สลัดมือสองข้างที่จับมือชาและผึ้ง ถลานย้าไผขี่คอนาทีทันควัน..
เอ่อ ไม่ได้ทรยศนะ เรื่องนั้นยังอยู่ในใจเสมอ แต่แบบ... อุ๊ต๊ะ! แบดได้ใจเลย 555
.... อะไรรร นี่คืออะไร หมายความว่าเยี่ยงไรรร โฮฮฮ 555555555 น้อยใจ 83 วินาที :hao5:
โอเคหายละ 555 ไม่ต้องจับมือราชากับผึ้งไว้ตลอดก็ได้ แค่พื้นที่เล็กๆในใจไม่ลืมกันก็พอแล้ว.. #มาดนางเอก
เอาล่ะ คนโพสต์เวิ่นพอแล้ว มาดูตอนต่อไปกันดีกว่าค่ะ ~
----------------------------------------
5
“ป่าน…” น้องหญิงเรียกผมเสียงแผ่ว ดวงตากลมๆนั่นเลื่อนลงมาจ้องที่มือของผมที่กำลังจับอย่างเหนียวแน่นกับมือของไอ้นาทีอยู่ ผมรีบสะบัดออกอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ คือ…”
ผมรู้สึกอึดอัด เกิดมาไม่เคยรู้สึกแย่อะไรขนาดนี้ ทั้งที่พยายามจะปิดไม่ให้น้องหญิงรู้ว่าผมกำลังทำอะไร ทั้งที่พยายามจะปกป้องน้องหญิงจากนาที ทั้งๆที่อยากช่วยเธอแท้ๆ
แต่พอเจอสายตาที่คาดคั้นและสงสัยของน้องหญิงตอนนี้ กลับทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก
“รีบไปเหอะ” เป็นไอ้นาทีที่ขัดบรรยากาศแย่ๆนั่นขึ้น มือของมันลากผมออกไปจากโรงเรียน ดวงตาสีดำสนิทนั่นปราดมองน้องหญิงเล็กน้อย พอๆกับดวงตากลมของน้องหญิงที่มองตามไอ้นาที แถมพ่วงด้วยแววตาไม่เข้าใจมาให้ผม
“เดี๋ยวป่านโทรหานะ…” ผมว่าก่อนจะวิ่งออกไปจากโรงเรียนทันที
ในใจตอนนี้ของผม เตรียมตั้งรับทุกสิ่งทุกอย่าง
หวังว่าถ้าผมโกหกเพื่อให้ใครสบายใจ ผมคงไม่ตกนรกหรอกนะ
“แฮ่กๆ” ผมหอบหายใจจนตัวโยนพลางนั่งลงในรถแท็กซี่ ไอ้นาทีนั่งอยู่ข้างๆ มันเองก็เหนื่อยหอบจนตัวโยนเหมือนกัน เราวิ่งกันมาไกลพอสมควร
แล้วก็สมควรที่เราควรจะพักด้วย
เหนื่อยว่ะ แม่ง
ผมไถลตัวไปกับเบาะรถแท็กซี่ ก่อนจะหันไปมองใบหน้าของคนข้างๆ
“ตกลงมึงเข้าใจที่กูพูดมั้ยเนี่ย”
ไอ้นาทีทำหน้างงๆ ผมขยี้หัวอย่างเหนื่อยใจ
“เรื่องที่กูบอกว่ากูไม่ได้อยาก …” ผมเว้นคำหลังไว้พลางทำท่าอธิบายให้มันเข้าใจ พูดกันตรงๆในรถแท็กซี่เดี๋ยวจะได้เป็นขี้ปากนินทาของใครอีก ไม่เอา ไม่ชอบ
“อือ เข้าใจ” ไอ้นาทีว่า
เข้าใจเตี่ยมึงสิ
“เข้าใจแล้วกัดกูแบบนี้น่ะนะ?” ผมดึงปกเสื้อลงมาก่อนจะชี้ไปที่บริเวณที่โดนกัด ใจหนึ่งก็อยากจะต่อยไอ้นาทีแม่งให้หน้าหัน ชอบเหลือเกิ๊นหาเศษหาเลยกับร่างกายคนอื่นเนี่ย ขนาดจะประชดคนหนึ่งยังไม่วายฝังเขี้ยวลงบนเนื้อผม อยากจะตั้นหน้านัก ถ้าไม่ติดว่าผู้หญิงพวกนั้นพังประตูเข้ามาล่ะก็นะ
“กูช่วยมึงต่างหาก” นาทีพูดแค่นั้น แล้วนั่งเงียบไปตลอดทาง ในขณะที่ผมได้แต่เขย่าเสื้อถามมันว่า
“ช่วยอะไรวะ?”
รถแท็กซี่มาจอดลงตรงหน้าคอนโดที่คุ้นตา ไอ้นาทีเป็นคนบอกแท็กซี่ไปเองว่าจะไปคอนโดมัน ผมเดินตามร่างหนาๆนั่นเข้าไปในลิฟต์ ในใจก็คิดวุ่นวายหลายๆอย่างจนมันตีกันไปหมด
ทั้งเรื่องน้องหญิงและเรื่องไอ้นาที
คีย์การ์ดถูกเสียบลงช่องประตูก่อนที่ประตูจะเปิดออก นาทีมันเดินเข้าไปในห้อง ผมเลยเดินตามต้อยๆ เห็นมันนั่งที่โซฟา ผมก็เลยนั่งลงที่โซฟาบ้าง เอาจริงๆเวลานี้ผมเองก็ไม่อยากจะซักไซ้อะไรมากความ เพราะกลัวจะโดนซักกลับเหมือนกัน
“ผู้หญิงคนนั้น แฟนเหรอ?” นาทีถามขึ้น ผมหันไปมองหน้ามันแล้วหันกลับมาที่เดิม
ก็อยากให้เป็นอยู่
“แค่เพื่อนว่ะ…กูชอบมึงนะเว้ย จะมีแฟนได้ไง
“มึงโกหกไม่เก่งว่ะป่าน”
“มึงก็เดาไม่เก่งเหมือนกัน” ผมกลิ้งตัวหันหลังให้ไอ้นาทีแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เครียดว่ะ เกิดมาไอ้ป่านไม่เคยมีเรื่องเครียดอะไรในชีวิตมากขนาดนี้เลย
ป่านนี้น้องหญิงจะเข้าใจผิดว่าผมเป็นอะไรกับไอ้นาทีมันหรือเปล่า
“เออจริงสิ ในห้องนั่น มึงตั้งใจจะกระทืบผู้หญิงจริงๆเหรอวะ?” ผมอดสงสัยไม่ได้เลยถามออกไป นาทีหันมามองหน้าผมเล็กน้อย ใบหน้านั่นนิ่งสนิทเหมือนอย่างเคย
ผมแค่ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายจะกล้าทำแบบนั้นจริงๆ
“อือ”
“…”
“กูเคยกระทืบผู้หญิงจนเข้าไอซียูที่โรงเรียนเก่า” ผมหันขวับไปมองหน้าไอ้นาทีอย่างตกใจ
โหดไปมั้ง…
“ทำไมวะ นั่นผู้หญิงนะเว้ย”
“ผู้หญิงแล้วไงวะ บางครั้งมันก็มากเกินจนทนไม่ไหวเหมือนกัน” ไอ้นาทีว่าก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องนอนเฉยเลย ผมอ้าปากพะงาบๆ ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าตัวเองจะได้เจอเรื่องอะไรแบบนี้ในเมื่อผมอยู่ลัทธิสุภาพบุรุษที่คอยเป็นฮีโร่ปกป้องเพศที่อ่อนแอกว่า…
“แต่เขาไม่ได้ถึกเหมือนผู้ชายนี่หว่า” ผมเดินตามเข้าไปในห้องพลางมองไอ้นาทีที่นอนฟุบอยู่ที่เตียง
“มึงก็ทำเกินไป”
“กูไม่สน”
“มึงไม่สนไม่ได้นะเว้ย กะอีแค่เขาว่ามึงนิดหน่อยมึงก็กระทืบเขา มันไม่ใช่นิสัยของลูกผู้ชาย”
“มึงไม่ใช่เพื่อนกู มึงไม่รู้หรอกป่าน”
เออดิวะ กูมันก็แค่คนแปลกหน้าที่ต้องการปกป้องหญิงสาว
ปลวกจริง
“แต่กูชอบมึง แล้วพวกนั้นก็บอกว่ามึงฟังที่กูพูด” ใช่ ผมได้ยิน ที่ผมออกปากห้ามนาทีไม่ให้ใช้เท้ากระทืบผู้หญิงคนนั้น แล้วมันก็ยอมฟัง
นี่อาจจะเป็นลางลิขิตที่ดีก็ได้
“มันก็แค่การแสดง”
“…”
“แล้วมึง ป่าน … มึงอย่าย้ำคำว่าชอบกับกูมากๆ แล้ววันหนึ่ง มึงจะเสียใจที่รู้สึกชอบกู” ไอ้นาทีบ่นเสียงแผ่ว ก่อนจะหันหน้าหนีผมไปอีกทาง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
กูตอแหลว่ะ
ผมนั่งลงที่ปลายเตียงก่อนจะโยกขาไปมาด้วยความสนุก ไม่ทันไรเสียงร้องของริงโทนที่คุ้นเคยทำให้ผมกระเด้งตัวขึ้นนั่ง โทรศัพท์ของผมถูกวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือภายในห้องนอน ผมหันกลับไปมองไอ้นาทีที่ยังคงนอนแบนติดไปกับเตียง
เสร็จกู!
ผมคว้าโทรศัพท์มาไว้กับตัว ก่อนจะกดรับอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหล”
(… ป่าน) เสียงน้องหญิงดังลอดมาจากปลายสาย ผมชะงักกึกตัวชาไปทั้งร่างก่อนจะค่อยๆถอนโทรศัพท์ออกจากหูแล้วมองรายชื่อโทรเข้า
น้องหญิง
(ป่านใช่มั้ย!? ไหนบอกว่าโทรศัพท์หายยังไงล่ะ!?)
แย่ล่ะสิ
“เอ่อ ป่านเจอแล้วอ่ะ พอดีมีคนเก็บไว้ให้”
(ไหนป่านบอกว่ามือถือโดนขโมย) ผมค้างเติ่งไปชั่วขณะ น้องหญิงจับไต๋ผมได้อีกแล้ว
“อ่อ คือป่านนึกว่าโดนขโมยน่ะ แต่มีคนเก็บได้ก็เลยเอามาคืน”
(…) น้องหญิงเงียบไป ผมรู้สึกเหมือนโลกมันเคว้งๆ
(ป่านเป็นอะไรกับนาที ป่านกำลังทำอะไรทำไมไม่บอกหญิง ทำไมจับมือนาทีเหมือนสนิทกันขนาดนั้น ไปรู้จักกันมากขนาดนั้นตั้งแต่ตอนไหน) ร่างเล็กตั้งคำถามรัวใส่ผมเป็นชุด ผมได้แต่อึ้งพลางหันไปมองร่างของไอ้นาทีที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิม
ผมเปลี่ยนสถานที่ไปเป็นที่ระเบียงก่อนจะปิดประตูกระจกให้แน่นสนิทเพื่อให้มั่นใจว่าเสียงจะไม่เล็ดลอดเข้าไปในโสตประสาทการได้ยินของไอ้นาที
หายใจลึกๆไอ้ป่าน แถไว้ก่อนแม่สอนไว้
“ป่านก็กำลังติดต่อนาทีให้หญิงไง แต่หญิงก็รู้ว่านาทีมันมีกิ๊กเยอะแถมยังเข้าหายากมากๆ”
(กิ๊กเหรอ?)
“ใช่ กิ๊กอ่ะ ป่านก็เลยต้องช่วยมันกำจัดกิ๊ก เกือบจะโดนโต๊ะทุ่มใส่ด้วย…” ไม่อยากจะบอกว่าผมก็เป็นหนึ่งในกิ๊กของไอ้นาทีเหมือนกันนั่นแหละ
(ขนาดนั้นเลย)
“อือ … หญิงใจเย็นๆนะ เดี๋ยวถ้าพร้อมเมื่อไร ป่านเบิกตัวเจ้าบ่าวใส่พานให้หญิงแน่นอน” ผมว่า แต่ในใจคิดกลับกันคนละแบบเลย เพราะถ้าพร้อมเมื่อไร ผมกับหญิงจะใส่ชุดดำไปไว้อาลัยไอ้นาทีแน่นอน
แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะอำมหิตโหดเหี้ยมฆ่าหมกป่าไอ้นาทีหรอกนะ
แค่ให้หญิงตัดใจให้ได้ก็พอ
เพราะดูมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร นอกจากพฤติกรรมแย่ๆของมัน
‘ปึงๆ!!!’
เสียงทุบกระจกด้านหลังทำให้ผมสะดุ้งเฮือก ผมหันไปมองร่างของไอ้นาทีที่ยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ตรงนั้น ไอ้เวรนี่อารมณ์แปรปรวนเหลือเกิน
“หญิง ป่านวางสายก่อนนะ เดี๋ยวโทรกลับดึกๆนะ”
(ป่าน…) เสียงเล็กๆดังขึ้นแผ่วๆ ผมใจเต้นรัวอย่างเก้ๆกังๆ
“หืม”
(หญิงเชื่อใจป่านนะ … อย่าทำให้หญิงเสียใจนะ)
…
อือ
ไม่ทำให้หญิงเสียใจ
เพราะการที่หญิงจะคบกับไอ้นาทีมันอาจจะทำให้หญิงเสียใจและเสียอนาคตไปตลอดชีวิต
ผมกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องใช่มั้ย
“อื้ม แค่นี้ก่อนนะ”
ผมบอกลาหญิงก่อนจะกดตัดสายแล้วเปิดประตูกระจกให้ไอ้นาที มันเดินเข้ามาตบหัวผมอย่างแรงจนหน้าแทบทิ่มก่อนจะตามด้วยศอกและเข่าอีกมากมาย
“ห้องก็ห้องกู กล้ามากนะที่ล็อคประตูใส่หน้าเจ้าของห้องแถมยังหยิบมือถือไปโดยพลการอีก”
นี่สรุปว่า เมื่อกี้มึงหลับเหรอวะ
“กูไม่อยากรบกวนเจ้าของห้องไง”
“อ้อเหรอ” ไอ้นาทีลากเสียงก่อนจะกอดอกแล้วมองหน้าผม
“อะไร หน้ากูมีอะไรติดหรือไง”
“มี”
หา ผมยกมือลูบๆหน้า
“ออกยังวะ”
“ยังว่ะ ดูท่าจะติดแบบแกะไม่ออก”
“อะไรวะ? อย่าบอกนะว่าลูกตาน่ะ” ผมชักจะเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ
“เปล่า…”
“มีความจริงอยู่บนหน้ามึงเต็มไปหมดเลย…”
“หา!!!”
ผมชะงักไปกับคำพูดของไอ้นาทีที่ดูเหมือนจะมีอะไรแฝงอยู่ ผมไม่ได้หลบตามันแต่กลับจ้องดวงตาสีดำสนิทที่อยู่ภายใต้ขอบตาเรียวนั่นเขม็ง มันรู้แล้วเหรอ? รู้แล้วหรือไงว่าผมเข้าหามันเพราะอะไร
เหมือนโดนแย่งอากาศหายใจไปช่วง ผมนิ่งจนลืมหายใจ
ไอ้นาทีต้อนผมเดินกลับเข้าห้อง ดวงตาของมันไม่มีแววที่จะล้อเล่นอีกต่อไป ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก็เห็นอยู่ว่านาทีมันโหดขนาดไหน ขนาดผู้หญิงยังกระทืบได้แล้วผมเองก็ไม่ใช่คนชอบมีเรื่อง ชกต่อยก็ไม่ค่อยจะมีกับชาวบ้านเขา
ผมถอยหลังไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่าขาชนกับอะไรบางอย่าง แต่ไอ้นาทีไม่หยุดแค่นั้น! มันดันผมจนตัวผมล้มลงบนเตียง แผ่นหลังรับสัมผัสจากความนุ่มของสิ่งที่แบกรับเอาไว้ ก่อนไอ้นาทีจะตามเข้ามาทาบทับร่างของผมอย่างรวดเร็ว!!!
มือของผมรีบผลักตัวไอ้นาทีออกอย่างแรงแต่เนื่องจากไอ้นาทีมันแรงควาย มือสองข้างของมันกดลงที่ข้อมือของผมซึ่งเป็นจุดตาย ผมเบิกตากว้าง!!!
“มึง …!”
“หืม…” ไอ้เวรนาทีร้องหืมในลำคอก่อนจะซุกไซร้จมูกลงที่ซอกคอของผม ผมตัวแข็งทื่อ
จมูกโด่งๆไล้ไปตามลำคอของผมอย่างจาบจ้วง และมันบังคับให้ผมต้องทำ ผมเงื้อมือขึ้นเพื่อที่จะฟาดคอของไอ้นาที แต่ยังไม่ทันที่จะฟาดลงไป ไอ้นาทีก็ถอนตัวออกไปนั่งลงข้างๆร่างของผม ผมกระพริบตาปริบๆอย่างอึ้งๆ
“ทำหน้าอย่างกับจะโดนเชือด กูล้อเล่น มีแต่ความโง่ติดหน้ามึงว่ะ”
โหยไอ้ห่า!
“สันดาน” ผมรีบจัดแต่งทรงผมให้เข้าที่ก่อนจะเช็คสภาพกระดุมเม็ดแรกของเสื้อที่ถูกปลดออกไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ พลางโกยอากาศเข้าปอดอย่างโล่งอก
“หึ แล้วอีกอย่าง กูไม่ชอบมีอะไรกับท่อนไม้” ไอ้นาทีหัวเราะอย่างกวนส้นเท้าก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ผมคว้าหมอนที่อยู่บนเตียงปาใส่มันอย่างแรงแต่พลาดไปโดนกำแพง
“ไอ้เวร”
ผมส่ายหัวพลางล้มตัวลงนอนลงบนเตียงใหญ่ๆนั่น
“หญิงเชื่อใจป่านนะ … อย่าทำให้หญิงเสียใจนะ”
ผมจะทำยังไงดี จะทำยังไงดีนะ
*
“อือ”
ผมครางในลำคอพลางขยี้ตาเล็กน้อยแล้วมองไปรอบๆตัว ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นพรวดเมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ผิดที่ เวรล่ะ เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร ผมนอนจนฟ้ามืดเลยแถมไอ้นาทีก็ไม่ได้เปิดไฟซักดวง ผมวาดมือไปทั่วร่างกาย เช็คความปลอดภัยของตัวเอง
ปลอดภัย เสื้อผ้ายังครบ
เฮ่อ
ผมลุกขึ้นจากเตียงพลางเดินไปทั่วๆห้อง ไม่มีวี่แววของไอ้นาที มันไม่อยู่หรือว่าออกไปข้างนอก ไว้ใจผมมากเกินไปหรือเปล่า? ผมตั้งท่ากำลังจะเดินออกจากห้องนอน ก่อนจะได้ยินเสียงแปล่งๆอะไรบางอย่างข้างนอกนั่น ผมค่อยๆเงี่ยหูฟัง
มันเป็นเสียงหอบหายใจของผู้หญิง
ผมกระเถิบตัวกลับเข้ามาในห้อง ก่อนจะพยายามฟังเสียงแผ่วๆนั้น
“นาที มิลขอโทษ”
จริงๆด้วย เสียงผู้หญิงจริงๆ
“ออกไปซะ น่ารำคาญ” เหมือนไอ้นาทีจะไม่ได้เล่นกับผู้หญิงคนนั้น เสียงที่มันพูดดูเย็นชาผิดปกติ ผมยังคงไม่เขยิบตัวไปไหน ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เผื่อว่ามีอะไรที่ผมควรจะต้องรู้
“มิลขอโทษ นาทีอย่าเย็นชาได้มั้ย”
“บอกให้ออกไป”
“นี่นาทีรักมันจริงๆหรือไง!!! ไอ้ผู้ชายที่ชื่อป่านน่ะ!!! นาทีถึงได้ปฏิเสธมิลแบบนี้” ผู้หญิงที่ชื่อมิลตะโกนเสียงแหลมๆดังลั่น ผมชะงักกึกไป
อะไรนะ
นาทีเนี่ยนะรักผม ห่ะๆ
บ้าไปใหญ่แล้ว ผมกับมันก็แค่คนรู้จัก ใช่ ถึงตอนนี้ผมจะอยู่ในสถานะที่ชอบไอ้นาทีอยู่ฝ่ายเดียว แถมยังเป็นสถานะที่เมคขึ้นมาเองอีกต่างหาก แต่ไม่มีทางที่ไอ้นาทีจะรักผม
เราไม่ได้ทำอะไรพิเศษขนาดนั้นหรอกนะ เธอมั่วใหญ่แล้ว
เสียงถอนหายใจแรงๆของไอ้นาทีดังขึ้นภายในห้อง ผมตั้งใจฟังกับสิ่งที่นาทีกำลังจะพูด
“ใช่ รู้แล้วก็ออกไปได้แล้ว”
“!!!”
ว่าไงนะ?!!
“นาที!!!”
“ก็บอกว่ากูรักมัน แค่นี้ใช่มั้ยที่เธออยากฟัง ฟังเสร็จก็ออกไปซะ แล้วไม่ต้องแต่งตัวยั่วๆแบบนี้มาอีก เธอหมดค่าไปนานแล้ว กลับไปซะ!” เสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียงโวยวายของผู้หญิงคนนั้น มันไม่สำคัญมากไปกว่าคำพูดของไอ้นาทีเลยแม้แต่นิด
ผมค่อยๆก้าวขาออกมาจากห้องช้าๆอย่างช็อคๆ ดวงตายังคงปรับแสงไม่เต็มที่ ก่อนจะมายืนอยู่ตรงหน้าไอ้นาทีและผู้หญิงคนที่ชื่อมิลที่ฉุดกระชากลากถูกันอยู่
“ป่าน…” นาทีหันมามองหน้าผมเหมือนตกใจ มิลเองก็ตกใจที่เห็นผมอยู่ในห้องเหมือนกัน
“กะ … แก!!!! มีสิทธิ์อะไรเข้ามาในห้องของนาที!!!” ร่างเล็กโวยวาย สภาพเสื้อผ้าที่เธอใส่ดูน่าเกลียดเอามากๆ เป็นเสื้อเอวลอย และกระโปรงสั้นที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กนักเรียนธรรมดาจะทำแบบนั้นได้ ปกติผมไม่ค่อยอคติกับผู้หญิงนะ แต่ผู้หญิงคนนี้ทำตัวไม่ไหวจริงๆ
มากไปกว่านั้น
เธอคือผู้หญิงที่ถูกไอ้นาทีตบ และเกือบจะโดนนาทีกระทืบซ้ำ
“ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ออกมา!!!” หญิงสาวตะโกนเสียงดัง ผมช็อคค้างอย่างไม่เข้าใจในขณะที่มือของไอ้นาทีผลักหัวเธอออกไปอย่างแรงแล้วปิดประตูดังปัง!
บรรยากาศที่น่ากระอักกระอ่วนถูกก่อตัวขึ้นทีละนิด ผมยังคงจ้องใบหน้าของไอ้นาทีที่อยู่ในความมืด พอๆกับนาทีที่จ้องหน้าผมไม่ละสายตา
“มึง รักกู …” ผมพูดออกไปเสียงแผ่ว ไอ้นาทีหัวเราะเล็กน้อย
“กูแค่พูดให้เธอกลับไป”
“ว่าไงนะ?!”
“จริงๆแล้ว…”
‘ผลั่วะ!!!!!’ ยังไม่ทันที่ไอ้นาทีจะได้พูดจบผมก็ปราดเข้าไปชกหน้ามันอย่างแรงจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บที่มือ บ้าเอ้ย บ้าจริงๆ!!!
“โว้ย!” ผมสวนเข่าเข้าที่ท้องของนาทีมันอีกครั้งก่อนจะดึงตัวมันขึ้นมา ไอ้นาทีดูเหมือนจะเริ่มโมโห มันสวนผมกลับจนหน้าผมชาไปครึ่งแถบ ก่อนหมัดหนักๆจะชกเข้าที่ท้องน้อยของผมอย่างแรง
“อุก”
“เป็นบ้าอะไร!” ไอ้นาทีผลักผมออกจากตัวมันอย่างแรงจนร่างของผมกระแทกกับกำแพง ผมทรุดลงที่พื้นอย่างหมดแรง ไม่ได้คิดจะหนี ในเมื่อผมเป็นลูกผู้ชายพอ ผมต้องอยู่ฟังความจริงจากปากมัน
ทำไงดีวะป่าน ถ้ามันรักมึงจริงๆขึ้นมา
แล้วน้องหญิง …
บ้าเอ้ย แผนมันมั่วซั่วไปหมดแล้วตอนนี้
“มึงเอาคำว่ารักมาพูดเล่นๆได้หรือไง” ผมถามขึ้นพลางมองหน้าไอ้นาทีที่อยู่ตรงหน้า นาทีส่ายหน้านิดๆก่อนจะจับข้อเท้าของผมแล้วลากอย่างแรงจนหัวผมฟาดลงที่พื้น!
“โอ้ย พ่อมึง!”
“กูแค่พูดให้มิลกลับไป มึงดิฟังยังไงถึงเข้าใจว่ากูรักมึง!”
“ทั้งๆที่มึงรู้ว่ากูชอบมึง แล้วมึงเอาคำๆนั้นมาเล่นทำไมวะ อึก!!” ริมฝีปากของไอ้นาทีประกบลงมายังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคด้วยซ้ำ ผมเบิกตากว้างมองดวงตาของไอ้นาที ดวงตาที่ผมเคยคิดมาตลอดว่ามันเป็นสีดำ ทำไมพอเจอแสงจันทร์สะท้อนเข้าไป มันถึงออกสีเทานะ
‘ผลัก’
ผมผลักร่างของนาทีออกห่างแล้วฟาดหมัดลงบนแก้มนั่นอีกครั้ง ความรู้สึกคลื่นไส้ประดังเข้ามาอีก
“กูรู้แล้วล่ะ ว่าทำไมคนที่ชอบมึงถึงได้รู้สึกอยากจะตายกันนัก”
“เพราะมึง มันเป็นคนที่ชอบล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นยังไงล่ะนาที”
ผมใช้เท้ายันตัวไอ้นาทีออกห่าง ไอ้นาทีทรุดไปนั่งที่พื้นห่างจากผมไปมากอยู่ ผมวิ่งเข้าไปที่ห้องน้ำก่อนจะปิดและกดล็อคประตู อาหารเที่ยงที่กินมาแม้มันจะถูกย่อยไปแล้วกลับถูกผมขย้อนลงชักโครก ผมยกเข่าสองข้างขึ้นมากอดเอาไว้ ก่อนจะซุกหน้าลงที่แขนทั้งสองข้าง
กูนี่ ... แสดงละครเก่งจริงๆว่ะ
TBC.
28
กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น
เพราะสัญญากันว่าถ้าปิดเทอมจะมาญี่ปุ่น ตอนนี้ผมกับนาทีก็เลยมาหยุดอยู่ที่หน้าบริษัทใหญ่โตแห่งหนึ่ง ผมกระชับผ้าพันคอให้เข้าที่ จัดการตัวเองให้ดูดีไม่มีที่ติก่อนจะมองขึ้นไปยังสิ่งก่อสร้างที่มีส่วนประกอบเป็นกระจกเกือบ 90 %
บริษัทที่แม่ของนาทีทำงานอยู่
“พร้อมยัง?” ร่างโปร่งเจ้าของดวงตาสีเทาหันมาถามผม ผมพยักหน้า
พร้อมตั้งแต่ขึ้นเครื่องแล้วจ้า
ว่าแล้วนาทีก็พาผมเดินเข้าไปในบริษัทหรูก่อนจะตรงไปที่ลิฟต์ ความตื่นเต้นและความกดดันที่จะได้เจอแม่นาทีเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนผมต้องกำมือแน่นในกระเป๋าเสื้อโค้ทที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นในหน้าหนาวของที่นี่ เพราะตั้งใจจะมาเจอคุณแม่ก่อนจะไปเที่ยว หลังจากลงเครื่องนาทีก็เลยพาผมตรงมาที่บริษัทแม่ทั้งๆที่แบกกระเป๋าเดินทางพะรุงพะรังมาด้วย
แถมไอ้พวกลูกช่างย้ำมันก็ย้ำจัง ทั้งพี่วิน พี่นารา พ่อนาที และตัวไอ้นาทีเอง ทุกคนย้ำว่าคุณแม่เป็นคนที่ดุและน่ากลัวมาก แม้แต่พ่อยังกลัวคุณแม่เข้าไส้ ลูกชายยังไม่กล้าหือ ผมเลยรู้สึกกดดันเล็กน้อยแต่ก็คิดว่ามันน่าจะผ่านไปด้วยดี … เหรอวะ
ปกติผมไม่กลัวอะไรนะเว้ย จริงๆนะ
‘ติ๊ง’
ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่เริ่มจะทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้อง นาทียิ้มให้ผมก่อนจะกดจูบเบาๆลงบนริมฝีปากผมอย่างรวดเร็วแล้วถอนออก
“เชี่ย ทำไรไม่รู้ที่รู้ทาง” ผมบ่นอุบ นาทีทำหน้านิ่ง
“ก็ปากมันอยู่ตรงนั้นพอดี”
“สตอ” ผมว่าคนข้างๆก่อนจะค่อยๆเดินออกจากลิฟต์ หัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆเมื่อพบกับห้องกระจกมากหน้าหลายตา พนักงานหลายคนเดินพลุกพล่านยุ่งวุ่นวายไปหมด ทุกคนกำลังยุ่งกับหน้าที่ของตัวเอง
บางทีอาจจะมารบกวนแม่ก็ได้
“จะไม่รบกวนแม่มึงเหรอวะ?” ผมถามนาที นาทีส่ายหน้า
“ไม่ …” ร่างโปร่งว่าก่อนจะสอดสายตาไปทั่วบริเวณ มันชะงักไปเมื่อสบตากับชายร่างเล็กคนหนึ่งผู้มีใบหน้าออกญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ผมมองร่างเล็กของผู้ชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามาหานาที
อย่ารัวเจเปนิสกับกูเด็ดขาดนะ สมองผมจะรวนได้
“คุณชาย สวัสดีครับ!” สำเนียงภาษาไทยชัดแจ๋วของคนตรงหน้าทำให้ผมโล่งอกขึ้นนิดหน่อย นาทีก้มหัวให้ชายตรงหน้า
แล้วไอ้คำเรียก คุณชาย นี่มัน … อะไรวะ
“แม่ล่ะ?”
“คุณผู้หญิงอยู่ทางนี้ครับ เชิญเลย”
ชายร่างเล็กว่าพลางผายมือตรงไปด้านหน้าเพื่อให้พวกผมเดินตามไป ทางปูด้วยพื้นพรมสีครีมดูหรูและสบายไปกับไฟสีส้ม กระจกบานใหญ่ที่ติดเรียงรายเผยให้เห็นความสวยงามของกรุงโตเกียวในค่ำคืนที่ลมหนาวปกคลุมไปทั่วบริเวณ ร่างเล็กของชายวัยกลางคนหยุดยืนที่หน้าห้องกระจกที่คั่นด้วยกระจกขุ่น ซึ่งอยู่ห่างจากจุดพนักงานทั่วไป ก่อนจะผายมือให้นาที
“เชิญครับ”
“ขอบคุณ” ท่าทีหยิ่งยโสของนาทีปรากฏขึ้นอีกครั้ง ผมส่ายหน้ากับมัน
ปกตินาทีก็เป็นคนหยิ่งแบบนี้อยู่แล้ว แต่พออยู่กับผมแม่งกลายเป็นเด็กชายนาทีทันที
มือหนาของนาทีเคาะลงบนกระจกขุ่นนั่นก่อนจะดันมันเข้าไป มืออีกข้างยื่นมาจับมือผมแล้วลากเข้าไปในห้อง ผมค่อยๆเดินเข้าไปเหมือนเพนกวินหัดเดิน ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงร่างเพรียวในห้อง คุณแม่สวมชุดทำงานสีดำ มือของคุณแม่กำลังถือโทรศัพท์อยู่ คงจะคุยธุระอะไรซักอย่าง นาทีพาผมไปนั่งที่โซฟา
ห้องนี่หรูเป็นบ้าเลย … อนาคตฝันว่าจะได้ทำงานที่นี่บ้าง
“Thank you very much” สำเนียงภาษาอังกฤษดังขึ้นพร้อมกับมือเรียวที่กดวางสาย เจ้าของร่างเพรียวผู้มีผมยาวสีดำสนิทถึงกลางหลังค่อยๆหันหน้ามาแล้วมองนิ่งตรงมาที่โซฟา
คนตรงหน้าผมมีดวงตาสีเทาอ่อนจนแทบจะเรียกได้ว่ากลายเป็นสีฟ้า ใบหน้าที่ราวกับผู้หญิงวัยแรกรุ่นนิ่งไป จมูกโด่งสวย คิ้วที่เรียวได้รูป ริมฝีปากรูปกระจับสีแดงแป้ดที่เจ้าตัวทาลิปสติกลงไป
สวยโคตร…!!!!
“แกเป็นใคร” คำพูดที่คุณแม่พูดออกมาทำเอาผมแทบจะสำลัก! นาทีนั่งพิงโซฟาแล้วเอาขาขึ้นมาไขว้อย่างไร้มารยาท ผมดึงขานาทีลงแต่มันก็ยังจะดึงดันที่จะวางไว้แบบนั้น
“คนหล่อ” นาทีพูดแล้วยักคิ้ว ผมชักจะเริ่มไม่แน่ใจว่าใช่แม่ลูกกันจริงๆ
เพราะคนตรงหน้าผม เป็นผู้หญิงที่หน้าเด็กอย่างกับคนอายุ 20 กว่าๆ
“อุ้ยตาย ช่างกล้า” คุณแม่ว่า ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ทำงาน
“ลืมลูกชายตัวเองไปแล้วหรือไง”
“ฉันไม่เคยมีลูกชายหลงตัวเอง”
ว้อท?!
ราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านทั้งสองดังเปรี๊ยะๆ ผมนั่งนิ่งเป็นหุ่น
“มาทำไม”
“พาเมียมาโชว์” ผมตะครุบปากคนข้างๆแทบไม่ทันพลางหัวเราะแหะๆให้คุณแม่ ไอ้ห่านี่ปากปีจอ!!! คุณแม่เลิกคิ้วสงสัยก่อนจะกดปากกาในมือเล่นแล้วกวักนิ้วเรียกผมไปใกล้ๆ นาทีผลักผมให้เดินไป ผมลุกจากโซฟาแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานที่มีร่างเพรียวนั่งอยู่
“ก้มหน้ามาใกล้ๆซิ” คนตรงหน้าให้ความรู้สึกแบบพี่นารายังไงชอบกล กดดันแปลกๆเหมือนตอนอยู่กับพี่วิน แถมยังดูมีอำนาจเหมือนกับคุณพ่อ ผมก้มหน้าลงไปใกล้คุณแม่ มือเรียวจับคางผมแล้วพลิกไปมาเหมือนกับจะสำรวจอะไร
“ผิวดีนี่” คุณแม่ว่า ก่อนจะปล่อยคางผม
“แต่ฉันอยากได้หลาน แล้วก็อยากได้คนไปช้อปปิ้งด้วย” ผมชะงักไปก่อนมือของนาทีจะโอบเอวผมเอาไว้จากด้านหลัง คางของนาทีวางลงบนไหล่ของผม
“แต่ผมรักป่าน” นาทีว่าแล้วนิ่งไป ผมมองหน้าคุณแม่ที่เงยหน้ามองลูกชาย
“แต่ฉันอยากได้ลูกสะใภ้”
“อย่าเรื่องมากน่า ไม่เอาผู้หญิงแรดๆมาให้ก็ดีเท่าไรแล้ว!” นาทีเริ่มงอแง คุณแม่เบะปากอย่างไม่พอใจ
“ฉันจะเอาลูกสะใภ้!!!!” คุณแม่ตบโต๊ะดังปัง!
“จับป่านไปแต่งหญิงไง!!!!”
“จะบ้าเหรอ!!!” ผมหยิกหูนาทีแล้วกระซิบเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคน ความคิด ประสาทแล้ว!!!
“ถ้าอย่างนั้น มาดูกันว่าแฟนแกจะร้อนแรงได้ขนาดไหน ถ้าแฟนแกทำได้ ฉันจะอนุญาตให้คบ!”
ผมเบิกตากว้าง คำๆนี้คุ้นๆนะ … นาทียิ้มมุมปากแล้วหอมแก้มผม
“ผมมั่นใจ ว่าป่านชนะขาดลอย!!!!”
เฮ้ย…
ผมยังไม่ได้
ตอบตกลงเลยนะโว้ยยยยยยย!!!!!
ผมมายืนนิ่งอยู่ที่ผับในโตเกียว ผับใต้ดินที่เขาว่ากันว่าเป็นศูนย์รวมของวัยรุ่น ร่างเพรียวหุ่นนางแบบของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของคนรักยืนอยู่ตรงหน้าภายใต้ชุดแซคสีดำอวดหุ่นเรียวสวย ผมกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ ไม่ได้คิดอะไรอกุศลกับแม่ของนาทีนะ แต่แบบ … ผู้หญิงคนนี้อายุปาเข้าไปจะห้าสิบแล้ว แต่ยังสวยเช้งกระเด๊ะ แถมอีกอย่าง …
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มีมาตรฐานในการคัดแฟนของลูกชายได้น่ากลัวแบบนี้!
“ฉันจะให้เธอคบกับลูกชายฉัน” คุณแม่ว่าพลางรินวอดก้าแล้วยัดใส่มือผม ก่อนจะรินใส่แก้วของตัวเองแล้วกระดกรวดเดียว ผมมองคนตรงหน้าอึ้งๆ นี่มันคุณแม่ขาลุยนี่หว่า!
“ถ้าเธอชนะใจคนดู” นิ้วเรียวชี้ไปยังบาร์น้ำที่อยู่ตรงกลางหมู่วัยรุ่นญี่ปุ่น ผมกลืนน้ำลายอีกครั้งแล้วมองนาทีที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงขาเดฟสีขาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขาเดฟสีดำ พวกเราถอดเสื้อโค้ทไว้ที่ห้องฝากเสื้อด้านนอกเพราะด้านในนี้อุ่นจนแทบร้อน
“ถ้าป๊อด ก็กลับบ้านไปกินนมซะ!”
ยอมกลับดีไหมวะเนี่ย…
“มึง…” นาทีดึงผมให้ออกห่างจากคุณแม่ ก่อนจะกระซิบข้างหูผม
“ทำนะ ไม่งั้นแม่ไม่ให้มึงคบกับกูแน่” ผมมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเซ็งๆ นาทีอ้อนผมเล็กน้อย
“กูไม่อยากคบแล้วไอ้สัด”
“ป่าน” นาทีกดเสียงต่ำ ผมเบะปากแล้วแทบจะบีบคอคนตรงหน้า
“กูทำไม่ได้”
“มึงต้องทำได้ คิดถึงตอนที่มึงเต้นที่สนามแข่งรถดิวะ” ผมเบิกตากว้างพลางมองหน้านาที
“มึงเห็น?”
“อือ …” มือหนาจับเอวของผม ก่อนลมหายใจอุ่นๆจะเป่ารดที่ต้นคอ “มึงร้อนแรงมาก”
“บ้าแล้วไง” ผมว่า ก่อนจะขยี้หัวอย่างเสียอารมณ์
“กูรักมึงป่าน ทำให้แม่เห็นว่าแฟนกูไม่ใช่ไอ้ไก่อ่อน” นาทีว่าแล้วกดจูบที่ต้นคอของผมแรงๆ ผมนวดต้นคอของตัวเองเบาๆพลางพลิกไปมา
“มีของตอบแทนหรือเปล่า?”
“ถือว่าเป็นเดทแรกแล้วกัน”
เอิ่ม..
เดทแรกบ้านมึงให้กูเต้นยั่วโชว์เนี่ยนะ
ใครเขาทำกันวะ!!!
ก่อนนาทีจะผลักผมออกแล้วพยักพะเยิดหน้าไปที่บาร์น้ำด้านหน้าที่น่าจะเป็นจุดรวมความสนใจ ริมฝีปากสีซีดคลี่ยิ้มพร้อมกับยกแก้วเชียร์ให้ผม ผมหันไปมองคุณแม่ที่ยกแก้วเชียร์ให้ผมอีกคน ให้ตายเถอะ
การจะเป็นแฟนของลูกชายบ้านนี้
แม่งต้องถวายตัวจริงๆ
ถ้าไม่ติดว่าผมรักไอ้นาทีล่ะก็ ผมไม่ยอมแน่
ผมกระดกแก้ววอดก้าเข้าปากรวดเดียว ขมแสบไปถึงลิ้นปี่ ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดแรกแล้วดึงชายเสื้อออกมาจากกางเกง ไม่มีอะไรที่ไอ้ป่านทำไม่ได้ อยากเจอผมร้อนแรงงั้นเหรอครับคุณแม่สุดสวย งั้นเอาให้ฟลอร์มันไหม้ไปเลยแล้วกัน หึหึหึ
ผมก้าวขาเดินไปตรงฟลอร์แถวๆบาร์น้ำ ก่อนจะมองไปรอบข้างที่มีวัยรุ่นเต้นกันราวกับเป็นเรื่องปกติ ผมค่อยๆเริ่มเต้นตามพวกเขาเหมือนกับตอนที่อยู่ที่สนามแข่งรถ ปล่อยให้หัวมันหมุนไปตามจังหวะเพลง รู้ตัวอีกที ก็กลายเป็นว่าผมกลายเป็นจุดเด่นของงานไปแล้ว
NATE PART
ผมแท็คมือกับคุณแม่ก่อนจะกระดกวอดก้ารวดเดียวเข้าปากแล้วมองร่างโปร่งเจ้าของผิวขาวซีดที่ยืนเต้นอยู่กลางฟลอร์ เอวคอดๆที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ว่ามันมีผลต่อหัวใจของใครหลายคนกำลังส่ายไปมาเบาๆเหมือนเด็กหัดเต้น กล้าๆกลัวๆอยู่ตรงฟลอร์ที่มีวัยรุ่นญี่ปุ่นเต้นกันสุดเหวี่ยง ผมหัวเราะกับภาพตรงหน้าก่อนจะนั่งลงข้างคุณแม่
“เล่นละครเก่งเหมือนเดิมนะป้า” ผมว่าพลางชนแก้ว คุณแม่หันมาดีดหน้าผากผม
“เพราะแกขอต่างหากล่ะ เจ้าเด็กนั่นไปไม่เป็นเลย” คุณแม่ยิ้มแล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ผมยิ้มมุมปาก
ใช่ ผมเป็นคนวางแผนให้แม่เป็นคนบอกป่านเองว่าถ้าป่านร้อนแรงไม่ถึงใจจะไม่มีทางได้เป็นลูกสะใภ้ ซึ่งก็แน่นอน ป่านต้องหลงรักผมเต็มๆแน่ถึงได้ไม่เถียงซักคำ
น่ารักจังแฟนผม :)
ผมมันเจ้าแผนการ ผมไม่บอกหรอกว่าผมทำอะไรไปบ้าง
แต่ผมได้ป่านมาไว้ในครอบครองจนได้
ผมรักป่าน เหมือนกับที่รักแองจี้ ในอดีตผมเคยคิดแบบนั้น แต่เมื่ออยู่ไปด้วยกันนานๆ ป่านกับจี้ไม่ได้คล้ายกันอย่างที่ผมเคยคิด ผมไม่เคยรักใครได้ขนาดนี้ ซึ่งป่านเป็นคนแรกที่ทำให้ผมหลงจนไม่อยากจะละไปไหนซักวินาทีเดียว ป่านมีความคิดเป็นของตัวเอง เข้มแข็งซะจนตัวผมเองยังอยากได้ความเข้มแข็งนั้น แม้กระทั่งตอนที่ป่านกำลังจะหลับไป ริมฝีปากยังคงคลี่ยิ้มและหัวเราะให้ผมอยู่เลย นั่นทำให้ผมอยากกอด อยากจูบ อยากสัมผัสป่านตลอดเวลาจนผมคิดว่าผมต้องกลายเป็นบ้าแน่ๆ
ผมสัญญา … สัญญาว่าผมจะรักหมอนี่ให้นานที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้
เพลงจังหวะหนักๆถูกเปิดขึ้นมาพร้อมกับร่างของป่านที่เริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมนั่งนิ่งมองร่างโปร่งที่ผมหลงใหล ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ผมละสายตาจากใบหน้าหล่อๆของมันไปไม่ได้ ป่านไม่ใช่คนสวย ไม่ได้มีใบหน้าหวานเหมือนนารา แต่ป่านเป็นผู้ชายหล่อถึงหล่อมาก
และหุ่นพอดีมือมากด้วย
ร่างโปร่งเริ่มจะสนุกกับการเต้น ป่านเริ่มเลื้อยจนกลายเป็นว่าเต้นยั่วไปซะอย่างนั้น ผมไม่หวงแฟนถ้าไม่มีใครเข้ามายุ่ง แต่ผมอยากจะรู้ว่าแฟนผมร้อนแรงได้ขนาดไหน
มองในมุมของผม ป่านเป็นแค่ผู้ชายเฉิ่มๆเชยๆที่มีทัศนคติที่ดีต่อโลก
แต่ถ้ามองในมุมของคนอื่น ป่านอาจจะเป็นลูกนกที่พร้อมจะโดนขย้ำอยู่ตลอดเวลา
ป่านเริ่มส่ายสะโพกแล้วยกมือขึ้นเหนือหัว ท่าทีผู้หญิงมักจะเต้นกลับมาปรากฏบนร่างกายของคนที่ผมรัก ไอ้แวนดิลคงสอนแฟนผมดีจริงๆ หึ ยั่วซะจนคนแถวนั้นเคลิ้มเชียว ป่านปีนเก้าอี้ตรงบาร์ก่อนจะขึ้นไปยืนอยู่บนบาร์น้ำ ชายเสื้อที่หลุดลุ่ยพร้อมกับผิวขาวนั่นตราตรึงใจหลายๆคน
“ใช้ได้นี่…” คุณแม่ว่า ก่อนจะเดินหายออกไป แม่ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ท่านก็แค่มาผ่อนคลาย ยังไงคุณแม่ก็ยอมรับทุกสิ่งที่ผมจะทำอยู่แล้ว ไม่ว่าป่านจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
ผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ปรายสายตาไปมองคนที่เต้นจนทำให้ผับร้อนแรงไปหมด วัยรุ่นหลายๆคนเริ่มหยุดเต้นและหันมาสนใจคนที่ส่ายเอวอยู่บนบาร์น้ำ บ้างก็ร้องโห่ บ้างก็ยัดเงินให้กับป่าน เบียร์เย็นๆถูกสาดไปทั่วบริเวณจนร่างโปร่งเปียกโชก เสื้อเชิ้ตสีขาวลู่ลงกับผิวกาย สิ่งที่ปรากฏให้เห็น
ทำให้ใครหลายคนร้องโฮออกมา
ผิวขาวซีดภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวนั่น กับร่างกายที่ยั่วยวน
ผมแทบคลั่งจนจะบ้า
มือของหลายๆคนเริ่มสะเปะสะปะไปมาบนร่างกายของป่าน กระดุมถูกปลดออกจนหมดด้วยมือขาวซีดนั่น ใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีจัดเพราะอาการที่เริ่มจะเมาจากวอดก้าเพียว ผมกระตุกยิ้ม ก่อนจะมองจ้องเจ้ามือยุบยับที่คอยแต่จะรั้งป่านแล้วสัมผัสร่างกายป่าน มือของพวกผู้ชายที่ละจากการเต้นมายืนมองแฟนผมที่ส่ายเอาอย่างยั่วยวนบนบาร์น้ำ
มือของใครคนหนึ่งเอื้อมไปเพื่อจะจับน้องป่านน้อยที่ผมเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว ผมปราดเข้าไปก่อนจะจับมือนั้นไว้แทบจะทันที เจ้าของมือหันมาเหมือนจะหาเรื่อง ผมเงยหน้ามองเจ้าของร่างโปร่งที่หยุดเต้น ดวงตาสีน้ำตาลของป่านจดจ้องมาที่ผม
ผมยิ้มมุมปากก่อนจะยื่นมือข้างซ้ายไปหาป่าน มือของป่านจับมือผมแล้วกระโดดลงมาที่พื้น ผมรั้งเอวป่านเข้ามาใกล้ด้วยมือซ้ายก่อนจะบดเบียดริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากสีส้มสุขภาพดีที่เผยอขึ้นด้วยความไม่รู้ตัวอย่างร้อนแรง ก่อนจะไล่จูบไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นคอ ยันไหปลาร้า และไหล่ขาวเนียนนั่น ป่านยังคงเต้นไปตามเพลง ผมจับเอวคอดๆนั่นไว้
มือขวายังคงจับมือคนที่จ้องจะลวนลามแฟนผม ผมจูบที่ริมฝีปากของป่านเหมือนเด็กติดลูกอม เหมือนเด็กติดขนม แม้มันจะไม่หวาน แต่ก็ทำให้ยากต่อการที่จะละออก เหมือนป่านจะเริ่มหายใจไม่ออก มันใช้ฟันงับลงบนริมฝีปากผมจนเลือดซิบ ผมจึงละออกจากริมฝีปากที่แสนขี้โมโหนั่นแล้วเลียริมฝีปากของตัวเองพลางหันไปมองเจ้าของมือตัวเตี้ยที่มองผมอย่างไม่พอใจ ก่อนจะชกหน้ามันไปจนเกิดจราจลเล็กน้อย
“Sorry man … He’s my boyfriend”
เมียข้าใครอย่าแตะเว้ย!!!!
PARN PART
“อ้วก!!!”
ผมโก่งคออ้วกอยู่หน้าผับอย่างเหลืออด ปวดหัวตื้บๆเพราะวอดก้าเพียวที่กระดกไปไม่รู้กี่แก้ว มีนาทีคอยพยุงอยู่ด้านข้าง น้ำเปล่าถูกกระดกลงไปในลำคอของผมเพื่อกลั้วปาก เสื้อที่เปียกชุ่มด้วยเบียร์ถูกแทนที่ด้วยเสื้อโค้ทหนังสัตว์ราคาแพงเพื่อเพิ่มความอบอุ่น นาทีพาผมขึ้นรถสปอร์ตอีกคันของคุณแม่ที่ยกให้ระหว่างที่พวกผมอยู่เที่ยวที่โตเกียว
บอกแล้วไง
ว่าไอ้นาทีบ้านรวย
แต่ลูกชายคนเล็กสันดารแย่มาก
มันไปชกคนในผับจนเขาวุ่นวายกันไปหมดแล้วลากผมออกมาจากผับเพื่อหลบเท้าของคนด้านใน
เป็นเดทที่น่าประทับใจจังเอ้ย
“ปวดหัวว่ะ” ผมนั่งลงที่ข้างคนขับก่อนจะตกใจเมื่อนาทีปรับเบาะผมให้นอนราบ ร่างโปร่งเข้ามาทาบทับผมอย่างรวดเร็วอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากสีซีดมอบจูบอันเร่าร้อนให้ผมจนได้ยินเพียงแค่เสียงหอบหายใจ ผมตบหน้าไอ้ทีอย่างแรงจนมันร้องโอ้ยแล้วกุมปากก่อนจะยิ้มจนตาหยี
“มึงสอบผ่าน”
“เออ ลงทุนขนาดนั้น ไม่ผ่านให้มันรู้ไป” ผมบ่นอุบแล้วผลักนาทีออกแล้วปาดริมฝีปากของตัวเอง
เป็นเดทแรกที่ผมขยาดมากที่สุดในโลกเมื่อนึกถึงมือที่เอื้อมมาเพื่อจะลวนลามร่างกายของผม
ยี๋
ขนลุก!
“จำได้เปล่าว่ากูเคยสัญญาอะไรไว้” นาทีโพล่งขึ้นมา ผมหันไปมองหน้ามันนิ่งๆ
“ไม่อ่ะ รกสมอง”
“ป่าน ตกลงรักกูจริงหรือเปล่าวะเนี่ย” นาทีเบะปาก ผมหัวเราะ
“โอ๋ไม่ร้องนะ รักดิ ว่าไงวะ กูอยากนอนแล้วปวดหัว” ผมว่าก่อนจะกระชับเสื้อโค้ทให้แนบเนื้อมากขึ้น เพราะหิมะเริ่มจะตกลงมาจากฟากฟ้าแล้ว สีขาว ผมไม่เคยเห็นเลย
ตื่นเต้นว่ะ
“อ่ะ!” นาทีโยนอะไรบางอย่างใส่หน้าผม กระแทกหน้าผมอย่างจัง ผมร้องโวยวายแล้วปารองเท้าใส่หน้าไอ้นาทีด้วยความโมโห ก่อนจะหยิบผ้าสีแรดๆของอะไรบางอย่างที่ตกอยู่ที่ตักของตัวเองขึ้นมาดู
กางเกงในสีชมพูลายมินนี่เม้าส์!!!!!
“ไอ้บ้านาที นี่มึง!!!” ก่อนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ภายใต้ผ้าสีชมพูนั่น ผมคลี่กางเกงในสีจี๊ดนั่นออกมาก่อนจะเจอกับสร้อยเชือกสีดำที่เข้ากับแหวนสีดำที่ผมสวมใส่อยู่
ผมหันไปมองหน้านาทีนิ่งๆ นาทีกดจูบลงบนริมฝีปากผมเร็วๆและผละออก
“รักมึง”
ผมยิ้มออกมาบางๆก่อนจะยกสร้อยนั่นขึ้นมา นาทีโชว์สร้อยสีดำแบบเดียวกันที่สวมอยู่ที่คอของมัน
“ทำตัวเป็นตุ๊ดไปได้… กูไม่ชอบใช้ของคู่หรอกนะ” ผมว่า ก่อนจะหยิบสร้อยขึ้นมาสวมแล้วหันไปกดจูบลงบนริมฝีปากของนาทีเร็วๆแล้วผละออกเหมือนกับที่มันทำ ก่อนจะชกหมัดลงไปแรงๆรัวๆที่แขนของไอ้นาทีจนมันร้องโอ้ยออกมา
“ขอบคุณนะ รักมึง”
“รักน้องจริงอย่าทิ้งน้องนะ”
ไอ้ห่า เสี่ยวเกินไปแล้ว
นาทีทำท่าจะจับกางเกงผมกระชากลงอีกรอบ ผมหัวเราะแล้วตบหัวคนข้างๆก่อนจะเปิดประตูรถออกไปแล้ววิ่งหนีไอ้นาทีที่พยายามจะจับผมปล้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆที่บางครั้งมันก็โดนผมปล้ำกลับ แต่ดูเหมือนนาทีจะติดใจนะ
ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา ผมรู้มีความสุขอย่างที่ไม่เคยได้มีมาก่อน
“ไอ้บ้ากาม!!!”
แม้จะเป็นคำพูดห้วนๆที่พูดให้กัน
แม้จะไม่หวานเหมือนใครๆ
แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรักกันได้ขนาดนี้
แต่เพราะคำว่ารักมันไม่มีคำอธิบายสำหรับผม แค่รู้สึกดีๆที่อยู่ด้วย รู้สึกว่าถ้าขาดใครไปซักคนก็อาจจะเหมือนกับอะไรขาดไปซักอย่างจากร่างกายแต่ไม่ถึงกับตาย
อนาคตผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้ วันพรุ่งนี้นาทีอาจจะหมดรักผม แต่ผมไม่เคยเสียใจเลย อย่างน้อยครั้งหนึ่ง คนที่ไม่เคยยิ้มให้ใครกลับยิ้มให้ผมเพียงคนเดียว คนที่ไม่เคยอ้อนใครกลับมาอ้อนผม
แค่ที่เป็นอยู่ตรงนี้
แค่การมอบชีวิตใหม่ให้นาทีในวันนี้
ก็ทำให้ผมยิ้มออกมาทุกวัน
จนคิดว่าตัวเอง
ท่าจะบ้าไปแล้วแน่ๆ
บ้ารักเนี่ยนะ?
เมาแล้วไอ้ป่าน!
“สนใจเอาเลือดหัวออกท่ามกลางหิมะสีขาวมั้ยวะ นาที!”
ผมรักมันจริงๆนะ
จะบอกให้
END
ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ