พิมพ์หน้านี้ - ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: jellyfish ที่ 24-04-2011 22:33:00

หัวข้อ: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 24-04-2011 22:33:00
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


----------------------------------------------





ประลองรัก..

   


ค่ำคืนในยามบ้านเมืองสงบสุข ผู้คนต่างออกมาหาความสำราญ ตามสองข้างทางร้านค้าครึกครื้นไปด้วยผู้คนที่ออกมาเที่ยวสนุกสนามในโรงเหล้า โรงน้ำชาและ หอโคมแดง

   “วันนี้เราจะประมูลแม่นางไห่ซิน หญิงสาวผู้ขาวดั่งหยวกกล้วย งดงามและบริสุทธิ์ มิเคยต้องมือชายใด คุณชายท่านใดอยากประมูลนาง เชิญเข้ามาได้เลยค้า” เสียงหวานแหลมสูงของแม่เล้าแก่เรียกเหล่าคุณชายน้อยใหญ่ ไปจนถึงเหล่าองค์ชายผู้มั่งคั่งให้สนใจจะแย่งชิงตัวแม่นางไห่ซินจนต้องเดินเข้ามาในหอโคมแดง หวังเชยชมความงามที่ถูกกล่าวถึง
   
คุณชายหนุ่มพร้อมองค์รักษ์ร่างสูงใหญ่ ก้าวย่างเข้าไปในหอโคมแดงชั้นสูง กลิ่นยาสูบคละคลุ้ง หมอกกำยานกำจายไปทั่ว สร้างเสน่ห์แบบลึกลับให้กับหญิงสาวในชุดน้อยชิ้น มองเห็นสาวงามบนเวทีอย่างลางเลือน

“ไห่ซินขอคารวะคุณชายทุกท่าน ไห่ซินเป็นเพียงหญิงตัวเล็กมิอาจมีสิ่งใดตอบแทนได้ จึงขอมอบบทเพลงแห่งขุนเขาเป็นการตอบแทนที่ได้มาพบประกันในวันนี้” เสียงบรรเลงผีผาห้าสาย เพราะพริ้งพลิ้วไหวดุจดั่งสายลมหวีดหวิว ยิ่งทำให้เหล่าคุณชายน้องใหญ่อยากได้ตัวนางมาครอบครองยิ่งนัก

“ข้าให้หนึ่งพันตำลึง” คุณชายชุดขาว กล่าวขึ้นทั้งที่บทเพลงยังคงไม่จบ

“ข้าให้หนึ่งพันห้าร้อยตำลึง” เสียงดังต่อท้ายไม่ถึงเสี้ยววิโดยคุณชายหนุ่มชุดแดง

“ข้าให้สามพันตำลึง” อีกหนึ่งกล่าวขึ้นทันที แล้วตามด้วยเสียงของคุณชายตระกูลดังมากมาย จนค่าตัวแม่นางไห่ซินพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์

“ข้าให้ห้าพันตำลึง มีใครยังคิดแย่งแม่นางคนสวยนี้จากข้าอีกหรือไม่” เสียงคุณชายหนุ่มชุดแดงที่เริ่มมาแต่ต้นยอมทุ่มทุนเพื่อแม่นางในหอโคมแดง ตามประสาคุณชายเจ้าสำราญ

“คุณชายไม่คิดสู้กับคุณชายผู้นั้นหรือขอรับ เพียงท่านเอ่ยปากคงไม่มีใครในที่นี้กล้าต่อกรด้วย”

“อย่าเลย เรายังไม่อยากเป็นคุณชายที่มีเพียงเงินแต่ไร้สมองตรึกตรอง แบบคุณชายผู้นั้น ที่คงไม่มีการงาน ผลาญเงินของพ่อแม่ไปเท่านั้น วันนี้พอแค่นี้เถอะ เราสมควรกลับกันได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นหาเราไม่เจอแล้วจะวุ่นวาย”

“ขอรับ คุณชาย”




* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีค่ะ ขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะค่ะ เดิมมันเคยเป็นแฟนฟิคมาก่อน แต่ไอซ์อยากทำให้มันเป็นจีน จี้น จีน แบบจริงจัง เลยมารีไรท์ค่ะ

   ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 24-04-2011 22:43:20
 :mc4:



หัวข้อ: Re: ...รักล้นใจ...(อัพครั้งที่ 16)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 24-04-2011 22:54:43
จี้น จีนแต่ก้อจิ้นได้ใช่ม่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 25-04-2011 07:01:40
มาเปิดโรงด้วยคน :mc4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: raintaeng ที่ 25-04-2011 07:32:48
มาเจิมมๆๆๆๆ  :-[
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: July_Moon ที่ 25-04-2011 13:11:11
 :mc4: :mc4: :mc4:
มาช่วยฉลองรับเรื่องใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 25-04-2011 14:05:08
สงสัยคุณชาย สองท่านนี้จะมาปะกันเองแน่ๆเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ...รักล้นใจ...(อัพครั้งที่ 16)
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 25-04-2011 14:25:03
วาว!!!


คุณชายผู้แสนเย็นชา  :o8:


^^


 :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 25-04-2011 23:39:40
น่าติดตามครับรออ่านตอนต่อไปค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 25-04-2011 23:45:56
 :L1:

ชอบแนวจีนที่สุดเลยค่ะ จะรออ่านเน้อ~
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: EVE910 ที่ 26-04-2011 11:59:13
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทที่1) ๒๗/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 27-04-2011 01:04:32
ประลองรัก... 一

   คุณชายหนุ่มเจ้าสำราญโอบอุ้มร่างบอบบางของหญิงสาวจากสำนักโคมแดงลงจากหลังม้าตัวใหญ่ พาเดินเข้าวังชิวเลี่ยน เดินผ่านหน้าตำหนักหลังใหญ่ หากแต่กลับถูกรั้งไว้ด้วยเสียงที่ทรงอำนาจที่สุดแห่งวังนี้ “เที้ยนหยวนเจ้าไปพาใครเข้าในบ้าน”

   “ท่านพ่อ!” เสียงตกตะลึงของอ๋องน้อยเพียงองค์เดียวแห่งวังชิวเลี่ยนผู้มีใบหน้าได้รูป ดวงตากลมประกายแฝงความวิบวับรับกับคิ้วยาวที่จรดกันรำไรที่กึ่งกลาง รูปร่างเพรียวอย่างคุณชายผู้ไม่เคยต้องงานหนัก บุตรชายท่านปาหยางอ๋อง คุณชายเจ้าสำราญผู้ออกเที่ยวในทุกราตรี

   “เจ้ายังเห็นว่าข้าเป็นพ่อก็วางผู้หญิงคนนั้นซะ” เสียงสูงทรงอำนาจของปาหยางอ๋องสั่งลูกชาย  แววตาเรืองๆมองหญิงสาวในมือลูกชายอย่างไม่พอใจ หญิงชั้นต่ำที่บังอาจก้าวล่วงเข้ามาในวังอันสูงส่ง

   “ท่านพ่อข้าคงมิอาจให้เท้าน้อยๆของแม่นางไห่ซินได้สัมผัสกับพื้นดินอันหยาบกระด้าง ข้าขอตัวก่อน”

   “แก” มือเหี่ยวๆชี้หน้าลูกชายด้วยโทสะ ที่ขัดขืนประกาศิตของอ๋องใหญ่

   “ขอโทษนะท่านพ่อ แต่ข้าไม่อยากเถียงกับท่านเวลานี้ ดูใบหน้าหวานของแม่นางไห่ซินสิท่านพ่อ นางหวาดกลัวท่านไปหมดแล้ว เจ้าอย่าได้กลัวพ่อข้าไปเลยนะ ไห่ซิน” อ๋องน้อยโอบอุ้มร่างอวบอัดของหญิงสาว พาไปยังตำหนักหลังย่อมที่ประดับดาด้วยดอกไม้สีหวาน

   เงาเปลือยเปล่าเคลื่อนไหวของสองคนที่ทาบทับแลกเปลี่ยนความหวานล้ำอย่างเชี่ยวชาญ เปลวเทียวไหวระริก ด้วยลมหายใจที่หอบสะท้าน แสงเทียนสะท้อนหยาดน้ำบนเรือนกายเป็นประกายระยิบระยับ ความสุขล้น ถูกตักตวงอย่างไม่เบื่อหน่าย

   ทั้งสองว่ายวนอยู่ในกระแสแห่งตัณหา ไม่รู้จักคำว่าเบื่อหน่าย เงินห้าพันตำลึงที่เสียไปแลกได้กับความสุขที่ล่วงเลยเข้าสู่คืนที่สาม

   “เที้ยนหยวน” ปาหยางอ๋องเปิดประตูเข้าสู่ตำหนักลูกชายด้วยความเดือดดาล เมื่อล่วงเข้าสู่วันที่สาม หากแต่ลูกชายยังคงระเริงอยู่ในห้วงแห่งราคะ และคงจะไม่โกรธเท่านี้หากวันนี้จะไม่ใช่วันฉลองพระชนน์พรรษาครบสิบเก้าพรรษาของฮ่องเต้องค์ใหม่

   ทหารประจำตำหนักกรูเข้ามาแยกอ๋องน้อยเพียงหนึ่งเดียวแห่งวัง ออกจากเนินเนื้อขาวนุ่มของหญิงจากหอโคมแดง ก่อนจะจับยัดลงในอ่างไม้ที่เหล่านางกำนัลเตรียมไว้ตามคำสั่งของท่านอ๋อง ก่อนที่พวกนางจะเข้าแต่งกายให้กลายเป็นอ๋องน้อยผู้สูงศักดิ์ และเหมาะสมจะเข้าร่วมพิธีหลวง

         * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
งานรื่นเริงของวังหลวงเหล่าอ๋องเล็กอ๋องน้อย ขุนนางอำมาตย์ ต่างเตรียมตัวมาเพื่อถวายพระพรฮ่องเต้อี้หลง ฮ่องเต้หนุ่มผู้เป็นเจ้าของงานวันนี้

   “ฝ่าบาทนั้นใช่ คุณชายที่ประมูลแม่นางในหอโคมแดงด้วยเงินสามหมื่นตำหมื่นทองหรือไม่” องค์รักษ์ประจำองค์ที่มักติดตามฮ่องเต้ออกนอกวังเสมอ ชี้ชวนให้ฮ่องเต้ทอดเนตรคุณชายเจ้าสำอางในวันนี้ที่แขวนป้ายหยกแสดงฐานะอ๋องจากวังทู่หลง

   “ก็คงใช่มั้ง รักสนุกไปวันๆ ไม่แปลกเลยที่มาจากวังทู่หลง คงไม่ต่างกันนัก พ่อและลูก” พระเนตรเฉียบคมมององค์ชายร่างเพรียวที่กำลังพูดคุยกับนางกำนัลจากห้องเครื่อง  

          * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

อ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงยืนเกี้ยวพาราสีนางกำนัลจากห้องเครื่อง ลืมเลือนแม่นางไห่ซินที่กำลังรออ๋องน้อยกลับไปกกกอดอีกครั้ง “กลิ่นกายเจ้าช่างหอมหวนยิ่งนักแม่นาง จนข้าเสียดายที่องค์ฮ่องเต้เอาแต่เก็บเจ้าไว้กับเนื้อสัตว์ ช่างเป็นการละเลยหญิงงามเช่นเจ้าได้อย่างหยาบคายที่สุด”

   “หามิได้เพคะท่านอ๋อง เมิ่งลี่เป็นแค่นางกำนัลธรรมดา หน้าตาหรือจะสู้เหล่าองค์หญิงน้อยใหญ่ที่รัฐต่างๆส่งมาบรรณาการแด่องค์ฮ่องเต้ได้” ใบหน้าขาวใส เอียงอาย แก้มแดงสะท้านเมื่อนิ้วเรียวของอ๋องน้อยเชยคางให้สบดวงตาคู่กลม

   “ใยเจ้าจึงประมาณตนต้อยต่ำเยี่ยงนั้นเล่า ข้า....” แววตากรุ่มกริ่มมองยาวเลยผ่านสาวงามตรงหน้าไปยัง อีกหนึ่งนางที่กำลังสนุกสนามกับอาหารรับรองบนโต๊ะตัวยาว ติดเพียงแค่นางกำนัลตรงหน้าเท่านั้น “ข้าคงต้องไปหาท่านพ่อเสียแล้ว เมิ่งลี่หากข้าสามารถเจรจากับท่านพ่อได้เจ้าจะออกไปอยู่ตำหนักข้าได้ไหม เป็นคนทำอาหารให้กับคนเดียวเท่านั้น”

   “ท่านอ๋อง ข้า....”สาวงามผู้ซื่อใสไม่เคยถูกเล่ห์เหลี่ยมใดหรือจะเท่าทันอ๋องน้อยนักรัก

   “หากเจ้าไม่ตอบข้อถือว่าเจ้ายินยอมแล้วนะ” รอยยิ้มหวานชวนให้หญิงสาวมอบกายและใจให้ เป็นรอยยิ้มที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือมาช้านาน

   อ๋องน้อยสลัดสาวนางกำนัลได้ก็รีบเดินตรงเข้าหาหญิงสาวผู้กำลังนั่งเลือกสรรเหล่าอาหารมังกรเข้าปากอย่างสนุกสนาม

   “สิ่งนั้นเรียก เกี๊ยวสวรรค์ ว่ากันหากได้ลิ้มรสจะเหมือนได้อยู่แดนสวรรค์” เสียงทุ้มข้างหูทำให้สาวน้อยตกใจเผลอปล่อยตะเกียบเงินร่วงสู่พื้น “ข้อขอโทษ ไม่ตั้งใจทำให้ท่านตกใจ เห็นเพียงแม่นางกำลังลังเลที่จะลิ้มรสอาหารแสนรส ข้าชื่อ เที้ยนหยวน อ๋องน้อยแห่งวังทู่หลง ไม่ทราบว่าแม่นางคือ...”

   “เราชื่อ ย่าหนาน องค์หญิงแห่งเกาะชิงเต่า ขอบคุณท่านอ๋องที่อยากช่วยแนะนำเรา” องค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ตกอยู่ในมนต์เสน่ห์แห่งรอยยิ้ม หยิบยื่นไมตรีให้อย่างง่ายดาย

   “หม่อมฉันขอประทานอภัยที่กล่าวล่วงเกิน เพราะหารู้ไม่ว่าท่านเป็นถึงสาวผู้สูงศักดิ์” ร่างเพรียวรีบโค้งกายขออภัยยามล่วงเกินสาวงาม

   “ไม่เป็นไรหรอก เราก็ไม่มีเพื่อนคุย หากท่านไม่รังเกียจ เชิญนั่งเป็นเพื่อนเราก่อนจะได้ไหม ช่วยแนะนำอาหารมากมายพวกนี้ให้เรารู้จักที”

   “ได้กระหม่อม แต่หม่อนฉันเคยได้ยินว่าชาวชิงเต่า หญิงชายล้วนร่ำสุราเก่งยิ่งนัก” แม้ดวงตากลมโตช่างดูจริงใจ หากแต่เจ้าของช่างมีหลายเล่ห์หลายเหลี่ยมยิ่งนัก

   “ท่านจะชวนเราดื่มหรือ ได้สิ เราเองก็อยากรู้เช่นกันว่าสุราในวังหลวงรสชาติดีเท่าเทียมสุราจากเกาะของเราไหม”

   มือขาวปลอดดั่งหิมะรินสุราจากวังหลวงลงในถ้วยเล็กให้องค์หญิงจากต่างแดน และรินให้ตนเองอย่างไม่รู้เบื่อ เสียงหัวเราะพูดคุยดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่เกรงต่อสายตาผู้ใดที่มองมา

   “แก้มท่านแดงแล้วน่าองค์หญิงงงงงงงง ท่านมาวแลวววว..เอิ้ก”

   “เราม่ายมาววว ท่านต่างหาก แก้มดั่งดอกเชอร์รี่ในฤดูหนาว ปากท่านก็คล้ายลูกเชอร์รี่เสียจริง ฮ่าๆ”

   “ท่านก็ไม่ต่างจากข้านักหรอกองค์หญิง” อาจเป็นเพราะความเมาทำให้ไม่อาจคุมสติได้ อ้อมแขนบางๆสวมกอดเข้าที่เอวบางขององค์หญิงอย่างจงใจ ก่อนบรรจงประทับรอยบนเรียวปากอิ่มอย่างเผลอไผล

   “ว้ายยยยยยยยยยย ท่านเที้ยนหยวน” เสียงกรี๊ดร้องขององค์หญิงเรียกให้สายตาของคนทั้งหมดหันมอง และหนึ่งในนั้นคือ ปาหยางอ๋อง.....

   “เที้ยนหยวน แกทำอะไร นั่นองค์หญิงแห่งเกาะชิงเต่านะ แก!!!” ปาหยางอ๋องกระชากแขนของลูกชายออกห่างจากองค์หญิงย่าหนาน

   เพลี้ยะ

   ใบหน้าแดงกล่ำเพราะฤทธิ์สุรา หันตามแรงตบจากผู้เป็นพ่อ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าพ่อด้วยความน้อยใจ

   “ท่านอา” เสียงทุ้มดังจากด้านหลัง ผู้คนต่างเปิดทางให้แก่ชายหนุ่มในชุดมังกรจักรพรรดิ ผู้มีใบหน้าเคร่งขรึม “เมื่อครู่ท่านทำอะไร ในงานวันเกิดของหลานกัน”

   “ข้าสั่งสอนลูกชายที่บังอาจล่วงเกินองค์หญิงย่าหนานผู้เป็นว่าที่สนมของพระองค์”

   “ท่านสั่งสอนลูกชายด้วยวิธีนี้หรือ แล้วลูกชายจะเชื่อฟังได้อย่างไรกัน จะเป็นไรไหมหากหลานจะขอนำตัวบุตรชายของท่านมาสั่งสอนในวังหลวง” ฮ่องเต้มองอ๋องน้อยถูกบิดาตบกลางวังหลวงด้วยความสมเพช แม้จะนึกสงสารบ้างก็ตาม

   “ฝ่าบาท จะดีหรือ~”องค์รักษ์ประจำตัวถามฮ่องเต้หนุ่มอย่างไม่เชื่อหู การพบเจอทั้งสองครั้งล้วนแสดงให้เห็นว่าอ๋องน้อยผู้นี้เป็นคนเช่นไร แล้วจะเอาเข้ามาอยู่ในวังหลวง เขาเกรงว่าต่อให้เคี่ยวกรำอย่างไรอ๋องผู้นี้ก็ยังคงนิสัยเดิม

   “อย่าพึ่งขัดเรา ตกลงท่านว่าอย่างไรท่านอา ให้หลานได้ไหม ถือเสียว่าเป็นของขวัญให้หลาน”

   “เอิ่ม...หากพระองค์ตรัสเช่นนั้น หม่อมฉันคงไม่อาจปฏิเสธได้ พรุ่งนี้เที้ยนหยวนจะเข้าถวายตัวเป็นข้าในวังหลวง แต่วันนี้เห็นทีคงต้องลากตัวกลับไปเสียก่อน” ปาหยางอ๋องผู้อับอายจากการกระทำของบุตรชายรีบบังคับให้อ๋องน้อยเดินไปยังเกี้ยวที่รออยู่

   “ท่านพ่อคงไม่รักข้าแล้วถึงทำเช่นนี้” เสียงพึมพำของอ๋องผู้เคยเห็นโลกมืดหม่น แต่วันนี้ท่านพ่อกลับกำลังไล่ให้เข้าไปอยู่ในดินแดนที่มีแต่กฎระเบียบเคร่งครัด หญิงงามก็น้อยนัก

   ข้าจะดัดนิสัยเจ้าและหาทางไล่พวกเจ้าทั้งตระกูลออกห่างจากกิจการบ้านเมืองให้จงได้  

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีค่ะ ย่องมาเงียบๆ มันดูรวบรัดไปหน่อย ในตอนแรก ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ

ขอบคุณคะ  
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 27-04-2011 01:18:18
ฮ่องเต้ กับท่านอ๋องงงงง
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่1) ๒๗/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: hikaru00 ที่ 27-04-2011 22:35:20
อ้ากกกกกกกกกก เอาแล้วงานนี้ ฮ่องเต้กับอ๋องน้อย อิอิ  :z1:

ชื่ออ่านยากหน่อย แต่ข้าพเจ้าจะพยายามจำให้ได้นะ รอ ร้อ รอ ให้ถึงฉากหวานไวๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่1) ๒๗/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 28-04-2011 01:03:50
ต่อโลด
จ้า :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่2) ๒๘/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 28-04-2011 14:34:46
ประลองรัก....二

   อ๋องน้อยลงจากเกี้ยวไม่สนใจท่านอ๋องผู้มีใบหน้าบึ้งตึงก่อนจะเดินลงส้นกลับเข้าตำหนักได้ยินเสียงแว่วๆไล่หลังว่าวันพรุ่งนี้จะมีคนจากวังหลวงมารับก่อนยามฟ้าสาง

   “ไห่ซิน  ไห่ซินอยู่ไหน” ในตำหนักหลังเล็กเสียงเรียกหญิงสาวที่ถูกพามาดังลั่นเสียจนหญิงสาวที่นอนพักผ่อนเพื่อรอเวลากลับมาของท่านเจ้าของตำหนักต้องสะดุ้งตื่น

   “ท่านอ๋อง กลับมาก็ตะโกนเรียกหาไห่ซินเสียงดังลั่นแบบนี้ คงเจอสาวงามลูกขุนนางที่เหมาะสมแล้วคิดขับไล่ไห่ซินใช่ไหมคะ” เสียงหวานๆ เรือนร่างอวบอิ่มในชุดตัวในบางๆบดเบียดเข้ากับชายหนุ่มร่างโปร่งในชุดเต็มยศ

   “ไหนเลยหญิงสาวพวกนั้นจะสู้เจ้าได้กัน แต่ที่ข้าเรียกหาเจ้าเพราะไม่อยากสูญเสียเวลาแม้เพียงเสี้ยววิ พรุ่งนี้ก่อนที่ฟ้าจะสางข้าคงต้องจากอกอิ่ม เรือนกายอันเย้ายวนของเจ้าเข้าไปอยู่ในวัง” คำพูดตามวิสัยชายไม่ต้องอาศัยความจริงใจ กับหญิงสาวด้อยค่า ริมฝีปากวนไล้ตามผิวขาวเนียน นิ้วเรียวปลดชุดตัวในของหญิงสาวออก ไม่สนว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่ห้องนอน หวังตักตวงความสุขสุดท้ายามค่ำคืนก่อนเข้าสู่สถานกักกันชั้นสูง

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

ก่อนพระอาทิตย์จะฉายแสงเด่นกลางท้องฟ้าร่างสูงโปร่งพร้อมด้วยทหารองค์รักษ์ฮ่องเต้หนึ่งนายเดินเข้าสู่เขตพระราชฐานส่วนพระองค์ผ่านเหล่าตำหนักต่างๆที่มีสาวน้อยสาวใหญ่เยี่ยมหน้าออกมามองอ๋องน้อยปลายแถวผู้ขึ้นชื่อเรื่องหญิงสาว จนเป็นที่โจษขันไปทั่วเมืองหลวง

“ทำไมต้องเดินมา ข้าขี่ม้าไม่ได้หรืออย่างไร แต่ละที่ก็ห่างกันอยู่มาก หรือจะหาเกี้ยวให้ข้านั่งสักหน่อยก็ยังดี” เสียงบ่นที่ไร้การตอบสนอง ทำให้อ๋องน้อยไม่พอใจ กราดเกรี้ยวเอากับทหารที่เดินนำ “นี้ข้าพูดกับเจ้า ข้าเป็นอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลง ไปหาเกี้ยวให้ข้าเดี๋ยวนี้”

   “ถึงท่านจะเป็นอ๋องแห่งวังไหน  แต่ที่นี้ท่านเข้ามาในฐานะข้ารับใช้องค์ฮ่องเต้ แล้วม้าท่านจะต้องได้รับอนุญาตจากองค์ฮ่องเต้เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ ส่วนเกี้ยวไว้ข้าจะหาให้ท่านคราวหน้า ส่วนตอนนี้ รออยู่นี้ก่อน ข้าจะเข้าไปทูลองค์ฮ่องเต้”

   ร่างโปรงยืนรออยู่หน้าตำหนักส่วนพระองค์เพียงลำพัง มองซ้ายมองขวา เห็นนางกำนัลหน้าตาดีมากมายเดินผ่านไป ก็ยิ่งมีกำลังใจมากขึ้นอย่างน้อยๆก็มีผู้หญิงสวยๆห้พอมองได้บ้าง ไม่แห้งแล้งไร้หญิงงามอย่างที่กังวล

   “ท่านอ๋อง ฮ่องเต้ให้มาเชิญเข้าไปด้านใน” องค์รักษ์เดินออกมารับอ๋องน้อยให้ตามเข้าไปในตำหนักใหญ่ ก่อนจะพาเข้าไปในห้องทรงอักษรที่ฮ่องเต้ประทับอยู่

   “ดูจากท่าทางเจ้าน่าจะเป็นน้องเราหนึ่งปี อายุขนาดนี้แล้ว ท่านอาได้สอนอะไรเจ้าบ้างหรือยัง” องค์ฮ่องเต้ถามญาติห่างๆอย่างใจดี มองใบหน้าอย่างพิจารณา แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นความเงียบไร้คำตอบใดๆ แม้แต่การพยักหน้าหรือส่ายหน้า

   “ท่านอาคงไม่ได้สอนอะไรเจ้าเลยสินะ ถ้างั้นเราจะสอนเจ้าเอง ให้มาเป็นต้นห้องคอยดูแลชีวิตและการเป็นอยู่ของเรา เราจะได้สอนงานให้เจ้าด้วย ดีไหม” ยังคงมีรอยยิ้มบนพระพักตร์ แต่พระเนตรเริ่มนิ่งเฉย มีเพียงคนสนิทที่สังเกตได้ว่าฮ่องเต้เริ่มไม่พอพระทัย

   “ข้าบอกว่าไม่ดีได้ไหม ข้าบอกว่าไม่ทำได้ไหม แล้วจะถามทำไม”

   “เจ้า” เสียงองค์รักษ์หนุ่มไม่พอใจที่อ๋องปลายชั้นไม่ใช้คำราชาศัพท์กับองค์เหนือหัว ทั้งยังกล่าววาจาที่ไม่สมควร

   “อย่าเลยฮวางหู่ เที้ยนหยวนเป็นน้องเราไม่เป็นอะไรหรอก ที่ถามมาก็ดีแล้ว ใช่! เราไม่ให้เจ้าเลือก นี้คือคำสั่งเจ้าต้องมาเป็นต้นห้องให้เรา”

   “รับด้วยเกล้า” เที้ยนหยวนผู้ต่อไปนี้ต้องกลายเป็นต้นห้องรับคำสั่งอย่างเบื่อหน่ายจากที่เคยสั่งให้คนอื่นทำให้ตลอดเวลากลายเป็นว่าต้องมารับใช้ผู้อื่น

   “ออกไปได้แล้ว ข้างหน้าจะมีคนมาพาเจ้าไปที่ห้อง แล้วขาดเหลืออะไรก็บอกให้คนมาจัดการให้”

   “พระองค์ให้คนไม่เอาไหนแบบนั้นมาเป็นต้นห้องจะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ” องค์รักษ์ประจำพระองค์ท้วงทันทีเมื่อลับหลังต้นห้องคนใหม่ 

   “เจ้าไม่เคยได้ยินหรืออย่างไรว่า ให้เก็บมิตรสหายไวไกลตัวแต่ให้เก็บศัตรูไว้ใกล้ชิด เราจะหาทางจับผิดแล้วไล่สองพ่อลูกนี้ออกห่างจากประชาชน เพราะถ้าปล่อยไว้ ก็คงกดขี่ข่มเหงชาวบ้านไม่เลิก แต่ถ้าจะให้ไล่ออกจากเมืองหลวงโดยไม่มีสาเหตุก็กระไรอยู่ อย่างน้อยปาหยางอ๋องก็เป็นอาของเรา” องค์ฮ่องเต้รับสั่งอธิบายสิ่งที่คิดไว้

   “กระหม่อมตื้นเขินกว่าจะเข้าใจ ต่อไปนี้จะหาทางจับผิดท่านอ๋อง ทุกก้าวย่าง”

   “ดีแล้ว แต่อย่าให้รู้ตัว เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเราหาทางกลั่นแกล้ง แล้วจะไม่ดี”

   “กระหม่อม” องค์รักษ์ร่างหนาเดินออกไปจากห้องทรงอักษร ค่อยๆแอบตามอ๋องน้อยที่พึ่งเข้าวังไปอย่างจับผิด ปล่อยให้องค์ฮ่องเต้ทรงอยู่เพียงลำพัง

   เราจะทำยังไงกับเจ้าดีนะเที้ยนหยวน ถึงจะไม่เป็นการโหดร้ายเกินไปสำหรับท่านอาและเจ้า
   
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

วันแรกที่อ๋องน้อยต้องเปลี่ยนมาเป็นต้นห้องของฮ่องเต้ มันเหมือนเป็นวันสิ้นอิสรภาพที่เคยมีมาตลอด18ปี ต้องมานั่งเฝ้าใครคนหนึ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยทำ แม้แต่สาวงามก็ไม่เคยต้องทนนั่งเฝ้าแบบนี้
   
   “เบื่อแล้วหรือเที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มเงยพระพักตร์ขึ้นจากรายงานที่ขุนนางตามหัวเมืองต่างๆส่งมาให้ ทอดเนตรต้นห้องคนใหม่นั่งหน้ายับ ตาปรือๆเหมือนคนจะหลับ

   “อือ เบื่อแล้ว ท่านให้ข้าออกไปข้างนอกบ้างไม่ได้หรือไง นะ ให้ข้าไปเถอะ นั่งตรงนี้ก็ช่วยอะไรท่านไมได้อยู่ดี” อ๋องน้อยอ้อนวอนขอจากฮ่องเต้เหมือนที่เคยขอกับท่านพ่อได้

   “อยากไปก็ไป แต่ห้ามออกนอกส่วนพระราชฐานของเรา แล้วต้องกลับมาที่นี้ก่อนเวลาที่เราจะออกว่าราชการ เจ้าต้องนั่งฟังข้อราชการด้วยตกลงไหม”

   “ตกลงงั้นข้าไปก่อนนะ” ไม่มีคำราชาศัพท์ ไม่มีคำขอบคุณแม้แต่นิดก่อนที่จะออกจากห้องทรงอักษร

   อ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงมองเขตพระราชฐานส่วนพระองค์ฮ่องเต้ ที่แห่งนี้ไม่มีหญิงสาวสักนางเข้ามาได้ ช่างเป็นที่น่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก จะออกไปส่วนอื่นก็ไม่ได้ แต่อย่านึกว่าอ๋องเที้ยนหยวนจะยอมสิ้นลายอยู่ในที่แห่งนี้

   “สวัสดีเราเป็นอ๋องน้อยแห่งตำหนักทู่หลง เจ้าชื่ออะไร” ท่านอ๋องเดินตรงเข้าหาหนุ่มน้อยหน้าหวานท่าทางแช่มช้อย คงเป็นขันทีรับใช้ในเขตนี้

   “เรียนท่านอ๋องข้าชื่อ เฉียนกุ้ย เป็นขันทีประจำห้องสรง” หนุ่มน้อยที่พึ่งก้าวพ้นวัยเด็กก้มหน้าเอียงอายท่านอ๋องแห่งตำหนักทู่หลงที่กิตติศัพท์ความเจ้าชู้เลื่องลือไปทั่ว

   “เจ้านี้ช่างน่ารักดีจัง ประจำห้องสรง งั้นก็คงอาบน้ำให้ข้าได้บ้างกระมัง หรืออย่างไร” เรียวนิ้วขาวเกลี่ยไล้ตามผิวหน้าขาว ริมฝีปากแดงอิ่ม ดูน่าลิ้มลองกว่าเด็กหนุ่มจากหอโคมแดง ที่เคยเข้าไปยามเบื่อหน่ายอะไรเดิมๆ

   “ข้ามิทราบ ถ้าหากท่าน....แต่ฮ่องเต้” เฉียนกุ้ยถูกส่งเข้ามาอยู่ในวังแต่เล็ก แม้จะเป็นขันทีหน้าหวานที่หมายปองของเหล่าทหารส่วนพระองค์แต่ก็ไม่เคยมีใครเปิดเผยความในใจ หรือแสดงท่าทางให้ได้ประหม่าเช่นนี้เลย

   “ฮ่องเต้ทำไมเล่า เจ้ากลัวหรือ อย่ากลัวไปเลย แค่อาบน้ำให้ข้าคงไม่เป็นไร คืนนี้ไปอาบน้ำให้ข้าหน่อยได้ไหมเฉียนกุ้ย” แววตาออดอ้อน ท่าทางขอร้องมีหรือที่ขันทีผู้อ่อนต่อโลกจะตามทัน ได้แต่พยักหน้ารับด้วยใบหน้าแดงชาด

   ทั้งคำพูดและท่าทางของอ๋องน้อยเจ้าสำราญล้วนอยู่ในสายตาของฮวางหู่องค์รักษ์ประจำพระองค์ฮ่องเต้ “ดี ทำแบบนี้บ่อยๆนะท่านอ๋อง ท่านกับพ่อของท่านจะได้ออกจากเมืองหลวงในเร็ววัน ไม่ต้องอยู่เป็นที่เคืองพระทัยฮ่องเต้นาน”

   คุณชายเจ้าสำราญเดินหาชมสวนงามในเขตต้องห้ามไปเรื่อยๆ ไม่สนใจเวลา ผู้คนที่เดินผ่านมาก็มีเพียงทหารหน้าโหด หรือไม่ก็ขันทีแก่เหี่ยว ไม่มีใครสักคนที่ชวนมองได้เหมือนเฉียนกุ้ย

   “ท่านอ๋อง ฮ่องเต้ทรงเรียกหาท่านนานแล้ว ใยจึงมาเดินชมสวนอยู่แถวนี้” เหลียกงกง หัวหน้าขันทีในวังหลวงรีบเดินมาหาอ๋องน้อยที่พึ่งเข้ามาในวัง ก่อนจะจับมือลากๆไปยังตำหนักส่วนพระองค์ฮ่องเต้

   “ท่านเหลียงกงกง ลากข้ามาทำไม ฮ่องเต้ให้ข้าไปที่ท้องพระโรงไม่ใช่ที่นี้”

   “ก็ฮ่องเต้ทรงว่าราชการเสร็จแล้วและทรงต้องการจะสรงน้ำ ก่อนจะเสวยมื้อค่ำแล้วก็รอท่านอยู่นี้”

   “อยากสรงน้ำก็ให้เฉียนกุ้ยมาทำเรื่องอะไรข้าต้องไปอาบน้ำให้คนอื่น ขนาดตัวข้าเองยังต้องมีคนมาอาบให้” อ๋องน้อยผู้เคยสบายสะบัดมืออกจากมือเหี่ยวๆ ตั้งท่าจะเดินหนี หากไม่มีสองทหารประจำประตูใช้หอกกั้นทางออก

   “นั้นเมื่อก่อนแต่ตอนนี้ท่านเป็นต้นห้อง ต้องดูแลฝ่าบาททุกเรื่อง ตั้งแต่ทรงตื่นบรรทมจนเข้าบรรทม ตั้งแต่สรงน้ำไปจนถึงเรื่องการเสวย”

   “แต่ข้าไม่ใช่ทาส หรือขันทีที่จะทำอะไรแบบนั้นนะท่านเหลียงกงกง”

   “แต่ท่านต้องทำ ฝ่าบาททรงรออยู่” หัวหน้าขันที ผลักชายหนุ่มสูงโปร่งที่ยังต้องฝึกอีกมากเข้าไปห้องสรงก่อนจะปิดประตูในทันใด

   “มาแล้วหรือเที้ยนหยวน เราให้เจ้ากลับมาเวลาที่เราต้องว่าราชการ ทำไมถึงกลับมาป่านนี้” สุรเสียงทุ่มจากร่างสูงที่ประทับนั่งอยู่ในอ่างไม้มีควันลอยขึ้นบางเบา บ่งบอกอุณหภูมิของน้ำในอ่าง

   “ท่านอาบน้ำเองได้ คงไม่ต้องให้ข้าอาบให้ งั้นข้าไปก่อนนะ” ท่านอ๋องผู้เกลียดการดูแลใคร รีบหาข้ออ้างออกจากห้องสรง

   “เราถามแต่เจ้าไม่ตอบ เราสั่งแล้วเจ้าไม่ทำ นี้ก็จะละเลยหน้าที่อีกงั้นสิ น่าเสียดายเป็นถึงอ๋องแห่งวังทู่หลงแต่กลับไม่ได้เรื่องสักอย่าง”

   เพราะคำพูดที่รู้สึกได้ว่ากำลังเหยียดหยาม คนที่กำลังละเลยหน้าที่จึงต้องหันกลับมาทำหน้าที่ตามบัญชา อย่างไม่เต็มใจ สองมือขัดหลังฮ่องเต้อย่างแรง

   “วันนี้มีทหารมาแจ้งกับเราว่าเจ้าพูดคุยกับเฉียนกุ้ยงั้นหรือ” ฮ่องเต้รับสั่งไปถึงเรื่องที่วันนี้มีคนมาแจ้งให้รู้ว่าต้นห้องเข้ามาวันแรกก็สร้างเรื่องให้แล้ว

   “ข่าวไวดีจัง ใช่เฉียนกุ้ย คนอาบน้ำของท่าน ทำไม? หรือท่านหึง ถ้าเป็นมากกว่าคนอาบน้ำของท่านข้าไม่ยุ่งก็ได้นะ ในวังคงพอเหลือขันทีให้ข้าอีกบ้าง” อ๋องน้อยรีบถามเป็นการใหญ่ ให้แย่งคนของใครเป็นไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นเด็กของฮ่องเต้ คงยากที่จะได้มา

   “ฮึ เจ้าคิดว่าเราเป็นคนเช่นเจ้าหรือไรกัน เราเห็นเฉียนกุ้ยตั้งแต่ยังเล็ก แล้วถ้าต้องมาเห็นเขาเสียใจเพราะความรักปลอมๆของเจ้าก็คงน่าเศร้า หากเจ้าไม่ได้รักจริงก็ถือว่าเด็กคนนี้เราขอหล่ะกัน”

   “ลองฮ่องเต้อี้หลงเป็นคนขอใครจะขัดได้ ข้าจะละเว้นไว้คนก็แล้วกัน ข้าอาบน้ำให้ท่านเสร็จแล้วข้าไปได้แล้วใช่ไหม” ต้นห้องคนใหม่ผู้ไม่รู้หน้าที่ กำลังจะผละออกหากไม่มีเสียงร้องเรียก

   “ยัง เจ้าต้องแต่งตัวให้เราก่อน” องค์ฮ่องเต้หันมาทางร่างโปร่งที่เตี้ยกว่าพระองค์เล็กน้อย พิศหน้าใกล้ ก็บังเกิดรอยแย้มพระโอษฐ์ “ความจริงหน้าเจ้าก็หวาน รูปร่างก็เล็กไม่คิดว่าจะมีทหารคนใดมาชอบเจ้าแบบที่เจ้าเข้าไปพูดคุยกับเฉียนกุ้ยบ้างหรือไร”

   สายพระเนตรทอดมองตลอดเรือนร่างที่ชื้นน้ำ ทำให้เสื้อผ้าแนบไปกับลำตัว ส่งผลให้ชายหนุ่มผู้ไม่เคยถูกใครจ้องแบบนี้ได้แต่มองแบบไม่พอใจเสียท่าไหร่ “ท่านมองข้าทำไม

   “เปล่า เราก็แค่สงสัยเจ้าทำบาปกับผู้คนมามาก แล้วเมื่อบาปนั้นตามทันมันจะเป็นเช่นไร”

   “บาปอะไรฝ่าบาท ถึงการที่ข้าไม่จริงจังกับความรัก แต่ก็ใช่ว่าหญิงเหล่านั้นจะจริงใจ แต่งตัวเสร็จแล้วข้ากลับได้หรือยัง”

   “ยัง ท่านเหลียงไม่บอกกับเจ้าหรอกหรือว่าเป็นต้นห้องต้องนอนที่ พื้นหน้าเตียงเราด้วย” องค์ฮ่องเต้ย้อนถาม พร้อมกับมองต้นห้องคนใหม่ที่ดูว่าจะไม่ได้เรื่องสักอย่าง

    “ที่พื้น”

   “ใช่ที่พื้น แล้วเราก็ง่วงแล้ว เจ้าก็ต้องไปดูแลเราได้แล้ว” พระองค์เดินนำต้นห้องคนใหม่ไปยังห้องบรรทม พื้นหน้าเตียงได้จัดที่ไว้พร้อมสำหรับต้นห้องเรียนร้อย ในขณะที่ต้นห้องก็จำใจทิ้งตัวลงนอน

       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
สวัสดีค่ะ มาลงตอนใหม่อย่างรวดเร็ว 555 ชื่อในนี้นอกจากจะจีนจี้นแล้ว แถมยังมีราชาศัพท์พ่วงด้วย ถ้าผิดพลาดยังไง ต้องขอโทษล่วงหน้าก่อนนะค่ะ

   ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่2) ๒๘/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 28-04-2011 15:05:44
สนุกอ่ัะมาต่อไวๆน้าา  o13



^^


 :3123: :3123:


หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่3) ๒๙/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 29-04-2011 00:42:24
ประลองรัก...三

   ก่อนอาทิตย์จะสาดแสง ก่อนไก่จะขันยามเช้า ฮ่องเต้ผู้ทรงฝึกองค์จนมิอาจนอนรอให้แสงอาทิตย์แยงตา ต้องตื่นขึ้นมาอ่านข้อร้องเรียนของประชาชน และแทบทุกวันจะต้องมีเรื่องของชาวเมืองที่ถูกพ่อลูกจากวังทู่หลงกดขี่ห่มเหง

   พระบาทใหญ่ก้าวลงจากแท่นบรรทม เผลอไปเหยียบชายผ้า นึกขัดพระทัยแต่พอมองเห็นตัวต้นเหตุก็พอจะนึกออกว่าเมื่อคืนวานได้ให้ต้นห้องคนใหม่มานอนที่หน้าเตียง และป่านนี้คนไม่เอาถ่านอย่างอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงก็คงยังไม่มีทางตื่นขึ้นมาได้หากไม่มีคนปลุก “เที้ยนหยวน เที้ยนหยวน ถึงเวลาที่เจ้าต้องตื่นได้แล้ว”

   “อือ ข้าขอเวลาอีกนิดนะท่านแม่” 

   ใบหน้ายามหลับใหลดูแล้วไมน่าเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกับยามตื่นนอน “นี้คงคิดว่าเราเป็นแม่ แต่เราไม่ใจดีกับเจ้าขนาดนั้นหรอกนะเที้ยนหยวน”  พระหัตถ์หนา ลากผืนผ้าที่ร่างโปร่งของอ๋องผู้เคยชินกับความสบายไปตามพื้นจนถึงห้องสรงน้ำ

   “เฉียนกุ้ย เจ้าไม่ต้องช่วยเราอาบน้ำหรอกวันนี้ เดี๋ยวเราให้ต้นห้องคนใหม่ทำเอง ส่วนเจ้าออกไปได้แล้ว” รับสั่งพร้อมแย้มพระโอษฐ์น้อยที่มีให้กับขันทีตัวน้อยนี้เสมอมา

   “กระหม่อม แต่นั้น.....ท่านอ๋องเที้ยนหยวน”

   “อือ  ท่านอ๋องนั้นแหล่ะ  ต้นห้องคนใหม่ของเรา เจ้าเองก็เหมือนกัน อย่าได้หลงไปกับคำหวานหูของอ๋องคนนี้นัก รู้ถึงกิตติศัพท์คำร่ำลือไม่ใช่หรือไง”

   “กระหม่อม”

   “ออกไปได้แล้ว” ฝ่าบาทมีรับสั่งไล่แล้วใครจะอยู่ได้อีก ร่างบางของขันทีค่อยเยื้องกายออกจากห้องสรงน้ำหากในใจกลับยังคงคิดถึงถ้อยคำหวานหูของอ๋องน้อยไม่คลาย

   คนที่ยังหลับก็ยังคงต่อไปไม่ได้รับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่สนใจแม้ร่างกายจะถูกถอดเสื้อผ้าที่ใส่กันลมหนาวและความเย็นจากพื้น แม้ร่างกายจะเปลือยเปล่า แต่อ๋องน้อยก็ยังคงไม่สนใจสิ่งใด นิทรากำลังหวานจะมีสิ่งใดมาแทนได้

   “รูปร่างเช่นนี้ แล้วยังจะใบหน้าหวาน อะไรทำให้เจ้ากลายเป็นคนแบบนี้ไปได้นะเที้ยนหยวน หากสักวันจะมีทหารของเรามาผูกใจรักเจ้า เราคงไม่แปลกใจเท่าไหร่เลย” ฮ่องเต้หนุ่มมองร่างที่ถูกเปลือยเสื้อผ้าด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์ทั้งยังทรงแปลกพระทัยที่ป่านนี้ก็ยังไม่คิดจะตื่น

   “เฮ้ย!”เสียงร้องตกใจ ดังขึ้นทันทีที่สัมผัสน้ำอุ่นๆ คนที่หลับอยู่ต้องตื่นขึ้นมา “ฝ่าบาทจะทำอะไร” เสียงแข็งตวาดกร้าวไม่สนใจว่าคนที่พูดด้วยมียศสูงเพียงใดในอาณาจักร

     “เราก็จะจับเจ้าอาบน้ำไง”

   “แล้วถอดเสื้อข้าทำไม”

   “หรือจะให้เราจับโยนลงอ่างทั้งเสื้อผ้าที่เจ้าใส่อยู่ พอดีได้จมน้ำในอ่างตายก่อน”  ฮ่องเต้อี้หลงไม่เพียงแค่จับร่างเปลือยเปล่าโยนลงไปในอ่างเท่านั้น หากขณะนี้ก็กำลังเปลื้องชุดทรงขององค์เองเช่นเดียวกัน

    “แล้วท่านจะทำอะไร”

   “เราก็จะอาบน้ำ อย่าลืมว่าเจ้าเป็นต้นห้อง แล้วเราเป็นฮ่องเต้  ทำไมหรือกลัวอะไร กลัวว่าเราจะทำเหมือนที่เจ้าอยากทำกับเฉียนกุ้ยงั้นหรือเที้ยนหยวน” ทรงถามด้วยความนิ่งเฉย ไม่อนาทรต่อสิ่งใด มองร่างโปร่งยังมีรอยเล็บเป็นทางยาวที่ยังไม่จางลงก็พอจะรู้ได้ว่าก่อนเข้ามาในวังได้หมกมุ่นในเรื่องใด

   “ทำไมข้าต้องกลัว หรือท่านเองก็ไม่ต่างจากข้า” ร่างโปร่งเยื้องกายเข้าหาวรองค์สูงในอ่างกว้างที่พอให้คนลงมาได้สักสามหรือสี่คน

   “ท่านเองก็อยากได้ความรักจากข้าหรืออย่างไร หากเป็นเช่นนั้นข้าจะทำหน้าที่สวามีฮ่องเต้อย่างเต็มความสามารถ จะดูแล บำรุง บำเรอให้ท่านหายเหนื่อยจากงานที่มากล้น ขอเพียงท่านเอ่ยปาก ข้าจะไม่รอช้า” ร่างโปร่งบางลูบไล้ตามโครงร่างได้รูปสวยงาม ใบหน้าคมที่หากลดความกระด้างลงอาจจะเผยให้เห็นความอ่อนหวานที่ซ่อนตัว แต่ถึงไม่มีเที้ยนหยวนก็คงไม่สน

   “หึๆๆ อย่างเจ้าหรือคิดจะเป็นสวามีเรา อย่าเอาแต่พูดเลยเที้ยนหยวน เมื่อเจ้าไม่มีทางทำได้ หากเราสนใจในเพศรสแบบเจ้า ผิวขาวอ่อนนุ่มเช่นนี้ ใบหน้าหวาน เอวกลมกลึง สะโพกโค้งมน เหมาะสมกว่าหรือไม่ที่จะมาเป็นสนมของเรา” ไม่เพียงรับสั่ง หากพระหัตถ์ใหญ่ค่อยไล่ลงจากใบหน้าหวาน สู่สะโพกโค้งมน จนอีกฝ่ายได้แต่เกร็งตัวหากไม่อาจหลบหลีกได้

   “ท่านนนน ม่ะ....ม่าย” ร่างโปร่งพยายามดิ้นหนีให้สุดแรง ยิ่งพระพักตร์ดุโน้มใกล้เท่าไหร่ อ๋องน้อยก็ยิ่งหวาดกลัวมากเท่านั้น

   “กลัวหล่ะสิเที้ยนหยวน แต่ประชาชนที่ถูกเจ้าข่มเหงนั้นหวาดกลัวกว่านี้หลายเท่านัก จำไว้”  เพียงแค่รับสั่งฮ่องเต้หนุ่มก็เสด็จขึ้นจากน้ำที่เริ่มเย็นโดยไม่สนพระทัยอีกคนที่ยังนิ่งอึ้ง

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

อ๋องน้อยที่ถูกทิ้งไว้ในห้องน้ำเพียงลำพังเมื่อยามเช้ามืด เดินกลับห้องของตนเองทั้งที่สติยังกลับมาไม่ครบดังเดิม ภาพอันน่าหวาดกลัวสำหรับชายชาตรีทุกคนยังคงฝังแน่นไม่ยอมสละหายไปไหน

ในห้องส่วนตัวของอ๋องน้อยจากวังทู่หลงมีขันทีหนุ่มหากหน้าตาไม่ชวนมองสองสามคนคอยรับใช้ ยิ่งมองก็ยิ่งอารมณ์เสีย พาลคิดไปถึงอีกคนที่น่ามองยิ่งกว่า “พวกเจ้าออกไปให้หมดแล้วไปตามเฉียนกุ้ยมาหาข้าเดี๋ยวนี้”

   “แต่เฉียนกุ้ยเป็น....เป็น..”

   “เป็นอะไรเล่า ไปตามมาเดี๋ยวนี้ จะเป็นคนของใครข้าก็ไม่สนทั้งนั้น ไปตามมาหากไม่อยากให้ข้าต้องสั่งบั่นคอพวกเจ้า”

   “กระหม่อม” เหล่าขันทีตัวน้อยได้แต่แตกกระเจิงหนีหาย รีบออกไปตามขันทีคนโปรดของฮ่องเต้ที่ท่านอ๋องอยากพบ

   ในเมื่อฝ่าบาททรงหวงนัก ข้าก็จะเอ็นดูเฉียนกุ้ยให้ถึงที่สุดเช่นกัน

   “ท่านอ๋อง ใช้คนไปตามข้ามา ไม่ทราบว่ามีสิ่งใด” ร่างบอบบางของขันทีน้อยเดินเข้ามาภายในห้องของท่านอ๋องด้วยใบหน้าแดงจัด เพราะความเขินอายต่อชายหนุ่มที่มีใจให้

   “หากข้าไม่มีสิ่งใด จะไม่อาจให้คนเรียกเจ้ามาพบได้เลยใช่ไหม เฉียนกุ้ยของข้า....”ท่านอ๋องจงใจทอดคำหวานพลางตัดพ้อด้วยความห่วงหาอย่างลึกล้ำ

   “ท่านอ๋อง คำกล่าวท่าน....หากใครมาได้ยินคง...คง” เพราะความขัดเขินถึงแม้ไม่มีผู้ใดเดินผ่านแต่สายลมที่พัดกระทบกาย แสงแดดที่ลอดเข้ามาในห้องก็ทำให้ขันทีน้อยหน้าแดงยิ่งขึ้น

   “คงอะไร หรือว่าเจ้ากลัวใครนำเจ้าไปนินทาได้ อย่าได้เกรงกลัวเลยเด็กน้อยที่นี้ใครจะกล้าว่าเจ้ากันเล่า” เฉียนกุ้ยคงไม่รู้ตัวเลยว่าบัดนี้ได้ถูกนำเข้ามายังห้องส่วนในมีฉากกั้นบังสายตาที่ไม่พึงประสงค์ “หรือหากมีใครกล้าว่าเจ้าได้ ข้าเองที่จะนำลิ้นมันออกมาสับ”

   “ท่นอ๋อง! ท่านมิควรทำเช่นนั้นเพื่อคนต้อยต่ำเช่นข้า” แค่ถ้อยคำก็ทำให้เฉียนกุ้ยหวาดกลัว บัดนี้ในหัวใจดวงน้อยมีแต่ภาพท่านอ๋องอัดแน่นจนไม่เหลือที่ว่างให้ผู้ใด

   เรียวนิ้วยาวประทับห้ามบนปากเล็ก ดวงตาหยาดเยิ้ม ริมฝีปากได้รูปกล่าวถ้อยคำที่ปั้นแต่งอย่างสวยงาม “แม้นเจ้าจะต่ำต้อยในสายตาผู้ใด แต่สำหรับข้า เจ้าสูงส่งยิ่งกว่าผู้ใด สูงส่งและเล่อค่ากว่าทรัพย์สินทั้งวังหลวง สูงส่งจนหากข้าไม่ใช่อ๋องก็คงมิอาจเอื้อมคว้าเจ้ามาแนบกาย”

   “ข้า..ไม่ได้สูงค่าถึงเพียงนั้นเป็นเพียงแค่คนพิการที่ไร้เพศ ไม่อาจมีชีวิตแบบคนธรรมดา นอกกำแพงวังก็เป็นได้แค่คนที่ถูกรังแก แต่เคยมีผู้ใดถามบ้างไหม ว่าข้าอยากเป็นเช่นนี้หรือเปล่า ข้ามีสิทธิ์ได้เลือกไหม ข้าไม่คู่ควรกับคุณชายผู้เพียบพร้อมเช่นท่านหรอก”

   “ใครกันเป็นผู้กำหนดว่าคู่ควรหรือไม่ หากข้าฝากรักไว้ที่เจ้าและเจ้ายอมรับฝากหัวใจดวงนี้ เราสองย่อมเป็นคู่ที่ควรเสียยิ่งกว่าคู่ใครในโลกใบนี้เสียอีกเฉียนกุ้ย”

   “ท่านอ๋อง!” คำหวานแทรกซึมเข้าไปในหัวใจดวงน้อย คำเตือนจากฮ่องเต้ไร้ค่าและความหมาย

   “เจ้าจะรับฝากหัวใจของข้าได้ไหม เฉียนกุ้ย” ดวงตาแสนซึ้งจ้องมองเขาไปในแววตาเจ้าลูกแกะตัวน้อย นิ้วเรียวค่อยๆปลดชุดหลายชั้นของขันทีตัวน้อย ไม่รอฟังคำตอบ

   “หากท่านไม่รังเกียจข้าจริง ข้าก็.....”เพราะความเขินอายจนสุดที่จะกล่าวสิ่งใด ขันทีตัวน้อยได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่อาจบอกได้จนจบประโยค รับรู้เพียงผิวกายที่ถูกสัมผัสอย่างแสนอ่อนโยน

   อ๋องน้อยเชยใบหน้าหวานขึ้นให้สบสายตา รั้งใบหน้าหวานหมายจะมอบสัมผัสลึกล้ำหากแต่เสี้ยววิที่จะแตะริมฝีปาก ภาพที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้า ใบหน้าของฮ่องเต้แทรกทับใบหน้าหวานจนหมดสิ้น

“เฮ้ย” ท่านอ๋องสลัดร่างบางออกจากตัวอย่างแรง หายใจหอบหนัก ตกใจกับสิ่งที่เห็น นึกแค้นกับเรื่องเมื่อเช้า “ออกไปก่อน เฉียนกุ้ย เจ้าออกไป”

“ท่านอ๋อง” ขันทีตัวน้อยไม่เข้าใจท่านอ๋องเดี๋ยวว่ารักฝากหัวใจ หากต่อมากลับขับไล่เช่นนี้ แต่มันก็สมควรคนไร้เพศเช่นเขาใครกันจะรักจริง มีแต่ใจดวงนี้ที่มองให้ท่านอ๋องไปแล้ว อย่างไม่คิดเรียกคืน

   “ออกไป ข้าบอกให้ออกไป” อ๋องน้อยอาละวาดคว้างปาเครื่องใช้ จนขันทีน้อยผู้น่าสงสารต้องจำใจเดินจากมา น้ำตาเม็ดเล็กไหลรินไม่เข้าใจคุณชายผู้สูงศักดิ์เลย

   ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้แค่วันนี้เท่านั้นฮ่องเต้ เมื่อวันใดที่พ่อข้าเป็นใหญ่ ท่านต้องมาเป็นสนมของข้า...อี้หลง ท่านต้องเป็นสนมของข้า
 
          * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

ขยันจัดค่ะ เลยเอามาลงเพิ่ม 

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่2) ๒๘/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 29-04-2011 00:59:21
อ๋องน้อยทำไมถึงเอาแต่ใจอย่างนี้ :angry2:


ต้องให้ฮ่องเต้รีบๆปราบซะแล้ว :o8:


มาต่ออีกเยอะๆเน้ออออ o13



^^


 :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่4) 30/04/11 [Nc อ่อนด๋อย]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 30-04-2011 00:59:49
ประลองรัก...四


   ข่าวขันทีคนสนิทอย่างเฉียนกุ้ยถูกต้นห้องคนใหม่เรียกเข้าพบนั่นแว่วถึงหูฮ่องเต้โดยมหาดเล็กคนสนิทเป็นผู้เล่าถวาย “ฝ่าบาทเมื่อตอนเช้า เฉียนกุ้ยถูกท่านเที้ยนหยวนเรียกเข้าไปพบที่ตำหนัก”

   “เจ้าบอกว่า เที้ยนหยวนเรียกเฉียนกุ้ยเข้าไปในที่ตำหนักงั้นหรือ หวังว่าคงไม่ได้ทำอะไรเด็กคนนั้นหรอกนะ เฉียนกุ้ยก็เหมือนเป็นน้องเราคนหนึ่ง หากถูกคนเช่นนั้นหลอกลวง เราที่เป็นพี่ก็อดไม่ได้ที่จะห่วง” ฮ่องเต้อี้หลงกล่าวถึงขันทีคนสนิท ที่เห็นมาแต่เล็ก ก่อนจะถวายตัวเข้ามารับใช้ในวังหลวง

   “แต่ทหารที่เฝ้าหน้าประตูตำหนักเล่าว่า เฉียนกุ้ยร้องไห้ออกมา เหมือนกำลังหวาดกับอะไรบางอย่าง ท่านอ๋องทำเช่นนี้เหมือนไม่สนใจต่อรับสั่งฝ่าบาท กระหม่อมว่าควรหาทางจัดการเสียดีกว่า” ฮวางหูทหารองรักษ์ประจำพระองค์ เป็นอีกหนึ่งคนของทหารในเขตพระราชฐานส่วนพระองค์ที่แอบมีใจให้ขันทีตัวน้อย กล่าวด้วยความโกรธแค้นในตัวอ๋องน้อย

   “เย็นก่อนฮวางหู เรารู้ว่าเจ้าโกรธ เราเองก็เห็นเฉียนกุ้ยเป็นน้องคนหนึ่ง และเราก็ไม่อยากให้สองพ่อลูกอยู่ในเมืองหลวงนี้นานๆ ถ้าเจ้าอยากให้เที้ยนหยวนออกห่างจากเฉียนกุ้ยก็ช่วยเราคิดว่าจะขับไล่ทั้งปาหยางอ๋อง และเที้ยนหยวนยังไง” ฮ่องเต้หนุ่มทรงสงบพระอารมณ์อย่างใช้ความคิด อยากขับไล่สองพ่อลูกในเร็ววัน หากแต่อีกฝ่ายก็เป็นพระญาติคนหนึ่ง 

   “กระหม่อมขอพระราชอภัยโทษที่วู่วาม แต่ น้ำตาของเฉียนกุ้ย....”  องค์รักษ์คนสนิทนิ่งงัน ไม่อาจกล่าวคำใดแทนความรู้สึกเวลานี้ ขันทีที่เฝ้ามองมานาน กลับต้องเสียน้ำตาเพราะคนที่พึ่งเข้ามา

   “ไม่เป็นไร เราเข้าใจ แต่เวลานี้เรานึกไม่ออกว่าจะหาทางไหนที่จะบีบให้สองพ่อลูกยอมออกจากเมืองหลวง แค่หนึ่งคืนที่เที้ยนหยวนเข้ามา เหมือนว่าเรายังไม่เห็นมากพอที่จะหาลู่ทางได้เลย”

   “คนอย่างท่านอ๋อง ดูเหมือนไม่มีอะไร หากไม่มีตำแหน่งอ๋องน้อยค้ำไว้ก็คงไม่มีใครเหลียวแล  คนแบบนี้ช่างไร้ประโยชน์เสียจริงๆ มีแต่ทำเรื่องเสียหาย แล้วยังจะยโสในเกรียติยศ ช่างไม่รู้เลยว่าตนเองเป็นที่น่าสมเพชเพียงใด” องค์รักษ์หนุ่มส่ายหน้าสมเพชอ๋องที่ดีแต่ข่มเหงประชาชน

   “ใช่ ฮวางหูเจ้าพูดถูก คนอย่างเที้ยนหยวนเกียรติยศเป็นเรื่องสำคัญ แต่จะทำอย่างไร” พระองค์ทรงคิดตรึกตรอง นั่งมองหาก้าวจังหวะที่อาจนำมาทำให้อ๋องน้อยได้กระเด็นออกจากเมืองหลวงพร้อมครอบครัว

   “คนอย่างท่านเที้ยนหยวนมีข่าวเสียหายมากมาย แต่ไม่เคยใส่ใจในข่าวเหล่านั้น ท่านปาหยางอ๋องก็เช่นกัน กระหม่อมไม่เคยเห็นสองพ่อลูกนี้สนใจในข่าวใดๆเลยสักนิด”

   “นั่นแหล่ะที่เรากำลังคิด ถ้าอยากกันให้เที้ยนหยวนออกห่างจากเฉียนกุ้ยไวๆ เจ้าก็ลองไปชวนพวกทหารที่หมายปองเฉียนกุ้ยอยู่ หาทางทำให้อ๋องน้อยคนนี้ต้องอยู่ไกลจากเฉียนกุ้ยสิ ส่วนเราคืนนี้จะนั่งดื่มสุราชมจันทร์เสียหน่อย เจ้าไปเรียกเที้ยนหยวนให้เราด้วยหล่ะกัน”

   “กระหม่อม” 

       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ร่างบางโปร่งของอ๋องน้อยเดินเข้ามากลางสวนดอกเหมยในคืนเดือนพ็ญ ตามรับสั่งของฮ่องเต้ที่ให้องค์รักษ์ประจำพระองค์ไปเรียกมาจากห้องดวงตาโตมองไปรอบๆเห็นเพียงโต๊ะหินสลักและหนึ่งบุรุษไร้องค์รักษ์แม้สักคน “ท่านมานั่งตรงนี้ไม่มีใครมายืนอารักขาได้ไงกัน”

   “เราอยากนั่งดื่มสุรากับน้อง ทำไมต้องมีใครอื่นด้วยหรือไร หรือน้องชายอย่างเจ้า คิดไม่ซื่อกับพี่ชายอย่างเรา”  รอยยิ้มกว้างบนพระพักตร์ บ่งบอกว่ากำลังสบายพระทัยเป็นที่สุด “เจ้านั่งลงสิ หรือรังเกียจจะดื่มสุรากับเราแทนที่จะได้ไปดื่มกับเหล่านารีอรชร”

   “ใครจะรังเกียจได้นั่งดื่มสุราชมจันทร์กับฮ่องเต้ ทั่งแผ่นดินจะมีใครโชคดีแบบนี้บ้างเล่า แต่ว่าท่านแน่ใจนะที่จะดื่มกับข้า เวลาข้าเมา พวกสาวๆชอบบอกว่ามือไม้ข้ายิ่งกว่าหนวดปลาหมึกเสียอีก” อ๋องน้อยบอกเล่าสรรพคุณของตนเองด้วยความภาคภูมิใจก่อนนั่งลงที่เก้าอี้หินสลัก

   “งั้นข้าจะลองดูว่าหนวดปลาหมึกหรือจะกล้าสู้กับหนวดมังกร แต่เวลานี้เจ้ายังไม่เมา ก็ดื่มเถอะ สุรานี้ได้มาจากเมืองกุ้ยโจว ว่ากันาเป็นสุราชั้นดี” ฮ่องเต้หนุ่ม บรรจงเทสุราลงในจอกเล็กแต่เพียงนิดให้แก่อ๋องน้อยผู้มีศักดิ์เป็นน้อง

   “ช่างเป็นสุราที่แรงนัก แต่ก็นุ่มลิ้นเช่นกัน นี้คือสุราอะไร เผื่อข้าออกจากวังจะได้ไปหาบ้าง” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนยังหวังว่าจะได้ออกจากวังไปหาความสำราญด้านนอก ไม่ลืมถามหาชื่อสุรารสชาติเยี่ยมยอด

   “สุรานี้คือเหมาไถ หากเจ้าชอบข้าจะแบ่งให้บ้างก็ได้ ข้าพอมีเก็บไว้อีกเยอะ คืนนี้ก็อย่าดื่มหนักนัก จะได้มีเวลาชมจันทร์ได้นาน” แม้ปากจะเตือน แต่พระหัตถ์หนาของฮ่องเต้อี้หลงกลับรินน้ำใสติดจะเหลืองๆลงในจอกแก้วเซรามิคเนื้อดี

   สองชายหนุ่มนั่งร่ำสุราชมพระจันทร์ดวงกลมโต จนใบหน้าติดหวานของอ๋องน้อยแดงเรื่อ พูดจาไม่รู้เรื่อง มือไม้ไม่อยู่กับที่   หากแต่ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์กลับยังคงนั่งยิ้มสบายพระทัยไม่ได้เคลิ้มไปกับดีกรีแสนแรงของเหล้าจากกุ้ยโจว

   “พระจันทร์ช่างโตเสียจริงๆ  ในนั้นคงมีกระต่ายอยู่หลายตัวไม่งั้นคงเหงาแย่” เสียงอ้อแอ้ของคนเมาที่เหม่อมองกระต่าย เรียกให้องค์ฮ่องเต้ต้องแหงนมองจันทร์ก่อนจะเหลือบมองคนพูด

   “กระต่ายไม่เหงาหรอกก็ในนั่นมีตากับยายอยู่ด้วย แล้วจะเหงาได้อย่างไร” ฮ่องเต้หยิบนิทานจากดวงจันทร์ขึ้นมารับสั่ง ทั้งที่ก็ทรงลืมเลือนไปนานแล้ว

   “จะไม่เหงาได้อย่างไร ตากับยายที่อยู่ด้วยกันก็รักกัน แล้วเหลือทิ้งไว้แค่กระต่ายน้อยหนึ่งตัวกลายเป็นส่วนเกิน มันเที่ยวขอความรักจากใคร ก็ไม่มีใครให้มันได้จริง” ใบหน้าหวานสะท้อนความเหงาที่เจ้าตัวปิดบังเอาไว้ ไม่ให้ใครได้รู้ ท่าทีแสนสำราญแท้จริงแล้วกลับปิดบังบางสิ่งเอาไว้

   องค์ฮ่องเต้ถอดถอนใจ มองคนตรงหน้าที่เก็บกักความเหงาไว้ภายใน พลางนึกไปถึงคำพูดอวดมือปลาหมึก แล้วแบบนี้ปลาหมึกที่ไหนกัน “เพราะกระต่ายเองก็เอาแต่ไม่หยุดนิ่ง นิสัยที่ขี้กลัว ทำให้ไม่กล้าผูกพันกับใครหรือเปล่า”

   “อ่าคงใช่ เจ้านี้ช่างเข้าใจวิสัยของกระต่าย อย่างนี้คงเข้าใจความรู้สึกคนขี้กลัวแบบข้าเป็นแน่” อ๋องน้อยเดินโซเซจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆผู้สูงศักดิ์

      มือบางๆลูบไล้ตามโครงหน้าเรียวยาว เริ่มสัมผัสไรหนวดแข็งๆแต่ก็ได้ชะงักมือไม่ เอื้อมดันท้ายทอยกว้างให้ก้มลงรับสัมผัสเร่าร้อนจากริมฝีปากร้อนอวลด้วยกลิ่นสุราชั้นดี

   ฮ่องเต้หนุ่มแม้จะเคยได้สัมผัสหญิงสาวที่รับเข้ามานางอื่นๆ แต่สัมผัสของนางเหล่านั้นกลับสู้สัมผัสร้อนของคนๆนี้ไม่ได้เลย ทรงค่อยๆรับรู้ความหวานของริมฝีปากจนต้องคว้าเอวบางเข้าแนบชิด ก่อนจะตกตะลึงเมื่อรู้ถึงมือเล็กๆเริ่มไม่อยู่สุข

   มือบางของท่านอ๋องเที้ยนหยวนซุกไซ้ขึ้นลูบไล้แผ่นอกตามความเคยชิน คว้าหาเนินเนื้อนิ่มกลับเจอเพียงความเรียบตึงที่แข็งแน่น เรียวนิ้วบีบจิกยอดอก ฟูมฝักจนเม็ดเล็กค่อยขยายตัว และหดเกร็งรับการปลุกเร้าจากมือเล็ก

   ฮ่องเต้หนุ่มนั่งนิ่งปล่อยให้มือบางซุกซนไปเรื่อย ริมฝีปากร้อนผ่าวไล่ประกบกัน แลกเปลี่ยนความหวานล้ำ ไม่สนสายน้ำไหลจากมุมปาก รู้สึกได้ดียิ่งกว่าเมื่อยามได้รับการปรนเปรอจากนางในวังที่มีอยู่เกลื่อน เสื้อคลุมมังกรที่ใส่คลุมกันลมเย็น ถูกปลดออกจากไหลมากองที่บั้นพระเอว เพราะคนที่หลงอยู่ในรสกามอารมณ์

   เสียงดูดเม้ม และขบกัดตามผิวหยาบ สร้างอารมณ์หวานให้ยิ่งเพลิดเพลิน ทรงไม่แปลกพระทัยว่าเหตุใดเหล่าสาวงามล้วนติดใจชายผู้มีใบหน้าหวาน รูปร่างบอบบางเช่นนี้

   ริมฝีปากไล้กลับขึ้นมาหาริมฝีปากหนา เรียวลิ้นกอดรัดแน่นอย่างตะกรุมตะกราม ไม่มีผู้ใดยอมแพ้ ต่างไล่ความหาความหวานล้ำจากกันและกัน ก่อนที่ร่างบางจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ ละออกมาทั้งที่ยังติดใจในรสจูบ

   ฮ่องเต้หนุ่มรับรู้ได้ถึงความขัดเคือง จึงประคองใบหน้าหวานขึ้นมาประกบริมฝีปากอีกครั้งเรียวลิ้นหนาตวัดไล่ลิ้นเล็กอย่างดุเดือด จนแทบจะกลายเป็นบีบรัดลิ้นเล็กสีชมพูหวาน

   อ๋องน้อยผู้ถูกแย่งชิงลมหายใจ ค่อยๆไต่มือลงสัมผัสท่อนเอ็นมังกรที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าเนื้อดีปักลายมังกรจักพรรดิกำลังกางกรงเล็บทั้งห้า นิ้วเรียวสาวรูดไปตามความยาวท่อนเนื้อร้อนและแข็งเกร็งผ่านเนื้อผ้าจนสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้น

   การกระทำเช่นนี้เรียกให้จักรพรรดิหนุ่มสะดุ้งเฮือกกลับมาอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง “เที้ยนหยวน เจ้า....พอได้แล้ว” ฮ่องเต้คว้ามือเล็กไว้แน่น แม้จะมีเสียงครางขัดใจในลำคอเล็ก และการดิ้นรนเอาแต่ใจที่อยากจะสัมผัสกับท่อนเอ็นที่แสนเร่าร้อนอีกครั้ง แต่อีกองค์ที่แรงมากกว่าก็รั้งเอาไว้ได้ ไม่ปล่อยให้ดิ้นไปไหน

   ด้วยพระอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นยังผลงให้ฮ่องเต้หนุ่มคว้าเอวบางอุ้มขึ้นมานั่งบนตัก แผ่นหลังอิงแนบพระอุระ นิ้วเรียวยาวเกี่ยวสายคาดเอวบางให้หลุดออก เช่นเดียวกับสาบเสื้อที่ซ้อนทับค่อยๆคลายขยายกว้างจนไม่อาจอยู่บนไหล่บาง ไหลลงไปกองกับตักหนา 

   ผ้าเนื้อดีที่ลงไปกองเปิดให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียนที่มีรอยเล็บสีแดงจางๆประปรายไปทั่ว ฮ่องเต้อี้หลงโอบประคองร่างเล็กไม่ให้หล่นลงไป ไล่พรมประทับรอยทั่วแผ่นหลังประกาศความเป็นเจ้าของที่จะไม่มีหญิงคนใดได้ฝากรอยเล็บที่แผ่นหลังนี้อีกแล้ว ก่อนที่พระหัตถ์อีกข้างจะบิดเบือนใบหน้าหวานหันมากวาดหาความหวานจากริมฝีปากแดงซ้ำ

   ฮ่องเต้หนุ่มลูบคลำท่อนเนื้อที่เคยปรนเปรอผู้อื่นมามากมายแต่กลับสั่นเทาอยู่อย่างเอ็นดู รอยแย้มพะโอษฐ์บางเบาปรากฏบนพระพักตร์อย่างพึงพอใจ เสียงหวานในลำคอยั่วยวนให้ล่วงล้ำมากกว่าที่เป็นอยู่

   แล้วอ๋องน้อยก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อที่ที่ไม่เคยมีผู้ใดได้สัมผัสมาก่อน กำลังถูกเล้าโลมด้วยนิ้วพระหัตถ์ สติที่หายไปเพราะสุราชั้นดีกลับมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็สลายไปในชั่วพริบตา “เฮ้ย อ่ะ....ท่านจะอื้อ....ทำอะไร” ความเจ็บแสบปนกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยพบเจอทำให้อ๋องน้อยต้องบิดกายอย่างทรมานแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

   “อ่ะ.... อ๊ะ” เมื่อกล้ามเนื้อที่ไม่เคยแหวกออกจากกันเริ่มรับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาได้ ฮ่องเต้หนุ่มก็ถอนนิ้วพระหัตถ์ออกจากช่องทางอันร้อนรุ่มไม่ทันให้ตั้งตัว เรียกเสียงหวานที่เผลอหลุดออกมา

   “เจ้าเจ็บหรือไม่ หืม?” แม้นั่นจะเป็นประโยคคำถามที่เหมือนจะเต็มไปด้วยความห่วงใย หากแต่ฮ่องเต้ผู้เปี่ยมด้วยน้ำพระทัยในสายตาประชากรไม่รอให้ได้รับคำตอบ มือใหญ่จับร่างบางโน้มไปข้างหน้า จนแขนเรียวต้องยันตนเองไว้กับโต๊ะหินตามสัญชาตญาณที่ป้องกันก่อนจะล้มลงไป

   แล้วโดยไม่ทันตั้งตัวความเจ็บแปลบที่มากกว่าครั้งแรก เจ็บจนแทบจะฉีกร่างให้กลายเป็นส่วนๆเพราะท่อนเนื้อขนาดใหญ่ที่ใหญ่กว่านิ้วเรียวมากนักเสียดแทงขึ้นมา “อ่า...เจ็บ อ่ะ..... อ่อก  ออกไป” 

   “อย่าเกร็งสิเที้ยนหยวน อย่างที่เจ้าเคยบอกสาวงามอย่างไรเล่า อย่าเกร็ง หายใจเข้าลึกๆนะ” ฮ่องเต้หนุ่มปลอบใจร่างบางที่ยันตัวกับต้นไม้ใหญ่ จูบบนแผ่นหลังเนียนทับรอยเล็บที่ได้มาจากหญิงอื่น ก่อนที่เอ็นมังกรจะค่อยๆ สอดลึกตามเข้าไปอย่างช้าๆ ความเจ็บแสบที่ยากจะทานทนทำให้ร่างบางไร้เรี่ยวแรง นิ้วทั้งสิบจิกลงบนพื้นโต๊ะที่ทำจากหินแกร่งจนเจ็บร้าว

   ความเจ็บปวดค่อยๆแปรเป็นความสุขยามร่างสูงขยับเข้าออก บดขยี้เนื้อนิ่มภายใน สติที่มีเพียงน้อยนิดปลิวหายไปกับความเย็นชื้น กลายเป็นเสียงร้องวอนขอให้เติมเต็มอย่างลืมตัว สอดรับกับแก่นกายที่รุกรานเสียดสีจุดอ่อนไหว จนรู้สึกเหมือนสะโพกจะหลอมละลายไปกับความเร่าร้อนที่พึ่งรู้จัก

   แผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยสีหวานแอ่นโค้งขึ้น เสียงหวานปนหอบกระชั้นดังให้ได้ยินถี่ขึ้น และเมื่อสะโพกหนายัดเยียดเอ็นมังกรเข้าลึกอีกครั้ง ท่านอ๋องน้อยผู้ไม่เคยเป็นฝ่ายถูกกระทำต้องกระตุกเกร็งไปชั่วขณะก่อนที่จะปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาในทันที ร่างทั้งร่างสะท้านเฮือกพร้อมๆกับที่รู้สึกถึงความอุ่นวาบที่แล่นเข้ามาภายใน ก่อนจะหมดสติลงในอ้อมแขนของฮ่องเต้หนุ่ม

   “ทำใครต่อใครมาเสียมาก ถึงตอนนี้กลับสลบเสียแล้วหรือเที้ยนหยวน” เสียงทุ้มหัวเราะแผ่วเบา ก่อนจะจัดการให้เสื้อกลับขึ้นมาคลุมร่างบางดังเดิม นับแต่พรุ่งนี้คงได้เปลี่ยนจากตำแหน่งต้นห้องกลายเป็นคนในห้อง หวังว่าจะช่วยให้นิสัยไม่ดีบางอย่างหายไปได้

   ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์โอบอุ้มร่างไร้สติของต้นห้องขึ้นแนบอกกว้าง พากลับห้องบรรทมที่อบอุ่นกว่ากลางสวนเช่นนี้ต่อจากนี้คงให้นอนกับพื้นหน้าเตียงไมได้อีกแล้ว    
   

           * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
สวัสดีคะ มาพร้อมกันเอ็นซีอ่อนหัด ระดับอนุบาล หวังว่าจะไม่อ่อนด๋อยเกินไปนะคะ

ขอบคุณค่ะ

#เหมาไถ เป็นเหล้าชนิดหนึ่งของจีน ทำสืบทอดมานาน ความแรงอยู่ที่53ดีกรีค่ะ 
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่2) ๒๘/๐๔/๕๔
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 30-04-2011 01:18:32
55+ เสียตัวซะและ  :pighaun:


ต่อไปก็ทำตัวให้น่ารักขึ้นนะอ๋องน้อยฮ่องเต้จะได้รักสักที


^^


:3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่4) 30/04/11 [Nc อ่อนด๋อย]
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 30-04-2011 01:42:40
55+

แทนที่จะได้กดกลับถูกกดแทนซ่ะนี่อ๋องน้อย
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่4) 30/04/11 [Nc อ่อนด๋อย]
เริ่มหัวข้อโดย: ice-vanilla ที่ 01-05-2011 22:51:00
รู้สึกสะใจยังไงไม่รู้ที่อ๋องน้อยถูกกด

อ๋องน้อยดูเป็นคนไม่ดีอ่ะ เพราะงั้น คุณ jellyfish o13

ปล. ตอนจบไม่เศร้าใช่มั้ยคะคุณ jellyfish :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่4) 30/04/11 [Nc อ่อนด๋อย]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 01-05-2011 23:43:22
ประลองรัก...五


   ความเจ็บปวดทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ปลุกให้อ๋องน้อยผู้ไม่เคยตื่นก่อนตะวันขึ้นตั้งตรง ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ความรู้สึกบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป ความทรงจำบางช่วงที่ขาดหาย และคนที่นอนข้างๆ

   “เฮ้ย! ทำไมฮ่องเต้ หรือว่าเมื่อคืน” คำที่ไม่หลุดออกมาจากริมฝีปากสวย แต่ยังวงเวียนในสมอง เมื่อคืน ตอนที่ต่างคนต่างเมา ฮ่องเต้ผู้น่าสงสารองค์นี้ตกเป็นสนมของเที้ยนหยวนคนนี้ไปเสียแล้วหรือนี้ “แล้วข้าจะรับผิดชอบท่านเองนะ ฮ่องเต้ที่รัก ฮึๆๆ”

   เสียงหัวเราะแปร่งๆข้างหูดังจนไม่อาจทนต่อไปได้ แต่เพราะเมื่อคืนกว่าที่ฮ่องเต้จะได้เข้าบรรทมก็เกือบสว่าง เวลานี้จึงทำได้เพียงกวาดมือไปทางต้นเสียง แล้วรั้งให้มานอนซุกอยู่กับอก

   “อือ อะไรเนี่ย ฮ่องเต้ท่านเป็นสนมของข้า จะมาทำอะไรแบบนี้ได้อย่างไรกัน” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนเอ่ยอย่างขัดใจ แม้ร่างกายจะรู้สึกเจ็บปวดทุกการเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่าค่ำคืนที่ผ่านมาไม่ได้เป็นอย่างที่คิดฝัน

   “เงียบๆเที้ยนหยวน พี่ง่วง เมื่อคืนกว่าพี่จะได้นอน เจ้ารู้ไหมมันกี่ยามแล้ว” เสียงงึมงำบอกกับคนที่ซุกอยู่ในอกและกำลังบ่นอะไรบางอย่าง แต่ก็บอกได้ว่าฮ่องเต้อี้หลงทรงรู้พระองค์ตลอดเวลา แม้ในยามที่กำลังง่วงงุนเต็มที่เช่นนี้

   “อะไรกันท่าน เป็นข้าไม่ใช่หรือไงที่ต้องนอนทีหลัง ข้าไม่เคยปล่อยให้สาวงามหรือหนุ่มน้อยน่ารักเช่นท่านต้องโดดเดี่ยวเพียงลำพังในคืนที่แสนสำราญหรอกนะ” ท่านอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงยังคงเข้าใจกับความคิดของตนเอง

   “ก็เมื่อคืนกับทุกคืนที่ผ่านมา มันเหมือนกันตรงไหนเล่า เจ้าไม่เจ็บ ไม่เพลียบ้างเลยหรืออย่างไรเที้ยนหยวน แต่พี่ของเจ้าง่วงนะ”  สรรพนามที่แสนสนิทสนม วางตำแหน่งต่างๆออกจากบ่า บางทีการที่จะมีใครสักคนให้อยู่ด้วยแล้วไม่ต้องกังวลถึงภาระหน้าที่ก็คงจะดี

   “อะไรของท่านกัน ง่วงแล้วพูดไม่รู้เรื่อง หรือที่เมื่อคืนเมาแล้วยังไม่สร่างกัน จะเมาเหล้า หรือเมารัก ข้าก็รับผิดชอบนะ แม้ว่าเมื่อคืนมันจะเพราะเหล้าก็ตาม ท่านไม่ต้องกลัวไปหรอก” อ่องน้อยอย่างเที้ยนหยวนยังคงไม่เข้าใจเรื่องต่างๆ ยังคิดเอาเองกับสิ่งที่เข้าใจ ไม่ทันฟังกับคำเรียกแสนสนิทสนม

   “ใจคอเจ้าจะไม่ให้พี่นอนอย่างนั้นหรือ เที้ยนหยวน” ในเมื่อไม่สามารถทนได้กับเสียงข้างหู ฮ่องเต้หนุ่มจึงจำใจลุกขึ้นทอดเนตรใบหน้าหวานที่เมื่อคืนแสนยั่วยวน “ว่าอย่างไร เจ้าว่าอะไรบ้าง”

   “ข้าบอกว่าท่านไม่ต้อง ยังไงข้าก็จะรับผิดชอบ ถึงแม้เมื่อคืนข้าจะเมามากจนจำอะไรไม่ได้ก็ตาม” ร่างโปร่งของอ๋องน้อยยังคงพูดพร่ำ อย่างที่ใจคิด แม้ว่าบางอย่างในร่างกายจะบอกว่ามันไม่ใช่

   “เจ้านี้หน่า ยังคิดอะไรแบบนั้นอยู่อีก แล้วเป็นน้องพูดกับพี่ให้มันน่าฟังกว่านี้ไม่ได้หรือไร” สุรเสียงทุ้มจากองค์ที่คิดจะอ่อนข้อให้ ยังคงนุ่มนวลน่าฟัง และมองคนตรงหน้าอย่างเริ่มจะเอ็นดู

   “อะไร ท่านเป็นภรรยาข้า ท่านสิที่ควรพูดให้น่าฟัง ถึงท่านจะเป็นฮ่องเต้ หรือมีศักดิ์เป็นพี่ข้าก็ตาม แต่ท่านก็เป็นสนมของอ๋องเที้ยนหยวนด้วย อย่าลืมสิ” แม้จะรู้สึกดีกับคำว่าพี่ และความอบอุ่นที่สัมผัสได้ แต่ความทะนงในศักดิ์ศรีก็บอกให้ปัดความรู้สึกเหล่านั้นออกไป

   “เที้ยนหยวน เจ้าพูดดีๆไม่รู้ฟังใช่ไหม อย่าทำให้พี่โมโหแต่เช้าจะได้ไหม”

   “ก็แล้วท่านจะ.....อืมมมม” คำพูดแสนดื้อรั้นหายไปในลำคอระหง เมื่อริมฝีปากร้อนฉกวูบลงมา ดูดกลืนคำพูดใดๆให้หายลงไปสิ้น ไม่เหลือไว้แม้แต่ลมหายใจแผ่วๆ

   “จะหยุดพูดได้หรือยัง” พระเนตรคมมองใบหน้าหวานขึ้นสี หลังจากที่ยอมละออกจากริมฝีปากแสนหวาน พระโอษฐ์ปรากฏรอยแย้มพระโอษฐ์นิดๆ “แล้วฟังพี่ให้ดีนะเที้ยนหยวน เรื่องเมื่อคืน ถึงเจ้าจะเมาจนจำอะไรไม่ได้เลย แต่พี่จำได้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น”

   “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเล่า แล้วท่านมาจูบข้าทำไม” อ๋องน้อยเริ่มรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณถึงสิ่งที่ผิดแปลกไป ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์อย่างฮ่องเต้อี้หลง เป็นฝ่ายจูบปาก มันไม่ใช่เรื่องปรกติที่ควรเกิดขึ้นเลยสักนิด

   “เรื่องเมื่อคืนเจ้าเข้าใจถูก แต่ที่ผิดคือ พี่ที่เป็นฝ่ายต้องรับผิดชอบเจ้า เมื่อคืนพี่คงเป็นผู้ชายคนแรก พี่เข้าใจถูกใช่หรือไม่เที้ยนหยวน” องค์ฮ่องเต้ได้กล่าวความจริงออกไป พร้อมรอดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปอย่างเฝ้าระวังไม่รู้ว่าคนอย่างอ๋องน้อยเจ้าสำราญจะรับเรื่องนี้ได้เพียงใด

   “ไม่จริง ท่านหลอกลวงข้า ไม่” จากเสียงกรีดร้องกลายเป็นพร่ำเพ้อแผ่วเบา ถ้อยรับสั่งยังคงตราแน่นเกินกว่าจะตั้งสติได้

   “พี่ที่เป็นฝ่ายต้องรับผิดชอบเจ้า เมื่อคืน พี่คงเป็นผู้ชายคนแรก พี่เข้าใจถูกใช่ไหมเที้ยนหยวน”   

   “ม่ายยยยยยยยย  ไม่จริง” เสียงตะโกนก้องทั่วพระราชฐานส่วนพระองค์ ทำให้องค์ฮ่องเต้ต้องทรงมองอย่างเฝ้าระวัง จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของอ๋องน้อย

   “มันเป็นเรื่องจริงที่เจ้าต้องยอมรับเที้ยนหยวน พี่รู้ว่ามันอาจยากที่จะเชื่อ แต่มันคือความจริง” ฮ่องเต้หนุ่ม ผู้ทัยเย็นเป็นนิจ ปลอบประโลมน้องชาย กับเหตุการณ์ที่ยากจะยอมรับ

   “ไม่จริง ท่านหลอกข้า ท่านอ่ะ.....” เสียโวยวายหายไป หลงเหลือแต่เสียงจากความทรมาน ทันทีที่ขยับตัวลงจากที่นอนสูง ความเจ็บริ้วจากร่างกายส่วนล่างที่ทำให้ตื่นขึ้นมากลับทวีขึ้นอย่างรุนแรง จนไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้

   แม้ร่างกายจะบอกให้รู้ว่าสิ่งที่ฮ่องเต้ตรัสเป็นความจริง หากแต่ใจของคนที่เคยอยู่เหนือใครต่อใคร กลับดื้อรั้นไม่ยอมเชื่อฟัง ปฏิเสธความจริงที่เกินจะรับได้

   “เห็นไหมร่างกายเจ้ายังฟ้องเลยว่าเมื่อคืนเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง แล้วใย เจ้าไม่ยอมรับฟังมัน พี่ไม่มีเหตุผลใดที่จะสร้างเรื่องหลอกลวงเจ้า จงเชื่อในสิ่งที่พี่บอกเที้ยนหยวน” ฮ่องเต้อี้หลง ค่อยๆสวมกอดอ๋องน้อย หวังว่าการเกลี้ยกล่อมจะได้ผล

   “หมายความว่า เมื่อคืนข้ากับท่าน ข้าคงพ่ายแพ้แก่แล้วใช่ไหม ฝ่าบาท ข้าถูกหยามเกรียติ ไม่เหลือศักดิ์ศรีใดๆอีกแล้ว” เสียงแผ่วเบาล่องลอยไร้น้ำหนัก ของคนในอ้อมแขนของฮ่องเต้หนุ่ม คาดเดาไม่ได้เลยว่า เจ้าของคำพูดคิดสิ่งใดอยู่   

   “ศักดิ์ศรีของเจ้ายังอยู่ครบเที้ยนหยวน เจ้ายังคงเป็นอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลง สิ่งที่เจ้าว่าหายไป มันยังอยู่ แต่จะหายไปก็ต่อเมื่อเจ้าตนไม่เป็นที่เคารพของผู้คน เที่ยวข่มเหงรังแกประชาชนอย่างที่แล้วมา”

   “แล้วศักดิ์ศรีความเป็นชายของข้าหล่ะ ท่านคิดว่ามันยังอยู่งั้นหรือ” แม้ปากจะยังพูดต่อไป แต่สายตากลับไม่ได้มองพระพักตร์ผู้ฟัง ดวงตาไร้ความสดใสมองเหม่อไปไกลถึงสิ่งที่นอนนิ่งซ่อนตัวอยู่ใต้หมอนในห้องส่วนตัว

   “มันจะไม่หายไป หากเจ้าไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า มันยังคงอยู่ เหมือนที่เฉียนกุ้ยก็ยังคงมีศักดิ์ศรีเหล่านั้น เหมือนเจ้า เหมือนพี่ เหมือนทหารทุกคน”

   “พอเถิดฝ่าบาท ต่อให้พระองค์ตรัสเช่นไร แต่สิ่งกระหม่อมรู้สึก มันก็ยังคงเหมือนเดิม หากฝ่าบาทจะทรงพระเมตตา กระหม่อมอยากอยู่คนเดียว ขอให้กระหม่อมได้กลับไปยังห้องของกระหม่อมด้วย” เหมือนว่าองค์ฮ่องเต้ จะขยับเข้ามาใกล้ หากแต่อ๋องน้อยกลับก้าวหนี ถ้อยคำทางการที่ไม่เคยพูด กลับพูดออกมาได้อย่างคุ้นเคย

   “ตามใจเจ้าเถอะ กลับไปนั่งทบทวน บางทีการอยู่คนเดียวอาจทำให้เจ้าคิดได้ แต่ให้รู้ไว้อย่าง ว่าพี่ไม่ต้องการให้เรื่องเช่นเมื่อคืนเกิดขึ้น พี่เสียใจไม่ต่างกับที่เจ้าเสียใจ” เสียงแผ่วเบาถ่ายทอดความรู้สึกจากพระหทัย ก่อนปล่อยให้อ๋องน้อยเดินจากไป

   “ฮวางหู ”   เมื่อร่างโปร่งลับสายตา สุรเสียงก้องกังวาลก็ร้องเรียกราชองค์รักษ์ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อคืนให้เข้ามาถวายงาน

   “ฝ่าบาททรงมีอะ......”
 
   “เราอยากปรึกษาเจ้าเรื่องเที้ยนหยวน และท่านอาปาหยาง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเจ้าคงรู้แล้วใช่ไหม” องค์ฮ่องเต้ทรงถอนพระทัย กับเรื่องที่ทรงคิดไม่ตก เรื่องที่ไม่ควรดำเนินมาแบบนี้

   “กระหม่อม บางทีเรื่องเมื่อคืนอาจทำให้อะไรง่ายยิ่งขึ้น หากฝ่าบาทจะทรงเกลี้ยกล่อมท่านอ๋องน้อยได้” ฮวางหูมีแผนบางอย่างอยู่ในใจ

   “อย่าว่าแต่เกลี้ยกล่อม แค่ทำให้ยอมรับความจริงก็ยากมากแล้ว แต่บางทีหากเราทำให้เที้ยนหยวนอ่อนลงได้ การถอดยศสองพ่อลูกก็อาจจะไม่จำเป็น อาจแค่เนรเทศท่านอาให้อยู่ห่างจากเมืองหลวง ส่วนเที้ยนหยวนถ้าให้อยู่แต่ในวังหลวงไม่ออกไประรานใคร ก็คงจะดี”

   “ฝ่าบาททรงคิดเช่นไรกับท่านอ๋องกัน” ท่าทีที่อ่อนลงจนเห็นได้ชัด สร้างความกังขา และคงมีเพียงแค่องค์รักษ์คนสนิทเท่านั้นที่กล้าถามคำถามนี้ต่อองค์ฮ่องเต้

   “นั่นสิ ความคิดเราที่มีต่อเที้ยนหยวนอาจเปลี่ยนแปลงไป เมื่อคืนที่ได้นั่งอยู่ด้วยกัน มันทำให้เราเห็นเนื้อในของคนคนนี้ และหากเราจะมีใครสักคนที่สามารถพูดคุยได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงฐานะ หรือเรื่องราชการใด คนที่ทำให้เราผ่อนคลายได้ ก็คงดี”

   “หากคนผู้นั้นเป็นท่านอ๋อง กระหม่อมว่าอาจทำให้พระองค์เหนื่อยและปวดหัวยิ่งขึ้น แต่ก็คงมีเรื่องสนุกได้ไม่เว้นแต่ละวันเช่นเดียวกัน”
 
   “นั่นสิ เรื่องแรกที่จะทำให้เราปวดหัวคงเป็น เหล่าสาวงามของท่านอ๋อยน้อยเจ้าสำราญเป็นแน่ หากคนคนนั้นเป็นเที้ยนหยวนจริง เจ้าก็คงเหนื่อยขึ้นอีกเยอะ เพราะสาวงามเหล่านั้นไม่ปล่อยท่านอ๋องน้อยให้เราง่ายๆแน่นอน”

   “กระหม่อมยอมเหนื่อย หากพระองค์จะทรงพระสำราญได้บ้าง” องค์รักษ์คนสนิทยินดีหากเหนือหัว เหนือชีวิตจะมีความสุข แต่แล้วเสียงกรีดร้องลั่นก็เรียกความสนใจจากบุรุษต่างฐานะทั้งสอง

   “เสียงร้องของใครดังมาจากตำหนักของเที้ยนหยวน” ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ทรงรีบวิ่งไปสู่ทิศทางของเสียงเมื่อตระหนักได้ว่าเสียงนั่นมาจากที่ใด ตามด้วยองค์รักษ์ประจำพระองค์ และเหล่าทหารภายในเขตราชฐาน

   “เที้ยนหยวน เจ้าจะทำอะไร” ภาพภายในตำหนักมีขันทีหน้าหวาน ยืนตัวสั่นอยู่มุมห้อง และอ๋องน้อยผู้มีน้ำตาเต็มใบหน้าหวาน ริมฝีปากแดงช้ำห้อเลือดขึ้นเป็นรอยฟันที่เจ้าตัวกัดมันเพื่อระบายความเจ็บใจ ในมือบางกำกริชประจำตัวไว้แน่น

   “.......” ไร้คำตอบใดๆ มีเพียงดวงตากลมโตแดงก่ำจับจ้อง ก่อนที่มือบางจะยกกริชขึ้นสูง และเร็วเกินกว่าใครจะรู้สึกตัว ปลายกริชเล่มคมพุ่งลงสู่แผ่นอกราบเรียบ บริเวณที่มีก้อนเนื้อก้อนเล็กแอบซ่อน

   “ฝ่าบาท!!!”  เสียงของเหล่าทหารองค์รักษ์ดังระงม เมื่อพระหัตถ์หนา เต็มไปด้วยพระโลหิต แดงเข้ม ไหลหยดลงสู่พื้น ในพระหัตถ์หนามีปลายกริชสองคม

   ฮ่องเต้อี้หลงทรงใช้พระหัตถ์รับกริชแทนหัวใจของท่านอ๋องเที้ยนหยวนที่หมายจะปลิดชีพตัวเอง

   วรองค์สูงใหญ่ ไม่น่าเกรงขามเท่าพระพักตร์นิ่งเรียบ ดวงเนตรคมกล้าจ้องมองร่างโปร่งที่มองพระหัตถ์อย่างตกตะลึง ภายในห้องเงียบสงบไร้สรรพเสียงใดๆ

   กริชที่ได้รับการประดับอย่างสวยงามด้วยหยกและอัญมณีสูงค่าประทับตรามังกรมีใช้ในราชวงศ์เท่านั้น ถูกโยนทิ้งข้ามไหล่ผู้เป็นเจ้าของไปด้วยพระหัตถ์หนา

   “เพลี้ยะ” เสียงฝ่าพระหัตถ์หนาตวัดลงบนใบหน้าสวยหวานอย่างแรง เพื่อลงโทษคนสิ้นคิด ที่หาทางออกด้วยการจะลาลับจากโลก ไม่เห็นค่าชีวิตของตน

   ใบหน้าหวานที่สะบัดตามแรงหันกลับมาจ้องพระพักตร์เจ้าของพระหัตถ์ ที่มุมปากมีหยาดเลือดสีแดงสด ที่ข้างแก้มมีรอยเปรอะเปื้อนพระโลหิตจากพระหัตถ์ ท่านอ๋องน้อยทรุดลงทั้งยืน หมดสติในอ้อมแขนที่คว้าไว้ได้ทัน

   ท่ามกลางความเงียบของเหล่าองค์รักษ์ หากแต่สิ่งหนึ่งในใจของทุกคนคือกฎมณเฑียรบาล ที่ตราไว้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งราชวงศ์
   

‘มันผู้ใดทำให้พระโลหิตแห่งโอรสสวรรค์ต้องหลั่งริน มันผู้นั้นต้องชดใช้ด้วยชีวิตเก้าชั่วโคตร’

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *


สวัสดีค่ะ มาพร้อมกับเลือดสดๆไหลแหม่ะ กันเลยทีเดียว

ขอบคุณคะ

ปล. ตอนจบไม่เศร้าแน่ๆคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่5) 1/05/11 [มีตบ ไม่มีจูบ]
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 01-05-2011 23:52:42
มาไวจริงๆจ้า กะลังหนุกเรย แล้วอย่างนี้อ๋องน้อยจะโดนประหารมั้ยเนี่ยะ
ทั้งๆที่ฮ่องเต้ ไปรับมีดเองนะนั่น รอลุ้นต่อไปจ้า  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่5) 1/05/11 [มีตบ ไม่มีจูบ]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 02-05-2011 00:36:03
 :a5:จะมีการประหารหกันด้วยเหรอ
ฮ่องเต้คงไม่ใจดำสังประหารเมียตัวเองหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่5) 1/05/11 [มีตบ ไม่มีจูบ]
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 02-05-2011 00:43:52
เอร๊ยยยยย!!! :a5:

อ๋องน้อยคงไม่เป็นไรใช่มั้ย


ฮ่องเต้ช่วยอ๋องน้อยด้วยนะ :sad4:


^^


:3123: :3123:

หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่5) 1/05/11 [มีตบ ไม่มีจูบ]
เริ่มหัวข้อโดย: ice-vanilla ที่ 02-05-2011 20:19:41
 :เฮ้อ: อ๋องน้อย

 :กอด1: ฮ่องเต้ ฮ่าๆๆ ฮ่องเต้น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่5) 1/05/11 [มีตบ ไม่มีจูบ]
เริ่มหัวข้อโดย: hikaru00 ที่ 02-05-2011 23:10:57
อู้ว ขยันอัพจริงๆ ไม่ได้เข้ามาไม่กี่วัน ทำไมมันเยอะอย่างงี้้งงงงง  :z1:

อ๋องน้อยโคดเอาแต่ใจจริงๆ อ่ะ ไปจีบหนุ่มน้อยให้เขาเสียใจเล่น เฮ้อ อย่างงี้ฮ่องเต้ต้องจับสั่งสอนให้เข็ดๆ อิอิ

แต่โดนแทงข้างหลังพี่แกก็เจ็บมะใช่เล่นนะเนี่ย แล้วฮ่องเต้จะทำยังไงต่อปายยย  :serius2:

จะรอนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่6) 2/05/11 [โทษทัณฑ์พ่อลูก]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 03-05-2011 00:00:33
ประลองรัก...六


   พระองค์สูงใหญ่ในห้องทรงอักษร กำลังประทับนิ่งให้หมอหลวงรักษาแผลลึกที่ฝ่าพระหัตถ์ ในขณะที่สายตายังทอดพระเนตรรายงานต่างๆ ที่มีเข้ามาทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทหาร การชลประทาน และเรื่องเดือดร้อนที่ชาวบ้านส่งมาร้องเรียน

   พระขนงขมวดเข้าหากันเมื่ออ่านฎีการ้องเรียนจากชาวบ้านกว่าร้อยคนในเขตปกครองของปาหยางอ๋องที่รวมตัวกันเพราะทนเดือดร้อนจากการถูกขูดรีดไม่ได้

   เดือนอ้าย ปาหยางอ๋องขึ้นภาษีที่ดินเป็นครั้งที่ห้า หากบ้านใดไม่มีตำลึงมาจ่ายก็ให้เอาตัวลูกสาวมาขัดไว้เสีย ยังเกณฑ์ชายหนุ่มตั้งแต่สิบสี่ไปจนถึงชายชราวัยหกสิบ เพื่อไปก่อสร้างขยายเขตวังทู่หลงให้กว้างขวางขึ้น ตามที่นาเหลือแต่ ผู้หญิง และคนชราเท่านั้น
   
พระหัตถ์อีกข้างที่ยังใช้การได้หยิบฎีกาฉบับนี้ส่งให้องค์รักษ์เอกอ่านดู ก่อนจะทรงไล่ทั้งหมอหลวง ทั้งข้าราชบริพารให้ออกไป เว้นเพียงแต่ ฮวางหูเท่านั้นที่ยังคงก้มหน้าอ่านฎีกาที่ชาวบ้านร้องเรียนมา

   “เจ้าคิดว่าอย่างไรกับเรื่องนี้” องค์ฮ่องเต้อี้หลงรับสั่งถามคนสนิทที่กำลังทำสีหน้าครุ่นคิด ไม่ต่างจากพระองค์

   “หม่อมฉันคิดว่าหากปล่อยไว้ให้เป็นแบบนี้ต่อไป จะส่งผลเสียต่อฝ่าบาท ประชาชนอาจไม่พอใจแล้วรุกฮือขึ้นมาต่อต้าน จนเกิดการเปลี่ยนราชวงศ์ ดังที่แล้วๆมา”  สำหรับองค์รักษ์ความปลอดภัยของโอรสสวรรค์และราชวงศ์เป็นเรื่องสำคัญ หากจำเป็นก็ต้องตัดเนื้อร้ายออกไป

   “กฎบชาวนาเป็นเรื่องสำคัญและมีอิทธิพลต่อทุกราชวงศ์ ฝ่ายหนึ่งก็ประชาชน อีกฝ่ายหนึ่งก็ท่านอา หากเราทำรุนแรงไปก็ไม่สมควร จะให้ไต่สวนก็เกรงจะช้าไม่ทันการ ป่านนั้นท่านอาคงยิ่งหลงมัวเมาในลาภยศ สร้างความเดือดร้อนไม่หยุดหย่อน” ฮ่องเต้ทรงถอนหายใจด้วยความกังวล หาหนทางหยุดความประพฤติของท่านอ๋องปาหยางที่นับวันยิ่งสร้างแต่ปัญหา ไม่แปลกใจที่ลูกชายคนเดียวเป็นคนเช่นนี้ “จริงสิ ตอนนี้เที้ยนหยวนอยู่ไหน”

   “ตอนนี้ท่านอ๋องถูกกุมตัวไว้ในเรือนอาญา รอให้ท่านกรมวังไต่สวนแล้วออกประกาศลงโทษ ประหารเก้าชั่วโคตรกระหม่อม” ฮวางหูตอบอย่างฉะฉานเพราะก่อนหน้านี้ได้ให้คนไปสอบถามมาแล้วเรียบร้อย รู้ดีว่ายังไงฮ่องเต้ก็ต้องรับสั่งถามถึงเรื่องนี้

   “ถึงขั้นต้องประหารเลยงั้นหรือ”  ทรงนิ่งเงียบไป ทวนโทษของอ๋องน้อยที่พระองค์หมายมั่นจะให้ขึ้นมาเป็นคนพิเศษที่จะอยู่เคียงข้างกันไป เป็นคนที่จะทรงผ่อนคลายยามอยู่ใกล้

   “กระหม่อม ตามกฎมณเฑียรบา~”

   “พอเลยๆ” ทรงยกพระหัตถ์ข้างที่ได้รับการพันแผลอย่างประณีตขึ้นห้ามองค์รักษ์ “เราจำกฎคร่ำครึพวกนั่นได้ดี ท่านราชครูสอนเราเรื่องนี้ตั้งแต่เรายังพูดไม่ได้เลยกระมัง” ทรงเหนื่อยใจกับกฎเก่าๆที่ยากแก่การเปลี่ยนแปลง เพราะมันเป็นสิ่งที่คงอยู่กับการปกครอง “เจ้าไปเชิญท่านราชครูมาหาเราหน่อย แล้วก็ไปบอกท่านกรมวังอย่าพึ่งไต่สวนหรืออะไรทั้งสิ้น ส่วนเที้ยนหยวนก็ให้อยู่ในเรือนอาญาไปก่อน รอคำสั่งจากเรา”

   “กระหม่อม” ฮวางหูรับคำฮ่องเต้ก่อนถวายความเคารพแล้วจากไปทำตามคำสั่งที่ได้รับ รีบไปเชิญท่านราชครูก่อนจะไปทำเรื่องอื่นๆ

        * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ชายชราแววตาเต็มไปด้วยความห่วงใยและเอ็นดูหนึ่งบุรุษในห้องไม่ต่างจากลูกหลานคนหนึ่ง หนวดขาวยาว บ่งบอกวัยที่ล่วงเลย และประสบการณ์ที่มากล้น เดินเข้ามาในห้องทรงอักษรของโอรสสวรรค์อย่างคุ้นเคย ห้องนี้เคยสั่งสอนให้ความรู้แก่ยุวกษัตริย์ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์จนบัดนี้ กลายเป็นฮ่องเต้ที่เก่งกาจ “ท่านองค์รักษ์ฮวางหูบอกว่า ฮ่องเต้มีรับสั่งเรียกหาครูหรือกระหม่อม”

   “ท่านครู เรามีเรื่องอยากจะปรึกษา” ทุกครั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าชายชราผู้นี้จากฮ่องเต้ที่คนทั้งประเทศเกรงกลัว จะกลับกลายเป็นเด็กตัวน้อยในทันที  “เรื่องท่านอาปาหยางกับเรื่องของอ๋องเที้ยนหยวนลูกชายของท่านอา”

   “เรื่องที่ท่านปาหยางอ๋องกดขี่ราษฏรใช่ไหมกระหม่อม ครูพอจะได้ยินมาบ้าง แต่เรื่องท่านอ๋อง....อ๊ะ พระหัตถ์ของฝ่าบาท” ผู้เฒ่าสังเกตเห็นผ้าพันแผลบนพระหัตถ์ของศิษย์คนเก่งถึงกับมองด้วยความตกใจ

   “ก็นี้แหล่ะเรื่องที่ท่านอ๋องน้อยทำไว้ ท่านครูพอมีทางเลี่ยงกฎมณเฑียรบ้างหรือไม่ แบบที่ไม่ให้ใครต้องมาเอาชีวิตมาชดใช้กับเลือดของเรา” นี้เป็นเรื่องใหญ่ที่องค์ฮ่องเต้คิดว่าสมควรที่จะปรึกษาชายที่ผ่านอะไรมามกมาย ทั้งเหล่เหลี่ยมกลโกงสารพัด

   “ครูว่าถึงจะหลีกเลี่ยงเช่นไร แต่ท่านอ๋องก็ต้องรับโทษ ไม่เช่นนั้นกฎจะไม่เป็นกฎ อาจไม่จำเป็นต้องเก้าชั่วโคตร แต่อาจเหลือแค่เพียงคนที่ทำร้ายฝ่าบาทเพียงคนเดียว” หลังจากใคร่ครวญแล้ว โทษที่ลดได้มากที่สุดเห็นจะเป็นเพียงแค่นั้น

   “โธ่ท่านครู เราก็บอกว่าไม่เอาชีวิตใครไง ไม่ได้หรือ” ขณะนี้ราชครูกลับมองเห็นเด็กน้อยจอมดื้อรั้นแทนที่ฮ่องเต้ผู้สง่างามเสียแล้ว “ขอเถอะครั้งนี้ ท่านน่าจะมีทางเลี่ยงที่ดีกว่านั้น เราเชื่อใจท่านครูที่สุดแล้ว”

   “เรื่องท่านอ๋องน้อย ขอเวลาให้ครูได้คิดกว่านี้คงมีทางออกที่ดีกว่านี้ แต่เรื่องท่านปาหยางอ๋อง ครูเกรงว่าหากปล่อยไว้นาน เรื่องมันจะบานปลาย ประชาชนจะลุกฮือได้” ในที่สุด ท่านครูก็ความขี้อ้อนของเด็กน้อยที่แผงในตัวฮ่องเต้ จนได้

   “ท่านพูดเหมือนฮวางหูเลย เราเองก็คิดเช่นนั้น สงสัยว่าหากจะอ้างความเป็นญาติ แล้วใช้แผลบนมือให้เป็นประโยชน์ ไล่ท่านอาออกจากเมืองหลวงแล้ว ยึดตำแหน่งคืน มันจะได้หรือไม่” องค์ฮ่องเต้ทรงอธิบายที่วางไว้แบบคร่าวๆให้ท่านครูช่วยคิดถึงความเหมาะสมอีกครั้ง

   “อืออออ....มันก็ได้” คำว่าก็ได้ ทำให้พระพักตร์คมปรากฏรอยยิ้มขึ้น แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็วเพราะประโยคต่อมา “แต่ถ้าทำเช่นนั้นท่านก็ต้องไล่คนทั้งวังทู่หลง รวมถึงท่านอ๋องน้อย”

   “ไม่ใช่สิท่านครู เราหมายถึงแค่ท่านอา ไม่ได้หมายถึงเที้ยนหยวนเลย” ดวงตาคมเข้มของพญามังกรกลายกลับเป็นดวงตาขี้อ้อนดั่งลูกกวางน้อยอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งยังทรงเยาว์วัย ร้องขอให้ท่านครูทำตามสิ่งที่ทรงประสงค์

   “แต่ท่านจะยังให้ท่านอ๋องประทับอยู่ที่นี้อีกทำไม ในเมื่อประสงค์แรกเริ่มของพระองค์ คือสองพ่อลูกจากวังทู่หลง อย่าทรงลืมสิกระหม่อมว่าที่พระองค์ให้ท่านอ๋องเข้ามาอยู่ก็เพื่อจะจับผิดท่านอ๋องน้อย” ท่านราชครูเอ่ยเตือนศิษย์รักไม่ให้หลงลืมเหตุผลที่ให้ท่านอ๋องเข้ามาอยู่ในวัง แม้จะไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นฮ่องเต้ถึงได้พยายามรั้งท่านอ๋องไว้เพียงนี้

   “มันก็ใช่ แต่ว่าท่านครู พอเที้ยนหยวนเข้ามาอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าความจริงเขาก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ว่ามันเป็นที่การเลี้ยงดูของท่านอาปาหยาง ให้เวลาและโอกาส เราเชื่อว่าเที้ยนหยวนจะเป็นคนดี นะท่านครู ช่วยเรานะ” จากที่อ้อมค้อมให้ช่วยท่านอ๋องสุดท้ายฮ่องเต้หนุ่มกลับลงได้ว่าให้อาจารย์ช่วยพระองค์เอง

   “โถ่ ฝ่าบาท ทำเนตรเหมือนเด็กเช่นนั้น ครูก็ใจอ่อนสิกระหม่อม” ในที่สุดชายชราหนวดยาวก็ ใจอ่อนกับท่าทางของฮ่องเต้หนุ่ม “ก็ได้ แต่จะใช้ข้ออ้างอะไรทรงคิดให้ครูเถิดแล้วครูจะแจ้งแก่ท่านกรมวังให้ ต้องเป็นข้ออ้างที่เหมาะสมด้วยนะกระหม่อม”

   “ข้ออ้างที่เหมาะสม ก็เช่น....เที้ยนหยวนอายุยังน้อย ที่ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ท่านครูว่ามันเหมาะสมไหม หรือ เพราะเรามีเมตตาสูงส่งจึงสงสารเที้ยนหยวนผู้สนิทเสน่ห์หาเหมือนน้องชายเลยละเว้นโทษไว้”

   “แต่ละอย่างที่ท่านอ้าง มันดู.....ง่ายไปหน่อยหรือไม่ เรื่องที่ท่านจะทำมันขัดกับกฎมณเฑียรอยู่มากแล้ว จะมาอ้างว่าเป็นน้อง ครูว่ามันไม่เหมาะสม” ท่านราชครูลูบหนวดตัวเองอย่างใช้ความคิด หาหนทางช่วยเหลือทุกวิธีทาง “เอ แต่ถ้าจะบอกว่า เพราะท่านอ๋องไม่มีส่วนผิดในเรื่องที่ข่มเหงประชาชน จึงไม่ต้องถูกเนรเทศ หากแต่เพราะความผิดที่พลั้งมือทำฮ่องเต้หลั่งพระโลหิตจึงต้องรับโทษ แต่เพราะองค์ฮ่องเต้ทรงมีพระเมตตาเป็นล้นพ้น จึงละเว้นโทษตาย เหลือเพียงทำหน้าที่รับใช้เบื้องยุคลบาทในวังหลวง อย่างนี้พอจะได้”

   “ดีๆ เอาอย่างนั้นแหล่ะท่านครู ท่านไปบอกกรมวัง ให้ออกประกาศได้เลย ขอบคุณนะท่านครู เราเชื่อใจคนไม่ผิดจริงๆ” พระพักตร์ที่เคยนิ่งขรึมกลายเป็นรอยยิ้มร่า ทรงรู้อยู่แล้วว่าเช่นไรท่านราชครูผู้แสนใจดี ก็ไม่ปล่อยให้มีอะไรขัดพระประสงค์ฮ่องเต้ได้  “เดี๋ยวเราจะมีคำสั่งถ่ายทอด ถอดยศอ๋องทั้งสองแห่งวังทู่หลง แล้วก็ประกาศเนรเทศท่านอาปาหยาง และสั่งลงโทษเที้ยนหยวน อ้อสั่งปล่อยเที้ยนหยวนออกจากเรือนอาญา เราฝากด้วยนะท่านครู” แล้วฮ่องเต้อี้หลงก็กลับสู่ความนิ่งเงียบ ดั่งที่โฮรสสวรรค์พึงเป็น

   “รับด้วยเกล้า” ท่านราชครูก้มโค้งให้ผู้มีศักดิ์สูงสุดในแผ่นดิน น้อมรับคำสั่งก่อนแจ้งเรื่องให้ท่านกรมวังรับรู้ แล้วประกาศเรื่องราวออกสู่ประชาชน

   “เฮ้อ รอดพ้นเคราะห์ไปได้นะเที้ยนหยวน ต่อจากนี้เราจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง จะมองเจ้าด้วยแง่มุมที่ไร้อคติ จะทำให้เจ้ากลายเป็นคนพิเศษของพี่ และอยู่เคียงข้างพี่” เสียงกระซิบแผ่ว ถ้อยคำที่องค์ฮ่องเต้อี้หลงหวังฝากสายลมไปถึงเรือนอาญา บอกกล่าวให้หนึ่งคนในนั้นได้ยิน
       
         * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่5) 1/05/11 [มีตบ ไม่มีจูบ]
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 03-05-2011 01:06:56
 :เฮ้อ: ค่อยยังชั่วที่ไม่โดนประหาร


ยังไงๆก็ทำตัวดีๆนะอ๋องน้อย o13


ปล.มาต่อเร็วๆนะจ๊ะ ยาวๆด้วย    :monkeysad:


^^


 :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่6) 2/05/11 [โทษทัณฑ์พ่อลูก]
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 03-05-2011 01:24:26
ฮ่องเต้หลงเสน่ห์เที้ยนหยวนแน่ๆเลยถึงได้ช่วยขนาดนี้
กว่ามันจะเป็นอย่างคิดฮ่องเต้แล้วก็คนในวังคงปวดหัวน่าดู
รอตอนต่อไปเรื่อยๆน้า
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่6) 2/05/11 [โทษทัณฑ์พ่อลูก]
เริ่มหัวข้อโดย: hikaru00 ที่ 03-05-2011 16:45:04
อู้ว รอดไปๆ

ยังไงฝาละมีก็ไม่มีทางทำโทษนุ้งรักได้อยู่แล้ว เว้นแต่จะลงโทษบนเตียงนะ  :-[ :-[ กร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่6) 2/05/11 [โทษทัณฑ์พ่อลูก]
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 03-05-2011 18:57:28
รอดตายได้ก็ดีแล้วหล่ะ
แต่ว่า อ๋องน้อยจะพยศอีกมั้ยเนี่ยะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่6) 2/05/11 [โทษทัณฑ์พ่อลูก]
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 03-05-2011 21:07:41
แอร๊ย...........สนุกอ่ะ กดบวกๆ

ชอบแนวนี้จัง  ><
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่6) 2/05/11 [โทษทัณฑ์พ่อลูก]
เริ่มหัวข้อโดย: ice-vanilla ที่ 03-05-2011 22:38:38
 :เฮ้อ: โล่งใจแทนอ๋องน้อย(ที่ตอนนี้คงรู้สึกแย่น่าดู :o12:)

จากนี้ไปหวังว่าคงได้เห็นฉากหวานๆจากฮ่องเต้กับอ๋องน้อยนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่6) 2/05/11 [โทษทัณฑ์พ่อลูก]
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 04-05-2011 01:14:43
อยากอ่านต่ออ่ะ มาต่อเร็วๆนะจ๊ะ  :call:



^^


:3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่7) 2/05/11 [ปล่อยตัวน้องน้อย]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 04-05-2011 02:28:10
ประลองรัก....七


   วรองค์สูงสง่าประทับบนบังลังมังกร ออกว่าราชการงานเมืองที่มีมากมายไม่เว้นแต่ละวัน ประทับฟังอย่างเบื่อหน่าย จนกระทั้งถึงประกาศสุดท้ายจากกรมวัง

   “ รัชสมัยที่สิบแห่งการปกครองโดยฮ่องเต้ อี้หลง จากฎีการ้องเรียนของชาวเมืองหลวง จึงทรงมีราชโองการถอดยศปาหยางอ๋อง ขุนนางระดับสาม ให้มีการยึดทรัพย์ทั้งหมดเข้าพระคลังหลวง เนรเทศไปยังดินแดนทางเหนือ สุดเขตอาณาจักร ต้องรายงานตนทุกสิบห้าวันภายใต้การกำกับของผู้คุมมณฑล สำหรับท่านอ๋องเที้ยนหยวน จากความผิดทำให้องค์ฮ่องเต้ต้องหลั่งพระโลหิต มีโทษประหารเก้าชั่วโคตร หากแต่น้ำพระทัย จึงทรงลดโทษเหลือเพียงกักตัวไว้ในพระราชฐานส่วนพระองค์ รับใช้ตามพระประสงค์ จบราชโองการ”

   “ไม่ ฮ่องเต้ กระหม่อมเป็นอาพระองค์นะ จะส่งทำเยี่ยงนี้ไม่ได้ ข้าไม่ยอม” เสียงโวยวายจากที่ของขุนนางขั้นสามดังขึ้น พร้อมกับการถลาตัวออกมาคุกเข่าเบื้องพระพักตร์ จ้องพระพักตร์ฮ่องเต้นิ่งขึ้ง

   “เพราะท่านเป็นอา เราถึงได้ลงโทษเพียงแค่นี้ หากท่านเป็นคนอื่น เราคงสั่งจองจำลืมเดือนตะวันไปแล้ว ท่านอา ความผิดที่ท่านก่อขึ้นมันมากล้นจนเราไม่อาจแกล้งมองไม่เห็น ทหาร นำตัวท่านอาไป แล้วประกาศให้ประชาชนของเรารู้ทั่วกัน” สุรเสียงดังกังวานดั่งองค์ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ขุนนางเฒ่าอย่างท่านราชครูยิ้มพึงใจในศิษย์ผู้สูงศักดิ์

   เมื่อทหารนำตัวอดีตอ๋องผู้ฉ้อฉลออกไปจากโถงมังกรแล้วจึงทรงผินพระพักตร์ไปทางอำมาตย์ใหญ่ที่นั่งอยู่ไม่ไกล “ท่านกรมวัง แล้วเที้ยนหยวนจะได้ปล่อยตัวออกจากเรือนอาญาเมื่อไหร่กัน”

   “บัดนี้ทหารกำลังนำราชโองการไปแจ้งแก่ผู้คุมเรือนอาญา กระหม่อมคาดว่าอีกไม่เกินชั่วยาม ท่านอ๋องจะได้ออกมากระหม่อม”

   “ดีแล้ว วันนี้พอแค่นี้ ท่านกรมวัง ก็ไปดูแลเรื่องปล่อยตัวนักโทษและจัดการเรื่องเที้ยนหยวนให้เรียบร้อย แล้วก็ให้ไปหาเรา” เมื่อตรัสทุกอย่างดั่งประสงค์ รักษาชีวิตของน้องน้อยที่หวังให้เคียงคู่ได้แล้ว ฮ่องเต้จึงทรงเบิกบานพระทัยกว่าเมื่อแรกเริ่มมากนัก    

      
   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ขณะทรงสำราญพระทัยในห้องทรงอักษร สายพระเนตรจับจ้องอยู่กับตำราปรัชญาเหล่าจื้อ ข้างกายมีร่างสูงใหญ่ขององค์รักษ์คนสนิท ยืนถวายความปลอดภัยไม่ห่าง

   “ฝ่าบา ท่านกรมวังพาท่านเที้ยนหยวนมาเข้าเฝ้าแล้วพ่ะย่ะคะ” เสียงทหารยามจากภายนอกร้องแจ้งให้คนด้านในได้รับทราบ องค์ฮ่องเต้เพียงพยักพักตร์น้อยๆ ฮวางหูราชองค์รักษ์ส่วนพระองค์ก็เปิดประตูต้อนรับคนทั้งสอง

   ร่างผอมของอดีตนักโทษเดินโซเซ อย่างไร้เรี่ยวแรงเข้ามาภายใน พร้อมกับขุนนางผู้ภัคดี สิ่งที่ฮ่องเต้อี้หลงทอดพระเนตรเห็น คือ ดวงตากลมโตแดงกล่ำ ใบหน้าเรียวซูบผอมลงไป แก้มใสยังมีรอยแดงจางๆ “ท่านกรมวัง ขอบใจมากที่นำนักโทษมาส่งให้เรา ท่านออกไปได้แล้ว เจ้าด้วยฮวางหู”

   “รับด้วยเกล้ากระหม่อม” แม้ขุนนางเฒ่าและคนสนิทจะถวายความเคารพ หากแต่สายพระเนตรยังคงจับจ้องที่ร่างเพรียวที่นิ่งเงียบ คุกเข่าอยู่หน้าโต๊ะทรงงาน

   “เที้ยนหยวน เจ้าโกรธพี่หรือไร ถึงปิดปากแน่นเช่นนั้น” วรองค์สูงเสด็จมาประทับหน้าร่างเล็กที่ยังคงก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา เหมือนไม่รับรู้ว่ามีคนมายืนอยู่เบื้องหน้า

   นิ้วพระหัตถ์เรียวขององค์ฮ่องเต้หนุ่มเชยคางเล็กขึ้นมาเพื่อให้สบตากับพระองค์ “เจ้าไม่พูดแล้วพี่จะรู้หรือว่าเจ้าโกรธเคืองพี่เรื่องอะไร หืม”

   สุรเสียงที่เต็มไปด้วยกระแสความความห่วงใย ไม่อาจเปิดปากเล็กให้เอ่ยกล่าวสิ่งที่คับแค้นอยู่ภายใน มีแต่น้ำตาเท่านั้นที่กำลังไหลริน จนผู้สูงศักดิ์ต้องรีบ ทรุดลงนั่งเพื่อดึงรั้งศีรษะเล็กเข้าสู่อ้อมพระพาหาเพื่อปลอบโยน “อย่าร้องสิเที้ยนหยวน  เจ้ามีสิ่งใดที่อัดอั้นก็บอกพี่ โกรธเคืองเรื่องใด หากไม่พูด แล้วเราจะเข้าใจกันหรือ”

   “.......” มีเพียงความนิ่งเงียบเท่านั้นที่ร่างเล็กถวายแด่ฮ่องเต้ผู้ลดองค์ลงมาทรุดอยู่กับพื้น

   “โธ่ เที้ยนหยวน หรือเจ้าโกรธพี่เรื่องที่พี่ตบหน้าเจ้ากัน พี่ขอโทษ เจ้าคงเจ็บมากใช่ไหมดูสิ ยังแดงอยู่เลย เดี๋ยวพี่จะให้หมอหลวงปรุงยามาให้เจ้า ดีไหม” ไม่ใช่แค่พระสุรเสียงอ่อนโยน แววพระเนตรนั้นทอประกายความห่วงใยอันออกมาจากพระหฤทัย ที่มีต่อน้องน้อย

   พระดัชนีทรงไล้แก้มใสที่ยังคงรอยแดงของฝ่าพระหัตถ์ น้ำตาหยาดเล็กๆ ไหลงลงมาจากดวงตากลมหากแต่ยังคงไร้เสียงใดๆ แม้แต่เสียงสะอื้น

   “เจ็บมากหรือ เที้ยนหยวน อยู่ในเรือนอาญาคงไม่มีใครนำยาไปให้เจ้า มานี้นะ พี่มียาที่พอจะรักษารอยแดงช้ำอยู่บ้าง เจ้านั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะ” ทรงประคองร่างเล็กให้ลุกขึ้นมานั่งยัง เก้าอี้ไม้แกะสลักลายมังกร ที่ทรงประทับอยู่ก่อนหน้านี้

   ตลับยาสวยงาม ภายในบรรจุยารักษาที่ราคาแพงยิ่ง สำหรับฮ่องเต้เพียงพระองค์เดียว ถูกนิ้วพระหัตถ์แตะเนื้อยา ก่อนนำไปทาบนรอยแดงช้ำของคนที่ยังคงนั่งร้องไห้เงียบๆ “หากพี่ลงมือหนักก็บอกนะ หรือเจ้าเจ็บที่ใดอีกก็บอกพี่ อย่าเอาแต่นั่งเงียบเช่นนี้เลย เที้ยนหยวน”

   พระหัตถ์หนา แตะก้มใสเพียงแผ่วเบา กลัวน้องน้อยจะเจ็บไปกว่านี้ เนื้อยาชั้นดีถูกทาวนให้ทั่วรอยแดงช้ำ น้ำตาใสก็ยังคงไหลลงมาไม่ขาดสาย แม้ว่าพระอังคุฐ(นิ้วโป้ง)จะคอยเกลี่ยออกก็ตาม

   “เจ้าเจ็บส่วนใดอีกหรือไม่เที้ยนหยวน ข้อมือ ข้อเท้าที่ถูกจองจำ เจ็บไหม ให้พี่ดูหน่อยเถอะนะ” เสมือนว่าองค์ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งกับพระองค์เอง แต่กระนั้นก็ยังทรงพูดเพื่อให้อีกคนได้ฟัง บางทีอาจได้รับรู้ถึงความห่วงหาจากพระองค์บาง

   ข้อมือเล็กแดงช้ำจากเหล็กตรวนที่ถูกจองจำ ถูกชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ เหนือใครทั้งแผ่นดิน ทายารักษาให้อย่างแผ่วเบา ผู้ที่ไม่เคยต้องทำสิ่งนี้ให้กับใคร กำลังทายาให้แก่น้องน้อยที่กำลังโกรธเคืองและโศกเศร้า

   “แล้วที่ข้อเท้าเจ้าเล่า เที้ยนหยวน ขอให้พี่ดูหน่อยเถอะนะ” ทรงลดองค์ลงต่ำกว่าร่างบาง ก้มดูข้อเท้าเล็กที่เคยขาวใสตอนนี้บวมแดง จนไม่แปลกพระทัยเลย เหตุใดเมื่อแรกเห็นถึงได้เดินโซเซเพียงนั้น

   “ให้พี่ทายาให้เจ้านะ อย่าได้ถอยเท้าหนีเลย” ทรงเงยพระพักตร์บอกกับเจ้าของข้อเท้าบางที่ถอยหนี ยามที่พระองค์จะนำวางบนพระเพลา(ตัก)

   “หายไวๆนะ” ทรงพูดกับแผลแดงช้ำบนข้อเท้าเล็กที่ได้จากโซ่หนักที่ผูกมัดระหว่างอยู่ในเรือนอาญา “พี่จะเป็นคนทายาให้เจ้าทุกวันเอง ทาจนกว่าจะหาย อย่าร้องไห้อีกเลยนะ”

   องค์ฮ่องเต้ประทับยืนเต็มความสูงของพระองค์ โน้มวรองค์ รั้งร่างเล็กที่นั่งอยู่เข้าสู้พระพาหาอีกครั้ง ลูบปลอบศีรษะเล็กและแผ่นหลังบาง หวังให้คลายความโศกเศร้าลงบ้าง แต่ก็เหมือนกอดตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต เมื่อร่างเล็กยังคงเอาแต่นิ่งงัน และปล่อยให้สายน้ำไหลลงมาไม่ขาดสาย

     “หรือเจ้าโกรธพี่เรื่องท่านอากัน” เพียงแค่หลุดเรื่องที่ทรงสงสัย ก็ได้รับคำตอบเป็นปฏิกิริยานิ่งงันเกร็งตัวของน้องน้อยในอ้อมกอด

   ร่างเล็กของอ๋องน้อยที่เคยยิ่งใหญ่ ขืนตัวออกจากอ้อมพระพาหาของคนที่สั่งถอดยศและขับไล่บิดาของตนทันที ดวงตากลมโต จับจ้องบุรุษผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด...

   มีใครบางเล่าจะไม่เจ็บปวด

   ....พ่อถูกขับไล่

   ....บ้านที่เคยมีถูกยึด

   ....ทรัพย์สินมากมายหายไป

   ไม่หลงเหลือสิ่งใด...แม้แต่ศักดิ์ศรีของความเป็นชาย

   ทั้งหมดถูกลิดรอนด้วยชายตรงหน้า ชายผู้สูงศักดิ์จนมิอาจแก้แค้นได้

   เพียงแค่เริ่มคิดน้ำตาจากสายเล็กๆกลายเป็นนองหน้า ด้วยเกรียติที่ถูกปลูกฝังมาแต่เล็กถึงศักดิ์ศรีของความเป็นเชื้อวงศ์มังกรจักรพรรดิ ไม่อาจให้ผู้ใดเห็นน้ำตาไปได้มากกว่านี้ ร่างเล็กลุกขึ้นเดินอย่างช้าๆ ไม่สนใจคำเรียกขานจากบุรุษผู้สูงศักดิ์

   “ให้กระหม่อมไปนำตัวกลับมาหรือไม่ฝ่าบาท” องค์รักษ์คนสนิทที่ยีนถวายความปลอดภัยอยู่ด้านนอกมองเห็นท่านอ๋องน้อยที่เคยหยิ่งผยองเดินจากไป พร้อมเสียงเรียกขององค์ฮ่องเต้ รีบเดินเข้ามาถามเพื่อถวายการรับใช้

   “ไม่ต้องหรอก เที้ยนหยวนคงกำลังตกใจที่รู้เรื่องของท่านอา จัดทหารไปเฝ้าหน้าห้องของเที้ยนหยวน อย่าให้คิดทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งนั้นอีก บอกพวกมันว่า หากเที้ยนหยวนเป็นอะไรไป พวกมันต้องรับผิดชอบชีวิตของอ๋องผู้นี้”  ฮ่องเต้หนุ่มทรงถอนพระปัสสาสะ ที่ตรัสไปก็เพียงแค่ขู่ หากอ๋องน้อยคิดฆ่าตัวตายอีกใครกันจะห้ามได้ ยามนี้ทรงมั่นพระทัยแล้วว่าสิ่งใดที่ทำให้น้องน้อยของพระองค์เป็นเช่นนี้

   เที้ยนหยวน เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้อีกเลย ที่พี่ทำก็เพื่อบ้านเมือง หวังว่าสักวันเจ้าจะเข้าใจพี่..ยอมอภัยให้พี่
  
         * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   “ฮวางหูเจ้าว่า สิ่งที่เรามันน่าโกรธมากนักหรือ เที้ยนหยวนถึงได้ไม่ยอมเอ่ยปากกับเราแม้แต่คำเดียว เช่นนี้” ฮ่องเต้หนุ่มทรงปรึกษากับองค์รักษ์คนสนิท ด้วยความกังวลพระทัยถึงอาการของน้องน้อย

   “ไม่ว่าใครก็คงโกรธหล่ะกระหม่อม คนที่เคยมีทุกอย่าง หากเพียงชั่วข้ามคืนกลับไม่เหลือสิ่งใดเลย แม้แต่ตำแหน่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ” องค์รักษ์คนสนิท สันนิษฐานตามสิ่งที่เห็นอยู่

   “งั้นหรือ แล้วเราจะทำยังไงให้เที้ยนหยวนยอมเปิดปากพูด ยอมกลับเป็นเที้ยนหยวนคนเดิม ที่เที่ยวเล่นสนุกสนาน” ทรงรำพึงกับตัวเอง เบาๆ ทอดสายพระเนตรไปไกล ถึงวันแรกที่พบเจอ แม้กริยาเช่นนั้นจะไม่ถูกพระทัย แต่ก็ดีกว่าในเวลานี้มากนัก

   “อย่างท่านอ๋อง กระหม่อมว่า คงซึมเศร้าได้ไม่นานนัก แล้วจะกลับเป็นดังเก่า” ฮวางหูคาดเดาจากนิสัยช่างสำราญของอ๋องน้อย ที่ไม่เก็บเรื่องใดมาคิด

   “เราไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนั้น อย่างที่เจ้าบอก คนที่เคยมีทุกอย่าง แต่สูญเสียมันไปในชั่วข้ามคืน เรื่องร้ายที่ผ่านเข้ามามากเกินไป อาจเปลี่ยนแปลงคนได้”

   “หากเป็นเช่นที่ฝ่าบาทหวาดทรงวิตก กระหม่อมว่า ท่านอ๋อง อาจปลีกตัวและรู้สึกแปลกแยกจากทุกคน มองเห็นคนทั้งโลกเป็นศัตรู”  

   “เฮ้อ!  แค่ที่ผ่านมา เราว่ามันก็ยากพอแล้ว เราเกรงว่าจะทำร้ายร่างกายตัวเองอีก คงต้องให้ ทหารเฝ้าระวังเอาไว้อย่าให้คลาดสายตา ยามกลางคืนก็คงต้องออกคำสั่งให้มานอนกับเรา” ฮ่องเต้หนุ่มถอนพระปัสสาสะ อย่างเหนื่อยพระทัย

   “กระหม่อม จะให้ทหารคอยเฝ้าสังเกตการณ์ไว้อย่างใกล้ชิด จะไม่มีเหตุการณ์เช่นคราวก่อนอีกแล้ว ท่านอ๋องจะไม่มีแตะต้องของมีคมใดๆ แม้แต่เข็มสักเล่ม”

   “อือ สั่งทหารให้เคร่งครัด อย่าให้พลาดอีก” ฮ่องเต้หนุ่มพอจะโล่งพระทัย หากแต่อีกหนึ่งสิ่งที่ลอยล่องอยู่ในความคิด กลับเพิ่มความหนักพระทัยอีกครั้ง “ เจ้าว่าหากเที้ยนหยวนรู้ว่าการนำตัวเข้ามาในวังครั้งนี้เป็นหนึ่งในแผนการที่เราวางไว้เพื่อหวังดึงท่านอาออกจากตำแหน่ง จะเกิดสิ่งใดขึ้น” ยามนี้ ฮ่องเต้มิอาจสนพระทัยในตำราตรงหน้า ในห้วงความคิดมีแต่ภาพน้องน้อยเมื่อยามเช้า

   “หากท่านอ๋องทราบ กระหม่อมว่า เรื่องราวคงรุกลามใหญ่โต ยิ่งหากทราบเรื่อง การถอดยศท่านปาหยางอ๋องว่าเป็นที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยไว้แต่แรก ท่านอ๋องอาจหาโอกาสเพื่อลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท” แม้รู้ว่าฝีมือฮ่องเต้มิอาจหาผู้ใดเทียบเคียงได้ แต่องค์รักษ์ก็ยังคงอดหวั่นเกรงมิได้

   “เรื่องนั้นเราไม่เกรงเลยฮวางหู เราเกรงแค่ว่า เที้ยนหยวนจะทำร้ายตัวเองอีก เรากลัวแค่ว่า เราอาจไม่มีโอกาสช่วยน้องได้เป็นครั้งที่สอง” สุรเสียงกังวลจนมิอาจปกปิดได้มิด

   “กระหม่อม จะให้ทุกคนที่รู้เรื่องปิดปากให้สนิท จะไม่ให้แผนการของฝ่าบาทต้องล่วงรู้ถึงท่านอ๋องเป็นอันขาด” องคักษ์คนสนิท สร้างความสบายพระทัยแก่เจ้าเหนือชีวิต โดยหารู้ไม่ว่า ไม่ทันการเสียแล้ว...

   ร่างโปร่งที่ต้องโทษทำให้ฮ่องเต้หลั่งพระโลหิต ถูกบังคับให้นำพระกายาหารสำหรับฮ่องเต้มาถวาย แต่ต้องหยุดชะงักเพื่อฟังเรื่องราวที่คนภายในห้องกำลังพูดคุย เมื่อแน่ใจว่า นั้นเป็นเรื่องของตน ร่างบางหยุดชะงักเพื่อฟังสิ่งต่างๆที่อาจเป็นความลับ

   ความเงียบรอบข้างทำให้ได้ยินเรื่องราวต่างๆได้เป็นอย่างดี อาจไม่เข้าใจทั้งหมด หากแต่ก็รับรู้ได้รางเลือน เมื่อนำมาปะติดปะต่อจนมั่นใจได้ว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนและครอบครัว เป็นสิ่งที่มีคนตั้งใจให้มันเป็น

   เรียวฟันขาวสะกดกั้นตนเอง กัดริมฝีปากเผือดสีมิให้น้ำตาต้องหลั่งรินแก่โชคชะตาที่แสนโหดร้าย ดวงตากลมโตวาวโรจน์ แค้นเคืองคนที่ทำลายทุกสิ่งในชีวิต

   จากความหวาดเกรงในอำนาจของชายผู้หนึ่ง บัดนี้ร่างบางไม่สนในสิ่งใด นอกจากความแค้นที่สุมอยู่เต็มหัวใจ

   แค้นที่ต้องชำระ...แม้จะยากยิ่งเพียงใด  

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ราตรีที่แสนเงียบเหงา ร่างบางแนบกายนิ่งชิดติดผนัง มือบางซุกใต้หมอนหนุน ดวงตากลมหลับตาแน่นสนิท หันหลังให้วรกายสูงที่นอนร่วมเตียงปิดทางออกจนมิด หากจะลงจากเตียงกว้าง คือต้องผ่านร่างสูงของชายผู้สูงศักดิ์เท่านั้น

   ลมหายใจอ่อนๆ พระอุระหนาขยับขึ้นลงสม่ำเสมอตามจังหวะการหายใจ บอกได้ว่าคนสำคัญของแผ่นดิน เข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว ดวงตากลมโตจึงเปิดกว้างขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

   ไม่สามารถสู้ได้...ใช่ว่าจะไร้หนทางเอาชนะ ...  

   อาวุธแหลมคม ถูกดึงออกมาจากใต้หมอน โลหะเงาสะท้อนเล่นแสงกับดวงจันทร์กลมโตที่ส่องแสงเหลืองนวล ลมหนาวพัดผ่านหน้าต่าง ให้สะท้านกาย

   มือบางยกกริชประจำกายขึ้นเหนือร่างหนา ดวงตากลมจ้องที่อุระด้านซ้ายไม่กระพริบ หมายจะปักกริชทิ่มแทงลงไป จนลืมสังเกตการณ์เคลื่อนไหวแผ่วเบา

   ร่างบางพุ่งกริชลงไปที่แผ่นอกกว้างอย่างรวดเร็วเพียงแค่ตากระพริบ คมกริชจะแทรกตัวผ่านผิวเนื้อที่หยาบหนา คมทั้งสองด้านจะบาดลึกเปิดปากแผลให้กว้าง ก่อนที่ปลายอันแหลมคมจะตัดเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจ

   .....จบสิ้นแผ่นดินอี้หลงฮ่องเต้ในคืนนี้
   
   แต่สิ่งที่อ๋องเที้ยนหยวนต้องการ กลับไม่เป็นดังคาด คนที่หลับลึกใช้พระหัตถ์หยาบจับข้อมือเล็กที่กำกริชแน่น โดยไม่แม้แต่จะลืมพระเนตรขึ้นมอง

   “เจ้าคิดว่าจะใช้กริชนี้เอาชีวิตพี่ได้งั้นหรือ” สุรเสียงนุ่มทุ้ม แม้ดวงเนตรยังไม่ลืม แต่สามารถหยุดปลายคมแหลมก่อนที่จะสัมผัสวรองค์เพียงแค่เยื่อกระดาษบางขวางกั้น

   “....” ไร้เสียงตอบรับใด หากแต่ข้อมือบางที่ถูกหยุดชะงักเหนือแผ่นอกหนากลับดิ้นรนขัดขืน หากแต่ก็ไร้สิ้นหนทาง เว้นเสียแต่ว่าผู้ที่จับนั้นจะยอมปล่อย

   พระเนตรคมเปิดกว้างจ้องมองใบหน้าหวานของผู้ที่กำกริซอยู่เหนือพระหทัย “เจ้าคิดจะฆ่าคนทั้งที่น้ำตาอาบหน้างั้นหรือ เที้ยนหยวน” นิ้วพระหัตถ์ไกล่เกลี่ยแก้มใส ไล้น้ำตาใสออกไปจากใบหน้าหวาน

   “.....”

   “น้ำตาของเจ้าอย่าให้มันรินไหลนักสิ พี่ไม่ชอบมองเลย” ฮ่องเต้หนุ่มประทับนั่ง ปล่อยพระหัตถ์จากข้อมือเล็ก รั้งไหล่บางเข้ามาในอ้อมพระพาหา กดทับใบหน้าเล็กให้ซุกกับอ้อมพระอุระแสนอุ่น

   “ข้าไม่จำเป็นต้องทำตามสิ่งที่ท่านชอบ องค์ฮ่องเต้ ข้าแค่ทำตามสิ่งที่ข้าปรารถนา” แม้ยังสะอึกสะอื้นในพระอุระ หากแต่ฝีปากท่านอ๋องก็ยังไม่ลดความเก่งกล้าลงไป

   “สิ่งที่เจ้าปรารถนาคืออะไรหล่ะ ชีวิตพี่งั้นหรือ เที้ยนหยวน?” ทรงถามคนในอ้อมพระพาหาอีกครั้ง พระหัตถ์ลูบไล้ผมนุ่ม

   “หากท่านไม่สั่งประหารข้า สักวันข้าจะกลับมาฆ่าท่านอีก” เสียงสั่นไหว ดังเล็ดลอดออกมาทั้งน้ำตาของคนพูด ที่สั่นไหวไปกับความอบอุ่นที่ได้รับยามอ่อนแอ

   “พี่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เที้ยนหยวน พี่ทำกับเจ้าแบบนั้นไม่ได้จริงๆ หากเจ้าต้องการชีวิตพี่เพื่อแก้แค้นให้กับท่านอา ก็ลงมือก่อนที่ฟ้าจะสาง” ถ้อยคำแสนอบอุ่น ไม่เหมือนว่ากำลังตรัสเรื่องสำคัญ สุรเสียงคล้ายว่ากำลังขับกล่อมเด็กน้อย

   “ท่านประมาทฝีมือข้างั้นหรือฝ่าบาท ท่านคงคิดว่าข้าไร้ความสามารถจนไม่อาจปลิดชีวิตท่านได้”

   “เปล่าเลยเที้ยนหยวน แต่ฝีมือแบบเจ้างั้นหรือที่จะเอาชีวิตพี่ได้ เรี่ยวแรงก็เท่านี้ ทำอะไรพี่ไม่ได้หรอกนะ” พระองค์ตรัสแก้ให้น้องน้อยเจ้าใจ “หากเจ้าอยากฆ่าพี่นัก พี่จะสอนให้เอาไหม ทุกสิ่งที่พี่รู้ พี่จะสอนเจ้าเอง”

   “.....” ร่างบางที่ซุกอยู่นิ่งอึ้งในคำกล่าวที่ได้ยิน

   “เงียบทำไมกัน ก็เจ้าแค้นพี่เรื่องท่านอาไม่ใช่หรือ พี่ก็จะให้โอกาสเจ้า อีกสามเดือนเรามาประลองกัน หากเจ้าชนะ พี่จะคืนทุกอย่างให้แก่เจ้า รวมถึงอิสรภาพที่เจ้าต้องการ แต่ภายในสามเดือนนี้ พี่จะเป็นคนสอนการต่อสู้ทั้งหมดให้เจ้าเอง ตกลงไหม” ฮ่องเต้หนุ่มทรงก้มพระพักตร์ถามร่างบางในอ้อมพระพาหา

   “....” ไร้ซึ่งคำตอบรับอีกครั้ง หากแต่โอรสสวรรค์ก็ทรงล่วงรู้ได้ว่า ร่างบางยอมรับในข้อเสนอนี้แล้ว พระโอษฐ์ทรงแย้มออก ก่อนโน้มตัวลงนอนอีกครั้ง พร้อมร่างเล็กของน้องน้อย

   “พี่ยอมรับว่าทั้งหมดเป็นแผนที่พี่ต้องการให้มันเกิด แต่คืนชมจันทร์ของเรามันไม่ใช่แผนการลูกไม้เล่ห์กลใดๆทั้งสิ้น หากเจ้าอยากโกรธแค้นพี่เพราะเรื่องราวทั้งหมด ก็จงรู้ไว้ว่าคืนนั้น เกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจ แต่เป็นค่ำคืนที่พี่มีความสุขและตราตรึงในใจไปตลอด” พระโอษฐ์หนาประทับลงบนกลุ่มผมนุ่ม ขับกล่อมบทเพลงรักกลางฤดูหนาว ให้น้องน้อยหลับฝันดี    

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   สวัสดีค่ะ ขอโทษที่เอามาลงเสียดึกเลย ตอนนี้ท่านอ๋องเกือบจะกลายเป็นใบ้ไปแล้ว ส่วนฮ่องเต้ก็ดูเหมือนจะใจง่ายเกินไปหน่อย ไม่ทันไรก็หลงขนาดนี้แล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ ยังบกพร่องส่วนนี้อยู่จริงๆ  :monkeysad: :monkeysad:

   ขอบคุณค่ะ  
   
 

หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่7) 2/05/11 [ปล่อยตัวน้องน้อย]
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 04-05-2011 03:18:21
ต๊าย.......ดราม่า  แต่ชอบ ...........แซ่บ  อร่อยมาก

สงสารอ๋องน้อยนะเนี่ยะ  ค่อยๆอ่านสะเทือนอารมณ์น้ำตาคลอ  โธ่ๆ

เพิ่งอ่านวันนี้แต่ชอบมาก......... ดีจังได้อ่านต่อเร็ว    ชอบมาก.......  ><

มีบางจุดพิมพ์พ์หน่อยนึงด้วยจ้า น้องน้อง>>น้องน้อย , ท่านลุง >> ท่านอา
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่7) 2/05/11 [ปล่อยตัวน้องน้อย]
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 04-05-2011 09:34:29
ตอนนี้ซึ้งมากอ่ะ น่าร๊ากกกก :o8:


ปล.มาต่ออีกเน้อ o13


^^


:3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่7) 2/05/11 [ปล่อยตัวน้องน้อย]
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 04-05-2011 10:48:48
 :L2:มาม่า ใช่ มาม่า แต่เราก็จะกิน
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่7) 2/05/11 [ปล่อยตัวน้องน้อย]
เริ่มหัวข้อโดย: hikaru00 ที่ 04-05-2011 11:49:13
มาม่ากันซะแล้ว แต่เราก็ชอบมาม่า เหอๆๆๆๆ

เห็นล่วยว่าฮ่องเต้ใจง่ายอ่ะ 5555+ ตอนแรกยังไม่ชอบอยู่เลย ได้ทีเดียวเปลี่ยนปุ๊บปั๊บ

ปูเสื่อรอนะเจ้าคะ

 :z13: จิ้มคนแต่ง
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่7) 2/05/11 [ปล่อยตัวน้องน้อย]
เริ่มหัวข้อโดย: Meen_Emp ที่ 04-05-2011 15:29:32
สนุกดีค่ะ....

รอต่อไปนะคะ..

เป็นกำลังใจให้จ้า....


 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่7) 2/05/11 [ปล่อยตัวน้องน้อย]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 04-05-2011 16:49:34
7 ตอนรวด สนุกมากมาก
คงต้องค่อยๆสอนให้อ๋องน้อยรู้ว่าสิ่งที่พ่อตัวเองทำมันสร้างความเดือดร้อนกับราษฎรยังไง

ฮองเต้ หลงรัก อ๋องน้อยง่ายมากๆ 55
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่7) 2/05/11 [ปล่อยตัวน้องน้อย]
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 04-05-2011 21:07:05
เราว่าฮ่องเต้ติดใจมากกว่านะเนี่ยะ ท่านอ๋องน้อยคงแค้นอยู่หล่ะ
แต่ว่านะ ถ้าเกิดเอาพวกฏีกาของประชาชนมาให้ดู น่าจะเข้าใจเหตุผลกันได้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่8) 5/05/11 [หนึ่งวันของท่านอ๋อง]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 05-05-2011 01:22:15
ประลองรัก...八


   ยามอรุณก่อนที่ไก่ตัวแรกจะขัน องค์ฮ่องเต้ผู้เคร่งครัด ทรงเบิกพระเนตรทอดมองน้องน้อยในอ้อมพระพาหา ที่กำลังหลับสบายทั้งที่เมื่อราตรีก่อนยังคิดปลงพระชนม์พระองค์ “แล้วอย่างนี้หรือ ที่น้องของพี่จะฆ่าใครได้ เที้ยนหยวน...ทำไมต้องดิ้นรนด้วยนะ”

   ทรงทอดพระเนตรร่างเล็กๆจนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม เหล่านกน้อยส่งเสียงบรรเลงเพลงยามเช้า ให้รู้ว่าทุกชีวิตในวังหลวงเริ่มต้นขึ้นแล้ว และร่างเล็กๆที่เหมือนดั่งลุกแมวกำลังซุกหาความอบอุ่นจากแม่ก็ควรจะเริ่มต้นเช่นกัน “เที้ยนหยวน ตื่นได้แล้ว เที้ยนหยวน” พระสุรเสียงทุ้มเรียกน้องน้อยชิดริมหูเล็ก

   “ไม่เอายังเช้าอยู่เลย ขอข้านอนต่ออีกนิดเหอะนะ”  เสียงแผ่วของคนสะลืมสะลือที่องค์ฮ่องเต้เองก็ไม่แน่พระทัยว่า จะรู้หรือไม่ว่าเจ้าตัวอยู่ที่ใด

   “ไม่ได้ เจ้าต้องอาบน้ำให้พี่นะ เที้ยนหยวน อย่าลืมสิว่าเจ้าเป็นต้นห้องของพี่” แม้ต้องรับมือกับคนขี้เซาไร้ความรับผิดชอบ กลับทำให้พระองค์รู้สึกเบิกบานได้อย่างน่าแปลก

   “ก็ให้เฉียนกุ้ยทำให้สิ ข้าจะนอน ท่านอย่ามายุ่ง” มือบางปัดรำคาญแถวๆใบหูที่มีเสียงทุ้มวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะซุกตัวหาความอบอุ่น จากอ้อมพระอุระ

   “เฉียนกุ้ยเป็นขันที เขาแค่เตรียมน้ำให้พี่ แต่เจ้าต้องเป็นคนอาบนะ ไปได้แล้ว” แม้พระโอษฐ์จะสั่งให้ลุกขึ้น หากแต่พระหัตถ์กลับลูบหัวเล็กๆสร้างความสบายให้กับคนหลับ

   “ท่านก็ไปเหอะ ข้าไม่ไป คนจะนอน กวนคนนอนมันเป็นบาปรู้ไหม ที่ท่านยังไม่มีฮ่องเฮาก็เพราะท่านหน่ะ บาปหนาจากการที่ชอบปลุกคนนอนทั้งพวกขันที ทั้งราชองค์รักษ์ แล้วท่านก็ยังจะสร้างบาปให้กับข้าอีกหรือนี้ แผ่นดินนี้คงไร้ฮ่องเฮาเป็นแน่แท้” เสียงงึมงำของคนที่ไม่ยอมตื่นสร้างเสียงพระสรวลให้ดังลั่น

   “เจ้านี้นอนมาก แล้วยังจะพูดมากอีกนะเที้ยนหยวน ถ้าเจ้าไม่ลุกพี่จะเป็นคนพาเจ้าไปอาบเอง ไม่อายบรรดาขันที ข้างนอกนู้นหรือไร” ทรงทอดพระเนตรอ๋องน้อยช่างคิด

   “อื้อ ท่านจะทำอะไรก็ทำเถิด ข้าจะนอน”  สิ้นสุดคำพูดร่างเล็กก็ฝังหน้าลงกับหมอน แต่แล้วก็เหมือนรู้สึกว่าจะลอยได้ ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนเบาสบาย ชวนให้หลับลึก

   ฮ่องเต้หนุ่ม ทรงทอดพระเนตรร่างเล็กที่ทรงอุ้มอยู่ ดวงตากลมโตหลับพริ้ม แล้วยังมีรอยยิ้มจางๆ เหมือนคนกำลังหลับสบาย แต่อีกเดี๋ยวปากอิ่มสวยก็คงได้โวยวายเสียงดังเป็นแน่

   “พวกเจ้าออกไปได้แล้ว” ทรงดำรัสสั่งเหล่าขันทีอ้อนแอ้น ที่อยู่คอยปรนนิบัติ ทุกคนเดินออกจากห้องสรงไป เว้นก็แต่ เฉียนกุ้ย ขันที่ที่ทรงเอ็นดู แววตาเศร้าสร้อยทอดมองร่างของอ๋องน้อยในพระหัตถ์ เห็นทีว่า ต้องทรงทำบางอย่างเพื่อขันทีผู้นี้เสียแล้ว “หวังว่าพี่คงไม่ได้แย่งเจ้ามาจากเฉียนกุ้ยหรอกนะ เที้ยนหยวน”

   น้ำในถังที่ถูกเตรียมไว้เพื่อให้ฮ่องเต้ลงสรง กำลังอุ่นพอดีที่จะแช่ให้สบายตัว ทรงค่อยๆวางร่างเล็กๆของคนขี้เซาลงในน้ำ และก็เป็นดังคาด

   “เฮ้ยยยยย น้ำ น้ำ” ร่างเล็กโวยวายตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ ทั้งที่กำลังหลับสบาย กลับต้องมาตื่นเพราะน้ำอุ่นๆ “ท่านจะฆ่าข้าหรือ ไหนว่าจะปล่อยข้าเป็นอิสระ”  อ๋องน้อยหันไปโวยวายกับฮ่องเต้ที่ยืนสำราญพระทัยอยู่ข้างๆอ่าง

   “พี่จะฆ่าเจ้าได้อย่างไร แค่พาเจ้ามาอาบน้ำเท่านั้นแหล่ะเที้ยนหยวน เอ้า ไม่ยอมขึ้นมาจากอ่าง หรือจะให้พี่อาบให้เจ้าจริงๆ” ทรงถามด้วยสุรเสียงกลั้นหัวเราะ พลางเปลื้องเสื้อคลุมที่ใส่อยู่

   “ละ..แล้วท่านจะทำอะไรหน่ะ จะถอดเสื้อทำไม” อ๋องน้อยที่เคยมีความสุขยามเห็นหญิงสาวรูปงาม หรือเด็กหนุ่มหน้าหวานเปลื้องผ้าต่อหน้า กำลังเป็นทุกข์และหวาดระแวง ยามเห็นผู้อยู่เหนือใครทั้งแผ่นดิน เปลื้องฉลองพระองค์

   “พี่ก็จะให้เจ้าอาบน้ำให้อย่างไรเล่า หรือเจ้าจะให้พี่ที่เป็นทั้งฮ่องเต้ และกำลังจะเป็นอาจารย์ ต้องอาบน้ำให้กับต้นห้องและผู้ที่เป็นศิษย์งั้นหรือ”

   “ก็...ท่านก็ลงมาในน้ำสิ ข้าจะได้อาบให้” ร่างเล็กที่เปียกโชก ลุกขึ้นจากอ่างที่ถูกหย่อนลงไปทั้งตัว เบี่ยงหน้าไปทางอื่น พยายามไม่มองวรองค์สูงใหญ่ที่เปล่าเปลือย ที่ชายใดได้เห็นคงอดอิจฉาไม่ได้ หรือหากเป็นหญิงสาวก็มองตามจนเหลียวหลัง

   “ต่อไปนี้ จนไปถึงอีกสามเดือนข้าหน้า เจ้าต้องตื่นเช้า ต้องหัดให้ร่างกายรู้จักระเบียบของเวลา หากยังเป็นแบบนี้ เจ้าจะไม่มีทางที่จะชนะพี่ได้เลย รู้หรือไม่เที้ยนหยวน” ทรงเริ่มสอนร่างบางตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้น้องน้อยของพระองค์รู้ว่าต่อแต่นี้ไป ต้องเจอกับความยากลำบากมากมาย แค่เพียงการตื่นเช้ายังทำไม่ได้ แล้วจะฝึกสิ่งที่พระองค์มอบให้ได้อย่างไร

   “ข้ารู้แล้วหน่า พรุ่งนี้ข้าจะตื่นก่อนท่านให้ดู” ร่างสูงโปร่งที่กำลังขัดไปตามพระปฤษฎางค์*กว้าง เอ่ยอย่างขัดใจ เกิดมาเป็นอ๋องน้อย เคยมีหรือที่จะถูกตำหนิ

   “พูดแล้วทำให้ได้ เกิดเป็นอ๋อง ใช่ว่าสักแต่จะพูด” 

   “กระหม่อม ท่านช่างเป็นพระอาจารย์ที่ขี้บ่นเหลือเกิน แค่วันแรก บทเรียนแรกยังไม่เริ่ม ท่านก็บ่นมากถึงเพียงนี้แล้ว” ต้นห้องยศสูงกว่าขันทีทั่วไป กำลังย้ายมาด้านเพื่อล้างคราบไคล้ที่พระอุระแกร่ง หากแต่สายตากลับมองเลยไปยังด้านหลัง

   “เพราะพี่อยากให้เจ้าเก่งนะเที้ยนหยวน พี่อยากให้เจ้าได้สิ่งที่เจ้าต้องการ เจ้ายังต้องฝึกอีกมาก แค่สามเดือนหากพี่ไม่เคร่งกับเจ้า แล้วเจ้าจะได้สิ่งที่ต้องการหรือ” ทรงทอดเนตรใบหน้าหวานรู้ดีถึงสิ่งที่คนตรงหน้า และรู้ดีว่ามันกับประสงค์ของพระองค์

   “แล้วเมื่อถึงวันนั้น ข้าจะได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมดจริงหรือ” ดวงตากลม จ้องกลับเข้าไปในพระเนตรคมที่เต็มไปด้วยพระราชอำนาจ อยากรู้นักว่าคำตรัสเมื่อคืนนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงฝันที่ให้กำลังใจตนเอง ที่เป็นอยู่ในยามนี้ก็ใช่ว่าจะหายแค้นเคือง แต่เพราะเชื่อมั่นในน้ำคำแห่งกษัตริย์

   “จริงสิ หากเจ้าชนะพี่ได้ ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ ทั้งอิสรภาพ ทั้งยศตำแหน่ง ทรัพย์สิน หรือแม้แต่ท่านอา พี่ก็จะให้เจ้า แม้ว่ามันจะแลกกับการที่พี่ต้องคืนเจ้าให้กับท่านลุง คืนเจ้าสู่อิสรภาพ และเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเช่นนี้อีก” พระหัตถ์ที่อยู่ใต้น้ำ โผล่ขึ้นมาลูบแก้มใส ทรงกำลังนับเวลาถอยหลังอีกสามเดือนต่อจากนี้ ความประสงค์ก็จะไม่มีทางเป็นจริง

   ประสงค์ที่จะมีน้องน้อยข้างกายเป็นผู้ที่จะทรงอยู่ด้วยตราบจนลาลับไปเฝ้าบรรพกษัตริย์

   “ท่านก็พูดไป ถึงข้าจะออกไปแล้ว แต่ว่าก็คงกลับเข้ามาบ้าง แล้วเราก็คงได้พบกันอีก” อ๋องน้อยไม่สามารถจับได้ถึงความเศร้าในพระทัยของฮ่องเต้เลยสักนิด การพบกันเพียงชั่วครูไม่ใช่สิ่งที่ฮ่องเต้พระองค์นี้ต้องการ แต่มันก็คงดีกว่าการไม่ได้พบกันเลย

   “เจ้าจะตามท่านอาเข้ามาหรืออย่างไร เที้ยนหยวน” ทรงทอดเนตรร่างเล็กตรงหน้าที่ดูเหมือนไม่เคยทุกข์ร้อนกับสิ่งใด พระทัยของของพระองค์เองเสียอีกที่คิดถึงการจากลาทั้งที่มันยังมาไม่ถึง

   ในพระทัยของฮ่องเต้ที่เคยว่างเปล่าและเงียบเหงาได้รับผู้หนึ่งเข้ามาเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่า และสร้างความสดชื่นทดแทนความเงียบเหงา โดยที่พระองค์ก็เต็มใจ แม้รู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้า สิ่งที่สัมผัสได้ในตอนนี้จะกลายเป็นความทุกข์ทรมานเมื่อไร้คนที่จะอยู่กับพระองค์ไปตราบเท่าที่ยังคงมีลมใจ

   “เปล่าหรอก ข้าคงมาหาเฉียนกุ้ย  อีกสามเดือนเมื่อถึงเวลานั้น ข้ากับขันทีแสนน่ารักของท่านคงผูกใจรักใคร่กันแล้ว”

   สิ่งที่ทรงได้ยิน ทำพระทนต์ต้องขบพระทนต์เข้าหากัน พระหัตถ์กำแน่นสะกดความความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ “เจ้าออกไปได้แล้ว เราจะแต่งตัว แล้วก็เรียกเฉียนกุ้ยเข้ามาช่วยเราด้วย”

   “อะไรกัน ท่านใช้งานแต่เฉียนกุ้ย” อ๋องน้อยรีบออกรับแทนขันทีที่ถูกใจ แต่หารู้ไม่ว่ากำลังสร้างความพิโรธแก่ฮ่องเต้เพียงใด

   “ข้าจะใช้มันมากกว่านี้ หากเจ้ายังพูดไม่หยุด ออกไป แล้วเตรียมฝึกได้แล้ว ข้าพร้อมแต่เจ้ายังไม่พร้อม คนที่จะถูกลงโทษคือเฉียนกุ้ย” ทรงรู้ดีว่าที่เป็นอย่างนี้ไม่สิ่งที่ดี แต่หากไม่ทำอ๋องผู้นี้ก็ยังคงเอาแต่พูดถึงเฉียนกุ้ยไม่หยุด

   ช่างเป็นอ๋องที่ไม่รู้อะไรเสียเลย คงเพราะเกิดมาอยู่สูง จึงไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่น เที้ยนหยวน...เจ้าไม่ใส่ใจความรู้สึกของพี่เลย 

           * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   ลานโล่งหน้าตำหนักส่วนพระองค์มีไว้เพื่อให้องค์ฮ่องเต้ทรงใช้ฝึกฝนพระวรกายร่วมกับเหล่าราชองค์รักษ์ฝีมือเยี่ยม ที่ริมลานมากมายไปด้วยศาตราคุณภาพชั้นเลิศ หลากหลายรูปแบบ ทั้งสั้นและยาว คมจากโลหะวาววับสะท้อนแดดจ้า จนแสบตา 

   กลางลานกว้างมีร่างเล็กใส่เสื้อสีน้ำเงินเข้ม พอดีตัวและกางเกงขายาวสีเดียวกัน คาดทับด้วยผ้าสีขาว  ผมเกล้าขึ้นเป็นมวยเรียบร้อย ยืนกอดทวนคันยาวเอาไว้ รอคอยเวลาให้อาจารย์ผู้ทรงยศออกมาเสียที

   ฮ่องเต้หนุ่มเสด็จออกมาจากพระตำหนักส่วนมองเห็นร่างเล็กที่ยืนนิ่งอยู่แต่ไกล นึกชื่นชมในความตั้งมั่น หากแต่เมื่อทอดพระเนตรใกล้ๆแล้ว คำชื่นชมเหล่านั้นกลับกลืนหายไปในพระโอษฐ์ ไม่รู้จะทรงพระสรวลดี หรือทรงพิโรธ กันแน่ เมื่อร่างเล็กที่ยืนกอดทวนอยู่นั้นกำลัง.....หลับ

   “เที้ยนหยวน เที้ยนหยวน” พระหัตถ์หนาสะกิดร่างเล็กด้วยพระพักตร์บึ้ง พระขนง(คิ้ว)ขมวดเข้าหากัน แต่ร่างเล็กๆที่มีความสามารถยืนหลับก็ยังไม่รู้สึกตัว จนนิ้วพระหัตถ์เรียวดีดเข้าที่กลางหน้าผากเนียน

   “เฮ้ย!” ร่างเล็กอุทานตกใจและไม่พอใจที่มีคนมาขัดขวางการหลับเป็นรอบที่สองของวัน และยังคงเป็นคนเดิม คนเดียวกับเมื่อเช้า “ท่านอีกแล้วหรือเนี่ย เหตุใดท่านจึงชอบขัดขวางความสุขของคนอื่นเสียจริง”

   “ใครหล่ะ คนอื่นที่เจ้าว่า พี่ก็เห็นมีแค่เจ้าที่ยืนอยู่กลางลานนี้เท่านั้น”

   “ก็ข้าเนี้ยหล่ะ ทำไมท่านต้องปลุกข้าด้วยเล่า” ร่างเล็กของอ๋องน้อย ทำสีหน้าขัดใจที่ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์แกล้งทำไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร

   “ก็เพราะเจ้าหลับกลางลานนี้อย่างไรหล่ะ  ในสนามรบจริง เจ้าไม่สามารถหลับได้หรอกนะ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้น้องของพี่ต้องเป็นอะไรไปเพราะนิสัยแบบนี้” ฮ่องเต้รับสั่งจริงจัง สายพระเนตรทอดมองร่างบางของน้องน้อยด้วยความห่วงหา

   เวลาสามเดือนของพระองค์ช่างสั้นนัก ที่จะได้สอน ได้ดูแล ได้เริ่มรัก และเอ็นดู น้องน้อยที่พระองค์อยู่ใกล้แล้วมีความสุขเช่นนี้ และคงน้อยเกินไปหากจะขอให้น้องน้อยที่มีนิสัยเช่นเที้ยนหยวน รับรู้ถึงความรู้สึกของพระองค์

   “ท่านก็ทำอย่างกับข้าจะออกรบจริงๆเช่นนั้นแหล่ะ” ใบหน้าหวานสลดลงเล็กน้อย เมื่อได้ฟังเหตุผลที่ทำให้โดนดุ แต่ร่างเล็กผู้เคยมีตำแหน่งเหนือใครๆก็ยังหาทางบ่ายเบี่ยงกับเหตุผล

   “ถึงแม้เจ้าจะไม่ออกรบ แต่ไปหลับไม่รู้ตัวแบบนี้ที่ไหน ก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้นเที้ยนหยวน เจ้าไม่รู้หรือไงกันว่าเจ้าเป็นใคร มียศอะไร มีใครหลายคนที่เป็นห่วงเจ้านะ” อยากบอกเหลือเกินว่า ใครหลายคนนั้น คือพี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า แต่ฮ่องเต้หนุ่มก็ได้แต่เก็บมันไว้ในพระทัย รู้ดีว่าคนอย่างอ๋องน้อย ไม่มีทางที่ยอมรับได้ และพระองค์ก็ไม่อยากเห็นอ๋องน้อยที่แสนเริงร่างต้องเป็นเช่นดั่งวันหลังคืนชมจันทร์

   “เมื่อก่อน ข้ายังนอนตามหอนางโลมได้เลย แล้วทำไมข้าจะไม่รู้ว่าเป็นใคร มียศอะไร ข้าคือ เที้ยนหยวน อดีตอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงที่โดนพระองค์ยึดไปจนหมด” ประกายตาสดใสแข็งกร้าวขึ้นในชั่วแว่บก่อนจางหายไป “แล้วคนที่ห่วงข้าก็คงมีแค่ท่านพ่อที่ถูกท่านเนรเทศออกไป” เพราะคำถามตอกย้ำสถานะที่ตกต่ำ ทำให้อ๋องน้อยที่เคยมีชีวิตผาสุก เที่ยวเล่นไปกับสาวงาม หนุ่มหน้าหวานถึงกับมีน้ำตาเอ่อคลอ “ท่านจับอาวุธได้เลย เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ท่านจะสอนอะไรข้าก่อนเป็นอย่างแรก”

   “พี่อยากรู้ว่าเจ้ามีพื้นฐานอะไรมาบ้าง เจ้าเลือกอาวุธได้เลยหนึ่งอย่าง อาวุธที่เจ้าถนัดที่สุดเลือกมา” ฮ่องเต้หนุ่มเปิดโอกาสให้ร่างเล็กได้เลือกสิ่งที่ถนันเพื่อให้แสดงความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่

   “ก็นี้ไงทวนในมือข้านี้แหล่ะ ที่ถนัดที่สุด”  อ๋องน้อยยืนยิ้มกับอาวุธในมือ อย่างภาคภูมิใจ นี้เป็นสิ่งที่ถนัดมือที่สุดแล้ว เหมาะมือที่สุดที่จะเอามายืนกอดรอฮ่องเต้อี้หลง

   “แต่นั่นมักเป็นอาวุธบนหลังม้า หรือการต่อสู้ที่มีระยะห่างเจ้าแน่ใจหรือที่จะใช้มัน” ฮ่องเต้หนุ่มตรัสถามอีกครั้งเพื่อความมั่นพระทัย ว่าน้องน้อยไม่ได้เลือกผิด

   “แต่ข้าถนัดที่จะใช้มันบนพื้นโล่งเช่นนี้แหล่ะ  แล้วท่านหล่ะ จะใช้อะไร”

   ฮ่องเต้อี้หลงทรงดำเนินไปยัง ที่เก็บอาวุธต่างๆ ทรงเลือกแส้ดำยาวกว่าสามเมตรมาถือไว้ในมือ ก่อนจะดำเนินกลังมายังกลางลานที่มีอีกหนึ่งรออยู่ “พี่จะใช้แส้ อาวุธที่พี่ไม่ถนัดที่สุด เจ้าโจมตีได้เลย”

   ร่างเล็กวิ่งเต็มกำลังเท่าที่สองขาสั้นจะอำนวย หากแต่ก็วิ่งไม่ตรงทางนัก เมื่อต้องแบกน้ำหนักของอาวุธใหญ่ไว้ในมือ  สองแขนที่ยกขึ้นมาสูงสั่นไปมาเมื่อแบกรับน้ำหนักอันไม่คุ้นชิน จนเสียการทรงตัว และก่อนที่คมมีดแหลมจะทรุดลงมาใส่ไหล่เล็กๆ มันก็ถูกกระชากออกโดยที่ท่านอ๋องน้อยผู้เก่งกาจเสียเหลือเกินไม่ทันได้รู้ตัว

   ฮ่องเต้หนุ่มเพียงแค่ประทับนิ่งทอดเนตรร่างเล็กวิ่งเฉไปเฉมา และก่อนที่ทวนคันใหญ่จะหลุดจากมืออันไม่มั่นคงใส่ไหล่บาง พระองค์ก็ทำเพียงแค่ตวัดแส้ในพระหัตถ์ให้ไปพันกับคันทวน ก่อนจะกระชากออกมาจากมือบาง

   “โห ท่านทำได้อย่างไรกัน” อ๋องน้อยที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเพราะวันๆเอาแต่เที่ยวเล่นสำราญตามสถานที่ที่มีสาวงาม ได้แต่ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น อยู่ไกลขนาดนั้นแต่แย่งเอาทวนในมือไปได้

   “เจ้าไม่ต้องรู้หรอก แต่พี่พอจะเห็นความสามารถของเจ้าแล้ว เที้ยนหยวน วันนี้พี่อยู่สอนเจ้าไม่ได้ทั้งวัน เพราะอีกเดี๋ยวจะมีคณะทูตจากแดนอาหรับมาขอเฝ้า เพราะฉะนั้นวันนี้เจ้าต้องซ้อมกับฮวางหูไปก่อน” 

   “ไหนท่านว่าจะเป็นอาจารย์ให้ข้า แล้วทำไมโยนข้าไปให้องค์รักษ์มาสอน ถ้าอาจารย์ไม่ว่าง ก็ให้ศิษย์ทวนวิชาเองสิ ไปรบกวนผู้อื่นทำไม” ท่านอ๋องน้อย ที่หัวสมองไวกับเรื่องแบบนี้ รีบหาทางจัดแจงให้ให้โอกาสตัวเองทันที

   “พี่สั่งเจ้าก็ทำเถอะ อย่ารั้นให้มากนัก ฮวางหู เจ้าคอยอยู่สอนเที้ยนหยวนแทนเรา ไม่ต้องตามไปที่นู้น อ๋องน้อยไร้พื้นฐานอีกทั้งไร้เรี่ยวแรงที่จะทำอะไรได้ เจ้าฝึกแทนข้าวันนี้ แต่อย่าให้มันหนักจนร่างกายทนไม่ได้ เข้าใจไหม” ทรงผินพระพักตร์มาทางองค์รักษ์คนสนิท รับสั่งอย่างเป็นห่วงน้องน้อยที่คงไม่สามารถทนการฝึกแบบปรกติได้ แล้วยิ่งเป็นวันแรกเช่นนี้ ร่างกายที่ไม่เคยเคี่ยวกรำ อาจไม่สามารถทนได้

   “กระหม่อม” องค์รักษ์คนสนิท ได้แต่จำยอมรับคำสั่งจากนายเหนือหัว ทั้งที่คิดไว้ว่าจะแก้เผ็ดท่านอ๋องผู้นี้ ให้ได้รับรู้ความยากลำบากเสียบ้าง

   “จำไว้ ว่าอ๋องน้อยผู้นี้ไม่ใช่ทหารในสังกัดของเจ้า แต่เป็นน้องของเรา” ทรงเน้นหนักให้องค์รักษ์ได้รู้ว่า ร่างบางที่แสนไม่ได้เรื่อง สำคัญต่อพระองค์มากเพียงใด

   “กระหม่อมจะท่องจำให้ขึ้นใจ ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวล”

   “ดีแล้ว เที้ยนหยวนเจ้าตั้งใจฝึก แล้วตอนเย็นพี่จะมาดูความคืบหน้าของเจ้า”

   วรองค์สูงใหญ่ เดินจากไปไกลจากลานประลอง ไม่ทันได้ทอดเนตรปากเล็กได้รูปบ่นเบาๆของอ๋องน้อยที่ถูกทิ้งไว้กับองค์รักษ์ต่ำศักดิ์ “ไหนว่า จะสอนไม่ทันไรก็ทิ้งเราแล้ว นี้หรือไงที่บอกว่าจะสอน ที่บอกว่าอยากให้ในสิ่งที่ข้าต้องการ คนไม่รักษาสัญญา” น้ำตาเม็ดเล็กไหลเอ่อออกมา โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด


V
V
V
V
V
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่8) 5/05/11 [หนึ่งวันของท่านอ๋อง]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 05-05-2011 01:23:17
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   เย็นมากแล้วกว่าที่พิธีการต้อนรับราชทูตจาดแดนไกลจะเสร็จสิ้น การมาเชื่อมสัมพันธ์ในครั้งนี้ก็เพื่อขอเปิดเส้นทางการค้า และเปิดเมืองค้าที่จะได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย สินค้าไม่ต้องผ่านมือพวกแขกอินเดียอีกต่อไป

   ฝ่ายราชทูตอาหรับที่มาคราวนี้ มาพร้อมด้วยข้าวของบรรณาการแปลกตามากมาย ทั้งสัตว์แปลกๆและเครื่องใช้ต่างๆที่หาไม่ได้ในดินแดนแห่งนี้ รวมไปถึงตุ๊กตารูปหญิงงามที่ถักจากเส้นทอง ให้ใส่เครื่องหอมของชาวที่อาหรับ ที่องค์ฮ่องเต้ทรงหยิบติดมาให้กับอ๋องน้อยที่กำลังวิชาจากองค์รักษ์คนสนิท

   ฮ่องเต้อี้หลงทรงเดินผ่านเข้ามาให้เขตพระราชฐานส่วนพระองค์ ที่มีเพียงน้อยคนนักจะเข้ามาได้ และเป็นที่ห้ามสตรีใดจะล่วงล้ำเข้ามาได้ ไม่เว้นแม้แต่พระราชมารดาของฮ่องเต้.....

   พระพักตร์นิ่งเฉยแย้มพระโอษฐ์นิดๆเมื่อคิดไปถึงว่าน้องน้อยจะดีใจแค่ไหน ที่ได้รับตุ๊กตารูปทรงแปลกๆแบบนี้เป็นของรางวัลสำหรับการฝึกที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน แต่พระพระโอษฐ์ที่แย้มยิ้มกลายเป็นบึ้งตึง พระขนงขมวดเข้ามาหากันเมื่อพบร่างบางกางแขนให้เหยียดตรง สองมือถือถังน้ำที่มีน้ำอยู่ ใบหน้าหวานแดงกล่ำเพราะตากแดดมาทั้งวัน

   “เที้ยนหยวน ใครสั่งให้เจ้ามายืนเช่นนี้กัน” วรองค์สูงรีบดำเนินเข้าไปหาร่างเล็กที่โงนเงนเต็มทีแล้ว จนแทบจะยืนไม่ไหว ทรงปลดถังน้ำที่คาดว่าจะมีน้ำอยู่เต็ม แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่...น้ำมีไม่ถึงค่อน “โธ่ น้ำมีแค่นี้ เจ้าทำพี่ตกใจหมด แล้วใครสั่งให้เจ้ามายืนอยู่แบบนี้กัน”

   “จะใคร ถ้าไม่ใช่องค์รักษ์ของท่านนั่นแหล่ะ แล้วน้ำแค่นี้อะไร ต้องบอกว่า มีขนาดนี้สิ รู้ไหมข้าถือถังน้ำสองนี้มาเกือบชั่วโมงแล้วนะ ก่อนหน้านี้ก็ต้องวิ่งรอบลานนี้เกือบห้าสิบรอบแถมแบกทวนบ้าๆนั่นไว้บนบ่า เท่านั้นยังไม่พอ ข้ายังต้องทนทรงตัวบนไม่กระดานแคบๆ  ส่วนท่านก็มัวแต่ไปดูนางรำ นางฟ้อน ร่ายรำถวาย มีความสุข ปล่อยข้าเอาไว้กลางแดด” อ๋องน้อยบ่นถึงความยากลำบากที่ตนได้รับมาทั้งวัน แบมือที่แดงกล่ำให้ฮ่องเต้ได้เห็นถึงความยากลำบาก

   “โอ๋ ไม่เจ็บแล้วนะ” ทรงลูบไปตามมือเล็กๆบางๆ ที่แสนนุ่มนิ่ม บรรจงจุมพิตรับขวัญไปตามรอยแดง ทีละรอยอย่างแผ่วเบา และกว่าที่อ๋องน้อยจะรู้สึกตัว ดึงมืออกมานั้นทั้งสองมือก็ได้รับการปลอบประโลมจนครบทุกรอยแดงช้ำ

   “เฮ้ย ท่านทำอะไร”  อ๋องน้อยเจ้าสำราญ เมื่อถูกปฏิบัติในแบบนี้ที่เคยทำให้หญิงสาว เป็นอันต้องเขินอาย ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงเรื่อ ร้องถามอย่างตกใจ

   “ก็รับขวัญแผลเจ้า จะได้หายไวๆ เมื่อก่อนเจ้าก็คงเคยทำแบบนี้ให้หญิงสาวไม่ใช่หรือ” ร่างบางพยักหน้าบอกว่าใช่ ให้กับองค์ฮ่องเต้ “พี่ก็ทำแบบนั้นแหล่ะ แล้วที่เจ้าว่านะ ใครว่าพี่สบาย พี่ก็ต้องทนนั่งฟัง นั่งพูดกับเหล่าทูตพวกนั้นไม่เช่นกัน ไม่ได้สบายแบบที่เจ้าคิดหรอกนะ”

   “ถ้างั้นครั้งหน้า ก็ให้ข้าไปแทนสิ ท่านจะได้ไม่ต้องนั่งทน ดีไหม”  ร่างเล็กกว่ารีบอาสาทันทีก็เห็นอยู่ว่าเป็นงานที่สบายกว่าการต้องมานั่งฝึกอะไรพวกนี้เป็นไหนๆ ถ้าฮ่องเต้ไม่โปรด อ๋องน้อยไปแทนก็ได้นะ

   “อย่างเจ้าหน่ะหรือ? อย่าเลย อยู่แต่ข้างในดีแล้ว ออกไปก็ไปป่วนเหล่าทูตพวกนั้นเปล่าๆ แล้วนี้ฮวางหูไปอยู่ไหนเสียเล่า เจ้าถึงมายืนไร้ผู้ฝึกสอนแบบนี้” ทรงถามหาองค์รักษ์คนสนิทที่วันนี้ดูท่าจะสนุกกับการได้แกล้งอ๋องน้อย

   “จะไปรู้หรือไง มาสั่งๆๆ แล้วก็หายไป มาอีกก็สั่งอีก แล้วก็หายไปอีก องค์รักษ์ท่านหน่ะโหดมากเลยนะ ไม่ให้ข้าพักเลย ข้าวก็ให้นิดเดียว แล้วยังไม่ส่งใครมาช่วยดูแลข้าเลยสักคน” อ๋องน้อยช่างพูดช่างฟ้อง คงเก็บกดมาทั้งวันถึงได้ฟ้องเป็นเรื่องราวขนาดนี้

   “แล้วอย่างเจ้าหน่ะหรือไม่แอบอู้” พระหัตถ์หนาลูบผมที่ยุ่งเหยิง พระเนตรมองคนช่างฟ้องอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าใดนัก แม้พระองค์จะเห็นว่าน้องน้อยตรงตั้งใจฝึกตามคำสั่ง

   “แอบไม่ได้หรอก ก็องค์รักษ์ของท่านสั่งไว้ว่าถ้ากลับมาเห็นข้าไม่ทำตามคำสั่ง จะสั่งเพิ่มให้หนักขึ้นไปอีก แล้วที่หายไป จะกลับมาตอนไหนก็ไม่รู้ ข้าไม่เสี่ยงหรอก” 

   “ไม่เสี่ยง หรือ ว่าอู้แล้ว แล้วโดนสั่งลงโทษจริงๆกันแน่เที้ยนหยวน” พระเนตรรู้ทันจ้องมองอ๋องน้อยที่พอจะรู้ว่านิสัยเป็นเช่นไร คนอย่างอ๋องน้อยเที้ยนหยวนหน่ะหรือ ไม่แอบอู้

   “อื้อ ก็นิดหน่อยเอง วันนี้พอแค่นี้ได้ไหม ข้าเหนื่อยแล้วนะ” ดวงตากลมโตที่มักทำให้หญิงสาวใจอ่อนยวบ วันนี้ถูกใช้กับฮ่องเต้หนุ่ม และมันก็ได้ผล

   “ฮึๆๆ  เจ้านี้มันจริงๆเลย เที้ยนหยวน วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้ เจ้าอยากกินอะไรเลยไหม พี่สั่งให้คนเขาตั้งสำรับไว้แล้ว หรือเจ้าอยากอาบน้ำก่อน”

   “กินก่อนสิ ข้าหิวจะแย่แล้วท่านรู้ไหม เมื่อกลางวันอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะมีเนื้อสัตว์สักจาน คนมาดูแลก็ไม่มี เดี๋ยวท่านให้เฉียนกุ้ยมาดูแลรับใช้นะ วันนี้ข้ายังไม่เจอเฉียนกุ้ยเลย”  อ๋องน้อยผู้หมายมั่นปั่นมือกับขันทีเด็กหนุ่มแสนน่ารัก ไม่ได้รู้เลยว่า ชื่อนี้จะทำให้ทรงกริ้ว

   “ไม่ได้ เฉียนกุ้ยไม่ใช่คนที่จะดูแลเรื่องนี้ให้กับเจ้า” วรองค์สูงสง่าเหยียดตรง พระโอษฐ์เม้มเข้าหากัน ข่มพระอารมณ์ที่ไม่พอใจ

   “อะไรกันแม้แต่ขันทีท่านก็หวงงั้นหรือ เป็นฮ่องเต้ต้องมีพระเมตตา เผื่อแผ่สิ” ร่างเล็กรีบวิ่งตามฮ่องเต้พระพักตร์บึ้งจนเข้ามาถึงห้องที่มีคนจัดสำรับอาหารไว้แล้ว ล้วนแต่เป็นของน่าลิ้มลองทั้งสิ้น เว้นเสียแต่ คนที่ยืนอยู่นิ่งคอยรับใช้ จะไม่เหี่ยวเฒ่าขนาดนี้

   “ข้าไม่ได้หวงเฉียนกุ้ย” แต่ข้าหวงเจ้าต่างหาก เที้ยนหยวน เจ้าเคยรู้อะไรบ้างไหม เคยสนใจความรู้สึกของผู้อื่นบ้างไหม พระองค์ได้แต่รำพึงอยู่ในใจ ไม่ได้บอกให้น้องน้อยล่วงรู้ถึงความหึงหวงที่ทรงมีอยู่เต็มพระทัย

   “ไม่ได้หวง แล้วดูขันทีที่มารับใช้สิ เหี่ยวขนาดนี้ ยังบอกไม่ได้หวงอีกหรือ” ร่างเล็กบอกบุ้ยใบ้ไปทางขันทีที่คอยยืนรับใช้อยู่ไม่ห่าง ความสดใสช่างห่างไกลจากเฉียนกุ้ยยิ่งนัก

   “เจ้าอย่าว่าอู่กงกงเช่นนั้น กินเข้าไป ไม่ต้องบ่นอะไรมาก หากเจ้าบ่นเรื่องเฉียนกุ้ยอีกคำ ข้าจะสั่งให้เจ้าออกไปกินที่กลางลาน พร้อมอาหารแบบที่เจ้ากินเมื่อกลางวัน”  ทรงตัดรำคาญด้วยคำขู่ที่ทำให้คนฟังเงียบกริบยอมหุบปาก ไม่บ่นเรื่องใดต่อไป หากแต่สายตาก็ส่งค้อนมาให้

   “นี้เหล้าอะไร” นิ้วเรียวชี้ไปในจอกเล็กของฮ่องเต้ที่ขันทีสูงวัยรินมาให้ แต่ตัวเองกลับไม่ได้ จึงถามด้วยความสงสัยปนไม่พอใจ วันนี้มีแต่อะไรที่ขัดใจ

   “เหล้าเหมาไถ เจ้าอยากดื่มหรือไงเที้ยนหยวน พี่ไม่ห้ามเจ้าหรอกนะ หากเจ้าอยากดื่มมัน” เพราะค้อนแสนน่ารักจากดวงตากลมโตทำให้ฮ่องเต้หนุ่มอารมณ์ดีขึ้น สรรพนามแทนพระองค์จึงกลับสู่คำเดิมที่แสนอบอุ่น

   “เหล้าเหมาไถ ชื่อคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยิน มันอร่อยไหม” อ๋องน้อยพยายามนึก แต่เหมือนว่าจะนึกออกเพียงรางๆ ไม่แน่ใจว่าเคยลิ้มลองรสชาติมันบ้างไหม

   “เจ้าเคยดื่มในคืนที่เราชมจันทร์ด้วยกันอย่างไรเล่า เหล้ามันแรงมาก เจ้าอยากดื่มมันอีกหรือ” ทรงทบทวนร่างบางนึกได้ว่า เคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหน พร้อมกับทรงหวนคำนึงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะเหล้าชนิดนี้

   “ งั้นข้าไม่ดื่มมันด้วยหรอก ไอ้เหล้าแบบนี้ แล้วก็เลิกนึกถึงคืนบ้าๆนั้นด้วย” อ๋องน้อยนิสัยพาลกลับมาอีกครั้ง มองจอกเหล้าที่ใส่เหล้าเหมาไถอย่างรังเกียจ

   “สำหรับเจ้ามันคือคืนบ้าๆ แต่สำหรับพี่มันคือคืนที่มีความสุข พี่คงไม่ลืมหรอก เออ จริงสิ พี่เห็นของที่ราชทูตให้มาเป็นเครื่องบรรณาการแล้วคิดว่าเจ้าจะชอบ พี่ให้เจ้าเป็นรางวัลที่เจ้าตั้งใจซ้อมวันนี้ก็แล้วกัน” ตุ๊กตาถักจากเส้นทองคำสำหรับใส่กำยานถูกวางลงบนโต๊ะกลม เรียกสายตากลมโตจากเจ้าของใหม่ ให้มองมันอย่างสนใจ

   “สวยจัง มันเอาไว้ทำอะไรหน่ะ จะว่าไป ผู้หญิงอาหรับนี้หน้าตาสวยเหมือนกันนะ จากตุ๊กตาตัวนี้ ท่านให้ข้าจริงๆหรือ” มือเล็กๆคว้าตุ๊กตาสาวงามมานั่งพินิจอย่างละเอียด

   “แค่ตุ๊กตาเจ้าก็รู้แล้วหรือว่าผู้หญิงอาหรับสวย ตุ๊กตาตัวนี้หน่ะ เอาไว้จุดเครื่องหอมข้างใน แล้วกลิ่นมันจะลอยออกตามช่องว่างของรอยถัก พี่เห็นว่าเจ้าคงชอบก็เลยเอามาให้” รอยแย้มพระโอษฐ์มองท่าทางเหมือนเด็กได้ของเล่นของน้องก็นึกดีใจ “วันต่อๆไป หากเจ้าตั้งใจแบบนี้อีก พี่ก็จะให้ของรางวัลกับเจ้าอีก”

   “จริงๆนะ กษัตริย์ตรัสแล้วห้ามคืนคำนะ” อ๋องน้อย ดูกระตือรือร้นกับของรางวัลที่จะได้รับ เหมือนเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่อย่างไรอย่างนั้น

   “เจ้านี้ช่างเป็นเด็กเสียจริง เฮ้อ” อาหารมื้อนั่นผ่านไปพร้อมกับความเงียบที่ไม่ชวนอึดอัด มีบ้างที่อ่องน้อยจะบ่นเรื่องการฝึกซ้อม แต่ไม่พูดถึงขันทีเด็กหนุ่มอย่างเฉียนกุ้ยอีกเลย

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   “เที้ยนหยวน เจ้าตื่นขึ้นมาอาบน้ำเดี๋ยวนี้นะ พี่ไม่ยอมให้คนเน่าๆมานอนร่วมเตียงกับพี่นะ” ฮ่องเต้หนุ่มที่พึ่งเสด็จกลับมาจากห้องทรงงานต้องเหนื่อยพระทัยอีกครั้งเมื่อเห็นร่างเล็กๆในชุดเดิม ชุดเดียวกับเมื่อเช้า นอนอยู่บนแท่นกว้าง

   “ท่านก็ไปนอนที่พื้นสิ ไม่ก็ไปนอนที่ห้องอื่นก็ได้ ในตำหนักมีห้องอีกเยอะ” คนมาอาศัยอาจลืมอะไรไป แต่ผู้ที่เป็นเจ้าของห้อง ได้แต่หัวเราะขำ คำพูดคนที่ไม่รู้สึกตัว

   “ไม่ได้  มานี้เลยเที้ยนหยวน” พระหัตถ์หนาโอบอุ้มร่างเล็กขึ้นไปทางห้องสรงที่มีน้ำอุ่นๆรออยู่ขันทีทั้งหมดถูกไล่ให้ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งห้องจึงเหลือเพียง ต้นห้องขี้เซา และฮ่องเต้หนุ่มเท่านั้น

   วรงองค์สูงใหญ่ของฮ่องเต้ประคองร่างเล็กให้นั่งบนตัก ทรงเปลื้องเสื้อผ้าออกทีละชิ้นแต่เหมือนคนหลับก็ยังไม่รู้สึกตัว สุดท้าย ร่างกายขาวเนียนไม่เหลือสิ่งใดปกปิดแม้แต่น้อย หากแต่ฮ่องเต้หนุ่มก็ไม่คิดฉวยโอกาสจากน้องน้อย

   สุดท้ายแล้วพระองค์ก็ต้องอุ้มคนหลับให้ลงไปอาบน้ำพร้อมๆกัน “เจ้าเป็นแบบนี้เสมอเลยหรือเที้ยนหยวน มันอันตรายเกินไปหรือเปล่า หืม?” ทรงถามร่างบางที่เอาแต่หลับไม่รู้เรื่องด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่ที่พระองค์พาลงน้ำ ไปจนกระทั่งถึงแต่งตัว และพากลับขึ้นมายังที่นอนอีกครั้ง

   “แล้วต่อไปเมื่อเจ้าอยู่ข้างนอก ใครจะดูแลเจ้ากัน อิสรภาพที่เจ้าต้องการไม่มีพี่คอยดูแลและปกป้องนะเที้ยนหยวน เมื่อถึงวันนั้นน้องน้อยจะคิดถึงพี่บ้างไหมนะ” คำถามสุดท้ายที่เต็มไปด้วยความหวัง และความเศร้า เวลาที่กำลังจะหมดลง    

   สามเดือนที่มีอยู่ พี่จะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นในใจเจ้าบ้างได้ไหม....เที้ยนหยวน

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีค่ะ ฮ่องเต้ใจง่ายยยยยยยยยยยยย ส่วนท่านอ๋องก็ดูเหมือนจะยอมหายโกรธ แต่ก็เพราะคาดหวังว่าอีกสามเดือนชนะแน่ (ช่างไม่ดูตัวเอง) 
ไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องนี้งดม่าม่า มีแต่ขนมหวานค่อนไปทางจืดเท่านั้นแหล่ะคะ

ขอบคุณคะ
   ปล. ขอบคุณสำหรับคำผิดนะคะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่8) 5/05/11 [หนึ่งวันของท่านอ๋อง]
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 05-05-2011 01:49:00
โอ้ย น่ารักกกกกกกกกก ทั้งอ๋องน้อย ทั้งฮ่องเต้เลย

ขอให้ได้คู่กัน อายุมั่น ขวัญยืนนะต๊ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่8) 5/05/11 [หนึ่งวันของท่านอ๋อง]
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 05-05-2011 01:59:13
อ้าว......... อยากได้มาม่า  ฮ่าๆ

ฮ่องเต้ทั้งรักทั้งหลงถอนตัวไม่ขึ้นเลย  เสียดาย นึกว่าอ๋องนน้อยจะดื่นสุราแล้วเคลิ้มไปอีกคืนซะแล้ว   :o8:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่8) 5/05/11 [หนึ่งวันของท่านอ๋อง]
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 05-05-2011 03:53:42
ไม่รู้นะว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่เวลาที่เรื่องนี้เศร้าๆอ่ะ มันมีสเน่ห์มากๆเลยอ่ะ 555+ :o12:


ปล.สนุกมากอยากให้มีตอนเศร้าๆแบบวันละนิดจิตแจ่มใส(โรคจิตเนอะ) 555+ :laugh:


^^


 :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่8) 5/05/11 [หนึ่งวันของท่านอ๋อง]
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 05-05-2011 04:07:58
แต่ตอนนี้เค้ามาม่าเเล้วอ่ะ สงสารฮ่องเต้ ฮือออ

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย!! เข้าใจอย่างเเจ่มเเจ้ง /me น้ำตาคลอ

รอตอนต่อไปค่ะ เมื่อหัวค่ำอ่าน เเต่ยังไม่ได้เม้น พอต่อเลยเม้น เเหะๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่8) 5/05/11 [หนึ่งวันของท่านอ๋อง]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 05-05-2011 10:46:52
ฮ่องเต้ดูจะหลงรักน้องมาก :-[
+1 ชอบเที้ยนหยวนน้องน้อยของฮ่องเต้มาก :o8:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่8) 5/05/11 [หนึ่งวันของท่านอ๋อง]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 05-05-2011 10:53:34
อ๋องน้อย น่ารักแสนซนอย่างนี้นี่เอง ฮองเต้ถึงได้หลงไหลยิ่งนัก

อ๋องน้อยไม่จิบเหล้าเหมาไถอีกเหรอ  เหอๆๆๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่8) 5/05/11 [หนึ่งวันของท่านอ๋อง]
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 05-05-2011 15:31:03
เมื่อไหร่เที้ยนหยวนจะรักฮ้องเต้กันน๊า  :man1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่8) 5/05/11 [หนึ่งวันของท่านอ๋อง]
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 05-05-2011 20:54:27
เด๋วฮ่องเต้ก็รู้ว่า อ๋องน้อยไม่เหมาะกะขังไว้ในกรงนะ
ออกจะร่าเริงสดใส ดีแล้วหล่ะจ้าไม่มาม่า เรากินจนเบื่อแระ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่9) 6/05/11 [เที้ยนเฉียน]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 06-05-2011 01:40:09
ประลองรัก...九


   บนแท่นบรรทมกว้าง มีวรองค์สูงของฮ่องเต้และน้องน้อยนอนเคียงกันอยู่ ฟ้ามืดครึ้มเป็นสีเทาหม่น เหล่าสกุณาวิหคทั้งหลายยังคงหลับสบายอยู่ในรังไม้

   ร่างเล็กในอ้อมพระพาหากว้างพลิกตัวไปมาอย่างอึดอัด ดวงตากลมโตเปิดกว้างมองไปรอบๆท่ามกลางความมืด  ค่อยๆคีบท่อนพระกรใหญ่ออกจากตัว ก้าวลงจากแท่นบรรทม ผ่านวรองค์สูงไปอย่างแผ่วเบา เดินไปตามทางเพื่อปลดล่อยน้ำเสียที่ไม่ต้องการออกจากร่างกายยามดึก ก่อนจะกลับมาเข้านอนอีกครั้ง ตากลมมองผู้สูงศักดิ์ ที่นิ่งสนิท ในใจแอบคิดว่าไหนเป็นฮ่องเต้ที่เก่งกาจ แค่นี้ใยไม่รู้สึกตัว

   ท่านอ๋องนอนมองใบหน้าคม อย่างขัดใจ แต่เพราะความหนาวเย็นทำให้ต้องกลับเข้าไปซุกในพระอุระอิงแอบหาความอบอุ่นอีกครั้ง พึมพำกับตัวเองเบาๆ “คนอะไรแสนดุร้าย แล้วยังพรากศักดิ์ศรี พรากยศศักดิ์ ทุกสิ่งที่เคยมี แต่เหตุใดจึงมาทำแสนดีอ่อนโยนและอบอุ่น ราวกับว่ารักข้าเสียอย่างนั้น หากท่านเอ่ยคำรัก ข้าคงเชื่อท่านเป็นแน่”   

   พระเนตรคมปิดสนิทแน่นดั่งคนที่หลงอยู่ในนิทราแสนสบาย หากแต่พระโอษฐ์กลับมีรอยแย้มยิ้มอย่างยินดี ทุกการกระทำทรงรับรู้ ทุกคำรำพึงทรงได้ยิน คำรักที่น้องน้อยถามถึง ใช่ว่าไม่อยากพูดไป แต่พูดไปแล้วสิ่งใดที่พี่จะได้กลับมา

   ให้พี่เจ็บครั้งเดียวไม่ดีกว่าหรือ...เที้ยนหยวน 
   
        * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ฟ้าสว่างมากแล้วหากแต่วันนี้องค์ฮ่องเต้ยังไม่ทรงจะลุกขึ้นจากพระที่ ได้แต่นอนหลับพระเนตรในอ้อมพระอุระมีร่างเล็กที่บอกไว้ว่าวันนี้จะตื่นก่อน พระองค์จึงทรงรอให้ร่างเล็กตื่นเสียก่อน

   เปลือกตาบางค่อยๆปรือขึ้นอย่างช้ามองรอบๆตัว สัมผัสได้ว่านี้มันเช้ากว่าที่เคยตื่นมาในทุกวัน อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยสบายมากนัก ลุกจากที่นอนเสียบ่อยครั้งเพราะน้ำที่ดื่มเข้าไปมากก่อนเข้านอน “นี้ข้าตื่นก่อนฮ่องเต้อีกหรือนี้ ฮึๆ เช่นนี้แล้วมีหรือที่อีกสามเดือนข้างหน้าข้าจะไม่ชนะท่าน ฮ่องเต้อี้หลง”

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงได้ยินทุกถ้อยคำ กลั้นพระสรวลแทบขาดใจ หากแต่เพื่อสิ่งที่น้องน้อยประสงค์ เรื่องแค่นี้ พระองค์ประทานให้ได้ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงปิดพระเนตรแน่นสนิทดั่งผู้มีความสุขในนิทราดังเดิม
   
   “ท่านตื่นได้แล้ว ฮ่องเต้ ตื่นได้แล้ว วันนี้ข้าทำหน้าที่ต้นห้องที่ดีแล้วนะ ตื่นสิ อย่าให้ข้าต้องเรียกนานได้ไหม” อ๋องน้อยที่ไม่เคยเป็นผู้ปลุก กำลังทำหน้าที่อย่าแข็งขัน สองมือเขย่าวรองค์หนาของฮ่องเต้หนุ่ม ปากเล็กๆแผดเสียงลั่น ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของคนหลับสนิท

   “อื้ออออออ เที้ยนหยวน เจ้านอนเงียบๆไม่ได้หรือไร” สุรเสียงแหบพร่าอย่างคนพึ่งตื่นนอน คว้าร่างเล็กที่เริ่มเป็นอิสระกลับเข้ามาแนบพระอุระอีกครั้ง

   “ไม่ได้ ท่านตื่นนะ วันนี้ข้าทำหน้าที่ต้นห้องที่ดีแล้ว ท่านต้องตื่นสิ” อ๋องน้อยที่เคยมีแค่คนเอาใจ บัดนี้หน้าหวานมุ่ยลงเพราะถูกฮ่องเต้หนุ่มขัดใจ โดยลืมฐานะไปว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้ใด

   “เจ้าเป็นต้นห้องก็ไปเตรียมน้ำให้พี่อาบ  เดี๋ยวพี่ตามเจ้าออกไปเอง”

   “ไม่ได้ท่านต้องไปกับข้าเดี๋ยวนี้ ข้าเป็นอ๋องแห่งวังทู่หลงนะ ท่านมีสิทธิ์ขัดใจข้าหรือ” สุดท้ายอ๋องน้อยก็หลงลืมไปสิ้นว่าตนเป็นใคร และชายผู้อยู่ตรงหน้านั้นเป็นใคร

   “แต่พี่เป็นฮ่องเต้ที่มีอ๋องแห่งวังทู่หลงเป็นต้นห้อง เจ้ากล้าสั่งพี่หรือ เที้ยนหยวน” พระพักตร์คมบึ้งตึงไม่พอพระทัยกับถ้อยคำที่ได้ยิน จนต้นห้องผู้สูงศักดิ์ได้แต่ก้มหน้านิ่ง ยอมเดินออกไปเพื่อเตรียมน้ำในห้องสรงเพียงลำพัง

   ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์แห่งแผ่นดินเช่นฮ่องเต้อี้หลงทอดพระเนตรตามหลังเล็กๆนั้นไปพร้อมกับรอยแย้มพระสรวลที่ได้แกล้งน้องน้อยให้รู้จักกลัวเกรงผู้อื่นบ้าง “พี่ขอโทษนะเที้ยนหยวน หากไม่ทำเช่นนี้ภายภาคหน้าเมื่อเจ้าห่างไกลสายตาพี่ เจ้าจะได้ไม่ลำบาก พี่จะได้วางใจ”   

          * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   หลังพระกระยาหารเช้าที่ทรงมีรับสั่งให้ขันทีสูงวัยอย่างอู่กงกงมาคอยรับใช้ แทนเฉียนกุ้ยขันทีน้อยทำให้ผู้ร่วมโต๊ะเสวยหน้าหวานต้องมุ่ยหน้าลง หากแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาใดๆออกมา เป็นเหตุให้ฮ่องเต้หนุ่มพอพระทัยอย่างมาก “เที้ยนหยวนวันนี้พี่จะสอนเจ้าเอง แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องไปวิ่งรอบลานกว้างเสียก่อน ทำได้ใช่ไหม”

   “แต่ข้าวิ่งไปแล้วเมื่อวาน”

   “แล้วอย่างไร หากเจ้าไม่วิ่ง ขาเจ้าก็จะไร้กำลัง แล้วจะเอาแรงที่ไหนพาอาวุธเข้าหาคู่ต่อสู้ได้ ไปวิ่งเถอะ หากวันนี้เจ้าทำตัวดีๆ พี่จะให้รางวัลแก่เจ้าอีก” ฮ่องเต้หนุ่มทรงใช้ของรางวัลเพื่อจูงใจร่างเล็ก เชื่อมั่นเหลือเกินว่าอ๋องน้อยจะชอบในขวัญที่จะประทานให้

   “ท่านตรัสแล้วนะ ห้ามคืนคำด้วย” ร่างเล็กหันมาพร้อมรอยยิ้ม ยินดีที่จะได้ของรางวัล ก่อนจะวิ่งลงไปที่ลานกว้าง ทำตามสิ่งที่รับสั่ง

   “เอาหล่ะเที้ยนหยวน พอแล้ว” หลังจากประทับนิ่งทอดพระเนตรร่างเล็กออกวิ่ง มานานพอสมควร จึงดำเนินเข้ามาใกล้ร่างเล็ก พาให้กลับไปยังที่ที่พระองค์ประทับอยู่ก่อนหน้านั้น “เพราะเจ้ามีเวลาแค่สามเดือน พี่คงจะสอนเพียงแค่อย่างเดียวให้กับเจ้าเท่านั้น ตอนนี้เจ้าก็นั่งดูพี่กับพวกทหารซ้อมไปก่อน”

   เหล่าทหารที่ว่านั้น คือเหล่าองค์รักษ์ฝีมือเยี่ยมที่พร้อมยอมพลีชีพเพื่อฮ่องเต้ที่รักยิ่งของปวงชน และการฝึกซ้อมที่ว่าคือการประลองที่มีฮ่องเต้ทรงร่วมประลองด้วย มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่ผู้ชนะการประลองจะเป็นหนึ่งในทหารเหล่านี้ และหากผู้ใดชนะ ฮ่องเต้หนุ่มก็ให้รางวัลทุกครั้งไป

   ร่างเล็กนั่งมองดูการต่อสู้อย่างตื่นตาตื่นใจเมื่อเหล่าทหารองค์รักษ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่างก็ทุ่มเทแรงกายและความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อชัยชนะ  ใช้อาวุธที่ตนถนัดเข้าต่อสู้ห้ำหั่นดุจดังเป็นศัตรูที่ต้องฆ่ากันให้หมดสิ้น

   อ๋องน้อยที่ทั้งชีวิตไม่เคยสัมผัสอาวุธหรือการต่อสู้ใดๆ ได้แต่ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น วาดฟันไปไกลว่าสักวันจะทำได้เช่นนั้นบ้าง ท่วงท่าแสนสง่างามหากก็ว่องไว ทุกครั้งที่เงื้อมือคือการหวังให้คู่ต่อสู้ที่หลังจากจบการประลองคือเพื่อนสนิทต้องพ่ายแพ้ ดูเป็นกีฬาที่ลูกผู้ชายเช่นอ๋องน้อยไม่ควรพลาด และสักวันจะกำชัยชนะเหนือฮ่องเต้ผู้เก่งกาจ

   “เที้ยนหยวน เจ้าอยากลองลงมาเล่นกับพี่ดูบ้างไหม” ทรงร้องถามคนที่นั่งมองอย่าตกตะลึง ดวงตาที่พระองค์โปรดกำลังเบิกกว้าง จนอดไม่ได้ที่จะแย้มพระโอษฐ์

   “ท่านก็รู้ว่าข้าสู้ท่านไม่ได้ อย่ามาทำเป็นใจดีแบบนี้เลย” อ๋องน้อยเมื่อรู้ตัวว่าถูกล้อ ใบหน้าหวานขึ้นสีเรื่อ เบือนหน้าไปทางอื่น ไม่สบสายตากับฮ่องเต้หนุ่มที่บัดนี้ เปียกชุ่มด้วยหยาดพระเสโทพราวล้อกับแสงแดดเป็นประกาย

   “แล้วเจ้าเบือนหน้าหนีพี่ทำไมกัน หรือว่าทางนั้นมีสิ่งใดดีกว่าพี่หรือ ก็ไม่เห็นมีสิ่งใดเลย” สายพระเนตรทอดมองตามสายตาน้องน้อยหากแต่ก็ไม่เห็นสิ่งใด นอกเสียจากอู่กงกงที่ยกถาดจากห้องเครื่องเข้ามา

   “ทำไมจะไม่มี อย่างน้องข้าก็ยอมมองขันทีเหี่ยวๆ แบกถาดอาหารดีกว่ามองฮ่องเต้ เหม็นเหงื่อแบบท่าน”  ชายแท้ที่ใดเล่าจะกล้าบอกว่าเขินอายต่อร่างกายชุ่มเหงื่อของอีกหนึ่งบุรุษที่มีร่างกายแข็งแกร่ง

   “อือ หากพี่เหม็นเหงื่อ งั้นหลังฝึกซ้อมคงต้องให้ต้นห้องอาบน้ำให้เสียแล้ว เที้ยนหยวนพี่มีของจะให้เจ้านะ ไม่หันมาดูหน่อยหรือ”

   “ท่านจะให้อะ.... สวยจัง ท่านให้ข้าเป็นรางวัลหรือ” ใบหน้าหวานเกินชายของอ๋องน้อยเบือนหน้าหันกลับมามองก่อนจะแย้มยิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นของกำนัลล้ำค่า

   มีดสั้นเล่มงามนอนสงบนิ่งในฝักแสนสวยประดับด้วยหินสูงค่า มือบางหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสนใจ ค่อยๆดึงมีดออก ปรากฏโลหะเงาวับและคมกริบ “ท่านให้ข้าจริงๆหรือ” ดวงตากลมจ้องมองใบมีดเป็นประกาย

   “จริงสิ พี่ให้เจ้าไว้เป็นอาวุธคู่กาย หากเจ้าฝึกกับมันจนคุ้นชินมือก็จะเกิดประโยชน์มากนัก  ที่พี่เลือกมีดสั้นให้เพราะน้ำหนักเบา อีกทั้งยังเหมาะกับมือเล็กๆของเจ้าด้วย” พระหัตถ์หนาโอบกุมรอบมือบางที่กำมีดสั้นไว้แน่น “มือเจ้าเล็กเท่านี้ คงจับอาวุธใดไม่ถนัดนัก ต่อไปนี้เจ้าก็ฝึกกับมีดเล่มนี้ เก็บมันไว้ข้างกายอย่าให้ห่าง”

   เก็บไว้ข้างกาย...ให้ตัวแทนของพี่ได้อยู่ข้างกายเจ้า แทนพี่ที่อยู่ห่างไกล

   “อ่ะ” เสียงหวานเรียกความสนใจของฮ่องเต้หนุ่มให้หลุดจากภวังค์ กลับมาสนใจน้องน้อยที่หาเรื่องให้ตัวเองได้เจ็บอีกครา   

   “เที้ยนหยวน เจ้าทำมีดบาดมือตัวเองหรือนี้” แผลขนาดใหญ่ที่ดูไม่ลึก มีเลือดแดงสดผุดขึ้นมาตามรอยแผลนั่น รอบๆแผลดูแดงช้ำขึ้นมาในทันที จนน่าเป็นห่วง “ฮวางหู เจ้าดูพวกนี้ซ้อมต่อไปก่อน เราจะพาท่านอ๋องไปทำแผล”

   ฝ่าบาททรงนำต้นห้องคนพิเศษกลับมายังตำหนัก สั่งให้ขันทีไปนำยาจากแพทย์หลวงมาให้ พระองค์จะเป็นผู้ทำแผลให้แก่น้องน้อยเอง

   พระหัตถ์หนาซับเลือดจากแผลใหญ่ อย่างแผ่ว แม้แต่เจ้าของยังตกใจ ไม่คิดว่าคนใจร้ายจะมือเบาได้ถึงเพียงนี้ ผ้าชุบน้ำถูกซับรอบๆแผลๆเพื่อทำความสะอาดคราบ แต่เพราะความแสบ ทำให้มือบางหดหนี แม้จะถูกยึดไว้ในพระหัตถ์ก็ตาม “อย่าหนีสิ เที้ยนหยวน ถ้ามันแสบเจ้าก็ทนเอาหน่อย ถ้าไม่ทำ แผลเจ้าก็จะหายช้า”

   “ท่านก็เบาๆสิ ข้าเจ็บ” แม้จะรู้ว่านั่นเบาแล้ว แต่อ๋องน้อยใจปลาซิวก็ยังอดไม่ได้ที่จะโวยวาย และน้ำตาซึมออกมา “ไม่ต้องทายาที่มันแสบได้ไหม” อ๋องน้อยอุทธรณ์ทันทีที่เห็นตลับขึ้นชื่อเรื่องความแสบจากตำรับยาหลวง

   “ไม่ได้ ไม่ทายาแล้วจะหายหรือ พี่ไม่พันแผลให้เจ้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว ต่อไปยามอาบน้ำ เจ้าก็ห้ามให้น้ำโดนแผลเข้าใจไหม” ฮ่องเต้หนุ่มทรงยึดมือบางไว้แน่น ไม่ยอมให้หดหนี อีกทั้งยังกำชับเรื่องการดูแลแผล

   “แล้วจะอาบอย่างไรเล่า” ร่างเล็กหน้าหวานก้มมองดูแผลตนเองอย่างคิดหนักก่อนจะยิ้มกว้าง “รู้แล้ว ท่านให้เฉียนกุ้ยมาช่วยข้าอาบน้ำได้ไหม”

   “ไม่ได้ ถ้าเจ้าอาบคนเดียวไม่ได้ ข้าจะอาบให้เจ้าเองทุกครั้ง ไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น” สุรเสียงจากอ่อนหวานกลายกลับเป็นเย็นชา เผลอลงน้ำมือลงบนแรงโดยแรง

   “เฮ้ยยยยยยยยย ข้าเจ็บนะ”

   เสียงร้องโวยวายของอ๋องน้อยผู้ไม่เคยสังเกตสิ่งใด เรียกพระสติของฮ่องเต้ให้กลับคืนมาอีกครั้ง พร้อมด้วยความร้อนรน “เที้ยนหยวน พี่ขอโทษ เจ็บมากไหม”

   “เจ็บสิ ลองมาดูบ้างไหม ท่านเป็นอะไรอยู่ดีๆ ก็กดลงมาบนแผลแบบนี้”  ปากเล็กถามเจื้อยแจ้ว สองตากลมสำรวจแผล ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง

   “พี่ขอโทษ” ฮ่องเต้หนุ่มทรงตรัสขอโทษจากพระทัย ก้มมองแผลใหญ่บนมือเล็กในมือ ได้แต่รู้สึกผิด

   “ไม่เป็นไร แล้วไหน รางวัลที่ท่านจะให้ข้าหล่ะ ท่านสัญญาแล้วนะ” คนเจ็บเอ่ยทวงของรางวัลทั้งที่วันนี้ยังไม่ได้ฝึกใดๆเลยเว้นเสียแต่การวิ่งช่วงเช้าเท่านั้น

   “อยู่ในที่ของมันสิ เจ้าอยากได้จริงหรือ” พระองค์ทรงหยอกเย้าน้องน้อยที่ทำตัวเหมือนเด็กไม่มีผิดในเวลาที่อยากได้สิ่งของ

   “จริงสิ มันอยู่ที่ไหน ให้คนไปเอามาสิ ข้าอยากได้” ร่างเล็กเร่งให้คนนำเข้ามาให้ อยากเห็นว่าที่จะได้เป็นรางวัลคือสิ่งใดกันแน่

   “มากับพี่สิ” พระหัตถ์หนา คว้ามือเล็กแสนอ่อนนุ่มเข้ามาไว้ในมือ ฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้น ก่อนพาออกนอกตำหนัก ไปยังด้านหลัง โดยเจ้าของมือเล็กไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่ามือตน อยู่ในอุ้งพระหัตถ์ที่แสนอบอุ่น และอ่อนโยน
   
   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ร่างเล็กเดินตามคนข้างหน้าไปอย่าสงสัย ยิ่งเดินไปก็ยิ่งสงสัย เส้นทางที่เดินมาห่างไกลจากตำหนัก หลังอื่นๆ  มันจะเป็นของขวัญแบบไหนกัน ถึงได้มาอยู่ไกลขนาดนี้ หรือจะเป็นของสำคัญมากๆกันแน่ “ท่านจะให้อะไรข้ากัน ทำไมมันดูลึกลับแบบนี้”

   “อีกนิดเดียว เชื่อพี่เหอะว่าเจ้าจะรักมัน” ทรงหันกลับมาหาร่างเล็กที่เริ่มโอดครวญกับระยะที่ออกจะไกลอยู่สักหน่อยแบบนี้ “แล้วเชื่อพี่เถอะ ว่าเจ้าจะเดินมาหามันทุกวัน”

   “อะไรกัน นี้ข้าต้องเดินมาหามันหรือนี้ ไม่เอาด้วยหรอก ยังไงๆถ้าท่านให้ข้า ข้าก็จะ..........” อ๋องน้อยแห่งตำหนักทู่หลง อ้าปากค้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า อยากจะกระโจนเข้าไปหา
   
   “ตามใจเจ้าสิ” ฮ่องเต้หนุ่มแย้มพระโอษฐ์กับท่าทางเหมือนตกตะลึงของอ๋องน้อย และยังมีท่าทางที่ดูเหมือนจะกระโจนเข้าไปหาเหมือนเด็กๆ ยามดีใจได้ของเล่น

   ขนตายาวงอน ริมฝีปากเผยอขึ้นอวดฟันคู่หน้าสีขาวบริสุทธิ์ ผิวสีน้ำตาลทราย และเนินเนื้อสองข้างชวนให้หลงใหล อ๋องน้อยจ้องสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างสำรวจ หากไม่มีพระหัตถ์หนาๆมารั้งไว้ก็คงกระโจนเข้าไปกอดแล้ว

   “ชอบไหม” สุรเสียงทุ้ม แสนเอื้ออาทร ก้มถามคนตัวเล็กกว่าอย่างเอ็นดู

   “ชอบ ชอบที่สุดเลย น่ารักจัง ท่านไปได้มาจากไหน ทำไมข้าไม่เห็นเคยเห็นเลย” ร่างเล็กหันกลับมาถามคนให้ที่แสนใจดี ให้สิ่งที่แสนน่ารักขนาดนี้

   “ราชทูตจากแดนอาหรับ ส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ พี่เห็นว่า อยู่กับพี่ก็คงเท่านั้น สู้ให้เจ้าไว้เป็นเพื่อนยามเหงาคงดีเสียกว่า” พระเนตรแสนอ่อนโยนยามจับจ้องน้อยน้องไม่สนใจเลยว่ามีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ตรงนั้น

   “ขอบคุณท่านมากเลย ว่าแต่....มันเรียกว่าตัวอะไรกัน ในเมืองนี้ข้าไม่เคยเห็นมันเลย” ร่างเล็กละสายตาจากเจ้าสัตว์สี่ขาตัวสูงตรงหน้า หันมาถามคนให้ ที่อย่างน้อยคงรู้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้คือตัวอะไร

   “มันเรียกว่า อูฐ เป็นสัตว์ที่พวกเขาใช้แทนม้ากัน มันอดทนมากเลยนะ วิ่งระยะใกล้ ได้เร็วกว่าม้าเสียอีก อดน้ำได้เป็นนาน พี่ให้เจ้าแล้ว ก็อย่าลืมมาดูแลมันบ้าง ให้ความรัก ความเอ็นดูกับมัน อย่าละเลย ถึงมันจะอดทน แต่ยังไงก็ยังต้องการความรักจากเจ้าของ” ฮ่องเต้หนุ่มรับสั่งกับอ๋องน้อย พระเนตรจ้องมองร่างบางที่ด้วยความอาวรณ์สิ่งที่ออกมานั้น คือสิ่งที่อยากเรียกร้องจากน้องน้อยบ้าง

   ....แต่ก็คงไม่สามารถทำได้....จึงได้แต่ขอร้องแทนเจ้าสัตว์สี่ขาตรงหน้า

   “ท่านพูดอย่างกับข้าไม่มีหัวใจ ไม่รู้จักที่จะรักและเป็นคนห่วงผู้อื่นเช่นนั้นแหล่ะ ถึงข้าจะเที่ยวเล่นไป แต่หากข้ารักใครก็จะรักคนนั้นมั่นคง ไม่แปรเปลี่ยน แล้วก็จะดูแลอย่างดีด้วย ท่านคอยดูสิ เจ้าอูฐตัวนี้จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความสุขที่สุดในวัง” อ๋องน้อยเจ้าสำราญ เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ แท้จริงแล้วก็มีหัวใจรัก เพียงแค่รอคอยผู้ที่จะมาคว้าหัวใจดวงนี้ไป

   “แล้วมีหากใครคนหนึ่งรักเจ้าเล่า เจ้าจะทำเช่นไร” จะดูแลเขาผู้นั้นเป็นอย่างดี ให้สมกับความรักที่มีให้เจ้าหรือไม่...คำถามที่พระองค์ได้แต่ตรัสถามอยู่ในพระทัย ไม่กล้ากล่าวออกมาให้ผู้ใดได้ยิน

   “จะมีใครกันมารักคนอย่างข้าที่ไม่เอาไหนเล่า หรือหากจะมีจริงๆ” ร่างเล็กมองตาโตๆของอูฐตัวใหญ่ มือบางลูบไล้หน้าผากโหนกๆไปมาอย่างเพลิดเพลิน นิ่งคิดในคำตอบสักครู่ “ข้าก็คงจะรู้ดูแลแม่นางผู้นั้นเป็นอย่างดี ให้สมกับความรักที่ข้าได้รับ แล้วถ้าเป็นท่านหล่ะ ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ต้องมีสนมนางในมากมาย แล้วท่านจะดูแลคนที่ท่านรักเช่นไร”

   “แล้วสนมพวกนั้นไปเกี่ยวอะไรกับคนที่พี่รักเล่า พวกนางก็แค่เครื่องมือทางการเมืองเท่านั้น หัวใจของพี่ คนที่พี่รักอยู่เหนือเรื่องการเมืองสกปรกพวกนั้น” พระเนตรคมกล้าจ้องมองแผ่นหลังบางที่อยู่ห่างเพียงนิดก็รั้งเข้ามาในอ้อมอกได้แล้ว

   “โห! ท่านนี้ช่างใจร้ายกับนางสนมเสียจริง แต่หากคนที่ท่านรักมาได้ยินนางก็คงดีใจ ใครนะ ผู้โชคดีคนนั้น” อ๋องน้อยยังคงหยอกล้อกับสัตว์เลี้ยงแสนประหลาดที่พึ่งได้รับ ไม่หันกลับมามองเลยว่า ดวงตาของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์เป็นเช่นไร

   เจ้าถามตัวเองสิ ว่าดีใจหรือไม่....

   “เจ้าอย่ารู้เลย ว่าเป็นใคร มันยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะรู้ แล้วนี้จะเรียกอูฐตัวนี้ว่าอย่างไร คงไม่ตั้งชื่อมันว่าอูฐหรอกนะ”  ฮ่องเต้หนุ่มทรงเปลี่ยนเรื่องให้ออกห่างจากสิ่งขุ่นมัวบนหัวใจแสนบริสุทธิ์ของน้องน้อย ชวนคุยถึงชื่อที่เจ้าสัตว์ประหลาดตรงหน้า

   “อึ้ยยย ชื่อแบบนั้น ท่านไว้ตั้งให้ม้าของท่านเถอะ อูฐของข้าต้องเป็นชื่อที่ดีมีมงคลกว่านั้นมาก ชื่ออะไรดีนะ อ่าใช่ ชื่อ เที้ยนเฉียนดีไหม” ร่างเล็กดูพอใจกับชื่อที่ตั้งได้ ใบหน้าหวานยิ้มร่า ผิดกับอีกหนึ่งคนที่รอฟัง

   “นั่นหรือมงคลของเจ้า ชื่อบ้าอะไรกัน” พระองค์ไม่สนว่าชื่อนั้นจะมีมงคลหรือไม่ ไม่สนว่ามันจะหมายความว่าเช่นไร ทรงทราบเพียงแค่ว่า เฉียนตัวหลัง คงมาจากขันทีน้อยเป็นแน่

   “ทำไมจะไม่มงคล เที้ยนตัวแรกมาจากชื่อของข้าเมื่อเขียนตามตัวก็จะแปลว่าความสงบเงียบ สงบสุข เมื่อรวมกับชื่อตัวแรกของเฉียนกุ้ย ที่แปลว่าเงินทอง ไม่มงคลตรงไหนกัน ทั้งร่ำรวยและมีความสุข” อ๋องน้องยังคงระบายยิ้ม นั่งมองเจ้าสัตว์ตัวใหญ่ ชื่อแสนมงคลว่าเที้ยนเฉียน

   “ข้าเป็นคนให้” สุรเสียงแสนเรียบๆ บอกให้คนตั้งได้รู้ว่า ชื่อนี้ไม่ถูกพระทัยฮ่องเต้หนุ่มเป็นอย่างยิ่ง

   “มีแบบนี้ด้วยหรือไงกัน ท่านนี้ เป็นคนให้แล้วยังไงหวงแม้แต่ชื่ออีก แล้วเป็นอะไรกัน ข้าสังเกตมาหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งที่ข้าพูดถึงเฉียนกุ้ย ท่านมักทำหน้าไม่พอใจ หรือว่าท่านหวงเฉียนกุ้ยกัน”

   เจ้าคงสังเกตไม่มากพอสินะเที้ยนหยวน หากเจ้ามองให้ลึกกว่านี้คงดี... “แล้วตกลงจะให้เจ้าตัวนี้ชื่ออะไร” ทรงรำพันเพียงพระองค์เดียวก่อน อย่างไม่หวังให้ผู้ใดได้ยิน ก่อนจะทรงถามถึงชื่อของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้

   “อี้หลง” อ๋องน้อยเรียกชื่อของชายผู้อยู่เหนือคนทั้งแผ่นดิน ก่อนจะใช้ดวงตากลมโตมองผู้เป็นเจ้าของชื่อนั้น

   “เจ้าเรียกพี่แบบนี้ได้หรือ เที้ยนหยวน” พระขนงเลิกขึ้นสูง มองน้องน้อยอย่างประหลาดพระทัย ไม่คิดว่าจะมีใครหาญกล้าเช่นนี้ แม้คนผู้นั้นจะเป็นอ๋องน้อยเที้ยนหยวน

   “เปล่า ข้าเรียกเจ้าอูฐตัวนี้ต่างหาก” อ๋องน้อยตอบหน้าตาเฉย หันกลับไปให้ความสนใจต่ออูฐที่ได้ชื่อเดียวกับฮ่องเต้ผู้ปกครองแผ่นดิน

   “แต่นั่นมันชื่อเดียวกับพี่เลยนะ”

   “งั้นก็ เปลี่ยนเป็น อี้หลงที่หนึ่งหล่ะกันนะ เจ้าอูฐโง่” ดูเหมือนว่าอ๋องน้อย ช่างมีทางออกที่แสนง่ายดายในการแก้ไขเรื่องชื่อซ้ำกับฮ่องเต้ผู้สูงส่ง

   “เจ้าไม่คิดว่าจะมีใครได้ยินแล้วจับเจ้าไปประหารหรือไง” ทรงยั้งถามร่างบางที่ดูกล้าหาญเหลือเกิน ในครั้งนี้

   “ก็ถ้าท่านไม่พูด ข้าไม่พูด อี้หลงที่หนึ่งไม่พูด แล้วใครจะรู้ ตกลงท่านพอใจชื่อนี้ไหม อี้หลงที่หนึ่ง” เที้ยนหยวนหันกลับมาถามฮ่องเต้หนุ่มอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ

   “ตามใจเจ้าเถอะ ดูแลมันให้แล้วกัน”

   “แน่ละ ข้าจะดูแลอี้หลงที่หนึ่งให้ดี สมกับเป็นของประทานจากฮ่องเต้” ยิ้มกว้างอย่างเด็กน้อยฉายชัดบนใบหน้าหวาน เรียกให้อีกหนึ่งบุรุษต้องแย้มยิ้มตามไปด้วย

   แล้วเจ้าจะดูแลหัวใจของฮ่องเต้ให้ดีด้วยได้ไหมนะ น้องน้อยของพี่.....

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   สวัสดีคะ ฮ่องเต้นับวันยิ่งเพ้อมากขึ้น ส่วนท่านอ๋อง ก็ยังฝักใฝ่ในเฉียนกุ้ย เฮ้ออออ เกิดเป็นอ๋อง สบายไปแปดอย่างจริงๆ

   ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่8) 5/05/11 [หนึ่งวันของท่านอ๋อง]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 06-05-2011 01:56:52
โอ้ย น่ารักกกกกกกกกก ทั้งอ๋องน้อย ทั้งฮ่องเต้เลย

ขอให้ได้คู่กัน อายุมั่น ขวัญยืนนะต๊ะ


ขอบคุณคะ ให้เป็นคู่ครองหมื่นปี หมื่นๆปี


อ้าว......... อยากได้มาม่า  ฮ่าๆ

ฮ่องเต้ทั้งรักทั้งหลงถอนตัวไม่ขึ้นเลย  เสียดาย นึกว่าอ๋องนน้อยจะดื่นสุราแล้วเคลิ้มไปอีกคืนซะแล้ว   :o8:

แหงยยยยยยยย ม่าม่าเห็นทีจะมีแต่องค์ฮ่องเต้ต้อยู่คนเดียวแหล่ะคะ มารักคนแบบท่านอ๋องต้องทำพระทัย และม่าม่าชามใหญ่ต้องท้ายเรื่องปู้นนนนนนเลยคะ



ไม่รู้นะว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่เวลาที่เรื่องนี้เศร้าๆอ่ะ มันมีสเน่ห์มากๆเลยอ่ะ 555+ :o12:


ปล.สนุกมากอยากให้มีตอนเศร้าๆแบบวันละนิดจิตแจ่มใส(โรคจิตเนอะ) 555+ :laugh:


^^


 :3123: :3123:

หงึยยยยยยยยยย เศร้าแบบนิดๆ เลยนะคะจากอารมณ์ของท่านฮ่องเต้ผู้เพ้อรัก





แต่ตอนนี้เค้ามาม่าเเล้วอ่ะ สงสารฮ่องเต้ ฮือออ

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย!! เข้าใจอย่างเเจ่มเเจ้ง /me น้ำตาคลอ

รอตอนต่อไปค่ะ เมื่อหัวค่ำอ่าน เเต่ยังไม่ได้เม้น พอต่อเลยเม้น เเหะๆ

แงงงงงงง "ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย" เป็นอารมณ์ที่เข้าถึงได้ง่ายใช่ไหมคะ รักอ๋อง ฮ่องเต้ต้องทำใจ
เรื่องเม้มท์ไม่เป็นไรแต่ก็ขอบคุณนะคะ


อ๋องน้อย น่ารักแสนซนอย่างนี้นี่เอง ฮองเต้ถึงได้หลงไหลยิ่งนัก

อ๋องน้อยไม่จิบเหล้าเหมาไถอีกเหรอ  เหอๆๆๆ :laugh:


   
น่ารักแสนซนแบบเด็กแสบ หรือเปล่าคะ
หงึยย มีแต่คนเชียร์ให้ท่านอ๋องเมาอ่า ท่านอ๋องไม่รอดแน่  o18





เมื่อไหร่เที้ยนหยวนจะรักฮ้องเต้กันน๊า  :man1:

ง๊ากกกกกก อันนี้ตอบยากคะ เพราะยังไม่ได้คำตอบเหมือนกันว่า ฮ่องเต้ไปรักอ๋องตั้งแต่เมื่อไหร่ (แต่งเองยังไม่รู้ มันช่างน่า  :z3:)




ฮ่องเต้ดูจะหลงรักน้องมาก :-[
+1 ชอบเที้ยนหยวนน้องน้อยของฮ่องเต้มาก :o8:

เย้ๆๆ มีคนชอบน้องน้อยด้วย ขอบคุณคะ



เด๋วฮ่องเต้ก็รู้ว่า อ๋องน้อยไม่เหมาะกะขังไว้ในกรงนะ
ออกจะร่าเริงสดใส ดีแล้วหล่ะจ้าไม่มาม่า เรากินจนเบื่อแระ  :กอด1: :กอด1:


คะ แต่อาจมีแซมๆมาบ้าง ตามประสาฮ่องเต้ผู้เพ้อรักนะคะ
ส่วนอ๋อง ถ้าไม่ขังกรง เกรงว่าจะไปจีบผู้อื่นนิ้สิ ฮ่องเต้อกหักแน่ๆคะ


หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่9) 6/05/11 [เที้ยนเฉียน]
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 06-05-2011 02:14:49
ฮ่องเต้นี่ไม่เข็ด  ให้ของขวัญเป็นมีดได้ไง ท่านอ๋องยิ่งคุ้มดีคุ้มร้ายอยู่   -_-'
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่9) 6/05/11 [เที้ยนเฉียน]
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 06-05-2011 02:55:17
อ่านไปยิ้มไป ฮ่องเต้ ช่างแสนน่ารักจับจิตจับใจ

เชื่อได้เลยว่า อ๋องน้อยอยู่ห่างอี้หลงเมื่อไหร่ต้องคิดถึงจนใจจะขาดแน่ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่9) 6/05/11 [เที้ยนเฉียน]
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 06-05-2011 08:02:46
น่ารักมากจริงๆ แต่สงสารฮ่องเต้อ่ะ รักเขา แต่พูดไม่ไ้ด้
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่9) 6/05/11 [เที้ยนเฉียน]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 06-05-2011 10:45:33
ฮองเต้มั่วแต่เพ้ออยู่กับตัวเองอยู่นั่นแหละ
บอกไปเลย...ถ้าบอกไปนะ น้องน้อยของพระองค์อาจจะยินดีก็ได้
คนเราได้ฟังคำรักยังไงก็ต้องรู้สึกดีอยู่แล้ว  เพียงแต่ปฏิกิริยาที่แสดงออกอาจจะไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่9) 6/05/11 [เที้ยนเฉียน]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 06-05-2011 15:12:47
ฮ่องเต้ผู้หยิ่งใหญ่อยู่เหนือใครๆในแผ่นดิน
แต่อยู่เหนือความรักที่มีต่อน้องน้อยไม่ได้
ช่างอาภัพยิ่งนัก :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่9) 6/05/11 [เที้ยนเฉียน]
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 06-05-2011 15:38:37
เอ้ออ นับวันดูเหมือนอ๋องน้อยจะน่ารักขึ้นทุกวันนะนี้(หรือว่าฮ่องเต้คิดไปเองก็ไม่รู้เนอะ :laugh:) 555+ :m20:


^^


:3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่9) 6/05/11 [เที้ยนเฉียน]
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 06-05-2011 19:37:25
ฮ่องเต้ เพ้อฝันไปป่าวอ่ะ แบบว่านะ ถ้าบอกไปคงจะดี เพราะเหมือนจะคิดอะไรคนเดียว (บ้าอยุ่คนเดียว)
ส่วนอ๋องน้อย ก็นะ ไม่หือ ไม่อือ อ่ะ คิดถึงแต่ขันที ก็แหง๋ล่ะ พี่แกได้รุกนิหว่า ถ้าคิดถึงฮ่องเต้ ก็เปงรับอ่าดิ
ใครจาคิดถึงหล่ะเน๊อะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่9) 6/05/11 [เที้ยนเฉียน]
เริ่มหัวข้อโดย: ice-vanilla ที่ 06-05-2011 19:48:02
ฮ่องเต้เพ้อหนัก  :laugh:

ให้อารมณ์คนแอบรักสุดๆ

ส่วนอ๋องน้อย เมื่อไหร่จะรู้เรื่องรู้ราวกับเขาซักที :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่10) 7/05/11 [โกรธพี่หรือไร]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 07-05-2011 01:28:42
ประลองรัก...十

   
   “ฮวางหูเจ้าคิดเช่นไรต่อเฉียนกุ้ย” ในช่วงสายของวันหนึ่งหลังเสร็จสิ้นการหารือกับเหล่าขุนนาง ฮ่องเต้หนุ่มประทับในห้องทรงอักษรรับสั่งถามคำถามที่ทำให้ทหารกล้าหน้าขึ้นสี

   “กระหม่อม เออ... กระหม่อม”
               
   “เจ้าทำไม เราถามก็ตอบมา”

   “กระหม่อมชอบเฉียนกุ้ย”

   คำตอบจากราชองค์รักษ์พาให้ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์อย่างพึงพระทัย “งั้นก็ดีแล้ว เรายกเฉียนกุ้ยให้ไปทำงานที่จวนของเจ้า ถือเป็นคนในความดูแลของเจ้า นำสาสน์นี้ไปยื่นให้ท่านกรมวัง”

   “ขอบพระทัยกระหม่อม” ราชองค์รักษ์ดีใจ รับสาสน์ส่งตัวขันทีน้อยแสนน่ารักมาไว้ในมือ ใบหน้ายิ้มยากมีรอยยิ้มไปถึงในดวงตาคมที่มักเย็นชาและดุดัน

   “แล้วก็ดูแลให้ดี เราเอ็นดูเฉียนกุ้ยไม่ต่างจากน้องคนนึง รีบไปให้ท่านกรมวังเสียสิ”

   “กระหม่อม”

   ฮ่องเต้หนุ่มทอดเนตรความดีใจบนใบหน้าของราชองค์รักษ์พาให้นึกไปถึงน้องน้อยหากได้รู้เรื่องนี้คงไม่แคล้วได้โวยวายอีกเป็นแน่....

       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   มาถึงวันนี้ก็ผ่านไปกว่าสองอาทิตย์แล้วที่อ๋องน้อยได้ครอบครองมีดสั้นเล่มงามฝีมือจากช่างหลวง แต่ดูเหมือนว่าความสามารถของท่านอ๋องนั้นจะยังไม่พัฒนาไปมากเท่าที่พระอาจารย์ จะต้องการ
   
   “เที้ยนหยวน เจ้าอย่ามัวแต่เล่นเช่นนี้สิ ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว แต่พี่แทบไม่เห็นพัฒนาการของเจ้าเลยนะ” ฮ่องเต้หนุ่มทรงยืนกำกับอยู่ข้างสนาม ทอดพระเนตรร่างบางหัดใช้ร่างบางกับหุ่นฟางที่สั่งให้คนทำขึ้นพิเศษ

   “อะไรกัน แค่สองอาทิตย์ เอง ข้าฟันหุ่นฟางพวกนี้ขาดได้เป็นเส้นๆแล้วนะ ท่านยังไม่พอใจอีกหรือ” อ๋องน้อยที่พึ่งใช้มีดฟันฟางออกมาจากตัวหุ่นได้ หันมาโวยวายกับพระอาจารย์แสนใจร้าย ที่ดูเหมือนว่าจะเริ่มโหดขึ้นทุกที

   “ก็มันเป็นแค่ฟางที่มัดอยู่นิ่งๆ หากแต่สิ่งที่เจ้าต้องการคือเอาชนะพี่ที่ไม่ได้อยู่นิ่งเหมือนเจ้าหุ่นฟางนั้นมิใช่หรือ? แล้วไหนจะน้ำหนักมือที่เจ้าถือมีดเล่มนั้น เจ้าไม่ต้องกลัวมันหักหรอก จับให้มันแน่น และกระชับกว่านั้นสิ” วรองค์สูงดำเนินเข้าใกล้ร่างเล็กของอ๋องน้อยกลางลานโล่งที่ใช้ฝึกหัด “เจ้าลองโจมตีพี่ดูสิ”

   ฮ่องเต้หนุ่มในพระหัตถ์ว่างเปล่าเดินเข้าหาร่างเล็กที่วิ่งเข้ามาหาสุดกำลัง แขนเรียวเงื้อสุดกำลัง หวังว่าให้มีดในมือตนจะลบล้างคำกล่าวหาถึงฝีมือที่ไม่พัฒนา และอาจนำไปสู่อิสรภาพที่ต้องการ

   ฮ่องเต้หนุ่มเบี่ยงพระองค์หลบด้วยความเร็วที่เหนือกว่า ให้คมมีดวาววับตัดผ่าอากาศดังหวืด ตามมาด้วยพระโอษฐ์บางที่แย้มพระสรวล อย่าพึงพอใจที่เห็นหน้าเล็กๆของน้องน้อยเริ่มบูดบึ้ง “อะไรกัน เจ้าทำได้เท่านี้ เสียชื่อพี่ที่เป็นผู้สอนนะเที้ยนหยวน”

   “ก็ท่านโกงข้านี้ ท่านเล่นหลบแบบนั้น แล้วใครจะทำอะไรได้ ท่านอย่าหลบสิ” ร่างเล็กโวยวายเจื้อยแจ้วเรียกความเอ็นดูได้ไม่น้อยจากองค์ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์

   “เจ้าไม่ให้พี่หลบ แล้วจะให้พี่อยู่นิ่งๆรอรับคมมีดอย่างนั้นหรือ เที้ยนหยวน แล้วจะเรียกว่าการฝึกได้อย่างไร หากทำเช่นนั้นสู้ปล่อยให้เจ้าฟันเจ้าหุ่นฟางนั้นต่อไม่ดีกว่าหรือ” ฮ่องต้อี้หลงทรงทอดพระเนตรร่างเล็กบอบบางด้วยความขบขัน ยิ่งนับวันดูเหมือนว่าน้องน้อยจะทำให้พระองค์รักมากขึ้นทุกครั้ง

   จากเพียงแค่สงสาร...กลายเป็นเอ็นดู....สุดท้ายก็กลายเป็นรัก...และรักมาขึ้นทุกลมหายใจ

   “ก็ถ้าท่านหลบมันจะเรียกว่าให้ข้าโจมตีได้อย่างไร คราวนั้นในห้อง ท่านยังรับมีดไว้ได้ คราวนี้ท่านก็ลองอีกครั้งสิ จะได้รู้ว่าฝีมือข้าหน่ะ พัฒนาแล้วจริงๆ” อ๋องน้อยหวังว่าจังหวะที่ฮ่องเต้หนุ่มเผลอตัวนี้พุ่งตัวเข้าหาสุดกำลัง.....

   ฮ่องเต้อี้หลงประทับนิ่งตามคำสั่งของท่านอ๋องน้อยที่ดูเหมือนว่าเริ่มจะมีอำนาจเหนือพระหทัย หากสายพระเนตรจับจ้องที่ปลายมีดแหลมคมในมือบาง เพียงแค่เอื้อมคว้าข้อมือบางที่กำมีดไว้ไม่แน่นพอ แล้วดึงออกปล่อยให้หล่นลงพื้น “เห็นไหม พี่บอกแล้วว่าเจ้าจับมันไม่แน่นพอ เพียงแค่นี้ก็หลุดแล้ว”

   “ก็ท่านขี้โกง ลองใหม่อีกครั้งสิ รับรองว่าท่านไม่มีทางปัดมีดนี้ออกไปได้หรอก” ร่างเล็กก้มเก็บมีดประจำกายสูงค่าขึ้นมาอีกครั้ง หวังขอโอกาสแก้ตัว

   “ไม่ได้หรอก พี่ต้องไปประชุมกับเหล่าขุนนางแล้ว เจ้าก็อยู่ฝึกไปก่อน แล้วเดี๋ยวพอพี่กลับมา แล้วเราไปหาเจ้าอี้หลงที่หนึ่งด้วยกัน” พระหัตถ์หนาลูบกลุ่มผมอันอ่อนนุ่มหอมกรุ่นด้วยน้ำมันหอมชั้นเลิศ

   “ท่านสัญญากับข้าแล้วนะ”

   “พี่สัญญา เจ้าตั้งใจฝึกซ้อมแล้วพี่จะมารับ ป่านนี้เจ้าอี้หลงที่หนึ่งคงคิดถึงท่านอ๋องแย่แล้ว”

   “ก็แน่หล่ะสิ จะมีท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ที่ไหนมาดูแลสัตว์ประหลาดต่างแดนอย่างมันด้วยความรัก เช่นข้าบ้าง” อ๋องน้อยหัวเราะเริงร่า ลืมนึกไปว่า คนดูแลคงเป็นคนเลี้ยงม้าของวัง ส่วนอ๋องผู้สูงศักดิ์เพียงแค่มาเล่นด้วยในยามเย็น และคงลืมไปอีกเช่นกันว่า ผู้ที่มาเล่นกับอี้หลงที่หนึ่งนั้น ยังมีอีกหนึ่งบุรุษผู้สูงส่ง

   “พี่ไปหล่ะ เจ้าก็ตั้งใจซ้อมให้ดีรู้ไหม” ร่างเล็กพยักหน้ารับรู้ มองตามวรองค์สูงที่เดินออกไปยังส่วนหน้า พร้อมด้วยเหล่าองค์รักษ์ ปล่อยทิ้งให้ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ อยู่เพียงลำพังกับหุ่นฟางแสนบื้อ

       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ตะวันจวนเจียนจะลับฟ้าลงไป อ๋องน้อยนั่งเล่นกับหุ่นฟางที่กลายสภาพเป็นกองฟางได้แต่นั่งบ่นกับตนเองเพียงลำพัง หลังจากเบื่อหน่ายกับการฟาดฟันและเล่นกับกองฟาง “ไหนว่าจะมาพาข้าไปเล่นกับอี้หลงที่หนึ่งไง ป่านนี้ทำไมไม่ยังไม่มาอีกนะ”

   “ท่านอ๋อง” เสียงเรียกของหัวหน้าองค์รักษ์ มาพร้อมกับข่าวที่ทำให้ท่านอ๋องน้อยรู้สึกผิดหวัง “ฝ่าบาทให้มาแจ้งแก่ท่านว่า วันนี้ไม่สามารถพาท่านไปหาเจ้าอูฐได้ และไม่สามารถร่วมเสวยอาหารกับท่านได้ ให้ท่านจัดการก่อนได้เลย”

   “แล้วยังไง ข้าก็ต้องกินข้าวคนเดียวไปเล่นกับอูฐโง่คนเดียวใช่ไหม” อ๋องน้อยจอมเอาแต่ใจกลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง หน้าหวานบูดบึ้ง ฝากค้อนไปกับสายลม “แล้วทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ข้าจะได้ไม่ต้องรอให้เสียเวลา”

   ร่างเล็กเดินไปตามทางที่คุ้นชิน ทุกวันจะต้องมีอีกหนึ่งคอยเดินไปด้วยกัน คอยส่งรอยยิ้มเอ็นดูมาให้ คอยมองด้วยความเป็นห่วง แต่วันนี้ทางเส้นนี้กลับดูเงียบเหงาจนน่ากลัว “ฮ่องเต้อะไรพูดแล้วไม่รักษาคำพูด แล้วต่อไปจะเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้อย่างไร”

   เหล่าคนเลี้ยงม้าในวังหลวงต่างหันมาส่งยิ้มให้แก่อ๋องน้อยแสนร่าเริงในความคิดของพวกเขา เมื่อทุกครั้งที่ได้เห็นใบหน้าหวานมักประดับด้วยรอยยิ้ม “วันนี้องค์ฮ่องเต้ไม่....”

   “ไม่หรอก วันนี้พระองค์คงจะงานยุ่ง แล้ววันนี้เจ้าอูฐโง่ๆของข้าเป็นอย่างไรบ้าง พวกเจ้าเลี้ยงมันดีหรือเปล่า” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนจงใจเน้นหนักในคำเรียกชื่อเจ้าอูฐ นึกอยากโวยวายกับคนที่ชื่อเดียวกัน หากแต่ชายผู้นั้นก็ศักดิ์สูงเกินกว่าจะไปพูดอะไรแบบนี้ได้

   “ดีขอรับ ข้าอาบน้ำให้มัน ดูเหมือนว่ามันจะชอบ”

   “อือ ดีแล้ว พวกเจ้าไปทำอะไรก็ไปเหอะ ข้าจะเล่นกับอูฐของข้า ไม่อยากให้ใครรบกวน” ท่านอ๋องสุดแสนจะเอาแต่ใจ ใช่ว่าจะไม่อยากให้มีคนคอยรับใช้ หากแต่เพราะชื่อที่ตั้งให้เจ้าอูฐนั้น ไม่สามารถให้ใครได้ยินได้

   “อี้หลงที่หนึ่ง” ร่างเล็กร้องเรียกอูฐแสนรู้ ที่กำลังเพลิดเพลินกับการกินผักที่คนเลี้ยงนำมาให้ หากแต่มันก็ยังเมินเฉยกับเจ้านายคนนี้ “อี้หลงที่หนึ่งงงงงงงงง”

   “ไอ้อี้หลงวอนที่หนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ไอ้อูฐโง่” เสียงแหลมสูง ทำให้อูฐที่กำลังเคี้ยวเอื้องอยู่ สะดุ้งตกใจ หันมามองเจ้านายตัวเล็ก ก่อนเมินไปอีกทางอย่างไม่ค่อยพอใจ

   “อูฐบ้า เมินข้าหรือไง บ้า บ้าทั้งคนทั้งอูฐเลย” เท้าเล็กๆเตะข้างลำตัวสีทรายของอูฐอย่างไม่แรงนัก
เป็นการระบายอารมณ์ที่เก็บกดมาจากเมื่อสักครู่

   “พรืดดดดดดดดดด” อูฐตัวใหญ่พ่นลมเจือปนน้ำลายใส่หน้าหวานก่อนเมินหนี ไปหาน้ำกินในรางสะอาด ในใจคงอยากร้องว่าไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของใคร 

   “อี้! ไอ้อี้หลงที่หนึ่ง ข้าตั้งใจว่าวันนี้จะพาเจ้าไปเดินเล่น ไม่ต้องแล้ว อยู่มันในคอกไม่ต้องไปไหนนี้แหล่ะ ไอ้อูฐไม่รักดี ไอ้อูฐโง่ ไอ้อี้หลงที่หนึ่งบ้า ท่านก็ด้วย ท่านก็งี่เง่า” ประโยคสุดท้ายอ๋องน้อยบ่นกับฮ่องเต้หนุ่มที่โผล่ขึ้นมาในห้วงความคิด

   เจ้าอูฐเพียงหนึ่งเดียวของรัฐดูเหมือนว่าจะรับรู้อารมณ์ของผู้เป็นนายได้มันรีบใช้หน้าใหญ่ๆ ฟันยื่นๆ มาวางลงบนไหล่เล็กและบาง คล้ายว่าจะเป็นการประจบผู้เป็นนาย

   “ไม่ต้องเลย อี้หลงที่หนึ่งเจ้าทำกับข้าแบบนี้แล้วคิดว่าข้าจะหายโกรธหรือไร เห็นข้าเป็นอะไร ที่คิดจะทิ้งก็ทิ้ง แล้วค่อยกลับมาดีด้วยแบบนี้ ไม่ต้องเลย พอกันเลยทั้งคนทั้งอูฐ” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนระบายความน้อยใจที่ถูกเมินเฉยจากทั้งคนและอูฐในวันเดียวกัน มองหน้าเจ้าอูฐแล้วเหมือนว่าดวงตาจะร้อนผ่าวจนต้องรีบก้มหน้า

   “ใช่สิ ข้ามันไม่ดี เกเรก็เท่านั้น ไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง ก็เลยเบื่อข้าแล้วใช่ไหม แล้วพอไม่มีอะไรทำก็ค่อยกลับมาใส่ใจข้าอีกครั้ง เห็นข้าเป็นแค่นี้ใช่ไหม” น้ำตาเม็ดเล็กๆหลั่งลงมาต่อหน้าอูฐตัวน้อยด้วยความน้อยใจ นึกเสียใจที่ไม่มีใครคิดจะรักอ๋องน้อยคนนี้จริงๆสักครั้ง “เจ้ามันก็เหมือนคนอื่นๆ ข้าไม่สนใจเจ้าก็ได้” 

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ร่างเล็กเดินกลับมาตำหนักส่วนพระองค์ของฮ่องเต้เพียงลำพัง ยังคาดหวังว่าจะได้พบกับเจ้าของตำหนักแห่งนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ความหวังที่ฝากไว้กับสายลมที่พัดผ่านเข้ามา
 
   “โธ่! ขันทีเหี่ยวนี้อีกแล้วหรือ” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนได้แต่งึมงำกับตนเองแผ่วเบา เมื่อเห็นขันทีแก่ที่คอยยืนรับใช้อยู่ข้างโต๊ะอาหารที่เตรียมคอยไว้สำหรับหนึ่งคนเท่านั้น “ข้าต้องกินมื้อคนเดียวจริงๆงั้นสิ?”
 
   “ท่านอ๋องจะให้ข้าน้อยจัดสำรับเลย....”
 
   “ยังหรอก ข้าจะลองรอท่านเจ้าของตำหนักก่อน เผื่อว่าบางทีฮ่องเต้จะเสด็จกลับมาเร็วกว่าที่คาดไว้” อ๋องเที้ยนหยวนเบือนหน้าหนีขันทีเหี่ยวๆแก่ๆ ที่แตกต่างจากขันทีน้อยๆแสนน่ารักอย่างเฉียนกุ้ย หันหน้าออกไปมองต้นไม้นอกหน้าต่างที่กำลังพลิ้วไหวตามแรงลม
 
   “แต่องค์ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งว่าท่านอ๋องไม่ต้องรอพระองค์” ขันทีที่ทำงานมานานอย่างอู่กงกงเอ่ยเตือนอ๋องน้อยว่าไม่จำเป็นเลยที่จะหิ้วท้องรอฮ่องเต้หนุ่ม
 
   “ก็ข้าจะรอ เจ้าแก่แล้วก็อย่าทำตัวขี้บ่นเลย ถ้าอดใจบ่นไม่ได้ ก็ออกไปก่อน แล้วข้าหิวเมื่อไหร่แล้วจะกินเอง” ร่างเล็กนิสัยขี้รำคาญ พูดเบาๆราวกับว่ากำลังเหนื่อยล้าทั้งที่ก็แค่นั่งอยู่เฉยๆ
 
   “แต่ฝ่าบาทสั่งไว้ว่า.....”
 
   “โอ้ยพอแล้ว เอะอะก็ฝ่าบาทสั่ง ฮ่องเต้มีรับสั่ง ข้ากินก็ได้ เจ้ายืนเงียบๆห้ามพูดห้ามบ่นอีกเข้าใจไหม เฮ้อ ถ้าเป็นเฉียนกุ้ยข้าจะไม่บ่นสักคำ” สุดท้ายอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงก็ยอมแพ้ นั่งลงกินข้าวที่ห้องเครื่องจัดเตรียมเอาไว้ให้
 
   พระอาทิตย์ลาลับไปนานมากแล้ว ทั่วท้องฟ้ามืดครึ้ม แสงดาวส่องประกายวิบวับคล้ายหยอกล้อคนนั่งเหงาที่จ้องมองฟ้ามืด และยิ้มเก้อทุกครั้งที่ได้ยินเสียงคนเดินมา “เฮ้อ วันนี้มันมีอะไรเยอะขนาดที่ท่านยังกลับมาไม่ได้อีกหรือไรกัน”
 
   “ท่านอ๋อง ข้าน้อยว่าไปอาบน้ำได้แล้ว มืดมากแล้ว เดี๋ยวท่านจะมีไข้ได้นะ” ยังคงเป็นขันทีสูงวัยคนเดิมที่คอนตามห่วง ตามดูแล เกรงว่าหากท่านอ๋องไม่สบาย คนทั้งตำหนักจะเดือดร้อน “หากท่านไม่อยากอาบเอง ข้าน้อยจะอาบให้ก็ได้”
 
   “เปลี่ยนจากเจ้าเป็นเฉียนกุ้ยแทนไม่ได้หรือ ให้เฉียนกุ้ยมาอาบให้แล้วข้าจะยอมตามทุกอย่างเลย นะ ท่านอู่กงกง เรียกเฉียนกุ้ยมาให้ข้าทีย” อ๋องน้อยยิ้มหวามประเลาะท่านขันทีผู้สูงวัย หวังจะได้ขันทีน้อยแสนน่ารักมาอาบน้ำให้หนึ่งวัน
 
   “เสียใจด้วย ตอนนี้เฉียนกุ้ยต้องไปรับใช้ที่จวนท่านหัวหน้าองค์รักษ์ ไม่ได้ทำงานที่นี้แล้ว”

   “เจ้าว่าอะไรนะ เฉียนกุ้ยไปไหน” เสียงอ่อนเสียงหวานกลายเป็นขุ่นจัดขึ้นทันที เมื่อได้รับรู้ว่าขันทีน้อยผู้น่ารักไปรับใช้ที่อื่น

   “เออ..ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้เฉียนกุ้ยไปดูแลรับใช้ท่านฮวางหูที่จวน ไม่ต้องมารับใช้ที่ตำหนักส่วนพระองค์อีก” ขันทีสูงวัยกล่าวรายงานที่ได้รับมาจากกรมวังให้อ๋องน้อยผู้ไม่รู้เรื่องได้ฟัง

   “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมเฉียนกุ้ยไม่มาบอกข้าก่อน ถึงว่าข้าไม่เห็นอีกเลย”

   “ได้เกือบสามวันแล้ว” 
 
   “ใจร้ายเกินไปแล้วท่านฮ่องเต้ ข้าไปอาบน้ำแล้วก็ได้ เจ้าให้คนเตรียมไว้แล้วใช่ไหม” หลังจากประโยคงึมงำ ท่นอ๋องน้อยจึงลุกขึ้นจากตั่งริมหน้าต่าง หายเข้าไปหลังฉากที่กั้นไว้
 
   คืนนี้ ต้นห้องคนพิเศษของฮ่องเต้ ต้องมานั่งอาบน้ำให้ตัวเองเพียงลำพังอย่างเศร้าสร้อย นึกถึงฮ่องเต้หนุ่มที่มักอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เมื่อหายไปก็เหมือนว่าขาดบางสิ่งที่สำคัญ ที่ข้างกายดูว่างเปล่าและเงียบเหงาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
 
   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ยามดึกสงัดมีเพียงแสงจากดวงดาวที่ส่องลงมาให้มองเห็นรำไร ทั่วทั้งตำหนักส่วนพระองค์มืดมิดไร้แสงจากโคมไฟและตะเกียงเทียน ร่างสูงใหญ่เดินย่องเข้ามาในตำหนักอย่างเงียบ

   ฮ่องเต้หนุ่มที่พึ่งเสด็จกลับเข้ามาในตำหนักส่วนพระองค์ อาศัยแสงดาวที่ลอดส่องเข้ามา ทอดพระเนตรมองน้องน้อยที่หลับสนิท หากแต่ความมืดมิก็ไม่อาจปิดบังหยาดน้ำตาที่หัวตากลมโตได้

   “เที้ยนหยวน เจ้าร้องไห้ทำไมกันนะ มีเรื่องอะไรทำให้น้องของพี่ต้องเสียใจ หรือเจ้าคิดถึงท่านอา อีกไม่เท่าไหร่เจ้าก็จะได้เจอแล้ว อย่าร้องไห้อีกเลยนะ” ถ้อยคำตรัสถามหยาดน้ำที่หัวตากับคนที่หลับไปแล้ว พระหัตถ์หนาค่อยๆไล้เช็ดอย่างแผ่วเบาไม่อยากให้น้องน้อยต้องตื่นขึ้นมากลางดึกสงัดเช่นนี้

   วรองค์สูงเดินกลับออกไปยังห้องสรงน้ำ สรงทั้งที่เป็นน้ำเย็นเฉียบ ก่อนจะเสด็จกลับมายังแท่นบรรทม คว้าร่างเล็กที่หลับสนิมเข้ามาในอ้อมกอดซึมซับความสุขที่กำลังได้รับ ก่อนจะต้องสูญเสียไป พระเนตรคมปิดสนิท หากพระพักตร์ฉายแววกังวลถึงเรื่องที่อยู่ในพระทัย

   “แค่สามเดือนก็ให้เราไม่ได้เลยหรือ”

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ต้นห้องคนพิเศษนอนนิ่งอยู่ในอ้อมพระพาหาของฮ่องเต้หนุ่ม ไม่กล้าขยับเขยื้อนได้เพียงแค่มองดูด้วยความแปลกใจ นี้ก็สายมากแล้ว ทำไมยังไม่ทรงตื่น “ช่วงนี้งานเยอะมากเลยหรือไร ท่านถึงได้เพลียขนาดนี้ แล้ววันนี้ใครจะเป็นคนสอนข้าหล่ะ เมื่อวานท่านก็ผิดสัญญากับข้าไปแล้วนะ”

   “โกรธพี่หรือ” สุรเสียงทุ้ม ตรัสถามทั้งที่ยังไม่ลืมพระเนตร สองพระกรโอบรั้งน้องน้อยให้เข้ามาแนบชิด อยากจะทรงลืมเรื่องราวต่างๆที่พัดโหมเข้ามา อยากทรงหยุดทุกอย่างไวเพียงแค่วันนี้ น้องน้อยไม่จำเป็นต้องรักพระองค์ แต่ขอมีน้องน้อยอยู่เคียงข้าง

   “อย่างข้าหรือจะโกรธท่านได้ มีใครหน้าไหนบ้าง กล้าโกรธเคืองฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ ” ปลายเสียงขึ้นสูงโดยที่ท่านอ๋องเองก็เหมือนจะไม่รู้ตัวว่ากิริยาที่ทำอยู่นั้นไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวที่เที่ยวเล่นด้วย

   “ก็เจ้านี้อย่างไร” พระหัตถ์หนาลูบเส้นผมนุ่มลื่น พระเนตรจ้องมองดวงตากลมโต คล้ายว่ากำลังตัดสินพระทัยบางเรื่อง “ เที้ยนหยวนสำหรับเจ้า พี่ไม่ขอเป็นฮ่องเต้ไม่ได้หรือ พี่อยากเป็นแค่คนธรรมดาที่เจ้าจะนึกถึงเมื่อยามต้องการใครสักคน”

   “ไม่ได้หรอก ท่านเป็นฮ่องเต้สำหรับคนทั้งแผ่นดิน ไม่มีใครหนีสิ่งที่เป็นได้หรอก และข้าเองก็ไม่อาจเอื้อมจะดึงให้ท่านลงมาเป็นแค่คนธรรมดาได้ อีกอย่างที่ข้าคงไม่มีทางลืมคือ ที่มาอยู่ตรงนี้เพราะคำสัญญาที่ท่านให้ข้าไว้ในคืนนั้น” ท่านอ๋องเองก็อดใจหายไม่ได้เมื่อถึงสิ่งที่ทำให้ต้องมาอยู่ที่นี้ในฐานะต้นห้อง อดใจหายไม่ได้ว่าเมื่อถึงเวลาก็คงต้องกล่าวคำอำลา

   “เพราะสัญญานั้นสินะ พี่เองก็ลืมไป เจ้าไปเตรียมน้ำเถอะ” ทรงปล่อยร่างน้องน้อยให้ลุกขึ้นไปตามทำหน้าที่ของตนเอง เช่นเดียวกับพระองค์ที่ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แม้ว่ามันจะฝืนพระทัยมากเพียงใด แม้ว่าจะทำให้พระองค์ไร้ซึ่งความสุขไปตลอดพระชนม์ชีพ

   ช่วงเวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิดคงไม่ผิดใช่ไหม หากพี่จะขอตักตวงความสุข   
   
   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   “เที้ยนหยวนวันนี้พี่อยู่สอนเจ้าไม่ได้นะ” ฮ่องเต้หนุ่มทรงมีรับสั่งขณะที่กำลังเสวกระยาหารเช้าร่วมกับต้นห้องคนโปรด ทำให้คนฟังได้แต่ชะงักนิ่ง

   “เมื่อวานท่านก็ไม่อยู่ วันนี้ก็จะไม่อยู่อีก แล้วอีกสองเดือนกว่าๆข้าจะชนะท่านได้หรือ” อ๋องน้อยได้แต่จ้องมองพระเนตรคม ก่อนจะโวยวายออกมาเมื่อนึกความสามารถที่มีอยู่

   “ได้สิ ไม่อย่างไรเจ้าก็จะชนะได้ วันนี้ก็ซ้อมกับฮวางหูไปก่อน แล้วพี่สัญญาว่าจะรีบกลับมาหาเจ้าดีไหม” พระองค์ทอดพระเนตรเอ็นดูร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า ที่แอบเก็บของกินบนโต๊ะหย่อนลงในห่อเล็กๆ คงหวังจะเอาไปให้เจ้าอี้หลงที่หนึ่งได้กิน

   “เมื่อวานท่านก็บอกว่าจะรีบกลับมา เอาเถอะ ไม่ว่าอย่างไรราชกิจก็คงสำคัญกว่าการมาทำอะไรไร้สาระเช่นการสอนข้า ท่านเอาหัวหน้าองค์รักษ์ไปเถอะ เขาเป็นองค์รักษ์ไม่ใช่ครูสอนวิชาข้า ข้าฝึกกับเจ้าหุ่นฟางได้” เสียงแผ่วเบาอย่างยอมจำนน ก่อนจะก้มก้มตาเก็บอาหารใส่ห่อไปฝากเจ้าอูฐแสนรัก ไม่สนใจเงยหน้าขึ้นมองผู้ใดอีกเลย

   “พี่ขอโทษ แต่พี่สัญญาว่าพี่จะรีบกลับมา แล้วตอนเย็นพี่จะพาเจ้าไปหาอี้หลงที่หนึ่ง แล้วหากเจ้าไม่ดื้อ พี่มีอี้หลงที่สองจะให้เจ้า”

   “แล้วข้าคอยอี้หลงที่สองของท่าน” รอยยิ้มหวานยามเช้าจากน้องน้อย หากแต่ในดวงตากลมกลับแฝงเค้าเงาของความโศกเศร้า....

   เจ้าเป็นอะไรไปเที้ยนหยวน....หรือยังโกรธพี่อยู่...น้องน้อยแสนร่าเริงของพี่จึงจากไปเหลือเพียงท่านอ๋องผู้มีดวงตาแสนเศร้า 

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   สวัสดีคะ กับการอัพรายวัน ^ ^  เรื่องนี้มีโปรเจคพิเศษอยู่ชื่อ “If : ถ้า: 如果 (หลู่กั๋ว)” เป็นตอนสั้นๆคล้ายๆมุมกลับของเรื่องว่า ถ้าเป็นแบบนั้น แบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น สนใจอ่านกันไหมคะ

   ขอบคุณคะ   
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่10) 7/05/11 [โกรธพี่หรือไร]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 07-05-2011 09:50:53
ู^
^
^
ทั้งจิ้ม ทั้ง + ให้กำลังใจ

สนใจค่ะ  เอามาลงเลย
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่10) 7/05/11 [โกรธพี่หรือไร]
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 07-05-2011 11:51:43
ลงเลยจ้า  อ่านหมด ><

เริ่มเซ็งฮ่องเต้ล่ะ เพ้อมากไป  -_-'
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่10) 7/05/11 [โกรธพี่หรือไร]
เริ่มหัวข้อโดย: ice-vanilla ที่ 07-05-2011 11:54:15
อ๋องน้อยเริ่มมีอาการแล้ว :laugh: ส่วนฮ่องเต้นี่ชอบคิดเองเออเองจังเลย

ปล.สำหรับโปรเจคพิเศษ สนใจอยู่นะคะ><
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่10) 7/05/11 [โกรธพี่หรือไร]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 07-05-2011 11:59:53
สนใจจ้ารออ่านนะ :o8:
น้องน้อยน่าสงสารมากโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่10) 7/05/11 [โกรธพี่หรือไร]
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 07-05-2011 12:39:15
ฮิฮิ  :monkeysad:


^^


:3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่10) 7/05/11 [โกรธพี่หรือไร]
เริ่มหัวข้อโดย: nariza6 ที่ 07-05-2011 12:45:18
ชอบเรื่องนี้จัง อ๋องน้อยน่ารัก  :laugh:

อยากให้หวานกว่านี้จัง  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่10) 7/05/11 [โกรธพี่หรือไร]
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 07-05-2011 14:47:44
จริงๆแล้วก็แอบขำฮ่องเต้นะ ไม่น่าหวั่นไหวเร็วขนาดนั้นเรยอ่ะ แบบว่าหลงรักง่ายเกินไป
แต่อย่างว่าหล่ะ อ๋องน้อยน่ารักนินา ออกจะเด็กด้วยซ้ำ ฮ่องเต้เลยหลวมตัวเลย  :-[
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่10) 7/05/11 [โกรธพี่หรือไร]
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 07-05-2011 15:03:48
มีความรู้สึกอยากตบกะโหลกฮ่องเต้  :z6:

อ๋องน้อยขี้เหงานี้หวา ฮ่าๆๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอ
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 07-05-2011 18:24:05
ทิ้งท่านอ๋องได้ไงอ่ะ น่าสงสารไม่มีใครสนใจ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (IF:ถ้า:如果ลำดับที่1) 7/05/11 [ถ้า...คืนชมจันทร์]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 08-05-2011 00:17:27
ถ้า.....คืนชมจันทร์แล้วฮ่องเต้เคลิ้ม (อ้างอิงจากตอนที่สี่)     
   
สองชายหนุ่มนั่งร่ำสุราชมพระจันทร์ดวงกลมโต จนใบหน้าหวานแดงเรื่อ พูดจาไม่รู้เรื่อง มือไม้ไม่อยู่กับที่   หากแต่ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์กลับยังคงนั่งยิ้มสบายพระทัยไม่ได้เคลิ้มไปกับดีกรีแสนแรงของเหล้าจากกุ้ยโจว ปล่อยให้อ๋องน้อยพล่ามไปเรื่อยเปื่อย

   อ๋องน้อยเดินโซเซจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆผู้สูงศักดิ์    มือบางๆลูบไล้ตามโครงหน้าเรียวยาว เริ่มสัมผัสไรหนวดแข็งๆแต่ก็ไม่สนใจ เอื้อมดันท้ายทอยกว้างให้รับสัมผัสเร่าร้อนจากริมฝีปากร้อนอวลด้วยกลิ่นสุราชั้นดี

   ฮ่องเต้หนุ่มแม้จะเคยได้สัมผัสหญิงสาวที่รับเข้ามาคนอื่นๆ แต่สัมผัสของนางเหล่านั้นกลับสู่สัมผัสร้อนของคนๆนี้ไม่ได้เลย ค่อยๆรับรู้ความหวานของริมฝีปากจนต้องคว้าเอวบางเข้าแนบชิด ก่อนจะตกตะลึงเมื่อรู้ถึงมือเล็กๆเริ่มไม่อยู่สุข แต่เพราะความรู้สึกดีที่ไม่เคยได้รับทำให้พระองค์หลงใหลและมัวเมาไปกับสัมผัสที่กำลังปรนเปรออยู่ในเวลานี้

   และสุดท้ายมันก็จบลงที่อ๋องน้อยได้ฮ่องเต้หนุ่มมาครอบครอง........

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

“อ้าว ถึงกับหมดแรงไปเลยหรือเนี่ย ท่านช่างบอบบางเสียจริง ฮ่องเต้ของข้า ข้าจะพาท่านกลับตำหนักเองนะ อย่ากังวลไปเลย” ร่างเล็กๆที่บัดนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ครอบครองฮ่องเต้ได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียวให้ลมฟ้าและดาวเดือน แขนเรียว ยกร่างหนาหนักขึ้นตั้งใจจะอุ้มกลับห้อง อย่างที่เคยทำให้สาวงามมานับไม่ถ้วน หากแต่ เพราะรูปร่างที่แตกต่าง แค่จะยก ร่างสูงใหญ่ของฮ่องเต้กลับไม่เขยื้อนสักนิด

   “เฮ้อ ตัวใหญ่เสียจริง คืนนี้ท่านนอนนี้ไปก่อนหล่ะกัน อยากตัวใหญ่กว่าสามีตัวเองทำไม แล้ววันพรุ่งนี้อ๋องน้อยจะมารับขวัญนะ ฮ่องเต้ที่รัก” อ๋องน้อยเจ้าสำราญยอมปลดเสื้อคลุมเนื้อหนาให้คนที่ต้องนอนตากน้ำค้างในคืนนี้ ก่อนที่ตัวเองจะเดินกลับตำหนักอย่างสบายใจ แม้จะติดโซเซนิดๆเพราะความเมาก็ตาม

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

“อื้ออออ” เสียงครางในลำคอของคนจำต้องตื่นนอน เมื่อเสียงของนกที่ขับกล่อมยามเช้ามันช่างดังลั่นเหมือนว่ามาร้องอยู่ข้างๆหู วรองค์สูงสง่าตื่นบรรทมด้วยความไม่สบายตัว เหลียวมองไปรอบๆอย่างตั้งสติ

นี้มัน....ในสวน........เมื่อคืน!

   ฮ่องเต้หนุ่มนั่งนิ่งนึกย้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะความเมาและอารมณ์ที่เคลิบเคลิ้ม ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็รู้ว่า....เมื่อคืนคงเสียทีให้แก่อ๋องน้อยเจ้าสำราญจอมเจ้าชู้เป็นแน่

   แต่มันจะมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีครั้งสอง....และจะต้องทวงตำแหน่งกลับคืนมา

   พระองค์ค่อยๆลุก ค่อยๆดำเนิน หากแต่ไม่ละทิ้งความสง่าในสายเลือด ทั้งที่ภายในเจ็บแทบปวดร้าว นึกสงสารเหล่าสตรีทั่งแผ่นดินที่ต้องทนเผชิญกับเจ็บปวดทรมานหากก็ไม่เคยปริปากบอกชายผู้เป็นสามี บัดนี้ทรงเข้าใจแล้วว่า เหตุใด จึงมีสารพัดยาบำรุงสตรีทั้งหลาย ก็สมควรอยู่หรอก ในเมื่อสตรีล้วนเป็นผู้เสียสละถึงเพียงนี้

   ในที่สุดฮ่องเต้หนุ่มอี้หลง ผู้เสียท่าให้แก่อ๋องเที้ยนหยวนก็ดำเนินกลับมาถึงตำหนักส่วนพระองค์ที่มีองค์รักษ์คนสนิทรอคอยอยู่ด้านหน้า “อ้าว ฮวางหูมารอเราหรอกหรือ”

   “กระหม่อม ท่านราชครูให้กระหม่อมมาดูฝ่าบาทว่าเป็นอะไรหรือเปล่า สายมากแล้วยังไม่ตื่น
บรรทม แต่เกล้าหม่อมไม่ทราบว่าพระองค์ไม่ได้บรรทมที่ตำหนัก จึงมารออยู่ที่นี้” องค์รักษ์แจงเหตุผลที่มายืนคอยอยู่หน้าตำหนักส่วนพระองค์

   “ไปบอกท่านราชครูนะว่าเราไม่เป็นอะไร แล้วก็วันนี้เราจะไม่ไปไหน ใครมีเรื่องด่วนก็ให้เอารายงานไปให้เราที่ห้อง อ้อ! แล้วก็เดี๋ยวไปเรียกท่านอ๋องมาหาเราด้วยนะ” ทรงสั่งองค์รักษ์คนสนิทในคราวเดียวก่อนจะเดินเข้าห้องบรรทมด้วยพระพักตร์อ่อนล้าทั้งที่เป็นเวลาเช้า

   เช้านี้ของฮ่องเต้หนุ่มช่างโหดร้ายเสียจนทรงอยากให้เป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น แต่ความจริงก็คือความจริง ที่ต้องผ่านมันไปให้ได้ แล้ววันพรุ่งนี้ที่สดใสจะรออยู่

   ผ่านไปเพียงไม่นานประตูที่เปิดกว้าง ปรากฏร่างเล็กที่ทำให้พระองค์ต้องมาทนทุกข์อยู่แบบนี้ ใบหน้าหวานช่างดูแจ่มใส แตกต่างจากพระองค์ยิ่งนัก

   “อ่า  ท่าน ตื่นแล้วหรือ เจ็บมากใช่ไหม ข้าจะดูแลท่านเองนะ จะรับผิดชอบให้ดีที่สุดเลย” ร่างเล็กไม่ได้ดูตัวเองเลยสักนิด ความแตกต่างของร่างกายมีมากแค่ไหน ไม่ได้นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่แค่จะพาฮ่องกลับมานอนที่ห้องก็ทำไม่ได้

   “จะดูแลเราจริงหรือ” ฮ่องเต้หนุ่มถามย้ำเพื่อความมั่นใจ ทรงกำลังวางแผนบางอย่างที่จะทวงคืนสิ่งที่เสียไป แม้มันจะเรียกกลับมาไม่ได้ แต่อย่างน้อย...มันก็ทดแทนได้

   “จริงๆสิ ขอแค่ท่านทำหน้าที่ของสนมท่านอ๋องเที้ยนหยวนคนนี้อย่างเต็มใจ ข้าก็จะดูแลท่านเป็นอย่างดี จะตั้งใจช่วยแบ่งเบาภาระงานเมืองที่หนักหนา จะดูแลยามท่านป่วยไข้ จะทำให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงองค์น้อยๆที่แสนบอบบาง และต้องการการเอ็นดูที่แสนอบอุ่นจากข้า” คนพูดได้แต่เพ้อฝันอยู่ในอากาศ ไม่มองพักตร์ผู้ฟังบางเลยว่ารู้สึกแย่เพียงใด

   ฮ่องเต้หนุ่มทำพักตร์สยดสยองกับคำว่าเจ้าหญิงองค์น้อย นึกอยากถามนพูดว่าลืมส่องกระจกออกมาหรือเช่นไร หรือว่าที่ตำหนักรับรองไม่มีกระจก หรือแก้วตาของอ๋องผู้นี้เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร ถึงได้กล้าพูดคำนี้ออกมา ไม่ได้มองดูตัวเองเลยใช่ไหม? แต่ในเมื่อพูดมันออกมาแล้ว ก็ควรต้องรับผิดชอบของตนเองบ้าง “งั้นเจ้าอุ้มเราไปอาบน้ำหน่อยสิ เราว่าเจ้าก็คงเคยอุ้มสาวงามหรือเด็กหนุ่มหน้าหวานไปอาบน้ำเช่นกัน หลังเสร็จเรื่องพวกนี้”

   “ก็เคยแต่....แต่ข้าทำไม่ได้หรอก” ทำได้ข้าคงอุ้มท่านกลับมานอนที่ห้องแล้ว “ให้ข้าช่วยประคองไปจะเหมาะสมกว่าหรือไม่ ให้ข้าอุ้มฮ่องเต้ ใครที่ไหนเห็นเขาจะเอาไปว่าลับหลังเอาได้นะ” ในที่สุดข้ออ้างแสนสวยหรูก็ออกมาจากคนที่บอกว่าจะให้การเอ็นดูที่แสนอบอุ่น

   “งั้นหรอกหรือ ก็จริงของเจ้า งั้นเราไปเองแล้วกัน” แม้จะทรงทำเป็นคล้อยตามหากในพระทัยกลับนึกหัวเราะขำอ๋องน้อยผู้นี้ “ถ้างั้นคืนนี้เจ้าตามใจเราหน่อยได้ไหม” สุรเสียงดัดหวาน คล้ายจะออดอ้อน ทำให้คนได้ยินถึงกับขนลุก

   “ท่านจะทำอะไรหรือ” อ๋องน้อยนึกถามอย่างไม่วางใจ 

   “เราอยากชมจันทร์อีก เราชมจันทร์กับเจ้าแล้วช่างมีความสุขเหลือเกิน” ใบหน้าคมสันจ้องมองอย่างวิงวอน ทั้งพระชนม์ชีพมีเพียงไม่กี่คนที่พระองค์จะขอร้องเช่นนี้

   “ท่านขอขนาดนี้มีหรือที่ข้าจะปฏิเสธ คืนนี้ข้าจะเป็นคนเตรียมการทุกอย่างเองข้าจะทำให้ท่านมีความสุขเสียยิ่งกว่าคืนก่อนอีก” อ๋องน้อยรู้สึกเหมือนผีเสื้อยามเห็นดอกไม้บานแรกแย้ม ความปิติบังเกิดขึ้นภายในใจ

   “เราก็เชื่อเช่นนั้นว่าเราจะมีความสุขยิ่งกว่าคืนก่อน เจ้าออกไปได้แล้ว เราจะอาบน้ำ แล้วพักผ่อนอีกสักหน่อย เจ้าเองก็เช่นกันนะควรไปพักผ่อนเอาแรงให้ดี เพราะคืนนี้คงยาวนานกว่าคืนก่อน” คำพูดที่แฝงเป็นนับชัดเจนหากแต่ความดีใจ กำลังบดบังให้อ๋องน้อยนึกระแวงและสงสัย

   คืนนี้....จะยาวนานและมีความสุขยิ่งกว่าคืนก่อนเก่า......

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

ยามเย็นพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า เหลือเพียงดวงจันทร์เหลืองนวลสวยเด่นข่มแสงวิบวับจากดวงดาราท่ามกลางผืนฟ้าสำดำทะมึน อ๋องน้อยให้คนมาทูลเชิญฮ่องเต้ที่พักผ่อนเอาแรงมาทั้งวัน

   ในสวนสวยถูกประดับด้วยดวงโคมเล็กๆผูกห้อยจากกิ่งหลิวที่โอนอ่อนเอนตามลม กลิ่นหอมจากดอกไม้กลางคืนโบยพัดไปทั่ว เสียงหรีดเรไรร้องระงงขับกล่อมแทนเสียงพิณจากหัวหน้าวังหลวง 

โต๊ะหินพรั่งพร้อมไปด้วยสารพัดอาหารเครื่องเคียงของมึนเมาที่ได้เหล้าชั้นดีดองโสมสมุนไพรเพื่อบำรุงที่อ๋องน้องเป็นคนตระเตรียมเองกับมือ

   สองชายหนุ่มยศสูงนั่งร่ำสุราอย่างครื้นเครงใบหน้าหวานแดงเรื่อ ในขณะที่ชายหนุ่มอีกหนึ่งกำลังยิ้มมองอย่างพอพระทัย แล้วยิ่งร่างบางเริ่มโอนเอน ฮ่องเต้หนุ่มก็ยิ่งสมหวัง

พระหัตถ์หนาคว้าร่างบางที่แทบทรงกายไม่อยู่เข้ามาแนบชิดบรรจงมอบความอ่อนโยนผ่านริมฝีปากคละคลุ้งกลิ่นสุราจนร่างเล็กยินยอมปล่อยใจ สองแขนเรียวโอบรั้งพระศอหนาให้แนบชิดเสียยิ่งกว่าเก่า แสงเรืองนวลของพระจันทร์ถูกละเลย อาหารรสเยี่ยม หรือจะสู้รสหวานจากริมฝีปากที่ได้เชยชิม

   ต่อจากนี้...การแก้แค้นแสนหวานและรุนแรงจึงเริ่มต้นขึ้น ไร้ซึ่งท่าทีว่าจะจบลง...จนกว่าใครสักคนซึ่งแน่นอนว่าเป็นอ๋องน้อยจะหมดแรงและสิ้นท่าลงไป   
 

   “ทำใครต่อใครมามาก พอถึงตอนนี้กลับสลบเสียแล้วหรือเที้ยนหยวน” เสียงทุ้มหัวเราะแผ่วเบา ก่อนจะจัดการให้เสื้อกลับขึ้นมาคลุมร่างบางดังเดิม นับแต่พรุ่งนี้คงได้เปลี่ยนจากตำแหน่งต้นห้องกลายเป็นคนในห้อง
   
   และสุดท้ายฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ก็ทำในส่วนที่พระองค์ไม่ได้รับการปฏิบัติจากอ๋องน้อยในคืนก่อน นั้นคือโอบอุ้บร่างไร้สติขึ้นแนบพระอุระกว้าง พากลับห้องบรรทมที่อบอุ่นกว่ากลางสวนเช่นนี้

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

อ๋องน้อยคนสวยลืมตาขึ้นรับภาพเช้าวันใหม่ที่ไม่แจ่มชัด ร่างกายที่บอบช้ำไม่อาจแกล้งลืมสิ่งที่ผ่านพ้นไปในคืนก่อน ความรู้สึกที่แสนแตกต่างกัน ตอกย้ำสถานะที่เปลี่ยนไปแค่ชั่วคืน อยากลุกเดินแล้วหลบหน้าผู้คน แต่ร่างกายที่บอบช้ำก็คร่ำครวญว่าไม่อาจทำแบบนั้นได้

   “ตื่นแล้วหรือ เที้ยนหยวน เป็นอย่างไร เจ็บตรงไหนไหม” เจ้าของห้องดำเนินเข้ามาใกล้ที่นอน ก้มพระพักตร์มองร่างเล็กที่นอนนิ่ง จะลุกแต่ละทีแสนลำบาก

   “เจ็บสิ ถามได้ ท่านก็เคยเป็น แล้วมาถามข้าทำไมเล่า คืนนี้ท่านต้องยอมให้ข้าด้วย เรื่องอะไรกัน ตัวเองเป็นสนมของข้าแล้วมาทำแบบนี้ได้ไงกัน ข้าไม่ยอมหรอกนะ” หน้าหวานเชิดรั้งขึ้น บอกให้รู้ถึงความเอาแต่ใจ

   ฮ่องเต้หนุ่มอยากจะหัวเราะลั่นกับท่าทีเหมือนเด็ก แต่ก็ต้องอดพระทัยไว้ “นั้นมันอดีต แต่ตอนนี้เจ้าต่างหากที่เป็นสนมของพี่ ต่อไปเมื่อเจ้ากำเนิดโอรสให้พี่ เจ้าก็ขึ้นเป็นฮองเฮา ใหญ่กว่าอ๋องตั้งเยอะ ไม่ดีใจหรอกหรือ เป็นสนมพี่โอกาสก้าวหน้าสูงนะ”

   “จะบ้าหรือไงเล่า ข้าไปให้กำเนิดโอรสให้ท่านได้ไงกัน ไม่รู้แหล่ะ คืนนี้ท่านต้องเป็นของข้า ต้อง ไม่งั้นข้าไม่ยอมจริงๆด้วย” คงเพราะลืมไปว่าร่างกายกำลังระบม ร่างเล็กดิ้นไปมาบนที่นอนแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อความปวดร้าวมันเสียดแทงขึ้นมา “โอ้ย!”

   “เป็นไรเล่า อยากดื้อนัก พี่ก็เป็นของเจ้าอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก แล้วก็หยุดดิ้นรนให้ตัวเองเจ็บหนักได้แล้ว ถ้าเกิดน้องของพี่เป็นอะไรไป ใครจะมาดูแลพี่คืนนี้เล่าจริงไหม องค์หญิงๆน้อยที่แสนบอบบางของพี่” นิ้วพระหัตถ์ไล้ไปบนใบหน้าหวาน ทวนคำที่ได้ยินมาจากอ๋องน้อยอย่างนึกสนุก

   “ไม่เอา  ไม่ใช่แบบนี้สิ  ท่านต้องเป็นสนมข้าสิ ไม่เอาแบบนี้นะ” แม้ไม่อาจเขยื้อนกายได้ ริมฝีปากเล็กใช่ว่าจะหยุดทำงานยังส่งเสียงประทวงอยู่แบบนั้น

   “ถ้าเจ้าดื้อรั้น พี่จะทำเจ้าตอนนี้เลยนะ ไม่ให้พักไปจนถึงวันพรุ่งนี้เลย โตแล้วเที้ยนหยวนหัดยอมรับความจริงบ้างเถิด ดูตัวเองสิ แล้วมองตัวพี่ก็เห็นอยู่ คืนแรกนั้นพี่แค่เผลอไป แต่มันจะไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว เจ้ายอมรับมันสะ เลิกฝันหวาน แล้วยอมรับตำแหน่งสนมเอกจากเรา เป็นน้องน้อยที่แสนน่ารัก รอวันขึ้นเป็นฮองเฮา ลืมเรื่องของเจ้ากับหญิงงามเหล่านั้นให้หมด เข้าใจไหม” พระสุรเสียงดุทำให้คนที่นอนอยู่กับที่นอนได้แต่นิ่งฟัง จ้องมองตาแป๋ว ไม่กล้าหืออะไรอีก

   “เขาใจแล้ว ต่อไปนี้น้องจะทำตนเป็นสนมที่ดี จะเรียบร้อยไม่ยุ่งเกี่ยวกับหญิงใดอีก ขอแค่อย่างเดียวเท่านั้น” ร่างเล็กชูนิ้วเรียวขึ้นมา บอกให้รู้ว่าอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ

   “น้องของพี่ขออะไร พี่ก็ให้ทั้งนั้นแหล่ะ” พระพักตร์คมระบายด้วยรอยยิ้มกว้าง

   “ถ้างั้น ท่านห้ามไปมีคนอื่นนอกจากน้องคนนี้ แล้วห้ามรุนแรงกับแบบเมื่อคืนด้วย ได้ไหมท่านพี่” ท้ายเสียงลงเสียงหวานที่สุดในชีวิต ปลงตกในชีวิตที่คงไม่อาจกลับสู่ตำแหน่งเดิมได้อีกแล้ว

   “ได้สิ พี่จะไม่มีใครอีกนอกจากน้องตัวยุ่งแล้วก็จะไม่รุนแรงกับเจ้า ถ้าพี่อดทนได้” พระเนตรระยิบระยับมองคนเจ็บอย่างเจ้าเล่ห์

   “ทำไมต้องมี ถ้า ด้วยเล่า ไม่มีไม่ได้หรือ”

   “ไม่ได้หรอก พี่ก็ต้องเผื่อไว้ก่อนสิ เกิดพี่ห้ามใจไม่ได้แล้วทำอย่างไรกัน ใช่ไหม ยังง่วงอยู่หรือเปล่าเที้ยนหยวน”

   “ง่วง”

   “งั้นก็หลับนะ พี่จะกล่อมเจ้าเอง น้องน้อยของพี่” สองร่างล้มตัวลงนอนเคียงกัน พากันเข้าสู่นิทราแสนสุข ไม่มีผู้ใดมารบกวน

   ตลอดรัชสมัยฮ่องเต้อี้หลงผู้ทรงรักษาสัญญาที่ให้ก็ไม่มีผู้ใดอื่นเลย มีเพียงรักเดียว....น้องน้อยเที้ยนหยวนที่แสนเพียบพร้อมและอ่อนหวานน่ารัก หากแต่สัญญาอีกข้อ กลับไม่เคยทำได้เลย......   
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   สวัสดีคะ เอาฝากขำๆ อย่าคิดมากนะคะ เห็นหลายคนไม่พอใจฮ่องเต้ เจอแบบนี้ เริ่มสงสารกันขึ้นบ้างไหมคะ 
   วันพรุ่งนี้เจอกับตอนที่11นะคะ
   ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (IF:ถ้า:如果ลำดับที่1) 7/05/11 [ถ้า...คืนชมจันทร์]
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 08-05-2011 00:35:56
ก๊าก................ ดีล่ะ ไม่งั้นเรื่องจบง่าย 

ไม่ได้กินมาม่าเลย  กลายเป็นคอมเมดี้ไป   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (IF:ถ้า:如果ลำดับที่1) 7/05/11 [ถ้า...คืนชมจันทร์]
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 08-05-2011 01:16:13
555+ :laugh:


ฮ่องเต้นี้ทำตามที่สัญญาได้แค่ข้อเดียวเองทำไมไม่ทำอีกข้อให้ได้ด้วยหล่ะ...? :z1:


^^


 :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (IF:ถ้า:如果ลำดับที่1) 7/05/11 [ถ้า...คืนชมจันทร์]
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 08-05-2011 02:00:22
อ่านแล้วแอบงงเล็กๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกะฮ่องเต้
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (IF:ถ้า:如果ลำดับที่1) 7/05/11 [ถ้า...คืนชมจันทร์]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 08-05-2011 02:43:16
555ถ้าเป็นแบบนี้เรื่องก็มีสีสันและฮาอย่างยิ่ง
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (IF:ถ้า:如果ลำดับที่1) 7/05/11 [ถ้า...คืนชมจันทร์]
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 08-05-2011 13:29:55
ชอบแบบถ้ามากกว่านะค่ะ

คือ เราไม่ค่อยอยากจะดราม่าอ่ะ เจออัพทีไรไม่ค่อยกล้าเข้า กลัวอ่านแล้วปวดใจ

T^T รอตอนต่อไปค่ะ +1 เอากำลังใจน่อ!
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (IF:ถ้า:如果ลำดับที่1) 7/05/11 [ถ้า...คืนชมจันทร์]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 08-05-2011 21:00:34
ให้ความรู้สึกไปอีกแบบ
ฮาดีเที้ยนหยวน น่ารักดี :m20:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่11) 9/05/11 [คำรัก]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 09-05-2011 01:46:22
ประลองรัก...十一

   ใกล้ได้เวลาพระอาทิตย์ลาลับไปจากขอบฟ้าเสียทุกทีแล้ว แม้แต่พระจันทร์ยังแอบขึ้นมารอท่าอยู่ที่เชิงขอบฟ้าอีกทิศ อ๋องน้อยผู้เคยเอาแต่ใจนั่งหน้านิ่วอยู่กลางลานโล่งข้างกายมีอูฐตัวยักษ์ที่ให้คนไปเอามาให้กำลังนอนเก็บแข้งขาเรียบร้อย ในปากกำลังเคี้ยวเศษฟางจากหุ่นฟางที่เคยเป็นคู่ซ้อมของท่านอ๋อง ในมือเล็กยังคงกำมีดสั้นคู่กายเอาไว้ ปากอิ่มเม้มแน่นเข้ากัน น้ำตาจวนเจียนจะไหลลงมา

   “ไหนใครกันบอกว่าไว้ว่าจะรีบกลับมา ไง ข้าอุตส่าห์ ให้คนไปเอาอี้หลงที่หนึ่งมารอแล้วนะ” สุดท้ายน้ำตาเม็ดกลมก็ไหลลงมาจนได้ อ๋องน้อยใช้มือบางของตนเองปาดน้ำตาออกจากหน้า ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด ทำไมต้องร้องไห้   แต่.....

   ความตั้งใจจะเช็ดน้ำตาของตนเองดูจะช้าไปเสียแล้ว เมื่อ.....

   ลิ้นร้อนของอี้หลงที่หนึ่งตวัดปาดเช็ดน้ำตาหนึ่งเม็ดที่ไหลงลงมาให้อย่างเร็ว เหมือนว่ามันจับจ้องไว้นานแล้ว

   “อี้ ไอ้อูฐ ไอ้สกปรก ไอ้ตัวเหม็น ไอ้ปากเหม็น แกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ความเศร้าหมองที่เคยครอบงำร่างบาง ถูกอี้หลงที่หนึ่งขจัดออกด้วยความใสซื่อและไร้เดียงสา

   “พรืดดดดดดดดดดดดดดด”  อูฐตัวยักษ์พ่นลมใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีนิ้วเรียวที่กำลังชี้หน้าด่ามันอยู่

   “อี้ ไอ้อี้หลงที่หนึ่ง ไอ้อูฐไม่ได้รับการสั่งสอน ไอ้อูฐเจ้าของนิสัยแย่ ไอ้.....ไอ้อูฐเง่า อย่าอยู่เลยแก” ร่างบางลุกขึ้นยืน เตะเข้าที่สีข้างหลายต่อหลายครั้งพร้อมพ่นคำผรุสวาทต่างๆเท่าที่จะคิดออก

   อูฐหนุ่มอารมณ์ดี เมื่อเห็นเจ้านายหมายเลขสองลุกขึ้นยืนมันจึงลุกขึ้นบ้างก่อนจะกลับตัว ให้ยืนอยู่ในท่าและทิศที่พอเหมาะ เหยียดขาตรงอย่างสง่างาม

   “ปู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” ลมอุ่นร้อนจากทางด้านหลังพ่นเข้าใส่ใบหน้าหวานอย่างจงใจ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดังโหวกเหวกก่นด่าทั้งคนให้อูฐ และเจ้าอูฐตัวนี้

   “ไอ้อูฐฐฐฐฐฐฐฐฐฐฐ ข้าจะเอาแกไปแล่เนื้อขายที่ตลาด แหว่ะ เหม็น ในวังให้แกกินอะไรเข้าไป ไอ้อูฐ คอยดูนะ จะปล่อยทิ้งให้เป็นอูฐหัวเน่าไม่มีคนสนใจอีกเลย”

   “เที้ยนหยวน เจ้าเสียงดังอะไรกัน หืมม?” พระสุรเสียงทุ้มดังเข้ามาเรียกความสนใจของอ๋องน้อยให้หันไปหาท่านเจ้าของพระราชฐานส่วนนี้ พระพักตร์เหนื่อยล้า ดูเหมือนอ่อนแรง ทำให้อ๋องน้อยเก็บกลืนสิ่งที่กำลังจะบ่นออกมา

   “ไหนท่านว่าจะกลับมาเร็ว ท่านปล่อยให้ข้ารอกินข้าว จนข้าหิว” แม้จะเก็บคำบ่นต่างๆไว้แล้ว แต่เพราะนิสัยเอาแต่ใจก็ทำให้ไม่สามารถเก็บทุกคำพูดเอาไว้ได้ทั้งหมด

   “พี่ขอโทษเที้ยนหยวน พี่ไม่คิดว่าเจ้าจะรอ ช่วงนี้มีเรื่องที่ต้องสะสางมากมาย หากเจ้ารอไม่ได้กินเสียก่อนก็ได้ พี่ไม่ว่าเจ้าหรอก” พระหัตถ์หนาลูบศีรษะเล็ก ในพระทัยอิ่มเอมเหลือแสนกับคำว่ารอของน้องน้อย กำลังใจที่หดหายถูกเต็มด้วยคำเพียงคำเดียวที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่าคำอื่นใด ....รอ....

   “ไม่ได้หรอก ข้าเป็นต้นห้องให้มากินก่อนเจ้านายได้อย่างไร ใครรู้เข้าคงไม่ดี ข้าให้ขันทีเหี่ยว”

   “อู่กงกง ขันทีคนนั้นชื่ออู่” ทรงขัดน้องน้อยที่พูดเจื้อยแจ้ว ปากอิ่มสีแดงเรื่อขยับไปมาช่างน่าเอ็นดู แล้วไหนจะความเหมาะสมของตำแหน่งต้นห้อง มีต้นห้องที่ไหนกันร่วมโต๊ะเสวยกับฮ่องเต้ มีต้นห้องที่ไหนกันได้นอนแนบชิด และซุกซบกับอ้อมพระพาหา

   “นั่นแหล่ะ ข้าจะเรียกอะไรท่านก็รู้ไม่ใช่หรือว่าข้าหมายถึงใคร ข้าให้เขาเตรียมโต๊ะไว้ให้แล้ว แต่สงสัยคงต้องให้เอาไปอุ่นอีกสักรอบ ก็ท่านแหล่ะกว่าจะมา” ร่างบางเดินนำกลับเข้าไปในตำหนัก จัดแจงให้คนนำอาหารเอาไปให้ห้องเครื่องอุ่นให้อีกรอบ

   “ความจริงเจ้าไม่ต้องลำบากก็ได้ แล้วมันก็ไม่ได้เย็นชืดเสียจนกินไม่ได้” ทรงแย้มพระโอษฐ์แสนเหนื่อยล้า มองต้นห้องคู่พระทัยสั่งให้ขันทีคนใหม่จัดการเรื่องอาหาร

   ทุกสิ่งที่น้องน้อยทำโดยไม่รู้ตัวนั้นได้นำความปลาบปลื้มปิติมายังฮ่องเต้หนุ่ม แต่ละวันที่ผ่านพ้นไป ทุกความรู้สึกที่พระองค์สัมผัสได้มันเปลี่ยนไป  จากเฉยเมย เป็นจำใจ และจากจำใจ เป็นใส่ใจ ทุกวันที่ผ่านมา และกำลังมาถึง คงเป็นสามเดือนในพระชนม์ชีพที่จะเป็นสุขที่สุด

   “ท่านเหนื่อยมากเลยหรือ ทำไมดูโทรมลงแบบนี้กัน แค่ไม่ถึงวัน” ร่างเล็กลงนั่งตรงเก้าอี้ที่ไม่ห่างนัก ใบหน้าหวานเอียงข้างอย่างสงสัย นึกอยากช่วยผ่อนคลาย แต่ก็ไร้ความสามารถเกินกว่าจะทำได้

   ฮ่องเต้หนุ่มเบิกพระเนตรที่ปิดไว้ พบร่างเล็กอยู่ห่างไม่ไกลเกินเอื้อม ทรงนึกอยากรวบตัวนิ่มๆนั่นเข้ามากอด กระซิบตอบข้างหูใบน้อยๆว่า....แค่มีเจ้าอยู่เคียงข้าง พี่ก็หายเหนื่อยเสียแล้ว “พี่ก็โทรมอยู่แบบนี้ทุกวัน”

   “ไม่จริง วันก่อนๆท่านไม่โทรมแบบนี้ ท่านไม่ดูล้าขนาดนี้ ข้านวดให้นะ” ร่างเล็กเดินอ้อมมาข้างหลัง มือบางกดน้ำหนักลงบนพระอังสากว้างที่ตั้งตรงตลอดเวลา “ดีขึ้นบ้างหรือไม่”

   “อือ ขอบใจเจ้ามากนะ” พระพักตร์เหนื่อยล้า หากแต่ยิ้มแก้มปริ มือเล็กแสนอ่อนนุ่มค่อยบีบนวดไล่ความล้าและเรื่องราวที่กำลังทำให้เป็นทุกข์ออกไป หลงเหลือเพียงความสบายที่ร่างเล็กมอบให้

   นี้หรือเปล่านะ...คือความสุขที่สวรรค์ประทานให้ หรือคือการลงโทษให้ทรมานเมื่อยามจากลามาถึง จะเป็นเช่นไร หากความสุขเช่นจะเป็นตลอดไป หาใช่จบลงในอีกสองเดือนข้าหน้า “เที้ยนหยวนพี่อยากอยู่อย่างนี้ตลอดไป”

   “ไม่ได้หรอก ท่านเองก็มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ ส่วนตัวข้าก็มีสิ่งที่รอให้พบเจอ มีครอบครัวให้รอสร้าง แต่ข้าสัญญาว่าสองเดือนต่อจากนี้ข้าจะไม่ดื้อกับท่านอีก” อ๋องน้อยยังคงบีบนวดผ่อนคลายพระอังสากว้าง แม้น้ำหนักมือลดวูบลง ยามกล่าวถึงเวลาในวันข้างหน้า

   “นั่นสิ พี่มีเรื่องที่จะต้องรับผิดชอบอีกมากเหลือเกิน ส่วนเจ้าเองก็คงมีหลานตัวน้อยมาให้พี่อุ้ม อย่าลืมพามาพี่บ้างหล่ะ ทั้งหลานและคนที่จะ..........เป็นแม่ของหลาน” เหมือนว่าคำรับสั่งจะกลืนหายไปในความเงียบ ยามนึกว่าสักวันหนึ่งในภายภาคหน้า น้องน้อยของพระองค์จะพบกับสตรีที่ดีพร้อม และหลงลืมพระองค์ไว้ในห้วงเวลาของอดีต

   “ข้าต้องพามาสิ..พามาแน่ๆ” เสียงแผ่วเบาราวกระซิบชวนให้ห้องดูเศร้าหมอง พระเนตรผิดแน่นอีกครั้ง ปิดกั้นความคิดที่ไม่ทรงอยากหวนคำนึง

   “พรืดดดดดดดดดด” เสียงหายใจแรงพร้อมพ่นลม จากด้านนอก ฉุดรั้งคนทั้งสองออกจากความเศร้า ยามนึกถึงเวลาที่ยังมาไม่ถึง

   “ฮึ  ไอ้อี้หลงที่หนึ่งของท่าน วันนี้มันน่าเตะนัก” ร่างเล็กเริ่มบ่นอีกครั้ง แต่สำหรับฮ่องเต้หนุ่มการบอกเล่าเรื่องราวยามที่พระองค์ไม่ได้อยู่เคียงข้าง แม้จะเป็นรูปของการบ่น ก็ช่างเป็นเรื่องสนุกที่น่าฟังยิ่ง

   “แล้วทำไมวันนี้มันถึงมาอยู่ตรงนี้ได้”

   “ก็ท่านบอกว่า จะรีบกลับมาแล้วเดินไปหาเจ้าตัวยุ่งด้วยกัน แต่ข้าเห็นว่ามันเย็นมากแล้ว ท่านคงไม่ไปหามัน ข้าเลยพามันมาแทน” มือเล็กยังคงทำหน้าที่ ปากอิ่มก็บอกเล่าไปเรื่อย พร้อมกับที่คนจากห้องเครื่องเดินนำอาหารที่อุ่นร้อนเข้ามา

   “เที้ยนหยวนเจ้ามากินข้าวเถอะ ไม่ต้องนวดพี่แล้ว ขอบใจมากนะ” คำสั้นๆที่ทรงใส่ความรู้สึกลงไปในนั้น  ก่อนจะทรงรอให้คนจากห้องเครื่องตั้งสำหรับจนเสร็จ

   “ไม่เป็นไรหรอก เออ แล้วอี้หลงที่สองหล่ะ” อ๋องน้อยเอ่ยทวง ทั้งที่กำลังลงมือตักข้าวเข้าใส่ปาก ด้วยความหิวโซ

   “พี่ให้คนพามารอเจ้าอยู่ข้างนอกแล้ว กิน....” ข้าวให้หมดก่อนแล้วค่อยไปดู แต่ประโยคหลังพระองค์ต้องพูดในพระทัย เมื่อคนบอกว่าหิวทิ้งโต๊ะอาหารเปิดประตูไปมองหาเจ้าอี้หลงที่สอง

   ดวงตากลมโตทอประกายยินดีที่ได้เห็น วิ่งถลาไปช้อนอุ้มเจ้าสัตว์สี่ขา ที่ดูซุกซน สองขาหน้าตะกายไหล่เล็ก แลบลิ้นเลียใบหน้าหวานจนผู้มอบให้อดเอ็นดูในความร่าเริงของทั้งคนอุ้ม และเจ้าตัวที่ถูกอุ้มไม่ได้     

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   ในห้องเสวยมื้อค่ำวันนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ฮ่องเต้หนุ่ม อ๋องน้อยต้นห้อง และขันทีที่ดูแลเรื่องโต๊ะเสวย แต่ยังมีสมาชิกใหม่เป็นเจ้าสัตว์ตัวน้อยนอนหมอบบนพื้นอยู่ข้างเท้าเล็กๆของท่านอ๋องที่แอบหยิบชิ้นเนื้อให้ทุกครั้งที่ฮ่องเต้ทรงเผลอ

   “ท่านอิ่มหรือยัง” อ๋องน้อยตากลมถามฮ่องเต้หนุ่ม เมื่อเห็นว่าวันนี้ดูช่างละเมียดกับอาหารตรงหน้าเสียเหลือเกิน “อิ่มได้แล้ว กินมากๆท่านจะกลายเป็นฮ่องเต้อ้วนลงพุง”

   “แล้วอย่างไร พี่อ้วนลงพุงแล้วเจ้าจะไม่รักหรือ? เที้ยนหยวน” ทรงถามอ๋องน้องกลับด้วยคำถามที่ทรงอยากรู้...อยากรู้ว่า ตอนนี้เจ้ารักพี่บ้างหรือไม่

   “ก็.....ท่านเป็นพี่ข้า แล้วยังดูแลอย่างดีแบบนี้ ต่อให้ท่านอ้วนหัวล้านลงพุง ท่านก็เป็นพี่ที่ดี ข้าก็คงยังรักท่านอยู่หล่ะมั้ง” ใบหน้าหวานแดงเรื่อง อย่างที่ไม่เคยเป็นยามเอ่ยกล่าวคำรักต่อหญิงสาวนางไหน แต่เวลานี้แค่บอกรักพี่ชายหนึ่งคน ใย จึงร้อนผ่าวไปทั่วหน้าเช่นนี้

   “พี่ไม่อยากเป็นพี่น้องกับเจ้าเลยเที้ยนหยวน หากเราไม่เป็นพี่น้องกันก็คงดีกว่านี้”

   “ไม่จริงหรอก หากขากับท่านไม่ได้เป็นพี่น้องแบบห่างกันอย่างนี้ เราก็คงไม่ได้เจอกัน เป็นพี่น้องแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ท่านพี่ จะมีสักกี่คนกันนะ ที่ได้มีท่านพี่เป็นฮ่องเต้แบบข้า....ช่างดีเหลือเกิน” อ๋องน้อยปัดเป่าความเศร้าในใจของตนด้วยการแสร้งกล่าวถึงความโชคดี แต่อย่างไรเสียก็ตอกย้ำให้ฮ่องเต้ทรงรับรู้

   ต่อให้ไม่อยากเป็น...แต่สุดท้าย ท่านและข้าก็ยังคงเป็นพี่น้อง....เช่นเดิม

   “พี่อิ่มแล้ว เจ้าก็คงอิ่มแล้วสิใช่ไหมเที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มทรงปัดเป่าเรื่องเศร้าออกจากพระทัย ย้อนกลับมาสู่โต๊ะอาหารที่อยู่เบื้องพระพักตร์ 

   “อิ่มแล้ว อิ่มนานแล้วด้วย ข้าให้คนเก็บโต๊ะเลยนะ” เสียงน้อยๆทีปิดความดีใจไม่มิด รอให้ฝ่าบาทพยักพักตร์ ก่อนที่อ๋องน้อยจะหันไปสั่งกับขันทีสูงวัยอีกครั้ง

   ร่างเล็กดูคนเก็บของออกไปจนหมด จึงก้มลงอุ้ม เจ้าอี้หลงที่สองตัวใหม่ ตามฮ่องเต้หนุ่มเข้าไปในห้องทรงอักษรที่คงเข้าไปอ่านอะไรทั่วไปดั่งเช่นปรกติ

   อ๋องน้อยเดินตามเข้ามาเห็นกำลังทรงงานอย่างที่คาดไว้ไม่ผิด จึงยอมปล่อยเจ้าอี้หลงที่สองที่อุ้มอยู่ลงกับพื้น ร่างเล็กเดินเข้าไปใกล้วรองค์สูงที่ทรงนั่งอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ ถวายคำนับอย่างสวยงามตามอย่างราชประเพณี จนทำให้ฮ่องเต้หนุ่มทรงแปลกพระทัย พระขนงเลิกขึ้น จนร่างเล็กอดหัวเราะไม่ได้

   “ก็กระหม่อมซาบซึ้งในน้ำพระทัยของฝ่าบาทที่ทรงประทานสัตว์เลี้ยงให้ข้ากระหม่อม แล้วยังทรงประทานชื่ออันแสนไพเราะอย่างหาที่เปรียบไม่ได้” อ๋องน้อยอธิบายด้วยภาษาที่สมควรใช้เมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษหนุ่มผู้ทรงอำนาจ แต่ผู้ฟังกลับทำพระพักตร์ไม่พอใจ

   “เจ้าอย่าพูดแบบนั้นอีกเที้ยนหยวน พี่ไม่อยากฟังคำพูดแสนห่างเหินแบบนั้นจากเจ้า พี่ขอได้ไหม เมื่ออยู่กับเจ้า พี่ขอเป็นแค่ชายคนหนึ่งเท่านั้น จะได้ไหม” พระหัตถ์หนาเอื้อมไล้แก้มใส อย่าลืมพระองค์ พระเนตรจับจ้องอยู่ที่ลูกแก้วดำขลับ ทรงโน้มองค์ลงหาริมฝีปากอิ่มนั่นอย่างช้าๆ เปลือกตาบางปิดสนิท ใบหน้าหวานลอยเด่นดุจดังรอคอยสิ่งซึ่งหวานล้ำ

   ริมพระโอษฐ์สัมผัสเพียงแผ่วเบาอย่างแผ่วเบา ค่อยๆเปิดปากเล็กเข้าไปหาความอ่อนหวานภายใน ก่อนจะได้รับการตอบรับที่แสนหวานจากน้องน้อยของพระองค์  ขับไล่ความเหนื่อยล้า เติมเต็มพระทัยที่แห้งแล้ง ทรงจับใบหน้าเล็กให้เอียงเข้าหาเพื่อมอบความหวานให้ลึกล้ำ ก่อนจะได้ยินเสียงประท้วงแสนหวาน จึงทรงยอมละจากอย่างอ้อยอิ่ง

   ใบหน้าหวานแดงเรื่อ ดวงตากลมปรือขึ้นจ้องมองพระองค์อย่างเข้าใจ ริมฝีปากนิ่มบวมอิ่มและแดงช้ำ จนพระองค์อดละอายในพระทัยไม่ได้ “พี่ขอโทษ” สุรเสียงแหบพร่าจนน่าตกใจ

   “ทำไมอี้หลงที่สองถึงเป็นแมวที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ มันเป็นแมวสายพันธ์อะไร ท่านรู้ไหม” ร่างเล็กเลือกที่จะไม่ตอบรับคำขอโทษ ทำประดุจไม่เกิดสิ่งน่าอายขึ้นในห้องนี้ หากแต่กลับถามถึงขนาดที่ใหญ่โตของเจ้าเหมียวที่ได้มา “ดูเท้ามันแล้วต้องใหญ่กว่านี้อีกมาก”

   ฮ่องเต้อี้หลงมองวงหน้าเล็ก ค้นบางอย่างที่ทรงต้องการ ก่อนจะทรงตัดใจยอมแพ้ “มันไม่ใช่แมวหรอก อีกไม่นานก็ตัวใหญ่ จนเจ้าอุ้มไม่ได้แน่ ไว้พี่จะหาอะไรมาให้เจ้าใช้จูงมันแทนหล่ะกัน”

   “อ้าว! ไม่ใช่แมวแล้วตัวอะไร” อ๋องน้อยตกใจที่ได้รู้ว่าสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ที่ได้มาไม่ใช่แมวน้อยน่ารัก แล้วถ้าอย่างนั้นมันเป็นตัวอะไรกันแน่

   “มันเป็นลูกสิงโตหน่ะ พี่ซื้อมาจากคณะละครสัตว์ที่ตั้งแสดงอยู่แถวท่าเรือ อีกหน่อยก็คงตัวโต ตอนที่เขามาแสดงที่วังเห็นแล้วคิดว่าเจ้าน่าจะชอบพี่ก็เลยให้คนไปซื้อ เจ้าชอบมันหรือไม่” พระองค์ทรงเล่าให้ฟังถึงคณะละครสัตว์ที่แล่นเรือมาไกล มาเปิดแสดงให้พระองค์และขุนนางในวังได้ชมก่อนจะเปิดการแสดงที่เมืองท่า

   “ชอบสิ มันน่ารักมากเลย อีกหน่อยก็คงตัวใหญ่ต้องลากไปลากมาแทน เอ๋ หรือข้าจะใช้มันแทนม้า แทนอูฐโง่ของท่านดีนะ แล้วต่อไปมันจะดุร้ายหรือเปล่า แล้วข้าต้องเลี้ยงมันอย่างไรกัน” ดวงตากลมโต ฉายแววตื่นเต้น หันมาถามผู้ประทานลงมาให้

   “ถ้าเจ้าเลี้ยงมันให้อ่อนโยนก็ไม่ดุร้ายแล้ว แต่หากเจ้าไม่แน่ใจก็ตัดเขี้ยวของมันออก แต่ที่เจ้าจะใช้มันแทนม้า แทนอี้หลงที่หนึ่ง ข้าว่าอย่าเลย อ้อ อาหารที่ให้มัน ก็ให้เป็นพวกของสุกไปเสีย ก็น่าจะดี”

   “อ่าดีใจจัง ข้ามีสิงโตเป็นสัตว์เลี้ยง แล้วต่อไปเจ้าก็ต้องมีแผงคอให้ข้าซบเล่นใช่ไหม เจ้าอี้หลงที่สอง”  อ๋องน้อยซบลงช่วงคอของเจ้าสัตว์ตัวกระจ้อยที่ต่อไปคงพัฒนาตัวเองกลายเป็นสิงโตแสนสง่า

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงทอดพระเนตรหนึ่งคน และหนึ่งสิงโตอยู่เป็นนานก่อนจะหันกลับมาทรงงานอีกครั้ง ไม่ห่างกันนักอ๋องน้อยยังนั่งอยู่กับพื้นเล่นไปมากับเจ้าอี้หลงที่สองอย่างเพลิดเพลิน แม้จะหาวไปหลายครั้งหากแต่ก็ยังไม่กลับห้องนอนเพราะเจ้าของห้องยังประทับอยู่นี้

   “เที้ยนหยวนเจ้าง่วงก็ไปนอนก่อนก็ได้ ยังเหลือที่ยังไม่ได้อ่านอีกมากนัก” ทรงหันมาเห็นน้องน้อยอ้าปากกว้างหาวอยู่กับพื้น มีเจ้าอี้หลงที่สองที่คงเล่นจนเหนื่อยหลับอยู่ข้างๆ

   “งั้นข้าพาอี้หลงที่สองไปนอนในห้องด้วยได้ไหม” ดวงตากลมปรือมอง ถามไปก็หาวไปเพราะความง่วงงุน

   “ตามใจเจ้าแล้วกัน” พระองค์ทรงยิ้มอ่อนๆให้ ทอดพระเนตร่างเล็กอุ้มเจ้าตัวจ้อยไว้กับตัว เดินออกไปจากห้องทรงอักษร แต่แล้วบางอย่างทำให้ทรงเรียกร่างเล็กเอาไว้อีกครั้ง ดวงตากลมจ้องมองในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย

   “พี่ขอโทษที่ทำกับเจ้าแบบนั้น แล้วก็อยากให้เจ้ารู้ไว้ว่า พี่ไม่เคยนึกเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หากแต่มันก็ทำให้พี่รู้สึกผิด เจ้าคงเข้าใจพี่ใช่ไหม ว่าพี่...ร~”

   “อย่าไปพูดถึงมันเลย หากท่านไม่เสียใจ ก็อย่าต้องรู้สึกผิด ข้าจะคิดว่าคืนนั้นเป็นเพราะความเมาของข้าเอง ส่วนเรื่องอื่น ข้าไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ข้าไปนอนนะ ง่วงมากแล้ว” อ๋องน้อยส่งยิ้มบางเบาให้กับฮ่องเต้หนุ่มก่อนเดินออกมาจากห้องแห่งนั้น

   ฮ่องเต้อี้หลงทรงทอดพระเนตรแผ่นหลังบางจนสุดสายตา คำพูดที่ถูกขัดทำให้ไม่อาจพูดออกมาให้ใครได้ยิน ทรงต้องเก็บไว้ในพระทัยอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าจะได้พูดมันออกมาอีกหรือไม่
    
   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
สวัสดีคะ มาแล้ววววววววว หวานไหมคะ แต่ว่าฮ่องเต้ก็ยังไม่ได้พูดอยู่ดี เพราะเที้ยนหยวนแท้ๆๆ ฮ่องเต้น่าสงสาร ส่วนอี้หลงที่สองก็...ให้อารมณ์จักพรรดิแดนมองโกลจริงๆ 

ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่11) 9/05/11 [คำรัก]
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 09-05-2011 09:14:14
มาต่อแล้ว  :man1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่11) 9/05/11 [คำรัก]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 09-05-2011 10:27:48
หวานปนขมมากกว่านะไม่ใช่หวานอย่างเดียว :laugh:
เที้ยนหยวนได้เพื่อนเล่นเพิ่มมาอีกหนึ่ง
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่11) 9/05/11 [คำรัก]
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 09-05-2011 14:38:39
อีกคนพยายามจะบอกรักแต่อีกคนพยายามที่จะไม่ฟัง ซะงั้นอ่ะ  :เฮ้อ:


^^


:3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่11) 9/05/11 [คำรัก]
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 09-05-2011 19:14:25
อ่านจบแล้วมีขีดเซ็งป๋อยขึ้นข้างหัว

เซ็งทั้งเจ้าคู่นี้จริง แต่ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ฮิ้ววว

ลูกสิงโต อยากเลี้ยงมั่งอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่12) 10/05/11 [ผู้มาใหม่]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 10-05-2011 02:02:37
ประลองรัก...十二

   หลายวันมาแล้วที่ต้นห้องคู่พระทัยไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่ของตน เพราะเมื่อตื่นขึ้นมาฮ่องเต้หนุ่มที่มักจะบรรทมนิ่งรอให้เขาตื่นกลับหายไป ถามขันทีที่อยู่รับใช้ก็ได้แต่บอกว่าเสด็จออกทรงงานไปแล้ว ปล่อยให้อ๋องน้อยต้นห้องได้แต่นั่งเหงาเพียงลำพัง

   “อู่กงกง วันนี้เจ้ากับข้าออกไปที่อุทยานกันไหม ไปเดินเล่นบ้าง เจ้าเอาแต่อยู่ในนี้ ถึงได้ดูเหี่ยวเฉาแบบนี้ ไปเห็นดอกไม้งาม เหล่านางกำนัลสาวๆเผื่อจะได้สดชื่นขึ้นดีไหม” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนหันมาถามขันทีที่เห็นหน้าอยู่ทุกวัน ระหว่างที่กำลังหาอะไรใส่ท้องเป็นมื้อเช้า

   “หากท่านอ๋องอยากไปก็ไปเถิด ข้าน้อยยังต้องทำงาน จัดเก็บตำหนักให้เรียบร้อย” ขันทีประจำตำหนักส่วนพระองค์ปฏิเสธคำชวนของอ๋องน้อยที่ยอมผูกมิตรกับตนแล้ว

   “นี้เจ้าว่าข้าหรือที่ไม่ยอมเก็บที่นอนให้เรียบร้อย” ร่างเล็กหันไปหาเรื่องขันทีเหี่ยวที่ตนอุตส่าห์ยอมเอ่ยปากชวนแต่กลับโดนต่อว่า “เจ้ากำลังว่าข้าเป็นต้นห้องที่ไม่ได้เรื่องใช่หรือไม่”

   “เปล่า ข้าน้อยยังมิได้กล่าวถึงท่านอ๋องสักคำ ข้าน้อยแค่บอกว่าต้องดูแลตำหนักให้เรียบร้อย มีคำใดบ้างที่ข้าน้อยว่าท่าน” ขันทีเฒ่ามองหน้าหวานๆของอ๋องน้อยอย่างอ่อนใจ ยิ่งนึกถึงคำที่ตนถูกเรียกยามอยู่ลับหลังก็ยิ่งเหนื่อยใจกับอ๋องน้อยคนนี้

   “ข้าจะไปรู้เจ้าหรือ เกิดเจ้าว่าข้าอยู่ในใจหล่ะ ก็เจ้าเอาแต่ทำหน้าเคร่งเครียดอยู่แบบนี้ ตีนกาถึงได้ขึ้นมามากมาย รู้ไหม สาวๆข้างนอกนั่นอายุมากกว่าเจ้าบางคนยังดูเต่งตึงไม่เหี่ยวเฒ่าแบบเจ้าเลย” หนุ่มน้อยร่างเพรียวยกตัวอย่างถึงหญิงสาวนอกวังที่มีหน้าที่ให้ความสำราญกับคุณชายเงินหนา

   “ข้าขอบคุณในน้ำใจของท่านที่เป็นห่วงใบหน้าอันเหี่ยวเฒ่ามากด้วยตีนกาของข้า แต่ข้ายังมีงานต้องทำไปกับท่านไม่ได้ หากท่านอยากไป ก็พาสัตว์เลี้ยงสักตัวของท่านไปแทนข้าก็แล้วกัน” ขันทีเฒ่าถอนหายใจเบาๆจนใจกับนิสัยของอ๋องน้อยที่เหมือนจะเป็นห่วงและก็เหมือนกำลังเยาะเย้ย แต่ทั้งหมดก็เป็นด้วยความบริสุทธิ์ใจ
   ....คงเพราะเช่นนี้ฮ่องเต้จึงผูกฝากใจรักมั่นไว้ที่ท่าน

   “ตามใจเจ้า งั้นข้าไปกับเจ้าสิงโตน้อยนี้ก็ได้ แล้วค่อยแวะไปหาเจ้าอูฐโง่ทีหลัง” แม้แต่คนใกล้ชิดที่สุดเช่นขันทีรับใช้ ทั้งอ๋องน้อยและฮ่องเต้หนุ่มก็ยังไม่ยอมให้ได้รู้ชื่ออันแสนสูงส่งของเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวแสบทั้งสอง ยามเรียกขานต่อหน้าผู้อื่นจึงใช้เพียงแค่ชื่อของเจ้าสัตว์นั่นแล้วตามด้วยคำอธิบายลักษณะที่แสดงออกมา

   “สิงโตน้อยเราไปเดินเล่นที่สวนกันดีกว่า ปล่อยให้ท่านขันทีเขาอยู่ของเขาไปคนเดียวหล่ะกันหน่ะ” ร่างเล็กคว้าร่างเจ้าสี่ขาขนเกรียนที่ขนาดตัวยังพอให้อุ้มได้ออกเดินจากพระตำหนักส่วนพระองค์
หากยังมีเสียงไล่หลังตามมาว่าอย่าลืมกลับมาซ้อมมีดด้วย

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   สิงโตน้อยกระโดดโลดเต้นอยู่บนพื้นดินที่เขียวด้วยพันธ์ไม้หอมต่างๆ ไล่งับเหล่าแมลงสีสวยที่ดอมดมดอกไม้หอมไม่สนใจเจ้านายที่นั่งมองมันอยู่เงียบๆ

   “เฮ้อ! ที่นี้มันเก้าอี้อยู่ชุดเดียวหรือไงนะ” ร่างบางถอนหายใจมองไปรอบสวนสวยที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากคืนชมจันทร์เลยสักนิด บรรยากาศและความหอมหวานของดอกไม้ ชวนให้คิดถึงความอ่อนหวานที่ได้รับ

   “อี้หลงที่สอง เป็นเจ้าก็ดีเหมือนกันนะ ดูสบายดีจัง มีข้าดูแล มีคนให้อาหาร มานี้หน่อยสิ” ร่างเล็กกวักมือเรียกเจ้าสิงโตตัวน้อยที่เหลียวหลังมามองยามได้ยินของตนเอง แต่ความสนใจในร่างเล็กก็หมดไปเมื่อมีแมลงปอปีกเขียวมาเกาะที่จมูก

   “โธ่! มานี้ก่อน อี้หลงที่สอง” เจ้าของชื่อยังคงมองเมินคนเรียกไปอีกครั้ง

   “อี้หลงที่สองงง” เสียงหวานเริ่มเข้มขึ้น แต่มันก็ยังให้ผลเช่นเดิม

   “ไอ้อี้หลงที่สอง” ใบหน้าหวานบูดบึ้งหากมันก็ยังไม่ได้ผล

   “ไอ้อี้หลงที่สอง ไอ้สิงโตโง่” แม้จะใส่สรรพนามพิเศษลงไป หากเจ้าสิงโตหนึ่งเดียวในวังก็ยังคงไม่สนใจผู้เป็นนาย

    “ถ้าแกไม่มาข้าจะจับลงหม้อตุ๋นยาจีนให้ฮ่องเต้กินเป็นอาหารค่ำ ให้ฮ่องเต้อี้หลงผู้ยิ่งใหญ่ ได้ลิ้มรสเนื้ออี้หลงที่สองให้อร่อยเลย”   

   “เฮ้อ! แกจะไม่มาจริงๆใช่ไหม” ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ยอมแพ้ให้กับความดื้อด้านของเจ้าสิงโตตัวน้อยที่รอวันเติบโต เป็นสิงโตแสนสง่างามให้เขาพาลากไปไหนต่อไหน

   “แกไม่รู้ หรือแกล้งไม่รับรู้กันแน่นะ อี้หลงที่สอง แกคงไม่ได้กำลังแก้แค้นฉันหรอกใช่ไหม แกก็รู้ ไม่รู้ กับ ไม่ยอมรับรู้มันต่างกันแค่ไหน แล้วมันก็ทรมานไม่เหมือนกัน” ดวงตากลมโตหลุบต่ำ มองพื้นดินชุ่มช่ำด้วยสายน้ำ ไม่คิดเก็บสิ่งใดเอาไว้ในใจอีกแล้ว

   อย่างน้อย...ระบายให้สิงโตฟัง....มันคงเอาไปบอกใครไม่ได้ นอกจากเจ้าอี้หลงที่หนึ่ง

   “บางที ไม่ต้องรู้ก็คงจะดีกว่าหล่ะมั้ง เพราะมันจะได้ไม่ต้องรู้อะไรเลย แต่มันก็ทำไม่ได้ เพราะมันรู้ไปแล้ว ที่ทำได้ก็คงแค่ไม่รับรู้อะไรเพิ่มไปกว่านี้อีกแล้ว ดูเหมือนเห็นแก่ตัวเลยใช่ไหม... แต่จะทำอะไรได้เล่า ให้ข้าเปิดใจรับอย่างนั้นหรือ สุดท้ายข้าก็เป็นคนที่เจ็บหน่ะสิ”

   เจ้าสิงโตตัวน้อยยอมล่าถอยจากแมลงที่บินล่อหลอก เดินกลับมาหานายน้อยที่นั่งรำพันความในใจ ลิ้นกว้างเลียมือบาง “แกจะปลอบฉันหรือ ขอบใจนะ ทำไมหนอ เขาถึงไม่เข้าใจข้าแบบแกบ้าง ว่าสุดท้ายแล้ว เขาต้องมีมเหสี มีสนมอีกเป็นร้อย ส่วนข้า ก็มีแค่เจ้ากับอี้หลงที่หนึ่งอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น ความรักที่ได้รับก็คงต้องแบ่งปันให้ใครต่อใคร ข้าทนแบบนั้นไม่ได้หรอก”

   “เป็นแบบนี้ ดีที่สุดแล้วหล่ะ ใช่ไหมอี้หลงที่สอง....ทำใจแข็งเข้าไว้เที้ยนหยวน อย่าลืมว่าเจ้าเป็นถึงอ๋องน้อยแห่งตำหนักทู่หลงที่สาวใดก็อยากครอบครองตัวเจ้า ท่องไว้เที้ยนหยวนว่าหัวใจของเจ้าไม่ได้มีไว้เพื่อชายสูงศักดิ์ผู้นี้ ท่องไว้....”
   
   อ๋องน้อยนั่งเพลิดเพลินปล่อยให้ตะวันคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ มองเจ้าอี้หลงที่สองที่ยังวิ่งเล่นไปมาอาจจะมีบ้างที่กลับมานั่งข้างเจ้าของเพื่อพักเหนื่อยก่อนจะกลับไปวิ่งเล่นกับแมลงที่บินไปมาอยู่แถวนั้นอีกครั้ง

   “อี้หลงที่สองมานี้ก่อนสิ” แต่ก็เหมือนเดิมที่เจ้าสิงโตตัวน้อยไม่ยอมเดินกลับมาหาผู้เป็นนาย จนร่างบางของอ๋องน้อยต้องไปตามไล่จับ แล้วอุ้มไว้กับตัวเพราะได้ยินเสียงคนที่เดินใกล้เข้ามา

   เสียงพูดคุยที่ดังเข้ามาเรื่อยๆทำให้อ๋องน้อยแปลกใจ ที่นี้เป็นอุทยานส่วนพระองค์ที่น้อยคนจะเข้ามาได้ นอกเสียจากจะได้รับพระราชทานอนุญาตเป็นพิเศษ ยิ่งได้ยินเสียงพูดคุยสิงโตตัวน้อยก็ยิ่งดิ้นตะกายแผ่นอก อยากจะวิ่งไปดูหน้าคนที่เข้ามา

   “เดี๋ยวอย่าพึ่ง ข้ายังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร อยู่เฉยๆก่อน”  เสียงหวานกระซิบข้างหูเล็กที่ปกคลุมด้วยขนอ่อนของสิงโตตัวน้อย และครั้งนี้มันก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี ยอมอยู่นิ่งในอ้อมกอดที่ไม่มั่นคงเท่าใดนัก

   คนที่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากโผล่พ้นต้นไม้ใหญ่ทำให้อ๋องน้อยที่มองจ้องอยู่ถึงกับตกตะลึงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง ทิ้งเจ้าสิงโตที่อุ้มอยู่ลงกับพื้นในทันที

   “ท่านเที้ยนหยวน/องค์หญิงย่าหนาน” เสียงใสคนของทั้งสองดังก้องลั่นอุทยานส่วนพระองค์ส่งผลให้เด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆร่างของสตรีสูงศักดิ์เบิกตากว้าง

   “องค์หญิง!”  เสียงของเด็กชายที่กำลังแตกหนุ่ม ใบหน้าน่ารักกับดวงตาใสแจ๋ว เรียกให้ท่านอ๋องจ้องมองพร้อมรอยยิ้มที่เลือนหายไปนานตั้งแต่ที่เฉียนกุ้ยย้ายไปรับใช้องค์รักษ์หนุ่ม

   “ทำไมเล่าเสี่ยวหลง ไม่เป็นไรที่นี้มีแค่เจ้า เรา แล้วก็ท่านอ๋องเท่านั้น อย่าทำตัวน่าเบื่อแม่เจ้านักเลย” องค์หญิงย่าหนานเหลือมองเด็กหนุ่มที่ยังไม่สูงมากนัก ก่อนหันกลับมาส่งรอยยิ้มให้กับท่านอ๋องที่เธอเคยคุ้น

   “องค์หญิงมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมกระหม่อมไม่รู้เรื่องเลย” อ๋องน้อยจับมือเล็กนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้หินในสวนสวย สายตาเหลือบมองเด็กน้อยที่ยังเล่นอยู่กับเจ้าลูกสิงโตจอมซน

   “เราพึ่งมาถึงได้สองสามวัน ไม่มีจิตใจอยากพบหน้าผู้ใด ได้แต่นั่งเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ชีวิตเราจะถูกตัดสินโดยเหล่าขุนนางทั้งหลาย” ใบหน้าหวานเศร้าสลดนึกถึงเหตุที่ต้องจากบ้านเมืองที่แสนรักรอนแรมมายังเมืองหลวงที่ห่างไกล

   “องค์หญิง ท่านมีเรื่องอะไร เล่าให้กระหม่อมฟังก็ได้นะ”

   “อย่าเลยท่านอ๋อง มันไม่ใช่เรื่องดีเสียเท่าไหร่ หากแต่เป็นหน้าที่ที่ผู้หญิงอย่างข้าพึงทำ อย่าไปสนใจเรื่องของเราเลย เจ้าสัตว์เลี้ยงของท่าน น่ารักดีจัง มันชื่ออะไรหรือ” องค์หญิงละสายตาที่เหม่อลอยมามองเจ้าสี่ขาตัวเล็กที่คนของนางเล่นอย่างสนุกสนาน

   “มันชื่อ....ชื่อ..” อ๋องน้อยนิ่งงันถึงชื่อของเจ้าตัวเล็ก หากบอกตามจริงไปผู้เป็นเจ้าของชื่อคงถูกดูหมิ่นไม่สมพระเกรียติแห่งโอรสสวรรค์ที่ปกครองแผ่นดินอันยิ่งใหญ่ “ชื่อ....อ..อี้ชิวที่สอง” 

   “หืมมมม?” หญิงสาวจ้องมองเจ้าตัวเล็กสลับกับเจ้าของ เหมือนไม่แน่ใจในชื่อที่ได้ยิน อยากได้คำยืนยันอีกครั้ง ในเมื่อชื่อและตัวช่างไม่ไปด้วยกันเอาเสียเลย “ชิว..ของท่านคงไม่ใช่ชิวอินที่หมายถึงเจ้าตัวยาวๆที่ชอนไชตามพื้นดินหรอกนะ”

   “เอ่อ... ใช่ ท่านเข้าใจถูกแล้วหล่ะ” ใบหน้าที่ปั้นแต่งมาอย่างดี เบะออกเล็กน้อยเมื่อนึกถึงความหมายของชื่อ จากมังกรคุณธรรมมันได้กลายเป็นไส้เดือนคุณธรรมไปเสียแล้ว....ข้าขอโทษนะอี้หลงที่สอง 

   “มันชื่อ อี้ชิวที่สอง เจ้าอี้ชิวที่สอง มานี้สิ มานี้เร็ว” มือบางกวักเรียกเจ้าตัวเล็กที่กำลังสนุกสนามกับเพื่อนใหม่ แต่เจ้าสิงโตคงไม่คุ้นกับชื่อประหลาดๆ จึงเพียงแค่หันกลับมามองก่อนจะกลับไปสนใจเล่นดังเดิม “เฮ้อ ไอ้อี้ชิวที่สองโง่”

   เสียงสบถด่าพึมพำ เรียกเสียงหัวเราะขององค์หญิงย่าหนานได้เป็นอย่างดี “สัตว์เลี้ยงของท่านชื่อแปลกนัก แล้วมีอี้ฉิวที่หนึ่งหรือไม่ แล้วมันอยู่ที่ใดกัน ทำไมไม่พามาเดินเล่นด้วย”

   “มิสิ อี้ชิวที่หนึ่งก็มี เป็นอูฐโง่ กระหม่อมให้มันพักอยู่ที่โรงม้า” ดวงตาเล็กเรียวเบิกกว้างสะดุดกับชื่อสัตว์ประหลาดที่พึ่งได้ยินเป็นหนแรก จนเจ้าของสัตว์ประหลาดต้องอธิบายให้ฟัง “มันเป็นสัตว์คล้ายม้าแต่มีโหนกอยู่ที่กลางหลัง ฮ่องเต้ทรงได้มาจากราชทูตแดนอาหรับ ก็เลยเอามาให้กระหม่อมเลี้ยงไว้ วันไหนกนะหม่อมจะพาท่านไปดู”

   “สัตว์เลี้ยงของท่านทั้งชื่อและหน้าตาล้วนแปลกประหลาด ดีจังเราได้เจอท่านแบบนี้ต่อไปคงไม่เหงาอีกเป็นแน่ อยู่กับเสี่ยวหลงวันๆแสนน่าเบื่อ”

   “เอ๋ เด็กผู้นั้นชื่อเสี่ยวหลง หรอกหรือ” อ๋องน้อยเบือนหน้าไปทางเด็กน้อยที่มีดวงตาใสแจ๋วจนต้องใจท่านอ๋องเจ้าสำราญที่ไม่ได้ถูกใจผู้ใดมานานเพราะวันๆเจอแต่ขันทีเหี่ยว แม้แต่ฮ่องเต้ยังใจร้ายไม่มีเวลาให้ได้เจอ

   “เปล่าหรอก เด็กนั้นชื่อหลง แต่เราชอบเรียกว่าเสี่ยวหลงมากกว่า เห็นเป็นเด็กแบบนั้น แต่ยิ่งกว่าผู้คุมของเราเสียอีก เฮ้อ ช่างเป็นเด็กที่เข้มงวดและน่าเบื่อเสียจริง” องค์หญิงจากชิงเต่าถอนหายใจในความเข้มงวดของผู้คุมตัวน้อย

   “วันนี้เป็นเสี่ยวหลงที่น่าเอ็นดู แต่วันหน้าคงเป็นต้าหลงที่น่ารักไม่น้อย” อ๋องน้อยผู้ติดใจในหน้าตาของเสี่ยวหลงได้แต่ยิ้มกริ่ม แม้ในส่วนลึกจะรู้สึกว่าความรู้สึกบางอย่างที่ควรมีนั้นหายไป

   “ในแผ่นดินคงไม่มีมังกรตัวใดยิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้ใดอีกแล้ว ส่วนเจ้านี้ก็เป็นได้แค่เสี่ยวหลงต่อไปนั้นแหล่ะ”

   “นั่นสิ ในแผ่นดินผู้ใดจะเป็นใหญ่ได้เท่าฮ่องเต้พระองค์นี้เป็นไม่มี” อ๋องน้อยถอนหายใจแผ่วเบากับความรู้สึกของตนเองที่มีต่อท่านผู้ยิ่งใหญ่ ก่อนจะรีบเรียกสายตาให้กลับมาใส่ใจแค่หญิงงามและเด็กน้อยผู้น่ารักตรงหน้ามิให้ลอยไปยังที่อื่น “เห็นทีกระหม่อมต้องไปเสียแล้ว กระหม่อมมีฝึกดาบสั้นทุกวัน หากวันพรุ่งนี้องค์หญิงว่าง กระหม่อมขอเชิญท่านไปชมอูฐโง่ของข้า”

   “พรุ่งนี้หรือ....เราคงไปไม่ได้เสียแล้ว แต่ว่าเราฝากเสี่ยวหลงไว้กับท่านได้หรือไม่ พรุ่งนี้เราต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ จะทิ้งเสี่ยวหลงไว้เพียงลำพังก็ไม่อยาก หากได้ท่านช่วยดูแล คงดีไม่น้อย”

   “ได้ กระหม่อมจะดูแลผู้คุมของท่านอย่างดีที่สุด ไม่ให้เหงาอยู่คนเดียวเป็นแน่ แต่วันนี้เห็นทีกระหม่อมต้องไปแล้ว ขืนไปสายได้ถูกขันทีเหี่ยวบ่นเอาอีก วันนี้กระหม่อมทูลลา แล้ววันพรุ่งนี้กระหม่อมเสี่ยวหลงแต่เช้าเลย”

   อ๋องน้อยยืนขึ้นหันไปเรียกเจ้าสิงโตตัวน้อยที่ดื้อขึ้นทุกวัน จนต้องให้เรียกเสียงดังจึงยอมเดินจากมา พร้อมสายตาที่มองตามละห้อยของเด็กน้อย

   แล้ววันพรุ่งนี้เราจะได้เจอกัน มังกรตัวน้อยที่น่าเอ็นดูของข้า.....
   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   สวัสดีคะ วันนี้มาเสียดึก ขอโทษนะคะ ชื่ออี้ชิว ก็มาจาก 蚯 蚓qiǖ yǐn ที่แปลว่า ไส้เดือนคะ บวกกับอี้แปลได้ทั้งความบริสุทธิ์ดีงาม และความกล้าหาญ ชื่อมันเลยพิลึกพิลั่น

   ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่12) 10/05/11 [ผู้มาใหม่]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 10-05-2011 12:38:15
ที่แท้อ๋องน้อยก็รักฮองเต้เหมือนกัน
แต่เพราะภาระ หน้าที่ของฮองเต้ซินะ ถึงไม่อยากจะรับรู้และเปิดเผยความรู้สึกนั้น
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่12) 10/05/11 [ผู้มาใหม่]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 10-05-2011 13:48:07
 :เฮ้อ:เมื่อไหร่จะเข้าใจกัน
ใครๆก็คิดเหมือนอ๋องน้อย
อยากให้คนรักเป็นของตนเองคนเดียว
ไม่ต้องการแบ่งให้คนอื่นเหมือนเป็นของสาธารณะ :angry2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่13) 11/05/11 [ม่าม่าชามเล็ก]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 11-05-2011 02:02:39
ประลองรัก....十三
     
   อาทิตย์ส่องแสงยามสายแยงตาต้นห้องประจำองค์ฮ่องเต้จนไม่อาจหลบหนีได้ จำต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมองแท่นบรรทมที่ตนนอนอยู่ แต่ไร้ผู้เป็นเจ้าของที่คงออกทรงงานแต่เช้าไม่รั้งรอต้นห้องจอมขี้เกียจ

   "ข้าตื่นไม่ทันท่านอีกแล้วหรือนี้ แล้วเย็นนี้เราจะได้เจอกันหรือไม่นะ" ใบหน้าสวยหวานราวอิสตรีขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันอย่างนึกสงสัยและน้อยใจ ก่อนที่ความโศกเศร้านี้จะถูกแทนที่ด้วยความตกใจ “สายนี้ข้ามีนัดกับเสี่ยวหลง อู่กงกง ท่านอู่กงกง ท่านอยู่ไหน”
   
   “ดีจริงวันนี้ท่านอ๋องตื่นเองได้” ขันทีประจำราชฐานส่วนพระองค์เดินเข้ามาพร้อมคำพูดเหน็บแนมอ๋องน้อยผู้นิยมตื่นสายเป็นนิจ “ท่านส่งเสียงเรียกข้าทำไมกัน”

   “ตั้งสำหรับเร็ว แล้วก็ให้คนไปเตรียมน้ำอาบให้ข้าที ข้าล้างหน้าแล้วจะได้ไปกินข้าวแล้วค่อยอาบน้ำ เสียเวลาไม่มากนัก” อ๋องน้อยสั่งเป็นการเป็นงานยิ่งกว่าครั้งใด ยิ่งนึกถึงใบหน้าอ่อนวัยของหนุ่มน้อยเสี่ยวหลงก็ยิ่งไม่อยากให้รอนาน
   
   “ท่านเป็นเพียงต้นห้องเหตุใดต้องมีคนมาตั้งน้ำให้อาบกัน” ใบหน้าขาวที่เต็มไปด้วยรอยประทับของรอยวิหคบาทาไม่พอใจที่ต้นห้องกิตติมศักดิ์ถืออภิสิทธ์สั่งผู้อื่นให้ทำงาน

   “นะท่านอู่กงกง ข้าจำเป็นจริงๆ ข้าต้องรีบไปรับรองแขกของฮ่องเต้  แล้วนี้ก็ช้ามากแล้วท่านจะไม่ช่วยข้าหรือ” เพราะอ๋องสาวใสวัยกำดัดมามาก อ้อนขันทีเหี่ยวจึงไม่ใช่การยากเลยสำหรับท่านอ๋องเที้ยนหยวน

   “จริงหรือ”

   “จริงๆ นะท่านอู่กงกงผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์แสนเต่งตึง ช่วยข้าเถอะนะ” ดวงตากลมเป็นประกายใส ช่วยส่งเสริมให้ทุกคำพูดดูน่าหนักแน่นน่าเชื่อถือ แม้มันจะขัดกับคำพูดที่เคยพูดมาตลอด

   แล้วแบบนี้มีหรือที่ท่านขันทีอู่จะรอดพ้น.....ไม่เสียหล่ะ

   “ก็ได้ ข้าจะไปบอกให้คนเตรียมทั้งน้ำและสำหรับให้ท่าน ส่วนท่านก็ไปล้างหน้าเสียก่อน ผู้ที่ท่านต้องรับรองจะได้ไม่รอนาน” ความใจอ่อนของขันทีอู่กงกงมีที่มาจากคำพูดเพียงคำเดียวเท่านั้น

   .....ท่านอู่กงกงผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์แสนเต่งตึง...

   “ขอบคุณท่านมากเหลือเกิน ท่านขันทีแสนเต่งตึงหารอยย่นไม่มี” อ๋องน้อยตะโกนไล่หลังขันทีที่เดินออกจากห้องไป ก่อนที่ในห้องบรรทมฮ่องเต้จะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
 
   "เสี่ยวหลงๆ" เสียงเอะอะโวยวายของอ๋องน้อยแห่งตำหนักทู่หลงพาให้คนส่ายหน้าหนี นางกำนัลที่ถูกส่งตัวมายังเรือนรับรององค์หญิงจากชิงเต่าต้องกระหืดกระหอบ ออกมาต้อนรับ

             "ท่านอ๋อง ต้องการพบผู้ใดหรือเจ้าคะ" เพราะเป็นนางกำนัลชั้นปลายแถวจึงต้องนบน้อมต่อผู้คนไปทั่วไม่เว้นแม้แต่ท่าน อ๋องน้อยผู้มีชื่อเลื่องลือเรื่องความเจ้าชู้ที่แปรสภาพเป็นต้นห้องของฮ่องเต้
                           
             "เรามาหาเสี่ยวหลง เจ้าไปบอกเขาว่าเรามารับตามที่สัญญาแล้ว" อ๋องน้อยเลียนสำเนียงอันอ่อนโยนของฮ่องเต้หนุ่ม อีกทั้งยังส่งรอยยิ้มหวานละลายใจให้แก่สาวน้อยที่หากไม่มีเสี่ยงหลงรออยู่ อ๋องผู้นี้คงไม่ละเลยโอกาสที่จะโปรยเสน่ห์ใส่

             "เจ้าคะ" นางรับคำปล่อยทิ้งให้ท่านอ๋องรอ ไม่นานเด็กหนุ่มวัยใสก็เดินเข้ามาในโถงกว้างพร้อมรอยยิ้มประทับใจผู้พบเห็น

            "ท่านอ๋อง ข้าน้อยปล่อยให้ท่านรอนาน ข้าน้อยต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งด้วย" เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์โค้งกายคำนับผู้สูงศักดิ์กว่าอย่างนอบน้อม

             "เจ้านี่ ทำตัวเคร่งเครียดราวกับขันทีเหี่ยวไปได้" ใบหน้างดงามเผลอบึ้งตึงยามนึกถึงขันทีเหี่ยวที่อยู่ประจำในตำหนักส่วนพระองค์ ฮ่องเต้

   "ใครกันหรือท่านอ๋อง ขันทีเหี่ยว"

   "เจ้าอย่ารู้เลย แล้วก็เลิกเรียกเราว่าท่านอ๋องดีกว่า ดูห่างไกลเกินไป เรียกเราว่า..." อ๋องน้อยนิ่งคิดอยู่นานว่าควรให้เรียกว่าเช่นไร แต่แล้วเสียงนุ่มที่อยู่ในความทรงจำของบุรุษผู้หนึ่งก็ทำให้ใบหน้าหวานยิ้ม พราว "เรียกเราว่า พี่เที้ยนหยวน"

   "แต่ท่านอ๋อง~"

   "ทำไม เจ้าไม่อยากได้เราเป็นพี่หรือ?" รอยยิ้มและแววตาของท่านอ๋องเที้ยนหยวนช่างลึกล้ำและอ่อนหวานจงใจให้ผู้มองต้องเขินอาย

            "เปล่าขอรับ.....พี่เที้ยนหยวน" ใบหน้าขาวใสถูกขับด้วยความอายต่อสายตาทอประกายของเที้ยนหยวนจนแดงกล่ำ เสี่ยวหลงก้มหน้ามิกล้าสบสายตาคู่หวานที่มองแล้วอดวาบวามไม่ได้

            "ฮึๆๆ" เสียงหัวเราะในลำคอขาวด้วยเที้ยนหยวนรู้ดีว่าสายตาของตนมีผลเช่นไรต่อเด็กหนุ่มผู้น่ารักตรงหน้า "งั้นเราก็ไปเที่ยวเล่นกันดีกว่า พี่จะพาเจ้าไปดูอี้ชิวที่หนึ่งดีไหม น้องน้อ...." เสียงหวานชะงักลงพร้อมใบหน้าเชิดรั้นอย่างเด็กหวงของ "พี่เรียกเจ้าว่า หลงเอ๋อร์ได้หรือไม่"

             "ขอรับ"

              เที้ยนหยวนไม่สนใจว่าเสี่ยงหลงจะตอบรับว่าเช่นใด  ด้วยยังวนเวียนอยู่กับความคิดที่ทำให้ชะงักคำพูด แม้วันนี้อ๋องร่างบางจะเลียนแบบคำพูดที่แสนสุภาพและอ่อนโยนจากฮ่องเต้มามากมาย แต่สิ่งที่หนึ่งที่หวงแหนและคิดอยากให้เป็นคำพิเศษเพื่อให้ชายผู้นั้นใช้ เรียกขาน...น้องน้อย

            ท่านจะรู้บ้างไหมว่าทำสิ่งใดต่อใจข้าบ้าง...แค่คำเดียว แต่ข้ากลับหวงมันมากขนาดนี้....

           "พี่...เอ่อ พี่เที้ยนหยวน" เสียงแผ่วเบาพร้อมมือที่โบกพัดไปมาเรียกสติของเที้ยนหยวนให้กลับคืนมา "ท่าน เอ้ย! พี่เที้ยนหยวนไม่สบายหรือขอรับ หน้าแดงราวกับมีไข้"

           "เปล่าหรอก หน้าพี่ก็เป็นเช่นนี้เสมอ  เจ้าอย่ากังวลไปเลย เราไปกันเถอะ" มือบางยกจับใบหน้าเรียวของตนเอง แม้บอกออกไปเช่นนั้น แต่กลับนึกแปลกใจตนเอง

             ...ข้าเป็นเอามากขนาดนี้เชียวหรือ...หลงเอ๋อร์ คงต้องใช้เจ้าเพื่อทำให้ข้ากลับเป็นคนเดิม

            มือบางคว้าจับมือเล็กมากระชับมั่นแน่นไว้ในมือพาเด็กน้อยออกเดินจากเรือน รับรองไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของเหล่านางกำนัลและทหารที่ยืนประจำการ

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   อ๋องน้อยเที้ยนหยวนพาหลงเออร์หรือเสี่ยวหลงเดินไปตามคอกม้าหลวงที่อี้หลงที่หนึ่งสัตว์อันแสนพิสดารและมีคุณค่าทางจิตใจอาศัยอยู่

   “วันนี้พี่จะพาหลงเออร์นั่งอี้หลงที่หนึ่งไปชมทุ่งกว้างหลังวังหลวง” อ๋องน้อยร่างโปร่งบอกเล่าแผนที่คิดไว้จนหลุดเรียกชื่ออันไม่สมควร

   “เมื่อสักครูพี่เที้ยนหยวนเรียกว่าอะไรหรือขอรับ” ใบน้าเล็กขมวดมุ่นสงสัยในสิ่งที่ได้ยิน

   “ก็...เรียกว่าอี้ชิวที่หนึ่งเจ้าได้ยินเป็นอย่างอื่นงั้นหรือ” แม้เสียงที่ถามจะเป็นปรกติใบหน้าหวานจะปราศจากพิรุธให้สงสัย แต่เหงื่อเม็ดเล็กต่างแย่งกันขึ้นบนหน้าผากมน

   “ข้าน้อยคงหูแว่วไปเอง แล้วเจ้าอี้ชิวที่หนึ่งอยู่อีกไกลหรือไม่ขอรับ” เสี่ยวหลงตอบกลับไปอย่างใสซื่อ เพราะไม่คาดคิดว่าในแผ่นดินนี้จะมีผู้ใดกล้าเอาชื่อโอรสสวรรค์ผู้แสนสูงส่งมาตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงชั้นต่ำ

   “ไม่หรอก เจ้าตัวประหลาดนั่นอย่างไรหล่ะ” นิ้วเรียวชี้ไปยังเจ้าสัตว์รูปร่าหน้าตาประหลาด ขนตายาว ฟันยื่น หลังโหนกนูนไม่เรียบตรงแสนสง่าเหมือนม้าทั่วไป

   “นี้หรืออี้ชิวที่หนึ่งของท่าน เอ้ย พี่เที้ยนหยวน” เสี่ยวหลงรีบเปลี่ยนสรรพนามทันทีที่ได้รับรังสีน่ากลัวจากดวงตากลม “มันช่างหน้าตาประหลาด เหมือนม้าพิการเสียจริง”

   “มันไม่ใช่ม้าพิการหรอก แต่เป็นอูฐ เห็นทูตจากอาหรับที่นำมาถวายฮ่องเต้กล่าวไว้ว่า มันเป็นพาหนะในทะเลทรายและเพราะแบบนั้นมันจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับที่อยู่”

   “แล้วข้าจะได้ขี่มันไหม” เสี่ยวหลงมองหน้าเจ้าของสัตว์ประหลาดอย่างคาดหวัง

   “ได้สิ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เจ้าต้องให้มันได้กินอิ่ม เล่นกับมันให้คุ้นเคยเสียก่อน” ร่างเพรียวเปิดประตูคอกใหญ่ พาเด็กน้อยเข้าใกล้เจ้าอูฐตัวใหญ่

   มือบางลูบหน้ายื่นยาวอย่างคุ้นเคย อีกมือก็ป้อนหญ้าเข้าปากที่มีฟันเหยิน รอยยิ้มอ่อนโยนมีให้สัตว์เลี้ยงมากวีรกรรม กระซิบเสียงเบา ข้างใบหูใหญ่ “อูฐโง่ วันนี้แกห้ามดื้อนะ”

   หัวใหญ่พยักหน้าขึ้นลงเหมือนรับรู้ ทำให้เจ้าของแสนตื้นตันที่มีสัตว์เลี้ยงแสนฉลาด สมกับเป็นสัตว์ในวังหลวง

   “มันดุไหมขอรับ”

   “ไม่หรอก เชื่องจะตาย ลองลูบหัวมันสิ” อ๋องน้อยถือโอกาสจับมือเล็กขึ้นลูบหัวขนาดใหญ่ของอูฐ โดยมีมือของตนเกาะกุมอยู่ สายตาที่ทอดมองเสี่ยวหลงทอประกายวิบวับ

   เสี่ยวหลงก้มหน้าเขินอายไม่กล้าสบสายตาชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าอ่อนเยาว์แดงซ่านเบนความสนใจไปที่ตาโปนและขนตายาวของเจ้าอูฐตรงหน้า “น่ารักดีจังเจ้าอี้ชิวที่หนึ่ง”

   อูฐตัวใหญ่ที่มีนามว่าอี้หลงที่หนึ่ง แต่กลับถูกเรียกว่าอี้ชิวที่หนึ่งนิ่งชะงัก หยุดเคี้ยวหญ้าที่มีคนพยายามยัดเหยียดเข้าสู่ปาก มองใบหน้าแปลกประหลาดอย่างโกรธขึ้ง พ่นลมร้อนและน้ำลายใส่เด็กน้อย

   “เจ้าออกไปข้างนอกก่อน เห็นทีพี่คงต้องสั่งสอนเจ้าอูฐนิสัยเสียตัวนี้เสียแล้ว”  เที้ยนหยวนมองเด็กน้อยจนลับสายตาก่อนหันมาเล่นงานเจ้าอูฐดื้อตัวนี้

   “ไอ้อูฐโง่ ทำแบบนั้นได้อย่างไร ไอ้เจ้าของ เอ้ย!ให้อูฐคนให้ไม่สั่งสอน”นิ้วเรียวจิ้มลงบนหน้าใหญ่ ปากอิ่มพร่ำด่าไปถึงผู้ที่ทรงปรานอูฐโง่ตัวนี้ลงมาให้ “ไอ้อูฐหัวเน่า”

   “พรืดดด”

   “อี้ แกพ่นลมใส่ข้าอีกแล้ว ไอ้อูฐไม่รักดี เดี๋ยวก็ให้ขันทีเหี่ยวอบรมซะเลย นิสัยจะได้ดีขึ้น” ปากสวยเจื้อยแจ้วบ่นอูฐตัวใหญ่ มือบางก็ผลักหน้าซ้ายทีขวาทีเป็นการสั่งสอน

   “พรืดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แฟร่ะ” เมื่อทนการสั่งสอนไม่ไหว เจ้าอี้หลงที่หนึ่งจึงต่อสู้ด้วยการพ่นลมเหม็นและใช้ลิ้นหนาตวัดใบหน้าหวานจนเปียกเยิ้มด้วยน้ำลายเหนียวๆ ก่อนหันหางเมินเฉยเจ้านายตัวบาง

   “ไอ้อี้หลงที่หนึ่ง” เสียงเรียกก้องพร้อมเตะเข้าทีที่ขาหลังอย่างออมแรง พูดต่อด้วยความโกรธ “ไอ้
งี่เง่า วันนี้ข้าตั้งใจจะพาไปวิ่งเล่น แกไม่ต้องไปแล้ว อี้หลงที่สองโตเมื่อไหร่ข้าจะขี่มันแทน ส่วนแกก็อยู่แต่ในคอกไปแล้วกัน”

   คำขู่แสนน่ากลัว จนเจ้าอูฐตัวใหญ่ต้องหันมาง้องอนเจ้านาย ด้วยการวางหัวใหญ่ลงบนลาดไหล่เล็กเคลียแก้มใสไปมาอย่างออดอ้อน

   มือบางผลักหัวใหญ่ออกจากบ่า เผยรอยยิ้มเป็นต่อ “แกไม่ต้องประจบเลย ถ้าอยากไปก็ต้องทำตัวดีๆ ห้ามงี่เง่า”

   เจ้าอูฐตัวใหญ่รู้คำ เชื่อฟังเจ้านาย ย่อเข่าทรุดตัวลงกับพื้น นั่งนิ่งเตรียมพร้อมให้คนขึ้นหลัง จนได้รับคำชมและลูบหัวเป็นรางวัล

   เที้ยนหยวนหาน้ำแถวนั้นล้างหน้าเป็นที่เรียบร้อยพร้อมกับที่เสี่ยวหลงเดินกลับเข้ามาในคอกอีกครั้ง ภาพที่เห็นจึงชวนให้อดทึ่งไม่ได้ เจ้าสัตว์ตัวใหญ่หมอบอยู่ข้างกายร่างเพรียว ส่งผลให้ท่านอ๋องผู้นี้ในใจเด็กหนุ่ม ช่างสง่างามและน่าเคารพยิ่งนัก

   “เจ้าปีนขึ้นไปนั่งบนหลังของมันซิ” มือบางส่งให้เด็กหนุ่มคอยจับเป็นหลักยามปีนขึ้นไป คอยช่วยประคองให้ทรงตัวอยู่ดังที่บุรุษกระทำต่อผู้ที่อ่อนแอกว่าและสมควรได้รับการปกป้อง

   “แล้วพี่เที้ยนหยวนจะไม่ขึ้นมากับข้าหรือ” หน้าอ่อนเยาว์ของเสี่ยวหลงที่มักถูกท่านอ๋องแกล้งให้แดงซ่านกลายเป็นซีดเซียว ด้วยความไม่ไว้ใจเจ้าสัตว์ตัวนี้

   “ขึ้นสิ พี่ไม่ปล่อยให้หลงเออร์ของพี่ขึ้นขี่มันเพียงลำพังหรอก” ไม่ขาดคำร่างเพรียวบางก็ปีนขึ้นหลังเจ้าอูฐ สองมือเอื้อมคว้าสายบังคับ มีร่างของเด็กหนุ่มอยู่ในอ้อมแขน “เจ้าอย่าเกร็งสิปล่อยตัวตามสบาย พี่ไม่ทำเจ้าหล่นหรอก

        อ๋องเที้ยนหยวนพาเด็กน้อยขึ้นขี่หลังอูฐ กระตุ้นให้อี้หลงที่1ออกเดิน มีร่างของเสี่ยงหลงอยู่ในอ้อมแขน คอยโอบประคองแนบชิดจนได้กลิ่นหอมสดชื่นความรู้สึกเก่าที่เคยหายไปนานจนเกือบ ลืมเลือนกลับมาอีกครั้ง...ช่างรู้สึกดีจนแสนมีความสุข

     "สวยจังขอรับ" เด็กน้อยตื่นตากับทุ่งโล่งกว้างท้ายวังที่มีสระน้ำใส ต้นไม้ใหญ่และดอกไม้งามตามธรรมชาติ "เรานั่งเล่นที่นี้ได้ไหมขอรับ"

     "ได้สิ ปล่อยให้อูฐโง่ได้วิ่งเล่นบ้างก็คงดี" อ๋องน้อยกระโดดลงจากหลังสัตว์สี่เท้า ประคองคนที่ตัวเล็กกว่าให้ลงมายื่นบนพื้นหญ้า

     เด็กน้อยตื่นตาตื่นใจกับทุ่งกว้างวิ่งเล่นไปมาตามประสา เด็กวัยร่าเริงที่ไม่ต้องแบกรับความรู้สึกซับซ้อนของผู้ใหญ่ ปล่อยให้อ๋องน้อยนั่งจ้องมองอย่างเอ็นดูใต้ร่มไม้ใหญ่

              ...พี่จะใช้ความรู้สึกของเข้า เพื่อกลบเกลื่อนเสียงในใจได้หรือไม่หลงเอ๋อร์

            "ว่าไงเหนื่อยแล้วหรือ" ดวงหน้าสวยจ้องมองใบหน้าแดงปลั่งของเด็กหนุ่มที่เล่นจนเหนื่อยอ่อน

              "ขอรับ ที่นี้ลมเย็นจัง" เสี่ยวหลงนั่งลงข้างร่างเพรียว ทอดร่างยาวเหยียดหลับตาลงผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการวิ่งเล่น

              "อากาศโปร่งดีกว่าใน....อ้าว!หลับไปแล้วหรือ" ใบหน้าหวานส่ายไปมาอมยิ้มเอ็นดูกับเด็กน้อย

               ดวงตากลมทอดมองทุ่งหญ้ากว้างเบื้องหน้าที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เสียงธารใสน้ำไหลทำให้จิตใจสงบสุข ลมเย็นพัดพาความเย็นของสายน้ำขับไล่อากาศร้อนให้หายไป

           "ท่านจะเคยเห็นความงามของบ้านตัวเองบ้างไหมนะ  หรือว่ายุ่งแต่กับงานจนไม่มีเวลาสนใจสิ่งรอบตัว" ริมฝีปากบางพึมพำถึงชายหนุ่มสูงศักดิ์ ผู้ที่หัวใจเผลอไปนึกถึงโดยไม่รู้ตัว "หากมีโอกาสได้มากับท่านสักครั้งก็คงดี"

            หัวใจดวงเล็กของอ๋องน้อยเจ้าสำราญผู้ไม่เคยจริงจังกับใคร ไม่เคยให้ความสำคัญกับใคร ไม่ว่าจะเป็นหญิงงาม หรือหนุ่มน้อยหน้าหวาน แต่เวลานี้กลับกำลังนึกน้อยใจต่อสิ่งต่างๆ

            น้อยใจ เวลาที่หมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว...ทั้งที่ตอนแรกก็ไม่เคยต้องการเวลาสามเดือนนี้เลย

             น้อยใจ  ตัวเองที่สับสนแบบนี้...ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยเป็น

             น้อยใจ  ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ที่กล้าละเลย...ทั้งที่ปากก็ว่ารักน้องน้อยเสียเหลือเกิน

            "ท่านเที้ยนหยวน" เสียงเรียกชื่อดังลั่นทำให้เจ้าของชื่อที่ปล่อยใจไปไกลสะดุ้งตัวโยน เรียกสติกลับมาจ้องหน้าคนถามที่กำลังมองอยู่อย่างสงสัย ด้วยดวงตาโตไม่ต่างกัน

            "เจ้าเรียกพี่ทำไม"

            "เปล่าขอรับ แต่ข้าเรียกท่านหลายหนท่านก็ไม่ได้ยิน ดวงตาก็ยังแดงกล่ำ เหมือนกำลังจะร้องไห้ ข้าเลยสงสัย" ใบหน้าอ่อนเยาว์จ้องมองอย่างเป็นห่วง

            "ร้องไห้หรือ" นิ้วเรียวเกลี่ยขอบตาจนรู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะของขนตายาว หยดน้ำเล็กๆเกาะติดนิ้วเรียว แต่เจ้าของก็รีบสลัดมันทิ้งไป "เปล่าหรอก คงเป็นฝุ่นเข้าตา ที่นี่ลมแรง นี้ก็ใกล้ค่ำแล้ว เรากลับกันดีกว่าไหม"

            "ขอรับ" เสี่ยงหลงรับคำอย่างว่าง่าย เดินกลับไปขึ้นหลังอูฐให้อ๋องน้อยพากลับเรือนรับรอง
   
         * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

              อ๋องน้อยเที้ยนหยวนเดินยิ้มกว้างอย่างยินดี เกาะกุมมือน้อยไปตามทางเดินในสวนสวยที่ป่านนี้คงมีใครจัดเตรียมโต๊ะอาหาร สำหรับ4ที่นั่งเอาไว้แล้ว

             เมื่อตอนเย็นหลังจากพาเจ้าอี้หลงที่1ไปเก็บแล้ว อู่กงกงก็ส่งคนให้มาบอกว่าฮ่องเต้และท่านหญิงย่าหนานได้ให้คนจัดโต๊ะมื้อค่ำ ไว้แล้วที่ในสวน

                อ๋องน้อยที่เคยคิดน้อยใจชายสูงศักดิ์ที่ละเลยไม่ให้ความสนใจเหมือนก่อน กลับมายิ้มร่าดีใจที่วันนี้จะได้ร่วมโต๊ะด้วยกันอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้พูดคุยกันเลยแม้จะนอนห้องเดียวกัน เพราะกว่าที่ฮ่องเต้จะเสด็จกลับ คนรอก็หลับไปแล้ว และกว่าที่เที้ยนหยวนจะตื่น ฮ่องเต้หนุ่มก็ออกทรงงานเรียบร้อย

            "เอ๊ะ นี้เจ้าอี้ชิวที่2 ใช่ไหมเพคะฮ่องเต้"  เสียงหวานแว่วเอ่ยทักสัตว์สี่ขาที่คงแอบเข้ามาวิ่งเล่นทำให้ร่างบางที่เดิน อยู่หยุดชะงัก พาให้คนที่เดินเข้ามาด้วยมองอย่างสงสัย

           "เราอย่าพึ่งเข้าไปเลย พี่ว่าเขาคงยังจัดสำหรับไม่เสร็จ นั่งเล่นแถวนี้ก่อนจะดีกว่านะ"  เที้ยนหยวนกระซิบริมหูเล็ก รู้ดีว่าเข้าไปตอนนี้คงมีสายเนตรดุจ้องมาอย่างขอคำอธิบาย

              "เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรหน่ะ พี่ได้ยินไม่ถนัด" น้ำเสียงนุ่มแฝงด้วยความอารีดังที่เคยได้ยินอยู่ทุกครั้ง ไม่ทำให้ร่างบางที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่สะดุดได้เท่ากับคำแทนองค์เองของ ฮ่องเต้

               พี่...คำนี้ไม่ใช่คำพิเศษเพื่อข้าหรอกหรือ...

          ร่างบางหลงติดอยู่ในความน้อยใจ สับสนอยู่ในความคิด จนลืมไปสิ้นว่าตอนนี้มิได้อยู่เพียงลำพัง แต่มีใครอีกคนที่กำลังให้ความสนใจอยู่ด้วย

                "พี่เที้ยนหยวน ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า" ดวงตาใสจ้องมองอย่างเป็นห่วง

               ใบหน้าหวานส่ายไปมาอย่างช้าๆ  มองเห็นความจริงบนใบหน้าอ่อนเยาว์ เตือนตัวเองให้รู้ว่าร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า คือคนที่อยากพาเดินไปด้วยกัน แต่..."หลงเอ๋อร์พี่ลืมผ้าเช็ดหน้าไว้ที่ตำหนัก เจ้ากลับไปเอามาให้หน่อยได้ไหม"

                  "ขอรับ"

               ดวงตากลมมองแผ่นหลังเล็กที่วิ่งไป ได้แต่สงสัยในตนเองกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยคุ้นและไม่อาจหาคำอธิบายได้

             เสียงหัวเราะใสขององค์หญิง คงเพราะได้คำตอบชวนขบขันจากฮ่องเต้ ชวนให้คนฟังมีความสุขไปด้วย แต่ใจของคนแอบฟังกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย

            "ย่าหนานเรื่องที่เราพูดกันวันนี้ ถ้าพี่อยากจะเลื่อนมันออกไป เจ้าจะขัดข้องหรือไม่" เสียงทุ้มแผ่วเบาที่ร่างบางได้ยินชัดเจน ชวนให้นึกถึงดวงเนตรผู้พูดได้อย่างแม่นยำว่าอ่อนโยนเพียงใด ยามใช้น้ำเสียงนี้

               "เรื่องงานแต่งของเรา" เสียงหวานใสของหญิงสาวไม่ผ่านโสตการได้ยินของอ๋องน้อย มีเพียงเสียงทุ้มที่ฟังชัดเจน และเรื่องที่ได้รู้ก็ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง  หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวจนต้องยกมือบางขึ้นทาบหน้าอกซึกซ้าย

      นี้สินะ เรื่องสำคัญที่ทำให้ข้าหมดความหมาย

      "พี่อยากเลื่อนออกไปก่อน หากมันกระชั้นชิดมากนัก หลายอย่างคงไม่พร้อม"

     "อะไรหรือเพคะที่ไม่พร้อม"

     นั่นซิ อะไรกันที่ไม่พร้อม... คำถามที่เที้ยนหยวนก็อยากรู้ ที่แห่งนี้ มีอะไรไม่พร้อมสำหรับต้อนรับคนเข้ามาอยู่เพิ่ม หรือว่า...ข้า

     คงไม่อยากให้มีข้าอยู่ขวางหู ขวางตา

     คงไม่ทันที่จะย้ายข้าออกจากตำหนักฮ่องเต้

     คงไม่ดี หากข้ายังอยู่เป็นต้นห้อง

       ฟันขาวขบกัดริมฝีปากอิ่มของตนเองจนห้อเลือด สะกดความรู้สึกที่ไม่เคยคิดว่ามีอยู่ให้หายไป ห้ามน้ำตาเม็ดเล็กที่ไหลลงมา แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ปล่อยให้มันไหลลงมาอย่างไม่คิดห้ามปรามได้

       "ใจของเราสองคอย่างไรเล่า ตอนนี้ในใจเจ้าคงมีใครอยู่ พี่เองก็มีคนที่รักมาเช่นกัน มันคงไม่ดีหากเราจะแต่งงานกันทั้งที่เป็นเช่นนี้" ผู้รับฟังนิ่งเงียบ เที้ยนหยวนรู้ดีว่าตนคือคนที่อยู่ในใจฮ่องเต้หนุ่ม ใบหน้าหวานเผลอยิ้มออกมาทั้งที่ในใจยังเจ็บ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่า คำรักไม่ใช่คำลวง

       "หากหม่อมฉันมีพระองค์อยู่ในใจ เวลาคงไม่ใช่สิ่งจำเป็นใช่หรือไม่เพค่ะ" เสียงหวานซึ้งจนไม่อาจจับความรู้สึกได้ ถูกถ่ายทอดออกมาโดยไม่รู้เลยว่าทำให้ผู้ใดเจ็บช้ำ

        "นัยน์ตาตาเจ้าไม่ได้บอกพี่เช่นนั้น และพี่เองก็ยังไม่พร้อม พี่สัญญาว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพื่อลืมคนคนนั้น ทางฝ่ายเจ้าคงไม่ขัดข้อง"

       น้ำตาเม็ดเล็กกลายเป็นหยดน้ำเม็ดใหญ่ ไหลเปรอะเปื้อนแก้มนวล ร่างบางไม่อาจนิ่งฟังอยู่ได้ เมื่อรู้ว่าสักวันจะไร้ความหมายในใจของชายหนุ่ม

       เที้ยนหยวนวิ่งไปตามทางเดินที่มืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากดวงดาวนำทาง สายตาพร่าเลือนด้วยน้ำใส จนเกือบชนคนที่เดินสวนทางมา

      "พี่เที้ยนหยวนจะไปไหนหรือขอรับ"

      "เสี่ยวหลง! ข้าจะกลับไปพัก เจ้าเข้าไปทูลฮ่องเต้และองค์หญิงว่าข้าไม่หิว ขอกลับก่อน" ร่างบางนึกขอบคุณความมืดที่ช่วยบดบังหยดน้ำไม่ให้ใครได้เห็น

       เวลานี้เที้ยนหยวนหาคำตอบให้ตัวเองได้แล้ว ว่าสิบเด็กหนุ่ม หรือ ร้อยสาวงามก็ไม่อาจเทียบได้กับ หนึ่งชายผู้นั้น  แต่จะมีประโยชน์อะไร เมื่อกำลังจะสูญเสียหนึ่งชายผู้นั้นไป น่าแปลกเพียงคำว่า "ลืม" จากพระโอษฐ์ก็ทำให้ความรู้สึกที่เคยคลุมเครือ  กลายเป็นชัดเจน....ทุกอย่างคงสายเกินไป

      ความเสียใจที่ถาโถมเข้ามาบีบเค้นจนแยกไม่ออกว่ากำลังเจ็บปวดกับเรื่องใดมากกว่ากัน ระหว่าง

      รับรู้ว่าตลอดมาคือหลอกลวงตนเอง ทั้งที่ก็ต้องการเป็นผู้ถูกรัก และมอบใจให้ไปหมดแล้ว

      หรือ กำลังจะกลายเป็นผู้ที่ถูกลืม

        ร่างบอบบางวิ่งกลับมายังตำหนักที่มืดมิดไร้ผู้คน แม้แต่ขันทีประจำตำหนักยังหายไป แค่มันก็ควรแล้ว พวกเขาเหล่านั้นควรไปเฝ้าและปรนนิบัติฮ่องเต้ และว่าที่ฮองเฮา ดีกว่ามาเสียเวลาดูแลอ๋องน้อยปลายแถวงี่เง่า ที่สักวันจะหมดความหมาย

         ร่างบางทิ้งกายลงบนแท่นบรรทมที่เคยใช้นอนเคียงฮ่องเต้ หนอมนุ่มทั้งสองใบ ถูกมือบางปัดป่ายจนร่วงหล่น น้ำตาไหลรินอยู่เงียบๆไร้เสียงสะอื้น ริมฝีปากแดงช้ำ เพราะถูกฟันขาวขบกัดไม่ปล่อย

        "มันสายไปแล้ว สายเกินไปแล้ว" ร่างบางเพ้อท่ามกลางความเงียบ แต่เสียงแผ่วเบาก็ไม่ช่วยให้ใจดีขึ้น สุดท้ายก็หลับไปทั้งน้ำตา พร้อมกับคำที่ท่องไปมา "สายเกินไปแล้ว"
 
           * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ฮ่องเต้หนุ่มเสด็จกลับตำหนักอันมืดมิดพร้อมด้วยซุปร้อนที่สั่งให้ห้องเครื่องทำพิเศษเพื่อคนที่ยังไม่ได้กินข้าวเย็น

      ฮ่องเต้อี้หลงเดินถือถ้วยซุปร้อน เข้ามาในห้องบรรทม รอยยิ้มบนพระพักตร์ปรากฏกว้าง เมื่อเห็นคนขี้เซานอนปัดป่ายไม่เป็นที่ สองหมอนตกอยู่บนพื้น "เที้ยนหยวน ตื่นมากินซุปก่อน พี่สั่งให้คนทำให้เจ้านะ"

       "เที้ยนหยวน" นิ้วเรียวสะกิดร่างบางที่ไม่ยอมตื่นจนถอดใจยอมแพ้ หยิบหมอนสองใบขึ้นมาจัดวาง ช้อนศีรษะเล็กให้หนุนหมอนอย่างเรียบร้อย

      แสงจันทร์ส่องใบหน้านวลเห็นรอยน้ำบนแพขนตา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน จ้องมองน้องน้อยอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดจึงร้องไห้

      "น้องน้อยของพี่ ร้องไห้เรื่องอะไร เจ้าทุกข์ใจเรื่องอะไร ทำไมไม่บอกพี่ให้รู้ ความทุกข์เพียงน้อยนิดของเจ้า แต่เป็นทุกข์สาหัสของพี่ เจ้ารู้บ้างหรือไม่"  พระโอษฐ์ประทับลงบนหน้าผากมน พระหัตถ์ลูบไล้ผมนุ่มดังจะกล่อมให้ฝันดี "พี่รักเจ้า น้องน้อยของพี่"

       ฮ่องเต้หนุ่มจากไปเพื่อชำระล้างร่างกาย ไม่รู้เลยว่าน้องน้อยของพระองค์มีน้ำใสไหลรินจากเปลือกตาที่ยังปิดสนิท  ก้อนสะอื้นมากายตีตื้นขึ้นมาและถูกกลืนเก็บลงไปอย่างยากลำบาก พร้อมคำรำพันที่ได้แต่กู่ร้องอยู่ในใจ "ท่านบอกรักข้าทำไม หากจะลืมเลือนในวันข้างหน้า"

       วรองค์สูงผู้กลับมาพร้อมความสดชื่นจากสายน้ำ ทิ้งกายลงเคียงร่างบาง รั้งเข้าไว้ในอ้อมพระกร ซึมซับช่วงเวลาที่ใกล้หมดลง "ชั่วชีวิตนี้ พี่จะได้รับความรักจากเจ้าบ้างหรือไม่ เที้ยนหยวน"

      ....ยังถามหาความรักจากข้าอีกทำไม.....

     คนที่เคยผ่านมา ข้าไม่เคยลืม เพราะไม่เคยรัก แต่กับท่าน....ข้าจะลืมเหมือนที่ท่านทำได้เช่นไร 

      * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีคะ เรื่องมันดูไปไวเสียเหลือเกิน มันมีประมาณ20ตอนนะคะ (ทนอ่านอีกนิดนะคะ อย่าพึ่งทิ้งกันไปกระซิกๆๆ) ส่วนตอนนี้ก็แอบม่าม่าเล็กๆให้พออิ่มครึ่งท้องก่อนนะคะ

ขอบคุณคะ 





หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่13) 11/05/11 [ม่าม่าชามเล็ก]
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 11-05-2011 02:30:49
กอดๆ  ไม่ทิ้งๆ    :กอด1:

คิดเองเออเองกันทั้งนั้น เมื่อไหร่จะเข้าใจกันแบบนี้
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่13) 11/05/11 [ม่าม่าชามเล็ก]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 11-05-2011 10:04:56
มาถึงตอนนี้ไม่รู้จะสงสารใครดี
ระหว่างฮ่องเต้กับน้องน้อย
คิดเองเออเองกันตลอด :o12:
+1จะติดตามเรื่องนี้ไปจบแน่นอนชอบเรื่องนี้มาก :-[
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่13) 11/05/11 [ม่าม่าชามเล็ก]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 11-05-2011 11:51:59
 :เฮ้อ: สงสารอ๋องน้อย  ไม่ผิดที่แสดงออกไปเช่นนั้น  เพราะสถานะของฮองเต้ นั้นยากเหลือเกินที่ไขว้คว้า
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่13) 11/05/11 [ม่าม่าชามเล็ก]
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 11-05-2011 17:38:21
รอต่อไป  :man1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่14) 12/05/11 [เลือดนิดหน่อย & Ncอ่อนหัด]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 12-05-2011 02:26:03
ประลองรัก....十四

พระอาทิตย์ยามเช้าส่องแสงเรืองรองเป็นสีส้มระเรื่อ ฉายแสงลอดผ่านบานหน้าต่างเข้าสู่ห้องบรรทม จนเนตรคมต้องเปิดกว้างต้อนรับเช้าวันใหม่ พระโอษฐ์ได้รูปโน้มหาแก้มนวลที่เคยได้สัมผัสอยู่ทุกเช้าที่ทรงตื่นบรรทม แต่เช้านี้ กลับไม่มีร่างบางอยู่ในอ้อมกอด.....

   ฮ่องเต้อี้หลงทรงหันพระพักตร์หาต้นห้องคนพิเศษที่มักตื่นสาย แต่วันนี้กลับไร้วี่แววใด ทั่วทั้งห้องช่างเงียบงันจนอดหดหู่ในพระทัยไม่ได้ นานมากแล้วที่ไม่ได้เป็นเช่นนี้ และพระองค์จักไม่ยอมให้เป็นเช่นนี้อีกแล้ว

   ต่อจากนี้ ในทุกเช้า...ทุกวัน....พระองค์ต้องมีน้องน้อยเคียงข้างกาย...ไม่ปล่อยให้หายไปเฉกเช่นวันนี้

   “อู่กงกง” สุรเสียงทุ้มตะโกนเรียกขันทีประจำตำหนักส่วนพระองค์ด้วยความโกรธกริ้วดั่งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ขันทีเฒ่าต้องรีบพาร่างกายที่ร่วงโรยเข้าเฝ้าฮ่องเต้หนุ่ม

   “ฝ่าบาททรง~”

   “เช้านี้เจ้าเห็นท่านอ๋องหรือไม่” ทรงไม่รั้งรอให้ขันทีถามจนจบ แต่ทรงขัดขึ้นเสียก่อนด้วยความร้อนพระทัย ที่เช้านี้น้องน้อยของพรองค์หายไปทั้งที่ก็ยังไม่ใช่เวลาตื่นนอน

   “ท่านเที้ยนหยวน ลงฝึกที่ลานประลองหน้าตำหนักแต่เช้าแล้วกระหม่อม” ท่านขันทีตอบไปตามความจริง ใบหน้าหันเบือนไปยังกองเสื้อผ้าที่ถูกท่านอ๋องถอดทิ้งไว้อย่างไร้ระเบียบอยู่ในมุมหนึ่ง และเมื่อหันกลับมาอีกท่านอู่กงกงก็ตกใจตัวเอง เมื่อฮ่องเต้ที่พึ่งโกรธกริ้วกายเป็นแย้มพระโอษฐ์อยู่น้อยๆ

   “อือ ลงไปนานแล้วหรือยัง แล้วมีใครเป็นคู่ซ้อมให้”

   “กระหม่อมไม่ทราบเกล้า”

   “อือ เจ้าไปเตรียมน้ำให้ล้างหน้าหน่อยเถอะ แล้วก็ให้ห้องเครื่องเตรียมตั้งสำหรับได้แล้ว” ทรงละองค์จากแท่นบรรทมเดินไปหยิบชุดที่ถูกถอดทิ้งไว้อย่างไม่ใยดี ขึ้นมาอย่างทะนุถนอม หากแต่ทรงรู้สึกองค์เองว่าถูกจ้องมองจึงต้องผินพระพักตร์กลับไป “ไปได้แล้ว เราจะเปลี่ยนชุดบ้าง หรือเจ้าอยากดูเราเปลี่ยนชุดเหมือนตอนเด็กๆกัน”

   “เกล้ากระหม่อมมิกล้า” ทรงประทับยืนมองให้ขันทีออกไปจนลับสายตา แล้วจึงก้มพระพักตร์พับเก็บชุดของน้องน้อยที่วางไว้ระเกะระกะ ให้เป็นระเบียบนำไปวางไว้ เพื่อเคียงข้างชุดที่พระองค์จะทรงเปลื้องในเช้านี้ 

      * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   “เที้ยนหยวน พี่ไมได้ดูเจ้าซ้อมไม่เท่าไหร่ ฝีมือเจ้าพัฒนาไปไวนะ” วรองค์สูงสง่าดำเนินออกมายังหน้าลานประลองที่อ๋องน้อยยึดเป็นที่ฝึกซ้อมยามเช้า ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง

   “หากหม่อมฉันไม่ตั้งใจฝึก แล้วหม่อมฉันจะชนะพระองค์ได้อย่างไร” ท่านอ๋องรูปร่างโปร่งบาง เหงื่อโทรมกาย ตั้งใจอยู่กับการฝึกซ้อม ไม่แม้แต่จะเบือนใบหน้าหวานๆไปทางที่ผู้สูงศักดิ์ประทับอยู่

    พระขนงเรียวยาวขมวดเข้าหากันด้วยขัดพระทัยทั้งสำเนียงที่แข็งกระด้างและถ้อยคำที่ดูห่างเหิน “เช้านี้เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมรีบตื่นมาแต่เช้าขนาดนี้ ไปพักกินอะไรหน่อยเถอะ พี่ให้คนเตรียมไว้แล้ว”

   “กระหม่อมเป็นเพียงต้นห้องที่แสนต้อยต่ำ มิอาจเอื้อมร่วมโต๊ะเวลาพระองค์เสวยพระกายาหารได้ เชิญพระองค์เสวย กระหม่อมจะขอซ้อมที่นี้ก่อน แต่หากไม่มีข้ารับใช้ จะให้กระหม่อมคอยอยู่รับใช้ เช่นนั้นจะสมควรกว่า” ดวงตากลมจ้องมองไปยังหุ่นฟางที่มีทหารนำมาให้ใหม่ในทุกวัน แขนเรียวขาวยื่นมีดออกไปปักกลางลำตัว

   “ดีนี้ ในที่สุดเจ้าก็รู้ว่าเป็นแค่ต้นห้อง ที่ต้อยต่ำ แต่เจ้าคงลืมไปเช่นกันว่าคำพูดของเจ้ากำลังล่วงเกินข้า และเป็นสิ่งที่ต้องได้รับโทษ” ทรงไม่เคยกริ้วน้องน้อยของพระองค์เท่านี้มาก่อน หากแต่ครั้งนี้ทรงรับไม่ได้กับความห่างเหินที่ถูกสร้างขึ้น “และข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ ว่าต่อให้เจ้าฝึกซ้อมให้ตายเจ้าก็ไม่มีวันชนะข้า”

   “กระหม่อมทราบดีว่าคงไม่มีวันนั้น แต่อย่างน้อยกระหม่อมก็ได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว” ร่างบางค่อยๆก้าวย่างไปยังหุ่นฟางที่มีดปักอยู่กลางลำตัว พยายามที่จะไม่หันไปสบพระเนตรที่ทอดมองลงมา

   วงองค์สูงใหญ่ขององค์ฮ่องเต้เดินเข้าบดบังเจ้าตุ๊กตาที่ถูกมีดปักเอาไว้ จนร่างบางที่ไม่ทันระวังเกือบเดินชนพระอุระอุ่นที่ซุกตัวนอนในทุกคืนที่ผ่านมา

   “ฝ่าบาท” ในที่สุดดวงตากลมต้องแหงนเงยองผู้สูงศักดิ์เกินกว่าที่ใครจะเทียบเคียงได้ ในฝ่าพระหัตถ์ทรงถือกระบี่ยาวเอาไว้มั่น พระเนตรจ้องมองนิ่ง จนน่ากลัวสมพระราชอำนาจ

   “ทำไม ก็เจ้าบอกเองว่าต้องซ้อมไว้เพื่อเอาชนะข้ามิใช่รึเที้ยนหยวน นี้อย่างไร อยากเอาชนะนัก ข้าก็จะเป็นคู่ซ้อมให้แก่เจ้าเอง” ทรงมองร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า ทรงพบแววของความเสียใจในตากลมที่พระองค์หลงรัก แต่ยามนี้ ความห่างเหินที่ร่างบางสร้างขึ้นทำให้พระองค์ไม่พอทัย จึงทรงแกล้งเมินเฉยไปเสีย แล้วตอบกลับด้วยความห่างเหินที่มากกว่า

   “นับเป็นเกรียติแก่กระหม่อมยิ่งนักที่พระองค์ทรงสละเวลาอันมีค่าประทานแก่กระหม่อม หากมีสิ่งใดได้โปรดประทานคำแนะนำแก่กระหม่อมด้วย” มือบางคว้ามีดสั้นสลักลวดลายที่ฮ่องเต้หนุ่มประทานลงมาให้ กำแน่นในฝ่ามือ จ้องมองร่างสูงที่ดำเนินห่างออกไปจนสุดขอบลานประลอง

   พระเนตรคมดุจพญามังกรทอดมองร่างเล็กที่วิ่งเข้าหาพระองค์อย่างสุดแรง มีดเล่มเล็กหากคมยิ่งนัก พุ่งเข้าพระองค์อย่างไม่รีรอ หากแต่กระบี่ในฝ่าพระหัตถ์กลับไม่กล้าที่จะยกขึ้นเพื่อป้องปัดสะกิดผิวน้องน้อยเพียงนิด ทรงทำได้เพียงเบี่ยงวรองค์ให้พ้นจากมีดเล่มเล็กที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วแต่ไร้ชั้นเชิง

   ร่างบางทิ้งน้ำหนักไว้ข้างหน้าพุ่งเข้าหาคู่ซ้อมอย่างบ้าคลั่ง แม้มองเห็นอย่างพร่าเลือน ได้แต่บอกกับตัวเองว่าหยดน้ำที่บดบังนั้นคือเหงื่อ หาใช่สิ่งอื่นไม่....ไม่มีทางเป็นน้ำที่ไหลมาจากตา

   เมื่อทิ้งลงไปข้างซ้ายกลับพบว่าฮ่องเต้ทรงเบี่ยงออกไปด้ายขวา เมื่อพุ่งเข้าหาด้านขวา กลับมีร่างสูงสง่าประทับทางด้านซ้าย เป็นเช่นนี้อยู่ตลอด “ฝ่าบาทไม่ทรงสู้กับกระหม่อมเลย”

   “แล้วเจ้าอยากให้เราสู้กันงั้นหรือเที้ยนหยวน เจ้าอยากให้เป็นเช่นนั้นหรือ” ทรงร้องถามน้องน้อย ด้วยสุรเสียงที่แสนปวดร้าว เพียงแค่วันนี้ พระองค์ยังมิอาจสู้ได้ แล้วอีกไม่กี่วันข้างหน้าที่จะมาถึง พระองค์จะทำใจได้หรือที่ต้องอาวุธเพื่อทำร้ายคนที่ทรงรักดุจดั่งดวงใจ

   “แต่พระองค์มีกระบี่อยู่ในมือ พระองค์ทรงอยู่ในลานประลอง หากไม่สู้แล้วจะทำอะไร”

   “ได้ เที้ยนหยวนถ้าเจ้าปรารถนาเช่นนั้น เราอยู่ในสนามประลอง เรามีกระบี่อยู่ในมือ เราจะทำให้เจ้าเห็นว่า หากเราสู้กับเจ้า แล้วมันจะเป็นเช่นไร” ฮ่องเต้อี้หลงทรงปิดพระเนตรลง เพื่อให้ลืมภาพน้องน้อยที่แสนรัก ก่อนเปิดพระเนตรอีกครั้ง เพื่อย้ำกับตัวเองว่า นี้คือสนามประลอง และผู้ที่อยู่ตรงหน้า คือคู่ต่อสู้ที่แสนอ่อนหัดไม่ต่างจากเด็กน้อย

   มีดสั้นในมือบางพุ่งเข้าหาวรองค์สูงหนา ลมพัดอื้ออึ้งอยู่ในหู เพียงแค่ขยับพระหัตถ์ก็สร้างแรงมหาศาลผลักให้ร่างกายที่บอบบางถดถอยออกไป และเพียงแค่คิดขว้างมีดสั้นให้ฝ่าแรงลมเพื่อเข้าถึง กระบี่อ่อนพลิ้วไหวก็ปัดมีดเล่มนั้นออกไปดุจไร้น้ำหนัก คมกระบี่ที่เคลื่อนไหวดุจแพรไหมตวัดปาดจนรู้สึกได้ถึงความเย็นวาบผ่านแก้มไป

   “เที้ยนหยวน!” สุรเสียงตกพระทัย ทรงละทิ้งกระบี่คมถลากายเข้าหาร่างบางที่ยืนนิ่งดั่งต้องมนต์ “เจ้า...พี่ขอโทษ” พระหัตถ์ที่ละทิ้งจากอาวุธเอื้อมมือเข้าใกล้แก้มเนียนที่ต้องคมกระบี่จนโลหิตไหลแดงตัดกับความซีดของผิว

   มือเล็กปัดพระหัตถ์หนาออกห่างทันทีที่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากวรกายสูง อีกทั้งยังผลักดันดิ้นรนไม่ให้สองกายแนบชิดไปกว่าที่เป็น ยอมแพ้ต่อน้ำตาที่หลั่งรินจนไม่อาจหลอกลวงตัวเองได้ “ ท่านอย่ามายุ่งกับข้า ออกไป ออกไปให้ไกล”

   “เที้ยนหยวนเจ้าเป็นอะไรไป เที้ยนหยวน พี่ขอโทษ” พระหัตถ์หนาไม่ทรงยอมแพ้เรี่ยวแรงอันน้อยนิด รั้งร่างบางเข้ามาแนบชิดในอ้อมพระพาหา กดใบหน้าเล็กให้แนบพระอุระ กระซิบพร่ำบอกคำขอโทษ

   “ไม่ๆ ออกไป ไปให้ไกล อย่ามาสนใจข้าอีก อย่าทำดีต่อข้าอีกเลย อย่าทำเช่นนี้อีกเลย” ร่างเล็กที่ดิ้นรนจนกลายเป็นยอมอยู่นิ่งในอ้อมพระพาหาอันอบอุ่น บาดแผลบนใบหน้าไม่เจ็บปวดเท่าหัวใจดวงน้อยที่กำลังพ่ายแพ้

   “จะให้พี่ไปไหนได้อีกเที้ยนหยวน สายตาของพี่มองหาแต่เจ้า จนมันไม่เหลือเอาไว้สนใจใครได้อีก อย่าร้องไห้นะคนดี อย่าร้องไห้อีกเลย ไม่ว่าเรื่องใดที่เจ้าโกรธเคือง พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่เถิดนะ” ทรงขอโทษแม้จะไม่รู้ว่าเรื่องใดที่ทำให้ร่างเล็กในอ้อมพระพาหาโกรธเคือง ทรงยอมทุกอย่างขอเพียงน้ำตาเม็ดเล็กจะหยุดหลั่งริน ขอเพียงจะได้รับรอยยิ้มสดใสเช่นเดิม

   “ท่านจะมองข้าเพื่ออะไร จะเก็บข้าไว้ตรงไหน ในเมื่ออีกไม่นานท่านก็ต้องเข้าพิธีกับองค์หญิงย่าหนาน แล้วท่านยังจะทำแบบนี้อีกทำไม” ร่างเล็กที่รู้จักกับความพ่ายแพ้ของหัวใจเป็นครั้งแรกระเบิดสิ่งที่อยู่ในใจมานาน ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น

   ในอ้อมกอดที่ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ....แต่ก็ยังหวงแหน

   “เที้ยนหยวน!” เจ้าของอ้อมกอดตกพระทัยกับสิ่งที่ได้ยินจากปากน้องน้อย ทรงโอบกระชับให้รัดแน่น ป้องกันลมหนาวที่พัดหวีดหวิว แต่คงไม่อาจปกป้องความเจ็บที่กินลึกอยู่ในใจดวงน้อย พระพักตร์คมซบลงบนกลุ่มผมหนานุ่ม น้ำตามังกรเม็ดเล็กลอบไหลลงมาอย่างเงียบๆ

   “ไม่ว่าเจ้าจะรู้สิ่งใดมา แต่สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของพี่ สิ่งเดียวที่อยากให้เจ้าจำไว้....พี่รักเจ้าคนเดียวเท่านั้น น้องน้อยของพี่”

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
V
V
V
V
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่14) 12/05/11 [เลือดนิดหน่อย & Ncอ่อนหัด]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 12-05-2011 02:26:39
“เจ้าไม่คิดจะพูดสิ่งใดเลยหรือ เที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มทรงตรัสถามอ๋องน้อยผู้นิ่งเงียบไป ตั้งแต่พระองค์ตรัสบอกคำรักออกมา จนพาเข้ามาในตำหนัก เพื่อทำแผลให้ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากกลีบปากอิ่มนี้เลย มีเพียงหยาดน้ำใสๆเท่านั้น ที่ทำให้พระองค์รู้ว่า ไม่ได้กำลังประทับอยู่กับตุ๊กตากระเบื้องแก้วแสนบอบบาง

   “........”

   “ทำไม ยังนิ่งเฉยอยู่อีก ไม่รู้หรือว่า กำลังขัดบัญชาฮ่องเต้อยู่” ฮ่องเต้อี้หลงทรงยกพระขนงขึ้น แม้ถ้อยรับสั่งดูเหมือนจะทรงกริ้ว หากแต่พระสุรเสียงกลับนุ่มทุ้ม พระพักตร์ปรากฏรอยยิ้มอบอุ่น ทอดพระเนตรคนเจ็บด้วยความรักใคร่

   “ข้า...ข้าไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร ไม่รู้ว่าควรเชื่อในคำพูดของท่านหรือไม่ ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น”  คำพูดที่กลั่นออกมาจากใจดวงเล็ก พร้อมน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล ทำให้อ๋องน้อยรู้สึกทั้งรำคาญและกวาดกลัวตัวเอง

   เดิมอ๋องน้อยเที้ยนหยวนที่ใครๆรู้จัก เป็นคนที่ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด ไม่เคยรักใคร เจ้าชู้จนคนรู้ทั้งเมืองเลื่องลือว่าเปลี่ยนผู้หญิงและเด็กหนุ่มหน้าหวานแทบไม่ซ้ำกัน
   
   แต่วันนี้ ต่อหน้าชายผู้สูงศักดิ์และคำว่ารัก...มันทำให้ดวงใจที่เคยนึกว่าหายไปกลับสั่นไหว ทั้งที่คนตรงหน้าเป็นผู้ที่ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นชายของเขาจนหมดสิ้น ทำให้น้ำตาเครื่องหมายของความอ่อนแอหลั่งริน จนน่าสมเพช

   นิ้วเรียวยาวของฮ่องเต้หนุ่มเกลี่ยไล่หยดน้ำใส พระพักตร์ยังคงมอบรอยยิ้มอบอุ่นดังแสงตะวันให้แก่น้องน้อย แม้ถ้อยคำที่ทรงได้ยินจะทำให้น้อยพระทัย “เจ้ายังไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่ตอบพี่ตามที่ใจเจ้ารู้สึกก็เพียงพอ” พระหัตถ์หนารั้งร่างแบบบางเข้ามาไว้ในอ้อมพระพาหา กระซิบตรัสถามข้างใบหูเล็ก “พี่กอดเจ้าไว้แบบนี้ เจ้ารู้สึกดีหรือไม่”

   “....” ร่างเล็กในอ้อมพระพาหา ไม่มีคำตอบใด นอกจากเสียงสะอื้นไห้ที่ดังขึ้นกว่าเดิม และใบหน้าหวานที่พยักหน้าขึ้นลง

   “พี่ลูบหัวเจ้าแบบนี้ คลายกังวลขึ้นบ้างไหม”

   ความอบอุ่นที่เที้ยนหยวนสัมผัสได้จากพระหัตถ์ทำให้ใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตาได้แต่พยักหน้าขึ้นลงเป็นคำตอบ ไร้คำพูดใดๆ

   ฮ่องเต้หนุ่มรั้งร่างเล็กให้ออกห่าง แม้ร่างบางจะขืนตัวแต่ก็ไม่อาจสู้แรงได้ ฮ่องเต้หนุ่มจึงได้เห็นใบหน้าหวานเต็มตาอีกครั้ง ทรงก้มลง ประทับริมพระโอษฐ์ลงบนเปลือกตาบางที่ปิดลงช้า “พี่ซับน้ำตาให้เข้าแบบนี้ รังเกียจพี่หรือไม่ เที้ยนหยวน”

   “ม่ะ...ไม่” ใบหน้าหวานก้มหลบไม่กล้าสบสายพระเนตรที่มองจ้องมา รู้สึกหน้าตนเองร้อนผ่าว และคงแดงกล่ำ ยามนี้อ๋องน้อยเข้าใจความรู้สึกของสาวน้อยขี้อายเป็นอย่างดี

   “แล้วหากพี่จะ...”

   ถ้อยรับสั่งที่ขาดหาย ทำให้อ๋องน้อยขี้อาย ต้องช้อนสายตากลมโตขึ้นมองพระพักตร์คมที่โน้มเข้ามาใกล้จนริมพระโอษฐ์เกือบแนบชิดกับริมฝีปากของตนเอง ใบหน้าหวานยิ่งแดงกล่ำ อยากซ่อนหนี หากแต่คางมนกลับถูกรั้งไว้ไม่ให้ไปไหน

   “...จูบน้องของพี่ ได้หรือไม่”

   ร่างบางไร้คำตอบใดๆให้แก่ฮ่องเต้หนุ่ม มีเพียงเปลือกตาบางที่ปิดลง หยดน้ำเล็กๆยังไหลมาไม่ขาดสาย แพขนตาที่เปียกชื้นขยับเยื้อนแผ่วเบา

   ฝีพระโอษฐ์อุ่นร้อนแนบชิดกลีบปากนุ่ม มอบสัมผัสละมุนให้แก่น้องน้อยที่พระองค์รัก ลมหายใจร้อนผ่าวต่างรินรดกันและกัน ปากอิ่มเจ่อบวมจากสัมผัสที่รุนแรงมากขึ้น ลิ้นร้อนที่ไล่เลียไปทั่วกลีบปากทำให้ร่างเล็กต้องสั่นเทาทั้งที่เคยคุ้นยามเป็นผู้กระทำ

   ลมหายใจร้อนถูกช่วงชิง ทำให้กลีบปากที่เริ่มบวมช้ำต้องเปิดออกเพื่อนำอากาศเข้าไป แต่กลับกลายเป็นการเปิดช่องให้ลิ้นที่อุ่นร้อนได้เข้าไปสัมผัสความหวานที่ซ่อนตัวอยู่ภายใน โพรงปากถูกสำรวจจนทั่ว แม้ลิ้นเล็กจะผลักไส แต่กลายเป็นถูกพันแนบกับลิ้นหนา ร่างกายของทั้งสองแนบชิด จนรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่พุ่งสูงด้วยแรงอารมณ์

   เพราะเสียงครางแผ่วเบาดั่งคนใกล้หมดลมทำให้ฮ่องเต้หนุ่มต้องยอมผละออกจากความหอมหวานอย่างแสนเสียดาย ทรงทอดพระเนตรใบหน้าเนียนที่แดงก่ำ ดวงตาปรือปรอยอย่างคนอ่อนล้าและฉ่ำเยิ้มจนดูยั่วยวนดั่งผลยิงโถ้ว(เชอร์รี่)บวมช้ำวาวน้ำใส หากร่างบางไม่หอบน้อยๆ ฮ่องเต้หนุ่มคงไม่รั้งรอที่จะเชยชมผลไม้รสหวานนี้อีกครั้ง “หากครั้งนี้ พี่จะขอ....”

   นิ้วเรียวสวยขึ้นปิดริมพระโอษฐ์บางที่กำลังเอื้อนเอ่ย ดวงตาโตมองพระพักตร์ที่อยู่ใกล้ “อย่าขอข้าเลย เพราะคงให้มันแก่ท่านไม่ได้” สายพระเนตรคมกล้าเศร้าหมองลง หากแต่พระโอษฐ์ยังยิ้มแย้มดุจจะปลอบน้องน้อยว่าไม่เป็นไร อย่าเสียใจ แม้พระองค์กำลังจะเจ็บมากเพียงใดก็ตาม “ข้ามิอาจตอบคำถามได้อย่างที่ท่านต้องการ แม้ว่าใจข้าจะต้องการมันเช่นกัน”

   “เที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มฟังถ้อยคำจนจบสิ้น จับมือบางคลี่ออกบรรจงจุมพิตลงไปบนนิ้วเรียวยาวดุจลำเทียน ทีละนิ้ว ทีละนิ้ว สายตาคมจ้องจับใบหน้าหวาน จนดวงตากลมไม่อาจสู้สายพระเนตรได้ ทรงรั้งร่างเล็กให้แนบชิดจนแทบขึ้นเกยนั่งบนตักใหญ่ “หากได้คำตอบเช่นนั้นพี่คงไม่ถามเจ้าอีก ปล่อยให้เป็นไปตามที่ใจเจ้าต้องการเถอะนะ เที้ยนหยวน”

   พระหัตถ์หนาโอบอุ้มร่างเล็กขึ้นจากตั่งไม้แข็งกระด้าง วางลงบนที่นอนนุ่มที่นอนเคียงกันทุกค่ำคืน ทรงตามลงไปนอนไม่ห่าง ชักพาร่างของน้องน้อยมาแนบชิดให้ต่างได้รับรู้ความต้องการในกันและกัน

   ริมพระโอษฐ์หนาเข้าครอบครองริมฝีปากบวมเจ่ออีกครั้งเรียวลิ้นร้อนแทรกเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นเล็กที่รอคอยอยู่ ความหวานที่ไม่เคยได้รับจากที่ใด เมื่อร่างบางตอบรับอย่างเขินอายจนดูไร้เดียงสา

   พระโอษฐ์ร้อนผ่าวผละออกเมื่อน้องน้อยส่งเสียงประท้วง ทรงเลื่อนองค์ลงมาตามลำคอระหงผ่านผิวเนื้อลื่นที่แดงเรื่อเพราะความเขินอายและแรงอารมณ์ เสื้อที่ใช้ฝึกถูกปลดสายคาดเอวจนสายเสื้อแยกออกจากกัน เผยผิวขาวเนียนไร้ร่องรอย มีเพียงเม็ดสีชมพูเล็กที่ชูชันท้าทายเชิญชวนให้ครอบครอง

   “อ๊ะ..”

   อ๋องน้อยหลุดเสียงครางเครือแผ่วเบา เมื่อยอดอกสัมผัสถึงความเปียกชื้นและถูกขบเม้มหยอกล้อกับสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดความรู้สึกเช่นนี้ มือบางยกขึ้นปิดปากและใบหน้าอย่างแสนอาย ทั้งน้ำเสียงครางผวา และความรู้สึกดุจดังสาวน้อยวัยใส จนอ๋องน้อยรับตนเองไม่ได้

   สายพระเนตรช้อนมองใบหน้าหวานที่ทำให้พระองค์หลงใหลอย่างหยอกล้อและเอ็นดู ทรงดึงมือเล็กทั้งสองข้างวางลงบนที่นอนดังเดิม “อย่าเขินอายเลย ให้พี่ได้ยินเสียงหวานที่บอกว่าเจ้ารู้สึกดี ได้เห็นใบหน้าสวยที่บอกว่าเจ้ามีความสุข อย่าปิดเลยนะ” หน้าผากชื้นเหงื่อถูกบรรจงจุมพิตอย่างอ่อนโยนดวงตากลมหลับพริ้ม เปิดรับความสุขที่ได้รับ “ปล่อยให้หัวใจชักนำเราทั้งสองคนเหอะนะ”

   กางเกงหูรูดถูกดึงออกโดยไม่ทันให้ร่างบางได้รู้สึกตัว เมื่อฮ่องเต้หนุ่มยอมละทิ้งยอดอกที่แดงก่ำ ไล้ผ่านผิวเนื้อที่ผุดพรายไปทั่ว ผ่านหน้าท้องที่เนียนเรียบ ส่วนกลางที่ชื้นฉ่ำสั่นระริกจนดูน่าสงสาร สะโพกกลมถูกช้อนขึ้นหมอนใบเล็กถูกสอดรองหนุนหลัง

   ดวงตากลมมองจ้องมองการกระทำของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์อย่างแปลกใจ ก่อนจะตกใจเมื่อพระพักตร์ก้มลงพระโอษฐ์ใกล้แนบชิดส่วนกลางที่แดงเรื่อและสั่นไหวอย่างน่าอับอาย “ทะ...ท่าน..”

   “ทำไม หืม? ไม่เป็นไรนะเที้ยนหยวน มันจะไม่เหมือนครั้งนั้น พี่สัญญา” ทรงประทานคำสัญญาแกน้องน้อยที่ดูตื่นกลัวทั้งที่ใบหน้าหวานก็แดงก่ำ ความต้องการก็แสดงให้เห็นชัดเจนผ่านส่วนกลางที่เครียดขึง ทรงประทับรอบจุมพิตบนต้นขาเล็ก ให้น้องน้อยได้ผ่อนคลายอารมณ์

   “อืออออ อ่ะ...”

   เสียงหวานครางเครืออย่างผ่อนคลยกลายเป็นตกใจอีกครั้งเมื่อความร้อนชื้นเข้าครอบครองแก่นกายโดยไม่ทันตั้งตัว เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดเจ้าส่วนกลางที่สั่นระริกอย่างสนุกสนานพร้อมๆกับดูดดุนจนสติของอ๋องน้อยแทบจางหายไป สะโพกมนลอยขึ้นอย่างสุดกลั้น เสียงครางหวานดังระงมไปทั่ว มือเล็กจิกเข้าที่ฝ่ามือตนเอง เพื่อเรียกสติสุดท้ายให้กลับมา “อ่ะ...ท่านม่ะ..มันไม่..เหมาะ”

   “หากจะไม่เหมาะก็เพราะเจ้าไม่ต้องการนะเที้ยนหยวน” ทรงละออกจากท่อนลำที่ถูกโลมเลีย ก่อนจะประคองเข้าพระโอษฐ์ไปอีกครั้ง เร่งเร้าให้น้องน้อยของพระองค์ปลดปล่อยหยาดหยด ยิ่งปลายลิ้นแทรกเข้าไปในรูเล็กตรงส่วนปลายยิ่งทำให้ร่างเล็กดิ้นพล่านเพราะความรู้สึกอัดแน่นที่แทบจะทนไม่ได้

   ลมหายใจร้อนผ่าวกระชั้น จนร่างบางเผลอตัว ปล่อยให้ตัวเองมีความสุข มือบางจับพระเศียรแน่น เป็นครั้งแรกที่มีคนได้สัมผัสเศียรโอรสสวรรค์ หากแต่ฮ่องเต้ก็ทรงยินดี

   “อ่ะ..อ้า. อึก อื้ออ อ่า.” หยาดน้ำไหลที่เก็บไว้ถูกฉีดพ่นออกมาในพระโอษฐ์ฮ่องเต้ มีบางส่วนที่ไหลเยิ้มออกมาด้านนอก อ๋องน้อยกระตุกเกร็งไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เปลือกตาที่หลับพริ้มมองเห็นดวงไฟที่สว่างวาบแล้วค่อยๆร่วงลับดับไป ก่อนที่การรับรู้จะกลับมาเป็นปรกติอีกครั้ง พร้อมกับเสียยงหายใจเหนื่อยหอบของตนเอง และรอยยิ้มดุจดังแสงอาทิตย์ที่แสนอบอุ่นจากชายผู้สูงศักดิ์

   “รู้สึกดีใช่ไหมเที้ยนหยวน” ทรงทอดพระเนตรเห็นร่างบางกำลังอยู่ในห้วงแห้งความสุข เครื่องอาภรณ์ที่ทรงใส่อยู่ถูกเปลื้องออกอย่างรวดเร็วในวินาทีทีร่างบางล่องลอยในห้วงแห่งความสุข ปลายนิ้วเรียวสอดแทรกเข้าไปในกลีบตูมที่ซุกซ่อนอยู่ด้านหลัง ในขณะที่มันกำลังรับเอาหยาดน้ำที่ไหลย้อนลงมาเข้าไปภายใน ผนังอุ่นตอดรัดรับเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอย่างตื่นกลัว 

   ริมพระโอษฐ์จุมพิตร่างบางอีกครั้ง พร้อมกับรสชาติหวานแปลกๆจากสิ่งที่เที้ยนหยวนพึ่งปลดปล่อยมันออกมา ทั้งสองมอบจุมพิตที่หวานกว่าครั้งไหนๆให้แก่กัน เมื่อลิ้นเล็กเลิกที่จะหนีอย่างทุกครั้ง ไอร้อนที่ผิวเนื้อทั้งสองถ่ายทอดให้แก่กันทำให้ลมหนาวที่พักโบกไปมาอย่างอ้อยอิ่งไร้ความหมาย

   นิ้วเรียวที่ยังทำหน้าที่ คอยชักเข้าออกอย่างช้าๆในช่องที่ตีบตันแต่ลื่นไหลด้วยหยาดน้ำบางส่วนที่ไหลเลื่อนลงไป จากหนึ่งนิ้วกลายเป็นสองนิ้ว เป็นสามนิ้วอย่างช้าๆ ให้เบาที่สุด

   นิ้วทั้งสามค่อยๆหมุนตัวคว้างไปมาในทางที่รัดแน่นด้วยเนื้อนุ่ม ปลายเล็บมนเสียดสีเข้ากับกล้ามเนื้ออ่อนๆ ร่างบางโค้งตัวเหมือนจะหลีกหนี จนสัมผัสได้ถึงสิ่งที่แข็งตัวและชื้นแฉะอยู่เงียบๆจากร่างเบื้องบน เสียงหอบปนกระเส่าหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากบวมช้ำ ทำให้ชายผู้สูงศักดิแย้มพระโอษฐ์อย่างยินดี

   ปลายนิ้วทั้งสามขยับไปมาอยู่ภายในดังจะทรมานร่างบางให้จมอยู่ในห้วงเหวจนไม่อาจหาทางออกมาได้ ความทรมานมากขึ้น เมื่อสัมผัสเข้ากับจุดอ่อนไหว พาให้ร่างบางยกตัวหนีหากมือหนายังคงคว้าสะโพกเล็กไว้มั่นลูบไล้เลยไปถึงต้นขาด้านใน

   นิ้วเรียวที่ได้รับการดูแลอย่างดีจิกลงบนแผ่นปฤษฎางค์กว้างอย่างเผลอไผล ใบหน้าหวาน แหงนหงายจนสุด หยาดน้ำจากส่วนที่นิ่งไปแล้วกลับมาเต่งตึงอีกครั้งและแดงกล่ำจนคล้ายใกล้ปริแตก “อ่ะ..ม่ะ.หยุดด่ะ...แล้ว..ฝ่ะ..อ่ะ ..อ่า”

   ทรงหยุดชะงักทุกการกระทำ ถอนนิ้วทั้งสามออก ไม่อาจฝืนน้องน้อยของพระองค์ที่ยังไม่คุ้นชินกับเรื่องแบบนี้ ทรงพร้อมแม้จะทรมานกับความรู้สึกที่ค้างคาเช่นนี้เพื่อแลกให้น้องน้อยสบายใจ...และรับรู้ถึงความรักที่พระองค์มีให้  สุรเสียงที่เปล่งออกมา คล้ายเสียงครางจากผู้บาดเจ็บ แม้พระองค์จะยังไม่ได้รับการเติมเต็ม “เจ้าอยากให้พี่หยุดจริงหรือ”

   ใบหน้าหวานเห่อแดงจนถึงลำคอขาว ดวงตากลมปรือเบิกกว้างเมื่อนิ้วเรียวถูกนำออกไป แล้วกลับปรอยลงเมื่อได้หายใจ เหงื่อมากมายผุดพรายตามผิวกายของคนทั้งคู่ ร่างบางมองเข้าไปในพระเนตรที่คล้ายจะยิ้มให้อย่างพร้อมจะเสียสละ ความรู้สึกมากมายตีตื้นขึ้น จนไม่อาจตอบเป็นคำพูดได้อีก ทำได้เพียง..ส่ายหน้า

   อ๋องน้อยนึกสมเพชตัวเองที่สุดท้ายก็กลับยินยอมกระโจนลงสู่ห้วงตัณหา ส่ายหน้าอย่างแรงจนได้รับรอยยิ้มกลับมา ทั้งที่เป็นฝ่ายขอร้องให้หยุดแต่กลับไม่อาจทานทนต่อความทรมานที่ไม่ได้รับการเติมเต็มช่องว่างของความรู้สึกอันหวามไหว

   อ๋องน้อยหลับตาพริ้มเขินอายที่จะสบสายพระเนตรที่มองมาอย่างหยอกล้อ ปล่อยใจไปกับการชักนำไปสู่หนทางแห่งความสูงที่มีผู้นำพาเป็นชายผู้มีศักดิ์สูงสุด ผิวกายถูกลูบไล้ลงสู่เบื้องล่างจนถึงสะโพกกลมกลึงและส่วนอ่อนไหวที่ยังแดงเรื่อและสั่นเทาอย่างน่าสงสาร

   พระหัตถ์หนาทรงลูบไล้หยอกล้ออย่างเอ็นดูกับเจ้าสิ่งที่กำลังสั่นเทาและปล่อยสายน้ำเล็กๆออกมา ละเลยไล้ไปถึงช่องทางด้านหลังทรงนำความเปียกชื้นหายเข้าไปในช่องทางที่ดูดกลืนนิ้วเรียวเข้าไปภายใน แขนเรียวยาวยกขึ้นโอบพระองค์อย่างตื่นกลัว

   ร่างบางสั่นสะท้านไปกับความหวามไหวที่ถูกปลุกขึ้นมา สะโพกที่ถูกยกขึ้นเผยให้เห็นทุกอย่างชัดเจน ส่วนกลางที่แข็งตรงแดงเรื่อจนแม้แต่เจ้าของยังมองด้วยความอับอาย

   พระหัตถ์ของฮ่องเต้อี้หลงช้อนเข่าให้ท่อนขาเรียวแนบชิดกับอกบางเพื่อเปิดทางให้แทรกกายเข้าไปได้ง่ายขึ้น สัมผัสร้อนผ่าวอันใหญ่โตตรงปากทางเบื้องล่าง สร้างความหวาดกลัวให้ท่านอ๋องจนเกิดอาการเกร็งโดยไม่รู้ตัว

   “อ่ะ....อ่ากกกกกกกก” ใบหน้าหวานเหยเกสะดุ้งสุดตัว ปล่อยเสียงกรีดร้องออกมาแผ่วเบา เมื่อส่วนปลายอันแข็งขึงแทรกผ่านเข้ามาช้าๆ ความอึดอัดในช่องท้องค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อย ความรู้สึกที่พึ่งได้เรียนรู้แผ่ซ่านไปทั่วเมื่อยิ่งสัมผัสกับสิ่งที่สอดล้ำเข้ามา จุดอ่อนไหวที่ไม่คุ้นชินกับการถูกแตะต้องถูกบดเบียดด้วยสิ่งที่ใหญ่โตและอุ่นร้อนมากกว่านิ้วมือ ผนังภายในบีบรัดแน่นราวกับไม่ต้องการให้ถอนกายออกแม้แต่วินาทีเดียว

   ฮ่องเต้หนุ่มครางเสียงต่ำเมื่อรู้สึกถึงความร้อนและความอ่อนนุ่มที่กำลังบีบรัดแน่นจนแทบไม่อาจขยับกายได้ สะโพกเนียนถูกพระหัตถ์ยึดจับไว้ ค่อยๆแทรกเข้าไปจนสุด เสียงหอบหายใจปนเสียงครางดังออกมาจากคนทั้งคู่

   ร่างบางบิดกายหนีแต่ไม่อาจขืนแรงที่รั้งไว้ ความรู้สึกร้อนเร่าราวกับกำลังถูกแผดเผาออกมาจากส่วนที่เชื่อมโยงร่างกายไว้ด้วยกัน เป็นการแผดเผาที่ทำให้มีความสุขจนแทบไม่เหลือสติ

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงหยุดเคลื่อนไหวเอาไว้เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ที่สามารถปะทุได้ทุกขณะ เรียวขาเล็กของร่างบางถูกลดลงเพื่อให้สบายมากขึ้น ก่อนพระโอษฐ์จะพรมจูบไปทั่วร่าง เหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยถูกปาดออกจากใบหน้าหวาน

   เมื่อทรงแน่ใจว่าร่างบางคุ้นชินกับสิ่งที่แปลกปลอมจึงทรงขยับกายเสียดสีกล้ามเนื้อที่อ่อนนุ่ม เรียกเสียงครางหอบให้ดังก้อง

   “อะ...อ๊า!” วรองค์สูงเคลื่อนกายอย่างรวดเร็ว ปลุกเร้าอารมณ์จนร่างบางมิอาจทานทน จนต้องขยับเอวขึ้นสอดรับจังหวะที่พระโสณี(สะโพก)ตึงแน่นส่งเข้ามา พระอังสะ(บ่า)กว้างถูกมือบางเกาะเกี่ยวไว้แน่น แม้กระทั่งเรียวขาทั้งสองข้างก็กอดก่ายพระโสณี(สะโพก)ของฮ่องเต้หนุ่ม เหมือนกับจะวิงวอนขอให้มากกว่านี้


   เอ็นมังกรที่ฝังตัวเข้าออกช่องทางแคบที่ถูกขยายกว้าง กำลังเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำ ทำให้สามารถลื่นไหลเข้าไปยังส่วนลึกของร่างบาง สติอันน้อยนิดปลิวหายไปด้วยความสุขซ่าน หลงเหลือแต่ความปรารถนาที่ถูกเติมเต็ม เอวบางถูกช้อนขึ้นแนบชิดเมื่อทั้งสองร่างกำลังเข้าใกล้จุดหมายปลายทาง

   “ไม่ไหวแล้ว...ฝ่ะ......อือ”

   อ๋องน้อยกรีดร้องอย่างสุดทน รับรู้เพียงความร้อนผ่าวของส่วนที่ทำให้ร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกับชายผู้สูงศักดิ์ นิ้วเรียวยาวที่จิกแน่นบนพระปฤษฎางค์ อ้อมพระพาหาโอบกอดร่างบางแน่น พลางกระแทกกายอย่างรุนแรงเสียจนส่วนที่รองรับความใหญ่โตบวมช้ำ

   “พี่รักและจะดูแลเจ้า ไม่ยอมให้มีสิ่งใดพรากเราทั้งคู่ได้”

   “อ๊ะ อือ...อ๊า!!”

   แกนกลางที่เคยสั่นไหวจนน่าสงสารปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาเป็นสาย ช่องทางสีสวยกระตุกหดเกร็งบีบรัดให้เอ็นมังกรปล่อยหยาดหยดออกมาอย่างสุดกลั้นจนล้นเอ่อออกมาภายนอก ความอุ่นวาบที่แล่นเข้ามาภายในช่องท้องทำให้ร่างบางสั่นเกร็งไป ความรู้สึกดื่มด่ำห่อหุ้มกายเอาไว้จนเหมือนกำลังล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆ
   
   ฮ่องเต้หนุ่มทาบทับลงบนเรือนร่างที่บอบบาง ถึงแม้จะทรงสัมผัสได้ถึงความเหนียวเหนอะหนะไปด้วยเหงื่อและคราบต่างๆ หากแต่ยังทรงกอดรัดร่างบางอย่างรักใคร่ ประทับจุมพิตที่เปลือกตา เลยลงมามอบความหวานล้ำลึกให้แก่อ๋องน้อย ที่ภายในกายยังคุกกรุ่นไปด้วยความร้อนและความอิ่มเอิบจากความรักที่แสดงให้แก่กัน

     “เหนื่อยไหมคนดี” ทรงตรัสถามน้องน้อยที่ยังคงหลับตาพริ้ม ใบหน้าหวานซุกหน้าลงกับพระอุระแกร่งไม่กล้าสู้หน้าและตอบคำถามใดๆ

   “ไม่ตอบพี่อีกแล้ว พี่จะรู้หรือว่าเจ้ามีความสุขไม่ใช่ความสุขของพี่เพียงผู้เดียว”

   “......”

   ใบหน้าหวานที่ซุกซ่อนอยู่ได้แต่งึมงำแผ่วเบาหากแต่ฮ่องเต้หนุ่มก็ไม่คั้นเอาคำตอบ ด้วยคำถามที่ทรงตรัสถามไปนั้น องค์เองก็ทรงรู้คำตอบเป็นอย่างดี

   “เที้ยนหยวนพี่ไม่แกล้งเจ้าแล้ว แต่ว่าคราวนี้เจ้าต้องตอบว่าเดินไหวหรือไม่ หรือจะให้พี่อุ้มไปห้องน้ำ” สุรเสียงทุ้มตรัสถามร่างเล็กที่ซุกกายแนบแน่น อย่างแสนรัก

   “ไปทำไม” เสียงแผ่วเบาที่ไม่ดังไปกว่าเดิมเท่าไหร่ อู้อี้ออกมาจากร่างบางที่ยังสงสัยแต่ก็เขินอายเกินกว่าจะมองหน้าใครได้ในเวลานี้

   “ก็ไปล้างตัวเจ้าอย่างไรหล่ะ ไหวหรือเปล่าอ๋องน้อยคนเก่ง” ทรงถามย้ำอีกครั้ง ด้วยความเป็นห่วง อาจต้องให้คนเตรียมน้ำให้ใหม่ เพราะน้ำที่เตรียมไว้แต่เช้าอาจเย็นจัดจนทำให้ใครบางคนล้มป่วยได้

   “ไม่ไหว ท่านอุ้มข้าไปหน่อยสิ” อ๋องน้อยคนเก่งแม้จะเขินอายแต่ก็รู้ดีว่าขาของตนเองตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงกายให้ยืนได้ แค่เพียงขยับเล็กน้อยก็ปวดร้าวเสียแล้ว

   “พี่ให้คนเตรียมน้ำให้ก่อนนะ จะได้อาบน้ำอุ่น” ทรงตั้งใจจะผละออกจากร่างบาง หากแต่ถูกรั้งไว้จากคนที่ก้มหน้ามุดหมอนไปแล้วทันทีที่พระองค์ลุกขึ้น

   “ท่านให้คนเตรียมน้ำใหม่ คนอื่นก็รู้สิว่าเมื่อกี้....ไม่เอาหรอก ข้าอาบน้ำเย็นได้” เสียงอู้อี้ที่ดังออกมาทำให้ฮ่องเต้หนุ่มไม่อาจกลั้นพระสรวลได้ ทรงทราบดีว่าน้องน้อยของพระองค์ป่านนี้หน้าหวานคงแดงจัดเป็นแน่

   “แต่เจ้าจะไม่สบายเอาได้นะ”

   “ไม่เป็นไรหรอก ก็ยังดีกว่าให้คนอื่นรู้”

   “อือ ตามใจ ปล่อยมือพี่ก่อน พี่จะใส่เสื้อคลุมแล้วค่อยอุ้มเจ้าไปอาบน้ำ” มือบางยอมละออกจากพระหัตถ์แข็งแรงอย่างว่าง่าย คว้าเปะปะหาผ้านวมขึ้นคลุมกาย แต่ผ้านวมผืนนั้นไม่ได้อยู่บนที่นอน มันถูกเตะทิ้งหล่นลงไปนานแล้ว

   “ไม่ต้องหาอะไรแล้ว ไปล้างตัวเถอะนะ ดูสิคราบอะไรเต็มตัวเจ้าไปหมด เลอะมาถึงพี่ด้วย” ทรงหยอกล้อคนในอ้อมพระหัตถ์ที่ยังซุกหน้ากับกับพระอุระ กลีบปากที่เจ่อบวมแดงก่ำย่นเข้าหากัน

   “อ่ะๆๆ เย็นๆๆ” ร่างบางที่ถูกปล่อยลงในถังไม้น้ำที่บรรจุน้ำเคยอุ่น ร้องลั่นด้วยความตกใจเมื่อสัมผัสกับความเย็น เรียกรอยแย้มพระโอษฐ์ให้ปรากฏขึ้น

   “ก็พี่บอกเจ้าแล้ว ว่าให้คนเตรียมน้ำอุ่นให้ใหม่ เจ้าก็ไม่ยอม กลัวอะไรไม่เข้าท่าเลย มานี้ม่ะ” ทรงลงไปนั่งซ้อนหลังในถังน้ำใบเดียวกัน รั้งร่างบางเข้ามาโอบกอดมอบความอบอุ่น ความเย็นเพียงนี้ไม่อาจทำอะไรได้ ผู้ที่เคยฝึกวิชาต่างๆเช่นพระองค์ได้

   “ก็ท่านนั่นแหล่ะ ข้าบอกแล้วว่าข้าให้ไม่ได้ ก็ยัง....” ใบหน้าหวานแดงก่ำขึ้นอีกครั้งเมื่อนึกถึงคำพูดที่ตรัสถามและคำตอบของตนเองทั้งที่ถูกความหนาวเย็นทำให้ซีดลงไปบ้างแล้ว 

   “พี่ขอโทษ ที่ใช้กำลังข่มเหงช่วงชิงมา” พระพักตร์คมยิ้มกริ่มกับคำพูดขององค์เอง ที่พูดเพื่อหาข้ออ้างให้ร่างบาง “อุ่นขึ้นไหม”

   “อือออ สบายดีจัง” ที่ว่าสบายดีนั้น เพราะร่างบางกำลังได้รับการปรนนิบัติจากฮ่องเต้หนุ่ม น้ำเย็นที่ค่อยๆอุ่นขึ้นถูกราดลงลงบนลาดไหล่เล็ก ตามด้วยการบีบนวดอย่างพอเหมาะจนรู้สึกอย่างหลับในอ้อมพระพาหานี้ หากจะไม่รู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่ล่วงล้ำเข้ามาในช่องทางแคบที่กำลังอ่อนล้า “อ่ะ...ท่านทำอะไรอืมมมม...หน่ะ”

   “เจ้าหันมากอดคอพี่ไว้สิ พี่จะพาลูกของเราให้ออกจากตัวเจ้า ก่อนที่จะทำให้น้องของพี่จะรู้สึกไม่สบายตัว” ทรงตรัสหน้าเฉยอย่างไม่รู้สึกอะไร ในขณะที่คนที่หันหน้าเข้าหาพระองค์ได้แต่ก้มหน้างุดเขินอายในถ้อยรับสั่ง

   “อ่ะ....อื้อ...” เสียงหวานครางลั่นเมื่อนิ้วที่เข้าไปกำลังจะทำเกินกว่าพาสิ่งแปลกปลอมออกมา จนร่างบางไม่อาจเก็บเสียงไว้ได้

   “เจ้าต้องการอีกหรือ เที้ยนหยวน” เพราะหันหน้าเข้าหากันและร่างบางยังอยู่บนวรองค์ ฮ่องเต้หนุ่มจึงรู้สึกได้ถึงส่วนอ่อนไหวที่เกร็งแน่นขึ้นอีกครั้ง แม้จะทรงถามเช่นนั้นหากนิ้วเรียวของพระองค์ยังทรงหมุนควานหยอกล้ออยู่ภายใน

   “ม่ะ...อ่ะ...ท่ะ...แกล้ง อ่า...” ร่างบางกลั้นเสียงจนหลุดออกมาไม่เป็นคำ ริมฝีปากถูกขบเม้มจนขึ้นรอยฟัน เล็บมนจิกลงบนพระพระปฤษฎางค์

   “อ้าว หรอกหรือ!” ทรงถามอย่างกลั้นพระอารมณ์ขัน ก่อนจะไล่เบี้ยถามร่างบางอีกครั้ง “แล้วตกลงว่าอย่างไร ต้องการหรือไม่”

   “อือออ.” ใบหน้าหวานพยักหน้าน้อยๆทำให้พระองค์ไม่อาจกลั้นพระสรวลได้ พระหัตถ์หนาค่อยลูบไล้ส่วนแข็งขึ้นที่แดงเรื่อและเกร็งแน่น อย่างเบามือ ค่อยๆเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น นิ้วเรียวที่อยู่ภายในหมุนวนสัมผัสจุดอ่อนไหวที่คงบอบช้ำอย่างแผ่วเบาแต่เร่งร้อน จนในที่สุด ส่วนที่แข็งชันและสั่นเทาก็ปลดปล่อยสายน้ำขุ่นข้นออกมาอีกครั้ง เปรอะเปื้อนพระหัตถ์ที่ยังประคองไว้

   ร่างบางทิ้งตัวลงบนพระวรกายสูงที่ตนนั่งซ้อนอยู่อย่างสิ้นแรง ลมหายใจหอบเหนื่อย ยังคงอื้ออึงอยู่กับสิ่งที่พึ่งหลุดลอยไป ร่างบางที่ปลดปล่อยมากกว่าครั้งใดกำลังอ่อนแรงเกินกว่าจะทำสิ่งใดได้อีกแล้วในวันนี้

   “อือ ลูกของเราออกมาจากตัวเจ้าหมดพอดี ขึ้นเถอะนะ แช่น้ำนานๆแล้วเจ้าจะป่วยไป” วรองค์แข็งแรงหยัดกายขึ้น พาร่างเล็กที่เกาะเกี่ยวไว้ด้านหน้าให้ขึ้นจากน้ำ โดยมีพระหัตถ์หนาโอบประคองกันน้องน้อยไร้เรี่ยวแรงที่จะเกาะเกี่ยว

   “แล้วท่านหล่ะ” เพราะเป็นผู้ชายไม่ต่างกัน และเพราะเกาะเกี่ยวไว้เช่นนี้ทำให้อ๋องน้อยรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่กำลังแข็งตัวและต้องได้รับการปลดปล่อยออกมา

   “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่ค่อยจัดการมันเอง เจ้าอย่ากังวลเลย แค่นี้ก็บอบช้ำจะแย่ยังเป็นห่วงคนอื่นอีก” ทรงแย้มพระสรวลให้น้องน้อย ที่พระองค์โอบอุ้มมาตรงหน้ากระจกบานใหญ่ สะท้อนร่างเล็กขาวที่ประดับรอยแดง ส่วนพระองค์เองหากถอดเสื้อคลุมดู เบื้องหลังคงเต็มด้วยรอยจิกของเล็บ

   ทรงแต่งตัวประทานให้น้องน้อยที่ทรงกายไว้ไม่ไหวจนต้องประคองเอาไว้ตลอด ก่อนจะพาอุ้มกลับมายังที่นอนที่ยับย่นและเปรอะเปื้อน “เจ้านอนได้หรือเปล่า หรือจะนอนที่ตั่งไม้ก่อน”

   “นอนที่ตั่งไม้ แต่ท่านต้องเอาผ้านวมมาปูก่อนนะ” แม้จะเหนื่อยเพียงใด แต่ความเอาแต่ใจที่มีผู้ตามใจตลอดก็ยังคงอยู่ไม่ทำให้อ๋องน้อยเปลี่ยนแปลง 

   “เจ้านี้น้า..” ทรงวางร่างเล็กในอ้อมพระพาหาลงกับเตียงนุ่ม ก่อนจะคว้าผ้านวมที่หล่นอยู่และหมอนใบใหญ่ ไปปูให้บนตั่งไม้ แล้วดำเนินกลับมาโอบอุ้มร่างบางลงนอนอีกครั้ง

   “นอนพักก่อนนะ พี่ไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย” ทรงทอดพระเนตรมองเจตนาให้ร่างเล็กรู้ทรงมีพระประสงค์เข้าห้องน้ำเพื่อสิ่งใด “แล้วเดี๋ยวเราไปกินข้าว....” ทรงมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นพระอาทิตย์ใกล้ตั้งตรง “อือ แล้วเราค่อยไปกินข้าวเที่ยงกัน”

   ทรงจุมพิตบนเปลือกตาบางที่หลับพริ้มรับการสัมผัส ก่อนดำเนินหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อจัดการต่อความปรารถนาที่เกิดขึ้น

   ดวงตากลมจ้องมองพระปฤษฎางค์กว้าง อีกครั้งด้วยความเศร้าก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ “ข้าก็ไม่อยากให้มีสิ่งใดพรากท่านไป แต่มันจะได้จริงหรือ”

   ...สิ่งที่ท่านร้องขอ ข้ามอบให้แก่ท่านมาเนิ่นนานแล้ว....
 
    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีคะ อ๊ากกกกก เขินกลับมาอ่านอีกก็เขินอีก นี้เป็นเอ็นซีแรกที่แต่งเองคะ (ครั้งก่อนนู้นนนน ให้น้องช่วยแต่งให้) มันดูอ่อนด้อยและอ่อนหัด ต้องขอโทษด้วยนะคะ ได้เท่านี้จริงๆ กระซิกๆๆๆ ส่วนฉากต่อสู้ก็ดูคล้ายเล่นเป่ากบพิกล เฮ้อออออออออ แต่ว่าฝากด้วยนะคะ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันนะคะ
ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่14) 12/05/11 [เลือดนิดหน่อย & Ncอ่อนหัด]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 12-05-2011 14:55:34
อ่อนหัดตรงไหนคะ??

ที่มันแปร่งบ้างเพราะ คำราชาศัพท์ที่ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง แต่ เรื่องคำราชาศัพท์มันยากค่ะ ขนาดไม่ใช่เอ็นซีให้ใช้ตลอดก็ยากอยู่แล้ว 

แต่ ฉาก...อ่านแล้วอบอุ่น อ่อนโยนดีจังเลย

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่14) 12/05/11 [เลือดนิดหน่อย & Ncอ่อนหัด]
เริ่มหัวข้อโดย: hikaru00 ที่ 12-05-2011 15:23:34
เจอมาม่าเข้าไปแทบร้องไห้ ที่ฮ่องเต้บอกว่าจะลืมเป็นใครก็เจ็บนะเนี่ย งืออ สงสารอ๋องอ่า

ตอนนี้หวานได้อีกเนอะ หุหุ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่14) 12/05/11 [เลือดนิดหน่อย & Ncอ่อนหัด]
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 12-05-2011 16:11:32
หวานจนเลี่ยนขึ้นสมองคนอ่านแล้ว -*-

อิจฉาเว้ยเฮ้ย
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่14) 12/05/11 [เลือดนิดหน่อย & Ncอ่อนหัด]
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 12-05-2011 16:16:25
 หุหุ   :z1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่14) 12/05/11 [เลือดนิดหน่อย & Ncอ่อนหัด]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 12-05-2011 19:45:10
+1จ้า แล้วน้องน้อยก็กลับมาเศร้าดังเดิม
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่14) 12/05/11 [เลือดนิดหน่อย & Ncอ่อนหัด]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 12-05-2011 20:37:41
และแล้วยังคงหวานปนขมอยู่ดี :sad4:
nc แต่งได้หวานอบอุ่นและน่ารักมากเลย o13
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่15) 13/05/11 [หวานปะแล่ม]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 13-05-2011 01:04:14
ประลองรัก...十五


   หลังเสร็จสิ้นราชกิจในช่วงเช้าฮ่องเต้หนุ่มทรงเสด็จเข้าห้องทรงอักษรในตำหนักหลวง นั่งอ่านฎีกาที่ถูกส่งเข้ามา หนึ่งในนั้นมีรายงายความประพฤติของปาหยางอ๋องภายใต้การควบคุมของผู้คุมมณฑลรวมอยู่ด้วย

   ในรายงานได้ทูลให้ทรงทราบว่า ปาหยางอ๋องปรับปรุงพฤติกรรมให้ดีขึ้นได้มาก อีกไม่นานจะพ้นโทษเนรเทศ สามาถกลับมาใช้ชีวิตเมืองหลวงได้ดังเดิม

   ทรงอ่านรายงายด้วยพระทัยที่เบิกบานยินดี เมื่อถึงเวลานั้น อ๋องน้อยของพระองค์ก็คงจะออกจากวังพอดี พระองค์จะคืนยศฐาและทรัพย์สินให้ทั้งหมด สองพ่อลูกก็จะอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างมีความสุข

   น้องน้อยก็จะไม่อยู่ห่างไกลสายพระเนตรไปไหน....

   พระทัยทรงกระหวัดไปถึงน้องน้อยจนที่ทรงละมาเมื่อยามเช้า ป่านนี้คงกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการซ้อมมีดสั้นอยู่เป็นแน่

   “ทูลฝ่าบาท ท่านราชครูขอเข้าเฝ้า พ่ะย่ะค่ะ” หนึ่งในแปดองครักษ์ลูกน้องของฮวางหูคุกเข่าเบื้องพระพักตร์ ทูลให้ทรงทราบว่าขุนนางเฒ่ามาขอรอเข้าเฝ้าอยู่หน้าห้องทรงอักษรแล้ว

   “เชิญท่านเข้ามา แล้วให้คนจัดชาร้อนเข้ามาให้ท่านครูด้วย”

   “กระหม่อม”

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงลุกขึ้นต้อนรับท่านราชครูผู้เปี่ยมไปด้วยความรู้อย่างนอบน้อม ดังที่ศิษย์พึงมีต่ออาจารย์ “ท่านครูมาหาเราถึงนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร”

   “ครูอยากรู้ว่าฝ่าบาททรงจัดเตรียมงานเษกสมรสไปถึงไหนแล้ว ทำไมกรมราชพิธีถึงยังไม่เริ่มทำสิ่งใด ได้แต่บอกกับครูว่ายังไม่มีราชโอการใดๆลงมา” ขุนนางเฒ่าถามศิษย์ผู้สูงศักดิ์ด้วยความอาทรไม่ต่างจากลูกหลาน

   “เรา...เรา ท่านครูถามถึงเรื่องนี้ทำไมหรือ” ทรงอ้ำอึงไม่อาจประทานคำตอบแก่พระอาจารย์ได้ หากถามจริงๆ พระองค์อาจตรัสได้เพียงว่า ....กำลังพูดคุยตกลงเลื่อนงานออกไป.......

   “ครูทราบข่าวที่ไม่ดีเท่าไหร่นักหากทรงยืดเยื้อไม่เร่งให้เกิดงานมงคลครั้งนี้ เรากับชิงเต่าอาจเกิดเรื่องขุ่นข้องจนทางนั่นอาจนำไปเป็นข้ออ้างคิดก่อกบฏก็เป็นได้ กระหม่อม” 

   สีหน้าท่านผู้เฒ่าฉายแววกังวลจนพระองค์เองก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ เป็นอาณาจักรใหญ่และยากที่จะพ่าย แต่หากเมื่อใดเกิดสงครามผู้คนก็พบกับความทุกข์ยากเมื่อนั้นไม่ว่าผลแห่งสงครามจะออกเป็นเช่นไรก็ตาม “ท่านครูหมายถึงเรื่องอะไรกัน”

   “คนของเราในรัฐหลู่ส่งข่าวเข้ามาว่า มีการเตรียมไพร่พล แม้จะไม่มากนัก แต่ล้วนเป็นผู้มีฝีมือ เตรียมการเข้าสู่เมืองหลวงในเร็ววันนี้ หากครูคาดการณ์ไม่ผิด การเตรียมไพร่พลในครั้งนี้อาจเพื่อชิงองค์หญิงจากชิงเต่า ให้เราและชิงเต่าเกิดความขัดแย้ง”

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงรับฟังอย่างครุ่นคิด ภาพอาณาจักรกว้างขวางมากมายด้วยรัฐน้อยใหญ่ ภูมิประเทศที่แตกต่างกันของเหนือใต้อยู่ในห้วงความคิดของพระองค์อย่างแม่นยำด้วยมีพระอาจารย์เฒ่าคอยสอน “รัฐ
หลู่ที่อยู่ติดกับชิงเต่า ใช่หรือไม่”

   “กระหม่อม รัฐหลู่ที่อยู่ติดกับชิงเต่า ท่านหลี่เป็นผู้ปกครองอยู่ มีราชบุตรคือองค์ชายลู่กระหม่อม”

   “องค์ชายลู่....เราเคยได้ยินชื่อองค์ชายผู้นี้มาก่อน น่าแปลกรัฐหลู่ไม่เคยกระด้างกระเดื่องแล้วเหตุใด....”

   “ครูก็ยังไม่อาจทราบได้ว่าเกิดเหตุใดขึ้น แต่หากเป็นดั่งที่คาดการณ์ไว้ การจัดพระราชพิธีในเร็ววัน ดูเป็นหนทางที่หลีกเลี่ยงสงครามได้ดีที่สุด”

   หนทางแก้ไขที่ขุนนางเฒ่าเสนอให้ทรงทำ บีบคั้นพระทัยของพระองค์ให้ปวดร้าว เพียงแค่ไม่ถึงเดือน พระองค์ก็ไม่อาจเลื่อนได้จริงหรือ ความสุขที่ได้ครอบครองดวงใจน้องน้อยช่างสั้นเพียงนี้จริงหรือ  หากวันนี้ต้องยอมละจากน้องน้อยมา แล้วความสุขในวันวานจะทดแทนความเจ็บปวดที่ต่างจะได้รับหรอกหรือ

   แม้คำรักที่ปรารถนาจะได้ยินจากน้องน้อยยังไม่มี...แต่พระองค์ก็แน่ใจว่าหัวใจสองดวงไม่ได้คิดต่างไปจากกันเลย 

    ทรงคำนึงอย่างครุ่นคิด นึกย้อนไปถึงวันที่ทรงเจรจากับองค์หญิงจากชิงเต่า ความนัยที่ไม่อาจพูด หากแต่สายตาหวานซึ้งคู่นั้นเปิดเผยออกมา...หรือว่า?

   “ท่านครู ขอให้เราได้พูดกับองค์หญิงจากชิงเต่าก่อนได้หรือไม่ แล้วต่อจากนั้นไม่ว่าจะเป็นเช่นไร หรือต้องทำสิ่งใด เราก็จะทำ ทำโดยตั้งใจ” พระเนตรคมปิดสนิทรับรู้ด้วยหน้าที่ว่าความสุขมิอาจอยู่กับพระองค์ได้นานไปกว่านี้แล้ว

   “ฝ่าบาท....” ท่านราชครูผู้อภิบาลฮ่องเต้หนุ่มแต่เยาว์วัย เพียงแค่นี้มีหรือที่จะดูไม่ออกว่าชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์กำลังเจ็บปวดเช่นไรกับสิ่งที่นำมาทูล แม้มังกรจะสง่างามและทะนงตนเพียงไรก็ใช่ว่าจะไร้หัวใจ “ครูขอโทษ”

   น้ำตาท่านผู้เฒ่าที่คลออยู่ในดวงตาหม่นแสง ทำให้พระโอษฐ์ต้องแย้มยิ้มอีกครั้ง ความอาทรที่ทรงได้รับจากราชครู ทดแทนความรักจากพ่อท่านแม่ ที่พระองค์ขาดไปได้ตลอดมา แต่ความรักเช่นนี้ก็มิอาจทดแทนอีกหนึ่งคนสำคัญที่กำลังจะสูญเสียไป “ท่านอย่าร้องไห้เลย เรารู้นานแล้วว่าวันนี้ต้องมาถึงแต่ก็ยังดื้อดึงไปเอง และเราก็รู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าหน้าที่ ที่เราต้องทำให้ดีที่สุด”

   “พระองค์ทรงโตขึ้นมาก รู้องค์บ้างไหมกระหม่อม ทรงเป็นฮ่องเต้ด้วยใจไม่ใช่หน้าที่ดังวันเก่าอีกแล้ว”

   “เราโตขึ้นขนาดเลยหรือ คงเป็นเพราะท่านพ่อท่านแม่ ที่รีบหนีเราไป แล้วก็เพราะท่านที่ยัดเยียดให้เราอยู่ทุกวัน  เดี๋ยวเราจะออกไปที่เรือนรับรอง เผื่อว่าบางที....อืมมม ช่างมันเหอะ มันก็เป็นแค่ความหวังที่แขวนไปสายลม” ฮ่องเต้หนุ่มทรงตัดพระทัยจากความหวังที่เคยคิดไว้ จากนี้จะทรงทำสิ่งที่เพิกเฉยมานาน และจะเก็บเกี่ยวความสุขสุดท้ายให้ได้มากที่สุด

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   เสียงหัวเราะครื้นเครงดังมาจากเรือนรับรองช่างต่างจากพระทัยที่เงียบงันของฮ่องเต้หนุ่มยิ่งนัก เสียงของความสนุกไม่ทำให้ทรงเบิกบานพระทัยได้เลยสักนิด คงมีเพียงช่วงเวลาเดียวเท่านั้นที่จะทรงปลดวางสิ่งต่างๆลงแต่ช่วงเวลาที่มีน้อยนิดนั้น กำลังจะหมดไป

   เสียงหัวเราะใสที่ตราตรึงในพระทัย ดังลอยมาพร้อมกับเสียงหัวเราะอื่นที่ไม่ทรงใส่ใจ พระขนงเรียวยาวขมวดเข้าหากัน ทรงจำไม่ผิดเป็นแน่ ไม่มีทางจำผิด ไม่ว่าสิ่งใดของน้องน้อยทรงจำได้แม่นยำ แล้วเหตุใด เสียงนี้จึงดังมาเรือนรับรองขององค์หญิงจากชิงเต่าได้

   “ฮ่องเต้เสด็จ” เสียงของทหารประจำเรือนรับรองที่ถูกส่งตัวมา ร้องบอกให้คนข้างใจเตรียมถวายการต้อนรับฮ่องเต้หนุ่มที่ดำเนินมาพร้อมขบวนองค์รักษ์ บอกให้รู้ว่าทรงมาครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการส่วนพระองค์

   ผู้คนทั้งหลายในเรือนรับรอง ล้วนนั่งนิ่งก้มหน้าเพื่อรอคอการมาถึงขององค์ฮ่องเต้ แม้ผู้คนจะมากมาย แต่ร่างของน้องน้อยที่ดูเพรียวบางก็โดดเด่นในสายพระเนตรเสมอ “ยืนขึ้นเถอะ”

   ดวงตากลมโตที่มองช้อนขึ้นมาดูเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น และคำถามมากมาย พระองค์เห็นชัดถึงความโศกเศร้าในดวงตาคู่นั้น จนอยากโอบคว้าเข้ามาปลอบประโลมกระซิบถาม...น้องน้อยของพี่เป็นอะไร เหตุใดดวงตาช่างเศร้านัก....

   ทรงรู้สึกได้ถึงบางอย่างกำลังตะกุยตะกายอยู่กับเสื้อคลุมมังกรที่ทรงใส่อยู่จึงต้องก้มมองเห็นเป็นเจ้าอี้หลงที่สองที่ตัวไม่น้อยเท่าไหร่แล้ว มาทักทายและคงอยากให้พระองค์เล่นกับมันเหมือนทุกครั้งที่ได้เจอ พระโอษฐ์แย้มยิ้ม มองอาการสิงโตตัวน้อยที่ขี้เล่นขี้งอน และเอาแต่ใจ เดินหันหลังให้พระองค์ที่ขัดใจมัน นิสัยช่างไม่ต่างกันเลยกับร่างโปร่งบางที่นิ่งเงียบอยู่ตรงหน้า

   ....จะให้พี่ทำอะไรได้....

   “เที้ยนหยวนทำไมเจ้ากับตัวยุ่งนี้ถึงมาอยู่ที่นี้ได้ ไม่ใช่ว่าควรซ้อมอยู่ที่ตำหนักหรอกหรือ” ทรงถามอ๋องน้อยที่นิ่งงัน ด้วยพระทัยที่หวั่นไหวในคำตอบไม่น้อย หากแต่ต้องแสดงอาการว่าสบายดีไม่ว่าคำตอบจะออกมาเช่นไร

   “ท่านอ๋องพาเจ้าอี้ชิวที่สองมาให้ข้ากับเสี่ยวหลงเล่นเพค่ะ อย่าทรงว่าท่านอ๋องเลย” องค์หญิงจากชิงเต่ารีบออกตัวให้แก่ท่านอ๋องที่ใจดีพาสัตว์เลี้ยงน่ารักมาให้เล่นคลายเหงา แม้ว่าชื่อของสัตว์เลี้ยงจะสะดุดพระกัณฑ์ แต่คำตอบนั้นก็สร้างความปวดร้าวให้แก่ฮ่องเต้หนุ่มจนลืมเลือนชื่อที่น่าขันนั้นไป

   “อย่างนั้นหรือ แต่เวลานี้เรามาเพื่อจะคุยเรื่องสำคัญกับองค์หญิง สมควรที่เจ้าจะกลับได้แล้วเที้ยนหยวน หากเจ้ายังอยากชนะเราก็ควรตั้งใจฝึกไม่ใช่เอาแต่วิ่งเล่นอยู่แบบนี้” ทรงรู้ดีว่าถ้อยคำดูแสนห่างเหินแต่เวลานี้ควรหรือที่จะบอกให้ใครรู้ว่าเราเป็นเช่นไร

   “กระหม่อมทูลลา” อ๋องน้อยที่เงียบตั้งแต่พระองค์เสด็จมาถึง กล่าวทูลลาอย่างง่ายดาย แต่ในดวงตาคู่กลมที่มองมายังฮ่องเต้ช่างปวดร้าวสื่อถึงใจที่กำลังจะแตกลงทุกที

   ..ใช่ว่าเจ้าคนเดียวที่เจ็บเมื่อเห็นพี่อยู่ที่นี้ ใช่ว่าพี่ไม่รู้ว่าเจ้าหมายปองสิ่งใดในเรือนรับรอง แต่เอาเถิด สิ่งที่พี่จะทำ มันจะทำให้เจ้าเจ็บปวดยิ่งกว่านี้มากนัก หากวันใดเจ้าได้สมหวังในสิ่งที่หมายปอง พี่คงทำได้เพียง..ยินดี...และโศกเศร้า ไปพร้อมกัน     

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ฮ่องเต้หนุ่มดำเนินกลับตำหนักส่วนพระองค์ด้วยพระทัยที่เบิกบานกว่าครั้งไหนๆ แม้จะมีเรื่องให้พระองค์ต้องครุ่นคิดและดำเนินการอย่างเร่งด่วน

   ร่างน้องน้อยที่นั่งหน้าบึ้งอยู่บนตั่งในห้องบรรทม หันมองออกไปยังสวนเปิดกลางตำหนัก เรียกรอยแย้มสรวลให้ปรากฏขึ้น ทรงดำเนินเข้าไปใกล้โอบกอดน้องน้อยจากด้านหลัง ซุกพระพักตร์ลงกับซอกคอขาว รู้สึกได้ว่าร่างเล็กในอ้อมพระพาหาสะดุ้งจนสุดตัว

   “ทำไมกลับมาเร็วนักหล่ะ ท่านควรอยู่กับองค์หญิงย่าหนานให้นานกว่านี้มิใช่หรือ” ประโยคแสนทำร้ายคนพูดและคนฟังไม่ทรงทำให้พระองค์ตกพระทัยเท่ากับน้ำเสียงสั่นพร่า

   “เที้ยนหยวนเป็นอะไร เจ้าร้องไห้ทำไมคนดีของพี่” ทรงหมุนร่างเล็กกลับมา พระเนตรคมจับจ้องบนใบหน้าหวาน หยาดน้ำตาเม็ดเล็กทำให้ร่างบางดูเปราะบางจนพระองค์อยากเก็บไว้ในตำหนักแต่เพียงเท่านั้น

   “เรื่องของข้า ท่านอย่ายุ่งเลย ก็แค่คนบ้าๆเท่านั้นเอง” ร่างเล็ก ปลดท่อนพระกรใหญ่ออกจากเอวได้ จึนหันหน้ากลับไปมองต้นไม้ที่พลิ้วไหวตามสายลมดังเดิม

   “เรื่องของเจ้าก็เหมือนเรื่องของพี่ บอกมาเถิดว่ามีเรื่องอะไร” ทรงคว้าร่างเล็กเข้ามาในท่อนพระหาพาอีกครั้ง ให้แผ่นหลังบางแนบชิดกับพระอุระถ่ายทอดความอบอุ่นไปสู่น้องน้อย

   “ท่านอย่าทำแบบนี้อีกเลยได้ไหม อย่าเป็นห่วงข้า อย่ารักข้า อย่าดูแลข้าอีกเลยไม่ได้หรือไร ในสักวันท่านจะลืมได้อย่างที่เคยพูดไว้ แต่ข้าไม่สามารถทำแบบท่านได้ เข้าใจไหม”  ร่างเล็กสั่นสะท้าน เหลือกตามองไปยังยอดไม้สูงที่ถูกลมพัดจนสั่นพริ้ว ตั้งใจจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลริน แต่มันก็ยังไหลลงมาอาบแก้ม หยดลงบนพระหัตถ์หนาที่โอบประสานอยู่ตรงเอว

   ทรงมองน้องน้อยด้วยความรู้สึกผิด ที่พูดถ้อยคำเหล่านั้นออกไป แม้เพียงแค่คิดก็ผิดมากแล้ว  สุรเสียงทุ้มครางเรียกชื่อน้องน้อยด้วยความเจ็บปวดไม่ต่างกัน “เที้ยนหยวน”

   “ท่านอย่าพึ่งพูดอะไร ให้ข้าพูดให้จบเสียก่อน ข้ารู้ตัวดีว่าเป็นเพียงแค่คนธรรมดา แต่เมื่อข้ารับใครเข้ามาสักคน แม้จะเป็นคนสูงศักดิ์ที่ข้าไม่คู่ควรสักเพียงใด ข้าก็ไม่อาจทำให้ใจลืมคนผู้นั้นได้ และสุดท้ายก็คงเป็นข้าที่จะจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เพียงผู้เดียว ต้องเจ็บอยู่คนเดียวในขณะที่ท่านจำข้าไม่ได้ หยุดเถอะ เพื่อข้าเพื่อองค์หญิงย่าหนาน ท่านทำให้ข้าได้หรือไม่” ดวงตากลมไม่อาจที่จะปล่อยน้ำใสให้ไหลลงมา ถ้อยคำที่ฝืนพูดจนจบ กลั่นออกมาจากใจที่กำลังเจ็บช้ำ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยต้องกลัว

   ...ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะท่าน ฮ่องเต้อี้หลง...

   “เที้ยนหยวนเจ้าขอให้พี่หยุดตอนนี้คงไม่ได้แล้ว พี่ไม่อาจหยุดรักเจ้า ไม่อาจหยุดดูแลเจ้าได้อีก และพี่ก็สามารถลืมเจ้าได้เช่นกัน” ทรงก้มลงแนบพระโอษฐ์ร้อนกับลำคอระหง “พี่ทำให้เจ้าไม่ได้เที้ยนหยวน อย่าร้องขออะไรแบบนี้อีกเลยนะ น้องน้อยของพี่”

   ไม่มีคำตอบจากร่างเล็ก มีเพียงความนิ่งเงียบและหัวใจสองดวงที่กำลังสื่อถึงกันผ่านลมหนาวที่พัดหวีดหวิว น้ำตาเม็ดเล็กค่อยๆจางหายไป

   ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร....แต่จงเก็บเกี่ยวความสุขของวันนี้ไว้ไม่ดีกว่าหรือ....

   “แล้วเจ้าไปเรือนรับรองทำไมกัน ที่นั่นมีอะไรงั้นหรือ” คำถามของฮ่องเต้หนุ่มทำให้ใบหน้าหวาน เชิดรั้นขึ้นแม้จะยังอยู่ในอ้อมพระพาหา เรียกให้รอยพระสรวลที่หายไปกลับมาอีกครั้ง

   “ท่านยังไปได้ ทำไมข้าไปไม่ได้” อ๋องน้อยตอบฮ่องเต้หนุ่มด้วยเสียงห้วน ดวงตากลมเหลือบมองค้อนผู้สูงศักดิ์ที่นั่งซ้อนหลังอยู่ ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆก็ยิ่งเชิดใบหน้าหวานขึ้น

   “เจ้าไปได้ แต่ไปทำไมหืมมม์ บอกพี่ได้ไหม” ชายผู้สูงศักดิ์มองท่าทางของน้องน้อยแล้วได้แต่ อมยิ้ม ดีพระทัยที่ความสดใสกลับคืนสู่ร่างบางอีกครั้ง

   “ก็อีกไม่นานท่านกับองค์หญิงย่าหนานก็ต้องมาอยู่ด้วยกัน ก็เหลือเพียงหลงเอ๋อร์คนเดียว เหมือนข้าที่ออกจากวังไปก็ต้องอยู่คนเดียว ไปผูกสัมพันธ์เอาไว้เพื่อภายหน้าก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือ” ใบหน้าหวานเบี่ยงหลบพระโอษฐ์หนาที่ซุกไซ้อยู่แถวแก้ม

   ฮ่องเต้อี้หลงทรงได้ฟังคำตอบของน้องน้อยแล้วอดหมันเขี้ยวไม่ได้ ฟัดแก้มใสแรงๆหลายที “เจ้ากล้าพูดว่าจะผูกสัมพันธ์กับพูดอื่นต่อหน้าพี่เชียวหรือเที้ยนหยวน”

   “ชายอื่นที่ไหนกัน ท่านก็รู้จักหลงเอ๋อร์ของข้าไม่ใช่หรือ” น้องน้อยในอ้อมพระพาหาเบิกตากว้างใส่ฮ่องเต้หนุ่ม คล้ายจะยั่วให้ฮ่องเต้หนุ่มอิจฉาเด็กชายตัวเล็ก

   “เราอย่าพูดถึงคนอื่นเลย เจ้าหิวหรือยังเที้ยนหยวน” ทอดเนตรดวงตากลมทอประกายใส ได้แต่แย้มพระโอษฐ์ ดีใจ แต่ก็ทรงรู้ดีว่าหากพูดต่อไป คงได้ทรงกริ้วเจ้าเด็กหลงเอ๋อร์คนนี้เป็นแน่ ที่กล้ามาทำให้อ๋องน้อยคนนี้หลงใหล

   “ท่านหิวแล้วหรือ ข้าออกไปบอกให้ขันทีคนเก่งของท่านเตรียมตั้งสำรับให้นะ” ร่างบางๆค่อยหมุดลอดใต้พระพาหาใหญ่ หวังจะออกไปบอกให้ขันทีเหี่ยวจัดสำรับมื้อเย็นได้แล้ว

   พระพักตร์คมเข้มของฮ่องเต้หนุ่มพราวด้วยรอยยิ้ม เมื่อรู้ว่าอ๋องคนโปรด หวังจะมุดลอดใต้พระพาหา พระองค์จึงคิดแกล้งคนรักด้วยความเอ็นดู รั้งแขนเรียวไว้จนสุดแรง กระชากให้ลงมาบนพระเพลา มองใบหน้าหวานที่แดงจัด “เจ้าจะให้อู่กงกงเตรียมได้อย่างไร ที่พี่ว่าหิวหน่ะ พี่อยากกินเนื้อนุ่มๆแบบนี้” พระทนต์ขาวขบเบาลงบนซอกคอขาว สูดดมกลิ่นน้ำมันหอมที่ถูกบรรจงแต้มแตะตั้งแต่เช้า “หอมกลิ่นแบบนี้ด้วย แล้วอู่กงกงจะทำได้อย่างไรคนเก่ง มีแต่เจ้านั่นแหล่ะที่ทำให้พี่ได้”

   “แล้วข้าจะไปหาให้ท่านได้ที่ไหนกัน คนเป็นฮ่องเต้เขาเลือกมากแบบนี้หรือไร” อ๋องน้อยที่เคยได้ชื่อว่าเอาแต่ใจ มองพระพักตร์ฮ่องเต้ที่ได้ชื่อว่าสุขุมและทรงติดอย่างเคืองนิดๆ แต่แล้วใบหน้าหวานกลับแดก่ำและร้อนผ่าว เมื่อได้มองประกายในพระเนตร และความนัยที่ทรงตรัสออกมา “ท่านนนน เป็นฮ่องเต้แล้วพูดแบบนี้ได้ไงกัน ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไงกัน”

   เสียงพระสรวลก้องทั่วห้องบรรทม มองหน้าแดงก่ำของร่างบาง พระนลาฏ(หน้าผาก)กว้างสัมผัสกับหน้าผากมนของร่างในอ้อมพระพาหา ปลานพระนาสิกอยู่ชิดปลายจมูกเชิดรั้น สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว  “หน้าผากเจ้าร้อนเชียว เขินพี่หรือเที้ยนหยวน”

   “ใครเขินท่านเล่า ข้าไม่ใช่หญิงสาวที่จะมาเขินต่อหน้าท่านหรอกนะ  ปล่อยข้าได้แล้ว ท่านไม่หิวแต่ข้าหิวนะ” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนรู้ดีว่าถึงอย่างไรคงปกปิดความเขินอายเอาไว้ไม่ได้ ทางเดียวที่จะหนีพ้นคือเดินออกมาจากห้องบรรทม

   “เจ้าหิวหรือ อยากกินเนื้อแน่นๆแบบนี้หรือไม่”ทรงวางมือเล็กลงบนต้นพระกรที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ   ยิ่งทำให้คนถูกถามเขินอายจนไม่กล้าสบตา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทอดสายตาไปทางทิศใด

   “เนื้ออย่างนี้ข้ากินไม่ลงหรอก ให้ข้าออกไปหาอู่กงกงเถอะนะ” อ๋องน้อยใช้วิธีสุดท้ายด้วยเสียงออดอ้อนเอาใจ ดั่งที่เคยใช้ได้ผลมาตลอดกับทุกคนไม่ว่าจะเพศใด วัยใด

   “แล้วรีบกลับมานะ ลมพัดเย็นๆแบบนี้ ไม่มีเจ้าให้กอดแล้วพี่หนาวตัวจนเหมือนอยากจะเป็นไข้” ทรงละจากร่างเล็ก ส่งประคองให้ลุกขึ้นจากพระเพลา หากแต่ไม่ลืมส่งคำหวานให้เลือดได้มารวมตัวที่ใบหน้าหวานจนแดงปลั่ง

   ลับร่างบางพระพักตร์ที่แย้มพระโอษฐ์ตลอดเวลากลายเป็นนิ่งขรึมดังเช่นก่อนเก่าอีกครั้ง แม้การเข้าพบองค์หญิงย่าหนานในครั้งนี้จะทำให้พระองค์เลิกกังวลกับบางเรื่อง แต่กลับมีเรื่องหนักใจให้ต้องคิด ต้องทำอย่างรอบคอบที่สุดเพื่อความสงบสุขของสามแผ่นดิน และสี่หัวใจ

   “ทำไมทำหน้าแบบนั้นหล่ะ หิวข้าวมากเลยหรือ” เที้ยนหยวนเดินเข้ามาเพื่อบอกให้ฮ่องเต้ออกไปทานข้าวที่ตั้งสำหรับไว้แล้ว แต่กลับต้องมาพบกับพระพักตร์เคร่งขรึม จนอดถามด้วยห่วงใยไม่ได้

   ทันทีที่ทรงรู้องค์ว่าทำให้น้องน้อยเป็นห่วง พระพักตร์คมกลายกลับเป็นแย้มยิ้มอีกครั้ง หวังเอาใจคนที่อ๋องน้อยที่พระองค์รัก “เปล่าหรอก เจ้าอย่าสนใจเลย พี่ยิ้มแบบนี้เจ้าพอใจหรือยัง”

   “อือ แบบนี้สิ ค่อยเหมาะเป็นฮ่องเต้ที่ทรงพระเมตตา ไม่ใช่หน้าบึ้งตึง คงไม่เคยมีใครบอกท่านให้รู้เป็นแน่ ว่าเวลาท่านทำหน้านิ่ง น่ากลัวยิ่งกว่าอะไรเสียอีก ดวงตาท่าน เคยทำให้ข้าแอบผวาด้วยนะรู้หรือเปล่า” อ๋องน้อยลากวรองค์สูงใหญ่ให้ดำเนินออกมายังสวนกลางตำหนัก สถานที่จัดโต๊ะในมื้อเย็นเช่นนี้

   “แต่เดี๋ยวนี้ตาพี่คงทำให้เจ้าเขินอายได้มากกว่าหวาดผวาใช่ไหมเที้ยนหยวน เจ้าถึงขยันทำหน้าแดงอยู่แบบนี้” ทรงใช้มองร่างบางด้วยพระเนตรที่แน่ใจว่าทำให้น้องน้อยเขินอายแล้วมันเป็นจริง เมื่อใบแก้มใสแดงเรื่อขึ้นมา

   “ก็รู้แล้วยังจะถามอีก” ปากเล็กๆงุบงิบอยู่กับตนเองเบาๆแต่ก็ทำให้คนที่ประทับอยู่ข้างๆได้ยินชัดเจน

   “เที้ยนหยวน” ทรงเรียกให้ดวงตากลมหันมามองพร้อมคำถาม ก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่คิดเอาไว้ในใจด้วยสุรเสียงแสนนุ่ม “ คืนนี้อาบน้ำให้พี่หน่อยสิ ได้ไหม”

   “ไม่...” ร่างเล็กที่ถูกขอร้องให้อาบน้ำให้ ปฏิเสธในทันทีโดยไม่ต้องคิด ภาพความทรงจำที่เกิดขึ้นในอ่างน้ำกับชายหนุ่มสูงศักดิ์ผู้นี้ยังตราตรึงไม่เลือนหาย

   “ตามใจเจ้า  พี่ไม่บังคับเจ้าหรอก” แม้พระโอษฐ์จะตรัสว่าไม่บังคับ แต่สายพระเนตรก็กำลังอ้อนวอนน้องน้อยด้วยแววตาเศร้าซึ้งจนน่าสงสาร

   เที้ยนหยวนจำต้องก้มมองอาหารในจานตรงหน้า แทนที่จะเงยหน้าสบตาลึกเข้าไปในดวงตาคู่คมที่แทนอารมณ์ผู้เป็นเจ้าของได้ดียิ่งนัก

   ยามไม่พอพระทัย ด้วยตาคู่นี้ ทอแสงราวกับมีเปลวไฟเผาผลาญผู้ที่ถูกจ้องมองให้มอดไหม้

   ยามโกรธ สายตาก็นิ่งเฉยราวกับไม่มีความรู้สึกใดๆต่อผู้ที่ถูกคล้ายดั่งคนไม่มีตัวตน

   ยามรัก ก็กลายเป็นหวานช้ำ ไม่ปกปิดความรู้สึกที่มากล้น จนผู้ถูกมองได้แต่เขินอาย

   ยามออดอ้อน ก็กลายเป็นดั่งดวงตาของเด็กน้อยที่ขอร้องเพื่อให้ได้มาในสิ่งสำคัญ จนไม่อาจขัดใจได้

   “แล้ววันนี้ท่านไปหาองค์หญิงย่าหนานทำไมหรือ” อ๋องน้อยเปลี่ยนเรื่องให้พ้นจากคำร้องขอและดวงแสนเศร้าสร้อย

   “เจ้าอยากรู้หรือ? ”

   ใบหน้าคมปรากฏรอยแย้มยิ้มที่เที้ยนหยวนต้องบอกตัวเองว่าไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย  แต่เพราะความอยากรู้ก็ทำให้ใบหน้าหวานต้องพยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะรู้สึกพลาดไปถนัด รู้เมื่อสายไปเสียแล้ว...

   .....รอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจ คือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์  อย่างไรหล่ะ

   “งั้นเจ้าก็ต้องทำให้มีข้อแลกเปลี่ยน พี่ถึงจะเล่าให้ฟังได้” พระพักตร์ดั่งเด็กชายจอมเจ้าเล่ห์ที่วางกลอุบายล่อหลวงเด็กน้อยให้ตกหลุมพราง ช่างแตกต่างจากฮ่องเต้หนุ่มที่ออกทรงงานอยู่ทุกวัน

   “ทำไมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนด้วยเล่า ท่านเล่าให้ข้าฟังเลยไม่ได้หรือ” ริมฝีปากอิ่มที่มันวาวด้วยคราบจากอาหารเชิดรั้น เสียงใสขึ้นจมูกอย่างแสนงอนตามนิสัย

   “ไม่ได้หรอก เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมีใครรู้  แต่เจ้าอยากรู้พี่ก็จะบอก แต่ต้องมีข้าแลกเปลี่ยนเจ้าตกลงไหม” ฮ่องเต้หนุ่มทรงอารมณ์ยิ่งนักที่ได้แกล้งให้น้องน้อยทำหน้าประหลาดๆที่พระองค์ชอบทอดพระเนตร

   “แล้วท่านจะแลกกับอะไร ข้าไม่มีเงินหรอกนะ เพราะท่านยึดไปหมดแล้ว” ดวงตากลมมองชายหนุ่มสูงศักดิ์ผู้แสนเจ้าเล่ห์อย่างไม่วางใจ ไม่แน่ใจว่าสิ่งใดกันที่จะต้องนำมาแลกเปลี่ยน แต่แล้วเสียงหวานก็ต้องร้องขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อร่างทั้งร่างถูกยกลอยขึ้น

   ฮ่องเต้หนุ่มไม่อาจห้ามพระทัยไม่ให้เอ็นดูน้องน้อยที่ทำคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน แก้มใสพองลม อย่างคนใช้ความคิด จนต้องโอบอุ้มให้มานั่งอยู่บนพระเพลาอีกครั้ง สองพระกรโอบรั้งเอวเล็กไว้แน่น กระซิบข้อแลกเปลี่ยนชิดริมหูเล็ก”

   “มีให้เจ้าเลือก หนึ่งยอมอาบน้ำให้พี่ หรือ สอง ยอมเป็นของว่างมื้อดึกสำหรับคืนนี้ให้แก่พี่”

   เพียงลมร้อนท่ามกลางลมหนาวก็ทำให้เส้นขนละเอียดลุกชัน แต่ทางเลือกที่มีอยู่ก็ยิ่งทำให้รู้สึกชัดถึงความร้อนผ่าวของใบหน้าที่เลือดมารวมตัวกันอยู่ “ข้าไม่อยากฟังแล้ว ท่านปล่อยข้าลงเหอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

   มือเล็กที่พยายามแกะแงะๆพระหัตถ์หนาออกจากเอวเล็ก ดูไม่เป็นผลเมื่อฮ่องเต้นุ่มยังทรงแย้มพระโอษฐ์กว้าง กอดรัดน้องน้อยแน่น “ไม่มีใครมาเห็นหรอก แต่หากเจ้าให้พี่ปล่อย เจ้าก็ต้องเลือดมาข้อใดข้อหนึ่งแล้วหล่ะ อย่าลืมนะว่าเจ้าเป็นต้นห้องของพี่ก็ต้องดูแลพี่ จำได้หรือเปล่า”

   “ข้าต้องเลือกจริงๆหรือ” เสียงอ่อยของเที้ยนหยวนไม่มีผลให้ฮ่องเต้พระทัยอ่อนลงได้เลย เมื่อทรงพยักพักตร์หนักแน่น ถึงสิ่งที่ต้นห้องคนพิเศษต้องเลือกทำ

   “แล้วท่านจะปล่อยข้า และเล่าเรื่องที่ท่านไปพบองค์หญิงย่าหนานให้ข้าฟังนะ” เสียงใสขอความมั่นใจอีกครั้งก่อนตัดสินใจเลือก

   “อือ เจ้าก็รู้ว่าพี่เป็นฮ่องเต้ พูดแล้วคืนคำได้หรือ สัญญาว่าจะปล่อยให้เจ้าไปนั่งที่เดิม และจะเล่าเรื่องที่อยากรู้ให้ฟัง ทีนี้บอกพี่ได้หรือยังว่าเลือกข้อไหน แต่ถ้าเป็นพี่นะ พี่จะเลือกข้อสอง ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่นอนนิ่งๆให้พี่ได้ชิมรสหวานเท่านั้นเอง” แล้วพระเนตรหวานซึ้งที่ฉายแววบางอย่างที่เที้ยนหยวนไม่เคยเห็น แล้วยังคำแนะนำถึงตัวเลือกทำให้อ๋องน้อยอดคิดถึงยามออกทรงงานไม่ได้

   ....ท่านเป็นแบบนี้ได้อย่างไร ช่างแตกต่างกับฮ่องเต้ที่คนทั้งหล้าเกรงกลัวยิ่งนัก....

   “ไม่มีทาง ข้าเลือกข้อแรก แล้วท่านก็ปล่อยข้าได้แล้ว” ร่างบางบอกเสียงสั่น ก่อนถูกปล่อยออกจากอ้อมพระกร แก้มใสก็ถูกประทับหนักๆหนึ่งครั้ง

   “ตามใจเจ้า พี่อุตส่าห์แนะนำหนทางที่จะไม่เหนื่อยให้แล้วนะ แล้วนั่นจะไปไหนกันเที้ยนหยวน ไม่กินข้าวแล้วหรือ คืนนี้เจ้าต้องอาบน้ำให้พี่นะ” เมื่อทรงเห็นน้องน้อยเดินหนีเข้าตำหนักก็กลับตะโกนเตือนลั่นดุจดังกลับเป็นเด็กชายวัยร่าเริงอีกครั้งหาใช่ฮ่องเต้หนุ่มไม่

   “ข้าจะเข้าเตรียมน้ำให้ท่านอาบ แล้วยังไม่ต้องตามมานะ” ร่างบางตะโกนผ่านช่องหน้าต่าง เดินหายไปยังระเบียงทางเดินมุ่งตรงสู่ห้องบรรทมที่เชื่อมต่อกับห้องสรงน้ำ

   ฮ่องเต้หนุ่มมองตามความน่ารักของน้องน้อย ที่สร้างรอยยิ้มให้แก่พระองค์เสมอ แม้จะดื้อบ้างในบางครั้ง เอาแต่ใจกับบางเรื่อง และที่หนักไปกว่าทุกอย่าง ความเจ้าชู้ที่ดูเหมือนจะยังไม่หายไป แต่พระองค์ก็รักอ๋องน้อยเที้ยนหยวน...อ๋องน้อยผู้ร่าเริง นำความอบอุ่นมาสู่หัวใจที่หนาวเหน็บ

   ...แล้วพี่จะทำใจปล่อยเจ้าไปได้อย่างไรกัน..เที้ยนหยวน....

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีคะ ตอนนี้ยังคงความหวานๆ(จืดๆ)กันต่อไป ถึงจะมีเรื่ององค์หญิงมาให้ท่านอ๋องหวั่นไหวก็ตาม แต่ว่ามันหวานจริงๆนะคะ ส่วนรัฐหลู่มีอยู่จริงนะคะ ในยุคของขงจื้อ อยู่ติดเกาะชิงเต่าลงมาทางใต้ของปักกิ่งคะ

ขอบคุณคะ

หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่15) 13/05/11 [หวานปะแล่ม]
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 13-05-2011 10:14:49
รู้ว่าใจตรงกันแล้วก็ยังมีอุปสรรคเน๊อะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่15) 13/05/11 [หวานปะแล่ม]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 13-05-2011 10:57:44
เจ้าชายหลู่เป็นคนรักขององค์หญิงย่าหนานใช่ป่าว
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่15) 13/05/11 [หวานปะแล่ม]
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 13-05-2011 11:14:40
เฮ้อ! ให้ฮ่องเต้สละราชสมบัติไปเลยดีไหมเนี่ย ยุ่งยากดีแท้  :z3:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (IF:ถ้า:如果) 14/05/11 [ฮ่องเต้หน้าผี vs อ๋องน้อยหน้าปรุ]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 14-05-2011 00:38:06
IF:ถ้า:如果

ถ้า.....ฮ่องเต้หน้าผี vs อ๋องน้อยหน้าปรุ   

       ใน ประวัติศาสตร์จีนได้มีบันทึกฉบับหนึ่ง กล่าวถึงฮ่องเต้หน้าตาอัปลักษณ์ไม่ต่างจากภูตผี ผิวหน้าปูดโปน ดวงตากร้าว แผลยาวคาดเฉียงผ่าครึ่ง จากหน้าผากซีกซ้ายลากผ่านริมฝีปากไปสุดที่สันกรามซีกขวา จมูกบานแบะ ริมฝีปากบิดเบี้ยว ผู้คนเชื่อว่าเป็นเพราะฤทธิ์คำสาปแช่งของพรรคพยัคฆ์กระโจน แต่ทว่ารูปกายนั้นเล่า สูงสง่าแข็งแกร่งกำยำสมชายชาตินักรบ เป็นผู้หมกมุ่นในกามา มัวเมาในเพศชาย ฮ่องเต้ผู้นั้นมีนามว่า อี้หลง


        * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

           เวลาล่วงเข้าบ่ายแก่ในที่ไม่ไกลจากวังหลวงมากนัก ตำหนักทู่หลงของท่าปาหยางอ๋อง ในห้องที่แสนวุ่นวาย สตรีนางหนึ่งกำลังโอดครวญด้วยความทรมานเจียนตาย หมอตำแยมากฝีมือก็ช่วยกันมาแต่กลางดึกของคืนวาน ในที่สุดเด็กทารกรูปร่างพิกลพิการก็ถือกำเนิด

          ในที่ไกลออกไปจนสุดจะนึกคิด ริมหน้าผาสูงตระหง่าน ชายชราพร้อมทารกแรกเกิดสองคนในมือกำลังอ่านสาสน์ที่ได้รับมาจากพญาเหยี่ยวอย่างพึงใจ

          "เจ้าตัวใหญ่ชื่อ อี้หลง ส่วนเจ้าตัวเล็กชื่อเที้ยนหยวน จงใช้สองชื่อนี้กอบกู้ศักดิ์ศรีของพยัคฆ์กระโจน"

            * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

    20ปีต่อมา

     ในพระราชวังหลวง กำลังครึกครื้นด้วยมีงานเลี้ยงฉลองพระราชสมภพครบรอบ20ปีขององค์ฮ่องเต้โฉดผู้ฉกชิงบุตรชายร่างบางของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่มาเพื่อนสนองตัณหาตนเอง

      เหล่า ข้ารับใช้สังเกตเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายบนพระพักตร์ฮ่องเต้หนุ่มต่างพากันหวาด กลัว มิรู้ว่าคืนนี้ใครจะโชคร้าย เป็นผู้ถูกเลือกไปโดนทรมานแก้ความเบื่อหน่าย

    "งานวันเกิดข้าทั้งที ทำไมมันแสนน่าเบื่อขนาดนี้"

       "ออกไป ออกไปให้หมด" ขุนนางใหญ่รีบไล่เหล่านางรำที่กำลังฟ้อนรำอย่างประจบประแจง ย้ายร่างของตนเข้าใกล้ฮ่องเต้ กราบทูลของกำนัลแลกกับตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้น "ให้ข้าเรียกของที่นำมาถวาย ให้ฝ่าบาทเลยดีไหมกระหม่อม"

"เอาซิ ถ้าขอที่เจ้านำมาถูกใจข้า จะตบรางวัลให้อย่างงามทีเดียว"  ใบหน้าอัปลักษณ์ยิ้มพราว จ้องมองขุนนางด้วยดวงตายากจะอ่านออก

"เด็กๆ" เสียงแหบแห้ง ตะโกนเรียกก่อนที่เด็กหนุ่มหน้าสวย ผิวขาวร่างบาง เกือบยี่สิบคนจะเดินเรียงแถวมาให้ ฮ่องเต้หนุ่มทรงเลือก

ใบหน้าอัปลักษณ์ยิ้มแสยะ บอกให้รู้ว่ามัวเมาในเพศรสมากเพียงไร อย่างน่ารังเกียจ กำลังพึงใจกับเด็กหนุ่มตรงหน้า

"ข้าก็มีถวายเช่นกัน" ปาหยางอ๋อง อ๋องปลายแถวผู้ไม่มีผลงานใด ความดีความชอบ รีบเอ่ยแทรกก่อนผลักลูกชายผู้พิการใบหน้าปรุประบิดเบี้ยวออกมาให้ผู้คนทั้ง งานได้หัวเราะเยาะ "เที้ยนหยวนลูกชายของกระหม่อมเอง"

"เจ้าคนพิการนี้หรือที่เจ้าจะให้เรา เอาไปเป็นคนเลี้ยงม้ายังไม่สมกับค่าข้าวที่ต้องเสียให้มันเลย"  ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองผู้ที่ปาหยางอ๋องนำมาให้อย่างดูแคลน แม้รูปทรงจะดูบอบบาง แต่หน้าตาแสนทุเรศ

"ใช่ ท่านอ๋องทำแบบนี้หรือ ไม่เป็นการหมิ่นเกรียรติฮ่องเต้ไปหน่อยหรือ" ขุนนางผู้นำเด็กหนุ่มทั้งหลายมาถวายเอ๋ยอย่างสมเพชมองด้วยหางตา

"อย่าง น้อยลูกข้าก็บริสุทธิ์ ไม่มีประวัติน่าสงสัยอย่างเด็กที่ท่านนำมา" ปาหยางอ๋องผู้ใจกล้านำลูกชายหน้าตาแสนทุเรศมาถวายตอบโต้ขุนนางเฒ่าเพื่อปิด บังความจริง ที่หวังในความดีความชอบ หรืออย่างน้อยที่สุด ก็เพื่อขจัดลูกชายพิการตัวอัปมงคล ให้พ้นจากบ้าน

"เลิก เถียงกันได้แล้วน่ารำคาญ" สุรเสียงก้องบอกพระอารมณ์ที่กริ้วโกรธ ลุกจากพระที่มาคว้าข้อมมือบางของบุตรชายปาหยางอ๋องที่เอาแต่นิ่งเงียบ

"หน้า ตาอัปลักษณ์เช่นเจ้า มีปัญญาทำให้เราพอใจได้หรือไร" สายพระเนตรทอดมองอย่างรังเกียจ สำรวจร่างกายพิกลพิการอย่างดูแคลน "หากเจ้าทำไม่ได้ก็จงรีบไสหัวไป" สุรเสียงทำให้ผู้คนหวาดกลัว ยกเว้นก็แต่ปาหยางอ๋องที่ยังคงยิ้มไม่สะท้าน ดีใจที่ขจัดลูกชั่วไปได้

ใบ หน้าปรุประที่เอาแต่ก้มนิ่ง เงยหน้าขึ้นพร้อมดวงตาวาวโรจน์ สบพระเนตรที่มองอยู่ก่อน ขยับเขยื้อนร่างกางผิดรูปผิดร่างเข้าใกล้วรองค์สูงที่ใบหน้าไม่ต่างภูตผี กลีบปากแห้งกร้านสัมผัสลงบนริมฝีปากบิดเบี้ยว

จุมพิต แสนเร่าร้อนที่ต่างก็แลกลิ้นกันอย่างดุเดือดไม่อายใคร ไม่สนใจหยาดน้ำใสที่ไหลเยิ้มเล็ดลอดออกมาจากจากปากของฮ่องเต้หน้าผีและอ๋อง น้อยหน้าปรุ พาเอาผู้คนที่มองต่างสะอิดสะเอียนนึกรังเกียจ แต่ต้องทนมองเพื่อรักษาหัวให้อยู่ติดกับบ่าต่อไป

วรองค์สูงเผลอไผลไปกับความอ่อนหวาน ไม่นึกเฉลียวใจว่าเหตุใด  ร่างกายที่พิกลพิการจึงดูคุ้นเคยกับการจูบ และยังมีรสจูบที่แสนเร่าร้อนถึงเพียงนี้

หัตถ์หนาเอื้อมปลดสายคาดเอวจากเอวบาง สองมือล้วงข้าลูบไล้ผิวกายที่เนียนละเอียดผิดผิวหน้า  รั้งชุดพิธีการเต็มยศที่ร่างบางตรงหน้าสวมใส่ เปิดไหล่บางที่ไร้กล้ามเนื้อ เคลื่อนริมฝีปากร้อนลงมาจนสะดุดเข้ากับรอยนูนจากผิวเนียนบนแผ่นอกขาวผ่อง

พระเนตรกร้าวจ้องมองรอยนูนขนาดใหญ่ที่ชะงักทุกการกระทำของพระองค์ มันเป็นแผลเป็นโปนจากผิวเนื้อ เหมือนถูกของมีคมทิ่มแทงอย่างแรง

ทรง มองใบหน้าปรุประที่บิดเบี้ยวผิดรูปอย่าพิจารณา ก่อนอุ้มร่างพิการที่ใครต่อใครเบือนหน้าหนีขึ้นแนบพระอุระ เดินออกจากงานฉลองไม่สนใจผู้ใด

"ไม่คิดเลยว่าฮ่องเต้จะมีความคิดประหลาด เอาคนพิการไปนอนด้วย"

"แต่ข้าว่า ก็คงได้แค่คืนเดียวเท่านั้น"

"นอกจากไม่โปรดผู้หญิงแล้ว ยังชอบคนอัปลักษณ์อีกหรือ"

       "แต่ข้าว่าสมดีนะ คนหน้าผีกับคนพิการ"

      * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

ฮ่องเต้หนุ่มอุ้มร่างพิการดำเนินกลับเข้ามาในห้องบรรทม วางร่างบางลงบนเตียงก่อนทาบทับหมายรุกราน หัตถ์หนารั้งเสื้อของคนที่พาเข้ามา เปิดเปลือยแผลเป็นให้เห็นเด่นชัด ว่ามันร้ายแรงเพียงใด และคงเจ็บไม่น้อยเมื่อครั้งเป็นแผลสด

พระโอษฐ์บิดเบี้ยวปิดประทับลงบนคอขาว สร้างรอยรักสีหวาน แต่กลับชะงักงันด้วยปลายคมของมีดสั้นในมือบางทิ่มจ่ออยู่ที่พระศอหนา

"ฮึๆๆๆ ในที่สุดก็เผยตัวตนออกมาเสียที เจ้าเป็นใครแล้วเที้ยนหยวนตัวจริงอยู่ที่ใด" ฮ่องเต้หนุ่มไม่เพียงไม่ตกพระทัย กลับจับข้อมือเล็กไว้มั่น กดน้ำหนักตรึงร่างบางไว้มั่น ให้ไม่อาจขยับเขยื้อน

"ข้า คือเที้ยนหยวน หมดเวลาของเจ้าแล้ว ฮ่องเต้โฉด" ร่างกายที่ดูพิการกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร้ว พลิกกายอย่างรวดเร็วขึ้นไปอยู่เหนือร่างหนาอย่างง่ายดาย แขนเรียวเงื้ออ่าหมายทิ่มแทงสุดแรง แต่กลับต้องปะทะกับกริชมังกรที่ทรงคว้าได้จากใต้หมอนอย่างทันท่วงที

พระหัตถ์หนากระชากผมยาวที่หลุดรุ่น จนใบหน้าปรุประแหงนหงาย "เจ้าไม่ใช่เที้ยนหยวนคนพิการ  เจ้าเป็นใครบอกมา"

"ฉลาดอยู่บ้างนะเจ้า  ข้าคือคนแห่งพยัคฆ์กระโจน จะฆ่าเจ้าแทนท่านประมุข"

ความ จริงที่ได้ยินทำให้ฮ่องเต้หนุ่มนิ่งอึ้ง คลายแรงที่รั้งผมไว้จนร่างบางเป็นอิสระสามารถเพิ่มน้ำหนักลงกับมีดสั้นจน ฮ่องเต้ผู้เพลี่ยงพล้ำ ต้องใช้แรงต้าน ปัดให้มีดสั้นเบี่ยงออกจนร่างบางเสียหลัก หล่นลงจากร่างที่คร่อมอยู่

"ฝีมือแค่นี้คิดจะฆ่าข้าได้หรือไง"  อี้หลงจับบิดมือที่กำมีสั้นไว้แน่น พลิกร่างบางให้นอนคว่ำ กดน้ำหนักตัวล็อคร่างเล็กเพื่อไม่ให้ลุกขึ้นได้อีกจนสุรเสียงต้องเค้นลอด ผ่านไรฟัน "ข้าไม่รู้จักประมุขเจ้า"

"โกหก เมื่อสองเดือนก่อนท่านประมุขลอบเข้ามาเพื่อสังหารเจ้า แต่ท่านประมุขก็เงียบหายไป" ใบหน้าบิดข้างเค้นคำพูดอย่างยากเย็นมือข้างที่เป็นอิสระ แนบชิดลำตัว แอบคลี่แผ่นโละหะบางที่ถูกลับจนแหลมคม เตรียมขว้างสะบัดยามร่างหนาเผลอ

"เจ้าคงไม่ใช่ชั้นปลายแถวสินะ จึงรู้เรื่องนี้ บอกมาว่าเป็นใคร"

"ข้าคือ..."มือบางเตรียมสาดสะบัดใบมีดบางที่แอบซ่อนไว้เข้าใส่ร่างสูงใหญ่ "เที้ยนหยวนคนสนิทของท่านประมุขอี้หลง"

อี้หลงยึดข้อมือที่กำลังสะบัดใบมีดใส่พระองค์อย่างรวดเร็ว ผลักร่างเล็กให้พลิกไปทับแขนเรียวที่เคยถูกยึดไว้ จ้องมองใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างพินิจ "ประมุขเจ้าชื่อเดียวกับข้าเลยนี่"

 "ใช่ ทั้งข้าและท่านประมุขถูกตั้งชื่อตามเป้าหมายที่เราต้องสังหาร" คนสนิทของประมุขพรรครู้ดีว่าการพูดมาก ย่อมนำอันตรายมาสู่ตน แต่ในค่ำคืนนี้มีเพียงสองทางเลือก คือเป็นผู้สังหารฮ่องเต้โฉด หรือ เป็นผู้ถูกฆ่า ไม่มีทางเลือกที่สาม

ฮ่องเต้ทรงละพระหัตถ์จากร่างเล็ก ลงจากแท่นบรรทมที่เป็นสนามรบย่อยๆ หันหลังให้คนที่นอนนิ่ง รินน้ำชาจากโต๊ะกลางห้องอย่างสบายพระทัย "อย่างนั้นหรือ"

"เจ้า!" เที้ยนหยวนมองอาการเช่นนั้นด้วยความแค้นเคือง คว้ามีดสั้นที่ตกอยู่บนแท่นบรรทมถลันเข้าหาร่างที่หันหลังอย่างรวดเร็ว หมายผิดชีพฮ่องเต้ด้วยมีดสั้นนี้

ร่างสูงที่ ดื่มชาอย่างสบายใจ พลิกตัวกลับมาเผชิญหน้าพร้อมกระบี่พลิ้วไหวที่เคยวางอยู่บนโต๊ะ ระยะที่แม่นยำหยุดร่างเล็กไว้ที่ปลายกระบี่ ลำคอขาวแนบชิดกับปลายคม ดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองรอยยิ้มเย็นเยือก รู้สึกได้ถึงเงามัจจุราชที่มาเยือนไม่กล้าแม้แต่จะกลืนน้ำตา(หรือน้ำลาย?)

"เจ้ายังกล้าหลอกข้าอีกหรือ"

"ข้า หลอกเข้าตรงไหนกัน" ใบหน้าพิกลพิการเลิกคิ้วเรียวอย่างสงสัย เวลานี้คงหมดทางเลือกนอกจากกลายเป็นผู้ถูกฆ่าแต่อย่างน้อยก็ได้แก้แค้นให้ ท่านประมุข...แม้จะไม่สำเร็จ

"ตรงนี้อย่างไรเล่า" ข้อมือหนายกปลายกระบี่ทิ่มลงบนใบหน้าปรุประ เคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้งให้ปลายกระบี่เคลื่อนไหวดั่งที่ใจต้องการ "เจ้า ไม่ใช่คนสนิทของประมุขพรรคพยัคฆ์กระโจน" เศษเนื้อจากใบหน้าพิการร่วงกราวสู่พื้น จากรอยยิ้มเยือกเย็นกลายเป็นยิ้มเพียงมุมปาก และปรากฏรอยยิ้มในดวงตากร้าว

"เจ้าคือเที้ยนหยวนคนรักของข้าต่างหากหล่ะ"

ใบ หน้าสวยหวานเนียนเรียบที่เคยซ่อนอยุ่ภายใต้หน้ากากพนังมนุษย์ ฉายแววตกใจ จ้องหน้าบุรุษตรงหน้าอย่างหวาดระแวง มือที่ถือมีดสั้นอยู่ข้างลำตัว หากเกิดสิ่งใดก็พร้อมตายด้วยมีดเล่มนี้

"ดูทำหน้าเข้า จ้อมมองหน้าข้าไว้ดีๆหล่ะ" มือหนาลอกผิวหนังมนุษย์ขึ้นจากลำคออย่างช้าๆ เปิดโฉมหน้าที่แท้จริงให้ร่างบาได้เห็น

"อี้หลง! ท่าน ยังไม่ตาย ยังไม่ตายจริงๆด้วย" น้ำตาเม็ดเล็กไหลลงมาทันทีที่ได้เห็นใบหน้าอันแท้จริงของบุรุษตรงหน้า ก่อนถลันเข้าหาอ้อมกอดอันคุ้นเคย

"ก็ยังไม่ตายหน่ะซิ แต่ก็เกือบตายเพราะเจ้ารู้ไหม" มือหนาลูบหลังบางของคนในอ้อมกอดที่ยังสั่นสะท้านเพราะความดีใจ

ร่างบางขืนตัวออกห่างอีกนิด สองมือยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าหล่อคมของคนตรงหน้า จากเด็กที่เคยถูกฝึกมาด้วยกัน กลายเป็นคู่ซ้อมที่รู้ฝีมือ และคนรักที่รู้ใจ รวมถึงท่านประมุขที่ยอมรับด้วยใจจริง

"รู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงท่านแค่ไหน 2เดือน ที่ท่านลอบเข้าวังแล้วหายเงียบไป ทุกคนเป็นห่วงท่านมากนะ ทำไมไม่ส่งข่าวมาบ้าง บ้าที่สุด" จากความซาบซึ้งกลายเป็นโกรธเคือง สองมือบางทุบอกหนาไม่ออมแรง

"โอ้ย!พอแล้ว เที้ยนหยวนเจ้าจะฆ่าข้าหรือไง แรงก็ไม่ใช่น้อย" สองมือหนาจับข้อมือเล็กไว้มั่น ริมฝีปากได้รูปปรากฏรอยยิ้มพราว ใบหน้าคมเข้มปราศจากรอยใดๆมองคนรักอย่างเอ็นดู "เจ้าเป็นห่วงข้ามากก็เลยรีบจัดการอ๋องพิการเพื่อลอบเข้าวังวันนี้งั้นหรือ"

"ก็ ใช่หน่ะสิ ปล่อยมือข้านะ" ใบหน้าหวานไม่เหลือเค้าความเป็นนักฆ่า ทำหน้าตาบูดบึ้ง ดึงข้อมือตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จ เท้าเล็กเตรียมยกขึ้นสูง

ประมุขพรรคมองความแง่งอนของคนรักรีบยกเท้าหนีอย่างรู้ทันทั้งฝีมือและความคิด "ถ้ายังไม่เลิกทำร้ายข้าเราจะไม่ยืนคุยกันแบบนี้ แต่จะเปลี่ยนเป็นนอนคุยนะเที้ยนหยวน อารมณ์ข้ายังค้างอยู่นะ" ดวงตาคมจ้องมองอย่างสื่อความหมาย แล้วยังพาร่างเล็กเดินถอยหลังเข้าใกล้เตียงมากยิ่งขึ้น

"ไม่เอา เรานั่งคุยกันเถอะนะ ข้ายังเหนื่อยอยู่เลย สู้กับท่านทีไรข้าเหนื่อยถึงเช้าทุกที ขืนนอนคุยกันข้าได้ตายพอดี"

ไม่ตายหรอกหน่า เรื่องอะไรจะทำให้เจ้าตาย หรือไม่เชื่อฝีมือข้า หืมม์?" เสียงกระซิบถามแผ่วเบา ดวงตาเป็นประกาย หลอกล่อเหยื่อให้ตกหลุมพรางเป่าลมร้อนเข้าหูให้รู้สึกวูบวาบ

"เชื่อ สิ" นักฆ่าหน้าหวานหลงเคลิ้มไปกับคำพูดของคนรัก เกือบพลาดตกหลุมพราง หากแต่ยั้งตัวไว้ได้ทัน เมื่อรู้สึกกำลังลอยจากพื้น "เฮ้ย! ไม่ใช่แบบนี้สิ เรานั่งคุยกันนะ" ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างขอร้อง ความเหนื่อยล้าปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน

"อย่างเจ้านั่งคุยไม่ไหวแล้ว เชื่อข้าเถอะไปนอนคุยกัน ข้าสัญญาว่าคืนนี้แค่นอนคุยเฉยๆ ไม่ล่วงเกินอะไรทั้งนั้น หากเจ้าไม่ร้องขอ" ประมุขอี้หลงผู้เป็นฮ่องเต้ตัวปลอมอุ้มคนรักไปวางบนที่นอนนุ่ม ใบหน้ายิ้มกริ่มเมื่อได้ฟังคำบ่นพึมพำจากร่างที่แนบชิดกับอกหนา

"ใครจะไปร้องขอกันเล่า"

อี้หลงวางนักฆ่าคนสวยลงนอนก่อนทิ้งตัวนอนลงเคียงข้าง แล้วฉุดรั้งร่างบางให้เข้ามาในอ้อมกอด ประคองหัวเล็กขึ้นหนุนแขนรอยยิ้มกระจ่างบนใบหน้า ความเงียบที่แสนอบอุ่นเข้าครอบคลุม จนชายหนุ่มอดเอ่ยถามไม่ได้ "ว่าไง มีเรื่องอะไร ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะทำให้เจ้าร้องขอนะ"

 "ท่าน อี้หลง! ทำตัวให้สมเป็นประมุขพรรคที่ท่านอาจารย์ไว้ใจหน่อยได้ไหม" เที้ยนหยวนจ้องมองอย่างไม่พอใจ ที่ทำตัวไม่น่าเคารพทั้งที่อาจารย์อุตส่าห์เลือกให้สืบทอด

"ก็ ตอนนี้ข้าไม่ใช่ประมุขพรรคเสียหน่อย แต่ข้าเป็นฮ่องเต้โฉดมั่วโลกีย์ต่างหาก" ใบหน้าคมขำขันก่อนจะแกล้งร้องโอดโอยเมื่อถูกนิ้วเรียวบิดเข้าที่แขนล่ำ

"ท่านนี่ทำเป็นเล่น ทำไมหลังจากลอบฆ่าฮ่องเต้โฉดได้แล้วถึงเงียบหายไป ไม่ส่งข่าวกลับมาเลย"

"ข้า ขอโทษ แต่เป็นเพราะยังจัดการอะไรไม่เรียบร้อย สองเดือนที่ผ่านมา ข้าพยายามเร่งจัดการขุนนางโฉดทั้งหลาย คิดไว้ว่าเรียบร้อยเมื่อไหร่จะส่งข่าวกลับไป แต่เจ้าก็ชิงเข้ามาเสียก่อน" ชายหนุ่มประทับริมฝีปากลงบนขมับบางอย่างแสนคิดถึงสองเดือนแล้วที่ไม่ได้ นอนกอดกันแบบนี้

"แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่า อ๋องพิการนั่นเป็นข้าถึงได้...รับจูบทั้งที่หน้าตาก็อัปลักษณ์หรือว่า... เป็นใครก็ได้" ดวงตากลมจ้องมองคนรักอย่างคาดคั้น ริมฝีปากเล็กยื่นออกมาอย่างไม่พอใจ

"คิดมาก จังเที้ยนหยวน" ใบหน้าคมมองหน้าคนรักอย่างเอ็นดู จะก้มลง จุมพิตที่กลีบปากอิ่ม แต่กลับโดนหลบอย่างรวดเร็ว "ก็กลิ่นน้ำมันหอมของเจ้าไงเล่า แค่เข้าใกล้ข้าก็รู้แล้ว  แล้วยิ่งมั่นใจเมื่อได้ เห็นแผลเป็นนั่น" จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของร่างบางอย่างชื่นใจ มือลูบไล้แผลเป็นบนอกขาวที่ได้มาระหว่างที่ฝึกซ้อม "ข้าขอโทษเรื่องแผลเจ้านะ"

"อีกแล้ว! ข้าฟังท่านจนเบื่อแล้วนะ ทีทำอย่างอื่นไม่เคยรู้สึกผิด" ใบหน้าสวยแดงกล่ำกับคำพูดของตนเองยามพูดถึงสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ซุกหน้ากับอกหนาหนีสายตาที่เปล่งประกาย ก่อนกลับมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "ข้าปลอมตัวไม่เนียนขนาดนั้นเลยหรือ ก็ว่าแกล้งทำพิการเหมือนแล้วนะ"

"เจ้าหน่ะปลอมตัวแนบเนียนที่สุดแล้ว แต่เพราะข้ารักเจ้า จึงจดจำได้ทุกอย่างที่เป็นเที้ยนหยวนของข้า" อี้หลงยิ้มปลอบใจคนรัก เมื่อใบหน้าสวยพองลมจนแก้มป่องไม่พอใจฝีมือตนเอง

"นี้ ขนาดจำได้ เล่นซะแขนข้าเกือบหัก แล้วยังเอากระบี่มาจิ้มอีก" นักฆ่าคนสวยผู้เกือบพลาดท่าบ่นกระปอดกระแปด ก่อนฝั่งเขี้ยวคมลงบนแขนใหญ่ที่หนุนนอนอยู่

"โอ้ยเที้ยนหยวน ไม่เจอแค่สองเดือนเจ้าคิดถึงข้าขนาดต้องทำให้ช้ำไปทั้งตัวเลยหรือไง" ชายหนุ่มจับหัวเล็กไม่ให้ดิ้นหนี ทอดมองอย่างเอ็นดู "ก็ข้าไม่สู้เจ้าเลย ไม่เห็นหรือแค่ป้องกันตัวเท่านั้น คนกำลังเคลิ้มอยู่ดีๆ เอามีดมาจิ้มคอ ส่วนกระบี่ก็แค่แหย่เจ้าเล่นเท่านั้นเอง"

"ท่านแค่ป้องกันตัวข้ายังสู้ไม่ได้ จะมีวันที่ข้าชนะท่านบ้างไหม" ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปลงตกกับฝีมือตนเอง

"เจ้าชนะข้าเสมอเที้ยนหยวน" เสียงทุ้มกระซิบข้างหูยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้เห็นคนรักหน้าแดงกล่ำ

 "ท่าน อี้หลงเราจะเอายังไงต่อ ข้าไม่ได้เอายางแปะหน้ามาพรุ่งนี้จะออกไปได้อย่างไหร่ แล้วท่านจะแจ้งเรื่องนี้กับพรรคเมื่อไหร่" ร่างบางถามยาวยืดกลบเกลื่อนความอายที่คนรักสร้างขึ้น ทั้งที่ดวงตาก็ปรือเต็มที่แล้ว

"จะยากอะไร ข้ามียางแปะหน้าอีกมาก พรุ่งนี้เจ้าก็ปลอมตัวออกไปเก็บของย้ายเข้ามาอยู่กับข้า แล้วข้าจะลอบส่งข่าวให้ทุกคน แล้วเราค่อย อ้าว! เที้ยนหยวนหลับไปแล้วหรือ" อี้หลงจ้องมองร่างในอ้อมกอดอย่างแสนรักโอบร่างบางเข้ามาแนบชิด ต่อจากนี้ชีวิตจะเปลี่ยนผันไปเพียงใด แต่แค่ได้อยู่เคียงข้างกันก็พอแล้ว
   
"อาจ ไม่มีใครรู้จักตัวตนของเจ้าและข้า แต่ทุกคนต้องจำฮ่องเต้อี้หลงและอ๋องเที้ยนหยวนไปอีกนานแสนนาน โลกจะรับรู้ความรักที่เรามีให้แก่กันแม้เราสองจะลาลับโลกนี้ไป"

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

ใน บันทึกประวัติศาสตร์ได้กล่าวไว้อีกว่าหลังขึ้นครองราชย์ได้เพียงสองเดือน จากฮ่องเต้โฉดได้กลายเป็นฮ่องเต้ผู้ห่วงใยประชาชน ปกครองบ้านเมืองอย่างสงบสุข ขับไล่ขุนนางชั่ว ขยายอาณาเขตให้กว้างขวาง เลิกนิสัยมัวเมาในเพศรส ไม่มีฝ่ายในทั้งชีวิตมั่นในรักเดียวเพียงเที้ยนหยวนอ๋องน้อยผู้มีใบหน้าปรุประบิด เบี้ยวรูปร่างพิกลพิการเท่านั้น

     * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* EnD~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

Special

       มีตำนานรักของฮ่องเต้หน้าผีและอ๋องน้อยหน้าปรุ เล่าสืบขานต่อมานับพันปี......

     ในคืนที่จันทร์เต็มดวงดลบัลดาลให้ฮ่องเต้หน้าผีและอ๋องหน้าปรุกลายเป็นชาย หนุ่มรูปงามแสนสง่า และอ๋องน้อยผู้มีใบหน้าอ่อนหวานแสนบอบบาง พากันออกมาชื่นชมแสงจันทร์

       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีคะ วันนี้เอาอีกหนึ่ง “ถ้า” ที่ชวนงงมาให้อ่านกันคะ ถ้านี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องเลย อย่าสับสนนะคะ ส่วนฉากต่อสู้ก็เป็นการเป่ากบอีกแล้ว 555 มันช่างยากเย็นอะไรแบบนี้หนอ

ขอบคุณคะ



หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (IF:ถ้า:如果) 14/05/11 [ฮ่องเต้หน้าผี vs อ๋องน้อยหน้าปรุ]
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 14-05-2011 03:04:36
+1 เป็นกำลังใจ อ่านแล้วสนุกดีค่ะ รอตอนต่อไปเน้อ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (IF:ถ้า:如果) 14/05/11 [ฮ่องเต้หน้าผี vs อ๋องน้อยหน้าปรุ]
เริ่มหัวข้อโดย: O_a ที่ 14-05-2011 20:51:25
รอให้อ๋องน้อยเชื่อในรักของฮ่องเต้
มารอเป็นต้นห้อง เตรียมน้ำให้ฮ่องเต้กับอ๋องน้อย

+1 ให้กับเรื่องสนุกๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่16) 15/05/11 [คนทั้งสี่]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 15-05-2011 00:59:53
ประลองรัก....十六

   อ่างไม้กว้างที่ตั้งอยู่กลางห้อง มีไอความร้อนพลุ่งพวยขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมที่ถูกเหยาะใส่ด้วยความเอาใจใส่จากผู้เตรียมน้ำอ่างนี้ที่เป็นถึงต้นห้องคนโปรด หากแต่คนเตรียมกลับหายไปนาน จนฮ่องเต้หนุ่มต้องตามหาด้วยพระองค์เอง

   “อู่กงกง ท่านอ๋องหายไปไหน” ทรงมีรับส่งถามขันทีประจำตำหนักส่วนพระองค์ที่เดินสวนมาตามระเบียงยาว

   “กระหม่อมเห็นท่านอ๋องเดินไปที่สวนดอกไม้หน้าตำหนักพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีร่างเล็ก โน้มศีรษะลงต่ำ ก้มตอบโอรสแห่งสวรรค์ที่กำลังทรงร้อนพระทัย

   “อือ ขอบใจ” ทรงดำเนินก้าวเร็วไปยังสวนดอกไม้หน้าตำหนักที่อู่กงกงบอกมาว่าน้องน้อยของพระองค์อยู่ที่นั้น แม้จะทรงแปลกพระทัยก็ตามว่าด้วยเหตุใดคนที่ต้องอาบน้ำให้พระองค์กลับมาอยู่ที่สวนดอกไม้ หรือต้องการหลบเลี่ยงกันนะ

   แผ่นหลังที่ฮ่องเต้หนุ่มคุ้นพระเนตรกำลังก้มหน้าอยู่กับกอกุหลาบหอมจากเปอร์เซีย เรียกรอยแย้มพระโอษฐ์ของฮ่องเต้หนุ่มได้เป็นอย่างดี ทรงค่อยๆดำเนินอย่างแผ่วเบา พระกรโอบรอบเอวเล็กรั้งให้แนบชิดพระอุระ

   “ฮะ...เฮ้ย ท่าน” ร่างเล็กที่กำลังเลือกเก็บดอกไม้อย่างใส่ใจเผลออุทานเสียงดัง ก่อนจะเหลียวหน้ากลับมามองพบเจ้าของแขนที่โอบรอบเอวตนเองเป็นวรองค์สูงสง่าของฮ่องเต้หนุ่ม

   “ก็พี่หน่ะสิ เจ้าคิดว่าใครกันที่จะทำแบบนี้กับน้องน้อยของฮ่องเต้ได้อีก นอกจากพี่” สุรเสียงทุ้มแผ่วแนบชิดใบหูเล็ก ที่ร้อนและแดงจัด

   “ปล่ะ... เปล่า ก็แล้วทำไมมาเงียบๆ ปล่อยข้าได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็น นี้ไม่ใช่ในตำหนักท่านนะ ที่จะมาทำอะไรเช่นนี้” เสียงเล็กแผ่วเบา สองมือแกะแขนใหญ่ที่โอบไว้แน่น กลัวว่าจะมีใครเดินผ่านมาเห็น แล้วคนที่เสื่อมเสียคงเป็นชายหนุ่มสูงศักดิ์ผู้นี้ หาใช่อ๋องน้อยที่ด่างพร้อยอย่างเขา

   วงพระกรใหญ่โอบรัดแน่นขึ้นไม่ใส่ใจกับแรงน้อยนิดของร่างเล็ก ไม่ใส่ใจว่าผู้ใดจะผ่านมา “ไม่ใช่ในตำหนักพี่แล้วอย่างไร คนเป็นพี่กอดน้องแล้วมันไม่ดีตรงไหนกัน ตัวเจ้าเถอะเที้ยนหยวนมาทำอะไรที่นี้ ทำไมไม่อยู่อาบให้พี่ หรือเจ้าคิดหนีกัน ทำอย่างนี้ไม่สมกับเป็นท่านอ๋องเลยนะ”

   “ข้าไม่ได้หนี แต่แค่จะเก็บดอกไม้ไปลอยให้ท่านสดชื่นขึ้นเท่านั้น” ใบหน้าเล็กที่แดงก่ำค่อยๆคลายสีลงเหลือเพียงความหมองเศร้าที่ปกปิดไม่ให้ผู้ใดได้เห็น....กับเพียงแค่ พี่น้อง ก็เจ็บช้ำถึงเพียงนี้

   หวังอะไรกันแน่เที้ยนหยวน เจ้าหวังอะไรอยู่..ช่างน่าอับอายเสียจริง....

   จำไว้ว่า...แค่เพียงพี่น้อง เท่านั้นนะเที้ยนหยวน แค่เพียงเท่านั้น....

   “งั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นแค่นี้ก็เพียงพอ เจ้ากลับไปอาบน้ำให้พี่ได้แล้วหล่ะเที้ยนหยวน” พระหัตถ์หนาแย่งตะกร้าที่เต็มไปด้วยกุหลาบกลีบช้ำเพราะแรงดึงของอ๋องน้อยมาถือไว้ในมือ ก่อนที่พระหัตถ์อีกข้างจะจับจูงร่างบางให้เดินกลับเข้าพระตำหนักส่วนพระองค์ไปด้วยกัน

   “แค่นี้จะพอจริงๆหรือ เมื่อก่อนตอนข้าไปเที่ยวสำนักโคมแดง พวกนางจัดหาดอกไม้มาลอยมากกว่านี้เสียอีก” ร่างเล็กที่ถูกชักพาให้เดินไปด้วยกัน เล่าไปถึงสมัยยังใช้ชีวิตแสนสำราญเที่ยวหอโคมแดงจนขึ้นชื่อไปทั่วเมืองหลวง ไม่ได้สังเกตเลยว่า ใบหน้าของฮ่องเต้อี้หลงบึ้งตึงขึ้นเพียงใด

   พระพักตร์คมขึ้นสันกรามนูน อยากหาอะไรปิดปากเล็กช่างเล่าของน้องน้อยยิ่งนัก ไม่รู้เลยหรือไงกันว่าที่พูดมาทำร้ายใจคนฟังเพียงใด แต่พระองค์คงทำได้เพียงฝืนยิ้มรับ ไม่อาจแสดงออกถึงความไปพอใจที่มี “พี่ควรดีใจหรือไม่นะเที้ยนหยวน ที่เจ้าเคยเที่ยวบ่อยเสียจนรู้ดี แล้วนำมันมันมาปรนนิบัติให้พี่เช่นนี้”

   ใบหน้าสวย หันมามองวรกายที่สูงกว่ามาก ด้วยร้อยยิ้มโดยไต้องปรุงแต่ง “ต้องดีใจสิ หากท่านได้คนอื่นเป็นต้นห้องมีหรือที่จะทำแบบนี้ให้ท่าน ยิ่งขันทีเหี่ยวยิ่งไม่มีทางเสียหรอก แล้วเดี๋ยวท่านก็จะรู้ว่ามันมีดีเพียงไรข้านำน้ำมันหอมหยดลงไปด้วย คราวนี้ก็ยิ่งหอม ไหนจะกลีบดอกไม้พวกนี้อีก ถึงมันจะช้ำไปหน่อยก็ตาม”

   “เจ้าอยากให้พี่รู้สึกดีถึงเพียงนั้นเชียวหรือเที้ยนหยวน” พระพัตร์ที่ฝืนเฝืออยู่เป็นนาน ค่อยคลายออกเป็นพระรอยแย้มพระโอษฐ์กว้าง รวมไปถึงพระเนตรคมแฝงนัยน์ลึกซึ้งที่มองร่างบางอย่างแสนสิเน่หา

   “อือ ถึงข้าจะดูไม่ได้เรื่อง แต่ข้าก็ดูออกว่าท่านคงกำลังมีเรื่องในใจอยู่ไม่น้อย และว่าข้าว่าก็คงเป็นเพราะเรื่องของข้าด้วยส่วนหนึ่งกระมัง หากข้าช่วยผ่อนคลายให้ท่านได้บ้างก็คงดี ใช่หรือไม่” ดวงตากลมจ้องมองในพระเนตรคม เห็นถึงร่องลอยของความเหนื่อยล้าที่ปิดบังได้เกือบมิด

   “ก็จริงของเจ้า แต่รู้ไหมวิธีที่จะช่วยให้พี่ผ่อนคลายโดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปเก็บดอกไม้เหล่านี้มานั่งลอยน้ำให้พี่เลยก็มี”

   “อะไร” อ๋องน้อยไม่ได้สังเกตเลยว่ารอยแย้มพระโอษฐ์เปลี่ยนความหมายไปแล้ว ได้แต่จดจ้องอยากรู้วิธีการ โดยไม่ต้องเสียเวลา จนลืมนึกถึงนิสัยส่วนพระองค์บางอย่างที่มีเพียงตนเท่านั้นที่เคยเห็น

    พระพักตร์คมโน้มลงมากระซิบใบหูเล็กอย่างพอพระทัยในคำถามแสนซื่อของอ๋องน้อย  “ก็แค่เจ้าลงมาร่วมในอ่างน้ำกับพี่อย่างไรเล่า แค่นั้น หากเจ้าอยากได้กลีบดอกไม้ลอยน้ำ พี่ก็ทำให้เจ้าได้ อย่างนั้นดีกว่ามิใช่หรือเที้ยนหยวน”

   “ทะ...ท่าน ข้าไม่เอาด้วยหรอก” ใบหน้าหวานแดงก่ำ น้ำเสียงทุ้มลึกที่แนบชิด ลมหายใจร้อนที่เป่ามาสัมผัสผิวกายทำให้ขนบางตามตัวลุกชัน ภาพหวานหวิวในคืนเก่าย้อนกลับมา ย้อมร่างเล็กให้กลายเป็นสีแดงไปทั่วกาย

   ฮ่องเต้หนุ่มมองร่างบางที่เดินหนีไปอย่างเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก จนเผลอหลุดเสียงพระสรวลดังก้องไปทั่วไล่หลังร่างบางที่เดินไวเข้าไปทางห้องสรงน้ำ

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   “เที้ยนหยวน เจ้าจะหนีพี่ไปไหนหืมม์” พระหัตถ์ใหญ่ โอบรอบเอวเล็กของคนที่กำลังจะเดินหนีออกไปหลังจากที่เด็ดกลีบกุหลาบให้ลอยล่องอยู่ในอ่างไม้ใบใหญ่

   “ข้าไม่ได้จะหนี เพียงแต่เตรียมน้ำให้ท่านเสร็จแล้ว แล้วจะให้ข้าอยู่ทำไมอีก ปล่อยข้าได้แล้ว” มือเล็กพยายามแกะๆแงะๆ พระหัตถ์ใหญ่ที่จับอยู่รอบเอวตัวเอง หาทางเบี่ยงหนีพระพักตร์ที่โน้มลงมาใกล้ซอกคอจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อน

   “อย่างนี้ยังไม่เรียกว่าหนีอีกหรือ เจ้าสัญญาไว้เองนะ ว่าจะอาบน้ำให้พี่ ไม่ใช่เพียงแค่เตรียมน้ำเท่านี้ เจ้าทำแบบนี้ พี่ถือว่าผิดสัญญานะ เพราะอย่างนั้นเจ้าต้องลงไปอาบน้ำกับพี่เป็นการขอโทษนะเที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มไม่รั้งรอให้ท่านอ๋องที่เตรียมหนีได้เอยปากใด ทรงโอบอุ้มร่างเล็กไว้กับพระอุระ แล้วก้าวลงไปในอ่างน้ำ ปล่อยปากอิ่มให้โวยวายเสียงดัง

   “ท่านนนนนน ปล่อยข้าเลยนะ เห็นไหมว่าข้าเปียกไปหมดแล้ว” ร่างเล็กที่ถูกอุ้มลงมาในอ่างสัมผัสแนบชิดกับพระอุระที่เปล่าเปลือย ดิ้นรนให้หลุดออกจากอ้อมพระกรใหญ่จนสุดกำลัง กลีบกุหลาบที่เคยลอยล่อง ไหลออกไปจนหมด เมื่อมีร่างสองร่างลงมาพร้อมๆกัน

   “ไม่ปล่อย ก็เจ้าคิดจะหนีพี่ไปทำไม เปลี่ยนเป็นพี่อาบน้ำให้เจ้าดีกว่า จะได้ไม่ต้องหนีไปไหน” พระหัตถ์ข้างหนึ่งปล่อยออกจากร่างเล็ก มาวักน้ำลาดลงบนไหล่บางแล้วสูดดมความหอมจากซอกคอขาว “หอมเสียจริงเลยนะ น้ำที่เจ้าเตรียมวันนี้”

   “อื้อออออออออ ท่านปล่อยข้านะ ปล่อยเหอะ ข้าเปียกไปหมดแล้ว” เพราะหัวใจที่เต้นแรงจนเกรงว่าทำให้วรองค์สูงที่แนบชิดอยู่รับรู้ ร่างเล็กที่เสื้อผ้าเปียกแนบลำตัว ได้แต่ดิ้นรนเพื่อขึ้นจากอ่างน้ำใบนี้

   ไม่เพียงแต่จะไม่ทรงยอมปล่อยร่างเล็กให้ขึ้นจากอ่างน้ำ หากพระพักตร์ยังโน้มลงมาใกล้ แตะสัมผัสลงบนเรียวปากอิ่มสีสดที่เอาแต่ร้องโวยวาย จนต้องเงียบเสียงลง กลายเป็นเพียงเสียงครางแผ่วในลำคอ ยามที่ถูกกวาดต้อนค้นหาความหวานในโพรงปาก ก่อนจะทรงละออกเมื่อร่างเล็กเหนื่อยหอบ   

   พระเนตรคมมองน้องน้อยอย่างล้อเลียนที่แดงกล่ำไปทั่วใบหน้าและร่างกายขาวใส “น้ำร้อนไปหรือเที้ยนหยวน เจ้าถึงได้แดงไปทั้งตัวเช่นนี้” นิ้วพระหัตถ์เรียวไล้ไปตามริมฝีปากที่แดงช้ำ อย่างสมพระทัย

   “ก็ใครจะไปเหมือนท่านเล่า ปล่อยข้าเหอะนะ รับรองว่าจะไม่หนีอีกแล้ว” มือบางผลักพระอุระเปลือยเปล่าที่เริ่มเห่อแดงด้วยแรงอารมณ์วาบหวาม จนน่ากลัวว่าจะเกินเลยไปกว่าการอาบน้ำ

   “เอาแต่เรียกว่าท่านๆ เช่นนี้ พี่จะรู้ไหมว่าเจ้าหมายถึงใคร ท่านราชครู ท่านองค์รักษ์ ท่านขันที หรือท่านพี่” คำสุดท้ายที่ทรงกล่าวถึงนั้นเสียงช่างแผ่วเบากระซิบชิดหูเล็กๆ ที่แดงจัด ในยามนี้ทรงรู้ดีว่าอารมณ์ขององค์เองเป็นเช่นไร และควรต้องหยุดยั้งไว้แค่นี้ หากแต่ก็ยังอยากแกล้งร่างเล็กที่ถูกจะเล็กบางยิ่งขึ้นเมื่อเนื้อผ้าเบาแนบชิดเผยเห็นทุกส่วนสัด

   ใบหน้าหวานแดงก่ำ เสียงกระซิบข้างหูด้วยสำเนียงแสนหวาน ชวนให้นึกถึงยามเช้าที่มอบบางสิ่งให้แก่ฮ่องเต้ผู้นี้ แต่เพราะคำถามที่ทรงตรัสถามช่างกวนอารมณ์อ๋องน้อย จนกลายเป็น ใบหน้าหวานแดงจัดเพราะความอาย และดวงตากลมที่เหลือบค้อน “ฮ่องเต้ ทรงปล่อยกระหม่อมเถิด”

   ทรงฟังคำพูดอย่างเป็นทางการของอ๋องน้อยแล้วก็ได้แต่ปล่อยพระสรวลออกมา หากแต่ก็ไม่ใช่คำที่พระองค์ปรารถนาจากน้องน้อย “ เจ้าบอกว่าฮ่องเต้ แผ่นดินนี้มีมาก็เนิ่นนาน ฮ่องเต้ก็มีเป็นร้อยองค์ เจ้าหมายถึงฮ่องเต้องค์ใดกันหล่ะหืมมมม์? เที้ยนหยวน”

   ถ้อยรับสั่งของฮ่องเต้พระองค์ที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ร่างเล็กอยากจะฝากรอยเล็กลงบนประอุระหนาเป็นยิ่งนัก หากไม่ติดว่าแววพระเนตรแสนหวานที่แฝงความนัยจะไม่มองมาด้วยความร้อนของอารมณ์จนต้องรีบหาทางออกห่างเช่นนี้ “ฮ๋องเต้อี้หลง ทรงปล่อยหม่อมฉันเถิดนะ”

   “เรียกว่า ‘พี่’ ก่อนสิ แล้วพี่จะยอมปล่อยเจ้า ไม่ทำอะไรอย่างที่เจ้ากลัวทั้งนั้น แต่หากเจ้าไม่เรียก พี่ก็ไม่รู้นะ จะเผลอทำอะไรเจ้านอกจากจูบบ้าง” ทรงยื่นข้อเสนอแสนหวานให้แก่น้องน้อยอีกครั้ง ทั้งที่พระองค์ก็กำลังหักห้ามพระทัยอย่างทรมาน

   “ท่านพี่ ปล่อยข้าเถอะนะ”  เสียงหวานจงใจออดอ้อนฮ่องเต้หนุ่ม พร้อมดวงตากลมที่จ้องมองอย่างใสซื่อ เหมือนทุกครั้งที่เคยทำและได้ผล

   ฮ่องเต้หนุ่มทอดมองดวงตาใสซื่อด้วยรอยยิ้มแสนหวาน ก่อนที่พระกรจะยอมละจากเอวบาง พระโอษฐ์ร้อนก็ประทับบนกลีบปากนุ่มที่สั่นไหว เอื้อมมือกดท้ายทอยเล็กไม่ให้หลีกหนีไปจนกว่าพระองค์จะซึมซับความหวามจนเต็มอิ่ม

   “หอบเสียแล้วเที้ยนหยวน แล้วจะอาบน้ำให้พี่ได้หรือ เปลี่ยนเป็นพี่อาบให้แทนดีไหม” ฮ่องเต้หนุ่มเชยคางเล็กที่แดงกล่ำขึ้น ทอดพระเนตรคนตรงหน้าที่เหนื่อยหอบจนต้องทิ้งตัวลงมาพิงพระองค์

   “ไม่เอา ข้าอาบให้ท่านเองแหล่ะดีแล้ว” ข้าเล็กที่เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย ตะกายตัวเองขึ้นจากอ่างน้ำมายืนตัวเปียกอยู่ภายนอก ตั้งใจจะอาบน้ำให้ฮ่องเต้หนุ่มตามสัญญา

      มือเล็กวักน้ำขึ้นราดใส่ไหล่กว้างที่เปิดเปลือย ค่อยๆใช้ผ้าผืนหยาบขัดไปตามแผ่นหลังกว้างอย่างนุ่มนวล ไม่ต่างจากที่เคยหยอกล้อกับสาวงามทั้งหลาย ริมฝีปากอิ่มฉีกยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว ยามคำนึงถึงชีวิตนอกวังที่เคยมี

   “เจ้ายิ้มอะไร” พระพักตร์คมย้อนกับมาหาร่างเล็กที่ดูเหมือนจะเพลินกับการขัดหลังจนลืมว่าส่วนอื่นก็ต้องการการขัดถูเช่นกัน

   “ป่ะ เปล่า” ร่างเล็กที่เคลิ้มฝันจำต้องหยุดลงแล้ว เพราะฮ่องเต้หนุ่มที่อยู่ตรงหน้า พลางถอนหายใจเล็กน้อยที่ถูกขัดเวลาแห่งความสุขที่ต่อจากนี้อาจไม่ได้สัมผัสอีกแล้ว “นี้ ท่านจะเล่าให้ข้าฟังได้หรือยังเรื่ององค์หญิงย่าหนานหน่ะ”  ร่างเล็กของอ๋องน้อยที่เปียกไปทั้งตัว

   “ก็จะเล่าหากเจ้าเลิกขัดหลังแล้วมาถูข้างหน้าให้พี่เสียที เจ้าขัดจนพี่เริ่มแสบแล้วนะเที้ยนหยวน” พระปฤษฎางค์ของฮ่องเต้หนุ่มถูกขัดจนแดงไปเกือบหมด จนคนทำได้แต่ละอายที่มัวแต่ใจลอย

   “ข้าขอโทษ” ร่างเล็กย้ายจากด้านหลัง มายืนประจันหน้ากับฮ่องเต้หนุ่มที่ทรงเปลือยกายอยู่ในน้ำ พยายามบังคับสายตาไม่ให้มองต่ำเกินกว่ากล้ามเนื้อหน้าท้องที่ชวนให้ผู้ชายด้วยกันอิจฉา

   “ไม่ต้องมือสั่นก็ได้นะเที้ยนหยวน” ทรงเอ่ยยั่วเย้าน้องน้อยที่มือกำลังสั่นเทาอย่างน่าสงสาร

   “อื้อ อย่าพูดได้ไหม เล่าเรื่ององค์สิมาได้แล้ว”

   เสียงหวานที่ขึ้นสูงบอกให้ฮ่องเต้หนุ่มรับรู้ว่าน้องน้อยของพระองค์กำลังงอแง จนต้องยอมตามใจเล่าเรื่องที่ร่างบางอยากรู้ “เจ้ารู้จักรัฐหลู่ใช่ไหมเที้ยนหยวน”

   คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างคิดหนัก  ภาพเลือนรางของแผนที่ โผล่ขึ้นมาในหัวเล็ก แต่ก็ยังไม่นึกว่าตรงไหนกันคือที่ตั้งของรัฐหลู่ที่กำลังถูกเอ่ยถึง อยากจะบอกคนตรงหน้าว่าไม่รู้จัก แต่ก็กลัวจะเสียหน้าและถูกดุที่ไม่ใส่ใจต่อเรื่องแผนที่ จนต้องพูดปด “รู้จักสิ ใครไม่รู้จักก็แย่แล้ว”

   “ก็ดี....” ทรงทอดพระเนตรในดวงตากลมที่หลุกหลิกไปมาจนอยากพระสรวล ทำไมกันนะแค่บอกความจริงว่าไม่รู้จัก ก็คงไม่ว่า เฮ้อ.... เที้ยนหยวนหนอ เที้ยนหยวน “องค์ชายของรัฐหลู่กำลังเตรียมคนเพื่อมาชิงตัวเจ้าสาวของพี่ไปในเร็ววันนี้”

   ...เจ้าสาวของพี่.... คำนี้ที่หลุดออกมาจากปากฮ่องเต้หนุ่มทำให้ใบหน้าหวานที่แดงเรื่อด้วยความเขินอายกลายเป็นซีดขาว หลุบตาลงต่ำ โดยไม่ตั้งใจ ความเจ็บที่แปลกใหม่แต่ก็เริ่มคุ้นเคย แล่นเข้าสู่หัวใจดวงเล็กอย่างไม่ทันตั้งตัว มือเล็กหยุดนิ่งอย่างลืมตัว

   รู้ดีว่าคำนี้หมายถึงผู้ใด....

   ยากเหลือเกินที่จะห้ามน้ำใสไม่ให้ออกมาจากเปลือกตาที่กักเก็บมันไว้

   พระเนตรคมจับจ้องอยู่ที่อาการของน้องน้อย กับคำที่ทรงเจตนาหลุดออกไป แล้วมันก็ได้ผลอย่างที่ทรงประสงค์ น้องที่พระองค์ฝากหทัยไว้ดูเจ็บปวดกับคำนั้น ราวกับมีใจให้แก่พระองค์ไม่ต่างกัน

   พี่ขอโทษ...แต่ที่พี่ทำก็เพื่อความแน่ใจ เท่านั้นนะเที้ยนหยวน ต่อจากนี้ไปสิ่งที่พี่จะทำก็เพื่อความสุขของเจ้าเท่านั้น...

   “พี่ได้คุยกับองค์หญิงย่าหนานแล้ว องค์หญิงก็ยอมรับว่ามีใจให้กับองค์ชายหลี่แห่งรัฐหลู่จริง พี่จึงคิดจะลอบส่งตัวองค์หญิงให้องค์ชายหลี่เสีย เพื่อป้องกันทั้งปัญหาจากหลู่ และจากชิงเต่า”

   “ได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อชิงเต่าส่งองค์หญิงมาเพื่อให้แต่งงานกับท่าน แต่ท่านกลับจะส่งตัวให้คนอื่นอย่างนี้....”

   “ก็จริง แต่รัฐหลู่ใหญ่กว่าชิงเต่ามากนัก ทางนั้นก็บอกไว้แล้วว่าหากพี่คุ้มครององค์หญิงไปถึงองค์ชายหลี่ได้ เขาก็จะช่วยเราเจรจากับชิงเต่าให้ ป่านนั้นพี่ว่าพ่อขององค์หญิงก็คงทำอะไรไม่ได้ อีกอย่าง พี่ว่าทำเช่นนี้ดีที่สุดต่อคนทั้งสี่”

   “คนทั้งสี่” เสียงหวานทวนคำแผ่วเบา อย่างไม่เข้าใจว่าคนทั้งสี่หมายถึงผู้ใดกันบ้าง ใครเล่าที่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้กัน คนสี่คนเช่นนั้นหรือ....

   สายพระเนตรจับจ้องที่ริมฝีปากอิ่มที่ถูกฟันขาวขบกัดด้วยกำลังครุ่นคิด หากแต่ก็ไม่ทรงบอกให้น้องน้อยขี้สงสัยได้รับรู้ว่าใครกัน คือคนสี่คนที่ว่า

   “เจ้าอย่ากังวลไปเลยเที้ยนหยวน อีกสองวันพี่ก็จะให้องค์รักษ์คุ้มกันองค์หญิงไปรัฐหลู่แล้ว ก็คงไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีก” ทรงปลอบร่างบางที่กำลังหวั่นใจให้คลายลง แต่ฟันก็ไม่เลิกขบกัดริมฝีปากอิ่มจนระองค์ต้องใช้ นิ้วพระหัตถ์ไล้เกลี่ยเบาๆ

   “ต่อจากนั้น ก็วันประลองแล้วสินะ” ร่างเล็กใจลอยอีกครั้งปล่อยผ้าเนื้อหยาบลงไปในน้ำ เดินห่างออกไปจ้องมองพระจันทร์ที่เกือบเต็มดวงผ่านหน้าต่างกว้าง “หากว่าไม่ชนะการประลองท่านจะทำเช่นไร”

   ทรงทอดเนตรแผ่นหลังบางเงียบๆ “หากเจ้าไม่ชนะก็คงต้องอยู่ในวังต่อไปอีกสามเดือน”

   แต่เจ้าอย่ากลัวไปเลย...สิ่งใดที่เจ้าต้องการพี่จะยอมให้ แม้ว่านั้นคือการปล่อยเจ้าไป

   “เที้ยนหยวนอากาศเริ่มเย็นแล้ว เจ้ามาอาบน้ำเถอะ พี่จะไปรอเจ้าอยู่ข้างนอก อย่าแช่น้ำนานนะ” วรองค์สูงสง่าเดินห่างจากไป ปล่อยให้น้องน้อยที่พระองค์รักได้อาบน้ำเพียงลำพังอย่างที่เจ้าตัวโปรดปราน

   ในห้องบรรทมที่แสนกว้างมีแผ่นกระดาษประทับคลั่งให้รู้ว่ามาจากปาหยางอ๋องวางอยู่ให้เห็นเด่นชัด จนพระองค์ไม่อาจละเลยที่จะหยิบขึ้นมาอ่านได้ ถ้อยคำที่บอกชัดให้ทรงได้รู้ว่าปาหยางอ๋องไม่ปรารถนากลับสู่เมืองหลวงอีก...

   เรื่องการปกครองนี้เป็นเรื่องดี..ที่จะไม่มีใครมาข่มเหงรังแกประชาชนได้อีก

   แต่เรื่องหัวใจ....หากน้องน้อยต้องการกลับไปอยู่กับพ่อในที่ไกลสายตา

   พี่ไม่แน่ใจว่าจะยินดีกับเรื่องนี้ได้หรือไม่...แค่ไม่รั้งเจ้าไว้กับตัว พี่ก็เจ็บปวดมากพอแล้ว และหากเจ้าไปไกลถึงเพียงนั้น

   เที้ยนหยวน...พี่รักเจ้าเหลือเกิน.....

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   สวัสดีคะ ตอนนี้เหมือนกำลังหวาน ส่วนตอนหน้าจะ “หวานหยดย้อยเยิ้มแหย่ะ” แน่ๆคะ อิอิ

   ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่16) 15/05/11 [คนทั้งสี่]
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 15-05-2011 01:35:48
โอววว รอตอน “หวานหยดย้อยเหยิมแหย่ะ”  นี่แหละ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่16) 15/05/11 [คนทั้งสี่]
เริ่มหัวข้อโดย: O_a ที่ 15-05-2011 07:58:19
ทำไมฮ่องเต้ไม่บอกน้องน้อยละ
ว่าสี่คนที่พูดถึงคือใคร
ปล่อยให้น้องน้อยคิดเอง
ถ้าน้องน้อยหนีไปนะ จะโสมน้าหน้าเลย

รออ่านตอน หวานหยดย้อย นะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่16) 15/05/11 [คนทั้งสี่]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 15-05-2011 09:20:07
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่16) 15/05/11 [คนทั้งสี่]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 15-05-2011 12:02:35
ยังคงมีความหวานและความเศร้าปะปนกันอยู่เหมือนเดิมตอนนี้ o22
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่16) 15/05/11 [คนทั้งสี่]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 15-05-2011 13:15:30
หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า เหอๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่16) 15/05/11 [คนทั้งสี่]
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 15-05-2011 13:56:34
ปัญหาจะคลี่คลายแล้ว เย้ๆ

หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่16) 15/05/11 [คนทั้งสี่]
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 15-05-2011 15:33:02
คุณ jellyfish คะ

คืออ่านแล้ว...คุ้นๆน่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่าที่บอกว่าเป็นแฟนฟิกมาก่อนเนี่ย ใช่แฟนฟิก Luna Sea รึเปล่าคะ? ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษด้วยที่เข้าใจผิดนะคะ
แต่ถ้าใช่ อยากบอกว่าตกใจมากค่ะ เพราะว่าเหมือนจะเคยเห็นตั้งแต่บอร์ด reflection เอาเป็นว่าถึงจะใช่หรือไม่ก็จะตามอ่านนะคะ ชอบมากๆค่ะ

+1 เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่17) 16/05/11 [หวานหยดกับNเบาๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 15-05-2011 23:55:07
ประลองรัก....十七

   ในเรือนรับรองที่จัดเพื่อให้องค์หญิงย่าหนานพำนักอยู่ วันนี้ช่างดูวุ่นวายด้วยผู้คนจำนวนมากที่ถูกเกณฑ์มาต่างเร่งรีบจัดเตรียมข้าวของเพื่อการเดินทางครั้งใหญ่สู่รัฐหลู่ ไม่เว้นแม้แต่อ๋องน้อยที่หนีการฝึกซ้อมมาช่วยเก็บของ จนทุกอย่างเสร็จสิ้นใกล้ได้เวลาออกเดินทาง

   “เสียดายหลงเอ๋อร์เราได้รู้จักกันน้อยเหลือเกิน หากเจ้ามาเมืองหลวงอีกก็อย่าลืมแวะเวียนไปเยี่ยมพี่ที่วังทู่หลงบ้าง”  อ๋องน้อยเอ่ยล่ำลาเด็กชายตัวน้อยที่แสนน่าเอ็นดู ไม่ลืมเชิญชวนให้กลับมาพบกันตามนิสัยเจ้าคารม

   “ขอรับ แต่พี่เที้ยนหยวนไม่ได้อยู่ที่วังหลวงหรอกหรือขอรับ” เด็กหนุ่มหน้าหวานถามท่านอ๋องด้วยความแปลกใจ ทั้งที่ตอนนี้ท่านอ๋องก็อยู่ในตำหนักส่วนพระองค์ฮ่องเต้ แต่ใยจึงให้ไปหาที่วังทู่หลง

   สีหน้าของอ๋องน้อยแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าทันทีที่ได้ยินคำถาม “อีกไม่นานข้าก็ต้องออกไปจากที่นี้เช่นกัน และคง...ไม่มีวันได้กลับมา” คำพูดที่แผ่วเบาลงเรื่อยๆ สะท้อนความเศร้าในใจได้เป็นอย่างดี ความเศร้าแสนอาวรณ์บดบังจนลืมตัวว่าเคยแทนตัวกับเด็กคนนี้เช่นไร

   “ฮ่องเต้เสด็จแล้ว” เสียงจากทหารยามหน้าประตูป่าวร้องเมื่อบุคคลสำคัญแห่งแผ่นดินเสด็จมาถึงเรือนรับรองแห่งนี้ ด้วยพระองค์เองเพื่อเป็นการให้เกรียติองค์หญิงแห่งชิงเต่า

   “ถวายบังคมฝ่าบาท” องค์หญิงที่กำลังดูแลความเรียบร้อยครั้งสุดท้าย รีบออกมารับเสด็จอย่างนอบน้อม ใบหน้าหวานแปดเปื้อนด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงความสุขที่กำลังมาเยือนในเร็ววันนี้

   “ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม อีกไม่นานต้องออกเดินทางแล้ว” ฮ่องเต้อี้หลงตรัสถามด้วยรอยยิ้มที่ปลอดโปร่งที่สุด ที่เคยประทานแด่องค์หญิงผู้นี้

   “เรียบร้อยเพค่ะ ทุกอย่างเลย หากไม่ได้พระองค์ หม่อมฉันก็ไม่อาจมีวันนี้ได้ หากประสงค์สิ่งใด ขอเพียงพระองค์ให้คนไปบอก ทั้งหม่อมฉันและองค์ชายลู่ยินดีช่วยเต็มที่นะเพค่ะ” 

   “สิ่งเดียวที่อยากได้ และต้องขอจากองค์หญิง คงมีเพียงแค่ความสงบเท่านั้นส่วนสิ่งอื่นที่อยากได้....” สายพระเนตรทอดมองไปยังร่างบางของอ๋องน้อยที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากร่างของเด็กชาย “คงต้องตัดใจ”

   องค์หญิงย่าหนานมองตามสายพระเนตรที่แสนเศร้าไปสิ้นสุดยังอ๋องน้อยที่เธอเห็นว่าช่างสดใสและร่าเริง แม้ในบางครั้งจะแฝงด้วยนัยของความเศร้ายามที่ไม่รู้ตัว รอยยิ้มอ่อนหวานขององค์หญิงปรากฏขึ้น ความเป็นหญิงที่เธอมี ทำให้เธอพอจะทราบความรู้สึกที่ชายหนุ่มทั้งสองแอบซ่อนไว้อยู่ภายใน “หม่อมฉันไม่เชื่อเช่นนั้นนะเพค่ะ และคิดว่าบางที..พระองค์อาจได้สิ่งที่ประสงค์แล้วก็เป็นได้ เพียงแต่ พระองค์คิดที่จะตัดพระทัยเช่นนี้เสมอ ก็เลย อาจจะมองข้ามบางอย่างไป”

   “หากเป็นเช่นนั้นได้ก็ดี” ฮ่องเต้หนุ่มแย้มพระโอษฐ์บางๆ สายพระเนตรยังคงจับจ้องใบหน้าหวานที่ดูมีเค้าแห่งความเศร้า...เจ้าอาลัยในตัวเสี่ยวหลงถึงเพียงนั้นเชียวหรือ..เที้ยนหยวน

   ทหารที่จัดเตรียมประจำไปกับขบวนส่งตัวองค์หญิงสู่รัฐหลู่ เดินเข้ามากราบทูลว่าตอนนี้ขบวนพร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว ทำให้ฮ่องเต้อี้หลงต้องละสายตากลับมายังองค์หญิงอีกครั้ง “ถึงเวลาที่องค์หญิงจะได้ออกเดินทางแล้ว”

   “ขอบพระทัยฝ่าบาทมากนะเพค่ะ ที่ช่วยเราทั้งสองไว้ถึงเพียงนี้ ขอให้สวรรค์อวยพรความรักของพระองค์ให้สมหวังเช่นที่ท่านช่วยข้าและท่านลู่” องค์หญิงไม่ลืมอำนวยพรให้ชายผู้กุมอำนาจสูงสุด แต่หนทางแห่งรักกลับริบหรี่

   “หากหม่อมฉันไม่ติดสิ่งใดคงต้องขอร่วมขบวนไปส่งถึงรัฐหลู่เป็นแน่ ขอให้ท่านเดินโดยสวัสดิภาพ ไร้อุปสรรคใดๆ”อ๋องน้อยที่พึ่งเดินเข้ามาสมทบกล่าวกับองค์หญิงด้วยใจจริง

   “อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยท่านอ๋อง แค่ท่านเป็นมิตรกับเรามากขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว นี้ได้เวลาแล้ว หม่อมฉันทูลลาก่อนนะเพค่ะ” องค์หญิงแสนสวยย่อตัวทูลลาฮ่องเต้หนุ่มและอ๋องน้อยที่ยืนเคียงกัน ก่อนก้าวขึ้นรถม้าที่ให้คนจัดเตรียมไว้เพื่อการเดินทางไกล

   ฮ่องเต้หนุ่มและอ๋องน้อยร่างบางยืนเคียงคู่อำลาองค์หญิงย่าหนานสู่รับหลู่ จนขบวนลับหายไปจากสายตา เหลือเพียงความเงียบและเรือนรองที่ปิดลงอีกครั้งเมื่อไม่มีผู้ใช้การ

ฮ่องเต้หนุ่มทอดมองร่างเล็กที่ยืนอยู่เคียงข้าง ความเศร้ายิ่งปรากฏชัดมากขึ้น จนพระองค์เองอดไม่ได้ที่จะทอดถอนพระทัย อดนึกน้อยพระทัยไม่ได้ว่าเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งยังทำให้เศร้าได้เพียงนี้ แล้วหากวันที่ต้องออกจากวังไป น้องน้อยของพระองค์จะเศร้าบ้างหรือไม่  “เป็นอะไรไปเที้ยนหยวน คิดถึงเสี่ยวหลงหรือ” 

   “ข้า...” ร่างเล็กไม่อาจให้คำตอบใดๆกู้ถามได้ คำตอบในใจมันอื้ออึงไปหมด จนไม่แน่ใจตัวเองเสียแล้วว่าที่เศร้า เพราะเหตุใดกัน “ไม่รู้”

   ท่อนพระกรหนารั้งบ่าเล็กเข้ามาใกล้ ลูบไล้ปลอบประโลมจิตใจที่กำลังเปราะบางให้คลายความหมองหม่น “อย่าเศร้าไปเลยเที้ยนหยวน พี่พึ่งได้รับจดหมายจากท่านอา เจ้าอยากอ่านหรือไม่”

   ใบหน้าเล็กที่จวนเจียนเสียน้ำตา พยักหน้าขึ้นลงอย่างเร็ว ในนัยน์ตามีประกายแห่งความดีใจ  นานมากแล้วที่ไม่ได้ข่าวใดจากบิดาเลย

   “เช่นนั้นก็เลิกเศร้านะเที้ยนหยวน ยิ้มเถอะ ยิ้มให้พี่” ใบหน้าหวานแย้มยิ้มจนเป็นที่พอพระทัย ฮ่องเต้หนุ่มกอบกุมมือเล็ก พาเดินไปยังห้องทรงงานส่วนพระองค์

   ดวงตากลมก้มหลบต่ำตลอดทางที่ถูกจูงมือมา ไม่กล้าสู้สายตาผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นทหารที่ประจำเวรยาม หรือขันที ขุนนางที่เดินไปมา ผิดกับฮ่องเต้หนุ่มที่ทรงองอาจและผึงผาย ไม่สนใจผู้ใด 

   เที้ยนหยวนหน้าตาตื่นเมื่อรู้ว่ากำลังถูกพาไปยังห้องทรงงานอันเป็นเขตหวงห้ามสำหรับฮ่องเต้ “ท่านจะให้ข้าเข้าไปห้องนั้นได้อย่างไรกัน ข้าจะไม่โดนโทษหรือไร”

   ฮ่องเต้หนุ่มแย้มพระโอษฐ์กับท่าทางตื่นกลัวยามเข้าสู่เขตหวงห้ามที่มิให้ผู้ใดล่วงผ่านนอกจากราชครูและองค์รักษ์เอกเพียงเท่านั้น แต่สำหรับน้องน้อย ทุกสิ่งในชีวิตได้มอบให้แก่ร่างบางไปแล้ว นับอะไรกับห้องนี้กัน “ใครจะลงโทษเจ้ากันในเมื่อพี่พาเข้ามา มานี้เถอะจดหมายจากท่านอาอยู่นี้”

   ฮ่องเต้หนุ่มรั้งร่างเล็กให้นั่งบนตั่งนุ่มยื่นส่งม้วนกระดาษที่แนบมากับฎีกา ส่วนองค์เองก็ประทับลงไม่ห่าง พอจะทราบความในจดหมายที่ปาหยางอ๋องส่งจดหมายมาถึงอ๋องน้อยผู้เป็นลูกว่าคงไม่ต่างจากในฎีกาที่ยื่นมา

   ใบหน้าหวานที่ดูโศกเศร้า กลับยิ่งหม่นหมองมากขึ้นทุกครั้งที่ดวงตากลมเลื่อนผ่านตัวอักษร และเมื่อถึงถ้อยคำสุดท้าย ใบหน้าหวานก็คล้ายจะนองด้วยน้ำตาเสียแล้ว

   “เที้ยนหยวนเจ้าเป็นอะไร” แม้จะทรงแน่พระทัยในเนื้อหา หากแต่ไม่ทรงคาดคิดว่าร่างบางจะเสียใจถึงเพียงนี้

   “ข้าไม่ได้เป็นอะไร ท่านทำงานไปเหอะ ข้าขอตัวก่อน” ร่างเล็กเดินออกจากห้องทรงงานไม่ทันให้ฮ่องเต้อี้หลงได้รั้งตัวเพื่อถามไถ่ใดๆทั้งสิ้น ในมือเล็กกำแผ่นกระดาษไว้แน่น ไม่คิดให้ผู้ใดได้เปิดอ่าน

   ฮ่องเต้หนุ่มทอดมองตามร่างบางที่เดินออกไปอย่าหวั่นในพระทัย อีกเพียงไม่กี่วันต้องจากกันแล้ว หากแต่เจ้าน้องน้อยยังไม่ยอมเปิดใจให้พระองค์ได้แบ่งเบาความทุกข์โศกอีกหรือ

   ....แล้วเมื่อไหร่กันเที้ยนหยวนที่พี่จะได้ใจเจ้ามาครอบครอง    

             * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

ฮ่องเต้อี้หลงเปิดประตูเข้ามาในห้องบรรทมที่มืดสลัวมีเพียงแสงรำไรของพระอาทิตย์ยามใกล้ลาลับและตะเกียงดวงเล็กเท่านั้น ม่านโปร่งบางที่ทิ้งตัวกั้นส่วนของแท่นบรรทม พอจะมองเห็นร่างเล็กที่นอนขดตัวอยู่ด้านใน

   “เที้ยนหยวนหลับแล้วหรือ” วรองค์สูงก้าวขึ้นแท่นบรรทม สะกิดเรียกร่างเล็กอย่างแผ่วเบา เกรงจะรบกวนหากน้องน้อยเข้าสู่นิทราไปแล้ว

   คำถามที่ทรงถามไปไร้เสียงตอบรับจนฮ่องเต้หนุ่มจวนเจียนจะลงจากแท่นบรรทม แต่แล้วร่างบางที่นิ่งเงียบไปนานกลับพลิกกายมากอดรั้งพระกฤษฎี(เอว)ใหญ่ไว้ ซุกหน้ากับหน้าท้องเรียบตึง หัวกลมเล็กเกยขึ้นหนุนบนพระเพลา

   เสียงสะอื้นไห้ที่ดังลอดออกมายิ่งทำให้สงสัยมากขึ้น จนไม่อาจห้ามมือให้ลูบไล้ผมนุ่ม ปลอบขวัญน้องน้อยที่กำลังร้องไห้ เอ่ยถามด้วยความรักและเป็นห่วงเจ้าหัวใจดวงน้อยดวงนี้ “เที้ยนหยวนเจ้าร้องทำไม ท่านอาเขียนจดหมายต่อว่าเจ้าหรือ”

   กระแสเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรักใคร่ ยิ่งยากจะห้ามน้ำตาและเสียงสะอื้น หากแต่อ๋องน้อยผู้เคยปราศจากน้ำตาและความเศร้า ก็ยังมิกล้าบอกต้นเหตุแห่งน้ำตา ทำได้เพียงส่ายหน้าไปมา

   “ส่ายหน้าหมายความว่าเช่นไรกันหืมม์” สายพระเนตรก้มต่ำมองร่างเล็กที่ซุกหน้าอยู่กับหน้าท้องของพระองค์ มองเห็นเพียงซีกหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตา  อยากจะเห็นใบหน้ายามนี้เสียเหลือเกิน

   จะเช็ดน้ำตาที่ไหลริน...จะปลอบโยนให้คลายเศร้า...จะจัดการต้นเหตุที่ทำให้น้องน้อยต้องเสียใจ

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงรั้งร่างเล็กที่เอาแต่ซุกหน้าหนี ให้ออกห่างจนมองหยาดน้ำตาที่เกาะอยู่ตามแพขนตาหนา หากแต่ดวงตากลมที่พระองค์หลงรักกลับปิดแน่น แรงขืนตัวน้อยๆของอ๋องน้อยไม่อาจสู้แรงที่มากด้วยกำลังของฮ่องเต้หนุ่มได้เลย เมื่อพระองค์ประคองร่างบางให้ลุกขึ้นนั่งคุย

   นิ้วพระหัตถ์กรีดไล่น้ำตาออกจากแพขนตาก่อนก้มลงประทานรอยจุมพิตที่แสนอบอุ่นบนเปลือกตาบางที่ยังคงปิดสนิท “บอกพี่ได้ไหม ใครทำให้เจ้าร้องไห้เช่นนี้”

   ฮ่องเต้อี้หลงทอดพระเนตรร่างเล็กอย่างแสนทุกข์ใจ  อยากขจัดความเศร้าออกจากผู้เป็นดั่งดวงหทัย  แต่หากไม่ยอมพูดเช่นนี้แล้วจะทรงรู้ได้อย่างไร หนึ่งพระหัตถ์เฝ้าเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าหวาน อีกหนึ่งคอยลูบศีรษะเล็กให้รู้ว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง

   เที้ยนหยวนอ๋องน้อยผู้ได้รับความอ่อนโยนจนกำแพงที่สร้างขึ้นพังทลายลงในเวลาไม่นาน โผตัวเข้าหาฮ่องเต้หนุ่ม สองมือกอดรั้งคอหนาซบหน้าปล่อยน้ำตาให้ไหลอยู่กับบ่ากว้างของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์  ถ่ายทอดความในใจด้วยเสียงสั่นสะอื้น “วัน...วันนี้ หลงเอ๋อร์ปะ..ไปแล้ว”

   ถ้อยคำขาดห้วงหากไม่ยากเกินกว่าที่จะฟังออก กัดกินหทัยฮ่องเต้หนุ่มด้วยชื่อของเด็กน้อยที่ทรงรู้ดีว่าน้องน้อยต้องใจ แต่ก็มิอาจทำสิ่งใดได้นอกจากนิ่งฟังความในใจ และเจ็บปวดไปพร้อมกัน

   อ๋องน้อยซึมซับความอ่อนโยนที่ไม่เคยได้รับจากผู้ใดผ่านท่อนพระกรที่โอบแน่นคอยลูบไล้แผ่นหลัง แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งน้ำตาและก้อนสะอื้นได้ “อะ...องค์หญิงก็ไปแล้ว.....ท่านพ่อก็ไม่กลับมา แล้วยัง..มีลูกกับใครก็ไม่รู้.ฮึก ข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีใครแล้วจริงๆ”

   “เที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มได้แต่ครางเรียกชื่อน้องน้อยในอ้อมกอด นี้เองหรือเหตุผลที่ทำให้น้องของพี่ร้องไห้...และนี้คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านอาผู้มักใหญ่ยอมอยู่ในที่ทุรกันดาร เพื่อครอบครัวแสนสุข...แล้วท่านมาทิ้งลูกชายที่แสนอ่อนแอแบบนี้ให้อยู่เพียงผู้เดียวได้อย่างไร....

   “อ่ะ..อีกไม่นาน...ข้าก็ต้องอยู่คนเดียว อี้หลงที่หนึ่ง ที่สอง หรือแม้แต่ท่านก็จะทิ้งข้าไปกันหมด ไม่มีใครรักข้าเลย ไม่มีเลย”  น้ำตาหยดแล้วหยดไหลรินจนบ่ากว้างที่ซบอยู่เปียกชื้น

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงเจ็บปวดไม่น้อยเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของร่างเล็ก.....ทำไมจึงกล้าพูดเช่นนี้ หรือตลอดมาไม่เคยรับรู้ความรักที่พระองค์มีให้เลย  “เที้ยนหยวน พี่อย่างไรที่รักเจ้า เจ้าสองตัวนั่นก็จะอยู่กับเจ้าไม่ทิ้งไปไหน อย่าร้องไห้นะเที้ยนหยวน” แต่แม้นเจ็บสักเท่าไหร่ พระองค์ก็ยังคงปลอบขวัญน้องน้อยที่กลัวการอยู่เพียงลำพัง แม้จะทรงกังขาใจดวงน้อยของร่างบาง

   ..ใจเจ้าเคยมีพี่บ้างไหมเที้ยนหยวน เจ้าถึงไม่รับรู้ความรักที่มากล้น เจ้าถึงลืมไปว่าพี่อยู่ตรงนี้คอยเฝ้ารอเจ้าเสมอมา..

   “ไม่จริง” ร่างเล็กที่สะอึกสะอื้นโผล่งออกมาเสียงดัง “อีกไม่นานข้าก็ต้องออกไปอยู่ข้างนอก ท่านก็ต้องมีฮ่องเฮา มีสนมอีกเป็นร้อย ไหนเลยจะสนใจข้า แล้วยังจะเหลือใจไว้รักข้าได้อีกหรือ เจ้าสองตัวนั่น อีกไม่นานก็คงลืมข้าไปเช่นกัน เหมือนท่านที่จะลืมข้าไป”

   ฮ่องเต้หนุ่มได้แต่นิ่งงัน เจ็บปวดไม่แพ้ร่างบางตรงหน้าเมื่อนึกถึงความจริงที่กำลังจะเกิด หากแต่พระองค์รับรู้ได้ว่าสิ่งหนึ่งที่หลุดจากปากเล็กนั่นผิดไปจากความจริง.....พี่ไม่มีวันลืมเลือนเจ้าไปได้หรอกเที้ยนหยวน....ใจของพี่จะอยู่กับเจ้าที่อยู่แสนห่างไกลไปจนตลอดชีวิต

   พระหัตถ์หนารั้งร่างบางออกห่าง เช็ดคราบน้ำตาที่ไหลรินไม่ขาดสาย “เจ้าลืมตามองพี่เถอะเที้ยนหยวน อย่าหลับตาอีกเลยนะ”ดวงตาแดงก่ำเปิดกว่าตามรับสั่ง “โธ่ ช้ำไปหมดแล้วเที้ยนหยวน” นิ้วพระหัตถ์เช็ดรอยน้ำตารอบเปลือกตาที่บวมช้ำอย่างแสนเบา โน้มองค์พระทับรอยจุมพิตลงบนเปลือกตาทั้งสองข้าง “หยุดร้องนะคนดี น้ำตาเจ้ากำลังทำร้ายพี่อยู่นะ”

   ...น้ำตาเจ้ากัดกินหัวใจพี่...รู้ไว้นะเที้ยนหยวน

   เที้ยนหยวนโผตัวเข้าอ้อมพระอุระอุ่นอีกครั้ง พยายามเก็บน้ำตาให้ไหลกลับลงไปตามถ้อยรับสั่ง ซึมซับความรู้สึกที่ไม่เคยได้จากผู้ใด และคงไม่มีผู้ใดให้ได้อีกแล้วตราบชั่วชีวิตนี้

   คนทั้งสองในอ้อมกอดของกันและกันท่ามกลางความมืดที่โรยตัวมาพร้อมความหนาวเย็น แต่ไม่อาจแทรกซึมเข้าสู่อ้อมกอดที่โอบแน่น ในห้องมีเพียงแสงริบหรี่ของตะเกียงที่น้ำมันแห้งลงทุกขณะ ดุจดังความรักของคนทั้งคู่ที่ริบหรี่ใกล้ดับลงด้วยเหลือเวลาอีกเพียงชั่ววัน ก่อนต้องแยกจาก

   “เที้ยนหยวนมืดแล้ว อาบน้ำเถอะนะ พี่จะอาบให้เอง” ทรงถามร่างเล็กในอ้อมกอดที่ซุกหน้าอยู่กับคอของพระองค์อย่างนิ่งเงียบไร้เสียงสะอื้นหรือหยาดน้ำตา มีการตอบรับเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้นเอง “เจ้ารอพี่ที่นี้ก่อนพี่จะไปเตรียมน้ำให้นะ”

   ฮ่องเต้หนุ่มรั้งร่างเล็กลงกับที่นอนนุ่มอีกครั้ง ก่อนดำเนินไปทางห้องสรงน้ำ  จัดเตรียมน้ำอุ่นหอมกรุ่นกลิ่นน้ำมันหอม หวังให้คนอาบได้คลายความเศร้าหมองลง

   วรองค์สูงดำเนินกลับมาในห้องบรรทมคิดว่าน้องน้อยจะผลัดเสื้อผ้าเพื่อเตรียมอาบน้ำ แต่กลับพบร่างเล็กนอนนิ่งอยู่ในท่าเดิมเปลือกตาปิดแน่น “เที้ยนหยวนทำไมยังไม่เปลี่ยนชุด หืมม์”

   “ก็ท่านว่าจะอาบน้ำให้ข้า ข้าก็เลยไม่แน่ใจว่าต้องเปลี่ยนชุดหรือไม่” เสียงหวานตอบอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ ไม่กล้าสบพระเนตรจนได้ยินเสียหัวเราะเบาๆ จึงจ้องช้อนตาขึ้นมองอย่างสงสัย

   “โธ่เที้ยนหยวน พี่เปลี่ยนให้เจ้าเองก็ได้” ฮ่องเต้อี้หลงจับร่างกายที่แสนบอบบางของอ๋องน้อยให้ลุกยืนที่พื้น คลายปมสายคาดเอวออกจนสาบเสื้อที่ทาบทบกันอยู่เคลื่อนออกจากกัน เผยผิวขาวที่แดงเรื่อไปทั้งตัวเพราะความเขินอายแต่ดวงตากลมก็ยังมองพระองค์ไม่กระพริบ

   ลูกแก้วสีนิลใสที่จ้องมองฮ่องเต้หนุ่มดูคล้ายจะแวววาวด้วยหยดน้ำ หากแต่พระองค์ก็เลือกที่จะเฉยเสีย ไม่ตอกย้ำให้น้องน้อยต้องจมอยู่ในความเศร้า และทรงหยอกล้อร่างเล็กให้กลับคืนสู่ความสดใส “เขินหรือ”

   ใบหน้าหวานแดงก่ำพยักหน้ารับขึ้นลงอย่างช้าๆ แต่ไม่ละสายตาออกจากพระพักตร์คมเข้มเลยสักนิด ด้วยอยากจารจำทุกรายละเอียดของชายผู้นี้ลงสู่หัวใจ

   ทรงมองแล้วแย้มพระโอษฐ์เอ็นดูในอาการของอ๋องเจ้าสำราญที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วเมืองหลวงถึงเสน่ห์และความเจ้าชู้ที่มากล้น แต่ผู้ใดจะรู้บ้างว่าเวลานี้กลับเขินอายจนหน้าแดงอยู่ในตำหนักส่วนพระองค์ฮ่องเต้ ยิ่งเมื่อทั้งชุดถูกรั้งออกจนเหลือเพียงผิวกายขาวใสใบหน้าหวานก็ยิ่งแดงก่ำเสียยิ่งกว่าลูกท้อในสวนหลวง “เช่นนั้นให้พี่อุ้มเจ้าไปดีไหม หรืออยากจะขี่หลังไป”

   “ขี่หลัง” เที้ยนหยวนตอบโดยไม่ต้องคิด แก้มใสแดงปลั่งไม่ต่างจากสาวใสจนฮ่องเต้หนุ่มอดแย้มพระโอษฐ์ไม่ได้ ก่อนรับร่างเล็กขึ้นหลังแล้วพาเดินไปยังอ่างน้ำน้ำที่ทรงเตรียมด้วยองค์เอง

   ร่างของอ๋องน้องถูกหย่อนลงน้ำที่หอมกรุ่นอย่างช้าๆ ผิวกายที่แดงอยู่ค่อยแดงขึ้นอีกเพราะอุณหภูมิของน้ำ ดวงตากลมหลับพริ้มอย่างสบายกายและใจ ความเศร้าหมองเสียใจที่ถูกสร้างขึ้นค่อยๆสลายไป เพียงแค่ได้รับความรักจากหนึ่งคน....หนึ่งรักที่แสนยิ่งใหญ่

VVVV

VVV

VV

V
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่17) 16/05/11 [หวานหยดกับNCเบาๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 15-05-2011 23:59:09
   “สบายขึ้นไหมเที้ยนหยวน” เสียงทุ้มที่แสนอ่อนโยนปลุกให้เที้ยนหยวนรู้สึกถึงแรงบีบนวดอย่างเอาใจจากไหล่ทั้งสองข้าง

   ร่างเล็กที่ปลดเรื่องทุกข์ออกจากใจได้เพียงไม่นาน กลับต้องรู้สึกถึงความเศร้าอีกครั้ง เมื่อนึกได้ว่า มือที่หยาบกระด้างที่มอบสัมผัสนี้ คือพระหัตถ์ที่โอบกอดปลอบประโลมเสมอยามอ่อนแอ หากแต่ในสักวันหนึ่ง มืออบอุ่นคู่นี้จะโอบกอดผู้อื่น จะไม่มีวันเป็นของเขาไปตลอดกาล แล้วไยจึงมาทำให้อาวรณ์ทั้งที่จวนเจียนต้องลาจากกันในอีกไม่ช้านาน

   “พอเถอะ ไม่ต้องแล้ว ข้าอาบน้ำเองได้ ท่านออกไปก่อน” ไหล่เล็กเบี่ยงหนีพระหัตถ์หนาที่คอยเอาใจ บอกกล่าวทั้งน้ำตา ก่อนทรุดกายลงในน้ำให้ท่วมหัว ปิดบังสายน้ำที่ไหลออกมาไม่หยุด

   วรองค์สูงที่ทอดมองอยู่ตกพระทัยที่เห็นน้องน้อยทรุดตัวลงไปเช่นนั้น ทรงทราบดีว่าบ่าเล็กแบกรับความทุกข์โศกเอาไว้มาก แต่ภาพที่พระองค์เห็นก็ทำร้ายไม่ต่างกัน...เจ้าไม่สนใจเลยหรือไรว่าพี่ยังอยู่ตรงนี้

   พระหัตถ์ใหญ่จุ่มลงน้ำยึดจับไหล่บางทั้งสอง ฉุดขึ้นมาเหนือน้ำด้วยความโกรธเคืองเจือบนความน้อยใจ ตวาดก้องอย่างที่ไม่ทำต่อน้องน้อยของพระองค์ “เที้ยนหยวนเจ้าทำบ้าอะไร”

   ดวงตาแดงช้ำสบพระเนตรวาวโรจน์ที่แสนน่ากลัว น้ำตาที่ถูกชะล้างออกไปเอ่อล้นออกมาอีกครั้ง ก่อนโผซบวรกายใหญ่ที่ให้ความรู้สึกแสนอบอุ่นและปลอดภัยทุกครั้งที่เข้าใกล้ พรั่งพรูความสับสนมากมายในใจจนหมด “ข้ากลัว กลัวว่าวันพรุ่งนี้จะมาถึง ท่านรู้บ้างไหม ท่านทำให้สับสนเพียงใด ในวันที่ทุกคนทิ้งข้าไปแต่ข้าก็ยังมีท่าน ยังได้รู้ว่ามีหนึ่งคนที่จะอยู่กับข้า มีหนึ่งคนที่จะไม่ทิ้งข้าไปเหมือนคนอื่น  ท่านทำให้ข้ารู้จักกับสิ่งแปลกใหม่ แต่พอถึงวันพรุ่งนี้ ข้ากลับต้องเลือก ท่านรู้ไหม ข้าอยากทิ้งทุกอย่าง เกรียติยศ ศักดิ์ศรี ยศตำแหน่ง อยากเป็นเพียงคนธรรมดา ขอแค่ได้อยู่กับท่านแบบนี้ไปชั่วชีวิต...แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะข้าคือเที้ยนหยวน คืออ๋องที่ต้องรับหน้าที่ต่างๆแทนท่านพ่อที่ทิ้งข้าไปอยู่แดนไกล กับครอบครัวใหม่ที่ท่านพ่อรักมากกว่าข้า  ข้ามีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ มีชื่อเสียงแห่งวังทู่หลงให้ต้องดูแล...ทำไมข้าถึงเลือกทางที่ต้องการไม่ได้ ทำไมข้าจึงอยู่กับท่านไมได้”

   ถ้อยคำที่แสนวกวนได้ถ่ายทอดความรู้สึกแสนสับสนของคนพูดออกมาจนหมด และมันก็สร้างอารมณ์ที่แสนหลากหลายให้แก่คนฟัง ด้วยดีใจเมื่อได้ยินถ้อยคำที่ไม่ต่างจากการสารภาพรัก แม้นไม่ใช่แต่ก็เปิดเผยให้รู้ว่าน้อยน้อยมีใจดุจเดียวกับพระองค์ ต่อเมื่อได้ยินคำปรารภที่ร่างบางต้องการ ฮ่องเต้หนุ่มก็รู้ได้ว่าวันพรุ่งนี้พระองค์ต้องเอาชนะร่างบางเพื่อให้หนทางข้างหน้ายังได้อยู่เคียงกัน แต่แล้วผลการประลองที่ทรงกำหนดได้ก็ต้องแปรเปลี่ยนพร้อมหัวใจที่ขาดวิ่น เมื่อรู้ว่าทางที่น้องน้อยเลือก และทางที่ปรารถนาไม่ใช่หนทางเดียวกัน

   ....พี่ยอมให้เจ้าทุกอย่างนะเที้ยนหยวน...แม้พี่จะทรมานกับมันก็ตาม

   “จูบข้าหน่อยได้ไหม” ความเงียบงันถูกแทนที่ด้วยเสียงหวานที่หักห้ามความเขินอายจนกล้าร้องขอสัมผัสแสนลึกซึ้ง

   “เที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มตกพระทัยกับคำขอร้องแม้นนั้นเป็นสิ่งที่พระองค์ยินดีจะมอบให้ แต่เวลานี้พระองค์ก็ทราบดีว่าไม่ห้ามหักห้ามให้หยุดลงเพียงที่น้องน้อยร้องขอ...  “เที้ยนหยวนหากพี่จูบเจ้า  มันจะไม่หยุดเพียงเท่านั้น เจ้ายอมได้หรือ”

   แขนเล็กที่เคยโอบรอบพระศอค่อยคลายออกห่าง ริมฝีปากอิ่มถูกขบกัดเพื่อลดความเขินอาย ดวงตาโตหลุบต่ำมองหน้าในอ่างก่อนพยักหน้าช้าๆ อย่างยอมสิ้น ไม่ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

   ....อย่างน้อยข้าขอจดจำว่าในค่ำคืนนี้ข้าคือคนที่ท่านรักมากที่สุด....

   พระโอษฐ์ประทับจุมพิตบนริมฝีปากอิ่มที่อุ่นร้อน สัมผัสที่เชื่องช้าและเนิบนาบบรรจงมองความสุขให้แก่ร่างเล็กที่ดูกวาดกลัวอยู่เล็กๆ พระชิวหาร้อนแทรกลึกเข้าไปในโพรงปาก ไล้ไปตามเรียวฝันขาวก่อนกอดรัดลิ้นเล็กที่พยายามดิ้นหนีด้วยความตื่นตกใจกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย

   ในโพรงปากเล็กดุจดังสมรภูมิแสนหวานเมื่อลิ้นชมพูพยายามหลีกเร้นทั้งที่เจ้าตัวพยักหน้ายอมรับจุมพิตจากเจ้าของดวงใจ เสียงเครือหวานดังแผ่วจากลำคอเมื่อถูกช่วงชิงลมหายใจจนใกล้หมดพร้อมหยาดน้ำที่ไหลรินจากรอยเชื่อมของสองริมฝีปาก

   ฮ่องเต้หนุ่มยอมถอนการรุกรานออกมาพาให้เกิดสายน้ำเส้นเล็กที่เชื่อมคนทั้งสองไว้ด้วยกัน สร้างความเขินอายให้กับเจ้าของริมฝีปากที่เจ่อบวมเรียกรอยแย้มพระโอษฐ์อ่อนๆบนพระพักตร์ที่ยังแนบชิดคลอเคลียไม่ห่างจากใบหน้าหวานและลำคอเห่อแดงด้วยไฟปรารถนาที่ถูกปลุกให้ลุกโชน

   พระโอษฐ์บางระรานสร้างรอยหวานไปทั่วก่อนกลับมาหาริมฝีปากอิ่มที่เจ่อบวม แล้วดูดดุนให้ยิ่งแดงช้ำ เสียงทุ้มต่ำครางลั่นในพระศอด้วยความพึงใจเมื่อแขนเรียวเล็กของน้องน้อยคล้องเกี่ยวลำคอ พาให้ร่างกายส่วนบนยิ่งแนบชิด มีเพียงถังไม้เตี้ย และชุดตัวในที่เปียกชื้นของวรองค์สูงเท่านั้น ที่กั้นขวางทั้งสองเอาไว้

   ลำคอขาวถูกขบเม้มเป็นรอยไปทั่วตามการระรานของฮ่องเต้หนุ่ม ผิวเนียนลื่นมือเชิญชวนให้สัมผัสอย่างลึกล้ำ ละออกจากริมฝีปากเล็กขบกัดเบาๆที่ปลายจมูกรั้นกระซิบแผ่วเบาไม่ห่างจากกลีบปากสีสด “เจ้าจะออกมา หรือให้พี่ลงไปหาหืมม์ เที้ยนหยวน”

   ร่างเล็กที่ปล่อยใจไปกับความหวานล้ำได้แต่ช้อนสายตาขึ้นมองฮ่องเต้หนุ่ม บนพระพักตร์ประดับด้วยรอยยิ้มแสนอ่อนโยนที่ใจปรารถนาได้เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว พระโอษฐ์หนาที่อยู่ห่างเพียงชั่วลมหายใจพาให้สติความคิดจางหายไป ไม่อาจตอบคำถามใดได้ มีเพียงแค่ส่ายหน้าอย่างไร้คำตอบ แล้วเบียดตัวเองเข้าหาวรกายใหญ่ ริมฝีพระโอษฐ์ร้อนอีกครั้ง

   ...ที่ใดไม่สำคัญ ขอเพียงแค่ข้ามีท่านอยู่แบบนี้ก็พอแล้ว...

   อี้หลง ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์รับสัมผัสจากน้องน้อยด้วยหัวใจที่เต็มตื้น แม้นนี้คือคืนสุดท้าย แต่ในที่สุดพระองค์ก็ได้รับรู้ว่า ดวงใจที่พระองค์ต้องการ บัดนี้พระองค์ได้ครอบครองมันแล้ว และจารจำทุกรอยสัมผัสให้ตราตรึงไม่เลือนหาย จะลืมเลือนความทุกข์สาหัสที่รอคอยอยู่ในวันพรุ่งนี้ จะจดจำเพียงแค่ชั่วนาทีที่มีความสุขนี้เท่านั้น

   พระหัตถ์ใหญ่รั้งร่างเล็กที่แนบชิดออกห่างอย่างแสนอาวรณ์แม้จะเพียงชั่วนิดก่อนที่พระองค์จะตามลงไปในอ่างน้ำใบใหญ่ ก่อนดึงรั้งกลับมาบดเบียดชิดด้วยความเร่าร้อนกว่าครั้งก่อน ด้วยมีแค่เพียงผ้าบางเบาที่กั้นกลางผิวเปล่าเปลือยเท่านั้น

   สองกายที่ขยับเข้าหากันแนบชิดทุกสัดส่วนของร่างกาย ใบหน้าหวานอดไม่ได้ที่จะแดงก่ำเมื่อรับรู้ได้ถึงความแข็งขึงและร้อนผ่าวจนน่ากลัวที่อดกลั้นความปรารถนาของฮ่องเต้หนุ่ม เสียงครางหวานเร้นลอดออกมาจากลำคอ เมื่อพระหัตถ์ร้อนนวดคลึงสะโพกที่เกร็งนิ่ง

   ฮ่องเต้หนุ่มพอพระทัยกับเสียงครางหวานที่มีเพียงพระองค์จะได้ฟัง แม้นนางอื่นที่อ๋องน้อยเคยเที่ยวเล่นก็คงไม่มีโอกาสได้ซึมซับเสียงใสดุจดั่งนกสวรรค์ ยิ่งพระหัตถ์เคล้าคลึงสะโพกกลมที่พยายามเบี่ยงหนีเท่าใด เสียงครางใสยิ่งหวานล้ำสร้างกระแสความสุขของพระองค์ให้ปรี่ล้นมาเท่าเพียงนั้น ลำคอและแผ่นอกบางช่วงบนเต็มไปด้วยรอยขบเม้มที่อยากจะทำเพื่อให้ทุกคนที่ได้เห็นทุกนางที่น้องน้อยจะไปเที่ยวหาได้รู้ว่า พระองค์เป็นเจ้าของร่างกายและหัวใจนี้แต่เพียงผู้เดียว พวกนางนั้นก็เป็นเพียงแค่ของเล่นไร้ค่า ที่เด็กน้อยแสนซนหนีไปซื้อมาเล่น....เท่านั้น

   “เที้ยนหยวน ถอดชุดให้พี่หน่อย” จากลำคอขาวเลื่อนขึ้นไปที่ใบหูเล็ก ทรงกระซิบแผ่วเป่าลมร้อนให้ร่างเล็กได้ขนลุก มือบางที่ไม่รู้จะวางที่ไหน ชะงักค้างอยู่กับคอของพระองค์ ดวงตาโตกระพริบปริบ อย่างเขินอายและไม่แน่ใจ จนพระองค์ต้องมอบยิ้มสร้างกำลังใจ ออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำกับผู้ใด “เถิดนะ ทำให้พี่หน่อย อย่าเขินอายไปเลย”

   มือบางค่อยๆเอื้อมมาจับสายเชือกที่ผูกบั้นพระเอว ลังเลที่จะกระทำตามที่ถูกร้องขอ จนพระหัตถ์ใหญ่ต้องกอบกุมมาให้ลงมาสายเชือก เมื่อนั้นมือเล็กจึงกล้าที่จะคลายปม ให้หลุดออก พร้อมกับชุดตัวในของฮ่องเต้หนุ่มที่สาบชุดเคลื่อนคลายออก รั้งให้หลุดจากท่อนพระกรใหญ่ ปล่อยทิ้งข้างอ่างน้ำใบใหญ่

   วรกายตึงแน่นที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเรียกเลือดจากทุกส่วนของร่างกายให้มาอยู่รวมกันบนใบหน้าบางอ่อน อีกครั้งที่พระหัตถ์ใหญ่ต้องชักนำร่างเล็กให้ลูบไล้กับร่างกายของพระองค์ ด้วยพระองค์เองก็ปรารถนาสัมผัสจากน้องน้อยเช่นกัน “เขินอายทำไมเที้ยนหยวน ร่างกายนี้ของพี่ก็เป็นของเจ้า อยากทำสิ่งใด อยากสัมผัสตรงไหนก็ทำเถิด บอกผ่านสัมผัสให้พี่ได้รู้ว่าเจ้าเองก็ต้องการสิ่งนี้ไม่น้อยไปกว่าพี่เลย”

      มือบางภายใต้การชักนำค่อยลูบไล้ไปทั่วพระอุระแกร่ง กล้ามเนื้อที่อยู่ภายใต้พระฉวีเรียกร้องให้สัมผัสมากขึ้น และมากขึ้นจนไม่อาจละมือออกห่างได้ สะโพกที่ถูกกระตุ้นจากช่องทางเล็กที่ถูกเย้าแหย่ทำให้เผลอจิกเล็บกับพระอุระกว้างอดกั้นความเสี่ยวซ่านที่ปะทุขึ้น “อ๊ะ...”

   เสียงร้องที่อ๋องน้อยไม่อาจเก็บกลั้นทำให้ฮ่องเต้หนุ่มยิ่งอยากแกล้งร่างเล็กตรงหน้าให้ทรมานต่อความต้องการ ทรงคุกเข่าลงกับพื้นอ่างไม้ดึงรั้งร่างเล็กให้ลงมานั่งทับตัก ยอดอกเม็ดเล็กลอยเด่นอยู่บนแผ่นอกเล็กเบื้องหน้าจนไม่อาจห้ามพระทัยให้กลืนกินได้

   “อ๊ะ..อึ..อึ...!” ช่องทางเบื้องล่างที่ถูกรุกรานทีละน้อยอย่างเบามือ และยอดอกที่ถูกดูดกลืนสร้างกระแสซ่านสุขจนหลงลืมภาวะแวดล้อม หลุดเสียงดังออกมาตามจังหวะที่พระโอษฐ์ร้อนปรนเปรอให้

   ช่องทางเล็กที่หดเกร็งจนน่าสงสารไม่อาจรับสิ่งใดเข้าไปได้แม้แต่นิ้วพระหัตถ์ จนพระองค์ต้องละความสนใจมาที่ส่วนกลางเบื้องหน้าของน้องน้อยที่คงทรมานไม่ต่างจากพระองค์ ในน้ำใสที่กลิ่นของน้ำมันหอมยังคงอยู่ ส่วนน้อยๆที่แดงก่ำและสั่นเทาช่างน่ารักเสียจนพระองค์ต้องสัมผัสอย่างเบามือด้วยความเอ็นดู

   “อ๊ะ...ท่าน...จะอ๊ะ...ทำ...อะไร”  เที้ยนหยวนร้องถามอย่างตกใจเมื่อรู้ถึงสัมผัสแสนเบาหากแต่ทรมานอย่างเหลือร้าย ไม่ใช่เพียงแค่พระหัตถ์ร้อน แต่เอ็นมังกรที่ถือเป็นของเล่อค่าสำหรับนางในกำลังถูกรวบไว้ด้วยกันกับส่วนนั้นที่แสนน่าอับอายของตนเองในพระหัตถ์ใหญ่

   “ทำไมหรือ อย่างกังวลเลยเที้ยนหยวน”  รอยแย้มพระโอษฐ์ของฮ่องเต้หนุ่มไม่อาจคลายความอับอายของอ๋องน้อยที่นั่งอยู่บนพระเพลาได้ ความรู้สึกสุขสมที่ได้รับการปรนเปรอยอดอก ยังไม่อาจสร้างความอับอายได้ถึงเพียงนี้

   ....ทั้งที่เป็นชายเหมือนกัน...แต่เมื่อเทียบกันใกล้ๆ ขนาดนี้แล้ว...ทำไมช่างต่างกันเช่นนี้เล่า....

   ส่วนกลางของร่างกายที่ขนาดแตกต่างกันทั้งสองถูกรวบไว้แนบกันจนสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวที่ไม่อาจแยกได้ว่ามาแผ่ออกมาจากผู้ใด พระหัตถ์หนาค่อยลูบไล้ลำแท่งอย่างช้าๆเร่งจังหวะขึ้นทีละน้อย น้ำในอ่างพัดพาหยาดน้ำที่ไหลเยิ้มออกมาให้จางหายไป

   “อ๊ะ อา...อย่า...อื้ม”ส่วนปลายที่เล็กกว่าแดงก่ำสั่นเทาและร้อนผ่าว สติอันน้อยนิดของร่างเล็กถูกชักนำด้วยการลูบไล้ที่เร็วขึ้นจนไม่อาจตั้งตัวได้ ความนึกคิดกลายเป็นสีขาวโผลน ความละอายต่อสิ่งที่กระทำปลิดปลิวไป มือเล็กความหาพระพักตร์ที่เกร็งเครียด ร้องขอพระโอษฐ์อิ่มให้บรรจบที่กลีบปาก

   พระพักตร์คมแหงนตั้ง มองจุมพิตลึกซึ้งให้แก่น้องน้อยตามที่ต้องการ มือเล็กประคองพระพักตร์ไว้มั่น เรียวลิ้มทั้งสองพันเกี่ยวกระหวัดลดทอนความเซี่ยวซ่านจากส่วนล่างที่มากขึ้นทุกขณะ ลืมตัวเผลอจิกเล็บเข้ากับสันคางฮ่องเต้จนเกิดเป็นรอยแดงที่หากมีใครเห็นคงกลายเป็นโทษมหันต์

   พระหัตถ์ข้างที่ว่างเปล่าโอบหลังบางไม่ให้เอนตัวหนี ส่วนบนที่โผล่พ้นน้ำเปียกชื้นด้วยเหงื่อเย็นไม่ต่างจากใบหน้าหวานที่โน้มลงมาใกล้ให้พระองค์ได้ยลอย่างใกล้ชิด น่าเสียดายที่เปลือกตาไม่ยอมเปิดให้เห็นความต้องการในดวงตาคู่โต

   “จะออก...อะ....อ้า....อ๊า!!!!!” แรงอารมณ์ที่โหมกระหน่ำมากขึ้นทุกครั้งที่ถูกรูดรั้ง ชักพาอารมณ์ร่างเล็กให้ขึ้นสูงจนรู้สึกล่อยลองไปไกล หลังสายธารร้อนปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรง แม้แต่พระหัตถ์ยังเหนียวเหนอะแม้จะอยู่ในน้ำก็ตาม

   ฮ่องเต้หนุ่มมองน้อยน้อยที่หลับตาพริ้มรับความสุขที่ได้ปลดปล่อยด้วยรอยแย้มพระโอษฐ์อย่างยินดี แกนกายเล็กแดงก่ำและสั่นเทาอย่างน่าสงสารราวกับถูกทารุณอย่างโหดร้ายก็ปาน หยาดน้ำขุ่นข้นยังคงเอ่อไหลออกมาให้พระองค์ได้อิจฉาเล็กๆที่ไม่ต้องทนทรมานกับความอัดอั้นเช่นพระองค์ในเวลานี้ “ใจร้ายจังเลยนะเที้ยนหยวน ที่ไม่ยอมรอพี่เช่นนี้”

   จีบเล็กที่ถูกปกปิดด้วยสะโพกแน่นเนื้อกระตุกวูบรับนิ้วพระหัตถ์ที่มีหยาดน้ำอันน้อยนิดติดอยู่ทันทีที่พระองค์พยายามแทรกลึกเข้ารุกราน อาจด้วยเพราะเจ้าตัวกำลังลอยล่องไปไกล แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ร่างเล็กจะได้ไม่ทรมานกับความอึดอัด

   ความอดทนของฮ่องเต้ต่อความอึดอัดที่ต้องการปลดปล่อย ค่อยๆน้อยลงทุกขณะ ยิ่งได้สัมผัสผิวกายที่เนียนละเอียดก็ยิ่งอยากจะครอบครองให้มากขึ้นนิ้วพระหัตถ์ที่แทรกล้ำเข้าไปหมุนควานอยู่ภายในที่อุ่นแน่นจนพระองค์แทบอยากนำพาสิ่งอื่นเข้าแทนที่....สิ่งอื่นที่ทั้งร้อนเร่าด้วยความทรมาน แต่หากเข้าไปในตอนนี้น้องน้อยของพระองค์คงทรมานอย่างเจ็บแสบเป็นแน่

   นิ้วมือเล็กๆที่เคยประคองพระพักตร์ฮ่องเต้เหยียดเกร็งอยู่กลางพระปฤษฎางค์(หลัง) จิกแน่นระบายความเจ็บเมื่อถูกแทรกลึกเข้ามาในร่างกาย เปลือกตาหนักจนไม่อาจลืมขึ้นมามองพระพักตร์ที่อยู่ตรงหน้า

   เส้นทางที่เคยตึงแน่นผ่อนคลายลงพร้อมอารมณ์ของร่างเล็กที่พลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้งจากการถูกยั่วเย้า ที่ ฮ่องเต้หนุ่มทรงข่มความอยากปรารถนาเอาไว้อย่างสุดกำลัง นิ้วพระหัตถ์สากค่อยๆควานหาจุดอ่อนไหวที่ซ่อนอยู่ภายในอย่างใจเย็น

   นิ้วพระหัตถ์หมุนวนจนค้นพบกับสิ่งที่ต้องการ ค่อยกดน้ำหนักลงไปหยอกล้อทีละนิดจน เรือนร่างที่ตึงแน่นคลายตัวออกอย่างฉับพลัน เสียงครางหวามไหวดังกระเส่ามาจากกระจับปากเล็กๆ สะโพกสั่นกระตุกทุกครั้งที่ปลายนิ้วถูไถผ่านบริเวณนั้นโดยแรง   

   “อื้ออ” เสียงครางหวานอย่างขัดใจเมื่อช่องทางเล็กที่ถูกนวดเฟ้นจนพร้อมเปิดรับสิ่งที่ใหญ่กว่ารู้สึกโหว่งวูบในทันทีที่นิ้วพระหัตถ์ถอนออก หากแต่ในช่วงเวลาไม่นาน ร่างทั้งกลับถูกยกขึ้นและพากลับลงมาพร้อมกับความรู้สึกที่ถูกเติมเต็มยิ่งกว่าครั้งใด

   ฮ่องเต้หนุ่มอุ้มร่างเล็กขึ้นเมื่อเห็นว่าช่องทางที่เคยคับแน่นพร้อมแล้วที่จะเปิดรับพระองค์เข้าสู่ร่างกาย ก่อนพาทาบทับลงให้แกนกลางที่ร้อนระอุและพองตัวจนแสนทรมานเข้าสู่ช่องทางเล็กทีละนิดบนพระเพลาของพระองค์ “เจ็บหรือเปล่าเที้ยนหยวน”

   ใบหน้าหวานสะบัดไปมาไร้ความสามารถจะตอบกลับเพราะความรู้สึกที่เซี่ยวซ่านจนแย่งชิงสติรับรู้ไปจนหมด ทำได้เพียงอยู่นิ่งให้ปลายลึกได้แทรกล้ำเข้ามาอย่างช้าๆ ตามน้ำหนักตัวที่ทิ้งลงไป “อ๊ะ..อ่ะ...อื้อ..”

   สายพระเนตรคมสบกับดวงตากลมปรือที่มองนิ่งแฝงด้วยความสงสัยกับอาการนิ่งงันไม่เคลื่อนไหวของพระองค์ จนอยากปล่อยพระสรวลให้กับความซื่อใสเอ็นดูนี้“เที้ยนหยวนเจ้าทำเถิด อยากทำสิ่งใดก็ทำ พี่ให้เจ้าเป็นทำอย่างไรเล่า”   

   ...ผู้ใดช่างปล่อยข่าวลือว่าอ๋องน้อยเที้ยนหยวนเชี่ยวชาญกับเรื่องคาวโลกีย์ แท้จริงแล้วไม่ตางจากสาวน้อยแรกแย้มเลย....

   ดวงตาโตเบิกกว้างกับรับสั่งที่ได้ยิน ความกระดากอายแล่นขึ้นมาบนใบหน้า เพียงแค่นี้ก็ไม่อาจสบสายพระเนตรได้ หากให้ทำเช่นนั้นเอง คงไม่อาจพบหน้าใครได้อีกเป็นแน่ ใบหน้าหวานแดงก่ำโผซบกับพระอังสากว้างกล้ำกลืนความต้องการที่เพิ่มขึ้น ไม่กล้าขยับเขยื้อนกาย

   ฮ่องเต้หนุ่มมองแย้มพระโอษฐ์กับน้องน้อยขี้อายที่เอาแต่ซบหน้ากับบ่าของพระองค์ไม่พูดตอบโต้สิ่งใด ปล่อยให้ร่างกายเชื่อต่อกันแบบนั้นทั้งที่ต่างก็คับแน่นด้วยความปรารถนา ไม่ต่างกัน

   “เที้ยนหยวน เช่นนั้นเจ้าผ่อนตัวลงนะ พี่จะรองหลังไว้ให้” ฮ่องเต้หนุ่มโน้มองค์พาร่างเล็กลงสูงพื้นอ่างอย่างช้าไม่ให้กระทบกับส่วนเชื่อมต่อที่คับแน่น พระหัตถ์หนารองรับแผ่นหลังบางไม่ให้ถูกขอบอ่างที่เป็นไม้เนื้อแข็ง เกรงว่าแรงกระแทกจะพาให้ผิวบางชอกช้ำ

   ฮ่องเต้หนุ่มค่อยๆเคลื่อนกายอย่างช้าๆให้ร่างบางได้ปรับรับทีละนิดๆ ปลุกเร้าความต้องของอ๋องน้อยให้ขึ้นสูง ดวงตาโตปิดแน่นไม่อาจสบพระเนตรโฉนแสงล้อเลียนได้ เรียวขาเล็กเกาะเกี่ยวต้นขาใหญ่ของชายผู้สูงศักดิ์

   เอ็นมังกรใหญ่พองตัวคับแน่นเส้นทางมีสายน้ำที่ไหลซึมช่วยให้ไม่ลำบากนักที่จะแทรกตัวลึกเข้าหาร่างบางที่รอรับอยู่ด้วยความเสี่ยวซานและกระแสแห่งความสุขที่รออยู่ไม่ไกล

   เที้ยนหยวนไม่อาจตั้งตัวให้พิงกับขอบอ่างได้อีกต่อไป ซบกายลงแนบชิดพระอุระ ไม่สะท้านกับน้ำที่เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ในความนึกคิดมีเพียงสิ่งเดียวคือฮ่องเต้หนุ่มที่อยู่ตรงหน้า และช่วงเวลาสุดท้ายก่อนแยกจาก จนเพ้อออกมา “พรุ่ง..อ่ะนี้ ระ...เรา...อ่า”

   “อย่าคิดถึงมันเที้ยนหยวน...ขอแค่เวลานี้พี่....และเจ้าได้อยู่เคียงกันก็เพียงพอแล้วนะ” สุรเสียงทุ้มแหบพร่าและสั่นเทาด้วยแรงอารมณ์ที่พึ่งขึ้นสูงยากเกินควบคุม ปิดบังความเศร้าที่น้องน้อยถามถึงด้วยแทรกหาร่างบางอย่างรุนแรง หนึ่งมือลูกหัวกลมเล็กที่ซุกอยู่กับบ่า อีกหนึ่งมือวางบนแผ่นหลังบาง กั้นแผ่นหลังเล็กไม่ให้กระแทกกับขอบอ่าง รับความเจ็บที่เกิดขึ้นด้วยองค์เอง

   “อ่ะ...อื้อ..ข้าจะ...อ่า..ไม่อ๊ะ....” แม้คำพูดที่พยายามถ่ายทอดออกมาจะบอกว่าไม่นึกถึง หากแต่จิตใจไม่ยอมเป็นดังปากว่า น้ำตาเม็ดเล็กไหลเอื่อยออกมาอย่างสุดกลั้นทั้งที่เหลือสติอยู่เพียงน้อยนิด  

   ริมฝีปากอิ่มขบเม้มลงบนพระอังสะเกิดเป็นรอยรักสีหวานที่ดูเจือจาง เสี้ยวสุดท้ายก่อนสติจะลืมเลือนปรารถนาเดียวที่หลงเหลือคือ อยากตราตรึงรอยนี้ไปชั่วชีวิต ประกาศให้รู้ว่าชายสูงศักดิ์ ผู้นี้เป็นของอ๋องเช่นเขาแต่เพียงผู้เดียว แต่จะเป็นไปได้เช่นไร เมื่อวันหนึ่งรอยนี้จะเลือนหายไป และพระองค์ต้องมีหญิงงามผู้เหมาะสมเคียงข้างกาย ส่วนเขาก็เป็นเพียงอ๋องตัวเล็กที่มีคนจดจำได้ว่าครั้งหนึ่ง เคยเข้ามาอาศัยเพื่อแก้นิสัยที่ไม่เอาไหน

   “อื้อ...อ่ะ...อ่า.........” เสียงหวานกรีดร้องเมื่อถึงที่สุดแห่งอารมณ์ฟันขาวขบลงบนพระศอใหญ่อย่างลืมตัวช่องทางเล็กที่บวมช้ำตอดรัดสิ่งแปลกปลอมภายในจนรู้สึกได้ถึงความอุ่นวาบจากสายน้ำแห่งหน่อเนื้อฮ่องเต้ ไม่ต่างจากแก่นกายเล็กที่ปลดปล่อยหยาดหยดออกมาให้ลอยล่องอยู่กับน้ำที่เย็นลงมากแล้ว

   ฮ่องเต้หนุ่มค่อยๆถอนกายออกจากช่องทางเล็กที่บวมช้ำ พาหยาดหยดแห่งแผ่นดินไหลเยิ้มออกมาตามช่องทางที่ถูกเบิกกว้างให้รองรับความใหญ่โต พระกรโอบรัดร่างบางไว้แนบแน่น ดุจดั่งร่างเล็กนี้อาจเลือนหายไปหากไม่ทรงยึดมั่น

   ร่างเล็กพิงกายซานซบกับพระอุระกว้างไร้เรี่ยวแรงทรงกาย ดวงตาปรือลงอย่างเหนื่อยอ่อนไม่เหลือความสามารถจะทำสิ่งใดได้อีก ไม่รับรู้กับอุณหภูมิของน้ำรอบกายที่เย็นเฉียบ ได้แต่เพียงปล่อยกายตามการชักนำของฮ่องเต้เท่านั้น

VVVV

VVV

VV

V
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่17) 16/05/11 [หวานหยดกับNCเบาๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 15-05-2011 23:59:51
วรกายใหญ่ช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้ม ควานหาเสื้อตัวในที่เปียกชื้นมาห่มคลุมน้องน้อยพากลับห้องบรรทมที่แสนอุ่นสบาย เสียงพระสรวลก้องเมื่อสบสายตากับดวงตากลมที่มองมาก่อนหลบหนีไปซุกกับพระอุระ พร้อมกับหน้าหวานที่แดงก่ำ

   อ๋องน้อยที่ถูกวางลงบนแท่นบรรทมเอื้อมจับพระหัตถ์ใหญ่ไว้ทันที ยอมสบพระเนตรคมทั้งที่แสนเขินอาย “ท่านจะไปไหน ไม่นอนกับข้าหรือ”

   เสียงหวานใสที่เต็มไปด้วยสำเนียงออดอ้อนทำให้ไม่อาจห้ามพระทัยลงสูดดมความหอมจากแก้มใสที่แดงปลั่ง “นอนสิ แต่พี่จะไปหาชุดให้เจ้าใส่ก่อน ไม่หนาวหรืออยู่แบบนี้”

   “หนาวสิ” ฟันขาวขบกัดกับริมฝีปากตนเอง คิดถึงช่วงเวลาอันน้อยนิดก่อนใกล้รุ่งดวงตาที่เศร้าหม่นต้องก้มหลบไม่อาจให้ชายสูงศักดิ์ผู้นี้ได้เห็นแล้วอ้อมแอ้มเบาๆออกมา “แต่หากมีท่านมานอนกอดข้าไว้ ก็คงหายหนาว” ถ้อยคำสุดท้ายที่วอนขอทำให้ร่างเล็กต้องแหงนหน้าสบพระเนตรคมอย่างขอร้อง “นอนกอดข้านะ”

   “เที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มครางชื่อที่แสนเล่อค่าสำหรับพระองค์ด้วยพระทัยวูบไหว รับรู้สิ่งที่ร่างเล็กกำลังนึกคิด และบั่นทอนความสุขอันแสนสั้นนี้ ก่อนลงนอนคว้าร่างเล็กที่เปล่าเปลือยเข้ามาแนบชิดไม่ห่างกาย ปกป้องอากาศหนาวเย็นด้วยพระองค์เอง
 
   ....เพียงแค่น้องน้อยบอก มีหรือพี่จะไม่ทำให้.....

   ร่างเล็กที่ถูกรัดแน่นไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด มีเพียงความคิดที่อยากครอบครองพื้นที่ตรงนี้ไว้ตลอดกาลเพียงผู้เดียว แม้นไม่อาจเป็นจริง หากเป็นได้แค่เพียงฝันสร้างความสุขให้ตราตรึงผ่านไปในแต่ละวัน “ข้าอยากอยู่แบบนี้ไปตลอด อยู่กับท่าน เคียงคู่ท่านเช่นนี้ ไม่อยากให้พระอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้าเลย”

   น้ำตาเม็ดเล็กที่ไหลออกมาจากผู้เป็นดั่งดวงพระทัย พาให้ดวงหทัยของฮ่องเต้หนุ่มไหววูบและเจ็บร้าวไม่ต่างกัน ข้อนิ้วพระหัตถ์งอเช็ดหยาดน้ำสายเล็กออกจากใบหน้าหวาน “อย่าร้องไห้นะเที้ยนหยวน เจ้าอย่าทำให้ค่ำคืนนี้ต้องเปื้อนหยดน้ำตาสิ จงมอบรอยยิ้มให้กับพี่ บอกให้พี่รู้ว่าเจ้าก็มีความสุขที่เราได้อยู่ด้วยกัน”

   เหมือนร่างเล็กจะปล่อยผ่านคำพูดฮ่องเต้หนุ่ม เพราะมัวแต่จับจ้องอยู่ที่ข้อนิ้วพระหัตถ์ม่วงช้ำ จนต้องยึดแน่นเพื่อมองดูให้ชัด ความห่วงใยแล่นขึ้นในทันที “ท่านไปโดนอะไรมา ทำไมถึงช้ำแบบนี้ เพราะเมื่อครู่ใช่ไหม ที่ท่านเอามือมารองหลังข้าไว้ ใช่ไหม”

   “ไม่เป็นไรหรอก เท่านี้เอง ดีกว่าให้หลังของเจ้าต้องช้ำเป็นไหนๆ อย่ากังวลเลยนะเที้ยนหยวน เป็นห่วงตัวเจ้าเองไม่ดีกว่าหรือ พี่เห็นนะว่าบวมช้ำแค่ไหน” เป็นครั้งแรกที่ทรงหลบตาน้องน้อย ด้วยไม่ทรงคุ้นชินเอาเสียเลยกับความห่วงใยที่ได้รับ และเต็มอิ่มไปกับความรู้สึกหอมหวานเช่นนี้

   มีใครสักคนเป็นห่วงด้วยใจรัก...มันดีเช่นนี้เอง...

   “ท่านอย่าเปลี่ยนเรื่อง มือของท่านเป็นขนาดนี้แล้วยังบอกว่าไม่เป็นไรได้อย่างไรกัน” ร่างเล็กจ้องมองรอยช้ำวงกว้างบนพระหัตถ์อย่างรู้สึกผิด อยากจะหายามาทาก็ไม่อาจฝืนกายให้ลุกขึ้นได้สะดวกนัก

   “เจ้าเป็นห่วงพี่มากหรือ”

   สุรเสียงเบาแผ่วดุจเด็กน้อยที่หวาดกลัวคำตอบทำให้ร่างเล็กต้องลอบยิ้มออกมา “มากสิ ท่านทำเช่นนี้ไม่ห่วงตัวเองหรืออย่างไร”

   “พี่ห่วงเจ้ามากกว่าเที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มรับสั่งถ้อยคำจากพระทัยกระซิบข้างหูเล็ก ไม่อยากให้ข้อความตกหล่นไปแม้เพียงเสี้ยวความรู้สึกที่แฝงไปกับสายลม
   
   ใบหน้าหวานแดงก่ำรับรู้ได้ถึงความสัจจริงของคำพูด จนด้วยคำพูด ปล่อยให้ความเงียบสงบโรยตัวเข้ามาปกคลุมพร้อมความอุ่นซ่านในหัวใจ

   “เที้ยนหยวนเรียกพี่ว่า พี่ สักครั้งได้ไหม” สุรเสียงทุ้มดังผ่าความเงียบ สายพระเนตรมองใบหน้าเล็กที่ซุกอยู่กับต้นพระพาหา “แล้วลองแทนตัวเองว่าผู้อื่นดูสักหน่อย”

   “หืมม์?” ดวงตาใสเต็มไปด้วยความสงสัย จ้องพระพักตร์เข้มที่แฝงด้วยนัยหยอกล้ออย่างมีความสุข จนริมฝีปากเล็ก ยับย่นเข้าหากันอย่างไม่พอใจ ที่ดูเหมือนกำลังถูกแกล้งเช่นนี้ “ทำไมข้าต้องแทนตัวเองว่าผู้อื่นด้วยเล่า ข้าไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย”

   “เจ้าไม่ใช่ผู้หญิง แต่เจ้าก็แย่งที่ของฮ่องเฮาในอนาคตไปเสียหมดแล้ว ทั้งที่บนเตียงนี้ ทั้งหัวใจของพี่ เจ้าก็ได้ไปหมด เรียกให้พี่ชื่นใจสักนิดไม่ได้เชียวหรือ ไม่ต้องเรียกตัวเจ้าว่าผู้อื่นก็ได้ แต่เรียกข้าว่าพี่สักครั้งเถอะนะ” ฮ่องเต้หนุ่มทำเสียงออดอ้อนน้องน้อยอีกครั้ง พระเนตรเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขดุจดั่งเด็กน้อยที่กำลังเริงรื่น

   “แล้วจะให้พูดว่าอะไรเล่า”  แก้วตาใสตวัดค้อนใส่ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของอ้อมพระกรที่แสนอบอุ่น ปกป้องความหนาวเย็นของอากาศและจิตใจให้ห่างไกล

   “เจ้าอยากพูดสิ่งใดก็พูดเถิด ขอเพียงออกจากปากเจ้า พี่ก็อยากจะได้ยินทั้งนั้น”

   “งั้นท่านฟังดีๆนะ ข้าจะพูดแค่รอบเดียวเท่านั้น” ร่างเล็กพาตัวขึ้นแนบชิดพระกรรณ แอบเก็บรอยยิ้มแห่งความสนุกที่จะได้แกล้งมังกรจักพรรดิ์ผู้นี้ “ข้าไม่พูดหรอก ท่านพี่”

   ฮ่องเต้หนุ่มที่ทรงคาดหวังถึงถ้อยคำหวานล้ำ ไม่อาจกลั้นพระสรวลได้เมื่อทรงได้ยินคำพูดของน้อยน้อย ได้แต่ส่ายพระพักตร์กับองค์เองที่คาดหวังดุจดังไม่รู้จักอ๋องน้อยผู้นี้ดีพอ “ขอบใจเจ้ามานะเที้ยนหยวน แค่นี้พี่ก็พอใจแล้ว”

   ร่างเล็กมองพระพักตร์เปื้อนยิ้มของฮ่องเต้หนุ่ม แล้วระงับความเขินอายกลั้นใจพูดเบาๆกับพระอุระที่ซุกหน้าหลบซ่อน “ข้ารักท่าน ฮ่องเต้ของข้า”

   ถ้อยคำแสนแผ่วเบาที่ลอยออกมาจากกลีบปากเล็กพาให้หทัยของฮ่องเต้หวิวโหวงด้วยความสุขที่ถูกเติมเต็ม ถ้อยคำที่รอคอยมาแสนนานในที่สุดก็ได้รับฟัง ทรงโอบรัดร่างบางให้แนบแน่น ให้รับฟังเสียงของพระทัยที่กระหน่ำรัวราวกับกลองศึก พระพักตร์ยิ้มกว้างอย่างที่สุด ก้มลงกระซิบริมหูเล็กเบาๆ ถ่ายทอดทั้งหมดของความรู้สึกที่แสนลึกล้ำลงไปกับข้อความ “พี่ก็รักเจ้ามาก ยอดรักของพี่” 

   ทั้งสองอิ่มเอิบด้วยความรักที่มอบให้แก่กัน เฝ้าบอกรักด้วยทุกการกระทำและคำพูด เก็บซ่อนความทุกข์โศกเอาไว้ภายใน ตักตวงทุกช่วงเวลาแห่งความสุขให้ยาวนาน....จนไม่อาจข่มตาลงได้
   
   ความสุขจะคงอยู่ตราบนานชั่วชีวิต....หากวันพรุ่งนี้จะไม่มาถึง

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   สวัสดีคะ “หวานหยดย้อยเยิ้มแหย่ะ” ไหมคะ แฮ่ๆๆ แต่มันก็มีกลิ่งเศร้าจางๆ ตอนอ่านทวนเรื่องนี้ ไอซ์นึกไปถึงกระทู้หนึ่งในห้องพูดคุย “[[สาววายอยากรู้]] คำถามติดเรท ฝ่ายรับ "เสร็จ" เองได้จริงหรอ??” แล้วมีประเด็นเรื่องการป้องกันขึ้นมา ไอซ์เลยนึกไปถึงการป้องกันสมัยก่อนหากเอามาให้ฮ่องเต้ใช้ มันจะเป็น.... กระเพาะหมู/ ไส้หมู กลายเป็นฉากชวนชิมกันไปเลย  แต่จะมีใครมาชิมหรือเปล่า ส่วนถ้าจะใช้เป็นยาคุมก็ต้องเป็นอุนจิจระเข้..แหย่ะ

   ตอบคุณKURUMA ไม่ใช่คะ เรื่องนี้มาจากเรื่อง Mei Hua เป็นแฟนคิดทางฝั่งเกานู้นอ่ะคะ

ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่17) 16/05/11 [หวานหยดกับNCเบาๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 16-05-2011 01:17:58
อ๋อ งั้นเหรอคะ .. แคู่้รู้สึกว่าคุ้นน่ะค่ะ เดี๋ยวจะตั้งใจอ่านอีกที จะมา Edit เพิ่มนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่17) 16/05/11 [หวานหยดกับNCเบาๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 16-05-2011 02:47:15
อั่ยย่ะ กลิ่นเศร้ามันกรุ่น แต่กลบกลิ่นรักไม่ได้แหะ  :haun4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่17) 16/05/11 [หวานหยดกับNCเบาๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 16-05-2011 11:02:18
หน้าที่ และ ความรัก เฮ้อ!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่17) 16/05/11 [หวานหยดกับNCเบาๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: O_a ที่ 16-05-2011 13:12:50
หวานจริงๆ เหรอ
น้ำผึ้งหนึ่งหยดผสมบรเพ็ดหนึ่งต้น
ผสมกับน้ำตาอีกหนึ่งปี๊บ
เฮ้อ จิตตก
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่17) 16/05/11 [หวานหยดกับNCเบาๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 16-05-2011 14:34:12
หวานยิ่งกว่าน้ำผึ่งอีก อ้วก เลี่ยนมากมาย ฮ่าๆๆ

คนอ่านอิจฉาอ๊ะ น่ารักจริงๆ  :-[
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่17) 16/05/11 [หวานหยดกับNCเบาๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 16-05-2011 17:46:49
 :o8: :o8: :o8:


หวานจริงๆๆ




อย่าเศร้าเลยนะ....ขอร้อง     :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่17) 16/05/11 [หวานหยดกับNCเบาๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 16-05-2011 19:06:35
ขอให้หวานแบบนี้ไปตลอดเหอะ อย่าดราม่าเล๊ย นะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่18) 17/05/11 [สุขแล้วก็....]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 17-05-2011 01:25:08
ประลองรัก...十八

   พระอาทิตย์ทอแสงชมพูเรื่อส่องลอดหน้าต่างบานใหญ่เข้ามายังแท่นบรรทมที่มีสองร่างเปลือยเปล่าในอ้อมกอดของกันและกัน

   พระเนตรคมเปิดขึ้นอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่ปะทะสายตาคือกลุ่มผมนุ่มที่โชยกลิ่นหอมของน้องน้อยที่ใบหน้าซุกอยู่อ้อมอกของพระองค์ พระหัตถ์ยกขึ้นลูบหัวเล็กๆ ทอดพระเนตรนอกหน้าต่าง แสงที่ส่องเข้าเป็นสัญญาณให้รู้ว่า วันพรุ่งนี้ได้มาถึงแล้ว..วันที่ต้องพรากจาก มาถึงแล้ว

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงนอนนิ่งนอนให้ร่างเล็กได้ซุกซบอยู่เช่นนั้น จนแสงอาทิตย์กลายเป็นสีขาวจ้า แยงเปลือกตาบางที่เริ่มยุกยิก ก่อนเปิดกว้างให้เห็นดวงตาใส “ตื่นแล้วหรือเที้ยนหยวนหลับสบายไหม”

   ดวงตาโตที่ยังปรือหรี่ ช้อนมองพระพักตร์เข้มที่ประดับรอยยิ้มไว้เสมอ ก่อนพยักหน้ารับเบาๆ พร้อมกับปากอิ่มที่หาวกว้างเรียกเสียงพระสรวลก้องจนอดมองค้อนไม่ได้ “ท่านหัวเราะทำไม ก็ข้าง่วง”

   “พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเจ้าเสียหน่อยเที้ยนหยวนถ้าง่วงจะนอนต่อพี่ก็ไม่ว่าเจ้านะ” ฮ่องเต้หนุ่มรับสั่งอย่างพระทัยดี พร้อมรอยแย้มพระโอษฐ์เช่นทุกครั้งดุจดั่งไม่มีเรื่องเศร้าในพระทัย

   “แล้วท่านจะนอนกับข้าไหม” ปากเล็กเม้มเข้าหากันในทันทีที่พูดจบ ดวงตาโตช้อนมองอย่างคาดหวัง ความรู้สึกที่ได้อยู่กับผู้เป็นที่รัก มันช่างแสนดี จนอยากจะยืดออกไปให้นานเท่านาน

   “ท่านคงจะไม่นอนกอดเจ้าหรอก แต่ถ้าเป็นพี่...พี่จะนอนกอดอยู่อย่างนี้ จนกว่าเจ้าอยากจะตื่น ดีไหม” ถ้อยคำหยอกล้อที่ชวนให้ใจหายแล้วพาให้กลับมายิ้มได้อีกครั้ง ทำให้ร่างบางยิ่งกระชับอ้อมแขนที่กอดพระกฤษฎี แน่นเข้าคล้ายจะไม่ยอมปล่อยอีกเลย ก่อนหลับตาพริ้มไปอีกครั้ง

   ท่อนพระกรที่ให้น้องน้อยได้นอนหนุนโอบกอดบ่าเล็กเข้ามาให้แนบชิด พระโอษฐ์ยิ้มอย่างอบอุ่นที่สุดยามสายพระเนตรจับจ้องไปทั่วใบหน้าหวาน ใช้เวลาครั้งสุดท้ายให้ตราตรึงตราบนานเท่านาน   

   หน้าผากเนียนเรียบโค้งมน มีไรผมเส้นเล็กลงมาปรก

   เปลือกตาบางใส ปกปิดลูกแก้วสีนิลดวงใหญ่เอาไว้ภายใน ลูกแก้วที่แสดงออกทุกความรู้สึก

   จมูกเล็กที่ทั้งโด่ง และเชิดขึ้น บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวช่างแสนดื้อรั้นและซุกซน

   แก้มใสที่ขยันแดงก่ำ ไม่ว่าจะเพราะความเขินอาย โกรธเคือง หรือหนาวกาย

   ริมฝีปากอิ่มแสนหวาน ชวนให้หลงใหลทุกครั้งที่ได้สัมผัส จนไม่คิดถอยห่าง

   “พี่รักเจ้าเที้ยนหยวนรักอย่างที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จะรักมากขึ้นทุกครั้งที่หายใจ จะมีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น” ฮ่องเต้หนุ่มทรงรำพันคำรักกระซิบข้างหูเล็กของคนที่ยิ้มกว้างแม้ในยามหลับลึก

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงปล่อยให้เวลาล่วงผ่านล่วงไปจนพระอาทิตย์เกือบตั้งตรงเมื่อนั้นเปลือกตาบางจึงกระพริบปรือขึ้นอีกครั้ง “ตื่นแล้วหรือเที้ยนหยวนหายง่วงหรือยัง”

   “ตื่นแล้ว หายง่วงแล้ว แต่....ข้าหิว”

   ประโยคสุดท้ายที่แสแผ่วเบาจนแทบต้องเอียงหูฟังของอ๋องน้อย ทำให้ฮ่องเต้หนุ่มทรงพระสรวลด้วยเอ็นดูน้องน้อยที่ตื่นขึ้นมา กะเพาก็ทำงานในทันที “เจ้าจะกินที่นี้ หรือข้างนอกหืมม์?”

   “ในนี้ได้ไหม ข้ายังไม่อยากออกไปข้างนอกเลย อยากอยู่กับท่านในนี้...” ไปตลอด สองพยางค์สุดท้ายร่างบางได้แต่พูดอยู่ในใจไม่กล้าเอ่ยออกไปให้ฮ่องเต้ทรงได้ยิน ใบหน้าหวานยังคงซุกอยู่อ้อมพระอุระ ปิดบังหยาดน้ำที่กำลังจะไหลริน

   “เดี๋ยวพี่ไปยกเข้ามาให้นะ เจ้าปล่อยพี่ก่อนสิ เที้ยวหยวน” สุรเสียงทุ้มบอกน้องน้อยที่ยังไม่ยอมคลายมือออก “เจ้าก็แต่งตัวเสีย หรือจะให้พี่เรียกอู่กงกงเข้ามาช่วยเจ้าแต่งตัว”

   “ไม่เอา ข้าแต่งตัวเองได้ แต่ท่านรีบกลับมานะ” ดวงตากลมเยิ้มออดอ้อนฮ่องเต้หนุ่มอย่างน่ารัก กิริยาที่ไม่เคยทำ ก็ทำด้วยความเต็มใจ

   ริมพระโอษฐ์แย้มออกเล็กน้อยๆ ให้กับความน่ารักนี้ ก่อนยกพระหัตถ์ลูบหัวเล็กที่ยังซบอยู่กับหมอนใหญ่ “เจ้าก็อย่าเอาแต่นอนแบบนี้รู้ไหม แต่งตัวแล้วรอพี่ เดี๋ยวเรากินข้าวกัน”   

   อ๋องน้อยมองตามวรองค์สูงที่ดำเนินออกไปจากห้องด้วยความอาลัย อีกเพียงไม่นานแล้วใช่ไหม...ที่ข้าจะมีท่านอยู่เช่นนี้
   อู่กงกงขันทีประจำตำหนักส่วนพระองค์ที่ร่างบางคุ้นเคยไม่ปล่อยให้อ๋องน้อยผู้ร่าเริงได้โศกเศร้าอยู่นาน เมื่อยกอ่างน้ำใบเล็กเข้ามาเพื่อให้อ๋องน้อยได้ชำระล้างหน้าตาให้สดใสสำหรับมือเที่ยง “ทำไมท่านทำหน้าเศร้าอย่างนั้นหล่ะท่านอ๋อง”

   “ข้าหน้าเศร้าหรือ อู่กงกงเจ้าจะคิดถึงข้าไหม” เที้ยวหยวนมองหน้าตาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในน้ำอย่างสงสัย พลางถามขันทีเหี่ยวอย่างหงอยเหงา

   “ทำไมข้าต้องคิดถึงท่านด้วย” ดวงตารีเรียวของขันทีที่กำลังทำหน้าตนเอง มองใบหน้าของอ๋องน้อยเสียนิสัยอย่างไม่เข้าใจ ก่อนหยิบยื่นส่งผืนผ้าที่เตรียมมาให้

   “นั่นสินะ ใครกันจะมาคิดถึงข้าพอข้าไม่ได้อยู่ที่นี้แล้ว ก็คงจะลืมข้ากันไปหมด ข้านี้บ้าเสียจริงถามอะไรไม่รู้เรื่อง” น้ำเสียงใสแปรเปลี่ยนเป็นขุ่นมัว ยอมรับความจริงที่ว่าตนเองช่างไม่เหมาะให้ผู้ใดคิดถึงเอาเสียเลย

   “ใช่ ท่านนั้นคิดอะไรบ้าๆ ท่านคิดจริงหรือว่าจะประลองชนะองค์ฮ่องเต้ได้ ความสามารถท่านมีแค่ไหนกัน แล้วองค์ฮ่องเต้ที่เป็นหนึ่งในใต้หล้า ท่านคิดว่าจะชนะได้จริงหรือ ถึงมานั่งเศร้าอาวรณ์อยู่แบบนี้ ท่านหน่ะไม่มีทางได้ออกจากวังนี้แน่ๆ เชื่อข้าเถอะ” ขันทีเฒ่าร่ายยาวถึงความจริงเรื่องความสามารถที่แตกต่างกันจนไม่อาจเทียบได้ ของอ๋องน้อยผู้อยู่ตรงหน้า และฮ่องเต้หนุ่มด้วยสีหน้าสบายใจ ไร้เรื่องให้เศร้าหมอง เพราะเช่นไรแล้ว ฝีมือท่านอ๋องหรือที่จะชนะ....ไม่มีทาง

   “อือออออ จริงด้วย” ใบหน้าหวานที่เอาแต่เศร้าหมอง ความรู้สึกที่แสนทรมานค่อยๆ หายไปในทันที แทนทีด้วยความเบิกบานใจ และรอยยิ้มกว้าง “ข้าคงไม่อาจเอาชนะฮ่องเต้ได้อยู่แล้ว ขอบใจเจ้ามากจริงๆอู่กงกง ไม่เสียแรงที่ข้าชื่นชมเจ้า ให้กอดหน่อยสิ” แม้จะเป็นถ้อยคำขออนุญาต หากแต่ร่างบางก็พุ่งเข้าหาร่างของขันทีเฒ่าในทันทีไม่ทันให้ตั้งตัว

   “อู่กงกง เที้ยนหยวนพวกเจ้าทำอะไรกันหน่ะ”   สุรเสียงที่ปนเปด้วยความตกพระทัยและไม่พอทัย ดังก้องห้องบรรทม จนทั้งขันทีเฒ่าและอ๋องน้อยผละออกจากกันเกือบไม่ทัน

   “ข้าแค่ให้รางวัลท่านขันทีดีเด่นที่พูดจาดีเท่านั้นเอง ไม่เอาหน่า ท่านอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” ร่างบางเดินเข้ามาใกล้ เพราะอารมณ์ยินดีกว่าปรกติ จึงกล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครกล้าทำ....ฉีกยิ้มมังกร!!

   มือเล็กเอื้อมจับพระพักตร์ฮ่องเต้ แล้วฉีกออกจนกลายเป็นรอยแย้มพระโอษฐ์ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ขันทีเหี่ยวเคยเห็นมา จนไม่กล้ามองต่อไป หากไม่โดนเรียก

   “อู่กงกงเจ้าออกไปยกชุดสำรับเข้ามาในนี้ให้เราหน่อย ป่านนี้น่าจะเสร็จแล้ว” ฮ่องเต้หนุ่มตรัสหลังทรงคว้ามือเล็กเอาไว้ในพระหัตถ์

   เพียงไม่นาน ขันทีเหี่ยวก็เข้ามาอีกครั้งพร้อมอาหารแล้วรีบกลับออกไปอย่างรวดเร็วเหลือทิ้งไว้เพียง ฮ่องเต้พระพักตร์นิ่ง และอ๋องน้อยที่ยิ้มร่า

   “เที้ยนหยวนถึงเจ้าจะยินดี แต่มันสมควรหรือที่จะไปเที่ยวกอดใครต่อนะ หืมม์” ฮ่องเต้หนุ่มทรงรอให้ขันทีเดินจากไปแล้วจึงทรงรั้งร่างเล็กเข้ามาใกล้

   “โธ่! ท่าน อย่ากริ้วนะ ยิ้มไม่ได้หรือ วันนี้วันดี ที่ข้ากอดอู่กงกงก็เพราะข้าดีใจเท่านั้นเอง อย่ากริ้วข้านะ ไปกินข้าวกันเถอะ ข้าหิวแล้ว” มือเล็กเอื้อมคว้าพระหัตถ์หนา ลากไปยังโต๊ะตัวเล็กที่ขันทีนำอาหารมาวาง

   “เจ้าดีใจแล้วกอดผู้อื่นเสมอหรืออย่างไรเที้ยวหยวน” แม้น้องน้อยจะพยายามเอาพระทัยด้วยการคีบอาหารมากมายใส่ให้ในจาน หากแต่พระอารมณ์โกรธกริ้วยังคงไม่จางหายไป

   “ไม่ใช่เช่นนั้นเสียหน่อย ท่านอย่าโกรธข้าเลยนะ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอีกแล้ว” อ๋องน้อยมองพระพักตร์ฮ่องเต้ที่ยังคงบึ้งตึง จนต้องยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้าแนบพระปฤษฎางค์ เกยใบหน้ากับพระอังสากว้าง สองแขนกอดพระศอแน่น “ข้ากอดท่านแบบนี้ ท่านไม่โกรธข้าแล้วนะ ข้าขอโทษ”

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงตกพระทัยกับน้ำเสียงแสนเศร้าของน้องน้อย เพียงแค่ความอาลัยที่วันนี้เป็นดั่งวันสุดท้ายก็ทำลายความสุขมากเพียงพอแล้ว...เหตุใดพระองค์จึงยอมปล่อยเข้าครอบงำเช่นนี้ “พี่ไม่โกรธเจ้าแล้วนะเที้ยนหยวนไปนั่งเถิด หิวไม่ใช่หรือ”

   ร่างบางที่นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเดิมพร้อมรอยยิ้มหวานที่ทำให้ทรงแปลกพระทัย ทั้งที่พึ่งทรงได้ยินเสียงเศร้าอยู่แท้ๆ แต่ทำไมเวลานี้กลับ....

   “ท่านกินอันนี้สิ อร่อยนะ” สิ่งที่ร่างเล็กคีบใส่จานฮ่องเต้หนุ่ม คือผักใบเขียวที่ไม่ชอบกินถูกตุ๋นจนเปื่อย แต่ก็ยากจะปล่อยให้วางล้นอยู่ที่ขอบจาน

   ใบหน้าหวานยิ้มสดใสดังทุกวันที่ผ่านมา ดุจไม่มีเรื่องเศร้าอีกต่อไป ช่างแตกต่างจากฮ่องเต้หนุ่มที่ไม่ทรงเข้าพระทัยและฝืนเสวยสิ่งที่น้องน้อยคีบให้

   เวลาที่เหลืออีกเพียงน้อยนิดพี่ก็ควรยิ้มให้กับเจ้าใช่ไหม...เหมือนที่เจ้ายิ้มให้กับพี่

   ฮ่องเต้อี้หลงทรงทอดพระเนตรใบหน้าหวานจารจำทุกรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนเอาไว้ในพระทัย ไม่อาจละสายตาแม้เพียงเสี้ยววิ ด้วยทรงวิตกว่านี้อาจเป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่จะได้รับจากผู้เป็นดวงใจ

   รอยแย้มพระโอษฐ์แสนฝืดเฝือส่งให้ร่างบางทุกครั้งที่ทั้งสองสบสายตากัน แต่ผู้ใดจะรู้เล่าว่าภายใต้รอยแย้มพระโอษฐ์ต้องทรงเก็บกั้นทั้งความทรมานและความสงสัยเอาไว้ไม่น้อย

   ทรมานที่ไม่อาจคว้าร่างบางนี้มาแนบกายได้ตลอดไป...ถึงเวลาที่ต้องลาจากแล้ว

   สงสัยว่าเหตุใด ใบหน้าหวานจึงเอาแต่ยิ้มแย้ม...หรือเจ้าดีใจที่จะได้โบยบินในอิสระเช่นกาลก่อน

   “อิ่มแล้วหรือเที้ยวหยวน” ฮ่องเต้อี้หลงทรงถามเมื่อร่างเล็กวางตะเกียบลงกับจาน ใบหน้าหวานยิ้มกว้างเสียจนน่าน้อยใจ....ดูเจ้าไม่อาลัยที่นี้เลยหรือไรกันนะ

   “อิ่มแล้ว ท่านก็อิ่มแล้วใช่ไหม เราไปที่ลานประลองกันเถอะ จะได้หมดเรื่องกันเสียที”

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงหยุดชะงักกับคำที่หลุดจากปากอิ่ม ถึงเวลานี้เสียแล้ว....เวลาที่พระองค์อยากให้ข้ามผ่านไปโดยไม่ต้องสูญเสียดวงใจ

   เจ้าอยากไปถึงเพียงนี้เชียวหรือเที้ยวหยวน...พี่ไม่อาจรั้งตัวเจ้าไว้แล้วสินะ

   ทรงลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ดำเนินตามแผ่นหลังเล็กไปอย่างเงียบๆ ไร้ถ้อยรับสั่งใดๆ นี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ทรงร่วมห้องกับน้องน้อย หนึ่งเดียวที่พระองค์จะรักตราบจนลมหายใจสุดท้าย

   “เที้ยวหยวน”  พระกรหนาคว้าร่างเล็กเข้ามาพระแนบพระอุระก่อนที่ขาเล็กจะก้าวล่วงออกจากห้องนี้ไปตลอดกาล พระพักตร์ซบที่ไหล่บาง เป็นครั้งแรกที่ต้องทรงฝืนบังคับไม่ให้น้ำพระเนตรหลั่งริน

   “ท่านเป็นอะไร”

   เสียงหวานที่ร้องถามอย่างตกใจ พาให้ละอายพระทัยที่ไม่อาจปกปิดความรู้สึกภายในเอาไว้ได้ จนทำให้ผู้ที่กำลังมีความสุขต้องกังวลใจ “เปล่าพี่ไม่ได้เป็นอะไร แค่เกรงว่าเจ้าจะสะดุด ผมเจ้ารุงรังเสียจริงเที้ยนหยวนพี่รวบให้นะ”

   ทรงรั้งร่างเล็กออกห่าง บังคับให้หันหลังด้วยว่าสุดจะกลั้นเต็มทีแล้ว พระหัตถ์ยกขึ้นสัมผัสเส้นเล็ก ค่อยจับเข้ามารวบไว้ด้วยกันทีละนิด ยืดเวลาที่แสนสั้นนี้ออกไปให้ยาวนานที่สุด

   น้ำพระเนตรหลั่งรินโดยมิอาจห้ามทานได้ น้ำตามังกรที่ไหลออกมาด้วยความเจ็บปวดจนสุดกลั้นถูกปาดทิ้งในทันทีอย่างไร้ค่า พร้อมกับที่ปอยผมกลุ่มสุดท้ายถูกยกขึ้นผันด้วยผืนผ้ายาว “เสร็จแล้วเราออกไปกันเถอะเที้ยวหยวน”

   ทรงดำเนินนำร่างเล็กออกสู่ลานประลองด้วยพระทัยที่แตกร้าว เหลือเพียงสิ่งเดียวที่พระองค์จะให้แก่น้องน้อยได้....ชัยชนะในการประลองครั้งนี้

   ...หมดแล้วเวลาที่ทรงยื้อเอาไว้...จบสิ้งลงที่ตรงนี้....

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ราชครู ราชองค์รักษ์ทั้งแปด และหนึ่งขันทีประจำตำหนัก ต่างจับจ้องจ้องอยู่ที่กลางลานประลองกว้างที่มีเพียงคนสองคนกับอาวุธในมือ หากแต่สายตาของคนทั้งคู่กลับไม่ได้จ้องที่จะประหัตประหารกันเลย

   มีดสั้นในมือเล็กวาวคมเล่นกับแสงอาทิตย์ไม่น้อยไปกว่ากระบี่ในพระหัตถ์หนา คนทั้งสองต่างโค้งกายให้แก่กัน และก้าวถอยหลังห่างออกไปจนเกือบสุดลานประลองแห่งนี้

   ใบหน้าหวานยิ้มส่งให้แก่ฮ่องเต้หนุ่มอย่างยีนดี ในใจคิดเพียงว่าอีกไม่นานก็จะปลดเรื่องทุกข์นี้ออกไปจากใจได้ ไม่ต้องกังวลกับวันเวลาใดๆอีก จะขออยู่ที่นี้เป็นต้นห้องที่ได้นอนซุกในพระอุระไปชั่วชีวิต

   พระหัตถ์หนากอบกุมกระบี่ไว้ในมือ รู้สึกถึงน้ำหนักที่มากล้นกว่าทุกครั้ง จนแทบไม่อาจถือไว้ได้อีก จ้องมองรอยยิ้มกว้างที่ฉายชัด บอกให้องค์เองได้รู้ว่า หนทางที่เลือกนั้น ถูกต้องแล้ว....ไม่เช่นนั้นน้องน้อยจะยิ้มกว้างขนาดนี้ได้หรือ

   ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาจนหนักอึ้งในพระทัย ทำให้พระองค์ทำได้เพียงแค่ตั้งรับอยู่กับที่ จนผู้คนที่อยู่รอบขอบสนามมองอย่างประหลาดใจ ไม่มีครั้งการประลองครั้งไหนที่ฮ่องเต้หนุ่มผู้นี้จะทรงอยู่กับที่อย่างยอมรับความพ่ายแพ้เช่นครั้งนี้

   ดวงตาโตของอ๋องน้อยมองวรองค์สูงอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดจึงประทับนิ่งเช่นนั้น ทั้งที่องค์เองก็เคยตรัสไว้ว่า ในสนามประลองนั้นการยืนนิ่งถือเป็นสิ่งอันตราย และไม่ควรทำ

   ด้วยความคุ้นชินกับฮ่องเต้หนุ่ม ทำให้ร่างบางนึกไปเองว่าคงทรงเป็นห่วงหากเป็นฝ่ายบุก ร่างเล็กจึงวิ่งเข้าหาคมกระบี่ เพื่อให้การต่อสู้ครั้งนี้จบสิ้นลงเสียที..ความรู้สึกที่น่าอึดอัดจะได้ผ่านพ้นไปเสียที

   ฮ่องเต้หนุ่มทอดมองร่างเล็ก ที่พุ่งเข้ามาราวกับหลุดธนูหลุดจากแล่ง แล้วได้แต่เจ็บร้าวในพระทัย น้องน้อยคงอยากออกไปสู่อิสรภาพเต็มที่เสียแล้ว เหมือนดั่งนกน้อยที่มองเห็นประตูกรงเปิดอยู่ มีหรือจะไม่ถลาตัวออกไป แม้จะมองเห็นพญาเหยี่ยวรออยู่ไม่ห่างก็ตาม

   น้ำพระเนตรไหลรินอย่างช้าๆ มองมีดสั้นในมือเล็ก หากยังคงเป็นเช่นนี้มันคงจะแทงทะลุเข้าสู่พระนาภีจนบาดเจ็บสาหัส แต่หากจะปัดป้องก็เสี่ยงหรือเกินที่น้องน้อยจะบาดเจ็บจากคมกระบี่....ซึ่งพระองค์คงไม่ยอมให้เกิดขึ้นได้เป็นแน่

   ฮ่องเต้อี้หลงโน้มพระวรกายไปข้างหน้าทีท่าคล้ายจะก้มหลบ หากแต่สายพระเนตรจับจ้องอยู่ที่ปลายคมแหลมอย่างไม่วางพระเนตร ให้คมมีดเฉือนเข้าต้นพระพาหาเป็นทางยาว สร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคน

   ความเจ็บจากบาดแผลไม่อาจเทียบได้กับสิ่งที่พระองค์ทรงรู้สึกด้วยหัวใจ สามเดือนที่ผ่านมาจบลงแล้วอย่างไม่มีวันหวนกลับ พระโลหิตไหลซึมเสื้อทรงออกมา แทนน้ำพระเนตรที่ไม่อาจหลั่งต่อหน้าผู้ใดยามตรัสคำพูดที่แสนเจ็บปวด  “เจ้าชนะแล้วเที้ยวหยวน”

   ร่างบางนิ่งงันยามได้ยินรับสั่งจากร่างสูง เรี่ยวแรงที่อยู่เหือดหายไปจนหมดสิ้น มีดเล่มเล็กในมือถูกปล่อยล่วง หันกายหลับมามองพระพักตร์เข้มดุจไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นและรับสั่งที่ได้ยิน

   อ๋องน้อยสุดจะฝืนต่อไปได้ ทรุดกายลงกับพื้นอย่างสิ้นสภาพ แม้แต่น้ำตายังไม่อาจบีบเค้นให้ไหลออกมาได้ “ท่านมอบมีดให้ข้าเพราะเหตุนี้ใช่ไหม เพราะท่านสูงส่งเกินกว่าจะโดนมีดไร้ราคาเฉือนกายใช่ไหม ท่านคิดจะทำแบบนี้แต่แรกแล้วรั้งข้าไว้ทำไมตั้งสามเดือน ที่ผ่านมาท่านทำเพื่อสิ่งใดกัน”
   
   พระพักตร์คมประทานรอยยิ้มอ่อนโยนให้แก่น้องน้อยเป็นครั้งสุดท้าย แม้พระองค์จะทรงรวดร้าวปานพระทัยกำลังแตกสลายก็ไม่ต่าง “เที้ยวหยวนเจ้าชนะแล้ว ทุกอย่างที่เคยเป็นของเจ้าพี่คืนให้ ฮวางหูตามข้าไปทำแผลที่ห้องหนังสือด้วย” วรองค์สูงเดินออกจากลานประลองอย่างสง่างาม ด้วยสายเลือดแห่งมังกรที่วนเวียนอยู่ในพระวรกาย จนไม่อาจแสดงความอ่อนแอให้ผู้ใดเห็นได้

   ผู้คนล้วนจากไปจนหมด หลงเหลือเพียงร่างบางทรุดกายนิ่งอยู่เพียงลำพังอย่างสิ้นหนทาง ใบหน้าที่เคยระบายด้วยรอยยิ้มร่าเริงสดใสอยู่เสมอ หลงเหลือเพียงความเรียบเฉย ดวงตากลมทอดมองไปยาวไกลเกินกว่าจะจับจ้องอยู่ที่สิ่งใด

   “ท่านเที้ยนหยวนกลับเข้าในตำหนักก่อนเถอะนะ อย่านั่งตากแดดอยู่ตรงนี้เลย เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้นะ” ขันทีอู่กงกงเดินเข้ามาประคองร่างบางที่นั่งอยู่ ฉุดให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินกลับเข้าตำหนักอย่างแสนสงสาร อ๋องน้อยที่เหมือนไม่รับรู้อะไร จะจับหันซ้าย หันขวาย่อมได้ คล้ายคนไร้จิตวิญญาณ

   ขันทีเฒ่าที่ร่างกายบอบบางไม่ต่างกันประคองร่างเล็กลงนอนบนพระแท่นบรรทม “ท่านนอนพักเสียก่อนนะ แล้วค่อยทำอย่างอื่น ข้าจะคอยอยู่ข้างนอก”

   “ไม่! ข้าจะเก็บของ ข้าจะออกจากวังนี้” ทันทีที่ร่างกายสัมผัสถึงความอ่อนนุ่นของแท่นบรรทม ความทรงจำมากมายที่เกิดขึ้นบนเตียงนี้พรั่งพรูขึ้นมา จนไม่อาจทนได้อีกแล้ว

   ร่างกายที่ไร้หัวใจเดินไปรวบเสื้อผ้าของตนเองที่ถูกจัดเก็บอย่างประณีต มายัดลงหีบใบเล็กที่พาติดตัวเข้ามาในวัง หยาดน้ำร้อนคลออยู่เต็มสองดวงตา แต่ตำแหน่งที่ได้มาพร้อมกับการถือกำเนิดก็ทำให้ต้องแสร้งแข็งแรงต่อหน้าใครๆ

   ป้ายหยกประจำตำแหน่งปาหยางอ๋องถูกส่งคืน มือบางนำมันมาคล้องไว้สายเชือกพันรอบเอว ก่อนยกหีบที่เก็บของทุกอย่างลงไปเรียบร้อย

   “ท่านอ๋องท่านลืมมีดเล่มนี้” อู่กงกงยื่นมีดเล็กที่หยิบมาด้วยจากลานประลองแก่เจ้าของ ด้วยคิดว่าคงลืมเอาไว้โดยไม่เจตนา

   มีดเล็กที่ประดับด้วยของสูงค่าในสายตาช่างพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำที่คลอหน่วง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองขันทีที่อุตส่าห์ถือมันกลับมาด้วย “มันไม่ใช่ของข้าแต่แรกแล้ว เก็บถวายคืนเจ้าของเหอะ แล้วเราคงได้พบกันที่ข้างนอกบ้างนะอู่กงกง”
   
   “แล้วท่านจะไม่อยู่ทูลลาฮ่องเต้หน่อยหรือ” ใบหน้าที่มากด้วยริ้วรอยมีน้ำใสไหลรินอย่างช้าๆ เพียงแค่สองเดือนกว่าที่ได้ใกล้ชิดก็สร้างความผูกพันให้ไม่น้อยเลย

   “ไม่หรอก หากพระองค์อยากได้คำทูลลาจากข้า ก็คงอยู่ที่นี้ ในเวลานี้ ข้าไปก่อนนะอู่กงกง” อ๋องน้อยค่อยๆก้าวเดินอย่างช้าๆ พร้อมหีบเล็กในมือ และน้ำตาที่ไหลลงอย่างสุดกลั้น

   .....ไหนท่านว่าคืนทุกอย่างให้กับข้า ใยไม่คืนหัวใจของข้ามาด้วย....

   จากหน้าต่างห้องทรงอักษร ฮ่องเต้อี้หลงกำลังทอดมองน้องน้อยเดินห่างไปทุกขณะ พระโลหิตที่ต้นพระพาหาหยุดไหลแล้ว แต่น้ำพระเนตรในใจกำลังเอ่อท่วมอยู่ภายในอย่างไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดลงได้

   ขอให้เจ้ามีชีวิตที่สุขสบาย ได้พบกับหญิงงามที่รักเจ้าไม่น้อยไปกว่าพี่

   ...ลาก่อนน้องน้อย....
   
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
สวัสดีคะ ความสุขยังไม่ทันจาง ความเศร้าก็ลงมาตู้มใหญ่ๆๆ (ใหญ่จริงๆนะคะ เพราะเศร้าที่สุดแล้วของเรื่อง) ในที่สุดท่านอ๋องก็ได้ออกจากวังเสียที เฮ้อออออ

ขอบคุณคะ


   


   
   


หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่18) 17/05/11 [สุขแล้วก็....]
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 17-05-2011 03:31:12
แง่ะ ฮอ่งเต้อ่ะทำไมไม่ชนะเล่าโธ่ ไม่งั้นก็ได้อยู่ต่อแล้วจะมาเป็นคนดีเสียสละซะงั้น เจ๊ไม่ปลื้ม เชอะ  :z6:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่18) 17/05/11 [สุขแล้วก็....]
เริ่มหัวข้อโดย: O_a ที่ 17-05-2011 06:59:34
ทำไมทั้งสองคนถึงไม่พูดความต้องการจริงๆ ของตัวเองออกมา
บอกรักก็บอกแล้ว
แต่เอาคิดเออเองกันทั้งคู่
คำว่า รัก คำเดียวมันไม่พอจริงๆเหรอ
ในเมื่อทั้งคู่ไม่มั่นใจในรักของอีกฝ่าย
ก็ต้องปล่อยให้รักของตัวเองหายไป

ตอนนี้อ่านแล้วอึดอัดมากมาย
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่18) 17/05/11 [สุขแล้วก็....]
เริ่มหัวข้อโดย: ice-vanilla ที่ 17-05-2011 11:10:58
ไม่ได้เข้ามาไม่กี่วัน เจอมาม่าชามใหญ่ซะงั้น :o12:

ถ้าคุณ Jellyfish ไม่บอกว่าจบ happy เราคงช้ำใจล่วงหน้าไปเรียบร้อย

คิดเองเออเองกันแบบนี้แล้วมันจะลงเอยกันยังไงอ่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่18) 17/05/11 [สุขแล้วก็....]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 17-05-2011 14:50:02
อ๊ายยยยยยยยยย   ไม่เจงงงงงงง   ฮืออออออ    ตาฮ่องเต้อย่าทำเป้นคนดีที่ชอบเสียสละไปหน่อยเลยน้องน้อยจะออกจากวังแล้วนะรีบไปฉุดกับมาดิ  แง่ง :serius2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่18) 17/05/11 [สุขแล้วก็....]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 17-05-2011 14:56:09
ต่างคน ก็ต่างคิด

ฮองเต้โง่เขลาเบาปัญญากับเรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.1) 18/05/11 [คนเจ็บ...คนที่หนึ่ง]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 18-05-2011 01:19:20
ประลองรัก...十九

   วังทู่หลงที่ปิดเงียบมานานด้วยเจ้าของวังถูกเนรเทศไปอยู่ยังถิ่นทุรกันดาร แม้นตอนนี้จะมีเจ้าของวังคนใหม่ หากแต่ก็ไม่ต่างไปจากเดิม ทั้งวังยังคงเงียบเหงา มีข้ารับใช้ที่ทำหน้าที่ต่างๆภายใต้การดูแลของพ่อบ้านประจำวังเท่านั้น ในขณะที่เจ้าของวังกลับเอาแต่เก็บตัวเงียบ

   “นี้แก ธุระที่ข้าให้ไปจัดการหน่ะเรียบร้อยหรือยัง” พ่อบ้านหุ่นอ้วนท้วนถามเสียงเคร่งกับคนงานในบ้านที่ใช้ออกไปทำธุระ

   “เรียบร้อยแล้วขอรับลุงฟู่ไห่ นางว่าค่ำๆจะจัดส่งมาให้” อี้หลุนก้มหน้าตอบพ่อบ้านเก่าแก่ประจำวังทู่หลงหลังจากที่สวนทางหน้าประตูครัวที่พ่อบ้านเดินออกมาพร้อมกาน้ำชาในมือ

   “ดีแล้ว ข้าสงสารท่านอ๋อง ท่านเอาแต่นิ่งเงียบเก็บตัวตั้งแต่ออกจากวังหลวง เผื่อว่าบางทีท่านอาจจะสดชื่นขึ้น” สีหน้าพอใจของพ่อบ้านพาให้อี้หลุนดีใจที่ไม่ถูกด่าแต่วัน

   ใครๆก็รู้กันทั่ววังทู่หลงว่า ลุงฟู่ไห่ผู้นี้รักและเอ็นดูท่านอ๋องมากเพียงใด เมื่อครั้งเก่ายามที่ท่านอ๋องเป็นเพียงชายผู้มีรักเดียวและเสียใจจากการถูกหญิงสาวที่ภัคดีทอดทิ้งก็ได้พ่อบ้านผู้นี้คอยปลอบใจ พาออกหาความสำราญกับการเที่ยวเล่นหญิงงามจนกลายเป็นอ๋องเจ้าสำราญไปเสีย....นี้ก็คงคิดหวังใช้วิธีเดิมชักนำอ๋องน้อยคนเก่ากลับมา

   “แล้วเจ้าได้ถามหรือเปล่าว่าทางนู้นจะส่งใครมา” เหมือนจะชุกคิดขึ้นได้ พ่อบ้านฟู่ไห่จึงรีบถามก่อนที่อี้หลุนจะเดินจากไป

   “เอ่อ....ข้า..ไม่ได้ถามขอรับ” อี้หลุนที่คิดว่าจะรอดตัวตอบกลับแบบตะกุกตะกัก นึกอย่างเตะตัวเองที่พลาดจนได้

   “เออ ไม่ได้เรื่อง ไปไหนก็ไปไป้” พ่อบ้านอ้วนไม่พอใจหากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงตัดใจเดินไปตามระเบียงกว้างสู่ห้องของเจ้าของวังคนใหม่

   “ท่านอ๋องขอรับ ลุงขอเข้าไปนะขอรับ”

   “อือ เข้ามา” เสียงอ้อแอ้ของอ๋องน้อยดังลอดประตูออกมาทำให้พ่อบ้านได้แต่ลอบถอนหายใจ อดไม่ได้ที่จะสงสารยิ่งได้เห็นสภาพที่เคยเป็นคุณชายหนุ่มรูปงามหลงเหลือเพียงขี้เมาทรุดโทรม ก็ไต้แต่หวังว่าสิ่งที่คิดไว้จะได้ผลเช่นวันวาน

   “ลุงนำน้ำชามาให้ท่านอ๋อง~”

   “ข้าสั่งเหล้า ไม่ใช่น้ำชาแบบนี้” อ๋องน้อยที่นั่งกอดไหเหล้าอยู่บนเก้าอี้กลางห้องตวาดถามเสียงดัง แม้จะปวดหัวจนทรงกายไม่อยู่แล้วก็ตาม

   เสียงตวาดไร้น้ำหนักไม่อาจทำให้ผู้เฒ่าเกรงกลัวได้ “แต่ท่านอ๋องเอาแต่ดื่มเหล้าแทนน้ำเช่นนี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว ดื่มน้ำชาแล้วนอนพักเสียหน่อยไม่ดีกว่าขอรับ หากเป็นอะไรไป~”

   “ทำไมจะเป็นอะไรลุง คนอย่างข้าเป็นอะไรไป ใครจะมาสนใจ ไปเอาเหล้ามา เอามาอีกเยอะๆ ข้าจะกินจนตายไปนั่นแหล่ะ อยากรู้นักว่าที่พูดว่ารักข้า จะมาสนใจข้าบ้างไหม หรือมันก็แค่ลมปากที่เชื่อไม่ได้ ไปเอาเหล้ามา เอาเหล้าอะไรมาก็ได้ แต่ไม่ต้องเอาเหมาไถมาให้ รู้ไหม” เพราะเมาจนขาดสติ ทำให้ปาหยางอ๋องคนใหม่พร่ำเพ้อ นึกอยากรู้ว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นความจริง หรือแค่คำลวง

   จากถ้อยคำของอ๋องที่แกเลี้ยงดูมาแต่เล็ก ทำให้พอเดาได้ออกแบบรำไรว่า สามเดือนในวังหลวง อ๋องของแกคงได้ไปผูกใจรักใคร่ไม่นางในรูปงาม หรือขันทีน้อยเข้าเสียแล้ว และครั้งนี้คงเป็นรักจริงที่ไม่ต่างจากรักแรกที่ทำให้เจ็บปวด...โธ่ ท่านอ๋องของลุง

    พ่อบ้านใหญ่ยอมจำนนนำไหเหล้าไหใหม่เข้ามาให้อ๋องผู้พ่ายรัก แต่กลับพบว่าผู้ที่ร่ำร้องหาสุราได้เมาจนซุกอยู่กับโต๊ะ ในมือยังจับจอกเหล้าเอาไว้แน่น ต้องค่อยเอาออก ก่อนพาไปนอนที่เตียง “ข้างนอกหน่ะ มีใครอยู่บ้างไหม ไปหาน้ำอุ่นมาให้ท่านอ๋องเช็ดตัวหน่อย”

   จื้อลี้เดินนำน้ำอุ่นเข้ามาภายในห้องพร้อมด้วยผ้าสำหรับเช็ดตัว มองหน้าพ่อบ้านอย่างสงสัยว่าจะให้ทำเช่นไรต่อไป

   “เอ้า มองหน้าข้าทำไม ก็เช็ดตัวให้ท่านอ๋องสิ”

   “ขอรับ” จื้อลี้รับคำอย่างว่าง่าย ปลดเสื้อที่ท่านอ๋องสวมใส่ แล้วต้องลอบกลืนน้ำลายกับร่องรอยสีจางบนผิวขาว แม้ท่านอ๋องจะออกจากวังมาได้อาทิตย์กว่า แต่รอยเหล่านี้ยังดูชัดเจน

   แผ่นอกขาวเต็มไปด้วยรอยรักที่บางจุดจางลงไปไม่มาก จนข้ารับใช้หนุ่มนึกอิจฉาท่านอ๋อง สาวที่กระทำรอยได้เข้มเช่นนี้ย่อมมีลีลารักที่ร้อนแรง ไม่แปลกที่ท่านอ๋องจะอาวรณ์จนปล่อยให้ตัวเองเมามาย

   ....สาวในวังเร่าร้อนถึงเพียงนี้เชียวหรือ.....

   พ่อบ้านผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานอย่างฟู่ไห่ จ้องมองอกขาวๆของท่านอ๋องแล้วยิ่งแน่ใจในความคิด....สาวผู้นี้คงผูกใจท่านอ๋องได้อย่างลึกซึ้ง “เห็นแล้วอย่าเอาไปพูดให้ใครฟังรู้ไหม”

   แต่สาวในวังจะเทียบได้หรือกับสิ่งที่ลุงจัดหาให้ไม่ช้านานท่านจะลืมนางผู้นั้นได้....ลุงสัญญา


   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ดวงตาโตปรือขึ้นมาหลังจากหลับไปนานช่วงกลางวัน หวังจะได้เห็นพระพักตร์คมเข้มและรอยแย้มพระโอษฐ์แสนอบอุ่นอย่างที่เห็นประจำ แต่ภาพที่เห็นจนเจนตากลับเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น

   น้ำตาเม็ดเล็กไหลลงมาที่ข้างแก้มโดยไม่ทันรู้ตัว สองมือปาดออกอย่างไม่ใยดี ก่อนพลิกกายนอนคว่ำให้หน้าคว่ำลงกับหมอนใบใหญ่ไม่ยอมรับว่ากำลังร้องไห้ ทั้งที่ในใจก็แทบทนไม่ได้แล้ว “เพียงแค่อาทิตย์กว่าๆ ข้าก็แทบทนไม่ได้เสียแล้ว เพราะท่านองค์เดียว ไหนว่ารักข้าแล้วทำเช่นนี้ทำไม ท่านเป็นฮ่องเต้ที่ใจร้ายที่สุดเลย”

   “ท่านอ๋องค่ะ  อยู่ไหม” เสียงเรียกแปลกหูดังจากหน้าประตูทำให้ร่างบางที่กำลังร้องไห้กับหมอนหนุนต้องรีบลุกขึ้น เช็ดใบหน้าให้เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู

   “ใคร? มาเรียกข้าทำไม” เสียห้วนถามดังไม่สนใจว่าเสียงจากอีกฝากของประตูจะหวานหูเพียงใดก็ตาม

   “ท่านอ๋องเปิดประตูหน่อยขอรับ”

   เสียงทุ้มที่คุ้นเคยของพ่อบ้านใหญ่ทำให้ร่างโปร่งยอมเปิดประตูห้อง ก่อนพบกับร่างเล็กของสาวงามที่รูปร่างแสนอวบอัดในชุดแสนบางเปิดเผยทุกสัดส่วน”เธอเป็นใคร”

   “ท่านอ๋องจำไห่ซินไม่ได้หรือค่ะ อะไรกันแค่สามเดือนท่านอ๋องก็ลืมเลือนข้าไปเสียแล้ว ไหนเลยหญิงโคมแดงหรือจะสู้นางในได้ ช่างน่าน้อยใจนัก” เสียงหวานถูกดัดแหลม มือเล็กยกผ้าผืนน้อยขึ้นซับหางตาเบาๆดูน่าสงสารยิ่งนัก

   ดวงตาโตหรี่แคบมองท่าทางมากจริตที่เคยเห็นว่าน่ามองอย่างรำคาญ ก้มมองต่ำเห็นเนินเนื้อใต้ผืนผ้าบางสีหวาน แล้วเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายจนแสดงออกทางสีหน้า “รู้ตัวก็ออกไปจากบ้านข้าซะ ลุงฟู่ไห่แล้วคราวหลังอย่าให้ใครเข้ามาได้อีก”

   “แต่ท่านอ๋อง ท่าน...โธ่! เอ้านี้เงินของเจ้า แล้วกลับไปที่หอโคมแดงก่อนไป” พ่อบ้านอ้วนนำเงินค่าจ้างจ่ายให้กับสาวงามจากหอโคมแดง มองให้พ้นสายตา จึงเคาะห้องท่านอ๋องอีกครั้ง”

   “มีอะไรอีกเล่าลุง” เสียงแสนเบื่อหน่ายดังมาจากข้างใน

   “ลุงขอเข้าไปนะขอรับ” ไม่มีเสียงตอบกลับจากภายใจ แต่มือบวมๆก็ลองผลักประตูแผ่วเบา น่าแปลกที่ท่านอ๋องไม่ได้ลงดาลขัดเอาไว้ 

   ใบหน้าหมองคล้ำ ขอบตาแดงช้ำเลอะหยาดน้ำตาของท่านอ๋องพาให้พ่อบ้านเศร้าใจตามไปด้วย “ท่านอ๋องไม่ออกไปข้างนอกบ้างหรือขอรับ เอาแต่เก็บตัวอยู่ในนี้”

   “ลุงจะให้ข้าออกไปไหน ข้าพึ่งกลับมาอยู่บ้านได้แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น” ดวงตากลมเหลือบมองคนเก่าแก่ เข้าใจในความหวังดี แต่ก็ไร้อารมณ์เกินกว่าจะออกไปข้างนอก

   “ลุงหมายถึง....ให้ท่านอ๋องออกไปเที่ยวเล่นบ้าง ลุงไม่สบายใจเลยที่เห็นท่านอ๋องเอาแต่เก็บตัวซึมเศร้าอยู่แต่ในห้องเช่นนี้ ลุงเป็นห่วงนะขอรับ” ฟู่ไห่พูดออกมาจากใจ นับแต่ออกมาจากวังหลวงคนตรงหน้าก็เปลี่ยนแปลงไป เอาแต่หมกตัวดื่มเหล้าอยู่ในห้องไม่ยอมไปเที่ยวที่ไหน และไม่ร่าเริงเหมือนก่อน

   “นั่นสินะ ทำไมข้าต้องมานั่งซึมเศร้าให้คนที่รักเป็นห่วงข้าเช่นนี้ ข้าจะไปเศร้าเพื่อคนที่ไม่รักข้าจริงทำไมกัน ข้างนอกมีอะไรสนุกรอข้าอีกตั้งเยอะใช่ไหม” ใบหน้าหวานที่ยังเจือปนความเศร้าหันมาถามชายชรา ให้ใบหน้าอ้วนกลมพยักรับ “ข้าขอโทษที่ทำให้ลุงเป็นห่วง ลุงออกไปให้คนเตรียมน้ำไว้ให้ข้าอาบหน่อย คืนนี้ข้าอาจจะนอนข้างนอกไม่กลับมา”

   เมื่อได้คำสั่งอย่างที่ใจปรารถนาแม้จะเกินมานิด หากแต่ก็ทำให้ลุงพ่อบ้านดีใจ รีบออกไปสั่งการให้เด็กรับใช้เตรียมน้ำไว้รอท่าปาหยางอ๋องคนใหม่ที่จะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

   เที้ยนหยวนมองตามพ่อบ้านชราแล้วได้แต่ถอดถอนหายใจ ได้แต่นิ่งคิดว่าปล่อยให้เวลาหายไปกับความเศร้าเสียมากมายทำไม ทั้งที่ก็ยังมีคนที่รักและหวังดีเช่นลุงฟู่ไห่ผู้นี้อยู่

   ต่อไปนี้ ข้าจะไม่เศร้าเพราะท่านอีกแล้ว...ฮ่องเต้ใจร้าย

   ร่างบางใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำ แต่งตัวให้กลายเป็นคุณชายเจ้าสำราญที่มีรูปงานยวนตา มากล้นด้วยเสน่ห์ดังเช่นวันวานก่อนเข้าวังหลวง

   พร้อมแล้วสำหรับออกท่องราตรี...ที่ร้างลาไปนาน

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ขาเรียวย่างก้าวเข้าไปในหอโคมแดงชั้นเลิศที่ร้างลาไปนาน บรรยากาศภายในยังคงเดิมที่มีการประมูลแย่งชิงสาวรูปงาม หากแต่วันนี้เขายังไม่พร้อมที่จะแย่งชิงผู้ใด

   “อ่ะ คุณชายหนุ่มเชิญนั่งทางนี้ก่อนค่ะ เด็กๆ มาดูแลคุณชายด้วยเร็ว อย่าให้ท่านต้องคอยนาน” แม่เล้าสายตาแหลมคมมองเพียงปราดเดียวก็รู้ได้ว่า คุณชายผิวขาวเนียนตัดกับชุดแดงผู้นี้ต้องเป็นชายหนุ่มมากด้วยเงินทองที่พร้อมจับจ่ายโดยไม่ยั้งคิดเป็นแน่

   “คารวะคุณชาย ข้าน้อยชื่อชิงหมิง ยินดีรับใช้คุณชายค่ะ ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไรหรือ พอจะบอกสาวผู้ต่ำต้อยเช่นข้าได้หรือไม่ค่ะ” เสียงอ้อนหวาและท่าทางเอาใจด้วยการรินเหล้าป้อนให้ถึงกลีบปากอิ่มไม่ทำให้อ๋องเที้ยนหยวนพอใจเช่นดังวันวานอีกแล้ว

   “ข้าชื่อเที....” กลีบปากอิ่มที่กำลังเอ่ยชื่อตนหยุดชะงัก ด้วยมีเสียงทุ้มที่ตราแน่นในใจเคยเรียกชื่อนี้เอาไว้ด้วยความอ่อนโยน จนไม่อาจให้ใครได้เรียกชื่อนี้ “เจ้าไม่ต้องรู้ชื่อข้าหรอก ทำให้ข้ามีความสุขก็พอแล้ว”

   “ได้ค่ะคุณชาย” ชิงหมิงน้อมรับอย่างอ้อนน้อม พยายามเบียดชิดให้เนินเนื้อแน่นสัมผัสต้นแขนเรียวทุกครั้งที่เธอประคองเหล้าจอกเล็กเข้าปากคุณชายหนุ่ม “หมดจอกนี้เลยนะค่ะคุณชาย”

   ใบหน้าใสเริ่มแดงก่ำเมื่อให้ลำคอผ่านเหล้าเข้าไปจนหมดไปหลายไห หากแต่หญิงงามข้างกายก็ยังไม่ละความพยายามที่จะเทเหล้าให้อยู่เนืองๆ

   ความเมาเริ่มทำให้สติการรับรู้ลดน้อยลงทุกขณะ มือไม้ที่เคยอยู่นิ่งค่อยๆเลี้ยวลดไปตามส่วนเว้าโค้งภายใต้เนื้อผ้าบางเบา สูดดมกลิ่นนางที่หอมหวานเต็มปอด

   ริมฝีปากอิ่มระริมไปตามลำคอขาวหมายจะเชยชิมกลีบปากสีชาดที่แต่งแต้มมาอย่างดี หากสายตา
กลมไม่ไปปะทะกับสองบุรุษที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตา

   หนึ่งในสองสายตาที่มองมาช่างน่ากลัวเสียจนต้องหยุดสิ่งที่กำลังจะกระทำ เบือนหน้าหนีไปทางอื่นเสีย ปล่อยให้หญิงงามที่เผยอริมฝีปากรับต้องคอยเก้อ

   “คุณชายเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ หรือว่าไม่พอใจชิงหมิงกัน” ใบหน้างามก้มนิดๆดุจดังละอายต่อความผิดแม้เพียงนิดที่เกิดโดยไม่รู้ตัว ช่างเป็นภาพที่แสนน่าสงสารเสียนี้กระไร

   นิ้วเรียวเชยคางเล็กขึ้นมาอีกครั้ง พยายามมองจ้องแต่เพียงใบหน้างดงามนี้ไม่เลยไปยังสองบุรุษที่นั่งอยู่ข้างหลังถัดไปเพียงไม่กี่โต๊ะ เรียวปากอิ่มก้มประทับกลีบปากสีสดอย่างช้าๆแผ่วเบา ก่อนละออกมา

   อ๋องน้อยกัดริมฝีปากแน่นเมื่อเผลอสายตาไปเห็นสองบุรุษที่นั่งอยู่ แววตาที่ทรงอำนาจชวนให้น่ากลัวดุจดั่งสิงห์หนุ่ม จ้องเหยื่อน้อยไม่วางตา

   “คุณชายเป็นอะไรไปค่ะ ทำไมหน้าซีด แล้วกัดปากตัวเองเช่นนั้น ไม่เจ็บหรือค่ะ” ชิงหมิงมองใบหน้าที่เปลี่ยนสีจากแดงเรื่อเพราะความเมาเป็นซีดเผือดอย่างสงสัย แล้วไหนยังกัดริมฝีปากตนเอง

   “เอ่อ......ข้าว่าเราไปบ้านกันเหอะ ข้าไม่ชอบที่นี้เอาเสียเลย เจ้าให้เด็กในร้านมาคิดค่าอาหารแล้วก็ค่าตัวเจ้าเสียสิ” อ๋องน้อยใบหน้าซีดเผือด สั่งให้ชิงหมิงทำตาม โดยที่ดวงตากลมยังลอบชำเลืองสองบุรุษที่พร้อมจะลุกเข้ามาหาได้ทุกเมื่อ

   เมื่อทุกอย่างถูกจัดการเสร็จสิ้น อ๋องน้อยก็รีบพาหญิงงามออกจากร้านอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าเดินผ่านโต๊ะเล็กที่ไร้หญิงสาวดั่งที่โต๊ะในหอโคมแดงควรเป็น

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ในห้องหับที่ปิดชิด ร่างได้สัดส่วนของชิงหมิงกำลังเปิดเปลือยอย่างช้าๆด้วยฝีมืออ๋องน้อยที่ละห่างจากหญิงสาวไปนานถึงสามเดือน

   ยอดอกอิ่มชูชันรับอากาศเย็นยามค่ำคืน เชิญชวนให้มือเล็กเข้าไปกอบกุมสัมผัสความหนุ่นยุ่นของทรวงอกหญิงวัยกำดัด ก่อนที่ริมฝีปากเล็กจะเข้าครอบครองเม็ดเล็กที่ตั้งชันพร้อมสำหรับการเล้าโลมจากชายหนุ่ม

   อ๋องน้อยทอดมองใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความเขินอายปนปรารถนาแต่กลับถูกแทนที่ด้วยใบหน้าเข้ม และแววตาน่ากลัวที่วันนี้ได้พบเจอ จนต้องส่ายหน้าขับไล่ภาพนั้นออกไปจากห้วงความคิด ก้มต่ำลงมาที่หน้าอกอิ่มและเพียงแค่เรียวลิ้นเล็กสัมผัสติ่งเม็ดเล็ก จมูกได้สูดกลิ่นกายหวาน แผงอกตึงแน่นด้วยกล้ามเนื้อของหนึ่งบุรุษที่คุ้นเคยก็ปรากฏชัดในมโนความคิดอีกครั้งจนยากที่จะขับไล่ออกไป

   ใบหน้างามเกินชายซุกซบกับสองเนินเนื้ออย่างยอมแพ้ต่อความคิดของตนเองที่ส่งภาพหนึ่งบุรุษเข้ามาหลอกหลอน..... ท่านทำกับข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือฮ่องเต้

   จะไม่ปล่อยให้ข้ากลับไปใช้ชีวิตได้ดังเดิมเลยใช่ไหม

   “อุ้ย! คุณชายเป็นอะไรค่ะ ร้องไห้ทำไมกัน” เสียงร้องอย่าตกใจ เมื่อความชื้นที่สัมผัสได้นั้นช่างร้อนผ่าว เกินกว่าจะเป็นสายน้ำจากโพรงปาก

   “ข้า....เปล่า.....เจ้าออกไปเถอะ จะกลับเลยก็ได้” อ๋องน้อยไม่อาจกลั้นน้ำตาตนเองได้อีกต่อไป หันหลังให้แก่หญิงสาวรูปงามที่หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีทางปล่อยให้พ้นมือไปได้

   ท่านทำให้ข้าเป็นถึงขนาดนี้ ท่านต้องรับผิดชอบ....ฮ่องเต้อี้หลง

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีคะ อย่าพึ่งรำคาญคนทั้งสองนะคะ บางทีศักดิ์ศรี(โง่ๆ) ก็ค้ำคอให้ทำอะไรงี่เง่าๆได้ตั้งมากมาย

ขอบคุณคะ

หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.1) 18/05/11 [คนเจ็บ...คนที่หนึ่ง]
เริ่มหัวข้อโดย: Pikky ที่ 18-05-2011 01:42:05
ตอนล่าสุดเศร้าจังเลยคะ เหมือนจะเข้าใจกันแล้วแท้ๆๆ
 
แต่สุดท้ายฮ่องเต้ก็ตีความรู้สึกของอ๋องน้อยผิดไปอีกแล้ว :เฮ้อ:

แล้วอย่างนี้จะเจ็บกันอีกนานไหมอ่า กว่าจะคืนดีกัน

ชอบอ่านแบบว่า อ๋องน้อยอ้อน แล้วก็เอาใจฮ่องเต้อ่ะ  :o8:

 :L2: เอาดอกไม้ให้ไรเตอร์ที่ขยันอัพมากกกก ตามอ่านแทบไม่ทัน
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.1) 18/05/11 [คนเจ็บ...คนที่หนึ่ง]
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 18-05-2011 01:52:27
อึดอัดจัง สงสารท่านอ๋องน้อยด้วย ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วกลับมาสำราญแบบเก่าไม่ได้ซะแล้ว โถๆ โกรธฮ่องเต้แล้ว เชอะ  :z6:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.1) 18/05/11 [คนเจ็บ...คนที่หนึ่ง]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 18-05-2011 09:35:46
ไม่มาหาที่วัง แต่ไปที่หอโคมแดงหรือ
เป็นไรมากป่าวเนี้ยะฮองเต้
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.1) 18/05/11 [คนเจ็บ...คนที่หนึ่ง]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 18-05-2011 10:48:32
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.1) 18/05/11 [คนเจ็บ...คนที่หนึ่ง]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 18-05-2011 19:41:49
เบื่อจริงๆ รีบง้อกันเร็วๆเข้า
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.1) 18/05/11 [คนเจ็บ...คนที่หนึ่ง]
เริ่มหัวข้อโดย: O_a ที่ 18-05-2011 20:07:02
เฮ้อ ไปเจอที่หอโคมแดงแบบนี้
จะยิ่งเข้าใจผิดหรือเปล่า
ก็ได้แต่หวังว่า ฮ่องเต้จะหึงจนหน้ามืด
จับน้องน้อยไปขังลืมไว้ที่ห้องบรรทมในวัง
ไม่ให้ออกไปเจอใครอีก
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.2) 19/05/11 [คนเจ็บ...คนที่สอง]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 18-05-2011 21:54:41
ประลองรัก...十九    



นับแต่วันที่เที้ยนหยวนเดินออกจากวังหลวงไป เขตพระราชฐานส่วนพระองค์กลับคืนสู่ความเงียบเหงาอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ช่างเงียบเหงาเสียจนไร้ชีวิตดุจดังต้นไม้ยามฤดูใบไม้ร่วง ที่ได้แต่ยืนต้นแห้งเหี่ยว

   ฮ่องเต้หนุ่มเฝ้าเพียรขังองค์เองไว้ห้องทรงอักษรไม่ย่างพระบาทกลับสู่ห้องบรรทมอีกเลยนับแต่คืนนั้น ด้วยห้องแห่งนั้นมากล้นด้วยภาพความทรงจำสีหวานมากมาน

   “เที้ยนหยวนเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง อยู่ข้างนอกนั้นคงสุขสบายดีไม่น้อยใช่ไหม พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน” สุรเสียงแว่วดังมาจากห้องทรงอักษรพาผู้ได้ยินต้องลอบถอนหายใจอดสงสารผู้เป็นนายไม่ได้

   “กระหม่อมนำสำรับมาให้ พระองค์ทรงเสวยอะไรบ้างเถิด ตั้งแต่วันนั้นพระองค์ก็เอาแต่ทรงงานหนักเช่นนี้ ไม่ได้เสวยอะไรหนักๆ~”

   “เอาวางไว้ตรงนั้นก่อนเถอะ เราหิวแล้วจะไปกินเอง” ฮ่องเต้หนุ่มทรงขัดคำพูดของขันทีเฒ่าก่อนที่จะได้พูดจนจบประโยค

   ในเวลาเช่นนี้ ลำคอของพระองค์มันช่างแห้งผากเกินกว่าจะส่งผ่านสิ่งใดลงไปในลำคอได้ ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลได้ลอยหายไปหลงเหลือเพียงความรัก และห่วงหาในน้องน้อยเท่านั้น

   “แต่พระองค์จะทรงประชวรเอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ” ด้วยความเป็นห่วงทำให้ขันทีร่างเล็กอาจเอื้อมกล่าววาจาเตือนฮ่องเต้หนุ่มผู้ทรงโดนพิษรักเล่นงาน

   “เราไม่เป็นอะไรหรอก เจ้าออกไปได้แล้วอู่กงกง เราอยากอยู่คนเดียว” รับสั่งเสร็จสิ้น ฮ่องเต้ก็ทรงเบือนพระพักตร์ไปทางหน้าต่างบานแคบที่เคยใช้ทอดพระเนตรน้องน้อยเดินจากไป

   “หากพระองค์ประสงค์สิ่งใดขอให้ทรงเรียกกระหม่อมได้ตลอดเวลา”

   “เจ้าออกไปเถอะ เรามีอะไรแล้วจะเรียกเอง” เป็นอีกครั้งที่ขันทีผู้นี้โดยขัด ด้วยสุรเสียงแสนหม่น ก่อนที่อู่กงกงจะยอมล่าถอยออกห่างปิดบานประตูห้องทรงอักษรเสียแผ่วเบา

   แม้วัยจะล่วงเลยจนร่างกายเหี่ยวย่น หากแต่สายตาก็ไม่ฝ้าฝางเกินกว่าจะมองเห็นหยาดพระเนตรที่รินไหลอยู่เงียบ พาให้หัวใจของข้ารองบาทหวาดหวั่นไม่ได้

   อำนาจแห่งรักที่มากล้น...พึ่งประจักษ์ชัดก็ครานี้

   เพราะความเป็นห่วงนายเหนือหัวพาให้อู่กงกงมาหยุดอยู่หน้าทหารยามสองคนที่ประจำการเรือนพักท่านราชครูในวังหลวง “ท่านราชครูอยู่ที่นี้หรือเปล่า”

   “อยู่ขอรับ แต่ท่านสั่งไว้ว่าหากไม่มีกิจสำคัญให้มาใหม่ เวลานี้ท่านกำลังปรึกษาเรื่องสำคัญกับท่านหัวหน้าราชองค์รักษ์ฮวางหูอยู่” ทหารเลวทั้งสอง ยื่นไม้พลองขนาดใหญ่เข้าขวาง ถ่ายทอดคำพูดของราชครูให้ผู้มาเยือนได้รับรู้

   “ธุระสำคัญกับท่านฮวางหูงั้นหรือ” ขันทีเหี่ยวพึมพำกับตนเองพลางใช้ความคิด “ดีเลย งั้นเจ้าเข้าไปเรียนท่านราชครูว่าข้ามาหา มีเรื่องร้อนใจมาก น่าจะเป็นเรื่องเดียวกับที่ท่านทั้งสองกำลังปรึกษากันอยู่”

   “ขอรับ กรุณารอตรงนี้สักครู่ ข้าน้อยจะเข้าไปเรียนท่านราชครูให้ทราบเสียก่อน” หนึ่งในสองของทหารยามเดินหายเข้าไปในเรือนพักหลังเล็กหากแต่งด้วยของสูงค่า สมฐานะราชครูในฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

   รอเพียงไม่นานทหารยามผู้นั้นก็กลับมาอีกครั้ง นำขันทีชั้นสูงเข้าไปยังห้องทำงานของท่านราชครูที่บัดนี้มีหัวหน้าราชองค์รักษ์อยู่ร่วมด้วย

   “ท่านอู่กงกงมีเรื่องอะไรหรือถึงยอมออกจากราชฐานส่วนพระองค์มาหาข้าที่นี้ได้” ชายชรายศสูงพร้อมด้วยชายหนุ่มฉกรรจ์ ลุกขึ้นต้องรับขันทีที่พึ่งเข้ามาใหม่อย่างให้เกรียติ

   “ ข้ามีเรื่องร้อนใจ และอาจจะเป็นเรื่องเดียวกับที่ทำให้ท่านฮวางหูมาหาท่านถึงที่นี้เช่นกัน” ดวงตารีได้รูปลอบมองใบหน้าเคร่งเคียดของบุรุษทั้งสองแล้วยิ่งมั่นใจว่าตนคงคิดไม่ผิด

   “เช่นนั้นก็เชิญท่านนั่งลงก่อน ส่วนเจ้าออกไปปิดประตูหากวันนี้ใครมาหาข้า ให้บอกไปว่าข้าไม่อยู่ กลับไปที่จวนนอกวังแล้ว”

   “ขอรับท่านราชครู”

   ฮวางหูรอให้บานประตูปิดแนบแน่น ก่อนเอ่ยทายถึงเรื่องที่ทำให้ขันทีผู้เคร่งครัดต้องออกมาถึงที่แห่งนี้ “ที่ท่านมาหาท่านราชครูเกรงว่าจะเป็นเรื่องของฮ่องเต้ใช่หรือไม่”

   “เป็นเรื่องนี้ไม่ผิดแล้ว ท่านฮวางหู นับวันข้ายิ่งเป็นห่วงพระองค์ เกือบอาทิตย์มาแล้วนับแต่ที่ท่านอ๋องออกจากวังไป พระองค์ไม่ทรงเสวยอะไรเลยนอกจากน้ำแกงร้อนที่ข้าขอร้องให้ทรงเสวยบ้าง แต่นั่นก็น้อยเต็มที แล้วไหนยังจะทรงงานจนไม่กลับห้องบรรทมเลย ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะทรงประชวรไป ได้แต่หวังพึ่งท่านราชครูให้ช่วยทูลองค์ฮ่องเต้บ้าง” สิ้นสุดคำพูดพร้อมด้วยลมหายใจที่พรั่งพรูของอู่กงกง พาให้ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น

   “จะให้ข้าช่วยพูดงั้นหรือท่านอู่กงกง เกรงว่าจะไม่ได้การ ใช่ว่าข้าไม่เคยทูล พระองค์ยามนี้อาการสาหัสเสียยิ่งกว่าเด็กรุ่นหนุ่มอกหักเสียอีก” ชายชราเครายาวได้แต่นั่งจิบน้ำชาระบายความทุกข์ร้อนออกมา หากแต่ก็ไม่อาจช่วยให้อะไรดีขึ้น

   “จะมีผู้ใดคาดคิดบ้างไหมนะว่าฮ่องเต้ผู้แสนปรีชาทั้งที่พระชนม์เพียงเท่านี้ จะพ่ายแพ้แก่ความรัก และโดยเฉพาะยิ่งป็นความรักที่มีน้องชายของพระองค์เอง”

   “นั่นสิ จะมีผู้ใดคาดคิดได้กัน” ฮวางหูรับคำของขันทีที่เอ่ยเปรยออกมา ก่อนพูดถึงสิ่งที่ตนได้เห็นมา “หากพระองค์ทรงเรียกหาน้ำจัณฑ์บ้างก็คงจะดีเสียกว่าทรงเงียบเช่นนี้ บางครั้งข้าเห็นว่าพระองค์สามารถทอดพระเนตรมีดเล่มที่ประทานแก่ท่านอ๋องได้เป็นนาน จนข้านึกกังวล”

   “ข้าได้ข่าวมาว่าทางวังทู่หลงเองก็เป็นทุกข์ไม่น้อยใช่หรือไม่ท่านฮวางหู” ราชครูเฒ่าหันหน้ามาทางเด็กรุ่นหนุ่ม ถามอย่างสงสัยกับข่าวที่ตนได้ยินมา

   “ขอรับท่านราชครู ข้าให้เด็กไปแอบสืบมาโดยไม่พระองค์ทรงรู้ ท่านอ๋องเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องเรียกหาแต่เหล้าอยู่ทั้งวัน เมาแล้วก็หลับ ตื่นขึ้นมาก็ดื่มจนหลับไป เป็นอยู่อย่างนี้ตั้งแต่กลับไปแล้ว”

   “เฮ้อ ก็ทรงรักมากขนาดนั้น ส่วนท่านอ๋องแม้นนิสัยจะไม่ดีพร้อม แต่ก็รักองค์ฮ่องเต้มาก ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดพระองค์จึงทรงยอมพ่ายในการประลองครั้งนั้น” อู่กงกงส่ายหน้าไม่เข้าใจสิ่งที่ฮ่องเต้หนุ่มทรงปฏิบัติ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนสวนทางต่อพระทัยโดยสิ้นเชิง

   “ไม่มีใครเข้าใจมังกรที่บินสูงได้หรอกท่านอู่กงกง เฉกเช่นเดียวกับมังกรที่ไม่เข้าใจชาวมนุษย์ที่เดินดินอยู่เบื้องล่าง แล้วยิ่งมีสิ่งกั้นขวาง เป็นฐานันดร และความขัดแย้งด้วยแล้ว ก็ยิ่งยากที่จะเข้าใจได้” ราชครูสูงวัยถ่ายทอดสิ่งที่ตนคิดออกมา พร้อมด้วยความหนักใจเหลือแสน

   ความขัดแย้งแม้จางหายไป หากแต่ฐานันดรที่ติดตัว ต่อให้ขัดถูเพียงใด ก็ไม่อาจจะลบล้างได้

   “หากเป็นเช่นที่ท่านราชครูพูด ทำไมเราไม่พามังกรโฉบลงต่ำ มองดูวิถีของมนุษย์เดินดินบ้างเล่า” คำพูดของหัวหน้าราชองค์รักษ์ จุดประกายความสงสัยให้แก่ผู้ฟังทั้งสอง เป็นอย่างยิ่ง

   “ท่านจะทำเช่นไร” ขันทีเหี่ยวมองหน้าราชองค์รักษ์อย่างแคลงใจในใบหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์นี้เหลือเกิน

   “ก็เชิญเสด็จออกนอกวังอย่างไรเล่า บางทีความครึกครื้นและสีสันที่มากล้นภายนอกจะช่วยให้ฮ่องเต้ของพวกเราทรงเกษมสำราญขึ้นมาได้บ้าง อาจมีหญิงงามที่รอให้ออกไปพบเจออยู่ ใครจะรู้”

   หัวหงอก หัวดำทั้งสามภายในเรือนท่านราชครูดูมีความหวังขึ้นมาบ้าง แม้จะรับรู้ว่าสิ่งนั้นช่างยากเหลือแสนที่จะให้พระองค์เปลี่ยนพระทัยให้แก่ผู้อื่นแทนที่ท่านอ๋องผู้เคยเจ้าสำราญ

   หัวใจมังกรมีเพียงดวงเดียว...และมอบให้แก่น้องน้อยไปจนหมดสิ้นแล้ว
   
    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   “ฮวางหูเรากลับกันเสียที งานไหว้เจ้าครั้งนี้ไม่เห็นมีอะไรที่เราต้องออกมาดูด้วยตนเองอย่างที่เจ้าบอกเลย” คุณชายหนุ่มในชุดผ้าไหมน้ำเงินอย่างดี หันมาพูดกับข้ารับใช้ที่พยายามพาออกมางานศาลเจ้าที่เจ้าตัวบอกว่ามีบางสิ่งน่าสงสัยว่าเคลือบแฝงอยู่ในการจัดงานครั้งนี้

   “พระ เอ้ยคุณชายจะไม่เดินเที่ยวงานหน่อยหรือขอรับ ผู้คนออกมากมาย” ข้ารับใช้ร่างสูงใหญ่โน้มศีรษะลงต่ำอย่างนอบน้อม หวังดึงให้ผู้เป็นนายเดินเที่ยวในงามที่ผู้คับคั่ง หวังว่าอาจมสาวรูปงามเดินผ่านเข้าคลายเศร้าแก่จิตใจที่หม่นหมอง

   “ก็เพราะคนเยอะขนาดนี้ เราถึงอยากกลับ หากเจ้าอยากอยู่เราก็ไม่บังคับ คืนนี้เราอนุญาตให้เจ้าไม่ต้องกลับเข้าไปที่บ้านเราก็ได้” คุณชายหนุ่มระวังทุกคำพูดสายตาพลางจับจ้องผู้คนที่สัญจรไปมา

   “ได้อย่างไรฝ่า อ่ะ คุณชาย หากท่านอยากกลับ ข้าน้อยก็ขอกลับด้วย แต่เวลานี้คอแห้งเหลือทน ขอให้ข้าน้อยได้เข้าโรงน้ำชาสักนิดได้หรือไม่” ข้ารับใช้พยายามถ่วงรั้งนายเหนือหัวอย่างสดความสามารถ ได้แต่คาดหวังว่าจะมีผู้ใดผ่านเข้ามาในใจมังกรหนุ่มได้บ้าง

   “ตามใจเจ้า นำไปสิ” คุณชายหนุ่มไว้ใจข้ารับใช้เดินตามไปเพื่อหวังจิบน้ำชาแก้เหนื่อย โดยลืมสังเกตว่าที่หน้าโรงน้ำชาแห่งนี้ มีโคมแดงปักไว้อยู่หน้าร้าน

   “เสี่ยวเอ่อ เอาเหล้ามาสองไห กับแกล้มสองสามอย่าง อย่าช้านะ คุณชายข้าขี้โมโห” ข้ารับใช้หนุ่มเดินเข้าไปนั่งโต๊ะว่างที่เหลืออยู่ไม่มากเกือบสุดทางเข้าออก สั่งการทุกอย่างโดยลำพัง

   “ที่นี้มัน...” ใบหน้าคมเข้มเหลียวมองรอบๆกาย ก่อนที่สายตาจะด่ำดิ่งสู่ความรวดร้าว ยามนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ได้มาเยือนที่นี้....เมื่อสามเดือนที่แล้ว

   ครั้งสุดท้ายที่ได้มาเยือน...คือครั้งแรกที่พี่พบเจ้า ป่านนี้เจ้าจะเป็นเช่นไร น้องน้อยของพี่

   “ขอรับที่นี้คือที่เรามานั่งพักกันครั้งสุดท้าย” ข้ารับใช้ที่เคยยิ้มแย้มกลายเป็นหม่นเศร้าตามผู้เป็นนาย เมื่อนึกได้ว่าที่แห่งนี้ เคยมีความหลังสิ่งใดอยู่ ร่างสูงทรุดลงกับพื้น “โปรดประทานโทษแก่กระหม่อมด้วยที่พาพระองค์มาที่นี้” 

   เพียงแค่ที่ทรงเก็บไว้ในพระทัยก็มากล้นพออยู่แล้ว....ข้ายังพลาดเข้ามาที่นี้ นี้หรือผู้คู่ควรกับตำแหน่งราชองค์รักษ์

   “ลุกขึ้นฮวางหู ก่อนที่เจ้าจะทำให้คนทั้งร้าน..” เสียงตักเตือนข้ารับใช้จางหายเมื่อสายตามองเห็นรูปร่างที่คุ้นเคยนั่งถัดไปอยู่ข้างหน้าเพียงไม่กี่โต๊ะ

   แผ่นหลังบางที่มองเห็นเพียงช่วงวิก็บอกได้ว่าเป็นใด นับอะไรกับท่าทางและน้ำเสียงที่เจนใจ คนผู้นั้นคือน้องน้อยของพระองค์ไม่ผิดแน่....น้องน้อยที่กำลังมีความสุขกับหญิงงาม

   ข้ารับใช้พาสายตาไปยังทิศเดียวกับผู้เป็นนายก่อนนึกอยากฆ่าตัวเองให้ตายนัก ร้านอื่นมีอีกมากไม่พาเข้า วันอื่นก็มากมาย ไม่พาออก ใยจึงต้องเป็นร้านนี้ เวลานี้ด้วยเล่า...หรือสวรรค์จักไม่ปราณีนายเหนือหัวของข้าแล้ว “คุณชายขอรับ เรากลับกันเสียทีเถิดขอรับ”

   “ยัง เราจะนั่งที่นี้ก่อน ไหนๆก็สั่งมาแล้วทั้งเหล้าและกับแกล้ม รินเหล้าให้เราที” แม้ปากจะสั่งเช่นนั้น หากแต่สายตากลับไม่เหลียวแลที่จอกเหล้าสักนิด ด้วยกำลังจ้องมองร่างข้างหน้าอย่างพินิจ

   รูปร่างเพรียวบางผ่ายผอมลงจนน่าใจหาย แขนเรียวที่โอบกอดเอวบางของสาวงาม ครั้งหนึ่งเคยโอบกอดคอเอาไว้แน่นด้วยความรักและความสุขที่มากล้น

   ริมฝีปากอิ่มเล็กที่เคยได้เชยชิม กำลังไล่ละกับผิวขาวที่ไม่เนียนเท่ากับผิวที่มือใหญ่เคยสัมผัส

   เจ้าทำเช่นนี้ได้ คงมีความสุขดีแล้ว...พี่คงต้องดีใจพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลอยู่ภายใน

   ดวงตาคู่กลมโตเหลือบแลมองผ่านมายามประคองใบหน้าขอหญิงสาวขึ้นจุมพิต และชายหนุ่มก็มั่นใจว่าน้องน้อย มองเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ แต่กับเมินผ่านไป ดังคนไม่เคยรู้ใจ

   ภาพตรงหน้าที่ปรากฏเรียกตะกอนในใจให้ขึ้นฟุ้ง อยากจะกระชากร่างเพรียวบางนี้มาถามเหลือเกิน...เจ้าลืมพี่ไปแล้วหรือ...,ลืมไปแล้วหรือไรว่าเราเป็นอะไรกันเคยผูกพันกันมากเพียงใด

   ข้ารับใช้จ้องมองท่านอ๋องที่คุ้นเคยในช่วงระยะเวลาสามเดือนอย่างโกรธจัดที่หาญกล้าทำเช่นนี้ต่อหน้านายเหนือหัวของเขา

   ความโกรธแค้นของฮวางหูมีอันต้องหายไปเมื่อมองร่างสูงใหญ่ของนายเหนือหัว สองมือกำแน่นเข้าหากัน ดวงตาคมดุที่ไม่ได้เห็นมานานยามโกรธจัด

   “คุณชาย” มือหนาของฮวางหูคว้าแขนกำยำอย่างจนสุดแรง เมื่อร่างสูงที่เคยนั่งอยู่ผุดลุกเมื่อเห็นอ๋องน้อยเดินออกไปด้วยใบหน้าซีดเซียวพร้อมสาวงาม 

   “ขอบใจฮวางหู พวกเราเองก็สมควรกลับกันได้แล้ว” คุณชายหนุ่มที่สติขาดไปแล้ว นิ่งงันพยายามตั้งสติอีกครั้ง ย้ำกับตัวเองถึงหนทางที่เลือกไปแล้ว

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ยามค่ำคืนที่อากาศหนาวเหน็บฮ่องเต้หนุ่มทรงประทับทอดพระเนตรมีดสั้นในมือที่น้องน้อยของพระองค์เจตนาทิ้งเอาไว้อย่างไร้อาวรณ์

   ภาพในคืนวานที่ได้ทรงทอดเนตรในหอโคมแดงยังตรึงแน่นให้รู้ว่า น้องน้อยมีความสุขเพียงใดกับชีวิตแสนอิสระที่ได้คืน..... “จะเหลือสักเสี้ยวหนึ่งของใจเจ้าเพื่อคิดถึงพี่บ้างไหมนะ เที้ยนหยวน”

   “ฝ่าบาท แย่แล้วกระหม่อม” ราชองค์รักษ์ฮวางหูรีบวิ่งเข้ามาให้ห้องทรงอักษร เพื่อทูลข่าวไม่สู้ดีให้แก่ฮ่องเต้หนุ่ม “ทหารเวรแจ้งแก่กระหม่อมว่ามีผู้บุกรุกลักลอบเข้ามา และกำลังมุ่งหน้ามาที่ราชฐานส่วนพระองค์”

   “รู้หรือเปล่าว่าพวกไหน” ฮ่องเต้อี้หลงตวัดสายพระเนตรมองในทันทีสุรเสียงทรงอำนาจจนแม้แต่องค์รักษ์คนสนิทยังอดหวาดหวั่นมิได้

   “คือ.....”

   “คืออะไรอยู่นั่น หรือว่า?” ฮ่องเต้หนุ่มไม่อาจพระทัยเย็นอยู่ได้รับสั่งถามคนสนิทที่มีเพียงพยักหน้าตอบกลับมาเท่านั้น “ดี ปล่อยให้เข้ามา เราจะไปรอที่ห้องนอน หากเป็นจริงดั่งที่เราคิด คงคิดว่าได้จะได้พบเราที่นั่น”

   “แต่ฝ่าบาท...หากว่าไม่ใช่จะไม่เป็นการเสี่ยงเกินไปหรือกระหม่อม” ฮวางหูเอ่ยค้านในฐานะของราชองค์รักษ์ แม้นรู้จักฝีพระหัตถ์เพียงใด แต่ก็ไม่อาจหักห้ามความเป็นห่วงได้

   “ไม่หรอก ออกไปบอกทหารให้เล่นละครเหมือนเวรยามหละหลวมลักลอบเข้ามาง่าย แล้วเราจะจัดการเอง ในเมื่อคิดจะเข้า ก็อย่าหวังว่าเราจะปล่อยให้ออกไป”

   วรองค์สูงดำเนินออกจากห้องทรงอักษรสู่ห้องบรรทมอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ราชองค์รักษ์มองตามด้วยวามหวาดเกรงในพระราชอำนาจ และสายพระเนตรที่แสนคม

   ถึงเวลาแล้วที่มังกรจะกางกรงเล็บจับยึดลูกกวางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   สวัสดีคะ ฮ่องเต้โดนด่าไปเยอะ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเรียกความสงสารกลับมาได้บ้างไหมหนอ ตอนหน้าก็จบแล้ว ฝากด้วยนะคะ

   ขอบคุณคะ

   ปล. คุณ Pikky เรื่องนี้ไอซ์ขยันแปะเพราะมีอยู่แล้ว แต่เรื่องหน้า(ถ้ามี) นั้นนน รับรองได้ว่า ดองนานจนลืมกันเลยหล่ะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.2) 19/05/11 [คนเจ็บ...คนที่สอง]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 18-05-2011 22:22:42
 :z13:น้องไอซ์
นิยายที่ไม่ดองคือนิยายที่สนุกและน่าติดตามที่สุด o13
ฮ่องเต้กับน้องน้อยทำเอาจิตตกไปเลย
ต่างคนต่างคิดความเศร้าจึงมาเยือน :o12:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.2) 19/05/11 [คนเจ็บ...คนที่สอง]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 18-05-2011 23:07:27
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:


หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.2) 19/05/11 [คนเจ็บ...คนที่สอง]
เริ่มหัวข้อโดย: O_a ที่ 18-05-2011 23:09:09
อ่านไปก็คิดไปว่ายิ่งอ่านยิ่งขมขื่น
เฮ้อ T T
จนมาเกือบจบตอนค่อยยิ้มออก
ตอนหน้าจะมีคนถูกขังในห้องบรรทมใช่ปะ
ในที่สุดฝันจะเป็นจริง

+1 สำหรับความขยันของน้องไอซ์นะคะ
เพราะฉนั้นเรื่องหน้าอย่าดองเค็ม^^
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.2) 19/05/11 [คนเจ็บ...คนที่สอง]
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 18-05-2011 23:13:52
+1

ชอบจัง เสียดายที่ไม่ได้ตามมาตั้งแต่แรก ... แต่หลังจากนี้ไม่มีพลาด ^^

 :a5: อย่าเพิ่งจบได้มั้ย  :sad4: มาต่อตอนพิเศษให้บ้างนะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.2) 19/05/11 [คนเจ็บ...คนที่สอง]
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 19-05-2011 00:07:39
เค้าก็ยังโกรธฮ่องเต้อยู่ดี เชอะ  :angry2: สั่งคำเดียวก็ได้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแล้ว เล่นตัวจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่19.2) 19/05/11 [คนเจ็บ...คนที่สอง]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 19-05-2011 16:50:49
 :oo1: :oo1:

เข้ามาแล้วจับกดเลยนะ ฝ่าบาท อย่าปล่อยให้รอดไปได้ละ


 o18 o18


หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่20) 20/05/11 [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 20-05-2011 00:40:10
ประลองรัก...二十

   ในคืนเดือนแรมที่พระจันทร์ห่างหายช่างมืดมิดจนเกือบมองสิ่งใดไม่เห็น ช่วยให้บางคนหลบหลีกกายจนพาตนเองเข้าสู่วังหลวงได้อย่างย่ามใจ จนไร้ความระแวดระวัง

   ร่างโปร่งในชุดดำ ส่ายสายตามองหาเหล่าทหารยามที่ยืนจับกลุ่มพูดคุยจนละเลยหน้าที่อย่างพอใจ ก่อนรีบมุ่งไปยังสถานที่ที่ต้องการ....รังมังกร

   เขตราชฐานส่วนพระองค์ที่ผู้บุกรุกเข้ามาถึงดูเงียบงันจนผิดสังเกต เหล่าทหารยามหายหน้าไปจนสิ้น ดวงโคมถูกปิดมืดไร้แสงไฟส่องทาง มีเพียงแสงไฟริบหรี่ในห้องบรรทมที่อดผ่าน “หายไปไหนกันหมด”

   เท้าเล็กเดินไปตามทางที่คุ้นชิน เปิดประตูห้องบรรทมเห็นวรกายสูงนอนนิ่งบนแท่นบรรทมอย่างสบายพระทัยจนไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของผู้บุกรุกแม้สักนิด

   เรียวปากอิ่มภายใต้ผ้าคลุมหน้ากระตุกยิ้มอย่างพึงใจ เดินเข้าไปใกล้แท่นบรรทมมองพระพักตร์คมซูบด้วยสายตาที่ปนเปในหลายอารมณ์ ทั้งรัก คิดถึง และน้อยใจ....

   นิ้วมือเรียวแตะสัมผัสลงบนพระนลาฏกว้าง  ไล้ลงมายังเปลือกพระเนตรที่ปิดสนิท โดยไม่รู้เลยว่าตาของตนเองกำลังมีน้ำใสมาหล่อเลี้ยง “ท่านใจร้ายมาก รู้ตัวไหม ทำให้ข้าทรมานเช่นนี้ใยจึงมาหลับสบายอยู่ได้อีก”

   “ใครว่าพี่หลับสบายกันเที้ยนหยวน พี่ก็ทรมานไม่ต่างจากเจ้าเลย”

   สุรเสียงนุ่มแผ่วในความเงียบ พาให้ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกตะลึง จะชักมือเรียวกลับหากถูกความไวที่เหนือกว่ารั้งไว้ “ท่าน”

   “อะไรกันตกใจทำไมหืมม์ พี่เสียอีกที่ต้องตกใจ นอนหลับตื่นขึ้นมาก็ได้เห็นเจ้าอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว” วรองค์สูงยันกายขึ้นนั่ง พระหัตถ์รั้งร่างเล็กกว่าให้ลงนั่งเคียงข้าง

   “อย่างท่านหรือจะตกใจ ไม่ใช่ว่ารู้อยู่ก่อน แล้วรอเวลาแกล้งข้าหรือ” เสียงหวานเชิดขึ้น ใบหน้าเล็กไม่ยอมสบพระเนตรคม ขยับหนีวรกายสูงที่ขยับเข้ามาชิด
   “พี่หรือแกล้งเจ้า ใครกันที่ลอบเข้ามาหาพี่ยามดึกขนาดนี้ แล้วจะหนีไปไหน เดี๋ยวได้ตกลงไปพอดี เข้ามานั่งข้างในเถอะ” พระพักตร์คมยิ้มกริ่มจนไม่น่าวางใจ หากผู้บุกรุกร่างเล็กก็ไม่อาจฝืนตัวให้หลุดจากความไม่น่าวางใจนี้ได้ เมื่อท่อนพระกรใหญ่โอบรอบเอวบาง

   “อื้อ ปล่อยข้านะ ใครว่าข้ามาหาท่านกัน ข้างนอกนั่นแสนอิสรเสรี” ร่างเล็กพยายามแกะท่อนพระกรหนาออกจากเอวตนเอง แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อท่อนพระกรยังคงโอบรัด

   “ไม่ได้มาหาพี่หรอกหรือเที้ยนหยวน แล้วเจ้าลอบเข้ามาทำไมยามดึกเช่นนี้ จะบอกพี่ว่ามาหาอู่กงกงหรือ คงไม่ใช่หรอกนะ พี่ว่า”  พระพักตร์วางซ้อนลงบนไหล่เล็กของน้องน้อยแสนงอนที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น

   “ข้าไม่ได้มาหาอู่กงกง แต่ว่าข้า....”ใบหน้าที่เบือนหนีไปทางอื่นด้วยไม่อยากให้ฮ่องเต้ได้เห็นใบหน้าที่ร้อนผ่าว อีกทั้งพระเนตรแหลมคมที่คอยจ้องแต่จะทำให้เขินอาย

   “เจ้าทำไมหรือเที้ยนหยวน ไม่ได้มาหาอู่กงกง ก็เหลือแค่พี่ไม่ก็ฮวางหู ไหนบอกซิว่าเจ้ามาหาใครกัน” นิ้วพระหัตถ์เชยคางเล็กให้หันกลับมาทางพระองค์ที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง

   “มาหา....มาหา” เสียงแผ่วอ้อมแอ้มในลำคอ แม้จะถูกบังคับให้หันหน้ามาไปทางพระพักตร์คม แต่ดวงตากลมโตก็มองเลยไปยังทิศอื่นด้วยความเขินอายสุดกำลัง “ข้ามาหามีดของข้า”

   ถ้อยคำแผ่วเบาที่เกือบต้องเอียงพระกรรณฟังนั้นสร้างรอยพระโอษฐ์ขององค์ฮ่องเต้อี้หลงได้ไม่น้อย “มาหามีด หรือมาหาคนให้มีดกันเที้ยนหยวน ” วรกายที่ประทับซ้อนหลังนั้น กระซิบถามข้างใบหูเล็ก

   แม้พระองค์จะทรงทราบอยู่แล้ว...แต่ก็ไม่อาจห้ามพระทัยไม่ให้แกล้งน้องน้อยแสนซนคนนี้ได้

   “คนให้ อ่ะ ไม่ใช่ ข้ามาหามีดของข้าคืน แล้วท่านก็ปล่อยข้าได้แล้วนะ” ผู้บุกรุกร่างบางขืนตัวให้ออกจากอ้อมพระกรแต่ก็ไม่อาจทำได้ สุดท้ายจึงต้องร้องขอด้วยความน่าสงสารและดวงตาอ้อนวอน

   “มีดหน่ะพี่คืนให้ได้ แต่ให้พี่ปล่อยเจ้าคงไม่ได้เสียแล้วเที้ยนหยวน เพราะเจ้ามีโทษติดตัวรู้บ้างหรือไม่” สุรเสียงทุ้มยังคงกระซิบข้างใบหูเล็ก

   เพราะคำว่าโทษติดตัวทำให้ร่างบางต้องหันกลับมามองพระพักตร์คมอย่างตกใจ ตลอดเวลาที่ออกไปก็เอาแต่อยู่ในวังทู่หลงไม่ได้ออกไปข้างนอก แล้วจะมีโทษได้อย่างไร นอกเสียจากคืนวานที่ไปหอโคมแดงเพียงเท่านั้น

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงมองใบหน้าสวยที่มีดวงตากลมโตอย่างพึงใจ “ก็ใครกันเล่าที่พาร่างกายแสนสวยอันเป็นสมบัติส่วนองค์ฮ่องเต้ ไปให้สาวอื่นได้ชื่นชมกัน”

   สถานะที่ทรงประทานให้อย่างถือสิทธิ์ทำให้ใบหน้าหวานแดงกล่ำและร้อนผ่าว อยากจะเบื่อหน้าหนีไปทางอื่นเสียก็ไม่ได้ เมื่อพระหัตถ์หนาออกแรงพลิกกายให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันอย่างไร้ทางเลี่ยง

   “ข้าไม่ได้...ไม่ได้” เสียงอึกอักจากลำคอช่างน่ารำคาญเสียจริงในความคิดของอ๋องน้อย หากแต่เวลานี้ก็ยากจะหาคำไหนมาโต้เถียงได้ “ไม่ได้เป็นสมบัติของท่านเสียหน่อย”

   “หรอกหรือ แต่พี่กลับรู้สึกว่าเจ้าเป็นของพี่ ที่ใครก็ห้ามแตะต้องทั้งนั้น พี่ควรเอาโทษเหล่านางพวกนั้นดีหรือไม่นะ ที่บังอาจมายั่วยวนเจ้าเช่นนี้” แม้ถ้อยรับสั่งจะแสนน่ากลัว หากแต่สุเสียงกลับอ่อนโยน พร้อมรอยแย้มพระโอษฐ์บนพระพักตร์

   “ข้าเป็นเพียงแค่ของของท่านหรอกหรือ ไม่ใช่....” เมื่อนึกถึงคำพูดในหัวแล้วร่างเล็กได้แต่เขินอายกับตนเอง จนต้องซบลงกับพระอุระหนา กระซิบเพียงแผ่วเบา “ไม่ใช่ดวงใจท่านหรือ”

   “เที้ยนหยวน นนน” เสียงอู้อี้ที่ดังมาจากร่างเล็กสร้างความชุ่มชื่นในหทัยฮ่องเต้ได้อย่างยิ่งยวด อ้อมพระกรยิ่งกอดรัดร่างเล็กแนบสนิทกับพระวรกาย ประทานรอยจุมพิตลงบนผมนุ่มที่โชยกลิ่นหอม

   “หรือข้าไม่ใช่กัน” เพราะความอายที่มีมาก ร่างเล็กจึงเลือกเอาความแสนงอนเข้ามากลบเกลื่อน

   “เจ้าเป็นยิ่งกว่าดวงใจของพี่เสียอีก เจ้าเป็นชีวิตทั้งชีวิตของพี่ รู้หรือเปล่าคนดี” ฮ่องเต้หนุ่มถามย้ำให้น้องน้อยรู้ว่าตนสำคัญเพียงใด

   “ท่านบอกข้าเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะไม่รู้ ข้าเองก็...รักท่าน” สองพยางค์สุดท้ายแผ่วเบาหากไม่เกินกว่าจะได้ยินและทำให้พระทัยของฮ่องเต้ที่เคยเจ็บช้ำ เต็มตื้นไปความสุขอย่างที่สุด

   นิ้วพระหัตถ์เรียวเชยคางเล็กขึ้นมา ประทับแนบลงบนกลีบปากเล็กที่แสนซุกซน หากวันนี้พระองค์จะทรงลบล้างร่องรอยของสาวทุกนางให้จางหายไป ต่อแต่นี้จะไม่มีผู้ใดได้ประทับนอกจากพระองค์

   โพรงปากเล็กเปิดรับการรุกรานอย่างเต็มใจ อ้อมแขนเรียวโอบกอดพระศอหนาแนบชิดสองร่างให้สนิมแน่น ร้องครางในลำคอเมื่อลมหายใจที่มีถูกช่วงชิง

   ร่างเล็กถูกผ่อนลงสู่แท่นบรรทม ร่างกายผอมบางขยับขึ้นลงด้วยความเหนื่อยหอบ เมื่อชุดดำที่สวมใส่ถูกปลดออก ผิวขาวใสทั่วกายก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทั่วทั้งตัว ให้คนทอดพระเนตรได้แย้มพระโอษฐ์อย่างพอพระทัย

   สองร่างแนบชิดกันและกันทดแทนช่วงเวลาที่ห่างหาย บอกผ่านสัมผัสที่แสนอ่อนหวานและเร่าร้อนให้รับรู้ถึงความโหยหา ที่ไม่อาจมีผู้ใดมาลบเลือนได้

   บานประตูบางกั้นฉายเงาร่างที่โอบกอดรัดแน่นเคลื่อนกายตามกระแสของความปรารถนา ท่วงทำนองแห่งความสุขที่ไร้เงื่อนไขบรรเลงท่ามกลางความเงียบสงบ จนขันทีเหี่ยวผู้ไม่เคยสัมผัสสิ่งเหล่านี้ ได้แต่ข่มกลั้นความอาย รีบก้าวเดินให้ผ่านไปยังห้องพักของตนเอง

   บทเพลงแห่งรักที่ไร้เสียงร้อง มีเพียงเสียงแห่งสุขที่สอดประสานดังลอดผ่านออกมาบอกให้รู้ถึงหัวใจของคนทั้งสองที่ถูกเติมเต็มด้วยรัก จากนี้และตลอดไป...ขออย่าให้มีสิ่งใดพรากคนทั้งคู่ออกจากันได้อีก

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   เสียงใสของหรีดหริ่งห่างหายไป เริ่มต้นวันใหม่ด้วยเสียงนกตัวน้อยที่เกาะกิ่งอยู่ในอุทยานหลวงปลุกให้ฮ่องเต้ผู้ทรงมีความสำราญในพระสุบินตื่นขึ้นรับความจริงที่หวานยิ่งกว่า

   ร่างเล็กในอ้อมพระอุระเปลือยเปล่าเปิดผิวขาวช่วงลาดไหล่ประดับด้วยรอยสีหวานถูกประทานจุมพิตแผ่วเบา ก่อนทรงกระชับอ้อมพระกรเข้ามาให้แนบชิด สูดดมกลิ่นกายที่หอมหวน ตอกย้ำให้ทรงรู้ว่านี้คือความจริงที่ยิ่งกว่าฝันใดๆ

   “อื้อออ ไม่เอาหน่าชิงหมิง เจ้าไม่เหนื่อย แต่ข้าง่วงนะ” เสียงพึมพำเบาๆแสนงัวเงีย พร้อมมือปัดไล่สิ่งที่รบกวนการหลับใหลก่อนซุกตัวเข้าหาความอบอุ่น ซุกหน้าอยู่กับผิวกายที่แผ่ไอขับไล่ความหนาวเย็น

   “ชิงหมิงที่ไหนกันเที้ยนหยวน เลอะใหญ่แล้ว” ฮ่องเต้กระซิบเสียงแผ่วข้างใบหูเล็กของคนขี้เซา วาจายามหลับใหลช่างน่าจับมาลงโทษยิ่งนัก...นอนซุกกับอกพี่ยังกล้ากล่าวถึงหญิงอื่นอีกหรือ?

   “อืออออออ” เสียงครางแผ่วเบาของคนง่วงงุน แต่ทว่าไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาจากนิทราแสนหวานเอาเสียเลย ใบหน้าหวานดูหลับสบายยิ่งขึ้น ซุกกายกับพระฉวีอุ่นไม่รับรู้ถึงพระอารมณ์ที่ถูกกระตุ้น

   “เจ้าตื่นหรือยังนี้เที้ยนหยวน หลับแบบนี้คนที่จะลำบากคือเจ้านะ” องค์อี้หลงทรงกระซิบข้างใบหูเล็กอีกครั้ง หากว่าร่างเล็กกลับไม่มีทีว่าจะตื่นขึ้นเลย นอกเสียจากร่างกายที่แดงเรื่อขึ้นโดยเจ้าตัวไม่รู้ “ไม่ตื่นจริงหรือ....ช่างขี้เซาเสียจริงน้องของพี่”

   แม้จะดุจดังถ้อยคำบ่นด้วยความเหนื่อยใจ หากว่าพระพักตร์กลับฉาบไว้ด้วยรอยแย้มพระโอษฐ์ ยิ่งปากเล็กแนบชิดกับพระอุระเพียงใดก็ยิ่งแสนน่ารักเชิญชวนให้สัมผัส จนไม่อาจหักห้ามพระทัยได้ แม้จะทรงเตือนองค์เองว่าทำเช่นนั้น ก็ไม่ต่างจากโจรป่าเอาเสียเลย

   นิ้วพระหัตถ์เชยใบหน้าเล็กที่ซุกซบขึ้นมามอบจุมพิตยามเช้าแสนลึกซึ้ง กลีบปากอิ่มเผยอขึ้นให้ทรงเชยชิมความล้ำที่ไม่มีวันหมด ช่วงชิงลมหายใจของคนหลับจนเกือบหมด

   “อื้อออออ” เสียงร้องดังในลำคอร้องขออากาศที่ถูกช่วงชิง ก่อนใช้แรงที่มีเพียงนิดทุบพระอุระหนา ให้รู้ว่าไม่สามารถแล้วจริงๆ ก่อนถูกปล่อยออกเป็นอิสระอีกครั้ง แผ่นอกบางขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็วภายใต้ผ้าห่ม เลื่อนกายถอยหนีผู้เป็นเจ้าของแท่นบรรทม หากก็ไม่สามารถหนีได้ไกลด้วยติดอยู่ในอ้อมพระกร ดวงตากลมมองพระพักตร์คมหากไม่กล้าสบสายพระเนตรมากนัก “ท่านชอบแกล้งคนหลับหรืออย่างไร ข้ากำลังฝันดีอยู่เชียว”

   “มีฝันใดดีกว่าเมื่อคืนอีกหรือเที้ยนหยวน” พระเนตรคมแฝงแววล้อเลียน ทรงสำราญเมื่อได้เห็นใบหน้าสวยแดงเรื่อ นิ้วพระหัตถ์เกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้า “หากพี่ไม่รีบปลุกเจ้า สงสัยว่าเจ้าคงปลุกอย่างอื่นของพี่ให้ตื่นโดยไม่รู้ตัว แล้วคนเดือดร้อนจะเป็นเจ้านะ นี้เห็นว่าเมื่อคืนเจ้าเหนื่อยอ่อนจึงสงสาร ไม่ขอบคุณพี่แล้วยังมาว่าอีกหรือ”

   ใบหน้าที่แดงอยู่แล้ว ยิ่งแดงกล่ำเมื่อได้ฟังถ้อยรับสั่งที่น่าหวาดเสียว “ท่านพูดอะไรแต่เช้า ไม่เอา ข้าจะกลับวังข้าแล้ว เอามีดข้าคืนมาด้วย ข้าเข้ามาเพื่อจะเอามีดเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาค้างแบบนี้เลย”

   “ถ้าอี้หลงที่หนึ่ง กับอี้หลงที่สองรู้ว่าเจ้าเข้าวังมา แต่ไม่ไปหามัน คงน้อยใจเป็นแน่” พระหัตถ์หนารั้งร่างเล็กเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้นจากแท่นบรรทมได้ พลางกล่าวลอยขึ้นมาถึงสัตว์เลี้ยงแสนรักของน้องน้อย

   “แล้วพวกมันเป็นเช่นไรบ้าง อยู่สบายดีไหม ท่านอย่าให้ใครมารังแกพวกมันได้นะ” น้ำเสียงของอ๋องน้องเศร้าสลดลงเมื่อนึกถึงเจ้าอูฐโง่ และสิงโตตัวน้อย “มันจะคิดถึงข้าอย่างที่ข้าคิดถึงมันบ้างไหม”

   องค์อี้หลงทอดเนตรน้องน้อยอย่างเอื้อเอ็นดู จากถ้อยคำที่ร่างเล็กพึมพำกับตนเอง ทำให้พระองค์อยากถามอีกข้อที่ทรงรู้คำตอบ หากก็อยากฟังจากปากเล็ก “แล้วเจ้าไม่คิดถึงอี้หลงบ้างหรอกหรือ”

   สิ้นคำถามแผ่วเบา ทำให้ดวงตากลมต้องเงยขึ้นมองพระพักตร์ผู้ถาม มองสบในพระเนตรกล้าคม ก่อนตอบด้วยคำถามที่ไม่ต่างจากกันนักด้วยความน้อยใจเมื่อนึกถึงเรื่องกลางสนามประลอง “แล้วอี้หลงผู้นั้น คิดถึงข้าบ้างหรือไม่”

   “คิดถึงสิ พี่คิดถึงเจ้าใจจะขาด ทุกลมหายใจเอาแต่เพรียกหาเจ้า ไม่รู้หรือ เที้ยนหยวน” ความน้อยใจของน้องน้อยที่พระองค์สัมผัสได้ พาให้โอบกระชับร่างเล็กเข้ามาอีกครั้ง พระหัตถ์ลูบไล้บนหัวกลม ปลอบขวัญให้คลายความน้อยใจ

   “คิดถึงข้า แล้วทำไมวันนั้นถึงทำเช่นนั้น ทำไมไม่เอาชนะข้า ปล่อยข้าออกไปทำไม” ความน้อยใจที่มีมากถูกกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาอาบใบหน้า เปื้อนพระอุระที่ซุกซบอยู่ มือบางพยายามเหลือเกินที่จะผละออกหากไม่อาจต้านแรงของฮ่องเต้หนุ่มได้

   “เที้ยนหยวน ” ฮ่องเต้หนุ่มครางแผ่วด้วยชื่อผู้เป็นดั่งดวงหทัย ขืนแรงน้อยนิดที่พยายามผลักดันพระองค์ให้ออกห่าง “พี่ขอโทษ พี่คิดว่าเจ้าจะอยากออกไปสู่อิสรภาพข้างนอก ที่มีความสุขมากมายรอเจ้าอยู่”

   “ข้าจะอยากออกไปอีกทำไมกัน ข้างนอกนั่นข้าก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ท่านปล่อยข้าไป แต่ก็ยังตามไปหลอกหลอนข้า ไม่ให้ข้ามีความสุข เช่นนี้จะปล่อยข้าไปทำไมกัน” มือเล็กที่รู้ว่าไม่อาจสู่แรงฮ่องเต้หนุ่มได้ ยอมเลิกผลักไส หากเปลี่ยนเป็นทุบตีอยู่อย่างนั้น ระบายความเจ็บปวดที่ได้รับในช่วงกว่าอาทิตย์ที่ผ่านมา

   “พี่ขอโทษ พี่ขอโทษเจ้า” พระองค์ทรงปล่อยให้แรงน้อยนิดทุบตีพระอุระ จนกว่าน้องน้อยจะพอใจ ยอมเป็นที่ระบายความทุกข์เศร้า แม้นว่าพระองค์จะทรงทรมานไม่ต่างกัน หากแต่เวลานี้ ความทุกข์ทรมานนั้นได้จากไปแล้ว นับแต่ได้น้องน้อยคืนมา “พี่จะไม่ปล่อยเจ้าไปไหนอีกแล้ว จะอยู่เคียงข้างเจ้า จะไม่มีใครแยกเราออกจากกันได้อีก พี่สัญญา”

   “คำสัญญาออกจากปากท่านแล้วห้ามกลับคำนะ” เสียงเล็กออดอ้อนอย่างไม่รู้ตัว เพียงเพราะความเงียบเหงาและเจ็บปวดที่ไม่อยากเจอมันอีก ทำให้อ๋องผู้นี้ต้องพาตัวเองกลับสู่อ้อมกอดที่อบอุ่นนี้อีกครั้ง

   “คำพูดของฮ่องเต้ กลับได้อย่างไรกัน ต่อให้เจ้าดิ้นรน หรือเรียกร้อง พี่ก็จะไม่ปล่อยดวงใจให้หลุดลอยไปอีกแล้วเที้ยนหยวน ” นิ้วพระหัตถ์เกลี่ยใบหน้าใส ขับไล่หยาดน้ำตาให้หายไปจากดวงตาคู่โตที่ทรงหลงรัก

   คนทั้งสองยินยอมให้ความเงียบเข้ามาคลอบคลุมอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องมีเสียงใดๆ ขอเพียงแค่หัวใจทั้งคู่อาศัยท่วงทำนองเดียวกันเท่านั้น วาจาอื่นๆ ก็สิ้นความหมาย

   ร่างกายผอมบางที่ไร้สิ่งปกคลุมนอกจากผ้าห่มผืนกว้างเร้นกายจากความหนาวเหน็บ เข้าสู่วรกายใหญ่อิงแอบขอความอุ่นที่ไม่เคยมีนางใดมอบให้ได้

   พระหัตถ์ใหญ่ลูบไล้บนผิวเนียนมืออย่างเพลิดเพลิน ขอบคุณเหล่าทวยเทพที่ประทานน้องน้อยผู้นี้คืนสู่อ้อมอกอีกครั้ง ต่อจากนี้ จะไม่ปล่อยออกจากมืออีกแล้ว

   “ท่าน เสื้อผ้าข้าอยู่ที่ไหนกัน ข้าอยากแต่งตัวแล้ว” ความอิ่มเอมที่เข้ามาในหัวใจ สัมผัสแสนสบายจากพระหัตถ์ใหญ่ พาให้เคลิบเคลิ้ม จนดวงตาใกล้ปิดลงอีกครั้ง แต่สัญชาตญาณแห่งการระวังภัยก็บอกให้รู้ว่า ก่อนจะหลับไปอีกครั้ง ควรหาเสื้อผ้ามาใส่เสียให้เรียบร้อย

   มิเช่นนั้นอาจต้องลำบากกายอีกก็เป็นได้....   

   “พี่โยนทิ้งลงไปจากเตียงหมดแล้ว หากจะหยิบก็ต้องข้ามพี่ไป เจ้ากล้าหรือเที้ยนหยวน ”ประโยคสุดท้ายทรงกระซิบแผ่วข้างหูเล็ก พระเนตรแสนเจ้าเล่ห์ดุจดั่งไม่ใช่พญามังกร

   นั่นอย่างไรเล่า...สัญชาตญาณข้าไม่เคยพลาดเรื่องท่านเลยสักครั้ง

   “ท่าน....ท่านเป็นฮ่องเต้จริงหรือเปล่า หรือเป็นนางปิศาจจิ้งจอกเก้าหางปลอมกายมาเพื่อดูดพลังชีวิตของข้ากัน” เพราะคำท้าที่แสนน่ากลัว และเสี่ยงเกินกว่าจะข้ามไปทำให้อ๋องน้อยหงุดหงิดมองเห็นฮ่องเต้หนุ่มเป็นนางปิศาจจอมเจ้าเล่ห์ที่ยังชีพด้วยการล่อหลวงชายหนุ่มมาร่วมสัมพันธ์แล้วสูบพลังชีพ

   เสียงพระสรวลดังก้องไปทั่วกับข้อกล่าวหาของน้องน้อยช่างคิด “พี่หน่ะไม่ใช่นางปิศาจนั่นหรอก หากจะเป็น คงเป็นจอมปิศาจที่เจ้าต้องถูกสังเวยทุกคืนวันเสียมากกว่า”

   ใบหน้าหวานเชิดขึ้นได้เพียงนิด จมูกรั้นก็ชนกับพระหนุเข้าเสียแล้ว กลายเป็นการหอมโดยไม่ได้ตั้งใจ ยิ่งสร้างความเขินอายให้ต้องกลบเกลื่อนด้วยความแสนงอน “ท่าน! พูดแต่ละอย่าง สงสัยจะเป็นจอมปิศาจจริงๆกระมั้ง”

   “จริงของเจ้า พี่เป็นจอมปิศาจที่จะสั่งปิดหอโคมแดงที่เจ้าชอบไปเที่ยว แล้วก็อาจจะสั่งจับชิงหมิงอะไรของเจ้ามาลงโทษให้เข็ดหลาบว่าต่อไป ห้ามยุ่งกับของเบื้องสูงอีก เจ้าว่าดีหรือไม่” สุรเสียงเด็ดขาดสม
ดั่งพระราชอำนาจชี้เป็นชี้ตาย

   “เฮ้ย! ท่านจะทำได้เช่นไร พวกเขาไม่ผิดอะไร แล้วท่านปิดไปข้าจะไปเที่ยวที่ไหนกัน อีกอย่าง.....ชิงหมิงก็ยังไม่ได้ยุ่งกับของเบื้องสูงของท่านเลยนะ” ประโยคหลังช่างแสนแผ่วเบา คล้ายว่าหากมีผู้อื่นรับรู้ ก็อาจเสียเชิงชายเป็นได้

   “เจ้ายังคิดว่าจะได้ออกไปเที่ยวเล่นอีกหรือเที้ยนหยวน ส่วนชิงหมิงหน่ะ หากเป็นอย่างที่เจ้าพูดนางก็รอดตัวไป แต่คืนนี้พี่จะพิสูจน์อีกครั้ง แล้วถ้าเจ้าไม่ให้ความร่วมมือรับรองได้ว่า ทั้งหอโคมแดง และนางผู้นั้นต้องปิดฉากลงแน่”  

   “ก็ได้ ข้าไม่ไปแล้ว”....หากท่านไม่เผลอ ประโยคหลังที่ต่ออยู่ในใจ อ๋องน้อยมั่นใจว่าจะไม่มีทางเผยให้ฮ่องเต้ผู้นี้ได้รู้เด็ดขาด.....เพื่อความสุขเล็กๆน้อยๆ ชั่วครั้งชั่วคราวในอนาคต

   “ดีมากเที้ยนหยวน เจ้าพูดเองแล้วนะ หิวหรือยัง พี่จะได้เรียกให้ใครยกสำรับเข้ามาให้” แววพระเนตรของฮ่องเต้ฉายแววพอพระทัยกับคำของน้องน้อย โดยไม่รู้เลยว่ามีคำอื่นใดแอบแฝงเอาไว้

   “หิวแล้ว”

   เสียงใสช่างเอาแต่ใจเรียกให้พระองค์ต้องประทับจุมพิตลงบนหน้าผากแคบเล็กนั้นอย่างนุ่มนวล เลื่อนลงมาประทับกลีบปากอิ่มที่ยื่นออกมาน้อยๆ ก่อนลงจากแท่นบรรทม เพื่อแต่งองค์ให้เรียบร้อย

   ฮ่องเต้หนุ่มเปลือยวรกาย โดยไม่ทันให้ร่างเล็กรู้ตัวล่วงหน้า ใบหน้าหวานที่ได้เห็นวรกายสูงใหญ่ไร้เครื่องบดบังกำลังแดงกล่ำ คว้าผ้าห่มขึ้นปิดหน้าแทบไม่ทัน “จะลุกไปทำไมไม่บอกข้าก่อนเล่า”

   พระสรวลก้องเมื่อเห็นท่าทางของน้องน้อย พลางเย้าแหย่ให้ได้เขินอายมากขึ้น “เจ้าจะปิดหน้าทำไม ใช่ว่าไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัส เมื่อคืนเจ้ายังไม่เห็นอายเลยนะเที้ยนหยวน ”

   “ไม่ต้องพูดเลยนะ ใครจะเหมือนท่านเล่า” เสียงอู้อี้จากใต้ผ้าห่มผืนกว้าง แม้จะร้อนกาย แต่ความอับอายก็มีมากกว่า ทั้งอับอายทั้งอิจฉาในรูปร่างที่สมส่วน และกล้ามเนื้อที่สวยงาม

   “ออกมาได้แล้วเที้ยนหยวน อยู่ในนั้นไม่ร้อนหรือ” ทรงยื้อผ้าห่มกับร่างเล็กที่นอนคลุมโปง “พี่ไม่แกล้งเจ้าหรอก พี่แต่งตัวเสร็จแล้ว”

   “จริงนะ” อ๋องน้อยถามด้วยความหวาดระแวง รู้ดีว่ายามนี้ใบหน้าของตนคงกำลังแดงจัด

   “จริงสิ” ฮ่องเต้หนุ่มทรงตอบรับ พร้อมเลื่อนผ้าห่มออกจากกายน้องน้อย “พี่ออกไปบอกคนข้างนอก เจ้าก็แต่งตัวเสียนะ” ก่อนดำเนินออกจากห้องทรงไม่ลืมที่จะจุมพิตบนแก้มนิ่มหนึ่งครั้ง


VVVV

VVV

VV

V
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่20) 20/05/11 [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 20-05-2011 00:43:10
ร่างเล็กรอให้บานประตูปิดลง ก่อนค่อยๆหนีบผ้าห่มผืนหนาที่ห่อพันกายลงจากเตียง มาคว้าเสื้อผ้ายับย่นขึ้นสวมกายอย่างรวดเร็ว พอดีกับที่ประตูห้องถูกเปิด

   “อ่ะ ท่านเที้ยนหยวน แต่งตัวเสร็จแล้วหรือ องค์ฮ่องเต้ให้ข้ามาช่วยท่านแต่งตัว แต่ท่านเสร็จแล้ว งั้นข้าขอตัวก่อนนะ” ขันทีเหี่ยวเข้ามาเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว และตั้งท่าจะออกไปอย่างรีบร้อน

   “เดี๋ยว ทำไมต้องรีบออกไปแบบนั้น ไม่คิดถึงข้าเลยหรืออย่างไร แม้แต่หน้าข้าเจ้าก็ไม่ยอมมอง” อ๋องน้อยจับจ้องพฤติกรรมของขันทีเหี่ยวที่คุ้นเคยกันในระยะหนึ่งอย่างน้อยใจ เมื่อได้เจอกันก็ควรดีใจ ไม่ใช่หลบหน้าหลบตาเช่นนี้

   ขันทีเหี่ยวฟังเสียงเศร้าอย่างนึกสงสาร แต่หากเงยหน้ามองใบหน้าหวานภาพเงาที่ชวนให้กระดากอายก็พลันโผล่ขึ้นมาจนไม่กล้าสู้หน้า ทั้งที่ใจก็คิดถึงอ๋องแสนป่วนผู้นี้ไม่น้อย

   “เจ้าไม่คิดถึงข้าจริงด้วย คงเป็นเพราะข้ามันน่าเบื่อ ทำแต่เรื่องสินะ”

   น้ำเสียงบาดใจยิ่งทำให้คนฟังเสียใจ ข่มความอับอายต่อภาพที่เห็นเมื่อคืน เงยหน้าขึ้นมอง แต่กลับต้องตกใจที่เห็นใบหน้าหวานมีสายน้ำไหลจากสองตา แต่ที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่า เสียจนตกตะลึงคือ พระพักตร์ดุของฮ่องเต้หนุ่ม ผู้ประทับตรงนี้เมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ “ข้า.....”

   “ว่าอย่างไรเล่า ไม่คิดถึงข้าเลยใช่ไหม” จากเสียงเศร้า กลายเป็นเผลอเอาแต่ใจ พยายามบีบเค้นน้ำตาให้ไหลออกมามากเท่าที่จะทำได้...หวังจะได้ยินสักคำว่าคิดถึงจากคนตรงหน้า

   “ข้า.....คิด..” แม้จะสงสารอ๋องน้อยตรงหน้าเพียงใด แต่อู่กงกงก็ยังได้แต่อ้ำอึ้ง ด้วยสายพระเนตรพิฆาตจากวรองค์สูงที่ประทับนิ่งด้านหลังอ๋องเที้ยนหยวน

   “สักคำเจ้าก็จะไม่พูดให้ข้าดีใจเลยหรือ” อ๋องน้อยผู้ไม่รู้ชะตากรรม ยังคงเล่นบทโศก บีบเค้นให้ขันทีที่ตนรักใคร่ไม่ต่างจากลุงชินดงได้พูดสักคำว่า...คิดถึง

   ร่างกายที่บอบบางของอ๋องน้องเดินเข้ามาใกล้ สองแขนเรียวตั้งท่าขึ้นคล้ายจะโอบกอดเป็นผลให้ ขันทีสูงวัยตกใจ รีบยันแผ่นอกบางเอาไว้จนสุดแรง สายตาเหลือบไปเห็นรอยสีหวานที่ซอกคอขาวผ่องก็ยิ่งตื่นตกใจ ทำได้เพียงแค่ยันแขนออกไปจนสุด สายตาจ้องมองพื้นตลอดเวลา

   “เลิกเล่นได้แล้วเที้ยนหยวน ส่วนเจ้าไม่มีอะไรก็ออกไปได้แล้วอู่กงกง” สุรเสียงทุ้มนิ่งดังขึ้นจากเบื้องหลังด้วยทรงขัดพระทัยในคำพูดและการกระทำของน้องน้อย

   ...แล้วอย่างนี้พี่จะไว้ใจเจ้าได้อย่างไร แม้แต่อู่กงกงเจ้ายังไม่ละเว้น เฮ้อ เที้ยนหยวน !   

   “กระหม่อม” ขันทีเหี่ยวได้โอกาสรีบน้อมรับคำสั่งก่อน เดินออกจากห้องไปอย่างโล่งใจ รอดพ้นพระอารมณ์กริ้วโกรธและห่วงแหนมาได้ ช่างเป็นโชคดียิ่งนัก

   ร่างเล็กที่สนุกกับการแกล้งขันทีเหี่ยว สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงคุ้นแสนดุจากเบื้องหลัง ค่อยๆหันกลับไปพร้อมน้ำตาที่ยังนองหน้า หวังว่าได้คลายพระอารมณ์ฮ่องเต้ลงได้...แล้วมันก็เป็นจริง

   “เที้ยนหยวน เจ้าร้องไห้ทำไมกัน โธ่ คนดีของพี่ อย่าร้องนะ” ฮ่องเต้หนุ่มประทับนั่งที่เก้าอี้รั้งให้ร่างเล็กนั่งลงบนพระเพลากว้าง นิ้วพระหัตถ์เกลี่ยไล่หยาดน้ำออกจนสิ้น ความกริ้วโกรธที่มีละลายหายไปกับสายน้ำตา

   “ข้าแค่อยากรู้ว่าคนที่ข้ารักไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่ จะคิดถึงข้าบ้างไหม ข้าผิดหรือ ทำไม~” ใบหน้าหวานซุกซบพระอังสาแอบซ่อนรอยยิ้มที่กลั้นเอาไว้ ไม่ให้ฮ่องเต้สุดที่รักได้เห็น

   “ไม่หรอกเที้ยนหยวน อย่าร้องเลยนะ อู่กงกงก็คิดถึงเจ้าเช่นกันนะ” ทรงปลอบโยนน้องน้อยอย่างแสนสงสาร ประทานจุมพิตเบาๆที่เปลือกตาบางทั้งสองข้าง เรียกขวัญที่หายไป ไม่สนพระทัยเสียงเคาะและเปิดประตูเข้ามาของนางกำนัลจากห้องเครื่อง

   ใบหน้าหวานแดงก่ำเมื่อได้รับจุมพิตอันเป็นเวลาเดียวกับที่มีคนเข้ามาในห้อง เหล่านางกำนัลวางจากสำรับแล้วจากไปอย่างเงียบๆ ไม่กล้าพูดสิ่งใด

   “ท่านหน่ะ....” จากที่มีความสุขเมื่อได้แกล้งผู้อื่น ยามนี้ร่างบางกำลังเขินอายไม่กล้าพูดสิ่งใด ได้แต่ซุกหน้ากับพระอังสา กัดลงไปอย่างแรงเพื่อลดความเขินอายที่มี

   “โอ้ย! เที้ยนหยวน พี่เจ็บแล้วพอเถอะนะ กินข้าวกันได้แล้ว” ฮ่องเต้หนุ่มง้างกลีบปากเล็กของจากพระอังสา หากแต่ไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ

   “ท่านก็ปล่อยข้าสิ ข้าจะได้ไปนั่งที่เก้าอี้เสียที” เสียงหวานอ้อนวอน พร้อมดวงตากลมโตมองพระพักตร์อย่างขอร้อง

   “เจ้าก็นั่งอยู่บนนี้ไม่สบายหรือ ไม่ต้องไปนั่งที่อื่นหรอก พี่ป้อนให้ด้วยนะ” ไม่เพียงแค่คำรับสั่งเท่านั้น หากแต่ทรงจ่อช้อนเงินที่มีข้าวพอดีคำเข้ากับกลีบปากเล็ก

   ปากเล็กเปิดอ้ารับข้าวเข้าไปเคี้ยวอย่างจำนน เลิกดิ้นรนที่จะไปนั่งเก้าอี้ตัวอื่นอีก เพราะรู้ดีว่า ใช้แรงเท่าไหร่ก็ไม่อาจเอาชนะฮ่องเต้องค์นี้ได้เป็นแน่

   องค์อี้หลงทรงพระสำราญกับการสลับป้อนข้าวให้น้องน้อยและองค์เอง พลางคิดไปถึงเรื่องที่ค้างคาพระทัย “หากพี่ถามสิ่งหนึ่งเจ้าจะตอบพี่ได้ไหม”

   “ท่านจะถามอะไรข้า  ถ้าท่านจะถามว่าข้ารักท่านไหม ข้าก็บอกไปแล้วเมื่อคืน” อ๋องน้อยดักทางเอาไว้เสียก่อน ใช่ว่าไม่อยากพูด แต่ก็เขินอายทุกครั้งที่ต้องพูด

   “เรื่องนั้นพี่รู้แม้เจ้าไม่พูด เพราะสายตาของเจ้ามันบอกพี่ทุกครั้งที่เจ้ามองมา แต่พี่สงสัยว่า...เหตุใดเจ้าจึงลอบเข้าวังมา ทั้งที่คืนก่อนหน้านั้นพี่ก็เห็นว่าเจ้ามีความสุขในหอโคมแดง”

   “แล้วท่านไม่ดีใจหรือไงที่ข้ากลับมา ข้าจะได้กลับแล้วไม่เข้ามาวังหลวงอีกเลย จะเอาอี้หลงที่หนึ่ง อี้หลงที่สองไปด้วย”  คำถามที่ทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวถูกอ๋องน้อยกลบเกลื่อนด้วยการแกล้งโกรธ จะให้บอกความจริงนั้นมันช่าง....

   “ไม่ใช่เที้ยนหยวน ไม่ใช่อย่างนั้น ขอเพียงแค่เจ้ากลับมาอยู่กับพี่ก็เพียงพอแล้ว พี่ไม่ได้ต้องการสิ่งอื่นเลย อย่าพูดว่าจะไม่ไปจากพี่อีกเลย” ฮ่องเต้หนุ่มรีบรับสั่งอย่างรวดเร็ว โอบกอดร่างเล็กไว้แน่นดุจดังหวาดกลัวว่าจะเสียผู้เป็นดวงใจไปอีกครั้ง

   สุรเสียงกระวนกระวายทำให้อ๋องน้อยรู้สึกผิดที่ขู่ขวัญจนพญามังกรหวาดกลัว และมั่นใจว่านี้อาจเป็นเพียงเรื่องที่เดียวในใต้หล้าที่ทำให้มังกรผู้ยิ่งใหญ่เป็นเช่นนี้ได้ “ถ้าท่านอยากรู้จริงๆ ข้าจะบอกก็ได้”

   “ข้าหน่ะ เป็นเพียงแค่อ๋องปลายแถว ไม่ใช่องค์หญิงที่ต้องทนเก็บทุกอย่าง ไม่ใช่องค์ชายที่ต้องถือ
เกรียติยศให้ลำบาก ข้าเป็นแค่คนที่เอาแต่ใจ  ยามที่ข้าทุกข์ก็สามารถป่าวประกาศให้คนได้รู้ทั่ว แล้วเรื่องอะไรที่จะข้าต้องทนเจ็บอยู่แบบนั้น สู่ลอบเข้ามาหาท่านไม่ดีกว่าหรือ หากพลาดถูกทหารจับได้ ข้าก็ไม่มีอะไรต้องเสีย แต่หากข้าไม่มีท่านเคียงข้าง สิ่งที่ข้าต้องเสียก็คือหัวใจ ความรัก และความสุขชั่วชีวิต เป็นท่าน ท่านจะยอมแลกหรือไม่”

   “เที้ยนหยวน ” ทรงพึมพำชื่อร่างในอ้อมพระอุระด้วยความตื้นตัน น้ำพระเนตรไหลลงมาอย่างช้าๆ “ขอบคุณ ขอบคุณเจ้ามาก พี่รักเจ้านะเที้ยนหยวน สัญญาว่าจากนี้จะไม่มีวันที่เจ้าจะโดดเดี่ยว จะไม่มีวันที่เจ้าต้องเสียความรัก และความสุขไป”

   “ข้าก็รักท่าน รักทั้งที่ก็รู้ว่าคงไม่มีหวังได้ครอบครองท่าน ไม่มีวันได้อยู่กับท่านไปตลอด ข้า~”

   นิ้วพระหัตถ์ปิดลงที่ริมฝีปากอิ่ม ไม่ให้พูดอะไรออกมาได้อีก “อย่าพูดเช่นนั้นเที้ยนหยวน พี่บอกเจ้าแล้วว่าจะไม่ปล่อยเจ้าไปอยู่ที่ใด แลจะมีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น เชื่อพี่ อยู่กับพี่ที่นี้”

   “จะได้อย่างไร อีกไม่นานท่านก็มีนางสนม มีฮองเฮา แล้วท่านจะเอาข้าไว้ที่ใดกัน แค่ท่านรักข้า เท่าที่ก็มาเพียงพอแล้ว” ร่างเล็กยกเอาความจริงที่ไม่อาจแสร้งลืมเลือนได้ มาเตือนพระสติของฮ่องเต้หนุ่ม

   “ ไม่ พี่จะไม่มีใคร อยู่กับพี่ได้โปรด เจ้าได้โปรดฟังคำร้องขอจากฮ่องเต้ผู้ที่รักเจ้าด้วย ห้ามคิดอะไรแบบนั้นอีกรู้ไหม” พระพักตร์คมซุกที่แผ่นอกบาง รั้งเอวเล็กไว้แน่น ไม่อาจปล่อยไปให้หลุดมือได้อีกแล้ว

   “ได้อย่างไร ข้าไม่ใช่องค์หญิงหรือสาวงามที่จะได้อยู่กับท่านโดยไม่มีใครครหา แล้วไหนจะรัชทายาทที่อย่างไรข้าก็ไม่มีวันมอบให้แก่ท่านได้ พวกขุนนางไม่มีวันยอมแน่” มือเล็กลูบปฤษฎางค์กว้างอย่างปลอบโยน ลมหายใจถูกถอนออกมาแผ่วเบา

   “เจ้าอย่ากังวลเรื่องพวกนั้นเลย พี่มีวิธีที่จะทำให้เจ้าได้อยู่กับพี่ไปตลอดแน่ๆ ส่วนเรื่องรัชทายาท ก็แล้วแต่สวรรค์จะทรงโปรดเถิด วันนี้เจ้าอยู่ในตำหนักรอพี่ก่อนได้ไหม อย่าคิดหนีออกไปอีก จะได้ไหม” พระพักตร์คมจ้องมองร่างเล็กอย่างขอร้อง

   “แม้แต่จะออกไปหาอี้หลงที่หนึ่ง ที่สองก็ไม่ได้หรอ” อ๋องน้อยร้องถามผู้ทำองค์เป็นเก้าอี้ให้ได้นั่งรอง

   “ไปได้ แต่เจ้าต้องกลับมารอพี่ที่นี้นะเที้ยนหยวน ” แม้นจะมีปัญหามากมายสักเพียงใด แต่สิ่งเดียวที่พระองค์หวาดหวั่นในยามนี้ คือการเสียน้องน้อยไป

   สุรเสียงขุ่นที่บอกให้ผู้ฟังรับรู้ได้ว่าพระองค์ทรงหนักใจเพียงใด ทำให้ร่างเล็กพยักหน้ายอมรับอย่างง่ายดาย....เพื่อให้พระองค์ได้เบาใจ

   พระพักตร์ฉายรอยแย้มพระโอษฐ์อ่อนๆ “ขอบใจเจ้ามากนะเที้ยนหยวน เชื่อมั่นในรักของเรา แล้วทุกอย่างจะดีเองนะ คนดีของพี่” ขมับเล็กของน้องน้อยถูกพระองค์ตราประทับด้วยความรักล้นหทัย

   บรรยากาศในห้องบรรทมต่อจากนั้นมีแต่เรื่องสนุกสนามที่ปากอิ่มช่างเล่าสรรหามาเพื่อปัดเป่าเรื่อทุกข์ในใจให้จางหายไป มีบ้างที่ปากอิ่มถูกหยุดคำพูดด้วยพรโอษฐ์ร้อนกับสัมผัสแสนหวาน และกว่าที่มื้ออาหารจะผ่านพ้นไป จากปากอิ่มก็กลายเป็นปากบวมช้ำไปเสียแล้ว

   “รอพี่ที่นี้นะเที้ยนหยวน อย่าพึ่งออกไปซนที่ไหน พี่ไปประชุมกับพวกขุนนางแล้วจะรีบกลับมาหาเจ้า” ก่อนดำเนินออกจากห้องทรงไม่ลืมที่จะสั่งน้องน้อยอีกครั้ง ด้วยความกลัวเหลือเกินว่ากลับมาแล้วจะไม่เจอคนผู้นี้อีก

   “ท่านทำให้ปากข้าเป็นแบบนี้แล้วจะหนีไปไหนอีก ใครเห็นก็คงหัวเราะข้ากันไปหมด” เสียงอู้อี้ลอดผ่านมือเล็กที่กุมปากตนเองเอาไว้ สายตามองค้อนฮ่องเต้หนุ่ม

   “ก็ดีแล้ว แล้วพี่จะรีบกลับมานะ” ฮ่องเต้หนุ่มจุมพิตบนเรือนผมนุ่มอย่างเอ็นดูแล้วเสด็จออกจากห้องบรรทม เพื่อออกไปสู้รบกับเหล่าขุนนาง เพื่อความรักของพระองค์

 * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ร่างเล็กนั่งรอเงียบๆอย่างเหงาๆอยู่ในตำหนัก แม้แต่ขันทีประจำตำหนักก็ยังไม่เข้าคุย จะเดินเข้าไปหา อีกฝ่ายก็เอาแต่ ก้มหน้าก้มตา ผิดแปลกไปกว่าทุกครั้ง   

   “นี้อู่กงกง เจ้าเป็นอะไร ข้าคุยด้วยก็ไม่ยอมมองหน้า หรือว่าเจ้าไม่ชอบใจที่ข้ากลับมาที่นี้อีก” เมื่อสิ้นความอดทน ร่างเล็กที่ปากเริ่มหายเจ่อบวมก็เดินตามขันทีแสนเหี่ยว ดุจดังเป็นเงา ร้องเรียกคำตอบแก้ข้อสงสัย

   “เปล่า....ข้า..เมื่อคืน..คือ” แม้จะผ่านโลกมามากกว่า หากว่าสิ่งเมื่อคืนก็ทำให้ผู้ไร้ประสบการณ์เขินอาย ยังคงไม่กล้าสบสายตากลมโตคู่ตรงหน้า

   ....ก็ใครจะคิดว่า คนแบบนี้ จะส่งเสียงได้หวานรัญจวนถึงเพียงนั้น

   แล้วใครจะคิดบ้างว่า ฮ่องเต้ผู้ทรงนิ่งขรึมจะทรงมีท่วงท่าในความรักที่ลึกล้ำ อย่างที่เงาฉายให้เห็น

   “เจ้า เมื่อคืนทำไม บอกข้ามานะอู่กงกง” อ๋องเที้ยนหยวน ที่ยังคงไม่รู้เรื่อง เดินมาดักขวางหน้าขันทีตัวบางอย่างสงสัย น้ำเสียงคาดคั้นให้พูดความจริง

   “ข้า...” แค่เผลอเงยหน้าขึ้นมอง อู่กงกงก็ต้องก้มหลบอีกครั้ง เมื่อสายตาซอกซอนเข้าไปเห็นผิวเนื้อขาวที่มีรอยแดงแต่งแต้มอย่างสวยงาม

   “เจ้าทำไม ก็พูดมาสิ ไม่พูดข้าก็ไม่รู้หรอกนะ หรือเจ้าหลงรักข้าเข้าแล้ว ยากหน่อยนะอู่กงกง เพราะเจ้าเองก็ไม่ใช่ขันทีน้อยๆที่ข้าพอจะปันใจให้ได้ อีกอย่างองค์ฮ่องเต้คงกริ้วแน่ ถ้ารู้ว่าเราจะลักลอบคบหากัน”อ๋องน้อยตีความท่าทางของขันทีเฒ่าได้อย่างน่ากลัว

   “ท่านคิดอะไรของท่านหน่ะ ท่านอ๋อง ที่ข้าเป็นอย่างนี้ก็เพราะท่านกับฮ่องเต้นั่นแหล่ะ ทำอะไรกัน รู้ไหมว่าเสียงมันดังลอดออกมาข้างนอก ไฟตะเกียงที่ยังไม่ดับมันก็ฉายเงาออกมา เป็นท่าน ท่านไม่เขินหรืออย่างไร” เพราะไม่อาจรับความคิดของอ๋องน้อยดวงใจของฮ่องเต้หนุ่มได้ ทำให้ขันทีเฒ่าเผลอหลุดปากออกมา พร้อมความรู้สึกของตนเอง “ข้าหน่ะ เรื่องพวกนี้ก็ไม่เคย แล้วได้มาเห็นพวกท่านสองคน รู้ไหมว่าช่างน่าตกใจเสียยิ่งกว่าอะไร เมื่อคืนข้าก็นอนไม่หลับ เพราะเสียงที่ท่านร้องออกมามันดังก้องในหูข้า”

   ดวงตาที่โตอยู่แล้ว ยิ่งเบิกกว้างขึ้น ปากเล็กๆอ้าออกจากกัน ปล่อยให้ขันทีเฒ่าเดินผ่านไปอย่างตกตะลึง ใบหน้าเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นแดงจัด และขาวซีดสลับกันไป ขาเล็กๆพาก้าวกลับห้องบรรทมโดยไม่รู้ตัว

   มีคนเห็น...มีคนได้ยิน....แล้วจะเอาหน้าที่ไหนไปมองได้เล่า?

   ท่านต้องรับผิดชอบ

   ร่างบางนั่งนิ่งวิตกจริตคนเดียวอยู่ในห้อง หากไม่ได้ให้สัญญา ป่านนี้อาจลอบกลับวังทู่หลงไปแล้วก็เป็นได้ และทันทีที่ได้เห็น ขันทีเฒ่าเข้ามาเพื่อยกสำรับมาให้ จากที่เคยตามตื้อกลายเป็นต้องหลบหน้า ไม่กล้าออกไปไหน รอคอยให้ผู้เป็นเจ้าของตำหนักกลับมา

   เสียงฝีเท้าที่คุ้นหู เรียกให้ร่างเล็กที่เอาแต่อยู่ในห้อง เงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่อยู่ในห้อง รอคอยอย่างคาดหวังให้คนที่เดินเข้ามาคือผู้เป็นเจ้าของห้อง

   “ว่าอย่างไรเที้ยนหยวน เป็นอะไรไปหืมม์ เห็นอู่กงกงบอกว่าไม่ยอมออกไปกินข้าวข้างนอก ต้องยกขึ้นมาให้ข้างใน ไม่สบายหรือเปล่า หรือว่าเมื่อคืนเจ้า...”

   “หยุดเลยนะ อย่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนอีก” ร่างเล็กรีบถลากายลงมาใช้มือปิดพระโอษฐ์เอาไว้ในทันที

   “เกิดอะไรขึ้นกันเที้ยนหยวน ” แม้จะไม่เข้าพระทัยมากนัก แต่แค่เห็นน้องน้อยยังอยู่ก็ทำให้ทรงดีพระทัยมากพอแล้ว จับมือเล็กมา ขึ้นจรดริมฝีปาก พาไปนั่งยังตั่งกว้างใกล้หน้าต่าง

   “ก็ที่ท่านกับข้า...เมื่อคืนหน่ะ” ร่างเล็กเว้นช่วงคำ ด้วยความเขินอาย ก้มหน้าจนคางเล็กเกือบชิดกับแผ่นอกของตนเอง “ขันทีเหี่ยว...”

   “อู่กงกง เป็นขันทีประจำตำหนัก อายุก็มากกว่าเจ้านะเที้ยนหยวน ” ทรงเอ็ดน้องน้อยเรื่องการเรียกขานขันทีเฒ่าอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่สมควร แม้จะเป็นดวงหทัยของพระองค์ ก็ใช่ว่าจะเรียกใครอย่างไรก็ได้

   “นั่นแหล่ะๆ เขา...เดินผ่านหน้าระเบียง ตอนนั้นแล้ว....โอ้ย ท่านต้องรับผิดชอบนะ ข้าจะไปมีหน้ามองใครต่อใครได้อย่างไรเล่า”

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงนิ่งฟังถ้อยคำที่ไม่ปะติดปะต่อ หากก็พอเข้าใจได้ ก่อนทรงพระสรวลก้อง “เจ้าก็ไม่ต้องมองใครสิ มองแค่พี่คนเดียวก็พอแล้ว ส่วนให้พี่รับผิดชอบหน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ไม่ปล่อยให้เจ้าเสียหายแน่ๆ”

   “ท่านจะทำเช่นไร จะไปพูดกับอู่กงกงใช่ไหม ว่าไม่ใช่แบบที่เขาเข้าใจหน่ะ ใช่ไหม” ประกายตาใสเกิดขึ้นในดวงตากลมทันทีด้วยความดีใจ ถึงที่คนอื่นเข้าใจจะเป็นเรื่องจริง แต่ก็ใช่ว่าอยากให้รู้กันทั่วเสียหน่อย

   หากเรื่องนี้แพร่ออกไปนอกวังหลวง..ชื่อเสียงของอ๋องเที้ยนหยวน ก็คงหมดกันในคราวนี้

   “จะพูดแบบนั้นก็เป็นการโป้ปดสิ ให้เข้าใจถูกหน่ะดีแล้ว คนจะได้รู้กันทั่วว่าเจ้าเป็นของพี่” ทรงไหวองค์หลบการโจมตีของมือในฉับพลัน แล้วคว้ากอบกุมไว้แน่น โอบร่างเล็กเข้ามา ไม่ให้ดิ้นหนี รับสั่งด้วยพระพักตร์เปี่ยมสุข “พี่คุยกับท่านราชครูแล้ว อีกสองสามวันจะออกราชโองการ แต่งตั้งเจ้าให้ควบคุมกรมอาลักษณ์ มีตำแหน่งที่ชัดเจน อยู่ในวัง เห็นไหมว่าพี่รับผิดชอบเจ้าไม่ปล่อยให้เสียหาย แล้วจะกลัวอะไรกับแค่มีคนมาเห็นว่าเจ้ากำลังถวายงานให้พี่”
 
   “ไม่ ท่านไม่เข้าใจข้าเลย แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากดูแลกรมอาลักษณ์ด้วย มีแต่พวกอาลักษณ์แก่ๆ พูดไม่รู้เรื่อง ไม่เจริญหูเจริญตาเอาเสียเลย ให้ข้าดูแลพวกนางกำนัล หรือขันทีใหม่ก็ได้ แต่ไม่เอากรมอาลักษณ์” เสียงใสออดอ้อน ใบหน้าหวานบึ้งตึงกับตำแหน่งที่ได้รับ

   “ไม่ได้!” สุรเสียงทุ้มดุ แสนเด็ดขาดในพระราชอำนาจ ทอดเนตรน้องน้อยอย่างไม่พอพระทัย แค่เพียงมองตากลมใสก็รู้แล้วนิสัยเสียยังอยู่ครบ แม้บัดนี้จะมีสวามีเช่นพระองค์แล้วก็ตาม “พี่ให้เจ้าอยู่กรมอาลักษณ์ก็ดีแล้ว ให้อู่กงกงมาเห็นก็สมควรแล้ว ต่อไปจะดูสิว่ามีใครกล้ายุ่งกับเจ้ากัน แล้วอย่าหวังว่าจะได้เกี้ยวนางกำนัลหรือขันทีใหม่อีกเลยเที้ยนหยวน ใครมันกล้ามาให้เจ้าเชยชม พี่จะตัดหัวมัน”

   “โหดร้าย ทรงเป็นฮ่องเต้ที่โหดร้ายที่สุด คอยดูว่าข้าจะออกไปหาสา..”

   ฮ่องเต้หนุ่มไม่ทรงรอให้น้องน้อยช่างพูดได้พูดจบ เมื่อทรงปิดปากเล็กนั่นเสีย ก่อนทรงอุ้มไปวางบนแท่นบรรทมนุ่ม ยุติการโต้เถียงเอาแต่ใจ และกว่าที่อ๋องน้อยจะรู้สึกตนอีกครั้ง จากคำพูดก็หลงเหลือเพียงเสียงครางหวานให้คนที่ตั้งใจเข้ามาร้องเรียกต้องขนลุกซู่ และฝันร้ายไปอีกคืน

   ชะตากรรมของขันทีเฒ่า ช่างน่าสงสารยิ่งนัก...แต่ก็ดีแล้ว ที่ฮ่องเต้องค์เดิมกลับมาแล้ว ไม่ใช่เพียงหุ่นในชุดคลุมมังกรเฉกเช่นอาทิตย์ที่ผ่านมา

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ราชโองการแต่งตั้งอ๋องน้อยเที้ยนหยวน ให้เป็นผู้ควบคุมกรมอาลักษณ์มีขึ้นหลังจากนั้นเพียงสองวัน ของใช้จากวังทู่หงถูกย้ายเข้ามาในวังหลวง ตำหนักส่วนพระองค์ฮ่องเต้ แม้จะมีเสียงคัดค้านจากขุนนางหัวเก่าบางคน แต่นั่นก็เงียบหายไปในเวลาไม่นาน

   ในเช้าวันหนึ่งทีอากาศแสนปลอดโปร่ง ร่างเล็กตื่นขึ้นมาในอ้อมพระพาหาเฉกเช่นทุกวันที่ผ่านมา มีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่าง...เปลือกพระเนตรยังคงปิดสนิท

   ใบหน้าหวานยิ้มกว้าง นิ้วเรียวไล้จากพระนลาฏกว้างสู่พระนาสิกโด่ง หยุดที่พระโอษฐ์ได้รูป ความทรงจำแสนหวาน จากฝีพระโอษฐ์นี้เรียกให้ดวงหน้าเล็กแดงกล่ำ ก่อนใช้กลีบปากตนเองปิดลงที่ฝีพระโอษฐ์อย่างแผ่วเบา แล้วพึมพำอยู่ไม่ห่าง “ ข้ารักท่านที่สุด ท่านพี่อี้หลง”

   “พี่ก็รักเจ้า น้องน้อยของพี่” พระเนตรเปิดกว้าง ยิ้มรับคำบอกรักแสนหวานในเช้าที่แสนดี กอดกระชับร่างเล็กเข้าแนบพระอุระ ฮ่องเต้หนุ่มบรรจงมอบความหวานล้ำให้แก่อ๋องเที้ยนหยวน หวังว่าในสักวัน ความรักที่พระองค์ประทานให้ จะทำให้อ๋องผู้นี้เปลี่ยนแปลงนิสัย เลิกหาความสำราญกับสาวงาม หรือขันทีน้อยอีก แต่ไม่ว่าจะกี่นิสัย กี่อุปสรรคขวากหนาม พระองค์ไม่เคยหวาดหวั่น ขอเพียงสิ่งเดียว ให้ความรักนี้คงอยู่ตราบเท่าพระชนม์ชีพ ได้เคียงคู่กันไปแบบนี้

   ใครจะเชื่อกัน ว่าเพียงแค่สามเดือน ได้เปลี่ยนแปลงหัวใจสองดวงที่เคยเงียบเหงา ให้เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขอย่างลึกซึ้ง

   ใครจะเชื่อกันว่า ฮ่องเต้ผู้ทรงนิ่งขรึม มียศสูงส่งจะหลงรักอ๋องน้องผู้ไม่ได้เรื่อง

   แล้วใครจะเชื่อกัน อ๋องน้อยที่เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ จะมอบหัวใจให้แก่ฮ่องเต้หนุ่มแสนดุ

   แต่มันก็เป็นไป เพียงแค่ทั้งสองมีใจที่รักมั่นต่อกัน สิ่งใดก็หาสำคัญไม่ ต่อให้ยากเย็นเหลือแสน ทั้งสองก็จะผ่านพ้นไปด้วยกัน เพื่อท่าน เพื่อเจ้า...เพื่อรักของเรา
   
    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   สวัสดีคะ ตอนจบมาแล้ววววววววคะ ไอซ์มีความสามารถอย่างสูงเรื่องทำให้ตอนจบกลายเป็นตอนป่วง เพราะงั้น มันเลยดูป่วงไปหน่อย ขอโทษนะคะ ส่วนตอนพิเศษ มีอีกสองตอนคะ รออ่านนะคะ
   ส่วนเรื่องดองนั้นมัน... เท่าที่ดูจากการอัพฟิคแต่ละเรื่องแล้ว มันเป็นเช่นนั้นจริงจังคะ แต่จะพยายามทำให้ดีขึ้นนะคะ (กระซิบเบาๆว่าเรื่องหน้านั้น น่าจะม่าม่าท้องอืดเลยแหล่ะคะ)

   ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่20) 20/05/11 [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 20-05-2011 00:47:02
จิ้ม ^^
 :กอด1:
จบแล้ว ครองรักกันได้สักที ฮาด้วย
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่20) 20/05/11 [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 20-05-2011 01:20:56
ฮ่องเต้กับน้องน้อยหวานมาก :-[
สงสารขันทีเหี่ยวมากคงจะนอนไม่หลับไปหลายวัน :laugh:

หืมมมมมาม่าอีกแระเรื่องนี้ก็มาม่าเรื่องใหม่ก็จะมาม่าอีกเมื่อไหร่มาม่าจะขาดตลาด :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่20) 20/05/11 [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 20-05-2011 01:59:52
สนุกมากครับ   o13 o13


 :-[ :-[


ดีใจสุดๆ ที่ จบแฮปปี้    :o8:


ชอบเนื้อเรื่อง ชอบความยาวของแต่ละตอน (เยอะดี)   :กอด1:


รอตอนพิเศษครับ


 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่20) 20/05/11 [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 20-05-2011 02:13:39
จบลงด้วยดี สงสารกงกงจริงๆ ใจสั่นไปหมดแล้วนั่น อิอิ รอตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่20) 20/05/11 [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 20-05-2011 12:58:40
จบแล้วววววว
สนุกมากมาย
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่20) 20/05/11 [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 20-05-2011 13:12:57
สนุกมากเลยค่ะ อ่านจากชื่อเรื่องไม่นึกว่าเป็นแนวจีนนะเนี่ย

เขียนดี สำนวนดี เรื่องราวดีค่ะ ชอบๆ

ภ้ามีโอกาสก็เขียนมาอีกเยอะเน้ออออ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่20) 20/05/11 [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 20-05-2011 17:08:28
ป้าดด เข้ามาอีกทีจบแล้ว =[]=

+1 เลยเค๊อะ โฮะๆๆๆ ช่างเป็นคู่ที่น่ารัก หวานแหววเหลือเกินนน โฮกกก

สนุกมากค่ะ บางตอนอายเกินจะอ่านก็มี กรี้ด หวานโคตร
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ1) 20/05/11 [งอก]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 20-05-2011 21:29:22
ประลองรัก : งอก
   
   “นายครับ ตรงนั้นมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ ” เหล่านายทหารระดับล่างประจำประตูใหญ่แห่งวังหลวงชี้ชวนให้หัวหน้าเวรทหารมองไปยังความมืดที่พอมองเห็นว่ามีการเคลื่อนไหว

   “ไหน” หัวหน้าเวรทหารที่กำลังอ้าปากหาวกว้าง รีบหันไปยังทิศทางที่ลูกน้องร้องบอกให้ดูอย่างสงสัย “เฮ้ย! นั่นมันโจรนิหว่า ท่าทางจะเป็นโจรใหม่ แต่ลอบเข้าวังหลวงเลยรึ วันนี้มันไม่ตายดีแน่”

   ทหารยามกลุ่มหนึ่งย่องเข้าไปใกล้หมายสังหารผู้บุกรุกในชุดสีดำเข้ม หากแต่เมื่อเข้าไปใกล้กลับยิ่งตกใจ เมื่อใบหน้าที่โผล่ให้เห็นช่างดูคุ้นเคย “เดี๋ยว นั่นมัน ท่านอ๋องเที้ยนหยวนนี้หว่า ทำไมหลบเข้ามาแบบนี้ แกไปแจ้งท่านฮวางหูเร็วว่าจะให้ทำเช่นไร ข้าจะเฝ้าไว้ก่อน”

   เพียงไม่นานที่วิ่งไป ก็รีบวิ่งกลับมาอีกครั้ง อย่างรวดเร็ว รายงานให้หัวทราบอย่างเหนื่อยหอบ “มีคำสั่งจากท่านฮวางหูให้ปล่อยเข้าไปขอรับ และหากท่านอ๋องได้รับอันตรายจะเอ่อ..สั่งลงโทษยกกองขอรับ”

   “แปลก ถ้าเช่นนั้นเจ้ารีบวิ่งไปบอกทหารเวรประจำตำแหน่งอื่นๆด้วยว่าให้จับตาท่านอ๋องไว้ให้ดี อย่าให้เกิดการปะทะได้ ฝีมือระดับท่านอ๋อง แม้แต่มีดที่ถืออยู่ในมือก็ทำอันตรายตัวเองได้ เข้าใจไหม” หัวหน้าเวรทหาร หันมาสั่งลูกน้องอีกหนึ่งคนให้รีบกระจายอย่างทั่วถึง ทั้งป้องกันตนเอง และป้องกันตัวท่านอ๋องด้วย

   ทหารที่ยืนประจำการอยู่ตามระเบียงมุ่งสู่ราชฐานส่วนพระองค์ ล้วนจับสายตาอยู่ที่ร่างบางในชุดมืด ที่ปลอมตัวเข้าได้อย่างไม่แนบเนียนที่สุด ยามเห็นใบหน้าผินมอง ก็ต้องทำเบี่ยงสายตาไปยังมุมอื่น เพื่อไม่ให้ร่างเล็กรู้ตัว

   “เราจะทำอะไรไม่ให้ท่านอ๋องรู้ตัวว่ากำลังถูกจับตามองอยู่” เสียงของทหารที่เฝ้าทางเดินช่วงสุดท้ายก่อนถึงราชฐานส่วนพระองค์ หารือกันแผ่วเบาก่อนที่ผู้บุกรุกจะมาถึง

   “เราก็ทำทีผิงไฟ จับกลุ่มพูดคุยกันเสียสิ ดีไหม ท่านอ๋องจะได้ไม่สงสัยมากนัก แล้วผ่านเข้าไปในเขตตำหนักส่วนพระองค์เสียที ไม่ต้องมาย่องๆ ก้มๆเงยๆ ให้ชักช้าเสียเวลาแบบที่ระเบียงฝากตะวันออก เห็นกว่าจะผ่านมาได้ ต้องยืนกันตัวแข็ง ไม่หันหน้าไปมองเลยเชียวแหล่ะ”

   “ท่านอ๋องช้าขนาดนั่นเลยหรือ” ทหารเวรนึกสงสารเพื่อนร่วมอาชีพที่ต้องยืนตัวแข็งไม่ให้ผู้บุกรุกได้รู้ว่าตนเองมองเห็น

   “ก็เออสิวะ แกว่าท่านอ๋องสามารถแค่ไหนเชียว รีบๆเข้าเถอะ ถ้ามาแล้วจะไม่ทันการ ได้เมื่อยเป็นเพื่อนพวกระเบียงตะวันออกแน่”

   จากคำขู่ทำให้นายทหารรีบก่อกองเพลิง รุมกันเข้าไปผิงไฟขับไล่ความหนาวเย็น สรรหาเรื่องมาพูดคุยกันอย่างเอิกเกริก หากแต่สายตาคอยจับจ้องอยู่ที่ร่างเพรียวบาง นับแต่ย่างก้าวแรกที่เข้าในพื้นที่รับผิดชอบ

   “ใกล้ถึงตำหนักแล้วเว้ย  อีกนิด นั่นแหล่ะๆ  ไม่ต้องมอง เฮ้ยมองาทางนี้แล้ว” ในหมู่นายทหารที่ได้รับหน้าทีให้จับตาดูแทนเพื่อนคนอื่น รีบกระซิบบอก ให้เบือนหน้าไปยังทิศทางที่ไร้ร่างผู้บุกรุก

   “เข้าไปในตำหนัก ท่านอ๋องเข้าไปแล้ว โล่งเสียที ทำไมวะ เป็นอ๋องอยู่ที่วังทู่หลงไม่ชอบ อยากเป็นนักโทษบุกวังหลวงหรืออย่างไร”  หนึ่งในนายทหารบ่นขึ้นอย่างสงสัยในความคิดของอ๋องปลายแถวที่ฮ่องเต้ให้การเอ็นดู

   “เห็นพวกนางในลือกันว่า อ๋องผู้นี้เจ้าชู้นัก ไม่รู้ลอบเข้ามาให้นางกำนัลคนไหนหรือเปล่า หรือว่ายังคิดจะแย่งชิง เฉียนกุ้ยจากท่านฮวางหูอยู่อีก เลยจะบุกเข้ามาลักพาตัวไป”

   “ไม่หรอกมั้ง ก็รู้อยู่ท่านฮวางหูรักเฉียนกุ้ยเพียงใด แล้วฝีมือท่านอ๋องหรือจะสู้ท่านฮวางหูของพวกเราได้” พวกเหล่าทหารพากันออกความเห็นเข้าข้างนายใหญ่ของตน โดยลืมไปแล้วว่า เฉียนกุ้ยไม่ได้อยู่ที่ตำหนักส่วนพระองค์อีกแล้ว หากจะลักพาตัวเฉียนกุ้ยจริง ใยจึงมาที่นี้

   “นั่นสิ ที่ชนะฮ่องเต้ได้วันนั้นก็เพราะทรงรำคาญอ๋องผู้นี้มากกว่า จนไม่อยากเก็บไว้ใกล้พระองค์ให้รำคาญพระเนตรพระกรรณ ข้าว่านะ งานนี้ท่านฮวางหูได้เตรียมเชือดนิ่มๆอยู่ข้างในแน่เลย” อีกหนึ่งออกความเห็นอย่างรู้ดี กะการล่วงหน้าไว้เสร็จสรรพ

   “เฮ้ย จะทำไรต้องเกรงใจท่านฮ่องเต้หน่อยหล่ะ ข้าว่าข้างไหนคงมีคุยกันยาว ก็ไม่รู้ว่าเฉียนกุ้ยจะเลือกใคร ท่านฮวางหู หรือท่านอ๋อง เป็นแกจะเลือกใคร”

   “เป็นข้า ก็เลือกท่านฮวางหูนายเรานั่นแหล่ะ รักเดียวใจเดียวไม่เคยมีใคร ไม่เหมือนท่านอ๋องใครเผลอไปรักได้ช้ำใจตายแน่ ว่าไปก็อิจฉาเฉียนกุ้ย”

   “นั่นสิว่ะ อย่างพวกเรามันก็ต้องเฝ้าอย่างนี้ไปตลอดชาติ คงไม่มีหวังได้ขุนนางใหญ่โตที่ไหนมาถูกใจ ตั้งใจทำงานดีกว่า เลิกคิดได้แล้ว”

   เหล่านายทหารพากนกลับไปยืนประจำตำแหน่งอีกครั้ง คอยเฝ้าระวังผู้บุกรุกที่แสนอันตรายจะลอบเข้ามา แต่หารู้ไม่ว่า เหตุการณ์ในตำหนักส่วนพระองค์ช่างต่างจากที่คิดไว้มากนัก

   ฮ่องเต้พระองค์นี้หรือ จะรำคาญท่านอ๋อง

   คิดจริงหรือว่า เฉียนกุ้ยจะเป็นผู้ครอบครองดวงใจท่านอ๋อง จนต้องลักลอบเข้าวัง

   แล้วคิดได้อย่างไรว่า หัวหน้าองค์รักษ์จะหาญกล้าเชือดนิ่มดวงหทัยฮ่องเต้

   เหล่าทหารเวร ยังคงเป็นทหารเวร ที่ต้องตกตะลึงกับข่าวใหม่ที่เกิดขึ้นในวังหลวง

   อ๋องผู้นี้แหล่ะ....ผู้เป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีคะ ตอนพิเศLมาแล้วววววววว แต่หาความหวานไม่มี มีแต่ ความสามารถ(อันมากล้น)ของท่านอ๋อง พรุ่งนี้ ตอนพิเศษตอนสุดท้ายแล้วหล่ะคะ

ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ1) 20/05/11 [งอก]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 20-05-2011 21:42:01
อยากอ่านแบบ 10 ปีผ่านไปบ้างจัง

ปล.ตอนนี้น่าจะตั้งชื่อตอนว่า ความพยายามของท่านอ๋อง แลัความซวยของทหารฮ่องเต้555
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ1) 20/05/11 [งอก]
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 20-05-2011 21:49:33
โอ๊ยทำไปได้เน้อ มีแต่เค้าจับตาดูป้องกันโจร นี่ต้องจับตาดูโจรให้ย่องเข้าไปได้ 555+  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ1) 20/05/11 [งอก]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 21-05-2011 18:21:43
ทำไปได้  5555+
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ1) 20/05/11 [งอก]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 21-05-2011 18:50:24
 :m20: :m20:

555+
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 20/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 22-05-2011 00:18:26
 ประลองรัก : เมารัก

   ในยามบ่ายดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำ ฮ่องเต้ที่พึ่งเสด็จกลับจากเยี่ยมราษฎรพบร่างเล็กนั่งเท้าแขนอยู่หน้าตำหนักส่วนพระองค์ ใบหน้าหวานดูเบื่อหน่ายยิ่งนัก
   
   “เป็นอะไรไปเที้ยนหยวน ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้” พระองค์ทรงประทับเคียงข้างร่างเล็กที่ขั้นบันได รั้งหัวกลมทุยให้เอียงซบพระอังสา พระพักตร์แสดงความห่วงหาอาทร
   
   “ข้าเบื่อ” เสียงเล็กเปรยออกมาอย่างเบื่อหน่าย ทิ้งกายลงกับพระอังสา ใบหน้ายับยู่เข้าหากัน พลางเหลียวมองฮ่องเต้หนุ่ม “ท่านใส่ชุดมังกรแล้วมานั่งที่พื้นอย่างนี้ได้หรือ ใครมาเห็นเข้าจะว่าไม่เหมาะสมเอาได้”
   
   พระโอษฐ์แย้มออกกับคำพูดของน้องน้อย ถามถึงความเหมาะสม แต่ใครกันที่ทิ้งตัวมาจนไม่อาจลุกขึ้นได้ “เบื่ออะไรเที้ยนหยวน พี่ก็เห็นเจ้าเล่นไปมาอยู่ทุกวัน”
   
   “ก็เบื่อ ที่กรมอาลักษณ์ก็มีแต่พวกชรา ไม่ก็พวกคงแก่เรียน ไม่เหมือนทางโรงฝึกขันทีใหม่ ส่วนเจ้าอี้หลงที่หนึ่งที่สอง ก็ไม่ค่อยจะยอมเล่นกับข้า วันๆเอาแต่กินกับนอน ข้าก็เบื่อสิ ท่านเองก็เอาแต่ยุ่ง” เสียงหวานเปรยออกมาอย่างทุกข์ใจ เรียกความเอ็นดูจากฮ่องเต้หนุ่ม จนต้องยกพระหัตถ์ลูบหัวเล็ก
   
   “พี่ขอโทษ ช่วงนี้ฝนแล้ง ชาวนามีปัญหากันมาก พี่ก็ต้องยุ่งหน่อย เจ้าอยากทำอะไรหล่ะ หรืออยากได้อี้หลงที่สามเพิ่ม เอาไหมคนดี” ฮ่องเต้หนุ่มถามอย่างพระทัยดี สิ่งใดที่เป็นความต้องการของน้องน้อย พระองค์พร้อมให้ได้เสมอ
   
   “ไม่หรอก แต่สิ่งที่ข้าอยากได้ ท่านจะให้จริงหรือ” เสียงหวานสดใสขึ้นทันทีเมื่อคิดถึงสิ่งที่จะทำให้หายเบื่อ
   
   รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของน้องน้อยทำให้พระองค์แอบนึกหวั่นพระทัยอยู่เงียบๆ ในคำตอบที่จะทรงได้ยิน “ก็เจ้าอยากได้อะไรเล่า หากว่าพี่ให้ได้ ก็จะให้”
   
   “ท่านให้ได้อยู่แล้ว เชื่อข้าเถอะ” ร่างเล็กยิ้มอย่างมั่นใจ เอนตัวขึ้นจากพระวรกายหนา หันหน้าเข้าหาพระพักตร์อย่างตั้งใจจับพระหัตถ์หนาเอาไว้แน่นดุจจะขอร้อง
   
   “ก็แล้วอะไรเล่าที่เจ้าอยากได้” ยังไม่ทันได้บอกสิ่งที่ปรารถนา เจ้าก็รบเร้าแล้ว ใครกันจะกล้าให้
   
   “ข้าอยู่ในวังมาเดือนกว่า ไม่ได้ออกไปไหนเลย ตั้งแต่ที่ลอบเข้ามาครั้งนั้น” ประโยคเริ่มต้นขึ้นอย่างน่าสงสารทั้งน้ำเสียงและหน้าตาที่ก้มหลบ “ข้าอยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้าง ได้หรือไม่”
   
   ดวงตากลมโตที่เงยสบขึ้นมาอย่างน่าสงสารเรียกทำให้พระทัยฮ่องเต้หนุ่มอ่อนยวบ จนต้องประทับจุมพิตลงบนขมับใส “โธ่ แค่นี้เองหรือเที้ยนหยวน เอาสิพี่จะให้ฮวางหูพาเจ้าออกไปเที่ยวเล่นในตลาดกลางเมืองพรุ่งนี้เสียก็ยังได้”
   
   “ใครว่าข้าอยากไปตลาดกับฮวางหูเล่า”
   
   กลีบปากอิ่มยื่นออกมาเสียจนน่าจุมพิต หากแต่ตรงนี้คือหน้าตำหนัก องค์อี้หลงจึงหักห้ามพระทัย ทำเพียงจับเบาๆที่กลีบปากอิ่มเท่านั้น “หรือเจ้าอยากไปทู่หลง” ใบหน้าหวานส่ายหวือไปมา อย่างรวดเร็ว จนพระองค์จนใจที่จะรู้ได้แล้ว “เช่นนั้นเจ้าอยากไปที่ใดเล่า”
   
   ในที่สุดคำถามที่รอคอยก็มาถึง...ใบหน้าหวานยิ้มอย่างมีชัย มานั่งที่หน้าตำหนัก ใช่ว่านั่งแก้เบื่อเสียที่ไหน เพื่อคำถามนี้ต่างหากเล่า “ข้าอยากไปหอโคมแดง”
   
   “ไม่!” สุรเสียงห้วนทรงตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด ก่อนละองค์ออกห่าง ลุกขึ้นดำเนินเข้าสู่ตำหนักส่วนพระองค์ ปล่อยร่างเล็กไว้ด้านหลัง
   
   ร่างเล็กรีบเดินตามวรกายสูงใหญ่เข้าไปในห้องบรรทม เห็นฮ่องเต้หนุ่มกำลังเปลี่ยนฉลององค์ก็รีบตรงเข้าไปช่วยอย่างเอาใจ แต่ผู้สูงศักดิ์กลับเบือนหน้าหนีไปอีกทาง “โธ! ท่าน ให้ข้าไปเถอะนะ นะ ข้าสัญญาว่าจะรีบกลับแล้วก็ไม่ค้างด้วย”
   
   “หากพี่ให้ออกไป เจ้าจะไม่ยุ่งกับหญิงพวกนั้นได้หรือไม่เที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มทรงถามน้องน้อยด้วยสุรเสียงแสนเรียบ

   “.........”    ร่างเล็กนิ่งงันไม่อาจตอบคำถามได้ ไปหอนางโลมมีหรือที่จะไม่ยุ่งกับสาวงามที่แสนยวนตา

   “พี่ไม่อยากให้มีผู้หญิงคนใดมาร้องเรียนว่าเมียพี่เป็นสามีและพ่อของเด็กในท้องนางหรอกนะเที้ยนหยวน”

   “ใครเป็นเมียท่านกัน” เสียงใสขึ้นจมูกอย่างแสนรั้น ดวงตาโตมองค้อนผู้ที่กล่าววาจานี้ออกมา ก่อนเดินหนีออกไปจากห้องอย่างแสนงอน
   
   ฮ่องเต้หนุ่มทอดมองกริยาแสนน่ารักของร่างบางก่อนส่ายพระพักตร์ไปมาอย่างเอื้อเอ็นดู หากแต่ไม่ทรงคิดตามไปง้อ ด้วยคิดว่าอีกไม่นานเมื่อหายงอแล้วก็คงกลับมาออดอ้อนพันเกี่ยวเฉกเช่นแมวน้อยเหมือนทุกครั้ง

   เมื่อได้เวลานางกำนัลห้องเครื่องที่มีหน้าที่ต้องมาจัดโต๊ะเสวยถวายองค์ฮ่องเต้ ต้องงุนงงเมื่อโต๊ะเสวยที่เธอรู้สึกได้ถึงความรัก ความอบอุ่น วันนี้กลับกลายเป็นความเงียบเหงาเมื่อผู้ร่วมโต๊ะต่างไม่มีวาจาใดต่อกัน และยิ่งอึมครึมเมื่อท่านอ๋องลุกจากไปโดยไม่รอฮ่องเต้เลยสักนิด

   “เจ้าเก็บโต๊ะเลยแล้วกัน” ฮ่องเต้หนุ่มหันไปรับสั่งกับนางกำนัลสาวที่หน้าซีดลงเรื่อยๆตั้งแต่ที่น้องน้อยจอมเอาแต่ใจของพระองค์ลุกไป

   เฮ้อ...เป็นเสียแบบนี้นะเที้ยนหยวน

   วรกายสูงตามหาร่างบางจนมาเจอคนแสนงอนยืนกอดตัวเองกันลมหนาวมองดูดาวอยู่หน้าตำหนักเพียงลำพัง พระพักตร์คมเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงทัย ดำเนินเข้าไปอย่างเงียบๆ แล้วรั้งร่างเล็กเข้ามากอดไว้จากด้านหลัง “เป็นอะไรเที้ยนหยวน โกรธพี่หรือ”

   “เปล่า ทำไมข้าต้องโกรธท่านด้วย” เสียงหวานตอบสะบัดห้วน ใบหน้าเอียงหนีไปทางอื่น

   “อย่างนั้นหรือ แล้วใครกันที่ตอนกินข้าวไม่ยอมพูดกับพี่หืมม์” ทรงฝังพระนาสิกลงกับแก้มนุ่ม รับสั่งอ่อนหวานเอาใจคนแสนงอน เห็นทีคงไม่แคล้วต้องตามใจเสียกระมัง “เจ้าอยากไปเที่ยวหอโคมแดงจริงหรือ”

   “หากข้าตอบว่าอยาก ท่านจะให้ข้าไปหรือ” เสียงหวานขึ้นสูงอย่างตัดพ้อ รู้ว่าอยากแล้วจะถามเพื่ออะไรอีก..เพื่อตอกย้ำว่าไม่มีทางได้ไปหรืออย่างไร

   “ถ้าพี่จะให้เจ้าไปหล่ะ”

   สุรเสียงแสนธรรมดาหากแต่ทำให้คนฟังดีใจจนอดกลั้นยิ้มไม่ได้ ต้องยอมปลดทิฐิไว้เบื้องหลังหันหน้ากลับมาสบพระเนตรคมที่เต็มไปด้วยประกายยั่วเย้า “ให้ข้าไปจริงๆหรือ”

   “จริงสิ” พระองค์ทรงคลายพระพาหาให้น้องน้อยไม่อึดอัดกับอ้อมกอดที่รัดแน่น ส่งรอยแย้มพระโอษฐ์ให้แก่ร่างที่อยู่เบื้องพระพักตร์ นัยน์ตากลมเปล่งประกายแข่งกับดวงดาวบนฝากฟ้า “แต่...พี่จะไปกับเจ้าด้วย”

   หัวใจที่พองโต กลับฟีบแฟบลงในทันที รอยยิ้มของชายสูงศักดิ์ตรงหน้าเปรียบเสมือนเข็มแหลมที่ทิ่มแทงความปรีดาเข้ามา....

   หากให้ชายผู้ศักดิ์ผู้นี้ไปด้วย คงไม่ต่างจากมีผู้คุมแสนเข้มงวด แต่หากจะไม่ให้ไป..ก็คงจะไม่มีหวังได้ออกไป

   “ก็ได้ แต่ท่านห้ามน้อยใจที่เหล่าสาวงามจะชอบข้ามากกว่าท่านนะ แล้วจะไปเมื่อไหร่ ”

   “พี่ไม่น้อยใจหรอก หากว่าเจ้าจะสนใจพี่มากกว่าพวกนาง แล้วเจ้าอยากไปเมื่อไหร่กันหละหืมม์” นิ้วพระหัตถ์คีบจับปลายจมูกเชิดอย่างเอ็นดู

   ดวงตาโตเป็นประกายกับคำถามเช่นนี้ คำตอบที่นึกได้โดยไม่ทันต้องคิดสิ่งได้ “คืนพรุ่งนี้ คืนพรุ่งนี้ได้ไหม”

   “ทำไมจะไม่ได้เล่า” ในเมื่อพระองค์ทรงยอมแล้ว ก็คงต้องยอมจนถึงที่สุด อย่างน้อยๆก็วางทัยได้ว่า ทุกอย่างจะอยู่ในสายพระเนตรของพระองค์ ต่อให้สาวงามล้อมร่างบางมากเพียงไร แต่พระองค์ก็จะอยู่ข้างกายน้องน้อยเสมอ

              * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   คุณชายหนุ่มร่างเพรียวบางในชุดแดงสด ใบหน้าหวานเสียยิ่งกว่าหญิงสาวในที่แห่งนี้เดินเข้าไปในหอโคมแดงด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตส่งประกายวิบวับให้เหล่าสาวงามได้เอียงอาย...ผิดกับอีกหนึ่งบุรุษที่เดินเข้ามาเคียงคู่กัน

   คุณชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ใบหน้านิ่งขรึมและเรียบเฉยแผ่รังสีที่แสนน่ากลัวทว่าน่าค้นหาจนเหล่าสาวสวยอดไม่ได้ที่จะชม้อยตาเชิญชวนและยั่วเยาอยู่ในที
   
   แม่เล้าแก่เหลียวมองคุณชายทั้งสองที่โดดเด่นท่ามกลายคุณชายอื่น รีบเดินมาหาที่โต๊ะหวังในลาภก้อนโตหากสาวน้อยสักคนของนางจะบริการคุณชายทั้งสองท่านในถูกใจ “ตายแล้ว คุณชายทั้งสองมาถึงทำไมเด็กๆไม่มาดูแลอีก ไม่ทราบว่า มีเด็กประจำหรือเปล่าค่ะ ฉันจะได้เรียกมาให้”

   “ชิงหมิง/ไม่มี”
   
   สองเสียงที่ตอบพร้อมกันหากแต่ด้วยคนละน้ำเสียง คนหนึ่งเอ่ยชื่อสาวงามด้วยเสียงแสนหวานและยินดีที่จะได้เจอ หากแต่อีกหนึ่งบุรุษที่มาด้วยกันกลับตอยอย่างไร้เยื่อใย ใบหน้าคมบอกชัดถึงความเบื่อหน่ายความวุ่นวาย

   “เออ..คุณชายค่ะตอนนี้ชิงหมิงไม่ว่าง คนอื่นก่อนได้ไหมค่ะ” เสียงแหลมสูงเอ่ยอย่างติดขัด มองหน้าชายหนุ่มผู้เงียบขรึมอย่างขัดใจ หน้าตาก็ดี...ท่าทางก็ดี....เสียแต่ว่าดูดุไปนิด

   “เที้ยนหยวนคนที่เจ้าอยากมาเจอก็ไม่ว่าง พี่ว่าเรากลับกันเถอะ” เสียงทุ้มบอกร่างเพรียวข้างกาย ประกายตายามใช้มองแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยน จนเหล่าสาวงามที่ไม่ได้เป็นเจ้าของความอ่อนโยนนี้อยากเร่งรี่เข้ามา

   “ไม่เอา ข้ายังไม่ได้เที่ยว ยังไม่ได้สนุกเลย เจ้าไปพาใครมาก็ได้ สักสามสี่คนให้ข้า แล้วก็...ท่านผู้นี้ด้วย” ดวงตาโตเหลียวมอง ’ท่านผู้นี้’ ก่อนยกยิ้มให้อย่างมีความสุข

   “ค่ะ เดี๋ยวฉันจะจัดมาให้รับรองเลยว่า งามไม่น้อยกว่าชิงหมิงแน่ๆ” หญิงแก่เดินจากไปเรียกเหล่าสาวงามที่ว่างเว้นให้มาดูแลคุณชายหนุ่ม....หากว่าตัวเธอไม่แก่เกินไป ก็อยากจะคอยดูแลคุณชายผู้เงียบขรึมคนนั้นด้วยตนเอง ให้หายเงียบและทำหน้าเบื่อหน่ายเช่นนั้นเลยทีเดียว

   “เอาหน่าท่าน อย่าทำหน้าแบบนั้น ข้าก็ไม่ได้บังคับให้มาด้วยเสียหน่อย แต่ว่าอย่าวิตกไปเดี๋ยวข้าจะแบ่งสาวงามให้สักคนสองคน แต่ถ้านางไม่อยากดูแลท่านข้าก็ช่วยไม่ได้นะ...เพราะคืนนี้หนะท่านมากับอ๋องเที้ยนหยวนเชียวนะ” ร่างเพรียวบางยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มั่นใจในเสน่ห์ที่ตนมี

   “คืนนี้พี่ก็แค่มากับอ๋องเที้ยนหยวน แต่ทุกคืนพี่ได้นอนกับน้องน้อยก็พอแล้ว...แล้วที่สำคัญพี่จะบอกเจ้าว่า กี่นางก็สู้เจ้าไม่ได้หรอกเที้ยนหยวน” คุณชายแสนขรึม หากแต่แววตากลับเรืองรองด้วยอ่อนหวาน กระซิบถ้อยคำแสนลึกล้ำให้ร่างเพรียวได้เขินอาย แสดงชั้นเชิงที่มากกว่า

   “ท่าน.....” ร่างเล็กอับจนด้วยคำพูด ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่อาจสรรหาคำใดมากล่าวต่อ ได้เพียงแค่รอเวลาให้สาวงามมาถึง เพื่อให้อีกฝ่ายประจักษ์ถึงเสน่ห์ที่มากกว่า

   “คุณชายทั้งสอง พวกเราขอคารวะ  ข้ามู่จื่อ น้องรองชิงชิง น้องสามอิงไถ และน้องสี่เสี่ยวเชี่ยน  โปรดเมตตาเราสี่พี่น้องด้วยค่ะคุณชาย” สาวงามทั้งสี่ก้มกายคารวะคุณชายทั้งสองอย่างชดช้อยน่ามอง

   “หญิงงามทั้งสี่ของเจ้าล้วนออกมาจากนิทานทั้งสิ้นเลยนะเที้ยนหยวน สองคนแรกก็งูขาว คนที่สามก็เหลี้ยงจู้ (ม่านประเพณี) คนเล็กก็เหลี่ยวจาย(โปเยฯ) ล้วนบ่งบอกว่าทั้งหมดหน่ะเจ้าทำได้เพียงเชยชม แต่ไม่มีหวังได้เชยชิมรู้ไหม คนดีของพี่” เสียงทุ้มสั่นกลั้นหัวเราะกระซิบบอกร่างเล็กอย่างนึกขำในชื่อสาวงามทั้งสี่
   
   “ท่าน....” ร่างเพรียวไม่มีโอกาสได้ต่อเถียงใดๆ เมื่อสาวน้อยแสนหวานนามว่าเสี่ยวเชี่ยนรินเหล้าจ่อให้ถึงกลีบปากเล็ก ตั้งใจจะยกคิ้วเย้ยร่างสูงด้านข้าง แต่กลายกลับเป็นต้องหน้าเสียเมื่อเห็นสามพี่น้องรุมประจบเอาใจคุณชายอี้หลงไปเสียแล้ว

   “ดื่มหน่อยนะค่ะ คุณชาย มู่จื่อรินให้แล้ว” เสียงใสออดอ้อนก้มหน้าหลบตาทำสะท้านเอียงอายต่อคุณชายรูปงาม “ดื่มของข้าด้วยสิค่ะ ชิงชิงก็รินให้ท่านแล้ว” สาวน้อยนามชิงชิง รอยยิ้มแสนสดใส รินเหล้าให้เอาใจแย่งกับพี่สาว

   “ข้าก็รินให้ท่านนะ ดื่มของข้าด้วยสิ” เสียงแสนงอนขึ้นจมูกของอิงไถเรียกสายตาคมดุให้ต้องหันไปมอง

   “ดื่มสิค่ะ ดื่มของข้าก่อน”

   “ของข้า ข้าเป็นพี่เจ้าสองคนนะ”

    ชายหนุ่มร่างสูงมองความวุ่นวายตรงหน้าอย่างแสนรำคาญใจ กลิ่นฉุนที่ทั้งสามนางประโคมใส่กันมาพาให้เวียนหัว ไม่เข้าใจน้องน้อยเลยจริงๆว่าเหตุใดจึงอยากมาที่นี้นัก “พอแล้ว เลิกเถียง ข้าจะดื่มมันทั้งหมดนี้แหล่ะ”

   สิ้นสุดคำพูดดั่งคำอนุญาต มือทั้งสามต่างแย่งยื้อกันจ่อจอกเล็กกับริมฝีปากของชายหนุ่ม ก่อนที่มือหนาต้องรับมาดื่มเองทีละจอก

   “รินให้ข้าอีก” เสียงขุ่นสั่งหญิงงามเพียงหนึ่งเดียวที่ดูแลตนเองอยู่อย่างโมโห หลังจากที่กระแทกจอกเหล้าเล็กลงกับโต๊ะ

   “ค่ะ....” เสี่ยวเชี่ยนสาวน้อยผู้ไม่คิดจะไปแย่งชายหนุ่มผู้นั้นกับพี่สาวทั้งสามได้แต่ถอนหายใจ รีบรินเหล้าให้คุณชายผู้แสนเอาแต่ใจ ใบหน้าที่เมื่อแรกนั้นยิ้มหวาน กลับกลายเป็นบึ้งตึงอย่างไม่พอใจ

   ดวงตากลมโตเหลือบมองอีกฝากของโต๊ะอย่างไม่พอใจ เมื่อร่างกายที่เคยถือสิทธิ์ครอบครองกลับถูกผู้หญิงถึงสามคนคอยล่วงเกิน เอวเล็กอ้อนแอ้น คอยเบียดกระแซะจากทั้งซ้ายและขวา....มีคนคอยดูแลเอาใจแบบนี้...คงรู้แล้วสิว่าข้าเป็นต้นห้องที่ไม่ได้เรื่อง

   ชอบแบบนี้แล้วสินะ..ถึงได้ไม่ปฏิเสธพวกนางเลย

   “รินอีก ข้าไม่ได้สั่งให้หยุด ก็รินต่อไปเข้าใจไหม” เสียงหวานตะคอกใส่หญิงสาวอย่างที่ไม่เคยทำ เหตุเพราะภาพตรงหน้าที่แสนบาดตา

   “ค่ะ” สาวน้อยผู้น่าสงสารรับคำด้วยเสียงสั่นเครือ มองบุรุษอีกหนึ่งอย่างขอร้อง มองพี่สาวทั้งสามอย่างอิจฉา แม้ใบหน้าบุรุษผู้นั้นจะไม่ยิ้มแย้ม แต่ก็ไม่ดุด่าข้าเช่นนี้

   ร่างเพรียวรับเหล้าจากเสี่ยวเชี่ยวจอกแล้วจอกเล่า ดวงตาจ้องมองใบหน้าคมอย่างตัดพ้อ

   ทำไมไม่ไล่ไปเล่า....ไหนว่าไม่ชอบ...หรือแกล้งไม่ชอบกัน

   “เอาเหล้ามาอีก” เสียงหวานตะคอกเมื่อไม่เห็นมือเล็กเทเหล้าใส่ลงไปในจอก เอาแต่มัวจ้องจ้องที่ใบหน้าของอีกคน ....จะไปมองทำไมนัก...แบบนี้หน้าตาดีกว่าข้าหรือไร

   “เหล้าหมดแล้วค่ะ คุณชาย”

   “หมดก็ไปเอามาเพิ่มสิ มีหน้าที่ดูแลข้านะ ใช่เอาแต่มองคนอื่นแบบนี้” ดวงตาโตปรายตามองบุรุษที่อยู่อีกฝากโต๊ะอย่างไม่พอใจ ได้ไปแล้วสาม ยังจะเอาอีกหนึ่งของข้าไปหรือไง

   ใครกันแน่...ที่จะมีหญิงมาร้องเรียนว่าเป็นพ่อของเด็กในท้อง
   
   “เที้ยนหยวน พี่ว่าเจ้าเมาแล้วนะ พอได้แล้ว” มือหนาเอื้อมมาจะยื้อแย่งจอกเหล้าจากมือเล็ก หากแต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของร่างบางกลับขัดขืน

   “ม่ายยย ข้าจะดื่ม ดื่มให้มันเมาไปเลย ท่านก็ไม่สนใจข้าแล้ว มีพวกนางคอยดูแล คนไม่ได้เรื่องอย่างข้าก็สมควรโดนทิ้งแล้ว” สิ่งที่คิดเอาไว้หลุดออกมาจากปากเล็กด้วยความเมาที่เกือบไม่ได้สติ

   “เลอะเทอะ ใครว่าพี่ไม่สนใจเจ้ากัน พี่มีคนอื่นทีไหนกันหืมม์ ที่มานี้ก็เพราะเจ้าอยากมาไม่ใช่หรือ” แม้ร่างเล็กจะเมาเอะอะแต่สิ่งที่ได้ยินก็ทำให้ฮ่องเต้หนุ่มดีพระทัย

   ....ที่เอะอะก็เพราะหึงหวงใช่ไหม?

   “ข้าอยากมา แต่ใช่ว่าอยากเห็นท่านมีความสุขกับนางพวกนี้เสียที่ไหน แล้วท่านได้ไปตั้งสามคน ก็รับพวกนางเข้าไปเป็นนางในด้วยเสียเลยสิ วังหลังท่านว่างอยู่ไม่ใช่หรือ เอาเลย ทำเลย” เสียงใสประชดด้วยอาการยุยง ไม่สนใจเรื่องเสน่ห์ที่ตนเคยภาคภูมิใจอีกแล้ว

   “เที้ยนหยวน พี่จะรับใครได้อย่างไร พี่รักเจ้าคนเดียวนะ เมาใหญ่แล้วคนดีกลับเถอะ” ชายหนุ่มอ้อมโต๊ะตัวเล็กเข้ามาประชิด ยื้อจอกเหล้าออกมาจากมือมาวางที่โต๊ะได้สำเร็จ หมายจะเขาโอบประคองให้กลับวังหลวง

   “เดี๋ยว” แขนเรียวยันอกหนาเอาไว้ ก่อนเหลียวมองไปยังหญิงงามทั้งสามที่ยืนส่งสายตามุ่งร้ายมาให้ ถามคำถามที่หวั่นไหวด้วยเสียงสั่น “ท่านรักข้าอยู่จริงๆนะ ไม่ได้เบื่อข้าใช่ไหม”

   “จริงสิ พี่รักเจ้าคนเดียวเท่านั้น ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว”

   คำมั่นที่ได้ยินกับหูท่ามกลางเหล่าหญิงงามเรียกรอยยิ้มหวานจากใบหน้าแดงเรื่อ ก่อนที่ร่างเล็กจะเขย่งตัวขึ้น ประทับลงริมฝีปากร้อนผ่าว แตะสัมผัสแผ่วเบา ก่อนพยายามแทรกแซงลิ้นของตนเข้าไปดั่งที่เคยทำกับสาวงามเมื่อนานมากแล้ว

   ร่างสูงยอมรับการรุกรานที่แสนอ่อนหวานและอ่อนหัด ไล่ความหาเรียวลิ้นนุ่มที่แทรกลึกเข้ามา แขนใหญ่โอบรั้งเอวบางเข้ามาใกล้ เสียงครางหวานร้องแผ่วในคอเล็ก

   ร่างเพรียวบางเบาทิ้งกายลงดวงตากลมหลับพริ้มในอ้อมกอดเรียกเสียงหัวเราะดังก้องจากชายหนุ่มผู้ถูกปลุกอารมณ์ด้วยจูบแสนหวาน “โธ่เอ้ยเที้ยนหยวน หลับเช่นนี้เลยหรือ”

   ฮ่องเต้หนุ่มจำต้องโอบอุ้มร่างเพรียวที่เมาหลับไว้แนบอุระ เสด็จไปยังวังทู่หลงของอ๋องผู้นี้ซึ่งใกล้กว่าวังหลวงมาก นึกอยากสรวลเสียงดังให้อ๋องผู้นี้ยิ่งนัก “เจ้าหนอเจ้า เป็นเช่นนี้แล้วพี่จะกล้าปล่อยเจ้ามาตามลำพังได้อย่างไร”

   ประตูวังทู่หลงในยามวิกาลเช่นนี้ปิดสนิทไร้ผู้ใดดูแล จนฮ่องเต้หนุ่มต้องประคองร่างเล็กด้วยพระพาหาเพียงข้างเดียว อีกข้างทรงเคาะห่วงโลหะที่มังกรดินชื่อแห่งวังนี้คาบไว้เข้ากับประตู ใหญ่ ก่อนจะทรงโอบอุ้มร่างเล็กไว้อีกครั้ง

   ใบหน้าสวยยิ้มอ่อนกับฝันหวานของตน หันหน้าเข้หาพระอุระอุ่นดั่งเช่นทุกคืนที่เคยทำ กลีบปากเล็กขมุบขมิบเบาๆก่อนหลับลึก

   องค์อี้หลงทอดเนตรกริยาแสนน่ารักด้วยความเอ็นดู รอยแย้มพระโอษฐ์ถูกจุดขึ้น “อย่างนี้หรือจะเป็นมังกรดินได้ พี่ว่าเจ้าคู่ควรจะเป็นหงส์ฟ้าเสียมากกว่านะเที้ยนหยวน”

   “นั่นใค...อ่ะ ฮ่องเต้ ท่านอ๋อง” จากความหงุดหงิดที่ถูกปลุกด้วยเสียงเคาะประตู จนทำให้ต้องตื่นของอี้หลุนกลายเป็นตกใจไปในทันทีเมื่อดวงตะเกียงที่ถือมาด้วยส่องให้เห็นหน้าผู้เยือน คนงานหนุ่มลนลานกับการเข้าเฝ้าผู้สูงศักดิ์ ย่อตัวลงนั่งกับพื้น

   “ลุกขึ้น แล้วนำเราไปห้องท่านอ๋อง แล้วก็เตรียมน้ำอุ่นพร้อมผ้าสำหรับเช็ดตัวด้วย” ฮ่องเต้หนุ่มสั่งความก่อนเดินตามข้ารับใช้เข้าไปในวังทู่หลง

   “ใครมาดึกเช่นนี้หน่ะ...อ่ะ ฮ่องเต้ ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเป็นอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” พ่อบ้านผู้ชรา เดินออกมาหน้าระเบียงทางเดิน ก่อนต้องตกใจเมื่อพบหน้าผู้มาเยือนและร่างในอ้อมพระพาหา

   “ไม่ได้เป็นอะไร เจ้าให้คนไปเตรียมน้ำอุ่นและผ้าให้เราด้วย”

   “ได้กระหม่อม อี้หลุน แกยังไม่ช่วยฮ่องเต้อุ้มท่านอ๋องอีก ปล่อยให้พระองค์ทรงอุ้มไว้เช่นนั้นได้อย่างไร เดี๋ยวกระหม่อมจัดเตรียมห้องถวายฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ” หลังเอ็ดข้ารับใช้ พ่อบ้านหุ่นอ้วนก็รีบหันซ้ายขวาหาข้ารับใช้คนอื่น เพื่อจัดเตรียมห้องถวายฮ่องเต้ผู้นี้

   พระเนตรคมจ้องข้ารับใช้หนุ่ม ที่หมายจะเข้ามาโอบอุ้มน้องน้อยของพระองค์ สุรเสียงทุ้มจัดลั่นขึ้นอย่างไม่พอพระทัย “ไม่ต้อง ทำตามเท่าที่เราสั่ง ไปเตรียมน้ำอุ่นและผ้า ห้องก็ไม่ต้อง เรานอนกับอ๋องของพวกเจ้าได้”

   “เอ่อ....พ่ะย่ะค่ะ” แม้จะสงสัยในท่าทางฮ่องเต้หนุ่มที่ดูแสนหวงนายของตน แต่พ่อบ้านใหญ่ก็รับคำไม่กล้าขัดพระประสงค์ “เชิญตามเสด็จทางนี้เลยพ่ะยะค่ะ ส่วนแกอี้หลุน รีบไปต้มน้ำอุ่นมาเร็ว แล้วให้สาวใช้สักคนเข้ามาเช็ดตัวให้ท่านอ๋องด้วย”

   “ขอรับท่านพ่อบ้าน” อี้หลุนรับคำอย่างเงอะงะ ด้วยยังคงเกรงในพระเนตรคมดุไม่หาย   

   “ไม่ต้อง มาแค่น้ำกับผ้าก็พอ” สุรเสียงทุ้มจัดรับสั่งอีกครั้ง ดวงเนตรจับจ้องทั้งพ่อบ้านและข้ารับใช้อย่างไม่พอใจที่พยายามเหลือจะทำเกินรับสั่ง 

   รับสั่งของฮ่องเต้หนุ่มกระตุ้นให้ทั้งข้ารับใช้หนุ่มรีบเดินไปยังห้องเครื่องของวัง ในขณะที่พ่อบ้านร่างอ้วนก็รีบนำเสด็จฮ่องเต้หนุ่มสู้ห้องนอนของเจ้าของวังที่ได้รับการดูแลอยู่เป็นประจำ

VVVV

VVV

VV

V
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 20/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 22-05-2011 00:19:51
ฮ่องเต้หนุ่มวางร่างเล็กที่ทรงอุ้มไว้ลงกับเตียงกว้าง ทอดเนตรไปรอบห้องอย่างสังเกต นี้เป็นครั้งแรกที่ทรงได้เข้ามายังห้องของน้องน้อย

   นิ้วพระหัตถ์ลูบไล้ใบหน้างามอย่างแสนรัก แสนห่วง “เจ้านี้หนาเที้ยนหยวน อยากออกมา แล้วใยมาว่าพี่ไม่รัก แล้วก็มาหลับเอาเช่นนี้ หากไม่รัก ก็คงไม่ห่วง ไม่ดูแลเช่นนี้หรอกรู้ไหม ตัวยุ่ง”

   “อื้อออ” เสียงหวานครางลั่นในลำคออย่างขัดใจ ก่อนพลิกกายหนีสิ่งรบกวนช่วงเวลาการนอนที่แสนหวาน ไม่รับรู้เลยว่ากริยาของตนกำลังสร้างความเอ็นดูให้แก่ผู้ทอดเนตร

   “ฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมนำน้ำและผ้ามาแล้วให้ กระหม่อมจะเช็ดตัวให้ท่านอ๋อง~”

   "ไม่ต้อง วางไว้ที่โต๊ะแล้วก็ออกไปได้ ไม่ต้องมาดูแลอีก พรุ่งนี้ก็ให้คนตั้งสำรับจัดอาหารเบาพวกน้ำแกงไว้ด้วย อย่าให้รสจัดมาก” ฮ่องเต้หนุ่มรังสั่งกับข้ารับใช้ในวังแห่งนี้ ถึงเรื่องอาหารสำหรับคนเมาที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่ในเวลานี้

   องค์อี้หลงทรงรอให้ข้ารับใช้ปิดประตูให้สนิท ก่อนดำเนินไปยกอ่างน้ำอุ่นและผ้า เพื่อเตรียมเช็ดให้แก่คนขี้เมาที่หลับไม่รู้เรื่อง

   ผ้าชุบน้ำอุ่นพอหมาดๆค่อยไล้ไปตามใบหน้าเนียนที่คอยหลบหนีสัมผัส ซุกหน้าเข้ากับหมอนแสนนุ่มหลีกหนีสัมผัสเปียกชื้น

   “เด็กดื้อ จะหนีไปไหนเที้ยนหยวน” พระหัตถ์ทรงรั้งใบหน้าหวานกลับมาอีกครั้ง พระพักตร์ส่ายไปมาอย่างอ่อนใจ

   “อื้ออออ” เสียงครางเล็กดังขึ้นก่อนที่แพขนตาหนาจะขยับขึ้นลง ปรับสายตาเพียงครู่ก่อนส่งยิ้มแสนหวานเยิ้มให้แก่ผู้อยู่ตรงหน้า

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงถอนพระปัสสาสะออกมาอย่างหน่ายใจ มองดวงตาเยิ้มด้วยฤทธิ์เหล้าแล้วพาลให้สงสัยว่า ร่างเล็กนี้กำลังคิดสิ่งใดอยู่

   “ไม่ยิ้มกับข้าหรออออออ” เสียงหวานอ้อแอ้อย่างคนเมา มองพระพักตร์บึ้งตึงอย่างขัดใจ ยิ่งพยายามส่งยิ้มกว้างให้มากเพียงใดก็ดูเหมือนจะยิ่งบึ้งตึงมากขึ้น

   “.......”

   “ไม่รักข้าแล้วหรอ ยิ้มหน่อยนะ ข้ามีรางวัลให้ท่านนะฮ่าๆๆ” ใบหน้าหวานแดงจัดหัวเราะก้องเพียงคนเดียว ก่อนดวงตาโตจะเปิดกว้างทำเสียงออดอ้อน “ยิ้มหน่อยสิ ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวคนมาเห็นก็นึกว่าท่านเป็นฮ่องเต้ใจร้ายหรอก”  

   ฮ่องเต้หนุ่มมองร่างเล็ก อย่างชั่งใจ ทรงอยากรู้เหลือเกินว่ารางวัลที่จะได้จากคนเมาคือสิ่งใด จึงยอมแย้มพระโอษฐ์ออก

   “ฮ่าๆๆๆ ยิ้มแล้ว อย่างนี้สิ ฮ่องเต้ของข้า” ร่างเล็กหัวเราะพอใจกับการแย้มยิ้มที่ดูคล้ายการแยกเขี้ยวเสียมากกว่า

   “ไหนหล่ะ รางวัลที่เจ้าจะให้พี่หน่ะ” สุรเสียงทุ้มทรงถามหารางวัลที่ร่างเล็กว่าจะให้ แม้จะยังทรงแปลกทัยไม่น้อยว่า แบบนี้จะเอารางวัลที่ใดมาให้

   “อื้อ ทวงทำไมกัน รางวัลมันต้องช้าๆสิ ท่านหนิ” เสียงหวานเอ็ดไม่จริงจังนัก ก่อนยกแขนเรียวขึ้นคล้องพระศอหนาโน้มองค์ลงมาประทับจูบลงไปอย่างแผ่วเบา

   ฮ่องเต้หนุ่มแปลกพระทัยแต่ก็ชื่นชมรางวัลที่ได้รับยิ่งนัก และเมื่อผู้มอบรางวัลจะผละหนี มีหรือที่จะทรงยอม ฮ่องเต้หนุ่มยึดจับใบหน้าหวานไม่ให้หนีห่าง ขบเม้มริมฝีปากอิ่มเบา

   “อ่า...” เพราะตกใจกับความเจ็บแปลบที่ถูกขบกัด จนกลายเป็นการเปิดรับการรุกรานจากลิ้นหนาที่สอดเข้ามาช่วงชิงความหอมหวาน เรียวลิ้นร้อนกวาดไล่ไปทั่วโพรงปากแสนหวาน สำรวจหาสิ่งล้ำค่าที่ถูกแอบซ่อน  บิดใบหน้าหวานเปลี่ยนองศาบดเบียดกลีบปากคนขี้เมาจนแดงก่ำ

   “อื้อออ” เสียงหวานเล็กประท้วงแผ่ว เมื่อถูกช่วงชิงลมหายใจไปจนหมด ทันทีที่ได้รับอิสระ กลีบปากที่บวมเป่งก็อ้างับอากาศเข้าไปทันที สีหน้าบูดบึ้งไม่พอใจ ทั้งที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นแล้ว มือเล็กตีลงบนท่อนพระพาหา “ท่านหน่ะ ฉวยโอกาสกับข้าอีกแล้ว”

   “พี่หรือฉวยโอกาสกับเจ้า ไม่ใช่เจ้าหรือคนดี” นิ้วพระหัตถ์ไล้เล่นที่กลีบปากบวมและฉ่ำน้ำ สายพระเนตรจ้องจับร่างเล็กอย่างยั่วเย้า ทรงโปรดท่าทางเขินอายของน้องน้อยยิ่งนัก “ที่ฉกฉวยริมฝีปากพี่ก่อน”

   “อื้ยย ข้าก็แค่แตะเบาๆเท่านั้นเอง ยังไงท่านก็ผิด ต้องถูกทำโทษ” ดวงตาหวานเยิ้ม ไล่งับนิ้วพระหัตถ์ที่หยอกล้ออยู่กับริมฝีปากอย่างสนุกสนาม

   พระขนงเลิ่กขึ้นอย่าสงสัย วันนี้น้องน้อยของพระองค์มีอะไรให้มาทรงแปลกทัยเสมอ ตั้งแต่ของรางวัล จนถึงบทลงโทษ ทรงอยากรู้นักว่าร่างบางจะลงโทษอย่างไร เพียงแค่งับนิ้วที่ทรงหยอกล้อยังไม่ถูกเลย “เจ้าจะลงโทษพี่อย่างไรเที้ยนหยวน”

   ร่างบางแย้มยิ้มอย่างถูกใจ รั้งวรกายใหญ่ให้บรรทมลงข้างเตียง ก่อนที่จะพยุงกายขึ้นนั่งคร่อม “อย่างนี้ไง”

   ฮ่องเต้หนุ่มมองท่าทางแสนเก่งกล้าที่หากไม่เมาคงไม่มีทางทำของน้องน้อยอย่างพึงใจ ทรงผ่อนคลายวรกายปล่อยให้ร่างเล็กได้ทำโทษเต็มที่

   มือบางปลดสายคาดฉลององค์สีขาวกระจ่างออก เปิดแผ่พระอุระหนาที่คงรอยข่วนทางยาวจากเล็บมืออยู่จางๆ กลีบปากเล็กประทับลงบนรอยแดงอย่างได้ใจ ขบเม้มดั่งที่เคยกระทำต่อสาวงามจนยิ่งแดงจัด ประทับร่องรอยไปทั่ว มือก็ไล้ลูบวรกายร้อน

   ปากของคนแสนซนเที่ยวสร้างรอยแดงบนพระฉวี ค้นพบของเล่นที่ผู้เป็นเจ้าของทรงยินยอมให้เล่นอย่างไม่หวงแหน

   ยอดอกสีเข้มถูกดูดเม้มจนฮ่องเต้หนุ่มต้องลอดเสียงผ่านพระศออย่างถูกใจ ยิ่งทำให้ร่างเล็กสนุกสนามกับลงโทษในครั้งนี้ ใบหน้าหวานยิ้มกริ่มไล่เรื่อยละลงมาอย่างถือสิทธิ์ครอบครองวรกายนี้ ไม่คิดมอบให้ผู้ใด

   ร่างบางเลื่อนตัวลงต่ำสร้างรอยรักเป็นทางยาว ก่อนจะหยุดนิ่งกับบางสิ่งที่ขยายตัวจนน่ากลัว แก้มนวลพองลมป่อง สายตาจับจ้องอย่างหวาดๆ  “อุ้ย!”

   “เป็นอะไรไปคนดี ไหนจะทำโทษพี่ไม่ใช่หรือ นิ่งทำไม” ฮ่องเต้หนุ่มผู้ถูกปลุกพระอารมณ์กลั้นหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของน้องน้อยผู้ใสซื่อ แม้นจะทรงรู้ว่าเพราะเหตุใดร่างเล็กจึงหยุดนิ่ง

   “ก็...ก็” ใบหน้าหวานแดงก่ำ กัดริมฝีปากตนเอง ความซุกซนหายไปจากแววตา นิ้วเล็กชี้ไปยังเจ้าสิ่งที่ตั้งแข็งอย่างหวาดกลัวและเขินอาย “เจ้านี้ของท่านขู่ข้า”

   ฮ่องเต้หนุ่มไม่อาจกลั้นพระสรวลได้อีกต่อไป “เจ้าก็อย่าไปกลัวมันสิ มานี้นะคนดี” พระหัตถ์ใหญ่รั้งร่างเล็กให้เลื่อนกายขึ้นมาห่างจากเจ้าสิ่งที่ร่างบางว่ากำลังข่มขู่ พระองค์ทรงหยัดวรกายขึ้นนั่ง จุมพิตบนกลีบปากช้ำอย่างปลอบขวัญ ไม่รุกรานและเร่งเร่าคนที่กำลังหวาดกลัว ปากแต่พระหัตถ์กลับฉกฉวยปลดสายคาดเอว เลื่อนชุดแดงสดออกจากไหล่บาง“เจ้าสั่งสอนมันได้ไม่ใช่หรือ หืมม์”

   “ยังไง” ดวงตาโตเป็นจ้องมองฮ่องเต้อย่างสงสัย นึกใคร่รู้ว่ามีวิธีสั่งสอนเจ้านี้ได้จริงหรือ

   ฮ่องเต้หนุ่มไม่มีรับสั่งตอบคำถาม แต่พระโอษฐ์บดเบียดลงที่ริมฝีปากช้ำ ไล้เรี่ยกลีบปากจนฉ่ำเยิ้มก่อนจะค่อยแทรกปากเล็กเข้าสู่ภายใน

   เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดรึงอยู่ภายในสร้างความแปลบขึ้นในอารมณ์จนร่างเล็กจนเบียดกายเข้าหาวรองค์สูงที่นั่งซ้อนอยู่เบื้องล่าง นึกประหวั่นกับเจ้าสิ่งที่ตั้งชันข่มขู่อยู่บริเวณต้นขา
   
   ฮ่องเต้หนุ่มละจากปากบางสู่ยอดอกสีหวานดูดดุนจนแข็งเกร็ง จนผู้ได้รับการปรนเปรออดไม่ได้ที่จะแอ่นตัวเข้าหาขอรับความรู้สึกที่มากล้นนี้ พระหัตถ์หนึ่งข้างคอยโอบประคองแผ่นหลังเล็ก อีกหนึ่งข้างนวดคลึงเนินเนื้อนุ่มที่งอนงาม ค่อยรับฟังเสียงหวานที่ทรงหวง

   พระองค์ทรงรู้สึกได้ว่าเนื้อท่อนเล็กของน้องน้อยตั้งชันขึ้นแนบกับสิ่งที่เจ้าตัวว่ากำลังข่มขู่ หากแต่พระองค์กลับไม่รู้สึกเลยว่าน้องน้อยกำลงข่มขู่พระองค์อยู่

   แผ่นอกบางแอ่นสะท้านให้ยอดอกของตนเข้าสู่พระโอษฐ์ได้แนบชิด ดวงตาปรือลงด้วยอารมณ์ที่ถูกกระตุ้น นึกเคืองอยู่น้อยๆ ที่บทลงโทษครั้งนี้กลับกลายเป็นตัวเองที่ถูกปรนเปรอจนทรมานด้วยความต้องการ

   เนื้อท่อนเล็กที่ขยายเต็มที่แต่ไม่อาจสู้ได้กับของอีกหนึ่งบุรุษ กำลังสั่นเทาคล้ายเด็กตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัวจากการโดนรังแกโดยเจ้าเด็กตัวโตที่แนบติดกับ

   ฮ่องเต้หนุ่มแย้มพระโอษฐ์อย่างพึงใจ ฝ่าพระหัตถ์ร้อนผ่าวรวบเจ้าท่อนเนื้อไวสัมผัสทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน ค่อยเคลื่อนพระหัตถ์ขึ้นลงเป็นจังหวะที่เร่งเร้าปลุกความปรารถนาที่มีอยู่ให้ปริ่มล้นออกมา ความร้อนจัดคล้ายจะหลอมละลายให้กลายเป็นหนึ่งเดียว ก่อเกิดเสียงที่ชวนให้อับอายหากมีผู้ใดได้ผ่านมารับฟัง
จนใบหน้าหวานต้องซุกซบกับพระอังสากว้าง ไม่กล้าสบพระเนตรคม

   “อ่ะ... อ่า” เสียงหวานร้องลั่นก่อนที่หยาดหยดแห่งสายธารจะถูกพ่นปล่อยออกมาจากเจ้าเนื้อท่อนเล็ก คล้ายเด็กโดนรังแกจนต้องหลั่งน้ำตาออกมา ผิดกับเจ้าเด็กตัวอ้วนใหญ่ที่ยังคงอัดแน่นด้วยความต้องการจนพองโตขึ้นกว่าเดิม

   พระพักตร์คมเครียดเกร็งด้วยความปรารถนายังไม่ได้รับการปลดปล่อย นิ้วพระหัตถ์ค่อยๆแทรกช่องทางเล็กเบื้องหลัง เบิกจีบเล็กที่หดแน่นให้คลายออกย่างช้าๆ

   “พะ...พอแล้ว ข้าจะ อ่ะ ลงโทษท่านนะ ม่ะช่ะอ่าให้มาทำ อย่างงงอ่ะ” สียงหวานครางลั่นเกือบไม่เป็นคำพูดเมื่อนิ้วพระหัตถ์หมุนวนราวกลั่นแกล้งให้ทรมาน บดขยี้ส่วนอ่อนนุ่นจนเสียวซ่าน

   “ใจเย็นสิเที้ยนหยวน เจ้าได้ลงโทษพี่และสั่งสอนสิ่งที่กำลังข่มขู่เจ้าแน่ แต่พี่ต้องทำให้เจ้าพร้อมเสียก่อนนะคนดี” ฝีพระโอษฐ์ยกยิ้มขึ้นอย่างยกลำบากต่อการอดกลั้นพระอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้น จนอยากถาโถมแทรกกายลึก หากแต่ทรงรั้งรอเพื่อดวงหทัยของพระองค์

   นิ้วพระหัตถ์แทรกลึกเข้าสู่ช่องทางมากขึ้น ค่อยๆนวดจนจีบเล็กสั่นระริกต้องการการเติมเต็ม เล็บยาวสวยจิกเข้าที่แผ่นหลังของพระองค์จนแสบไปทั่ว

   “ข้า..พะอ้อออม แล้ว เข้ามา.อึ้อ” ใบหน้าหวานแดงก่ำ น้ำตาเม็ดเล็กไหลลงมาเพราะความทรมานที่อัดแน่น การปลุกเร้าจากเบื้องบน และส่วนล่างไม่อาจทำให้ครองสติอยู่ได้อีกแล้ว จนกลายเป็นฝ่ายเรียกร้องขอรับการเติมเต็มจากชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่กำลังอดกลั้นอยู่

   ถ้อยคำร้องขอของร่างเล็กทำให้ฮ่องเต้หนุ่มถอนนิ้วพระหัตถ์ออกจากช่องทางเล็กแคบ ยกร่างเพรียวบางขึ้นจากพระเพลา ก่อนวางซ้อนลงมาอีกครั้ง ให้ช่องทางเล็กสอดรับเจ้าสิ่งที่ถูกกล่าวหาว่ากำลังข่มขู่ผู้อื่นให้กลืนหายเข้าไป

   “อ่ะ..อ่า” เสียงหวานร้องลั่นด้วยความเจ็บที่สอดแทรกลึกเข้ามาพร้อมความคับแน่น  และยิ่งลึกแน่นเมื่อถูกน้ำหนักตัวกดลึก ลมหายใจติดขัดใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาหรี่ปรือมองฮ่องเต้หนุ่มอย่างกล่าวหา

   “เท่านี้เจ้าก็สั่งสอนมันได้แล้วเที้ยนหยวน เจ้าอยากสั่งสอนอยากลงโทษอะไร พี่ยอมเจ้าทั้งหมดเลยนะ” ฮ่องเต้หนุ่มกระซิบแผ่วข้างใบหูเล็ก คว้าสองแขนเล็กให้ขึ้นมาโอบรอบพระศอ ก่อนจุมพิตที่ปลายคางมนของใบหน้าที่เชิดขึ้น

   เพราะความเมาและความต้องการพาให้ความขลาดอายบินหนีไป ร่างเล็กยันกายขึ้นขยับไหวสะโพก ตามความต้องการที่อัดแน่น มีพระหัตถ์หนาคอยช่วยประคองทั้งแผ่นหลังบาง และสะโพกกลมกลึง

   ท่วงทำนองแห่งความสุขบรรเลงก้องไปทั่วห้องกว้าง ร่างทั้งสองที่หลอมรวมเป็นหนึ่งชุ่มโชกด้วยเหงื่อเย็น ใบหน้าหวานสะบัดเชิดไปด้านหลัง เร่งจังวะให้ตอบสนองความต้อง เรียกเสียงครางต่ำจากฮ่องเต้หนุ่มให้ร่างเล็กแสนซุกซนได้ใจ ขยับไหวสะโพกให้เร็วขึ้น

   “อื้อออออ” จังหวะที่สอดประสานด้วยความสุขพาให้คนทั้งสองขึ้นถึงจุดสูงของอารมณ์ร่างบางเกร็งแน่นตอดรัดสิ่งที่สิ่งฝังอยู่ในกาย ปลดปล่อยธารน้ำขาวขุ่นออกมาจากท่อนเนื้อที่สั่นพลิ้วเปรอะเปื้อนทั้งตนเองและฮ่องเต้หนุ่ม ก่อนหมดแรงซานซบกับพระอุระอุ่นร้อน ใบหน้าชื้นเหงื่อซุกพระอังสากว้าง ดวงตาปรือใกล้ปิดลงเต็มที ความง่วงงุนและความเมาถาโถมเข้าใส่จนไม่อาจฝืนอยู่ได้

   “เที้ยนหยวน!” ฮ่องเต้หนุ่มครางลั่นชื่อของน้องน้อยที่ซานซบหมดแรงอยู่บนพระเพลา ปล่อยให้ความปรารถนาที่ยังคั่งค้างแทรกกายอยู่ในความร้อนผ่าว จนพระหัตถ์หนา ต้องเคลื่อนไหวสะโพกมนด้วยพระองค์เอง

   ด้วยแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงจังหวะที่รัวเร็ว ปลุกเร้าร่างเล็กขึ้นอีกครั้ง ลมหายใจร้อนสะท้านขึ้นลงปลดปล่อยหยาดน้ำออกมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกอุ่นวาบถูกฉีดพ่นด้วยหยาดหยดสายธารจากฮ่องเต้หนุ่มอยู่ภายใน

   ร่างเล็กขยับสะโพกของตนหมายจะนำสิ่งที่คลายตัวออกจากช่องทางของตน หากแต่กลับรู้สึกว่าที่อ่อนนุ่มกลับมาแข็งขึงอีกครั้ง จนต้องร้องอุทธรณ์เสียงอ่อนล้า “อือออ ข้าเหนื่อยแล้วนะ ไม่เอาแล้ว”

   “พี่รู้แล้ว แต่ถ้ายังซนแบบนี้ เป็นเจ้าเองที่จะลำบากนะเที้ยนหยวน” สุรเสียงทุ้มพร่าอดกลั้นพระอารมณ์ พระหัตถ์ค่อยๆยกกายเล็กขึ้นอย่างช้าๆ จนกระทั่งหลุดพ้นออกมา ผ่อนปรนร่างกายที่อ่อนแรงลงกับที่ฟูกกว้าง ผ่อนพระปัสสาสะออกมาอย่างโล่งทัย

   “ข้าจะนอนแล้ว ท่านห้ามกวนข้าอีกนะ ปลุกคนหลับมันเป็นบาปใหญ่หลวง” ร่างเล็กซุกหน้าเข้ากับหมอนหนุน ปากอิ่มบวมเจ่อพูดเสียงแผ่ว ก่อนเข้าสู่ห้วงนิทราแสนหวาน ไม่สนใจกับคราบเปรอะเปื้อนทั่วร่างกาย

   ฮ่องเต้หนุ่มทอดเนตรร่างเล็กที่หลับไปในทันทีด้วยความเหนื่อยล้า แล้วทรงยกมุมพระโอษฐ์ก็ยกขึ้นอย่างรักใคร่ “ใครกันที่กวนจนเจ้าไม่ได้นอนหน่ะฮึ เที้ยนหยวน”

   น้ำอุ่นที่ให้คนนำมากลายเป็นน้ำเย็นถูกใช้ชำระล้างคราบเปื้อนบนตัวร่างบางที่หลับสนิทไปแล้ว ก่อนจะทรงแต่งกายประทานให้คนขี้เซาที่หลับไม่รู้เรื่อง แล้วจึงใช้น้ำจากอ่างเดียวกันล้างคราบไคล้บนตัวพระองค์ ก่อนขึ้นบรรทมเคียงน้องน้อยเช่นทุกคืน

   พระพาหารั้งร่างบางให้เข้ามาแนบชิดโอบกอดไว้นบแน่นกั้นลมเย็นที่พัดโชยมาจากด้านนอก ได้ยินเสียงละเมอแผ่วจากปากเล็ก ด้วยถ้อยคำที่ชวนให้หทัยพองโต แล้วกลับฟีบลงในทันที “ข้ารักเจ้านะอี้หลง....ที่หนึ่ง”

   “โธ่เอ้ย เที้ยนหยวน จะบอกรักพี่เสียหน่อยก็ไม่ได้หรือไรกัน พี่รักเจ้านะ น้องน้อยของพี่”
   
   แม้ราตรีนี้จะผ่านพ้นในห้องนอนกว้างของปาหยางอ๋องแห่งวังทู่หลง แต่ความสุขแสนหวานก็ไม่ต่างจากทุกค่ำคืนในห้องบรรทมฮ่องเต้ที่วังหลวงเลยสักนิด ด้วยคนทั้งสองยังคงกอดก่ายข้ามผ่านราตรีไปด้วยกัน...ไม่ห่างจากกันเลย   

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
สวัสดีคะ เอาตอนพิเศษสุดท้ายมาลงแล้วนะคะ เรื่องนี้คงจบจริงๆแล้ว ขอบคุณที่ตามอ่านนะคะ ติกันได้เต็มที่นะคะ เรื่องหน้าจะได้พัฒนา

   ขอบคุณคะ

0t
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 23-05-2011 11:45:30
มาอ่านรวดเดียวจบเลย
สนุกมากๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 23-05-2011 14:22:23
จบแล้วๆๆๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆเช่นนี้ฮะ :man1:

ตอนพิเศษถึงกับเลือดกระฉูดเลยทีเดียว :m25:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryojung ที่ 23-05-2011 18:12:28
 :pighaun: :haun4: น่่ารักมากเลยค่ะ ทั้งน้องนอย แล้วก็ฮ่องเต้ อิอิ
รักกันหวานนนนนนนนมากกกกกเลยอ่า ฮ่องเต้ก็รักน้องน้อยมากมายเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 23-05-2011 19:59:07
 :-[ตอนพิเศษน่ารักได้อีก ถ้ามีเรื่องใหม่บอกด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 23-05-2011 22:33:39
จบแล้วเหรอ น่าเสียดายจัง สนุกมากๆค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าฮ่องเต้ใจกว้างจัง แทบไม่หึงเที้ยนหยวนเล้ยยยย แปลกดี(แต่ก็ชอบ)

ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆให้อ่านนะคะ

จะรอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: debubly ที่ 24-05-2011 00:16:43
 :-[ จบแล้ว

 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 24-05-2011 09:47:00
สนุกๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomaro ที่ 24-05-2011 11:08:16
สนุกจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 25-05-2011 22:32:30
สนุกดีจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: nco1236 ที่ 27-05-2011 00:55:29
 o13  ออกแนวกำลังภายใน  :z2: เพิ่งเคยอ่าน
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: loveooo ที่ 27-05-2011 13:30:45
ชอบอ่า  สนุกมากๆๆๆๆเลย
น้องน้อยน่ารักมาก
อยากอ่านตอนพิเศษอีกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 28-05-2011 15:22:41
 o13 o13 o13

สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: yumelove ที่ 28-05-2011 21:57:08
สนุกมากเลยค่ะ มีครบทุกรสชาด เลยทีเดียว
ขอบคุณผู้เขียนมากเลยนะคะ :L1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 28-05-2011 22:33:56
คูณณณณไอซ์นี่เองตอนแรกตกใจที่อ่านเจอเนื้อเรื่องคุ้นๆ  ตามมาให้กำลังใจอ๋องน้อยผู้งดงามของฮ่องเต้ เพราะหนอนน้อยเป็นแฟนคลับอ๋องแห่งวังทู่หลงแบบเหนียวแน่น
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: tookta ที่ 29-05-2011 02:17:21
ขอบคุณมากๆ จ๊ะ
อ่านไปเรื่อยๆ บางช่วงบางตอน
น้ำตาก็หยด อินจัดไปกับเนื้อเรื่อง T-T
สนุกมากๆ ค่ะ อ่านรวดเดียวจนจบ
เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ken Ken ที่ 29-05-2011 17:34:23
สนุกมากครับ

ชักอยากลงFCอ๋องน้อย

หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: omelordkung ที่ 29-05-2011 22:44:38
หูยยยย
หวานมาก
น่ารักจริง อะไรจริง เรื่องนี้
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 30-05-2011 02:46:52
โห่วววววว อิจฉาอ๋องน้อยจริงจริ๊งงงงงงงงงงงงงง :sad4:
ฮองเต้น่ารักมากๆ ปกติไม่อ่านนิยายจีนแบบนี้
แต่เรื่องนี้น่ารักจริงๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจร้าาา
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 31-05-2011 16:50:09
ปลื้มมมม
น่าร๊ากกกกก

แอบรีเควสคู่ของฮวางหูบ้างได้ไม๊อ่าาาา
แอบอยากอ่านคู่นี้เหมือนกานนนนน
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 01-06-2011 21:40:52
 :pig4: คุณนักเขีียน
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 02-06-2011 17:45:05
ปกติไม่ค่อยอ่านนิยายจีนๆเท่าไหร่ เพราะชื่อจำยาก

แต่เรื่องนี้ยกเว้นพิเศษ อิอิ  น่ารักมากกกกกก

ท่านอ๋องสุดๆไปเลย  ฮ่องเต้ก็หวานซะ

สรุปแล้วน่ารักมากๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 02-06-2011 23:50:16
ขอบคุณมากคะ

นักเขียน แต่งได้สนุกมากๆๆมีครบทุกรสชาด  มาม่า หวาน  ขม

ท่านพี่กับน้องน้อยน่ารักมากๆๆ 



หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 03-06-2011 14:49:12
กด + ให้เป็นกำลังใจ

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ   :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 04-06-2011 15:39:37
ชอบค่ะนิยายจีนแบบนี้อ่ะ

จะรออ่านเรื่องต่อไปนะค่ะ
เป็นกำลัวใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 04-06-2011 18:59:56
สนุกมากเลยค่ะ อ่านแล้ว :m25:

แฮ่ม....เลือดลมไหวเวียนดีจริงๆ / ซับๆเลือด

ตอนแรกเข้ามาแบบไม่ได้หวังผลอะไรเลยกับนิยายเรื่องนี้แต่พออ่านๆไปแล้วยิ่งหลงอ๋องน้อยกับฮ่่องเต้จนโงหัวไม่ขึ้น  :-[

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ  :L2: :L2:

ป.ล. แล้วไม่คิดจะเขียนคู่ของฮวางหูบ้างเหรอคะ??  :m13:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: nuyamja ที่ 08-06-2011 00:30:22
 :oo1:  แง้วววว เอาเข้าไปคิดเองเออเองยังกะสองหนุ่มสองมุมเลย  ปากหนอปากมีไว้ทำไม๊
ถ้าสปีคออกไปก็แฮปปี้เอ็นดิ้งแล้ว
ตอนพิเศษจะได้มีแต่ฉาก...... :-[ :o8: :impress2:
สนุกมากเลยจ้าทำเอาเราอ่านยาวตั้งแต่ต้นจนจบเลย
มีเรื่องใหนของคนเขียนให้เราอ่านอีกบ้างไหมเนี่ย :L2:
 :mc4: o13 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 10-06-2011 12:32:07
สนุกดีค่ะ ไม่รู้ว่าพลาดไม่มาอ่านแต่แรกได้ยังไง เป็นกำลังใจให้คนเขียนเขียนเรื่องใหม่มาเรื่อยๆนะคะ

บรรยายตัวละครได้และฉากอัศจรรย์ได้น่ารักดี และหื่นด้วย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: ISee ที่ 13-06-2011 11:58:13
ชอบแนวนี้ค่ะ สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี] ย้ายได้เลยคะ
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 23-06-2011 18:46:49
น่าร๊ากค่ะ เรื่องแนวนี้ไม่ค่อยมีคนแต่งเลย ชอบๆๆ +1 ไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 26-06-2011 19:10:59
จบแล้วเหรอครับ

ไม่อยากให้จบเลยอ่า

ชอบอ่องน้อยมากๆๆ ทั้งน่ารัก น่าหยิก แสนซน และเจ้าเล่ห์

 แบบนี้ท่านฮองเต้ไม่รักไม่หลงก็บ้าแล้ว น้องน้อยน่ารักมากมาย (หลบตีนท่านฮองเต้ :z6:)

ไม่ไหวๆๆ ตอนพิเศษทำเอากระอักเลือด   :pighaun: :pighaun:

เมื่อก่อนไม่ค่อยได้อ่านนิยายแนวแบบจีนซะเท่าไร ส่วนใหญ่จะอ่านนิยายไทยๆๆมากกว่า

แล้วพอมาเจอเรื่องนี้ ทำเอาหลงรัก ท่างอ่องน้อย กับ ฮองเต้ และแนวจีนๆๆขึ้นมาเลยอ่า

อยากให้ผู้เขียน เขียนให้ยาวยิ่งกว่านี้ แบบว่าไงชอบมากมาย

ชอบเรื่องนี้มากๆๆเลยอ่า อยากให้ตอนพิเศษต่ออีก

ขอชื่นชม ผู้เขียนมากๆเลยครับ ไม่ว่าจะด้านภาษา ภาษษาแบบธรรมดาก้อว่ายังยากแล้วนี้เป็นคำราชาศัพท์ทั้งหมด

ขอนับถือจริงๆๆ เขียนได้สมูทกันมาก แล้วยิ่งเป็นตอน nc ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นภาษาและความคิด และความรู้สึกของตัวละคร

สุดท้ายนี้ ไม่มีอะไรมากเกินเท่ากับคำว่าขอบคุณอย่างมาก

ผมรักเรื่องนี้มากๆๆเลย ขอบคุนจริงๆๆครับ


หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 26-06-2011 23:06:23
กรี๊ด.......ชอบแนวนี้มากๆ ค่ะ
แบบว่าแนวจีนโบราณ ทั้งฮ่องเต้ ท่านอ๋อง องครักษ์ กงกง ฯลฯ
ไม่ค่อยจะมีคนแต่งให้อ่านสักเท่าไหร

เรื่องนี้ท่านอ๋อง ดูเหมือนจะไม่ได้เรื่องสักอย่าง แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งหลงรัก น่ารักน่าหลงเป็นที่สุด
ไม่แปลกที่องค์ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่จะทั้งรัก ทั้งหลง แบบนี้

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 28-06-2011 19:02:52
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 30-06-2011 02:55:31
กรี๊ดดด เพิ่งเข้ามาอ่านคะ
จบอย่างสวยงาม 555 น้องน้อยน่ารักซะขนาดนั้น องค์ฮ่องเต้ไม่หลงรักได้ไงเนอะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 30-06-2011 02:57:37
น่ารักมากมายฮ่องเต้กับอ๋องน้อย
ชอบมากเลยอ่านแล้วให้ความรู้สึกหวาน เศร้า ซึ้ง
และอบอุ่นใจมากมาย ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 09-07-2011 00:13:16

เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมากกกกกกกก  ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ฮ่องเต้มาหลงรักอ๋องน้อยได้ ทั้งๆ ที่อ๋องน้อยก็ดูร้ายๆ กวนๆ ในช่วงแรกด้วยซ้ำ
อ๋องน้อยก็นะ ไม่น่าเชื่อว่าความรักจะทำให้คนเราเปลี่ยนลุคได้ขนาดนี้ กลายเป็นแมวน้อยขี้อ้อนได้น่ารักจริงๆ

ขอบคุณผู้แต่งมากๆ นะค้าสำหรับเรื่องน่ารักๆ เรื่องนี้   :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: wisky ที่ 10-07-2011 18:20:22
อยากกรี๊ดสัก18ทีติดกัน น้องน้อยของฮ่องเต้น่ารัก น่าฟัดจิงๆ อิจฉาที่สุดหวานกันได้อีก
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 12-07-2011 21:52:39
ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ
สนุกมากๆค่ะและก็บีบหัวใจสุดๆเลยค่ะ
แอบอิจฉาอ๋องน้อย
ที่ได้รับความรักมากมายจากฮ่องเต้
อ่านมาถึงตอนจบแล้ว
แต่กว่าจะอ่านถึงตอนจบเล่นเอาซะค่ำเลย
แต่ละตอนเยอะหนำจริงๆค่ะ
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องสนุกๆเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 12-07-2011 23:16:39
พึ่งได้อ่านค่า
สนุกมากเลย
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 13-07-2011 17:32:44
ภูมิใจ ที่ได้อ่าน

ขอบคุณฮะ

 :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 15-07-2011 23:22:18
 :impress2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 16-07-2011 05:10:08
รวดเดียวจบ
ไม่ต้องหลับ ต้องนอนกันเลยน่ะ
ง่วงมากกกกก

น้องน้อยนี้  มาครบรสเลย

กร๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดยาว :o8:
อยากได้ อี้หลงที่สอง  :call:

 :m25: :z1: :pighaun: :haun4: :jul1: :oo1:

 :m20: :laugh: :pigha2: o18 :m15: :monkeysad: :sad11:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 16-07-2011 18:22:40
อ่าาาาาาาาาา เรื่องนี้สนุกมากเลย

ตอนแรกๆ อ๋องน้อยน่าตีมากๆ

แต่ตอนหลังๆ น่ารักๆ ขี้น้อยใจ ขี้งอน ขี้อ้อน น่ารักชะมัด

แอบหมั่นไส้ฮ่องเต้เล็กๆ ที่คิดเองเออเอง ให้อ๋องน้อยออกไปจากวัง

ตอนพิเศษที่ 2 อ๋องน้อยน่าฟัดสุดๆเลย ^^
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: meejang ที่ 18-07-2011 00:58:30
O_O น่ารักมากเลยค่ะ ตอนเปิดเรื่องมาช่วงแรกๆ ออกแนวดราม่า นิดๆ แต่พอเที้ยนหยวนมาอยู่ในวัง 3 เดือนแล้ว
ช่วงนั้นจะออกแนว น่ารักก็น่ารักขาดใจ อิหรอบจะดราม่าก็น้ำตานองนา(?) เลยค่ะ พอมาตอนจบ จบน่ารักมากเลยค่ะ
แบบ แฮร้ยยย~ *3* ชอบช่วงตอนถ้าออกมามากเลยค่ะ ออกมาดักอารมณ์ดราม่ามากๆเลย  o13
แบบ...กำลังดราม่ามากเริ่มปวดท้องตอนถ้าจะออกมาช่วยชีวิตเอาไว้ค่ะ แล้วตอนพิเศษ น่ารักมากกกกกก ก.ไก่ล้านๆตัว
ยิ่งตอนเมารักนี่แบบ น้องน้อยไม่ไหวแล้ว คนอ่านจะสำลักผ้าเช็ดตัว(?) ตายค่ะ! :m25:

ขอบคุณมากๆเลยนะคะ อ่านเรื่องนี้ ได้คำราชาศัพท์เพิ่มค่ะ ปกติเป็นคนไม่ค่อยได้ราชาศัพท์..ขนาดพระอุระ
ตอนแรกมายังต้องเปิดพจนาณุกรมเลยค่ะ -..-  :really2:

ชอบอี้หลงที่ 2 ค่ะ อยากได้มั่งอะไรมั่ง =3=    :-[
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 18-07-2011 23:44:25
เจ้าน้องน้อยเอ๋ย ตอนเเรกร้องไห้เพราะน้องน้อย สงสารมากๆยิ่งตินที่โดนขังยิ่งเศร้า

ตอนสุดท้ายฮ่องเต้ก็ได้น้องน้อยมาอยู่เคียงข้าง

น้องน้อยโดนกินได้เเบบโซะตะมาก คำพูดฮ่องเต้เเต่ละคำ :-[

เอ็นดูน้องน้อยเเต๊ะๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: snownut ที่ 20-07-2011 08:56:33
ชอบค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: gummin ที่ 20-07-2011 18:04:19
น่ารักมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: NAS ที่ 21-07-2011 04:28:00
ขอบคุณค่ะ น่ารักมากๆ เป็นแนวที่แปลกดีค่ะ

ขอตอนพิเศษเรื่อยๆนะคะ รักอ๋องน้อยกับฮ่องเต้จังเลย
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: fakelove ที่ 24-07-2011 13:00:36
กรี๊ ดดดดด
น่ารัก
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 24-07-2011 14:50:41
ขอบคุณทุกคนที่ชอบเรื่องนี้นะคะ ส่วนตอนพิเศษไอซ์คงไม่ได้เอามาลงที่นี้แล้ว
เพราะตอนพิเศษของเรื่องนี้ มันค่อนข้างเหนือจริงเกินมนุษย์
แต่หากว่าไม่รังเกียจจะอ่านแบบที่เป็นฟิค "วอนซิน" เรื่องนี้ ยังมีตอนพิเศษอีกสองสามตอนอ่ะคะ
หาอ่านได้ในเด็กดีที่ลิง "http://writer.dek-d.com/peeriya/story/view.php?id=620649"

 แล้วก็ ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ กับ This is Love

ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 25-07-2011 17:22:01
อ๊ายย..ย.......มันช่าง...(ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: thehackzzi ที่ 26-07-2011 15:38:02
ขอบคุณมากนะคัรบ สำหรับนิยาย ตอนนี้ยังไมได้อ่าน แค่เซฟเก็บไว้

อ่านเสร็จจะเม้นท์ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: NAS ที่ 06-08-2011 05:54:14
ชอบมากๆค่ะ อยากได้หนังสือต้องทำยังไงค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: tokun ที่ 24-08-2011 03:37:45
ขอเป็นแฟนคลับอ๋องน้อยด้วยคนค่ะ

แต่กว่าจะอ่านจบหมดน้ำตาไปเป็นอ่างเลยค่ะ :monkeysad:

อึดอัดในหัวใจกับคนทั้งคู่มาก

แต่สุดท้ายก็แฮปปี้ ขอบคุณเรื่องราวสนุกๆค่ะ :กอด1:

เป็นกำลังใจให้เรื่องต่อๆไปค่ะ o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 25-08-2011 08:02:35
สนุกมากๆเลยจร้า แบบว่าเราชอบเรื่องออกแนวจีนๆอ่ะ อ่านแล้วได้ฟิวดี >.,< โฮ่ะๆ
เรื่องนี้มีทุกรสจริงๆตั้งแต่รสธรรมดา หวาน หวานมาก  แต่ก็มีขมด้วย
แบบว่าอ่านไปต้องทำหน้าตั้งแต่ แบบนี้  :o8:  :m25:  :a5: :monkeysad: แบบว่ามีทุกรสชาติของชีวิตจริงๆ
ชอบท่านอ๋องกับฮองเต้มากๆ ขอให้ทั้งสองรักกันยาวนานหมื่นปีหมื่นๆปี
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Tua_Ddream ที่ 27-08-2011 19:04:13
เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆๆๆ

ขอบคุณคนแต่งค่าา ><
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 15-10-2011 22:38:26
ThanK   u
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 17-10-2011 12:45:56
สนุกมากอ่ะ

อ๋องน้อยน่ารัก

หวานจนน้ำตาลขึ้นจอ

เป็นนิยายที่ดีมากๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 26-10-2011 12:20:28
ประลองเสร็จก็แพ้ใจตัวเองแฮะ :กอด1:
 :L2: :n1: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: IsseYa ที่ 10-11-2011 09:41:01
สนุกมากอะ ถึงจะไม่เข้าใจราชาศัพท์ซักเท่าไหร่
อ๋องน้อยน่ารักอะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: kisssky ที่ 10-11-2011 17:58:16
หลงรักน้องน้อย
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 10-11-2011 20:56:26
โอ๊ยหลงรักเลยอ่ะ ได้ทุกรสเลยอ่ะ อ่านแล้วสนุกจังเลย
ให้เลย เยี่ยม อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 28-11-2011 21:29:02
ฮา ฮองเต้อะ 555

สนุกดีค้าบบ น้องน้อยก็น่ารักซะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: kolapapaya ที่ 28-11-2011 22:01:17
ชอบๆๆ น้องน้อย ฮ่องเต้เรียกซะน่ารักเลยอะ  :-[

เอาใจอ๋องน้อยสุดๆ มีอี้หลงที่หนึ่ง อี้หลงที่สองด้วย 5555

เข้าใจผิดกันนิดเดียว เกือบเศร้าเลยอะ ดีนะเนี่ยที่แฮปปี้เอนดิ้ง  :z2:

สนุกจ้าๆๆๆๆๆ  :mc4:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Vavaviz ที่ 01-12-2011 11:09:16
น่ารักจังเลยค่าาาาาาาาาา ><

อ๋องน้อยน่าุ๊จุ๊บมากก อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 01-12-2011 23:18:54
ครบเครื่องทุกอารมณ์จริงๆ
สนุกมากๆ ช่วงที่กินมาม่า แอบน้ำตาซึมด้วยหล่ะ :monkeysad:
อ๋องน้อยน่ารัก อ้อนเก่ง งอนเก่ง น้อยใจเก่ง เป็นที่หนึ่ง
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 02-12-2011 22:44:05
สนุกมาก ๆซึ้งมากๆอ๋องน้อยน่ารักมาก ๆเลย
เขียนดีมากชอบทุกตอนเลยเขารักกันหวานซึ้งมาก ๆ :L1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: sunness ที่ 03-12-2011 14:55:05
ท่านอ๋องน้อยน่ารักที่สุด ฮ่องเต้ก็แบบว่าอ่อนโยนเหลือเกิน   :o8:
ชอบตอนที่พูดคุยแทนตัวว่าพี่กับน้องมากเลยค่ะอ่านแล้วละมุนหัวใจพิลึก55+
แอบอยากเป็นอู่กงกง อยากเห็นฉากรักอัศจรรย์นั่นบ้างอ่ะ อิอิ
สรุปแล้วความรักก็เอาชนะทุกอย่างนะ ดูสิแม้แต่พ่อของอ๋องน้อยก็ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อคนที่รัก
อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 05-12-2011 20:44:23
ThankS
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 05-12-2011 20:52:52
ตอนแรกพูดถึงท้องแล้วก็อ้างสิทธิ์เด็กในท้อง...ก็คิดอยู่ว่าทำไมไม่ใช้ถุงยางละวะ

แต่คิดอีกที...ตอนนั้นมันมีที่ไหนกันเล่า....555+
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Ultramann ที่ 11-12-2011 13:38:40
สนุกมากครับ ได้ใจผมไปอีกเรื่องนึงละครับ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะครับ ขอชมอีกเรื่องนึงะครับ ขยันเอามาลงมาก แบบว่าต่อเนื่องมากครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 19-12-2011 21:03:44
ขอบคุณมากเลยครับ นั่งอ่านวันเดียวจบเลย สนุกมากๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 21-12-2011 18:43:39
สนุกและน่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: nishiauey ที่ 22-12-2011 16:51:57
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: hyapeonzz ที่ 25-12-2011 11:00:00
 :-[

หลากหลายอารมณ์มากค่ะ

ร้องไห้ นั่งขำ อมยิ้มอยู่คนเดียว

ขอบคุณสำหรับฟิคสนุกๆค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 30-01-2012 02:32:14
สนุกมากเจ้าค่ะ

ชอบตอนพิเศษที่ 2 มากๆ  o13
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 30-01-2012 18:25:13
เป็นคู่ที่น่ารักมากกกกกกกก

 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: som~ ที่ 09-04-2012 13:20:45
จบเเล้วๆๆๆ    น่ารักมากเลย  อ๋องน้อยกับฮ่องเต้   :-[ :-[ 
ตอนที่อ๋องน้อยจะออกจากวังบีบน้ำตามาก  :sad4:
เเต่ก็จบลงอย่างมีความสุข  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 13-10-2012 22:36:12
ThankS
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 14-10-2012 17:31:40
 :pighaun:อ๋องน้อยน่าร๊ากกกกกกกกกกกก 
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 15-10-2012 10:37:51
เรื่องน่ารักมาก ขอบคุณมากมาย :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 16-10-2012 03:27:01
สนุกมากเลยอ่ะ
ชอบอี้หลงกับเที้ยนหยวนที่สุด
จะรอติดตามเรื่องต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: VamZ ที่ 24-10-2012 09:38:02

ชอบมากเลยครับ
จะรอติดตามผลงานต่อๆไปนะครับป๋ม
^ ^

 :-[
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: omeye ที่ 24-10-2012 21:26:00
น้องน้อย ของพี่ :o8: 

น่ารักอ่ะ. หวานนนนนเกิน
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: chatori ที่ 28-11-2012 14:37:13
สนุกมาก ตอนพิเศษหวานน่ารัก
ตอนแรกดราม่าบีบหัวใจ
ฮ่องเต้กับอ๋องน้อยน่ารักทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Nuclear ที่ 28-11-2012 23:55:04
เป็นเรื่องแต่งที่น่ารักมากๆๆเลยย
ชอบฮ่องเต้...ที่ซู้ดดด++  :กอด1:
จะมีกี่คนที่รักเดียวใจเดียวได้ขนาดนี้   o13
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 05-12-2012 21:18:41
 :-[
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 07-12-2012 23:04:42
สนุกมากเลยจ้า
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 06-05-2013 16:15:47
เพิ่งอ่านจบ เฮ้อออออออออ

สนุกมากๆเลยค่ะ 

มีคำราชาศัพท์เยอะมาก แปลไม่ออกก็เยอะ  :laugh:  แต่ก็ชอบบบบบบบบ

มันอารมณ์แบบออกจีนโบราณ ชอบอ่ะ

#ใช้ความพยายามในการอ่านมากกว่านิยายเท่าไป แต่ทำได้น่าติดตาม  จนตามอ่านจนจบ  :mew1:

ขอบคุณนักเขียนนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 09-05-2013 18:58:49
เรื่องน่ารักดีไม่มีมาม่า
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 10-05-2013 15:28:05
 :mew1: สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: raviiib❁ ที่ 10-05-2013 22:35:46
อ่านตอนแรกแทบจะกดปิด....
กูหลงเข้ามาอ่านนิยายจอมยุทธ์จีนหรือออออ!!??

อ่านต่อไปเรื่อยๆเริ่มสนุก ฮ่าาาาา
บางตอนอ่านแล้วน้ำตารื้นเลย สงสารน้องน้อยU.U
ท่านฮ่องเต้แสนโง่เขลา โถ่ๆ แต่สุดท้ายก็แฮปปี้ละเนาะ(?)

สนุกมากจ้าาา เป็นดำลังใจให้ในเรื่องต่อๆไป>_<
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-05-2013 22:55:58
น่ารักอ้ะะะ
น้องน้อยน่าหยิกจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 13-05-2013 09:24:55
สนุก น่ารักมากเลยค่ะ
อ่านเรื่องนี้เก่งราชาศัพท์ขึ้นเป็นกองเลยค่ะ
เนื้อหาดีมากค่ะ ทั้งเศร้า ทั้งหวานปนอบอุ่นจนรู้สึกได้เลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ จะคอยเป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: suonlyyou ที่ 07-08-2013 19:27:17
 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 09-08-2013 11:30:37
น่ารักมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: uzosou ที่ 12-08-2013 11:45:49
ใช้ภาษาดีมากเลยค่ะ อ่านแล้วเพลินเลยนะ

เหมือนอ่านพวกหนังจีนอยู่จริงๆ 55+

สนุกมากเลยยย ท่านอ๋องน้อยกัลบขันทีเหี่ยวน่าัรักอ่ะ ทำฮ่องเต้หึงด้วย 555+

ชอบตอนพิเศษ พาเขาไปหอโคมแดงเอง แล้วก็หึงเอง ฮิๆ ><
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: KuMaY ที่ 20-08-2013 20:36:39
หวานมาก :-[
ทั้งอ๋องน้อยกะฮ่องเต้นี่ชอบคิดเองเออเองเกินไปนะ
ทั้งที่น่าจะเข้าใจกันแต่ก็ดันไม่เข้าใจกัน
แต่ถึงจะเศร้า บีบใจยังไง ก็ยังหวานกันได้ o13
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 25-08-2013 02:13:32
อ๋องน้อยก็ยังซน เอาแต่ใจเหมือนเคยยย ย น่าโดนลงโทษจริงเชียว
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 21-06-2014 18:15:13
สนุกมากๆค่ะ อ่าน3วันจบ อ่านไปด้วยทำงานไปด้วย อิอิ
เป็นนิยายแนวจีนที่อ่านแล้วไม่งงค่ะ ปกติจะโง่กะตัวละครจีนๆมาก 555
ขอบคุณค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 22-06-2014 10:56:30
่น่ารักมากๆเลยเจ้าคร่าาาาาา :z2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: natt teng ที่ 09-01-2015 00:20:38
สนุกมาก ชอบมากค่ะ อ่านซ้ำมาสองรอบในวันเดียว โชคดีมากค่ะที่มาเจอและได้อ่าน ท่านอ๋องน้อยกับฮ่องเต็น่ารักมากค่ะ หวานมากๆ :-[
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 11-01-2015 20:44:17
แบบว่าเมาเลือด เอิ้กกกๆๆๆ
สนุกมากๆ น่ารักมากๆ ภาษาสวย
ได้เรียนรู้ศัพท์จีน คำราชศัพท์ใหม่ๆ
ด้วย ที่สำคัญ ฮ่องเต้อีหลงกับท่านอ๋อง
เที้ยนหยวนก็น่ารักมากๆ หวานที่สุด
จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะเป็นกำลังใจ
ให้ค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 11-01-2015 23:00:15
ติดเเล้ววว :z13:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 04-10-2015 02:48:42
สนุกมากค่ะ ชอบนิยายจีนแบบนี้
เป็นเรื่องที่ทั้งหน่วงทั้งหวานทั้งขำอ๋องน้อย
ขำตอนที่ทหารนินทาอ๋องน้อย 555
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: shironeko ที่ 04-10-2015 19:59:27
สนุกมากค่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 22-02-2016 04:36:40
พล๊อตสนุกมากครับ แต่เนื้อหาและคำที่ใช้หลุดยุคเยอะมาก

ขอบคุณครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 10-05-2017 03:14:56
เข้ามาอ่านอีกรอบ ^^
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 14-02-2018 01:10:47
น่ารักมากเลย งื่มๆๆ o13
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 14-02-2018 11:58:28
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะห่างจากแนวจีนโบราณไปนาน  น่ารักมากค่ะถึงจะตกหล่นราชาศัพท์ที่ใช้เพราะพระเอกเป็นฮ่องเต้แต่ยอมได้เพราะอี้หลงหวานมากมายกับอ๋องน้อยเสมอ  ขอบคุณนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: BeauBeeiiz ที่ 01-03-2018 13:02:26
สนุกมาก เอ็นดูความน้องน้อยของฮ่องเต้

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-01-2019 15:59:39
อ่านกี่ครั้งก็ว่างเรื่องนี้ไม่ลงจริงๆ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 18-01-2019 22:10:32
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 26-04-2019 01:33:51
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 26-04-2019 10:46:41
 :pighaun: เรื่องนี้สนุกค่า   
NC ก็ดีต่อใจสายหื่นมากกกก ขอบคุณผู้แต่งค่ะ