมบ่นกับตัวเอง


พักเที่ยง

วันนี้หิวข้าวมากเพราะใช้สมองมาตั้งแต่คาบแรก ทุกวิชาอาจารย์สอนทวนพร้อมให้ทำโจทย์เตรียมความพร้อมสำหรับการสอบกลางภาค หิวไส้กิ่วแล้วเนี่ย ผมได้ข้าวราดหมูผัดผักรวมมิตรและไม่ลืมสั่งไข่ต้ม 2 ฟอง ฟองนึงของผม อีกฟองสำหรับตี้เผื่ออาหารของมันมีโปรตีนน้อย ตามที่พัตบอกว่าไข่ต้มให้คอเรสเตอรอลดีและวิตามินบำรุงสมอง
“ตี้ นายจะไปไหนน่ะ? โต๊ะพวกพัตอยู่ทางโน้นนะ” ผมร้องเตือนเมื่อเห็นไอ้ตี้เดินไปอีกฟากของโรงอาหาร
“ไม่อ่ะ วันนี้อยากนั่งตรงนี้” มันพูดแล้วนั่งตรงบริเวณที่ไม่คุ้นเคยเพราะแถวนี้เป็นพวกพี่ม.5 ม.6
“เป็นอะไรของนายน่ะ?”

ผมพูดพร้อมตักไข่ต้มให้ตี้ 1 ฟองตามปกติ แต่วันนี้โย่งดูท่าทางไม่ปกติ ตี้ไม่ตอบแต่ชี้มือไปที่โทรทัศน์ในโรงอาหารที่กำลังฉายรายการสารคดี
“วันนี้ขอเชิญรับชมรายการพิเศษ ผลงานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 นายธวัชตรี มงคลเวชอุทิศ”
“เฮ้ย! ชื่อนายนี่!”

“สวัสดีครับ วันนี้ผมตี้ ธวัชตรี มงคลเวชอุทิศ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 จะพารีวิว 10 สถานที่กวดวิชายอดนิยมของเด็กม.ปลาย” ไอตี้ในชุดสูทแจ๊กเก็ตยืนพูดอยู่ในจอโทรทัศน์

“เฮ้ย! นี่เทปที่นายเคยให้เราช่วยดูนี่นา” ตอนที่ผมดูนั้นยังมีแค่ภาพ ไม่นึกว่าจะมีไอ้ตี้เป็นคนพูดบรรยายด้วย
“อืม เพิ่งได้คิวฉาย” ตี้ตอบแล้วก้มหน้างุด ๆ พุ้ยข้าวเข้าปาก
“แต่ตอนนั้นเราไม่เห็นฉากที่นายยืนพูดเลยนี่?”
“ตัดต่อเข้าไปทีหลังน่ะ”
“ดูดีมากเลยนะเนี่ย” ผมรู้สึกปลื้มแทนมันนิด ๆ และอิจฉาหน่อย ๆ ที่ผลงานชมรมมันโคตรเป็นชิ้นเป็นอันได้ฉายทั่วโรงเรียน

“ไม่อ่ะ” มันก้มหน้ากินข้าวเหมือนจงใจไม่อยากให้ใครเห็นหน้า
“เป็นไรวะ ก้มหน้าก้มตายังกะกลัวใครจำได้”
“เราอาย เสียงเราเหมือนเป็ดเลย”
“ไม่นะ เสียงนายก็เหมือนปกติแหละ”
“ไม่อ่ะ เสียงน่าเกลียด เราพูดตั้งหลายทีแต่ก็ไม่ดีสักที ยืนก็เก้ ๆ กัง ๆ อายว่ะ”

ตอนแรกผมนึกว่ามันเล่นมุก แต่เห็นอาการมันแล้วคืออายจริง ๆ ไม่อยากเชื่อเลยไอ้โย่งที่โคตรอินดี้ดันอายเสียงตัวเอง
“ตี้ เสียงนายปกติจริง ๆ นะ ก็เหมือนเวลาคุยกับเราทุกทีนั่นแหละ”
ตี้ยังก้มหน้า โอ๊ย! ที่วันนี้นายไม่ไปนั่งกับเพื่อน ๆ เพราะอายผลงานตัวเองเหรอวะ ผมไม่ชอบเลยที่เห็นมันเป็นแบบนี้

“ตี้ ฟังเรานะ อันนี้เราอ่านหนังสือมา เค้าบอกว่าคนเราได้ยินเสียงตัวเอง 2 ทางคือทางหูกับการสั่นสะเทือนผ่านเนื้อเยื่อและกระดูกในกระโหลกศีรษะ ทำให้เราได้ยินเสียงตัวเองในโทนที่ทุ้มกว่า แต่พอฟังเสียงตัวเองที่อัดและเล่นผ่านเครื่องจะรู้สึกว่าเสียงแห้งไม่คุ้น” ผมตบบ่ามัน
“จริงเหรอ?”
“จริงดิ เรานี่หนอนหนังสือของชมรมห้องสมุดนะเฟ้ย”
“คือเสียงเราเป็นเป็ดแบบนี้ตลอดเลยเหรอวะ?”
โอ๊ย! แทนที่คำอธิบายของผมจะทำให้มันรู้สึกดีขึ้น ดันเหมือนจะแย่ลงกว่าเดิมอีก
“เสียงหล่อ เชื่อเรา”
“อะไรนะ?”
“เราบอกว่าเสียงนายหล่อดี ทั้งเสียงตัวจริงกับเสียงในเทปรายการนั่นแหละ”
“แล้วเอสชอบมั้ย?”
“ก็เสียงดีอ่ะ”
หน้ามันฝาดแดงระเรื่อ อารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็น อะไรของมันวะ แต่เห็นตี้มีความมั่นใจมากขึ้นผมก็รู้สึกดีนะ

“นายชอบเป็นนักข่าวจริง ๆ เนอะ”
“อืม”
“ชอบอะไรที่สุดในการเป็นนักข่าวเหรอ?”
“ผดุงความยุติธรรม”
“ห้ะ! อะไรนะ? เดี๋ยวนะนี่นักข่าวหรือขบวนการเซนไต?”

“นักข่าวไม่ใช่แค่รายงานข่าวนะ แต่ช่วยแฉเรื่องแย่ ๆ ในสังคมด้วย บางครั้งก็สร้างกระแสขนาดทำให้สังคมเปลี่ยนแปลงได้เลย จำได้มั้ยหลายปีก่อนมีข่าวครูทำร้ายเด็กประถมในโรงเรียนน่ะ”
“อ๋อ จำได้”
“นั่นน่ะ เรื่องมันเกิดมาหลายครั้งแล้วแต่คนที่เกี่ยวข้องพยายามปกปิด จนมีนักข่าวทำสารคดีแฉเรื่องนี้จนครูโดนไล่ออก ผู้บริหารก็โดนเพ่งเล็งจนต้องปรับปรุงโรงเรียนครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่ในโรงเรียนนั้นที่เดียวนะ โรงเรียนทั่วประเทศต้องใส่ใจเรื่องพวกนี้มากขึ้น เราอยากเป็นนักข่าวที่ช่วยสังคมด้วยงานของเราแบบนั้น”

ตาของตี้เป็นประกาย ความฝันของเขาเท่ชะมัด
“ตอนเราเห็นเรื่องนั้นเราอยากเก่งแบบนั้นบ้าง พอถึงวันเด็กเราเลยบอกแม่ว่าอยากไปดูสถานีโทรทัศน์ ตอนนั้นคิดว่าถ้าเดินเข้าไปแล้วจะได้เป็นนักข่าวเลยนะ ฮ่า ๆๆ แล้วเมื่อวันก่อนเราก็คุยกับพัตว่าเราก็เรียนสายวิทย์ใช่มะ เราอาจเป็นนักข่าวสายวิทยาศาสตร์อันดับหนึ่งของประเทศก็ได้ คิดดูว่าถ้าเราได้ทำข่าวพวกยาปลอม อาหารเสริมปลอม เราอาจช่วยชีวิตคนได้เป็นร้อยเป็นพัน”

“ความฝันนายใหญ่ดีนะ แบบนี้นายควรเข้าคณะนิเทศของมหาลัยดัง ๆ นะ จะได้เป็นนักข่าวเก่ง ๆ”
“ก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่คะแนนสูงน่ะ”
“งั้น...ถ้าสมมุติว่ามีที่ ๆ หนึ่งที่นายเข้าไปอยู่แล้วจะเรียนเก่งขึ้น ได้คะแนนดีขึ้นเอาไปสอบเข้ามหาลัยดัง ๆ ที่นายอยากได้ นายว่าจะดีมั้ย?”
“แบบห้องฝึกพลังแรงโน้มถ่วงสูงเหมือนในเรื่องดราก้อนบอลอะไรงี้เหรอ?”
“ก็...ประมาณนั้นแหละ นายอยากเข้าไปมั้ย?”
“เสียเงินหรือเปล่าวะ?”
“เอ่อ...ไม่นะ ฟรี คือสมมุติว่าฟรีเลย นายเข้าไปมั้ย?” ห้องควีนไงห้องควีน
“ของดีแบบนั้นมันต้องจ่ายด้วยอะไรสักอย่างแน่ ๆ”
“ไม่เสียเงินนะ เข้าได้เลย”
“การจ่ายไม่ใช่แค่เงินเสมอไป อาจจ่ายด้วยอย่างอื่นเช่นเวลา”
“จ่ายด้วยเวลาเหรอ?”
“ห้องอะไรเนี่ยเราจะใช้เวลาฝึกเหมือนคนทั่วไปหรือต้องอยู่นานกว่าคนปกติ?”

ผมนึกเปรียบเทียบเรื่องที่ดิมจบคาบ 4 ก็แทบจะหมดเวลากินข้าวเที่ยงแล้ว “ก็อาจต้องอยู่นานกว่าคนปกติ”
“แล้วเราสามารถเข้าออกได้ทุกเมื่อหรือยกเลิกได้มั้ย?”
“ม...ไม่ได้ เข้าแล้วเข้าเลย”
“งั้นแปลว่าต้องจ่ายด้วยเวลาและอิสรภาพ แบบนั้นเราไม่เอาอ่ะ”
“อ้าวเหรอ? ทำไมล่ะ?”
“เอส นายรู้จักเรื่อง 8-8-8 ไหม?”
“ที่เป็นหนังผีน่ะเหรอ?”
“อันนั้นเรื่อง 6:66 ตายไม่ได้ตาย”
“แล้ว 8-8-8 คืออะไรเหรอ?”

“คนทุกคนมีเวลาวันละ 24 ชั่วโมง เราใช้เรียน 8 ชั่วโมง นายสังเกตมั้ยว่าพวกเราเริ่มเรียน 8:30 จบ 16:30”
“เออ จริงด้วยแฮะ 8 ชั่วโมงเป๊ะเลย”
“และเราก็นอนพักผ่อน 8 ชั่วโมงและเหลือเวลาส่วนตัวอีก 8 ชั่วโมงนี่แหละที่คนเราจะใช้พัฒนาชีวิต”
“ห้องนั้นอาจเอาเวลาไปมากกว่า 8 ชั่วโมงแต่นายก็เก่งขึ้นนะ”
“เราเลือกเรียนเฉพาะวิชาที่เราอยากเรียนได้ไหมล่ะ?”
“ม...ไม่ได้”
“งั้นนั่นก็ไม่เรียกว่าทำให้เราเก่งกว่าคนอื่น แต่เก่งได้แค่เท่ากับคนอื่นที่เก่งที่สุดเท่านั้น”
“คืออะไรวะ? คุยกับนายเรางงขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
“คือสรุปง่าย ๆ ว่าเราเรียนในโรงเรียนวันละ 8 ชั่วโมงนี่เราก็พอใจแล้ว เราจะเอาอีก 8 ชั่วโมงที่เหลือไปหาความรู้หาประสบการณ์อะไร ๆ ที่เราเลือกเอง”
“เราฟังแล้วก็ยังงง ๆ นะ แต่นายดูโคตรเหมือนผู้ใหญ่มีความคิดเลย”

“ก่อนหน้านี้เราไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอกเพราะคะแนนเราก็ยังแค่คาบเส้น 80% นิด ๆ แค่กังวลเรื่องคะแนนเก็บ Onet กับ Admission เราก็กลุ้มไม่รู้จะทำอะไรเพิ่มแล้ว จนนายมานั่งข้างเรานี่แหละ”
“เราเหรอ?”
“นายช่วยให้เราเลิกติดเกม ชวนเราอ่านหนังสือ พอคะแนนเราดีขึ้นเราเลยคิดอะไรได้มากขึ้น”
“เอ่อ...”
“นั่งกับเราไปเรื่อย ๆ ได้มั้ยเอส?”
“พูดอะไรแปลก ๆ ก็นั่งข้างกันตลอดอยู่แล้วนี่”
“ก็จู่ ๆ นายย้ายที่กับบอยมานั่งข้างเรา...เราก็เลยกลัวว่าวันดีคืนดีนายอาจอยากย้ายไปนั่งที่อื่นอีก”

ผมน่ะไม่ย้ายหรอก แต่คนที่จะย้ายน่ะ...นายต่างหาก

สายตาของตี้จับจ้องไปที่จอโทรทัศน์ดูผลงานสารคดีชิ้นแรกของตัวเองที่ได้ฉายในโรงเรียน
นี่คือคนปากหมาที่ผมเคยพยายามวางแผนให้มันโดนย้ายไปห้องควีน ...แต่ตอนนี้...
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 35: อัพ 2 มีค.64
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 02-03-2021 21:57:41
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 35: อัพ 2 มีค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 03-03-2021 14:45:02
King Class Away Ep.36
Before the final countdown


16:30น. เย็นวันอังคารก่อนวันสอบกลางภาค

เสียงกริ่งจบคาบ 8 ดังขึ้น ตามปกติทุกคนจะดีใจที่จะได้กลับบ้าน แต่วันนี้แต่ละคนดูตึงเครียดไม่คุยเล่นสนุกอย่างเคยเพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันแรกของการสอบกลางภาคที่ยาวนาน 3 วัน แต่ผมค่อยไม่กังวลเพราะอ่านทบทวนตามที่ดิมแนะนำและมีพี่ยุทธช่วยสอนบางวิชาให้ด้วย พวกเราสองคนลองทำข้อสอบเก่าได้เยอะอยู่ผมเลยค่อนข้างมั่นใจ คืนนี้ก็ติวอีกนิดหน่อยแล้วรีบเข้านอนดีกว่าจะได้ตื่นมาหัวปลอดโปร่งมาสอบ

ผมยืนมองผ่านประตูห้อง 7 เข้าไป โชคดีที่ห้องของไอ้ดิมก็กำลังเลิกเรียนเหมือนกัน (บางทีไอ้ห้องควีนนรกนี่ก็ชอบสอนเกินเวลา) แต่มองกวาดไปทั่วห้องก็ไม่เห็นไอ้แว่นแฮะ มันหายไปไหนวะ ตอนพักเบรคช่วงบ่ายก็ยังคุยกันอยู่เลย กระเป๋ามันก็ยังวางอยู่ตรงเก้าอี้

“สน! เรามาละ” ไอ้ดิมโผล่มาข้างหลังผม
“มึงไปไหนมาวะ? อ้าว! แล้วทำไมเหงื่อซึมขนาดนั้น! มึงโดนสั่งไปวิ่งรอบสนามบอลอีกเหรอ!?”
“เปล่า ๆ เราไปซื้อขนมที่โรงอาหาร กินป๊อกกี้ไหม?” ดิมล้วงขนมออกมาจากถุงที่มันถือในมือ
“อารมณ์ไหนวะวิ่งไปซื้อป๊อกกี้ที่โรงอาหารตอนเวลานี้? มึงก็ซื้อตอนเดินออกโรงเรียนก็ได้ มีร้านขนมปากซอยมีเยอะแยะ”

วันนี้มันทำตัวแปลก ๆ แฮะ อยากกินป๊อกกี้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ เออ! จะจำไว้ เดี๋ยววันหลังกูซื้อให้มึงกินบ่อย ๆ ละกัน ผมเดินเข้าห้องไปหยิบกระเป๋ากับถุงเสื้อนักเรียนของมันออกมา
“กูถือให้ มึงพักให้หายเหนื่อยก่อนเถอะเดี๋ยวเป็นลมอีก”
“เราไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นน่า ที่วันนั้นเป็นลมตอนวิ่งเพราะอดนอนอ่านหนังสือเฉย ๆ แต่ช่วงที่ไปเล่นบาสกับนายบ่อย ๆ เราก็ว่าเราแข็งแรงขึ้นนะ” มันทำท่าเบ่งกล้าม
หึ! กล้ามมีกระจ๊อยนึงทำเบ่ง เดี๋ยวกูเล่นมวยปล้ำทุ่มมึงลงเตียงแน่คืนนี้ ตามคำแนะนำของไอ้บอมว่าทำตวามความรู้สึกไปเลย

“เออ ๆ เดินไปหาพวกบอมที่ห้องมันจะได้กลับบ้านไปติวเตรียมสอบกัน”
“กินป๊อกกี้มั้ย? เดี๋ยวเปิดเลย”
“เออ เอาดิ ป้อนด้วยนะ มือกูเต็ม” ตอนนี้ผมถือทั้งกระเป๋ตัวเองและกระเป๋ากับถุงเสื้อของดิมเต็มสองมือ
“อ่ะ” ไอ้แว่นยื่นแท่งป๊อกกี้ยื่นมา ผมอ้าปากคาบไว้

“ดิม วันนั้นที่พัตแบ่งป๊อกกี้ให้พวกเรากิน แล้วกูคาบยื่นไปชวนมึงกินน่ะ จำได้มั้ย?”
“จ...จำได้”
“มึงหน้าแดงด้วย”
“อ...อืม”
“เอาอีกมั้ย?” ผมคาบป๊อกกี้ยื่นไปใกล้หน้ามัน
ไอ้ดิมก้มหน้าไม่ตอบ แล้วมันก็หยิบป๊อกกี้จากถุงกินแทน โอ๊ย! แกล้งมึงนี่สนุกเป็นบ้า

ผมเห็นไอ้บอมละ มันยืนอยู่หน้าห้อง “ไงวะบอม จะกลับบ้านกันยัง?”
“กูรอพัตน่ะ เค้าบอกไปทำธุระแป๊บนึง เดี๋ยวมา”
แต่ตามันมองมาที่ถุงเสื้อดิมกับกระเป๋าดิมในมือผม สายตาส่งกระแสจิต ถุงอะไรวะ?

“เหรอ? ให้พวกกูรอเป็นเพื่อนป่ะ?”
ผมตอบกระแสจิตกลับไป ถุงเสื้อนักเรียนดิม เค้าจะค้างบ้านกูช่วงสอบจะได้ไม่ต้องเดินทางไกล

“มึงกับดิมไปก่อนเลยก็ได้นะ”
ตามันเป็นประกาย เบา ๆ นะมึง พรุ่งนี้สอบ

“อืม งั้นพรุ่งนี้เจอกันตอนเช้านะ”
ผมบอกลามันพลางขยับปากแบบไร้เสียง เบาพ่องงงงง กูจะทำอะไรวะ กูไม่หื่นเหมือนมึงนะว้อย

“โชคดีสน โชคดีนะดิม พรุ่งนี้เจอกัน”
มันโบกมือลาพร้อมยักคิ้วเป็นกระแสจิต พ่อกูอยู่แท่นขุดน้ำมันที่สงขลา มึงด่าไม่ถึงหรอกกกกก

บอมนั่งรอพัตต่อไป อยู่ว่าง ๆ เอาสมุดจดมาอ่านทบทวนดีกว่า บอมเปิดกระเป๋าควานหาสมุดแต่เจอปากกาที่ไม่คุ้นอยู่ในกระเป๋า “เฮ้ย! นี่ปากกาของอาจารย์เวิร์คช็อปนี่”

ตอนบอมกับพัตทำฐานไม้สิ่งประดิษฐ์วิทยาศาสตร์ อาจารย์มาช่วยแนะนำการใช้เครื่องมือและยื่นปากกาให้บอมใช้ขีดเส้นบนเนื้อไม้ส่วนที่จะตัด ช่วงนั้นยุ่ง ๆ เพราะรีบทำให้เสร็จทันพักเที่ยง เขาคงบังเอิญหยิบปากกาของอาจารย์ติดมือมาด้วย



16:35น.

ผมเดินไปจุดที่นัดกับเอสตามข้อความที่เอสส่งมาให้เมื่อตอนบ่าย

เอส: พัตเรามีเรื่องอยากคุยด้วย เจอกันที่เดิมหลังเลิกเรียนนะ

ไม่รู้เอสมีอะไรอยากคุยกับเขาแต่คงสำคัญมาก ผมเลยบอกบอมรอที่ห้องเรียนก่อน หวังว่าจะใช้เวลาไม่นานนะเพราะผมอยากกลับบ้านเร็ว ๆ ไปอ่านเตรียมสอบสำหรับพรุ่งนี้
“หวัดดีเอส มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“หวัดดีพัต คือเรามีเรื่องอยากปรึกษาน่ะ” สีหน้าของเอสดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“มีอะไรเหรอ?”
“คือ...เรื่องห้องควีนของตี้น่ะ”
“ครับเอส”

“ยกเลิกได้มั้ยพัต?” คำพูดสั้น ๆ ของเอสทำให้ผมตัวชา

“คือเรารู้นะว่าพัตไม่อยากอยู่ห้องคิงห้องควีนขนาดไหน แต่...แต่เราก็ไม่อยากให้ตี้ย้ายไปน่ะ”
“...เอส”
“เราไม่เกลียดไอ้ตี้แล้วน่ะพัต เราขอโทษนะที่บอกนายกะทันหัน พรุ่งนี้ก็จะเริ่มสอบแล้ว แต่ตอนนี้เราไม่อยากให้ตี้โดนย้ายแล้วน่ะ คือพอสนิทกับมันแล้วมันก็นิสัยดีนะ แล้วตี้มันก็ชอบทำกิจกรรม เรากลัวว่าถ้าไปอยู่ห้องควีนแล้วมันจะไม่ได้ทำตามฝันของตัวเอง ตี้มันไม่อยากบ้าเรียนอะไรขนาดนั้น”

“พัตบอกครูบิ๊วไปหาคนอื่นได้มั้ย? เราไม่อยาก-”
“เอส นายสบายใจได้ เราจัดการเอง”
ผมจับบ่าเพื่อนสนิทที่กำลังรู้สึกแย่ เป็นความรู้สึกแย่จากเรื่องที่ผมก่อขึ้นมาเองทั้งนั้น

“พัต นายจะทำยังไงเหรอ?”
“เรามีวิธีละกัน นายไม่ต้องห่วง ตี้จะไม่โดนย้ายไปห้องควีนแน่นอน”
“จริงนะ? คือตอนนี้ตี้มันก็เรียนเก่งขึ้นเยอะเลย เรากลัวว่ะพัต เรากลัวโรงเรียนจะเลือกมัน”
“ไม่ต้องห่วง เราจัดการให้เอง จะไม่มีใครมาแยกตี้ไปจากนาย”
“เดี๋ยว ๆๆ นะพัต ทำไมประโยคนายฟังดูแปลก ๆ วะ?”
“เอ่อ...เรานึกว่า...”
“ไม่ใช่ว้อย! เราไม่ได้ชอบมันแบบนั้น! ก็แค่อยู่กับมันแล้วสนุกดี” เอสหน้าแดงพูดละล่ำละลัก
“อ๋อ ๆๆ ยังไงเอสก็ไม่ต้องกังวลนะ เราจัดการทุกอย่างให้เอง”
“ขอบใจนะพัต”
“ไม่ต้องหรอก เราต่างหากต้องขอโทษเอสที่ให้นายทำอะไรให้เราตั้งเยอะ”
“อืม งั้นเราไปก่อนนะ”

เอสเดินไปแล้ว เหลือผมยืนอยู่คนเดียวในตรอกข้างหลังอาคารเวิร์คช็อป สมองผมปั่นป่วนไปหมด
เหมือนทุกครั้ง เวลาผมทำอะไรอย่างที่อยากทำ ผลลัพธ์มันจะแย่ลงเสมอ และครั้งนี้ดูจะแย่ที่สุด ผมหลอกใช้เพื่อนสนิท และเขาก็กำลังเสียใจกับสิ่งที่เขาทำลงไป
...ผมจะทำยังไงดี…
...ไม่สิ…
...ผมตัดสินใจไปแล้วต่างหาก…
...ตี้จะต้องไม่โดนย้ายไปห้องควีน…
...และทางเดียวที่จะทำแบบนั้นได้ก็คือ…

“พัต”

เสียงเรียกเบา ๆ จากร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าตรอก ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นมองมาที่ผม สีหน้าของความผิดหวังแสดงออกชัดเจนว่าเขาได้ยินสิ่งที่ผมพูดกับเอสหมดแล้ว

สิ่งสุดท้ายที่ผมไม่อยากให้เกิดคือบอมรู้เรื่องนี้ ผมพยายามปิดเขามาตลอด
...ผมไม่รู้บอมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง…
…แต่ผมก็ไม่แปลกใจ กฎของเมอร์ฟี่เป็นจริงเสมอ...
...Anything that can go wrong will go wrong...

“พัต ห้องควีนของตี้คืออะไรน่ะ?” เขาเดินเข้ามาช้า ๆ
“เด็กห้องคิงคนนึงได้ทุนไปเรียนต่อที่อเมริกา เขาจะไปหลังสอบกลางภาค โรงเรียนเลยจะคัดเด็กห้องควีนไปนั่งแทน แล้วคัดนักเรียนหนึ่งคนจากห้องธรรมดาไปอยู่ห้องควีน...ครูบิ๊วบอกว่าโรงเรียนจะเลือกเรา”
ผมเอนตัวพิงหลังกับกำแพงถอนหายใจ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ผมเหนื่อยกับเรื่องนี้แล้ว ผมแค่ต้องทนยืนตอบบอมให้หมดทุกเรื่อง เวลานี้เขาควรรู้ทุกอย่างเสียที

“พัต...”
“ครูเค้าพยายามช่วยแล้ว โรงเรียนเลยมีตัวเลือกอันดับสองที่ทำคะแนนสูงอีกคน ถ้าผลสอบกลางภาคของใครได้สูงกว่าก็จะเข้าห้องควีน”
“แล้วคนนั้นก็คือตี้งั้นเหรอ?”
“ใช่” ผมพยายามตอบนิ่ง ๆ แม้จะสั่นไปทั้งตัว ไม่รู้ว่ากลัวหรือเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป

“พัตรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” บอมถามเสียงสั่น
“ตั้งแต่วันที่พวกเราไปกินพิซซ่า ที่ครูบิ๊วขับรถไปส่งพวกเราทุกคน พอส่งดิมเสร็จครูก็บอกเรา” ผมตอบโดยไม่กล้าเงยหน้าไปสบตาเขา ผมมันเลว ผมมันตัวแสบกว่าที่นายคิด

“ที่พัตไปติวกับตี้กับเอสบ่อย ๆ เรานึกว่า...นึกว่านายอยากช่วยเพื่อน”

“เราพยายามทำให้ตี้เรียนเก่งขึ้น โรงเรียนจะได้เลือกเขา ไม่ใช่แค่ติวนะ เราบอกเอสให้ช่วยประกบเขาให้นอนเร็ว ตื่นเช้า เลือกอาหารดี เลือกตำราดี ๆ ให้อ่าน ชวนเค้าอ่านล่วงหน้า อ่านทบทวน ชวนเค้าเล่นกีฬาเบา ๆ เพิ่มพัฒนาการทั้งร่างกายและสมอง เราปลูกฝังความคิดให้เขาอยากเรียนเก่งขึ้นด้วยความตั้งใจของดัวเอง...เราทำทุกทางที่ทำให้ตี้เรียนเก่งขึ้นได้ ...ทริคพัฒนาการเรียนทุกอย่างที่เราเคยเจอมาสมัยอยู่ห้องคิง เราเอามาใช้กับตี้ทั้งหมด”

...ภาพห้องผ่าตัดมนุษย์ดัดแปลงขององค์กรช็อคเกอร์ผุดขึ้นในหัวผม ผมมันเลวประมาณนั้นแหละ…

บอมกำหมัดแน่น ผมควรโดนต่อย บอมคงผิดหวังมาก
...คนที่นายชอบ ดันเป็นตัวชั่วที่วางแผนหลอกใช้เพื่อนทุกคนได้หน้าตาเฉยมาตลอด…
...ผมใช้โต้งแฮ็กมือถือนาย ลบไลน์แชทของเราสองคน ทำให้นายเสียใจ…
...ผมใช้ดิมสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ ให้ตี้สนุกกับการเรียน…
...ใช้ความเป็นเพื่อนให้เอสประกบคุมปรับปรุงพฤติกรรมของตี้ทุกอย่าง…
...ผมใช้ชมรมบาส ใช้นายกับสนชวนให้ตี้อยากออกกำลัง เพิ่มพัฒนาการสมอง…
...เบื้องหน้าที่เหมือนคนใจดีอยากติวให้เพื่อน อยากช่วยเหลือ อยากแบ่งปัน ทุกอย่างเพื่อตัวผมเอง…

มือของบอมเคลื่อนเข้ามากอดผมไว้

“บอมขอโทษนะพัต...ที่เราเห็นพัตทำหน้าเครียดตลอดเวลา ฮึก ๆๆ...เรานึกว่านายแค่กังวลเรื่องที่ปิดบังพ่อ เราพยายามทำให้พัตขำ เราอยากให้พัตหัวเราะ ชวนพัตเล่นกีฬาให้สนุก แต่จริง ๆ เราเป็นไอ้โง่ที่ไม่รู้เลยว่านายเก็บเรื่องอะไรไว้คนเดียวมาตลอด เรามัวแต่...เรามัวแต่...ฮึก ๆๆ เราช่วยอะไรนายไม่ได้เลย”

“ไม่ใช่ความผิดของบอมหรอก ฮึก ๆๆ เวลานายอยู่กับเรา...เราก็มีความสุขมาก”
“ถึงตอนนี้พัตบอกเราทุกเรื่อง เราก็ยังช่วยนายไม่ได้อยู่ดี! แล้วพัตจะทำยังไง นายบอกว่าจะจัดการทุกอย่างเอง”
“ใช่ เราจะจบปัญหานี้เอง ตี้จะไม่มีทางโดนย้ายไปห้องควีน”

“พัตคิดจะทำอะไร?” บอมจ้องตาผม ดวงตาสีน้ำตาลตอนนี้ร้องไห้จนแดง
“ก็ทำสิ่งที่เราถนัดที่สุด สิ่งที่เราควรทำตั้งนานแล้ว”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 36: อัพ 3 มีค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 03-03-2021 14:50:28
ใกล้จบแล้วนะครับ เหลืออีกไม่กี่ตอน
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 36:อัพ 3 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-03-2021 01:03:51
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 36:อัพ 3 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-03-2021 09:41:37
เราว่าพัตหนีไม่พ้นหรอก
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 36:อัพ 3 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 08-03-2021 01:07:18
โห จะจบแล้วหรือครับเนี่ย อุตส่าห์คิดว่ามันยังมีอีกหลายฉากที่เป็นไปได้และน่าสนใจมากๆเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์หลังจากดราม่าการเข้าห้องควีน ที่ตี้กับเอสต้องผ่าน หรือความหวานๆในช่วงถัดไปอีกสามปีของสนกับดิม และเรื่องราวต่อไปของบอมกับพัตในช่วงมัธยมปลายหลังจากเข้าห้องควีน

ซึ่งเอาจริงๆจากการที่เคมีตัวละครเข้ากันได้ดีมาก และเนื้อเรื่อง Centralize เป็นเส้นตรงไปยังเป้าหมายของเนื้อหาในมัธยมปลาย (การสอบ, เรียนจบ) มันเปิดศักยภาพของตัวละครมากๆเลยนะครับ เพราะถ้าสังเกต หลังจากที่จบ Climax ของการเข้าห้องควีน ซึ่งก็สัมพันธ์กับชื่อเรื่องที่ว่า King Class Away ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าเป็น Prequel ที่ทำได้ดีมากๆเลยนะครับ เพราะทำให้คนอ่านรู้จักกันตัวละครแต่ละตัวได้อย่างครบถ้วน รู้จักนิสัยและเรื่องราวการปูการสนิทสนมและการเริ่มต้นชอบกัน แต่ว่าเส้นทางจริงๆที่นวนิยายโรแมนติกมักจะเน้นให้คนอ่าน คือพัฒนาการความลึกซึ้งด้านความสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่รักชอบกันแล้ว อุปสรรคที่ต้องฟันฝ่า ความแนบแน่นหรือความหวือหวาในชีวิตที่อาจเป็นสิ่งบ่งบอกการจบสุดท้ายแบบสุขนิยม ซึ่งตรงนี้จริงๆมันสามารถทำเป็นอีก Ark นึงเลยก็ได้ตอนเข้ามหาวิทยาลัย หรือตอนทำงาน เพราะว่าพวกนี้มันคือแก่นของการเดินเรื่องนวนิยายโรแมนติกเลยครับ อย่างเรื่อง Once Love Story ณ กาลครั้ง รัก ของคุณจิบุ จิบุ ก็เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจและน่าตามอ่านครับ
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 36:อัพ 3 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 09-03-2021 19:07:40
King Class Away Ep.37
Enter The Exam


หลังจากแยกกับบอม ผมกับดิมก็นั่งรถเมล์มาต่อรถสองแถวลงที่ปากซอยอ่อนนุช 10 เหมือนเคย แต่ไอ้แว่นดูจะตื่น ๆ ลน ๆ กว่าคราวที่แล้ว มันคงเหมือนมาเข้าค่ายมั้งเพราะมันจะมานอนบ้านผม 3 คืนรวดเลยระหว่างสอบกลางภาค

“ดิม กินอะไรดีเย็นนี้?”
“ที่บ้านสนมีข้าวเย็นมั้ย?”
“บางทีก็มี แต่คงต้องอุ่นเองน่ะเพราะแม่กูกินตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วเหลือจะเอาแช่ตู้เย็นไว้ กูขี้เกียจอุ่น”
“งั้นไปกินที่บ้านนายละกัน”
“บอกว่ากูขี้เกียจอุ่น”
“เราทำเอง”

พอเข้าบ้านดิมยกมือไหว้สวัสดีแม่ทันที
“สวัสดีครับคุณป้า ขอรบกวนค้างหลายคืนช่วงสอบนะครับ”
“จ้า ลูกสนบอกกับแม่แล้ว ลูกดิมมาเลย พักให้สบายจะได้สอบเก่ง ๆ นะ”
“ขอบคุณครับคุณป้า”
“แม่ครับมีกับข้าวเหลือมั้ยครับ?”
“มีผัดผักบุ้งกับหมูพะโล้น่ะ เดี๋ยวแม่อุ่นให้นะ” แม่พูดพลางยันตัวขึ้นจากโซฟาหน้าโทรทัศน์
“ผมทำให้เองครับ คุณป้านั่งพักผ่อนเถอะครับ” ไอ้ดิมพูดแล้วถือถุงเดินเข้าครัวไปเลย เออ! ตกลงใครเป็นลูกบ้านนี้วะ? ขยันทำคะแนนเอาใจแม่กูชิบเป๋ง

“แม่จ๋า สนนวดให้น้า” ผมรีบนั่งลงนวดขาให้แม่ทันทีเพราะรู้ว่าแม่จะด่าผมเปรียบเทียบกับไอ้แว่นแน่นอน
“ฮิ ๆๆ อะไรเนี่ย คนนั้นคนนี้ก็มาเอาใจแม่กันใหญ่ รีบไปอุ่นกับข้าวกินเถอะจะได้อาบน้ำเข้านอน พรุ่งนี้จะสอบแล้ว”

ผมเดินเข้าครัวไปดูว่าไอ้ดิมอุ่นกับข้าวเป็นไหม มึงนี่ก็หาเรื่องให้ตัวเองลำบากเรื่อย แทนที่จะกินนอกบ้านจะได้ไม่เหนื่อย เดี๋ยวก็หลับเร็วไม่ได้ติวอีกหรอก

“มีกับข้าวแค่ 2 อย่างน่ะพอกินมั้ยมึง?”
แต่สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าคือมันเพิ่งจัดอกไก่อบชานอ้อยใส่จานเตรียมเข้าไมโครเวฟ อกไก่มาจากไหนวะ? ซากห่อฟลอยด์ยังอยู่บนโต๊ะ หลักฐานคาหนังคาเขาว่ามึงเพิ่งแกะออกมาเมื่อกี้
“มึ๊งงงงง”
“ครับสน” ไอ้ดิมยิ้มร่า
“อกไก่อบชานอ้อยมาไงวะ? ตอนนั่งรถมาด้วยกันก็ไม่ได้แวะร้านไหนซักหน่อย”
“เราฝากพี่แม่ครัวที่โรงอาหารเมื่อตอนเที่ยงให้ซื้อเตรียมไว้” มันยิ้มตอบแห้ง ๆ
“คือไอ้ถุงที่มึงถือมานั่นใช่มั้ย? กรูบอกมึงกี่ครั้งแล้วว่ามึงน่ะชอบทำตัวเองลำบาก ที่มึงวิ่งไปตอนเลิกเรียนคือไปเอาไอ้นี่มาใช่มั้ย?”
“ฮะ ๆๆ ใช่”
คือที่มึงไม่ยอมทานข้าวข้างนอกก่อนเข้าบ้านเพราะอย่างนี้เอง

“กูชวนมึงมาค้างบ้านกูช่วงสอบเพราะอยากให้มึงสบายไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงบ้านมึงที่สำโรง แต่มึงดันหาเรื่องให้ตัวเองเหนื่อยเพิ่มซะงั้น ถ้ามึงทำสอบไม่ได้กูก็แย่สิ”
ไอ้แว่นหน้าจ๋อย โอ๊ย! อยากจะด่ามันมากกว่านี้แต่เดี๋ยวจะพาลหมดอารมณ์ติวกันทั้งคู่
“คือมึงอยากทำอาหารให้กูกับแม่เหรอ?”
ดิมผงกหัวหงึก ๆ “มาค้างหลายวัน เราเกรงใจ”
“กูขอบใจ แต่มึงต้องโฟกัสนะตอนนี้อะไรสำคัญสุด”
“การสอบ”
เสียงไมโครเวฟทำงานเสร็จดังติ๊งเป็นระฆังช่วยชีวิตมัน ดิมยกจานออกมาทั้งที่หน้ายังเหลือความสลดนิดนึง อกไก่อบชานอ้อยส่งกลิ่นหอมกรุ่นจนผมลืมโมโหมันเลย
“โชคดีนะดิมที่กูชอบกินอันนี้ กูยกโทษให้” ผมกอดคอมันให้อารมณ์ดีขึ้น

ผมกับดิมช่วยกันอุ่นกับข้าวอีก 2 อย่าง ผมคดข้าวที่เหลือในหม้อแบ่ง 2 จานแล้วลงมือทานจนอิ่ม
“ลูกเอาจานแช่น้ำในอ่างเลยนะ เดี๋ยวแม่ล้างเอง รีบไปอาบน้ำอ่านหนังสือแล้วรีบนอนเถอะ”
“ครับแม่”

พอดิมไปอาบน้ำเสร็จผมก็คว้าผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำบ้าง พอกลับมาที่ห้องนอนมันก็กางโต๊ะเตรียมตำราพร้อมละ
“มาติววิชาที่จะสอบวันแรกกันนะ”
“อืม”
“เราขอข้อสอบเก่าจากอาจารย์ของห้องควีนกับของสายศิลป์มาด้วย ข้อสอบมี 50 ข้อแต่เราเลือกแค่ 10 ข้อของแต่ละวิชามาฝึกทำนะจะได้ไม่ดึกมาก”
ดิมเข้าโหมดจริงจัง ผมชอบเวลามันกลับเข้าร่างเด็กเรียนอีกครั้งทำให้ผมลืมความอ้อนตีนที่มันลำบากลำบนหาอกไก่อบชานอ้อยมาเป็นมื้อเย็นให้ผม
“มองอะไรอ่ะ ตั้งใจทำข้อสอบสิ” แม่งดุชิบเป๋ง กูไม่ชอบโหมดเด็กเรียนของมึงละ อยากจับมันทุ่มลงเตียงโว้ย ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้สอบนะมึงโดนแน่

ติวเสร็จเกือบสี่ทุ่ม ดิมพับแว่นใส่กล่อง ได้เวลาเข้านอนพอดี ผมปิดไฟแล้วห่มผ้าห่มคลุมตัวเราสองคน
“ดิม”
“หืม?”
“สอบเสร็จอยากไปเที่ยวไหน?”
“อยากไปท้องฟ้าจำลอง แล้วนายล่ะสน?”
“กูอยากไปดูหนัง”
“อืม ฝั่งตรงข้ามมีเมเจอร์ ไปเที่ยวทีเดียวได้สองที่เลยนะ”
“เออ รีบนอนนะ ราตรีสวัสดิ์”

...ในแสงไฟสลัวที่ส่องมาจากเสาไฟข้างถนนนอกรั้วบ้าน ไอ้ดิมนอนหลับแต่อมยิ้มนิด ๆ…
...หลับให้จริงนะมึงไม่ใช่แกล้งนอนยิ้ม...


เช้ามืดวันพุธ วันสอบกลางภาควันที่ 1

ผมงัวเงียตื่นมาด้วยเสียงมือถือที่ตั้งปลุก ป่ายแขนไปข้างตัว...ไอ้ดิมไม่อยู่ หรือมันไปอาบน้ำแล้ว แต่พอเดินไปดูที่ห้องน้ำพื้นยังแห้งอยู่เลย คงตื่นไปช่วยทำครัวตามเคย ผมควรจะหงุดหงิดมันมั้ยเนี่ย ขนาดเมื่อคืนพูดไปตั้งเยอะแล้ว
...นับ 1 ถึง 10...มันคงอยากเอาใจผม เอาใจแม่…
...เอาน่า คุยกับมันอีกรอบ ถ้ายังดื้อจะเขกกระโหลกให้…
...ไม่สิเดี๋ยวความรู้มันหาย ดีดติ่งหูแม่งดีกว่า...

ผมเดินลงมากะว่าถ้าเจอไอ้ดิมจะรีบไล่มันไปอาบน้ำเตรียมตัว แต่ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคยฟุ้งไปทั่วบ้าน
“แม่ครับ ทำแกงจืดดอกขจรหมูสับเหรอ?”
“ใช่จ้า” แม่กับลูกชายคนใหม่ของแม่ยืนอยู่หน้าเตา กับหม้อที่ไม่ต้องเดาว่ากำลังต้มอะไร
“ดอกขจรเนี่ยสุกง่าย ตอนจะใส่ให้ปิดแก๊สเลยนะ พอคนเข้ากันก็จะสุกกำลังดี ดอกยังกรอบนิด ๆ ไม่น่วม”
ไอ้ดิมผงกหัวหงึก ๆ ตั้งใจเรียนมากจนผมไม่อยากเข้าไปห้ามว่ามึงมาเตรียมตัวสอบกลางภาค ไม่ใช่สอบยอดกุ๊กแดนมังกร

พอมันตักแกงจืดใส่ชามเสร็จก็บอกขอบคุณแม่แล้วหันมาอมยิ้มให้ผมทีนึงก่อนจะขึ้นชั้นสองไปอาบน้ำโดยผมไม่ต้องเอ่ยปาก เหลือผมยืนช่วยแม่จัดกับข้าวที่เหลือ
“สน มานี่ ๆ” แม่กวักมือเดินนำไปหลังบ้าน
“มีอะไรครับแม่?”
“ยังไง ๆ?”
“อะไรครับแม่? ยังไง ๆ เนี่ย?”
“ก็ยังไง ๆ ไงล่ะ?” แม่พูดยิ้ม ๆ ผมเห็นภาพเดจาวูที่ไอ้บอมยืนยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อวาน ชักสยองแล้วแฮะ
“อ่า...คืออะไรเหรอแม่?”
“ลูกดิมเนี่ย แฟนเหรอ?”
“.........” หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ! ผมจะตอบแม่ยังไงดีวะ! บอกความจริงไปแม่จะหัวใจวายมั้ย? แต่ผมก็ไม่อยากโกหกพ่อแม่นะ!

“ท...ทำไม...แม่ถามแบบนั้นล่ะครับ?” ขอให้แม่แค่แซวผมเล่น ๆ ทีเถอะ
“ก็คราวที่แล้วที่ดิมมาค้างแล้วเค้าช่วยแม่ทำอาหารตอนเช้า เค้าถามว่า...”
“ถามว่า...” ผมล่ะลุ้นกับคำพูดของแม่เหลือเกิน
“เค้าถามว่าสนชอบกินอะไร”
“โธ่เอ๊ย! นึกว่าอะไร แล้วแม่บอกมันว่ายังไงล่ะ?” ถ้าถามแค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวความแตกหรอก
“แม่บอกก็ชอบกินผัดถั่วลันเตาที่แม่กำลังผัดนี่แหละ ลูกคนนี้เรื่องมาก ไม่เอาถั่วลันเตาฝักอ่อนนะ ต้องแบบที่เม็ดข้างในใหญ่ ๆ ด้วย”
“แล้วดิมว่าไงต่อเหรอครับ?”
“เค้าบอกงั้นขอเค้าผัดเอง”
“...เอ่อ...ดิมเค้าชอบลองทำอาหารน่ะแม่...” โอ๊ย! มึงนี่ก็แสดงออกชัดฉิบหาย
“ยังไม่หมดแค่นั้นนะ”
“มีอะไรอีกเหรอครับ?”
“ตอนผัดไปเค้าก็ถามแม่ไปว่ามีอะไรที่สนชอบกินอีกมั้ย?”
“แล้วแม่ตอบว่าไงเหรอ?”

แม่มองไปที่โต๊ะกินข้าวแล้วมองค้อนช้อนเป็นมุม 60 องศากลับมายิ้มกรุ้มกริ่ม “อกไก่อบชานอ้อยกับแกงจืดดอกขจรหมูสับ”
“ห...เหรอ? บังเอิญจังเลย วันนี้แม่ก็ทำแกงจืดนั้นพอดี”
“บังเอิญจังเลยเมื่อคืนลูกดิมก็ซื้ออกไก่อบชานอ้อยมา ดอกขจรที่ทำแกงนั้นเค้าก็เตรียมมาให้ตั้งแต่เมื่อวาน ถุงที่เค้าถือมาจากโรงเรียนน่ะ มาถึงเค้าก็เอาใส่ตู้เย็นเลย เมื่อเช้าแม่เปิดมาเจอ เค้าก็ลงมาบอกแม่ว่าสอนต้มแกงจืดหน่อย”

ไอ้ดิม!! มึ้งงง!!! แม่กูไม่ต้องเดา 20 คำถามแล้ว มึงแสดงออกชัดขนาดนี้พากูไปจดทะเบียนเลยมั้ย!
“แม่อย่าช็อกนะ...แม่รับได้ไหมอ่ะ? คือสน...”
“แม่ไม่ว่าอะไรหรอก ลูกอยากคบใครก็คบเถอะ ขอแค่เป็นคนดีก็พอ”
เฮ้ย! นี่แม่ผมหรือเนี่ย!? ผมกะพริบตาถี่ ๆ เผื่อว่าคนตรงหน้าจริง ๆ คือพี่อ้อยพี่ฉอด

“แม่น่ะยังวัยรุ่นนะ เวลารีดผ้าไปแม่ก็ดูแอพทีวีไป ละครวายเยอะแยะ ยุคนี้แล้วแม่เข้าใจได้” แม่พูดพลางชูมือถือจอแตกโบกหยอย ๆ
“แม่...”
“ลูกรักใครแล้วมีความสุขก็รักไปเถอะนะ” แม่กอดผมแน่น
“พ่อรู้ยัง?”
“ยัง ขานั้นออกไปทำงานตั้งแต่เช้ามืด ไม่ต้องรีบนะลูกอยากบอกเมื่อไหร่ก็ค่อยบอก ชวนดิมมาบ่อย ๆ แม่ว่าเดี๋ยวพ่อเค้าก็ชอบดิมไปเองแหละนิสัยดีขยันเรียบร้อยแถมเรียนเก่งแล้วช่วยติวให้สนขนาดนี้ แต่ถ้าพ่อเค้ารับไม่ได้ ลูกก็ให้เวลาเค้าหน่อย” แม่พูดราวกับท่องบทมาจากละครวายสักเรื่อง

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแม่ก็ให้ศีลให้พรก่อนเดินทางไปโรงเรียน
“ขอให้จิตใจสงบ พระคุ้มครอง สอบเก่ง ๆ ได้คะแนนเยอะ ๆ นะลูกดิมลูกสน”
“ขอบคุณครับแม่”
“ขอบคุณครับคุณป้า”
“เรียกแม่เถอะลูก” แม่พูดพลางลูบหัวไอ้แว่น ซึ้งมาก ถ้าไอ้ดิมเข้าใจว่าแม่หมายถึงอะไรแม่งจะทำหน้ายังไงวะ

พวกผมเดินข้ามถนนมารอรถสองแถว ไอ้ดัวดียังไม่รู้ว่ามันทำวีรกรรมอะไรด้วยอกไก่อบชานอ้อยเมื่อคืนกับแกงจืดดอกขจรหมูสับเมื่อเช้า
...ผมควรบอกมันมั้ยวะ? ผมกลัวมันจะเสียสมาธิจนทำสอบไม่ได้…
...แล้วตัวผมเองล่ะ...ตอนนี้ดีใจ โล่งใจ หรือรู้สึกเป็นทุกข์?
...ผมว่าผมมีความสุขและโล่งใจที่ไม่ต้องปิดบังแม่อีกแล้ว…
...ดิมเองก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกันถ้าได้รู้…

“ดิม”
“หืม?”
“แม่กูรู้แล้วนะ”
“...เหรอ? แล้วเรา...” มันหน้าสลดทันที

“แม่กูบอกโอเค คบได้” ผมตอบแต่หันหน้าหนีมัน กูก็เขินเป็นนะว้อย
“จริงเหรอ!”
“เออ”
มันยิ้มอย่างมีความสุข อยากเขกกระโหลกมันที่เมื่อเช้าดื้อจะทำแกงจืดดอกขจรแต่ก็กลัวความรู้มันหาย จะดีดติ่งหูก็กลัวมันเจ็บ ถ้าดีดมะกอกเดี๋ยวมันจับดินสอไม่ได้ ผมกอดคอแม่งนี่แหละ
“มึงอย่าเสียเวลาไปทำอาหารอีก ตั้งใจสอบเข้าใจมั้ย?
“เข้าใจแล้ว”
“ไม่ทำแล้วนะมึง จนกว่าจะสอบเสร็จ”
“........” ไอ้แว่นไม่ตอบแต่ทำตาหลุกหลิก
“อย่าบอกนะว่าเมื่อวานมึงก็สั่งพี่แม่ครัวเตรียมของอะไรให้มึงวันนี้อีก?”
“ก็มีกุ้ง, มะระ, กระเทียม, โหระพา, สาระแหน่, ผักชี, น้ำตาลปี๊บ, มะนาว”
“มึงกะจะทำอะไรวะ! ส่วนผสมคุ้น ๆ แบบนี้”
“กุ้งแช่น้ำปลา แม่บอกของชอบของสน”
“มึงจะบ้าเรอะ! ทำของดิบตอนช่วงสอบแบบนี้เดี๋ยวท้องร่วงท้องเสียอาหารเป็นพิษ ปรึกษากูบ้าง!”
“แต่สั่งให้พี่เค้าเตรียมของให้แล้วอ่ะ”
“เดี๋ยวเย็นนี้กูให้แม่ทำต้มยำกุ้งให้แทน”

เห็นหูขาว ๆ ของมึงนี่โคตรอยากดีดให้เข็ด โชคดีของไอ้แว่นที่ไอ้บอมเดินมาพอดี
“หวัดดีบอม”
“หวัดดีดิม หวัดดีสน”
“เป็นไง เตรียมตัวมาสอบเต็มที่เลยสิมึง?”
“อืม” มันตอบแบบไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่
“เป็นอะไรวะมึง ดูแปลก ๆ”
“ไม่มีอะไรหรอก” มันตอบแล้วไม่พูดอะไรต่อ

พอดีรถสองแถวมาพวกเราเลยขึ้นรถไปต่อรถเมล์เพื่อเดินทางไปโรงเรียน เดินเข้าซอยโรงเรียนก็เจอพัตนั่งอ่านหนังสือรอหน้าร้านน้ำหน้าโรงเรียน
“หวัดดีพัต”
“หวัดดีทุกคน” พัตเงยหน้ามาตอบแล้วเก็บหนังสือลงกระเป๋า “ป่ะ ไปสอบกัน”

วันนี้พัตดูแปลกมาก ทุกทีพอเจอบอมมันจะยิ้มกว้าง แต่วันนี้มันขรึม ๆ ยิ้มแค่ประมาณครึ่งเดียว พัตอาจกำลังทำสมาธิเตรียมตัวสอบมั้ง แต่ตอนวันที่สอบเข้าก็ไม่เห็นมันจะมีอาการถึงขนาดนี้

“พัตเป็นไงบ้าง?” บอมเอ่ยถามตอนเดินคู่กัน
“จะตั้งใจให้เต็มที่”
พัตตอบสั้น ๆ แล้วมือไอ้บอมก็ยื่นไปจับมือพัตไว้

ผมกระซิบกับไอ้แว่น “ดิม กูว่าพวกเราแยกไปเหอะ” ไอ้บอมตั้งใจหวานขนาดนี้ อย่าอยู่เป็นก้างมันเลย
“อืม”



ผมเก็บกระเป๋าที่ห้องประจำชั้นแล้วนั่งสมาธิ การสอบกำลังจะเริ่มแล้ว อาจารย์เดินแจกแผ่นกระดาษคำตอบและสมุดคำถามที่วางแบบคว่ำหน้า

อย่าเพิ่งเขียนชื่อลงในกระดาษคำตอบเพราะสามารถใช้เป็นข้ออ้างขอต่อเวลาอีกนิดเมื่อหมดเวลาสอบ
ผมงัดทุกกลเม็ดที่เคยเรียนรู้สมัยเอาตัวรอดในห้องคิงตลอด 4 ปี

“วิชาคณิตศาสตร์มีเวลา 90 นาที หมดเวลาสอบตอน 10:00น. เปิดสมุดคำถามและลงมือทำข้อสอบได้” อาจารย์ประกาศ

อ่านกติกาเงื่อนไขให้ละเอียด กวาดตาอ่านคำถามทุกข้อ
ข้อสอบแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 45 ข้อเป็นปรนัย
ส่วนที่สองเป็นอัตนัย มี 5 ข้อ คำตอบมีได้ 4 หลัก หลักไหนไม่ใช้ให้วงเลข 0

ประเมินว่าข้อไหนยาก จัดเวลา จงทำข้อง่ายก่อน
45 ข้อแรกต้องจบใน 40 นาที
อัตนัย 5 ข้อ ง่าย 2 ข้อ, ยาก 3 ข้อ ข้อง่ายให้เวลา 5 นาที ข้อยากให้เวลา 10 นาที (รวม 40 นาที)
เหลือเวลาทวนอีก 10 นาที

เสียงเพื่อนในห้องบ่นอื้ออึงเมื่อเห็นข้อสอบอัตนัยสุดโหด แต่ผมเพ่งสมาธิกับข้อสอบตรงหน้าเท่านั้น

ตามปกติผมจะบริหารความคุ้มค่า ข้อไหนที่ยากหรือกินเวลาเกินไปจะเก็บไว้ทำตอนท้ายหรือไม่ก็ยอมทิ้งเลย...แต่ไม่ใช่ในการสอบครั้งนี้

ตี้จะไม่โดนย้ายไปห้องควีน ผมไม่รู้ว่าตี้จะทำข้อสอบได้เท่าไหร่ ไม่มีใครรู้อนาคต แต่ถ้าผมทำให้ถูกทุกข้อทุกวิชา ตี้จะไม่มีทางแซงผมได้

ได้เวลาเปิด TRANS-AM MODE
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 37:อัพ 9 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 09-03-2021 19:55:21
 :o8: :mew1: o13
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 37:อัพ 9 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-03-2021 20:07:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 37:อัพ 9 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-03-2021 09:07:37
สงสารพัตเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 37:อัพ 9 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 11-03-2021 09:09:51
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 37:อัพ 9 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 16-03-2021 20:35:07
King Class Away Ep.38
Sour เปรี้ยว, Bitter ขม


สอบวิชาเลขเสร็จ 10:00น. จบไปวิชานึงละ มีเวลาพัก 30 นาที ผมเดินออกมาที่ระเบียงตึกเจอบอมกำลังนั่งอ่านหนังสือกับเพื่อน ๆ บอมเงยหน้ามาโบกมือและขยับปากว่าจบวิชาที่สองแล้วไปกินข้าวกันนะ ผมผงกหัวตอบ บอมต้องใช้เวลาให้คุ้มที่สุด ผมลงไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแล้วกลับมานั่งสมาธิในห้อง

การสอบวิชาที่สองภาษาอังกฤษจบลงที่เวลา 12:00น. ผมเขียนชื่อและเลขที่ระหว่างที่อาจารย์กำลังเดินเก็บข้อสอบ ใช้ทุกนาทีแบบสุด ๆ แล้ว ถึงจะเป็นวิชาถนัดที่สุดของผม แต่ส่วน reading ก็ต้องตีความให้ถี่ถ้วน โดยเฉพาะคำถามประเภทจงตั้งชื่อเรื่องให้เหมาะสม ตัวเลือกแต่ละอันที่ให้มาไม่เห็นจะเหมาะกับเนื้อหาเลย เครียดสุดแล้วกับการเดาใจคนออกข้อสอบ

ตอนบ่ายจะเป็นวิชาภาษาไทยกับสังคม วิชาสุดท้ายนี่แหละที่ผมกังวลแม้ว่าจะเคยเรียนมาแล้วก็ตาม ผมไม่ถนัดวิชาท่องจำ ไอ้การทำสอบให้ถูกทุกข้อทุกวิชานี่มันเครียดจริง ๆ 12 วิชา วิชาละ 50 ข้อ รวมเป็น 600 ข้อต้องไม่พลาดแม้แต่ข้อเดียว

พอเดินออกจากห้องสอบเจอบอมเดินมาก็หายเหนื่อยเลย
“พัตเป็นไงบ้าง?”
“พอไหวน่ะ แล้วบอมเป็นไง?”
“ยากมาก ดีนะที่พัตช่วยติวให้ ได้ใช้เยอะเลย ข้อ 35 พัตตอบอะไรเหรอ?”
“เรื่องคุยข้อสอบย้อนหลังไว้คุยหลังสอบเสร็จดีกว่านะ ตอนนี้หาอะไรกินแล้วตั้งใจอ่านสมุดย่อของวิชาภาษาไทยก่อน”
“ดีจัง มีแฟนเรียนเก่งเนี่ยให้คำแนะนำเยี่ยมตลอด” หนุ่มนักบาสยิ้มหยอกโดยไม่สนใจว่าเพื่อนอยู่หน้าห้องเต็มไปหมด
“ป...ไปหาสนกับดิมกันดีกว่า”

ระหว่างที่เดินไปตามระเบียงอาคาร ผมก็คิดถึงเรื่องที่คุยกับบอมเมื่อวาน
“พัตคิดจะทำอะไร?”
“ก็ทำสิ่งที่เราถนัดที่สุด สิ่งที่เราควรทำตั้งนานแล้ว”
“นายหมายความว่า...”
“เราจะเข้าห้องควีนเอง”
“พัต...นายตัดสินใจดีแล้วเหรอ? ก็นายไม่ชอบ...”
“อืม” ผมตอบ “แต่เราไม่ชอบทำร้ายเพื่อนมากกว่า”

“บอมอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เราไม่ได้ไปตายซะหน่อย”
“ไม่เอา พัตอย่าพูดคำนี้” ดวงตาสีน้ำตาลมองมาอย่างกังวลใจ
“เราว่าเราโตพอ เราคงไม่เครียดกับการเรียนแล้วล่ะ และที่โรงเรียนนี้ก็ไม่มีต้นบอระเพ็ดนะ เราเดินดูทั่วละ ฮ่า ๆๆ”
“พัต...”
“เราจะอยู่กับบอม ต่อให้เราอยู่ห้องควีนเราก็จะอยู่กับนายเหมือนที่ผ่านมา เราจะขอพ่อเล่นบาสเพิ่มด้วย”
“ไหวเหรอ?”
“หึ ๆๆ ที่บอมเห็นเราทุกวันเนี่ยเป็นแค่ร่าง 50% ของเรานะ”
“คือจริง ๆ ตัวใหญ่กว่านี้?” บอมเอื้อมมือขึ้นสูง ๆ
“ไม่ได้หมายความอย่างนั้นซะหน่อย”


“เป็นไงวะสน ทำสอบได้ปาววะ?” บอมตะโกนทักเพื่อนที่ยืนหน้าห้อง 7 ของดิม
“กูน่ะทำได้ แต่...”
ดิมหันมาหน้าเหนื่อย ๆ “เราทำได้แค่ 2 ใน 3 เอง ยากกว่าข้อสอบปีที่แล้วที่เราเอามาลองทำอีก”

พวกเราสามคนได้แต่มองหน้ากัน “อ...เอาน่าดิม นี่แค่สอบกลางภาค” สนพูด
“อืม พัต reading เรื่องแผลติดเชื้อสมัยสงครามโลก นายตอบอะไรบ้างเหรอ?”
“เอ๋? ข้อสอบของเราไม่มีเรื่องนี้นะ”
“เราก็ไม่มีนะดิม” บอมตอบ
“กูก็ไม่มีนะ” สนด้วย

ดิมเขียนทวนเท่าที่จำได้ลงในสมุดให้ผมดูตอนกินมื้อเที่ยง ผมถึงกับอุทานเหี้ยในใจว่าข้อสอบ reading ของห้องควีนใช้คำศัพท์การแพทย์ยากระดับมหาลัยเลยมั้ง ไม่มีในหนังสือเรียนด้วยใครจะรู้เรื่องฟระ

สมัยม.3 ที่อยู่ดลปัญญา ผมก็เคยบ่นกับอาจารย์เรื่องประมาณนี้ว่าข้อสอบ reading ใช้ศัพท์ที่ไม่เคยเรียนและยากมาก แต่อาจารย์ตอบกลับมาว่า “ในชีวิตจริงเราเลือกไม่ได้หรอกว่าบทความหรือการสนทนาต่าง ๆ ที่ต้องเจอจะยากหรือใช้ศัพท์แสงระดับไหน คุณควรฝึกตัวเองให้พร้อมรับมือได้ทุกกรณี นนทภัทร ผมแนะนำให้คุณอ่านเรื่องรากศัพท์, prefix, suffix, และศัพท์ละตินให้มาก ๆ จะช่วยเดาความหมายได้”

ผมดูข้อสอบของดิมก็พอเห็นอนาคตอีก 3 ปีของตรูลอยมาเลย ที่นี่แม่งเป็นดลปัญญานุกูลสาขา 2 รึไงวะ
“เดี๋ยวหลังสอบเสร็จเราช่วยให้ตำราที่เหมาะ ๆ ให้นะดิม ตอนสอบปลายภาคต้องทำได้ดีขึ้นแน่”
“เราเกรงใจน่ะพัต”
“เราเพื่อนกันน่า” อยากจะบอกว่าอีกเดี๋ยวเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันน่า



หลังสอบสังคมวิชาสุดท้ายของวันแรกเสร็จ สนกับดิมก็แยกกลับบ้านก่อน บอกว่าสั่งกุ้งเอาไว้ต้องรีบเอากลับไปทำอาหาร
“ดีเนอะ ได้ทำอาหารด้วยกันคลายเครียดหลังสอบวันแรก” บอมกล่าว
“ดิมไปสั่งพี่แม่ครัวให้เตรียมของไว้น่ะ เนี่ยตอนแรกกะจะทำเป็นกุ้งแช่น้ำปลาด้วยนะ ทำเป็นเหรอมึง?”
“ก็ดูยูทิวป์เอาน่ะ”
“งั้นให้แม่กูทำต้มยำ จบ ไม่งั้นได้ท้องเสียกันทั้งบ้าน” มุกตลกของสนสร้างเสียงหัวเราะที่ช่วยลบความเครียดในวันนี้ได้
“แล้วคุณแม่สนทำกุ้งแช่น้ำปลาเป็นมั้ยอ่ะ?” ดิมก็ยังพยายาม
“ทำเป็น”
“งั้นหลังสอบ ให้คุณแม่สอนเราที”
“กูก็ทำเป็น”
“ให้แม่สอนดีกว่า นายดุ” ประโยคซื่อ ๆ ของดิมทำทุกคนหัวเราะครืน

หลังจากส่งดิมกับสนขึ้นรถเมล์ บอมก็เดินไปส่งผมที่สถานี airport link หัวหมาก เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกันระหว่างเดินผ่านย่านร้านค้าที่เราเคยมากินพิซซ่าวันนั้น
“พัตเหนื่อยมั้ย?”
“ก็นิดนึงน่ะ”
ผมบอกบอมไปตามจริง ไม่ได้เปิดโหมดเต็มพลังในการสอบแบบนี้มาจะครึ่งปีแล้วนับตั้งแต่สอบไล่ม.3 ที่ดลปัญญาเพื่อทำคะแนนสูงสุดให้รักษาตำแหน่งเข้าห้องคิงม.4...ที่สุดท้ายจบด้วยการลาออกตามคำสั่งของพ่อ

“เราช่วยอะไรพัตได้บ้าง?” บอมจับมือผมเดินไปด้วยกัน
“เอ่อ...ก็มีนะ”
“เหรอ? ให้เราช่วยอะไรพัตดี? เราทำเต็มที่เลย”
“บอม...เราอยาก...” ผมหันไปมองเขา คนที่ผมชอบตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน คนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด
“พัต...” บอมบีบมือผมแน่น นิ้วค่อย ๆ สอดประสานนิ้ว
“เราอยากกินไอติม”
“เรานึกว่านายจะพูดอะไร! ไอติมน่ะนะ!”
เมื่อกี้บอมเขานึกว่าผมจะพูดอะไรวะ -///-

“ก็วันนี้ใช้สมองเยอะนี่นา อยากกินอะไรหวาน ๆ อยู่ที่บ้านเรากินขนมหวานไม่ได้นี่”
“ได้ ๆๆ งั้นแวะสเวนเซนส์กัน”

“สวัสดีค่ะ มาสองท่านนะคะ เดี๋ยวหยิบเมนูให้นะคะ” พนักงานต้อนรับกล่าวทักเมื่อพาพวกผมนั่งที่โต๊ะ
“เฮอริเคนครับ ขอเลือกไอติมเองนะครับ มะนาวเชอร์เบต, ร็อคกี้โร้ด, มิ้นต์ช็อกโกแลตชิพ, ชาเขียว, แอปเปิ้ล แครนเบอรรี่ ชอร์เบต์”
บอมอ้าปากค้าง “พัตไม่ต้องใช้เมนูเลยเหรอ?”
“เรากินแบบนี้ทุกทีน่ะ บอมจะสั่งอะไรดี?”
“ร...เราว่าเรากินกับพัตก็น่าจะอิ่มแล้ว”

อันที่จริงผมไม่ได้อยากกินไอติมขนาดนั้นหรอก ผมแค่อยากอยู่กับบอมให้นานขึ้นอีกนิดก่อนจะไม่มีเวลาอยู่ใกล้กันนาน ๆ ได้แบบนี้อีก สักพักพี่พนักงานก็ยกไอติมมาชามใหญ่ เฮอริเคนคือไอติม 5 ลูก
“รสที่เราเลือกมีแต่เปรี้ยว ๆ กับขม ๆ นะ บอมกินได้มั้ย?”
“เรากินได้น่า ดีจะได้ชิมว่าพัตชอบกินอะไร”
“ตอนเด็ก ๆ เราไม่สบาย หมอให้กินวิตามินซีแต่เราไม่ชอบ มันเปรี้ยวแสบลิ้น แม่เลยพาไปกินไอติมมะนาวแทน จากนั้นเราก็ชอบไอติมรสเปรี้ยว ๆ มาตลอด แล้วบอมชอบรสไหนเหรอ?”
“เราชอบช็อกโกแลต”
“งั้นลองชิมร็อคกี้โร้ด” ผมตักป้อนให้

“เห็นข้อสอบของดิมแล้ว มันไม่ยุติธรรมเลยนะ เอาเรื่องที่ไม่อยู่ในตำรามาสอบแบบนี้”
“เดี๋ยวตอนม.6 เจอข้อสอบ O-net กับ 9 วิชาสามัญก็ออกนอกตำรายาก ๆ แบบนี้แหละ”
“จริงเหรอ?”
“อืม” ผมเปิดตัวอย่างข้อสอบ 9 สามัญปีก่อน ๆ ให้บอมดู
“ศัพท์อะไรเนี่ย smouldering?”
“ระอุ ไหม้คุกรุ่นแบบไม่มีเปลวไฟแล้ว แต่ยังร้อนอยู่”
“ใครจะไปรู้ว้า!”
“เราว่าคนออกข้อสอบเล่นเกม Dark Souls สังเกตว่าชุดคำศัพท์ในปีนั้นตรงกับในเกมนี้หลายคำเลย”
“นี่เราต้องเล่นเกมด้วยมั้ยเนี่ยถึงจะมีความรอบรู้ไปสอบ ฮ่า ๆๆ”
“ถ้าบอมติดเกมตระกูล Souls คงไม่มีเวลาอ่านหนังสือแน่ ตอนเราสู้บอสนี่บางตัวเล่นทั้งคืนเลย แอบเล่นนะไม่งั้นพ่อโมโหตาย”
“ตอนแรกที่เจอพัต เรานึกว่านายเป็นเด็กเรียนตลอดเวลาซะอีก” บอมตักไอติมยื่นป้อนมาตรงหน้า ผมหัวเราะแล้วงับไอติมมะนาวของโปรด
“เรียนก็เล่นเกมได้ถ้าเรารู้จักหาสิ่งดี ๆ ในนั้น แค่ไม่เสียการเรียนก็พอ แต่ตอนนี้ก็แทบไม่มีเวลาเล่นละนะ” ผมตักไอติมป้อนบอมอีก ได้ยื่นมือไปใกล้หน้าหล่อ ๆ ของบอมนี่รู้สึกดีจัง ไรขนอ่อน ๆ บนหน้าบอมน่าลูบชะมัด

“บอมไม่ต้องห่วงเรื่องการเรียน เดี๋ยวเราติวให้โหด ๆ เลย ฮ่า ๆๆ”
“งั้นเราฝึกบาสให้พัตนะ แลกกัน”
“อืม ช่วยฝึกเราให้เป็นตัวสำรองให้ได้เลยนะ”

มองไปนอกหน้าต่างในยามเย็น บริเวณสี่แยกนี้มีนักเรียนมากมายทั้งโรงเรียนเราและโรงเรียนอื่น พวกเราไม่รู้เลยว่าตอนสอบเข้ามหาลัยจะเจออะไรยากขนาดไหน หลายคนอาจไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าต้องเตรียมตัวรับมืออะไรบ้าง คิดดูแล้วการเข้าห้องควีนก็ไม่เลวนะ ผมจะได้กลับเข้าบรรยากาศการตั้งใจเรียน ผมจะติวบอมได้ ...เราสองคนจะอยู่ด้วยกัน ผมจะอยู่กับบอมและทำให้ได้ดีที่สุดในทุกเรื่อง
“เราอยากอยู่กับบอม”
“เราก็อยากอยู่กับพัต ถ้าพัตไปอยู่ห้อง 7 ห้องควีนเราคงอยู่ไกลกันมาก แต่ยังไงเราก็อยู่ด้วยกันนะ”
“อืม”



ผมกลับมาถึงบ้านตอนหกโมงครึ่ง เอ๋? รถพ่อกับแม่จอดอยู่แล้ว ปกติวันธรรมดาแบบนี้พ่อกับแม่ไม่กลับมาเร็วนี่นา
“เป็นไงบ้างพัต สอบวันนี้ยากมั้ยลูก?” แม่กับพ่อนั่งรอที่โต๊ะอาหารแล้ว
“ไม่ยากครับแม่”
“ทำไมวันนี้มาช้าจัง พรุ่งนี้มีสอบอีกไม่ใช่เหรอ?”
“ผ...ผมติวกับเพื่อนน่ะครับพ่อ” ขืนบอกตามจริงว่าไปกินไอติมมีหวังโดนด่าเละ
“รีบไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวนะ”
“ครับพ่อ” ผมรีบขึ้นห้องไปเก็บเป้ อาบน้ำแต่งตัวลงมาที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง...แต่พ่อไม่อยู่แล้ว
“ตะกี้บริษัทเรียกประชุมด่วนน่ะพัต พ่อไปโทรประชุมที่ห้อง” แม่ยกชามที่เพิ่งอุ่นเสร็จออกมาจากเตาไมโครเวฟ
“ครับ”
“พ่อดุไปงั้นแหละ นี่พ่อเค้าซื้อราเม็งของโปรดลูกมาให้”
“ขอบคุณครับแม่”
“แล้วสอบเป็นไงบ้าง? ยากเหมือนที่โรงเรียนเก่ามั้ยลูก?”
“ไม่ยากครับ” ...แต่อีกเดี๋ยวน่าจะยากพอ ๆ กันละครับเมื่อผมเข้าห้องควีน ผมคิดในใจ

“พัตมีอะไรหรือเปล่า? บอกแม่ได้นะ” แม่คงเห็นบางอย่างในสีหน้าผม คำพูดอ่อนโยนของแม่ทำให้ผมอยากบอกบางอย่างออกไป อยากบอกเรื่องห้องควีน อยากบอกเรื่องบอม แต่ประโยคที่พูดออกไปคือสิ่งที่ผมอยากพูดจริง ๆ
“ผมอยากกินข้าวกับพ่อแม่ครับ”
“งั้นเดี๋ยวสอบเสร็จเราไปฉลองกันนะ”
“ครับแม่”
“พัตทานให้อิ่มเลยนะจะได้มีแรงสอบ เดี๋ยวแม่ไปทำงานต่อละ” แม่ยิ้มแล้วลุกจากโต๊ะไป
“ครับแม่”
...ที่ผมบอกว่าอยากกินข้าวกับพ่อแม่ ผมหมายถึงตอนนี้เลยต่างหาก ผมอยากกินข้าวพร้อมหน้ากันตอนนี้เลย ...อุตส่าห์ดีใจที่วันนี้พ่อกับแม่กลับบ้านมาเร็วแท้ ๆ

ผมล้างชามเสร็จก็ขึ้นห้อง เอาสมุดโน้ตวิชาที่จะสอบพรุ่งนี้มาเตรียมอ่าน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“หวัดดีโต้ง”
“หวัดดีพัต เป็นไงวะแผนส่งตัวเต็งอันดับสองเข้าห้องควีนแทนมึงน่ะ?”
“อืม...” ผมล้มตัวลงนอนบนเตียง
“ไอ้อืมมมมของมึงคือไม่อืมมมมใช่มั้ย? ฟังจากน้ำเสียง”
“ใช่ ไม่อืมมมม”
“คือคนนั้นเรียนไม่เก่ง เข็นไม่ขึ้นเหรอวะ?”
“ไม่อ่ะ เรียกว่ามีพรสวรรค์เลย พอช่วยติวให้ เค้ายิ่งเก่งขึ้นอีก”
“แล้วมันไม่อืมมมมตรงไหนวะ?”
“ตรงที่เขาเป็นเพื่อนเราเองนี่แหละ ชื่อตี้ แล้วเขาก็ชอบทำกิจกรรมมาก”

โต้งนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “มึงเลยสงสารเค้า ไม่อยากให้เขาเข้าด้านมืดแบบพวกเราเพราะห้องพวกนี้เรียนกันเป็นบ้าเป็นหลังไม่มีเวลาทำกิจกรรม?”
“ใช่”
“มึงก็อย่างเนี้ยทุกที วางแผนกันมาตั้งนาน สุดท้ายมึงเข้าห้องควีนซะเอง”
“อืม”
“ยังไงก็เป็นคนใจดีเหมือนเดิม มึงน่ะเป็นจอมมารไม่ได้หรอก แล้วมึงไหวป่าววะ?”
“ก็เคยอยู่มาแล้ว จะอยู่อีกคงไม่เท่าไหร่มั้ง มันเหนื่อยหน่อยตรงที่ติวตี้จนเก่งขนาดนี้ น่าจะทำสอบกลางภาคได้เกิน 90%”
“มึงเลยต้องพยายามทำคะแนนให้ได้มากกว่าตี้?”
“ช่ายยย ไม่น่าเลยเนอะ ตอนแรกก็เป็นตัวเต็งนอนมาสบาย ๆ ดันหาเรื่องให้ตัวเอง”
“ฮ่า ๆๆ ต้องสู้ให้ชนะลูกศิษย์ตัวเองซะงั้น พิลึกฉิบหาย กูบอกแล้วมึงน่ะวาง-”
“วางแผนอะไรก็แป๊กทุกที” ผมพูดให้แทนเลย แล้วโต้งกับผมก็หัวเราะพร้อมกัน ทั้งที่ไม่เห็นมีอะไรขำ
“ยังไงก็มีกูกับเอ็มอยู่ห้องคิงเป็นเพื่อนมึงนะ ถึงจะอยู่คนละโรงเรียนก็เถอะ”
“ขอบใจนะโต้ง นายเองก็จะสอบสัปดาห์หน้าแล้วใช่มั้ย?”
“ใช่ งั้นกูไปอ่านหนังสือต่อละ ไว้สอบเสร็จไปเที่ยวกันนะ”

ผมหยิบสมุดโน้ตวิชาที่จะสอบพรุ่งนี้มาอ่านทบทวนอีกที แต่สามทุ่มก็เริ่มปวดหัว ขอนอนเลยละกัน



ผมกับดิมยืนในรถสองแถวที่แล่นตุเลง ๆ บนถนนอ่อนนุชมุ่งหน้ากลับบ้านผม ช่วงเย็นคนเยอะมากผมเลยให้ดิมยืนอยู่ด้านในสุดของรถมันจะได้ไม่โดนคนเบียดเข้าเบียดออกบ่อย ๆ แล้วผมยืนด้านหลังดิมอีกที
“ดิม วิชาที่สอบตอนบ่ายยากมั้ยวะ?”
“ก็ยากเหมือนกัน”
ผมไม่รู้จะช่วยมันเรื่องนี้ได้ยังไงเลย ทำได้แค่เอาแขนที่ถือกระเป๋ากอดมันไว้

“สน การสอบไม่มีใครช่วยคนอื่นได้หรอก แต่ตอนนี้เรารู้แนวข้อสอบละ ต่อไปก็จะตั้งใจเรียนมากขึ้น”
ดิมคงรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
“เออ มีสอบกลางภาคมันก็ดีเนอะ ทำให้รู้ว่าต้องปรับปรุงตรงไหน”
“อืม”
“ดิม กูดุเหรอวะ?”
“ก็...คือเรารู้นะว่านายห่วงเรา”

ไอ้ดิมถือถุงวัตถุดิบสำหรับทำกุ้งแช่น้ำปลาที่โดนผมเบรคให้ทำต้มยำกุ้งแทนเพราะไม่อยากเกิดโศกนาฎกรรมขี้แตกกันทั้งบ้าน...รู้แหละว่ามันอยากเอาใจผม บางทีถ้าได้ทำอาหารด้วยกันอาจจะคลายเครียดอย่างที่บอมบอก
“คือถ้าช่วยกันทำต้มยำกุ้ง เดี๋ยวกูแกะกุ้ง มึงต้มน้ำ แป๊บเดียวก็น่าจะเสร็จอ่ะ แบบนี้ดีมั้ย?”
“ได้เลย”
ผมซบหน้าเข้ากระซิบข้างหูดิม “ถ้ากูดุเกินไปมึงบอกกูได้นะ มึงไม่ต้องเงียบ กูแค่ห่วงมึงน่ะ”
“อืม แล้วหลังสอบเสร็จนายสอนเราทำกุ้งแช่น้ำปลาด้วยนะ”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 38: 16 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 16-03-2021 22:13:10
King Class Away Ep.39
เซตว่าง (Ø)


วันอังคาร
วันที่สองของการสอบกลางภาค

ตอนเช้าเป็นชีวะกับเคมี สองวิชาหลักของสายวิทย์มาติดกันทำผมปวดหัวขึ้นเรื่อย ๆ ผมพยายามทำหน้านิ่ง ๆ ไม่อยากให้บอมกังวล
“บอมเป็นไงบ้าง?”
“เราว่าเราทำได้เกิน 85% นะ บ่ายนี้สอบพละด้วย วิชาโปรดเราเลย” 
“ขอบใจนะบอมที่ช่วยสอนบาสให้ ตอนม.ต้นวิชาพละเราเกรดแย่ทุกที ปีนี้แหละได้เต็มแน่”

จุดด่างพร้อยอย่างเดียวในใบเกรดตรูทุกเทอมคือวิชาพละนี่แหละ คะแนนภาคทฤษฎีน่ะได้เต็ม แต่ภาคปฎิบัติตรูโหลยโท่ยมาก มีเทอมนี้แหละที่บอมช่วยฝึกบาสให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นเลยทำสอบปฎิบัติวิชาปิงปองได้ไปด้วย
“เรื่องออกแรงน่ะเราถนัด เดี๋ยวสอนให้พัตเยอะ ๆ เลยหลังสอบเสร็จ” บอมพูดพร้อมโอบเอว

หน้าหล่อคิ้วเข้มกับวงแขนแข็งแรงที่โอบเข้ามาทำให้ผมใจเต้นแรง ...เคยได้ยินว่าเวลาคนเรามีความเครียดสูง จิตใต้สำนึกรู้สึกว่าชีวิตไม่ปลอดภัยจะกระตุ้นให้เกิดอารมณ์อย่างว่าเพื่อพยายามสืบเผ่าพันธุ์...ตอนนี้ผมเห็นด้วยอย่างมาก...

“อะแฮ่ม! พรุ่งนี้สอบอีกวันนะมึง” เสียงสนตะโกนแซวมาจากข้างหลัง
“เพื่อนสนครับ มาใกล้ ๆ ผมหน่อยครับ มีอะไรจะบอก” บอมฉีกยิ้ม
“เพื่อนบอมมีอะไรเหรอครับ?” ร่างสูงแสยะยิ้มเดินเข้ามาใกล้แล้วกระโดดหลบลูกเตะของเพื่อนรัก
“เหี้ย! อย่าหลบดิวะ”
“มึงใช้มุกนี้มา 6 ปีละ ถ้ากูหลงกลก็ควายแล้ว” แล้วบอมกับสนก็วิ่งไล่จับกันไปบนลานกว้างใต้หลังคากลางโรงเรียน

“แล้ววันนี้ข้อสอบดิมเป็นไงบ้าง?”
“เรื่องพันธะโควาเลนด์ยากมาก ออกหลายข้อด้วย แล้วของพัตล่ะ?”
“ก็พอทำได้น่ะ”
ผมอยากลืมเรื่องเครียด ๆ แล้ววิ่งเล่นไล่จับกันได้แบบบอมกับสนจัง แต่ตอนนี้อาการปวดหัวผมมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ผมเลือกกินโจ๊ก น่าจะช่วยบรรเทาอาการได้บ้าง

“พัตไม่สบายเหรอ?” บอมถามทันทีที่เห็นมื้อเที่ยงของผม
“เปล่าหรอก อยากกินอะไรเบา ๆ บ้างน่ะ”
“ไหนตอนวันสอบเข้ามึงบอกว่าไม่อยากเดินถืออาหารเหลวเพราะกลัวโดนชนแล้วหกใส่เสื้อจะสอบตอนบ่ายลำบากไง”
“อ...เอ่อ พอดีเห็นร้านนี้น่ากินดีน่ะ”



วันศุกร์
วันสุดท้ายของการสอบกลางภาค

วันสุดท้ายเปิดฉากมาด้วยวิชาฟิสิกส์ วิชาที่โจทย์ออกได้พิสดาร ต้องใช้ทั้งจินตนาการเพื่อแปลค่าโจทย์ออกมาเป็นพลังงานให้ถูกต้อง ไหนจะมีตรีโกณมิติมาผสมด้วย ถ้าแปลค่าทิศทางพลังงานผิดก็จบเห่ ผมทำข้อยากสุดเสร็จในช่วงนาทีสุดท้าย เหลืออีกแค่ 3 วิชาเท่านั้น เกษตร, สุขศึกษา, อังกฤษเสริม ไม่น่ายากแล้วแต่ผมปวดหัวมาก คลื่นไส้ด้วย ยิ่งเหลือแค่ไม่กี่วิชาผมก็ยิ่งเครียด

ช่วงพัก 30 นาทีก่อนสอบวิชาที่สองผมเดินลงตึกไปห้องน้ำ ถ้าล้างหน้าอาจจะรู้สึกดีขึ้น
“พัตเป็นอะไรรึเปล่า?” บอมตามผมมาที่ห้องน้ำ
“เราปวดหัวนิดหน่อยน่ะ” ผมตอบตามจริงเพราะหน้าตาผมคงฟ้องชัดขนาดบอมสังเกตเห็นจนตามผมมา
“เราช่วยดูให้นะ” มือของบอมแตะที่หน้าผากและลำคอ
“ตัวไม่ร้อน เราว่าคงเป็นความเครียดน่ะ”
“อืม” ผมอยากตอบยาวกว่านี้แต่ปวดหัวมาก
“พัต นายทำเท่าที่ทำได้ก็พอมั้ง เราว่าอีก 3 วิชานายทำสบาย ๆ ยังไงคะแนนก็น่าจะเกินตี้นะ”
“เราชะล่าใจแบบนั้นไม่ได้หรอกบอม ทุกคะแนนมีความหมาย เราสัญญากับเอสแล้ว”

ตาสีน้ำตาลจ้องมองผมอย่างอ่อนโยน “งั้นพัตตามเรามา”

บอมจูงมือผมไปม้านั่งใต้ต้นไม้หลังโรงเรียน แถวนี้ไม่มีคนเพราะนักเรียนทุกคนตอนนี้นั่งอ่านกันหน้าห้องสอบมากกว่า
“บอม ใกล้ถึงเวลาสอบวิชาที่สองแล้วนะ พวกเราไปรอหน้าห้องดีกว่ามั้ย?”
บอมไม่ตอบอะไรแต่อมยิ้มอย่างใจเย็นแล้วนั่งลงบนม้านั่ง...เออ ผมเริ่มรู้สึกตัวว่าร้อนรนเกินไปทั้งที่ตอนสอบเข้าผมแนะบอมกับสนให้นั่งสมาธิแท้ ๆ
 
“เดี๋ยวเราช่วยให้พัตรู้สึกดีขึ้น ใช้เวลาไม่นานหรอก พัตเอนหลังมาพิงตัวเรานะ”
“อ...อืม” ต่อให้ใจร้อนเข้าห้องสอบทั้งที่ปวดหัวคลื่นไส้แบบนี้ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น นั่งพักกับบอมสักแป๊บอาจดีกว่า

“พัตคงเครียด เราเองก็เคยเป็นตอนไปแข่งบาสระดับจังหวัดครั้งแรก” บอมจับมือผมแล้วนวดคลึงเบา ๆ
“ตอนนั้นโค้ชก็ช่วยเราแบบนี้ พัตหลับตาแล้วทำใจให้ว่างนะ นึกว่ากำลังนอนอยู่ชายทะเลนะ”
“อืม”
“แดดร้อน ลมเย็น อากาศดีมาก” บอมกล่าวด้วยเสียงหล่อที่แผ่วเบาและนวดไหล่กับต้นคอ
“พัตเดินลงทะเลช้า ๆ น้ำทะเลเย็น ๆ ซัดมาถึงเท้าของนาย รู้สึกมั้ยว่าทรายใต้เท้าโดนดูดลงไปตามคลื่น”
“อืม รู้สึก”

“พัตเดินลงไปเรื่อย ๆ ตอนนี้น้ำถึงหัวเข่า เปียกมาถึงกางเกง น้ำเย็นสบายมากจนอยากลงไปแช่ทั้งตัว แล้วน้ำทะเลก็เปล่งแสงเป็นสีที่พัตชอบ”
“เราชอบสีฟ้า” ผมตอบทั้งที่หลับตา
“สีฟ้านั้นซึมเข้าตัวพัต พัตรู้สึกสดชื่นมีพลังอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน” บอมกอดผมเบา ๆ “พัตมีพลังเต็มร้อยอีกครั้งนะ”
“อืม เรารู้สึกดีขึ้นเยอะเลย ขอบใจนะบอม” ผมหันข้างไปกระซิบบอกเขา

“พอประกาศผลสอบเสร็จ เราไปทะเลกัน” บอมพูดตอบ
“ไปบางปูก็ได้ ไม่ไกลมาก เราน่ะเจ้าถิ่นสมุทรปราการนะ”
“ได้ แล้วไปเที่ยวบางปูกัน”

มือเราสองคนกุมกันไว้ คนสำคัญที่อยู่กับผมในเวลาที่ผมมีความทุกข์ที่สุด คนที่สัญญากันว่าจะอยู่ด้วยกัน ผมจะไปที่ไหนก็ตามที่มีบอมอยู่ด้วย
“เราจะอยู่กับพัตนะ”
“อืม เราก็จะอยู่กับบอม” ประโยคที่พวกเราชอบบอกกัน ฟังกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ

ยังเหลือเวลาอีก 7 นาทีก่อนสอบวิชาที่สอง ผมเดินจับมือกับบอมเดินขึ้นตึกกลับไปห้องสอบ ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลย ทำข้อสอบวิชาเกษตรได้โดยอาการปวดหัวคลื่นไส้หายไปเยอะแล้ว



“เพลินนัยน์ตาในเวลาเย็นเย็น มองแลเห็นท้องทะเลระรื่น” บอมฮัมเพลงพลางวางข้าวผัดกะเพรากุ้งบนโต๊ะ
“บ...บอม ข้อสอบเกษตรมันโหดจนมึงเพี้ยนเลยเหรอวะ?” สนทำหน้าตกตะลึงพรึงเพริด
“เปล่า กูคิดถึงบางปู” บอมหันมาทางผม ทำผมขำกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ (ว่าแต่มันคือที่ไหนหว่า)
“กูเชื่อแล้วว่าข้อสอบโหดจริง ๆ”
“แล้วเมื่อวันนั้นได้ทำต้มยำกุ้งไหมดิม?” ผมถามเปลี่ยนเรื่อง
“ได้ทำ พวกเราช่วยกันทำน่ะ” ดิมตอบพลางยิ้มให้สน
“ตอนแรกกูจะให้แม่ทำ แต่ไหน ๆ ดิมอุตส่าห์หาของมากูเลยช่วยกันทำ กูแกะกุ้งแล้วดิมต้มแกง เอ้อ! เดี๋ยวพรุ่งนี้กูกับดิมจะไปเที่ยวท้องฟ้าจำลองกันนะ ไปด้วยกันมั้ยพัตบอม?”
“ก็ดีนะ พัตไปด้วยกันมั้ย?”
“ได้ ๆ เราก็ไม่ได้ไปท้องฟ้าจำลองนานแล้ว”
ผมตอบตกลง ตอนนั้นเองคุณครูบิ๊วเดินผ่านมาและมองมาที่ผมแว่บหนึ่ง

...ทำไมคุณครูมองมาแล้วทำหน้าแปลก ๆ เหมือนมีอะไรอยากบอกผม…

“งั้นพวกเราไปกันสี่คนนะพัต”
“เอ่อ...เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเรามีธุระน่ะ”

ผมลองเปิดมือถือก็ไม่มีข้อความอะไรจากคุณครู...แต่ต้องมีอะไรบางอย่างแน่…



16:30น.

สัญญาณกริ่งหมดเวลาสอบวิชาสุดท้ายดังขึ้น ผมวางดินสอลงด้วยความรู้สึกขุ่นมัว ถึงผมจะโล่งใจที่ตอบวิชาอังกฤษเสริมได้ถูกทุกข้อ รีดเค้นพลังกันสุด ๆ ทำ 12 วิชา 600 ข้อแต่นั่นแปลว่าผมกำลังจะเข้าห้องควีน...นอกจากนั้นมันก็มีอะไรบางอย่างที่กวนใจผม

...เป็นเพราะสายตาที่คุณครูบิ๊วมองมาที่ผมตอนพักเที่ยงบนโรงอาหารนั่น...มันอาจไม่มีอะไรก็ได้ ครูอาจแค่เป็นห่วงว่าผมจะโดนคัดเข้าห้องควีน ก็แค่นั้นแหละ

“เป็นไงบ้างพัต?” บอมเดินเข้ามาหา พวกเราเตรียมตัวกลับบ้านกัน
“สบายมาก” ผมปรับโหมดอารมณ์เพื่อซ่อนความกังวล มันอาจเป็นแค่เรื่องงี่เง่า ผมไม่อยากให้บอมคิดมากตามผมไปด้วย
“พรุ่งนี้พัตติดธุระจริง ๆ เหรอ?”
“อืม”
“เสียดายจัง จะได้เที่ยวด้วยกันสี่คนครั้งแรกซะหน่อย งั้นเย็นนี้ไปดูหนังกันมั้ย?”
“เอ่อ...เรายังปวดหัวนิด ๆ ขอกลับบ้านละกันนะ”
“อืม พัตนอนพักเยอะ ๆ นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราโทรหานะ”
ขอโทษนะบอม ผมรู้ว่านายอยากคลายเครียดหลังสอบเสร็จ แต่ตอนนี้ผมยังรู้สึกกังวลแปลก ๆ

ระหว่างที่นั่งรถไฟฟ้า airport link กลับบ้านผมก็คิดไปเรื่อยเปื่อย แผนการของผมสมบูรณ์แบบหรือเปล่า ตี้ต้องไม่โดนเลือกเข้าห้องควีนแน่ ๆ

พูดถึงตี้...วันนั้นเขาถามผมว่าความรู้เรื่องพาวเวอร์เซ็ตมีไว้ทำอะไร อืม...ผมยังไม่ได้ตอบเขาเรื่องนี้เลยแฮะ ผมลองนึกคำอธิบายที่เข้าใจง่ายที่สุด

พาวเวอร์เซ็ตคือการหาคำตอบว่าจะสามารถเอาสมาชิกทั้งหมดของเซ็ตนั้นมาทำเป็นสับเซ็ตได้กี่แบบ
ถ้า A มีจำนวนสมาชิกเท่ากับ a จะได้ว่า P(A) จะมีจำนวนสมาชิกเท่ากับ 2ª
โดยต้องมีเซตว่าง (Ø) ด้วยเสมอ เพราะเซตว่างเป็นสับเซตของทุกเซต


ทำไมคิ้วผมกระตุกแปลก ๆ เมื่อนึกถึงประโยคนี้หว่า? ... เซตว่างเป็นสับเซตของทุกเซต...
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 39: 16 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-03-2021 13:41:45
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 39: 16 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 23-03-2021 19:07:44
King Class Away Ep.40
Stairway To Heaven


วันเสาร์อาทิตย์ผมนอนอย่างเดียว การใช้พลัง Trans-Am Mode ติดกัน 3 วัน 12 วิชา 600 ข้อทำผมปวดหัวยาวเลย

เช้าวันจันทร์การเรียนกลับมาเป็นปกติอีกครั้งหลังสอบกลางภาคเสร็จ เพื่อน ๆ ในห้องยังถามกันเรื่องข้อนั้นข้อนี้ตอบอะไร แต่พอใกล้พักเที่ยงความสนใจเรื่องการสอบก็หมดไป ผมไม่แน่ใจโรงเรียนนี้จะประกาศผลสอบเมื่อไหร่และยังไง จบคาบ 6 ก็ยังไม่มีอะไร รอถึงคาบ 7 วิชาภาษาไทยของอ.วิชชุดาดำเนินไปจนใกล้จบคาบก็ยังไร้วี่แวว อีกเดี๋ยวก็คาบ 8 สันทนาการผมก็จะได้เวลาไปเล่นบาสกับบอมแล้ว ได้ออกแรงบ้างคงช่วยให้ลืมการเฝ้ารอที่ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่

“ขอโทษนะครับอาจารย์วิชชุดา” นักเรียนทั้งห้องหันไปที่ต้นเสียง คุณครูบิ๊วมายืนหน้าประตูห้อง...พร้อมซองเอกสารหนาปึ๊ก
“เชิญค่ะอาจารย์พิพัฒน์ ผลสอบกลางภาคใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ รบกวนอาจารย์แจกนักเรียนด้วยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์พิพัฒน์ เดี๋ยวพี่จัดการให้เองค่ะ”

ผลสอบมาแล้ว! เสียงเพื่อน ๆ ในห้องอื้ออึงด้วยความตื่นเต้นแต่ผมไม่ได้ยินอะไรเลยเพราะสายตาที่คุณครูบิ๊วมองมาแว่บหนึ่งก่อนจะโค้งหัวให้อาจารย์วิชชุดาแล้วเดินหอบเอกสารไปยังห้องถัดไป สายตานั้นฟ้องชัดว่าคุณครูไม่สบายใจ
“เดี๋ยวนักเรียนออกมารับผลสอบตามลำดับเลขที่เลยนะคะ ไม่ต้องให้ขานชื่อนะต่อแถวกันมาเลยจะได้เสร็จเร็ว ๆ ถ้าไม่มีสมุดของใครก็บอกครูนะ”
“ตื่นเต้นชะมัดเลยนะพัต” ตุลย์พูด
“อ...อืม” ผมก็ตื่นเต้นระคนวิตกไม่แพ้กันก่อนจะก้าวออกไปต่อแถวตามลำดับเลขที่ แถวเขยิบใกล้เข้าไปทุกที ผลสอบของผมอยู่ตรงหน้าแล้ว เพื่อน ๆ ต้นแถวที่ได้รับผลสอบแล้วเดินไปนั่งประจำโต๊ะ มันเป็นสมุดเล่มบางที่มีตราโรงเรียนและรูปถ่ายหน้าตรงของนักเรียนแต่ละคนบนปก ผลสอบจะอยู่ในนั้นสินะ

“สมุดนี้บันทึกผลสอบ, คะแนนเก็บ ,และจิตพิสัยทุกเทอมจนเรียนจบ เป็นเอกสารนี้สำคัญมากนะพวกเธอต้องใช้ไปจนจบม.6 ถ้าทำหายต้องทำเรื่องให้พิมพ์ใหม่ เพราะฉะนั้นเก็บให้ดี วันนี้เอากลับบ้านไปให้ผู้ปกครองดูแล้วพรุ่งนี้เอามาคืนบนโต๊ะครูนะ หรือดูเสร็จแล้วจะคืนอาจารย์ตอนนี้เลยก็ได้นะ”

“เลขที่ 18 นายโสรัตน์”
“ครับ” อาจารย์เปิดดูในสมุด คงตรวจให้แน่ใจว่าทุกอย่างถูกต้องก่อนจะยื่นให้นักเรียน
“ขอบคุณครับอาจารย์”

“เลขที่ 19 นายนนทภัทร”
“ครับ” ผมเดินมาถึงโต๊ะอาจารย์ ถึงตาผมแล้ว ...แต่อาจารย์กลับชะงักเมื่อเปิดดูข้างใน สายตาอาจารย์จ้องอยู่ที่ผลสอบแล้วช้อนขึ้นมามองผมก่อนจะยื่นส่งมาให้
“ขอบคุณครับอาจารย์” ผมรับสมุดแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะ ถึงจะมั่นใจว่าคะแนนจะออกมายังไงแต่ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ แต่เมื่อเปิดออกมา มันเป็นกระดาษโน้ตใบหนึ่งแปะอยู่…

นายนนทภัทร วงศ์ประสาน มาที่ห้องปกครองหลังจบคาบ 7


คาบ 7
ห้องม. 4/3

ขณะที่ผมกำลังนั่งเรียนคาบ 7 วิชาสังคมอยู่ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังโขมงโฉงเฉงมาจากห้องข้าง ๆ
“เกิดอะไรวะ?” เสียงมาจากห้อง 4 ของพัตนี่หว่า
“แจกผลสอบล่ะมั้ง” บอยหันมาตอบ
“เหรอ!? ออกเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? เพิ่งสอบเสร็จไปเมื่อวันศุกร์เองนะ”
“ใช่ กูอยู่โรงเรียนนี้มาตั้งแต่ม.1 บางทีก็ออกเร็วมาก บางทีก็ช้าไปสามสี่วัน”

แล้วอาจารย์บิ๊วก็มายืนหน้าห้องพร้อมซองเอกสารหนาเตอะ อาจารย์วิชาติเดินไปรับเอกสารแล้วหอบมาวางที่โต๊ะ
“ผลสอบกลางภาคออกแล้วนะ เดี๋ยวนักเรียนตั้งแถวตามเลขที่มารับเลย สมุดผลสอบนี้จะใช้จนจบม.6 เลยนะเพราะฉะนั้นเก็บรักษาดี ๆ ถ้าใครอยากเอากลับไปให้ผู้ปกครองดูก็เอามาคืนพรุ่งนี้ หรือดูเสร็จแล้วจะถ่ายด้วยมือถือแล้วส่งคืนอาจารย์เลยก็ได้”
ผมรับสมุดเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ สภาพห้องตอนนี้อลหม่าน คนนั้นคนนี้ลุกไปดูสมุดเพื่อนบ้าง บางคนก็เสียงดังแบบดูออกเลยว่าเกรดต่ำ ในสภาพที่วุ่นวายผมเห็นไอ้ตี้ยังยืนต่อแถวอยู่เลยเพราะมันเป็นเลขที่ท้าย ๆ ของห้อง ตี้ก็มองมาทำปากบุ้ยใบ้ประมาณว่าอยากรู้เร็ว ๆ จัง หน้าตามันทั้งตื่นเต้นและกังวล

...ผมเห็นภาพซ้อน ภาพไอ้ตี้เป็นนักข่าวกำลังชุลมุนทำข่าวในที่เกิดเหตุท่ามกลางตำรวจเยอะแยะเดินไปมา เสียงไซเรนหวอ ๆๆ และเสียงไอ้ตี้รายงานสดต่อหน้ากล้อง เสียงที่มันชอบบ่นว่าแหบเหมือนเป็ด…

“ได้เท่าไหร่วะเอส?” บอยนั่งลงตรงที่ของตี้ชั่วคราวเพราะเจ้าตัวยังอยู่ในแถวรอรับสมุดผลสอบ
“ยังไม่ได้เปิดดูเลย” ผมหยิบสมุดขึ้นมาแต่ไอ้บอยตะปบมือผมไว้
“แหม่ ๆๆๆๆๆ”
“แหม่อะไรของนายวะ เป็นแพะเรอะ?”
“ห่วงแฟนจนลืมดูเกรดตัวเองเลยน้า”
“แฟนบ้าอะไรเล่า!”
ผมไม่ดูเกรดตัวเองเพราะรู้คร่าว ๆ อยู่แล้วตั้งแต่ตอนทำสอบแต่ละวิชาเสร็จ ผมได้ประมาณ 82% ถ้าจะมากกว่านั้นก็ได้จากการเดามั่วข้อที่ไม่รู้คำตอบ ซึ่งถึงได้คะแนนเพิ่มจากจุดนั้นผมก็ไม่ดีใจเท่าไหร่หรอก นิสัยผมเป็นแบบนี้แหละ
“แฟนบ้าอะไรที่ไปนั่งกินข้าวกันสองคนแล้วชมกันว่าเสียงหล่ออออไง”
“เฮ้ย! เข้าใจผิดแล้ว ว่าแต่นายเห็นด้วยเรอะ!?”
“ก็กูเห็นตี้ในโทรทัศน์ที่โรงอาหารแต่ไม่เห็นพวกมึงสองคน นึกว่ายังซื้อข้าวไม่เสร็จ กูกลัวไอ้ตี้จะไม่ได้ดูผลงานตัวเองเลยเดินหา ดันไปเจอฉากสวีตซะงั้น”
“ไม่ใช่ว้อย! คือไอ้ตี้มัน-”

“เฮ้ยยยยย!!!” เสียงร้องของไอ้โย่งดังลั่นห้องจนทุกคนตกใจ

ผมกับบอยรีบหันไปดู ไอ้โย่งยิ้มแบบหลุดโลกมาก
“นายธวัชตรีเงียบหน่อย ยังเรียนอยู่นะ” อาจารย์วิชาติเอ็ด แต่เหมือนไอ้ตี้จะไม่ฟังแล้ว มันเดินตรงมาที่ผม
“เอส มากับเราหน่อยสิ!”
“ไปไหนเหรอ?”
“ห้องน้ำ!”
“ห้ะ?” ผมอุทานแต่ไอ้ตี้ดึงมือผมให้วิ่งตามมันไปเลย
“มันเห็นเกรดแล้วปวดฉี่กะทันหันเลยเหรอ? แล้วมันจะชวนไอ้เอสไปด้วยทำไมวะ?” บอยพูดกับตัวเองแบบงง ๆ



“เฮ้ยตี้จะไปไหนวะ!?”
“ตามมาเหอะ!”
“ไหนว่าไปห้องน้ำ แล้วทำไมวิ่งขึ้นตึกล่ะ!”
ห้องน้ำบนตึกไม่อนุญาตให้นักเรียนใช้ มีแต่อาจารย์ใช้ได้เท่านั้น และทางที่มันพาผมวิ่งไปก็ไม่ได้มุ่งหน้าไปห้องน้ำไหนเลยแต่กลับเป็นบันไดสำหรับขึ้นไปโรงยิมที่ชั้น 4

(https://www.img.in.th/images/6a0a262af29cdfade1686ba100921db7.jpg)

แต่มันก็ไม่ได้พาผมเข้าไปในโรงยิมแต่กลับวิ่งขึ้นไปอีกชั้น นี่คือชั้นบนสุดของโถงบันไดสำหรับขึ้นดาดฟ้า เป็นที่เงียบมากและมองไปเห็นสนามบอลกับพระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยลงทางทิศตะวันตก
“ตรงนี้แหละ” ไอ้ตี้หันมายิ้มร่า
“เล่นบ้าอะไรของนาย โดดคาบ 7 แล้วนะเนี่ย”
“เอส ดูคะแนนของเราสิ” ตี้ยื่นสมุดของมันให้ผม คือถึงไม่เปิดดูแต่เห็นมันยิ้มซะขนาดนี้ผมก็พอเดาได้แล้วว่าคง…
“เฮ้ย!!”
“ทำได้แล้วโว้ย เราทำได้แล้ว”
“เชรี่ยยย! 93%” ที่ตี้เคยบอกว่าจะทำให้ถึง 90% ผมก็ว่ายากแล้ว แต่นี่มันทำได้ยิ่งกว่านั้นอีก

“เพราะนายช่วยเราแหละเอส” ตี้ดีใจจนเนื้อเต้น ตลอดช่วงม.ต้นที่ผ่านมาเกรดของเขาไม่เคยถึง 90% เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่วันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว เพราะเพื่อนคนนี้ช่วยเหลือเขาทุกอย่างแบบที่เขาไม่เคยเจอใครใส่ใจเขาขนาดนี้
“เอส?”
“เหอ?”
“อยู่กับเราได้มั้ย?” ...คำพูดของตี้แปลว่าอะไรวะ ทำไมมันทำผมใจเต้นระรัวไปวูบหนึ่ง...

“นายอยู่กับเราแป๊บได้มั้ย? จำได้มั้ยที่เราบอกว่าถ้าได้คะแนนถึง 90% จะบอกพ่อว่าอยากเป็นนักข่าว”
“จำได้ ต้องบอกพ่อตอนนี้เลยเหรอ?”
ตี้หลุบตามองลง “พ่อบอกเรามาตลอดว่าอยากให้เราเป็นหมอฟัน พ่อบอกว่าบ้านนี้ยังไม่มีหมอฟันเลย”
“เฮ้ย! นี่พ่อนายเลือกอาชีพให้ลูกแบบนี้เหรอวะ? อยากได้คนอาชีพไหนก็ส่งลูกไปเรียนงั้นเหรอ?”
“อืม พี่เราทุกคนก็เป็นแบบนี้”
มีแบบนี้ในโลกด้วยเหรอวะ? แค่อยากประหยัดค่าทำฟันก็บังคับให้ลูกเรียนหมอฟันงี้เหรอ? หรือจะมองว่ามันเป็นอาชีพรายได้ดีมั่นคงก็ใช่อยู่หรอก แต่ไม่ถามเลยเหรอว่าลูกชอบมั้ย
“นายไม่เคยบอกเราเลย”
“ก็เมื่อก่อนเราคิดว่าเชื่อพ่อคงดีที่สุด...แต่ตอนนี้...เราขอเลือกทางเองว่ะ” ประโยคสุดท้ายมันพูดเสียงแผ่วพลางกดโทรศัพท์
“พ่อ”
“ตี้เหรอลูก?”
“ครับ นี่ผมเอง เกรดออกแล้วเลยโทรมา”
“เอ้อ ได้เท่าไหร่เหรอ?”
“93% ครับพ่อ”
“เก่งมาก ๆ แล้วบอกแม่ยัง?”
“เดี๋ยวบอกครับ”
“ดี ๆ แม่เค้าจะได้ดีใจนะ ลูกพ่อเก่งมากเหมือนพี่ ๆ เลย แล้วเย็นนี้มาฉลองกัน อยากกินอะไรเหรอ?”
“พ่อ...คือ...”
“มีอะไรเหรอ?”

เอิ่ม...ครอบครัวคุยกันแบบนี้ผมควรอยู่ด้วยไหมวะ ตอนที่ผมคิดว่าตรูถอยฉากออกไปดีไหม ตี้ก็คว้ามือผม
หน้ามันแดงก่ำ “พ่อ...ผมจะเป็นนักข่าว”
“อ้าว! ไม่เข้าทันตะเหรอ?”
“ผมอยากเป็นนักข่าว...ได้มั้ยครับพ่อ?” ตี้พูดกับพ่อพลางบีบมือผมแน่น มันสั่นไปทั้งตัว

มันคงอัดอั้นมาก ผมไม่รู้มันโดนพ่อกล่อมความคิดฝังหัวเรื่องอาชีพทันตแพทย์มานานแค่ไหนแล้ว แต่คงนานมากหรือไม่ก็เข้มงวดมากจนมันไม่เคยกล้าพูดความฝันของตัวเองให้พ่อฟังเลย ไอ้โย่งที่อินดี้ความคิดก้าวหน้าสุดโต่ง จริง ๆ แล้วมันขาดความมั่นใจในตัวเอง...ไม่สิ การฝืนคำสั่งพ่อต่อให้เป็นใครก็คงกลัวทั้งนั้น มันคงอยากได้กำลังใจมาก ๆ
...ตี้จะรู้ไหมว่าเพื่อนที่นายเลือกให้อยู่เป็นกำลังใจ ดันเป็นคนที่คิดร้ายกับนายที่สุด...
“ก...ก็กลับบ้านมาคุยกันละกันนะ”
“ครับพ่อ”

พอวางสายเสร็จตี้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปล่อยมือผมแล้วนั่งลงบนพื้นโถงบันได หลังพิงกำแพง ตี้นิ่งเงียบไปพักใหญ่คงพยายามคุมอารมณ์ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ส่วนผมยืนดูฉากดราม่าของครอบครัวมันแบบไม่รู้จะเอาตัวเองไปอยู่ตรงไหนดี
“โทษทีนะเอส เราซ้อมคุยคนเดียวหลายครั้งแล้วกะว่าคุยสบายแน่ แต่เอาเข้าจริงก็...”
“เราพอเข้าใจนายนะตี้” ผมนั่งลงข้างมัน ไม่รู้จะช่วยมันยังไง ทำได้แค่เป็นเพื่อนอยู่ข้าง ๆ (ช่างหัวคาบ 7 คาบ 8 ละ)

“ไม่นึกเลยว่านายเจอเรื่องแบบนี้มาตลอดนะ” ผมปลอบใจมัน
“อือ...ตอนนี้โล่งละ ไม่เคยคิดเลยว่าเราจะกล้าพูด” ตี้มองไปที่สนามบอล มันเลือกจุดคุยเปิดใจกับพ่อได้ดีมากนะตรงนี้เงียบสงบ ลมเย็นและทิวทัศน์ดีมาก ถ้านั่งอีกสักพักคงได้เห็นภาพอาทิตย์ตกดินลับแนวต้นไม้ทางทิศตะวันตกด้วย

“ขอบใจนายมากนะเอส”
...เอ่อ...ถ้านายรู้ว่าคะแนนสูงลิ่ว 93% นี่อาจจะพานายไปไหน นายอาจไม่ขอบใจเราก็ได้…

ผมหยิบมือถือมาดู ยังไม่มีข้อความอะไรจากพัต ยังไงดีวะเนี่ย? ลองโทรหาเลยละกัน อ้าว! พัตปิดมือถือซะงั้น! ทำยังไงดีวะ? แล้วผมจะรู้มั้ยว่าพัตยกเลิกเรื่องห้องควีนของตี้ได้จริง ๆ

ตี้หันหน้ามามองผม “เรามีอีกเรื่องอยากบอกนายด้วยน่ะเอส”
“จำได้ ที่วันนั้นนายบอกตอนถ่ายแบบกัน”
“สัญญาแล้วนะว่าจะฟังจนจบ” ตี้ทำหน้าจริงจัง คือเย็นนี้มันดราม่ามากจนผมดูตามยังเหนื่อยแทน ไม่รู้ว่าตี้จะบอกผมเรื่องอะไร แต่ที่สำคัญสุดตอนนี้คือพัตแก้ปัญหาได้หรือยัง? ถ้าพัตแก้ได้ผมก็ไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องแผนการส่งนายเข้าห้องควีน แต่ถ้าแก้ไม่ได้ผมก็ควรรีบบอกตี้ให้เตรียมใจ คะแนนก็ออกแล้ว คำตัดสินอาจมาได้ทุกเวลา

ไม่สิ...ถึงเขาจะเป็นคนเริ่มความคิดปั้นตี้เข้าห้องควีน แต่สุดท้ายโรงเรียนเป็นฝ่ายตัดสินใจ ก็ไม่แน่ว่าพัตจะแก้ไขเรื่องนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว

และเรื่องทั้งหมดก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบที่พัตต้องแบกคนเดียวนี่นา ถึงเขาจะเป็นคนเริ่มชวนผม แต่ถ้าตอนนั้นผมปฏิเสธ พัตที่อยู่คนละห้องคงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงตี้จนมาถึงขั้นนี้ได้ ...เรื่องมันมาถึงจุดนี้เพราะผมเองตั้งใจให้มันเกิด ผมก็ต้องกล้ายอมรับการกระทำของผม

“อันที่จริง...เราก็มีเรื่องอยากบอกนายเหมือนกันนะตี้ นายสัญญาได้มั้ยว่าจะฟังให้จบ?”
“เรื่องอะไรเหรอเอส?”
“สัญญาก่อนดิ”
“ก็ได้เราสัญญา นายพูดมาเลยเอส”
“เอ่อ...เราว่านายพูดก่อนดีกว่าตี้”
ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะสะเทือนใจมันขนาดไหนถ้ามันรู้ว่าความฝันอาชีพนักข่าวที่พ่อมันเพิ่งจะอนุญาตอาจดับวูบในอีกไม่กี่วินาทีหลังจากนี้เพราะผมนี่แหละเป็นคนวางแผน แล้วดูตัวมันนะสูงเป็นเสาไฟฟ้าขนาดนี้ หมัดกับตีนมันจะขนาดไหน ที่เปลี่ยวสูงขนาดนี้ผมจะรอดมั้ย

“คือ...เรา...แบบว่า เอส นายก็เป็นเพื่อนเรามานาน นายอย่าเกลียดเรานะ คือถึงตอนแรกเรา...โอ๊ย! นายพูดก่อนเถอะเอส!”
มันเป็นเรื่องอะไรที่ผมฟังแล้วจะเกลียดมันเลยเหรอวะ?
“งั้นเรามาพูดพร้อมกันมั้ยตี้?” ถ้าพูดพร้อมกัน มันอาจเกลียดผมและผมอาจเกลียดมัน หักล้างสองข้างสมการแล้วผมอาจจะรอดก็ได้
“อ่ะ เอางั้นก็ได้”

“เอส เราชอบนา-”
“ตี้ เราขอโทษ”

ตี้ทำหน้างง “ขอโทษ? ขอโทษอะไรเหรอเอส?”
“เราขอโทษ เราตั้งใจทำให้นายโดนย้ายไปห้องควีน”
“อะไรนะ?”
“คือเรา...เอ่อ...บังเอิญรู้ว่าเด็กห้องคิงคนนึงจะไปเรียนต่ออเมริกาเร็ว ๆ นี้ โรงเรียนเลยจะย้ายเด็กห้องควีนไปแทนที่ แล้วคัดเด็กจากห้องธรรมดา 1 คนไปอยู่ห้องควีน...คือ...โรงเรียนเค้าเล็งนายไว้อยู่น่ะตี้”

ไอ้ตี้อ้าปากค้าง เวลานี้รีบเล่าให้จบเลยดีกว่า
“เราเลยช่วยให้นายเรียนเก่งขึ้นเยอะ ๆ โรงเรียนจะได้เลือกนายไปเข้าห้องควีน”
“ท...ที่จู่ ๆ นายย้ายมานั่งข้างเรา ชวนเราอ่านหนังสือ ทำการบ้าน”
“เออ นั่นแหละ” เรื่องที่พูดยากในตอนแรก แต่พอกล้าพูด คำต่อ ๆ มาก็ง่าย บอกไปให้จบ ๆ เลย
“ที่ดุเราเรื่องข้าวเหนียวหมูปิ้ง ให้เรากินข้าวกับนายทุกมื้อนั่นก็ด้วยเหรอ?”
“ใช่ กินอาหารดี ๆ บำรุงสมองไง”

“เอส บอกเราที ที่นายโทรมาบอกราตรีสวัสดิ์ให้เรารีบเข้านอน ที่โทรปลุกทุกเช้านั่นก็ด้วยเหรอ?”
“อือ เราขอโทษ”
“เอส...นายทำแบบนี้ทำไม?”
“ก็ตอนแรกไงที่นายชอบแกล้งเราน่ะ นายชอบพูดว่าเราเตี้ย เราไม่ชอบนะโว้ย”

ตี้นิ่งเงียบไป สำนึกผิดกับความปากพล่อยไม่ทันคิด ผมเองก็รู้สึกผิดในความคิดบ้า ๆ ของตัวเองเหมือนกัน เราสองคนนั่งจ๋อยอยู่บนพื้นปูนชั้นบนสุดของโถงบันได “เรา...เราไม่เตี้ยซะหน่อย”
“เราขอโทษนะเอส”
“เออ...” ผมขานรับเสียงอ่อย ๆ
“เอส นายเกลียดเราขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ต...ตอนแรกก็เกลียดขี้หน้านายน่ะ”
“แล้วตอนนี้นายยังเกลียดเรามั้ย?”
“ไม่แล้วล่ะ พออยู่กับนายบ่อย ๆ เราว่านายก็นิสัยดี” ผมยังพูดไม่จบตี้ก็ดึงผมไปกอด แต่ตัวมันสูงกว่าผม หน้าผมเลยไปอยู่ที่อกมันแทน
“แค่นั้นก็พอแล้ว แค่นายไม่เกลียดเราก็พอแล้ว”

ตี้หายโมโหผมแล้วเหรอ? ทำไมมันหายง่ายจังวะ เออ...แต่ก็โล่งใจซะที ผมถอนหายใจทั้งที่โดนมันจับกอดซุกอกมันอยู่
“ไม่โกรธเราแล้วแน่นะ?” ผมถามให้ชัวร์ เคลียร์กันให้ชัดเลยนะ
“ไม่โกรธแล้ว”
“ไม่โกรธแล้วก็ปล่อยดิวะ”

ไอ้ตี้ไม่ตอบและไม่ปล่อยตัวผมด้วย ฮัลโหล ๆๆ
“เราจะโดนย้ายไปห้องควีนเหรอเอส? เราไม่อยากย้ายนะ โรงเรียนจะเลือกเราไหมอ่ะ?”
“พัตกำลังหาทางช่วยอยู่”
“พัต?”
“คือเรื่องมันยาวน่ะ”

กริ๊ง ๆๆ เสียงมือถือผมดังขึ้น พัตโทรมาแล้ว! จะได้รู้ละเว้ยว่าชะตาไอ้ตี้จะเป็นยังไง!
“หวัดดีพัต เรื่องห้องควีนตกลงว่าไงเหรอ?”
“หวัดดีเอส นายสบายใจได้แล้วนะ ตี้ไม่ต้องย้ายไปห้องควีนแล้ว”
“เหรอ นายทำได้ยังไงน่ะ?”

“เราไปเอง รองผอ.เพิ่งเรียกเราไปคุยเมื่อกี๊ เราไปห้องควีนเอง”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 40: 23 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-03-2021 12:28:01
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 40: 23 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-03-2021 12:31:56
สงสารพัต
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 40: 23 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 30-03-2021 09:57:49
King Class Away Ep.41
แอร์ห้องปกครองหนาวมาก


เช้าวันอังคารนี้ไม่เหมือนทุกเช้าที่ผ่านมา เป็นเช้าแรกตั้งแต่เข้าเรียนที่นี่ที่ทุกอย่างผิดปกติไปหมด
เป็นเช้าแรกที่คุณพ่อผมมาโรงเรียนด้วย
เช้าแรกที่ผมไม่ได้รอบอมกับสนเหมือนทุกวัน
เช้าแรกที่ผมไม่ได้ยืนเคารพธงชาติแต่อยู่ในห้องปกครอง นั่งอยู่ในห้องรองผู้อำนวยการและมีคุณพ่ออยู่ด้วย ด้านข้างมีคุณครูบิ๊วกับอาจารย์อีก 1 คนที่ผมไม่เคยเรียนด้วยมาก่อน บรรยากาศแสนอึดอัดนี่ท้องไส้ผมปั่นป่วนผิดปกติไปหมดแล้ว

“สวัสดีครับคุณบรรพต คุณพ่อของน้องนนทภัทรนะครับ”
“ครับ สวัสดีครับท่านรองผู้อำนวยการ”
“ผมรู้สึกยินดีมากที่ได้พบคุณพ่อ น้องนนทภัทรได้แจ้งแล้วใช่ไหมครับว่าผมเชิญคุณพ่อมาด้วยเรื่องอะไรครับ?”
“ครับ ลูกชายผมบอกว่าโรงเรียนเลือกเขาเข้าห้องควีน” พ่อยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

รองผอ.ยิ้มและนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “คุณพ่อรู้จักห้องควีนว่ายังไงครับ?”
“เป็นห้องที่รวมเด็กเรียนเก่ง และมีระบบการเรียนการสอนพิเศษเพื่อกระตุ้นศักยภาพนักเรียนมากขึ้น”
“ถูกต้องเลยครับ” รองผอ.กล่าวแล้วผายมือไปที่อาจารย์อีกคนที่ยืนอยู่ “อาจารย์วรเชษฐ์จะอธิบายเพิ่มเติมเรื่องระบบห้องคิงห้องควีนของโรงเรียนเรานะครับ”

ม่านหน้าต่างปิดลง ทำให้ห้องที่มีบรรยากาศน่าอึดอัดยิ่งมืดทะมึนขึ้นไปอีก แล้วเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ก็ทำงานฉายภาพบนจอ

“ระบบห้องเรียนพิเศษของโรงเรียนมี 2 ห้องคือห้องคิงและห้องควีน ด้วยการสอนอย่างมีคุณภาพตลอด 3 ปีส่งเสริมและพัฒนาให้นักเรียนทุกคนสอบเข้าสถาบันการศึกษาชั้นนำตั้งแต่ระบบ Entrance จนถึงระบบ TCAS และการสอบตรงรวมทั้งการสอบสัมภาษณ์พิเศษของมหาวิทยาลัยชื่อดังจำนวนมากแทบจะยกห้องมาตลอดกว่า 30 ปี จากสถิตินักเรียนในห้องควีนสอบติดสถาบันชั้นนำ 10 อันดับแรกของประเทศถึง 87% และนักเรียนห้องคิงสอบติดถึง 95%”


ภาพนักเรียนม.6 ที่สอบเข้ามหาลัยดังหลายสิบคนฉายขึ้นมาเรื่อย ๆ แบบเดียวกับที่โรงเรียนต่าง ๆ ชอบพิมพ์ติดรอบกำแพงโรงเรียน...แค่เลือกตรูเข้าห้องควีนทำไมต้องอารัมภบทกันยืดยาวขนาดนี้

...ก็เพราะมันไม่ใช่แค่ vdo.แนะนำไง แต่มันคือการล้างสมองผู้ปกครองแบบเนียน ๆ ให้ยินดีร่วมมือบีบบังคับลูกตัวเองโดยไม่รู้ตัว...คล้ายกับที่เคยดูตอนเข้าห้องคิงตอนป.6 ที่ดลปัญญานุกูล แล้วพ่อแม่ผมก็เปลี่ยนไปเลย...

“ทางโรงเรียนได้คัดเลือกจากคะแนนเก็บและคะแนนสอบกลางภาค ซึ่งนนทภัทรเก่งมากได้ 100 คะแนนเต็มทุกวิชา เรียกว่าเป็นคะแนนสูงสุดในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมาเลย คุณพ่อว่าถ้าน้องนนทภัทรได้โอกาสทางการศึกษาในห้องเรียนพิเศษนี้ตลอด 3 ปีและเข้าสถาบันชื่อดังแบบเดียวกับรุ่นพี่รุ่นก่อน ๆ จะดีไหมครับ?”
“ก็ดีนะครับ พัตดีใจมั้ยจะได้อยู่ห้องควีนแล้วนะ” พ่อหันมายิ้มและตบไหล่ผม
“อันที่จริงแล้ว...” รองผอ.พูด

นั่นเป็นวลีสั้น ๆ แต่ทำให้ห้วงเวลาทั้งห้องนี้บิดเบือนไป ...หมายความว่าไงวะไอ้ ‘อันที่จริงแล้ว’ เนี่ย…
ผมหันไปมองคุณครูบิ๊ว ครูก็มองผมมาด้วยสายตาแปลก ๆ แบบเดียวกับเมื่อตอนวันศุกร์

เพราะเซตว่างเป็นสับเซตของทุกเซต

ผมทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความเร็ว 0.05 วินาที เท่าตอนเกียบันแปลงร่าง
เรื่องเริ่มด้วยเด็กห้องคิงคนหนึ่งไปเรียนต่อเมืองนอกจึงเกิดที่ว่างในห้องคิง 1 ที่
โรงเรียนย้ายเด็ก 1 คนจากห้องควีนไปแทนที่
แล้วคัดเด็ก 1 คนจากห้องปกติมาแทนที่ว่างในห้องควีน
แปลว่าเซตห้องควีน intersection กับเซตห้องคิง การที่ผมพยายามเข้าไปเป็นสมาชิกแทนที่ว่างในเซตห้องควีนก็มีโอกาสที่ผมจะเป็นสมาชิกในอีกเซ็ตไปด้วย

แปลง่าย ๆ เดิมทีไอ้ที่ว่างนั้นจริง ๆ แล้วไม่ได้เกิดในห้องควีนแต่มันคือที่ว่างในห้องคิงนี่หว่า...หรือว่า...

“น้องนนทภัทรจะได้เข้าห้องคิงครับ”
ฉิบหายแล้ว!!! เวรแล้วตรู! ลืมคิดเรื่องนี้ไปสนิทเลย ถ้าตรูทำได้อภิมหาเต็ม 100 ทุกวิชา โรงเรียนคงไม่ใช่แค่เลือกตรูเข้าห้องควีนหรอก จับยัดห้องคิงเลยดีกว่า!

“น้องนนทภัทรจะได้เรียนในระบบห้องคิงที่พัฒนาศักยภาพให้สูงขึ้นกว่านี้ครับคุณพ่อ ซึ่งเดิมทีตอนสอบเข้า เขาก็ทำคะแนนได้ดีมากอยู่แล้ว” รองผอ.ผายมือมาทางคุณครูบิ๊ว

“ตอนสอบเข้านนทภัทรทำคะแนนได้สูงมากเกือบเต็มทุกวิชา...มีแค่วิชาเดียวที่ได้คะแนนน้อย” คุณครูบิ๊วอ่านรายงานในมือด้วยสีหน้าไม่เต็มใจพร้อมมองมาที่คุณพ่อและผม...ไม่นะ คุณครูบิ๊ว อย่า!!!...
“วิชาภาษาอังกฤษได้ 17 เต็ม 50”

ฉิบหาย x2 แล้วทีนี้! แบบนี้พ่อก็รู้หมดสิว่าผมจงใจกาผิดตอนสอบเข้า เพราะพ่อรู้ดีว่าผมถนัดวิชาภาษาอังกฤษขนาดสอบ TOEIC ได้ 815 ไม่มีทางทำสอบวิชานี้ได้ต่ำขนาดนี้

“แต่ในการสอบกลางภาค น้องทำวิชาภาษาอังกฤษได้ 100 คะแนนเต็มและอีก 11 วิชาก็ด้วย ผมเห็นว่าในช่วงสองเดือนเขามีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มความสามารถ เมื่อได้อยู่ห้องคิงเขาจะไปได้ไกลกว่านี้มากครับ”

พ่อจ้องคุณครูบิ๊วตาเขม็ง ก็แหงล่ะ ครูเป็นคนช่วยปกปิดให้ผมด้วยการโกหกพ่อนี่นาว่าผมทำสอบวิชาสังคมได้น้อย...พังหมดแล้วแผนการทุกอย่างที่ผมทำมา ตอนนี้จำนนด้วยหลักฐานกลางห้องรองผอ.ต่อหน้าพ่อผมเลย

“แอร์หนาวเหรอ? น้องนนทภัทรตัวสั่นเลย อาจารย์วรเชษฐ์ช่วยหรี่แอร์ลงหน่อยนะ”
ผมพยายามคุมตัวเองไม่ให้สั่นแต่ทำไม่ได้ พ่อต้องโกรธแน่ ๆ ภาพวันนั้นวนมาในหัว วันที่พ่อพาผมไปลาออกจากดลปัญญา

“คุณพ่อเซ็นชื่อในเอกสารนี้แล้วพรุ่งนี้น้องนนทภัทรจะได้เข้าเรียนห้องคิงนะครับ” รองผอ.ยื่นกระดาษกับปากกามาตรงหน้า พ่อวางมือบนไหล่ผม...พ่ออย่าให้ผมลาออกอีกนะ ผมไม่อยากจากบอม สน ดิม เอส ตี้ ...ผมไม่อยากย้ายโรงเรียนอีกแล้ว ผมได้แต่ตะโกนในใจแต่ปากมันแข็งจนพูดไม่ออก

“ผมคิดว่า...” พ่อนั่งนิ่งในท่าเดิมและหันมามองผม “ให้ลูกพัตตัดสินใจเองดีกว่า”
“ผ...ผมเหรอครับ?”
“ใช่ พ่อว่าพัตโตแล้ว พัตเลือกเองละกันนะจะอยู่ห้องเดิมก็ได้ จะไปห้องคิงก็ได้” มือและแขนของพ่อโอบไหล่ผมอย่างอ่อนโยน
“ให้ผมเลือกเองจริงเหรอพ่อ?”
“จริง ลูกเลือกเองได้”
...ผมจะได้เลือกห้องเรียนเองเหรอ? ครั้งแรกในชีวิตที่พ่อไม่ออกคำสั่ง...แต่ผมจำเป็นต้องเลือกห้องคิงเพื่อช่วยตี้...ผมทำร้ายเพื่อนไม่ได้

“ผมจะไปห้องคิงครับ”
“ลูกแน่ใจนะ? พ่อแม่ไม่บังคับจริง ๆ นะลูก”
“ครับ ผมแน่ใจ”

จากนั้นผมก็จำอะไรไม่ค่อยได้ มันเบลอ ๆ ไปหมด จำได้แต่พ่อเซ็นเอกสารแกรก ๆ แล้วครูบอกเลขที่ห้องประจำชั้น พอเสร็จแล้วพ่อกับผมก็เดินออกมานอกห้องปกครอง ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ โรงเรียนเงียบสนิทต่างจากตอนเริ่มเข้าห้องรองผอ.ที่มีนักเรียนนั่งเต็มสนาม ตอนนี้คือคาบอะไร ผมต้องไปเรียนห้องไหน หัวผมเคว้งไปหมดเหมือนใกล้จะตาย
“พัต” พ่อแตะไหล่ผม
“ครับพ่อ”
“มากับพ่อหน่อย”
...ตอนนี้อาจยังไม่ตาย แต่อีกเดี๋ยวตายแน่…

ผมเดินตามไปที่รถพ่อที่จอดหน้าโรงเรียน ตอนแรกผมนึกว่าพ่อแค่อยากคุยอะไรสักอย่างกับผมระหว่างเดินมาที่รถแต่พ่อกลับเปิดประตูฝั่งคนนั่งแล้วให้ผมขึ้นรถ ...คงจะเรียกไปด่าบนรถไม่ให้ใครเห็นสินะ… ผมกลัวมากแต่ก็จำใจขึ้นนั่งและปิดประตูตามคำสั่งพ่อ วางเป้ที่พื้นข้างขา พ่อสตาร์ตรถแต่นั่งนิ่งไม่ขับไปไหน เราสองคนนั่งเงียบกันอยู่นาน ตอนนี้คาบไหนก็ช่างมันเถอะยังไงผมก็คงตายบนรถนี่แหละ

“ตอนสอบเข้าทำวิชาภาษาอังกฤษได้ 17 เต็ม 50 เหรอ?”
“ค...ครับ” ผมตอบทั้งที่หลับตาปี๋
“ตั้งใจให้คะแนนน้อย ๆ จะได้ไม่ติดห้องคิงห้องควีนเหรอลูก?”
“ครับ” มาถึงขั้นนี้แล้วพ่อเดาออกทุกอย่าง ผมก็ไม่ต้องโกหกอีกแล้ว ลาก่อนเครื่อง Switch แกโดนพ่อโยนทิ้งไปนอกบ้านเหมือนเครื่องเพลย์สี่แน่ ๆ หวังว่าจะมีคนใจดีเก็บแกไปเล่นต่อนะ

“พัตรู้มั้ย ตอนเด็ก ๆ ตอนพ่อสอบไล่ป.6 เสร็จ...” พ่อพูดทั้งที่ตาลอยมองไปนอกกระจกรถ
“พ่ออยากไปเที่ยวปิดเทอมแล้ว แต่โรงเรียนบอกว่าจะจัดสอนพิเศษ 2 วันจะได้สอบติดโรงเรียนมัธยมเยอะ ๆ เป็นชื่อเสียงให้โรงเรียน พัตรู้มั้ยพ่อทำยังไง?”
“พ่อก็ตั้งใจเรียนพิเศษใช่มั้ยครับ?”
“เปล่า พ่อเอายาถ่ายของปู่มากินให้ป่วย”
“หา!”
“พ่อคิดว่าถ้าท้องเสียนิดหน่อยก็ไม่ต้องเรียนพิเศษ พ่อจะไปเที่ยวได้”
“แล้วพ่อเป็นยังไงครับ?”
“สงสัยกินเยอะเกิน พ่อปวดท้องจนตัวบิดเข้าโรงพยาบาลเลย หมอถามว่ากินอะไรเข้าไป ตอนนั้นพ่อคิดอย่างเดียวเลยว่าตายแน่ พ่อไม่อยากตายก็เลยบอกหมดว่ากินยาถ่าย ปู่โกรธจนร้องไห้เลย”

พ่อยกมือมาลูบหัวผม “พ่อไม่อยากให้ลูกเหลวไหลแบบพ่อ ก็เลยเคี่ยวกรำลูกให้ตั้งใจเรียน”
หยาดน้ำตาค่อย ๆ ไหลลงบนหน้าพ่อ “แต่ยังไงพัตก็ได้เชื้อพ่อมาจริง ๆ เจ้าเล่ห์พอกันเลย”
“พ่อ...ฮึก ๆๆ ผมไม่อยากอยู่ห้องคิง ผมไม่อยากโดนลงโทษแบบที่โรงเรียนเก่าอีกแล้ว” ผมพูดทุกอย่างในใจออกมา สี่ปีแล้วที่ผมอยากพูดอย่างนี้ สี่ปีแล้ว
“แล้วทำไมคราวนี้ลูกถึงเลือกเข้าห้องคิงเองล่ะ?”
“ผมไม่อยากทำร้ายเพื่อน ฮึก ๆๆ ตอนแรกผมติวเพื่อนชื่อตี้ให้เรียนเก่ง เขาจะได้เข้าห้องควีนแทนผม แต่ผมมารู้ทีหลังว่าเขาชอบทำกิจกรรมมาก เขาไม่อยากอยู่ห้องควีน ผมเลย...ผมเลยต้องเข้าเอง” ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้พ่อฟังจนจบ

“พ่ออย่าโกรธครูบิ๊วนะครับ”
“พ่อไม่โกรธหรอกลูก ครูเค้าช่วยเหลือพัตมากจริง ๆ”
ผมนั่งสงบอารมณ์จนแน่ใจว่าหยุดร้องไห้ได้แล้ว “ถ้าพัตอยากออกจากห้องคิงเมื่อไหร่ก็บอกพ่อแม่ได้เลยนะลูก พ่อจะไม่บังคับลูกอีกแล้ว”
“ครับพ่อ”
พ่อลูบหัว ลูบแขนผมเบา ๆ “ผมยาวแล้ว ลูกโตเร็วจริง ๆ”
“พ่อครับ ถ้าผมขอเล่นบาสด้วยจะได้ไหมครับ?”
“ได้สิ”
“ผมหมายถึงเล่นจริง ๆ ลงแข่งจริง ได้ไหมครับ?”
“ลูกอาจบาดเจ็บก็ได้ รู้มั้ย?”
“ผมรู้ครับ”

บรรพตจ้องลูกชาย เด็กตัวน้อยที่เรียกให้พ่ออุ้มไม่รู้เบื่อ เด็กตัวน้อยที่ชอบแอบเล่นเกมตอนดึก เด็กประหลาดที่ชอบนอนห้อยหัวอ่านการ์ตูนบนโซฟาหมุนไปมา พอรู้ตัวอีกพักหนึ่งกลายเป็นเด็กม.ต้นที่เงียบขรึม เขาพยายามออกแบบชีวิตลูกจนลูกเครียดนอนกัดฟันร้าวทั้งปากแต่เขาก็แค่ให้ใส่ฟันยาง บรรพตถามตัวเองมาตลอดว่าเขาเลี้ยงลูกผิดยังไง...วันนี้เขารู้แล้วว่าสิ่งหนึ่งที่ผิดคือเขาไม่เคยปล่อยมือให้ลูกหัดเดินเอง เขาพยายามสร้างอนาคตที่ดีให้ลูก แม้แต่การตระเตรียมให้ลูกมีเพื่อนที่เรียนเก่งบ้านรวยเป็น connection ที่ดีสำหรับอนาคตของพัต...แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ลูกอยากได้ พัตไม่มีความสุข

“ถ้าพัตจัดเวลาได้พ่อก็ไม่ว่าอะไร”
“ขอบคุณครับพ่อ งั้นผมกลับไปเรีย-” ผมยังพูดไม่จบพ่อก็ขับรถไปทั้งที่ผมยังอยู่บนรถ
“พ่อ!”
“ตาแดงขนาดนั้น กลับไปเรียนไม่ได้หรอก”
“แล้วพ่อจะพาผมไปไหนครับ?”
“ดูหนัง”
“หา!”
พ่อหันมายิ้มแว่บหนึ่ง “พรุ่งนี้พัตจะเข้าห้องคิง ต่อไปคงเรียนเยอะแน่ งั้นโดดเรียนก่อนหนึ่งวันเลย พวกเรากินบุฟเฟต์ที่ลูกชอบ ดูหนัง กินไอติม แล้วแต่ลูกเลย”
“โดดเรียนได้เหรอพ่อ?”
“พ่อก็โดดงานวันนึงเหมือนกัน ขอโทษนะที่พ่อโหดกับลูกมากไป วันนี้จะให้เที่ยวหนึ่งวันเต็มเลยนะ”

เฮ้ยยย! พ่อลักพาตัวผมโดดเรียนนนนน! เจ๋งเป็นบ้า!!



12:00น.
โรงอาหาร

“บอม แล้วพัตล่ะ?” สนทักที่เห็นบอมนั่งอยู่คนเดียว
“เค้าลาเรียนไปกับพ่อน่ะ”
“บอมมึงเป็นอะไรวะนั่งซึมกระทือ?” สนถามที่เห็นเพื่อนนั่งนิ่งสีหน้าไม่ดี ไม่มีอาหารบนโต๊ะด้วยซ้ำ
“คือ...พัตโดนย้ายไปห้องคิงแล้ว” บอมตอบเสียงเบา
“เฮ้ย! ยังไงนะ?” สนกับดิมอุทาน

บอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อน ๆ ฟัง
“ไอ้พัตเอ๊ย! ที่ผ่านมามึงมีปัญหาแบบนี้เหรอวะ! ทำไมไม่บอกกู?” สนพูด
"เค้ากลัวพวกเราโกรธไงที่หลอกใช้ชมรมบาสทำให้ตี้เรียนเก่ง"
"กูไม่สนหรอกใครจะมาเล่นบาสเพราะอะไร เล่นก็คือเล่นน่ะ มาเยอะ ๆ ยิ่งดี พัตแม่งคิดมากชิบเป๋ง ถ้าบอกกูแต่แรกนะ-"
“พูดยังกะบอกแล้วพวกเราจะช่วยได้งั้นแหละ ขนาดกูรู้ก็ยังทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าทำได้กูยอมเข้าห้องคิงแทนพัตดีกว่า”
“เออ ก็จริงว่ะ เกรดเราสองคนได้แค่เนี้ยเอง” สนพูดเพราะรู้ว่าเกรดเพื่อนรักกับเขาก็สูสีกัน
“ถ้าเรื่องกีฬา เรื่องใช้แรงชกต่อยอะไรกูไม่กลัวหรอก แต่นี่ดันเป็นเรื่องเกรด ทำอะไรไม่ได้เลย”
“ห้องคิงนี่เรียนโหดกว่าห้องเราอีกนะ”

ดิมพูดอย่างจนปัญญา พัตเซ็นเข้าห้องคิงไปแล้ว มันไม่มีทางเปลี่ยนอะไรได้อีกแล้ว
“ห่วงแต่โรคเครียดของพัตนี่แหละ ถึงเค้าจะบอกว่าไม่ต้องกังวลก็เถอะ”
“พัตแม่งช่วยพวกเราตั้งเยอะ แต่พวกเราทำอะไรได้บ้างวะเนี่ย?” สนพูด

“ถ้าทำได้ พวกนายกล้าเสี่ยงมั้ยล่ะ?” เสียงหนึ่งพูดมาจากด้านหลัง
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 41: 30 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 05-04-2021 07:57:38
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 41: 30 มีค.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 07-04-2021 02:40:12
King Class Away Ep.42
Beginning Of The End


เช้าวันพุธ วันแรกของการกลับเป็นเด็กห้องคิง ผมมาโรงเรียนเช้าเป็นพิเศษตามที่อาจารย์บอกเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนห้องใหม่ ผมเดินเข้าซอยโรงเรียนด้วยความรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกลับสู่ดลปัญญานุกูลอีกครั้ง...อย่างน้อยก็ไม่มีต้นบอระเพ็ดละวะ...ในหัวผมนึกถึงฉากในการ์ตูนเรื่องต่าง ๆ ที่เด็กใหม่ย้ายมาเข้าห้องเรียนตอนกลางภาค...ซึ่งไม่เคยมีวันแรกดี ๆ สักเรื่อง ถึงพ่อจะบอกว่าเรียนไม่ไหวก็บอกพ่อเดี๋ยวพ่อจะคุยกับโรงเรียนให้กลับไปห้องปกติอีกครั้งแต่ผมไม่อยากให้พ่อผิดหวัง

เมื่อวานพ่อพาผมโดดเรียนหนึ่งวันไปเที่ยวห้าง กินบุฟเฟต์ ดูหนังแล้วมากินขนม เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าเรียนจากอนุบาลถึงม.ปลายที่ผมโดดเรียน...โดยพ่อเป็นคนนำ! ตอนเย็นพอกลับถึงบ้านพร้อมถังป๊อบคอร์นและแก้วน้ำลายการ์ตูน แม่ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วหัวเราะอยู่ตั้งนาน “ตกลงพ่อหรือลูกที่แสบกว่ากันนะเนี่ย?”

ถึงมันจะเป็นวันแห่งความสุขแต่ผมลอบมองพ่อหลายครั้ง พ่อมีผมหงอกสีดอกเลาแซมไปทั่ว พ่อกับแม่อายุมากขึ้น ทำงานเหนื่อยเพื่อสร้างอนาคตให้ผม ผมเองก็ต้องตั้งใจเรียนตั้งใจให้พ่อแม่สบายใจเช่นกัน การวนเวียนคิดจะอยากมีความสุขเหมือนตอนเด็กมันไม่ได้แล้ว

ผมเดินมาถึงร้านน้ำหน้าโรงเรียน เอ๋...บอมกับสนไม่อยู่แฮะ ผมนั่งรอสักพักก็ยังไม่เจอใคร ทุกทีถ้านั่งตรงนี้ตอนเช้ามักเจอเพื่อน ๆ สักคนเดินผ่านมาบ้างแต่ทำไมวันนี้แปลกจัง ลองโทรหาบอมดีกว่า
“หวัดดีพัต”
“หวัดดีบอม ใกล้มาถึงโรงเรียนยัง?”
“เราไปทำธุระของชมรมน่ะ พัตรออยู่หน้าร้านน้ำเหรอ?”
“อืม”
“โทษทีนะเราคงไปสายหน่อยน่ะ พัตเข้าโรงเรียนไปก่อนเลยนะ”
“อ...อืม แล้วเจอกันตอนเที่ยงนะ” ทำไมบอมต้องมีธุระวันนี้ด้วยนะ...ผมอยากเจอบอมนี่นา
“พัต วันนี้เข้าห้องคิงใช่มั้ย?”
“อือ ห้องประจำชั้นเราอยู่ชั้น 4 ตึก 7 นะ”
“อืม พัตสู้ ๆ นะ เดี๋ยวตอนพักเที่ยงเราไปหาที่หน้าห้องนะ”
ผมพยายามคุยกับบอมด้วยน้ำเสียงปกติทั้งที่ในใจผมอยากเจอบอม สน ดิม ก่อนเข้าห้องคิง ตรูเคว้งคว้างนะเฟร้ย!

ผมเดินขึ้นตึก 7 ตามปกติพวกผมจะไม่ได้เดินผ่านตึกนี้เท่าไหร่เพราะเป็นตึกรวมห้องประจำชั้นของพี่ม.6 แม้ว่าจะมีทางเดินเชื่อมกับตึก 10 ที่เป็นห้องประจำชั้นม.4 ก็ตาม มันเหมือนมีออร่าความเคร่งเครียดในการเรียนและความเป็นรุ่นพี่สูงมากจนไม่อยากเฉียดเข้าเท่าไหร่...แต่วันนี้ผมเป็นส่วนหนึ่งของตึกนี้แล้ว  ผมมองขึ้นไปตามโถงบันได ตามที่คุณครูบิ๊วบอกชั้นบนสุดของตึกนี้มี 5 ห้อง ห้องประจำชั้นใหม่ของผมห้องคิงม.4/1 ถัดไปคือห้องม.5/1 และ ม.5/7 ตามด้วยห้องม.6/1 และม.6/7

...เพราะตัวเราจะเปลี่ยนตามคนรอบข้าง...เลยเอาห้องคิงและห้องควีนเกือบทั้งหมดมารวมกระจุกกันเพื่อสร้างสังคมเด็กเรียนซะเลยสินะ? ซึ่งบรรยากาศก็กดดันจริง ๆ ไม่ค่อยมีใครมานั่งเล่นหน้าห้องแบบห้องปกติเลย เครียดตั้งแต่วินาทีแรกที่เหยียบขึ้นมาชั้นนี้เลยตรู ถ้าผมได้ห้องควีนอย่างน้อยก็ได้อยู่กับดิมและมีสนอยู่ห้องติดกัน แต่นี่เหมือนตรูโดนเอามาทิ้งบนเกาะร้างกลางทะเลเลย

ผมเดินมาถึงหน้าห้องประจำชั้นใหม่ เฮ้ย! ทำไมทุกคนนั่งกันเป็นระเบียบเต็มห้องเลยวะ ยังไม่ได้เข้าแถวหน้าเสาธงเลยนะ? อาจารย์ประจำชั้นที่ยืนอยู่หน้าห้องหันมาพอดีและเรียกชื่อผม
“นายนนทภัทร เข้ามายืนหน้าห้องเลยครับ”
ผมเดินไปหน้าชั้น เอาแล้วตรู นี่มันฉากแนะนำเด็กใหม่ที่ย้ายมากะทันหันตามการ์ตูนเป๊ะ!

“วันนี้เรามีเพื่อนใหม่ย้ายจากห้อง 4/4 มาเรียนกับพวกเรานะ แนะนำตัวเองได้เลยครับ”
“สวัสดีครับ ผมชื่อนนทภัทร วงศ์ประสาน ชื่อเล่นชื่อพัตนะครับ”
“นนทภัทรเป็นคนเดียวที่สอบกลางภาคได้ 100 คะแนนเต็มทุกวิชา เก่งมากครับ”
อาจารย์อย่าสร้างศัตรูให้ผมสิว้อย! สายตาแต่ละคนที่จ้องมาที่ตรูตอนนี้สัญลักษณ์ PVP เด้งขึ้นมาเพียบเลย...เดี๋ยวนะ ในห้องนี้น่าจะมีคนที่สนเคยมีเรื่องด้วยตอนเล่นสแครบเบิ้ลนี่หว่า คนไหนวะ? ถ้าเค้ารู้ว่าผมเป็นเพื่อนสนนี่ชีวิตตรูบรรลัยแน่
“เธอนั่งตรงที่ว่างหลังห้องติดกับปรวิทย์นะ”

ผมเดินมาวางเป้แล้วนั่งลงพร้อมกล่าวทักทายเพื่อนใหม่ “สวัสดีครับปรวิทย์”
“หวัดดีพัต เราชื่อป้อนะ”
“หวัดดีครับป้อ”
เพื่อนใหม่ยิ้มทักทาย เอาวะอย่างน้อยก็น่าจะเป็นมิตร “เดี๋ยวจะมีสมอลโฮมรูมก่อนไปเข้าแถวตอนเช้านะ”
“อืม ขอบใจนะครับ”

อาจารย์เคาะกระดานเพื่อเริ่มโฮมรูม “ผลสอบกลางภาคของพวกเธอส่วนใหญ่ทำคะแนนได้น้อยนะ เดี๋ยวสัปดาห์นี้หลังจบคาบ 4 จะมีการเฉลยข้อสอบ 20 นาทีทุกวันแล้วค่อยไปพักเที่ยง”
เอาแล้วไง นรกชัด ๆ!... ชีวิตตรูโดนริดรอนช่วงพักเที่ยงตั้งแต่วันแรกเลย แล้วผมจะได้เจอบอมมั้ยเนี่ย?

พอโฮมรูมจบพวกเราก็เดินลงไปเข้าแถวหน้าเสาธง แถวห้องผมอยู่หน้าแถวห้อง 2 ของบอม อย่างน้อยผมก็เจอเขาแว่บนึงแม้จะไม่ได้คุยกัน บอมยิ้มให้ผม รอยยิ้มที่ให้กำลังใจผมแม้ไม่ได้พูดคุยกัน ระหว่างนั่งหน้าเสาธงผมหันไปมองบอมเมื่อไหร่ก็เห็นเขามองมาที่ผมเสมอ...เราสองคนสื่อสารกันได้แค่นี้ ผมอยากบอกบอมว่าเที่ยงนี้ผมต้องทนหิวฟังเฉลยข้อสอบอีก 20 นาที บอมไม่ต้องรอผม แต่ผมก็ได้แค่ส่งสายตาบอกที่เขาคงไม่เข้าใจ

ผมมองเลยไปแถวห้อง 3 หาเอสกับตี้ เอ๋? พวกเขาไม่อยู่ที่แถวแฮะ แปลกจังหายไปทั้งคู่เลย?

บอมทำปากบุ้ยใบ้พยายามบอกอะไรผมสักอย่างแต่อาจารย์เข้ามาสะกิดไม่ให้ผมหันไปมองข้างหลัง ตรูซวยอีกโดนอาจารย์ประจำชั้นเพ่งเล็งละทีนี้ผมเลยได้แต่นั่งนิ่ง ๆ สงสัยกับเรื่องแปลก ๆ ของเพื่อน ๆ ที่เกิดขึ้นเช้านี้



แล้วคาบเรียนของห้องคิงก็เริ่มขึ้น หนังสือเรียนน่ะใช่ชุดเดียวกับที่ผมมี แต่แบบฝึกหัดที่เขียนขึ้นกระดานน่ะยากโดดไปหลายขุมเลย เหมือนสอนเล่นมาริโอ้แต่แบบฝึกหัดเป็น Bloodborne ยังดีที่ผมเคยผ่านอะไรแบบนี้มาแล้วที่ดลปัญญานุกูลเลยรับมือไหว
“จบเนื้อหาแล้วนักเรียนทุกคนเปิดสมุดจดการบ้านตามที่อาจารย์เขียนนะ”
“พัตจดเร็ว ๆ นะ อาจารย์คนนี้เขียนเสร็จแล้วจะลบเลย”
“ครับป้อ”
“เอ้อ นายรู้มั้ยว่าถ้าทำการบ้านไม่เสร็จหรือทำผิดต้องไปวิ่งรอบสนามบอลตามจำนวนข้อนะ”
“ครับ” ...อันนั้นรู้จากดิมแล้ว...

จนมาถึงช่วงเฉลยข้อสอบที่กินเวลาพักเที่ยง (ตรูหิวข้าวแล้วนะ T_T) ผมมองผ่านหน้าต่างไปนอกห้องสักพักบอมก็ชะเง้อหน้ามาจากขอบกำแพง ผมได้แต่ยกมือทำเลข 20 ให้บอมรู้ว่าเรียนต่ออีก 20 นาที บอมทำหน้าเศร้า ผงกหัวแล้วเดินไป ขอโทษนะบอมเรารู้ว่านายอยากกินข้าวพร้อมกัน ผมก็อยากอยู่กับบอมมาก ๆ เลย อยากระบายให้เขาฟังว่าวันแรกผมก็อ่วมแล้ว

“ในวิชาภาษาอังกฤษ พาร์ตที่พวกเธอส่วนใหญ่ทำคะแนนได้น้อยสุดคือพาร์ต reading วันนี้อาจารย์จะให้นนทภัทรแนะนำเทคนิคทำยังไงให้ได้คะแนนเต็ม 100 นะ” อาจารย์เรียกผม อย่ามายุ่งกับตรู แค่นี้ตรูก็มีศัตรูเยอะแล้ววววว

ผมลุกขึ้นตอบ “เอ่อ...ผมอ่านคร่าว ๆ ก่อนหนึ่งรอบเพื่อจับใจความสำคัญครับ ถ้ามีส่วนไหนหรือศัพท์คำไหนไม่เข้าใจจะข้ามไปก่อน เดี๋ยวพอเข้าใจเนื้อหาของเรื่องก็อาจเดาส่วนที่ติดได้ครับ”
“มีเทคนิคจับใจความสำคัญไหม?”
“ครับ เนื้อหาสำคัญมักมีคำที่เป็น negative เช่น but, however, nevertheless, on the other hand”
“เยี่ยมมากครับนนทภัทร นั่งลงได้”
“เทคนิคของพัตดีมากเลย” ป้อยิ้มให้กำลังใจ
“ขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องพูดครับหรอก เราเพื่อนกัน”
“อืม” ป้อเป็นคนใจดีแฮะ แนะนำหลายเรื่องเลย
“พัตทนหิวนิดนึงนะ”
“อืม ขอบใจนะป้อ”
“อ้อ นายรู้ยังว่าทุกเย็นหลังเลิกเรียนจะมีทำแบบฝึกหัดด้วย”
“หา!” ภาพการเล่นคณิตคิดไวหลังเลิกเรียนเหมือนสมัยอยู่ห้องคิงที่ดลปัญญาผุดขึ้นมาในหัวผมเลย แบบนี้จะได้ไปเล่นบาสหลังเลิกเรียนมั้ยเนี่ย?

ถึงช่วงพักเที่ยง ผมมีเวลาแค่ 30 นาที ผมรีบซื้อข้าวแล้วเดินไปโต๊ะประจำ ผมเจอเอสกับตี้กำลังเก็บจานพอดี
“หวัดดีเอสตี้”
สองคนหันมามองผมแว่บนึงแล้วเดินไปเลย อะไรกันน่ะ…ทำไมพวกเค้าทำเหมือนไม่อยากมองหน้าผมแบบนั้น

ก็ผมหลอกใช้เอส หลอกใช้ตี้ ผมก็ควรโดนเพื่อนเกลียดแล้วนี่ ผมทำตัวเองก็ต้องรับผลการกระทำ

“พัต” บอมเดินมาแตะไหล่
“บอม กินข้าวเสร็จแล้วเหรอ?”
“อือ พัตเรียนเพิ่มตอนเที่ยงด้วยใช่มั้ย?”
“ใช่ ห้องเราเฉลยข้อสอบ 20 นาทีนี่เพิ่งเสร็จ จะเป็นแบบนี้ทั้งสัปดาห์เลย”
“หา?” บอมทำหน้าตกใจเมื่อรู้ความโหดของห้องคิง “งั้นพัตรีบมานั่งกินข้าวเถอะ เรานั่งเป็นเพื่อนพัตนะ”

ตอนนี้โต๊ะประจำของพวกเราไม่มีใครอยู่เลย มีแค่ผมกับบอม เขานั่งดูผมที่รีบกินข้าวให้เสร็จทันเวลา
“พัต เพื่อน ๆ เขากินข้าวเสร็จไปก่อนแล้วน่ะ”
“อือ”
“พัต เมื่อกี้นายเจอเอสกับตี้ใช่มั้ย?”
“อ...อือ” ผมก้มหน้ากินข้าวต่อ ผมรู้ว่าบอมจะพูดอะไร มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาหรอกที่ไม่อยากเจอผม ผมเองแหละเป็นฝ่ายผิด
“พัต” บอมกุมมือผม “นายเชื่อใจเพื่อนมั้ย?”
“ช...เชื่อสิ”
“เอสกับตี้ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นนะ”
“อืม” ผมขานรับทั้งที่ไม่เข้าใจเลย ทำไมผมต้องเจอเรื่องแบบนี้
“บอม ตอนคาบ 8 คาบสันทนาการเราจะมาเล่นบาสด้วยนะ แต่เสร็จแล้วอาจารย์ให้กลับไปทำแบบฝึกหัดที่ห้องอีก จะมีแบบนี้ทุกเย็นเลย เราไม่รู้จะเลิกกี่โมงแต่ยังไงเราจะมาเล่นบาสหลังเลิกเรียนด้วยนะ”
“อืม เรารอนะพัต”
--------------------------------------------

พอถึงคาบ 8 ผมรีบวิ่งลงมาที่สนามบาส บอมยืดเส้นอุ่นเครื่องรออยู่ก่อนแล้ว
“คิดถึงพัตจัง เรียนเหนื่อยมั้ย?”
“เหอ ๆๆ เหนื่อยมาก ทั้งแบบฝึกหัดทั้งการบ้านโหดกว่าห้องปกติเยอะเลย เราน่ะไหวเพราะตอนม.3 ที่ดลปัญญาเราเรียนเนื้อหาม.4 หมดแล้ว ห่วงแต่เพื่อนคนอื่นมากกว่า”
“พัตน่ะห่วงคนอื่นทุกที” บอมขยี้หัวผม “แล้วเมื่อวานพัตคุยกับรองผอ.เสร็จก็ลาเรียนไปกับคุณพ่อเหรอ?”
“ช่าย พ่อน่ะพาเราโดดเรียน ฮ่า ๆๆ”

ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้บอมฟัง และเรื่องที่พ่อลักพาตัวผมโดดเรียนไปเที่ยวห้างด้วย
“เราดีใจด้วยนะคุณพ่อเข้าใจพัตซะที ตอนแรกเรานึกว่าพ่อนายดุมาก แต่จริง ๆ ท่านเป็นพ่อที่ใจดีมากเลยนะ”
“อือ ว่าแต่สนยังไม่มาเหรอ?” ผมมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นเขาเลย
“วันนี้เขาลาไปทำธุระที่บ้านน่ะ”

พอใกล้หมดคาบ 8 ผมลาอาจารย์ชมรมบาสก่อนเวลา 10 นาที ผมอยากแวะไปคุยกับดิมที่ห้องชมรมคอมพิวเตอร์ อยากระบายความบ้าบอของห้องคิงกับดิม เขาน่าจะเข้าใจผมที่สุด ผมขึ้นไปชั้น 3 ของตึก 5 ที่เป็นห้องคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ยังเป็นคาบสันทนาการมีคนอยู่เต็มห้องผมเลยได้แต่มองจากด้านนอก ดิมอยู่ไหนหว่า?
“น้องมาหาเพื่อนเหรอครับ?” รุ่นพี่เดินออกมาถาม
“ครับพี่ ดิมอยู่ไหมครับ? มิธิวัตน่ะครับ”
“พี่ก็ไม่เห็นดิมนะ มีอะไรมั้ยครับ?”
“ไม่มีอะไรครับพี่ ขอบคุณครับ”

...ทำไมวันนี้เพื่อน ๆ ทุกคนดูแปลก ๆ หว่า? ตอนเช้าบอมไปธุระ เอสกับตี้ก็ไม่อยู่ตอนเช้าเหมือนกัน นี่สนกับดิมก็หายไปพร้อมกันอีก ผมเดินกลับห้องคนเดียวเพื่อไปเรียนรอบเย็น เป็นโจทย์เลขที่ยากพอสมควรเลย จากนั้นอาจารย์ก็แจกสมุดการบ้านคืนให้ทุกคน ซึ่งยังไม่มีของผมเพราะเพิ่งมาเรียนวันแรก ป้อเปิดดูแล้วปิดสมุดยัดใส่กระเป๋าด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาไม่พูดอะไรอีกเลย เดาได้เลยว่าเรื่องอะไร บรรยากาศอึดอัดจัง ผมไม่รู้จะชวนป้อหรือเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ พูดยังไงดี

พอเลิกเรียนตอนห้าโมงเย็น หลายคนไม่ได้ไปทางออกประตูโรงเรียนแต่เดินไปทางสนามบอล ป้อก็ด้วย ผมสงสารเขาจัง ใจหนึ่งก็อยากไปวิ่งเป็นเพื่อนเขาแต่ก็ไม่รู้เพื่อน ๆ จะคิดว่าผมล้อเลียนเค้ามั้ย อีกใจก็อยากไปหาบอมเพราะผมเหลือเวลาเล่นบาสได้อีกแป๊บเดียว...เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ถ้าผมทำการบ้านผิดก็จะไปวิ่งด้วยละกัน…

ผมเดินไปที่สนามบาสเห็นบอมกำลังเล่นกับพวกรุ่นพี่อยู่
“พัตเพิ่งเลิกเรียนเหรอ?”
“ฮะ ๆๆ ช่าย” ผมหัวเราะแห้ง ๆ ไม่อยากให้บอมเครียดเมื่อรู้ว่าผมแทบไม่มีเวลาว่างเลย
“พัตไหวมั้ยเรียนเยอะขนาดนี้”
นั่นสิ ผมอุตส่าห์ขอพ่อเล่นบาสได้แล้ว แต่กลับไม่มีเวลามาฝึกซ้อมแล้วผมจะได้รับคัดเลือกเป็นตัวสำรองเหรอ ดูเหมือนสิ่งที่ผมฝันมันเริ่มไกลออกไปเรื่อย ๆ โดยผมแทบทำอะไรไม่ได้เลย
“สงสัยต้องให้บอมติวพิเศษให้แล้วล่ะ”
“ได้สิ ยังไงเสาร์นี้เราไปเที่ยวบางปูกันนะ แล้ววันอาทิตย์เราติวบาสให้ถ้าพัตไหว”
“อืม ขอบใจนะบอม”



วันพฤหัสบดี
วันที่ 2 ของการอยู่ห้องคิง
การเรียนก็ยังโหดเหมือนเดิม ช่วงพักเที่ยงที่แสนน้อยนิดผมรีบลงมาที่โรงอาหาร บางร้านน่าจะขายหมดแล้วจะเหลืออะไรให้ตรูกินบ้างเนี่ย
“พัต เราซื้อก๋วยเตี๋ยวไว้ให้แล้ว” บอมโบกมือเรียกผม บนโต๊ะมีก๋วยเตี๋ยว 1 ชามกับเกาเหลาใส่เนื้อกับผักเยอะ ๆ และไข่ต้มอีก 1 ฟอง
“เราเตรียมอาหารให้ครบโภชนาการตามที่พัตเคยสอนเราไง”
“ขอบใจนะบอม”
ผมก้มหน้าก้มตากินเพราะมีเวลาพักไม่นาน บอมนั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนผมด้วย เขาอุตส่าห์ซื้อข้าวเที่ยงไว้รอผมทั้งที่เพื่อนคนอื่นกินเสร็จและกลับขึ้นห้องไปหมดแล้ว
“บอม หมดสัปดาห์นี้เราก็คงไม่มีเรียนตอนเที่ยงแล้วล่ะ สัปดาห์หน้าเราจะมากินข้าวพร้อมกับทุกคนนะ”
“พัต”
“หืม?”
“เรารักพัตนะ”
“เอ่อ...เราก็รักบอม” ผมแทบสำลักที่จู่ ๆ บอมพูดโพล่งขึ้นมากลางโรงอาหาร ถึงจะพูดเบา ๆ ก็เถอะ
“คือเราก็อยากอยู่กับพัตตลอดเวลานะ แต่ตอนนี้พัตอยู่ห้องใหม่ นายควรใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ๆ ด้วย” บอมพูดช้า ๆ พร้อมกุมมือผม
“อ...อืม”

ผมเข้าใจนะว่าบอมพยายามจะบอกผมแบบไม่ให้ผมเข้าใจผิดหรือระแวง ผมลืมคิดไปสนิทเลยว่าการเข้าไปอยู่ห้องคิงแต่ไม่กินข้าวไม่คุยไม่คบเพื่อนในห้องเลยนั้นไม่ช้าต้องเป็นปัญหาแน่ แต่ตอนเย็นผมก็แทบไม่มีเวลามาเล่นบาสกับบอม ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ บอมจะยัง…
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็ยังรู้สึกกับพัตเหมือนเดิม ถึงจะเจอกันน้อยลงเราก็ยังรักพัตเหมือนเดิม” บอมอ่านความคิดผมได้หรือไงเนี่ย ดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมาทำผมหน้าร้อนผ่าว
“พัตอดทนนิดนึงนะ ทุกคนกำลังช่วยนายอยู่”
“หือ?”
“ร...เราหมายความว่าเพื่อน ๆ ทุกคนยังเป็นเพื่อนพัตเหมือนเดิมนะ”
“ไม่ ๆๆ ไอ้ประโยคหลังมันต่างจากประโยคแรกนะ”
“ม...ไม่ต่างหรอก”

ต่างแน่ ๆ! บอมทำหน้ามีพิรุธด้วย ไหนจะเรื่องที่เพื่อน ๆ หายไปพร้อมกันอีก แต่ผมก็ไม่อยากซักไซ้ต่อเพราะหน้าเลิ่กลั่กของบอมน่ารักผิดคาด นายเป็นคนโกหกไม่เก่งเลยนะเนี่ย เอาเถอะถ้าบอมอยากให้ผมเชื่อใจผมก็จะเชื่อใจบอม
“เอ้อบอม บางปูนี่อยู่สมุทรปราการใช่มั้ย?”
“ใช่แล้ว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อเลย”
“แล้วพวกเราจะไปเที่ยวจนเย็น พอวันอาทิตย์บอมจะติวบาสให้เราใช่มั้ย?”
“อื้อ”
“งั้นเราไปค้างบ้านบอมตอนคืนวันเสาร์ดีมั้ย? เช้าวันอาทิตย์จะได้ไปซ้อมบาสกันที่สนามใกล้บ้านบอมไง”
“ได้เลย” บอมยิ้มโดยไม่รู้ว่าคืนนั้นจะเจออะไร หี ๆๆ

ยิ้มเข้าไป ปิดบังเข้าไป เดี๋ยววันเสาร์ผมจะฟัดบอมเอาคืนให้เต็มที่เลย



วันศุกร์
วันที่ 3 ของการอยู่ห้องคิง

ช่วงการเรียนที่น่าเบื่อดำเนินมาถึงคาบ 4 วิชาสังคมของอาจารย์วิชาติ
“ป้อ เราถามอะไรหน่อยสิ มันจะไม่มีการเรียนวันเสาร์อาทิตย์ใช่มั้ย?” ผมกระซิบถามป้อที่นั่งติดกัน
“ไม่มีนะ”
โอเค อย่างน้อยการเที่ยวเสาร์อาทิตย์นี้ของผมก็ไม่น่ามีอะไรมาขัดแล้ว เมื่อคืนผมค้นในอินเตอร์เน็ต ดูเหมือนบางปูจะเป็นหาดเลนคงลงเล่นน้ำไม่ได้ เสียดายชะมัดที่อดเห็นบอมในชุดว่ายน้ำ ...แต่ไม่เป็นไรยังไงตอนค่ำผมกับบอมจะอยู่ตามลำพัง ผมก็จะ-
“ขออนุญาตครับอาจารย์วิชาติ”  เสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดจินตนาการสายดาร์คของผม ทุกคนหันไปที่ประตู อาจารย์วรเชษฐ์ยืนอยู่หน้าห้อง คนที่ผมเคยเจอตอนวันอังคารที่พ่อมาเซ็นชื่อ
“ครับอาจารย์วรเชษฐ์ มีธุระอะไรเหรอครับ?”

อาจารย์วรเชษฐ์ยืนนิ่งไม่พูดอะไร อาจารย์สังคมเลยเดินเข้าไปคุยกันกระซิบกระซาบที่หน้าห้อง เกิดอะไรขึ้นหว่า? สักพักอาจารย์วรเชษฐ์ก็เดินจากไปอย่างร้อนรน ส่วนอาจารย์วิชาติก็ทำหน้าลนลานไม่แพ้กัน
“อาจารย์จะไปธุระสักครู่ พวกเธออ่านหนังสือไปก่อนนะ วันนี้จะไม่มีเฉลยข้อสอบหลังคาบ 4 นะ ไปพักเที่ยงตามปกติได้เลย”

เสียงเฮดังลั่นทั่วห้อง อาจารย์ขยับปากจะดุแต่ก็เปลี่ยนใจแล้วรีบเดินออกไป
“เกิดอะไรขึ้นน่ะป้อ?”
“เราก็ไม่รู้แฮะ” พวกเราสองคนมองหน้ากันแบบงง ๆ คนอื่นในห้องก็สงสัยระคนดีใจเหมือนกัน
“อาจารย์สั่งให้อ่านหนังสือกันเองนะ ทุกคนทำตามคำสั่งเถอะเดี๋ยว’จารย์กลับมาเร็วพวกเราจะแย่” หัวหน้าห้องเอ่ยปากเตือนเพื่อน ๆ ทุกคน

10 นาทีแรกทุกคนก็ยอมอ่านหนังสือกันเงียบ ๆ แต่ไม่นานหลายคนก็เริ่มลุกไปคุยกับเพื่อน
“เฮ้ย! นี่มันนานเกินละนะ ปาไปจะครึ่งคาบแล้ว กูว่า’จารย์ไม่มาแล้วมั้ง”
“เออ ไปกินข้าวกันเลยเหอะ”
ระหว่างที่เพื่อน ๆ กำลังถกเถียงกันก็ได้ยินเสียงขยับเก้าอี้จากห้องพี่ม.5/1 ที่อยู่ติดกัน แปลว่าห้องพี่เค้าก็คงเจอแบบเดียวกันและตัดสินใจไปกินข้าวกันแล้ว
“เฮ้ย! พวกพี่เค้าไปกันแล้วว่ะ”
“งั้นพวกเราก็ไปด้วยสิ กูหิวมาสองวันจะตายห่าแล้ว”
“เอาไงดีพัต?” ป้อหันมาถาม
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าพวกเราไปแล้วอาจารย์กลับมาก็ไม่ได้จดการบ้านน่ะสิ มีหวังได้วิ่งรอบสนามแน่”

“พัต” ดิมมายืนเรียกผมอยู่หน้าห้อง
“อ้าว! ดิม ห้องนายก็ไม่มีอาจารย์เหมือนกันเหรอ?” ผมเดินออกไปหาดิมพร้อมกับเพื่อน ๆ ห้องคิงเริ่มทยอยกันโดดคาบ 4 ไปโรงอาหาร
“อือ อาจารย์บอกไปธุระแป๊บนึงแต่ไม่กลับมาซักที เนี่ยเพื่อนห้องเราเลยไปกินข้าวกันหมดแล้ว”
ผมมองจากระเบียงชั้น 4 ลงไป ตอนนี้ข้างล่างนั่นเด็กม.ปลายเดินกันเยอะแยะเลย แปลว่าไม่ใช่แค่ห้องคิงกับห้องควีนสินะ อาจารย์ม.ปลายทุกคนจู่ ๆ ก็ไปธุระด่วนกันหมดเลย!?
“พัตไปกินข้าวกับเราเหอะ ยังไงก็มีคนโดดคาบ 4 เยอะแยะแล้ว อาจารย์ไม่กล้าเอาเรื่องแน่”
“อืม”

“ว่าแต่นายลากิจเหรอ? ตอนวันพุธกับพฤหัสเราไม่เห็นดิมเลย” ผมถามดิมระหว่างที่พวกเราเดินลงบันได ดิมไม่ตอบแต่เม้มปากแล้วหันมายิ้ม
“ดิม นายดูแปลก ๆ นะ”
“เดี๋ยวนายก็รู้” ดิมพูดเป็นปริศนาเหมือนผมกำลังอยู่ในหนังเขย่าขวัญ

พอผมกับดิมซื้ออาหารเสร็จก็เดินถือมาที่โต๊ะเจอบอมในชุดพละนั่งรออยู่แล้ว
“ทำไมบอมมาเร็วจัง?”
บอมไม่ตอบแต่สบตากับดิม เขาเม้มปากแล้วยิ้ม
“บอม นายดูแปลก ๆ นะ”
“เหรอ?”
“แล้วสน เอส ตี้ ล่ะ?”
“เดี๋ยวนายก็รู้” บอมพูดเนิบ ๆ ประโยคเดียวกับดิม...เชรี่ยละนี่มันหนังเขย่าขวัญแน่ ๆ
ผมนั่งร่วมโต๊ะกับทั้งสองคนแบบหวาด ๆ พวกนายเป็นเอเลี่ยนที่สะกดจิตอาจารย์ทั้งโรงเรียนให้ทิ้งการสอนไปสินะ...บ้าละ นิยายมันไม่แหกแนวได้ขนาดนั้นหรอก!

ตะดึ๊ง! เสียงข้อความเข้าดังขึ้นจากมือถือของผม เป็นข้อความในกรุ๊ปไลน์ของทั้งห้องคิงของผม 4/1 และห้องเก่าของผม 4/4 มันเป็นลิ้งค์ Youtube อันเดียวกันเลย

https://youtu.be/vqIxCqa….

ผมกดดู มันเป็นห้องมืด ๆ มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่โดยมีแสงสาดมาจากข้างหลังทำให้เห็นเขาเป็นเงาดำ ในห้องนั้นยังมีโคมไฟดวงเล็กที่สาดแสงลงมาโดนตัวเล็กน้อยให้พอเห็นเสื้อขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำ ชุดนักเรียนนั่นเอง

เขาเริ่มพูดบางอย่าง...บางอย่างที่ทำให้ผมตะลึง จังหวะนั้นโคมไฟที่แกว่งเล็กน้อยให้แสงพาดสูงขึ้นส่องกระทบวัตถุเล็ก ๆ ที่อกเป็นประกายสีทอง ถึงจะเป็นแค่ชั่วครู่และไม่ชัดเจนแต่ผมก็ดูออกทันที มันเป็นเข็มโรงเรียนแบบเดียวกับที่ผมใช้

ผมมั่นใจแล้วว่านี่คือสาเหตุที่อาจารย์ทุกคนผละจากการสอนไปทันที
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 42: 6 เมย.64 ใกล้จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 12-04-2021 23:17:43
King Class Away Ep.43
In The End


เช้าวันเสาร์ ผมนั่งรถไฟฟ้าแล้วไปต่อรถแท็กซี่ไปยังสถานที่ที่นัดกับบอมไว้ ‘บางปู’ เขาบอกว่าเป็นที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดสมุทรปราการ แต่ตอนนี้จิตใจผมไม่ได้อยู่กับเรื่องเที่ยวเลยแม้แต่น้อย

ตั้งแต่เที่ยงเมื่อวานที่คาบ 4 ของระดับชั้นม.ปลายถูกยกเลิกโดยปริยายเพราะอาจารย์ทุกคนไปประชุมด่วน จากนั้นไม่ถึงชั่วโมงก็มีคลิปวิดีโอปริศนาที่เพื่อน ๆ ส่งต่อกันมาในกลุ่มไลน์ มันส่งผลบางอย่างที่รุนแรงต่อโรงเรียนแน่ ๆ เพราะตลอดช่วงบ่ายอาจารย์ทุกคนยกเลิกการบ้าน มีแต่การสอนตามปกติเท่านั้น ที่สำคัญคือ…
“วันนี้ใครที่ทำการบ้านไม่ทันหรือตอบผิดไม่ต้องไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลนะ การทำแบบฝึกหัดหลังคาบ 8 ก็ไม่มีนะ ใครที่สงสัยการบ้านหรือไม่เข้าใจเนื้อหาตรงไหนให้มาถามอาจารย์ได้หลังเลิกเรียนหรือไปพบที่ห้องพักครูก็ได้ อาจารย์จะช่วยอธิบายให้” สิ้นเสียงของอาจารย์ เพื่อน ๆ ทุกคนก็เฮลั่น

พอเปิดดูคลิปในยูทิวป์อันนั้นผมก็เข้าใจในทันทีว่าเนื้อหาของมันทำให้โรงเรียนระส่ำระสายได้ยังไง
Die hartseer storie van genie klaskamer ‘Koning Klas’
https://youtu.be/vqIxCqa….

ชื่อคลิปเป็นภาษาที่ผมไม่รู้จัก แต่ทุกคำพูดในคลิปเป็นภาษาไทย ผมเสียบหูฟังและกดดูมันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ภาพนักเรียนในความมืดที่ผมไม่รู้ว่าคือใคร แต่เรื่องราวที่เขาพูดมานั้นทำให้ใจผมเต้นจนไม่กล้าให้ใครได้ยิน

“ผมเคยเป็นนักเรียนในห้องคิงครับ มันอาจเป็นชั้นเรียนที่เด็ก ๆ หลายคนฝันจะได้อยู่ แต่ความจริงแล้วรู้มั้ยว่ามันไม่เหมือนที่ใคร ๆ คิดเลย พวกผมเรียนหนักมาก มีการบ้านที่ยากเกินเนื้อหาที่เรียนให้ทำทุกวัน ถ้าตอบผิดก็จะโดนลงโทษ” เสียงแปร่งที่ฟังก็รู้ว่าใช้ซอฟต์แวร์แปลงเสียงเพื่อปกปิดตัวตน

“ลงโทษยังไงครับ?” เสียงลึกลับอีกเสียงทำหน้าที่พิธีกรสัมภาษณ์
“ให้วิ่งรอบตึกครับ”
“คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมครับ?”
“รู้ครับ แต่พ่อแม่บอกให้ทนไปจะได้เข้ามหาลัยดี ๆ”

“แล้วเรื่องอะไรที่ไม่ชอบที่สุดครับ?”
“ผมไม่ชอบห้องซาวแล็บ”
“ทำไมเหรอครับ?”
“ห้องอื่นเค้าพูดศัพท์ซ้ำแค่ 4-5 รอบ แต่กับพวกผมอาจารย์ให้พูดศัพท์ซ้ำเป็นสิบรอบไม่จบไม่สิ้น อาจารย์บอกว่าต้องพูดจนกว่าจะออกเสียงถูกต้องทุกคน สามปีที่เจอแบบนั้นจนผมเป็นโรคมิโซโฟเนีย”
“คือโรคอะไรเหรอครับ?”
“โรคเกลียดเสียง เวลาใครมาพูดคำเดิมซ้ำหลายครั้งใกล้ ๆ ผมจะโมโห”
“มันส่งผลเสียกับชีวิตเรายังไงครับ?”
“ตอนอยู่มหาลัย มีวันนึงเพื่อนผมตะโกนเรียกเพื่อนอีกคนชื่อไก่ มันเรียกไอ้ไก่ แต่เขาไม่ได้ยินเพื่อนผมก็ตะโกนเรียกอีก ไอ้ไก่ เขาก็ยังไม่ได้ยิน เพื่อนก็ตะโกนเรียกไอ้ไก่ ๆ ไอ้ไก่ ๆ ผมสติขาดตะคอกใส่เพื่อน มึงจะเรียกซ้ำ ๆ ทำเหี้ยอะไร! เดินไปหามันสิโว้ย!”
“เราเสียใจไหมครับที่ทำแบบนั้นไป?”
“เสียใจครับ ...ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมคุมตัวเองไม่ได้ เพื่อน...กูขอโทษ”

ภาพตัดมาเป็นนักเรียนหญิงอีกคนในเงามืดเช่นกัน คนนี้น่าจะอยู่โรงเรียนอื่นเพราะไม่มีเข็มกลัด
“คุณเป็นนักเรียนห้องคิงใช่ไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ ตั้งแต่ม.4 ถึงม.6”
“ที่มาวันนี้มีอะไรอยากเล่าครับ?”
“หนูอยู่กับคุณแม่และคุณยาย แม่หนูขายของที่ตลาดตั้งแต่เที่ยงถึงค่ำ ยายหนูแก่แล้วเดินไม่ได้ ทุกเย็นหนูต้องกลับบ้านไปดูแลช่วยอาบน้ำยาย แต่พออยู่ห้องคิงอาจารย์สั่งให้อยู่เรียนพิเศษทุกเย็น ยายปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำก็ต้องรอหนูหรือไม่ก็ตะกายไปห้องน้ำเอง”
“ชีวิตลำบากไหมครับ?”
“ลำบากที่สุดตอนขึ้นม.6 อาจารย์เค้าสอนพิเศษถึง 4 ทุ่ม”
“4 ทุ่มเลยเหรอ?”
“ค่ะ หนูเลยยิ่งไม่มีเวลาดูแลยาย แม่ต้องเก็บร้านเร็ว ๆ มาดูยาย แล้วตอนค่ำก็ขี่รถมารอรับหนูหน้าโรงเรียน แม่บอกดึกมากกลับคนเดียวอันตราย”


“น้องครับ ถึงที่แล้วครับ” คุณลุงคนขับหยุดรถตรงวนเวียนหน้าสะพานและหันมาบอกผม
“ขอบคุณครับคุณลุง” ผมจ่ายเงินค่าโดยสาร ก้าวลงจากรถแล้วเดินไปตามแนวสะพาน ลมพัดมาปะทะตัวผมทันทีพร้อมด้วยเสียงนกร้องไปทั่ว แสงแดดแรงจนแสบผิวกับลมทะเลเย็น ๆ ช่วยดึงผมออกจากความหม่นหมองในบทสัมภาษณ์ของนักเรียนทั้ง 4 คนในคลิปนั้นได้บ้าง

(https://www.img.in.th/images/08c472203b7a71319714229e7e6a3acd.jpg)

ชายหนุ่มที่กำลังยืนให้อาหารนกอยู่บนสะพานหันมา ถึงจะมีคนอยู่ตรงนั้นมากมายแต่เขาก็เด่นที่สุดและเป็นแบบนั้นเสมอตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอเขา เขายิ้มและเดินตรงมาที่ผม
“ดีใจจังพัตมาแล้ว” บอมเดินมารับผม “ไปเดินเล่นกันเถอะ พัตเคยให้อาหารนกแบบนี้มั้ย?” บอมโยนอาหารขึ้นแล้วนกก็บินมาคาบไปกลางอากาศ
“ไม่เคยน่ะ”
“พัตอยากลองมั้ย?”
ผมล้วงอาหารนกออกมาจากถังแล้วโยนขึ้นตามที่บอมทำ นกนางนวลฝูงใหญ่ก็บินมาคาบไป มันน่ากลัวนะแต่ก็สนุกดี บอมกอดผมจากข้างหลัง “สนุกมั้ยพัต?”
“ฮะ ๆๆ สนุกดี”
บอมกอดผมไว้อย่างนั้น เราสองคนมองชมทิวทัศน์รับลมทะเล

“บอม เรื่องคลิปนั้นน่ะ”
“อืม” บอมเอ่ยกระซิบที่ข้างหูผม
“นายเป็นคนทำงั้นเหรอ?”
“พัตคิดว่าไงล่ะ?” เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลเอ่ยพร้อมอมยิ้มเจ้าเล่ห์
“มันบังเอิญกับช่วงเวลามาก”
“ใช่ เราทำเองแหละ ไม่ใช่เราคนเดียวหรอกนะ” เขากระซิบเบา ๆ
“หา!! มีคนอื่นด้วยเหรอ? นายรู้มั้ยว่ามันเสี่ยงขนาดไหน! ถ้าเกิดโรงเรียนเอาเรื่องแล้วตามหาคนทำ นายอาจโดนไล่ออกเลยนะ!”
“อะแฮ่ม! พวกมึงสวีตกันยังกะโลกนี้มีแค่สองเราเลยน้า”
“สน! ดิม!” ผมหันไปดูสองคนที่คุ้นตาเดินเข้ามา
“หวัดดีพัต” ดิมยืนยิ้มพร้อมโอบเอวสน
“บอกแล้วเราไม่ได้ทำคนเดียว”
“พวกกูโทรหารุ่นพี่ห้องคิงห้องควีนรุ่นก่อน ๆ ที่เรียนจบมหาลัยไปแล้วให้เขามาช่วยแฉ ดีนะที่ดิมอยู่ห้องควีน พอเล่าเรื่องที่ดิมกับนายเจอให้รุ่นพี่ฟัง พวกพี่เขาเห็นใจรุ่นน้องเพราะเขาก็เคยเจอแบบนี้ กูเนี่ยต้องวิ่งหาชุดนักเรียนมาให้พี่เค้าใส่ให้สมจริง จะได้ดูไม่ออกด้วยว่าจริง ๆ พวกเค้าเรียนจบไปแล้ว” สนอธิบาย

“พวกพี่ส่วนใหญ่ไม่กล้าพูดน่ะ เราก็เข้าใจ เราขอร้องพวกพี่ว่ายังไงก็ปิดเป็นความลับ พี่ ๆ บอกว่าถ้าทำคลิปเสร็จจะช่วยแชร์ให้ละกันมันเลยแพร่เร็วมาก ตอนนี้แฮชแท็ก #saveเด็กห้องคิง ขึ้นเทรนด์หลายเว็บบอร์ดและในทวิตเตอร์กับอินสตาแกรมแล้ว” ดิมพูดอย่างตื่นเต้น

“พัตเดาซิว่าใครเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้?”
“นายเหรอบอม?”
“ไม่ใช่เราหรอก พัตปิดตาดิเดี๋ยวเราเฉลย”
ผมหลับตา บอมสนดิมเอามือมาปิดตาผมอีกทีพร้อมหัวเราะคิกคัก “กูว่ามึงช็อกแน่พัต”

“สวัสดีคุณ Elite 5” เสียงคุ้น ๆ พร้อมเสียงเดินบนสะพานใกล้เข้ามา ทุกคนปล่อยมือออกจากหน้าผม คนตรงหน้าคือ...
“ตี้! เอส!”
“เออ! เซอร์ไพรซ์มั้ยล่ะ!” ตี้พูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ และใช้วงแขนโอบไหล่เอสที่ยิ้มแห้ง ๆ ไว้ตรงหน้า
“ตี้ เอส เราขอโทษนะที่เรา...”
“พัต นายไม่ต้องขอโทษหรอก นายแม่งสุดยอดเลยนะเอาความคิดบ้าเรียนใส่หัวเราได้เหมือนหนังเรื่อง Inception ช่วยติวเราแล้วยังส่งเอสมาประกบเราตลอดจนเกรดเราถึงระดับห้องควีนได้” ร่างสูงหัวเราะอารมณ์ดีพร้อมขยี้ผมของเพื่อนสนิท
“ว้อย! อย่าดิเดี๋ยวผมเสียทรง” เอสท้วง
“ลมแรงขนาดนี้ยังจะห่วงทรงผมอีก” คู่กัดเริ่มปะทะคารมกันเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน

“ตอนแรกที่เอสเล่าเรื่องทั้งหมดให้เราฟัง เราโคตรโมโหเลยนะ” พวกเราเดินไปที่ปลายสะพานระหว่างตี้เล่าเรื่อง
“โมโหหรือน้อยใจ? เอาดี ๆ” เอสแซว
“เออ น้อยใจก็ได้” คนที่สูงที่สุดในกลุ่มเกาหัวพลางพูดเบา ๆ “แต่พอรู้จากบอมว่านายยอมเข้าห้องคิงแทนเราทั้งที่นายเกลียดมาก เราก็คิดว่า...” ตี้หันมาทำหน้าจริงจังขัดกับไอติมในลูกมะพร้าวที่ถืออยู่ “เพื่อนยังไงก็คือเพื่อน นายก็ช่วยเราตั้งเยอะ ตอนนี้นายลำบากเราก็อยากช่วยนาย”

“ตี้เสนอว่าไม่มีทางไปขอร้องโรงเรียนให้เลิกสอนโหด ๆ ได้แน่ ต้องใช้กระแสสังคมกดดัน” สนพูดแล้วหันไปหาดิม “กูเองก็ไม่พอใจที่ไอ้ดิมต้องเรียนเยอะแยะบ้าบอคอแตก ทั้งการบ้านทั้งการสอบโหดฉิบหาย”

“พวกนายเลยทำคลิปแฉเรื่องห้องคิงซะเลย? โคตรบ้าบิ่นเลย ถ้าเกิดโรงเรียนรู้เนี่ยโดนไล่ออกเลยนะ!”
“ใช่ ถ้ามีแต่คนของโรงเรียนเรามีหวังโดนจับได้ง่าย ๆ แน่ เราเลยเสนอว่าต้องมีเด็กห้องคิงโรงเรียนอื่นด้วย จะซ่อนใบไม้ต้องซ่อนในป่า” บอมพูด
“นี่ก็บ้าหนังจีนตลอด” เพื่อนสนิทของบอมพูดแซว
“เอสค้นชื่อกับเบอร์โทรรุ่นพี่ 6 ปีก่อน พวกเค้าเรียนจบแล้วน่าจะกล้าพูด ส่วนพวกเราหาคนโรงเรียนอื่นที่เขาบ่นเรื่องห้องคิงในทวิตเตอร์ ตี้หาสตูดิโอ้ที่ให้พวกเราใช้ถ่ายรายการจะได้คุมแสงเงาให้เป๊ะจะได้ปิดบังตัวตนของคนที่มาให้สัมภาษณ์”

“โดยเฉพาะช็อตเด็ดที่เราขยับโคมไฟนิด ๆ เห็นเข็มสีทองที่หน้าอกพี่เค้าแวบนึง ใครรู้ก็ดูออกแน่ว่าเป็นเครือโรงเรียนนี้ แต่มันมีโรงเรียนในเครือตั้งหลายสิบโรง หาตัวพวกเราไม่เจอหรอก ฮ่า ๆๆ อัพโหลดคลิปไปตอนเที่ยงคืน พอคาบ 4 คนก็ส่งต่อกันเยอะแยะจนอาจารย์เรียกประชุมด่วนเลย การบ้านโดนยกเลิกหมด ไม่ต้องวิ่งรอบสนามแล้วด้วย”

“นักข่าวต้องผดุงความยุติธรรมในสังคม นี่รีบทำให้เสร็จใน 2 วันเพื่อช่วยนายนะพัต ถ้ามีเวลาอีกหน่อยคุณภาพงานออกมาอลังการกว่านี้อีก” ตี้แอ่นอกพูด ส่วนเพื่อน ๆ ร้องโห
“โรงเรียนต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่ พวกเราทุกคนตั้งใจช่วยนายนะ” บอมโอบไหล่ผม
“พัต วันนั้นที่เจอกันในโรงอาหาร พวกเราเดินหนีเพราะช่วงนี้ไม่อยากให้ใครเห็นว่าพวกเราสนิทกับนาย เราต้องป้องกันไว้ก่อนน่ะเผื่อเลวร้ายจริง ๆ อาจารย์จับได้ขึ้นมานายจะได้ไม่เกี่ยวข้องด้วย” ตี้ยิ้มแหย ๆ

“พวกนาย...” ผมมองทุกคน บอม สน ดิม เอส ตี้
เพื่อน ๆ ของผม ทั้งที่ผมทำกับพวกนายอย่างนั้นแต่ทุกคนกลับดีกับผมขนาดนี้

“เฮ้ย! ออกข่าวตอนเที่ยงแล้ว!” เอสชูโทรศัพท์ขึ้นมา
“จริงเหรอ? ไหน ๆ”
ทั้งหกคนสุมหัวมุงเข้ามาดู มันไม่ใช่แค่การเปิดคลิปออกอากาศเท่านั้น แต่ถึงขั้นโทรสัมภาษณ์สดผู้อำนวยการโรงเรียนต่าง ๆ ว่ามีระบบการสอนตามนั้นหรือไม่ คลิปปริศนาของพวกเขาส่งผลไปไกลมาก ดีไม่ดีทุกโรงเรียนในประเทศอาจต้องปรับการสอนครั้งใหญ่

“เฮ้ย! อย่าร้องไห้ดิ!” ...หมายถึงผมเหรอ เปล่าหรอก สนต่างหากที่ร้อง
“ไอ้สนมึงจะร้องทำเหี้ยอะไร ช็อตนี้พัตต่างหากที่ควรร้อง” บอมกระทุ้งไหล่เพื่อนรัก
“ก็กูซึ้งอ่ะ พวกเรายังกะขบวนการห้าสีพิทักษ์โลก แม่งไม่ใช่แค่โรงเรียนเราแล้วนะ ตอนนี้เรื่องใหญ่ไปทั้งประเทศเลย พวกมึงว่านี่เราช่วยเด็กห้องคิงได้กี่คนวะ”

ทุกคนมองหน้ากัน สีหน้าแต่ละคนมีทั้งความดีใจ ความตื่นเต้นและความหวั่นวิตกผสมกัน ใครจะรู้ว่าเรื่องจะใหญ่กันไปขนาดนี้แล้ว
“ยังไงพวกเราก็ป้องกันไว้หลายชั้นแล้ว โรงเรียนไม่มีทางรู้แน่ว่าใครเป็นคนทำคลิปนี้” ตี้พูดเบา ๆ ตอนมองทุกคนที่ยืนรอบ ๆ รั้วสะพานเสมือนเป็นห้องประชุมลับสุดยอด

“ที่ชื่อคลิปเป็นภาษาแปลก ๆ นี่ด้วยใช่มั้ย?” ผมตรวจด้วย google translate มันเป็นภาษาอัฟริกัน
Die hartseer storie van genie klaskamer ‘Koning Klas’
The sad story of genius classroom ‘King Class’ ชีวิตน่าเศร้าของเด็กห้องคิง

และเจ้าของคลิปก็เป็นคนอัฟริกาใต้ ในช่องของเขาเคยอัพคลิปลง 2 ครั้งเมื่อ 1 ปีที่แล้ว แปลว่านี่ไม่ใช่ account ที่เพิ่งสร้าง
“ใช่ ถ้าเจ้าของคลิปเป็นคนต่างประเทศ ใครก็คงไม่อยากตามไปสืบหาตัวจริง” บอมตอบ
“แล้วพวกนายได้ account นี้มาได้ยังไงน่ะ?” ผมถามไปแต่ทุกคนก็อมยิ้ม
“พัตเดาซิว่าใครเป็นคนทำแบบนี้ได้?”
“ดิมเหรอ?” ผมหันไปถามดิม คนที่น่าจะเชี่ยวชาญเรื่องคอมพิวเตอร์แต่เขายิ้มและส่ายหัวไม่พูดอะไร
“โอเค เราต้องปิดตาอีกแล้วใช่มั้ย?” =_=

แล้วฝ่ามือจากห้าคนก็มาโปะบนหน้าผม วันนี้มีเซอร์ไพรซ์เยอะจัง มือทุกคนอบอุ่นดีจนผมไม่อยากให้เฉลยเลย
ตึก...ตึก...ตึก เสียงฝีเท้าคนเดินมาบนสะพาน ใครนะ…
“กูบอกมึงแล้ว มึงน่ะเป็นจอมมารไม่ได้หรอก”
“เฮ้ย! เสียงนั่น”
“วางแผนอะไรก็แป๊กทุกที เรื่องชั่ว ๆ ต้องให้กูเนี่ยถึงจะถูกคน”

ฝ่ามือของทุกคนยกออกไป เผยให้เห็นคนตรงหน้าที่ยืนยิ้มมาดเต๊ะจุ๊ยกวนลูกตาที่สุด
“โต้ง!”
“เออ กูเอง กูทำ account แบบนี้ตุนไว้หลายปีแล้ว จะเป็นสายมืดมันต้องเตรียมตัวล่วงหน้านาน ๆ เพื่อความเนียน"

พวกเราย้ายไปร้านกาแฟริมบึงที่อยู่ไม่ไกล ตรงนี้ทุ่งดอกไม้และมีสะพานไม้ไผ่พาดไปกลางบึงให้เดินเล่นได้ด้วย พวกเราเลือกนั่งโต๊ะยาวที่อยู่ห่างจากตัวร้านจะได้คุยกันสะดวก

(https://www.img.in.th/images/1ab91be26a89651ef31d46d00f73e107.jpg)

"ไม่ใช่แค่ account เป็นคนอัฟริกาใต้นะ ip address ตอนอัพก็อยู่ที่เมืองพริโทเรียประเทศอัฟริกาใต้จริง ๆ ถึงกูจะไม่เคยไปก็เถอะ คนที่มาเม้นต์แรก ๆ ก็เป็นคนประเทศนั้นจริง ๆ มีกูดูแลเรื่องพวกนี้ยังไงก็ไม่มีทางสืบมาถึงตัวพวกนายได้หรอก” โต้งอธิบายอย่างภาคภูมิใจ
“แล้วไปไงมาไงโต้งถึงมาอยู่พวกบอมได้น่ะ?”
“เพื่อนมึงทักเฟสกูมา เค้าบอกมึงกำลังต้องการความช่วยเหลือ กูก็เลยเข้าร่วมขบวนการด้วย”

“เราคิดว่าถ้ามีเพื่อนของพัตมาช่วยคิดแผนก็น่าจะรอบคอบขึ้น เราเลยส่องเฟสนายจนเจอว่าโต้งเค้าสนิทกับพัตที่สุด แถมดูในฟีดแล้วเก่งโปรแกรมเมอร์ด้วย” บอมเฉลยว่าเพื่อนรักของผมมาเอี่ยวด้วยได้ยังไง
“ขอบใจมากนะโต้ง”
“บอกแล้วไงกูเป็นเพื่อนมึงเสมอแหละ”

ผมมองทุกคน ท่ามกลางบึงน้ำที่ล้อมรอบ ลมแรงและฝูงนกที่บินว่อนบนฟ้า ตรงหน้าผมคือกลุ่มเพื่อนที่ทำถึงขนาดนี้เพื่อผม บอมกับสนวิ่งหยอกล้อกันบนสะพาน ดิมกับโต้งยืนคุยกันเรื่องคอมพิวเตอร์อะไรสักอย่าง เอสกับตี้ชวนกันถ่ายรูปลง IG นี่คือพวกเราที่สร้างเรื่องใหญ่ระดับประเทศไปแล้ว และมันกำลังส่งแรงกระเพื่อมในสังคม ห้องคิงห้องควีนทั้งประเทศจะต้องเปลี่ยนแปลงบ้างแหละ

“เอส” ตี้เอ่ยขึ้นมาระหว่างกอดคอเพื่อนสนิทแอ็คท่าถ่ายรูปคู่กันเพื่อลง IG
“หืม?” เอสแหงนหน้าถามกลับ
“คือถึงจบเรื่องห้องควีนไปแล้ว…"
เด็กหนุ่มตัวสูงกระชับอ้อมแขน บรรยากาศดี ๆ แบบนี้มันต้องโรแมนติกล่ะน่า เอาเว้ย! กลั้นใจนับ 3..2..1 พูดออกไปเลย

"นายช่วยคบกับเราได้มั้ย?”
“อือ เราว่านั่งตรงนั้นก็เห็นกระดานชัดดีอ่ะ”
“เปล่า ไม่ได้หมายถึงที่นั่งในห้องเรียน”
“อ้าว! ตกลงตะกี้นายพูดว่าอะไรเหรอ ลมมันแรงได้ยินไม่ชัด”

โว้ย! ไอ้ลมทะเลบ้า! ตี้ตะโกนด่าในใจ

“จะเป็นไปได้มั้ยถ้า...”
“ถ้า?” เอสนิ่งจ้องหน้าเพื่อนร่างสูง
“นะ” ตี้จ้องตาและพูดสั้น ๆ
“อะไรวะ นะของนายเนี่ย?”
“เฮ้! เอสตี้ ได้เวลาแล้วเว้ย” สนสะกิดทั้งสองคน

ทุกคนยืนซุบซิบกัน อะไรกันน่ะ...แล้วทำไมทุกคนถอดรองเท้ากับพับขากางเกงขึ้น? ลางสังหรณ์ของผมบอกว่า…
"พัต" บอมหันมายิ้มประหลาด
"บอม นายคงไม่…"
"พัต ต่อให้มึงเป็นเสือติดปีกก็หนีไม่รอด" สนแสยะยิ้มพร้อมเดินตีวงปิดทางหนี
"สน นายคงไม่คิดจะโยนเราลงน้ำอะไรงั้นใช่มั้ย?"
"เราว่าได้เวลาล้างแค้นนายที่เกือบส่งเราเข้าห้องควีนละ หึ ๆๆ"
"ตี้ ไหนนายว่านายไม่โกรธไง! อย่านะเว้ย!" ผมกระเถิบหนีแต่มันสุดสะพานแล้วน่ะสิ
โต้งยิ้มเหี้ยมเกรียมเดินตรงเข้ามา
"อย่านะโต้ง เราไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยน"
"กูเตรียมมา บอกแล้วกูอ่ะจอมมาร"
“ดิม ช่วยเราด้วย” ผมตะโกนเรียกคนที่น่าจะใจดีสุดในกลุ่ม แต่ดิมยิ้มอ่อนพร้อมหยิบกล้องขึ้นเตรียมถ่าย
“เดี๋ยวเราอาบน้ำเป็นเพื่อนพัตเอง” บอมถอดเสื้อออก
“ด...เดี๋ยวสิบอม!” กล้ามอกกล้ามท้องนั่นทำให้ผมชะงักไปชั่วครู่ บอมฉวยโอกาสอุ้มผมขึ้นทันที
"เหี้ยแล้ว! อย่า!!!!"

===จบบริบูรณ์===
เดี๋ยวอีก 2-3 วันมาต่อตอนพิเศษนะครับ
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 43: 12 เมย.64 จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-04-2021 08:14:12
 :pig4: :pig4:
 :กอด1:
 :hao6:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 43: 12 เมย.64 จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-05-2021 17:02:46
จบแล้ว สนุกดีนะคะ ทำให้รู้ว่าเด็กสมัยนี่เรียนโหดมาก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 43: 12 เมย.64 จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 15-05-2021 22:29:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 43: 12 เมย.64 จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 22-05-2021 20:38:39
 :z13:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนที่ 43: 12 เมย.64 จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 31-05-2021 21:29:32
King Class Away: Special 1 แข่งบาสครั้งแรก

4 เดือนต่อมา
เดือนพฤศจิกายน ต้นเทอม 2
ณ งานกีฬาสีเชื่อมสัมพันธ์ในเครือโรงเรียน เสียงเพลงเชียร์และเสียงเคาะไม้ดังเซ็งแซ่ทั้งอาคารกีฬา

“เหลืออีก 4 นาทีจะจบควอเตอร์ที่ 2 พับสนามบุกเลย ไหวมั้ยทุกคน?” พี่แจ๊คม. 6 กัปตันทีมส่งสัญญาณ
“พี่ ผมเหนื่อย ขอเปลี่ยนตัวครับ” พี่ปายรุ่นพี่ม.5 โบกมือ
“มีใครอยากเปลี่ยนตัวอีกไหม?”
“ผมยังไหวครับ” บอมพูดอย่างแข็งขัน
“ผมก็ยังไหว เครื่องกำลังร้อนเลย” สนตอบ
พี่แจ๊คส่งสัญญาณมือให้โค้ช โค้ชโบกมือเรียกตัวสำรองที่อุ่นเครื่องยืดเส้นรออยู่ข้างสนามแล้ว “ขอเปลี่ยนตัว!”
“มาแล้ว!” บอมยิ้มกว้าง
“มาละเว้ยไอ้ตัวป่วน!!”

“ทีมสีแดงเปลี่ยนตัวเบอร์ 16 นนทภัทร วงศ์ประสาน ลงสนาม!”
ตื่นเต้นชิบเป๋งเลยเว้ย! ที่ซ้อมมาตลอดครึ่งปีจะได้ใช้จริงวันนี้แหละ! ดีที่อุ่นเครื่องเยอะมากจนสั่นแค่นิด ๆ  ผมวิ่งเข้าประจำตำแหน่งทันที

“พัตลงสนามแล้ว!” ตี้ที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์สะกิดเอสที่กำลังดื่มน้ำขวด
“เออ ๆๆ ต้องรีบถ่ายละ” เอสรีบวางขวดลงแล้วคว้ามือถือขึ้นมาอย่างเร่งด่วน
ตี้มองมือถือของเพื่อนสนิท ชั่วเสี้ยววินาทีนั้นที่ภาพหน้าจอของเอสแว่บขึ้นมาก่อนจะเข้าแอพกล้องถ่ายรูป...ภาพเอสกับเขากอดคอกันริมทะเลที่มีนกบินว่อน ร่างสูงเห็นก็อมยิ้มดีใจ ...เอสก็มีใจให้เขาใช่มั้ยวะ...มีใจแน่ ๆ ไม่งั้นจะตั้งเป็นรูปหน้าจอเหรอ
"ก้มตัวลงหน่อยดิ" เอสวางมือลงบนไหล่ตี้
"ทำไมเหรอ?"
"ขอยืมเป็นขาตั้งกล้องแป๊บ มือถือจะได้นิ่ง ๆ" เอสวางมือและโทรศัพท์มือถือบนไหล่ขวาของตี้ คางเกยบนไหล่ ตัวก็นาบติดกับหลังซีกขวาของตี้
"อยู่นิ่ง ๆ นะ" คำพูดง่าย ๆ ของเพื่อนสนิทแต่มันทำยากเหลือเกินเมื่อหัวใจของร่างสูงเต้นโครมคราม เวลาเอสขยับตัวนั้นทั้งจั๊กจี้และอุ่นดี
...ค่อย ๆ ไปทีละนิด… ใกล้ชิดกันมากขึ้นทุกวัน...
...ตอนนี้เขาเป็นภาพหน้าจอในมือถือของเอสแล้ว...
...สักวันเอสต้องมีใจให้เขาแน่…

ผมเข้าสกัดฝ่ายตรงข้ามที่ครองบอลแต่โดนเขาใช้แขนผลักออก แต่แค่นั้นก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามชะงักแล้ว ฝ่ายโน้นชู้ตไม่ลง รุ่นพี่ได้บอลคืนมาแล้วบุกกลับทันที ผมวิ่งตามไปด้วย บอมเข้ามาตบบ่าให้กำลังใจผมแว่บหนึ่ง บอมคนที่คอยดูแลอยู่ข้าง ๆ ผมตลอดมาไม่เคยห่างไปไหนไกล คนที่ฝึกบาสให้ผมตั้งแต่วันเปิดเทอมที่เล่นไม่เป็นเลย จนผ่านคัดตัวสำรอง มาถึงวันนี้...วันที่ผมได้ลงสนามจริงแข่งพร้อมกับบอม

ในวันที่ผมทุกข์ใจเมื่อต้องเข้าห้องคิงที่แสนเกลียด เขาพาเพื่อน ๆ ทำภารกิจลับสุดยอดสร้างคลิปแฉเรื่องแย่ ๆ ของห้องคิงไปทั้งประเทศจนโรงเรียนเลิกให้การบ้านโหด ๆ และยกเลิกการลงโทษทั้งหมด เหลือแค่การสอนเนื้อหาเข้มข้นซึ่งผมก็โอเคนะไม่งั้นจะเป็นห้องคิงไปทำไมล่ะ ผมเองก็ได้เรียนเยอะ ๆ เพื่อมาสอนเพื่อน ๆ ต่ออีกที

...ผมมองไปที่อัฒจันทร์ ดิม เอส ตี้...กลุ่มของพวกเรา...เพื่อน ๆ ของผม

เกมดำเนินไปจนจบควอเตอร์ 3 ผมได้ออกมานั่งพัก และลงสนามอีกครั้งตอนใกล้จบเกมเพราะโค้ชบอกว่ายังไงคะแนนทีมเราก็เหนือกว่า ให้ผมลงไปเก็บฝึกให้ชินสนามอีกหน่อย

“พัต! ไปหลัง!” สนตะโกนเมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามที่ครองบอลถูกทีมเราเข้าสกัด ผมวิ่งพุ่งไปสุดตัว เพราะผมเป็นไอ้อ่อนที่สุดในทีมขนาดมองมาจาก 500 เมตรยังดูออก ฝ่ายตรงข้ามคงคิดว่าส่งบอลกลับแนวหลังให้คนอื่นในทีมที่อยู่ใกล้ผมน่าจะปลอดภัยสุดสินะ! ผมตบแย่งบอลได้หวุดหวิดแล้วรีบเลี้ยงต่อไปแป้นฝ่ายโน้น มือแขนแข้งขาตรูพันกันวิ่งไม่ถูกเลย! ตื่นเต้นจนหัวใจเต้นโครม ๆ แล้วว้อย! รุ่นพี่ไปถึงหน้าแป้นแล้ว! ผมส่งบอลเตี้ย ๆ ไปให้บอมที่วิ่งตามมาข้างสนาม บอมชู้ตจากนอกเขตโทษ บอลกระเด้งขอบห่วงแล้วรุ่นพี่โดดขึ้นคว้าแล้วรีบาวด์ซ้ำ เสียงนกหวีดเป่าจบเกม!!

ผมทรุดลงนั่งกับพื้นสนามในขณะที่เสียงกองเชียร์ตะโกนลั่นฟังไม่ได้ศัพท์ ทีมเราชนะแล้ว! ทั้งเหนื่อยทั้งดีใจจนอยากร้องไห้ บาสสนุกแบบนี้นี่เอง
“เจ๋งสาดอ่ะมึง! สมกับเป็นลูกศิษย์กู!” สนเข้ามาช่วยดึงผมขึ้นยืน
“พวกเราทำได้แล้ว!” บอมเข้ามากอดคอผมกับสน

โค้ชพาพวกเราจับมือกับทีมฝ่ายตรงข้าม ขอบคุณกันและบอกว่าปีหน้าเจอกันใหม่ เป็นบรรยากาศที่รู้สึกดีชะมัด ตามด้วยการขึ้นแท่นรับเหรียญรางวัล
“แท่นนิดเดียวจะขึ้นไปยืนยังไงหมดล่ะ?”
“เค้าให้กัปตันทีมยืนน่ะ ส่วนพวกเรายืนข้างล่าง” สนตอบ
“ดีใจด้วยนะ พัตเก่งขึ้นเยอะเลย” ตี้เอสดิมมาถ่ายรูปให้พวกผมด้วย
“ขอบใจนะดิม” ผมตอบ
“รถทัวร์ของทีมบาสจะออกแล้วนะ พวกเธอจะกลับไปโรงเรียนด้วยกันเลยมั้ย?” โค้ชเอ่ยถาม
“พวกผมว่าจะเดินดูโรงเรียนนี้หน่อยครับ นาน ๆ ได้มาโรงเรียนอื่นบ้าง” ดิมพูดพร้อมส่งกระเป๋าให้สนที่เปลี่ยนชุดแล้ว
“ตอนนี้บ่ายสามกว่า ผมก็ว่าจะไปดูกีฬาอื่นต่อครับ ช่วยพี่ ๆ ถ่ายรูปทำข่าวด้วย” ตี้กระชับเป้ขึ้นหลัง
“เราไปด้วยดิ” เอสหันไปพูดกับตี้
“เออดี ๆ จะไปกลับบ้านทางเดียวกัน”

“พัต” บอมโอบไหล่ผมระหว่างที่ทุกคนกำลังแยกย้าย
“หืม?”
“อาบน้ำกัน”
“ห...หา!?”
บอมไม่รอฟังคำตอบ เขาคว้าเป้ของผมกับของเขาพร้อมดึงแขนผมเข้าห้องอาบน้ำด้านหลังโรงยิม เดี๋ยวก่อนดิบอม! ตอนนี้หัวใจผมเต้นยิ่งกว่าตอนแข่งซะอีก อาบน้ำกับบอมท่ามกลางคนเยอะแยะเนี่ยนะ?

พอเข้ามาในห้องอาบน้ำของอาคารกีฬา โถงส่วนกลางมีม้านั่ง 4-5 ตัว ด้านในเป็นห้องอาบน้ำแยกเป็นห้อง ๆ เอ่อ...บอมคงหมายความว่าผมกับบอมเข้าอาบคนละห้องล่ะมั้ง ผมวางเป้ที่ม้านั่งทั้งที่ใจยังเต้นรัวคิดไปคนละอย่างกับความคิดในสมอง ผมหยิบผ้าเช็ดตัว แชมพู สบู่ เดินไปที่ห้องอาบน้ำ แต่เหมือนผมจะเข้าใจผิด (หรือตอนแรกผมเข้าใจถูกแล้ว) เมื่อบอมดึงผมเข้าห้องเดียวกับเขาแล้วปิดประตูทันที
“บ...บอม!”
หนุ่มนักบาสยักคิ้วพลางยกนิ้วแตะปากผมเบา ๆ บอมจ้องหน้าผมแล้วยิ้มมุมปาก ตรงข้ามกับผมที่รู้สึกร้อนวาบหน้าชาตัวเกร็งจนไม่รู้ว่าตอนนี้ทำหน้ายังไง เราสองคนมองกันอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไร ขัดกับข้างนอกที่มีเสียงคนและเสียงเชียร์ดังแว่วมา จะ...จะทำที่นี่จริง ๆ เหรอ!? ถึงประตูจะปิดล็อกก็เถอะแต่ด้านบนเปิดโล่งโจ้งเลยนะ

ใจผมเต้นตึกตักตอนตัวเขาเข้ามาชิด ผิวที่ชุ่มเหงื่อทั้งบอมและผมถูกัน มันอาจเป็นเพราะฮอร์โมน เพราะความต่างถิ่น หรือหน้าหล่อของบอมและเส้นผมที่ชุ่มเหงื่อของเขาทำให้ผมก็คุมตัวเองไม่ได้เหมือนกัน บอมถอดเสื้อบาสออก กล้ามอกกล้ามไหล่กล้ามท้องเปียกเหงื่อเป็นเงามันวับ โอเคตรูหยุดไม่อยู่แล้ว
“รู้มั้ยตอนพัตอยู่ในสนาม พัตตั้งใจมาก หน้าตาจริงจังสุด ๆ” เขาพาดเสื้อบาสกับขอบกำแพง
“เราอยากเล่นบาสกับพัต ลงสนามด้วยกัน อยากชนะไปด้วยกัน” เขากระซิบที่ข้างหู
“บอม...คนเยอะแยะเลยนะ”
“แต่ในห้องนี้มีแค่เราสองคน” เขาพูดด้วยเสียงกระซิบข้างหูผม “นายน่ารักมากรู้มั้ย”

คงเพราะความคึกความตื่นเต้นที่ยังค้างมาจากการแข่งที่เพิ่งจบไปหมาด ๆ ผมถึงกล้าไปกับบอมด้วย ผมถอดเสื้อออกเช่นกัน เขาซุกหน้าลงมาที่ซอกคอ ตัวล่ำ ๆ ที่ยังเปียกเหงื่อชุ่มของบอมถูบดตัวผมเข้าติดกับกำแพงที่เย็นเยือกจนผมสะดุ้งโหยง บอมเหมือนจะรู้เลยใช้สองแขนลูบแผ่นหลังผมให้อบอุ่นขึ้นก่อนบดตัวเข้ามาอีกครั้ง สองมือซนของเขาลูบไปที่ขอบกางเกงของผมแล้วรูดลงช้า ๆ
“บ..บอ..” ผมสะดุ้งจะเรียกชื่อเขาแต่โดนดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นจ้องอย่างอ่อนโยนจนผมไม่อยากเอ่ยขัดขืน
“ตอนพัตอยู่ในสนาม ทำหน้าขึงขังน่าฟัดมากเลย” ปากบอมกึ่งจูบกึ่งพูดเสียงกระเส่าบรรยายความรู้สึกในขณะที่มือเขาจัดการเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายของผมกับเขาออก

ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกับเขา บอมเท่มาก ๆ ตลอดการแข่ง...ตลอดเวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน…ทุกช่วงเหตุการณ์ คนเท่ที่สุดที่คอยปกป้องผม...ตอนนี้อยู่แนบชิดตรงหน้า ช่างชวนให้ลิ้มรสทุกอย่างของเขาเหลือเกิน...แต่นี่ในโรงเรียนนะว้อย! โรงเรียนอื่นด้วย! แล้วข้างนอกนั่นก็คนเยอะแยะเลยว้อยบอมมมม! หื่นให้ถูกเวลาหน่อยดิว้อยยย!
บอมเปิดน้ำฝักบัวรดลงบนตัวที่เปลือยเปล่าของเราสองคน เขาบีบแชมพูจากขวดแล้วโปะลงบนหัวผม บอมสระผมให้ผมเบา ๆ “พัตอยู่กับบอมนะ”
“อืม” ฟองแชมพูไหลลงหน้าผม ผมหลับตาคลำสะเปะสะปะกอบเอาฟองฟอดนั้นโปะลงบนหัวบอมบ้าง เสียงหัวเราะคิกคักของเขาอยู่ใกล้ ๆ ตรงหน้า
“ล้างแชมพูละนะ” เสียงบอมเปิดน้ำฝักบัวอีกครั้งล้างแชมพูออกไปทำให้ผมลืมตาได้อีกครั้ง
“หนาวมั้ย?”
“ไม่ละ”

หน้าของบอมอยู่ใกล้มาก ตัวเราแนบกันทุกส่วน...เขาหยิบขวดสบู่เหลวขึ้นมา ผมกลืนน้ำลายเอื๊อกจินตนาการตอนนี้พุ่งไปไกลสุดขอบจักรวาลแล้ว บอมเทราดสบู่เหลวให้ไหลลงบนตัวผม มือของเขาลูบฟอกสบู่ไปตามตัวผมแล้วแนบกายเปลือยเปล่าเข้ามาบดถูฟอกตัวไปพร้อมกัน ผมไม่เคยอาบน้ำกับใครอย่างนี้มาก่อนเลย ตอนไปเข้าค่ายลูกเสือตอนม.ต้นก็แค่รีบ ๆ ตักน้ำราดตัวเพราะความเขินกันทุกคน แต่นี่...ตัวแนบตัว มือปลาหมึกของบอมลูบฟองสบู่ไปตามตัวผม ใจเต้นระทึกกับทุกสัมผัส ผมกำลังเป็นของบอมทุกส่วน
“บอม...ที่นี่โรงเรียนนะ”
“อือ”
ไอ้อือนี่แปลว่าอะไรวะ เหมือนจะเข้าใจที่ผมพูดแต่มือเขาทำตรงกันข้ามเลย มือของบอมฟอกขยี้ลูบต่ำลงไปเรื่อย ๆ ต้นขาก็เบียดแทรกเข้ามาที่หว่างขาผมช้า ๆ อีกมือก็ลูบถูด้านหลังผมไล่ลงมาเรื่อย ๆ ถึงช่วงล่าง
“บอมอยากเล่นกับพัต อยากอาบน้ำให้พัตอย่างนี้มานานแล้ว” 
อยากเล่นนี่คืออะไรฟระ ...เขาจะทำที่นี่จริง ๆ เหรอ…ใจบอกว่าไม่ แต่มือตรูนี่ลูบตัวบอมไปทั่ว ทั้งกล้ามแข็งทั้งส่วนนูนส่วนเว้าแต่ละที่โคตรเร้าใจเลย

“ยังมีใครอยู่มั้ยคะ!? แข่งเสร็จแล้วเดี๋ยวจะปิดโรงยิมแล้วนะค้า!!” เสียงคุณป้าภารโรงตะโกนอยู่หน้าห้องน้ำทำผมกับบอมสะดุ้งโหยง ฉิบหายแล้ว!
“ครับ! เดี๋ยวรีบอาบครับ!” บอมตะโกนตอบไปแล้วหันมาทำหน้าทะเล้นใส่ผม
พวกเรารีบล้างสบู่ออก เช็ดตัวให้กันแล้วแง้มประตูดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครในห้อง ทางโล่งแล้วผมกับบอมก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาหยิบเสื้อผ้าจากกระเป๋าเป้มาแต่งตัว ใจยังเต้นโครมครามไม่หยุดเลย
“พัตหน้าแดงน่ะ” บอมเปรยเสียงขำ
“ก็เพราะใครเล่า?”
“แค่อาบน้ำเอง พัตน่ะคิดไปถึงไหน?”
“คิดไปถึงดาวพลูโตแล้ว” ยังจะแซวอีก อีกนิดนึงตรูจะเอาท์ดอร์แล้ว ตกลงเขาแค่อยากอาบน้ำกับผมจริง ๆ หรอกเรอะ ชิ! ...แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผมชอบเขา เวลาอยู่กับบอมมีอะไรให้ประหลาดใจเสมอ

เราสองคนเดินไปดูการแข่งกีฬาอื่น ๆ จนถึงการแข่งฟุตบอลที่เป็นการแข่งรายการสุดท้าย (แต่โรงเรียนเราตกรอบไปตั้งแต่บ่าย ได้รางวัลที่ 4 เลยไม่ได้เชียร์เค้า)
“พัตกินสายไหมมั้ย?”
“ดีเลย เรากำลังหิวมากอ่ะบอม”
บอมซื้อสายไหมก้อนใหญ่มาแบ่งกันกินสองคน เส้นไหมนุ่ม ๆ พอกัดเข้าปากก็ละลายเป็นน้ำตาลหวาน ๆ
“ตอนเด็ก ๆ ที่งานวัดแถวบ้านเรามีเครื่องให้ทำสายไหมเองด้วยล่ะ เอาไม้แหย่เข้าไปแล้วมันค่อย ๆ กลายเป็นเส้นพันรอบไม้ให้เราหมุน ๆ เอง” บอมบอก
“เหรอ? เราไม่เคยทำเลย”
“ไม่รู้สมัยนี้ยังมีมั้ย เดี๋ยวถ้าเค้ามีงานวัดเราจะชวนพัตมานะ”
“อืม”

...เวลาบอมอยู่ด้วย ฟังเขาเล่าเรื่องต่าง ๆ เหมือนโลกของผมขยายออก มีความสุขทุกวินาทีที่อยู่ด้วยกัน
...คนอบอุ่น เข้มแข็ง ใจดี คนที่บอกกันเสมอว่าเราสองคนจะอยู่ด้วยกัน

“พัต คืนนี้ค้างบ้านเรามั้ย?” บอมพูดตาแป๋ว
“ไม่ได้บอกแม่ไว้ก่อนน่ะ” คือตรูปฏิเสธแบบเปิดทาง (จริง ๆ ก็อยากไป)
“นะพัตนะ ไปติวอังกฤษให้เราหน่อย”
“อืม ขอโทรบอกแม่ก่อนนะ”
หลังจากเหตุการณ์ห้องคิง พ่อก็เปิดไฟเขียวแทบทุกเรื่อง เวลาจะขอไปค้างบ้านเพื่อนเลยให้แม่เป็นคนตัดสินใจแทน ซึ่งแม่ก็ไม่ขัดหรอกเพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ด้วย แต่ยังไงก็ต้องบอกพ่อแม่ก่อนเค้าจะได้ไม่เป็นห่วง

พวกเรานั่งรถเมล์จากป้ายหน้าโรงเรียนไปขึ้นรถไฟฟ้า พอได้ที่นั่งบวกกับแอร์เย็น ๆ ผมก็เริ่มง่วงด้วยความเพลียจากการแข่งบาส ขอเอาหัวฝากวางบนไหล่บอมแป๊บนึงละกัน

“พัต ใกล้ถึงแล้ว” เขาเอ่ยปลุกผมเบา ๆ
“เอ่อ...นี่เราหลับไปจริง ๆ เลยเหรอ? ถึงไหนแล้วเนี่ย?”
“หลับเหมือนเด็กตัวน้อยเลย นี่ถึงสถานีอ่อนนุชแล้ว” บอมหัวเราะพลางแบกกระเป๋าทั้งของเขาและของผมขึ้นบ่าสองข้างพาเดินเข้าถนนอ่อนนุชเพื่อไปต่อรถสองแถวเข้าบ้านบอม ตอนนี้เริ่มจะมืดแล้วผู้คนเดินกันขวักไขว่
“เราถือเองก็ได้”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพัตเหนื่อย เราดูแลนายได้สบายมาก”

พอลงรถสองแถวก็เดินเข้าซอยอ่อนนุช 17 อีกนิดมาถึงบ้านบอม เขาเปิดประตูเดินนำเข้าไป
“สวัสดีครับคุณแม่ ขอรบกวนค้างคืนนึงนะครับ” ผมกล่าวทักทายคุณแม่ของบอม...เอ๋...ทำไมบ้านเงียบจัง ไฟในบ้านก็ไม่เปิดสักดวง?
“หึ ๆๆๆๆ” บอมยืนหันหลังและหัวเราะอย่างมีเลศนัยอยู่ในความมืด
“บอม...”
“นายติดกับแล้วพัต” เขาเอ่ยเสียงเย็น ๆ “แม่เราไปเที่ยวต่างจังหวัดกับคุณลุงคุณป้า กลับพรุ่งนี้เย็น ๆ”
บอมหันมายักคิ้วยิ้มมุมปาก ถึงจะมืดสลัวแต่ดวงตาของเขาฉายแวววูบวาบ
“เอ๋?”
“ทีนี้เข้าใจยังว่าทำไมเราแค่อาบน้ำกับนายที่โรงเรียน เพราะยังไงคืนนี้นายก็เสร็จเราแน่!” บอมหันมาพูดพร้อมเปิดไฟฉายส่องใต้คางตัวเอง
“เราไม่กลัวผีน่ะบอม” ผมหยิกแก้มเขาเบา ๆ คนอะไรตลกชะมัด
“ก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศให้พัตตกใจบ้างน่ะ” หนุ่มนักบาสพูดเสียงงอน ๆ แล้วกดเปิดไฟในบ้าน โถ...คงติดเชื้อวางแผนแป๊กจากผมไปแล้ว

มืออุ่นของบอมจับมือผมพาเดินขึ้นชั้นสอง อันนี้น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าหนังผี คืนแรกของเราสองคนที่จะได้อยู่กันตามลำพัง ไม่ได้เตรียมใจว่าจะเป็นแบบนี้นี่ว้อย ยิ่งใกล้ถึงห้องนอนจินตนาการยิ่งทะลุไปพ้นสุริยจักรวาล -///- บอมเปิดไฟเปิดประตูห้อง ผมก้าวเข้าไปและ…ทั้งห้องมีรูปแปะเต็มไปหมด น...นี่บอมทำไว้เหรอ
“เราเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนไปแข่ง” ร่างสูงกอดผมจากข้างหลังแล้วเอ่ยที่ข้างหู “กะว่าถ้าทีมเราชนะเราจะพาพัตมาฉลองที่นี่ แต่ถ้าแพ้ เราก็จะพาพัตมาปลอบใจ”
“บอม”
“เรารู้ว่าถ้าแพ้ในการแข่งจริงครั้งแรกในชีวิตจะรู้สึกแย่แค่ไหน เราจะอยู่กับพัตเสมอนะ” 
“อืม เราก็จะอยู่กับบอม” ผมหันข้างไปหาเขา คนเดียวที่อยู่ใกล้หัวใจผมคนนี้เขาคิดทุกอย่างเผื่อผมไว้หมดเลย

“รูปนี้พัตจำได้มั้ย?” เขาชี้รูปที่ผนังใกล้ประตูห้อง
“จำได้ ผังที่นั่งตอนสอบเข้า” ผมเองก็ถ่ายเก็บไว้เหมือนกัน กระดาษใบแรกที่มีชื่อผมกับบอม จุดเริ่มต้นที่ให้ความกล้าบ้าบิ่นให้ผมกล้ากาเอาคะแนนปานกลางเพื่อหนีห้องคิง “ตอนนั้นบอมรู้มั้ย เราฝันว่าเราจะได้อยู่ห้องเดียวกับบอม”
“เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” บอมยิ้มแล้วชี้รูปถัดไป คือรูปหมู่พวกเราสามคน ผม บอม สน ที่เขาถ่ายตอนวันประกาศผลสอบบนอัฒจันทร์ ตอนนี้ที่บอมขอให้ผมเข้าชมรมบาส
“พอรู้ว่าเราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับพัต เราเลยตื๊อให้นายเข้าชมรมบาสจะได้มีโอกาสอยู่ด้วยกัน”
“ถ้าตอนนั้นเราไม่เข้าชมรมบาสล่ะ?”
“เราก็จะกอดให้แน่นขึ้นอีก ยังไงก็ไม่ยอมปล่อยน้องชายคนนี้หลุดมือไปแน่”
...เออ แฟนตรูเอาชนะทุกอุปสรรคด้วยมือปลาหมึก

“ตอนนั้นเรากลัวมากเลยนะบอม”
“พัตกลัวอะไรเหรอ?”
“เรากลัวว่าถ้าเข้าชมรมบาสแล้วเล่นไม่เป็นเลยเดี๋ยวบอมจะเกลียดเรา” คือห่วยขนาดเพื่อนไม่ให้ร่วมทีมด้วยเลยสักเทอม


บอมจ้องตาผมระหว่างฟังผมพูดความหวาดหวั่นในใจ เขาเขี่ยเส้นผมของผมเบา ๆ แล้วแปะริมฝีปากบนแก้มผม “บอมเองก็กลัวนะ กลัวเอาพัตมาลำบากแล้วนายจะเบื่อบาสเบื่อเรา”
“เราสองคนนี่ชอบคิดไปเองเนอะ ฮะ ๆๆ”

บนหัวเตียงมีรูปผมตอนซ้อมบาสไว้เยอะเลย ผมไม่รู้ตัวเลยแฮะว่าเขาถ่ายรูปผม
“ตอนแรกเรารู้สึกเหมือนพัตเป็นน้องตัวเล็ก ๆ เราอยากดูแล อยากสอนบาส เราเลยถ่ายรูปถ่ายวิดีโอพัตไว้ดูว่าต้องสอนอะไรปรับปรุงตรงไหน แต่พอพัตกลับบ้านไป ใจเราโหวง ๆ เราไม่เข้าใจว่าทำไม จนวันนั้นที่พัตมาค้างที่นี่ เราอยากเล่นกับพัตเลยแกล้งตั้งเยอะจนพัตนอนไม่หลับ แต่พัตไม่โกรธเราเลย”
...จะโกรธยังไงเล่า ตอนนั้นบอมถอดโชว์อยู่เรื่อย อยากจับกดจนเก็บไปฝันเลย…

“ตั้งแต่คืนนั้นเราก็เริ่มรู้สึกดีกับพัต” บอมดึงผมลงนั่งบนขอบเตียงกับเขา บอมหยิบรูปหมู่พวกเรา 6 คนตอนกินพิซซ่าที่ใส่ในกรอบร้านสเวนเซนส์ส่งให้ผม วันนั้นมีเรื่องอะไร ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก
“วันนั้นเราดีใจมาก ๆ เลย ทั้งขำทั้งดีใจที่พัตนึกว่าเป็นวันเกิดเรา”
“วันนั้นเราหน้าแตกสุด ๆ อ่ะ”
“ตอนไอติมวันเกิดมาอยู่บนโต๊ะ” บอมนอนลงหนุนตักผม “พัตรู้มั้ย...พัตได้ใจเราไปแล้ว”
“บอม” ผมจ้องตาเขา ตาสีน้ำตาลคู่นั้นมองขึ้นมาที่ผม
“พัตพยายามช่วยทุกคนทำการบ้านให้เสร็จจะได้จัดงานวันเกิดให้เรา พอรู้ว่านายสั่งไอติมวันเกิดให้ด้วย ...ตอนนั้น...เราถึงรู้ว่าเรารักพัต”
บอมเอื้อมมือมาลูบแก้มผม สัมผัสอบอุ่นนั้นมีแรงดึงดูดให้ผมโน้มหัวลงไปจูบความสุขของผม ผมเอ่ยกระซิบคำที่เขารอฟังมานาน “มาต่อจากคราวที่แล้วกันนะบอม”

บอมยิ้มเขินแล้วดันตัวขึ้นช้า ๆ และเอนตัวผมลงกับเตียง หน้าเกลี้ยงเกลากับนัยน์ตาสีน้ำตาลเคลื่อนไปทั่ว ผิวเนื้อเราสัมผัสกันทีละส่วนจนไม่เหลืออะไรกั้น บอมใช้มือกับส่วนนั้นของผม เริ่มจากลูบเบา ๆ แล้วค่อย ๆ แรงขึ้นพร้อมกับดูดเม้มที่หน้าอกจนผมทนไม่ไหวพลิกตัวหนีแต่ก็ไม่รอดมือปลาหมึกของหนุ่มร่างสูงตามกอดกวัดเคลื่อนตัวทาบทับ แกนเนื้อร้อนนาบลงด้านหลัง บอมจูบที่หลังคอและเลื่อนมากระซิบที่หู ร่างอุ่นทั้งตัวก็เบียดถูไปมากับหลังผมด้วย ยอมแล้วว้อยยย
“เรารักบอม”
บอมยิ้มกว้างพลิกตัวผมไปหาเขา ริมฝีปากกดลงมา ลิ้นสากควานเข้ามาดูดดื่มรุนแรงจนผมไม่กล้าลืมตา ได้ยินเสียงฉีกซอง บอมขยับขลุกขลักแล้วบางอย่างก็สอดเข้ามา
“อ...โอ๊ย!”
“แค่นิ้วนะพัต” บอมกอดป้องกันผมดิ้นและพูดเสียงอ่อน หน้าบอมตอนนี้รู้เลยว่าทั้งอยากทั้งกลัวผมเจ็บ 
“เรา...กลัวน่ะบอม” ผมกลัวมากเพราะเคยได้ยินว่ามันเจ็บสุด ๆ แต่ผมก็อยากมีอะไรกับคนที่ผมรัก
“เราก็กลัว จะทำเบา ๆ นะ พัตอย่าเกร็งนะ” บอมถอนนิ้วออก บางอย่างที่ใหญ่กว่ากดเข้ามาช้า ๆ พยายามไม่เกร็ง มันคือส่วนหนึ่งของบอม ๆๆ แต่ผมก็กลั้นเสียงไม่ไหว ใบหน้าของบอมตอนนี้แดงก่ำคิ้วขมวด
“พัตเจ็บเหรอ?”
“อื้ม-”
พูดไม่ทันสิ้นเสียง บอมก็ประโคมจูบพรมลงทั่วหน้าผมและซอกคอ เจอความอบอุ่นของบอมทำให้ผมคลายความเจ็บ ผมกอดรัดเขาไว้...บอมของผม… เช่นเดียวกับที่เขารุกล้ำทั้งข้างบนข้างล่างเข้ามาเป็นเจ้าของทุกอย่างในตัวผม บอมเคลื่อนไหวช่วงล่างช้าเนิบนาบเพราะกลัวผมเจ็บ
“ชอบพัต ตัวขาวน่ากินจัง” บอมกระซิบเสียงกระเส่าพลางกัดใบหูผมเบา ๆ “ตอนเราแกล้งให้พัตเปลี่ยนเสื้อที่สนามบาสอ่ะ เราใจเต้นมากเลย”
“ชอบช้าจัง เราน่ะชอบบอมตั้งแต่วันแรกแล้ว!”
เขายิ้มกว้างทั้งที่หน้าแดงก่ำ แล้วเริ่มขยับเอวกระแทกกระทั้นเข้ามาแรงขึ้น ๆ บอมครางเสียงสั่น ภาพหนุ่มนักบาสในมุมนี้มีผมคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็น ไม่ใช่แค่ภาพอ่ะ ผมลูบจับลูบล้วงทุกส่วนของบอมเอาให้หนำใจ ผิวอุ่นและกล้ามแข็งทั้งตัวเร้าใจชะมัด เขายิ้มและเร่งแรงขึ้น จนในที่สุดเราสองคนก็เป็นของกันและกัน บอมฟุบลงนอนหอบบนตัวผม ลมหายใจอุ่น ๆ รดที่ต้นคอ ผมมองตาสีน้ำตาลของบอมที่อยู่ห่างแค่ปลายจมูก ไม่มีคำพูดอะไรจะสื่อความรู้สึกในตอนนี้ได้

“พัต...” บอมลูบหัวผมเบา ๆ “ดีใจจังที่ได้ฝึกบาสให้พัต”
“ดีใจยังไงอ่ะ?”
“ก็อึดดีไง”
“บ้า!” ผมทั้งอายทั้งขำ คือวินาทีนี้น่าจะพูดอะไรซึ้ง ๆ ดิว้อย! ผมแต่งตัวลวก ๆ จะไปล้างตัวในห้องน้ำ
“ฮื้อ อย่าเพิ่งไปดิ๊ ต่ออีกยกก่อน” บอมหยอกเสียงขำ
ไม่คุยด้วยแล้ว ผมเดินไปห้องน้ำเลย ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงบอมเดินไปลงล้างตัวที่ห้องน้ำชั้นล่าง พอกลับมาที่ห้อง บอมยังไม่มาผมเลยล้มนอนลงบนเตียง...จะอีกยกจริงเปล่าวะ? ยังเจ็บอยู่เลยนะ ผมกดปิดไฟรีบหลับเลยดีกว่า

ผมลืมตาอีกทีตอนได้ยินเสียงประตูเปิด แกล้งหลับ ๆ ว้อย
“พัต...พัตโกรธเราเหรอ?” เสียงบอมกล่าวในความมืดสลัว
“หืม? ใครโกรธ? โกรธอะไร?”
“ก็พัตปิดไฟนอนเลยอ่ะ พัตโกรธเราเมื่อกี้เหรอ?” บอมนั่งลงบนเตียง หน้านิ่วหงอเลย
“เปล่า แค่ง่วงน่ะ คิดว่ายังไงเดี๋ยวบอมเข้ามาก็คงนอนเลย เราเลยปิดไฟ” ผมลุกขึ้นมานั่ง ชักไม่ดีเลยวุ้ย ผมแค่แกล้งหลับเพราะกลัวเขาจะต่อยกที่สองแค่นั้น แต่เหมือนบอมจะคิดมากไปไกลเลย
“พัตหายโกรธเราแล้วนะ?” บอมทำหน้าหงอย ๆ โอ๊ย! น่ารักชะมัด
“ไม่ได้โกรธจริง ๆ” ผมแตะริมฝีปากที่แก้มเขาให้คลายความกังวล “แค่แกล้งหลับจะได้ไม่เจอยกที่สอง ฮะ ๆๆ”
บอมคลี่ยิ้ม เขากอดผมเบา ๆ ประคองเราทั้งสองคนลงนอน แววตาสีน้ำตาลจ้องผมในแสงสลัวจากหน้าต่างที่ลอดผ่านม่าน
“เรากลัวพัตหายไป” บอมเอ่ยเสียงเบาราวกับกลัวคำนั้นจะเป็นจริง “ตอนม.2 เราสนิทกับรุ่นน้องม.1 คนนึง เค้าชอบเล่นบาสมาก อยู่ฝึกกับเราและสนหลังเลิกเรียนแทบทุกวัน”
“แล้วยังไงต่อเหรอ?”
“วันนึงเค้าให้เราสอนรีบาวด์ พอเค้าทำได้ก็ชอบมากฝึกกันจนลืมเวลา วันนั้นเค้ากลับบ้านดึก...พอวันรุ่งขึ้น...เค้าบอกว่าพ่อแม่ให้ลาออกจากชมรมเพราะเสียการเรียน”
“บอม...”
“เรารู้สึกผิดมาตลอด” บอมกอดผมซุกอก “โค้ชก็บอกนะว่าความผิดพลาดมีไว้ปรับปรุง แต่เราก็ลืมไม่ได้...ลึก ๆ เราอยากมีน้องที่เล่นกับเราได้ตลอดเวลา อยู่ด้วยกันตลอดไม่หายไป”

ในหัวบอมเห็นภาพที่พ่อของเขากลับบ้านมาไม่กี่วันแล้วก็ไปอยู่แท่นเจาะน้ำมันอีก ไม่รู้กี่เดือนถึงจะกลับบ้านอีกครั้ง เขาอยากมีใครสักคนที่อยู่กับเขาทุกวันไม่จากไปไหน แต่เขารู้ว่ามันเป็นความคิดบ้า ๆ
 
“จนวันประกาศผล...ที่พัตตกลงเข้าชมรมบาส” วันนั้นที่เด็กเรียนตัวบางตอบตกลงเข้าชมรมบาสกับเขา ความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ก็ก่อขึ้นมาในใจทีละน้อย เขาหวงพัต เพื่อนและน้องในจินตนาการอย่างที่เขาฝันมาตลอด

“มิน่าบอมใจดีกับเราจัง” ตรูเข้าใจละว่าทำไมบอมใส่ใจและสอนผมสุด ๆ ขนาดนั้น แต่ไม่เคยขอให้ผมอยู่เกินเวลาเลย ตอนเลิกก็เดินมาส่งที่ประตูโรงเรียนแทบทุกวัน

บอมคลุกหน้ากับเส้นผมของผมฟัดไปมา ผมดีใจที่เขาเล่าเรื่องที่เก็บงำไว้คนเดียวมาตลอดให้ผมฟัง ผมจะเป็นคนลบความทุกข์ใจของบอมเอง
“เราจะอยู่กับบอม ไม่มีทางหายไปไหนนะ ไม่ต้องกลัวอีกแล้วนะ”
“อื้ม” เขาตอบเบา ๆ น้ำเสียงดีใจ

ก่อนที่ผมจะหลับไปในอ้อมกอดเขา บอมเอ่ยขึ้นมา “พรุ่งนี้วันเสาร์ สนกับดิมจะไปเที่ยวท้องฟ้าจำลอง แล้วพัตอยากไปไหน?”
“ตอนเช้าไปเล่นบาสที่เดิมกันมั้ย? ตอนบ่ายเรามีเรียนพิเศษน่ะ”
“อื้ม”


เช้าวันเสาร์
ณ ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ

ผมลงรถไฟฟ้าที่สถานีเอกมัยแล้วเดินเข้าไปในท้องฟ้าจำลอง ตอนแรกผมบอกสนว่าจะไปรับเขาที่บ้านแต่เขาบอกให้ผมนั่งรถไฟฟ้าตรงจากสำโรงไปเอกมัยเลยไม่ต้องเดินทางเข้าอ่อนนุชย้อนไปมาให้ลำบาก เอาเถอะ! ไม่ได้เจอกันแค่แป๊บเดียวไม่เป็นอะไรหรอกน่า

ผมมองอาคารสีขาวที่มีช่องกระจกทะแยงมุมแปลกตาและสระน้ำใหญ่ด้านหน้าอาคาร ผมชอบมาที่นี่ตั้งแต่เด็ก ๆ ชอบทั้งส่วนพิพิธภัณฑ์ในอาคารนี้และส่วนดูดาวในอาคารด้านหลัง ทุกครั้งที่มาก็เห็นภาพที่พ่อชี้มือให้ดูกระสวยอวกาศในอาคารและถามว่าผมอยากไปอวกาศไหม ต้องเรียนเก่ง ๆ นะจะได้ทำงานนาซ่า

ผมมองจากภายนอกผ่านช่องกระจกเข้าไปในอาคารใหญ่พลางนึกถึงเรื่องที่พ่อเคยบอกความหมายของชื่อจริงและชื่อเล่นผม ตอนนั้นความทรงจำหนึ่งก็ย้อนผุดขึ้นมา

“แล้วชื่อนายแปลว่าอะไรเหรอ?”
“Dim ตัวย่อของ Dimension มิติ พ่อเราอยากให้เราเป็นนักวิทยาศาสตร์นาซ่า”


ตอนนี้คนนั้นสบายดีไหมนะ คงยังชอบเล่นกีตาร์เหมือนเคย สาย ๆ แบบนี้ผมนึกภาพเขาคงกำลังนั่งฝึกเพลงโปรดอยู่ในห้องตัวเอง...และเราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว…

ผมเดินตรงไปอาคารด้านหลังเพื่อซื้อบัตร เมื่อวานผมโทรสอบถามแล้วว่าวันนี้ไม่มีโรงเรียนใดมาทัศนศึกษาจึงโล่งไม่ค่อยมีคน ผมแวะดูเนื้อหาของการแสดงเดือนนี้ กลับไปดวงจันทร์กันเถอะ เป็นเรื่องแบบไหนกันนะ ผมหวังว่าจะสนุกสำหรับสน นี่เป็นการพาเขามาท้องฟ้าจำลองครั้งแรกผมอยากให้เขาประทับใจที่สุด ผมเดินไปที่ช่องจำหน่ายตั๋วเพื่อจะซื้อตั๋วสองใบสำหรับผมกับสน

“ดิม”

เสียงหนึ่งกล่าวทัก เสียงที่คุ้นเคยแต่ไม่ใช่เสียงของสน เสียงที่ทำให้ความทรงจำย้อนกลับมา

...เราอยากกินบิงซู แล้วก็อยากไปท้องฟ้าจำลองด้วย...
...สมกับเป็นโปรแกรมเมอร์นาซ่า แต่อันนั้นไกลมาก อยู่เอกมัยเลยนะ...


ผมมองคนตรงหน้า คนที่เคยพูดประโยคนี้กับผม คนที่เคยสัญญาจะมาเที่ยวที่นี่ด้วยกัน
“ปิง”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) จบแล้ว เพิ่มตอนพิเศษ 1: 31 พค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 01-06-2021 16:17:56
เนื้อหาตอนต่อไปจะเกี่ยวกับนิยายสั้นเรื่อง Vector Space เป็นเรื่องของดิมกับเพ่อนสนิทชื่อปิงสมัยม.3 ที่โรงเรียนเก่านะครับ
อ่านได้ที่นี่ครับ https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72432.0#gsc.tab=0
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) จบแล้ว เพิ่มตอนพิเศษ 1: 31 พค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 27-06-2021 02:13:23
King Class Away: Special 2 กลับไปดวงจันทร์กันเถอะ

“ปิง” ผมเรียกชื่อเขาออกไปโดยไม่รู้ตัว แม้ผมเขาจะยาวขึ้นแต่ผมไม่เคยลืมร่างผอมโปร่งกับใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้น เขาอยู่ตรงหน้าผมแล้วจริง ๆ
“บังเอิญจัง เราก็มาเที่ยวท้องฟ้าจำลองเหมือนกัน” ปิงเดินเข้ามาพร้อมด้วยรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา เป็นปิงจริง ๆ
“เหรอ เอ่อ...แล้วจอยมาด้วยมั้ย?” ผมเลือกคำถามสนทนาอย่างยากลำบาก ผมไม่คิดว่าจะเจอปิงที่นี่ ที่ที่เราสองคนเคยสัญญาว่าจะมาเที่ยวด้วยกัน...แต่ตอนนี้ผมไม่รู้จะวางตัวยังไง

ไม่ใช่แค่ตอนนี้...ผมทำตัวไม่เคยถูกมาตั้งแต่วันนั้นที่ความสัมพันธ์เราเปลี่ยนไป
 
“เรามาคนเดียวน่ะ ดิมสบายดีมั้ย?” เขาตอบยิ้ม ๆ
“เราสบายดี แล้วนายเป็นไงมั่ง? ยังเล่นกีตาร์อยู่หรือเปล่า?”
“อืม แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาน่ะ การบ้านเยอะ”
“เอ่อ...แล้วปิงซื้อบัตรยัง?”
“ยังเลย ไปซื้อพร้อมกันเถอะ”
ผมผงกหัวแล้วออกเดินนำ ปิงเดินข้างผม ทำตัวไม่ถูกเลย แม้จะเว้นระยะห่างผมยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเหมือนเขาเป็นพระอาทิตย์อย่างที่เคยเป็นมา ความรู้สึกครั้งที่เคยนั่งเรียนข้างกันหลายเดือน ทั้งที่ผมไม่ควรจะรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว หัวใจผมเต้นแรง ผมเกลียดตัวเองตอนนี้

ปิงเดินเข้าไปช่องขายบัตรและบอกพี่พนักงาน “สวัสดีครับ เอาบัตร 2 ใบครับ”
“ส...สามใบครับ” ผมรีบพูด และคำนั้นทำให้ปิงหันมาหาผมด้วยแววตาสงสัย รอยยิ้มบาง ๆ ของปิงหายไปทันที ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร พี่พนักงานก็พูดทัก
“วันนี้มีเพื่อน ๆ มาด้วยเหรอคะ? ดีจังเลย น้องคงชอบดูดาวมากเลยนะคะเห็นมาแทบทุกสัปดาห์ เดี๋ยวพี่แถมแผนที่ดาวให้ด้วยน้า”

ปิงรับบัตรและแผนที่ดาวที่เป็นแผ่นวงกลมขนาดประมาณสองฝ่ามือจากพี่พนักงานแล้วเดินช้า ๆ กลับมาหาผม สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยคำถาม ผมเองก็เช่นกัน
“ปิงมาบ่อยแทบทุกสัปดาห์เลยเหรอ?”
“เอ่อ...ก็ใช่” เขาเกาหัวยิ้มแห้ง ๆ “เรามารอดิมน่ะ”
“รอเรา?”
“ก็พวกเราเคยสัญญา...สัญญาว่าจะมาเที่ยวที่นี่ด้วยกัน” ปิงตอบพร้อมมองผมด้วยแววตาอ่อนโยนแต่เจ็บปวด คำตอบของเขาทำให้ผมหูอื้อไปชั่วขณะ...คำสัญญาที่ผมเคยคิดว่ามันไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว ปิงมารอผมที่นี่แทบทุกสัปดาห์ตลอดครึ่งปีที่ผมย้ายโรงเรียนไป...
“แล้วทำไมนายไม่เคยโทรบอกเราล่ะว่ามารออยู่?”
“เราจะกล้าโทรได้ยังไง ก็เราทำกับดิมแบบนั้น”

ทั้งผมทั้งเขายืนนิ่งมองตากัน ...ปิงเลือกจอยแล้วนะ...ผมบอกตัวเองอย่างที่เคยทำเสมอ ผมไม่ควรรู้สึกอะไรกับเขาอีกแล้วนอกจากความเป็นเพื่อน...เราเป็น soul mate กัน เป็นเพื่อนสนิท เรื่องที่ผมกับเขามีความสัมพันธ์กันคืนนั้นก็แค่ความคึกคะนองชั่วครู่หนึ่ง ผมบอกตัวเองอย่างนั้นเสมอ

เช้าวันถัดมาหลังจากคืนนั้นปิงบอกคุณครูและเพื่อน ๆ ว่าไม่สบายเลยกลับบ้านไปก่อน จากนั้นเราสองคนก็ทำตัวเป็นเพื่อนกันปกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น พวกเราไม่เคยพูดเรื่องนั้นกันอีกเลย ไม่เคยไปเที่ยวบ้านอีกฝ่ายแล้ว อย่างเดียวที่ทำคือผมยังนั่งข้างปิงในห้องเรียนเหมือนเดิม...แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ไม่กี่วันต่อมาปิงก็คบกับจอยอีกครั้ง ผมแสร้งปั้นหน้าเฉย ๆ ทั้งที่ทำยากมาก ในใจผมคิดอย่างเดียวคือผมต้องสอบม.4 ให้ติดโรงเรียนอื่นให้ได้เพื่อผมจะไม่ต้องเห็นภาพอย่างนี้อีก...และดูเหมือนคนที่แสร้งทำตัวปกติจะไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว…

“แล้วบัตรอีกใบนี่คือ...เฟิร์สมาด้วยเหรอ?” ปิงถามเบา ๆ
“เราเลิกกับเค้าแล้ว” ผมกลั้นใจตอบ
“หา?” ปิงเลิกคิ้วด้วยสีหน้าประหลาดใจ และนั่นก็ทำให้ผมประหลาดใจเช่นกันที่เฟิร์สไม่ได้เล่าให้ใครฟังแม้แต่กลุ่มเพื่อนเค้า ก็แหงล่ะผมบอกเลิกเฟิร์สแบบไม่มีอะไรเป็นลางล่วงหน้าให้เค้าเตรียมใจเลย
“ดิม งั้นบัตรนี้คือ...” ปิงถามต่อ
“ดิม! กูมาแล้ว! โทษทีรถในซอยอ่อนนุชติดชิบเป๋งเลย!” เสียงตะโกนของร่างสูงเจ้าของบัตรใบที่สามวิ่งกระหืดกระหอบมาแต่ไกล ทำไมต้องเป็นเวลานี้ด้วย
“หวัดดีสน ไม่ต้องรีบ ยังมีเวลาอีก 10 นาทีจะฉายน่ะ”

สนเหงื่อแตกพลั่กเลย คงรีบวิ่งลงมาจากสถานีรถไฟฟ้าเอกมัยสินะ
“แฮ่ก ๆ กูนึกว่าจะมาไม่ทันแล้วนะเนี่ย กูตะโกนบอกคนขับรถไฟฟ้าให้รีบขับด้วยนะ” เขาหยุดยืนหอบตรงหน้าพลางมองผมกับปิงแบบงง ๆ
“สน นี่ปิงเพื่อนเราที่โรงเรียนเก่า”
“หวัดดีครับปิง” สนยิ้มกล่าวทักแบบงง ๆ คงสงสัยว่าผมชวนเพื่อนมาด้วยเหรอ
“หวัดดีครับสน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ปิง นี่สน เรียนโรงเรียนเดียวกับเรา” ผมกลั้นใจครู่หนึ่ง “สนเป็นแฟนเรา”
ผมต้องทำทุกอย่างให้ชัดเจน ผมได้บทเรียนแล้วว่าความคลุมเครือจะทำทุกอย่างพัง แต่มันก็พูดออกไปยากเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้าปิง

เขาชะงักไปแว่บหนึ่งก่อนจะยิ้มบาง ๆ “ดีใจที่ได้รู้จักนะครับสน”
“อืม นายพาเพื่อนมาด้วยเหรอ ดีเลยเที่ยวด้วยกันสามคนคงสนุกดีนะ เข้าไปดูดาวกันเลยมั้ย?”
“บังเอิญเจอกันน่ะ วันนี้เรามาคนเดียวแล้วเจอดิมเมื่อกี๊”
“เออ ยังไงรีบเข้ากันเหอะหนังจะฉายแล้ว” สนดันผมกับปิงเข้าอาคาร “แล้วค่าตั๋วเท่าไหร่อ่ะดิม?”
“ปิงจ่ายน่ะ” ผมตอบแบบตั้งสติไม่ทัน ใครจะนึกว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้
“เท่าไหร่เหรอนาย?”
“ไม่เป็นไรหรอก เราได้แผนที่ดาวเป็นของแถม แค่นี้ก็คุ้มแล้ว”
“เฮ้ย! ปิง นายนี่ใจดีว่ะ เดี๋ยวตอนเที่ยงเราเลี้ยงข้าวนายละกัน” สนกอดคอปิงหัวเราะอารมณ์ดี

...ผมทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์ตอนนี้เลย ปิงยิ้มแห้ง ๆ มองผม ผมก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ กลับไป

“ปิงเป็นเพื่อนโรงเรียนเก่าของดิม งี้ก็เด็กสมุทรปราการเหมือนกันอ่ะดิ?” สนชวนปิงคุยระหว่างเดินเข้าที่นั่งใต้โดมดูดาว
“ใช่ บ้านเราอยู่แถวบางพลี”
“ตอนม.ต้นเราก็เรียนที่สมุทรปราการนะ โรงเรียนเราข้ามเขตกรุงเทพมาหน่อยนึง”
“อ๋อ โรงเรียนนั้นเราก็รู้จัก”
“เราชอบไปเล่นบาสตรงสนามข้างแฟลตน่ะ ที่มีร้านผัดไทยข้างหน้า” สนชวนคุยระหว่างเดินเข้าอาคารดูดาว
“เมื่อก่อนเราก็เคยไปเล่นกีตาร์ที่ห้องดนตรีแถวนั้น”
“เฮ้ย! นี่เราอาจเคยเจอกันเปล่าวะ?”
สนคุยกับปิงอย่างสนุกสนาน เขาเข้ากับคนอื่นง่ายจังแฮะ ปิงก็เริ่มผ่อนคลายจากตอนแรกที่รู้สึกเกร็ง ๆ

“ดิมเข้าไปข้างในเลย เดี๋ยวให้ปิงนั่งตรงกลาง กูจะได้คุยกับเขา”
“เอ่อ พวกนายนั่งด้วยกันสองคนเถอะ ตั้งใจมาเดทไม่ใช่เหรอ?” ปิงหันรีหันขวางทำตัวไม่ถูก
“เออ นายนั่งตรงกลางแหละดีแล้วจะได้คุยกับเรากับดิมได้ไง”
“เราว่าอย่าดีกว่า พวกนายนั่งติดกันเหอะ”
“ไม่เอา ๆ เดี๋ยวกูโดนไอ้ดิมทวนความรู้วิชาดาราศาสตร์ นายรู้มั้ยเรื่องเรียนนี่ดิมแม่งโคตรดุเลย”
“ฮะ ๆๆ เออเรารู้ เราก็โดน” ปิงหัวเราะขำ
“นี่จะเผากันระยะประชิดเลยเหรอ”

ผมมองสองคนนั้นคุยกันสนุกสนาน ถ้าสนรู้ว่าผมกับปิงไม่ใช่แค่เพื่อนกันเขาจะทำหน้ายังไงล่ะเนี่ย ยังไม่ทันจะคิดหาวิธีอธิบายไฟก็หรี่ลงจนมืดสนิท
กลับไปดวงจันทร์กันเถอะ ชื่อการแสดงวันนี้ค่อย ๆ ปรากฎขึ้นบนภาพอวกาศ พวกเรานั่งเงียบมองภาพแสงดาวและดวงจันทร์ที่ฉายขึ้นใต้โดมยักษ์เสมือนกำลังดูจักรวาลจริง ๆ
...ปิงหันมามองผมที่นั่งติดกัน สีหน้าเขาสดใส...
...พวกเราทำตามสัญญาแล้ว และตอนนี้ใจผมไม่เต้นรัวอย่างเมื่อครู่แล้ว…
...เพียงแค่สนมาก็เปลี่ยนบรรยากาศน่าอึดอัดให้ผ่อนคลายสนุกสนานเป็นกันเองไปทันที…

ตอนนี้ขอปล่อยความคิดลอยไปดวงจันทร์ก่อนละกัน...
--------------------------------------------------

“สนุกดีนะ ได้ความรู้มากเลย เราเคยมาที่นี่ครั้งนึงตอนป.6 โรงเรียนพามาทัศนศึกษา” สนพูดพลางบิดขี้เกียจ รู้เลยว่าหลับ
“ทำไมพระจันทร์หันด้านกระต่ายมาที่โลกตลอด?” ผมหันไปลองถามเขา
สนนิ่งทำหน้าเลิกลั่กแล้วขยับไปดันปิงมาชิดผมแทน “กูหลับ กูเหนื่อยแข่งบาสเมื่อวานไง ฮะ ๆๆ พวกนายไม่ได้เจอกันนานคงอยากคุยกันเยอะ ๆ เนอะ คุยกันไปเลย”
แขนอุ่นของปิงโดนดันมาแนบชิดกับตัวผม โว้ย! พยายามจะไม่รู้สึกอะไรแล้วนะ
“เพิ่งสิบเอ็ดโมงเอง พวกเราเดินเล่นในพิพิธภัณฑ์ก่อนมั้ย?” ปิงเสนอ
“เออ ดีเหมือนกัน หนังที่จองไว้จะฉายตอนบ่ายครึ่ง นายไปดูด้วยกันมั้ยปิงเดี๋ยวเรากดจองเพิ่ม?”
“ไม่เป็นไรหรอกสน เดี๋ยวเราต้องไปเรียนพิเศษตอนบ่ายน่ะ” ปิงพูดแล้วเดินปลีกตัวไปในพิพิธภัณฑ์

“ปิงเค้าเด็กเรียนเหมือนมึงเหรอดิม? ตอนบ่ายเรียนพิเศษด้วย”
“อ...อืม” ผมรู้ดีว่าทำไมปิงถึงเดินแยกไปคนเดียว
“แล้วตกลงทำไมพระจันทร์หันด้านกระต่ายมาที่โลกตลอดวะ?” สนถามระหว่างเดินดูในอาคารด้วยกัน
“เพราะดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองใช้เวลาเท่ากับที่โคจรรอบโลก เราเลยเห็นแค่ด้านเดียวของพระจันทร์ตลอดน่ะ” ผมทำมืออธิบาย
“ดูมึงชอบอวกาศมากเลยนะ”
“เหรอ?”
“ก็ตอนมึงอธิบาย มึงดูมีความสุขแล้วก็ยิ้มด้วยน่ะ”
“พ่อเราอยากให้เราทำงานนาซ่าน่ะ”
ผมพูดตอนมายืนเกาะรั้วอยู่หน้ายานสำรวจดวงจันทร์ “ชื่อเล่นดิมเป็นตัวย่อของ dimension น่ะ ชื่อจริงก็มาจากคำว่ามิติ พ่อจะให้ชื่อมิติวัตแต่แม่บอกว่าฟังแล้วเหมือนอยู่ในวัด”
ผมพูดสิ่งที่เคยบอกกับคนคนหนึ่ง สิ่งที่ผมรู้สึกมีค่าและผูกพัน
“ก็เคยเป็นมิธิวัตแทนสินะ?”
“อืม”
“แล้วมึงชอบมั้ย?”
“อืม ตอนเด็ก ๆ เราดูหนังไซไฟแล้วก็อยากรู้ว่าในอวกาศมีอะไร ก็เลยอยากไปนาซ่า”
“ดีเนอะมีความฝันใหญ่ ๆ” เขากอดผมจากด้านหลัง วางคางเกยลงบนบ่าผม
“ชื่อใบสนมีความหมายยังไงเหรอ?” ผมหันไปถามเขาบ้าง
“แม่บอกอยากให้กูตัวสูง ๆ เลี้ยงง่าย เป็นคนอดทน อายุยืนจะได้ดูแลพ่อแม่ มึงว่ามีอะไรตรงกับกูบ้างวะ?” เขาจบประโยคแบบติดตลก
“ทั้งหมดเลย”
“ดูแลมึงได้ด้วยนะ” พูดจบสัมผัสเย็น ๆ ก็แตะมาที่หูผม
“สน!” เล่นงับหูเลยเหรอ!
“เออ กูหมั่นไส้ เห็นมึงซึม ๆ เลยอยากแกล้งอ่ะ” คนแกล้งยังยิ้มกวนใส่ก่อนจะเดินไปดูเครื่องเล่นวิทยาศาสตร์รอบ ๆ  ใจเต้นรัวเลย ถึงในตึกพิพิธภัณฑ์จะไม่ค่อยมีคนก็เถอะ

ผมมองขึ้นไปเห็นปิงตรงนิทรรศการบนชั้นลอย ...บางทีโลกนี้อาจไม่มีความบังเอิญ...ถึงเวลาที่ผมต้องทำอะไรให้ชัดเจน...ผมก้าวเดินขึ้นบันไดไป...ถึงเวลาที่ผมต้องทำเพื่อปิง…

เด็กหนุ่มกำลังยืนอยู่หน้า ‘จานกระซิบ’ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ที่เป็นจานโลหะวงกลมสีเงินขนาดใหญ่กว่าตัวคน และที่สุดฟากระเบียงอีกข้างของชั้นลอยก็มีเครื่องแบบเดียวกันนี้หันหน้าเข้าหากัน

“ถ้ามีคนพูดใส่จานอีกอันที่อยู่ห่างออกไป เราจะได้ยินเสียงสะท้อนออกมา” ปิงอ่านคำอธิบายบนแท่นข้าง ๆ แต่ถ้าไม่มีคนเล่นด้วยก็ทำการทดลองนี้ไม่ได้สินะ คิดอย่างนั้นเด็กหนุ่มจึงผละไปดูนิทรรศการอื่น

“ปิง”
เขาชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อแว่วออกมาจากจานวงกลมขนาดใหญ่นั้น

“ปิง นายได้ยินเรามั้ย?”
เขากลับหลังหันมองมาที่อีกฟากระเบียง เขาได้ยินผมแล้ว

“เราได้ยินเสียงนายแล้วดิม”
ปิงตอบกลับมา จากนั้นก็ไม่มีคำอื่นใด ทั้งผมและเขามองกันจากระยะห่าง...มันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว...และจะเป็นแบบนี้ไปตลอดกาล...เราอยู่ไกลกัน

“ปิง”
“หืม?”
“เราเป็นเพื่อนกันเถอะนะ”

เขานิ่งเงียบไปนานก่อนจะตอบกลับมา “อืม เราเข้าใจ”
“นายดูแลจอยให้ดีนะ”
“ขอบใจนะดิม”
“แล้วก็...”
“อะไรเหรอดิม?”

ผมกลั้นใจพูดแต่ละคำที่แสนยากลำบากใส่จานรับเสียง “เรา...เราดีใจนะที่นายจำเรื่องที่เราเคยคุยกัน ต่อไปไม่ต้องมารอเราที่นี่แล้วนะ”

“ข...เข้าใจแล้ว ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ”
“อยาก...อยากมาเที่ยวเมื่อไหร่ก็โทรมา เราเพื่อนกัน”
“ดิมยังโกรธเรามั้ย?”
“เราไม่เคยโกรธนายนะ”
ปิงนิ่งเงียบไปนานก่อนจะส่งเสียงเบา ๆ มาอีกครั้ง “สนเขานิสัยดีนะ”
“อืม”
“เดี๋ยวเราต้องไปแล้ว ดีใจนะที่เจอดิมอีก”
“เรียนพิเศษตอนบ่ายจริงเหรอ?”
“จริงดิ ตัวท็อปของห้องย้ายไปโรงเรียนอื่น ไม่มีใครช่วยติวก็ต้องขยันเรียนเองแล้ว”
“ต๊อบกับโจ้สบายดีมั้ย?”
“ทุกคนสบายดี”
ผมก็คิดถึงเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนเก่านะ แต่เพราะผมไม่อยากเจอปิงก็เลยพลอยขาดการติดต่อเพื่อน ๆ คนอื่นไปด้วย

“ดิม เล่นอะไรอยู่วะ?” จู่ ๆ สนก็โผล่มาข้าง ๆ ผม
“เอ่อ...เล่นจานเสียงกระซิบน่ะ”
“คืออะไรวะ?” สนถามแบบงง ๆ แล้วมองไปเห็นปิงที่อยู่หน้าจานวงกลมอีกอันเขาก็เข้าใจการทำงานทันที
“คือกูพูดใส่อันนี้แล้วปิงเพื่อนมึงจะได้ยินเหรอ? ไกลขนาดนั้นน่ะนะ?”
“ใช่ ๆ”

...สนได้ยินอะไรที่ผมคุยกับปิงบ้างเนี่ย...

“งั้นลองหน่อย ฮัลโหล ๆ ปิงได้ยินเรามั้ย?”
“เราได้ยินนายแล้วสน” อีกฝ่ายตอบกลับมา
“จะเที่ยงแล้วไปกินข้าวที่เมเจอร์กัน”
“เราต้องไปเรียนพิเศษแล้วน่ะ”
“อ้าวเหรอ? เรายังไม่ได้เลี้ยงคืนค่าบัตรเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก ...เอ้อ! สน!”
“อะไรเหรอ?”
“ฝากดูแลดิมนะ”

ปิงพูดประโยคสุดท้ายแล้วยกมือบอกลาผมและสนจากระยะไกล มือที่ทำนิ้วแบบท่าทักทายของชาววัลแคน เขาโบกมือ ยิ้มแล้วเดินจากไป...ปิงไปแล้ว…

“ดิม ได้ยินกูมั้ย?” สนจับไหล่ผมบนสะพานลอยที่เดินข้ามถนนสุขุมวิทไปห้างเมเจอร์ฝั่งตรงข้ามกับท้องฟ้าจำลอง
“ได้ยิน มีอะไรเหรอ?”
“กูถามว่าจะกินร้านไหนก่อนหนังฉายน่ะ?”
“ร้านไหนก็ได้”
“เป็นอะไรวะ? มึงดูเหม่อ ๆ”
“เปล่านะ” ผมใจลอยเรื่องปิงจนดูออกขนาดนั้นเลยเหรอ
“คิดถึงเพื่อนเก่าโรงเรียนเก่าเหรอ? มึงมาเข้าที่นี่คนเดียวเลยคงเหงาล่ะสิ?”
“ตอนแรกก็นิดหน่อยน่ะ แต่ตอนนี้ชินแล้ว”

ผมควรเล่าเรื่องปิงให้สนรู้ไหม ผมทำตัวไม่ถูกจริง ๆ ถ้าเขาโมโหแล้วไปทำร้ายปิงล่ะ แต่จะปิดแบบนี้ก็รู้สึกเหมือนซ่อนบางอย่างจากเขา ผมไม่อยากอยู่กับความรู้สึกแบบนี้
“ดิม”
“หืม?”
“มึงดูแปลก ๆ ซึม ๆ นะ มีอะไรรึเปล่า? บอกกูเหอะ” สนทำหน้าจริงจัง คืออาการของผมนี่ปิดไม่อยู่แล้วสินะ แต่ผมควรพูดไปดีไหม?
“คือ...”

...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราจะพูดทุกอย่างกันตามตรง...เราสองคนตกลงกันแบบนั้นนี่นา...

“คือ…” ผมกำมือเขาโดยไม่รู้ตัว “ปิงกับเราไม่ใช่แค่เพื่อนน่ะสน” เขาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“พวกเราเคยคบกัน”
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) จบแล้ว เพิ่มตอนพิเศษ 2: 27 มิย.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 10-07-2021 01:36:15
King Class Away: Special 3

“เรากับปิงเคยคบกัน” ผมกลั้นใจพูดออกไป “ตอนม.3 เป็นช่วงสั้น ๆ ก่อนสิ้นปีที่แล้ว”
สนยืนนิ่งมองผม...ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้ว ทำได้แค่ปล่อยมือเขา

“ม.3? ตอนนั้นมึงก็คบกับเฟิร์สอยู่นี่ แล้วกับปิงนี่คือยังไงวะ?” เขาถามเบา ๆ
ผมหลบตาสน ไม่รู้จะอธิบายเรื่องทั้งหมดยังไง ผมไม่เคยรู้ว่ามันเริ่มยังไง จบยังไง ผมแค่หนีออกมาจากปัญหาด้วยการสอบเข้าโรงเรียนใหม่ให้ได้ วันที่ประกาศผลสอบผมก็คิดว่ามันคงจบแล้ว...มันจบตั้งแต่ที่ปิงบอกว่าเขายังลืมจอยไม่ได้...ตั้งแต่ตอนที่ผมบอกเขาว่าเราเป็นเพื่อนกันและให้เขากลับไปคบกับจอย...แต่ไม่ใช่อย่างนั้นเลย ปิงยังรอผมมาตลอด

“ดิม มองกู” เขาแตะไหล่ผมทั้งสองข้าง เอ่ยเสียงเบาแต่สายตาแน่วแน่มองตรงมาที่ผม “เหี้ย มึงอย่าร้องไห้ดิ”
“ม...ไม่ได้ร้อง”
“มา ๆ หาที่เงียบ ๆ คุยกัน” สนจูงมือผมไปหลังห้าง “ดิม กูเชื่อใจนะว่ามึงไม่ใช่คนเจ้าชู้ กูว่ามึงมีเรื่องอะไรแน่ ๆ”
“ช่างมันเถอะ”
“ไม่ได้เว้ย กูจำได้นะตั้งแต่วันแรกที่กูเจอมึง กูเห็นมึงเครียดทะเลาะกับเฟิร์ส และจริง ๆ มึงก็เครียดตั้งแต่วันจันทร์เปิดเทอมที่ชมรมสแครบเบิ้ลแล้วที่มึงลาออกเดินตามกูมาอ่ะ กูเป็นแฟนมึงนะ มีเรื่องอะไรมึงอย่าเก็บไว้คนเดียวสิ”

พวกเรามายืนอยู่ที่ลานจอดรถหลังห้าง ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเรื่องหนังแล้ว
“สน สัญญาก่อนนะจะไม่โมโห”
“เออ เกี่ยวก้อยเลย” เขาพยายามปั้นหน้ายิ้มให้บรรยากาศคลายเครียดลง
“คือเรื่องมันเริ่มตอนม.3 ต้นเดือนธันวาปีที่แล้ว คุณครูบอกว่าจะให้แข่งประกวดร้องเพลงภาษาอังกฤษ”
ผมเล่าทุกอย่างให้สนฟัง งานประกวดที่เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องทั้งหมด เรื่องที่ผมไม่เคยลืมแม้จะผ่านมาเกือบปีแล้ว แม้ผมจะพาตัวเองออกห่างจากเขามาไกลแล้ว

“คือไอ้ปิงมันชอบมึงเลยมาเนียนชวนมึงให้แกล้งเป็นแฟนมัน” คนตัวสูงสรุปใจความทั้งหมดออกมาเหลือประโยคเดียว
“ก็...ประมาณนั้น” สนจะเกลียดผมไหมนะ ขนาดผมยังเกลียดตัวเองเลยที่ปล่อยให้เรื่องเป็นอย่างนั้น เกลียดตัวเองที่ดันไปชอบปิงแต่ก็ยังเก็บเฟิร์สไว้ เกลียดที่ผมจูบเขาโดยไม่รู้ว่าปิงยังชอบจอยอยู่ ...และเกลียดตัวเองที่สุดตอนที่เห็นเขาเมื่อเช้าผมก็ยังรู้สึกอย่างเดิม

“มึงก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่”
“แต่เรา..” ผมพูดยังไม่ทันจบเขาก็ดึงผมเข้าไปกอด
“ดิม ผิดไม่ผิดก็ช่างหัวมันดิวะ ใครก็เคยผิดเคยพลาดทั้งนั้นแหละ”
“นายไม่โกรธปิงใช่มั้ย?”
“.......” สนนิ่งไม่พูดอะไรตอบกลับมา “มึงไม่อยากให้กูโกรธมันเหรอ?”
“อืม”
“เออ งั้นกูก็ไม่โกรธมัน เฮ้อ! มึงนี่เจอแต่ความรักแปลก ๆ เนอะ” เขาพูดทั้งที่ยังกอดผมแน่นจนหน้าผมชนอยู่กับอกเขา “ที่ตอนนั้นมึงบอกว่าขอลองคบ 3 สัปดาห์น่ะ...เพราะตอนปิงทำให้มึงชอบเขาก็ใช้เวลา 3 สัปดาห์ใช่มั้ย?”
“อืม”
เขานิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เขาจะรู้สึกยังไงเมื่อรู้ความจริงว่าทุกอย่างที่ผมทำนั้นมันคล้ายกับที่ปิงทำ ก็ผมคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าทำยังไงถึงจะสนิทกับเขาได้
“ดิม มึงรู้สึกดีขึ้นยัง?”
“อืม”
“ยังไปดูหนังทันอยู่นะ เข้าสายไปแค่ 15 นาทีน่าจะเพิ่งฉายหนังตัวอย่างจบมั้ง”

ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจเรื่องหนังเลย แต่ไม่อยากให้สนพลาดหนังที่เขาอยากดู พวกเราเลยเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปที่โรงหนัง ตอนนี้ภาพยนตร์เริ่มฉายไปหน่อยแล้ว สนจูงมือผมขอโทษและเดินผ่านผู้ชมคนอื่นเข้าไปยังที่นั่งแต่ผมดูหนังแทบไม่รู้เรื่องเลย สนเขานั่งเงียบไม่พูดอะไร ได้แต่นั่งจับมือกันเงียบ ๆ ไปทั้งเรื่อง (ซึ่งจริง ๆ เวลาดูหนังก็ไม่ควรพูดอะไร แต่การเงียบจังหวะนี้ทำผมเริ่มคิดมากว่าเขารู้สึกยังไง)
พอหนังเลิกตอนบ่ายสามเขาก็เอ่ยถามช่วงเดินออกจากโรง
“ดิม คืนนี้ไปค้างบ้านกูได้มั้ย? มาติวเลขให้กูหน่อย”
“ได้สิ”
“ไปรถเมล์กัน ไม่รีบอะไรไปรถเมล์ถูกกว่า” สนบอกอย่างนั้นและพาผมลงรถที่ป้ายพระโขนงเพื่อเดินต่อไปอ่อนนุชกลางแดดตอนบ่ายของวันเสาร์ ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่าทำไมลงเร็วจังแต่ก็เดินตามเขาไป สนชี้มือไปย่านร้านค้าข้างทาง
“ตอนกูเด็ก ๆ ตรงนี้เคยมีโรงหนังโป๊ด้วยนะ กูมายืนหน้าโรงอยากรู้ว่าข้างในมีอะไรแต่ก็ไม่เคยเข้าไปสักทีจนเขาเลิกกิจการไป อ้อ! แล้วร้านตรงนั้นกูเคยเกือบหลงซื้อเครื่องเพลย์ราคาพันสอง ดีนะที่ไปถามพี่กูก่อน พี่บอกว่ามันเป็นเครื่องแฟมิคอมทำเลียนแบบเหมือนเครื่องเพลย์”
“ฮะ ๆๆ มีที่ไหนเนอะเครื่องเพลย์ราคาถูกขนาดนั้น สงสารใครที่หลงกลจัง”

พวกเราเดินข้ามสะพานพระโขนง สนชี้มือที่ลานกว้างริมแม่น้ำข้างหน้าที่มีรถบัสและรถสองแถวจอดเรียงราย “ทางทีก็มีพวกมาแสดงกลตรงนี้นะ กูเคยเห็นเขาเล่นอับดุลถามอะไรตอบได้หมด แล้วเขาเอาผ้าคลุมอับดุลแล้วเอางูปล่อยเข้าไปใต้ผ้าด้วย ตกใจฉิบเป๋ง”
“แล้วคนใต้ผ้าไม่สะดุ้งเลยเหรอ?”
“ไม่เลย เขานอนเฉย ๆ พอเปิดผ้าขึ้นเขาจับงูไว้ในมืออ่ะ ไม่รู้ทำได้ไงเนอะ แล้วตรงนั้นก็มีร้านขายสัตว์เลี้ยงนะ มีกระต่ายมีนกมีปลา ไอ้นกขุนทองตัวที่พ่อกูเลี้ยงหลังบ้านก็ซื้อจากร้านนี้แหละ”

พอเดินเลี้ยวเข้าถนนอ่อนนุชเขาก็คุยอีก “เมื่อก่อนตรงนี้มีร้านเกมตู้ด้วยนะ ตอนประถมวันไหนไม่มีซ้อมบาสหลังเลิกเรียนตอนเย็นกูกับไอ้บอมจะนั่งรถเลยมาเล่นเกมกันแล้วแวะร้านเช่าการ์ตูนค่อยกลับบ้าน แต่พอมีห้างฟากตรงข้ามคนก็ไม่ค่อยมาเดินตลาดฟากนี้ ร้านรวงก็ค่อย ๆ ปิดไป”
“แย่เลยเนอะ”
“อือ...เอ้อ ตรงที่พวกเราไปรอรถสองแถวมีร้านเต้าฮวยน้ำขิงอร่อยมาก ร้านเก่าแก่เลยนะ เก่าขนาดพ่อกูกินตั้งแต่วัยรุ่นเลย ไปกินกันก่อนขึ้นรถกลับบ้านนะ”

สนสั่งเต้าฮวยน้ำขิงและบัวลอยเฉาก๊วยมาแบ่งกันกิน น้ำขิงรสเผ็ดเข้ากับรสหวานจากน้ำตาลแดงมาก ผมกินพลางมองเข้าไปในตลาดที่ตอนนี้ส่วนใหญ่กลายเป็นที่ร้างว่างเปล่า ผมเห็นภาพชีวิตร่าเริงของเด็กประถมตัวสูงกับเพื่อนสนิทนั่งเล่นเกมตู้ด้วยกัน ยืนเลือกการ์ตูนเช่า นั่งกินเต้าฮวยน้ำขิง  เห็นอดีตของสนตามที่เขาเล่า จินตนาการตัวผมตอนประถมและม.ต้นกำลังสนิทกับเขาย้อนไปถึงวัยเด็ก
“คิดอะไรอยู่วะ?” สนถามเพราะคงเห็นผมนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
“กำลังนึกภาพว่าถ้าเราสนิทกับสนตั้งแต่เด็ก ๆ คงสนุกดี”
“กูเล่าเรื่องของกูให้มึงฟังจะได้มีมึงในชีวิตกู มีกูในชีวิตมึง แล้ววันหลังมึงพาเที่ยวแถวบ้านมึงบ้าง ทุกที่ที่มึงชอบไป” เขาพูดพลางจับมือผมข้างชามเฉาก๊วย
“อืม ขอบใจนะสน”

พอมาถึงบ้านก็ขึ้นห้องนอนเพื่อไปติววิชาเลข
“จะติวเลยดีหรือจะ-” ผมหันไปถามสน แต่สิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือเขาแบกตัวผมยกขึ้นบ่าโดยไม่ทันตั้งตัว “เฮ้ย! สนเล่นอะไร!?” 
ผมป่ายแขนพยายามจับตัวเขาไว้เพราะกลัวตก เขาไม่ตอบแต่เดินแบกผมเดินเข้าไปในห้องนอน เขาจะทำอะไรเนี่ย?

สนยืนหันไปมาครู่หนึ่งแล้วประคองหย่อนตัวผมลงบนเตียงแล้วขึ้นคร่อมบนตัวผม หน้าอยู่ใกล้มาก...หรือว่าเขาจะ…
“ดิม คือกู...”
หน้าเขาแดงก่ำ ไม่รู้เพราะจู่ ๆ ออกแรงแบกผมมาที่เตียง...หรือเพราะ…
ผมแตะใบหน้าของเขา หน้าที่บางครั้งก็ดูเข้มแข็ง บางครั้งก็หัวเราะ หน้าที่เคยคุ้นตาว่าชุ่มเหงื่อเวลาซ้อมบาส ตอนนี้ดูแตกต่างไม่เหมือนภาพอะไรที่ผมเคยจำได้ ผมสัมผัสหลังคอเขา ใบหน้านั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้พร้อมลมหายใจอุ่นร้อน ริมฝีปากแตะลงมาช้า ๆ เหมือนกังวลใจ ชั่วแวบหนึ่งผมรู้สึกผิดและเสียใจที่ไม่มีจูบแรกจะให้เขา

ผิดไม่ผิดก็ช่างหัวมันดิวะ ใครก็เคยผิดเคยพลาดทั้งนั้นแหละ

คำพูดของสนแว่วในหัว แม้ไม่ใช่จูบแรกแต่ผมก็มีความสุขที่สุด ความสุขที่ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรในภายหลัง ริมฝีปากอ่อนนุ่มประกบช้า ๆ แล้วบดเข้ามาแรงขึ้นก่อนจะเคลื่อนไปที่หู สัมผัสแบบเดียวกับตอนอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แต่อบอุ่นกว่า
“มึง...คือกู...กูทำไม่เป็น อย่าว่ากูนะ” เขากระซิบ คนอะไรทำหน้าเขินได้น่ารักผิดจังหวะมาก ๆ
“ทำเถอะ” ผมตอบได้แค่สั้น ๆ ผมเองก็ไม่ไหวแล้ว ผมจับชายเสื้อเขาถกขึ้นช้า ๆ เพียงแค่นั้นใบหน้าเขาก็ซุกไซ้ลงที่ซอกคอ มือลูบสะเปะสะปะไปตามตัวผมแล้วลอดเข้ามาใต้เสื้อผม เนื้ออุ่นของเราสองคนแลกสัมผัสกันมากขึ้นเมื่อเสื้อผ้าถูกถอดออกอย่างเคอะเขิน ร่างกำยำกอดและถูไถผิวอุ่นและเปลือยเปล่าไปทั่วทั้งตัวผม

“อ...อาา!” ท่อนเนื้อถูไถกับหน้าท้องผมแล้วเคลื่อนต่ำลงไปเรื่อย ๆ รู้สึกถึงความร้อนผ่าวและเปียกฉ่ำ ปากประกบปิดเสียงครางของผมไม่ให้ทัดทานเขาได้อีก ผมแค่ขอเวลาเตรียมใจแป๊บเดียวแต่เหมือนเขาจะรอไม่ได้อีกแล้ว ยิ่งดิ้นเพราะความกลัวเขากลับยิ่งกอดรัดและเคลื่อนหน้าไซ้ตั้งแต่คางมาที่ซอกคอและหน้าอก เจลเย็น ๆ ถูกป้ายที่ตรงนั้น ไม่ได้เตรียมใจเลยนะ ถึงช่วงหลายเดือนที่คบกันมาผมก็หวังว่าเขาจะทำเรื่องนี้สักทีแต่ก็มีแค่กอดกับหอมแก้ม แต่ไม่นึกว่าจะเป็นวันนี้

ใบหน้าคมเข้มของสนเคลื่อนมาจ่อชิดหน้าผมอีกครั้ง “ดิม...กู...ช่วยกูหน่อยนะ”
“อือ” ผมโน้มหน้าเขามาจะจูบ พวกเรากำลังจะไปถึงขั้นสุดท้ายแล้ว แต่เขายิ้มแหย ๆ “เปล่า คือหมายถึงช่วยใส่ถุงให้กูหน่อย กูพยายามแล้วแต่มันไม่ได้ว่ะ”
มือสนสั่นเบา ๆ ตอนยื่นทั้งสองอย่างมาให้ หน้าเขาแดงเป็นลูกตำลึงแล้ว “นายรูดลงผิดด้านน่ะ”
“กูไม่เคย” เขาพูดเบา ๆ
“เราก็ไม่เคยเหมือนกัน” เพิ่งเคยจับของคนอื่นครั้งแรกนี่แหละ มือไม้ก็สั่นไม่แพ้เขาหรอก
“อ้าว แล้วที่มึงบอกว่าคบกับปิงคือ...”
“แค่จูบกันครั้งเดียว จูบคืนนั้นแล้วก็เลิกคืนนั้นเลย”

สนยิ้มร่าทำหน้าโล่งใจ คือเขากังวลมาตลอดบ่ายเพราะคิดว่าผมเคยมีอะไรมาก่อนเหรอ
เขาเคลื่อนส่วนนั้นเข้ามาทีละนิด ทีละช้า ๆ จนเข้ามาแนบกันทุกส่วน เขาขยับตัวเบา ๆ  สนกระซิบเสียงกระเส่า
“เจ็บมั้ยวะ?”
“ม...ไม่เจ็บ”
“มึงอย่าโกหกดิ”
...ก็ถ้าบอกว่าเจ็บเดี๋ยวเขาก็ประหม่าอีก…

สนยิ้มจ้องตาผม ใบหน้าคมเข้มที่ทำผมใจเต้นอุ่นร้อนผ่าวในอกทุกครั้งที่ได้มองตอนนี้คลุกนัวเนียตามหน้าตามตัวผม ผมก็แตะปากจูบทุกส่วนบนตัวเขาที่ไม่เคยได้สัมผัส ความสุขมาจากทั้งสองด้านกับแรงเขาที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดจนเราเสร็จทั้งคู่ ผมกอดเขานอนอยู่เงียบ ๆ บนเตียงที่มีหมอนหลายใบอยู่รอบหัวเตียง มีแต่เสียงลมหายใจหอบถี่
“สน...ทำไมเป็นวันนี้ล่ะ?” ผมเอ่ยถามกับอกกว้าง
“ดิม กูมีอะไรจะบอกมึง”สนชันตัวขึ้นเกาหัวและยิ้มแห้ง ๆ
“อะไรเหรอ?”
“คือกู...ตอนแรกกูไม่ได้คิดจะมีอย่างว่ากับมึงนะ” เขาพูดอ้อมแอ้มแล้วก็หน้าแดง

“ที่กูแบกมึงขึ้นนั่นกูจะเล่นมวยปล้ำทุ่มมึงลงบนเตียง คิดว่าเล่นแบบนี้แล้วมึงน่าจะหายเครียดน่ะ กูกับไอ้บอมเล่นแบบนี้กันบ่อย ๆ”

เข้าใจละที่เตียงสนมีหมอนเยอะมากเพราะเอาไว้แทนเบาะรองเวลาเล่นมวยปล้ำนี่เอง  มือของสนขยี้หัวผมเบา ๆ “ก็ไอ้บอมเคยบอกว่ารู้สึกยังไงก็ให้ทำออกไปแบบนั้นน่ะ แต่พอจะทุ่มจริง ๆ กูกลัวมึงเจ็บ ก็ตัวมึงเบานิดเดียว ไม่ค่อยเล่นกีฬาออกกำลังอะไรเลย เดี๋ยวทุ่มลงกระดูกกระเดี้ยวหัก กูเลยเปลี่ยนใจวางมึงลง”
“อ้าว ก็นึกว่าอยาก” ผมเล่นตอบสนองให้ซะเลย
“มึงจูบมา กูก็เลยตามเลย” เขาหัวเราะเสียงสดใส “ขอโทษนะ กูแม่งไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง”
“ไม่หรอก นายน่ะมีพร้อมมาก ๆ เลยตะหาก”

ผมกอดร่างอุ่นนั้นไว้ คนตัวสูงที่มีพลังล้นเหลือ ยิ้มหัวเราะกับทุกอย่าง เวลาอยู่ใกล้เขาผมมีความสุขและมีมากขึ้นทุกวัน จากวันแรกที่ชมรมสแครบเบิ้ลที่เขาโมโหคนเล่นโกงแล้วลาออกทันที ...เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมจ้องมองเขา จนเดินตามเขาออกจากห้องชมรม…
...บ่ายวันรุ่งขึ้นที่หลังตึก ที่เขาบอกว่ากำลังกลุ้มเรื่องการเรียนแต่กลับหัวเราะร่า...
...เหมือนลูกโป่งที่หลุดมือแต่ยิ้มดีใจกับท้องฟ้ากว้างและแสงอาทิตย์…
...ผมรู้สึกว่าผมอยากสนิทกับเขา ทุกอย่างเริ่มมาจากวันนั้น...
จากวันนั้นผมก็มีสนเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ ในทุกวัน คนที่ไม่เคยทำอะไรหวาน ๆ แต่คอยอยู่ข้างกันตลอดตามที่เขาพูดประจำ ดูแลมึงคนเดียวน่ะไม่ยากหรอก ผมก็ตั้งใจจะดูแลเขาให้ดีเช่นกัน

“สน”
“หืม?”
“ติวเลข”
“........” ไม่มีสัญญาณตอบกลับใด ๆ “กูง่วง กูเหนื่อย มึงไม่เหนื่อยเหรอวะ?”
“ไหนบอกว่าจะให้ติวไง”
“ฮะ ๆๆ อันนั้นกูหลอกมึงมาเล่นมวยปล้ำเฉย ๆ” ร่างสูงหัวเราะร่วนพร้อมหยิบผ้านวมโปะทับผมก่อนจะมุดตามเข้ามาด้วย แบบนี้ไม่ได้ติวแน่ ๆ

-----------------------------------------------------------

วันจันทร์ ช่วงพัก 30 นาทีก่อนคาบ 7

ตี้กำลังยืนใช้หลอดดูดจิ้มเกลือขึ้นมาจากโถหน้าร้านขายน้ำข้างโรงอาหารแล้วจิ้มลงไปในขวดน้ำอัดลมให้ฟองฟู่ขึ้น
“ตี้ ใกล้คาบ 7 แล้วนะ ไปเข้าเรียนกัน” บอยสะกิดเขา
“เออ ๆ” ตี้ตอบอย่างหงุดหงิด

ตั้งแต่ขึ้นเทอมสอง คาบ 7 วันจันทร์กลายเป็นคาบวิชาเลือกสายอาชีพแล้วต่อด้วยคาบ 8 วิชาสันทนาการ สำหรับนักเรียนคนอื่นนี่เป็นสองคาบที่แสนบันเทิง เพื่อนที่สนิทกันก็มักเลือกวิชาเดียวกันได้ทำกิจกรรมและเล่นสนุกด้วยกันนอกเหนือจากการจับเจ่าเรียนหนังสือ แต่มันไม่ใช่สำหรับตี้

เพราะไอ้เอสดันไปลงวิชาความถนัดทางศิลปะ!

“บอย ถ้ากูอยากเปลี่ยนไปลงวิชาวาดรูป มึงว่าอาจารย์จะให้กูเปลี่ยนไหมวะ?”
บอยหยุดดูดไวตามิลค์แล้วหันมามองเพื่อนตัวโย่ง
“คือ...กูว่า...กูไม่ถนัดวิชาถ่ายภาพอ่ะ” ตี้พูดเสริมแบบอ้อมแอ้ม ไม่อยากให้เพื่อนซี้จับได้ว่าเขาอยากย้ายตามเอส
“ถนัดไม่ถนัดนี่กูไม่รู้นะ ที่แน่ ๆ มึงวาดนารูโตะแต่กูนึกว่ามึงวาดบาร์ท ซิมส์สันน่ะ”
“ไอ้เหี้ยยยย!”

บอยหัวเราะสะใจที่หยอกจุดอ่อนของตัวท็อปของห้องได้แล้วรีบวิ่งหนีไปทางตึก 1 โดยตะโกนให้ตี้รีบตามไปเข้าวิชาถ่ายภาพ ทิ้งตี้ยืนเซ็งอยู่คนเดียวระหว่างรีบดูดน้ำอัดลมให้หมดขวดก่อนกริ่งคาบ 7 จะเริ่ม

“เอส นายจะเลือกวิชาอะไรเหรอ?” ตี้ยื่นกระดาษสำหรับลงชื่อวิชาเลือกให้เพื่อนซี้ดูแล้วถือโอกาสเนียนยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ระหว่างที่เอสกำลังง่วนก้มดูกระดาษใบนั้น แค่ได้โดนผมนุ่ม ๆ ของเอสเขาก็มีความสุขมากแล้ว เอสเลือกวิชาอะไรเขาก็จะเลือกอันนั้นแหละจะได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ
“เราจะลงวิชาความถนัดทางศิลปะน่ะ เราจะเอ็นคณะสถาปัตย์”
“เหรอ งั้นเราลงด้วย”
“เอาจริงเหรอ? วิชาสังคมนายวาดแผนที่โลกเรานึกว่าใบ้หวย”
“ก็จะได้ฝึกวาดรูปไง” ตี้ยังพยายามไม่ลดละ
“เราว่านายลงวิชาถ่ายภาพดีกว่า เหมาะกับอาชีพนักข่าวนะ”

และนั่นทำให้ตี้ต้องจำใจลงวิชาถ่ายภาพ...เอาวะ! อย่างน้อยห้องเรียนของสองวิชานี้ก็อยู่ใกล้กัน ห้องโฟโต้อยู่ใต้ตึก 1 ส่วนห้องศิลปะอยู่ใต้ตึก 7 ซึ่งก็ห่างกันไม่กี่ก้าว แต่เอาเข้าจริงต่างคนต่างก็มีกิจกรรมในคาบเยอะจนแทบไม่ได้เจอกัน พอจบคาบ 7 ก็เป็นคาบสันทนาการ ตี้ต้องไปห้องโสต ส่วนเอสไปห้องสมุด

ยิ่งกว่านั้น พอเอสมีเวลาว่างก็หยิบสมุดสเก็ตไปนั่งฝึกวาดรูปคนเดียว เขาจะตามไปนั่งเล่นด้วยเอสก็ไม่ยอม บอกว่าเสียสมาธิ
“นายวาดอะไรอ่ะ?”
“อาจารย์บอกให้ฝึกวาดรูปคนสัตว์รถบ่อย ๆ”
“ขอดูหน่อยดิ”
“ไม่ได้ ยังวาดไม่สวย”

...อย่างน้อยเอสก็จำความฝันของเขาได้ และเขาก็เลือกวิชาถ่ายภาพตามที่เอสเคยบอกว่าเขาควรมีงานอดิเรกถ่ายรูป เล่นดนตรี เล่นกีฬา ร่างสูงได้แต่ปลอบใจตัวเอง แต่ทำไมยิ่งนานวันเขาเหมือนโดนกีดกันออกห่างจากไอ้น่ารักวะ

ได้อยู่ใกล้แค่ช่วงนั่งเรียนไม่หนำใจเลย เขาอยากอยู่กับเอสให้นานกว่านี้ อยากอยู่ใกล้ให้ใจเต้นกว่านี้ อยากให้เอสดูแลใส่ใจเขาทุกวัน เผื่อสักวันความใกล้ชิดจะทำให้เพื่อนคนนี้เปิดใจให้เขาบ้าง...ตั้งแต่เหตุการณ์ทำคลิปแฉห้องคิงครั้งนั้นเขาก็ไม่กล้าพูดความในใจอีกเลย ทำไมมันต้องมีอะไรมาขัดจังหวะทุกครั้งอย่างกับโดนฟ้ากลั่นแกล้ง

“อ้าว! ตี้ยังไม่ไปห้องโฟโต้อีกเหรอ?” เสียงบอมกับสนทัก
“เออ กำลังจะไปละ” คือจริง ๆ ไม่ค่อยมีกะใจจะไปเรียนเท่าไหร่
“ตี้ กูถามอะไรหน่อยสิ” บอมหันมองซ้ายมองขวาเหมือนจะชวนคุยอะไรสักอย่างที่เป็นความลับแล้วกอดคอตี้พาเดินไปหลังซุ้มขายน้ำ
“มีอะไรเหรอวะบอม?”
“คือมึง...”
“มึงยังจีบเอสอยู่ป่าววะ?” สนช่วยพูดเพราะเห็นบอมอ้ำอึ้ง ประโยคนั้นทำร่างสูงแทบสำลัก

“ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” ตี้ก้มหน้าถาม
“กูมองจากปากซอยโรงเรียนยังดูออก” บอมตอบทันควัน
“กูมองจากดาวอังคารก็ยังรู้อ่ะ” สนเสริม

“คือที่พวกกูถามเนี่ยเพราะ...” บอมเว้นช่วงพลางหันมองสนเพื่อนซี้ประมาณว่ากูพูดดีไหมวะ
“กูเห็นเอสนั่งกับน้องผู้หญิงม.3 มาสักพักนึงแล้ว”

คราวนี้ร่างสูงสำลักน้ำจริง ๆ พ่นเป็นสายรุ้งเลย
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) จบแล้ว เพิ่มตอนพิเศษ 3: 10 กค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 11-07-2021 22:00:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) จบแล้ว เพิ่มตอนพิเศษ 3: 10 กค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 27-07-2021 14:18:33
นิยายสนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) จบแล้ว เพิ่มตอนพิเศษ 3: 10 กค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 31-08-2021 23:18:59
King Class Away: Special 4
คาบ 7 ณ ม้านั่งหินข้างตึก 1 ใกล้สนามฟุตบอล

“นั่นไง เอสกำลังนั่งกับน้องคนนั้น” บอมชะโงกโผล่หัวออกมามองจากมุมโรงพละ

“เฮ้ย! บอมอย่าชะโงกไปเยอะ เดี๋ยวไอ้เอสเห็น” ตี้โผล่ออกมาแต่ลูกตา พยายามดึงตัวบอมหลบกลับเข้าหลังกำแพง

“คุยกันด้วยว่ะ” สนชะโงกดูบ้าง สามหนุ่มโผล่หัวเรียงกันตามแนวตั้ง มองไปยังเป้าหมาย

คนตัวสูงหน้าเสีย ตอนแรกเขาคิดว่าสองสหายนักบาสอาจตาฝาด พยายามคิดเข้าข้างตัวเองต่าง ๆ นานาว่าเอสไม่มีทางนั่งคุยกับน้องผู้หญิงตามลำพังอย่างนั้นหรอก ยังไงไอ้น่ารักก็มีใจให้เขาคนเดียว ก็นั่งเรียนข้างกันมาจะครึ่งปีแล้ว ลง IG คู่กันทุกสัปดาห์ เพื่อนในห้องล้อจนเลิกล้อไปแล้ว แถมเอสก็ไม่เคยแสดงออกว่าชอบพอใคร ไอ้น่ารักต้องชอบเขาแน่ ๆ เพียงแต่ไม่กล้าแสดงออก เขาเองก็ไม่กล้าพูดชัด ๆ เลยทำแค่ได้อยู่ใกล้เอสไปเรื่อย ๆ ให้มันคลุมเครืออบอุ่นหัวใจอยู่อย่างนี้ก็พอ

แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่พอเสียแล้วเพราะภาพตรงหน้าทำให้หัวใจเขาเจ็บจี๊ด...ที่ผ่านมาคือ friend zone ตรูคิดไปเองข้างเดียวเหรอฟระ… เมื่อเขาเห็นกับตาว่าเอสนั่งวาดรูป ส่วนน้องผู้หญิงม.3 ก็นั่งวาดรูปอีกด้านของโต๊ะพลางคุยอะไรกับเอสไปด้วยท่าทางสนิทสนม

“เดี๋ยวกูลองเข้าไปใกล้ ๆ อยากรู้เขาคุยอะไรกัน” สนขยับตัวจะเดินเข้าไปหาเป้าหมาย

“เฮ้ย! อย่า! เดี๋ยวเอสมันรู้ว่าพวกเราแอบดูอยู่” ตี้รีบดึงเสื้อสนไว้

“ถ้างั้นเราย้ายไปโต๊ะอีกตัวที่อยู่ใกล้ ๆ มั้ย? มันมีต้นไม้กั้นอยู่ เอสไม่เห็นพวกเราหรอก” บอมเสนอ

“แต่มีน้องม.ต้นนั่งอยู่หลายคนเลยนะ” มองปราดเดียวเห็นผมสั้นและหน้าอกไม่มีเข็มโรงเรียนก็รู้ว่าม.ต้น อาจเป็นห้องเดียวกับน้องผู้หญิงคนนั้นด้วย

“งั้นกูไปไล่พวกแม่งเอง” สนทำหน้าเหี้ยมเกรียมแต่บอมปรามเพื่อนรักด้วยการเบิ๊ดกระโหลก

“มึงจะบ้าเหรอ เดี๋ยวเอะอะเสียงดัง เป้าหมายก็ไหวตัวกันพอดี มาวางแผนกันสามคนก่อน”

“สน บอม พวกนายกลับไปเรียนช็อปเหล็กเหอะ!” ตี้ตัดบท ถึงหลายหัวจะดีกว่าหัวเดียวก็เถอะ แต่ดูท่าจะไม่มีทางเข้าไปใกล้เอสได้เลย ยิ่งช่วยยิ่งยุ่ง มัวแต่ยุกยิก ๆ กันอยู่มุมตึกแบบนี้ถ้าเอสจับได้ว่าพวกเขากำลังแอบดูอยู่มีหวังโมโหแน่

“ถ้าทำให้น้อง ๆ กลุ่มนั้นลุกไปได้ก็โอเคใช่มั้ยบอม? งั้นเรากับดิมจัดการเอง”

“เยี่ยมเลยพัต ฝากด้วยนะ...ฮ...เฮ้ย! พวกนายมาได้ยังไง?!”

“เรามองเห็นพวกนายจากหน้าต่างห้องคอมที่ชั้น 3 ตึก 5 น่ะ คิดว่ากำลังทำอะไรกันก็เลยเดินมาดู” พัตตอบหน้าตายพร้อมพยักเพยิดกับดิม แล้วสองคนก็เดินเฉียดเข้าไปใกล้กลุ่มน้องม.ต้นที่นั่งรอบโต๊ะม้าหินใกล้ ๆ เอส

“เฮ้ย! นายจับ Abra ไชนี่ได้เหรอ?”

“ใช่ เราจับได้ตะกี้แถวหน้าโรงเรียนน่ะ” พัตตอบเบา ๆ พร้อมยื่นหน้าจอเกม Pokemon Go ให้ดิมดู

“น่าอิจฉาจัง! ตัวนี้หายากมาก แถมเป็นไชนี่อีก”

น้อง ๆ ที่นั่งก็หูผึ่งรีบลุกมาขอดูมือถือพัตทันที “จริงเหรอพี่?”

“จริงสิ ดูเนี่ยครับ รีบไปจับนะเดี๋ยวมันหายไปก่อน” พัตยื่นหน้าจอให้รุ่นน้องดู เท่านั้นแหละกลุ่มเด็กม.ต้นที่นั่งรอบโต๊ะก็รีบลุกวิ่งพรวดไปทั้งกลุ่ม

“นายนี่ฉลาดจริง ๆ สมกับเป็น Elite5” ดิมพูดพลางเข้ายึดโต๊ะได้โดยละม่อมแล้วส่งสัญญาณเรียกเพื่อนทั้งสามให้ย่องตามมานั่งด้วยกัน ตี้พยายามเงี่ยหูฟังแต่ก็กลัวเอสรู้ตัวเลยแกล้งนอนฟุบกับโต๊ะ อีกสี่คนก็หยิบสมุดหนังสือมานั่งอ่านเนียน ๆ ซึ่งก็ไม่รู้จะเนียนได้แค่ไหนเพราะในคาบนี้สองคนต้องไปเรียนช็อปเหล็ก อีกสองคนเพิ่งโดดวิชาโปรแกรมคอมพิวเตอร์พื้นฐานมา

“พี่เอสวาดรูปเก่งจัง ขอหนูดูได้ไหมคะ?”

“อย่าเลย ยังวาดไม่ค่อยสวย”

ตี้ใจชื้นขึ้นมานิด เอาวะ! อย่างน้อยเอสก็ไม่ให้น้องคนนั้นดูสมุดวาดเขียนเหมือนที่ไม่ยอมให้เขาดูเช่นกัน

“ฮื้อออ!” เด็กรุ่นน้องส่งเสียงบ่งบอกว่าโดนขัดใจแต่ก็ยังพยายามชวนคุยไม่เลิก “พี่จะเข้ามหาลัยไหนเหรอคะ?”

“สถาปัตย์มหาลัย XXX น่ะครับ”

ร่างสูงแอบดีใจได้ไม่กี่วินาทีก็หน้าสลดอีกครั้ง เอสเลือกที่มหาลัยชื่อยาวเป็นรถไฟและมีรถไฟแล่นผ่านจริง ๆ ซะด้วย...แต่นั่นไม่ใช่มหาลัยที่เขาเลือกจะสอบเข้า นั่นแปลว่าเวลาของเขากำลังหมดลงทีละช้า ๆ!! ที่สถาบันนั้นไม่มีคณะนิเทศซะด้วยสิ...เดี๋ยวนะ...หรือว่ามีฟระ? ตี้หยิบมือถือขึ้นมาค้นเน็ตทันที มีคณะนิเทศศาสตร์เกษตร คืออะไรเนี่ย? จบไปทำงานอะไรนะ? แต่ตอนนี้สนใจเรื่องไอ้คนข้าง ๆ ที่นั่งอยู่หลังรั้วต้นไม้นี่ก่อนเหอะ

“เย็นนี้พี่เอสเดินไปส่งหนูที่รถโรงเรียนได้ไหมคะ?”

อะไรนะ!!! ตี้สะดุ้งโหยงทำตาโต อีกสี่คนก็หูผึ่งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“คงไม่ได้นะ พี่มีกิจกรรมชมรมห้องสมุดหลังคาบ 8 น่ะครับ”

“นะ ๆๆ เพื่อนหนูชอบแกล้งอ่ะ พี่เดินไปส่งหนูหน่อยนะ”

“ถ้าว่างนะ” เสียงเอสตอบทำทั้งห้าคนรอบโต๊ะได้แต่มองหน้ากันด้วยความอึ้งไม่รู้จะพูดยังไงดี

“ใกล้หมดคาบ 7 แล้วพวกเราไปก่อนนะตี้” สมาชิกคนอื่น ๆ ลุกไปอย่างเงียบ ๆ ไม่ให้เอสรู้ตัว ส่วนตี้เดินเคว้งเสียศูนย์ไปห้องชมรมโสตทัศน์ ตลอดทั้งคาบเขาเรียนไม่รู้เรื่องเลย เขาควรทำยังไงดีฟระ?

เริ่มรักน้ำ-รักปลา-รักต้นไม้-รักโลก-รักการเกษตรตั้งแต่วันนี้เลยดีไหมจะได้สอบเข้าคณะนิเทศเกษตรมหาลัยเดียวกับเอส? แต่ต้นไม้ชนิดเดียวที่เขาเคยปลูกแล้วไม่ตายคือคุณนายตื่นสายนะ ที่เหลือตายเรียบ ไม่แห้งตายก็เฉาตาย ว่าแต่จบไปจะทำอาชีพอะไรเนี่ย? แล้วเขาจะหาเลี้ยงพ่อแม่กับไอ้เอสได้ไหมฟระ? ลำพังการเรียนได้คะแนนดีอย่างเดียวอาจไม่พอที่จะตามไอ้เอสไปได้ มันมีเรื่องทักษะและอะไรอีกมากมาย ไหนจะคณะที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนนี่จะปรึกษาใครได้นะ? แต่ตอนนี้ควรห่วงเรื่องเอสคิดยังไงกับน้องคนนั้นก่อนคิดเรื่องปลูกต้นไม้ไหม?

ตี้นั่งตัดต่อวิดีโอผลงานใหม่ของเขาอย่างมีสติครึ่งไม่มีสติครึ่ง การทำงานในห้องโสตเป็นสิ่งที่เขาทำหลังจบกิจกรรมชมรม ทุกทีเอสก็จะแวะมาหลังจัดหนังสือในห้องสมุดเสร็จเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน บางครั้งก็แวะหาอะไรกินก่อนที่ปากซอยโรงเรียน ถ้ายังไม่เย็นมากก็ไปกินแถวห้าง MaxValu ตรงสี่แยกใกล้โรงเรียน
 พวกเขาสองคนทำอย่างนี้เป็นกิจวัตรมาแต่ไหนแต่ไร...แต่ตอนนี้เขาได้แต่นั่งอยู่คนเดียวไม่รู้ว่าคอยอะไร ป่านนี้เอสคงเดินไปส่งน้องคนนั้นที่รถโรงเรียน แค่คิดใจก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที อกหักใช่ไหมอย่างนี้

“ยังไม่เสร็จงานอีกเหรอ?” เสียงคุ้นเคยทักเบา ๆ

“เอส!? ทำไมอยู่นี่ล่ะ?” ตี้ทักอย่างงุนงงระคนความดีใจ เขานึกว่าไอ้น่ารักไปกับน้องคนนั้นแล้วเสียอีก

“ถามแปลก ๆ เราก็มาตามปกติน่ะ ตัดต่ออีกนานไหมกว่าจะเสร็จ?”

“ไม่ ๆๆ เดี๋ยวทำวันหลังก็ได้ กลับบ้านกันเถอะ” คนตัวสูงยิ้มดีใจลิงโลดเก็บอารมณ์ไม่อยู่ แต่เอสกลับบอกให้เขาทำงานต่อไป ก่อนนั่งลงที่เก้าอี้หล้งห้องโสตทัศน์ วางเป้บนตัก รูดซิปหยิบสมุดวาดเขียนขึ้นมา

“ไม่รีบน่ะนายทำงานไปเหอะตี้ เราก็อยากฝึกวาดรูปเหมือนกัน”

สองหนุ่มต่างทำงานของตัวเองไปเงียบ ๆ ซึ่งทุกทีก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว แต่วันนี้ตี้รู้สึกอึดอัดเหลือเกินเลยพยายามชวนคุย แต่พยายามระวังไม่พลาดคุยเรื่องน้องคนนั้นให้เอสรู้ว่าเขาแอบฟังหมดแล้ว “เราว่าเราสนใจคณะนิเทศศาสตร์เกษตรนะ”

เอสเงยหน้าขึ้นมา “คณะอะไรนะ?”

“นิเทศศาสตร์เกษตร ประมาณว่าเป็นคณะนิเทศที่สนับสนุนภาคการเกษตรของประเทศน่ะ แต่ก็ไปทำงานสายนิเทศอื่น ๆ ได้ด้วยนะ”

“ฟังดูน่าสนใจนะ มีที่มหาลัยไหนเหรอ?”

“มหาลัย XXX”

“บังเอิญจัง เราก็ว่าจะสอบเข้าคณะสถาปัตย์มหาลัยนี้เหมือนกัน ตี้นายชอบด้านนี้เหรอไม่เคยรู้?”

“ใช่ ๆๆ ไม่เคยบอกใครเลยนะ” เพิ่งรู้จักคณะนี้เมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้วนี่แหละ

“แล้วที่บอกว่าอยากเป็นนักข่าวที่ผดุงความยุติธรรมล่ะ?”

“อ...อันนั้นก็อยากเป็นอยู่ แล้วก็ผดุงการเกษตรด้วย” ไม่รู้จะไหลจะแถไปยังไงแล้ว ไอ้เอสดันจำความฝันที่เขาเคยพูดได้ด้วย ทั้งเขิน ทั้งดีใจ ทั้งตกใจ

“งั้น...เราเล่าเรื่องพิลึกของเราให้นายฟังบ้างดีกว่า” เอสเดินมาข้างหลังตี้ ก่อนที่ร่างสูงจะหันกลับไปดู เอสก็วางแขนทั้งสองบนบ่าเขาจากด้านหลัง “ดูนี่สิ”

เอสยกมือถือของเขาอยู่ตรงหน้าตี้ เป็นคลิปยูทิวป์ชื่อว่า Thunderbirds 1 Launch Sequence เป็นอนิเมชั่นที่ดูเก่าโบราณมากน่าจะยุค 60 ตี้ไม่เข้าใจว่าเอสต้องการให้เขาดูอะไร ผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในคฤหาสน์ จากนั้นเขาก็...ใช้ประตูลับที่ผนังห้องหมุนเข้าไปเป็นฐานทัพลับใต้ดิน เขาเดินเข้าไปในจรวดลำใหญ่ จากนั้นสระว่ายน้ำกลางแจ้งด้านหน้าคฤหาสน์ก็ค่อย ๆ เลื่อนออกกลายเป็นแท่นปล่อยจรวด

“เฮ้ย! เจ๋งสาดดดด นายจะเรียนด้านอนิเมชั่นเหรอ?”

“เปล่า” เอสพูดอยู่ข้างหลังหัวของตี้แต่ตี้ก็ยังไม่เข้าใจ “เราจะเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งด้านการสร้างทางลับ กลไกห้องลับ ฐานทัพใต้ดิน เราชอบอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ละ จนคุยกับนายเราเลยนึกขึ้นได้ว่าเราทำความชอบความฝันให้เป็นอาชีพก็น่าจะได้นี่”

“เฮ้ย! ไอเดียดีมากเลย”

“นึกว่านายจะแซวว่าติงต๊องซะอีก”

“ไม่หรอก เท่ชะมัดเลย” ตี้หันไปคุยกับเอสที่ยืนด้านหลัง ตอนนี้หน้าเขาอยู่ใกล้กันมาก บวกกับการเล่าแลกเปลี่ยนความฝันกันอย่างนี้ยิ่งทำให้หัวใจเขาพองโตราวกับได้ใกล้ชิดกันขึ้นไปอีกขั้น ความสนิทที่มีเฉพาะคนรู้ใจที่ไว้ใจกันเท่านั้น...แต่พอภาพน้องม.ต้นคนนั้นวนกลับเข้ามาในหัวเขาก็วนลูปกลับมาไม่มั่นใจ จิตใจสับสนสั่นไหวปนเปกันไปมาจนทำงานแทบไม่มีสติแล้ว

“เริ่มมืดแล้วกลับบ้านกันเถอะ” ตี้เซฟงานแล้วเริ่มเก็บของ เอสก็เก็บสมุดวาดเขียนเข้าเป้

“แล้วเรื่องการสร้างห้องลับนี่มหาลัยมีสอนไหมนะ?” ตี้ชวนคุยระหว่างเดินออกจากโรงเรียนไปทางปากซอย

“นั่นสิ ห้องลับน่ะก็ไม่ค่อยมีใครเอาผลงานมาเปิดเผยเนอะ จะหาความรู้คงยาก” เอสตอบ “เออ แล้ววิชาถ่ายรูปวันนี้เรียนอะไรเหรอ?”

“เอ่อ...คือ...” ฉิบหายล่ะ! วกมาคุยเรื่องนี้ทำไมฟระก็ตรูไม่ได้เข้าเรียนเพราะมัวแต่แอบฟังนายนั่งคุยกับน้องคนนั้นนี่แหละ ถ้าตอบมั่ว ๆ แล้วพรุ่งนี้เอสไปถามไอ้บอยมีหวังความลับแตกแน่ ๆ “เราหลับน่ะ”

“เฮ้ย! พอเราไม่ได้ไปนั่งเรียนด้วยก็นอนในคาบอีกแล้วนะ พรุ่งนี้ไปตามจดเล็คเชอร์จากไอ้บอยด้วยนะเว้ย” เอสเอ็ดเบา ๆ และหัวเราะตาม ตี้ก็หัวเราะเช่นกันพลางคิดในใจว่ามาเรียนด้วยกันทุกคาบได้ก็ดี เขาอยากให้เพื่อนสนิทคนนี้คอยดูแลอย่างนี้ตลอดเวลา

พอกลับถึงบ้านตี้ก็รีบกินข้าว อาบน้ำ ทำการบ้าน อ่านทบทวนเนื้อหาที่เรียนวันนี้แล้วจัดกระเป๋าให้เสร็จก่อนสามทุ่มครึ่งแล้วก็นั่งรอโทรศัพท์

กริ๊ง! ตรงเวลามาก ตี้กดรับทันทีและเสียงปลายสายอีกฝั่งก็พูดประโยคเดิมที่คุ้นเคย

“ทำการบ้านเสร็จยัง?”

“เสร็จแล้ว จะลอกป่ะ?”

“ตลกละ! อย่านอนดึกนะเว้ย!”

“เตรียมตัวนอนแล้วเนี่ย แล้วนายล่ะเอสทำการบ้านเสร็จยัง?”

“เสร็จละ นี่อ่านวิชาของพรุ่งนี้เสร็จแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะ”

เนี่ย ๆๆๆ ตั้งแต่จบเรื่องห้องควีนห้องคิงนั่นเอสก็ยังโทรมาบอกราตรีสวัสดิ์เขาเหมือนเดิมแทบทุกคืน แล้วแบบนี้จะให้เขาไม่คิดได้ไง! เพื่อนที่ไหนเขาจะทำแบบนี้กันฟระ? เอสพูดประโยคนี้ทีไรทำเขาใจเต้นทุกที...โดยเฉพาะคืนนี้ที่ความรู้สึกมากมายประดังประเดเข้ามา เขาไม่อยากให้น้องคนนั้นมาแย่งเอสไป ความรู้สึกมันออกมาเป็นประโยคนี้

“คิดถึงนายว่ะเอส”

อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง ตี้นึกว่าเอสพูดว่า “อะไรนะได้ยินไม่ชัด” เหมือนทุกทีที่มักมีอะไรมาขัดขวางเสมอจนเขาอยากซื้อมือถือใหม่ให้รู้แล้วรู้รอด แต่เงียบไปแบบนี้คือคนที่ปลายสายได้ยินชัดเจนใช่มั้ยฟระ! ร่างสูงใจเต้นระรัวว่าเอสจะตอบยังไง โอ๊ย! ขอให้ตอบรับทีเถอะ!

“เออ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอกันแล้ว”

เอสพูดจบก็วางสายไป ทิ้งตี้นอนคิดมากคนเดียวว่าตกลงเอสเข้าใจว่ายังไงฟระ ทำไมตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบจัง? หรือไม่คิดอะไรเลย? หรือเห็นเราเป็นแค่เพื่อนฟระ? หรือประโยคนั้นมันสื่อความหมายไม่ชัดเจน? หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำจนนอนไม่หลับเลย ตอนช่วงเปิดเทอมแรก ๆ เขาพูดล้อเรียกเอสว่าคุณแฟนได้ขำ ๆ แบบไม่รู้สึกอะไรเลยแท้ ๆ

ตี้ยกมือถือมาเปิดดูข้อความทั้งใน IG, Facebook และ Line ไม่มีใครทักเรื่องงานใด ๆ มาเลย เมื่อช่วงเปิดเทอมใหม่ ๆ ยังได้งานถ่ายแบบรีวิวสินค้าอะไรบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ตอนนี้เงียบกริบ หรือเศรษฐกิจจะไม่ดีฟระ? เขาอยากมีรายได้ให้เอสเห็นว่าเขาเลี้ยงดูไอ้น่ารักได้...แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายแบบนิยายแฮะ

ตี้ถอนหายใจพลางโยนมือถือไว้ข้างเตียงแล้วลุกไปแปรงฟันเตรียมตัวเข้านอน แต่เสียงเตือนข้อความไลน์ก็ดังตะดึ๊งขึ้น ตี้หยิบอ่านเผื่อจะเป็นข้อความจากเอส...แต่กลับมาจากเพื่อนสนิทอีกคนคือบอย

บอย: แหม ๆๆ พวกมึงนี่หวานกันจังนะ

ร่างสูงขยี้ตาอ่านอีกที ใครหวาน? ไอ้บอยส่งผิดคนหรือเปล่าเนี่ย?

Ty_Tweetie: อะไรหวาน?
บอย: อ้าว นี่ยังไม่รู้จริง ๆ เหรอ?
Ty_Tweetie: เรื่องอะไร?
บอย: งั้นกูบอกให้ละกัน 18 43 57 16 16
Ty_Tweetie: อะไรวะ? ใบ้หวยเหรอ?
บอย: สม ไม่ตั้งใจเรียนก็งี้แหละ


อะไรฟระ? ท็อปห้องนะเฟ้ย! ถึงบางวิชาจะไม่ค่อยตั้งใจบ้าง หลับในห้องบ้างก็เถอะ

บอย: อ่ะสงสารคนกำลังมีความรัก กูใบ้ให้หน่อยนึงละกัน 1-118 รีบไปดูละกันเดี๋ยวเค้างอน แล้วไม่ต้องโทรมานะ กูเด็กดีตอนแต่หัวค่ำ

หลังจากบอยทิ้งปริศนาตัวเลขให้ก็ปิดเครื่องไปเลย ทิ้งให้ตี้ยืนงงคาบแปรงสีฟันค้างไว้แบบนั้น เรื่องอะไรก็ไม่รู้แต่มันต้องเกี่ยวกับไอ้เอสแน่ ๆ เรื่องเดียวที่ไอ้บอยชอบแซวก็คือเรื่องนี้แหละ พอคิดแบบนี้แล้วยิ่งอยากรู้ว้อย! ตี้ลองถอดรหัสแบบต่าง ๆ ทั้งบวกลบคูณหาร การเพิ่มแบบมีเงื่อนไข เซ็ตสมการและวิธีอื่น ๆ อีกล้านแปดแต่ก็ไม่ได้อะไรนอกจากความปวดหัว

ไอ้บอยมึงนอนหัวค่ำแต่ตอนนี้ตรูนอนไม่หลับแล้ว!


รุ่งสางวันอังคารเด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะโหลสะเหลเพราะนอนคิดเรื่องปริศนาที่บอยให้จนหลับไปตอนไหนไม่รู้ ที่แน่ ๆ เลยเที่ยงคืน เตียงก็ดูดวิญญาณเสียเหลือเกินแต่กระนั้นก็ต้องตื่นให้ได้ไม่งั้นเอสโมโหแน่ ระหว่างขึ้นรถเมล์มาโรงเรียนก็ยังคิดวนเวียนเรื่องนี้ แต่ถึงยังไงก็คิดไม่ออก เห็นทีต้องพึ่งคนอื่นละ ตี้หยิบมือถือโทรไลน์หาคนที่น่าจะช่วยเขาได้ที่สุด สุดยอด Elite5 ของกลุ่ม

“หวัดดีพัต ว่างอยู่ไหม?”

“อืม นี่อยู่บนรถไฟฟ้ากำลังไปโรงเรียน มีอะไรเหรอตี้?”

“ช่วยแก้ปริศนานี้ให้หน่อยสิ 18 43 57 16 16”

“หืม?”

“คำใบ้คือ 1-118 เราคิดไม่ออกเลย มันก็คือติดลบ 117 แล้วยังไงต่อ?”

“คือให้หาเลขลำดับถัดไปเหรอ?”

“เปล่า น่าจะเป็นสถานที่นะ ไอ้บอยเพื่อนเราบอกให้รีบไปดู”

“ให้รีบไปดู แปลว่าต้องเป็นสถานที่ในโรงเรียนล่ะมั้ง พอมีคำใบ้อะไรมากกว่านี้ไหม?”

ตี้แคปหน้าจอไลน์ที่คุยกับไอ้บอยเพื่อนรักตัวแสบเผื่อมีคำใบ้ไหนที่เขาตกหล่นไปแล้วส่งให้พัต
“ไอ้บอยมันพิมพ์มาด้วยว่า สม ไม่ตั้งใจเรียนก็งี้แหละ”

“มีวิชาไหนที่นายไม่ตั้งใจเรียนเหรอ?”

“โห ถามตรงว่ะนายยยยย” ตี้ตอบพลางหัวเราะขำ

“มันคือคำใบ้น่ะอย่าคิดมาก”

“ถ่ายรูป สุขศึกษา เคมี”

“คำใบ้ 1-118 อาจไม่ใช่โจทย์คณิตศาสตร์”

“งั้นคืออะไรเหรอ?

“ของที่มีทั้งหมด 118 ตัว อาจจะเป็นตารางธาตุนะ”

โห! ไอ้บอยมึงเล่นของยากที่แท้ทรู ตรูเคยท่องจำตารางธาตุซะที่ไหนเล่า จำได้แค่ธาตุหลัก ๆ ที่ใช้ในการบ้านเท่านั้นแหละ ถึงเทอมที่แล้วตอนประกวดสิ่งประดิษฐ์วิทยาศาสตร์จะทำแบบจำลองโมเลกุลก็เถอะ ตี้พยายามหยิบตำราวิชาเคมีออกมาจากกระเป๋าอย่างทุลักทุเลบนรถเมล์

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/2/2e/Simple_Periodic_Table_Chart-en.svg/1200px-Simple_Periodic_Table_Chart-en.svg.png)

“ลำดับที่ 18 คือ Ar ธาตุ Argon”
“ลำดับที่ 43 Tc ธาตุ Technetium”
“ลำดับที่ 57 อยู่ไหนเนี่ย? เอ๊า! ทำไมมันกระโดดข้ามไป 71 เลยล่ะ?”

“ธาตุลำดับที่ 57 อยู่แถวล่างน่ะ ธาตุกลุ่ม Lanthanide มีคุณสมบัติไม่เหมือนธาตุตัวอื่น ๆ ในตารางหลักเลยแยกออกไปอีกแถว” พัตตอบกลับเหมือนรู้ว่าตี้ต้องงงตรงนี้แน่ ๆ

“อ๋อ เจอแล้วลำดับที่ 57 คือ La ธาตุ Lanthanum ส่วนลำดับที่ 16 คือ S ธาตุ Sulfur กำมะถัน” ธาตุที่มักใช้ในโจทย์วิชาเคมีบ่อย ๆ เขาเลยจำชื่อได้...แล้วไงต่อล่ะ? ตี้ลงรถเมล์ที่หน้าโรงเรียนแล้วหยิบปากกาขึ้นมาเขียนใส่สมุด Argon Technetium Lanthanum Sulfur Sulfur ไม่เห็นมีความหมายอะไรเลย? ไม่ได้ใกล้เคียงสถานที่ใด ๆ ในโรงเรียน เหมือนจะเป็นคาถาอัญเชิญเทพมากกว่าเสียด้วยซ้ำ นี่เขามาถูกทางหรือเปล่าหว่า?

เดี๋ยวนะ… Ar Tc La S S

“รู้แล้ว! ขอบใจมากพัต!” ตี้พูดพลางรีบเก็บสมุดปากกาตำราเคมีลงกระเป๋าแล้ววิ่งไปสถานที่ปริศนาที่บอยบอก Ar Tc La S S ถ้าเขียนติดกันแล้วเว้นวรรคใหม่จะกลายเป็น ArT cLaSS ห้องเรียนวิชาศิลปะ! ไอ้นี่แน่ ๆ!

ตี้วิ่งเหยาะ ๆ ตั้งแต่ปากซอยเข้าประตูโรงเรียนมาถึงห้องเรียนวิชาศิลปะที่ว่า เขาย่างเท้าเข้าไปโดยไม่แน่ใจว่าต้องมองหาอะไรกันแน่ ของที่ไอ้บอยบอกให้รีบมาดูก่อนเอสจะงอน ตี้มองไปรอบห้องจนเห็นกระดานติดผลงานนักเรียนที่ฝาห้องด้านหนึ่ง เด็กหนุ่มมอง 3 ภาพบนกระดานนั้น ภาพที่ทำให้เขาลืมความเหนื่อยไปในบัดดล
ภาพตัวเขาเอง กับชื่อผู้วาด นายเอกยุทธ ชั้นม.4/3
...เอสวาดภาพเขา...

*ภาพจาก https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/2/2e/Simple_Periodic_Table_Chart-en.svg/1200px-Simple_Periodic_Table_Chart-en.svg.png
หัวข้อ: Re: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) จบแล้ว เพิ่มตอนพิเศษ 4: 31 สค.64
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 29-10-2021 23:32:53
King Class Away: Special 5

ภาพนั้นเป็นภาพตัวผมนั่งทำงานในห้องโสตทัศน์ท่ามกลางอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่แสนรกมากมาย ภาพถูกวาดด้วยดินสอ ลงแสงเงาและเก็บรายละเอียดอย่างตั้งใจจนอาจารย์เลือกมาติดกระดานแสดงผลงานนักเรียนในห้องวิชาศิลปะ

ช่วงเวลาเดียวที่จะวาดได้คือตอนหลังเลิกเรียนที่เอสมานั่งเป็นเพื่อนระหว่างรอเขาตัดต่อวิดีโอ กว่าจะวาดได้น่าจะใช้เวลาหลายสัปดาห์โดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาไอ้น่ารักมองจากด้านหลังเช่นนั้นมานานแค่ไหนแล้ว ผู้ชายที่ไหนจะทนใช้เวลานั่งมองเพื่อนผู้ชายสัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่าซ้ำ ๆ อย่างนี้

คิดได้อย่างเดียวคือเอสมีใจให้ผม...ใช่ไหม?

ตั้งแต่ช่วงเข้าแถวหน้าเสาธงจนเดินเข้าห้องประจำชั้นม.4/3 ผมพยายามหาประโยคคุยกับเอส...แต่ก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไงดี ไม่รู้จะเรียบเรียงความรู้สึกในใจออกมาเป็นคำพูดยังไง

เราเห็นรูปเราที่นายวาดแล้วนะเอส สวยดี ขอบใจนะ
โอ๊ย! ธรรมดาไป ไอ้เอสอุตส่าห์ตั้งใจวาด มันต้องพูดอะไรที่พิเศษกว่านี้สิฟะ

นายคิดไงวะวาดรูปเรา?
ฟังดูเหมือนไม่พอใจอ่ะ พูดแบบนี้จบข่าวเลย

เอสนายชอบเราป่ะเนี่ยถึงวาดรูปเรา?
ห่าน! เกิดเอสมันบอกว่าก็ไม่รู้จะวาดใคร อันนี้จบเห่แหง

เอส คือเราชอบนาย
อันนี้แหละตรงสุดแล้ว...แต่จะพูดตอนกำลังเรียนอยู่เนี่ยนะ?

“จบโฮมรูมแล้ว เริ่มเรียนวิชาคณิตศาสตร์กันนะคะ เปิดไปบทภาคตัดกรวยค่ะ” เสียงอาจารย์พูดหน้าชั้นเรียนแล้วเริ่มเขียนเนื้อหาบนกระดาน ฉิบหายแล้ว เริ่มเรียนแล้วก็หมดโอกาสคุยสิ ถ้าคุยกันตอนนี้แล้วโดนอาจารย์ดุมีหวังอารมณ์โรแมนติกพังยับเยินเกินจะฟื้นแหง ๆ เอาไว้หลังจบคาบแรกค่อยหาโอกาส ยังไงผมต้องเป็นคนแรกที่บอกไอ้น่ารักว่าผมได้เห็นภาพนั้นให้ได้ (ถึงจริง ๆ แล้วคนที่เห็นคนแรกคือไอ้บอยต่างหาก)

เอสใช้เวลาช่วงที่นั่งรอเขาวาดรูปนั้นมานานเท่าไหร่แล้วนะ ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้ตัวเลยว่าช่วงเวลาตอนนั้นช่างมีความหมายเหลือเกิน ยามเย็นหลังเลิกเรียน ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่อยู่กันตามลำพังสองต่อสอง ช่วงเวลาที่สายตาของไอ้น่ารักจับจ้องที่ผม เก็บรายละเอียดทั้งหมดของห้องโสตทัศน์ที่แสนรกรุงรังถ่ายทอดออกมาผ่านดินสอและกระดาษ ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่าเอสต้องรู้สึกพิเศษกับผมแน่นอน ต้องบอกให้ไอ้น่ารักรู้ว่าผมก็คิดแบบเดียวกัน ไม่มีโอกาสไหนดีไปกว่านี้แล้ว

บอยหันมาหาผมแล้วกระซิบถาม “ตี้มึงเห็นยัง?”

“เออ เห็นแล้ว” ผมตอบเบา ๆ มึงอย่าหันมาคุยดิเดี๋ยวอาจารย์ว่าหรอก

“เอส กูเห็นรูปที่มึงวาดแล้วนะ สวยดีว่ะ” บอยพูดกับเอสแล้วหันกลับไปเรียนต่อ ขอบใจมากไอ้เพื่อนเวร หมดกันโอกาสบอกเอสว่าเขาเห็นภาพนั้นเป็นคนแรก

“ขอบใจนะ” เอสเอื้อมมือไปแตะบ่าไอ้บอยที่นั่งข้างหน้าพลางตอบสั้น ๆ

แม่งเอ๊ย! มือนั้นควรแตะบ่าตรูต่างหาก ผมดึงฝาปากกาออกมาแล้วดีดก้านกระเด็นไปใส่หัวไอ้เพื่อนเวรที่ทำลายบรรยากาศป่นปี้แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือก่อนที่ไอ้บอยจะทันหันมาหาว่าใครเป็นมือสังหารดีดปลอกปากกาใส่หัวมัน

“ตี้ เราจดไม่ทันน่ะที่อาจารย์บอกว่าไฮเปอร์โบลาต่างจากพาราโบลายังไง” เอสหันมาถามหลังจบคาบแรก มาแล้วเวลาที่ตรูจะได้แสดงความสามารถที่อุตส่าห์อ่านล่วงหน้าและดูสรุปในยูทิวป์มาก่อนตั้งหลายวัน ตามที่พัตแนะนำ

“ไฮเปอร์โบลาจะมีจุดโฟกัส 2 จุดน่ะ” ผมวาดภาพอธิบายในสมุดที่วางลงตรงกลางระหว่างโต๊ะของเราสองคนพร้อมเขียนองค์ประกอบแบบกราฟทำให้เอสเขยิบหัวเข้ามาดู ผมเองก็เอียงหน้าไปหา ได้ใกล้ชิดขึ้นอีกนิดหน่อยตรูก็เอาหมดแหละ

“เอส เราเห็นรูปเราที่นายวาดแล้ว เราชอบมากเลย ขอบใจนะ สวยจนอาจารย์เอาขึ้นกระดานเลย” ผมพูดไปเบา ๆ

“อืม ขอบใจนะที่เป็นแบบให้ แต่ไม่มีค่าตัวให้นะเว้ย” เอสหัวเราะร่าเริง ผมมองหน้าเกลี้ยงที่มีไรขนอ่อน ๆ คนนี้ที่โทรมาบอกราตรีสวัสดิ์ไล่ผมไปนอนแต่หัวค่ำทุกคืน เอาใจใส่ผมตลอดเวลา

ผมตัดสินใจแล้ว เที่ยงนี้แหละผมต้องพูดออกไปให้ได้!



และแล้วก็ถึงเวลาพักเที่ยง กลุ่มพวกเรา 6 คนมานั่งกินข้าวด้วยกันตามเคย แต่ที่ไม่ปกติคือ 4 คนนั่นมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ เดาว่าทุกคนคงเห็นรูปที่เอสวาดผมในห้องศิลปะแล้วแน่ ๆ (พัตน่าจะไขปริศนาได้ตั้งแต่ตอนที่ผมเล่าให้ฟังแล้วล่ะ) แต่คนในโรงอาหารก็เยอะเหลือเกิน บรรยากาศมันเป็นใจตรงไหนวะเนี่ย? หรือผมรอคุยตอนเย็นหลังเลิกเรียนที่น่าจะโรแมนติกกว่า? แต่อีกใจก็คิดว่าถ้าเกิดน้องผู้หญิงม.ต้นคนนั้นมาสารภาพรักกับไอ้เอสล่ะ จังหวะซิตคอมแบบนั้นมันอาจเกิดขึ้นได้นี่หว่า ที่ผ่านมาก็มีอุบัติเหตุอาเพศลมพัดกลบเสียงอะไร ๆ ก็มีมาหมดแล้วเหมือนฟ้าจงใจ ผมเขี่ยผัดฟักทองในจานไปมารวบรวมความกล้าจนมันแทบจะกลายเป็นแยมฟักทองไปแล้ว

“เอ่อ...เอส เรามีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ” ผมเงยหน้าพูดเบา ๆ กับเอสที่นั่งตรงข้าม มันเป็นคำสั้น ๆ แต่เป็นก้าวแรกที่อาจจะเปลี่ยนความสัมพันธ์ของผมกับเอสไปตลอดกาล

“อืม” ไอ้น่ารักตอบกลับมาเบา ๆ ไม่เหมือนทุกที ตามปกติมันมักจะถามทันทีว่าเรื่องอะไร พอสังเกตดูดี ๆ มันก็เขี่ยไข่ต้มในจานไปมาเหมือนกัน

หรือว่าเราใจตรงกัน? บอมหันมาสบตากับผมเหมือนจะส่งสัญญาณแล้วชวนพัตลุกไปซื้อขนมทันที “พัต เราอยากกินสาหร่ายน่ะ ไปซื้อด้วยกันนะ”

“อือ อยากกินบัวลอยด้วย” พัตตอบแล้วลุกไปโดยยังปล่อยจานอาหารไว้บนโต๊ะ ส่วนดิมก็สะกิดสนว่าไปหาขนมกินกัน แป๊บเดียวโต๊ะตรงนั้นก็เหลือแค่ผมกับเอสตามลำพัง แถมจานที่ทั้งสี่คนวางไว้บนโต๊ะกลายเป็นปราการป้องกันไม่ให้คนอื่นมานั่งร่วมโต๊ะด้วย ขอบใจมากนะพวกนาย! ตอนนั้นอยู่กันแค่สองคนแล้ว เป็นไงเป็นกัน!

“เอส...คือเมื่อคืนที่เรา เอ่อ...บอกว่าคิดถึงนายน่ะ คือเราคิดถึงจริง ๆ นะเว้ย ไม่ได้เล่นมุก”

“อืม” เอสตอบสั้น ๆ จนผมไปต่อไม่เป็นเลย ผมก้มหน้าเขี่ยข้าวกินข้าวไปต่อ ไม่ได้แล้วบรรยากาศ dead air แบบนี้ ผมคิดถึงประโยคหนึ่งที่เคยได้ยินน้าเน็กพูดตอนไลฟ์ ...เวลาเราชอบใคร เราจะตัวเล็ก…

ผมจะตัวเล็กไม่ได้! ไม่งั้นผมจะดูแลไอ้เอสได้ไงวะ!

ผมมองคนตรงหน้า...ไอ้คนที่คุยเรื่องเกมเสียงดังวันแรกตอนเจอกันในที่เรียนพิเศษ
คนที่กล้ายอมรับผิด ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่ผมคิด
คนที่บ่นว่าไม่ชอบให้ถ่ายรูปแต่ก็ยอมให้ถ่ายลง IG สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
คนที่กัดกันทุกวันแต่ดูแลผมเรื่องอาหาร การเรียน เข้านอน โทรปลุก
คนที่สนับสนุนให้กำลังใจผมมาตลอด มานั่งเป็นเพื่อนที่ห้องโสตหลังเลิกเรียนประจำ
คนที่โคตรน่าแกล้ง แต่ตอนนี้อยากอยู่ด้วยทุกวัน
ความสนิทสนมทั้งที่โรงเรียนและที่เรียนพิเศษ ช่วงเวลาดี ๆ ที่นั่งรถไฟฟ้ากลับบ้านด้วยกันหลังเรียนพิเศษ ตัวอุ่น ๆ ที่ผมเคยแบกบนหลัง

ความรู้สึกในใจมันมากมายมหาศาลบานตะไท แต่ปากก็ยังหนักไม่กล้าพูดอยู่ดี! ก็มันกลัวนี่โว้ย! ถ้าไอ้เอสปฎิเสธผมล่ะ ตอนนี้อยากมีตัวช่วยอะไรสักอย่าง…

“ตี้! มึงก็บอกไปดิว่ามึงชอบเอสน่ะ! กูแดกสาหร่ายไปหลายซองจนคอแห้งแล้วเนี่ย!” สนโผล่หัวขึ้นมาตะโกนจากขอบรั้วโรงอาหารด้านที่ติดกับสนามบาสจนผมสะดุ้งโหยง

“เหี้ย! นี่นายแอบฟังเหรอวะ?”

“เออ ก็กูรอเก็บจานอ่ะ งั้นกูฝากเก็บละกันนะ ไปละ!” ไอ้เพื่อนตัวสูงตัวแสบฉีกยิ้มกว้างแล้วเผ่นแน่บไปหลังจากหย่อนระเบิดลูกใหญ่ ผมพุ่งไปขอบรั้วโรงอาหาร ดูที่สนามบาสว่ายังมีใครอีกไหม พอหันกลับมาก็เจอไอ้เอสจ้องหน้าแล้ว

“คือ...” ผมสูดหายใจลึก ๆ หลังความช่วยเหลือจากเพื่อนมาแบบไม่คาดคิด “เราชอบนายนะเอส”

ไอ้น่ารักนิ่งไปแป๊บนึงจนผมใจแป้ว

“จริงเหรอ?” เอสพูดเบา ๆ

“เวลานายอยู่กับเรา เวลานั่งเรียนข้างกันน่ะเรารู้สึกดีมากเลยนะ นายคิดยังไงกับเราบ้างล่ะเอส?”

“ก็สนุกดีอ่ะ” เอสตอบสั้น ๆ แล้วเงียบไปครู่หนึ่ง มันเป็นช่วงไม่กี่วินาทีที่ใจผมถูกโยนขึ้นสูงลิ่วและตกฮวบลงเหวสลับไปมา

“แต่มันจะเป็นไปได้เหรอวะ?”

“แล้วนายคิดยังไงกับเราล่ะ?” ผมนั่งลงข้างเอส ประโยคเดิมถูกพูดซ้ำ ความรู้สึกในใจมันกำลังพรั่งพรูออกมา “เราชอบนายจริง ๆ นะ ไม่รู้ว่ามันเริ่มเมื่อไหร่ เวลานั่งรถไฟฟ้ากลับบ้านหลังเรียนพิเศษเรารู้สึกดีมาก ๆ ตอนแรกคิดว่าเราดีใจที่มีเพื่อนกลับบ้านพร้อมกัน แต่มันมากกว่านั้น มากขึ้นทุกวัน ยิ่งพอนายย้ายมานั่งข้างเรา คุมเราทั้งเรื่องเรียน เรื่องอาหาร เรื่องเข้านอนตื่นนอน เรารอโทรศัพท์นายทุกวัน”

“ตอนนั้นเราทำแบบนั้นเพราะอยากให้นายโดนย้ายไปห้องควีน” เอสตอบเสียงเบาเมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องครั้งนั้น

“แต่สุดท้ายนายก็บอกพัตให้เปลี่ยนใจไม่ใช่เหรอ? ถ้านายเกลียดเราจริงนายคงไม่ทำแบบนั้นใช่มั้ย”

“ก็ไม่ได้เกลียดแล้ว พอได้สนิทกันเราว่านายก็เป็นคนดีอ่ะ”

“ดีก็รักสิ” ผมหยอดไปแรง ๆ รวบรัดตัดความ ผมคาดหวังว่าไอ้เอสจะตอบอะไรสักอย่าง...แต่เขากลับมองผมนิ่ง ๆ

เอสมองเพื่อนสนิทตัวสูงที่นั่งตรงข้าม สีหน้าที่ทั้งมีความสุขและกลุ้มกังวลใจ สีหน้าที่ตี้ไม่เคยแสดงออกกับใครยกเว้นเขา สีหน้าที่เขาเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง ณ สถานที่เดียวกันนี้...พร้อมรู้สึกที่บอกไม่ถูก



ครั้งนั้นตอนเทอม 1 ช่วงพักเที่ยงที่เขาทำการบ้านยังไม่เสร็จ คนอื่น ๆ ในห้องลงไปกินข้าวกันหมดแล้ว เหลือเขาคนเดียวกำลังปั่นการบ้านรีบให้เสร็จก่อนคาบห้า ใจมันร้อนรนเหลือเกิน หิวก็หิว รีบก็รีบ

“ที่แท้ทำการบ้านไม่เสร็จ เตี้ยเอ๊ยให้เราช่วยไหมล่ะ?” เพื่อนคนเดียวที่ยังเหลือในห้องให้พออุ่นใจบ้าง แต่ปากหมาแบบนี้มึงรีบไปกินข้าวเหอะ

“ไม่ต้องว้อย การบ้านเค้าให้ทำเอง” ผมตอบ ขอเวลาตรูมีสมาธิได้ไหมวะ การบ้านจะไม่เสร็จแล้วเนี่ย

ตี้ชะโงกหน้ามาดู “ก้อนในวงเล็บทางซ้ายมีค่าเท่ากับก้อนด้านขวานะ ตัดมันทิ้งทั้งสองฝั่งเลยไม่ต้องคิด”

“ห้ะ! จริงเหรอ?”

“เนี่ยดูสิ ฟากนี้มีรูปสมการ (X-Y)² อีกฟากมี X² -2XY +Y² โจทย์จงใจใส่มาให้เราตัดทิ้ง”

เชร้ด! ไม่ทันดูเลยนะเนี่ย ถึงตี้มันจะชอบกัดผมบ่อย ๆ แต่ก็มีน้ำใจนะเนี่ย แต่หลังจากนั้นไอ้โย่งก็พูดกวนประสาทตลอดจนผมต้องไล่มันไปกินข้าวไม่งั้นนอกจากการบ้านจะไม่เสร็จแล้วยังอารมณ์เสียด้วย

“จะทิ้งนายไว้คนเดียวได้ไง” มันตอบ โห! คำพูดหล่อ ๆ แบบนี้ออกมาจากปากนายได้ไงวะ

“เราไม่มีสมาธิว้อยนายนั่งมองเราแบบนี้”

“ทำไม่ทันก็อย่าพาลดิว้อย ไปกินข้าวก็ได้ นายจะเอาอะไร”

“บอกว่าอย่ากวนไง”

“ก็อยากรู้ว่านายชอบกินอะไร จะซื้อไว้ให้”

“ข้าวไข่เจียวผัดผักบุ้ง”

“ก็แค่นั้นแหละ ข้อนี้ติดตัวหารไว้นะไม่ต้องไปคำนวน เดี๋ยวตอนจบมันจะตัดกันหมดไปเอง” มันพูดพร้อมขยี้หัวผม

“ไอ้สาด” ผมหยิบยางลบปามันแต่มันหลบได้และวิ่งหนีไป

จากนั้นไม่นานผมก็ทำการบ้านเสร็จเอาไปวางบนโต๊ะอาจารย์ทันเวลาพอดี เหลือเวลาพักเที่ยงอีก 15 นาทีแค่ซื้อข้าวก็ยังไม่ทันเลยมั้ง ผมรีบวิ่งลงตึกไปถึงโรงอาหาร ใจนึงก็นึกเสียใจที่ด่าไอ้ตี้แรงไปหน่อย (แถมเอายางลบปามันด้วย)


“เอส! ทางนี้!” เสียงเดิมตะโกนเรียก ผมหันไปเห็นมันโบกมือแล้วชูจานข้าว นี่ตี้มันซื้อข้าวให้ผมไว้จริง ๆ เหรอ? ผมเดินขึ้นบันไดโรงอาหารตรงไปหาเพื่อนร่วมห้องร่างสูงที่นั่งคนเดียวเพราะตอนนี้คนอื่นกินข้าวเสร็จลุกไปหมดแล้ว ข้าวไข่เจียวผัดผักบุ้งถูกวางลงตรงหน้า ผมนึกว่ามันแซวเล่นเสียอีก นี่ซื้อข้าวไว้ให้จริง ๆ

“นึกว่านายทำการบ้านไม่เสร็จ นี่กำลังกังวลว่าจะแดกข้าวสองจานยังไงให้หมด” ตี้พูดแซว สีหน้าทั้งดีใจและกังวลใจ

“ขอบใจนะตี้” ผมตอบเสียงแผ่ว รู้สึกผิดเลยที่ด่าและเอายางลบปามัน

พอมีตี้นั่งรอด้วยให้ผมกินข้าวจนเสร็จทันเริ่มคาบ 5 ผมก็รู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด คนอินดี้ที่ความคิดผิดแผกชาวบ้านอย่างมันกลับมีมุมที่ผมไม่เคยเห็น และจากนั้นผมก็เริ่มรู้สึกดีกับเพื่อนคนนี้อย่างบอกไม่ถูก

แต่เมื่อแผนการส่งตี้เข้าห้องควีนดำเนินไป ตี้เริ่มเรียนดีขึ้นเรื่อย ๆ ผมยิ่งรู้สึกผิด และอีกความรู้สึกที่ก่อตัวมากขึ้นทุกวันคือ...ไม่อยากให้ตี้ย้ายห้องไป...อยากให้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ




“ดีก็รักสิ” ตี้พูดด้วยสีหน้าขึงขัง

“เอางั้นเลยเหรอ?”

“เออ บอมกับพัตยังเป็นแฟนกันได้เลย สนกับดิมก็ด้วย ให้โอกาสเราหน่อยเราดูแลนายได้” ผมจ้องตาเอสลุ้นคำตอบจนใจเต้นรัว

“คบเฉย ๆ ก็พอ ไม่ต้องดูแลว้อย หาเลี้ยงตัวเองได้” เอสพูดเสียงขำพร้อมหน้าแดงระเรื่อ ประโยคนั้นทำผมอึ้งและหูอื้อ แปลความหมายไม่ออก

“คือ...คือตกลงเหรอวะ?” ผมถามย้ำอีกที ตอนนี้สมองผมประมวลผลไม่ทันแล้ว

“อืม รีบกินข้าวเหอะจะหมดพักเที่ยงแล้ว” ไอ้น่ารักตอบพร้อมอมยิ้ม ทำให้ผมรีบกลับมานั่งฟาดอาหารที่เหลือทันทีโดนความลิงโลด จริงเหรอวะเนี่ย เอสตกลงเป็นแฟนผมแล้ว ผมมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้ดูน่ารักขึ้นหลายเท่า

“คนบ้าอะไรวะ ขอเป็นแฟนเลย ไม่จีบสักนิด” เอสพึมพำ

“จีบแล้วว้อย จีบนานแล้วด้วย นั่งซบไหล่บนรถไฟฟ้าก็ไม่รู้สึกตัว ให้พี่ฮาร์ตช่วยจัดฉากถ่ายรูปคู่ด้วย” ไอ้ที่ผมชมในใจตะกี้ขอถอนคำพูด มันไม่ได้น่ารักแต่กวนตีนน่าฟัดมากกว่า

“อ๋อ! นั่นคือนายวางแผน”

...ฉิบหายล่ะพลั้งปากพูดไปแล้ว...

“เออ แต่ถ้าจีบแล้วมีรายได้แบบนี้ก็ดี ฮะ ๆๆ” ไอ้น่ารักหัวเราะขำ ตรงนี้แหละที่ผมชอบมันที่สุด เอสเป็นคนใจเย็นเป็นผู้ใหญ่ผิดกับรูปร่างเยอะเลย

“ขอถ่ายรูปคู่หน่อยนะเอส” ผมดีใจจนเนื้อเต้น เห่อสุด ๆ แล้วตอนนี้

“ตามสบายเหอะ ก็ถ่ายงี้ประจำอยู่แล้วนี่”

“มันไม่เหมือนกัน ตอนนี้เป็นแฟ..” ผมยกกล้องขึ้นเตรียมเซลฟี่คู่กับเอส แต่เหลือบเห็นเงาตะคุ่ม ๆ แถวขอบรั้วโรงอาหารในหน้าจอ ผมหันขวับไปทันที “เฮ้ย! นี่พวกนายยังแอบฟังอยู่อีกเหรอวะ!?”

“ฉิบหายแล้ว ไอ้ตี้รู้ตัวแล้วโว้ย เผ่น!” สนตะโกนแล้ววิ่งหนีไปพร้อมกับแก๊งอีก 3 คน

ผมวิ่งไล่ไปเตะก้นพวกมัน แล้ว 15 นาทีสุดท้ายของช่วงพักเที่ยงก็กลายเป็นการวิ่งไล่จับไปทั่วลานกลางโรงเรียน

หลังเลิกเรียน ทั้งหกคนก็มานั่งติวกันที่ม้าหินข้างสนาม
จากนั้นก็เล่นบาสจนเย็นแล้วแยกย้ายกันสามคู่กลับบ้านตอนพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าเพื่อกลับมาพบกันอีกในวันรุ่งขึ้น

ชีวิตม.ปลายเพิ่งจะเริ่ม...และมันก็ดูมีความสุขดีนะ

=== จบบริบูรณ์ ===