พิมพ์หน้านี้ - ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: bliss diary ที่ 09-06-2017 22:52:16

หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 09-06-2017 22:52:16
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ




♥‿♥ Intro ♥‿♥

(http://cdn-th.tunwalai.net/files/member/36023/1919692539-member.jpg)

หนึ่งชั่วโมงของคลาสยาวไปจนแทบจะไม่พัก ก็ผมโมโหที่นายเพชรดูเหมือนจะจงใจแกล้งผม แถมยังมีภาพที่ถูกโพลต์ลงเพจนั่นอีก ผมเลยระบายอารมณ์ออกมาด้วยการจัดเต็มในคลาสมวยไปเลย สายตาผมหันกลับมามองไอ้คนที่เรียนเบสิคมวยไทยอีกครั้ง
ดูแล้วสกิลต่อยมวยของนายนั่นยังห่างชั้นกับผมมาก

เซ็งเว้ย
จะเจอกันอะไรทั้งวี่ทั้งวัน! ว่าแล้วผมก็สะบัดหน้าหนี แล้วเดินไปที่ห้องอาบน้ำ


วันนี้ผมอาบน้ำไม่นานเพราะอยากรีบกลับ ไม่อยากจะอยู่นี่นานเท่าไหร่ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบเดินมาที่ลานจอดรถเพื่อขึ้นรถจะขับกลับคอนโด แต่พอเห็นรถสีขาวที่จอดอยู่ข้างบีเอ็มดับบลิวคันสีแดง ก็รู้สึกหงุดหงิดในใจขึ้นมามากกว่าเดิม

รถของพี่ภัทร แฟนเก่าผมที่เพิ่งมาโวยวายเมื่อไม่กี่วันยังไงล่ะครับ  เดินยังไม่ทันจะถึงรถ คนที่นั่งอยู่ในรถสีขาวก็เปิดประตูแล้วเดินตรงเข้ามาหาผม

“อะไรอีกครับ” ผมว่าไปอย่างหงุดหงิด

“พี่จะมาขอคืนดีกับเรา” พูดจบเขาก็เดินเข้ามาจับแขนผม

ก็อารมณ์ไม่ค่อยดีมาทั้งวันแล้ว กะจะมาต่อยมวยให้หายหงุดหงิดซะหน่อย แต่ดันมาเจออะไรแบบนี้เข้า ผมก็เบรคแตกเหมือนกัน

“พี่แม่งพูดไม่รู้เรื่องว่ะ” ผมพยายามสะบัดมือของพี่ภัทรออก

แต่ยังไม่ทันจะได้ออกแรง พี่ภัทรก็ปลิวออกจากตัวผมด้วยแรงผลักของคนที่มาใหม่


‘นายเพชร’


“เห้ย อะไรของมึงวะ” พี่ภัทรพุ่งเข้าใส่นายนั่นทันทีที่ตั้งหลักได้

“แล้วมึงอะไร” นายเพชรนั่นก็ไม่ยอม กระชากคอเสื้อพี่ภัทรเต็มกำมือ แล้วสองคนนั้นก็ซัดกัน

ไม่สิ ต้องเรียกว่านายเพชรกำลังโดนพี่ภัทรซัดเข้าให้ ผมยืนกุมขมับ แล้วถอนหายใจกับภาพตรงหน้า
พร้อมกับถามตัวเองว่า ‘แล้วพวกมึงสองคนนี้อะไร’


แต่ก่อนที่จะมีใครซักคนตาย ผมเลยต้องเข้าไปช่วยนายเพชรก่อน ผมทิ้งสัมภาระลงพื้นแล้วกระโดดเข้าไปห้าม

“เห้ย พี่ภัทรหยุด” พูดแล้วไม่ยอมหยุด เลยต้องออกแรง ดึงตัวพี่ภัทรออกมาแล้วศอกใส่ไปทีนึงให้ได้สติ

พี่ภัทรกุมท้องตัวเอง แล้วขยับไปยืนพิงรถ ส่วนนายเพชรนอนกุมหน้าอยู่ที่พื้น

“พี่ภัทรกลับไปเถอะครับ แค่นี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว” ผมพูดไล่ ก่อนจะเดินไปประคองนายเพชรให้ลุกขึ้น

“เป็นไงบ้างคุณ”

ผมประคองนายนั่นขึ้นไปนั่งบนรถ แล้วเดินกลับมาหยิบสัมภาระที่โยนทิ้งไว้เมื่อกี้แล้วใช้ผ้าเช็ดตัวซับเลือดให้เขาไปก่อน ระหว่างนั้นพี่ภัทรก็ขับรถออกไปอย่างเร็ว ผมมองตามแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว แล้วหันกลับมาจ้องหน้านายเพชร พร้อมกับชี้นิ้วอย่างคาดโทษ เอาเถอะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาต่อว่าใคร ผมต้องรีบขับรถพาเขาไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด


ระหว่างที่นายเพชรเข้าไปทำแผล ผมก็โทรหาไอ้มิวเล่าเรื่องให้มันฟัง แล้วก็บอกให้มันไปจัดการพี่ภัทรให้ผมด้วย
ก็ไม่รู้ว่ามันจะจัดการยังไงหรอกครับ บอกไปงั้น

ครู่ใหญ่...นายเพชรก็เดินออกมาในสภาพสะบักสะบอม มีผ้าก๊อซแปะบนใบหน้า

เห็นละหงุดหงิดไม่หาย

เขาเดินเข้ามานั่งข้างผม ในระหว่างนั่งรอรับยาก็ไม่มีใครพูดอะไรกัน จนสุดท้ายนายนั่นก็เป็นคนพูดขึ้นมาก่อน

“คุณชื่อเล่นว่า หงส์ หรอ” ผมเหลือบมองคนด้านข้างหน้านิ่ง เจ้าของใบหน้าที่แสนจะสะบักสะบอมส่งยิ้มมาให้

“ใช่เวลาเล่นป่ะ” ผมพูดเสียงนิ่งใส่ คนด้านข้างหุบยิ้มแล้วหลุบตามองพื้น “ทำไมต้องพุ่งตัวเข้ามายุ่ง”
ถ้านายเพชรไม่เข้ามา เราสองคนก็คงไม่ต้องหอบกันมาโรงพยาบาล

“ ก็ไอ้นั่นมันรังแกคุณ” เขาพูดตอบเสียงนิ่ง

“แล้วเป็นไง สู้เค้าได้มั้ยล่ะ......ไม่เป็นมวย แล้วยังไปหาเรื่องชาวบ้าน”

ผมนั่งจ้องนายนั่นราวกับกำลังพิพากษาความผิด ลำพังตัวผม ทำไมผมจะเอาตัวรอดจากพี่ภัทรไม่ได้
นี่ดันพาคนอื่นมาซวยด้วย เฮ้อ

พ่อฮีโร่หน้าแหก!!

คนที่ถูกจ้องอยู่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยแววตาเศร้า

“ไม่เอาแบบนี้แล้วนะเว่ย เพชร!!”

ผมพูดจริงจัง

แต่ทันทีที่พูดจบ นายนั่นกลับยิ้มกว้างออกมา แววตาเศร้าเมื่อครู่ มีประกายวิบวับ
ผมพูดอะไรผิดไปตรงไหนวะ!

“คุณว่ายังไงนะ” เขายิ้ม ทั้งที่กำลังเจ็บตัว และกำลังโดนผมด่านะเว่ย

“ไม่เอาแบบนี้แล้วนะเพชร” ผมพูดบอกอีกครั้งด้วยเสียงที่แข็งขึ้น แล้วนั่นก็ทำให้เขายิ้มกว้างออกมากว่าเดิม

“อยากให้คุณเรียกผมแบบนี้บ่อยๆ ว่ะ”

“ฮะ” คำพูดของเขาทำให้ผมไม่ค่อยเข้าใจ

“คุณ…
…ผมจีบคุณนะ”




♥‿♥ สารบัญ ♥‿♥

 ตอนที่ 1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3650559#msg3650559)
 ตอนที่ 2  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3680733#msg3680733)
 ตอนที่ 3  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3680734#msg3680734)
 ตอนที่ 4  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3680735#msg3680735)
 ตอนที่ 5  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3680737#msg3680737)
 ตอนที่ 6  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3680738#msg3680738)
 ตอนที่ 7  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3684349#msg3684349)
 ตอนที่ 8  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3695403#msg3695403)
 ตอนที่ 9  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3699407#msg3699407)
 ตอนที่ 10  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3702922#msg3702922)
 ตอนที่ 11  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3705501#msg3705501)
 ตอนที่ 12  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3712877#msg3712877)
 ตอนที่ 13  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3717829#msg3717829)
 ตอนที่ 14  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3721284#msg3721284)
 ตอนที่ 15  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3731453#msg3731453)
 ตอนที่ 16  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3734480#msg3734480)
 ตอนที่ 17  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3746302#msg3746302)
 ตอนที่ 18  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3747610#msg3747610)
 ตอนที่ 19  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3750171#msg3750171)
 ตอนที่ 20  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3758801#msg3758801)
 ตอนที่ 21  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3768694#msg3768694)
 ตอนที่ 22  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3771630#msg3771630)
 ตอนที่ 23  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60449.msg3776685#msg3776685)

♥‿♥
หัวข้อ: Re: + THE SWAN + + เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ +
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 09-06-2017 22:57:26
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 1
Material Boy


06:13

อรุณสวัสดิ์เช้าวันจันทร์ที่แสนสดใสครับ

วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ในฐานะนิสิตปี 3 ที่เรียน BBA อย่างผมจึงตื่นเช้าเป็นพิเศษ แล้วใช้เวลาส่วนมากไปกับการอาบน้ำ แต่งตัว แต่งหน้า เซ็ทผม ให้เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว

อ๊ะ!! แต่งหน้าของผมหมายถึงการลงครีมบำรุง ครีมกันแดด บีบีหรือรองพื้นบางเบา ให้หน้าตาดูสดชื่น ผิวพรรณสุขภาพดี ตามแบบฉบับของผู้ชายที่ดูแลตัวเองอ่ะครับ

ผมไม่ลืมหยิบสเปรย์น้ำแร่สูตรดูแลผิวบอบบางขวดสีขาวขึ้นมาฉีดพรมทั่วใบหน้า เพื่อให้เครื่องสำอางค์เซ็ตตัว พร้อมกับให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้า เพราะว่าวันนี้คงจะต้องออกไปเจอศึกหนักทั้งวัน

จัดการในส่วนของใบหน้าและเส้นผมอยู่ร่วมชั่วโมงกว่า ก็ได้เวลาหยิบชุดนิสิตสุดเนี้ยบที่ผมหยิบมาวางไว้บนเตียงนอนขึ้นมาสวม มือเรียวของผมปลดชุดคลุมอาบน้ำสีขาวที่คลุมร่างโปร่งออก พร้อมกับหยิบน้ำหอมขวดสีทองกลิ่น Coconut Passion มาฉีดพรมให้ทั่วร่างกาย

น้ำหอมกลิ่นที่ใครก็ต่างบอกว่ามันหอมเหมือนขนมหวาน ได้กลิ่นแล้วรู้สึกอยากกิน

ก็แน่ล่ะครับ ผมมันน่ากินนิ  : )

รอให้น้ำหอมซึมเข้าสู่ผิวเรียบร้อย กางเกงในตัวบางสีขาว Calvin Klein ถูกสวมขึ้นมาพร้อมกับการจัดทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางในแบบที่มันควรจะเป็น จากนั้นผมก็บรรจงสวมเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่ขนาดใหญ่กว่าตัวผมเล็กน้อย พร้อมกับติดกระดุมทีละเม็ด ไล่จากล่างขึ้นบน และไม่ลืมที่จะเว้นสองเม็ดบนเอาไว้

ไม่ช้าสแลคสีดำขนาดพอดีตัวก็ถูกสอดเข้ามาผ่านขาล่าง เรื่อยขึ้นมาถึงเอว ซิบกางเกงถูกรูดปิดอย่างระมัดระวังพร้อมกับติดกระดุมเพื่อความเรียบร้อยตามมา



ผมเดินไปที่กระจกบานใหญ่ข้างโต๊ะเครื่องแป้ง เช็คความเรียบร้อยของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง

เส้นผมสีดำขลับ ถูกไดร์ตรง พร้อมกับเซ็ทลงมาให้ปรกหน้าผากเล็กน้อย

เครื่องสำอางค์บนใบหน้าที่ประทินผิวอย่างลงตัว ชวนให้คิ้วสีดำที่หนาพอประมาณเรียงตัวเป็นระเบียบโดดเด่นอยู่เหนือดวงตากลมโต รับกับสันจมูกคมที่ไม่โด่งมากจนเกินไป ปากกระจับสีชมพูระเรื่อ ฉีกยิ้มโชว์ฟันขาวสะอาดเรียงตัวเป็นระเบียบ

เชิ๊ตสีขาวความยาวพอดีถูกปล่อยชายออกนอกกางเกงสแลคสีดำที่ขายาวไม่เกินข้อเท้า

“Fine” ผมพูดกับคนในกระจก

เชื่อว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีของผม

กระเป๋าหลุยส์ใบโตบรรจุสิ่งของที่ต้องใช้ระหว่างวันถูกหยิบขึ้นมาสะพายบนไหล่ซ้าย

ก่อนที่เปิดประตูห้องบานใหญ่จะถูกเปิดออก ผมก้าวออกจากห้องด้วยความมั่นใจ



หลายคนคงคิดว่าผมเป็นพวก Material Boy (Girl) หรือพวกวัตถุนิยม อะไรอย่างนั้นใช่มั้ยครับ
แน่นอนว่าคุณคิดถูก

บางคนอาจจะไม่ชอบผม บางคนหมั่นไส้ บางคนรำคาญ บางคนบอกว่าผมเยอะ
แต่ในเมื่อผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วผมก็อยู่ในที่ที่เหมาะสมของผม
ผมว่าชีวิต…มันก็ยังไปต่อได้ในแบบของมันครับ




ลิฟต์ที่อยู่ถัดจากห้องนอนของผมถูกเปิดออกจากการสัมผัสเมื่อครู่ ไม่ช้ามันก็พาผมลงมาที่ชั้น 1

อาหารเช้าเรียบง่าย ไข่ดาว ไส้กรอก พร้อมด้วยชาเอิร์ลเกรย์จากอังกฤษ ถูกจัดเตรียมบนโต๊ะอาหาร

ผมใช้เวลาไม่นานกับการกินอาหารเช้า ก็จวนได้เวลาออกจากบ้านไปมหาวิทยาลัย




“วีรินทร์ ไปเรียนแล้วหรอลูก”

เสียงมักเดินทางมาไวกว่าแสงเสมอ แต่เธอไม่ใช่แสงครับ

เพราะเธอคือแม่ของผมเอง

ส่วน วีรินทร์ ที่แปลว่า ผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่ คือชื่อของผมเองครับ

‘วีรินทร์ กวินทราพัฒน์’

ลูกชายที่ถอดแบบมาจากแม่แทบทุกกระเบียดนิ้ว

ถึงแม้ว่าชื่อของผมจะเหมือนผู้หญิง ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น แต่ผมก็ไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่

เพราะที่เป็นอยู่ ก็แทบไม่ต่าง



 
ผมยิ้มกว้างให้แม่ พร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้าไปหาท่าน

“ครับแม่ สัปดาห์นี้ผมคงพักที่คอนโดนะครับ ไม่ได้กลับบ้าน”

“แล้วอย่างงี้แม่ก็เหงาแย่เลยนะสิ”

แม่ทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อย เห็นอย่างนั้นผมจึงรีบโผเข้าไปกอดอ้อนแม่

“ไม่เหงาหรอกค้าบ แม่ก็มีวีวิศอยู่ทั้งคน”

วีวิศคือน้องชายตัวแสบของผมเอง มันเรียนมอปลายโรงเรียนชื่อดัง ไว้มีโอกาสผมจะพามาแนะนำ

“เจ้าวีวิศก็แต่อ่านหนังสือเตรียมเข้ามหา’ลัย แม่ชวนไปไหนก็ไม่ยอมไป รายนั้นไม่มีเวลาให้แม่หรอก ชิ”

แม่ทำหน้างอนลูกชายตัวดี เห็นแล้วก็อดยิ้มขำไม่ได้ครับ ก็แม่ผมดันเป็นประเภทชอบออกไปทานข้าวนอกบ้าน ชอบชวนไป
ดินเนอร์ท่ามกลางแสงไฟอยู่เป็นประจำ ผมเลยแอบคิดว่าบางครั้งวีวิศมันก็คงอยากมีมุมที่ไปกับเพื่อน หรือว่าไปกับแฟนบ้าง

ส่วนผมน่ะหรอชิงไปอยู่คอนโดก่อนแล้วค้าบบ

“ก็ดีกว่ามันติดสาว แล้วไม่กลับบ้านนะครับแม่” ปลอบใจคุณแม่สุดที่รักซะหน่อย

“เหมือนเราใช่มั้ยล่ะ ถึงได้ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องตัวเอง”

อ้าว ไหงงั้นละเนี่ย ผมก็ค้างคอนโดที่แม่ซื้อให้เปล่าหว่า

“โหยย เปล่าซะหน่อยครับแม่…ไม่เอาละพูดกับแม่นาน เดี๋ยวสาย ผมไปแล้วนะค๊าบ”

ผมกอดหอมแก้มแม่ให้หนำใจอีกครั้ง ก่อนจะบอกลา แล้วคว้ากระเป๋าใบโตเดินตรงมายังโรงจอดรถ





BMW สีแดง สดใส จอดประจำการรอผมอย่างเตรียมพร้อม ไม่ได้ขับไปมหาวิทยาลัยนาน

ท่าทางเจ้า ‘เรดเวลเวต (Red Velvet)’ คงจะคิดถึงมหา’ลัยไม่น้อยไปกว่าผมแน่นอน

ผมวางกระเป๋าลงบนที่นั่งข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเองเสร็จสรรพ

แล้วเหยียบคันเร่งนำเจ้ารถคันโปรดมุ่งหน้าเข้าเมืองทันที




“I want something just like this...Doo-doo-doo, doo-doo-doo”

ผมร้องเพลงคลอไปกับเสียงเพลงบนรถ มันช่างเหมาะกับเช้าที่เพอร์เฟคซะจริงๆ

ผมชะลอเล็กน้อยมองซ้าย มองขวา แล้วเลี้ยวซ้ายออกจากถนนในหมู่บ้าน




‘ปั๊ก ครืดดดดดดด’

“เห้ยย” ผมอุทานเสียงดัง ความตกใจสั่งเท้าขวาให้เหยียบเบรคจนหน้าทิ่ม

เมื่อรถจอดสนิทผมจึงเงยหน้าขึ้นจากพวกมาลัย ทำให้เห็นบิ๊คไบค์สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ด้านหน้ารถผม   

คนขับในชุดสีดำ สวมหมวกกันน็อคปิดหน้า กำลังลงจากรถและดูเหมือนจะเดินมาที่เรดเวลเวตของผม




‘ปึก ปึก ปึก’

เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้น เขาทำท่าชี้นิ้วเหมือนกับบอกให้เปิดกระจกลง

ผมกดกระจกลงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วก็เชิดหน้าขึ้นมองคนที่ยังคงสวมหมวกกันน็อคอยู่

“เป็นอะไรมาก...”

“ขับรถแบบนี้ ได้ใบขับขี่มาได้ยังไง” เพราะเขาคือคนที่ทำลายวันดีๆ ของผม มันจึงไม่มีเหตุผลที่ผมจะพูดดีกับเขา และถ้าผมเป็นอะไรมากขึ้นมา คนอย่างนั้นจะสามารถรับผิดชอบชีวิตผมได้หรอ

“คือว่าผม…”

“ไม่ต้องพูด” มือเรียวของผมยกขึ้นปรามคนตรงหน้า แล้วชิงถามต่อ “รถมีประกันมั้ย”

“มีครับ ว่าแต่คุณจะไม่ลง…”

“ให้ประกันเคลียร์”

ว่าจบผมก็กดกระจกขึ้นเพื่อจบการสนทนา แล้วมองสำรวจรอบๆ รถตัวเองผ่านกระจกมองข้าง ซึ่งเจ้าเรดเวลเวตของผมก็ดูจะไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก มีเพียงกระจกมองข้างนี่แหละที่บิดงอผิดรูปไป

ผมโทรแจ้งประกัน แล้วโทรบอกที่บ้านให้ส่งคนมารอเคลียร์

เพราะผมจะรีบไปมหา’ลัย




กระเป๋าหลุยส์ใบโตถูกหยิบขึ้นมาคาดไว้บนไหล่ซ้ายอีกครั้ง ขณะผมก้าวลงจากรถเพื่อไปโบกแท็กซี่

กริ๊ง กริ๊ง

ระหว่างนั้นโทรศัพท์เครื่องสีแดงในมือของผมก็ส่งเสียงร้อง พร้อมแสดงชื่อคนโทรเข้าบนหน้าจอ

“ฮัลโหลมิว” ผมรับสายด้วยเสียงนิ่งเจือหงุดหงิด

‘อยู่ไหนแล้ววะ’ ปลายสายพูดถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“หน้าหมู่บ้านว่ะ พอดีมีเรื่องนิดหน่อย”

ผมยกมืออีกข้างขึ้นปาดเหงื่อ แล้วบ่นอุบในใจ
อากาศเมืองไทยนี่ก็ร้อนซะจริง แค่ออกแดดแปปเดียว เม็ดเหงื่อก็ผุดขึ้นตามไรผมซะละ
เซ็งโว้ย

‘ฮะ เกิดเรื่องไรขึ้น’ น้ำเสียงไอ้มิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“มีพวกแว๊นซ์ขับมอ’ไซค์มาชนรถกูว่ะ”

 “เชี่ย!!” แรงกระชากทำเอาผมตัวเซไปเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับล้ม

ตอนนี้โทรศัพท์ของผมถูกกระชากไปอยู่ในมือของ…

“คุณครับ!! ผมไม่ใช่แว๊นซ์”

ผมหันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงทุ้มผู้ที่เพิ่งทำลายวันดีๆ แถมยังกระชากมือถือของผมไปอีก

ตอนนี้เขากำลังพูดกับไอ้มิว เพื่อบอกว่าตัวเองไม่ใช่แว๊นซ์ ก่อนที่เขาจะกดตัดสายไป




ผมมองการกระทำคนตรงหน้านิ่งๆ แล้วไล่มองหัวจรดเท้า จนผมกับเขาจ้องหน้ากัน

หน้าเด็กกว่าที่คิดแฮะ

ตอนแรกคิดเอาไว้ว่าคงเป็นลุงแก่ หัวล้าน หนวดหงอก ตีนกาพรึ่บ ฟันดำ สกปรก ตัวเหม็น

แต่ไหงพอถอดหมวกกันน็อคออกมา กลับผิดคาดซะงั้น

ผมมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง “ไม่ใช่แว๊นซ์ แต่ขับมอ’ไซค์เฉี่ยวรถคนอื่น”

“รบกวนคุณช่วยไปศึกษาคำว่า แว๊นซ์มาใหม่นะครับ…” เขาทำท่าถอนหายใจเบอร์แรงใส่ผม

…ผม ไม่ ใช่ แว๊นซ์” คนตรงหน้าจ้องผมตาเขม็ง

ผมเข้าใจนะครับ ว่าผมหน้าตาดี ใครเห็น ก็อยากจะจ้องมอง

แค่คำว่าแว๊นซ์ จะเดือดร้อนอะไรขนาดนั้น

ผมคว่ำปากแล้วเหลือกตาใส่คนตรงหน้าพร้อมกับไหวไหล่นิดหน่อย

พอนึกได้ว่าตัวเองดูกำลังจะเล่นมากไป ผมก็ดึงสติกลับคืนมา แล้วบอกตัวเองว่า Keep Look…

“ถ้าไม่ใช่ก็หัดมีมารยาทกับคนอื่นด้วยนะครับ คุณแว๊นซ์” คนไม่มีมารยาทแบบนี้ ต้องเจอผม

ผมกระชากโทรศัพท์ที่อยู่ในมือเขากลับคืนมา แล้วจ้องตามองแรงตอบไป

“ผมไม่ใช่แว๊นซ์ครับ คุณเหวี่ยง” คนตรงหน้ายังคงยืนยันคำเดิม โดยการพูดเน้นเสียงทีละคำ

แถมมันยังเติมฉายา ‘คุณเหวี่ยง’ ให้ผมเพิ่มมาอีกด้วย

หมดเวลาต่อล้อต่อเถียงกับคนบ้าอย่างไอ้แว๊นซ์นี่ “Fine” ผมพูดพร้อมยักไหล่เบาๆ




จะว่าไปนายนี่ก็ไม่ได้ดูเป็นแว๊นซ์หรอกครับ รถมอเตอร์ไซค์ที่เขาขับก็ราคาแพงพอที่จะซื้อรถยนต์ได้

แล้วยิ่งพอถอดหมวกกันน็อคออกมา หน้าตาเขาก็ดูสะอาดสะอ้านดี ขาวตี๋ พิมพ์นิยม

ส่วนความสูง คงสูงกว่าผมสัก 6-7 เซน น่าจะประมาณ 180 มั้ง

ภาพรวมก็โอเค แต่มารยาทแย่

สรุปที่ผมเรียกเขาว่า ‘เด็กแว๊นซ์’ ก็แค่คุยโทรศัพท์กับเพื่อน แล้วก็พูดให้มันดูสะใจแค่นั้นเอง

แต่ไหงไอ้บ้านี่ถึงได้โมโหถึงขั้นกระชากโทรศัพท์กันขนาดนี้

“คุณจะไปไหนครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นทันที เมื่อเห็นผมทำท่าจะโบกแท็กซี่ เขาขยับเข้าประชิดตัวผมมากขึ้น

ผมเหล่มองด้วยหางตาพร้อมรีบถอยตัวออกห่าง ผมไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้ตัว

เดี๋ยวเขาจะได้กลิ่น Coconut Passion แล้วอยากกินผมขึ้นมาอีกคน

แค่คิดภาพต้องมีอะไรกับนายนี่ ก็ขนลุกละ อึ๋ยทุเรศจัง คิดอะไรอยู่วีรินทร์!! ตกปากตามอายุ!!

“ไปเรียน…แต่ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวจะมีคนขับรถที่บ้านมาเคลียร์กับคุณ” ผมไม่ได้หันไปมองเขา
ประกอบกับเป็นจังหวะที่แท็กซี่มาพอดิบพอดี

ผมเลยรีบเปิดประตูรถขึ้นไป

ก่อนก้าวขาเข้าไปในรถ ก็เกิดรู้สึกว่าอยากจะกวนประสาทคนอีกสักครั้งเป็นการส่งท้าย

“คุณ เด็ก แว๊นซ์” ผมพูดว่าช้าๆ ชัดๆ แลยกนิ้วชี้ ชี้หน้าเขา ก่อนจะปิดประตูแท็กซี่หนีไป




เหตุผลที่ผมเลือกที่จะอยู่คอนโดในช่วงเปิดเทอม ก็เพราะว่าผมนั่งอยู่บนแท็กซี่คันนี้มามากว่าชั่วโมงครึ่งแล้วครับ
แต่ก็ยังไม่ถึงมหาวิทยาลัยซะที มันทำให้ผมรู้สึกช่วงเวลาที่รถติด เป็นช่วงเวลาที่ไร้ประโยชน์

การอยู่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัยจึงเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ สำหรับคนอย่างผมครับ




10:29

สายไปชั่วโมงกว่า…ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากกกกกกกกสำหรับการเข้าเรียนในวันแรกกับวิชาเลือกเสรี ที่นิสิตทั่วมหาวิทยาลัยต่างแย่งกันลง แล้วผมก็เป็น 1 ใน 60 ผู้โชคดีจากจำนวนนิสิตนับพันที่อยากจะลงเรียนวิชานี้ และนั่นคือเหตุผลที่ผมไม่อยากสาย เพราะถ้าคุณสาย คุณอาจจะโดนเด้งโดยไม่รู้ตัว

ผมเดินเนียนๆ เข้ามาในห้องสโลปขนาดไม่ใหญ่มาก อาจารย์ที่สอนอยู่หน้าห้องกำลังสอนอย่างออกรสออกชาติ ด้วยเหตุนี้อาจารย์จึงไม่ได้สนใจผมที่มาสายมากนัก

ผมรีบตรงเข้าไปหา ‘ไอ้มิว’ เพื่อนรัก ที่จองที่นั่งเอาไว้ให้ทางด้านหลังห้อง

“เป็นไงบ้างวะมึง” ทันทีที่ผมนั่งลง ไอ้มิวที่กำลังตั้งใจเรียนอยู่ ก็หันมากระซิบถาม

“เชี่ยแว๊นซ์นั่นแม่งกวนตีน ขับรถเฉี่ยวรถกูแล้วยังกร่าง” ผมพูดตอบพลางถอนหายใจออกมา

คิดแล้วโมโหไม่หาย มีที่ไหนมาขับรถเฉี่ยวเขา แล้วยังกระชากทรัพย์สินคนอื่นไป!!

“แม่งกร่างยังไงวะ” ไอ้มิวทำหน้าสงสัย

“กระชากมือถือกู ตอนที่กูคุยกับมึงไง” คนอะไรไม่มีมารยาท ไม่รู้ว่าเติบโตมาในสังคมแบบไหน

“แต่มึงก็ไปว่าแม่งก่อนถูกป่ะ” แล้วนั่นมึงจะขำทำไมวะมิว กูกำลังโมโห

“มิว มึงเป็นเพื่อนใคร” ผมดึงหน้าแล้วมองบนใส่มัน

“เออ กูเพื่อนมึง แต่บางทีก็แหม มึงก็หัดใจเย็นลงบ้าง นิสัยมึงจะได้สวยเหมือนหน้า เหมือนชื่อของมึงไง”

มันไม่พูดเปล่าครับ มันยื่นมือมาเชยคางผม หันซ้ายที ขวาที แล้วหลับตาพริ้มใส่อย่างกวนตีน

เล่นอะไรให้เกียรติความดึงหน้าของกูในตอนนี้ด้วย!!

“ว่าแต่ เสียงไอ้เหี้ยนั่นตอนบอกกูว่าไม่ใช่เด็กแว๊นซ์ก็ดูหล่อดีเหมือนกันนะ แล้วหน้าตาแม่งเป็นไงวะ” แล้วไอ้เชี่ยมิวก็ยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ผมพร้อมขยิบตาทีนึง

“ก็โอเค สูง ขาวตี๋ ทั่วไป…

…เห้ย! มึงบ้าป่ะ ปล่อยหน้ากู” ผมปัดมือไอ้มิวออกจากคางผม แล้วนึกหงุดหงิดตัวเอง ตอบแม่งทำไม

ไอ้มิวยิ้มล้อ

ผมเลิกสนใจไอ้มิวแล้วหันไปสนใจอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าห้องดีกว่า

เปิดเรียนวันแรก ต้องขนาดนี้เลยหรอ

“ว่าแต่อาจารย์ให้ทำไรวะ กูมาสายไปตั้งชั่วโมงกว่า”

“อาจารย์ให้จับบัดดี้” มิวพูดตอบเสียงใส แล้วส่งยิ้มมา

นี่คือข้อดีและเสน่ห์ของไอ้มิวครับ มันเป็นคนที่ขี้เล่น ยิ้มเก่ง มีรอยยิ้มที่จริงใจ ใจเย็น อารมณ์ดีอยู่เสมอ

เวลาผมของขึ้น มันจะมักจะคอยเอาลงอยู่เสมอ หมายถึงว่าผมเวลาหัวร้อนนะครับ ไม่ใช่ขึ้นแบบนั้น

ซึ่งนิสัยของมัน…ค่อนข้างจะตรงข้ามกับผมในหลายประการ




 “ดีเลย งั้นกูคู่กับมึง” ผมยิ้มหวานหมู ชิลสัสเลยกู

“ไม่ได้เว่ย อาจารย์เค้าให้จับฉลากเอา มึงเห็นกระป๋องสีขาวหน้าห้องป่ะ” ว่าแล้วมันก็ชี้นิ้วไปหน้าห้อง

“อาฮะ” ผมพยักหน้า แล้วเบนสายตามองหน้าตาจริงจังของมิว

“ในนั้นจะมีฉลากอยู่ เป็นรูปสัตว์ ถ้ามึงจับได้สัตว์ตัวไหน มึงก็ไปหาคนที่จับได้เหมือนมึงให้เจอ…

…นั่นแหละคู่บัดดี้ของมึง” ไอ้มิวอธิบายกระซิบกระซาบ

“แล้วมึงจับได้ตัวไรวะ”

มิวขยับตัวเหมือนหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่มันจะหยิบกระดาษใบเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกง

มิวลอบมองผม สลับกับมองอาจารย์หน้าห้อง

“อีแร้ง”

ผมถึงกับหลุดขำเสียงดัง

“ยี้ เชี่ยมิว เชี่ย กรุ๊ปแร้งกินศพ ยี้” ผมจิ้มแขนไอ้มิวแล้วผลักตัวมันออกไปไกลๆ ด้วยท่าทางรังเกียจ
ไม่คิดว่าอาจารย์จะช่างสรรหาสัตว์แปลกขนาดนี้ ทีแรกผมก็นึกว่าจะเป็น หมู หมา กา ไก่ อะไรแบบนั้น

“หยุดเลยสัส ถ้ามึงจับได้ตัวเหี้ยนะ กูจะหัวเราะเข้าให้”

ฮะ มีตัวเหี้ยด้วยหรอวะ!! ผมเบิกตากว้างขึ้นทันทีที่ได้ยิน

“มึงอำกูละสัสมิว…ว่าแต่จับบัดดี้ไปทำไม ซื้อของเทคให้งี้หรอ…งั้นกูฝากมึงซื้อ”

“เปล่า มึงนี่ขี้ฝากเนอะ เอะอะใช้กูตลอด สัส

คืออาจารย์บอกว่าตั้งแต่คาบหน้าเป็นต้นไป มึงต้องนั่งคู่บัดดี้มึง ทำงานคู่กัน มีโปรคเจคคู่กันไรงี้”

“แล้วต้องเอากันด้วยป่ะ” ผมถามหน้าตาย แล้วกระพริบตาวิ้งใส่มันทีนึง

“มึงอยากเอาก็เอา ถุ๊ย!


…นี่อ่ะหรอคำพูดของ ‘วีรินทร์ ที่ใครๆ ก็หลงรัก’…อยากจะเอากับบัดดี้เฉย”


แล้วนั่นใครให้มึงเอาคำขวัญส่วนตัวของกูมาใช้วะ หึ แล้วไอ้มิวทำท่าทางรังเกียจผมบ้าง

“หยุด สัสมิว” ผมตีแขนมันด้วยความหมั่นไส้ในท่าทาง

“นี่สรุปว่าอาจารย์เค้ากะจะให้เป็นคู่บัดดี้ หรือให้เป็นคู่ผัวเมียวะ”

ถ้าจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันขนาดนี้ มีหวังได้เอากันแบบที่ผมคิดไว้แหงๆ

“แน่ะ ไอ้เชี่ยวีรินทร์ มึงวกเข้าเรื่องนี้อีกแล้วนะคร้าบบบ…

…ทำไมวันนี้มึงดูพูดถึงแต่เรื่องเอาๆ อย่าบอกนะว่าเพราะไอ้แว๊นซ์มอ’ไซค์นั่น”

มองบน ผมมองบนใส่ไอ้มิวอย่างไม่มีคำพูดใดใด

ผมยังคงยืนยันคำเดิม แค่คิดภาพต้องมีอะไรกับนายนั่น ก็ขนลุกไปหมดละ

เห้ย แล้วกูจะคิดตามทำไม


“เออ กูพอ!! แล้วคนไหนบัดดี้มึงวะมิว เห็นยัง” ผมตัดบทแล้วดึงสติตัวเองด้วยการถามถึงบัดดี้ไอ้มิว

ไอ้มิวพยักเพยิศมองหาบัดดี้ของมัน แต่ดันโดนอาจารย์เอ็ดซะก่อน

“นิสิตอย่าเพิ่งคุยกันนะคะ ตั้งใจฟังก่อน เดี๋ยวอาจารย์จะมีงานให้ทำท้ายคาบ”




หลังจากเลิกเรียนไอ้มิวก็ใจดีพาผมไปจับฉลากกับอาจารย์ที่หน้าห้อง พร้อมช่วยผมอธิบายเหตุผลให้อาจารย์ฟังว่าอุบัติเหตุรถชน
เลยมาเข้าเรียนสาย ซึ่งอาจารย์ก็ใจดีไม่ได้ว่าอะไร

ผมหยิกสลากใบสุดท้ายขึ้นมาไว้ในมือ แต่เอ๊ะ! ไม่ใช่ใบสุดท้ายนี่หว่า

ยังเหลือฉลากอีกหนึ่งใบ ที่ยังไม่มีใครมาจับ

แปลกจัง มีคนมาสายกว่าผมอีกหรอเนี่ย ทั้งที่วิชานี้คนแย่งกันเรียนกันทั้งมหาวิทยาลัย




ระหว่างทางเดินไปโรงอาหาร เราต้องเดินผ่านลานจอดรถมอ’ไซค์ที่อยู่ริมสนามหญ้า และก่อนที่ผมกำลังจะเป็นลมแดด
สายตาเหยี่ยวของผมก็ดันไปสะดุดกับอะไรบางอย่างเข้า

ผมรู้สึกคุ้นตา จนต้องชะงักไปชั่วครู่

บิ๊คไบค์สีดำจดอยู่ตรงนั้น

ผมรีบบอกตัวเองว่า ไม่ใช่มั้ง!!


“มึงจับได้ตัวอะไรวะ” มิวสะกดผม ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิดฟุ้งซ่าน

เออว่ะ! ยังไม่ได้เปิดดูเลย

ผมหยิบฉลากในกระเป๋าขึ้นมาดู แล้วพูดตอบไอ้มิว

“หงส์”




to be continued


สวัสดีค้าบ บลิสนะครับ **นักเขียนหน้าใหม่ในเล้าเป็ด
ฝากเนื้อฝากตัว ฝากวีรินทร์ ด้วยนะครับบ

:) :)


หัวข้อ: Re: THE SWAN +* เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ *+ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 30-07-2017 01:32:24
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 2
Boxing


20:15

ในช่วงบ่ายผมเข้าเรียนวิชาบังคับของคณะจนหัวสมองมึนตึ๊บไปหมด หลังจากนั้นไอ้มิวก็ชวนกึ่งบังคับให้ผมไปดูหนังน้องหมาน้องแมวเป็นเพื่อนมัน ระหว่างดูหนังไอ้มิวก็ร้องห่มร้องไห้เป้นวรรคเป็นเวรให้กับมิตรภาพของสัตว์หมาแมว ส่วนผมก็กึ่งหลับกึ่งตื่นครับ ดูหนังเสร็จเราสองคนก็ดับความหิวด้วยอาหารญี่ปุ่น และซูชิจัดเต็ม ก่อนที่ไอ้มิวจะขับรถมาส่งผมที่ยิมค่ายมวยแถวสาทรเพื่อเป็นการตอบแทนที่ผมยอมดูหนังกับมัน

วันนี้ผมมีคลาสเรียนมวยไทยครับ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่วันนี้กระเป๋าของผมมันตุงและใหญ่เป็นพิเศษ
คงไม่อยากจะเชื่อใช่มั้ยละครับ…ว่าคนอย่างผมจะเรียนมวยไทย แถมผมยังเรียนมาปีกว่าละน้า
อยากจะบอกว่าเรื่องงานบู๊ เป็นงานถนัดของผมเลยแหละ

นี่ยังไม่รวมที่ชอบเล่นบีบีกัน ยิงปืน ยิงธนู เจ็ทสกี ปีนเขา และอีกสารพัดกิจกรรมนะครับ
ซึ่งมันดูขัดกับลุคของผมอะดิ…ใครๆ ก็บอกแบบนั้น หะหะ

“มึงไม่ลงไปต่อยมวยกับกูจริงหรอวะมิว” ผมหน้าหงิกทันทีที่ไอ้มิวบอกว่าจะแค่ขับรถมาส่ง
วันนี้มันไปเรียนกับผมไม่ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า

“วันนี้สมชายมีโอกาสจะคลอดว่ะ กูต้องรีบกลับบ้านไปดูอาการ”

ก็ตั้งแต่ออกจากโรงหนังที่บ้านมิวก็โทรมาบอกว่า ‘ไอ้สมชาย’

นางแมวที่มันเลี้ยงดูเหมือนจะใกล้คลอดเต็มทน ให้มันรีบกลับบ้านไปสแตนบาย

หลังจากนั้นไอ้มิวก็มีอาการกระวนกระวายจนแทบอยู่ไม่สุข ดีหน่อยว่าค่ายมวยที่ผมมาเรียนเป็นทางกลับบ้านของมันพอดี มันถึงได้ยอมมาส่งผมตามสัญญา ไม่งั้นมันคงให้ผมนั่งแท็กซี่มาเองเป็นแน่

“โอเค งั้นกูฝากกำลังใจไปให้สมชาย ขอให้คลอดง่าย ขอให้ลูกนางแข็งแรงเหมือนนาง” พูดจบผมก็ตบบ่าไอ้มิวปุปุเพื่อให้กำลังใจมันรวมถึงส่งกำลังใจไปให้นางแมวสมชายที่จะคลอดในคืนนี้

ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ เลยว่า แมวของมันก็เพศเมีย แต่มันดันตั้งชื่อว่า ‘สมชาย’
แล้วพอถามเหตุผล มันก็บอกว่าตอนแรกเข้าใจว่าแมวเป็นเพศผู้
แถมท่าทางยังดูขึงขังสมเชิงชาย มันเลยตั้งชื่อแมวว่าสมชาย

แต่ไปๆ มาๆ น้องแมวดันท้องขึ้นมาซะงั้น
ความเลยกระจ่างว่าแมวสมชายของไอ้มิวนั้นเป็นเพศเมีย

“ขอบใจมากมึง ไงวันนี้ก็ฝากต่อยมวยแทนกูด้วย” มิวพูดตอบผมแล้วยิ้มรับ


ผมใช้เวลาเปลี่ยนชุดและเก็บของเข้าล็อคเกอร์ไม่นานนักก็ได้เวลาเริ่มคลาส

ผมหยิบนวมมวยส่วนตัวทีเตรียมมาเอง พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือ

และผ้าขนหนูผืนบางติดมือมาด้วยเพื่อไว้ใช้ซับเหงื่อในช่วงพักครับ



“สวัสดีครับครู” ผมทักทายครูมะขาม ครูมวยคนโปรดของผมกับไอ้มิวครับ
ครูมะขามเป็นครูมวยตัวเล็กผิวเข้ม แต่ร่างกายและพละกำลังแข็งแรงมาก
ที่สำคัญสอนสนุกสุดๆ ด้วยครับ 

“อ้าว วันนี้ทำไมมาคนเดียวล่ะ” ครูพูดถามทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามาคนเดียว

“ก็ไอ้มิวมันต้องกลับไปดูแมวคลอดลูกครับ มันเลยทิ้งให้ผมมาคนเดียว” ผมทำหน้าหงอยใส่ครู

“ฮ่าา ไปไป อย่ามาดราม่า ไปวอร์มก่อนเลยเรา”

จากนั้นผมก็เริ่มวอร์มร่างกายเหมือนทุกครั้งของการเริ่มคลาส
ด้วยการวิ่งรอบเวทีมวย 20 รอบ
ต่อด้วยกระโดดเชือก 5 นาที
ซิทอัพ 30 ครั้ง
และปิดท้ายด้วยการยืดเส้นยืดสายก่อนเริ่มจริงครับ

“โอเค พร้อมรึยัง” ครูมะขามพูดถามขณะที่กำลังพันเชือกที่มือให้ผม

“แน่นอนครับครู หายไปสองอาทิตย์คันไม้คันมือจะแย่”
ผมยักคิ้วหน่อยๆ แล้วมองสำรวจไปโดยรอบ
เห็นคนที่เรียนคลาสกลุ่มใหญ่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของค่ายมวย
ส่วนผมคลาสแบบส่วนตัวจึงเรียนบนเวทีมวยครับ

“อยากจะรู้จริงๆ ว่าคนที่มันคันไม้คันมือ แรงมันจะดีซักแค่ไหน หึหึ”
นวมสีแดงที่ผมเตรียมมาเอง ถูกสวมเข้าทับมือของผมหลังจากครูมะขามพูดจบ

ผมเดินนำครูขึ้นไปบนเวที เตรียมพร้อมสำหรับหนึ่งชั่วโมงที่สุดมันส์ต่อจากนี้

“กรี้ดด มีคนเป็นลมค่ะ” เสียงดังมาจากคลาสกลุ่มใหญ่ฟากโน้น คนในคลาสนั้นแตกตื่นกันใหญ่

“ท่าทางจะเป็นผู้หญิงที่มาเรียนใหม่นะครับ” ผมพูดกับครูแล้วหันมองไปทางต้นเสียง
แต่ผิดคาดว่ะ

ชายรูปร่างสูงใหญ่ ถูกแบกออกมานอนแผ่พร้อมกับทีมปฐมพยาบาลที่กำลังวิ่งเข้าไป
“ผู้ชายตัวโตเลยล่ะ ฮ่าๆๆ” ครูพูดขึ้นพลางหัวเราะ

จะว่าไปคนที่เป็นลมดูคุ้นตายังไงชอบกลแฮะ เหมือนผมเคยเจอที่ไหนมาก่อน
ผมสงสัยได้ไม่นานก็ถูกไล่ความสงสัยออกด้วยหมัดหนักของครูมะขามที่ซัดเข้ามาใส่นวมของผม
นั่นเป็นสัญญาณว่า ศึกครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ด้วยความที่ผมเรียนมวยไทยมาปีกว่าจนเรียนรู้ได้แทบทุกกระบวนท่าแล้ว ช่วงหลังที่มาเรียนจึงเป็นการประลองของจริงกันไปเลย ทั้งกับครูมะขามบ้าง ทั้งกับไอ้มิว หรือกับคนอื่นที่มาเรียนบ้าง



ผมกับครูลากยาวกันไปยกละหลายนาที ระหว่างนั้นก็มีพักยกเล็กๆ บ้าง เพื่อให้หายใจหายคอโล่งขึ้น จนถึงช่วงพักใหญ่ 10 นาที ผมถึงได้ลงจากเวทีมาหยิบผ้าขนหนูซับเหงื่อ แล้วเช็คโทรศัพท์ว่ามีใครติดต่อเข้ามามั้ย ก่อนจะเดินไปบริเวณประตูทางเข้าเพื่อหยิบน้ำเปล่ามาดื่มแก้กระหาย

ผมหยิบน้ำเปล่าออกมาจากตู้น้ำแล้วยกขึ้นกระดกเดี๋ยวนั้นเลย
แล้วผมก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่อยู่ไม่ไกลจากตู้น้ำ


“หึ” ผมหัวเราะในลำคอแล้วเดินตรงเข้าไปทันที
มิน่าล่ะผมถึงรู้สึกคุ้นหน้าคนที่เป็นลม เพราะมันไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ
ไอ้คุณแว๊นซ์ขาวตี๋เมื่อเช้านั่นเอง

ผมสาวเท้าเข้าไปแล้วหยุดยืนมองร่างสูงที่นั่งพิงผนังอยู่กับพื้น
ในมือของเขาถือยาดมเอาไว้ไม่ห่าง
หน้าเขาซีดมาก ดูๆ ไปก็น่าสงสารเหมือนกันแฮะ

แล้วร่างสูงก็เงยหน้าขึ้นมองผมพร้อมกระพริบตาปริบๆ

“โลกกลมนะครับ” แน่นอนว่าเขาจำผมได้ถึงได้ทักออกมาแบบนี้
ก็แน่สิครับ ผมมันคนหน้าตาดี ใครๆ ก็ต้องจำได้…ผมไม่แปลกใจ

“คนอะไร…ขับรถก็เฉี่ยวรถ ต่อยมวยก็เป็นลม” ผมพูดเย้ยแล้วตีหน้านิ่งใส่

“แล้วคนอะไรครับ ปากคมยังกับกรรไกร” นายนั่นพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดูหมดแรงจริงๆ
ผมไม่สนใจต่อล้อต่อเถียงกับเขา แต่เหลือบไปมองคลาสมวยที่นายคนนี้เรียน

ดูเหมือนว่าวันนี้เขาคงจะไม่ได้กลับเข้าไปร่วมคลาสอีก
เพราะคนในคลาสต่างเรียนกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
แต่นายนี่เป็นลมเลยต้องมานั่งดมยาดมอยู่ตรงนี้
โถ่ น่าสงสาร แค่คลาสเริ่มต้นก็ไม่ไหวซะละ

ผมเดินกลับมาที่ตู้น้ำอีกครั้ง ก่อนจะหยิบขวดน้ำมาไว้ในมือ แล้วเดินกลับไปหานายแว๊นซ์หน้าซีด

“อะ” ผมส่งขวดน้ำให้เขา นายนั่นทำหน้างงหน่อยๆ แต่ก็ยอมรับไปแต่โดยดี

“ให้ผมหรอ” เจ้าตัวพูดถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น
คาดว่าคงจะไม่แน่ใจว่าผมยื่นให้ทำไม เขาอาจจะคิดว่าผมให้เขาช่วยแกะให้ผมละมั้ง

“แล้วแต่จะคิด” ผมยักไหล่แล้วออกมา




22:19

กว่าผมจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ปาไปสี่ทุ่มแล้ว เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็พบว่ายิมปิดแล้วครับ คนทะยอยกลับบ้านกันไปหมดละ ตอนนี้เหลือแค่ลุงยามคนเดียวเท่านั้นที่กำลังรอปิดประตู เห็นดังนั้นผมจึงรีบสะพายกระเป๋าใบโตไว้บนไหล่ซ้ายแล้วเดินออกมาข้างหน้ายิม เพื่อก็พบว่า

ฝนตกหนัก
แล้วผมจะกลับยังไงวะเนี่ย รถก็ไม่ได้ขับมา ยิมมวยก็ดันอยู่ในซอยลึก

ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดแอพเพื่อเรียกแท็กซี่ แต่ผ่านไปเกือบสิบนาทีก็ไม่มีแท็กซี่ซักคัน
“เอาไงดีวะ” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ

ขณะนี้ไฟทุกดวงในยิมได้ถูกปิดลงหมดแล้ว มีเพียงไฟจากลานจอดรถด้านหน้าที่ส่องสว่างอยู่

“ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนมั้ยครับ” ผมหันมองตามเสียงนั้นทันที

ผีรึเปล่าวะเนี่ย
ผู้ชายร่างสูงในชุดผ้าร่มสีดำสำหรับออกกำลังกาย
สวมรองเท้าแตะ สะพายกระเป๋าเป้ ในมือถือขวดน้ำ
กำลังเดินตรงเข้ามาหาผม

“ไม่ต้องอ่ะ” ผมพูดตอบ พร้อมหันหลังให้นายนั่นทันที

“บรรยากาศมันน่ากลัวนะคุณ อยู่คนเดียวไหวหรอ”
เสียงทุ้มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง

“ไม่กลัวผี” ผมเบือนหน้าออกมามองฝนตก

“เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายถึงผี”

ผมยืนกอดอกนิ่ง ทำทีเป็นไม่สนใจ
แล้วเขาหมายถึงอะไรวะ? ผมเก็บความสงสัยไว้ในใจแต่ไม่ได้แสดงท่าที

“ผมหมายถึงคน…” อ้าว ได้ยินที่กูคิดเฉย!

“หน้าตาสวยๆ แบบนี้อยู่คนเดียวมันอันตรายนะครับ”
พูดจบนายแว๊นซ์นั่นก็โผล่โพร่งขึ้นมายืนหน้าผม

ผมถ่อยห่างเล็กน้อย แล้วส่ายหน้า “อยู่กับคุณน่าจะอันตรายกว่า”
นายนี่ท่าทางก็ไม่ได้ดูน่าไว้วางใจขนาดนั้น “คุณกลับไปเลยก็ได้นะ”

คนที่ยังยืนอยู่ตรงหน้าคลี่ยิ้มนิดหน่อย

“ผมยังกลับไม่ได้หรอกครับ คุณลืมแล้วหรอว่าผมขับมอ’ไซค์น่ะ”

“นั่นสิ เป็นพวกแว๊นซ์นิ” เกือบลืมไปเลยว่านายนี่เป็นพวกแว๊นซ์มอ’ไซค์ ซึ่งผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย

“น่ะ ยังไม่หยุดอีก” เขามองมาที่ผมแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่พอใจหน่อยๆ
แต่น่าจะแค่หน่อยเดียว เพราะสังเกตมุมปากของเขายังเผลอเจือรอยยิ้มบางอยู่
ส่วนนิ้วชี้ที่ชี้หน้าผมในตอนนี้ก็ดูเหมือนจะเล่นเสียมากกว่า

ผมเลิกสนใจคนตรงหน้าแล้วถอยไปนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าบนม้านั่งที่วางอยู่ไม่ไกล
เพื่อป้องกันนายนั่นมาก่อนกวนผมจึงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมานั่งจิ้มเล่น


“คุณ” เข้าไม่เลิกยุ่งกับผมซะที แถมยังเรียกอยู่นั่นอ่ะ!
ตอนนี้ร่างสูงเดินลงมานั่งข้างผม นั่นทำให้ผมขยับตัวออกเล็กน้อย

รำคาญ!

ผมเงียบ

นิ้วโป้งยังคงสไลด์จอโทรศัพท์กดไลค์อินสตราแกรมต่อไปอย่างไม่หวาดหวั่น


“คุณครับ” จะเรียกอะไรนักหนา
ผมเหลือบมองเขาเป็นการตอบรับ แล้วเบนสายตากลับมาจดจ้องกับโทรศัพท์

“คุณ คุณ คุณ” รอบนี้ไม่เรียกเฉยๆ เขาเอาหน้าเข้ามาใกล้ผมแล้วแลบลิ้นปลิ้นตาใส่
ท่าทางจะบ้า

“นั่งเงียบๆ ก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้นะ” เมื่อเห็นว่าผมไม่เล่นด้วย เขาเลยเงียบไป


นายนั่นนั่งเงียบไปพักใหญ่ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี
เพราะแค่เสียงฝนตกกระทบพื้นปูนผมก็รำคาญจะแย่
เขาหยิบขวดน้ำที่ถือติดมือมาด้วยขึ้นมาดื่ม แล้ววางมันลง
จะใช่น้ำที่ผมซื้อให้รึเปล่านะ

ว่าแต่ ผมจะไปแอบสังเกตนายนั่นทำไมล่ะเนี่ย
ไร้สาระ

“คือ…ผมแค่จะขอโทษที่วันนี้ขับรถเฉี่ยวรถคุณ แล้วก็ที่เสียมารยาทกับคุณ”
นั่งเงียบอยู่ดีๆ คนด้านข้างก็พูดขึ้นมาเฉย
น้ำเสียงของเขานิ่ง ดูจริงจัง
และดูเหมือนเขาจะไม่ได้มองมาที่ผม
แต่มองออกไปข้างนอกเสียมากกว่า

“แล้วก็จะขอบคุณที่ซื้อน้ำให้ด้วย”
ในมือของเขาถือขวดน้ำที่ใกล้จะหมด ขึ้นมาแกว่งไปมา

ดี รู้จักมีมารยาทบ้าง หัดขอบคุณและขอโทษให้เป็น หึหึ!

เขาก็หันหน้ากลับมามองผม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมมองเขาอยู่
พอรู้ตัวว่าผมสบตากับนายแว๊นซ์นั่นอย่างจัง ทำให้ผมรีบเบือนหน้าหนีทันที

“อืม” ผมตอบรับในลำคอ แล้วก้มลงไปกดโทรศัพท์อีกครั้ง

ส่วนคนด้านข้างยังคงพูดต่อ “แล้วคุณจะไม่ขอโทษผมหรอ ที่เรียกผมว่าแว๊นซ์”
แหนะ ทำดีหวังผลนี่หว่า

ผมปรายตาขึ้นมองเขา แล้วตอบกลับไปทันที “ไม่ขอโทษ ไม่ได้รู้สึกผิด”
ผมห้าวไปรึเปล่าวะ ถึงแม้ปกติผมจะพูดตรงแต่ก็ไม่ได้โผงผางขนาดนี้
แอบเห็นเค้าลูบหน้าตัวเองแล้วลอบถอนหายใจออกมายาวๆ

“ยอมเลย” เสียงทุ้มพูดกับตัวเองแต่มันก็ดังพอที่จะทำให้ผมได้ยิน

แต่ผมเลือกที่จะทำเป็นไม่ใส่ใจ
ผมกับเขากลับเข้าสู่สถานการณ์เงียบอีกครั้ง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมอยากให้เป็น และมันควรจะเป็น



ครู่ใหญ่ฝนห่าที่ตกลงมาจากฟ้าก็ได้ฤกษ์หยุดตกซะที
ผมสะพายกระเป๋าหลุยส์ใบโต แล้วลุกขึ้นเตรียมเดินออกไปปากซอยเพื่อโบกแท็กซี่

แต่กลับถูกใครบางคนร้องทักเอาไว้ “เห้ย คุณจะไปไหนอ่ะ”

ก็ฝนหยุดแล้ว จะนั่งอยู่ทำซากอะไรไม่ทราบ “ก็กลับบ้านดิ จะนอนนี่อ่อ”

ผมรีบเดินออกจากยิมมวย แต่ก็ได้ยินเสียงฝีท้าวก้าวหนักๆ เดินตามมา
ได้โปรดปล่อยกูไปซะที

“แล้วคุณกลับยังไงครับ” ผมไม่สนใจหันไปมองคนที่เดินตามมา

แต่ก็พูดตอบกลับไป เผื่อเขาจะเลิกถามแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน
“แท็กซี่”

“แต่ผมไม่เห็นแท็กซี่ซักคันเลยนะครับ”

“จะเดินไปเรียกปากซอย” ว่าแล้วผมก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

แต่นายนั่นกลับกระโดดมาขวางหน้าผมเอาไว้
“ให้ผมไปส่งดีกว่า หน้าสวยๆ แถมยังดูรวยๆ แบบนี้ เดี๋ยวก็โดนข่มขืนแล้วฆ่าหรอกคุณ”

เน้นเหลือเกินนะ หน้าสวยๆ ดูรวยๆ เนี่ย
จะตามสร้างความรำคาญให้ผมไปถึงไหน แถมยังมาพูดจาปากไม่ดีใส่อีก
“ไม่” ผมยืนกราน แล้วเดินจ้ำต่อไป

“งั้นก็ถือซะว่าเป็นการตอบแทนที่คุณเลี้ยงน้ำผม
จะได้ไม่ติดค้างกัน แล้วไม่ต้องเจอกันอีกไง”

หืมมม คำพูดนี้น่าสนใจ ทำเอาผมถึงกับหยุดเดิน

‘จะได้ไม่ติดค้างกัน แล้วไม่ต้องเจอกันอีก’

ผมซื้อน้ำให้นายนั่นก็ถือเป็นบุญคุณ แล้วถ้าเขายังไม่ได้ตอบแทนผม
เราก็คงต้องวนเวียนในกงเกวียนกำเกวียนของกันและกัน
ถ้านี่จะเป็นการตอบแทนบุญคุณแล้วหายกัน
…ก็ไม่เลว

“ไม่อยากเป็นสก๊อย” นี่สินะ ความกู!!

“โอ๊ยย ฮ่าาา…สก๊อยอะไรกันคุณ แค่ไปส่งหน้าปากซอยเอง ไม่มีใครเค้าเห็นหรอก”
ผมแอบได้ยินนายนั่นกลั้นหัวเราะ

เอาล่ะครับ ที่เขาพูดก็ถูก ผมจะเลิกต่อปากต่อคำ
ก็แค่ซ้อนมอ’ไซค์ไปหน้าปากซอย มันจะได้ทดแทนบุญคุณกันให้หมด แล้วจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก
คิดได้แบบนั้นผมจึงยอมเดินกลับไปขึ้นรถกับเขาโดยดี

“อ่ะ นี่ของคุณ” คนตรงหน้าพูดพลางยื่นหมวกกันน็อคสีดำใบเล็กมาให้ผม

ผมเลิกคิ้วขึ้นทำหน้าสงสัย “ไปแค่ปากซอยแค่เนี้ย ไม่ต้องใส่ก็ได้มั้ง”

“ไม่ได้หรอกครับ ปลอดภัยไว้ก่อน…มา ผมใส่ให้”
พูดจบเขาก็เอาหมวกกันน็อคมาวางแหมะลงบนหัวผม
แล้วใช้มือติดสายรัดคางให้ผมอย่างเบามือ

ด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
ผมเลยยอมยืนนิ่งให้เขาสวมหมวกกันน็อคให้อย่างง่ายดาย
แล้วดูสายตาที่เขามองมาที่ผมสิ
กูไม่ได้เคลิ้ม กูแค่หลบไม่ทัน

จากนั้นเขาก็ขึ้นไปนั่งคล่อมรถ แล้วสตาร์ทเครื่อง
ก่อนจะเรียกให้ผมขึ้นไป “ขึ้นมาเลยครับ”

ผมยืนนิ่ง แล้วใช้ความคิด
“เอาขาเหยียบตรงนั้นเอาไว้ แล้วก็ยกตัวขึ้น จับไหล่ผมไว้ก็ได้ แล้วก็ก้าวขึ้นมานั่งเลยครับ…
…ส่งกระเป๋าคุณมาก่อนสิ จะได้สะดวกขึ้น”

“อ๋อ โอเค” ผมตอบรับแล้วถอดกระเป๋าส่งไป เขารับหลุยส์ใบโตไปคล้องคาดไหล่ไว้
ปกติแล้วผมก็ทะมัดทะแมง ทำอะไรสายบู๊ก็ได้ตลอดนะครับ
แต่วันนี้แค่ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ง่ายๆ ทำไมต้องกระแดะขึ้นไม่ได้ด้วยวะ
งงชิบ

“เห้ยยย” จะออกรถคิดจะบอกกันซักคำมั้ยเนี่ย
นายนั่นเล่นออกรถไปทั้งที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว แบบนี้ก็เกือบหงายหลังสิครับ
ดีนะที่ผมคว้าไหล่ของเขาไว้ได้ทัน เกือบตกมอ’ไซค์แล้วมั้ยล่ะ

ต่อจากนั้นมือหนาๆ ก็เอื้อมมาแกะมือผมออกจากไหล่พร้อมกับดึงให้ไปเกาะไว้ที่เอว
ผมรีบชักมือกลับเพราะไม่ชอบให้ใครมาโดนตัว
แต่ไม่เป็นผล

เพราะนายนั่นกุมมือผมเอาไว้แน่น แถมยังกดไว้ที่เอวของเบาไม่ปล่อย
นายจะขับรถมือเดียวไม่ได้นะเว่ย!
เพราะงี้ใช่มั้ยถึงได้ขับรถเฉี่ยวรถผมเมื่อเช้า

ผมเห็นปากซอยอยู่ไม่ไกลก็รู้สึกดีใจแล้วเตรียมตัวลง
“หมดบุญคุณ หมดกรรมกันซะทีเนอะ”
ผมพูดขึ้นทันทีที่รถของนายนั่นขับมาถึงหน้าปากซอย

“หึหึหึ ใครบอกล่ะครับ ว่าผมจะปล่อยคุณลงตรงนี้” เขาหัวเราะร้าย

แล้วเขาก็ขับผ่านหน้าปากซอยไปอย่างหน้าตาเฉย
พร้อมทั้งเร่งความเร็วรถตอนออกถนนใหญ่ไปอีก

“เห้ย จะพาไปไหน”
ผมตะโกนเสียงดังอีกทั้งพยายามกระชากมือที่เกาะเอวเขาอยู่ให้หลุด
แต่ไม่เป็นผลอีกนั่นแหละ
เพราะเมื่อเขาออกแรงกุมมือผมแน่นขึ้น ผมจึงดึงมือกลับมาไม่ได้

“ผมก็จะไปส่งคุณที่บ้านยังไงล่ะครับ”

“ไม่ต้อง” ผมตะโกนเสียงดัง แล้วขยับหน้าเข้าไปให้ใกล้เขายิ่งขึ้น
เพราะตอนนี้…ด้วยความเร็วรถ ด้วยลมที่ปะทะเข้ากับหน้า
ทำให้เสียงของเราดูเบาลง

“กระเป๋าคุณก็อยู่บนไหล่ผม มือของคุณก็อยู่ในมือของผม…
…ก็คิดเอาเองละกันนะครับ” พูดจบนายนั่นก็ถูมือผมไปมา

ทุเรศ

สัมผัสจากมือหนาๆ ชวนให้ผมอยากจะรีบดึงมือตัวเองกลับมาให้เร็วที่สุด
…แต่ทำไม่ได้

“ว่าไงครับ บ้านคุณอยู่ตรงที่เรารถชนกันเมื่อเช้าใช่ป่ะ”

“ไม่ วันนี้กลับคอนโด” ผมพูดโพล่งออกไปอย่างหงุดหงิดใจ

“แล้วคอนโดที่ไหนครับ ผมจะได้ไปส่งได้ถูก”
น้ำเสียงทุ้มเจือเสียงขำพูดออกมาราวกับกำลังยั่วโมโหผม

“ทำไมต้องบอก” ผมตอบกลับไปอย่างกระแทกเสียง

“ถ้าไม่บอกก็อยู่กันอย่างงี้ทั้งคืน”

“อโศก”

“ก็แค่นี้”
เออ จบ


ด้วยความที่ตอนนี้เวลาปาไปห้าทุ่มกว่าแล้วรถในกรุงเทพเลยไม่ค่อยติดสักเท่าไหร่ นายนี่จึงได้ขับรถพาผมกลับคอนโดแล่นฉิวตลอดทาง
ลมเย็นที่พัดเข้ามากระทบหน้าชวนให้รู้สึกผ่อนคลายได้ไม่น้อย
ถ้าไม่ติดตรงที่ผมถูกจับมือเอาไว้แน่น ซึ่งพอคิดแล้วก็ได้แต่ขยะแขยงขนลุกขนพอง เหมือนถูกบังคับให้กินหนอนชาเขียว

เขาก็ขับรถมือเดียวตลอดทาง แถมดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ได้อาบน้ำซะด้วยหลังจากที่ต่อยมวยเสร็จ
เนื้อตัวดูถึงได้ดูเหนียวเหนอะหนะชอบกล
แต่เอาเถอะเพราะว่าผมตัวหอม เลยทำให้ไม่ได้กลิ่นเหม็นจากนายแว๊นซ์สักเท่าไหร่



เขาใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาจอดส่งผมหน้าล็อบบี้คอนโดผมรีบกระโดดลงจากรถ
แล้วใช้ช่วงเวลาที่เขาเผลอดึงเอากระเป๋าตัวเองกลับมาเป็นของตัวเอง
ท่าทางจะต้องส่งร้านทำความสะอาดกระเป๋าเป็นแน่
เพราะลูกรักของผมคงได้เชื้อสกปรกจากไอ้คนไม่อาบน้ำนี่

“จะไม่ขอบคุณผมซักคำหรอครับคุณ”
คนที่นั่งคล่อมอยู่บนมอ’ไซค์ยักคิ้วใส่ผมหนึ่งที

“ไม่ ไม่ได้ขอให้มาส่ง” ว่าแล้วผมก็รีบสะบัดตูดเดินเข้าคอนโดเลย


“คุณ”
“คุณ”
“คุณณณณณ” ผมได้ยินนายนั่นตะโกนเรียกไล่หลังตามมา

จะอะไรกันนักกันหนากับกูวะ
แต่ผมไม่ได้สนใจ
ขอให้ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย



‘ว๊ากกกก’
อย่าบอกนะว่าที่นายแว๊นซ์เรียกผมเมื่อตะกี้
เป็นเพราะว่าผม


ลืมถอดหมวกกันน็อคคืนเขา
ไหงงั้นวะเนี่ย!!!




///“ไม่ยอมขอบคุณ เดี๋ยวจะทวงคืนให้ครบแบบทบต้น ทบดอกเลยคอยดู หึหึ”


**To Be Continued**


หัวข้อ: Re: THE SWAN +* เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ *+ ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 30-07-2017 01:33:17
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 3
Diamond


08:22
วีรินทร์ ผู้น่าสงสาร…

เกือบหนึ่งสัปดาห์เต็มที่ผมต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างคนที่ไม่มีรถขับ
นึกแล้วมันก็อดโมโหไม่ได้ ถ้านายแว๊นซ์นั่นไม่ขับรถมาเฉี่ยวรถผม
ผมก็คงไม่ต้องมาเบียดเสียดกับผู้คนบนรถไฟฟ้าในยามเช้าแบบนี้หรอกครับ

ถ้าถามว่า Red Velvet ของผมซ่อมเสร็จรึยัง มันก็เสร็จตั้งแต่สามวันแรกแล้วละครับ
ถ้าเป็นปกติลุงคนขับรถที่บ้านก็คงจะขับมาจอดไว้ที่คอนโดเรียบร้อยแล้วละครับ
แต่รอบนี้คุณแม่คนสวยของผมดันเกิดเหงาอะไรขึ้นมาไม่รู้ ถึงได้บอกให้ผมกลับบ้านไปรับรถเอง
ซึ่งตั้งแต่เปิดเทอม ผมก็ยังไม่มีเวลาว่างกลับบ้านเลย ก็มันมีอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด
ผมถึงได้ต้องใช้บริการขนส่งมวลชนอันน่าอภิรมย์ของประเทศกรุงเทพอย่างนี้ไปก่อน
ฉะนั้น ตำแหน่ง ‘วีรินทร์ที่ใครใครก็หลงรัก’ จึงตกไป
…กลายเป็น ‘วีรินทร์ผู้น่าสงสาร’ แทน


09:01

บรรยากาศในห้องเรียนวันนี้คึกคักมากเป็นพิเศษ
ผมเดินเข้ามาช้าๆ พร้อมกับสังเกตสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
นิสิตในห้องต่างกำลังพากันเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย
โต๊ะเลคเชอร์ถูกจัดวางไว้เป็นคู่พร้อมกับภาพของสัตว์โลกน่ารักที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ

ไอ้มิวบอกไว้ว่าสัปดาห์นี้อาจารย์จะให้นั่งเป็นคู่ ตามที่ได้จับฉลากไป…ซึ่งก็คงจะเป็นอย่างนี้เอง
พอเริ่มเข้าใจความวุ่นวายตรงหน้า ผมก็มองหาไอ้มิวเพื่อนรัก แล้วเดินตรงเข้าไปหามัน

ไอ้มิวนั่งอยู่ตรงกลางห้องครับ มันหน้ามุ่ยกอดรูปอีแร้งไว้ในอกราวกับกำลังซ่อน
“เชี่ยมิว ทำไมมึงทำหน้าแบบนั้น” ผมพูดพลางกลั้นขำครับ

“พูดมากนะอีหงส์” มิวมันค้อนใส่ผม
ก็แหงสิครับ กลุ่มอื่นได้รูป หมา แมว หมี ไก่ อะไรก็ว่าไป
มันโคตรซวย ได้สัตว์แปลกแถมยังไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่

“นี่มึงว่ากูหรือว่ากลุ่มกูวะ” ผมพูดถามแล้วนั่งลงเก้าอี้ข้างมิวที่ยังว่างอยู่…คู่ของมันยังไม่มาครับ

“ว่ามึงแหละ…หงส์”
ป๊าบ จบคำพูดนั้น ผมก็ตีไหล่มันเบาๆ เป็นการสั่งสอนซะเลย

“บอกแล้วไง อย่าเรียกชื่อเล่นกู!!”

***‘หงส์’***เป็นชื่อเล่นของผมเองครับ คุณแม่ตั้งชื่อนี้เอาไว้เพราะเข้าใจว่าตัวเองได้ลูกสาว
แต่พอผมเกิดมาเป็นผู้ชาย แม่เลยยืนยันว่าจะตั้งชื่อ ‘หงส์’ เหมือนเดิม
ผมก็เลยกลายเป็นคนที่มีชื่อเล่นและชื่อจริงเป็นผู้หญิงอย่างนี้ 

“ก็น่ารักดีออก” ไอ้มิวหันมายิ้มล้อ

“น่ารักบ้าไรล่ะ กูว่ามันหญิงเกินเบอร์ไปนิด”

“เอาน่า กูว่ามันก็เข้ากับมึงนะ หะหะ” แหนะมันยังมีหน้ามาหัวเราะอีก

“กูไม่คุยกับมึงละสัส กูไปหากลุ่มกูก่อน บัยยยยส์” ไม่อยู่ให้มันล้อหรอกครับ
ผมก็เบ้ปากใส่มันทีนึงแล้วรีบลุกเดินหาคู่ของตัวเอง

เอ…อยู่ตรงไหนหว่า++
เชี่ย!! อยู่หน้าห้อง แถวแรก แถมยังตรงหน้าอาจารย์อีก
ปกติผมก็ไม่ใช่คนชอบนั่งหน้าเท่าไหร่ แต่ก็เอาเถอะ นั่งไหนก็นั่งไป ไม่ได้สำคัญอะไรนัก 

ว่าแล้วผมก็วางกระเป๋าลงบนเก้าอี้แล้วนั่งแหมะลงไป
เล่นไอจีก็แล้ว คุยไลน์กับเพื่อนก็แล้ว ทวิตเตอร์ก็ไถจนหมดฟีดส์ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีใครมานั่งข้างผม

จนอาจารย์เข้ามาในคลาสและเริ่มเช็คชื่อ
“อาจารย์จะเช็คชื่อเป็นคู่ตามกลุ่มรูปสัตว์นะคะ”
แหมน่ารักเชียวครับ มีกลุ่มรูปสัตว์เหมือนเด็กอนุบาล

ผมละสายตาจากโทรศัพท์แล้ววางมันลงไว้บนโต๊ะ พร้อมกับมองไปรอบห้อง
…ทุกคนมีคู่กันหมดแล้ว ผมเขินนิดหน่อยที่ต้องนั่งหน้าห้องเป็นเป้าสายตา แถมยังไม่มีคู่อีก
แต่ก็เอาเถอะ ทำนิ่งเอาไว้ละกัน

“แมว สุนัข ไก่ เป็ด วัว ลิง แร้ง เลียงผา…”

“…หงส์” อ้าว กลุ่มกูนี่หว่า

“มาครับ” ผมยกมือขึ้น

เพียงลำพัง

“อ้าว ทำไมหงส์อยู่ตัวคนเดียวละลูก” นั่นไง ตอบยังไงดีทีนี้
แล้วอาจารย์ก็เดินเข้ามาหาผม อาจจะเพราะนั่งหน้าสุดด้วยมั้งเลยสะดวกที่อาจารย์จะเข้าหา

“เอ่อ คู่ผมยังไม่มาเลยครับ” ผมพูดตอบแล้วส่งยิ้มไป

“เอ๊ะ นิสิตยังมาไม่ครบหรอคะเนี่ย”


“มาครับอาจารย์” เสียงดังตะโกนมาจากประตูทางเข้า
เรียกความสนใจจากทุกคนภายในห้องให้จ้องมองไป

‘หูยยยยยยยยยย’ เสียงอื้ออึงดังขึ้นหลังจากที่ทุกคนได้เห็นเจ้าของเสียง

ชายร่างสูง ขาวตี๋ ในชุดนิสิตยืนเด่นอยู่ตรงประตู

“หึ้ยย หล่ออะแกรรร” เสียงน้องผู้หญิงปีหนึ่งด้านหลังผมพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ผมเหลือบไปมองเธอนิดหน่อย น้องเขาแลดูจะเก็บอาการไม่อยู่จนต้องพูดกับเพื่อน

…อืม พวกเธออยู่กลุ่ม ‘แรด’ ครับ

ผมเลิกสนใจน้องผู้หญิงด้านหลัง แล้วหันมาสนใจความคิดของตัวเองที่มันตะโกนดังลั่นว่า…
‘เกลียดความบังเอิญนี้จัง’
คนที่ยืนอยู่ตรงประตูคงจะหล่อมากกว่านี้ ถ้าเขาไม่ใช่
‘นายแว๊นซ์’


ร่างสูงโปร่งเดินตรงมาที่โต๊ะของเขา ซึ่งอยู่ข้างผม แล้วยกมือขึ้นไหว้อาจารย์
สายตากว่า 60 คู่ยังจ้องมองเขาอยู่

“นิสิตอยู่กลุ่มหงส์ใช่มั้ยคะ”

“ครับอาจารย์” นายนั่นยิ้มกว้างเรียกคะแนนกับอาจารย์
เขาไม่ลืมที่จะหันไปส่งยิ้มให้เพื่อนนิสิตทั่วห้อง แล้วนั่นก็เรียกเสียง ‘วี๊ดว้าย’ ภายในห้องให้ดังขึ้นอีกครั้ง

เจ้าของรอยยิ้มที่สะกดใจคนในคลาส ส่งยิ้มมาให้ผมเป็นคนสุดท้าย
…แต่มันไม่สะกดใจผมหรอกนะ

ผมมองบนใส่เขาจนตาเหลือก

“ครูก็นึกว่ากลุ่มหงส์ จะต้องอยู่ตัวคนเดียวซะแล้ว”

“คู่ของผมน่ารักซะขนาดนี้ ผมจะปล่อยให้เค้าอยู่คนเดียวได้ยังไงละครับ”

‘วี้วววววววววววว’ ‘อร้ายยยยยยยย’ เสียงวี๊ดว้ายของเหล่าสิงสาราสัตว์ในห้องดังขึ้นอีกครั้ง
ดวงตาเจ้าเล่ห์ขยิบตาใส่ผม

มึงบ้ามาก พูดอะไรออกไป!
ผมหงุดหงิดในใจเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มเอาไว้ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดูดี ++

“นั่งลง” ผมพูดกับเขาแบบไม่ออกเสียง นายแว๊นซ์ยอมนั่งลงแต่โดยดี

“นิสิตจำไว้นะคะว่าคู่ของเรามีความสำคัญมาก เพราะอาจารย์จะมอบหมายงานให้ทำเป็นคู่
…ตลอดเทอมนี้ นิสิตดังนั้นต้องสร้างสัมพันธ์อันดีต่อกันไว้ค่ะ”

/Veerin: มึง กูไม่โอเค!

/Mew: ใจเย็นมึง เค้าก็แค่แซวเล่นมั้ง

/Veerin: ไม่ใช่อย่างงั้นเว่ย

/Mew: แล้วมันยังไงวะ



“ความบังเอิญมันมีแค่สองครั้งเท่านั้นแหละครับ”
ผมละสายตาขึ้นจากจอโทรศัพท์แล้วเหล่ตามองคนด้านข้าง ที่กำลังยื่นหน้ายื่นตาเข้ามาใกล้ผม

“อะไร” ผมตอบกลับเสียงแข็ง

“ถ้าความบังเอิญมีมากกว่าสองครั้ง มันเรียกว่า...”

“พอ” อย่ามาเพ้อ ผมรีบเบรคทันที

“เราจะพูดกันดีๆ ไม่ได้เลยอ่อ” นายแว๊นซ์นั่นทำเสียงสอง

“ทำไมต้องพูดกันดีๆ” ผมถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
ก็ต่างคนต่างอยู่ไปสิ มันไม่มีหรอกความบังเอิญ ไม่มีหรอกพรหมลิขิต
เอ๊ะ นายบ้านั่นยังไม่ทันได้พูดว่า ‘พรหมลิขิต’ เลยนี่หว่า

“ก็เราอยู่กลุ่มเดียวกัน ต้องทำงานด้วยกันทั้งเทอมเลยนะครับ” เขาพูดตอบ

“เออว่ะ” แล้วผมก็ดันเผลอตอบรับไปโดยที่ยังไม่ทันได้คิด

“เพราะงั้นเรามาทำความรู้จักกันดีกว่าครับ…
…ผมชื่อเพชร เรียนอยู่ปีสาม คณะวิศวะ” นายเพชรยิ้มแฉ่ง ส่วนผมก็แค่พยักเพยิศหน้ารับ

ชื่อ ‘เพชร’ งั้นหรอ. อืม…ก็เชยดี

“เพชรหรือกรวด” สงสัยผมจะเผลอคิดดังไปหน่อย มันเลยออกมาเป็นเสียง

“อ้าวไหงงั้นอ่ะ…ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับ”

“จะถามอะไรนักหนา ตั้งใจเรียนดิ๊”

“ก็คุณไม่ยอมบอกชื่อตัวเองอ่า” นายเพชรทำเสียงงอแง แล้วทำหน้ามุ่ย ซึ่งมันน่าถีบมากกว่าน่ารัก

“ชื่อวีรินทร์ อยู่ BBA ปีสาม จบนะ” ผมตอบเพื่อปัดความรำคาญ แล้วหันมาสนใจจดเลคเชอร์ที่อาจารย์กำลังสอน

“ชื่อน่ารักซะด้วย”

ถึงแม้ว่าคนด้านข้างมันจะพยายามเหลือบมองมาที่ผมบ่อยแค่ไหนก็ตาม แต่ผมก็นิ่งใส่เขา
ความอดทนของผมแข็งแกร่งเยี่ยงหินผา เพราะสามารถทนมาได้จนเกือบหมดคาบ

10 นาทีสุดท้าย…ก่อนเที่ยง อาจารย์ได้แจกการบ้านสำหรับทุกกลุ่ม
“ให้นิสิตแต่ละกลุ่ม เลือกสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครหรือปริมณฑล
โดยสถานที่นั้นจะต้องสอดคล้องกับสัตว์ประจำกลุ่ม พร้อมกับเดินทางไปเที่ยวจริง
แล้วทำรีวิวท่องเที่ยวและนำมา Present หน้าห้องในสัปดาห์หน้า ใช้เวลากลุ่มละ 5 นาที”
ก็นั่นแหละครับ นายเพชรมันอ่านออกเสียงให้ผมฟังหมดแล้ว


“โคตรซวย” ผมบ่นอุบเป็นหมีกินผึ้งตั้งแต่เดินออกจากคลาสจนมานั่งโง่อยู่ในโรงอาหาร
กูก็ยังไม่เลิกบ่นครับ!

“มึงคิดมากไปเปล่า เค้าอาจจะไม่ได้เลวร้าย” คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามพูดตอบพลางตักข้าวเข้าปาก

“ไม่ได้เลวร้าย แต่มันกวนตีน…
…มึงคิดดูนะ ขับรถเฉี่ยวรถกู ไปต่อยมวยก็ยังเจอ แถมยังเป็นบ้าขับรถไปส่งกูถึงคอนโด
…แล้ววันนี้ยังมาเรียนวิชาเดียวกัน ได้คู่กันอีก มึงคิดว่าไงล่ะมิว
นึกว่าจะหมดเวรหมดกรรมกันไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว
เรื่องที่เจอนายนั่นผมอัพเดตให้ไอ้มิวฟังทุกวัน มันรู้ทุกเรื่อง

“กูคิดว่ามันคือพรหมลิขิตว่ะ”

“ปัญญาอ่อน” ผมถอนหายใจใส่มิว แล้วนั่งกอดอกนิ่ง ข้าวเขิ้วไม่กินครับ กินไม่ลง

“เอาน่ามึง อย่าไปใส่ใจมาก ปกติกูไม่เห็นมึงใส่ใจใครแบบนี้เลย
…มึงรู้ตัวมั้ย ว่ามึงเอาแต่บ่นเรื่องนี้ จนหน้าเยินหมดแล้วเนี่ย”

“มึงว่าไงนะ หน้ากูเยินหรอ ตายละ ชิบหาย!”
ผมคว้ากระเป๋าใบโตปรี่ไปที่ห้องน้ำ
แล้วจัดแจงใบหน้าตัวเองใหม่ด้วยเครื่องสำอางค์ในกระเป๋าทันที


22:22

เวลาสวย สงสัยจะมีใครคิดถึงผม…ซึ่งก็น่าจะเป็นคุณแม่
กินข้าวเย็นกับไอ้มิวเสร็จ เลยอ้อนให้มันขับรถมาส่งที่คอนโด
ซึ่งวันนี้ไอ้มิวก็ใจดียอมมาส่งผมที่คอนโด
แลกกับการที่ผมต้องชื่นชมภาพน้องแมวตัวน้อยของมันที่เพิ่งลืมตามาดูโลกครับ
ก็โอเค น่ารักดี ไว้มีโอกาสจะไปเล่นด้วย

“แต๊งกิ้วมากมึง เจอกันพรุ่งนี้”

“เจอกันมึง”
ผมขอบคุณไอ้มิวแล้วหยิบเอากล่องอาหารคลีนที่ผมซื้อติดมือกลับมาไว้สำหรับเป็นอาหารเช้า
แล้วสะพายกระเป๋าใบโต ก้าวลงจากรถมิว


ผมเปิดประตูเข้าคอนโดเดินผ่านล็อบบี้แอร์เย็นฉ่ำ
ไม่ลืมที่จะชำเลืองมองตัวเองในกระจกใสบานโต ที่พอจะมองเห็นเงาตัวเองในนั้นได้
ผมไม่ได้สนใจคนที่นั่งอยู่ในล็อบบี้ เพราะกำลังชื่นชมตัวเอง
ดึกแล้วแต่ก็ยังดูดี
‘Fine’

 “คุณ” หื้ม ท่าทางจะหูฝาด ผมเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ

“คุณ…

…คุณวีรินทร์” เสียงแม่งโคตรคุ้น ผมภาวนาให้มันไม่ใช่ แต่พอแม่งเรียกชื่อ ผมเลยต้องหยุด

เจ้าของรอยยิ้มที่เรียกเสียงกรี้ดเมื่อช่วงเช้า แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ผมต้อง…
มองบนใส่อย่างไม่ต้องคิดมาก
มันจะอะไรกันนักกันหนากับผมวะเนี่ย

“ยามปล่อยให้พวกแว๊นซ์เข้ามาในคอนโดได้ไง” บ่นพึมพำแต่ก็ดังพอที่จะทำให้คนตรงหน้าได้ยิน

“ผมไม่ใช่พวกแว๊นซ์ครับ ผมชื่อเพชร” ร่างสูงทำหน้าทะเล้นฉายแววกวนตีน
แล้ว…กูต้องรู้?
ผมยืนกอดอกพร้อมเหลือบมองหลอดไฟด้านบน

“ผมมาคุยงานน่ะ”

“งานอะไร” เสียงเหวี่ยงระดับ 50

“งานวันนี้ไง คู่หงส์ของเรา”

“ไว้คุยที่มหาลัย วันหลังได้ป่ะ” กูอยากจะอาบน้ำมากแล้วครับสัส

“คุยตอนนี้เลยไม่ได้หรอ”

“มันดึกแล้ว ใครจะมีอารมณ์มาคุยงาน” ผมตอบไปงั้น

“ไม่มีอารมณ์คุยงาน แล้วมีอารมณ์อะไรหรอ” นายเพชรนั่นยิ้มเจ้าเล่ห์

“ทุเรศ” ผมว่าโพล่งไป

“อะไรครับ ผมยังไม่ทันได้คิดอะไรซะหน่อย แค่ถามดีๆ”

“ไร้สาระว่ะ” ว่าแล้วผมก็หันหลังกลับแล้วรีบเดินไปหน้าลิฟต์

“เห้ยคุณ เดี๋ยวก่อน” นายนั่นตะโกนตามหลังมา พร้อมกับวิ่งมาตัดหน้าผม ผมไม่สนใจเขา แล้วรีบกดลิฟต์

โชคดีเป็นของผม ลิฟต์มาอย่างเร็ว ผมก้าวเท้าเข้าไปในลิฟต์ แล้วรีบกดชั้นของตัวเอง

แต่ดูเหมือนว่าโชคดีของผม จะเป็นช่วงเวลาที่สั้นไปหน่อยเพราะตอนนี้แม่งโคตรโชคร้าย
นายเพชรเดินเข้ามาในลิฟต์กับผม แถมยังกดปิดประตูเป็นที่เรียบร้อย 
ไอ้บ้านั่นมองมาที่ผมแล้วยิ้มกว้าง ส่วนผมก็ทำเป็นไม่สนใจตามเคย
แต่ก็เห็นอยู่ดีนั่นแหละครับ ลิฟต์มันเป็นกระจก


ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้น 30 ทันทีที่ประตูที่เปิดออก ผมก็รีบสาวเท้าเดินออกมาอย่างไม่สนใจอะไร
ผมยอมรับว่าผมคงพลาดเอง อาจจะเพราะเริ่มง่วงเลยไม่ทันได้คิด
ที่ผมปล่อยให้นายเพชรเดินตามขึ้นมา จนตอนนี้ถึงประตูหน้าห้องแล้ว

นิ้วเรียวของผมวางลงบนหน้าจอเครื่องสแกนเพื่อเปิดประตู
“คุณ” ผมว่าเสียงนิ่ง

“ครับ” ส่วนนายนั่นก็ยิ้มโรคจิต

“จะตามมาทำไม” ผมชักไม่ค่อยพอใจ เขาคุกคามชีวิตผมมากเกินไปแล้ว

“ก็ตามมาเอาหมวกกันน็อคไงครับ ครั้งก่อนคุณไม่ได้คืนผมอ่า” เขากระพริบตาปริบแล้วยิ้มล้อ
เออว่ะ! ผมลืมคืนของเขาจริงๆ

“อืม งั้นก็รอตรงนี้”

ว่าแล้วผมก็เปิดประตูห้องก่อนจะเดินตรงไปยังห้องรับแขก วางของในมือไว้บนโต๊ะ
หยิบหมวกกันน็อคใบสีดำที่ทำให้ผมรำคาญสายตามาหลายวันออกไปส่งคืนเจ้าของ
เขายืนรออยู่หน้าห้อง พอผมเปิดประตูแล้วส่งคืนให้ เขาก็ยิ้มรับ

“ได้ของคืนแล้ว ก็กลับได้ละนะ”


‘ปัง’
ผมปิดประตูเสียงดัง ถือเป็นการไล่!

‘กริ๊ง’
แล้วเขาก็กดกริ่งทันที

“ไรนักหนาวะ” ผมสูดลมหายใจแล้วเปิดประตูอีกรอบ

“ขอไลน์คุณหน่อยดิ” นายเพชรพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ของเขามา
ไอโฟน 7 สีดำด้านไม่ใส่เคส
ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย แต่ก็ยอมให้ไปแต่โดยดี
สงสัยใช่มั้ยล่ะครับ ว่าทำไมง่าย
คำตอบเดียวเลย คือ ‘รำคาญ’ อยากพักผ่อน อยากนอน อยากจะไปอาบน้ำแร่ แช่น้ำนม ทาครีมบำรุงผิวจะแย่แล้ว
ผมพิมพ์ไลน์ไอดีตัวเอง แล้วส่งโทรศัพท์คืนให้นายเพชรไป ดูเหมือนเขาก็จะงงเหมือนกันว่าทำไมถึงง่ายดายจัง
ผมใช้จังหวะที่เขางงปิดประตูกระแทกหน้าเขาอีกรอบ


ผมถอดรองเท้าวางไว้ในตู้เก็บรองเท้า พร้อมกับถอดถุงเท้าในตะกร้าถุงเท้า
แล้วถอดเสื้อ ถอดกางเกง แล้วก็กางเกงในออก
ผมหยิบเอาชุดคลุมอาบน้ำสีขาวมาคลุมตัวเอาไว้

ระหว่างที่เดินเข้าไปเตรียมอ่างอาบน้ำเพื่อแช่ทำความสะอาดผิวให้รู้สึกผ่อนคลาย


‘กริ๊ง’ เอาอีกละ เสียงกริ่งที่ผมไม่อยากได้ยินดังขึ้นอีกครั้ง นี่นายเพชรนั่นยังไม่ไปผุดไปเกิดอีกหรอวะ!

ผมผูกเชือกผ้าคลุมอาบน้ำเข้าด้วยกันอย่างหลวมๆ แล้วเดินกลับมาที่ประตูหน้าห้องอีกครั้ง
จอเล็กข้างประตูโชว์ภาพคนที่ยืนอยู่ด้านนอก ในมือของเขาถือหมวกกันน็อคเอาไว้
ผมเอื้อมมือไปสัมผัสที่ปุ่ม แล้วพูดถามออกไป “อะไรอีก”

“คุณ…ผมลงไม่ได้ ผมไม่มีการ์ด” เขาพูดตอบแล้วมองมาที่กล้อง พร้อมทำหน้าตาน่าสงสาร

“เรื่องเยอะ” ว่าแล้วผมก็เปิดประตูออก เพื่อที่จะลงไปส่งคนตรงหน้า

“เห้ย” นายเพชรผงะแล้วถอยออกไปเล็กน้อย เขามือไม้อ่อนทำหมวกกันน็อคในมือหล่นลงพื้น

ตกใจอะไร!

เขารีบก้มลงไปหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมา
“คือ คือ คือผมไม่มีการ์ดอ่ะครับ เลย เลยลงไม่ได้”
คนตรงหน้าพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก ดูแปลกไป แถมยังไม่สบตาทั้งที่ปกติจ้องผมแทบจะกิน

“รู้ละ เดี๋ยวไปส่ง” อย่างที่บอกครับ ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง อะไรๆ ก็เลยง่ายไปหมด

“ไม่ได้นะ” เขาพูดห้ามทันที

ถ้าไม่ให้กูไปส่ง แล้วมึงจะลงยังไงไม่ทราบครับ! ผมย่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย
ตอนนี้เขากำลังมองมาที่ผม ดวงตาคู่นั้นมองไล่จากใบหน้าของผมลงไป

 “คุณโป๊อยู่”

ผมก้มมองร่างของตัวเองตามเขา แล้วแสยะยิ้มเบาๆ
“ถ้าอย่างงี้เรียกโป๊”
“แล้วอย่างงี้จะเรียกว่า…”

พูดจบ
ผมก็บรรจงเอามือเรียวทำท่าจะปลดสายคาดเอวที่ผูกไว้อย่างหลวมออก
นายเพชรเบิ่งตากว้าง เขายืนแข็งทื่อแล้วหน้าซีดเหมือนวันที่ต่อยมวย
คนตรงหน้าจ้องมองมือผม
แล้วนายนั่นก็รีบเอามือสองข้างของเขามาจับไหล่ผม แล้วหมุนร่างผมให้หันหลังกลับ

“คุณเข้าไปอาบน้ำให้เสร็จก่อนเลยครับ ผมรอได้” ร่างสูงผลักไหล่ผมให้เดินเข้าไปข้างใน

“เดี๋ยวผมนั่งรอตรงนี้ ไม่ดื้อ ไม่ซนครับ”
ส่วนเขาก็เดินเจียมเนื้อเจียมตัว ไปนั่งสงบอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว ผมเห็นเขาลอบถอนหายใจแรง

ตลกดีแฮะ นายเพชรนั่นตามกวนผมมาทั้งวัน บทจะอ่อนด๋อยก็ง่ายซะอย่างงี้เลย
ผมยกยิ้มมุมปากแล้วส่ายหัว
ให้นายนั่นรอตรงนี้ก็คงไม่เป็นไรมั้ง เพราะผมก็อยากจะอาบน้ำมากแล้วเหมือนกัน 

ผมเดินกลับเข้ามาที่ห้องนอนแล้วตรงไปยังห้องอาบน้ำ
มือเรียวปลดชุดคลุมออกแล้วลงไปแช่อยู่ในอ่าง พลางนึกภาพเหตุการณ์เมื่อครู่
/ ‘ถ้าอย่างงี้เรียกโป๊
…แล้วอย่างงี้จะเรียกว่า’

“ทำไรลงไปวะวีรินทร์”

ผมยิ้มขำกับตัวเองที่แกล้งนายนั่นได้สำเร็จ
ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่
ทั้งที่ปกติผมจะไม่เล่นอะไรแบบนี้กับคนแปลกหน้าหรือคนที่ผมไม่สนิท

แปลกจัง!!


**To Be Continued**


หัวข้อ: Re: THE SWAN +* เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ *+ ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 30-07-2017 01:34:11
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 4
Morning


23:39

ไม่รู้ว่าใช้เวลานอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำนานแค่ไหน แต่คงนานพอที่จะทำให้รู้สึกสบายตัวแล้วก็สดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
จนเกือบลืมไปว่ามีคนแปลกหน้านั่งรออยู่อีกห้องนึง ทาครีมบำรุงผิว เป่าผมให้แห้ง แล้วก็แต่งตัวให้เสร็จ
ผมก็ได้เวลาออกจากห้องอาบน้ำเพื่อจะลงไปส่งนายเพชรที่ด้านล่างคอนโด

แต่พอเปิดประตูออกมาข้างนอกกลับพบว่านายนั่น หลับไปแล้ว…
เขาฟุบหน้าลงบนโต๊ะกินข้าว ในมือขวายังกำโทรศัพท์เครื่องสีดำไว้อยู่
ด้านข้างของเขามีหมวกกันน็อคที่ผมเพิ่งคืนให้วางอยู่ไม่ห่าง
ดูเหมือนว่านายนั่นคงจะหลับไป ทั้งที่ยังเล่นโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ

“คุณ
...เห้ย คุณ” ผมเรียกเบาๆ

แต่ท่าทางนายเพชรจะเป็นคนหลับลึกน่าดูนะครับ เขาไม่ยอมตื่น
ถ้าเป็นผมนะ แค่ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินผ่านก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้ว

“คุณ…
คุณ
นายแว๊นซ์” ก็ยังนิ่ง
เห็นทีว่าเรียกด้วยเสียงอย่างเดียวคงไม่ได้ผล ลองเปลี่ยนเป็นใช้นิ้วจิ้มที่ไหล่ดูบ้าง จิ้มไปจิ้มมา...
จิ้มจนไหล่แข็งของเขาจะเหลวละ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่านายนั่นจะรู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
ภาพตรงหน้าชวนให้ผมสงสัยว่า นี่เขาหลับหรือตาย?

ผมเปลี่ยนจากการจิ้ม เป็นลองเขย่าแขนดูบ้าง  เชรดด ได้ผลครับ
นายเพชรขยับตัว...เล็กน้อย แล้วก็หลับต่อ!!
ให้มันได้อย่างงี้สิ

“ปลุกยากชะมัด แดกยานอนหลับเข้าไปรึไงวะ”


‘กริ๊ง กริ๊ง’
ระหว่างที่กำลังคิดหาทางปลุกไอ้ขี้เซา เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังออกมาจากในห้องนอน
ผมเดินกลับเข้าไปหยิบเจ้าเครื่องสีแดงออกมาเพื่อรับสาย
แล้วก็เดินกลับมายืนที่เดิมตรงที่นายเพชรหลับอยู่

“ฮัลโหลมึง” ผมพูดรับสาย เดาไม่ยากหรอกครับว่าใครที่โทรเข้ามา

“กูจะโทรมาชวนมึงไปต่อยมวยพรุ่งนี้ กูไลน์มาตั้งนานละ มึงแม่งไม่ตอบ”
ไอ้คนในสายบ่นใหญ่...
ก็แหงสิ ผมแช่น้ำฟินๆอยู่ ไม่ได้เอามือถือเข้าไปเล่นด้วยนี่นา

“โทษทีกูอาบน้ำอยู่ พรุ่งนี้ช่ะ...งั้นกูจะได้เตรียมชุดกับนวมไป
แต่แม่งกูไม่มีรถว่ะ ต้องแบกของขึ้นรถไฟฟ้าหรอวะ”
พอนึกสภาพตัวเองที่ต้องแบกข้าวของพะรุงะรังขึ้นรถไฟฟ้าตอนเช้า
ก็เกิดท้อใจขึ้นมาทันที

“มึงก็เรียกอูเบอร์ หรือไม่ก็แท็กซี่ดิวะ”

“ตอนเช้าแม่งไม่ค่อยมี กูขี้เกียจรอ” เรื่องใจร้อนนี่ต้องยกให้ผมเลยแหละ
รอนิด รอหน่อย ใจมันจะขาดให้ได้

“เออ เดี๋ยวกูเรียกให้ จะให้รถเค้าไปจอดรอมึงที่หน้าคอนโดแต่เช้าเลยครับสัส”
ไอ้มิวพูดด้วยน้ำเสียงประชด แต่ผมไม่สนใจหรอก
แล้วไงใครแคร์ กูสบายซะอย่าง ดังนั้นมันต้องเรียกรถให้ผม

//“คุณณณณ”

“เสียงใครวะ” แล้วไอ้คนในสายแม่งก็เปลี่ยนน้ำเสียงทันที

“ได้ยินด้วยหรอ” ผมแกล้งถามดู

“เออ ไม่ใช่เสียงมึง เพราะเสียงมึงแหลม
...เสียงผู้ชาย!!
อีหงส์ บอกกูมาซะดีๆ มึงอยู่กับใคร”
แล้วมันก็บังคับข่มขู่ด้วยการเรียกชื่อเล่นผม แถมยังใส่คำว่าอีมาอีก

“กูจะไม่บอกมึงก็เพราะมึงเรียกกูว่าอีหงส์นี่แหละ อีมิว!!”

“ขอโทษค้าบเพ่ บอกมานะครับคุณวีรินทร์”

“จะใครล่ะ ก็ไอ้แว๊นซ์ที่ขับรถเฉี่ยวรถกูวันนั้นไง” ผมพูดบอกไป
ส่วนสายตาก็ไล่มองคนที่นอนหลับอยู่
แม่งจะมาละเมออะไรตอนนี้วะ

“หื้มมมมมมม คู่กลุ่มหงส์ของมึงวันนี้อะนะ” ไอ้มิวเสียงสูง เหมือนไม่อยากจะเชื่อ

“เออ นั่นแหละ”

“หื้มมมมม มึงทำให้กูไม่อยากจะเชื่อนะเนี่ย” เสียงแม่งยังคงสูงกว่าตึกมหานคร

“กูก็ไม่อยากเชื่อ” ผมตอบไปตามความจริง ปกติผมก็ไม่ได้ยอมให้คนที่ไม่สนิทเข้ามาในห้อง

“มีไรที่กูยังไม่รู้ป่ะ” ไอ้มิวยังคงซักไซร้ผมไม่หยุด

//“คุณณณณ” ส่วนไอ้นี่ก็เอาแต่ละเมอเรียก 'คุณ' 'คุณ' อยู่ได้

ตอนกูปลุกล่ะไม่ยอมตื่น พอกูคุยโทรศัพท์นี่ละเมอดีจัง

“เงียบดิ๊” เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะตบปากนายนั่นไปทีนึง
ก็เล่นนอนละเมอเพ้อภพแถมยังเผยอปากออกมาอีก น่าตบชะมัด

“มึงว่ากูหรอ” คนในสายพูดถามผม

“เปล่าๆ กูว่าไอ้เชี่ยนี่ เออมิวไว้คุยกันนะ กูขอไปปลุกแม่งก่อน” พูดจบผมก็วางสายแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ

ผมยืนเฉยๆ มองนายเพชรหลับสบายอยู่แปปนึง
เขานอนฟุบบนโต๊ะก็จริง แต่เอียงหน้าโชว์สันจมูก ทำให้เห็นสันจมูกโด่งชัดเจนขึ้น
แต่ผมไม่ได้พิศวาสอะไรหรอกนะ ผมกำลังคิดอะไรได้ต่างหาก

“นี่แหนะ” ว่าแล้วก็จัดการดีดนิ้วลงบนปลายจมูกของคนที่มันหลับอย่างเต็มแรง
ได้ผลทันตาครับ นายเพชรสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที

“โอ๊ย เจ็บนะ” เขาพูดเสียงงัวเงีย แล้วลูบจมูกตัวเองป้อยๆ จมูกใสที่โดดดีดเต็มแรงปรากฏรอยแดงให้เห็นชัด
คนหน้ายู่มองมาที่ผมอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“ก็ปลุกไม่ตื่นเอง” ผมยักไหล่ใส่เขานึงแล้วรีบไล่ “กลับได้แล้ว เดี๋ยวลงไปส่ง”

นายเพชรลูบหน้าตัวเองอีกครั้งเหมือนกำลังเรียกสติ เขาปรือตามองพร้อมกับยิ้มหวานส่งมาที่ผม
“ขอเข้าห้องน้ำหน่อยดิ”

ได้คืบจะเอาศอก!
“ล็อบบี้” แค่ให้นั่งรอนั่งหลับในห้องนี้ก็มากพอแล้ว คำตอบสั้นๆ ของผม ทำให้ภายในเวลาเพียงไม่ถึงสองนาที
นายเพชรก็ถูกลากคอลงมาปล่อยทิ้งที่ล็อบบี้ จากนั้นผมก็เดินสะบัดตูดกลับขึ้นห้องทันที
...คงไม่ต้องบอกลาอะไร เพราะผมไม่ได้เชิญเขามา


08:15

เช้านี้ผมเลือกใช้กระเป๋าหนังสีดำใบขนาดกลางของ Prada เพราะคิดว่ามันใหญ่แล้ว
แต่มันก็ยังใหญ่ไม่พอที่จะบรรจุนวมต่อยมวยคู่สีแดงนี้ลงไปได้
ผมเลยตัดสินใจใช้ถุงผ้าธรรมดาสีครีมแล้วใส่นวมลงไปในนั้นแทน
ส่วนปราด้าใบใหญ่ก็ยังคงห้อยอยู่บนไหล่เช่นเคยครับ
ผมใส่พวกเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว เครื่องสำอางค์ ชีทเรียน สายชาร์จแบต หูฟังและอื่นๆ
พะรุงพะรังชะมัด

ยิ่งมายืนเช็คความเรียบร้อยตัวเองหน้ากระจกยิ่งรู้สึกว่า...เข้าใกล้คำว่าบ้าหอบฟางเข้าไปทุกที...
ไม่ได้การละ ต้องรีบกลับไปเอารถมาขับ! แต่เอาเถอะ ดูๆไปมันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรขนาดนั้น

“รถที่มึงเรียกให้มารับกู ถึงไหนแล้ววะ” ผมพูดกับคนในโทรศัพท์ ก่อนจะทิ้งตัว นั่งลงบนโซฟานุ่มที่ล็อบบี้

“ยังเรียกไม่ได้เลยว่ะ ตอนเช้าแถวคอนโดมึงแม่งไม่มีจริงด้วย” มิวตอบเสียงแห้ง

นั่นไง ผมว่าแล้ว !!

“เห็นป่ะ จะเอาไงละทีนี้”

“เออน่า วางสายก่อน เดี๋ยวกูลองเรียกดูอีกรอบ” พูดจบสายก็ถูกตัดไป

ระหว่างที่นั่งรอรถแบบไม่รู้ว่ามันจะมาเมื่อไหร่ ผมก็นั่งมองอะไรไปเรื่อย คนในคอนโดหลายคนกำลังออกไปทำงาน
บางคนก็ขับรถผ่านหน้าล็อบบี้ไป บางคนก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่อยู่ตรงหน้าโครงการ บางคนก็ดูเหมือนจะมีแฟนมารับ

แฟนงั้นหรอ...ผมยังไม่อยากมีหรอก อยู่เป็นโสดให้คนเสียดายเล่นแบบนี้แหละ ดีจะตายไป
พอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มคิดไรเรื่อยเปื่อยแล้ว
ผมก็เรียกสติกลับคืนมา แล้วก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือขวาอีกครั้ง

08:39 จวนจะ 9 โมงแล้ว แต่มิวก็ยังเรียกรถมารับผมไม่ได้
น่าเบื่อชะมัด ไม่น่าฝากความหวังไว้กับมันเลย ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์สีแดงแจ๊สเปลือยเคสขึ้นมาเข้าแอพเพื่อลองเรียกรถดู
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ เวลานี้ย่านนี้ มันก็เรียกยาก ผมพอเข้าใจ

.

.

“ปะคุณ เดี๋ยวผมไปส่ง” น้ำสียงทุ้มนั่น เรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นจากจอสี่เหลี่ยม
แล้วต้องย่นคิ้วเข้าหากันเป็นเครื่องหมายคำถามด้วยความฉงน
นายนี่มายืนอยู่ตรงนี้ เวลานี้ได้ยังไง

“Morning ครับ” นายเพชรส่งยิ้มให้ แล้วทวนคำถาม “ว่าไงครับ ให้ผมไปส่งมั้ย”

แน่นอนครับ ผมปฏิเสธคนตรงหน้าไปแบบไม่ต้องคิด
“ไม่อ่ะ”

“ของก็เยอะ รถก็ไม่มี ยังทำเล่นตัวอีก”

“เหอะ” ผมตอบรับสั้นๆ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น

“อะไรกันคุณ เมื่อคืนยังใจดีให้ผมนั่งรอในห้องอยู่เลย
ไหงตอนเช้ากลายเป็นคนแปลกหน้ากันแล้วล่ะ” เจ้าของเสียงพูดจบก็นั่งลงข้างผม

ผมไม่ได้หันมองนะครับ แต่รู้สึกได้ว่าโซฟามันยวบลง
“เมื่อคืนแค่เหนียวตัว อยากอาบน้ำ” ผมพูดตอบไป พร้อมขยับตัวออกห่าง

“คนอะไรหน้าก็หวาน แต่ปากร้ายชะมัด”
แม้ผมจะไม่ได้มองนายนั่น แต่ผมก็สัมผัสได้ว่าเขาจ้องผมอยู่

“ถ้าจะมากวน ก็รีบแว๊นซ์ไปมหา’ลัยเหอะไป”

 .

.

“ผมไม่ได้มากวน แต่ผมมารับคุณไปเรียน”

คนด้านข้างพูดเสียงเรียบ คำพูดของเขาทำให้ผมแอบคิดตามหน่อยๆ
มารับทำไม?

“จริงๆ นะคุณ” นายเพชรย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“งั้นหรอ” พูดจบก็เหลือบมองนายนั่นด้วยหางตา

“ก็เห็นว่าคุณจะไปต่อยมวย ของก็เยอะ แล้วยังไม่มีรถ เลยมารับไปด้วยกัน”

ทำไมเขารู้รายละเอียด งั้นเมื่อคืนก็แปลว่า
“แย่ว่ะ แกล้งหลับ แล้วแอบฟังคุยโทสับ?” ผมสะบัดหน้ากลับมาต่อว่าแล้วถามนายเพชร

เขายิ้มแห้ง แล้วทำท่าเกาหัว
“ก็เปล่าซะหน่อย”

“ไม่มีมารยาทตลอดเวลา” ผมกระแทกเสียงใส่ ก่อนจะรีบลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนี
แต่ไอ้บ้านี่กลับคว้าข้อมือผมเอาไว้
แล้วมืออีกข้างของเขาก็ดึงเอาสัมภาระที่ผมสะพายไว้บนไหล่ ไปถือไว้เองซะหมด

“ไหนๆ คุณก็หาว่าผมไม่มีมารยาทละ งั้นขอเสียมารยาทอีกซักครั้งละกัน” เขาลุกขึ้นแล้วเอาตัวมาดันหลังผมให้เดินนำหน้า

“ไม่ไปเว้ย” ผมพยายามจะสะบัดแขนออกจากมือเขา
แต่ดูเหมือนว่านายนั่นจะไม่ได้สนใจเลย เขาดันตัวผมหนักขึ้น
แล้วยังเอาหน้าอกมาเบียดหลังผมจนต้องเดินตามแรงดัน

แถมตอนนี้นายเพชรยังหันไปยิ้มให้ยามผู้หญิงที่ยืนทำหน้าที่คอยเปิดประตูตรงหน้าล็อบบี้อีกด้วย
“ผมมารับวีรินทร์ไปเรียนอ่ะครับ แต่วันนี้เธอซน ไม่อยากไปเรียน เลยต้องบังคับ”
นายเพชรพูดกับยามที่ตอนแรกมองมาทางเราด้วยความสงสัย
แต่พอได้ยินดังนั้นพี่ยามแกก็เปิดประตูแล้วโค้งหัวให้นายนั่นอย่างง่ายดาย

“ไม่ใช่นะครับ” ผมเถียงเสียงแข็ง

“ไม่ดื้อสิครับ” ดื้อห่าไร ไม่ต้องมาทำเสียงสองใส่กู แล้วเสือกโปรยยิ้มให้ยาม

สัส!
“ก็บอกว่าไม่ไป ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง” โมโหจนต้องขึ้นเสียงใส่

“คุณ...มันจะเก้าโมงแล้ว เดี๋ยวก็ไปเรียนไม่ทันกันพอดี…แล้วไหนล่ะ ไอ้รถที่เพื่อนคุณจะเรียกมารับอ่ะ ไม่เห็นจะมีซักคัน”
นายนั่นก็ขึ้นเสียงใส่ผม แถมยังพูดยาวเป็นชุด

“เรื่องของเราป่ะ”

“ก็เรื่องของเราไง”
เราในที่นี้หมายถึงตัวผมครับ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ

“หมายถึง...นี่” ผมใช้มืออีกข้างที่ยังเป็นอิสระอยู่ ชี้เข้าหาตัวเอง
เพื่อบอกว่า ‘เรา’ หมายถึงผมคนเดียว

“เรื่องของคุณหรอ” นายเพชรย้อนถาม

“เออ” ทำไมเขาต้องมาทำให้รู้สึกหงุดหงิดแต่เช้า

นายนั่นยักคิ้วข้างเดียวแล้วพูดขึ้น “เรื่องของคุณ ก็เรื่องของผมอ่ะ”
หมายความว่ายังไงวะ พูดบ้าไรของแม่งเนี่ย!!

“มันจะเป็นเรื่องของคุณได้ไงวะ” ผมขึ้นเสียงใส่อีกรอบ

ตอนนี้ผมกับนายนั่นยืนเถียงกันอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์คันสีดำที่จอดอยู่ด้านหน้า
มือของเขายังกำแขนผมแน่นจนเริ่มเห็นรอยแดง ส่วนสัมภาระของผม นายเพชรยังคงถือเอาไว้ด้วยมืออีกข้าง

“ก็…
…ก็ผมขับรถเฉี่ยวรถคุณ ทำให้คุณไม่มีรถขับ ผมก็เลยต้องรับผิดชอบ”

“ประกันก็เคลียร์จบไปแล้ว จะรับผิดชอบทำไม ถ้าจะรับผิดชอบ ก็ช่วยรับผิดชอบด้วยการไปไกลๆเหอะ”
ผมจ้องหน้าคนที่สูงกว่าด้วยสีหน้าจริงจัง มันขำหรือไงวะ ทำไมนายนั่นถึงได้ส่งยิ้มน่าถีบกลับมา

เขาโน้มตัวเพื่อก้มหน้าลงมาใกล้ๆหน้าผมแล้วเอาหมวกกันน็อคใบที่ผมเพิ่งคืนเขาไปเมื่อคืนสวมลงบนหัวของผม
รู้ตัวอีกทีนายเพชรนั่นล็อคสายรัดคางเสร็จเรียบร้อยแล้ว

โถ่เว้ย!! ทำไมกูไม่ผลักมัน แล้วเดินหนีไปวะปล่อยให้คนอื่นมาจัดแจงชีวิตอยู่ได้
เมื่อคนตรงหน้าเห็นว่าผมไม่ขัดขืนอะไรแล้ว
เขาจึงรีบขึ้นไปคล่อมบนมอเตอร์ไซค์แล้วสวมหมวกกันน็อคให้ตัวเอง
ก่อนจะสตาร์ทเครื่องและหันมาพูดกับผมที่ยังคงยืนมองอยู่

“ขึ้นรถซะ ถ้าไม่อยากไปเรียนสายไปมากกว่านี้”
นั่นคือเขากำลังสั่งผม?

“ไม่” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

“งั้นก็เตรียมบอกลา Prada ของคุณได้เลย” เขาขู่ผม นายนั่นยิ้มร้าย แล้วชี้ไปที่กระเป๋าของผม
เขาสะพายมันคาดไหล่ไว้ แล้วหันกระเป๋าไปวางไว้บนตัก

“แม่งเอ้ย” ผมสบถกับตัวเอง แล้วถอนหายใจฟึดฟัด ก่อนจะยอมก้าวขึ้นมานั่งบนรถของนายเพชรด้วยความหงุดหงิดใจ

“เกาะเอวผมไว้แน่นๆ นะคุณ” พูดจบนายนั่นก็บิดรถออกไปทันที จนผมแทบจะหงายหลัง ดีนะเกาะเอวเขาไว้ได้ทัน
นี่มันคงเป็นแผนการของนายเพชรจอมกวนประสาทนี่สินะ


แว๊นซ์มอเตอร์ไซค์มันก็เร็วดีอยู่หรอกนะครับ แต่ผมไม่ได้อยากเป็นสก๊อย แล้วก็ไม่ได้อยากจะเอาหนังมาหุ้มเหล็ก
ในความรู้สึกผมแม้จะสวมหมวกกันน็อคแล้ว แต่มันก็ยังดูไม่ค่อยปลอดภัยอยู่ดี

นายเพชรเริ่มชะลอความเร็วลงเมื่อบิ๊กไบค์สีดำแกร่งกำลังวิ่งเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย
มันคงจะดีกว่านี้มาก ถ้านายคนขับจอดส่งผมหน้ามหา’ลัย ไม่ใช่ขับฝ่าฝูงชนเข้ามาจนจะถึงหน้าตึกคณะของผมแบบนี้

ผมหยิบมือถือที่มันสั่น*..ครืด..ครืด* ในกระเป๋ากางเกงออกมากดรับสาย
ส่วนมืออีกข้างก็ยังเกาะเอวนายนั่นไว้เพราะขืนแม่งเกิดบ้าเร่งสปีดขึ้นมา
ผมได้ตกรถ แล้วอายคนทั้งมหา’ลัยกันพอดี

“เออ” ผมรับสายสั้นๆ...ถ้าไอ้มิวเรียกรถมารับผมได้แต่แรก ผมก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาวะจำยอมแบบนี้

“นี่มึงอยู่ไหนวะ รถที่กูเรียกไปรับมึง เค้าบอกเค้าถึงนานแล้วนะเว่ย”

มึงคงไม่รู้สินะมิว ว่าเพื่อนของมึงถูกลากมาเป็นสก๊อยมอ’ไซค์ “ไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะรถมึงน่ะ กูถึงมอแล้วสัส”

“ฮะ มึงมายังไง ทำไมถึงเร็วจังวะ” เสียงมิวดูตกใจ

“เดี๋ยวมึงก็รู้” ผมกดวางสายแล้วยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม
รู้ตัวอีกทีนายเพชรก็ขับมอ’ไซค์คันใหญ่มาจอดหน้าตึกคณะผมแล้ว
แล้วถ้าไม่ได้คิดไปเอง เกือบทุกสายตาของนิสิตแถวนี้กำลังมองมาทางผม
ก็แหงสิครับ ตรงนี้เขาห้ามรถเข้ามา มีแผงกั้นไว้ดิบดีด้วย
..ผมรู้สึกอายที่ต้องทำผิดกฏ
อายที่ต้องเป็นสก๊อยจำยอม
แล้วก็อายที่ต้องมากับนายบ้านี่

ทันทีที่รถจอดสนิท ผมก็รีบวาดขาแล้วก้าวลงจากรถทันที
เชี่ย! ทำไมกูชำนาญ คล่องปรื้ด เป็นไปไม่ได้หรอก เคยขึ้นแค่สองครั้ง
ผมรีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่พร้อมกับถอดหมวกกันน็อคเขวี้ยงใส่ไอ้คนขับรถ
แล้วรีบเดินหนีออกมา


สายตาทุกคนยังคงมองมาที่ผมกับนายเพชร นั่นทำให้ผมรีบกวาดสายตามองรอบๆ หวังว่าจะไม่มีคนรู้จักยืนอยู่แถวนี้
ไอ้มิวที่ยืนดูดกาแฟอยู่หน้าสตาบัค กำลังมองมาที่ผม และแน่นอนมันเห็นแล้ว
ตอนนี้มันย่นคิ้วเข้าหากันแล้วส่ายหัวไปมา ราวกับกำลังตั้งคำถาม

ผมรีบเดินเข้าไปหามันทันที
“กูรู้ว่ามึงจะตั้งคำถาม” ผมพูดกับไอ้คนที่ยืนอยู่หน้าสตาบัค
ก่อนจะผลักประตูเปิดเข้าไปในร้าน

“ชาเขียวปั่นแก้วกลางครับ” แล้วก็สั่งด้วยคำพูดง่ายๆ ตามประสาคนไม่เคยจำชื่อเมนูยาวๆอย่างที่พนักงานเสิร์ฟชอบพูดได้
ส่วนไอ้มิว มันเดินตามหลังมาแล้ววางสัมภาระลงบนโต๊ะด้านหลัง มันนั่งกระดิกเท้ารอผมอยู่ แต่ก็ยังจ้องผมไม่วางตา

“อ้าว กระเป๋าตังค์” พอจะหยิบหากระเป๋าตังค์กลับพบว่าตัวเองเดินมาตัวเปล่า

โอ้ย ผมลืมกระเป๋าไว้กับนายเพชร!!! ทั้ง Prada ทั้งถุงผ้าใส่นวม
พอนึกได้ก็รีบวิ่งออกมาดูตรงที่นายนั่นขับรถมาส่ง ปรากฏว่าเขาไม่อยู่แล้ว
แต่เอาเถอะ เดี๋ยวนายเพชรก็คงหาทางเอามาคืนผมเองแหละ เพราะขนาดไปรอที่คอนโดหลายชั่วโมง ก็ทำมาแล้ว


ผมกลับเข้ามาในสตาบัคอีกครั้ง แล้วมาปล้นเงินไอ้มิวไปจ่าย
ก่อนจะรับชาเขียวแก้วกลางมาไว้ในมือ เดินหยิบหลอดกับทิชชู่ให้เสร็จสรรพ
แล้วเดินเข้าไปหาไปเพื่อนที่นั่งรออยู่พร้อมกับตอบคำถามของมันทั้งหมด


“อืมมม...เมื่อคืนบุกถึงห้อง แล้วยังมารอรับตอนเช้า...
…กูว่า...ไม่ธรรมดาแล้วว่ะ” ไอ้มิวหลิ่วตามองมาที่ผมอย่างศาลพิพากษา

“เออ” ผมตอบรับสั้นๆ

“แล้วทำไมมึงยอม” คำถามที่มิวถาม ทำให้ผมเงียบไปครู่หนึ่ง

ผมมองออกไปนอกร้าน แล้วใช้ความคิด

“ไม่ใช่ว่ากูยอมนะ...
…แต่
แต่ไม่รู้ว่ะ”
คิดไม่ออกเว้ย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ผมไม่ได้คิดอ่ะ  ผมแค่ใช้ชีวิตแบบไม่ใช้สมอง เวลาอยู่กับนายนั่น

“แล้วถ้ามันจีบมึง...”

“เพ้อเจ้อสัส” ผมขัดขึ้นทันที

“แต่มึงก็ซ้อนมอ’ไซค์แม่งมาแล้ว” แล้วไอ้มิวก็สวนกลับพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม

“แล้วคนทั้งมหา’ลัยก็เป็นพยานให้มึงแล้ว” เจ้าของรอยยิ้มร้ายยื่นโทรศัพท์ของมันมาให้ผม


ภาพบนจอสี่เหลี่ยมที่เปิดแอพเฟซบุ๊กในตอนนี้ มี 2 ภาพด้วยกัน
ภาพแรกเป็นภาพที่ผมนั่งซ้อนรถนายเพชรอยู่
ส่วนภาพสองเป็นภาพที่ผมกำลังโยนหมวกกันน็อคไปให้นายนั่นรับ

‘เพจชี้เป้าคนหล่อในมหา’ลัย’
‘ก็ไม่รู้ว่าทำไมเช้านี้ หนุ่มหล่อหาตัวจับยาก ‘เพชร’ วิศวะ ปี 3
ถึงได้ขับบิ๊กไบค์คันโปรดมาส่งหนุ่มหน้าหวาน
‘วีรินทร์’ BBA ปี 3 ถึงหน้าตึกคณะบัญชีได้นะค๊า’

“อืม......จ่ะ” ผมส่งโทรศัพท์คืนให้ไอ้มิวแล้วลอบถอนหายใจอย่างเอือมๆ
โซเชียลสมัยนี้แม่งโคตรเร็ว ถึงจะชินกับการโดนถ่ายรูปลงเพจแบบนี้บ่อยๆ  แต่ก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน.

..มันบอกไม่ถูก ว่ารู้สึกยังไง

“เชี่ย ไม่ใช่แค่ในรูปว่ะ ตัวเป็นๆ เดินมานั่นแล้ว” ไอ้มิวชี้ออกไปที่นอกร้าน ผู้ชายร่างสูงในชุดนิสิตที่ดูเนี้ยบเกินเด็กวิศวะ
ถือกระเป๋า Prada พร้อมกับถุงผ้าอีกใบนึง...เดินตรงมาทางนี้

นายนั่นยังคงเป็นตัวเรียกสายตาผู้คนได้ตามเคยเขาเปิดประตูร้านแล้วเดินตรงมาที่โต๊ะของผม
พร้อมกับวางของในมือลงบนโต๊ะ

“ขี้ลืมนะคุณ” เสียงทุ้มพูดขึ้นแล้วยิ้มมุมปาก

“เหรอ” ผมตอบสั้นๆ แล้วเบือนหน้าหนี

“เหนื่อยอ่ะ เดินตามหาคุณตั้งนาน หิวน้ำด้วย ขอกินได้ป่าว”
ว่าแล้วนายเพชรก็ชี้มาที่แก้วชาเขียวปั่นของผม ผมสะบัดหน้ากลับมาจ้องมองเขา
แบบนี้ก็ได้หรอ

“เป็นขอทานรึไง มาขอคนอื่นกิน”

“ถ้าเป็นขอทาน แล้วคุณจะให้กินรึเปล่าละครับ” นายนั่นตอบกวนตีน

“ถ้ากล้ากิน ก็แล้วแต่” 
พอผมพูดจบนายเพชรก็ยกแก้วชาเขียวปั่นของผมขึ้นมาดูดอย่างไม่รอช้า
กูแค่ประชดป่ะวะ

ผมถลึงตาใส่ร่างสูง ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง แล้วคว้าเอากระเป๋าตัวเองลุกขึ้น
“มิว ไปเรียน” ผมสะกิดเรียกไอ้มิวที่นั่งมองเหตุการณ์ตาไม่กระพริบออกมา

ผมได้ยินเสียงตะโกนเรียกตามหลัง***‘คุณ คุณ’***

ก็คำติดปากของนายนั่น ไม่รู้จะเรียกอะไรนักหนา
แต่ครั้งนี้ผมมั่นใจละ ว่าผมไม่ได้ลืมอะไรหรือไม่ได้หยิบอะไรของเขามา
ผมเลยไม่สนใจะหันกลับไปมอง


**To Be Continued**

น้องเพชรก็จะเรียก'คุณ' จนกว่าคุณจะยอมรับรักน้องเพชรไงล๊าา
เหนื่อยหน่อยนะเพชรงานนี้ เพราะคุณของเพชร คงจะไม่ง่ายเท่าไหร่ อิอิ

หัวข้อ: Re: THE SWAN +* เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ *+ ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 30-07-2017 01:35:12
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 5
First Trip


00:11

เป็นอีกสัปดาห์ที่เวลาผ่านไปโคตรเร็ว เผลอแปปเดียวคืนวันศุกร์ก็มาถึง
หลังจากที่ผมนัดไปทำสปากับคุณแม่คนสวยเมื่อช่วงเย็น โดยมีไอ้วีวิศน้องชายหัวเกรียนตัวแสบที่เพิ่งเลิกจากเรียน รด. ติดสอยห้อยตามไปด้วย ตอนนี้ผมก็นั่งจิบไวน์บนโซฟาตัวโปรดริมระเบียงพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดโรแมนติกจากแสงไฟบนยอดตึกสูงระฟ้าในกรุงเทพฯ ด้วยลมเย็นสบายที่พัดมากระทบผิวบวกด้วยกลิ่นหอมวานิลลาจากน้ำมันหอมระเหยยิ่งช่วยทำให้รู้สึกดีมากขึ้นไปอีก

ระหว่างที่ผมกำลังฟินได้ที่ โทรศัพท์เครื่องสีแดงที่วางอยู่ไม่ห่างก็ดังขึ้นผมก้มมองสายเข้าที่โทรจากไลน์
แสดงชื่อที่ผมไม่คุ้นเคย
‘Petch’
แต่พออ่าน ก็พอจะรู้ได้ว่าเป็นใคร

ผมกดตัดสายไปในครั้งแรกที่เขาโทรเข้ามา เพราะไม่อยากให้บรรยากาศที่กำลังได้ที่ต้องเสียไปจากการกดรับสายนายคนนั้น
แต่นายเพชรก็ทำให้ผมได้เรียนรู้แล้วว่า เขาเป็นคนที่ดันทุรัง ทำอะไรต้องทำให้สุด
เหมือนกับที่เขากำลังโทรเข้ามากวนผมเป็นสายที่ 3 ในตอนนี้
ผมกดรับสายพร้อมกับข่มความรู้สึกไม่ค่อยพอใจเอาไว้ ด้วยว่าก่อนหน้านี้ผมยังรู้สึกดีกับค่ำคืนนี้อยู่เลย
เพราะฉะนั้นผมไม่ควรขุ่นเคืองใจเพียงเพราะนายเพชรโทรเข้ามา

“ว่า” ผมรับสายเสียงนิ่ง พร้อมสายตาที่ยังคงกวาดมองวิวสวยจากแสงไฟ
“คุณณณณ...กว่าจะรับสายผม”
ผมหน้ามุ่ยขึ้นหน่อยนึงพอได้ยินประโยคทักทายจากฝ่ายโน้น
“แล้วจะทำตัวเสียมารยาท โทรเข้ามาตอนดึกทำไมไม่ทราบ”
“โอเค โอเค ขอโทษค้าบ...ผมจะโทรมาคุยเรื่องงาน” นายเพชรเสียงอ่อนลง
“ไม่โทรตอนกลางวัน” ผมพูดตำหนิพลางหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ
 “ผมยุ่งทั้งวันอ่ะคุณ อีกอย่างพรุ่งนี้วันเสาร์แล้ว เลยต้องรีบโทรมาตอนนี้”
“อืม งั้นก็ว่ามาเลย”
“พรุ่งนี้คุณว่างเปล่า จะได้ไปทำงานกัน” งานวิชาที่ให้พวกเราไปเที่ยวอ่ะครับ
“ว่างนะ ว่าแต่คุณว่าไปไหนดีอ่ะ รู้ป่ะที่ไหนมีหงส์” ผมพูดถามพลางใช้ความคิด
อาจารย์ให้ไปเที่ยวสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับชื่อกลุ่ม แล้วผมจะไปเที่ยวยังไงให้เจอหงส์ในกรุงเทพฯ
ถ้าเป็นอยู่ที่ลอนดอนว่าไปอย่าง..

“ผมก็ยังนึกไม่ออกอ่ะคุณ ผมว่าจะลองหาข้อมูลดู แล้วพรุ่งนี้เรานัดกันแต่เช้า”
“ก็โอเคนะ...ไปที่ที่ไม่ลำบากนะคุณ ไม่ร้อน ไม่กันดารแต่ก็ไม่วุ่นวาย”
“เอิ่ม...ก็ได้ครับ งั้นพรุ่งนี้ 9 โมง ผมไปรับคุณที่คอนโด”
“นัดเจอที่อื่นก็ได้ป่ะ”
“คอนโดคุณแหละง่ายสุดแล้วครับ กลางเมืองดี.
..แล้วถ้าคุณช้า ผมจะได้นั่งรอที่ล็อบบี้แอร์เย็นๆ”
“พูดเยอะ แค่นี้นะ”
ผมวางโทรศัพท์ลงด้านข้าง แล้วหันมาสนใจแก้วไวน์ในมือก่อนจะยกขึ้นมากระดกจนหมดแก้ว


‘กริ๊ง’
เสียงกดกริ่งหน้าประตูชวนให้สงสัยว่าใครมาหาดึกดื่นขนาดนี้
ถ้าจะพูดถึงคนที่มีคีย์การ์ดแล้วขึ้นมาบนนี้ได้ ก็น่าจะมีแค่คนในครอบครัว
แต่ก็เพิ่งเจอกันไปเมื่อช่วงเย็น...

ผมเดินตรงมาที่ประตูหน้าห้อง แล้วกดจอมอนิเตอร์เพื่อดูว่าใครคือผู้มาเยือน ไม่ช้าภาพก็ปรากฏขึ้นบนจอ
ถ้าเป็นเมื่อปีที่แล้ว ผมคงดีใจจนยิ้มกว้างที่ผู้ชายคนนี้ยืนอยู่หน้าห้อง
แต่ในวันนี้ ผมกลับไม่ยินดียินร้ายอะไร แค่รู้สึกสงสัยเสียมากกว่าว่าเขาขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดประตูห้องด้วยสีหน้านิ่ง

“มาทำไมครับ” คำทักทายสำหรับคนที่ไม่ได้เจอกันเกือบปี
“พี่คิดถึงหงส์” ร่างสูงตรงหน้าที่สวมเสื้อเชิ๊ตสีขาวพอดีตัว
ชายเสื้อหลุดออกนอกกางเกงสแล็คสีน้ำเงิน หน้าของเขาแดงก่ำ ดูก็รู้ว่าถูกกล่อมด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์

“ไม่ต้องมาเรียกชื่อนี้” คุยกันไม่ถึงสองประโยค
เขาก็ทำให้ผมขึ้นเสียงใส่ได้อย่างไม่รู้สึกผิด
“หงส์เกลียด” ผมเน้นคำพูด กระแทกใส่หน้าเขา

“ทำไมล่ะหงส์ เมื่อก่อนหงส์ยังชอบให้พี่เรียกชื่อนี้อยู่เลย...
หงส์เคยบอกด้วย ว่ายอมให้พี่ภัทรเรียกน้องหงส์คนเดียว”
พี่ภัทร ผู้ชายที่ทำให้ผมแม่งเกลียดชื่อตัวเอง

“นั่นมันเมื่อก่อนครับ ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว”
พูดจบแล้วผมก็เบือนหน้าหนี ไม่อยากจะมองเขา

“แต่สำหรับพี่ หงส์ยังเป็นที่หนึ่งในใจพี่เหมือนเดิมนะ”

“หงส์เป็นที่หนึ่งในใจพี่ แล้วใครเป็นที่สอง ที่สาม ที่สี่บ้างล่ะ”
พอได้ยินประโยคนี้ ยิ่งทำให้ความรู้สึกของผมเมื่อปีที่แล้วมันชัดเจนขึ้น

พี่ภัทร แฟนคนแรกของผม ตอนนั้นผมอยู่ม.4 ส่วนพี่ภัทรอยู่ม.6
เราคบกันตั้งแต่เรียนมอปลาย จนผมเข้ามหา’ลัยขึ้นปี 2 ผมไม่ค่อยชอบให้ใครเรียกผมว่า ‘หงส์’ แม้แต่คนในครอบครัวผมเอง
เพราะผมรู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับผม แต่พี่ภัทรทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็น ‘หงส์’ จริงๆ
ผมยอมและชอบให้พี่ภัทรเรียกชื่อนี้ แค่คนเดียว

แล้วจุดแตกหักมันก็มาถึงในช่วงเวลานั้น ผมจับได้ว่า
‘ผมเป็นที่หนึ่งในใจพี่ภัทร เพราะพี่ภัทร มีที่สอง ที่สาม ที่สี่ ที่ห้า เต็มไปหมด’
จากหงส์ผู้สูงสง่า ก็กลายเป็นควายที่โง่เขลาทันที!!


“พี่ลืมหงส์ไม่ได้” คนตรงหน้ายังคงพร่ำเพ้อ
“พอเหอะพี่ ทุเรศว่ะ”
“แต่พี่คิดถึงหงส์จริงๆนะ” พูดจบพี่ภัทรก็โผเข้ากอดผม ก่อนจะรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆจนผมเริ่มหายใจไม่ออก
ร่างสูงอาศัยความที่ตัวใหญ่กว่าผลักผมเข้ามาในห้องเพื่อหวังจะทำอะไรที่มากกว่านั้น
พอผมตั้งสติได้ ผมก็ใช้วิชามวยไทยที่เรียนมาตอกกลับพี่ภัทรทันที
ทั้งศอก เข่า หมัด พี่ภัทรลงไปนอนกองอยู่กับพื้นหน้าห้องด้วยความสะบักสะบอม
“โอ้ยย หงส์ ทำไมหงส์รุนแรง ทำพี่ทำไม”
“ก็เพราะพี่แหละครับ ทำให้หงส์เป็นแบบนี้...
…ที่หงส์เปิดประตูออกมา ไม่ใช่เพราะหงส์อยากเจอพี่หรอกนะแต่เพราะหงส์อยากรู้ว่า พี่ขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง
ขอคีย์การ์ดหงส์คืนด้วย!!”
พูดจบผมก็ก้มลงไปดึงคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงของคนที่นอนกุมท้องตัวเอง
“พี่แม่งโคตรโง่ ที่ทำแบบนั้นกับหงส์”

‘ปัง’
ผมปิดประตูเสียงดัง พร้อมล็อคประตูทันที


ผมพาตัวเองกลับมานั่งจิบไวน์อยู่ในมุมเดิมแล้วนึกถึงเรื่องอดีต
พี่ภัทร ไม่ใช่คนเลว แต่พี่ภัทร แค่นอกใจ

ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ไม่แรงนักจากไวน์สองแก้วทำให้ผมเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับแสงแดดที่แยงตาผม เมื่อเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ก็บอกเวลา

07:15

ยังเช้าอยู่เลย แต่ก็คงนอนต่อไม่ได้แล้ว ผมเลยลุกขึ้นไปล้างหน้า แปรงฟัน ก่อนจะกดลิฟต์ลงไปที่ชั้นสระว่ายน้ำ

ผมสลัดความมึนหัวออกไปด้วยการว่ายนำ้อยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ว่ายน้ำเสร็จก็เปลี่ยนมานอนรับลมอยู่ริมสระแทน
แต่ก่อนจะนอนลงบนเตียงก็สังเกตว่าแดดเริ่มแรงขึ้น ทำให้ผมต้องหยิบแว่นกันแดดทรงสวยที่ติดมือมาด้วยขึ้นมาสวม จากนั้นชุดคลุมอาบน้ำสีแดงเลือดนกก็ถูกหยิบขึ้นมาสวมทับกางเกงว่ายน้ำเพื่อปกปิดร่างกาย
ผมนอนหลับตาฟังเพลงสบายๆ อยู่ครู่หนึ่ง เพลงที่กำลังฟังเพลินก็เงียบลง
พร้อมกับเสียงแจ้งเตือนว่ามีคนโทรเข้า

ผมไม่ได้ลืมตาขึ้นมองว่าใครโทรมา แต่กดรับสายจาก Airpods
“ฮัลโหล”
“วีรินทร์ แม่ให้ลุงชัย ขับรถไปจอดไว้ให้ที่คอนโดแล้วนะลูก” แม่ผมโทรเข้ามา
“ขอบคุณนะครับแม่” ผมตอบกลับด้วยความดีใจ
เมื่อวานที่เจอแม่ ผมได้คุยกับแม่ว่าไม่มีเวลากลับไปเอารถที่บ้าน เลยต้องรบกวนแม่ให้ลุงคนขับรถช่วยขับรถมาส่งให้

ผมคุยกับแม่ไม่นานแล้วก็วางสายไป ก่อนจะกดรับสายซ้อนที่รออยู่
“ฮัลโหล”
“มึง คู่มึงไปเที่ยวไหนกันวะ” ไอ้มิวครับ ไอ้นี่โทรเข้ามาทุกวันเป็นกิจวัตร
วันไหนแม่งไม่ได้โทรหาผม แลดูมันจะอยู่ไม่เป็นสุข
“เออว่ะ กูก็ยังไม่รู้เลย เมื่อคืนคู่กูแม่งโทรหากูแล้วบอกจะลองหาดู” ผมตอบไป
“แต่ของมึงยังง่ายไง ของคู่กูนี่สิ ไม่ต้องเที่ยวสุสาน เที่ยวเมรุหรอวะ” ไอ้มิวตัดพ้อ
“ฮ่าๆ แต่ของมึงยากจริงสัส คู่ของมึงว่าไงล่ะ”
“จะว่าไงล่ะ บอกให้กูคิดไง สัส”
“สู้ๆ มึง...เออมิว เมื่อคืนพี่ภัทรมาหากูที่ห้องว่ะ”

ผมตัดสินใจเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ไอ้มิวฟัง เพราะปกติก็เล่าให้มันฟังทุกเรื่องอยู่แล้ว
“เห้ย จริงป่ะเนี่ย แล้วมึงยังไงวะ” มิวดูตกใจ เสียงสูงเชียว
“กูก็ไม่ยังไง แม่งพยายามจะอะไรกู แต่กูเป็นมวยเลยจัดไปหลายดอก ฮ่าๆ”
“มึงไม่สงสารพี่เค้าหรอวะ”
“สงสารกูเนี่ยไอสัส แดกไวน์อยู่ดีๆ เสือกมีมารผจญ”
“แต่ทุกอย่างก็โอเคใช่เปล่า” ไอ้มิวถามน้ำเสียงจริงจัง
“โอเคมึง ไม่ต้องห่วง ไม่มีไร”
“ยังไงมึงก็เข้าวัดเข้าวา ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พี่เค้า จะได้ไม่มากวนมึงอีก”
“เออ กูจะลองดู ฮ่าๆ ไว้คุยกันมึง บาย”

วางสายจากไอ้มิวปุ๊บ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ รอบนี้เป็นเสียงจากไลน์ครับ!
“ฮัลโหล” ผมยังคงรับสายโดยไม่ลืมตาขึ้นมามอง
“คุณ ผมถึงแล้วนะ” เสียงทุ้มที่ดูสดใสพูดบอก
“หื้ม ทำไมมาเช้าจัง” ผมถามกลับเพราะนี่น่าจะยังไม่ถึงเวลานัด
“ก็มารอคุณไง”
“เอ่อ งั้นรอนานหน่อยนะ”
“ผมรอได้”
หลังจากวางสายผมก็ลืมตาขึ้นมองเวลาจากหน้าจอโทรศัพท์
08:13
ว่าแล้วก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่า


09:00

วันนี้ผมอาบน้ำแต่งตัวเร็วมากเป็นพิเศษ เพราะไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนไม่ตรงเวลา
ผมแต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ครับ ไม่ได้เยอะอะไร ไม่ได้เซ็ทผมด้วยซ้ำ ลงมาด้านล่างเจอนายเพชรนั่งทำหน้ากวนตีนอยู่ล็อบบี้
นายเพชรสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าผ้าใบรุ่นยอดฮิตสีดำ
เกือบจะดูดีแล้วเชียวถ้าผมไม่เหลือบมองตัวเองในกระจกแล้วเห็นว่า
ผมแต่งตัวเหมือนกับนายนั่นเป๊ะ!
แม้แต่รองเท้ายังยี่ห้อและรุ่นเดียวกัน แค่คนละไซส์

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณ ตรงเวลาเป๊ะเลย” ร่างสูงลุกขึ้นจากโซฟา แล้วก้มมองนาฬิกาบนข้อมือ
ส่วนผมกำลังเสียเซลฟ์ที่แต่งตัวซ้ำอยู่ เลยไม่ได้สนใจนายนั่น
ในหัวผมตอนนี้กำลังคิดว่าจะไปเปลี่ยนชุดใหม่
“เห้ยคุณ เราแต่งตัวเหมือนกันเลยว่ะ” คนที่มายืนอยู่ข้างผม หัวเราะเสียงดัง
แล้วมองตัวเองในกระจก ก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้ผม
นายนั่นดูจะภูมิใจมากเป็นพิเศษ
“ขอไปเปลี่ยนชุดแปป” ผมหน้ามุ่ยแล้วทำท่าจะเดินกลับขึ้นไปข้างบน
แต่มือหนาของนายเพชรก็คว้าไหล่ผมไว้ แล้วดึงตัวผมกลับ
“อะไรกันคุณ เปลี่ยนทำไม เหมือนกันก็ดีแล้ว” คนตรงหน้ายังคงยิ้มกว้าง 
“ไม่ชอบแต่งตัวซ้ำกับใคร” ผมตอบไปอย่างเหวี่ยงๆ แล้วมองบนใส่
“ก็จะได้ดูเป็นทีมเดียวกันไงคุณ”
“ใครอยากเป็นทีมเดียวกับคุณ” ผมบ่นอุบอิบกับตัวเอง
“แต่ก็ทีมเดียวกันแล้ว ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” พูดอย่างเดียวไม่พอ ยังมีหน้ามาตบไหล่ผมปุๆ
“ก็ไม่ชอบอ่ะ” ผมยังคงยืนกราน ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่ชอบแต่งตัวซ้ำกับใคร เข้าใจมั้ยวะ!
“แต่ผมชอบนะ”
“ชอบบ้าอะไร” ผมสวนกลับไปด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
“ชอบคุณ...”
ฮะ!!
เงียบ
เขานิ่ง ผมนิ่ง

แดกจุด

“เอ่อ ผมหมายถึงชอบที่คุณแต่งตัวแบบนี้...ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกคุณ มันดีแล้ว”
“จริงๆ น้า” เป็นเสียงสองที่ฟังแล้วอยากจะอ๊วกมากครับ
เอาเถอะ ไม่เปลี่ยนก็ไม่เปลี่ยน เสียเวลา...
“ไม่เปลี่ยนก็ได้ แต่ต้องเอารถยนต์ไปนะ ไม่นั่งมอ’ไซค์ ไม่ได้แต่งตัวมาเป็นสก๊อย”
“ครับ” นายนั่นตอบรับอย่างว่าง่าย แล้วเดินตามผมมาที่รถโดยดี


วันนี้ผมแต่งตัวโคตรเบา
เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ในมือถือกระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือ
ไม่มีกระเป๋าพะรุงพะรัง หรือเครื่องสำอางค์ใดใด
.
.
.
.
เพราะทุกอย่างอยู่บนรถ
แม่ผมเตรียมมาให้จากบ้านแล้วยังไงล่ะครับ


ผมถามนายเพชรเรื่องสถานที่ที่เราจะไปกันในวันนี้ ส่วนนายนั่นก็เอาแต่ต่อรองเรื่องจะขอขับรถเอง
ทีแรกผมก็ไม่ยอม เขาเลยยกใบขับขี่ขึ้นมาโชว์ พร้อมดึงดันจะเป็นคนขับเอง พอเห็นว่ายืนตากแดดเถียงกันไปก็ไม่ได้ประโยชน์
ผมเลยกระทืบเท้าใส่เขาทีนึง แล้วเดินขึ้นมานั่งฝั่งด้านข้างคนขับ
นายเพชรดี๊ด๊าที่ตัวเองได้เป็นคนขับ ผมเห็นแล้วรู้สึกรำคาญลูกตาเลยหยิบแว่นกันแดดมาสวม ก่อนจะเบือนหน้าหนีออกนอกหน้าต่าง

คนขับรถขับออกมาจากคอนโดอย่างนิ่มๆ ผมแอบหันไปสังเกตเขาบ้างเป็นระยะ ตอนนี้เขาหยิบแว่นกันแดดของตัวเองมาสวมเช่นกัน ดูเหมือนว่านายนั่นจะใช้อุปกรณ์ในรถของผมได้อย่างคุ้นเคยเลยทีเดียว เขาต่อบลูทูธจากโทรศัพท์มือถือแล้วเปิดเพลงที่เข้ากับบรรยากาศเช้าวันเสาร์ให้ผมฟัง

จังหวะการออกตัว การขับขี่ และการเบรคของเขาทำให้ผมรู้สึกวางใจไม่น้อย เขาขับได้ดีกว่าที่ผมคิด มันนิ่ม เงียบ คงที่ แล้วก็ดูปลอดภัย

ผมเลิกสนใจคนด้านข้างแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายคลิปรถบนถนนลง IG Story พร้อมกับใส่แคปชั่นว่า On My Way
ครู่ใหญ่รถคันสวยของผมก็วิ่งมาในย่านพระนคร ก่อนที่คนด้านข้างจะชะลอความเร็วลง

“ถึงแล้วหรอ” ผมพูดถามเมื่อเห็นเขาทำท่าจะจอด แต่มองออกไปด้านนอกกลับไม่เห็นจะมีหงส์ซักกะตัว
“เดี๋ยวกินข้าวเช้าก่อน ผมรู้คุณยังไม่ได้ทานอะไรมา” คนด้านข้างถอยรถเข้าจอดอย่างชำนาญ
เขาพูดตอบผมแต่ตามองกระจกหลัง ส่วนมือก็บิดพวงมาลัย ท่าทางดูตั้งใจ...

“รู้ได้ยังไง” ผมถามแล้วมองนายนั่นถอยรถ
“คุณอาบน้ำแต่งตัวนาน คงจะไม่มีเวลาทานอะไรตอนเช้าหรอกครับ”
พูดจบร่างสูงที่ถอยรถเสร็จพอดี ก็ถอดแว่นออก เขาหันมายิ้มให้ผม
ผมมองเขานิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป
แล้วมือหนาก็เอื้อมมาปลดเข็มขัดนิรภัยออกให้ผม พร้อมกับร่างของเขาที่เอี้ยวมา นายนี่เป็นคนมือไวเหมือนกันแฮะ
“ไปกันครับ”
หน้าคมที่อยู่ห่างหน้าผมไม่มาก เงยขึ้นมาหลังจากปลดเข็มขัดนิรภัยให้ผมเสร็จ
เขาจ้องหน้าผมใกล้ๆ จนทำให้ผมต้องผละตัวเองออกห่าง


ผมเดินตามหลังนายเพชรอยู่ไม่ห่าง แต่ดูท่าทางเขาจะไม่ค่อยไว้ใจผมสักเท่าไหร่ เพราะเขาหันกลับมามองผมเป็นระยะๆ
เราสองคนก็มาหยุดยืนอยู่หน้าร้านกาแฟโบราณแห่งหนึ่ง บรรยากาศภายในดูคลาสสิค
ผมเงยหน้ามองป้ายชื่อด้านหน้าก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาทันที เห็นหลายคนมากินแล้วถ่ายรูปลงโซเชียลกัน แต่ผมยังไม่เคยมีโอกาสมา

คนในร้านไม่เยอะมาก อาจจะเพราะเริ่มสายแล้ว จึงพอมีโต๊ะว่างให้เรา
ร่างสูงเดินนำผมเข้าไปข้างในแล้วเลือกโต๊ะที่อยู่ติดผนัง ก่อนจะเรียกให้ผมนั่งลงข้างเขา โต๊ะนี้มีเก้าอี้สองตัววางอยู่ข้างกันในลักษณะที่ไม่ทำให้รู้สึกน่าอึดอัดมากนัก
ผมจึงยอมนั่งลง โดยไม่ได้ขยับเก้าอี้ใดๆ

“ที่นี่มีไรกินบ้างอ่ะ” ผมพูดถามพร้อมกับหันมองบรรยากาศรอบร้าน
“เมนูขึ้นชื่อก็ไข่กระทะครับ ทีเด็ดเลย”
“อืม เอาไข่กระทะก็ได้ แล้วก็โกโก้เย็น”
ผมเลือกเมนูง่ายๆ ช่วงเช้าไม่ได้รู้สึกอยากจะกินอะไรมากเป็นพิเศษ
“ครับ” นายเพชรตอบรับ ก่อนจะเดินไปสั่งอาหารและเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์

รอไม่นาน ไข่กระทะและโกโก้เย็น 2 ชุดก็ถูกวางลงบนโต๊ะ
“ทำไมสั่งเหมือนกัน” ผมถามนิ่งๆ แล้วก้มมองจานของตัวเองสลับกับของเขา
“ก็ชอบเหมือนกัน” นายเพชรพูดตอบ เขาไม่ได้สนใจมองผม
เขาหยิบกล้อง mirrorless ในเป้ที่เขาสะพายติดตัวขึ้นมาถ่ายภาพอาหาร
ก่อนจะหันไปถ่ายบรรยากาศภายในร้าน แล้วก็จบลงด้วยการถ่ายรูปผม

“เห้ย ไม่เอา คุณไม่ถ่าย” ผมเสียงดังขึ้น แล้วพยายามแย่งกล้องมาลบรูป
“ถ่ายไปแล้ว” นายนั่นยิ้มแล้วเอากล้องไปซ่อนไว้ด้านหลัง
ทำให้ผมต้องพยายามยื้อสุดตัว จนเริ่มรู้สึกเมื่อย
ผมหยุดแย่งทันทีที่รู้สึกว่าตัวเองเริ่ม เหงื่อออก!
นายเพชรแลบลิ้นปลิ้นตา แล้วหัวเราะสะใจที่ผมแย่งกล้องในมือเขาไม่สำเร็จ

ผมมองบน แล้วหันมาสนใจไข่กระทะตรงหน้า แน่นอนว่า IG Story ของผมได้บันทึกภาพอาหารเช้ามื้อนี้เป็นที่เรียบร้อย


เราสองคนใช้เวลากับอาหารมื้อนี้กันอย่างเงียบๆ นายนั่นชวนผมคุยสัพเพเหระบ้าง ผมก็ตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง
จนเวลาผ่านไปไม่นาน เราก็กินเสร็จเรียบร้อย

ผมหยิบกระเป๋าตังค์แล้วยื่นแบงก์พันส่งไปให้คนด้านข้าง
“อะไรหรอคุณ” นายเพชรเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองกลับมาอย่างสงสัย
“ค่าอาหารเช้า”
“ฮะ ไม่เป็นไรคุณ ผมเลี้ยง” เขายิ้มอย่าง งงๆ
ผมสิควรจะงง ว่าจะมาเลี้ยงกันทำไม

“เลี้ยงทำไม จ่ายเองได้” ว่าแล้วผมก็ยื่นเงินใส่มือเขา แต่นายเพชรถอยมือกลับ
“ผอมอย่างคุณ ผมเลี้ยงไหวน่า”
ผมเป็นพวกขี้รำคาญครับ ถ้าให้แล้วไม่รับก็ไม่ตื้อ
“ป๋าว่างั้น” ผมพูดพลางลุกขึ้น แล้วเก็บเงินใส่กระเป๋าตังค์
นายเพชรยักคิ้วให้ผมทีนึง แล้วส่งยิ้มมุมปากมา


ผมกับนายเพชรกลับมานั่งบนรถพร้อมกับสวมแว่นกันแดดของใครของมัน เขายังคงชวนคุยเรื่องอาหารเช้าเมื่อครู่ พร้อมกับแนะนำเมนูโน้นนี้อีกมากมาย แถมยังพูดอีกว่า ถ้าติดใจวันหลังจะพาไปกินอีกหลายๆ ที่ เขาจะเลี้ยงผมเอง

ผมก็พยักหน้ารับไปงั้น แต่ในใจกลับถามว่า ‘ใครขอ’
 

นายคนขับรถ ขับรถต่อไปอีกไม่นานก็ถึงสถานที่ที่เขาบอกว่าจะพาผมมาในวันนี้
 ‘วัดหงส์รัตนาราม’
“นี่แหละคุณ ที่ผมจะพามาวันนี้” ร่างสูงพูดหลังจากจอดรถเป็นที่เรียบร้อย
“เข้าใจคิดนะ” ก็ยอมรับว่านายเพชรฉลาดครับ ในเมื่อกรุงเทพมันหาที่ที่มีหงส์ยากเย็นนัก ก็พามาสถานที่ที่ชื่อหงส์แทน
จะเป็นไรไป 

นายเพชรเดินนำผมไปที่อุโบสถ โดยถอดรองเท้าไว้ข้างนอก แล้วเดินเข้าไปข้างในอย่างสำรวม เราเดินเข้าไปกราบพระ จากนั้นเขาก็ถ่ายรูปนิดหน่อย พอถ่ายเสร็จคนด้านข้างก็หันมาพูดกับผม
“นั่งสมาธิกัน” ว่าแล้วร่างสูงก็นั่งลง แล้วประสานมือไว้บนตักให้ผมดู
ก่อนจะหลับตาลงสนิทผมมองตาม แล้วก็ยอมทำตามเขาอย่างขัดไม่ได้

ลมเย็นเอื่อยกับบรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้รู้สึกดีไม่น้อยไม่กว่าบรรยากาศเมื่อคืนเลยครับ
ถ้าไม่รู้สึกเมื่อยขา อะไรๆคงจะดีกว่านี้

ครู่ใหญ่ คนด้านข้างก็สะกิดชวนผมออกมาจากอุโบสถ แล้วเดินไปยังสระน้ำมนต์ นายเพชรเล่าประวัติความเป็นมาต่างๆให้ผมฟังอย่างคนที่รู้จริง แล้วก็พาผมสรงน้ำพระประจำวันเกิด ผมเกิดวันเสาร์ ส่วนเขาเกิดวันศุกร์

เราเดินรอบวัด ถ่ายเก็บบรรยากาศโดยรอบ เมื่อเสร็จแล้วก็เดินกลับมาที่หน้าอุโบสถอีกครั้ง ดูเหมือนว่านายนี่จะมีความธรรมะธัมโมอยู่เหมือนกัน ถึงได้คิดพามาวัด

ผมยืนถ่ายรูปวัดโดยใช้โทรศัพท์ตัวเอง ขณะที่นายนั่นเดินไปคุยกับใครสักคน
เด็กผู้หญิงที่น่าจะยังเรียนอยู่แค่ม.ต้น เดินกลับมาพร้อมเขา
เขายื่นกล้องให้เด็กคนนั้น แล้วเดินกลับมาหาผม

“ถ่ายรูปคู่กันคุณ” เขายิ้มเรียบๆ ส่งมาให้ผม
“ไม่ถ่ายอ่ะ” ผมส่ายหัวแล้วปฏิเสธทันที
“แต่เรามาทำงานนะคุณ เดี๋ยวอาจารย์ไม่รู้ว่าเรามาด้วยกัน”
“อือ อือ” ผมพยักหน้ารับอย่างปฏิเสธไม่ได้

“ยิ้มนะค้า” น้องที่นายเพชรใช้ให้ถ่ายรูปพูดบอก ผมยิ้มแหยๆ แล้วขยับตัวออกห่างนิดหน่อย
“พี่ตัวเล็กขยับเข้ามาอีกก็ได้ค่ะ ยืนห่างจังเลย อุตส่าห์ใส่ชุดคู่กัน” น้องเขาบอก  ชุดคู่อะไรกันล่ะน้อง!! ผมอยากจะบ้า
แล้วนายนั่นก็หันมองผม ก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ จนไหล่ชนกัน
“ยิ้มหน่อยสิคุณ ทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้มา” ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วคิดถึงทุ่งดอกลาเวนเดอร์เอาไว้
ก่อนจะฉีกยิ้มออกมาอย่างสดใส ด้วยจิตใจที่ปลอมเปลือก

ถ่ายรูปเสร็จ ก็ถือเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจในวันนี้
ผมเดินกลับมาที่รถ โดยที่เดินนำหน้านายนั่นอยู่ ระหว่างทางเขาก็เรียกผมด้วยคำเดิมๆ
“คุณ คุณณณณ”

ผมหันกลับไปมอง พร้อมกำลังจะด่าว่าเสียงดังทำไม
แต่นายเพชรดันเอาหน้าเข้ามาใกล้ผม แล้วยกโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาถ่ายเซลฟี่
เขากดชัตเตอร์เร็วมาก ถ่ายได้ 2-3 รูป เห็นจะได้ ทำไมนายนี่ชอบถ่ายรูป แบบไม่ให้ผมได้ตั้งตัว
ว่าแล้วผมก็พยายามจะยื้อโทรศัพท์จากมือเขากลับมาลบรูปอีกครั้ง ครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้

แต่อย่างที่บอกครับ นายนั่นเป็นพวกมือไว
เขาเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง แล้ววิ่งหนีผมนำไปที่รถเรียบร้อย

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจกับตัวเองแล้วเดินตามนายเพชร
รู้สึกเอือมระอาอย่างบอกไม่ถูก

“แน่จริงก็ตามให้ทันสิคุณณณ” เขายังมีหน้าหันกลับมาท้าให้ผมวิ่งตามอีก

กูไม่แน่จริงเว้ย!

ผมได้แต่เดินช้าๆ มองไอ้คนขายาว ที่วิ่งนำหน้าผมไปอย่างร่าเริง ไม่รู้นายนั่นคิดอะไร โตๆ กันแล้ว เล่นเป็นเด็กไปได้


**To Be Continued**

น้องเพชรมันร้าย มือไวแถมยังแอบเนียน
พาหนูวีรินทร์มาทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันโดยไม่รู้ตัว
ส่วนหงส์ เอ้ยวีรินทร์ของเรา ก็เฉลยมาแล้วว่าทำไมไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อเล่น
เพราะได้รับตำแหน่งที่หนึ่งในใจพี่ภัทรนี่เอง
แล้วเวลาอยู่กับนายเพชรเนี่ย ทำโวยวายไปงั้นรึเปล่า
เดี๋ยวจะแพ้ทางคนกวนตีนโดยไม่รู้ตัว


หัวข้อ: Re: THE SWAN +* เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ *+ ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 30-07-2017 01:35:54
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 6
Jeep


14:52

ณ ร้านกาแฟริมแม่น้ำเจ้าพระยา

หลังจากที่หยิบ MacBook ขึ้นมาวางบนโต๊ะได้ครู่หนึ่ง ผมก็มองสำรวจบรรยากาศโดยรอบ ก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับเจ้าหน้าจอขนาด 13” แล้วเปิดโปรแกรม Keynote เพื่อเตรียมที่จะทำพรีเซ้นต์

ผมหยิบชาเขียวเย็นแก้วใหญ่ที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมาดูดเรียกพลัง ก่อนจะวางมันกลับลงไปที่เดิม แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาจดจ่อกับจอโทรศัพท์เครื่องสี่เหลี่ยมสีดำด้าน

หัวคิ้วหนาสีดำเข้มของเขาผูกเข้าหากันอย่างคนใช้สมาธิ มันคงจะดีกว่านี้ถ้าสิ่งที่เขากำลังสนใจคืองานที่จะพรีเซ้นต์
ไม่ใช่...
‘ROV’
นายเพชรกำลังติดเกมส์อย่างหนักครับ

แต่การที่ผมกำลังมองคนฝั่งตรงข้าม มันก็ไม่ได้แปลว่าผมสนใจอะไรในตัวนายนั่นหรอกนะครับ เพราะตั้งแต่นั่งอยู่ตรงนี้กันมาประมาณครึ่งชั่วโมง ผมก็เพิ่งเงยหน้ามองเขาก็ตอนนี้แหละ และนั่นทำให้ผมสังเกตเห็นการแต่งตัวของเขาที่แปลกออกไป
นายเพชรสวมเสื้อเชิ๊ตสีฟ้าลายใบไม้ กางเกงขาสั้นสีขาว รองเท้าหนังมีพู่สีน้ำตาล
ลุคนี้ทำให้เข้าดูสบายตาเหมือนกันแฮะ
ผมพอจะดูออกว่าเขาใส่แบรนด์อะไรตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ผมขี้เกียจบรรยาย

อืม...ผมให้ความสนใจกับคนตรงหน้ามากเกินไปแล้ว
รู้สึกว่าก็ไม่ได้จรรโลงใจสักเท่าไหร่
เลยชะเง้อมองหาไอ้ตัวต้นเหตุ ที่ทำให้ผมกับนายเพชรต้องมานั่งกันอยู่ตรงนี้

ไอ้มิว!!

ผู้เป็นเจ้าของไอเดียในการชวนกึ่งบังคงให้ผมมานั่งทำงานที่ร้านกาแฟริมน้ำ ด้วยเหตุผลที่ว่า บรรยากาศดีๆ จะช่วยให้สมองปลอดโปร่งคิดงานได้ดีขึ้น

แหม...งานที่อาจารย์สั่งก็ไม่ได้ยากเย็นซะหน่อย คิดในส้วมยังคิดออกเลยเหอะ แต่ก็เอาเถอะครับ รำคาญที่มันคะยั้นคะยอนักหนา เลยยอมมา ไอ้มิวนัดผมเป็นดิบเป็นดีในเวลาบ่ายสองโมงครึ่ง ส่งโลเคชั่นมาให้เรียบร้อย
แถมมันยังบังคับให้ผมลากไอ้สมาชิกในกลุ่มมาด้วย

นายเพชรที่งอแงผ่านทางไลน์อยากจะนัดผมออกมาทำงานข้างนอกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอรู้ว่ามีเพื่อนผมชวนออกมา เลยยิ่งรีบตกปากรับคำในทันที
.
.
ลำพังตัวผม คงไม่คิดพิศวาสโทรชวนนายเพชรออกมานั่งบื้อทื่ออยู่ตรงนี้แน่นอน


แต่ตอนนี้จะบ่ายสามแล้ว ก็ยังไม่เห็นทีท่าว่าไอ้มิวจะปรากฏตัว

“คุณณณ” แล้วคนฝั่งตรงข้ามก็เรียกขึ้นในขณะที่ผมกำลังกดโทรหาไอ้มิวอีกครั้ง

“ฮะ” ผมตอบรับ

“เริ่มทำงานกันเลยมั้ย” เขาพูดพร้อมกับวางมือถือของตัวเองลงบนโต๊ะ

“เล่นเกมส์เสร็จแล้วว่างั้น” ผมมองที่โทรศัพท์ของเขา มันถูกล็อคหน้าจอเรียบร้อย

“ผมพร้อมนานแล้วเหอะ รอแต่เพื่อนของคุณอะแหละ”

“เออ โทรไปก็ไม่รับ” ผมตัดสายไอ้มิวแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องรอละ เริ่มเลยก็ได้”

หลังจากนั้นผมกับนายนั่นก็เปลี่ยนมาคุยเรื่องงาน บรรยากาศดูจริงจังครับ เหมือนกำลังสอนเทรดหุ้นอะไรอย่างงั้น...เขาส่งภาพจากกล้องเข้ามาที่คอมให้ผมเลือกรูป แล้วก็ช่วยกันเขียนข้อมูลที่น่าสนใจที่จะเอาไปนำเสนอ


15:34

กริ๊ง

เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นเบี่ยนเบนความสนใจ ผมยกมันขึ้นมารับสายทันที

“มิว มึงอยู่ไหนแล้ววะ”

“ถึงละเนี่ย แม่งรถโคตรติด”

“เลทสัส มึงเข้ามาในร้านเลยนะ กูรออยู่เป็นชั่วโมงละ”

“มึงนั่งอยู่ตรงไหนวะ”

“ตรงกระจกวิวแม่น้ำอ่ะ...มึงเป็นคนบอกให้นั่งนี่ไม่ใช่รึไง”

“เออ กูลืม เดี๋ยวกูเข้าไปละ เจอกันเว่ย”

ไม่นานไอ้มิวก็มาถึง มันชะเง้อมองหาผมอยู่หน้าร้าน ก่อนจะเดินตรงเข้ามาแล้ววางสัมภาระลงบนเก้าอี้ข้างผม
ไอ้มิวส่งยิ้มหวานมาให้เป็นการทักทาย พร้อมกับหันไปมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

นายเพชรดูจะไม่ได้สนใจการมาถึงของไอ้มิวเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่รับรู้เลยด้วยซ้ำ เขาจดจ่อกับหน้าจอคอมแล้วก็ทำหน้าเครียด

...นั่นทำให้ผมเริ่มจับสังเกตได้ว่า ถ้านายเพชรมีสมาธิกับอะไรมากๆ
เขาจะไม่สนใจสิ่งอื่นรอบข้างเลย



พอเห็นว่าคนตรงข้ามไม่ได้สนใจอะไรเลย ไอ้มิวมันเลยลากแขนผมมาที่เค้าน์เตอร์  เพื่อสั่งเครื่องดื่ม ระหว่างที่ยืนรอคิวมันก็ชวนคุยตามประสาคนพูดมาก

“หล่อดีนะ” พูดกับผมแต่มองไปยังอีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะ

“กูอะนะ” กวนตีนมันไปงั้น รู้แหละว่ามันจะชมใคร

“กูหมายถึงไอ้เด็กแว๊นช์ของมึงเว่ย...แต่วันนี้แม่งก็ไม่ได้แต่งตัวดูแว๊นซ์นะ”

“เหรอ” ผมยืนกอดอกหน้านิ่ง แล้วมองไอ้มิวที่กำลังจะพูดเพ้อเจ้อต่อ

“ดูๆ ไป ก็แต่งตัวหรูหรา สมฐานะมึงนะวีรินทร์
...ในห้องกูเห็นไกลๆ เพิ่งจะได้เห็นใกล้ๆ ก็วันนี้
...กูไม่แปลกใจละ ที่มึงยอมให้แม่งขึ้นห้อง” นั่นไง เพ้อเจ้อแบบที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด

“พูดเชี่ยไรวะมิว” ผมด่ามันพร้อมกับหยิกแขนมันไปทีนึง

“กูไม่แซวก็ได้ แหม แหม ทำเขินนะครัช”

“เขินบ้าอะไร มึงเลิกพูดมากดิ๊” พูดจบผมก็ผลักหลังไอ้มิวที่ยิ้มร้าย ให้เข้าไปสั่งเครื่องดื่ม ส่วนผมก็ถอยออกมารอด้านข้าง

พอได้เครื่องดื่มที่สั่งไว้ ประกอบด้วย คาปูชิโน่เย็นหนึ่งแก้วใหญ่และจานขนมอีกประมาณ 3-4 อย่าง ผมก็เดินนำไอ้มิวกลับมาที่โต๊ะ
ถือของกินกันเต็มมือขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่ามันไปหิวโหยมาจากไหน
มาถึงที่โต๊ะพากันวางจานขนมเสียงดัง รอบนี้นายเพชรเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้มิว
 
“สวัสดีครับ” คนที่นั่งอยู่ก่อนกล่าวทักทายคนมาใหม่

นายนั่นส่งยิ้มให้มิวอีกครั้ง พร้อมกับที่ไอ้มิวตอบรับ “ดีครับ เรามิวนะ”

“เราเพชรครับ” 
มีมารยาทก็เป็นแฮะ แล้วทำไมทีกับผมถึงได้ถ่อยจังวะ!

“ดี รู้จักกันละเนอะ” ผมพูดแทรกพร้อมเบะปากแล้วนั่งลง สองคนนั้นพยักหน้ารับ

“แล้วคู่ของมิวล่ะ” นายเพชรเป็นฝ่ายถาม

“ของเราแยกกันทำอ่า แบ่งงานกัน แล้วก็ส่งสไลด์ใน Google Drive อ่ะ”

คำตอบของไอ้มิว ก็ทำให้ผมสะบัดปลายจมูก เงยหน้าขึ้นมองมันทันที
“อ้าว คู่มึงแยกกันทำ แล้วทำไมมึงให้กูชวนคู่กูมาวะ”
ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ตอนแรกนึกว่ามันจะพาคู่ของมันมาด้วย

“ก็...
...ก็ กูอยากรู้จักเพชร” ไอ้มิวพูดตอบแล้วขยิบตาให้ผมทีนึง

ผมทำหน้ายักษ์ใส่มันพร้อมกับเบะปากอีกครั้ง “เหอะ”

กูรู้หรอกนะว่ามึงอยากจะมาทำอะไร!
“มาๆ มากินขนมกับกูดีกว่า”

ไอ้มิวยิ้มกว้างแล้วนั่งลงข้างผม ก่อนจะแจกจ่ายขนมให้ผมกับนายเพชร แต่ก็ไม่มีใครสนใจกินกับมันหรอกครับ ปล่อยให้มันแดกไปอย่างเงียบๆ ระหว่างนั้นผมกับนายนั่นก็ทำงานกันต่อ



พักใหญ่เลยกว่าไอ้มิวมันจะกินเสร็จ
พอกินอิ่มเท่านั้น มันก็หยิบโทรศัพท์ที่เสียบสายชาร์จกับพาวเวอแบงก์ขึ้นมา
แล้วกดหน้าจอเข้าเกมส์เกมส์นึงที่ทำให้นายเพชรฝั่งตรงข้ามหูตั้งทันที
...สุดท้ายไอ้สองคนนั้นมันก็ย้ายไปนั่งข้างกัน แล้วก็ชวนกันเข้าทีม

ดี!!!!!



ครึ่งชั่วโมงที่สองคนนั้นหายเข้าไปในโลกของสงคราม ผมได้โอกาสเสียบหูฟังแล้วฟังเพลงไปด้วยระหว่างทำงาน
รู้สึกเพลินกว่าเยอะ พอนายเพชรกลับมา ผมก็ทำงานจนจวนจะเสร็จแล้ว

“คุณสุดยอดอ่า ใกล้เสร็จแล้ว” คนตรงข้ามที่เดินมานั่งข้างผมพูดขึ้นพร้อมกับถอดหูฟังผมออก

“เออดิ” ผมพูดตอบไปอย่างไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาทำ แล้วเพ่งหน้าจอแต่งสไลด์ต่อ
พอได้อยู่ในโลกของการตกแต่ง Presentation แล้ว มันก็เพลินดีเหมือนกัน

“มาเดี๋ยวผมทำต่อให้คุณจะได้พัก” ว่าแล้วนายนั่นก็ดึงคอมผมไปไว้หน้าตัวเองเฉย

“มาทำต่อให้กูบ้างดิ กูจะได้พัก”

ผมกำลังอ้าปากด่าไอ้มิว แต่ดันมีคนแย่งพูดซะก่อน
“ไว้กูทำของกลุ่มกูเสร็จ เดี๋ยวช่วยมึงทำ” นายเพชรเป็นคนตอบ

“มึงเยี่ยมมากเพชรเพื่อนรัก”

เดี๋ยวนะ กูงง!! (รอบที่เท่าไหร่ของวันแล้ว) ครึ่งชั่วโมงที่หายไปเล่นเกมส์ กลับมาอีกทีสรรพนามเปลี่ยน แถมยังกลายเป็นเพื่อนรักกันเลยหรอวะ



ระหว่างที่ผมกำลังนั่งมองสองคนนั้นคุยกันด้วยความงง นายเพชรก็อาศัยจังหวะนี้ถือวิสาสะหยิบหูฟังอีกข้างของผมที่เขาเพิ่งถอดออกเมื่อกี้ ไปเสียบใส่หูตัวเอง แถมยังขยับตัวเข้ามานั่งใกล้ๆ ผมอีกด้วย

ผมหันไปค้อนใส่แต่แม่งก็ทำเนียน ไม่รู้ไม่ชี้
ทำเป็นหยิบกาแฟขึ้นมาดูด แล้วย่นคิ้วโฟกัสที่จอคอม!!

พอเหลือบมองอีกทางนึง ไอ้ฝั่งตรงข้ามก็ทำท่าเปิดคอมแต่มันทำลอยหน้าลอยตาส่งสีหน้ายิ้มล้อแบบไม่สบตาผม
เอาที่พวกท่านสบายใจ

นั่งอยู่ใครอยู่มันได้ไม่นาน นายเพชรก็สะกิดไหล่ผมที่กำลังนั่งมองวิวแม่น้ำอยู่
ผมหันไปมองเขา ก่อนที่คนด้านข้างจะเลื่อนคอมมาวางตรงหน้าผมแล้วชี้ที่จอ

‘คุณ..
ฟังเพลงนี้ดิ่’

พออ่านข้อความบนจอในใจเสร็จ นายเพชรก็กดเปลี่ยนเพลง
ผมเอาศอกวางบนโต๊ะแล้วเอามือท้าวคาง พร้อมกับเลื่อนสายตากลับไปมองวิวแม่น้ำต่อ



...อยากรู้จัก อยากให้เธอรู้จัก อยากเป็นคนรักเธอ อยากให้เธอได้หันมอง
แบบว่าฉันคนธรรมดา ไม่่ใจร้าย ถ้าลองได้คบจะดูแลเธออย่างดี

ความรู้สึก เธอคือคนพิเศษ อยากให้ลองรักดู อยากให้รู้ว่ารักเป็น
ก็เลยร้องมาเป็นทำนอง ชา ดี ดา ถ้าได้เป็นแฟนจะดูแลเธออย่างดี

เพราะคิดว่ารักเธอหมดตัว เธอคงต้องใจอ่อน ถ้างั้นฉันถามเธอสักครั้ง

ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์
มารักกับฉันนะเธอ

ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจ เต้นตรงกัน
เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉัน ที่รัก เธอ...



ผมพอจะรู้ว่าคนด้านข้าง นั่งมองผมตั้งแต่เพลงเริ่ม ส่วนผมก็ไม่ได้สนใจเขามาก มองวิวอะไรไปเรื่อย
เพลงที่นายเพชรเปิดก็เพราะดีครับ ชิลดีเข้ากับบรรยากาศ

โชคดีที่ไอ้มิวกำลังโฟกัสอยู่กับงานของมัน เลยไม่ได้สนใจพวกเรามากนัก
ไม่งั้นละก็....

ตอนนี้เพลงจบแล้ว แต่นายนั่นยังมองผมไม่จบ ผมเหลือบมองเขานิดหน่อย แล้วพิมพ์ข้อความลงไปบนจอคอม

‘มองอยู่นั่น...
ทำงานต่อดิ๊!’

ผมสะกิดให้นายนั่นมองจอ แล้วเลื่อนคอมกลับไปตั้งตรงหน้าเขา นายเพชรยิ้มบ้าอะไรไม่หยุด ไม่หย่อน
เสียสติ

เห็นแบบนั้นผมเลยถอดหูฟังออก แล้วหยิบโทรศัพท์ก่อนจะลุกขึ้น กะว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินไปสูดอากาศข้างนอกซะหน่อย
เขามองมาที่ผมทันทีแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ผมชี้มือไปทางแม่น้ำเป็นการบอกเขา



“ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์มารักกับฉันนะเธอ”

“เพลงไรวะ ติดหูจัง” ผมบ่นกับตัวเองหลังจากที่ยืนฮัมเพลงอยู่ริมน้ำมาสักพัก
ลมเย็นๆ กับวิวสวยๆ ตอนพระอาทิตย์ใกล้จะตกแบบนี้ก็รู้สึกดีไปอีกแบบ

ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอัพ IG Story ซะหน่อย มือขวากดชัตเตอร์ถ่ายภาพวิวแม่น้ำแล้วก็พิมพ์แคปชั่นสั้นๆ
แล้วผมก็เปลี่ยนใจ ลบภาพนั้นออก ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปมองร้านกาแฟ

ถ่ายรูปวิวร้านกาแฟ ที่มีคนเสื้อฟ้านั่งอยู่ติดกระจก แล้วใส่แคปชั่น
พร้อมกับกดอัพลง IG ปกติแทน

‘ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน’



วันจันทร์ - 11:45

กลุ่มของผมได้นำเสนองานเป็นกลุ่มสุดท้าย ตอนนี้ผมกับนายเพชรยืนถือไมค์กันคนละตัวอยู่หน้าห้อง เราตกลงกันว่าผมจะเป็นคนพูดเปิดแล้วก็นำเสนอในส่วนแรก ส่วนนายเพชรจะนำเสนอในส่วนหลังไปจนถึงพูดปิด

“กลุ่มของเราคือกลุ่มหงส์ครับ...
…เราสองคนจึงเลือกที่จะไปเที่ยวที่วัด
ที่มีชื่อว่า วัดหงส์รัตนาราม” ระหว่างที่ผมพูด นายนั่นก็ช่วยกดสไลด์ให้เรื่อยๆ

“ในส่วนของผมนะครับ จะเล่าถึงความเป็นมาของวัดนี้ครับ”
ทันทีที่ผมพูดจบ คนด้านข้างก็พูดต่อ และทันทีที่เขาเริ่มพูด
เสียงทุ้มๆนั้นก็เรียกสายตาของเพื่อนในห้อง ให้มองมาหน้าห้องได้อย่างไม่น่าเชื่อ
.
.
“สุดท้ายนี้ ก็เป็นภาพบรรยากาศที่ผมเก็บมาฝากทุกคนนะครับ”

เหมือนกับว่าเมื่อวาน เราจะไม่ได้ทำสไลด์ในส่วนนี้กัน แล้วทำไมจู่ๆ ถึงมีส่วนของภาพบรรยากาศเพิ่มเข้ามาวะ??
จะเพิ่มอะไร ทำไมไม่บอกกันเลย!!

ทันที่นายเพชรกดสไลด์โชว์ภาพขึ้นมา ผมก็เบิกตากว้าง แล้วตกใจในระดับนึง ภาพผมที่ถูกแอบถ่ายจากด้านหลัง ตั้งแต่ตอนเดินเข้าวัด
ตอนไปนั่งสมาธิ
ตอนไปที่บ่อน้ำมนต์
จนถึงตอนสุดท้ายที่เดินออกมา

คนด้านข้างพูดบรรยายภาพผมไปเรื่อยๆ และดูเหมือนคนในห้องจะชอบเสียด้วย
เป็นอย่างนั้นก็ดีแล้วครับ หวังว่ามันคงไม่มีอะไรเซอร์ไพร้ส์
ผมยิ้มกว้างให้เพื่อนในห้องที่ฮือฮากับรูปถ่าย แล้วแอบหันไปมองจิกนายนั่น

“เอาล่ะครับ มาถึงภาพสุดท้ายของกลุ่มเรานะครับ”

เขาพูดกับอาจารย์และเพื่อนในห้อง ก่อนจะหันมามองผม
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หวังว่ามันจะไม่มีอะไรที่ทำให้ต้องขายหน้า
นายเพชรกดเลื่อนสไลด์ถัดมา โชว์ภาพบนหน้าจอ

“...เพราะหงส์มันต้องอยู่เป็นคู่” เขาพูดออกไมค์ แต่ตามองมาทางผม

ภาพที่เขายกกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่ ขณะกำลังเดินออกจากวัด
ผมเพิ่งได้เห็นภาพนี้เป็นครั้งแรก หน้าของผมกับเขาใกล้กันมาก
คนด้านข้างยิ้มกวน ส่วนผมกำลังทำหน้าเหวอ

เสียงกรี้ด ฮือฮา ดังทั่วห้อง แหงสิครับ รูปมันดูซะขนาดนั้น

“ขอบคุณมากครับ”
แล้วนายเพชรก็พูดปิดการนำเสนอ พร้อมกับจูงแขนผมที่ยืนนิ่งอยู่บนเวทีลงมา
หลังจากนำเสนอเสร็จ ผมก็ถือกระเป๋า สะบัดตูดออกจากห้องทันที
.
.
.
.
.
.

20:12

และแน่นอน ตกเย็นภาพคู่ที่อยู่บนสไลด์ก็ถูกคนในห้องถ่ายไป แล้วส่งให้เพจ

‘ชี้เป้าคนหล่อในมหา’ลัย’
ด้วยแคปชั่นที่ว่า ‘มันชักจะมีอะไรในกอไผ่’
วีรินทร์ BBA ปี 3 , เพชร วิศวะ ปี 3

ทันทีที่ผมเห็นภาพ ไอ้มิวก็โทรเข้ามาราวกับรู้ หึ!

“มึงเห็นรูปในเพจรึยังจ๊ะคนสวย”เสียงกวนตีนพูดส่งมา

“เห็นแล้วสัส ฝีมือมึงใช่มั้ย” ผมพูดถามเสียงแข็ง

“อะไร๊ กูไม่รู้เรื่อง....”

“เชี่ยมิว มึงแม่ง”

“กูอะรายยยยยยครับ ว่ามาซิ”

“กูรู้นะ ว่ามึงแอบไปสนิทกับเพชร”

“หื้มมม เดี๋ยวนี้เรียกชื่อด้วยเว้ย เอาเว้ยเพื่อนกู”

“กูยังเป็นเพื่อนมึงอยู่หรอสัส กูนึกว่ามึงกลายเป็นเพื่อนแม่งไปแล้ว”

“โถถ ทำน้อยใจกูไปได้เพื่อน กูแค่จะโทรมาแซวมึงน่ะ”

“เพ้อเจ้อมึงอ่ะ ทิ้งให้กูมาเรียนมวยคนเดียว แล้วยังปากดี แค่นี้นะกูจะไปต่อยมวย”

ผมกดวางสายของไอ้มิวแล้วไปวิ่งวอร์มร่างกาย ปกติผมต้องมาเรียนกับไอ้มิวถูกมั้ยครับ แต่พักหลังมันชักเหลวไหล ไม่ยอมมาเรียน ปล่อยให้ผมมาคนเดียว

หนึ่งชั่วโมงของคลาสยาวไปจนแทบจะไม่พัก ก็ผมโมโหที่นายเพชรดูเหมือนจะจงใจแกล้งผม แถมยังมีภาพที่ถูกโพลต์ลงเพจนั่นอีก ผมเลยระบายอารมณ์ออกมาด้วยการจัดเต็มในคลาสมวยไปเลย จนครูฝึกถึงกับถามผมในตอนเลิกคลาสว่า

“วันนี้ไปโกรธอะไรมาเนี่ย”

“โกรธไอ้บ้านั่น” ผมพูดตอบครูแล้วชี้ไปยังไอ้คนที่กำลังเรียนอยู่อีกคลาส

“มันทำไรให้ล่ะ จีบเรารึ”

“บ้าหรอครับครู” ผมสะบัดหน้ามองครูหน้ายุ่ง แล้วทำท่างอนเหมือนเด็ก พอสนิทกับครูแล้ว อะไรๆ มันก็ชิลครับ

“ล้อเล่นน่า แต่ทำไมทำหน้าจริงจังขนาดนั้น...เอ๊ะ หรือว่าเขาจีบลูกศิษย์ครูจริงๆ”

“ถ้าครูยังไม่เลิก ครั้งหน้าผมจะเปลี่ยนคนสอนนะครับ” ผมขู่กลับบ้าง

“เห้ยๆ ไม่ได้นะ โหดเว้ยไอ้เด็กคนนี้ ครูไม่กวนละ ไว้เจอกันครั้งหน้า”

“สวัสดีครับครู” ผมยกมือขึ้นไหว้ ส่วนครูก็ตบไหล่ผมปุๆ

สายตาผมหันกลับมามองไอ้คนที่เรียนเบสิคมวยไทยอีกครั้ง
ดูแล้วสกิลต่อยมวยของนายนั่นยังห่างกับผมมาก
เซ็งเว้ย จะเจอกันอะไรทั้งวี่ทั้งวัน! ว่าแล้วผมก็สะบัดหน้าหนี แล้วเดินไปที่ห้องอาบน้ำ



วันนี้ผมอาบน้ำไม่นานเพราะอยากรีบกลับ ไม่อยากจะอยู่นี่นานเท่าไหร่ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบเดินมาที่ลานจอดรถเพื่อขึ้นรถจะขับกลับคอนโด แต่พอเห็นรถสีขาวที่จอดอยู่ข้างบีเอ็มดับบลิวคันสีแดง ก็รู้สึกหงุดหงิดในใจขึ้นมามากกว่าเดิม รถของพี่ภัทร แฟนเก่าผมที่เพิ่งมาโวยวายเมื่อไม่กี่วันยังไงล่ะครับ  เดินยังไม่ทันจะถึงรถ คนที่นั่งอยู่ในรถสีขาวก็เปิดประตูแล้วเดินตรงเข้ามาหาผม

“อะไรอีกครับ” ผมว่าไปอย่างหงุดหงิด

“พี่จะมาขอคืนดีกับหงส์” พูดจบเขาก็เดินเข้ามาจับแขนผม

ก็อารมณ์ไม่ค่อยดีมาทั้งวันแล้ว กะจะมาต่อยมวยให้หายหงุดหงิดซะหน่อย
แต่ดันมาเจออะไรแบบนี้เข้า ผมก็เบรคแตกเหมือนกัน

“พี่แม่งพูดไม่รู้เรื่องว่ะ” ผมพยายามสะบัดมือของพี่ภัทรออก

แต่ยังไม่ทันจะได้ออกแรง พี่ภัทรก็ปลิวออกจากตัวผม
ด้วยแรงผลักของคนที่มาใหม่

‘นายเพชร’

“เห้ย อะไรของมึงวะ” พี่ภัทรพุ่งเข้าใส่นายนั่นทันทีที่ตั้งหลักได้

“แล้วมึงอะไร” นายเพชรนั่นก็ไม่ยอม กระชากคอเสื้อพี่ภัทรเต็มกำมือ
แล้วสองคนนั้นก็ซัดกัน

ไม่สิ ต้องเรียกว่านายเพชรกำลังโดนพี่ภัทรซัดเข้าให้ ผมยืนกุมขมับ แล้วถอนหายใจกับภาพตรงหน้า
พร้อมกับถามตัวเองว่า ‘แล้วพวกมึงสองคนนี้อะไร’

แต่ก่อนที่จะมีใครซักคนตาย ผมเลยต้องเข้าไปช่วยนายเพชรก่อน ผมทิ้งสัมภาระลงพื้นแล้วกระโดดเข้าไปห้าม
“เห้ย พี่ภัทรหยุด” พูดแล้วไม่ยอมหยุด เลยต้องออกแรง ดึงตัวพี่ภัทรออกมา
แล้วศอกใส่ไปทีนึงให้ได้สติ

พี่ภัทรกุมท้องตัวเอง แล้วขยับไปยืนพิงรถ ส่วนนายเพชรนอนกุมหน้าอยู่ที่พื้น

“พี่ภัทรกลับไปเถอะครับ แค่นี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว” ผมพูดไล่ ก่อนจะเดินไปประคองนายเพชรให้ลุกขึ้น “เป็นไงบ้างคุณ”

ผมประคองนายนั่นขึ้นไปนั่งบนรถ แล้วเดินกลับมาหยิบสัมภาระที่โยนทิ้งไว้เมื่อกี้แล้วใช้ผ้าเช็ดตัวซับเลือดให้เขาไปก่อน
ระหว่างนั้นพี่ภัทรก็ขับรถออกไปอย่างเร็ว ผมมองตามแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว

แล้วหันกลับมาจ้องหน้านายเพชร พร้อมกับชี้นิ้วอย่างคาดโทษ เอาเถอะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาต่อว่าใคร ผมต้องรีบขับรถพาเขาไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด



ระหว่างที่นายเพชรเข้าไปทำแผล ผมก็โทรหาไอ้มิวเล่าเรื่องให้มันฟัง แล้วก็บอกให้มันไปจัดการพี่ภัทรให้ผมด้วย ก็ไม่รู้ว่ามันจะจัดการยังไงหรอกครับ บอกไปงั้น

ครู่ใหญ่...นายเพชรก็เดินออกมาในสภาพสะบักสะบอม มีผ้าก๊อซแปะบนใบหน้า
เห็นละหงุดหงิดไม่หาย

เขาเดินเข้ามานั่งข้างผม ในระหว่างนั่งรอรับยาก็ไม่มีใครพูดอะไรกัน
จนสุดท้ายนายนั่นก็เป็นคนพูดขึ้นมาก่อน

“คุณชื่อเล่นว่าหงส์หรอ” ผมเหลือบมองคนด้านข้างหน้านิ่ง เจ้าของใบหน้าที่แสนจะสะบักสะบอมส่งยิ้มมาให้

“ใช่เวลาเล่นป่ะ” ผมพูดเสียงนิ่งใส่ คนด้านข้างหุบยิ้มแล้วหลุบตามองพื้น “ทำไมต้องพุ่งตัวเข้ามายุ่ง”
ถ้านายเพชรไม่เข้ามา เราสองคนก็คงไม่ต้องหอบกันมาโรงพยาบาล

“ ก็ไอ้นั่นมันรังแกคุณ” เขาพูดตอบเสียงนิ่ง

“แล้วเป็นไง สู้เค้าได้มั้ยล่ะ......ไม่เป็นมวย แล้วยังไปหาเรื่องชาวบ้าน”
ผมนั่งจ้องนายนั่นราวกับกำลังพิพากษาความผิด ลำพังตัวผม ทำไมผมจะเอาตัวรอดจากพี่ภัทรไม่ได้
นี่ดันพาคนอื่นมาซวยด้วย เฮ้อ

พ่อฮีโร่หน้าแหก!!

คนที่ถูกจ้องอยู่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยแววตาเศร้า

“ไม่เอาแบบนี้แล้วนะเว่ย เพชร!!”

ผมพูดจริงจัง

แต่ทันทีที่พูดจบ นายนั่นกลับยิ้มกว้างออกมา แววตาเศร้าเมื่อครู่ มีประกายวิบวับ
ผมพูดอะไรผิดไปตรงไหนวะ!

“คุณว่ายังไงนะ” เขายิ้ม ทั้งที่กำลังเจ็บตัว และกำลังโดนผมด่านะเว่ย

“ไม่เอาแบบนี้แล้วนะเพชร” ผมพูดบอกอีกครั้งด้วยเสียงที่แข็งขึ้น แล้วนั่นก็ทำให้เขายิ้มกว้างออกมากว่าเดิม

“อยากให้คุณเรียกผมแบบนี้บ่อยๆ ว่ะ”

“ฮะ” คำพูดของเขาทำให้ผมไม่ค่อยเข้าใจ


“คุณ…
…ผมจีบคุณนะ”



นิ่ง

คำพูดของเขาทำให้ผมนิ่ง
นิ่งอยู่นาน จนเจ้าของดวงตาดำแต่ช้ำเพราะโดนต่อยขยับเข้าใกล้มากๆ แต่ผมกลับไม่ขยับหนีไปไหน

เขามองจ้องมาที่ผม มันดูจริงจัง จนทำให้ผมไม่กล้าคิดว่า เขากำลังพูดเล่นอยู่รึเปล่า
ผมไม่มั่นใจว่าตัวเองควรแสดงท่าทียังไง


ท้องไส้ผมปั่นป่วน
แต่ก็อย่างว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาพูดอะไรแบบนี้

ผมเลยเรียกสติได้เร็วหน่อย คิดได้ปุ๊ปก็เสยผมตัวเองแก้เขินปั๊บ

จะเรียกว่าเขินก็ไม่ใช่ป่ะวะ แค่ทำตัวไม่ถูก

เรียกว่าอึ้ง ละกัน


“ผมอยากได้ยินคุณเรียกผมว่าเพชรบ่อยๆ” เขาพูดประโยคนี้ออกมาอีกรอบ

แต่มันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับการจะจีบอยู่ดี
เอาเถอะ เลิกอึ้ง


ผมคว้ากระเป๋ามาสะพายไว้บนไหล่แล้วลุกเดินออกมา
พร้อมกับเสยผมตัวเองเรียกความมั่นใจอีกรอบ

ได้ยินเสียงนายเพชรรีบวิ่งตามมา
แต่ก็นั่นแหละครับ
ผมเลือกที่จะไม่หันกลับไปสนใจเขาเหมือนทุกครั้ง


**To Be Continued**

เอาแล้ว พ่อพระเอกของเรา ฮีโร่เว้ยงานนี้ แต่ฮีโร่หน้าแหก
ไม่เป็นมวยแต่ดั๊นเข้าไปช่วยเค้า 55555 ทั้งสงสารทั้งเอ็นดู
ออกตัวแรงซะขนาดนี้ วีรินทร์จะต้านอยู่มั้ยลูก เอ๊ะ หรือหนูแอบมีใจให้เพชรไปแล้วน๊าา

><
หัวข้อ: Re: THE SWAN +* เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ *+ ตอนที่ 6 : Jeep ,, 30/07/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: เปลว แว๊บแว๊บ ที่ 30-07-2017 03:30:43
ฮืออออ น่ารักมาเลยค่ะ รอตอนต่อไปนะ สนุกมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: THE SWAN +* เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ *+ ตอนที่ 6 : Jeep ,, 30/07/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-07-2017 07:24:30
ที่จริงก็หวั่นไหวอยู่ลึก ๆ (แบบลึกมากกก) สินะหงส์ ฮา
หัวข้อ: Re: THE SWAN +* เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ *+ ตอนที่ 6 : Jeep ,, 30/07/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 30-07-2017 10:39:44
ฮืออออ น่ารักมาเลยค่ะ รอตอนต่อไปนะ สนุกมากๆๆๆๆ


เย้ๆๆ ขอบคุณที่ติดตามนะค้าบบ  :impress2:
หัวข้อ: Re: THE SWAN +* เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ *+ ตอนที่ 6 : Jeep ,, 30/07/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 30-07-2017 12:49:07
พระเอกน่ารัก ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: THE SWAN +* เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ *+ ตอนที่ 6 : Jeep ,, 30/07/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 30-07-2017 14:41:15
ที่จริงก็หวั่นไหวอยู่ลึก ๆ (แบบลึกมากกก) สินะหงส์ ฮา

55555 ลึกมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: THE SWAN +* เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ *+ ตอนที่ 6 : Jeep ,, 30/07/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 30-07-2017 17:45:18
พระเอกน่ารัก ชอบอ่ะ

  :mew1: :mew1:

รักเพชรน้อยๆ แต่รักนานๆน้าา
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 6 : Jeep , 30/07/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 31-07-2017 22:45:51
เข้ามาเป็นกองหนุนพ่อพระเอกค่ะ สู้นะเพชรเอ้ย :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 6 : Jeep , 30/07/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 01-08-2017 01:09:33
หงส์  สวย รวย หยิ่ง ชอบอ่ะ ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบสังคม รวมทั้งรั่ว บู๊เก่งด้วย รวมเป็นหงส์ได้น่ารักมาก ส่วนเพชรก็น่ารัก ที่สู้ด
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 6 : Jeep , 30/07/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 01-08-2017 21:06:36
เข้ามาเป็นกองหนุนพ่อพระเอกค่ะ สู้นะเพชรเอ้ย :laugh:

เย้ เพชรมีกองเชียร์แล้ววๆๆๆๆ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 05-08-2017 22:17:31
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 7
Smile
 

15:45

“ใจคอมึงจะไม่ไปเยี่ยมไอ้เพชรหน่อยหรอวีรินทร์”
“แล้วใจคอมึงจะพูดประโยคนี้อีกกี่รอบ”
“กูก็จะพูด จนกว่ามึงจะยอมไปเยี่ยมไอ้เพชรอ่ะ”
“ทำไมกูต้องไป”
“ก็เพชรมันปกป้องมึงนะเว่ย มันถึงต้องเจ็บตัวแบบนี้”
“กูก็พาไปโรงพยาบาลแล้วไง”

บทสนทนาประโยคเดิมๆ ระหว่างผมกับไอ้มิว ที่มันบังคบให้ผมไปเยี่ยมนายเพชรตั้งแต่เมื่อวาน
มาจนถึงวันนี้ช่วงหลังเลิกเรียน มันก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ
วิชาช่วงบ่ายของวันพุ​ธเป็นวิชากฏหมายเพื่อธุรกิจเบื้องต้น (Intro Business Law) ครับ
ถ้าถามว่าปวดหัวกับการจำกฏหมายในห้องเรียนมากแค่ไหน
ต้องบอกว่าปวดหัวกับคำพูดของไอ้มิวหนักมากกว่านั้นสองเท่า
ตอนนี้ผมเลยได้แต่สาวเท้าเดินหนีมันไป
แต่คนอย่างไอ้มิวไม่มีทางที่มันจะละทิ้งความพยายามง่ายๆ
มันวิ่งตามผมแล้วมาพูดกดดันผมต่อ

“แต่มึงควรแสดงน้ำใจมากกว่านี้นะเว่ยหงส์...อย่างน้อยเพชรมันก็จีบมึงอยู่”
“ให้กูไปเยี่ยมคนที่จีบกูอยู่ ว่างั้น”
“เอ๊า เออๆ ก็ถ้าไม่ไปในฐานะคนที่ถูกจีบ ก็ในฐานะเพื่อนร่วมโลกก็ได้”
“มึงนี่คะยั้นคะยอกูจังเลยนะมิว”
“ก็เออดิ กูเชียร์คนนี้”
“บ้าบอ”

“มึงจะไปดีๆ หรือจะให้กูอุ้มไป”
พูดจบไอ้มิวก็เดินมาขวางหน้าผมไว้ มันมองมาอย่างจริงจัง จนผมแอบขำ
“แน่จริงก็อุ้ม” ผมท้ามัน
ไอ้มิวไม่รอช้า ย่อตัวลงทำท่าจะอุ้มผมจริง ผมมองมันแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว

“เชี่ยมิว ถ้ามึงจะจริงจังขนาดนี้ กูยอมไปกับมึงก็ได้ สัส”
ผมตบไหล่มันไปทีนึง แล้วผลักตัวมันออก
ได้ยินแบบนั้นไอ้มิวก็ยิ้มตาลุกวาว แล้วก็ปรบไม้ปรบมือชื่นชมผมใหญ่
นายเพชรคงจะดีใจมากกกกก ที่รู้ว่าผมไปเยี่ยมเขาเพราะถูกเพื่อนบังคับไป

แต่จะว่าไปหลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ได้ถามไถ่อะไรนายเพชรอีกเลย
ส่วนเขาก็เงียบไป ไม่ได้ไลน์หรือโทรมาบ่นอะไรให้ผมรำคาญอีก
ก็แอบรู้สึกว่านายนั่นหายไปเหมือนกัน


ผมกับไอ้มิวเดินมาขึ้นรถโดยสารภายในมหาวิทยาลัยจากหน้าคณะบัญชีเพื่อไปลงที่คณะวิศวะ แต่ช่วงเวลานี้คนจะเยอะหน่อย
เราสองคนเลยได้ยืนเบียดกันอยู่ที่ริมประตู
จะว่าไปก็ไม่ค่อยได้ใช้บริการรถโดยสารนี่สักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ผมจะขับรถไปไหนมาไหนมากกว่า
แต่วันนี้เดินทางข้ามคณะอยู่กันไม่ไกลนักเลยขึ้นลองดู
เบียดเสียดอยู่ประมาณ 5 นาที รถก็วิ่งช้าๆ มาจอดหน้าคณะวิศวะ
ผมถูกไอ้มิวผลักให้ลงแล้วมันก็เดินตามลงมา

“ตามกูมา” ไอ้เพื่อนตัวดีพูดบอกขณะที่ผมกำลังยืนมองตึกวิศวะอย่างสำรวจ
“มึงรู้หรอว่าต้องไปตรงไหน” ก็ตอนที่ตอบรับไอ้มิวว่าจะยอมมา
แอบคิดในใจว่ามันคงพาผมมารอมั่วๆ ซั่วๆ ยังไงก็คงไม่ได้เจอนายเพชรหรอก
แต่หน้าไอ้มิวตอนนี้ มันดูเหมือนมีจุดหมาย แถมยังเดินนำผมดุ่มๆ
“รู้สิ กูรู้ว่าไอ้เพชรเรียนห้องไหน”
แย่ละ!!


ระหว่างทางเดินเข้าคณะวิศวะมีสวนหย่อม แล้วก็มีโต๊ะให้นิสิตนั่งเล่นหลายโต๊ะ
ทำให้มีคนมองผมบ้าง ไม่บ้างสิ เรียกได้ว่าเยอะพอสมควร
นิสิตที่นั่งอยู่แถวนี้ก็หันมองผมกันทั้งนั้น
ก็เวลาถูกคนมอง มันดูออกไม่ยากนิครับ บางคนสะกิดเพื่อนเลยก็มี
ผมค่อนข้างชินแล้ว เลยไม่ค่อยประหม่าเท่าไหร่
มีบางคนยิ้มให้ ผมก็ยิ้มรับตามมารยาท
พวกเขาอาจจะเคยเห็นผมจากเพจต่างๆ หรือไม่ก็ฟอลโล่ไอจีผมอยู่ก็เป็นได้
และมันคงจะไม่แปลกที่จะมีคนเข้ามาทักทาย

“น้องวีรินทร์ครับ พี่ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยครับ”
ผู้ชายร่างท้วมสวมเสื้อช็อป ไว้หนวดไว้เคราเดินเข้ามาหาผม
เขาทำให้ผมหยุดเดิน และไอ้มิวที่เดินนำอยู่ก็หันกลับมาแล้วยิ้มเผล่
“ได้ครับ” ผมยิ้มให้พี่เขาและพยักหน้ารับ
แล้วพี่เขาก็เดินมายืนด้านข้าง พร้อมกับยกมือถือขึ้นมาเซลฟี่
“พี่ขอมินิฮาร์ทด้วยนะ” ว่าแล้วพี่แกก็ยกมือขึ้นทำท่ามินิฮาร์ท
ขอขนาดนี้ผมก็คงต้องยกขึ้นมาทำตามบ้างครับ

ถ่ายรูปกับพี่แกไป 4-5 รูป ผมก็ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณ แล้วขอตัวเดินต่อ
ส่วนไอ้มิวก็แซวผมตามประสา
“ฮอทจริงๆ นะมึงงงงง”
“แน่นอน มึงลืมหรอว่ากูใคร” ผมยักคิ้วให้มัน
ส่วนมันก็ส่ายหน้าให้ผมแล้วแดกดัน “ค่ะ วีรินทร์คนสวย ที่ใครๆ ก็หลงรัก”


ไอ้มิวก็เดินนำผมมาที่บริเวณลิฟต์ ก่อนจะกดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้น 7
“มึง เราต้องขึ้นไปถึงหน้าห้องเลยอ่อ”
“ใช่ดิ่ เดี๋ยวมึงไม่เจอเพชรทำไง”
“เฮ้อ บ้าบอ” พูดได้แค่นี้แหละครับตอนนี้

ผมเลิกสนใจไอ้มิวแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเล่นไปเรื่อย
จะว่าไปวันนี้แทบจะยังไม่ได้จับโทรศัพท์เลย มิวมันคงกลัวว่าผมจะเล่นมือถือละเดินหลง
เลยเอามือมาจูงแขนผมแล้วเดินนำไปตรงเก้าอี้แถวหน้าห้องเรียน

ระหว่างนั้นผมก็เข้าไอจีดูภาพแฟชั่นของแบรนด์เสื้อผ้าโน้นนี้ไปเรื่อย
ก่อนที่แอพจะแจ้งเตือนว่ามีคนแท็กภาพเข้ามา ผมกดดูการแจ้งเตือนแล้วยิ้มขำออกมาเบาๆ

“มึงๆ พี่คนเมื่อกี้อัพรูปแล้วว่ะ” ว่าแล้วก็ยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้คนข้างๆ ดู
ไอ้มิวที่กำลังตอบไลน์ใครสักคนอยู่ เงยหน้าขึ้นมาแล้วขำก๊าก
“เชี่ยย น่ารักสัส” มันอุทานออกมาแล้วตบไหล่ผมปุๆ

ภาพมินิฮาร์ทเมื่อครู่ ถูกพี่แกเอาไปแต่งเพิ่มใส่มงกุฏราชินีให้ผม
แล้วใส่หมวกลายเสือดาวให้ตัวเอง ตรงนิ้วรูปมินิฮาร์ทถูกเติมลงด้วยหัวใจสีแดง
แถมยังมีขีดสีชมพูสองขีดเหมือนกับเขินเติมเข้ามาที่ข้างแก้มของทั้งคู่ด้วย
“ชื่อไอจีอ่านว่าไงวะ” ดูรูปเสร็จผมก็มาสะดุดกับชื่อไอจีพี่แก

‘kumpun_beawbeaw_cutecute’
 
“คำปุณ เบี้ยวเบี้ยว คิ้วคิ้ว หรอวะ”
ผมอ่านแล้วหันไปมองไอ้มิวที่กำลังพยายามสะกด
“เบี้ยวแล้วมันคิ้ว ยังไงอ่ะมิว”
“กำปั้น แบ๊วแบ๊ว คิ้วคิ้ว รึป่าวมึง”ไอ้มิวพูดบอกผม ซึ่งก็น่าจะใช่แบบที่มันว่า
“เออ เมคเซ้นส์” พูดจบผมก็กดไลค์แล้วเม้นภาพยิ้มตอบกลับไป


ระหว่างนั้นประตูห้องสโลปใหญ่ก็เปิดออก พร้อมกับนิสิตวิศวะนับร้อยเดินกรูกันออกมา
โหห คนเยอะมาก

ผมรีบเก็บโทรศัพท์เข้าไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบกระเป๋าหลุยส์สะพายบ่นบ่า
ส่วนไอ้มิวลุกขึ้นชะเง้อมองนายเพชรคอยาวเป็นยีราฟแล้ว

“มึง คนเยอะมาก กลับมั้ย” ผมสะกิดแขนเพื่อนแล้วชวนมันกลับ
ไอ้นั่นตีแขนผมแล้วเหลือบมองมา “กลับบ้าอะไร มาถึงขั้นนี้ละ”
“คนมองกูอ่ะ”
“มึงสวย”

สวยบ้าสวยบออะไร มานั่งอยู่หน้าห้องเรียนเขา แถมยังมาจากคณะอื่นกันอีก
ไม่มองสิแปลก แถมบางคนก็ยิ้มให้อีกแล้ว

ไหนบอกว่าไม่ประหม่าเวลาคนมองไง ว่าแล้วผมก็ฮึบเรียกความมั่นใจ
แล้วยิ้มอ่อนๆ ตอบพวกเขาไป
ในใจตอนนี้เริ่มรู้สึกหวั่นๆ
นายเพชรจะต้องหลงตัวเองขั้นสุดแน่ๆ ที่ผมมาหาถึงที่คณะ

ไอ้มิวนะไอ้มิว!


“เจอแล้วๆ” ไอ้มิวสะกิดแขนผมอีกรอบแล้วชี้ไป
นายเพชรกำลังเดินออกมาทางนี้
ท่ามกลางนิสิตนับร้อย

ไอ้มิวก็เสือกตะโกนออกมาเสียงดัง

“เพชร วิศวะปี 3 ครับ หงส์ BBA ปี 3 มารอค้าบบบบ”


เท่านั้นแหละครับ ร้อยทั้งร้อยหันพรึ่บมาทางนี้เป็นตาเดียวกันทันที!!
“ฮิ้วววววววววววววววววว” พร้อมกับเสียงแซวที่ดังขึ้น


นายเพชรคอตั้ง มองออกมาตามเสียงเรียก พอเขาเห็นผมเขาก็ยิ้มกว้าง
ส่วนไอ้มิวตัวดีมันอาศัยจังหวะที่ผมเอ๋อ หยิบกระเป๋าตัวเองบนเก้าอี้
แล้วแม่งก็วิ่งลงบันไดหนีไฟที่อยู่ไม่ไกลหายตัวไป
ทิ้งให้ผมตกเป็นเป้าสายตานิสิตวิศวะนับร้อยอยู่คนเดียว
 
รู้สึกตัวชาอย่างบอกไม่ถูก

นายเพชรรีบวิ่งเข้ามาหาผม เป็นจังหวะที่ผมได้สติพอดี


ผมสาวเท้าเดินหนีออกมาจากตรงนั้น
จนมาถึงบริเวณประตูบันไดหนีไฟที่ไอ้มิวตัวดีมันเปิดค้างไว้
ผมเข้ามาข้างในแล้วเดินลงบันไดเพื่อจะไปชั้น 1
ในนี้ร้อนมากครับ แทบจะไม่มีอากาศหายใจ
แต่พอผมได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามมาทางด้านหลัง
นั่นทำให้ผมรีบเดินให้เร็วขึ้น แต่มันก็คงไม่เร็วไปกว่าคนที่วิ่ง


นายเพชรวิ่งมาขวางหน้าผมไว้ เขาเอามือทั้งสองข้างจับไหล่ผมเพื่อไม่ให้ผมหนี
ร่างสูงมองมาที่ผมแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม
ด้านหลังเขามีตัวเลขบอกว่าตอนนี้เราอยู่ที่ชั้น 5

“ยิ้มบ้าไร” ผมมองบนใส่เขาแล้วพูดถามเสียงเหวี่ยง
ทั้งหงุดหงิดที่ไอ้มิวมันตะโกนเรียกคน
แล้วยังต้องมาหงุดหงิดที่นายนี่ลอยหน้าลอยตาใส่แบบนี้
“ยิ้มให้คุณไง” นายนั่นพูดตอบ ก่อนจะสบตาผมแล้วก็ขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น

“ไม่ต้องมายิ้ม...”
“ก็บอกให้หยุดยิ้มแบบนี้ไง”   
ทำไมเขาต้องมองผมด้วยสายตาแบบนี้ แถมยังยิ้มแบบนี้อยู่อีก
โดนด่าแล้วยังไม่รู้ตัวหรือไง...

“เพชร บอกให้หยุดยิ้ม แล้วก็เลิกมองเราด้วยสายตาแบบนี้”
ผมตวาดเสียงดังใส่เขา
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย แถมยังทำหน้าตากวนตีนตอบด้วย
“วันก่อนผมบอกคุณว่า ผมอยากให้คุณเรียกผมว่าเพชรบ่อยๆ”
เขาพูดเสียงนุ่ม แล้วขยับหน้าลงมาใกล้ผมมากขึ้น
นายเพชรจ้องตาผม ส่วนผมก็ไม่หลบสายตาเขาแถมยังมองตอบ
ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่ะ

คนที่สูงกว่าไม่ทิ้งระยะให้ผมได้ใช้ความคิดนาน แล้วเขาก็พูดต่อ
“วันนี้ผมจะบอกคุณว่า เวลาคุณเขินแล้วแม่งโคตรน่ารัก”
พูดจบคนตรงหน้าก็ขยับตัวเข้ามาจนชิด
มือหนาที่จับไหล่เอาไว้เปลี่ยนมาเป็นโอบเอวผมแทน

ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังกลั้นหายใจ
มือผมสั่น ผมเริ่มเหงื่อแตก
มันรู้สึกเหมือนกับว่าหายใจไม่ออก

ผมค่อยๆ หลับตาลงในระหว่างที่นายเพชรกำลังโน้มหน้าเข้ามา
กระเป๋าหลุยส์ที่สะพายอยู่บนไหล่ ถูกทิ้งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก

แล้วทุกอย่างมันก็เงียบสงัดไป

-วิ้ง วิ้ง-



ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมรู้แต่ว่าตัวเองหายใจไม่ออก รู้ตัวอีกที ก็ตอนที่รู้สึกหนาว
“คุณเป็นยังไงบ้าง” 
เสียงทุ้มพูดทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมอง เขาที่นั่งอยู่รีบลุกขึ้นมาแล้วกุมมือผมเอาไว้ ผมมองเขาด้วยความสงสัย
ก่อนจะมองไปรอบๆ อย่างสำรวจ แล้วก็รู้สึกได้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงนุ่ม
ในห้องพยาบาล

“คุณเป็นลม”
ฮะ ผมเนี่ยนะเป็นลม!! ไม่อยากจะเชื่อ ผมร่างกายแข็งแรง ผมออกกำลังกาย
กินอาหารครบ 5 หมู่ พักผ่อนเพียงพอตลอด ทำไมผมถึงได้เป็นลม

“จริงหรอ”
“จริงครับ ผมตกใจแทบแย่ รีบอุ้มคุณมาห้องพยาบาล” นายเพชรยังคงทำหน้าตื่น
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจแล้วหลับตาลง มันรู้สึกปวดหัวยังไงไม่รู้ครับ

“คุณพักก่อนนะครับ ถ้าไม่ดีขึ้นเดี๋ยวผมพาไปโรงพยาบาล” นายเพชรพูดพร้อมกับกุมมือผมเอาไว้

ตอนนี้ผมไม่มีแรงจะมาสะบัดไม้สะบัดมือหนีเขาหรอก ครู่หนึ่งผมก็หลับไปอีกครั้ง



20:15

สุดท้ายเขาก็บังคับผมมาโรงพยาบาลอยู่ดีครับ ด้วยเหตุผลร้อยแปดที่เขายกมา
ทำให้ผมปฏิเสธไม่ได้ นายเพชรอาสาขับรถให้ผม แล้วก็พาผมหาหมอเสร็จสรรพ
ตอนนี้เรากำลังรอรับยาและจ่ายเงิน ซึ่งผมกับเขานั่งอยู่ที่เดิมเหมือนวันก่อนเป๊ะ

เดจาวู~

“คุณโอเครึยัง” คนด้านข้างหันมาถามผม
ก่อนหน้านี้เรานั่งเงียบไม่มีใครคุยอะไรกันมาครู่ใหญ่
“ดีขึ้นละ หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากอ่ะ” ผมตอบเสียงเรียบแล้วมองหน้าเขา
นายเพชรแสดงสีหน้ากังวล ถึงแม้ว่าหมอจะบอกว่าผมไม่ได้เป็นอะไรเลย
แต่เขาก็ยังคงทำหน้าแบบนั้น ทำมาตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องพยาบาล
“แน่ใจนะคุณ ว่าดีขึ้นแล้ว”
“อื้มม” ผมพยักหน้าพร้อมกับตอบรับในลำคอ แล้วเราก็พากันเงียบอีกครั้ง
เขาละสายตาจากผม มองลอยๆ ไปยังเค้าน์เตอร์ สีเป็นหน้ากังวล
แต่ผมยังคงจ้องหน้าเขาอยู่

“เพชร”

“ครับ” คนด้านข้างตอบรับ แล้วหันกลับมามองผม
“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย” พอผมพูดจบ เจ้าของใบหน้ายุ่ง ก็ยิ่งทำหน้าทำตายุ่งเหยิงเข้าไปใหญ่
เห็นแล้วมันอยากจะคลายปมบนหน้าเขาออกจริงๆ

ว่าแล้วผมก็ยกมือขึ้น ก่อนจะวางนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ลงบนหัวคิ้วของเขาทั้งสองข้าง
เขามองตามมือผม อย่างคนไม่เข้าใจว่าผมจะทำอะไร

นิ้วเรียวของผมค่อยๆ คลายปมคิ้วของเขาที่ขมวดอยู่ออก แล้วนวดวนไปมา
ผมเพิ่งได้สังเกตรอยช้ำบนหน้าเขา มันจางลงไปพอสมควร แต่ก็ยังทิ้งรอยไว้บ้าง
ต้องมามองใกล้ๆ ถึงจะเห็น ตอนนี้หน้าผมคงเข้าใกล้หน้าเขามากสินะ

คลายปมคิ้วหนาที่ผูกโบว์เสร็จเรียบร้อย ผมก็ละมือออกแล้วส่งยิ้มบางๆ ให้เขา
เจ้าของหน้าคมคลี่ยิ้มส่งตอบกลับมา
แบบนี้ค่อยน่าดูหน่อย

เขาอาศัยจังหวะที่หน้าเราห่างกันไม่มากในการพูดถามผมเสียงเบา
“แล้วว...คุณ...ให้ผมจีบคุณได้รึยัง”

ผมถอยหน้าออกมานิดหน่อย แล้วหุบยิ้มลงพร้อมกับสูดหายใจเข้าเต็มปอด
“ห้ามได้ด้วยหรอ” ผมตอบกลับเสียงเบา ไม่ได้หันไปมองหน้าเขา

พูดจบผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเหมือนครั้งก่อน
.
.
.
แต่ครั้งนี้ผมหันกลับไปมองเขา
ภาพที่เห็นคือเพชรกำกำปั้น แล้วชูขึ้นมาตรงอก เขาดูดีใจมาก
“เยสส!!” 
คนที่นั่งอยู่พูดกับตัวเอง ไม่นานเพชรก็ลุกเดินตามผมมา

ผมเดินนำเขา ส่วนเพชรเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง
รู้ตัวอีกที ผมก็เริ่มรู้สึกเมื่อยหน้า
พอเอามือจับหน้าตัวเองก็สัมผัสได้ว่า...ผมกำลังอมยิ้มอยู่


ระหว่างทางกลับคอนโด ผมกับเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกัน
ไม่ได้พูดอะไรกันเลยจริงๆ ครับ
แต่กลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร

ผมอมยิ้ม แล้วพอเหลือบมองคนที่ขับรถอยู่ผ่านกระจกมองข้าง
ก็เห็นว่าเขากำลังอมยิ้มอยู่เหมือนกัน

อาจจะเป็นเพราะว่าเพลงที่เพชรกำลังเปิดเป็นเพลงที่น่ารักมั้ง
เราสองคนเลยยิ้มตามเพลงไป...

อยากขยับเข้าไปใกล้เธอ อยากรู้จักตั้งแต่ได้เจอ ใจฉันสั่นเมื่อได้ยินเสียงเธอ
ตั้งแต่วันแรกเจอ ก็เผลอเอาไปคิดละเมอ

พอรู้จักก็อยากจะทักทาย แต่พอไม่เจอแล้วใจก็วุ่นวาย เธอหายไปก็ห่วงเธอแทบตาย
จะเป็นเช่นไร ตรงนั้นมีใครดูแลอยู่หรือไม่ ก็ไม่รู้


เพลงคุ้นหูที่มันทำให้ใจเต้นแรงแปลกๆ



ระหว่างทางเขาแวะซื้อโจ๊กให้ผมไว้กินก่อนกินยาด้วย
ไม่นานเพชรก็ขับรถมาส่งผมถึงที่คอนโด

“แน่ใจนะว่าคุณอยู่คนเดียวได้” เขาถามอีกครั้ง ขณะที่ผมมาส่งเขาหน้าล็อบบี้
“ได้ดิ ก็อยู่คนเดียวมาตลอด”
“แต่วันนี้คุณไม่สบาย”
“ดีขึ้นแล้วว”
“ถ้ามีอะไรรีบโทรหาผม โอเคนะ”
“อื้มม” ผมพยักหน้ารับ

“งั้นผมกลับแล้วนะครับ” คนตรงหน้ายกมือขึ้นมาโบกให้ผม
“ว่าแต่จะกลับยังไงอ่ะ”
“ก็แท็กซี่มั้งครับ” เขายิ้ม
“รถคุณล่ะ”
“จอดอยู่มหา’ลัยอยู่เลยครับ”
“จริงด้วย” เพราะเขามารถผมตั้งแต่แรก

“แต่คุณไม่ต้องห่วงผมนะ ผมกลับได้อยู่แล้ว สบ๊าย”
เพชรยกมือขึ้นมาแบออกสองข้าง แล้วส่งยิ้มทะเล้น
“ใครห่วง” ผมมองบนทำไม่รู้ไม่ชี้

“คนแถวนี้แหละครับ...แต่เค้าดันปากแข็งไปหน่อย”
คนตัวสูงกอดอกพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ผม

วันนี้เพชรแกล้งผมด้วยการยืนประชิดตัวหลายรอบแล้ว

ถึงเวลาเอาคืน!

“แล้วคุณเพชรรู้ได้ยังไงล่ะครับ ว่าคนแถวนี้
...ปากแข็ง”
รอบนี้ผมเป็นฝ่ายเดินเข้าหาเขาบ้าง จนเราแทบจะยืนตัวชิดติดกัน
ตอนนี้ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเพชร แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่

“ผม ผม...รู้ก็แล้วกัน” เขาพูดตอบเสียงตะกุกตะกัก

“คุณเพชรจะไม่พูดแบบนี้นะครับ ถ้าคุณเพชร...
…เคย...” ว่าแล้วก็กัดปากแล้วเผยอใส่เขาเสียหน่อย
เพชรยืนตัวแข็งทื่อ แล้วค่อยๆ ขยับออกห่างผม

“พอเลย!” เขาเอานิ้วชี้มาวางบนสันจมูกของผมแล้วพูดเสียงแข็ง
“ป่วยอยู่ไม่ใช่รึไง...
..รีบขึ้นห้องไปพักผ่อนเลยนะ
อย่าลืมกินโจ๊กที่ผมซื้อให้ แล้วกินยาด้วย”
เพชรตัดบท แล้วจับไหล่ผมให้กลับหลังหันแถมยังผลักให้ผมเดิน
ผมยกนิ้วทำท่าโอเคที่ด้านหลังเพื่อตอบเขาไป

“ฝันดีนะคุณ” ร่างสูงด้านหลังตะโกนมา ผมพยักหน้ารับแต่ไม่ได้กลับไปมอง
 

ผมไม่อยากให้เขารู้

...ว่าผมกำลังหุบยิ้มไม่ได้



**To Be Continued**
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-08-2017 23:28:25
แหม ปากว่าไม่ แต่มุมปากยกยิ้มนี่ยังไงจ๊ะแม่คุณ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 06-08-2017 02:46:47
เอาแล้วววว หงส์เริ่มหวั่นไหวพลังอ้อยของชายเพชรซะแล้ว ส่วนเพชรเจอหงส์กัดปากใส่นิดหน่อยใจบางหมดละม้าง

ตอนนี้ขอยกความดีความชอบให้มิว o13
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 06-08-2017 05:02:46
เรื่องน่ารักดี คาแรกเตอร์พระเอกนายเอกน่ารัก เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 6 : Jeep , 30/07/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 06-08-2017 10:32:15
หงส์  สวย รวย หยิ่ง ชอบอ่ะ ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบสังคม รวมทั้งรั่ว บู๊เก่งด้วย รวมเป็นหงส์ได้น่ารักมาก ส่วนเพชรก็น่ารัก ที่สู้ด

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-08-2017 12:48:43
เพชร หงส์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 06-08-2017 16:14:51
น่ารักเน้อะ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 06-08-2017 22:09:48
เพชร หงส์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:


 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 06-08-2017 22:10:35
Baew n cute
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 07-08-2017 00:10:56
น่าร๊ากกกกกกกกก

นายเอกก็หงส์สมชื่อเลย

 :hao7: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-08-2017 03:47:42
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 08-08-2017 18:41:26
แหม ปากว่าไม่ แต่มุมปากยกยิ้มนี่ยังไงจ๊ะแม่คุณ

นั่นสิหงส์ยังไง555
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 08-08-2017 23:15:25
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 09-08-2017 19:17:13
น่ารักเน้อะ

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 09-08-2017 20:58:08
หงส์นางน่ารักกกก เรื่องน่ารักมากค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-08-2017 21:29:45
นายเพชรนี่ก็นะ เวลาที่หงส์รุกนี่แบบ ไปไม่เป็นเลย ^^
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 10-08-2017 17:54:21
น้องหงส์!!!!!!
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 10-08-2017 23:56:27
น่าร๊ากกกกกกกกก

นายเอกก็หงส์สมชื่อเลย

 :hao7: :katai2-1:

ขอบคุณนะค้าบบ ฝากหงส์ด้วยนะค้าบ อิอิ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 7 : Smile , 05/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 11-08-2017 18:57:47
หงส์นางน่ารักกกก เรื่องน่ารักมากค่ะ  :impress2:


ขอบคุณนะค้าบบ ฝากติดตามหงส์ด้วยนะครับ อิอิ
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 8 : Event
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 27-08-2017 20:21:57
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 8
Event


“วันนี้กูไปเรียนไม่ไหวว่ะ มึงมาหากูหน่อยดิ”
“เดี๋ยวตอนเย็น เลิกเรียนแล้วกูเข้าไป...
...มึงอยู่คนเดียวไม่ได้แค่ช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกนิ ใช่ป่ะ”
“อื้ม ใช่”


“แม่อยู่ไหนครับ”
“วีคนี้แม่มาตรวจงานที่ภูเก็ต หนูลืมหรอลูก”
“อ่อ จริงด้วยแฮะ แล้ววีวิศล่ะแม่”
“น้องก็ไปโรงเรียนไง”
“เออ นั่นสิเนอะ”
“วีรินทร์มีอะไรรึเปล่าลูก”
“เปล่าครับแม่ งั้นแค่นี้นะครับ ดูแลตัวเองด้วย”


คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปเลยทำให้ผมหลับสนิททั้งคืนลากยาวมาถึงช่วงเช้า ทันทีที่รู้สึกตัวร่างกายก็ประท้วงอีกรอบด้วยอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว แถมยังรู้สึกมึนหัวเพิ่มมาอีกด้วย ดูเหมือนว่าวันนี้อาการจะแย่ลงกว่าเมื่อวาน

และนั่นทำให้ผมไม่ค่อยอยากอยู่คนเดียวซักเท่าไหร่ ถึงแม้เมื่อคืนจะปากดีบอกว่าอยู่คนเดียวได้ก็เหอะ

ผมโทรหาไอ้มิวให้มันมาอยู่เป็นเพื่อน ซึ่งมันก็คงต้องเข้าเรียนแทนผมที่นอนป่วย มันบอกจะมาหาได้ช่วงเย็น ซึ่งไอ้มิวทำถูกแล้ว มันรู้ดีว่าเวลาผมป่วยจะไม่ค่อยชอบอยู่คนเดียวเท่าไหร่ ยิ่งเวลาที่งัวเงีย ตื่นมาไม่เห็นใครช่วงโพล้เพล้ยิ่งรู้สึกหดหู่

พอโทรหาที่บ้าน แม่ผมก็ไปตรวจงานที่ภูเก็ต ส่วนน้องวีวิศก็ไปเรียน ถ้าจะกลับบ้านตอนนี้ก็มีแค่แม่บ้านกับคนขับรถอยู่ดี
ผมเลยตัดสินใจนอนอยู่ที่คอนโดต่อไป
 
ผมเขวี้ยงโทรศัพท์ออกจากมือ ก่อนจะหลับไปอีกรอบด้วยความเพลีย
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ปวดฉี่ เลยต้องลุกจากเตียงไปฉี่ในห้องน้ำ
อืม ไม่เห็นต้องบอกว่าฉี่ในห้องน้ำ คงไม่มีใครฉี่ที่ระเบียง!
ถ้าวันนี้ผมจะมึนไปบ้างก็คงต้องโทษฤทธิ์ของยาแล้วล่ะครับ


ขากลับจากห้องน้ำผมเดินเหยียบโทรศัพท์เพราะไม่ทันมอง ไอโฟนเครื่องสีแดงนอนแอ้งแม้งอยู่บนพรมขนฟูสีขาว
ว่าแล้วก็ก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาซะหน่อย จากนั้นก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอีกตามเคย
หน้าจอสี่เหลี่ยมบอกเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว มิน่าล่ะเริ่มรู้สึกหิว
ผมจึงโทรสั่งอาหารจากร้านประจำแล้วกำชับให้พนักงานขึ้นมาส่งบนห้องเลย
จากนั้นก็โทรบอกรีเซฟชั่นด้านล่างให้พาพนักงานส่งอาหารขึ้นมาด้วย

เสร็จธุระเรื่องกิน ผมก็กลับมาโฟกัสที่หน้าจอโทรศัพท์ ไม่รู้แอพต่างๆ มันจะเด้งเตือนอะไรมากมาย
ทั้งไอจี ไลน์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ แอพช็อปปิ้ง บลาบลา เห็นแล้วรู้สึกรำคาญอย่างบอกไม่ถูก
เลยโยนเจ้าเครื่องสีแดงให้มันลงไปนอนเล่นที่พื้นอีกรอบ


ทิ้งโลกโซเชียลไปได้ซักพัก ผมก็เปลี่ยนมานอนนิ่งๆ มองตุ๊กตาแบร์บริคที่ยืนเรียงกันอยู่หลายสิบตัวในตู้โชว์ปลายเตียง เห็นแล้วก็หวนนึกถึงความรู้สึกสุขใจตอนที่ได้พวกเขามาครอบครอง เพราะกว่าจะได้มา แต่ละตัวที่วางอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นรุ่นที่หายากทั้งนั้น มันจึงถือเป็นของสะสมที่ผมรักมากที่สุดเลยก็ว่าได้

ระหว่างที่กำลังจะเคลิ้มหลับไปอีกรอบเสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น สงสัยว่าอาหารจะมาส่งแล้ว
ผมเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำแล้วเอามือเสยผมตัวเองให้พอดูได้ ก่อนจะลากสังขารตัวเองเดินไปที่ประตูห้อง

ผมบิดมือจับประตูเพื่อเปิดออก


ทำไมพนักงานส่งอาหารหน้าตาคุ้นจังแฮะ แถมยังยิ้มกว้างอีกด้วย
ตาฝาด!!
ผมคงตาฝาดไป
เป็นไปไม่ได้หรอก


ว่าแล้วผมก็ปิดประตูเข้าไปก่อนเพื่อรวบรวมสติ ผมขยี้ตาตัวเองรัวๆ
ท่าทางจะมึนยาจริงแฮะ
พอมั่นใจว่าตัวเองมีสติแล้ว...
ประตูห้องก็ถูกเปิดออก


เพชรยืนยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้าผม
รอบนี้ไม่ได้ยิ้มแค่อย่างเดียว แต่เขาพูดด้วย

“หวัดดีคุณ”

นี่มันเสียงเพชรชัดๆ
ผมย่นคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
แล้วประตูห้องก็ถูกปิดอีกครั้ง


“เป็นหนักนะเนี่ย” ผมพูดกับตัวเอง
ว่าแล้วก็เปลี่ยนมากดดูจอด้านข้าง เพื่อเช็คว่าคนที่ยืนอยู่ด้านนอกเป็นใครกันแน่
ทันทีที่กดดูจอสี่เหลี่ยมข้างประตู หน้าจอก็ปรากฏหน้าเพชรโชว์หรา

คนด้านนอกยิ้มให้กล้องพร้อมกับโบกมือ
“เพชร” ผมเรียกเขาเพื่อยืนยันว่าใช่จริงๆ
“ครับ” เจ้าของรอยยิ้มกว้างตอบรับ

นั่นทำให้ผมมั่นใจว่า คนด้านนอกคือเขา ไม่ผิดตัวแน่นอน
เขาสวมชุดนิสิตที่ถูกปล่อยชายเสื้อออกมา
แถมในมือยังถือถุงอาหารจากร้านที่ผมสั่งอีกด้วย

ผมกรอกลูกตาไปมาพร้อมกับใช้ความคิด
เพชรมาได้ยังไง เพชรขึ้นมาบนนี้พร้อมถุงอาหารของผมได้ยังไง

เขาจะมาเห็นผมในสภาพนี้ไม่ได้...สวมชุดนอน ไม่ได้อาบน้ำ ผมฟู และหน้าสด
หายนะกำลังมาเยือนวีรินทร์!!
เอาไงดี เอายังไงดี

เสี้ยววินาที ผมตัดสินใจวิ่งเข้าห้องน้ำ แล้วอาบน้ำ สระผม
พร้อมกับแต่งตัวให้เรียบร้อย
ก่อนจะเดินกลับมาเปิดประตูให้คนด้านนอก


ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกเป็นครั้งที่สาม เพชรที่เคยยืนยิ้มเมื่อครู่ เปลี่ยนมาเป็นนั่งลงกับพื้น
คงรอนานจนเมื่อย เขาเงยหน้ามองผมแล้วเบิกตากว้าง

“อย่าบอกนะว่าที่คุณหายไป คือไปอาบน้ำแต่งตัว” เขาพูดขณะที่กำลังลุกขึ้นยืน
“ใช่” ผมตอบกลับ แล้วผายมือให้เพชรเข้ามาในห้อง
เพชรมองมาที่ผมอย่างคนไม่อยากจะเชื่อในคำตอบ ก่อนจะเดินเข้ามาด้านใน
ร่างสูงในชุดนิสิตมองผมหัวจรดเท้าแล้วก็ยิ้มกว้างออกมา

“ยิ้มอะไร” ผมถามไอ้คนที่อยู่ๆ แม่งก็บ้ายิ้มเหมือนคนเมา
“ยิ้มคุณไง”
“ทะลึ่ง” ผมป่วยอยู่นะ จะมาย้งมายิ้มอะไร!!
“บ้าหรอคุณ ผมหมายถึงยิ้มให้คุณไง คุณคิดไรเนี่ย”
พูดจบเพชรก็เดินนำผมไปที่โต๊ะกินข้าวแล้ววางถุงอาหารในมือลงบนโต๊ะยาว 
ส่วนผมก็เดินตามหลังเขามาพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้
แล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาท้าวคางตัวเอง มองคนตรงหน้าจัดแจงอาหาร
เขาดูคล่องแคล่ว และชำนาญดีแฮะ

“เป็นเด็กส่งอาหารตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่จีบคุณอ่ะ”
เพชรพูดตอบเหมือนกำลังจะกวนตีน แต่กลับไม่ได้ใส่ใจที่จะมองมาที่ผมนัก
เขาเดินไปหยิบจาน ช้อน ส้อมราวกับเป็นบ้านตัวเอง

“เหอะ” ผมตอบรับแล้วมองบน
“ก็ผมไลน์มาหาคุณตั้งเยอะแต่ไม่เห็นคุณตอบ เลยโทรหาไอ้มิว มันบอกว่าคุณไม่มาเรียน
ผมเลยขอเบอร์คุณ พอโทรเข้ามาคุณก็ไม่รับสายเลยต้องมาหาคุณที่นี่
พี่ยามด้านล่างจำผมได้ พี่แกบอกว่าจะเอาของขึ้นมาให้คุณพอดี ผมเลยอาสาขึ้นมาแทน”

“พูดไรเยอะแยะ ไม่เข้าใจ” ผมจ้องมองอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความหิว
พอนายนั่นยังพูดซะยาวเฟื้อย ก็เลยไม่ได้สนใจฟังที่เขาพูดเลย
เขาก็ดูจะไม่ได้สนใจคำตอบของผมเช่นกัน
เพราะคนตรงหน้ากำลังจดจ่อกับการจัดจานให้สวยงามอยู่
ซึ่งนาทีนี้ผมไม่ได้สนความสวยความงามแล้วอ่ะ
ผมหิว!


“อะ แซลม่อนย่างของคุณ” พอทุกอย่างเรียบร้อยอาหารก็พร้อมเสิร์ฟ
จานอาหารพร้อมเครื่องเคียงถูกยกมาวางตรงหน้าผม
ผมเหลือบมองเขาแล้วกระพริบตาปริบๆ

“จะให้ป้อนอ่อ”
แน่นอนสิครับ นี่คนป่วยนะ ผมกระพริบตาแรงใส่เป็นการตอบไป
เขายกยิ้มมุมปากก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างผม
มือหนาหั่นแซลม่อนย่างเป็นคำเล็กอย่างชำนาญ
แล้วใช้ส้อมจิ้มขึ้นมาจ่อปากผม
ก่อนที่เขาจะวกมันกลับไปเข้าปากตัวเอง
เขาเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

“เพชร”
ผมมองตาขวางแล้วตีมือเพชรแรงๆ ไปทีนึง โทษฐานที่ยั่วยุ
“โอ้ย ผมเจ็บนะคุณ ฮ่าา”
“เร็ว! เราหิว”
“ค้าบบ ผมแกล้งเล่น แหมม”
พูดจบเขาก็ตั้งใจหั่นแซลม่อนอีกครั้ง รอบนี้มันถูกป้อนเข้ามาในปากของผม
ผมเคี้ยวอย่างตั้งใจแล้วหลับตาพริ้ม
อื้ม อร่อยจัง ++

ระหว่างนั้นเพชรก็ชวนคุยบ้าง แต่ผมก็แค่พยักหน้ากับส่ายหัวเป็นการตอบเขาเท่านั้น
รู้สึกเพลียเลยไม่อยากพูดอะไรมาก


กินข้าวเสร็จคนตัวสูงก็บังคับให้ผมกินยาหลังอาหาร
พอกินยาเข้าไปผมก็ง่วงอ่ะดิ
“คุณ เราง่วงอ่ะ”
“งั้นนอนมั้ย” คนที่ยืนล้างจานอยู่ที่ซิงค์หันมามอง
“นอน” ผมที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมพยักหน้ารับแล้วก็เดินเข้าห้องนอนไป
แต่ไม่ลืมบอกคนที่ด้านนอกว่า “รอตรงนั้นนะ” นิ้วเรียวชี้ไปที่โซฟาในห้องรับแขก
“ครับ” เขายิ้มแล้วตอบรับ


หลับไปจนเต็มอิ่มผมก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น
“ครับแม่” ผมรับสายน้ำเสียงงัวเงีย
“เย็นนี้ว่างมั้ยลูก แม่ว่าจะให้หนูไปงานเปิดตัวน้ำห้องของพี่เฟอร์แทนแม่”
“พี่เฟอร์ ลูกสาวคุณป้าผ่องใสหรอครับ”
“ใช่แล้ว แม่เพิ่งนึกได้ว่างานจัดวันนี้”

“แต่ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเลยนะครับ”
“แม่ให้เลขาแม่เตรียมให้แล้วครับ อีกครึ่งชั่วโมง Invitation card แล้วก็ชุดของลูก พร้อมช่างหน้า ช่างผม จะไปถึงที่คอนโด อาบน้ำรอได้เลย”
“อ่าา โอเคครับแม่”
อยู่ๆ ก็งานเข้าแฮะ
วางสายจากแม่ปุ๊ป ผมก็มองออกไปนอกหน้าต่าง

ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้ว เป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ที่รู้สึกหดหู่ใจชะมัดเลย
แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียวนี่นา...


“คุณณณ” พอนึกได้ผมก็ตะโกนเรียกคนด้านนอก
“คุณตื่นแล้วหรอ” เพชรพูดตอบ เสียงเขาใกล้เหมือนกับยืนอยู่ตรงหน้าประตู
“ตื่นละ คุณเข้ามาสิ”

เพชรเปิดประตูห้องแล้วเดินตรงเข้ามาหาผม
ร่างสูงหยุดยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง แล้วมองไปรอบห้องอย่างสำรวจ
“คุณสะสมแบร์บริคอ่อ” ทันทีที่ดวงตาคมเห็นตุ๊กตาหมีเหล่านั้น
เขาก็จ้องมองมันอย่างไม่ละสายตา

“ช่าย ส่วนมากผู้ชายซื้อให้อ่ะ”
เพชรหันควับกลับมามองหน้าผมทันที “งี้ก็แสดงว่าผู้ชายของคุณคงเยอะมาก...
...เกินสิบ”
“หลอกเล่นได้ป่ะ” พอเห็นเขาทำหน้าจริงจัง ผมเลยต้องรีบเฉลยแล้วทำเป็นหัวเราะ
“ค้าบ เชื่อก็ได้...แล้วนี่คุณดีขึ้นยัง”
“นิดนึงอ่า ยาแม่งทำให้ง่วงทั้งวันเลย”
“แล้วคุณจะกินไรเลยมั้ย”
“ยังอ่ะ เดี๋ยวต้องไปงาน”

“หื้มม” เขาขมวดคิ้ว
“แม่โทรมาเมื่อกี้ บอกให้ไปงานแทนอ่ะ”
“แล้วคุณไหวอ่อ”
เขาไม่พูดเปล่า ยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากผม

“เราไม่ได้ตัวร้อนซะหน่อย” ผมเอามือตัวเองขึ้นมากุมมือเพชรที่แตะหน้าผากผมอยู่
เขาทำท่าเหมือนคนที่ตกใจในท่าทีของผมแต่ก็ไม่ได้ชักมือออก
ผมจับมือเขาแน่นขึ้นแล้วหลับตาลง

ครู่หนึ่งก็รู้สึกได้ว่าเตียงยวบลง อาจเป็นเพราะเพชรลงมานั่งบนเตียงข้างผม

“อ้อนผมอ่อ” เขาใช้มืออีกข้างลูบหัวผมแล้วถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เปล่านะ...เราแค่ไม่ชอบอยู่คนเดียวตอนป่วย”

“ตอนนี้ผมอยู่ตรงนี้กับคุณแล้วนิ”
“ก็ต้องจับไว้เดี๋ยวเพชรหนีเราไป”

 “แบบนี้แหละเค้าเรียกว่าอ้อน”
“เปล่านะ”

มือที่กุมกันอยู่บริเวณหน้าผากถูกเลื่อนลงมาแถวปลายจมูก
ผมเอานิ้วของเพชรถูวนไปมาบริเวณนั้น ผมได้กลิ่นน้ำหอมของเขาที่นิ้วมือเรียว
จะว่าไปนิ้วของเขาก็ยาวดีเหมือนกัน

ตอนนี้ริมฝีปากบางของคนป่วยอย่างผมกำลังสัมผัสกับนิ้วมือเรียวของเพชร
ผมแค่อยากจะมั่นใจว่า ผมไม่ได้อยู่คนเดียวในช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตก
 

แล้วผมก็เหมือนจะเผลอหลับไปอีกแปปนึง ก่อนจะรู้สึกตัวขึ้นเพราะว่าเพชรปลุก
เขาบอกผมว่าช่างหน้า ช่างผมมาถึงแล้ว

ผมต้องลุกขึ้นอาบน้ำ แล้วออกไปสวัสดีพี่ช่างหน้า ช่างผมที่มาแต่งให้ผมเป็นประจำเวลาจะออกงาน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ผมนิ่งมาก ไม่ได้คุยอะไรกับพี่เขามากนัก เพราะออกตัวก่อนแล้วว่าไม่สบาย ในระหว่างนั้นเพชรก็ย้ายไปนั่งทำการบ้านที่โต๊ะกินข้าว เขามองแล้วส่งยิ้มมาให้ผมเป็นระยะ จนพี่ช่างหน้าช่างผมแอบแซว

พอแต่งหน้าทำผมเสร็จ ผมก็แต่งตัวในห้องอีกครู่หนึ่ง เช็คลุคเรียบร้อยก็ได้เวลาไปงาน
เพชรอาสาขับรถพาไป แล้วก็บอกว่าจะนั่งรอที่ล็อบบี้โรงแรม


“คุณไปรอที่ห้องอาหารก็ได้นะ จะได้หาไรกินด้วย”
ตอนนี้เราถึงโรงแรมแถวสาทรที่จัดงานแล้ว กำลังเดินจากลานจอดรถไปที่ลิฟต์
ดูเหมือนว่าเพชรจะยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่บ่าย ผมเลยสั่งให้เขาไปนั่งกินข้าว

“ดีเหมือนกัน เสร็จแล้วเดี๋ยวผมไปรอคุณที่ล็อบบี้นะ”
“อื้ม ใช้นี่จ่ายละกัน” พูดจบผมก็ยื่นบัตรเครดิตใบสีดำให้เขาไป

“เห้ยไม่เอา” เขาดันบัตรกลับคืนมา
“เอาไป”
“ไม่เอา”
“เพชร”
“หงส์”
“พูดยากว่ะ”
“ใช่ดิวะ” คนด้านข้างต่อล้อต่อเถียง แล้วจ้องหน้าผม
“อืม ตามใจเพชร” ผมเก็บบัตรเข้ากระเป๋า แล้วขึ้นลิฟต์ไป
ส่วนเขาต้องลงไปห้องอาหารที่อยู่ด้านล่าง เราจึงแยกกันตรงนี้


บรรยากาศภายในงานก็เหมือนงานอีเว้นท์เปิดตัวสินค้าทั่วไปที่เคยไปร่วม แต่อาจจะพิเศษตรงที่สื่อมวลชนเยอะเป็นพิเศษ
มีรายการบันเทิงเกี่ยวกับแวดวงไฮโซมาขอสัมภาษณ์ประโยคเด็ด ประโยคแซ่บรับหน้าฝนจากผมด้วย

ผมไม่ลืมหยิบกล่องของขวัญที่คุณแม่เตรียมไว้ มามอบให้พี่เฟอร์เจ้าของงานพร้อมกับถ่ายภาพร่วมกันตรง backdrop ด้านหน้างาน แล้วต่อด้วยการเดินสวัสดีแขกผู้ใหญ่ที่ผมรู้จักแทนคุณแม่ เพราะวงการนี้คอนเนคชั่นเป็นสิ่งสำคัญ

ตอนนี้แขกทุกคนเข้ามาด้านในงานแล้ว บนเวทีกำลังมีการสัมภาษณ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์น้ำหอมตัวใหม่ ซึ่งผมไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับงานในวันนี้มากนัก ทั้งที่ปกติผมค่อนข้างสนใจในกลิ่นน้ำหอม อาจเพราะเพลียอยู่ไม่น้อย

ระหว่างที่ผมกำลังตัดสินใจจะกลับ ก็มีเสียงเรียกผมดังมาจากด้านข้าง
“สวัสดีครับน้องวีรินทร์” ผมหันมองคนที่ยืนอยู่ไม่ห่าง แล้วก็ยิ้มกว้างออกมา
“อ้าว หวัดดีครับพี่แฟรงค์” ผมยกมือขึ้นไหว้คนที่อายุมากกว่าผมไม่กี่ปี

“มาด้วยหรอเรา ทำไมพี่ไม่เจอตรงหน้างาน”
“วีก็ไม่เจอพี่แฟรงค์ ก่อนเข้างานก็ไปสวัสดีป้าผ่องกับพี่เฟอร์แล้วนะครับ”
พี่แฟรงค์เป็นลูกชายของคุณป้าผ่องใส แล้วก็เป็นน้องชายของพี่เฟอร์เจ้าของงาน

“หะหะ สงสัยเราจะคลาดกัน แล้วนี่วีดื่มอะไรยัง”
พี่แฟรงค์มองมือผมที่ไม่ได้ถือเครื่องดื่มอะไร ก่อนจะหันไปหยิบแก้วแชมเปญจากพนักงานเสิร์ฟมาให้ผมแก้วนึง

แน่นอนว่าต้องรับมาไว้ในมืออย่างปฏิเสธไม่ได้ แล้วเราก็ชนแก้วกัน
ผมคุยกับพี่แฟรงค์อยู่ครู่ใหญ่เพราะเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก บ้านเราสองคนค่อนข้างสนิทกัน เลยมีเรื่องอะไรให้คุยกันเยอะแยะเลย พี่แฟรงค์จบโทจากอังกฤษแล้ว ตอนนี้กลับมาช่วยธุรกิจที่บ้านอย่างเต็มตัว ส่วนผมก็อัพเดตชีวิตการเรียนทั่วไป

รู้ตัวอีกทีแชมเปญก็หมดไปสามแก้ว
ดื่มจนลืมป่วยเลย!
พอผมเริ่มรู้สึกมึนหัว เลยขอตัวกลับบ้านก่อน
พี่แฟรงค์เสนอตัวจะมาส่งผมที่คอนโด แต่ผมบอกว่ามีเพื่อนขับรถมารับ
เขาเลยมาส่งผมตรงล็อบบี้แทน

“อุ้ยย” ผมตัวเซนิดนึงตอนที่อยู่ในลิฟต์ คงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์แล้วตอนนี้
“ระวังครับน้องวี” คนด้านข้างเข้ามาประคองตัวผมเอาไว้  “ขี้เมานะเราเนี่ย”
“วีเปล่านะ พี่แฟรงค์อ่ะมอมวี” มือเรียวถูกยกขึ้นมาเสยผมที่ตกลงมาปิดหน้าผาก
แล้วพี่แฟรงค์ก็เดินมาส่งผมถึงล็อบบี้ ที่มีเพชรนั่งรออยู่


ตอนนี้ภาพที่ผมมองเห็นมันค่อนข้างเบลอนิดหน่อย หนังตาก็ยากที่จะยกขึ้น
“งานเลิกแล้วหรอคุณ” คนที่เพิ่งลุกจากโซฟาพูดถามทันที
เขามองผม สลับกับมองคนที่เพิ่งเดินหันหลังกลับขึ้นไป
“ยังอ่ะ แต่รู้สึกมึน”
ผมถอดสูทที่สวมอยู่ส่งให้เพชร
เขารับไว้ก่อนจะเดินมาประคองไหล่ผมเพื่อเดินไปที่รถ
“คุณดื่มหรอ”
“นิดเดียวเอง”
“หึ”


ระหว่างทางเดินมาที่รถ เพชรไม่ได้พูดอะไร
เขาแค่ประคองให้ผมมานั่งบนเบาะด้านข้างคนขับให้เรียบร้อย

ผมยอมรับว่าผมเมา เมาตั้งแต่อยู่ในงานแล้วครับ
แล้วคุณรู้อะไรมั้ยครับ การที่เมาแล้วต้องประคองสติตัวเองให้ดูเหมือนปกตินี่

แม่งโคตรยากเลยนะ

จะทำอะไรก็ต้องรักษาหน้าวงศ์ตระกูล รักษาหน้าแม่ และรักษาหน้าตัวเอง
เพราะว่าเมื่อกี้ผมยังอยู่ในงาน แล้วก็ยังอยู่ในล็อบบี้โรงแรมเลยต้องทำเป็นนิ่งไว้
ทำได้แค่พยายามเดินให้ตรงที่สุด แล้วฉีกยิ้มให้คนที่มองมา หรือยกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อลาท่านก็เท่านั้น


แต่ตอนนี้ผมอยู่ในรถส่วนตัวของตัวเองแล้ว เพราะฉะนั้นสติสัมปชัญญะจึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป
“กูเมาโว้ยยยยย”
ทันทีที่ขึ้นรถผมก็ปลดกระดุมด้านบนออกสามสี่เม็ด แล้วก็ดึงชายเสื้อพร้อมกับปลดเข็มขัดออก
ก็มันอึดอัดอ่ะ
ไม่รู้แม่เลือกชุดอะไรให้ผมใส่ เสื้อผ้าวันนี้มันถึงได้ฟิตไปหมดทุกส่วนขนาดนี้

นี่ถ้าไม่เกรงใจเพชร ผมจะถอดกางเกงละ หรือจะถอดดี ก็ไม่ได้อายซะหน่อย
เห้ย คิดอะไรวะนั่น ทำแบบนั้นไม่ได้นะหงส์
ผมเรียกสติตัวเอง แม้ว่าจะเมา แต่ผมก็ไม่ควรแก้ผ้าให้คนที่จีบผมดู
 
ผมมองไปยังกระจกมองข้างเห็นเพชรกำลังเอาสูทไปแขวนที่เบาะด้านหลังรถ

ไม่นานเขาก็ขึ้นมานั่งที่ตำแหน่งคนขับ
ทันทีที่เขาหันมามองผม เขาก็ชะงักไป
“คุณ” เสียงแข็งเชียว
“ค้าบบบผม” ผมมองคนด้านข้างตาเยิ้ม แล้วพูดเสียงยาน
“ปลดกระดุมทำไม แล้วถอดเข็มขัดออกทำไมนั่น”
“ก็มันอึดอัดอ่า หรือคุณเพชรจะให้ถอดกางเกงด้วย”
ผมยิ้มหวานใส่ แต่ดูท่าทางเขาจะไม่เล่นด้วย แถมยังเก็กหน้าดุ แล้วเอื้อมมือมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ผม
“นั่งนิ่งๆ ล่ะ” เขาชี้นิ้วสั่งผม ส่วนผมก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆ

ระหว่างทางเพชรไม่ได้พูดอะไร แต่เปิดเพลงเบาคลอไป
ผมนิ่งมานานตามคำสั่งของเพชรมานาน จึงได้จังหวะแอบชำเลืองมองเสี้ยวหน้าเขา
ก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้เขาให้มากขึ้น
“ทำไมถึงจีบเรา”
นั่นไง ถามอะไรออกไปเนี่ย คุมตัวเองไม่ได้เลยใช่มั้ยหงส์
“ก็ #@%^%&”
ผมไม่ได้สนใจคำตอบร่ายยางของเพชร แต่กลับเอาหัวไปซบไหล่แกร่ง พร้อมกับเอื้อมมือทั้งสองข้างไปกอดเอวเพชรไว้แน่น
สิ่งที่ผมทำตอนนี้ ทำให้เขาดูเหมือนจะชะลอความเร็วของรถลงนิดหน่อย

และแม้ว่าจะมึน แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าเพชรตัวแข็งทื่อ
แค่ตัวนะครับ!!

“เพชร” ผมเรียกเขาเสียงอ่อน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง
ตอนนี้ผมกำลังพ่นลมหายใจรดต้นคอเพชรอยู่ หน้าผมใกล้กับหน้าของเขามาก

“ครับ” คนตรงหน้าตอบรับ แล้วเหลือบลงมามองเล็กน้อย
ก่อนจะหันไปตั้งใจขับรถต่อ

สันกรามคมที่อยู่ไม่ห่างจากสันจมูกผมนัก มันช่างดูรับกับสันจมูกโด่งของเขาเสียจริง
ยิ่งพอมองรวมๆกับริมฝีปากบางและผิวหน้าขาวใสที่รู้ว่าเพชรก็ดูแลตัวเองไม่น้อยยิ่งทำให้เขาดูเซ็กซี่

อีกทั้งกลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่คาดว่าเขาฉีดตั้งแต่เช้า แต่ยังติดทนถึงตอนนี้
ยิ่งทำให้ผมอยากจะกอดรัดตัวเพชรให้แน่นขึ้นไปอีก


ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงจะประหลาดใจในอะไรหลายอย่างในตัวเพชร
แต่ถ้าดูจากโปรไฟล์ของเขาที่ไอ้มิวไปสืบและส่งมาให้ผมนั้น ก็ทำให้ผมไม่แปลกใจ

เพชรไม่ใช่แว๊นซ์
แต่เพชรก็คือเพชร


“ว่าไงคุณ” เขาถามผมอีกรอบเมื่อเห็นว่าผมยังนิ่ง แล้วเอาแต่จ้องมองหน้า
แหงสิ ผมคิดพิจารณาตัวเขาอยู่นี่นา


เพชรหล่อว่ะ

นี่คือสิ่งที่ผมคิดได้ในตอนนี้
มิน่า เวลาที่เพชรเข้ามาในคลาสหรืออยู่ในมหาลัย
ผู้คนถึงได้มองตามเป็นตาเดียวกัน

“เพชร” ผมเรียกเขาอีกครั้งแล้วมองคนตรงหน้าตาเป็นประกาย

“ครับ” ร่างแกร่งที่ผมกอดอยู่ตอบรับ


“เราไม่ได้มีอะไรกับใครนานแล้วอ่ะ
.
.
.
เพชรทำให้เราหน่อยนะ”


พูดจบผมก็ประกบริมฝีปากบาง ลงบนคอขาวของเขาทันที


THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 8 : Event

กรี้ดดดด หนูหงส์ แบบนี้ก็ได้หรอลูก ตายแล้วววววว

หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 8 : Event , 27/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-08-2017 21:27:35
อู้............หงส์ แรงอ่ะ  o22
เพชร ไม่ตาค้าง เอ้อ......แข็งเหรอเนี่ย  :ling1: :ling1: :ling1:
แต่น่าจะช้อคนะ
ไม่รู้เครื่องดื่มที่พี่แฟรงค์ ให้มีอย่างอื่นผสมด้วยมั้ย สงสัย  :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 8 : Event , 27/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 28-08-2017 12:55:05
ค้างงงงง...สนุกค่า..รอติดตามนะคะ  ชอบนายเอกแบบนี้ 555 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 8 : Event , 27/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-08-2017 17:25:21
ออกตัวแรงขนาดนี้ เพชรจะช็อคนะหงส์
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 8 : Event , 27/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 29-08-2017 08:47:02
อื้อหือออ เด็ด
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 8 : Event , 27/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 29-08-2017 22:51:05
อู้............หงส์ แรงอ่ะ  o22
เพชร ไม่ตาค้าง เอ้อ......แข็งเหรอเนี่ย  :ling1: :ling1: :ling1:
แต่น่าจะช้อคนะ
ไม่รู้เครื่องดื่มที่พี่แฟรงค์ ให้มีอย่างอื่นผสมด้วยมั้ย สงสัย  :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


เพชรแย่แน่ หงส์เมาแล้วยั่วขนาดนี้ 55555

ขอบคุณที่ติดตามนะค้าบบ

หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 8 : Event , 27/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 30-08-2017 06:20:37
วี๊ดวิ๊วว~~นางเริ่ดมากค่ะคุณ รู้สึกดีที่ทั้งคู่จะมีไรกันโดยที่ไม่อ้างว่าเมาแล้วโดนปล้ำแบบทั่วไป แลดูไม่จำเจดี เราชอบ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 8 : Event , 27/08/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 30-08-2017 18:54:44
ค้างงงงง...สนุกค่า..รอติดตามนะคะ  ชอบนายเอกแบบนี้ 555 :hao7: :hao7: :hao7:

แอร้ยย ขอบคุณที่ชอบนะค้าบ จะรีบมาอัพต่อเร็วๆ เลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 04-09-2017 21:09:39
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 9
Kiss

“เราไม่ได้มีอะไรกับใครนานแล้วอ่ะ
.
.
.
เพชรทำให้เราหน่อยนะ”
พูดจบผมก็ประกบริมฝีปากบาง ลงบนคอขาวของเขาทันที

“คุณ อย่า” เหมือนว่าผมกำลังโดนเจ้าของร่างแกร่งพูดห้ามด้วยเสียงกระเส่า
ผมปล่อยปากออกมา แล้วเงยหน้ามองเขาว่าแท้จริงแล้ว เขาห้ามผมจริงๆ หรือแค่พูดไปตามมารยาทกันแน่
สมองผมประมวลผลไม่ได้ แต่ที่เห็นตอนนี้คือ เพชรยังคงตัวแข็งทื่อ
ผมจึงตัดสินใจถามออกไปตรงๆ ไม่สิ ไม่ได้ตัดสินใจเลยด้วยซ้ำ
เรียกว่าถามโพล่งออกไปเลย น่าจะดีกว่า
“เพชรแน่ใจหรอ ที่บอกว่าอย่า”
มือเรียวของผมที่โอบตัวเพชรอยู่ ค่อยๆ ปล่อยเขาให้เป็นอิสระ ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะเอื้อมมาแตะปากบางสีชมพูระเรื่อแล้วบีบเล่นไปมา

“นะ เพชร ทำให้หงส์หน่อยน้า”
ถ้าเป็นตอนที่ผมปกติ ผมคงไม่มีทางพูดแล้วก็ทำอะไรแบบนี้แน่
พูดจบผมก็เลื่อนมือลงมาเรื่อยๆ จากที่สัมผัสปากอยู่ ก็เปลี่ยนมาสัมผัสที่คาง แล้วไล้ลงมาบริเวณคอ จนหยุดที่หน้าอกของเขา ไม่ช้ากระดุมเสื้อเม็ดแรกของเพชรก็ถูกแกะออกอย่างชำนาญ ก่อนที่อีกสองเม็ดจะถูกปลดตามมา
ดูเหมือนว่าเพชรจะเคลิ้ม
เขาตัดสินใจจอดรถเข้าขางทางทันที

“คุณหงส์ หยุด” พูดจบเพชรก็แกะตัวผมออกจากตัวเขาพร้อมกับหันมาทำหน้าดุใส่
“ทำไมอ่า” ตอนแรกก็เหมือนจะเคลิ้ม แล้วทำไมต้องมาทำหน้าดุ
ผมมองเขาด้วยความไม่ค่อยเข้าใจ
“เราจะทำแบบนี้กันไม่ได้ มันต้องไม่เป็นแบบนี้” คนตรงหน้ายกมือทั้งสองขึ้นมาห้าม แล้วพ่นลมหายใจออกมา ก่อนที่เขาจะหลับตาลงและทิ้งตัวไปพิงเบาะ

หักห้ามใจงั้นหรอ

“ก็ไหนบอกว่าจีบเรา” ผมเริ่มเสียงแข็ง
เขาจีบผม แต่ไม่ยอมตามใจผม มันจะใจร้ายเกินไปหน่อยมั้ย
“ก็ใช่ แต่มันต้องไม่เป็นแบบนี้ คุณเข้าใจมั้ย”
เพชรพยายามจะอธิบาย แต่ผมไม่อยากฟัง ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น
“เออ ไม่เอาก็ไม่เอา” หงุดหงิด
จะพูดทำไมมากมาย สุดท้ายความหมายก็คือ ไม่!

ผมหยิบโทรศัพท์แล้วเปิดประตูลงจากรถด้วยความโกรธ
ผมขาดสติ
และอย่าให้ตอบเลยครับ ว่ากำลังคิดจะทำอะไร หรือจะไปที่ไหน
เพราะผมก็คิดไม่ออกเหมือนกัน บอกแล้วว่ากำลังขาดสติ
รู้แต่ว่าไม่พอใจอย่างมากที่ถูกขัดใจ สัญชาตญาณจึงสั่งให้เหวี่ยงไปก่อน

“คุณหงส์จะไปไหน” มองด้วยหางตาก็รู้ว่าเขากำลังรีบวิ่งเข้ามาหาผม
แต่ผมคงไม่อยู่รอให้เพชรมาจับตัวผมได้หรอกนะ

ผมรีบวิ่งให้เร็วขึ้นแต่ก็อย่างว่าแหละครับ คนมันมึนแอลกอฮอล์มันจะไปวิ่งเร็วกว่าคนปกติได้ยังไง สุดท้ายเพชรก็คว้าแขนผมไว้แล้วก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด

เขากอดผมไว้แน่นจนเริ่มรู้สึกร้อน มือของเพชรยกขึ้นมาลูบหัวเบาๆ แล้วร่างสูงก็บ่นอู้อี้ แต่ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกนะ พอถูกทำให้สงบลงได้ผมก็ยอมกลับมาขึ้นรถแต่โดยดี หลังจากนั้นไม่นานผมก็หลับไป


06:09

เช้าวันศุกร์ที่ผมรู้สึกตัวตื่นอย่างไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุก ไม่รู้ทำไมเวลาเมาร่างกายของผมมักจะรู้สึกตัวตั้งแต่เช้าตลอด มือซ้ายขยับนิดหน่อยเพื่อเปิดม่านรับแสง ก่อนที่มือขวาจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดดูเวลา แล้วก็ได้เห็นการแจ้งเตือนบนหน้าจอเต็มไปหมดจนต้องวางมันกลับไปไว้ที่เดิม ว่าแล้วก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ต่อด้วยการเดินไปเปิดตู้เย็นเทน้ำส้มแมนดารินผสมเกล็ดส้มใส่แก้วแล้วดื่มแก้อาหารมึนหัว

พอนั่งตั้งสติได้สักพัก ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ลอยมา

“WTF!!!!” ผมอุทานกับตัวเองก่อนจะเอาหัวโขกเก้าอี้ไปหนึ่งที เป็นการลงโทษ
ทำบ้าอะไรลงไปวะนั่น

ใช่ว่าเมื่อคืนผมจะขาดสติขนาดนั้น ผมจำทุกอย่างได้ จำได้ดีด้วย
ผมรู้ว่าผมทำอะไรลงไป
แต่ผมแค่ขาดความยับยั้งชั่งใจก็เท่านั้นเอง
และนั่นทำให้ผมต้องมานั่งละอายใจกับตัวเองอยู่ในตอนนี้

“หมดกัน”
ผมตัดสินใจคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนอีกครั้ง
ภาพที่ผมพูดขออะไรแบบนั้นออกไป
ภาพที่ผมกอดเพชร
ภาพที่ผมเอาปากไปจูบคอเพชร
ภาพที่ผมปลดกระดุมเสื้อเพชร
ภาพที่เพชรปฏิเสธผม
ภาพที่ผมวิ่งลงจากรถ

โอ้ยย มันแย่มาก ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว
สิ่งที่ผมสร้างเอาไว้มันได้พังทะลายลงไปหมดแล้ว เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์

โกรธตัวเอง ผมนึกโกรธตัวเองมาก ว่าแล้วผมก็วิ่งเข้าห้องน้ำแล้วล็อคประตูแน่น
ก่อนจะเปิดน้ำให้เต็มอ่างอาบน้ำ ตีฟองให้ล้น แล้วถอดเสื้อผ้ากระโจนลงไป
ผมมุดหัวลงในน้ำแล้วกลั้นหายใจเท่าที่ร่างกายคนเราจะกลั้นได้ ก่อนจะผุดขึ้นมารับออกซิเจนให้เต็มปอด
แล้วมุดลงไปใต้น้ำ ขังตัวเองไว้อย่างนั้น ครั้งแล้วครั้งเล่า จนเริ่มรู้สึกว่าร่างกายอ่อนล้า

ถ้าเมื่อคืนมันคือการทำความผิด นี่ก็เรียกมันว่าบทลงโทษแล้วกัน
จะได้จำแล้วจะได้ไม่ทำอย่างนั้นอีก
“โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ผมตะโกนลั่นห้องน้ำ ก่อนจะพยายามสลัดภาพพวกนั้นในหัวออกไป
เกือบสองชั่วโมงในห้องน้ำกับการพยายามลบความผิดในใจ
ถือเป็นช่วงเวลาที่ผมอยากจะอยู่คนเดียวซักพัก ถ้าไอ้มิวไม่ไลน์มาบอกว่า
‘วันนี้มาเรียนด้วย มีควิซเช้า’

ผมต้องกดความละอายไว้ในใจ แล้วหยิบชุดนิสิตขึ้นมาสวม ก่อนจะฉีกยิ้มให้ตัวเองที่หน้ากระจกหนึ่งที แล้วพูดเบาๆ ว่า
“Fine”


09:13

ผมเรียกแท็กซี่ไปมหาวิทยาลัย แม้มันจะเรียกยากเรียกเย็นแค่ไหน แต่สุดท้ายก็เรียกได้อยู่ดี เพราะวันนี้ไม่ค่อยมีสติเลยไม่อยากขับรถเท่าไหร่ ระหว่างทางเดินไปห้องเรียน ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าไอ้มิวมันจะยังไม่รู้เรื่องเมื่อคืน และก็ได้แต่คาดหวังว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นจะยังไม่พูดอะไรให้เพื่อนของผมฟัง

“ไงมึง ดีขึ้นยังวะ” ผมตรงเข้ามาหาเพื่อนของผม ไอ้คนที่นั่งอยู่ก่อนเงยหน้าจากโทรศัพท์เครื่องสี่เหลี่ยมขึ้นมาทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปกติ
“อืม ก็ดีขึ้นแล้วว่ะ” ผมพูดตอบมันแล้วนั่งลงด้านข้าง
ระหว่างนั้นผมก็เงียบแล้วมองไอ้มิวอย่างไม่วางตา จนคนที่หันกลับไปจดจ้องกับมือถือรู้ตัว แล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ
“จะมองกูอีกนานมั้ยครับ...เออ โทษทีนะที่เมื่อวานกูไม่ได้ไปหา”
“ไม่เป็นไรมึง”

“แต่กูก็ส่งเพชรสุดหล่อไปหามึงแล้วน้า” แล้วไอ้เพื่อนบ้ามันก็ทำเสียงทะเล้นใส่
ทันทีที่ได้ยินชื่อคนๆ นั้น ผมก็หน้าตึงแล้วยกมือขึ้นตบปากไอ้มิวทันที
“ทำไมวะ มึงทะเลาะกันอ่อ” เพื่อนที่โดนผมตบปากไม่แรงนักถึงกับงง
เออ ก็น่างงอยู่หรอก มันไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นนี่หว่า
“เปล่า เลิกพูดถึงคนอื่นดิ๊” ผมเอ็ดมัน แต่ดูเหมือนไอ้มิวจะงงไม่หายถึงได้ถามต่อ
“ก็เห็นวันนั้นยังดีกันอยู่นี่นา”
“มิว” ผมดุมันอีกครั้ง ก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันกลับมานั่งกอดอกหน้านิ่ง

หลังจากนั้นอาจารย์ก็เข้ามาควิซ 30 นาทีแล้วก็สอนต่อ ระหว่างเรียนผมไม่พูดอะไรกับไอ้มิว พยายามตั้งใจเรียนให้มากที่สุด แต่ดูเหมือนสิ่งที่อาจารย์กำลังสอนจะไม่เข้าหัวผมเลย เพราะตอนนี้มีแต่ภาพอะไรที่ผมไม่ควรจะจำลอยขึ้นมาเต็มไม่หมด

ทั้งภาพ เสียง รวมไปถึงกลิ่นน้ำหอมของเขา อะไรมันจะชัดเจนขนาดนี้
บอกตรงๆ ว่าผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้นกับใคร
หมายถึงว่าไม่เคยออกตัวแรงจนน่าเกลียดแบบนั้น
ได้โปรดเถอะ
ได้โปรดเอาควาทรงจำเมื่อคืนออกไปจากหัวผมที

“แม่ง” ผมเผลอหลุดพูดออกมาพร้อมกับทุบกำปั้นลงไปบนโต๊ะ จนเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ รวมถึงไอ้มิวต่างพากันหันมามอง
แต่ผมไม่ได้สนใจ
สุดท้ายผมก็พ่ายแพ้ให้กับตัวเอง ผมตัดสินใจเก็บชีทลงกระเป๋าแล้วเดินออกมาจากห้องเงียบๆ
หวังว่าจะไปหาที่นั่งสงบสติอารมณ์ซักหน่อย

ผมจึงเดินมาแถวม้าหินอ่อนด้านข้างคณะ ที่ตอนนี้มีคนไม่มากนัก
พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นมิสคอล แล้วก็ไลน์แจ้งเตือนจากคนที่ผมอยากจะลืมเด้งขึ้นมานับสิบ นั่นทำให้ผมตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ลงไป

“มึงเป็นไรวะ อาการยังไม่ดีหรอ” ระหว่างที่ผมกำลังเสียสติ ไอ้เพื่อนรักก็นั่งลงด้านข้าง มันพูดพร้อมกับยื่นชาเขียวปั่นมาให้
ผมรับมาไว้ในมือแล้วก้มลงดูด ก่อนจะจ้องไอ้มิวนิ่ง
“มึง กูแม่งโคตรแย่” พูดจบผมก็ดูดชาเขียวอีกรอบ แล้วหลับตาลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“เกิดไรขึ้นกับมึง”
“เมื่อคืนนี้กูเมา...” ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วพูดบอกช้าๆ
“จากงานที่มึงไปอะนะ” ไอ้มิวถามกลับ

“อื้ม...
…พอกูเมา กูก็เลย
ขอให้เพชรมีอะไรกับกูอ่ะ” แม้เสียงช่วงท้ายจะแผ่วลง แต่มันก็คงจะดังพอที่จะทำให้ไอ้มิวได้ยิน แล้วทำหน้าอึ้งไปครู่หนึ่ง
ไม่มีเสียงตอบรับจากคนด้านข้าง ส่วนผมก็นั่งนิ่งดูดชาเขียวปลอบใจตัวเอง
“แล้ววว ยังไง อย่าบอกนะว่า...” ไอ้มิวพูดถามด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
“เปล่า เพชรไม่ทำ เค้าบอกว่าไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้”

“เชรดดดด แม่งโคตรหล่อ” ได้ยินแบบนั้นไอ้มิวก็ยิ้มออก มันตบขาตัวเองผาดๆ
“แต่กูนี่สิ กูโกรธเพชร แล้ววิ่งลงจากรถ” พูดจบผมก็ยกมือเรียวมาปิดหน้าตัวเอง ก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะด้วยความละอายใจ
“มึงเมามากสินะ” แล้วไอ้มิวก็เอามือมาตบไหล่ผมปุๆ เหมือนจะเป็นการปลอบใจ
“กูไม่ได้เมามากนะ แต่กูห้ามตัวเองไม่ได้ว่ะ”
ก็อย่างที่บอกไป ผมขาดความยับยั้งชั่งใจ อะไรๆ เลยออกมาเป็นแบบนี้

“หงส์” ไอ้มิวสะกิดเรียกให้ผมเงยหน้า
ผมเงยหน้าขึ้นมามองมัน แล้วทำหน้ามุ่ยใส่
“มึงตกหลุมรักมันแล้วใช่เปล่าวะ”
จบคำพูดของมิว ผมถึงกับนิ่ง พูดอะไรไม่ออก
ผมไม่มั่นใจว่าความรู้สึกนั้นมันแปลว่ายังไง

ตกหลุมรักหรอ
เร็วไปมั้ย

“กู
กูไม่รู้” ผมตอบเสียงนิ่ง
“อื้ม ไม่เป็นไร มึงไม่ต้องรีบตอบกูก็ได้ แล้วนี่มึงจะทำไงต่อไป”
“กูก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ”
“มึงคงกำลังรู้สึกแย่ใช่ป่ะ ภาพที่มึงอยากให้เพชรมอง คงไม่ใช่แบบเมื่อคืน”

เหมือนแทงใจดำผมเลยครับ ไอ้มิวมันรู้ใจผมที่สุด
ที่ผมเป็นแบบนี้เพราะผมไม่อยากสร้างภาพจำไม่ดี ผมไม่อยากให้เขามองผมไม่ดี

“อืม” ผมพยักหน้ารับ

หลังจากนั้นเราสองคนก็นิ่ง ไอ้มิวพยายามพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ผมสบายใจขึ้นจนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ไอ้มิวขอตัวไปเก็บของในห้องเรียนเพราะถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว มันให้ผมนั่งรออยู่นี่ ระหว่างนั้นผมก็นั่งมองท้องฟ้า แสงแดดไปพลางๆ

“มึงกลับมาเร็วจัง” ทันทีที่รู้สึกว่ามีคนมานั่งด้านข้าง ผมก็พูดขึ้น เพราะมันน่าจะยังไม่ถึงนาทีเลยด้วยซ้ำที่มิวมันเดินไป
“มานานแล้ว”
ไม่ใช่เสียงไอ้มิว ผมหันควับไปมองเจ้าของเสียงที่มาใหม่
“คุณ”
“ใช่ ผมเอง” คนด้านข้างยิ้มกว้าง แต่ทำไมมันกลับเป็นรอยยิ้มที่บาดใจยังไงไม่รู้
ผมหยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นเดินหนีเขา

จะอยู่ให้อายหรอครับ

“อ้าว คุณ จะไปไหนอ่ะ” เสียงเพชรตะโกนตามหลังผมมา

นั่นทำให้ผมรีบวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระหว่างทางก็ดันต้องผ่านโรงอาหารคณะ ซึ่งคนแม่งเยอะมาก ภาพที่คนอื่นเห็นก็คือผมกำลังวิ่งหนี ส่วนนายเพชรกำลังวิ่งไล่ หลายคนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป หลายคนตะโกนเรียก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมหยุด
ผมไม่อยากเผชิญหน้ากับเพชรในตอนนี้

“คุณ คุณหงส์” เสียงทุ้มนั่นยังคงไล่ล่าผมอยู่
ไม่รู้จะวิ่งตามอะไรนักหนา
เล่นหนังแขกอินเดียกันอยู่หรือไง

สุดท้ายผมก็วิ่งมาจนถึงริมถนนหน้ามหา’ลัย ไม่มีทางหนีไปได้ละนอกจากโบกแท็กซี่ พอหยุดวิ่งเพชรก็ตามมาทันจนได้
แขนแกร่งพาดคอผมแล้วพูดถาม

“หนีผมทำไม”
เพชรใช้ความได้เปรียบที่ตัวใหญ่กว่า ดึงตัวผมเข้ามารัดไว้จนแน่น
“เพชร ปล่อย” ผมพูดเสียงแข็งใส่เขา
“ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยคุณก็วิ่งหนีนะสิ” เขาก็เสียงแข็งใส่ผม แถมยังรู้ทันผมอีก
อะไรของนายเพชรวะเนี่ย วุ่นวายชะมัด
“น่าเกลียด อายคน ทำบ้าอะไร” ผมขึ้นเสียงแล้วเหลือบมองแขนเขาที่พาดคออยู่
“ไม่มีใครเค้าสนใจหรอก”

ว่าแล้วผมก็กวาดสายตามองโดยรอบ ไม่มีใครสนใจจริงด้วย อาจจะเพราะช่วงเที่ยงทุกคนคงอยู่ในโรงอาหาร คงไม่มีใครบ้ามายืนตากแดดอยู่ริมถนนหรอก
โชคดีไป

“ปล่อย” ผมตีแขนเพชร
“ปล่อยก็ได้” เขายอมปล่อยคอผมให้เป็นอิสระ แต่กลับเอามือมาจับมือผมไว้แทน
“ไม่ต้องมาให้เราเห็นหน้าซักพักได้ป่ะ” ผมมองเขาอย่างไม่ค่อยพอใจ แล้วก็ตัดสินใจพูดไปตรงๆ
“ทำไมอ่ะ คุณยังโกรธผมหรอ ที่เมื่อคืนผมไม่ทำให้คุณ”
จบคำพูดของเขา ผมก็ตบหน้าเขาไปทีนึง แต่ก็ไม่ได้แรงมากนะครับ
แต่ตบเพราะทำอะไรไม่ถูก

“น่าเกลียด พูดไรออกมา”
“อ่าว ก็นึกว่าคุณโกรธเรื่องนั้นซะอีก”
“ลืมๆ มันไปได้ป่ะ...
...แล้วก็ไม่ต้องมาเจอเราซักพัก” ท้ายประโยคเสียงผมอ่อนลงราวกับกำลังขอร้อง
ผมพูดพร้อมกับก้มหน้างุดมองต่ำ และนั่นคงทำให้เพชรพอจะเข้าใจอะไรได้

“อ่อ ผมรู้แล้ว คุณอายใช่มั้ย” ผมเงยหน้าขึ้นมองเพชรอีกรอบ ก่อนจะหลบตา
“ผมรู้ว่าเมื่อคืนคุณเมา” น้ำเสียงของคนด้านข้างก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“แต่คนเมาก็ไม่ควรทำอะไรแบบนั้นอ่ะ” ผมตอบกลับอย่างต่อว่าตัวเอง
ผมไม่ควรใช้สิทธิ์ความเมา ในการทำตัวไม่ดี มันไม่ใช่ข้ออ้างครับ
ผมรู้สึกโชคดีที่คนๆ นั้นคือเพชร โชคดีที่เขาไม่ทำอะไรแบบที่ผมขอ
แต่ถ้ามันเป็นคนอื่น แล้วคนๆ นั้นทำ ผมยิ่งจะต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้


“อืม แต่ผมกลับดีใจซะอีกที่คุณเลือกที่จะทำแบบบนั้นกับผม...
...เอ๊ะ หรือว่าคุณทำกับทุกคน”
“จะบ้าหรอ ทำกับคุณแค่คนเดียว เราก็อายจะแย่แล้วนะ” ผมโพล่งตอบกลับไป
ก่อนที่คนตรงหน้าจะคลี่ยิ้มกว้างออกมา และนั่นทำให้ผมรู้ว่า ผมพลาดอีกแล้ว
“เชี่ย ดีใจว่ะ” ดูเหมือนเขาจะกำลังยิ้มแล้วก็พูดกับตัวเอง
ส่วนผมน่ะหรอ เลิกสบตาคนตรงหน้าแล้วก้มลงมามองพื้นแบบเดิมเลยครับ

“คุณหงส์ คุณไม่เห็นต้องอายเลย...
เรื่องเมา ใครๆ ก็เมาได้”
“อืมม” ผมตอบรับในลำคอ
“ส่วนเรื่องเอา ผมก็อยากเอา”
คำพูดของเพชรทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง ส่วนเขาก็ดูเหมือนจะนึกได้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกมา
เขายิ้มแก้เขินก่อนจะเปลี่ยนคำพูดใหม่

“ผมหมายถึงว่า เอ่อ เรื่องมีอารมณ์ มันก็มีกันทุกคนอ่ะเนอะ
ผมอยากให้มันค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า แต่จริงๆ เมื่อคืน ผมก็เคลิ้มนะครับ”
จากคำพูดของของเพชร แปลว่าจริงๆ แล้ว เพชรก็อยากทำ แต่รอเวลาใช่ป่าว
เขายิ้มมุมปาก ส่วนผมไม่รู้ว่าจะยิ้มยังไงดี ระหว่างที่ความคิดผมกำลังจะเตลิดผมก็เรียกสติตัวเองกลับคืนมา
“บ้า พูดไรเนี่ย” ผมตีแขนเขาไป

“อีกอย่าง
…คุณบอกว่า คุณไม่ได้ทำอย่างงี้กับทุกคนซะหน่อย
แปลว่าคุณแค่ทำกับคนที่คุณรู้สึกดีด้วย”

เพชรต้องการจะสื่ออะไร
ผมมองคนตรงหน้าแล้วก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ
หน้าใสของเพชรเริ่มแดงที่ข้างแก้ม อาจจะเพราะเราสองคนตากแดดนานเกินไป
ส่วนผมก็เริ่มรู้สึกหน้าร้อนอย่างบอกไม่ถูก แต่มันก็คงจะเพราะแดดอีกนั่นแหละ
“หมายความว่ายังไงอ่ะเพชร”
 
“คุณชอบผม” เขาโน้มหน้าลงมาพูดใกล้หน้าผม
แต่แทนที่ผมจะเข้าใจสิ่งที่เพชรต้องการจะสื่อ ผมกลับยิ่งสับสนไปใหญ่
ไม่มั่นใจว่าเพชรเรียงประโยคผิดไปรึเปล่า

คุณชอบผม กับ ผมชอบคุณ มันน่าจะคนละความหมาย
ถ้าคุณ หมายถึงผม
และผม หมายถึงเขา
‘คุณ ชอบ ผม’ แปลว่า ‘ผม ชอบ เขา’
งั้นหรอ

“คุณเพชร” ผมตีปากยื่นๆ นั่นไปอีกทีนึง
แล้วเขาก็หัวเราะออกมาดังลั่น
คนบ้าอะไร ทำไมโมเมไปเอง
ขอโทษนะครับ จากประสบการณ์ที่เจอมา
ฝ่ายตรงข้าม ต้องมาเป็นคนบอกชอบเราไม่ใช่หรอ
ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้าม ต้องมาเป็นคนบอกว่าเราชอบเขา
หลงตัวเองชะมัด!

หลังจากที่ยืนสมองตื้อตากแดดอยู่ครู่ใหญ่ จนเริ่มรู้สึกว่าหน้าร้อนไม่ไหวแล้ว
ผมจึงตัดสินใจโบกแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะไปที่ไหน
โดยมีไอ้คนหน้าขาวแถมยังหลงตัวเองกระโดดตามขึ้นมาด้วย

สุดท้ายเราสองคนจึงมาโผล่ที่ยิมมวยครับ
ในวันที่ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อะไรมาเลย เราจึงซื้อชุดใหม่ และยืมนวมของทางค่าย
“กล้าสู้ป่ะล่ะ”
“ไม่กลัวอยู่แล้ว”
ผมท้าทายนายเพชร แล้วยักคิ้วใส่เขาไปทีนึง

ไม่รู้ว่าไปมายังไงถึงได้พากันมาถึงจุดนี้
จุดที่ผมเป็นฝ่ายน้ำเงิน ส่วนนายเพชรเป็นฝ่ายสีแดง
ทันทีที่ครูมะขามลั่นระฆัง ผมก็กระโจนเข้าใส่นายเพชรทันที ไม่ถึงสองนาที ฝ่ายแดงก็ลงไปนอนราบกับพื้น แล้วผมก็ชนะไป

เป็นการต่อยมวยที่คู่ต่อสู้โคตรกากเลยครับ
เออ ผมลืมไปว่าเพชรเพิ่งเรียนมวยไทยได้แค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น สุดท้ายต้องพาเขาลงจากเวที เพื่อมานั่งหายใจหายคอ

ตอนนี้ผมกับเขานั่งกันอยู่บนพื้นนุ่มๆ มุมหนึ่งของยิมที่ไม่มีคนครับ
“ต่อยยังไม่แข็ง จะสู้กับเราทำไม” ผมพูดถามคนที่นั่งเหยียดขาตึงอยู่ด้านข้าง ในมือของเขาถือขวดน้ำเปล่าที่ผมไปหยิบมาให้
“ก็จะได้รู้ ว่าต้องพยายามอีกเท่าไหร่ถึงจะชนะไง” คำพูดของเพชร ทำให้ผมที่นั่งท่าเดียวกันกับเขาแต่มองตรงอยู่ ต้องหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ไม่ห่าง

เขากำลังมองมาที่ผม

“แล้วรู้ยัง ว่าต้องพยายามอีกเท่าไหร่ถึงจะชนะ”
“รู้แล้วครับ...”
พูดจบเพชรก็ยิ้มจนตาหยีใส่ผม

“คุณหงส์”
“หื้ม” ผมตอบรับในลำคอ
“ไม่แน่ใจว่าปากผมแตกรึเปล่า คุณช่วยดูให้หน่อย” พูดจบเขาก็เอามือเรียวไปลูบที่ปากของตัวเอง แล้วโน้มตัวเข้ามาให้ผมช่วยดู
“เราต่อยแรงขนาดนั้นเลยอ่อ”

ผมจ้องมองปากเขาอย่างพิจารณา ก็ไม่เห็นจะมีรอยช้ำอะไร
แถมคนตรงหน้ายังยิ้มกว้างได้อีก ถ้าปากแตกจริง น่าจะยิ้มแบบนี้ไม่ได้นะ

เสี้ยววินาที
ริมฝีปากบางสีส้มก็ขยับเข้าใกล้ผม

สุดท้าย
ปากของผม ก็ถูกประกบด้วยปากของเพชร
เขาบดขยี้เบาๆ จนผมต้องหลับตาลง
ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดจมูกกันไปมา


ไม่นานเขาก็ปล่อยปากผมเป็นอิสระ

ผมลืมตาขึ้นแล้มจ้องมองริมฝีปากขี้ขโมยนั่น
“ที่หมายถึงชนะ ไม่ใช่ชนะบนเวทีมวยนะครับ...
…ผมหมายถึงชนะใจคุณอ่ะ” แล้วเขาก็ยิ้มหล่อส่งมาให้ผมอีกครั้ง

ก่อนจะกลับไปนั่งอยู่ด้านข้างเหมือนเดิม
มือหนาเอื้อมมาจับมือผมไปวางไว้บนตักของเขา
ก่อนที่ผมนุ่มๆ จะซบลงมาตรงไหล่ของผมแล้วหลับตาลง
ผมทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่นิ่งเอาไว้ ทั้งที่ข้างในมันสั่นไปหมดแล้ว
 
เหมือนกับว่าผมเพิ่งจะโดนเพชรขโมยจูบไป

จูบแรกของผมกับเพชร ที่เกิดขึ้นกลางค่ายมวย

THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 9 : Kiss



หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 9 : Kiss , 04/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-09-2017 22:33:04
อิจฉานะขอบอก555
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 9 : Kiss , 04/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 04-09-2017 23:32:13
งูยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 9 : Kiss , 04/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 05-09-2017 06:56:21
อยากได้เพชร อารมณ์อายของหงส์นี่เข้าใจเลย มันจะแบบ ไอ้บ้า ฉันทำอะไรลงไป 5555
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 9 : Kiss , 04/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 05-09-2017 07:13:27
โอ๊ย อิจ อ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 9 : Kiss , 04/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 05-09-2017 08:43:32
 หวานมากกกกก...โง้วววมดกัด  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 9 : Kiss , 04/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 05-09-2017 09:00:20
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 9 : Kiss , 04/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 05-09-2017 23:21:11
อยากได้เพชร อารมณ์อายของหงส์นี่เข้าใจเลย มันจะแบบ ไอ้บ้า ฉันทำอะไรลงไป 5555


555 ใช่เลย หมดกันภาพลักษณืน้องหงส์  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 9 : Kiss , 04/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-09-2017 08:03:13
อยากได้เพชร อารมณ์อายของหงส์นี่เข้าใจเลย มันจะแบบ ไอ้บ้า ฉันทำอะไรลงไป 5555


555 ใช่เลย หมดกันภาพลักษณ์น้องหงส์  :mew1:

แต่มันก็น่าอายจริงๆนะ
คนที่ เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ซะด้วย
แอ๊ะ.......มีจูบกันที่กลางเวทีมวยด้วย  :z3: :z3: :z3:

เพชร หงส์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 10 : Versace , 11/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 11-09-2017 20:29:38
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 10
Versace


07:07

2 สัปดาห์ก่อนสอบกลางภาค

เช้าวันเสาร์ที่ผมอยากจะตื่นสายซะหน่อย แต่ก็ดันมีคนโทรเข้ามากวนให้ต้องตื่นตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าเขารอเวลาให้เลขสวยอยู่รึเปล่า ถึงได้โทรเข้ามาได้ตรงเวลาเป๊ะ เจ็ดโมงเจ็ดนาที แต่อย่าหวังว่าคนอย่างผมจะยอมรับสายของเขาตั้งแต่ครั้งแรก เพราะกว่าผมจะเอื้อมมือไปสไลด์หน้าจอเพื่อรับสายก็ปาไปเกือบเจ็ดโมงสิบห้า

นับถือในความพยายามโทรของเพชร แต่ก็เริ่มรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เขาชักจะเอาใหญ่
เอ่อ...ไม่ใช่เอาแบบนั้นนะครับ
ผมหมายถึงชักจะเหิมเกริม ทำมาเป็นชวนไปนั่นไปนี่บ่อยขึ้น
ทำเหมือนกับว่าตัวเองจีบผมติดแล้วอะไรอย่างงั้น

แต่เอาเถอะนี่ก็รู้จักกันมาพอสมควรแล้ว น่าจะเกิน 2 เดือนละ
ถ้าผมจะไปไหนมาไหนกับเพชรบ้าง ก็คงจะไม่เสียหายอะไร
อีกอย่าง...ผมกับเพชรก็จูบกันไปแล้วเรียบร้อย
เหลือแค่มีอะไรกันเท่านั้น ก็จะครบสูตร > <

เออ พูดถึงเรื่องนี้แล้ว แม่งสยิวแปลกๆ ผมยังไม่อยากมีเลยว่ะ

เพราะหลังจากคืนนั้นที่ผมเมา ก็ดูเหมือนจะมีโอกาสให้เกิดเหตุการณ์อย่างว่าขึ้นอีกหลายรอบ
เพียงแต่เราทั้งสองกำลังพยายามหักห้ามใจกันอยู่ ซึ่งมันจะห้ามได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว

จิตสำนึกของผมกับเขามันบอกว่าไม่ แต่ฮอร์โมนที่พุ่งพล่านมันโหยหาสิ่งที่มันตรงกันข้ามกับจิตสำนึก
ผมเลยแอบมีเซ้นส์ว่ามันก็คงจะเร็วๆ นี้แหละ

ผมแค่อยากใช้คำว่าแฟนก่อน แล้วค่อยเมคเลิฟกัน
แต่ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น ก็ไม่เป็นไร ผมไม่ซีเรียส นี่มันปี 2017 แล้ว อย่าได้แคร์
 

15:44

หลังจากที่อาบน้ำพร้อมกับบำรุงผิวในช่วงบ่ายเสร็จเรียบร้อย เชิ้ตตัวใหญ่สีน้ำเงินลายซับซ้อนแบรนด์ Versace ก็ถูกหยิบมาสวมกับเข้ากับกางเกงขายาวพอดีตัวสีขาวแบรนด์เดียวกัน ฉีดน้ำหอมเพิ่มความสดชื่น จากนั้นผมก็เช็คลุคตัวเองในกระจก ก่อนจะเดินออกมาสวมรองเท้าที่ตู้รองเท้าด้านหน้า วันนี้ผมเลือกรองเท้าแตะคู่สีขาวให้เข้ากับกางเกง แล้วหยิบกระเป๋าถือใบเล็กสีน้ำเงินที่ด้านในใส่ของใช้จำเป็นเอาไว้ พร้อมกับหย่อนไอโฟนสีแดงที่ไม่แมทซ์กับอะไรเลยลงไปในนั้นเพื่อไม่ให้สีมันโดดออกมา

เพชรนั่งรอผมอยู่ที่ล็อบบี้ วันนี้เขาแต่งตัวเหมือนกับพวกนักซิ่งมอเตอร์ไซค์
นั่นทำให้ผมใจไม่ค่อยดี เพราะกลัวในสิ่งที่ตัวเองแอบคิดเอาไว้
ทันทีที่เขาเห็นผม คนที่นั่งรออยู่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้
ส่วนผมตอนนี้น่ะหรอ เอาแต่มองคนตรงหน้าอย่างสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า
 
“ไม่ไปรถมอ’ไซค์นะ!”
คำทักทายของผมไม่ใช่คำว่าสวัสดี แต่มันก็น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ เพราะดูจากการแต่งกายบวกกับรอยยิ้มร้ายของเขา ผมคิดว่าเพชรคงมีแผนจะพาผมแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ไปไหนสักแห่ง
และแน่นอนว่าผมไม่เคยคิดผิด

“โถ่คุณ ไปมอเตอร์ไซค์ก็ไม่เสียหายอะไรซะหน่อย”
“พูดอะไรให้เกียรติ Versace บนตัวเราด้วย”
ผมพูดตอบแล้วเชิดหน้าใส่ ได้โปรดเถอะ ทั้งตัวผมนี่เกินแสนแล้วนะ
“Versace ของคุณ ก็เหมาะกับบิ๊คไบค์ BMW ของผมดีออก”
“ดีออกนะสิ! ก็บอกแล้วไงว่าไม่ชอบ จะ BMW ก็เถอะ มันก็มอ’ไซค์อยู่ดี”

“เปิดใจสิคุณ ลองเปิดใจ”
“เปิดใจอะไร เราบอกว่าไม่ ก็คือไม่”
“นะคุณณณณ”
“ไม่เว้ย...ฟังนะ เราไม่อยากเป็นสก็อย”
ทำไมผมต้องมาพูดอะไรซ้ำไปซ้ำมาด้วย สองเดือนที่ผ่านมาผมพูดคำนี้ไม่รู้กี่รอบ
บ้าบอจริง

ระหว่างที่กำลังจะโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ผมก็เหลือบไปเห็นตัวเองในกระจก
ถ้าใครผ่านมาเห็นเราสองคนในตอนนี้ละก็ คงจะนึกว่าเรากำลังทะเลาะกันอยู่แน่นอน ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างงั้น แม้มันจะเป็นอย่างงั้นก็ตามเถอะ
ภาพลักษณ์เก๋ๆ ที่ผมสร้างให้คนในคอนโดจดจำจะต้องไม่มาพังลงเพราะเขา

ว่าแล้วผมก็ฉีกยิ้มกว้าง ทำตาใส จ้องร่างสูงตรงหน้าแล้วพูดด้วยเสียงหวาน
“ก็บอกว่าไม่ เข้าใจมั้ยครับ
…ถ้าคุณเพชร ยังจีบเราด้วยการพานั่งมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนแบบนี้
คุณเพชรคงไม่มีทางจีบเราติด”

เขาดูเหมือนจะงงในท่าทางของผม เพชรนิ่งไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วยิ้มกว้างตอบกลับมา
กวนตีนไม่เบา
“แฮ่ๆ
คุณหงส์ไม่ดื้อนะครับ ก็ไหนคุณหงส์รับปากกับผมแล้ว ว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน”
“รับปากครับ แต่ก็ไม่ใช่ต้องมาตากแดด ตากลมไปเที่ยวแบบนี้นะครับ”
“จะไปดีๆ หรือจะให้ผมอุ้มครับ”
เพชรขู่ผม เขาไม่พูดเปล่าแต่ขยับเข้ามาใกล้ตัวผมมากขึ้นด้วย
“ก็ลองอุ้มดูสิครับ จะโวยวายให้คนเค้ารู้กันทั่วเลย”
“คุณหงส์ไม่กล้าโวยวายหรอกครับ เดี๋ยวเสียอิมเมจ หึ”
ไม่ต้องมาแยกเขี้ยวใส่
“อย่ามารู้ทันนะครับ” ผมเริ่มกัดฟันพูด
พอหันกลับไปมองในกระจกอีกที ก็ดูเป็นรอยยิ้มที่ดูตอแหลใช้ได้
“เห้ย”
ละจังหวะที่ผมมัวแต่มองกระจก เพชรก็ก้มลงมาช้อนตัวผมแล้วก็อุ้มผมขึ้นทันที

สุดท้ายผมก็ต้องยอมขึ้นมานั่งซ้อนท้ายบนรถมอเตอร์ไซค์บิ๊คไบค์ของเขา
เพชรสวมหมวกกันน็อคให้ผมเหมือนทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ผมถูกบังคับให้ใส่เสื้อแขนยาวกันแดด หน้ากากกันลม แล้วก็อุปกรณ์อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย

ระหว่างทางผมก็นึกโมโหเพชรอยู่ในใจ แล้วก็ใช้ความคิดว่าจะเอาคืนในความเผด็จการของเขายังไงดี มีอย่างที่ไหนมาบังคับขู่เข็น รวมถึงใช้กำลังในการอุ้มผม รู้งี้ไม่มาด้วยก็ดี แถมตอนออกรถยังแกล้งด้วยการออกตัวแบบกระชากอีก ทำให้ผมต้องกอดเอวเขาไว้แน่นเพราะกลัวจะตกอย่างนี้

พอหลุดจากภวังค์ความคิดแล้วหันออกไปมองบรรยากาศรอบข้าง
ก็พบว่า ตอนนี้ไม่มีตึกสูงระฟ้าเหลืออยู่แล้ว
แปลว่านี่มันออกมานอกเขตกรุงเทพแล้วใช่มั้ย เขาจะพาผมไปไหนเนี่ย
เห็นท่าไม่ดี ผมเลยรีบยืดคอขึ้นแล้วตะโกนถามคนข้างหน้า

“จะพาไปไหน ทำไมออกมานอกเมือง”
“เอาน่า เดี๋ยวคุณก็รู้” เพชรตะโกนตอบผมพร้อมกับชะลอความเร็วลง
“เพชร มันไม่ตลกนะ จะมาทำแบบนี้ไม่ได้” ผมขึ้นเสียงแล้วทำหน้าตึงใส่ แม้เขาจะไม่เห็นก็ตาม
“ใครเค้าตลกตอนขี่รถล่ะคุณ”
ดูเหมือนว่าคนด้านหน้าจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย ผมเลยต้องกระตุ้นซะหน่อย

“ถ้าไม่ยอมตอบ เราจะจับ” ผมขู่เสียงแข็ง
“จับอะไรล่ะคุณณณ” นอกจากจะไม่รู้สึกรู้สา เพชรยังคงตลกกับคำพูดของผม
แต่ผมไม่ตลก ว่าแล้วผมก็เลื่อนมือที่กอดเอวเขาอยู่ ลงต่ำเรื่อยๆ จนถึงหัวเข็มขัด
“เห้ยยย คุณหงส์ไม่เล่นแบบนี้”

เริ่มกลัวแล้วล่ะสิ หึ
“เอาไง จะบอกไม่บอก ไม่งั้นจับ”
เพชรเงียบไปสักพักเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะพูดขึ้น
“อืมม ก็แล้วแต่คุณนะ ถ้าผมไม่ไหวแล้วลากคุณลงไปทุ่งนาแถวนี้ก็อย่าว่ากัน”
“ยี้ น่าเกลียดอ่ะเพชร” คำพูดของเพชรทำให้ผมกระชากมือออกจากตัวเขาอย่างอัตโนมัติ
หลังจากนั้นผมก็ยอมนั่งโง่ๆ แต่โดยดี
มีอย่างที่ไหนมาพูดว่าจะพาผมไปปู้ยี่ปู้ยำในทุ่งนา
คนอย่างผม ต้องโรงแรมหรูห้าดาว มองออกไปเห็นวิวระดับไฮเอน
รู้งี้ไปจิบชายามบ่ายกับพี่แฟรงค์ก็ดี พี่เขาอุตส่าห์โทรชวน แต่ผมปฏิเสธไป
เอาเถอะคิดมากไปก็ย้อนเวลาไม่ได้อยู่ดี ผมจึงได้แต่ภาวนาให้ถึงที่หมายเร็วๆ


เกือบสองชั่วโมงที่ผมต้องนั่งคล่อมบนบิ๊คไบค์คันโต ทันทีที่เพชรจอดรถผมก็กระโดดลงแล้วถอดอุปกรณ์ทุกอย่างออกเขวี้ยงใส่ตัวเขา แล้วยืนบิดตัวยืดเส้นยืดสายให้ความเมื่อยล้าเข้ามาเยือน พร้อมกับเตรียมจัดหนักที่พาผมมาทรมานขนาดนี้

“นี่คุณ”
ผมเอามือสองข้างเท้าสะเอว ทำท่าจะด่าเพชร
แต่ดูท่าแล้วมันเหมือนเจ๊เก็บแชร์ในตลาด เลยต้องเอามือออกแล้วกุมไว้ด้านหลังแทน
“ว่ามาเลยครับ”
เจ้าตัวดูเหมือนจะรู้ชะตากรรม เพชรหันหลังพิงรถแล้วกอดอกนิ่ง ท่าทางชิล

“บอกแล้วไงว่าชอบ ไม่ชอบอะไรแบบนี้ นี่พาเราขับมาไกลถึงพัทยา จะบ้าไปแล้ว”

ใช่ครับ ตอนนี้ผมกับเขาอยู่พัทยา จอดรถอยู่ตรงหน้าเซ็นทรัล ฝั่งตรงข้ามคือทะเล

“แล้วก็รู้ไว้ด้วยว่าเราไม่ชอบมอ’ไซค์ บอกกี่ครั้งแล้ว มันเหนื่อย มันร้อนเข้าใจป๊ะ
ดีนะที่มันเริ่มเย็นลงแล้ว ก็เลยไม่ร้อนมาก
ถ้าวันนี้แดดเปรี้ยงนะ เราไม่อยากจะคิดภาพเลย ว่าผิวเราจะไหม้ขนาดไหน
แล้วก็จะบอกว่า ถ้าอยากจีบเราให้ติด จากนี้ไปได้โปรดเอารถยนต์มารับด้วย

ต่อให้บิ๊คไบค์จะยี่ห้ออะไรก็เถอะ ไม่เวิร์คว่ะ!
ที่บ้านก็ทำธุรกิจอัญมณีใหญ่โต น่าจะซื้อรถยนต์ได้นะ
หรือถ้าไม่มีจะไปเช่า ไปทำยังไงมาก็ได้

ส่วนขากลับช่วยไปหารถยนต์มาพาเรากลับด้วย
แต่ถ้าหาไม่ได้เราจะให้ลุงชัย คนขับรถที่บ้านมารับ
นี่เราไม่คิดเลย ว่าชีวิตจะต้องมาถึงจุดนี้
แล้วรู้มะ...

...อื้ออ
อื้ออ”

ไอ้เพชรบ้า ระหว่างที่ผมกำลังบ่นอย่างคนเลือดพุ่งพล่าน
เพชรที่ยืนอมยิ้มมุมปากอยู่ก็โน้มตัวลงมา แล้วเอาปากมาประกบปากผม
แถมเขายังมือไว เอื้อมมือมาโอบแก้มผมไว้แน่นจนดิ้นไม่หลุด
ไม่รู้ว่าผมหลับตาลงตั้งแต่เมื่อไหร่

แล้วทำไมไม่ขัดขืน แล้วด่าต่อ
โว้ยยย
รู้ตัวอีกทีริมฝีปากนุ่มของเพชร ก็ค่อยๆ บดขยี้ริมฝีปากบางของผมเบาๆ
มันเรียบๆ เรื่อยๆ แต่ดูมั่นคง สุดท้ายสัมผัสของเขาก็ทำให้ผมเย็นลง

พอถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ผมก็รีบลืมตาขึ้นมาแล้วถลึงตาใส่คนฉวยโอกาส
ดีนะที่ผู้คนรอบข้างไม่ได้สนใจ หรืออาจจะสนใจแต่ผมไม่เห็นเพราะมัวแต่หลับตา
เออ ช่างมันเถอะ ขอเคลียร์กับคนตรงหน้าก่อน

ทันทีที่ผมจะอ้าปากพูด เพชรก็แย่งพูดซะก่อน
“จะเงียบได้รึยังครับ
หื้มมม”
ยังมีหน้ามาทำเสียงนุ่มใส่
ใครสอนให้ทำหน้าแบบนั้นวะ คิดว่าแบ๊วหรอ แล้วอะไรคือเอามือมายีหัวผมเล่น
นี่ไม่ใช่ตุ๊กตานะ
ทำแบบนี้คิดว่าจะเคลิ้มหรอ
.
.
เออ
เคลิ้ม

เพชรน็อคผมได้ถูกจุด
หลังจากนั้นผมก็กลายเป็นลูกแมวเหมียวที่คุณเพชรจูงมือเข้าห้าง
ก่อนจะพาขึ้นโรงแรมฮิลตันที่อยู่ด้านบนได้อย่างง่ายดาย

ครับ เขาพาผมขึ้นโรงแรม

แม่งโคตรง่าย แต่ผมก็เหนื่อยรู้สึก แล้วก็อยากพักผ่อนเลยยอมตาม

ระหว่างที่เพชรเดินไปเช็คอิน ผมก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาไอ้มิว
“มิว ถ้ากูเล่าให้ฟังมึงต้องไม่แตกตื่น เคนะ”
“เค กูจะไม่แตกตื่น” ไอ้มิวรับคำดิบดี น้ำเสียงมันดูตื่นเต้นเสมอ
“คือตอนนี้กูอยู่พัทยากับเพชร ดูท่าคืนนี้น่าจะค้างที่นี่ว่ะ”
ผมพูดเสียงเบาจนเหมือนแทบจะกระซิบ
แต่ไอ้มิวผู้ที่รับปากว่าจะไม่แตกตื่น กลับร้องเสียงดังเมื่อได้ยิน
“เหยดดดดดดด โว้ววววววววววว มึงแม่ง...เพชรดีต่อใจหงส์ เพชรดีต่อใจหงส์”
“เพชรดีต่อใจหงส์บ้าไร! มิว ไหนมึงบอกว่าจะไม่แตกตื่น
สัส กูมีเวลาไม่มาก มึงดึงสติดิ๊”
ผมด่ามันไป การเว่อวังของมันทำให้ผมเสียเวลามาก คนยิ่งกำลังมาแอบคุย
“มึงก็เลยกลัวจะเสียตัวใช่มั้ย”
“เออดิ มึงว่าไงอ่ะ”
“ปล่อยตามสบายเลยเว่ย อย่าคิดมาก
กูบอกได้แค่ว่าเพชรมันไม่ทำให้มึงเสียใจ”

ผมเบะปาก แล้วมองบน “ทีตอนพี่ภัทรมึงก็พูดงี้ไอ้สัส หะหะ”
“เอาน่า มึงอยู่กับปัจจุบันดิวะ เชื่อกู กูรู้ว่าเพชรจริงใจ” ไอ้นี่ก็เชียร์กูจัง แหม่
“หราาาา”
“เออ ว่าแต่ค้างไหน”
“ฮิลตัน”
“เห็นมั้ย กูบอกแล้วคนอย่างไอ้เพชร มันดีต่อใจมึง”
“เพ้อเจ้อ”
“เพ้อเจ้อมั้ยไม่รู้ รอดูคืนนี้นะจ้ะน้องหงส์คนสวย อัพเดตกูด้วย จุ๊บจุ๊บ”
พอวางสายจากไอ้มิว เพชรก็เดินกลับมาพอดี

เขาพาผมขึ้นห้องพักที่เป็นห้องที่อยู่มุมสุดของตึก
ขณะที่เพชรกำลังเปิดประตู ผมก็ถามสิ่งที่ตัวเองสงสัย
“แอบจองห้องพักไว้หรอ”
เพราะดูเหมือนว่าเขาจะแพลนเอาไว้แล้ว ส่วนผมก็ดูเป็นหมากที่มาตามเกมส์
“อื้มม
 ...คุณค้างที่นี่คืนนึงได้เปล่า”
เพชรตอบผมแล้วเขาก็เปิดประตูห้องออก
ร่างสูงตรงหน้าหันมองกลับมาแล้วผายมือเชิญให้เข้าไปข้างใน

สารภาพตามตรงว่ามันค่อนข้างจะผิดแผนที่ผมคิดเอาไว้ ตอนแรกเข้าใจว่าจะไปกินข้าว ดูหนังในห้างที่กรุงเทพอะไรแบบนั้น ไม่ใช่มานอนค้างอ้างแรมต่างจังหวัดแบบนี้ ไม่งั้นผมคงจะเตรียมเสื้อผ้าที่เข้ากับบรรยากาศทะเลมา นี่คือไม่มีเสื้อผ้ามาเลย

“แล้วถ้าไม่ค้าง เพชรจะไปส่งเราป่ะ” ผมตอบพร้อมกับเดินเข้ามาด้านใน
ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเพชร แล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับคนที่สูงกว่า
“ผมไปส่งหงส์ได้นะ
...แต่ห้องนี้....เข้ามาแล้ว
คงจะออกยากหน่อย”
ประตูห้องถูกปิดลง พร้อมกับที่ร่างสูงที่ดันแผ่นหลังไปบังประตูไว้

อืม ดูท่าทางจะออกจากห้องยากจริงด้วย หึ

คนตรงหน้ายกมือสองข้างมาวางบนไหล่ผม
“หายโกรธผมรึยัง
ขอโทษนะครับที่พานั่งมอ’ไซค์มา ไม่คิดว่าหงส์จะไม่ชอบขนาดนี้”
มาโหมดไหนเนี่ย ไม่ทันตั้งตัว
ดวงตาคมฉายแววรู้สึกผิดจนสัมผัสได้ จะว่าไม่ชอบขนาดนั้นมันก็ไม่ใช่หรอกครับ
แค่ห่วงความปลอดภัยมากกว่า
“อื้ม ช่างมันเหอะ”
เห็นแววตาของเขายังไม่ค่อยดีขึ้นเลยส่งยิ้มบางไปให้ทีนึง

ก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจภายในห้อง ตรงหน้าผมตอนนี้เป็นห้องนั่งเล่น
ถัดเข้าไปเป็นห้องนอนที่วางเตียงหันออกระเบียงเห็นวิวทะเลชัดแจ๋ว ส่วนด้านในสุดคือห้องน้ำ
ห้องพักที่นี่บรรยากาศดีเหมือนกันแฮะ
ความจริงผมก็มาทานข้าวที่นี่บ่อย แต่ยังไม่ได้ขึ้นมาพักซะที
นี่จึงเป็นครั้งแรกของผม

แล้วคำพูดของไอ้มิวก็ดังขึ้นมาในหัว
‘ปล่อยตามสบายเลยเว่ย อย่าคิดมาก’
‘ปล่อยตามสบายเลยเว่ย อย่าคิดมาก’
‘ปล่อยตามสบายเลยเว่ย อย่าคิดมาก’
โอเค
ตามสบายก็ตามสบาย ไม่คิดมากก็ไม่คิดมาก
พักก็พัก
ค้างก็ค้าง
มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็เลือกอะไรไม่ได้แล้วป่ะ?

“หงส์”
“คุณเรียกตัวเองหรอ”
ผมหันมองคนที่เดินตามเข้ามาก่อนจะหลุดขำ
ผมไม่ได้เรียกตัวเองนะครับ
แต่ผมเรียกหงส์น้อยสีขาวสองตัว ที่จูบปากกันอยู่บนเตียงต่างหาก
“เปล่าเรียกตัวเองนะ” ผมชี้ไปยังผ้าขาวที่ถูกพับเป็นน้องหงส์สองตัวหันหน้าจูบกันเป็นรูปหัวใจเพื่อบอกเพชร

เห็นแล้วอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก มิน่าโรงแรมถึงชอบทำอะไรแบบนี้ไว้ในห้องสวีท
แม้จะเป็นอะไรที่ดูเบสิคแต่ผมชอบมากเลย
“คุณชอบหงส์หรอ”
คำถามของเพชรทำให้ผมหันกลับไปมองหน้าเขาอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเพชรจะอ่านแววตาผมออก ถึงได้ถามออกมา
ผมพยักหน้ารับ
“ชอบมากอ่ะ เหมือนเรามี  passion บางอย่าง อาจจะเพราะว่าเราชื่อหงส์ด้วยมั้ง
.
.
ความหมายของหงส์ก็ดีนะ เป็นสัตว์คู่รัก มันอยู่กันเป็นคู่
หงส์จะรักคู่ของตัวเองมาก รักเดียวใจเดียวเลยแหละ
มีคนบอกว่าถ้าคู่มันตาย อีกตัวก็จะตายตาม
ลองคิดดูดิ จะหาความรักที่โคตรดีแบบนี้ได้จากที่ไหน”

ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม แต่ผมรู้สึกหลงใหลในหงส์จริงๆ
แม้ว่าภายนอกผมจะดูไม่สนใจอะไรนัก แต่ผมก็มีมุมที่อ่อนไหวเหมือนกัน
ถ้าจะบอกว่ามีอะไรที่ผมรักมากอีกอย่างนึง ก็คงจะเป็น หงส์ นี่แหละ

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมชอบลอนดอน ผมไปเกือบทุกปีเพื่อไปดูหงส์ครับ
บรรยากาศสวยๆ ของเมือง มีหงส์สีขาวๆ เล่นน้ำอยู่ มันเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก

พอได้เห็นหงส์ผ้าสีขาวบนเตียง มันเลยทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้เลย

ระหว่างที่ผมคิดอะไรเพลินๆ ผมก็เห็นเพชรยุกยิกๆ อยู่ด้านข้าง
“นี่แอบถ่ายรูปหรอ”
รู้ตัวอีกที ก็ถูกแอบถ่ายเข้าให้แล้ว ไม่รู้ว่าเพชรหยิบกล้องตัวโปรดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ดูเหมือนว่าเขาจะชอบถ่ายรูปผมตอนเผลอ สังเกตมาระยะนึงแล้ว
“ขอดูหน่อย”
“ไม่ให้ดู”
ผมพยายามจะแย่งกล้องในมือของเขามาดู
แต่ก็เหมือนทุกครั้ง เพชรไม่ยอมให้ผมดูง่ายๆ สุดท้ายผมก็ยอมแพ้ เลิกแย่ง
เพชรเลยจับผมให้มานั่งนิ่งๆ ในห้องนั่งเล่น แล้วเขาก็หายไปครู่หนึ่ง

ก่อนจะเดินกลับมายืนตรงหน้าผม ที่ตอนนี้นอนอยู่บนโซฟาตัวยาว
“ปะ ปะ”
“ไปไหน ไปไหน กำลังสบายเลย” กำลังจะเคลิ้มหลับ มาชวนไปไหนเนี่ย
“มาเหอะน่า ในห้องนี้แหละ”
ว่าแล้วเพชรดึงแขนผมให้ลุกขึ้น ก่อนจะถูกจูงให้เดินเข้ามาในห้องน้ำ
เขาพาผมไปยังอ่างอาบน้ำที่อยู่บริเวณระเบียงกว้างด้านนอก

ภาพตรงหน้าทำให้ผมค่อนข้างประหลาดใจ เพราะพ่อหนุ่มชุดหนังขับบิ๊คไบค์ที่ตอนนี้เขาสวมเพียงเสื้อยืดด้านในและได้พับขากางเกงยีนส์ขึ้น เขาเข้ามาเตรียมอ่างอาบน้ำไว้ให้ผม ในอ่างมีฟองครีมสีขาวฟูจนล้นออกมา ด้านข้างมีโซฟาตัวใหญ่ตั้งอยู่ แถมตอนนี้เพชรยังหยิบชุดคลุมอาบน้ำบนโซฟาขึ้นมายื่นให้ผมอีกด้วย
“แช่น้ำให้สบายนะครับ จะได้หายเหนื่อย”
ดวงตาคมมองผมไม่วางตา
“นี่เตรียมมาจากบ้านป่ะเนี่ย”

ผมรับ bathrobe (ชุดคลุมอาบน้ำ) จากมือของเพชรมาถือไว้แล้วก้มมองมัน
ชุดคลุมอาบน้ำสีแดงพร้อมด้วยสายคาดผูกเอวสีทอง แสดงสัญลักษณ์ที่คุ้นเคย
ก็แบรนด์เดียวกับเสื้อผ้าที่ผมใส่วันนี้อ่ะแหละ
ไม่ใช่ชุดของทางโรงแรมแน่นอน

เพชรไม่ได้ตอบเป็นคำพูด เขาเพียงแค่ยกยิ้มมุมปาก แล้วเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อให้ผมเม็ดนึง ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปด้านใน ปล่อยให้พื้นที่ตรงส่วนนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของผม

ไม่นานเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายของผมทั้งหมด ก็ถูกปลดออก
แล้ววางพาดไว้บนโซฟาที่วางอยู่ไม่ไกล
ผมค่อยๆ แช่ลงไปในอ่างอาบน้ำด้วยความละมุนละไม

มันดีมากครับ : )

ลมเย็นพัดเอื่อยๆ บวกกับความเย็นฉ่ำจากแอร์ในห้อง
ผสมเข้ากับฟองครีมนุ่มที่ถูกลูบไล้วนทั่วผิวกาย
แถมยังมีแสงสวยยามที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินปะทะกับวิวทะเลสวยสุดลูกตา

ต้องบอกว่า โคตรดี

ถ้าได้ไวน์หรือแชมเปญสักแก้ว คงจะเพอร์เฟคที่สุด

ผมเอนตัวพิงอ่างพร้อมกับยกแขนทั้งสองขึ้นพาดขอบ จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลง ปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนจากความเหนื่อยล้า
จะว่าไปก็ต้องยอมรับว่า คุณเพชร ทำการบ้านมาดีจริงๆ

เขารู้ใจผมไปซะหมด

ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกได้ยินเสียงสากลเพลงดังขึ้นจากในห้อง ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ๆ
จนอยู่ไม่ห่างจากหูผม

คนร่างสูงเดินไปเดินมา เหมือนกับกำลังทำอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่ได้สนใจ
เพราะตอนนี้ กำลังปล่อยตัว ปล่อยใจ แล้วก็ปล่อยให้บทเพลงได้บรรเพลงในจังหวะของมัน
ครู่หนึ่งผมจึงลืมตาขึ้น
เพชรกำลังวางเสื้อผ้าของเขาพาดลงบนโซฟาข้างกับเสื้อผ้าของผม
เขากำลังผูกชุดคลุมอาบน้ำแล้วมองมาทางนี้

“แก้วนี้ของคุณครับ”
เหมือนรู้ใจไปซะทุกอย่าง
เพชรหยิบแก้วแชมเปญที่วางอยู่บนโซฟาแล้วยื่นให้ผมแก้วนึง ส่วนในมือของเพชรก็ถือไว้อีกแก้ว
เขายิ้มให้ผม แล้วโน้มตัวลงมา พร้อมกับยื่นแก้วมาชน

“Cheers!!”
ผมจิบเล็กน้อย แล้ววางแก้วลงด้านข้าง ก่อนจะยิ้มให้เพชรอีกครั้ง แล้วละสายตาจากเขา
“ผมนั่งตรงนี้ได้เปล่า” เสียงทุ้มที่ดูนุ่มเหมือนรสชาติแชมเปญพูดถาม
 “อื้ม ได้ดิ” ผมตอบแต่ไม่ได้หันไปมอง แต่ก็พอจะเห็นว่าเขานั่งลงด้วยท่าทางระมัดระวัง

“ทำไมถึงรู้ว่าเราอยากแช่น้ำ”
ผมเอียงหน้ามองสันกรามของคนที่นั่งเหยียดขาไขว้กันอยู่พื้นด้านข้าง
เขาใช้ศอกเท้าหลังตัวเองเอาไว้ ในมืออีกข้างยังคงถือแก้วแชมเปญ
ต้องบอกว่าขอบอ่างอาบน้ำอยู่ระดับเดียวกับพื้นครับ ผมกับเพชรเลยไม่ได้อยู่ห่างกันมาก ผมที่แช่อยู่อาจจะอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าหน่อย

“จำได้ว่าผมเคยนั่งรอคุณแช่น้ำที่คอนโด” ผมพยักหน้ารับแล้วทอดสายตาออกไปยังวิวทะเล
ตอนนี้พระอาทิตย์ตกเรียบร้อยแล้ว ท้องฟ้ามืดแต่ไม่ถึงกับมืดสนิท
มีแสงจากดวงจันทร์และแสงไฟด้านนอกที่ส่องสว่าง
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ชอบมอเตอร์ไซค์” เพชรถามกลับบ้าง
“ไม่ใช่ไม่ชอบนะ แต่กลัวอุบัติเหตุมากกว่า
ยังไงมันก็ปลอดภัยน้อยกว่ารถยนต์
เข้าใจเราใช่ป่ะ” พูดจบผมก็หันกลับเข้ามามองคนที่อยู่ด้านข้าง
แล้วก็พบว่าเขามองมาที่ผมอยู่

ตาเป็นประกาย 

เพชรดูเหมือนจะเขินนิดหน่อยถึงได้รีบหลบตาทันที
นั่นทำให้ผมยกยิ้มออกมาอย่างฝืนตัวเองไม่ได้ จนต้องถามคำถามเขาต่อ
“แล้ววว...ทำไมคุณถึงชื่อเพชร”
“ก็ที่บ้านทำธุรกิจอัญมณี แต่คุณก็รู้แล้วนิครับ”
น้ำเสียงของเพชร ดูเหมือนกำลังจะบอกว่าผมไปแอบสืบเรื่องของเขามาแล้ว
แต่ผมไม่ได้สืบนะ ไอ้มิวต่างหาก มันเล่นไปค้นประวัติที่บ้านเพชรมาให้ผมอ่านซะละเอียดยิบขนาดนั้น มันก็เลยต้องรู้โดยความจำเป็น

“ใช่ เพราะเราเก่ง”
คำตอบของผมทำให้เขายิ้มร้ายที่มุมปาก
ก่อนที่เราสองคนจะยกแก้วแชมเปญขึ้นมาชน แล้วดื่มจนหมดแก้ว
เพชรลุกขึ้นไปหยิบถังน้ำแข็งที่แช่ขวดแชมเปญมาวางไว้ข้างๆ แล้วเทให้ผมก่อน

“แล้วคุณล่ะ ทำไมชื่อหงส์” เขาพูดถามขณะที่กำลังเทแชมเปญใส่แก้วตัวเอง
“เพราะว่าแม่อยากได้ลูกสาว” เพชรขำกับคำตอบของผม
นั่นทำให้ผมมองค้อนเขากลับไป
“ก็เหมือนได้ลูกสาวจริงๆ”
“เหอะ” ผมเค้นหัวเราะในลำคอแล้วยกแก้วขึ้นมาจิบอีกนิดหน่อย

มองกันไป มองกันมาจนตาเยิ้ม
ผมจึงเอนหลังแล้วหลับตาลงอีกครั้ง


“มานั่งอยู่ตรงนี้ เพชรรู้มั้ย
...ว่าเราไม่ได้ใส่เสื้อผ้า”


“รู้ครับ
ฟู่ ฟู่วว” ดูเหมือนเพชรกำลังเป่าฟองครีมที่ล้นอ่าง ให้ปลิวออกจากตัวผม
แต่เขาก็คงแค่แกล้งเท่านั้นแหละมั้ง

“เพชร ไม่แกล้งดิ๊” ผมลืมตาขึ้นแล้วตีแขนเขาเบาๆ
จนทำให้คนที่นั่งเท้าแขนที่พื้นอยู่ เหมือนจะเสียการทรงตัว จนตัวเขาล้มลงมา
เพชรเซลงมาทางผมที่นอนแช่น้ำอยู่

ตอนนี้หน้าเพชรอยู่ห่างกับหน้าผมไม่ถึงคืบ
ดวงตาของเพชรเป็นประกายกว่าที่เคยเป็น
คงเพราะว่าเราไม่ได้เปิดไฟในบริเวณนี้
แสงจันทร์ที่สะท้อนกับนัยน์ตาของเขา
อาจจะทำให้ดวงตาคู่สวยของเขาสว่างมากก็เป็นได้
มันมีประกายเหมือนเพชร 

“แล้วหงส์รู้เปล่า...ว่า ถ้าผมถอดชุดคลุมนี้ออก
...มันจะเป็นยังไง”

ดวงตาคมจ้องผมไม่วางตา ริมฝีปากสวยยิ้มนิดหน่อย ก่อนที่ผมหลบตาเขา
แล้วไล่มองชุดคลุมเวอซาเช่สีสวยที่คลุมตัวเพชรเอาไว้

สายตาของผมไล่ลงไปตั้งแต่ปลายคาง เลื่อนลงไปที่อกแกร่ง
เอวของเขาที่มีปมเชือกผูกกันอยู่หลวมๆ
ลงไปจนถึงช่วงขาที่ชุดมันแหวกขึ้นมาเผยให้เห็นต้นขาแกร่งของเขา
บอกตรงๆ ว่า ผมแพ้คนขายาว

ใจมันสั่น สั่นจนผมรู้สึกได้

แล้วผมเลื่อนสายตากลับขึ้นมาสบตากับคนตรงหน้าอีกรอบ

“ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง

เพราะว่าไม่เคยเห็น”

พูดจบ ผมก้มมองต่ำเพื่อหลบตาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มือหนากลับเชยคางผมให้เงยหน้าขึ้น เขายกยิ้มมุมปากในจังหวะที่เราสบตากันอย่างมีความหมาย
แล้วริมฝีปากสีสวยก็ขยับเพื่อพูดตอบ


“อยากจะเห็นมั้ยล่ะครับ”


ภายใต้บรรยากาศที่สลัวในตอนนี้
แต่คำตอบของเพชรกลับทำให้ทุกอย่างดูสว่างวาบขึ้นมา

“คือว่า...มันจะดีใช่มั้ยอ่ะ”

ผมยิ้มมุมปาก แล้วก้มมองลงต่ำ
มือหนาของเพชรค่อยๆ
เลื่อนไปคลายปมเชือกผูกเอวของเขาออก


มันคงไม่ดีเท่าไหร่นัก

 
ผมรีบยื่นมือไปห้าม แล้วปัดมือของเขาออกไป

ก่อนจะใช้มือตัวเองคลายปมนั้นออกแทน



แบบนี้สิ ถึงจะดีกว่า


Let's take our time tonight, girl 

So, baby, let's just turn down the lights and close the door
Ooh, I love that dress, but you won't need it anymore
 
No, you won't need it no more
Let's just kiss 'til we're naked, bab


Versace on the floor
take it off for me, for me, for me, for me now


THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 10
Versace
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 10 : Versace , 11/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-09-2017 21:25:31
มาต่อแล้วววว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 10 : Versace , 11/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-09-2017 22:08:24
ค้างงงงงง :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 10 : Versace , 11/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 11-09-2017 23:42:16
อูยยยยยยย  :z1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 10 : Versace , 11/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-09-2017 10:52:58
คือดี! ชอบเลยครับ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 10 : Versace , 11/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 12-09-2017 17:42:52
ชอบพระเอก ชอบนายเอกเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 10 : Versace , 11/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 12-09-2017 21:05:50
มาต่อแล้วววว :katai2-1:

มาแล้วๆๆ 555
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 10 : Versace , 11/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 12-09-2017 21:06:39
ค้างงงงงง :ling1: :ling1: :ling1:


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 10 : Versace , 11/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 13-09-2017 22:31:30
อูยยยยยยย  :z1:


 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 10 : Versace , 11/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 14-09-2017 09:42:36
ค้างงงงง... :ling1: เมื่อไหร่จะได้กิน..  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 10 : Versace , 11/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 14-09-2017 12:18:14
เห็นผ่านหน้านิยายมาสักพักแล้วพึ่งได้เข้ามาอ่าน จะบอกว่านิยายแนวนี้ถูกจริตเรามากค่ะ ฮอลลลลลลลล
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 10 : Versace , 11/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 14-09-2017 17:39:06
เห็นผ่านหน้านิยายมาสักพักแล้วพึ่งได้เข้ามาอ่าน จะบอกว่านิยายแนวนี้ถูกจริตเรามากค่ะ ฮอลลลลลลลล


แอร้ยยย ขอบคุณนะครับบ ฝากติดตามด้วยน้าาา ๆๆๆ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 16-09-2017 21:03:30
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 11
Inside


เข้าใจแล้ว...ว่าทำไมเพชรถึงไม่บอกผมล่วงหน้าว่าเราจะมาค้างคืนที่พัทยา ผมจะได้เตรียมเสื้อผ้า แล้วก็ข้าวของเครื่องใช้มาด้วย
ก็เพราะตั้งแต่เมื่อวานช่วงเย็นที่ผมเคลิ้มไปถอดชุดคลุมอาบน้ำเวอซาเช่ของเขาออกที่บริเวณอ่างอาบน้ำ
จนเราย้ายไปทั่วทุกมุมห้องแล้วมาจบที่บนเตียง มาจนถึงตอนนี้เราสองคนก็ยังไม่ได้ใส่อะไรปกปิดร่างกายกันอีกเลย

ทริปนี้อาจจะมีชื่อทริปง่ายๆ ว่า ทริปตัวตัว (เสื้อผ้าไม่ต้อง)

ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจพาผมมาพักผ่อนก่อนสอบกลางภาค หรือพามาเปลี่ยนที่เอากันแน่
จะเรียกว่าพามาเปลี่ยนที่ก็คงไม่ได้เนอะ เพราะมันเป็นครั้งแรกของผมกับคุณเพชรที่ได้ทำอะไรแบบนี้ด้วยกัน แต่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกแค่ครั้งเดียวหรอกครับ มันมีครั้งที่สอง ที่สาม ที่สี่ ที่ห้า จนพากันมานอนสลบเหมือดอยู่บนเตียงอย่างสภาพที่เห็น

แต่ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนเจ้าของใบหน้าคมก็ไม่ยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระซะที เขากอดผมไว้แน่น แม้ผมจะพยายามดิ้นหนีแล้วก็ตาม
ไม่รู้จะกลัวผมหายหรือยังไง

ทันทีที่รู้สึกตัวผมก็ค่อยๆ ควานหาโทรศัพท์มือถือเครื่องสีแดงที่มันถูกโยนไปไว้มุมใดมุมหนึ่งของเตียงขึ้นมากดดูเวลาตามเคย ผมลืมตาขึ้นมาเพียงนิดเดียวพอให้รู้ว่าตอนนี้ปาเข้าไปสิบโมงห้าสิบแล้ว มิน่าล่ะถึงได้เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแต่ความหิวก็ยังเอาชนะความเมื่อยล้าให้ลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ ว่าแล้วก็เลยกะจะหลับตาลงแล้วนอนต่ออีกซักงีบซะหน่อย แต่ก็ดันมีคนโทรเข้ามา
ให้ผมทายนะ คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้มิวตัวแสบ ที่คงจะโทรมาอัพเดตความดีต่อใจของคุณเพชรซี้ใหม่ของมัน   

“ฮาาโหลลล”
ฟังแค่เสียงผม มิวมันก็คงจะพอเดาออกได้ไม่ยาก
ช่างเป็นเสียงที่แหบแห้ง แถมยังดูไม่มีพลังใดใดอีกด้วย
“ยังไม่ตื่นหรอลูก” อ้าว! ทายผิดแฮะไม่ใช่ไอ้มิว แต่เป็นแม่ผมเอง

พอรู้ดังนั้นเลยรีบปรับโทนเสียงขึ้นมาซะหน่อย เดี๋ยวแม่จะตกใจเอาได้
“ยังครับแม่ ว่าไงครับ”
“ทำโปรเจคจนถึงเช้าสินะเราถึงได้ตื่นสายแบบนี้...
...แม่จะโทรมาถามเรื่องงานวันจันทร์ ว่ายังไงลูก”
ทำโปรเจคจนถึงเช้า
งานวันจันทร์
แม่ผมพูดเรื่องอะไร ผมชักงง ตอนนี้คิ้วหนาๆ เริ่มผูกเข้าหากันอย่างสงสัย

“แม่หมายถึงอะไรอ่า”
“ก็งานที่แม่ชวนเพชรไปวันจันทร์ไง ลืมไปแล้วหรอ”

ฮะ
เพชร!
ผมตกใจจนแทบตาเหลือกแล้วพูดโพล่งออกไปอย่างไม่ได้คิด

“นี่ไม่ใช่แม่หงส์หรอครับ”
“ไม่ใช่ลูกเพชรหรอคะ”
แล้วผมก็ยกโทรศัพท์ออกจากหู ‘ไอโฟนสีดำด้าน’
แย่แล้วนี่มันไม่ใช่โทรศัพท์ผม “เอ่อ ผมไม่ใช่เพชรครับ เดี๋ยวสักครู่นะครับคุณแม่”

ใครมันจะไปคิดว่าชีวิตนี้จะมึนถึงขนาดไปรับโทรศัพท์คนอื่น
ว่าแล้วก็รีบหันกลับไปปลุกเพชรที่นอนกอดแผ่นหลังผมอยู่
“คุณ ตื่นเร็ว แม่คุณโทรมา
คุณเพชร
ตื่นเร็ว” ผมตบหน้าคนที่หลับอยู่เบาๆ
เจ้าของใบหน้าใสนอนนิ่ง ไม่รู้หลับจริงหรือหลับปลอม ผมเคยมีประสบการณ์ที่เขาแกล้งหลับมาแล้วครั้งนึง แต่ในเมื่อปลุกไม่ตื่นผมจะทำไงได้ล่ะ
สุดท้ายผมต้องคุยกับแม่ของเพชรอีกครั้ง
“พอดีเพชรยังไม่ตื่นอ่ะครับ เดี๋ยวยังไงจะบอกให้เพชรโทรกลับหาคุณแม่นะครับ”
ผมวางโทรศัพท์ลงด้านข้าง
แล้วหันตัวเข้าหาไอ้คนขี้เซา แต่กลับหลับตาพริ้มดูท่าทางมีความสุข

“ทำมาเป็นเคลิ้ม”
ผมบีบจมูกเขาเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยวและนั่นทำให้คนที่หลับอยู่ยิ้มออกมา

จากนั้นเจ้าของสันจมูกคมก็ลืมตาขึ้นแล้วปล่อยผมให้เป็นอิสระ
เพชรขยี้ตาตัวเองสองสามที แล้วก็ยิ้มกว้าง
“คุณเพชร แกล้งหลับอีกแล้วหรอ”
คิดไว้แล้วไม่มีผิด!
“ถ้าไม่แกล้งหลับจะรู้หรอว่ามีคนแถวนี้แสดงตัวกับแม่ผัวแล้ว”
พูดอะไรออกมา แค่มีอะไรกัน 4-5 ครั้ง
ทำเป็นมาใช้คำว่าผัวว่าเมีย
น่าเกลียด

เขายิ้มแซวผม แต่ผมไม่ยิ้มด้วยหรอกนะ
แล้วนี่อะไร เพิ่งปล่อยตัวผมเป็นอิสระได้สามวิ
ตอนนี้มือหนาของเขาเอื้อมมาโอบเอวผมเข้าไปประชิดร่างแกร่งอีกแล้ว
ถ้ามองจากมุมสูงก็จะเห็นภาพเพชรกอดเอวผมขณะที่เราหันหน้าเข้าหากัน

“เราเปล่า แค่รับโทรศัพท์ผิดเครื่อง”
ผมทำหน้าเคืองใส่เพชรแล้วว่าเขาต่อ “ไม่ต้องมามองเราแบบนี้นะคุณเพชร”

“อ่ะๆ ไม่มองแบบนั้นก็ได้...
…งั้น
มองแบบนี้โอเคมั้ยครับ”

แล้วดวงตาคมก็เปลี่ยนแววตาที่มองมา
แบบนี้ยิ่งไม่โอเคเลยว่ะ ใครมันจะไปโอล่ะครับ
ก็จากขี้เล่นกลายเป็นขี้หื่น

“ไม่โอเค” ว่าแล้วผมก็ยกมือตัวเองขึ้นไปปิดตาเพชรเอาไว้
แต่คนมันหื่นอะเนอะ ต่อให้เล็กๆ น้อยๆ มันก็ไม่เอา
ไอ้คนสันจมูกคมทำท่าดมมือผมใหญ่ ก่อนที่จะแลบลิ้นออกมาเลียด้วย
จนสุดท้ายผมยอมแพ้ ยอมถอยมือกลับมาแล้วจ้องหน้าเขานิ่ง

“เป็นคนแบบนี้หรอคุณเพชร”

ต่อว่า

ต้องต่อว่าซะหน่อย เผื่อจะสำนึกได้ แค่นี้ผมก็บอบช้ำมากแล้ว
“แบบไหนหรอครับ หื้มม” คนมือไวค่อยๆ เลื่อนมือจากเอวผมต่ำลงเรื่อยๆ
“แบบหื่นนี่แหละ”
เพชรไม่พูดอะไรตอบ แถมยังปล่อยให้ผมได้สบตาเขาเป็นการติติงอยู่อีกประมาณหนึ่งวินาทีหลังจากที่พูดจบ
แล้วเขาก็ก้มหน้าลงมาฟัดคอผมอย่างจริงจัง

“คุณเพชร ไม่เอาแล้ว”

“อื้ออออออ” ไม่ใช่เสียงผมนะครับ ผมไม่มีทางทำเสียงแบบนี้

“เพชร ไม่เอาแบบนี้ ไม่ไหวแล้ว”
“เพชร
เพชร อย่าเลย” จะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากร้องคราง เอ้ยร้องห้ามเพื่อเรียกสติคนหื่น
 
เพชรซุกซนและรวดเร็ว
ทั้งมือ ทั้งปาก ทั้งลิ้น
มันเร็วไปหมดจนผมไม่รู้จะทำยังไง

เลยได้แต่ร้องห้ามเขาอีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่างที่บนบนหัวเตียง
ก่อนจะแกะมันออกมาเป็นกล่องที่ 6 แล้วสวมให้น้องเพชร

“เพชรอย่าเลย
 
เพชรรรร”



กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ปาไปบ่ายสองโมงกว่า ผมกับเพชรตัดสินใจอยู่ค้างที่นี่อีกคืนนึง พอตกลงกันได้แบบนั้นคุณเพชรเขาก็นอนต่อ
...เพื่อเอาแรง 
ที่ผมไม่กลับไม่ใช่อะไรนะครับ
ถ้าขืนกลับไปกรุงเทพสภาพนี้ คนเค้าคงได้สงสัยว่าผมไปโดนหมาที่ไหนฟัดมา
ก็จะหมาไหนล่ะ หมาเพชรนี่แหละ

ว่าแล้วก็อาศัยจังหวะที่คุณเพชรหลับสนิท ลุกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว รอบนี้ผมไม่แช่อ่างอาบน้ำแล้ว รีบอาบรีบเสร็จนี่แหละ เดี๋ยวคุณคนนั้นตื่นมาจะไม่ได้พักเอา เสร็จแล้วก็ทาครีมบำรุงชุดเล็กที่ผมเตรียมใส่กระเป๋ามา ยังโชคดีนะที่เอาติดตัวมาด้วย ไม่งั้นมีหวังได้โทรมไปมากกว่านี้ ทาครีมและเป่าผมเสร็จก็สวมชุดคลุมอาบน้ำตัวเมื่อคืนที่ยังวางกองยู่ที่เดิมแล้วเดินมานั่งตัวเบาอยู่ในห้องนั่งเล่น ปล่อยให้คนหื่นนอนหลับต่อไปโดยไม่ไปกวนเขา

ระหว่างนั้นผมก็เดินไปกดปุ่ม do not disturb แล้วก็ส่งเสื้อผ้าของผมกับเพชรให้ทางโรงแรมซักรีด พร้อมกับโทรสั่งอาหารทะเลแบบจัดเต็มมาด้วย

พออาหารมาส่งเพชรก็ตื่นพอดี เขารู้งานเดินไปอาบน้ำใช้เวลาไม่นานก็สวมชุดคลุมอาบน้ำเหมือนผมเดินออกมาที่โต๊ะอาหาร


ตอนนี้เรากำลังนั่งกินข้าวมื้อไหนไม่รู้กันอย่างเงียบๆ ไม่มีใครคุยอะไรกัน
แหงสิครับ ใช้พลังงานไปเยอะขนาดนั้น ไม่แปลกหรอกที่จะพากันหิวจัด
กุ้ง หอย ปู และอื่นๆ ถูกซัดเรียบจนไม่เหลือ เมื่อพายุความหิวโหยจบลง เราก็พากันนั่งมองซากแห่งอารยะธรรมการกินเดือดเมื่อครู่ ก่อนที่เพชรจะบ่นอุบอิบออกมา

“กี่แคลเนี่ย ไม่รู้ผมต้องใช้เวลาเบิร์นกี่วัน”

ผมเงยหน้ามองคนฝั่งตรงข้าม เห็นเขาทำหน้าเครียดแล้วก็อดใจอยากแกล้งไม่ได้
“ก็เห็นเบิร์นไปเยอะแล้วนิ” ผมยิ้มร้ายแล้วมองไปที่เขา
เพชรยักคิ้วกลับมาราวกับเข้าใจเป็นอย่างดี
“แหนะ ก็พูดแบบนี้ เดี๋ยวก็จัดอีกซักรอบเลยนิ”
“พอแล้ว ไอ้บ้า”
ผมตีไหล่เพชรแล้ววิ่งหนีเข้าไปในห้องนั่งเล่น ก่อนจะล้มตัวนอนบนโซฟา แล้วเปิดทีวีดู

ไม่นานเพชรก็เดินตามเข้ามา เขาหยิบแม็คบุ๊คออกมาจากกระเป๋า แล้วเอามากางออกบนโต๊ะด้านข้าง
“เอาแม็คมาด้วยอ่อ”
ผมถามอย่างประหลาดใจ ก็ดูเหมือนเพชรจะไม่ได้เตรียมอะไรมาเหมือนกัน แต่เขากลับซุกซ่อนคอมมาในกระเป๋านี้ด้วย
“ช่าย เดี๋ยวผมขอทำงานแปปนึงนะ คุณนอนพักไปก่อนละกันเนอะ”
“อื้มๆ” ผมพยักหน้ารับแล้วนอนดูทีวีต่อ
จากนั้นเพชรก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ผม ก่อนจะโน้มตัวลงมา

“เดี๋ยวเค้ากลับมานอนกอดนะครับที่รัก จุ๊บ” เสียงตอแหลแถมยังมีจูบหน้าผากอีก
ผมเบะปากใส่แทบจะไม่ทัน รู้สึกจะอ้วกยังไงไม่รู้ที่ถูกเรียกแบบนั้น
เพชรก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันเพราะเขาขำร่วนเลยหลังจากที่ตัวเองพูดจบ



จากนั้นเราก็ใช้เวลาช่วงบ่ายกันอย่างเงียบๆ เพชรทำงาน ผมนอนดูทีวี
มีคุยกันบ้างให้รู้สึกว่ายังอยู่ตรงนี้ เป็นการใช้เวลาในช่วงบ่ายที่เรื่อยๆ ชิลๆ ดีครับ

อย่าถามว่าทำไมผมไม่อ่านหนังสือสอบ
คำตอบก็คือผมไม่ได้เอามา จบป่ะ
*ข้ออ้างไปงั้น จริงๆ ขี้เกียจ แหะๆ

ระหว่างที่ผมกำลังจะเคลิ้มหลับอีกรอบ
*หลับเก่งเหมือนกันนะเรา ใจคอแม่งจะนอนทั้งวัน เฮ้อ*
โทรศัพท์ผมก็สั่นครืดๆ เพชรยื่นเจ้าเครื่องสีแดงมาให้ แล้วหันกลับไปทำงานต่อ

 ‘พี่แฟรงค์’

“สวัสดีครับพี่แฟรงค์”
“อ่าครับ”
“อ่อ”
“ต้องวีเท่านั้นเลยใช่มั้ยครับ”
“ได้ครับพี่ วันไหนนะครับ โอเคครับ”
“วียินดีครับพี่แฟรงค์ ไม่เป็นไรครับ ได้ค้าบบ”


วางสายปุ๊บ ผมก็เห็นว่าคนที่นั่งหันหลังให้ผม หันกลับมามองอยู่
ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
ต้องบอกมั้ยวะ
ยังไม่ได้เป็นไรกันนี่หว่า
นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นไรกันนะ หน้าคุณเค้ายังดูสงสัยได้ขนาดนี้
ถ้าเป็นแล้วนี่คงดุใช่ย่อย
อ๊ะ บอกซะหน่อยก็ได้ เดี๋ยวคุณไม่มีสมาธิทำงานต่อ
“ลูกชายเพื่อนแม่ โทรมาขอให้ไปช่วยเดินแบบงานเปิดตัวเสื้อผ้า”

“อ่าาา” เขาพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้
เพชรไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนจะหันกลับไปทำงานของตัวเอง
ส่วนผมก็วางมือถือลงข้างโซฟา แล้วทำอะไรล่ะครับ
ก็นอนไง
ชีวิตวันนี้ตื่นมาเพื่อกินและนอนหลับไป



ช่วงเย็นค่อนไปทางดึกเราก็สั่งอาหารง่ายๆ จากทางโรงแรมขึ้นมากิน
ก่อนจะแยกย้ายกันอาบน้ำ ย้ำว่าแยกย้ายครับ
ตอนแรกเพชรก็วอแวจะอาบด้วยกัน แต่ผมฉลาดพอที่จะรู้ว่าถ้าอาบด้วยกันมันต้องเดจาวูเหมือนเมื่อวานแน่นอน
ผมเลยไล่เขาให้ออกไปอยู่นอกระเบียงแล้วล็อคประตูเอาไว้ไม่ให้เข้ามา
เพชรเลยได้แต่ทำหน้าเหมือนหมาหงอยนั่งกอดเข่ามองดวงจันทร์อยู่ด้านนอก

พอผมอาบน้ำเสร็จก็เปลี่ยนมาสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาวของทางโรงแรมครับ ก็ควรเปลี่ยนบ้างอะไรบ้างอะเนอะ จากนั้นก็เป็นตาของเพชรอาบบ้าง

ระหว่างรอคุณเพชรอาบน้ำผมก็ปิดไฟในห้องแล้วเปิดโคมไฟบนหัวเตียงพอให้มองเห็น แล้วโดดขึ้นเตียงมานอนฟังเสียงคลื่นจากทะเล ไม่นานเพชรก็ตามขึ้นมา เขานอนลงด้านข้างอย่างแนบชิดตัวผม ครู่หนึ่งคนด้านข้างก็เอื้อมมือไปปิดไฟ ทำให้ภายในห้องมืดลง แต่ก็ไม่ได้มืดสนิทขนาดนั้นครับ

เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกัน ไม่ได้เปิดเพลงอะไรด้วย
พอทุกอย่างภายในห้องเงียบสนิทแบบนี้ ยิ่งทำให้เสียงคลื่นกระทบฝั่งชัดเจนยิ่งขึ้น
ในหัวผมก็กำลังคิดว่า ตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ยังไง

นอนคิดทบทวนเรื่องราวในช่วงที่ผ่านมา ก็ต้องยอมรับว่าชีวิตผมเปลี่ยนไปบ้างตั้งแต่ได้รู้จักเพชร
แต่ถ้าถามว่าเปลี่ยนไปจนไม่เป็นตัวของตัวเองเลยมั้ย ก็คงไม่ใช่
ผมแค่รู้สึกว่าผมคาดเดาอะไรจากคนด้านข้างไม่ค่อยได้
เขามักจะมีอะไรให้ต้องแปลกใจอยู่เสมอ ซึ่งมันทำให้ชีวิตของผมมีสีสันมากขึ้น
ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ จนนึกว่าคนด้านข้างหลับไปแล้ว

เขาก็ชวนคุยขึ้นมา

“อยากฟังนิทานมั้ย” ผมหันหน้ามองเขาพร้อมกับนึกสงสัย
น้ำเสียงของคนที่จะเล่านิทาน ทำไมถึงได้ราบเรียบขนาดนี้ล่ะ
แล้วมันจะสนุกมั้ยเนี่ย

เพชรคลี่ยิ้มบางมองเพดาน มือทั้งสองของเขาช้อนใต้หัวตัวเองอยู่
สีหน้าของเขาดูมีความสุข จนมันทำให้ผมต้องตอบออกไปว่า
“อยากสิ”
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ ว่าเพชรจะมาเล่านิทานอะไรให้คนอย่างผมฟัง

“นิทานของเด็กอ้วน”
เขายังคงยิ้มให้เพดาน ส่วนผมก็ยังคงไม่เข้าใจ
นิทานอะไรชื่อแปลกดี
“ชื่อเรื่องไม่คุ้นหูเลยอ่ะ”
คนด้านข้างละสายตาจากบนเพดานหันมามองหน้าผมแล้วก็หัวเราะเบาๆ
ก่อนที่เขาจะหันกลับขึ้นไปมองที่เดิมอีกครั้ง

“เด็กอ้วนกับดวงดาวของเค้า”
เพชรมองเพดานด้านบนราวกับว่าบนนั้นมันมีดวงดาวจริงๆ
 
“เริ่มเลยนะ...
วันสอบวันสุดท้ายของเด็กป.6 ที่พ่อแม่พากันมารอรับลูกตัวเองกลับบ้าน
เด็กทุกคนก็ยิ้มแย้ม ดีใจที่จะได้ปิดเทอม

แต่มีพ่อแม่ของเด็กคนนึงลืมมารับลูก จนทำให้เด็กคนนั้นร้องไห้ขี้มูกโป่ง”
เพชรยิ้มกว้างขึ้นขณะที่เขาเล่า มันเป็นน้ำเสียงที่ดูมีความสุข
นั่นทำให้ผมตั้งใจฟังมากขึ้น
ด้วยความที่อยากรู้ว่านิทานของเขา จะสนุกแค่ไหนเชียว

“เด็กอ้วนร้องไห้ขี้มูกโป่งหรอ แล้วเค้าเช็ดมั้ยอ่ะ” ก็เห็นว่าขี้มูกโป่ง ผมเลยถามไป
“ใช่เด็กอ้วนร้องไห้ แต่คงไม่เช็ดหรอกมั้ง”
เจ้าของเรื่องเล่าหันมามองผมแวบนึง
แล้วหันไปจดจ่อกับบนเพดานต่อ

“ระหว่างที่เด็กอ้วนกำลังยืนร้องไห้ ก็มีเด็กผอมคนนึงที่พ่อแม่ของเค้ามารับกลับบ้านกำลังเดินผ่านหน้าเด็กอ้วนไป
แต่พอเห็นเด็กอ้วนร้องไห้ เด็กผอมก็หยุดแล้วเดินเข้ามาหา...
…เด็กผอมเดินเข้ามาแตะไหล่เด็กอ้วนขี้แง แล้วพูดว่า
 
ไม่ร้องนะ ไม่ร้องนะ เดี๋ยวเราแบ่งลูกอมไห้

แล้วเค้าก็หยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋ากางเกง ยื่นให้คนที่ยืนร้องไห้อยู่
เด็กอ้วนรับลูกอมเม็ดสีชมพูมาไว้ในมือ พร้อมกับก็เช็ดน้ำตาตัวเอง
หลังจากนั้นพ่อแม่ของเด็กที่ให้ลูกอม ก็ช่วยโทรหาพ่อแม่ของเด็กขี้แงให้
เด็กผอมขอให้พ่อแม่อยู่รอเป็นเพื่อนเด็กอ้วนขี้แงจนพ่อแม่เค้ามารับ

…ช่วงปิดเทอม เด็กอ้วนเอาแต่คิดถึงเด็กผอม
แล้วก็คิดถึงความใจดีที่เด็กผอมให้ลูกอม”

เจ้าของนิทานเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเล่าต่อ
“เปิดเทอม ม.1 เด็กอ้วนซื้อขนมมาฝากเด็กผอมที่อยู่คนละห้อง
แต่ด้วยความขี้อายของเด็กอ้วน ทำให้เค้าไม่กล้าเอาไปให้ต่อหน้า
แถมเด็กผอมดูเหมือนจะจำเด็กอ้วนไม่ได้ซะด้วย

เวลาผ่านไปหลายปีเด็กผอมโตขึ้น เค้าหน้าตาดีขึ้น ยิ่งเวลาอยู่ในโรงเรียนเค้าเด่นมากเลยแหละ แล้วก็มีคนอยู่รอบตัวเค้าตลอดเวลา เค้ากลายเป็นดาวเด่น

ส่วนเด็กอ้วนก็เอาแต่กินจนอ้วนเป็นหมู แทบไม่มีใครในโรงเรียนสนใจเค้าเลย เค้าชอบใช้ชีวิตอยู่ตามมุม หลบอยู่หลังเสาแล้วแอบมองดวงดาวของเค้า”
ผมละสายตาจากเพชร แล้วกลับไปนอนมองเพดาน
พร้อมปล่อยให้น้ำเสียงของเขาเป็นตัวเล่าเรื่องและสื่อสารความรู้สึกนั้นออกมา

“ช่วงมอปลาย ดวงดาวของเค้าได้คบกันคนที่ดูเหมาะสม เด็กอ้วนที่โตเป็นหนุ่มเสียใจอย่างบอกไม่ถูก นั่นทำให้เค้าตัดสินใจลดความอ้วน แล้วก็หันมาดูแลตัวเอง”

“หลังจากที่เรียนจบ สองคนนั้นก็ห่างออกไป
ดวงดาวไม่ได้อยู่ในสายตาของเจ้าอ้วนแล้ว”
“อ้าว ไหนว่าลดความอ้วนแล้ว ทำไมยังเรียกอ้วนอยู่” ผมยกมือถามขัดจังหวะ ก็เรื่องเล่ามันดูไม่ค่อยสอดคล้องว่ะ
“เออ ผมเล่าผิด เอาเป็นว่าพอจบมอปลายเด็กนั่นก็ผอมแล้ว
แถมหล่อด้วยนะคุณ”
“โอเค” ผมพยักหน้ารับ

“ถึงไหนละเนี่ย ผมลืมเลย
อ่อ ถึงว่าดาวของไอ้อ้วนไม่ได้อยู่ในสายตาใช่ป่ะ
แต่ก็นั่นแหละพอจบมอปลาย ก็เข้ามหาลัยแต่ก็อยู่มหาลัยเดียวกันอ่ะ
แม้จะคนละคณะก็เถอะ
...จนวันนึงที่ดาวของไอ้อ้วนไม่มีเจ้าของ”
“เห้ย ไหนว่าไม่อ้วนแล้วไง ทำไมยังเรียกว่าอ้วน” ผมหันควับมองเจ้าของเรื่อง
เขาลูบหน้าตัวเองราวกับกำลังหมดปัญญาในการเล่าต่อ
“แล้วจะให้เรียกว่ายังไงล่ะครับ เรียกว่าไอ้หล่อหรอ มันก็กระดากปาก”
“กระดากทำไม ไม่ได้เรียกตัวเองนิ เรียกไอ้เด็กอ้วนในนิทาน”
ผมยิ้มมุมปาก
พร้อมกับพยายามประติดประต่อเรื่องเล่าของเพชรในหัวตัวเอง

ผมจำได้แล้ว : )

ผมไม่ใช่คนโง่ ผมฉลาดและความจำดี แค่ชอบแกล้งจำไม่ได้เพื่อไว้เชิง
ทำเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญ ก็เท่านั้นเอง

“เฮ้อ เอาเป็นว่าเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่คุณหงส์ช่วยฟังผมให้จบก่อนได้มั้ย
อย่าเพิ่งขัดดิ่ ผมยิ่งเล่าเรื่องไม่เก่ง” เจ้าของนิทานหุบยิ้มแล้วทำสีหน้าจริงจังใส่
ส่วนผมยังคงยิ้มร้าย แล้วจ้องมองเขาอยู่
“ถ้าเล่าเรื่องไม่เก่ง แล้วคุณเพชรจะเล่าให้มันยากทำไมล่ะ ก็เรียกชื่อไปเลยสิ
เพชรก็เพชร หงส์ก็หงส์ จะได้จบ”
“คุณรู้หรอ” เพชรละสายตาจากเพดานด้านบน หันมามองหน้าผม
เขาจะตะแคงตัวเข้ามา แล้วมองตาผมก่อนจะทำเป็นหลบตาทันทีที่รู้ว่าผมจ้องอยู่

ตอนนี้เราสองคนนอนกอดอกหันหน้าเข้าหากันอยู่ไม่ห่าง
“รู้ตั้งแต่ให้ลูกอมแล้ว”
ผมยักคิ้วให้คนตรงหน้าไปหนึ่งครั้ง แล้วยิ้มมุมปากอีกที
“เล่าต่อดิ่ แต่ไม่ต้องเล่าเป็นนิทานนะ
...เล่าเป็นเรื่องของเราเลย”

เพชรสูดหายใจเข้าออก แล้วเล่าต่อ
“โอเค
พอรู้ว่าคุณโสดผมก็รวบรวมความกล้าอยู่นานเกือบปี
วิธีทำความรู้จักของผมอาจจะแปลกจนทำให้ผมเป็นเด็กแว๊นซ์ในสายตาคุณ
แม้ว่าวันแรกที่คุณรู้จักผม มันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แต่มันก็เป็นวันแรกที่ผมมีตัวตนในสายตาคุณนะ”

“คุณหงส์”
“หื้ม” ผมตอบรับในลำคอ เพราะหน้าเรามันใกล้กันมาก ไม่ต้องเสียงดังก็ได้ยินชัด
“จำวันที่ผมเป็นลมที่ยิมได้เปล่า”
“จำได้”
ใครมันจะจำไม่ได้ล่ะ ผู้ชายตัวใหญ่แต่ดันเป็นลม คิดไปแล้วทั้งขำ ทั้งสงสาร

“รู้มั้ยว่าที่คุณยื่นขวดน้ำให้ผม ตอนที่ผมนั่งพัก
มันทำให้ภาพที่คุณยื่นลูกอมให้ผมตอนเด็กชัดขึ้นมาอีกครั้งนึง
วันนั้นผมรู้เลยว่า ต่อให้คุณจะโตขึ้น คำพูดของคุณจะร้ายขึ้นเยอะเท่าไหร่
แต่ตัวตน แล้วก็ความเป็นคนมีน้ำใจของคุณก็ไม่เคยเปลี่ยน”

“ภาพแรกที่ทำให้ผมรู้สึกดีกับคุณ มันก็ยังอยู่กับตัวคุณมาจนถึงวันนี้”

“ทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกครับ ผมแค่ไม่กล้าจะบอกคุณตรงๆ แค่นั้นเอง”

บอกแล้ว ว่าผมคือวีรินทร์ ที่ใครๆ ก็หลงรัก รวมถึงเพชร ที่อยู่ตรงหน้าผมในเวลานี้ด้วย

ผมค่อยๆ หลับตาลง แล้วย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่คนตรงหน้าเล่าให้ฟัง
ไม่นานภาพในหัวของผมก็ประติดประต่อกัน จิ๊กซอว์ชิ้นเล็กที่มันขาดหายไป ค่อยๆ ต่อกันได้อย่างสมบูรณ์

“เราจำได้ละ ตั้งแต่ ม.1 ทุกเปิดเทอม จะมีขนมวางอยู่บนโต๊ะเรา จนถึง ม. 5 หลังจากนั้นมันก็ไม่มีอีกเลย
ทำไมอ่ะ เพราะว่าเรามีแฟนหรอ”

เพชรเฝ้ามองผมเงียบๆ มาโดยตลอด
มิน่า
เพชรถึงรู้วิธีเข้าหาผม แล้วมันถึงทำให้ผมสบายใจที่จะมาอยู่กับเพชรที่ตรงนี้ 

ร่างสูงมองผมก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้ารับ
“ใช่
ตอนนั้นผมหันมองตัวเองแล้วก็น้อยใจว่าทำไมเราต้องอ้วนต้องขี้เหร่ ต้องขี้อาย”
“ก็เลยลดความอ้วน”
“ครับ แล้วก็พยายามมั่นใจในตัวเองให้มากขึ้น”

“แปลกจัง ทำไมคนเคยอ้วนแต่นมฟิต นี่ดูไม่ออกเลยนะว่าคุณเคยอ้วนมาก่อน
แถมยังสีชมพูอีก ผิวก็เนียนดี ไม่มีรอยด้วย จะมีก็แค่ตรง...”
ผมชะงักเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว
พอพูดเรื่องนี้ ภาพเมื่อคืนก็แว๊บเข้ามาในหัว ว่าแล้วก็รีบสะบัดหน้าไล่ความคิดพวกนั้นออกไป ไม่งั้นคืนนี้มีหวังไม่ได้นอนอีกแหงๆ
แต่พอลืมตาคนตรงหน้าก็จ้องผมตาเป็นมัน

“คุณรู้ใช่มั้ย ว่าผมรอคุณมานาน
เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณอยู่ตรงนี้แล้ว ผมจะไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆ”
มันก็คงจะเป็นอย่างงั้นแหละครับ ผมเพียงพยักหน้ารับไม่ได้พูดอะไรออกไป
ทั้งที่ในใจก็แอบหวาดหวั่น

คนมือไวรวบตัวผมไว้ในอ้อมกอด แล้วค่อยๆ ซุกไซร้
ระหว่างที่ผมกำลังเคลิ้ม เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำให้ทุกอย่างต้องหยุด
ไม่รู้ว่าเรียกว่าโทรศัพท์ช่วยชีวิต หรือขัดจังหวะ

“ฮัลโหลครับพี่แฟรงค์”


THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 11
Inside

เพราะว่าน้องเพชรรอมานานนี่เอง ถึงได้จัดหนักขนาดนี้ อิอิ
ปล พี่แฟรงค์โทรเข้ามาบ่อยจัง
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 11 : Inside , 16/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-09-2017 22:13:08
อิพี่แฟรงค์ จะโทรมาอะไรนักหนา คนจะตั้มกัน   อ้าว! อินไปหน่อย โทษๆๆๆๆ555
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 11 : Inside , 16/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 16-09-2017 22:18:12
พลิกโผนิดหน่อย ไม่คิดว่าจะมาพล็อตแอบรัก แต่ก็โอเค ฟิลกู๊ดเราชอบ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 11 : Inside , 16/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 16-09-2017 22:49:16
พลิกโผนิดหน่อย ไม่คิดว่าจะมาพล็อตแอบรัก แต่ก็โอเค ฟิลกู๊ดเราชอบ

คงจะได้แอบรักแค่ตอนนี้แหละครับ
(อุตส่าห์พากันลำบากลำบนมาถึงพัทยา เลยให้เผยที่มาที่ไปนิดหน่อย)

ตอนหน้าทุกอย่างกลับเข้าสู่โหมดปกติ
หงส์ก็คือหงส์ เพชรก็คือเพชร ไม่มีใครยอมใคร 555555
ความมันส์จะเริ่มต้นจากตรงนี้แหละ แผลงฤทธิ์แน่นอน อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 11 : Inside , 16/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 16-09-2017 23:35:43
ข้ามอะไรไปหรือเปล่า 555555 (คอมเม้นนี้คุ้นๆไหมฮะ)
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 11 : Inside , 16/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 17-09-2017 01:21:45
ชอบโมเม้นตอนรับโทรศัพท์ผิดจังมันดู..ละมุนดี


คนเขียนสู้ๆ งานเขียนดีดีถูกจริตแบบนี้หายาก ต้องสนับสนุนกันนนนน
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 11 : Inside , 16/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 17-09-2017 11:30:07
ชอบโมเม้นตอนรับโทรศัพท์ผิดจังมันดู..ละมุนดี


คนเขียนสู้ๆ งานเขียนดีดีถูกจริตแบบนี้หายาก ต้องสนับสนุนกันนนนน


ขอบคุณฮัปปป สู้ๆๆๆ.  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 11 : Inside , 16/09/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 17-09-2017 18:21:03
อิพี่แฟรงค์ จะโทรมาอะไรนักหนา คนจะตั้มกัน   อ้าว! อินไปหน่อย โทษๆๆๆๆ555


5555  o13 o13 o13
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 01-10-2017 16:02:53
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 12
Flashback


“มานั่งอยู่ตรงนี้ เพชรรู้มั้ย...ว่าเราไม่ได้ใส่เสื้อผ้า”
“รู้ครับ
ดวงตาของเพชรเป็นประกายกว่าที่เคยเป็น คงเพราะเราไม่ได้เปิดไฟในบริเวณนี้
แสงจันทร์ที่สะท้อนกับนัยน์ตาของเขา
อาจจะทำให้ดวงตาคู่สวยของเขาสว่างมากก็เป็นได้
มันมีประกายเหมือนเพชร 

“แล้วหงส์รู้เปล่า...ว่า ถ้าผมถอดชุดคลุมนี้ออก
...มันจะเป็นยังไง”

ดวงตาคมจ้องผมไม่วางตา ริมฝีปากสวยยิ้มนิดหน่อย ก่อนที่ผมหลบตาเขา
แล้วไล่มองชุดคลุมเวอซาเช่สีสวยที่คลุมตัวเพชรเอาไว้
สายตาของผมไล่ลงไปตั้งแต่ปลายคาง เลื่อนลงไปที่อกแกร่ง
เอวของเขาที่มีปมเชือกผูกกันอยู่หลวมๆ
ลงไปจนถึงช่วงขาที่ชุดมันแหวกขึ้นมาเผยให้เห็นต้นขาแกร่งของเขา
บอกตรงๆ ว่า ผมแพ้คนขายาว

ใจมันสั่น สั่นจนผมรู้สึกได้

แล้วผมเลื่อนสายตากลับขึ้นมาสบตากับคนตรงหน้าอีกรอบ
“ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง เพราะว่าไม่เคยเห็น”
พูดจบ ผมก้มมองต่ำเพื่อหลบตาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มือหนากลับเชยคางผมให้เงยหน้าขึ้น เขายกยิ้มมุมปากในจังหวะที่เราสบตากันอย่างมีความหมาย
แล้วริมฝีปากสีสวยก็ขยับเพื่อพูดตอบ

“อยากจะเห็นมั้ยล่ะครับ”

ภายใต้บรรยากาศที่สลัวในตอนนี้
แต่คำตอบของเพชรกลับทำให้ทุกอย่างดูสว่างวาบขึ้นมา

“คือว่า...มันจะดีใช่มั้ยอ่ะ”

ผมยิ้มมุมปาก แล้วก้มมองลงต่ำ
มือหนาของเพชรค่อยๆ เลื่อนไปคลายปมเชือกผูกเอวของเขาออก

มันคงไม่ดีเท่าไหร่นัก
 
ผมรีบยื่นมือไปห้าม แล้วปัดมือของเขาออกไป
ก่อนจะใช้มือตัวเองคลายปมนั้นออกแทน

แบบนี้สิ ถึงจะดีกว่า


ระหว่างที่มือเรียวของผมกำลังคลายปมออกช้าๆ มันก็ไปสัมผัสเข้าให้กับสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน เพราะตอนนี้สิ่งนั้นมันกำลังดึงดันจะออกมาสู่โลกภายนอกอย่างเดียว มือนุ่มของผมสัมผัสได้ถึงของแข็งกำลังทิ่มแทงอยู่

ผมเงยหน้ามองเจ้าของใบหน้าหล่ออีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับก้มมองต่ำ
แล้วเปิดชุดคลุมอาบน้ำออกช้าๆ

สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในจะเป็นยังไงนะ จะเหมือนที่คิดเอาไว้รึเปล่า
ยอมรับว่าผมมือสั่นและใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมา
ทันทีที่ผ้าถูกเปิดออก ส่วนหัวก็เด้งดีดขึ้นมาเด่นเป็นสง่า

ไม่ผิดหวัง
บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง แล้วก็เกินความคาดหวังด้วย

ผมจ้องมองสิ่งนั้นอย่างพิจารณา
ส่วนหัวสีสวยรับกับส่วนกลางที่แข็งแกร่ง ความยาวขึ้นมาจนเกือบถึงสะดือ

โคตรดี

ผมเอื้อมมือไปสัมผัสแล้วกำเจ้าเพื่อนใหม่ไว้แน่น เกือบจะกำไม่รอบแน่ะ

มันดีมากครับ

เพชรปล่อยให้ผมได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่อยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่ร่างสูงจะถอดชุดคลุมออกจนหมดด้วยตัวเอง
แล้วตัวผมก็ถูกดึงขึ้นจากอ่างอาบน้ำ เขาจับผมนอนหงายแล้วคล่อมร่างเอาไว้


ไม่ต่างกัน

เจ้าของหน้าคมมองมาที่ผมอย่างสำรวจ เขาไล่มองทุกซอกมุมจนทำให้ผมเขินอาย

“น่า” เพชรพูดเสียงเบาพร้อมกับกระซิบที่ข้างหู
“น่าอะไร” ผมกอดคอเขาไว้แน่น
“เอา”
เพชรพูดตอบพร้อมกับค่อยๆ ลิ้มรสบริเวณซอกคอของผม

ทันทีที่ลิ้นร้อนมาวิ่งซุกซนแถวบริเวณซอกคอ ผมยิ่งกอดเขาไว้แน่นยิ่งขึ้นแล้วดูดชิมรสชาติของร่างแกร่งบ้าง ไม่นานเขาก็ถูกพลิกตัวให้ลงมานอนหงาย โดนที่ผมกลับขึ้นไปอยู่ด้านบนแทน ก่อนที่ผมจะใช้ริมฝีปากบางประกบเข้ากับริมฝีปากสีสวยของเพชร แล้วแลกเปลี่ยนความหวานของรสชาติแชมเปญ

“อื้ม”
“อื้ออ”
เป็นการสื่อสารในลำคอที่ไม่ต้องพูดออกมาเป็นคำพูดอะไร แต่ก็ทำให้รู้ว่า
ต่างฝ่ายต่างพอใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

ใช้เวลาครู่หนึ่งในการช่วงชิมรสชาติภายในช่องปากหวานของกันและกันจนพอใจ
ผมจึงค่อยๆ ไล่ลงมาเรื่อยๆ ละเลงลิ้นทั่วร่างของใบหน้าคม
แล้วก็มาถึงจุดสำคัญที่มันแทงท้องผมอยู่เป็นระยะ

ผมยิ้มหวานให้เพื่อนใหม่ที่แข็งตระหง่านชูชัน
ก่อนจะใช้ริมฝีปากบางสีสวยทักทายส่วนที่เบ่งบาน
พร้อมกับค่อยๆ ครอบลงไปจนทั่ว แต่ก็เข้าไปได้เพียงแค่ส่วนต้นเท่านั้นแหละครับ
มันยาวมากเกินกว่าที่ช่องปากผมจะช่วงชิมรสชาติได้ทั้งหมด
จึงต้องค่อยๆ ละเลียดชิมไปทีละส่วน

เพชรสื่อสารด้วยเสียงเบาผ่านลำคอให้ผมรู้ว่าเขามีความสุขกับสิ่งนี้
“อื้มมม” มือหนาจับเส้นผมของผมแผ่วเบา ดูเป็นการสัมผัสที่ทะนุถนอม

มันแน่นคับปากจนผมต้องถอนออกมาหายใจ
ระหว่างที่ผมพักยก เราสองคนก็สบตากัน
เจ้าของใบหน้าหล่อมองผมแล้วยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะถือโอกาสนี้พลิกตัวผมกลับ
ตอนนี้ผมเป็นฝ่ายนอนหงาย ปล่อยให้อีกคนช่วงชิมรสชาติบ้าง

“คุณเพชร” ผมเรียกชื่อเขาแล้วหลับตาลง
มือสองข้างจิกหัวเพชรเมื่อเขากำลังใช้ลิ้นร้อนไล้เลียในส่วนสำคัญทั้งสองด้าน
ผมตัวลอยจนแทบอยากจะหยุดหายใจ

แต่ผมเชื่อว่ามันจะพีคได้ยิ่งกว่านี้


หลังจากที่เพชรแกะกล่องสีดำแล้วสวมลงบนแท่งร้อน
ใบหน้าคมก็มองมาอย่างซุกซน ขาทั้งสองของผมถูกยกขึ้นพร้อมกับที่เพชรค่อยๆ ใช้นิ้วช่วยเปิดทางให้สัมผัสมันอ่อนโยนยิ่งขึ้น

“คุณหงส์” เสียงกระเส่าเรียกชื่อให้ผมต้องขานรับ
“หื้มม” สองสายตาประสานกันราวกับว่าโลกใบนี้มีแค่เราสองคน
“เป็นของผมนะ”

ดูเหมือนว่าจะเป็นประโยคคำถาม ที่ไม่ใช่ประโยคคำถาม
เพราะเพียงแค่มองตาแต่ยังไม่ได้ตอบรับอะไร สิ่งที่แข็งขืนอยู่ด้านล่าง
ก็จ่อเข้ามาในช่องนั้น พร้อมกับค่อยๆ ดันเข้ามาอย่างช้าๆ

มันคงจะยากหน่อยเพราะว่ามันคับเหลือเกิน
อย่างที่บอกไปว่าผมห่างหายไปนาน
ไม่อยากเชื่อว่าพอได้กลับมาเจออีกครั้ง จะได้เจออะไรที่อลังการขนาดนี้

สู้กับมันซักตั้งหน่อยนะหงส์     

ผมบอกตัวเองในใจ ก่อนจะโอบตัวเพชรไว้แน่น


ร่างสูงดันเข้ามาจนเสร็จ ปล่อยให้ทุกอย่างค่อยๆ ปรับตัว
แล้วเรียนรู้กันผ่านความอบอุ่นและอ่อนโยน

แก้วแชมเปญของเราถูกยกขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
“Cheers” เพชรกระซิบข้างหูผม ก่อนที่เราจะชนแก้วกัน

ผมเทแชมเปญลงบนหน้าอกตัวเองให้คนที่อยู่ด้านบนก้มลงมาช่วงชิมรสชาติ
พร้อมกับที่เขาออกแรงขยับไปมา

ก่อนหน้าที่ความรู้สึกที่ดูเหมือนจะเจ็บ กลับถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกดี
ทุกอย่างละมุนละไม ค่อยเป็นค่อยไป


ระหว่างทางผมรู้สึกเหมือนกับว่าแก้วแชมเปญถูกปัดตกลงไปในอ่างด้านข้าง
แต่ก็นั่นแหละ ผมคงไม่เสียเวลาไปเก็บแก้วในตอนนี้หรอกครับ
เราเรียกชื่อกันและกันสลับไปมา พร้อมกับที่มือโอบร่างของอีกฝ่ายไว้แน่น

“คุณเพชร อื้อออ แรงๆ เลย”
“อื้มมม ครับบหงส์”

ผมกับเพชรมองหน้ากันอย่างไม่วางตา

ไอ้เหี้ย เพชรแม่ง โคตรหล่อ

รู้สึกว่าควบคุมความคิดในหัวตัวเองไม่ได้ ผมเลยปล่อยให้มันไหลไปตามเกมส์
ไม่นานผมก็จิกหลังเพชรจนตัวเกร็ง เราทั้งสองกอดกันแน่นพร้อมกับที่ร่างกายทั้งคู่เกิดปฏิกิริยารีเฟล็กซ์อย่างควบคุมไม่ได้
มันกระตุกและพุ่งแรงราวกับกำลังเปิดแชมเปญชวดใหม่

ตัวเบา
ราวกับว่าอยู่ในสภาวะสูญญากาศ

เราหายใจรดต้นคอกันไปมาเพื่อเติมออกซิเจนให้เต็มปอด
ขวดแชมเปญที่วางอยู่ถูกยกขึ้นมากระดกโดยไม่ต้องใช้แก้ว
เพื่อเป็นการเติมพลัง

แล้วบทที่สอง ก็เริ่มต้นขึ้น



หลังจากที่เรา check out ออกจากโรงแรมเรียบร้อยในช่วงสาย
ก้มมองนาฬิกายังพอมีเวลาเหลืออีกประมาณชั่วโมงนึงสำหรับการพักผ่อนที่พัทยา
*ถึงแม้ว่าทริปนี้ผมแทบจะไม่ได้พักเลยก็ตาม
เพชรเลยถือโอกาสจูงมือผมมาเดินเล่นริมชายหาดเพื่อส่งท้าย
ช่วงแรกเราก็พากันถ่ายรูปมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกันไป
ไม่สิ!
ต้องเรียกว่า เขาแอบถ่ายรูปผมเวลาเผลอซะมากกว่า
ไม่เห็นจะมุ้งมิ้งแบบที่บรรยายไว้ตรงไหนเลย เหอะเหอะ

แต่หลังจากที่เพชรหายไปคุยโทรศัพท์ครู่ใหญ่
แล้วปล่อยให้ผมยืนรับลมอย่างอิสระอยู่ตามลำพัง
พอวางสายแล้วเดินกลับมาเพชรก็ดูกระวนกระวายอยู่ไม่สุข
อ้ำๆ อึ้งๆ จะพูดก็ไม่พูด
ส่วนผมก็ยังคงนิ่งอยู่ ก็สังเกตเห็นแหละ แต่ยังไม่ถามอะไรออกไปดีกว่า

ระหว่างนั้นผมก็ส่ายหัวดุ๊ดดิ๊กถ่ายบูมเมอแรงลงไอจีไปพลางๆ
เพราะเริ่มมีคนที่ตามไอจีผม Inbox มาถามว่าผมหายไปไหน ทำไมถึงเงียบไป
เลยอัพไอจีสตอรี่ให้พวกเขาเห็นหน้าซะหน่อยว่ายังสบายดีอยู่ 
ถ่ายเสร็จเพชรก็เดินเข้ามายืนใกล้ๆ
ทำให้ผมละความสนใจจากไอจีแล้วหันไปมองคนที่ยืนด้านข้างแทน

“คุณณณ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ
“ว่าไง”
หลังจากที่ผมตอบรับความเงียบก็เข้ามาแทนที่
มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งที่ดังอยู่ในตอนนี้
ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงบอกว่ารอฟังเขาพูดอยู่นะ
 
เพชรมองหน้าผมแล้วสูดลมหายใจก่อนจะพูด
“ถึงขั้นนี้แล้ว
เราจะเป็นแฟนกันได้รึยังอ่า”
นี่คือเพชรกำลังขอผมเป็นแฟน…ถูกมั้ย

ตอนนี้ร่างสูงทำหน้าเหมือนกำลังลุ้นหวย เห็นแล้วก็อยากจะแกล้งซะหน่อย
“ยังอ่ะ” แน่นอนครับ ว่าคนอย่างวีรินทร์ ก็จะต้อหัวเราะในลำคอ
พร้อมกับยิ้มอ่อน แล้วส่ายหน้า
“ทำไมอ่ะ” เพชรเสียงแข็งขึ้นนิดหน่อย
“ง่ายไป” ผมบอกปัดแล้วโบกมือ

เขาก้มหน้างุดเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะเงยขึ้นมาแล้วยกยิ้มมุมปาก
แววตาของเพชรเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ มันฉายแววดูร้ายขึ้นหน่อยนึง
“นั่นสิ ผมลืมไปว่าอย่างคุณหงส์ ได้ยาก”
“แน่นอน” สะบัดไหล่ไปทีนึง
ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าคนอย่างผมไม่ง่าย

“แต่ผมก็ได้มาแล้ว”
ผมถลึงตาโตกับคำตอบของเพชร แล้วแยกเขี้ยวใส่เขาไป

“เพชร!”
“หงส์!”
“นายเพชร คนหื่น”
“คุณหงส์ก็หื่น เนี่ยหลังผมมีแต่รอยเล็บคุณ”
“เออ ดี...แล้วรอยตามตัวเรานี่ ใครรับผิดชอบ ฮะ”
“ผมก็เลยขอคุณเป็นแฟนอยู่นี่ไง”
“ชิ ยังไม่เป็นเว้ย”
“ไม่รู้เว่ย ตีตราจองไว้แล้ว ห้ามใครมาทับไลน์”
จองกันแบบนี้เลยหรอวะ
ระหว่างที่ผมกำลังหน้าตึงใส่เขา เขาก็พูดประโยคนึงที่ทำให้ผมหน้าร้อน


“เมียผม ผมหวง” 

พอเพชรพูดจบผมก็ยกมือขึ้นมาตีปากยื่นๆ ของเขาเพื่อปรามทันที

เกลียด เกลียดคำว่าเมีย
เกลียดคำว่าเมียที่ออกมาจากปากนายแว๊นซ์
ที่ผมรู้สึกหมั่นไส้เขามากในวันแรกที่เราเจอกัน พูดออกมาได้หน้าตาเฉย ไอ้บ้า

นี่คงเป็นแค่การต่อปากต่อคำใช่ไหม
เพชรคงไม่ได้กะจะขอผมเป็นแฟนจริงๆ เพราะเขารู้ว่ายังไงผมก็คงยังไม่ยอมเป็นแน่นอน
เพียงแค่เพชรอยากจะเตือนความจำผมว่า เขาได้ผมแล้ว

ผมเป็นเมีย

อะไรอย่างนั้นใช่มั้ย
ร้ายนักนะ!

เพราะว่าการขอคนอย่างผมเป็นแฟน มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
ภาพในหัวของผมคงจะเป็นแบบดินเนอร์หรู จุดพลุบนฟ้า หรือมีหงส์ลอยในสระน้ำ
ผู้ชายที่ทำการบ้านมาดีอย่างเขารู้อยู่แล้วล่ะ

“ใครสั่งใครสอนให้พูดอะไรแบบนี้ ห๊ะ”
จากประโยคข้างบน ที่ฟังแล้วขนลุกชิบ

“พูดเอง จากนี้ผมขอสั่งห้ามคุณไม่ให้ไปโปรยเสน่ห์ให้ใครเรี่ยราด
เข้าใจมั้ย”
แล้วมือเรียวก็ชี้หน้าผมราวกับว่านี่คำสั่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ห้ามขัดขืน

ผมทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วปัดมือเขาออก
ก่อนที่จะรู้ตัวว่ากำลังถูกคนตรงหน้ามองมาราวกับว่ากำลังจะกลืนกิน

ผมไม่รู้ด้วยละ
ไม่รู้เว้ย ไม่รู้เว้ย

ก่อนที่จะต้องถูกแทะโลมด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์ไปมากกว่านี้
ผมเลยรีบวิ่งหนีออกมาก่อน


 
ผมเดินนำเพชรกลับมาที่โรงแรม วันนี้เราใช้บริการรถลีมูซีนของทางโรงแรมครับ
ก็อย่างที่บอก ถ้าต้องนั่งมอเตอร์ไซค์กลับกรุงเทพผมจะให้ที่บ้านมารับ
คุณเพชรเขาเลยจัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ ถูกใจผม

จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เดินนำมาที่รถ ก่อนจะก้าวขึ้นรถ เลยหันไปแซวคนที่เดินตามหลังมา “คุณเพชร แล้วบิ๊คไบค์คุณล่ะ”
ร่างสูงมองมาที่ผมแล้วพูดตอบ “จอดไว้นี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมหาเวลามาเอา”
ผมพยักหน้ารับแล้วตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มร้าย
“คุณจะขับกลับเลยก็ได้นะ เรานั่งรถกลับคนเดียวได้”
“แน่ะ” คนที่ถูกแซวทำหน้าตึงใส่ แล้วรีบเข้ามาประชิดตัวผม
“ได้ผมแล้วจะทิ้งกันง่ายๆ หรอ
หึ ไม่มีทาง” แล้วเขาก็มือไวเอาแขนมาพาดคอผม แล้วบีบตัวเข้ามา
ก่อนจะดันผมขึ้นรถ พร้อมกับหนีบตัวผมไว้แน่น

ในส่วนของขากลับไม่ต้องถามหาโมเมนต์อะไรระหว่างทางนะครับ
เพราะเราสองคนหลับตั้งแต่รถออกจากพัทยาภายในเวลา

5
4
3
2
1
วินาที

หลับยาวทั้งที่เพชรยังกอดผมไว้ หัวชนกันหลายต่อหลายทีจนมาถึงกรุงเทพ
ก็แหงสิ กลางคืนไม่ได้นอนแถมยังตื่นเช้าอีก
พอได้เอนหลังบนเบาะนุ่มสบาย ก็ไม่แปลกที่จะหลับไปอย่างง่ายดาย
เห็นมั้ยว่าถ้ายังกลับด้วยบิ๊คไบค์ของเพชร ไม่มีทางที่จะได้หลับสบายแบบนี้
เชื่อผมรึยัง



จุดหมายของผมคือที่สตูดิโอแถวทองหล่อที่พี่แฟรงค์ได้แชร์โลเคชั่นเอาไว้ให้
ก็งานเดินแบบที่จะจัดขึ้นวันพรุ่งนี้ยังไงล่ะครับ พี่แฟรงค์โทรมาขอให้ช่วยเดินแบบให้ เพราะมีนายแบบถอนตัวกระทันหัน ช่วงดึกเมื่อวานพี่เขาก็โทรเข้ามาขอเลื่อนเวลานัดฟิตติ้งเร็วขึ้นด้วย เลยทำให้ผมต้องกลับกรุงเทพเร็วกว่าเวลาที่เพชรวางแผนเอาไว้

“ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะคุณ” ก่อนจะลงจากรถก็หันไปลาคนด้านข้างที่กำลังทำหน้าหงอยเพราะอยากลงไปเฝ้าผมทำงาน
ทั้งที่ตัวเองก็มีนัดติวหนังสือให้สายรหัส
“ไปด้วยไม่ได้อ่อ”
เขายังคงอ้อนวอนอีกครั้ง ทั้งที่ผมก็บอกไปหลายครั้งแล้วว่า
“ไม่ได้ แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ โอเค๊” 
เพชรหยักหน้ารับ ก่อนจะฉวยโอกาสหอมแก้มผมทีนึง
ผมเลยหยิกแขนเขาเบาๆ แล้วทำหน้าดุใส่
แต่คนตรงหน้าก็ไม่ได้กลัวอะไรหรอกครับ แถมยังมีหน้ามายิ้มล้อ

“มีกำลังใจละ บ๊ายบาย”
“ฉวยโอกาส”
ผมว่าอย่างไม่จริงจังพร้อมกับก้าวขาลงรถ แต่ก็ถูกคนด้านข้างฉุดมือเอาไว้ซะก่อน

“สรุปว่า ผมยังอยู่ในสถานะจีบเมียตัวเองอยู่...ถูกป่ะ?”
อะไรวะ จีบเมียตัวเอง

“พูดใหม่” ผมทำเสียงดุ
“อ่ะๆ สรุปว่าผมยังอยู่ในสถานที่จีบคุณหงส์อยู่ ถูกมั้ยค้าบบบบ”
ค่อยน่าฟังหน่อย คำถามของเขาทำให้ผมพยักหน้าตอบไปทีนึง
“พยายามหน่อยนะ ใจเราแข็ง”

“ไม่ใช่แค่ใจหรอก” คนในรถตะโกนตามหลังมา
“เงียบ” ผมหันกลับไปด่า แล้วถลึงตาใส่ เพชรแลบลิ้นปลิ้นตาดูมีความสุข
แล้วประตูรถก็ถูกปิด


ระหว่างที่เดินเข้าสตูดิโอผมก็หยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย
สั่นอยู่นานเป็นชาติได้ละมั้ง
พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้าก็กลับไม่อยากจะรับสายซะงั้น
อยากจะแกล้งไอ้คนที่โทรเข้ามาให้มันทรมานเล่น มันคงอยากจะอัพเดตใจจะขาด
แต่ถ้าผมยังไม่ยอมรับสาย ไอ้มิวมันก็คงจะก่อกวนไม่หยุด
เลยต้องยอมวางนิ้วลงไปสไลด์หน้าจอเพื่อรับสาย

“ขับรถมาหากูที่สตูดิโอดิมิว แล้วก็พากูไปทำทรีทเมนต์หน้า แล้วก็ทำสปา”
“อะไรของมึงเนี่ย” คนที่โทรเข้ามาเริ่มโวย มันก็คงจะงง
“กูรู้ว่ามึงโทรเข้ามาทำไม” ผมพูดอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
“เออ รู้แล้วก็รีบเล่ามา”
“ไม่จ๊ะ จนกว่ามึงจะมาทำตามข้อเสนอของกู”
“ได้ที สั่งกูเป็นเจ้านายเลยนะสัส”
“หรือมึงจะไม่รับข้อเสนอ ก็ไม่เป็นไร กูแฟร์ๆ”
“ก็ได้ งั้นอีก 15 นาทีเจอกัน”
นั่นแหละครับ ขาเผือกตัวจริง
ไอ้มิวเพื่อนผมเอง หึ

หลังจากนั้นผมก็โทรหาพี่แฟรงค์เพื่อบอกว่ามาถึงแล้ว
รอด้านหน้าไม่นานเจ้าของงานก็เดินมารับผมพร้อมกับพาเข้าไปข้างใน
ระหว่างนั้นพี่แฟรงค์เล่ารายละเอียดงานครั้งนี้อย่างคร่าวๆให้ผมฟังพอเห็นภาพ

“เสื้อผ้าคอลเลคชั่นนี้จะเกี่ยวกับหน้าฝน Concept ก็คือ Funny Rain
ชุดมันจะดูสนุก เหมือนเวลาเราเล่นน้ำฝน พี่อยากได้ความแปลกใหม่
มันก็จะออกมาแบบที่น้องวีเห็น”
“แบบชุดที่พี่แฟรงค์ใส่อยู่นี่ ใช่มั้ยครับ”
“ถูกต้องเลยครับน้องวี”
เสื้อเชิ๊ตสีเขียวสะท้อนแสงตัวใหญ่ กางเกงขาสั้นสีดำ
ถูกคลุมด้วยชุดกันฝนพีวีซีใสตัวยาวปิดตาตุ่มสวมคู่กับบู๊ทสีเดียวกับสีเสื้อ
โอเค แค่เห็นก็สนุกละ
ผมยิ้มให้พี่แฟรงค์พร้อมกับไล่มองดีเทลของชุด

“ตอนนี้นายแบบคนอื่นกำลังถ่ายรูปฟิตติ้งอยู่ น้องวีไปลองชุดในห้องก่อนก็ได้
คุณเก๋ เดี๋ยวพาน้องวีไปที่ห้อง แล้วก็หยิบชุดให้น้องลองด้วยนะครับ”
พี่แฟรงค์ชี้ให้ผมดูหน้าเซ็ตที่กำลังถ่ายรูปกันอยู่
พร้อมกับเรียกพี่ผู้ช่วยให้นำผมไปยังห้องแต่งตัว

“สวัสดีครับ”
ยกมือไหว้ก่อนจะรับชุดมาไว้ในมือ จากนั้นพี่เก๋ผู้ช่วยก็เดินออกจากห้องไป
พอเปลี่ยนชุดเสร็จก็เช็คลุคตัวเองในกระจกบานใหญ่อีกครั้งนึง


เสื้อเชิ้ตสีเหลืองตัวบางมีคริสตัลเม็ดเล็กประดับบริเวณปก
สวมใส่กับกางเกงขาสั้นสีดำ ขนาดพอดีตัวค่อนไปทางฟิตมาก
มีเสื้อกันฝนพีวีซีใสยาวประมาณต้นขาคลุมเอาไว้

ดีนะไม่เห็นรอยที่เพชรทำเอาไว้ตามตัว ไม่งั้นคงจะน่าเกลียด


ก๊อก ก๊อก

“พี่ขอเข้าไปบ้างในนะครับ”
“เชิญครับพี่แฟรงค์”
ผมไม่ได้หันไปมองคนที่มาใหม่เพราะกำลังให้ความสนใจตัวเองในกระจกอยู่
รู้ตัวอีกทีพี่แฟรงค์ก็เดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังผมแล้ว
กระจกสะท้อนให้เห็นครับ

“วีใส่ถูกแล้วใช่มั้ยครับพี่” ผมไม่ได้หันหลังกลับไปมองคนที่เพิ่งเข้ามา
แต่พูดถามด้วยการมองผ่านกระจกด้านหน้า และดูเหมือนว่าเขาก็กำลังมองผมอยู่
“อืม ไหนพี่ขอดูซิ”
ว่าแล้วคนที่สูงกว่าก็เอามือจับไหล่แล้วหมุนตัวผมกลับ
“พี่ว่ามันฟิตไปหน่อยสำหรับวี ฮ่าๆ” พี่แฟรงค์จับผมพลิกไปพลิกมา แล้วก็หัวเราะ
“วีดูตลกใช่มั้ยอ่า”
ก็เห็นเจ้าของแบรนด์หัวเราะใหญ่ จนอดคิดไม่ได้ว่ามันต้องตลกมากแน่ๆ

“เปล่าๆ พี่ว่าน่ารักมากเลยต่างหาก พี่คงคิดว่าวียังเด็กเลยหยิบไซส์เล็กมาให้ลอง
ลืมคิดไปว่าน้องพี่โตขึ้นมาก...
…งั้นวีถอดออกเลยครับ เดี๋ยวพี่หยิบตัวใหม่มาให้ลอง”
“โอเคครับ”
ว่าแล้วผมก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออก
ส่วนพี่แฟรงค์ก็หันไปหยิบชุดที่แขวนอยู่บนราวด้านข้าง


ก๊อก ก๊อก

พี่แฟรงค์เงยหน้ามองผม ส่วนผมก็หยุดมือตัวเองเอาไว้ก่อน
“เชิญครับ” ผมเป็นคนตะโกนบอก สงสัยจะเป็นทีมงานของพี่แฟรงค์
ทันทีที่ประตูเปิดออก เผยให้เห็นคนที่มาใหม่
ไม่ใช่ทีมงานครับ

“เพชร”

เพชรยืนนิ่งอยู่ตรงประตู ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาผม
ผมยิ้มบางๆ ให้เขา แล้วแนะนำเพชรให้พี่แฟรงค์รู้จัก
เขายกมือไหว้คนที่อายุมากกว่า ส่วนอีกคนก็รับไหว้

“พี่แฟรงค์ครับนี่เพชรเพื่อนวี...เพชร นี่พี่แฟรงค์ที่เรามาเดินแบบให้”
“พี่ว่าพี่เคยเจอเพื่อนวีคนนี้แล้ว” คำพูดของคนที่กำลังยื่นเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ผม
ทำให้ผมกับเพชรต้องมองกันอย่างสงสัยว่า เคยเจอตอนไหน
“ก็วันที่อีเว้นท์เปิดตัวน้ำหอมไง เพื่อนคนนี้รอวีอยู่ที่ล็อบบี้”
พี่แฟรงค์ยิ้ม แล้วมองเพชรไม่วางตา

“อ่อ ครับ” คนที่มาใหม่พยักหน้ารับ
ก่อนที่จะหันมาสนใจผม แล้วไล่มองชุดที่ผมกำลังสวมใส่อยู่ลงไปเรื่อยๆ
เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม แล้วกำลังสื่อสารอะไรบางอย่างผ่านทางแววตา

ไม่ต้องมามองด้วยสายตาแบบนี้
กระจกที่อยู่รอบห้องสะท้อนให้ผมเห็นร่างตัวเอง
ก็แค่กระดุมบนเสื้อเหลือติดอยู่แค่เม็ดเดียว กับกางเกงรัดติ้ว

แต่ผมฟิตติ้งชุดอยู่นะครับ


“มาหาถึงนี่ มีไรเปล่า” ต้องชิงถามก่อน เบี่ยนเบนความสนใจ
ยิ่งเมื่อเช้าเข้าประกาศว่าผมเป็นของเขาแล้ว ยิ่งต้องรีบเคลียร์สายตาดุๆ นี้เลย
“คุณลืมคีย์การ์ดคอนโดไว้บนรถอ่ะ ผมเลยเอากลับมาคืนให้”
เพชรยื่นคีย์การ์ดในมือส่งมาให้ผม
นั่นทำให้ผมสงสัยว่าตัวเองทำหล่นไปตอนไหน คงจะเป็นตอนหาโทรศัพท์ละมั้ง

“ขอบคุณมากนะ ทำคุณเสียเวลากลับไปกลับมาเลย แหะๆ” ผมยิ้มแห้งๆ
พร้อมกับเหลือบมองพี่แฟรงค์ที่ยังคงไม่ละสายตาจากเราสองคน
“ไม่เสียเวลาหรอก ความจริงผมอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณยังได้เลยนะ”

เอาละไง
เริ่มมีกลิ่นแปลกๆ
คำพูด น้ำเสียง แววตา ของคนตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกอะไรบางอย่าง

“เห้ย ไม่เป็นไร คุณต้องติวหนังสือให้สายรหัสนิ จะสอบแล้วด้วย
อีกอย่างไอ้มิวมันก็กำลังมา ไม่ต้องห่วงๆ”
“อ๋อ แน่นะครับ” เพชรยังคงนิ่ง

“แน่ครับ พี่ไม่มั่นใจว่าตรงนี้มีอะไรให้น้องต้องห่วงวีรินทร์หรอครับ”
คนที่ยืนเงียบอยู่ก่อนหน้าพูดขึ้นมา ผมกับเพชรหันมองพี่แฟรงค์
ผมอ่ะยิ้ม แต่เพชรนี่สิ เหมือนพร้อมจะกะโจนใส่พี่แฟรงค์แล้ว

“ไม่มีไรต้องห่วงครับพี่แฟรงค์
ป่ะเพชร เดี๋ยวเราเดินไปส่งข้างหน้า”
สถานการณ์เริ่มตึงเครียด ต้องรีบตัดบท
ผมฉีกยิ้มแล้วทำทีจะเดินไปส่งเพชรข้างหน้า แต่ก็โดนเบรคไว้ก่อน
“สภาพนี้” เพชรเสียงแข็ง
“เออว่ะ” ผมมองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มแห้ง

“ไม่เป็นไรน้องวี เดี๋ยวพี่ไปส่งเพื่อนน้องวีเองครับ...
เชิญครับ” พี่แฟรงค์อาสาออกไปส่งเพชรด้านนอก พร้อมกับผายมือให้เดินออกเพชรหยักหน้าให้ผมเป็นเชิงว่าไปเปลี่ยนชุดให้เสร็จเถอะ แล้วยกมือขึ้นมาโบกลา ก่อนจะเดินนำหน้าพี่แฟรงค์ไป

“อ้อ ถ้าน้องวีเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ออกมาที่หน้าเซ็ตได้เลยนะครับ” พูดจบพี่แฟรงค์ก็ยกมือขึ้นมาตบไหล่ผมเบาๆ แล้วส่งยิ้มมาให้

โดยมีอีกคนมองจ้องอยู่จากตรงประตู!


หลังจากที่สองคนเดินออกไป ผมก็ใช้ความคิดกับตัวเองอยู่พักนึง
ทำไมนะ ทำไม

ที่พี่แฟรงค์มีท่าทีแบบนี้คงเพราะว่าหวงน้องชาย
ส่วนเพชร ก็คงจะหึงละมั้ง

ระหว่างน้นไอ้มิวก็โทรเข้ามาบอกว่าคงจะมาหาไม่ได้แล้ว เพราะน้องแมวสมชายของมันไม่สบาย คงจะต้องพาไปหาหมอ

พอฟิตติ้งแล้วก็ถ่ายรูปเสร็จพี่แฟรงค์เลยอาสาเป็นคนพาผมไปทำทรีทเมนต์หน้า และทำสปาแทน

พอผมจะปฏิเสธ พี่เขาก็บอกว่า
“พี่ขอให้วีมาช่วยเดินแบบให้ ขอให้พี่ได้ดูแลวีเป็นการตอบแทนซักนิดนะครับ”

THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 12
Flashback

แวะเอาฉากที่หายไปมาเล่าให้กระชุ่มกระชวยกันซักหน่อย อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 12 : Flaskback , 01/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 01-10-2017 17:39:22
สนุกมากค่ะ รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 12 : Flaskback , 01/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 01-10-2017 20:59:13
พี่แฟรงค์ดูแปลก ๆ นะว่ามั้ย
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 12 : Flaskback , 01/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 01-10-2017 21:52:14
สนุกมากค่ะ รอติดตามนะคะ


ขอบคุณนะค้าบบบ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 12 : Flaskback , 01/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-10-2017 22:29:58
เพชร หวงหงส์

พี่แฟรงค์ ชอบหงส์สินะ

เพชร หงส์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 12 : Flaskback , 01/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 02-10-2017 21:33:11
พี่แฟรงค์ดูแปลก ๆ นะว่ามั้ย


ว่ามากๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 12 : Flaskback , 01/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 03-10-2017 20:26:28
เพชร หวงหงส์

พี่แฟรงค์ ชอบหงส์สินะ

เพชร หงส์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


อิอิ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 10-10-2017 20:07:45
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 13
Frank


13:05

วันนี้คงจะเป็นวันที่วุ่นวายที่สุดอีกวันหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้...
เพราะไหนจะต้องลากสังขารตัวเองมาอ่านหนังสือสอบแต่เช้า ช่วงบ่ายก็ต้องไปเตรียมตัวกับงานเดินแบบยาวไปถึงช่วงเย็นที่มี After Party ซึ่งผมต้องอยู่ร่วมอย่างปฏิเสธไม่ได้ แถมพรุ่งนี้ยังมีเรียนเช้าอีกด้วย เรียกได้ว่าผมถึงกับหัวหมุนจนแทบบ้าในการจัดตารางชีวิตกันเลยทีเดียว

โชคทีนะครับที่วันนี้ไม่มีเรียน เพราะอาจารย์ให้นิสิตหยุดอ่านหนังสือสอบ ไม่งั้นชีวิตผมคงจะวุ่นวายมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัว


ผมนั่งอยู่ในร้านกาแฟแบรนด์ดังที่เอ็มควอเทียร์ตั้งแต่ห้างเปิดลากยาวมาจนถึงตอนนี้ในลุคที่ค่อนข้างชิลจนเรียกได้ว่าหน้าสด ก็เดี๋ยวช่วงบ่ายต้องแต่งหน้าทำผมอีกเลยไม่ได้ทาอะไรเลยนอกจากครีมบำรุงทั่วไป พร้อมกับถือโอกาสสวมเสื้อยืดตัวบางโง่ๆ สีขาวกับกางเกงขาสั้น หนีบรองเท้าแตะคู่เล็ก ถือกระเป๋าใบพอดีมือพร้อมด้วยชีทเรียนแล้วก็ปากกาหนึ่งด้าม เป็นไงล่ะครับ ลุคของผมในวันนี้ ง่ายซะไม่มี

บรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบทำให้ผมมีสมาธิจดจ่อกับการทบทวนตำรา แต่อยากจะสารภาพตามตรงว่าก็เพิ่งจะจดจ่อได้ไม่ถึง 15 นาทีหรอกครับ ก็เพราะตั้งแต่มาถึงที่ร้านไอ้มิวมันก็ซักไซร้ไล่เรียงชีวิตผมซะละเอียดยิบจนพรุน ราวกับว่ามันกำลังจะเปิดเพจใต้เตียงวีรินทร์อะไรแบบนั้น สุดท้ายผมก็เสียสมาธิ สติแตก ต้องยอมมานั่งเล่าไทม์ไลน์ชีวิตของตัวเองในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาให้มันฟังจนเข้าใจ แถมมันยังฟินจนหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหน พอได้ฟังฉากรักโรแมนติกที่ริมระเบียง

หลังจากได้เผือกชีวิตผมจนหนำใจแล้ว ไอ้มิวมันก็ขอแว้บไปหาข้าวเที่ยงกิน โดยทิ้งผมไว้ที่ร้านกาแฟตามลำพัง จริงๆ มันก็ชวนผมไปด้วยอะแหละ แต่ผมยังไม่ค่อยหิว เลยนั่งจิบชาเขียวร้อนแก้ง่วงพร้อมกับทบทวนบทเรียนอย่างสบายใจ

ระหว่างที่ผมกำลังทำความเข้าใจกับแผ่นกระดาษ A4 ตรงหน้า จนไม่รู้ตัวว่าหน้าผากตัวเองกำลังย่นเข้าหากันนั้น เจ้าไอโฟนเครื่องสีแดงที่นอนเงียบสงบอยู่พักใหญ่ก็ส่งเสียงทำลายสมาธิ จนผมต้องเงยหน้าขึ้นมองว่าใครโทรเข้ามา

ช่างมีมารผจญเสียจริง

คนที่โทรเข้ามาก็ขาประจำแหละครับ ไอ้มิวผู้ที่ต้องโทรหาหงส์ 3 เวลาหลังอาหาร
มึงเพิ่งแยกกับกูไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนะเว่ย!

“มีไรวะ” ผมรับสายห้วนๆ พร้อมกับนั่งบวกเลขในใจต่อ
“มึงลงมาชั้นล่างด่วนเลยเว่ย” เสียงมันดูตื่นเต้น
ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

“ทำไมอ่ะ มีไร” ผมถามไปงั้น แต่ไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะไอ้มิวชอบทำเสียงตื่น
“กูเจอไอ้เพชร” คำพูดของไอ้มิวทำให้ผมละสายตาจากเอกสารบนโต๊ะ แล้วเงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศรอบๆ อย่างไม่ได้โฟกัสอะไร พร้อมกับใช้ความคิด

“อืม ไม่เห็นรู้เลยว่าจะมา” เหมือนกับจะคิดในใจ แต่ก็ดันพูดออกมา
ก็ตั้งแต่เมื่อเช้าที่คุยกัน แล้วผมเล่าว่าเมื่อคืนพี่แฟรงค์มาส่งที่คอนโดเพราะไอ้มิวติดธุระพาแมวไปหาหมอ เพชรก็ดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แถมยังบอกอีกว่าทำไมไม่ยอมโทรให้เขาไปรับ พอผมบอกไปว่าไม่อยากจะรบกวนเวลาอ่านหนังสือ หลังจากนั้นเขาก็เงียบไปจนถึงตอนนี้
“แหงสิ” ปลายสายพูดต่อ
“แหงอะไรวะ”
“กูเห็นมันนั่งกินชาบูอยู่กับผู้หญิงเนี่ย”

“อ้าวหรอ สงสัยเพชรหิวมั้ง”
ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไรนะ ก็แอบรู้สึกนิดนึง แต่นิดเดียวจริงๆ
เพราะว่า...เพชรมีอะไรกับผมแล้ว ซึ่งผมเป็นผู้ชาย
เพราะฉะนั้นการที่เพชรนั่งกินชาบูกับผู้หญิง ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ผมต้องคิดมากป่ะ

“เออ แม่งคงหิวแหละ ถุย!!!
มึงไม่รู้ร้อน ไม่รู้หนาวบ้างหรอวะ”

“กูต้องรู้ร้อน ต้องรู้หนาวหรอวะ” ก็แค่สงสัย 
“ลงมาเหอะน่า ถ้ามึงไม่อยากระแวงว่าจะถูกสวมเขา”
สวมเขา คำนี้กลับมาในชีวิตผมอีกแล้ว
ไม่ชอบเลยว่ะ

“ต้องเบอร์นั้นเลยหรอวะ”
“ไม่รู้ว่ะ แต่กูอยากให้มึงมาเห็นกับตา ไม่อยากให้มึงเจอแบบเมื่อก่อน
เห็นอะไรกูก็ต้องรายงานป่ะ”

พูดซะขนาดนี้
เออ ลงก็ลง
วางสายปุ๊บ ผมก็เก็บของเข้ากระเป๋าแล้วรีบลงไปข้างล่างทันที


ไอ้มิวยืนทำท่าทางกระวนกระวายอยู่หน้าร้าน นั่นทำให้ผมใจไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แม้ลึกๆ ผมจะมั่นใจว่าไม่น่าจะมีอะไรในกอไผ่

“มึงรีบเข้าไปเลยเว่ย เข้าไปดูใกล้ๆ ให้เห็นกับตา”
ไอ้มิวเอามือมาตบไหล่ผม ก่อนจะชี้เข้าไปข้างใน
ผมมองตามไป เห็นเพชรนั่งอยู่กับผู้หญิงคนนึง ท่าทางดูสนิทสนมจริงด้วย
หยอกกันไป หยอกกันมา แถมยังยิ้มร่าทั้งคู่

อ๊ะ หรือเพชรจะเป็นไบ!!
ถึงขั้นนี้ผมควรรู้ร้อนรู้หนาวหรือยังวะเนี่ย

“ตั้งสตินะมึง” มิวตบไหล่ผมอีกรอบและส่งยิ้มให้ผมเหมือนกับว่าเป็นกำลังใจ
“โอเค งั้นกูขอตั้งสติก่อน”

ว่าแล้วผมก็หลบมุมมาสูดหายใจเข้า แล้วบอกตัวเองว่าให้ใช้สติมากกว่าอารมณ์
จริงอยู่ที่ภาพตรงหน้าอาจจะทำให้ผมคิดไปได้หลายรูปแบบ

แต่...
ผมยังไม่ได้คบกับเพชร เรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน โอเค๊?
คนที่นั่งอยู่ตรงนั้น อาจจะไม่ใช่กิ๊กของเพชรก็ได้ โอเค๊?
และต่อให้เป็นกิ๊กจริงๆ ผมก็ไม่ควรจะหึงหวงจนหน้ามืดอยู่ดี
เอ๊ะ! นี่กูหึงเพชรหรอวะ เป็นงั้นได้ไงวะ
ต้องไม่เป็นแบบนี้...วีรินทร์ แบบนี้ไม่เก๋เลย หมดกัน
คิดได้แบบนั้นสติก็มา ปัญญาก็เกิด

ผมฉีกยิ้มกว้างให้กำลังใจตัวเองในกระจกแล้วหันไปยิ้มให้ไอ้มิว
ให้กำลังใจมันด้วยครับ ตอนนี้มันทำหน้าเหมือนคนกำลังจะตาย
ไม่รู้ว่าใครอาการหนักกว่าใคร

“กูโอเค” ผมพูดบอกมิวแล้วก็เดินเข้าไปในร้าน ทำทีว่าจะเดินเข้าไปหาโต๊ะว่าง


เดินเชิ่ดๆ เริ่ดๆ ผ่านโต๊ะของเพชรไปเข้าไป
ไม่ลืมหันไปเหลือบมองด้วยหางตา พอให้คนที่นั่งอยู่สังเกตเห็นว่าผมเดินผ่าน
แล้วร่างสูงที่นั่งอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นจริงๆ

“อ้าว คุณหงส์” เพชรเรียกผมด้วยน้ำเสียงสดใส...สดใสกว่าที่ควรจะเป็นอ่ะ
มองด้วยหางตาก็รู้ว่าเขายิ้ม คือเขาควรจะหัวหดไม่ใช่มาทำหน้าแป้นแล้นแบบนี้
 
ผมหยุดเดินแล้วหันกลับมาตามเสียงเรียก ก่อนจะฉีกยิ้มส่งไปให้...
...ให้ผู้หญิงฝั่งตรงข้าม เป็นคนแรก แล้วมองเพชรด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“มากินชาบูหรอคุณ นึกว่าจะติวหนังสือ”
ไม่ได้ดูประชดใช่มั้ยครับ ผมถามเสียงหวานเลยแหละ

“อ่อ ใช่ครับ พอดีติวเสร็จแล้วหิวเลยมาหาอะไรกินก่อนอ่ะ
…แล้วนี่คุณก็มากินชาบูหรอครับ
คนเดียว?” ร่างสูงที่นั่งอยู่มองมาที่ผมอย่างสงสัย

เออว่ะ ผมเดินเข้ามาคนเดียว จะเนียนมั้ยเนี่ย
เขาจะรู้มั้ย ว่าผมเข้ามาจับผิด
แต่เอาเถอะมาถึงขั้นนี้แล้ว กินชาบูคนเดียวผิดตรงไหนเล่า
“เปล่า มิวอยู่หน้าร้าน เดี๋ยวคงตามเข้ามา
…แล้วนี่มากับ...” ผมถามประโยคเปิดให้อีกฝ่ายเป็นคนตอบ

เพชรหัวเราะในลำคอ แล้วผายมือไปยังคนฝั่งตรงข้าม “นี่น้องพลอยครับ”
เขาดูไม่ได้จะเป็นเดือดเป็นร้อนกับการเจอผมโดยบังเอิญ แถมยังแนะนำผู้หญิงคนนี้ให้ผมรู้จักอย่างหน้าชื่นอีกด้วย

“พลอยไหน พลอยเฌอมาลย์ หรือพลอย หอวัง” 
ผมพูดแล้วมองสองคนตรงหน้าสลับไปมา พร้อมกับที่ ‘น้องพลอย’ ยกมือขึ้นไหว้
“ไม่ใช่ทั้งพลอยเฌอมาลย์ แล้วก็พลอยหอวังครับคุณ” เพชรยังคงหัวเราะ ก่อนที่ร่างสูงจะลุกขึ้นยืน แล้วเอาแขนมาพาดเพื่อโอบไหล่ผม

มือไวอีกแล้วนะคุณ

“พลอย น้องสาวผมเอง”
“น้องสาว” ผมถามย้ำแล้วมองเพชร ทั้งสองคนพยักหน้ารับ
“น้องแท้ๆ เลย...
...คุณไม่เชื่ออ่อ พลอยเอาบัตรประชาชนออกมาดิ๊” พูดจบทั้งสองคนก็พากันควักบัตรประชาชนของตัวเองออกมายืนยันเอกลักษณ์ตัวตน
แถมผมยังบ้าจี้ไปหยิบมาเทียบดูอีกด้วย

พี่น้องกันจริงด้วยแฮะ
บ้าจริง

ผมส่งคืนแล้วรับไหว้น้องพลอย “สวัสดีครับ”
“พลอย นี่พี่หงส์ ว่าที่แฟนเฮีย ที่เคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ”
“พูดอะไรเนี่ย” ผมตีแขนเพชรไปทีนึง แล้วทำหน้าตึงใส่
แต่คนที่ถูกตีกลับไม่รู้สึกรู้สา แถมยังดึงแขนผมให้ลงไปนั่งข้างตัวเองอีกด้วย

“จริงหรอคะพี่หงส์ พี่หงส์กับเฮียเพชรใกล้จะเป็นแฟนกันแล้วหรอคะ”
น้องพลอยดูตื่นเต้นที่ได้ยินคำนี้ ตาเธอดูเป็นประกายขึ้นมาเชียว
“เพชรเค้าเพ้ออ่ะ” ผมว่าร่างสูงด้านข้าง
“อ้าวคุณณณ”   

“เนี่ยพลอยเห็นรูปพี่หงส์ในไอจีมานานแล้ว เพิ่งได้เจอตัวจริงก็วันนี้ค่ะ
เพื่อนๆ พลอยฟอลโล่ไอจีพี่หงส์กันเยอะเลย ทุกคนชอบพี่มาก...
พี่น่ารักมากค่ะ เคะมาก”

“เคะ” ผมทวนคำพูดน้องพลอยแล้วทำหน้างง
ทำให้เพชรต้องก้มลงมากระซิบความหมายที่ข้างหู “น่าจะหมายถึง ดูเป็นรับ”
“น่าเกลียด” ผมตีแขนเพชรอีกรอบแล้วพูดกลับไป ก่อนจะหันไปยิ้มให้น้องพลอย


หลังจากนั้นผมก็โทรเรียกให้ไอ้มิวเข้ามาในร้านเพื่อให้มานั่งกินชาบูด้วยกัน สุดท้ายไอ้มิวกับน้องพลอยก็คุยกันถูกคอ จนเกิดคู่ซี้ใหม่ ไม่สิต้องบอกว่าไอ้มิวมันคุยถูกคอกับทุกคน...น้องพลอยเรียนอยู่ ม.6 ครับ เธอเป็นน้องคนเล็กของบ้านเพชร หน้าตาสะสวย แต่งตัวดี มีรสนิยม ไม่เหมือนเพชร เธอบอกว่าตัวเองเป็นสาววาย เพราะฉะนั้นผมจึงเป็น...เอ่อ เป็น ‘เคะ’ ในอุดมคติของเธอและกลุ่มเพื่อน ยิ่งพอน้องรู้ว่าผมกำลังจะเป็นแฟนกับพี่เพชร (ตามที่เพชรบอกไป) น้องพลอยยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ ไลน์หาเพื่อนจนไม่เป็นอันกินชาบูเลย แถมไอ้มิวยังไปให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยเพชรจีบผมให้ติด น้องพลอยยิ่งดี๊ด๊าเข้าไปใหญ่ บอกว่าถ้าผมกับเพชรเป็นแฟนกับขึ้นมาจริงๆ เธอจะจัดแฟนมีตติ้งให้ แฟนคลับต้องมางานกันเยอะแน่ๆ

ผมกับเพชรก็ได้แต่พยักหน้ารับ แล้วโดนสองคนนั้นแซ็วเป็นระยะๆ
สรุปก็คือผู้หญิงที่กินชาบูกับเพชร คือน้องสาว และผมหึง (ในใจ) ฟรีๆ  > <

วันนี้ผมกินได้ไม่เยอะครับ ไม่ใช่เพราะอิ่มอกอิ่มใจนะแต่เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าต้องไปเดินแบบแล้ว ถ้าขืนกินเยอะแล้วอ้วนขึ้นจนสวมชุดไม่ได้เหมือนเมื่อวานละก็ อาจจะโดนพี่แฟรงค์หัวเราะเยาะเอาได้

พอนึกถึงพี่แฟรงค์...รายนั้นก็โทรเข้ามาทันที บอกว่าจะมารับผมที่ห้างแล้วพาไปโรงแรมที่จัดงาน ไม่อยากให้ผมเดินทางเองกลัวจะลำบากเพราะผมนั่งรถไฟฟ้ามา พอเพชรรู้เรื่องก็ทำท่าจะเป็นฟืนเป็นไฟ แต่เพราะเขาก็ต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวสำหรับงานวันนี้เหมือนกัน สุดท้ายเพชรเลยต้องยอมให้พี่แฟรงค์เป็นคนมารับผมไปครับ

อ้อ ถ้ายังจำกันได้ตอนอยู่พัทยา ที่แม่ของเพชรโทรมาแล้วชวนเพชรไปงานอะครับ
สรุปก็คืองานเดียวกันกับผม ทางบ้านเพชรก็ได้รับเชิญด้วยเหมือนกัน



17:35

‘Ready For Today’
หลังจากที่แต่งหน้าทำผมและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ผมก็ถูกถ่ายภาพลุคนี้เก็บเอาไว้โดยพี่ช่างภาพมือทองที่ถูกจ้างมาถ่ายบรรยากาศในงานโดยเฉพาะ ซึ่งผมอาศัยความสามารถส่วนตัวขอภาพมาได้ก่อน แล้วเอามาอัพลงไปในอินสตาแกรมส่วนตัว แต่ก็ไม่ลืมที่จะให้เครดิตพี่เขา ไม่นานยอดไลค์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“ตื่นเต้นมั้ยเอ่ยน้องวี” เจ้าของงานในวันนี้เดินมาจากทางด้านหลัง ก่อนจะวางมือลงบนบ่าของผมแล้วพูดถาม ผมละสายตาจากโทรศัพท์แล้วส่งยิ้มให้พี่แฟรงค์
“นิดนึงครับ พี่แฟรงค์ล่ะ”
“มากเลย
อืมม พี่ขอคุยกับวีหน่อยได้เปล่า”
แล้วมือหนาที่อยู่บนบ่าก็เลื่อนลงมากุมมือผมเอาไว้ พร้อมกับจูงมือผมมาอีกห้อง


ห้องแต่งตัวของพี่แฟรงค์ ที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ด้านใน
เจ้าของงานนั่งลงบนโซฟาตัวยาว ก่อนจะดึงผมให้นั่งลง

...บนตักของเขา แล้วก็เอาแขนมาพาดโอบเอวผมไว้แน่น
ดูเหมือนว่ามันคงไม่ใช่เหตุการณ์ปกติแล้ว
แต่ผมก็ยังใจดีสู้เสือ

ยิ้มเข้าไว้

“พี่แฟรงค์มีอะไรจะคุยกับวีหรอครับ”
จากรูปการณ์แล้วผมก็ได้แต่ภาวนาขออย่าให้เป็นแบบที่ผมคิดไว้เลย
อย่าเป็นแบบนั้นเลย

“ตอนแรก พี่ว่าจะคุยกับวีหลังจบงาน แต่พี่รอไม่ไหวแล้ว”
พี่แฟรงค์เบี่ยงตัวผมให้หันหน้าเข้าหาพี่เขาทั้งที่ยังนั่งตักอยู่
ดวงตาเป็นประกายของคนตรงหน้ามองมาที่ผมไม่ละสายตา
ผมก็อยากจะหลบสายตาของเขาอยู่หรอกนะ แต่สเปซมันแคบมากจนไม่รู้จะหลบไปมองอะไร เลยได้แต่จ้องตอบไปอย่างหวาดหวั่น

“ครับ เข้าเรื่องเลยก็ได้พี่”
“เพื่อนวีที่ชื่อเพชร จีบวีอยู่ใช่มั้ย” พี่แฟรงค์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับรัดเอวผมแน่นขึ้น
ผมพยักหน้ารับ “ครับ”

“จะเป็นอะไรมั้ยครับ ถ้าพี่จะจีบน้องวี...แข่งกับนายเพชร”

“มามุขไหนเนี่ย” ผมยิ้มแบบเจื่อนๆ แล้วถามกลับไป
ยังคงคาดหวังว่าจะมีกล้องซ่อนอยู่ แล้วมีเค้กออกมาเซอร์ไพร้ส์วันเกิดผม
ถามว่าวันนี้วันเกิดผมหรอ ก็ไม่ใช่

“พี่ไม่ได้มุข พี่จริงจัง”
บ้าจริง!
แล้วสิ่งที่ผมคิด มันก็เป็นจริงขึ้นมาจนได้

ความรู้สึกตอนนี้มันเบลอไปหมดเลยครับ ได้ยินเสียงเหมือนมีแมลงหวี่นับร้อยบินอยู่ข้างหู จนเหมือนกับว่าหูดับ 
แล้วภาพในอดีตมันก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว
ภาพพี่ชายที่เคยวิ่งเล่นกับผมเมื่อตอนเด็ก แม้แต่อาบน้ำด้วยกันก็เคยอาบมาแล้ว
ทำไมวันนี้ที่เราโตขึ้น อะไรๆ มันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ล่ะ
ถึงแม้พี่แฟรงค์จะไม่ใช่ญาติ แต่ผมก็นับถือพี่เขาเหมือนญาติ

ทำไมเสน่ห์ที่ผมมีเหลือล้น มันถึงได้เป็นพิษเป็นภัยกับตัวผมขนาดนี้
เฮ้อออ

“หื้มม ได้มั้ยครับ” คนตรงหน้าเรียกผมให้หลุดออกมาจากภาพความคิด
แล้วจู่โจมด้วยการใช้ปากไซร้บริเวณต้นคอของผม พร้อมกับเลื่อนมือลงต่ำ
“พี่ อย่าทำแบบนี้เลย” ผมรีบผละตัวออกมาแล้วยืนตั้งหลักอยู่ข้างโซฟา
ตอนนี้พี่แฟรงค์ยังคงมองมาที่ผมอย่างไม่ละสายตา
นั่นทำให้ผมกลัวจนต้องหลบตามองไปทางอื่น
“งั้นพี่จะขอคำตอบจากน้องวี ตอน After Party นะครับ”
ผมไม่ได้ตอบรับอะไร แต่รีบวิ่งออกมาจากห้อง


ผมกลับมานั่งในห้องแต่งตัวที่บรรยากาศค่อนข้างจะวุ่นวายมาก ด้วยความที่อีกไม่กี่นาทีงานจะเริ่มแล้วจึงทำให้ทุกคนวิ่งวุ่น ยอมรับว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ผมเสียสมาธิมาก ตอนนี้แทบไม่ได้โฟกัสที่งานเลยเพราะในหัวนึกถึงแต่เหตุการณ์เมื่อครู่

ว่าแล้วผมจึงหยิบโทรศัพท์เครื่องสีแดงขึ้นมากดดูเวลาพร้อมกับพยายามจะโทรหาใครสักคน ที่ผมก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะเป็นใครดี
โทรหาแม่ โทรหาวีวิศ...ไม่ได้ สองคนนี้รู้จักพี่แฟรงค์และบ้านเราสนิทกันมาก
โทรหาไอ้มิว แม่งก็ไม่รับสาย
สุดท้าย ผมก็เลือกที่จะโทรหาคนที่ผมควรโทรหาเขาตั้งแต่แรก

‘เพชร’


“เพชร...มาหาเราหน่อย”
ผมเดินมารอเพชรที่ห้องน้ำด้านหลังห้องที่จัดงาน
แม้ว่ามันจะดูลับๆ ล่อๆ ไปบ้าง แต่บริเวณนี้มันเงียบและปลอดคน
คงจะทำให้สติของผมกลับคืนมาได้ในเวลาไม่นาน

ร่างสูงเดินตรงเข้ามาหาผม วันนี้เขาสวมชุดสูทสีดำ เซ็ทผมดูเรียบร้อย
ผมยังคงยืนยันคำเดิม ว่า ‘เพชรหล่อ’
ยิ่งแต่งตัวเป็นทางการแบบนี้ ‘ยิ่งหล่อมาก’

ไม่รู้ว่าคิดยังไงถึงได้ไปเป็นพวกแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ คิดแล้วอยากจะด่า
แต่เอาเถอะนั่นไม่ใช่เวลาจะมาตำหนิความชอบของเขา

ผมต้องกลับมาโฟกัสคนตรงหน้าสิ
แล้วคนตรงหน้าก็ยิ้มกว้างส่งมาให้ผม
รอยยิ้มของเพชร ทำให้ผมต้องวิ่งโผเข้าไปกอดเขาไว้แน่น
พร้อมกับก้มหน้าลงไปซบที่อกแกร่ง

รู้สึกดี

เพชรไม่ปล่อยให้ผมกอดเขาอยู่ฝ่ายเดียว ร่างสูงก็ยกมือขึ้นมากอดผมตอบเช่นกัน

โคตรรู้สึกดี

ความรู้สึกตอนนี้มันช่างต่างจากความรู้สึกเมื่อตะกี้นี้มาก
มากจนทำให้ผมได้คำตอบให้กับตัวเองแล้ว

ผมไม่ได้ต้องการให้เพชรมีคู่แข่ง แต่ผมต้องการเพชรแค่คนเดียวในตอนนี้

“ตื่นเต้นหรอคุณ”
“นิดนึงอ่ะ”
“ระดับคุณหงส์ แค่นี้สบ๊าย” เขาพูดพร้อมกับลูบหลังผมเบาๆ
ยิ่งเพชรลูบหลัง ยิ่งทำให้ผมก้มหน้างุดลงไปแนบที่อกเพชรจนแน่นเข้าไปอีก
พอได้กลิ่นน้ำหอมของเขา แล้วมันยิ่งทำให้ผมใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก

“เพชร” ผมเรียกเขาเสียงอู้อี้
“ครับ”
“ยังอยากจะขอเราเป็นแฟนอยู่มั้ย”
“อยาก เอ่อ อยากครับ”
ผมผละตัวออก แล้วเงยหน้ามองคนที่สูงกว่า
ดวงตาคู่สวยดูจะงงไม่น้อยในท่าทีของผม
แต่ก็นั่นแหละครับ มีเวลาไม่มากแล้ว ถ้าขืนผมไม่ทำอะไรซักอย่าง
ผมคงจะต้องตกเป็นของใครซักคน ที่ไม่ใช่คนนี้อย่างแน่นอน

“ดี งั้น......จะขอก็รีบขอ” ผมพูดออกไปเสียงจริงจัง
“อย่ารอให้ถึงปีหน้า”
มันใช่เวลามั้ยฮะ ผมอยากจะบ้า

“ตลกมากป่ะ”
“เอ่อ โทษที ก็เห็นมาเป็นเนื้อเพลง” คนตรงหน้าเกาหัวแก้เขิน ส่วนผมก็กุมขมับ

“ว่าแต่ แล้วทำไมคุณไม่ขอซะทีล่ะ”
“เมื่อวานที่พัทยาก็ขอไปแล้วทีนึง”
เออว่ะ แล้วผมก็ปฏิเสธไปเองกับปาก
“จริงด้วย งั้นลองขอใหม่มั้ย”
“วันนี้มาแปลกแฮะ”
“หรือจะไม่เอา”
“เอ้ย เอา เอา เอาดิ” เพชรรีบตอบ เขายิ้มให้ผม แม่งเป็นรอยยิ้มที่หล่อมาก
แม้จะหล่อปนงงก็เถอะ

“งั้นรีบขอเราเป็นแฟน โอเคนะ”
“ถ้างั้น...ตอนนี้เลยได้มั้ย”
คนตรงหน้าทำท่าจะคุกเข่าลง แต่ผมจับตัวเขาเอาไว้ก่อน

เธอจะบ้าหรอ!
“หน้าห้องน้ำเนี่ยนะ
ไม่อ่ะ ไม่สมศักดิ์ศรี” ผมเบนสายตามองบรรยากาศรอบข้างแล้วส่ายหน้ารัว

ไม่เอาอ่ะ ไม่ใช่ตรงนี้
ถึงแม้ผมผมจะเป็นฝ่ายมาบังคับให้เพชรขอผมเป็นแฟนก็ตาม แต่มันต้องดีกว่านี้

“เอ่อ...
งั้นผมขอเวลาคิดก่อนว่าสมศักดิ์ศรีของคุณควรจะขอประมาณไหน โอเคมั้ย”
“โอเค แต่ยังไงก็เร็วๆ ด้วย เข้าใจป๊ะ”
ร่างสูงพยักหน้ารับ

ก่อนที่ผมจะเขย่งขึ้นเล็กน้อยแล้วก็ดึงตัวเพชรเข้ามาจูบอย่างบดขยี้
โคตรไม่มีศิลปะใดใดในการจูบครั้งนี้
แม่งเหมือนระบายความเครียดยังไงไม่รู้

ผมจูบแบบร้อนแรงราวกับว่ากำลังถ่ายเทพลังงานด้านลบเข้าสู่โพรงปากอุ่น
เพชรยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ ราวกับทำตัวไม่ถูก
ไม่นานพอร่างสูงตั้งตัวได้ลิ้นหวานก็หยอกล้อกับลิ้นของผม
ก่อนจะกลับมาเป็นฝ่ายบุกเพื่อถ่ายเทพลังงานด้านบวกเข้ามาในโพรงปากผมบ้าง
และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก

มากซะจนต้องหยุดเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะมีนายแบบคนนึงหายไปเปิดห้องของโรงแรมเพื่อยิ้มหวานกับแขกที่มาร่วมงานก็เป็นได้
ผมจึงทำได้แค่ยิ้มกว้างด้วยปากสวยให้เพชรอีกรอบ

ถึงแม้จะจูบกันเสร็จไปแล้วแต่เขายังคงดูงงจนผมต้องพูดทักออกไป
“ไม่ต้องทำหน้างงขนาดนั้น บอกให้ขอก็ขอ แล้วก็รีบคิดมาด้วย เราจะรอ”

ผมตบไหล่เพชรปุๆ แล้วเดินถอยหลังออกมา
ก่อนจะชี้นิ้วไปที่บริเวณอกซ้ายของเขา ไม่ใช่ว่าบอกรักหรือตำแหน่งหัวใจอะไรนะ

“เครื่องสำอางเราเลอะเสื้อคุณอ่ะ เช็ดด้วย”
แล้วก็ขยิบตาให้ทีนึง พร้อมกับเดินออกมา



งานเดินแบบเปิดตัวเสื้อผ้าในวันนี้เสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี แสงไฟบนเวทีทำให้ผมสามารถรวบรวมสมาธิให้อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่วอกแวกไปไหน และทำมันออกมาได้ดีในแบบที่ต้องการ หลังจากนั้นก็ลงมาถ่ายรูปกับคุณแม่และเจ้าวีวิศ รวมทั้งไอ้มิวด้วย

ถ่ายรูปเสร็จผมก็เดินกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัวด้านหลัง โดยมีเพชรรออยู่บริเวณโถงทางเข้างาน After Party ที่ตอนนี้ทุกคนกำลังทะยอยกันเข้างานแล้ว

พอเปลี่ยนชุดเสร็จก็เก็บของเตรียมจะออกมาเจอเพชร แต่ผมเพิ่งสังเกตว่าหลังจากที่ออกจากห้องเปลี่ยนชุดทีมงานก็หายกันไปหมดแล้ว ทั้งที่เมื่อกี้ก่อนจะเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดยังพอมีพี่ทีมงานและนายแบบคนอื่นอยู่บ้าง สงสัยจะรีบเข้าไปแด๊นซ์กัน
ทันทีที่ผมเปิดประตูเพื่อจะออกจากห้อง ก็เห็นพี่แฟรงค์ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าประตู

เขาไม่รอให้ผมได้พูดอะไรแต่กลับดันตัวผมให้กลับเข้ามาในห้อง
พอมายืนอยู่ไม่ห่างกันผมก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวพี่แฟรงค์
ทั้งที่งานปาร์ตี้เพิ่งจะเริ่ม แต่ทำไมเจ้าของงานถึงได้ดูเมาได้ขนาดนี้

“น้องวีได้คำตอบให้พี่รึยังครับ” ร่างสูงพูดถามเสียงยาน พร้อมกับเอามือมาจับไหล่ผมเอาไว้แน่นจนขยับไม่ได้

“วีขอโทษนะครับ
วีคิดกับพี่แฟรงค์แค่พี่น้องจริงๆ”

พอผมพูดจบ พี่แฟรงค์ก็ผลักตัวผมลงบนโซฟา ผมเสียหลักนอนลงไปตามแรงผลัก

พร้อมกันนั้นร่างสูงก็ขึ้นมาคล่อมร่างผมเอาไว้ แล้วพยายามจะถอดเสื้อผ้าผมออก

ให้ตายเถอะ

ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะ


พี่ก็พี่เถอะวะ

ขอซักทีก็แล้วกัน
.
.
.
“โอ้ยย น้องวี”


 
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 13
Frank


หงส์หนู ลูกกกก >< แบบนี้ก็ได้หรอลูก บังคับผู้ให้ขอเป็นแฟน แถมยังอยากได้ออพชั่นเริ่ดๆ
เออ ยอมใจนาง ไม่ใช่หงส์คงทำไม่ได้นะเนี่ย 5555

ตอนหน้ามาลุ้นกันว่านายเพชรสุดหล่อจะขอน้องหงส์เป็นแฟนด้วยวิธีไหน
ถึงจะสมศักดิ์ศรีคุณเธอ อิอิ

ส่วนไอ้พี่แฟรงค์ เธอจะหื่นอะไรเบอร์นี้ กับน้องกับนุ่งก็ไม่เว้น แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันมาแล้วตอนเด็ก
ความสวยเป็นพิษจริงๆน้องวีรินทร์

ปล. ชื่อตอนนี้คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะตั้งว่าอะไร
คิดอยู่ 3 วันไม่ได้อัพซะที เลยเอาชื่ออิีพี่แฟรงค์ใส่เลยละกันครับ แหะๆ


 
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 13 : Frank , 10/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 11-10-2017 22:57:43
 :hao6:
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 16-10-2017 21:35:47
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 14
FAN


พี่แฟรงค์ผลักตัวผมลงบนโซฟา ทำให้ผมเสียหลักล้มลงไปตามแรงผลัก พร้อมกันนั้นร่างสูงก็ขึ้นมาคร่อมตัวของผมเอาไว้ แล้วพยายามจะถอดเสื้อผ้าผมออก

ให้ตายเถอะ ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
สุดท้ายผมก็ต้องเลือกที่จะป้องกันตัวเอง

พี่ก็พี่เถอะวะ
ขอซักทีก็แล้วกัน!
 
ว่าแล้วผมก็ใช้เข่ากระแทกเข้าตรงกลางลำตัวพี่แฟรงค์ไม่แรงมากครับแค่พอให้อีกฝ่ายได้สติ

“โอ้ยยยยยยยย น้องวี” พี่แฟรงค์กุมหน้าท้องตัวเองพร้อมแสดงสีหน้ายับยู่ยี่
ถึงแม้จะพยายามออมแรงแล้ว แต่มันก็คงจะเจ็บพอสมควรอยู่
แต่กระนั้นร่างสูงของเขาก็ยังคงคร่อมอยู่บนตัวผมไม่ยอมลุกออกไป
 

คุณเพชรที่ยืนรออยู่ด้านหน้าคงจะได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังออกไปเลยเปิดประตูเข้ามาดู
ทันทีที่เขาเห็นว่าผมกำลังถูกรังแก เขาก็รีบวิ่งตรงมาทางนี้แล้วตะโกนด่าพี่แฟรงค์เสียงดัง

“เห้ยยยย มึงทำไรอ่ะ” แล้วเพชรก็เข้ามาผลักพี่แฟรงค์ให้ลงจากตัวผม

“อะไรของมึงวะ” คนที่กำลังเจ็บตัวพอเห็นว่ามีอีกคนพยายามเข้ามาช่วยก็เริ่มโมโหหนัก
ดูเหมือนว่าพอได้เจ็บตัว พี่แฟรงค์ยิ่งบ้าคลั่งเข้าไปใหญ่

พี่แฟรงค์หันไปมองหน้าเพชรตาแข็งแล้วง้างหมัดขึ้นมาซัดเข้าที่มุมปากของเพชรไปเต็มแรงจนเพชรเซไปไกล
…เห็นแล้วเจ็บแทนเลยว่ะ
 
พอเห็นเพชรเจ็บผมเลยพยายามดิ้นให้หลุดเพื่อไปช่วยเขา แต่ก็โดนพี่แฟรงค์ออกแรงทับตัวไว้แน่น
เพชรพยายามยืนตั้งหลักให้ได้จากนั้นเขาก็ยกกำปั้นของตัวเองขึ้นมาบ้างทำท่าจะต่อยคืน

แต่เพชรก็คือเพชร
เขามือไวแค่เรื่องบนเตียง พอเรื่องเตะต่อยเขาก็พ่ายทุกที

สุดท้ายเพชรก็ต้องเพลี่ยงพล้ำถูกพี่แฟรงค์ต่อยเข้าที่มุมปากอีกหมัด
หมัดนี้ทำให้ฮีโร่ของผมก็ล้มลงกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า...โถ คุณเพชร
 

ภาพนี้มันคุ้นจังเลยแฮะ
ไม่ว่าเพชรจะเตะต่อยกับใคร สุดท้ายตัวเองก็ต้องลงไปนอนจมอยู่ที่พื้นทุกที ><
 

ร่างสูงมองมาที่ผมด้วยแววตาที่ชวนให้รู้สึกเอ็นดู เพราะไม่รู้ว่าเขาอยากจะขอความช่วยเหลือจากผมหรืออยากจะลุกขึ้นมาช่วยผมให้ได้กันแน่ แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาซะอย่างนั้น

ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมนับถือใจของคุณเพชรเขาอะแหละ…รู้ว่าตัวเองไม่เป็นมวย แต่ก็ยังทุ่มสุดตัว
 
ระหว่างที่ผมกำลังปิติยินดีในความทุ่มสุดตัวของคุณเพชร
อีพี่แฟรงค์ขี้หื่นก็กำลังทำท่าเหมือนจะลงมาซุกไซร้ผมต่อ!!!
นี่มันอะไรกัน ทำไมพี่แฟรงค์ยังไม่ได้สติอีกวะ

เห็นแก่ความบ้าคลั่งของพี่แฟรงค์ผมเลยนอนนิ่งให้เขาซุกไซร้ เพราะอยากรู้ว่าพี่แกจะทำอะไรต่อ
ระหว่างนั้นผมก็เอื้อมมือไปลูบหลังพี่แฟรงค์แล้วพูดกระซิบข้างหูเขา “พอได้แล้วมั้งพี่”
นึกถึงคำพูดที่ว่า ‘เอาน้ำเย็นเข้าลูบ’
เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น เลยลองเอามาใช้บ้าง อาจจะทำให้คนหายบ้า
 
 “พี่แฟรงค์ พี่!!”
“หยุดมั้ยพี่”
โอเค ไม่หยุด
ดูเหมือนว่าการเอาน้ำเย็นเข้าลูบคงจะใช้ไม่ได้กับพี่แฟรงค์ งั้นผมคงต้องขอเอาน้ำร้อนสาด
 
ไม่นานเพชรก็พยุงร่างตัวเองลุกขึ้นมาได้
ผมหันไปเห็นเขาที่กำลังทำท่าจะเดินเข้ามาช่วยอีกครั้ง เลยรีบยกมือขึ้นห้ามแล้วก็ส่ายหน้าให้
เพชรดูงงในท่าทีของผมแต่ก็ยอมหยุดแต่โดยดี
 
ว่าแล้วผมก็ใช้เข่าคู่เดิมเตะเข้าไปตรงกลางหว่างขาของพี่แฟรงค์เต็มแรง
แน่นอนว่าเขาหยุดไซร้ แล้วหันไปเรียนรู้กับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นตรงบริเวณจุดสำคัญแทน
ผมอาศัยจังหวะที่พี่แกกำลังโอดโอยผลักร่างสูงลงจากโซฟา แล้วลุกขึ้นมานั่งรวบแขนคนหื่นเอาไว้ด้านหลัง
พี่แฟรงค์หน้าเขียวแถมยังทำหน้าบิดเบี้ยวร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
เห็นแล้วก็สงสารปนสะใจดีเหมือนกัน แต่ถ้าผมไม่ทำแบบนี้พี่แฟรงค์คงไม่ยอมหยุดอ่ะ

“โอ้ยยยย น้องวี”
“น้องวี โอ้ยยย ทำไมน้องวีทำกับพี่แบบนี้ละครับ” คนที่โดนผมเตะผ่าหมากเงยหน้าขึ้นมาโวยวาย

“ก็พี่แฟรงค์วีก่อน ที่วีทำก็แค่ป้องกันตัว”
“โอ้ยยยย จุกไปหมด ปล่อยแขนพี่ได้แล้วว”

“เลิกหื่นรึยัง”
“เลิกแล้วครับบบบ”

“แน่นะพี่”
“แน่ครับ โอ้ยยพี่ปวดไปหมดแล้ว โอยยยย น้องวี”
พอมั่นใจว่าพี่แฟรงค์น่าจะหมดฤทธิ์แล้ว ถึงได้ปล่อยแขนพี่แกให้เป็นอิสระ
ทันทีที่มือหนาถูกปลดปล่อยเขาก็เอาไปกอบกุมส่วนล่างของตัวเองเอาไว้ทันที

ผมสลับไปมองเพชรที่ยืนเงียบอยู่บ้าง เขาดูอึ้ง อ้าปากหวอ
เพชรคงกำลังคิดว่าผมเป็น Wonder Woman มั้ง
 
 “พี่แฟรงค์ไม่รู้ใช่มั้ยครับว่าวีเรียนมวยมา”
“ไม่รู้ ก็เห็นตัวบางๆ ใครจะรู้ว่าน้องวีมีพิษ”
ผมยกยิ้มมุมปากแล้วพูดตอบกลับไป “วีก็มีพิษเฉพาะกับคนแบบพี่อ่ะ”
“ครับครับ พี่รู้แล้ว…
…โอยยย จุกสัส” ผมปล่อยให้คนหื่นได้อยู่กับความเจ็บปวดครู่ใหญ่
ก่อนที่เขาจะเอนหัวลงมาพิงที่โซฟา แล้วถอนหายใจแรงพร้อมกับหลับตาลง
 

ผมเงยหน้าขึ้นมองเพชรอีกรอบแล้วพูดถามเขาแบบไม่ออกเสียง
“คุณโอเคเปล่า”
“โอเค” เพชรขยับปากมุบมิบให้พออ่านปากออกพร้อมกับชูมือเป็นสัญลักษณ์ว่าโอเคแล้วก็ส่งยิ้มมา
เห็นดังนั้นผมก็ยักคิ้วตอบกลับไปแบบคูลๆ
 
“งานนี้พี่แม่งหมาเลยว่ะ จะมองหน้าน้องวีกับครอบครัวน้องวียังไง” แล้วคนที่เงียบอยู่ก็พูดขึ้นมาเรียกให้ผมกับเพชรหันเหความสนใจไปมองที่เขา
“แล้วทำไมตอนทำพี่ไม่คิดอ่ะ”
“ถ้าคิดได้ก็คงไม่ต้องมานั่งเป็นหมาแบบนี้” พูดได้ขนาดนี้แปลว่าน่าจะคิดได้แล้ว
“พี่จะไปทำแบบนี้กับใครอีกมั้ย”
“ไม่เอาแล้ว…พอคิดแล้วโคตรรู้สึกแย่ แม่งเอ้ย!” คนที่นั่งอยู่ด้านล่างเอามือขึ้นมากุมขมับตัวเองแน่น

“งั้นพี่ก็ยังไม่ถึงกับหมาหรอกครับ เราจะรู้เรื่องนี้กันแค่ 3 คน ถือซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นละกัน
โอเคมั้ยพี่”
พูดจบผมก็เงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่เพื่อถามว่าเขาโอเคด้วยไหม
เพชรย่นคิ้วเข้าหากันราวกับกำลังใช้ความคิดก่อนที่ร่างสูงจะยอมพยักหน้าตอบรับคำขอของผม
ส่วนพี่แฟรงค์ก็ลืมตามามองผมอย่างคนที่กำลังสงสัย

“ใจดีขนาดนี้เลยหรอเรา”

ผมยิ้มมุมปากอีกครั้ง “วีอะใจดี แต่ถ้าไปทำแบบนี้กับคนอื่นอาจจะเข้าไปอยู่ในคุกครึ่งขาแล้ว”
“อีกอย่างชีวิตมันสั้นพี่ จะโกรธ จะเกลียดกันไปทำไม
…แล้วเมื่อกี้วีก็คิดว่าวีป้องกันตัวเองได้ พี่แฟรงค์สู้วีไม่ได้หรอกครับ เพราะงั้นวีเลยไม่โกรธ”
พี่แฟรงค์พยักหน้ารับสองสามที ก่อนจะยกมือทั้งสองขึ้นมาไหว้ขอโทษผม
“พี่ขอโทษน้องวีนะ ขอโทษจริงๆ ไม่มีคำแก้ตัวอะไรเลยว่ะ
พี่แม่ง เชี่ย”
ผมพยักหน้าเพื่อรับคำขอโทษแล้วก็ดันมือพี่เขาที่ยกขึ้นไหว้ผมออกจากกัน
จากนั้นพี่แฟรงค์ก็หันไปมองเพชร

พอร่างสูงที่ยืนอยู่รู้ตัวว่าถูกมอง ก็กระพริบตาปริบๆ รอฟังว่าพี่แฟรงค์จะพูดอะไร
“ขอโทษเราด้วยเพชร ขอโทษที่ต่อยหน้าหล่อจนช้ำ แล้วก็ขอโทษด้วยที่พี่ทำร้ายแฟนเรา”
“ครับ” เพชรตอบรับสั้นๆ แล้วหันมาสบตากับผม

ผมพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้เขาเพื่อแสดงความมั่นใจว่าผมโอเค แล้วก็ยินดีที่เพชรไม่ได้ถือโทษอะไร
 ก่อนจะหันไปปฏิเสธอะไรบางอย่างกับพี่แฟรงค์
“พี่แฟรงค์ วีกับเพชรเรายังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ”
 “อ้าวคุณ” ร่างสูงที่ยืนอยู่รีบเดินมานั่งลงข้างผมแล้วจ้องเขม็งทันที
“ก็คุณเพชรยังหาวิธีขอเราเป็นแฟนให้มันสมศักดิ์ศรีไม่ได้อ่ะ”
 

กริ๊ง กริ๊ง
เสียงเรียกเข้าที่ผมไม่คุ้นหูดังขึ้นขัดจังหวะ
พี่แฟรงค์หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วก้มมองหน้าจอสีเหลี่ยมไร้ขอบก่อนจะหันมาพูดกับผม
“พี่คงต้องกลับเข้าไปในงานแล้วล่ะ โดนโทรตามแล้ว ยังไงก็ขอโทษอีกทีนะวี พี่เสียใจจริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับพี่แฟรงค์
เอ้อพี่…ถ้าพี่เปลี่ยว เดี๋ยววีแนะนำเพื่อนคนนึงให้”
“เอางั้นอ่อ” แล้วพี่แฟรงค์ก็เอามือมาลูบหัวผม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
 


ทุกอย่างมันเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรรู้สึกยังไงกับเหตุการณ์เมื่อครู่
ผมทำถูกแล้วใช่ไหมครับที่เคลียร์ทุกอย่างให้มันจบ แถมยังไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองพี่แฟรงค์
…มันโอเคแล้วใช่มั้ยครับ

มาถึงตอนนี้ที่ในห้องแต่งตัวเหลือแค่ผมกับเพชรสองคน ผมจึงไม่ต้องฝืนยิ้มหรือทำเป็นเข้มแข็งอีกต่อไป
แล้วแผ่นหลังบางก็ถูกทิ้งลงกระทบกับพนักโซฟานุ่มก่อนจะตามมาด้วยเสียงถอนหายใจ

“เฮ้อออ”
 
เพชรที่นั่งอยู่ด้านข้างมองมาที่ผมแล้วไม่พูดอะไร
อาจจะเพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาในสถานการณ์แบบนี้
ผมก็เช่นเดียวกัน…แม้จะเห็นมุมปากที่เริ่มเขียวช้ำของเขา แต่ผมยังไม่กล้าที่จะถามอะไรออกไป
กลายเป็นว่าบรรยากาศตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยความรู้สึกอึดอัด
 

ครู่หนึ่งผมก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนี้ก่อนด้วยการพูดออกไป
“ขอกอดหน่อยได้มั้ย”
เพชรพยักหน้ารับแล้วขยับตัวเข้าหาผม
ผมซบหน้าลงบนลาดไหล่กว้างแล้ววาดวงแขนทั้งสองข้างกอดเอวเพชรเอาไว้ และเขาก็สวมกอดผมตอบ
 

อบอุ่นและคุ้นเคย

 
พอได้อยู่ในอ้อมกอดของเพชร หัวใจของผมที่ซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ภายในก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกปลอดภัย มันอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนที่จะรู้สึกร้อนวูบวาบในลูกตา
ไม่นานน้ำใสๆ มันก็ไหลออกมา
ตามมาด้วยเสียงสะอื้น
“ฮึก ฮึก”

เชี่ยยย ผมร้องไห้!!!!!
ผมเป็นอะไรไปเนี่ย ทำไมจู่ๆ ถึงได้ร้องไห้ออกมา
แถมยังร้องแบบหยุดไม่ได้ด้วย

เพราะน้ำตามันไหลออกมาเรื่อยๆ จนคนที่กอดผมอยู่ต้องเปลี่ยนมาลูบหลังเบาๆ
“ฮืออ ฮืออออ”
 
“ไม่เป็นไรนะคุณ ร้องออกมา ร้องออกมาให้หมดนะครับ”
“ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้วน้าาา”
สัมผัสที่แผ่วเบาบวกกับเสียงที่อ่อนนุ่มเลยยิ่งทำให้ผมไม่อายที่จะปล่อยความรู้สึกของตัวเองออกมาจนหมด
 
ถึงแม้ตอนนั้นผมจะมั่นใจว่าตัวเองเอาตัวรอดได้
แต่สุดท้ายแล้วการที่มีใครสักคนอยู่เคียงข้าง ในเวลาที่ความอ่อนแอภายในถูกเปิดเผยออกมา
มันก็ดีกว่าที่ต้องอยู่คนเดียวเยอะเลย
 
เวลาเดินผ่านไปช้าๆ…พร้อมกับน้ำตาที่จางหายกลายเป็นความอบอุ่นในใจเข้ามาแทนที่
เพชรลูบหลังผมอย่างอ่อนโยนจนผมเริ่มรู้สึกดีขึ้น
แล้วเขาก็ปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ ก่อนจะหันมาสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผม ด้วยการพลิกแขนของผมไปมา ซ้ายที ขวาที
เห็นแล้วก็ทำให้เผลอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“เราไม่เป็นไรแล้ว” เสียงหวานเจือรอยยิ้มบางของผมพูดบอกเพชรไป
“ขอสำรวจความเสียหายอีกหน่อยละกัน”
ฟังดูเหมือนกำลังจะสำรวจดินแดนมหัศจรรย์ยังไงก็ไม่รู้แฮะ
สุดท้ายผมก็ยอมให้เพชรจับพลิกไปพลิกมาจนพอใจ จากนั้นก็เป็นฝ่ายถามเขากลับบ้าง

“แล้วคุณอ่ะ มีอะไรเสียหายบ้าง”
“ไม่มี๊ ผมสบายมาก เพชรคนเหล็ก”
ว่าแล้วผมเลยยกมือขึ้นไปแตะดูบริเวณรอยช้ำมุมปากของเขาซะหน่อย
หน้าคมถึงกับสะดุ้งหลบมือผมทันทีที่ถูกสัมผัส

“ไงครับพ่อคนเหล็ก เจ็บอ่อ” ผมยิ้มแล้วยักคิ้วเยาะเย้ยเขา
“เปล๊า แค่นี้ไม่สะเทือน” เพชรยักคิ้วตอบกลับมาสองทีพร้อมส่งสายตาท้าทาย

ได้ตามคำท้า ผมยกมือขึ้นตบลงบนแผลมุมปากของเขาอย่างเบามือ
แต่ดูเหมือนว่าความมือเบาของผม มันอาจจะยังหนักสำหรับคนเจ็บอยู่ก็เป็นได้
เขาถึงได้ทำหน้าบู้บี้พร้อมกับร้องออกมา แต่นั่นกลับทำให้ผมยิ้มได้อีกครั้ง
“โอ้ยคุณ เจ็บนะ”
แล้วมือหนาก็ยกขึ้นมาจับมือผมเอาไว้แน่น ไม่ให้เที่ยวซุกซนตีเขาได้อีก


จากนั้นเพชรก็ขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้นพร้อมกับเลื่อนสายตามาจ้องผม รอยยิ้มสะใจที่ได้แกล้งเขาเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความประหม่าทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องมองจากคนตรงข้าม

แล้วผมก็เฉไฉทำทีชวนคุย ก่อนจะเบนสายตาออกไปมองทางอื่น
“สรุปเจ็บแล้วอ่อครับ”

“ก็เจ็บนะครับ แต่ก็ไม่เจ็บเท่ากับเห็นใครก็ไม่รู้มาทำร้ายคุณอ่ะ”

อ้าว ดึงดราม่าเฉย

“เน่า” ผมเบะปากแล้วมองบนใส่ กะจะให้เขาขำ “ทำไมอ่ะ หวงเราอ่อ”
แต่เขาไม่ขำ แถมยังจับหน้าผมให้หันกลับมาสบตากับตัวเองอีกด้วย
โอเค ยอม

ผมนั่งนิ่งยอมให้เพชรดึงเข้าโหมดดราม่า ก่อนที่เพชรจะจับมือผมไปวางแปะไว้บนหน้าอกด้านซ้ายของเขาพร้อมกับที่มือหนาวางกุมทับเอาไว้

หัวใจของเพชรเต้นแรงราวกับว่าเขากำลังตื่นเต้น


ไม่รู้ว่าแรงสั่นสะเทือนของหัวใจสามารถถ่ายโอนด้วยการสัมผัสในตอนนี้ได้ไหม
แต่ที่รู้คือหัวใจของผมเริ่มจะเต้นแรงตามเขาไปด้วย


“คุณหงส์ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกผมอย่างมีความหมาย
“ก่อนที่ผมจะตอบคำถามคุณ ผมขอถามคุณข้อนึงก่อนได้เปล่า”
“อื้มม ได้”
“คืองี้...ผมก็ยังคิดไม่ออกว่าผมควรจะขอคุณเป็นแฟนยังไงดี
เพราะผมไม่คิดด้วยซ้ำ ว่าผมจะมีวันนี้”
ครู่หนึ่งดวงตาดำขลับวูบไหว ก่อนจะกลับมานิ่งเป็นปกติแล้วส่องประกายแวววับ

“มันยากเหมือนกันแฮะ แต่ผมไม่ได้ถอดใจนะ”

“คุณจำได้มั้ยครับ
ครั้งก่อนที่คุณถูกแฟนเก่ารังแก ผมวิ่งเข้าไปช่วยแต่ก็โดนต่อยจนเละ”

“ครั้งนี้ก็ไม่ต่าง ผมพยายามจะไปช่วยคุณแล้ว แต่ผมก็สู้ไม่ได้”

ผมพยักหน้ารับเพื่อสื่อสารว่าตั้งใจฟังที่เขาพูดอยู่

“คุณอาจจะมองว่าผมเป็นแค่ผู้ชายกากๆ คนนึง”
เขาจับมือผมแน่นขึ้น ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำใสๆ ปริ่มออกมา

ภาพตรงหน้า ทำให้ผมใจสั่นมากขึ้น

“แต่คุณรู้มั้ยว่าถึงแม้ผมจะรู้ว่าผมสู้ใครเค้าไม่ได้
แต่ผมก็ยังอยากที่จะเป็นคนปกป้องคุณ”

“ผมไม่รู้ว่าความซื่อสัตย์กับความจริงใจของผม
…มันจะมีค่าพอให้คนอย่างคุณหงส์
ยอมเป็นแฟนกับผมมั้ย”

มือของผมที่วางอยู่บนอกด้านซ้ายของเพชร สัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่ขยับเร็วขึ้น
มือของเขาที่กุมมือผมอยู่ เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ


“หงส์


เป็นแฟนกับเพชรนะ”


พูดจบน้ำตาของเพชรก็ไหลออกมา
 
ภาพความทรงจำในช่วงเวลาที่ผ่านมาสะท้อนกลับเข้ามาในหัวผม
แต่ถ้าเทียบกับความทรงจำของเพชรตลอดหลายปีที่ผ่านมาแล้วมันคงยาวนานกว่าความทรงจำของผมหลายเท่า
ไม่แปลกใจที่เขาจะน้ำตาไหล

ผมยอมรับว่าผิดคาดพอสมควรที่เพชรมาขอผมเป็นแฟนอยู่ตรงนี้
เพราะผมบอกเขาชัดเจนแล้วว่าผมต้องการอะไร
 

ผิดคาด แต่กลับไม่ได้รู้สึกเสียใจ
ตรงกันข้ามเพชรกลับทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เขามี

เพชร ก็คือเพชร
สิ่งที่เพชรมี เขาก็ทำให้ผมเห็นมาโดยตลอด
ต่อให้เขาไม่บอกว่าเขาจริงใจ ผมก็รู้ครับ

ยิ่งมองไปที่รอยช้ำมุมปากของเขา...
มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากจะกอดคนตรงหน้าเอาไว้ให้แน่นๆ

“ก็เราเป็นบอกให้คุณขอไม่ใช่หรอ
ทำไมเราจะไม่ตกลงล่ะ”
ผมยิ้มรับ แล้วดึงตัวเพชรเข้ามากอด
 
“หมายความว่า” คนที่ถูกกอดยังคงนิ่ง เขานั่งตัวแข็ง
“ก็หมายความว่าเราเป็นแฟนกันแล้วไง” ผมสวมกอดเพชรแน่นขึ้น แน่นจนทำให้เขารู้สึกตัว แล้วกอดผมตอบ

“จริงๆ นะคุณหงส์
จริงนะ จริงใช่มั้ย
คุณไม่ได้หลอกผมนะ”
ร่างสูงเขย่าตัวผมเหมือนกำลังถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
จนทำให้ผมเชื่อแล้วว่าเขาดีใจมากแค่ไหน

หลังจากที่ผมปล่อยตัวเพชรให้เป็นอิสระ มือหนาของเขาก็เอื้อมมาจับมือผมไว้แน่นราวกับว่ากลัวผมจะหายไป
“เป็นแฟนกันแล้วจริงนะหงส์”


“จริงสิ จะหลอกได้ไง...
นี่หงส์นะ ไม่ใช่ผี”

คนตรงหน้าเบิกตากว้างก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังทั้งที่น้ำตายังไหลอาบหน้า
ดีใจจัง มุขไม่แป้ก อิอิ


 
เป็นการขอคบที่เรียบง่ายผิดคาดจากที่ผมคิดเอาไว้
แถมผมยังตอบตกลงอย่างง่ายดายด้วย

เพชรทำให้ผมรู้ว่า...
ผมไม่ได้ต้องการช่อดอกไม้ใหญ่ช่อโต วิวแสนล้าน หรือจุดพลุให้เต็มท้องฟ้า
แต่ผมแค่ต้องการใครซักคนที่อยู่ข้างผม เวลาผมสุข เวลาผมทุกข์
เวลาที่ผมเหวี่ยง เวลาที่ผมวีน
หรือเวลาที่ผมอ่อนแอจนอยากร้องไห้ออกมาเสียงดัง
ก็แค่นั้นเอง
 

“เป็นแฟนกันแล้ว งั้นผมจะตอบคำถามที่คุณถามเมื่อกี้”
คำถามเมื่อกี้...ถามไปว่าอะไร มัวแต่ถูกขอเป็นแฟนจนลืมไปแล้ว
ผมมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย จนเขาต้องทวนคำถาม
“ก็ที่คุณถามว่าผมหวงคุณ”
“อ๋อ” ผมพยักหน้ารับรัวๆ
 
“ผมบอกเลยว่าหวงมากกกกกก” ลากเสียงยาว
“มือนุ่มๆ คู่นี้ของผม” แล้วเขาก็จับมือสองข้างของผมไปกุมไว้แน่น

“ตากลมๆ คู่นี้ก็ของผม”
“จมูกโด่ง ปากสีส้ม แก้มกลมๆ แล้วก็ยิ้มนี้ก็ของผม”
“เห้ย เอางั้นอ่อ” ผมอมยิ้มแล้วพูดถาม ก็เขาเล่นจับจองไปซะจนหมด
แล้วงี้ผมจะเหลืออะไรเป็นของตัวเองบ้างอ่า

“ใช่ แล้วเมื่อกี้มีใครมายุ่งกับแถวนี้ของคุณ” ว่าแล้วมือหนาก็ยกขึ้นมาลูบไล้บริเวณลำคอ ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงมาพร้อมกับเอาสันจมูกคมมาซุกซนแถวนี้
“นี่ก็ของผม”

“ทุกส่วนของคุณหงส์...
...เป็นของผม”

“เอาไปเป็นของตัวเองหมดทุกส่วนแบบนี้ก็ได้หรอ หื้มม”
ก็นั่นสิครับ
ใจเย็นมั้ยล่ะคุณเพชร นี่เป็นแฟนกันได้ไม่ถึงนาที ทำไมถึงได้จับจองไปหมดแล้ว

“ไม่ใช่แค่พูด แต่เดี๋ยวผมจะทำให้คุณดู”
เขาพูดเสียงกดต่ำพร้อมตวัดสายตาขึ้นมามอง
สายตาแบบนี้เริ่มทำให้ผมรู้สึกเสียววูบวาบขึ้นมา
ตอนนี้เพชรเริ่มเอาริมฝีปากสวยไล่จูบร่างกายที่เขาจองเอาไว้
มันก็จะจั๊กจี้หน่อยๆ


ผมพยายามปัดป้อง แต่อย่างที่บอกว่าคุณเพชรมีความไวอย่างหนึ่งคือ มือไว
ฉะนั้นผมเลยโดนคนมือไวรวบเอาแขนทั้งสองข้างไปเก็บไว้เป็นที่เรียบร้อย
เป็นอย่างนั้นเลยต้องปล่อยให้เจ้าของใบหน้าคมไล่แสดงความเป็นเจ้าของไปทั่ว

ทิ้งรอยจูบไว้จนพอใจแล้วเพชรก็ผละให้ผมเอนตัวลงนอน แล้วเขาก็อาศัยจังหวะนี้ในการปลดกระดุมเสื้อผมออก แล้วใช้ลิ้นซนซุกไซร้ไล่เรียง สร้างร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของด้านในร่มผ้าบ้าง
สุดท้ายก็ต้องยอมเขาล่ะ

เพชรจับจองเป็นเจ้าของร่างกายผมลงไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณหน้าท้อง
แล้วมือไวคู่เดิมก็ปลดกางเกงออกอย่างรวดเร็ว แต่เขายังคงใช้ริมฝีปากซุกซนอยู่บริเวณภายนอกกางเกงในตัวบาง
จากนั้นผมอาศัยจังหวะที่เพชรกำลังเคลิ้ม พลิกตัวเขาให้เป็นฝ่ายลงไปนอนบ้าง

“คิดว่าจะจองเราคนเดียวหรอครับคุณเพชร”
ผมพูดว่าไป พร้อมกับที่ร่างสูงยิ้มหล่อท้าทายกลับมา
ว่าแล้วจึงค่อยๆ ซุกไซร้ร่างกายของเพชรคืนบ้าง

แต่! แม่ง ทำไมชุดของเขาถึงได้ถอดยากจัง

ก็จังหวะที่ผมไซร้คอแล้วพยายามจะถอดเสื้อเขาออกบ้างมันดันปลดกระดุมไม่ได้อ่ะดิ สุดท้ายผมเลยต้องเลิกใช้ลิ้นซุกซนแถวซอกคอเปลี่ยนมาเป็นนั่งตั้งหน้าตั้งตาแกะกระดุมเสื้อของเขาออก

ทำเอาเจ้าตัวถึงกับนอนขำจนต้องป้องปากเพราะโดนผมทำหน้าดุใส่
“จริงจังไปป่ะคุณ”
“เงียบน่า ไม่ช่วยก็ไม่ต้องมาหัวเราะ”
และสุดท้ายผมก็ปลดกระดุมเสื้อของเพชรออกได้จนหมด


โอเค กลับมาต่อ
ไล่เลียงโลมเลียลงมาเรื่อยๆ จนถึงจุดสำคัญ ที่กำลังใช้ลิ้นหยอกล้อกับซิคแพคแน่นของเพชร อีกมือนึงก็พยายามแกะซิปกางเกงเขา



แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น

แย่แล้ว ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ผมกับเพชรหันควับมองออกไปที่ประตูทางเข้าห้อง
ในท่าที่คุณเพชรนอนหงายโดยมีผมนอนทับอยู่ด้านบน
ผมเปลือยบน และเพชรกำลังจะเปลือยล่าง แต่โชคดีว่ายังไม่มีใครถอดกางเกง

“เอ่อ” พี่ช่างแต่งหน้าที่แต่งให้ผมยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงประตูในมือถือแก้วไวน์
“พี่ไม่เห็นอะไรเลยค่ะ” พูดจบประตูก็ถูกปิดลงทันที


ผมถอนหายใจราวกับรู้สึกโล่งแล้วหันกลับมามองหน้าเพชร
ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“กลับไปต่อที่ห้องมั้ย”
คนด้านล่างพยักหน้ารับ พร้อมกับที่ผมติดกระดุมเสื้อให้เขาเหมือนเดิม


“คุณ” ระหว่างนั้นมือหนาก็จับมือผมอีกรอบ
อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนใจจะจัดต่อตรงนี้
ไม่เอาด้วยแล้วนะ เดี๋ยวถึงจุดไคลแม็กซ์มีคนเปิดมาเห็นทำไง


“กลับห้องช้าไป เปิดโรงแรมข้างบนเลยละกัน”

พูดจบ เพชรก็กึ่งลากกึ่งจูงมือผม
วิ่งออกจากห้องไปกดลิฟต์ทั้งที่ยังใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย



กะเตงกันไปติดกระดุม แล้วก็รูดซิปกางเกงกันต่อในลิฟต์นั่นแหละครับ

คนเขาจะได้รู้กันทั้งโลกว่าผมเสียตัวให้คุณเพชรแล้ว ก็งานนี้!!




**To Be Continued**

เป็นแฟนกันแล้วจ้าาาาา เย้ๆๆๆๆ จุดพลุฉลองๆๆๆๆ
ในที่สุดนายเพชรสุดหล่อก็พิชิตใจคุณหนูหงส์ได้ด้วยความซื่อและจริงใจ
เอ่อ!! เมื่อกี้หงส์ว่ายังไงนะ หงส์อยากให้คนทั้งโลกรู้ว่าเสียตัวให้คุณเพชรอ่อ
ได้เลยยยย จัดให้จ้าาาาา
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 14 : FAN , 16/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-10-2017 21:58:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 14 : FAN , 16/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 17-10-2017 00:19:49
ชอบการใช้ภาษาเวลาต่อบทสนทนาของคนเขียนมากเลยค่ะ มันไม่เวิ่นเว้อแล้วก็ยังไม่ดูสั้นเกินไป คืออ่านได้ลื่นไหลมาก คาแรคเตอร์ของตัวละครก็ชัดเจน  โดยเฉพาะคุณหงส์ อย่างในทีแรกที่บอกว่าอยากได้อ๊อฟชั่นเสริมต่างๆนานาตอนขอเป็นแฟน เหมือนว่าเขาเป็นคนฉาบฉวยแต่สุดท้ายแล้วเขาก็โอเคกับความเรียบง่ายและจริงใจ เป็นตัวละครที่มีมิติมากเลย

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ^^ อาจไม่ค่อยได้เม้นบ่อยแต่ก็ตามอ่านอยู่นะคะ สู้ๆค่ะ


หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 14 : FAN , 16/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-10-2017 13:15:40
 o13
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 14 : FAN , 16/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 17-10-2017 18:14:24
ชอบการใช้ภาษาเวลาต่อบทสนทนาของคนเขียนมากเลยค่ะ มันไม่เวิ่นเว้อแล้วก็ยังไม่ดูสั้นเกินไป คืออ่านได้ลื่นไหลมาก คาแรคเตอร์ของตัวละครก็ชัดเจน  โดยเฉพาะคุณหงส์ อย่างในทีแรกที่บอกว่าอยากได้อ๊อฟชั่นเสริมต่างๆนานาตอนขอเป็นแฟน เหมือนว่าเขาเป็นคนฉาบฉวยแต่สุดท้ายแล้วเขาก็โอเคกับความเรียบง่ายและจริงใจ เป็นตัวละครที่มีมิติมากเลย

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ^^ อาจไม่ค่อยได้เม้นบ่อยแต่ก็ตามอ่านอยู่นะคะ สู้ๆค่ะ

ขอบคุณนะค้าบบบ
ดีใจจัง น้ำตาจิไหล อ่านแล้วมีกำลังใจแต่งต่อเยอะเลย อิอิ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 14 : FAN , 16/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-10-2017 18:48:29
แล้วหงส์ ก็ประทับใจเพชร
ซาบซึ้งกับเพชร ที่เป็นคนที่สม่ำเสมอ
เข้ามาช่วยหงส์สองครั้งแล้ว
ทั้งที่ไม่เป็นมวย ไม่เก่งเรื่องการต่อสู้แท้ เจ็บตัวตลอด

แล้วสองคนก็ไปเปิดห้อง เพราะถูกขัดจังหวะ
แต่คนอ่านค้างงงง  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 14 : FAN , 16/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 18-10-2017 19:17:53
แล้วหงส์ ก็ประทับใจเพชร
ซาบซึ้งกับเพชร ที่เป็นคนที่สม่ำเสมอ
เข้ามาช่วยหงส์สองครั้งแล้ว
ทั้งที่ไม่เป็นมวย ไม่เก่งเรื่องการต่อสู้แท้ เจ็บตัวตลอด

แล้วสองคนก็ไปเปิดห้อง เพราะถูกขัดจังหวะ
แต่คนอ่านค้างงงง  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


5555 ต้องส่งเพชรไปเรียนมวยเพิ่มมมแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 14 : FAN , 16/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 18-10-2017 19:49:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 14 : FAN , 16/10/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 18-10-2017 21:51:25
:katai3:
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 05-11-2017 15:02:42
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 15
Gossip



หลังจากที่เปิดห้องพักของโรงแรมเรียบร้อย เพชรก็จัดหนักจัดเต็มมันทั้งคืนซะจนเราสองคนไม่ได้หลับได้นอนกันเลยทีเดียว ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาขอผมเป็นแฟนถูกต้องตามหลักแล้วเรียบร้อย แถมยังถือโอกาสนี้จับจองร่างกายผมทุกส่วนให้เป็นของเขาคนเดียวอีกด้วย

ผมก็ได้แต่คิดในใจว่า อะไรมันจะขนาดนั้น
แต่ก็เอาเถอะครับ ลึกๆ แล้วผมก็ไม่ได้อยากจะขัดอะไร ก็ปล่อยเลยตามเลย
โดยหารู้ไม่ว่าหายนะกำลังมาเยือนเพราะในช่วงเช้าต่างมีเรียนกันทั้งคู่
นั่นแปลว่าเราจะไม่ได้พักผ่อนเลย



05:41


ผมกับเพชร Check Out ออกจากโรงแรมในช่วงที่ท้องฟ้ากำลังจะสว่าง แล้วพากันมานั่งกึ่งหลับกึ่งตื่นซบไหล่แข็งๆ ของฝ่ายตรงข้ามอยู่บน Uber ซึ่งขับมาไม่นานก็ถึงคอนโดผม

เพชรปลุกผมให้ตื่นด้วยการจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบา แต่ก็ไม่ค่อยเบาเท่าไหร่หรอกครับเพราะไม่งั้นผมคงไม่รู้สึกตัว จากนั้นเขาก็ขโมยจูบริมฝีปากผมอีกรอบก่อนลงจากรถ ผมเลยชักสีหน้าใส่คนด้านข้างเล็กน้อยว่าจะจูบอะไรมากมายด้วยความง่วง แต่ก็รีบหอบร่างเบาหวิวลงจากรถอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวพร้อมกับมายืนโบกมือให้เพชรอยู่ตรงกระจกรถ ร่างสูงโบกมือตอบพร้อมกับทำท่าไล่ให้เข้าไปในคอนโด ผมพยักหน้ารับแล้วหันหลังกลับเข้ามา

ระหว่างที่กำลังขึ้นลิฟต์ ผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เลยหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกดโทรออกหาเบอร์ที่ผมจะต้องทำความคุ้นเคยเอาไว้

“ค้าบบ คิดถึงผมแล้วหรอ หื้มม” ปลายสายพูดขึ้นทันทีที่รับสาย
ไม่ใช่เสียงปกติของเขาอ่ะ

เสียงสองว่ะ...

รู้ตัวอีกทีผมก็เห็นตัวเองกำลังยิ้มให้กับเสียงสองของเขาในกระจก
เชื่อว่าคนในสายก็คงยิ้มอยู่เหมือนกัน
ผมเคลิ้มกับเสียงสองอ้อนๆ ของเพชรหรอ
ไม่มั้ง!

“เปล่าซะหน่อย แค่จะโทรมาบอกว่า 7 โมง โทรปลุกเราด้วยดิ เรากลัวไม่ตื่นอ่ะ”
เห็นมั้ย ผมไม่ได้คิดถึง แล้วก็ไม่ได้เคลิ้มด้วย
ก็แค่จะโทรมาไหว้วานคุณเพชรให้ช่วยโทรปลุก ก็แค่นั้นเอง

“โหยย ไอ้เราก็นึกว่าแฟนจะคิดถึง”

‘แฟน’
แฟนงั้นหรอ มาเร็ว เคลมเร็ว ต้องยกให้เขาเลยล่ะ
เปลี่ยนสรรพนามได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง 
แถมคุณเพชรก็ยังไม่หยุดทำเสียงสอง ฟังไปฟังมาชักขนลุกแล้วดิ

“ง่วงจะแย่ ใครจะมีอารมณ์คิดถึง...
...แล้วก็อย่าลืมโทรปลุกด้วย โอเค๊”

“โอเคค้าบผม แต่คุณไม่ลืมใช่ป่ะว่าผมจะไปรับคุณไปเรียน”
ตอนอยู่บนรถเพชรบอกว่าอาสาจะขับรถมารับผม ไถ่โทษที่ทำให้ผมไม่ได้นอนทั้งคืนครับ

ระหว่างนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออก ผมค่อยๆ ลากสังขารตัวเองออกมาแล้วเดินตรงไปที่ห้อง
“ไม่ลืมๆ ...ถึงบ้านยัง” พูดจบก็พยายามเบิกตากว้างเอาไว้
ก่อนจะยื่นมือไปกดรหัสเปิดประตูแล้วเดินเข้าห้อง พร้อมกับถอดรองเท้าและวางของลง

“ใกล้แล้วครับ คิดถึงคุณจัง”

“เว่ออ่ะ” ได้ยินเสียงสอง แถมด้วยคำพูดแบบนั้นแล้วรู้สึกเลี่ยนจนต้องมองบนใส่
แต่ดูเหมือนเพชรดูเหมือนจะไม่สนใจคำพูดผม เพราะเขายังคงพูดต่อ

“เพชรรักหงส์นะค้าบบบบ”
เท่านั้นแหละครับ ผมเลยรีบตอบกลับด้วยคำว่า

“เราหลับละ คร๊อกกกกกกก” พร้อมกับทำเสียงกรนใส่ ก่อนจะกดตัดสายไป


ผมเดินเข้ามาในห้องนอนแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงในท่านอนคว่ำ
ส่วนในมือยังถือโทรศัพท์เอาไว้แน่น

ระหว่างที่กำลังจะเคลิ้มหลับก็รู้สึกหนักบนตัวอย่างบอกไม่ถูก
...หรือว่าจะถูกผีอำ
แต่นี่มันปี 2017 แล้วนะ คนหัวสมัยใหม่อย่างวีรินทร์ไม่มีทางโดนผีอำแน่นอน

ว่าแล้วผมก็ปรือตาขึ้นอีกครั้งแล้วพลิกตัวนอนหงาย แล้วผมก็รู้สึกตัวเบาขึ้นมาทันที เพราะไอ้คนที่นอนทับผมอยู่มันกลิ้งตกลงไปด้านข้างเรียบร้อย

“เห้ย มาไงเนี่ย” ผมพูดถามทันทีที่เห็นไอ้น้องชายตัวแสบ

วีวิศ
ที่อยู่ในสภาพไม่ต่างจากผมเท่าไหร่

“รินทร์อ่ะแหละ หายไปไหนมา” น้ำเสียงงัวเงียพูดตอบกลับมา

“โดนลักพาตัว” ผมตอบเสียงยานคางกลับไปเช่นเดียวกัน ก่อนจะจัดท่านอนให้สบายขึ้นพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัว ตอนนี้สองพี่น้องนอนหันหน้าเข้าหากันแล้วทำตาปรือ

“ใครลักพาตัวรินทร์ หนุ่มคนไหนอีกล่ะ”

“เดี๋ยวก็คงได้เห็น...ละนี่ทำไมถึงมานอนคอนโดได้” ผมถามน้องกลับบ้าง

“เมื่อคืนเมาอ่ะ วิศก็กะจะเมาอยู่แล้ว เลยเอาชุดนักเรียนติดมาด้วย แล้วก็ให้แม่มาส่งที่คอนโด พรุ่งนี้เช้าขึ้นรถไฟฟ้าไปเรียนง่ายดี”
ผมพยักหน้ารับคำตอบของวีวิศแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยเหมือนกันเพราะคอนโดเราอยู่ใกล้รถไฟฟ้าครับ มีห้องนอน 3 ห้อง เมื่อก่อนผมเคยชวนวีวิศมาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ แต่น้องติดบ้านเลยไม่ค่อยอยากมา

“กะจะเมา แปลว่ามีเรื่องที่ทำให้อยากเมา” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นมาชี้หน้าไอ้เด็กหัวเกรียน
วีวิศปัดมือผมออกก่อนจะยักคิ้วให้

“อกหักไง”

“หืมมม
...เด็กเรียนแบบวิศเนี่ยนะจะอกหัก” ผมหลี่ตามองเด็กตรงหน้า

“ก็เพราะเป็นเด็กเรียนนี่แหละ เลยอกหัก จีบใครก็ไม่เป็น”

แล้วน้องก็หลุบตามองต่ำลง ไม่มั่นใจว่าเพราะง่วงหรือเพราะเศร้า

“อื้ม เข้าใจ รินทร์ก็จีบใครไม่เป็น เพราะปกติมีแต่คนมาจีบว่ะ”

พูดจบคนที่มองต่ำอยู่ ก็ถลึงตาใส่ผมแล้วเบะปาก
“สวยอะเนอะ ยอม ยอม”

“ของมันแน่ ว่าแต่เมื่อคืนเมากับใครอ่ะ แม่อ่อ”

“เปล่า แม่อยู่กับแก็งค์เพื่อนแม่ วิศเมากับพี่แฟรงค์” วีวิศพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ผมกลับรู้สึกขนลุกแปลกๆ ที่ได้ยินชื่อนี้

“พี่แฟรงค์” ผมถามย้ำอีกครั้ง ก่อนที่คนตรงหน้าจะพยักหน้าแล้วพูดต่อ

“พี่แฟรงค์เมาหนักอ่ะ แล้วก็บอกตัวเองเลว ตัวเองไม่ดี วิศก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ทั้งที่งานเปิดตัวเสื้อผ้าก็ออกมาดี ทุกคนก็ชื่นชม”

“เหอะๆ”

“จริงๆ ตอนแรกวิศก็ตามหาวีรินทร์นะ แต่ไม่เจอ วิศไปถามทีมงานเค้าบอกว่า...”
ว่าอะไรก็ไม่รู้ครับเพราะผมเผลอหลับไป รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เพชรโทรมาปลุก



07:26

พอได้สติจากที่เพชรโทรมา ผมก็ปลุกวีวิศให้ไปอาบน้ำอีกห้องนึง
รายนั้นอาบแปปเดียวก็สวมชุดนักเรียน แล้วมายืนโบกมือบ๊ายบายผม
 
“หงส์” น้องหันหลังกลับมาคุยกับผมน้ำเสียงจริงจัง แถมยังเรียกชื่อเล่นด้วย นั่นทำให้ผมวางมือกับการลงเครื่องสำอางค์บนใบหน้าแล้วหันไปมองอีกคนที่ยืนอยู่หน้าประตู

“มีไรเปล่า”

“เมื่อคืนตอนที่วิศตามหาหงส์อ่ะ วิศไปถามพี่ทีมงาน แล้วเค้าบอกว่า...” วีวิศนิ่งไปครู่หนึ่ง

ผมเริ่มใจคอไม่ค่อยดี เพราะภาพเมื่อคืนถูกตัดกลับเข้ามาในหัว
“บอกว่าไง” ผมขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับยกขาขึ้นมาไขว่ห้างและกอดอก

“บอกว่า...หงส์กำลังฟีชเจอริ่งอยู่ในห้องแต่งตัว”


คิ้วที่ขมวดอยู่ถูกคลายออกพร้อมกับความรู้สึกใหม่เข้ามาแทนที่
..หน้าชา..


ผมนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วหันกลับมามองตัวเองในกระจก ตอนนี้มีหลากหลายความคิดที่กำลังผุดขึ้นมาในหัว 

“แล้วมันจริงมั้ยอ่า”
เสียงทุ้มของคนที่ยืนอยู่หน้าประตู เรียกสติผมให้กลับคืนมา แล้วหันไปยอมรับความจริง

“จริง” ผมตอบเสียงเบาพร้อมกับพยักหน้า

“เห้ย จริงป่ะเนี่ย” เด็กหัวเกรียนถามย้ำอีกรอบ

“เออ จริง”

ก่อนที่คนตรงหน้าจะร้องกลับมาเสียงดัง “เชดดด โคตรเจ๋ง หงส์แม่งสุดยอด”

ผมตกใจที่วีวิศรู้เรื่องนี้ แต่ต้องตกใจยิ่งกว่ากับปฏิกิริยาของน้องในตอนนี้
วีวิศทำหน้าตาดูเหมือนจะภูมิใจในคำตอบของผมมาก จนทำให้ผมต้องถามกลับ
“สุดยอดยังไงอ่ะ”

“เอ๊าท์ดอร์ไง เอ๊าท์ดอร์” เสียงแม่งดูหื่นใช่เล่น น้องผมจริงป่ะเนี่ย

รู้สึกหมั่นไส้คำว่า ‘เอ๊าท์ดอร์’ เลยโยนขวดโลชั่นใส่น้องมันไป

“จะบ้าหรอ อินดอร์เว่ย แค่บังเอิญมีคนเปิดมาเห็น”
แล้วไอ้วีวิศก็เอามือป้องปากทำหน้าเขินอาย ก่อนที่ผมจะแยกเขี้ยวใส่น้องตัวเองอีกครั้ง

“ไม่ไปเรียนรึงะ ฮะ”

“ไปเรียน แต่ขออีกคำถามนึง ทำไมถึงกล้าอ่ะ”

“แล้วไมถึงไม่กล้าอ่ะ” นั่นดิ คิดย้อนกลับไปก็ยังไม่รู้สึกว่าทำไมต้องไม่กล้า แหะๆ

“วันหลังสอนบ้าง”

“หื่นนะเราเนี่ย”

“ก็หื่นเหมือนหงส์อ่ะ” ย้อนกู!

“ไม่รู้เลยว่าพวกเด็กเรียนนี่จะแอบหื่น”

“เด็กเรียนนี่แหละตัวดี เห็นเนิร์ดๆ นะ ลับหลังนี่อื้อหือ อื้อหือเชียวแหละ”

“เฮ้อ พูดกับวิศแล้วปวดหัวว่ะ”

“ปวดหัวอ่อ งั้นเดี๋ยวเย็นนี้วิศมาถามดีเทลตอนเย็น เล่าให้ฟังด้วย
..ตอนนี้ไปเรียนก็ด้ะ บ๊าย”
พูดจบไอ้เด็กนั่นก็ปิดประตูห้องแล้ววิ่งออกไป

ประโยคแบบนี้แม่งคุ้นๆ แฮะ ประโยคพวกขอดีเทล แบบให้เล่าให้ละเอียดๆ เนี่ย
นี่ผมกำลังจะมีน้องชายนิสัยเหมือนไอ้มิวหรอครับ...ไม่นะ



หลังจากที่วีวิศออกไปเรียน ภายในห้องก็เข้าสู่ภาวะเงียบอีกครั้ง ตอนนี้มีเพียงเสียงในหัวของผมที่ดังขึ้นพร้อมกลับภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่วกกลับเข้ามา

ระหว่างที่นิ้วนางข้างซ้ายกำลังเกลี่ยเครื่องอำอางค์ลงบนผิวหน้าอย่างเบามือ ดวงตาทั้งสองข้างของผมก็กำลังเหม่อลอยแบบไม่มีจุดหมาย เสียงแจ้งเตือนข้อความจากไลน์ก็ดังรัวๆ  จนผมต้องก้มหน้าลงไปมองบนหน้าจอ

/Mew: มึงเห็นข่าวนี้รึยังวะ
/Mew: Send you a photo.
/Mew: อ่านดิวะ
/Mew: อะไรยังไง
/Mew: ใช่มึงมั้ย
/Mew: อีเพจนี่ก็เสือกแชร์ไปแล้วด้วย
/Mew: Send you a photo.
/Mew: เห้ยยย!!!! วีรินทร์
/Mew: อ่าน ไอ้สัสส
/Mew: หงส์โว้ยยยยยย มึงหายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะเว่ย!!!!


ดูเหมือนไอ้มิวจะกำลังเป็นเดือดเป็นร้อนมาก
ผมจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อคแล้วเข้าไปดูภาพที่มิวส่งมาทันที


....ร้อนฉ่า!
‘ไฮโซว.แหวน’ หน้าสวย รวย เริ่ด กินตับฟีชเจอริ่งกับ ‘ไฮโซอัญมณี’ ความแข็งระดับ 10 ทายาทธุรกิจเครื่องเพชร อย่างโจ่งครึ่มหลังห้องแต่งตัว ณ งานเปิดตัวเสื้อแบรนด์ดังอย่างไม่อายผีสางเทวดา..งานนี้วงในเม้าท์มาว่า เสียงครางอื้ออึงสนั่นไปทั้งงาน ทำเอาบรรดาเหล่าไฮซ้อไฮโซที่มาร่วมงานถึงกับต้องปิดเพลงในอาฟเตอร์ปาร์ตี้ แล้วอาศัยจังหวะรักสุดแซ่บของทั้งคู่เป็นเสียงดนตรีบรรเลงแทน

แต่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็ต้องดูกันต่อไป
แซ่บสุด คาวๆ คันๆ วงการไฮโซนี่มันมีความคะเยอะทุกรูปแบบจริงๆ คร๊า....



ภาพจากเว็บเม้าท์มอยออนไลน์ เป็นภาพแรกที่ไอ้มิวแคปแล้วส่งมา
หลังจากนั้นผมก็เลื่อนไปดูภาพที่สอง


....อร้ายยย อะไรยังไง บอกเจ๊ทีว่ามันจริง บอกเลยว่าเจ๊แอบเชียร์คู่นี้มานาน
ฟินน้ำ เอ้ย ฟินตัวแตกกันเลยจ่ะงานนี้ รู้ๆ กันเนอะว่าใคร
ว่าแต่ไฮโซอัญมณี เค้าแข็งระดับ 10 จริงป่ะจ๊ะไฮโซว.แหวน อุ๊บ!
ปูลู ความรักเป็นสิ่งที่สวยความเสมอนะจ๊ะ....



เพจชี้เป้าคนหล่อในมหาลัยแชร์ข่าวนี้มา
พร้อมด้วยยอดไลค์เกือบพัน ยอดแชร์ต่อไปอีกเกือบร้อย พ่วงด้วยคอมเม้นต์อีกแปดสิบ

หลังจากนั้นมิวโทรเข้ามาแต่ผมยังไม่อยากรับสาย เลยพิมพ์ไลน์ไปบอกมันว่า
‘ขออยู่กับตัวเองสักพัก’ แล้วผมก็เก็บมือถือลงไป..


พูดไม่ถูกเหมือนกันว่าควรรู้สึกยังไง
แม้ผมจะไม่ได้เป็นดารา นักแสดงที่ต้องมีข่าวฉาวแล้วออกมาให้สัมภาษณ์
แต่ผมก็อยู่ในแวดวงสังคม มีธุรกิจที่บ้าน มีผู้ใหญ่ที่นับถือ มีคนรู้จัก
มีงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา และมีกลุ่มคนที่คอยติดตามผลงานอยู่
มันจึงเดาไม่ยากว่าคนในข่าวกอสซิบนั้นจะเป็นใคร

ส่วนคุณเพชร แม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกงานสังคมมากเท่ากับผม
แต่ครอบครัวของเขาก็มีตัวตนในสังคม มีคนนับหน้าถือตาอยู่ไม่น้อย

ซึ่งข่าวกอสซิบนั้นกำลังทำให้ผมรู้สึกว่า ‘ความรักครั้งนี้อาจจะไม่ง่าย’
เพราะมันเริ่มต้นด้วยความฉาว แถมยังฉาวแบบประกาศก้องให้โลกรู้ด้วย

ถ้าใครรู้เรื่องนี้ เขาก็คงจะมองผมกับเพชรเป็นคนที่ไม่ค่อยดีนัก ทำตัวขัดศีลธรรม
แถมคนส่วนใหญ่ในสังคมก็มักจะเลือกจำในเรื่องที่ไม่ดีอีกด้วย ยิ่งยากเข้าไปใหญ่

แต่เอาเถอะครับ ในเมื่อมันเป็นความจริง กล้าทำก็กล้ารับ

ผมแมนพอ


คิดได้ดังนั้นผมก็สะบัดไล่เรื่องไม่ดีออกไปจากหัว แล้วรีบแต่งตัวให้เสร็จทันเวลาที่นัดกับคุณเพชรเอาไว้ ระหว่างที่ลงลิฟต์แล้วหันไปเห็นหน้าตาใสซื่อของตัวเองในกระจก เนื้อความในข่าวกอสซิบก็วกกลับเข้ามาในห้วงความคิดอีกครั้ง

ไฮโซอัญมณี ความแข็งระดับ 10
เพราะว่าเพชรเป็นอัญมณีที่มีระดับความแข็งมากที่สุดครับ อยู่ที่ระดับ 10
มันจึงล้ำค่าและทนทาน

แต่ทำไมสื่อต้องเอาระดับความแข็งทางวิทยาศาสตร์ มาพูดให้มันสองแง่สามง่าม
น่าเกลียด


พอลิฟต์เปิดออก ผมก็เห็นเพชรใส่ชุดนิสิตก็ยืนทำหน้าเครียดอยู่ตรงประตูโถงลิฟต์

“คุณ” ร่างสูงเรียกผมเสียงเรียบ พร้อมกับส่งรอยยิ้มเจื่อนมาให้ทันทีที่เห็น

“มอร์นิ่งครับ” ผมปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แล้วก็เขย่งปลายเท้าขึ้น
พร้อมกับเอื้อมมือไปโอบคอแล้วเอาสันจมูกคมประกบลงบนแก้มใสของเพชร
ทำเอาคนที่ถูกหอมแก้มอย่างจู่โจมถึงกับยืนตัวแข็ง

หลังจากที่ผมผละตัวออกจากร่างสูงของเพชร เขาก็ดูมีสีหน้าเปลี่ยนไปนิดหน่อย
ดูเหมือนจะเขิน

ซึ่งคุณเพชรจะเขินทำไม...เราได้กันแล้ว คนรู้ทั้งประเทศแล้วด้วย > <

ระหว่างที่กำลังมองเขาหน้าแดง
ผมก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเพราะทำอะไรไม่คิดแบบนี้รึเปล่า ถึงได้มีคนมาเห็น
แล้วเอาไปเม้าท์ต่อจนเป็นเรื่อง หรือจากนี้ผมต้องคิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบมากขึ้น

จากนั้นผมก็จูงแขนเพชร เดินออกมาที่ล็อบบี้ แล้วจับเขาให้นั่งลงบนโซฟา
ก่อนจะนั่งลงด้านข้างแล้วพูดถาม “เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

หน้าคมหันมาสบตาผมแววตาอย่างคนไม่ค่อยมั่นใจ ก่อนจะยืนโทรศัพท์ในมือมาให้
ถ้าให้ทาย มันก็คงจะเป็นภาพที่ผมได้เห็นแล้วเมื่อเช้า
แน่นอนว่าผมทายถูก

“ผมขอโทษ” น้ำเสียงที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกสำนึกผิดถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีสวย
เขาเอามือมาวางบนหน้าขาของผมพร้อมกับบีบเบาๆ

“เห้ย...” ไม่เป็นไร
คือผมอ่ะ ตั้งใจจะพูดว่า เห้ย..ไม่เป็นไร
แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นสีหน้าสุดรันทดของคนด้านข้างเลยนึกอยากจะแกล้งเพชรซะงั้น
“เห้ย ทำไมเป็นงี้อ่ะ” แล้วก็เล่นใหญ่ ทำเสียงเหวี่ยงซะหน่อย

อยากรู้ปฏิกิริยาของคุณเขาอ่ะ ว่าจะทำยังไง ถึงแม้สถานการณ์นี้จะไม่สมควรเล่นก็เถอะ
“ผมขอโทษ ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”

เพชรลอบมองผมแล้วก้มหน้าลงอย่างคนสำนึกผิด
ส่วนผมแอบยิ้มมุมปาก แล้วก็ต้องกลั้นยิ้มเอาไว้ เพราะอะไรรู้มั้ยครับ

เพราะผมไม่ได้โกรธอะไรเพชรเลย : )

ระหว่างนั้นเพชรเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ ผมเลยต้องรีบดึงสีหน้าให้เป็นปกติ
หน้าตึง..ไม่ได้ดึง มันตึงเอง

“เราจะไม่เลิกกันใช่มั้ย” เพชรถามผมอย่างคนซื่อ แววตาวูบไหว

แม่งเอ้ย น่ารักว่ะ แฟนใครเนี่ย
ผู้ชายตัวโต กล้ามใหญ่ที่ตอนนี้ตัวหดเหลือนิดเดียว

ซื่อมาก เพชรของหงส์ นั่นทำให้ผมแอบยิ้มในใจ

“เลิก...” ผมพูดตอบเสียงแข็ง และนั่นทำให้คนด้านข้างคอตกทันที
“...เลิกทำไมล่ะ จะบ้าหรอ” พูดจบปุ๊ป เพชรก็เงยหน้ากลับขึ้นมามองผม

“คุณเพชร” ผมเอามือไปกุมมือหนาที่วางอยู่บนหน้าขาของผมแล้วสบตากับเจ้าของมือ
“ความจริงอ่ะ เรารู้เรื่องแล้ว ไอ้มิวมันแคปมาให้ดูตั้งแต่เช้าละ”

เพชรเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอียงคอมองหน้าผม

“แต่เมื่อกี้เราทำเป็นโกรธไปงั้นแหละ เราแกล้งคุณว่ะ” ว่าแล้วผมก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
ส่วนเจ้าของใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าบึ้งตึงแทน

เห็นแบบนั้นผมเลยหยุดหัวเราะ พร้อมกับบีบมือของเขาเป็นการขอโทษ
“ขอโทษที่แกล้ง แต่เราไม่อยากให้เครียดอ่า”

เพชรยู่ปากใส่ “ร้ายอ่ะ” เขาพูดสั้นๆ แต่กลับทำให้ผมอมยิ้มในท่าทางของเขา

“ไม่โกรธช่ะ” ผมถามย้ำ

“จูบเราก่อนดิ่ แล้วเดี๋ยวหายโกรธเลย”

“ก็แบบนี้แหละ คนเค้าถึงได้มาเห็นเราฟีชกัน”

“เออว่ะ” คนด้านข้างเกาหัวแก้เก้อแล้วยิ้มออกมา
 
“แล้วนี่เราเอาไงกันต่อ” หลังจากที่เล่นเสร็จ ก็เข้าโหมดจริงจัง เพชรถามผม

“ก็ไม่เอาไงอ่ะหรือจะแถลงข่าวบอกให้คนรู้ไปเลยว่าคนในข่าวนั้นเป็นเรา” ผมตอบหน้าตาเฉย ก็ผมไปคิดมาแล้วว่าเราไม่เห็นต้องทำอะไรเลย

“โหยยคุณ ไม่เอาแบบนั้น...ว่าแต่คุณโอเครึเปล่าที่โดนปล่อยข่าวแบบนี้”

“โอเค เราโอเค ก็เราทำแบบนั้นจริงๆ
กล้าทำก็กล้ารับ ไม่เห็นเป็นไรเลย
อยากเม้าท์ก็เม้าท์ไป ดีซะอีก ยอดฟอล IG จะได้เพิ่ม” พูดจบผมก็ยักคิ้วพร้อมกับไหวไหล่

“ง่ายแบบนั้นเลยอ่อ” คนด้านข้างถามราวกับไม่อยากจะเชื่อ
เพชรคงคิดว่าผมจะวีน จะเหวี่ยง แล้วไปเอาเรื่องคนปล่อยข่าวละมั้ง

“ง่ายแบบนี้แหละ ชีวิตจะทำให้มันยุ่งยากทำไม ขนาดตอนขอเป็นแฟนยังง่ายนิดเดียว”

“จริงแฮะ งั้นคุณว่าไงผมว่าตาม นี่ตอนแรกผมกะจะเตรียมทนายแล้วนะเนี่ย” เพชรยิ้ม

“ไม่ต้องขนาดนั้น อะไรปล่อยได้ก็ปล่อยคุณ..
..ปะ ไปเรียนกันได้แล้ว”

ว่าแล้วเพชรก็หงายมือตัวเองมาประสานกับมือผมที่กุมมือเขาอยู่
แล้วเราก็เดินจูงมือกันไปที่รถ


บิ๊คไบค์

โอ้ยยย ไม่ชอบเลยยยยย!!

สุดท้ายผมก็ต้องซ้อนบิ๊คไบค์ของเขามาที่มหาวิทยาลัยอีกรอบจนได้ แอบคิดว่าได้คบกันแล้วจะเปลี่ยนมาขับรถยนต์ซะอีก


แต่รอบนี้ไม่เหมือนที่เพชรขับมาส่งครั้งก่อนตรงที่คนมองมาที่เราเยอะมาก
ยิ่งตอนที่เพชรจอดรถหน้าคณะบัญชีให้ผมลงนะ
ถ้ามีพรมแดงปู คงจะนึกว่ากำลังเดินเข้างานประกาศรางวัลสุพรรณหงส์นะเนี่ย

เพราะทุกสายตาแทบจะมองมาทางนี้ จนทำให้ผมแอบประหม่าไปเกือบเสี้ยววินาที
แต่ก็ดึงสติกลับคืนมาได้ พร้อมยิ้มกว้างให้คนที่กำลังถอดหมวกกันน็อคให้อยู่

“เย็นนี้เรียนเสร็จ ผมมารับนะ”

“อื้ม ตั้งใจเรียนนะ”

“ครับ คิดถึงผมด้วยล่ะ”

“จะพยายาม”

“ก็ยังดี”

“งั้นเราไปแล้วนะ มิวโทรตามยิกๆ ละเนี่ย”

“ฮ่าๆ เคๆ” เพชรหลุดขำที่ผมบอกว่าไอ้มิวโทรตาม แล้วเราก็โบกมือให้กัน
ก่อนที่เพชรจะขับรถออกไป

 

“ยังไงวะมึง” ทันทีที่ผมหย่อนก้นลงบ่นเก้าอี้ ประโยคที่ผมคิดเอาไว้ก็ถูกเอ่ยออกมาจริงๆ

“ทำไมมึงคิดว่าเป็นกู” ผมถามกลับ ไอ้มิวหน้ามุ่ยพลางใช้ความคิด

“มึงดูคำใบ้ดิ ไฮโซว.แหวน ก็วีรินทร์ ส่วนไฮโซอัญมณีความแข็งระดับ 10 ก็ไอ้เพชร แถมยังใบ้ธุรกิจที่บ้านไอ้เพชรซะชัดจนเกือบจะเฉลยละเนี่ย”
ก็ถูกของมัน ใบ้ขนาดนี้ไม่เอาชื่อจริงนามสกุลเลยล่ะ แหม

“เฮ้ออออ” ผมถอนหายใจออกมายาวๆ พร้อมกับทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้

“สรุปว่า...” ไอ้มิวพูดถามน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ

“ก็ตามนั้นแหละมึง ไม่มีมูลหมามันไม่ขี้หรอก” ผมตอบสั้นๆ แล้วลอบมองสีหน้าไอ้มิว

มิวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมา “มึงกับเพชรโอเคมั้ย”

“ตอนแรกก็ไม่โอเคเท่าไหร่ แต่คิดไปคิดมาก็ไม่เห็นต้องดิ้นตามข่าวเลย
ส่วนเพชร ก็คุยกันละ ไม่มีไร”

มิวพยักหน้ารับ ก่อนจะเอื้อมมือมาตบไหล่ผม
“ต้องแบบนี้สิวะเพื่อนกู แม่งไม่ธรรมดาว่ะ”

“เออดิ ธรรมดาที่ไหน ได้กันทีคนรู้ทั้งประเทศ สัส” ผมยิ้มมุมปากแล้วแค่นหัวเราะ

“แสดงว่าเมื่อคืนที่มึงหายไปเลยก็คือ...”

“ใช่ กูหายไปทำกันนี่แหละ แต่กูสาบานว่าไม่ได้ครางสนั่นนะสัส ยังไม่ได้ทำไรเลย...
…อีพี่ทีมงานอ่ะ เปิดประตูเข้ามาก่อน”

“แล้วมึงจะทำไงต่อไป” ไอ้มิวเข้าสู่โหมดจริงจรัง

“มึงจะให้กูทำอะไรล่ะ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวบอกสื่อว่าได้กันแล้ว...งี้อ่อ”
ก็ว่าตอนได้กันก็ได้กันสองคนนะ แต่ตอนนี้เหมือนเป็นเรื่องสาธารณะไปแล้ว

“ไม่ใช่อย่างงั้น มึงนี่ก็.. กูหมายถึงถ้าที่บ้านรู้ แล้วก็เรื่องคนในมหาลัยไรงี้ ทำไง”

“ก็ไม่ทำไง ลืมบอกมึงไปว่ากูกับเพชรคบกันแล้วเมื่อคืน” จบประโยคนี้ไอ้มิวตาลุกวาว

“เรื่องที่บ้าน กูคงคุยกันได้แหละ แม่กูใจดี
ส่วนคนในมหาลัย กูไม่สนใจหรอก
กูก็ทำจริงๆ มึงก็รู้กูไม่เคยหนีความจริง จะมองยังไงก็แล้วแต่ ใครสนวะ”

“อื้อหือ อย่างเด็ด กูพลาดไปหลายอย่างนะเนี่ยเมื่อคืน”

“ตามนั้น จบป่ะ” ผมขยิบตาแล้วดีดนิ้ว

ไอ้คนข้างๆ ก็ขยิบตาตอบกลับพร้อมพูดเสียงแรด “จบค่ะ”



กว่าจะผ่านวันนี้ไปได้มันช่างยากลำบากเสียจริง เพราะต้องเอาชนะกับทั้งความง่วง ซึ่งผมเป็นคนไม่ดื่มกาแฟ จึงต้องหาวิธีคลายง่วงแบบอื่น นั่นก็คือการฟุบหลับลงบนโต๊ะ

อ้าว นั่นไม่ใช่วิธีคลายง่วงหรอ แหะๆ

แล้วอีกหนึ่งอย่างที่ผมต้องเอาชนะ ก็คือสายตาของคนที่มองมาที่ผมตลอดทั้งวัน จะว่าชินที่คนมองก็ว่าได้ แต่มองแบบนินทาซึ่งหน้าหรือจับผิด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เคยเจอ ผมพยายามทำตัวให้ดูปกติแล้วนะ แต่พอผมนอนหลับในห้องเรียนแล้วด้วย เลยเกิดคำถามว่า ‘วีรินทร์ไปทำอะไรมาอ่ะ ทำไมเหมือนคนไม่ได้นอน’

จากนั้นปัญหาที่ตามมาคือ ผมเรียนไม่รู้เรื่อง อาจารย์บอกใบ้ข้อสอบก็ได้แค่จดตาม แต่มันไม่เข้าสมองเลย ต้องหันไปกระซิบไอ้มิวว่าช่วยมาติวให้ในวันที่สมองผมกลับมาปกติ



ช่วงเย็นผมนั่งรอเพชรมารับอยู่ที่ใต้คณะ รอไม่นานผู้ชายที่คุ้นตาก็เดินเข้ามาหา
เรียกสายตาผู้คนที่นั่งอ่านหนังสือกันอยู่แถวนี้ให้เหลือบมามองได้เป็นอย่างดี 

แหม !
นึกแล้วก็อยากจะขึ้นตัววิ่งใต้จอเป็น Account IG
แล้วให้พวกเขาฟอลมาจริงๆ คงจะได้ยอดฟอลเพิ่มอีกหลายร้อย

“ไปหาที่นั่งอ่านหนังสือกันมั้ย” ร่างสูงพูดถามก่อนจะยื่นมือมารับกระเป๋าผมไปถือ

ผมยื่นกระเป๋าให้เพชร แล้วถามกลับ “ไหวหรอ”

เราสองคนสภาพดูไม่ได้เลยบอกตรงๆ

“ซักชั่วโมง สองชั่วโมงก็ยังดี”

“อืมมม” ผมตอบรับในลำคอพลางใช้ความคิด ว่าจะไปหรือไม่ไป

“อยากอยู่กับคุณอ่ะ” เพชรเกาหัวแล้วหลบตาผม ก่อนจะอมยิ้มมุมปาก

นั่นทำให้ผมรู้เหตุผลที่แท้จริง ที่เพชรชวนไปอ่านหนังสือ

ผมก็อยากอยู่กับเพชรเหมือนกัน
“งั้น..ก็ได้”   

“คิดถึงผมอะเด่”

“บ้า”

ใครกันแน่ที่คิดถึงใคร หึ



18:21

เรามานั่งอยู่ในร้านอ่านหนังสือใกล้มหาวิทยาลัยที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง อาจเพราะว่าช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงสอบจึงทำให้ในร้านมีนิสิตนั่งเต็มทุกโต๊ะ แต่ด้วยความที่ผมรู้จักกับพี่เจ้าของร้าน เราจึงได้รับสิทธิพิเศษได้นั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นส่วนตัวด้านในที่พี่เขาจัดสรรไว้ให้สำหรับผมกับเพชรโดยเฉพาะ

ถือว่าเป็นมุมที่ดีครับ ไม่มีใครมองเห็น
เราสั่งชาเขียวปั่นคนละแก้ว พร้อมด้วยขนมปังปิ้ง แซนวิช แล้วก็ครัวซองต์มากินกัน

ดูเหมือนว่าพวกเราจะหิวมาก เพราะอาหารหมดภายในพริบตา
จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงจริงจังที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันอ่านหนังสือ แต่ก็มีเหลือบมองแล้วส่งยิ้มให้กันบ้างเป็นระยะ


“ขอมือหน่อย” ผมพูดขึ้นก่อนจะยื่นมือซ้ายออกไปวางแบไว้บนโต๊ะ

เพชรละสายตาจากเอกสารตรงหน้า เขามองมาที่ผมก่อนจะยื่นมาซ้ายมาประกบวางไว้

เราจับมือกันอ่านหนังสืออยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง จนผมฝืนตัวเองไม่ไหวแล้ว
เลยตัดสินใจฟุบหน้าลงบนมือของเราสองคนแล้วก็เคลิ้มหลับไป


รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวใบหน้า
ผมจึงลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นเพชรกำลังนอนหลับเช่นกัน

เขาฟุบหน้าลงระยะไม่ห่างจากหน้าผมมาก ตอนนี้เหมือนเรากำลังนอนมองหน้ากันอยู่
แต่ความจริงแล้วนอนหลับตา ปลายจมูกเราเฉี่ยวกันไปมา คงเพราะว่าเพชรเปลี่ยนท่านอนด้วยมั้ง จึงทำให้ผมตื่น หลังจากนั้นผมก็จ้องมองใบหน้าคมที่อยู่ไม่ห่าง มองมันอย่างพิจารณาทีละส่วน ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว


ผมเอาหัวขึ้นมาแล้วนั่งในท่าปกติพร้อมกับรู้สึกบางอย่างจากมือซ้ายที่เราจับกันไว้แล้วเอาหัวมานอนหนุน
ตอนนี้มือข้างนั้นมันเริ่มชาเล็กน้อย แต่พอเห็นอีกคนกำลังนอนหลับหน้าพริ้ม ผมก็คงต้องปล่อยให้มือมันชาไปอย่างนั้นก่อนเพราะไม่อยากจะปลุกให้เพชรตื่น

ว่าแล้วก็หยิบชาเขียวที่วางอยู่มาดูดนิดหน่อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นด้วยมือข้างขวาแล้วเข้าแอพต่างๆ เช็คความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียล

ข้อความในไดเรค IG นับร้อยที่ส่งเข้ามาทำให้ผมต้องกดเข้าไปดูแล้วก็เห็นคำถามในแนวเดียวกันเต็มไปหมด จนสุดท้ายต้องกดออกเพราะไม่อยากจะอ่านมัน


แล้วหันมาจดจ่อกับใบหน้าหล่อของคนที่ยังคงหลับสนิท เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเขาเก็บเอาไว้

ก่อนจะเข้าไปใน IG อีกครั้ง
ผมเลือกที่จะไม่เก็บภาพนี้ไว้คนเดียว

แต่อัพโหลดมันลงสู่สาธารณะ
เพื่อเป็นการบอกกล่าวให้คนได้รู้ผ่านแคปชั่นว่า

หลับปุ๋ย /อีโมรูปหัวใจสีชมพู




THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 15
Gossip

เค้ารู้กันหมดประเทศเลยเห็นมั้ยยยยย
ความรักครั้งนี้ไม่ง่าย แต่หงส์จะไม่ทำให้มันยาก อิอิ

หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 15 : Gossip , 05/11/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 05-11-2017 15:58:19
คิดถึงคุณหงส์มากๆ แต่คิดถึงคนเขียนมากกว่านะฮ่าๆๆๆๆ

ทั้งคู่โชคดีมากๆเลยที่ได้มาเจอกันและรักกันต่างฝ่ายต่างมีข้อบกพร่องแต่อีกคนก็เป็นส่วนเติมเต็มที่ดีของกันและกัน น่ารักมากๆ ความรักสวยงามเสมอจริงๆ^^

ไม่รู้ว่าคนอื่นอ่านแล้วเป็นไหมแต่เราอ่านแล้วระหว่างบทสนทนาบันทัดมันติดกันทำให้อ่านไม่ค่อยสบายตาเท่าไหร่ แนะนำว่าตอนลงให้Enter ระหว่างบรรทัดสองครั้งจะพอดีสวยและอ่านได้ลื่นไหลขึ้นค่ะ^^ 


ปล.คนเขียนสู้ๆ!!!!
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 15 : Gossip , 05/11/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 05-11-2017 16:14:05
คิดถึงคุณหงส์มากๆ แต่คิดถึงคนเขียนมากกว่านะฮ่าๆๆๆๆ

ทั้งคู่โชคดีมากๆเลยที่ได้มาเจอกันและรักกันต่างฝ่ายต่างมีข้อบกพร่องแต่อีกคนก็เป็นส่วนเติมเต็มที่ดีของกันและกัน น่ารักมากๆ ความรักสวยงามเสมอจริงๆ^^

ไม่รู้ว่าคนอื่นอ่านแล้วเป็นไหมแต่เราอ่านแล้วระหว่างบทสนทนาบันทัดมันติดกันทำให้อ่านไม่ค่อยสบายตาเท่าไหร่ แนะนำว่าตอนลงให้Enter ระหว่างบรรทัดสองครั้งจะพอดีสวยและอ่านได้ลื่นไหลขึ้นค่ะ^^ 


ปล.คนเขียนสู้ๆ!!!!

ขอบคุณนะค้าบบ

ลอง Enter แล้ว ดูอ่านง่ายสบายตาขึ้นจริงด้วย 5555

บรรทัดติดกันเป็นพืดอยู่ตั้งนาน แงงงง  :hao5: :hao5:

หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 15 : Gossip , 05/11/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 06-11-2017 20:31:46
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 15 : Gossip , 05/11/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-11-2017 02:03:56
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 10-11-2017 22:24:07
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 16
Capture


ผมหายจากโลกออนไลน์ไปเป็นเวลาหลายวัน ก็นับตั้งแต่ที่ผมอัพรูปเพชรหลับพร้อมด้วยแคปชั่นหลับปุ๋ย อีโมรูปหัวใจสีชมพูลงในไอจี

หลังจากนั้นผมก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น แม้แต่จำนวนไลค์หรือคอมเม้นต์ใต้ภาพก็ยังไม่กดเข้าไปดู แถมยังปิดทุกการแจ้งเตือนอีกด้วย

อาจจะเพราะช่วงนี้เป็นช่วงสอบ ผมเลยไม่อยากให้มีอะไรมากวนสมาธิ แต่มันก็ค่อนข้างจะขัดกับสิ่งที่ผมทำซักหน่อย เพราะดันทิ้งระเบิดเอาไว้แล้ววิ่งลงไปหลบอยู่ในหลุมซะงั้น 

ตอนนี้ก็มีแต่ไอ้มิวที่คอยเล่าความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลและเพจต่างๆ ให้ผมฟังบ้าง
ซึ่งผมก็ไม่ค่อยได้สนใจฟังเท่าไหร่

ส่วนเรื่องที่บ้าน...ดูเหมือนแม่จะรู้ข่าวกอสซิปนั่นแล้วแหละ แต่ผมบอกว่าขอให้พ้นช่วงสอบไปก่อนค่อยคุยกัน คุณแม่ก็เข้าใจแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งผมก็คิดว่ามันไม่ได้มีอะไรเป็นสาระสำคัญให้แม่ต้องมาใส่ใจนัก

วกกลับมาที่ประเด็นผมเปิดตัวแฟนอย่างกลายๆ ลงในโลกโซเชียล
ที่ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้เรื่องนี้กันหมดทั่วมหา’ลัยแล้ว
เว้นก็แต่ เจ้าตัวเขานี่แหละครับ

คุณเพชร > <
ผู้ที่ได้ฉายาว่าหนุ่มหล่อหาตัวจับยาก
ซึ่งแน่นอนว่าเพชรไม่เล่นไอจี

แถมช่วงนี้ยังเตรียมสอบอย่างหนัก เขาก็เลยยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
จะมีก็แค่มาถามผมบ้างว่าทำไมคนรอบข้างพูดจาแปลกๆ
หรือคนในมหาลัยมองเขาเยอะขึ้น แถมบางคนยังยิ้มทักแล้วก็ทำมือรูปหัวใจให้ส่งมาให้
ผมก็ได้แต่แอบยิ้มมุมปากแล้วตอบกลับไปว่า ‘สงสัยเพชรหล่อขึ้น’
ซึ่งก็ดูเหมือนเพชรจะเชื่อผมอย่างสนิทใจ

หลอกง่ายจริง
น่ารักชะมัด

เพชรยังคงไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร...จนมาถึงช่วงดึกของวันศุกร์ที่ผมกำลังนั่งคำนวณงบบัญชีอยู่บนเตียง ก็มีเสียงโทรเข้าจากไลน์ที่ผมออนไว้ใน MacBook ดังขึ้นมา

ละสายตาจากตัวเลขตรงหน้าไปมองบนจอก็เห็นว่า เพชรกำลังจะวีดีโอคอล
เห็นแบบนั้นผมก็เลยลุกไปล้างหน้าล้างตา ก่อนจะตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อซับหน้า แล้วหวีผมจัดทรงให้เรียบร้อยก่อนจะกลับขึ้นมาบนเตียง แล้วสายโทรเข้าก็ตัดไป

แต่คนอย่างเพชร เดี๋ยวเขาก็โทรเข้ามาใหม่

1.
2..
3…

Petch Incoming VDO Call…

ผมรีบนอนคว่ำ พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนออก 2-3 เม็ด แล้วกดรับสาย


หน้าจอโหลดภาพไม่นานก็ปรากฏให้เห็นคุณเพชรที่สวมเสื้อยืดสีขาว นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะอ่านหนังสือของเขา เพชรไม่ได้เซ็ทผม อาจจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขาดูแปลกตาไปอีกแบบดูเป็นธรรมชาติดี เห็นแล้วก็นึกถึงตอนที่อยู่พัทยาด้วยกัน ส่วนด้านหลังของเพชรเป็นเตียงนอนไซส์ใหญ่ที่มีข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว จนไม่รู้ว่าเพชรจะแทรกตัวนอนลงไปบนเตียงได้ยังไง สงสัยก่อนนอนคงต้องให้แม่บ้านมาช่วยทำความสะอาดเตียงให้อีกรอบ

ระหว่างที่ผมกำลังมองบรรยากาศรอบตัวเพชรอย่างสำรวจ
เขาก็กำลังมองมาที่ตัวผมอย่างสำรวจเช่นกัน
พอกลับมาโฟกัสที่เพชรอีกที ถึงรู้ว่าผมถูกจ้องอยู่อย่างไม่ละสายตา
เห็นแบบนั้นเลยส่งยิ้มกว้างให้เขาไป แล้วร่างสูงก็ยิ้มตอบกลับมา

“ทำไรอยู่” คนที่โทรเข้ามาพูดถาม
ก่อนจะมองสำรวจตัวเองผ่านกล้องแล้วใช้มือจัดผมให้เป็นทรง

“นั่งคิดบัญชีอยู่อ่า” พูดจบผมก็เหลือบไปมองชีทที่วางอยู่ด้านข้าง พร้อมกับชี้ให้เพชรดู
เขาพยักหน้ารับแล้วยิ้ม ก่อนจะส่งสายตาเจ้าเล่ห์


นี่ขนาดเห็นผ่านกล้อง ยังสัมผัสได้เลยว่าสายตาไม่น่าไว้ใจ


“หื้มม” ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม เมื่อเห็นว่าเพชรจ้องไม่หยุด
มีอะไรผิดปกติหรอ ผมก็แค่ไปล้างหน้า หวีผม ปลดกระดุม
ไม่ปกติตรงไหน ออกจะธรรมชาติ๊ ธรรมชาติ

“คิดถึง” เสียงสองของเพชรก็ยังทำให้ผมรู้สึกสยิวได้เสมอ

ผมพยักหน้ารับแล้วทำทีเปลี่ยนเรื่อง “โทรเข้ามา จะพูดแค่นี้อ่อ”

เพชรทำหน้าทำตาเหมือนคนใช้ความคิด
“เปล่า จริงๆแล้ว จะถามว่าคุณหงส์อัพรูปผมลงไอจีหรอ” จบคำถามของเพชรผมก็แก้มป่องออกมา แล้วทำตาโตเป็นเชิงไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะเอียงคอใส่เขา
“ไม่ต้องมาทำแบ๊ว ตอบมาเลย”

ผมยิ้มมุกปาก แล้วถามกลับ “คุณเพชรรู้จักไอจีด้วยอ่อ”

“นี่คุณ ผมไม่ใช่ไดโนเสาร์นะ” เขาทำหน้าตึงแต่ก็ยังเห็นมุมปากที่กลั้นยิ้มเอาไว้

“ก็ถามดู เผื่อไปโดนใครเค้าหลอกมา เลยถามก่อนไงว่ารู้จักไอจีกับเค้าด้วยอ่อ”

“รู้จัก แต่แค่ไม่เล่นโอเคป๊ะ...ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตอบมาเลยว่าอัพรูปผมลงไอจีหรอ”
ร่างสูงวกกลับเข้ามาเรื่องที่เขาสงสัย ผมหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างฝืนไม่ได้

ก็ผมอัพรูปไปหลายวันแล้วอ่า ทำไมเพชรเพิ่งมารู้ตัว

มันเลยขำปนเอ็นดูก็ตรงนี้แหละ


“เราอัพไปนานแล้วเหอะ”

“แล้วไมไม่บอกผมอ่ะ” พอพูดจบเพชรก็ย่นคิ้วเข้าหากันทำหน้าอย่างคนไม่เข้าใจ

“แล้วไมต้องบอกอ่ะ” ผมกอดอกแล้วจ้องมองคนในกล้องหน้านิ่ง

“อ้าว ก็ขออนุญาตคนในรูปก่อนไงครับ”
ยู่เข้าไปอีก หน้าหล่อๆ นี่ขยันทำให้มันยู่จริงเว้ย

“ขอทำไม ก็คนในรูปเป็นของเรา” ผมจ้องเพชรเขม็งแล้วยักคิ้วใส่ทีนึง


คำพูดของผมทำให้คนในกล้องหน้างงเพิ่มไปอีกสเต็ป
ก่อนที่เพชรจะนึกได้ว่าหมายถึงอะไร แล้วยิ้มออกมาจนเห็นฟันสวยทั่วปาก


“เมื่อกี้พูดว่าไงนะ”


เคยเห็นคนที่กำลังกลั้นยิ้มแบบแก้มจะแตกมั้ยครับ
ถ้าเคย นั่นแหละคือภาพของคุณเพชรตอนนี้


“บอกว่า ทำไมต้องขอ...ก็ในเมื่อคนในรูปเป็นของเรา”
ผมพูดย้ำ ช้าๆ ชัดๆ ให้คนหูไม่ดีฟัง จะได้ไม่ต้องถามอีกรอบ

และนั่นก็ทำให้เขายิ้มแก้มแตกมากขึ้นไปอีก 

“ยิ้มอะไรคุณเพชร ยิ้มไรขนาดนั้น”
ตอนแรกก็ว่าจะไม่เขิน พอเห็นเขาเขินเท่านั้นแหละ ผมเลยรู้สึกเขินตาม

“ยิ้มคุณไง”

“ทะลึ่งอีกละ”

“ไม่ใช่เว่ย...คือผมหมายถึงยิ้มที่คุณพูดอะไรน่ารักแบบนี้”

อ๋อหรอ

“พูดแบบไหนหรออ” ทำเป็นถามไปงั้น ทั้งที่ก็รู้อยู่ อิอิ

“พูดว่าผมเป็นของคุณ” เกลียดท่าทางของเพชรตอนนี้จัง
ทำตัวเป็นหนุ่มหล่อขับบิ๊คไบค์
แต่ภาพตอนนี้ที่ผมเห็นคือผู้ชายตัวใหญ่เขินจนตัวบิด แถมยังหน้าแดงไปทั่วแก้มแล้ว

เฮลโหลลลล ยูเป็นสามี ยูโน ยูไม่ต้องเขินแรงเบอร์นี้


“งั้นครั้งหน้าเพชรยอมเป็นของเราดิ ให้เราทำบ้าง”
จบประโยคนี้ เหมือนอารมณ์ก่อนหน้าถูกตัดฉับเลยครับ

คุณเพชรนิ่ง อ้าปากค้าง เขาก้มมองด้านล่างของตัวเอง แล้วเงยขึ้นมาส่ายหัวรัวๆ
“พูดเล่นช่ะ” เขาถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจ ไอ้คนหน้าฟินเมื่อกี้หายไปไหนล่ะ

“พูดจริง” ผมทำหน้านิ่งแกล้งเขา นั่นทำให้เพชรดูหวาดหวั่นไปอีก

ผมเลยเสริมว่า “ระวังตัวให้ดี เพชรก็รู้ว่าเราเป็นมวย...
...พอน็อคเพชรได้ เราก็จัดการเพชรเลย หึหึ” พูดจบก็ยกยิ้มมุมปากสร้างความน่าเชื่อถือ

เขาดูลังเลอยู่ไม่นาน ว่าจะกลัวหรือไม่กลัวดี สุดท้ายคนในจอก็ขู่ผมกลับ
“หยุดคิดเลยคุณ พูดอะไรดูหน้าตัวเองด้วย เดี๋ยวโดนแล้วจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร”
เขายืดตัวขึ้นทุบอกตัวเองแล้วชี้หน้าผม ก่อนจะทำท่าแล้วเลียมุมปาก

ไอ้บ้า
ท่าอะไรน่าเกลียด

ผมแสยะยิ้ม แล้วส่ายหัว “ไม่ต้องมาทำหน้าหื่น”

“ฮ่าๆ เห็นมั้ย สุดท้ายคุณก็แค่ขู่ผมเล่น
...แต่ขอกลับเข้าเรื่องก่อน ผมก็ว่าแล้วววว..ทำไมเพื่อนถึงแซ็วผมแปลกๆ”

“ก็ทำตัวเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีเอง ช่วยไม่ได้”


“แต่ผมดีใจนะ ที่คุณเปิดตัวว่าคบกับผม”
พูดจบคนบนจอก็เอาคางลงมาเกยบนโต๊ะ แล้วทำตาใสแป๋วใส่กล้อง

ตอนนี้อารมณ์ของการคุยกันถูกเปลี่ยนไปสู่โหมดอ้อนนิดๆ

ผมยิ้มบางๆ ก่อนจะทำท่าเดียวกันกับเขา ด้วยการเอาคางลงไปเกยไว้บนแป้นพิมพ์

“ก็เราไม่ได้มีแฟนมานานแล้วนี่นา เราก็อยากอวดบ้าง”
เสียงผมอ่อนลงตามคำพูด จนเริ่มเป็นเสียงอ้อน

“เดี๋ยวผมอยู่ให้อวดไปนานๆเล๊ยยย ดีมั้ยย” เจ้าพ่อเสียงสองตัวจริง ต้องยกให้เขา

ผมพยักหน้ารับแล้วมองหน้าเพชรต่อ

เราสองคนมองกันไปมา
อมยิ้มบ้าง หลุดยิ้มออกมาบ้าง ไม่มีใครพูดอะไร แต่กลับไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย

เป็นการสื่อสารผ่านทางสายตาที่นานนับสิบนาที
จนเริ่มเมื่อยคาง

ผมเลยเปลี่ยนเอาแขนมาวางบนเตียงแล้วเอาคางเกยไว้แทน
พอเห็นผมเปลี่ยนท่า เพชรก็ทำตาม

ถ้าเป็นปลากัดก็คงท้องไปแล้ว

“เดี๋ยวผมขออ่านหนังสือไปด้วยได้มั้ย”
ถ้าจะเสียงอ้อนแบบนี้ เราก็ไม่กล้าขัดคุณแล้วป่ะ

“งั้นเดี๋ยวเราดูเพชรอ่านหนังสือละกัน”

“เอาจริงดิ” เพชรยิ้มแล้วถามกลับอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

“อื้ม” ผมพยักหน้าเบาๆ

“โอเคค้าบ ถ้าเบื่อก็ชวนคุยได้นะ”

“โอเค” ชูมือขึ้นบอกเขาว่าโอเค



หลังจากนั้นร่างสูงก็ขยับโน๊ตบุ๊คออกนิดหน่อยแล้วจัดโต๊ะให้เข้าที่
ระหว่างนั้นผมก็จัดท่านอนตัวเองให้สบายขึ้น
ด้วยการเอาหมอนข้างมารองที่คอจุดนึง ที่เอวจุดนึง แล้วกลับมานอนคว่ำเหมือนเดิม

ผมสังเกตใบหน้าคมของเพชรไปเรื่อยๆ
จนทำให้ผมเชื่อในสมมติฐานที่ตัวเองตั้งเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ไปทริปไหว้พระครั้งแรก
ว่าเวลาที่เขาตั้งใจทำอะไร เขาจะไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย
เพชรเป็นคนมีสมาธิสูงมาก แม้จะมีผมนอนจ้องอยู่แต่เพชรก็ไม่เสียสมาธิเลย

ขณะที่มุมปากของเขาเริ่มตึงพร้อมกับคิ้วที่เริ่มผูกเข้าหากัน
แต่มุมปากของผมกลับยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว


มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาแอบแคปหน้าจอเอาไว้ แล้วส่งเข้ามาในแชท

*ภาพที่ผมกำลังทำหน้าเคลิ้ม จ้องมองผู้ชายคนนึงอ่านหนังสือ*

ใครเห็นเข้า คงต้องหาว่าผมหลงคุณเพชรมากแน่ๆ


ว่าแต่เพชรยื่นมือมากดแคปหน้าจอตอนไหน

“แอบแคปตอนไหน” ผมถามอย่างประหลาดใจ ก่อนจะขยับเปลี่ยนท่าเล็กน้อย

“ก็ตอนที่คุณมองผม แล้วเคลิ้มหนักอ่ะ” เขาพูดล้อ แล้วควงปากกาในมือสลับกับขีดๆ เขียนๆ ในกระดาษ เพชรตอบผมทั้งที่ไม่ได้หันมามอง

“ร้ายอ่ะ แอบแคปหน้าเรา” ผมพูดว่าแต่ตาผมก็ยังจ้องใบหน้าคมที่ดูจริงจังอยู่
เพชรคลี่ยิ้มเบาๆ พร้อมกับยักคิ้วให้



สุดท้ายความเคลิ้มก็ทำให้ผมเคลิ้มหลับไปจริงๆ
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

ผมขยี้ตาตัวเองแล้วควานหามือถือมากดรับสาย
“ฮัลโหลเพชร" ผมพูดเรียกคนที่โทรเข้ามา
ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เรากำลังวีดีโอคอลกันอยู่

คิดได้แบบนั้นผมก็หันกลับไปมองคนในจอ
เขากำลังยิ้มแล้วมองมาที่ผม
โดยที่มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหูไว้ ส่วนมืออีกข้างยังคงจับปากกา

“ไปนอนได้แล้ว นอนท่านี้เมื่อยแย่” เพชรชี้มือมาเป็นเชิงออกคำสั่ง

“เราเผลอหลับไปอ่อ” ผมถามกลับเสียงงัวเงีย

“หลับไปนานเลยแหละ ผมกลัวเมื่อยเลยโทรปลุกให้คุณไปนอนดีๆ ดีกว่า”

“อ่อออออ”

“ช่ายย คุณไปนอนเหอะ”

“อื้ม โอเค งั้นเราไปนอนแล้วน้า”

“ค้าบ ฝันดีนะครับ คืนนี้ไม่ต้องฝันถึงผมก็ได้ เดี๋ยวจะเมื่อยเอา”
เพชรพูดยิ้มๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกบ๊ายบาย

“หื้มม” ผมไม่ค่อยเข้าใจที่เพชรพูดเท่าไหร่ เลยเลิกคิ้วขึ้นถาม

“อยากให้หลับสนิทไง”

ผมพยักหน้ารับ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ก็ตาม “แล้วนี่จะนอนเลยเปล่า”

“ขออ่านอีกแปปนึงละกัน”

“โอเค สู้ๆ นะ เราขอตัวไปหลับก่อน”

“ค้าบผม
รักหงส์นะ” ปิดท้ายด้วยเสียงสองและประโยคเด็ด

ผมเกาหัวแก้เขิน แล้วตอบรับอย่างสั้นๆ “อื้ม”

หลังจากนั้นก็กดวางสายทั้งจากวีดีโอคอลและโทรศัพท์

ผมหยิบ MacBook กับชีทเรียนไปวางไว้บนโซฟาที่ปลายเตียงอย่างลวกๆ
แล้วก็กลับมานอน ทิ้งหัวลงบนหมอน ห่มผ้าให้อบอุ่น แล้วก็หลับไปในไม่ช้า


 
14:12

บ่ายวันเสาร์ที่ผมแวะเข้ามาที่มหา’ลัย เพื่อมาเอาชีทเด็ด คัมภีร์ลับ
ที่ไอ้มิวมันบอกว่ามีอยู่ที่ร้านถ่ายเอกสารใต้คณะ

คืองี้ครับ ร้านถ่ายเอกสารที่มหาวิทยาลัยมักจะมีชีทเด็ด คัมภีร์ลับ สูตรลัด สูตรย่อต่างๆ เพราะร้านพวกนี้อยู่มานาน ผ่านมาหลายรุ่น ชีทไหนที่ว่าดี ว่าเด็ดทางร้านก็จะถ่ายเอกสารเก็บไว้ให้นิสิตได้ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นครับ เรียกได้ว่ามีเป็นลิสต์ให้เลือกสรรค์อย่างจุใจเลยแหละ แต่ที่ต้องเข้ามากระทันหันแบบนี้ก็เพราะว่าชีทวิชานี้เพิ่งมาใหม่ ไอ้มิวมันมีสายรายงานมาจากร้านถ่ายเอกสาร แต่ตัวมันดันขี้เกียจเลยส่งผมเป็นตัวแทนมารับ ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นคนไปสืบมาแล้ว ดังนั้นหน้าที่ลงแรงจึงเป็นหน้าที่ของผม


ผมขับเรดเวลเวด...ก็เจ้ารถ BMW สีแดงของผมมาจอดที่หน้าคณะ ก่อนจะก้าวลงจากรถโดยที่วันนี้สวมสเวตเตอร์สีขาวไล่แถบสีดำตรงไหล่ จาก Dolce & Gabbana ขนาดของเสื้อก็ตัวใหญ่ยาวคลุมต้นขาเลยครับเพราะอยากให้รู้สึกสบายตัว แล้วก็กางเกงขาสีดำสั้นกว่าเสื้ออ่ะ ส่วนรองเท้าวันนี้สวมผ้าใบ Adidas สีเทารุ่นใหม่ที่วีวิศมันลืมทิ้งไว้ ตั้งแต่วันที่มาค้างแล้วเจ้าตัวก็กลับบ้านตัวเปล่าเฉยเลย ผมเลยแอบหยิบมาใส่ลองดู

รับชีทเสร็จเรียบร้อยก็โทรรายงานไอ้มิวก่อนจะเดินกลับมาที่รถ

ระหว่างนั้นโทรศัพท์ผมก็สั่นเป็นเจ้าเข้าเลยหยิบออกมาดู

..เบอร์นี้รับสายได้..

“ฮัลโหลคุณเพชร”
ผมพูดรับสายพลางเปิดประตูรถ โยนชีทลงไปที่เบาะด้านหลังแล้วขึ้นนั่งเบาะคนขับ

“คุณหงส์ยังอยู่ที่มหา’ลัยรึเปล่าครับ”

“ยังอยู่ๆ” ผมตอบสั้นๆ แล้วรอฟังว่าปลายสายมีธุระอะไร

“คือมีเรื่องจะรบกวนอ่า...วันนี้อาจารย์คณะผมมีนัดติวช่วงบ่าย
แต่ผมเพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เอง คิดว่าคงจะไปไม่ทัน
เลยจะฝากคุณเข้าไปเอาชีทที่คณะกับเพื่อนให้ผมหน่อย”
เพชรอธิบายยาว ส่วนผมก็พยักหน้ารับเป็นระยะ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นก็ตาม


“อ่อ คือให้เราไปเอากับเพื่อนคุณเพชรที่คณะใช่เปล่า”

พูดจบคุณเพชรก็ขำก๊าก “ให้ไปเอาชีทครับ เอาชีท เอาชีท”

เออว่ะ ตอนพูดไม่ได้คิดนี่นา “โทษที เราไม่ทันคิด ฮ่าๆ”

“ฮ่าๆ เอาชีทโอเคนะ งั้นเดี๋ยวถึงหน้าวิศวะแล้วคุณโทรหาผมอีกรอบ เดี๋ยวจะให้เพื่อนเอาชีทออกมาให้”

“ได้ๆ เดี๋ยวเราขับไปถึงแล้วโทรหา”

“ขอบคุณนะครับ”
วางสายจากเพชรผมก็ขับรถจากคณะบัญชีมาจอดที่หน้าคณะวิศวะ
แล้วก็เดินขึ้นห้องไปที่ห้องเรียนตามที่เพชรบอกมา



ขึ้นลิฟต์มาชั้น 4 ออกจากลิฟต์เดินมาที่ห้องสโลป

เดินมาถึงหน้าห้องก็เจอผู้ชายตัวสูงประมาณเพชรยืนอยู่

“วีรินทร์ใช่เปล่าครับ” ในมือของเขาถือโทรศัพท์มีรูปผมโชว์อยู่บนหน้าจอ
สงสัยเพชรจะส่งรูปให้ดูว่าผมหน้าตาเป็นยังไง

“ใช่ครับ” ผมพยักหน้ารับ แล้วมองหาชีท

“เราชื่อ ข้าวนะ เพื่อนไอ้เพชร” ร่างสูงในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แนะนำตัว
ผมยิ้มให้เขาแล้วพยักหน้ารับ

“คือเพชรบอกให้เรามาเอาชีทอ่า”

“อ๋อ...วันนี้อาจารย์แจกชีทที่มันมีแต่สรุปอ่ะ ที่อาจารย์กำลังติวคือต้องจดเอง
แต่ตอนนี้อาจารย์ยังเลคเชอร์ไม่เสร็จเลย ไอ้เพชรเอาไปมันก็อ่านไม่รู้เรื่อง
วีรินทร์อาจจะต้องรอเลิกคลาสแล้วถ่ายรูปชีทของเราไปให้มัน หรือไม่…”

แล้วข้าวก็เงียบไป ก่อนจะทำหน้าใช้ความคิด ผมเลยถามต่อ

“หรือไม่ อะไรหรอ”

คนตรงหน้าเงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดตอบ “ก็ต้องเข้าไปนั่งจดเลคเชอร์ให้ไอ้เพชรอ่า”

ผมกระพริบตาปริบๆ แล้วยู่ปากนิดหน่อยอย่างใช้ความคิด “เราเข้าไปได้หรอ”
ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเข้าไปได้มั้ย
ดูผมแต่งตัวดิ แถมยังมาจากต่างคณะอีก

“ได้ดิ ห้องกว้าง มีที่นั่งเยอะแยะ ถ้าวีรินทร์นั่งรออยู่ตรงนี้คนเดียว เราว่าน่ากลัวนะ”

“งั้นเราขอโทรหาเพชรก่อนละกัน” ข้าวพยักหน้ารับ

ส่วนผมก็กดโทรศัพท์โทรหาเพชร แต่เขาไม่รับสาย ผมเลยต้องตัดสินใจเอง
“เพชรไม่รับอ่า งั้นเราเข้าไปจดเลคเชอร์ให้เพชรก็ได้”

ผมยิ้มให้เพื่อนของเพชร ก่อนที่เขาจะเดินนำเข้าไป


 
พอเปิดประตูเข้ามาถึงได้รู้ว่า ห้องสโลปก็จริง แต่เป็นห้องที่ประตูทางเข้าอยู่ด้านหน้า

ทันทีที่ข้าวพาผมเดินเข้ามาในห้อง ทุกสายตาก็หันมองมาที่ผมเป็นตาเดียวกัน
รวมทั้งอาจารย์ที่อยู่หน้าห้องก็หยุดสอนไปชั่วขณะ แล้วหันมามอง

ไม่รู้ว่าเพราะเป็นคนแปลกหน้า หรือเพราะเป็นคนแต่งตัวแปลก ทุกคนถึงได้มองขนาดนี้

ว่าแล้วก็เลยยกมือขึ้นไหว้ สวัสดีอาจารย์พร้อมกับโค้งหัว
อาจารย์รับไหว้แล้วยิ้ม ก่อนจะเลิกสนใจผม
ปล่อยให้ผมเดินตามหลังข้าวขึ้นไปที่นั่งด้านบน

ระหว่างนั้นสายตาของคนในคลาสก็ยังคงมองตามผม แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจครับ
เดินตามข้าวเข้าไปจนถึงที่นั่ง แต่ที่นั่งของกลุ่มเพื่อนเพชรดันอยู่กลางห้องพอดี

เลยยิ่งเป็นจุดสนใจไปอีก


ข้าวหยิบกระเป๋าสัมภาระของเขาออกจากที่ว่างด้านข้างเพื่อให้ผมนั่ง
ก่อนที่เพื่อนของเพชรคนอื่นๆ จะหันมายิ้มทักทาย

ผมยิ้มตอบเพื่อนทุกคนพร้อมกับรีบนั่งลง แล้ววางโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ลงบนโต๊ะ

“อันนี้ชีทนะ แต่ไม่รู้วีรินทร์จะเข้าใจรึเปล่า ถ้างงตรงไหนก็ถามเราได้เลย” ข้าวยื่นชีทกับปากกามาให้ผม

“ขอบคุณนะ” ผมรับมาไว้ในมือ ก่อนจะเบนสายตาไปมองอาจารย์ที่หน้าห้อง แล้วลองพยายามตั้งใจฟังดู


สุดท้ายผมก็ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ด้วยความสามารถด้านศิลปะผมเลยพยายามลอกสิ่งที่อาจารย์เขียนบนจอลงมาให้ได้อย่างครบถ้วนมากที่สุด


ระหว่างที่ผมกำลังมีสมาธิจดจ่อกับจอโปรเจคเตอร์หน้าห้อง ก็รู้สึกว่าถูกสะกิดที่ไหล่เบาๆ
ผมหันมองด้านหลังตามแรงสะกิด

ก่อนจะเห็นผู้ชายร่างท้วมไว้หนวดส่งยิ้มให้ “ดีครับ” คนที่สะกิดพูดทักทาย

ผมเลยยิ้มตอบกลับไป “ดีครับ”

“เราชื่อชายนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” คนด้านหลังพูดแนะนำตัวเอง

“อย่าไปเชื่อมัน...เหี้ยนี่ชื่อฮิปโป ไอ้สัสแม่งขี้โม้”
คนที่นั่งอยู่ข้างชายก็พูดแทรกแล้วตบหัวเพื่อนตัวเองไปทีนึง

โหดจัง

“สัส ไม่เสือกดิ๊” ชายหันไปดุเพื่อนที่ตบหัวเขา แล้วหันกลับมายิ้มให้ผม
“เห้ย เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจพูดคำหยาบ มันหลุดปากไปเอง” พูดจบเขาก็เอามือป้องปากตัวเองไว้

“เอ้ยไม่เป็นไรๆ” เพราะคำพวกนี้ผมก็พูดเหอะ

“ไม่ได้หรอก กับวีรินทร์พวกเราต้องสุภาพน่ะ” เพื่อนคนที่ตบหัวชายพูดบอก ก่อนจะแนะนำตัว “ไอ้นี่มันไม่ได้ชื่อชาย มันชื่อฮิปโป ส่วนเราชื่อทุ่ง”

ผมเบิกตากว้างแล้วทวนกลับไป “ทุ่ง”

“ใช่ ทุ่งนา กลิ่นโคลนสาปควายนี่แหละครับ” ตอนนี้ชาย เอ้ย ฮิปโปพูดแทรกขึ้นมาบ้าง
แล้วสองคนนั้นก็หันไปแยกเขี้ยวใส่กันก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ผมอีกรอบ

“เราชื่อวีรินทร์นะ แต่คุณเพชรเรียกเราว่าหงส์”  แล้วสามคนนั้น หมายถึงข้าว ฮิปโป แล้วก็ทุ่ง ต่างพากันยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วมองตากันแปลกๆ

ก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรผิดรึเปล่า เลยตัดสินใจถามออกไป “เราพูดไรผิดอ่า”

“เปล่าๆ หงส์ เอ้ย วีรินทร์ไม่ได้พูดไรผิด” ข้าวที่นั่งอยู่ด้านข้างผมพูดตอบกลับมา แล้วเหลือบมองเพื่อน

ก็เห็นอยู่ว่าทั้ง 3 คนมีพิรุธ ยังจะมาปฏิเสธ

จากนั้นฮิปโปหนุ่มร่างท้วมที่ดูอารมณ์ดีก็เสริมขึ้น “แค่น่ารักดี เอ่อ เอ่อ คือหมายถึง...”

“มันจะหมายถึงว่า วีรินทร์เรียกไอ้เพชร ว่าคุณเพชร ฟังดูน่ารักดีเนอะ ใช่มั้งพวกมึง”
ทุ่งเป็นคนปิดประโยค

ก่อนจะหันมองหน้าเพื่อนแต่ละคน แล้วเพื่อนเขาก็พากันพยักหน้ารับ

“ใช่ๆ”

“เอ้อ ใช่ ตามนั้นเลย”



ระหว่างที่เพื่อนเพชรทั้งสามคนมองผมแล้วเอาแต่ยิ้มไม่พูดอะไร โทรศัพท์บนโต๊ะของผมก็สั่นเป็นเจ้าเข้าอีกรอบ

ผมรีบยกมารับสายเพราะมันดังรบกวนคนอื่น
“ว่าไงเพชร”

“เป็นยังไงบ้าง ได้ชีทยัง” คนที่โทรมารีบถามทันที

“อาจารย์ยังสอนไม่เสร็จอ่ะ ข้าวเลยให้เรามานั่งในห้องแล้วเลคเชอร์ให้เพชร”

“ฮะ ว่าไงนะ” เพชรเสียงดังจนผมต้องเอาโทรศัพท์เขยิบออกจากหู

“ตอนนี้เราอยู่ในห้องกับเพื่อนๆ เพชรอ่ะ จดเลคเชอร์ให้เพชรอยู่”

“เห้ยคุณหงส์ งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ”

 “อ่าๆ” ยังไม่ทันได้พูดตอบอะไรเพชรก็วางสายใส่ผม

แล้วพอผมก็หันมาพบว่าเพื่อนๆ ของเพชรกำลังมองมาที่ผมอยู่


จากนั้นก็เป็นโทรศัพท์ของคนที่นั่งด้านข้างสั่นครืดๆ แทน
ทุกสายตาจึงจ้องมองไปที่มือถือของข้าว และก็ได้เห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือเพชร

ข้าวหันไปมองฮิปโปกับทุ่ง แล้วหยิบมือถือขึ้นมารับสายหน้านิ่ง

“เออ”
“เออ ใช่”
“ก็มอง เออก็มองกันทั้งห้องแหละ”
“จะให้ทำไงวะ ให้กูไปสั่งห้ามคนไม่ให้มองหรอ”
“หรือมึงจะให้เค้ารอนอกห้อง”
“มึงใจเย็นดิ๊”
“เออสัส แค่นี้แหละ”

ข้าววางมือถือลงบนโต๊ะ แล้วหันมามองหน้าเพื่อนอีกครั้ง

ก่อนจะมาหยุดที่ผม “เดี๋ยวไอ้เพชรมันจะมา”

“ฮะ มาทำไม เราก็มาจดให้แล้วนิ” ก็งงเหมือนกัน ไหนตอนแรกบอกมาไม่ทัน
แต่ตอนนี้กลับเปลี่นใจจะมา ทั้งที่ผมก็เข้ามาจดให้แล้ว
ผมเลยโทรหาเพชรอีกรอบ แต่ก็ดันไม่รับสายซะงั้น

“เหี้ยนี่แม่งขี้หวง” เสียงฮิปโปบ่นลอยมา
“แม่งก็งี้แหละ” ทุ่งพูดเสริม

พอเข้าใจเพชรแหละ แต่ก็เอาเถอะ
ผมเลิกสนใจบรรยากาศรอบข้าง แล้วหันไปสนใจอาจารย์ที่อยู่หน้าห้องแทน



ไม่ถึง 20 นาที ประตูหน้าห้องถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงที่ผมคุ้นเคยเดินตรงเข้ามา
วันนี้เพชรสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ ในมือถือแจ็คเก็ตสีดำ
อาจารย์หยุดสอนแล้วหันไปมองเพชร

เขายกมือขึ้นไหว้อาจารย์ อาจารย์ยิ้มให้เพชรเหมือนกับสนิทสนมแล้วพูดออกไมค์
“โน่นเลยนายเพชร กลางห้อง ตรงนั้น” พร้อมกับชี้มาทางนี้

ตรงที่ผมนั่งอยู่

เท่านั้นแหละครับ ทุกคนก็มองตามมืออาจารย์มาที่ผมแล้วยิ้มๆ


เพชรพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเร็วตรงเข้าที่ผม
“กลับมั้ย” เสียงนิ่งถูกเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่นิ่งไม่แพ้กัน
พูดจบเขาก็หันมองเพื่อนตัวเองทีละคน ก่อนจะจบที่การจ้องผม

“อาจารย์ยังไม่ปล่อยเลย”

“ช่างดิ กลับ” ร่างสูงทำท่าจะแย่งชีทบนโต๊ะไป
แต่ผมดึงชีทไว้ แล้วก็รีบเอามือไปคว้าแขนเพชร

“ใจเย็นดิ่ มีเหตุผลหน่อย” ผมใช้น้ำเสียงนุ่มพูดให้คนตรงหน้ามีสติ
พูดจบก็พยักหน้าให้เขาไปทีนึง

หวังว่าจะคิดได้ ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร

“นะ เรียนให้จบคลาสก่อน เรากำลังสนุก”

สนุกบ้าอะไรล่ะ ไม่รู้เรื่องเลยซักนิด

พูดไปงั้น

เพชรถอนหายใจแรงทีนึง แล้วผมก็กระตุกแขนเขาเบาๆ อีกครั้ง
“นั่งลงเร็ว คนมองหมดแล้ว”

เพชรยอมนั่งลงที่นั่งด้านข้างอีกฝั่งที่ยังว่างอยู่ พร้อมกับยื่นแจ็คเก็ตสีดำมาให้ผม


ผมหันไปมองแต่ไม่ได้รับมาหรือพูดถามอะไรออกไป
เมื่อเขาเห็นว่าผมยังคงนิ่ง

เพชรเลยเอามันลงมาวางไว้บนตัก แล้วคลุมขาผมไว้

อ๋อ เข้าใจแล้ว : )


“ใครสอนให้ใส่สั้นแบบนี้มาเรียนกับเด็กวิศวะ”

อ้าว โดนดุเฉย

“ก็…”

“ไม่ต้องมาเถียง”

ก็ไม่รู้นี่ ว่าจะต้องมาเรียนกับวิศวะ!
นั่นแหละครับ ไม่เถียงก็ได้ แค่คิดในใจพอ

“ดุจัง” ผมตวัดหางตามองคนด้านข้าง แล้วหันกลับไปสนใจเนื้อหาหน้าห้อง

ก่อนจะเห็นว่าอาจารย์สอนไปไกลแล้ว เลยเร่งมือจดตาม จดมันไปแบบไม่เข้าใจนี่แหละ
สัญลักษณ์อะไรไม่รู้เต็มไปหมด วาดเหมือนบ้างไม่เหมือนบ้าง ไปแกะเอาเองละกันไอ้โหด

ระหว่างที่ผมกำลังจดเพลินๆ คุณเพชรก็ส่งกล่องปากกาสีมาให้
ไม่รู้เขาไปเอามาจากไหน ผมหันมองแล้วรับกล่องปากกาสีมาไว้ในมือ

คิดซะว่า ถึงแม้จะจดไม่รู้เรื่อง แต่จดให้สวย ดูมีสีสันก็ยังดี


หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 10-11-2017 22:24:45

เกือบ 4 โมงเย็นก็ได้เวลาเลิกคลาส เพชรชิงจูงแขนผมออกทางประตูหลังห้องก่อนใคร
ซึ่งผมงงมากว่ามีประตูด้านหลัง แต่ทำไมข้าวพาผมเดินเข้าด้านหน้า

จังหวะที่กำลังรีบออกจากห้อง ข้าว ฮิปโป แล้วก็ทุ่ง หันมามอง
ผมเลยได้แต่ทำท่าโบกมือลาสามคนนั้น เพราะยังไม่ได้ลากันดีๆ โดนฉุดออกมาก่อน
ได้ยินฮิปโปตะโกนมาว่า ‘แล้วเจอกันใหม่’


ระหว่างที่ไอ้โหดกำลังจูงมือผมไปที่ลานจอดรถหน้าคณะ เขาก็ไม่พูดอะไรซักคำ
ผมเลยเป็นฝ่ายถามออกไปก่อน

“ทำไมวันนี้ดุจัง”

“แล้วทำไมวันนี้ต้องทำให้หวงจัง” ร่างสูงเหลือบมองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะพูดต่อ

“ทีหลังถ้าไอ้ข้าวมันชวนให้เข้าไปเรียน ไม่ต้องเข้าไป เข้าใจมั้ย”

“โหดขนาดนี้ คงไม่มีทีหลังแล้วป่ะ”
ผมพูดบ่นในลำคอ แต่เขาก็พอได้ยิน
เพราะดูท่าทางแล้ว เพชรคงไม่ปล่อยให้ผมมาคณะเขาตามลำพังอีกต่อไป

“ใช่ แล้วทีหลังกระโปรงสั้นๆ แบบนี้ ไม่ต้องใส่ เข้าใจมั้ย” พูดจบเขาก็คว้าชายเสื้อผมขึ้น

OMG++​
วีรินทร์ถึงกับหลุดขำออกมาเสียงดัง ทั้งที่สถานการณ์ยังตึงเครียดอยู่


“โอ้ย คุณ นี่ไม่ใช่กระโปรง” พูดไปขำไป

“ไม่รู้แหละ แต่ที่รู้คือมันสั้นมาก ผมไม่ชอบ” พูดจบเขาก็ปล่อยแขนผมให้เป็นอิสระ
แล้วพาดแขนแกร่งลงมาวางโอบไหล่ผมไว้

“ไม่ชอบอ่อ”

“ใช่” เพชรยังทำเสียงแข็ง แต่แอบเห็นนะว่าเขาเริ่มอมยิ้มแล้ว

“ไม่ชอบก็ด้ะ....แล้วไงใครแคร์” พูดจบก็เบะปากใส่ไอ้โหดไปทีนึง

นั่นทำให้เพชรดึงตัวผมเข้าไปรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม “กูนี่แหละแคร์”

จบคำพูดของเพชร ผมถึงกับเงยหน้าจ้องเขาตาเขียว
เพชรเลยยอมอ่อนลงหน่อยนึง

“เอ้ย ขอโทษ...พอดีเมื่อกี้นึกถึงหน้าไอ้ข้าว เลยหลุดอ่ะ
แต่นึกแล้วก็โมโหมันไม่หาย แค่บอกให้เอาชีทให้ ดันมาชวนคุณเข้าไปเรียน แม่ง”

“ใจเย็นไอ้สัส” ผมพูดอย่างลอยหน้าลอยตา
คุณเพชรมองผมตาแข็ง

“เอ้ย ขอโทษ พอดีนึกถึงหน้าไอ้มิวอ่ะ เลยหลุดบ้าง”

“จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย” ร่างสูงกัดฟันกรอด

“ใช่ จะเอาแบบนี้” ยังคงลอยหน้าลอยตาใส่ แถมยังกวนเพชรต่อด้วยประโยคที่คิดไว้


“เพื่อนเพชรก็น่ารักดีออก ไม่เห็นจะต้องโมโหเลย”

“ฮะ พูดอะไรนะ!!”

“พูดว่า กลุ่มเพื่อนคุณเพชรก็น่ารักดีออก ไม่เห็นจะต้องโมโหเลย”

“หืมมม คุณหงส์!!
...ไหนชมใครว่าน่ารัก ใช้ปากไหนพูด เอามาทำโทษซะดีๆ”
พูดจบคุณเพชรก็เอามืออีกข้าง ยกขึ้นมาบีบปากผม แล้วทำท่าจะก้มลงมาจูบ


โอ้ย ตาบ้า!

เมื่อกี้ยังเหมือนจะหัวร้อนอยู่เลย
เปลี่ยนอารมณ์เร็วชิบ

แล้วนี่มันกลางวันแสกๆ กลางมหาวิทยาลัยด้วย
ทำอะไรน่าเกลียด ถึงจะไม่มีใครเห็นก็เถอะ


“นี่แหนะ” ว่าแล้วผมก็เอานิ้วดีดปลายจมูกคนฉวยโอกาสไปหนึ่งที

เพชรบ่นโอดโอยพร้อมกับเอามือไปบี้จมูกตัวเอง
“ใจร้ายอ่ะหงส์”

“ไม่ต้องพูดเยอะ อะนี่...เอาชีทไป
เราจดให้แล้ว ส่วนตอนแรกที่เรามาไม่ทัน ก็ไปขอจดกับข้าวเอาเองละกัน”
พูดจบผมก็ยื่นชีทไปยัดใส่มือเพชร

“ขอบคุณค้าบ แฟนใครน่ารักที่สุดเลย” แล้วเขาก็ยื่นมือมาขยี้ปากผมอีกครั้ง

ส่วนผมก็ดีดจมูกเขาอีกครั้ง แต่ไม่แรงเท่าครั้งก่อนนะ
กลัวเพชรเจ็บ

ทำมาทำกลับ แกล้งมาแกล้งกลับครับ โตไปไม่โกง
เดี๋ยว! ไม่ใช่ละ > <



พอถึงรถเราก็แยกย้ายกันขับรถใครรถมัน

ใครที่ขับมอเตอร์ไซค์ก็เชิญตากแดด ตากลมไปเถอะ

สม


ช่วงเย็นเราไปกินข้าวเย็นกันแถวคอนโดผม ก่อนจะรีบแยกย้ายกันไปอ่านหนังสือ
เพชรบอกว่าพรุ่งนี้อาจจะออกไปติวกับกลุ่มเพื่อน
ส่วนผมกับไอ้มิวก็อาจจะไปหาที่อ่านหนังสือที่ไหนสักที่ ก็เลยสรุปว่าน่าจะไปด้วยกัน

 

ตกดึก...ระหว่างที่ผมกำลังนอนฟังเพลงกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง
เลยนึกอยากจะหยิบมือถือมาเล่นไอจีเสียหน่อย ไม่ได้เล่นมาหลายวันก็เริ่มคิดถึง

ว่าแล้วก็คว้าเจ้าไอโฟนเครื่องสีแดงมาปลดล็อคหน้าจอแล้วเข้าแอพที่คุ้นเคย

เลื่อนดูอะไรนิวฟีดส์ไปเรื่อย ก็เข้ามาเช็คคอมเม้นต์ภาพล่าสุดที่เพิ่งลง

ภาพที่ใครบางคนนอนหลับตอนอ่านหนังสือ


แล้วผมก็มาสะดุดกับคอมเม้นต์สุดท้าย ที่เพิ่งเม้นต์ไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

อีโมรูปหัวใจสีชมพู พร้อมกับชื่อไอจีที่ผมถึงกับต้องกดเข้าไปส่อง



Petch.vr

1 photo , 0 follower , 1 following


ผมค่อยๆ แตะนิ้วโป้งลงบนภาพเล็กๆ ในไอจีของเขา แล้วก็กดลงไปเพื่อดูภาพใหญ่


ถ้าวันนั้น ผมบอกว่าเพชรกำลังยิ้มจนแก้มแตก
วันนี้ผมก็คงกำลังยิ้มจนแก้มแตกไม่ต่างจากเพชร



ภาพแรกในไอจีของเขา คือภาพที่ถูกแคปจากหน้าจอ MacBook เมื่อคืนนี้
แต่เป็นภาพใหม่ ที่ผมยังไม่เคยเห็น..


ผู้ชายหน้าหวานกำลังนอนหลับบนหมอนข้าง พร้อมกับที่ผู้ชายอีกคนในจอเล็ก
กำลังนั่งมองเขาหลับแล้วส่งยิ้มบางๆ ออกมา


หลับปุ๋ย /อีโมรูปหัวใจสีชมพู




**To Be Continued**
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 16 : Capture , 10/11/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 10-11-2017 22:40:21
เยสสสสส ช็อตนี่ตายแปบ
 o22 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 16 : Capture , 10/11/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 10-11-2017 23:40:15
จำเป็นต้องน่ารักทุกตอนๆๆๆแบบนี้เลยป่ะคุณเพชรคุณหงส์ เพื่อนๆก็น่ารัก ถ้าทั้งเพื่อนเพชรเพื่อนหงส์ไปเที่ยวด้วยกันนี่ไม่อยากจะคิดต้องมันส์มากอ่ะ อ่านละคิดถึงเพื่อนสมัยเรียนแบบนี้เลยกวนตีนแบบเนี้ย 55555
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 16 : Capture , 10/11/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-11-2017 02:13:59
หวานให้คนทั้งโลกอิจฉาไปเลย
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 01-12-2017 20:07:22
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 17
Real



07:37

ผมรู้สึกตัวตื่นด้วยเสียงรบกวนจากโทรศัพท์ที่ดังอยู่ไม่ห่าง แต่ยังไม่มีแรงที่จะเอื้อมมือไปหยิบเจ้าเครื่องสีแดงมากดรับสาย จึงได้แต่ปล่อยให้มันร้องอยู่อย่างนั้นจนท้ายที่สุดมันก็เงียบไปเอง แต่ก็เงียบได้ไม่นานครับ เพราะตอนนี้ไอโฟนของผมได้ส่งเสียงร้องขึ้นมาอีกรอบแล้ว สุดท้ายผมก็พ่ายแพ้ให้กับความตื้อของเขา และยอมหยิบมือถือขึ้นมาสไลด์เพื่อรับสาย
 
“นี่...” น้ำเสียงแหบแห้งแต่แฝงไปด้วยพลังเหวี่ยงเล็กน้อยถูกเอ่ยขึ้น

ดูเหมือนว่าคนที่โทรเข้ามาจะรู้ทัน เลยชิงพูดตัดหน้าก่อน
“นี่เพชรแฟนหงส์ไง…จะใครล่ะ”

ผมกรอกตาไปมาอย่างคนไม่เข้าใจ
...ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายตัวโตแบบเพชรต้องชอบทำตัวแบ๊วใส่ผม

“เสี่ยวว่ะ เฮ้อออออ” จบเสียงถอนหายใจของผม เสียงหัวเราะร่วนก็หลุดมาจากปลายสาย

บ้าหรือไง อารมณ์ดีแต่เช้า
แต่ก็ไม่รู้ทำไมพอได้ยินคุณเพชรหัวเราะเสียงดังแล้ว ผมถึงได้ยิ้มตามออกมาซะงั้น
ทั้งที่เมื่อกี้ยังรู้สึกอยากจะเหวี่ยงใส่คุณนาฬิกาปลุกตัวดีอยู่เลย
 

“คุณหงส์ ว่ายน้ำกัน” หัวเราะเสร็จเขาก็เข้าเรื่อง

ระหว่างนั้นผมก็พลิกตัวนอนคว่ำแล้วเอื้อมมืออีกข้างไปเปิดม่านรับแสงแดด “เช้านี้อ่อ”

แสงที่ส่องเข้ามาทำให้ผมตาหยีนิดหน่อย

“ใช่ๆ ตอนนี้ผมอยู่ที่ล็อบบี้คอนโดคุณแล้ว”

เหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ บอกเวลาเจ็ดโมงกว่า ทำไมเพชรถึงได้ขยันมาแต่เช้าขนาดนี้
“คุณเพชรเป็นยามคอนโดเราหรอ” ที่ถามเนี่ยเพราะสงสัยจริงๆ ทำตัวยังกะยามมาเข้ากะ

“ก็ว่าจะสมัครอยู่นะ”

“สมัครเมื่อไหร่บอก เราจะได้ย้ายคอนโด”

“โหย ใจร้ายอ่ะ”

“ร้ายกว่านี้ก็ทำได้”

“โหยย...นะค้าบบ หงส์ค้าบ ลงมารับเพชรน้าา อยู่ข้างล่างแล้ว ว่ายน้ำกันน”

 
เสียงสองว่ะ
เกลียดอ่ะ
แต่ก็อมยิ้มว่ะ


 
“สรุปนี่คือจะชวนเราหรือจะมัดมือชก”

“มัดมือจูบ ได้เปล่า”

“โอ้ย ไอ้บ้า...ก็ด้ะๆ รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวอีก 20 นาทีลงไปรับ”
 

เพิ่งรู้ว่าตัวเองแพ้ความอ้อน
...แพ้ความเสียงสอง
...แพ้ความเพชรก็วันนี้
...เพราะปกติ ผมไม่ชอบให้ใครมารบกวนตอนนอน
แต่กับคุณเพชร เขาทำให้ผมยิ้มได้ในตอนเช้า

ดังนั้นผมจึงขอเรียกพฤติกรรมขี้อ้อนแบบนี้ว่า ‘ความเพชร’



จากนั้นผมก็ลุกไปอาบน้ำแบบโง่ๆ เหมือนคนถอดสมองวางไว้บนเตียง
เสร็จแล้วก็ไปหยิบโน่นนั่นนี่ใส่กระเป๋า กดลิฟต์ไปที่ชั้นสระว่ายน้ำเพื่อเอาสัมภาระไปวางไว้
ก่อนจะลงไปรับคุณเพชรที่ล็อบบี้ แล้วพาเขาขึ้นลิฟต์มาด้านบน

เช้านี้เพชรแต่งตัวสบายๆ
เสื้อยืดสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าแตะ แล้วก็กำอะไรบางอย่างไว้ในมือ
 
ผมเลิกคิ้วขึ้นมองแฟนตัวเองให้ชัดๆ ก่อนจะพูดถาม
“เอาของมาแค่นี้”
 
คนด้านข้างพยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้าง
“แค่นี้แหละ” พูดจบก็ยกกางเกงว่ายน้ำสีดำออกมากางโชว์ให้ผมดู
 
“ไม่ต้องอวด” ผมส่ายหน้าใส่เขาไป

ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก ผมจึงเดินนำเพชรมาที่ห้องอาบน้ำ แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดคลุมอาบน้ำในกระเป๋าที่ผมเตรียมมายื่นให้

“เพราะรู้ว่าคุณจะเตรียมให้ผมอยู่แล้ว ก็เลยเอามาแค่นี้ไง” เขายิ้มแล้วรับไปไว้ในมือ

“แสนรู้” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปลูบผมของเพชร แล้วตบหัวเบาๆ สองสามที

คนตรงหน้าแลบลิ้นออกมา แล้วยกมือขึ้นกวักแถวหน้าอกเหมือนน้องหมา

เออ เหมือนหมาจริงด้วยแฮะ
เขาทำให้ผมหลุดขำออกมาเสียงดัง

เห็นแบบนั้นเพชรจึงยู่หน้าใส่แล้วพูดขัด “จะบ้าหรอคุณ ผมไม่ใช่ด้อกแด้กนะ”


 
เล่นกันเสร็จก็แยกย้ายไปเปลี่ยนชุดพร้อมกับสวมชุดคลุมอาบน้ำออกมาให้เรียบร้อย ผมเดินมาหยิบกระเป๋าใบโตที่บรรจุสิ่งของต่างๆ เอาไว้ แต่ก็ยังไม่ทันได้ยกขึ้น คุณเพชรก็ยื่นมือมาดึงกระเป๋าจากมือผมไปถือไว้ซะเอง ผมเลยได้ทีเดินตัวเบามาถึงสระว่ายน้ำก่อนเขา
 
เราเลือกวางของไว้ที่เตียงใหญ่ริมสระ ก่อนจะมองไปรอบๆ แล้วเห็นว่าเช้านี้ไม่มีคนเลย
จากนั้นดวงตาของผมก็ประสานกับตาคมของคนตรงหน้า ดวงตาคู่สวยกำลังสื่อสารอะไรบางอย่าง

“เดี๋ยวผมถอดให้”

แล้วคุณเพชรก็จับผมหันหลัง ก่อนจะเอาตัวเข้ามาประชิดแผ่นหลัง พร้อมกับวาดแขนโอบรัดผมพร้อมกับเอื้อมมือมาปลดเชือกผูกเอวออก

ผมเข้าใจจุดประสงค์ของคนร้ายละ แววตาเมื่อครู่ตีความได้ไม่ยาก

ตอนนี้ร่างสูงกำลังเอาคางลงมาเกยบนไหล่ของผม พร้อมกับริมฝีปากที่เริ่มมาซุกไซร้บริเวณซอกคอ ส่วนมือไวก็ปลดชุดคลุมอาบน้ำผมลงไปกองไว้กับพื้นเป็นที่เรียบร้อย
 
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมหยุด
ผมเลยต้องรีบผละตัวเองออกมา แล้วหันไปเอ็ดเขาเสียงแข็ง
“คุณเพชรชวนเรามาว่ายน้ำไม่ใช่หรอ”
พูดจบก็เดินไปล้างตัวแล้วรีบลงสระไปก่อนเลย ส่วนเพชรก็วิ่งตามมา
 


เราว่ายน้ำกันอย่างสบายๆ ไม่เร่งรีบ มีแข่งกันว่ายบ้างแต่ก็ไม่ได้เอาเป็นเอาตาย เหมือนกับว่าแค่อยากจะใช้เวลาร่วมกันซะมากกว่า

เพิ่งรู้ว่าเพชรว่ายน้ำเก่งมาก มิน่าล่ะถึงได้หุ่นดี มีลอนหน้าท้อง แถมยังขายาวอีก
เขาแอบกระซิบด้วยว่า นี่แหละเคล็ดลับการลดความอ้วนในช่วงมอปลาย

 
ครู่ใหญ่ผมก็ชวนเพชรขึ้นจากสระ
เราไปล้างตัวให้สะอาดก่อนหยิบชุดคลุมมาสวม แล้วนอนคุยเล่นกันบนเตียงที่วางของเอาไว้
ไม่ได้นอนจับมือกันนะครับ แค่ไหล่เกยกันนิดหน่อย

“เมื่อวานมีคนอัพรูปเราในไอจีว่ะ” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ ขณะที่หยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวม

“จริงหรอ ใครอ่ะ” ทำเนียนว่ะ ถามเสียงใสเชียว
เขาไม่ได้มองหน้าผม เช่นเดียวกับผมที่มองขึ้นไปบนฟ้า

“พวกมือใหม่หัดเล่นไอจีอ่ะ”

“หึ” เขาหัวเราะในลำคอ ส่วนผมเอียงหน้ามองสันจมูกคมของคนข้างๆ

“ร้ายนะ แอบถ่ายรูปเราตอนหลับ” พูดจบเพชรก็หันหน้าเข้ามามองผมบ้าง

“ก็ใครแอบถ่ายผมก่อนล่ะ”

“แก้แค้นว่างั้น”

“เปล่าซะหน่อย” เพชรส่ายหัวดิ๊กๆ

“แล้วอัพทำไม” ผมยังคงถามต่อ

“ก็แค่จะ…” แล้วคนตรงหน้าก็ชะงักนิดหน่อย เขาเหลือบมองบนแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มกับตัวเอง

“จะอารายยยย”

“ก็แค่จะประกาศความเป็นเจ้าของ” พูดจบเพชรก็กลั้นยิ้มอยู่คนเดียว

“ประกาศความเป็นเจ้าของ แต่มีคนฟอลโล่อยู่คนเดียวเนี่ยนะ” จะใครล่ะ ผมนี่แหละ

“ไม่รู้แหละ อัพแล้วก็ถือว่าประกาศตัว ใครก็ห้ามยุ่ง” ดวงตาคมสบตาผมแล้วเก๊กหน้านิ่งใส่ พร้อมกับเอามือมาบิดปลายจมูก

ผมปัดมือของเขาออก แต่เขากลับตวัดนิ้วขึ้นมารวมมือผมเอาไว้


“พูดจริง” เพชรย้ำ แล้วค่อยๆ คลายมือผมให้เป็นอิสระ

“พันธุ์นี้แม่งดุว่ะ”

“ดุมาก” เพชรยังคงย้ำเสียงแข็ง


ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้ว่าถูกผมหลอกแซ็ว
และแน่นอน ทันทีที่ผมยิ้มมุมปากคนตรงหน้าถึงคิดได้ แล้วเอามือมายีหัวผมเป็นการเอาคืน


“ไม่ใช่หมาโว้ยยยย…

…หื้มมม ทำไมชอบแกล้งผมฮะ
ฮะคุณหงส์

นี่เลย หัวฟูเข้าไปเลย
หื้มมมม”


แล้วที่ทำอยู่ไม่ได้แกล้งเราเลยใช่มะคุณเพชร หื้มมม
พูดไป กัดฟันไป ยีหัวไป สนุกมือของคุณเขาแหละงานนี้
 
พอเห็นว่าแฟนตัวเองหัวฟูเหมือนสิงโตได้ที่แล้ว
คุณเพชรก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดกล้อง “ถ่ายรูปกัน”

ผมเห็นตัวเองบนหน้าจอแล้วรีบผลักกล้องไปให้พ้นหน้า “ไม่เอา สภาพเราน่าเกลียดมาก”

ระหว่างที่ผมกำลังโวยวายเสียงดัง คนมือไวก็สอดแขนเข้ามารองใต้คอผม แล้วดึงตัวเข้ามาถ่ายเซลฟี่กันทันที...แบบที่ผมยังไม่ได้ตั้งตัว

สุดท้ายเพชรก็ได้ภาพผมเผวอๆ หน้าตาน่าเกลียดแบบที่เขาชอบแอบถ่าย
แถมยังพ่วงด้วยสภาพหัวสิงโตอีกด้วย

ส่วนผมก็หน้างอไปหน่อยนึงหลังจากที่โดนคุณเพชรแกล้ง


“โอ๋ๆ ที่รัก ไม่โกรธนะค้าบบบ” เหมือนจะง้อใช่ป่ะ แต่ไม่ใช่เลย
เสียงนุ่มๆ แฝงไปด้วยรอยยิ้มขำ พร้อมกับมือไวที่ยังรัวชัตเตอร์ไม่จบไม่สิ้น

“เพชรบ้า” ผมว่าพร้อมกับพยายามยื้อเอาโทรศัพท์เขามาไว้ในมือ

เพชรยอมยกไอโฟนในมือให้ผมแต่โดยดี ตอนแรกก็แปลกใจ แต่ตอนหลังก็เข้าใจ

เพราะอะไรนะหรอ?
เพราะเขากำลังจะอุ้มผมขึ้นบนห้องนะสิ

แขนแกร่งรวบเอาตัวผมไปพาดไว้บนบ่า แล้วใช้มือดึงสัมภาระรวมเข้าด้วยกันแล้วถือไว้

ร่างสูงเดินดุ่มๆ พาผมขึ้นห้อง
ส่วนผมก็ดิ้นไปดิ ยิ่งดิ้นแรงยิ่งเสี่ยงจะตกลงไปแล้วหน้าเสียโฉม
เลยทำได้แค่นิ่งๆ แล้วกอดเพชรไว้ให้แน่น

อย่าให้ถึงทีผมบ้างละกัน!

 

ถึงบนห้องคุณเพชรก็ดึงดันจะอาบน้ำกับผมให้ได้ แต่ฝันไปเถอะ เรารู้ทัน
สุดท้ายเราก็แยกกันไปอาบคนละห้อง เพชรถูกไล่ไปอาบที่ห้องนอนเล็ก เพราะขืนอาบด้วยกันมันคงไม่จบแค่นั้นแน่

อาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อย...เอ่อ ดูเหมือนจะไม่เรียบร้อยว่ะ
เพราะระหว่างที่กำลังเช็คลุคตัวเองหน้ากระจก ร่างสูงก็เปิดประตูเข้ามา

“จะใส่ชุดนี้จริงหรอ”
ผมมองตัวเองในกระจกบานใหญ่แล้วพยักหน้าให้คนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง

“ไม่ได้” เขาเสียงแข็งแล้วไล่มองผมตั้งแต่ขาขึ้นไป
นั่นทำให้ผมหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับไอ้คนโหด

“ทำไมจะไม่ได้”
เสียงแข็งมาเสียงแข็งกลับ ไม่โกง แถมยังกอดอกใส่ด้วย เอาเด่

“กางเกงสั้น” ไม่พูดเปล่า เอามือมาวัดความยาวกางเกงด้วย
ยาวแค่คืบนิดๆ ของคุณเพชร แหะ แหะ

“ก็มันร้อนอ่ะ”

“จะเปลี่ยนเองหรือจะให้เปลี่ยนให้” ไม่ฟังเหตุผลยังไม่พอ มีเสนอตัวเปลี่ยนให้ด้วย
“หนึ่ง สอง …” มือหนาเอื้อมมาทำท่าจะปลดกางเกงผม

“เออๆ ยอมแล้ว เปลี่ยนเองก็ได้ ออกไปรอข้างนอกเลย” ผมตีมือเพชรไปทีนึงแล้วชี้ออกไปด้านนอก

คุณเพชรยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินออกไป “ก็แค่นี้”
 


พอแต่งตัวเรียบร้อย (เรียบร้อยจริงๆ ครับ เดี๋ยวไม่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพอีก)
ก็ได้เวลาอาหารเช้า ผมทำเบรคฟาสต์ง่ายๆ ให้คุณเพชร
ด้วยการเอาขนมปังโฮลวีทราดด้วยสลัดทูน่า เสิร์ฟพร้อมกับไข่ดาวแล้วก็น้ำส้มสด
 
“น่ากินอ่ะคุณ” ร่างสูงที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ ทำตาโตเมื่อผมยกอาหารเช้าออกมา
และแน่นอนว่าคุณเขาต้องถ่ายรูปอาหารเก็บไว้
 
..ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ชอบถ่ายรูปอย่างเพชร จะเพิ่งมาเล่นไอจี..
 
ถ่ายเสร็จเพชรก็เอื้อมมือมาดึงผมไปนั่งบนตัก แล้วเอาหน้ามาซุกแผ่นหลังผม
พร้อมกับถูไปมา


..เด็กขาดความอบอุ่นว่ะ..

“ทำตัวน่ารักขนาดนี้
เพชรรักจนจะบ้าแล้วนะหงส์” เสียงอู้อี้จากคนที่ซุกไซร้อยู่ด้านหลังพูดในลำคอ

เราก็ทำงี้กับแฟนทุกคนแหละ
เอ้ย ไม่ใช่! ผมแค่คิดในใจนะครับ ไม่ได้พูดออกไป

‘ความเพชร’ ขี้อ้อน ทำให้ผมยิ้มแก้มแตก แต่ก็เลือกที่จะแสดงแค่ไหวไหล่เล็กน้อยให้เขาเห็น

“เพชรก็รักเรามาตั้งแต่ ม.1 แล้วป่ะ”

พูดจบคนที่ซุกอยู่ เอาหน้าออกมาพร้อมกับเลื่อนผมออกจากตักให้นั่งเก้าอี้ด้านข้าง

แล้วเขาก็ส่งเสียง

“เชอะ” ในลำคอพร้อมกับทำหน้างอนเล็กน้อย ปากนี่ยื่นเชียว

ดีดซะทีดีมั้ยเอ่ย
แต่กระนั้นแววตาเป็นประกายของไอ้ปากแหลมก็ยังดูมีความสุขมากอยู่ดี

 
“ก็ได้ๆ ไม่ล้อเด็กอ้วนแล้ว งุ้งิ้ งุ้งิ้
หายงอนน้า งุงิ งุงิ” ผมทำมือทำไม้ง้อเขา พร้อมกับลองพูดเสียงสองดูบ้าง
เห็นเพชรพูดบ่อย ลองเอามาปรับใช้บ้าง อาจจะเวิร์ค อิอิ
 
เจ้าของปากยื่นยาวเมื่อครู่ ขำออกมาเสียงดังแล้วส่ายหน้ารัวๆ
“พอแล้วๆ หายงอนแล้ว...
โอ้ยย คุณหงส์ ผมว่าสายแบ๊วไม่เหมาะกับคุณเลย
เอาเป็นเหวี่ยงๆ เชิ่ดๆ เหมือนเดิมดีกว่า” แถมยังพูดไปหัวเราะไป
 
บ้าบอที่สุด อุตส่าห์ทำเลียนแบบบ้าง ไหงออกมาเป็นงี้
ละนั่นคือคำชมใช่มั้ย เหวี่ยงๆ เชิ่ดๆ เนี่ย

ก็ได้!! จากนี้ไปจะไม่มีการเสียงสอง
เชอะ
 

 
11:15
 
เพชรขับรถของผม พาผมมาที่ร้านที่เขานัดอ่านหนังสือกับกลุ่มเพื่อนครับ ซึ่งในวันนี้จะเป็นการรวมตัวกันครั้งแรกระหว่างกลุ่มเพื่อนของเพชร ที่ประกอบไปด้วย เพชร ฮิปโป ข้าว และทุ่ง กับกลุ่มเพื่อนของผม ซึ่งมีแค่ผมกับไอ้มิวสองคน
 
เอ่อ ฟังดูเหมือนไม่มีใครคบเลยว่ะ
 
ขับรถเข้ามาในซอยทองหล่อ ซอกแซกลึกพอสมควร ก็มาถึงร้านกาแฟบรรยากาศดีที่ถูกโอบล้อมด้วยตึกสูง
แต่บรรยากาศภายในร้านกลับเต็มไปด้วยความร่มรื่น มีต้นไม้เขียวชะอุ่มปกคลุม

ให้ความรู้สึกดีเหมือนอยู่เขาใหญ่ในหน้าร้อน…ถ้าอากาศเย็นกว่านี้อีกสักหน่อย จะดีมาก
 
“ชอบมั้ย” เพชรพูดถามขณะที่เขาเดินนำผมจากลานจอดรถด้านหน้ามาบริเวณทางเข้าร้าน
 
สองข้างทางมีต้นไม้เล็กๆ ให้บรรยากาศในสวน
แล้วก็มีร้านกาแฟที่สร้างด้วยกระจก ดูโปร่งสบายตั้งอยู่ตรงกลาง

ภาพตรงหน้าชวนให้ผมรู้สึกดีจนต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปลงใน IG Story

“ชอบมากอ่ะ...
ทำไมเราไม่เคยรู้จักร้านนี้มาก่อน”
 
เพชรคงจะรู้ว่าเป็นเพียงประโยคคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ เขาเพียงแค่ยิ้มรับแล้วปล่อยให้ผมได้ใช้สมาธิกับการถ่ายรูปไปเรื่อยๆ

เขาไม่ได้กวนผม เพราะคงจะเข้าใจแหละ ว่าบางครั้งคนเราก็อยากใช้สมาธิกับการถ่ายรูป
เรื่องนี้คุณเพชรรู้ดีกว่าใคร เพราะเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช่นเดียวกัน
 

ครู่หนึ่งร่างสูงก็เดินเข้ามาหา ผมเหลือบมองด้วยหางตาก็รู้ว่า เขากำลังจะ...

“มา ถ่ายรูปกัน” พูดจบคนมือไวก็หยิบมือถือตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปผม
แต่รอบนี้ผมรู้ทันครับ หันไปยิ้มให้กล้อง แล้วก็เก๊กหน้าให้ดูดี ไม่มีทางที่คุณเพชรจะได้ภาพเหวอของผมอีกต่อไป

“โหย เดี๋ยวนี้เก่งว่ะ รู้ทัน” เขาพูดแซ็ว
ผมยักคิ้วให้หนึ่งที “แน่นอน” จากนั้นก็โพสต์ให้เพชรถ่ายรูปใหญ่เลย

“งั้นถ่ายคู่กันด้วยนะ”
 ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบการเซลฟี่ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมให้คุณเพชรจับผมมาร่วมเฟรม


“สวีทไปแล้วพวกมึงอ่ะ” เสียงดังมาจากทางด้านหลัง แต่พวกผมไม่ได้สนใจหันไปมอง

“สัสมิว” ผมจำเสียงมันได้ เลยพูดตอบไอ้มิวไป

พูดจบคุณเพชรก็ยกกล้องลง แล้วชำเลืองมองหน้าผมนิ่ง ผมเลยเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“พูดไม่เพราะ” เสียงนิ่งของเพชรส่งมาอย่างเอ็ดๆ

ผมทำแก้มป่องใส่เขา ก่อนจะโดนไอ้มิวที่มาเดินมาตรงหน้าแล้วยิ้มล้อ
มันแลบลิ้นปลิ้นตา แล้วหันไปคุยกับเพชร

“มาๆ กูถ่ายให้” พูดจบไอ้มิวก็หยิบไอโฟนจากมือของเพชรไป แล้วเดินมาจัดท่าจัดทางให้

โดยที่ไอ้มิวให้เพชรโอบไหล่ผม แล้วก้มเอาหัวลงมาซบ ส่วนผมยืนนิ่งแล้วเบะปาก
(อันนี้เบะเอง คิคิ)

“เจ้าสาวยิ้มหน่อยครับ” ไอ้ตากล้องหน้ามึนพูดว่าให้ยิ่งทำให้ผมเบะปากแรงขึ้นไปอีก

ผมเหลือบมองเพชรด้วยหางตา ส่วนคุณเพชรก็ยกมือขึ้นมาชี้ว่า ไอ้มิวหมายถึงผม

พอรู้ว่ามิวหมายถึงผม ผมเลยว่ามันออกไป

“K
…พ่อมึงดิ”

จบคำนั้นเพชรก็หันมองแล้วเอามือมาดีดปากผมไม่แรงนัก

“แล้วไปยุ่งอะไรกับKของพ่อเพื่อน ฮะ...
...ไหน ใช้ปากไหนพูด
...บอกแล้วไง ห้ามพูดคำหยาบ”

บอกตอนไหนวะ แถมมาเป็นชุดเลยครับ

ผมก็ได้แต่พยักหนีรับแล้วยกมือขึ้นไหว้อย่างคนผิด “ขอโทษค้าบบ”

ได้ยินดังนั้นคุณเพชรก็ยิ้มร่า แล้วหันไปหามิว

“พร้อมแล้วมิว ถ่ายได้เลย”


แต่ไอ้มิวกลับหัวเราะร่วนพร้อมกับส่งมือถือกลับมาให้เจ้าของเครื่อง “กูถ่ายเสร็จแล้วว่ะ”

ผมกับเพชรหันมองหน้ากันงงๆ
เพชรรับไอโฟนมาไว้ในมือก่อนที่ไอ้มิวจะเดินบิดก้นเข้าไปในร้าน

“ขอดูหน่อย” ผมหันไปขอเพชร คนตัวสูงยิ้มร้ายแล้วทำทีเปลี่ยนเรื่อง

“ปะ เข้าไปได้แล้ว เสียเวลาอ่านสือ” แล้วเขาก็โอบไหล่ผมเดินเข้าไป

ขี้หวงอ่ะ แค่ขอดูรูปทำมาเป็นอ้าง ทียืนถ่ายตั้งนานไม่เห็นจะบอกว่าเสียเวลาบ้างเลย
 


วันนี้เราเลือกโต๊ะกลมใหญ่สุดในมุมครับ เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว
พอเดินมาถึงที่โต๊ะผมก็ทักทายกลุ่มเพื่อนของเพชรที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
หลังจากนั้นก็แนะนำให้มิวได้รู้จักทุกคน

“มิว นี่ฮิปโป ทุ่ง แล้วก็ข้าว เพื่อนวิศวะของเพชร
…แล้วก็นี่ มิว เพื่อนเราเอง”
 
“สวัสดีค้าบบบ” สามคนนั้นพูดทักทายไอ้มิว แต่ตามองผมไม่ละสายตา

จนคุณเพชรต้องกระแอม “แฮ่ม แฮ่ม”

แล้วสามคนนั้นก็หันไปมองไอ้มิวที่ยิ้มอยู่ มิวมันโบกมือทักทายแล้วนั่งลงอย่างสบายๆ
พวกเรานั่งกันเป็นวงกลมตามความโค้งของโต๊ะ โดยที่ผมนั่งข้างเพชร และอีกข้างคือไอ้มิว
 

ตอนแรกผมก็แอบลุ้นว่ามิวจะเข้ากับเพื่อนเพชรได้มั้ยนั้น แต่ตอนนี้คงไม่ต้องลุ้นอะไรแล้วครับ เพราะหลังจากที่อ่านหนังสือกันไปได้พักใหญ่ไอ้มิวที่นั่งจ้องมองพวกวิศวะซ้อมทำข้อสอบหน้าเครียดก็หยิบมือถือขึ้นมา แล้วถามด้วยคำถามสุดฮิตแห่งยุค

“ตีป้อมมั้ยวะ” แค่นั้นแหละครับ

ปากกากับกระดาษในมือทุกคนก็ถูกวางลง แล้วถูกแทนที่ด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่
แน่นอนว่าเกมส์นี้คุณเพชรของผม ก็ฟอร์มทีมกับเพื่อนด้วย
 
ระหว่างที่พวกนั้นเล่นเกมส์ ผมก็ไม่มีไรทำ เลยหันมองบรรยากาศโดยรอบร้านด้วยการสอดส่องสายตาไปเรื่อย จนจะไปหยุดที่โต๊ะๆ นึง อยู่เยื้องไปไม่ไกลครับ

คือผมรู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องอยู่

ผมเลยมองคนที่จ้องผมตอบ ก่อนที่เขาคนนั้นจะส่งยิ้มบางมาให้พร้อมกับพยักหน้า

ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงยิ้มตอบกลับไปตามประสาคนหน้าตาดีที่มีคนสนใจเยอะ
แต่ตอนนี้เสียใจด้วย เป็นหน้าตาดี มีแฟนแล้ว และมีจรรยาบรรณ


ผมเลยหันหน้ากลับเข้ามาในโต๊ะ มาสนใจคนหน้าหล่อด้านข้างที่ยังง่วนกับการตีป้อมดีกว่า
พวกเขาเล่นเกมส์กันอย่างเมามัน ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง เล่นไปเรื่อยๆ จนพวกติดเกมส์เล่นกันเสร็จเรียบร้อย


เพชรทำท่าจะลุกขึ้นผมเลยหันไปมอง แล้วเลิกคิ้วสงสัย
“เดี๋ยวกูไปห้องน้ำแปป” เขาพูดบอกเพื่อนๆ แล้วหันมาหยุดที่ผม

ก่อนจะกระซิบเสียงเบา “เดี๋ยวผมไปห้องน้ำนะ”

“ผมว่ะ” ฮิปโปทำเสียงแซ็วเพชร นั่นทำให้คนที่ถูกแซ็วหันไปจ้องฮิปโปหน้าดุ
รายนั้นจึงได้แต่เอามือมาป้องปากแล้วหันหน้าหาพรรคพวกเหมือนทุกครั้ง

“ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย”

เพชรกำลังจะพยักหน้าแต่โดนขัดซะก่อน

รอบนี้คนที่ขัดคือข้าวครับ เพื่อนในกลุ่มที่รูปร่างหน้าตาสูสีกับเพชร แต่ผิวเข้มกว่า
“แหม มีแฟนแล้วทำตัวเป็นเด็กประถม ไปห้องน้ำต้องมีคนไปเป็นเพื่อน”

“เออ สัส” ทุ่งเสริมขึ้น

“ไปๆ วีรินทร์พาน้องเพชรไปฉี่นะฮ้าป” ฮิปโปพูดเสียงกวนตีน ผมเลยหันมองฮิปโปแล้วขำ


“พวกมึงก็พูดเกินไป เพื่อนเค้าแค่ข้าวใหม่ปลามัน ใช่มั้ยจ้ะวีรินทร์คนสวย”
มิว มึงก็เอาด้วยเรอะ


“เออๆ กูไปคนเดียวก็ได้ สัส” พูดบอกเพื่อนจบก็หันมาพูดกับผม “เดี๋ยวผมไปคนเดียว”

ใจความเดียวกันแต่คนละประโยค

ผมยิ้มแล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมาเห็นว่าพวกในโต๊ะกำลังยิ้มล้อ
 
“เดี๋ยวกูไปกับแม่งเอง” ไอ้มิวเสนอตัว แล้วก็เดินไปโอบไหล่เพชรไปห้องน้ำ

 

ระหว่างที่เพชรกับมิวไม่อยู่ ฮิปโปก็ชวนคุยด้วยท่าทางผ่อนคลายมากขึ้น

“เนี่ย ไอ้เพชรแม่ง ห้ามพวกเราแซ็ววีรินทร์เว่ย แถมยังห้ามพูดคำหยาบกับวีรินทร์ด้วย”

“จริงดิ” ผมถามกลับ

“ใช่ แม่งจริงจังสัส” ข้าวพูดบอกผม

“แต่เมื่อเช้าเราก็โดนดุนะ เราหลุดพูดคำหยาบ แถมยังบอกว่าตกลงกันไว้แล้ว ก็ไม่รู้ไปตกลงไว้ตอนไหน”

“โมเมเก่งแหละไอ้เพชรอ่ะ” 

ผมหันไปพยักหน้าให้ทุ่ง แล้วฮิปโปที่ถือโทรศัพท์อยู่ในมือก็พูดโพล่งขึ้นมา
“วีรินทร์ทำไมไม่ขายครีมอ่า” เขาไม่ได้มองหน้าผม

“ทำไมต้องขายครีมวะ” ทุ่งถาม ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปที่โทรศัพท์ฮิปโป

“ก็เน็ตไอดอลไงมึง” ไอ้ข้าวว่าบ้าง ก่อนจะมองมาที่ผม

“เออ เนี่ยรายได้ดีเลยนะ กวนเองหลังบ้านแล้วก็ขายถูกๆ”

“ใช่ เดี๋ยวพวกเราไปช่วย ทำป๊ะๆ วีรินทร์เป็นพรีเซนเตอร์ลงไอจี แล้วพวกเราก็ช่วยขาย”

“คนฟอลไอจีเป็นแสน ขายได้แน่” แล้วฮิปโปก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู


อ่อ ส่องไอจีผมอยู่

ผมยิ้มขำๆ แล้วพูดตอบไป “ไม่อ่ะ เรารวยแล้ว”

พูดจบสามคนก็มองหน้ากัน แล้วประสานเสียง “อูยยยยยยยย”

 
จะว่าไปเพื่อนของเพชรก็ฮาดีครับ ถึงแม้เพชรดูโดดออกมาจากกลุ่มเล็กน้อย ด้วยนิสัยของเขาที่หน้านิ่ง (ใส่คนอื่น ยกเว้นกับผม) แถมยังพูดน้อยที่สุดในกลุ่ม แต่พอพูดทีก็เบรคทุกคนจนหัวทิ่ม ดูแล้วให้อารมณ์เหมือนหัวหน้าแก็งค์คอยกำกับลูกน้องไรงี้เนอะ


 
แล้วผมก็เริ่มรู้สึกว่าทำไมเพชรกับมิวไปเข้าห้องน้ำนานจัง
ระหว่างที่กำลังจะลุกเดินไปดู ก็เห็นสองคนนั้นเดินกอดคอกันกลับมา สีหน้ายิ้มแย้ม

“ทำไมไปนานจังอ่ะ” ผมคลี่ยิ้มแล้วพูดถามสองคนที่กำลังนั่งลง

เพชรมองไปที่มิว ผมเลยมองตามพร้อมกับที่ไอ้มิวยิ้มร้าย “แฟนมึงเสน่ห์แรงใช่เล่น”


จบคำพูดของมิว หน้าผมนิ่งขึ้นระดับนึง รอยยิ้มบางเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความตึงที่มุมปาก

“ยังไงวะ” ส่วนน้ำเสียงไม่ต้องถามถึง

แข็งกว่าหินอัคนีก็เสียงวีรินทร์นี่แหละ


“มีสาวโต๊ะข้างนอกมาขอไลน์เพชร”


ฟังมิวพูดจบ หน้าผมก็กระตุกแปลกๆ ผมตวัดหางตากลับมามองคนของตัวเอง
แล้วถามออกไปเสียงนิ่ง “ให้ป่ะ”

เพชรส่ายหน้า แต่ไอ้มิวก็พูดแทรกขึ้น “กูบอกให้มาขอที่โต๊ะ”


ผมพยักหน้ารับ นับหนึ่งถึงสามในใจ
ความครืกครื้นก่อนหน้าถูกเปลี่ยนเป็นความเงียบสนิท สมาชิกในโต๊ะมองเพชรนิ่งๆ
ส่วนผมไม่ได้มองใคร


“งั้นเดี๋ยวพวกกูมานะ”
แล้วสามคนนั้น รวมไอ้มิวเป็นสี่ ก็พากันกระโดดออกจากโต๊ะหายไปอยู่นอกร้าน


ตอนนี้ที่โต๊ะเลยเหลือแค่ผมกับเพชรสองคน


“ผมไม่ได้ให้นะ บอกเค้าไปแล้วด้วยไปว่าผมมีแฟนแล้ว”

ผมเงยหน้ามองคนด้านข้าง

เห้ย เพชรหน้าเจื่อนเบอร์แรงว่ะ
 
และนั่นทำให้ผมเย็นลง


“เรากับคนนั้น ใคร...”

“หงส์อยู่แล้ว” คุณเพชรรีบพูดแทรก ทั้งที่ยังฟังคำถามไม่จบ


ผมหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ช่างเอาอกเอาใจ ปากหวานเป็นที่หนึ่ง

ความเพชรไปอีก


พอเห็นผมหลุมยิ้มเขาก็เลยเอามือมาพาดแล้วโอบไหล่ผม ก่อนจะดึงตัวเข้าไปแนบ

เพชรบีบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างแก้ม พร้อมกับที่สันจมูกคมจรดลงมา


“หึงหรออออค๊าบบบ”


เสียงสอง ~


ผมแข็งทื่อ

หมายถึงตัวแข็งทื่อ ก่อนจะรู้สึกร้อนวูบวาบที่บนใบหน้า


นั่นสิ


ผมหึงหรอ....





**To Be Continued**

ถ้านุ้งหงส์ไม่รู้ตัว เดี๋ยวเราบอกให้ก็ได้
ใช่จ้าา เรียกว่าหึงจ้าาาาหงส์ หึงเบอร์แรงด้วยนะแหมมมม
มีความแบบทำกับข้าวกับปลาให้แฟน หึหึ 
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 17 : Real , 01/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 01-12-2017 21:34:54
เรามารอคุณหงส์กับคุณเพชรที่หน้าเว็ปทุกวันเลย  คิดถึงงงงงงง

ใช่ค่ะคุณหงส์แบบนี้แถวอุบลบ้านพี่เรียกหึงค่ะ หึงแบบ...ทำเอาเพื่อนกระเจิดกระเจิงเลยด้วย ไม่ธรรมดาเลยนะค้าาาามีเเฟนหล่อน่ารักน่าแย่งก็แบบนี้

ในส่วนของ "ความเพชร" น้านนนนน่าเอามาเลี้ยงที่บ้านจริงๆ แต่ดูแล้วคุณหงส์เขาคงเลี้ยงของเขาได้ดีกว่า

ปล.คนเขียนสู้ๆ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 17 : Real , 01/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-12-2017 08:43:10
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 17 : Real , 01/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 02-12-2017 16:11:11
เรามารอคุณหงส์กับคุณเพชรที่หน้าเว็ปทุกวันเลย  คิดถึงงงงงงง

ใช่ค่ะคุณหงส์แบบนี้แถวอุบลบ้านพี่เรียกหึงค่ะ หึงแบบ...ทำเอาเพื่อนกระเจิดกระเจิงเลยด้วย ไม่ธรรมดาเลยนะค้าาาามีเเฟนหล่อน่ารักน่าแย่งก็แบบนี้

ในส่วนของ "ความเพชร" น้านนนนน่าเอามาเลี้ยงที่บ้านจริงๆ แต่ดูแล้วคุณหงส์เขาคงเลี้ยงของเขาได้ดีกว่า

ปล.คนเขียนสู้ๆ :pig4: :pig4: :pig4:


ฮ่าๆๆๆๆ ขอบคุณค้าบ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 03-12-2017 22:28:00
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 18
Steal


ในที่สุด 2 สัปดาห์นรกแห่งการสอบกลางภาคก็ผ่านพ้นไปซะที

ถามว่าช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผมบ้าง ก็ต้องขอตอบว่า...เกิดหายนะขึ้นอย่างใหญ่หลวงครับ

อาจจะเพราะว่าก่อนหน้านี้ ความตั้งใจเรียนของผมลดน้อยลงไปนิดหน่อย ด้วยว่ามีคุณเพชรเข้ามาเกาะแกะ ให้อินเลิฟจนเว่อ อีกทั้งยังมีพวกงานอีเว้นท์ งานสังคมต่างๆ ที่ทำให้ผมหันเหความสนใจตัวเองไปมากโข เรื่องเรียนเลยถูกลดความสำคัญลงมา

ถ้ากรรมคือผลของกระทำ ผมเลยต้องรับผลกรรมนั้นไปเต็มๆ และผมก็ค่อนข้างจะทำใจไว้แล้วว่าเทอมนี้เกรดอาจจะร่วงลงมาบ้าง ฮืออออ แต่ยังไงซะผมก็ยังมีหวังเล็กๆ ที่จะเร่งทำคะแนนในการสอบไฟนอลที่ใกล้เข้ามาเพื่อพยุงเกรดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ยังรับได้



18:03

เย็นวันศุกร์ที่นิสิตหลายต่อหลายคนต่างพากันไปฉลองวันสอบเสร็จด้วยการไปรวมตัวกันอยู่ที่ร้านเหล้าหรือผับชื่อดังในกรุงเทพฯ หลายแห่ง

แต่คงไม่ใช่วีรินทร์กับเพชร..

เพราะหลังจากที่สอบวิชาสุดท้ายเสร็จ ผมก็ให้คุณลุงชัย คนขับรถที่บ้าน ขับรถมารับผมที่หน้าคณะบัญชี แล้วก็ตามด้วยการขับไปรับคุณเพชรที่แถวลานเกียร์คณะวิศวะ ก่อนจะตรงไปดิ่งยังคลินิกความงามแถวสยามสแควร์

ทายไม่ยากใช่มั้ยครับ เรากำลังไปทำทรีทเม้นต์หน้ากัน

ใช้ร่างกายหนักหน่วงมาสองวีคติดขนาดนี้
จะให้ผมไปดื่มแอลกอฮอล์ทำลายสุขภาพให้เสื่อมโทรมไปกันใหญ่หรอ

...ไม่มีทางอ่ะ


คนอย่างวีรินทร์ต้องมานอนบำรุงผิวอยู่ในห้องทำทรีทเม้นท์ส่วนตัว แล้วก็ผลักครีมบำรุงให้ล้ำลึก พร้อมกับตบท้ายด้วยการมาส์กสูตรพิเศษ เพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวหน้า

ซึ่งผมถือว่าแบบนี้ก็เป็นการฉลองสอบเสร็จได้เหมือนกัน

ระหว่างที่กำลังนอนสบายตัวแล้วมาส์กหน้ากันอยู่
ผมก็ได้ยินเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ ดังขึ้นมาจากเตียงด้านข้าง...ไม่ใช่ใครที่ไหน แฟนผมเอง

“คุณเพชรทำไร” ผมพูดถามอีกคนด้วยเสียงอู้อี้ในลำคอเพราะอ้าปากไม่ได้

“เปล่า” คนที่นอนอยู่เตียงด้านข้างพูดตอบด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากผม

“ห้ามแอบถ่ายเรา” ไม่รู้แหละ ระแวงไว้ก่อน

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เรื่องเดียวที่ผมไว้ใจเพชรไม่ได้ ก็คือเรื่องการแอบถ่ายรูป

ฉะนั้นต้องปรามเอาไว้ก่อน
ยิ่งได้ยินเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ ดังขึ้นมาแบบนี้ละก็
ใครจะรู้ว่าคนมือไว อาจจะกำลังหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปผมตอนที่กำลังทำสวยก็เป็นได้

“คู้ณณณณณ ผมก็ถูกฉาบหน้าปิดตาไว้แบบคุณนะ จะไปแอบถ่ายคุณได้ยังไง”

“ไว้ใจไม่ได้หรอก งูเพชรก็คืองูเพชร”

“งูพิษป่ะหงส์ หึหึ ถ้างูเพชรอ่ะ อยู่ในกางเกงครับ”

“หื่นกาม” ตาบ้า โยงเข้าเรื่องแบบนั้นตลอด

“งิ”

หลังจากนั้นเราก็เงียบไป ไม่ใช่อะไรนะครับ

...หลับ

รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกแกะมาส์กออกแล้วคลีนหน้าพร้อมด้วยลงครีมบำรุง เป็นอันเสร็จสิ้น



ระหว่างที่เดินออกจากคลินิกไปที่ลานจอดรถ ผมก็หยิบมืออีกข้างของเพชรมากุมเอาไว้
แล้วปล่อยให้มืออีกข้างของเขาถือกระเป๋าสัมภาระให้ผมครับ  คนจะมองก็ไม่เป็นไร แล้วไงใครสน > <

เดินไม่นานก็มาถึงรถตู้คันโตสีดำตราดาวสามแฉกที่จอดรออยู่ ลุงชัยแกรู้เวลาเลยสตาร์ทเครื่องพร้อมกับเปิดแอร์เย็นฉ่ำไว้รอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ผมจูงมือกับเพชรขึ้นมานั่งบนรถ โดยที่เพชรเอี้ยวตัวไปวางกระเป๋าผมไว้ที่เบาะด้านหลัง แล้วก็หันกลับมากุมมือผมให้แน่นกว่าเดิม


‘กริ๊ง กริ๊ง’

เสียงโทรศัพท์ของใครสักคนดังขึ้น อ่า...ไม่ใช่เครื่องของผมเพราะมันไม่ได้สั่น
คนด้านข้างเลยปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ แล้วล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบมือถือออกมา

“ว่าไงมึง”
“อืมมม กูขอคิดก่อนว่ะ”

คิดอะไรไม่รู้ แต่ระหว่างนั้นดวงตาคมก็เบนสายตามามองผม
หน้าผากของเขาย่นเข้าหากันเล็กน้อย แต่มุมปากก็ยังสิ่งยิ้มมาให้

“งั้นขอวันอื่นละกัน กูคงไม่ไหวอ่ะ อยากพัก”
“โอเค เที่ยวกันให้สนุกมึง ฝากเที่ยวเผื่อกูด้วย...เออสัส ฮ่าๆ”

วางสายเสร็จ ร่างสูงก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง
แล้วเอื้อมมือหนามากุมมือผมพร้อมกับยกไปไว้บนตักของเขาเหมือนเดิม

“พวกไอ้ข้าวโทรมาชวนไปกินเหล้า”
เจ้าของมือหนาไม่พูดเปล่า ระหว่างนั้นทำเนียนเอาหัวมาซบแหมะลงบนไหล่ผม 

“แต่ผมไม่ไปนะครับ อยากอยู่กับคุณหงส์มากกว่า”

เอาล่ะครับ
เข้าสู่โหมด ‘ความเพชร’
ไม่ต้องอธิบายเนอะ น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่ายังไง


แล้วคนขี้อ้อนก็ตวัดดวงตาคมขึ้นมาสบสายตากับผมพร้อมมองมาอย่างสื่อความหมาย
ผมยิ้มมุมปากก่อนจะขยับขาขึ้นมาไขว่ห้างเพื่อให้นั่งได้สบายขึ้น
ขยับตัวเล็กน้อย แล้วใช้แขนอีกข้างที่ยังว่างอยู่พาดไปโอบไหล่คุณเพชร

“ถามเรายัง ว่าเราอยากอยู่กับคุณเพชรมั้ย หื้อออ”

“อ้าว แล้วหงส์ไม่อยากอยู่กับเพชรหรอครับบบ” หน้าคมเงยหน้าขึ้นสบตากับผม

ผมจ้องตาเพชรนิ่งๆ ยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอื้อมมือมาลูบผมเขาเล่น
ค่อยๆ เลื่อนนิ้วเรียวแทรกเข้าไปที่ไรผมของเพชรแล้วยีเบาๆ
   
“แต่คืนนี้เรามีดินเนอร์กับแม่นี่นา”
จำได้ใช่มั้ยครับ ว่าหลังจากที่สอบเสร็จผมมีนัดกับแม่เพื่อจะคุยกันเรื่องข่าวที่หลุดออกไป

“ไม่เห็นเป็นไรเลย งั้นคืนนี้ผมขอไปรอคุณที่ห้องนะ ดินเนอร์เสร็จก็เจอกัน”

“เราปฏิเสธได้เปล่าล่ะ”

“ไม่ได้อ่ะ” พูดจบเจ้าจอมเผด็จการก็หลับตาพริ้ม


เพลินใช่ป่ะ สบายมากใช่มั้ย

ได้!!


แล้วผมก็แกะมือตัวเองออกจากมือหนาที่กุมมือผมอยู่
ก่อนจะล้วงไปหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกงตัวเอง

เสร็จกู : p


แชะ แชะ แชะ

เสียงชัตเตอร์ดังขึ้น พร้อมกับที่คุณเพชรสะดุ้ง ลืมตาโพล่งแล้วทำหน้าเหวอใส่กล้อง

ผมยกยิ้มมุมปากก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง ราวกับคนที่กุมชัยชนะเอาไว้ในมือ


“หงส์!!”

“ก็วันนั้นเพชรแกล้งเราก่อน”

เพชรยกหัวออกจากไหล่ผม แล้วกลับไปนั่งดีๆ ก่อนจะมองค้อนมา แล้วทำทีนิ่งใส่ผม

ไม่ต้องมามองแบบนั้น

ผมเบะปากใส่เขาไปก่อนจะเอื้อมมือไปยีหัวคุณเพชรอีกรอบ
แต่ครั้งนี้ร่างสูงปัดมือผมออก
“ไม่ต้องมาหยอกผม”   

เอาเว้ย เอาเว้ย มีงอนจ้างานนี้

“โถ นุ้งเพชรเสียรู้ซะแล้ว น่าสงสารจังเลยค้าบบบ...
…แต่ก็นั่นแหละนะ ทีใครทีมัน วันนั้นที่สระว่ายน้ำ เราก็เอาคืนแล้ววันนี้ ถือว่าหายกัน”
ผมเสียงอ่อนในช่วงแรก แล้วเปลี่ยนมาเสียงแข็งราวกับอัศวินในตอนท้าย

“ร้าย” ร่างสูงพูดว่าผมแล้วสะบัดหน้าหนีออกไปทางหน้าต่าง

แต่มือไวขอเขาก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมมากุมมือผมไปวางไว้บนตักตัวเองเหมือนเคย
ทำราวกับว่ามันเป็นระบบอัตโนมัติอ่ะ

รอบนี้เลยเป็นผมที่เอาหัวไปซบไหล่แกร่งของเพชรคืนบ้าง
ก่อนจะหลับตาลง แล้วก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นที่เป่ารดบริเวณปลายจมูก

เออ...จะว่าไปเราก็เล่นกันไม่เกรงใจลุงชัยขับรถเลยเนอะ
แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ลุงเห็นผมมาตั้งแต่เด็ก คงจะชินแล้ว คิคิ



21:30

ผมนัดกับคุณแม่ที่โรงแรมโซนสาทรครับ วันนี้วีวิศไม่ได้มาด้วย รายนั้นก็ติดสอบเช่นกัน แอบคิดไว้ว่าถ้าไอ้วีวิศมาด้วยละก็ น้องต้องมาทวงรองเท้าคืน แล้วก็ต้องมาทวงสัญญาที่จะให้ผมเล่าดีเทลฉากบนเตียงของผมกับคุณเพชรคืนนั้นแน่นอน เพราะไอ้ตัวเล็ก (ไม่เห็นจะเล็ก สูงกว่าผมอีก) พูดเอาไว้ว่าถ้าเจอจะต้องเล่าให้ฟังโดยละเอียด ดีเหมือนกันที่วีวิศไม่มา

โต๊ะดินเนอร์ในวันนี้เป็นโต๊ะมุมตึกติดกระจก เห็นวิวเมืองกรุงในยามค่ำคืนได้ชัดเจน ผมกับแม่คุยกันไปเรื่อยไม่ได้จริงจังหรือมีประเด็นซีเรียสอะไรระหว่างมื้ออาหาร แต่จะหนักไปที่การเถียงกันเรื่องทริปปลายปีมากกว่าว่าอยากไปเที่ยวประเทศไหน

ผมอยากไปอเมริกา แต่แม่อยากไปยุโรป ส่วนวีวิศโทรเข้ามาบอกว่าอยากไปมัลดีฟส์
บางทีเราอาจจะต้องแยกกันไป แล้ววีดีโอคอลหากันก็เป็นได้


หลังจากทานอาหารคาวกันเรียบร้อย ก็เข้าสู่ช่วงของหวานแม่จึงเริ่มเปิดประเด็นหลัก

“จากข่าววันนั้น วีรินทร์โอเครึยัง”

ผมยิ้มให้แม่ แล้วพยักหน้ารับ “โอเคมากครับ ไม่มีผลอะไรเลย...
...แล้วแม่อ่ะ มีคนถามเข้ามาเยอะป่าว”

“เยอะมากกกกกก” แม่พูดตอบแล้วหัวเราะ หน้าตาดูผ่อนคลาย

ด้วยความที่ครอบครัวเราอยู่ในวงสังคมอยู่แล้ว การมีข่าว หรือซุบซิบนินทาออกสื่อ จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพียงแต่อาจจะเป็นเรื่องบนเตียงครั้งแรกแค่นั้นเอง

“แล้วแม่ว่าไงครับ”

“ก็บอกว่าเรื่องของเด็กเค้า ผู้ใหญ่โตแล้วอย่าไปยุ่งให้รกสมอง”

“อู๊ยยย แซ่บ” แซ่บจริงต้องยอม คำตอบเดียว จอดทุกราย

“แต่ข่าวไม่ได้มีผลกับธุรกิจเราใช่มั้ยครับ” ถามคำถามที่เป็นการเป็นงานบ้าง

“ไม่มีเลย สบายมาก...แล้วกับคนนี้ไปมายังไงล่ะลูก”

“ก็เค้ามาจีบอ่ะ”

“ชื่อเพชร” แม่พูดถาม ส่วนผมพยักหน้ารับ

“สืบประวัติมาหมดแล้วอะดิ”

ถ้าจะบอกว่าผมร้าย สืบเก่ง คนนี้เขาร้ายกว่าผมมากครับ
ผมก็แค่เชื้อไม่ทิ้งแถว


“แม่ก็รู้มาประมาณนึง...แต่ถ้าลูกแม่สแกนแล้วว่าผ่าน แม่ก็ไม่มีปัญหาอะไร”

“ขอบคุณค้าบบบ” ผมขยิบตาให้แม่

“อ้อ...หนูหงส์ เกือบลืมไปเลย พรุ่งนี้ช่วงบ่าย เพื่อนแม่มีงานเปิดตัวรีสอร์ทที่ปราณบุรี แต่แม่ติดบินไปดูที่ดินที่เชียงราย”

“คือหงส์ต้องไปใช่ป่ะ” ผมชี้มาที่ตัวเอง พร้อมกับที่ฝั่งตรงข้ามยิ้มพริ้มแล้วพยักหน้า

“ดีเทลงานเดี๋ยวเลขาแม่จะส่งให้ลูกในไลน์ ส่วนเสื้อผ้าจะไปส่งที่คอนโดหนู 10 โมงเช้าพร้อมด้วยช่างหน้าช่างผมของหงส์ ส่วนคนขับรถแม่จะให้ลุงชัยขับพาไป ...แล้วก็ค้างที่รีสอร์ทเพื่อนแม่ได้หนึ่งคืน”

ผมพยักหน้ารับแล้ว ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
ถ้าค้างได้หนึ่งคืน แถมยังเป็นที่ปราณบุรีอีกด้วย
“แม่ครับ เดี๋ยวหงส์ขับรถไปเองดีกว่า อาจจะชวนเพชรไปด้วย”

“โอเค งั้นตกลงตามนี้ ขอบใจมากนะลูก”

“ค้าบผม พรุ่งนี้ไปเชียงรายก็เดินทางปลอดภัยนะครับ รักแม่นะ”

ผมโผเข้ากอดแม่แล้วถ่ายรูปด้วยกันส่งไปอวดเจ้าวีวิศ ก่อนจะแยกย้ายกันในเวลาต่อมา



ผมรีบกลับมาที่คอนโดเพราะรู้ว่ามีใครบางคนรออยู่...
หนำซ้ำพอกลับมา ถึงได้รู้ว่าเขารอกินข้าวเย็นกับผมอีกด้วย

เอ๊ะ! รู้สึกว่าบอกไปแล้วนะ ว่าผมจะไปดินเนอร์กับแม่

“คุณเพชร ทำไมไม่ยอมกินข้าว” ผมนั่งเท้าคางอยู่บนโต๊ะกินข้าว แล้วมองจ้องในระหว่างที่อีกคนกำลังอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ

ทำทีมาเป็นพ่อครัวหัวป่าห์ ใส่ผ้ากันเปื้อน

“ก็รอกินพร้อมคุณหงส์ไงครับ” พูดจบร่างสูงก็ทะยอยหยิบอาหารมาวางไว้ตรงหน้าผม

“แต่เรากินมาแล้วอ่า”

“ก็ไม่อยากกินคนเดียวอ่า...
...ละแม่ว่าไงบ้าง”

“ก็ไม่ว่ายังไง แม่ไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้ว”

“จริงอ่ะ”

“จริงดิ แม่โอเคกับเพชร”

“เฮ้อ ลุ้นแทบแย่” เพชรถอนหายใจออกมาเสียงดัง พร้อมกับนั่งลงข้างผม

“อย่าบอกว่าที่ไม่ยอมกินข้าว เพราะมัวแต่ลุ้นผลนะ”
ผมมองคนด้านข้าง แล้วอมยิ้มเอาไว้ที่มุมปาก

“ก็นิดนึงอ่า ใครจะรู้ถ้าแม่ไม่ปลื้ม ละบังคับให้เลิกขึ้นมา เครียดเลยนะ” พูดไปหน้ามุ่ยไป

หลังๆ มานี้ ผมว่าเพชรแสดงสีหน้าเก่งขึ้น
หรือว่าเขาติดอาการ Over Acting จากผมไปนะ : )

“แล้วถ้าแม่ให้เลิก จะเลิกป่ะ” คำถามยอกย้อนที่ผมชอบใช้ถามเพชร

“ไม่เลิกอ่ะ” เจ้าของคำตอบยักคิ้วร้ายส่งมา

ไม่ผิดจากที่ผมคิดเอาไว้ ถามไปงั้นทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

“ดื้อด้าน”

“กินนี่เข้าไป” เพชรไม่สนใจคำที่ผมว่าเขา แต่กลับจิ้มอกไก่มายัดใส่ปากผม
ผมก็ทำไรไม่ได้นอกจากยอมเคี้ยวตุ้ยๆ ให้เขาป้อนเหมือนตุ๊กตา

ว่าแต่ ผมกินมาแล้วไม่ใช่หรอ ตอนอยู่ที่โรงแรมก็รู้สึกอิ่มแล้วนะ
แต่ทำไมกลับมาที่ห้อง ถึงมากินมื้อเย็นรอบสองได้เป็นจริงเป็นจังขนาดนี้
แล้วก็ดูเหมือนว่าผมจะกินมากกว่าคุณเพชรซะด้วยซ้ำ



กินข้าวเสร็จผมก็นั่งอืดเล่นโทรศัพท์ อัพรูปลงไอจี ปล่อยให้เพชรยืนล้างจานไป
โดยที่ผมก็ชำเลืองมองแผ่นหลังกว้างของเขาเป็นระยะ

ระหว่างนั้นไลน์ก็เด้งขึ้นมา เลขาคุณแม่ส่งรายละเอีดทั้งหมดของงานพรุ่งนี้มาให้
ผมเลยนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเพชรเลย

“คุณ พรุ่งนี้ไปปราณบุรีมั้ย”

คนที่ถูกถามเหลียวกลับมามองผมพร้อมกับส่งเสียง “หื้มมม”

“เราต้องไปงานให้แม่อ่า แล้วก็คงต้องค้างที่นั่นคืนนึง” ผมอธิบายเพิ่มเติมให้เขาเข้าใจ

“ละออกจากกรุงเทพกี่โมง”

“น่าจะเที่ยง เลขาแม่ส่งมาบอกว่างานจะเริ่มบ่าย 4...
…ว่าไงอ่า ไปด้วยกันมั้ย” พอเห็นว่าเพชรเงียบไป ผมเลยถามเร่ง

เขาเงียบจนล้างจานเสร็จ แล้วเดินเข้ามาหา
“คือพรุ่งนี้ผมมีนัดทานข้าวกับที่บ้าน”

ได้ยินเพชรพูดแบบนั้นผมก็พยักหน้ารับ ก่อนจะยิ้มให้ “อ๋อ โอเคๆ ไม่เป็นไร”

“แต่ผมตามไปได้นะ ก็เดี๋ยวทานข้าวกับที่บ้านเสร็จ แล้วรีบขับรถไปหา”
เขาคงกลัวว่าผมจะงอน แต่เปล่าเลย ผมกลับรู้สึกเกรงใจด้วยซ้ำที่ต้องทำให้เพชรลำบาก

“เสร็จเย็นรึเปล่า ถ้าเย็นก็ไม่เป็นไรนะ เราไม่ค่อยอยากให้ขับรถตอนเย็น”

“ก็…ไม่เย็นมากครับ ทำไม ห่วงผมหรอออ”
แล้วคนที่ยืนอยู่ก็ก้มหน้าลงมาซุกไหล่ผม พร้อมกับพูดด้วยเสียงสอง

แต่ครั้งนี้ผมจะไม่พ่ายต่อความเพชร
เพราะฉะนั้นผมจึงตอบกลับด้วยเสียงแข็ง

“เปล่า ใครห่วง”

ได้ผลครับ คุณเพชรนิ่งไป
หน้าคมที่ซุกไหล่อยู่เงยขึ้นมาแล้วทำหน้านิ่งใส่

“ให้พูดใหม่ ห่วงไม่ห่วง”

“ไม่ห่วง” ผมยังยืนยันคำเดิม

“จะห่วงมั้ย” เพชรพูดเสียงแข็ง แต่มือไม่แข็ง
มือไวเลื้อยมาโอบตัวผมเอาไว้ พร้อมด้วยแขนแกร่งที่รัดจนแน่น
ดวงตาคมเป็นประกายส่งสัญญาณบางอย่าง

“ไม่ห่วง”

จบคำพูดของผม เพชรก็อุ้มผมขึ้นพาดบ่าทันที “ไม่ห่วง งั้นต้องจับไปลงโทษ”

“กรี้ด ห่วงก็ได้ ห่วงแล้วววว ห่วงมากกกกกก ห่วงสุดชีวิตไปเลย”

ผมดิ้นสุดพลัง แต่ก็สู้คนที่ร่างใหญ่กว่าไม่ได้
คุณเพชรตีก้นผมทีนึง ดูแล้วเขาคงจะหมั่นเขี้ยวเพราะตามมาด้วยเสียงหัวเราะหึหึ

แล้วพูดกดเสียงทุ้มต่ำ “นาทีนี้...ห่วงตัวเองดีกว่าครับหงส์”


หลังจากนั้นผมก็เหนื่อยหน่อย เพชรก็ด้วย > <



เสร็จสิ้นภารกิจก็พากันอาบน้ำแล้วก็เตรียมเข้านอน เพชรสวมแค่กางเกงขาสั้นตัวเดียว ไม่ได้ใส่เสื้อ ส่วนผมใส่ชุดนอนมิดชิดเพราะป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นรอบสอบ

คนที่นอนอยู่ก่อนกางแขนออกให้ผมเอาหัวลงไปหนุน

เขายิ้มกว้างให้ผมพร้อมกับที่ผมยิ้มตอบ แล้วค่อยๆ เอนตัวลงไป


“พรุ่งนี้ไม่ขับมอเตอร์ไซค์ไปได้มั้ย”
ไม่ใช่ประโยคคำถามครับ แต่เป็นประโยคขอร้อง

พูดจบผมก็เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมที่อยู่ไม่ห่าง เขาก้มลงมาสบตากับผมเช่นเดียวกัน

“ทำไมอ่า” เพชรถามเสียงเรียบ

นั่นทำให้ผมพลิกตัวเข้าหาเพชรก่อนจะยกหัวขึ้นจากแขนของเขา
เปลี่ยนมาเป็นจ้องหน้าอีกฝ่ายแทน

“เป็นห่วง” ผมตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เพชรเงียบไป แล้วทำหน้าใช้ความคิด ผมเลยต้องพูดต่อ เพื่อกดดันให้เขายอม
“เป็นห่วงจริงๆ นะ ขับรถยนต์ไปได้มั้ย ยังไงก็ปลอดภัยกว่า”

ว่าไปแล้ว ผมเคยคิดจะขอให้คุณเพชรเลิกขับบิ๊คไบค์อยู่เหมือนกัน
แต่ยังไม่มีจังหวะจะพูดซะที
งั้นลองใช้โอกาสนี้ในการลองเชิงดูก่อนละกัน


“นะเพชร พรุ่งนี้ขับรถยนต์นะ”

เพชรยิ้ม แต่ก็ไม่ได้รับปาก
“ไม่ต้องห่วงผมนะ ไม่มีอะไรน่าห่วงอยู่แล้ว

...แล้วดูทำหน้าเข้าสิ หน้าเครียดแบบนี้เดี๋ยวเป็นรอยนะรู้มั้ย
เพิ่งไปทำหน้ามาช่วงเย็น เดี๋ยวไม่สวยน้า
มาๆ เดี๋ยวผมกอดปลอบนะ หงส์จะได้ฝันดี”

พูดจบร่างสูงก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น ผมเอาหัววางแหมะไว้บนอกซ้ายของเพชร

แล้วก็เคลิ้มหลับไป



ประมาณตีสาม ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
ก่อนจะกลับมานอนอีกครั้งแล้วก็พบว่านอนไม่หลับ

นับแกะทั้งฟาร์มแล้ว ก็ยังคงตาสว่าง เลยเปลี่ยนจากการพยายามนอนหลับ
มาเป็นการนอนมองคนที่กำลังหลับปุ๋ยแทน

เพชรเคยพูดว่า เขาจองปาก จองตา จองจมูก จองทุกส่วนในร่างกายของผมเอาไว้
ละคิดว่าจะจองได้คนเดียวงั้นหรอ

ว่าแล้วผมก็ค่อยๆ เอานิ้วมือไล้สันจมูกคมของเพชร พลางคิดในใจว่า

จมูกโด่งๆ อันนี้ ผมจอง
แล้วปากยื่นๆ สีส้มเนี่ย ผมก็จอง
หน้าหล่อ คิ้มหนาของเขา ผมก็จอง


คนที่กำลังหลับปุ๋ยในตอนนี้อ่ะ...ของผม


แล้วภาพวันที่ไปอ่านหนังสือแล้วรู้ว่ามีคนเข้ามาขอไลน์เพชรก็เด้งกลับเข้ามาในหัว

“หึงหรอค๊าบบบ”


คำถามล้อๆ ที่ถูกเอ่ยออกมาจากผู้ชายปากแหลมคนนี้ แต่ผมกลับไม่เคยตอบคำถามเขา
ไม่เคยแม้แต่จะตอบคำถามนี้กับตัวเองด้วยซ้ำ


แต่พอได้มานอนคิด นอนมองเพชร แล้วดูหน้าเขาชัดๆ ช้าๆ อย่างในตอนนี้
มันกลับทำให้ผมได้คำตอบที่ชัดเจน จนดังก้องอยู่ในหัวใจตัวเอง


ผมหึง

ผมหวง

แล้วผมก็ห่วงมากด้วย




คิดได้แบบนั้นก็เลย ‘ขโมยจุ๊บ’ เขาไปทีนึง

ด้วยการเอาปากบางของตัวเองไปแตะกับปากแหลมของคุณเพชร แล้วก็รีบเอาออกมา
แปปเดียวเอง ฉกฉวย
แต่ทำไมมันถึงได้เขินเป็นบ้าเป็นหลังได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้

ทั้งที่คุณเพชรก็ไม่ได้รู้ด้วยซ้ำ ว่ากำลังถูกผม ‘ลักหลับ’
อ๊ะ > < คำนี้รุนแรงไปเปล่า ใช้คำว่า ‘ลักจูบ’ ดีมั้ย

ก็ยังไม่ดี

งั้นขอเป็น ‘ขโมยจุ๊บ’ แหละ ดีแล้ว

ผมยิ้มกับตัวเอง แล้วก็เริ่มร้อนวูบวาบที่ใบหน้า
เพราะรู้ว่าตัวเองกำลัง ขโมยจุ๊บ แฟนตัวเอง

แต่...ไหนๆ ก็ทำไปแล้ว

ขออีกทีละกัน
ว่าแล้วก็ก้มลงไป จุ๊บ ริมฝีปากคุณเพชรอีกรอบ

จุ๊บเสร็จ ก็มานอนยิ้มเขินอยู่คนเดียว
 

บ้าไปแล้วหงส์ ทำไมถึงเป็นได้ขนาดนี้
อย่าให้ใครมาเห็นเข้าเชียวนะ ยิ่งไอ้มิวนี่ ยิ่งรู้ไม่ได้ใหญ่เลย
ขืนมันรู้เข้า มีหวังได้ล้อว่าผมหลงคุณเพชรหัวปักหัวปำ

อ้าว! แล้วนั่นคิดอะไรออกมา ทำไมกล้าใช้คำว่า ‘หลง’ ได้เต็มปากเต็มคำ

เฮ้อ เขินวุ้ย ความคิดชักจะไปกันใหญ่


งั้นขอ ‘ขโมยจุ๊บ’ รอบที่ 3 ละกัน

เอาเป็นว่า 3 ครั้งกำลังดี ครั้งสุดท้ายแล้วขอนานหน่อยนะครับ

ผมเอนตัวลงไปนอนทับร่างสูงเอาไว้ รอบนี้ผมเอาปากแตะไว้นานแบบที่บอก
แล้วมันก็นานพอที่จะทำให้ผมได้รับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจของเพชรที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกับเสียงหัวใจของผม


ขโมยจุ๊บจนหนำใจ ก็ยกหน้าออกมา
แล้วจ้องมองเจ้าคนหล่อที่กำลังหลับปุ๋ยอีกรอบ

ยิ้มบางๆ จนกลายเป็นยิ้มปากฉีก นี่มันคุมตัวเองไม่ได้แล้วจริงๆ แล้วในตอนนี้

โอเคครับ
ผมคงต้องยอมรับกับตัวเองแล้ว ว่าผมแพ้พ่ายให้ ‘ความเพชร’ แล้วทุกทาง

ต่อให้จะโดนไอ้มิวล้อ หรือจะโดนคุณเพชรจะยิ้มมุมปากใส่ ผมก็คงต้องยอม


ความคิดในหัวผมเริ่มไปไกลอีกรอบ
เมื่อรู้สึกว่า ตั้งแต่คบกันมา ผมยังไม่เคย ‘บอกรัก’ คุณเพชรเลยสักครั้งเดียว

งั้น...ที่ปราณบุรีในวันพรุ่งนี้ ผมคงต้องทำอะไรให้เขาบ้างแล้วล่ะ

แต่ตอนนี้ผมต้องหยุดยิ้มแก้มแตกคนเดียวให้ได้ซะก่อน
นอนได้แล้วหงส์ เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรมแล้วเขาไม่รักนะ...

ก่อนนอนขอโกงอีกนิดได้มั้ยยยยย

ขโมยจุ๊บ อีกสักรอบ
เป็นรอบที่ 4 ละกันเน้อ



12:14

ช่วงเที่ยงหลังจากที่ผมแต่งตัวเรียบร้อย ก็ได้เวลาออกจากกรุงเทพ
สุดท้ายผมไม่ได้ขับรถไปเองแบบที่บอกคุณแม่ไว้เมื่อวานนะครับ
เพราะว่าคุณเพชรจะตามไปตอนหลัง ถ้าผมขับรถไปเองขากลับก็ต้องแยกกันกลับอะดิ
ผมเลยให้คนขับรถที่บ้านขับให้ ก็ดีเหมือนกันจะได้นอนหลับสบาย ไม่ต้องถ่างตาขับเอง

ห่วงก็แต่ไอ้หนุ่มนักซิ่ง ที่ไม่รู้เขาจะยอมขับรถยนต์ไปตามที่ผมร้องขอรึเปล่า



14:49

มาถึงปราณบุรีประมาณเกือบบ่าย 3
ผมก็มาลงทะเบียนแล้วก็รับกุญแจห้องพัก
ถือเป็นการแกรนด์โอเพนนิ่งที่ให้แขกในงานได้ทดลองพักฟรีหนึ่งคืน
ดีครับ แฮปปี้ทุกฝ่าย


ห้องที่ผมได้พักอยู่ติดทะเลเลย แถมยังมีสระว่ายน้ำในตัวด้วย อารมณ์แบบพูลวิลล่า
ก็อย่างว่า รีสอร์ทหรูระดับนี้ คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ผมวางสัมภาระเข้าที่ให้เรียบร้อย ก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปห้องพักแล้วส่งให้คุณเพชร
แอบคิดว่าถ้าเขามาถึง จะให้เป็นตากล้องให้ผมด้วย
คนมีฝีมืออย่างคุณเพชรคงจะได้ภาพสวยๆ ทั้งภาพวิว แล้วก็ภาพของผมแน่นอน


*Veerin : ห้องพักสวยมากเลยคุณ รีบมาน้าาา

เพชรกดอ่าน ก่อนที่เขาจะโทรเข้ามา


“ฮัลโหลเพชร” ผมพูดรับสายเสียงใส

“ห้องสวยมากเลยคุณ”

“ช่าย เรากะว่าเพชรมาถึงแล้วจะให้ถ่ายรูปให้เราด้วย”

“ได้ครับผม เดี๋ยวผมรีบไปหานะครับ”

“โอเคเลย นี่จะออกมายังอ่า”

“กำลังจะออกแล้ว โทรมาขอกำลังใจจากแฟนก่อน”

“อะเค๊ ขับรถดีๆ น้า”

“ชื่นใจที่สุดเลย”


“เพชร...”

“ว่าไงครับ”

“อ๋อ เปล่าๆ ไว้เจอกันเดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้”

“จ้า เพชรรักหงส์น้า”

“ปากหวาน ไว้เดี๋ยวคุยกัน เราเข้างานก่อนนะ”

“ครับผม”

วางสายจากเพชร ผมก็เช็คลุคตัวเองในกระจกอีกครั้งก่อนจะเข้าไปในงาน



ก็อย่างที่บอกครับ งานแบบนี้คือการพบปะเพื่อสร้างคอนเนคชั่น สร้างความสัมพันธ์เชิงธุรกิจ ผมมาในนามตัวแทนคุณแม่ แล้วก็ในนามทายาทของบริษัทด้วย ฉะนั้นก็จะค่อนข้างยุ่งมาก แล้วผมก็ไม่ได้หยิบโทรศัพท์มาดูเลย

รู้ตัวอีกทีก็เกือบหนึ่งทุ่ม พอหยิบมือถือขึ้นมาดู ก็เห็นว่าเพชรก็ยังคงเงียบอยู่

ไม่มีไลน์ ไม่มีมิสคอลเลย
 

พอคำนวณเวลาเล่นๆ ในใจ ก็คิดว่าเขาน่าจะมาถึงได้แล้วนะ
ว่าแล้วก็เลยเดินออกมาด้านนอกงาน แล้วกดโทรหา



...แต่เพชรก็ไม่รับสาย



ผมลองโทรซ้ำอีกสองสามรอบ แต่ก็ยังเงียบ
ก็เลยเอาโทรศัพท์มาถือไว้ในมือ แล้วก็เดินกลับเข้าไปในงาน


ผมคิดว่า...เพชรคงใกล้จะถึงแล้ว และพอเขามาถึงก็คงจะโทรมาหาผมแน่นอน




*To Be Continued**

คนอะไร ขโมยจุ๊บ แฟนตัวเอง แล้วก็เขินเอง
งู้ยยยยยย คุณหงส์จะบอกรักนุ้งเพชรแล้ววว แอร้ยยย เขินตัวแตก เพชรต้องดีใจมากแน่ๆ

ตอนนี้มาอัพเร็ว ไถ่โทษที่หายไปช่วงสอบวีคก่อนครับ อิอิ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับ เข้าสู่ช่วงท้ายเรื่องแล้ว แต่ยังไม่ท้ายซะทีเดียว ฝากติดตามต่อจนจบด้วยนะค้าบบ

หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 18 : Steall , 03/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 03-12-2017 22:54:24
อย่าบอกว่าขับมอไซต์มา
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 18 : Steall , 03/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-12-2017 00:28:07
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 18 : Steall , 03/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 04-12-2017 00:58:02
อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาเป็นห่วงคุณเพชรอ่ะ ยังไม่ได้ฟังคำบอกรักเลยเด้อ

เรารู้หรอกว่าคนเขียนไม่ใจร้าย อย่าใจร้ายเลยนะช่วนี้มีแต่นิยายดราม่า ขอหวานๆแบบนี้ไว้สักเรื่องเถอะนะ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 18 : Steall , 03/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-12-2017 02:39:43
กลิ่นความดราม่าลอยมาอ่ะ เอาใจช่วยทั้งสองนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 18 : Steall , 03/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 05-12-2017 12:10:29
อย่าบอกว่าขับมอไซต์มา


55555  :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 18 : Steall , 03/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 05-12-2017 22:46:35
รอลุ้นว่าเพชรจะทำให้หงส์โกรธไหม555. อย่าแว้นมานะ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 18 : Steall , 03/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 06-12-2017 23:33:28
อยากอ่านต่อเเล้วรอลุ้น :katai1: ขอให้คุณเพชรปลอดภัยนะ :call:

คุณหงส์น่ารักมาก :-[ คุณนักเขียนเเต่งสนุกมาก :pig4:
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 08-12-2017 16:31:07
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 19
Accident



19:50

ผมพาตัวเองกลับเข้ามาในงานพร้อมกำโทรศัพท์ไว้ในมือแน่นแล้วก็ชำเลืองมองหน้าจอเป็นระยะ ยังแอบหวังว่าเพชรน่าจะโทรเข้ามาก่อนที่งานจะเลิก แต่ผมก็คิดผิดเพราะเกือบชั่วโมงที่รอคอยก็ไร้วี่แววการติดต่อเข้ามาจากเขา วูบหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสติหลุด ผมเลยตัดสินใจโทรหาไอ้มิวแล้วให้มันช่วยดึงสติพร้อมกับคิดหาหนทางว่าควรทำยังไงต่อไป ซึ่งก็ได้แนะนำว่าให้ผมโทรเช็คกับทางครอบครัวของคุณเพชรว่าเขาออกมาจากกรุงเทพตอนกี่โมง แถมไอ้มิวยังอาสาเป็นคนโทรขอเบอร์ที่บ้านของเพชรจากไอ้ข้าวให้ผมอีกด้วย

พอได้เบอร์คุณแม่ของเพชรมาก็รีบกดโทรออกทันที รอสายไม่นานปลายสายก็รับด้วยน้ำเสียงรื่นหู

“ฮัลโหลค่ะ”

“สวัสดีครับคุณแม่ของเพชรใช่มั้ยครับ ผม วีรินทร์ เพื่อนเพชรนะครับ” 

“วีรินทร์...อ๋อ น้องหงส์ แฟนน้องเพชรใช่มั้ยคะ”
ผมแปลกใจนิดหน่อย ที่คุณแม่ทักผมด้วยคำว่า ‘แฟน’
แสดงว่าท่านต้องรู้จักผมมากกว่าที่ผมคิดเอาไว้ แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นที่ผมต้องโฟกัสในตอนนี้

ว่าแล้วผมเลยเข้าเรื่อง
“ใช่ครับคุณแม่ คือหงส์จะรบกวนถามคุณแม่อะครับ ว่าเพชรออกมาจากกรุงเทพแล้วใช่มั้ยครับ”

“ใช่ค่ะ น้องเพชรออกจากกรุงเทพตั้งแต่บ่ายสามแล้วนะ นี่เค้ายังไม่ถึงปราณบุรีหรอลูก” พอได้ยินคำถามผม น้ำเสียงของคุณแม่ก็เปลี่ยนไป ท่านดูตกใจไม่น้อย

“ยังไม่ถึงครับ โทรไปก็ไม่รับสาย หงส์เป็นห่วงเพชรเลยโทรเช็คกับทางคุณแม่ดูก่อนครับ”

“อืม...น้องเพชรไม่น่าจะใช้เวลาขับรถนานขนาดนี้ เดี๋ยวยังไงแม่ลองติดต่อเค้าดูอีกทางนะลูก”

“ขอบคุณครับคุณแม่...ว่าแต่เพชรขับรถอะไรมาหรอครับ”
“ก็บิ๊คไบค์ของเค้าอะแหละ”

คิดไว้แล้วไม่มีผิด ถึงแม้จะอยากโมโหแค่ไหน แต่ก็ต้องระงับอารมณ์เอาไว้ก่อน
“ครับ…ถ้าคุณแม่ติดต่อเพชรได้ยังไง รบกวนให้เค้าโทรหาหงส์หน่อยนะครับ”

“ได้เลยลูก”

“ขอบคุณครับคุณแม่”

หลังจากที่วางสาย ผมก็ถอนหายใจออกมาเสียงดังก่อนจะกดโทรออกหาแม่ตัวเอง
“ว่าไงหนูหงส์”

“แม่ครับ พอดีมีเรื่องจะรบกวน คือตอนนี้คุณเพชรยังไม่ถึงปราณบุรีเลย หงส์ติดต่อเค้าก็ไม่ได้ด้วย
หงส์อยากให้แม่ช่วยเช็คโรงพยาบาล สถานีตำรวจ แล้วก็กู้ภัย ว่ามีข้อมูลอุบัติเหตุมั้ย” ผมพูดรัว

“โอเค เดี๋ยวแม่จัดการให้
…หงส์ใจเย็นนะลูก ตั้งสตินะ มันต้องไม่มีอะไร”

ตั้งสตินะ
พออได้ยินคำนี้ผมก็พยักหน้ารับผ่านโทรศัพท์ ก่อนจะหลับตาลงแล้วทำใจให้สบาย 

“ครับ ขอบคุณครับแม่”



หลังจากนั้นผมก็เดินตรงมายังล็อบบี้ด้านหน้ารีสอร์ท แล้วพยายามชะเง้อมองหาคุณเพชรเผื่อเขาจะมาถึงแล้วยืนรออยู่แถวนี้
ถึงแม้มันจะดูเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ก็ตามเถอะ

ว่าแล้วก็ลองกดโทรออกหาเขาอีกรอบ แต่รอบนี้โทรไม่ติด นั่นยิ่งทำให้ผมใจเสียหนักเข้าไปใหญ่
ผมเริ่มฟุ้งซ่านคิดไปไหนต่อไหน ไม่ชอบให้ใครหายไปแบบนี้เลยว่ะ : (

คิดแล้วน้ำตามันก็ปริ่มๆ อย่างบอกไม่ถูก
ว่าแล้วก็สูดหายใจเรียกพลัง แล้วตั้งสติตามคำแม่บอก

ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกอีกครั้ง
“ลุงชัยครับ รบกวนเตรียมรถมาที่ล็อบบี้ด้วยครับ หงส์จะออกไปตามหาคุณเพชร”

ถามว่าตอนนี้ผมจะไปตามหาเพชรที่ไหน ผมก็ยังไม่รู้ แต่มันก็น่าจะดีกว่าการรอคอยเปล่าแบบไม่รู้จุดหมายในตอนนี้ ระหว่างที่รอรถมารับผมก็ทำได้แค่เดินวนอยู่หน้าล็อบบี้เป็นหนูติดจั่นเพื่อระบายความเครียด


แล้วโทรศัพท์ในมือก็สั่นครืดๆ ผมรีบยกขึ้นมาดูบนหน้าจอที่โชว์หมายเลขโทรเข้า

032 xxx xxx

เบอร์โทรขึ้นต้นด้วยรหัสพื้นที่และที่สำคัญแอพ Whoscall ก็บอกว่าเป็นเบอร์ของโรงพยาบาลในหัวหิน
นั่นยิ่งทำให้ใจผมสั่นมากขึ้นไปอีก มือเรียวสไลด์เพื่อรับสายด้วยความหวาดหวั่น

“สวัสดีครับ”

“คุณหงส์” เสียงทุ้มที่ผมคุ้นเคยเรียกชื่อผม

ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกตอนนี้เป็นยังไง
ผมโกรธ ผมโมโห จนเผลอกำกำปั้นแน่น ผมอยากจะด่าเขาที่หายไปแล้วปล่อยให้ผมเป็นห่วง
แต่ในขณะเดียวกันผมก็ดีใจจนน้ำตามันไหลออกมา

“คุณเพชร หายไปไหนมา รู้มั้ยว่าเราจะบ้าแล้ว”

“คุณหงส์ ผมขอโทษ ผมขอโทษ…ตอนนี้ผมอยู่โรงพยาบาล แต่คุณไม่ต้องตกใจนะ
ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ผมแค่ถลอกนิดหน่อยครับ”

ยิ่งฟัง น้ำตามันก็ยิ่งไหล
ผมเอามือมาปาดน้ำตาลวกๆ ในจังหวะเดียวกับที่ลุงชัยขับรถมาจอดด้านหน้าพอดี

พอรถจอดสนิทผมจึงรีบสาวเท้าเดินขึ้นรถ แล้วพูดถามคนในสายออกไปด้วยเสียงเรียบนิ่ง “เกิดไรขึ้น”
จากนั้นก็หันมาพูดบอกลุงชัยคนขับรถ “ลุงครับ ไปโรงพยาบาลที่หัวหิน”

ก่อนจะกลับมารอฟังคำตอบจากคนในสาย “รถเสียหลักตรงทางโค้ง เลยล้มแล้วไถล”

“แล้ว…” ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เลยถามสั้นๆ พร้อมกับเว้นจังหวะให้เพชรได้พูด

“แต่โชคดีที่ผมขับไม่เร็ว เลยไม่เป็นอะไรมาก”

“โอเคใช่เปล่า”

“โอเคครับ คุณหงส์ล่ะ โอเคมั้ย”

“ไม่อ่ะ”

หลังจากนั้นผมกับเพชรก็เงียบกันไปครู่หนึ่ง แล้วผมก็เป็นคนพูดตัดบทขึ้นมาก่อน
“รออยู่ที่โรงพยาบาล เดี๋ยวเราไปหา”



ผมกดวางสายจากเพชรแล้วนั่งหลับตานิ่งปล่อยให้ความคิดเตลิดเปิดเปิงไปตามความเร็วของรถที่ก็พอจะรู้ได้ว่าลุงชัยขับรถเร็วมาก
แกคงรู้ว่าผมร้อนใจ

ระหว่างนั้นมือถือผมก็ดังขึ้นมาอีกรอบ…เพิ่งรู้สึกว่าซื้อไอโฟนมาแล้วใช้คุ้มค่าก็วันนี้

“สวัสดีครับ” ผมพูดรับสายจากเบอร์ที่ไม่คุ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ พร้อมหยิบทิชชู่จากกล่องที่วางอยู่มาซับคราบน้ำตาให้แห้ง

“สวัสดีครับคุณวีรินทร์ ผมนายแพทย์สุรชัย จากโรงพยาบาล x หัวหิน นะครับ
ผมเป็นแพทย์เจ้าของไข้ของคุณเพชรครับ”

“สวัสดีครับคุณหมอ เพชรอาการหนักหรอครับ ทำไมคุณหมอถึงได้โทรมาเอง แต่เมื่อกี้ผมเพิ่งคุยกับเพชรไป เค้าบอกว่าไม่ต้องห่วงนะครับ” ผมใจหล่นวูบไปอยู่ที่พื้น

“คุณเพชรไม่มีอาการอะไรน่าเป็นห่วงครับ มีแผลถลอกตามร่างกายนิดหน่อย ผมเอ็กซเรย์อวัยวะภายในเรียบร้อยไม่ได้รับความเสียหายครับ
…พอดีทางคุณโสมรัศมีได้ติดต่อมาที่ทางโรงพยาบาล ผมเลยโทรแจ้งคุณวีรินทร์ให้ทราบอาการครับ”

ค่อยยังชั่ว

ผมถอนหายใจแล้วเอนตัวพิงเบาะด้วยความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกไปครึ่งลูกหลังจากที่ได้ยินจากปากคุณหมอว่าเพชรไม่ได้เป็นอะไรมาก ส่วนคุณโฉมรัศมี แม่ของผมเองครับ

“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ อีกประมาณครึ่งชั่วโมงผมน่าจะถึงโรงพยาบาลครับ” ส่วนภูเขาที่ยังคงทับอยู่บนอกอีกครึ่งลูก…ขอเห็นกับตาตัวเองก่อนว่าเพชรไม่เป็นอะไรจริงๆ ถึงจะหายใจได้เต็มปอด

“ยินดีครับคุณวีรินทร์”

“สวัสดีครับ”

คุยกับคุณหมอเรียบร้อย ผมก็โทรหาคุณแม่ของเพชรคุยกับท่านอีกหนึ่งรอบ ก่อนจะโทรหาแม่ตัวเอง แล้วก็รับสายซ้อนจากไอ้มิวและไอ้ข้าวที่โทรเข้ามา วางสายปุ๊ปลุงชัยก็พาผมมาถึงโรงพยาบาลพอดี



ผมรีบลงจากรถแล้วตรงไปยังห้องฉุกเฉินที่อยู่สุดทางเดิน ก่อนภูเขาอีกครึ่งลูกที่ทับอยู่บนอกจะถูกยกออกด้วยภาพตรงหน้า…
เพชรสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ ด้านข้างมีแจ๊คเก็ตสีดำวางอยู่ ในมือของเขาถือโทรศัพท์เอาไว้ พอเดินเข้ามาใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์ของเขาแตกละเอียด

ผมหยุดยืนตรงหน้าเขาในจังหวะทีที่ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมามองผมพอดี
เราสบตากันแค่เสี้ยววินาที แล้วผมก็เลือกที่จะหลบตาเพชรก่อนจะมองไปตามร่างกายของเขาอย่างสำรวจ

“เป็นไงบ้าง” คงไม่ต้องถามว่าเสียงผมสั่นแค่ไหน
รอยแผลเป็นทางยาวบริเวณแขนขวาถูกปิดด้วยวัสดุปิดแผล แล้วก็บริเวณขาขวาที่มีรอยกางเกงขาด

“ไม่เป็นอะไรมาก” คนถูกถามพูดตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วยกแขนขึ้นมาโชว์

“มีแผลถลอกนิดหน่อย ทำแผลเรียบร้อยครับ”

ผมพยักหน้ารับ “ต้องนอนโรงพยาบาลมั้ย”

“ไม่ต้องนอนครับ คุณหมอเช็คดูแล้ว ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก” เพชรตอบเสียงเรียบ

ผมก้มหน้านิ่งไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป เพียงแต่เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ในมือเพชรมาถือเอาไว้ ก่อนจะใช้มืออีกข้างของตัวเองกุมมือซ้ายเขาอย่างหลวมๆ แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือถูไปมาบนหลังมือ



หลังจากนั้นคุณหมอก็ออกมาพูดคุยกับผมโดยใช้เวลาไม่นาน พร้อมกับบอกว่าสามารถรับยาแล้วกลับบ้านได้เลย ผมหยิบแจ็คเก็ตหนังที่วางอยู่ขึ้นมาถือ แล้วเปลี่ยนมือที่กุมมือเพชรมาเป็นประคองแขนของเขาแทน

ระหว่างนั้นลุงชัยคนขับรถก็เดินมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินพอดี ลุงจะช่วยผมถือของแต่ผมส่ายหน้าตอบ
“ไม่เป็นไรครับลุง เดี๋ยวลุงไปเอาเสื้อผ้าของเพชรที่มอ’ไซค์เค้า แล้วก็เตรียมรถมารอกลับโรงแรมได้เลยครับ”

รับยาพร้อมกับจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ผมก็ประคองเพชรมาขึ้นรถที่จอดรออยู่แล้ว ระหว่างทางผมนั่งเหม่อมองแสงไฟด้านนอกรถตลอดเวลา จนแทบไม่ได้คุยอะไรกับเพชรเลยมีเพียงแค่จับมือเขาไว้นิ่งๆ ก็เท่านั้น

ตอนแรกที่คิดเอาไว้ว่าถ้าเพชรมาถึงรีสอร์ทจะให้เขาถ่ายรูปสวยๆ ให้ แต่กลายเป็นว่า…
จากจะมาพักตากอากาศ กลายเป็นต้องมาพักฟื้นแทน

อืม ก็ดี!



พอเราเข้ามาในห้องบรรยากาศก็ถูกปลกคลุมไปด้วยความเงียบ ผมไปนั่งอยู่โซฟาตัวใหญ่ที่มุมห้อง ปล่อยให้อีกคนได้จัดการตัวเองตามลำพัง เขาถอดเสื้อออกอย่างไม่ยากนัก ก่อนที่เขาจะถอดกางเกงยีนส์ด้วยความทุลักทุเล พอผมกำลังจะลุกไปช่วยเพชรก็จัดการเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว

ตอนนี้เพชรสวมแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวมันจึงทำให้ผมได้เห็นแผลของเขาชัดขึ้น ร่างสูงหันมามองหน้าผมก่อนจะเดินเลยออกไปยืนที่ริมระเบียง



ต่างคนต่างเงียบอยู่ครู่ใหญ่ 

ก่อนที่ผมจะบอกตัวเองในใจว่าอุบัติเหตุมันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
แต่มันจะดีกว่านี้ไม่ใช่หรอถ้าเพชรเลือกที่ขับรถยนต์ ไม่ใช่เอาหนังไปหุ้มเหล็ก

ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งนอยด์ ในเมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ นี่ออกไปแล้วเดินออกไปหาร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างนอก

ผมยืนข้างเพชรพร้อมกับเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมที่ฉายแววเศร้า คนด้านข้างหันมองผมตอบแต่ยังไม่ได้พูดอะไร ผมจึงเป็นฝ่ายพูดออกไปก่อน

“ไม่เป็นไรแล้วนะ” มือบางเอื้อมไปลูบแผ่นหลังกว้างแล้วขยับตัวให้ชิดร่างสูงมากยิ่งขึ้น

“ผมแค่อยากให้คุณเห็นว่าขับบิ๊คไบค์ก็พาผมมาหาคุณได้ แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้” เพชรส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะปล่อยให้ความเงียบกลับเข้ามาแทนที่อีกครั้ง

.
.
.
“คุณเพชรจะเลิกขับมอเตอร์ไซค์...หรือคุณเพชรจะเลิกกับเรา”

ทันทีที่ผมพูดจบ ร่างสูงตวัดสายตามาจ้องหน้าผมเอาไว้ พร้อมกับมือหนาเอื้อมมาจับแขนผมแน่น
 
“ไม่เลิกกับคุณ”

“ค่อยๆ คิด” ผมพูดเสียงเรียบพร้อมแกะมือเขาออก

แล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง ก่อนจะเข้าไปขังตัวเองในห้องน้ำที่ผนังเป็นกระจกใส มองออกมาก็เห็นคนข้างนอกอยู่ดี เลยรูดม่านปิดไปซะเลย



ถึงผมจะรู้สึกว่ามีสติแล้วแต่ผมก็ยังหัวร้อนอยู่ เลยต้องมานอนแช่น้ำในอ่างให้หัวโล่ง ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งในสภาพพร้อมนอน

รอบนี้น่าจะหัวเย็นจริงแล้วล่ะครับ

พอมองออกไปนอกระเบียงถึงได้เห็นว่าเพชรยังคงยืนอยู่ที่เดิม
นี่คุณเขาเพิ่งรถล้มมานะ ทำไมถึงได้ไปยืนเล่นเอ็มวีอะไรอยู่ตรงนั้นนานเป็นชั่วโมง
แถมยังไม่ใส่เสื้อผ้าด้วย เดี๋ยวก็ได้เป็นไข้กันไปเพิ่มอีกพอดี



ว่าแล้วผมก็เดินไปดึงแขนคนตัวสูงให้เข้ามาด้านใน

“มาเช็ดตัว” ผมพูดเสียงแข็งแล้วจับเพชรให้นอนลงบนเตียง โชคดีที่เขาไม่มีแผลที่หลัง

ก่อนจะไปเอาน้ำอุ่นกับผ้าขนหนูมาบิดหมาดๆ แล้วก็เริ่มเช็ดลงไปบนใบหน้าของเขา โดยที่วางผ้าขนหนูลงบนหน้าผากเป็นที่แรก ก่อนจะไล่ลงมาตามสันจมูก เช็ดบริเวณสองข้างแก้ม แล้วก็แปะมันไว้อย่างนั้นครู่หนึ่ง

ผมรู้สึกได้ว่าดวงตาคมจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตา ผมเลยจ้องเขาตอบพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูออก แล้วหันกลับมาซับน้ำใหม่อีกรอบ รอบนี้เอากลับไปเช็ดบริเวณลำคอ ไล่ลงมาที่ลาดไหล่ทั้งสองข้างก่อนจะเลื่อนลงมาที่แผงอก เริ่มจากอกด้านขวา แล้วไล่มาที่อกซ้าย ระหว่างนั้นเพชรก็เอื้อมมือมากุมมือผมแน่นแล้วล็อคไว้ที่บริเวณอกด้านซ้ายของเขา

เป็นการเช็ดตัวที่รู้สึกหน่วงๆ ยังไงไม่รู้

ผมละสายตาจากแผงอกแกร่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพชรถึงได้รู้ว่าดวงตาคมยังคงมองผมอยู่ตลอด

ถ้านี่เป็นเกมส์จ้องตา กติกาในเกมส์นี้คงไม่ใช่ใครที่กระพริบตาก่อนแพ้
แต่คงจะเป็น…ใครที่น้ำตาไหลก่อน คนนั้นแพ้

เพราะดวงตาคมของคนตรงหน้ามีน้ำใสรื้นอยู่ที่ขอบตา ซึ่งผมก็ไม่ต่าง

เห็นแบบนั้นก็เลยทำท่าจะดึงมือออกมาจากมือหนาที่กุมอยู่ แต่เขากลับยิ่งกำเอาไว้แน่นเข้าไปอีก

“ขอโทษ” เสียงแห้งพูดออกมา

“ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”


แค่คำพูดสั้นๆ มันก็ทำให้สิ่งที่ผมกลั้นเอาไว้ในใจถูกปล่อยออกมาจนหมด
น้ำตาที่คลออยู่ ไหลออกมาอาบหน้าอย่างที่ผมไม่คาดคิด เช่นเดียวกับคุณเพชรที่เขาก็ปล่อยความรู้สึกทั้งหมดออกมาในตอนนี้

ผมพยักหน้ารับแล้วก้มลงซบอกแกร่ง พร้อมกับเอามืออีกข้างที่ยังเป็นอิสระโอบกอดตัวเพชรไว้แน่น

มือหนาเอื้อมมาลูบหลังผมเบาๆ


“ไม่เอาแบบนี้อีกแล้วนะ ไม่เอาแบบนี้แล้ว” เสียงอู้อี้ที่หวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจ



ผ่านไปครู่ใหญ่เพชรประคองตัวผมให้เงยหน้าขึ้น ก่อนที่นิ้วมือหนาจะปาดลงบนใบหน้าของผม แล้วเช็ดคราบน้ำตาออกไปให้หมด

“ผมขอโทษนะ” เขาลูบหัวผมอย่างแผ่วเบาและยังคงพูดคำเดิม

จนทำให้ผมต้องตอบรับออกมาด้วยคำพูด “อื้ม ไม่เป็นไรนะ”

“เรา จะไม่เลิกกันใช่มั้ย” สีหน้าที่เป็นกังวลถูกส่งมาพร้อมกับน้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยหนักแน่น

คำถามนี้ผมคงตอบไม่ได้เพราะทุกอย่างมันอยู่ที่เพชรตัดสินใจ

“ขึ้นอยู่กับตัวคุณเพชรอ่ะ...


…เรารักคุณเพชรนะ


แต่เราก็รักตัวเองเหมือนกัน
ถ้าเราต้องมานั่งเสียใจกับเรื่องแบบนี้อีก เราก็คงไม่ไหว
ขับมอเตอร์ไซค์ยังไงมันก็อันตรายกว่าขับรถยนต์” ผมพูดบอกเพชร ช้าๆ ชัดๆ น้ำเสียงนิ่งและหนักแน่น

ทันทีที่พูดจบร่างสูงก็กลับส่งยิ้มออกมาหน้าตาเฉย “ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย”

“ฮะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างคนไม่เข้าใจ

ใช่ เพชรไม่ได้หูฝาดไป
แต่ทำไมจะถูกบอกเลิก แต่เพชรถึงได้ยิ้มออกมากว้างขนาดนี้หรือผมพูดอะไรผิดไป

เพชรส่งยิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนจะพูดขึ้น “คุณพูดว่า คุณรักผม”

“หื้มม” แล้วผมก็ค่อย   ๆ ทวนถึงสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป

“คุณบอกรักผมใช่มั้ยคุณหงส์” น้ำเสียงเศร้าเมื่อก่อนหน้าถูกแทนด้วยเสียงดีใจ

พอผมคิดได้ ผมก็รีบส่ายหัวทันที “ไม่ ไม่ได้บอก” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง แต่คนตรงหน้ากลับยิ้มร้าย

“ไม่คิดเลยนะเนี่ย ว่าจะได้ยินคำนี้...ถ้ารู้ว่ารถล้มแล้วแฟนจะพูดว่ารักนะ ยอมล้มอีกซักรอบก็ยังได้”
เขาพูดเสียงร่าเริง แต่กลับทำให้ผมหน้าบึ้งหนักเข้าไปใหญ่


“จะบ้าหรอ” พูดจบผมก็เอามือไปตีปากเพชรแรงๆ “ใช้ปากไหนพูด ฮะ

…บอกไว้ก่อนว่าเราทนรู้สึกแบบวันนี้ไม่ไหวแล้วนะเพชร เพราะฉะนั้นมันต้องไม่มีอีก
ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ ถอน-คำ-พูด” ผมขี้นิ้วขู่

“อ่ะ ถอนคำพูดก็ได้ แต่! คุณต้องพูดใหม่อีกรอบ” ดวงตาคู่สวยฉายแววเจ้าเล่ห์เต็มทน

“พูดอะระ” ผมตีมึนแล้วทำเป็นหลบตา
เขายิ้มร้ายแล้วใช้แขนซ้ายที่ไม่เจ็บกอดผมแน่น ก่อนจะดึงตัวผมให้ลงมานอนบนอกอีกครั้ง

“ปล่อยนะ” ผมดิ้น ดิ้นแรงด้วย

“คุ๊ณณณ อย่าดิ้นดิ ผมเจ็บแผล” พูดขนาดนี้ใครจะกล้าดิ้นง่ะ

สุดท้ายผมก็ต้องนอนนิ่งเป็นตุ๊กตาให้คุณเพชรกอดจนหนำใจ แถมเขายังเอามือมากดหัวผมไปแนบกับหน้าเขาอีกต่างหาก

ขนาดรถล้มแต่ก็ยังมือไวเหมือนเคย ยอมคุณเขาเลยล่ะ



“พูดอีกทีได้มั้ยครับ” เสียงทุ้มพูดกดต่ำ แล้วช้อนสายตามองตาผม

“พูดบ้าอะไร” ผมทำทีเป็นไม่รู้เรื่อง

ตอนนี้ปากเราอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
มันใกล้จนคุณเพชรฉวบโอกาสยื่นริมฝีปากตัวเองมาฉกริมฝีปากผมเบาๆ แล้วปล่อยออก

“พูดเหมือนที่พูดไปเมื่อกี้ไงครับที่รัก หื้มมมม..
…นะครับ พูดให้เพชรชื่นใจหน่อยนะครับ

เนี่ย ถ้าได้ยินอีกรอบ คงจะหายเจ็บแผลเลย
นะครับ นะครับที่รักของเพชร...”

“นะค้าบบบ คุณหงส์” พูดจบคุณเพชรก็พลิกตัวผมลงด้านข้าง ก่อนจะขึ้นมานอนคล่อมไว้ด้านบน

ยิ่งเห็นยิ่งถามตัวเองว่า นี่เขาเจ็บแผลจริงรึเปล่าเนี่ย

ร่างสูงไม่ได้ปล่อยให้ผมใช้ความคิดกับตัวเองนาน เพราะตอนนี้เพชรก้มหน้าลงมาแนบหน้าผมอีกรอบแล้วกระซิบข้างหู “นะครับหงส์ พูดอีกทีได้มั้ย”

ดวงตาคมจ้องมองผมราวกลับจะกลืนกินจนทำให้รู้สึกทำหน้าไม่ถูก พร้อมด้วยเสียงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดกันไปมา
แต่ก็ถูกกลบด้วยเสียงหัวใจของผมที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

เพชรนอนทับตัวผมแน่นจนดิ้นไม่หลุด

สุดท้ายผมก็ต้องยอม

“โอเค พูดก็พูด
.
.
.


…หงส์รักเพชรนะ” 

 

ผมหลับตาปี๋บอกรักแฟนตัวเองด้วยน้ำเสียง



แต่มันก็ออกมาจากใจนะครับ ♥


ร่างสูงที่ได้ยินคำนั้นสมใจ ก็หัวเราะร่วนแล้วยิ้มกว้างออกมาในจังหวะที่ผมลืมตาขึ้น

เพชรคงคิดว่ากับอีแค่บอกรัก ทำไมผมต้องดูกล้ำกลืนขนาดนั้น

แล้วเขาจะเอาริมฝีปากแหลมมาแตะลงบนริมฝีปากผมก่อนจะแช่ไว้ครู่หนึ่งแล้วปล่อยให้เป็นอิสระ 



“จะเช็ดตัวต่อได้ยัง” ผมพูดถามแล้วเอามือดีดจมูกคมของเพชรไม่แรงมาก

“ครับผม” คนเจ้าเล่ห์ยิ้มรับแล้วลงจากตัวผมไปนอนหงายเหมือนเดิม

พอเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณเพชรเสร็จเรียบร้อย ก็โทรสั่งข้าวต้มมาให้เขาทานเป็นข้าวเย็น แล้วก็จับนายคนป่วยป้อนยาก่อนจะพาไปเรออยู่ริมระเบียงสองสามที

ฟังดูเหมือนเลี้ยงลูกน้อยเลยอ่ะ > <



สุดท้ายก็จูงแขนขึ้นมานอนบนเตียง
ถ้าถามว่านอนจับมือกันใสใส มีอยู่จริงมั้ย…คำตอบก็คือมีอยู่จริงครับ

เรานอนจับมือกันห่างๆ เพราะผมกลัวจะดิ้นไปทับแผลของเขา
แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงเพชรร้องโอ้ย โอ้ย

แล้วบ่นอุบอิบว่าผมนอนดิ้นไปโดนแผล ทั้งที่ผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองหลับไปตอนไหน





**To Be Continued**


เรื่องนี้มีดราม่าสั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ พอหอมปากหอมคอละกันครับ ไม่อยากลากยาวเดี๋ยวไม่เก๋ อิอิ
ช่วงต้นก็จะหน่วงๆ หน่อย แต่อุบัติเหตุมันก็ไม่มีใครอยากให้เกิดอะเนอะ
คุณหงส์อาจจะแค่ห่วงแฟนมาก เลยทำอะไรไม่ถูก กลายเป็นนิ่งใส่
สุดท้ายต้องมา บอกรักคุณเพชรในสถานการณ์ไม่คาดคิดอีกแล้ว งุ้ยยยย

แอพ Whoscall รู้จักกันใช่เปล่าครับ ที่จะคอยบอกว่าเบอร์โทรเข้ามาจากสถานที่สำคัญที่ไหน
ทั้งจาก โรงพยาบาล โรงแรม ธนาคาร ขายประกัน บลา บลา บลา

ตอนนี้เป็นอีกตอนที่แต่งยากมากครับ กลัวจะน้อยไปหรือมากไป พยายามให้ออกมาพอดีๆ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
ใครยังไม่ไลค์เพจ กดไลค์กันได้นะค้าบ อิอิ > https://www.facebook.com/followyourblissbliss/

ปล มีสารบัญแล้วที่หน้าแรก เพิ่งทำเป็น 555555555555
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 19 : Accident , 08/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 08-12-2017 16:57:57
เข้าใจคุณหงส์นะ ก็คนมันรักอ่ะเนาะก็ห่วงมาก เข้าใจๆ


ปล.มาบ่อยๆเราคิดถึงงงงงง555555
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 19 : Accident , 08/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 08-12-2017 18:25:15
คุณเพชรไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 19 : Accident , 08/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-12-2017 19:19:49
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 19 : Accident , 08/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-12-2017 21:05:43
รักมากก็ห่วงมาก ดีใจที่คุณเพชรไม่เป็นอะไร
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 19 : Accident , 08/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 08-12-2017 22:53:45
เข้าใจคุณหงส์นะ ก็คนมันรักอ่ะเนาะก็ห่วงมาก เข้าใจๆ


ปล.มาบ่อยๆเราคิดถึงงงงงง555555

ได้เลยย เดี๋ยวมาบ่อยๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 19 : Accident , 08/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-12-2017 00:02:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 19 : Accident , 08/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 09-12-2017 07:28:20
คุณเพชรไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ววววว

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 23-12-2017 17:08:51
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 20
Of Course



09:42
 
เช้าวันใหม่ที่ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยเสียงคลื่นกระทบฝั่งที่บรรเลงเป็นจังหวะพร้อมด้วยความเย็นจากลมทะเลที่พัดเข้ามากระทบผิวชวนให้รู้สึกสบายตัว ผมปรือตาขึ้นมองภาพตรงหน้าเห็นคุณเพชรอยู่ไม่ห่าง ดูเหมือนว่าเขากำลังเปิดประตูที่ระเบียงออก

มิน่าล่ะ ถึงได้ยินเสียงคลื่นชัดขึ้น
 
เห็นแบบนั้นผมก็พลิกตัวไปมา ก่อนจะบิดขี้เกียจสองสามทีแล้วนอนต่อ แต่ก็นอนได้ไม่นานครับเพราะท้องของผมเริ่มประท้วงด้วยการส่งสัญญาณความหิวออกมา ว่าแล้วจึงลืมตาขึ้นอีกรอบพลางมองหาคนที่ตื่นก่อน แต่กลับไม่เห็นเขาอยู่ในห้องแล้ว


“เพชร”

“คุณเพชร”

“เพชร อยู่ในห้องน้ำรึเปล่า”

เรียกอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินหาเขารอบๆ ห้อง

“แฟนนน อยู่ไหนอ่า”

“แฟนอยู่นี่ค้าบ” เพชรตอบรับเสียงดังฟังชัด

คำตอบของเขาทำให้ผมยกยิ้มอย่างพอใจ
เรียกว่าเพชรอยู่ตั้งนานไม่ยอมตอบ แต่พอเรียกแฟนเท่านั้นแหละ หึ

ระหว่างที่กำลังจะเดินไปหาอีกคนที่น่าจะอยู่ริมสระว่ายน้ำ ผมก็แวะเข้าไปล้างหน้า แปรงฟัน จัดเผ้าจัดผมให้เป็นทรง ก่อนจะหยิบชุดคลุมอาบน้ำที่วางพาดอยู่มาสวมทับชุดนอนแล้วเดินไปหาคุณเพชร

พอเดินมาถึงริมสระกลับไม่เจอเจ้าของเสียงเมื่อครู่แล้ว นั่นทำให้เริ่มคิดในใจว่าหรือผมจะล้างหน้าแปรงฟันนานเกินไปจนคุณเพชรเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น เพราะถ้าดูจากจานอาหารที่จัดวางสวยงามอยู่บนโต๊ะกระจกใสริมสระในตอนนี้ ก็พอจะเดาได้ว่าเมื่อกี้เพชรคงมาเตรียมอาหารเช้าอยู่อย่างแน่นอน

พอมีสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจผมเลยเลิกตามหาเขาแล้วเปลี่ยนเป็นเดินไปนั่งตรงนั้นแทน ยิ่งเข้าใกล้โต๊ะอาหารกลิ่นหอมของออมเล็ตกับซุปร้อนๆ ยิ่งเตะจมูกชัดขึ้นจนผมต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออยู่หลายที

น่ากินแฮะ
 
จังหวะที่กำลังเพลิดเพลินกับการจินตนาการว่าถ้าของกินน่าอร่อยพวกนี้เข้าไปอยู่ในปากของผมมันจะฟินแค่ไหนนั้น ผมก็ถูกรุกล้ำจากคนมือไวที่มาสวมกอดจากทางด้านหลังพร้อมกับเอาหน้าคมมาซุกลงที่ลาดไหล่ ก่อนที่ไรหนวดของคุณเพชรจะมาถูไปมาที่บริเวณข้างแก้มของผมจนทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี๊ ถึงขั้นต้องหัวเราะคิกคิกออกมาแล้วใช้มืออีกข้างดันหน้าคนซุกซนออกไปก่อน


“โกนหนวดบ้างป่ะ”

“ก็แฟนไม่ยอมโกนให้อ่า” ทำมาเป็นเสียงสองบวกด้วยหน้ามุ่ยที่เจือรอยยิ้ม

“ก็เห็นว่ามีมือ” ผมพูดว่าไปแล้วอมยิ้มไว้

“แต่มือก็เจ็บอยู่” คนตัวสูงทำปากยื่น

“แต่มือก็กอดเราได้อ่ะ” ว่าแล้วก็มองไปที่แขนของคนที่บอกว่ามือเจ็บ แล้วเบนสายตากลับขึ้นมาจ้องตาเจ้าเล่ห์อีกครั้ง จังหวะนั้นเขาก็ขโมยหอมแก้มผมฟอดใหญ่อีกครั้งหนึ่งก่อนจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระ
 

“เราหิวแล้ว”

“นี่ไง ผมเตรียมไว้ให้
เห็นว่าคุณหงส์กำลังหลับสบายก็ไม่อยากปลุก
…คิดว่าคงตื่นไม่ทันเวลาอาหารเช้า ผมเลยสั่งมาให้ที่ห้องแทน”

“ทำดี”

“ขอรางวัล” คุณเพชรทำแก้มป่อง ก่อนจะหลับตาลงแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม
 

ความเพชร
แม่งอ้อนเก่งว่ะ


 
ผมยิ้มร้ายพร้อมกับยื่นมือไปเกาคางเพชร แล้วพูดเสียงสอง

“น่าย้ากยะค้าบบ นุ้งเพชร เดี๋ยวพี่หงส์จะซื้อกระดูกให้แทะเล่นนะก๊าบบ”
“ดูจิ เชื่องเชียว น่าร้ากกกกก”

พอรู้ตัวว่ากำลังถูกแกล้งให้เป็นหมา คนที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นพร้อมทำหน้ามุ่ยอีกครั้ง
“นี่ไม่ใช่หมานะ”

“ไม่ได้ว่าเป็นหมานี่ก๊าบ แค่จะให้รางวัลนุ้งเพชรด้วยกระดูกเฉยๆ”

“อ้าวหรอ แต่นุ้งเพชรไม่แทะกระดูกนะก๊าบบ
...ใช่ที่ไหนละคุณ นี่แฟนนะ ไม่ใช่หมา โด่วววว”


 
หลังจากนั้นเราก็นั่งทานข้าวเช้ากันอย่างสบายๆ คุยเล่นกันไปเรื่อย ไม่ได้จริงจังอะไร
จนช่วงท้ายที่เริ่มอิ่มเพชรจึงพูดประโยคนึงขึ้นมา

“ผมตัดสินใจละ…” น้ำเสียงจริงจังเรียกให้ผมละสายตาจากการหั่นแตงโมเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง

เขาเงียบไปครู่หนึ่งแลวพูดต่อ “ผมจะขายบิ๊คไบค์”

หูฝาดไปรึเปล่า ผมย่นคิ้วเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
“ขายเลยหรอ”
 

คืองี้...ตอนที่ขอให้เพชรเลิกขับบิ๊คไบค์ ผมแค่คิดว่าจะขอให้เขาเลิกขับแบบจริงจัง
แต่ถ้าจะขับเล่นในซอยหมู่บ้านหรือขับเป็นงานอดิเรกก็ไม่ได้ว่าอะไร
พอเพชรพูดว่าเขาจะขายทิ้ง มันเลยทำผมตกใจนิดหน่อย...เพราะนั่นคือสิ่งที่เขารัก

 
“ผมเริ่มขับบิ๊คไบค์ประมาณ ม.6”
“แต่ผมเริ่มรักคุณมาตั้งแต่ ม.1 แค่นี้ก็รู้แล้วป่ะ ว่าต้องเลือกอะไร”

 
ฟังดูเหมือนกับว่ากำลังทำให้เขาต้องเลือก
แต่คำพูดของผมเมื่อคืน ก็คือคำพูดที่ทำให้เพชรต้องเลือกจริงๆ


“แน่ใจใช่มั้ย” ขอถามเขาอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

คนด้านข้างพยักหน้าแล้วยิ้มรับ “อื้ม คิดมาทั้งคืนแล้ว”

ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ยอมรับการตัดสินใจของเขา 
ผมเอื้อมมือไปหยิบมือเพชรมากุมเอาไว้แล้วบีบเบาๆ



“อยู่ต่ออีกคืนได้ป่ะ” คนที่ถูกจับมือพูดขึ้น

“แต่พรุ่งนี้มีเรียนนะ”

“โดดไง” ผมเบิกตากว้างมองคนด้านข้างที่กำลังชวนโดดเรียนหน้าตาเฉย

หนุ่มวิศวะ ว่าที่เกียรตินิยมอันดับ 1 กำลังชวนผมโดดเรียน
ผมทำท่าทางเหมือนคนใช้ความคิด นั่นทำให้สีหน้าของเพชรหมองลงไปอีก

 
สุดท้ายก็แพ้ทาง

“งั้น...โดดก็โดด”

ก็วิชาที่เราเรียนด้วยกัน แล้วถูกจับเป็นคู่กันนั่นแหละครับ เล่นหายไปทั้งคู่แบบนี้ เค้ารู้หมดว่าแอบโดดไปด้วยกัน

พอผมตอบรับฝ่ายนั้นก็กำมือทำท่าดีใจ “เยสสสส”

“งั้นวันนี้คุณหงส์อยากทำไร อยากไปไหน ผมพาไปหมด”

“อยากล่องเรือ”

“อื้อหืออ” คนด้านข้างดูเหมือนจะตกใจในคำพูดของผม


ทำให้ผมหลุดขำออกมาแล้วไล่มองเพชร
“แต่สภาพคุณเพชรตอนนี้ เราคงอยากจะพาไปล้างแผลที่โรงพยาบาลก่อนอ่ะ”

“หึ”



กินข้าวเสร็จก็ได้เวลาอาบน้ำ เพชรอาบก่อนส่วนผมอาบทีหลัง พออาบเสร็จก่อนคุณเขาก็เลยมานอนดูทีวีอยู่บนเตียงกระดิกเท้ารออย่างสบายใจ 
 
“คุณหงส์ นี่อะไร” เสียงทุ้มพูดขึ้นแล้วมองมา ผมที่กำลังยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกเลิกคิ้วขึ้นอย่างคนไม่เข้าใจคำถาม

“นี่อะไรคืออะไร”

“นี่ชุดหรือเศษผ้า”


นั่นไง เป็นเรื่องจนได้

คิดไว้แล้วว่าคุณเพชรต้องมีปัญหากับเสื้อผ้าของผม ก็แค่กางเกงขาสั้นมากมายกับเสื้อเชิ๊ตตัวยาวสีเหลือง
ผิดมากหรอถ้าผมอยากจะเตรียมชุดแรดๆ มาใส่เดินเล่นริมทะเล
คิดแล้วก็เบะปากเบาๆ ออกมา

เชอะ! รู้งี้ไม่ชวนมาก็ดี

“เศษผ้าตรงไหน นี่ทั้งตัวรวมกันเกือบครึ่งแสนเชียว” ผมพูดพลางเกลี่ยครีมลงบนหน้า
แล้วทำทีเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย


ระหว่างนั้นคนที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นมายืนกอดอกจ้องมองผมอยู่ด้านข้าง

“แล้วชุดครึ่งแสนนี่ เค้าไม่ให้กระดุมเม็ดบนๆ มาหรอครับ
มันถึงได้เปิดโชว์ลงไปถึงสะดือขนาดนี้” พูดจบก็เอามือมาถูเสื้อผมแล้วไล่จับกระดุม

“เว่อ ถึงสะดืออะไร แค่กลางอก”

“ไม่รู้แหละ ติดกระดุมเลย ไม่อนุญาตให้เปิดมากมายขนาดนี้”

“ก็มันอึดอัดอ่ะ หายใจไม่ออกเข้าใจป่ะ”

“ไม่เข้าใจ แล้วก็จะไม่มีวันเข้าใจครับ
มานี่เลย” พูดจบเพชรก็ดึงตัวผมเข้าไป ก่อนจะยื่นมือมาดึงกระดุมเม็ดบนไปติดจนหมด


ผมดิ้นหนีแต่ไม่รอดเพราะเขาออกแรงดึงมากกว่า บวกกับกลัวเสื้อจะขาดด้วยเลยทำนิ่งเอาไว้ พอเพชรติดกระดุมเสร็จผมก็แลบลิ้นใส่เขาแล้วใช้มือปลดออก

คนตัวสูงจะทำหน้านิ่งตึงแล้วเอามือมาติดกระดุมให้อีกรอบ ผมมองตาปริบๆ แล้วก็ปลดออกหลังจากที่เขาติดเสร็จ แถมรอบนี้ปลดกระดุมออกจนหมดเลย

รอบนี้เขาเงียบ ไม่ดึงดันจะบังคับผมให้ติดกระดุมต่อ
แต่คุณเพชรยกยิ้มมุมปากแล้วเดินผ่านหน้าผมไปที่กระเป๋าของเขา ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างแล้วเดินกลับมา

“ดี งั้นใส่นี่แทน” พูดจบเขาก็วางไอ้ของที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วถอดเสื้อผมออก ผมเลยต้องดิ้นขัดขืนพอเป็นพิธี แถมด้วยความโง่ที่ดันปลดกระดุมออกจนหมด เลยถูกถอดเสื้อจากคนมือไวออกได้อย่างง่ายดาย

“ใส่อะไร ไม่เอา เราจะใส่ตัวนี้ ม่ายย คุณเพชร ไม่เล่นแบบนี้”
ทำเสียงดังเข้าใส่ แต่ดูเหมือนว่าเพชรไม่ได้สนใจ แถมยังล็อคแขนผมไว้ แล้วจับเสื้อวอร์มโง่ๆ มาสวมทับตัวผมด้วย

“คุณเพชร บ้าไปแล้วหรือไง”

“คุณอ่ะแหละ” พูดจบเพชรก็รวบตัวผมไปนอนบนเตียง แล้วจับขาจับแขนผม



ทำท่าจะถอดกางเกงผมออก

“จะปล้ำเรารึไง น่าเกลียด”


ผมก็ดิ้นๆ พอเป็นพิธี...จะดิ้นมากได้ไงล่ะครับ ขืนไปโดนแผลขึ้นมาเดี๋ยวคุณเขาจะเจ็บอีก เลยต้องยอมให้เพชรถอดกางเกงผมออกหน้าตาเฉย พร้อมกับสวมกางเกงวอร์มตัวโคร่งเข้ามาแทน ทำเสร็จแล้วก็จับตัวผมให้ลุกขึ้นมายืนแห้งๆ อยู่หน้ากระจก

เมื่อเหตุการณ์เผด็จการจับเปลี่ยนชุดจบลง ผมก็ยืนหายใจหอบมองคนใจร้ายแล้วค้อนใส่เขาไปหนึ่งที คุณเพชรจัดทรงผมตัวเองให้กลับเป็นทรงก่อนจะมองมาที่ผมนิ่งๆ


“นี่รถล้มจริงป่ะเนี่ย ไม่เจ็บแผลบ้างหรอ ไปเอาแรงจากไหนเยอะแยะมาขืนใจเรา”

“ล้มจริง แต่แรงอ่ะมีมากกว่านี้อีก ถ้าคุณหงส์ยังแต่งตัวโป๊”

“ใจคอจะเก็บไว้ดูคนเดียวรึงะ” พูดจบก็เชิดหน้าใส่

ไม่พอใจโว้ยยยยย


“ใช่” ร่างสูงตอบห้วนๆ

ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง เลยหันไปมองสารร่างตัวเองในกระจกก่อนจะหลุดขำออกมา

“นี่มันชุดอะไร ให้เราครูพละหรอ”


เสื้อวอร์มตัวโคร่งกับกางเกงวอร์มตัวใหญ่สีเขียวเข้มแถบสีส้ม
ชุดวอร์มแบบที่ดูเป็นแฟชั่นมันก็มีเหอะ ไม่เห็นจะต้องเป็นชุดครูสอนพละแบบนี้เลย

โว้ยยย ไอ้เพชรบ้า


“สวมชุดนี้หนึ่งวัน…เพื่อดัดนิสัย”

พูดจบคุณเพชรก็จูงมือผมออกจากห้องอย่างคนบังคับขู่เข็น
ทั้งที่ผมยังทาครีมบนหน้าไม่เสร็จเลย อะไรจะขนาดนี้

ดีนะหยิบแว่นกันแดดติดมือมาได้

สุดท้ายผมก็ต้องไปโรงพยาบาลในสภาพอย่างงั้นแหละครับ ซึ่งดูไปดูมามันก็ไม่ได้แย่

เพราะอะไรนะหรอ
.
.
เพราะไม้แขวนดี ใส่อะไรก็สวย

 

กลับมาที่รีสอร์ทเกือบบ่ายโมง ผมยังไม่ค่อยหิวเพราะเพิ่งทานข้าวเช้ากันไป แต่สิ่งที่ผมรู้สึกมากในตอนนี้ก็คือรู้สึกง่วง
ทันทีที่ถึงห้องพักผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียง แล้วมุดตัวเข้าไปขดอยู่ในผ้าห่มเตรียมนอน
ระหว่างนั้นคุณเพชรก็เดินไปปิดประตูระเบียงพร้อมกับเปิดแอร์ให้ผมได้เย็นสบาย

“นอนนะเพชร” ผมพูดบอกคนที่ยืนมองผมอยู่ พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้เขา
เห็นบอกจะโทรหาแม่อัพเดตอาการ หลังจากนั้นผมก็หลับไปเลย



ตื่นขึ้นมาอีกทีเหลือบมองนาฬิกาก็บอกเวลาบ่าย 2 กว่า มองหาอีกคนในห้องไม่เจออีกแล้ว ไม่รู้เขาจะขยันหายตัวไปไหนนักหนา ผมก็เลยลุกไปฉี่ ล้างหน้าล้างตาแล้วเดินหาจนทั่วห้องแต่ก็ยังไม่เจอคุณเพชรอยู่ดีนั่นแหละ จังหวะที่ผมกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องเพื่อออกไปหาข้างนอก ก็มีคนเปิดประตูเข้ามาพอดี

ก็คนที่ผมกำลังหาอยู่นี่แหละครับ

“ไปไหนมาอ่า”

เพชรไม่ได้ตอบคำถามแต่ชี้ออกไปที่ระเบียง

งงมั้ยให้ทาย??


แล้วร่างสูงก็เดินเข้ามาทำท่าเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะพูดคลายความสงสัยให้ผม
“ไปล่องเรือกัน”

คำพูดสั้นๆ แต่ทำให้ผมตาโตขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน
ผมรีบวิ่งเข้าไปเกาะแขนเพขรเอาไว้แล้วถามออกมาอย่างประหลาดใจ

“จริงดิ่” กลัวเขาจะมาหลอกให้ดีใจเล่น

“ใช่ เพิ่งไปติดต่อมาเมื่อกี้เอง เดี๋ยวอีก 20 นาทีเรือออก”

“โหหหหห ป๋าว่ะ”

ร่างสูงหันมามองหน้าผม แล้วยื่นมือมาดึงแก้มผมทีนึง “แน่นอนครับ”

พอคอนเฟิร์มแล้วว่าชัวร์ ผมก็รีบวิ่งเข้าไปเปลี่ยนชุดสิครับ จะรออะไร



ถือกระเป๋าใบโตติดตัวมาคนละใบแล้วเดินตามเจ้าหน้าที่รีสอร์ทมาบริเวณท่าเรือที่มีเรือยอร์ชลำสีขาวจอดอยู่ ได้เห็นแบบนั้นผมก็ตาลุกวาว เพราะไม่คิดว่าเพชรจะเอาจริง เมื่อเช้าที่พูดคือพูดเล่น ผมรู้มาจากงานแถลงข่าวเมื่อคืนว่าทางรีสอร์ทมีบริการนี้ เลยลองพูดขำๆ แต่คุณเพชรไม่ขำด้วย ผมจึงได้ลองเรือด้วยประการนี้

เรือยอร์ชสีขาวสวยลำใหญ่ที่ประเมินจากสายตาแล้วน่าจะรับสมาชิกได้เกือบ 20 คน แต่ตอนนี้ถ้าไม่นับรวมเจ้าหน้าที่บนเรือก็จะมีแค่ผมกับคุณเพชรแค่สองคน

ส่วนตัวไปอีก : )



ขึ้นมาเดินสำรวจภายในเรือได้ไม่นาน เรือลำสวยก็แล่นออกจากฝั่ง

ผมจึงเดินมานั่งเล่นถ่ายรูปอยู่บริเวณด้านหน้าเรือกับคุณเพชร อาจเพราะตอนนี้เวลาเกือบบ่าย 3 แล้ว แดดเลยไม่ร้อนมาก ถ่ายรูปกันจนหนำใจ...อ๊ะ วันนี้ผมไม่โดนแกล้งแอบถ่ายตอนเผลอนะครับ เพราะคนที่ชอบแกล้งไม่มีโทรศัพท์ จอแหลกละเอียดไปตั้งแต่เมื่อวาน ผมเลยรอดตัวไป ได้แต่ภาพสวยๆ มาเก็บเอาไว้ หลังจากนั้นเพชรก็หายไปทำอะไรบางอย่างปล่อยให้ผมนอนรับลมไปพลางๆ


ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับถังแช่แชมเปญแล้วก็แก้วสองใบ


ภาพนี้คุ้นๆ แฮะ
เหมือนตอนไปพัทยาเลย > <


“คิดไง ถึงพามาจริง”

“ก็เห็นมีคนอยากมาจริง” คนด้านข้างพูดตอบก่อนจะยื่นแก้วแชมเปญที่เทเรียบร้อยแล้วมาให้

ผมรับแก้วมาไว้ในมือแล้วหันหน้ากลับไปปะทะลมต่อพร้อมกับเอามือเสยผม

“รู้ได้ไงว่าเราอยากมาจริง”

“รู้ก็แล้วกัน”

“ทำมาเป็นว่าเราปลดกระดุม ตัวเองก็ทำเหมือนกันแหละ” พอไล่มองคนด้านข้างถึงได้เห็นว่าเสื้อเชิ๊ตสีขาวของเขา ถูกปลดกระดุมด้านบนลงมาเกือบ 4 เม็ด

“ก็ปลดริมทะเล ไม่ได้ใส่ไปโรงพยาบาล” เพชรตอบเสียงทุ้มต่ำ พร้อมกับยื่นแก้วมาชน
 

“Cheers!”



พักใหญ่ที่เรือแล่นออกมาจากฝั่ง พี่คนขับก็หยุดเรือ แล้วเดินมาบอกว่าจะจอดเรือบริเวณนี้พร้อมกับที่อาหารกินเล่นออกมาเสิร์ฟ

“คุณเพชรเล่นน้ำไม่ได้ใช่มั้ย”

“ทำไมอ่ะ”

คำถามของเพชรทำให้ผมเหลือบมองแผลที่แขนของเขา คนที่ถูกมองเลยยิ้มออกมา

“เล่นได้แหละ น้ำทะเล”

“แน่ใจนะ”

“แน่ดิ”

“ก็ได้ งั้นเราขอโดดก่อน” พูดจบผมก็ลุกขึ้น แล้วหันหน้าเข้าหาเพชรมองหน้าเขาอย่างท้าทาย

“ไม่ชอบให้เราแต่งตัวโป๊ใช่ป่ะ”

ว่าแล้วมือเรียวก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตตัวเมื่อเช้าที่ถูกให้เปลี่ยน

ผมปลดช้าๆ ทีละเม็ด แล้วมองเพชรที่นอนอยู่
ก่อนจะโยนเสื้อไปให้เขา แล้วเลื่อนมือลงมาปลดตะขอกางเกงต่อ


ผมแกะตะขอออกแล้วรูดซิปลงช้าๆ พร้อมกับหันหลังให้เขาแล้วถอดกางเกงออก

ไม่รู้ว่าคนด้านหลังทำหน้ายังไง แต่ผมกำลังยกยิ้มมุมปากอยู่


“มันไม่ได้โป๊ไปช่ะ” ประโยคคำถามแต่ไม่ได้ต้องการคำตอบ


ว่าแล้วก็โดดลงทะเลไป
 
ตู๊มมมมม !!


ความรู้สึกแรกที่จมดิ่งลงไปในทะเล ผมรู้สึกได้ปลดปล่อยตัวตนออกมาอย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นก็ลอยขึ้นมาตามแรงถีบขา แล้วผมก็ตะโกนเย้วๆ เรียกคนด้านบน


“ลงมาเร็วคุณเพชร” ผมโบกไม้โบกมือให้เพชร
พร้อมกับที่เขาลุกขึ้นถอดเสื้อแล้วทำท่าจะโดดลงมา

“รอผมนะ” พูดจบร่างสูงก็โดดลงมาด้านข้างผม ทำเอาน้ำทะเลเค็มๆ กระจายใส่หน้าผมเต็มไปหมด

พอเพชรโผล่ขึ้นมา เขาก็ลูบผมตัวเองแล้วปัดน้ำออกจากหน้า

“หนุกดีอ่ะ โดดกันอีกรอบป่ะคุณ”

แล้วเขาก็จับผมหันหลังพร้อมกับพาว่ายน้ำกลับมาขึ้นเรือ



ตอนนี้เรามายืนอยู่ตรงบริเวณขอบเรือที่ใช้โดดเมื่อครู่ เพชรเอื้อมมือมาจับมือผมไว้แน่นแล้วหันมายิ้ม

เอ้อ ผมไม่ได้โป๊นะครับ ผมใส่กางเกงว่ายน้ำอยู่ > <


“พร้อมนะ นับสามนะ...

หนึ่ง

สอง

สาม”
 
ตู๊มมมม


ผมกับเพชรทิ้งตัวลงทะเลในจังหวะเดียวกัน แต่ท่าของเขาน่าจะสวยกว่าท่าผมหน่อย
อันนี้ต้องยอม เพราะเพชรว่ายน้ำเก่งกว่าผมเยอะ

แล้วเราสองคนก็ผลุบลงในน้ำ ก่อนจะโผล่ขึ้นมาแล้วพากันถีบขาเอาไว้
ส่วนมือที่จับกันไว้ก็ยังจับกันแน่นอยู่


“อีกรอบมั้ย” ผมถาม

ไม่รอช้าเราพากันว่ายขึ้นเรือเหมือนเคยแล้วทำอย่างนั้นอยู่อีกหลายรอบ
จนเริ่มรู้สึกเหนื่อย

“เหนื่อยเหมือนกันแฮะ” ผมพูดบอกเพชรหลังจากที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้

เขาพยักหน้ารับ “เหนื่อยไม่เท่าไหร่ แต่แสบนี่ดิ”

 “ไหวป่าว”

“สบ๊ายย มาเกาะหลังผมดิ” ว่าแล้วคนตรงหน้าก็พลิกตัวพร้อมกับหันหลังเพื่อให้ผมวางมือเพื่อเกาะบนตัวเขา ก่อนที่คนร่างสูงจะพาผมว่ายน้ำเล่นในบริเวณนั้น



ชมน้ำ ดูปลา มองพระอาทิตย์กันไปเรื่อยจนเริ่มหมดแรง ผมเลยเปลี่ยนมาเป็นกอดคอเขาไว้แทน พอเห็นว่าผมพยายามเปลี่ยนท่าเพชรเลยหยุดว่ายน้ำก่อน แล้วดีดตัวกลับมาในท่าตรงพร้อมกับกอดคอผมตอบ

เรากอดคอแล้วหันหน้าเข้าหากัน ใบหน้าห่างกันไม่มากนัก

“สวยว่ะ”

หมายถึงหน้าเรา หรือหมายถึงวิว ผมมองตาคนตรงหน้าแล้วสงสัย


“ทั้งทะเล แล้วก็คุณหงส์นั่นแหละ” คำพูดของเพชรทำให้ผมหลุดขำแล้วหลุบตามองต่ำ

เขินได้ป่ะล่ะ

แต่ดูเหมือนกับว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ผมหลบตาได้นาน ตอนนี้มือไวของเขายื่นมาเชยคางผมขึ้นให้สบตากับเขาอีกครั้ง แล้วคนตรงหน้าก็ก้มลงมาใกล้ๆ


ก่อนที่ริมฝีปากนิ่มจะยื่นมาแตะริมฝีปากบางของผม


เพชรฉวยจูบผมอย่างอ่อนโยน


ไม่นานเขาก็สอดลิ้นเข้ามาช่วงชิมความหวานจากรสผลไม้ที่ผมเพิ่งทานไปก่อนหน้า

ผมรับสัมผัสจากคุณเพชรแล้วดันลิ้นตัวเองต่อสู้กับความดุดันของลิ้นที่เข้ามา
มันฉวัดเฉวียนหยอกล้อกันไปมา เหมือนกับปลาที่ว่ายเวียนอยู่ในทะเลรอบตัวเรา


ดีว่ะ

รู้สึกดีจริงๆ



เราจูบกันอยู่นาน มีจังหวะผ่อนหนักผ่อนเบา มีแกล้งกัดขบเม้มริฝีปากให้ความตื่นเต้นมากกว่าเคย พอเราได้แลกเปลี่ยนความหวาน ช่วงชิมรสจูบกันไปมาจนพอใจ คุณเพชรก็ปล่อยริมฝีปากนุ่มของผมให้เป็นอิสระ ก่อนจะพาผมว่ายน้ำกลับมาที่เรือ
 


ช่วงเย็นหลังจากที่อาบน้ำแล้วก็ทานข้าวเย็นกันเรียบร้อย เพชรก็จูงมือผมมานอนดูดาวอยู่บริเวณท้ายเรือ
 
โชคดีของเรา...ที่วันนี้คลื่นลมสงบ แถมยังเป็นคืนที่มีดาวกว่าล้านดวงลอยสวยอยู่บนท้องฟ้า เสียงน้ำทะเลบวกกับลมเย็นเบาสบายปะทะหน้า ชวนให้บรรยากาศดีขึ้นไปอีก
 
ผมกับคุณเพชรนอนหนุนหมอนใบเดียวกัน ไล่ชี้ดูดาวดวงนั้นดวงนี้ไปเรื่อย ครู่ใหญ่คนด้านข้างก็ยกหัวผมขึ้น ก่อนที่เขาจะช้อนหลังผมให้มานอนบนอกแกร่งแล้วกอดผมไว้แน่น 

“คุณหงส์ เห็นดาวดวงนั้นมั้ย”
ผมเงยหน้าขึ้นมองเสี้ยวหน้าคมของคนพูด แล้วมองตามมือเรียวที่ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ดวงนั้นหรอ” ผมชี้นิ้วไปที่ดาวที่ตัวเองคิดว่าน่าจะใช่

“ที่สว่างๆ อยู่สองดวงตรงนั้นอ่า”

“อ่อ เห็นแล้ว เห็นแล้ว” เสียงใสร่าเริงเมื่อรู้ว่าดาวที่ตัวเองคิด คือดาวที่เพชรชี้ให้ดู

“ผมจองให้เป็นดาวของเรานะ”

“หื้มม”


ดาวของเรา : )


“ดวงที่ใหญ่กว่าให้ชื่อว่าเพชร ส่วนดวงเล็กที่อยู่ข้างกันชื่อหงส์”

“ดาวเพชรกับดาวหงส์หรอ”

“ช่ายย”



ผมละสายตาจากดาวบนฟ้า กลับมามองคนด้านข้าง เขามองมาที่ผมแล้วส่งยิ้มให้

“ถ้าวันไหนคุณคิดถึงผม ก็มองมาที่ดาวสองดวงนี้ ส่วนผมก็จะมองเหมือนกัน”

“ถ้าเราคิดถึงคุณเพชร เราก็ไปหาคุณเพชรไง ไม่เห็นต้องมองดาวเลย”

“โรแมนติกหน่อยดิคุณ” ร่างสูงลูบหน้าตัวเองพลางหัวเราะออกมาเบาๆ


เขาทำให้ผมขำตาม

เออว่ะ ผมโคตรตัดอารมณ์เลย

ขอโทษค้าบ



“เอาใหม่ๆ งั้นเอาเป็นว่า ถ้าเราคิดถึงกัน มองดาวคู่นี้ ก็จะได้รู้ว่าอีกคนกำลังมองอยู่
แบบนี้ใช่มั้ย”

“ใช่เลย”

แล้วคุณเพชรก็ก้มลงมาประทับจูบไว้ที่หน้าผากของผม

เรานอนกอดกันไม่ได้มีใครพูดอะไร ปล่อยให้เวลามันเดินผ่านไปช้าๆ

ถ่ายโอนความรู้สึกดีให้กันผ่านอ้อมกอด

พร้อมกับมองดวงดาวที่เป็นดาวของเราบนท้องฟ้า



เวลานี้ทำให้ผมนึกถึงคำที่บอกว่า ‘โลกนี้มีเพียงแค่เราสองคน’

ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเข้าใจ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว



เพชรลูบหัวผมอย่างแผ่วเบาแต่สวมกอดผมไว้แน่น เช่นเดียวกับที่ผมกอดเขาตอบ
ครู่หนึ่งคนด้านข้างก็ฮัมเพลงออกมา

แม้จะเป็นเพลงที่ผมไม่ค่อยคุ้นหู แต่ก็เคยได้ยิน

“อยู่กับฉันได้ไหม ให้แก่เฒ่าเป็นตายาย
ในบั้นปลายสุดท้ายของ ดวงชีวัน”


“ร้องเพลงหรือประโยคคำถาม”


“ถ้าประโยคคำถาม จะได้มั้ยล่ะ”


“ได้แหละ”



การที่คนๆ นึง ยอมทิ้งสิ่งที่ตัวเองรักตามคำขอของคนอีกคน

 
ดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะตอบคำถามนี้ของเขาเช่นเดียวกัน




**To Be Continued**


ใกล้จบแล้วว ก็จะหวีดๆ แบบนี้แหละจ้าา
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 20 : Of Course , 23/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-12-2017 18:33:53
แหม!!!!!
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 20 : Of Course , 23/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-12-2017 18:44:09
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 20 : Of Course , 23/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 23-12-2017 23:41:02
หูยยยยยขายรถเลยนะ หูยยยยยยยยอิจฉาคุณหงส์มากเว่อ

ปล.กำลังบ่นคิดถึงอยู่เลยวันนี้^^
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 20 : Of Course , 23/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 24-12-2017 06:00:28
หวานจัง
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 20 : Of Course , 23/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 24-12-2017 20:34:48
หวานจัง

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 20 : Of Course , 23/12/17 **
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-12-2017 01:54:53
อิจฉาคุณหงส์
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 09-01-2018 18:58:30
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 21
Pay



ถ้าสามสัปดาห์ก่อนที่คุณเพชรพาผมไปล่องเรือยอร์ชแล้วมีใครเรียกเค้าว่า ‘ป๋าเพชร’ ละก็
 
วันนี้คุณอาจจะต้องเรียกผมว่าป๋าอีกคนก็เป็นได้ เพราะตอนนี้ผมได้กลายเป็นป๋าใหญ่ใจดีไปเรียบร้อย ด้วยเหตุผลสองประการดังนี้ครับ
 
 
ประการที่หนึ่ง


“คุณหงส์ ผมมีข่าวดีมากบอก” ทันทีที่ผมหยิบเจ้าเครื่องสีแดงมากดรับสาย เสียงทุ้มเจือด้วยน้ำเสียงสดใสก็พูดขึ้นทันทีโดยที่ผมยังไม่ได้พูดอะไร
 
“ข่าวดีว่า” ผมตอบกลับด้วยโทนเสียงไม่ต่างจากคนที่โทรเข้ามา
ทำทีเป็นตื่นเต้นให้คุณเพชรดีใจ ทั้งที่ก็พอจะเดาได้ว่าเขาจะหมายถึงเรื่องอะไร
 
“มีคนติดต่อเข้ามาขอซื้อรถผมแล้วนะ” เสียงตื่นเต้นเหมือนเด็กดีใจที่ขายของชิ้นแรกในชีวิตได้อะครับ
 
ยิ่งพอคิดถึงสีหน้าของคนในสายแล้ว ยิ่งทำให้วันนี้ของผมเป็นเช้าวันเสาร์ที่สดใสมากขึ้นไปอีก
 
ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียงแล้วพูดตอบเขาไปอย่างไม่ค่อยประหลาดใจนัก
“ก็มีหลายคนมาขอซื้อรถคุณเพชรนิ แต่ไม่เห็นจะยอมขายให้ใครซักคน”
 
เหตุผลที่เพชรไม่ยอมขายเจ้าลูกรักคันโตออกไปซะทีก็เพราะกลัวว่าเจ้าของคนใหม่จะรักรถได้ไม่เท่าตัวเขาเอง มันเลยทำให้เพชรเลือกคนซื้อและทำให้เรื่องราวยืดเยื้อมาพอสมควร
 
แต่วันนี้พอเห็นว่าคุณเพชรยอมขายรถให้คนที่ติดต่อเข้ามาคนนี้
ผมก็เลยเผลอยิ้มมุมปากออกมาอย่างร้ายๆ
 

เดี๋ยวก็รู้ว่าผมยิ้มทำไม : )

 
“แต่คนนี้ไม่เหมือนคนอื่นนะคุณ จากที่ได้ลองคุยกันดูแล้ว ผมว่าเค้าดูแลรถผมได้ดีแน่ๆ”
 
“งั้นแปลว่าขายให้คนนี้ชัวร์ใช่ป่ะ” พูดจบก็เลิกคิ้วขึ้นรอคำตอบ ทั้งที่ฝ่ายตรงข้ามก็คงไม่เห็นว่าผมทำหน้าแบบไหนหรอก
 
“ช่ายยยย นัดกันแล้วช่วงบ่าย”
 
“เร็วขนาดนั้นเลยอ่อ”
 
“เร็วมาก คุณไปกับผมนะ”
 
“อื้ม ไปดิ”
 
“คุณหงส์ขับรถมารับผมด้วยน้ะค้าบ”
 
ผมตอบรับคนในสายแล้วกลั้นยิ้มเอาไว้ ก่อนจะกดวางสายแล้วกลับไปนอนกลิ้งต่อ
 
เห็นเขาดูโอเค ผมก็แฮปปี้ตามไป
 
 
 

12:44
 

ผมขับรถมารับคุณเพชรที่บ้านของเขาแล้วพาไปยังที่นัดหมายแถวเอกมัย อยากจะบอกว่าตั้งแต่กลับจากปราณบุรี ไอ้คนมือไวด้านข้างที่คว้ามือผมไปกุมไว้แน่นแล้วปล่อยให้ผมขับรถมือเดียวในตอนนี้ ก็ไม่ยอมทำอะไรด้วยตัวเองเลย แถมยังอ้อนให้ผมทำนั่นทำนี่ให้ แล้วยังมาเปิดการ์ดคนป่วย เป็นข้ออ้างให้ผมปฏิเสธไม่ลงอีก พอเห็นแบบนั้นผมเลยต้องยอมเป็นเบ๊ดูแลเจ้าตัวใหญ่ให้หายดีซะก่อน ไว้เดี๋ยวค่อยกลับมาคิดบัญชีกันย้อนหลัง
 

ระหว่างที่เรดเวลเวตของผมติดไฟแดงจอดแน่นิ่งแถวแยกพร้อมพงษ์ เสียงเพลงที่คุณเพชรเปิดก็ได้ทีบรรเลงเป็นจังหวะชาวร็อคชวนให้รู้สึกระคายหูไม่น้อย ผมเลยดึงมือตัวเองกลับมาเป็นอิสระแล้วส่งไลน์หาใครบางคนเป็นข้อความสั้นๆ เพื่อนัดหมาย ก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นมือซ้ายกลับไปให้คนด้านข้างครอบครองอีกครั้ง
 

“ขายรถแล้ว เอาตังค์ไปทำไรดีน๊า” เจ้าของเสียงทุ้มพูดออกมาด้วยเสียงสอง พร้อมกับใช้ปลายนิ้วชี้ไล้วนเล่นบนหลังมือของผมชวนให้รู้สึกจักจี๊ไม่น้อย
 
“ซื้อไอโฟน” ผมตอบห้วนๆ แล้วเหลือบไปมองคุณเพชร ร่างสูงแสยะยิ้มพร้อมกับส่ายหัว
ภาพยิ้มแสยะทำให้ผมชักสีหน้านิ่งใส่แล้วถามกลับเสียงแข็ง “ทำไม”
 

ก็ทำไมนะหรอครับ…ก็ตั้งแต่ที่คุณเขาประสบอุบัติเหตุช่วงที่ไปปราณบุรี แล้วไอโฟนเครื่องเก่าก็จอแตกละเอียด จนผ่านมาสามสัปดาห์แล้วตอนนี้คุณเพชรก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าซัมซุงฮีโร่เครื่องเล็ก ที่วันนึงก็แค่ใช้โทรเข้าโทรออกหาผมคนเดียว
 

ส่วนโซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นนะหรอ หึ
ก็อย่างที่บอกว่านี่คือ Cute Boy หาตัวจับยาก
เจ้าตัวเลยได้จังหวะฉวยโอกาสบอกลาโลกออนไลน์
แล้วใช้ชีวิตอยู่ในโลกความจริง ตัวติดเป็นตังเมกับสิ่งที่เขาทั้งรักทั้งหลงจนแทบจะกลืนกิน
 

คิดออกมั้ยครับ ว่าคืออะไร...

 
ถ้าไม่ออกเดี๋ยวผมจะเฉลยให้รู้กัน
 



ก็หงส์นี่ไง จะใครล่ะครับ!


 
 
“ฮีโร่ก็ดีอยู่แล้ว” คำตอบที่ผมทนฟังมาตลอดสามสัปดาห์ทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ ฟังแล้วก็ได้แต่มองบนอย่างไม่รู้จะสรรหาคำใดมาต่อล้อต่อเถียง
 
บทจะติสท์ คุณเขาก็ติสท์ซะจนใครก็เข้าไม่ถึง
 
“แต่มันติดต่อยากนะคุณเพชร”
 
“ติดต่อยาก แต่มันก็ทำให้ผมมีเวลาอยู่กับคุณมากขึ้นนะ
ไม่ดีหรือไง

หื้มมมม”
 

ทำไม
 
ทำไมต้องหื้มมใส่ ><
 
รู้มั้ยว่าแพ้
 

 

ผมยังคงนิ่งไม่พูดอะไร ทั้งที่ในใจก็ยอมแล้วแหละ
 
“น่านะ ผมขออยู่เงียบๆ ซักพัก ดีซะอีกจะได้ไม่ใครแอดไลน์มาจีบผมไง” พูดจบร่างสูงก็ยู่ปากเข้าหากันแล้วฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้
 
เอาเหตุผลนี้มาอ้าง เขาคงคิดว่าผมขี้หึงมากสินะ
 
ได้!
เออ ยอม
 
ยอมง่ายๆ แบบนี้มันอ่อนไป
 
ผมเลยเอื้อมมือไปบิดสันจมูกคมเพื่อระบายความอัดอั้ดในใจ แล้วพูดเสียงงุ้งงิ้งใส่คุณเขากลับไป
“ไอ้ดื้ออออออออ เดี๋ยวนี้ไม่เชื่องเลยน้า”
 
เป็นไง ดูแข็งขึ้นมะ
 
พอคุณเพชรทำท่าจะอ้าปากงับนิ้วผม ผมเลยดึงมือตัวเองกลับมา
 
ชักจะเหมือนหมาเข้าไปทุกวัน หรือว่าผมเล่นกับเพชรเหมือนน้องหมามากไป
ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย 
 
 


ขับรถต่ออีกครู่ใหญ่ก็ถึงร้านอาหารแถวเอกมัยที่เป็นจุดนัดพบ มองไปที่ลานหน้าร้านมีบิ๊คไบค์คันโตที่คุ้นตาจอดรออยู่ก่อนแล้ว ช่วงสายผมให้คนของบริษัทคุณแม่ขับมาจอดไว้ให้ก่อนอ่ะครับ
 
คุณเพชรทำตาละห้อยเดินนำไปที่ลูกชายตัวเองแล้วลูบๆ คลำๆ สงสัยจะบอกลาลูกรัก ก่อนจะโทรหาลูกค้าของเขาเพื่อบอกว่าพวกเรามาถึงแล้ว รอไม่นานชายรูปร่างสูงใหญ่ก็เดินตรงเข้ามา ผมเป็นฝ่ายส่งยิ้มเบาๆ ให้คนที่มาใหม่ก่อน แล้วเพชรก็เดินเข้าไปทักทาย ก่อนจะตรวจดูรถกันครู่หนึ่ง
 
เพชรอธิบายนั่นนี่เกี่ยวกับตัวรถให้พี่เจ้าของคนใหม่ฟัง โดยที่ผมก็แอบฟังแล้วจำเอาไว้ด้วย
จากนั้นพวกเราก็เดินเข้ามานั่งด้านในร้านอาหารแล้วคุยเรื่องราคากันอีกเล็กน้อย
จริงๆ ก็ไม่ได้ตกลงอะไรกันมากหรอกครับ ทำสัญญาซื้อขายทั่วไปแหละ พี่เค้าแทบไม่สนใจเรื่องราคาเลยจ่ายเต็มทุกบาท
 


“ผมรักรถคันนี้มาก ฝากพี่ดูแลต่อด้วยนะครับ” คนด้านข้างผมพูดเสียงเรียบ ก่อนจะเบนสายตาผ่านกระจกใสมองออกไปด้านนอกที่ลูกชายคันโปรดของเขาจอดอยู่
 
เห็นแบบนั้นผมเลยเอื้อมมือไปตบลงบนหน้าขาของเขาเบาๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ
 
เพชรหันกลับมาสบตากับผมแล้วยิ้มบางๆ พร้อมกับพี่ลูกค้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามพูดตอบ
 

“มั่นใจได้เลยครับ เจ้าของรถคันใหม่จะรักรถคันนี้ไม่แพ้คุณเพชรแน่นอนครับ” เจ้าของเสียงเข้มพูดจบแล้วมองมาที่ผม ก่อนจะส่งยิ้มให้เพชร
 
ทำเอกสารกันเสร็จเรียบร้อย พี่เขาก็รับกุญแจแล้วเดินออกไป คุณเพชรมองออกไปที่ลูกชายของตัวเองอีกครั้งแล้วทำหน้าหงอย
จนผมต้องพูดขึ้นมา
 
“ออกไปลามั้ย”
 
“ไม่เป็นไรดีกว่า” คนด้านข้างตอบเสียงนิ่ง แล้วเลื่อนสายตากลับเข้ามาในร้าน
ก่อนจะคว้าเมนูอาหารขึ้นมาแล้วทำทีเป็นเลือกของกิน
 
ผมคิดว่าให้เขาได้อยู่เงียบๆ ซักพักน่าจะดีกว่า
 
“งั้นเราขอไปห้องน้ำแปปนึงนะ” เพชรพยักหน้ารับ จากนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกมา
 


 
ผมเดินลัดเลาะออกมาโผล่ที่บริเวณหลังร้านที่ติดกับถนนอีกเส้น ยืนชะเง้ออยู่ไม่นานรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่คุ้นตาก็ขับมาจอดตรงหน้าผม
 
คนที่เพิ่งแยกกันเมื่อครู่ ถอดหมวกกันน็อคออกก่อนจะพูดถาม
 
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั้ยครับคุณวีรินทร์”
 
ผมพยักหน้ารับ “เดี๋ยวเอาไปจอดไว้ที่บ้าน ตรงที่จอดรถของวีนะครับ”
 
“ครับคุณวีรินทร์”
 
“ขอบคุณนะครับ”
 
สั่งงานจบผมก็มองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา แล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน
 
ตอนนี้บิ๊คไบค์ของคุณเพชร
 
ไม่สิ!
 
ต้องเรียกว่า บิ๊คไบค์ของคุณหงส์ก็กำลังจะไปจอดประจำอยู่ที่บ้านของผมแล้ว : )
 
อยู่ๆ ก็ได้สมาชิกใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งคัน
 
 
อาจจะฟังดูย้อนแย้ง…ที่ผมอยากให้เพชรเลิกขับมอเตอร์ไซค์ แต่ผมกลับเป็นคนซื้อไว้เอง
แต่นั่นแหละครับ บางทีความคิดคนเรามันก็ซับซ้อนเกินกว่าที่จะคาดถึง

 
 
 

ผมเดินกลับมาที่โต๊ะในจังหวะที่อาหารกำลังทะยอยเสิร์ฟก่อนจะพบว่าคุณเพชรหงอยมากเกินไปแล้ว เพราะถึงแม้ว่าเขาจะพยายามฝืนยิ้มและชวนคุย แต่ความเศร้ามันก็แสดงออกมาอย่างกลบไม่มิด อาการของคนด้านข้างทำให้อาหารมื้อนี้ชืดไปซะสนิท ผิดกับน้ำเสียงใสเมื่อเช้านี้
 
อย่างว่าแหละ พอเจ้าลูกรักของเขาไม่อยู่แล้วจริงๆ ก็คงจะอดสะเทือนใจไม่ได้
แต่สิ่งที่เพชรยังไม่รู้ก็คือว่า ผมเป็นคนล่อซื้อของรักของเขาไปเองแหละ
 

ว่าแล้วเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ แต่ในมือก็หยิบมือถือมาตามเคย
 
“ไงจ๊ะน้องหงส์สายเปย์”
 
ฮึ่ย เกลียดคำนี้จัง
 
ใครเปย์ใคร
เปย์อะไร
 
“เปย์บ้าอะไรมิว…มึงทำไรอยู่วะ”
 
“กูทำอะไรอยู่ไม่สำคัญ สำคัญคือมึงโทรมามีไร” รู้ทันตลอดอ่ะ
 
“เออ เพชรขายรถไปแล้ว แต่ตอนนี้นั่งซึมมาก” ผมบอกเล่าเรื่องราวคร่าวๆ
 
“มึงก็บอกไปดิ ว่ามึงเป็นคนซื้อเอง”
 
“ไม่ได้ กูเพิ่งซื้อมาไม่ถึงชั่วโมง ไปเฉลยแล้วก็ไม่เซอร์ไพร้ส์ดิ่”
 
“อ่าว แล้วมึงจะเอาไง” ได้ข่าวว่าผมโทรไปปรึกษามัน จะถามย้อนกลับทำไม
 
“ถ้ากูรู้ว่ากูจะเอาไง กูจะโทรหามึงเพื่อ”
 
“เออว่ะ งั้นเอางี้” ไอ้มิวทำเสียงทุ้มให้ผมลุ้น
 
“มึงคงต้องเปย์เพิ่ม”
 
เอาจริงป่ะ ฟังแล้วหน้าย่นเข้าหากันโดยไม่รู้ตัวอ่ะ
อาจเพราะผมไม่เข้าใจความหมายของคำนี้ลึกซึ้งเท่าไหร่
 

“เปย์เพิ่มคือไร”
 
“ทำมาแบ๊ว ก็พาเพชรไปใช้เงินดิ่ ช็อปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลง แต่มึงออกตังค์”
 

“เฮ้อออ ทุเรศมิว
ไอเดียมึงนี่มันไม่ได้เรื่อง กูไม่ใช่พวกซื้อผู้ชายกินนะ
มึงลืมไปแล้วหรอ ว่ากูคือวีรินทร์ที่ใครๆ ก็หลงรัก
เพชรชอบกูมาตั้งแต่เริ่มแตกหนุ่ม ทำไมคนอย่างหงส์ต้องใช้เงินจ่ายเพื่ออะไรแบบนี้

แค่กูอยู่สวยๆ เพชรก็หลงจนหัวปักหัวปำแล้ว

รอยยิ้มของเพชร กูเรียกคืนกลับมาด้วยตัวกูเองได้

เพ้อเจ้อ”
 

“เอ๊า แต่มันคือการเรียกรอยยิ้มแบบทางลัดไง”
 
“แค่นี้แหละ รำ”
 
“จ่ะ” ไอ้มิวพูดตอบสั้นๆ ก่อนที่ผมจะตัดสายแล้วส่ายหน้ารัวๆ
 
 
 

16:21
 

“คุณเพชร เราว่าเสื้อตัวนี้ก็เหมาะนะ”
“เห้ย ตัวนั้นก็สวย”
“กางเกงนี้ ทรงเท่ห์มาก”
“รองเท้าคู่นี้คอลเลคชั่นใหม่เลยนิ เพิ่งมาจากฝรั่งเศส”
“นี่กระเป๋าสีนี้ลิมิเต็ด อิดิชั่น คือดีอ่ะ”
“งั้นเอาหมดเลยละกันเนอะ”
 

ผมจรดปลายปากกาเซ็นชื่อตัวเองลงบนใบเสร็จที่วางอยู่ด้านหน้า หลังจากที่พนักงานเพิ่งรับบัตรเครดิตใบสีดำไปรูดชำระค่าสินค้าทั้งหมดที่ผมเพิ่งหอบมาประโคมลงบนร่างแกร่งของคุณเพชร จนเจ้าตัวถึงกับหลุดยิ้มขำออกมา
 

“นี่กลายเป็นสายเปย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
 
ผมสะบัดหน้าเรีวที่กำลังก้มตรวจสอบรายการแล้วเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่พูดแซ็ว
 
“สายเปย์อะไร น่าเกลียด”
 
จากนั้นก็ก้มหน้ากลับมาลงตรวจสอบรายการให้เสร็จแล้วจูงแขนคุณเพชรออกมาจากร้าน
 
ระหว่างที่เดินเล่นในห้างเพื่อหาร้านต่อไปผมก็ยังคงไม่พูดอะไรออกมา
แต่ในหัวผมกลับมือความคิดที่โลดแล่น
 

นี่เราเป็นสายเปย์จริงๆ หรอวะ
 
ไม่ใช่มั้ง
 
เราไม่เคยรู้จักคำนี้มาก่อน
 
เอ๊ะ หรือว่าใช่
 
ถ้าใช่จริงจะดีหรอ
 
ให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้เชียวนะ จ่ายเงินซื้อผู้ชายกิน รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

 

ว่าแล้วผมก็หยุดเดินแล้วหันหน้าเข้าไปจ้องตากับคนด้านข้างแล้วทำนิ่งใส่ ก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาขู่
 
“ห้ามบอกใครนะ”
 
ทั้งที่ผมทำหน้าจริงจัง แต่คนตรงหน้ากลับส่งแววตาทะเล้นกลับมา แถมยังทำท่าจะหลุดขำ
ผมเลยละสายตาจากเขาแล้วกระชากแขนแกร่งให้เดินต่อ คนด้านข้างก็ยอมเดินตามนิ่งๆ
 



จนมาหยุดที่หน้าช็อปมือถือซักค่ายหนึ่ง ชำเลืองด้วยหางตามองเข้าไปด้านในเห็นคนอยู่ในร้านไม่เยอะมาก ว่าแล้วผมเลยจูงแขนคนตัวสูงกว่าเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงโมเดลด้านหน้าที่เอาไว้โชว์
 
“จ่ายค่าโทรหรอ มาเดี๋ยวผมจ่ายให้” เพชรพูดถามแต่เหมือนเป็นแค่ลมที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เพราะผมไม่ได้สนใจ แต่กลับปล่อยแขนคุณเพชรให้เป็นอิสระแล้วหันไปสนใจรับการบริการจากพนักงานที่ทำท่าจะพรีเซนต์คุณสมบัติโทรศัพท์รุ่นใหม่ให้ผมฟัง
 

ผมเดินตามพนักงานเข้าไปด้านในแล้วปล่อยให้เพชรถือถุงช็อปปิ้งพะรุงพะรังยืนงงอยู่หน้าร้าน
 
“เอาสีเงิน 2 เครื่องครับ”
 
ทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว
 

ไม่กี่นาทีต่อมา…ผมก็ถือถุงใส่กล่องโทรศัพท์ออกมา 2 ถุง แล้วเดินกลับมาหาคุณเพชรที่ยืนโชว์ความหล่ออยู่ด้านหน้า เพชรมองมาที่ผมอย่างคนไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
 
ส่วนผมก็ทำหน้าตาแป้นแล้นใส่เขาไปหน่อยนึง ก่อนจะตรงเข้าไปจูงแขนคนที่ยืนทื่ออยู่
มันดูเหมือนเป็นการลากจูงแบบขืนใจซะมากกว่าการเดินควงแขนแฟนด้วยความโรแมนติก
 



ระหว่างที่เราเดินไปลานจอดรถผมเลยหยุด ก่อนจะยื่นถุงสีขาวในมือส่งให้เขาไปถุงนึง
ร่างสูงก้มมองมือผม พร้อมกับรับถุงไปไว้ในมือ
 
“ซื้อมาให้ ใช้ด้วย”
 
คุณเพชรก้มมองของที่อยู่ด้านใน แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาผม
 
“Iphone X”
 
เขาพูดออกมาเสียงเบา พร้อมกับที่ผมพยักหน้ารับ
 

“คุณหงส์หมดไปกี่แสนแล้ววันนี้”
 
“หลายแสน” พูดจบก็ยักคิ้วใส่ไปทีนึง
 
“ทำไมถึงช็อปให้ผมเยอะขนาดนี้”
 
 

คำพูดของคนตรงหน้าทำให้ผมชะงักไปหน่อยนึง
 
ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

 
“เยอะกว่านี้ก็ให้ได้ ขอแค่ให้คุณเพชรเลิกหงอย”

 
 
เพชรนิ่งไปไม่นาน แล้วรอยยิ้มกว้างจนตาหยีก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม
แววตาเป็นประกายมองมาที่ผม
 
“ขอบคุณนะครับ”
 
“สบายมากไอ้น้องของพี่” ทำตัวป๋าซะหน่อย
 
ว่าแล้วก็ยกแขนขึ้นพาดคอคนตรงหน้า แล้วกอดคอเขาเดินตัวติดกันกลับมาที่รถอย่างผู้ชนะ
 
นี่แหละครับ เหตุผลประการที่สอง ที่ควรยกย่องให้ผมเป็นป๋า



ป๋าหงส์

 

ใช่อ่อ?
เหมาะหรอ?
 
ง่ะ…ไม่เอาละกัน

ฮ่าๆ

 
 
 
22:39
 
หลังจากที่วางสายจากคุณแม่คนสวยที่โทรเข้ามาถามเรื่องยอดบัตรเครดิตวันนี้ที่ผมรูดไปเยอะ
ตอนแรกแม่ตกใจนึกว่าลูกชายถูกขโมยบัตร

แต่พออธิบายใจความสำคัญให้ท่านฟังทุกอย่าง แม่ก็โอเค ไม่ได้ว่าอะไร
 
แต่ก็มิวายโดนแซ็วว่าสายเปย์
ชักจะไม่ชอบคำนี้เอามากๆ แล้วนะ หึ
 
คุยจบผมก็ลุกไปอาบน้ำระหว่างนั้นคุณเพชรที่เห่อไอโฟนเครื่องใหม่ก็นอนเล่นอยู่บนเตียงไม่ยอมวาง แหม บอกให้ซื้อเองไม่ยอมซื้อ พอซื้อให้ทำมาเป็นยิ้มหูตั้ง
 
อาบเสร็จก็มาไล่เพชรไปอาบบ้าง ทาครีมบำรุงเรียบร้อยผมก็หรี่ไฟในห้องลงให้สลัว แล้วกระโดดขึ้นมานอนเล่นบนเตียงก่อนจะหลับไปจริงๆ


แต่เคลิ้มหลับได้ไม่นานก็ต้องรู้สึกตัวตื่นเพราะรู้สึกเหมือนถูกรบกวนจากอีกคน
 
พร้อมด้วยเสียงกระซิบกระซาบข้างหู
 

“สดนะ”
 
“วันนี้สดนะ”


 
ผมพลิกตัวหนี แต่เขาก็ยังตามมา ‘สด สด’ อะไรนี่ อยู่ข้างหูไม่เลิก
 
ถูกกวนให้ตื่นเลยต้องปรือตาขึ้นมองอย่างคนสลึมสลือ
 
 

ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ว่าอะไรคือสด หรือไม่สด
 
ดูบอลหรอ ก็ไม่เกี่ยว ไม่เห็นต้องมาบอก ถ้ากลัวจะรบกวนผมก็ไปดูที่ห้องนั่งเล่น
 
 

ระหว่างที่กำลังนอนกระพริบตาปริบๆ มองคนตรงหน้าทำนั่นทำนี่
 
มือไวของเขาก็ไล้ไปทั่วร่างกายผมอย่างซุกซน พร้อมกับที่ริมฝีปากสวยพูดว่า ‘สดนะครับ’ ไปเรื่อยๆ
 


“สดนะครับ อยากรู้ว่าฟีลมันจะดีแค่ไหน”

 
 
ก็คงจะดีอยู่นะ
 
อะไรสดๆ น่าจะดี เหมือนแบบปลาหมึกสด แซลม่อนสดก็อร่อย

 
 
ผมพยักหน้ารับอย่างคนไม่ทันคิด เพราะมัวแต่นึกถึงของกิน
 

 
แต่ทันทีที่สมองคิดได้ ผมก็รู้ทันทีว่าคุณเพชรพูดเรื่องอะไร

ว่าแล้วผมตะโกนออกมาเสียงดังอย่างไม่จำยอม
 
 
“ไม่โว๊ยยยยยย”
 
 
 หลังจากนั้นผมก็ถีบคุณเพชรตกเตียง กระแทกพื้นเสียงดัง ‘แอ่ก’




**To Be Continued**

ยอมใจนุ้งหงส์ ยอมใจในความเปย์ผู้นี้
ยอมรับไปเถอะ ฉายานั่นน่ะ เพราะสิ่งที่เธอทำมันมัดตัวเองแล้วหงส์ 55555

อีกประมาณ 2 ตอน ก็น่าจะจบบริบูรณ์กันแล้ววเน้อ
รีดอยากพูดอะไร อ่านแล้วรู้สึกยังไง ชอบมั้ย ก็บอกกันมาได้เลยน้าา ก่อนนิยายจะจบลงอย่างสมบูรณ์ ขอบคุณค้าบบ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 21 : Pay , 9/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-01-2018 20:03:01
มาเปย์พี่บ้างน้องหงษ์
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 21 : Pay , 9/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-01-2018 21:01:21
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 21 : Pay , 9/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 09-01-2018 21:02:36
คุณหงส์สายเป แอบอิจฉาเพชรอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 21 : Pay , 9/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 09-01-2018 21:30:37
โถวววววว เปย์มาขนาดนี้ยังจะมาขอเขาสด คุณเพชรหนอคุณเพชร
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 21 : Pay , 9/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 09-01-2018 22:35:17
โอ๊ยยยยยย รักคู่นี้มากกกก
เป็นความแตกต่างที่ลงตัวจริงๆ

อยากได้เป็นเล่มเก็บไว้เลยยยยย
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 21 : Pay , 9/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-01-2018 00:39:40
โอ้ยยย สายเปย์ที่แท้ทรู5555
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 21 : Pay , 9/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 10-01-2018 18:59:40
โอ๊ยยยยยย รักคู่นี้มากกกก
เป็นความแตกต่างที่ลงตัวจริงๆ

อยากได้เป็นเล่มเก็บไว้เลยยยยย

หูยย กำลังคิดว่ารวมเล่มดีมั้ย 5555
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 14-01-2018 22:01:38
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 22
Family



ได้เรื่อง!!

“สดนะครับ”
“ขอสดนะ”

เสียงนุ่มกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูทำให้คนฟังรู้สึกราวกับต้องมนต์สะกด เจ้าของเสียงกำลังกล่อมให้ใครบางคนเคลิบเคลิ้มไปตามคำขอตามแบบฉบับคนเจ้าเล่ห์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมพยายามต่อต้านด้วยการเล่นบทบู๊ถีบคนหื่นกระเด็นตกเตียงไปแล้ว ก็คิดว่าเจ้าตัวจะล้มเลิกความคิดแล้วยอมนอนแต่โดยดี

แต่ไหงพอคนเจ้าเล่ห์ปีนกลับขึ้นมาบนเตียงได้ เขากลับมาปล่อยมนต์สะกดให้ผมเคลิ้มหนักยิ่งกว่าเก่าด้วยการพูดบอกรักเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ตอนนี้ร่างสูงของคุณเพชรขึ้นมาทับร่างบางของผมที่นอนสลึมสลืออยู่ พร้อมกับที่ริมฝีปากบางซุกไซร้บริเวณข้างหูแล้วพูดกล่อมอยู่อย่างนั้น ไม่นานปากนุ่มของเขาก็เลื่อนลงมาสัมผัสบางเบาแถวต้นคอชวนให้รู้สึกเบาหวิว


เรื่องมือไว ไว้ใจคุณเพชร


ระหว่างนั้นมือไวของคนตัวสูงก็ค่อยๆ เคลื่อนลงไปด้านล่างแล้วสัมผัสกับร่างกายของผมทีละส่วน ทีละส่วน เขาไม่ลืมที่จะออกแรงสะกิดในบริเวณที่ไวต่อความรู้สึก แถมเขายังปลดกระดุมเสื้อแล้วจัดการถอดทุกอย่างที่ปกคลุมเรือนร่างของผมออกได้อย่างรวดเร็ว


คิดจะเป็นเสือ ต้องจู่โจมเหยื่ออย่าให้รู้ตัว


เหยื่ออย่างหงส์ตัวน้อยที่ถูกเสือเพชรตัวใหญ่หลอกล่อด้วยคำหวานพร้อมสัมผัสนุ่มละมุน รู้ตัวอีกทีเจ้าเสือที่จ้องจะขย้ำก็พุ่งมาจ่ออยู่ที่ปากถ้ำเสียแล้ว


เพลี่ยงพล่ำ
พ่ายแพ้



“ไม่เอา อื้ออออ” แน่นอนว่าเหยื่อทุกตัวต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดเป็นธรรมดา แต่ยังไม่ทันจะได้ร้องขอชีวิต เจ้าของดวงตาคมก็มองมาอย่างมีความหมายแล้วเข้าก็ก้มลงมาจัดการประกบปากเข้าด้วยกันไม่ให้เหยื่อได้มีโอกาสพูดเจรจาต่อรอง


ปิดปากได้สำเร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเปิดสิ่งอื่น


มือหนาด้านล่างที่บีบเจลลื่นๆ ไว้ในมือตอนไหนก็ไม่รู้ ได้จังหวะจู่โจมเข้ามาภายในตัวเหยื่อทีละนิ้ว ทีละนิ้ว แม้ครั้งแรกเหยื่อตัวน้อยจะต่อต้านสัมผัสไปบ้าง แต่ด้วยจังหวะที่ลิ้นร้อนซุกซนไปมาในช่องปากหวาน มันดีเกินกว่าที่ร่างบางจะหันเหความสนใจ เลยทำให้คนที่กำลังถูกรุกล้ำอย่างหนักต้องจำยอมแล้วหลับตาปี๋รับสัมผัสอย่างขัดไม่ได้

“อื้มมม”
“อื้ออ อื้มมมมม”

 เสือโหยที่เห็นเหยื่อตัวน้อยกำลังเคลิ้มได้ที่ ถอยอาวุธหลอกกลับออกมา นี่ขนาดยังไม่ใช่ของจริง คนที่ถูกรุกล้ำยังหลับตาปี๋ ลืมตาไม่ขึ้นขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเจอของจริง เจ้าตัวจะร้องเสียงหลงขนาดไหน

ว่าแล้วคนที่ทำอะไรก็ไวไปซะหมดทุกอย่างก็สวนอาวุธจริงกลับเข้าไปด้านในโดยที่คนตัวเล็กยังไม่ทันได้ตั้งตัว จังหวะนั้นเองทำให้เหยื่ออย่างหงส์ดีดดิ้นจนเหมือนกำลังจะสิ้นใจ

แต่เปล่าเลยที่ร่างเล็กตัวขาวใสดิ้นพล่านไปมาเป็นเพราะร่างกายของเขากำลังตอบรับสัมผัสที่เข้ามาใหม่ต่างหากล่ะ


ถ้านี่เป็นการทดลอง ว่าฟีลสดมันจะเป็นยังไง จะรู้สึกดีมั้ย

ร่างบางคงตอบได้เลยว่าเขารู้สึกดีมาก และแน่นอนว่าร่างหนาผู้คิดริเริ่มอยากทำการทดลองก็คงรู้สึกไม่ต่าง

และสุดท้ายผู้ล่าก็ล่าได้สำเร็จ ส่วนผู้ถูกล่าก็ถูกกลืนกินด้วยความเต็มใจ

มันไม่ใช่ภาวะล่าเหยื่อ แต่มันคือภาวะได้ประโยชน์ร่วมกัน

ถ้าเป็นอย่างนั้น คืนนี้ก็ถือเป็นอีกคืนที่ดีของเขาทั้งสองคน




เพราะความอยากของคน มันน่ากลัวกว่าที่คิด
สุดท้ายเราสองคนก็ ส ด กันเรียบร้อย

3 สัปดาห์ต่อมาขณะที่อากาศเมืองไทยเข้าสู่ฤดูหนาวที่ปีนึงจะมีเพียงแค่ไม่กี่วัน นั่นอาจจะทำให้ร่างกายของผมปรับตัวไม่ทันละมั้ง ผมเลยตกอยู่ในสภาพนี้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันร่างบางเลยเป็นไข้หวัดหรือเพราะสาเหตุมาจากอะไรกันแน่

แถมเมื่อเช้าผมยังมาท้องเสียเพิ่มด้วย แม้ว่าเมื่อคืนจะกินส้มตำปูรสจัดมาก็เถอะ ระหว่างที่กำลังหมดแรง ประโยคเด็ดของคุณเพชรก็ลอยเข้ามาในหัวของผม

“สดนะครับ”
“อยากรู้ว่าฟีลมันจะดีแค่ไหน”

ตอนนั้นอ่ะ ฟีลกู๊ด โคตรๆ
แต่ตอนนี้นะหรอ ฟีลแบด สัสๆ


ผมนั่งกุมขมับตัวเองหน้ายุ่งอยู่ที่ปลายเตียงสวมแต่เสื้อเชิ๊ตตัวใหญ่ไม่ได้ใส่กางเกง ก่อนที่ความคิดในหัวจะเริ่มตีกันไปไกล มือเรียวจึงหยิบไอโฟนที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ปลดล็อคหน้าจอออกด้วยใบหน้ายู่ยี่แล้วเข้ากูเกิลเพื่อเสิชข้อมูลอะไรบางอย่าง


‘มีอะไรกับแฟนแบบไม่ได้ป้องกัน’
‘ความเสี่ยงหลังสด’
‘เป็นหวัดหลังจากมีอะไรกับแฟน’
‘HIV ระยะแรก’
‘ตรวจเลือดกี่วันดี’



คุณเคยเป็นมั้ยครับ
ที่บางทีแค่ปวดท้องธรรมดา แต่พอเสิชอาการจากกูเกิล ก็อาจคล้ายเป็นมะเร็งได้

เหมือนผมในตอนนี้ที่ตอนแรกแค่เป็นไข้หวัดธรรมดา แต่พอเสิชกูเกิลหาข้อมูล อาการก็ชักจะไปกันใหญ่


‘ระยะนี้นับตั้งแต่เริ่มได้รับเชื้อ จนกระทั่งร่างกายเริ่มสร้างแอนติบอดี กินเวลาประมาณ 1-6 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลวหรือมีฝ้าขาวในช่องปาก อาการเหล่านี้มักจะเป็นอยู่ 1-2 สัปดาห์ แล้วหายไปได้เอง เนื่องจากอาการคล้ายกับไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่’


กลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ มองหน้าตัวเองในกระจกบานโตแล้วหันซ้ายทีขวาที เพื่อป้องกันการจิตตกไปไกลจากการวินิจฉัยของหมอกู๋ ว่าแล้วผมก็กดโทรศัพท์หาคุณเพชร
 
 

บีเอ็มดับบลิวคันสีแดงของผมขับผ่านบีทีเอสสถานีราชดำริมาครู่หนึ่ง ก่อนที่คนด้านข้างจะเลี้ยวเข้าจอดที่ลานจอดรถเมื่อถึงจุดหมาย คุณเพชรดับเครื่องยนต์แล้วชำเลืองมองผมนิ่ง

“พร้อมนะ” ร่างสูงพูดถามเสียงเรียบ

“อื้ม” ผมพยักหน้ารับแล้วมือหนาก็ยื่นมือมากุมมือผมไว้แน่นพร้อมสบตาให้กำลังใจ

ในใจของผม ผมเชื่อนะว่าคุณเพชรและตัวผมเองปลอดภัย
แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีได้ดีเท่ากับวิธีทางวิทยาศาตร์ ฉะนั้นการมาวันนี้มันจึงเป็นความสมัครใจของเราสองคน

เปิดประตูเข้ามายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ไม่นาน ก็เห็นเครื่องกดบัตรคิวตั้งอยู่ตรงทางเข้า
“จากที่อ่านมา ต้องกดบัตรคิวก่อน” คนด้านข้างพูดบอกผมแล้วเดินนำไปกดบัตรคิว

อาจจะเพราะเรามากันตั้งแต่เช้าเลยทำให้คนยังมาไม่เยอะ ไม่ต้องรอคิวนาน หลังจากนั้นก็ไปลงทะเบียนออนไลน์ ซึ่งผมกับคุณเพชรยังไม่เคยมากันทั้งคู่ และด้วยความที่ไม่ใช่คนใช้ชีวิตสนุกกับเรื่องเซ็กส์ไปเรื่อย เลยอาจจะทำให้เรามองข้ามตรงนี้ไป

ลงทะเบียนเรียบร้อยก็มานั่งรอชำระเงิน

หน้าห้องเจาะเลือด ระหว่างที่กำลังรอคิว ผมกับเพชรก็นั่งเงียบ ไม่มีใครคุยกัน มีบ้างทีที่เหลือบไปมองจอด้านบนแล้วนับว่าจะถึงตาตัวเองเมื่อไหร่ ผมยอมรับว่ารู้สึกกดดันระดับนึง แถมยังมีหลากหลายคำถามในหัวที่ตีกันอยู่

“กลัวเข็มมั้ย” อยากชวนคุยให้บรรยากาศมันผ่อนคลายขึ้นเลยถามออกไป

คนที่นั่งอยู่ด้านข้างหันมายิ้มแล้วส่ายหน้า “คุณหงส์ล่ะครับ”

“เราก็ไม่กลัวเหมือนกัน” ผมคลี่ยิ้มบางๆ

“แล้ว...กลัวผลที่จะออกมาเปล่า” เพชรถามคำถามที่ผมก็แอบถามตัวเองในใจ

ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วพยักหน้า เพราะถึงแม้เราจะมั่นใจในตัวเองและคู่รักของเรามากแค่ไหนก็ตาม แต่ก่อนหน้านี้เราเพิ่ง ‘ส ด’ กันไป นั่นจึงทำให้ผมหวั่น


“ก็กลัวนะ...แต่จะออกมาเป็นยังไง ก็ต้องยอมรับอ่ะ
อีกอย่างพวกเราก็เคยเรียนมาแล้ว ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด”

ถ้ามีอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้น หลังจากนี้เราก็คงต้องดูแลตัวเองให้ดี

“โอเค เยี่ยมมาก” เพชรชูนิ้วโป้งให้ผม ผมยิ้มรับ

หลังจากนั้นก็ถึงคิวเจาะเลือด เราสองคนแยกกันไปเจาะคนละห้อง โดยที่ผลตรวจเลือดจะออกหลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง

เพื่อให้เราผ่อนคลายความเครียดมากขึ้น ระหว่างนั้นคุณเพชรเลยชวนผมไปปั่นเรือที่สวนลุมเพื่อฆ่าเวลา เราเช่าเรือเป็ดมาลำนึง แล้วขึ้นไปนั่งปั่นเล่นกินลมสบายๆ รับแดดร้อนยามสาย ผลัดกันเล่าประสบการณ์ชีวิต เรื่องนั้นเรื่องนี้ที่ยังไม่เคยแชร์ให้กันฟัง ได้เห็นมุมมองที่แตกต่างออกไปของกันและกัน ก็ได้เวลาครบ 1 ชั่วโมงพอดี



ผมกับคุณเพชรกลับมารอฟังผลที่หน้าห้องหมายเลขข้างกัน ระหว่างนั้นเรานั่งเงียบ ไม่ได้คุยอะไรกัน ส่งยิ้มให้กันบ้างเป็นระยะ ต้องยอมรับตรงๆ ว่ามาถึงตรงนี้แล้ว อีกไม่กี่นาทีก็จะได้รู้ผล สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงแค่ทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดอะไร

วินาทีที่เข้าไปฟังผล ยอมรับว่าใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา มือเปียกไปด้วยเหงื่อ แถมยังแอบมือสั่นพอสมควร ตอนเดินแบบครั้งแรกสมัยมอปลาย ผมยังไม่สั่นเท่านี้เลย

ถึงแม้ว่าเราจะมั่นใจ แต่วินาทีที่ต้องยืนปากเหว เชื่อว่าใครๆ ก็ใจสั่น
 
ผมรับผลตรวจมาไว้ในมือแล้วรีบเปิดดู หลังจากนั้นก็พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาอีกเล็กน้อย รอคุณเพชรออกมาเจอกันด้านหน้า เรายิ้มให้กันแล้วพยักหน้า



ทุกอย่าง...
ปกติครับ : )




สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากวันนี้คือการตรวจเลือดและตรวจสุขภาพเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ
ถ้าวันนี้ผมไม่เป็นหวัดแล้วก็ท้องเสียผมก็คงไม่มา
ผมรู้เลยว่าบางทีเราก็ใช้ชีวิตอย่างละเลยบางอย่างไป
ที่สำคัญที่สุด เราต้องรักตัวเองและดูแลตัวเองให้ดี เพราะชีวิตเรามีแค่ชีวิตเดียว




13:45


ช่วงบ่ายหลังจากที่แวะหาหมอที่โรงพยาบาลเรียบร้อย ผมก็นัดกับไอ้มิวที่ยิมมวย เพราะมันโทรมาวอแวอยากต่อยมวยตั้งแต่หลายวันก่อน ซึ่งผมก็เพิ่งจะมีเวลาว่างก็วันนี้แหละ แต่ว่างทั้งทีก็ดันไม่ค่อยสบายซะงั้น เลยขอส่งตัวแทนในการสู้ครั้งนี้

มุมแดง ‘คุณเพชร ศิษย์ลูกพี่หงส์’ ไปลงสนามเจอกับมุมน้ำเงิน ‘ไอ้มิว ศิษย์แมวสมชาย’ โดยมี ‘ครูมะขาม ศิษย์มะขามป้อม’ เป็นกรรมการครับ

“เอ๊า ทำไมยังไม่เปลี่ยนชุด” ครูมะขามป้อมพูดถามผม ผมแอบเติมป้อมให้ครูเองแหละ ตามความยาวของขา ฮ่าๆ เลวว่ะ

“ไม่อ่ะครับครู วันนี้ไม่สบาย ขอนั่งดูเงียบๆ ดีกว่า” ว่าแล้วก็นั่งแหมะลงที่ขอบเวทีอย่างคนที่เริ่มหมดพลัง

“ท่าทางเพชรจะจัดหนัก” ครูพูดแซ็ว ผมแค่ชำเลืองตามอง แต่คนตัวสูงกลับแก้ตัวใหญ่

“เปล่านะครับครู หงส์เค้าป่วยเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยต่างหากล่ะ”

“โว๊ะ ทำมาเขินวุ้ย ดูหน่วยก้านก็รู้แล้ว ว่าอย่างเพชรเนี่ย มันหื่น” นักมวยมักจะพูดตรงแบบนี้แหละ ถูกของครู ผมยืนยัน หึหึ

“โห่ยครูค้าบพอเถ๊อะ” เพชรยกมือขึ้นไหว้ครูเป็นเชิงขอให้หยุดพูด แล้วหันมาพูดกับผม
“ไหวนะคุณ อยากนอนพักมั้ย” เขาเอาหลังมือยกขึ้นมาแตะหน้าผากผม

“ไหวๆ” ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นกุมมือคุณเพชรที่อยู่ตรงหน้าผากตัวเองแล้วเลื่อนลงมาไว้ที่ข้างแก้มพร้อมกับเอนหัวลงไปซบ คนตรงหน้าเลยใช้มืออีกข้างมาลูบหัวผมอย่างเบามือก่อนจะก้มลงมาจูบหน้าผาก ส่วนผมก็หลับตาพริ้ม
 
“นี่ค่ายมวยนะครับ ไม่ใช่โรงแรม โว้ยยยยยยยย” เสียงอีแร้งมิวดังขึ้นทันที ผมก็รออยู่ว่ามันจะพูดขัดจังหวะตอนไหน คนอย่างมันเห็นภาพแบบนี้เป็นต้องจิกกัดทุกที มันทนไม่ได้หรอก ทำตัวเป็นพวกโหยหาความรัก ขี้อิจฉา 

ว่าแล้วเลยลืมตาขึ้นสะบัดหางตามองไอ้มิวนิ่งๆ ก่อนจะเบะปากใส่  “อีห่ามิว”

“เดี๋ยวมึงโดน” มันชี้มือมาที่ผมแล้วยิ้มขำ ส่วนผมก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่

“โดนอะระ มึงดิ โดนเพชรจัดแน่มิว” ผมละสายตาจากไอ้มิวหันกลับมามองคุณเพชร แล้วยืนขึ้นทำท่าเป่ากระหม่อม ผมลูบหัวเพชรไปมา ทำปากมุบมิบท่องคาถาแล้วเป่าสามที

ทั้งคุณเพชร ครูมะขามป้อม และไอ้มิวหัวเราะผมกันใหญ่ ผมเลยขู่เสียงดังว่า
“ถ้าคุณเพชร ศิษย์ลูกพี่หงส์ชนะก็เพราะอาคมกูนี่แหละมิว”

“สู้มันให้ได้นะเพชร” ปลุกใจคุณเพชรพร้อมกับใส่นวมให้เขาด้วย

“สู้ไม่ได้หรอก มึงก็รู้แฟนมึงกากจะตาย” ไอ้มิวคนเดิมพูดแขวะ ก็จริงของมันแหละ คุณเพชรเตะต่อยใครก็แพ้ แต่วันนี้มาแปลกเสนอตัวสู้กับมิว

“สู้ได้อยู่แล้ว เดี๋ยวนี้เพชร ศิษย์ครูฝีมือดีไม่เบา” ผมหันมองต้นเสียงแล้วย่นคิ้วเข้าหากัน

“ยังไงอ่ะครู”

“ก็เดี๋ยวนี้...”

“ชู่ๆๆๆ” คนที่โดนพูดถึงยกมือทำท่าห้าม เห็นแบบนั้นครูเลยต้องหยุดพูดแล้วทำทีเปลี่ยนเรื่องให้คู่ชกเตรียมตัวให้พร้อม ส่วนผมก็หันกลับมาจ้องคนของตัวเองแล้วมองจ้องอย่างสงสัย

คุณเพชรเห็นผมจ้องเลยหนีไปวอร์มร่างกายทิ้งให้ผมนั่งครุ่นคิดอยู่คนเดียว

และหลังจากที่ผมได้นั่งดูสองคนนั้นบนสังเวียนผมก็พอเข้าใจแล้วว่าที่ครูมะขามบอกว่าสู้ได้อยู่แล้วหมายความว่ายังไง เขาต้องแอบมาเรียนมวยแบบลับๆ ไม่ให้ผมรู้แน่นอนฝีไม้ลายมือของคุณเพชรถึงได้ดีขึ้นอย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้

ต้องแบบนี้สิครับแฟนหงส์



 
“แอบมาเรียน ก็ไม่บอก”

“ใครแอบมาเรียน ไม่มี๊” เสียงสูงเชียว

ผมมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังยืนเป่าผมอยู่ในห้องแต่งตัว เขาพันผ้าเช็ดตัวสีขาวปกปิดส่วนล่างเอาไว้ หลังจากที่ออกมาจากห้องอาบน้ำ ส่วนไอ้มิวยังอ้อยอิ่งอาบไม่เสร็จซะที

“เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เล่นๆ ว่ะ” พูดพลางเอานิ้วจิ้มไหล่แกร่ง

“แน่นอนครับ คนอย่างผมไม่เคยเล่นอยู่แล้ว” คนตรงหน้าหันหน้ากลับมาหาผม แล้วมองมาด้วยสาตายไม่น่าไว้วางใจ


หืม อย่ามองแบบนี้ เริ่มรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย


“หยุด” ผมใช้นิ้วเดิมกับที่จิ้มไหล่เขาเมื่อครู่ ดันอกแกร่งของคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ให้หยุดอยู่ตรงนั้น พร้อมกับเงยหน้าขึ้นขู่เสียงแข็ง

“คิดว่าจะห้ามได้อ่อ” มุมปากบางกระตุกยิ้มเลว

ผมส่ายหัวใส่ก่อนจะวางมือลงบนไหล่แกร่งแล้วลูบลงมาอย่างช้าๆ

คุณเพชรดูจะเคลิ้มไปกับสัมผัสอ่อนโยนของผมอย่างง่ายดาย เขาโน้มตัวลงเล็กน้อยแล้วทำท่าจะเอาปากมาประกบกับปากผม

รู้จัก ‘วีรินทร์ ศิษย์เก๋เริ่ด’ น้อยไปซะแล้ว

จังหวะนั้นเอง ผมกระตุกแขนเขาเบาๆ ก่อนจะออกแรงใช้มืออีกข้างหมุนตัวคนตรงหน้าให้หันกลับ แล้วพับแขนแกร่งของเขาเข้าด้วยกันที่กลางหลังกว้าง

“เห้ยย” คุณเพชรอุทานเสียงดัง เมื่อรู้ตัวว่ากำลังเพลี่ยงพล้ำ

ไม่รอช้าใช้มืออีกข้างกดหน้าคมลงไปราบบนโต๊ะ แล้วกระตุกมุมปากยิ้มใส่เขาคืนบ้าง

“ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าใครเป็นศิษย์พี่ ใครเป็นศิษย์น้อง” ผมว่าเสียงร้ายก่อนจะปล่อยร่างสูงให้เป็นอิสระ คุณเพชรลุกกลับมามองผมเคืองๆ “ร้ายนะเรา”

ผมไหวไหล่เบาๆ ก่อนจะหันมาพบว่าไอ้มิวยืนมองอยู่ร้าย



“เพื่อนกูนี่ สายโหดว่ะ” มันพูดพร้อมกับเดินตรงเข้ามา แล้วเดินผ่านหน้าผมไปยืนข้างคุณเพชรก่อนจะตบไหล่ปุๆ
“ส่วนมึง ท่าทางจะเกีย...”


ผมงง
เพชรก็ดูจะงงไม่ต่าง


“เกียไรวะ” คนตัวสูงพูดถามพร้อมกับเสยผมตัวเอง

“เกียมัว...
…กลัวเมีย”

จบคำพูดนั้นผมถึงกับขำก๊ากออกมา สงสัยมิวมันจะแค้นที่วันนี้มันชกแพ้คุณเพชร ส่วนคนที่ถูกล้อว่า ‘กลัวเมีย’ ตอนนี้กำมือแน่น แล้วเอื้อมไปกระตุกผ้าเช็ดตัวไอ้มิวออก ต่อจากนั้นคุณเพชรก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่อย่างผู้กำชัยชนะที่แท้จริงแล้ววิ่งหนีเข้าห้องแต่งตัวไป

ผมที่ยังคงขำอยู่ ก็ขำเข้าไปใหญ่เพราะตอนนี้ ได้แต่ยืนมองเพื่อนตัวเองโป๊แล้วกุมเป้าด้วยสองมือ มิวมันหน้าแดงเขินหนัก ยิ่งพอถูกล้อมันยิ่งดูเขินเข้าไปอีก

“ยี๊ หนอนน้อยน้องมิว”

 “พูดมาก จับทำเมียแม่ง” มันขู่ผม ทำให้ผมต้องรีบวิ่งหนีออกมานั่งรอด้านนอก



ระหว่างที่กำลังนั่งเล่นมือถือรอสองหนุ่มแต่งตัว คุณแม่คนสวยก็โทรมาบอกว่า วันนี้ให้ผมกลับไปกินข้าวเย็นบ้าน แอบแปลกใจนิดหน่อยแต่คิดว่าแม่คงเหงา ผมก็เลยรับปากไป นั่งรอไม่นานสองคนนั้นก็พากันเดินออกมาแล้วทำท่าจะงัดข้อกันอีกรอบ แต่ด้วยความหิวโหย ทุกคนเลยต้องสงบศึกไปก่อน 

“เอ่อ คุณเพชร เดี๋ยวเราต้องกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านอ่ะ พอดีแม่เพิ่งโทรมาบอก”

“อ้าวหรอ งั้นวันนี้ก็ไม่ได้กินด้วยกันแล้วดิ”

“น่าจะอ่า โทษทีว่ะมึง” ตอบแฟนตัวเองเรียบร้อยก็หันไปคุยกับอีกคนที่เดินมาด้วย

“ชิลมาก มึงไปกินกับที่บ้านมึงเถอะ...แล้วมึงเอาไงเพชร จะแดกกับกูหรือแยกกัน”

“แดกกับมึงสองคน เดี๋ยวได้ต่อยกันตายพอดี”

“เออ กูก็ว่างั้น มึงนี่แม่งเลวของแท้ กูสงสัยละว่ามวยนี่ทำให้สามัคคีหรือว่าแตกแยกวะ” คนที่เพิ่งถูกคุณเพชรกระตุกผ้าเช็ดตัวพูดขำ

“นั่นดิ ตอนเล่น ROV ยังเห็นพวกมึงทีมเดียวกันอยู่เลย” ผมว่าสองคนนั้นแล้วก็เดินไปส่งไอ้มิวที่รถ จากนั้นก็แยกย้ายกันครับ

คุณเพชรขับรถกลับมาส่งผมที่คอนโดเพราะคุณแม่ให้ลุงคนขับรถที่บ้านมารออยู่แล้ว ผมเลยแยกกับเพชรตรงนั้น รายนี้ตั้งแต่ขายมอเตอร์ไซค์ก็ยังไม่ยอมขับรถอะไรอีกนอกจากรถผม ผมเลยให้เขาขับ BMW ของผมกลับบ้านตัวเองก่อนวันนี้เพชรจะได้ไม่ต้องนั่งแท็กซี่ 




17:12

ผมกลับมาถึงบ้านก่อนเวลาอาหารเย็น ถามคนในบ้านก็ได้คำตอบว่าแม่กับวีวิศยังไม่กลับมา เลยขึ้นไปนอนหลับต่อบนห้องตัวเองเพราะเริ่มรู้สึกเพลียขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนที่จะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นเพราะมีเสียงก๊อกแก๊กดังอยู่ไม่ห่าง

“ตื่นละหรอ” ผมลืมตาขึ้นมองเห็นเด็กมอปลายที่คุ้นเคยกำลังหยิบจับของบนชั้นหนังสือ

“อื้ม พอดีไม่ค่อยสบายอ่ะวิศ” ว่าพลางขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่งพร้อมปรับโฟกัสมองรอบๆ

“หงส์” ทุกครั้งที่วีวิศเรียกชื่อนี้ มันจะต้องมีอะไร ผมพยักหน้ารับแล้วรอให้น้องพูด
“เดี๋ยววันนี้พ่อมากินข้าวด้วยนะ” จบคำพูดน้องชายตัวแสบ ผมถลึงตากว้างทันที

“ว่าไงนะ”

“วันนี้พ่อมากินข้าวด้วย”

ไม่ผิดแน่นอน ไม่ได้หูฝาดไป ผมถอนหายใจออกมาเสียงดัง

“เค้ากลับมาจากเมกาแล้วหรอ”

“เห็นว่ากลับมาเซ็นสัญญาธุรกิจใหม่มั้ง ถ้ารินทร์ได้ดูข่าวน่าจะเห็น”

“ไม่ได้ดูอ่ะ”

“อื้ม ยังไงก็ใจเย็นๆ นะ วันนี้อย่าหัวร้อนล่ะ”

“ถ้าเค้าไม่มาวุ่นวาย ก็ไม่หัวร้อน” ผมมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วตาขวาง ก่อนจะได้ยินเสียงลอบถอนหายใจจากคนด้านข้าง พร้อมรู้สึกได้ว่าน้องชายหัวเกรียนเดินมานั่งด้านข้าง มือหนาของวีวิศลูบแผ่นหลังผมเบาๆ

 

ถึงเวลามื้ออาหารเย็นที่ผมไม่ค่อยจะเอนจอยเท่าไหร่นัก หนึ่งก็คือไม่ค่อยสบาย และสองก็คือมีแขกที่ไม่ค่อยอยากเจอมาเยือน ผมเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้วว่าวันนี้คงจะต้องเผชิญกับอะไร

ว่าแล้วก็นั่งลงตรงเก้าอี้ประจำของตัวเอง วันนี้แม่ย้ายมานั่งข้างผม ส่วนวีวิศอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วเว้นเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะเอาไว้


ไม่นานผู้ชายสวมชุดสูทสีดำทางการที่ดูเหมือนเพิ่งมาจากการเจรจาธุรกิจ ก็เดินตรงเข้ามาพร้อมด้วยลูกน้องสองคน น่าจะเป็นบอร์ดี้การ์ดของเขามายืนคุ้มกัน


แค่เปิดตัวก็ประหลาดแล้ว กินข้าวในบ้านแต่ต้องใส่สูทเต็มยศพร้อมการ์ดยืนคุม

ผมกับวีวิศยกมือขึ้นสวัสดีตามมารยาท

“สบายดีนะคุณ” เขาพูดถามแม่เสียงเรียบด้วยหน้าตาเคร่งเครียด

ผมลอบมองผ่านๆ ด้วยหางตาก็พอจะรู้ว่า ‘พ่อ’ ก็ยังคงเหมือนเดิม เขาชอบทำหน้าเครียดตลอดเวลา แล้วก็ไว้หนวดเข้ม เขาเคยบอกว่าเพื่อให้ดูภูมิฐาน แต่เพราะพื้นฐานเป็นคนผิวพรรณดีอยู่แล้วคนที่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลยยังดูดีอยู่

“สบายดีค่ะ คุณล่ะคะ” ประโยคคำถามที่แสดงถึงความห่างเหินจากคนที่เคยเป็นภรรยาถูกเอ่ยถามกลับไปบ้าง

“งานยุ่ง กลับจากอเมริกาอยู่ไทย 10 วัน มีเซ็นสัญญา เจรจาเปิดโรงแรมอีกหลายที่”

“ค่ะ ดูแลตัวเองบ้างนะคะ” แม่พูดเสียงเรียบ ก่อนที่ป้านอมที่เป็นแม่บ้านจะตักข้าว


“เราล่ะวีวิศ”

คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมถูกถามบ้าง “สบายดีครับพ่อ”

“อื้ม เรียนชั้นไหนแล้วนะ” ผมรู้สึกสะเทือนใจนิดหน่อยกับประโยคนี้ เพราะแค่ลูกเรียนอยู่ชั้นไหน เขาก็ยังไม่รู้

“ม.6 ครับ”

“ดี เข้ามหาวิทยาลัย เรียนให้ได้แบบวีรินทร์ แล้วก็มาช่วยแม่ดูแลบริษัท เข้าใจมั้ย”

“ครับ” วิวิศพยักหน้าตอบเสียงเรียบ เป็นการจบบทสนทนากับลูกชายคนเล็ก


ต่อไปคงเป็นตาผม

“แล้วเราล่ะวีรินทร์” ผมสบตากับเขาแล้วมองกันนิ่ง

“ปีสามแล้วครับ” ริมฝีปากบางค่อยๆ ขยับตอบอย่างคนฝืนใจตัวเองพร้อมกับนึกถึงคำพูดของเจ้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่มาสั่งเอาไว้เมื่อช่วงเย็นว่า

‘อย่าหัวร้อน’


“เปล่า จะถามว่ายังชอบผู้ชายอยู่มั้ย”


ผมละสายตาจากจานข้าวตรงหน้า สบตากับน้องชายฝั่งตรงข้ามแล้วพยายามสื่อสารอะไรบางอย่างออกไป
 
‘ไม่รับปากนะวิศ ว่ารินทร์จะทำได้’


“ชอบครับ” พูดจบก็สะบัดสายตามองคนที่หัวโต๊ะเหลือบมองวีวิศที่กำลังทำหน้าหวั่นๆ แล้วก็ก้มมองมือเรียวของคุณแม่ที่เอื้อมมาแตะแขนผม

“ทานข้าวกันดีกว่าค่ะ นานแล้วที่ไม่ได้ทานพร้อมหน้าพร้อมตา” เสียงหวานด้านข้างผมเบี่ยงประเด็น ถึงแม้ว่าแม่จะพยายามพูดเสียงนุ่มแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้บรรยากาศอึมครึมบนโต๊ะอาหารตอนนี้ดีขึ้นมาได้เลย

“รสมือป้านอมยังอร่อยเหมือนเดิม ผมชอบ” คนที่นั่งหัวโต๊ะหันไปพูดบอกป้าแม่บ้านที่ยืนอยู่ด้านหลังการ์ดตัวสูงของเขา 

“ขอบคุณค่ะคุณท่าน”


เขาไม่ได้สนใจคำขอบคุณของป้าแม่บ้าน แต่กลับมองมาที่ผมอีกครั้ง

“เมื่อไหร่จะกลับมาชอบผู้หญิง แบบที่คนอื่นเค้าเป็นกัน”

ถ้ายังคงให้ความสำคัญกับประเด็นนี้อยู่ละก็ ดูเหมือนว่าวันนี้คงจะไม่ต้องกินข้าวกันแล้ว

“อเมริกา เค้ามีกฏหมายให้เพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสกันได้แล้วไม่ใช่หรอครับ” ผมไม่ได้มองหน้าใคร แต่กลับยื่นมือไปตักต้มยำกุ้งมาใส่ในถ้วยของตัวเองอย่างเบามือ

“ใช่...แล้วไง” เสียงแข็งพูดตอบพร้อมกับดึงช้อนกลางจากมือผมไปตักให้ตัวเองบ้าง


ผมเหลือบมองเล็กน้อยแต่ก็ไม่สนใจ ก่อนจะทำเป็นตักกุ้งเข้าปากแล้วเคี้ยว

รสชาติเป็นยังไงไม่รู้ รู้แต่ว่ากำลังฝืนกินไปอย่างงั้น

“อยากได้อะไร จะหามาให้ แต่กลับมาชอบผู้หญิง แล้วก็แต่งงาน มีลูก มีเมีย”

ผมตาขวางแล้วคายกุ้งในปากที่ถูกบดเคี้ยวอย่างละเอียดลงมาใส่จานต่อหน้าทุกคน “ขอโทษครับ มันติดคอ”

ดูเสียมารยาทมากใช่มั้ยครับ ผมรู้ แล้วก็ตั้งใจ แต่แค่ไม่เข้าใจว่า ทำไมพ่อไม่เคยคิดจะยอมรับลูกในแบบที่ลูกเป็น

ผมหยิบแก้วน้ำขึ้นมากระดกแล้ววางลงเสียงดัง

“ไม่อยากได้อะไรครับ”

“คุณเลี้ยงลูกยังไง ถึงได้...”

“ก็ดีกว่าคนที่ไม่ได้เลี้ยง” ใช่ ดีกว่าคนที่ไม่ได้เลี้ยงแล้วเอาแต่สั่งคนอื่น หลายปีก่อนที่เจอเขา เขาพูดกับผมยังไง วันนี้เขาก็ยังคงพูดอย่างเดิม

“ไม่เห็นจะต้องมาใส่ใจ อีกไม่กี่วันก็กลับเมกา ไปใช้ชีวิตอยู่ที่โน่น ไปอยู่กับงานที่โน่น
ถ้าผมถามว่าให้พ่อเลิกทำงาน พ่อจะเลิกมั้ยครับ”

“ไม่”


“ก็เหมือนกันครับ พ่ออย่ามายุ่งกับพวกเราเลย
ต่างคนต่างอยู่ แค่ให้รู้ว่ายังไม่ตายจากกันก็พอแล้ว

ผมนึกว่าประเทศเสรีภาพที่พ่อไปอยู่ จะทำให้พ่อเข้าใจอะไรได้มากขึ้นซะอีก แต่เปล่าเลย หึ

ไม่แปลกใจเลย...ว่านักธุรกิจหมื่นล้านที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
แต่ทำไมในเรื่องครอบครัวถึงได้ล้มเหลวไม่เป็นท่า”




เพี๊ยะ



ดีนะ ที่หน้าสวยๆ ของผมไม่ได้ใส่ซิลิโคนเข้ามาแม้แต่ส่วนใดส่วนหนึ่ง
อย่างมากแก้มใสที่เปลี่ยนเป็นริ้วแดงในตอนนี้ก็คงแค่บวม
ประคบเย็นสองสามวันก็คงจะหาย ถ้าต้องไปเรียนก็แค่รองพื้นแล้วก็ทาแป้ง


สิ้นเสียงดังหน้าเรียวสะบัดตามแรงมือพร้อมกับที่ผมพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้


ต่อยมวยแม่งเจ็บตัวกว่านี้ตั้งเยอะ ทำไมแค่นี้ผมต้องทำมาเป็นร้องไห้


ดวงตากลมโตสะบัดขึ้นมองคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะแล้วหยิบไอโฟนที่วางอยู่ไม่ห่างมาไว้กับตัว ก่อนจะวิ่งออกมาพร้อมกับที่ได้ยินเสียงเรียกจากแม่และวีวิศ



**To Be Continued**

ในทุกความเพอร์เฟค มักจะมีอีกด้านนึงที่คนมองไม่เห็นเสมอ หลายคนอาจจะกำลังคิดว่าทำไมน้องหงส์ไม่เคยพูดถึงพ่อเลย ก็ด้วยเหตุผลประการฉะนี้เอง

ตอนนี้เปิดมาด้วยฉาก 'ส ด ส ด' ของคุณเพชรและน้องหงส์ ฟีลตอนสดอ่ะมันดี แต่ฟีลหลังจากนั้นนี่สิ

ตามมาด้วยฉากที่คิดอยากจะใส่เข้ามาในนิยายนานแล้วครับ ตรวจเลือด ที่ส่วนตัวมองว่าเป็นอะไรที่สำคัญมากในคู่รัก ไม่ว่าจะ ชายชาย ชายหญิง หรือหญิงหญิง

ตบท้ายด้วยมาม่าชามเล็ก (รึเปล่า) จากคุณพ่อที่บินตรงมาเสิร์ฟจากอเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพ
แต่กลับไม่เปิดใจยอมรับความแตกต่างเสียเท่าไหร่เลย

เดี๋ยว ทำไมซีเรียส จริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรหรอกน่า 55555 เอาใจช่วงน้องหงส์ ให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้เน้ออออ
ขอบคุณทุกการติดตามนะครับบ เยิฟฟฟฟมากกกมายยย
 
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 22 : Family , 14/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-01-2018 22:24:38
ง่าาา. พ่อใจแคบจัง
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 22 : Family , 14/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 14-01-2018 22:52:07
ไม่ว่ายังไงคนเราก็ยอมรับได้ยากว่าคนอื่นต่างจากเรา แม้กระทั่งคนเป็นพ่อแม่ คำว่า"ปกติ"ในแบบเขาคือแบบไหน พระเจ้าสอนให้เราทุกคนรักกัน ไม่เคยให้แบ่งแยกมีแต่มนุษย์ผู้ต่ำต้อยแบบเราๆเองนี่แหละที่แบ่งแยกคนด้วยกฏเกณฑ์ต่างๆ ถ้าเรายอมรับว่าคนอื่นต่างจากเราได้เมื่อไหร่โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นมากๆๆๆๆ จริงๆ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 22 : Family , 14/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 14-01-2018 23:56:41
ง่าาา. พ่อใจแคบจัง

 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 22 : Family , 14/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-01-2018 00:55:12
 :a5:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 22 : Family , 14/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 15-01-2018 17:04:30
ไม่ว่ายังไงคนเราก็ยอมรับได้ยากว่าคนอื่นต่างจากเรา แม้กระทั่งคนเป็นพ่อแม่ คำว่า"ปกติ"ในแบบเขาคือแบบไหน พระเจ้าสอนให้เราทุกคนรักกัน ไม่เคยให้แบ่งแยกมีแต่มนุษย์ผู้ต่ำต้อยแบบเราๆเองนี่แหละที่แบ่งแยกคนด้วยกฏเกณฑ์ต่างๆ ถ้าเรายอมรับว่าคนอื่นต่างจากเราได้เมื่อไหร่โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นมากๆๆๆๆ จริงๆ


จริงที่สุดเลย ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 22 : Family , 14/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-01-2018 18:40:11
สะเทือนใจกับตอนนี้มาก คนเป็นลูกโดนบุพการีตบหน้าเนี่ย ความรู้สึกมันแย่กว่าการบอกให้กลับมาเป็นผู้ชาย อีกนะ
หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 23-01-2018 20:12:31
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 23
Hug



ช่วงเย็นที่ผมนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องตัวเองแล้วคิดถึงใครบางคนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้กำลังทำอะไรอยู่ ก็ตั้งแต่แยกกันที่คอนโด คนที่บอกว่าต้องกลับไปกินข้าวกับที่บ้านก็ไลน์มาบอกว่าถึงบ้านแล้วในช่วงห้าโมงกว่า หลังจากนั้นเจ้าตัวก็หายเงียบไปจนถึงตอนนี้ เพราะเห็นว่าเป็นแฟมิลี่ไทม์ของคุณเขาก็เลยไม่ได้โทรไปกวนครับ

คนรออย่างผมเลยทำได้แค่หยิบแม็คบุ๊คตัวโปรดออกมากางพร้อมกับเปิดโฟลเดอร์พิเศษที่เก็บภาพถ่ายใครบางคนเอาไว้นับพัน

คนที่มักจะถูกผมแอบถ่ายเวลาที่ทำหน้าเหวอหรือไม่ก็เป็นจังหวะที่เจ้าตัวกำลังเผลอ อาศัยความมือไวของตัวเองลั่นชัตเตอร์แล้วเก็บภาพพวกนั้นไว้ดูคนเดียวเพราะว่าหวง

ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยชอบภาพทีเผลอพวกนี้ซักเท่าไหร่ แต่ผมกลับชอบมันมากกว่าภาพแสงสวยที่ลงในอินสตาแกรมของเขาให้คนติดตามเกือบแสนพวกนั้นดูซะอีก


เห็นภาพของคุณเขาเมื่อไหร่ ก็ต้องเผลอยิ้มกว้างออกมาทุกที

ไม่เคยเบื่อเลย
แล้วก็ไม่เคยคิดจะเบื่อด้วย

คิดถึงจัง



ครู่หนึ่งไอโฟนเครื่องใหม่ที่ใครบางคนซื้อให้ก็ดังขึ้นเรียกผมให้หลุดออกจากภวังค์เหม่อ ผมละสายตาจากจอกว้างตรงหน้าแล้วก้มมองหน้าจอที่เล็กกว่าด้านข้างกำลังสว่างวูบวาบ ก่อนจะเห็นว่าใครบางคนที่โทรเข้ามาคือคนที่กำลังถูกผมคิดถึงอยู่นั่นเอง

รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้ว ถูกฉีกให้กว้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับมือหนาที่รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย


“คิดถึงผมหรอค้าบ” พูดจบก็รอฟังว่าอีกฝ่ายจะตอบว่ายังไง

คุณหงส์ชอบหาว่าผมขี้อ้อน แถมยังตั้งฉายาให้พฤติกรรมนี้ของผมว่า ‘ความเพชร’ ทั้งที่ก็ไม่ได้รู้ตัวเองเลยว่าเขาก็มี ‘ความหงส์’ หมายถึงความขี้อ้อน อยู่เยอะเหมือนกัน

ถ้าเป็นปกติหงส์ก็จะต้องตอบว่าผมหลงตัวเองหรือทำเสียงจะอ้วกใส่ แต่สุดท้ายก็จะยอมรับโดยดีว่าคิดถึงผม แปลกตรงที่ครั้งนี้คนในสายเงียบไปไม่ยอมพูดอะไรตอบกลับมา

“…”
คนที่โทรเข้ามายังคงเงียบ

“หงส์ได้ยินผมเปล่า”

“คุณเพชร” คนในสายเรียกผมสั้นๆ

ทำไมน้ำเสียงหงส์แปลกไป เสียงสั่นเครือไม่สดใสเหมือนทุกครั้ง แถมผมยังได้ยินเสียงรถวิ่งไปมาเสียงดังเหมือนกับว่าเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านแบบที่บอกผมเอาไว้

“ครับ คุณหงส์มีอะไรรึเปล่า” ผมว่าผมจับสังเกตความผิดปกตินี้ได้

“อื้ม...คุณเพชรมารับเราหน่อย นะ”

ยิ่งพอคุณหงส์พูดยาวขึ้น เสียงเขายิ่งเหมือนคนกำลังพยายามกลั้น กลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้


ให้ตายเถอะ ตอนนี้ผมเริ่มใจไม่ดีแล้ว


“คุณอยู่ไหน” ไม่รอให้ตัวเองพูดจบผมก็พุ่งตัวขึ้นจากเตียง หยิบกุญแจรถพร้อมกระเป๋าสตางค์แล้ววิ่งออกมาจากห้องทันที

“เรา เรา เราอยู่ริมถนนแถวบ้าน...”

“หงส์อยู่กับใครอ่ะ” แล้วทำไมถึงได้ไปอยู่ริมถนนแบบนั้น นี่ถ้าได้ยินไม่ผิดคือกำลังจะร้องไห้ใช่มั้ย

“คนเดียวอ่ะคุณเพชร” ยิ่งพูดยิ่งเสียงสั่น

“คุณโอเคเปล่า” ถามออกไปทั้งที่รู้คำตอบในใจอยู่แล้ว

“หึ ฮึก ฮึก”
 

บ้าเอ้ย ใครทำแฟนกูร้องไห้วะ
ไอ้สัส!


อย่าให้กูเจอหน้าแม่งนะ กูจะต่อยให้ยับเลย
ถึงแม้กูจะเพิ่งต่อยมวยเป็นก็เถอะ!

ผมห้ามหงส์ไม่ให้พูดคำหยาบ แต่ตอนนี้ผมกลับหลุดเอง
ช่างแม่งละครับ


“คุณรออยู่ตรงนั้น อย่าวางสายนะ ผมจะรีบไป”

แล้วผมก็วิ่งเร็วที่สุดในชีวิต แถมตอนที่ผมวิ่งผ่านห้องนั่งเล่นที่ครอบครัวกำลังนั่งดูทีวีกันอยู่ ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวพร้อมกับที่คุณแม่ตะโกนถาม

“น้องเพชรรีบไปไหนครับ”

“หงส์ร้องไห้ครับ” ผมตอบกลับอย่างไม่ได้สนใจเท่าไหร่
แม่คงจะงงว่า หงส์ร้องไห้คืออะไร แต่เดี๋ยวไว้ผมค่อยกลับมาเล่าให้แม่ฟังอีกทีละกัน



ไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็กระโดดเข้าไปนั่งอยู่ในรถสีแดงคันสวยของคนในสาย แล้วก็ขับเจ้าบีเอ็มดับบลิวราวกับว่ามันเป็นเครื่องบินยังไงยังงั้น ยิ่งพอได้แตะบัตรขึ้นทางด่วนเท่านั้นแหละ นาทีนั้นผมได้แต่คิดในใจว่า จับก็จับ ปรับก็ปรับ ขอแค่อย่าตกทางด่วนก็พอ

ระหว่างนั้นผมก็เปิดลำโพงแล้วจดจ่อกับการฟังเสียงคนในสายว่าพูดอะไรมาบ้างมั้ย

“คุณหงส์ยังอยู่มั้ยครับ”

“อื้ม” หงส์ตอบรับเบาๆ พอให้ผมรู้ว่าเขายังคงฟังผมอยู่

“อย่าวางสายนะครับ”


อย่างน้อยให้ผมรู้ว่าแฟนตัวเองยังปลอดภัยดี แม้คุณเขาจะไม่พูดอะไรเลยก็ตาม
...แค่อยากให้รู้ว่าผมอยู่ไม่ห่าง



“หงส์”
“ผมใกล้ถึงแล้ว รอแปปเดียวนะ”

ตามองถนน ปากพูดกับหงส์ หูฟังเสียงตอบรับ ส่วนสมองก็ไม่ยอมหยุดคิด

ไม่รู้ว่าคุณหงส์ยืนอยู่ในที่เปลี่ยวแค่ไหน
ถ้าเขาถูกทำร้ายอย่างน้อยเขาก็เตะต่อยเก่ง หงส์เป็นมวย ป้องกันตัวเองได้แน่นอน แต่ถ้าพวกมันมีอาวุธหงส์จะสู้ได้มั้ย

ว่าแต่หงส์จะไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อช่วงเย็นคุณเขาบอกว่ากลับไปกินข้าวกับที่บ้าน

หรือจะเป็นเรื่องที่บ้าน แต่จากที่ผมเคยสัมผัสครอบครัวคุณหงส์ ทั้งคุณแม่ แล้วก็วีวิศ รวมทั้งฟังจากที่คนตัวเล็กเล่า ก็ไม่น่าจะมีประเด็นอะไรให้ถึงขั้นต้องร้องไห้เสียงสั่น แล้วหนีออกมาอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้

เห้ย! หรือจะมีอุบัติเหตุ ถ้ามีอุบัติเหตุจริง หงส์คงโทรหาโรงพยาบาลก่อนโทรหาผม

หลากหลายความคิดผมตีกันไปหมดครับ เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แถมคนในสายก็ดูเหมือนสติหลุดไปแล้วด้วย เพราะถามอะไรเจ้าตัวก็พูดไม่รู้เรื่อง



ผมกำพวงมาลัยแน่นพร้อมกับเหยียบคันเร่งเพื่อสปีดรถให้เร็วขึ้นไปอีก พอใกล้ถึงก็ถามพิกัดคุณหงส์ให้แน่ชัด เขาบอกว่ายืนอยู่แถวปั๊มน้ำมัน

นึกแล้วก็อยากจะโมโหที่คนตัวเล็กบอกว่ายืนอยู่ริมถนนใต้ต้นไม้แถมปั๊มน้ำมัน ผมละสงสัยจริงๆ ว่าทำไมคุณหงส์ไม่เข้าไปยืนรอในปั๊ม ยังไงซะมันก็น่าจะปลอดภัยกว่า

แต่เอาเถอะครับนี่ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาสร้างปัญหาเพิ่ม สิ่งที่ผมต้องทำก็คือไปเอาตัวคนที่ผมรักกลับมาให้เร็วที่สุด

ไม่นานก็ถึงปั๊มน้ำมันที่ว่า ผมชะลอความเร็วลงแล้วชะเง้อมองคนที่คุ้นตา ถึงแม้ร่างบางของเขาจะยืนอยู่ในมุมมืดแต่ออร่าที่มันติดตัวคุณหงส์มันก็ทำให้ผมมองเห็นเขาได้อย่างง่าย



ผมขับรถไปหยุดตรงหน้าคนที่สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงขายาว รองเท้าแตะ ในมือของคุณหงส์ถือโทรศัพท์แนบหูไว้ที่แน่น ผมรีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งเข้าไปหาทันที

ร่างบางที่ดวงตากลมฉายแววตาเศร้าอย่างเห็นได้ชัดโผเข้ากอดผมไว้แน่น ไม่รอช้าผมสวมกอดตอบกลับไปเช่นกัน ร่างเล็กในอ้อมกอดเริ่มตัวสั่นเทาพร้อมกับที่เขาปล่อยโฮออกมาเสียงดังอย่างไม่ต้องกลั้นไว้อีกต่อไป

ความคิดในหัวที่ตีกันเมื่อตอนอยู่บนทางด่วนถูกตัดทิ้งที่ละข้อ ทันทีที่ผมสังเกตเห็นว่าคนตรงหน้าผมปลอดภัยดี ไม่ได้มีอุบัติเหตุ ไม่ได้ถูกทำร้าย ไม่ได้โดนจี้ปล้น

ก็ทำให้โล่งใจขึ้นระดับนึง เพราะอย่างน้อยผมก็อยู่กับคุณหงส์ตรงนี้แล้ว



มือหนาลูบหลังคุณหงส์เบาๆ แล้วบรรจงจูบลงไปบนเรือนผมสีดำขลับที่ส่งกลิ่นหอมติดตัวเขา ก่อนจะปล่อยให้คนในอ้อมกอดได้ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่ โดยที่มีผมช่วยเติมความอุ่นใจให้เขาได้รู้อยู่ไม่ห่าง

ค่อยๆ ส่งผ่านกำลังใจให้คนที่ร้องไห้หนักจนเสียงสะอื้นในอ้อมกอดเริ่มเบาลง คนตัวเล็กกว่าจึงผละผมออกเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับผม เผยให้เห็นดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้ฉายแววเศร้าอย่างชัดขึ้น

เห็นแบบนั้นผมจึงยกมือตัวเองขึ้นประคองเรือนหน้าสวยของคุณหงส์พร้อมกับใช้นิ้วมือช่วยเช็ดน้ำตาออกอย่างเบามือ จากนั้นก็เลื่อนมือหนาขึ้นไปปัดเส้นผมดำขลับที่ปรกหน้าของคุณหงส์ขึ้นให้หน้าสวยได้กลับมาสดใสเหมือนเคย

แล้วผมก็ต้องสะดุดกับรอยแดงข้างแก้มของเขา


บรรยากาศที่มืดสลัวในเวลานี้ก็ไม่อาจกลบรอยนิ้วมือแดง ที่เรียงกันเป็นปื้นใหญ่ประทับบนใบหน้าขาวเนียนของหงส์ได้


“ใคร” ผมถามเสียงนิ่งแล้วจ้องรอยแดงนั่นไม่ละสายตา พร้อมกับใจที่สั่นวูบไหว


“พ่อ




พ่อไม่รักเรา
พ่อเกลียด

เกลียดที่เราชอบผู้ชาย
เกลียดที่เรามีแฟนเป็นผู้ชาย

ฮึก...
ฮึก...

คุณเพชรรู้มั้ยว่าพ่อไม่ได้เลี้ยงเรามา ฮึก
แต่ทุกครั้งที่เจอกัน พ่อก็พูดแต่เรื่องนี้

พ่อตบหน้าเรา

ฮืออออ”


คนตรงหน้าลูบแก้มใสที่มีรอยนิ้วมือสีแดงชัดเพราะว่าตัวเขาขาวมาก มันเลยทำให้รอยที่สองข้างแก้มชัดมาก

เสียงสั่นเครือพูดออกมาทีละประโยคสั้นๆ พร้อมกลั้นความรู้สึกเอาไว้ราวกับว่ามันกำลังจะประทุออกมาอีกรอบ
ฟังแล้วมันจุกในอกอย่างบอกไม่ถูก


“ไม่เป็นไรนะคุณ
ไม่เป็นไรนะ
ผมอยู่ตรงนี้กับคุณนะ” พูดจบก็สวมกอดร่างเล็กเอาไว้ให้แน่น


คำพูดที่ออกมาจากปากสีสวย ฟังแล้วมันเจ็บปวดมากนะครับ
 
‘พ่อไม่รัก’

ต้องรู้สึกแย่แค่ไหน ถึงกลั่นคำนี้ออกมาจากความรู้สึกได้
ถึงแม้ผมจะไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้ แต่ถ้าใครได้พูดออกมา เชื่อว่ามันต้องเจ็บปวดมาก

ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าคุณหงส์จะเสียใจและเจ็บปวดกับเรื่องนี้แค่ไหน
คนที่ให้กำเนิดไม่ยอมรับในตัวตนที่เขาเป็น

ผมน้ำตาคลออย่างห้ามมันไม่ได้เลย



ตอนนี้ทำได้แค่ลูบหลังคนในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน แล้วปล่อยให้คนตัวเล็กได้ปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง

ผมแม่งทำอะไรไม่ได้นอกจากอยู่ข้างๆ คุณเขาเท่านั้น เวลาผ่านไปจนคนตรงหน้าดีขึ้น

“กลับบ้านมั้ยครับ”

ร่างบางส่ายหัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับผละตัวออกมาเงยหน้ามองผมส่งสายตาเศร้า

“กลับบ้านเรานะครับ” ทำเหมือนล่อเด็กด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังเล่านิทาน

พูดจบก็กุมมือบางของคุณหงส์เอาไว้แน่น ผมไม่ได้ถามหงส์แต่แค่บอกให้รู้
 
ก่อนจะเปิดประตูรถออกแล้วจับให้คนตัวเล็กนั่งลงบนเบาะพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยให้เขา เสร็จเรียบร้อยก็เงยหน้ามองใบหน้าสวยที่อยู่ไม่ห่าง ดวงตาเศร้ามองตาผมตอบ ผมสื่อสารบางอย่างผ่านสายตาแล้วพูดกระซิบ


“เพชรรักหงส์นะครับ” 


พร้อมกับที่ปากบางบรรจงจูบลงที่หน้าผากหอมของคนแววตาเศร้า ประทับไว้ไม่นานพอให้คุณเขาได้รู้ว่าไม่ได้สู้อยู่ตัวคนเดียวแล้วจึงปล่อยให้เป็นอิสระ  จากนั้นผมก็วิ่งอ้อมมาขึ้นรถอีกฝั่ง

แล้วพาคุณหงส์กลับบ้าน...
ของผม



ผมยกมือซ้ายของตัวเองหยิบมือขวาของคนด้านมากุมไว้บนตักให้แน่นแล้วขับรถเพียงมือเดียว ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้คุยอะไรกันเลย แต่ผมก็อยากให้หงส์รู้ว่าผมไม่ได้อยู่ห่างจากเขาเลย ระหว่างทางกลับบ้านคนตัวเล็กมองแสงไฟนอกกระจกไปเรื่อยโดยมีผมลอบมองเสี้ยวหน้าคมของเขาเป็นระยะ

ครู่หนึ่งคนด้านข้างก็ขยับตัวนิดหน่อย ทำให้ผมหันไปมองตามการเคลื่อนไขวของเขา หัวสวยเอนลงมาซบแขนผมก่อนที่ตากลมจะปิดเปลือกตาลงสนิทโชว์แผงขนตาหนาให้ชัด แล้วเอามืออีกข้างยกขึ้นมากุมมือผมทับไว้ให้แน่นขึ้น



ผมขับรถไม่เร็วมากเพราะจะได้คอยมองคุณหงส์ด้วย ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ พร้อมกับที่รถคันสีแดงขับกลับมาจอดหน้าประตูรั้วบานใหญ่อีกครั้ง

แปลกใจนิดหน่อยที่ไฟในบ้านยังสว่างอยู่ แต่ทันทีที่ผมขับรถเข้ามาจอดที่โถงด้านหน้าคุณแม่ก็เดินออกมาที่ประตูหน้าห้องโถง จึงทำให้ผมรู้ว่าแม่ยังไม่นอน

พอรถจอดสนิทคุณหงส์ก็รู้สึกตัวตื่นพร้อมกับหันมองซ้ายขวาแล้วขยี้ตาตัวเอง ก่อนจะสบตากับผมแล้วมองมาอย่างคนสงสัย

“คืนนี้นอนที่นี่นะครับ” ใช้น้ำเสียงเหมือนกำลังเป่ามนต์สะกด

“ที่นี่” คนตัวเล็กเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยแล้วถามเสียงเรียบ

“บ้านเราไงครับ”

“บ้านเรา” ดวงตากลมเบิกตากว้าง

“ใช่ครับ”

“ใช่ครับ” แล้วหงส์ก็พูดทวนก่อนจะพยักหน้ากับตัวเอง


เหมือนโดนสะกดจิตจริงๆ
สงสัยจะเพราะว่าเพิ่งตื่นแฮะ เลยดูมึนๆ
น่ารักไปอีกแบบ


จังหวะที่คุณหงส์กำลังทำท่างงประตูรถก็ถูกเปิดออก...แม่เป็นคนเปิดประตูให้หงส์ครับ คนที่นั่งอยู่ยกมือไหว้แม่แล้วลงจากรถ ในขณะที่ผมรีบวิ่งจากอีกฝั่งเดินมายืนข้างหงส์ แม่เดินเข้ามาจับมือคนตัวเล็กที่มาใหม่แล้วพาเข้าไปในบ้าน ส่วนผมก็เดินตามเข้าไป

สองคนที่นำมาก่อนนั่งลงบนโซฟา แล้วคุณแม่ก็หันมามองผม

“น้องเพชร ไปเอาน้ำกับของว่างให้น้องหงส์สิลูก” แม่ยิ้มบางๆ ให้

ผมพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในครัวครู่ใหญ่ เพื่อจะปล่อยให้แม่กับคุณหงส์ได้คุยกัน



ระหว่างที่เดินกลับมาผมชะงักเท้ายืนแอบมองอยู่ด้านนอกก่อน เห็นคุณแม่ลูบหัวแฟนผมอย่างเอ็นดู และดูเหมือนคุณหงส์กำลังเล่าอะไรบางอย่างให้แม่ฟัง แถมตอนนี้ยังมีรอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยอีกด้วย


คิดถูกจริงๆ ที่หายไปในครัวนานสองนาน ปล่อยให้แม่ได้ปลอบใจหงส์ : ) 


ภาพตรงหน้าเรียกรอยยิ้มของผมให้ปรากฏขึ้นมาได้เช่นกัน ไม่รู้ว่าแม่กับหงส์ไปสนิทกันตอนไหนเพราะทั้งสองดูเข้ากันได้ดีมาก

พอเดินกลับเข้ามาพร้อมของว่างในมือถึงได้รู้ว่าแม่ชวนหงส์คุยเรื่องทริปยุโรป รายนั้นก็ชอบยุโรปเหมือนกันเลยเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่พอตั้งใจฟังดีๆ ก็จะรู้ว่าแม่ผมจะหนักไปทางเอาเรื่องตลกของผมตอนเด็กเวลาไปยุโรปมาเผาให้คุณหงส์ฟังเสียมากกว่า

ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนตัวบางก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาบ้าง
 

ถ้าเรื่องตลกของเด็กชายเพชร ทำให้คุณหงส์ยิ้มขึ้นได้ละก็

ผมยอมครับ : )




หงส์คุยเล่นกับแม่จนเวลาผ่านไปพอสมควร เมื่อเห็นว่าคนมาใหม่รู้สึกดีขึ้นแล้วก็ได้เวลาปล่อยตัวเด็กๆ ไปนอน แม่ยกมือเรียกป้าแม่บ้านที่อยู่ด้านนอกเข้ามา

“เดี๋ยวแม่ให้ป้าสุจัดห้องให้น้องหงส์นะ”

ผมถลึงตาโตทันทีที่ได้ยินแล้วรีบพูดขัด “เดี๋ยวครับแม่ ให้หงส์นอนห้องผมก็ได้”

“แน่ะ ได้หรอน้องเพชร” แม่หันมายกยิ้มให้ผมอย่างคนรู้ทัน ส่วนคุณหงส์หัวเราะเบาๆ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“ได้สิครับแม่ เจ้าตัวเค้าไม่เห็นจะขัดเลย ใช่มั้ยคุณหงส์” ผมโยนไปทางคนตัวเล็กบ้าง แต่รายนั้นยังคงพยักเพยิศหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ไปบังคับน้องหงส์เค้า เรานี่นะ” แม่พูดว่าก่อนจะตีมือผมเบาๆ ผมทำหน้ายู่ตอบไป

“ผมเปล่าบังคับซะหน่อย คุณหงส์เต็มใจ ใช่มั้ยครับคุณ” ผมโบ้ยต่อ

แต่ฝ่ายนั้นก็ยังคงนั่งขำ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตามเดิม จนผมต้องยื่นมือไปแตะแขนเขาให้ช่วยตอบ ไม่งั้นคืนนี้มีหวังได้แยกห้องนอนแหงๆ

“ก็ได้คุณเพชร
...เดี๋ยวหงส์นอนห้องคุณเพชรได้ครับคุณแม่” หงส์ตอบผมก่อนจะหันไปพูดกับคุณแม่

“เอางั้นหรอลูก” แหนะ แม่ยังจะขัดอีก ผมตาโตแล้วมองหงส์เพื่อส่งสัญญาณให้เขาพยักหน้า

“ครับ หงส์จะได้ไม่ต้องรบกวนคุณแม่จัดห้องใหม่ครับ”

เยดโด้ จะได้นอนกอดหงส์ในบ้านตัวเองแล้วโว้ยยยย
ดีใจ

“โอเคจ้า ถ้าน้องเพชรแกล้งอะไรฟ้องแม่ได้เลยนะ เดี๋ยวแม่จัดการให้”

“ขอบคุณค้าบ”

“น้องเพชร พาน้องหงส์ไปพักผ่อนได้แล้วลูก”

“ครับแม่”

“ขอบคุณแม่มากนะครับ ได้คุยกับแม่แล้วหงส์ดีขึ้นเยอะเลย” หงส์ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณ

“เชื่อแม่นะลูก ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนไม่รักลูกตัวเอง เดี๋ยวซักวันต้องดีขึ้น”


ปลื้มใจกับภาพตรงหน้าชิบหาย แม่ผมกับคุณหงส์กอดกัน
แม่ผัวกับลูกสะใภ้เข้ากันได้ดีจนน้ำตาจะไหล

จะยากก็ตรงพ่อตา T T



หลังจากนั้นผมก็พาคุณหงส์ขึ้นมาบนห้อง ระหว่างที่ผมกำลังหาชุดให้เขาเปลี่ยน คนที่นั่งอยู่บนเตียงก็โดดลงมาเดินสำรวจห้องนอนผมใหญ่เลย จะว่าไปบรรยากาศห้องนอนผมมันก็ต่างจากห้องขาวๆ คลีนๆ ของคุณหงส์พอสมควร อาจจะทำให้ผู้มาเยือนตื่นตาตื่นใจ

ผมหันมองเห็นว่าอีกคนกำลังซุกซนอยู่ แต่ใบหน้าสวยก็เปื้อนรอยยิ้มอยู่บ้าง
เลยไม่ได้ขัดอะไร


บอกแล้วว่าอะไรที่ทำให้คุณเขายิ้มได้ ผมก็ยอมหมดอ่ะ



สำรวจห้องผมจนพอใจคนตัวเล็กก็หายเข้าไปอาบน้ำอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นผมก็โทรหาที่บ้านคุณหงส์คุยกับวีวิศ แล้วก็คุณแม่ของเขาบอกว่าหงส์อยู่กับผม ทุกอย่างเรียบร้อยดี ก่อนที่หงส์จะออกมาพร้อมกับสวมชุดนอนของผม ตัวโคร่งๆ แต่เขาใส่แล้วน่ารักมาก ผมยิ้มให้คนตรงหน้าก่อนจะจูงแขนคุณหงส์มานั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่บนเตียง

“นั่งนี่ๆ”

“หื้ม”
 
คนตัวเล็กประหลาดใจไม่น้อย ผมให้เขานั่งลงบนเตียงก่อนจะหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นจัด มาประคบข้างแก้มให้คนตรงหน้า

“เอาใจเราอ่อ” ปากบางสีสวยพูดถาม

แซ็วได้แล้ว ดีขึ้นแล้วอะเด่ แถมตอนนี้น้ำเสียงเขาก็ใสแจ๋ว

ผมยิ้มเบาๆ ทั้งที่ในใจโคตรปลื้ม ใจเต้นแรงจนอยากจะกรี้ดเสียงดัง ที่คนตรงหน้ากลับมาดูเหมือนปกติแล้ว

“ก็มีแฟนคนเดียว ไม่เอาใจคนนี้แล้วจะให้ไปเอาใจใครละครับ”

พูดไปแต่ก็ไม่ได้สบตากับคุณหงส์นะครับ

โคตรเขิน

เขินไม่หยุด


“ขอบคุณนะคุณเพชร”

“ขอบคุณที่อยู่ข้างเราในวันที่เราสติหลุด”

มือเรียวเชยคางผมให้หันมาสบตากับเขา ก่อนที่คนตัวเล็กจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

“คบกันมาตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกเขินเราอ่า”

มีหน้ามาพูด ก็น่ารักแบบนี้ใครจะเลิกได้


“ใครเขิน” ผมทำนิ่งแล้วสบตาคุณเขาทื่อๆ

“ก็คนนี้งายยยยย” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็เอื้อมมือขึ้นมาบิดปลายจมูกผมไปมา


โว้ยยย น่ารักเป็นบ้า


“แต่เราขอบคุณคุณเพชรจริงๆ นะ” เสียงแหลมพูดน้ำเสียงจริงจังมองตาผมนิ่ง

“ครับ เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ ใครไม่รักคุณหงส์ แต่ผมรักคุณหงส์นะครับ”

หล่อ
ผมเอง

“บ้า” เขาตอบกลับสั้นๆ แต่รอบนี้คนตรงหน้าหลบตาผมก่อน

ผลัดกันเขิน เออ น่ารักดี  แล้วเขาก็โผเข้ากอดผมอีกครั้ง กอดแน่นด้วย



แถมคนตัวเล็กยังผลักผมให้ล้มตัวลงบนเตียงแล้วเจ้าตัวก็ขึ้นมานอนทับตัวผมเอาไว้
หงส์ขยับเล็กน้อยเอาหูมาแนบตรงอกด้านซ้ายของผมที่มันเต้นเป็นจังหวะดีขึ้นหลังจากได้เห็นรอยยิ้มสวย

 “อยู่แบบนี้แปปนึงนะ”

ประโยคขอร้อง ที่ทำเอาคนถูกร้องขอรู้สึกเหมือนถูกสาปให้อยู่ตามคำสั่ง

“ครับ”

“คุณเพชร ถามไรหน่อยดิ่”

“อื้ม”

แล้วผมก็เงียบ รอว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร



“อันนี้ถามจากใจนะ

ดีขนาดนี้ ทำไมไม่จีบเราตั้งแต่ตอนมอปลาย”



ฟังจบ ผมยิ้มแถมยังดีใจจนตัวแทบลอย

ยิ่งพอนึกถึงคำว่า ‘ถามจากใจ’ ผมยิ่งยิ้มกว้างขึ้น
เพราะมันแปลว่าคนถามคงอยากจะรู้จริงๆ

ถ้าคุณหงส์ถามจากใจ ผมก็ตอบจากใจ


“ตอนนั้น ยังไม่ดีพอไง” ตอบออกไปอย่างที่ใจคิด


“แล้วตอนนั้นกลัวอะไร”


“กลัวคุณหงส์ไม่รัก”


ฟังดูป๊อดเนอะ แต่จริงนะครับ
โอกาสในชีวิตคนเรามันจะมีกี่ครั้งกันเชียว
ผมเลยต้องรอโอกาสที่ผมพร้อม เพื่อที่จะได้ใช้โอกาสครั้งเดียวในชีวิต
แล้วทำให้ดีที่สุด


“แล้วตอนนี้ ไม่กลัวแล้วอ่อ”


“อื้ม ก็กลัวนะ”



“ไม่ต้องกลัวแล้ว”


“หื้มม”
ผมตอบรับในลำคอเบาๆ


“อื้มม”
คนที่ยังคงอยู่บนตัวผมตอบรับกลับมาอย่างไม่สื่อความหมาย


“ฮะ”
อยากรู้ว่าเขาอื้มอะไร เลยใช้น้ำเสียงที่ดูเหมือนเป็นการถาม


“อ่ะ”
แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมพูดอะไรมากกว่านี้


“ง่ะ”
ผมยอมแพ้


“รักนะครับเด็กชายเพชรตัวอ้วน”

ผมไม่อ้วนซะหน่อย
แค่เคยอ้วนต่างหากล่ะ


เห้ย นี่บอกรักเราอ่อ กว่าจะรู้ตัว ทีงี้ล่ะทำไมผมช้า 



ปล่อยให้ร่างบางนอนฟังเสียงหัวใจผมอยู่อย่างนั้นจนเขาหลับสนิท
ไม่ช้าผมก็หลับปุ๋ยตามไป



เห้ย ผมลืมอาบน้ำ !!




**To Be Continued**

'เราจะข้ามผ่านคืนวันที่เลวร้ายไปด้วยกัน ถึงตายไม่หวั่นจะดูแลเธอด้วยชีวิตฉัน'

ตอนที่เขียนตอนนี้ มีแต่เพลงนี้ก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา มันได้จริงๆ
เออยอมแล้ว

คุณเพชร เค้าก็รักคุณหงส์ของเค้าจริงๆ สมแล้วที่รักมานาน ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจ
งือออ น้ำตาจะไหล

#เก๋เริ่ดเชิดหงส์​
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-01-2018 20:49:39
 o13
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-01-2018 21:18:48
จิกหมอนรัวๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-01-2018 21:40:19
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 23-01-2018 21:41:20
งู้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 23-01-2018 23:31:26
กอดคือการบอกรักที่ดีที่สุด สากลที่สุด และใช้ได้เสมอไม่เคยหมดเปลือง



ในวันที่แย่ที่สุดแค่กอดของคนที่เข้าใจเรามันก็ดีที่สุดแล้วจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: bliss diary ที่ 24-01-2018 20:11:16
กอดคือการบอกรักที่ดีที่สุด สากลที่สุด และใช้ได้เสมอไม่เคยหมดเปลือง



ในวันที่แย่ที่สุดแค่กอดของคนที่เข้าใจเรามันก็ดีที่สุดแล้วจริงๆ

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: 98NooNid0831 ที่ 11-09-2018 10:39:40
มาต่อเถอะนะ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 16-09-2019 22:41:46
แงงงงงงงง
คิดถึงเรื่องนี้มาก!
คิดถึงทั้งเพชรทั้งหงส์และคุณคนเขียนเลย

อยากจะขอให้มาต่อ
แต่ก็เข้าใจว่าคุณคนเขียนคงยังติดธุระเนอะ
เอาเป็นว่าถ้ามีเวลา อย่าลืมมาทักทายกันนะคะ
ยังรออยู่เสมอเลยนะคะะะะะ