พิมพ์หน้านี้ - ˢᵐᵃˡˡ ˡᵒᵛᵉ​ "รักใหญ่ไล่รักเล็ก" l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: keywordz ที่ 27-05-2017 12:40:34

หัวข้อ: ˢᵐᵃˡˡ ˡᵒᵛᵉ​ "รักใหญ่ไล่รักเล็ก" l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 27-05-2017 12:40:34
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

********************************************************




*จริงๆแล้วนิยายนี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่ผมเขียนไว้ยังไม่จบ*

*ด้วยเหตุผลหลายประการที่ผมหายไปถึง 2 ปี*

*แต่ตอนนี้สะดวกที่จะมาเขียนต่อจนจบ*

*เลยจะขอทำการเรียบเรียงนิยายใหม่ทั้งหมดเผื่อให้อ่านง่ายและเข้าใจง่ายขึ้น*

*ผิดพลาดประการใด กรุณาติชมได้เลยนะครับ*

*ยังไงผมอยากจะขอกำลังใจให้ผมบ้างนะครับคอมเม้นกันเยอะๆนะ*



++++++++++++++++++++++++++++++++++++




สารบัญ

บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3642364#msg3642364)
Chapter 01 : บังเอิญ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3642365#msg3642365)
Chapter 02 : ฝัน!? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3642505#msg3642505)
Chapter 03 : ยินดีที่รู้จัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3642806#msg3642806)
Chapter 04 : เตี้ยโคตรอร่อย (อาร์ม) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3643074#msg3643074)
Chapter 05 : อร่อยจนลืมเจ็บ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3643642#msg3643642)
Chapter 06 : พิสูจน์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3644118#msg3644118)
Chapter 07 : ตัดสินใจ (อาร์ม) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3644823#msg3644823)
Chapter 08 : จม (อาร์ม) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3645203#msg3645203)
Chapter 09 : ความกลัว  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3646784#msg3646784)
Chapter 10 : ชั่ววู้บ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3647624#msg3647624)
Chapter 11 : พูดในใจ (อาร์ม) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3648713#msg3648713)
Chapter 12 : แน่ใจ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3649464#msg3649464)
Chapter 13 : สับสน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3649824#msg3649824)
Chapter 14 : ปล่อย  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3650949#msg3650949)
Chapter 15 : ยอม  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3651917#msg3651917)
Chapter 16 : จีบ (อาร์ม)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3652631#msg3652631)
Chapter 17 : เปิด  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3655279#msg3655279)
Chapter 18 : เดือนคณะ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3656673#msg3656673)
Chapter 19 : ศึกชิงเตี้ย (อาร์ม) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3658079#msg3658079)
Chapter 20 : หัวใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3662861#msg3662861)
Chapter 21 : ตะวันรุ่ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3666006#msg3666006)
Chapter 22 : ความเข้าใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3667101#msg3667101)
Chapter 23 : ได้ยินไหม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3670624#msg3670624)
Chapter 24 : หื่น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3674495#msg3674495)
Chapter 25 : ติด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3680625#msg3680625)
Chapter 26 : หวาน (http://hhttp://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3686703#msg3686703)
Chapter 27 : อารมณ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3696099#msg3696099)
Chapter 28 : โกหก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3756885#msg3756885)
Chapter 29 : จอง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60072.msg3766474#msg3766474)
หัวข้อ: Re: {Love's 158 cm} รักเตี้ยๆของนาย 158 ซม. Chapter 1 (27/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-05-2017 12:43:17
 :L2: :pig4:กลับมาแล้วหรอ ดีใจ
หัวข้อ: Re: ˢᵐᵃˡˡ ˡᵒᵛᵉ​ "รักใหญ่ไล่รักเล็ก" l บทนำ edited (27/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 27-05-2017 12:43:59
ˢᵐᵃˡˡ ˡᵒᵛᵉ
"รักใหญ่ไล่รักเล็ก"

 
 
 
*เสียงบ่นของคนตัวเล็ก*

 
"โว๊ยยยย" จะเสียงใครละครับ ก็ต้องตัวละครหลักอย่างผมสิฮะ
 
ผมชื่อ "จิม" ครับ ความสูงที่มีก็แค่ 158 ซม. (เหอะๆ ผู้ชายอะไรเตี้ยชิบหาย) นั้นแหละครับ เป็นความหยาบคายน้อยๆ ของผมที่เดี๋ยวต่อไป คุณๆ จะรู้สึกว่า ไอ้เตี้ยนี้มันปากหมาจริงๆ ไอ้หน้าทุเรศๆ กับผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆ ใส่ความปากหมาและตัวเตี้ย สักวันคงโดนกระทืบตายคาทีแน่ๆ
 
"อย่าให้รู้นะ แม่ง ใครสร้างไอ้ชั้นหนังสือพวกนี้" จะมีใครบ้าทะเลาะกับชั้นหนังสือที่เอื้อมไม่ถึงเหมือนผมบ้างล่ะ ไม่มี๊!

"โว๊ะ" เสียงบ่นหงุดหงิดที่ไอ้บ้าหนังสือที่อยากอ่านดันไปอยู่ชั้นบ่นสุดของชั้นหนังสือในห้องสมุดของมหาลัยที่ผมเรียน





...

...

..


ขนาดบันไดต่อขายังไม่ช่วยกูเลยยยยยย!!!!!

ตอนนี้บอกได้เลย ถ้าให้ผมเลือกมีพลังได้หนึ่งอย่างนะ ผมละอยากทำให้ไอ้หนังสือเล่มนั้นลอยมาหาผมจริงๆ (แต่ทำไม่ได้ไง ตายเกิดใหม่ยังง่ายกว่า)


แต่เหมือนพระเจ้าได้ยินเสียงจู่ๆ หนังสือที่วางอยู่ในที่ผมเอื้อมไม่ถึง จากที่มันนิ่งๆ มันลอยผ่านหัวผมไปแล้ว!!


"เห้ย!!" ไอ้บ้าตัวไหนไม่รู้ แม่งมาหยิบหนังสือที่ผมเลือกไว้แล้วว่าวันนี้จะยืมไปอ่าน...

ทีนี้ พวกคุณจะเข้าใจความหยาบคายของผมมากขึ้น เพราะไอ้การโมโหจนลืมตัวที่ชาร์จมาตั้งแต่การเอื้อมหยิบหนังสือไม่ถึง มันมาระเบิดเอาตอนที่... ไอ้ตัวหาเรื่องข้างหลังที่ปาดหน้าเค้กเอาหนังสือไป มันต้องเจอศอกประทับหน้าซักที


"เชี้ย!" ผมกระแทกศอกไปด้านหลังตัวเองทันที แต่ไอ้ที่คิดไว้ว่า พลังศอกจะไปโดนเบ้าหน้า (ก็คิดว่าคนปกติคงไม่ได้สูงแบบมัน) ก็ไม่คิดว่าที่ศอกไปมันโดนท้องแข็ง ปั๊ก ของมัน และไอ้ที่ไม่คาดคิดกว่านั้น คือ...

ผมเสียสูญจากการทรงตัวบนบันไดต่อขาซะได้…. ไอ้ท่าจบที่มันกำลังจะเกิดต่อไประหว่างที่กองหนังสือหลายๆ อันกำลังลอยอยู่บนอากาศ คุณๆ คงคิดว่า มันคงเหมือนกับในละครซีรี่หลังข่าวทั่วไป ผมตอบเลยครับว่าไม่ใช่ เพราะตอนนี้สภาพ...


หน้าผมไปกระจุกกองยู่ยี้อยู่บนเป้ากางเกงมันที่นอนราบกับพื้นได้ไงงงงงงงง!!!!!!!!!!

 
 

...............
 
“บางทีความเตี้ยก็ไม่ได้มีแต่เรื่องเชี้ยๆเสมอไป”
หัวข้อ: Re: ˢᵐᵃˡˡ ˡᵒᵛᵉ "รักใหญ่ไล่รักเล็ก" : Chapter 1 : เริ่ม (21/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 27-05-2017 12:48:00
Chapter 01 : เริ่ม
 

"เชี้ยเอ้ย!!" อับอาย อับอายที่สุดในชีวิต ตอนนั้นไม่รู้ผมคิดห่าอะไร อยากจะมุดหน้าตัวเองไว้ใต้โลก พอเริ่มมีสติถึงได้รีบวิ่งหนีให้หลุดออกมาจาก ฉากที่โคตรจะอุบาทที่สุดในชีวิตผม แน่นอนว่ามันคงไม่ได้แกล้งผมหรอก มันเป็นอุบัติเหตุที่ผมเป็นคนเริ่มเอาศอกไปกระแทกท้องมัน แต่ใครจะไปคิดวะ

ว่ามันเกิดจะเรื่องแบบนั้น





 
 
“เว้ย!!~” อย่าเพิ่งรำคาญกับการโวยวายไม่เข้าเรื่องของผมเลยนะครับ ผมรับไม่ได้จริงๆ ถึงขั้นบีบหัวตัวเองด้วยความโมโห

แม่งงง!~ อย่าให้กูเจออีกนะ เพราะมึงเลย





"เห้ย นายเมื่อกี้ผมขอโทษ" ไหงไอ้สูงนี้ มันวิ่งหน้าหล่อมาขอโทษผม แถมเดินเข้ามาหาผมในท่าที่ประหลาดๆ ชอบกล

ไอ้ที่บอกว่าหน้าหล่อ คือแม่งหน้าคมๆ ผิวขาว แต่หน้าไงก็ช่างแม่งเหอะ แค่นี้ก็ไม่อยากจะมองมันละ
 
"ไรวะ" ทั้งหงุดหงิดทั้งงงไปหมด จู่ๆ มีคนมาขอโทษ มันเลยทำให้ผมเริ่มคิดทบทวน...

"ก็เมื่อกี้ที่ผมทำนายตกใจไง"

มันตอกย้ำการประมวลเหตุการณ์ในสมองส่วน ฟรอนท์ทึ่ม (สุดจะทึ่ม) ของผม ที่ผมต้องทบทวนเพราะว่า ตอนหนีออกมาผมก็ไม่ทันได้สังเกตุใบหน้าคู่กรณี รีบมาเข้าห้องน้ำล้างหน้าที่ล้มไปทับเป้ากางเกงมันแบบนั้นออก แต่ถ้าคุณลองมาอยู่ในสายตาคนในห้องสมุดตอนนั้นดู ก็คงวิ่งไม่คิดชีวิตมาหลบในห้องน้ำเหมือนผมอยู่แล้ว







ไอ้คนนั้นที่เคยอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ตอนนี้มันเข้ามาตรงอ่างล้างมือที่ข้างๆ ผมแล้ว
 
"อะหนังสือครับ เห็นหยิบไม่ถึงก็อยากจะช่วย"

"แล้ว?" ผมทำหน้าหาเรื่องใส่มันอย่างไม่เกรงกลัว แต่แม่งคนอะไรว่ะแม่งสูงชิบหาย ถ้าต่อยกันจริงๆ ผมน่าจะตายคาห้องน้ำเนี่ยละ (แต่มาเสียเสียฟอร์มที่สร้างไว้คงไม่ได้มั้งงง)
 
"ก็เนี่ยไง ผมเลยเอาหนังสือมาให้ แล้วก็จะขอโทษ" คิดว่าแค่นั้นมันพอหรอวะ
 
"ขอโทษ?"
 
"ก็ขอโทษที่เอ่อ... เรื่องที่ล้ม..." ไม่ทันที่มันจะพูดได้ครบคำผมก็เตรียมง้างหมัดใส่
 
"เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ ผมว่าเรื่องนี้นายผิดนะ" เอ้า ไอ้นี้... ยังจะมากล่าวโทษผมอีก
 
"มึง พูดว่าไงนะ" ...ผมเน้นคำเต็มที่ ด้วยความโมโห
 
"ก็ถ้านายไม่หันศอกมาโดนผม อุบัติเหตุก็คงไม่เกิดหรอก" ...ดูท่า ผมจะผิดจริง ไอ้ใจเย็นก็เกือบแล้วแหละ แต่ไอ้ความโมโหหน้าแดงที่ผมโดนมันกล่าวอุบัติเหตุขึ้นให้ย้อนคิดอีกครั้งมันก็กำเริบมาอีก
 
"แล้วยังไง กูผิดใช่ไหม กูต้องขอโทษ?"

"ก็เปล่า แต่คนอะไรตัวก็เล็ก แรงเยอะชะมัด ดูท่าจะช้ำละมั้งเนี่ย" และมันไม่พูดเปล่า แม่งถกเสื้อนักศึกษาที่ใส่เอาไว้เรียบร้อยขึ้นดูตัวเองหน้ากระจก ไอ้เชี้ยยยย !!! กล้ามหน้าท้อง เอ้ย ไม่ใช่ดิ แถมยังทำเหมือนจะเช็คสภาพใต้กางเกงอีกต่างหาก
 
"มึงจะเปิดให้ดูทำเหี้ยอะไรรรรร!!" รอยแดงขนาดนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะแรงเยอะขนาดทำหน้าท้องมันแดงเป็นจั้มๆได้

"ผมก็จะเช็คไง ทั้งศอกนาย ทั้งหนังสือเล่มหนักๆ พวกนั้น" ไอ้บ้าเอ้ย มันวันอะไรของผมเนี่ยยย เจ็บจริงไม่จริงไม่รู้ แต่ดูแล้วรอยแดงนั้นน่าจะของจริง เพราะหนังสือที่อยู่บนชั้นสุดท้ายของห้องสมุดนั้นก็ออกจะเล่มใหญ่ซะส่วนใหญ่
 


"นี่ หนังสือครับ คนอะไร ขาก็สั้น เตี้ยก็เตี้ย วิ่งก็เร็ว" อะไรวะ ยังจะด่าผมอีก ด่าเสร็จขำในลำคออีก ไอ้ท่าทางหน้าหมั่นไส้นั้น วอนตีนซะแล้ว

"พูดมาก.. ขอบใจแล้วกัน" ผมคิดว่า คำขอบใจของผมครั้งนี้คงเป็นคำขอบใจที่ไร้ความจริงใจที่สุดในชีวิตผมแล้ว
 
ผมรับหนังสือมัน พร้อมเดินออกจากหน้ากระจกอ่างล้างหน้า



"เดี๋ยวดิ แล้วเรื่องที่นายศอกใส่ผมอะ" แหนะ ไม่จบ ไอ้นี้ ไม่ยอมจบ

"เออ แล้วไงอะ เจ็บมาก?"  ในใจก็รู้สึกผิดนะครับ ผมเลยถามมัน
 
“ดูเอา” จบคำมันจัดการเลิกเสื้อขึ้นอีกรอบให้ผมเห็น ... ไรขนตรงหน้าท้อง...ไอ้เชี้ยนี้ ลามกจังวะ เจอกันครั้งแรกก็เปิดให้ดูขนาดนี้แล้ว

.....
 
ผมหันหน้าหนีแล้วพูดว่า
"พอเลยพอ กูไม่อยากดู เอาเป็นว่ากูขอโทษก็ได้" คนส่วนใหญ่เวลาจะช่วยหรืออะไร จะสะกิดเรียกก่อนเสมอ แต่ห่านี้มันลงมือทำเลย แปลกไหมละครับ
 
"ถ้าการขอโทษทำให้ไอ้ที่ปวดๆอยู่หาย ผมว่าโลกนี้ไม่ต้องมีหมอหรอกมั้ง" ต่อปากเก่ง ไอ้สัสนี้ วอนตีนจริงๆ แล้วนะ

"แล้วมึงจะเอาไง จะไม่จบใช่ไหม?" ผมเตรียมง้างหมัดใส่กะจะใช้กำลังให้มันจบๆไปเลย แม่งโครตรจะเสียเวลาไปทำการบ้านที่ต้องส่งพรุ่งนี้ชิบหายเลย

พอมันเห็นผมเตรียมจะต่อย มันก็ยกมือเหมือนเป็นการจำนนแล้วพูดว่า

"โอเคๆ เอาเป็นว่าหายกันก็ได้ครับ" เออ มันต้องอย่างนี้ เข้าใจบ้าง รอยที่มึงช้ำกับรอยประทับบนหน้ากูที่ไปซุกเป้ามึงเทียบแล้ว ผมน่ะเสียหายกว่าเห็นๆ แม่งเอ๊ยคิดแล้วยิ่งอยากจะกดตัวเองลงชักโครกในห้องน้ำ
 

เมื่อสุดคำพูดที่ดูเหมือนจะจบประโยค ผมก็เดินออกห่างจากห้องน้ำ... ถ้าผมฟังไม่ผิดพลาดอะไร ถ้าหูผมยังใช้ได้อยู่ดี

ผมน่าจะได้ยินมันพูดว่า...

"เจอคราวหน้า ผมเลี้ยงข้าวขอโทษก็ได้นะครับ!"
 
ผมไม่รู้หรอกนะครับ ว่าไอ้ที่ผมยิ้มเนี่ย ผมยิ้มเพราะไอ้ความคิดบ้าๆ ที่มันกับผมจะได้บังเอิญเจอกันอีกครั้งมันจะมี หรือจะยิ้มเพราะผมคงได้กินของฟรีรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ...

ใครมันจะเจอกันอีกได้ เพราะมหาลัยออกจะกว้างจะตายไป ดูจากรูปร่างหน้าตาผมก็ไม่คุ้น ถึงผมจะเพิ่งเป็นเฟรชชี่มาหมาดๆ เมื่อสัปดาห์ก่อนก็เหอะ คงไม่ได้อยู่คณะเดียวกับผมหรอก...

แต่ด้วยความที่ห้องสมุดเป็นเหมือนที่สิงสู่ของผมเกือบทุกเช้าจะต้องคืนหนังสือ เกือบทุกเย็นจะมาหาหนังสือไปยืมอ่าน... และแม้บางทียามว่างก็จะมาแอบงีบที่ห้องสมุด...













มันก็ออกจะซวยๆ หน่อยๆ นะครับ ถ้าผมจะบังเอิญมาเจอกับมันอีกครั้งที่เดิม












“ดูดีนะ…”

“ขอบใจ ตื่นเต้นว่ะ” หน้าผมที่กำลังส่องตัวเองหน้ากระจกใส่ชุดสูทเต็มระดับความหล่ออย่างกับเจ้าบ่าวกำลังจะไปแต่งงานลอยมา…...


“พร้อมไหม?”

“พร้อมอะไรวะ?” สีหน้าของผมที่ดูจะงงกับปลายเสียงที่ส่งคำถามมา…พร้อมช้อนแขนมาสวมกอดผมจากด้านหลัง...

“อนาคตจากนี้ไป…” เสียงทุ้มจากร่างสูงใหญ่ แม้จะเห็นร่างกายและชุดที่ใส่ชัดเจน แต่ใบหน้ามัน…


“เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”




!!!!






“ม่ายยยยยยยยยยยยย!!!!!!”

“นี่กูฝันหรอเนี่ย” ผมลุกนั่งจากการนอนเพื่อตั้งสติกับตัวเอง…แม่งฝันร้ายชิบหาย

“เชี้ยไรวะ!?” ที่มันต้องตั้งสติๆ ดีๆ เพราะผมมั่นใจมากว่าไอ้หุ่นแบบนั้น ร่างสูงโปร่งแบบนั้น มันคือไอ้คู่กรณีเมื่อตอนเย็นที่ห้องสมุด

ได้ไงวะ ผมไปฝันแบบนั้นได้ไง มันไม่ใช่แล้ว ที่สำคัญจำได้แม่นทุกกริยาในฝัน ถ้าจำไม่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด ใบหน้าของผมดูจะอิ่มเอมเสียเหลือเกินที่ได้รับคำพูดหวานเยิ้มจากไอ้สูงนั้น

ผมกังวลกับความฝันได้ไม่นานนักหรอก….


ชิบหายแล้ว!! จะเข้าเรียนสาย
ผมรีบทำธุระตัวเองให้เสร็จแล้วรีบเข้ามหาลัยทันที แน่นอนว่าคอนโดที่ผมอยู่ไม่ได้ไกลจากมหาลัยเลย เอาจริงๆก็ข้างๆกันเลยเนี่ยแหละ



พอผมมาถึงมหาลัย.. แน่นอนถึงแม้จะใกล้เข้าสาย แต่วันนี้มันคือวันสุดท้ายที่หนังสือที่ผมยืมไปเมื่อวันก่อนจะครบกำหนดก่อนเที่ยง แน่นอนว่าผมไม่ว่างที่จะแวะมาให้ตอนนั้นเลยต้องแวะตั้งแต่เข้ามหาลัยเนี่ยแหละครับ


ทันทีที่ผมกำลังเปิดประตูห้องสมุด…. “ปึ๊ก!!”
ผมชนกับร่างๆนึงที่เป็นเจ้ากรรมนายเวร ไอ้คนเมื่อวานนี้เอง
 
“อ้าวเห้ย มาไงว่ะ” ซวยชิบ ซวยเชี้ยๆ ภาพแม่งสะท้อนไปจนภาพในฝันเป็นหน้ามันชัดขึ้นกว่าเดิมอีกทีนี้
 
“ก็ไม่มาไงอะ มาคืนหนังสือ ว่าแต่ เป็นไงบ้าง หายขวัญอ่อนยัง จะได้พาไปเลี้ยงข้าว”

ขวัญอ่อนเชี้ยไร กูไม่ใช่เด็กนะเว้ย แต่เอาเหอะ ไปต่อปากมันมากมีหวังผมได้เข้าเรียนสาย แล้วยังจะโดนอาจารย์ติ้วด่าหูชาแน่

“เออๆ ไว้ก่อนดิวะ เดี๋ยวกูคืนหนังสือก่อนจะรีบไปเรียนแล้ว” ผมไม่พูดอย่างเดียว พร้อมเดินไปยื่นหนังสือคืนกับเซ็นชื่อ…
 
 
 


 
“รชานนท์” ผมก็หันไปตามเสียงที่เรียกชื่อจริงผม ก็พบว่า มันยืนอยู่ข้างๆผม

“อ้าว มึงยังไม่ไปเรียนอีกหรอ…” ทำหน้าตากวนตีนเจ้าเล่ห์แปลกๆ
 
“ชื่อรชานนท์อย่างนี้ ชื่อเล่น ชื่อ นนท์ ใช่ป่ะ ยินดีที่รู้จักนะ”
 
“ห่ะ นนท์ เออๆๆๆ ยินดีที่ได้รู้จัก มึงอะชื่อไร”
 
“ไม่บอกครับ ไปเรียนได้ละ ไหนบอกจะสายแล้วไม่ใช่ไง”

เออว่ะ นี้ผมรีบอยู่นี่หว่า

 
“ก็มึงอะชวนคุย เออ กูไปละ”

พร้อมวิ่งไปเปิดประตู แต่ผมก็สเต็ปเดิมครับ หยุดหน้าประตู
 

“เออ! กูเองก็ไม่ได้ชื่อเล่นว่า นนท์ นะ บาย”

วิ่งสิครับ จะเข้าเรียนไม่ทันเอา ไม่ได้จะสนใจอยากเห็นไอ้นั้นทำหน้าตางงๆ ในห้องสมุดหรอก
 
 
แม่งสุดท้ายก็โผล่มาให้เห็นอีกจนได้ จะซวยอะไรเบอร์นี้วะ แต่ช่างมันเหอะ มันก็แค่บังเอิญแหละวะ ใครมันจะบ้าเจอกันได้หลายๆ รอบ นอกซะจาก ห้องสมุดก็คงเป็นที่สิงสู่ของมันเช่นกัน ถ้าถึงคราวจะเป็นงั้นจริง ก็คงซวยแบบต้องยอมรับชะตากรรมตัวเอง


 
 
 







“ไง ไอ้สั้น เกือบไม่ทันแล้วไงมึง ตื่นสายหรอวะ?” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงผมครับเป็นเสียงของเพื่อนผม มันชื่อ กี้ สนิทกันตอนโดนรับน้องใหม่ๆ มันเป็นเพื่อนที่ดีคนนึงเลยทีเดียว

“สั้นพ่อง ว่าแต่ไอ้ดิวอะ ยังไม่มาหรอ?” ผมถามหาเพื่อนอีกคน ที่ตอนนี้ดูท่าว่าจะสายแทนผมแน่ๆ

“แม่งก็ไลน์บอกในกลุ่มเราไง ว่าไม่แน่อาจไม่มา มันไม่ค่อยสบาย” อ้อ โทษนะ ผมไม่ได้เช็คโทรศัพท์ตั้งแต่เช้า ทุกอย่างมันรีบไปหมด

“เออ มึง วันนี้หอศิลป์ เขาจัดนิทรรศการภาพถ่ายกับจิตรกรรมอะ ไปไหม”

จริงๆ ว่าไปผมก็ไม่ได้อยากอวดเลยนะครับ ว่าผมก็มีเพื่อนหล่อกับเขาเหมือนกัน ไอ้กี้เนี่ย ตัวแม่งสูงใหญ่ เป็นนักฟุตบอลเด็กทุนกีฬา แต่หน้าตาเสือกขาวสะอาดอย่างกับนักศึกษาแพทย์

จริงสิ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลย
 




ผมชื่อ รชานนท์ สาริโกเศษ แน่นอนว่า ชื่อเล่นผมคือ “จิม” ลูกชายคนเดียวของบ้าน เพิ่งจะเป็นเฟรชชี่หมาดๆให้กับคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ ตอนนี้ที่สนใจ คือหนังสือของนักออกแบบชื่อดังอย่าง ยาโยอิ (ชื่ออย่างกับร้านอาหาร แต่ชื่อนี้จริงๆนะ) ผมเป็นคนรักการอ่านมากๆ อันที่จริง ไม่จำเป็นต้องตรงกับสิ่งที่ผมเรียนผมก็อ่าน ทำให้ผมไปคลุกคลีอยู่ที่ห้องสมุดบ่อยๆ สาระร่างผมแบบนี้ (เตี้ย และอุบาท) แน่นอนว่า ตัวผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนครับ โสด (จีบได้นะจ๊ะ สาวๆ) ความรักที่ผมรู้จักก็คงมีแค่ ความรักที่ได้จากพ่อแม่เท่านั้นแหละครับ

เออว่ะ ความรักจากเพื่อนๆด้วย ทั้งมัธยมและปัจจุบันในมหาลัยนี้...


เพื่อนตัวดีของผมทั้งสองคนตอนนี้หรอครับ รู้จักกันครั้งแรกก็ช่วงปฐมนิเทศ เปิดใจสนิทกันแบบแน่ๆ เลย ก็คงจะตอนรับน้อง จะว่าไป มันทั้งสองคนไม่ค่อยชอบห้องสมุดเท่าไหร่ ไอ้กี้นี้ยิ่งเกียดห้องสมุดอย่างห่าอะไรดี แม่งให้เหตุผลเดียวกันเลยคือ เสียงดังไม่ได้ แต่เหตุผลของไอ้กี้ที่เพิ่มมาคือ มันไม่ถูกกับการอ่านอย่างแรง ส่วนเจ้าดิวที่ป่วยตอนนี้ มันมีอีกเหตุผลที่ไม่ชอบเข้าห้องสมุดคือ เสียเวลาไปเปล่าๆ ขอไปอยู่กับแฟนมันสองต่อสองดีกว่า นั้นจึงทำให้ผมไปไหนมาไหนห้องสมุดคนเดียวอยู่บ่อยๆ



“มึงพึมพำอะไรวะ” ไอ้กี้สงสัย
 

“เปล่าๆ” กูกำลังแนะนำพวกมึงให้ คุณๆเขารู้จักไง ไอ้ห่า เสือกไม่เข้าเรื่อง

 
“สรุปยังไง ไปดูงานกับกูไหม?” ไอ้กี้ถามผมอีกครั้งกับการไปดูงานนิทรรศการ อันที่จริงผมก็อยากไปหรอกครับ แต่เอาตามอารมณ์วันนี้ รู้สึกอยากกลับห้องไปนอนตายคาที่มาก


“รอบนี้ขอบายว่ะ มึง คราวหน้า ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์”


พอหลังจากนั้นอาจารย์ติ้วเริ่มสอนเบสิคการวาดภาพเข้ามาสั่งงานเซ็คชั่นห้องเรียนผม ให้วาดรูปทรงเลขาคณิตแรเงาด้วย เสร็จแล้วส่ง เป็นวิชาที่ผมรู้สึกว่าโคตรชิลมาก ผม กี้ ดิวมักจะเป็นคนทำเสร็จคนแรกๆของห้อง ด้วยความที่อยากจะเลิกเรียนไว ใครเสร็จไวก็ได้กลับไว






“มึง กูกลับก่อนนะ โทษทีนะมึง” ผมส่งงานวาดรูปที่ทำเสร็จไปเฟรมสุดท้ายพร้อมโดนบ่นจากอาจารย์มา ก็เริ่มเก็บดินสอEE คัตเตอร์และกระดานวาดรูปใส่กระเป๋าเสร็จเตรียมที่จะกลับคอนโด
 
ประสบการณ์ความเซ็งในวันนี้มันมีเยอะจนผมเก็บอาการไม่อยู่จริงๆ ตื่นก็สาย ลิฟที่หอดันเสียอีก เลยต้องวิ่งลงบันได แค่นั้นไม่พอโดนไอ้ห่านั้นมันถ่วงเวลาผมที่ห้องสมุด ห้องสมุดกับห้องเรียนก็ไกลกัน ต้องรีบวิ่งอีก สรุปเหงื่อไหลแต่เช้า แถมโดนอาจารย์บ่นหูชาตอนส่งงานกับแค่ผมวาดรูปเร็วและวาดเกินคำสั่ง ซวยในซวยอีกที
 

“เออๆ เป็นไรเปล่าวะ เล่าให้ฟังได้นะเว้ย กูเพื่อนมึงนาจาไอ้สั้น” สั้นพ่อง!
 

“พ่องงง เออ จะว่าไป ไอ้กี้ มึงเคยฝันถึงคนที่เพิ่งเคยเจอป่าววะ” ผมตบหัวมันไปทีนึง ก่อนที่จะลองถามในสิ่งที่ผมคิดว่าได้ที่หลังว่า กูไม่น่าเลย
 

“เคยดิ สาวๆ เอ็กๆ ที่กูแซวทั่วๆ ไป บางทีกูก็เอาไปฝันเปียกเหมือนกันว่ะ” เห็นไหมครับ… แม่งจะหาสาระห่าอะไรจากมันได้ ไม่มี๊!
 

“แล้วแต่ มึงเลยจ้า คิดซะว่ากูไม่ได้ถามแล้วกัน เจอกันมึง” พอผมทำทีจะกลับเท่านั้นแหละ
 

“เห่ยย เดี๋ยวดิ เนื้อคู่รึเปล่าที่มึงฝันอ่า จำหน้าได้เปล่าล่ะ” เนื้อคู่พ่องงงงงง แต่หน้าอะจำได้แม่น
 

“สัส มันผู้ชายเว้ย” ผมว่า ผมเสือกพูดอะไรที่ไม่ควรพูดอีกแล้วแน่ๆ
 

“ชิบหายละจิม นี่มึงจะมีผัวรึเนี่ย” ฟวยเอ้ยยยย ให้มึงได้อย่างนี้สิวะ ไอ้มโนเน่าๆ ล่ะที่หนึ่ง
 

“ผัว พ่อมึงอ่ะ กูไม่ใช่เกย์”
 

“คร้าบแม่” แม่พ่องงง โว๊ะ กวนตีนชิบหายไอ้นี้ ไม่รู้ทำไม มีเพื่อนแบบมันเนี่ย เหมือนจะเครียดนะครับ แต่มันก็ทำให้รู้สึกลืมๆ เรื่องเครียดๆ ได้
 

“งั้นกูไปละ คุยกับมึงเนี่ยไม่ได้ห่าอะไรเลย”

“เออ เจอกันมึง เห้ยเดี๋ยว!” อะไรอีกวะ วันนี้ผมจะได้กลับไหมเนี่ยยยยยยย

“คืนนี้ขอให้ฝันถึงเนื้อคู่นะจ๊ะ” นั้นไง สาสสสสสสส นิ้วกลางใส่แม่งไปหนึ่งที ก็คงไม่สทบสะท้านอะไรหรอก

พอผมเปิดประตูเดินออกไป
 




“ปึ๊ก!” ชนใครอีกละวะ วันนี้เป็นวันการเดินชนแห่งชาติรึไง
 
ผมหลับตาบ่นพรึมพรำออกมา “วันนี้กูจะชนคนทั้งวันเลยไหมสัด” แล้วลืมตาค้างป่นงงๆ

จะไม่งงได้ไงหละครับไอ้ห่าคู่กรณีที่เพิ่งพูดถึงไปโผล่หัวมาได้ไง มันต้องเป็นพวกสโตกเกอร์ผมแน่ๆ  เจอผมบ่อยขนาดนี้ มันไม่บังเอิญแล้วแหละ
 

“เออดิ วันนี้นายจะชนผมทั้งวันเลยไหม” ยังจะย้อน มาไงวะเนี่ย กะจะไม่ได้เจออีกแล้วเชียว หรือมันเรียนคณะเดียวกันกับผม ผมอาจจะคิดไปเองที่มันจะมาคอยตามติดผมแบบนี้
 
“นี้สรุปแอบตามกูใช่ไหม?” ต้องลองถามดูหน่อยแล้ว แต่ใครมันจะตอบตรงๆวะ
 
“โธ่ จับได้ซะละ…” เชี้ย…

“ซะที่ไหนล่ะ หลงตัวเองเหมือนกันเนอะ” แล้วก็เดินเข้าไปในห้องดรออิ่ง ปล่อยให้ผมยืนงงๆ มองมันเดินเข้าไปยื่นอะไรให้อาจารย์ไม่รู้…

“เห้ยมึง” เสียงไอ้กี้ที่ตอนนี้มันลุกจากการแลเงาเฟรมสุดท้ายของมันมาสะกิดผม

“ใครวะ?” มันถาม


“ไอ้เชี้ยนี้แหละ”

“...เชี้ยนี้… อ่อ ไอ้ที่มึงบอกว่าฝันถึงอะนะ” ผมรีบอุดปากมันก่อนที่ไอ้เชี้ยสูงนั้นจะได้ยิน ซึ่งแม่งกำลังจะเดินมาละ

“อือ” ผมพยักหน้ารับประโยคของไอ้กี้

“มึง… นี่ร้าย” สุดคำพูดเจ้าเล่ห์ของไอ้กี้ ไอ้สูงมันก็เดินมานี้พอดี
 
“ผมเอาเอกสารมาให้อาจารย์เซ็นเฉยๆ ครับ ไม่คิดว่าจะเจอนายด้วยซ้ำ” มันเดิมาถึงก็แก้ตัวที่ผมกล่าวหามัน แล้วมันก็หันไปพยักหน้าทักทายไอ้กี้

“รู้จักกับไอ้สั้นนี้ด้วยหรอ?” ไอ้กี้ถาม ไอ้เชี้ย… เออ ผมเอาแต่เรียกไอ้เชี้ยนั้นไอ้เชี้ยนี้ ยังไม่รู้จักชื่อมันเลย

แล้วมันยิ้มรับคำถามนั้นทำไม...

“เปล่า แค่บังเอิญเจอกันเฉยๆ อันที่จริงรู้จักเพราะจิมดันมาล้มทับ….” แล้วไอ้การก้มไปดูเป้าตัวเองคืออะไร มึงหยุดดดดดด ผมรีบกระโดดหุบปากมันด้วยมือผมทันที

“เชี้ยกี้ กูไปก่อนนะ กูรีบ” แล้วผมก็รีบดึงไอ้เชี้ยสูง ออกมาจากห้องดรออิ่งก่อนที่ไอ้กี้และคนอื่นๆ ในห้องจะได้ยินวีรกรรมอันน่าอับอายของผม



“มึงอะ จะพูดทำไมวะ กูไม่อยากอายคนไปมากกว่านี้นะเว้ย ยิ่งมึงเอาไปบอกไอ้กี้แบบนั้น กูจะโดนมันล้อเอาชิบหาย ยันลูกบวช มีลูกสองสาม ยันหลานกันพอดี” ผมบ่นมันยาวด้วยความโมโห จนลืมตัวไปว่า ผมเดินลากแขนมันมาด้วยทำไมวะ?

“อ๋อ ก็ไม่รู้… ว่าแต่จะพาไปไหน”

“เห้ย” ผมรีบปล่อยมือออกจากแขนมันทันที

“ไม่มีไรและ กูกลับละ แล้วอย่าเที่ยวเอาเรื่องกูไปเล่าให้คนนู้นคนนี้เขาดิ กูอายนะเว้ย” คิ้วผมจะขมวดรวมกันเป็นสะพานพระรามแปดอยู่แล้วเนี่ย



“เดี๋ยวก่อน หิวแล้ว” มันพูดจบทีนี้ก็เป็นทีมันลากผมนำไปบ้าง อะไรของแม่งวะเนี่ยยยยยย

“เดี๋ยวดิ มึงจะลากกูไปฆ่าหั่นศพไม่ได้นะ กูยังซิงนะเว้ย” ไอ้ประโยคสุดท้ายผมจะบอกมันทำไมวะ (จริงๆ เลย จิม เวลามึงไม่มีสติเงอะงะ พูดอะไรไม่รู้เรื่อง)
 
“ก็บอกว่าหิวข้าว ไปกินเป็นเพื่อนหน่อย สัญญาไปแล้วไงจำไม่ได้?” เอาเถอะ ถือว่ายังดีที่มันไม่แซวประโยคสุดท้ายของผมแต่ไอ้รอยยิ้มที่หันมาตอบแบบนั้นกูไม่ได้อยากเห็นเลยซักนิด


“ปล่อยแขนกูได้ละ กูเดินเองได้”

“เอ้า โทษทีลืมตัว นึกว่าจูงเด็กเตี้ยๆ อยู่” ไอ้สาสสสสสสสสส

“จะด่ากูแบบนี้ กูไม่ไปด้วยแล้ว สัส” ผมทำทีจะเดินแยกออก ไม่ทันไรมันก็คว้ามือผมไปทันควัน

“โห หยอกนิดเดียวเอง ทำงอนไปได้ ขอโทษก็ได้อะ”


“ถ้าคำขอโทษมันทำให้หายเจ็บใจ ก็ไม่ต้องมีจิตแพทย์หรอก” ผมย้อนคำมัน ผมยังจำได้แม่นที่มันเคยว่าผมไว้

“โอ้โห… เล่นเอาคำผมมาใช้แบบนี้ ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์แล้วนะ” ผมขำในลำคอพร้อมส่ายหน้า

“ปล่อยมือกูได้แล้ว แล้วจะพาไปกินไหนนำไปดิ” แน่ๆ … ไอ้แว๊บก่อนที่มันจะหันไปเดินหน้าต่อ มันยิ้มมุมปากแน่ๆ มึงยิ้มบ่อยไปละไอ้สัส





พอผมเดินมาซักพัก ชิบหายละครับ!



นี่มันไม่ใช่ทางไปโรงอาหารมหาลัยนี่ มันจะพาไปไหนวะเนี่ย
 

“เอ้าเห้ย นี้ไม่ใช่ทางไปห้องอาหารนี้ มึงจะไปไหน” เพราะมันนำผมมานอกตึกแล้ว
 
“ไม่อ่ะ ผมไม่ชอบกินข้าวในตึก คนเยอะเสียงดัง” แล้วมันก็เดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงลานจอดรถของมหาลัย

“มึงมานี้ไมวะ”
 
“หรือมึงมีรถ?”
 
“แล้วจะไปกินข้างนอกเลยหรอ”

“แล้วงี้ไม่นานหรอจะกินที่ไหน”

“เห้ยตอบหน่อยดิวะ” ด้วยความที่ผมสงสัยเลยถามมันไปรัวขนาดนั้น มันดันยิ้มมุมปากเล็กๆ
 
“ถามเยอะจริง สัญญาจะเลี้ยงแล้ว จะงอแงทำไม” งอแง… งอแงเชี้ยไร นี่ผมโง่มากับมันให้มันกวนประสาทผมเล่นทำไมเนี่ยยยยย กวนตีนชิบหาย



แล้วมันก็มาถึงรถคันนึงแล้วเปิดประตูรถเบนซ์ e200 ข้างๆของคนขับ

“เชิญครับ” ยังๆ ยังยิ้มๆ ไม่เลิก หล่อมากมั้ง (เออ มันหล่อจริงๆแหละ ไอ้จิม มึงปฏิเสธข้อนี้ไม่ได้)
 
“เชิญ เชี้ยไร กูไม่ใช่ผู้หญิง ไปๆไปขึ้นรถดิ เสียเวลากู” จริงแล้วผมเห็นรถมันก็ตื่นเต้นนะครับ เพราะไม่เคยนั่งรถหรูๆแบบนี้ อยากลองนั่งสักครั้ง
 


 
พอเข้าไปในรถก็เลยมองนู้นนี้นั้นในรถมัน สวยไม่เบาเลยครับ เบาะก็นุ่มนั่งสบาย หันไปมองเบาะหลังก็แจ่มหน้านอน เอ้ยไม่ใช่ละ มันคงเห็นหน้าผมดูซนๆมั้งครับเลยยิ้มออกมาแล้วขำ
 
“หึหึ เป็นไรสำรวจอะไรรถผมหรอ รถผมสะอาด เท่เหมือนคนขับอยู่แล้ว”

มึงแม่งไม่ค่อยหลงตัวเองเลย ผมทำหน้าแหย่ใส่มัน แล้วก็มองหน้ามัน อืม มันก็หล่อดีนะ คิ้วเข้ม ตาตี๋ จมูกโด่ง ทรงผมเนียบๆ ยิ่งตอนมันนั่งลงบนเบาะคนขับแล้วใส่แว่นกันแดดนี้เท่สัส อย่างกะนักร้องญี่ปุ่น ออร่าพุ่งสุดๆ
 

“มองไรไม่เคยเห็นคนหล่อไง”

เสียงมันพูดขึ้นมาดึงสติความคิดในใจของผม
 

“เห้ย ปะ...เปล่า มองกระจกฝั่งมึงอ่ะ มันสะท้อนแสงมากูแสบตา รีบปิดประตูดิ้”

เนียนไหมล่ะครับ แต่ไอ้นั้นก็ยิ้มอะไรของแม่งก็ไม่รู้
 

“ว่าแต่มึงจะพากูไปไหน ไปไกลไม่ได้นะเว้ย กูมีงานต้องส่งพรุ่งนี้อีกเยอะ”

 
“ครับไม่ไกลหรอก ผมไม่พานายไปฆ่าหั่นศพหรอก เดี๋ยวชาตินี้นายไม่ได้เปิดซิง” นั้นไง คิดว่าจะไม่เล่นผมแล้ววววว จนได้ จนได้
 

“ตีน… รีบออกรถได้ละ”

แล้วก็แบมือ… (จะทำไรวะ)
 
 

“เอาบัตรประชาชนมาดู ชื่อ ที่อยู่หน่อย”
 

“...”

ขอดูเชี้ยไร…นะ!?
 

“แม่สอนว่าหากคนแปลกหน้าขึ้นรถต้องรู้ประวัติเขาก่อน”

แบบนี้ก็มีด้วยหรอวะ?
 

“งั้นกูไปละ”

ผมทำท่าจะออกจากรถ แต่แม่งทำไม่ได้ไง มันดึงแขนผมไว้
 

“จะไปไหน เป็นคนแบบนี้เองหรอ?” แบบนี้?

“แบบนี้อะแบบไหน พูดดีๆ”


“ตกลงทำสัญญากับคนอื่นแล้วก็เบี้ยวแบบนี้อะ” เชี้ยอะไรของมันอีกกกก โอ๊ยยยย


“มึงตกลงของมึงคนเดียวเลยนะ มึงตะโกนมาเอง กูไม่ได้รับคำอะไรมึงเลย”


“จะไม่รับได้ไง มาถึงขนาดนี้แล้ว เท่ากับมาตกลง”


“ตรรกะอะไรของมึง”


“เหอะนา เอามาดู เร็วๆ จะได้รีบไป เสียเวลานะเนี่ย”
 

“งั้นกูบอกเองแล้วกัน กูชื่อรชานนท์ สาริโกเศษ ชื่อเล่นชื่อจิม บ้านอยู่สระบุรี พอใจยัง”

นั้นไงยิ้มมุมปากมาอีกแล้ว แล้วนี่อะไรจะแบมืออีกทำไม
 

“หลักฐาน ขอดูก่อน”
 

“เออๆ แม่งเรื่องเยอะ” ผมหยิบกระเป๋ายื่นบัตรให้แม่งดู ก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกก็แค่บัตรประชาชน นี่ถ้าไม่ติดว่าพ่อสอนผมเรื่องสัญญากับใครไว้แล้วต้องทำให้ได้นะ ผมไม่สนใจแล้ว จะยอมแม่งทำไมเนี่ยปๆ


 

“อืม อืม เค พอใจละ” มันก็คงแค่แกล้งผมเล่นแหละครับ เพราะดูแปบๆเท่านั้นเอง ก็ยื่นมาให้ผมแล้ว แต่เสือกยิ้มพอใจห่าอะไรขนาดนั้น
 

“งั้นรอใครเสด็จละพ่อ ออกรถดิ จะได้จบๆสักที” ผมไม่วายจะเร่งมันให้รีบให้ผมพาไปเลี้ยงให้เสร็จๆ จะได้จบๆ
 
“เห้อ ไม่มีคนสอนไงนั่งรถต้องคาดเบลท์ด้วยอะ” ไม่พูดเปล่า ทำท่าจะเอื้อมเบลท์ฝั่งผม ผมไหวตัวทันเลยหยิบมาคาดก่อนเรียบร้อย
 
“ไปได้ละ”

แล้วมันก็ออกรถสักที หมั่นไส้ชิบหายไอ้การยิ้มแบบนั้น แม่งคงหล่อได้เท่ากับการเป็นเดือนของมหาลัยได้เลย… คนห่าอะไรขับรถแล้วโคตร… โว๊ยยยยย ผมสนใจมันทำไมมมมม


ทันทีที่ผมมีสติที่จะไม่สนมัน… ผมก็หันออกไปมองวิวตลอดทาง
 
 
 
 









 

“จิมครับ ตื่นได้แล้วนะครับ ถึงแล้ว”

เสียงมันปลุกผมพร้อมเขย่าไหล่ผมเบาๆ
 

“อืมมม ถึงแล้วหรอ โทษทีเผลอหลับหน่ะ” ผมงวงเงียเมาขี้ตาตัวเองหน่อยๆ ก่อนที่จะพยายามดึงกล้ามเนื้อตามามองรอบๆ มันพาผมมาห้างใกล้ๆ มหาลัย
 

“เผลอหลับไม่ว่าหรอก แต่ดูนี้ดิ”

มันดึงแขนเสื้อให้ดูว่าแขนเสื้อมันเปียก
 
“น้ำลายจิมอ่ะ เต็มแขนเสื้อผมเลย”

ห่ะผมนอนน้ำลายไหลก็ว่าน่าอายแล้ว ประเด็นคือไหงน้ำลายผมไปอยู่แขนมัน… หรือว่าผมเผลอนอนพิงแขนมัน แม่งน่าอายชะมัด
 
“เห้ย กูเอียงไปหามึงหรอกูขอโทษว่ะ”

 
“ปกติไม่เคยนอนน้ำลายไหลเลยนะ ขอโทษจริงๆเดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่”

แล้วผมก็ยกมือจะไหว้มัน แต่มันก็ปรามผมทันที
 
 

“เห้ย ไม่เป็นไร ผมมีเสื้ออีกตัวอยู่หลังเบาะเดี๋ยวเปลี่ยนได้ เห็นหลับอร่อยขนาดนั้นเลยไม่อยากปลุก”
 

“เออขอโทษนะเว้ย”

แล้วมันก็เล่นถอดเสื้อซะต่อหน้าผม
 

“จิมครับ รบกวนหยิบเสื้อข้างหลังเบาะให้ผมที ขอบคุณครับ”
 

“เออๆ”

ครั้งนี้ยอมให้มันและกัน แต่หุ่นมันนี้อย่างกับนายแบบล่ำ ขาวชิบหายเลยยยยยย คนเหี้ยอะไรเนี่ยย ขาวอย่างกับเกลือ แล้วผมไปมองมันทำไมวะ กลับมาๆ (สติเว้ยยยยย)






 
 
 
 
เราเดินเข้าไปกินบาร์บีคิวพลาซ่า ของโปรดผมเลยครับ ชอบน้ำจิ้มที่สุด แต่ที่เดินมานี้ไม่ได้ตกลงกันว่าจะมากินอะไรเพราะมันเดินนำผมมา แต่ก็ถือว่าถูกใจจอมแดกเนื้อติดมันอย่างผมสุดๆ พอผมนั่งเปิดเมนูปุ๊บ

 
"ชุด ครอบครัวเนื้อ 1 ครับ เนื้อติดมัน 5 เบคอน 4 เบคอนพันเห็ดเข็มทองด้วยครับ แล้วก็โค๊กเหยือก"

โหแม่งสั่งเป็นชุด ไม่เปิดเมนูด้วย แถม สั่งได้ตรงแบบที่ผมจะสั่งเลย ถูกใจว่ะ
 
แต่เดี๋ยวนะ มึงแดกหมดไหมเนี่ย อย่าว่าแต่แดกเลยเงินผมมมม!! จะพอไหม
 
“เห้ยๆๆ เดี๋ยวเลยมึง สั่งเยอะงี้แดกหมดหรอวะ”
แล้วผมก็ยื่นหน้าไปใกล้ๆมันพร้อมกระซิบ “กูไม่มีตังจ่ายนะเว้ยเยอะงี้อ่า”
 

ไอ้หน้ายิ้มหัวเราะในลำคอมาอีกแล้วแถมส่ายหน้าด้วย คราวนี้มันยื่นหน้ามาใกล้ผม ทำให้ผมต้องถอยออกมานั่งท่าปกติ
 

“บอกแล้วไงผมจ่ายเอง สั่งเหอะ วันนี้หิวมาก”

ไหนๆก็ของฟรี ลุยสิครับ
 
“จริงดิ งั้นแต๊งงงงง” การขอบใจของผมกับหน้าเบิกบานยิ้มรับของฟรีจากมัน แต่เอ๊ะ ไอ้ส่ายหน้าแล้วยิ้มมุมปากคืออะไร
 
“เออว่าแต่มึงชื่อไรวะ? นี่กูมาให้คนอื่นมาให้เลี้ยงข้าวทั้งๆที่ยังไม่รู้จักชื่อเลย” ยิ้มมุมปากอีกละ หล่อตายห่า
 
“ไม่บอก เป็นคนแปลกหน้าต่อไปอะดีและ” กวนตีนละ
 

 จากนั้นเสียงใสจากไหนไม่รู้ก็พุ่งมาที่โต๊ะเรา

“พี่อาร์มมมมม!!”
 
 
 
 

อ่อ… มึงชื่ออาร์มสินะ….


 
-----------------------
 
 
“บางสิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ อาจจะเป็นประกายบางอย่างให้เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว”

หัวข้อ: Re: {Love's 158 cm} รักเตี้ยๆของนาย 158 ซม. Chapter 1 (27/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 27-05-2017 13:10:42
:L2: :pig4:กลับมาแล้วหรอ ดีใจ

กลับมาแล้วครับ ดีใจนะเนี่ยที่ยังมีคนคอยอยู่
หัวข้อ: Re: {Love's 158 cm} รักเตี้ยๆของนาย 158 ซม. Chapter 1 (27/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 27-05-2017 18:25:56
Chapter 02 : ฝัน!?


 
 
“พี่อาร์มมมมม” 
 
เสียงผู้หญิงใสๆ คนนึงดังลั่นร้านจนผมต้องหันไปมอง
 
 
“มาไงคะเนี่ย”
 
เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ตัวเล็กกว่าผมหน่อยนึง ซึ่งตอนนี้มายืนตรงโต๊ะผมกับไอ้คนแปลกหน้าที่เลี้ยงข้าวผม
 
 
“อ้าว น้องแก้วมาได้ไงคะ”
 
ไอ้คนเลี้ยงข้าวผมที่ตอนนี้ผมรู้ชื่อมันแล้วว่ามันชื่ออาร์ม เอยปากถามคนที่ผมคิดว่าก็คงเป็นน้องสาวมันละมั้ง เพราะหน้าตาคล้ายๆกัน
 
 
“แก้วมากินที่นี้กับเพื่อนเหมือนกันค่ะ”
 
แล้วน้องก็ชี้ๆไปกลุ่มเพื่อนที่รอน้องแก้วหน้าร้านและกำลังยกมือไหว้อาร์มกับผม เราสองคนเลยรับไหว้ตอบ
 
 
“เพิ่งเสร็จกำลังจะเดินออกเห็นพี่อยู่แก้วเลยทัก”
 
 
“ไม่ใช่พี่หมายถึงว่า นี่มันกลางวันอยู่เลย เรามีเรียนไม่ใช่รึวันนี้”
 
 
“หรือว่าเราโดดเรียน พี่จะฟ้องแม่”
 
มาถึงจุดนี้ผมเริ่มชัวร์ว่า สองคนนี้คงเป็นพี่น้องกัน
 
 
“แล้วนี้ใครอะค่ะ พี่ น่ารักจัง”
 
นั้นไง ปากหวานซะด้วย
 
 
“เพื่อนพี่เองค่ะน้องแก้ว ชื่อจิม จิมครับนี่แก้วน้องสาวผมเอง”
 
 
“หวัดดีครับน้องแก้วสุดสวยยย”
 
ฮ่าๆไม่ได้หรอกครับคนสวยตัวเล็กกว่าผม สเป็คเลยหาได้น้อยที่จะเจอคนตัวเล็กกว่ามันต้องยิ้มโปรยเสน่ห์ซะหน่อย
 
“โอ้ย!! เตะขากูไมวะ”
 
แม่งเตะขาผมใต้โต๊ะ
 
 
“นั้นน้องกู”
 
คุยมาสองวันมันเพิ่งจะพูดกู สงสัยแม่งหวงน้องเอามากๆ
 
 
“นี่...ว่าแต่เราเถอะ เรายังไม่ตอบพี่เลย โดดเรียนมาใช่ไหม”
 
“เปล่านะค่ะ วันนี้คาบบ่ายหนูว่างหมดเลย พวกผู้ชายในห้องเรียนรด.กัน อาจารย์ก็เลยปล่อย พี่อาร์มอย่าบอกแม่น้า ว่าแก้วออกมาก่อนเวลาเลิกเรียน น้าค่ะๆ”
 
โอ้โห ลีลาการอ้อนไม่เบา… ไอ้นั้นก็ดูจะแพ้ทางคนอ้อนซะด้วยตอนแรกเห็นดึงหน้าดุๆตอนนี้เริ่มจะผ่อนใบหน้าตึงๆออกมาหน่อย
 
 
“โอเคครับ แล้วนี่อยู่ถึงกี่โมง ให้พี่ไปส่งบ้านไหมหลังเที่ยวกับเพื่อนเสร็จ”
 
 
“ไม่เป็นไรค่ะวันนี้ขอให้พ่อมารับแล้ว เพราะจะอ้อนพ่อซื้อกล้องถ่ายรูป
แหะๆ”
 
รวยกันจริงแหะครอบครัวนี้
 
 
“ไปก่อนนะค่ะ พี่อาร์ม พี่จิม บะบายยย”
 
แล้วน้องแก้วก็ทำหน้ายิ้มโบกมือรัวแทบจะหัก แล้วก็เดินไปกับเพื่อนๆ
 
 
“เป็นไง น้องผมน่ารักอะดิ หน้าตาดีเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยใช่ป่าว”
 
เดี๋ยวนะไอ้ประโยคแรกกูเห็นด้วย แต่ประโยคหลังนี้ มึงหลงตัวเองชัดๆ
 
 
“...”
 
ผมแค่มองหน้ามันแล้วทำหน้าแหย่ๆส่ายหน้าเบาๆ
 
 
“อ่ะ กินเยอะๆนะ”
 
มันคีปเนื้อที่สุกแล้ว มาให้ผมมาเรื่อยๆ
 
 
“เห้ยๆ ไม่กินไง ไม่ต้องหยิบให้ก็ได้ห่า ไม่ใช่ผู้หญิง”
 
“เออน่ะ กินเยอะๆจะได้โตไวๆ”
 
มันหยุดโตแล้วมั้งงงงงง
 
 
“ถ้ามันจะโตมันก็โตตั้งนานแล้วเหอะ”
 
 
“กินๆไป ผมเป็นคนเลี้ยง อย่าขัดขืน”
 
เออ กวนตีนอีกและ ด้วยความขี้เกียดชวนตี ผมก็ใส่เข้าปากตัวเองทุกชิ้นที่มันหยิบมาให้
 
เมื่อกินไปสักพักเราก็จบภาระกิจอาหารกลางวันกันเรียบร้อย โดยที่สุดท้ายมันก็สั่งมาให้ตัวเองกินเพิ่มแถมยังหยิบให้ผมบ้างเป็นบางที ผมนี่อิ่มจนรู้สึกไม่อยากกินอีกไป 1 เดือนเต็ม จากนั้นเราก็เดินย่อยกันสักพักเพื่อละลายความอิ่มในท้องให้บรรเทา อยู่ๆมันก็มีพฤติกรรมแปลกๆ มามุดหลังผมเหมือนจะหลบใคร
 
“ทำไรวะ เห้ย อย่ามาโดนกู”
 
 
“เออ แปบนึงขอหลบคนหน่อย”
 
แล้วมันก็ทำท่าก้มหัวลงมาเพื่อจะหวังให้หัวผมบังหน้าใครสักคน
 
 
ผมก็ไม่รู้ก็หันไปหันมาดูว่ามันหลบใคร ที่โครตพ่อโครตแม่ซวยที่สุดคือ ผมจะหันไปถามมันว่า
(“มึงหลบใคร”) ....ซึ่งก็ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก
ปลายจมูกโด่งๆของมันมาโดนแก้มผมซะงั้น
 
“เห้ย ทำเชี้ยไรว่ะ”
 
แล้วผมก็ผลักมันออกไป มันเองก็ทำหน้าอึ้ง แหงแหละ ตกใจนี่หว่า
 
 
“ผมไม่ได้ทำไรนะ จิมหันมาโดนเอง ก็เห็นอยู่ว่าหลบคน”
 
ผมหงุดหงิดมาก ใจเต้นรัวหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห
 
 
“ไม่เนียนนะมึง เป็นเกย์ไงวะมาหอมแก้มผู้ชายแบบนี้”
 
ผมกำหมัดแน่นมาก แต่ก็ไม่กล้าออกหมัดออกไป (ก็นะ ตัวแม่งก็ใหญ่กว่า แถมนี่มันในห้าง) เลยเดินออกห่างจากจุดที่มันยืนอย่างรวดเร็ว
 
 
“อ้าวเติ้ล มานี้คนเดียวทำไมไม่บอก ปอยจะได้มาด้วย ไม่อยากเจอกันแล้วหรอ”
 
เสียงผู้หญิงยืนคุยกับมันที่ผมได้ยินทำให้ผมหันไปดูว่ามันคุยกับใคร หรือ มันหลบคนนี้วะ
 
“อ่อเปล่า มากับเพื่อนหนะ นั้นไงอยู่ตรงนั้นอ่ะ เออ ปอยเดี๋ยวค่อยคุยกันนะ
วันนี้รีบไปเรียนต่อคลาสบ่าย จะไม่ทันแล้ว”
 
แล้วมันก็วิ่งมาหาผม
 
 
แต่เห้ย เมื่อกี้ผู้หญิงเรียกมันว่าเติ้ล แล้วน้องมันเรียกมันว่าอาร์ม สรุปมันชื่ออะไรแน่
 
???
 
 
“เห้ยจิมรอด้วย จะกลับม.ยังไงเดี๋ยวผมไปส่ง”
 
 
“กูกลับเองได้ มึงไปไหนก็ไป”
 
ผมยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่เลยพูดตามอารมณ์ไป
 
 
“โหย เดี๋ยวดิ ก็บอกว่าอุบัติเหตุไง”
 
“เออ กูผิดเองละ ขอโทษ ขอบใจที่เลี้ยงมื้อกลางวัน ไปละ”
 
 
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวผมไปส่ง อย่าดื้อดิ มาด้วยกันก็ต้องกับด้วยกัน งอนเป็นเด็กไปได้”
 
ฟังดูดีขึ้นมาหน่อยนะ แต่รู้สึกว่า ไอ้ที่บอกว่ากูงอนเป็นเด็กนี้ วอนตีนป่าวว่ะ
 
 
“เด็กเชี้ยไร ใครงอน กูไม่ใช่…”
 
 
“เออรู้แล้วว่าไม่ใช่เกย์ ย้ำอยู่นั้นละ”
 
 
“....”
 
มันตัดบทผมดื้อๆ จนรู้สึกตัวผมเองจะพูดไม่ออกแปลกๆ
 
 
“เอางี้ ให้ผมไปส่งถือว่าขอโทษที่เป็นการทำให้เกิดอุบัติเหตุ”
 
 
“เออๆ วุ้ว”
 
ผมทำเสียงหงุดหงิดใส่มันไป ที่ไม่ปฏิเสธส่วนใหญ่เป็นเพราะลึกๆก็คิดว่ามันอาจจะจริงอย่างที่มันพูด เป็นอันว่าเราสองคนก็เดินกลับไปที่จอดรถของมัน
 
ต่อจากนั้นเมื่อมันมาถึงตึกที่ผมต้องเข้าไปเรียน ผมเปิดประตูรถมันและเดินออกไป
 
 
“ขอบใจ”
 
ก่อนจะปิดประตู ซึ่งรู้สึกแว็บๆ เหมือนจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้ามัน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“อากาศเย็นดีจังเนอะอาร์ม”
มองจากตรงนี้เราอยู่บนระเบียงโรงแรมมองออกไปเห็นหาดทรายขาวราวกับแป้งทาตัวและน้ำทะเลที่สีสวยเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบกับคลื่นน้ำทำให้มองดูเหมือนเพรชน้ำงามเลยทีเดียว ด้วยท่าที่อาร์มใช้แขนอันใหญ่โตโอบมาจากข้างหลังผมทำให้รู้สึกอบอุ่นดีพิลึก
 
 
“อยากอยู่แบบนี้นานๆเลยเนอะ จิมว่าไง อยู่แบบนี้ตลอดไปเลยดีไหมครับ ไม่ต้องให้ใครมารับรู้เรื่องของเรา”

เมื่อสิ้นประโยคนั้นอาร์มก็จับผมหันมามองหน้าประชัน
ชิดกันทำให้ผมเห็นนัยตาที่หวานเยิ้มของมัน
ราวกับอยากให้ผมรับรู้ความรู้สึกในใจของมัน
ริมฝีปากของมันเริ่มโน้มตัวลงมาใกล้ปากผม
จนทำให้ผมต้องหลับตา
 
 
“โอ๊ย”

 
“รชานนท์!! หลับในห้องเรียนแบบนี้ อยากโดนทำโทษใช่ไหม”
 
อาจารย์เพิ่งจะเอาชีสตีหัวผมเองนะ จะทำโทษผมอีกหรอครับ สงสารคนตัวเล็กๆอย่างผมเถอะ
 
 
“ขอโทษครับอาจารย์ ผมจะไม่ทำอีกแล้วนะครับอาจารย์ น้าาาา”
 
ขอลองใช้ลูกอ้อนหน่อยละกัน ดูเหมือนจะได้ผมซะด้วย
 
 
“คราวหลังอย่าทำอีกรู้ไหม ดีให้สม่ำเสมอสิเรา”
 
 
มือของอาจารย์ก็มาถูๆทรงผมของผมซะยุ่งเลย
แต่กลับรู้สึกอบอุ่นจัง ความรักของอาจารย์นี้มัน คล้ายกับพ่อแม่เลยนะครับ
ต่างกันแค่เขาไม่ได้เป็นคนทำเราเกิดมาเท่านั้นเอง ผมชอบความรู้สึกแบบนี้ มันรู้สึกปลอดภัย

 
“ขอบคุณครับอาจารย์ ผมสัญญาจะตั้งใจเรียนที่สุดของความพยายามของผมเลยยยย”

 
“โตได้แล้วนะเรา”
 
แล้วอาจารย์ก็เดินไปสอนต่อ พร้อมส่ายหน้า

 
“แหมมึง อ่อยอาจารย์ซะเคลิ้มเป็นแม่ลูกเลยนะ”
 
เสียงไอ้กี้มันแซว

 
“ก็งี้หละ หน้าเด็ก ต้องเล่นสายแบ๋ว ส่วนล่ำแบบมึงแบ๋วไม่ไหวหรอก ฮ่าๆ”
 
ผัวะ! นั้นไงอยู่ดีไม่ว่าดี โดนมันตบกะบาลซะเลย
 
 
ต่อมความงงกับฝันกลางวันเมื่อกี้ผมยังไม่หาย ไอ้เชี้ยมันทุเรสอะไรขนาดนั้น ฝันแบบนั้นกับผู้ชายด้วยกัน มันไม่ใช่เว้ยยยยย เอาเถอะยังไงก็แค่ฝันร้าย เลิกคิดดีกว่า เอาเวลาไปคิดงานที่จะส่งเป็นการบ้านพรุ่งนี้ดีกว่า ชีวิตมหาลัยนี้โหดสุดๆอย่างที่เขาบอกกัน
ว่า “คิดว่ามัธยมเหนื่อยแล้ว เป็นนิสิตสิยากกว่าเหนื่อยกว่า” กลับห้องไปทำงานเสร็จคงได้หลับตายกันไปข้างนึง
 
 
“แม่งเอ้ยยยย!! กูทำงานไม่ได้เลยว่ะ”
 
เสียงไอ้กี้ในโทรศัพผม มันโทรมาเพราะคิดงานไม่ออก

 
“เป็นห่าอะไรวะ? คิดไม่ออกหรอ”
 
 
“เออดิ มึงช่วยกูหน่อย กูคิดงานไม่ออก”
 
 
“อะไรของมึง โจทย์ก็โคตรง่าย แค่ออกแบบคอมโพสของเส้นเอง”
 
 
“ก็นั้นแหละ กูคิดไม่ออก นี่กูเปิดพี่กูเกิ้ล pinterest ก็คิดไม่ออก”
 
เอาแต่บ่นจะคิดออกสักทีไหมไอ้ห่านี้
 
 
“มึงเปิด pinterest ดูมันถึงได้คิดไม่ออกไง”

งานออกแบบสายพวกผมเนี่ย ยิ่งดูงานเยอะมันยิ่งดีก็จริง แต่มันจะทำให้สมองตันมาก เพราะมันจะเอางานคนนั้นคนนี้มาใช้แล้วก็กลายเป็นก็อปงานคนอื่นเขา จริงๆผมก็ดูงานเยอะนะครับ แต่ก็ไม่ได้หยิบงานพวกนั้นมาใช้ ดูเพื่อรู้เทสและค่านิยมของคนมากกว่า
 
“ช่วยกูหน่อยดิ คิดแนวทางให้กู เดี๋ยวกูเลี้ยงชาบู”
 
เห็นผมเห็นแก้กินอีก (ซึ่งโห รางวัลเป็นชาบูมันก็น่านะ)
 
“เออ ชาบูนะ งั้นเดี๋ยวแปบกูสเก็ตให้แล้วเดี๋ยวส่งไปในไลน์”
 
 
“แต๊งกิ้ว เพื่อนรัก”

 
เอาเถอะยังไงผมก็ช่วยมันออกจะบ่อย แค่คิดแนวทางให้มันไปต่อคงไม่ยากมาก พอผมเริ่มจะคิดงานให้ไอ้กี้… เอออออ ผมเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันแหะ… มันต้องใช้เส้นมาจัดวางกันให้เป็นงานออกแบบ ประเด็นมันอยู่ที่คอนเซ็ปด้วยอะสิ ตอนพรีเซ็นกับอาจารย์จะได้เห็นภาพ
 
 
 
 
นี่เมื่อกลางวันผมทำไมถึงฝันแบบนั้นวะ น่าขนลุก นี่ย้อนไปนึกในฝันตัวผมกำลังถูกอาร์มมันโอบจากด้านหลังตรงระเบียงโรงแรมแถวหาดที่ไหนสักแห่ง ไอ้บ้าเอ้ย ฝันบ้าฝันบออะไรขนาดนั้น แต่ เอ๊ะ สรุปมันชื่ออาร์มหรือชื่อเติ้ลวะ ผมล่ะ สับสน น้องแก้วน้องสาวมันเรียกอาร์ม ส่วนผู้หญิงที่เดินเข้ามาทักมันในห้างก็เรียกมันเติ้ล เจอกันครั้งหน้าจะทักมันว่าไงละทีนี้ เดี๋ยวๆๆๆๆ แล้วผมจะไปอยากเจอมันทำไม แม่งทั้งลักหอมแก้มผม แถมจูบหน้าผากอีก (ถึงจะอุบัติเหตุก็เหอะ) นึกแล้วหงุดหงิด เจอครั้งหน้าจะฟาดให้ยับ โทษฐานขโมยสัมผัสแรกของผมไป เกิดมานอกจากพ่อแม่แล้วก็ไม่เคยมีใครมาหอมแก้ม จูบหน้าผากเลย ผมนี่หัวใจเต้นแรงมาก คงเพราะโมโหสุดๆ นี่คิดไปด้วยหัวใจก็เริ่มเต้นแรงอีกละ
 
 
“ตึ๊ด!!”
 
เสียงไลน์เด้งขึ้นให้ผมหลุดจากความคิดฟุ้งซ่านของผม
 
 
“Kyko : คิดออกไหมมึง”
 
ชิบหายยยยยย มัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง ลืมคิดงานให้เพื่อนตัวเอง
 
 
“Jimmy : เดี๋ยวดิ เร่งจังวะ ทำเองเลยไป”
 
ถ้ามันรู้ว่าครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาผมไม่ได้คิดงานให้มันเลยแม้แต่น้อย แม่งคงตบหัวผมแน่ๆ

 
“Kyko : เค ไม่เป็นไรมึง กูพอจะได้แนวทางและ มึงไม่ต้องคิดก็ได้ กูขี้เกียดเลี้ยงชาบูมึง”
 
 
“Jimmy : เอ้า ไอ้เวรนี่ เออๆๆ มีไรให้กูช่วยบอก”

 
จะว่าดีก็ดีตรงที่ผมไม่ต้องปวดหัวคิดงานให้มัน แต่แหมอดฟรีชาบูหนึงมื้อเลยให้ตาย
 
 
“Dildo : ไอ้ห่ากี้ มึงให้ไอ้จิมช่วยคิดงานอีกแล้วหรอ?”
 
เพื่อนอีกคนนึงในกลุ่มไลน์ผม มันชื่อ ดิว เรียนห้องเดียวกันอยู่แก๊งเอ่ยกลุ่มเดียวกัน
 
 
“Kyko : เออ ทำไม แต่กูคิดเองได้ละ กูเก่งพอ แล้วมึงอะงานเสร็จยังดิว”
 
 
“dildo : เสร็จแล้วดิ ไม่ได้คิดช้าแบบมึง สาสจิม มึงอย่าไปช่วยแม่ง แค่นี้กูก็สู้งานมึงไม่ไหวละ”

 
(ผมคงเก่งขนาดที่เพื่อนๆในห้องชอบมาชมงานผมตอนพรีเซ็นอยู่เรื่อยจนกลายเป็นว่า มีอะไรสงสัย เพื่อนๆก็มักจะไลน์มาถามผมบ่อยๆ)
 
 
“Jimmy : มึงก็พูดเว่อไปห่า งานกูไม่ได้ดีขนาดนั้น”
 
 
“Kyko : ถุ้ย ทำถ่อมตัว”
 
 
“Kyko : วันนี้กูเจอเด็กนิเทศเด็ดสัส ดิว”
 
“dildo : ห่ากี้ ชวนคุยแต่เรื่องหญิง”
 
 
“dildo : ทำงานไอ้สาดดดด”
 
 
“Kyko : เออๆๆๆ เซ็ง ขวางทางมโนกู”
 
 
“Kyko : กูไปทำงานต่อละ เจอกัน”
 
 
“Jimmy : เออ เจอกันมึง”
 
 
“dildo : เออ”

 
 
 
นี่ถ้ายังคุยกันต่อเรื่องหญิงผมว่าจะคุยด้วยซะหน่อย ไอ้ดิวดันตัดบทแบบนั้นก็เออดีเหมือนกัน ผมจะได้ทำงานของผมให้เสร็จๆ นี่เอางานมานั่งทำบนเตียงก็เริ่มจะง่วงๆละ
รีบทำจะได้นอนดีกว่า
 
 
 
 
 
 
 
 
“จิมครับ ฝันร้ายหรอ”
 
เสียงที่ช่วงนี้ได้ยินบ่อยดังมาอีกแล้ว

 
“เออดิ ฝันโครตแปลก หงุดหงิดชิบ”

“ฝันว่าไรหรอครับ เล่าให้ฟังหน่อยดิครับ”

แต่จะเล่าให้มันฟังก็คงจะไม่ดี เดี๋ยวจะหาว่าผม เก็บเอามันไปฝันอุบาทๆ หาว่าผมชอบมันอีกไม่เอาอะ


“ช่างมันเหอะ กูไม่อยากนึกถึง ว่าแต่มึงเหอะ มาทำไร ทำไมไม่ไปเรียน”


“อ้าวก็คนมันคิดถึงนี่ ทำไมอะ แวะมาหาแฟนก่อนไปเรียนไม่ได้หรอ”

 
“ห่ะ!! ไรนะ อ่อแฟนมึงอยู่คณะเดียวกับกูหรอ”

มันคงจะมีแฟนอยู่คณะเดียวกับผมนะไม่งั้นคงไม่มาหรอก


“ใช่ คณะเดียวกับจิมเลย ฟังไม่ผิดหรอก”

 
“เออ นั้นดิ กูคงคิดมากเองอะ”
 
แล้วผมคิดอะไรอยู่ ออกจากหัวกูไป ไอ้ความคิดอุบาททททททท

 
“คิดไรหรอครับ ว่าแต่เที่ยงนี้ไปกินข้าวไหม เดี๋ยวผมเลี้ยง”
 
นั้นนน เสี่ยอีกแล้ว


“ไม่อะ ชวนแฟนมึงเหอะ”
 
ไอ้ห่านี้ มาหาแฟนแล้วไม่ชวนแฟน มันน่าไหมล่ะ


“ก็ชวนอยู่นี้ไง ไปไหมครับ เตี้ย”


แล้วผมก็เลย…


ตื่น!! อ้าวเห้ย ฝันอีกแล้วหรอ!
 
 
ผมว่าผมเริ่มฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องมันไปแล้วจนถึงต้องเก็บเอามาฝันเลยหรอเนี่ย กี่โมงแล้วนะตอนนี้ ตื่นกลางดึกแบบนี้มีหวังได้กลับไปฝันต่อแน่ๆ

 
ผมเงยดูนาฬิกา “เชี้ย!!” ตี4 งานที่ทำไว้เมื่อคืนยังคาอยู่บนเตียง ไม่ได้เพิ่มจากเมื่อคืนเลย เผลอหลับง่ายชิบหาย แม่งเอ่ยยย จะปั่นงานทันไหมเนี่ย หนังสือที่ต้องไปคืนห้องสมุดวันนี้ก็ยังไม่ได้อ่าน เอางานที่ต้องส่งก่อนดีกว่า ส่วนหนังสือผมเอาไปคืนแล้วค่อยกลับไปยืมใหม่
 
ผมเปิดเพลงเบาๆไประหว่างทำงาน เพื่อไม่ให้ตัวเองหลับ พอถึงใกล้เวลาที่ผมจะต้องรีบอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนคาบเช้า ไม่ต้องห่วงนะครับ งานผมเสร็จตั้งแต่ 7 โมงเช้าแล้ว มันไวกว่าที่ผมคิดรู้งี้ผมหน้าจะนอนต่อก่อนสักชั่วโมง แต่อย่าเลยเดี๋ยวก็ฝันอุบาทๆอีก นึกแล้วขนลุกชิบหาย
 
 
 
“โหลมึง ตื่นยังวะ”
 
ผมโทรหาไอ้กี้เพื่อจะกระทำแผนบางอย่าง
 
 
“ตื่นนานและ กูกำลังจะออกไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะละเนี่ย มึงอยู่ไหนรีบมา”
 
 
“เห้ยเดี๋ยวดิ ไปห้องสมุดเป็นเพื่อนกูก่อน”
 
 
“ไปไมวะ มึงก็รู้กูไม่ถูกกับหนังสือ ชวนกูไปทำพ่องหรอครับ”
 
 
“เออ กูแค่ไปคืนหนังสือไปเป็นเพื่อนกูหน่อย”
 
 
“เป็นเชี้ยไร ปกติมึงก็ไปคนเดียว”
 
 
“กูไม่อยากเจอไอ้เชี้ยที่กูเล่าให้มึงฟังอะ”
 
 
“ใครวะ...อ่อ ไอ้เชี้ยที่กูบอกว่าจะเป็นเนื้อคู่มึงอะนะ”
 
สัสกี้
 
 
“เออนั้นแหละ มึงอยู่ไหนเดี๋ยวกูไปหา”
 
 
“เนี่ยกูจะถึงละ แล้วกูช่วยไรมึงได้วะ คืนหนังสือแทนมึงหรอ”
 
 
“ไม่ได้กูต้องเซ็นเอง เอาตัวยักษ์ของมึงอะ มาบังกูหน่อยไอ้ห่าเร็ว”
 
เสือกตัวใหญ่ดีนัก ขอใช้ให้เป็นประโยชน์หน่อยละกัน
 
 
“ถึงไหนแล้วเนี่ยเร็วดิวะ”
 
“ข้างหลังมึงเนี่ยไอ้ควาย”

แล้วผมก็โดนมันสะกิดหัวไปหนึ่งที
 
 
“เช้ดดดดดดดด หญิงสวยว่ะ แปบนะ” ไอ้เวรเอ้ยยย ยังไม่ทันไร แม่งวิ่งไปหลีสาวและ

 
“เออ เร็วๆ ไอ้หัวงู”
 
ม่อหญิงเก่งชิบหาย ผมนี่ส่ายหน้ารับไม่ไหวกับความเป็นมันเลย
 
 
“เชี้ย!!”

ไอ้ห่านี้แม่งยืนอยู่หน้าห้องสมุดเลย แม่งเอ้ย ผมเสือกอุทานเสียงดังสินะ มันหันโบกไม้โบกมือกลัวผมมองไม่เห็น (สูงขนาดนั้นกูอยู่เชียงใหม่ยังเห็นเลยเหอะ)
 
 
“อ่าว จิมหายไปไหนละนี่ เมื่อกี้ยังเห็นยืนอยู่ตรงนี้อยู่เลย”

แม่งไม่ฮาเลยครับ ไอ้มุขล้อเลียนคนตัวเตี้ยอย่างผม ทำทีเป็นสูงจนมองไม่เห็นคนเตี้ยๆเนี่ย มันต้องจัดสักดอกและ จะได้รู้กันซะบ้างว่าผมเนี่ยไม่ใช่จะให้เล่นกันง่ายๆ
 
 
 
“อ้าวเห้ย จิม! โหไวจริง”

เสียงที่ผมได้ยินข้างหลังผม เพราะผมแก้เผ็ดมันโดยไม่สนใจมุขมันแล้ววิ่งเข้ามาห้องสมุดเพื่อคืนหนังสือแล้วผมก็เดินออกมาเจอมันหน้าประตู
 
 
“โห ไรอะไม่รับมุขกันบ้างเลย” ทำเป็นงอน นี่คิดว่าคนอย่างผมจะง้อหรอ ไม่มีทาง
 
 
“ไม่ขำด้วยไง เลยไม่รับ”
 
 
“แล้ววันนี้คลาสแรกเรียนไรครับ”
 
ถ้าจะด่ามันว่าเสือกจะแรงไปไหม
 

“รู้ไปไม ไม่มีเรียนอะ แค่เข้ามาส่งงาน วันนี้อาจารย์ไม่อยู่เขาให้เข้ามาส่งงานก่อน 9 โมง”
 
 
“กินข้าวยังครับ”
 
 
“ยัง เดี๋ยวเข้าไปส่งงานก่อนแล้วจะไปกินที่คณะ”
 
 
“ไปด้วย”
 
ชิบหายละ นี่ผมฝันอีกรึเปล่าวะ ชักไม่แน่ใจตัวเองละ ลองตบแก้มตัวเองดู “แป๊ะ”
 
 
“เห้ย จิมทำไร ตบแก้มตัวเองทำไม”
 
 
“ไม่มีไรอะ แค่ทดสอบตัวเองว่าฝันอีกรึเปล่า อยู่ๆมึงโผล่มาหลอกหลอนกูเนี่ย”
 
 
“ดูพูดเข้า ผมไม่ใช่ผีนะครับบบบบ ผีอะไรจะหล่อแมนแฮนซั่ม”

 ถุย!! (ทำได้แค่ในใจนะไม่งั้นเดี๋ยวโดนตีนเบอร์โตของมันแน่ๆ)
 
 
“เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้จิมพูดว่าฝันอีก? หมายความว่าจิมฝันถึงผมหรอ ไรว้าาาา”
 
ที่ผมพูดไปมีคำว่าอีกด้วยหรอ เห้ย ไม่นะ ไม่มีไม่ใช่มั้ง บ้าแล้ววววว
 
 
“บ้านมึงดิ ฝันห่าไร เปล่าเว้ย”
 
หันหน้าหนีมันก่อน ยิ่งโกหกคนไม่เก่งด้วยสิ
 
 
(“ขอร้องแหละ อย่าจับโกหกกูได้เลย ขอร้องแหละ แม่งล้อกูสนุกแน่ๆ”)
 
ผมภาวนาในใจตัวเองรัวๆอยู่หลายที
 
 
“โธ่ นึกว่าฝันเหมือนกันซะอีก”
 
 
“ห่ะมึงฝันถึงกูเหมือนกันหรอ”
 
คิดได้อีกที (ไอ้จิมเอ้ยยย ปากมึงก็ไวเกินนน)คิดก่อนพูดบ้างก็ได้ไหมเนี่ยยยยย
 
 
“นั้นไง หลอกไงดีจริงๆ”
 
ที่เจ็บใจเพราะแม่งดันเสร่อ โง่เอง
 
 
“เปล่าเว้ย เอ่อ มึงไม่ชอบแดกข้าวในตึกไม่ใช่ไง ไม่ต้องไปหรอก”
 
ยิ้มเหี้ยอะไรรรรรรรร หล่อตายหละไอ้…
 
 
“ไม่เป็นไร เช้าๆ คนน้อย ผมไม่มีปัญหา”
 
ห่าเอ้ย หนีไม่พ้นสินะ กะแล้วเชียว ฝันถึงแม่งตั้งสองรอบ สังหรณ์ไม่ดีอยู่แล้วเชียว
 
 
“ตรื๊ดดดดดดดด” เสียงสั่นของโทรศัพมัน มีคนโทรเข้ามา
 
 
“อ้าว ไม่รับไงวะ ปลายสายเขาด่าเอาหรอก”
 
ไม่ใช่ไร ถ้าปลายสายมีเรื่องเดือดร้อน เรื่องด่วน คอขาดบาดตายขึ้นมาจะทำไง
 
พอมันล้วงโทรศัพท์มา ดูหน้าจอสักพักก็ทำหน้ากลุ้มๆ แล้วก็ยื่นมาให้ผม

“จิมครับ ช่วยบอกให้ทีสิครับว่าผมไม่อยู่ยังไงก็ได้ นะๆๆๆ”
 
 
“เห้ย ได้ไง โทรศัพท์มึงก็คุยเองดิ”
 
 
“ฮัลโหล เติ้ล” ก็แม่งเล่นรับสายแล้วยัดใส่หูผมงี้ ใครจะปฏิเสธทัน
 
 
“อ่อ ผมไม่ใช่เติ้ลครับ เติ้ล ลืมโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะเรียน มีอะไรรึเปล่าครับ”
 
ผมก็เนียนดีจริงๆ แล้วนั้น ยิ้มอะไร หัวเราะอีก ห่านี่
 
 
“อ้าว ขอโทษทีค่ะ ปอยนึกว่าเติ้ล เพื่อนเติ้ลหรอ”
 
 
“ครับ ไว้เติ้ลกลับมา ผมจะบอกว่าปอยโทรมานะครับ มีอะไรฝากบอกไหมครับ”
ตอแหลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล อยู่ข้างๆผมเนี่ยยยยย
 
 
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะ เอ่อ…..”
 
 
“อ่อ ผมชื่อจิมครับปอย”
 
 
“ขอบคุณมากค่ะ จิม ฝากด้วยน้า ให้เติ้ลโทรกลับหน่อย งั้นปอยไม่รบกวนแล้วค่ะ”
 
 
“ครับ ยินดีครับ”
 
พอวางหูผมก็โยนโทรศัพท์ให้มัน
 
“อะ เขาบอกให้มึงโทรกลับด้วย”
 
 
“ครับ”
 
ผมยืนมองมันพักนึง สำรวจมันดูว่าวันนี้มันดูไม่ร่าเริงเท่าไหร่
 
“ป่ะ กินข้าว กูเลี้ยงเอง”
 
ผมเอ่ย เผื่อมันจะดีขึ้น (อดไม่ได้จริงๆ เห็นคนหมองๆก็อยากช่วย)
 
 
“ไม่ดีกว่า ผมเลี้ยงจิมดีกว่า จิมอุตส่าช่วย”
 
 
“ช่วยไรวะ”
 
 
“ก็คุยโทรศัพท์ไง หรือไงจะเลี้ยงเนี่ย จะเอาไม่เอา”
 
 
“เอา”
 
 
“โห คิดก่อนก็ได้ไหม”
 
ยิ้มมุมปากแล้วส่ายหน้าอีก
 
 
“กูคิดแล้ว แค่คิดไว”
 
 
 
 
 
 
 
“สปาร์เก็ตตี้ขี้เมาที่นึงครับน้าคนสวย แล้วมึงอะเอาไร”
 
 
“แหมมาแต่เช้าเลยนะหนู”
 
น้าสาวคนสวยที่เป็นแม่ครัวทักทายผม
 
 
“อ่อ วันนี้ตื่นเช้าอะครับน้า พอดีรีบมาส่งงานอาจารย์”
 
 
“นี่มีคนเลี้ยงข้าวอีกด้วย ว่าไงมึง เอาอะไร”
 
 
“สเต็กปลาแล้วกันครับ พี่คนสวย”
 
 
“น้องคนนี้ก็หล่อดีนะเนี่ย เรียกพี่ด้วย แหมปากหวาน”
 
อ้าว อยากให้เรียกพี่ก็ไม่บอกผม
 
 
“น้องสองคนยืนคู่กันแบบนี้ก็น่ารักดีนะ”


 
 
 
 
 
.................
 
 
“ความฝันบางอย่างเป็นตัวบอกเสียงลึกๆ ของหัวใจ
หากจำได้ว่า ฝันอะไรควรฟังหัวใจตัวเองดีๆ”




Talk : ผมจะทยอยแก้ไข ทยอยอัพนะครับ พูดคุยกันได้นะครับ ติชม ตักเตือนได้นะครับ
ปล. ผมต้องขออภัยจริงๆที่ห่างหายไปนานขนาดนี้ กลับมาแล้วนะ ให้โอกาสผู้เขียนอีกครั้งนะครับ

หัวข้อ: Re: {Love's 158 cm} รักเตี้ยๆของนาย 158 ซม. Chapter 2: ฝัน UP!! (27/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-05-2017 19:50:48
อาร์ม ชอบจิม แล้ว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
อาร์ม ไม่ชอบปอย ก็บอกนางเลยให้ชัดเจนไปเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Love's 158 cm} รักเตี้ยๆของนาย 158 ซม. Chapter 2: ฝัน UP!! (27/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 27-05-2017 21:47:30
อาร์ม ชอบจิม แล้ว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
อาร์ม ไม่ชอบปอย ก็บอกนางเลยให้ชัดเจนไปเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

อ๊ากกกกก ได้ใจมากๆ 55555 :katai5:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 2: ฝัน UP!! (27/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 27-05-2017 22:08:15
กลับมาแล้วเราก็ดีใจดต่อย่าหนีไปอีกนะ
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 2: ฝัน UP!! (27/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 27-05-2017 22:53:17
 o13
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 2: ฝัน UP!! (27/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-05-2017 22:54:12
น่ารักดี
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 2: ฝัน UP!! (27/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 27-05-2017 23:24:17
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 2: ฝัน UP!! (27/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 28-05-2017 02:57:18
Chapter 03 : ยินดีที่รู้จัก
 
 
 
 
 
 
“เออ สรุปกูควรเรียกมึงว่าอะไร”
 
มันได้ยินอย่างนั้นก็ทำหน้างง แล้ววางช้อนกับจานลง
 
 
“หมายถึงจะให้จิมเรียกผมว่าไงอะหรอ”
 
 
“เออดิ นี่ใจคอมึงจะเลี้ยงข้าวกู 2 มื้อ ทั้งๆที่กูยังเรียกชื่อมึงไม่ถูกเนี่ยนะ”
 
ผมโวยไปอย่างนั้น แต่แม่งไอ้หัวเราะในลำคอแล้วส่ายหน้าเนี่ยมาอีกแล้ว
 
 
“แล้วอยากเรียกว่าอะไรอะ”
 
กวนตีนได้โล่จริงๆ คำถามมันบวกกับหน้าตานิ่งเฉยแล้วเสียงที่นิ่งปกติ ทำให้ผมรู้สึกว่าแม่งโคตรกวนตีน
 
 
“ไอ้ห่าาาาา”
 
 
“เห้ย ไม่เอาชื่อนี้”
 
 
“กู สบถ ไม่ได้จะเรียกมึง”
 
เดี๋ยวให้ชื่อนี้จริงๆซะหรอก ระหว่างนั้นก็กินข้าวไปมองนั้นนี้ไป สงสัยไม่เคยมากินโรงอาหารคณะผม
 
 
“แล้วยังไง สรุปมึงชื่อเติ้ลหรือชื่ออาร์ม”
 
 
“อยากเรียกไรก็เรียกดิ ได้ทั้งนั้นอะ”
 
เอ้าไอ้นี้ เป็นคนยังไง
 
 
“แล้วทำไมปอยเรียกมึงเติ้ล น้องแก้วเรียกมึงอาร์มวะ”
 
 
“จิมจะเอาแบบสั้นหรือแบบยาว”
 
 
“สั้นๆ ได้ใจความไม่ต้องเยอะ เสียเวลา”
 
 
“จริงๆแล้ว เติ้ลเป็นชื่อที่แม่ตั้งให้”
 
 
“....”
 
 
“แต่น้องแก้วคนเดียวที่เรียกผมว่าอาร์ม”
 
 
“ห่ะ! แล้วทำไมถึงเรียกอาร์มอะ”
 
 
“เออน่ะ จะเรียกเติ้ลหรืออาร์มก็ได้นะ กินๆได้แล้ว อาหารเย็นหมด”
 
“งั้น… เอาเป็นอาร์มละกันจำง่ายๆชื่อโหลดี”
 
 
“....”
 
แม่งนิ่งเงียบมองหน้าผมทำไมวะ… ทำตัวไม่ถูกเลย
 
 
“เอ๊อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ… จิม”
 
 
“เช่นกัน มึง”
 
ยิ้มอะไรวะ ห่านี้รู้สึกจะยิ้มกับผมบ่อยเหลือเกิน
 
 
“จิมครับ…” เสียงทุ้มต่ำพร้อมกับวางช้อน
 
 
“เป็นเพื่อนกับอาร์มได้ไหม”
 
ไอ้ห่านี้ คิดอะไรอยู่เนี่ย ทำหน้าเคร่งเครียดก็นึกว่ามีอะไร
 
 
“นึกว่าเป็นเพื่อนกันแล้วซะอีก สองวันก่อนกูคิดไปเองหรอเนี่ย”
 
ผมพูดไปอย่างนั้น แต่ผลตอบรับกับไม่มีเสียงอะไรทำแต่หน้าอึ้งๆ ก่อนจะก้มหน้ายิ้มออกมา
 
 
“เป็นห่าอะไรของมึง”
 
 
“เปล๊าาาา”
 
ไอ้เสียงสูงนี้มันไม่น่าเชื่อเท่าไหร่เลยนะ
 
 
“เออว่า แต่ไม่โทรหาปอยหรอ ฟังจากเสียงเขาตอนโทรมาดูไม่ดีเท่าไหร่นะ”
 
 
“....”
 
 
“มีไรรึเปล่า ปรึกษากูได้นะ
 
 
“ไม่มีไรหรอก กินข้าวเถอะ”
 
 
“นี่! กูเป็นเพื่อนมึงแล้วนะ ไม่สบายใจอะไรก็ระบายออกมา ไม่งั้นจะมีเพื่อนไว้ทำไม”
 
“โห จิมพูดดีๆกับเขาก็เป็นแหะ นึกว่าจะหยาบคายตลอด”
 
มันด่าหรือมันชมวะนี่
 
 
“นี้ด่าหรือชม จะเล่าไม่เล่า ตามใจนะ ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องเล่า”
 
 
“ไม่ไหว”
 
 
“เออ แค่นั้นแหละ”
 
ก็แค่นั้น อ้ำอึ้งอยู่ได้
 
 
“เปล่าไม่ใช่ ไม่ไหวแล้ว ปวดอุด”
 
“ห่ะ!! อะไรอุดๆนะ”
 
 
“ปวดขี้ดิ ไปละเดี๋ยวมาเล่านะ”
 
อ้าว ห่า ปวดขี้ ก็ไปซิเหย จะมาลีลาบิดไปมาทำไม ไอ้อาการอ้ำอึ้งเมื่อกี้ก็คงจะเพราะปวดขี้ใช่ไหม ก็คิดว่าเครียด ไอ้ผมก็เกือบจะเป็นห่วงอยู่แล้วเชียว (ห่วงไปแล้วเหอะ)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“เห้ย มึง กูไปห้องสมุดทำไมไม่เจอมึงวะ ไหนบอกให้กูไปด้วย”


หึ เสียงนี้ไอ้เชี้ยกี้ตัวดีที่หนีไปม่อสาวมา


 
“แหมไอ้สัส ห่วงแต่ม่อสาว กูเจอมันเรียบร้อยแล้ว ช่างมันเหอะก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดอะ”
 
 
“อะไรของมึงวะ แล้วทำไมไม่รอกูแดกข้าวพร้อมกัน และนี่ซื้อมาสองอย่าง หิวไง”
 
 
“มะ..ไม่”
 
 
“กูขอแดกสเต็กนะ ขี้เกียดรอสั่ง”
 
 
“ไม่ใช่…”
 
เชี้ยย ไม่ทันแล้ว ไอ้ตัวตะกะ แม่งหยิบสเต็กชิ้นนั้นที่เหลืออยู่เกือบครึ่งเข้าปากรวดเดียว แม่งทำได้ไงวะปากใหญ่ชิบหาย เดี๋ยวดิ ผิดประเด็นแล้วววว มันไม่ใช่ของผมมมม มันเป็นของไอ้อาร์มมมม
 
 
“เหี้ย!!”
 
 
“เห้ย นายทำไรอะ”
 
ไอ้กี้หันขวับเงยไปมองหน้าอาร์ม (ว่าแต่ทำไมเข้าห้องน้ำไวจังวะ) สลับกับมามองจานแล้วมองหน้าผม เหมือนถามเป็นนัยๆว่า จานนี้ของไอ้นี้ใช่ไหม ผมเลยแค่พยักผยักหน้า ปลาเต็มปากแบบนั้นจะทำห่าไรขอดูหน่อยเหอะ
 
 
“เห้ย อาร์ม กูขอโทษว่ะ กูบอกมันช้าไป นี้เพื่อนกูเอง ชื่อกี้ เดี๋ยวกูซื้อจานใหม่ให้นะ”
 
 
“ค๊อก ค๊อก”
 
นั้นไงมึงติดคอเลย แดกของคนอื่นเขาดีนัก
 
 
“ไง สาด ติดคอซะ เอานี้น้ำ” ผมก็ยื่นน้ำให้ไอ้กี้มัน
 

“ไม่เป็นไรหรอกจิม เดี๋ยวผมไปก่อนนะ พอดีธุระเข้าด่วนละ ไว้เจอกันนะ”
 
 
“เห้ย ไมอะ ขอโทษ ไอ้กี้ มึงอะขอโทษมันดิวะ มึงผิดนะเว้ย”
 
ไอ้กี้เตรียมจะยกมือไหว้ แต่ไอ้อาร์มก็เอามือมาห้ามไอ้กี้
 

“เห้ย ไม่เป็นไรจริงๆ อย่าคิดมากดิ ไม่ซีเรียสขนาดนั้น”
 
แล้วมันก็ยิ้มขำๆ
 
“เออ… กูขอโทษ”
 
 
“โอเคๆ ไปก่อนนะ กี้ จิมไปละนะครับ แล้วเจอกัน”
 
ห่าแม่งเกือบดีอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่เอามือมาขยี้หัวผมเล่น ใจเต้นไม่ไหว ผมนี่อึ้งหันไปด่าแถบไม่ทัน
 
“ไอ้เชี้ย…”
 
แม่งวิ่งไปละ
 
 
“ง่อวววว ยังไงๆ”
 
เสียงกวนตีนๆ ของไอ้กี้โผล่ขึ้นมาเตรียมจะแซว เดี๋ยวก่อนขอจัดการกับมารยาทเมื่อกี้ก่อน
 
 
“หยุดเลยไอ้สัส มึงแม่ง ไม่เลิกสักทีนะไอ้นิสัยเห็นของแดกแล้วพุ่งเข้าใส่เนี่ย”
 
เดี๋ยวๆ ก่อนบอกคนอื่นเนี่ย ผมเองก็เป็นเหมือนกันนะ แต่ยังพอมีสติอยู่ไม่เหมือนกี้มัน ที่เบรคแตกทุกทีเมื่อเห็นอาหาร


 
“โทษว่ะมึง กูไม่ได้ตั้งใจอะ ก็กูเห็นมึงนั่งคนเดียว ก็คิดว่ามึงแดกคนเดียว เลยจะแกล้งซะหน่อย”
 
“เออ คราวหลังก็ระวังหน่อยละกัน ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป”
 
 
“คร้าบแม่”
 
ยังจะกวนตีนอีก ผมทำท่าจะโบกหัวมัน มันเอามือมากันไว้
 
 
“โอเคๆ กูล้อเล่นๆ กูจะจำไว้เป็นบทเรียน”
 
 
“ว่าแต่ มันเป็นใครวะ ดูท่าทางไม่เบา”
 
 
“ก็นั้นแหละที่เล่าให้ฟัง ที่กูไม่อยากเจออะ”
 
 
“ง่อววว สุดท้ายมึงก็มากินข้าวกับเขาเนี่ยนะ ไม่ใช่แล้วกูว่า ยังไงๆ”
 
 
“ก็แม่งมาขอเป็นเพื่อนกู แค่นั้นแหละ คิดเหี้ยอะไรเยอะแยะ คงเหงาแหละมั้ง”
 
 
“เหงา เชี้ยไร ห่านั้นอยู่ในรายชื่อประกวดเดือนคณะธุรกิจ เพื่อนกูที่อยู่คณะนั้นก็ประกวด กูเลยรู้”
 
 
“เดี๋ยวๆ มันเรียนคณะบริหารธุรกิจหรอ?”
 
 
“เออ ไมวะ”
 
 
ผมบ่นพรึมพรำในลำคอ “ทำไมกูเจอมันแถวคณะบ่อยจังวะ”
 
“ห่ะ มึงว่าไรนะ”
 
 
“อ่อ เปล่าๆๆ”
 
ผมพยายามไม่คิดอะไรให้มากมายเยอะแยะปวดหัว ในเมื่อมันขอเป็นเพื่อนก็คือเพื่อน คงไม่มีอะไรมากกว่านั้น อีกอย่างถ้าแม่งได้เป็นเดือนคณะ สาวๆก็คงเข้าหากันไม่เว้นวัน ยิ่งถ้าได้เป็นเดือนมหาลัย เหอะๆ ไม่มีทางที่มันจะมาเป็นเพื่อนผมเพราะอย่างนั้นหรอก ไม่มีทาง ก่อนที่ผมจะคิดอะไรมากไปกว่านี้ ผมหยิบมือถือมานั่งเล่นเกมดีกว่า
 
 
“ไอ้เชี้ยยยยย!!”
 
ผมสบถ ออกมาเมื่อเห็นวันที่
 
 
“ไอ้สัดเป็นไร กูตกใจหมด”
 
 
“อีกสองวันเกิดพี่รหัสกู”
 
 
“ใครวะ พี่รหัสมึง”
 
 
“ก็ไอ้พี่บาสไง”
 
ยังงงอยู่อีก บทจะคิดอะไรนะเพื่อนผมเนี่ย
 
 
“คนที่ตัวสูงพอๆกับมึง ที่ชอบตะโกนเสียงดังๆไง”
 
 
“อ้อ ไอ้พี่บาสขี้แกล้งอะนะ ซื้อแป้งพัฟให้แม่งหมั่นไส้”
 
“พ่อง กูได้โดนพี่เขาแกล้งทั้งเทอมอะดิ”
 
 
“กูก็พูดไป ซื้อไรก็ซื้อ รองเท้า นาฬิกา หูฟัง สร้อย กำไร ง่ายจะตาย”
 
ทีคิดออกนี่ บอกมารัวๆ จนผมนี่ตัดสินใจไม่ทันเลยว่าจะเอาอะไรดี
 
 
“ช่วยได้มาก ไอ้ห่า”
 
 
“แล้วมึงจะไปซื้อที่ไหน กูไปด้วย”
 
 
“ไม่อะ กูไปคนเดียวอะดีละ รอมึงวิ่ง รอมึงเสร็จจากชมรม กูเหงือกแห้งพอดี”
 
 
“โหไรวะ กูก็ต้องซื้อเหมือนกันนะ ใช่ดิกูไม่ใช่ผัวมึงนี่”
 
วอนตีนซะและ
 
 
“ผัวพ่อมึงดิ สัส อย่ากวนตีนดิ กูแค่อยากกลับห้องไวๆ วันนี้แม่กูจะมาห้อง”
 
บ่อยครั้งที่ไอ้กี้มันได้เจอกับแม่ผมตอนที่มันมานั่งเล่นห้องผม มันเลยได้กินอาหารฝีมือแม่ผมจนติดใจลืมไม่ลง
 
 
“ห่ะ! แม่มึงมาหรอ เห้ยยยย กูไปหามึงที่ห้องน้าาา กูคิดถึงกับข้าวแม่มึง”
 
 
“เห็นว่าจะมาแปบเดียว บอกว่าจะเอาพวกของใช้ในครัวมาให้แล้วก็จะกลับ”
 
 
“มึงทำกับข้าวเป็นด้วยหรอว่ะ กูไม่ยักกะรู้”
 
 
“แน่นอนดิ แม่กูทำอาหารอร่อยขนาดนั้น มึงคิดว่ากูจะไม่ได้มาบ้างเลยไง?”
 
 
“ก็ดี สัส ห้องมึงมีห้องครัวแต่ไม่ยักกะทำอะไรแดก เดี๋ยวว่างๆทำให้กูแดกบ้างนะ
 เอาแกงป่าไก่ ยำไข่เยี่ยวม้า ผัดเผ็ดปลาทู ต้มยำปูม้า ผัดฉ่าหอยลาย”
 
 
“พอๆ ไอ้สัส ทำแดกเอาเองเถอะ กูไม่ได้ขยันทำขนาดนั้นไอ้สัด”
 
 
“ปะ มึง ส่งงานกัน จะได้กลับไปนั่งเล่นเกมห้องมึงกัน”
 
มันชวนผมไปส่งงานอาจารย์ตอนเช้าแถมยังจะไปนั่งเล่นเกม xbox ห้องผมอีก นี่ผมยังคิดไม่ออกเลยนะเนี่ยว่าจะเอาอะไรให้พี่บาสพี่รหัสผมเป็นของขวัญวันอาทิตย์นี้
 
 
 
 
 
 
 
“สัดกี้ มึงขี้โกง ใช้อยู่สกิลเดียว กูก็แพ้ดิ”
 
ผมโวยวายใส่มันที่เอาแต่เล่นเกมแบบโกงๆของมัน
 
 
“ก็ตัวนี้สกิลนี้โหดอะ แพ้แล้วโวยอะไรวะ”
 
 
“เอออออ แน่จริงมึงเลือกตัวอื่นกูไม่แพ้หรอก”
 
 
“มึงไม่ไวเองช่วยไม่ได้ ถ้ากูไม่เลือกมึงก็เลือก”
 
 
“เชี้ย”
 
 
“ด่ากูทำไม มึงชนะนะไอ้สัส”
 
 
“เปล่าลืมดูเวลา ต้องไปซ้อมบอล เชี้ยเอ้ย โค้ชเล่นกูแน่ มึงกูไปก่อนนะ”
 
 
“เออๆ เจอกันมึง”
 
 
“เออ เจอกันงานพี่บาส บาย”
 
 
แล้วมันก็ปิดประตู… เอาสิแล้วผมจะทำไรต่อ เกมก็ไม่ได้ว่าจะอยากเล่นเท่าไหร่ ตอนนี้ 4 โมงกว่าๆ อืมมม ออกไปดูของขวัญให้พี่บาสและกัน ว่าอย่างนั้นผมเลยอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวออกไป
 
 
 
 
 
 
 
เมื่อเท้าเหยียบพื้นเซ็นทรัลลาดพร้าว (ที่ผมมาไกลจากม.แถวปทุมธานีของผมก็เพราะว่าหวังว่ามันคงมีอะไรให้ดูเยอะกว่าแถวถิ่นผม)
 
 
“ซื้ออะไรดีน้า…”
 
ผมพรึมพรำกับตัวเองออกมา เพราะคิดอะไรไม่ออก เดินดูหลายอย่างแล้วก็ไม่รู้ว่า อะไรจะถูกใจพี่บาส พี่บาสก็ดูเป็นคนลุยๆ ชอบใส่รองเท้า converse งั้นไปเดินดูดีกว่า
 
 
“อ้าว จิม มาทำไรครับ”
 
ดวงหนอดวง ขนาดมาไกลถึงนี้ยังจะเจออีก ไอ้อาร์มทักทายผมหน้าร้านconverse เอ่อ… ข้างๆมีผู้หญิงควงแขนมันอยู่ด้วย คงจะแฟนมันละมั้ง… (รู้สึกนอยแปลกๆ)
 
 
“อ้อ กูมาหาซื้อของขวัญให้พี่รหัสอ่ะ”
 
ผมก็ตอบไป พร้อมยิ้มให้สาวสวยข้างๆมัน
 
 
“อ้าว นี่จิมหรอ”
 
ผู้หญิงคนนั้นทัก เอ๊ะ รู้จักผมด้วยแหะ หรืออาร์มมันเล่าเรื่องผมให้เธอฟัง ผมเลยทำหน้างงๆ บวกนึกนิดหน่อย
 
 
“ปอยเอง ที่คุยโทรศัพท์กับจิมเมื่อเช้าอ่ะ”
 
ที่แท้ก็ผู้หญิงที่เสียงมาคุมาคุในโทรศัพเมื่อเช้า แสดงว่าดีกันแล้วสินะ มาเดินควงกันแบบนี้
 
 
“เออ จิมจะไปซื้ออะไรหรอครับ”
 
 
“กะจะดูรองเท้าซักหน่อย ทำไมหรอ?”
 
 
“ว่าแต่ จิมกับเติ้ลเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอคะ ทำไมเติ้ลถึงพูดครับละ
ปกติเห็นคุยกับเพื่อนคนอื่นก็ปกตินี่นา”
 
ผมก็นึกว่ามันเป็นคนพูดจาแบบนี้กับทุกคนซะอีก
 
 
“เพิ่งจะรู้จักกันไม่นานเลยครับ ปอย ยังไม่ชินน่ะ”
 
อ่อออ นี้มึงจะด่าว่ากูมารยาทไม่ดีใช่มะ เดี๋ยวก่อนเหอะมึง


 
“เอ่อ… ปอยครับ วันนี้เติ้ลส่งปอยขึ้นรถแท็กซี่ได้ไหมครับ
 
 
“อ้าวทำไมละเติ้ล”
 
เสียงเธอดูมาคุเหมือนเมื่อเช้าเลย
 
 
“วันนี้เติ้ลต้องไปรับน้องแก้วจากที่เรียนพิเศษ”


“งั้นกูไปก่อนนะ บะบายนะครับปอย เจอกันมึง” ผมตบแขนมันเป็นการลา ก่อนจะเดินออกไปแต่เสียงที่สองคนผมก็ได้ยินแววๆ อยู่
 
 
“ไหนเติ้ล บอกว่าจะไปส่งปอยกลับบ้านเมื่อกลางวันไง หายโกรธปอยแล้วไม่ใช่หรอ หรือยังโกรธอยู่”


 
“เปล่าๆ….!@#!$@!”
 
แล้วก็พูดอะไรอีก ผมก็ฟังไม่รู้เรื่องแล้ว เพราะผมเดินเข้ามาดูรองเท้าในร้านเรียบร้อย จะว่าไปรองเท้า converse ล่ะ ดูเหมาะกับพี่บาสเพราะออกจะลุยๆหน่อย ถึงจะขาวสูงก็เหอะ นิสัยไม่ได้เข้ากับรูปร่างเลยพี่รหัสผมอะ
 
ชิบหายละ ไม่รู้ไซต์เท้าพี่เขา เลิกๆๆ จะไลน์ไปถามใครก็ไม่มีใครมีไลน์พี่บาส ไอ้ดิวก็ไม่มี ไอ้กี้ก็ไม่มี อีกถ้าถามตรงๆงั้น มีหวังรู้หมดว่าจะซื้ออะไรให้ เลิกๆ ล้มเลิก รองเท้า converse งั้นไปดูนาฬิกาละกัน คิดได้งั้นผมก็ดิ่งตรงไปที่โซนที่ขายนาฬิกา G-shock (เพราะคงไม่พ้นขาลุยอย่างเฮียแกหรอก)
 

“อันไหนดีว้าาาา”
 
 
“อืมมม อันนั้นก็เท่ดี แต่สูงจังวะ พนักงานอยู่ไหน”
 
นึกขึ้นได้ ผมแม่งชอบคิดดังออกมาอยู่เรื่อย หันไปมองรอบๆ ดูว่ามีใครได้ยินไหมก็โอเคที่ไม่มี
 
 
“เห้อ เห้อ เห้อ”
 
เสียงใครหอบว่ะ หันหลังไป อ้าว ไอ้อาร์ม
 
 
“มาไงว่ะมึง ไหนว่าจะไปรับน้องแก้ว”
 
เห็นมันบอกกับปอยไว้นี่นา
 
 
“ไหนบอกผมว่าไปดู converse หาซะทั่วเลย”
 
ตอบคนละเรื่องกันแล้วเว้ย แล้วมันจะมาตามหาผมทำไมเนี่ย แต่ดูท่าจะจริง เหงื่อนี้เต็มชุดนักศึกษาของมันแนบซะเห็นร่องกล้ามตรงอกชัดเจนเลย ไงละเห็นงั้นผมก็หันไปทางอื่นดิ อยู่ๆแม่งใจก็เต้นแรง เป็นห่าไรวะเนี่ย
 
 
“จิม”
 
 
“...”
 
 
“จิมครับ”
 
 
“หะ ห่ะ”
 
 
“เป็นไรเปล่าทำไมหน้าแดง ไม่สบายหรอ”
 
 
“ปะ เปล่า กูร้อน”
 
 
“เออ ร้อนเหมือนกัน เหนื่อยโครตเลย ตัวก็เล็กหาก็ยาก”
 
อ้าววนมาเรื่องความสูงผมอีก ระหว่างที่คุยกันผมก็เดินไปเดินมาดูนาฬิกาไปเรื่อย กะรอพนักงานมาก็ไม่เห็นมีใครจะสนใจพฤติกรรมผมสักคน เลยกระโดดๆ เอื้อมนาฬิกา สีดำแดงเรือนนั้น
 
 
“เห้ยๆ ทำไรเดี๋ยวของเขาร่วงหมดหรอก”
 
 
“อันนี้ป่ะ”
 
 
“ไม่ใช่ อันนั้น”
 
 
“อันนี้หรอ”
 
 
“กูบอกว่าอีกอัน”
 
 
“อันนี้ใช่ป่ะ”
 
 
“โอ๊ยมึงแกล้งกูใช่ไหมเนี่ย อันนั้นอะอันนั้น”
 
 
ตัวผมลอย!!

แม่งงง อยู่ๆก็อุ้มผมขึ้น ทำเอาผมตกใจดิ้นพลางเลย


“เห้ยทำไรวะ ปล่อยกู”
 
ปล่อยดิวะคนเยอะกูอายยย ขอร้องงง
 
 
“ก็รีบๆหยิบดิอันไหน เร็วๆ”
 
ผมรีบหยิบกลัวใครจะมาเห็นเข้า
 
 
“ได้ละใช่ป่ะอันนี้น่ะ เอามาเดี๋ยวไปถามเคาเตอร์ให้รอนี้นะ เตี้ย”


แล้วมันก็หยิบนาฬิกาผมแล้วก็เดินไปตรงเคาเตอร์ เชี้ยเอ่ยยย เรียกผมเตี้ยอีก เกิดมาเพิ่งเคยโดนผู้ชายอุ้ม… ทั้งโมโห หงุดหงิด ใจเต้นแรงสุดๆ (เป็นอะไรวะเนี่ย)
 
 
“จิมครับ จิม”
 
 
“ห่ะ ไรหรอ”
 
 
“จ่ายตังไง หรือจะเอาอันอื่นหรอ”
 
“เอาอันนี้แหละ ไม่ต้องมาอุ้มกูละ”
 
 
“อะไรยังไม่ได้บอกว่าจะอุ้มเลย”
 
(มึงทำไรไม่เคยขออยู่แล้วนี่ไอ้ห่า)
 
 
“เออๆ ว่าแต่ หายงอนกันแล้วหรอ มึงกับปอยอะ”
 
ผมดึงเรื่องปอยกับมันมาเปลี่ยนความสนใจตัวเอง แล้วก็ได้ผลเพราะมันทำหน้าเซ็งๆ ทันที
 
 
“หายงอนบ้าไรเล่า จะเลิกกันอยู่แล้ว”
 
อ้าวเห้ย… ซวยละ ดันขุดอะไรไม่เป็นเรื่องมาคุย
 
 
“อ้าวหรอ เออ...โทษทีว่ะ กูไม่รู้งั้นกูกลับห้องละ เจอกัน”
 
ผมตบบ่ามันเบาๆให้กำลังใจมัน พร้อมทั้งเตรียมออกตัวจะเดินไปขึ้นรถ
 
“อ้าว จะไม่ฟังหรอที่จะเล่าเมื่อเช้าอะ เดี๋ยวไปส่ง จะได้คุยกันบนรถ”
 
 
“ไม่เป็นไร กูเกรงใจ อีกอย่างมึงไปรับน้องแก้วเหอะ เดี๋ยวน้องเขารอนาน”
 
 
“น้องแก้วเขาให้คนขับรถไปรับแล้ว ผมอ้างปอยไปงั้นล่ะ”
 
ทำหน้าเศร้าเป็นตูดลิงอีก เออ แพ้ทางคนทุกข์ใจด้วยดิ
 
 
“เออๆ ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เปลืองค่ารถ”
 
ผมก็อ้างไปงั้นแหละครับ แต่ไม่รู้จะเนียนพอไหม เพราะไอ้ยิ้มมุมปากมันโผล่มาอีกแล้ว แหม เปลี่ยนสีหน้าไวจริงนะพ่อคุณ
 
 
 
 
“ว่าไง ระบายมาได้เลยนะ มีไรจะพูด พูดเท่าที่พูดได้ก็ได้นะ”
 
ผมถามไอ้คนที่อาสาจะขับรถไปส่งผมถึงที่
 
 
“จะว่าไป จิมก็ไม่ได้มีดีแค่เตี้ยเนอะ”
 
อ้าวไอ้นี้ จะให้ระบายอารมณ์ให้ฟัง ดันมากวนตีนอีก
 
 
“อะไรๆก็ว่ากูเตี้ย เออกูมันเตี้ย แล้วไงวะ”
 
ไม่แปลกหรอกครับ ที่ผมจะอารมณ์ขึ้นกับคำว่าเตี้ยง่ายๆ ถึงจะโดนล้อจนชินก็เถอะ แต่มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้
 
 
“เห้ยๆ ใจเย็นดิ ไม่ได้ว่าอะไรสะหน่อย น่ารักดี ผมชอบ”
 
เดี๋ยวๆ ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม ไอ้ “น่ารักดี ผมชอบเนี่ย” ไม่ใช่ละ
 
 
“ห่ะ มึงพูดอะไรนะ มึงพูดใหม่ดิ เอาดีๆ”
 
 
 
 
 
“ก็บอกว่าน่ารักดี ผมชอบ”
 
 
 
 
 
 
 
……………..

“การที่ได้พบเจอสิ่งใหม่ คือการทำความเข้าใจกับสิ่งเหล่านั้น”




Talk: เอาแล้วไง จิมเริ่มมีอาการแปลกๆที่ตัวเองไม่เข้าใจแล้ว/// เย้ๆเริ่มมีคนมาเม้นแล้ว รู้สึกมีกำลังใจเขียนต่อ คอมเม้นกันเยอะๆน้า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 3: ยินดีที่ได้รู้จัก Update! (28/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-05-2017 10:31:44
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 3: ยินดีที่ได้รู้จัก Update! (28/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-05-2017 13:55:18
 :hao3:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 3: ยินดีที่ได้รู้จัก Update! (28/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 28-05-2017 16:04:20
Chapter 04 : เตี้ยโคตรอร่อย
 
 
 
 
 
“ก็น่ารักดี ผมชอบ”
 
ที่ผมพูดงั้น เพราะมันคือมุมมองความจริงจากใจเลยครับ
 
 
ผมชื่อ เติ้ล ครับ สูง 185 เรียนอยู่คณะ บริหารธุรกิจ เป็นลูกผู้ชายคนโต มีน้องสาว อีกคนชื่อ แก้ว เป็นเด็กม.ต้น น่ารักๆ ตามภาษาเด็กกำลังโต ความสูงของผมเนี่ยคงจะได้พ่อมาเต็มๆ (โคตรโชคดี) ที่ไหนละครับ แอบใครที่ไหนก็หลบไม่พ้น เพราะตัวสูงขนาดนี้ ตอนเรียนอยู่มัธยมขนาดผมนั่งหลังสุด แอบอยู่ที่พื้นใต้โต๊ะ อาจารย์ยังเห็นหัวผมเลย อย่างนี้เท่ากับว่าถ้าผมทำอะไรไม่ดี ก็มีแต่คนเห็นสิครับ แต่มีดีก็ตรงที่ทางสะดวกในเรื่องจีบสาว เอาเป็นว่า แค่ผมยิ้มให้สาวที่ผมอยากจะจีบแค่นั้นผมก็เข้าหาเธอง่ายขึ้น แต่อย่าเพิ่งคิดนะครับว่าผมน่ะ “เสือผู้หญิง” ไม่จริงเลย เพราะผมเคยมีแฟน เธอชื่อปอย สวย น่ารัก แม้จะเอาแต่ใจไปนิด แต่ก็ขี้อ้อน เพราะผมเสร็จทุกทีเวลาเจอคนอ้อน ใจอ่อนง่ายเหลือเกิน จนพ่อแม่บ่นอยู่บ่อยๆ ถ้าเข้าไปทำงานบริษัท ต้องเผด็จการมากขึ้น ผมกับปอย เราคบหากันตอนม.6 เทอม2 ใกล้จะปิดเทอม เราเลยเข้ามหาลัยเดียวกัน แต่อยู่คนละคณะนะครับ ปอยอยู่ นิเทศ จะว่าไป… ตอนนี้ผมพูดเรื่องปอยเยอะไปรึเปล่า แต่ก็นะ อย่างที่บอกไปว่า “ผมเคยมีแฟน” ถ้าวันนั้นเธอไม่น่าทำกับผมแบบนั้น ผมคงไม่รู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ ถ้าเธอไม่เหยียบย้ำหัวใจผมแบบนั้น ผมคงไม่ได้ยิ้มเพราะเจอไอ้เตี้ยนี้ เพราะมันทำให้โลกของผมเปลี่ยนไปทันที
 
 
 
 
“ปอย…”
 
ผมเห็นเธอ...ชัดเจน ริมฝีปากที่ตกกระทบกับอีกริมฝีกปากหนึ่ง
 
แต่คนๆนั้น ไม่ใช่ผม!!
 
 
“ไอ้สัด...มึงเป็นใครวะ”
 
ผมหน้ามืดสุดขีดกำหมัดแน่นพร้อมกับชกเข้ากับปากที่จูบปากแฟนผมไม่ยั้ง
 
 
“เติ้ล หยุดก่อน เติ้ลหยุด”
 
 
“ไอ้นี้เป็นใคร”
 
ตอนนี้ไอ้บุคคลที่สามมันโดนผมคร่อมลงกับพื้นเลือดเต็มหน้าไปหมด นี่ผมเลือดขึ้นหน้าแล้วนะ รู้สึกเหมือนโดนปอยหลอก โดนไอ้ห่าน่าขโมยของหวงไป
 
 
“นี่มันหมายความว่าไง อธิบายมาปอย”
 
ผมยังไม่หยุดที่จะดึงคอเสื้อมันมาต่อยรัวๆ เชื่อว่าตอนนี้น่าจะสลบไปแล้ว
 
 
“ปอยแค่จะลองใจเติ้ลเฉยๆ”
 
 
!!!!
 
ลองใจ?
 
ลองใจบ้าอะไรกัน
 
 
“ลองใจ?”
 
ผมหันไปมองไอ้คนที่ผมคร่อมอยู่มันสลบไปเรียบร้อย
 
 
“ปอยแค่อยากรู้ว่า เติ้ลยังรักปอยไหม”
 
 
“...”
 
 
“คนนี้เขาเป็นเพื่อนปอย ไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่เติ้ลคิดนะ”
 
 
“....”
 
 
“ปอยแค่ทดสอบน่ะ”
 
ทดสอบ… ผมนิ่งมาก ผมลุกขึ้นยืน หันหน้าไปทางอื่น พยายามใจเย็น
 
 
“ทดสอบว่าเติ้ลรักปอยไหมงั้นหรอ”
 
 
“ใช่… เพราะพอเข้ามหาลัยมาเติ้ลกับปอยก็ห่างๆกัน ปอยเลยอยากแน่ใจ”
 
 
“....”
 
พอผมเข้าใจทุกอย่างแค่นั้น ผมขอฟังแค่นั้น แล้วผมก็หยิบหนังสือเดินออกมาไม่ฟังอะไรต่อ
 
 
“เติ้ลจะไปไหน”
 
 
“....”
 
 
“เติ้ล!!”
 
 
“เติ้ล ปอยขอโทษ”
 
ทุกอย่างมันหมดเลย… มันเหมือนเธอไม่เชื่อใจผม ผมเจ็บปวดตรงจุดนี้มาก ผมเกียดมากกับการทดสอบแบบนี้… ตอนนี้ผมต้องไปสงบสติอารมณ์ก่อน ค่อยๆคิดทุกอย่าง ว่าควรทำไงต่อ และจุดหมายที่ผมไปคือห้องสมุด (ได้ทั้งคืนหนังสือ และที่เงียบๆในการคิดอะไร ช่วยไม่ได้ยังกลับบ้านไม่ได้นี่ ผมมีเรียนบ่ายอีก)
 
 
 
 
 
 
ปกติแล้วผมไม่เคยมาห้องสมุดหรอกครับ ถ้าอาจารย์ไม่ให้ไปค้นอะไรเพิ่มก็จะไม่เข้า แล้วหนังสือที่ผมยืมมาก็เป็นหนังสือเกี่ยวกับการตลาดที่อาจารย์ให้ไปหาข้อมูลเพิ่มวันนี้ก็ต้องเอาไปคืน ผมเลยคิดว่ามันคงเหมาะจะเป็นที่สงบสติอารมณ์ ผมมองภาพตัวเองในหัวย้อนไปว่า ทำไม ทำไมเธอถึงคิดทดสอบผม ทั้งๆที่ผมก็ โทรคุยกับเธอเกือบทุกวัน ถึงแม้จะเว้นช่วงนานไปหน่อย ทำไงได้ละครับ ผมต้องเข้าบริษัทกับพ่อ ไหนจะการบ้าน ไหนจะเช็คเอกสาร เข้ามหาลัยมาก็วุ่นอยู่กับการประกวดดาวเดือน ที่ผมไม่ได้อยากเป็นเท่าไหร่เลยวุ่นวายโคตร ถึงงั้นผมก็ยังโทรหา พาเธอไปกินข้าว เดินเล่น ทำไมเธอถึงไม่ไว้ใจผม แล้วยังมาเล่นกับหัวใจผมซะยับ เหมือนเอามีดมากรีดตรงอกแล้วบอกว่า ฉันรักคุณนะ แบบนี้แม่งโคตรเจ็บ คิดแล้วก็เริ่มจะโมโหอีกแล้วนี่ผมมาสงบสติอารมณ์นะเนี่ยย
 
 
(“โว้ยยยยยยยย”)
 
ผมจิกหัวตัวเองโวยวายในใจ
 
 
“...”
 
 
“...”
 
ไอ้เตี้ยนั้นมันทำอะไรของมันวะ
 
 
“หึ”
 
ผมขำในลำคอ เพราะเห็นผู้ชายตัวโคตรเล็ก โคตรเตี้ย โคตรแคระ หน้าตาบู่บี้ เหมือนจะหงุดหงิด แต่ก็เหมือนจะสงสัย กระโดดไปมาอยู่ในซอกชั้นวางหนังสือตรงข้ามผม
 
 
 
ผมมองผ่านช่องว่างที่ไม่มีหนังสือวางในชั้นส่องใบหน้าของมัน หน้าตาก็พอใช้ได้ถ้าไม่ติดว่าเตี้ย คงมีสาวๆมาชอบเยอะน่าดู ปากเล็ก จมูกนิด ตาโต ผิวสีน้ำผึ้ง ก็เหมือนคนทั่วๆไปเนี่ยละครับ แต่เวลาแสดงสีหน้าอารมณ์ต่างๆ ทำเอาผมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
 
 
นี้ขนาดกระโดด ผมยังไม่เห็นมันจะเอื้อมมือถึงชั้นหนังสือที่มันจะเอาสักที ไปช่วยสักหน่อยละกัน
 
 
“อ้าว”
 
ผมตกใจที่พอผมเดินอ้อมจะเข้าซอกชั้นวางหนังสือที่มันอยู่ มันก็หายไปแล้ว ละสายตาไปแปบเดียวเอง สงสัยคงไปหาอะไรมาต่อขา
 
 
นั้นไง มันไปเอาบันไดเล็กๆ สำหรับคนหยิบไม่ถึง ทำให้ผมอดขำไม่ได้กลัวมันจะได้ยิน เลยไปแอบอีกซอกถัดไปเพื่อมองมัน หน้าตารูปร่าง ท่าทางก็โครตผู้ชาย แต่ความเตี้ยมันนี่ แข่งกับผู้หญิงได้เลย
 
 
พอผมกลับมามองตัวเองผมนี่โคตรสูง ไหนขอลองไปยืนใกล้ๆดูหน่อยละกัน อยากรู้จะเท่าระดับไหนของผม แล้วผมก็เดินไปทำเป็นจะหาหนังสือข้างๆมัน เชื่อใหมครับ มันสูงถึงแค่อกส่วนล่างเกือบจะถึงท้องผมอยู่แล้ว ผมนี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
 
 
นั้นเป็นวันแรกที่ผมเห็นเขาคนนั้น ไอ้เตี้ยคนที่อยู่ๆ ทำให้ผมเลิกคิดเรื่องปอยไปสนิท แบบที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเพิ่งจะไปมีเรื่องมา คนบ้าอะไรทำให้ผมมองไม่เบื่อเลย บ่อยครั้งที่เวลามันหยิบหนังสือไม่ถึงแล้วเดินไปหาบันไดมาต่อขา (ฮ่าๆ มันฮามากจริงนะครับ ไอ้เตี้ยเอ้ย) ผมก็แกล้งไปหยิบหนังสือมันมาไว้ชั้นล่างก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึง แล้วทำหน้างงๆ แบบ (โอ๊ยย ไม่ไหวและมันจะฮาอะไรขนาดนี้) คนอะไรแสดงสีหน้าชัดเจนเกินจริง
 
 
 
 
 



 
 
 
หลังจากวันนั้น ทำให้ผมรู้สึกอยากมองทุกวัน ว่าวันต่อๆไป มันจะมีท่าทางยังไง มันเลยกลายเป็นว่าผมต้องมาแอบดูท่าทางมันที่เข้ามาห้องสมุดทุกเช้า วันไหนที่มันอารมณ์ดีๆ จะเดินท่าทางติ๊งต๊องเข้ามา ไอ้เตี้ยนี้ดูเป็นคนโลกส่วนตัวเยอะ ไม่สนใจคนรอบข้างจะมองมันว่ายังไง เพราะบางวัน มันใส่หูฟังแล้วก็เต้นแร้งเต้นกาอยู่คนเดียว
 
 
(เออ...ไอ้เตี้ยนี้ขยันเข้าห้องสมุดดีเหมือนกันแหะ สงสัยจะชอบอ่านหนังสือ)
 
 
ความเป็นไอ้เตี้ยนี้มันเป็นเหตุผลทำให้ผมอยากรู้จักมันจนเกิดเรื่องที่ผมดันไปจูบหน้าผากมัน (อุบัติเหตุ) แต่ให้ตายเหอะ ผู้ชายอะไร ผมหอมชะมัด หน้าผากก็นิ่ม ทำเอาผมนิ่งสำรวจตัวเองไปพักนึงว่า ทำไมผมไม่รู้สึกต่อต้านผู้ชายคนนี้เลย ไอ้เตี้ยนี้ไม่ใช่เล่นๆละ มันทำให้ผมอยากรู้จักมันมากขึ้น จนในที่สุดเราก็ได้เป็นเพื่อนกัน…. นั้นทำให้วันนี้ผมได้มีโอกาสได้ไปส่งจิมถึงที่ แต่ก่อนหน้าผมจะเจอจิม ผมกับปอยเราได้นัดเจอเพื่อปรับความเข้าใจกัน
 
 
“ปอย ขอโทษนะ”
 
สีหน้าของคนรู้สึกผิดที่เหยียบย้ำหัวใจผม
 
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
 
 
“เรายังเหมือนเดิมกันอยู่ไหมคะเติ้ล”
 
 
“...”
 
 
“เติ้ล ยังรักปอยอยู่ไหม”
 
 
“รักสิ แต่เติ้ลว่าเราไม่เหมาะที่จะเป็นแฟนกันหรอกนะ”
 
เธอหน้าเศร้าลงไปอีก ให้ตาย ผมชักจะใจอ่อนแล้วนะ ผมควรเข้มแข็งสิ
 
 
“ทำไมล่ะ เติ้ลก็รักปอยไม่ใช่หรอ”
 
 
“แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้วปอย หลังจากที่เติ้ลได้อยู่กับตัวเอง เติ้ลได้มีเวลาคิดอะไรหายอย่าง”
 
 
“....”
 
 
“ปอยรู้ไหม ปอยทำแบบนั้นก็เติ้ล เติ้ลรู้สึกว่าปอยไม่เชื่อใจเติ้ลสักนิด”
 
 
“...”
 
 
“เติ้ลว่า เป็นเพื่อนกันเหมือนตอนม.6อะดีแล้วเนอะ”
 
 
“...”
 
เธอเหมือนจะร้องไห้
 
 
“อย่างน้อยเติ้ลก็ให้อภัยปอยอะเนอะ ไปเดินเล่นกันดีกว่า”
 
รอยยิ้มนั้นช่างดูปวดร้าวอะไรขนาดนั้น ผมชักจะหวั่นไหวแล้ว
 
 
“แล้วปอยว่าไง เราเป็นเพื่อนกันได้ไหมครับ”
 
 
“ก็ถ้าเติ้ลให้ปอยเป็นแบบเดิมไม่ได้ มันก็คือสิทธิ์ของเติ้ล เพราะปอยสมควรได้รับมัน”
 
 
“อย่าคิดงั้นสิครับคนดี เติ้ลแค่รู้สึกสบายใจกว่าถ้าเราจะเป็นเพื่อนกัน”
 
 
“ไปเดินเล่นกันเถอะ เดี๋ยวปอยก็จะกลับบ้านแล้ว”
 
ผมชักชวนเธอลุกออกจากร้านอาหาร เพื่อจะได้ผ่อนคลาย ซึ่งมันก็จริง เพราะไอ้เตี้ยนั้นที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจ มันโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ให้ผมเห็น ทำให้วันนี้มันเป็นหมอรักษาแผลให้ผมโดยที่มันไม่รู้ตัวอีกครั้ง...
 
 
 
 
“ก็น่ารักดีผมชอบ”
 
นั้นคือประโยคที่ผมบอกมันไปที่ตอนนี้กำลังขับรถไปส่งจิม
 
 
“ห่ะ?”
 
 
“น่ารักไง เลยอยากเป็นเพื่อนด้วย”
 
มันคงจะคิดว่าผมชอบมันแน่ ผมยังไม่ควรมั่นใจตัวเองขนาดนั้นว่าผมชอบมัน
 
“อ้อ เออออ”
 
จิมตอบผมแค่นั้นแล้วหันไปทางหน้าต่างฝั่งตัวเอง
 
“แล้วไป...”
 
เสียงพรึมพรำของจิม ที่ผมได้ยินไม่ถนัด นี่สงสัยมันต้องรู้แล้วว่าผมเขาหามันเพราะอะไร
 
 
“ห่ะ จิมว่าไงนะครับ”
 
 
“อ่อ ไม่มีไร หิวข้าวยัง”
 
ให้ตายดิ ตอบว่าไงดีวะเนี่ย เพิ่งกินมาเมื่อกี้กับปอยด้วย แต่ถามมาแบบนี้แสดงว่าจะชวนกินข้าวแน่เลย โอกาสมาถึงแล้วนะ
 
 
“นิดหน่อยนะ ทำไมหรอจะเลี้ยงหรอ”
 


“ตรึ๊ดดดดดด”
 
เสียงโทรศัพท์ของจิมสั่น แล้วมันก็หยิบออกมาจากกระเป๋า ให้ตาย แค่แม่โรมาทำไมต้องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขนาดนั้น อย่ายิ้มแบบนั้นดิวะะะะะ
 
 
“ฮัลโหลครับแม่ อยู่ไหนแล้วครับ”
 
เสียงคุยกับแม่คนละเสียงกับผมเลย ออดอ้อนอะไรขนาดนั้น โอ้ย ให้ตายยยย ถ้าผมเจอเสียงแบบนี้เข้าใส่ผม ผมจะรอดไหมมมมมม
 
 
“โหแม่ อ่า อุตส่าหิ้วท้องงง หนูคิดว่าจะได้กินของอร่อยแล้วเชียว”
 
โอ๊ยยยยย “หนู” ไอ้สรรพนามน่ารักเบอร์นั้นมันช่างเหมาะกับไอ้เตี้ยนี้มากๆ
 
 
“โอเคครับแม่ เดี๋ยวหนูทำกินเองก็ได้ ขอบคุณครับแม่ ขับรถดีๆนะครับ”
 
พอจิมวางหูมันก็หันมามองผมที่กำลังขำในลำคออยู่
 
 
“ขำเชี้ยไร”
 
 
“เปล่าๆ คุยกับแม่น่ารักดี”
 
 
“เออ ตอนแรกคิดว่าแม่จะทำกับข้าวมาให้กิน แต่ผิดคาดว่ะ กูต้องทำกินเอง”
 
 
“หื้ม… ทำเป็นด้วยหรอ”
 
 
“เออ ทำเป็นดิ จะกินไม่กิน พูดงี้ไม่ต้องกินแม่ง”
 
จิมชวนผมกินข้าว… แค่ชวนกินข้าวเนี่ยนะ ทำไมผมต้องดีใจด้วย ไอ้บ้าอาร์มมึงอย่ายิ้ม มึงอย่ายิ้ม เดี๋ยวจิมรู้ตัว
 
 
“ยิ้มอะไร สรุปจะเอาไง”
 
นั้นไง
 
 
“จิมชวนผมดินเนอร์หรอ”
 
ขอกวนซักหน่อย อยากเห็นสีหน้าแบบนั้นอีก
 
 
“ดินนงดินเนอร์อะไร ห่า เออๆๆ ว่าไงล่ะ”
 
พอใจเลยครับ สีหน้าประชดประชัน แม่งโคตรเลย
 
 
“โอเคครับ อาร์มรบกวนด้วยนะมื้อนี้”
 
เอาวะ ถึงจะกินมาแล้วก็เถอะ นี่เขาอุตส่าชวนทั้งทีจะปฏิเสธลงได้ไง
 
 
“แล้วจิมจะทำไรกินหรอ”
 
 
“อืม….”
 
ไอ้ใบหน้านึกแบบจริงจังแบบนี้ คนอะไรวะแสดงสีหน้าได้ชัดขนาดนั้น
 
 
“กระเพาเนื้อ ไข่ดาวและกันง่ายๆ”
ไอ้เตี้ยนี้… เรื่องกินมันไม่ขัดใจผมเลยสักนิด ตั้งแต่บาร์บีคิวที่มันทำท่าทางให้ผมรู้ว่า ของโปรดมันชัวร์ๆ แล้วกระเพาเนื้อก็ของโปรดผม แหม มันจะบังเอิญไปหน่อยไหม
 
 
“โห อาหารสิ้นคิด”
 
 
“ถ้างั้นก็ไปหากินเอาเองแล้วกัน กูไม่ทำให้แดกและ”
 
ฮ่าาาาาาๆๆๆ กววนตีนนิดกวนตีนหน่อย ก็โวยวายและ
 
 
“โอ๋ๆ ขอโทษครับบบบ กินครับกิน อร่อยอยู่แล้วเนอะ”
 
ลองเชิงออดอ้อนบ้างสิ จะเป็นยังไง
 
 
“เชี้ยไร ขับรถดีๆนู้น เดี๋ยวรถก็ชนหรอก”
 
สาบานได้!! ก่อนไอ้เตี้ยหันหน้าหนีผม ผมเห็นหน้ามันแดง… หูก็แดง เขินหรอ หรือโมโห น่าจะโมโหมากกว่า
 
 
“ใครจะกล้าชน ตุ๊กตาหน้ารถน่ารักขนาดนี้ไม่มีทางอยู่ละ”
 
แล้วผมพูดอะไรออกไปปปปปปปปปปปปปปปปป
 
 
“มึง… อาร์ม เลิกพูดแบบนี้เหอะ กูขนลุกว่ะ”
 
เวลาผู้ชายคนนี้เรียกผมว่า “อาร์ม” มันทำให้ผมรู้สึกใจเต้นมาก เพราะอะไรรู้ไหมครับ ชื่ออาร์ม ที่มีเฉพาะคนๆเดียวที่ผมให้เรียก นั้นก็คือ น้องแก้ว น้องสาวผม ตอนเด็กๆ ผมเคยสัญญากับน้องว่า ผมจะใช้แขนทั้งสองข้างของผมเพื่อดูแลและปกป้องน้องผม ผมเลยให้น้องผมเรียกผมว่าอาร์ม แม้จะเป็นชื่อที่โหลมากอย่างที่ไอ้เตี้ยเคยบอก แต่มันก็เป็นรหัสลับในความหมายของมัน ถึงอย่างนั้นผมกลับยอมให้ไอ้เตี้ยนี้เรียกผมว่าอาร์มได้อย่างเต็มใจ ถึงได้บอกว่า ไอ้เตี้ยนี้ ไม่ใช่เล่นๆแล้ว
 
 
“ขนลุก? ขนลุกนี้ ชอบ หรือ รังเกียจ”
 
 
“ไม่ทั้งสองละ ไม่รู้เว้ยย ขอเหอะ”
 
คงไม่สบอารมณ์สินะ ที่ผมเล่นหวานๆมากไป เอาเถอะก็พอเข้าใจ มันออกจะแมนซะขนาดนั้น พูดจาห่ามๆซะขนาดนั้น คงไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่มันบอกอยู่แล้วละ ถึงหุ่นและหน้าตาจะให้ก็เหอะ
 
 
“จะเก็บไปคิดดู”
 
เมื่อผมพูดจบ จิมก็ไม่ตอบอะไรผมอีก หันไปมองออกนอกหน้าต่างฝั่งนั้นตลอดทาง จนใกล้ถึงคอนโดถึงจะเปิดปากบอกทางผมว่าให้เลี้ยวไปไหนไปทางไหนบ้างจนมาถึงที่จอดรถใต้คอนโด จิมทำท่าจะเอื้อมไปหยิบถุงในของขวัญของพี่รหัสของตัวเอง แต่นั้นแหละที่ทำให้ผมขำไอ้แขนสั้นนั้นเป็นปัญหาของมันจริงๆ
 
 
“มา ผมหยิบให้”
 
ผมอาสาจะหยิบถุงให้จิม
 
 
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวลงไปเปิดประตูหยิบเอง”
 
เท่านั้น จิมก็ลงไป ผมเลยจะถือโอกาสหยิบให้เลย จังหวะมันช่างพอเหมาะที่มันเอื้อมเข้ามาหยิบพอดี ทำให้ผมจับมือมันไปเต็มๆ เนี่ยยยยย แค่จับมือนะ… มือนิ่มมากกกก แค่ได้สัมผัส ผมก็เหมือนคนโดนช้อดแล้ว แถมไอ้สายตาโจมตีมาทางผมนั้น ดาเมจแรงมาก จนผมแทบจะหันหนีไม่ทัน กลัวมันเห็นผมหน้าแดง
 
 
“กูบอกกูหยิบเองไง ห่านี่”
 
จิมมันด่าผม แต่เชื่อไหม ผมไม่ได้ฟังอะไรเลย ไอ้บ้านี้แม่งทำผมลืมเรื่องเครียดได้ตลอด ผมนั่งทบทวนตัวเองในรถอยู่พักนึงให้สงบจิตสงบใจ
 
 
 
 
(ไอ้อาร์ม มึงชอบผู้หญิง มึงชอบผู้หญิง)
 
 
 
 
 
………………………..
 
 
 
“เสียงหัวใจมันจะบอกว่าใครคือ ตัวจริง”






Talk : เอาแล้ววววว พาร์ทนี้เป็นพาร์ทของอาร์มจริงๆ จริงๆแล้วให้เข้าใจว่าพระเอกเราชื่อ อาร์มแล้วกันเนอะ /// คนเขียนเป็นไข้ แต่ก็ยังนั่งเขียนต่อไป โก้!!
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 4: เตี้ยโคตรอร่อย ++Update!++ (28/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 28-05-2017 18:18:42
พอเห็นชื่อเรื่องปุ้บ ต้องกดเข้ามาปั้บเลย
เราเคยคบกะผู้ชายสูง158ซม. มาเหมือนกัน กระทัดรัดมาก เหมือนมีลูก ฮืออออ คือเราสูง166ซม.ไง 55555555
มาต่อไวๆนะคะ รออยุ่ๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 4: เตี้ยโคตรอร่อย ++Update!++ (28/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-05-2017 19:36:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 4: เตี้ยโคตรอร่อย ++Update!++ (28/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 28-05-2017 23:01:00
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 4: เตี้ยโคตรอร่อย ++Update!++ (28/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 29-05-2017 10:27:00
Chapter 05 : อร่อยจนลืมเจ็บ
 
 
“อาร์ม มัวทำไรของมึงอยู่วะ”
 
มัวนั่งทำบ้าอะไรอยู่ในรถนิ่งๆของมันก็ไม่รู้ หรือมันจะวางแผนแต๊ะอั๋งผมแน่เลย เมื่อกี้ก็หลอกจับมือผมไปทีนึงละ ทำบ้าอะไรของมันวะ อย่าเชียวนะเว้ย ฟ้าผ่านะ
 
 
แล้วมันก็สะดุ้งรีบออกมาจากรถเดินมาฝั่งผม
 
“มา อันนี้ผมถือให้”
 
 
“ไม่ต้อง แค่นี้เองกูถือได้”
 
 
“กระเป๋าสะพายไม่หนักไง มาผมช่วยถือ”
 
ไอ้ห่านี้รั้นจริงๆ อะๆ อยากช่วยก็ตามใจ
 
 
“อะ ตามใจ รีบๆ เหอะ เดี๋ยวกลับบ้านดึก”
 
 
“โห ไม่ต้องห่วงหรอก ผมกลับดึกได้ พ่อแม่ไม่หวง”
 
หน้าเก็กๆ ยิ้มมุมปากของมันคืออะไรไม่ทราบ
 
 
“เออๆ”
 
 
 
 
 
 
 
“แล้วนี่จิมต้องทำอะไรบ้างหรอ เดี๋ยวอาร์มช่วย”
 
หลังจากที่ผม… เชื้อเชิญมันมาถึงห้องของตัวเอง (นี่ก็แค่เพื่อนเปล่าวะ นี่ผมทำไมรู้สึกเกร็งๆ ทำตัวไม่ถูก)
 
 
“เอ่อ…. มึงไม่ต้องทำไรหรอก เอาของวางเค้าเตอร์นี้แหละ แล้วไปนั่งโซฟาไป เดี๋ยวกูทำเอง เป็นแขกอะนั่งนิ่งๆไป”
 
แล้วมันก็ผยักหน้ารับคำก่อนจะวางของแล้วเดินไปนั่งโซฟา
 
 
“เออ ห้องกูรกหน่อยนะ ไม่ค่อยมีเวลาเก็บอะ”
 
 
“งั้นผมเก็บให้เอาไหม?”
 
เออนะ บอกว่าให้อยู่เฉยๆ
 
 
“จะบ้าไง ไม่ต้องนี้ห้องกู กูทำเอง นั่งนิ่งๆไป หรือถ้าเบื่อจะเล่น xbox ก็ได้นะ”
 
 
“ได้ไง แม่ผมสอนไว้ อยู่บ้านใครอย่านิ่งดูดาย ทำความชิบหายให้บ้านเขาเล่น”
 
ฮ่าาาาาา ผมนี้หลุดขำ กับมุขมันออกมา แล้วก็ส่ายหน้าบอกบุญไม่รับมุข หน้าแบบนั้นดันมาเล่นมุขห่าอะไรแบบนี้ โคตรเลย
 
“หึ งั้นมึงยิ่งต้องอยู่เฉยๆเลย”
 
“เหอะนะ ให้ผมช่วยเหอะ อะไรก็ได้”
 
 
“งั้นมานี้ มาตำพริกให้กูดีกว่ามา ไม่ต้องเก็บของห้องกูหรอกเดี๋ยวกูหาของไม่เจอ”
 
 
“โห ไม่เอาอะงานผู้หญิง มาตำเติมอะไรไม่เอา ขอหั่นเนื้อดีกว่า”
 
มีเลือกอีกไอ้ห่านี้
 
 
“เออๆ อะมีด ระวังด้วยล่ะ มีดมันคม
 
 
“ห่วงผมด้วย?”
 
 
“เปล่าอะ กูห่วงกูจะได้แดกเนื้อติดเลือดมึงมากกว่า”
 
 
“โหไรว้า”
 
หน้างอนไม่เข้ากับหน้ามันเลย ให้ตาย แต่ทำไมผมต้องยิ้มด้วยวะ
 
 
 
 
 
“โอ๊ย!”
 
คิดว่ามันโดนมีดบาดนิ้วแล้วจะมีฉากผมเอาพาสเตอร์ปิดแผลมันงั้นสิ ผิดละครับ เสียงผมเองที่ร้องออกมา พริกแม่งกระเด็นเข้าตาเฉยเลย แสบสุดๆ
 
“เห้ยเป็นไร”
 
“พริกเข้าตา”
 
ผมตอบมันระหว่างที่วิ่งเข้าห้องน้ำไปเปิดฝักบัวล้างตา
 
 
“แสบชิบ”
 
 
“ไหนดูหน่อย”
 
ไม่พูดเปล่ามือไม้ค่อยๆ แตะเปลืองตาผมเบาๆ แม่งโคตรจะอ่อนโยน แต่เห้ย! หน้าใกล้แบบนี้ กูไม่ไหวนะไอเชี้ย ก้มมาใกล้ไปเปล่าวะเนี่ย (ทำไมใจผมต้องเต้นแรงขนาดนี้) มีคนมาดูหน้าใกล้ๆ มันก็เขินเป็นเหมือนกันนะเว้ย
 
 
“ตาแดงเลย ไปพักก่อนและกัน เดี๋ยวผมทำต่อเอง”
 
ผมเดินไปนั่งพักที่โซฟาตามที่มันบอก (ไม่บอกก็ทำอยู่แล้วละ) ไอ้หน้าใกล้ๆเมื่อกี้ ทำผมหน้าแดงไหมนะ
 
 
“เห้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวหายแสบกูทำต่อเอง”
 
 
“อวดเก่งนะ… ไอ้เตี้ย”
 
มีด่าๆ เดี๋ยวจะโดน
 
 
“เออ กูเตี้ย เพราะกูเตี้ยเนี่ยละ เลยไม่ค่อยอยากตำพริก แม่งกระเด็นเข้าตาง่ายชิบหาย”
 
 
“รู้ตัวก็ดี”
 
คนอะไรวะ ยิ้มเก่งชิบหาย
 
 
“จิม พริกกระเทียมเยอะไปเปล่า”


 
“ไม่เยอะหรอก หรือมึงไม่กินเผ็ด เอาออกก็ได้นะ”
 
 
“เปล่า กินได้”
 
 
พอผมเริ่มหายๆแสบตาก็มาเริ่มทำกับข้าวต่อ… กะทะ กะทะอยู่ไหน ไหนแม่บอกเอามาให้แล้ว ผมเปิดเกือบทุกตู้ที่ผมเอื้อมถึง… ก็ไม่เจอ แม่ลืมแน่ๆ เพื่อความแน่ใจ ผมลองกระโดดเปิดตู้อีกชั้นที่เอื้อมไม่ค่อยถึง… นั้นไง แม่นี้นะ ชอบแกล้งเรื่องความเตี้ยของผมจริงๆ
 
 
“อาร์ม”
 
 
“ครับ”
 
แล้วผมแค่ชี้กะทะที่วางอยู่ในตู้ชั้นบนสุดให้มันเห็น เท่านั้นแหละมันคงเข้าใจว่าให้มันหยิบให้เลยเดินมาหาผม
 
“เห้ยๆ เดี๋ยวมึงจะทำไร”
 
 
“อ้าว นึกว่าจะให้อุ้ม เห็นจะหยิบของไม่ใช่หรอ”
 
จะบ้าไงงงงงง แค่มันหยิบเองไม่ง่ายกว่าไงวะ
 
 
“มึงจะบ้าหรอ มึงอะหยิบ มันไม่ง่ายกว่าหรอวะ?”
 
 
“ก็ไม่ต่างกันนะ จะหยิบเองหรืออุ้มให้จิมหยิบ ตัวเบาอย่างกับหมอน”
 
 
“เออๆ หยิบมา”
 
ทำไมผมต้องรู้สึกทำตัวไม่ถูกยังไงไม่รู้เนี่ย
 
 
“อาร์ม มึงหั่นเนื้อผิดละ ใหญ่ขนาดนี้ ใครจะกิน”
 
ต้องเปลี่ยนเรื่อง แต่อันที่จริง แม่งชิ้นใหญ่มาก อย่างกับจะเอาไปย่างกินอย่างนั้นละ


 
“มานี้กูหันเอง เอามีดมา”
 
ผมก็จับมีดที่อยู่ที่มือมันหวังจะแย่งออก


 
“เห้ย ไม่ต้องบอกมา เดี๋ยวหั่นให้ เดี๋ยวมีดบาดมืออีก”
 
 
“ไม่เป็นไร กูหั่นเองไวกว่า”
 
มันขัดใจจริงๆนะครับ ไม่งั้นงานเสร็จไปแล้ว
 
 
“โอ๊ย!!”
 
เชี้ย… มีดบาดตอนแย่งมีดกับมัน
 
 
“โว๊ะ ขอโทษๆ ไหนดูดิ”
 
นิดเดียวแหละที่แน่ๆ เลือดออกมาเยอะอยู่ แต่ไอ้มือที่จับมือผมไปดูเนี่ย ห่าเอ้ย
 
 
“เอออ ไม่เป็นไรมากหรอก”
 
ผมดึงมือออกเพราะผมเกร็งไปหมด
 
 
“ไม่เป็นบ้าอะไร บอกละว่าไม่ต้อง ดื้อจังวะ”
 
เวลามันดุเนี่ย หน้าตาโคตรจริงจังน่ากลัวชิบ
 
 
“เอามือมานี้”
 
แม่งไม่พูดเปล่าดึงมือข้างที่ผมโดนบาดไปด้วย (จะพูดทำไมถ้ามึงจะดึงไปไม่ฟังกันก่อน)
 
 
“ทำอะไรระวังหน่อยสิวะ เจ็บตัวจนได้”
 
 
“เออ ไม่เป็นไรหรอก ไกลหัวใจ ขอบใจก็แล้วกัน มาๆจะหั่นใช่ป่ะ เดี๋ยวบอก”
 
เล่นเอาซะผมไม่กล้าโวยวายเลย



“เออ แค่นั้นแหละ บอกมาเดี๋ยวหั่นให้อย่าดื้อนัก”
 
กูว่ามึงขู่กูมากเกินพอแล้วนะ



“กลัวแล้วครับ พ่อ ยิ่งกว่าพ่อกูอีก”
 
นั้นไง หันหน้าดุมาใส่ผมอีกและ แล้วใครจะไปกล้าสู้วะ ไอ้หน้าดุจริงจังแบบนั้น ผมก็ตัวหดดิ
 
 
“เออๆ ขอโทษๆ ว่าแต่เรื่องปอยเป็นไงยังไม่เล่าให้ฟังเลยนะ”
 
ต้องเปลี่ยนเรื่องแล้วหละก่อนที่… แม่งหันหน้าดุมาอีกแล้วอะไรว่ะ กูผิดอะไรนักเนี่ยยยยยย
 
 
“โอ๊ย มึงอย่าทำหน้าแบบนั้นดิวะ กูกลัว”
 
แล้วแม่งก็หลุดขำออกมา (ที่ผ่านมามึงแกล้งกูสินะ)


 
“หน้าจิมเวลากลัวนี้ ตลกดีเนอะ”
 
 
“เชี้ย กวนตีนกูหรอ หั่นเนื้อไปก่อนที่นิ้วมึงจะด้วน”
 
จัดมันสักนิ้วดีไหม ผัดกระเพาสูตรใหม่ ใส่นิ้วไอ้อาร์ม คงอร่อยดีพิลึก
 
 
“โทษๆ ล้อเล่นนิดหน่อยเอง เรื่องปอยน่ะไม่มีไรมากหรอก ก็แค่เขาจูบกับผู้ชายอื่น ผมจับได้ เลยมาขอโทษ ขอคืนดี แค่นั้นแหละ”
 
 
“อ่อ งี้เอง แล้วเย็นนี้ก็เลยดีกันแล้วใช่ป่ะ?”
 
 
“ไม่หรอก ผมขอกลับไปเป็นเพื่อนดีกว่า”
 
 
“กลับไปเป็นเพื่อน? อาร์มกับปอยเคยเป็นเพื่อนกันหรอ”
 
“ใช่ เรียนมัธยมเดียวกับตอนม.ปลาย ลองคบกันก็...อืม… ม.6 ก่อนปิดเทอมพักนึง”
 
 
“แล้วฝ่ายนั้นยอมไหม?”
 
 
“ไม่ยอมก็ต้องยอมแหละ อีกอย่างความรู้สึกอาร์มไม่เหมือนเดิมละ”
 
 
“ทำไมวะ อย่าบอกนะ...” ผมยังไม่ทันพูดจบ “ใช่ หัวใจผมไม่ใช่ของเขาแล้ว”
 
เหยดดดดด แล้วนี้ผมต้องเข้าใจว่า มันน่าสงสาร หรือมันร้ายกันแน่ พอเสียใจก็หวั่นไหวกับคนอื่นซะง่ายเกิน ผู้หญิงคนนั้นจะต้องสวยมากแน่ๆ ถึงขนาดทำให้ไอ้อาร์มหวั่นไหวได้ง่ายๆ แต่ไอ้หน้าเศร้าๆนั้นแม่งโคตรทำให้ผมอ่อนใจเลย
 
 
“เออ ช่างมันเหอะ มาทำกับข้าวกินดีกว่า”
 
ผมตบบ่ามันก่อนจะเดินไปตั้งเตา
 
 
“แม่กูเคยบอกนะ ว่าถ้ากินของอร่อยจะทำให้ลืมเจ็บได้ กับข้าวมื้อนี้กูจะทำให้สุดฝีมือเพื่อมึงเลย”
 
 
จะยิ้มเหี้ยไรอะไรขนาดนั้นนนน
 
 
“ขอบใจนะ”
 
 
“ขอบใจทำไมวะ?”
 
 
“ก็ขอบใจที่เป็นเพื่อนอาร์ม ขอบใจที่ทำกับข้าวให้กิน ได้เจอจิมอะไรก็ดีขึ้น”
 
เสียงทุ้มต่ำ โทนจริงจังไปทางซึ้ง ทำเอาผมนิ่งไปพักนึง...ได้สติผมถึงจะเริ่มทำกับข้าวต่อ
 
 
 
 
 
 
 
 
“หูย หอมอ่ะ ชิมได้ป่ะ”
 
 
“เอาดิ”
 
แล้วมันก็หยิบช้อมาตักชิมเนื้อหนึ่งชิ้น ทำหน้าตาพอใจอยู่พอสมควร
 
 
“เป็นไง อร่อยไหม?”
 
 
“โคตรๆอะ ต่อไปอาร์มว่าอาร์มต้องฝากท้องกับจิมบ่อยๆแล้วละ”
 
 
“กูไม่ได้ขยันทำขนาดนั้น”
 
 
“ปะ เอาไปวางที่โต๊ะ เดี๋ยวกูตักข้าวตามไป”
 
 
“โอเคคคคค”
 
แม่งร่าเริงอะไรขนาดนั้น ที่แม่ผมบอกนี้คือเรื่องจริงใช่ไหม
 
 
“เออ มึง ดึกขนาดนี้ พ่อแม่ไม่ว่าหรอกลับบ้านดึก”
 
ผมถามมันระหว่างกินข้าวดูหนังไปด้วย
 
 
“ไม่หรอก โทรบอกเขาตอนไปส่งปอยแล้วว่าจะกลับดึกหน่อย”
 
วางแผนมาอยู่แล้วใช่ไหม? ไอ้นี้
 
 
“ถ้าดึกมาก มึงนอนนี้ก็ได้นะเว้ย ขับรถดึกๆ อันตราย”
 
ผมไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะครับ แค่ว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ ที่บ้านมันจะโทษเป็นความผิดผมเอาอะดิ ไม่หรอก ผมก็คงโทษตัวเองด้วยล่ะ
 
 
“ไม่รบกวนหรอกครับ ขอบคุณนะ”
 
 
 
 
 
พอกินข้าวเสร็จ ผมกับมันก็นั่งดูหนังกันต่อให้จบ แต่เอาเหอะ ใช้คำว่าผมกับมันคงไม่ถูกอะ เพราะพอหนังจบ มันก็หลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ผมเลยลุกไปอาบน้ำ
 
 
“หึ แล้วบอกกูว่าไม่นอน”
 
ผมคิดดังขึ้นมาอีกละ ก็นะ เห็นบอกว่าจะไม่รบกวน สุดท้ายมันก็เหยียดตัวนอนโซฟาผมอยู่ดี ผมเลยไปหยิบผ้าห่มอีกผืนในตู้เสื้อผ้าที่อยู่ในห้องนอนมาห่มให้มัน
 
หน้าตอนหลับมัน… จะว่าไงดีอะ ขนตายาวสัด ปากมันก็นะเป็นกระจับซะ ถึงคิ้วจะไม่เข้มเท่าผมแต่ก็ถือว่าเข้มอยู่ อิจฉาว่ะ ผมโคตรอิจฉาความสูง ความขาวของมันเลย ทำไมคนอย่างมันแม่งถึงได้สูงขนาดนี้ ขนาดที่ยืดขาแล้วขาตกขอบโซฟา เชี้ยยยย แล้วผมจะพิจารณาหน้ามันอะไรนานแบบนี้ ไปนอน ไปนอน ก่อนไปผมจ้องมันซักพักก่อนคำพูดในหัวผมที่ชอบคิดดังออกมาเป็นเสียงเบาๆ….
 
 
 
 
 
 
“ฝันดีนะมึง”


……………….
 
 
 
“ความเจ็บปวดเป็นเพียงก้อนหินที่เราบีบมันไว้
หากเราเลือกที่จะปล่อยมันไปแล้วเลือกสิ่งใหม่ๆให้ใจสงบแทน”






Talk : ตื่นมาอัพแต่หัววันหายป่วยแล้วเย้// เอาจริงๆ จิมเป็นคนทำกับข้าวเก่งพอๆกับแม่เลยนะ เดี๋ยวต่อไปอาร์มจะติดรสมือจิมแน่ๆ// จิมเริ่มมีอาการแปลกๆกับอาร์มละ
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 5: อร่อยจนลืมเจ็บ Update!++ (29/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-05-2017 21:02:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 5: อร่อยจนลืมเจ็บ Update!++ (29/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-05-2017 21:51:21
อาร์ม จิม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 5: อร่อยจนลืมเจ็บ Update!++ (29/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 29-05-2017 22:37:34
เตี้ยหวั่นไหวละใช่มั้ย  o18
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 5: อร่อยจนลืมเจ็บ Update!++ (29/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 30-05-2017 02:44:35
Chapter 06 : พิสูจน์
 
 
 
“เห็นหลับอร่อยเลยไม่อยากกวน ขอบคุณนะครับ อาหารอร่อยจนลืมเศร้าเลย”
 
ตัวหนังสือที่โคตรจะหวัดบนโพสอิทข้างนาฬิกาตั้งโต๊ะข้างเตียงนอนผม… (นี่ผมกำลังยิ้มอยู่หรอ) เป็นเช้าวันเสาร์ที่โคตรจะหงุดหงิดก็ข้างห้องเล่นทะเลาะกันเสียงดังแต่เช้า แต่ไม่รู้ทำไมหันมาเจอโพสอิทใบนี้ คิ้วที่ขมวดเกร็งอยู่มันผ่อนคลายลง
 
วันเกิดพี่รหัสผมก็พรุ่งนี้ละ… แอบลุ้นชิบหายว่าของขวัญที่ซื้อมาพี่แกจะถูกใจรึเปล่า ที่มากไปกว่านั้นคือลุ้นว่าจะโดนแกล้งอะไรอีกไหม พี่แกไม่รู้เป็นอะไรแกล้งผมได้แกล้งผมดี ใจจริงก็แอบไม่อยากไป แต่ลองไม่ไปดิ มีหวังโดนโทรจิกตายยันบ้านแตก
 
 
 
 
“เหี้ย!”
 
คำหยาบที่ผมสบถออกมาเพราะตอนผมเดินออกมาห้องรับแขกที่เคยมีแต่เศษกระดาษปากกาดินสอไม้บรรทัดกรรไกรวางระเกะระกะตามพื้น ไอ้อาร์มมันเก็บห้องให้ผมอย่างโล่ง โอ้โห เก็บเรียบร้อยขนาดนี้ (นี่มึงคิดจะมีบุญคุณกับกูสินะ)
 
 
กะจะโทรไปด่าซะหน่อย ลืมไปแม่งไม่มีเบอร์โทรศัพท์มัน ไอ้ห่านี้อย่าให้เจอนะ ไม่ได้จะขอแค่เบอร์ แต่จะขอด่าให้หูชาเลย สาระแนทำเกินหน้าที่แขกผู้มาเยือน
 
“ตรึ๊ดดดดด”
 
ใครไลน์มาแต่เช้า
 
 
“Kyko : ไอ้ดิว เย็นนี้ว่างไหม”
 
 
“Dildo : ทำไมวะ?”
 
 
“Kyko : ไปฟิวเป็นเพื่อนกูหน่อย กูจะไปซื้อของขวัญให้ไอ้พี่บาส”
 
 
“Dildo : ป่วยเปล่า อยู่ๆมาชวนกู ปกติมึงจะชวนจิม”
 
 
“Kyko : ไม่เอาอะ กูงอนมันอยู่ เมื่อวันศุกร์ไม่ยอมให้กูไปด้วย”

 
แหม ไอ้ห่า มาไม้ไหน นี่จะให้ผมรู้ตัวใช่ไหมว่ามันงอนผมอยู่ จะว่าไปถ้าแม่งไม่เสือกมาแชทในไลน์กลุ่ม มันผมก็จะไม่รู้หรอกว่าแม่งงอน ปัญญาอ่อนชิบหาย
 
 
“Jimmy : ควายกี้ งอนทำพ่อง กูแค่ง่วง”
 
“Jimmy : รอมึงซ้อมบอล มันก็ดึกไปเปล่าวะ”
 
 
“Jimmy : ใกล้เวลาห้างปิดกูก็ได้เดินแปบเดียวอะดิ”
 
 
“Kyko : เห็นไหม ดิว แม่งทิ้งเพื่อน”
 
 
“Dildo : 5555 มึงก็เกินไปจิม แล้วไมมึงไม่ไปซื้อกับมันวันนี้”
 
 
“Jimmy : กูกลัวลืม แล้วกูก็ไม่อยากให้พวกมึงรู้ว่ากูจะซื้ออะไรให้พี่เขา”
 
 
“Kyko : ความลับมากกกกกก แค่พี่รหัสต้องอินขนาดนั้นไหม”
 
 
“Jimmy : เรื่องของกู”
 
 
“Jimmy : แล้วไปกี่โมง เดี๋ยวกูไปด้วย”
 
 
“Kyko : เย้ มึงจะไปด้วยแน่นะ นึกว่าจะเป็นไอ้คนทิ้งเพื่อนไปอีกละ”
 
 
“Jimmy : พ่อง”
 
 
“Dildo : ทะเลาะอย่างกับผัวเมีย”
 
 
“Jimmy : สัส ดิว”

 
ผมโยนโทรศัพท์ลงเตียงเลย หมดอารมณ์จะคุย ไปอาบน้ำดีกว่า
 
 
 
 
 
“ตรึ๊ดดดดด ตรึ๊ดดดดดด”
 
 
“ใครโทรมาวะ คนกำลังอาบน้ำ”
 
เสียงเพลงที่ผมเปิดในโทรศัพถูกหยุดด้วยการโทรเข้ามาของใครบางคน
 
 
“เชี้ยกี้ โทรมาทำไม กูกำลังอาบน้ำ”
 
 
“แล้วมึงจะเอาไง จะไปไหม”
 
“ไปดิ เจอที่ไหน กี่โมง ไอ้ดิวอะไปเปล่า เดี๋ยวกูจะได้โบกหัวแม่งซะหน่อย”
 
 
“เจอหน้ามอ บ่าย 3 วันนี้โค้ชไม่อยู่กูจะโดดซ้อม”
 
 
“เออ เจอกัน เห้ยเดี๋ยว มึงยังไม่ตอบกูเลย ไอ้ดิวไปเปล่า”
 
 
“ไปดิ ทำไมวะ”
 
 
“กูจะเอาตีนยันหน้าแม่ง”
 
 
“ทำไมวะ มันทำไรให้มึง”
 
 
“เปล่า กูหมั่นไส้เฉยๆ”
 
 
“จ้าาา แม่คนก้านยาว ตีนยาวเหลือเกินนะ จะยันหน้าเขาถึงรึเปล่าเถอะ ไอ้แคระ”

 
ถ้ามันใช่คำว่า พ่อ ผมจะหงุดหงิดน้อยกว่านี้
 
 
“สัสกี้ เดี๋ยวมึงจะโดนอีกตัว”
 
 
“เหอะๆ กลัวมากๆเลยจ้าาา กลัวแล้วๆ”
 
 
“สัส วางสายไป กูจะอาบน้ำ เดี๋ยวโทรศัพท์กูเปียก”
 
“เออ เจอกัน”
 
 
“เออ”

 
 
 
นี่ถ้าผมสูงเพื่อนมันคงไม่มองว่าผมเป็นตัวเมียหรอกมั้ง (เดี๋ยวสิ มึงไม่ใช่สัตว์ไหม) พอผมเตี้ยแม่งถึงได้ล้อกันแบบนี้ออกบ่อย แต่ไม่เคยชินเลย ออกไปทางหงุดหงิดด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพื่อนแต่อยู่ๆมาพูดแบบนี้กับผม ผมคงเอาเก้าอี้ต่อขาเตะก้านคอพวกปากดีพวกนี้ไปแล้ว
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้มึง กูไปละ อิ่มชิบหาย”
 
 
ผมลาเพื่อนๆ หลังจากที่เราไปเที่ยวห้างกัน โอ้โห พากันกินอย่างเดียวจากนั่งกินบาร์บีคิว (แม่งจู่ๆ ก็นึกถึงมื้อที่กินกับไอ้อาร์มเฉย) แล้วไปกินบิงซูกันต่อที่ร้าน holly coffee คิดว่าพอแล้วใช่ไหมครับ แม่งพาไปซื้อโดนนัทคริบปี้ครีมกับไก่ hotstar ไปเดินกินระหว่างเลือกซื้อของขวัญ ตอนแรกแม่งจะซื้อนาฬิกาเหมือนผม ผมเบรคมันทันก่อนที่มันจะเข้าโซน (ภาพที่ไอ้อาร์มมันอุ้มผมหยิบนาฬิกาแม่งตีขึ้นสมองทันที) พอซื้อของเสร็จ ซึ่งสรุปไอ้กี้ซื้อเสื้อ H&M ให้พี่แก ส่วนดิมันขอถอนตัวไปตอนจะเดินดูนาฬิกาละสงสัยมีนัดกับหญิง ระหว่างทางผมนี้โคตรจุก ดีอย่างที่ไอ้กี้แม่งเป็นนักกีฬากินไปเท่าไหร่ แม่งก็ออกกำลังกายผอมอยู่ดี ส่วนผมหรอสงสัยพยาธิในท้องเยอะมั้ง กินไปเท่าไหร่ไม่เคยอ้วน โคตรจะรู้สึกดี กินเท่าไหร่ก็ได้ แถมไม่ต้องออกกำลังกาย โคตรฟิน พอถึงห้องหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน แต่กว่าผมจะได้นอนเล่นไปถึงตี 2 นั่งดูเฟส ดูไอจีสาวๆเพลินจนลืมง่วงไปเลย พอตื่นมาอีกทีก็เที่ยง (นี่จะนอนเป็นผีเฝ้าคอนโดเลยไงวะ) ผมเริ่มโทรหากี้เตรียมนัดแนะที่จะเจอกับมัน
 
 
“ฮัลโหลค่ะ”
 
ไอ้สาดดดดดดดดดดดดด แม่งล่อหญิงอีกแล้ว เปิดเทอมแรก แม่งได้สาวไปกี่คนแล้ววะเนี่ย
 
 
“เอ่อ… ขอสายกี้ครับ”
 
 
“สักครู่นะคะพอดีกี้หลับอยู่เดี๋ยวเราปลุกให้”
 
 
“ครับขอบคุณครับ”
 
 
“กี้คะ มีคนโทรมาหาค่ะ”

 
เสียงผู้หญิงโคตรใส สงสัยน่ารักน่าดู ชักอยากเห็นหน้า
 
 
“หื้ม….อืม...ใครหรอ ฮัลโหลครับ”
 
เสียงสะลึมสะลือของแม่งหน้าถีบมาก
 
 
“เหี้ย!! คนที่เท่าไหร่แล้ว ตื่น! พี่บาสนัดกี่โมง”
 
 
“โห พี่เขานัด 6 โมงเย็น มึงโทรมาทำไมตอนนี้”
 
อ้าวเวร อีกตั้ง 6 ชั่วโมง
 
 
“อ้าวหรอ แล้วมึงจะไปพร้อมกูเปล่า”
 
 
“เออ เดี๋ยวใกล้เวลากูไปหาที่ห้อง แค่นี้นะ กูจะนอน”
 
 
แล้วแม่งก็วางสายไป อิจฉาคนแบบพวกแม่ง หาสาวมาครองโคตรง่าย เสียดายเป็นผมนะ ถ้าผมจีบสาวติด ผมจะไม่เที่ยวไปจีบทิ้งจีบขวางแบบไอ้ห่ากี้หรอก ถ้าผมหน้าตาดีได้ครึ่งของมัน ตัวสูงได้เท่ามัน ผมจะไม่ปล่อยสาวที่ผมสนใจไปง่ายๆแน่ ไอ้อาร์มก็คงจะเป็นเหมือนกันล่ะมั้ง ถึงได้หวั่นไหวกับหญิงอื่นง่ายขนาดแค่แฟนทำพลาดครั้งนึง มันก็ไปละ แต่เห้ย ถ้าผมเป็นไอ้อาร์มจะอภัยผู้หญิงที่เที่ยวไปจูบกับผู้ชายอื่นได้รึเปล่านะ เออว่ะ มันก็คงไม่ง่ายขนาดนั้น (เอาอีกแล้ว ผมคิดเรื่องมันอีกแล้ว เชี้ยเอ้ยยย ไม่พ้นวันหยุดมึงก็อยู่ในหัวกูเนอะ) พอขโมยความคิดตัวเองกลับคืนมาได้ ผมก็ดิ่งลงไปข้างล่างหาของกินในมื้อแรกของวัน
 
 
“อ้าว ปอย อยู่แถวนี้เหมือนกันหรอครับ”
 
 
ผมเจอปอยในซอยที่ผมอยู่
 
 
“อ้าว จิม ใช่คะ ปอยอยู่หอซอยถัดไป นั้นอะ”
 
ปอยชี้ๆๆๆ ให้เห็นหอที่เธออยู่ ไม่ใกล้ไกลจากผมเท่าไหร่
 
 
“ทานด้วยกันไหมคะ ปอยมีเรื่องอยากคุยพอดีเลย”
 
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเรื่ออาร์ม
 
 
“ยินดีครับ”
 
 
ให้ผมปฏิเสธผู้หญิงมันคงเป็นไปไม่ได้ ...เห้ออออ ผมขอไม่เดินข้างเธอได้ไหม ความสูงผมกับเธอ มันคนละระดับกันเลย จะมีใครเตี้ยกว่าผู้หญิงก็ผมเนี่ยละ โอ๊ย เพลียตัวเอง
 
 
เรานั่งร้านอาหารแถวๆนั้น พนักงานก็มาพร้อมกับเมนูอาหาร ผมสั่งผัดคะน้าหมูกรอบ ส่วนปอยก็สั่งไข่เจียวหมูสับ (อืม...กินง่ายดีแหะ)


“จิมเป็นไงบ้างคะ”
 
เธอเกลิ่นถามขึ้นมา


 
“ก็เรื่อยๆครับช่วงนี้อ่านหนังสือสอบ เครียดบ้าง สนุกบ้าง แต่งานเยอะ”


 
“แล้ว… จิมได้เจอเติ้ลบ้างไหม”
 
แหมถ้าจะตรงประเด็นขนาดนี้ก็ไม่ต้องถามสาระทุกข์สุขดิบผมหรอกครับ ปอย


 
อย่าเพิ่งสับสนนะครับว่าทำไมปอยเรียกอาร์มว่าเติ้ล เพราะไอ้อาร์มจริงๆแล้วมันก็ชื่อ เติ้ล แหละครับ ไม่รู้ทำไมถึงให้ผมเรียกมันว่าอาร์ม ทั้งๆที่ มีแต่น้องแก้วที่เรียกชื่อนี้
 
 
“ก็เจอเมื่อวันศุกร์ตอนเจอปอยนั้นแหละครับ”
“อ่อ”
 
“ส่วนใหญ่ ผม กับ อาร์...เติ้ล จะเจอกันที่มอมากกว่า เพราะผมไม่มีเบอร์โทรมัน เลยไม่ได้ชวนไปนู้นไปนี้เท่าไหร่”


เกือบจะสับสนเรียกชื่อผิดละ
 
 
“เอาเบอร์จากปอยไหม เผื่อไว้จิมมีธุระจะคุยกับเติ้ล"
 
 
“ผมว่าไม่เป็นไรดีกว่าครับปอย ไว้ผมขอจากเจ้าตัวมันเองดีกว่า ไงก็เจอกันที่มอ”
 
ผมก็พอจะรู้ว่าเรื่องอะไร แต่ผมขอทำเป็นไม่รู้ดีกว่า
 
 
“แย่ยังไงหรอ มีปอยสวยๆน่ารักๆทั้งคน ไม่แย่หรอก เชื่อผมสิ”
 
 
“ไม่ได้หรอก เติ้ลกับปอย ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว มันเป็นความผิดปอยเอง”
 
เห้ยแล้วนั้นร้องไห้ทำไม
 
 
“ปอยเป็นไรครับ ร้องไห้ทำไม”
 
เวรกำคนอื่นเขาจะมองว่าผมทำผู้หญิงร้องไห้ไหมเนี่ย
 
 
“ปอยแค่อยากพิสูจน์ว่า เติ้ลรักปอยรึเปล่า ปอยจูบผู้ชายให้เขาเห็นแต่ปอยไม่คิดว่ามันจะถึงขนาดนี้”
 
โอเค เข้าใจเลยครับว่าทำไมอาร์มถึงตัดใจง่ายขนาดนั้น ใครมันจะไปชอบที่จะโดนพิสูจน์ความรักด้วยวิธีแบบนี้ นี้มันเข้าข่ายไม่เชื่อใจกันชัดๆ
 
 
“ปอย ใจเย็นๆก่อนนะครับ เติ้ลเขาอาจจะกำลังคิดอยู่ รอให้เขาเย็นลงก่อน
แล้วค่อยไปคุยกับเขาเผื่อจะดีขึ้นนะ”
 
ผมก็คงทำได้แค่ปลอบใจเขา เพราะเอาเข้าจริงผมก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
 
 
“ไม่มีทางหรอก... เติ้ลเขาเป็นคนเลือกอะไรแล้ว เขาจะไม่สนอะไรทั้งนั้นแหละ”
 
ร้องไห้ไม่หยุดเลยแหะเอาไงดี
 
 
“งั้นเดี๋ยวจิมลองช่วยพูดให้ไหม”
 
ได้ผล… มันได้ผล เธอเบาลงเยอะเลย แต่ผมจะช่วยพูดยังไงได้วะ
 
 
“จะช่วยจริงๆหรอ จิมจะช่วยยังไง”
 
 
“ก็ไม่รู้สิครับ เดี๋ยวจะลองดูให้นะ ตอนนี้เรามากินข้าวให้อร่อยกันดีกว่า วันข้างหน้าจะเป็นยังไงค่อยว่ากันเนอะ”
 
แม่งหลังจากพูดแบบนั้นไป ใจผมก็รู้สึกโหว่งๆ แปลกๆ
 
“โชคดีจังเลยที่เจอจิม ไม่งั้นปอยรู้สึกแย่แน่เลย ขอบคุณนะคะ”
 
 
“ไม่เป็นไรครับ มามื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
 
ว่าแล้วผมจะไปพูดช่วยเขายังไงดีล่ะเนี่ย ไอ้อาร์มมันก็เพิ่งเคยพูดไปว่าไม่มีทางเป็นเหมือนเดิม แถมเน้นตรงคำว่า “หัวใจของมันไม่ได้เป็นของปอยแล้ว” หวังว่า ปอยคงไม่ได้หวังอะไรจากผมมากนักนะ
 
 
“ตรึ๊ดดดดดด ตรึ๊ดดดดด”
 
เชี้ยกี้ โทรมาทำไมอีก
 
 
“โหลว่าไงมึง”
 
 
“กูอยู่หน้าห้องมึงเนี่ย อยู่ไหนวะเคาะตั้งนานแล้ว มาเปิดประตูดิ้”
 
 
“กูออกมากินข้าว แปบ เดี๋ยวกูไป”
 
มาไม่บอกไม่กล่าว แล้วยังจะเร่งกันอีกเดี๋ยวปั้ดฟาดด้วยรองเท้า
 
 
“เร็วๆเลย กูปวดขี้”
 
อ้าว ชิบหายละ เดี๋ยวมาขี้แตกหน้าห้องผมทำไง
 
 
“เออๆ แปบ เดี๋ยวกูรีบไปเลย”
 
 
“ปอยครับเดี๋ยวจิมกลับห้องก่อนนะครับ พอดีเพื่อนมีธุระด่วน”
 
พอดีกับที่ผมกำลังจะจ่ายตัง
 
 
“โชคดีนะคะจิม”
 
 
“เช่นกันครับปอย”
 
ผมรีบออกตัวพุ่งไปหาไอ้กี้
 
 
 
 
 
“มึงนี้นะ จะมาก็ไม่โทรมาบอกก่อนวะ อย่ามาขี้แตกหน้าห้องล่ะ เอ้า เข้าไป”
 
ผมบ่นพร้อมไขประตูให้มันรีบเข้าไปเข้าห้องน้ำ
 
 
“แต๊งกิ้ว อู้ยยยยย”
 
ผมส่ายหน้ากับเสียงสั่นๆของมัน ฟังแล้วขนลุกตาม
 
 
“เออ มึง ตอนกูโทรไปหามึงอะ ฟังเหมือนมึงอยู่กับใคร เอ่อ… ปอย ใครวะ”
 
ขนาดขี้อยู่ยังจะสาระแนทุกเรื่องไปสิ
 
 
“อ่อ ไม่มีไรหรอก”
 
 
“สาสสส มีความลับกับเพื่อนหรอ”
 
 
“ลับพ่อง แค่แฟนเก่าไอ้เชี้ยเติ้ล ไอ้คนที่มึงไปแดกสเต็กปลามันอะ”
 
 
“อ่อออ แล้วไง แปบๆ… อื้ดดดด”
 
ไอ้เชี้ย มีเอฟเฟคเสียงเบ่งมาให้ฟังอีก
 
 
“เออ แล้วไงวะ มึงไปรู้จักแฟนเก่ามันได้ไง”
 
 
“เปล่ารู้จัก เคยเจอกัน แล้วเมื่อกี้บังเอิญเจอเลยคุยกันนิดหน่อย”
 
 
“อ้อ แล้วไปนึกว่ามึงจะซิ่วเมียคนอื่น”
 
 
“ซิ่ว พ่อ ซิ่ว แม่มึงดิ รีบขี้ให้เสร็จ ไอ้ห่าราก”
 
 
“ว่าแต่มึงทำไมรีบมาหากูจังวะ นี่มันเพิ่งบ่าย 2”
 
 
“พอดีกูสับรางว่ะ เลยหนีมาอยู่กับมึง เนี่ยข้าวก็ไม่ได้แดก ทำให้แดกหน่อยดิอะไรก็ได้”
 
เนี่ยนะ ไอ้พวกหน้าตาดีส่วนสูงเป๊ะ แม่งมีสาวไม่เว้นแต่ละวันจนตัวเองสับรางแทบไม่ได้
 
 
“พ่อง กูไม่ใช่คนใช้ หาแดกเอาเองไป”
 
 
“นะมึงนะ กูแสบท้องแล้ว ทำให้กูกินหน่อย ไข่เจียวก็ได้”
 
โว๊ะ ยิ่งเป็นคนแพ้คำขอร้องอยู่ ทำให้หน่อยก็ได้ไข่เจียวก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่
 
 
“เอาไข่กี่ฟอง”
 
 
“อืม… 5 ฟองได้ปะ เดี๋ยวกูจ่ายตังค่าไข่”
 
 
“พ่อง 5 ฟอง คนหรือควายแดก”
 

“คนเนี่ยล่ะ บ่นจังงง”
 
 
“เออๆ ไม่ต้องจ่ายหรอกตังอะ”
 
แล้วแม่งยังขี้ไม่เสร็จอีกหรอวะ
 
 
“กูอาบน้ำห้องมึงเลยนะ พอดีกูรีบ เลยเปลี่ยนเสื้อผ้ามาอย่างเดียว”
 
 
“เออ”
 
แม่งคงรีบหนีหญิงจนไม่มีเวลาอาบน้ำทำห่าอะไร ขอให้แม่งสักวันโดนเข้ากับตัวเองบ้างเหอะ จะว่าไปพอผมทำกับข้าว ไอ้ภาพเมื่อคืนวันศุกร์แม่งโผล่มากระแทกสมองผมอีกแล้ว ทั้งเจ็บตา ทั้งมีดบาด พาสเตอร์ที่แม่งแปะให้ยังไม่เอาออกเลย
 
 
“ยิ้มเหี้ยไร”
 
ไอ้สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เล่นซะภาพที่นึกอยู่ระเบิดตู้มหายไปอย่างไร้ทิศทาง
 
 
“ไอ้เหี้ยกี้ แก้ผ้าหาพ่อมึงหรอ”
 
 
“เอ้า ก็กูจะเอาผ้าเช็ดตัวกู”
 
แม่งออกมาแบบไม่เหลือชิ้นส่วนอะไรปิดบังร่างกายมันเลยสักชิ้น
 
 
“เชี้ย บอกกูก็ได้กูหยิบให้”
 
แล้วมันก็เดินเข้าห้องนอนผมไปหยิบผ้าเช็ดตัวของมันที่เอาไว้ห้องผม มันมาบ่อยครับ บ่อยจนเกือบจะเป็นรูมเมทผมได้เลย
 
 
“ก็กูให้มึงทำกับข้าวให้กู กูใช้มึงอีกกูก็เกรงใจปะ ผ้าเช็ดตัวกูอยู่ไหนวะ”
 
เสียงมันตะโกนผ่านประตูห้องนอนผมมา
 
 
“อยู่ในตู้ไงฝั่งซ้ายอะ”
 
 
“ไหนวะ กูเจอแต่ของมึง มาหยิบดิ๊”
 
 
“พ่อง เอาของกูไปก่อนก็ได้”
 
เรื่องไรจะเข้าไปเห็นไอ้ดกดำนั้น เห็นแล้วจะอ้วก
 
 
“กลิ่นหอมว่ะ”
 
มันเดินมาดู ไข่เจียวที่ถูกเทลงไปในกะทะที่ฟูเกือบจะล้นกะทะ ก็แม่งเล่นเอา 5 ฟอง ผมก็ดันบ้าจี้ใส่เข้าไปทีเดียว
 
 
“เออ รีบไปอาบน้ำ รีบมาแดก สัส นี้แค่มึงกับกูอาบน้ำด้วยกันตอนรับน้องใช้ว่ามึงจะมาแก้ผ้าล่อนจ้อนในห้องกูได้นะ”
 
 
“เออ โทษทีว่ะ กูชินจากที่สนามอะ ปกติพวกนักบอลแม่งก็อาบกันไม่อายห่าอะไรอยู่ละ”
 
“หึ”
 
ผมส่ายหน้าขำในลำคอกับวิถีนักฟุตบอลของมัน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“อะ แดกซะ”
 
ผมเชื้อเชิญไอ้เพื่อนมหากาฟหน้าด้านมหาประลัยให้กินข้าว
 
 
“หูย น่ากินว่ะ ขอบใจนะเพื่อนเลิฟ”
 
มันไม่ได้มาแค่คำพูด แม่งโถมเข้ามาจะจูบแก้มผม จากมุมนี้แม่งโคตรจะอ้วกเลย
 
 
“หยุดเลย ไอ้กี้ ไม่ต้องมาขอบใจกู เชี้ยยยยย เดี๋ยวกูเตะไข่ยับ”
 
แล้วมันก็ลงไปนั่งกับโต๊ะเพื่อที่จะเริ่มกินข้าวได้สักที
 
 
“กูก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเพื่อนกูทำกับข้าวเก่ง ขนาดไข่เจียวยังอร่อยเลย”
 
มันแน่นอนอยู่แล้วครับ แม่ผมทำกับข้าวเก่ง ผมที่ตัวติดอยู่กับแม่ในครัวก็ต้องได้อะไรมาบ้าง
 
 
“กูว่าไม่ต้องเรียนหรอกออกบงออกแบบอะ ทำกับข้าวขายดีกว่า เชื่อกูรวย อย่างน้อยๆก็มีกูและเป็นลูกค้าประจำ”
 
 
“หรอออออ มีมึงเป็นลูกค้าประจำ ถุ้ย กูได้เจ๊งพอดี แค่ข้าวไข่เจียวจานเดียวก็ล่อไปละ 5 ฟอง”
 
แล้วมันก็ขำน้อยๆ ก่อนจะเคี้ยวข้าวเต็มปาก
 
 
“เออ มึงถ้ามีผู้หญิงที่มึงรักพิสูจน์ความรักด้วยการจูบผู้ชาย เพื่อจะดูว่ามึงยังรักเขาอยู่ไหม มึงจะรู้สึกยังไงวะ”
 
 
“โกรธ”
 
 
“แค่นั้นหรอ”
 
 
“ต่อย”
 
 
“ต่อยผู้หญิงเลยหรอวะ”
 
 
“บ้านมึงดิ ต่อยผู้ชายที่จูบแฟนกูดิ”
 
 
“แล้วมึงจะให้อภัยเขาไหม?”
 
 
“กูว่าก็ไม่แน่นะ ต้องดูก่อนว่ากูรักเขาขนาดขาดไม่ได้รึเปล่า”
 
 
“ทำไมวะ”
 
 
“ก็แหม มึงเป็นเพื่อนกูมาพักนึงแล้วนะ มึงน่าจะรู้ว่ากูเป็นคนยังไง”
 
(แล้วยังไงล่ะเห้ย)
 
 
“เห็นกูเล่นๆกับผู้หญิงไปวันๆงี้ จริงๆกูก็อยากจะหยุดอยู่กับใครสักคนนะ ถ้าเจอคนที่ใช่กูก็พร้อมจะหยุด”
 
(ผมเงียบฟังมันดูมีสาระ)
 
 
“แต่ถ้าเป็นแค่คนที่ใช่ทำแบบนั้นกับกู กูก็เทว่ะ ก็มันยังไม่ใช่คนที่กูรักนี่”
 
“ว่าแต่… มึงถามกูทำไม”
 
 
“เปล่า กูแค่อยากรู้ว่า คนที่ชอบสับร่างอย่างมึงเจอแบบนั้นบ้างจะเป็นยังไง”
 
 
“เจ็บดิวะ กูก็คน”
 
 
“แล้วทำไมมึงยัง พาสาวมานอนไม่เว้นแต่ละวันเลยวะ”
 
 
“อ่าววว ไอ้นี้ เขาเสนอมาเอง กูก็ต้องสนอง ไม่งั้นเสียน้ำใจแย่”
 
ตรรกะเชี้ยอะไรของแม่ง
 
 
“คนไม่เคยมีแฟนอย่างมึง ไม่เข้าใจหรอก”
 
……………
………….
……..
จุก!
 
จะไปเข้าใจได้ไงล่ะ
 
 
 
ที่เริ่มรู้สึกแปลกๆในใจ
 
 
 
ก็...
 
 
 
 
เพิ่งจะรู้สึก…
 
 
 
 
 
 
กับอาร์มเป็นครั้งแรก...
 
 
 
---------------------------
 
 
“การพิสูจน์ความรักก็เหมือนกับข้อสอบที่เราไม่ได้อ่าน ถึงจะเรียนรู้มันมาบ้างแต่ก็ไม่รู้หรอกว่าข้อสอบจะออกรักหรือเลิก”
 
 
 
 
Talk : พาร์ทนี้แม้อาร์มจะไม่โผล่มาเป็นตัวเป็นตน แต่ก็ออกมาเป็นภาพให้จิมเห็นอยู่บ่อยเลย 555/// คนเขียนแอบคิดว่า ถ้ากี้กับจิม จะได้กันมันก็จะดูดิบๆหน่อย
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 6 : พิสูจน์ : อัพเดท!! (30/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-05-2017 13:39:06
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 6 : พิสูจน์ : อัพเดท!! (30/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-05-2017 16:41:32
รออีก
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 6 : พิสูจน์ : อัพเดท!! (30/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-05-2017 18:56:05
ทฤษฎีพิสูจน์รักแบบปอย ไม่น่าจะมีแฟนคนไหนยอมรับได้
มันเหมือนไม่เชื่อใจ ดูถูกน้ำใจ มันถึงเนื้อถึงตัวเกินไป
มีแต่แฟนกันที่ทำแบบนี้ ปอยเปลืองตัวเกินไปป่ะ
มีวิธีอื่นอีกเยอะนะ

จิม ก็แค่เห็นน้ำตาปอยก็รน ไปรับอาสาช่วยพูดเฉยเลย
เขาไม่เลิกร้องไห้ บอกก็แล้ว ก็ปลีกตัวก็ได้
ถ้าตอนหลังเกิดเป็นแฟนกับอาร์ม โดนปอยใส่ยับแน่
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 6 : พิสูจน์ : อัพเดท!! (30/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-05-2017 18:58:47
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 6 : พิสูจน์ : อัพเดท!! (30/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 30-05-2017 22:39:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 6 : พิสูจน์ : อัพเดท!! (30/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 31-05-2017 12:31:44


Chapter 07 : ตัดสินใจ
 

 
 
 
 
 
 
หลังจากวันเสาร์ที่ผมเฝ้ามองไอ้เตี้ยที่นอนหลับอย่างอร่อย (คนอะไรวะ หลับได้น่าอิจฉามากกกกก) มันทำให้ผมหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลยหลังจากกลับมาบ้าน เสียงที่ดังในหัวก็ยังไม่เงียบหาย เสียงที่เตี้ยมันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดูเทคแคร์คนว่า “ฝันดีนะมึง” มันทำให้ผมเกือบจะกลั้นยิ้มไม่ได้ แอบคิดอยู่ว่าถ้าผมไม่แกล้งหลับผมคงไม่ได้ยินเตี้ยมันพูดแบบนั้นหรอก จริงๆแล้วคืนนั้นผมไม่ได้ตั้งใจจะนอนห้องจิมแต่แรก แต่ไม่รู้ทำไมมันเหมือนมีตัวดีตัวร้ายมาทำให้ผมตัดสินใจไม่ถูกว่าจะนอนดีไหมตอนจิมถามผม แต่การนอนครั้งนี้ มันทำให้ผมแน่ใจขึ้นมาอีกว่า
 
 
 
ผมไม่ได้รู้สึกกับไอ้เตี้ยแค่เพื่อนแล้วล่ะ…
 
 
นั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจมากไปอีก ได้เป็นเพื่อนก็ดีแค่ไหนแล้ว ถ้ามันรู้ว่าผมคิดกับมันมากกว่านั้น มันคงเกียดผมแน่ๆ ผู้ชายอะไรวะ โคตรขี้โกง ทำให้คนอย่างผมวุ่นวายใจแทบจะระเบิด… บางมุมเตี้ยแม่งก็น่าถนุถนอม บางมุมแม่งก็น่าแกล้ง โคตรเลย นี่ผมยังแปลกใจกับตัวเองอยู่นะว่า
 
(“นี่มึงจะไม่เครียดหน่อยหรอ มึงชอบผู้ชายนะเว้ย”)
 
ความเครียดจุดนี้มันไม่มีเลยยยย
 
แล้วมันยิ่งทำให้ผมอยากจะเข้าไปใกล้เพื่อพิสูจน์ใจตัวเองว่า
 
มันจริงใช่ไหม….
 
 
 
ที่ผมชอบไอ้ผู้ชายตัวเล็กคนนี้…
 
 
 
 
โชคดีวันนี้วันอาทิตย์ผมว่างมาก แต่ช่วงเย็นผมต้องไปงานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนพี่รหัสผม เห็นบอกว่าอยู่ในชมรมดนตรีเดียวกันเลยชวนผมไปด้วยจะได้สนิทๆกันไว้
ก่อนไปงานพี่เขา… ขอแวะไปหาไอ้เตี้ยหน่อยละกัน แม่งไหนๆก็รู้ตัวเองแล้วว่า รู้สึกอะไร ตามใจตัวเองหน่อยคงไม่เสียหาย ในความที่ผมเป็นพวกเก็บรายละเอียด จำวันเกิดมันในบัตรประชาชนที่ผมขอดูวันแรกได้ จำได้แม้กระทั่งเบอร์ห้องและชั้น ตัดสินใจได้อย่างนั้นผมเลยรีบขับรถดิ่งไปหาเตี้ยทันที
 
 
 
 
 
 
“คนไม่เคยมีแฟนอย่างมึง ไม่เข้าใจหรอก”
 
 
ห่ะ เสียงใครในห้องจิม… ผมกำลังจะเดินเข้าใกล้ไปเคาะประตู ดีที่ได้ยินซะก่อน เหมือนจะเป็นอะไรดีๆที่ผมควรแอบฟัง (นี่ผมเสือกเรื่องคนอื่นอยู่รึเปล่าเนี่ย)
 
 
 
“เออ…”
 
ผมจำได้แม่นว่าเนี่ยละเสียงจิม แต่ทำไมมันเป็นเวอชั่นที่แผ่นเบาเหมือนจะนอยๆ นึกว่าจะพูดอะไรอีกมากมายแต่ก็เงียบไปสักพัก จะเคาะห้องเลยดีไหมนะ แต่แอบฟังดูก่อนละกัน อันที่จริงจากประโยคเมื่อกี้ ทำให้ใจผมรู้สึกชาไปชั่ววู้บ (ผมเข้าใจว่า คนที่คุยกับจิมอาจจะเป็นคนพิเศษ) แต่ก็ลืมไปว่าจิมเคยบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์นี่นา (เอ๊ะ หรือว่าไม่กล้าบอก)
 
 
 
“เห้ยจิม กูขอดูชีสอาจารย์กันหน่อยดิ”
 
เงียบ…
 
 
“จิม มึงได้ยินกูไหมเนี่ย ขอชีสอาจารย์กันหน่อย”
 
เงียบอีกแล้ว นี่ผมกลายเป็นคนอยากรู้อยากเห็นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ มาหนีบหูฟังผ่านประตูเขาเนี่ย
 
 
“เป็นไรวะ งอนกูหรอ?”
 
เสียงนี้มันคุ้นๆนะเหมือนเสียงเพื่อนจิมที่ผมเคยเจอในโรงอาหารคณะจิม แต่มีงอนกันด้วย… เชี้ยยย ตัวผมนี้ชาไปทั้งตัว
 
 
“มึงไม่เป็นกู มึงไม่รู้หรอก มึงคิดว่าคนอย่างกูจะมีคนมาชอบหรอ”
 
……
 
 
“ดูตัวมึงไอ้กี้ ดูหน้ามึง แล้วดูกู มึงคิดว่าผู้หญิงเขาจะมองใคร”
 
โธ่ เตี้ยผู้น่าสงสาร ไม่เคยมีแฟนมาก่อนด้วย (ทำไมผมถึงต้องยิ้มไม่รู้ ดีใจ?)
 
 
“เป็นเชี้ยอะไรของมึงขึ้นมาเนี่ย อยู่ๆมานอยอะไร”
 
…….
 
 
“จริงๆแล้ว มึงก็หน้าตาน่ารักเว้ย ถ้าไม่ติดว่ามึงเตี้ย บางทีกูอาจจะสู้ไม่ได้”
 
 
“ก็นั้นไง เพราะกูเตี้ยใครล่ะจะมาชอบกู”
 
(ถ้าผมเข้าไปแล้วบอกว่า “ผมนี้ไง” ผมจะโดนรองเท้าลอยเข้าหน้าผมไม่ไหมนะ)
 
 
“เหอะนาคนดีๆอย่างมึงเดี๋ยวก็เจอ เชื่อกูดิ บางที มึงอาจจะตั้งตัวไม่ทันเลยก็ได้”
 
ใช่ครับ กี้ ขนาดผมเองยังตั้งตัวไม่ถูกเลย
 
 
“เออๆ”
 
 
“แล้วชีสอาจารย์กันอยู่ไหนกูจะได้อ่าน”
 
 
“โต๊ะทำงานในห้องนอน”
 
เคาะเลยดีกว่า อยากเห็นหน้ามันตอนเจอหน้าผมจัง จะทำหน้าไงนะ (ผมแม่งโคตรบ้าจินตนาการไปก่อนแล้ว)
 
 
“ก๊อกๆๆๆๆ”
 
 
“แล้วไอ้เติ้ลเด็กบริหาร ผัวมึงอะ”
 
ชิบหายละ ผมดันเคาะประตูไปแล้ว… ใจจริงอยากฟังประโยคต่อจากนั้นซะหน่อยไม่น่าเลยผม
 
 
“ผัวพ่อง อ้าวอาร์ม มาไงวะ”
 
หน้าไอ้เตี้ยโคตรอึ้ง ตาโต น่ารักสัด… (น่ารักจนต้องพูดคำหยาบเลยผม) มันต้องคิดว่าผมได้ยินที่พูดกันเมื่อกี้แน่ๆ
 
“เอ่อ…”
 
 
“เข้ามาก่อนดิ”
 
โคตรดีใจเลย จิมเชื้อเชิญผมเข้าห้องด้วย ช่วงนี้ดูไม่ค่อยต่อต้านผมเหมือนตอนแรกๆที่เจอกัน แต่ขอแอคหน่อยละกัน เล่นตัวบ้างจะได้รู้ว่าเขาก็อยากให้เราอยู่
 
 
“อ่อ ไม่เป็นไร รู้สึกเหมือนจิมมีแขกใช่เปล่า อาร์มไม่กวนดีกว่า”
 
แล้วผมก็ทำท่าโบกมือลาก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไป…
 
 
จิมจับแขนผมให้หยุดนิ่ง… (ที่หยุดนิ่งไม่ใช่เพราะว่าจิมทำเพื่อให้ผมหยุด แต่ผมหยุดเพราะมือนิ่มๆของมัน… ผมนี่รวนไปทั้งตัว)
 
 
“ไหนๆ มึงก็มาแล้วเข้ามาก่อนดิ แล้วอีกอย่างนั้นก็ไม่ใช่แขก ไอ้กี้ไงที่เจอกันที่โรงอาหารคณะกูอะ”
 
ผมสนใจแต่ประโยคที่ว่า เข้ามาก่อนดิ เท่านั้นเองที่เหลือไม่ได้ฟังเลย (ใจเต้นว่ะ) จะไม่ใจเต้นได้ไงล่ะ จิมมันดึงผมเข้าห้อง ภาพแม่งโคตรเหมือนภรรยาดึงสามีที่เพิ่งกลับบ้านมาเข้าห้องตัวเองอย่างนั้นเลย (เดี๋ยวก่อนนนน แล้วผมจะคิดไกลอะไรเบอร์นั้น)
 
“ใครมาวะมึง”
 
กี้ออกมาจากห้องนอนจิม ทำให้ไอ้ฉากที่ผมคิดเมื่อกี้หายไปหมด (เสียอารมณ์)
 
 
“เอ้า ไงเติ้ล มาได้ไงวะ แหมอย่างกับผี นินทาปุ๊บมาปั๊บ”
 
กี้ครับ อย่ากวนตีน
 
 
“พอดีผมผ่านมาทางนี้เลยแวะมาหาจิมหน่อย”
 
 
“เอ้า แล้วเติ้ลมันรู้ได้ไง ว่ามึงอยู่ที่ไหน หรือว่า…”
 
ไม่ใช่ละกี้ คิดไกลไปละ
 
 
“อ๋อออ เมื่อวันศุกร์มันมาส่งกูอะ ตอนที่กูไปซื้อของขวัญให้พี่บาสไง”
 
ทำไมไม่บอกไปล่ะ ว่าผมไม่ได้แค่มาส่ง มานอนด้วยแถมได้กินข้าวอร่อยๆอีกต่างหาก
 
 
“แต่มึงก็จำเก่งเนอะ มาครั้งเดียวจำได้แม่นเลย”
 
แน่นอนอยู่แล้ว มันก็ต้องเก็บรายละเอียดกันหน่อยดิ นี่คนที่ผมรู้สึกพิเศษมากกว่าคำว่าเพื่อนนะ
 
 
“แน่นอน เก่งอยู่แล้ว”
 
ผมยักคิ้วใส่จิมแบบกวนๆ แต่ไอ้การส่ายหน้าแล้วยิ้มเนี่ย โว๊ะ… เดินหนีไปนั่งโซฟาละ
 
“เออๆ จิม กูยืมห้องนอนมึงอ่านชีสจารย์กันก่อนนะ”
 
 
“ตามบาย”
 
แล้วกี้ก็เดินเข้าห้องปิดประตูไป
 
 
“แล้วนี่เย็นนี้ ว่างเปล่า ผมว่าจะชวนจิมไปงานวันเกิดเพื่อนพี่ผม พอดียังไม่ค่อยสนิทมาก เลยกลัวเกร็งๆ อยากให้จิมไปด้วย”
 
 
“เย็นนี้ มีไปงานวันเกิดพี่รหัสเหมือนกันว่ะ โทษที คราวหน้าเนอะ”
 
โห… แค่มีโอกาสคราวหน้าก็ดีใจจนเกือบกลั้นยิ้มไม่ได้
 
 
“อ่อครับ คราวหน้านะ…”
 
ผมเน้นย้ำให้ชัวร์
 
 
“แล้วจะยืนตรงนั้นอีกนานไหม ไม่เมื่อยไง มานั่งดิ”
 
จิมชักชวนผมให้ไปนั่งโซฟาเดียวกับจิม
 
 
“เล่นเกมเปล่า อะเนี่ยเล่นค้างไว้กับไอ้กี้”
 
เล่นค้างไว้กับกี้… แต่ทำไมเกมเพิ่งเปิด
 
 
“มาดิ นี่ก็อีกนานกว่าจะถึงเวลา จิมแพ้ผมแล้วอย่ามาร้องนะ”
 
 
“ไม่กลัวอยู่แล้ว”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“เออ อาร์ม ให้กูเรียกมึงว่าเติ้ลแบบคนอื่นก็ได้นะเว้ย พอกูเรียกไม่เหมือนคนอื่น มันแปลกๆว่ะ”
 
แปลกสิดี ก็เป็นชื่อที่พิเศษกว่าคนอื่นนี่
 
 
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็เรียกแต่แรกแล้ว ก็เรียกไปดิ อาร์มเองก็ไม่ได้รู้สึกแปลกซักหน่อย”
 
 
“เคๆๆ”
 
 
จิมมันก็เล่นเกมเก่งนะเนี่ย ขนาดเกม street fighter เป็นเกมถนัดผม ผมยังล้มจิมยากเลย แต่ผมไม่ยอมหรอกต้องให้ผมเห็นหน้าไอ้เตี้ยตอนแพ้ก่อน
 
 
“เมื่อเช้ากูเจอปอยด้วย”
 
เท่านั้นล่ะ… ผมชะงักไปช่วงนึง ทำให้เสียจังหวะแพ้ซะเอง ที่ผมชะงักมันไม่ใช่ว่าผมยังรู้สึกอะไรแบบนั้นกับปอย แต่ที่ชะงักเพราะผมพอจะเดาออกว่าปอย มาพูดอะไรกับจิม ผมจะไม่รู้ได้ไง… เคยเป็นเพื่อนม.ปลายกันมาก่อนนะ
 
 
“เยส!! ชนะเว้ย…”
 
ผมยังไม่ทันหันไปเห็นหน้าไอ้เตี้ยดีใจเลย ไอ้เตี้ยมันก็หันมาเห็นหน้าเซ็งๆของผมแล้ว
 
 
“....”
 
 
“เอ่อ… กูขอโทษ งั้นรอบนี้ไม่นับๆ ถือว่ากูโกงละกัน”
 
 
“....”
 
ผมเงียบไม่ใช่เพราะแกล้งหรืออะไร แต่ผมกำลังคิด..ว่า ทำไมปอยถึงต้องมายุ่งกับจิม… แค่ลำพังให้เพื่อนผมมาช่วยพูดขอคืนดี พวกมันก็ลำบากใจจะแย่อยู่แล้ว
 
 
“มึงกูขอโทษ กูไม่รู้อะ ขอโทษนะ นะๆๆๆๆ”
 
 
“(เชี้ย… หน้าไอ้เตี้ยแม่งน่ารัก… เสียงอ้อนของมัน… เชี้ยแล้วไง ชิบหายละ กูต้องไม่ยิ้ม กูต้องไม่ยิ้ม ไอ้สัด กูหน้าแดงอยู่เปล่าวะ)”
 
เสียงในใจผมที่มันดังก้อง ยิ่งพยายามนิ่งเพื่อกดอารมณ์ตัวเอง ไอ้เตี้ยก็ยิ่งหันมาเขย่าอ้อนผมไม่หยุด (ถ้าไม่ติดว่ากลัวจิมจะรู้ตัวว่าผมรู้สึกยังไง ผมยังอยากให้จิมอ้อนแบบนี้อยู่นานๆเลย)
 
 
“ไม่เป็นไรๆ แล้วปอยว่าไงบ้าง”
 
 
“เอ่อ… มึงจะให้กูพูดจริงๆหรอ”
 
 
“จริง อย่าคิดมากดิ พูดมาเลยครับ”
 
 
“เขาแค่อยากลองใจมึงว่า รักเขาไหม เขาไม่คิดว่ามึง
จะโกรธเขาถึงขั้นเลิกกัน”
 
 
“....”
 
(ทำไมต้องเที่ยวเอาเรื่องของตัวเองไปบอกคนอื่นนะ ตัวเองก็เป็นผู้หญิงมีแต่จะเสียหาย)
 
 
“เขาร้องไห้อะ กูไม่รู้จะทำไง เลยบอกว่าจะช่วยพูดให้ กูก็เข้าใจนะที่ปอยทำก็ไม่ถูกหรอก…”


จิมเงียบไปพักนึก เพื่อดูทีท่าคิ้วขมวดของผม… (ทำไมเตี้ยต้องบอกว่าจะช่วยพูด ไม่เข้าใจความรู้สึกผมหรอครับเตี้ย)
 
 
“แต่เขาทำเพราะรักมึงไม่ใช่หรอวะ คอยๆคุยกันดีๆดิ อย่าเพิ่งเลิกกันเลย”
 
แม่ง… อยู่ๆผมก็หัวร้อนกับไอ้คำพูดนี้ ไม่รู้ว่าเพราะมันออกจากปากที่ผมแอบชอบหรือเพราะอะไรซักอย่าง ถ้าคนอื่นพูดผมอาจจะไม่หัวร้อนก็ได้
 
 
“มึง!! คนรักกันต้องทำให้อีกคนนึงเจ็บเพื่อพิสูจความรักหรอวะ กูว่าไม่แฟร์”
 
ชิบหายละ ผมตะคอกใส่ไอ้เตี้ย… เชี้ยเอ้ย ฟิลหลุดเฉย (แล้วดูมันดิตกใจ ทำหน้าตากลัวผมใหญ่ แม่งน่ารักว่ะ)
 
 
เห้ย ไอ้เตี้ยทำผมเปลี่ยนฟิลไวจังวะ
 
 
 
“เอ่อ… เออ กูก็เข้าใจว่ามึงเจ็บแหละ ผู้หญิงเขาก็สำนึกผิดแล้ว ไม่คิดให้อภัยเขาหน่อยหรอ แต่ทำไมมึงต้องตะคอกกูด้วยอะ กูขอโทษ”
 
พอแล้วจิม… (มึงต้องไม่มองหน้ามันอาร์ม… มึงต้องหันไปที่อื่น)
 
 
“ผมให้อภัยแล้วจิม ก็เลยให้เป็นเพื่อนไง ถ้าไม่ให้อภัย ผมคงตัดเขาจากชีวิตผมแล้ว”
 
 
“...”
 
จิมหยุดฟังที่ผมพูด
 
 
“จิมเข้าใจผมใช่ไหมครับ”
 
 
“อืม…”
 
 
“งั้นกินเค้กไหม พอดีแม่ซื้อมาให้ คิดว่ากินไม่หมด”
 
จิมชักชวนผมด้วยน้ำเสียงใหม่อีกแล้ว เสียงใสขึ้นหน่อยเพื่อเปลี่ยนเรื่องให้ผมไม่คิดมาก กะแล้วเชียวว่าปอยต้องพูดแบบนั้น…
 
 
“เอาาาาา”
 
ผมคงต้องช่วยจิมเปลี่ยนบรรยากาศเครียดๆในห้องแล้วล่ะ แล้วจิมก็ยื่นเค้กกับจานมาวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา แต่ไม่มีช้อน จะกินไงห่ะ ไอ้เตี้ย
 
 
“ไหนช้อน ขอช้อนด้วยครับบบ”
 
 
“หยิบเองดิวะ”
 
แหนะ บ่นให้หยิบเองทำหน้ายู้ยี้ทำปากงึมงำๆ แต่ก็เดินไปหยิบให้เนี่ยนะ
(น่าฟัดชิบหาย)
 
 
 
ระหว่างกินเค้กกับเล่นเกมไปด้วย จิมมันบ่นไม่หยุดว่าเอาชนะผมไม่ได้สักที แต่ก็ไม่เห็นท่าทีจะยอมแพ้ ขอสู้อีกหลายต่อหลายรอบ (ใจสู้ชะมัด)
 
 
“แปบๆ ขอกินก่อน”
 
ผมขอหยุดเกมเพื่อพักกินเค้ก… เลยนึกพิเรนท์ป้อนเค้กจิมซักหน่อย
 
 
“เห้ย ทำไร ไม่เอาไม่กิน”
 
 
“กินหน่อย ของจิมนะ อาร์มเกรงใจให้อาร์มกินอยู่คนเดียว”
 
แม่งยอมให้ผมป้อนด้วย เชี้ยเอ๊ยยย ปากเล็กๆนั้น... เปลื้อนเค้ก (ขอลองไปเช็ดด้วยปากตัวเองได้ไหม ถ้าแค่การเลียปากจะทำดาเมจใส่ผมแรงขนาดนี้) นี่ถ้ามีหลอดเลือดแบบในเกมนะ ผมว่าเลือดผมหมดหลอดไปหลายหลอดแล้ว
 
 
“ยังไม่หมดเลย มานี่”
 
ผมหยิบทิชชู่บนโต๊ะมาจะเช็ดให้มัน
 
 
“ทำไร กูเช็ดเอง”
 
 
“ไม่ต้อง นิ่งๆ…”
 
ผมปัดมือไอ้เตี้ยที่จะมาห้ามผมไม่ให้เช็ดให้ (อยู่ๆ มึงก็มาสายขืนใจนะไอ้อาร์ม)
 
 
“เยส กูชนะ”
 
แล้วไอ้เตี้ยก็ลุกขึ้นกระโดดบนโซฟา แม่งทำผมงงชิบ โกงผมตอนทีเผลอ ยังจะดีใจอีก ต๊องชิบ แล้วมันก็นั่งกินเค้กต่อ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดีใจที่ชนะผม
 
 
“เห้ย แล้วนี่มึงไปงานกี่โมงอาร์ม”
 
 
“อ้าว ลืมเลย นี่กะจะอยู่กับจิมยาวเลยนะเนี่ย”
 
จริง อยู่กับไอ้เตี้ย เวลาแม่งเดินไวมาก ผมยังไม่อยากไปไหนเลย
 
 
“บ้า กูก็ต้องไปงานวันเกิดพี่รหัสกู”
 
 
“จริงด้วย ให้ผมไปส่งเปล่า”
 
 
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูไปกับกี้อะ ไปอาบน้ำก่อนนะ เค้กอะกินให้หมดเลยก็ได้ เหลือเดี๋ยวก็เสีย”
 
จิมว่างั้นก็เดินเข้าห้องไป แล้วเดินออกมาพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ
 
 
สักพักกี้ก็เดินตามออกมา
 
 
“เอ้ย เติ้ล ทำไรอยู่วะ เล่นเกมอยู่หรอ มา กูเล่นด้วย”
 
 
“จัดมากี้ แพ้อย่าร้อง”
 
 
“อย่างกูนะแพ้ ไอ้จิมแพ้กูตลอด เตรียมแพ้ได้เลยมึง”
 
“จัดไป”
 
 
แล้วผมก็กับกี้ก็ฟาดฟันกันในเกม จู่ๆ… กี้มันก็หยุดเกมเฉย
 
 
“มึงคิดอะไรกับเพื่อนกูเปล่า”
 
 
“...”
 
เชี้ยยยยย กี้ยิงตรงแบบนี้ มันรู้ได้ไงวะ
 
 
“เปล่า ก็เพื่อนกัน บ้าหรอ”
 
 
“แน่ใจ มึงอย่าโกหก”
 
เอาไงดีล่ะ… กี้ต้องเอาไปพูดกับจิมแน่ๆ
 
 
“จริงๆ ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย”
 
จิ๊ดในใจชิบ… ดีที่จิมเปิดเพลงในห้องน้ำ คงไม่ได้ยินบทสนทนาเราสองคน
 
 
“เออๆ ช่างแม่ง”
 
แล้วกี้ก็กดเริ่มเกมต่อ… แต่ผมแทบจะไม่มีสมาธิเลย กี้มันรู้ว่าผมโกหกแน่ๆ ก็พฤติกรรมรนๆของผม มันคงดูออกไม่ยากมากหรอก เอาไงดีวะ ชอบก็ชอบอยู่หรอก แต่ถ้าเขาไม่ชอบตอบขึ้นมา เขาจะเกียดผมอะสิ สุดท้ายผมก็ไม่ได้เจอมันอีก แต่ถ้าไม่เริ่มทำอะไรสักอย่างมันก็ไม่ชัดเจนซักทาง แม่งเอ๊ยย ยากจังวะ ผมหยุดเกมที่เล่นกับกี้อีกครั้ง…
 
 
 
 
 
“ถ้าผมจะจีบเพื่อนกี้ล่ะ กี้จะว่าไง?”
 
 
 
………………………………
 
 
“ความลังเลเป็นจุดเริ่มของความไม่ชัดเจน”
 
 
 
 
 
 
 
Talk : เมื่อคืนวันเกิดเพื่อนเลยทำให้อัพช้า ขออภัยนะครับ/////
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 07 : ตัดสินใจ (อาร์ม) : อัพ (31/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 31-05-2017 16:36:17
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด    :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 07 : ตัดสินใจ (อาร์ม) : อัพ (31/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 31-05-2017 16:40:23
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 07 : ตัดสินใจ (อาร์ม) : อัพ (31/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-05-2017 21:55:35
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 07 : ตัดสินใจ (อาร์ม) : อัพ (31/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-05-2017 22:20:40
กี้ ความรู้สึกไวไปมั้ย
แป๊บเดียว อ่านใจอาร์มได้และ

อาร์ม ก็ถามกี้ เอ๊.....หรือขออนุญาตนะ
“ถ้าผมจะจีบเพื่อนกี้ล่ะ กี้จะว่าไง?” ให้จีบสิ เน้าะกี้
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 07 : ตัดสินใจ (อาร์ม) : อัพ (31/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-06-2017 00:43:36
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 07 : ตัดสินใจ (อาร์ม) : อัพ (31/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 01-06-2017 10:37:24
แหล่วๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 07 : ตัดสินใจ (อาร์ม) : อัพ (31/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 01-06-2017 11:00:58
Chapter 08 : จม
 
 
 
 
 
 
“กูพูดอะไรไม่ได้หรอก มันอยู่ที่เจ้าตัวมันเปล่า เรื่องจีบอะ”
 
เสียงกี้เริ่มจริงจังขึ้นมาหลังจากเราหยุดเกมมาคุยเรื่องที่ผมจะจีบไอ้เตี้ย
 
“แล้วกี้จะขวางผมไหมล่ะ”
 
 
“ขวางแน่ ถ้ามันทำให้เพื่อนกูไม่มีความสุข”
 
ผมนี่นิ่งเงียบเลย ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากรู้ ทำไมกี้ถึงรู้ว่า ผมชอบไอ้เตี้ย
 
 
“อืม… กี้รู้ได้ไงว่าผมรู้สึกกับจิมมากกว่าเพื่อน”
 
 
“ไอ้สัด มันจะมีสักกี่คนวะ ที่จู่ๆ จะมาอยากรู้จักเพื่อนต่างคณะ อยู่ๆ มึงก็เข้ามา มันไม่แปลกหรอ”
 
นั้นสินะ…
 
“กูก็แค่ถาม แต่กูก็แอบคิดว่า มันคงไม่เป็นอย่างนั้นหรอก มึงคงแค่อยากรู้จักกับจิมแค่เพื่อน”
 
“...”
 
 
“แต่ไอ้การพูดเพราะๆกับไอ้จิม แม่งคนละความรู้สึกเวลาพูดกับคนพูดกับเพื่อนทั่วๆไปอะ กูสงสัยแค่นั้นแหละ แต่ไหนๆ มึงก็รับมาแบบแมนๆแบบนี้ กูก็ไม่ขัดหรอก ถ้ามึงจะจีบมัน”
 
เชี้ย ผมโคตรโล่งใจ… ที่กี้มันจะไม่ขัดขวางทางผม ไอ้เตี้ยมันจะได้ยินทั้งหมดนี้ไหมนะ หวังว่าเพลงที่มันเปิดในห้องน้ำคงไม่ทำให้เสียงผมกับกี้เล็ดลอดจนจิมได้ยินหรอกนะ ไม่งั้นเรื่องใหญ่แน่ๆ
 
 
“แต่มึงอย่าลืมนะ เพื่อนกูเป็นผู้ชาย… แล้วมันก็ไม่เคยมีแฟน”
 
 
“....”
 
เรามองดูไอ้กี้ ที่ท่าทีห่วงเพื่อนเอามากๆ บอกผมว่าควรระมัดระวังอะไร
 
 
“เกิดวันนึง ถ้ามึงเป็นแฟนมันขึ้นมา กูพูดเลย ถ้าแม่งเจ็บเพราะมึงเมื่อไหร่ กูไม่ปล่อยมึงให้เดินมหาลัยสบายใจแน่”
 
จะบ้าไง ถ้าเป็นแฟนกันจริงๆ ผมไม่มีทางปล่อยไอ้เตี้ยนี้ไปง่ายๆหรอก คนอะไรวะ… คนอะ..ไร..
 
 
เชี้ยยยยย
 
คนอะไรวะ
 
 
เซ็กซี่สัด
 
 
เดินออกมาห้องน้ำนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เชี้ยเอ๊ยยยยย ใจผมนี่เต้นระรัวชิบหาย เกิดมาไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนถอดเสื้อแล้วผมจะรู้สึกเวลาแม่งหยุดนิ่งมาก่อน แล้วดูผมที่เปียก ผิวที่หมาดๆน้ำอยู่เลย โว๊ะ.. แค่ไม่กี่วินนาที ที่มันเดินออกมา ผมจินตนาการไปไกลไหนถึงไหนแล้ว
 
 
“มองไรวะ”
 
ชิบหายละ ผมละสายตาจากไอ้เตี้ยไม่ได้ ความแตกแน่
 
 
“เชี้ยอาร์ม เก่งจังวะ เอาแม่งไม่ลงสักที”
 
ขอบคุณมากกี้ ที่ส่งบทมาแบบนี้
 
 
“อยู่แล้ว นี่ใครดูด้วยกี้ ผมเนี่ยสายเกมเมอร์นะครับ เห็นอย่างนี้”
 
เนียนไหมวะ ไม่รู้เว้ย ยัง...ยัง..
 
 
 
ยังจะเดินเข้ามาใกล้ๆอีก
 
ทุกอย่างแม่งชัดไปหมดเลยยยยยยยยยยยย
 
ทั้งผิวที่โคตรเนียนสีน้ำผึ้ง
 
ทั้งหุ่นที่โคตรจะ… เออ แต่ก็ไม่ผอมเท่าไหร่แหะ กล้ามก็พอจะมี แอบมีไขมันอยู่หน่อย แสดงว่าไม่ใช่คนเล่นกล้าม
 
 
ช่างแม่งงงงง ดูยังไงก็เซ็กซี่ อย่ามาใกล้อีกได้ไหมจิมมมม ผมขอร้องงงง
 
สุดท้ายก็หยุดมาตรงหน้าทีวีหน่อยนึง มาดูว่าผมเล่นกันไปถึงไหน
 
 
“ควายกี้ มึงเอามันไม่ลงหรอก กูเล่นกับมันตั้งหลายรอบ ยังไม่ชนะเลย”
 
 
“ชนะไป 2 รอบ”
 
เชื่อไหมครับ ผมไม่ได้มองจอทีวีเลยให้ตาย แผ่นหลังไอ้เตี้ยที่กำลังยืนมองดูผมกับกี้เล่นเกมแม่งหน้าโดดเข้าใส่จากข้างหลังเนียนๆของมันจริงๆ
 
 
“อันนั้นกูโกงมึงเหอะ”
 
แล้วก็เดินเข้าห้องไป… แม่งเอ๊ยยย กว่าใจจะสลบ ผมนี้ทรุดจนเผลอพิงโซฟาไปด้วยความล้า เกร็งไปทั้งตัว
 
 
“ไง มึงเห็นแค่นั้นถึงขั้นหมดแรงเลย อาการหนักนะมึงเนี่ย”
 
 
“เกิดมาเคยเจอแบบนี้แต่กับผู้หญิง พอมาเจอกับจิม แม่งไปไม่ถูกเลยว่ะ”
 
 
“หนักละ ชอบผู้ชายครั้งแรกรึไง?”
 
ดีที่จิมยังคงเปิดเพลงในโทรศัพท์อยู่ในห้องนอน (เป็นคนติดเพลงติดหนังน่าดู)
 
 
“เออดิ กี้เคยชอบรึไง”
 
 
“ไม่อะ แล้วก็ไม่อยากด้วย ฮ่าๆๆ แต่กูก็ไม่ได้ปิดกั้นนะ ถ้าเป็นไอ้จิม ก็ไม่แน่”
 
 
“เห่ย กี้ ของผม”
 
ชิบหายละ นี่ผมเริ่มมีแสดงความเป็นเจ้าของละ
 
 
“แหมมม ไอ้สัด ของมึงที่ไหน จีบมันให้ได้ก่อนเหอะ”
 
โห มันไม่ง่ายเลยนะ จีบผู้ชายนะเว้ย
 
 
“นั้นดิ จีบไงวะเนี่ย จีบผู้ชาย… แม่งเอ๊ย”
 
ยิ่งคิดยิ่งหาไม่เจอ ผู้ชายจีบผู้ชาย เขาทำไงกันนะ
 
 
“ทำแบบที่มึงเป็นมึงนั้นแหละ ไม่ต้องคิดเยอะ ถ้ามึงจะรักจะชอบก็ต้องรักในแบบมึงดิ”
 
เช้ดดดด เห็นกี้หน้าตากวนๆแบบนี้ ไม่คิดว่าความคิดจะดีขนาดนี้
 
 
“ง่อววว หล่อเลยกี้”
 
 
“แน่นอน มึงเตรียมแข่งเป็นเดือนมหาลัยกับกูได้เลย”
 
 
“อ้าวกี้ ได้เป็นเดือนคณะแล้วหรอ?”
 
 
“ยัง แต่กูมั่นใจว่ากูหล่อพอที่จะได้”
 
โคตรจะหลงตัวเอง ผมหล่อกว่าเยอะ (...)
 
 
“แต่ไม่แน่หรอกนะ ผมอาจจะไม่ได้เป็นหรอก คณะผมคนหล่อเยอะ”
 
ผมพูดปลอบใจตัวเองไม่ดูหลงตัวเองเหมือนมัน
 
 
“อย่างน้อย มึงก็ตัวเต็งใช่ไหมล่ะ เอางี้ดิ ทำตัวหล่อๆ เป็นเดือนคณะ เป็นเดือนมหาลัยให้ได้ เผื่อไอ้จิมจะหันมาสนใจมากขึ้น”
 
 
“จริงหรอ?”
 
เอาดิ ผมไม่รู้ไม่สนใจอะ ขอทำแม่งทุกวิถีทาง ก็ไม่รู้วิธีจีบผู้ชายนี่หว่า
 
“เออ ลองดู”
 
 
“คุยไรกันวะ”
 
ชิบหายละ ออกมาถูกจังหวะทุกที (มึงคุยกันนานเกินไปต่างหาก)
 
 
“คุยเรื่องดาวเดือนคณะไอ้เติ้ลมัน ผู้หญิงแจ่มๆแม่งเยอะ ใช่ไหมเติ้ล?”
 
เชี้ยกี้แม่งเก่งจังวะ ผมนี้เกือบจะทำตัวไม่ถูก นี่เกือบแอคทำตัวปกติไม่ออก เชี้ย เหลือบไปดูนาฬิกาเหนือทีวีบนผนัง...
 
 
“เออ ใช่ จิมครับเดี๋ยวอาร์มต้องไปก่อนนะ อาร์มต้องแวะซื้อของขวัญด้วย”
 
ใจอะ มันอยู่ห้องนี้แล้ว แต่มันก็ต้องไป ถ้าจะดื้ออยู่ก็ดูจะต้องการเกินไป
 
 
“อ้าว ไปละหรอ… เคๆ”
 
เสียงไอ้เตี้ยดูไม่ค่อยพอใจ หรือผมเข้าข้างตัวเองไม่รู้ว่าเสียงไอ้เตี้ยเหมือนยังไม่อยากให้ผมไป…
 
 
“ครับ แล้วเจอกันนะ”
 
เชี้ยยยยย ไม่กล้าขอเบอร์
 
 
“เออ เจอกันมึง…”
 
 
“กี้ ผมไปละ เจอกันครับ”
 
“โชคดีมึง”
 
 
...พอผมเดินออกจากประตูห้อง 427 ของจิม ทุกอย่างในร่างกายผมเริ่มกลับมาเป็นปกติ 427 นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“สวัสดีครับ พี่แตม”
 
พี่แตมเนี่ยล่ะครับ ที่เป็นพี่รหัสผมในคณะบริหาร
 
 
“ไงเติ้ล นี่พี่บาส เจ้าของวันเกิด”
 
ชื่อเหมือนพี่รหัสของจิมเลยแหะ เกิดวันเดียวกันด้วย (ผมนี่ลุ้นอยู่ในใจของให้เป็นคนเดียวกัน ผมจะได้เจอจิมอีก)
 
“สวัสดิ์ดีครับพี่ นี่ของขวัญครับ สุขสันวันเกิดนะครับ”
 
ยกมือไหว้ ผมยื่นของขวัญให้พี่บาส
 
 
“โห ไม่ต้องซื้อก็ได้เว้ย ซื้อมาทำไมวะไอ้น้อง”
 
 
“ได้ไงพี่ วันเกิดนะครับ ก็ต้องมีของขวัญสิครับ”
 
 
“น้องมึงนี้ก็หล่อดีเนาะ แตม”
 
โหพี่ชมกันตรงๆ งี้ผมก็ทำตัวไม่ถูกเป็นนะ
 
 
“แน่นอน อนาคตเดือนคณะกู”
 
 
“เห่ย จริงดิวะ เดี๋ยวมึงเจอเด็กคณะกู”
 
ผมเดินไปข้างๆพี่แตมที่กำลังเตรียมของกิน
 
 
“พี่แตมครับ พี่บาสอยู่คณะไหนหรอพี่”
 
 
“คณะศิลปกรรม ทำไมหรอ”
 
 
“อ่อๆ เปล่าพี่อยากรู้เฉยๆ”
 
 
“แล้วมึงยิ้มอะไร”
 
 
“ไม่มีอะไรพี่”
 
จะไม่ยิ้มได้ไงล่ะ… ก็จะได้เจอไอ้เตี้ยอีกอะดิ
 
 
“พี่บาส มีไรให้ผมช่วยไหมครับ”
 
 
“ดีเลยมึง ช่วยกูยกรังเบียร์เอาไปไว้ข้างตู้เย็นหน่อย จะได้แช่เย็นไว้”
 
 
“ได้เลยครับพี่”
 
 
“แล้วนี่แตมได้บอกให้มึงเตรียมกางเกงว่ายน้ำมารึเปล่า?”
 
 
“เตรียมมาครับพี่ อยู่ในรถ”
 
ผมตอนแรกพี่แตมให้ผมเตรียมชุดที่เปียกได้มา ผมนี่คิดว่าสงสัยต้องมีให้เล่นอะไรเปียกๆแน่เลย แต่พอเข้าห้องพี่บาสมา ถึงจะเข้าใจ ก็ประตูหลังห้องออกไปก็เจอสระน้ำรวมแล้ว คงจะปาร์ตี้กันริมสระแน่ๆ
 
 
“เอ้า แนนไม่ได้บอกให้เอามาเลยหรอ”
 
 
“ไม่ได้บอกนะพี่  เห็นพี่แนนรีบมาเข้าห้องน้ำด้วยนี่พี่ สงสัยลืม”
 
พี่แนนคืออีกบุคคลนึงที่เป็นรุ่นพี่ผมในคณะซึ่งก็แก๊งๆเดียวกับพี่บาสพี่แตม
 
“ไม่เป็นไรพี่ ผมดูทรงก่อน ถ้าจะเล่นค่อยไปเอาก็ได้ครับ”
 
 
“เออๆ ตามนั้น”
 
พอผมกับพี่เอาเบียร์ส่วนนึงแช่ในตู้เย็นจนเต็ม พี่บาสก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
 
 
“เห้ย แตม ไปรับน้องกูหน่อยดิ มันอยู่ข้างล่างกันแล้ว”
 
….เชี้ยยย ห่างกันไม่กี่ชั่วโมง ทำไมผมตื่นเต้นจะเจอมันวะ
 
 
“ทำไมต้องกู มึงก็รู้กูลำไยน้องมึง”
 
 
“ไปเถอะ กูไม่ว่างมึงเห็นไหมเนี่ย จัดของอยู่”
 
 
“กูก็ทำของแดกให้พวกมึงอยู่เนี่ย”
 
งั้นให้ผมไปเองงงง ผมอยากเจอเตี้ย
 
 
“งั้นเดี๋ยวผมไปให้ก็ได้พี่”
 
 
“เอางั้นหรอ เออๆดี จะได้รู้จักกันก่อน อะ คีย์การ์ด”
 
ผมทำหน้านิ่งๆรับคีย์การ์ดพี่บาสก่อนเดินออกประตู แล้วรีบวิ่งเพื่อที่ไอ้เตี้ยจะได้ไม่ต้องรอนาน ตื่นเต้นเว้ยยยย
 
 
 
 
 
 
“อ้าวไอ้เติ้ล สรุปมึงก็มางานวันเกิดพี่บาสหรอ”
 
โหย ถ้าจิมทักผมก่อนผมคงดีใจมากกว่านี้
 
 
“ใช่ๆ โลกกลมดีว่ะ”
 
ผมพยายาม ไม่มองไอ้เตี้ยที่แต่งตัวกึ่งสบายกึ่งเต็มยศ รองเท้าผ้าใบ กางเกงยีนสั้นเสื้อยืด
 
 
“ไม่คิดจะทักกูเลยไง”
 
เห้ยยยย ไอ้เตี้ยเรียกร้องความสนใจจากผม ให้มันได้อย่างนี้ดิ น่ารักสัด
 
 
“อ้าว จิมมาตอนไหนนี่ นึกว่ากี้มาคนเดียว”
 
 
“กูไม่ได้เตี้ยขนาดนั้นนะ”
 
ทำปากงึมงำ บ่นๆอยู่กับตัวเองแล้วเดินงอนไปทางเข้าคอนโดละ จะอนุภาพทำลายล้างเยอะไปไหนไม่ทราบ
 
 
“มีงอนด้วยว่ะ กูว่าไม่ธรรมดาละ เพิ่มแต้มไปไอ้เติ้ล”
 
กี้ก็ชงผมยกใหญ่ ยิ่งไม่อยากเข้าข้างตัวเองคิดไปเองอยู่
 
 
“จิม จะเข้าได้ไง คีย์การ์ดอยู่กับผม”
 
 
“ก็มาเปิดดิวะ”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“พี่บาสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส”
 
โอ้โห เตี้ยเวอชั่นนี้ โคตรดูเด็กน้อยเลย เปิดประตูเข้าไปกอดพี่บาสอย่างไม่ลังเลเลย (อิจฉานะเว้ยยยย ทำไมผมอยากเป็นพี่บาสขึ้นมาทันที)
 
 
 
“ของขวัญนะพี่ อย่าเพิ่งแกะของผมนะขอชิ้นสุดท้าย”
 
 
“แหม ไอ้สัด ทำเสียงอ้อน กลัวโดนกูแกล้งอะดิ กูไม่หลงกลมึงหรอก”
 
พี่บาสโวย
 
 
“โห พี่อะเลิกแกล้งผมได้แล้ว ผมน้องรหัสพี่นะ พี่ต้องเทคแคร์ผมดิ”
 
มันเป็นวันของพี่บาสอะสินะ ผมคงไม่ได้ความสนใจจากไอ้เตี้ยแล้วล่ะ
 
 
“ก๊อกๆๆๆ”
 
 
“เติ้ล มึงเปิดประตูดิ คงเป็นเพื่อนพี่”
 
 
“ครับพี่”
 
แล้วผมก็เดินไปเปิดประตูแบบเซ็งๆ
 
 
“เชิญครับ”
 
 
“เห้ย ไอ้ดิว ไมมากับพี่ตั้วอะ พี่ตั้วหวัดดีครับ”
 
ใครนี่ สองคนนี้ผมไม่รู้จัก แต่จิมนี่รู้จักไปหมดเลย ดูท่าจะเฟรนลี่มากสินะ
 
 
“แหมไอ้สัด ทักเพื่อนก่อนกู ทั้งๆที่กูเดินเข้ามาก่อนเนี่ยนะ ไอ้บาส ถ้ากูจะซ่อมน้องรหัสมึงจะได้ไหมวะ”
 
 
“ตามสบาย แต่อย่าทำแม่งมาก ตัวเล็กนิดเดียว”
 
 
“โห พี่ตั้วอะ แกล้งจิมตลอดเลย”
 
ไอ้เตี้ยหน้าบูดเบี้ยว ทำงอนพี่ๆเขามาได้ พี่ตั้วถึงกับส่ายหัว (แหม พี่ อย่าเอ็นดูไอ้เตี้ยไปอีกคน แค่นี้ผมก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว)
 
 
“เออๆ ไม่แกล้งๆ ไอ้อ่อนเอ้ย”
 
 
“อะพวกมึงมาช่วยกูถือของแดกไปวางตรงนั้นหน่อย”
 
พี่แตม เรียกความสนใจทุกคนให้ไปช่วยพี่เขายกของมาวางไว้ กลางห้องที่มีโต๊ะญี่ปุ่นใหญ่ๆวางอยู่
 
 
“แล้วพวกมึงสองคนได้เอาเกงขาสั้นมากันเปล่า จะเล่นน้ำก็โดดลงได้เลยนะ”
 
แว๊บนึงที่ผมเห็นเตี้ยมันมองไปที่สระแล้วเหมือนจะตื่นเต้นที่จะได้เล่น แต่ไม่ทันไรมันก็เปลี่ยนเป็นหน้าง่อยๆ (สงสัยไม่ได้เอากางเกงมาแน่เลย)
 
 
“ผมเอามาครับพี่”
 
ไอ้กี้ตอบ แต่จิมก็ยังนั่งเงียบอยู่ตรงโต๊ะญี่ปุ่น
 
 
“อ้าว จิมไม่ได้เอากางเกงมาสำรองหรอครับ”
 
ผมเดินเข้าไปถามจิม พร้อมกับมองกี้มีแม่งยิ้มมีเล่ห์อะไรบางอย่างแล้วก็ลุกออกไป
 
 
“ไม่อ่ะ ลืมเอามา ว่าแต่อาร์มรู้จักพี่บาสด้วยหรอ”
 
 
“ไม่รู้จักหรอก แต่ว่าพี่แตมเป็นพี่รหัสผมอะ ส่วนพี่แนนก็เป็นรุ่นพี่ในคณะเฉยๆ”
 
 
“อ้อ อยากเล่นน้ำเปล่า ผมมีกางเกงสองตัว”
 
จริงๆ ผมมีบ็อกเซอร์มาเผื่อใส่กับกางเกงชายหาดมาตัวนึง แต่คงเอาให้จิมใส่ได้
 
 
“ไม่เป็นไร กูไม่เล่น”
 
 
“เล่นได้นะ เดี๋ยวผมไปเอามาให้”
 
ผมไม่ฟังคำไอ้เตี้ยเลย วิ่งลงไปเอากางเกงในรถแล้วก็กลับขึ้นมาสภาพห้องคือคนหายไปกระจุกอยู่ในสระกันเกือบหมด เหลือจิมกับพี่แตม พี่แนนแล้วก็พี่บาส ที่นั่งกินๆกันอยู่ที่โต๊ะ
 
 
“อะ เอามาให้ละ ใหญ่หน่อยนะ แต่ว่ามีเชือกรัด ไม่หลุดหรอก”
 
 
“ก็บอกว่าไม่ต้องไงกูไม่เล่นน้ำ”
 
“เหอะนา คนอื่นก็เล่นหนุก”
 
ผมขยับเข้าไปกระซิบข้างหูไอ้เตี้ย
 
 
“ไปเล่นเป็นเพื่อนอาร์มหน่อย อาร์มไม่ค่อยสนิทกับใครเลย”
 
 
“เออๆ แปบ”
 
แล้วจิมก็ไปเปลี่ยนกางเกง แล้วออกมาในสภาพที่… เชี้ยยย อีกแล้วท่อนบนทำไมมันโล่งแบบนั้น เห้อ ใจคอจะทำร้ายกันทางนี้เลยใช่ไหม
 
 
“ป่ะ แต่กูขอนั่งแค่ขอบสระนะ”
 
 
“เคๆๆ รอผมแปบ เปลี่ยนเกงก่อน”
 
แล้วผมก็เข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนกางเกงถอดเสื้อ ดูกระจกตัวเอง… (ถ้าเตี้ยมันจะชอบผู้ชาย ไอ้เตี้ยแม่งจะชอบหรอวะ ผู้ชายตัวสูงหุ่นกล้ามลีนๆแบบผม) เหอะ ช่างมัน… มันไม่ชอบ แต่ผมชอบ
 
 
“ปะ”
 
แล้วผมก็เปิดประตูให้จิมออกไปก่อน จิมก็นั่งเล่นริมสระเกรี้ยวเท้าลงน้ำปกติ แผ่นหลังแม่งน่าเข้าไปสวมกอดดีพิลึก
 
 
“ไม่ลงจริงๆหรอ เปลี่ยนชุดมาแล้วนะ”
 
ผมถามให้แน่ใจอีกครั้ง อุตส่าเปลี่ยนกางเกงมา ลงเล่นน้ำไปเลยก็น่าจะได้
 
 
“ไม่เป็นไร มึงเล่นไปเหอะ กูนั่งนี้แหละ”
 
 
“โอเคคค งั้นเดี๋ยวผมมานะ ขอลงไปวอมร่างกายแปบ”
 
มันโดนปลูกฝังตั้งแต่เด็กว่าเวลาลงน้ำจะต้องวอมร่างกายเพื่อปรับกล้ามเนื้อก่อน เดี๋ยวจะเป็นตะคิวเอา
 
 
“เค”
 
 
ผมเดินในสระน้ำวนรอบๆจนเกือบมาถึงห้องพี่บาสอีกรอบ มองเห็นพี่ตั้วกับดิวเล่นน้ำกัน จังหวะมันพอดีกับที่ผมหันไปเห็นไอ้กี้ที่คุยอยู่กับจิมชี้มาทางผม (ทำไมจิมยังไม่ลงมาเล่นน้ำนะ) สงสัยคงมองหาผมอยู่แน่เลย (หลอกตัวเองเข้าไปดิไอ้อาร์ม)
 
 
“พี่ตั้วๆ ผมถามอะไรหน่อยดิพี่”
 
เสียงจิมเรียกถามพี่ตั้วที่กำลังสาดน้ำใส่กันกับคนที่ชื่อดิว
 
 
“เออว่าไง แปบครับน้องดิว”
 
 
“พี่กับดิว เป็นแฟนกันหรอ”
 
ห่ะ! สองคนเป็นแฟนกันหรอ ไม่ทันสังเกตุ
 
 
“เออ ทำไมวะ”
 
 
“เหี้ยดิว ไม่เห็นบอกกู”
 
ไอ้กี้โวย
 
 
“เอ้า ทำไมต้องบอก มันไม่ใช่เรื่องต้องบอกปะ”
 
 
“แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องปิดบังพวกกูป่ะวะ พวกกูเพื่อนมึงนะเว้ย”
 
 
“ห่า กูก็ไม่ได้ปิดบังเปล่าวะ แค่พวกมึงไม่ถาม”
 
 
“เออ พวกกูผิดเองอะ พี่ตั้ว ไอ้ดิวมันแซ่บไหมพี่”
 
กี้มันถามอะไรของมันวะ
 
 
“โคตรแซ่บ”
 
สีหน้าหื่นของพี่ตั้วที่มองดิวที่กำลังเขินๆ แต่ตึงๆนิดๆ ทำเอา ผมกับจิมแล้วก็กี้ ขำกันลั่นออกมา
 
 
ไอ้กี้สะกิดเท้าผมใต้น้ำ ผมหันไปมอง แล้วมันก็ส่งซิกไปทางจิมที่นั่งบนริมสระระหว่างผมกับกี้… (กี้แม่งร้าย จะแกล้งเพื่อนทั้งทีต้องให้ผมร่วมด้วยอีก) มีหรือผมจะไม่ร่วมด้วย หมั่นเคี้ยวไอ้เตี้ยอยู่แล้ว
 
 
ผมเลยผยักหน้าแล้วทำทีเดินขึ้นไปข้างบนเหมือนจะเข้าห้อง แล้วผมก็เข้าด้านหลังไอ้คนตัวเบาหวิว โยนลงมาได้โคตรสบาย และไกลจากกลุ่มเรามาก มากพอที่ผม...
 
 
กำลังจะขำอยู่แล้วเชียว… ถ้ากี้ไม่พูดขึ้นมาก่อน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“เชี้ยเติ้ล จิมมันว่ายน้ำไม่เป็น”
 
 
 
 
……………………………………
 
 
 
 
“จิตใจคนก็เหมือนน้ำ ยิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ยิ่งยากที่จะลงไปถึง”

 
 
 
 
Talk : เดี๋ยวนี้อาร์มชอบใช้สรรพนามเรียกจิม ว่าเตี้ยละ ถ้าจิมรู้คงมีหวังอาร์มโดนจิมเตะขาพับหักแน่ๆ //// คนเขียนลุยฟ้าลุยฝนจนนอนโทรมไปหนึ่งวัน เฮือกกก ยาเป็นกำมือเลย
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 08 : จม (อาร์ม) : Update!! หน้า 2 (1/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-06-2017 13:18:43
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 08 : จม (อาร์ม) : Update!! หน้า 2 (1/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 01-06-2017 18:50:57
เอ้าาาาา
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 08 : จม (อาร์ม) : Update!! หน้า 2 (1/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-06-2017 00:54:04
อ้าววว. งานเข้าแล้วอีอาร์ม
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 08 : จม (อาร์ม) : Update!! หน้า 2 (1/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 03-06-2017 22:08:00
คะแนนคงตกแล้วอาร์ม
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 08 : จม (อาร์ม) : Update!! หน้า 2 (1/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 03-06-2017 23:38:03
Chapter 09 : ความกลัว






“จิม… จิม ฟื้นดิ อย่าเป็นไรนะ”

ด้วยที่ผมยังคงไม่รู้สึกตัวเท่าไหร่ แสบในหัวสมองมาก เหมือนสำลักน้ำสระเข้าไปเยอะมาก

“บาส แนนว่าต้อง CPR น้อง”

….ผมยังคงรู้สึกเหมือนอยู่ในฝันที่มืดมากๆได้ยินแต่เสียง


"ทำไงวะกูทำไม่เป็น”


“ผมเอง พี่”


และยังคงแยกแยะไม่ออกมาเสียงใครคือเสียงใคร แต่เมื่อผมพอจะได้สติกลับคืนมาภาพที่ผมเห็น โคตรจะตกใจ…


หน้าเชี้ยอาร์มใกล้มาก และปากก็ประกบปากผมไปเรียบร้อยแล้ว


“เห้ย!!”

ผมผลักมันออกด้วยความตกใจ


“เป็นไงบ้างๆ จิม ผมขอโทษนะ ผมขอโทษ”

ไอ้อาร์มที่โดนผมผลักออกไป จู่ๆก็เข้ามาสวมกอดผมด้วยความรู้สึกผิด แม่งหนาวมาก เหมือนร่างกายเพิ่งช็อคน้ำมาจนแยกแยะไม่ออกว่าหนาวเพราะลมหรือหนาวเพราะตัวเอง และมันเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆเมื่ออาร์มมันกอดผมแน่นจนเกือบหายใจไม่ออกๆ


“โอ๊ยยยย เชี้ยกูหายใจไม่ออก จะตายเพราะมึงกอดเนี่ยล่ะ”

ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวมาก คงเข้าใจกันเวลาใครสูดเอาน้ำเข้าไปเต็มๆ มันจะรู้สึกแสบที่สมองพอๆกับกินวาซาบิแต่หนักกว่าหลายเท่า


“ขอโทษ... ขอโทษจริงๆว่ะ ผมไม่รู้อะกะจะแกล้งเล่น แต่ผมไม่รู้อะ…ผมขอโทษจริงๆนะครับจิม”


“เชี้ยจิม มึงทำพวกกูหัวใจจะวายตาย 2 รอบแล้วนะ รับน้องก็รอบนึงละ”

เสียงพี่บาสพูดทำให้ผมนึกถึงตอนรับน้อง ครั้งนั้นเป็นครั้งที่เกือบจะเลวร้ายที่สุด ทุกคนแม่งคิดว่าผมแกล้งทำเป็นว่ายน้ำไม่เป็น… ผมรู้สึกว่าตัวเองตายไปแล้วเลยด้วยซ้ำ โผล่มาอีกทีก็เข้าโรงพยาบาลแล้ว แต่มันก็มีความทรงจำที่ดีมาก ที่เพื่อนในคณะและพี่ๆที่อยู่ในกิจกรรม เป็นห่วงผมทุกคนเลย


“เออ เชี้ย ไอ้เติ้ลก็เล่นห่าอะไรไม่รู้เรื่อง”

เจ้าตัวเงียบมาก แม่งโคตรรู้สึกผิดเอาแต่มองผมไม่ละด้วยใบ้หน้าของคนรู้สึกผิด


“พี่อย่าไปว่ามันเลย มันผิดที่ผมเองล่ะพี่ที่ไม่ยอมบอกมันว่าว่ายน้ำไม่เป็น จิมกลัวว่ามันจะล้อ”


“ผมเนี่ยนะ… จะล้อ จิมรู้ไหม ผมรู้สึกผิดมากเลยนะ คิดดูว่าถ้าจิมเป็นอะไรไปจริงๆ ผมจะรู้สึกเสียใจแค่ไหน มันเป็นความผิดติดตัวไปตลอดชีวิตผมเลยนะ”

...ไอ้อาร์ม มันพูดแบบนี้ ผมยิ่งไม่รู้จะพูดอะไรเลย ทำให้ผมรู้สึกผิดกว่าอีกนะ ที่ไม่ยอมบอกมัน และเอาแต่คิดว่ามันจะล้อผมว่า ว่ายน้ำไม่เป็น ช่วยไม่ได้ผมมันเป็นพวกชอบคิดไปเองก่อน

ผมเหลือบไปมองสระน้ำ… มันทำให้ผมใจผวามาก หนาวก็หนาว บางทีผมว่าที่ผมหนาวอาจไม่ใช่เพราะตัวเปียกหรือลมพัดมา แต่อาจเป็นเพราะความกลัว ผมกลัวน้ำลึกมาก มากจนเพียงแค่จุมเท้าลงน้ำ ยังแอบสั่นๆเลย


แต่ไอ้อาร์ม… นั้นล่ะครับ ผมไม่รู้เหตุผลอะไรผมถึงยอมตามใจมันเพื่อให้มันได้สนุกแต่มากสุดก็ได้แค่จุมเท้าลงน้ำขอบสระเท่านั้นล่ะ ก็เล่นบอกว่า ไม่รู้จักใครสักคน กลัวเล่นไม่สนุก แค่อยากให้มันสนุก… แค่นั้นก็ทำให้เกิดเรื่องจนได้



(แล้สรุปมันความผิดใครล่ะ)

ความผิดผมอะถูกแล้ว ถ้าผมไม่เอาแต่กังวลและรอบคอบ บอกอาร์มกก่อนว่าผมลงน้ำไม่ได้เพราะอะไร อาร์มความไม่แกล้ง





“เอาเหอะ เอาจิมไปพักข้างในห้องนอนกูก่อนไป”


“ครับพี่ จิมลุกไหวไหม”

ไหวดิ ไงผมก็ต้องทำให้ทุกคนเลิกเป็นห่วงผม ไอ้อาร์มก็นะโทนเสียงโคตรจะห่วงกว่าคนอื่นเลย มีแต่ไอ้ห่ากี้อะยืนมองยิ้มๆไม่พูดอะไร

พอผมทำทีจะลุกขึ้น หน้าก็มืดมาหน่อยๆ ขาก็เหมือนไม่มีแรง ด้วยความที่สมองแทบจะสั่งการใดๆเลย จังหวะนั้น… อาร์มก็สวมตัวเข้ามาพยุงผม


“มาผมช่วย”

แล้วอาร์มก็เริ่มผยุงผมลุกขึ้น


“แปบมึง กูมึนๆ”

แค่นั้นล่ะ มันก็อุ้มผมขึ้นแขนมันเป็นที่เรียบร้อยและง่ายดาย


“เห้ย ทำไรวะ กูเดินเองได้”

(ทำเก่งจริงๆ) อันที่จริงผมอายที่ต้องให้ผู้ชายมาอุ้มตัวเองแบบนี้


“ให้มันอุ้มมึงอะดีแล้ว ร่างไม่ไหวเสือกอวดเก่ง”

ไอ้กี้โวยขึ้นมา จนผมต้องยอมใจ


“ไม่เป็นไรแล้วนะ อาร์มขอโทษนะ…”


“เออ ไม่เป็นไรอยู่แล้ว ไม่ต้องขอโทษหรอก อย่าคิดมากดิวะ”


“คราวหลัง มีอะไรแบบนี้บอกอาร์มเลยดิ อาร์มรู้สึกแย่มากนะ จิมเป็นไรไปอาร์มจะทำไง”

แล้วมันก็อุ้มผมมาถึงห้องนอนพี่บาส


“สัส พูดอย่างกับกูเป็นเมียมึงงั้นแหละ รีบวางกูลงได้ละ จะอุ้มอีกนานไหม”


“อ้าว.. โทษที”

แม่งยิ้มเขินๆเชี้ยไรของมัน ยังจะดึงผ้าเช็ดตัวที่ห่มตัวผมขึ้นมาเช็ดหัวผมให้อีก


“ไม่เป็นไรกูเช็ดเอง มึงไปกินกับพวกพี่บาสต่อเหอะ”

แล้วผมก็ดึงผ้าเช็ดตัวมา เช็ดผมเอง อันที่จริงผมจะเช็ดเองเพราะว่ามันรู้สึกเจ็บหัวอยู่หน่อยๆตอนอาร์มมันเช็ดหัวให้ผม


สักพักพี่ๆก็เริ่มเข้ามาดูอาการผมกันร่วมทั้งไอ้กี้และไอ้ดิว


“เป็นไงบ้างมึง ไปโรงพยาบาลไหม”

ไอ้กี้ถาม

“เออ เดี๋ยวกูขับรถไปให้”

เสียงพี่ตั้วอาสาขึ้นมา


“ไม่เป็นไรครับพี่ ขอบคุณครับ ยังๆหนาวๆ อยู่ เดี๋ยวสักพักก็หายแล้ว”


“แน่ใจนะ อาร์มพาไปให้ไหม”

ยังไม่เลิกห่วงกันอีก


“ไม่ต้องห่วงงงงง เดี๋ยวสักพักก็แรดต่อได้”

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนพอจะยิ้มออกมาได้หน่อย


“เออ มีไรก็เรียกพวกกูนะ ปะพวกมึง ให้ไอ้เติ้ลมันดูจิมไป”

เสียงพี่บาสเจ้าของวันเกิดที่ผมโคตรจะรู้สึกผิด ทำให้งานพี่เขาก่อยไปเลย แต่เชี้ยกี้ดิ ยิ้มห่าไรก็ไม่รู้แล้วยังจะมองแปลกๆมาทางไอ้อาร์มเหมือนมีไรสักอย่าง แต่อาร์มมันไม่สนอะไรเลย มองแต่ผมอย่างเดียว จนทุกคนออกไปหมดเหลือไว้คือผมกับอาร์ม


“มองกูทำไมนักหนาวะ”


“เอ้า โทษที อึดอัดหรอ”


“เปล่า กูไม่ได้อึดอัด แต่ทำตัวไม่ถูก

แม่งยิ้มมุมปาก


“งั้นผมก็จะมองเฝ้าจิมงี้แหละ จนกว่าจิมจะออกไป…”

แล้วมันก็เดินเอาหน้ามาใกล้ๆผม

“แรด ข้างนอกได้”

หัวเราะในลำคออีกแล้ว แต่ไอ้ใบหน้านี้แม่งทำให้ภาพชัวขณะหยุดและเปลี่ยนเป็นฉากไอ้อาร์มทำการCPR ปากผมลอยขึ้นมาเลย


“จิม… จิมครับ เป็นไรรึเปล่า”

สติกลับมาหน้าแม่งใกล้กว่าเดิมอีก


“เห้ย เปล่าๆ ไม่เป็นไร”


“แต่จิมหน้าแดงนะ ไปหาหมอไหม เดี๋ยวพาไป”

เชี้ยยยย (นี่กูเขินอยู่รึเนี่ย)


“เออๆ ไม่เป็นไร”


“จิม…”

เสียงทุ้มต่ำของอาร์มเริ่มโผล่มา


“เป็นอะไรให้รีบบอกเข้าใจไหมครับ อาร์มเป็นห่วง”


“ห่ะ!! เมื่อกี้มึงพูดอะไรนะ”

ผมฟังไม่ผิดแน่ๆ คำว่าเป็นห่วงจากมัน ทำผมเริ่มทำตัวไม่ถูกละ ไอ้อาร์มเองก็ดูรนๆยังไงไม่รู้


“อ้ออ ก็ห่วงว่าจะเป็นไรอีก อาร์มยิ่งรู้สึกผิดอยู่”

…อ่อ แค่รู้สึกผิดที่ทำให้ผมเกือบตายเท่านั้นเองรึ… (ในใจผมมีแต่ความไม่พอใจเต็มไปหมดคืออะไรวะ)


“เนี่ย ดูดิหน้ายังไม่หายแดงเลย”


“ก็มึงอะ เลิกเอาหน้ามาใกล้กูได้แล้ว เป็นใครก็ต้องเขินเปล่าวะ เล่นจ้องหน้าตลอดแบบนี้”

ผมโวยวายใส่มัน


“ดีว่ะ…”

ไอ้อาร์มมันพรึมพรำออกมา จนผมเกือบไม่ได้ยินคำนั้น


“อะไรดี”


“พอจิมเริ่มโวยวายอาร์มค่อยสบายใจหน่อย ว่าจิมอาการดีขึ้นแล้ว”


“แน่นอนคนอย่างกูไม่ตายง่ายๆหรอก อยู่เป็นเตี้ยขวางโลกมึงไปอีกนาน”


“ตลอดไปเลยดิ”

ไอ้อาร์มพูดเชี้ยอะไรเนี้ยยยย โว๊ยยยยย ความรู้สึกนี้มันคืออะไรวะเนี่ยยย พูดเชี้ยไรแบบนี้ร่างกายมันดูเบาหวิวเว้ยยย อะไรกันนนน


“โอเคยังครับ”


“เออ ดีขึ้นละ”


“หายกลัวแล้วใช่ไหม”


“หื้ม.. กลัวอะไร”


“ก็กลัวน้ำลึกไม่ใช่หรอ กี้บอกผม ว่าจิมกลัวน้ำลึก ตอนจิมสลบไปอะ ผมเลยโคตรรู้สึกแย่เลย ว่ายน้ำไม่เป็นอีก กลัวมากเลยหรอครับ”

ไอ้กี้ เที่ยวบอกคนอื่นจังนะว่าผมกลัวน้ำ ผมนี้โดนล้อเป็นแมวบ่อยมาก (แต่เออ แมวก็น่ารักดีนะ

“ไม่ขนาดนั้นหรอก ไม่งั้นก็ไม่กล้านั่งเล่นขอบสระดิ”


“หึหึ”


“ขำไร”


“เปล่าๆ อาร์มว่า จิมเหมือนแมวดี ตัวก็เล็กแถมกลัวน้ำอีก ฮ่าๆ”


“ปากหรอ เดี๋ยวก็โดนหรอก”


“อ่ะๆ เอาดิ จะทำไร ทำดิ อาร์มปล่อยให้ทำเลย”

มาไม้ไหนวะ

“ให้เอาคืนที่อาร์มทำจิมเกือบเป็นอะไร เผื่ออาร์มจะได้รู้สึกผิดน้อยลง”


“บ้า…”

ผมขมวดคิ้วด้วยความงง ไอ้นี้คิดอะไรของมัน


“เวลาจิมทำหน้างงๆ นี่ก็น่ารักดีเนอะ”

พูดเชี้ยไรอีกละ จะจีบกูรึไงเนี่ยยยยย อย่านะเว้ย กูกลัวนะไอ้อาร์ม ผมยิ่งคิ้วขมวดมากขึ้น


“จริงๆนะ ทำมาเลยอาร์มรู้สึกแย่มาก โคตรแย่อะ”


“...”


“เกิดมาเพิ่งเคยรู้สึกแบบ บอกไม่ถูกว่ะ มันไม่เคยรู้สึกอะ ตอนเห็นจิมสภาพจมน้ำแล้วอาร์มเกือบตั้งสติเอาจิมขึ้นมาเกือบไม่ทัน พอขึ้นมาก็สลบไปแล้ว แม่งโคตรแย่ กลัวว่าจิมจะกลัวผมไปด้วย กลัวว่าจิมจะไม่อยาก...”


“อาร์ม กูไม่เป็นไรแล้ว เนี่ย มึงดูกู”

ผมตัดบทมันเอาดื้อๆ แม่งระบายความรู้สึกออกมาจนผมต้องปรับความคิดมันใหม่ ไม่นึกว่ามันจะรู้สึกแย่ขนาดนั้น


“อย่าเอาแต่คิดแบบนั้น กูไม่ได้โกรธหรือเชี้ยอะไรไม่ดีกับมึงเลยสักนิด มึงไม่รู้เว้ย มึงเข้าใจป่ะ”


“...”


“จู่ๆจะให้มึงทำถูกกับกูทุกอย่างมันก็ไม่ใช่เปล่าวะ คนไม่รู้อะ ทำอะไรไม่ผิดหรอก ดีซะอีก มึงกับกูจะได้รู้จักกันมากขึ้น”


“...”


“คนเรามันจะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของจุดนึงเพื่อไปแก้ไขอีกจุดนึงได้เว้ย อย่าเก็บเอามาคิดในด้านลบอย่างนั้นดิ”


“...”


“ดีซะอีก อย่างน้อยครั้งนี้ก็ทำให้กูรู้จักมึงมากขึ้น ว่ามึงอะดีกับกูขนาดไหน ถึงได้รู้สึกผิดขนาดนี้กับกู”


“ขอบใจนะครับ”

เสียงทุ้มต่ำและใบหน้ารู้สึกนิ่งมองตรงมาที่ผมอีกแล้ว ร่างกายเริ่มร้อนๆ คงเพราะร่างกายเริ่มปรับสภาพคืนปกติ คงไม่เกี่ยวกับพฤติกรรมมันหรอก สักนิดก็ไม่มีหรอก ไม่มีจริงๆนะ


“ไงมึง ไอ้เติ้ล จิมเป็นไงวะ”

พี่ตั้วเดินเปิดประตูเข้า แต่ถามผมไม่ง่ายกว่าหรอวะพี่


“พี่ไม่ถามผมอะ”


“เชี้ยบาสบอกให้กูถามเติ้ล กูก็ทำตามทุกข้อคำสั่งของบอสใหญ่ แล้วเป็นไงดีขึ้นยัง”


“ดีขึ้นแล้วครับพี่ ขอบคุณนะครับพี่ๆที่เป็นห่วงผม”


“อยู่แล้วไอ้น้อง น้องน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้พวกพี่ก็เป็นห่วงธรรมดา ฮ่าๆๆๆ”

แล้วพี่ตั้วก็มาขยี้หัวผมเล่น ไอ้อาร์มมองไม่ละสายตาเลย


“เชี้ยพี่ตั้ว ขนลุก”


“เอ้า เชี้ยนี้กูพูดจริง เสือกกวนตีน”


“ครับบบ ขอโทษครับที่ทำให้เป็นห่วง ขอบคุณครับบบ”

สายตาคู่นั้นไม่คิดจะพักเหนื่อยมองไปทางอื่นเลยใช่ไหม ผมล่ะกลัวพี่ตั้วจะเอาไปแซว


“เชี้ยเติ้ล มึงนี้ตลกเนาะ รู้สึกผิดขนาดนั้นเลยไง ไม่ละสายตาขนาดนั้น ดูแลเป็นการไถ่โทษไง ห่ะมึง”

(นั้นไง...เซ็นดีจริงๆกู)


“ใช่ดิพี่ เมื่อกี้โคตรรู้สึกแย่”


“เอานา… ไอ้จิมก็ดูทรงดีขึ้แล้ว ไม่ต้องห่วงมันหรอก ห่วงมากเดี๋ยวมึงจะหลงมันเอานะเว้ย แม่งยิ่งไซต์มินิพกพาง่ายเหมาะจะมีผัวเป็นผู้ชายอยู่”


“โห...ไอ้พี่ตั้ว”

ผมทำท่าจะลุกไปเอาคืนพี่ตั้ว แต่พี่แกเล่นวิ่งหนีออกห้องไปก่อน (แล้วผมจะออกอาการเยอะทำไมวะ เขินหรอ?)





นี่ผมเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อมีแต่กางเกงที่เปียกๆน้ำ ชิบหายละ เตียงพี่บาส เปียกหมด โดนด่าแน่เลย ออกไปขอโทษแกก่อนดีกว่า เฮียแกคงไม่ว่าผมขนาดนั้นหรอก เพิ่งจะเกิดเรื่องกับผมมาเอง







“ป่ะ กูว่าออกไปข้างนอกดีกว่า เดี๋ยวเบียร์หมด”

พอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ผมก็ชักชวนไอ้คนที่อยู่ในห้องกับผมและไม่ละสายตาจากผมไปไหนเลยอย่างไอ้อาร์มไปข้างนอกไปนั่งกับพี่เขากัน


“ไม่ต้องกินแล้ว เพิ่งจะจมน้ำมา จะมากินบงกินเบียร์ ห้าม อาร์มไม่ให้กิน นอนพัก”


“อะไรของมึงเนี่ยยย นี้งานวันเกิดพี่บาสทั้งทีนะ”


“เป็นพี่บาสก็ต้องพูดแบบนี้ เขาไม่อยากให้น้องที่เพิ่งฟื้นมานั่งเมาหรอก เป็นไรขึ้นมาใครจะดูแล”


“มึงไง”

เชี้ยละ… คิดดังอีกแล้ว แล้วนี่…


(ผมคิดอะไรของผมเนี่ยยยยยยย)




…………………….


“ความกลัวเปรียบเหมือนเงาอีกด้านของชีวิต ถ้าเราไม่รู้จักกล้าที่จะฉายไฟอีกด้านก็คงไม่รู้ว่ามีอะไรดีๆซ้อนอยู่”




Talk : จิมจ้าจิม จิมผู้ถูกทุกคนยัดเยียดตำแหน่งตัวเมียให้ น่าสงสารจริงๆ /// อาร์มนี้ดูถ้าจะมองจิมนานตอนนอนต้องเก็บไปฝันแน่ๆ มองนานขนาดนี้
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 08 : จม (อาร์ม) : Update!! หน้า 2 (1/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 04-06-2017 00:26:28
หนูจิม   :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 09 : ความกลัว : อัพเดท!!! หน้า 2 (1/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-06-2017 10:12:11
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 09 : ความกลัว : อัพเดท!!! หน้า 2 (04/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 04-06-2017 17:56:58
อาร์มพูดจาเพราะ ชอบบบบบบบ  o18
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 09 : ความกลัว : อัพเดท!!! หน้า 2 (04/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 04-06-2017 20:07:26
 :-[
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 09 : ความกลัว : อัพเดท!!! หน้า 2 (04/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-06-2017 23:55:37
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 10 : แน่ใจ : หน้า 2 (05/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 05-06-2017 04:04:35
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 10 : แน่ใจ : หน้า 2 (05/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 05-06-2017 07:34:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 10 : แน่ใจ : หน้า 2 (05/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: littlep_ ที่ 05-06-2017 08:24:20
 :pig4: :pig4: :pig4
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 10 : แน่ใจ : หน้า 2 (05/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 05-06-2017 10:54:06
Chapter 10 : ชั่ววู้บ









“แฮปปี้เบิร์ดเดย์… ทู… ยู”


แล้วพี่บาสก็เป่าเค้ก


“ขอบใจมากพวกมึง แค่นี้กูก็มีความสุขมากพอและ”

พี่บาสพูดขอบคุณทุกคนที่มาปาร์ตี้วันเกิด


“มา แดกๆใครไม่เมาห้าทกลับ”


พี่บาสชักชวนทุกคนกินเบียร์โดยไม่สนใจว่าวันพรุ่งนี้จะมีเรียนรึเปล่า แต่ไอ้คนอย่างผมที่กินเบียร์ไม่เป็นก็คงต้องขอกินแค่โค้กกับพี่แนนไปสองคน


“ไอ้จิม เอาเปรียบหรอวะ แดกเบียร์ดิ แดกโค้กทำไม”

ไอ้พี่ตั้วสายปั่นหาเรื่องให้ผม เริ่มโวยวาย


“เห้ย น้องมันเพิ่งฟื้นให้ มันเมาเลยหรอวะไอ้ตั้ว”

พี่บาสทักท่วง


“พี่ตั้งผมกินเบียร์ไม่เป็นพี่”


“งั้นยิ่งต้องลอง หัดๆไว้ต่อไปนะได้เข้าสังคมได้”

ไอ้พี่ตั้วก็จะให้ผมกินให้ได้ สักหน่อยละกัน เสียน้ำใจพี่เขาแย่


“จัดมาพี่ เบาๆพอนะครับผมไม่อยากเมามาก”


แต่สุดท้ายสภาพผมก็….






“อุ้มกูทำเชี้ยอะไร เชี้ยอาร์ม”

ผมโวยวายบนแขนไอ้อาร์มที่อาการแอลกอฮอลเข้าเส้นมันโผล่มาหนักมาก เพราะผมดื่มไปเยอะมาก ด้วยความที่ไม่เคยกินเบียร์มาก่อน


จะไม่เมาได้ไงล่ะ ไอ้พี่ตั้วให้ลองกินแก้วสองแก้ว แค่นั้นผมก็ไปแล้ว แถมแย่งไอ้อาร์มกินอีก ห่วงแม่งจะขับรถไม่ได้เลยแย่งมันมากินหมด สุดท้ายไอ้คนกินเบียร์ครั้งแรกแบบผมก็เมาเละเทะหมดสภาพให้ไอ้อาร์มมันอุ้มส่งกลับคอนโด


“ไม่ต้องพูดเยอะเดี๋ยวอ้วก ไม่เคยกินยังจะอวดเก่ง อาร์มบอกว่าอาร์มขับได้”


“ก็กูเป็นห่วงมึง จะเมาขับรถกลับบ้าน”

ผมจับหน้ามาดูใกล้ๆเพื่อโฟกัสใบหน้าให้ชัดเจน

“เป็นเชี้ยไรมา หน้าหล่อๆของมึงจะเสียหมด”

ผมตบหน้ามันซ้ำๆด้วยความเมา


“เจ็บครับบบ อะขึ้นรถได้แล้ว เดี๋ยวอาร์มไปส่งที่ห้อง”


“รับทราบ ไอ้เปรต คนห่าอะไรวะสูงชิบหาย”

แม่งนี่แอลกอฮอลมันดึงความหยาบคายของผมออกมาหมดเลยใช่ไหมเนี่ย


“เออ ไอ้เตี้ย”


“เตี้ยแล้วไงวะ ก็น่ารักแล้วกัน หรือไม่ใช่ ห่ะ! ตอบมาดิ”


“ครับๆ น่ารัก หึ”

ขำหล่ออีกแล้วไอ้ห่านี้


“มึงเลิกขำแบบนี้ได้แล้ว กูไม่ติดเบ็ดรอยยิ้มเท่ๆของมึงหรอก อ่อยชิบหาย”


“จิม… พูดจาไม่รู้เรื่องแล้วนะ”


“ทำไม ขับรถไปอย่าบ่น”


“คราวหลังกินเหล้าอีก บอกผมนะ..”

อาร์มเริ่มออกรถจากที่จอดรถซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจเส้นทางอะไรเลย


“มึงจะมอมกูหรอ สาดดด”


“เห้อออ ไอ้เตี้ยเลอะเทอะใหญ่แล้ว”


“มึงนี้มันกวนใจกูจริงๆ”


“อยู่ๆ ก็เข้ามาในชีวิตกู เรียนคณะเดียวกันก็ไม่ใช่ เสือกจะอยากรู้จักกูอีก นี่ถ้ามึงไม่ขอกูเป็นเพื่อนนะกูคิดว่ามึงจีบกูแล้ว”


“แล้วจีบได้ไหมล่ะ”

อย่างน้อยๆผมก็มีสติพอที่ได้ยินคำนี้


“มึงคิดว่ากูจะยอมมึงง่ายๆหรอ ไอ้เชี้ยอาร์ม”


“ถึงมึงจะหน้าตาดี รวย ก็ใช่ว่ากูจะเอามึงนะเว้ย ไอ้สาดแล้วยังทำกูเกือบตาย”

พูดอะไรออกไป…


“...”


“แล้วมึงอย่าลืมนะ ว่ากูผู้ชาย มึงก็ผู้ชาย”


“เชี้ยยย แถมกูยังติดสัญญากับปอยจะช่วยคุยกับมึงให้อีก อย่าว่าแต่จีบเลย โอกาสจะคบกันกูยังไม่เห็นแวว”


“จิม… จิมเมาแล้วนะ พูดอะไรรู้ตัวไหม”

เสียงแผ่วๆของมันทำให้ผมอย่ากจะหยุดตัวเองแต่มันหยุดไม่ได้


“รู้ดิ ทำไมกูจะไม่รู้ กูรู้ตัวเองดี ว่ามึงแม่งทำให้กูรู้สึกไม่เหมือนเพื่อนคนอื่น ตอนมึงอุ้มกู ตอนมึงกอดกู ตอนมึงพูดดีๆกับกู ยิ่งไอ้ตอนที่ปากมึงโดนปากกู ทำไมกูจะไม่รู้สึก แม่งขโมยจูบแรกกูเฉย”


“..... นี่แน่ใจจริงๆใช่ไหมเนี่ยว่ารู้ตัว”


“เออดิวะ”


“อาร์ม…”


“ครับ”


“กูว่ามึงกับกูเป็น….”

เชี้ยผมพูดอะไรของผมไป หยุดนะ หยุดพูดอะไรมากกว่านี้ หายเมาสัดทีสิเว้ยยย สติกลับมาเดี๋ยวนี้นะ คำสุดท้ายผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพูดอะไรไป










“เห้อ…..”

ปวดหัวชิบเลยครับ เรียนเช้านี้ ทั้งเหมือนจะเพลียๆ มึนๆ ปวดหัวไปหมด

“เป็นไรของมึง ถอนหายใจแต่เช้า”

ไอ้กี้ผู้สงสัยจะรักเพื่อนมากแค่ผมถอนหายใจ มันก็อ้าปากถามขึ้นมาระหว่างที่เรากำลังเรียนคลาสคอม ดีไซต์


“เปล่า ปวดหัวนิดหน่อย มึนชิบหายเลย”


“ก็เสือกแดกเบียร์ซะเยอะขนาดนั้น ควาย”


“นี่หิวตีนแต่เช้า?”

ผมถามเพื่อให้มันหยุดปากหมาสักที… จะว่าไปสิ่งที่ทำให้ผมถอนหายใจคือ ผมนึกไม่ออกสักทีว่าหลังจากเมื่อคืนที่ผมเมาจากห้องพี่บาสแต่ไหงผมตื่นมานอนห้องตัวเองเฉยเลย


“...เออมึง เมื่อวานใครมาส่งกูที่คอนโดวะ”

ผมถามไอ้กี้ เพราะไอ้กี้อยู่กับพี่บาสทั้งคืน แม่งเมาแล้วสลบที่ห้องพี่บาส


“ไอ้เติ้ลดิ นี้มึงไม่รู้เรื่องเลยไง ขี้เมาสัด”


“อ้อออ”

ภาพรางๆ เริ่มลอยมา

“เออ ไอ้เติ้ลฝากมาขอโทษ”


“เรื่องไรวะ”


“จะไปรู้มันหรอ เรื่องทำมึงจมน้ำมั้ง มันรู้สึกผิดจะตายห่า”


“นี่ยังไม่เลิกคิดอีกหรอวะ กูคิดว่าเคลียร์แล้วเมื่อวาน”


“แล้วกูจะรู้ไหม ไปถามมันเองดิ”


“ถามไงวะ เบอร์ก็ไม่มี”

แม่งรู้จักกันตั้งนาน เบอร์ก็ไม่มีไลน์ก็ไม่ได้ขอ


“ก็ไปดูที่คณะมันดิ เห็นเมื่อวานก่อนเอามึงไปส่งมันบอกว่ามันมีเรียนเช้า”



“ไปทำเชี้ยไร”


“ไปเหอะ อย่างน้อยๆ ตอนนี้มึงก็โอเคแล้วไปให้มันเห็นหน่อย มันจะได้เลิกรู้สึกผิด”


“แล้วทำไมต้องกูอะ”

มันก็ต้องเป็นมึงอยู่แล้วไหม ไอ้จิม


“อ้าว ก็มันเรื่องของมึงเปล่าวะ ไอ้นี้”


“เออออ”


“เอออะไร พูด! เมือวานมึงทำทุกคนเป็นห่วงเรื่องจมน้ำไม่พอ เสือกเมาหนักให้คนอื่นห่วงกว่าเดิมอีก”


“ชู่ๆๆ!! พวกมึงอะ คุยกันเสียงดังไปแล้วนะ อาจารย์มองใหญ่แล้ว”

ดิวมันดุพวกผมที่นั่งคุยกันระหว่างเรียน


“โทษๆ”

ผมขอโทษไอ้ดิว อันที่จริงผมควรขอโทษอาจารย์ ผมเลยยกมือไหว้ขอโทษอาจารย์ที่กำลังมองผมคุยกันอยู่


“ว่าไง มึงจะไปไหม”

ไอ้กี้เข้ามากระซิบผม


“ไอ้เชี้ย ไปไหน อะไรของมึง”


“ไอ้สัส ไปหาไอ้เติ้ลผัวมึงไง”


ผั๊วะ! หนึ่งทีที่หัวขอหาปากดี


“เออ ไปก็ได้”


“เออ ดี”


“ยิ้มเชี้ยไร”


แม่งยิ้มกวนตีนชิบหาย


“เปล่า กูทำงานและเดี๋ยวจารย์ด่า”






พอผมเลิกเรียนผมขอแยกตัวจากพวกกี้ดิวไปซื้อยามากินแล้วจะกลับไปนอนพักเลย เพราะคิดว่าตัวเองต้องเริ่มป่วยแน่ๆ ทั้งคัดจมูกทั้งเจ็บคอ แถมปวดหัว ร่างกายร้อนๆหนาวๆหน่อยๆ ด้วยความที่จากตึก art ทางไปร้านยาจะต้องผ่านตึก business ผมเลยแวะๆมองหาไอ้อาร์มดูหน่อย




อืม… หาไม่ยากเลยมันนั่งอยู่ในร้านกาแฟใต้ตึกมันแต่ไม่ได้นั่งคนเดียว… หน้าตาท่าทางซีเรียสคุยอยู่กับปอย… ผมไม่ควรเข้าไปยุ่ง ผมเลยเดินเลยไป






และเมื่อผมมาถึงห้องตัวเองก็พร้อมที่จะล้มตัวนอนเต็มที หลังจากกินยาเสร็จอาการง่วงก็แทรกเข้ามาได้ไม่นานนัก


“ตึ๊ดดดดด ตึ๊ดดดดด”


เสียงโทรศัพท์สั่นดังขึ้น  ผมเอื้อมไปหยิบดู



เอ้า ไม่มีนี่ แล้วเสียงอะไรสั่น ผมเดินหาทั่วห้องถึงได้รู้


มีโทรศัพท์ใครไม่รู้วางคู่กับกระเป๋า


ความสงสัยจึงบังเกิด หยิบขึ้นมาดูไลน์เด้งเยอะมาก


“Nutto : กูถามไม่ตอบ คนตัวเล็กๆน่ารักคนนั้นเป็นใคร”


“Por(ple) : หาโทรศัพท์เจอยัง…”


“Ple(por) : ถ้าใครเอาโทรศัพท์เพื่อนผมไปขอคืนด้วย”


“POI : อยู่ไหน ปอยรออยู่ที่ตึกคณะเติ้ลนะ”


“POI : เติ้ล ปอยขอคุยด้วยหน่อย”


“Gif : น้องเติ้ลมีแฟนยังคะ”


“Kyko : เพื่อนกูป่วย”




โห คนทักมันมาเยอะมาก มิสคอลจากปอยก็เยอะด้วย ที่สำคัญ มันมีไลน์ไอ้กี้ได้ไงวะ แม่งแอบคุยกันหรอ แล้ว “เพื่อนกูป่วย” หมายถึงยังไงทำไมมันต้องบอก หรือว่าไอ้กี้จะโทษอาร์มเรื่องผมป่วย ชักอยากสอดรู้สอดเห็นและ



แม่งดันล็อกรหัสอีก


“เซ็ง”


คำบ่นคิดดังของผมโผล่ พร้อมๆกับสายตาที่มองไปทางกระเป๋า ดีล่ะ ไหนๆก็ยุ่งมือถือมันไม่ได้ ยุ่งกับกระเป๋าตังมันแทนและกัน แหม ใช่ของหลุยด้วยนะ แอบถ่ายบัตรประชาชนมันเอาไว้ล้อดีกว่า


นาย สุทธิรัตน์ ผ่องอนงค์
เกิด 25 ธันวา

วันเกิดจำง่ายดีแหะ เห็นรูปมันก็แหม ขนาดบัตรประชาชนยังหล่อเลยเนาะ


“เชี้ย!”


ตกใจดิครับเจอถุงยางในกระเป๋ามัน นี่มันสายนี้หรือเนี่ย


ว่าแต่ทำไมมันมาลืมไว้ในห้องผมวะ


“ก๊อกๆๆๆ”


สะดุ้งทีทำอะไรแทบไม่ถูกเหมือนโดนจับได้ว่าขโมยของกับอีแค่มีคนมาเคาะประตู ตกใจอะไรขนาดนั้นก็ไม่รู้


“เชี้ย… อาร์ม”

ผมมองผ่านช่องตาแมวที่ประตูเห็นไอ้อาร์มยืนรออยู่ที่ประตู แน่นอนว่ามันต้องมาเอาของของมันอยู่แล้ว


“ไงมึง มาได้ไง”


“เออ จิม กระเป๋าตังกับโทรศัพท์ผมอยู่ห้องจิมป่ะ เหมือนผมลืมไว้ห้องจิมไม่แน่ใจว่าลืมไหม”


“อ้าวหรอ เข้ามาหาดิ”

เรื่องไรจะบอกว่ารู้ล่ะ เดี๋ยวมันก็รู้ว่าผมแอบค้นของมันอะดิ

“ขอบคุณครับ”


“เป็นไงบ้าง แฮงเบียร์บ้างเปล่า”

มันถามไถ่อาการผมหลังจากเมามาเมื่อคืน


“ไม่เป็นไรๆ กูบายดี”


“แน่นะ”


“โอเค อาร์มเจอและ”


“อ้าว แล้วทำไมมาอยู่ห้องกูได้นี่”

มันเงียบไปพักนึงพร้อมสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก


“เมื่อคืนผมมาส่งจิมที่ห้องไง”


“อาร์มไปก่อนนะพอดีมีธุระ แล้วเจอกันนะครับจิม”

อะ อ้าว มาแค่นี้เองหรอ…


“เอ่ออ เออ เจอกันมึง”

แล้วอาร์มก็ปิดประตูออกไป


ผมมั่นใจมากว่ามันต้องเป็นอะไร ผมไปทำอะไรให้มันรึเปล่านะ หรือเมื่อคืนผมเมาแล้วทำห่าอะไรแย่ๆกับมัน… ผมคิดสักพักนึกย้อนไปดีๆ… เท่านั้นล่ะ ผมจำฉากในรถได้ลางๆ


ชิบหาย!!



ผมเล่นหยาบคายกับมันไว้เยอะ แถมด่าทอมันเรื่องพฤติกรรมมันอีก ถึงว่าดิแม่งโกรธผมแน่ๆ ผมพูดอะไรไปบ้างวะเนี่ย


คิดได้งั้น ผมรีบเขียนโพสอิทแล้วพับ วิ่งตามมันไป แต่ก็เหมือนจะไม่ทันแต่สุดท้ายก็ทันจนได้ แต่ผมก็ต้องหยุดชะงัก เพราะไอ้คนที่ผมวิ่งตามอยู่กำลังเปิดประตูรถให้ปอยที่ยืนพิงรออยู่ที่รถมัน



“อ่อ… คงดีกันแล้ว”

ความคิดดังของผม ไม่ได้ช่วยให้มันหันมาห้องเพราะผมแอบอยู่ในมุมของล็อบบี้คอนโด


ผมกำโพสอิทในมือแน่นก่อนจะคลี่มันออกมา



“ขอโทษ ให้กูทำกระเพราเนื้อของโปรดมึงไถ่โทษนะ…. จิม”



คงไม่ทันหรอก คงขอโทษไม่ทันแล้ว มันคงไม่อยากมาเจอแล้วแหละ ดูจากท่าทางที่มันไม่คุยกับผมเท่าไหร่ มันคงไม่มาห้องผมแล้ว


ยิ่งวันนี้มันอยู่กับปอยยิ่งแน่ใจ


ยิ้มของปอยดูสุขใจเหมือนได้ของของตัวเองกลับมา...




เพื่อนต่างคณะอย่างผม…



คงไม่มีความหมายอีกแล้ว




……………………..



“บางทีอารมณ์ชั่ววู้บก็ทำให้เราเสียคำพูดดีๆที่ควรรักษาไว้ไปได้”




Talk : กรุณาอย่าให้จิมกินเบียร์กินเหล้าอีกเลยดีกว่า รู้สึกจะเมาแล้วหาเรื่องใส่ตัวมาก 5555/// อาร์ม อดทนจิมหน่อยได้ไหม อย่าเพิ่งหันไปหาปอยสิ (จริงๆ ก็แค่หน่วงๆหน่อยๆ)//// เมื่อคืนจะอัพแล้วดันเผลอหลับเฉยเลยยย

หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 10 : ชั่ววู้บ : หน้า 2 (05/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 05-06-2017 20:43:39
ตอนต่อไป อัพช้าหน่อยนะครับ พอดีกลับมาบ้าน ไม่ได้เอาคอมจากคอนโดมาด้วย แต่ว่าเขียนในมือถือนะครับ ขออภัยทุกคนที่เข้ามารออ่านด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 10 : ชั่ววู้บ : หน้า 2 (05/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 05-06-2017 21:19:44
 :เฮ้อ:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 10 : ชั่ววู้บ : หน้า 2 (05/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-06-2017 22:05:23
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 10 : ชั่ววู้บ : หน้า 2 (05/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 05-06-2017 22:09:05
จะสมน้ำหน้าก็สงสารอยู่เบาๆ 55555
ทำตัวเองนะจิม แต่คงยังไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่หรอกใช่มั้ย ไม่ได้ชอบเค้านี่
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 10 : ชั่ววู้บ : หน้า 2 (05/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 06-06-2017 22:26:32
Chapter 11 : พูดในใจ
 
 
 
 
 
ไอ้เตี้ย... สุดท้ายมันก็แค่เมาแล้วพูดจาพล่อยๆ ออกมา ขนาดผมไปเอากระเป๋ากับโทรศัพท์ที่ผมลืมเอาไว้ (ซึ่งอันที่จริงมันก็เป็นแผนเพื่อให้ผมได้กลับมาหามันนั้นแหละครับ)
 
 
 
ในคืนที่มันเมาเมื่อคืนเป็นคืนที่ผมมีความสุขมาก ได้ใกล้ไอ้เตี้ยมาก ใกล้ถึงขนาดที่ผมได้สัมผัสปากที่มีรสหวานกลายๆผสมกับครอลีนของมันตอนจมน้ำ ใกล้ขนาดที่คิดว่าหัวใจของผมใกล้มันแค่ไหน ใกล้ขนาดที่มันเมาแล้วพูดคำพูดบางคำที่ผมโคตรจะอยากได้ยิน…
 
 
 
แต่ก็นั้นล่ะครับ มันเมา เมาได้กวนตีนและฮามากจนผมต้องอัดเก็บเสียงไว้แกล้งเล่น อันที่จริงจะเรียกว่าอัดเสียงได้ไหม เพราะผมก็กดอัดวีดีโอนั้นแหละ เพียงแต่ไม่ได้ถ่ายภาพอะไรทำเพื่อแค่บันทึกเสียงเมาๆของไอ้เตี้ยที่กำลังพ่นอะไรต่อมิอะไรออกมา
 
 
 
“เรียนคณะเดียวกันก็ไม่ใช่ เสือกจะอยากรู้จักกูอีก นี่ถ้ามึงไม่ขอกูเป็นเพื่อนนะกูคิดว่ามึงจีบกูแล้ว”
 
 
“แล้วจีบได้ไหมล่ะ”
 
 
“มึงคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรอ”
 
 
“ถึงมึงจะหน้าตาดี รวย ก็ใช่ว่ากูจะเอามึง แถมมึงยังทำกูเกือบตายอยู่แล้ว แต่แม่งกูก็โกรธมึงไม่ลง”

 
ถึงตรงนี้ผมไม่รู้จะดีใจที่จิมไม่โกรธผมหรือรู้สึกผิดที่ทำจิมเกือบตายดี
 
 
“มึงอย่าลืมนะ มึงก็ผู้ชาย กูก็ผู้ชาย”
 
 
“ไหนจะเรื่องปอยที่เขาขอให้กูช่วยอีก อย่าว่าแต่จีบเลย โอกาสคบยังไม่มี”
 
 
“จิม… จิมเมาแล้วนะ พูดอะไรรู้ตัวไหม”

 
ตอนนั้นที่ผมถามเพราะอยากแน่ใจว่าคำพูดที่ออกมา มันมาจากใจหรือมาจากแอลกอฮอล
 
 
“รู้ดิ ทำไมกูจะไม่รู้ กูรู้ตัวเองดี ว่ามึงแม่งทำให้กูรู้สึกไม่เหมือนเพื่อนคนอื่น ตอนมึงอุ้มกู ตอนมึงกอดกู ตอนมึงพูดดีๆกับกู ยิ่งไอ้ตอนที่ปากมึงโดนปากกู ทำไมกูจะไม่รู้สึก แม่งขโมยจูบแรกกูเฉย”
 
เอาจริงๆมาถึงตรงนี้ผมดีใจมากนะครับที่จิมพูดออกมาแบบนี้ แต่ผมไม่อยากหวังมาก ถ้าหากการพูดครั้งนี้ของมันเพียงแค่ขาดสติจากพิษแอลกอฮอล ผมคงเสียใจ...
 
 
“..... นี่แน่ใจจริงๆใช่ไหมเนี่ยว่ารู้ตัว”
 
 
“เออดิวะ”
 
 
“อาร์ม”

 
 
“กูว่ามึงกับกูเป็นแค่เพื่อนกันเหอะ”
 
…….ขนาดกลับมานั่งฟังอีกรอบผมยังตัวชาอยู่เลย
 
 
“กูไม่อยากผิดสัญญากับปอย”
 
ปอยไม่เกี่ยวแล้วจิม ผมโคตรอยากจะพูดคำนี้
 
 
“อีกอย่าง… ถ้าทุกอย่างลงตัว”
 
 
“ไว้ถึงตอนนั้นถ้ามึงยังรู้สึกชอบกู”

 
 
“มึงค่อยมาจีบกูละกัน ไม่แน่เผื่อกูจะเปลี่ยนใจก็ได้”
 
 
แล้วนั้นก็เป็นคำพูดสุดท้ายในคลิปเสียงที่ผมแอบอัดไว้ เพราะจิมก็หลับไปเป็นที่เรียบร้อย ไม่รู้ตัวจนผมต้องอุ้มขึ้นห้อง
 
 
 
คำพูดของจิมวนเวียนอยู่ในหัวผมตลอดตั้งแต่เช้า… มันเหมือนกับว่าเราเจอคนที่ใช่ในเวลาที่ แม่งก็ใช่นั้นแหละ เหมือนจิมจะให้โอกาสผมยังไงยังงั้นเลย เพียงแต่ผมคงต้องจัดการกับปัญหาทั้งหมดออกไปก่อน  แล้วเริ่มจีบจิมอย่างจริงจังสักที (ถ้าจิมในตอนนั้นพูดจากใจจริงๆอะนะ) แต่แม่ง ไอ้เตี้ยไม่เห็นจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนเลย
 
 
 
 
“เติ้ล”
 
 
“เติ้ล!!!”
 
 
“คะครับ ว่าไงครับปอย”
 
ปอยดึงสติผมกลับมาจากความคิด
 
 
“ฟังอะไรอยู่ ปอยฟังด้วยได้เปล่า”
 
ผมดึงหูฟังเก็บใส่กระเป๋ากางเกง
 
 
“อ่อ เปล่า ลืมถอดอะ ไม่ได้เปิดฟังอะไร”
 
 
“นี่ ปอยน่าเบื่อขนาดต้องเอาหูฟังมาฟังเลยหรอ”
 
 
“เปล่านะ ว่าแต่จะกินอะไรสั่งเลย”
 
ผมกับปอยมากินข้าวด้วยกันที่ข้างมหาลัย
 
 
“ปอยต้องถามเติ้ลมากกว่า ปอยสั่งแล้ว เติ้ลอะจะสั่งอะไร”
 
ผมหันไปมองพี่พนักงานที่รอรับออเดอร์จากผม เวรกำจริงๆ
 
 
“อืมมม กระเพาเนื้อ กับต้มจืดมะละครับ”
 
แล้วพี่เขาก็รับออเดอร์ผมไป
 
 
“เหม่อลอยอะไรหรอเติ้ล”
 
 
“เปล่าๆ แค่คิดอะไรนิดหน่อย”
 
อันที่จริงตอนนี้ผมกำลังคิดหาทางที่จะเข้าหาจิมได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นผม
 
 
“ดีจัง ในที่สุดเติ้ลก็ยอมคุยกับปอย”
 
 
“ยอมคุย?”
 
 
“ก็เหมือนเติ้ลไม่ค่อยอยากคุยกับปอยเลย หลายวันไลน์ไปก็ไม่ค่อยตอบ โทรไปก็ไม่ค่อยรับ”
 
 
“เติ้ล ง้วนอยู่กับการอ่านหนังสือเตรียมสอบอะครับ แล้วเมื่อวานก็วันเกิดรุ่นพี่”
 
 
“อ่อ ทำไมไม่เห็นชวนปอยเลย”
 
 
“โหยย ขอโทษทีนะ กลัวปอยจะอึดอัด มีแต่รุ่นพี่ผู้ชาย”
 
จริงๆก็มีพี่แตมพี่แนน ที่เป็นผู้หญิงนะ
 
 
“อ้อออ แล้วเป็นไง สนุกไหม”
 
 
“สนุกครับ”
 
 
“เติ้ล ปอยมีคนคุยแล้วนะ…”
 
จู่ๆ จะพูดอะไรขึ้นมา
 
 
“ใครหรอ”
 
 
“ถามทำไม หึงหรอ?”
 
 
“เปล่า อยากรู้”
 
 
“ก็นะ ไม่บอกหรอก แต่เจอกันตอนเติ้ลไปส่งปอยขึ้นรถแท็กซี่น่ะ”
 
ทำให้ผมรู้สึกผิดมากที่ไม่ไปส่งปอยถึงห้อง โดยปกติผมต้องไปส่ง แต่วันนั้นไอ้เตี้ยทำให้ผมเปลี่ยนไปได้ง่ายๆ
 
 
“ขอโทษทีนะที่ไม่ได้ไปส่ง”
 
 
“ไม่เป็นไร ก็ดีนะปอยถึงได้เจอเขาไง พอดีเจอที่หน้าซอยเข้าคอนโด”
 
 
“อ่อครับ”
 
 
ระหว่างฟังผมไม่ได้สนใจอะไรเธอมากเท่าไหร่ เปิดดูไลน์ในโทรศัพท์ไล่ตอบทุกๆคน จนมาถึงไลน์ของพ่อสืบของผม (ไอ้กี้) พิมพ์มาตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว
 
 
“Kyko : เพื่อนกูป่วย”
 
 
“T.A. : เป็นไรมากไหม ทำไมป่วย”

 
ยังไม่อ่าน…
 
 
อ่านละ
 
 
 
 
“Kyko : เพราะมึงนั้นล่ะ สาเหตุ”
 
 
“Kyko : ไปดูแลเพื่อนกูซะ”
 
 
“T.A. : แต่จิมไม่ค่อยอยากเจอผมอะดิ”
 
 
“Kyko : มึงเอาห่าไรมาพูด”
 
 
“T.A. : เมื่อกี้เพิ่งไปเจอมาที่ห้อง ไม่เห็นจะพูดอะไรเลย”
 
 
“Kyko : อ้าว ไรของมันวะ เออ ไม่รู้เวย กูแค่มาบอกว่าเพื่อนกูป่วย”
 
 
“T.A. : ขอบคุณมากกี้”

 
 
ว่าแต่จิมป่วยเป็นไรนะ ถ้าให้เดาเมื่อวานจมน้ำ ก็คงเป็นไข้หวัด
 
 
“นี่ เติ้ล”
 
 
“ครับ”
 
ทำไงดี ผมอยากไปดูแลเตี้ยเดี๋ยวนี้จัง แต่ก็ยังติดกินข้าวกับปอย
 
 
“เติ้ลดูกังวลๆนะ มีไรรึเปล่า”
 
 
“เปล่าครับๆ”
 
 
“นี่ ไหนว่าตกลงกันแล้วไง เป็นเพื่อนก็มีไรก็บอกได้นี่”
 
 
“หรือเรื่องของเติ้ลบอกปอยไม่ได้”
 
 
“เรื่องผู้หญิงหรอ เติ้ลมีใหม่แล้วหรอ”
 
ไปกันใหญ่แล้วปอย
 
 
“บ้า ไม่ใช่ เพื่อนป่วยอะครับ”
 
 
“แค่เนี่ยอะนะ”
 
ปอยทำหน้างงๆกับคำตอบของผม
 
 
“ใช่ มันไม่มีคนไปดู ไปซื้อยาให้”
 
 
“ทำไมไม่รีบบอก งั้นเติ้ลก็รีบไปดิ”
 
 
“แต่...ปอย”
 
 
“ยังจะห่วงปอยอีก เดี๋ยวปอยกลับเองได้ รีบไปเหอะเดี๋ยวเพื่อนเป็นหนัก”
 
 
“ครับ…”
 
แล้วผมก็รีบลุกออกไปจากร้าน… ถ้าผมไม่ได้หลอกตัวเอง ผมเห็นปอยน้ำตาไหลก่อนที่ผมจะออกจากร้าน…
 
 
นี่ผมแย่อะไรขนาดนี้ ทำให้ปอยเสียใจ ผมทำถูกไหมนะ ที่ขอเธอเป็นแค่เพื่อนเหมือนเมื่อก่อน แถมผมยังทำให้จิมเกือบตาย แล้วยังจะมาป่วยอีก นี่ผมคู่ควรที่จะดูแลใครได้หรอ
 
 
ไม่ดิวะ… อดีตที่ผ่านไปแล้วก็คืออดีต ผมจะตัดสินใจแล้วว่า ผมจะจีบไอ้เตี้ย เรื่องปอยผมก็เคลียร์กันแล้วเมื่อตอนผมลงมาจากชั้นเรียน ก็เจอปอยนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟใต้ตึกคณะผม ทำให้เรามีโอกาสได้เคลียร์กันทั้งเรื่องของปอยและเรื่องที่ปอยขอให้คนอื่นช่วยเรื่องผม
 
 
 
 
 
หน้าห้อง 427 กับมือที่หิ้วเอาถุงยาและโจ๊กใต้คอนโดมา
 
 
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
 
 
“จิมครับ อยู่รึเปล่า เปิดประตูหน่อย”
 
 
เงียบมาก เงียบจนผมเริ่มใจไม่ดี
 
 
 
สักพักผมถึงได้ยินเสียงเดินเท้าจากในห้องมา
 
 
“อะแฮ็กๆ”
 
เสียงจิมไอก่อนเปิดประตูออกมาสภาพคนเมาขี้ตามากๆ สงสัยนอนมาแน่ๆ
 
 
“อ้าว มึงมาทำไมอีกอะ ลืมอะไรอีกหรอ”
 
…. จุกเลย นี่มีเยื้อใยหรือดีใจที่ผมมาไม่ได้เลยไง
 
 
“เห็นท่าทางเหมือนป่วย เลยแวะเอายากับโจ๊กมาให้กิน”
 
ผมพูดด้วยเสียงที่จิมน่าจะฟังออกว่าผมน้อยใจ
 
 
“เห้ย ไม่เป็นไรกูซื้อมาแล้ว ไม่เห็นต้องลำบากเลย เข้ามาๆ”
 
ถึงจะน้อยใจที่ซื้อยาให้ไม่ทันเจ้าตัวเขาแต่ก็ดีใจที่เจ้าตัวเชิญผมเข้าห้อง
 
 
“แล้วจิมเป็นอะไรหรอครับ ดูหน่อย”
 
ผมเอามือไปแตะหน้าผาก ที่รู้สึกจะร้อนหน่อยๆ ไข้ขึ้นแน่ๆ
 
“กูไม่เป็นไรมากหรอก แค่มึนๆ”
 
 
“แล้วไหนยาอะ กินยัง”
 
 
“กินไปแล้ว แต่เป็นยาก่อนอาหารนะ ว่าจะทำกินแต่ดันหลับก่อน”
 
 
“งั้นดีเลย กินโจ๊กที่ผมซื้อมาจะได้ไม่เสียเวลาทำกับข้าว”
 
 
“โอเค รบกวนหน่อยนะ ใส่ชามให้ที”
 
ภาพไอ้เตี้ยเดินเหมือนคนไม่มีแรงทำผมยิ้ม...
 
 
ไอ้เตี้ยสภาพน่าดูแลแบบนี้ มาขอรบกวนผม ทั้งๆที่มันก็ไม่ใช่คำอ้อนวอนอะไร แต่เป็นคำพูดห้าวๆสไตล์ของไอ้เตี้ยที่มันโคตรน่าฟัง
 
 
“เป็นไรก็บอกดิ คราวหลัง”
 
 
“บอกไปมึงก็เป็นห่วง ไม่เอาอะ เกรงใจ”
 
 
“จะเกรงใจทำไม”
 
ระหว่างผมเทโจ๊กแล้วหันไปหาถังขยะ… ผมเห็นโพสอิทสีส้มที่ถูกขย่ำตกอยู่ข้างถังขยะ ด้วยความที่คิดจะทิ้งให้จิม แต่ก็ต้องรอบคอบก่อนเผื่อเจ้าตัวไม่ได้จะทิ้ง ก็เลยเปิดอ่าน
 
 
“ขอโทษ… ให้กูทำกระเพาเนื้อของโปรดมึงไถ่โทษนะ ….จิม”
 
 
เตี้ย… มันรู้เรื่องเมื่อคืนรึเปล่า… ถามเลยดีกว่าไหม หรือว่าควรเก็บเงียบไว้ ผมหันไปดูเตี้ยท่าทางจะล้มหลับเอาอีกรอบ
 
 
“เมื่อคืนจมน้ำแล้วยังจะกินเบียร์หนักอีกนะ”
 
ผมทำทีเป็นบ่น
 
 
“เป็นไงล่ะ วันนี้ป่วยเลยเห็นไหม”
 
 
“บ่นทำไม กูเป็นไปแล้วให้ทำไงอะ”
 
 
“กินเบียร์ไม่เป็นยังจะอวดเก่ง”
 
ผมยิ้มๆให้สภาพไอ้เตี้ยที่เงยคอเกยเบาะโซฟาและหลับตาด้วยความเพลีย
 
 
“เลิกบ่นเถอะคราวหน้าจะไม่มีอีกแล้ว พอใจไหม”
 
 
“เออพอใจ แล้วเมื่อคืนหลับสบายไหม”
 
ผมพยายามถามอ้อมๆว่าจิมจำเรื่องเมื่อคืนได้รึเปล่า
 
 
“อืมม หลับไม่รู้เรื่องเลย ตื่นมาก็โคตรจะมึนหัว จำห่าไรไม่ได้เลย”
 
… ผมก็คิดไว้บ้างแหละ ว่าจิมต้องพูดอะไรแนวนี้ คนเมาจะไปจำรายละเอียดทุกอย่างได้ไงล่ะ ผมก็พอจะเริ่มมั่นใจว่า บางทีจิมอาจจะพูดไปเพราะพิษของแอลกอฮอล
 
 
“อะ รีบกินนะ จะได้กินยา อาร์มแกะเอายาออกมาให้แล้วนะ นี้”
 
แล้วผมก็วางยาใส่แก้วคู่กับแก้วน้ำอุ่นๆให้ข้างๆชาม
 
 
“จะกลับแล้วหรอ”
 
 
“อื้ม จิมจะได้นอนพักไง ทำไม ไม่อยากให้กลับหรอครับ”
 
ขอฟังหน่อยเหอะ
 
 
“ถ้าไม่ลำบากใจก็อยู่พักที่นี้ก่อนดิ เอายามาให้ เอาข้าวมาให้ จะให้กูปล่อยแขกไปทั้งๆที่ไม่ได้เทคได้ไง ยังไงก็นั่งพักกินน้ำก่อน”
 
โห โคตรเลย โคตรเป็นคำที่อยากได้ยินเลย ถึงจะดูเป็นแค่การรักษามารยาทก็เหอะ อย่างน้อยๆเขาก็เอ่ยปากให้ผมอยู่ก่อน เรื่องอะไรจะปฏิเสธ
 
 
“เรียนเป็นไง”
 
จิมถามผมที่ตอนนี้ผมนั่งข้างๆจิมที่โซฟา มองดูจิมตักโจ๊กกินก็ชักจะหิวละ ตอนออกมาจากร้านก็ยังไม่ได้กินข้าวเลย
 
 
“ก็ดีครับ วุ่นๆอยู่กับตัวเลข”
 
 
“กูโคตรเกียดคณิตศาสตร์”
 
อยู่ๆ จิมก็พูดจาอะไรตลกๆ มันจะไม่ตลกได้ไงล่ะ หน้าอย่างจิม ก็ไม่ได้เหมาะกับตัวเลขอยู่แล้ว (ผมไม่ได้ว่าจิมไม่ฉลาดนะครับ) เพียงแต่สไตล์จิมมันไปทางเด็กศิลป์ นักออกแบบอย่างที่เขาถนัดอยู่แล้ว ห้องคอนโดก็สไตล์นั้น
 
 
“ก็ดูออกอยู่นะ”
 
 
“คร๊อกกกก”
 
เสียงท้องร้องผมนี้ช่างถูกเวลาจริงๆ
 
 
“โห ท้องร้องดังไปเปล่า”
 
 
“ก็ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยงนะ”
 
ผมบอกเหตุผลที่ฟังดูเหมือนจะเป็นข้ออ้างสำหรับจิมเพราะมันมองผมแล้วยิ้มหน่อยๆในแบบคนที่อยากจะขำแต่ไม่มีแรงขำ
 
 
“อะ กินด้วยกันดิ”
 
จิมเลื่อนชามโจ๊กมาทางหน้าผม…
 
 
“บ้า ไม่เอาไม่แย่งคนป่วยกินหรอก”
 
 
“อะไรนักนา เอาๆ”
 
แล้วจิมก็ตักโจ๊กมาจะยื่นเข้าปากผมอยู่แล้ว เชี้ยเตี้ยในโหมดบังคับนี้ก็ยอมเลยแหะ ไม่อยากเถียงให้หมดแรง
 
 
แล้วผมก็อ้าปากรับโจ๊กที่โคตรจะอร่อยที่สุดของโลกเลย (เว่อมาก ถ้าจิมไม่ป้อนคงไม่อร่อยแบบนี้ใช่ไหม)
 
 
“กินเข้าไปเยอะๆ กูป่วยกูกินไม่ได้เยอะหรอก”
 
มาแปลกแหะ ป้อนเอาๆ
 
 
“พอแล้วๆ จิมกินบ้างก็ได้ เดี๋ยวอาร์มกลับไปกินบ้านก็ได้”
 
 
“ไม่เป็นไร กินกับกูเนี่ยล่ะ มันเยอะไปกูกินไม่หมดหรอก”
 
 
จากนั้นผมกับจิมก็กินหมด เป็นอาหารมื้อแรกที่ผมได้กินชามเดียวกัน ช้อนเดียวกัน เอาสิวะ ถึงจะติดไข้ก็คุม
 
 
“นี่…”
 
จิมเอ่ยปากหลังดื่มน้ำกินยาไปเรียบร้อย
 
“ขอบใจนะ”
 
อยู่ๆก็มาขอบใจผมผมก็สงสัยสิ
 
 
“หื้ม?”
 
 
“แค่อยากขอบใจที่คอยดูแล คอยห่วง ไม่มีไรหรอก”
 
…. คนมันรู้สึกพิเศษก็ต้องทำให้เป็นพิเศษอยู่แล้วนี้
 
 
“ไว้มีโอกาสจะตอบแทนนะ”
 
 
“ตอบแทน? ทำไมต้องคิดว่าเป็นบุญคุณ ทำไมจิมไม่คิดว่าผมทำให้เพราะอยากทำ ทำให้เพราะเต็มใจ”
 
 
“...”
 
 
“อยู่ๆมาพูดว่าตอบแทน ฟังแล้วโคตรห่างเหิน”
 
 
“น้อยใจว่ะ อุตส่าคิดว่าจะพอทำอะไรดีๆให้ได้มั้ง…”
 
ยังไม่ทันพูดจบเลยจิมก็พิงไหล่ผมเป็นที่เรียบร้อย… ผมหันไปถึงได้รู้ว่าจิมหลับไปแล้ว
 
 
“เอ้า หลับง่ายจริง”
 
ผมพรึมพรำอยู่คนเดียว คงเป็นเพราะไอ้เตี้ยมันเพลียมาก ตอนเปิดประตูให้ผมก็เพิ่งจะนอนไป แล้วไหนจะยาคงทำให้มีอาการง่วง แม่งอยู่ท่านี้ผมโคตรหวั่นไหวเลย
 
 
ผมอยู่ในท่านี้สักพักจนผมพอใจพอสมควรแล้ว ไม่รู้จะน่าเกียดไหม แต่ผมก็แอบถ่ายรูปนี้ไว้แล้ว ช่วยไม่ได้นี่ครับ ผมอยากเก็บความทรงจำนี้ไว้ดูของผมคนเดียว ไม่รู้จะมีโอกาสได้เกิดขึ้นอีกไหม ที่จิมจะมาพิงไหล่กว้างๆของผม…
 
 
แล้วผมก็อุ้มจิมไปนอนในห้องจัดท่าห่มผ้าให้เรียบร้อย
 
 
 
“จิมรู้ไหม ที่อาร์มทำแบบนี้เพราะอาร์มชอบจิม”
 
 
 
 
โคตรอยากจะพูดแบบนี้เลย ถ้าไม่ติดว่ากลัวเขาจะได้ยินผมพูด...เลยทำได้แค่
 
 
 
 
พูดในใจ….
 
 
 
 
………………………………
 
 
 
“ความในใจไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา เมื่อความรู้สึกมากเกินกว่าจะเก็บไว้ในใจ”
 
 
 
 
 
 
 
Talk : อัพช้าไปหน่อยยยยยยย คนเขียนพิมพ์ในมือถือ โคตรจะไม่ถนัด ขออภัยครับ ///กราบ
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 11 : พูดในใจ : หน้า 2 (06/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-06-2017 22:50:54
อาร์ม/เติ้ล ปากบอกปอยว่าคุยแบบเพื่อน
แต่ดูเหมือน เวลาคุยกับปอย เป็นแบบยอมๆปอย
มันเหมือนให้ความหวังปอยนะ
จริงๆ เติ้ล ต้องห่างๆปอย นะ

แล้วงานวันเกิดรุ่นพี่เติ้ล ทำไมปอยต้องพูดว่าไม่ชวนปอยไปด้วย
เติ้ล ก็มีเพื่อนของเติ้ลปะ เหมือนปอยยังทำตัวแบบเป็นแฟนเติ้ล ตัวติดกัน
แล้วเพื่อนปอยไม่มีหรือ เห็นดิ่งมาคุยแต่กับเติ้ล

ดูๆทั้งคู่ จิม อาร์ม อึดอัดกันลึกๆ
รอให้ทั้งคู่ หายสับสน
แต่จิม คงต้องเห็นปอยมีคนคุยใหม่จริง ใจจึงจะเปิดรับอาร์มได้จริงๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 11 : พูดในใจ : หน้า 2 (06/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 06-06-2017 23:00:05
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 11 : พูดในใจ : หน้า 2 (06/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-06-2017 23:39:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 11 : พูดในใจ : หน้า 2 (06/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฟ้าใส ที่ 07-06-2017 12:25:24
สะดุดชื่อเรื่องมาก แฟนเราก็เตี้ยประมาณนี้เลย เดี๋ยวจะตามอ่านรวดเดียวเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 11 : พูดในใจ : หน้า 2 (06/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-06-2017 14:17:53
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รัก 158 ซม. l Chapter 11 : พูดในใจ : หน้า 2 (06/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 08-06-2017 01:12:12
Chapter 12 : แน่ใจ
 

 
 
 
“ตึ๊ด… ตึ๊ด...”
 
….เห้อ เสียงโทรศัพท์ดังเตือนต้อนรับวันใหม่อีกแล้ว โคตรไม่อยากตื่นเลย ผมปิดเสียงโทรศัพท์ทั้งๆที่หลับตาอยู่ เป็นวันที่โคตรขี้เกียดไปเรียนที่สุดของเทอมเลย
 
 
“ตื่นได้แล้วครับ… จิม”
 
เชี้ยยยยย นี่มันอยู่ในหัวผมอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย ตั้งแต่รู้จักมันมามีวันไหนไหมนะ ที่ไม่มีมันอยู่ในหัว
 
 
“ตื่นนะครับจิม…”
 
นี่เสียงในฝันจะอ่อนนุ่มไปแล้ว (รู้สึกดีที่ได้ยินเฉยเลย รู้สึกเหมือนตัวเองแอบยิ้มในใจ)
 
 
“ยิ้มอะไรเตี้ย ตื่นได้แล้ว”
 
เสียงมันชัดไปไหมวะ? ผมเริ่มปลุกตัวเองให้ตื่นจากภวัง…
 
 
“เห้ย!!”
 
สะดุ้งตกเตียงดิครับจะทำไมซะอีก ก็เล่นตื่นมามีหน้าไอ้อาร์มเต็มหน้าขนาดนั้น
 
 
“เอ้าๆ เป็นไรเปล่า”
 
อยู่ๆโผล่มาให้เห็นแต่เช้า ก็ตกใจดิ ก็นี้มันห้องนอนผม
 
 
“มึง มาได้ไง… อย่าบอกนะกูไม่ได้ล็อกห้อง”
 
ผมเริ่มลุกขึ้นจากสภาพล้มลงข้างเตียง
 
 
“เออดิ ของหายหมดแล้ว ทำไมไม่ยอมล็อกประตูดีๆ เป็นไรเปล่าเนี่ย โจรมันทำไรไหม”
 
 
“ห่ะ!”
 
ผมเริ่มสำรวจตัวเอง เอาจริงหรอวะเนี่ย คอนโดมีขโมยมาเปิดห้องคนในตึกด้วย!
 
 
“จะห่ะอะไรถามว่าเป็นไรรึเปล่า”
 
ผมไม่ได้ฟังมันเท่าไหร่มองไปรอบห้อง (โอเค ทุกอย่างดูไม่หาย แสดงว่าโจรขโมยแต่ของนอกห้อง) คิดได้งั้นก็รีบออกไปสำรวจ
 
 
“กูโอเค เชี้ยเอ๊ย”
 
ผมรนรานตอบมันพร้อมออกมากวาดสายตาไปรอบห้อง
 
 
...ทุกอย่างเหมือนเดิม
 
 
ไอ้อาร์มเล่นผมแล้ว…
 
 
“สัด!”
 
“ฮ่าๆ ล้อเล่นนะครับเตี้ย”
 
 
“เตี้ยเชี้ยไร ห่า กูตกใจหมด”
 
 
“ไม่มีไรหรอก เมื่อคืนอาร์มอยู่นอนห้องจิม โทษทีๆ รบกวนเลย”
 
อ้าวหรอ ก็ยังดีกว่ามีโจรเข้าห้องแหละนะ แต่ก่อนเลยนะ แม่ง แกล้งผมแต่เช้า คิดหรอว่าคนปากหมาอย่างผมจะเงียบ
 
 
“สาดดดด ไอ้อาร์มมมม”
 
ผมกระโดดจะล็อกคอมันให้ลงมาในระดับที่ผมจะรังแกได้...แต่ผลคือ
 
 
แม่งเปลี่ยนท่ามาเป็นอุ้มผมในสภาพที่...โคตรอายความพ่ายแพ้ตัวเอง อารมณ์เหมือนผัวอุ้มเมียอย่างนั้นล่ะ
 
 
“เห้ยยยยยย ปล่อยกู ปล่อยยยย”
 
ผมดิ้นสุดแรงเท่าที่ลูกผู้ชายคนนึงจะมีได้ แต่อะไรมันจะเป็นใจให้ไอ้อาร์มเสียหลักล้มได้พอดิบพอดีกับเบาะโซฟา แถมประคองผมไว้ในอ้อมแขนมันอย่างดี กลัวว่าผมจะตกเบาะชนกับขอบโต๊ะ
 
 
สายตาสองคู่ประชิดกันเกือบจะประจบอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าผมรู้สึกถึงปลายจมูกผมที่โดนริมฝีปากผมคงไม่ตัวแข็งทื่อนิ่งให้มันคร่อมอยู่อย่างนี้นานจน ผมรู้สึกถึงเสียงของหัวใจตัวเองที่เต้นดังมาก
 
 
“เป็นไรมากไหมครับจิม”
 
“...ออกไป เชี้ยกูเหม็น ยังไม่ได้อาบน้ำ”
 
แล้วมันใช่เรื่องจะมาพูดไหมมมม (ทำไมมึงไม่โวยวายวะไอ้สาดจิม) อาร์มเริ่มถอยลุกออกมาจากตัวผมด้วยสีหน้าที่โคตรจะแดง ถ้าผมไม่ได้รู้สึกและคิดไปเอง ผมว่ามันก็คงใจเต้นแรงเหมือนกันกับผม
 
 
“แล้วทำไมมึงไม่กลับบ้าน”
 
(เปลี่ยนเรื่องได้ควายมาก) หวังเพียงจะลบภาพเมื่อกี้ออกจากหัว ไม่รู้จะได้ผลไหม
 
 
“อะ..อ้ออ พอดีเมื่อคืนเตี้ยเปิดหนังทิ้งไว้ตอนกินโจ๊ก อาร์มเลยนั่งดูต่อให้จบ เห็นว่าดึกแล้วเลยนอนที่นี้เลย ขอโทษทีนะที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า จิมหลับไปก่อนแล้วอะครับ”
 
เหรออออออออออออออออออออออออออออ ไม่ใช่เพราะอยากจะมีอะไรดีๆแบบเมื่อกี้หรอกรึ
 
 
“อืม.. โทษทีแล้วนี้นอนไหน อย่าบอกนะว่านอนโซฟา คราวหลังไปนอนในห้องกับกูก็ได้”
 
ผมแค่อยากให้มันนอนสบายๆจริงๆนะครับ ไม่ได้คิดอะไร ตัวยาวๆของมันจะมานอนโซฟาแคบๆ มันออกจะดูนอนลำบากไปหน่อย
 
 
“เห้ย ไม่เป็นไร อาร์มไม่อยากรบกวน”
 
 
“คร๊อกกกก”
 
เสียงท้องผมร้องแต่เช้า แต่เบาขนาดนี้อาร์มมันไม่ได้ยินเท่าไหร่ ดีแล้วครับมันจะได้ไม่ต้องมาล้อผม
 
 
“ชิบหาย 8โมง43”
 
ด้วยที่เสียงท้องร้องเตือนสติให้ผมดูนาฬิกาว่าพอจะมีเวลาเหลือให้กินข้าวไหม คำตอบคือ เหลืออีกแค่ 47 นาที ผมจะเข้าเรียนทันไหมเนี่ย
 
 
“เชี้ยอาร์ม ไม่ปลุกกูให้เร็วกว่านี้ๆๆๆๆๆ”
 
ผมรีบโดดไปห้องนอนไปเตรียมชุดกับของที่ต้องเอาไปเรียน โดยไม่สนว่าอาร์มมันจะว่าไง
 
 
“แล้ว... มึงไม่มีเรียนไงวะ”
 
ผมตะโกนออกจากห้องด้วยความที่ชะงักคิดได้ว่ามันไม่เรียนรึไงมาขลุกอยู่กับผมแต่เช้า
 
 
“เรียนบ่ายครับ แล้วอาการป่วยเป็นไงบ้างดีขึ้นไหมครับ”
 
 
“อ้อ ดีขึ้นละ กูแข็งแรงดี ไม่ต้องห่วง”
 
ผมตอบมันระหว่างวิ่งเข้าห้องน้ำ ระหว่างอาบผมแทบจะไม่ลีลาทำความสะอาดร่างกายเท่าไหร่เลยกะว่าเรียนเสร็จค่อยมาอาบต่อ ก็คนมารีบนี่ครับ
 
 
ช่วงเวลานึงที่อาบน้ำแล้วจะมาแปลงฟันหน้ากระจก ผมมองดูตัวเองใกล้ๆ…
 
“เชี้ย...อาร์มมันเห็นกูใกล้ขนาดนี้เลยหรอวะ”
 
ผมพูดกับตัวเองอีกแล้ว โชคดีที่เปิดเพลงในห้องน้ำไว้ (ทำไงได้เป็นคนติดเพลงติดหนังมาก)
 
 
ไอ้อาร์ม… มันใกล้ผมขนาดนั้น มันจะรู้สึกถึงเสียงเต้นของหัวใจผมไหมนะ ผมโคตรจะหักห้ามความรู้สึกตัวเองที่มีต่อมันมากเลยนะ ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็พยายามเลี่ยงที่จะไม่ให้อะไรๆมันเลยเถิดไปไกล
 
แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่
 
 
แม่งก็ไม่หลุดไปจากหัวผมเลย…
 
 
 
นี่ถ้าไม่ติดว่ามันมีปอย ผมไม่อยากนึกสภาพตัวเองเลยด้วยซ้ำ
 
 
“นี้...กูรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายหรอวะ”
 
ผมมองตัวเองหน้ากระจกก่อนจะแปลงฟันขึ้นมา…
 
 
ขม! ชิบ ดันบีบโฟมล้างหน้ามาแปลง ผมนี่บ้วนปากแถมไม่ทัน
 
 
 
 
พอผมออกมาจากห้องน้ำ…
 
 
ไอ้อาร์มไม่อยู่แล้ว ทิ้งไว้แต่โน๊ตกับถ้วยมาม่าและเม็ดยาที่แกะแล้วอยู่ในแก้ว
 
 
“โทษทีนะครับจิม ใจจริงอาร์มอยากไปส่งจิมนะ แต่ผมต้องไปทำธุระให้พ่อหน่อย อาบน้ำเสร็จ รีบกินมาม่ากินยาแล้วไปเรียนนะครับ เตี้ย”
 
 
...ไอ้ห่าผมยิ้มออกมาไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย…
 
 
แม่งจะเทคแคร์ดีไปไหน ยิ่งกว่าเพื่อนอีกมั้ง (ผมเริ่มมั่นใจว่ามันคงไม่ได้เข้าหาผมแค่เพราะอยากเป็นเพื่อนแล้วแหละ) แต่แปลกตรงที่ผมไม่ต่อต้านมันนี้ดิ
 
ปกติแค่ไอ้กี้แกล้งเล่นผัวๆ ผมก็ขนลุกขยะแขยงมันชิบหายจะตายอยู่ละ แต่กับอาร์ม ผมกลับรู้สึกตรงกันข้ามเลย ยิ่งผมต่อต้านความรู้สึกตัวเองเท่าไหร่ เหตุการณ์ต่างๆยิ่งตอกย้ำผมว่า…
 
 
….ผมก็รู้สึกไม่เหมือนว่ามันเป็นแค่เพื่อน
 
 
 
 
 
 
 
“และนี้ ก็เป็นตัวอย่างของเพื่อนที่มาสายแล้วไม่ได้ฟังเล็คเชอร์ของผมนะครับ”
 
อาจารย์เล่นผมแต่เช้า ช่วยไม่ได้ผมคงต้องยอมอาจารย์วันนึงเพราะผมดันสายเพราะมัวแต่กินมาม่ากินยา กว่าจะแต่งตัวจัดของมาห้องเรียนก็ปาไป 9 โมง 45 แล้ว สายแค่ 15 นาทีเอง ทำไมเล็คเชอร์กันไวจัง
 
 
“ขอโทษครับอาจารย์ ผมจะไม่สายอีกแล้วครับ นะครับนะอาจารย์”
 
ผมพยายามอ้อนอาจารย์ไม่ให้เช็คผมมาสาย นี้ต้องใช้ความเตี้ยให้เป็นประโยชน์
 
 
“อย่าคิดว่า จะใช้ความอ้อนจะทำให้ผมเช็คคุณมาตรงเวลาได้นะ ต้องรับผิดชอบมากกว่านี้เข้าใจไหมรชานนท์”
 
อาจารย์ ผมขอโทษจริงๆน้า ผมจะเป็นเด็กดี
 
 
“โหยอาจารย์ ผมไม่สบายนะครับเนี่ยยย อาจารย์ดูยาผมสิ ผมตื่นมาก็รีบมาเรียนเลยนะครับ”
 
 
“เอาๆ ครั้งนี้ถือว่าตักเตือนแล้วกัน แต่ครั้งหน้าผมไม่ให้แล้วนะ แล้วกินข้าวกินยายัง ถ้าไม่ไหวไปพักห้องพยาบาลก่อน ค่อยมาทำงาน”
 
 
“ไหวสิครับจารย์ ผมอยากเรียนกับอาจารย์จะตายยังไงผมก็ไม่มีทางขาดวิชาอาจารย์อยู่แล้ว”
 
นี่ผมอ้อนได้ผลใช่ไหมเนี่ย นอกจากอาจารย์จะส่ายหน้าเอ็นดูผมแล้วยังเปลี่ยนเช็คชื่อให้ผมมาตรงเวลาได้ด้วย (นี่ผมโกงเพื่อนๆไหมนะ)
 
 
“โตได้แล้วเรา ไปๆ ไปถามเพื่อนว่าเล็คเชอร์อะไรบ้าง แล้ววันนี้วาดรูปขึ้นโครงกับลงแสงเงาด้วยนะ ส่งท้ายคาบ”
 
 
“รับทราบครับผม! ขอบคุณครับอาจารย์”
 
แล้วผมก็ไปนั่งเก้าอี้ข้างๆกี้ คลาสวันนี้เป็นวิชาดรออิ่ง ที่เล็คเชอร์ไปก็คงเป็นวิธีการขึ้นโครงกับลายเส้นการลงแสงเงา ผมเลยไม่อยากเสียเวลาเท่าไหร่เดี๋ยวจะวาดรูปส่งท้ายคลาสเรียนไม่ทัน (แต่ทันอยู่แล้วเรื่องวาดรูปผมโคตรชอบและถนัด)
 
 
 
“ไง มึง หายป่วยแล้วหรอ กูนึกว่ามึงจะหยุดแล้ว”
 
 
“เออ ไอ้กี้บอกว่ามึงป่วย พวกกูก็กะจะไปเยี่ยมที่ห้องละ”
 
 
“ดีขึ้นแล้ว แต๊งกิ้วมึง วันนี้ขึ้นรูปกี่วัตถุวะ”
 
ผมถามโจทย์จากไอ้ดิวไอ้กี้ที่นั่งใกล้ๆกัน
 
 
“ก็ 3 นะ รีบทำเข้า เดี๋ยวไม่ทัน”
 
ดิวตอบผม
 
 
“เออกี้ แล้วประกวดดาวเดือนมึงอะไปถึงไหนแล้ว”
 
ผมหาเรื่องคุยกับกี้ เพราะนึกขึ้นได้ว่ามันก็ได้รับเลือกในการประกวดดาวเดือนคณะ แหม หน้าตาและหุ่นอย่างมันไม่ได้ก็แปลก
 
 
“ห่า เซ็งชิบหายเข้ารอบ 10 คน ต้องแสดงความสามารถห่าเหวอะไรด้วย จัดอย่างกับประกวดดาวเดือนมหาลัย”
 
 
“ดีแล้วไม่ใช่หรอมึง ได้เข้ารอบ 10 คน”
 
ผมงงกับการที่มันมานั่งเซ็งได้อยู่ในท็อปเท็นแห่งความหล่อของคณะ
 
 
“ดีเชี้ยไร เพื่อนมึงไหนจะซ้อมบอล ไหนจะเรียนยังต้องมาซ้อมแสดงความสามารถพิเศษอีก แม่งบ่นให้กูฟังแต่เช้า”
 
ไอ้ดิวโวยแทนเพื่อน
 
 
“เออ ปัญญาเรียนกับซ้อมบอลกูก็จะเรียนแย่อยู่ละ นี่มีดาวเดือนอีก”
 
 
“เอานา มองโลกในแง่ดี มึงได้หญิงเพียบ! ชี้ได้อยากได้คนไหนเต็มเลยนะเว้ย”
 
ผมพยายามหาข้อดีมาปลอบใจมัน ซึ่งดูจะได้ผล
 
 
“เออว่ะ ถ้ากูได้เดือนคณะนะ ไม่ดิ กูจะเอาเดือนมหาลัย เดี๋ยวกูจะสอยดาวให้ผมทั้งมหาลัยเลยคอยดู”
 
เชี้ย… ความคิดมันนี้ ไม่ไหวจะคุยด้วยได้
 
 
“เออ แล้วแต่มึง กูอวยพรให้มึงโชคดีนะ ถุ้ย!”
 
ผมอวยพรให้มันอย่างเต็มใจ (ประชด)
 
 
“ว่าแต่… เป็นไงบ้างเรื่องผัวมึง มันเลิกรู้สึกผิดยัง”
 
 
“กูจะไปรู้รึ”
 
 
“เอ้า กูก็นึกว่ามึงคุยกันตลอดเวลา เห็นช่วงนี้สนิทกัน”
 
 
“ใครวะ”
 
ดิวมึงงงง อย่าไปถามมัน แม่งต้องตอบเกินจริงแน่
 
 
“ก็เชี้ยจิมแม่งโดนข่มขืนในห้องสมุด ไอ้เชี้ยเติ้ลอะ น้องรหัสพี่แตมอะ ที่ไปงานวันเกิดพี่บาสไงมึง”
 
 
“อ้อ เชี้ยที่หล่อๆอะนะ แม่งเล่นจิมแล้วหรอวะ”
 
ไอ้ดิว มันเชื่อกี้จริงๆใช่ไหม ผมไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะโง่
 
 
“สัดดดดดดดด! พวกมึงหุบปาก วาดรูปไป ข่มขืนพ่อง บังเอิญเจอเว้ย บังเอิญเจอ”
 
 
“เออกูก็ว่าอยู่ ห้าวเป้งอย่างแม่งใครจะเอา แต่จะว่าไปถ้ามึงมาสายแบ๋วนี้ก็ไม่แน่นะ ไอ้สัดปากหมานี้หมดเลยห่างไกลจากบุคลิกและใบหน้ามึงมาก”
 
ไอ้ดิวมันก็ชงเข้าไป เออออ ผมชักจะหงุดหงิดละ
 
 
“แบ๋วพ่อง ปากหมาแล้วไง เรื่องของกู ถ้าพวกมึงไม่หุบปากนะ กูจะฉีกงานพวกมึง”
 
 
“เห็นไหม ยังไม่ทันขาดคำดุเป็นหมาเลย ห่า”
 
 
“ไม่หยุดใช่ไหม...ได้”
 
ผมทำท่าจะเดินไปฉีกกระดาษที่มันวาดเสร็จไป 1 ชิ้น (นักเลงชิบเลยผมเนี่ย)
 
 
“เห้ยๆๆ กูล้อเล่น อย่าๆ”
 
 
“เออแค่นั้นแหละ อย่าหาว่าเตี้ยโหดไม่เตือนไอ้น้อง”
 
 
“จ้าาา พ่อคนเก่ง”
 
เยาะเย้ยเข้าไป ไอ้พวกเวร อย่าให้สูงมั้งนะ จะใช้อำนาจความสูงของตัวเองถล่มไอ้สองตัวนี้ให้ราบเลย
 
 
วันไหนที่มีเรียนดรออิ่ง ผมจะโคตรชิวเพราะทำงานเสร็จก่อนเวลาก็สามารถกลับได้เลย แถมผมก็ทำงานไวซะด้วย แต่อย่าคิดว่าผมจะได้กลับไวเลยครับ พอผมทำเสร็จสักพักก็ต้องช่วยดูงานไอ้กี้กับปรับแสงเงาให้มันหน่อย (จริงๆ ไอ้จุดนี้ผมอยากจะช่วยเพื่อนนะครับ แค่ฟังมันบ่นเรื่องดาวเดือนก็สงสารละ เด็กทุนกีฬา แค่คิดก็เหนื่อยกระดูกแตกแล้ว)
 
 
 
“ไอ้กี้ ไอ้ดิว กูกลับก่อนนะ ว่าจะนอนกลับไปนอนพักหน่อยยาแม่งทำให้ง่วงสัด”
 
 
“เห้ย เดี๋ยวดิกูไปด้วยอยากไปซื้อชาเย็นหน้าซอยคอนโดมึง”
 
ไอ้กี้ มันชอบมากร้านหน้าซอย อร่อยดีจริงๆผมก็ชอบ แต่วันนี้ผมกินไม่ได้ อยากให้อาการป่วยหายสนิทก่อนค่อยกินของเย็นๆ
 
 
“เค”
 
 
ผมกับกี้ก็เริ่มเดินออกจากห้องเรียน ส่วนไอ้ดิวไม่ต้องสงสัยหรอกครับ มันรอพี่ตั้วเรียนเสร็จถึงจะกลับ
 
 
“มึง ดาวเดือนงานมีวันไหน”
 
 
“เสาร์นี้ ทำไมมึงจะมาหรอ”
 
“ไม่อะ กูจะได้ไม่ไป”
 
 
“สัด มาเชียร์กูด้วยกูไม่ค่อยสนิทกับใคร”
 
 
“งานมันใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอวะ”
 
ผมสงสัยมากกับแค่ดาวเดือนคณะทำไมต้องทำยิ่งใหญ่
 
 
“ใหญ่อะไรแค่จัดตรงใต้ตึกคณะเราเนี่ยเอง”
 
 
“อ่อหรอ เออๆ ดีเหมือนกันกูไม่ชอบคนเยอะแยะวุ่นวาย”
 
 
“แต่ก็คนเยอะอยู่นะ มีป็อปปูล่าโหวตด้วย อย่าลืมซื้อดอกไม้มาโหวตกู”
 
แม่งมีความหาเสียง
 
 
“สัด เอาตังมากูไม่มีตัง”
 
เอาดิ เงินมาคะแนนไป ฮ่าๆ
 
 
“เพื่อนอะเพื่อน มันดูกันตรงนี้แหละ”
 
เอาซะ ผมเถียงสู้ไม่ได้เลย
 
 
“เออ กูซื้ออยู่และ จะไม่ซื้อก็ตรงมึงบังคับเนี่ยล่ะ”
 
 
“ดีมาก ไอ้แคระ”
 
 
“แคระ...พ่อง…”
 
ผมพยายามโฟกัส..ไปยังที่จอดรถที่ผมต้องเดินผ่านทุกวันก่อนออกจากมหาลัย
 
 
“เป็นไรมึง…”
 
 
“กี้… นั้นอะ”
 
ผมชี้ไปทางลานจอดรถของมหาลัย ให้มันช่วยสังเกตร่างสูงๆร่างนึงกำลังเดินหัวเราะกับผู้หญิงคนนึงเข้าไปที่จอดรถ
 
 
“ไหน… อะ นั้นไอ้เติ้ลนี่ เดินกับใครวะ”
 
ปอย… ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มันยิ่งชัดมากขึ้น
 
 
“ปอย…”
 
 
“ใครวะปอย”
 
 
“แฟนมัน”
 
 
“!!”
 
หน้าตกใจของกี้มันชัดเกินจนผมเห็นได้ชัด หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าเปลี่ยนเป็นโทนตรึงๆ เหมือนจะโมโห… คงไม่อะ มันจะโมโหเรื่องอะไร ไม่มีเหตุผล ไม่ใช่แค่มัน ผมเองยังหงุดหงิดเลย ไม่รู้ทำไม ผมหงุดหงิดมากกับภาพที่เห็น ทั้งขุ่นเคืองใจ ทั้งไม่เข้าใจ
 
“อ่าวเห้ย มึงจะไปไหน ไอ้กี้”
 
แค่เสี้ยววิที่ผมอยู่กับความคิดตัวเอง ไอ้กี้ก็กำลังเดินเข้าไปหาสองคนนั้นแล้ว
 
แต่ก่อนที่กี้มันเดินจะไปถึงระยะสายตาของทั้งสองคน
 
กอดกัน…
 
(นี่กลับไปคบกันแล้วรึ?)
 
 
(นี่ผมไม่ต้องเหนื่อยออกแรงพูดช่วยปอย มันก็กลับไปคบกันแล้วรึ?)
 
 
 
 
แล้วเสียงหัวใจที่ผมได้ยินเมื่อเช้า…
 
กับข้อความบนโน๊ตที่ดูห่วงใย
 
 
 
มันคืออะไรวะ!!
 
 
 
 
 
 
………………………………………
 
 
 
“อย่าเพิ่งแน่ใจกับสิ่งที่ไม่ชัดเจน มันจะเป็นหนามทิ่มแทงความรู้สึกที่วาดขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ”
 
 
 
 
 
Talk : เดี๋ยวดีเดี๋ยวหน่วง อาร์มนี้ยังไง จิมเริ่มอ่อนใจแล้วนะ แย่ๆ /// ตอนหน้าต้องมีเตะต่อยกันบ้างล่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 12 : แน่ใจ : หน้า 3 (08/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-06-2017 02:43:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 12 : แน่ใจ : หน้า 3 (08/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-06-2017 05:45:31
ปอย วางแผนไรเปล่า  o18
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 12 : แน่ใจ : หน้า 3 (08/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-06-2017 10:01:43
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 12 : แน่ใจ : หน้า 3 (08/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-06-2017 13:48:03
อาร์มเอาไงแน่ หรือนั้นกอดแบบเพื่อนจริงๆ ที่ปอยบอกว่ามีคนมาสนนี่กำลังคบกันแล้วใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 12 : แน่ใจ : หน้า 3 (08/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-06-2017 17:28:32
กี้กับปอย?
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 12 : แน่ใจ : หน้า 3 (08/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 08-06-2017 20:20:25
Chapter 13 : สับสน
 

 
 
 
 
 
“กี้! ทำไรของมึงวะ”
 
ผมห้ามไอ้กี้ที่ผลักร่างของอาร์มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
 
“สัด เติ้ล… มึงยังไงแน่”
 
ตอนนี้ในหัวผมโคตรหลายอารมณ์ ทั้งงง ทั้งสับสน ทำไมจู่ๆไอ้กี้มันปี๊ดจัด แล้วยังหงุดหงิดใจไม่หายที่เพิ่งเห็นภาพอาร์มกับปอยกอดกัน มันทำให้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า จริงๆแล้วอาร์มมันจะเอายังไงกับผมกันแน่ พอมองไปที่ปอยก็รู้สึกผิดที่ลึกๆแล้วตัวผมก็คิดไม่ซื่อกับอาร์มมันทั้งๆที่ปอยเป็นคนขอให้ช่วยให้ปอยกับอาร์มคืนดีกัน
 
 
“เดี๋ยวดิวะ กี้ นี้มันอะไรกัน”
 
 
“นี้พวกนายจะทำอะไรเติ้ล...อย่านะ”
 
ปอย..เธอเองก็งงไม่ต่างจากผมเลย (ผมไม่เกี่ยวนะปอย ผมเองก็ไม่รู้เรื่อง)
 
 
“จิม มึงกลับไปก่อนเดี๋ยวกูขอเคลียร์กับไอ้เหี้ยนี้ก่อน”
 
 
“มันเรื่องอะไรวะมึง”
 
 
“เออ กูบอกให้กลับไป สัดเติ้ล มึงมานี้”
 
 
“เห้ย เดี๋ยวดิกี้ ฟังกูก่อน จิมครับ รอก่อนนะ…”
 
รอ?
 
 
(รออะไรวะ กูไม่เข้าใจมึงสองคน)
 
 
ตอนนี้มีแต่ผมกับปอยที่ยืนงงอยู่กับที่ ไม่ไปไหน มองภาพไอ้ห่ากี้ลากคออาร์มไปมุมของตึกคณะ business
 
 
“ฮัลโหล พี่บาสคะ พี่บาสอยู่ไหน”
 
ปอยหยิบโทรศัพท์มาพูดกับคนชื่อบาส แล้วเดินออกจากจุดที่ผมยืนอย่างเร่งรีบ
 
 
“ปอยมีเรื่องให้ช่วยหน่อย”
 
แค่นั้นที่ผมได้ยิน (นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย)
 
 
ที่ผ่านมามีแต่เรื่องที่ผมไม่เข้าใจเกิดขึ้นทั้งนั้น วุ่นวายใจชิบ
 
 
สิ่งเดียวที่คิดได้ตอนนี้คือ โคตรอยากจะกลับบ้าน(หมายถึงบ้านต่างจังหวัดนะครับ ผมอยู่สระบุรี) การมาเรียนที่นี้ทำให้ผมเจอสิ่งใหม่ มันใหม่มากจนบางทีผมไม่รู้ว่าตัวเองจะรับมือกับมันยังไงดี อยากกลับไปอยู่บ้านพักสมอง กอดพ่อกอดแม่ เล่นกับหมาที่บ้าน แล้วนอนพักให้เต็มอิ่ม
 
แต่สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่เดินไปขึ้นรถกลับคอนโดตัวเอง ท้ายที่สุดแล้วผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องของกี้กับอาร์มมัน เพราะงั้นก็ปล่อยให้มันเคลียร์กันเอง ถ้ามันอยากจะเล่าให้ผมรู้ เดี๋ยวผมก็คงจะได้รู้
 
 
ประเด็นที่ผมหงุดหงิดใจมันไม่ได้อยู่ตรงที่ไอ้กี้มีเรื่องอะไรกับอาร์ม แต่สิ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจคือ ความไม่แน่นอนของพฤติกรรมอาร์มที่มีต่อผมกับปอย ถ้ามันรักปอย มันก็ไม่ควรจะมาทำให้ผมรู้สึกอะไรแบบนั้นกับมัน
 
 
 
จะพูดยังไงดีล่ะ...
 
 
มันเหมือนตัวเองเป็นเกม x box ที่ใครนึกจะเปิดเครื่องเล่นเกมต่อก็ทำได้ แต่ไม่ก็เล่นให้จบเกม ปล่อยให้มันค้างคา ตัวละครในเกมก็งงดิ สรุปแล้วจะต้องทำยังไง จะต้องเดินไปทางไหน จะต้องจบเกมยังไง ขึ้นอยู่กับคนเล่นรึไงวะ
 
แม่งเอ๊ยยยยยยยยย
 
 
มันไม่ใช่เกมนะเว้ยยยยยยยยยยยยย นี้มันชีวิตกู
 
 
 
 
 
ผมถอนหายใจทิ้งร่างลงบนเตียงในห้องสี่เหลี่ยมที่ผมคิดว่า มันเป็นที่เดียวที่ให้ผมได้พักร่างที่จู่ๆ ก็รู้สึกอ่อนล้า ชีวิตโคตรปั่นป่วน เมื่อเช้าเหมือนหัวใจตัวเองกำลังยิ้มๆอยู่เลย ตกเย็นเหมือนข้างในมันฝนตกระรัว
 
 
“เชี้ย กูคิดอะไรของกูอยู่วะเนี่ย”
 
 
ผมบ่นกับตัวเองในห้องที่แม่งเหมือนจะรู้สึกดีขึ้นที่ได้ระบายออกมาแม้จะไม่มีใครได้ยิน
 
 
“เชี้ยอาร์ม มึงแม่ง!”
 
เข้าใจอารมณ์ของคนที่ถูกหยอกล้อ ถูกทำให้วุ่นวายใจ แล้วต่อมาก็ถูกทำให้รู้สึกว่าได้รับการเทคแคร์ ดูแล ความห่วงใย ได้รับรู้เหมือนตัวเองจะค้นเจออะไรบางอย่าง รู้สึกถึงความอบอุ่นบางๆ ทั้งที่สมองแม่งโคตรจะต่อต้านเพราะรู้ว่าเป็นสิ่งผิด แต่ใจก็ถีบตรงไปทางให้ยอมรับมัน แต่กลับมาเจอภาพที่เป็นคำตอบว่า ที่ผ่านมามันไม่มีความหมายอะไรให้คิดแบบนั้นได้ มันเหมือนโดนพังกำแพงที่เรียกว่า
 
 
“ความหวัง”
 
 
เหมือนเราได้พบโอกาสจะได้เจอสิ่งที่คิดว่า ชีวิตคงไม่เจอ แม้จะเป็นกับคนที่ไม่ได้คาดไว้ แต่มันก็เหมือนหวังไปแล้วว่าคงใช่แหละ แต่แล้ววู้บเดียวที่คิดว่า ลองตามความรู้สึกตัวเองมากกว่าความถูกต้องดู จะได้ไม่ต้องมาอมทุกข์แบบนี้ กลับกลายเป็นผมต้องทุกข์ใจกว่าเก่า
 
 
“โว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
 
 
ผมตะโกนระบายอารมณ์ระบายความคิดที่แม่งเต็มหัวผมไปหมด
 
 
“ไอ้เชี้ยจิมมึงจะคิดอะไรเยอะขนาดนี้ มึงมาเรียนนะเว้ยยยยยยยย”
 
เสียงเตือนสติตัวเองของผมที่ผมคิดว่าข้างห้องอาจจะได้ยินก็ได้ แต่นั้นก็ไม่ได้ช่วยให้ผมหยุดคิด สิ่งนึงที่โผล่มาในหัวผมแล้วทำให้จิตใจของผมแผ่วลงนั้นคือ ความถูกต้อง
 
 
 
ปอย… ปอยขอให้ผมช่วย ถ้าเขาสองคนคืนดีกันแล้วจริง มันก็ดีแล้วนี่ ผมก็จะได้สบายใจในส่วนที่ต้องช่วยปอยให้เขากลับมาหากันได้
 
อาร์ม… แม่งเป็นผู้ชายเหมือนกันกับผม มันจะเป็นไปได้ไงวะ ที่ผ่านมามันอาจจะเป็นแค่คนที่เทคแคร์คนเก่ง ห่วงใยเพื่อน มีแต่ใจผมนั้นแหละที่วอกแวก คิดไปเอง
 
 
“ควายเอ๊ยยยยย จิมมึงมันโง่”
 
การที่พูดตอกย้ำให้ตัวเองได้ยินมันก็ช่วยทำให้ความรู้สึกทุกอย่างที่ดูจะดังก้องอยู่ เบาลงได้หน่อย
 
 
เพราะผม… ตัดสินใจที่จะลืมความรู้สึกทั้งหมดแล้วเริ่มใหม่ ทำหน้าที่ที่ต้องมาเรียนของตัวเองก็พอแล้ว ไอ้เรื่องที่เคยคิดว่า ความรักผมคงจะหาได้ในรั้วมหาลัย คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ใครมันจะมาชอบไอ้คนเตี้ย ปากหมาอย่างผมวะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“ก๊อกๆๆๆ”
 
เออ เอาเข้าไปใครมันมาเคาะห้องอีกล่ะ ไม่เปิดรับใครเว้ย
 
 
“ก๊อกๆๆ”
 
ไปไหนก็ไปเว้ยยยย ไม่อยากคุยกับใคร
 
 
“จิม อยู่เปล่า?”
 
เชี้ย!! เสียงอาร์ม ไอ้คนที่ไม่อยากให้มากวนใจที่สุดดันโผล่มาตอนที่กำลังตัดสินใจอะไรได้แล้วเชียว
 
 
“จิม อยู่ไหมครับ นี่อาร์มเองนะ”
 
เอาไงดีวะ เปิดไปก็มีแต่เรื่องให้มาคิดอีก แม่งผมนี่โคตรทุเรศตัวเอง เมื่อกี้แน่วแน่อยู่เลยว่าจะลืมๆทุกอย่างไปแล้วใช้ชีวิตใหม่ แค่มีเสียงไอ้อาร์มเข้าหูมาก็ทำให้สับสนไปหมดแล้วว่าจะทำไงต่อดี
 
 
“ก๊อกๆๆ”
 
แค่ผมเลือกที่จะไม่เปิดแล้วเงียบ มันก็ไม่เห็นจะยากเลย ผมมัวคิดอะไรให้มากมาย (ก็นะท้ายที่สุดผมเองที่ยังคงไม่อยากปล่อยทุกอย่างไปง่ายๆล่ะมั้ง)
 
“...”
 
ทุกอย่างเริ่มเงียบ… ผมก็ไม่วายที่จะสงสัยว่ามันไปรึยัง เดินไปดูผ่านรูตาแมวที่ประตู
 
ไอ้อาร์มไปแล้ว… ไม่รู้สิ ไม่รู้ว่าที่มันไม่อยู่เคาะต่อ มันดีสำหรับผมไหม
 
 
บางที...
 
ถ้ามันเคาะอีกที ผมอาจจะใจอ่อนเปิดประตูรับมัน
 
 
 
บางที…
 
ถ้ามันยังยืนรออยู่หน้าประตู ผมอาจจะสับสนลังเลเปิดประตูให้มันอีกครั้ง
 
 
แต่ประตูบานนี้ที่เคยเกือบจะเปิดให้มัน ดูเหมือนจะมีมันคนเดียวที่ทำให้สั่นคลอน…
 
เพราะตั้งแต่สัมผัสริมฝีปากมันในวันเกิดพี่บาสนั้น ประตูที่ปิดอยู่ตลอดก็เปิดรับมันเข้ามาอย่างง่ายดาย
 
 
 
แต่สุดท้ายกลับเป็นมันที่ปิดประตูผมเอง…
 
 
 
 
 
 
 
 

 
 
 
 
“Kyko : มึงอยู่ไหน”
 
 
“Jimmy : เสือกไร”

 
กี้ทักไลน์ผมมาระหว่างผมเล่นมือถือดูนี้นั้นไปเรื่อย
 
 
“Kyko : สัด ถึงห้องแล้วใช่ป่าว”
 
 
“Jimmy : เออ มีไร”
 
 
“Kyko : ไม่มีไร เห็นมึงป่วยกูก็ห่วงไง”
 
 
“Jimmy : ขอบใจ มีไรอีกไหม กูจะนอน”
 
 
“Kyko : มึงไม่ถามกูหน่อยรึ เมื่อเย็นเกิดไรขึ้นเรื่องกูกับไอ้เติ้ล”

 
เห็นไหม ถ้ามันอยากบอกถึงเวลามันก็พูดเอง ผมไม่ต้องทำอะไรหรอก
 
 
“Jimmy : แล้วแต่มึงดิ ไม่ใช่เรื่องของกู”
 
 
“Kyko : เรื่องของมึงเต็มๆเลยเพื่อน ช่างเถอะมึงนอนพักซะ”
 
 
“Kyko : เดี๋ยวถึงเวลามึงก็รู้เอง”

 
...เชี้ย มาทำให้อยากรู้แล้วปล่อยให้ค้างคา
 
 
“Jimmy : ห่าไรของมึง แล้วแต่ละกัน มีไรไม่บอกกู”
 
 
“Kyko : เชี้ย งอนเป็นเด็ก กูไม่ได้บอกว่าจะไม่บอก แต่กูหมายถึงมันยังไม่ถึงเวลา”
 

“Kyko : เข้าใจไหมห่า อย่าคิดมาก ลำพังกูมีเรื่องต้องทำเยอะอยู่แล้ว”
 
 
“Kyko : สบายใจซะ ไอ้แคระ”
 
 
“Jimmy : แคระพ่อง กูไปนอนและ”
 
 
“Kyko : เออ อย่างงี้ดิเพื่อนกู ไม่ว่ามึงจะคิดตัดสินใจห่าไรกูก็ข้างมึง อย่าคิดเยอะ”
 
 
“Jimmy : เออ ขอบใจ ฝันดึมึง”
 
 
“Kyko : ฝันดี ฝันถึงผัวมึงด้วย”

 
ไอ้ห่ากี้ปากหมาแม้กระทั่งในไลน์
 
 
“Jimmy : ผัวเชี้ยไร มันไม่ใช่ผัวกู เชี้ย”
 
 
“Kyko : มันไหน? กูยังไม่ได้พูดถึงใครเลย”
 
 
“Jimmy : มึงจะล้อกูกับเติ้ลใช่ไหมล่ะ ไอ้สัดกูรู้ ไม่ต้องตอแหล”
 
 
“Kyko : เนี่ยมึงก็ร้อนตัว ทำไม พอกูพูดถึงผัว มึงนึกถึงไอ้เติ้ลเลยไง? ห่ะ คิดถึงหรอ”
 
 
“Jimmy : คิดถึงห่าอะไร ก็มึงชอบล้อกูกับมันอะ พอได้แล้ว เชี้ยเติ้ลมันมีแฟนแล้ว”
 
 
“Kyko : อ่อหรอ อืม… ตามใจ”
 
 
“Jimmy : ตามใจห่าไร ความจริง มึงก็เห็นอยู่เมื่อเย็นมันกอดกัน”
 
 
“Kyko : 5555 โอเคๆ แล้วแต่มึงจะคิด ไปนอนได้แล้วไป”
 
 
“Jimmy : เออ ไปละ บาย”
 
 
“Kyko : บาย”

 
 
 
 
ลำพังแค่เรื่องไอ้อาร์มกับปวดหัวอยู่ละ กี้มันยังจะหาเรื่องให้ผมคิดอีก พูดจากำกวม ไม่บอกออกมาให้หมดเลย นอนแทบไม่หลับ (แต่อย่างผมอะรึ จะไม่หลับ หลับทีก็ตายยาวเลยแหละ โชคดีที่วันพุธไม่มีเรียน มีเวลาให้นั่งทำการบ้านส่งอาจารย์วันพฤหัสสบาย)
 
 
และถ้าผมหลับไปก่อน คงไม่ได้เห็นอะไรดีๆ ผ่านประตูตาแมวห้องผมที่มีไอ้อาร์มกำลังทำท่าแขวนถุงอะไรสักอย่าง (ให้เดาคงเป็นของกิน) แถมทำท่าเขียนโน๊ตติดเอาไว้ ที่ผมมาเห็นเป็นเพราะแค่อยากจะออกไปซื้อของกินเดินสูดอากาศ ดวงดีชะมัด…
 
 
“ไม่รู้ว่าหายดีรึยัง เลยซื้อโจ๊กมาให้ ถ้าทานข้าวแล้วก็เอาไปแช่ไว้กินพรุ่งนี้เช้าก็ได้นะ หายไวๆนะครับ เตี้ย”
 
 
มึงเอาอีกแล้วนะ… ทำไมผมใจง่ายอย่างนี้ แค่นี้ก็ยิ้มออกมาเฉย แค่นี้แม่งดึงภาพทั้งหมดที่ผมจะลบไปจากหัวกลับลอยมาเต็มไปหมด ทั้งตอนที่มันพยายามช่วยให้ผมฟื้นจากการจมน้ำ ทั้งตอนที่มันอยู่ในห้องนอนพี่บาสกับผม ทั้งภาพถ้วยมาม่ากับยาที่แกะให้แล้ว ทั้งรอยริมฝีปากบนจมูกผม เชี้ยยยยยยยยย
 
สิ่งที่อยู่ในใจผมก็ออกมาเป็นคำพูดดังอีกครั้ง
 
 
“เออ กูยอมมึงเลยไอ้สัดอาร์ม”
 
 
 
 
 
 
…………………………………..
 
 
 

“ความสับสนเกิดจากการต่อต้านไม่ยอมรับเสียงของหัวใจตัวเอง
หากลองรับฟังเสียงของหัวใจ เราก็จะรู้ว่าความสับสันก็ไร้ตัวตน”

 
 
 
 
 
 
Talk : ใกล้แล้ว เข้าใกล้ความฝันของคนเขียนสักที///ตอนนี้มีแต่จิมคนเดียวเลยยยย
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 13 : สับสน : หน้า 3 (08/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฟ้าใส ที่ 08-06-2017 23:10:18
 :hao7: :hao7: :hao7:

ฟิน มีความรุ้สึกว่าอีกนิดนึงจะใกล้สมหวังกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 13 : สับสน : หน้า 3 (08/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-06-2017 08:02:27
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 13 : สับสน : หน้า 3 (08/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 09-06-2017 22:57:06
ตอนต่อไปกำลังเขียนนะครับ ช้าหน่อยเพราะเพิ่งกลับมาเองง ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะ เป็นกำใจให้คนเขียนได้เขียนต่อมากก ขอบคุณคร้าบบ
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 14 : ปล่อย : หน้า 3 /// Update! (10/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 10-06-2017 15:35:37
Chapter 14 : ปล่อย
 
 
 
 
 
“มาทำไร”
 
ผมเปิดประตูตอนรับไอ้สูงป่วนหัวใจผมที่เคาะเรียกผมแต่เช้า หลังจากที่เมื่อคืนวันพุธผมไม่ยอมเปิดประตูให้มัน
 
แต่ผมก็ตัดสินใจว่ามันคงไม่เสียหายถ้าผมจะเผิดประตูอีกครั้ง (คงไม่บอกก็คงรู้นะครับว่าประตูที่ผมหมายถึงคืออะไร)
 
 
“มา...รับจิมไปเรียน”
 
มองเชี้ยไรนักนา มองไม่ว่า หน้าแดงทำไมวะ
 
 
“หื้ม? มาแปลก มหาลัยอยู่แค่นี้เองมารับทำไม”
 
ทำไมจะต้องมารับให้เสียเวลามันเองด้วยล่ะ
 
 
“ก็อยากมาอะ เร็วๆ เดี๋ยวสายนะ”
 
 
“เออ เข้ามาก่อนกูใส่เสื้อผ้าแปบ”
 
ผมเดินเข้าห้องเพื่อไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก็มันดันเคาะประตูตอนผมอาบน้ำเสร็จพอดี สภาพก็นั้นแหละครับ ผ้าขนหนูตัวเดียว
 
 
“แล้ววันนี้เลิกกี่โมงหรอครับจิม”
 
 
“ถามไมวะ?”
 
 
“จะพาไปกินข้าว”
 
 
“นึกไงของมึง”
 
 
“เออน่ะ เลิกกี่โมง”
 
 
“เย็นอะ วันนี้อยู่ดูไอ้กี้ซ้อมการแสดงดาวเดือนคณะ”
 
 
“อ้าว คณะจิมก็ต้องมีประกวดแบบจริงจังเหมือนกันหรอ”
 
 
“เออ เห็นมันบอกว่าเพื่อฝึกฝนไปเตรียมพร้อมประกวดดาวเดือนมหาลัย”
 
 
“อ้อ เหมือนอาร์มเลย”
 
 
“เออ แล้วคณะมึงอะ มีแสดงโชว์อะไรแบบนี้ด้วยป่ะ”
 
 
“มี ทำไมครับ จะมาเชียร์ผมหรอ?”
 
 
“ไม่อะ ถามดูเฉยๆ ไปทำไมวุ่นวาย”
 
 
“โห กำลังใจที่ต้องการที่สุดดันไม่ไปสงสัยแพ้แน่ๆ”
 
พูดจาอะไรของมันวะ มาแนวไหนกัน
 
 
“เดี๋ยวๆ กูไปเป็นกำลังใจมึงตอนไหน”
 
 
“ตอนนี้เลย ต้องไป ถ้าไม่ไปนะ…”
 
 
“ถ้าไม่ไปจะทำไม”
 
 
“โยนลงน้ำ”
 
 
“สัด… ไม่ขำ”
 
 
“โห ขอโทษครับบบบ นะๆๆ ผมอยากให้จิมไปเชียร์นะ”
 
เสียงอ้อนเชี้ยไรของมันนนนนนนนนนนน คิดว่าน่ารักมากเหรออออออออ
 
เออ… ไม่น่ารักแต่น่าฟัง
 
 
“แล้วปอยมึงล่ะ ไม่อยากให้เขาไปเชียร์ไง”
 
อยู่ๆผมมาถามอะไรเพื่อตอกใจตัวเองให้จุกเล่น
 
 
“เขาก็ประกวดของเขาดิ เกี่ยวไร?”
 
 
“อ้าว ปอยก็ประกวดดาวคณะนิเทศหรอ”
 
 
“อื้ม วันเดียวกันน่ะ เลยมาดูอาร์มไม่ได้”
 
ใจจริงมันก็คงอยากให้มาเชียร์ล่ะดิ (แอบจุกเล็กๆกลางอกที่ได้ยินแบบนี้)
 
 
“แย่เลยดิ แฟนไม่มาเชียร์ ฮ่าๆ”
 
ทำทีหยอกล้อเขา แต่เราก็จุกเอง (ทำตัวเองนะไอ้จิม)
 
 
“แฟนอะไร ก็บอกไปแล้วไงว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว”
 
 
“อ่อหรออออออ อืมๆ เชื่อๆ”
 
ผมก็เออออไปงั้น มันเองก็คงคิดว่าผมไม่เชื่อมันเหมือนกัน
 
 
“เชื่อหน่อยดิ อาร์มไม่ได้อะไรกับปอยนานแล้ว สนิทกันตั้งแต่ม.ปลาย คุยกันง่าย”
 
 
“อืมๆ ไม่ใช่เรื่องของกู”
 
 
“เรื่องของจิมเลยแหละ”
 
เสียงพูดที่เบาแทบจะไม่ได้ยิน เหมือนมันพรึมพรำอยู่กับตัวเอง แต่ผมเสือกได้ยินไง
 
 
“มึงว่าไงนะ”
 
 
“อ่อ เปล่าๆ สัญญาแล้วนะ วันจันทร์มาดูผมด้วย คณะผมมีงานวันจันทร์”
 
 
“ดูก่อนและกัน ถ้าว่างก็ไป ถ้าไม่ว่างก็นั้นแหละ”
 
 
“ก็มาเหมือนกันใช่ไหม?”
 
 
“ตีนดิ ไปได้แล้วเดี๋ยวกูสาย มัวชวนคุยอยู่ได้”
 
ผมรีบเร่งมันเพื่อที่จะได้เคลื่อนตัวไปเรียนกันสักที
 
 
ระหว่างนั่งรถมันเข้ามหาลัย จู่ๆมันก็เอามือมาแตะหน้าผากผม
 
 
“ทำไรของมึง”
 
ผมหันหนีเอี้ยวตัวหลบให้ห่างจากมือมัน
 
 
“หายป่วยยัง”
 
 
“หายแล้ว นอนพักตั้งวันนึง”
 
 
“ดีแล้วครับ อาร์มจะได้สบายใจ”
 
 
“ทำไม มึงเป็นห่วงกูด้วย?”
 
 
“ห่วงดิครับ”
 
เสียงหนักแน่นมากกก
 
บรรยากาศในรถเงียบไปสักพักจนถึงตึกคณะผม
 
 
“แล้วเลิกเรียนกี่โมงครับจิม”
 
 
“4ครึ่ง”
 
 
“โอเคแล้วเจอกันครับ”
 
 
“แต่กูต้องอยู่กับไอ้กี้ก่อนนะ”
 
 
“ครับเดี๋ยวอาร์มเรียนเสร็จมาอยู่เป็นเพื่อน”
 
 
“เออๆ แล้วแต่มึงละกัน”
 
 
“บายครับจิม ตั้งใจเรียนนะ”
 
 
“ไม่บอกกูก็ตั้งใจเรียนอยู่แล้ว บาย”
 
 
 
 
 
 
 
ผมยิ้มห่าอะไรของผม ทั้งวัน กับอีแค่มันมาส่ง มันจะกลับด้วย มันเป็นแค่เพื่อนกับปอย ทำไมใจผมต้องยิ้มขนาดนี้ บางทีอาจจะไม่จริงก็ได้ อาจจะผิดหวังแบบครั้งก่อนก็เป็นไปได้
 
 
“ยิ้มเหี้ยไรของมึงวะ”
 
นั้นไงไอ้กี้ทักจนได้ ตัวเปิดมาและเดี๋ยวก็มีตัวตามอย่างไอ้ดิวมาเป็นทัพเสริมในการแซวผมแน่ๆ
 
 
“เออนั้นดิ อารมณ์ดีมาจากไหน”
 
 
“เปล่า ไม่มีอะไร๊”
 
 
“ไอ้สาด เสียงสูง ทำไมผัวมึงมาส่งไง”
 
เชี้ยกี้ มันรู้ดีเกินไปและ
 
 
“ไม่เว้ย ไม่เสือกสักเรื่องได้ไหมพวกมึงเนี่ย”
 
 
“จ้า ไอ้คนมีความลับ”
 
 
“มึงโกหกกูไม่ได้หรอก...เรื่องไอ้เติ้ลใช่ไหมที่ทำให้มึงอารมณ์ดี”
 
มันมากระซิบๆข้างๆหูผมเบาๆ นี่ที่บ้านมันเป็นหมอผีกันรึไง ถึงได้รู้ห่าอะไรไปหมด
 
 
“เชี้ยไรของมึง”
 
“ควาย พอกูแค่พูดเรื่องไอ้เติ้ลมึงก็หน้าแดงและ จับไต๋ง่ายชิบหาย”
 
 
“สัดกี้ บอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่”
 
 
“เออ เรื่องของมึง”
 
 
“ป่ะ พวกมึงกินข้าวกันค่อยกลับมานั่งสเก็ตต่อ”
 
วันนี้เป็นคลาสเรียนเกี่ยวกับออกแบบ อาจารย์ให้เราสเก็ตงานกันก่อนจะลงมือจริงส่งสัปดาห์หน้า
 
 
“พวกมึงไปก่อนเลยกูจะสเก็ตเสร็จและเดี๋ยวตามไป”
 
พอผมอารมณ์ดีความคิดและกระบวนการทำงานก็ไวขึ้นมาทันตาเห็น
 
 
“จิม อารมณ์ดีจริงๆนะ”
 
เสียงอาจารย์กันย์ เป็นอาจารย์ที่สนิทกับนักศึกษาง่ายมากจำเก่งด้วย จำชื่อเล่นของนักศึกษาในห้องได้หมดทุกคนเลย
 
 
“พอดี ไฟกำลังมาครับอาจารย์ ผมเลยดีดนิดหน่อย”
 
อาจารย์ส่ายหน้าขำผม ที่ดูบ๊องๆ กวนๆประสาคนตัวเตี้ยพอจะทำได้
 
 
“ระวังอย่าให้ไฟดับล่ะ มึงอารมณ์ดีแบบนี้กูชอบ”
 
 
“ฮั่นแน่ อาจารย์ว่าผมน่ารักใช่ไหมล๊า ไม่ดับง่ายๆหรอกครับอาจารย์ คราวนี้ผมจะไม่ให้ไฟดับง่ายๆ”
 
 
“อะไรของมึงวะ ไปๆ ไปกินข้าวไป เพื่อนมึงก็แดกไม่รอมึงเลย”
 
 
“ผมให้มันไปก่อนเองอะครับอาจารย์ งั้นผมไปนะครับ อาจารย์จะกินไรเปล่าเดี๋ยวผมซื้อมาฝากกกกก”
 
 
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูก็ไปซื้อเองละ”
 
ผมโคตรชอบอาจารย์กันย์เลยกันเองมากๆ วัยรุ่นๆอีกด้วย ดูทันเด็กมาก
 
 
“งั้นผมไปนะครับบบบ”
 
 
“เออ ไปไหนก็ไป”
 
 
“โห อาจารย์อย่าไล่ผมสิครับ ผมน้อยใจนะ”
 
 
“ไอ้เด็กเวร รีบไปแดกข้าวรีบกลับมาทำงานต่อ เร็วๆ”
 
 
“ครับบบบบบบบบ”
 
 
นี่ผมจะอารมณ์ดีไปไหนเนี่ยยยย
 
 
 
“อ้าว พี่บาส พี่ตั้ว หวัดดีครับ”
 
พอผมเปิดประตูออกมาก็เห็นพี่บาสกับพี่ตั้วเดินผ่านห้องไปเลยทักซะหน่อย
 
 
“เอ้อ ไงน้องรัก เรียนไร”
 
พี่บาสทักผมก่อนเลยอันดับแรก แต่ไอ้พี่ตั้วอะดิมองหาอะไรขนาดหลังผมไม่รู้
 
 
“ดิวไม่อยู่กับมึงหรอ”
 
 
“อ้อ มันไปกินข้าวแล้วพี่ผมกำลังตามไป”
 
 
“อ่อ เห้ยบาสกูไปหาดิวก่อนนะ เดี๋ยวกูตามขึ้นไปเรียน”
 
โห พี่ตั้วนี้คิดถึงดิวอะดิ ผมนี่อิจฉาจริงๆ
 
 
“พี่มีเรียนไรหรอครับพี่”
 
 
“คอม 4 มึงอะ”
 
 
“คอม 1 พี่ โคตรเหนื่อย แต่ได้อาจารย์กันย์สบายหน่อยครับ”
 
 
“เออดีแล้ว ตั้งใจเรียนเข้า เห้ยมึง กูยังไม่ได้ขอบใจมึงเลย”
 
 
“เรื่องอะไรพี่”
 
 
“เรื่องนี้ไง”
 
แล้วพี่บาสก็ชี้ไปที่นาฬิกาที่ผมซื้อให้พี่แกเป็นของขวัญ โคตรปลื้มอะ เวลาเห็นของขวัญตัวเองถูกใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง
 
 
“ชอบไหมพี่”
 
 
“ชอบเหี้ยไร รักเลย กูโคตรรักกก มึงแม่งรู้ได้ไงวะว่ากูชอบนาฬิกา น่ารักสัด”
 
ผมนี้ยิ่งดีใจใหญ่ พี่แกอวยโอดของขวัญที่ผมซื้อให้อย่างถูกใจพี่แกมากๆ
 
 
“โหอะไรอะ ชมนาฬิกาน่ารักก็เป็น”
 
 
“ใครชมนาฬิกา กูชมมึง มึงอะน่ารัก”
 
...เชี้ยพี่บาส พูดจาอะไรชมกันตรงๆผมก็เขินนะเว้ย
 
 
“น่ารักบ้าอะไรพี่ งั้นๆแหละผมอะ”
 
 
“ส้นตีนดิครับ น่ารักก็คือน่ารัก ถ้าไม่ติดว่ากูมีคนคุยแล้วนะ มึงเสร็จกู”
 
 
“ไอ้พี่บาสสสสสสส เสียพี่เสียน้องหมดพูดจา”
 
 
“เออๆ กูล้อเล่น”
 
ว่าแต่...ผมชักอย่างเสือกเรื่องเด็กพี่บาสแล้วสิ
 
 
“ว่าแต่พี่ที่พี่บอกมีคนคุยนี้ใครหรอพี่ ผมอยากรู้อะ”
 
 
“กูไม่บอก หึงกูอะดิ สายไปแล้วไอ้น้อง ใจพี่ไม่ใช่ของเอ็งแล้วเว้ย”
 
ไอ้พี่บาสแม่งกวนตีนมากกกก นี้ถ้าไม่เห็นแก่พี่นะ ผมจะกัดแขนให้เนื้อหลุดเลย (เดี๋ยวจิม มึงไม่ใช่หมา)
 
 
“แค่อยากรู้ๆ บอกหน่อยไม่ได้ไง น้องนุ่งอะ หรือว่าจะเป็นพี่แตม!”
 
ผมเดาเพื่อให้พี่แกเผยออกมาแบบเนียนๆ
 
 
“เด็กนิเทศ จบนะ แตมห่าอะไร อีแตมกูไม่เอาหรอก ห้าวจะตาย”
 
คณะเดียวกับปอยเลยแหะ พี่บาสทำไมสอยคนต่างคณะล่ะเนี่ย
 
 
“เอ้าพี่ อย่างนี้จะมีเวลาให้กันหรอ เรียนคนละคณะ”
 
ระหว่างคุยผมกับพี่บาสก็เดินมาถึงทางแยกขึ้นไปชั้นที่พี่เขาจะไปเรียน
 
 
“ดีซะอีก มีเวลาส่วนตัวบ้าง อีกอย่างแค่ดูๆกันอยู่ ยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกัน”
 
 
“อ้อครับ สู้ๆนะพี่ ว่าแต่หล่อไหมพี่คนคุยของพี่อะ”
 
 
“หล่อพ่อมึงดิ เขาเป็นผู้หญิง”
 
อ้าว แล้วเมื่อกี้ยังพูดจาลวนลามผมอยู่เลย ผมก็คิดว่าพี่บาสเป็นชายรักชายแบบพี่ตั้วกับดิวซะอีก
 
 
“อ่าว แล้วพี่พูดจาแบบนั้นกับผมเพื่อ?”
 
 
“กูอะได้หมดถ้ารู้สึกดี ทำไมมึงอยากได้กูหรอ กูบอกแล้วไง ใจของข้าไม่ใช่ของเอ็งแล้วไอ้น้อง”
 
 
“เออๆ แล้วแต่พี่เหอะ ไปเรียนได้แล้วพี่ สายมาอย่ามาโทษผมล่ะ”
 
 
“เออ สัดกูลืมเลย”
 
“เค กูไปและ รักนะไอ้น้องเล็ก ขอบใจสำหรับของขวัญ”
 
มือไอ้พี่บาสก็มาขยี้หัวผม ให้ทรงมันพังเล่นซะงั้น
 
 
 
ผมโบกมือลาพี่แกก่อนพี่แกจะวิ่งขึ้นไป ผมนี่ขนลุกชิบหาย ไอ้พี่บาสเล่นพูดจาเชิงจีบผมแบบนี้
 
 
และเนี่ยล่ะ ยิ่งทำให้ชัดเจนไปใหญ่ ว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้ ต่างจากไอ้อาร์มมาก คนอื่นพูดคนอื่นทำ ผมรู้สึกต่อต้านมาก มันรู้สึกเลยว่าใจมันไม่รับอะ
 
 
แต่กับไอ้อาร์ม ใจเต้น ตัวสั่น… ไม่ปฏิเสธไม่รู้สึกขยะแขยง ไม่รู้สึกต่อต้านอะไร กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำ แล้วเหมือนผมยังจะอยากได้ความรู้สึกนั้นอีกเพิ่มขึ้น ทั้งๆที่แม่งจะคิดเหมือนผมรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมยิ่งไม่ค่อยอยากหลอกตัวเองให้ตัวเองหวังแล้วมันจะแย่เอาตอนไม่ใช่อย่างที่หวังไว้
 
“มึง วันนี้เลิกซ้อมกี่โมง กูอยากกลับห้องไว”
 
ผมถามมันระว่างกินข้าว
 
 
“6 โมงมั้ง โหไรวะ ยังไม่ทันรอกูเลยทำบ่นละ”
 
เออ ผมยังไม่ทันบ่นอะไรเลยยยยย
 
 
“เออ กูรอ สาด กูจะไม่บ่นได้ไงอยู่ๆมึงมาให้กูรอมึงเลิกซ้อมแสดง”
 
 
“ก็มึงอะ ช่วงนี้เบี้ยวกูไม่ค่อยไปไหนกับกู กูเลยต้องให้มึงมารับโทษ”
 
 
“เออๆ”
 
แบบนี้ก็มีนะ ผมแค่อยากจะอยู่คนเดียวบ้าง ไปไหนติดกันตลอดตั้งแต่รับน้องมันก็เบื่อเหมือนกันนะครับ
 
แล้วจะมาทำโทษผมที่ผมไม่ค่อยไปเที่ยวไปนั้นนี้กับมันก็ไม่ถูก
 
 
เอ… หรือถูก เพราะผมก็ทำให้มันเหงา ไอ้ดิวที่มันไม่ค่อยอยู่กับพวกผมก็คงอยู่กับพี่ตั้วอะมั้ง งั้นถือว่าผมผิดละกัน ผมถึงได้ยอมรอมันซ้อมแสดงความสามารถประกวดดาวเดือน แม่งก็เก่งเกิน โชว์เดาะบอลลีลา ไม่รู้จะทำแบบไหนชักอยากเห็นละ
 
 
 
 
 
 
พอเรียนเสร็จ ผมก็ต้องมานั่งรอมันซ้อมแสดงในห้องจัดแสดง ซึ่งเอาจริงๆก็ใหญ่อยู่เหมือนกันนะครับห้องที่จะจัดการประกวดสำหรับคณะผมเนี่ย ตอนแรกคิดว่าจะไม่ค่อยใหญ่โตเท่าไหร่
 
 
“ไงมึง มาทำไรเนี่ย”
 
พี่บาสทักทายผมจากด้านหลัง
 
 
“อ้าวพี่ มาได้ไง ผมมารอไอ้กี้ซ้อมเสร็จอะพี่”
 
 
“กูต้องอยู่นี้อยู่แล้ว คณะเขาของแรงชมรมดนตรีมาช่วยจัดการเรื่องเสียง”
 
 
“อ้อครับ”
 
 
“อีกตั้งสองวัน ทำไมพี่ต้องรีบมาอะ”
 
 
“กูมาดูหน้างานเฉยๆ พรุ่งนี้ซ้อมใหญ่ก็เอามาไว้เลยอะแหละ”
 
 
“ทำไมดูใหญ่โตจังงานประกวดดาวเดือน”
 
 
“แน่ล่ะ คณะเรามันต้องมีงานกิจกรรมเด็ดๆหน่อยดิ โชว์ความสามารถในการออกแบบการจัดงานไง”
 
พอผมมองรอบๆก็พอจะเข้าใจอยู่ ธีมของการประกวดปีนี้เป็นธีมแฟรี่ ดอกไม้ ฉาก แล้วสวนอีเดนเล็กๆ เต็มพร้อมสำหรับการประกวดมาก
 
 
“เฮดชมรมดนตรีครับ ขอคุยด้วยหน่อย”
 
สตาฟจัดงานเรียกพี่บาสไปคุย
 
 
“เดี๋ยวไปมึง”
 
 
“มึงกูไปละ เจอกัน”
 
พี่บาสตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะรับไหว้ผมแล้วเดินไปคุยงาน
 
 
“สู้ๆพี่”
 
 
 
 
พวกดาวเดือนเริ่มเดินออกมาโชว์ตัวแล้ว… ดาวเดือนนี่น่าอิจฉาดีนะ แค่เอาหน้าตามาวัดกันว่าใครหล่อสวยดูดีสุด ถ้าผมสูงอีกซัก10 20 เซ็นคงมีโอกาสได้ยืนอยู่ตรงนั้นบ้าง
 
 
แต่จะว่าไปผมก็ไม่ได้อยากเป็นหรอก ถ้าสมมุติต้องเป็นผมที่ต้องเป็นหน้าเป็นตาให้คณะ แล้วมีหลายต่อหลายสายตาจับจ้องพฤติกรรมเรา ดูไม่ค่อยจะสนุกเท่าไหร่เลย
 
 
 
ทีนี้เริ่มแนะนำตัวแต่ละคนและเริ่มซ้อมการแสดงกันแล้ว คิวไอ้กี้คงท้ายๆ เพราะมันเดินๆมานั่งดูการแสดงคนอื่นกับผม
 
 
“ไงมึง กูหล่อไหม?”
 
ไอ้พวกหน้าตาดีเขาหลงตัวเองเหมือนมันทุกคนไหมเนี่ย
 
 
“เออ”
 
 
“เออไรไอ้สัด”
 
มันมาล็อกคอผมแทบหายใจไม่ออก
 
 
“โอ๊ยยยย กูหายใจไม่ออกกกก เชี้ยกี้ปล่อยกู”
 
 
“ตอบมาดิ”
 
 
“เออ หล่อไอ้เชี้ยปล่อยกู”
 
แล้วมันก็ปล่อยผมทั้งหัวเราะทำหน้าพอใจกับคำตอบ (แม่งบังคับก็มีด้วย)
 
 
“วันจริง โหวตกูด้วย”
 
 
“อยู่แล้วเว้ย ไม่เชียร์เพื่อนกูจะเชียร์ใคร”
 
 
“น่ารักมาก อย่างนี้สิเพื่อนกู”
 
ไม่ต้องชมผมก็รู้ตัว ฮ่าๆๆๆ (ล้อเล่นๆครับบบบ)
 
 
“ไงกี้ ซ้อมเสร็จแล้วหรอ”
 
เสียงเข้มๆ มาจากข้างหลังทำให้ผมกับกี้ต้องหันไปมอง… ไอ้อาร์ม
 
 
(มาได้ไงวะ ไม่ได้บอกเลยว่าอยู่ตรงไหน หาเจอได้ไง)
 
 
 
 
(นี่มันต้องคุยกับไอ้กี้ตลอดแน่ๆ ผมจำได้ว่าอาร์มมันมีไลน์ไอ้กี้)
 
 
(มันสนิทกันกว่าที่ผมคิดนะเนี่ย)
 
 
“ไงมึง กูยังไม่ได้ซ้อมเลย มาได้ไงวะ”
 
(เอ้า ไม่ได้คุยกันรึ ทำไมไอ้กี้ถึงถามแบบนั้น)
 
 
“อ่อ พอดีมาหา…”
 
แล้วมันก็มองมาที่ผม
 
 
“แล้วมาถูกได้ไงวะ”
 
ผมยิงตรงความสงสัยของผม ที่เอาจริงๆผมไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้นะครับ แต่มันสงสัยก็อยากจะคลายความสงสัยของตัวเองออกไป
 
 
“เอ่อ…ก็...”
 
ผั๊วะ! อยู่ๆไอ้กี้ก็ตบหัวผมเบาๆ
 
 
“มึงนี้ก็โง่ เสียงเพลงดังขนาดนี้ หาไม่ยากหรอก ใช่ไหมไอ้เติ้ล”
 
 
“นั้นแหละๆ”
 
อาร์มมันทำหน้าโล่งใจอะไรขนาดนั้น
 
 
“มึงมาก็ดีและ เดี๋ยวกูไปเตรียมตัวก่อน เอาไอ้จิมไปที กูน่าจะเลิกดึก”
 
 
“อ้าว แล้วมึงให้กูรอทำไม”
 
ผมนี่โคตรงง เดี๋ยวให้รอเดี๋ยวไล่กลับ ยังไงของไอ้กี้วะเนี่ย
 
 
“ตามนั้นแหละ กูไปละ ไอ้เติ้ลฝากด้วย อย่ารุนแรงกับเพื่อนกูล่ะ”
 
เชี้ยยยย ไอ้อาร์มดันยกมือโอเคให้อีก อะไรของพวกมันวะ
 
 
แน่ๆ มันต้องนัดกันแน่ๆ วางแผนอะไรกัน
 
 
“ป่ะ กินข้าว ผมยังไม่ได้กินตั้งแต่เช้าเลย”
 
 
“เอ้า แล้วไม่หาไรแดกก่อนล่ะ”
 
 
“เพื่อนมันส่งงานไม่ทันเลยต้องอยู่ช่วยตอนพักเที่ยง”
 
 
“อ้อ”
 
 
“รีบไปเถอะ แสบท้อง”
 
ผมนึกได้ว่าผมมีแซนวิชแฮมชีสที่ซื้อจากเซเว่นไว้มานั่งกินรอระหว่างไอ้กี้ซ้อม...
 
 
“เดี๋ยวดิ อะ กินก่อน”
 
ผมยื่นให้มันกินก่อน เดี๋ยวแม่งจะปวดท้องตายเอา
 
 
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ไปกินกันแล้วนี่ ป่ะ”
 
 
“กินก่อน มึงอะ เดี๋ยวปวดท้อง แค่นี้ไม่พออิ่มอยู่แล้ว กินอันนี้รองท้องแล้วเดี๋ยวไปหาไรกินต่อ”
 
ผมพยายามบังคับให้มันกิน ซึ่งอันที่จริงขับรถไปสักพักก็หาอะไรเข้าท้องได้แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากให้มันนัก
 
 
“งั้นขอบคุณนะครับจิม”
 
แล้วผมก็ยื่นให้มันกินระหว่างเดินไปที่จอดรถของมัน
 
 
“แล้วบอกไม่เป็นไรๆ กินซะอย่างกับคนหิวมา 2 ปี”
 
 
“โห ก็คนมันหิวอะ”
 
 
“ที่หลังก็ซื้ออะไรกินรองท้องไว้บ้างดิ”
 
 
“ห่วงผมด้วยหรอ”
 
แม่งเวลาผมจะมานั่งรถมันทีไร ชอบมาเปิดประตูให้ผมอย่างกับผู้หญิงอยู่เรื่อย
 
 
“กูไม่ได้ห่วงเว้ยยย ไป ขึ้นรถได้ละ”
 
 
“ครับๆ”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“จิมครับ อยากกินอะไรเดี๋ยวผมพาไป”
 
ระหว่างขับรถออกจากมหาลัย มันถามเพื่อจะตามใจผม จริงแล้วควรตามใจตัวเองดิ
 
 
“ตามใจมึงเลย เลือกที่ชอบเลยจะได้กินอิ่มๆ”
 
 
“ถ้างั้นจิมต้องทำให้ผมกินแล้วแหละ”
 
โอ๊ยยยย เสียเวลาไหม นี่ชมอ้อมๆว่า ชอบกับข้าวที่ผมทำให้มันรึ แต่ผมก็ทำแต่ผัดกะเพราเนื้อให้มันอย่างเดียวเองนะ
 
 
“เสียเวลา หากินง่ายๆดิ”
 
 
“อืม… งั้นบาร์บีคิวแล้วกันดีไหมครับ”
 
ของโปรดดดดดดดดดดดดด
 
 
“ไป!”
 
ช่วยไม่ได้นี่ครับ พอเป็นของโปรดก็น่ามืดตามัวตลอดเลย
 
 
“โห ตอบมาอะคิดหน่อยก็ได้”
 
 
“คิดแล้ว ไปกินบาร์บีคิวกัน”
 
 
“ครับๆ”
 
เชี้ยยยยยยยยยย รู้สึกดี!!
 
มือใหญ่ๆของมันขยี้หัวผมเล่น ทำไมมันรู้สึกเคลิ้มอะไรเช่นนี้ ตอนไอ้พี่บาสทำไม่เห็นจะรู้สึกแบบนี้ แต่นี้แม่งโคตรรู้สึกอุ่นใจมาก (ไม่ได้การแล้ว ไอ้จิมมึงอย่าใจอ่อนเชียวนะเว้ย ถ้าผิดหวังขึ้นมามึงจะเสียใจนะเว้ย)
 
 
“ทำบ้าอะไร มีสมาธิกับการขับรถหน่อยสิวะ”
 
 
“ก็มีอยู่”
 
 
“แล้วจะมาจับหัวกูทำไม”
 
 
“ก็มันน่ารักน่าเอ็นดูนี่”
 
 
“หยี้ ไม่ต้องมาชมกู ขับรถไปปปปป”
 
แม่งหันมาคุยเล่นกับผมทำน่าตายิ้มแย้มซะจนผม ทำตัวไม่ถูก ใช่ ทำตัวไม่ถูกเลย จะเขินก็กลัวแม่งจะรู้ จะหันหนีก็กลัวมันจะคิดว่าผมคิดอะไรกับมัน จะนิ่งเงียบเดี๋ยวก็เป็นการเปิดทางให้มันอีก
 
 
“เวลาเขินจิมนี่น่ารักมากเลยรู้ป่ะครับ”
 
 
“ไม่เว้ย ทำปากหวานไม่ได้ช่วยเชี้ยไรเลย หยุดพูดแล้วขับรถไป”
 
 
“โวยวายก็น่ารัก…”
 
 
“ไอ้เชี้ยอาร์มมมมมมม!”
 
 
“โอเคๆ ไม่แกล้งละ”
 
แม่งทำผมโวยวายเป็นเด็กเลย ผมหันหน้าหนีมองออกไปนอกกระจกรถ แม่งสนุกนักใช่ไหม มาแกล้งผมเล่นแบบนี้
 
 
 
ระหว่างกินบาร์บีคิวก็ขยันคีบเนื้อคีบนู้นนี้ให้ผมตลอด แล้วเนี่ยผมจะไม่หวั่นไหวได้ไง อดทนกับมันชิบหาย ใจก็กลัวโคตรๆ ถ้าเกิดไปชอบมันจะทำไง แย่แน่ๆ ผมเนี่ย จะไม่แย่ได้ไง คนในร้านส่วนใหญ่ก็มองแต่มัน พนักงานสาวก็มองมันบ่อยครั้ง ถ้าสมมุติผมต้องไปแข่งกับผู้หญิงอื่น ผมก็คงแพ้อย่างเห็นได้ชัด ไอ้ห่านี้ก็หล่อไม่เกรงใจคนในร้านเลย

 
 
 
 
 
“ให้ขึ้นไปส่งบนห้องไหมครับ”
 
 
“ไม่ต้อง กูขึ้นไปเองได้ กูไม่ใช่ผู้หญิง”
 
มันมาส่งผมถึงที่แล้วยังจะขึ้นไปส่งที่ห้องอีก
 
 
ไม่ใช่แค่นั้นครับ… มันไม่จบแค่นั้น มันปลดสายเข็มขัดนิรภัยตัวเองออกแล้วมาปลดของผม ไอ้แค่นั้นมันก็ไม่ได้ใกล้ตัวผมเท่าไหร่หรอก ถ้าแม่งไม่ขยับเข้ามาใกล้ๆ จนเล่นเอาผมเกร็งหดไปติดเบาะ
 
 
แล้วเปิดประตูฝั่งผมให้…
 
 
“ฝันดีนะครับจิม”
 
 
 
 
ทำไมช่วงนี้มึงอ่อยกูแรงขนาดนี้วะ เห้ยยยยยยยยยยยยยย
 
 
 
 
 
…………………………………
 
 
“มันง่ายมากถ้าเราจะปล่อยใจให้ไหลไปตามสายน้ำของความรู้สึก”
 

 
Talk : จิมโดนแล้ววววววววววว คุณกี้เป็นพ่อสืบที่ไม่แสดงตัวเลย //// คนเขียนใกล้ตายแล้ว ตากฝนตาลม จนไข้ขึ้น แต่ก็ยังเขียนเรื่อยๆ นอนนิ่งๆมันเบื่อมาก //// ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับช่วงนี้ฝนตกบ่อยมาก
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 14 : ปล่อย : หน้า 3 /// Update! (10/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-06-2017 16:11:05
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 14 : ปล่อย : หน้า 3 /// Update! (10/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 10-06-2017 16:22:08
โอ๊ย มีความขี้อ่อยอ่ะ

 :katai3:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 14 : ปล่อย : หน้า 3 /// Update! (10/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-06-2017 21:32:40
 :L2: :pig4:

ขอบคุณ
ขอให้หายป่วยไวๆ
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 14 : ปล่อย : หน้า 3 /// Update! (10/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฟ้าใส ที่ 11-06-2017 13:13:44
 :z3:

นี้ถ้าทั้งคู่รู้ว่าต่างชอบกันคงไม่ต้องเสียเวลาอ่อย
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 15 : ยอม : หน้า 3 (12/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 12-06-2017 00:35:10
Chapter 15 : ยอม




หลังจากเมื่อคืนอาร์มเล่นปั่นหัวใจผมซะนอนแทบไม่หลับเลย เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้เรื่อง

ผมโคตรจะคิดวกวนกับตัวเองตั้งแต่เจอมันครั้งแรก ก็ฝันถึงมันมาเกือบตลอดเลย ที่ไม่ได้เล่าให้ฟัง


เพราะมันก็เป็นฝันที่เหมือนๆกันเกือบทุกครั้งจะเป็นภาพแตกต่างออกไปแต่พอตในฝันคือ ผมกับมันอยู่ด้วยกัน


จะมีก็แต่ไอ้วันที่ผมเห็นมันกอดกับปอยนั้นแหละครับ ที่ผมไม่ได้ฝันถึงมันเลย


และเมื่อคืนมันเป็นเหมือนลางบอกเหตุว่า ฝันทั้งหมดที่ผ่านมามันอาจจะเป็นความจริงใจอนาคตก็ได้นะ ลึกๆทุกครั้งที่ฝันแล้วต่อต้านตัวเอง ยิ่งฝันบ่อยขึ้น


ใจผมเริ่มเปลี่ยนจากไม่อยากให้เป็นจริง


เหมือนจะเข้าข้างความฝันตัวเองซะงั้นแหละ ไอ้เรามันคนยังไงกันแน่นะ สรุปแล้วตัวผมชอบผู้ชายเหรอ


ผมจะรับตัวเองในแบบนั้นได้เหรอ?

นี่คือผมทบทวนตัวเองจนกังวลว่า ถ้าเกิดขึ้นจริง เหมือนฝันเป็นนิมิตละ ก็แหม ใครเคยรู้สึกเหมือนเคยเห็นเหตุการณ์ที่ตัวเองเคยฝันหรือความรู้สึกเดจาวูอะเทือกนั้นบ้างล่ะ ผมจะแก้ไขปัญหาต่างๆยังไง เพื่อนแม่งจะยอมรับผมไหม? พี่ๆล่ะ จะโอเคไหม แล้วครอบครัวผมล่ะ


สังคมสมัยนี้เปิดรับคนประเภทนี้ก็จริง แต่ก็นะยังไม่พ้นที่จะถูกดูแคลนเกือบตลอด

ยิ่งพ่อแม่ผม เขาจะเข้าใจคนสมัยนี้ไหมนะ ยิ่งผมเป็นลูกชายคนเดียว พี่สาวหนึ่งคน เขาก็คงหวังให้ผมสืบทอดสกุลเขาแหละ ญาติๆจะมองผมติดไหม


อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ ที่ผ่านมาผมถึงปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง แต่ก็แพ้ใจให้กับพฤติกรรมของอาร์มแต่ล่ะอย่าง…


นี่ผมเพ้ออะไรอยู่วะเนี่ย ไม่เป็นอันเรียนเลย ไอ้กี้ไอ้ดิวก็ดูมีความสุขเล่นกันไม่สนใจอาจารย์ในห้องดีเนอะ ต่างกับผมเลยมานั่งคิดเครียดๆอะไรก็ไม่รู้ แม่งคนที่ไม่เคยมีแฟนแบบผมจะเป็นเหมือนผมไหมวะ มันมีอะไรในหัวเยอะแยะเต็มไปหมด


ไม่รู้ตัวเองต้องรับมือยังไงกับความรู้สึกใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้จากไหนมาก่อน แม้จะคล้ายคลึงกับความรักของพ่อแม่พี่ หรือแม้แต่เพื่อน แต่มันคนละอารมณ์กันเลย มันบอกไม่ถูกเลย

เข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องลองกินของใหม่ที่ตัวเองไม่เคยกินมาก่อนกันไหมครับ อารมณ์ประมาณนั้น แยกไม่ออกว่าอร่อยไหม

แค่รู้สึกดีก็ถือว่าอร่อยแล้ว


แล้วถ้าอร่อย มันก็อยากจะกินอีกสิครับ…


แปลกเนาะ ผมรู้จักมันมาสักพัก ผมยังไม่มีที่ทางที่จะติดต่อมันได้เลย

เฟสบุ๊คหรอ ไม่มีอะ

ไลน์ ยิ่งแล้วใหญ่

เบอร์โทร นี้คงหนักสุด



กับอีแค่ขอๆ ไปเลยก็จบแล้ว ทำไมมันยากจัง

จะขอจากไอ้กี้ ก็กลัวแม่งจะรู้เรื่องอีก ยิ่งไม่รู้ว่ามันวางแผนกับไอ้อาร์มทำอะไรผมอีกด้วย


พอจะหยิบไลน์ไอ้กี้มาดูหน่อย แม่งก็ชอบมีความลับเยอะ ไม่ยอมให้เปิดดูเลย กะจะเนียนๆซะหน่อย


“เว้ยยยยยย”

ชิบหายล่ะ ทั้งห้องมองมาที่ผมคนเดียวเลย


“มึงเป็นไรวะ”

ไอ้กี้ที่กำลังตกใจเสียงโวยของผมมันหันมาถาม


“อะ อ่อ เปล่า กูปวดหัวคิดงานไม่ออกนิดหน่อย”


“มึงเนี่ยนะคิดไม่ออก ถ้าท็อปของห้องคิดงานไม่ออก คนอื่นก็คงชาติหน้าอะ กว่าจะคิดออก”

แม่งก็ยอผมเกิน คนอื่นจะหมั่นไส้ผมเอา แต่ก็จริงส่วนนึงนะ ผมเนี่ยได้คะแนนเอ ทุกงาน อาจารย์ชอบงานออกแบบผมมาก


“กูก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นไหม”


“จ้าา ถ่อมตัวจ้าา”

ประชดได้กวนตีนมากไอ้ดิว


“เออ กูถ่อมตัว ว่าแต่มึงเหอะดิว ก็พอกันกับกูแหละ คิดงานออกบ้างไหม”

ดิวมันจะเก่งพอๆกับผมเลยแหละเรื่องงานดีไซน์ แนวงานผมจะออกแนวแปลกๆ

ส่วนไอ้ดิวมันสายมินิมอล ซึ่งผมกับมันจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องงานกันบ่อยๆ

ส่วนไอ้กี้ แม้มันจะคิดไม่เก่ง แต่มันเป็นสายขยันเลยได้ในส่วนนี้ชูให้กลุ่มผมสามคนในห้องเป็นกลุ่มที่โดนอาจารย์เรียกหาบ่อยจนบางทีพวกผมก็กลัวคนอื่นในห้องจะมองหมั่นไส้เอา


“ยังเลยว่ะ ไว้ค่อยกลับห้องไปให้พี่ตั้วช่วยคิดอีกแรง”

โว๊ะ มีแฟนมันดีอย่างงี้นี้เอง


“เออๆ ได้ยังไงบอกกูด้วย เผื่อกูได้อะไรเจ๋งๆจากมึงบ้าง”


“กูต้องขอจากมึงมากกว่าไหมไอ้แคระ”


“พวกมึงนี้คุยกันเกรงใจคนไม่เก่งอย่างกูบ้างสิวะ”


“โอ๊ะ ดิว มีคนน้อยใจว่ะ”

ผมส่งสัญญาณไอ้ดิวให้รับส่งบทกับผมเพื่อแกล้งไอ้กี้


“โอ๋ๆๆ มาๆ มาเป็นผัวน้องสิจ๊ะ เดี๋ยวจะทำงานให้ทุกอย่างเลย”

เชี้ยดิว พูดจาได้น่ากลัวมาก ไอ้กี้ถึงกับทำหน้าสยองขวัญเหมือนเจอผีกลางวันแสกๆ


“พ่อง กูไม่เอาขี้เว้ย แหวะ หยี้”

ผมรู้มันอาจจะขำๆ นะ แต่ผมแอบจิตตกยังไงไม่รู้ เหมือนมันจะรับไม่ได้เกี่ยวกับเรืองแบบนั้น ผมเองที่ไม่ได้คิดถึงจุดนั้น คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะรับได้ไหม แล้วถ้าเกิดมันรู้ว่าผมคิดอะไรกับอาร์ม มันจะคิดยังไงกับผมนะ แต่เอ๊ะ ไอ้ดิวกับพี่ตั้วก็แฟนกัน ไม่เห็นกี้จะว่าไงเลย…


“เออ จิมมึงวันนี้มึงจะอยู่ดูไอ้กี้ซ้อมใหญ่เปล่า”


“ไม่อะ กูอยากกลับไปคิดงาน”


“เนี่ย แค่วันเดียวที่มึงไปกับไอ้เติ้ลมึงก็ทิ้งเพื่อนอีกและ”

วอแวอีกและเชี้ยกี้เอาใจยากชิบหาย


“ก็มึงให้กูไปกับมันเองนี่หว่า มาว่าไรกู”


“เอ้า เติ้ลมาหาที่ห้องประกวดด้วยหรอ”


“เออ มันมาได้ไงไม่รู้กูเลยให้แม่งพาจิมกับห้อง ไม่รู้ว่าได้กันกี่รอบและ”

เนี่ย ไอ้เชี้ยกี้ก็พูดอำซะ ผมจะไปมีอะไรกับอาร์มได้ไงวะ ปัญญาอ่อน


“เห่ยยยย จิมกับเติ้ลนี้ยังไง แฟนกันหรอ”

ไอ้เชี้ยดิววว มึงอย่าชักใบเรือยอร์ชได้ไหม (เรือยอร์ชมีใบเรือด้วย?)


“สัดดิว กูเพื่อนกัน มึงก็เชื่อหมาๆอย่างไอ้กี้”


“แต่กูว่าอีกไม่นาน พนันกัน”

จู่ๆไอ้กี้ก็พูดห่าไรของแม่ง


“กูลง มึงกับไอ้เติ้ลจะได้เป็นแฟนกัน 500”

เชี้ยดิวไวสัด จัดคนแรกเลย เอาเงินมาพนันห่าอะไรแบบนี้ด้วย


“สัด ไร้สาระ จะเป็นได้ไงวะ กูไม่ได้ชอบผู้ชาย”

…. ผมพูดแบบนั้นทำไมวะ ปากหนอปาก


“งั้น กู 1,000 ไอ้จิมเป็นแฟนไอ้เติ้ลภายในสัปดาห์หน้า”

เชี้ยกี้ พนันอะไรเยอะแยะขนาดนั้น มีเงินมาจากไหน เป็นเด็กทุนกีฬาแท้ๆ


“อะไรของพวกมึงวะ กูไม่เล่นเว้ย”


“ป๊อด ไม่มึงก็กำลังโกหกพวกกูอยู่”

….เชี้ยกี้เล่นพูดงี้ผมก็พูดไม่ออกดิ


“กูโกหกอะไรมึง”


“มึงมีใจให้ไอ้เติ้ลมัน!”

เชี้ยกี่….


“ไม่เว้ยยย”


“ถ้างั้นก็ลงขันมา ถ้าไม่จริงยังไงมึงก็มีแต่ได้กับได้”


“เออๆ น่ารำคาญ 1,500 ถ้าเกิดกูไม่ได้เป็นแฟนมัน”

มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ยังไงผมก็คงไม่มีโอกาสนั้น ถึงไอ้อาร์มดูเหมือนจะทีเล่นทีจีบกับผมก็เถอะ แต่คนหล่ออย่างมัน เลือกใครก็ได้ที่ดีกว่าผมอยู่แล้ว


“ดี จัดไปตามนี้ มาดูกัน”

(การพนันเป็นสิ่งไม่ดีนะครับ ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง)

ไอ้พวกเชี้ยนี้มันก็ไม่ได้ทำแบบนี้บ่อยหรอกครับ นี้ครั้งแรก ผมรู้ว่ามันไม่พนันจริงๆหรอก แค่อยากจะจับผิดผมล่ะสิไม่ว่า








พอกลับถึงห้องผมก็ล้มตัวนอนทันที ไม่คิดอะไรทั้งนั้น


วันนี้ไอ้อาร์มไม่เห็นจะโผล่หัวมาเลย (แล้วบอกไม่คิดอะไร ห่าจิม)


ไปไหนของมันนะ ผมอยู่ดูไอ้กี้ซ้อมใหญ่พักนึงก็ไม่เห็นมันจะมา คงยุ่งอยู่เปล่า หรือไม่ก็ไปจีบสาวที่ไหนอยู่แน่ๆ คืนนี้จะนอนให้ยาวนานที่สุดเพราะพรุ่งนี้วันเสาร์ไม่มีเรียน แต่ตอนเย็นต้องไปงานประกวดดาวเดือนคณะตัวเองเพื่อไปเชียร์ไอ้กี้






“เตี้ย คิดถึงจังครับ”

ภาพตะวันตกลงปลายขอบฟ้าของทะเลชายหาดแห่งนึงฉายแสงลงบนผิวกายที่เปียกน้ำของผมและอาร์ม ท่ามกลางท้องฟ้าสีชมพูส้ม…


อุ่นชะมัด กอดนี้โคตรอุ่นเลย อาร์มที่โอบร่างผมจากด้านหลังโคตรจะอุ่น…



“กริ้งงงงงงงงงง”

เสียงนาฬิกาทุบฝันจนแตกทำให้ผมตื่นจากฝันที่ช่วงนี้ผมมองว่าเป็นฝันดีแล้วกัน ถึงเมื่อก่อนจะคิดว่าเป็นฝันร้ายก็เถอะ


“โอ๊ยยยย นี้เพิ่ง 7 โมง จะปลุกกูทำไมมมมม”

คนพูดกับนาฬิกาก็คงจะมีแต่ผมเนี่ยล่ะ


จะนอนต่อก็นอนไม่หลับ เพราะแสงในห้องมันสว่างพอสมควร


“เชี้ยจิม ตื่นเว้ย”

เสียงเชี้ยกี้ ปลุกแต่เช้า มาเคาะประตูซะไม่เกรงใจเลย


“ก๊อกๆๆ”

ตื่นแล้วววว จะเคาะไรนักหนา


“เออๆๆ กูมาแล้ว”

พอผมเปิดประตูให้มัน มันก็เข้ามาทันที


“ห่าโทรไปก็ไม่รับ ไลน์ก็ไม่ตอบ ตื่นยากตื่นเย็นนักมึง”


“อะไรของมึงวะ ปลุกกูทำไมวันนี้วันเสาร์นะเว้ย”


“วันนี้กูมีประกวด พี่บาสให้กูมาตามมึงไปช่วยงาน”


“เอ้า ทำไมกูต้องช่วยด้วยอะ กูไม่ได้อยู่ชมรมพี่เขานะ”


“ไอ้สัสเป็นน้องรหัสก็หัดไปช่วยพี่เขาบ้างสิวะ”


“ไอ้ช่วยอะช่วยอยู่แล้ว แต่ขอนอนอีกหน่อยไม่ได้ไง นี้มันเพิ่ง 7 โมงเอง”


“7 โมงบ้านป้ามึงดิ แหกตาดูนาฬิกา”

แล้วมันก็ชี้ไปทางนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังห้องผม


ชิบหายยยย ไหงผมมองในโทรศัพท์ 7 โมงนี่ นี้ผมเผลอหลับต่อยาวขนาดนี้เลยหรอเนี่ย นี่มันบ่ายโมงครึ่งแล้ว โทรศัพท์มีคนโทรมาตั้งหลายมิสคอล ทั้งดิวทั้งไอ้กี้ทั้งพี่บาส


“เชี้ยยย เออ กูอาบน้ำแปบ”


“เร็วๆ เลย กูเป็นเดือน ยังต้องมาตามมึงถึงห้องอีก ห่านี้ ถ้ากูไม่ปลุกมึงสงสัยนอนยาวไม่มางานกูเลยใช่ไหม”

บ่นยาวจริง


“เออๆ กูขอโทษ ไปเชียร์อยู่แล้วนา เลิกบ่นสักที”

ผมตะโกนออกมาจากห้องน้ำให้มันเลิกบ่น

จะว่าไปผมนี่หลับลึกจริงแหะ ถ้าไฟไหม้ผมคนตายไปคนแรกแล้ว ฮ่าๆ



“มึงไปงานก่อนก็ได้นะเว้ย ต้องไปเตรียมพร้อมไม่ใช่หรอ ไม่ต้องรอกูหรอก รีบไปเดี๋ยวไม่ทัน กูจะรีบตามไป”

ระหว่างอาบน้ำผมนึกขึ้นได้ว่าคนเป็นดาวเดือนต้องไปเตรียมพร้อมไหนจะแต่งหน้าทำผมไหนจะคอสตูม


“....”


ไอ้กี้ไม่ตอบกลับมา ทำไรอยู่วะ



พอผมอาบน้ำเสร็จซึ่งครั้งนี้อาบเร็วมาก แทบจะเรียกได้ว่าวิ่งผ่านน้ำเลยก็ว่าได้

พอออกมาจากห้อง ก็เจอร่างใหญ่หนึ่งคนใส่ชุดนักศึกษา ตอนแรกก็คิดว่าไอ้กี้ เพราะมันก็ใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกัน


“สัด กูบอกให้ไปก่อนไง จะรอกูไปพร้อมมึงทำเชี้ยไร ทำอย่างกับเป็นผัวกูตามจิกกูอยู่เรื่อย”


ผมก้มหน้าก้มตาบ่นใส่มันโดยไม่สนอะไรเลย

….อาร์ม…


“เอ้า มึงมาได้ไง แล้วเชี้ยกี้อะ”


“ออกไปสักพักแล้ว เมื่อกี้เดินส่วนกัน สงสัยเข้ามอไปอย่างที่จิมบอกแหละครับ”


“แล้วมาทำไมอะ วันนี้กูไม่ว่างนะ ต้องไปช่วยงานที่คณะ”


“รู้แล้วครับ แค่จะมารับจิมเข้ามอไปด้วย วันนี้คณะอาร์มมีเรียนชดเชยของวันจันทร์ที่ต้องหยุดสำหรับงานประกวด”


“อาร์มเลยมาหาจิมก่อน”


“ไม่เห็นต้องมาหาเลยนี่ กูว่าเสียเวลานะ มหาลัยกูก็ใกล้แค่นี้ นั่งวินแปบเดียวเอง”


“ทำไม คิดถึงไม่ได้ไง?”

เฮือกกกกกกกกก คำหยอดหนึ่งดอก ชะงักไปสิบล้านปีแสง (เว่อร์)


“คิดถึงห่าไร โว๊ะ กูไปแต่งตัวละ”

เดินเขินเข้าห้องดิ บทจะยิงตรงก็เอาซะตั้งตัวไม่ได้

ด้วยนิสัยที่ชอบทาครีมก่อนใส่เสื้อผ้าและความเคยชินอยู่ในห้องตัวเอง… ก็เหลือกางเกงในตัวเดียวที่ปิดกั้นส่วนลับไว้

“จิมกินข้าวยังครับ เดี๋ยวไปกินข้าว…..กัน...ก่อน….ไหม?”

แม่งก็ไม่คิดว่าจะเปิดประตูเข้ามา เชี้ยยยยกูโป๊นะเว้ย มองตาค้างอะไรเบอร์นั้น



“เห้ย ออกไปยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย เข้ามาทำไมไม่เคาะ”

แล้วมันก็ปิดประตูออกไป


“เอ่อออ โทษทีครับ อาร์มคิดว่าจิมเสร็จแล้ว เห็นนานแล้วอะ”

ก็คนต้องทาครีมไหมเล่าาาาา ไหนจะผิวไหนจะหน้า โว้ยยยยยย


“เออๆ กูเสร็จละ”

เขินชิบ ทำไมเขินอย่างนี้วะ ตอนรับน้องอาบน้ำกับกี้กับดิวยังไม่เห็นเขินหรืออายขนาดนี้เลย ผมรีบใส่รองเท้าเปิดประตูไม่มองหน้ามันออกมาจากห้องเลย


“ไป เดี๋ยวไปกินข้าวก่อนไม่ใช่หรอ รีบๆ พี่บาสรอ ล็อกประตูด้วย”

ใครจะไปกล้ามองหน้าคนเพิ่งมาเห็นผมโป๊วะ


“ครับ….ครับ”

เสียงแผ่วๆ ตามหลังมา


“จิม…. จิมครับ”


ผมเงียบไม่คุยกับมันสักพัก ไม่ใช่เพราะโกรธที่มันเข้าห้องนอนมาไม่เคาะประตู แต่มันเขินจนไม่กล้าพูดอะไรต่อ ไอ้แค่ส่วนบนก็ว่าเขินหน่อยอยู่หรอก แต่ไอ้ส่วนล่างเนี่ย มันไม่อยากจะให้ใครมาเห็นบ่อยๆสักหน่อย



“....”


“โห ขอโทษครับ ขอโทษน้าาาา ก็คิดว่าแต่งตัวเสร็จแล้ว ใครจะไปนึกล่ะว่าเข้าไปจะ….”


“หยุดพูดเลย”


“ฮ่าๆ เขินหน้าแดงเลย”


“ไม่ได้เขินเว้ย ขับรถไป”


“น่ารักว่ะ”

ไม่ต้องมาชมมันไม่ช่วยให้หายเขินหรอกนะเว้ย


“ไม่ต้องมาชมกู กูไม่หายหรอกนะ”


“โห หายงอนเถอะ นะนะนะ”

อย่ามาอ้อน… ผมใจไม่ดี… น้ำเสียงโคตรน่าฟัง นุ่มมาก


“ใครงอนกูไม่ได้งอน”


“เนี่ยเรียกงอน อาร์มง้อแล้วนะ หายงอนนะครับเตี้ย”

เชี้ยยย ใจยิ่งเต้นรัวเข้าไปใหญ่… พอแล้วๆ ก่อนที่ใจผมจะแตกกว่านี้


“ใครเตี้ย ไม่สนเว้ย”


“งั้นเดี๋ยวพาไปเลี้ยงบาร์บีคิว หายงอนนะครับตัวเล็ก”

ท่าไม้ตายมาแล้ว ลูบหัวพิชิตใจ โอ๊ยยยยยยย


อ่อนระทวยไปหมดเลยยยย


“ยอมก็ได้วะ”







……………..………………




“ยอม...คือการลดทิฐิของการปฏิเสธใจตัวเอง”




Talk : อาร์มมาแปบเดียวก็ทำจิมปวกเปียกและ จิมกากชะมัด//// อากาศดีขึ้นแล้วน้า




หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 15 : ยอม : หน้า 3 (12/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-06-2017 02:12:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 15 : ยอม : หน้า 3 (12/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-06-2017 07:58:14
ใจจิม ไปหาอาร์มเต็มๆแล้ว  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 15 : ยอม : หน้า 3 (12/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-06-2017 12:05:54
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 16 : จีบ (อาร์ม) : หน้า 3 (13/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 13-06-2017 01:18:04
Chapter 16 : จีบ
 
 
 
 
เกิดมาชีวิตผมเนี่ยไม่เคยจีบผู้ชายเลยครับ ครั้งแรกเลย
 
นี่ก็ทำให้ชัดเจนที่สุดแล้วว่าพยายามจะเข้าหาไอ้เตี้ยมัน.. ไม่รู้จะดูออกไหม?
 
 
 
ดูออกดิ!! ปฏิเสธขนาดนี้
 
แค่ผมลูบหัวมันก็หันหัวหลบผมแล้ว ไม่รู้จะเกร็งเพื่ออะไรยังไงหัวเล็กๆของมันก็หลบมือใหญ่ๆของผมไม่พ้นหรอก (ถ้าอยากรู้ว่ามือผมใหญ่ขนาดไหน หัวไอเตี้ยเล็กขนาดไหน ลองนึกภาพนักบาสรับลูกบาสโดยไม่หลุดมือได้ ประมาณนั้นแหละครับ)
 
 
“เอามือออกไป ผมกูเสียทรงหมด”
 
เห็นไหม วอแวซะขนาดนั้น ดูแล้วการเข้าหาของผมคงเป็นอะไรที่ไอ้เตี้ยมันต่อต้าน แต่ใครมันจะไปยอมล่ะครับ ก็เจ้าตัวเล่นพูดตอนเมาว่า ถ้าปัญหาทุกอย่างมันโอเคแล้ว ผมจะจีบมันก็อีกเรื่อง นั้นแหละครับ ปัญหาทุกอย่างมันจบลงแล้ว
 
 
ผมกับปอยเราเลิกกันแล้ว ตอนนี้เรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนสมัยมัธยมแล้วครับ จะเหมือนเดิมจริงๆไหมผมก็ไม่รู้ แต่ปอยก็เปิดโอกาสให้ตัวเองได้คุยกับคนอื่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
 
บางทีที่เราเลิกกันอาจเป็นเพราะผมเฉยชากับปอยมากขึ้นตั้งแต่เจอไอ้เตี้ย เป็นเหตุผลที่ผมหลุดปากบอกเธอไปว่า ผมชอบคนอื่นไปแล้ว
 
 
และคนๆนั้นก็คือไอ้คนที่พยายามดิ้นออกจากมือผม ช่วยไม่ได้ผมไอ้เตี้ยทั้งหอมทั้งนุ่ม คนอะไรวะ ตัวหอมอย่างกับผู้หญิง
 
แต่เตี้ยไม่รู้อะไรเลยรึไงว่าเวลาตัวเองไม่เซ็ตผมน่ารักกว่าตอนเซ็ตผมเยอะเลย
 
 
“เวลาจิมไม่เซ็ตผมน่ารักกว่าเยอะ อาร์มชอบ”
 
แม้ทีท่าของผมจะทำเหมือนสนใจกับเส้นทางที่ผมต้องขับไป แต่หางตาผมก็แอบมองไอ้เตี้ยอยู่ตลอดนะครับ หน้าบูดหน้าเบี้ยวของมันโคตรน่าเอ็นดู
 
 
“พูดเชี้ยไร ไร้สาระ ผู้หญิงทุกคนที่ได้ยินมึงพูดอย่างนี้เค้ายอมมึงหมดเลยป่ะ”
 
 
“ก็ไม่นะ”
 
 
“เหอะ ผู้หญิงเขาก็คงไม่โง่อะแหละเนอะ”
 
 
“หมายถึงไม่มีหรอกผู้หญิงที่ผมต้องพูดจีบแบบนี้อะ”
 
ตรงไปเปล่าวะเนี่ย ไอ้เตี้ยมันจะโวยวายไหม โวยวายแน่ๆ
 
 
“จีบ?”
 
สั้นๆ นิ่มๆ ไม่วอแว โวยวาย เป็นการถามที่เหมือนจะเย็นชาแต่ก็ไม่
 
 
“ครับ ส่วนใหญ่อาร์มไม่ต้องจีบก็มีเข้ามาหาอยู่บ่อย”
 
ตอบตามจริงอย่างนี้ คงไม่ทำให้ไอ้เตี้ยห่างออกไปหรอกมั้ง (มั้ง?)
 
 
“เออ เจ้าชู้ดีเนาะ…”
 
(ขอให้น้ำเสียงนี้เป็นการประชดประชันทีเหอะ) เพราะผมไม่เจ้าชู้นะเว้ยไอ้เตี้ยครับ
 
 
“ว่าอาร์มเจ้าชู้ อาร์มไม่เคยตกลงกับผู้หญิงที่เข้ามาแบบนั้นหรอกนะจิม”
 
 
“...”
 
 
“อาร์มรักเดียวใจเดียวนะ สาบาน!”
 
แจกแจงข้อดีทั้งหมดเลยดีมะ หล่อ รวย นิสัยดี วาจาไพเราะ โรแมนติก แถม รักเดียวใจเดียว (หลงตัวเองด้วย)
 
 
“เรื่องของมึงครับ”
 
อย่างน้อยการที่ผมส่งความชัดเจนไปขนาดนี้ ไอ้เตี้ยยังดูไม่ถอยห่างจากความเป็นเพื่อนของผมเท่าไหร่ แสดงว่าผมก็ยังคงทำอะไรได้อยู่
 
 
หลังจากที่เรามากินบาร์บีคิวเสร็จเรียบร้อยก่อนเข้ามหาลัยมันก็มาจอดรถที่หน้าตึกคณะ
 
 
“ถึงแล้วครับ เดี๋ยวอาร์มเรียนเสร็จมาหานะ อยู่ที่งานใช่ไหม”
 
เอาจริงมันไม่ได้เป็นการถามหรอกครับเพราะรู้อยู่แล้วแหละว่าเตี้ยจะทำอะไร จะอยู่ไหน ก็กี้ เล่นเป็นสายพ่อสืบอย่างลับๆ ให้ผมเกือบตลอด ต้องขอบคุณกี้เลยครับที่เปิดทาง (เอ...เรียกว่าทอดสะพานถวายให้เลยดีกว่า)
 
 
“มาทำไม อ่อ มาเชียร์ไอ้กี้หรอ”
 
นี่ไม่รู้จริงๆรึว่าผมมาหาใคร
“มาหาจิมดิ ถามได้”
 
 
“แล้วจะมาหากูทำไม? กลับไปก่อนก็ได้งานเลิกดึก”
 
ก็อยากอยู่ด้วยนี่หว่า
 
 
“ก็อยากมาหา อยากเจอไม่ได้หรอครับ”
 
ผมจะดูน่ารำคาญสำหรับเตี้ยมันไหม? บ้าเอ๊ย เข้าหามากไปเปล่าวะเนี่ย
 
 
“โว๊ะ เออๆ แล้วแต่มึงละกัน”
 
ไม่ปฏิเสธด้วยแหะ… (ไม่ได้ๆ อย่าหลอกตัวเองดิ เขาอาจจะปัดรำคาญก็ได้ไอ้อาร์ม อย่าคิดไปเอง)
 
 
“ครับตัวเล็ก”
 
ชิบ! ดันหลุดสรรพนามที่อยากเรียกมากที่สุดไปแล้ว
 
 
“ตัวเล็กเชี้ยไรรรรรรรรร”
 
หน้าแดงด้วย น่ารักว่ะ...
 
 
“อ้าว ไม่ชอบหรอ แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยอะครับ”
 
 
“เว้ยยย กูไปละ แล้วแต่มึงเหอะ”
 
นี่คือการแก้เขินของไอ้เตี้ยมันใช่ไหม หรือเป็นการปัดรำคาญอีกแล้ว
 
แต่นั้นแหละครับผมคาดว่าน่าจะอย่างหลังแหละ เพราะเตี้ยมันเปิดประตูออกไปไม่ลาซักคำเลย โกรธผมแน่ๆ หน้าตาดูหงุดหงิดขนาดนั้น ขนาดดิวเพื่อนจิมเดินมาหาทำท่าจะกอดคอยังปัดหนีเลย คงหงุดหงิดผมจริงๆอะครับ
 
 
เห้ออออออออออออ
 
นี่ผมรุกหนักไปใช่ไหมเนี่ยยยยยยยยยยยย
 
 
แต่นี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิด จะสายแล้วววววววว วันนี้เป็นวันเรียนชดเชยที่วันจันทร์คณะผมจะมีงานประกวดดาวเดือน ถ้าผมสายอาจารย์พลอยต้องเล่นผมแน่ๆ
 
คิดได้งั้นก็รีบเลี้ยวรถกลับไปที่จอดรถแล้ววิ่งเข้าห้อง
 
 
สุดท้าย… อาจารย์พลอยยกคลาสซะงั้น เนื่องด้วยคนมาน้อย แล้วอาจารย์เองก็มีธุระเข้าพอดีทำให้ผมกับเพื่อนๆกลุ่มผมมาเรียนเก้อเลยครับ ให้ชีสมาทำงานวิจัยต่อ แล้วก็เลิกคลาส แต่ก็ดีแล้วครับ ผมจะได้มีเวลาไปหาไอ้เตี้ยไวขึ้น
 
 
ลองช่วยงานที่คณะมันดีกว่า เตี้ยจะได้เห็นผมเป็นคนดีมั้ง (เอาความดีเข้าสู้สินะ)
 
ถือเป็นการไถ่บาปที่ตัวเองรุกหนักไปเมื่อตอนอยู่ในรถและกัน
 
“พวกมึง งั้นกูไปก่อนนะ ว่าจะไปช่วยงานพี่แตมที่คณะศิลปกรรมอะ”
 
 
“กูไปด้วย เบื่อๆ ไม่มีไรทำ”
 
ไอ้นัทเพื่อนผมที่เป็นตัวเต็งพอๆกันในการประกวดดาวเดือนคณะผม เตี้ยกว่าผมหน่อยนึงแต่ได้ความหล่อคมเข้มและผิวน้ำผึ้งเนียนๆ มาเป็นทุน
 
 
“งั้นปอครับ เปิ้ลว่าเราควรที่จะไปเหล่สาวต่างคณะกันบ้างก็ดีนะขอรับ”
 
 
“ปอก็ว่างั้นนะขอรับ เด็กๆศิลปกรรมจะเป็นยังไงกันนะครับ อดใจไม่ไหวแล้วนะขอรับเปิ้ล”
 
 
นี้คือเสียงไอ้แฝดนรกที่ชอบตบมุขปัญญาอ่อนใส่กันจนบางทีก็น่ารำคาญ แต่นั้นแหละครับเป็นสีสันให้ผมกับไอ้นัทไม่เครียดเวลาเรียนหนักๆได้ดีเหมือนกันครับ
 
 
“โอเค แต่ถ้าพวกมึงไป สัญญาว่ามึงจะไม่ป่วนงานรุ่นพี่นะไอ้สัด”
 
 
“ขอรับนายท่าน”
 
การประสานเสียงของแฝดนรกจะออกมาบ่อยๆ จนผมแอบสงสัยว่ามันนัดจังหวะพูดพร้อมกันและเหมือนกันได้ไง (อย่างว่าแฝดกันคงรู้ใจกัน)
 
 
 
 
ไม่ทันไรผมก็เดินมาถึงคณะศิลปกรรมที่ๆไอ้เตี้ยเด็กติสเรียนอยู่ที่ตึกนี้ แถมเจ้าตัวยังเผยร่างให้เห็นต่อหน้ากำลังขึ้นรถกะบะใครซักคนที่มีกลองชุดและข้าวของเต็มหลังรถไปหมด
 
 
“เอ้า จิมทำไรครับ”
 
ผมตะโกนทักทายจิม...แต่ไอ้เจ้าของร่างเล็กหันมาทำหน้างงที่เจอผม
 
 
“ใครวะเติ้ล น่ารักว่ะ มึงรู้จักหรอ”
 
นัทกระซิบข้างหูผม
 
 
(เชี้ย… ลืมเลยไอ้นัทมันสปีชีส์ชอบเพศเดียวกัน) งานเข้าผมและ!
 
 
“เชี้ย… นั้นผู้ชายหรือวะขอรับ ทำไมน่าตาหวานและไซต์มินิได้ขนาดนั้น”
 
 
“ขอรับ”
 
แฝดนรกกระซิบกันคิดว่าผมไม่ได้ยินรึไง?
 
(ไอ้ปอ-เปิ้ล มึงอย่าแม้แต่จะคิด ชอบผู้หญิงเหมือนเดิมอะดีแล้ว ไอ้แฝดนรก)
 
 
 
“ว่าแต่มึงเหอะมาไง ไหนว่ามีเรียน”
 
เตี้ยเพิ่งจะมีบทมาแทรกระหว่างผมกับเพื่อนๆที่กำลังเดินเข้าไปหาเขาที่รถกะบะ
 
 
“พอดีไปมาแล้วอาจารย์จะต้องรีบไปทำธุระอะ เลยให้แค่ชีสมาอ่าน”
 
แล้วผมก็ชูชีสให้ดูเป็นหลักฐาน
 
 
“เชี้ยเติ้ล ไม่คิดจะแนะนำให้เพื่อนรู้จักเลยไงวะ”
 
(ไอ้นัท มึงของกู อย่านะมึง)
 
 
“นั้นสิครับ เปิ้ลก็ว่างั้นนะครับ ว่าไงครับปอ”
 
 
“ปอก็ว่างั้นนะครับเปิ้ล ทำไมเพื่อนเติ้ล รู้จักเพื่อนน่ารักต่างคณะไม่เห็นพามารู้จักกันเลย”
 
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย ผมคิดผิดไหมเนี่ยเอาเพื่อนผมมาเนี่ยยยยยย
 
 
“พวกมึงเลิกแซวได้แล้ว นี้จิม กูบอกแล้วไงอย่าหาเรื่องเยอะ กูพาพวกมึงมาดูงานไม่ได้พามากวนตีนคน”
 
ไอ้เตี้ยก็ดันยืนทำท่าเงอะงะ งงงวยน่ารักอยู่ได้ สักพักจิมก็ยกกลองขึ้นมา
 
 
ความเร็วแสงของไอ้นัทพุ่งเข้าไปช่วยจิม (เชี้ย นัท มึงไวไปแล้ว)
 
 
รู้งี้น่าจะเอาเรื่องจิมมาคุยกับพวกมันก่อน ว่าผมชอบของผม ไม่งั้นพวกแม่งจะได้ไม่ต้องมาทำแบบนี้
 
 
“นาย เราชื่อนัทนะ มา เราช่วย ยกเข้างานใช่ป่ะ”
 
ใครมันจะไปยอมวะ ผมรีบพุ่งเข้าไปหยิบกลองที่จิมยกขอจับมือแสดงความเป็นเจ้าของหน่อยเหอะ… (ควรไหมวะ
 
 
“จิมต้องยกหมดนี้คนเดียวเลยหรอ”
 
กลบเกลือนไม่ให้จิมหนีผม
 
 
“เออ ไม่ต้องช่วยก็ได้ กูทำเอง”
 
อย่าสิจิม ไม่รู้รึไง ปล่อยไว้แบบนี้ไอ้นัทต้องสอยแน่ๆ...
 
 
“ได้ไงครับ เดี๋ยวช่วย ตัวเล็กจะไหวหรอ”
 
สรรพนามนี้ คงแสดงความเป็นเจ้าของได้นะ
 
 
“ไหวดิ”
 
…. ทำไมไม่โวยวายวะ ผมเรียกตัวเล็กนะเห้ย
 
 
“ปอเปิ้ล ยืนทำเชี้ยไรมาช่วยจิมดิวะ”
 
นัทมันเรียกกำลังเสริมมาให้ข่วยอีกแรง เอาจริงๆก็ดีนะครับ จิมจะได้ไม่ต้องยกเยอะ แต่มันไม่ดีตรงที่ปากพวกมันเนี่ยล่ะ
 
 
“เห้ยไม่เป็นไร ผมทำเองได้ ขอบใจๆ”
 
โหคุยกับคนอื่นล่ะ พูดเพราะ น้อยใจนะไอ้เตี้ย
 
 
“โห คุยกับคนอื่นพูดเพราะเชียวนะ”
 
 
“หรือมึงอยากเหมือนคนอื่น?”
 
เตี้ย...แม่งกระซิบข้างหูผม เล่นผมนิ่งเงียบ… ก็ดีใจดิครับ ไม่เหมือนคนอื่นก็คงหมายความว่าพิเศษกว่าคนอื่นดิ 
 
 
“จิมนี้ตัวเล็กน่ารักดีเนอะ สเป็กกูเลยว่ะเติ้ล”
 
 
เชี้ยยย นัท คิดว่าจิมไม่ได้ยินรึไงวะ เดินยกกลองอยู่ข้างๆกันเนี่ย
 
เจ้าตัวเองก็เดินเงียบๆ เหมือนไม่ได้ยินอะไร ผมเลยขยับไปใกล้ไอ้นัทเพื่อจะกระซิบบอกมัน
 
 
“คนนี้กูขอ ห้ามยุ่ง”
 
 
“ได้ไงวะ มึงก็รู้กูโสดมานานและ นี้แหละโอกาสของกู”
 
เชี้ยเอ๊ยยยยยย โคตรอยากจะพูดตรงนี้เลย ว่าจิมอะของผม แต่แม่งพูดไม่ได้ไง ก็มันไม่ใช่อะ นี่ผมกะจะมาทำคะแนนกับจิมนะ ไม่ได้มาทำให้ตัวเองมีคู่แข่ง
 
 
“ขอเหอะมึง”
 
 
“ทำไมวะ แฟนมึงก็ไม่ใช่ หวงทำห่าไร”
 
 
“...”
 
จุกชิบ! ใครมันจะไปยอมวะ ผมจีบจิมก่อนนะเว้ย
 
 
“ปอขอรับ ท่านนัทกำลังโปรยทางสว่างให้จิมขอรับ”
 
แฝดปากมะละมีบทอีกและ
 
 
“เปิ้ลว่านะครับปอ จิมจะต้องหลงไหลทางที่นัทชี้นำแน่ๆเลยนะขอรับ”
 
 
“พวกมึงอะ! ขนของตามมาเร็วๆ”
 
เชี้ยยยย หงุดหงิดชิบหาย
 
“จิมครับให้เอากลองไว้ไหนครับ”
 
ผมรีบเดินเร็วไปข้างๆจิมที่เดิมนำพวกเราอยู่ ต้องหาทางให้จิมห่างจากนัทละ
 
 
“พี่บาสครับ ให้เอากลองไว้ไหนพี่”
 
 
“โห… มึงขนพวกมาช่วยเยอะจังวะ กูกะจะแกล้งมึงซักหน่อย”
 
ผมนี่ส่ายหน้าให้กับพี่บาสเลย สายแกล้งชัดๆ กะให้จิมยกคนเดียวทั้งคันรึไง
 
 
“พี่บาสอ่าาา นี่น้องนะ ไหนบอกรักผมนักรักผมหนาไง ยังจะแกล้งกันอีก”
 
รัก? เดี๋ยวดิ พี่บาสเราคุยกันแล้วนะพี่… เรื่องที่ผมชอบจิมอะ
 
 
ใช่ครับ ผมคุยกับพี่บาสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องของเรื่องคือ คนที่ปอยคุยด้วยอยู่ ก็คือพี่บาสครับ และพี่บาสก็เคยชอบไอ้เตี้ย…(หรือยังชอบอยู่วะ) แต่นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้สบายใจเรื่องปอยได้ เพราะพี่บาสเองก็สัญญากับผมว่าจะเปิดทางให้ผมกับจิม ถ้าหากจิมเลือกผมอะนะ
 
 
“กู แค่อยากแกล้ง ไม่เกี่ยวรักไม่รักเว้ย ไงไอ้เติ้ล เป็นไงมาไง”
 
 
“เพิ่งเลิกเรียนมาพี่ เลยว่าจะมาช่วยงานพี่ซักหน่อย พี่แตมอยู่ไหนอะครับ”
 
แล้วพี่บาสก็ชี้ไปบนเวที พี่รหัสผมกำลังวุ่นอยู่กับการจูนเสียงให้เครื่องดนตรี
 
 
“ไอ้พี่บาส ผมหนักนะเนี่ยบอกซักทีดิพี่วางไหน”
 
ไอ้เตี้ยเริ่มบ่นหนักละ ผมเพิ่งสังเกตงานประกวดของคณะศิลปกรรม อลังการมาก เวทีมีต้นไม้ ดอกไม้ ด้านข้างๆก็มีสวนสวยๆประดับอยู่ สวยดีแหะ
 
 
“เอ้า เออๆ เอาขึ้นเวทีเลย”
 
แล้วจิมก็เดินไปทางขึ้นเวที เพื่อนๆผมก็ตามกันไป
 
 
“พี่บาส… อย่าลืมที่คุยกันดิพี่”
 
ผมย้ำพี่บาสอีกทีสำหรับเรื่องที่ผมเคยคุยกัน
 
 
“อะไรของมึง กูจะรักมันแบบน้องมั้งไม่ได้เลยไง มึงก็เกินไป กูมีปอยแล้วนะมึงอย่าลืม”
 
 
“ครับพี่ โทษทีพี่ ไอ้เตี้ยแม่งก็จีบยากแล้ว ผมไม่อยากมีคู่แข่งเพิ่มอีก”
 
 
“มึงนี้นะ งั้นมึงก็รีบไปทำคะแนนดิไป”
 
 
“ครับพี่”
 
 
แล้วผมก็รีบขึ้นบนเวทีเอากลองไปวาง ไอ้นัทแม่งทำตัวแมนรีบวางของตัวเองมาช่วยยกของจิมจากมืออีก แม่งถึงเนื้อถึงตัวจริงไอ้เชี้ยนัท (ไม่ได้ๆ ผมจะมาโมโหเพื่อนเรื่องนี้ไม่ได้)
 
 
“พี่แตมครับ… ให้ผมช่วยจูนแอมป์ จูนกีต้าไหมพี่”
 
ผมเดินมาหาพี่แตมพยายามไม่ใส่ใจ… สิ่งที่คิดได้ในใจคือ ผมควรทำให้ทุกอย่างมันปกติถ้าผมโมโหเพื่อนจนน่ามืดมีเรื่องกันขึ้นมา จิมเองก็คงมองผมไม่ติดเหมือนกัน เพราะงั้น ถ้าผมทำดีๆ ยังไงผมก็สนิทกว่าไอ้นัท โอกาสผมมากกว่าอยู่แล้ว แต่นัทแม่งรุกเข้าใส่แบบนั้น ดีไม่ดีจิมอาจจะไม่ชอบหน้าเอาก็ได้ ฮ่าๆๆ ยังไงผมก็ได้เปรียบ นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว
 
 
“ห่ะ มึงเล่นกีต้าเป็นด้วยหรอ”
 
อยู่ๆ ไอ้เตี้ยก็เดินมาได้ยินผมคุยกับพี่แตมที่อยู่คนละฝั่งเวทีซะงั้น
 
 
“แน่นอน วันจันทร์ก็ดูเอาและกันว่าเก่งแค่ไหน”
 
 
“งั้นเติ้ล มึงช่วยพี่แนนจูนกีต้าไป เดี๋ยวพี่จัดแอมป์ตรงนี้แล้วไปจูนจุดอื่น”
 
ตอนนี้ไอ้เตี้ยมานั่งดูผมจูนกีต้าแทนจะสนใจไอ้นัทที่นั่งอยู่กับพวกปอเปิ้ล
 
 
ฮ่าๆ ได้ทีผมแหละ ที่ผมสนิทกับจิมกับพี่แตมพี่แนนมากกว่าพวกมัน
 
 
“เพิ่งเคยเห็นมึงในมุมนี้เนาะ ท่าถือกีต้าเท่ดี”
 
ไอ้เตี้ยชมผมว่ะ… บันทึกไปอีกบรรทัดและกัน นานๆจะชมที
 
 
“หล่ออะดิ”
 
 
“หลงตัวเองว่ะ”
 
เอ้า ลุกหนีไปไหนอะ โห ไรวะ ไม่น่าเลยผม
 
 
“พี่บาสสส ให้จิมช่วยอะไรอีกไหมครับบบบ”
 
เชี้ยยยยยย เสียงอ้อนนั้นมันไว้สำหรับผมเท่านั้นดิ เดี๋ยวก็มีคนหลงมันจนได้
 
 
“มึงอะนะ อืมมมมมมม ไปหยิบปลั๊กไฟเพิ่มในห้องชมรมไป”
 
 
“อยู่ตรงไหนอะพี่”
 
 
“ใต้ตึกนี้ไง มึงไปนั่งฟังพวกกูเล่นกี่รอบและทำจำไม่ได้”
 
 
“หมายถึงปลั๊กอะพี่ปลั๊ก”
 
 
“วางตรงพื้นกลางห้องนั้นแหละ กูจะให้ไอ้ดิวกับตั้วแวะไปเอา แต่แม่งโทรมาบอกจะแดกข้าวก่อน งั้นมึงไปเอามาเลยละกัน อะกุญแจห้อง”
 
แล้วจิมก็รับกุญแจไป… เชี้ยนัทลุกเดินเข้าไปหาจิม ไม่ได้การและ
 
 
ชิบ!! ผมยังจูนกีต้าไม่เสร็จเลย ถ้าผมละจะไปเป็นเพื่อนจิมจะชัดไปเปล่าวะ
 
 
“เตี้ย! ไปด้วย พี่แตมเดี๋ยวผมมาช่วยนะพี่ แปบบบบ”
 
 
“เออๆ”
 
เยี่ยมพี่แตมให้ผ่าน
 
 
“ไม่เป็นไร มึงช่วยพี่แตมจูนกีต้าเถอะ นัทไปช่วยให้และ”
 
ผมมองหน้าไอ้นัทที่ยักคิ้วกวนตีนให้ผม…ก่อนจะเดินพากันออกไป แม่ง...โดนแย่งไปกับตา เจ็บชิบ
 
 
“เห้ยๆ ใจเย็น กำมือซะกูกลัวจะมีเรื่องในงานเลยสัด”
 
พี่บาสพูด
 
 
“ผมไม่ทำงั้นหรือพี่ นั้นก็เพื่อนผมนะ แต่แม่งงงงงงง”
 
 
“เป็นเอามากนะมึง มึงคิดว่าไอ้จิมมันใจง่ายขนาดใครจีบมันก็เอาหรอวะ”
 
 
“ว่าไงนะพี่”
 
นี่พี่บาสไม่ได้เชียร์ผมเลยสินะ
 
 
“เออ ก็นั้นแหละ จะจีบมันมึงก็ต้องใจเย็น คิดหรอว่าเพื่อนมึงจะจีบเชี้ยจิมได้”
 
แล้วผมอะมีหวังจะจีบติดไหม
 
 
“แล้วผมอะพี่”
 
 
“แล้วมึงเริ่มยังล่ะ”
 
 
“ก็เริ่มแล้วพี่ แต่แววไม่มีเลย”
 
 
“แต่มันก็ยังไม่เห็นจะโกรธหรือไม่อยากให้มึงเข้าใกล้เลยนี่ ถูกไหม?”
 
“...”
 
 
“แสดงว่ามันก็ไม่ได้ปฏิเสธถ้ามึงจะจีบมัน”
 
 
“แล้วเพื่อนผมอะ”
 
 
“ช่างแม่งดิ มึงดูถูกน้องกูคิดว่าน้องกูใจง่ายหรอไอ้สัด”
 
 
“ก็ได้ครับ”
 
 
“เออ ไปทำงานได้แล้ว”
 
 
“ครับๆ”
 
 
เห้อออออออออ ขอร้องเถอะครับ ขอให้เป็นอย่างที่พี่บาสบอก
 
 
 
 
ผมกลับไปช่วยงานพี่แตมซักพัก… ไอ้เตี้ยก็เริ่มขนของมากับนัท และมีดิวกับพี่ตั้วขนของมากันเต็มไปหมด (ก็ยังรู้สึกดีกว่าอยู่กันสองต่อสองล่ะวะ)
 
 
“จิมเหนื่อยไหมครับ”
 
ผมถามเตี้ยเพื่อแย่งชิงความสนใจออกจากไอ้นัท
 
 
“ไม่อะ แล้วมึงอะเป็นไงบ้าง เสร็จยัง”
 
 
“ใกล้ละครับ”
 
 
“พี่บาสงานเริ่มกี่โมงอะพี่ ผมหิว”
 
ได้การละ เตี้ยมันต้องส่งสัญญาณให้ผมพาไปกินข้าวแน่ๆเลย (คิดไปเอง) เห้ย ว่าแต่จิมเพิ่งจะกินบาร์บีคิวกับผมเมื่อตอนบ่ายสองกว่าๆเอง นี้มันบ่ายสี่เองนะ หิวแล้วหรอเนี่ย
 
 
พี่บาสยกนาฬิกาข้อมือมาดู
 
 
“งานเริ่ม 6 โมงนู้น นี่เพิ่ง 4 โมงเย็นเอง มึงไปกินดิ”
 
 
“แล้วพี่ให้ผมช่วยอะไรอีกไหมครับ”
 
ถ้าเสียงจะใสแบบนั้นก็ไม่ต้องถามหรอกครับ เดินออกไปเลยง่ายกว่า ยังไงพี่บาสก็ให้
 
 
“ไม่มีแล้ว ไฟก็จัดเสร็จแล้ว เดี๋ยวพวกดาวเดือนมันมาบล็อกกิ้งอีกทีด้วย มึงพาไอ้เติ้ลไปกินด้วยไป บ่นหิวเหมือนกัน เดี๋ยวกูให้ไอ้ตั้วกับดิวมันช่วยต่อเอง”
 
เหยด พี่บาสเปิดทางว่ะ ขอบคุณมากครับพี่ รักพี่ขึ้นมาเลย
 
 
“มึงก็หิวรึ? เพิ่งกินมานี่”
 
โห เตี้ยนะเตี้ย ดักกันแบบนี้
 
 
“แต่ผมก็หิวนะ”
 
ไอ้นัท…
 
 
“เออ เติ้ลให้เพื่อนมึงกินข้าวในกองนี้ก็ได้ อุตส่ามาช่วย”
 
 
“ฟรีหรอครับพี่”
 
ไอ้ปอกับเปิ้ลเริ่มมีบท นั่งอยู่ใกล้ๆตั้งนานไม่พูดไม่จา เอาแต่มองสาวๆในงาน
 
 
“เออ เอาไปดิ มันมีเยอะ กินกันไม่หมดหรอก”
 
 
“ปอขอรับ เปิ้ลว่าเราลุยกันเถอะขอรับ”
 
 
“แน่นอนขอรับ ท่านนัทมาแดกกับพวกกูเลยครับ”
 
เยี่ยม! แฝดนรกเวลานี้เป็นแฝดสวรรค์ทันที
 
 
“งั้นจิม ไปกันเถอะครับ”
 
 
“เอ้า แล้วจิมไม่กินที่นี้ด้วยกันหรอครับ”
 
เชี้ยนัท เสือกทุกอย่างสิวะ
 
“พี่จะให้มันไปซื้อน้ำมาให้พวกพี่ๆสตาฟด้วย ไอ้เติ้ลมึงไปช่วยจิมถือซะ รีบไปไอ้สัด เอาบิลมาด้วย”
 
เชี้ย พี่บาสโคตรรักพี่เลยครับ
 
 
“อ่อครับ..”
 
ไงล่ะ มึงนัท
 
 
“ผมไม่มีตังนะพี่ มึงมีตังป่ะ”
 
จิมถามผม
 
 
“ไม่ต้องห่วง ป่ะไปกันเดี๋ยวพี่ๆเขารอ”
 
แล้วผมก็จับแขนไอ้เตี้ยเดินออกมา ผมนี่โคตรฉวยโอกาสแตะตัวไอ้เตี้ยเลย (คิดงั้นใช่ไหมละครับ) มันก็ต้องมีบ้างที่จะแสดงตัวว่าคนนี้ผมจอง
 
 
 
 
 
“เพื่อนมึงก็แปลกเนาะ ทำตัวเหมือนจะจีบกู”
 
ระหว่างเดินไปโรงอาหารไอ้เตี้ยก็พูดขึ้นมา คงหมายถึงนัทอะสินะเตี้ย
 
 
“คงงั้นอะ ก็จิมออกจะน่ารัก สเป็กมันล่ะมั้ง”
 
ผมพูดประชดทำไมวะ
 
 
“น่ารักตรงไหนวะ”
 
 
“ตรงที่เป็นจิมนั้นแหละ”
 
….หันหน้าไปอีกทางทำไมจิม ผมอยากเห็นนะว่าทำหน้ายังไงตอนผมพูดแบบนี้
 
 
 
“แล้วถ้าเพื่อนผมชอบจิมอะ?”
 
 
“แล้วไง? กูห้ามมันได้หรอ?”
 
ตอบได้ดีครับ จุกไปถึงหัวใจเลยทีเดียว
 
 
“แล้วถ้ามันจีบอะ”
 
 
“ปัญญาอ่อน”
 
 
“ถามจริง ถ้าเพื่อนผมจะจีบจิม จิมจะว่าไง”
 
 
 
 
 
“ถามไรนักหนา”
 
 
 
 
 
 
“ดูไม่ออกรึไง กูชอบใครไม่ชอบใคร”

 
 
ร่างเล็กๆตะโกนก่อนจะเดินจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็ว….ห่างระยะที่ผมยืนนิ่งไปเรื่อยๆ
 
แต่ก็ไม่พ้นสายตาที่ผมจะสังเกตเห็นว่าหูจิมแดงมาก
 
 
 
ชอบผมหรอ? ใช่ไหมวะ ใช่เถอะ ใช่สิวะ
 
อยากรู้ก็ถามเลย ถามดิวะ ถามเลย...
 
 
 
 
 
“แล้วถ้าอาร์มจะจีบจิมอะได้ไหม?”
 
 
 
 
 
………………………………………
 
 
 
“การแสดงความรู้สึกชัดเจน เป็นส่วนช่วยให้ความจริงใจปรากฎ”
 
 
 
 
Talk : ดึกหน่อยย ขอโทษก๊าบบบบบบบ////
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 16 : จีบ (อาร์ม) : หน้า 3 (13/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-06-2017 02:18:56
 :o8: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 16 : จีบ (อาร์ม) : หน้า 3 (13/05/17)
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 13-06-2017 11:04:53
 :heaven
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 17 : เปิด : หน้า 3 (17/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 17-06-2017 18:06:04
Chapter 17 : เปิด
 
 
 
 
 
 
“แล้วถ้าอาร์มจะจีบจิมอะได้ไหม?”
 
ถ้าจะตะโกนดังขนาดนี้ ไปฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้เขาประกาศเลยไหม จะได้ยินทั้งมหาลัยแล้วเนี่ย (ผมจะตอบว่าไงดีวะ)
 
 
“ไม่รู้เว้ย เรื่องของมึงดิวะ”
 
โอ๊ยยยยยยย ก็มันไม่รู้จะตอบยังไงนี่หว่า ตอบโอเคได้เลย ก็ดูจะตรงไปเปล่าครับ ผมไม่ถนัดเรื่องแบบนี้จริงๆ ผมเดินเร็วมาเกือบสุดทางที่จะเข้าโรงอาหารมันก็ยังไม่เดินตามผมมา (มัวยืนดูโทรศัพทำห่าอะไรอยู่ตรงนั้น)
 
 
“ตึ๊ดดดดดดด ตึ๊ดดดดดด”
 
เสียงสั่นจากโทรศัพท์ผม
 
 
“T.A. :ข้อความเสียง”
 
ใครวะ T.A. รูปโปรไฟล์ดำด้วย ด้วยความที่สงสัยก็เปิดฟังไฟล์เสียงที่ถูกส่งมา
 
 
     “กูว่ามึงกับกูเป็นแค่เพื่อนกันเหอะ”


 
     “กูไม่อยากผิดสัญญากับปอย”
 
 
     “ไว้ถึงตอนนั้นถ้ามึงยังรู้สึกชอบกู”
 
 
     “มึงค่อยมาจีบกูละกัน ไม่แน่เผื่อกูจะเปลี่ยนใจก็ได้”

 
 
สาดดดดดดดดดดดดดด นี่มันเสียงผมมมมม
 
 
“T.A. : จีบได้แล้วใช่ไหมครับ ตัวเล็ก”
 
แม่งมีคนเดียวที่เรียกผมด้วยสรรพนามว่า “ตัวเล็ก”
 
 
“Jimmy : จีบเชี้ยไรรรรรรรรร เอาไลน์กูมาจากไหน ไอ้กี้หรอ?”
 
เชี้ยกี้ กูรู้ต้องเป็นมึงแน่ๆ
 
 
“T.A. : ไม่รู้แหละ แต่อาร์มเคลียร์ปัญหาทุกอย่างแล้ว ยังไงอาร์มก็จะจีบจิม”
 
 
“Jimmy : ไม่รู้เว้ยยยยยย มาซื้อน้ำให้พี่ๆได้แล้ว ไม่งั้นกูกลับห้องนะไอ้สัดดดด”
 
 
“T.A. : ตอบก่อนดิครับ ว่าจีบได้ไหม”

 
ถามไรนักหนาวะ ได้อยู่แล้วดิเว้ย ไม่เข้าใจกันรึไง คนมันไม่กล้าพูดอะ
 
 
“Jimmy : เรื่องของมึงดิวะ รีบมาได้แล้ว”
 
 
“T.A. : ได้ส่งรูปภาพถึงคุณ”

 
นี้มันโพสอิทที่ผมเขียนขอโทษมันตอนผมเมา
 
 
“Jimmy : เอามาได้ไง กูทิ้งไปแล้วนะ
 
 
“T.A. : ทำให้กินด้วยนะ โทษฐานเมาแล้วพูดมาก”

 
ตอบให้ตรงคำถามหน่อยได้ไหมมมม
 
 
“Jimmy : เรื่องเยอะเว้ย กูกลับห้องละ บาย”
 
 
“T.A. : เดี๋ยวดิ กำลังไปแล้วครับ”

 
 
เอาเข้าจริงๆ ผมจะเดินกลับห้องเลยจริงๆนะครับ (ใครมันไม่ไปกล้าเจอหน้าวะ)
 
 
นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ผมเดินคิดเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่ามันจริงไหมวะ นี่มันสรุปมันจะจีบผมจริงๆจังๆใช่ไหม ทำไมผมใจเต้นแรงอะไรขนาดนี้ ทำอะไรไม่ถูกเลย (นี่กูจะมีผู้ชายมาจีบกูจริงๆหรอวะ) จะขำก็ขำไม่ออก แม่งตัวผมดันรู้สึกอยากให้เป็นอย่างนี้ซะงั้น
 
 
 
มันไม่ได้ตามผมมารึไงวะ พิมพ์แต่ไลน์มา
 
 
“T.A. : จิมครับ จิม”
 
 
“T.A. : รอด้วยดิ”
 
 
“T.A. : ไปไหนแล้ว”
 
 
“T.A. : กลับห้องแล้วเหรอครับ”
 
 
“T.A. : จิมครับ ตอบหน่อย”
 
 
“T.A. : คิดถึงแล้วนะครับ ตอบหน่อย”

 
คิดถึงบ้าคิดถึงบออะไร ผมเองก็ไม่ได้คิดถึงมันหรอก ไม่เลย แค่คิดว่ามันหายไปไหนทำไมไม่ตามมา (เชี้ยยย เหมือนผู้หญิงเลยผม)
 
 
“Jimmy : คิดถึงเชี้ยไรรรรรรรรร มึงอะอยู่ไหน”
 
 
 
“อยู่ข้างหลังไงครับตัวเล็ก”
 
แหมเล่นมาประชิดตัวใกล้ขนาดหันไปหน้าชนหน้าอกอย่างนี้ เป็นใครไม่มีอาการก็แปลกละครับ คนห่าอะไรกล้ามแน่นชิบหาย
 
 
“มะ...มาทำไม กูจะกลับห้อง”
 
ผมหันหลังเดินออกมาอีกเรื่อยๆ และมันก็เดินตามมาเรื่อยๆ
 
 
“เดี๋ยวก่อนตัวเล็ก ลืมซื้อน้ำให้พวกพี่บาสแล้วรึไงเตี้ย คนในงานรออยู่นะ”
 
เออว่ะ… ลืมสนิทเลย ก็มันเป็นเพราะใครล่ะ
 
 
“เรียกตัวเล็กทำห่าไรกูมีชื่อนะ เรียกชื่อกูดิ”
 
 
“...ทำไมอะ ไม่น่ารักหรอ อาร์มชอบจะตาย”
 
(ก็กูเขินแปลกๆ มันจั้กกะจี้หูเว้ย)
 
 
“ไม่รู้เว้ย”
 
ด้วยความที่ทำตัวไม่ถูกเลยซักอย่างเดินแย่งถุงเสบียงที่อาร์มซื้อให้รุ่นพี่แล้วจะเดินกลับทางไปคณะ
 
 
“ทำไมเตี้ยมันเขินน่ารักจังวะ”
 
บ่นอยู่คนเดียวหรือมันจะบอกให้ผมฟังวะ
 
 
“อะไรของมึง ยืนทำอะไร รีบเดินมาดิพี่ๆเขารอ”
 
 
“ครับๆ มุมแบบนี้จิมก็น่ารักไปอีกแบบเนาะ”
 
 
“อย่ามาชมกูมาก กูไม่หลงคารมมึงหรอกนะ”
 
 
“ถ้าไม่หลงแล้วยอมให้จีบทำไมครับ?”
 
พูดจายียวนกวนประสาทไม่ว่าแต่ไอ้การเดินมาข้างๆแล้วก้มหน้ามองผมเนี่ย คิดว่าน่ารักมากไหม
 
 
“หยุดพูดได้ละ ก่อนกูจะเปลี่ยนใจ”
 
ชิบหาย!!
 
 
ท่าไม้ตายมาอีกแล้ว
 
 
ลูบหัวพิชิตใจ
 
 
“คร้าบๆ ตัวเล็ก ไม่แซวแล้วครับ”
 
เห้ออออออออออออออออ ทำไมผมต้องมารู้สึกชอบไอ้การลูบหัวขนาดนี้ด้วยยยย แม่งโคตรรู้สึกดีเลย พ่อจ้าแม่จ้าทำไมไม่มีพี่ชายให้ลูก เผื่อลูกจะมีภูมิคุ้มกันไวรัสลูบหัวแบบนี้
 
 
ระหว่างเดินมาผมโคตรจะปวกเปียกนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเลย ปฏิกิริยาต่อการลูบหัวของผมมันจะชัดขนาดนี้ อาร์มมันต้องรู้จุดอ่อนผมแน่ๆ
 
 
 
“ไงพวกมึงกว่าจะมากันได้ ไปทำห่าอะไรกัน”
 
เสียงพี่บาสแซวผมดึงดูดความสนใจไปที่พี่บาส (เปล่าเลย) ผมมองการกระทำอาร์มกับนัทที่กำลังเขม่นกัน
 
ยังไงหรอครับ ก็นัทมันกำลังจะเดินมาช่วยผมถือน้ำ… อาร์มมันเล่นดึงจากมือผมไปก่อนที่มือนัทจะเอื้อมมาถึงซะอีก มีมองหน้ากันด้วย
 
รู้สึกเหมือนพระเอกพระรองแย่งนางเอกกันยังไงแปลกๆ (เห้ย เดี๋ยวทำมึงต้องเป็นนางเอก?)
 
 
“ขอโทษครับพี่บาส จิมผิดเอง มีไรให้ช่วยไหมพี่”
 
 
“หมดแล้วแหละ รองานเริ่ม มึงดูเพื่อนมึงนู้น เดินหล่ออยู่บนเวทีน่ะ”
 
...โอ้โห ชุดนักศึกษาเต็มยศจริงแท้หล่อเฟี้ยวฟ้าว รอบตัวผมทำไมมันมีแต่คนหน้าตาดีวะ (หันมาดูตัวเอง ทำไมพ่อแม่ให้มาแค่นี้เนี่ยยยยยยย)
 
 
“เก็กสัด หมั่นไส้ว่ะพี่”
 
ผมหันไปมองอาร์มที่กำลังคุยอยู่กับนัทกับแฝดปอเปิ้ลอยู่ แก๊งมันก็มีแต่คนหน้าดีไม่แพ้กัน
 
 
“เออดิ ใช่ย่อยที่ไหนเพื่อนมึง บอกไม่อยากเป็นๆ แต่ดูจริงจังชิบหาย”
 
ก็จริงของพี่บาสเขา เห็นบ่นไม่อยากเป็นหรอกเดือนคณะเดือนมหาลัย แต่เอาเข้าจริงก็อยากได้คะแนนจากสาวๆเพิ่มนั้นแหละ
 
 
“นั้นดิพี่”
 
 
“มึงไปกินข้าวหรือทำอะไรก่อนก็ได้ อีกชั่วโมงงานก็เริ่ม”
 
 
“โอเคครับพี่ ขอบคุณครับ”
 
 
“ขอบคุณทำไมกูสิต้องเป็นคนพูดคำนั้น เห้ยเติ้ลน้อง พวกพี่ๆขอบใจมากนะน้อง เพื่อนๆน้องด้วย มึงด้วยไอ้จิม ไปๆไปได้แล้วตรงนี้เขาจะกั้นให้สตาฟเคลียร์พื้นที่แล้ว”
 
 
“ครับพี่ ผมลาและนะ พี่แตมพี่แนนพี่ตั้วผมไปแล้วนะครับ ดิวเดี๋ยวกูมานะมึง”
 
ผมยกมือไหว้ลาพี่ๆ ซึ่งพวกอาร์มกับเพื่อนมันก็เช่นกัน เราเดินออกมานอกสถานที่งาน
 
 
“เติ้ล มึงไปไหนต่อ?”
 
นัทเอ่ยถามอาร์ม
 
 
“เดี๋ยวกูไปอยู่ห้องคอนโดจิมพอดี จิมจะอาบน้ำเลยจะไปส่งแล้วกลับมางานเลย พวกมึงอะ”
 
หลังจากฟังคำนั้นนัทก็ดูเหมือนจะนอยๆนิดหน่อย
 
 
“กูคงไม่ได้อยู่ดูอะต้องไปทำธุระที่บ้าน”
 
 
“ว่าแต่เติ้ลขอรับทำไมถึงสนิทกับจิมขนาดไปอยู่รอที่ห้องจิมเลยล่ะขอรับ”
 
เอาตามตรงแฝดหน้าเหมือนพูดมาผมก็ไม่รู้ใครปอใครเปิ้ลเหมือนกันครับ
 
 
“นั้นสิขอรับปอ เปิ้ลว่าเติ้ลจะสนิทกับจิมมากเลยนะขอรับเนี่ย”
 
เชี้ยนั้นก็ไม่พูดอะไร เอาแต่ยิ้มหัวเราะในลำคอ
 
 
“เออกูไปแล้วนะมึง แล้วเจอกัน”
 
 
“โอเคพวกผมก็ขอตัวไปด้วยดีกว่า ไว้ค่อยไปงานไอ้เติ้ลมันทีเดียวนะขอรับ”
 
“ขอรับพ่องไปไหนก็ไปพวกมึงอะ”
 
ไอ้นัทดูจะนอยเอามากๆที่จะอาร์มมันปิดช่องทางให้ไอ้นัทจีบผม
 
พอพวกเพื่อนของอาร์มเดินออกไปจากผมกับอาร์มซักพักผมเอียงตัวไปกระซิบมัน
 
 
“ทำไมไม่ปฏิเสธเพื่อนมึง เดี๋ยวเขาก็คิดว่ากูเป็นอะไรกับมึงกันพอดี”
 
 
“ก็ถูกแล้วไม่ใช่รึครับ”
 
 
“ตีน กูแค่ให้มึงจีบกู”
 
 
“ไม่รู้แหละ อาร์มไม่อยากมีคู่แข่ง”
 
บ้าบอนะ
 
 
“แข่งบ้าแข่งบออะไร กูไม่ได้ใจง่ายใครจีบกูก็ติดนะ”
 
 
“แล้วอาร์มอะ”
 
อะไรของมัน ทำหน้าหล่อยักคิ้วเล่นหูเล่นตา คิดว่าจะติดง่ายๆหรอ ไม่มีทาง
 
(เหรออออออออออออออออออออออออ)
 
 
“ไม่รู้เว้ย กูไปและ”
 
 
“ไปไหนเดี๋ยวอาร์มไปส่งนะ”
 
 
“ก็รีบๆดิ มัวยืนหล่อทำบ้าอะไร รีบมา”
 
 
“ง่อววว เตี้ยชมผมว่าหล่อด้วย อย่างนี้จะตามไปทุกที่เลยครับ”
 
ไม่น่าหลุดชมมันเลย ได้ใจใหญ่ละ
 
 
“เวอร์ๆ มัวเล่นอยู่ได้”
 
 
มันเริ่มเดินขนานเอาแขนมาเท้าไหล่ผม ก่อนที่จะเดินยิ้มพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ มุมข้างเวลายิ้มมันก็หล่อดี… ถ้าไม่ติดว่ามันเอาแต่เท้าแขนที่ไหล่ผมระหว่างเดินไปที่จอดรถมัน (หวังว่าภาพมันคงไม่ได้สื่อว่าผมกับมันเป็นอะไรกันมากกว่าเพื่อนหรอกนะ)
 
 
 
พอถึงห้องไม่ต้องพูดถึงเลยครับ เมื่ออยู่กันสองต่อสองต่างฝ่ายต่างทำตัวทำอะไรไม่ถูก ไม่พูดไม่จา ซึ่งผมก็ทำการจัดการตัวเองจากการอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย… พอออกมา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับไอ้อาร์มนั่งหน้าแดงมองผมตาไม่กระพริบ… เล่นเอาผมเขินที่ตัวเองนุ่งผ้าตัวเดียวออกมาแบบนี้จากห้องน้ำ
 
 
“มองอยู่ได้ เก็บเอาไปดูต่อที่บ้านรึไง”
 
 
“เห็นหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ชินซักที”
 
 
“บ่นอะไรของมึง”
 
 
“อะ ไปอาบน้ำดิจะได้สดชื่น”
 
 
“ห่ะ! ให้อาร์มอาบน้ำห้องจิมหรอ?”
 
 
“เออ ทำไมอะ ก็เหนื่อยๆมาจากช่วยพวกพี่บาส อาบน้ำหน่อยเดี๋ยวไปงานก็ร้อนอีก”
 
 
“ไม่เป็นไรครับ เกรงใจ”
 
ผมโยนผ้าเช็ดตัวที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าในห้องนอนออกมาให้มัน
 
 
“อะ เกรงใจทำบ้าอะไร ไม่ต้องห่วงกูจะแอบมึงดูหรอก”
 
 
“โอ๊ยอันนั้นไม่ต้องแอบ ขอก็ให้ดู”
 
อื้อหื้อ กล้าพูดดดดดด
 
 
“ตีนนนนนนน มึงรีบไปอาบกูไปแต่งตัวละ”
 
 
“ครับๆ ขอบคุณครับตัวเล็ก”
 
 
จากนั้นผมก็เข้าห้องนอนไปแต่งตัวส่วนอาร์มก็เริ่มจัดการตัวเอง(อาบน้ำ)
และพอผมแต่งตัวเสร็จเปิดประตูออกนอกห้องนอนไปเจอกับร่างสูงกล้ามชัดขาวจั้วยืนเช็ดผมในสภาพใส่แต่กางเกงยีน ...เลือดผมสูบฉีดแรงมากขึ้นจนรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงมากๆ ไอ้บ้าอาร์มแม่ง… หุ่นดีเกินไปแล้ว แล้วไอ้ใบหน้ากับผมที่เปียกหมาดๆนั้นมันเข้ากันจนคิดว่าเวลามันเดินช้าลงไปเยอะ
 
 
“เตี้ย…”
 
“จิมครับ”
 
 
“ตัวเล็ก เป็นไร”
 
ผมหลุดจากภวังเพราะมันเดินมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ตีกับผิวหน้าของผม นี่ผมไม่รู้ว่ามันหอมสบู่ยาสระผมที่ผมใช้หรือหอมเพราะกลิ่นตัวของมันเองแน่ แต่แม่งโคตรอยากจะเข้าไปดมใกล้ๆให้แน่ใจมาก
 
(จะบ้ารึ ไอ้จิมมึงคุมสติหน่อยเว้ยยยย)
 
 
“ห่ะ! เปล่าๆ”
 
 
“โห หน้าแดงขนาดนั้นยังบอกเปล่า เขินอะดิ ผมเซ็กซี่ใช่ไหมละ?”
 
 
“บ้าเปล่า ใครเขิน มึงเนี่ยนะเซ็กซี่”
 
 
“แน่ใจ?”
 
แม่งยิ่งเดินก้มเอาหน้ามาใกล้เข้าไปอีกจนผมเริ่มถอยตัวเองกลับเข้าห้องนอน… รู้สึกได้อีกทีก็ล้มไปกองกับเตียงเรียบร้อยแล้ว
 
 
“ฮ่าๆ ตัวเล็กน่ารักดีจังเลยนะ เขินแบบนี้บ่อยๆ อาร์มชอบ”
 
ได้ มึงชอบนักใช่ไหมแกล้งแม่ง พอมันหันหลังจะกลับออกไปแต่งตัวผมกระโดดขึ้นหลังกว้างๆของมันกัดหูมันเต็มเม็ด
 
“โอ๊ยๆ เจ็บๆๆๆๆๆๆ จิมอาร์มเจ็บครับ อย่ากัด”
 
มันดิ้นไปมาก็จริง แต่แหมแขนเนี่ยอุ้มไม่ให้ผมลงจากหลังมันได้เลยครับ
 
 
“ก็มึงกวนตีน มึงต้องโดนแบบนี้แหละ”
 
 
“ได้เตี้ย อยากโดนใช่ไหม”
 
แม่ง...แรงเยอะมากยกเอี้ยวตัวผมไปไว้ด้านหน้า สุดท้ายเป็นไงล่ะ ผมเนี่ยล่ะที่เสือกแพ้มัน แม่งเล่นอุ้มผมราวกับผมเป็นผู้หญิงของมันแถมก้มมาจ้องตาไม่กระพริบก่อนจะขยับหน้ามาเรื่อยๆจนจะลมหายใจรดต้นคอผมเป็นที่เรียบร้อย… ขนลุกไปทั้งตัวร่างกายซาบซ่าเหมือนมีสารอะดรีนาลีนหลั่งทั่วตัว
 
 
“นี้ถ้าเป็นแฟนนะ อาร์มจูบจิมไปแล้ว”
 
เชี้ยยยย เข่าอ่อนเลยทีเดียว… ขู่กันแบบนี้มีตายกันไปข้างนึง ก็จะไม่ให้รู้สึกแบบนั้นได้ไงครับ ผมยังจำรสชาติปากมันตอนมันทำการ CPR ผมตอนผมจมน้ำได้แม่น ตอนนั้นก็ว่าตกใจอยู่นะ… แต่แหมก็อยากจะรือฟื้นเหมือนกันนะว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง
 
 
“ไอ้สาด ปล่อยกู ทำเป็นพูดดีมึงเองก็ไม่กล้า”
 
ชิบหายและ คิดดังตลอด… ท้าทายมันทำไมวะเนี่ยยย
 
 
“ไม่ใช่ไม่กล้า…”
 
 
“แต่อาร์มให้เกียติจิมนะครับ”
 
ไม่บอกก็รู้ว่าหมายถึงอะไร…
 
ถ้าไม่ได้เป็นแฟนมันก็คงไม่อยากล่วงเกินผม
 
 
 
 
แต่มันจะรู้ตัวไหม…
 
 
 
 
 
 
ว่ามันล่วงเกินหัวใจผมไปลึกขนาดไหนแล้ว
 
 
 
 
 
 
…………………………………………………………
 
 
 
“เมื่อจิตใจได้ถูกเปิดต้อนรับคนๆนึงเข้ามาในชีวิต นั้นหมายถึงเรายินดีพร้อมรับทุกผลรับที่จะกระแทกเข้ามาเช่นกัน”
 
 
 
 

Talk : ผิดไปแล้วกับการอัพช้า แต่ช่วงนี้ป่วยบ้าง ธุระการเรียนบ้าง ทำให้อัพช้ามาก ขอโทษจริงๆครับผม

หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 17 : เปิด : หน้า 3 (17/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-06-2017 22:03:26
 :o8: :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 17 : เปิด : หน้า 3 (17/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-06-2017 23:47:39
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 18 : เดือนคณะ : หน้า 3 (19/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 19-06-2017 22:18:50
 Chapter 18 : เดือนคณะ





“...ต่อไปเป็นการเปิดตัวผู้เข้ารอบการคัดเลือกดาวและเดือนประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ทั้ง 10 คนค่ะ…”


เสียงผู้คนมากมาย เสียงเพลงดังโหมโรงบอกว่างานเริ่มแล้ว


“อาร์มเร็วๆดิวะ งานเริ่มแล้ว เห็นป่ะ มัวแต่ทำอะไรก็ไม่รู้”

ระหว่างวิ่งไปที่งาน ผมรีบดึงแขนไอ้อาร์มเพื่อที่จะรีบไปให้ทัน


“เห้ย ไม่ใช่ความผิดอาร์มนะ จิมต่างหาก”


“เร็วๆเหอะ จะไม่ทันแล้ว เขาประกาศแล้ว”



 …… เมื่อมาถึงก็พบว่าผู้คนมากมายรวนมีทั้งนักศึกษาของคณะอื่นก็มา มีทั้งคนนอก(คงจะเป็นศิษย์เก่า)ก็มา ผมรู้สึกสงสัยนะ ดาว เดือน เขามีไว้ทำไมกัน ก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษ ก็แค่สวยหล่อเท่านั้นเอง


“คนเยอะว่ะ มองอะไรไม่เห็นเลย”

ผิดที่ผมตัวเล็กใช่ไหม แอบอิจฉาอาร์มมันที่ยืนส่องเห็นทุกอย่าง


“เห้ย กี้ออกมาแล้วจิม”

ห่ะ!! ไหนวะ ไม่เห็น


“ไหนอ่ะ ไม่เห็นอะไรเลย แม่งเอ่ย...”

แล้วไอ้อาร์มก็ก้มมองผม แล้วก็ขำในความเตี้ยของผม


“ขำไร กูรู้ว่ากูเตี้ย”


   
“โทษนะเตี้ย”

ขอโทษทำไมว่ะ

   
“เห้ย!”

ตัวผมลอยเลย ตอนนี้ผมไปอยู่บนคออาร์มเรียบร้อยแล้ว โอ้โห….ที่นั่งพิเศษเลยนะเนี่ยยย แจ่มมาก เห็นหมดทุกคนเลย ตอนนี้รู้สึกภูมิใจมากครับ เพราะผมรู้สึกสูงกว่าทุกคนชั่วขณะ ฮ่าๆๆ


“เป็นไงครับเตี้ย เห็นไหม”

เห็นยันเชียงใหม่เลยครับ(อันนั้นก็เวอร์ไป)


“เห็นหมดเลยว่ะ เห้ยแต่หนักเปล่า เอาลงเหอะ ไม่เป็นไรก็ได้”


“โห หนักอะไร เตี้ยของผมเบาจะตาย”

เออ เบาก็เบา ไหนๆก็พูดงี้ละ ส่งเสียงเชียร์มันหน่อยแล้วกัน เพราะตอนนี้คนอื่นก็เชียร์เบอร์ของตัวเองทั้งนั้น แต่เขามีทั้งป้าย ทั้งไฟ ขี้โกงว่ะ

“หูย อาร์มคนอื่นเขามีป้ายฟงป้ายไฟมาเชียร์เพื่อนด้วยอ่ะ พวกเราแม่งไม่มีอะไรเลย”

อยู่สูงแบบนี้เห็นทุกอย่างก็จริง แต่ชักเสียวๆยังไงไม่รู้ (เสียวตกลงมาหัวฟาดตาย)


“ไม่เป็นไรหรอก กี้มันไม่ใช่พวกคิดมากเรื่องนี้หรอกจิม แค่มาเชียร์มันก็ดีใจแล้วมั้ง?”

นั้นดิเนอะ มันคงไม่ละเอียดอ่อนขนาดนั้น ส่งเสียงเชียร์ก็พอแล้วแหละ แต่อย่างน้อยต้องโหวตรางวัลป็อปปูล่าให้มันซักหน่อยละ

“ไอ้กี้ๆๆๆ”

ผมโบกมือให้มัน ที่กำลังเดินโชว์ความเท่ของตัวเองบนสเตท แล้วเชื่อไหมครับ ว่ามันต้องเห็นผมอยู่แล้วเพราะตอนนี้ผมสูงกว่าใคร ฮ่าๆ มันก็หลุดโบกมือให้ผมกลับ และก็เดินกลับเข้าข้างหลัง แหม บรรดากิ๊กๆมันคงละลายตายคาเวทีกันเป็นลำธารหมดแล้ว


“ไอ้กี้มันก็หล่อดีเนอะ”


“แต่ไงกูว่าก็สู้มึงไม่ได้หรอก”


“แน่นอนอยู่แล้วครับผม”

“หลงตัวเองว่ะ”

พอผมพูดแค่นั้น มันก็ส่ายตัวไปมาจะแกล้งให้ผมตกให้ได้


“เห้ย! อย่าๆ! ไม่เอา! เดี๋ยวตก! จะตกแล้วๆ!”

โอ๊ยยย เสียวตกมา ตายคาที่ก่อนพอดี

   
“ว่า อาร์มดีนัก ยอมไหม?”

ก็อยากทำให้หึงทำไมเล่า


“ยอมเชี้ยไรปล่อยกูลงพอแล้ววววว”


“พูดจาไม่เพราะ ไม่ปล่อยเว้ย พูดเพราะๆก่อนดิ”


   
“ยอมแล้วคร้าบบ หยุดนะครับอาร์ม จิมกลัวตก”

แล้วมันก็หยุดแกล้งผม


“ดีมาก เด็กดีต้องไม่ดื้อ”

ใครเด็กว่ะ (อยากจะสวนไปแบบนี้นะ แต่แม่งถือไพ่เหนือกว่าเซ็ง)



ต่อไปก็เป็นการโชว์ตัวของแต่ละเบอร์ แล้วก็โชว์ความสามารถของแต่ละคน ผู้หญิงบางคนก็โชว์ลำไทย บางคนก็โชว์เต้นเซ็กซี่ (อืม...เอาซะไอ้ข้างล่างอยู่ไม่สุขเลย) บางคนก็ร้องเพลง ผู้ชายก็จะมีร้องเพลงกับเล่นดนตรี เต้นคอฟเวอร์ ส่วนไอ้กี้ ก็โชว์สเต็ปเดาะบอลลีลา เปิดเพลงมันส์ๆแล้วเดาะบอลแบบท่าแปลกๆไปทั้งเพลง โดยที่บอลไม่หลุดออกจากการควบคุมเลย สมแล้วแหละ ที่อยู่ชมรมฟุตบอลทำเอาเรียกเสียงกริ๊ดได้เยอะพอๆกับโชว์อื่นๆเลย สงสัยมันมีลุ้นไปเหนื่อยประกวดดาวเดือนมหาลัยต่อแน่ๆ เพราะผมเห็นพวกพี่ๆบอก เป็นงานใหญ่ การแสดงเยอะ แถมต้องโชว์ความสามารถที่หลากหลาย ตอบคำถามโลกสวยอีก

ผมว่าผมโชคดีแล้วแหละ ที่ไม่มีใครเอาผมไปลงประกวด บางทีผมอาจจะตอบกวนตีนๆจนได้รับรองเท้ามาฝากไว้บนหน้าก็ว่าได้


เมื่อถือช่วงโหวตรางวัลป็อปปูล่าแน่นอนว่าผมซื้อดอกกุหลาบให้มัน 19 ดอกตามอายุมัน เผื่อมันจะดวงดีได้รางวัลป็อปกับเขาบ้าง

“วันจันทร์จิมจะโหวตให้อาร์มแบบนี้ไหมนะ”

ถามโง่ๆ


“ไม่ซื้อเว้ยเปลืองตัง”


“โห ใจร้ายอะ อาร์มไม่พิเศษเลยไง”

ทำน้อยใจไม่ได้เข้ากับตัวเลย


“เออซื้ออยู่แล้วดิวะ ก็พูดไปงั้นแหละ”

ผมว่าที่หน้าเปื้อนยิ้มของมันไม่ได้เป็นเพราะผมจะโหวตให้มันหรอก แต่ที่มันยิ้มคงเป็นเพราะผมหมายถึงมันน่ะ พิเศษกว่าคนอื่น


พอถึงประกาศผู้ได้รับตำแหน่งดาว เดือน…ก็ไม่ต้องสืบเลยครับ


“ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะการประกวด Freshy boy and Freshy Girl ประจำคณะศิลป์กรรมศาสตร์ได้แก่หมายเลข….ขอเริ่มจากฝั่งชายก่อนนะครับ”


เสียงดนตรีอึกทึก


“ได้แก่….หมายเลขอะไรดีครับ…”

เออ..ผู้ประกาศกวนตีนลีลาเยอะไปและ ผมนี่ลุ้นจนเยี่ยวเหนียวแล้ว


“ได้แก่หมายเลข..B8 น้องกี้ สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ครับผม… ยินดีด้วยครับ”


“เห้ย ไอ้เชี้ยกี้ แม่งได้ว่ะ”

เหยดดด เพื่อนผมดังแล้ว คนกริ๊ดเสียงเชียตึมเลย


“ดีใจด้วยนะครับบบ มีเพื่อนเป็นเดือนคณะแล้ว”

แล้วผมก็ดิ้นๆ จนจะตกบนบ่ามันอยู่แล้ว ก็ไม่ใช่แค่ได้ตำแหน่งเดือนคณะอย่างเดียวซะหน่อย ป็อปปูล่าโหวตมันก็ได้


“โอ๊ยๆๆ ตัวเล็ก เบาๆหน่อยเดี๋ยวตกน่ะ”

ไรว่ะคนกำลังดีใจกับเพื่อน วู้วฮู้ววว


“โกๆๆ อาร์ม ไปหากี้กัน”

นี้ผมยังอยู่บนไหล่มันอยู่เลยนะครับทั้งๆที่งานจบแล้ว


“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเขามีถ่ายรูป คงอีกนานอะ เราไปกินไรก่อนไหมหิวแล้ว”

แหมดูไม่ค่อยดีใจเลย สงสัย อยากให้กี้แพ้ จะได้เกทับกันตอนอาร์มประกวด หึหึ

“เป็นไรหรอ หน้าตาดูเซ็งๆ”

ตอนนี้ผมขี่คอมันออกมานอกงานแล้ว


“เปล่า ก็เซ็งนิดหน่อย งี้ก็กดดันแน่เลย ถ้าอาร์มไม่ได้เป็นเดือนนะ ไอ้กี้ต้องล้ออาร์มยันลูกบวช”

กะแล้ว ต้องเรื่องที่ผมคิด เห้ย แต่ยันลูกบวชนี้มันหมายถึง จะมีลูกกับผมหรอ (เห้ยๆ คิดไกลไปแล้วไอ้จิม)


“โห มึงได้อยู่แล้ว และถึงมึงจะไม่ได้ตำแหน่งเดือนคณะนะ แต่มึงก็...”

(ครองใจกูไปแล้วเว้ย) อยากจะพูดอย่างงี้แต่ยั้งปากทัน


“ก็อะไรหรอครับจิม”


“เออน่ะ ยังไงมึงก็ได้เชื่อกูดิ”


“แล้วถ้าอาร์มได้ จิมมีไรจะให้อาร์มไหมครับ”

จะขออะไรอีกล่ะ ไอ้นี้เยอะจริง


“ให้ไร อะ เดี๋ยวทำผัดกระเพาเนื้อให้กิน”


“ไม่เอาอะ อันนั้นจิมต้องทำให้อาร์มอยู่แล้วจิมสัญญาแล้วนี่”


“เออว่ะ ลืม แล้วจะเอาอะไรอะ”


“งั้นไว้ได้ก่อนอาร์มจะบอก”

เอ้า กระตุ้นต่อมอยากรู้ผมทำไมเนี่ยยยยยย


“ว่าแต่กินไรกันดีครับ”


“กินไรนิดๆหน่อยๆพอแล้วมั้ง เดี๋ยวก็ไปฉลองบ้านพี่บาสอีกไม่ใช่หรอ”


“แล้วกินไรละครับ งั้นไปหน้าม.ไหม เผื่อมีไรกิน”


“ตามนั้น ลุยยยย”

ความร่าเริงของผมมันเยอะจนน่าหมั่นไส้ไหมนะ นี่ผมดีใจยิ่งกว่าตัวเองได้รางวัลอีกนะเนี่ย ไอ้กี้ก็คงอารมณ์เดียวกับผมอะ


แล้วเราก็ตกลงกันจะไปกินก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้าม ม.เรา ผมว่าอาร์มมันไม่คุณหนูคุณชายดีนะครับ กินอะไรก็ได้ง่ายๆ ขอให้ได้กิน


“ลุงขอเส้นหมี่ ลูกชิ้นหมู สามถ้วย”

เออเดี๋ยวนะๆ นี้คือรองท้องใช่ไหม เล่นสามถ้วยเลย


“สามถ้วยเลยหรอวะ”


“ก็จิมถ้วยอาร์มสองถ้วย”

หืม..ก็เยอะเหอะ กินสองถ้วยงี้จะไปกินห้องพี่บาสไหวหรอ


“กินเยอะ จะไปกินห้องพี่บาสไหวหรอว่ะอาร์ม”


“ไหวดิ...อีกอย่างนะ เพิ่งคิดได้ว่าไปกินกับพวกพี่เขาอะเกรงใจ เราไม่ได้มีส่วนร่วมกับเขาเท่าไหร่ ไปพอเป็นพิธียินดีกับตำแหน่งไอ้กี้พอแล้ว แล้วก็กลับกัน”


โห คนดีไหมครับเกรงใจด้วย แต่ก็จริงของมันนะครับ เราสองคนไม่ได้ช่วยงานพี่บาสเท่าไหร่เลย แถมมาเชียไอ้กี้ก็ไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไร


“แหมพ่อคนดี… พวกพี่เขาคงให้กลับง่ายๆหรอกรู้นิสัยพี่บาสอยู่”


“ก็เดี๋ยวหาจังหวะกลับกันอาร์มไม่อยากให้จิมโดนม่อมเหล้า ถ้าพี่เขาให้ดื่มก็ปฏิเสธบ้างนะรู้ไหม ตัวเองก็ไม่ชอบเหล้าอยู่แล้วจะไปดื่มทำไม”

ทำเป็นห่วงผมดีจังนะ แต่ถ้าพี่เขาบังคับจะปฏิเสธยังไงละเนี่ย ยิ่งปฏิเสธใครไม่เก่งด้วย


“คร้าบๆ จะพยายาม…”


“เวลาจิมพูดเพราะน่ารักจะตาย พูดเพราะๆบ่อยๆดิ”


“ไม่เว้ย”

เรื่องๆ ผมมันเป็นประเภทอยากสนิทหรืออยากรู้จักใคร ก็อยากให้เขาเห็นในด้านหยาบคายของผมไว้จะได้รู้ว่า ถ้ารับได้ก็โอเคถ้ารับไม่ได้ก็ว่ากันไป



กว่าเราจะกินกันเสร็จ...พอกลับมาเข้างาน คนก็น้อยลงแล้ว เพราะนี้ก็ดึกมากแล้ว คงกลับบ้านกันไปหรือไม่ก็ไปสังสรรค์กันต่อ เราสองคนก็เดินไปหลังงาน เห็นพวกพี่บาสอยู่ตรงมอติเตอร์ควบคุมเสียง


“พี่บาส พี่แตม พี่แนน พี่ตั้วหวัดดีครับ เป็นไงบ้างครับพี่”

ผมยกมือไหว้ทักทายพวกพี่ๆ


“ไงมึง เพื่อนมึงได้เป็นเดือนรู้แล้วใช่ป่ะ”

เสียงพี่บาส


“เห็นละพี่ แม่งเดาะบอลเทพเนอะ ว่าแต่พี่ แล้วมันอยู่ไหนอ่ะ”


“ไปถ่ายรูปกับแฟนคลับมันนู้น”

พอพี่บาสชี้ไปก็ถึงบางอ้อ เพราะไอ้ที่คนมุงเยอะๆที่ผมกับอาร์มผ่านมาเมื่อกี้ คือ มุงไอ้กี้กับผู้หญิงอีกคนที่ได้เป็นดาวคณะ


“แล้วนี้พวกพี่ทำไรกันต่ออ่ะครับ ให้ผมช่วยอะไรไหม”

ผมเสนอตัวจะช่วยพวกพี่ๆเขา


“เดี๋ยวสักพักพวกพี่ก็เก็บของเข้าชมรมกันแล้วค่ะ แล้วนี้จิมกับเติ้ลจะไปต่อห้องไอ้บาสไหม”

เสียงพี่แตมตอบ


“ไปดิ กูชวนมันแล้วแตม ไงก็ให้น้องมันไปอุตส่าช่วยเราตอนกลางวัน”


“โห พี่ นิดเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอกครับ”


“ช่วยก็คือช่วย ไงพวกมึงต้องไป มาๆ ช่วยกูยกกลอง กับ พวกเครื่องเสียงไปห้องชมรมหน่อย”

และแล้วผมก็พุ่งทะยานสู่สิ่งของที่เล็กที่สุดที่ผมจะอุ้มไหว… กลองตัวเล็กสุดที่ผมยกเมื่อกลางวัน ฮ่าๆๆ

   
“เดี๋ยวเติ้ลไปช่วยพี่บาสถอดแอมป์ กับลำโพงนะตัวเล็ก ไปกับพี่แตมก่อนเลย”

มันกระซิบข้างหูผม พักนี้รู้สึกตั้งแต่ผมให้มันจีบผมได้ เรียกผมตัวเล็กบ่อยขึ้นมาก (คงเป็นสรรพนามที่อยากเรียกมากสินะ) แต่มันทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งที่ได้ยินไปสิ


“โอเค”

ผมกับพี่แตมพี่แนนก็ยกของเบาๆเล็กๆน้อยๆ กันมาที่ห้องชมรมดนตรี…


“เห้ย แนนฉันลืม ขาไมค์วะ ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

เสียงพี่แตมพูดกับพี่แนน


“เคๆ น้องจิมอยู่เฝ้าห้องก่อนนะเดี๋ยวพวกพี่มา”


“คร้าบๆ”

แล้วสักพักพวกพี่เขาก็ไปกัน… ไปกันนานเลยทีเดียว จนผมรู้สึกวังเวง ทำไมพวกพี่เขาไม่กลับมาแล้วแถม พวกอาร์มกับพี่บาส พี่ตั้ว ไอ้ดิวก็ไม่มาสักที… ถึงในห้องมันจะสว่างก็เถอะ แต่อยู่คนเดียวแบบนี้ชักน่ากลัว


จู่ๆไฟก็ดับ!!


เห้ย มาดับไรตอนนี้ ไม่อยู่แล้วเว้ยยยยย พอผมจะวิ่งไปที่ประตูทางออกที่พอจะมีแสงให้ผมเห็นทาง

“แหว๊กกกกกกกกกกก!!”

ไอ้พี่บาสโผล่มาให้ตกใจปฏิกิรยาโต้ตอบผมก็ไม่เบาเตะขาพี่แกไปหนึ่งทีเต็มๆ


“เฮ้ย!! เชี้ย เจ็บๆ”

“ฮ่าาาาาาาาาาาาาาา” ทุกคนขำกันหมด รวมทั้งไอ้อาร์ม นี้มึงก็ร่วมมือกับเขาแกล้งกูใช่ไหม


“โหพี่บาสๆ ขอโทษๆ เล่นไรเนี่ยผมกลัวนะพี่”


“ก็เห็นนั่งตัวสั่นในห้องตั้งนานเลยขอแกล้งสักหน่อย ไม่รู้ว่าแม่งจะเตะกลับมาได้แรงขนาดนี้ ตัวก็เล็กแรงเยอะชิบหาย ปะ เอาของไปเก็บในห้อง”


พอเก็บของกันเสร็จเราก็ขึ้นรถกะบะของพี่ตั้วไปห้องพี่บาสกัน ตอนนี้ผมไม่คุยกับอาร์ม เพราะงอนมันที่ร่วมมือกับพวกพี่ๆแกล้งผม


“เห้ย ไรว๊า ยังไม่หายงอนอีก”


“ไม่ต้องเลย มึงอะ แกล้งกู ไม่คุยละ”


“โหย ทำงอน ก็บอกแล้วไง ว่าห้ามพวกพี่เขาไม่ได้นิหว่า ใครจะไปทำลงละครับ หายโกรธนะๆๆๆ”




“งอนบ้าไร เออ แล้วไอ้กี้อะ ไม่มาด้วยหรอ”

ผมถามมัน เพราะไม่เห็นกี้ตั้งแต่ตอนเดินมาเก็บของแล้ว


“มาดิ นอนอยู่ในรถแล้วไม่เห็นหรอ”

ผมไม่เห็นมันเพราะผมมานั่งกันข้างหลังกะบะ กับพวกพี่บาส พี่แตม พี่แนน


“อ้าวหรอ เหนื่อยอะดิ”

   
“มั้ง ก็ดีและ ไม่อยากฟังมันโม้ใส่”

นั้นสิครับผมว่าเดี๋ยวพอถึงห้องแม่งต้องโม้แน่ๆ เตรียมหาที่อุดหูไว้ได้เลย


เมื่อถึงห้องพี่บาส ทุกคนก็เริ่มจัดแจงตำแหน่งเฮฮา ปาร์ตี้กันใหญ่เลยจนกระทั่งมีคนมาเคาะประตู


“ก๊อกๆ”...

   
“เดี๋ยวผมเปิดให้พี่”

ผมอาสาไปเปิดประตู… จึงได้รู้ว่าเป็น ปอย…


“อ้าว ปอย มาด้วยหรอครับ”

ผมเริ่มเป็นฝ่ายทักทายก่อน (ลึกๆแอบรู้สึกแย่ๆ ที่ผิดสัญญาเรื่องจะช่วยให้คืนดีกับอาร์มไว้อยู่หน่อยๆ)


“ใช่ ปอยก็ไปงานนะยินดีด้วยน้า เพื่อนได้เป็นเดือน แต่ปอยกลับก่อนเลยไม่ได้ช่วยงานเลย พอดี ปอยกลับไปเอาไวน์มาให้พวกพี่ตั้วเขาน่ะ” ตอนเดินเข้ามาผมก็แอบมองอาร์มหวั่นๆสายตามันจะเปลี่ยนไป แต่อาร์มมันก็มองผมเหมือนกังวลอะไรซักอย่าง


“อ่อครับ..”


“พี่ตั้ว ปอยเอาไวท์มาให้แล้วค่ะ กินกันเลยไหม”


“เอาเลยจ้า ให้จิมมันกินด้วยนะ มันแดกเหล้าไม่เป็น”

เห้ยพี่ตั้ว รักว่ะ ผิดคาด นึกว่าจะบังคับกินเหล้า



“เติ้ล กินไวท์เปล่า ปอยจิมของสองน้าครับ อยากลองกินดูเดี๋ยวเอาไปให้มันด้วย”




“ได้ค่ะ แต่จิมต้องค่อยๆกินนะ มันแรงพอๆกับเหล้าหนะแหละ”

เวลาคุยกับคนอื่นผมจะเรียกอาร์มว่าเติ้ลเพื่อไม่ให้คนอื่นสับสนและรู้อะไร


จากนั้นปอยก็เทไวน์ ให้ผมสองแก้วแล้วผมก็ไปหาอาร์มเพื่อจะให้มันกินไวน์ ตอนแรกผมว่าจะให้ไอ้กี้ แต่มันคงไม่กินหรอก เพราะตอนนี้โม้เรื่องประกวดอยู่ ผมไม่อยากจะไปใกล้มันตอนนี้ รำคาญคนขี้โม้อย่างแม่ง

   
“อ่ะ อาร์ม ปอยเทมาให้ กินไหม”

ผมกระซิบข้างหูมัน


“ขอบคุณครับจิม”


“เป็นไร.. อึดอัดไหมปอยมา กลับรึเปล่า”

มันควรู้ว่าผมรู้สึกผิดกับปอยอยู่


“ก็แค่รู้สึกผิดนิดหน่อยเดี๋ยวก็หาย… กูไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องห่วง”

เอาจริงๆนะ ผมก็ยังมีรู้สึกผิดต่อปอยอยู่บ้าง ที่ทำอะไรเขาไปตั้งเยอะ รู้สึกสู้หน้าได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่

“ขอโทษน้า อาร์มเพิ่งรู้จากพี่บาสเหมือนกันว่าปอยจะมา แต่ปอยก็ดูไม่คิดอะไรมาก เห็นไหม หัวเราะกับกี้กับดิวใหญ่ พี่บาสเองก็เทคแคร์ปอยดีจะตาย ไม่ต้องห่วงหรอก”

เทคแคร์ปอย? ทำไมพี่บาสต้องเทคแคร์ปอย หรือว่าเด็กนิเทศที่พี่บาสจีบคือ ปอย!



“อย่างบอกนะ… ว่าปอยกับพี่บาส”

แล้วผมก็ทำท่านิ้วชี้ชนนิ้วชี้สื่อความหมายว่า สองคนนี้คุยกันอยู่

และมันก็พยักหน้า ซึ่งนั้นทำให้ผมโล่งใจแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ดีใจหรืออะไรเลยซักนิด


พี่ตั้วเริ่มดีด กีต้าโปร่ง ร้องเพลงกันกับทุกคนดูมีความสุข จน พอยให้ผมยิ้มไปด้วย คงเหนื่อยกัน เลยขอปลดปล่อยกันสุดเหวี่ยง โชคดีนะที่พี่บาสทำห้องคอนโดเขาให้เก็บเสียงไว้สำหรับเล่นดนตรี ไม่งั้นคงรบกวนคนอื่นแย่ เพราะนี้ก็ดึกมากแล้วคนนอนกันหมดแล้ว…


“เดี๋ยวมานะ ขอออกไปสูบอากาศหน่อย” ผมบอกงั้นกับอาร์มไป แล้วลุกไปเปิดประตูด้านหน้าที่มีสระว่ายน้ำอยู่ ผมนั่งริมสระมองดูดาวในกรุงเทพ แทบจะไม่เห็นมีเลย ผมชอบนะ นั่งริมน้ำตอนกลางคืนแล้วก็นั่งจิบไวน์ไปด้วย (ดูให้อารมณ์เหมือนตัวเองอยู่ในหนังโรแมนติกซักเรื่อง) คิดนู้นคิดนี้เรื่องอาร์ม..

โชคดีแค่ไหนที่ได้มารู้จักกับคนพวกนี้ ได้รู้จักเพื่อนที่ไม่คิดว่าแม่งจะมาเป็บพ่อสื่อให้ผมกับอาร์ม


ดูเหมือนชีวิต 158 ซม. ของผมจะไม่ยุ่งยากวุ่นวายเท่าไหร่ แต่นั้นแหละครับ ชีวิตก็ต้องมีขึ้นมีลง อยู่ที่ผมจะพร้อมรับปัญหาที่กระโดดเข้ามาในชีวิตผมแค่ไหน



“เห้ย!!”

เสียงผมตกใจ...เพราะอยู่ๆก็มีมือมาอุ้มผมออกจากริมฝั่งสระ

“บอกแล้วไงครับ ว่าอย่ามาสระน้ำคนเดียว…”

เสียงแข็งป่นนุ่มนวล ขี้กังวลเป็นห่วงผมจะจมน้ำเหมือนครั้งก่อน


“อย่าเวอร์ดิ! กูแค่มาแช่ขาเอง ไม่ได้ลงไปเล่นน้ำซะหน่อย”


“เออนั้นแหละ คนมันเป็นห่วงนี่ครับ”

ห่วงหรอออออออ รู้สึกดีว่ะ


“เออๆ ขอโทษก็ได้วะ ก็แค่มานั่งคิดอะไรนิดหน่อยบวกกับจิบไวน์ไปด้วย มันได้อารมณ์ดีไม่เชื่อมาลองดูดิ”

แล้วผมก็ดึงมันมานั่งกับผมที่ริมสระ


“คิดเรื่องปอยหรอครับ” ยังไม่ทันบอกเลยว่าคิดเรื่องอะไร คิดเองเออเองไปหมด ไอ้นี้มันน่านัก


“เปล่าไม่ได้คิดเรื่องนั้น… กำลังขอบคุณทุกคนที่ทำให้มีวันนี้”


“วันที่มีอาร์มใช่ป่ะ”

ไม่ใช่แค่เอนตัวมาพูดอย่างเดียว ยังทำหน้าตายั่วอารมณ์ผมอีก คิดว่ามีเสน่ห์มากรึไง มีแต่ความวอนตีนอะดิ


(เหรออออออออออ)


“เออ…. นั้นแหละ พอแล้ววว ไปข้างในกัน”

ผมชวนมันเข้าไปข้างในแก้เขิน


“เห้ยยย ไปทำไรกันมาวะ อย่าบอกนะ ไป...กันใต้สระน้ำอะ”

พี่ตั้วแซวได้อุบาทมากครับพี่

“ทุเรศไอ้พี่ตั้ว นั่งเล่นเฉยๆ ว่าแต่ปอยไวน์อร่อยมากครับ ขอบคุณน้า”


“เติมอีกก็ได้นะจิม ยังเหลือ”


“ไม่ดีกว่าครับ จิมว่า จิมมึนๆละ”

จากนั้นผมก็ไปนั่งกินกับแกล้มกับพวกพี่ๆและมีอาร์มนั่งข้างๆตักข้าวมาให้ผมกินกับข้าว เพราะกลัวไปกินแกล้มพวกพี่เขาอย่างเดียวมันจะหมด


พอผมรู้สึกว่าความอิ่มทำให้อาการง่วงมันเข้าแทรกป่นๆกับฤทธิ์ไวน์ที่ปอยให้กินอยู่เป็นระยะๆ ก็ต้องขอตัวพี่บาสกับทุกคนกลับห้อง และแน่นอนไอ้กี้มันเมาหลับบนโซฟาก่อนเพื่อนเลย วันนี้พี่บาสโดนมันปล้ำอีกแน่ๆ ฮ่าๆ


“พี่บาส ระวังโดนไอ้กี้ปล้ำนะครับ”

ผมแซวไปนี้ไม่รู้พี่แกจะสยองไหม

“มึงไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูล็อกห้องนอนไม่ให้แม่งเข้ามา”


“แล้วปอยกลับยังไงหรอ”

ผมถามปอย เผื่อว่าถ้ากลับคนเดียวผมกับอาร์มจะได้ไปส่ง ผู้หญิงคนเดียวนั่งแท็กซี่มันอันตราย


“เดี๋ยวปอยว่าปอยจะไม่กลับบ้านเดี๋ยวโดนพ่อดุ”


“อ้าวแล้วจะนอนนี้หรอ”


“บ้า ผู้หญิงน้า ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวปอยไปนอนห้องพี่แตมกับพี่แนนสามคน”

อ่อแล้วไป ดีๆ ผู้หญิงด้วยกัน จะได้หมดห่วง ส่วนไอ้ดิวกับพี่ตั้วก็คงไปสวีทวิดวิวกันไหนต่อไหน ตามภาษาคนรักกัน”

“งั้นจิมกลับก่อนนะครับทุกคน ขอบคุณนะคร้าบ วันนี้สนุกมากเลย เดี๋ยววันจันทร์ จิมลาอาจารย์ตอนบ่ายไปช่วยน้า”

เพราะผมคงต้องอยู่จนถึงไอ้อาร์มขึ้นเวที เห็นว่ามันจะให้ผมฟังมันโซโลกีต้า ผมละอยากฟังมันร้องเพลงด้วยจัง แต่มันว่ามันร้องไม่เพราะเลยไม่อยากเสี่ยงเดี๋ยวตกรอบ

“บะบายคร้าบพี่ๆ”


จากนั้นเราสองคนก็ขึ้นแท็กซี่ที่เรียกมา


“น้องสองคนแฟนกันหรอครับ”

โหลุง ถามมาได้ ผมยังเป็นแค่เพื่อนกันอยู่เลยลุง ดูยังไงของลุงครับบบ

“ครับลุง แฟนผมน่ารักไหม”

อ้าวไอ้นี้ มันไม่ใช่แค่พูดจะครับ มันยังเอาแขนมากอดคอผมดึงไปข้างๆมัน แถมลูบหัวยิ้มพอใจใหญ่

“บ้า ไม่ใช่ครับลุง นี่เพื่อนผม มึงนี่ก็เนาะ”

ผมดิ้นหลุดออกจากกอดมัน แต่มันก็ไม่หยุดยิ้มเลยซักนิด


“ดีแล้ว ลุงไม่ชอบพวกประเภทนี้เท่าไหร่”

ประเภทนี้ ประเภทไหนลุงพูดดีๆ


“ลุงเคยเจอไอ้พวกนี้เขาทำอะไรกันหลังรถ ไม่เกรงใจลุงเลย ลุงล่ะหน่ายจริงๆ คนสมัยนี้”

มันก็ไม่ทุกคนไหมลุง


“อ้าวลุง แล้วลุงไม่ห้ามเขาอะครับ”

ผมถาม ส่วนเจ้าอาร์มก็ตบเข่าผมเบาๆ เหมือนอยากให้ผมคิดก่อนพูด


“โอ๊ย ห้ามไปก็เท่านั้นไอ้พวกนี้ มันไม่สนใจอะไรหรอก ทำไรอายคนที่ไหนผิดเพศแล้วยังจะทำเรื่องไม่ควรอีก เกิดมาก็รกโลกพอแล้ว”

โอ้โห ผมนี้ขึ้นเลย คำว่ารกโลกเนี่ย

ผมกำหมัดแน่นจนอาร์มสังเกตุได้ มันเลยเอามือมากุมหมัดผมไว้ ผมถึงเริ่มคลายความร้อนในตัวออกได้


“คนพวกนี้น่ากลัวนะลุงว่า พวกน้องระวังบ้างนะครับ”


“ลุงครับ ช่วยจอดข้างทางตรงนี้หน่อยครับ”


เห้ยนี่ยังไม่ถึงเลยนะ อีกหน่อยนึงก็จะเข้าซอยและให้จอดทำไม


“73 บาทครับ”


“โอเคครับ นี่ครับลุงไม่ต้องทอน ถือว่าผมขอซื้อความโลกแคบของลุงนะครับ ถึงผมจะไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ผมก็ไม่คิดว่าลุงควรมองว่าทุกคนที่เป็นแบบนั้นเขาจะเป็นแบบที่ลุงมองทุกคนนะครับ คนดีๆก็มีเยอะนะลุง”

แล้วมันก็ดันผมให้ลงจากรถทั้งๆที่ผมอึ้งอยู่ มันตอกหน้าลุงได้เจ็บแสบมาก ผมล่ะโคตรสะใจ

“ร้ายไม่เบาเลยนะมึงเนี่ย”


“ก็นะ ดีกว่าให้เตี้ยไปด่าเขา จะมีเรื่องเปล่าๆ”

ใครบอกว่าผมจะทำ ไม่คิดดดดดด คนปากหมาอย่างผมก็ใช่ว่าจะด่าใครมั่วซั่วที่ไหน แต่ลุงมันก็น่าด่าจริงๆนะ คันปาก


“อะไร รู้ได้ไงว่าจะด่า กูไม่ทำหรอก แต่ก็อดโมโหไม่ได้ น่าจะโดนสักหมัด แก่ป่านนี้แล้ว ไม่เก็บปากไว้กินข้าวก็ เก็บอายุไว้แก่ตายเถอะ ปากงี้ไม่นานหรอก”


“นั้นไง แล้วบอกจะไม่ด่า”

อ้าววว ก็มันอดไม่ได้นี่ ฮ่าาา


“เอ่ออออ มึงว่าจะมีคนแบบลุงอยู่บนโลกนี้เยอะไหม”

มันใช่สิครับ นี้แหละสาเหตุที่ผมเอาแต่กังวลปฏิเสธใจตัวเองมาตั้งนานเรื่องไอ้อาร์ม ก็เพราะถ้าเกิดคนไม่ยอมรับเรื่องนี้ ผมก็คงลำบากใจมากที่จะสานต่อความรู้สึกที่มีต่ออาร์ม


“เยอะแยะ ทำไมกังวลเรื่องเราหรอ”

ใช้คำว่า “เรา” ได้เต็มปากกกกกกกก


“ไม่ใช่ แต่เออ นั้นแหละ จะรอดหรอ”


“รอดไม่รอด ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เกี่ยวกับใจของคนสองคนมากกว่าอาร์มว่า”

อื้อหื้อ พระเอก


“ถ้าเข้มแข็งพอ อะไรก็ผ่านไปได้ อาร์มเชื่อแบบนี้”

ก็คงจะจริงของมัน


“หรอ คงงั้นมั้ง”


“อีกอย่างถ้ามีใครมาพูดกับแฟนผมต่อหน้าผมแบบนี้ ผมก็ปกป้องอยู่ดีนั้นแหละ ไม่ต้องห่วง”

น่าตาเอาเรื่องมาก เล่นหน้าเล่นตาหล่อมากมั้งงงง

(เออ หล่อ)


“ห่วงบ้าไร รีบเดินไปเลยไป กว่าจะถึงห้อง”


ใครมันจะอยากให้ไอ้สูงนี้มาปกป้อง ไม่มีเว้ยยยยยยย ไม่มี










“นอนในห้องนอนกับกูเนี่ยแหละ กูห่วงมึงจะนอนไม่สบาย”


คืนนี้คืนแรกที่ผมได้ใกล้ชิดมันนานที่สุด


บางทีอาจจะใกล้เกิน….




จนได้ยินเสียงร้องในหัวใจของผมก็ได้...





…………………………………………………………




“ความรัก...ก็เหมือนดาวเดือนดวงดารา….แม้มีเมฆหมอกบังตา
หรือระยะทางจะห่างไกล… เราก็รู้อยู่แก่ใจว่า ดวงดารา บนนั้นยังคงอยู่ที่เดิม”






Talk : มีความคิดว่า ถ้ากี้ได้เป็นเดือนมหาลัย อาร์มคงร้องไห้งอแงเหมือนกัน ////ว่าแต่อาร์มจะขออะไรจิมน้ออออ ถ้าได้เป็นเดือนคณะ
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 18 : เดือนคณะ : หน้า 3 (19/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-06-2017 08:51:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 18 : เดือนคณะ : หน้า 3 (19/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-06-2017 11:53:29
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 18 : เดือนคณะ : หน้า 3 (19/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 20-06-2017 22:43:22
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 19 : ศึกชิงเตี้ย (อาร์ม) : หน้า 3 (22/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 22-06-2017 10:58:22
Chapter 19 : ศึกชิงเตี้ย
 
 
 
 
“น้องเติ้ล พี่ว่าน้องต้องได้แน่ๆ พี่คอนเฟิร์ม ทั้งหน้าตา ส่วนสูงและบุคคลิก”
 
พี่ช่างแต่งหน้าชมผมระหว่างแต่งหน้าผมในงานประกวดดาวเดือนคณะของผม
 
 
“เว่อร์ไปพี่ ผมว่าคณะเราคนหน้าตาดีเยอะแยะ”
 
มันเรื่องจริงครับ อย่างไอ้นัทก็หล่อไม่แพ้ผม
 
 
แต่ยังไงก็ช่างเถอะครับ เพราะตอนนี้ผมคิดถึงไอ้เตี้ยมากกกกกกกกกกก
 
โคตรคิดถึง…
 
 
หลังจากที่วันเสาร์ผมได้นอนข้างๆเขา ผมก็ไม่เป็นอันทำอะไรเลยตั้งแต่วันนั้น
 
 
รู้ไหมครับ คืนวันเสาร์ที่ผมได้นอนเตียงเดียวกับจิม ผมนอนไม่หลับจริงๆ ไม่ใช่เพราะมันตื่นเต้นอะไรหรอกนะครับแต่แสงจันทร์มันส่องผ่านหน้าต่างห้องจิมเข้าตาผมซะจนนอนไม่หลับเลย
 
 
 
ซะที่ไหนล่ะ ไอ้ตัวเล็กมันนอนอยู่ข้างๆใกล้ขนาดนี้แถมดิ้นมาใกล้เรื่อยๆอีกต่างหาก หน้านี่โคตรจะFull HD เลยครับทั้งปากเล็กๆ จมูกเล็กๆ ขนตายาวๆนั่น โคตรทำลายสมาธิการนอนผมมาก จนผมเกร็งซะไม่เป็นอันหลับอันนอน
 
จ้องหน้าสังเกตุไปซะทุกอย่างแทบจะนับรูขุมขนบนหน้าได้แล้ว เกือบจะหลุดไปจูบหน้าผากตั้งหลายรอบแต่ก็ทำได้แค่แอบดมๆกลิ่นหอมๆของเส้นผม (โรคจิตชิบ แต่มันฟินสุดยอดมาก)
 
 
มันไม่ใช่แค่คืนนั้นที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ มันต่อยอดมาจนถึงวันคืนวันอาทิตย์ที่ผมตั้งใจฝึกซ้อมกีต้าจนแทบไม่ได้หลับได้นอน พอจะนอนพักเอาแรงเพราะวันจันทร์ต้องเตรียมหล่อให้พร้อมสำหรับการประกวดดาวเดือน
 
 
แต่ก็ดันหลับตาไม่ลง กว่าจะได้นอนก็นั้นแหละตี1 ตี2 สรุปได้นอนแค่ 4 ชั่วโมง ก็เพราะพี่เลี้ยง(เดือน) บอกให้ไปเตรียมตัวที่คณะตั้งแต่ 7 โมงเลยทีเดียว ไปแต่หน้าทำผม ซ้อมบล็อคกิ้ง บวกเตรียมคิวต่างๆ งานกว่าจะเริ่มจริงๆ ก็ 6 โมงเย็น
 
แต่ถึงผมจะนอนน้อย ผมว่าวันนี้ผมหล่อที่สุดของทุกวันเลยแหละ เพราะการแต่งหน้าทำผมทำให้ผมดูดีขึ้นตั้งหลายเท่า พี่คอสตูมก็โอ้โห ไม่รู้จะอวยให้ผมลอย หรืออวยให้ผมเพิ่มความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
 
 
 
 
ให้ตายยย อยากจะออกไปเจอไอ้เตี้ยชิบ เห็นบอกว่ามาช่วยพี่บาสทำงานที่เวที แค่นึกก็อยากไปหาแล้ว คิดถึงมากกกกก เมื่อวานวันอาทิตย์ก็อยากนัดไปกินข้าวอะไรบ้าง แต่ก็อยากจะซ้อมกีต้าให้เต็มที่ เพราะการแสดงความสามารถของผม คือเล่นกีต้า วันนี้ผมจะเล่นเพลงที่จะบอกความในของผมที่มีต่อจิมเขา ผมกะไว้แบบนั้นมาพักใหญ่แล้ว…
 
 
ผมฝึกซ้อมเต็มที่ถึงขั้นสละเวลาทั้งหมดทั้งวัน(ที่ทุกทีผมต้องเข้าบริษัทไปดูงานพ่อ) ก็เพื่ออะไรล่ะ ก็เพื่อผมจะต้องเอาตำแหน่งเดือนคณะบริหารธุรกิจมาให้ได้ เพราะผมจะได้ขออะไรจากจิมได้หนึ่งอย่าง เป็นหนึ่งอย่างที่ผมโคตรอยากได้ เป็นหนึ่งอย่างที่ผมคิดว่าผมต้องรีบได้มาก่อนที่คนอื่นจะแย่งผมไป
 
 
“พี่สิน ผมบอกไปซื้ออะไรกินหน่อยได้ไหมพี่”
 
พยายามหาลู่ทางที่จะออกไปข้างนอก แน่นอน (ผมต้องไปแอบหาไอ้เตี้ย) เลยบอกขอพี่แต่งหน้าฝ่ายคอสตูม
 
 
“ก็ได้แหละ นี้ก็เที่ยงและ แต่ที่กองมีข้าวกล่องให้กินนะ ไปเอาได้”
 
เยส ทางสะดวกแล้ว
 
 
“โอเคครับพี่ ขอบคุณมากครับ”
 
 
“แต่ห้ามกินเลอะนะย่ะ ฉันไม่อยากมาแก้งานบนหน้าเธอ”
 
 
“ครับผมมมมม แต่งสวยอย่างนี้ผมก็เกรงใจพี่นะ ไม่ต้องห่วง”
 
จะได้ไปเจอไอ้เตี้ยแล้วครับ
 
 
“เห้ยเติ้ล ไปไหนวะ”
 
ไอ้นัท! แม่งสาระแนดันเห็นผมแน่เลย งานงอกและ
 
 
“ไปหาไรกิน เอาไรป่ะ เดี๋ยวกูซื้อมาให้”
 
ผมยอมออกตังให้เลยเอา อย่ามากับผมเลย ขอร้อง
 
 
“เห้ย ไม่เป็นไรกูไปด้วย แปบ หยิบกระเป๋าตังก่อน”
 
ไม่ได้เว้ยยยย ผมต้องไปเจอจิมคนเดียววววววว
 
 
“เห้ย ไม่เป็นไร มึงอยู่นี้แหละ เดี๋ยวกูซื้อมาให้”
 
 
“ไม่เป็นไร อยากแวะไปหาจิมหน่อย เมื่อกี้เข้าห้องน้ำมาเห็นช่วยพวกพี่บาสทำงานอยู่ อยากไปมองๆหน่อย”
 
นั้นไง ตรงชิบ เห้อออออ เอามีดมาปาดคอผมเถอะ
 
 
“เอ่อ เออๆ”
 
 
 
“อย่าไปนานล่ะ เดี๋ยวเที่ยงครึ่งมีซ้อมเดินแล้ว”
 
 
 
พี่สต๊าฟที่คุมโซนแต่ละจุดพูดขึ้นมา ผมกับนัทก็พยักหน้าก่อนเดิน
 
 
ห่างออกจากห้องแต่งตัวไม่มากนัก ผมก็มาถึงเวทีที่กำลังวุ่นวายทั้งฝ่ายเสียงและฝ่ายอื่น
 
 
 
 
หนึ่งในนั้นเป้าหมายที่เด่นชัดเพราะตัวเตี้ยกว่าใคร เสื้อดำ เซ็ทผมอีกแล้วบอกว่าเอาผมลงน่ารักกว่าเยอะก็ไม่เชื่อ กางเกงวอม (ดูท่าโคตรจะพร้อมกับการลุยงาน มากกว่างานคณะตัวเองอีก)
 
 
“จิม เป็นไงบ้าง”
 
ผมหันไปที่ปลายเสียง ไอ้นัท แม่งทักก่อนผมอีก (นี้ผมมัวพิจารณาจิมอยู่ได้)
 
 
“อ้าว มึงมาก็ดีและ ทำไมไม่ตอบไลน์กู”
 
ห่ะ! ถามไอ้นัทหรอ ….. คุยไลน์กันด้วยหรอ ทำไมสนิทกันแล้วอะ… ผมนี้จ้อยไปเลย
 
 
“ห่ะ จิมถามนัทหรอ นัทไม่มีไลน์จิมนี่”
 
อ้าว…
 
 
“ไม่ จิมถามไอ้สูงๆที่มากับนัทอะ ยืนบื้ออะไรอยู่ไม่ตอบกู ห่ะ!”
 
ยิ้มอ่อนๆของผม ดันโผล่มามองไอ้นัท (อารมณ์เหมือนตอนนี้ผมชนะไอ้นัทไปหนึ่งก้าว แค่นี้ก็พอใจมากแล้ว)
 
 
“โทษทีๆ มัวแต่ซ้อมดนตรีเตรียมการแสดงอยู่อะ เมื่อวานเลยไม่ได้ตอบไลน์เลยขอโทษครับ”
 
 
“แล้วไป ว่าแต่เล่นดนตรีเป็นด้วยหรอมึงเนี่ย”
 
 
“เป็นดิ เล่นกีต้า”
 
 
“เท่ดีเนาะ”
 
ตอนนี้ผมนี้โคตรยึดอกเลย จิมสนใจผมมากกว่าไอ้นัท ตอนนี้มันเป็นฝ่ายจ้อยๆไปเองแล้ว
 
 
“รอฟังด้วยล่ะ”
 
 
“เออ อยู่แล้ว ว่าแต่นัทล่ะ เล่นอะไรโชว์หรอ”
 
แม่งยิ้มโคตรไว
 
 
“นัทร้องเพลงอะจิม ฮ่าๆ เล่นดนตรีไม่เป็น ก็เลยร้องและกัน ฮ่าๆๆ”
 
ร่าเริงเข้าไปจ้า จิมก็ส่ายหน้าหัวเราะรับประโยคไอ้นัทซะ
 
 
“จิมเป็นไงบ้างครับ เหนื่อยไหม ให้อาร์มช่วยอะไรเปล่า”
 
ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆจิมช่วยจิมที่กำลังนั่งคลี่สายไฟที่ม้วนอยู่เป็นกองๆ
 
 
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเหนื่อยเหงื่อออกก็หมดหล่อหรอก”
 
 
“มานัทช่วย”
 
ไอ้นัทก็เสนอตัวมานั่งช่วยจิมอีกคน
 
 
“เหนื่อยไหมครับ”
 
 
“ไม่อะ สนุกดี แต่พี่บาสก็ใช้งานเยอะอยู่เหมือนกันนะ”
 
 
“บ่นอะไรมึง!”
 
เอ้า พี่บาสเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่นี่
 
 
“หวัดดีครับ พี่บาส”
 
ผมยกมื้อไหว้พี่บาส
 
 
“หวัดดีมึง ไง มึงมาช่วยมันทำไมไม่ไปเตรียมตัวอะไรรึ”
 
 
“พักเที่ยงอะครับพี่ เลยออกมาเดินยืดเส้นยืดสายหน่อย”
 
 
“อ่อเออ เดี๋ยวก่อน ห่าจิมเมื่อกี้มึงบ่นอะไรกู”
 
 
“เปล่าพี่ ผมแค่บอกว่าพี่ใช้ผมซะคุ้มเลย”
 
 
“ห่า ทำบ่น กูให้มึงทำแค่นิดหน่อยๆ ทำไมพอไม่มีคนช่วยนี่บ่นเลยไง”
 
 
“โห ผมก็ไม่ได้บ่นอะไรขนาดนั้นเลยยยย บอกว่าทำก็สนุกดีด้วย ชอบนะเนี่ยถึงมาช่วยไงงง โด่ ดุจัง แล้วบอกรักน้องๆ”
 
 
“เออ รักไงถึงได้คะยั้นคะยอให้มึงทำงานเยอะหน่อย จะได้เก่งๆ ไม่สู้งานเลยมึงเนี่ย”
 
เออ ฟังพี่บาสบ่นใส่จิมก็เพลินดีนะครับ เพราะไอ้เตี้ยทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวใส่พี่เขาซะ น่ารักชิบ ผมล่ะหวั่นพี่บาสจะหวั่นไหวอีกจัง
 
 
“ทำหน้าทำตา มึงดูไว้นะไอ้เติ้ล หน้าแบบนี้มึงระวังไว้”
 
ผมเข้าใจพี่ ผมเข้าใจที่พี่จะพูด ผมเองก็ตกหลุมเพราะไอ้หน้าแบบนี้แหละ
 
 
“ทำไมพี่ ง่อววววว พี่ตกหลุมเสน่ห์ผมล่ะเด๊ ว้ายๆๆ ระวังนะพี่ ระวังสาวนิเทศพี่จะเสียใจ”
 
เออ จิมยังไม่รู้นี่ว่า ปอยเป็นคนที่พี่บาสกำลังคบหาด้วย แต่ไอ้การพูดจาแบบนั้น มันอะไรกันนนน อ่อยชาวบ้านไปทั่วเลยเว้ยยยยย
 
 
“หลุมพ่อง ไอ้จิม มึงมานี้ มึงต้องโดนซักตีน”
 
แล้วจิมก็ลุกวิ่งหนีพี่บาสไปทั่วงาน
 
 
“เห้ย ดิวช่วยกูด้วย พี่บาสจะปล้ำกู”
 
ไปกวนดิวกับพี่ตั้วอีกนั่น กวนประสาทพี่เขาแบบนั้น คงจะหยุดหรอกจิมเอ๊ย เอามันเลยพี่บาสจัดการ แม่งอ่อยเก่งชิบ อย่างนี้ผมจะมีคู่แข่งเยอะขนาดไหน
 
 
“ช่วยตัวเองเหอะมึง เรื่องนี้กูจะไม่ยุ่ง”
 
จัดการเลยพี่บาสสสสสสสสสสสสสสสสสสส หมั่นเขี้ยว
 
 
“เติ้ล… กูจริงจัง กูอยากจีบจิม”
 
ห่ะ อยู่ๆไอ้นัทก็พูดข้างผมเบาๆ จีบเชี้ยไร ผมจีบของผมอยู่เว้ยยยย
 
 
“อะไรของมึง กูบอกแล้วไง”
 
 
“มึงนี้น้อ งกชิบหาย ก็รู้ว่ากูชอบแบบนี้ กั๊กหาเตี่ยมึงไง”
 
“กูรู้ แต่คนนี้ไม่ได้เพื่อนกู”
 
 
“กูก็เพื่อนมึง… งั้นเอางี้ ถ้ากูได้เป็นเดือนคณะ กูจะจีบจิม แต่ถ้ามึงได้เป็นเดือน กูจะไม่ยุ่งกับจิม ตกลงไหม?”
 
ตกลงก็บ้าแล้วดิ ไม่เอาด้วยหรอกเว้ย อย่างนี้ถ้าผมแพ้ผมก็ต้องเสียจิมไปอะดิ ไม่เอาอะ ไม่เอาเด็ดขาด
 
 
“มึงบ้าเปล่าเนี่ย”
 
 
“เออกูบ้า แล้วมึงอะกล้า หรือป็อด”
 
...แต่ถ้าผมชนะนัทก็จะเลิกยุ่งกับจิม แถมผมยังขอจิมได้ด้วย มันก็สองต่ออยู่นะ เอาไงดีวะ
 
 
ผมคิดอยู่สักพัก…
 
 
“ว่าไง หรือมึงป็อด หรือว่ามึงชอบจิม?”
 
 
“ห่ะ?”
 
ถามได้จี้จุดมาก
 
 
“ยังไงๆ”
 
 
“เออๆ กูตกลง ถ้ามึงได้เดือนก็ตามมึงว่า แต่ถ้าเป็นกูที่ได้มึงห้ามจีบ”
 
 
“ดิล ตกลงตามนี้ ลูกผู้ชายไม่คืนคำ จอบอ”
 
เอาวะ ยังไงผมก็ต้องเอาตำแหน่งเดือนคณะให้ได้ ศึกชิงนางกำลังจะเริ่มแล้วตอนนี้
 
 
“พี่บาส พอแล้ววว จิมเหนื่อยย ทำงานนน ไม่งั้นจิมไม่ช่วยงานนะ”
 
พี่บาสจับจิมได้เป็นที่เรียบร้อย นี่วิ่งไล่กันไม่ทำงานกันเลยไง
 
 
“เออ ป่วนกูดีนักมาให้กูเตะซักทีเหอะมึง”
 
 
พี่บาสก็ดูเอ็นดูจิมเกินไปอะ เตะเบ๊าเบา (แต่ก็ใช่ว่าผมอยากเห็นจิมเจ็บขนาดนั้นที่ไหนล่ะครับ)
 
 
“ไปซื้อน้ำมาให้พวกกูแดก”
 
ได้ทีให้ผมอยู่กับจิมสองคนและ
 
 
“จิมผมไปด้วย เดี๋ยวไปช่วยถือ”
 
ไอ้นัท! ไวสัดดดดด อะไรวะเนี่ย
 
 
“ผมไปด้วย”
 
 
“เชี้ย! ไปคนเดียวพอแล้ว เติ้ลมึงอะอยู่ช่วยกูแปบ จูนกีต้าให้พวกพี่หน่อย เอาที่มึงถนัดเลย ตอนขึ้นมาเล่นจะได้ไม่ต้องจูนนาน”
 
 
“โอเค งั้นนัทไปกับกูก็ได้ มึงช่วยงานพี่เขาเหอะ”
 
จิมมมมมมมมม อย่าไปกับนัทททททท ทำไมพี่บาสทำกับผมอย่างนี้ ก็ได้ๆ ถ้าผมได้เป็นเดือนเมื่อไหร่ทุกคนจะไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับหัวใจจิม
 
ผมพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะมองไอ้นัทกับจิมเดินออกไปจากงาน ผมนี่โคตรเกียดความรู้สึกนี้เลย หงุดหงิดก็หงุดหงิด แต่ก็ปล่อยออกมาไม่ได้ อึดอัดชิบ
 
 
“ไงมึง หึงอะดิ เหนื่อยหน่อยนะ เจอคนไม่รู้ว่าตัวเองเสน่ห์แบบมันอะ”
 
 
“เออ นั้นดิพี่ แม่งโปรยไปทั่วเลย ผมนี้โคตรอึดอัดหึงก็หึงไม่ได้ ยังไม่ได้เป็นอะไรกับมัน แต่แม่งก็อ่อยไปทั่วจริงๆ อดไม่ได้เลย”
 
 
“เออ กูเข้าใจ ถึงได้ให้มึงอยู่นี้ แล้วให้ไอ้นัทไปแทนไง”
 
 
“เอ้า ไหงงั้นอะพี่”
 
 
“ก็เดี๋ยวมึงหลุดหึงไอ้จิมมันจะไม่รำคาญมึงรึ แฟนก็ไม่ได้เป็นจะหึงทำไม เป็นกู ถ้ามาหึงกูทั้งๆที่ไม่ได้เป็นแฟนกัน กูไม่ชอบว่ะ”
 
จุกเลยพี่ พูดมางี้เล่นเอาผมยิ้มไม่ออก ร่าเริงไม่ได้เลย ก็ไม่ได้เป็นแฟนนี่เนาะ ถ้าได้เป็นแฟนก็คงมีสิทธิ์ที่จะหึงหวงได้อยู่แล้วแหละมั้ง
 
 
“ก็จริงของพี่ครับ เถียงไม่ได้เลย เป็นผมก็คงไม่ชอบ”
 
 
แล้วพี่บาสก็ยื่นกีต้าให้ผมจูน ระหว่างจูนก็มองรอบๆงานก็อืม แม้วันนี้จะมีดาวเดือนนิเทศที่เป็นงานใหญ่สุดในมหาลัย แต่จะว่าไปคณะผมก็ดูยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เล่นแสงสีเสียงอย่างกับคอนเสิร์ตนักร้องเกาหลีมาลงไทยอย่างนั้นแหละ ชักตื่นเต้นแล้วดิเนี่ย อยากได้กำลังใจจากไอ้เตี้ยซะละ จะให้ไหมน้อออ
 
 
 
 
 
 
“โอ๊ย”
 
อยู่ๆก็มีอะไรเย็นๆมาโดนแก้ม ไอ้เตี้ยเล่นยื่นกระป๋องโค้กมาให้อย่างนี้ แอบดีใจเหมือนกันนะครับ
 
 
 
“ไอ้เติ้ล พี่ทิพเรียกไปแสตนบายแล้วว่ะ”
 
นัทบอกผมถึงเส้นตายที่ผมอยู่กับไอ้เตี้ยได้แค่ไม่กี่นาที (แต่แค่นี้ก็พอทำให้หายคิดถึงได้บ้างละ)
 
 
“เหนื่อยไหม?”
 
เสียงทุ้มนิ่งๆจากจิม ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ห่วงผมจริงๆรึ?
 
 
“ไม่ครับ งั้นเดี๋ยวผมไปซ้อมเดินก่อนนะ”
 
 
“เออ เวทีอยู่แค่นี้ มีไรก็เรียกละกัน”
 
ไอ้เตี้ยเสนอตัวให้ผมเรียกได้ตลอดเวลาอย่างนี้มันรู้สึกดีชะมัด แต่ก็นะจะมีช่องให้ผมได้แวะคุยกับไอ้เตี้ยเปล่าเหอะ
 
 
“ครับๆ”
 
ผมลุกเดินไปเตรียมตัวที่หน้าเวที (ผมจะตั้งใจซ้อมเต็มที่เพื่อตำแหน่งเดือนคณะที่ผมต้องแย่งชิงกับนัทให้ได้)
 
 
“เห้ยมึง ไปก่อนเดี๋ยวกูมาลืมของ”
 
ผมบอกนัทที่กำลังจะเดินขึ้นเวทีไปเตรียมพร้อม แล้วเดินกลับเข้าหลังเวทีมาหาจิม
 
 
 
“ตัวเล็ก… ขอกำลังใจหน่อยดิ”
 
 
“อะไรของมึง”
 
 
“เหอะน้า นะๆๆ ขอกำลังใจหน่อย อาร์มตื่นเต้น”
 
 
“เออๆ ตั้งใจนะ เอาเดือนคณะมาให้ได้ กูเชื่อใจมึง”
 
โอ๊ยยยยยย น่ารักกกกกกก เดี๋ยวนี้ตามใจตลอดเลยยย โคตรน่ารักกก
 
 
“แน่นอน ไงอาร์มก็ได้ หล่อระดับอาร์มละไม่ได้ก็แปลก”
 
 
“เนี่ย พอกูให้กำลังใจ มึงก็กวนตีนแบบนี้ มันน่าพูดไหม?”
 
ก็ช่วยไม่ได้ต้องแก้เขินซะหน่อยดิ
 
 
“ก็พูดความจริง หรือไม่จริง ผมไม่หล่อรึ”
 
 
“เออๆ หล่อครับหล่อ รีบไปได้ละ กูจะช่วยพี่บาสทำงานต่อ”
 
 
“ขอบใจนะเตี้ย อย่าลืมนะถ้าอาร์มได้เป็นเดือนอาร์มจะขออะไรเตี้ย เตี้ยห้ามปฏิเสธ”
 
 
“เออออ รีบไปปปป กูรู้แล้วววว เอามาให้ได้ละกันไอ้เดือนคณะมึงอะ”
 
 
“ครับบบบบ”
 
ผมขอลูบหัวไอ้เตี้ยที่เซ็ตมาซะขัดใจผมจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไมหัวไอ้ตัวเล็กมันช่างน่าลูบน่าขย้ำมากเลย เวลาลูบแล้วมันฟินมือมากๆ
 
 
 
 
“อะ น้องเติ้ล มายืนตรงนี้”
 
แล้วพี่ทิพผู้เป็นคนจัดแจงเรื่องบล็อกกิ้งบนเวที ให้ดาวเดือนเดินไปไหนยืนโพสตรงไหน จังหวะไหนหันไปทางไหน ผมเดินซ้อมอยู่ตรงนั้นตั้งหลายรอบเพื่อความแม่นยำ
 
บอกคิวในแต่ละเวลาว่าต้องเตรียมพร้อมขึ้นเวทีกี่รอบ หลายต่อหลายครั้งที่ดาวเดือนต้องลงมาด้านหลังเวทีเพื่อนัดคิวเดินออกทีละคน พูดแนะนำตัวเอง ในเกือบทุกครั้ง เวลาที่ผมลงมาด้านหลังเวลาทีผมจะเห็นจิมหันมามองแถวผมเสมอ และบ่อยครั้งที่ยิ้มส่งมาให้ผม นั้นยิ่งเป็นเหมือนสัญญาให้ผมต้องชนะการประกวดครั้งนี้ให้ได้ และที่ผมคิดไว้การแสดงความสามารถผมว่าน่าจะเป็นคะแนนสำคัญในการซื้อใจจิมและทุกคนได้เยอะแน่ๆ
 
 
 
 
และในที่สุด…
 
 
 
ก็ถึงเวลาที่ผมและดาวเดือนทุกคนก็ต้องลงมาเตรียมตัวเตรียมพร้อมที่จะโชว์ความหล่อสวยให้ทุกคนได้ประจักษ์กัน
 
 
ผู้คนที่มาก็มากมายซะจนพื้นที่บริเวณฮอลของมหาลัย สุดยอดจริงๆ เล่นเอาผมตื่นเต้นจนเกร็งไปทั้งตัวแล้ว (นี่ผมว่างานของคณะใหญ่รองจากนิเทศอย่างบริหารธุรกิจของผมเนี่ยใหญ่มากแล้วนะ อยากเห็นจังว่าคณะที่จัดใหญ่กว่าของนิเทศจะขนาดไหน)
 
 
เริ่มแรกก็เป็นคิวที่ไอ้นัทต้องเดินออกไปโดยที่ไม่นานักก็มีดาวอีกคนเดินออกไปและเดินมากลางเวทีคู่กันและแนะนำตัว ซึ่งนั้นก็เป็นคิวแรกที่ดาวเดือนต้องไปยืนโชว์ตัวกันหน้าเวที
 
 
 
“สวัสดิ์ดีครับ”
 
เสียงกริ๊ดดังพอสมควร ไอ้นัทสงสัยจะฮ็อตไม่แพ้ผม ก็แหงดิ จำนวนคนกดไลค์รูปโปรโมทของมันเฉียดกับผมแค่ ไม่ถึงยี่สิบครับนับตั้งแต่วันลงรูป ตอนนี้รูปผมกับมันก็คงขึ้นราวๆ 5-6 พันไลค์แล้วมั้ง
 
 
“เอ่อ… ผม นัท นาย นภัทร เกียติก้อง สาขาบริหารองกรค์ครับ”
 
 
เสียงกริ๊ดยิ่งดังขึ้นไปอีกทั้งกริ๊ดทั้งตบมือ ผมเริ่มประหม่าแล้วสิ ต่อไปก็เป็นการแนะนำตัวของฝั่งดาวเขา ซึ่งคู่ต่อไปที่จะออกก็ผมเนี่ยล่ะ
 
ผมพยายามเดินไม่สนใจสายตาคนในฮอล (เพราะกลัวเขินเดินไม่ธรรมชาติ) ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองเสียงกริ๊ดทั้งฮอลดังมาก ดังจนผมเกือบจะหลุดฟอร์มเก็กหล่อเลย ดีที่ดึงสติกลับมาได้
 
เพราะอะไรรู้ไหมครับ
 
 
เพราะเตี้ยมันยืนดูผมอยู่ทางลงเวทีฝั่งตรงข้าม (เตือนสติผมว่ามึงต้องชนะ) เท่านั้นแหละความมั่นใจผมขึ้นมาเยอะกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
 
 
“สวัสดิ์ดีครับ…” เอ่อ...เสียงกริ๊ดไม่เว้นช่วงให้ผมได้พูดเลยจน…
 
“แหม… เสียงกริ๊ดดังจังเลยนะครับ ไหนเรามาฟังการแนะนำตัวของน้องเขากันดีกว่า”
 
พี่พิธีกรช่วยผมไว้ ให้ผมได้มีช่องได้พูดแนะนำตัว
 
 
“ผม เติ้ลครับ สุทธิรักษ์ ผ่องอนงค์ สาขาการบริหารองกรค์ครับ ขอบคุณครับ”
 
แล้วผมก็ยกมือไหว้ก่อนจะส่งไมค์ต่อให้ดาวที่คู่กับผม (เพนนี) ผู้หญิงผิวขาวลูกครึ่งฝรั่ง จะว่าสวยก็สวยอยู่นะครับ แต่ตัวสูงเกือบจะเท่าผมเลย หุ่นนางแบบมากๆ ด้วยความสูงของเธอทำให้ต้องมาอยู่คู่กับผมเพราะถ้าอยู่กับผู้ชายอื่นคงจะดูแปลกพิลึก
 
 
“คนเยอะเนาะเติ้ล”
 
เรากระซิบคุยกันผ่านการพูดโดยยิ้มเห็นฟันอยู่ตลอด
 
 
“ใช่ มาจากไหนกันนักหนา เล่นเอาทำตัวไม่ค่อยถูกละเนี่ย”
 
 
“แหม มีกำลังใจอยู่ข้างเวทีแล้วจะกลัวอะไร”
 
สาวที่ไม่น้อยผู้รู้เรื่องเกือบทุกอย่างของผมอย่างเพนนี ผมมักจะปรึกษาเธอเรื่องต่างๆ ที่ผู้ชายๆเขาไม่คุยกัน (เอาง่ายๆ คือเธอรู้เรื่องผมกับจิม) คงไม่ต้องบอกนะครับว่าผมไม่ให้เธอเอาไปบอกใคร (แล้วจะบอกทำไม)
 
 
 
“ขานั้น มายืนดูงานเฉยๆอะมั้ง ไม่ได้มาให้กำลังใจผมหรอก”
 
 
“มองโลกในแง่ดีบ้างก็ได้”
 
 
 
ระหว่างที่ผมกับเพนนีคุยกัน ดาวเดือน ก็ผลัดกันเดินทีละคนเพื่อให้พิธีกรแนะนำสัดส่วนของแต่ละครับจนคิวถัดไปเป็นเพนนีต่อไปก็ผม
 
 
“สู้ๆนะครับเพนนี จัดเต็มไปเลยสวยอยู่แล้ว”
 
 
เธอหายใจเข้าลึกมากๆเพื่อดึงสมาธิของตัวเองก่อนเดิน
 
 
“น้องเพนนี G5 น.ส. เพนนิตา เชอร์แมน ลูกครึ่งอเมกัน ส่วนสูง 178 น้ำหนัก 54 จากสาขาการตลาดค่าาาา”
 
 
เมื่อพิธีกรฝ่ายหญิงพูดจบนั้นเป็นสัญญาให้ผมเริ่มเดินต่อ ความตื่นเต้นเริ่มมาอีกครั้ง
 
 
“น้องเติ้ล B5 นาย สุทธิรัตน์ ผ่องอนงค์ ส่วนสูง 185 น้ำหนัก 76 จากสาขาการบริหารองกรค์ และทรัพยากรมนุษย์ครับ”
 
เสียงกริ๊ดดังมากจนขาผมแทบจะอ่อนแรง มันตื่นเต้นมากก้าวเท้าไม่ค่อยออก ตลอดการเดินผมนึกถึงแต่ไอ้เตี้ยๆๆ เมื่อถึงจุดพอยท์ที่ผมต้องหยุดโพสกลางเวลา ผมเก็กเต็มที่ (แต่ไม่รู้หน้าเหว่อแค่ไหนอะดิ ฮ่าๆๆ) และเมื่อเดินกลับลงไปหลังเวทีฝั่งที่ไอ้เตี้ยอยู่ แต่นั้นก็ทำให้ผมเห็นภาพไอ้เตี้ยคุยกับนัทอย่างเฮฮามาก
 
 
(แอบคิดว่า...ที่เดินเมื่อกี้ได้ดูผมเดินรึเปล่า ไอ้นัทคงไม่ได้ลงเวทีก่อนผมแล้วดึงความสนใจไปหรอกนะ)
 
 
ผมเดินผ่านนัทกับจิมที่คุยเล่นกันอยู่ไปนั่งพักเตรียมตัวสำหรับคิวต่อไปเป็นการโชว์ความสามารถซึ่งผมโชคดีรึเปล่าที่ไปอยู่คนเกือบสุดท้าย คนสุดท้ายก็ไอ้นัทนั้นแหละ โชคดีชะมัดมีเวลาเตรียมใจเยอะกว่าใครๆ แต่ก็นั้นแหละมีเวลาเยอะถึงได้ไปยืนคุยกับจิมอยู่แถวๆทางขึ้นลงด้านหลังเวที
 
 
ไอ้ผมจากที่เหมือนจะมีกำลังใจก็นั่งจ้อยไปดิ
 
 
“นี่ ยังไม่ได้บอกนัทอีกรึ เรื่องจิมอะ”
 
เพนนีเดินมานั่งข้างผมแล้วยื่นน้ำให้กิน
 
 
“จะพูดได้ไงล่ะ…”
 
 
“ทำไมจะพูดไม่ได้ เพนพูดให้เอาไหม จะได้ไม่ต้องมานั่งหึงแบบนี้”
 
 
“เห้ย ไม่เอาเพนนี เดี๋ยวจิมไม่คุยกับผม ยังไม่ได้ขอเป็นแฟนเลย”
 
 
“อ้าว ยังไม่ถึงไหนอีก โห เติ้ลนี้อ่อนหัดจริงๆ เป็นเพนนีนะ วันสองวันก็เรียบร้อยตกลงเป็นแฟนละ”
 
โอ้โห ผมมันไก่อ่อนใช่ไหมที่เพนนีพูดเนี่ย ก็แหงล่ะ นี้มันจีบผู้ชายด้วยกันนะครับ ใครมันจะไปทำตัวถูกเล่า
 
 
“เป็นไงมึง หล่อเชียวนะ”
 
ผมนี่ทึ้งที่จิมเป็นคนเดินเข้ามาทักผมก่อน
 
 
“อ้าว ดูผมด้วยหรอ”
 
 
“เพนไปก่อนนะ”
 
เพนนีเหมือนอยากให้ผมคุยกับจิมสองคน เพราะผมก็มองหาไอ้นัทมันก็ไม่ได้เดินตามมาด้วย
 
 
“เหอะ กูไปยืนอยู่ตรงนั้นมึงไม่เห็นรึไง”
 
เห็นดิ ทำไมจะไม่เห็น
 
 
“อุตส่าไปยืนเตี้ยให้กำลังใจมึง สงสัยกูคงเตี้ยเกินไปมึงเลยมองไม่เห็น”
 
ด้วยมุขและท่าทางทะเล้นหน่อยๆ ทำให้ผมอดขำในลำคอไม่ได้ ว่าแต่ดีเหมือนกันที่นัทไม่มาป่วน
 
 
“เห็นสิครับ ทำไมจะไม่เห็น”
 
 
“สู้ๆนะเว้ย มึงอะหล่ออยู่แล้ว มั่นใจไว้”
 
 
“พูดแบบนี้กับทุกคนไหมเนี่ย”
 
ผมถามแค่ประชดเท่านั้นนะ
 
 
“คิดงั้นก็แล้วแต่มึง กูไปและ”
 
เอ้าเห้ยไปไหนอะ ทำไมงอนง่ายจัง
 
 
“เอ้า โหย แค่ถามเฉยๆก็อยากรู้ งอนทำไม”
 
 
“ใครงอน กูจะไปรอดูมึงโชว์หน้าเวทีต่างหาก ไปละ”
 
ผมนี่อดใจไม่ไหวแล้ววววววว เจอจิมพูดจาแบบนี้ มีความอ่อยเล็กๆ ที่ทำให้ผมโคตรหวั่นไหวอยากจะดึงเข้ามากอดซะให้ชื่นใจเลย ผมรั้งแขนจิมไว้ก่อนจิมจะลุกจากที่นั่งข้างผม
 
 
“เพลงที่อาร์มจะโชว์อะครับ…”
 
 
 
 
“ตั้งใจดูนะ”
 
 
 
 
“เออออออออ มึงก็ตั้งใจเล่นแล้วกัน”
 
 
 
 
 
 
“ต่อไปเป็นการแสดงความสามารถของน้องเติ้ล B5 สาขาการบริหารองค์กรและทรัพยากรมนุษย์ครับ… กับการแสดงเล่นกีต้า cover นะครับ เชิญชมได้เลยครับ”
 
 
 
“สวัสดิ์ดีครับ...เอ่อ..ผมเติ้ลครับ ขอภัยนะครับผมเป็นคนร้องเพลงไม่เพราะ เกรงว่าจะฟังกันไม่ได้ ผมจึงขอเป็นเล่นกีต้าให้ทุกคนฟังอย่างเดียวแทนดีกว่า”
 
ระหว่างเสียงที่กริ๊ดยังไม่หายผมกวาดสายตาไปหน้าเวที มองหาจิมจากฝูงชนมากมาย… แต่ก็คงยังหาไม่เจอเมื่อสิ้นเสียงกริ๊ด
 
 
“เพลงที่ผมเลือกมาในครั้งนี้… เป็นเพลงที่ผมคิดว่าเหมาะกับช่วงเวลาที่ผมกำลังรู้สึกในตอนนี้…”
 
 
“อาจจะฟังดูเชยไปหน่อย แต่ผมอยากเล่นเพลงนี้ให้กับทุกคนที่รู้สึกอยากจะถามคำถามคนๆนึง”
 
 
ถึงตอนนี้ผมก็ยังมองหาจิมไม่เจอ
 
 
“คนๆนึงที่ทำให้เรารู้สึกตัวเล็กจ้อย เล็กจนรู้สึกว่าเราจะมีค่าพอกับเขารึเปล่า เพลงนี้ผมชอมอบให้กับ ตัวเล็ก ทุกคนครับ…”
 
 
 
 
“ร้องได้ช่วยร้องหน่อยนะครับ”
 
 
 
 
 
 
 
“ได้ชิดเพียงลมหายใจ
แค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน
แค่เพื่อนเท่านั้น
แต่มันเกินห้ามใจ


ที่ค้างในความรู้สึก
ลึก ลึกเธอคิดยังไง
รักเธอเท่าไร
แต่ไม่เคยพูดกัน


 
อะไรที่อยู่ในใจก็เก็บเอาไว้
มันมีความสุขแค่นี้
ก็ดีมากมาย”



ผมดีใจมากที่ทุกคนในฮอลเริ่มที่จะร้องเพลงตามที่ผมดีดได้ (ผมก็กลัวว่าทุกคนจะไม่รู้ว่าเพลงที่ผมเล่นคือเพลงอะไรซะอีก)
 
 
“ขอบคุณครับบบ”
 
ผมขอบคุณระหว่างที่ดีดกีต้าอยู่ ขอบคุณที่เขาทุกคนช่วยร้องเพลงให้ผม
 
 
“เธอจะมีใจหรือเปล่า
เธอเคยมองมาที่ฉันหรือเปล่า
ที่เราเป็นอยู่นั้น คืออะไร”

 
เมื่อท่อนฮุกเสียงร้องในฮอลยิ่งดังขึ้น ราวกับว่าทุกคนรับรู้ความรู้สึกผมหมดแล้ว


 
 
“เธอจะมีใจหรือเปล่า
มันคือความจริงที่ฉันอยากรู้
ติดอยู่ในใจแต่ไม่อยากถาม
กลัวว่าเธอเปลี่ยนไป


 
ไม่ถามยังดีเสียกว่า
เพราะฉันรู้ถ้าเราถามกัน
กลัวคำ คำนั้น
อาจ”

 
 
จบเพลงพึ่งจะหาไอ้เตี้ยเจอ… ยืนยิ้มให้ผมอยู่ครู่นึงก่อนจะหันหนีไม่สบตาผม
 
(ที่เห็นก็เพราะผมเห็นกี้เลยเหลือบไปเห็นว่าจิมยืนอยู่ข้างๆ ด้านหน้าเวที)
 
 
 
“ขอบคุณมากครับที่ช่วยร้องให้ผม ผมเติ้ล B5ครับ ขอบคุณครับ”
 
 
“จบไปแล้วครับสำหรับการแสดงของน้องเติ้ล B5 ขอเสียงตบมืออีกครั้งให้น้องหน่อยครับ”
 
แล้วเสียงกริ๊ดกับเสียงตบมือตามให้หลังผมมาอีกระลอก ผมสวนกับนัทระหว่างลงหลังเวที… ก่อนที่มันจะเอามือมายั้งบ่าผมเพื่อให้หยุดเดิน
 
 
 
 
“กูเข้าใจละ ทำไมมึงถึงไม่ให้กูจีบจิม”
 
 
“มึงเล่นงี้ กูยอมก็ได้นะ ถ้ากูแพ้มึง”
 
 
“แต่มันยากมากหรอวะเติ้ล แค่มึงบอกกูว่ามึงก็ชอบจิมเหมือนกัน”
 

 
 
….
 
 
“ยากว่ะ… ก็ผู้ชายคนแรกเลยนี่หว่าที่กูรู้สึกแบบนี้”
 
 
“เออ กูเข้าใจ แต่สัญญาก็ต้องเป็นสัญญานะ มึงอย่าลืม”
 
 
“กูไม่อ่อนให้มึงแน่”
 
นี่มันศึกชิงนาง หรือ สงครามนางงามกันแน่ ทำไมดูโหดร้ายไม่มีใครยอมใคร
 
 
“เต็มที่เลย อย่าให้กูชนะเพราะมึงไม่ใส่เต็มล่ะ เดี๋ยวจะเสียใจที่หลัง”
 
 
แล้วมันก็เดินขึ้นเวทีไปเป็นที่เรียบร้อย และแล้วความรู้สึกที่ผมเหมือนจะแพ้ก็เข้ามาในใจผม เพราะไอ้นัทแม่งร้องเพลงเพราะซะเหลือเกิน เสียงกริ๊ดที่ได้ตอบรับมาก็ดังไม่ต่างอะไรจากผมเท่าไหร่ (จริงๆดาวเดือนคนอื่นก็ดังพอๆกันนะครับแต่ผมรู้สึกถึงความพิเศษจากผมและไอ้นัทมากกว่า)
 
 
แล้วเพลงที่เล่นก็โห เนื้อหาความหมายช่างบอกตรงๆมากว่าอยากจะทำอะไร (เพลง รู้ยัง ของ ต้น ธนษิต อะครับ) อยากจีบ ชักชวนมาคู่กันเหลือเกิน หวังว่าจิมคงไม่ได้ฟังล่ะ เพราะวันนี้ผมคิดไปเองเรียบร้อยแล้วว่า
 
 
วันนี้ผมอยู่ในสายตาจิมคนเดียว…
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“เล่นจีบกูบนเวทีแบบนี้ กูจะปฏิเสธมึงยังไงวะ ไอ้สูง”
 
เสียงกระซิบข้างหูผมจากไอ้เตี้ยที่กำลังเอากุหลาบมาโหวตให้ผม
 
 
เออ… อย่าปฏิเสธผมแล้วกันไอ้เตี้ย…
 
 
 
 
 
 
เพราะผมจะขอคุณเป็นแฟน!!
 
 
 
 
 
 
………………………………………………………………………..
 
 
 
 
 
“ความรักไม่ใช่การแข่งขันอย่าสร้างมันให้บาดหมางจนเกิดแผลในหัวใจ”
 
 
 
 
 
 
 
Talk : ถ้าจิมเป็นผู้หญิงก็คงเป็นดาราหญิงที่ใครๆก็อยากได้ (หรอออออ)
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 19 : ศึกชิงเตี้ย (อาร์ม) : หน้า 4 (22/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-06-2017 12:06:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 19 : ศึกชิงเตี้ย (อาร์ม) : หน้า 4 (22/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-06-2017 13:01:38
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 19 : ศึกชิงเตี้ย (อาร์ม) : หน้า 4 (22/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฟ้าใส ที่ 22-06-2017 20:41:48
ดีงาม มีความตามใจ มีความส่งเพลงให้กัน มีความขอเป็นแฟน
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 20 : หัวใจ : หน้า 4 (29/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 29-06-2017 23:03:00
Chapter 20 : หัวใจ



สายตาหวานซึ้งบอกถึงเป้าหมายที่ต้องการโคตรชัด ไม่ต้องพูดก็แทบจะรู้ใจว่าเดือนคณะบริหารธุรกิจจะขออะไร


ใจเต้นตุบตับ ไม่เป็นจังหวะ…


ดอกกุหลาบแดงที่เดือนบริหารเขาได้รับมาในตำแหน่งป็อปปูล่าโหวตหลายสิบช่อสิบดอกได้ถูกวางอยู่หลังเบาะรถ… แต่มีดอกกุหลาบช่อนึงที่ไม่เหมือนช่อใดๆ เพราะเป็นดอกกุหลาบขาวทั้งช่อ…


“จิมครับ…”

เสียงแผ่วหวานสั่นๆ เรียกผม…   แทบขนลุกไปทั้งตัว (ตื่นเต้นไรขนาดนี้วะ ยังไม่ตั้งตัวเลย)



“หื้ม…”


“อาร์มได้เป็นเดือนแล้วนะครับ…”

มันส่งยิ้มหวานออกมาแบบที่ผมไม่เคยเห็นมา แบบที่ผมว่ามันคงดีใจมากๆที่ได้เป็นเดือนคณะตัวเอง


“แล้วไงเล่า?”

ผมหันหน้าหนี ไม่สบตา ใครจะไม่กล้าสบตาอะ แค่เงยหน้ามองมันนิดเดียวร่างกายผมก็อ่อนไปทั้งตัว เหมือนคนหมดแรง



มือใหญ่ๆได้เลื่อนมาจับแก้มผมเพื่อออกแรงให้ผมหันหน้ามามองกับสายตาดั่ง


“สัญญาแล้วนะ… ว่าจะไม่ปฏิเสธสิ่งที่อาร์มจะขอ…”

แค่การช่วงเวลาที่ผมไม่เคยสัมผัสตอนนี้โผล่เข้ามาในใจผม ก็ไม่รู้จะพูดปฏิเสธยังไงเหมือนกันแหละครับ


“อะ...อืม ว่าไงล่ะ”


“อาร์มขอให้จิมช่วยฟังอาร์มพูดอะไรสักหน่อยได้ไหมครับ”


“...”


“ได้ไหม?”

จะขอแค่นี้หรอ ให้ฟังมันพูดแค่นั้นอะนะ


“อื้ม”


“สัญญาแล้วนะ…”


“อื้อ...”


“ห้ามหนี… ต้องตั้งใจฟังที่อาร์มจะพูด ห้ามหูทวนลม ห้ามพูดจนกว่าอาร์มจะพูดเสร็จนะ”

ห้ามอะไรเยอะแยะวะ จะพูดก็พูดมา นี้ถ้าไม่ติดว่ามันกำลังส่งสายตาหวานจริงจังมานะ ผมคงเตะขามันละ ไม่พูดซักที

“ห้ามเยอะจัง กูถอนตัวทันไหม?”


“ไม่ทันแล้วครับตัวเล็ก หึหึ”

โอ๊ยยย… ขำในลำคอ แล้วลูบหัวเหมือนเอ็นดูผมแบบนี้… มันรู้สึกอบอุ่นเหมือนตัวเองมีพี่ชาย เหมือนตัวเองมีตัวตน เหมือนตัวเองกำลังถูกห่วงใย

เหมือนหัวใจจะหลุดจากร่างอย่างนั้นแหละ…


“...”

ช่างรู้สึกบางอย่างในใจที่บอกไม่ถูก ความเงียบกับใบหน้าจริงจังขนาดที่ มองนัยตาก็เห็นถึงประกายวับวาวในนั้น


“จะพูดอะไรอะ พูดมา”


เสียงผมก็คงสั่นพอกัน คงเป็นเพราะสายตาที่มองมาแบบไม่ลังเลอะไรเลย เหมือนไม่กลัวสิ่งที่จะพูดออกมา


“รู้ใช่ไหม…? ว่าอาร์มชอบจิม”

เชี้ยยยยย… ผมรู้สึกตัวเบา เหมือนตัวเองหลุดออกไปจากโลกแล้วอะตอนนี้ มันหายใจไม่ออก


“อาร์มชอบจิมมาพักใหญ่แล้วนะ จะว่ามันผิดบาปก็ได้ ที่อาร์มดันรู้สึกดีกับจิมตั้งแต่วันที่อาร์มมีเรื่องปอยเข้ามาให้เสียใจ…”

สายตานั้นไม่ละออกจากสายตาผมเลยซักนิด ผมเองก็ไม่ละลดสายตาตัวเองลงเลยซักนิด ไม่รู้เพราะสายตาคู่นั้นบังคับให้ผมหันไปไหนไม่ได้หรือเพราะตัวผมเองที่อยากจะฟังเสียงหัวใจของมัน


“ครั้งแรกที่อาร์มเห็นจิม อาร์มยิ้มทันทีทั้งๆที่อาร์มเพิ่งเจอเรื่องเสียใจ ทำให้อาร์มอยากเห็นหน้า อยากคุย อยากรู้จัก รู้สึกอยากใกล้จิมมากขึ้น…”


“เหี้ยเนอะ…”


“ตอนนั้นก็ยังมีแฟนอยู่แท้ๆ แต่ดันรู้สึกดีกับจิมอีก”


“ตอนแรกคิดว่าได้เป็นเพื่อนก็พอแล้วล่ะ แค่นั้นก็มีความสุขมากพอแล้ว”


“แต่ยิ่งใกล้… ใจอาร์มยิ่งร้องขอให้ใกล้กว่านั้น ใกล้กว่าคำว่าเพื่อน…”

ตอนนี้ผมเริ่มอ่อนแรงเหมือนตัวเองแทบจะยืนไม่ได้ สายตาเริ่มไม่กล้าสบตามัน เพราะทั้งเขิน… ทั้งรู้สึกทำตัวไม่ถูก


“ตอนที่จิมเมาวันเกิดพี่บาส… จิมบอกผมว่า ที่ผ่านมาพฤติกรรมผมเหมือนผมจีบจิมใช่ไหมครับ…”


“จะเรียกว่างั้นก็ได้ เพราะมันไม่มีเพื่อนคนไหนหรอกที่กันแบบนั้น อาร์มอยากใกล้ชิดจิมมากกว่าคำว่าเพื่อน…”


“ร่างกายมันทำตามหัวใจโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ในนี้ที่จิมจมน้ำ… ความรู้สึกอาร์มยิ่งชัดมากขึ้น อาร์มรู้สึกอยากปกป้องจิม อยากดูแล ห่วงใย นั้นก็เป็นจูบแรกของอาร์มเหมือนกันนะ… ที่อาร์มได้จูบผู้ชายน่ะ”

ลืมไปเลย… ว่ามันคือจูบแรกของผม…


เขินจนไม่รู้จะทำอะไรแล้ว จนตัวเองต้องหลบสายตาหวานซึ้งคู่นั้นออก อีกครั้งที่ตอนนี้


ตอนนี้มือของอาร์มเลื่อนมาจับคางผมให้หันมามองหน้ามัน


“จิมครับ…”


โทนเสียงเปลี่ยนไป… ดูอบอวนไปด้วยความจริงจัง… เหมือนสิที่มันกำลังจะพูดต่อไปจะเป็นอะไรที่หนักแน่นมาก


“อาร์มขอเป็นจูบแรกของจิมอีกได้ไหมครับ...”


ประโยคนี้มาพร้อมกับใบหน้านั้น… ที่เข้าใกล้จนผมสัมผัสถึงลมหายใจที่ลดลงบนแก้มผมได้… ใบหน้าที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ… ใกล้จนผมหลับตาเพื่อรับรู้บางอย่างที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตผม…


หวาน… หวานมาก

นิ่ม… ทำไมมันนิ่มแบบนี้…



ทุกอย่างมันอ่อนโยน… อ่อนโยนราวกับว่ามันจะถนุถนอมผมไปตลอดจากนี้…


“เป็นแฟนผมนะ ตัวเล็ก…”


…..



…….





“กู…”

เสียงผมสั่นมาก หลังจากมันถอดริมฝีปากหอมหวานนั้นออก


“จูบอีกได้ไหม… กูเขินอะ”

เชี้ยไรของผมเนี่ยยยย พูดอะไรออกไป (นี่คือคนแบบผมมันมีอยู่อีกไหม เขาขอเป็นแฟนแต่ตัวเองดันพูดจาไม่รู้เรื่องแบบนี้)


แต่มันก็ยังพรมจูบอย่างอ่อนโยนมาให้ผมอีกครั้ง… ครั้งนี้มือข้างซ้ายเลื่อนไปด้านหลังของลำคอลูบด้านหลังหัวไปมาระหว่างพรมจูบลงมาที่ผม… (มันเก่งมาก… ผมระทวยไปผมเลยตอนนี้)


“ขอบคุณนะครับ… แฟนอาร์ม”


แฟนอาร์ม… ทำไมฟังดูแหม่งๆ แต่เขินชะมัด… มันเกิดไรชึ้นเนี่ย ผมมีแฟนแล้วรึ… ตั้งตัวไม่ทันเลยจริงๆ


“เติ้ล…”

เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคย… ทำให้ผมหันไปพบกับสายตาที่อึ้งตึงกับสิ่งท่ีเห็น… ช่อดอกไม้เต็มไม้เต็มมือล่วงหล่น


“ปอย…”

เสียงแผ่วเบาจากอาร์มที่ตอนนี้อยู่ด้านหลังผม


“นี่สองคน...”


“ปอย… จิมขอ…(โทษ)”


แป๊ะ!! เสียงตบหน้าสะเทือนลั่น ...ผมไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยซักนิด ออกจะชาไปด้วยซ้ำ เข้าใจความรู้สึกปอยอยู่นะครับ ที่โมโหมันเพราะอะไร

ก็เพราะ… เป็นผมไงที่สัญญาจะคุยกับอาร์มให้คืนดีกับปอย

เป็นผมไง ที่ปอยไว้ใจที่จะคุยเรื่องอาร์มกับผม

เป็นผมที่ปอยอยากให้ช่วย

เป็นผมที่ทำให้ปอยเสียใจ

เป็นผมที่ทำให้อาร์มนอกใจ



“จะขอโทษหรอ!! แล้วมันช่วยอะไรได้”

ปอยเหมือนจะไม่ยั้งมืออีกรอบ แต่อาร์มหยุดมือที่กำลังจะตบหน้าผมไว้


““ปอย ทำอย่างงี้ทำไม?”

อาร์มตอนนี้อาร์มเอาตัวมาขั้นผมระหว่างปอยไว้


“ปอยต้องถามเติ้ลมากกว่าทำไมถึงทำงี้”


“ผิดเพศ!”

ในที่จอดรถที่แสนเงียบหลังเลิกงานประกวดดาวเดือนคณะของอาร์ม ตอนนี้เริ่มมีทีมงานทะยอยเก็บของออกจากงาน


“ปอย!! เกิดอะไรขึ้น”

พี่บาสวิ่งมาดูเหตุการณ์ พร้อมพี่ตั้ว พี่แตม ดิว และกี้


สิ้นเสียงพี่บาส ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากเจอหน้าใครไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ผมทั้งรู้สึกอายที่ถูกสายตามากมายถูกจ้องมอง ทั้งรู้สึกผิดต่อปอย รู้สึกแย่ที่การที่ผมชอบผู้ชายคนนี้ ทำให้ทุกสายตาไม่ยอมรับผม



ที่สำคัญต่อตัวอาร์มเอง เป็นถึงเดือนคณะ แล้วไหนจะไปต่อเดือนมหาลัย คงเป็นขี้ปากคนไม่น้อย


ทุกอย่างมันเป็นเพราะผม… ผมผิดเอง… ผมเริ่มก้าวเท้าถอยออกทีละนิดและเริ่มวิ่งออกจากวงเกิดเหตุ


ใครจะไปรู้ว่าผมจะเป็นคนที่หนีปัญหาแบบนี้… ผมก็เพิ่งรู้จักตัวเองในมุมนี้ ว่าการที่ผมเผชิญกับความผิดพลาดผมกลับหนีมัน




“มัวยืนทำเชี้ยไรไอ้เติ้ล รีบตามมันไปดิ กูเคลียร์ตรงนี้เอง”

ใครสักคนในกลุ่มเหตุการณ์แหละที่พูดประโยคนี้ออกมา ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะออกมาห่างพอสมควรแล้ว


“จิม รออาร์มก่อน จิมครับ”

เสียงอาร์มตามหลังมา

“ไม่ต้องตามมา มึงไม่อายไงวะ ขอกูเป็นแฟน”


“อายเหี้ยไร!! ก็กูชอบของกู กูไม่แคร์หรอก”

ถึงแม้มันจะตะโกนหยาบใส่ผม ผมยังคงที่จะเดินเร็วเพื่อหนี้ออกห่างจากมัน (มันไม่ใช่เพราะผมจะหนี้ปัญหา แต่มันเป็นเพราะผมก็ชอบมัน ผมถึงไม่อยากให้มันมาอับอายที่เป็นแฟนผม)


“หยุดก่อนได้ไหมตัวเล็ก...”


ไม่ว่าผมจะวิ่งเร็วแค่ไหน ก็คงหนี้มันไม่ได้หรอกครับขาสั้นกับขายาวมันแข่งกันไม่ได้ ตอนนี้ผมถูกรั้งไว้ด้วยมือที่จับแขนผมไว้ไม่ให้ไปไหน


“อาร์ม...ถามจริงเหอะมึง กูผู้ชายนะเว้ย… มึงไม่อับอายเลยหรอที่จะคบกูเป็นแฟนอะ”

มันแย่มากนะครับ ถึงจะพูดว่าสังคมสมัยนี้เขาเริ่มเปิดรับเรื่องนี้กันแล้ว แต่เหตุการณ์วันนี้มันก็บอกให้รู้ว่า มันไม่ใช่ทุกคนที่รับได้ ให้ผมเป็นปอยก็รับไม่ได้ ถามหน่อย ถ้าผู้หญิงมีแฟนถูกผู้ชายบอกเลิกกับตัวเองไปคบกับผู้ชายเป็นใครก็รับไม่ได้



“ตอนแรกก็คิด… แต่ตอนนี้ไม่แล้ว พอเห็นจิมเดินออกมา อาร์มก็รู้ใจตัวเองแล้วว่าอาร์มควรแคร์จิมมากกว่าจะมาแคร์คนอื่น”

ประโยคนี้ทำให้ผมหวนคิดเหมือนกันว่า ถ้าผมเลือกจะยอมรับใจตัวเองก็ต้องไม่อายที่จะมีมันเป็นแฟน… นี้มันแค่วันแรกเองนะ


มันไม่ใช่เรื่องแย่ มันก็แค่เรื่องที่ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ



“อาร์มขอโทษนะ เจ็บไหม? ตัวเล็ก”

มันเอามือมาลูบแก้มข้างที่ผมถูกปอยตบมา


“กูอะไม่เจ็บหรอก แต่ปอยอะดิ…”


“นั้นก็เป็นเรื่องของเขานะตัวเล็ก ถ้าเขาจะยอมรับไม่ได้ เราก็ไปทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”


….


“คนเราจะเปลี่ยนใจใครปุบปับไม่ได้หรอกนะ”

ที่มันพูดก็ถูกนะครับ


“ขนาดกับเตี้ย กว่าอาร์มจะทำให้เตี้ยหันมาเปิดใจกับอาร์มยังใช้เวลาเลย”

อย่างที่มันพูด คงต้องรอเวลา แล้วผมจะมองหน้าทุกคนยังไงระหว่างนี้ จะต้องวางตัวยังไง พรุ่งนี้เช้าผมจะทักไอ้กี้แบบไหน แล้วไอ้ดิวที่ตัวเองมันน่าจะเข้าใจผม มันจะเข้าใจผมไหม ผมคงต้องทำไปเป็นอย่างๆ


“ยังไงตอนนี้กูก็ไม่กล้าไปเจอปอยอะ… กูผิดต่อเขาอะ กูรู้สึกผิด”

ใครจะไปรู้สึกดีที่ผิดสัญญากับคนอื่น


“งั้นเดี๋ยวอาร์มคุยกับปอยเองครับ ยังไงตอนนี้เราทำได้แค่รอปอยใจเย็นลง”


“...อืม”


“ไม่ต้องคิดมากรู้ไหมครับจิม จิมเป็นแฟนอาร์มแล้ว ยังไงอาร์มก็ไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับจิมหรอกนะครับ”

ผมทำหน้ากวนๆใส่มัน เพราะใครมันจะไปชินกับคำพูดห่วงใยหวานๆแบบนี้


“ให้มันจริง”


“คอยดูและกันตัวเล็ก”

ลูบหัวอีกแล้วววว ชอบจังวุ้ยยยย ทำไมมันรู้สึกดีแบบนี้

“ชอบว่ะ…”


“หื้ม?... ตัวเล็กพูดอะไรนะ”


“ก็บอกว่าชอบ”


“ชอบผมหรอ?”


“อืม…”


“พูดไรเนี่ย เขินเป็นนะครับ”


“กูก็เขิน ไปแล้วกูกลับละ”


“งั้นเดี๋ยวอาร์มกลับไปเอารถนะครับ”


“อื้ม จะทิ้งไว้นี้แล้วไปนอนห้องกูก็ได้นะ”

เดี๋ยวๆ พอพูดจบทำไมพึ่งคิดได้ว่า มันเหมือนตัวเองชักชวนเขาไปนอนด้วยยังไงชอบกล


“ไปนอนด้วยได้หรอ?”


“ไม่เว้ย กูพูดเล่น”

อย่าเชียว เป็นแฟนคืนแรกจะทำอย่างนี้ไม่ได้เดี๋ยวจะเกิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง มันไวเกินไป


เห้ยยยยยยย แล้วผมคิดอะไรอยู่เนี่ยยยยยย ไม่ๆๆๆ ภาพไอ้อาร์มถอดเสื้อในหัวผมไม่ควรมีอยู่ ไม่ได้ๆ ต้องไม่เป็นอย่างนั้น


“ไม่รู้แหละอาร์มถือว่าชวนแล้ว”


“เว้ยยยยยยย ไม่เอา คืนนี้กูอยากนอนคนเดียว”


“ถ้าอาร์มไปเรียกที่รักๆหน้าห้อง คนในคอนโดคงไม่ได้ยินหรอกเนาะ”

สัดดดดดด มีขู่ด้วยเว้ยยยยย ไม่ได้ๆ ภาพที่ผมกำลังจะโดนกระทำยังไม่หลุดออกจากหัวผมซักที นี่ผมจะมโนลึกเกินไปแล้วนะ


“งั้นคืนนี้มึงนอนโซฟา”


“อืม ได้ใช่ไหม?”

ห่ะ งั้นจะมานอนด้วยทำไมวะ… นี่ผมแอบงงแล้วนะ


ไม่ได้อยากให้เกิดอะไรขึ้นนะครับ แต่มันงงว่า ถ้าอยากมานอนด้วย มันก็ต้องมีคิดอะไรบ้างนะ แต่นี้ยอมที่จะนอนแยก แล้วจะขอมานอนด้วยทำไม


“เอ้า? แล้วจะมานอนทำไมวะ ไปนอนบ้านดิ”


“นั้นไง แสดงว่าจิมคิดว่าอาร์มจะปล้ำจิมอะดิ”


“ไอ้อาร์มมมมมมมม! เปล่าเว้ยกูไม่ได้คิด”

นี่ผมชักโวยวายเป็นเด็กและนะ


“หน้าแดงทำไม หื่นเหมือนกันนะเรา”


“สัด ไม่ต้องมานอนเลยกูไม่เปิดประตูให้มึงหรอก”


“โอ๋ๆ ล้อเล่นครับ อาร์มบอกกับจิมตั้งแต่ตอนจีบแล้วไง อาร์มไม่ฉวดโอกาสหรอกนะ”


“ถ้าแฟนอาร์มไม่อนุญาต หรือไม่พร้อม อาร์มก็ให้เกียติแฟนอาร์มนะ”


ท่าไม้ตายอ่อนละทวยเหมือนหมามาอีกแล้ว ลูบหัวแล้วยิ้มหวานแบบนี้


“ขอบใจ…”


“ครับ งั้นสรุปอาร์มไปนอนด้วยนะ”

เอ้า นี่นึกว่าเข้าใจตรงกันแล้วนะเนี่ย


“เอ้า ไหนว่าจะไม่ตื้น”


“ก็ใครบอกว่าอาร์มจะทำไรจิมล่ะ แค่อยากนอนด้วยใกล้ๆ อีกอย่างดึกแล้วอาร์มเพลียแล้ว อาร์มไม่อยากขับรถไกล”

อ่อออออ


“อืม งั้นก็ได้ แล้วเจอกันที่ห้อง กูไปและ”


แล้วผมก็เดินกลับเข้าซอยคอนโด







“ตัวเล็ก ขอนอนกอดได้ไหมครับ...”


“อืม”

มันค่อยๆดึงผมไปซุกอกใกล้ๆ


“ขอจูบได้ไหม…”


“อื้ม….”


ริมฝีปากที่ประกบมาเบาๆและนุ่มนวลหวานละมุน ราวกับว่าเป็นผลไม้สดจากไร่ชวนให้ริมรสหวานอย่างไม่เบื่อเลย



คืนนี้แม้จะไม่มีไรเกิดขึ้นอย่างที่ผมมโนไปไกลขนาดนั้น แต่มันเป็นคืนที่ผมรู้สึกดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ… กอดนี้อุ่นจนมั่นใจเลยว่า เนี่ยแหละสิ่งที่หัวใจมองหามานานในที่สุดชีวิต 158ซม. ก็ได้เข้าใจถึงคำว่า “แฟน” ซักที



…………………………………………………..




“หัวใจ รูปธรรม = อวัยวะสำคัญของร่างกาย
 หัวใจ นามธรรม = สถานที่กักเก็บความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวล”









Talk : ผู้เขียนเครียดมากเลยครับกับหน้าที่ในการงาน แต่ไม่รู้ทำไมการเขียนนิยายเรื่องนี้ ทำให้รู้สึกคลายเครียดได้มาก //// รู้สึกตัวเองรักการเขียนมาก จะฝึกฝนเยอะๆนะครับ ผิดพลาดประการใด รบกวนติชมได้เลยนะครับ
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 20 : หัวใจ : หน้า 4 (29/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-06-2017 23:57:11
รำคาญปอย เอาแต่ความต้องการของตัวเอง
คนที่ปอย อยากรัก อยากคืนดีเป็นแฟนอีกคือเติ้ล
เติ้ลเลิกกับปอยแล้ว แม้ปอยไม่อยากเลิก
ปอยฝากฝังให้จิมพูดเรื่องให้เติ้ลกลับมาคืนดีกับปอย

แต่คนที่ตัดสินใจจะคืนดีนั้น คือเติ้ลนะ
จิม อาสาพูดแต่ไม่สำเร็จ
พอเติ้ลชอบจิม จิมชอบเติ้ล มีอะไรดีๆกับจิม กอดจูบจิม
มันใช่เรื่องที่ปอย มีสิทธิ์มาทำร้ายจิมมั้ย
แล้วยังประนามจิมอีกว่าวิปริต
แล้วที่ตัวเองรักกับเติ้ล แต่ไปจูบกับผู้ชาย เพื่อลองใจว่าเติ้ลรักตัวเองมั้ย ไม่วิปริตเลย ประหลาดมาก

อย่างน้อยการกอดจูบของเติ้ลกับจิมก็เกิดจากความต้องการของทั้งคู่
ไม่ใช่แสดงละครหลอกลวงคน
ก็เป็นอันว่า ผู้ชายเขาไม่อยากได้ตัวเองเป็นแฟน แล้วเสียหน้า รับไม่ได้ใช่มั้ย
ต้องถามตัวเองแล้ว ว่าทำไมเติ้ลถึงเลิกกับตัวเอง แล้วไม่คืนดีกับตัวเองอีก     
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 20 : หัวใจ : หน้า 4 (29/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-06-2017 00:11:49
มันก็จะงงนิด ๆ อ่ะนะ

หลังจากปอยเลิกกับเติ้ล  ก็ไปเริ่มคบกับพี่บาสแล้วนิ

นางเป็นอะไรกันกับเติ้ลเหรอ   ถึงมีสิทธิ์ตบจิม?
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 20 : หัวใจ : หน้า 4 (29/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-06-2017 00:28:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 20 : หัวใจ : หน้า 4 (29/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 30-06-2017 08:38:12
ชอบที่คนอ่าน รู้สึกได้ตรงจุดที่อยากเสนอมาก

ซึ้งใจมากเลยครับ กำลังใจเขียนเพิ่มขึ้นเป็นภูเขา

:hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 21 : ตะวันรุ่ง : หน้า 4 (04/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 04-07-2017 21:26:24
Chapter 21 : ตะวันรุ่ง
 
 
 
 
 
 
แสงสาดส่องของดวงอาทิตย์ผ่านผ้าม่านบางๆที่หน้าต่าง… ปลุกผมให้ตื่นจากความอบอุ่นในอ้อมกอดของร่างใหญ่ที่นอนกอดผมทั้งคืนไม่ไปไหน
 
 
นี่ผมกล้าพูดไม่อายปากเลยว่า ผมโคตรรู้สึกดีกับการมีคนมานอนกอดแบบนี้ อย่างว่าคนมันไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้จากที่ไหนมาก่อน ถึงมันจะคล้ายกับการที่พ่อแม่กอดเราตอนเด็กๆก็เถอะ
 
 
ผมเริ่มขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเลื่อนตัวออกจากกอดมันอย่างช้าๆ แต่….
 
 
“โอ๊ยยยๆๆ หายใจไม่ออก อาร์มมมมกูหายใจไม่ออก”
 
คนห่าอะไรแรงเยอะโคตรๆ กอดหรือรัดกันแน่ เล่นซะกระดูกจะหักตาย (เวอร์)
 
 
 
“ตัวเล็กไปไหน.. นอนด้วยกันก่อน”
 
เสียงงัวเงียเพิ่งตื่นของมันโคตรจะเซ็กซี่น่าฟังมาก
 
 
“ปล่อยกูหายใจไม่ออก…”
 
 
“ก็อย่าดิ้นสิครับ เดี๋ยวปล้ำนะ”
 
 
“พูดเป็นเล่น มึงกล้าทำหรอ?”
 
แค่นั้นสภาพผมก็กลายเป็นเบื้องล่างของมันไปอย่างรวดเร็ว!
 
 
“อย่าท้านะเตี้ย”
 
 
มันเลื่อนใบหน้ามาใกล้ผมมากขึ้นเลื่อนๆ… จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รดต้นคอเบาๆ… เพียงแค่นั้นผมก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว หัวใจเต้นรัวไม่มีช่วงพัก ร่างกายสูบฉีดอย่างรวดเร็วจนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในร่างกาย
 
 
“อ่า”
 
เสียงหายใจแรงขึ้นของผมในขณะที่ลมหายใจมันเริ่มเข้าใกล้ต้นคอผมเรื่อยๆ
 
 
แล้วทุกอย่างก็หยุดอยู่แค่นั้น มันปล่อยมือที่จับผมไว้ไม่ให้ดิ้นออก แล้วลุกออกไปขอบเตียง
 
 
 
ผมต้องกลืนน้ำลายตัวเองบรรเทาอาการคอแห้งเฉียบพลัน
 
 
“ไปอาบน้ำได้แล้วตัวเล็ก… เดี๋ยวเรียนสาย”
 
 
“โห อีกตั้งชั่วโมงกว่า ไม่เอากูจะนอน”
 
 
“ถ้าตัวเล็กนอนต่อแล้วใครจะพาอาร์มไปกินข้าวเช้าอะ”
 
แหม พอพูดถึงเรื่องกินตอนเช้าๆเท่านั้นแหละ ผมก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเองหิว
 
 
“เออๆ ก็ได้”
 
 
 
 
 
 
 
 
ระหว่างที่ผมกำลังแปลงฟันหลังจากชำระล้างร่างกายเรียบร้อย ผมก็พิจารณาตัวเองในกระจก (“นี่ผมหล่อหรือหน้าตาดีตรงไหนเนี่ย”) ทำไมทั้งพี่บาสก็เคยชอบผม ทั้งไอ้นัทก็มาจีบผม… แถมมีไอ้อาร์มมาครองใจผมอีก… คิดไปคิดมาก็ขำตัวเอง เป็นผู้ชายธรรมดามาตั้ง 18 ปี ไหงมีแฟนเป็นผู้ชายได้ภายในข้ามคืน
 
 
 
 
 
พอผมเปิดประตูห้องน้ำ เดินออกมาก็เห็นอาร์มที่นั่งดูทีวีที่โซฟากำลังจ้องผมตาไม่กระพริบ… ใบหน้าแดงก่ำบ่งบอกภาพชวนขนลุกบนเตียงเมื่อครู่ทำให้ผมเขินอายที่ช่วงบนร่างกายผมเปลือยอยู่ ผมจึงเอาผ้าเช็ดผมมาปิดไว้
 
 
“จ้องบ้าอะไร ไอ้หื่น!”
 
ผมด่ามันก่อนจะพุ่งตรงเข้าห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
 
 
นี่เล่นเอาต่อไปผมไม่กล้าแก้ผ้าให้มันเห็นเลย… ที่ผ่านมาก็ไม่รู้สึกเขินหรืออะไรสักนิดไหงมาเขินตอนนเป็นแฟนมันได้ล่ะเนี่ย
 
 
 
“ป่ะ เสร็จและ”
 
ผมเรียกมันให้ลุกจากโซฟา
 
 
แล้วมันก็ลุกขึ้นเดินมาใกล้ๆผม
 
 
“ตัวหอมจังตัวเล็ก ขนาดอยู่ที่โซฟายังได้กลิ่นเลย”
 
 
“โอเวอร์”
 
 
“จริงๆนะ ขอหอมได้เปล่า”
 
 
“เยอะไปและๆ เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่”
 
ผมผลักมันออกเบาๆ ก่อนจะเดินหน้าแดงออกจากห้องคอนโดตัวเอง
 
 
“ปิดทีวียัง...ล็อกประตูด้วย”
 
ผมทำทีสั่งมันกลบเกลื่อนความเขินตัวเอง
 
 
“ทำหมดแล้วครับตัวเล็ก”
 
ละตัวมันก็วิ่งมาเดินขนาบคู่ผมพร้อมลูบหัวผมเล่นก่อนจะกอดคอ
 
 
“เดี๋ยวไปบ้านอาร์มก่อนนะ อาร์มต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
 
 
“ห่ะ!! ไรนะ?”
 
 
“ทำไมอะ ไม่อยากไปเห็นบ้านอาร์มหรอ?”
 
 
“ปะเปล่า…”
 
ไปอะอยากไปอยู่หรอกครับ แต่ทำไมรู้สึกไม่พร้อมยังไงก็ไม่รู้ ทั้งที่ไม่เห็นจะต้องเตรียมตัวอะไรเลย แค่เตรียมใจนั้นแหละ…. หวั่นๆจะทำตัวไม่ถูกตอนเจอพ่อแม่อาร์ม…
 
 
“อีกอย่างนี่กะจะไม่ให้อาร์มไปสภาพที่ยังไม่อาบน้ำเลยไง?เตี้ย”
 
 
“เออๆ ก็ได้”
 
ผมก็ลืมไปเนอะ คิดว่าระหว่างแต่งตัวในห้องนอนอาร์มมันจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วซะอีกอุตส่าแต่งช้าๆ ไม่รีบร้อนอะไร
 
 
 
 
 
 
 
 
บอกเลยว่าเส้นทางมาบ้านอาร์มนั้น ทำให้รู้เลยว่าผมกับมันอยู่คนละเรื่องกับบ้านผมเลย บ้านผมก็แค่หมู่บ้านจัดสรรธรรมดาทั่วไป แต่บ้านอาร์มอยู่ในหมู่บ้านปิดที่ระบบรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านสูงพอสมควร (รู้สึกจะมีแต่คนใหญ่โตอยู่ในหมู่บ้านที่มีพื้นที่ใหญ่ขนาดนี้)
 
 
ทั้งกล้องวงจรตามทาง ทั้งยามเฝ้าทั้งหน้าทางเข้า และยามประจำตำแหน่งทั่วหมู่บ้าน โจรขโมยคนไหนจะมาหมู่บ้านนี้ก็ต้องคิดหนักหน่อยล่ะ​ ฮ่าๆๆ ละบ้านแต่ละหลังก็ไม่ต้องพูดถึง ไม่รวยจริงคงอยู่ไม่ได้ เอาเป็นว่าพอจะเรียกคฤหาสน์ได้เลยมั้ง
 
 
 
“บ้านผ่องอนงค์”
 
….อาการคิดดังเกิดอีกแล้ว แค่เห็นหินอ่อนสลักชื่อที่หน้าบ้านก็เผลออ่านออกเสียง
 
 
“หื้ม… ทำไมครับ”
 
 
“อ่อ เปล่า… รวยดิเนอะ”
 
 
“ก็น้า กว่าจะมาถึงจุดนี้พ่อแม่อาร์มก็เหนื่อยมามากเลยอะ อาร์มเองก็สัมผัสการทำงานของพวกเขามาบ้าง ที่เห็นอยู่นี้ก็น้ำพักน้ำแรงของเขาสองคนอะครับ”
 
(นี่แค่ผมพูดว่ารวยแค่นี้ก็พล่ำซะยาว)
 
 
“ไม่ได้ถามซักหน่อย พูดซะยาวเลย”
 
 
“ก็กลัวจิมจะมองว่า บ้านอาร์มคุณหนูกัน อันที่จริงก็คนติดดินเนี่ยแหละ”
 
แหมคนติดดินบ้านหลังบะเร่อ (ผมสิติดดิน ถ้ามันจะว่างั้นอะ)
 
 
“ครับๆ ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
 
 
“ไม่ต้องห่วงนะ ทำตัวปกติได้บ้านอาร์มกันเองสุดๆ”
 
กับอีแค่ทางเข้ายังมียามเฝ้าเปิดประตูถึงสามคน จะให้ทำตัวปกติก็จะดูไม่เกรงใจไปมั้ง แค่เห็นรถอาร์มเข้ามา เส้นทางเข้าบ้านก็ถูกเคลียร์ทันที
 
 
“โห มีสระว่ายน้ำด้วย”
 
ธรรมดาที่ไหน ห้องฟิตเนสติดกระจกสไตล์โมเดิลก็อยู่ข้างๆสระว่ายน้ำ สวนก็กว้างพอจะเล่นบอลได้ทีมนึงเลยมั้ง มีคนดูแลต้นไม้ตั้งหลายคน
 
 
“พูดถึงสระว่ายน้ำ ไว้อาร์มพาตัวเล็กมาสอนที่บ้านดีไหมครับ?”
 
เกือบลืมแล้วนะครับ อาร์มมันเคยสัญญาว่าจะสอนผมว่ายน้ำ
 
 
“ไม่เอาอะ…”
 
ที่ปฏิเสธไม่ใช่เพราะไม่อยากนะครับ แต่ให้มาบ้านอาร์มบ่อยๆ ผมอึดอัดแย่ ดูท่าทางทุกอย่างคงเข้มงวดน่าดู
 
 
“เอ้า ทำไมอะ อาร์มสัญญากับจิมแล้วนะ”
 
 
“เออน่ะ ไว้ค่อยว่ากัน รีบเข้าไปอาบน้ำเถอะ”
 
แค่ทางเข้าไปโรงจอดรถก็ยังไกลจากตัวประตูทางเข้าบ้านเลยครับ รถก็มีเยอะโคตร ดูๆไปแต่ละคันก็แพงๆทั้งนั้น เอาเถอะผมคงไม่กล้าไปแตะข้าวของในบ้านแล้วแหละ แค่ตัวนอกบ้านยังขนาดนี้ ถ้าทำอะไรของเขาพังคงไม่มีปัญญาชดใช้
 
 
“นี้…”
 
อยู่ๆ อาร์มก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆผมที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ
 
 
“เห้ย จะทำไร”
 
 
“เปล่า แค่อยากจะให้ตั้งสติ จะเกร็งอะไรขนาดนั้น บ้านอาร์มไม่ใช่บ้านนายกซักหน่อย พ่อแม่อาร์มใจดีจะตาย”
 
 
“พูดง่ายทำยากนะเว้ย บรรยากาศมันคนละเรื่องกันเลยนะ”
 
ยิ้มกระชากใจมาอีกแล้ว ก่อนที่มือใหญ่ๆจะมาลูบหัวผมราวกับเอ็นดูผมมาก
 
 
“หึหึ ไอ้ตัวเล็กครับบบ ไว้เข้าไปสัมผัสเองละกันนะ”
 
ผมหายใจแรงๆเฮือกสุดท้ายเพื่อตั้งสติก่อนจะลุกออกจากรถตามอาร์มเดินไปทางเข้าบ้าน
 
 
“นี่อาร์ม… บ้านมึงทำธุรกิจอะไรหรอ”
 
มึงหยุดมองผมที่กำลังสอดส่องทางเข้าบ้านที่กับแค่ทางเข้าบ้านอะครับ แต่มันดูโคตรแพง
 
 
“เห้ย ขอโทษถามไม่ได้ใช่เปล่า”
 
มันยิ้มมุมปากมาอีกและ ผมเกลียดยิ้มกระชากใจของมันชะมัด (ไอ้เกลียดนี้คือผมหวั่นไหวทุกครั้งที่เห็นมันยิ้มนะครับ)
 
 
“เปล่า แค่สงสัยว่าทำไมจิมดูเป็นกังวล”
 
 
“ก็เปล่า แค่สงสัยเฉยๆ ไม่ได้กังวลอะไรหรอก”
 
 
“เอาให้แน่… ไม่กังวลอะดีแล้วครับ บ้านอาร์มอะกันเองจะตาย”
 
 
 
“พี่อาร์มมมมมมมมมม!”
 
 
โอ้โห น้องแก้วที่น้องสาวอาร์มผู้ที่ผมไม่เจอตั้งนานนนนน ตั้งแต่วันแรกที่ผมไปทานข้าวมื้อแรกกับมัน… พอเห็นหน้าน้องแก้วก็มีภาพความรู้สึกแรกที่ผมมีต่ออาร์มในวันนั้นก็ลอยมาทันที (ตอนนั้นจะว่าไปผมก็แอบรู้สึกสับสนตัวเองพอควรก็วันนั้นมันเล่นหอมแก้มผมโดยไม่ตั้งใจนี่เนอะ)
 
 
“เอ่อ… ใครอะคะพี่อาร์ม?”
 
น้องแก้วทำหน้าตาสงสัยได้น่ารักมากครับ
 
 
“นี่พี่จิมไง?”
 
 
“คนนี้หรอคะ? ตัวจริงน่ารักกว่าที่คิดนะเนี่ย สวัสดีค่ะพี่จิม ในที่สุดก็ได้เจอตัวจริงซักทีนะคะ ได้แต่ฟังพี่อาร์มเพ้อๆ บ่นๆให้ฟังอยู่บ่อยๆได้เจอซักที”
 
เดี๋ยวๆ อะไรกัน มีนินทาลับหลังด้วย แล้วมีแต่เรื่องแย่ๆรึเปล่าเนี่ย แต่น้องชมผมน่ารักนี่ก็โอเคแล้วครับ
 
 
“แก้วววว เล่นพูดต่อหน้าพี่จิมอย่างงี้ละพี่จะทำตัวไงล่ะครับ?”
 
 
“น้องแก้วครับ จริงๆแล้วน้องเคยเจอพี่แล้วน้าา จำไม่ได้หรอครับ วันที่น้องไปเจอพี่อาร์มกินบาร์บีคิวอะครับ”
 
น้องแก้วทำท่านึกซักพักก่อนจะทำหน้าอ้อ
 
 
“อ้ออออออออ จำได้แล้วคะ คนนั้นนี่เอง ว่าแต่พี่อาร์มคะ…”
 
 
“หื้ม?”
 
 
“พาพี่จิมมาบ้านอย่างงี้ แสดงว่า…”
 
น้องแก้วทำท่าชี้เหมือนให้สัญญาณอะไรกันซักอย่าง
 
 
“อื้ม… อย่างที่คิดแหละ”
 
มันพยักหน้า ส่วนน้องแก้วก็ทำท่าเขินอะไรไม่รู้
 
 
“เง้ออออออออออ”
 
 
“อะไรกัน บอกให้กูฟังมั้งดิ อยากรู้”
 
ผมขยับไปกระซิบมัน
 
 
“ไม่บอก”
 
แค่นั้น… คงไม่ใช่ แต่ทำหน้าพออกพอใจกับการมีความลับซะเหลือเกิน
 
 
“เออ จำไว้นะ”
 
เออ ผมก็มีมุมงอนกับเขาเป็นด้วยแหะ
 
 
“งอนหรอ? อย่านะ งอนน่ารักแบบนี้ไม่ง้อนะ”
 
 
“โอ๊ยยย พี่คะ อย่าหวานกันตรงนี้เดี๋ยวพ่อแม่มาเห็นจะแย่นะ”
 
เออนั้นดิ พูดจาไม่ระวังปากเลย น้องแก้วต้องจัดการ
 
 
“ไงเรา… กลับบ้านเช้าเชียวนะ”
 
เสียงผู้ชายมีอายุกำลังเดินลงมาจากบันไดชั้นสอง
 
 
“ไปนอนห้องเพื่อนบ่อยไปและนะลูก”
 
และเสียงที่ตามมาคือเสียงแม่ที่กำลังเดินตามมาติดๆ
 
 
“พ่อแม่สวัสดีครับ พ่อครับแม่ครับนี่จิมครับเอ่อ…”
 
มันมองหน้าผมสักพัก (ไม่ต้องลังเลถ้าไม่อยากมีปัญหาก็บอกไปว่าเพื่อน ผมเองก็ยังไม่พร้อม)
 
 
“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่ ผมเพื่อนอาร์มครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคร้าบบ”
 
ผมไหว้พ่อแม่อาร์มก่อนจะทำแนะนำตัวแบบ (แบบเชี้ยไรเนี่ยยยยย มันควรไหมมมม) ที่ควรจะเรียบร้อยกว่านี้
 
 
“แม่ พ่อว่าไอ้หนูเนี้ยแหละตัวการทำให้ลูกเราไม่กลับบ้านหลายครั้ง”
 
เวรละ… ไหงพูดกันแบบนี้ ผมซวยแน่ๆ พ่อแม่อาร์มต้องตำหนิผมแน่ๆ
 
 
“เติ้ล ไปรบกวนเราบ่อยใช่ไหมลูกจิม ถ้าเติ้ลรังแกหนูบอกแม่ได้เลยนะลูก เดี๋ยวแม่จะจัดการให้”
 
โอ้โห… กันเองจริงๆ ดูอบอุ่นมาก นี่เจอกันครั้งแรกผมรู้สึกเหมือนท่านเข้าหาง่ายมาก เล่นเอาผมปรับตัวไม่ถูกซะละ
 
 
“ไม่รบกวนเลยครับแม่ แต่เรื่องรังแกนี่ไม่แน่นะครับ ฮ่าๆ”
 
ผมเล่ไปหาอาร์ม มันมองด้วยความงงๆอยู่ (โดนแน่)
 
 
“พ่อ คนนี้ไงพ่อ ที่เติ้ลว่าเติ้ลเจอคนทำผัดกระเพาเนื้ออร่อยพอๆกับแม่แล้วอะครับ”
 
พ่ออาร์มมองผมแบบไม่เชื่อสายตา แต่ก็นั้นแหละครับ รูปร่างผมมันดูเหมือนคนทำกับข้าวเป็นซะที่ไหน
 
 
“จริงรึเรา สงสัยต้องทำให้พ่อชิมบ้างละ ว่าอร่อยจริงอย่างที่เติ้ลมันอวยเปล่า”
 
พ่ออาร์มพูด
 
 
“ไว้ว่างๆ ลองทำให้พ่อกับแม่กินบ้างได้ไหมลูก?”
 
แม่อาร์มถามผม
 
 
“โหย ไม่ขนาดนั้นหรอกครับพ่อ แม่ แต่จิมยินดีทำให้พ่อแม่ทานนะครับ แต่ผมกลัวจะทำของไม่อร่อยให้พ่อกับแม่ทานสิครับ”
 
 
“ถ้าเติ้ลมันว่าอร่อยก็ถือว่าผ่านระดับนึงแล้วลูก พ่อเชื่อใจ”
 
ครอบครัวนี้กันเองดีจริงๆครับ พอยให้ผมผ่อนคลายขึ้นเยอะเลย
 
 
“อุ้ย พ่อ เดี๋ยวเข้าประชุมไม่ทันนะ”
 
แม่อาร์มพูดก่อนจะเริ่มหยิบของ
 
 
“งั้นเดี๋ยวพ่อรีบไปก่อนนะ แก้วตั้งใจเรียนนะคนเก่ง เย็นนี้เดี๋ยวพ่อมากินข้าวด้วยนะครับ”
 
พ่ออาร์มคุยกับน้องแก้ว ดูอบอุ่นมากครับ เล่นเอาผมคิดถึงบ้านเลย
 
 
“แก้วตั้งใจอยู่แล้วค่ะ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงงงงง”
 
เสียงใสๆ แบ๋วๆ เรียกรอยยิ้มให้คนรอบข้าง
 
 
“พ่อช่วงนี้บริษัทยุ่งไหมครับ?”
 
อาร์มถามไถ่ถึงบริษัทของตัวเอง
 
 
“นิดหน่อย ตัวเลขเริ่มเป็นไปตามที่คาดไว้ละ เราน่ะ ตั้งใจนะ จะได้แวะเข้ามาช่วยพ่อคุมงานได้บ้าง”
 
 
“ครับพ่อ”
 
 
“จิมพ่อไปก่อนนะลูก ไม่ต้องเกรงใจคิดซะว่าบ้านนี้เป็นบ้านหลังที่สองของเราได้เลยนะลูก พ่อไปและ”
 
ผมยกมือไหว้พ่อกับแม่อีกครับ
 
 
“พากันตั้งใจเรียนนะ แม่ไปก่อน เจอกันตอนเย็นนะลูกแก้ว เติ้ล”
 
แม่อาร์มทิ้งท้ายก่อนจะเดินกันออกไป
 
 
“พี่อาร์ม พี่จิม งั้นแก้วไปเรียนก่อนนะคะ ลุงคำรอไปส่งแก้วนานแล้ว”
 
 
“สู้ๆนะครับน้องแก้ว ตั้งใจเรียนนะครับ”
 
ผมสั่งลาน้องแก้วเรียบร้อย แต่ไอ้สูงเดินไปส่งน้องข้างนอกแถมใส่รองเท้าให้น้องตัวเองอีก (แม่งจะโชว์สุภาพบุรุษไปไหน จากมุมนี้แม่งโคตรพระเอก โคตรหล่อ โคตรใช่!!)
 
 
“มึงนี้เท่เกินไปละ หมั่นไส้”
 
ผมพูดใส่ไอ้สูงที่ทำตัวพระเอกซะ
 
 
“แน่นอนครับ ว่าแต่ตัวเล็กก็น่ารักเกินไปละ”
 
หะ? อยู่ๆมาชมอะไร
 
 
“ไรของมึง?”
 
 
“ก็นะ เจอกับพ่อแม่อาร์มครั้งแรกก็ทำพวกท่านยิ้มซะขนาดนั้นละอะ น่ารักเกินไปละ รู้ตัวบ้างไหม”
 
พูดปากเปล่าที่ไหน เอาหน้ายื่นมาใกล้ๆขนาดนี้ ต้องการอะไรมิทราบ
 
 
“เว่อร์ๆ รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวเข้าเรียนสายกูจะโทษมึง”
 
 
“คร้าบๆ ปะ”
 
 
และอาร์มก็จับแขนผมพาไปที่ห้องนอนมันบนชั้นสอง
 
 
(เดี๋ยวก่อนนะครับ มันจะรู้สึกเหมือนผมไหมที่พอมาอยู่ห้องคนที่เราชอบสองต่อสองเนี่ย มันตื่นเต้นอยู่ตลอดเลย)
 
เอาเป็นว่ามันจะต้องไม่เกิดฉากโรแมนติกอะไรเทือกนั้นแน่นอนครับ ผมว่าแค่เช้านี้ผมก็หายใจไม่ทั่วท้องแล้ว อย่ามากไปกว่านี้เลยละกันผมขอล่ะ
 
 
 
 
 
 
 
 
“จะทำอะไร…”
 
 
“เล่นน่ารักต่อหน้าพ่อแม่อาร์มแบบนั้น มันอดไม่ไหวนะจิม…”
 
เอาเลยยยย ถ้ามันจะถล่มเสน่ห์มาขนาดนี้ผมก็มีลิมิตความอดทนนะเว้ยยยย
 
 
“ไม่รีบไปเรียนไง”
 
“นาา ขอจุ๊ฟทีเดียวเอง อาร์มอาบน้ำแล้วนะหอมจะตาย”
 
ไอ้หอมอะหอม หอมมากด้วยครับ มันหอมตั้งแต่มันนอนอยู่ห้องผมแล้วเหอะ กลิ่นประจำตัวมันผมดมจนจำได้แล้ว (เดี๋ยวๆ ผมไม่ได้โรคจิตขนาดนั้น แค่กลิ่นมันคุ้นเคยเฉยๆนะครับ)
 
 
“ทีเดียวนะ ห้ามต่อรองอีก หิวข้าวแล้วปวดท้อง”
 
ผมไม่ได้ยื่นหน้าหรืออะไรให้สัญญาณมันมาจูบปาก (ใครมันจะไปหน้าด้านยื่นหน้าให้เขาจุ๊ฟปากเล่น มันคงจะดูน่ารักจุ๋มจิ๋มพิลึก) เพียงแต่มันก้มมาจูบปากผมที่กำลังเขินอยู่ ไม่ว่าจะปากโดนปากกันกี่ครั้งผมก็รู้สึกดีทุกครั้ง…
 
 
 
แม้จะเป็นการ CPR ในครั้งนั้น ผมยังรู้สึกโกหกตัวเองไม่ลงว่าผมชอบริมฝีปากนี้เอามากๆ
 
 
 
 
 
 
“จูบนานไปแล้วอาร์ม... กูหิวแล้วนะ”
 
ร่างสูงโปร่งยืดตัวขึ้นจากการก้มมาจูบปากผมอยู่พักนึง อมยิ้มมีสเน่ห์ส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาทางผม
 
 
 
 
“หิวมากหรอ… ลองกินอาร์มดูไหม?”
 
 
 
 
 
ไอ้หื่นนนนนนนนนนนนนนนนน!
 
 
 


………………...………………...………………...………………...…………………
 
 
 
 
 
“ตะวันรุ่งเช้า...เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นวันใหม่ วันนี้จะเป็นวันที่ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับเราจะเลือกทำ”
 
 
 
 
 
 
 
Talk : นี้แค่ควานหวานช่วงเช้าก็กินไปทั้งตอนเลยนะเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 21 : ตะวันรุ่ง : หน้า 4 (04/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-07-2017 22:41:20
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 21 : ตะวันรุ่ง : หน้า 4 (04/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฟ้าใส ที่ 05-07-2017 10:48:43
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 21 : ตะวันรุ่ง : หน้า 4 (04/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-07-2017 11:35:17
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 21 : ตะวันรุ่ง : หน้า 4 (04/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-07-2017 12:48:57
อาร์ม พาจิมไปบ้านแล้ว คนนี้แหละตัวจริง  :mew1:
 
อาร์ม จิม  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 22 : ความเข้าใจ : หน้า 4 (06/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 06-07-2017 10:46:52
Chapter 22 : ความเข้าใจ
 
 
 
 
 
 
 
“กินเลอะจริงตัวเล็ก”
 
นิ้วโป้งไอ้อาร์มแทบไม่ต้องเลื่อนไปมาเช็ดปากผมเลย แค่นิ้วโป้งมันก็ใหญ่เท่าปากผมแล้ว
 
 
“เห้ย ทำไรเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
 
 
“สนทำไมอะ”
 
 
“มึงเป็นถึงเดือนคณะบริหาร วางตัวหน่อยดิวะ”
 
 
“ถ้าอาร์มต้องวางตัวแล้วพลาดความสุขที่ได้อยู่กับแฟน อาร์มไม่เอาอะ”
 
โอ้โห ผมอ้วกได้ไหมมมมมมม
 
 
“แหวะ จะอ้วก”
 
 
“จริงจัง หรือเตี้ยไม่คิดงั้น?”
 
ก็… ไม่รู้วุ้ย
 
 
“เออๆ แล้วแต่ มีข่าวเสียๆหายๆ มาอย่ามาว่ากูละกัน”
 
 
“ไม่สน อาร์มมีสิ่งที่อาร์มต้องการละ เดือนคณะเดือนมหาลัย ไม่สนแล้ว”
 
 
“เอ่อ… ใช่น้องเติ้ลเดือนบริหารใช่ไหมคะ?”
 
ผู้หญิงสองคนเข้ามาทัก น่ารักพอสมควรเลยครับ ที่สำคัญจ้องไอ้สูงไม่ละสายตาเลย
 
 
“ใช่ครับ”
 
แหม… ต้องเก็กหน้าอะไรขนาดนั้น หมั่นไส้
 
 
“เห็นไหมแก ฉันบอกแล้ว”
 
เธอหันไปคุยกับเพื่อนกัน
 
 
“ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ?”
 
นั้นไง ตรงประเด็น
 
 
“ได้ครับ”
 
แล้วมันก็ลุกไปยืนกับพวกเทอสองคน
 
 
“เอ่อ… น้อง ช่วยถ่ายรูปให้พวกพี่หน่อยได้ไหมคะ?”
 
และแล้วก็เห็นผมในสายตา (ตอนผมมีประโยชน์)
 
 
“ครับๆ”
 
พวกเธอยื่นโทรศัพให้ผมถ่าย แต่ไอ้ท่าเอคของผู้หญิงสองคนนี้ ทำเอาผมหงุดหงิดมาก คนนึงควงแขน อีกคนเอาหัวพิงแขน
 
 
“อะ หนึ่ง… สอง… ซั่ม”
 
 
“ขออีกรูปนะคะ”
 
แล้วพวกเธอก็เปลี่ยนท่า ทีนี้เลื่อนมาพิงอกพิงแขนกันอย่างสนุกสนานตา
 
 
“เอานะครับ หนึ่ง...สอง...ซั่ม”
 
 
“ขออีกนะคะ”
 
เยอะจริงผู้หญิงสองคนนี้ ผมล่ะหงุดหงิด คนในร้านก๋วยเตี๋ยวเริ่มมองเยอะแล้วนะ
 
 
“อะครับ เอาเลยนะครับ หนึ่ง สอง ซั่ม”
 
พอสักทีนะ
 
 
“เอ่อ… ผมขอตัวก่อนนะครับ”
 
อาร์มเอ่ยปากหยุดการให้ถ่ายรูปกับแฟนคลับมัน (จะเรียกว่าแฟนคลับได้รึแค่สองคนเอง)
 
 
“งั้นพี่ขอไอดีไลน์เราไว้ได้ไหมคะ? เผื่อพี่จะได้ส่งรูปไปให้”
 
ผมก็ทำได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวที่เหลือไป… (ในใจก็โคตรร้อนรุ่ม ถ้าไอ้อาร์มให้มันก็คงจะเปิดกว้างหน้าดู ผมก็คงต้องยอมรับ)
 
 
“ตัวเล็ก…”
 
 
“หื้ม”
 
ผมสะดุ้งนิดนึงเพราะมันเลื่อนมือมาเช็ดปากผมอีกแล้ว ว่าแต่สาวๆสองคนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ
 
 
“กินเลอะเก่งจัง อยากให้อาร์มเช็ดปากให้อะดิ”
 
 
“อะไร เปล่าเว้ย กูเช็ดเองได้”
 
ผมมองหาผู้หญิงสองคนนั้นสักพัก
 
 
“นี่ไม่ต้องไปมองหาหรอก เขาไปแล้ว อาร์มไม่ได้ให้ไอดีไลน์หรอกนะ”
 
 
“บอกกูทำไม”
 
 
“ก็เตี้ยหึงไม่ใช่หรอ”
 
 
“ใครบอกมึง มั่ว”
 
“เหรอออออออออออ ไม่หึงอะ หน้าตาออกซะขนาดนั้น”
 
…มันออกเพราะใครล่ะ
 
 
“ไม่ต้องห่วง อาร์มรู้ว่าต้องทำไงให้เตี้ยสบายใจเรื่องนี้”
 
 
“อะไร?”
 
 
“จิมครับ จิมแฟนอาร์มแล้วนะ ไว้ใจสิ อาร์มไม่นอกลู่นอกทางหรอก สาบานครับผม!”
 
ปัญญาอ่อนสัดดดดดดดดดดด คิดว่าตัวเองอยู่กลมทหารรึ
 
 
“เออๆ รีบๆกินจะได้ไปเรียน”
 
 
 
ผมพูดเลยว่าเป็นเช้าที่ใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าที่คุ้มมาก ทั้งกินข้าวทั้งไปเจอพ่อแม่อาร์ม มีช่วงเวลาหวาน มีช่วงเวลาหึง มีช่วงมันหึง เยอะดีครับ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“ไงมึง”
 
คำทักทายจากเพื่อนกี้ในห้องเรียนคลาส 2D
 
 
“ไง…”
 
นั้นคือคำทักทาย… ที่ผมไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง (งงตัวเองแปลกๆ พอตอนนี้ผมเป็นแฟนอาร์มผมกลับทำตัวเวลาอยู่กับเพื่อนไม่ถูก ไม่รู้ว่ามันคิดยังไง)
 
 
“ไอ้เติ้ลมาส่งหรอ?”
 
 
“มึง… รู้ได้ไง ว่าแต่ไอ้ดิวอะยังไม่มาหรอ”
 
เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องหรอวะ… ทำไมผมชอบหนี
 
 
“ยังอะ แหม ในที่สุดไอ้เติ้ลก็จับมึงได้ซักที”
 
เดี๋ยวๆอะไรของมึง
 
 
“จับอะไรกู?”
 
 
“เอ้า มันไม่ได้กับมันไม่ได้เป็นแฟนกันละไง”
 
 
“เอ่อ…”
 
 
“ไม่ต้องปิดบังกูหรอก กูล่ะเหนื่อยชิบหายเป็นพ่อสื่อให้มึงสองคนเนี่ย”
 
ห่ะ!?
 
 
“ห่ะ มึงเนี่ยนะพ่อสื่อ”
 
 
“เออดิ เชี้ยเติ้ลเล่นให้กูรายงานเกือบทุกอย่างว่ามึงทำไรอยู่ไหน ชอบอะไรอยากไปไหน อารมณ์ตอนนี้เป็นไง สนุกละดิ”
 
หนุกห่าไรละครับบบบบบ แต่ผมก็พอเดาได้นะ แค่คิดว่าเติ้ลกับกี้มันต้องคุยกันแน่ๆ
 
 
“หรอไอ้สัสสสสส มึงนี่เองที่ทำให้กูหนีมันไม่พ้น”
 
ผมล็อกคอไอ้กี้เล่น
 
 
“โอ๊ยยย ไอ้สัสมึงก็อยากเหอะ สีหน้าบ่งบอกขนาดนั้น ปล่อยกู”
 
 
“อยากพ่อง”
 
หันหนีอย่างเดียวคงกลบเกลือนไม่อยู่ ทำเป็นหยิบกระดาษมาวาดรูปเล่น
 
 
“ทำเขิน มึงอะปิดคนอื่นได้แต่ปิดกูไม่ได้หรอก”
 
 
“จ้าาา พ่อคนเก่ง เงียบปากไป”
 
 
“ไอ้ดิวไม่มาหรอวะ มึงไลน์ตามมันยังอาจารย์เข้าละเนี่ย”
 
 
“นั้นไงมาละ”
 
ดิวเดินทำหน้ากวนตีนมองมาทางผมอย่างไว… (สรุปแล้วทุกคนคงรู้เรื่องผมกับอาร์มเรียบร้อยแล้ว)
 
 
“ไงมึง ได้ข่าวว่ามึงกับอาร์มได้กันแล้ว”
 
 
“ได้พ่อง พวกมึงนี่ กูแค่ดูๆกันอยู่”
 
 
“ไง รู้สึกเป็นไง”
 
ตอนนี้ไอ้ดิวไอ้กี้ดูรุมๆผมยังไงไม่รู้
 
“รู้สึกเรื่อง?”
 
 
“มีผัวครั้งแรกไง?”
 
 
“สัด! กูยังไม่ได้กัน”
 
อาจารย์เริ่มมองมาทางพวกเราผมเลยพยายามเบาเสียงลง
 
 
“นั้นแหละรู้สึกไง”
 
 
“ก็ไม่ไงอะ รู้สึกแปลกๆ แต่รู้สึกดี เห้ย ถามทำพ่อง เรียนได้แล้วสัส เดี๋ยวจารย์ด่า”
 
ละพวกมึงก็ขำส่ายหน้ากันไปเตรียมตัวเรียน ถึงผมจะอยากจบบทสนทนาพวกมึงตอนนี้ แต่ผมก็ยังรู้สึกอยากจะถามอะไรดิวซักอย่าง… มันคงเป็นคนเดียวที่รู้ว่าควรทำไง
 
 
“ดิว...มึง”
 
ผมขยับเก้าอี้ไปกระซิบข้างมัน
 
 
“เวลามึงคบกับพี่ตั้ว มึงต้องปกปิดความสัมพันธ์เปล่าวะ”
 
 
“คุยไรกันวะ”
 
ไอ้กี้ขยับมาเสือกอีกคน ห่านี้สาระแนทุกเรื่อง
 
 
“กูไม่รู้ว่ะ แล้วแต่”
 
 
“แล้วแต่ไรวะ ให้กูรู้เรื่องด้วยดิ”
 
เสือกจริงไอ้กี้
 
 
“กูเข้าใจมึงนะจิม แรกๆกูก็เป็นมึงรู้สึกว่าอายที่ตัวเองเป็นแฟนผู้ชาย มึงรู้สึกว่าต้องปกปิดไม่ให้ใครความสัมพันธ์ของมึงกับเติ้ลมัน”
 
….
 
 
“โห กูนึกว่าเรื่องอะไร”
 
ไอ้กี้เริ่มพอเข้าใจว่าคุยกันเรื่องอะไร
 
 
“ถ้ามึงรักกันชอบกัน กูบอกเลยนะเว้ย อย่าไปแคร์คนอื่นมาก แคร์คนที่เขาแคร์มึงดีกว่า มึงลองคิดกลับกัน ถ้าอาร์มมันรู้ว่า มึงอายที่เป็นแฟนมัน มึงอายที่มีแฟนเป็นผู้ชาย มึงรู้สึกว่าความรู้สึกมึงเปิดเผยกับมันให้คนอื่นรู้ไม่ได้ มันเสียใจแย่ เพราะเป็นกูก็เสียใจ พี่ตั้วก็เคยเป็น สุดท้ายมันก็ไม่สนใจใคร จะมองมันกับกูยังไง”
 
นั้นสิ… ถ้าเป็นผมก็รู้สึกแย่ถ้าอาร์มมันอายที่จะมีผมเป็นแฟน เมื่อเช้ามันยังไม่สนสายตาคนอื่นเลย ผมจะสนทำไม
 
 
“แล้วพ่อแม่มึงอะ”
 
ผมถาม
 
 
“ก็รู้นะ เรื่องกูกับพี่ตั้วอะ”
 
 
“มึงบอกยังไงวะ”
 
 
“ก็ไม่ได้บอกนะ แค่เขารู้เอง ผู้ใหญ่เขาดูออกอยู่แล้วมึง อยู่ที่เขาจะพูดไม่พูด”
 
 
“เห้อ…”
 
 
“คิดมาก ไอ้ควาย เดี๋ยวมึงก็จะรู้เองแหละว่าควรทำอะไร อย่าคิดเยอะ เรียนได้ละ”
 
 
“ใจมากมึง”
 
 
 
นี่ผมโง่มากนะ… ลืมคิดไปได้ไง ไอ้ดิวเองก็มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน มันก็ต้องยอมรับได้อยู่แล้วดิว่าผมจะเป็นยังไง ไอ้กี้เองก็เป็นพ่อสื่อให้ผม มันจะรับไม่ได้ได้ไง โง่ชิบหาย มัวแต่กังวลอะไรบ้าๆบอๆ
 
 
ด่านต่อไปก็คงจะเป็นพี่บาสกับปอย… พี่บาสคงโกรธผมแน่ๆที่ทำให้เกิดเรื่องกับปอย แต่ตอนนี้ผมไม่อยากคิดอะไรไปเองเท่าไหร่เพราะรู้สึกช่วงนี้ไม่ค่อยเป็นไปตามที่คิดเท่าไหร่
 
 
 
“ตึ๊ด...ตึ๊ด”
 
โทรศัพท์สั่น…
 
 
“My arms : พักเที่ยงอาร์มไปกินข้าวที่คณะจิมนะครับ”
 
ผมเปลี่ยนชื่อมันจากเบอร์มือถือ… (เขินว่ะ ฮ่าๆ)
 
 
“Jimmy : มาทำไมไกลจะตาย”
 
 
“My arms : คิดถึง ไม่คิดถึงอาร์มบ้างไง”
 
 
“Jimmy : เออๆ แล้วแต่”
 
 
“My arms : ตอบก่อนดิ คิดถึงเปล่า”
 
 
“Jimmy : เรียนแปบ อาจารย์มองแล้ว”
 
 
“My arms : ไม่เอาบอกอาร์มก่อน”
 
 
“Jimmy : เออ คิดถึงครับไอ้สูง”
 
 
“My arms : น่ารักที่สุดเลยครับตัวเล็ก แล้วเจอกันนะ”
 
 
“Jimmy : เจอกัน”

 
 
 
 
 
พอถึงเวลาพักเที่ยง… แน่นอนว่าไอ้กี้ไอ้ดิวเตรียมพร้อมจะวิ่งเข้าใส่โรงอาหารแล้วล่ะ บ่นหิวกันแต่เช้า เสือกตื่นสายกินข้าวไม่ทันเอง พอออกไปนอกห้องเรียน
 
 
ผมก็ต้องหยุดนิ่งกับสิ่งที่รออยู่ตรงหน้า… ปอย…
 
 
“ขอคุยกับจิมหน่อยได้ไหม”
 
ดิวกับกี้มองกันและมองผม ผมผยักหน้าให้มันไปก่อนไม่ต้องห่วงผม มันต้องรู้สิเพื่อนผมนะ
 
ไอ้กี้รู้ดีว่าพี่บาสกับปอยกำลังคุยๆกันและยังเป็นแฟนเก่าอาร์มอีก ส่วนไอ้ดิวไม่ต้องพูดถึงมันมีพี่ตั้วยังไงก็คุยกันเรื่องผมอยู่แล้ว เพราะงั้นที่มันห่วงผม มันไม่แปลกหรอกครับ
 
 
“งั้นพวกกูไปรอท่ีโรงอาหารนะ”
 
 
“โอเคมึง”
 
ผมบอกเพื่อนๆก่อนที่จะเริ่มบทสนทนาที่ผมเดาทางไม่ได้เลย
 
 
“ปอย… จิมขอโทษนะครับ”
 
 
“อะไร… ปอยสิต้องขอโทษ ขอโทษจริงๆนะคะ ที่ปอยทำร้ายจิม เจ็บใช่ไหม”
 
 
“จิมควรโดนแล้วครับ...”
 
 
“ปอยนิสัยแย่มาก ปอยเลิกกับเติ้ลไปแล้ว ปอยยังจะรู้สึกอะไรอีกก็ไม่รู้ ปอยขอโทษนะคะจิม ตอนนั้นปอยงี่เง่ามาก แทนที่ปอยจะยินดีกลับรู้สึกโกรธ…”
 
ใบหน้ารู้สึกผิดจนผมรู้สึกผิดไปด้วยเลย ที่ตัวเองทำให้ผู้หญิงคนนึงรู้สึกแบบนี้
 
 
“เป็นจิมก็โกรธครับปอย จิมบอกจะช่วยปอย แต่จิมดันหักหลังปอย”
 
 
“บ้า ไม่เกี่ยวซักหน่อย มันไม่เกี่ยวอะไรกับจิมมาหักหลังอะไรปอยเลย”
 
 
“ตั้งแต่คืนนั้นปอยก็คิดอะไรหลายๆอย่าง จริงๆแล้วมันเป็นความผิดปอยเอง ที่เลิกไม่เป็นเลิก ปอยไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเติ้ลอยู่แล้วยังจะทำแบบนั้น”
 
หน้าตาของผู้หญิงที่ยอมรับความผิด...ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่มีความผิดเลยซักนิด การที่แฟนเก่าที่ยังมีความรู้สึกต่ออีกฝ่ายจะรู้สึกแบบนั้นก็ไม่แปลก
 
 
“ปอยไม่ผิดหรอกครับ ทุกอย่างมันผิดที่ผิดเวลาไปหน่อย จิมเข้าใจนะครับถ้าปอยรู้สึกแบบนั้น จิมขอโทษเหมือนกันที่จิมช่วยปอยไม่ได้”
 
 
“น่ะ ขอโทษอีกและ ปอยบอกว่าปอยผิดเองไง”
 
เริ่มยิ้มกันได้นิดๆละครับ เป็นสัญญาณที่ดี
 
 
“งั้นเอาเป็นเราผิดทั้งคู่ เท่ากับเราเจ๊ากันนะครับ”
 
 
“จิมเป็นคนดีนะ รู้ตัวไหม น่ารัก นิสัยดี แคร์คนรอบข้าง แต่จิมอย่าลืมแคร์ตัวเองบ้างนะคะ รู้สึกอะไรพูดออกมาเลย อย่ามัวเกรงใจคนรอบข้าง”
 
ปอย...เองก็ดีครับ เป็นผู้หญิงตรงๆ คิดอะไรก็พูดออกมาเลย
 
 
“ชมกันรึเปล่าครับเนี่ย”
 
 
“ชมสิ ปอยเข้าใจเลยแหละ ว่าทำไมเติ้ลถึงชอบจิม ทั้งๆที่จิมเป็นผู้ชาย ไม่ต้องห่วงนะคะ ปอยสนับสนุนเต็มที่เรื่องจิมกับเติ้ล พอมาคิดดีๆแล้ว จิมกับเติ้ลเวลาอยู่ด้วยกันก็น่ารักดี มันเป็นมุมที่ปอยไม่เคยได้เห็นมาก่อนกับเติ้ลเลย”
 
 
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับปอย จิมก็ไม่ได้ดีอะไรเลย ปากหมาจะตาย ฮ่าๆ”
 
เราเริ่มขำให้กัน… นั้นทำให้รู้สึกว่าตอนนี้ผมและเธอเริ่มเปิดใจให้กัน
 
 
“จริงๆนะ นี่ ดูแลกันดีๆนะรู้ไหม”
 
 
“ครับปอย ขอบคุณนะครับ”
 
 
“ปอยต่างหากที่ต้องขอบคุณ ถ้าคนที่เติ้ลชอบเป็นคนอื่น ปอยคงรู้สึกแย่ ดีที่เป็นจิม ปอยถึงเข้าใจว่าเติ้ลชอบจิมเพราะอะไร”
 
 
“งั้นนน ปอยไปกินข้าวกับพวกจิมไหมครับ เดี๋ยวจิมเลี้ยงข้าว”
 
 
“โหยย คราวหน้าได้ไหมงะ พี่บาสจะพาไปกินข้างนอก”
 
 
“เอ้าหรอครับ”
 
พี่บาส…
 
 
“งั้นปอยขอตัวนะคะพี่บาสรอปอยนานเดี๋ยวพี่บาสงอน”
 
มีงอนง้อกันด้วยรึ… พี่บาสจะยังดีกับผมอยู่ไหมนะ คงดีแล้วล่ะมั้ง
 
 
“เอ๊ยลืม พี่บาสฝากมาบอกว่า อย่าหวานกันให้มากนัก พี่บาสใจไม่ดี จิมเนี่ยนะเสน่ห์แรงจริงๆ ได้ข่าวว่าพี่บาสก็เคยชอบจิมใช่ไหมละ อย่านะคนนี้ปอยขอ”
 
ถึงเธอพูดติดเล่นขำๆ แต่ผมว่าในใจเธอก็คงพูดจริงจังล่ะครับ
 
 
“ไม่ต้องห่วงเลยครับปอย จิมไม่ใช่เกย์...ผู้ชายคนเดียวที่ทำให้จิมหวั่นไหวได้ก็มีแต่ไอ้สูงนั้นแหละครับ”
 
แล้วเธอก็ขำออกมาพร้อมมองเลยหัวไปนิดนึง… อย่าบอกนะ
 
 
“จริงหรอไอ้เตี้ย…”
 
นั้นไง แม่งมาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่
 
 
“งั้นปอยไปก่อนนะคะ เติ้ล จิม สู้ๆ บายๆ”
 
“ขอบคุณนะครับปอย”
 
ผมพูด ส่วนไอ้อาร์มก็แค่โบกมือลา
 
 
“ให้มันจริงนะที่พูดเมื่อกี้อะ”
 
 
“พูดอะไร ไม่รู้เรื่องเล๊ยยยย ไปกินข้าวดีกว่า เพื่อนกูรอนานและ”
 
ผมทำไม่รู้ไม่ชี้ใส่
 
 
“โห เตี้ยครับบบบ ไม่หวานให้กันมั้งเลย”
 
คิดว่าก้มมาจ้องหน้าทำเสียงออดอ้อนจะยอมไง… ไอ้วิธีการอ้อนแบบนี้ มันไม่หวั่นไหวง่ายๆหรอกเว้ย
 
 
“ก็ได้ครับๆ พ่อคนหล่อมาๆ เอาหูมามีไรจะบอก”
 
ละมันก็หันข้างยื่นหูมาทางผม… พอทุกอย่างเข้าทางผม
 
 
ซัก ฟอด และกัน… และเมื่อหอมเสร็จผมก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินออกห่างจากคนที่กำลังยืนงงหรือเขินอยู่ด้านหลังผมอยู่
 
 
 
 
แล้วมันยอมผมที่ไหน…
 
 
 
วิ่งมาหอมจนผมตั้งหลักไม่ทัน… เชี้ยยย นี้มันบนตึกคณะผมนะ ไม่อายคนบ้างรึไง
 
 
(ต้องบอกตัวเองรึเปล่า ฮ่าๆๆ)
 
 
 
“อยากกินอะไร”
 
 
“แล้วแต่มึงเลือกเลย”
 
 
“ไม่เอาอะ อาร์มอยากตามใจตัวเล็ก กินบาร์บีคิวไหม?”
 
เอาบาร์บีคิวมาล่ออีกแล้ววววว จะอ้วนตาย
 
 
“ไม่เอาอะ เดี๋ยวอ้วน”
 
 
“อ้วนดิดี จะได้ไม่ต้องมีใครสนใจเตี้ยของอาร์ม”
 
ตรรกะบ้าๆ
 
 
“ใครจะมาชอบกูก็มีแต่มึงนั้นแหละ”
 
 
“น้อยๆหน่อย ยังจะทำเป็นไม่รู้ตัวอีก”
 
 
 
 
…..


“มึงอะแหละ... ยังจะทำเป็นไม่รู้ตัว...”
 
….
 
…...
 
 
“ก็มีแต่มึงที่กูชอบ มึงจะกลัวอะไร”
 
 
 
 
 
………………………………………………………………………………
 
 
 
 
“ความเข้าใจขึ้นอยู่กับการพูดคุย หากไม่พูดออกไป ความเข้าใจก็ไม่ต่างอะไรกับอากาศเลย”
 
 
 
Talk : ปัญหาเริ่มถูกแก้ไปเรื่อยๆแล้วน้า////ขอบคุณนะครับที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุรทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านนะครับ 55555
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 22 : ความเข้าใจ : หน้า 4 (06/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฟ้าใส ที่ 07-07-2017 00:40:29
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 22 : ความเข้าใจ : หน้า 4 (06/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-07-2017 02:34:04
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 23 : ได้ยินไหม? : หน้า 4 (11/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 11-07-2017 23:01:55
Chapter 10 : ได้ยินไหม




“มาบ้านอาร์มครั้งที่สองแล้วนะยังเกร็งอีกหรอ”

วันนี้เป็นวันที่ผมได้มาบ้านอาร์มในครั้งที่สอง


มันย่อเข่าตรงหน้าผม เอาหน้ามาจ้องผมที่นั่งเกร็งอยู่ในโซฟาห้องมัน จ้องมองความไม่เป็นตัวเองของผม แล้วขำเล็กๆ มืออุ่นๆนั้นเริ่มก็จับแก้มผมเล่น


“ตัวเล็กน่ารักดีนะครับ เวลาทำตัวไม่ถูกแบบนี้”

ผมปัดมือมันออก


“ปากดี พากูมาทำไมเนี่ย ไหนบอกว่าเลิกเรียนจะพามาเรียนว่ายน้ำ”


“ก็เนี่ยพามาเรียนว่ายน้ำบ้านอาร์มไง”

อ่อหรอ


“แล้วจิมเตรียมกางเกงมารึเปล่า ยืมของอาร์มไหม?”


“เอามาดิ ใส่ของมึงมีหวังหลวมจนแทบไม่ต้องใส่ ตัวมึงใหญ่ขนาดนั้น”


“น่ารักจะตาย ตัวเล็กๆใส่กางเกงใหญ่ๆ คงดูน่ารักพิลึก”

กวนประสาทจริงเว้ย มาเล่นกับขนาดตัวผมอยู่ได้ แถมยังมาลูบหัวผมเล่นอีก


“ไม่ด่ากูแคระเลยล่ะ”

มันเริ่มเอาหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง


“แคระของอาร์ม ขอจูบได้ไหมครับ”

… กับบ้านตัวเองยังไม่เว้น… นับวันแต๊ะอั๋งมากขึ้นเรื่อยๆ


“หยุดเลย ชักเอาใหญ่ละเดี๋ยวนี้ บ่อยขึ้นทุกวัน”


“บ่อยอะไร ตั้งแต่ประกวดดาวเดือนเสร็จจูบครั้งนั้นก็ไม่ได้จูบอีกเลย”

ก็จริงนั้นแหละครับ ผมให้มันแค่กอดเต็มที่ก็แค่หอม แต่รู้ไหมครับไอ้หอมเนี่ยมันก็ขโมยเอาทั้งนั้นอะครับ ผู้ชายที่ไม่เคยรักใครมาก่อนแบบผมจะหวงเนื้อหวงตัวก็ไม่แปลกหรอกมั้ง (หรือแปลกวะ?)


“ได้คืบจะเอาศอก และบอกให้เกียติถ้าไม่ให้ก็จะไม่บังคับจิตใจไง”


“หูว แค่อยากใกล้ชิดจิมมากขึ้นเท่านั้นเอง พูดขนาดนี้อาร์มไม่ทำก็ได้ครับตัวเล็ก”

โห หน้าตาโคตรเศร้าอย่างกับเด็กไม่ได้ของขวัญวันเกิด

ซักหน่อยละกัน...


ในใจจริงๆก็อยากจูบมันจะตายห่า ถ้ามัวทำให้คนรักทุกข์ใจแบบนี้มันก็คงไม่ดี ยิ่งใบหน้าเศร้าเว้าวอนขนาดนั้นปฏิเสธก็คงจะดูแย่มาก


ผมดึงแขนที่กำลังหันหลังจะเดินออกห่างผมไป… กระชากให้มันนั่งลงบนโซฟา


“เห้ย!”

เสียงตกใจของมันที่ถูกผมดึงทำเอาผมเกือบอดขำไม่ได้แต่ใบหน้าตกใจนั้นมันทำให้ผมหมั่นเขี้ยวซะเหลือเกิน ผมเลื่อนตัวมานั่งคร่อมบนตักมัน…


ฟังไม่ผิดหรอกครับ คร่อมบนตัวไอ้อาร์มมันจริงๆ จนตอนนี้มันแข็งทื่อเป็นหินไปหมดแล้ว


“ตะ...เตี้ย จะทำอะไรครับ ไม่พร้อมไม่ใช่หรอ”


“เออ… กูไม่พร้อม แต่กูอยาก”

ผมเอามือสองข้างจับแก้มอาร์มเบาๆ ก่อนจะยื่นใบหน้าของตัวเองไปจนเห็นทุกอย่างชัดเจนหมด ทั้งขนตา ทั้งนัยตา แค่นั้นผมก็พร้อมที่จะหลับตาลงพรมริมฝีปากของตัวเองลงบนนุ่นชมพูของปากมัน

“ก๊อกๆ”

ผมยังคงเข้าใกล้ริมฝีปากนั้นเรื่อยๆเพื่อที่จะสัมผัสมัน


“ก๊อกๆ พี่อาร์มคะ อยู่ไหม?”

เสียงน้องแก้วเคาะประตูเรียกมาจากหน้าห้อง


“เชี้ย! กูทำอะไรของกูวะ”

สติผมคืนกลับมาเพราะเสียงเรียกของน้องแก้ว มองดูตัวเองนั่งคร่อมตักไอ้อาร์มมันซะ หน้าอายชะมัด นี่ผมทำอะไรของผมเนี่ย น่าอับอายๆ

“อาร์ม ลุก น้องแก้วเรียก”

...อาร์มน่าจะหนักกว่าผมตอนนี้ตัวยังแข็งทื่อนั่งอยู่ที่โซฟาจ้องผมไม่หยุด
ทั้งๆที่ตายังลุกวาวก็ยังพูดออกมา


"ลุกดิวะ"


“เชี้ยยย ตัวเล็กมุมนี้แม่งโคตรเซ็กซี่ แพ้เลยว่ะตัวเล็ก”

ผมหลุดขำนิดๆ ป่นเขินหน่อยๆ


“พอแล้ว กูอายนะ น้องแก้วเรียกอะให้กูไปเปิดให้ไหม?”


“ห่ะ เอ้าหรอ เดี๋ยวผมไปเปิดเองครับ”

ละมันก็ลุกขึ้นมาหอมแก้มผมก่อนจะไปเปิดประตูให้น้องตัวเอง

นี่ไม่รู้ผมทำอะไรลงไป เมื่อกี้มันเหมือนกึ่งรู้ตัวไม่รู้ตัว เอาจริงๆก็แอบงงตัวเองที่ทำออกไป (เริ่มหื่นกามและผม แย่ๆ)


“ว่าไงคะ น้องแก้ว”

อาร์มนี้มันช่างเป็นคนอบอุ่นอะไรขนาดนี้...ลูบหัวเอ็นดูทั้งผมและน้องมัน มันดูเป็นคนที่รักครอบครัวเอามากๆ เสน่ห์ของมันเลยตรงนี้…

“พี่อาร์มมมม อะอ้าว พี่จิมก็อยู่หรอค่ะ หวัดดีคะ”

น้องแก้วครับ ถึงพี่จะเตี้ย แต่พี่ว่าพี่ก็อยู่ในระดับสายตาที่น้องจะเห็นนะครับ เพราะน้องก็เตี้ยกว่าพี่อีก เดินเข้าห้องมาถึงจะเห็นผม

“หวัดดีครับ น้องแก้วคนสวย เรียนเป็นไงบ้างครับ”

ผมทักทายน้องเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้นในห้องเมื่อกี้


“เหนื่อยดีค่ะพี่จิม เนี่ยกะจะมาหาพี่อาร์มแก้เบื่อ มีพี่จิมมาแก้วน่าจะหายเบื่อกว่าที่คิด”

ไหงงั้น พี่น่ารักใช่ไหมล่ะ เหมือนเด็กอายุเท่ากันงี้อะดิ ฮ่าๆๆๆ


“แหม พอพี่จิมมาก็ไม่อยากคุยกับพี่เลยนะ งั้นพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแปบนะครับ”

“งั้นเดี๋ยวหนูนั่งไปนั่งเล่นกับพี่จิมที่โซฟาน้า”

น้องแก้วไม่พูดเปล่ามาวิ่งมากระโดดขึ้นโซฟานั่งข้างผม ไอ้อาร์มเห็นก็ยิ้มซะ

“จ้า”

น้องแก้วทำตามีพิรุจดูพี่ชายตัวเองเข้าห้องเสื้อผ้าไปเปลี่ยนเสื้อ


“พี่จิมๆ มานี้ค่ะ แก้วมีอะไรจะให้ดู… รูปพี่อาร์มตอนเด็ก”

ดูทำหน้าทำตา เด็กคนนี้แบ๋วดีจริงแหะ



“ฮ่าๆ ไหนๆ”

แล้วน้องแก้วก็พาไปตรงชั้นวางรูปวัยต่างๆของอาร์ม มีทั้งยังเป็นทารก
มีทั้งรูปที่เพิ่งคลานได้ จนไปถึงรูปสมัยมัธยมปลายกับเพื่อนๆ มี...รูปปอยถ่ายคู่กับอาร์มตอนวันจบการศึกษาด้วย


“นี้ๆ พี่จิมนี่ รูปพี่อาร์มตอนแก้ผ้า เห็นช้างน้อยเลย”

ผมตกใจที่น้องแก้วทะลึ่งตึงตัง...เลยรีบดึงมาปิดๆ… แต่อันที่จริงก็ขำอยู่นะครับ



“ว่าแต่น้องแก้วค่ะ ทำไมน้องแก้วเรียกพี่อาร์มว่าอาร์มหละค่ะ คุณแม่กับคนอื่นๆก็เรียกเติ้ลกันหมดนี่นา”

“อ่อ มันเป็นคล้ายรหัสลับอะค่ะ งั้นหนูบอกความลับพี่จิมให้เอาม๊าาาาา”

เอาดิน้องแก้ว พี่ละเรื่องชาวบ้านขอให้บอกพี่เถอะ ยุ่งทุกเรื่อง ฮ่าๆๆ


“อาร์มแปลว่าแขนไงคะ”

อื้อ...น้องแก้วอันนี้พี่ก็รู้อะนะครับ



“หนูบอกใบ้แค่นี้แหละ ไม่งั้นมันก็ไม่ใช่รหัสลับอะเนาะ อันที่จริงพี่จิมก็เรียกพี่อาร์มว่าอาร์มเหมือนกันใช่ไหมคะ งั้นพี่จิมไปถามเอาเลยค่ะ”

ไงล่ะครับ ผมก็ได้แค่งงอะสิ


“เสร็จแล้วครับบบบ ทั้งสองคนทำไรกันหืม...เมาท์พี่ชายหรอเรา”

“เปล่าน้า หนูแค่พาพี่จิมมาดูรูปตอนเด็กๆของพี่อาร์มเฉยๆ หิวข้าวแล้วงะพี่อาร์ม”


“อืม… ออกไปกินข้างนอกกันไหมครับแก้ว เดี๋ยวพี่กับพี่จิมพาไป”


“เอ้า… แล้วพ่อกับแม่อาร์มอะ ไม่กินด้วยกันหรอ?”

ผมถามด้วยความสงสัย เพราะคิดว่าบ้านนี้เขากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนบ้านผมซะอีก


“คงกลับดึกน่ะ นานทีถึงจะได้กินข้าวเย็นพร้อมกัน”

อืม… ไงดีล่ะ จริงๆแล้วผมก็แค่อยากมาว่ายนำ้และก็กลับนะ แต่ก็อยากเจอพ่อแม่อาร์มอยู่เหมือนกัน ไม่อยากให้เขาคิดว่าเรามาบ้านเขาโดยพละการ

“งั้นเอางี้… น้องแก้วคะมาเล่นทำอาหารกับพี่ไหมคะ”

ได้ยินแค่นั้นน้องแก้วก็หันควั๊บมาทางผม


“เย้ๆๆ เอาสิคะพี่จิม ทำอาหารกันเถอะ”


“งั้น… ตามนี้นะ ทำกับข้าวรอพ่อกับแม่กลับมาด้วย โอเคไหมอาร์ม กูจะได้อยู่รอกินข้าวพร้อมกับพ่อแม่ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่บอกไม่กล่าว”

อาร์มมันอมยิ้มมองผมอย่างงี้น้องแก้วจะไม่สงสัยเอารึเนี่ย


“งั้น เดี๋ยวหนูไปเตรียมชุดทำครัวก่อนนะคะ”

ห่ะ มีชุดทำครัวด้วยหรอเนี่ย? น้องแก้วนี้สุดยอดจริงๆ สงสัยจะชอบแต่งตัว

ก่อนน้องแก้วจะออกจากประตูห้องนอนอาร์ม น้องแก้วก็หันมาหาผมแล้วพูดว่า

“พี่จิม อย่าลืมนะค่ะ อาร์มแปลว่าแขน”

น้องจะเน้นย้ำพี่ทำไมเนี่ย พี่ไม่ได้ตกอังกฤษนะคร้าบ…

แล้วไอ้อาร์มก็หันมายิ้มอย่างมีเลศนัย อะไรกันว๊าสองคนนี้


“น้องแก้วนี้น่ารักเนอะ ท่าทางจะซน”



“ดื้อจะตาย แต่ดูแววแล้ว จิมคงเอาน้องแก้วอยู่เหมือนกันนะ”


"อื้อ อาร์ม ที่น้องแก้วพูดว่าชื่ออาร์มคือแขนหมายความว่าไงหรอ"

ด้วยความที่ผมสงสัยเกี่ยวกับชื่ออาร์ม


"อยากรู้จริงอะ"

อ้าว ไม่อยากกูจะถามไหมมมมม


"อื้อ บอกได้ใช่ป่ะ"


"จริงๆก็บอกได้นะ แต่ว่าถ้าบอกไปจะขำอะเปล่า"


"ทำไมต้องขำด้วยวะ"

ยิ่งทำให้ผมสงสัยเข้าไปทุกที


"ก็อาร์มอะ แปลว่าแขนใช่ป่ะ ตอนเด็กๆ ผมเคยสัญญากับน้องแก้วว่าจะทำให้น้องรู้สึกปลอดภัยด้วยอ้อมแขนทั้งสองข้างของอาร์ม"

แหว๊ก มึงแม่งพระเอกเกินไปละ ผมจะอ้วกตาย


"ถ้างั้นทำไมยังให้กูเรียกอาร์มอยู่วะ"


"ก็เพราะอาร์มอยากปกป้องจิมไง ถึงได้ให้จิมเรียกผมว่าอาร์ม"

อื้มหืม ถ้าจะหวานขนาดนี้ ผมว่ามดทำรังอยู่ในห้องมันเรียบร้อยแล้วมั้ง ผมทำทีเดินออกจากห้องนอนมันแก้เขินไม่รู้ไม่ชี้ไป


"ไปทำกับข้าวดีกว่า"

ขออนุญาตเปลี่ยนเรื่องแก้เขินนะครับ



“รอผมด้วยดิเตี้ย...”



คราวนี้เราก็มาถึงหน้าห้องครัว ใหญ่ใช้ได้เลยครับ นี้ถ้าไปวิ่งออกกำลังกายในครัวได้ คงผอมน่าดู

แล้วจู่ๆน้องแก้วก็หยิบผ้าอะไรไม่รู้มาจากตู้...อ้อ ที่แท้ก็ผ้ากันเปื้อนสีขาว สีดำ สีชมพู ซึ่งแปลกมากครับไซส์มันมี เล็ก กลางใหญ่ แล้วไม่ใช่แค่นั้น… ไซส์เล็กสีขาว ไซส์กลางสีชมพู ไซส์ใหญ่สีดำ แล้วให้ทาย ผมใส่ไซส์อะไร
(ผิดแล้วครับ ไซส์เล็กมันของน้องแก้วเพราะเขาตัวเล็กกว่าผมอีก)

ใช่แล้ว!! ผมใส่สีชมพู โอ๊ยยย จะบ้าตาย มันจะหวานไปไหมน้องแก้ว ไอ้คนได้ผ้ากันเปื้อนสีดำก็ขำก๊ากเข้าไป ผมเลยทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวใส่มันอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่

อาร์มมันก็จับผมหันหลังแล้วมัดเชือกข้างหลังให้ผม.. ส่วนผมเลยไปมัดเชือกให้น้องแก้ว… แต่เท่านั้นยังไม่พอ หมวกพ่อครัวแม่ครัว ตามสีเลยครับพี่น้อง ปวดขมับตึ๊บๆ! จะให้ผมหวานแหววไปไหมม น้องแก้ว

แต่อาร์มก็บอกว่าที่เป็นแบบนี้เพราะว่า ไซส์ใหญ่สุดจะเป็นของอาร์ม ส่วน เล็ก กับ กลาง ของน้องแก้ว อันกลางน้องแก้วซื้อไว้ โตขึ้นจะเปลี่ยนมาใส่อันกลาง ซึ่งตอนนี้ผมกลายเป็นผู้โชคดี(หรือโชคร้าย)ได้ใส่ก่อน


“แล้วซื้อมาใส่กันครบแบบนี้ ทำอาหารกันด้วยหรอครับน้องแก้ว”

เห็นอาร์มเคยบอกว่า บ้านนี้หลังจากแม่ไม่ทำก็ให้ป้าชื้นผู้เป็นเหมือนแม่เลี้ยงเป็นคนทำตลอด


“เฉพาะเวลาน้องแก้วอยากทำขนมน่ะ”

อาร์มตอบให้ผมหายข้องใจ


“แสดงว่า น้องแก้วทำอร่อยอะดิ”

ผมกระซิบกับมัน เพราะอยากฟังจากปากพี่ชายมันมากกว่า เดี๋ยวน้องแก้วจะอวยตัวเอง


“อย่ากินเลย ขนาดอาร์มยังนอนป่วย 3 วัน”

มันก็พูดเวอร์ไปมั้งงงงง


“พี่อาร์มพูดไร แก้วได้ยินนะ ของน้องแก้วอร่อยจะตาย พี่จิมอย่าไปเชื่อ แม่กับพ่อยังบอกว่าอร่อยเลย ตอนนั้นพี่อาร์มอาหารเป็นพิษเองหรอก แบร่”

เอ้าไอ้นี้ไปแกล้งให้น้องมันงอนตุบป๋องอีก


“จ้าๆ อร่อยอยู่แล้วเนอะ”


ระหว่างคุยๆกันเราก็เดินเข้ามาในห้องครัว เห็นป้าชื้นกำลังแกะสลักผัก


“ป้าชื้นครับ มาๆจิมช่วย”

มีผมสนิทกับป้าเขาไวเพราะครั้งแรกที่ผมมาบ้านอาร์ม ผมก็เจอป้าชื้นแล้ว


“อ้าวหนูจิม มาด้วยหรอค่ะ”

อ้าวนึกว่าป้ารู้แล้วซะอีก


“ใช่ครับบ ผมมาช่วยป้าทำกับข้าวไงครับ”


“แหม หนูจิมน่ารักจังนะลูก ไม่เป็นไรหรอกตรงนี้ป้าทำเองได้”


“ทำไมป้าต้องแกะสลักผักด้วยอะครับ”



“ป้าชื้น วันนี้ให้พวกผมทำกับข้าวนะครับ วันนี้จิมเขาอยากทำกับข้าวให้พ่อแม่เติ้ลอะครับ”

เสียงร่าเริงป่นอ้อนๆ บอกป้าชื้นให้ละจากการเข้าครัว


“รบกวนหน่อยน้าครับป้าชื้น ผมขอยืมห้องครัวซักหน่อย เดี๋ยวทำเสร็จผมจะรบกวนป้าช่วยชิมให้ผมด้วยน้าครับ ว่าผ่านไม่ผ่าน


“ต้องผ่านสิคะพี่จิม ป้าชื้น… วันนี้หนูกับพวกพี่ๆจะช่วยกันลงมือทำอาหารอร่อยที่สุดในโลกเอง”


“จ้าๆ ระวังกันด้วยนะค่ะคุณหนู”


แล้วป้าก็เดินออกไป พอผมหันไปมอง อาร์มกับน้องแก้ว ทุกคนก็ เย้! หื้ม เย้อะไรกันนิ ดีใจที่กล่อมป้าชื้นสำเร็จละมั้ง


“มาเริ่มกันดีกว่าค่ะพี่จิม..ให้น้องแก้วทำอะไรบ้าง”

“ไหนพี่ดูก่อนว่าเรามีอะไรบ้าง…”

ผมเห็นข้าวของที่ป้าชื้นหยิบมาเหมือนจะทำอะไรซักอย่างที่เป็นกระเพา สงสัยทำของโปรดไอ้อาร์มแน่ๆ (ผัดกระเพาเนื้อ) แล้วพอผมเปิดตู้อุปกรณ์และตู้เย็นก็ต้องตะลึง ทุกอย่างพร้อมไปหมด จะทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น


“ของน้องแก้วต้องทำอะไรน่ารักๆ ไม่เจ็บตัว”


“พี่มีไข่ไก่ 5 ฟองให้ น้องแก้วเจียว ถ้วยนึง 2 ถ้วยนึง 3 ฟองนะค่ะ”


“แล้วอาร์มอะ”

นั้น กลัวไม่ได้ทำ ไม่ต้องห่วง งานคนตัวสูงมีแน่


“ตำพริกแกงไปเดี๋ยวใส่เครื่องให้จะทำแกงป่าไก่ กินได้ใช่ป่ะ”


“ได้ครับ แต่ แล้วใครหั่นผัก หั่นหอมอะ” ห่วงอีกและ


“กูเอง เชื่อใจกูสัญญา คราวนี้ไม่เหม่อแล้ว โอเคนะ”

มันคงจำภาพที่ผมถูกมีดบาดผมซุ่มซ่าม เลยอดห่วงไม่ได้ แต่มันก็ยอมให้ผมทำ

แต่ตอนนี้ผมต้องล้างเนื้อไก่ ตั้งไฟเตรียมต้มน้ำ เพื่อที่จะต้มไก่


“ว่าแต่ น้องแก้วค่ะ เครื่องปั่นผักผลไม้มีไหมค่ะ” ผมถามหาเครื่องปั่นจากน้องแก้ว


“บนตู้สีดำตู้นั้นอ่าค่ะ”

แล้วน้องแก้วก็ชี้ๆ ไปที่ตู้ชั้นลอยเหนือหัวผม เยี่ยมครับ งานสูงอีกแล้ว ผมเปิดตู้เข้าไป เวรกำ มีอีกสองชั้นข้างใน เครื่องปั่นอยู่ชั้นสอง

ผมเลยพยายามเอื้อม หึ๊บๆ แต่ก็ไม่มีแววว่าจะถึง แล้วพระเอกขี่ม้าขาวก็มาช่วย แต่ช่วยบอกก่อนได้ไหมม เล่นมายืนชิดข้างหลังงี้ แล้วนั้นอะไรดมหัวกูหรอ ห่าลาก น้องแก้วเห็นเดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดหรอก


“หึยยยย พี่อาร์มกับพี่จิมนี้หวานกันจังเลยเนอะ”

ห่ะ!! น้องแก้วพูดอะไร


“ก็ต้องแน่อยู่แล้วสิค่ะ เราแฟนกันนิเนอะ เนอะจิมเนอะ”

เห้ย มึงพูดอะไร


“แหม แต่ไม่เห็นต้องหวานขนาดนี้เลยนี่นา แก้วเขินจนตีไข่กระจายหมดแล้วเนี่ย ฟินมาก อ๊ากก”

เดี๋ยวๆๆ น้องแก้วเป็นอะไร อาร์มเป็นอะไร เห้ย ตอนนี้ผมงงมาก ทำไมจู่ๆ อาร์มกล้าพูดว่าเราเป็นแฟนกันต่อหน้าน้อง ผมเลยไปกระซิบถามอาร์ม

“เห้ยมึง พูดไรว่ะ น้องแก้วรู้แล้วหรอ”

ผมกระซิบกับอาร์มที่กำลังขำเล็กๆอยู่ระหว่างการดูผมหั่นเนื้อ


“เออดิ น้องเขารู้นานแล้ว เขาสนับสนุนด้วยน้า เนอะแก้วเนอะ น้องแก้วชอบให้พี่จิมเป็นแฟนพี่ใช่ไหมค่ะ”


“ใช่ๆ พี่จิมนะ ออกจะน่ารัก นิสัยดี พี่อาร์มอะเลือกถูกคนแล้ว”

แต่พี่เป็นผู้ชายนะน้อง นี้น้องไม่รู้สึกหยึย อะไรเลยหรอเนี่ย แปลกคน


“หนูนะ ทั้งจิ้น ทั้งฟิน ชอบมากเวลาเห็นพี่อาร์มกับพี่จิมอยู่ใกล้กัน”


“ห่ะ ผู้ชายกับผู้ชายเนี่ยนะ น้องแก้วไม่รู้สึกแปลกเลยหรอคะ”

ผมถามเพราะงงกับพฤติกรรมน้อง


“โหย พี่จิมอะไม่อินเทรนเลย เดี๋ยวนี้เขาฮิตแบบนี้ทั้งนั้นแหละ”

ผมก็ได้แต่อึ้ง งงกับสิ่งที่น้องบอกสิครับ เอาเป็นว่ารู้แล้วก็รู้


“แต่น้องแก้วบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ไม่ได้นะค่ะ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ให้พี่เป็นคนพูดเองรู้ไหม”

แล้วนายอาร์มก็ขยี้หัวน้อง อืม..ใช่ จริง เห้ย มึงจะบอกพ่อ แม่หรอ… หรือมันจะพูดวันนี้… เอาละ เริ่มหวั่นและสิ กลับบ้านก่อนได้ไหมเนี่ย… ไม่นะไม่ๆ


“อาร์ม… จะบอกพ่อแม่เรื่องเราหรอ”


“ต้องบอกสิแต่ไม่ใช่วันนี้หรอกนะ ไม่ต้องห่วง”

เห่ออ ค่อยยังชั่ว งั้นทำอาหารต่อ ตอนนี้ก็ใกล้เสร็จละ ตอนนี้แกงป่าไก่กับไข่เจียวก็เข้าที่เรียบร้อย ผัดกระเพาเนื้ออย่างสุดท้าย




เมื่อผัดกระเพาได้ถูกเทลงบนจาน ทีนี้ก็ตั้งโต๊ะเตรียมกับข้าว ที่เหลือก็แค่รอผู้ใหญ่มาพร้อมหน้าพอตา พ่อกับแม่อาร์มไปออกงานกันมาเลยกลับมาดึกหน่อย





“หื้ม แม่วันนี้ป้าชื้นทำกับข้าวหอมพิเศษเลยนะ”

เสียงหัวหน้าครอบครัวตระกูลผ่องอนงค์พูดกับภรรยาแสนสวยของเขา มาพอดีกับการตั้งโต๊ะอาหารเย็นพอดีเลย


“หอมเนาะพ่อ”


“พ่อ แม่ มาแล้ววววววว!!”

น้องแก้ววิ่งไปหาพ่อแม่ ผมกับอาร์มเลยเดินตามไปสวัสดีท่านสองคน


“หวัดดีครับพ่อ แม่ เหนื่อยไหมครับ วันนี้พ่อกับแม่ต้องชอบแน่ มื้อนี้จิมเป็นคนพ่อครัว”

มึงไปอวยสรรพคุณกูเกินไปละ ถ้ามันไม่อร่อยขึ้นมากูซวยพอดี


“หวัดดีครับ พ่อ แม่”

แล้วพ่อกับแม่ของอาร์มก็เอามือแตะไหล่ผมเบาๆ เป็นการรับไหว้


“งั้นแสดงว่า มื้อนี้ เราให้จิมเป็นคนลงมือทำสิเนี่ย ใช้ไม่ได้เลยนะเติ้ล ใช้เพื่อนได้ไงลูก”

นั้นแหละแม่ เอาเลย จัดการ มันทั้งใช้ ทั้งรังแกผม ทั้งทำให้ผมคลั่งตายอยู่แล้ว ฆ่ามันนนนน เห้ยไม่ใช่แ


“เปล่านะค่ะ หนูกับพี่อาร์มก็ช่วย วันนี้เราช่วยกันสามคน หนูสนุกมากเลย หนูทั้งเจียวไข่ ทั้งเด็ดผัก เล่นไปด้วยทำไปด้วยสนุกมากเลยค่ะแม่”


“จ้าๆ กลิ่นหอมเชียวนะลูกจิม พ่อ เราไปทานข้าวฝีมือลูกๆไหม”

คุณพ่อของอาร์มกับน้องแก้วก็ไม่รอช้า วางกระเป๋าทำงานไว้บนโต๊ะรับแขกแล้วเดินไปที่โต๊ะอาหาร


“หึย แม่ มีของโปรดพ่อด้วย ผัดกระเพาเนื้อ เสียดาย ไม่มีมันเนื้อเลยแหะ”

ผมเลยมองหน้าอาร์ม มันคงชอบผัดกระเพาเหมือนพ่อ

“จริงๆมีนะครับพ่อ แต่จิมตัดออกหมดเลย เพราะกลัวจะเสียสุขภาพ ทานมันมากจะป่วยนะครับ แถมแค่นั้นก็มีมันพอสมควร พ่ออ้วนเดี๋ยวไม่หล่อนะครับ หล่อๆแบบตอนนี้ดีแล้วนะครับพ่อ”

พ่อแม่หล่อสวย ลูกๆเลยหน้าตาดีกันทั้งบ้าน


“แหม ไอ้หนุ่มนี้มัน ปากร้ายแหะ สาวๆคงติดเพียบ”

ผมเลยได้แต่ยิ้ม เพราะที่พ่อ พูดมาผิดสุดๆเลยครับฮ่าๆ สาวๆไม่ติด แต่ดันติดแต่ผู้ชาย โอ๊ย พ่อ ลูกชายพ่อมันทำหน้าหื่นกามใส่ผมครับ


“เข้ากับคนง่ายดีเนอะพ่อเนอะ”

คุณแม่เอ่ยปากชมผมต้องยิ้มกว้างขึ้นอีก เพราะมีแต่คนเอ็นดูผมไปหมด จนตอนนี้ผมเขินตัวจะระเบิดแล้วครับ


“มาๆ ทานข้าวกันลูก เดี๋ยวแม่ตักข้าวให้”

ผมได้ยินอย่างนั้นเลยเสียมารยาท วิ่งไปแย่งหน้าที่แม่ของอาร์ม


“คุณแม่ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมตักให้ แม่นั่งเลยครับ น้องแก้ว นั่งข้างๆพี่นะ เดี๋ยวพี่ตักกับให้”


“ค่าาาาา”

แล้วผมก็เดินตักข้าวรอบโต๊ะ แล้วก็ไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเอง ซึ่งเรานั่งกันสามคน ผมอยู่กลางระหว่างน้องแก้วกับอาร์ม แล้วพ่อแม่นั่งฝั่งตรงข้าม แต่ผมนึกออกว่าลืมบางอย่าง


“ขออนุญาตนะครับ ทานกันเลยนะครับ”

พอพูดอย่างนั้นผมเลยเดินเข้าไปในครัว เพราะผมลืมเอากับข้าวที่ตักไว้อีกส่วนหนึ่งให้ ลุงคำกับป้าชื้นกับลูกจ้างอีก


“ป้าชื้นครับ จิมทำเสร็จแล้ว ทานได้เลยนะครับ”



“ตายแล้ว งั้นป้าไม่เกรงใจละนะหนู หน้าตาน่ากินมากเลย”

จากนั้นป้าชื้นก็ชิมน้ำแกงของผม


“หูย หนูจิม!! อร่อยมากเลยค่ะ ทำได้ไงค่ะเนี่ย อร่อยกว่าป้าทำอีกนะเนี่ย ป้าจะกินให้หมดเลย ขอบคุณนะค่ะ”


“ไม่เป็นไรครับ ผมสิครับต้องขอบคุณป้า ผัดกระเพาก็แซ่บอย่าบอกใครเลยนะป้าชื้น”


“แหมเชื่อแล้วค่ะเชื่อ ใครสอนค่ะเนี่ย”


“แม่สอนหนะครับ ป้าชื้น งั้นผมไปทานก่อนนะครับ เดี๋ยวผู้ใหญ่เขารอ”


“จ้า ขอบคุณนะค่ะคุณหนู”

แล้วผมก็โบกมือพร้อมส่งยิ้ม


“มาแล้วครับบบบ”


“ไปไหนมาหรอลูกจิม อาหารอร่อยมากเลยนะลูก มารีบกินเข้าเดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย”

คุณพ่อของอาร์มพูดกับผม


“ผมไปเอาอีกส่วนนึงให้ป้าชื้นกับลุงคำหนะครับ”

แล้วพ่อ กับ แม่ของอาร์มก็หันไปมองหน้ากัน ผมเลยหวั่นๆว่าทำถูกรึเปล่า หรือบ้านนี้เขาจะแบ่งแยก


“นิสัยเหมือนแม่เปี๊ยบเลยนะแม่”


“นั้นสิพ่อ… ว่าแต่ลูกจิม ทำอร่อยแบบนี้ใครสอนหรอลูก ให้แม่เดานะ แม่จิมสอนใช่ไหมลูก”


“ใช่ครับ ตอนเด็กๆ เวลาแม่ทำกับข้าวให้พ่อกิน ผมก็ชอบไปเล่นใกล้ๆแม่ก็เลย ชินกับห้องครัว โตขึ้นแม่ก็เลยสอนๆทำ เผื่อมาเรียนอยู่กรุงเทพคนเดียวจะได้ทำกับข้าวกิน แต่ผมว่าเป็นข้ออ้างของแม่มากกว่าครับ อยากให้ลูกชายทำกับข้าวเผื่อจะคิดถึงแม่ จะได้กลับไปหาแม่บ่อยๆ ฮ่าๆ”

แล้วพ่อกับแม่อาร์มก็ขำกัน


“อ่ะนี้น้องแก้ว ไข่เจียว”

ผมตักไข่เจียวที่อยู่ไม่ไกลจากน้องแก้วเท่าไหร่


ผมแปลกใจอย่างนึงนะครับ บ้านนี้กินเผ็ดเหมือนผมเลย ที่ผมแปลกใจเพราะผมคิดว่าคนรวยส่วนใหญ่จะกินของจืดๆ แต่บ้านนี้กลับชอบกินแต่ของจัดๆทั้งนั้น

จู่ๆ ไอ้คนข้างๆอีกคนของผมตักเนื้อไก่มาใส่จานผมต่อหน้า ทุกคน แต่กลับไม่มีใครในโต๊ะนี้ทำหน้าประหลาดใจกับพฤติกรรมอาร์มเลยสักคน


ครอบครัวนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่เกร็ง ไม่กังวลที่จะทำอะไรเลย ไม่ต้องระวังกริยามากมาย เพราะดูเหมือนเขาจะเอ็นดูผมกันทั้งนั้น ดีโคตรๆ คิดว่าคนรวยจะต้องวางตัวให้สมฐานะซะอีก

“เห่ออ อิ่มจัง”

เสียงคุณพ่อพูดก่อนคนอื่นเลย


“อร่อยไหมครับพ่อ” อาร์มถามพ่อของเขา


“อร่อยสิ นี้ถ้ามีข้าวอีกมีหวังพ่อท้องแตกแน่ๆ อิ่มแค่ไหนก็ยังกินได้”


“ใช่ค่ะ แก้วว่าแก้วต้องอ้วนแน่เลย พี่จิมห้ามมาทำกับข้าวอีกนะ แก้วจะไม่สวยเพราะพี่จิมแน่ๆ”

เออ..จะชมหรือจะว่ากันเนี่ยน้องแก้ว

“เดี๋ยวแม่ช่วยเก็บจานนะลูก”

เมื่อเรากินเสร็จก็เตรียมลุก แต่คุณแม่ของอาร์มกลับจะอาสาจะช่วยเก็บจาน


“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมทำเอง แม่อาบน้ำพักผ่อนเถอะครับ เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ”

ตอนอยู่บ้านตัวเองผมก็ทำเองทุกวันจนชินซะด้วย


“งั้นแม่ไปนะลูก ลูกเติ้ลช่วยลูกจิมนะลูก แม่ไปก่อน”

“ครับแม่ ฝันดีนะครับ”


“พ่อไปด้วยนะ ลูกเติ้ล ลูกแก้วอย่าลืมทำการบ้านนะ”


“หนูทำอยู่แล้วค่าา”



“แต่พี่จิมกับพี่อาร์มหนูว่าคงไม่ได้ทำ”

น้องแก้วจะมากระซิบพี่ทำไม พี่ไม่มีการบ้าน


“ว่าแต่ลูกจิมจะกลับยังไง นอนนี้ไหมลูก”

   
“อ่อไม่หรอกครับ เดี๋ยวเสร็จนี้ จิมนั่งแท็กซี่กลับเลยครับพ่อ”

   
“ได้ไง อาร์มดูแลเพื่อนดีๆนะ แล้วอย่าไปแกล้งเพื่อนละ ตัวเล็กแค่นั้นสู้ไม่ได้หรอก ฮ่าๆ”

พ่ออ่ะ อย่าไปกระตุ้นมันดิ ดูหน้ามัน แค่มองก็รู้และว่ากำลังคิดจะทำอะไรต่อไป มึงอย่าหวัง


“รับทราบครับพ่อ ฝันดีครับแม่”


“พ่อครับ แม่ครับ ฝันดีครับ”

แล้วผมก็ไหว้ท่านสองคน ก่อนท่านจะเดินขึ้นบันไดไปพักผ่อนที่ห้องตัวเอง


“แล้วน้องแก้วละคะ” พี่ชายถามน้องแก้วที่ตอนนี้กำลังช่วยผมเก็บจาน


“เดี๋ยวน้องแก้วก็ไปนอนแล้ว แต่น้องแก้วอยากอยู่กับพี่จิมก่อน”


“ไม่ได้นะ ไหนบอกพ่อเมื่อกี้จะไปทำการบ้าน”

เตรียมจะดุน้องอีกและ


“น้องแก้วคะ ทำการบ้านก่อนดีกว่าเนอะ เดี๋ยวคราวหน้าเรามาเล่นกันใหม่ คราวหน้าพี่จะซื้อขนมมาฝากด้วย”

ผมพยายามปลอบน้อง


“ถ้าพี่จิมพูดขนาดนั้น ก็ได้ค่ะ แต่ต้องซื้อขนมอร่อยๆมาฝากนะ”


“สัญญาก๊าบป๋ม”

แล้วเราก็เกี่ยวก้อยกัน จากนั้นน้องแก้วก็วิ่งขึ้นห้องไปทำการบ้านของตัวเอง

ตอนนี้ผมก็เก็บจานล้างจานอยู่กับอาร์มสองคน.. เอาแต่ยิ้มมองผมอยู่นั้นละ


“ยิ้มอะไรวะ”


“ก็ตัวเล็กอะ หน้าหมั่นไส้”

อยู่ๆมาพูดอะไร

“หมั่นไส้ยังไงวะ งง”


“เข้ากับคนในบ้านอาร์มอย่างกะเป็นลูกเป็นหลานบ้านนี้”


“แล้วไม่ดีไง? หรือกูตีสนิทเกินไป มันไม่สุภาพใช่ป่ะ ขอโทษๆ”

“มันดีเกินไปอะดิ อาร์มเกือบหลุดจะพลอดรักหลายทีละ ดีนะที่ตอนตักข้าวให้ไม่มีใครสังเกตุ”

อ่อ แสดงว่าตอนมันตักแกงให้ผม มันลืมตัวนี้เอง


“อ่อ งั้นต่อไปจะไม่ทำอีกดีไหม”


“ไม่เอา เป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้วรู้ไหมครับ”

มันจะเอามือมาขยี้หัวผม แต่ช้าก่อน เปื้อนน้ำยาล้างจานขนาดนั้น


“เห้ยๆๆ อย่าๆ สกปรก”


“อะไร รังเกียจหรอ”


“เออดิวะ มันมีน้ำยาล้างจานนะ มาโดนหัวได้ไงเล่า”


“กล้ารังเกียจคนที่รักจิมหรอ”


“ห่ะ มึงพูดอะไรนะ เอาใหม่ดิ๊”


“บอกว่า...จิมอะกล้ารังเกียจคนที่รักจิมหรอ”

หื้ม.. มันพูดอะไรของมัน ผมรู้สึกหยิวๆหูมาก แต่มันทำให้ผมใจละลายมากครับ รู้สึกขนลุก รู้สึกจะดิ้นตาย รู้สึกเหมือนไปอยู่บ่อออนเซ็นญี่ปุ่นทั้งร้อนรุ่มทั้งสบาย





“ห่ะ… พูดไรว่ะ”

แล้วมันก็ยื่นปากมาใกล้ๆหูผม




“กูบอกว่ากูรักมึงไง”



………..เป็นคำที่ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็ก กับ ญาติๆ พี่น้อง และพ่อแม่ แต่ไม่เคย จะได้ยินจากคนที่เคยเป็นคนแปลกหน้ามาก่อน มันเป็นคนแรก คนแปลกหน้าคนแรกเลยที่พูดคำนี้ ทำให้หัวใจผมเต้นช้าเร็วในเวลาไล่เลี่ยกัน จนเกือบคิดไปว่า โลกมันหยุดหมุนหรอ


“บอกรักกูตอนล้างจาน..โรแมนติกมากมั้ง ล้างไปคนเดียวเลยมึงอะ กูไปเข้าห้องน้ำละ”


แล้วผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ… แต่ก็น่าจะรู้ใช่ไหมครับ ว่าไม่ได้เข้าห้องน้ำไปทำธุระหรอก แต่เป็นเพราะ ทำแก้เขินมากกว่า ช่วยไม่ได้นิครับ ครั้งแรกที่ได้ยินคำว่ารัก...จากแฟนคนแรก




พวกคุณก็คงจำได้ใช่ไหมครับ…
ความรู้สึกนั้น ได้ยินคำว่ารักครั้งแรก จากแฟนคนแรก คนที่เรา ...รัก คนแรก…






…………………………………………………….


“บางคำของความรู้สึกในใจถ้าพูดหรือทำมันออกมาให้อีกฝ่ายรับรู้มันอาจเปลี่ยนชีวิตของทั้งสองฝ่ายได้ในทันที”






Talk : หวานเข้าไป เป็นพาร์ทที่หวานยันครอบครัว
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 23 : ได้ยินไหม? : หน้า 4 (11/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-07-2017 01:26:57
 :-[

 o13

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 23 : ได้ยินไหม? : หน้า 4 (11/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-07-2017 01:42:48
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 23 : ได้ยินไหม? : หน้า 4 (11/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฟ้าใส ที่ 13-07-2017 21:51:45
หวานลืมแล้วไหมว่าตัวเองอยู่บ้านพ่อแม่แฟน  :ling1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 24 : หื่น : หน้า 4 (18/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 18-07-2017 21:22:57
Chapter 24 : หื่น






"อาร์ม... กูเจ็บ เบาๆดิวะ โอ๊ย.. อย่างงั้นแหละค่อยๆ"


"อย่างนี้หรอครับ... แบบนี้ชอบใช่ป่ะ..."


"เออนั้นแหละ โอ๊ย แรงเยอะว่ะ ค่อยๆดิ



“ตัวกูเล็กจะตาย เบาแรงหน่อยก็ได้ นั้นแหละๆดีมาก อ่าาา ดีจังครับ”


"รู้สึกดีไหมตัวเล็ก..."


"ดีมากอะ มึงโคตรเก่งเลย"


"เมื่อยมากไหมครับ อาร์มนวดให้ต่อก็ได้น้าไม่ต้องเกรงใจ อุตส่าทำกับข้าวให้ครอบครัวอาร์มกิน"

(แหนะ...คิดไรกัน รู้นะ) ผมแค่นวดให้จิมเท่านั้นเองนะครับ วันนี้ผมโคตรหลงจิมเป็นพิเศษเลย


"ไม่เป็นไร มากูนวดให้มึงบ้าง"


"เปลี่ยนจากนวดเป็นนาบได้ไหมละ"

นี่ผมพูดไปได้ไงเนี่ยยย คงเป็นเพราะฤิทธิ์การนั่งคร่อมบนตักผมเมื่อเย็นนี้ของจิม ทำให้ผมรู้สึกเกิดความต้องการอย่างอื่นเข้ามา


"ไม่... ไปอาบน้ำและขอผ้าเช็ดตัวหน่อย"

เวลาเขินก็โคตรจะน่ารัก ทำเอาภาพเมื่อเย็นตีกลับมาโคตรชัดเจน มือคู่นั้นที่จับหน้าผม ร่างกายนั้นที่นั่งคร่อมตัวผม โอ๊ยยยย ผมเดินเข้าไปประชันหน้ากับไอ้เตี้ยที่ตอนนี้ดูตื่นๆที่ผมลุกเข้าหา เล่นถอยหลังจนติดประตูห้องน้ำเลย น่ารักจริงครับ


“อยู่ในห้องน้ำแล้วครับไอ้เตี้ย”

แล้วผมก็ขยี้หัวจิมเล่น พยายามตั้งสมาธิ...แต่ก็ดูเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ผมเปิดประตูแล้วดันจิมเข้าห้องน้ำ


"ขออาบด้วยคน"

เห้ย ผมจะหื่นอะไรขนาดนี้ ไอ้เตี้ยมันต้องกลัวผมแน่ๆ ดูสิ เล่นปิดตาหันหน้าหนีไปใหญ่



“เห้ยมึง อาร์มจะเอาในห้องน้ำเลยหรอวะ เดี๋ยวๆ เชี้ยกูยังไม่พร้อม เร็วไปเปล่า”

เอาวะ แค่ได้อาบน้ำด้วยก็นับเป็นโมเม้นที่ดีละ ผมเลือกที่จะไม่ถอดบ็อกเซอร์แล้วเดินขึ้นไปบนอ่างน้ำแล้วเปิดฝักบัว


“อะไร คนเขาแค่อยากจะอาบน้ำด้วยเฉยๆ คิดไรอยู่”

“ใส่บ็อกเซอร์อาบน้ำไม่รู้สึกแปลกๆหรอวะ อาร์ม”

ในที่สุดก็ลืมตามาสบตาผมละ ชักเขินๆแล้วสิ ไม่เคยอาบน้ำกับแฟนเลยซักครั้ง


“ไม่หรอก อาร์มให้เกียติแฟนอยู่ละ หรือจะให้แก้ผ้าตรงนี้เลย"

ผมพูดไปงั้น เพราะกลัวว่าจิมจะกังวลบางอย่าง


“อ่อหรอ”


“ถูหลังให้หน่อย”

ผมยื่นสบู่มาให้จิม ซึ่งจิมก็ดูลังเลซักพัก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจถอดเสื้อกับกางเกงเหลือบ็อกเซอร์เอาไว้เช่นกัน…


เชี้ย… ฟุ้งซ่านแน่ๆ หุ่นไอ้เตี้ย บางหน้ากอดขนาดนี้ หัวนมชมพูกึ่งคล่ำนั้นมีขนาดเล็กพอๆกับดอกเข็มเลย

เชี้ย อาร์ม… อย่าคิดไปไกล ตั้งสติ มึงต้องสร้างโมเม้นอาบน้ำด้วยกันเท่านั้น อย่าเพิ่งเลยเถิด เพราะจิมยังไม่พร้อม


จิมเริ่มเดินขึ้นมาอยู่ในอ่างน้ำกับผมและเอาสบู่ไปถูหลังให้ผม


“แรงๆดิเตี้ย ถูแบบนั้นคงสะอาดหรอก”

พอผมหันหลังให้จิมถูหลัง มันก็พอจะทำให้ผมควบคุมสติได้บ้าง


"โอ๊ยๆ เจ็บนะ เดี๋ยวเป็นรอยนะเตี้ย"

จิมถูโคตรแรง สงสัยจะประชดที่ผมสั่งนู้นนี้


"แกล้งดีนักมานี้เลยตัวเล็ก"

แล้วผมจับหันหลัง…


เอายสระผม มาสระผมจิม เกาแรงๆเป็นการเอาคืนที่เกาหลังผมซะแสบเลย



"โอ๊ย สระเบาๆดิว่ะ เลือดออกหัวแล้วมั้ง"

เสียงโวยวายน่ารักมาอีกแล้ว


"ก็อยากแกล้งทำไม ทีทำคืนมาโวยวาย"

เห้ยๆ… อะไรกันหันมาด้วยสายตาแบบนั้น ทำไมมันดูเย้ายวนขนาดนั้น


“อาร์ม… ทำแบบนี้ จิมไม่ไหวแล้วนะ…”

จู่ๆ จิมก็ใช้มือตัวเอง ค่อยๆลูบไปทั่วตัวมัน เริ่มจากแก้ม ไปยังลำคอผ่านกล้ามกว้างๆของไหล่ ลูบผ่านไปจนถึงกล้ามอกจนเกือถึงยอด ผ่านสายตาเย้ายวนและน้ำเสียงที่โคตรจะเซ็กซี่…


นี่เล่นเอาผมระทวยไปหมด… ใจผมเต้นรัวๆ เลือดมันสูดฉีดแรงมาก รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่มันกำลังจะเริ่มลุกซู่


ผมได้แต่ตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่ไอ้เตี้ยกำลังทำ ไม่เคยเห็นจิมในมุมนี้มาก่อนเลย แพ้ทางเลยครับ เล่นเอาผมตื่นตัวเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังคงต้องเตือนสติตัวเอง


“เชี้ย! ตัวเล็ก อย่าทำแบบนี้ดิครับ”


ถอยออกจากอ่างน้ำฝักบัว หยิบผ้าเช็ดตัวไปห่อบ็อกเซอร์ หวังว่าจิมคงไม่สังเกตุเห็น น้องชายผมตื่นขึ้นมาเป็นภาพสามมิติหรอกนะ



“อาร์ม… ไม่อาบน้ำด้วยกันแล้วหรอครับ”

ยังๆ ยังจะทำเสียงยั่วยวนอีก เก่งจังวะ ไม่ธรรมดาแล้วคนนี้ อยู่ไม่ได้ละ ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด

“จะ..จิม… เห้ย! เดี๋ยวอาร์มไปรอข้างนอกและ รีบอาบนะครับเดี๋ยวไม่สบาย”

พูดเสร็จผมก็รีบเดินออกไป ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามรวบรวมอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลง เพราะมันจะเร่าร้อนเกินไปแล้ว

ผมรู้ว่าตอนนี้จิมยังคงไม่พร้อมที่จะทำอะไรแบบนั้น ถึงผมเองจะรู้สึกต้องการจิมมากขนาดไหน แต่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเร็วอย่างนี้ อย่างน้อยๆ ผมก็อยากเป็นคนขอเริ่มมากกว่า


แต่เล่นเจอแบบนี้ก็เกือบตายเหมือนกันนะครับ เอาซะจับทางไม่ถูกเลย ปกติ ผมมักจะเป็นฝ่ายรุกเข้าหา เพิ่งเจอจิมคนแรกที่รุกเข้ามาแบบนี้ แทบใจผมยังต้อนรับขับสู้ซะสูดฉีดเลือดซะผมรู้สึกได้เลย



ระหว่างที่ผมนั่งดูโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย (ต้องหาอะไรดูคลายความคิดหื่นๆของตัวเองออกไป) สักพักจิมก็ออกจากห้องน้ำ

“อาบเสร็จแล้วหรอ ตัวเล็ก”

โอ๊ย สภาพก็เล่นเอาความคิดเดิมๆกลับมาอีกแล้ว ผิวสีน้ำผึ้งจะเนียนอะไรขนาดนี้ ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าออกมาก่อนครับตัวเล็ก

“ใส่เสื้อได้แล้ว เดี๋ยวไม่สบายหรอกครับ”

อันที่จริงก็แค่อยากจะให้ปกปิดเรือนร่างเท่านั้นเองแหละครับ


“อ่อ อืมๆ”

ค่อยยังชั่ว


“เมื่อกี้ขอโทษทีนะ”


“เรื่องไรหรอครับ?”


“ก็เรื่องในห้องน้ำอะ…”

ขอโทษทำไมครับจิม ผมเป็นคนเริ่มเองแท้ๆ ผมนี้แหละที่อารมณ์หื่นขึ้นเองคนเดียว


“เอ่อ…” พูดไงดี


“จิมรู้ไหม เมื่อกี้จิมโคตรเซ็กซี่เลยอะ อาร์มโคตรชอบเลยนะ แต่อาร์มรู้ว่า จิมยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนั้น อาร์มไม่รีบหรอกนะ แต่ช่วยๆกันหน่อย อ่อยแบบนั้นบ่อยๆ เดี๋ยวอาร์มจะอดใจไม่ไหว”


โอ้โห… แฟนใครเขินได้โคตรน่ารัก เดินมาใกล้ๆนั่งข้างๆผมแล้วจับมือแบบนี้ ทำไมเดี๋ยวนี้กล้าขึ้นขนาดนี้นะ


“ขอโทษ แต่กูก็รู้สึกดีนะ… ขอบคุณนะที่ยังไม่ทำอะไร”


“ครับตัวเล็ก”

คำนี้ให้สำหรับลีลายั่วยวนเมื่อกี้นะ ฮ่าๆๆๆ เล่นเอาหลงเลย


“รอหน่อยนะ”


“คร้าบบบบบบ”

ตัวเล็กของผมโคตรน่าเอ็นดูเลยครับตอนนี้ นับวันผมยิ่งหลงไหลคนน่ารักของจิมมากขึ้นทุกวัน


“ปะ… พร้อมยัง”


“หะ… มึงรีบหรออาร์ม เรื่องแบบนี้มันใช้เวลานะเว้ย ไม่ใช่ชั่วโมงสองชั่วโมง”

ผมขำที่ไอ้เตี้ยยังคงคิดลึกอยู่กับเรื่องนั้นอยู่


“เดี๋ยวๆๆ นี่คิดอะไรอยู่ อาร์มหมายถึงว่ายน้ำ ไม่อยากเรียนไง?”


“อ้าว หรอ จะเปลี่ยนเรื่องก็บอกด้วยดิ อยู่ๆพูดมาก็คิดว่าหมายถึงเรื่องเดิม”

ผมส่ายหน้าให้กับความใสของเตี้ย…


“แล้วไหวเปล่า ยังอยากฝึกอยู่ไหม”

ใบหน้าเขินอายเมื่อกี้เปลี่ยนอย่างรวดเร็วพอเป็นเรื่องที่จิมกลัวนักกลัวหนาแต่ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองกลัว


“อือ… เอาดิยังไงซักวันก็ต้องว่ายให้เป็น”

เพราะอะไรจิมถึงกลัวการว่ายน้ำนะ ผมอยากรู้จัง ไม่เคยถามด้วย จะถามดีไหมนะ เออ มันเป็นเรื่องที่ควรถามเปล่า


“อาร์มถามได้ไหม?”


“ว่า”


“ทำไมจิมกลัวน้ำอะ”

คิ้วขมวดเหมือนไม่อยากตอบยังไงไม่รู้


“ก็บอกว่าไม่ได้กลัว แค่ว่ายน้ำไม่เป็น”

อ่อออ แต่ตอนจมน้ำตอนนั้นอาการหวาดกลัวออกมาชัดมากนะครับผม


“อะ งั้นเพราะอะไรหรอครับ”


“จริงๆก็ไม่อยากเล่าเหตุการณ์ที่ตัวเองฝังใจหรอกนะ”

โห พูดงี้ ผมรู้สึกผิดเลยครับ


“แต่คนเป็นแฟนกันก็ควรรู้อะเนอะ”

เหยด… พูดคำว่าแฟนเต็มปากเต็มคำ น่ารักสุดๆ


“ก็ตอนเด็กๆอะ แม่พาไปเรียนว่ายน้ำ จะว่าไปก็กลัวนั้นแหละ ตอนเด็กๆไม่ชอบเลยอะน้ำลึกๆ ขาไม่ถึงพื้น”

ก็เตี้ยนี่ครับ ดีนะที่ผมไม่พูดออกไปเพราะมันเป็นเรื่องซีเรียสอยู่ เดี๋ยวจะผิดจังหวะเปล่าๆ


“ตอนไปเรียนก็เจออาจารย์ดุมากอะ บังคับให้ฝึกกลั้นหายใจใต้น้ำ แต่เราก็ทำไม่เป็นไงสำลักตลอดเลย เลวอะ ไม่อยากจะพูดเลย ตอนนั้นอาจารย์เขาโมโหที่กูทำไม่ได้ซักที จับปิดจมูกแล้วกดหัวกู จมน้ำเกือบตาย เข้ารพ.นอนเป็นอาทิตย์ ปอดติดเชื้อ นั้นแหละ แต่นั้นมากูก็ไม่กล้าเล่นน้ำอีกเลย อย่างมากก็ได้แค่นั่งริมน้ำแกว่งเท้าเล่น”


“โห ทำไมน่ากลัวงั้นอะ ขอโทษนะครับจิม ที่ตอนนั้นอาร์มทำจิมจมน้ำ รู้สึกผิดเลยอะ”

ผมนี่หงอยเลยทั้งน่าสงสาร น่าถนุถนอมอย่างงี้ คงต้องสอนแบบค่อยเป็นค่อยไป อีกใจก็ไม่กล้าสอน กลัวเป็นอะไรมาจิตใจจิมคงแย่ลงอีก


“อาร์ม… มันผ่านไปแล้วนะเว้ย ตอนนั้นมึงก็ไม่รู้ว่ากูว่ายน้ำไม่เป็น ถ้ามึงรู้มึงก็ไม่ทำหรอกถูกไหม…”

ผมผยักหน้าตาม


“อย่าเก็บมาคิด มึงคิดมากมึงทุกข์กูจะมีความสุขได้ไง”

โห… โคตรน่าฟัง พูดจาได้หวานมาก ทำไมน่ารักแบบนี้ หน้าตาหวาน ปากก็หวาน วาจาก็หวาน มันน่านัก หมั่นเขี้ยวอยากจะปล้ำซะแล้ว (เดี๋ยวๆ… ไม่ใช่ละ)


“ไม่คิดครับไม่คิด ไหวเปล่า ถ้าจิมไม่พร้อม อาร์มยังไม่สอนก็ได้นะครับ”


“ไม่ว่าจะตอนนี้ตอนไหน ยังไงก็ควรฝึก งั้นก็วันนี้ล่ะ”

ง่อววว กล้าหาญมากแฟนผม


“ปะ งั้นไปกัน เดี๋ยวอาร์มจัดของให้ตัวเล็กไปเปลี่ยนกางเกงก่อนนะ”


แล้วผมก็จัดแจงเสื้อคลุมอาบน้ำ ผ้าขนหนู กับแว่นตากันน้ำไว้เผื่อจิมเรียบร้อย






พอมาถึงสระ ไอ้ตัวเล็กก็ดูลังเลกล้าๆกลัวๆซะละ

แต่ผมก็ไม่รีรอ ถอดเสื้อเหลือแต่กางเกงชายหาด ส่วนจิมก็ยังคงดูลีลาไม่กล้าที่จะลงสระไม่ยอมถอดเสื้อยืดที่ตัวเองใส่ซักที


“ไหวไหมเนี่ยตัวเล็ก”


“ไหวดิ ไม่ต้องห่วงหรอก”

คอยดูคนอวดเก่งนะครับ


“งั้นมาลงน้ำกัน”


“ไม่มีห่วงยางหรอ?”

ผมหลุดขำออกมา ถ้าเอาห่วงยางให้จิมใส่ คงดูเหมือนเด็กน่าดูนะครับ


“อะไรกันจิมไม่ไว้ใจอาร์มหรอ?”


“เปล่าไม่ไว้ใจ แต่กูก็กลัวจมไหมวะ”

เห็นไหมครับ ดูคนอวดเก่งสุดท้ายก็กลัวอยู่ดี แต่นะคิดว่าผมจะทำให้จิมจมหรอ ไม่มีวัน


“ถามอีกที… จิมไม่ไว้ใจอาร์มจริงๆหรอ คิดว่าอาร์มจะทำให้จิมจมน้ำรึไง”

หลบตากันอีก แต่สุดท้ายก็ถอดเสื้อตัวเองวางไว้ข้างสระ ผมเห็นงั้นก็ลงสระก่อนไปรอก่อนเลย


“ค่อยๆลงมานะครับ ตั้งสติหายใจเข้าลึกๆ ไม่ต้องห่วงนะครับอาร์มอยู่ข้างๆ”

ผมพยายามพูดให้จิมเชื่อใจผมว่าผมจะไม่ทำให้จิมต้องเป็นอันตราย

“อย่าทำกูจมนะอาร์ม…”

เหลือเชื่อไอ้ตัวเล็กเสียงสั่นทันทีที่ค่อยๆจับราวบันไดลงสระมาเรื่อยๆ ผมจับตัวจิมประคองไว้เบาๆ เพื่อให้ตัวจิมลอยน้ำได้อยู่ แน่นอนว่าขาจิมต้องไม่ถึงพื้น ถ้าผมไม่ประคองมีหวังจมแน่


“ทีนี้จับขอบสระไว้นะครับ”


“น้ำเย็นจัง”

จริงมันก็ไม่เย็นเท่าไหร่นะครับ แต่ผมว่าที่จิมรู้สึกเย็นอาจเป็นเพราะความกลัวทำให้ร่างกายรู้สึกหนาวเย็นมากกว่า


“จับราวสระไว้แน่นๆนะเตี้ย”


“สุดยอดเลยว่ะ กล้าลงน้ำเฉยเลย ปกติแค่คิดจะลงก็ป็อดแล้ว”

แค่เห็นรอยยิ้มดีใจที่ตัวเองก้าวข้ามความกลัวมาหน่อย ผมก็ดีใจแล้วเหมือนกัน


“ชินยังครับ หายกลัวไหม”


“กลัวดิ ไม่งั้นกูไม่จับราวแน่นขนาดนี้หรอก”


“ไหวไหม พอแค่นี้ก่อนก็ได้นะ แค่นี้จิมก็เก่งแล้วนะครับ กล้าลงน้ำมาทั้งตัวแถมKคุมสติได้อีกต่างหาก”

ไม่ทันขาดคำ จิมรีบปีนขึ้นบันสระออกเลย ผมนี่ขำคนขี้กลัวอะไรขนาดนี้ น่ารักก็น่ารักหรอกครับ แต่มันดูตลกยังไงไม่รู้


แล้วจิมก็นั่งลงที่ริมขอบสระ

“งั้นพอแค่นี้ก่อน นั่งเล่นดีกว่า”


“กลัวหรอเตี้ย”


“เออดิวะ ขำอะไรดิ หัวเราะก็ได้นะ กูรู้ว่ามันตลก”

ตลกบ้าอะไร ที่ยิ้มเพราะมันดูน่ารักต่างหาก กับคนอื่นเวลากลัวอาจจะดูตลกบ้าง แต่กับจิมมันดูน่ารักเหมาะกับจิมดี


“ตลกอะไร ไม่ตลกนะคนว่ายน้ำไม่เป็นไม่ตลกนะจิม อย่าคิดงั้นดิครับ”

เมินหน้าหนีแกว่งเท้าเล่นไปเล่นมาอีก ส่วนผมก็ลอยตัวไปมาอยู่ในสระข้างๆจิม มองดูหุ่นบางๆ หัวนมดอกเข็มเพลินๆเนี่ยละ


“ขึ้นห้องดีกว่า วันนี้กูขอแค่นี้พอละ ไม่ไหว”

เดี๋ยวก่อนนนน นี่ผมเอาแต่มองหุ่นจิมตลอดเลยไม่ไหวเลยผม อาการหื่นขึ้นมาอีกแล้ว


“จิมขึ้นห้องไปก่อนเลยก็ได้ครับเดี๋ยวอาร์มตามไป”

ผมขยับๆตัวเข้ามาริมสระเพื่อไม่ให้จิมเห็นอะไรที่มันชัดเจนใต้น้ำ


“เอ้า อาร์มจะเล่นต่อหรอ ไม่เอาอ่า ขึ้นไปด้วยกันดิ บ้านออกกว้างให้เดินคนเดียวมันเหงานะเว้ย”

โหยจิม ยิ่งพูดอ้อนขนาดนี้ยิ่งเกิดอารมณ์ ตอนนี้ร่างกายผมมันอยู่ไม่สุขละ


“เปล่าครับ เดี๋ยวอาร์มตามไปนะครับอาร์มขอเวลานอก”


“เออไปก็ได้วะ เดินคนเดียวก็ได้”

เอ้าเห้ย อย่างอนดิ โหไรกันนน เข้าใจผมบ้างสิ ถ้าขึ้นไปตอนนี้ก็เห็นหมดว่ามันชี้โด่ชี้เด่ขนาดไหน


“เดี๋ยวสิจิม อย่างอนอาร์มดิครับ แปบเดียวเองนะ”


“เปล่างอนเว้ย ไปละ”

เอาวะ เป็นไงเป็น ตอนขึ้นไปอาจจะไปหยิบผ้าคลุมมาปิดทันก็ได้


“เชี้ย!!” นั้นไง ว่าแล้ว จะหันกลับมาทำไมตอนนี้


“เห้ย… อย่ามองดิ”


“ทำไมมันโด่ขนาดนั้นอะ”

จะบ้าหรอ พูดกันตรงๆขนาดนี้ผมก็เขินนะจิม


“ก็เอ่อ… นั้นแหละ หันไปก่อน มามองอะไรเล่า”

“นี้...อาร์ม อยู่กับกูต้องอดทนขนาดนั้นเลยหรอ”


“เออน่ะ เลิกทำตัวน่ารักสิจะได้ไม่ต้องทน หันไปนะครับ”

แล้วจิมก็หันไปผมเลยรีบที่จะคุมผ้าให้เรียบร้อย


“เสร็จยัง”

ผมเดินไปข้างหลังจิม


“เสร็จละครับ”


“ป่ะ หวังว่าคืนนี้นอนกับมึง มึงคงไม่ปล้ำกูกลางดึกนะ”


“พูดเป็นเล่น อาร์มไม่ทำจิมหรอกครับ อาร์มให้เกียติแฟนนะอย่าลืม คืนนี้อาร์มนอนโซฟาก็ได้”


“ตลกละ บ้านอาร์มนะ นอนเตียงนั้นแหละ”


“ไว้ใจใช่ไหม”


“ไว้ใจดิ มึงไม่ทำไรกูอยู่แล้วใช่ไหมละ ถ้าต้องให้แฟนนอนลำบาก มันก็คงไม่โอเคเปล่าวะ”


“ก็กลัวจิมจะคิดว่าอาร์มจะแอบปล้ำตอนกลางดึก”


“อะๆๆ งั้นคืนนี้ให้กอดเต็มที่เลย เคไหม กูไม่กลัวมึงปล้ำหรอก จะปล้ำก็ไม่ว่าแต่ตอนนี้กูไม่พร้อม”


“ครับๆ”

ผมลูบหัวจิมเล่นระหว่างที่เราสนทนากันระหว่างเราเดินเข้าบ้าน




ผมไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับเรื่องบนเตียง… แต่ผมกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างความรัก เพราะฉะนั้นผมต้องให้เกียติคนที่ผมรัก



แต่จะว่าไป คืนนี้รู้สึกดีโคตร มีหมอนข้างอุ่นๆให้กอดทั้งคืน โคตรจะเป็นคืนที่สุขสุดๆ






……………………………………………………..



“บางเวลาเราระงับความรู้สึกบางอย่างไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมมันได้”







Talk : มีความหื่นกามเบาๆ ความสัมพันธ์เริ่มพัฒนาใกล้ความเป็นผัวเมียเข้าไปทุกที 55555
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 24 : หื่น : หน้า 4 (18/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-07-2017 21:36:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 24 : หื่น : หน้า 4 (18/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 18-07-2017 22:43:29
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 24 : หื่น : หน้า 4 (18/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-07-2017 23:16:28
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 24 : หื่น : หน้า 4 (18/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-07-2017 23:18:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 25 : ติด : หน้า 4 (29/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 29-07-2017 22:30:06
Chapter 25 : ติด



นี่ก็ผ่านมาหลายวันละครับ…



ที่ผมคบกับไอ้อาร์มเป็นแฟน…


ผมมีบางอย่างที่อยากจะฟ้องมากๆ หมู่นี้ไอ้อาร์มแม่งหื่นขึ้นทุกวัน แต๊งอั่งบ่อยมากครับ

(ประเด็นคือเอาเรื่องนี้ไปฟ้องใครไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าเอาไปบอกใคร)

เมื่อเช้าก็โดนไปหนึ่งดอกขึ้นค่อมเพราะแค่ผมไม่ยอมอ่านน้ำ เอะอะจะปล้ำกันอย่างเดียว

แต่ยังดีครับที่มันก็ยังคงระงับความหื่นตัวเองได้อยู่ตลอดเลย แต่เวลามันหื่นที่ไรนะ โคตรเซ็กซี่เลย… แม่งเล่นเอาซะใจละลาย

อย่าสงสัยนะครับว่าทำไมจู่ๆผมถึงมาพูดเรื่องความหื่นของมัน เพราะตอนนี้ผมนั่งดูรูปมันในเฟสบุ๊คเพจดาวเดือนมหาลัยที่ตอนนี้การเตรียมพร้อมกำลังเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทุกเย็นมันต้องคอยไปเข้าซ้อมการแสดงและเทรนบุคลิกภาพของตัวเอง

ไม่แปลกเลยที่ทุกวันนี้มันหล่อขึ้นจนบางทีไอ้เรื่องหื่นที่ว่า มันทำให้ผมหวั่นไหวหลายต่อหลายครั้ง



“จิมน้อง”

เสียงไอ้พี่บาสเดินมาระหว่างที่ผมกำลังเดินไปโรงอาหารหากี้กับดิว


“อ้าวพี่บาส หวัดดีครับ เป็นไงบ้างพี่”


“เรื่อยๆน้อง มึงอะเป็นไง”


“ก็ดีครับพี่ การบ้านเยอะดี พึ่งเรียนเรื่อง composition ไป ซีดีหนึ่งโหดดีพี่”


“มึงว่าซีดีหนึ่งโหด เดี๋ยวมึงเจอซีดีสามอาจารย์นนท์มึงจะร้อง ออกแบบโลโก้สามร้อยตัวภายในอาทิตย์เดียวอะ โหดสัด”


“อย่าเพิ่งขู่ดิพี่”

เรียนสายออกแบบมันต้องใจถึง...แน่นอนว่าสายอาชีพผมการอดหลับอดนอนคือเรื่องปกติอยู่แล้ว ต่อไปผมต้องทำตัวให้ชิน


“ไม่ได้ขู่ ตั้งใจเรียนไว้มึงอะ เออนี้ มีเรื่องจะถาม ไม่ดิกูจะชวนมึงไปออกทริปต่างจังหวัด”

เห้ยยย อยากไปนะ อย่าชวนเล่นๆ ไปจริงมาจะยุ่ง (เดี๋ยวจิม การบ้านมึงเพียบ)

“ทริปอะไรหรอครับพี่”

ผมถามด้วยน้ำเสียงใส แบบโคตรอยากไปอะ เหนื่อยล้าโคตรต้องการการพักผ่อน


“จริงๆไม่มีไรหรอก พวกชมรมดนตรีอะปีนี้จับฉลากได้ไปดูแลร่วมทริปละลายพฤติกรรมดาวเดือนมหาลัย”

แค่นั้นผมก็แว๊บหน้าไอ้อาร์มขึ้นมาทันทีแสดงว่ามันก็ต้องไปทริปนี้แน่นอน และผมจะปฏิเสธได้ไง


“ไปพี่”


“โห ไม่คิดเลยไงมึง แหม ไอ้เติ้ลใช่ไหม มึงถึงไป”

ผมผยักหน้ารัวๆ


“กูไม่ให้ไปเว้ย หมั่นไส้”

โหไรวะพี่ แล้วจะชวนผมทำไมมม งี้ต้องอ้อนหน่อยละ


“โหพี่บาสอ่า พี่ชวนผมละน้า ให้จิมไปด้วยนะพี่นะ น้าครับน้าาาพี่บาสพี่รหัสสุดที่รักของจิมมมม”

ผมเล่นมาสายแบ๋วซึ่งก็ดูจะขำๆตัวเองอยู่หน่อยๆ แต่ก็นะ เล่นซะหน่อยคงไม่เป็นไรชีวิตจะได้มีสีสัน ฮ่าๆๆ


“ไอ้จิม มึงเอาอีกแล้วนะ อ่อยไปทั่ว กูจะฟ้องผัวมึง”

“เห้ยพี่ อ่อยอะไร ผมแค่อ้อนเฉยๆเอง”


“นั้นแหละไอ้สัส ห้าม! เดี๋ยวกูหวั่นไหวอีก”

กำ พูดงี้นี่ผมก็ชะงักเลยครับ


“แล้วปอยอะครับพี่ ตอนนี้เป็นไงบ้าง”

ถ้าเปลี่ยนมาเรื่องนี้คงดีกว่า

“ดี... ก็ดี”


“เป็นไรพี่ ทำไมพูดไม่มั่นใจเลย”


“เออ ดีอยู่แล้ว ตอนนี้กูโดนทำโทษอยู่”


“อ้าวไมอะพี่”

“เรื่องของกูเว้ย ตกลงไปไหมทริปนี้”


“ไปครับบบบบบ วันไหน”


“พรุ่งนี้หนึ่งทุ่ม หน้ามอ”

เห้ย ทำไมกระชันชิดแบบนี้ ไอ้อาร์มมันไม่บอกอะไรผมเลย


“ทำไมไวจังพี่ ไอ้อาร์มไม่เห็นพูดอะไรเลย พี่จำผิดวันเปล่า”


“ตีนดิ กูเป็นคนดูแล กูไม่มั่วหรอก ผัวมึงอะมัวทำไรอยู่”


“ไม่รู้พี่ ว่าแต่จะคุยกันนานแบบนี้ หาที่นั่งไหมพี่”

ฮ่าๆๆๆ ผมว่าผมเริ่มเมื่อยและยืนคุยหน้าบันไดทางลงนานเกิน


“กูจะไปและ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ เตรียมเสื้อผ้าข้าวของให้พอสี่วันสามคืนด้วย”


“เคครับ แล้วเจอกันครับพี่ หวัดดีครับ”

ผมยกมือไหว้ก่อนจะเดินลงไปข้างล่างไปโรงอาหาร







“ไงพวกมึง”

ผมเดินเข้ามาทัก กี้กับดิว แหมมีพี่ตั้วอยู่ด้วยนะดิว ผมพึ่งสังเกต


“เอ้า หวัดดีครับพี่ตั้ว”

พี่ตั้วรับไหว้ผมและยังคงจู้จี้กับไอ้ดิวไม่สนโลก ผมยิ้มๆละวางกระเป๋าแล้วเดินไปหาข้าวกิน ที่ผมมาช้ากว่าเพื่อนหลายครั้งผมมักจะเป็นคนที่สเก็ตงานช้ากว่าเพื่อน และด้วยความรักเพื่อนผมก็ไม่อยากให้มันรอจนหิว เลยให้มันมากินข้าวกันก่อน


“หวัดดีครับ”

เสียงทุ้มมาจากด้านหลังผมหันไป… ไอ้นัท


“เอ้า นัท มาทำไร”


“มากินข้าวกับพวกเติ้ลอะ นู้น”

มันชั่งรู้ใจผมซะจริง พอผมเห็นมันผมก็มองหาไอ้อาร์มจอมหื่นของผมทันที แม่งนั่งเม้านั่งคุยอยู่กับพวกไอ้กี้


“ว่าแต่จิมกินไรหรอครับ”


“ข้าวมันไก่”


“แล้วนัทอะ จะกินไร”


“ไม่รู้ดิ คงข้าวมันไก่เหมือนกันมั้ง ไม่ค่อยได้มาโรงอาหารคณะนี้เท่าไหร่ ไม่รู้อะไรอร่อยพอจะแนะนำได้ไหมละ?”

อะไรดี อร่อยทั้งนั้นอะ แต่ก็เดี๋ยวจะหาว่ายอโรงอาหารคณะตัวเอง


“โหย อร่อยหมดแหละ ถ้านัทชอบกินอะ ข้าวมันไก่ก็ได้นะลองดูดิ อร่อยจะตาย เนอะป้าเนอะ”

ผมทีเล่นไปทางป้าคนขายด้วย ป้าแกก็ขำแล้วก็ผยักหน้าตอบรับ


“ร่าเริงจริงน้า เพราะเติ้ลมาหาหรอ?”

โห… ไอ้หน้ากับน้ำเสียงโคตรต่างกัน ถ้าชัดๆก็คงจะอารมณ์ตัดพ้อล่ะมั้ง


“บ้า เพราะวันนี้ได้คะแนนสเก็ตงานดีต่างหาก”

จริงๆแล้วก็คงเพราะไอ้อาร์มมันมาหาผมนั้นแหละ


“เตี้ย… กินไร”

เสียงแข็งมาแต่ไกล แถมจ้องไอ้นัทตาเขม่ง


“กินข้าวมันไก่ มึงอะมาทำอะไรโรงอาหารนี้”

ไม่ทันไร มันก็มากอดคอผม


“พอดีคิดถึงเตี้ยเลยชวนเพื่อนมากินข้าวโรงอาหารนี้ พี่ครับเอาแบบแฟนผมจานนึง”

ชัดเจนไปไหมเล่าาาาา ป้ายิ้มหลบๆเลย ไอ้นัทตอนนี้ก็หน้านิ่งและหันเตรียมจะเดินออกจากร้าน


“เอ้านัท ไม่กินข้าวมันไก่แล้วหรอ?”

ตอนแรกยังบอกจะกินอยู่เลย


“ไม่ล่ะ เดี๋ยวว่าจะไปลองของร้านอาหารญี่ปุ่นซักหน่อย”

ละทันทีที่นัทเดินออกไปจากร้าน ผมก็ศอกเข้าไปที่ท้องของไอ้ตัวการ


“มึงนะ เกินไปละ”


“อะไร ก็มันจ้องแฟนอาร์มขนาดนั้นก็หึงเป็นนะ”

จะว่าไงดี รู้สึกดีที่ได้ยินว่ามันหึงผม แต่ก็ห่วงความรู้สึกไอ้นัทมัน


“ไม่ต้องมาพูดเลยมึงอะ ชวนเขามาแล้วจะมาหึงเขาทำไม อีกอย่างจะห่วงทำไม มึงก็ได้ใจกูแล้วนะ”


“ห่ะ เตี้ยว่าไงนะ?”

ชิบหายละ ผมพูดอะไรออกไป…


“ตามนั้น ไม่พูดละ”

เขินเป็นจะเว้ยยยย


“เออ… เดี๋ยวขอเคลียร์เรื่องนี้ก่อน”

ผมมีเรื่องจะเคลียร์กับมันพอดี ไหนๆก็เจอและ ถามระหว่างรอข้าวมันไก่จากป้าเลยและกัน


“เมื้อกี้พี่บาส มาชวนให้ไปออกทริปกับพวกดาวเดือนมหาลัย ทำไมมึงไม่เห็นชวนกู?”


“ทริป?....อ่อออออออ โห ลืมเลย มัวแต่วุ่นเรื่องซ้อมการแสดง ขอโทษครับบบ ว่าจะบอกเตี้ยอยู่เหมือนกันพวกรุ่นพี่ที่จัดการเรื่องดาวเดือนก็เพิ่งบอกในกลุ่มไลน์เมื่อเย็นหลังเลิกซ้อมเหมือนกัน”

แล้วไป ที่ผมจู้จี้ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมเป็นห่วงนะ ถ้าสมมุติพี่บาสไม่มาชวนแล้วผมไม่รู้เรื่อง จู่ๆมันก็ไปผมก็คงเป็นห่วงแย่ แต่จะว่าไปก็คงไม่หรอกยังไงมันก็บอกผมอยู่ดีแหละ


“เออ กูไปด้วยนะ… พี่บาสชวนอะ ให้ไปช่วยดูแลทางฝั่งกิจกรรม”


“จริงงะ ดีเลยอาร์มจะได้ไม่เหงา”


“ไรมึง กูไปอยู่กับไอ้กี้ มั่วแล้ว”

“ข้าวมันไก่ได้แล้วจ้า”


“ขอบคุณครับป้า นี่ครับเงิน”


“โหเตี้ยอะ อย่าแกล้งกันดิ”

ผมเดินออกมาจากการปล่อยให้แฟนตัวเองกระวนกระวายว่าผมจะงอนมันไหม
(แล้วผมงอนมันที่ไหนล่ะครับก็แค่อยากจะแกล้งเฉยๆ)


“จิมครับ อย่างอนเลยน้า อาร์มขอโทษ”

มันเดินตามมาง้อผมแบบโคตรหมดลุคความหล่อของตัวเอง



“แกๆ นั้นไงเดือนคณะบริหารที่เค้าว่าเป็นเกย์อะ”

ชิบหายละ ดันไปได้ยินอะไรที่ไม่น่าฟังเข้าให้… แก๊งผู้หญิงสามสี่คนนั่งเม้าผมตรงโต๊ะที่ผมกำลังเดินผ่าน


“คนตัวเล็กๆนั้นคงเป็นแฟนเขาใช่ป่ะ”

จะนินทาอะไรกันวะ ระยะเผาขนเลยกระซิบแบบนั้นคิดว่าผมไม่ได้ยินหรอ อย่าเพิ่งงั้นเลย อาร์มมันได้ยินจะรู้สึกอะไร


“น่ารักกันดีเนอะ แก ดูถ้าจะงอนง้อกันด้วยอะ โอ๊ย ชะนีไม่มีที่ยืนจ้า”

อ้าว…


“โอ๊ย ชะนีอย่างเราๆ คงทำได้แค่ยืนมองผู้ชายได้กัน แต่แบบนี้ก็ฟินดีนะแก”

โธ่เอ้ย ก็คิดว่าจะนินทาเรื่องไม่ดีซักอีก ไหงมากริ๊ดกร๊าดผมกับไอ้อาร์มได้


“เตี้ยคร้าบบบ หายงอนน้าาาา!”

เชี้ย เสียงดังทำไม ผมชู่ปากให้มันเบาเสียงลง เพราะผมรู้เรื่องว่าไอ้รอยยิ้มที่แกล้งพูดเสียงดังนั้น มันพอใจกับคำนินทาของแก๊งผู้หญิงที่เราเพิ่งเดินผ่าน


“เออไม่ได้งอน เดินเร็วๆเหอะมึงอะ”




“พี่ตั้ว พรุ่งนี้ต้องเตรียมอะไรไปบ้างอะครับ”

ผมถามเพื่อความแน่ใจและจะได้เตรียมกระเป๋าถูก ตอนนี้ผมมาอยู่ที่โต๊ะกลุ่มพวกผมแล้วซึ่งคนที่เพิ่มมาตอนนี้ก็เป็นพี่บาส พี่ตั้ว แฝดปอเปิ้ล และนัท กลายเป็นกลุ่มใหญ่ๆขึ้นมาซะงั้นจากสามคน


“เสื้อ กางเกง ให้พอสี่วันสามคืนอะ แล้วก็ของใช้ส่วนตัว”


“ว่าแต่ไปจังหวัดอะไรหรอครับ”


“หัวหินอะ เตรียมชุดเล่นน้ำมาด้วยก็ดีนะเผื่อลงน้ำ แต่เอ่อ…”

พอพูดเรื่องสระน้ำปุ๊บผมก็หงอยขึ้นมาทันที… อยากเล่นแต่ก็คงทำไม่ได้


“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเล่นอยู่กับจิมเอง ไม่ต้องห่วงนะพี่”


“ไอ้บาส น้องรหัสมึงมีบอดี้การ์ดด้วยว่ะ”

พี่ตั้วก็แซวซะ ทั้งโต๊ะก็หวิดหวิวกันซะเสียงดัง ผมก็เขินเป็นนะเฟ้ยยย



“เอออ ดูแลมันดีๆละกันเรื่องนี้อะ พวกมึงก็คอยๆช่วยกันด้วย ไม่ใช่ให้เติ้ลมันดูแลคนเดียว เป็นหูเป็นตากัน”

พี่บาสเริ่มกำชับเรื่องนี้กับคนอื่นๆบนโต๊ะด้วย เอาซะผมหงอยหนักกว่าเดิมอีก ตอนนี้ผมรู้สึกตัวเองเป็นทั้งเด็กและภาระให้คนอื่นคอยดูแลอีก


“อาร์ม… หรือจิมจะไม่ไปดี เป็นภาระคนอื่นเปล่าๆ”

ผมกระซิบข้างหูมัน แค่นั้นแหละผมก็โดนพี่บาสตบหัวเอาซะป๊าบ “โอ๊ยพี่”

งงดิครับ


“กูได้ยินไอ้สัส ไม่ต้องเลยมึงอะ คิดมาก กูพูดให้ดูแลกันในฐานะเพื่อน ฐานะพี่ ถึงกูไม่พูด แม่งก็รู้งานกันอยู่ดีถูกไหม?”

ละทุกคนก็ยักหน้า… อืม ภาระชัดๆ…


“ใครจะปล่อยให้มึงเป็นไรวะ อย่างน้อยๆกูจะปล่อยให้มึงจมพักนึงก่อน จะได้เมาท์ทูเมาท์กับผัวมึงดีไหม?”

สิ้นคำปากหมาของกี้ผมก็เอื้อมมือไปตบหัวมันทันที


“ส้นตีน ไม่ต้องจมน้ำกูก็จูบกันได้เว้ย”

ชิบหาย… พูดไม่คิด


“อื้อหือออออออ จ้า”

ทุกคนนี้ดิ้นโฮเสียงแซวผมกันใหญ่


ไอ้อาร์มก็หน้าแดงซะชัดเลย วันนี้ผมคงโดนแซวเรื่องนี้ไม่หยุดแน่ๆ


ไม่สิ ผมอาจจะโดนแซวกันจนลูกบวชเลยก็ได้ แหมรักกับคนที่เมาท์ทูเมาท์ตอนเราจมน้ำเนี่ย เรื่องนี้เป็นใครก็ดิ้น











“น้องๆดาวเดือน กับ น้องๆปีหนึ่งทั้งหมดมาต่อแถวรวมกันค่ะ พี่จะให้ป้ายชื่อแต่ละคนนะค่ะ เข้ามาทีละคนละบอกชื่อพี่ด้วยค่ะ”

วันนี้เป็นวันศุกร์เวลา 1 ทุ่ม ที่ผมกับคนอื่นที่เป็นดาวเดือนและอาสา มาทริปเก็บตัวของดาวเดือนกัน ซึ่งตอนนี้ผมกลายมาเป็นน้องปีหนึ่งที่ต้องมาเข้าร่วมกิจกรรมแทนที่จะได้ช่วยพี่บาสเป็นสตาฟดูแลคนอื่นๆอย่างที่พี่บาสเคยพูดเมื่อวาน


ตอนนี้พวกพี่บาสกับพี่ๆคณะอื่นให้พวกเราเข้าแถวรับป้ายชื่อของแต่ละคน เท่าที่ผมสังเกตุ แต่ละคนได้ป้ายสีไม่เหมือนกันมาก ผมว่าคงให้แบ่งกลุ่มตามสีเหมือนตอนรับน้องเหมือนเคยแน่ๆ ซึ่งผมกับอาร์ม ดิวแล้วก็กี้ก็ได้คนละสีกันเลย ผมได้สีเขียว อาร์มได้สีน้ำเงิน ไอ้กี้ได้สีส้ม ไอ้ดิวได้สีเหลือง

ผมพยายามมองหาคนที่มีสีเดียวกัน เผื่อจะเจอคนรู้จักบ้าง ละที่เจอก็คือไอ้นัท

เอ… ไม่ยักจะรู้ว่ามันก็มาด้วย เมื่อวานเห็นนั่งเงียบไม่พูดอะไร สงสัยมีคนชวนมันล่ะมั้ง


“เอาแหละ ต่อไปให้น้องๆที่อยู่สีเดียวกัน รวมกลุ่มกันค่ะ พี่จะแบ่ง รุ่นพี่ไปสีละคนนะค่ะ”

แล้วในที่สุด… ผมก็มีพี่บาสเป็นคนดูแลสีผม แจ่มเลย สบายละทีนี้ ส่วนไอ้กี้ก็ได้พี่แตมไปดูแลในทีมก็คงสุขใจมันและ ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าพวกพี่ๆเขา แบ่งกันดูแลแบบตามใจชอบ เพราะพี่ตั้วเองก็ไปอยู่สีไอ้ดิว ไอ้อาร์มก็ได้พี่แนนไป ส่วนพี่คนอื่นๆก็ไปอยู่สีอื่นกัน


แหมดาวเดือนแต่ละคนหน้าตาดีทั้งนั้นปีนี้งานประกวดท่าทางจะร้อนน่าดู จะว่าไปทริปนี้คงหมดสวยหมดหล่อกันแน่ เจอพวกพี่บาสขี้แกล้ง มาคุมด้วยแบบนี้

ผมอะดิยิ่งซวยกว่า พี่แกมาคุมสีผมอย่างงี้ผมจะโดนอะไรไหม


“นัทมานี้ด้วยหรอ”


“ใช่ครับ นัทเพิ่งเข้ามาอยู่ชมรมดนตรีกับปอเปิ้ลอะ วันนี้ไอ้สองคนนั้นมาไม่ได้ ติดทำงานกับที่บ้าน นัทเลยมากับเติ้ลสองคน”


ตอนช่วงแรกๆผมมองเติ้ลกับนัท น่าจะสนิทกันพอดู… แต่รู้ไหมครับผมแอบรู้สึกผิดนิดๆทีทำให้สองคนเหมือนไม่ค่อยถูกคอกันขึ้นมา แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ด้วย ไม่สิไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีกว่า เพราะสุดท้ายมันก็คือทางที่แต่ละคนจะเลือก


“แล้วนัทโอเคหรอ”


“โอเคดิ ทำไมจะไม่โอเค ถ้าหมายถึงเรื่องจิมกับเติ้ลอะนะ”


“โห อย่าพูดงั้นดิ จิมรู้สึกผิดนะ”


“จริงงงง ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก”

มันก็ยิ้มให้ผมสบายใจไปเปราะนึง ก็แค่เปราะเดียวจริงๆแหละครับ เพราะลึกๆก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันรู้สึกอะไรกับผม


“อะน้องๆ ขึ้นรถกันได้เลยค่ะ พี่ๆจะจัดการสัมภาระให้นะคะ”

พี่แตมโทรโข่งประกาศบอกให้ทุกคนขึ้นรถเตรียมพร้อมออกเดินทาง ซึ่งผม อาร์ม นัท กี้ และดิว ก็นั่งโซนเดียวกัน


“อยู่สีเดียวกับนัทหรอ”

“อืม อย่าคิดมากล่ะ กูไม่มีอะไรอยู่แล้ว”

ผมพูดดักกันคนบางคนหึงหวงผมไม่ก่อนเลย



“คร้าบๆ”

“ของีบหน่อยนะ ง่วงๆไงไม่รู้”

เมื่อผมพูดอย่างนั้น อาร์มก็เอามือมาประคองหัวผมเบาๆให้พิงบ่ามัน…

โคตรจะอบอุ่นเลย หลายต่อหลายพฤติกรรมที่ผมรู้สึกดีเอาซะเว่อเพราะตัวเองไม่เคยสัมผัสมาก่อน พอมาเจอก็โคตรจะรู้สึกดีเลย


“เห้ย… พวกมึงก็หวานกันตลอดเลยเนอะ..”

ยังไม่ทันจะหลับเลย ไอ้กี้ก็แซวซะและ ไอ้อาร์มก็ยิ้มรับคำแซวไม่พูดอะไรเลย

“เงียบดิ กูจะนอน ง่วง”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงห้าวใส่ตัดบทมันไป เดี๋ยวแม่งก็แซวไม่เลิก จะรบกวนคนในรถเอา แล้วผมก็นอนพิงบ่าอาร์มต่อ สักพักมันก็แอบเอามือมาจับมือผมไว้ระหว่างตัวเราสองคน เห้อออ อยู่แบบนี้ อุ่นใจดีชะมัด
 

   
ตลอดทางมานี้ ทุกคนก็ร้องเล่นเต้นกันอย่างสนุกสนาน ผมก็หลับบ้างตื่นมากินบ้าง ส่วนอาร์มบางทีก็หลับกับผมบ้างหัวพิงบ่า หัวพิงหัว บางทีก็เอาแขนมาโอบผม นึกๆดูแล้ว ก็ตลกตัวเองที่ดันชอบการกระทำที่มันทำให้ รู้สึกดี ใกล้มันก็อุ่นใจ


ละพอมาถึงจุดพักรถที่ปั้มระหว่างทาง

ผมก็ตื่นขึ้นมาพบว่าทุกคนลงจากรถกันหมดแล้ว ไอ้อาร์มเองก็เช่นกัน

แปลกดีที่ผมรู้สึกหวิวนิดๆ นิดๆจริงๆครับ ที่ตื่นมาไม่มีอาร์มอยู่ข้างๆ แว๊บเดียวเท่านั้นแหละ ผมก็ลงมายืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจบ้าง ก้มเอามือแตะเท้าบ้าง แต่ไอ้เชี้ยกี้ดันกวนตีน เอานิ้วดัชนีมาจิ้มตูดผมเต็มๆ

“โอ๊ย!! เชี้ยกี้เล่นไรว่ะ จุกๆ”

ผมมองหาไอ้อาร์มหวังจะให้ช่วย แม่งเดินไปไหนก็ไม่รู้

   
“ก็ก้นมึง มันงอนน่าจิ้มนิหว่า ฮ่าๆ”

ไอ้สัส น่าจิ้มเชี้ยไร จังไรละ


“พ่อมึงอ่ะ มึงมานี้ อย่าหนีกูนะ”

มันฟังที่ไหน วิ่งไปรอบสถานีรถไฟ แถมไปอ้อนพี่แตมอีก


“พี่แตมช่วยด้วย เชี้ยกี้ แกล้งจิม”

ลูกอ้อนกูชนะมึงอยู่แล้วไอ้กี้ หึหึ สายแบ๋วผมไม่น่าจะแพ้ใครง่ายๆ


“ตัวเองอย่าไปเชื่อ เค้าไม่ได้ทำไรเลยนะ”

อื้อหื้อ ตัวเอง เค้า อะไรกัน ทำไมไอ้กี้กับพี่แตมพูดจากันแปลกๆ


“อะไรกัน หยุดทั้งคู่หนะแหละ น้องจิมก็เลิกไล่มันสิคะ มันจะได้ไม่แกล้ง”

ห่ะ อะไรกันว่ะเนี่ยยยยย พลังแบ๋วไม่ได้ผล ไอ้กี้มึง ต้องอัพเดทสถานะมันกับพี่แตมแล้วแหละ


ละไอ้อาร์มก็มา ผมไปอ้อนแฟนผมมั้งดีกว่า


“ไปไหนมา”

“มีไรเตี้ย อาร์มไปเข้าห้องน้ำมา คิดถึงหรอ”


“ไม่บอกกันบ้างเลย ทิ้งให้กูอยู่คนเดียว”

ได้ผล ไอ้อาร์มยิ้มให้ไม่พอแถมลูบหัวผมอย่างเอ็นดูเลย


“อ้อนแบบนี้จะเอาอะไรครับที่รัก”

จั้กกะจี้หูทุกครั้งที่มันพูดคำว่า ที่รัก


“แค่อยากกินขนม พาไปเซเว่นหน่อยได้เปล่า”

แล้วไอ้สูงของผมก็เดินกอดคอผมไปเซเว่นหาของกิน


จริงๆก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ


ไม่รู้สิ… บางทีนะ


ผมอาจจะติดอาร์มมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


แย่จัง คนมีรักครั้งแรกนี้มักจะควบคุมความรู้สึกไม่อยู่เลยจริงๆใช่ไหมครับ?






“อาร์ม ใช่อาร์มรึเปล่า”

เสียงผู้หญิงใสๆ เรียกชื่อที่มีแค่สองคนที่จะเรียก คนที่ชื่อเติ้ลว่า “อาร์ม” ระหว่างที่ผมกำลังยกสัมภาระเข้าห้องพักกับอาร์ม


ผู้หญิงสวยลูกครึ่งฝรั่ง คงจะเป็นดาวจากคณะไหนแน่ๆ

ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน ทำไมเรียกเติ้ลว่าอาร์ม แล้วรอยยิ้มที่เปื้อนบนหน้าอาร์มหลังจากหันไปมองนั้นคืออะไร ผมไม่เข้าใจ



“มีนา มีนาหรอ?”



….



……







……………………………………………………………………..



“ความรักก็เหมือนตะเกียบ…ขาดกันไม่ได้
แต่ก็ต้องมีบางครั้งที่ต้องห่างกันเพื่อจะคลีบสิ่งต่างๆเข้ามาในชีวิต”




Talk : ขออภัยที่เว้นช่วงนานไปหน่อยนะครับ เพราะว่าเตรียมตัวทำกิจกรรมในคณะด้วย ขอโทษจริงๆครับบ
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 25 : ติด : หน้า 4 (29/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-07-2017 01:13:00
ใครหว่าาา
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 25 : ติด : หน้า 4 (29/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 30-07-2017 16:11:29
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 25 : ติด : หน้า 4 (29/07/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฟ้าใส ที่ 01-08-2017 03:29:10
มีตัวการมาให้หึงหวงอีกแล้ว อ๊ากกกก
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 26 : หวาน : หน้า 4 (10/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 10-08-2017 19:33:44
Chapter 26 : หวาน










“มีนา เห้ย มีนา!”

ใบหน้าเปื้อนยิ้มมาก ดูดีใจมากท่ีได้เจอกับเธอคนนี้


“ใช่อาร์ม...จริงๆด้วย”

จู่ๆ ผมก็หงุดหงิดขึ้นทันที ใครจะไปรู้ว่านอกจากผมกับน้องแก้ว ยังมีคนอื่นที่เรียกเติ้ลว่าอาร์ม ใจผมร้อนรุ่มมาก แต่ก็ทำได้แค่เงียบละฟังว่าเขาจะคุยอะไรกัน


“โห เกือบบจำไม่ได้ ไม่ได้เจอตั้งแต่ตอนไหนนะ มัธยมต้นป่ะ?”


“ม.2 เลย เล่นไปเรียนต่อกลางเทอมแบบนั้น ใจหายเหมือนกันเป็นไงบ้าง?”


“สบายดี คิดถึงมากอะ ไมได้เจอนาน มีนาจบไฮสคูลที่ออสก็ย้ายมาเรียนต่อที่นี้เลย คิดถึงไทยมาก คิดถึงคนที่นี้มาก”

คิดถึง คิดถึง อะไรกันนักหนา


“อาร์ม…”

น้ำเสียงเรียกที่ออกมาจากปากผมคงจะหงอยน่าดู เพราะไม่กล้าที่จะร่าเริงหรืออะไรเลยจริงๆ และพอผู้หญิงที่มองข้ามผมไปได้ยินเสียงผมเรียกอาร์ม เธอถึงจะมองมาทางผมและส่งสายตาที่ดูสงสัยอะไรบางอย่าง


“ครับ เอ้อ มีนา นี่จิมนะ จิมครับนี่มีนา เพื่อนสมัยเด็กๆ เมื่อก่อนบ้านติดกันพ่อแม่ทำธุระกิจด้วยกัน”


“สวัสดีครับ”

ผมผยักหน้าเป็นการทักทายเธอ และเธอก็นิ่งเฉยแค่มองมาและยิ้มแห้งๆใส่ผม เอาผมงงเลยดิครับ ไงล่ะ

ผมยิ่งหงุดหงิดกับความไม่ญาติดีของเธอเท่าไหร่ แค่มีคนอื่นที่ไม่ใช่น้องแก้วกับผมเรียกอาร์มก็นะร้อนใจพอแล้ว คนๆนั้นดันไม่เห็นหัวกันเลยซักนิด ไอ้เราก็ทักทายจะญาติดีด้วย


“และนี่อาร์มเรียนคณะอะไร”


“Business ครับ มีนาอะ ขอเดาได้ไหม”

เออคุยกันถูกคอดี ผมออกห่างออกมาดีกว่า ผมเลือกที่จะเดินไปขึ้นรถทัวร์ แทนที่จะไปเซเว่นอย่างที่อ้อนไอ้อาร์มไว้ตอนแรกแต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะกินอะไรเลยจริงๆ อยู่ๆ


“เอ้า จิมจะไปไหน”

สนใจทำไมวะ คุยกับมีนาไปเลยดิ


“ขึ้นรถ”

ผมพูดอย่างไร้อารมณ์มากๆ


“ละไม่ไปเซเว่นอะครับ อยากกินขนมไม่ใช่หรอครับ”

ไม่มีอารมณ์แล้วเว้ย


“ไม่อะ ไม่อยากละ”

เสียงแห้งๆจากลำคอของผมคงไม่ทำให้มันรู้หรอกว่าผมรู้สึกอะไร

ละผมก็เดินขึ้นรถไป… นั่งเบาะนั่งของตัวเองหวังอยู่เล็กๆ ว่ามันจะตามขึ้นมา แต่แล้วก็ไม่มีวี่แววที่มันจะตามผมขึ้นมา ก็หมายความว่า อาร์มคงคุยกับเธอคนนั้นอยู่ จนไม่รู้ว่าตอนนี้ผมอยู่ในอาการไม่สบอารมณ์



เห้ย! ….ผมหึงหรอวะเนี่ย นี่อาการคนหึงแฟนใช่ไหม จู่ๆหน้าผมก็เปื้อนยิ้มที่ตัวเอง มีความรู้สึกหึงหวงขึ้นมา มันไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต ดีใจซะงั้นได้เรียนรู้ว่าหึงหวงคืออะไร

นั้นเลยทำให้ผมทบทวนตัวเองได้ว่า ไร้สาระชะมัด เพื่อนไม่เจอกันตั้งหลายปี จะขอคุยกันทักทายย้อนวันวานคงไม่แปลก อาการนั้นผมเลยหายไปทันทีหลังจากที่คิดได้


แล้วคนก็เริ่มทยอยขึ้นรถกันมาจากการที่ไปเข้าห้องน้ำบ้าง แวะซื้อของกินกันบ้าง พอเห็นคนหิ้วของกินมาผมก็ชักอยากกินมั้ง


“กี้ กูกินมั้งงงงง”

ผมเลือกที่จะไปแย่งไอ้กี้กินขนมที่มันเพิ่งแกะหมาดๆ แต่นั้นก็ไม่ใช่ของที่ผมชอบเท่าไหร่เลยกินไปแค่ไม่กี่ชิ้น อีกอย่างไม่ได้เป็นคนซื้อเองกินเยอะก็เกินไป


“มึง ไอ้เติ้ลมันเดินผู้หญิงอยู่กับใครก็ไม่รู้อะ สวยสัส”

มีฟ้องว่ะ เพื่อนผม


“เพื่อนสมัยม.ต้นอะ กูก็ไม่รู้จักหรอก เออว่าแต่ มึงกับพี่แตมนี่ยังไง ทำไมพูดจาหวานๆใส่กัน อย่าบอกนะ ไอ้ตำแหน่งเดือนคณะที่มึงเคยพูดไว้อะ?”


“เออๆๆ นั้นแหละ กูมาเป็นเดือนเพราะพี่แตมเนี่ยล่ะ ท้าทายกูดีนัก สุดท้ายก็แพ้ใจความหล่อกู”

อื้อหืออออออ ไวไฟชิบหายยยย ใช้คำว่าแพ้ใจเลยหว่ะ หลงตัวเองชิบ พี่แตมดันไปชอบไอ้กะล่อนนี้ได้ไงเนี่ยยยยย เจ้าชู้ชิบหาย


“แล้วไม่ใช่มึงจะทำกับพี่เขาเหมือนผู้หญิงที่มึงเอามานอนไม่เว้นวันนะสัส”


“พ่อง กูไม่ทำหรอก คนนี้อิสเรียลเว้ย หึหึ”


“เอออออ ให้มันจริง ถ้ามึงทำพี่รหัสแฟนกูเจ็บนะ กูจะฆ่ามึง”


“จ้าาา พูดคำว่าแฟนได้เต็มปากเลยนะไอ้สาส ระวังเหอะ ผู้หญิงคนนั้นจะเอาไปแดก ดูเข้าๆกันดีด้วย”

แม่งจี้จุดผมชิบหายยยยยย พูดปุ๊บก็มาปั๊บ เดินตามกันมาแบบติดๆ หิ้วของกินกันมาด้วย ละมีนาก็เดินเลยที่นั่งเบาะผมไปเลยแบบไม่หันมามองซักนิด


“อ่ะ เตี้ย อยากกินขนมใช่เปล่า ไม่รู้ว่าเตี้ยชอบอะไรเลยซื้อมาเยอะเลย”

ไงล่ะ ง้อผมล่ะสิ โล่งอกที่ไม่มีแววอย่างที่ไอ้กี้คิด แต่ก็แอบนอยที่ไปเซเว่นกันสองคน (ทำไงได้วะ มึงเองไม่ใช่หรอที่ประชดจะไม่ไป)


“อาร์มคะ”

เอ้า เดินมาทำไมอีก เห็นเดินเลยไปแล้วนะ อุตส่าสบายใจละ


“นั่งนี้หรอ…”

ละพูดไม่พอหันหน้ามามองผมอย่างเคืองๆ


“มีนานั่งด้วยได้ไหม อยากคุยกับอาร์มอะ ไม่ได้เจอนานมีเรื่องอยากคุยเยอะแยะเลย”

อืม ก็คงใช่ ที่ไม่เจอนานก็อยากจะคุยกัน แต่ไอ้กริยาแบบนั้นผมไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เลย มองหน้าผมแล้วแทนที่จะขอผมแต่ดันไปขออาร์มแทน


“เอ่อ… พอดีอาร์มนั่งกับ…”


“เห้ยไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปนั่งกับนัทก็ได้”

ผมพูดตัดทันทีที่มันเริ่มลังเลไม่กล้าพูดละลุกขึ้นออกจากที่นั่งตัวเองเพื่อจะเดินไปนั่งที่ข้างๆนัทที่หลับอยู่คนเดียวไม่มีใครไปรบกวน


“เดี๋ยว เตี้ยครับ เอาขนมไปกินด้วยสิ”

ไหงผมแอบนอยนิดๆที่มันไม่ปฏิเสธมีนาให้ผมเลย แต่นั้นยิ่งเป็นสาเหตุให้ผมควรไปนั่งกับนัท เพราะตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่ผมจะอยู่ตรงนี้ ละผมก็ไม่ควรงี่เง่า

คนเราไม่ชอบหรอก การทำตัวนอยๆ งอนๆ กับอะไรไร้สาระแบบนี้ ผมเองยังไม่ชอบเลยไอ้อาร์มจะชอบได้ไง


“นัทกูนั่งด้วยนะ”

ละนัทก็หันมาทำหน้างงๆ แล้วก็ชะเง่อคอมองไปทางที่นั่งของผมกับอาร์มที่ตอนนี้เป็นอาร์มกับมีนาแทนไปเป็นที่เรียบร้อย

พอนัทเห็นแบบนั้นก็อ้อแล้วยิ้มอ่อนๆ เออ รู้ละก็เงียบๆไปนะ อย่ามาแซวให้เสียอารมณ์เลยขอร้อง

“กินขนมไหม?”

ผมถามดักทางไว้ก่อนกลัวว่ามันจะพูดเรื่องผู้หญิงที่ผมไม่อยากพูดถึง


“ไม่เป็นไรๆ นัทไม่หิว”

“จิมมึง… ผู้หญิงคนนั้นคือใครวะ”

เชี้ยกี้กับดิว...โผล่หัวมาจากด้านหลังอยากรู้อยากเห็นเรื่องผู้หญิงที่กำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หัวเราะชอบใจอยู่กับอาร์มสองคน ซึ่งบางครั้งอาร์มก็หันมามองผมแบบห่วงๆบ้าง แต่นั้นก็ไม่ได้ช่วยให้ผมพอใจเท่าผมได้นั่งข้างๆมันหรอก


“เห็นว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กอะ ชื่อมีนา สนิทกันเพราะพ่อแม่รู้จักกัน”


“อ่อออออ ไงมึง หึงไหมล่ะ ดูดิ ท่าทางจะคุยกันถูกคอ เล่นไม่สนใจอะไรมึงเลย”


“สาสสสสสสส เลิกพูดได้ป่ะ กูไม่อยากงี่เง่านะเว้ย”


“งี่เง่า?”

ไอ้ดิวพูดมาด้วยความสงสัย


“ก็ไม่รู้ดิกูกลัวกูทำตัวงี่เง่าเกินไปอะ เขาเพื่อนสนิทสมัยเด็ก มีนาถูกส่งไปเรียนต่างประเทศ พอเจอกันก็แค่อยากทักทายกันเท่านั้นแหละ”


“แล้วมึงจะงี่เง่าตรงไหน ถ้ามึงจะหึงหวงแฟนมึง ใช่ไหมนัท?”

ไอ้ดิวหาเสียงข้างมันใหญ่


“นัทก็ว่าจริงนะ เป็นนัท นัทก็หวง ตอนนี้นัทว่าจิมก็รู้สึก แต่แค่ไม่กล้าพูดไม่กล้าแสดงเท่านั้นเอง”


“เออๆ กูรู้สึก แต่ให้ทำไงวะ”


“เปล่า ทำอย่างที่ทำอยู่เนี่ยถูกละ ไอ้เติ้ลไม่มีอะไรหรอก มันรักมึงจะตาย”

พอไอ้กี้พูดเท่านั้นแหละ ไอ้นัทสีหน้าเปลี่ยนไปทางหม่องทันที


“พูดเชี้ยไรมึงเนี่ยยยย พอแล้วกูนอนละไปนั่งที่ไปปปป รถเขาออกแล้ว”

เออ ผมทำทีเมินหน้าหงุดหงิดใส่พวกแม่งเพื่อจะเลิกบทสนทนาน่ารำคาญ นั่งเบาะริมทางเดินแบบนี้ทำให้ผมเห็นไอ้อาร์มได้ถนัดตาดี แต่มันก็ไม่ยักกันหันมาหาผมบ้างเลย

ผมทั้งหงุดหงิดทั้งหมั่นไส้ทั้งคู่ จะคุยกันยาวขนาดไหน จริงๆแล้วผมว่าผมไม่ได้หึงหวงหรอกมั้ง แต่ผมน้อยใจที่ไม่ได้เป็นที่สนใจของไอ้อาร์มมัน นั้นแหละผมเลยมองว่ามันจะงี่เง่าไปหน่อย แต่นะ...เงียบไว้คงดี


“นัทมีหูฟังเปล่า?”


“มีนะ จิมจะเอาหรอ”


“ถ้านัทไม่ใช้จิมขอยืมฟังเพลงได้ไหม พอดีจิมไม่อยากไปตรงนั้นอะ”

นัทก็หยิบหูฟังออกมาจากกระเป๋าสพายของตัวเองพร้อมๆกับยิ้มขำๆ


“ไม่ใช้หรอ”


“ไม่ใช้อะ เอาไปเถอะ ตอนนี้คนบางคนต้องการมันมากกว่านัทอีก”

แม่งโคตรรู้ใจผมเลย


“ขอบใจนะเว้ย แต๊งกิ้ววววววว”


ละผมก็ขอยึดหูฟังมันมานอนฟังเพลงเงียบๆ กะงีบๆจะได้ลบๆ ความรู้สึกหงุดหงิดนี้ออกไป






“ตัวเล็กครับ...ตื่น”

ตัวเล็ก… ตัวเล็กบ้าดิไอ้นัท คนเดียวเว้ยที่มีสิทธิ์เรียกผมแบบนี้


“ตื่นนะครับ ถึงแล้วนะตัวเล็ก”


“อืมมมมมม”

ผมขานรับทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ก็คนมันง่วง


“อืม ก็ลุกสิครับเตี้ย”


“เชี้ยนัท เตี้ยเชี้ยไร!”

ผมหงุดหงิดชิบ งวงเงียขี้ตามาด่ามัน


“อ้าว”

ไหงเป็นอาร์มได้อะเนี่ย แถมผมยังอยู่ในสภาพอ้อมกอดมันด้วย


“อ้าวไร คิดว่าใครหื้ม?”


“ไอ้นัทอะ? ที่นั่งมันไม่ใช่หรอ ละมึงมาได้ไง ไม่นั่งที่เดิม”


“ก็อาร์มอยากนั่งกับแฟนอาร์มก็แค่ขอแลกที่ ไม่ได้ไง?”

ผมหลบตาแอบยิ้มอยู่นัยๆ ก็ดีใจนี่หว่า ไม่รู้ดิอธิบายไม่ถูก ก่อนหลับยังกังวลเรื่องนั้นนี้อยู่เลย ตื่นมากลับมาเจอความอบอุ่นแบบเดิมมันก็ยิ้มดิ


“แล้วมานั่งนานยัง”


“นานแล้ว หลับนานเหมือนกันนะเรา หน้าบวมหมดแล้วววววว รู้ไหมมมมตัวแสบ”

มาหยิบแก้มอะไรวะ… แม่งงงงงงงงงงง มาว่าหน้าบวมอีก

ทุกคนบนรถเริ่มเดินออกจนเกือบหมด


“บวมไร ไม่ต้องพูดมาก แล้วมีนาอะ ไม่นั่งกับมีนารึไง มานั่งกับกู”


“ไม่รู้สิ เรื่องของเขา อาร์มสนคนบางคนมากกว่า ดูท่าทางจะหึงแฟนน่าดู”


“หึงป้าดิ ไม่เว้ย”

ละผมก็รีบเดินไปหยิบกระเป๋าที่นั่งตัวเอง… เอ้าหาย หายไปไหน...


“หาอะไรครับที่รัก”

เชี้ย เต็มปากเต็มคำ นี่ยังดีนะที่ไม่มีคนบนรถแล้ว


“ที่รักบ้าไร เอามา”

กระเป๋าก็ลอยขึ้นสูงตามความสูงของตัวมันและความยาวของแขน ไม่มีทางที่ผมจะเอื้อมหยิบได้เลย


“เขินน่ารักว่ะ แฟนใครน้อ”


“เขินเชี้ยไร ไม่ให้ก็ไม่เอา”

ผมหันกลับไปลงจากรถทันที หน้าผมแดงจนไม่รู้จะแดงไงละ


“อะ น้องๆปีหนึ่งคะ เดี๋ยวน้องๆ มารับกุญแจห้องของตัวเองที่พี่แนนกับพี่ต้นตรงนี้นะคะ แล้วน้องๆก็เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องแล้วเรามาเจอกันที่หน้าหาดกันอีก 30 นาที นั้นแปลว่า พี่มีเวลาให้น้องพักตามสบาย 30 นาที แต่ก่อนอื่น แยกชายหญิงก่อนค่ะ”

ดาวเดือนและปีหนึ่งอย่างผม ดิว และนัท กับคนอื่นๆอีก ก็แยกแถวชายหญิงกัน

“โอเคค่ะ จับคู่กันตามเพศได้เลย แล้วมารับกุญแจจากพี่สตาฟไปได้เลยค่ะ ผู้ชายรับจากพี่ต้นนะคะ ผู้หญิงอยู่กับพี่แนนค่ะ และไม่ต้องห่วงนะคะพี่จะส่งสตาฟไปคุมน้องแต่ละห้องหนึ่งคน กันกรณีน้องออกนอกลู่นอกทาง”

พอพี่แตมพูดประกาศเรื่องการจับคู่ ผมรีบมองหาไอ้กี้ทันที


“กี้ นอนกับกู”

“เอ้า แล้วผัวมึงอะ”

“ผัวพ่อง ไม่เอาอะ กูไม่อยากนอนกับมัน”

“สัส ไม่ต้องเลย มึงไม่พอใจมันใช่ไหม”

“เปล่าาาา”


“เปล่า แล้วอะไร อย่างอแง มึงอะ อยู่ด้วยกันไป เดี๋ยวมีนาอะไรนั้นก็สอยไปหรอก”

“ห่า ถ้ามันจะไปง่ายขนาดนั้นกูก็ไม่รู้จะว่าไงละ”

“ไปนอนกับมัน น่ะมันมาและ”

ร่างสูงเดินเข้ามาหาผมเรื่อยๆ… พร้อมกระเป๋าของผม


“จิมครับ…”

ทำไมสีหน้าแปลกๆ


“ว่าไง เอากระเป๋ามาเดี๋ยวถือเอง”

ผมหยิบกระเป๋าออกจากไหล่มัน


“อาร์มนอนกับนัทนะครับ มันไม่สนิทกับใคร อาร์มเป็นห่วงมัน”

แอบใจแป่วนิดๆที่ได้ยินแบบนั้น แต่พอคิดได้ไม่นานก็ยิ้มออกที่อาร์มมันเทคแคร์และรักเพื่อนดีจัง ผมว่าผมมีแฟนนิสัยดีมากเลยนะเว้ยยยยย


“พอดีเลย งั้นกูนอนกับไอ้กี้ก็แล้วกันงั้น ไม่ต้องห่วงนะ”


“อยากนอนกอดเตี้ย”

“เดี๋ยวๆ กูยังอยู่ตรงนี้ไอ้ห่า ไปเอากุญแจได้ละ หวานกันอยู่ได้”

ไอ้กี้มาขัดจังหวะความหวานของผมกับอาร์มทำไมมม มันกำลังจะอ้อนผมเลย

ละทำไมต้องเป็นผมไปเอากุญแจทำไมมันไม่ไปเอาเองฟ่ะ


“อีก 30 นาทีจากนี้ พักผ่อนตามอัธยาศัยได้นะคะน้องๆ แล้วมาเจอกันที่ชายหาดหน้ารีสอร์ทค่ะ”







“ไงล่ะมึง พอใจมึงยัง ได้นอนกับกูจริงๆละ”

ประชดประชันเข้าไปปปปปป ห่างกันบ้างก็ไม่ตายหรอก


“เฉยๆอะ กูก็ไม่ได้นอนกับมันทุกคืนอยู่แล้วป่ะ ห่า”


“เออ แล้วแต่ละกันนน ถ้าเหงาจะยืมตัวกูไปกอดตอนนอนก็ได้นะ”

ละมันก็ล้มตัวนอน ผมนี่หมั่นไส้ในความกวนตีนของแม่ง เลยจัดการเอาหมอนกดหน้ามันเล่น


แม่งก็แรงเยอะชิบหายพลิกตัวหลุดออกจากการทำลายล้างของผมอย่างรวดเร็ว และใช่ช่วงเวลานี้ก็กลายเป็นสงครามหมอนโดยไม่ต้องสืบว่าไอ้เตี้ยอย่างผมหรือจะสู้ไอ้เชี้ยกี้ได้ เด็กทุนกีฬาแรงเยอะอย่างมัน เป็นใครก็สู้ไม่ไหว






“เอ่อ….”

เอ่อ… เสียงผู้หญิงในห้องทำให้ผมกับกี้หันไปดู ไหงมีนาถึงได้เข้าห้องพักผมมาดื้อๆ ลืมล็อกประตูหรอวะ


“เอ้า ไงครับมีนา เข้ามาได้ไงครับ”


“พอดีเราอยู่ห้องตรงข้ามอะ ได้ยินเสียงดังจากห้องนี้ก็เลยมาดู พยายามเบาๆหน่อยได้ไหมอะ มีนาไม่ชอบ แล้วประตูอะก็แง้มไว้อยู่แบบนั้น ไม่กลัวใครมาเห็นว่าทำอุจาดตาอะไรกันอยู่รึไง”

ผมก็อึ้งเลยครับ… จู่ๆมีคนมาต่อว่าซะตรงไปตรงมาแบบนี้ พูดไม่ออกเลย ไอ้กี้ก็เช่นกัน ยืนงงเป็นไก่ตาแตก


“โทษทีครับมีนา พวกจิมผิดเอง เดี๋ยวจะระวังให้มากขึ้นครับ”


“จริงๆเรื่องพวกนี้ก็ไม่ต้องให้บอกหรอกนะ มีนาไปและ”

โอ้โห จุกเลย ทำไมปากร้ายขนาดนี้ผู้หญิงคนนี้ ผมอาจจะผิดจริงที่เล่นกันเสียงดัง แต่ไหงมาว่ากันขนาดนี้


“มีนาครับ รบกวนก่อนเข้าห้องใครก็เคาะประตูก่อนนะครับ เรื่องแบบนี้ไม่ต้องให้บอกนะครับ”

ชิบ! ไอ้กี้ มึงพูดอะไรออกมา ส่วนกลับทันควันจนผมกลัวว่าจะทำให้ไฟร้อนของเธอแรงขึ้นจนจะเป็นเรื่อง แต่เปล่าเลยเธอทำหน้าไม่พอใจอย่างแรงแต่ก็เดินสะบัดก้นปิดประตูออกจากห้องผมไป


“เชี้ยกี้ พูดไรวะ”

“ผู้หญิงห่าไรปากจัดชิบหาย โดนซะบ้าง”

ไอ้กี้มันคงบ่นลอยๆกับผมระหว่างเดินไปส่องประตูและล็อกกร


“แล้วไปพูดอย่างงั้นกับเขา เขาไม่โกรธเอาหรอ”


“ห่า แล้วที่มันพูดด่าเราอะ ไม่คิดว่าเราไม่พอใจรึไง ให้รู้ไปดิว่าสวยใช่ว่าจะทำไรก็ได้ สวยแต่ปากจัดแบบนี้ ก็หมดสวยเหมือนกันว่ะ ว่ามะ?”

แม่งขอให้ผมแสดงความเห็นด้วย…


“เออ กูก็ว่างั้นอะ แต่อย่าไปถือสาเขาเลยมึง เรียนนอกแต่เด็กคงติดพูดจาตรงๆออกมาอะ”


“มีงนี้ก็ดีเกิน อย่าไปยอมคนเยอะ มีเรื่องบ้าง บวกๆไปบ้าง ชีวิตจะได้ตามที่เราต้องการ”

เสือกเอาความคิดนักกีฬาใช้กำลังครอบงำผมอีก มีหรอผมจะเชื่อ อะไรยอมได้ก็ยอม อะไรยอมไม่ได้ผมก็ไม่ยอมอยู่แล้ว การเดินทางของชีวิตมันต้องใจเย็นจะบวกด้วยกำลังและฝีปากซะทุกอย่างไม่ได้หรอกครับ


“เอออออออ ครับ พ่อออออออ จะบวกอย่างเดียวเลยไอ้นี้ ใจเย็นไหมมึง”



“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”


ใครอีกอะ อย่าบอกนะว่าเป็นมีนาอีก จะเอาคืนจากเมื่อกี้รึเปล่า


“มึงไปเปิดประตูดิวะ เผื่อเป็นมีนา เดี๋ยวกูเป็นแบ็คให้”

สาสสส


“เก่งชิบหาย”

จากการส่องดูช่องประตู… อาร์ม รู้ได้ไงวะว่าผมอยู่ห้องนี้ ตอนแยกกันก็ไม่เห็นจะตามมา


“เอ้า มาไง”


“กี้อยู่เปล่า”

ไหง เจอกันทักหาคนอื่นก่อน เตะแม่งซักป๊าบ


“คิดจะทักกูก่อนไหม?”


“ก็แหม กะจะหอมแก้ม ทักทาย ก็เลยถามว่ากี้อยู่ไหม งั้นไม่สนละ”

โอ้โห… ไม่เกรงใจผมก็เกรงใจไอ้กี้หน่อยเหอะ มันอยู่ในห้องเว้ยยยย


“ชิบหาย มึงหวานกันแบบนี้เลยหรอ”


“เอ้า กี้อยู่หรอ โทษทีๆ”


“ห่าอาร์ม มึงรู้หรอกว่ามันอยู่อะ นั่งหัวโด่ขนาดนั้น”


“หัวกูไม่ใช่เจี้ยว โด่ห่าอะไร”

บ่นไปเหอะ ฮ่าๆๆๆ


“ละนี้อยู่ห้องไหนอะ ทำไมรู้ว่ากูอยู่ห้องนี้”


“สุดทางเดินเลยครับ ว่าแต่ห้องตัวเล็กพี่สตาฟใครมานอนด้วยอะ”


“ยังไม่รู้เลย ไม่เห็นมา ของอาร์มรู้ละหรอ?”


“ครับ พี่เฟิส เป็นรุ่นพี่คณะอาร์มเอง สบายใจได้เตี้ย ผมไม่นอกใจอยู่แล้ว”


“ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นสักนิด เข้าห้องมาก่อนดิ”

ผมทำหน้าเบะปากใส่มันเล่นๆละหันหน้าหนีเดินเข้าห้อง


“หรอคร้าบบบบบบบ”

มันก็ยังเดินตามมาขยี้หัว สนุกไหมมมมมมม (แต่กูชอบมากกกกกก ขยี้หัวลูบหัวเนี่ย โดนด่าเป็นหมาก็ยอม ฟิน ฮ่าๆๆ)


“ถุย หวานเข้าไป หมั่นไส้ กูไปดีกว่า”

ไอ้กี้เกิดทนไม่ได้ซะงั้น อะไรวะก็ไม่ได้หวานขนาดนั้นเลยยยยย (หรือผมคิดไปเอง) แต่จะลุกออกไปเดินเล่นจะกอดหมอนไปด้วยทำไมวะ


“จะไปไหนมึง อยู่นี้แหละ”


“ไม่อะ กูไม่อยากอยู่เป็นกขค.มึงสองคนหรอก ตามสบายละกัน อย่าให้เตียงเลอะก็พอ”

พูดจาหมาแค่นั้นไม่ว่า เควี้ยงหมอนที่ถือใส่หัวผมล้มลงเตียงเลย


“โอ๊ย ไอ้สาสสสสสสส ไอ้เชี้ยกี้”

ผมลุกหยิบหมอนวิ่งตามมันแต่มันก็ออกห้องไปเรียบร้อยละ


“แม่งกวนตีน”


“จิมเวลาโกรธนี้น่ารักดีเนอะ เหมือนเด็กเลย”


“น่ารัก น่ารักบ้าไร ไม่คิดจะช่วยเงียบไปเลยไป”


“เนี่ยๆ ดูดิ หน้าตาแบบนั้นอะ โคตรน่ารัก น่าแกล้ง เพราะงี้ไงเพื่อนพี่ถึงได้แกล้ง”


“เออออ ไม่ต้องชม ใหม่ๆก็งี้ น่ารักๆ ต่อไปเดี๋ยวก็เบื่อกู เหมือนคู่อื่นอะ”


“เตี้ย!”

เสียงเข้มจริงจังโผล่มาทันที หลังจากผมพูดประโยคนั้น พร้อมสีหน้าไม่พอใจสุดๆ (โหมดจริงจังปะทุแล้วครับผม น่ากลัวสาสสส)


“อย่าพูดจาหมาๆอย่างงี้ดิ กูรักมึงขนาดไหน มึงไม่เข้าใจหรอก กูไม่มีวันเบื่อมึง เข้าใจไหม”

โอ๊ยยยยย โหมดกูมึงคำหยาบจากไอ้อาร์มโคตรน่ากลัว เพราะปกติไม่เคยพูดหยาบกับผมเลย มีแต่ผมเนี่ยล่ะที่หยาบตลอด


“โหยยย ก็พูดเล่นเองง กูขอโทษษษษษ กูเข้าใจแล้ววววว”


“ที่หลังอย่าพูดแบบนี้อีกนะ เชื่อใจกันหน่อยดิวะ”


“เออ เชื่อใจอยู่แล้ววววว โกรธดิ กูขอโทษแล้วไงงงง ขอโทษษษคร้าบบบ จิมผิดแล้วคร้าบบบ”


“หึหึ”

ขำ… หลุดขำในลำคอแบบนั้น แล้วยังลุกขึ้นมาลูบหัวเล่นอีก


“โคตรน่ารักเลยว่ะ แกล้งเล่นนิดเดียวเอง น่าเศร้าอะไรขนาดนั้น หะ ตัวเล็ก”


“แกล้งเล่นหรอ ได้”

ผมหยิบหมอนมาฟาดมันไม่ยั้งมือ


“โอ๊ยๆๆ เตี้ย ขอโทษครับ ขอโทษ เจ็บๆ”


“แกล้งกูดีนัก”

“แต่อาร์มพูดจริงนะ แต่อาร์มก็รู้ว่าเตี้ยเชื่อใจอาร์มอยู่แล้วใช่ไหม?”


“เออ”

“เห็นมะ น่ารักจริงๆ หน้างอนก็โคตรน่ารัก เห็นแล้วมีอารมณ์”


“เดี๋ยวๆ มึงอย่ามาหื่น ไม่ใช่ว่ากี้อนุญาตละมึงจะทำก็ทำได้”


“ละเมื่อไหร่ง่า อาร์มไม่ไหวและนะเตี้ย”


“สาสสสสส ขี้หื่นว่ะ มึงอะ ไม่อดทนเลยยย”


“โห ก็ได้ งั้นอาร์มไปข้างนอกดีกว่า อยู่กับเตี้ยสองคนนานๆจะอดใจไม่ไหวเอา มีหวังเตี้ยโดนปล้ำแน่”


“ไอ้อาร์มมมมมมมม ไอ้หื่นนนน”


ผมยัดหมอนกดใส่หน้ามันจนมันล้มไปนอนกับเตียง ตอนนี้ผมใช้สุดแรงเพื่อจะจัดการให้อยู่หมัด…


แล้วไหงตอนนี้กลายเป็นผมที่โดนคร่อมจับล็อกแขนเนี่ยยยยยยยยยย


“อยากโดนใช่ไหม?”

ไม่พูดเปล่าด้วย ยื่นหน้ามาใกล้มาก

“เริ่มจากตรงนี้”

มันเริ่มจุ๊ฟหน้าผากผม เล่นเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย


“ต่อด้วยแก้มนิ่มๆนี้”

หอมฟอดใหญ่เลยตอนนี้หน้าผมคงแดงแล้วแหละ


“อาร์มจะจุ๊ฟจิมตรงนี้… มันมีความหมายว่าอาร์มจะเทคแคร์ห่วงใยตัวเล็กไปตลอด”

แล้วการจุ๊ฟจมูกครั้งนี้… คงเล่นเอาผมเลือดท่วมแล้วแหละครับ ตอนนี้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

“อาร์ม พอแล้วววว กูยอมมมมม”


“ถ้ายอมก็อยู่เฉยๆ เพราะต่อไปอาร์มคงได้เห็นหน้าเซ็กซี่ของจิม”


“ไม่เอาาาาาา”

มั๊บ! จูบปากแบบไม่สนที่ผมจะพูดเลยด้วยซ้ำ ลีลาไม่เบาเลย ผมนี้ระทวยหมดแรงต่อต้านเลย

แล้วจู่ๆมันก็ถอนปากมามองหน้าผม


“ตัวสั่นเลยนะเตี้ย กลัวหรอ หรือว่ารู้สึกดี”

ไม่สั่นก็บ้าแล้ว ผมหันควับหนีไปทางอื่น


“หันถูกที่ด้วยรู้ได้ไงว่าจะทำที่ต่อไป

เชี้ยยยย ซิ๊ดเลยครับ มันเล่นไซร้ที่ต้นคอผมไปหนึ่งทีแบบรวดเร็วมาก ขนลุกมาก ผมนี้ตัวเกือบลอยเลย


“....ซิ๊ดดด เชี้ยยย อาร์ม ทำไรวะ”


“เนี่ยล่ะ หน้าแบบนี้ ที่อาร์มเห็นละอดใจไม่ได้อยากทำต่อ งั้นอาร์มต่อเลยนะ”


“ไอ้อาร์มมมมมมม!  โอ๊ยยย ซิ๊ดดด”

เชี้ยยยยย แม่งเล่นหูผมแล้ววววว ผมนี้ลอยเลยครับคุณ อะไรกันเนี่ยยยยย สู้ไม่ได้แล้ว คนบ้าอะไรวะ ทำห่าอะไรก็รู้สึกดีไปหมด เก่งชิบหาย


“อาร์มมมมมม พอแล้วววว มึงจะข่มขืนกูหรออออ”


“ใครบอกจะข่มขืน”

แล้วมันก็ลุกขึ้นไปจากการทับตัวผมอยู่


“อาร์มแค่อยากให้จิมเข้าใจ เวลาอาร์มอยู่ใกล้จิมอาร์มรู้สึกแบบนี้”


“เออ รู้แล้ว กูขอโทษละกัน”


“ไม่ต้องขอโทษครับตัวเล็ก อาร์มรู้ตัวเล็กยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้”


“เออ รู้ก็ดี กูยังไม่เคยนะเว้ย จะให้ปุ๊บปั๊บ ไม่ให้ทำใจเลยไง”

มันยิ้มมุมปากหล่อๆของมันแบบนี้อีกแล้ว


“อย่านานนักนะ อาร์มอดใจไม่ไหวแล้ว”

ผมว่าไม่นานหรอกครับ เพราะเมื่อกี้ผมก็เข้าใจแล้วว่ารู้สึกยังไงงงง เล่นเอาซะตัวเบาเลย


.
..
...



“อาร์ม... ขอโทษนะ ละก็… ขอบคุณนะ”

ละอาร์มก็ยิ้มให้ผมพร้อมขยี้หัวผมเล่น




“อาร์ม ขอจูบได้เปล่า”


“ขี้อ้อน...”


….



………………………………………………………………………



“บางอย่างไม่กล้าเผชิญ ไม่ใช่เพราะกลัวเกิน แต่เผอิญไม่พร้อมพอ”






Talk : กลับมาแล้ววววววว อยากจะบอกว่า มหาลัยกำลังเปิดเทอมกิจกรรมรับน้องกำลังจะมา เขียนไปพร้อมๆกับเตรียมงานกิจกรรมไปด้วย อย่าเพิ่งหนีหายไปไหนน้าาา
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 26 : หวาน : หน้า 5 (10/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-08-2017 22:57:32
อ่า มือที่สามมาแระ
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 26 : หวาน : หน้า 5 (10/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-08-2017 11:43:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 26 : หวาน : หน้า 5 (10/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฟ้าใส ที่ 11-08-2017 19:06:43
เกียดพฤติกรรมร้ายๆ ของชะนีมีนา  :z6:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 26 : หวาน : หน้า 5 (10/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-08-2017 02:05:29
writer พิมพ์ผิดหรือเปล่า?

ชะนีนั่นชื่อ "มีนอ" แต่พิมพ์ผิดเป็น "มีนา" ชิมิ

 :angry2:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 26 : หวาน : หน้า 5 (10/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 12-08-2017 02:13:29
writer พิมพ์ผิดหรือเปล่า?

ชะนีนั่นชื่อ "มีนอ" แต่พิมพ์ผิดเป็น "มีนา" ชิมิ

 :angry2:

5555555555 ผมนี่ลั่นเลยครับ ตอนแรกไม่เก็ตเลยจริงๆ คิดในใจคือ "เอ... พิมผิดรึเปล่านะ" ก็ไม่นิ พอสักพักอ่านอีกรอบ ผมขำตกเก้าอี้เลย ขอบคุณครับ 55555
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 26 : หวาน : หน้า 5 (10/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-08-2017 09:40:32
writer พิมพ์ผิดหรือเปล่า?

ชะนีนั่นชื่อ "มีนอ" แต่พิมพ์ผิดเป็น "มีนา" ชิมิ

 :angry2:

5555555555 ผมนี่ลั่นเลยครับ ตอนแรกไม่เก็ตเลยจริงๆ คิดในใจคือ "เอ... พิมผิดรึเปล่านะ" ก็ไม่นิ พอสักพักอ่านอีกรอบ ผมขำตกเก้าอี้เลย ขอบคุณครับ 55555

อั๋ยยะ คิดเหมือน
นางมาร มีนอ คงชอบอาร์มอยู่แล้ว
พอเห็นจิม น่ารัก แล้วกลัวอาร์มจะชอบ
เลยรุก ไม่รีรอ เพราะนอนางมี
   
สะใจ กี้สวนกลับ เปิดห้องคนอื่นไม่เคระ
มีนอว่า ให้คนอื่นรู้จักคิด ชิส์ ตัวเองยังคิดไม่เป็นเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 26 : หวาน : หน้า 5 (10/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-08-2017 15:31:44
ชอบผชไซด์มินิอ่ะ มันน่ารักน่าถนุถนอม (ตอนนี้เห็นไม่ได่มโนไปเรื่อยว่าเค้าต้องมีผชตัวโตๆมาปกป้อง คิดแล้วเขิน)
ว่าแต่ช่วงนี้เป็นช่วงฝึกความอดทนมั่ยนี่ ตบะจะแตกมั่ย จิมน่าฟัดมากเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 26 : หวาน : หน้า 5 (10/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-08-2017 18:27:44
 :call: :call: :call:

กำลังจะลงแดงแล้ว

ต่อด่วน
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 27 : อารมณ์ : หน้า 5 (29/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 29-08-2017 00:25:22
Chapter 27 : หวาน






“จิมครับ…”

หลังจากที่ผมกับอาร์มจูบกันอย่างละมุนละไม ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของอาร์มก็ถอนออกจากริมฝีปากของผม


“ขอโทษนะ”

วันนี้มันเป็นวันแห่งการขอโทษรึไง ผมขอโทษ มันขอโทษ จะขอโทษกันไปมากี่รอบวะ


“เรื่องอะไรหรอครับ”

อาการอ่อนระทวยจากการจูบทำให้ผมยังคงพูดจาอ่อนโยนอยู่


“เรื่องมีนาไง ปกติตอนเด็กๆ น้องแก้วเรียกอาร์มมาตลอด เลยทำให้มีนาติดเรียกอาร์มมาจากน้องแก้ว เพราะมีนาก็มาเล่นบ้านอาร์มอยู่บ่อยๆ”


“สนิทกันตั้งแต่เด็กเลยหรอ”


“ใช่ครับ พ่ออาร์มกับพ่อมีนา เป็นเพื่อนกันสมัยเด็กโตมาก็เป็นหุ้นส่วนกันในบริษัทของพ่ออาร์ม”

สนิทกันตั้งแต่รุ่นพ่อเลยแหะ… สวยก็สวย รวยก็รวย แถมมีสิทธิ์ได้เรียกชื่ออาร์มอีกคนด้วย

หันมาดูตัวเอง… เตี้ยชิบ ที่บ้านก็ไม่ได้ว่าจะมีสูงเขาได้เลย หน้าตาหรออย่าพูดเลย ถ้าผมต้องเป็นผู้หญิงก็คงจะแพ้แบบตายและเกิดใหม่ยังสู้ไม่ได้เลยมั้ง


“อ้อ แล้วไงเรื่องแค่นี้เอง กูไม่คิดมากหรอก”

จริงๆก็แอบคิดนะเฟ้ยยย รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอกที่มีคนมาเรียกชื่อที่มีความหมายพิเศษด้วยอีกคนอะ


“น่ารักจัง ไม่งอแงอย่างงี้ รักตายเลย”

งอแง เชี้ยไร ไม่ใช่เด็กเว้ย


“ไปได้ละจะถึงเวลานัดละ”

ผมชักชวนมันที่จะออกไปข้างนอกเผื่อจะได้เดินเล่นชายหาดบ้าง


“โอเคครับที่รัก”

แล้วร่างใหญ่ก็โอบไหล่ผมเดินไปพร้อมเปิดประตูให้ผมออก


“เอ้า อาร์มอยู่ห้องนี้หรอคะ…”

เดี๋ยวก่อนนนนนน มีนาเธอก็รู้ว่าผมอยู่กับไอ้กี้ ทำไมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร ว่าแต่ทำไมดวงผมถึงซวยได้นอนใกล้ห้องกับมีนางี้เนี่ย อย่างนี้ผมก็เล่นอะไรเสียงดังกันไม่ได้อะดิ


“อ่อเปล่าครับ อาร์มอยู่อีกห้อง สุดทางเดินนี้เอง”

...จะบอกให้หมดเลยไหม ไม่บอกเบอร์ห้องไปเลยละ หรือจะให้กุญแจห้องไปเลยก็ได้ พูดขนาดนั้นแล้วก็นะ


“แล้วมาทำไรห้องนี้อะ”

...บอกไปดิว่ามาหาเมีย (เดี๋ยวๆ คิดอะไรอยู่ ทำไมผมกล้าคิดแบบนั้นนนน)


“อ่อ มาหาจิมอะครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปข้างนอกก่อนนะครับ ใกล้ถึงเวลาที่รุ่นพี่นัดแล้ว มีนาก็รีบตามมานะครับ”

อาร์มมันผลักร่างผมให้เดินๆนำออกไป แต่…


“อาร์ม… ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ช่วยขยับเตียงให้มีนาหน่อยได้ไหมคะ พอดีคนที่อยู่ห้องเดียวกับมีนาออกไปแล้ว เราว่าจะย้ายตอนดึกกันแต่ว่าไหนๆก็เจออาร์มแล้ว ช่วยขยับเตียงให้มีนาให้หน่อยนะ”

พอเธอพูดอย่างนั้น อาร์มก็มองหน้าผมเหมือนจะถามว่าได้รึเปล่า ผมก็ต้องผยักหน้าอยู่แล้วดิ จะทำตัวไม่สุภาพบุรุษก็ยังไงอยู่

“ให้รอเปล่า?”

ผมถาม อย่าใส่ใจนะครับว่าทำไมผมไม่อาสาเข้าไปช่วยอีกแรง ก็นะ อาร์มมันคงทำเองได้อยู่แล้วแหละ อีกอย่างเจ้าของห้องไม่ได้ขอความช่วยเหลือผมนี่ หน้ายังไม่อยากจะมองจะทักกันเลย


“รอดิ อย่าไปไหนรู้เปล่า”


“เออ เดี๋ยวรอ”

แล้วอาร์มก็เดินไปหามีนาเพื่อจะเข้าห้อง แต่มีนาก็พูดเสียงดังออกมาว่า…


“นี่ ไม่ต้องรอก็ได้นะ เดี๋ยวว่าจะให้อาร์มไปช่วยพาไปซื้อของด้วย ไปก่อนเถอะ”

จะมีบทพูดกับผมก็ไอ้ตอนจะไล่ผมให้ออกห่างอาร์มเนี่ยล่ะ ใครมันจะไปหน้าด้านพอจะอยู่รอ ผมก็ผยักหน้ารับรู้แล้วหันมาเดินต่อออกไปข้างหน้าโรงแรมฝั่งชายหาด



สวยยยยยยยสัส สระน้ำ อยู่หน้าระเบียงห้องนอนผมด้วย (พอดีผมอยู่ชั้นหนึ่ง) ที่ไม่สังเกต เพราะไม่ได้ออกมาสำรวจนอกห้องระเบียง (สงสัยคืนนี้มีสิทธิ์ได้แช่น้ำเล่นละ)



“ดิว ไอ้กี้อะ”

ผมเห็นดิวอยู่คนเดียวตรงโซฟาหน้าเลาท์ของโรงแรมที่เป็นแบบเปิดกว้างอากาศเย็นสบายลมตีจับจนเกือบหนาว

“อยู่ชายหาดนู้น ช่วยพวกพี่แตมเตรียมกิจกรรมอะ”

“เออ มึงรู้เรื่องไอ้กี้กับพี่แตมรึยัง”

ผมว่าจะถามรายละเอียดจากไอ้ดิวซักหน่อย


“กูก็เพิ่งรู้สักพักเนี่ยล่ะ ไวชิบหาย บ่นจะออกสื่อก็ออกซะกูงงชิบ”

เออ เห็นด้วยอย่างแรง ผมดิเพิ่งจะมารู้เรื่องวันนี้เอง


“เชี้ยกี้แม่งร้าย ซุ่มเงียบ ว่าแต่มึงอะ ทำไมไม่อยู่กับพี่ตั้ว”


“ขี้เกียดหว่ะ เดี๋ยวแม่งก็ให้กูไปช่วยงานอีก”


“เอ้า ไอ้นี้ ก็ช่วยหน่อยไหมละ แฟนมึงไม่ใช่ไง”


“เรื่องของกูครับ จบนะ”

เอาซะผมไปต่อไม่ถูกเลย ห่า


“เออมึง กูถามไรมึงหน่อยดิ”

จากที่ผมยืนๆคุยอยู่ว่าจะเดินออกไปชายหาด ก็ขอนั่งคุยกับมันหน่อยและกัน มีเรื่องอยากถามอยู่พอดี อันที่จริง ก็คงมีแต่มันที่ผมจะถามได้ล่ะมั้ง


“ตอนมึงมีไรกับพี่ต้ัวอะ… รุ้สึกไงวะ?”

ไอ้ดิวถึงกับตกใจ สำลักน้ำลายตัวเอง


“มึงถามกูเรื่องนี้ทำไม?”

เชี้ย ก็กูอยากรู้กูไม่เคยกูแค่รู้สึกตัวเองไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น แต่ก็ห่วงความรู้สึกไอ้อาร์มมัน ก็แค่อยากรู้ว่าต้องเตรียมตัวเตรียมใจไปถึงไหนนี่หว่า


“ก็แค่อยากรู้”


“ถ้างั้นกูไม่ตอบ”

“เอ้า เชี้ยนี้ บอกหน่อยดิ อยากรู้”


“มึงก็รู้ไม่ใช่ไง ทำเป็นไม่เคย”

สาสสสสส ก็กูไม่เคย


“กู…”


“ห่ะ มึงยังซิงอยู่หรอ?”

เดี๋ยวสัส กูยังไม่ทันพูดเชี้ยไรเลย รีบสงสัยไปไหน


“เชี้ย เบาๆ ดิวะ เดี๋ยวมีใครมาได้ยินหรอก


“เออๆ โทษที ว่าแต่เชี้ยเติ้ลมันยังไม่สอยมึงอีกหรอ อึดจังวะ”


“อะไรอึดวะ?”

ผมถามด้วยความสงสัย


“ก็อดทนไง ห่า เห็นพวกมึงนอนด้วยกันบ่อยๆคิดว่า ได้กันแล้วซะอีก”

เอ้า แฟนกันต้องมีอะไรกันด้วยไงวะ นี่ผมจะสงวนไว้ตอนแต่งไม่ได้ไง (คิดไกลไปไหม?)


“พ่อง กูยังไม่ได้กัน ใครมันจะไปกล้าวะ”

ละแม่งก็ขำเบาๆออกมา


“เมื่อกี้มึงถามกูใช่ไหมว่ารู้สึกยังไงใช่มะ?”


“ไม่ต้องตอบและ กูชักไม่อยากรู้”


“เออ กูไม่ตอบหรอก แค่จะบอกว่า ลองซะ แล้วจะติดใจ เพราะมึงจะมีความสุขมาก ทำกับคนที่มึงรักอะ มีความสุขที่สุดแล้วเว้ย”

เดี๋ยววววววว มึงเชียร์ให้กูได้กันเนี่ยนะ เพื่อนนนนนนนน มึงครับมึงงงง กูจะต้องตกเป็นเมียนะเว้ยเห้ยยยย ดูแววแล้วไม่พ้นโดนกระทำแน่ๆ


“สาสสสส”

ก็คงทำได้แค่เขินแหละวะผมเนี่ย


“ว่าแต่ตอนนี้มันไปอยู่ไหน”

เออ ทำไมนานจังวะ… ใจคอไม่ดีละนะ ภาพมโนหลายอย่างมากมายอยู่ในหัว เขาจะปล้ำกัน เขาจะจู้จี้กัน คงไม่หรอก อาร์มไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่ละ… ผมเชื่อใจ


“ไม่รู้ขี้เกียดสนใจ”


“แหม อย่าบอกนะ ว่า มีนาอะไรนั้น ดึงไปหาอะ”

รู้ดีไปหมดอะ สาสสส


“ไม่รู้เว้ย ไปชายหาดละแม่ง คนเริ่มไปรวมกันละ”

ถ้าเป็นผู้หญิง คนคงว่าผมประจำเดือนไม่มาถึงได้หงุดหงิดอารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนี้ แต่นี้คงตอบได้แค่ว่า ก็คนมันหึงมันคิดถึง มันหวง ให้ทำไงงงงง


“รอกูด้วย”

ไอ้ดิวเริ่มลุกตามผมมาติดๆ







ละสายตาที่ผมทอดยาวไปเห็นคือ อาร์มกับมีนามาถึงชายหาดก่อนแล้ว ยังคงคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่เลย (ทำไมมันมีเรื่องให้คุยกันเยอะจังนะ)

ไม่นานอาร์มก็สังเกตเห็นผมกำลังเดินมาที่ชายหาด มันย้ายตัวเองออกจากมีนาทันทีเพื่อมาหาผม

“ตัวเล็กไปอยู่ไหนมา”

ผมยิ้มอ่อนๆ (ดีใจนี่หว่า ไม่รู้ดีใจเรื่องอะไรแต่ดีใจอะ) ผมหันชะเง่อไปดูมีนาที่มองมาทางนี้ ก็คงจะไม่ละสายตาจากอาร์มเลยหล่ะมั้ง


“นั่งอยู่ด้านในเล้าท์ มีอะไรรึเปล่า”


“ไม่มีไร คิดถึง”

“ลืมๆไปนะว่ากูอยู่ตรงนี้”

เออว่ะ ผมลืมจริงๆว่าไอ้ดิวมันอยู่ข้างหลังผม


“คิดถึงหรออออ นู้น ไปนู้นไป ดูสายตาดิ มองขนาดนั้นอะ”

ผมชี้ไปทางบุคคลที่ไม่ละสายตาไปจากอาร์มเลยสักที จ้องอยู่ได้ จะเข้าสิงเลยไหมนั้น


“หึงหรอเตี้ย…”


“ไม่อะ ไม่หึงละ”


“โห หึงหน่อยเหอะ อยากให้หึงนะ”

“ไม่เอา หึงมากๆ เดี๋ยวมึงก็หาว่ากูงี่เง่า ไปละ ไปเหอะดิว”

ผมลากตัวไอ้ดิวจะเดินออกมา


“เดี๋ยวดิเตี้ย ไม่พอใจอะไรอะครับ”


“อาร์มกูไม่ได้ไม่พอใจ กูแค่ไม่อยากรู้สึกหึงหวง กูกลัวว่ามึงจะไม่เข้าใจ กูเลยไม่สนใจดีกว่า เข้าใจหน่อย เพราะกูก็พยายามเข้าใจมึง ว่าไม่เจอกันนานก็อยากจะอยู่ด้วยกันคุยกันบ้าง กูเข้าใจ”

หวังว่าคงเข้าใจนะ ผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองพูดงงๆ อะไรๆเข้าใจๆ เยอะแยะ งงละ


“ครับบบบ เข้าใจครับ”

เออ เข้าใจด้วยแหะ ผมยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลย


“ปะดิว”


“กูอะไปก่อนอยู่ละ พวกมึงคงจะยาว”


“ยาวบ้าอะไร กูจะไปแล้ว”

ผมเดินจ้ำอ้าวออกมา (แต่ไม่มีจุดหมายปลายทางจะเดินไปไหนเลยว่ะ เขายังไม่เรียกรวมเลย)


“ตามมาทำไม”

ระหว่างที่ผมเดินมาหาจุดหมายที่จะไปก็สังเกตเห็นอาร์มมันเดินตามมา


“ก็อยากอยู่กับตัวเล็ก ทำไมอะอยู่ไม่ได้หรอ”


“แล้วมีนาอะ”


“โอยยย ปล่อยเขาเถอะ อาร์มมานี้ก็อยากอยู่กับตัวเล็กแต่แรกแล้ว ขานั้นเขาเรียกอาร์ม ดึงอาร์มไปเอง ใจก็อยู่ตรงนี้แหละ”

ให้มันจริงเหอะ


“แล้วแต่”


“แล้วเตี้ยจะเดินไปไหนอะ เขารวมกันตรงนู้นละนะ”

อะ อ้าว รวมแล้วรึ ก็เห็นบางคนยังนั่งเล่นชายหาดอยู่บ้างเลย


“อ้าวหรอ ว่าจะเดินชายหาดซักหน่อย”


“จะมาอารมณ์สุนทรีย์อะไรตอนนี้เตี้ย มาเร็ว”

แล้วมันก็ล็อกคอผมไป พร้อมขยี้หัวเล่น


“เลิกนอยได้แล้วนะคนน่ารัก อาร์มมีแต่จิมคนเดียวนะครับ”


“รู้แล้วนา”


“รู้แล้วก็เลิกนอย ถ้าไม่หายนอยเดี๋ยวจับจูบต่อหน้าทุกคนเลย”

ผมนี่ดิ้นเลยทันที กลัวว่ามันจะทำจริง วิ่งหนีไปหาพี่บาสที่ยืนจัดแถวทุกคนอยู่

“เตี้ย หนีไปไหน มานี้”

“พี่บาสช่วยด้วยยยยย!”


“อะไรมีอะไร”

ผมวิ่งหนีไปหลบด้านหลังพี่บาส


“มันจะแกล้งจิม ช่วยด้วยพี่”


“เปล่านะพี่บาส แค่จะจับจิมเข้าแถวเอง ดูดิ ซนขนาดนี้จัดการเลยพี่”

แล้วพี่บาสก็พูดกับผมเบาๆ


“ไอ้จิมมึง อย่าเล่นเยอะ กูกำลังคีปลุคอยู่ เดี๋ยวน้องไม่เกรงกลัวกูกันพอดี”


“อ้าวหรอพี่ โห ก็ได้ครับ ไปก็ได้”

ไรวะ มาสร้างภาพเป็นพี่โหดอีกและ ผมล่ะเบื่อ (พี่บาสก็งี้แหละครับ ตอนผมเจอแรกๆ ดูอย่างโหด แต่พอรู้จักจริงๆ ก็ใจดีซะ ไม่รู้เป็นเพราะเคยแอบชอบผมด้วยรึเปล่า ฮ่าๆ)



“ตัวเล็กรอด้วย พี่บาสหวัดดีครับ”



“อะ น้องๆครับ นั่งตามสีเลยนะครับ”

จังหวะนี้ผมทิ้งห่างอาร์มไปพุ่งหาไอ้นัทก่อนเลย กลัวไม่ได้นั่งใกล้ รู้สึกอุ่นใจกว่าถ้าได้อยู่ใกล้ๆคนรู้จัก ส่วนไอ้อาร์มก็…


เชี้ย มันจะประจวบเหมาะพอดีเหมือนฟ้าแกล้ง

อาร์มกับมีนาอยู่สีเดียวกัน… เอาเข้าไป จะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยก็ยังไงอยู่ ทำไมอาร์มไม่บอกผมเรื่องนี้บ้าง


“Jimmy : อยู่สีเดียวกับมีนาทำไมไม่บอก”

ผมทักไลน์ไปถามไถ่สักหน่อย อยากฟังเหตุผล


“T.A. : ขอโทษครับ อาร์มก็ไม่รู้ อาร์มเพิ่งมาเห็นตอนตั้งแถวรอบนี้เอง”

“Jimmy : แล้วไป”

“T.A. : ทำไมอะ หึงหรอที่รัก”

“Jimmy : นิดนึง แต่กูไว้ใจมึงอยู่แล้ว”

“T.A. : รักที่สุดอะคนนี้ รักเขาเปล่า”

“Jimmy : ตีน”


ใครมันจะไปกล้าตอบวะ ไม่ได้หน้าด้านซักหน่อย

“T.A. : 555555 ชอบหว่ะ ตัวเล็กๆ ดูหน้าพี่เฟิสพี่คณะเขาดิ หน้าตลกอะ เต้นห่าไรไม่รู้”


แล้วผมก็เหลือบไปมองดูพี่ๆ ตีกลองเต้นกันฆ่าเวลาระหว่างรวมน้อง เออ ตลกจริง อย่างกับพวกเด็กแว้นสายย่อชิบ

“Jimmy : เออ ตลกดี จะว่าไปมึงก็รู้จักคนหน้าตาดีเยอะเนอะ”


“T.A. : ทำไมเตี้ย… แฟนตัวเองหล่อไม่พอไง เดือนเลยนะเว้ย เดี๋ยวปัด”

“Jimmy : หล่อครับหล่อ กูพูดเฉยๆ ไหม ใจเย็นไหม”

“T.A. : ห้ามให้คนอื่นหล่อกว่าอาร์มพอ เข้าใจเปล่า”



ปัญญาอ่อนนนนนนนน ใครจะไปสู้มึงได้ ได้ใจกูไปและนี่

“ อะ น้องๆมากันครบและนะครับ มาเริ่มกิจกรรมแรกกันเลยดีกว่า การมาครั้งนี้เราไม่ได้มาเที่ยวเล่นหรือพักผ่อนนะน้องๆ น้องๆเห็น กองไม้แต่ละกองไหมครับ”


ทุกคนขานรับ


“รีสอร์ทนี้ มีกิจกรรมนึงที่ให้พวกเราได้เข้ามาช่วยเหลือและสนับสนุนพวกเราทางด้านการพักผ่อน เห็นที่พักสวยๆแบบนี้ แถมใจดีอีกต่างหาก เขาจะให้เราทำการสร้างบ้านสัตว์เลี้ยง ให้สำหรับหมาจรจัดที่อยู่ตามชายหาดอยู่อย่างเป็นที่เป็นทาง”


โห.. เจ้าของรีสอร์ทโคตรจะเป็นคนดี รักสัตว์แบบนี้ ถูกใจคนรักสัตว์แบบผมมาก เพราะที่บ้านผมก็เลี้ยงไข่ตุ๋นหมาสุดซนไว้ตัวนึง


“นั้นหมายความว่าพี่มีกิจกรรมสร้างบ้านหมาให้น้องๆได้ทำกัน ถือเป็นการทำบุญไปด้วย ตอนนี้ก็บ่ายสามแล้ว เราจะเริ่มกิจกรรมตั้งแต่ตอนนี้จนถึง 6 โมงเย็นนะครับแล้วค่อยมาทำต่อวันพรุ่งนี้กันอีกที แต่ก่อนเลย พี่แตมมีเรื่องจะบอกเกี่ยวกับบทบ่ายของๆน้องๆ ในทริปครั้งนี้นะครับ เชิญพี่แตมเลยครับ”

เสียงตบมือดังต้อนรับพี่แตม ส่วนไอ้กี้ก็เป่าปากซะไม่กลัวแฟนตัวเองอายหรอก


“หน้าที่ของทุกคนในทริปนี้นะคะ เราจะมีการจับ GB หรือเบ๊ ทุกวัน เพื่อไปทำการล้างจานเตรียมอาหารให้เพื่อนๆและพี่ๆทุกคน ไม่ต้องห่วงนะคะ พี่ๆก็มีสิทธิ์เป็นเบ้ไปกับน้องทุกคนเช่นกัน งั้นมาเริ่มหาเบ้กันเลยดีกว่า พี่มีฉลากไว้ให้ ในนี้จะมีคนเป็นเบ้เพียงสิบคน เริ่มจับกันเลยดีกว่าค่ะ”

โห มีงี้ด้วยหว่ะ ผมนี้อยากเป็นเบ้เลย อยากทำอาหารเตรียมอาหาร มากกว่าจะไปออกแรงทำบ้านหมา (มันดูท่าจะหนักหนาอยู่พอสมควร) ระหว่างนี้พี่แตมกับพี่สตาฟก็ไล่จับฉลากกัน คนไม่ได้เป็นเบ้ก็ฮากันไป พอเริ่มมีเบ้ขึ้นมาก็เฮอย่างกับจับใบดำใบแดง

แล้วก็จับมาจนถึงแถวผม… สาธุๆ ให้ผมเป็นเหอะเบ้ ผมอยากเป็นนนน (มีผมคนเดียวเปล่าวะเนี่ยที่อยากเป็น) เมื่อมาถึงคิวผม…

“เยส!”


เป็นใจอะไรขนาดนี้ ถูกใจจริงๆเว้ยยยย


“เอาหล่ะ ตอนนี้ครบเก้าคนแล้ว เหลือหาเบ้คนสุดท้ายนะคะ จะเป็นใครเอ่ย”

พี่แตมเริ่มมีลีลาทีนี้การจับหาเบ้ก็ยิงยาวไปจนถึงกลุ่มอาร์มกลุ่มสุดท้าย

ถ้าไอ้อาร์มมันได้เบ้นะ ผมจะใช้มันให้เข็ดเลย โทษฐานวันนี้ทำให้หงุดหงิดทั้งวัน






.


….

ชิบหายละ!



มีนา!

“เราได้เบ้คนสุดท้ายแล้วนะคะ อะตบมือ…”


...เปลี่ยนตัวทันไหม… ไหงจากความอยากกลายเป็นความรู้สึกอึดอัดแบบนี้ มีนาเองก็คงไม่ได้อยากเป็นเท่าไหร่ ดูจากลีลาท่าทางละคงไม่พอใจสุดๆ ลูกคุณหนูมาเป็นเบ้ คงลำบากสินะ


“เบ้ทั้งสิบคนคะ ไม่ว่าใครให้ช่วยอะไร เบ้ทุกคนจะต้องช่วยเหลือเพื่อนๆเท่าที่ทำได้นะคะ แต่ตอนนี้เบ้ทุกคนเดี๋ยวตามพี่มา เราจะต้องไปช่วยกันจัดทำกับข้าวและจัดเตรียมอาหารให้เพื่อนๆ ที่ไปทำบ้านหมานะคะ อะ น้องๆที่เหลือเริ่มทำบ้านหมาได้เลยค่ะ แยกย้าย ตามพี่สตาฟไปได้เลย”


โห เป็นคนรับใช้คนอื่นอีกด้วย ทำไมไม่บอกแต่แรกอ่าพี่… ไม่อยากเป็นแล้ววว


ในสิบคนนี้ แม้จะมีคนที่ผมรู้จักอยู่บ้าง มีพี่เฟิสพี่คณะอาร์ม (ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่) มีพี่แนน มีไอ้กี้… ที่เหลือก็ดาวเดือน คณะ และ มีนา (ที่ผมรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่อยู่ใกล้)


“อะ น้องๆ ตามพี่มาค่ะ เราจะไปห้องครัวกันของรีสอร์ทกัน”



“จิม”

เสียงอาร์มเรียกผมและเดินเข้ามาหา (นึกว่าไปทำบ้านหมาแล้วซะอีก)


“ว่า”

“สู้ๆนะครับ เบ้”

สาสสสส

“เออ ไม่ต้องมาย้ำ”

แล้วมันก็มากอดคอล็อกผมไว้ไม่ให้เดินตามเบ้คนอื่นๆ

“รู้นะครับ ว่าไม่ค่อยโอเค เรื่องอะไร สู้ๆนะ ถ้ามีอะไรให้อาร์มช่วยรีบเรียกอาร์มทันทีเลยนะ อาร์มจะมาเป็น SOS ช่วยจิมอย่างเร็ว โอเคนะ”


“เออ ไม่ต้องหรอก กูแยกแยะออก อีกอย่างกูไม่ได้ไม่โอเค เขาต่างหากที่ไม่โอเคกับกู เห็นมะ เดินมาละ”

เธอหันมาเห็นผมคุยกับอาร์มก็รีบเดินกลับมาหาอาร์มทันที


“อาร์มมมมมม”


วอแวอะไรอีกกกกกกก เสียงน่ารำคาญญญ


“มีนาไม่อยากเป็นเบ้เลยอ่า มีนาไม่ชอบ”

มีนางั้นมีนางี้ เห้อ


“เอาหนา แค่วันเดียวเอง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เปลี่ยนคนแล้ว”


“อาร์มมาช่วยมีนาหน่อยน้า มีนาไม่ถนัดอะไรพวกนี้เลยอ่า”

…. สำออยยยย ก็เห็นอยู่ว่าสำออยยยยยย


“ไม่ได้หรอกครับมีนา อาร์มต้องไปช่วยเพื่อนทำงานตรงนู้นด้วย”

เชี้ยยย สิทธิ์ในการลูบหัว ต้องเป็นของกูเท่านั้นดิ ทำไมมึงไปลูบหัวมีนาแบบนั้นอะ

ผมนี่เดือดทันทีที่เห็นภาพนี้ต่อหน้า… เดินออกมาอย่างไม่สนใจคำเรียกจากอาร์ม


ผมเชื่อใจมันนะ และก็รู้ว่ามันไม่มีทางหันไปมองใครหรอก แต่ไอ้การเทคแคร์คน ไม่เลือกเนี่ย ผมคงลำบาก แม่งมีเสน่ห์ตรงเทคแคร์คนเก่งเนี่ยล่ะ แต่แม่งก็ไม่เคยเบรคตัวเองเลยยยย โว้ยยยยยย























“มีนาชอบอาร์มนะ ชอบมานานแล้ว ชอบตั้งแต่เด็ก และที่กลับมาเรียนไทยก็เพื่อมาหาอาร์ม มาบอกอาร์มว่ามีนารู้สึกอะไร ได้ยินไหมอาร์ม มีนาชอบอาร์ม ได้ยินไหม!”






……………………………………………………………….


“ความรัก กับอารมณ์ มันเป็นดาบสองคมที่เราควรรู้จักใช้ หากใช้อารมณ์ในทางที่ผิดกับความรัก บางทีเราอาจจะเสียคนที่เรารักไปก็ได้”







Talk : หายไปนานนนนน ขออภัยครับ ยุ่งๆกับการเรียน แต่ไม่หนีหายไปไหนแน่นอน อาจช้าหน่อยแต่ขออภัยจริงๆครับ

หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 27 : อารมณ์ : หน้า 5 (29/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-08-2017 02:48:58
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 27 : อารมณ์ : หน้า 5 (29/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-08-2017 15:03:50
จิม อย่าเก็บกั๊กความหึง ความไม่พอใจไว้
พูดกับอาร์มไปตรงๆเลย
ว่าไม่ชอบให้แฟนตัวเองไปสัมผัสร่างกายคนอื่น
ไม่ชอบให้ไปเฟรนด์ลี่ กับใครไปทั่ว
พูดไปเลยดีกว่าเก็บไว้ในใจแล้วตัวเองก็หงุดหงิด
นอยด์อารมณ์เสียเสียเอง แล้วไปออกกับอาร์ม ตีตัวออกห่าง
อาร์มก็ไม่เข้าใจจิม แถมเข้าทางชะนีมีนาไปเลย  o22

แล้วอาร์มบอกจิมให้รอ มีนาบอกไม่ต้องรอ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ทำไมต้องไปเชื่อฟังนาง ว่าผู้หญิงด้านหน้าบอก เกี่ยวไรกับนางล่ะ
เฮอะ.....เท่ากับเชื่อฟังนาง เชื่อฟังไปเพื่ออะไร
จิม.....อ่อนมาก คิดมากไปป่ะ  :z3: :z3: :z3:
นางมาเพื่อจะแย่งอาร์ม จะยอมให้นางแย่งไปรึ
เท่ากับอยู่เฉยๆ ไม่ปกป้องคนรักซะเลย  :fire: :fire: :fire:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 27 : อารมณ์ : หน้า 5 (29/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-08-2017 01:41:03
เบื่อชะนีมีนอขี้มโน

 :angry2:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 27 : อารมณ์ : หน้า 5 (29/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-08-2017 15:13:55
 :L2:
ขอบคุณที่มาต่อ
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 27 : อารมณ์ : หน้า 5 (29/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-09-2017 15:32:58
 :call: :call: :call:

หายไปนานแล้วนา

 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 27 : อารมณ์ : หน้า 5 (29/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-09-2017 22:06:53
เดือนนึงแล้ว

 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 27 : อารมณ์ : หน้า 5 (29/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-09-2017 22:30:05
รำชะนี
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 27 : อารมณ์ : หน้า 5 (29/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 15-12-2017 02:18:52
ขออภัยผู้อ่านทุกท่านเลยนะครับที่ผมทิ้งห่างหายไปนานขนาดนี้ เพราะด้วยสาเหตุปัญหาสุขภาพและการเรียนที่ต้องตามให้ทัน ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ผมจะทยอยอัพเป็นระยะๆนะครับ ขอภัยอย่างสูงเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 27 : อารมณ์ : หน้า 5 (29/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-12-2017 08:32:06
 :L2: :L1: :pig4:

คิดถึง
ขอให้อะไรๆเขาที่ไวไว
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 27 : อารมณ์ : หน้า 5 (29/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 19-12-2017 22:24:54
chapter 28 : โกหก






“กี้ เขาให้ทำอะไรวะ”

เมื่อผมเดินมาในห้องครัวที่เบ้ทุกคนถูกให้ทำหน้าที่พ่อครัวแม่ครัวก็เห็นทุกคนกำลังทำอะไรซักอย่างกันในการจัดการอุปกรณ์การเตรียมอาหาร


“พี่แตมให้เตรียมผักมาล้างๆอะ นี่กูสงสัยรีสอร์ทนะ เขาให้มายุ่งกับห้องครัวได้ไง เจ๋งหว่ะ”

“กูว่าก็คงสนิทกับรุ่นพี่ใครซักคนแหละ ไม่งั้นมึงลองถามพี่แตมดิ”

ไหนๆก็มากกว่าแค่รุ่นพี่รุ่นน้องแล้วนี่ ใช้สิทธิตรงนี้ให้เป็นประโยชน์


“ขี้เกียจ มึงอะ ไปทำงานได้แล้ว”

“เอ้า กูช่วยมึงไม่ได้ไง”


“ไม่ได้เว้ย งานนี้งานเบาพี่แตมเขาให้เฉพาะคนพิเศษแบบกูทำคนเดียว นู้นงานหนักๆ อะมึงเข้าไปในห้องด้านในไป”

เอ้า ไหงพี่แตมทำงี้ งานเบาๆดันให้ไอ้บึ้กมันทำได้ไง


“โหไรวะ พี่แตมแม่งไม่ยุติธรรม”


“ระวังปากหน่อยมึงอะ ไป ไปได้แล้ว เดี๋ยวเขาด่าว่ามึงอู้หรอก เออแต่จะว่าไป คนอู้กว่ามึงก็คงมีนาเนอะ อยู่ไหนละยัยคนนั้น”

“ยืนคุยกันอยู่ด้านหน้า”


“เชี้ย เกินไปปะ มึงนี่ก็ยอมเกิน เป็นกูนะ จะตบๆๆ ข้อหายุ่งของรักของกู”

เกินเหตุ จะไปทำอะไรเขาทำไมกับอีแค่คุยกัน


“ใจเย็นไหม เขาแค่คุยกันเฉยๆ อีกอย่างนะ ยังไงกูก็เชื่อใจมัน ถ้ามันคิดจะนอกใจกูนะ ก็ให้มันรู้ไป ว่ามันไปกันไม่รอด”


“เห้อ เทวดาจริงๆมึง มองโลกแง่ร้ายบ้างก็ได้มั้ง”


“เสียงสูงหาพ่อ”

“เออ ไปทำงานได้ละ”



“เออ เจอกัน”


ละผมก็เดินเข้ามาด้านในห้องคึรัวอีกด้าน ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็กำลังตำ หัน ซอยกันอยู่ เออ แล้วผมจะเริ่มตรงไหนวะเนี่ย งั้นลองไปถามพี่ๆแล้วกัน



“พี่แตมครับ”


“นี่ไง ไอ้จิมมาและ มานี่ ช่วยพี่หน่อย ตีไข่”


ตีไข่… เดี๋ยว งานหนักหรอเนี่ย


“ตีไข่อย่างเดียวหรอพี่”


“อืม แต่ 10 ถ้วยนะ ถ้วยละ 2 ฟอง พอดีจะทำไข่เจียวปู”

ก็ยังไม่ได้เยอะเท่าไหร่


“ได้ครับพี่ ว่าแต่ทำไมพี่ให้ไอ้กี้ไปล้างผักคนเดียวอะพี่”


“ก็มันตัวใหญ่แรงเยอะ ก็ให้มันไปทำนั้นแหละ ผักไม่ได้น้อยๆ หรือแกอยากช่วย นี่อุตส่าบอกมันว่าเป็นงานเบาสุดละ”

ไอ้กี้… มึงโดนหลอก หรือ มึงเชื่อจนไม่ลืมหูลืมตา


“พี่หลอกเพื่อนผม”

“นี่น้องคะ พี่ไม่ได้หลอกไหมคะคุณน้องจิม ลองคิดสภาพอย่างมันมาทำกับข้าว มีหวังไฟไหม้พอดี พี่เนี่ยจะได้ปวดหัวกว่าเดิม”

เออจริง คิดและขำ ผมนี่คิดภาพไอ้กี้เผารีสอร์ทเขาไหม้ซะชัดเลย


“เออ ละ อย่าลืมปลุกด้วยล่ะ ปูอยู่ตรงนี้”

“เดี๋ยวพี่ พี่ให้ผมปลุกเองเลยหรอครับ”


“เออ พี่ไว้ใจ เราทำอร่อยนี่ ได้ข่าวมาจากกี้”

แหม มึงเอาเรื่องกูไปพูดให้คนอื่นฟัง เรื่องอะไรบ้างวะเนี่ยไอ้กี้


“ได้เลยครับ แต่ถ้าไม่อร่อย พี่อย่าด่าผมนะ”


“พี่ว่ามันต้องออกมาดี ลุย!”

ฮ่าๆๆ แม่ ครั้งนี้แม่ต้องภูมิใจลูกนะครับได้ทำกับข้าวให้คนครึ่งร้อยกิน


ผมเริ่มจัดการเอาเครื่องปรุงมาวางตรงหน้า เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมกับถ้วยสิบใบ และไข่ 20 ฟอง


“ขอทำถ้วยนึงนะ อันนี้มีนาอยากทำกินเอง”

จู่ๆ มีนาก็เข้ามาจากด้านหลังแล้วหยิบถ้วยกับไข่ไป (อันที่จริงผมแอบคิดว่า เจ้าหล่อนคงไม่อยากกินอาหารฝีมือผมมากกว่า)


“งั้นมีนาตีเสร็จแล้วทอดก่อนเลยก็ได้นะครับ”

ผมเสนอ เธอจะได้ไม่มีปัญหามาบ่นว่าใช้น้ำมันต่อจากผม


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราใช้อีกเตาก็ได้


“โอเคครับ”

ตามใจคุณหญิงเขาเลย


“น้ำมันร้อนแล้วนะจิม”


“โอเคครับพี่”

แล้วผมก็ทอดไป ระว่างรอสุกก็มาปรุงถ้วยอื่นต่อ ทอดเสร็จก็เอามาวางบนโต๊ที่เขาจัดที่กันไว้ให้ ไม่รู้เพราะผมทำไวหรือยังไง มีนายังตีไข่อยู่เลย แต่ผมเริ่มทำเสร็จไปแล้วสามจาน


สักพักมีนาก็เริ่มทอดไข่ จานเดียวของเธอ ซึ่งลีลาก็กลัวๆน้ำกระเด็นซะเหลือเกิน เห็นแบบนั้นผมก็ไม่อยากจะมอง หันมาทำจานที่สี่ของตัวเองต่อ ด้วยความที่ผมทอดน้ำมันไฟแรงมาก มันเลยทำให้เป็นไข่ฟูสวยและสุกไว สไตล์ผม


และเมื่อเสร็จ….



“อ่าว… มีนา เดี๋ยวนะครับ แล้วจานไหนของมีนาอะครับ”


เธอดันเอาจานที่ตัวเองทอดมาวางรวมแถวกับของผม ผมก็เพิ่งจะรู้ตัวเพราะตอนทำก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอเลย


“เอ้า แล้วมาไปวางรวมทำไมมีนาอุตส่าวางไว้ แล้วทีนี้อันไหนละเนี่ย”


แล้วเธอก็สังเกตๆ ไล่ๆดูทีละจาน


“อันนี้แหละมั้ง งั้นของมีนาไว้ตรงนี้นะ อย่าเอามาว่ารวมเด็ดขาด”

ประเด็นที่ทำให้ผมหงุดหงิดมากตอนนี้ คือเธอเอามาวางรวมที่ๆผมวางไว้ก่อนอยู่แล้วเอง ยังจะมาว่าผมอีก


“จิมเสร็จแล้วใช่ไหม มาช่วยพี่ตรงนี้หน่อย”

อย่างที่รู้กันนะครับ เมื่อผมหงุดหงิดก็จะเดินห่างปัญหาออกมา ผมเลยมาหาพี่แนนที่กำลังตำเครื่องแกง จะว่าไปตอนนี้เบ้แต่ละคนก็เริ่มทยอยนำอาหารออกไปจัดวางที่ห้องรับรองกันแล้ว เหลือแค่ไม่กี่คน


“เอ้า ทำไมเราไม่ซื้อเครื่องแกงที่ตลาดเลยอะครับพี่”

จริงๆ ก็สงสัยว่าทำไมเราไม่ใช้บริการทางด้านอาหารของรีสอร์ท แต่คงได้คำตอบมาแนวๆ อยากให้น้องๆมีกิจกรรมจะได้ละลายพฤติกรรม ประมาณนี้ชัวร์ๆ


“ที่นี้เขาบอกว่า เครื่องแกงของตลาดที่นี้ไม่อร่อย เขาแนะนำว่าถ้าทำเองเป็นก็ทำเองดีกว่า”


“จะว่าไปนะพี่ ที่นี้ทำไมเขาใจดีกัน ให้สวัสดิการเราเยอะมากเลย”


“ก็นะ นี้มันรีสอร์ทพ่อไอ้ตั้วมันไง แต่อย่าไปบอกใครนะ นางไม่อยากออกตัวไฃ”


“โห ผมก็ว่า ทำไมเราใช้อะไรของเขาได้เยอะกว่าลูกค้าทั่วไป นึกว่าจ่ายหนักซะอีก”

กะแล้วเชียว จะว่าไปพี่ตั้วนี้ก็รวยน่าดู รีสอร์ทก็ออกแบบได้โมเดิลมาก สงสัยต่อไปคงต้องเรียกเฮียตั้วซะละ ฮ่าๆๆ


“ไงมึง เขาเริ่มจัดโต๊ะกันแล้วนะ ช้าจริง”

ไอ้กี้ ผู้ถูกใช้ให้ไปล้างผักมาเร่งเมนูสุดท้ายที่ผมทำกับพี่แนนอยู่


“สาส แกงหม้อใหญ่ไม่ได้จะทำได้ไวขนาดนั้น มึงอะ ล้างผักเสร็จแล้วไง”


“เรียบร้อย ระดับกูละ มีไรให้ช่วยเปล่า”


“ไม่อะ นี้ก็จะเสร็จและ เดี๋ยวเทลงหม้อก็เขี้ยวๆสักพักให้เข้าที่หน่อยก็เอาลงได้ละ”


“ว่างมากแกก็ไปช่วยหวานใจแกจัดโต๊ะไป อยู่ห้องรับรองเลข 2 นะ”


“โอเคครับพี่ ผมลาละนะครับ”

ระหว่างที่บทสนทนากำลังจะจบ ผมก็เพิ่งสังเกตุว่าตอนนี้ในห้องครัวมีแค่พี่แนนกับผมสองคน


“ครัวรีสอร์ทพ่อพี่ตั้วเขาครบดีนะครับพี่แนน”

อันที่จริงผมหาเรื่องชวนคุยเพราะมันจะรู้สึกวังเวงไปหน่อยแล้ว


“แก นี้ครัวเล็ก เขาเตรียมไว้สำหรับนักท่องเที่ยวมาสนใจการทำอาหารก็จะสาธิตห้องนี้ ห้องครัวของจริงเขาไม่ให้เราไปยุ่งหรอก รีสอร์ทระดับสี่ดาว เขามีมาตราการของเขา”

โอ้โห… สี่ดาวเลยหรอ


“โห งี้ค่าที่พักก็แพงแย่เลยดิพี่ ก็ว่าทำไมห้องนอนดูดีชะมัด”


“แพงดิ แต่เราพักฟรีกันนะจ๊ะ เออจะว่าไปก็บอกเพื่อนๆกันด้วยนะอย่ารุนแรง เพราะถึงจะฟรี แต่ถ้าทำอะไรของเขาพังก็ต้องจ่ายนะ”


ก็นะ แค่ฟรีก็ดีเท่าไหร่แล้ว


“ได้เลยครับพี่”


“แนนๆ มาช่วยเรานำน้องๆ ไปห้องรับรองหน่อยดิ คนไม่พอ สตาฟมันไปช่วยกันเก็บอุปกรณ์กันหมดละ”

พี่สตาฟคนนึงมาเรียกตัวพี่แนน


“โอเค จิมงั้นฝากดูแกงหม้อนี้หน่อยนะ เดี๋ยวสักพักก็เอาไปรวมที่ห้องได้เลย”



…..


พี่แนนไม่ควรทิ้งผมไว้คนเดียวพี่ ผมวังเวง แต่ให้ตายดิ เป็นผู้ชายพูดแบบนั้นมันคงดูไม่แมนอะ


“โอเคครับพี่ สบายใจได้”


ซวยละไอ้จิมเอ้ยยย ไม่ได้เอาพระมาด้วย






หลังจากที่พี่แนนออกไปแล้วนั้น… บรรยากาศในห้องเหมือนกลายเป็นห้องดับจิตไปทันที… ตู้อบสีเงินช่างไม่แตกต่างอะไรกับตู้เก็บ… เอ่อไม่พูดดีกว่าขนลุก









“จิม!”



“เชี้ย นะโมตัสสะ นะโมตัสสะ เอ้า ไอ้นัท โหตกใจหมด”


จู่ๆไอ้นัทก็โผล่มาสะกิดด้านหลัง เล่นเอาใจหายใจคว่ำ


“โห อะไรวะ เห็นกันเป็นผีไปได้”


“ก็ใครให้มาเงียบ ๆ แบบนี้เล่า บรรยากาศยิ่งเหมือนๆ อยู่ ตกใจหมดเลย”


“งั้นขอโทษที ให้กอดเรียกขวัญไหม”


“ไม่ต้องๆ เกินเหตุอะ”


“จะกอดใคร?”


เสียงอาร์มที่เดินเข้ามาอีกประตูก็ทำเอาสะดุ้งเบาๆ ทำไมมีแต่คนโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย


“เปล่า ละนี้มาทำไรกันเนี่ย ไม่ไปห้องรับรองกับคนอื่นหรอ”


“ก็คิดถึงไม่ได้ไง เปล่าหรอก พี่แนนบอกว่าตัวเล็กมาอยู่นี่ แล้วก็วานมาช่วยตัวเล็กยกหม้อด้วย กลัวตัวเล็กจะซุ่มซ่ามทำหม้อคว่ำ เดี๋ยวคนอื่นจะไม่ได้กิน”


“ตลกป่ะ ละมึงอะนัท”


“เอาจริงๆป่ะ… กูหลงทางหว่ะ ตอนแรกกูจะเข้าห้องน้ำ หาไม่เจอ รีสอร์ทบ้านี้ก็ประตูเยอะชิบ”

ผมก็แอบขำเบาๆ กับไอ้นัทมัน ระหว่างที่อาร์มเดินมาหาผม


“เป็นไงบ้าง มีนาทำไรเปล่า”

อาร์มถามผม


“นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก ผ่านไปแล้ว”

ขี้เกียจมาเล่าให้รู้สึกไม่ดีกัน


“มีนา... อ่อ คนที่จิมเล่าให้ฟังอะนะ ดูไม่เบาเลยเนอะ”


“อย่างนั้นแหละ ช่างเหอะ แกงน่าจะได้และ”

แล้วผมก็เปิดฝาดู หลังจากที่เขี้ยวมาเป็นพักๆ


“โห หอมอะ แกงอะไรเนี่ย”

ทั้งสองคน ก็ว้าวไปตามระเบียบ แน่นอนนี้ใคร ฝีมือจิมซะอย่าง


“แกงกะทิไก่มะพร้าวอ่อน”


“น่ากินหว่ะ หิวเลย”


“งั้นก็ช่วยยกไปไว้ที่ห้องรวมกันจะได้ไปกินกัน”

แล้วนัทกับอาร์มก็เข้ามาจะช่วยผม


“เห้ย มือไปโดนอะไรมาอะอาร์ม”

ผมตกใจกับผ้าพันแผลบนฝ่ามืออาร์มที่ดูแล้ว เหมือนเลือดยังซึมๆอยู่เลย


“ไม่เป็นไรหรอกครับตัวเล็ก ไม่ต้องห่วง”


“เดี๋ยวดิ บอกก่อนว่าเป็นอะไร กูเป็นห่วง”


“ไม้บาด พอดีไปยกกองไม้ แล้วมีอันนึงมันแหว่ง เลยโดนตรงนั้นบาด”


โอ๊ย ขนลุกเลยพอฟัง เนี่ยละเหตุผลที่ผมไม่อยากไปทำงานแบบนั้นนนน


“เจ็บไหมงะ”

ผมถามด้วยเสียงที่หวาดเสียว เจ็บแทนเอามาก


“ไม่เจ็บแล้วครับ เป็นห่วงหรอ”


“ห่วงดิ ถามบ้าๆ แล้วใครทำแผลให้…”


“เอ่อ… พี่บาสครับ พี่บาสทำให้”


“โอเค งั้นไม่ต้องยกหรอก เดี๋ยวกูยกเองกับนัท”

จะว่าไป ลืมไปเลยว่าไอ้นัทมันอยู่ด้วย… ตอนนี้นิ่งเป็นคนเศร้าไปเรียบร้อย ลืมซะสนิท ว่ามันรู้สึกยังไงกับผม


“นัท ช่วยจิมหน่อยนะ”


“ห่ะ อ้อ ได้ๆ”

แล้วมันก็ได้สติกลับมาจากการเศร้าที่ผมเป็นคนทำ มาช่วยผมยกแกงหม้อใหญ่ที่โคตรจะหนัก ยังคิดอยู่ว่าถ้าต้องยกไปคนเดียวคงตายแน่ๆ


“ให้ช่วยไหมตัวเล็ก”


“ไม่ต้อง คนเจ็บอะไปเหอะ อยากช่วยก็ไปเคลียร์ทาง”


ผมทำท่าไล่มันไปจนมันทำหน้ามุ่ยใส่ งอนเดินนำหน้าผมไปซะงั้น


“จะดีหรอ?”

จู่ๆ นัทก็เอ่ยถามมา


“อะไรหรอ”


“ก็ไล่มันไปแบบนั้นอะ แฟนกันงอนกันก็ไปง้อ นัทยกเองได้”


“บ้า งอนง้ออะไร ไม่มี รีบยกดีกว่า”

กะอีแค่ไม่ให้ช่วย มันคงไม่งอนหนักหรอกมั้ง เดี๋ยวไปถึงห้องก็ค่อยคุยกันก็ได้


“โห เป็นนัทเสียใจแย่ มีแผล ก็คิดว่าแฟนจะห่วง แต่ดันไล่กันแบบนั้นอะ”


“… ไม่ขนาดนั้นมั้งงง”

“ขนาดนั้นเลย”

จริงหรอวะ ไอ้นัทก็ทำหน้ายักหน้า ไม่น่าเชื่อ แต่ที่ผมไล่ก็เพราะผมห่วงหรอก เห็นเป็นแผลที่มือด้วยจะให้มายกอะไร


“จริงหรอวะ”


“ก็ถ้าเป็นจิมอะ เจ็บตัวก็อยากเห็นแฟนมาดูแลเทคแคร์เปล่า เอาหน่ะ ไปดูมันเหอะ นัทยกได้ เนี่ย”

แล้วมันก็ทำท่ายกให้ดู เออ เอาไงดีวะ


“งั้น… ฝากทีนะ”


“เออๆ รีบๆไปง้อ”



นัท… เออ ไว้ก่อน ไปดูอาร์มมันก่อนแล้วกัน แล้วผมก็รีบเดินนำนัทที่กำลังยกเดินตามมา






พอมาถึงผมก็มาอยู่หน้าห้องที่ตอนนี้ทุกคนนั่งบนโต๊ะกันเรียบร้อย ละผมก็มุ่งหน้าเข้าหาเป้าหมายทันที


“ไหน มีนาขอดูหน่อย แผลเป็นไงบ้าง”

ถ้ามันเป็นประโยคจากผมก็คงดี แต่ไอ้ที่ผมได้ยินคือเสียงและภาพที่มือของอาร์มถูกมีนาจับอย่างดูเป็นห่วง


“เนี่ย ถ้ามีนาทำแผลให้ช้ากว่านี้คงติดเชื้อแล้ว”

เดี๋ยว… ไหนมันว่าพี่บาสทำแผลให้ไม่ใช่ไง นี่มีนาพูดแบบนี้หมายความว่าไง ผมขอเดินเข้าไปถามหน่อยเถอะ


“อ้อ มีนาเป็นคนทำแผลให้อาร์มเองหรอครับ”

อาร์มดูตกใจมากที่ผมมาได้ยินประโยคนี้...


“ค่ะ ทำไมหรอ คิดว่าคนอย่างมีนาทำไม่เป็นรึไง?”

นั้นก็อีกเรื่อง เอ้ย คนละเรื่องแล้ว


“อ้อออ งี้เอง งั้นขอตัวไปตักข้าวกินนะครับ”

ผมเดินออกมาทันทีหลังจากนั้น ไม่รู้จะพูดอะไรดี




……


“มีนา อาร์มขอตัวนะ”

แล้วอาร์มก็เดินตามผมมาติด ๆ แบบไม่ลีลาอะไร



“เตี้ย รอด้วยครับ”


“...”


ใครจะอยู่…


อันที่จริงผมโกรธ และหงุดหงิดมาก มันผสมกันไปหมด เล่นเอาไม่หิวเลย


“เอ้า จิมจะไปไหนไม่กินข้าวหรอ”


เสียงพี่ตั้วที่ทักผมตอนเดินออกจากห้องรับรองออกมาจากงาน


เชี้ย… นี่ผมเป็นอะไรเนี่ย



“ตัวเล็ก จะไปไหน รออาร์มก่อน ไม่หิวข้าวแล้วหรอครับ”


แม่งยังไม่รู้ตัวอีก




ไม่ทันไร มันก็ตามผมทันที่หน้าหาดและฉุดมือผมให้หยุดเดิน


“เป็นอะไร”


“ยังจะมาทำเป็นไม่รู้ ไม่รู้แล้วจะตามมาทำไม”


“ก็ไม่รู้จริงๆนี่เตี้ย จู่ๆก็เดินหนีออกมาแบบนี้ อาร์มก็ต้องตามสิ แล้วเป็นอะไร”


“มึงบอกกูว่าพี่บาสทำแผลให้มึง แต่ที่กูได้ยินมีนาพูดมันคนละอย่างกันเลยนะ”


“เตี้ย…”


“มึงอะ เรื่องแค่นี้มึงก็โกหกกูแล้ว กูไม่พอใจนะเว้ย ยังคงกันไม่เท่าไหร่ มึงก็เริ่มโกหกกูแล้วอะ กูเสียใจมากมึงรู้ป่ะพอกูรู้ว่ามึงโกหกกู ถึงจะเพื่อจะโกหกเพื่อไม่ให้กูคิดมากก็เหอะ”

ผมใส่เป็นชุดเลย แต่ไอ้ตัวการดันยืนยิ้มหน้าตาเฉย


“ยิ้มเชี้ยไร ไม่ขำเลยนะ”


“ก็มันขำนี่ ป่ะ ไหนๆก็ออกมาและ ออกไปกินร้านแถวนี้กันเถอะ อาร์มอยากอยู่กับตัวเล็กแค่สองคน”

แล้วมันก็ทำทีจับมือผมไป ผมก็สลับดิ ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย



“อะไรของมึง”


“อะๆ บอกก็ได้ อาร์มไม่ได้โกหกจิมนะ พี่บาสอะทำแผลให้อาร์มแล้ว… แต่ไหงไปๆมาๆ มีนาเขามาเห็นก็วอแวจะแกะผ้าพันแผลที่พี่บาสพันไว้ดู สุดท้ายมีนาเขาเลยต้องทำแผลให้อาร์มอีกรอบ แค่นั้นเองตัวเล็ก”


“งั้นทำไมไม่บอกวะ ไม่คิดหรอถ้ากูรู้ที่หลังจะเป็นแบบนี้”


“จะบอกอะไร เขาก็เพิ่งทำให้อาร์มเมื่อกี้นี่เลย แถมคิดไปเองอีกว่าพี่บาสทำแผลไม่เรียบร้อยไม่สะอาด ทั้งๆที่พี่เขาก็ทำให้อาร์มซะอย่างดี”


อย่างนี้เอง… ไอ้เราก็คิดว่า เริ่มเป็นแฟนกันไม่เท่าไหร่ก็เริ่มออกลายแล้ว


“...แน่นะ!”


“จริงสิครับ! สัญญาลูกเสือสาบาน ถ้าผมสุทธิรัตน์ ผ่องอนงค์โกหกขอให้รถชนตายเลยครับ”

ผมรีบเอามือปิดปากมันแทบไม่ทัน ทั้งเสียงดัง ทั้งสาบานอะไรน่ากลัวแบบนั้น


“ทำบ้าอะไรวะ”


“หายโกรธยังตัวเล็ก”


“....”


“นี่อาร์มไม่โกหกจิมหรอกนะครับ”


“เออ รู้แล้วนา พูดมาก”

ผมรีบหันหนีเพราะเขินในความเข้าใจผิด พอถึงจุดนี้มันก็สวมกอดเข้ามาทันที


“ทำบ้าอะไร ปล่อย เดี๋ยวมาคนมาเห็นเข้าหรอก”


“น่ารักชิบแฟนใครเนี่ย”


ไม่พูดเปล่าๆ ลูบหัวเล่นซะจนอ่อนละทวย


“ปะ กินข้าวกัน อาร์มอยากกินร้านนั้นอะ”

แล้วมันก็ชี้ไปร้านที่อยู่ข้างๆรีสอร์ทข้างชายหาด


“ไปกินกับคนอื่นอะดีแล้ว กูอุตส่าทำสุดฝีมือ เพื่อมึงเลยนะ”

แค่นั้นเจ้าตัวก็ยิ้มตาตื่น


“ทำไมไม่รีบบอก ป่ะ เดี๋ยวจะกินซักสิบจาน”


“เวอร์”



….

แล้วมันก็จับมือผมเดินเข้าไปในเขตรีสอร์ท

“ปล่อยมือได้แล้ว เดี๋ยวมีคนมาเห็น”

ผมบอกอาร์มอย่างนั้น เจ้าตัวก็ทำหน้าไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่แต่ก็ปล่อย ผมเข้าใจนะว่า อยากใช้ช่วงเวลาอยู่ด้วยกัน แต่ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองหน่อยก็ดี



“ไงพวกมึง ไปไหนกันมา”

พี่บาสพูดนั่งกินอยู่ตรงโต๊ะหน้าประตู


“ไปเอาของมาครับพี่”


“ไป ไปกินข้าวได้แล้ว ตักเลย เออไอ้จิม แกงกับไข่เจียวปูอร่อยมาก”


“น้อยๆหน่อย อย่างอื่นไม่อร่อยรึไงยะ”

“เออ ใช่ แกงกูก็เป็นคนตำ ชมกูด้วยสิ”


พี่แตมกับพี่แนนรีบทักท้วงใหญ่


“เห้ย กูไม่ได้หมายความว่างั้น เออพวกมึงอะรีบไปกิน เดี๋ยวจะได้ปล่อยพัก”



“ครับพี่”




แล้วผมกับอาร์มก็เดินมาตักข้าวกันสองคนพอเสร็จผมก็เร็งหาที่นั่งกับพวกไอ้กี้ แม่งไปนั่งซะมุมห้องกันเลย มีทั้งนัททั้งไอ้ดิวอยู่ด้วย


“เอ้า กูก็นึกว่าพวกมึงเอาไข่เจียวปูกูมานั่งกินด้วย กูอุตส่าทำ”


ผมมาถึงก็นั่งตรงเก้าอี้ว่าง เห็นบนโต๊ะไม่มีไข่เจียวปูเมนูที่ผมทำอยู่บนโต๊ะเลย เพื่อนอุตส่าทำ ไม่แดกกันได้ไงงงงง


“กูแดกกันหมดอย่างแรกเลยเหอะ เนี่ยไม่เห็นไง?”


ละจานเปล่าที่ผมเห็นก็คงจะเป็นไข่เจียวปู


“เป็นไงวะ อร่อยไหม?”


“ไม่เท่าไหร่อะ เพราะผักที่กูล้างหรอก”

ไอ้กี้รีบกวนตีน สงสัยแม่งไม่ได้เข้าใจแกทเชื่อมโยงรึไง ไข่เจียวปูผมไม่มีผักซักใบ


“ถุย ใจเย็นเนอะ ไข่เจียวปูไม่ได้ใส่ผักไหม?”


สีหน้าอาร์มตอนกินไข่เจียวปูแปลก ๆ แหะ



“เป็นไง อร่อยเปล่า”


“ตัวเล็ก… เอาแบบไม่โกหกเลยนะ”


เห้ย จะชมอะไรเวอร์ๆ ไม่เอานะคนเยอะแยะ ผมเขิน


“ว่ามา”


“เค็มมาก แล้วมีรสหวานด้วย ไข่เจียวที่ไหนใส่น้ำตาล”


“ห่ะ? น้ำตาล?”


ทั้งโต๊ะถึงกับงงในคำพูด


“เดี๋ยวดิ ไม่ได้ใส่น้ำตาลซักเม็ด”

ระหว่างพูดผมก็ตักมากิน โอ้โห เค็มปี๊ดดดดดดดด แถมยังมีรสหวานโผล่มาหน่อยๆอย่างที่อาร์มว่า


“เห้ย ไหงเป็นงี้อะ กี้มึงลองชิมดิ”


แล้วมันก็ตักไปช้อนนึง


“อื้อหือ จิม มึงพลาดได้ไง”


“เดี๋ยวดิกู…”

ทันทีที่ผมคิดอะไรบางอย่างออก…


….

...

“อ่าว… มีนา เดี๋ยวนะครับ แล้วจานไหนของมีนาอะครับ”

“เอ้า แล้วมาไปวางรวมทำไมมีนาอุตส่าวางไว้ แล้วทีนี้อันไหนละเนี่ย”

“อันนี้แหละมั้ง งั้นของมีนาไว้ตรงนี้นะ อย่าเอามาว่ารวมเด็ดขาด”





….


ภาพตอนนั้นที่มีนาลังเลว่าจานไหนคือจานที่ตัวเองทำโผล่มาในหัวทันที จานนี้คงเป็นของมีนา เธอคงหยิบผิดตอนนั้น


“เดี๋ยวกูไปเอามาใหม่ให้”


ผมลุกจะไปหยิบไข่เจียวปูจานใหม่มา แต่ให้ตาย…


มีคนตัดหน้าหยิบไปเรียบร้อยแล้วจานสุดท้าย




“หมดแล้วอะ…”


“ไม่เป็นไรตัวเล็ก กินแกงกับผัดผักบุ้งกุ้งก็ได้ครับ”


“อะ นี่”

แล้วนัทก็ตักไข่เจียวที่เหลือไม่มากที่อยู่บนจานข้าวตัวเองมาให้ผม


“ขอบใจนะ”

ผมยิ้มให้นัท แต่ไม่ทันไร ไอ้คนขี้หึงก็ตัดหน้าตักไปกินดื้อๆ


“เห้ย ได้ไงวะ”

มันเริ่มขยับเข้ามาใกล้ ๆ หูผมกระซิบ


“โทษฐานเข้าใจผิดเรื่องผ้าพันแผล และทำให้หึงครับตัวเล็ก อร่อยมาก”

ผมนี่เถียงไม่ออกเลย



“ก็อร่อยนี่ แล้วทำไมจานนี้ถึงไม่อร่อยอะ”



“เออนั้นดิ มึงพลาดหรอ”

กี้กับดิวดูจะเห็นพ้องกัน

“นั้นสิ”

นัทเองยังว่างั้นเลย


“อื้อ สงสัยตอนทำคงมึน ๆ มั้ง ไม่รู้จานอื่นจะโดนแบบนี้ไหม กูหวั่นละว่ะ”

ผมหันไปมองโต๊ะอื่นๆก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่มีใครทำหน้าเหม็นเค็มกันแบบโต๊ะนี้


“จานนั้นคงเป็นของมีนาเองแหละ”


จู่ๆเสียงมีนาก็โผล่มาจากด้านข้างผม แถมมานั่งเก้าอี้ว่างที่อยู่ข้างๆอาร์มอีกตัวอีกต่างหาก


“อะ จานสุดท้าย อันที่จริงจิมไม่จำเป็นต้องพูดแบบนั้นก็ได้นะ รู้ๆกันอยู่ว่า ไข่เจียวทุกจานอร่อยหมดยกเว้นจานนี้ ก็แสดงว่าจานนี้ของมีนาเองนั้นแหละ”


เจ้าตัวพูดเองทุกอย่างผมก็ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเลย


“เอ่อ… ไม่หรอกครับมีนา บางทีจานนี้จิมอาจจะเผลอใส่ผิดเองก็ได้นะครับ”



“โอ๊ยยย น่ารำคาญ มันไม่เท่หรอกนะ ที่จะมาปกป้องให้คนที่เขาไม่ต้องการอะ”

เอ้า ไหงงั้น…


“มีนา พูดอะไรแบบนั้นอะครับ”

อาร์มเริ่มทักท้วง


“เกินไปป่ะคุณ ถ้าเพื่อนผมพยายามปกป้องคุณ จริงๆคุณควรขอบคุณด้วยซ้ำนะ พูดจาอะไรแบบนั้น”

ไอ้ดิวใส่แทนผมเรียบร้อย บรรยากาศบนโต๊ะตอนนี้ บอกได้คำเดียวว่ามาคุมากๆ มีนาทำหน้าไม่พอใจแบบสุดๆ


“พอก่อนๆ พวกมึงใจเย็น จริงๆมีนาเขาก็พูดถูกนะ กูเสือกยุ่งเรื่องคนอื่นเองอะ”


“อาร์มคะ มีนาขอคุยด้วยส่วนตัวได้ไหมคะ?”

แล้วเธอก็เดินลุกออกไปจากห้องทันที อาร์มก็ได้แต่งง


“มึงไปเหอะ ตอนนี้มีนาคงคิดว่ามีแต่คนไม่พอใจ เดี๋ยวจะแย่ไปกว่านี้”


“มึงเนี่ยนะ ดีเกินเหตุ”

ไอ้ดิวดูท่าจะไม่พอใจ


“เออนั้นดิ ยอมทำไมวะ คนแบบนี้”

เอ้า ไอ้กี้ก็อีกคน


“ตัวเล็ก บางทีความดีของตัวเล็กก็ไม่มีผลกับบางคนนะครับรู้ไหม”

โห ไหงมารุมผมกันเนี่ยยยย ก็เขาเป็นผู้หญิงนี่นาให้ทำไงอะ


“ก็เขาผู้หญิงนี่ เออหน่ะ ไปเหอะ จะได้รีบๆมากินข้าว”

แล้วสายตากังวลนั้นก็เดินออกจากห้องไปอย่างที่ผมบอก


“ผู้หญิงแล้วไงวะ แม่ง กูนี่ขึ้นเลย”

ไอ้กี้นี่หัวร้อนไม่หยุดเลยวุ้ย


“เออหนะ ช่างมันเหอะ กินๆ คราวหลังกูจะระวังให้มากกว่านี้และกัน”


“ไอ้เติ้ลมันพูดถูกนะ บางทีจิมก็ไม่จำเป็นต้องดีกับทุกคนก็ได้ ใครร้ายมาก็ร้ายกลับไปบ้าง”

นัทก็คงจะไม่พอใจไม่ต่างกัน


“คร้าบๆ ทุกคนกูเข้าใจแล้วครับ”


“ให้มันจริงเหอะ”

เสียงไอ้ดิวประชดใส่

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมขอลองดูจานที่มีนาเอามาให้โต๊ะผมกินหน่อย ว่าจริงไหม ซึ่งมันก็อร่อยเหมือนที่ผมกินของนัทไม่ต่างกัน สงสัยจะเป็นจานของมีนาจริงๆแหละจานที่ผมหยิบมา










ระหว่างที่ผมกินข้าวไปสักพัก


“ทำไม ไอ้เติ้ลไปนานจังวะ”


“นั้นดิ จิม มึงไปดูดิ ยัยบ้านั้นจะทำอะไรแฟนมึงทำไง ไปดูเร็ว”


“มึงก็เกินเหตุ”

ผมเองก็ชักกังวล


“เดี๋ยวกูมา”



แต่ผมเดินออกมาก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาที่ไหน… เขาไปคุยกันที่ไหนวะเนี่ย









“มีนาเลิกทำแบบนี้เถอะ”


เสียงอาร์มที่อยู่ด้านหลังต้นไม้ที่อยู่แถวๆทางลงไปชายหาด


“มีนาชอบอาร์มนะ ชอบมานานแล้ว ชอบตั้งแต่เด็ก และที่กลับมาเรียนไทยก็เพื่อมาหาอาร์ม มาบอกอาร์มว่ามีนารู้สึกอะไร ได้ยินไหมอาร์ม มีนาชอบอาร์ม ได้ยินไหม!”



….


……






……………………………………………………………….


“สิ่งสุดท้ายที่ควรทำให้กับความรัก คือ การโกหก เพราะการโกหกก็เหมือนกรรไกรที่จะค่อยตัดคำบาง ๆ ที่เรียกว่า...เชื่อใจ ออกจากความรัก”



Talk : ขออภัยที่อัพช้าเป็นชาติ ชีวิตของคนเขียนเริ่มเข้าที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ลดละความฝันที่อยากจะเป็นนักเขียน อยากจะขอบคุณผู้อ่านทุกคน ที่เข้าใจและยังคอยอ่านคอยตาม ขอบคุณมากครับ

หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 28 : โกหก : หน้า 5 (19/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-12-2017 00:11:45
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 28 : โกหก : หน้า 5 (19/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 20-12-2017 00:14:28
มาแล้ว  :m3:

บวกเป็ดโล้ด  :mc3: :mc2:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 28 : โกหก : หน้า 5 (19/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-12-2017 11:40:30
จิม ดีกว่าจิมก็เป็นพระแล้ว ดีผิดมนุษย์
เอ๊ย.....ทำดีกับคนที่ไม่ดี กับคนที่ตั้งใจทำไม่ดีกับจิม
แล้วไม่ชื่นชมจิมนะ
ปกป้องทำไมถ้าเขาไม่ดี
เพราะเขาเป็นผู้หญิง แล้วผู้หญิงคนนี้เจตนาดีกับจิมหรือเปล่า
รำคาญทั้งมีนา ทั้งจิมเลย   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 28 : โกหก : หน้า 5 (19/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-12-2017 17:18:13
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 28 : โกหก : หน้า 5 (19/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-12-2017 23:04:21
นานเกิน จำตอนเก่าๆไม่ได้ อ่านไปงงไป สงกะสัยต้องย้อนอ่านใหม่แต่แรก
 :jul3:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 28 : โกหก : หน้า 5 (19/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: keywordz ที่ 06-01-2018 01:39:09
Chapter 29 : จอง





“มีนาชอบอาร์มนะ ชอบมานานแล้ว ชอบตั้งแต่เด็ก และที่กลับมาเรียนไทยก็เพื่อมาหาอาร์ม มาบอกอาร์มว่ามีนารู้สึกอะไร ได้ยินไหมอาร์ม มีนาชอบอาร์ม ได้ยินไหม!”

บทสนทนาที่ผมบังเอิญเข้าไปได้ยินตอนตามหามันหลังจากกินข้าวเสร็จ


“จิม มึงเหม่ออะไรของมึงอยู่วะ”

ไอ้กี้อาบน้ำเสร็จออกมาก็ขัดการเหม่อลอยของผม


“อ่อเปล่าไม่มีไร อาบเสร็จแล้วใช่ไหม กูจะเข้าไปอาบต่อละ”


“เออ เสร็จละ แล้วนี่มึงจะไปกินเหล้าห้องพี่บาสป่ะ”

สัส ชวนกินเหล้าเรียบร้อย กะแล้วมาทะเลพี่บาสต้องชวนกินเหล้ากินเบียแน่ๆ


“ไม่รู้ว่ะ ดูอาร์มมันก่อน”

“เออ ตามนั้น เออมึง เชี้ยอาร์มนี่ก็แปลกเนอะ บังคับให้เพื่อนเรียกเติ้ล แต่มึงเสือกเรียกอาร์มกูหล่ะ งง”


“งงทำไม ก็เหมือนเวลาคนเชาคุยกับแฟนกัน เขาๆ ตัวเองๆ ที่รักๆ แบบนั้นอะ ไม่เห็นแปลก”

เข้าใจอะไรยากจริง ทีมันยังใช้สรรพนามกับพี่แตมว่า ตัวเอง เค้าเลยเหอะ


“รู้ แต่หมายถึงทำไมต้องอาร์ม กูแค่อยากรู้จุดนี้เท่านั้นแหละ”


“เรื่องของกูสองคนครับ”


“ด่ากูเสือกเลยง่ายกว่า”

มึงพูดเองนะ


“เสือก”

“สัส”

แหนะ ขอผมเองแท้ๆ ยังจะด่าคืนอีก ฮ่าๆ


“เอ้า ก็มึงขอเอง ด่ากูทำไม”


“ทีกับกูเนี่ยปากหมาจัง ทีกับมีนาล่ะ แหมมมมม”

อีกละ


“อะไรๆ”


“อย่าให้พูด นางเอกเหลือเกินมึงอะ ระวังเหอะ หมาจะคาบไอ้เติ้ลไปแดก”


“นางเอกพ่องงงง”


“ถามจริงเหอะ มึงไม่โกรธไม่เคืองมีนาเลยไง มีนานี่ก็แปลก คนเขาดีด้วยยังจะทำตัวแบบนั้นใส่อีก”

โกรธอะมันโกรธในใจก็ร้อนอยู่หรอก


“โกรธดิ กูก็อยากเอาคืนไม่ต่างกันหรอก แต่นั้นอะ กูรู้ที่เขาเป็นแบบนั้นเพราะอะไร”


“เพราะ?”


“เพราะชอบไอ้อาร์มไง กูถึงไม่ทำอะไรเขา ดีกับเขา มึงเข้าใจไหม ว่าถ้ากูทำอะไรเขาคืน ทั้งที่เขาเป็นผู้หญิงด้วย เป็นเพื่อนสมัยเด็กด้วย ถ้ากูทำ อาร์มก็จะมองกูแย่ แล้วยังปกป้องมีนาอีก ทีนี้กูจะไม่แย่หรอ อีกอย่างนะ แม่กูก็สอนว่าอย่าทำร้ายผู้หญิง”

“มึงนี่คิดเยอะเนอะ…”


“แล้วไม่จริงไงวะ สมมุติตอนนั้น ไข่เจียวจานนี้ไม่ใช่ของจิมหรอก ต้องของมีนาแน่ๆ มีนามาแย่งกูทำไข่เจียวปู  ถ้ากูพูดแบบนี้ไปบางทีอาร์มจะมองว่ากูใส่ร้ายเพื่อนเขาไหมกูก็ไม่รู้”


“ก็จริงของมึง” มันฟังผมบ่นไปเช็ดผมตัวเองไป


“อีกอย่างที่กูย้ำไปว่า กูอาจจะเผลอใส่ผิดเองก็ได้ กูแค่อยากจะดูเขาว่าไงบ้าง”


“มึงนี่ร้าย แล้วไง สุดท้ายมึงก็โดนเขาวีนใส่”


“อย่างน้อยทุกคนก็ไม่ได้มองมีนาดีนี่ ถูกไหมล่ะ? แค่นั้นก็พอแล้วเปล่า”


“เออ ถูกของมึง กูไม่อยากเถียงละ เรียนจิตวิทยามาหรือพ่อ?”


“เรื่องของกูครับ”


“สัส”

ด่าไม่พอ ผ้าเช็ดตัวมาโยนคุมหัวผมอีก


“หยี้ ไอ้กี้ อะไรของมึงเนี่ย สกปรก”

ผมรีบโยนคืนใส่มัน


“ทำเป็นรังเกียจ ไปอาบน้ำได้ละ เดี๋ยวถึงเวลาเขาเรียกรวม”


“มึงอะ ชวนกูคุย สาส”

ผมรีบวิ่งหลบตีนเข้าห้องน้ำจากไอ้กี้ที่ทำท่าจะเตะก้นผม


ห่าเสียเวลาชะมัด ก็นะจะไม่ให้บ่นมั้งได้ไง ทุกคนบนโต๊ะนั้นเอาแต่ว่าผมใจดีเกินไป ก็นะ แค่ตอนนั้นไอ้อาร์มเข้าข้างผมขนาดนั้นผมก็พอใจแล้วแหละ มั้ง….นะ...



ตอนนั้น…

“มีนาชอบอาร์มนะ ชอบมานานแล้ว ชอบตั้งแต่เด็ก และที่กลับมาเรียนไทยก็เพื่อมาหาอาร์ม มาบอกอาร์มว่ามีนารู้สึกอะไร ได้ยินไหมอาร์ม มีนาชอบอาร์ม ได้ยินไหม!”


จากที่เหมือนอาร์มกำลังเดินออกห่างจากมีนา แต่สุดท้ายอาร์มก็หยุด ตอนนั้นผมล่ะแอบหวั่นว่าจะมีซักเสี้ยวใจของอาร์มตอบตกลง ก็นะ อาร์มเขาไม่ได้เป็นเกย์นี่ครับ ถ้าจะหวั่นไหวกับผู้หญิงก็คงไม่แปลก แต่อาร์มกลับพูดกับมีนาไปว่า…


“มีนา… อาร์ม ขออะไรอย่างได้ไหม”

แค่ตรงนี้ผมก็ใจสั่นมาก กลัวว่าจะเป็นอะไรที่ผมไม่อยากฟัง


“มีนาพยายามกลับมาไทยเพื่อมาเจออาร์มนะ ขนาดนี้แล้วขออะไรมีนาก็ยอม”


“เลิกพูดชื่อผมว่าอาร์มได้ไหม”


“...”


“ไม่... มีนารู้ความหมายชื่อนี้ดี ยังไงมีก็อยากจะเป็นคนที่เรียกชื่อนี้ได้อีกคนต่อจากน้องแก้ว”


“ถ้ามีนารู้ มีนายิ่งไม่ควรนะครับ เพราะอาร์ม… ไม่สิ เติ้ลไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อนี้นอกจากน้องแก้วกับ…”


“กับใคร?”


ผมหรอ มันจะพูดว่าผมใช่ไหม นี่มันจะเปิดเผยให้มีนารู้ว่าเราคบกันหรอ ถ้างั้นจะมีปัญหากับพ่อของทั้งสองคนไหม ถ้าอาร์มมันปฏิเสธรักจากมีนา เธอจะคิดร้ายไปบอกพ่อเธอรึเปล่า… ผมคิดเยอะจังวะ

“กับใคร ตอบสิอาร์มว่ากับใคร”


“กับคนที่อาร์มอยากปกป้อง”


ทำไมผมไม่ค่อยรู้สึกโล่งใจเท่าไหร่เลย… ทั้งๆ ที่ควรสบายใจเรื่องนี้ด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะลึกๆ แล้วผมคงอยากได้ยินชื่อตัวเองออกมาจากปากมัน แต่ที่มันแย่กว่านั้น


“แล้วมีคนนั้นรึยัง…”


“...”


ตอบดิวะ


“ขอตัวนะครับ อาร์มยังกินข้าวไม่หมดเลย”


ถึงตรงนี้ อาร์มก็เดินห่างออกมาจากมีนาไปทางไปห้องรับรอง แต่มีนาก็ยังตะโกนทิ้งท้ายไว้ว่า…


“ถ้าไม่บอก แสดงว่ายังไม่มี งั้นมีนาก็ยังมีสิทธิยังไงมีนาก็จะไม่ยอมแพ้หรอก”


แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีประโยคใดๆ หรือกิริยาใดๆ โต้ตอบกลับมาอีกเลย


สิ่งนี้แหละที่กวนใจผมอยู่ ผมไม่เข้าใจตัวเอง ทั้งๆ ที่อาร์มก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ทำไมผมยังรู้สึกแป่วๆ ผมเกลียดความรู้สึกนี้ตัวเองมาก

เพราะอะไรก็รู้ใช่ไหมครับ ทั้งๆที่ผมรู้สาเหตุที่อาร์มพูดได้ไม่เต็มปากแบบนั้น เพราะด้วยเรื่องของความสัมพันธ์ของทางบ้านทั้งสองคนที่เป็นหุ้นส่วนกิจการกัน แน่นอนว่าบางทีพ่อแม่ของสองคนอาจจะหวังให้ทั้งสองเป็นหุ้นส่วนชีวิตด้วยเช่นกัน แล้วไหนจะเรื่องความสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อนสมัยเด็กๆ

ผมควรที่จะพอใจและยอมรับมันอย่างน้อยๆ อาร์มก็ไม่ปฏิเสธว่ามีใครในหัวใจ แต่ผมดันอยากให้มันชัดเจนกว่านั้น


“อ่อ… หรือว่าเราหงุดหงิดเพราะมันเปิดโอกาสให้มีนามีหวัง”

ผมพูดกับตัวเองหน้ากระจกห้องน้ำ มองผ่านใบหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่


“เห้อ คิดมากว่ะ อาบน้ำดีกว่า”

จะว่าไปผมบ้าเปล่าฟ่ะ คุยกับตัวเองในห้องน้ำก็เป็น







…..



“เอ้า มาได้ไง”

ผมทักอาร์มที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงนอน อืม…. ไอ้กี้หายไปไหนวะ


“แล้วกี้อะ”


“...”

เป็นบ้าอะไรไม่ตอบวะ เล่นโทรศัพท์ไม่สนใจกันเลย


“อาร์ม กูถามว่ากี้อยู่ไหน”


… ยังจะเอาแต่ดูโทรศัพท์อยู่ได้ เข้าไปทุบหัวซะดีไหม


“ไปใส่เสื้อผ้าก่อน…”


“แล้วทำไมไม่ตอบกู เอาแต่เล่นโทรศัพท์อยู่ได้”


“กี้มันออกไปข้างนอกแล้ว ไปใส่เสื้อผ้าได้แล้วครับ เดี๋ยวไม่สบาย”

เป็นห่วงกับเขาก็เป็นแหะ

“ไม่อยากเห็นหุ่นกูก็บอกมาเหอะ ใช่ดิ ผอมอย่างกะกุ้งแห้งแบบนี้ มันคงไม่น่าดูอะเนอะ”

ทันใดนั้นแหละคุณครับ แค่จะหันไปเอาเสื้อที่แขวนไว้ที่ตู้ ก้าวไปไม่กี่ก้าวเอง มาตกอยู่ในสภาพอยู่ใต้อาณัติของไอ้อาร์มบนเตียงเป็นที่เรียบร้อย


“ใครว่า เซ็กซี่ชิบหาย อดทนมาหลายครั้งแล้วนะเตี้ย ไปใส่เสื้อ เดี๋ยวจะห้ามใจไม่ไหว”

ชิบหายและ… ทั้งที่มันเข้ามาใกล้แบบนี้ออกจะบ่อยครั้ง ไหงใจเต้นไม่เป็นส่ำอย่างนี้


“เชี้ย อาร์ม จะทำอะไร…”


“ปล้ำไงครับ ตัวเล็ก ไม่ได้หรอ?”


“ไม่เอา… เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า”

ไม่ใช่มาเห็นเว้ยยยยยย เดี๋ยววววว เมื่อกี้ผมยังกังวลใจเรื่องมีนาอยู่เลย ไหงตอนนี้มันอ่อนไปหมดเลยฟ่ะ


“ไม่เห็นหรอก แปบเดียวนะครับ อาร์มอยากลอง”

ลองบ้าลองบออะไรเล่า ผมหันหนีแววตาหื่นกามที่เยิ้มราวกับจะอ้อนวอนขอความบริสุทธิ์จากตัวผมให้ได้


“ไม่เอาเว้ย ไม่เคย”

ผมรีบใช้แรงผลักอันน้อยนิดในช่วงอ่อนปวกเปียกแบบนี้เอามันออกจากก่อนขึ้นคร่อมผม


“แต่งตัวแล้ว เดี๋ยวไม่ทัน เล่นไรไม่รู้เรื่อง”

แม่งเอ๊ย ไม่น่านุงผ้าขนหนูตัวเดียวออกมาเลย ก็คิดว่าอยู่กับไอ้กี้ ถ้าแบบนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอายอะไรมัน


“เล่นที่ไหนครับ เอาจริงต่างหาก ไอ้เตี้ย”


สิ้นคำนั้นไม่ใช่แค่ผ้าขนหนูที่นุงอยู่หลุดจากการดึงของมันแต่ร่างกายอันบอบบางของผมยังถูกดึงล้มไปที่เตียง (ทำไมทิศทางช่างพอเหมาะพอดีงี้วะ)

มันไม่ใช่เรื่องจะมาพรรณนาไหมมมมม มึงโป๊อยู่โว้ยไอ้จิมมมม!!!


“แหม น้องชายจิมก็ดูท่าจะเอาจริงนะครับ”

ไอ้สาสอาร์มมมมมมมมมม แซวอะไรแบบนี้ ผมโคตรจักกะจี้หูเลย หมอน ใช่หมอน ผมรีบหยิบหมอนมาปิดทันที แต่ไอ้อาร์มก็ไม่เว้นแค่การส่งสายตาลวนลามมาอย่างเดียวเดินขึ้นเตียงเข้ามาจะครอบงำร่างกายผมอยู่แล้ว ไอ้บ้าน้องชายก็ดันมาตื่นตัวตอนนี้


“ไอ้เชี้ยอาร์มมมมม ทำบ้าอะไรเนี่ย เอาผ้าขนหนูมา”

ไหงจู่ๆ อาร์มผู้อ่อนโยน มันถึงได้หื่นกามขนาดนี้ อย่างที่เขาว่าจริงๆ หนังสือดูแค่หน้าปกไม่ได้ ไอ้นี้มันไอ้หื่นร่างคุณชายชัดๆ

“ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว ขอหน่อยนะ”

อาร์มโถมจูบเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว… ไอ้เราก็เคลิ้มกับการจูบของมันง่ายซะด้วย แต่ไม่! ผมต้องมีสติ นี่มันรีสอร์ทนะเฟ้ย ไม่ใช่ที่บ้าน


“พอ… ก่อน… อาร์ม”

กว่าผมจะพูดได้แต่ละครับ ปากผมจะแตกจากการดูดของมันอยู่แล้ว

พอมันได้ยินผมพูด มันก็หยุดแล้วเอามือมากุมแก้มผมแล้วลูบเล่น


“น่ารักจังวะ เตี้ย ทำไมครับ ไม่อยากหรอ”


“เปล่า แต่นี้มันรีสอร์ท… ไว้ไปทำที่บ้านดิ”

จู่ๆ ก็ยิ้ม


“งั้นขอจองไว้ก่อนนะ…”


การจูบเมื่อกี้คงเป็นการจองได้แล้วมั้ง จะทำอะไรอีก ใจผมดิ้นจะหลุดออกมาจากร่างแล้วนะ


“อืม…”

ผมพูดเขินๆ หันหน้าหนี แต่คุณๆ ครับ สิ่งที่ไม่คาดคิดมันก็เกิดขึ้น…


“อะ...อาร์ม ทำ...อาาส์ไร”

ตอนนี้มือไอ้อาร์มมันสาวน้องน้อยของผมเล่นอย่างเมามันส์ แถมไม่สนใจอะไร ร่างที่คร่อมตอนนี้ก็จูบผมไม่หยุดราวกับจะให้ผมหยุดพูด

ผมหายใจแรงจนแทบจะไม่ทัน ไอ้บ้านี้ก็จูบเก่งชิบ


“จองไงครับ”

ปากก็จูบ มือก็ไม่หยุดทักทายน้องชายผม ไอ้ความตื่นเต้นที่ไม่เคยโดนใครมาทำให้แบบนี้มันก็จะกลั้นเอาไม่อยู่


“อะ...อาร์ม พอ...เถอะ… เดี๋ยวมันเลอะเตียง ได้จองแล้วนี่ครับ”


มันถอนปากออกจากปากผม...แล้วจ้องหน้า


“กลัวเลอะหรอครับ งั้นแบบนี้คงไม่เลอะใช่ไหม”


“...อะ อาร์ม… ซิ้ด ...ทำบ้าอะไรวะ”

ผมแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง แทบจะหยุดก็หยุดไม่ได้ ตอนนี้ร่างกายมันหยุดยั้งริมฝีปากของอาร์มที่ทำกับน้องชายผมไม่ได้แล้ว ไม่เคยคิดว่าอาร์มมันจะกล้าทำ


“อาร์ม จิมไม่ไหวแล้วอะครับ… พอก่อน….”

มันไม่ได้มีความเชื่อฟังอะไรเลยครับยิ่งทำให้จังหวะมันเร็วขึ้นไปอีกต่างหาก


“อาร์ม...มันจะไม่ไหวจริงๆแล้ว อาร์ม!”





….


…..







“แบบนี้ก็ไม่เลอะแล้วนะ…”


“ไม่รู้เว้ย”


“จองแล้วนะครับ ตัวเล็ก เป็นของอาร์มคนเดียวนะ”



“จองบ้าอะไร มึงแม่ง”


“แต่งตัวเถอะครับตัวเล็ก เดี๋ยวอาร์มเข้าห้องน้ำก่อน…”

มันลุกจากเตียงจะเดินไปเข้าห้องน้ำ


“เดี๋ยวก่อน… มานี่ก่อนได้เปล่า”

ผมเรียกมันมา


“ครับตัวเล็ก”


“ให้กูจองมึงมั้ง...นะ...”

จะเอาเปรียบเขาก็ใช่เรื่อง ไอ้ที่ตุงอยู่ใต้กางเกงจนเห็นชัดขนาดนั้นมันเรียกร้องซะ…



“ครับ...”










…..





“อาบน้ำอีกรอบไหมครับ?”


หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการจอง (จองบ้าจองบออะไร ไร้สาระ) คนอะไรวะ พกอาวุธการทหารมากับตัวตลอด แม่งอะไรจะขนาดนั้น แถมเสียงร้องขอความสุขก็แทบจะดึงอารมณ์ผมเข้าไปอยู่ในวังวนนั้นอีกรอบ เกือบหลุดออกมาไม่ได้


“เพิ่งจะอาบมา”


“เหอะนะ ไปอาบกับอาร์มเนี่ยล่ะ จะได้ไวๆ”

แต่ไอ้ที่ทำไปเมื่อกี้ก็ควรล้างๆกันบ้างแหละ เอาเหอะ ไหนๆก็เห็นกันหมดและ ยิ่งไปกว่านั้นกับไอ้กี้ผมยังเคยอาบน้ำด้วยวันรับน้องอยู่เลย กับอาร์มก็คงไม่ต่าง


“เออๆ ก็ได้”















“ไอ้สัส ไปไหนมามึงอะช้า เลยไม่ได้เห็นมีนาโดนพี่บาสรับน้องเลย”

สาสสสส ไม่ให้ช้าได้ไงอะ กว่าจะอาบน้ำเสร็จ ไอ้พิธีบ้าบออะไรนั้นก็ไปทำต่อในห้องน้ำอีกรอบ เพลียชิบแล้วผมเนี่ย


“พอดีกู…”


“อย่าบอกนะ มึงกับไอ้เติ้ล…”


“หยุดเลย กูแค่รอมันอาบน้ำแล้วออกมาพร้อมกัน”

เชี้ยกี้ สันหลังผมลั่นปิ๊ดเลย แม่งรู้ดีสัส ขอโทษนะมึงที่กูต้องโกหก เชี้ยยย มันไม่ใช่เรื่องที่จะบอกกันตรงๆนี่หว่า ไอ้ห่าอาร์มก็ยิ้มไม่ช่วยแก้คำอะไรเลย


“ว่าแต่ มึงเป็นไรวะ หน้าแดงๆ ไม่สบายหรอ”


“เปล่า เออชั่งเหอะ ว่าแต่เขาทำอะไรกันวะ”


“ไม่มีไรอะ เล่นเกมทั่วๆไป เออ แล้วคืนนี้พวกมึงสองคนไปกินเหล้าห้องพี่บาสป่ะ ว่าไงเติ้ล”


ผมหันไปมองอาร์ม ดูว่ามันจะตอบยังไง


“ไม่ดีกว่ากี้ วันนี้อาร์มเหนื่อยๆอยากนอนไวๆ”

เหนื่อยดิห่า เล่นทำแบบนั้นตั้งสองรอบ เล่นเอาผมจะหมดแรงเดินเหมือนกัน นี่แค่จองนะ ถ้าทำจริงๆผมไม่ตายเลยหรอ


“ตามนั้น”

ผมตอบไอ้กี้


“เออ งั้นไอ้เติ้ล กูยกห้องให้มึงกับเมียละกัน คืนนี้กูกับดิวดูแลไอ้นัทให้”

“เชี้ย กี้ เมียเชี้ยไร

“เห้ยแต้งกิ้วมากครับกี้”

สาสสสส แล้วคืนนี้ผมจะโดนจองอีกไหมเนี่ยยยยยย


“พูดถึงนัทกับดิว สองคนนั้นอยู่ไหนกันหรอวะ”

ผมถามไอ้กี้


“พี่ตั้วให้ไปช่วยยกเหล้าเบียร์อะ”

แล้วมันก็เขยิบ มาใกล้ๆหูผม เหมือนจะแอบพูดอะไรซักอย่าง


“มึงไม่รู้ใช่ไหม ว่าห้องพักรีสอร์ทเนี่ยไม่เก็บเสียงอะ”


… ผมหยุดสตั้นไปหนึ่งที


“ไม่รู้ ทำไมหรอ”


“เออนั้นแหละ”

พอนึกได้เท่านั้นแหละ ไอ้เชี้ยกี้ แม่งต้องมาได้ยินตอนผมกับอาร์ม….กันแน่ๆๆ


“ไอ้สาสสสสส”


“มีไรกันหรอ”

อาร์มที่กำลังสนใจการเล่นเกมหน้ากองไฟอยู่ ตกใจการอุทานของผม


“ไม่มีไรๆ”


“มึงได้ยินหรอวะ”

ผมกระซิบข้างหูมัน


“เออ… ไม่ต้องซีเรียส กูไม่บอกใครหรอก”

อันนั้นผมอะรู้แล้วววว แต่ผมอายเว้ยยยย


“เชี้ยยยย”


“การจองของมึงสองคนนี้แปลกดีเนอะ”


ไอ้สาสสสส ยังจะแซวอีก


“ไอ้เหี้ยกี้”

ผมกำลังจะเตะก้นมันอยู่แล้วเชียว


“หยุดเลยมึง หรือจะให้กูพูดดังๆ”


“พูดอะไรหรอกี้”

ไอ้สาสอาร์มมมมม ได้ยินอีกกก


“ไม่มีไรๆ”


“ต้องมีแน่ ตัวเล็ก…”

มึงอะ สาเหตุ ไอ้อาร์มมมมม


“ไม่มีไรมึง พอดีมันจองหนังสือโป๊ไว้ กูเลยจะแกล้งมันซะหน่อย”

สาสสส แถได้เหี้ยมาก


“ห่ะ จริงหรอตัวเล็ก… เดี๋ยวนี้เขาไม่ดูกันแล้วนะหนังสือโป๊อะ ดูเว็บเอาดิครับ”

มันใช่เรื่องมาชี้แนวทางไหม


“พอเลย ทั้งคู่ ไม่งั้นกูโกรธทั้งคู่”



“แล้วนี่พวกกูต้องเข้าไปอยู่กลุ่มใครวะ”


“ลองไปถามพี่สตาฟซักคนดิ แต่กูว่านะ พวกมึงเนียนๆ มาอยู่นี่แหละ เขาไม่ได้เรียงตามสี”


“เออดี…”



“อ่ะ น้องๆ ครับ จริงๆแล้วกิจกรรมในช่วงนี้เป็นช่วงเวลาละลายพฤติกรรม ที่พี่อยากให้น้องๆ รู้สึกเป็นกันเองต่อพี่ๆและเพื่อนๆตัวเอง ตอนนี้เวลา...อืม… 2 ทุ่มและ เดี๋ยวพี่จะบอกแผนกิจกรรมคราวๆของวันพรุ่งนี้แล้วพวกพี่จะปล่อยให้น้องๆไปพักผ่อนตามอัธยาศัยนะครับ”


“ไอ้พี่บาสเวลามันวางมาดเฮดรุ่นพี่นี้ คนละคนกันเลยเนอะ”

ไอ้กี้แซวพี่บาสให้ผมฟัง

“เออดิ ไม่น่าเชื่อหล่อๆ อย่างเฮียแก จะมาเป็นพี่รหัสกูได้”

จริงครับ พี่บาสเนี่ยตอนไม่อยู่ในมาดคุมกิจกรรมกับพวกกี้กับผมนะ คนละคนเลยครับ แม้จะมีมาดความเป็นพี่ใหญ่ก็เถอะ แต่ความดูเป็นพี่ชายที่เทคแคร์ดูแลน้องนี้ จะว่าอบอุ่นก็ประมาณนั้นล่ะมั้ง


“เห้ย ว่าแต่มึงรู้ยังวะ ว่าพี่คนไหนนอนห้องเรา”


“ยังว่ะ ไม่เห็นมีกระเป๋าห่าไรมาวางไว้ในห้องเลยนี่”


“ก็ไอ้พี่บาสนั้นแหละ”

เอ้าและที่บอกว่าจะไปกินเหล้าห้องพี่บาสนี่คือยังไง


“อ้าว แล้วคืนนี้ที่มึงบอกว่าจะไปกินเหล้าห้องพี่บาสอะ”


“ก็เพราะพวกมึงสองตัวนั้นแหละ พี่แกเลยไม่อยากเป็นกขค.”

อ่อ งี้เอง อะไรจะขนาดนั้น นี่มาทำกิจกรรมนะไม่ได้มาฮันนี่มูน (เห้ย มันต้องแต่งงานก่อนดิ ถึงจะฮันนี่มูนได้ เดี๋ยวๆ นี่ผมคิดไกลขนาดไหนเนี่ย)


“ก็เวอร์ไป ห่า นั้นก็พี่ นี่ก็เพื่อน มึงอะไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ แดกเหล้าเสร็จก็ลากคอพี่บาสมานอนห้องตัวเอง บอกไอ้พี่บาสด้วย พวกกูไม่ใช่ปาท่องโก้ ห่างบ้างไม่เป็นไรหรอก”

อีกอย่างนะ เดี๋ยวแม่งก็เล่นพิธีจองผมบ้าบอแบบนั้นทั้งคืนอะ ไม่เอา ตายห่ากันพอดี


“แน่ใจ…?”


“เออ อาร์มอะ โอเคไหม”


“แล้วแต่ตัวเล็กเลยครับ แต่จริงๆอาร์มก็อยากนอนกับตัวเล็กนะ ไม่ใช่เพราะติดตัวเล็กหรอกนะ แค่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากอยู่ใกล้ๆ”

…เลี่ยนชิบ เดี๋ยวไอ้กี้ต้องแซวแน่ๆ


“อื้อหื้อ จ้า พ่อยอดดอกเข็ม หวานกันเหลือเกินนน”

นั้นไง กะแล้วไม่มีผิด


“เอาเป็นว่าไอ้พี่บาสมันจัดแจงห้องและข้าวของพี่เขาเรียบร้อยแล้ว ส่วนกู เดี๋ยวก็เมาเละเทะที่ห้องพี่แกอยู่ดี ไอ้นัทก็คงไม่ต่างกัน เพราะไงคืนนี้กูจะไม่ปล่อยให้รอดสายตา ตามที่กูสัญญากับไอ้เติ้ล”

“เยี่ยมมากกี้”

เอาเข้าไปๆ เออๆ ตามนั้นและกัน


“แล้วแต่วุ้ย”


“พวกน้องข้างหลังอะ ฟังพี่หน่อย! ไอ้จิมเดี๋ยวเหอะมึง”

ไอ้พี่บาส สะกิดเรียกให้เงียบซะแล้ว ผมนี่สะดุ้งจนเผลอยกมือไหว้ขอโทษทันที ปี 1  คนอื่นๆ ก็มองกันซะอายชิบ


“เพราะมึงเลยไอ้กี้”


“พรุ่งนี้นะน้องๆ เจอกัน 8 โมงเช้า ทานอาหารเช้าเสร็จ เราจะให้เวลาส่วนตัว แล้ว 11 โมงเราจะรวมเช็คเอ้าท์ออกจากที่นี่”

ห่ะ สามวันสองคืนไม่ใช่หรอทริปนี้ ทำไมเช็คเอ้าพรุ่งนี้แล้วอะ


“แต่หลังจากนั้น เราจะมาทำกิจกรรมอีกหนึ่งกิจกรรมก่อนที่เราจะมาใช้ชีวิตติดดินกันอีกคืนสุดท้าย”

ห่ะ… อย่าบอกนะ จะพาไปนอนข้างถนน


“พูดกันตรงๆเลยว่าเรา จองห้องพักที่น้องๆ นอนกันคืนนี้ได้คืนเดียวเท่านั้น แต่ว่าไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องที่นอนสำหรับคืนพรุ่งนี้ นั้นเลย”

แล้วเฮียแกก็ชี้ไปที่ตึกเล็กๆ สองตึกติดกัน จะเรียกตึกได้ไหมมีแค่สองชั้นเองมั้ง

“นั้นคือ ที่พักของเราในคืนพรุ่งนี้ แน่นอน น้องๆจะนอนรวมกันห้องละสิบกว่าคนเลยทีเดียว ฉะนั้นวันนี้พี่ถึงทำกิจกรรมให้น้องๆ สนิทกันไว้”

สิบคนเลยหรอวะ ห้องจะเล็กไหมเนี่ย อึดอัดแน่เลย ไอ้พี่บาสเล่นพวกผมแล้วครับ


“มึง หวังว่าตึกนั้นคงไม่มีผีสิงนะ”

“ไอ้เชี้ยกี้… เดี๋ยวกูเตะปากแตก ใครให้มึงพูดเรื่องนี้”

แม่งเอ๊ย มันรู้เรื่องที่ผมกลัวผีทีก็หาเรื่องแกล้งกันจนได้


“ตัวเล็กกลัวผีหรอ?”


“เออดิ วันรับน้องกูกับไอ้ดิวขำชิบหาย แม่งโดนพี่บาสแกล้ง ไม่หลับไปทั้งคืน สุดท้ายไอ้ห่านี้แม่งก็ไปหลับตอนเช้า พูดไปก็แค้นเช้าวันนั้นพวกกูเลยโดนทำโทษเต้นหน้าแถว เพราะเชี้ยจิมตื่นสายเนี่ยล่ะ”


เอาเข้าไปๆ เผากูเข้าไปไอ้เชี้ยกี้


“ฮ่าๆๆ”

มีหน้ามาขำแฟนตัวเองอีก แม่งน่าโดนถีบไข่


“ขำไร ไม่ขำนะเว้ย น่ากลัวจะตาย”


“แล้วตัวเล็กเคยเห็นผีหรอ?”

เออว่ะ ก็ไม่เคยนะ แต่ไม่อะ บรรยากาศขนลุกแบบนั้น มันก็กลัวไปอัตโนมัต


“เคยดิ มันน่ากลัวมากตอนนี้ก็มีนะ น่ะ...ตรงนั้น”

เอาคืนซะหน่อย นี่เล่นเองก็เสียวจะเจอเอง ผมชี้ไปตรงใต้ต้นไม้บนชายหาดมืดๆ


“พูดเป็นเล่น”

ไอ้กี้ดูหวั่นๆ ขนลุก มันคงคิดว่าผมคงมีเซ็นเรื่องแบบนี้ไม่งั้นผมคงไม่กลัว


“จิมครับ… จิมก็เห็นเหมือนกันหรอ”

ห่ะ? … อย่าทำเป็นเล่นไอ้อาร์ม กูไม่เห็นอะไรเลยนะเว้ย เอาแล้วไงง


“...”


“ผู้หญิง ผมยาว…”

เชี้ยละ ไม่นะเว้ย ไม่เอาาาา


“ตรงไหนวะ ไม่เห็นมีอะไรเลย”

ใช่กี้ กูก็ไม่เห็น


“มันจะมีได้ไงล่ะ อาร์มก็พูดเล่นอะเนอะ”

สัส กวนตีนซะแล้วไหม ไอ้อาร์มเล่นผมซะแล้ว


“เชี้ยเติ้ล เดี๋ยวมีมาจริงๆ มึงจะซวย”

ไอ้กี้ด่าใหญ่ เอาจริงๆ มันก็คงกลัวไม่แพ้ผม


“เอาเป็นว่า รายละเอียดกิจกรรมและที่พักของพรุ่งนี้พี่จะพูดอีกทีตอนเช้า ตอนนี้พี่อยากให้น้องๆไปพักผ่อนกันได้ตามอัธยาศัยเลยนะครับ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะครับทุกคน”

ถึงจะบอกให้พักผ่อนตามอัธยาศัย แต่พี่ๆก็ไม่ได้ให้พวกเราแยกออกนอกเส้นทางที่จะเข้าไปห้องพักซักคน


“เห้ย จิม”

พี่บาสเรียกผม ก่อนที่ผมจะเดินกลับห้อง


“ครับพี่”


“ไปไหนมาวะ ไม่มาทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ มึงด้วยไอ้เติ้ล”


“เอ่อ…”

ถ้าบอกความจริง… ก็บ้าและ มันใช่เรื่องจะเอามาพูดไหม


“พอดีไอ้เตี้ยมันปวดหัวนิดหน่อยอะพี่ อาร์มเลยอยู่ดูอาการ”

เอาตัวรอดได้เก่งมาก


“อ่าว แล้วเป็นไรมากเปล่า เอายาไหม”


“ผมมีแล้วพี่”


“เซ็ง กูว่าจะชวนพวกมึงไปกินเบียร์ที่ห้องกูซะหน่อย”


“ไปได้นะพี่ เดี๋ยวผมไปนั่งฟังพวกพี่เมาๆ กันก็ได้ครับ”

ผมตอบพี่แกไป เพราะไงผมก็คงไม่ค่อยกินเหล้ากินเบียร์อยู่แล้ว ผมไม่ค่อยชอบ


“ตัวเล็ก ไม่นอนพักหรอ”

อันที่จริงที่ว่าเพลียจากการทำพิธีจองของไอ้อาร์มมัน ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ แต่ไม่อะ อยู่ห้องมันน่าเบื่อ

“ไม่อะ เบื่อๆไม่มีไรทำ”


“เห้ย มึงอะ นอนพักดีกว่า ไว้พรุ่งนี้ถ้ากูตั้งวงกันอีก มึงค่อยมาแจม”


“ใช่ตัวเล็ก เดี๋ยวอาร์มอยู่เป็นเพื่อน”

เชี้ยยย มึงอะน่ากลัวที่สุดเลยไอ้หื่น สายตาแบบนั้น


“หวานกันเข้าไปพวกมึง โอเค กูไม่กวนพวกมึงละ ไปไหนก็ไป”


“ฝันดีครับพี่”

กอดคอผมแน่นเลยนะ


“ปล่อย กูหายใจไม่ออก”


“อ่อยเข้าไป เลิกยิ้มแบบนั้นให้พี่บาสซักที ยิ้มให้อาร์มคนเดียวพอ”


“อะไรวะ ยิ้มอะไร อ่อยอะไร”


“ไม่รู้เว้ย หวง จิมเป็นของอาร์มแล้ว อาร์มมีสิทธิ์หวง”


“น้อยๆ หน่อย กูไปเป็นของมึงตอนไหน”

….สายตาเจ้าเล่ห์แบบนั้น


“จะต้องให้รื้อฟื้นไหมเตี้ย”


“เออๆ รู้แล้วๆ เหอะ”

ในหัวผมมีแต่ฉากลามก เต็มหัวไปหมด เห้อออ


“ป่ะ กลับห้องกัน”


“แต่นี้สองทุ่มเองนะ กูยังไม่ง่วงเลย”


“งั้นทำอะไรดีล่ะ”

นั้นดิ ไปหาอะไรกินเล่นและกัน


“ไปเซเว่นมะ กูเห็นเซเว่นก่อนเข้ารีสอร์ทมา”


“อาร์มมมมมมมม”

เสียงชวนระเบิดหูมาอีกแล้วครับท่าน… มีนา


“อ่าวมีนา ไม่ได้กลับห้องหรอ”


“พอดีมีนากลับห้องไปเอาตัง อาร์มไปเซเว่นเป็นเพื่อนมีนาหน่อยได้ไหมคะ พอดีเห็นมีหน้ารีสอร์ท มีนาอยากซื้อขนมมากินเล่นกับเพื่อนๆในห้อง”


“เอ่อ….”

มามองผมทำไม


“งั้นจิมไปด้วยกันเปล่า”

อาร์มมันจะถามผมในสิ่งที่ผมชวนมันตอนแรกอยู่แล้วทำไม

จากที่อารมณ์ดีๆ เมื่อกี้ ตอนนี้ไอ้ความรู้สึกตอนที่ไปได้ยินอาร์มกับมีนาคุยกันสองคนมันกลับมาซะงั้น นอยแดก…


“ไม่เป็นไร กูกลับห้องก่อน”


“เห้ย ไปกับอาร์มหน่อยเดี๋ยวอาร์มเลี้ยงขนม”

สาสสสส เห็นเป็นคนเห็นแก่กินตั้งแต่เมื่อไหร่


“เออๆ ไปก็ได้”

อันที่จริงผมไม่ได้จะห่วงกินหรอกนะครับ แต่สายตาของผู้หญิงคนนี้จะเอาเรื่องผมอย่างเดียวเลย บางทีนะ ผมคิดว่าผมก็ไม่ควรตามน้ำเธอให้เธอมีความสุขอยู่กับอาร์มมันบ้าง อย่างน้อยๆ ถ้าผมเป็นของอาร์มแล้ว งั้นอาร์มก็เป็นของผมเหมือนกัน


สีหน้าไม่พอใจอย่างแรงที่เธอมองแล้วหันเดินไปนั้นบ่งบอกเลยว่า คงจะหงุดหงิดที่ไม่ได้อยู่กับอาร์มสองต่อสอง


“ง้ันเดี๋ยวกูไปเอาตังที่ห้องก่อน เดินไปกันก่อนเลยเดี๋ยวตามไป”


“ไม่ต้อง…”

แล้วอาร์ม ก็ดึงกระเป๋าตังที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงโชว์ ราวกับหมายความว่าจะเลี้ยงขนมผมจริงๆ งั้นแหละ


“ก็บอกแล้วไง ว่าจะเลี้ยงขนม ไปครับ”

แล้วมันก็เดินเข้ามาสวมกอดที่คอผมอย่างไม่สนหน้าหงุดหงิดของมีนาแล้วเดินต่อไปที่ทางไปร้านเซเว่น


“เออ จะว่าไป อาร์มดูสนิทกับจิมมากเลยเนอะ”


“อืม ก็อย่างที่เห็นอะครับ”




“สนิทกันตั้งแต่ไฮสคูลเลยหรอ?”


“เปล่าหรอก ก็เพิ่งสนิทมากๆ ตอนเดือนสองเดือนนี้เอง ก่อนหน้านั้นก็เห็นๆ ผ่านๆ”

ไอ้ห้องสมุดที่มึงจงใจทำให้เกิดอุบัติเหตุสินะ วันแรกที่เจอมัน จนตั้งแต่นั้น ก็เจอมันที่ห้องสมุดอยู่บ่อยๆ


...ไหงมันหยุดเดิน แถมมองมาทางผมอย่างเหม่อๆ แบบนั้นวะ


….



“อาร์ม”


“ไอ้อาร์ม เห้ย”


….



เป็นไรของมันวะ






………………………………………………………………………




“แม้ความรักจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนสองคน แต่ความรักก็ไม่มีใครเป็นเจ้าของมันไปได้ตลอดกาล”


Talk : ในที่สุดก็ว่างเขียนต่อซักที ขออภัยที่ทำให้ช้านานเกินรอ ยังจะมีคนติดตามอยู่ไหมน้อออ กราบขอบคุณที่ติดตามมากๆ เลยนะครับ แม้ผู้เขียนชีวิตติดๆขัดๆ แต่ก็ยังไม่ละความฝันเด้อ


HAPPY NEW YEAR นะครับ ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงกันทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-01-2018 02:22:42
ง่าาา เริ่มไม่เข้าใจอาร์มแระ ว่าคิดอะไรอยู่
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-01-2018 10:00:08
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-01-2018 23:48:28
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 31-01-2018 22:09:04
มีจองกันก่อนด้วย
แต่มีนานี่ท่าจะไม่ยอมถอยง่ายๆนะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-02-2018 21:29:01
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-04-2018 14:36:47
 :call: :call: :call:

ดันหน่อย  ฮึบ ๆ
หัวข้อ: Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 07-04-2018 08:30:51
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีค่ะ
แต่เริ่มสับสนกับความเป็นอาร์ม ..
แรก ๆ เหมือนจะอยากประกาศว่าเป็นแฟนจิม

แต่ทำไมพอเจอมีนา อาร์มดูอ้ำอึ้ง ดูลังเล ดูปกปิด
นิสัยย้อนแย้งจัง
เป็นแบบนี้ จิมต้องให้บทเรียนแล้วละ

ป.ล. คำผิดเยอะมากนะคะ เยอะมาก ๆ
เอาว่า พอเขียนจบ จะช่วยแก้คำผิดให้ค่ะ