IT is เต็มสิบ.by aoikyosuke :katai4:
หน้าที่ 1..... เต็มสิบ.1// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3517287#msg3517287)เต็มสิบ.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3517791#msg3517791)
หน้าที่ 2..... เต็มสิบ.3// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3518503#msg3518503)เต็มสิบ.4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3519223#msg3519223)
หน้าที่ 3..... เต็มสิบ.5// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3520087#msg3520087)เต็มสิบ.6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3520804#msg3520804)
หน้าที่ 4..... เต็มสิบ.7// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3521435#msg3521435)เต็มสิบ.8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3521933#msg3521933)
หน้าที่ 5....เต็มสิบ.9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3522687#msg3522687)
หน้าที่ 6... เต็มสิบ.10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3528001#msg3528001)
หน้าที่ 7... เต็มสิบ.11// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3528487#msg3528487)เต็มสิบ.12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3529453#msg3529453)
หน้าที่ 8... เต็มสิบ.13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3530346#msg3530346)
หน้าที่ 9... เต็มสิบ.14// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3532270#msg3532270)เต็มสิบ.15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3530999#msg3530999)
หน้าที่ 10... เต็มสิบ.16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3533350#msg3533350)
หน้าที่ 11... เต็มสิบ.17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3534939#msg3534939)
หน้าที่ 12... เต็มสิบ.18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3536376#msg3536376)
หน้าที่ 13... เต็มสิบ.19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3541114#msg3541114)
หน้าที่ 14... เต็มสิบ.20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3552682#msg3552682)
หน้าที่ 16... เต็มสิบ.21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3595064#msg3595064)
หน้าที่ 17... เต็มสิบ.จบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3629714#msg3629714)
❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤❤❤❤
สารบัญนิยายเรื่องอื่น ๆ
01. - รักเกิดในแผนกขนส่ง (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.0) 02. - รักเกิดในร้านก๋วยเตี๋ยว (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=4159.0) 03. - รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45186.0)
04. - ก็แค่ผู้ชายหยอกล้อกัน (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2531.0) 05. - เพราะเรากัดกัน (ผูกพัน) (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=1539.0) 06. - เพราะรัก(แน่เหรอ) ครับผม (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=7407.0)
07. - running..... (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0) 08. - สวัสดี (ยังไม่จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8912.0) 09. - เรื่องอื่น ๆ ใน Thaiboys ลองค้นดู (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=4686.0)
10. - IT is เต็มสิบ. (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56607.msg3517286#msg3517286) 11. - เพื่อนร่วมงาน (ยังไม่จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59781.msg3629565#msg3629565)
พูดคุยกัน ❤❤ Aoikyosuke Fanpage❤❤ (https://www.facebook.com/pages/Aoikyosuke-%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94/187318631478330)
IT is เต็มสิบ. by aoikyosuke (.5)
“นับเป็นมั้ยครับ ห้า หก เจ็ด แปด นับสิครับ”
เต็มสิบคิดว่า คุณธีรพล ฝ่ายประชาสัมพันธ์ช่างเป็นคนที่สอนยากสอนเย็น สอนเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้ทักษะการเต้นดีขึ้นเลย
“คุณนี่มันจริง ๆ เลยนะ”
ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความกลุ้มใจ และธีรพลก็หันมามองเต็มสิบที่ถอนหายใจใส่
ก็ถ้ามีทักษะในการร้องรำทำเพลงดีสุด ๆ จะต้องให้มาสอนทำไมวะ เรื่องแค่นี้ไม่น่าต้องพูดให้มากความ
ธีรพลลดแขนของตัวเองลง และรู้สึกเบื่อหน่ายกับสถานการณ์นี้เต็มทน
“ถ้าไม่ใช่เพราะบอสขอมา คิดว่าคนอย่างผมจะทำแบบนี้หรือไง”
แน่ะ ยังจะปากดีอีก กูอุตส่าห์สละเวลามาสอนทั้งที แทนที่จะขอบคุณเสือกมาปากดีใส่ซะได้
“ขอบคุณสักคำน่ะมีมั้ย”
พูดออกไปลอย ๆ และธีรพลก็หันมามองหน้าเต็มสิบทันที ไม่อยากจะพูดขอบคุณแต่เพราะคิดว่าเป็นทีมเดียวกันเลยจำใจต้องพูดออกไปส่ง ๆ จะได้จบเรื่องไป
“ขอบคุณก็ได้”
โห ถ้าจะขอบคุณขนาดนี้นะ เกรงใจแย่เลยครับ
“เป็นเกียรติอย่างสูงจริง ๆ” ประชดกลับไปและเต็มสิบก็เมินหน้าหนีคนที่พูดขอบคุณได้โคตรไม่จริงใจ
“ถามจริง ๆ คุณเป็นประชาสัมพันธ์ได้ยังไง ทักษะร้องรำทำเพลงแย่ขนาดนี้”
เพราะสงสัยถึงได้ถามและธีรพลก็นิ่งงันกับสิ่งที่เต็มสิบถาม จะบอกว่ามาเป็นประชาสัมพันธ์ได้ยังไงงั้นเหรอ พูดไปเรื่องนี้มันก็ยาว
“ก็ผมหน้าตาดี”
“ผมนึกว่าคุณจับเบอร์ได้”
“อ่อ คุณหน้าตาดีกว่าผมงั้นสิ”
“ก็ไม่รู้สิ ผมได้รับคัดเลือกให้ถือพานไหว้ครูมาตั้งแต่อนุบาลสอง”
บังเอิญเรียนชายล้วนและเด็กผู้ชายคนอื่นมัวแต่เล่นและเต็มสิบก็ไม่รู้ว่าตัวเองโดนยัดเยียดให้ถือพานได้ยังไงแม้กระทั่งตอนนี้ก็จำไม่ได้ แต่ก็สามารถเอาเรื่องนี้มาโม้ได้ตลอดจนโต
“ห้ะ”
“ผมหล่อมาตั้งแต่อนุบาล ถ้าไม่ใช่ตอนเด็ก ๆ เผลอไปดมกาว หน้าผมจะเข้ารูปกว่านี้”
กวนประสาทที่สุด ธีรพลหมดคำจะพูดกับเจ้าหน้าที่แผนกไอทีที่มาสอนให้เต้นในวันนี้
ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ เต็มสิบเป็นไอทีที่กวนประสาทที่สุดในโลก เกิดมาไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลยจริง ๆ
“นี่ผมเหนื่อยกับคุณมากเลยนะคุณเต็มสิบ”
“เฮ้ย คุณจะเหนื่อยได้ยังไง ผมยังไม่เหนื่อยเลย นี่ผมสดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากเลยนะ”
ไม่ใช่แค่พูด แต่เต็มสิบยังเอียงคอและยิ้มกว้าง ด้วยหน้าตาที่ธีรพลอยากจะเอานิ้วจิ้มตาคนที่ทำหน้าตาได้กวนประสาทที่สุด
“นี่ตอนนอนคุณเซ็ทผมแบบนี้ก่อนนอนด้วยหรือเปล่าเนี่ยคุณธีรพล”
สงสัยในเรื่องที่ไม่ควรสงสัย และธีรพลก็หงุดหงิดรำคาญใจกับคนที่สนใจทุกเรื่องของธีรพล ยกเว้นเรื่องเต้น
“คุณเต็มสิบ”
“ห้า หก เจ็ด แปด เอ้า มาเต้นกันอีกรอบ เดี๋ยวผมก็จะรีบไปทำงานต่อเหมือนกัน”
เปลี่ยนเรื่องคุยในทันที และธีรพลก็นึกโมโหคนที่เปลี่ยนเรื่องโดยไม่สนใจความรู้สึกของธีรพลว่ากำลังรู้สึกหงุดหงิดโมโหมากขนาดไหน
“เวลาคุณสั่นขา ให้มันได้ฟิลหน่อย เอวมีก็ต้องใช้”
ท่าเต้นบ้า ๆ บอ ๆ แบบนั้น ยอมเต้นก็บุญเท่าไหร่แล้ว ยังจะเอาออพชั่นเสริมเพิ่มเข้าไปอีก สนุกมากนักหรือไง
“คุณนี่ก็แปลกนะ ยิ้มแย้มเป็นมิตรกับคนอื่นตลอดแต่กับผมนี่ไม่รู้จะโกรธทำไมมากมาย ผมไม่เคยไปแย่งลูกชิ้นในก๋วยเตี๋ยวของคุณซะหน่อย”
เปรียบเทียบได้โดนใจ และธีรพลก็หันมามองหน้าของคนที่ยังลอยหน้าลอยตาและเริ่มนำการเต้นให้ธีรพลเต้นตามแล้ว
แค่นับสเต็ปก็ยากแล้ว ยังต้องใส่ความรู้สึกสนุกสนานลงไปในการเต้นอีกทำไมมันยากขนาดนี้ไม่เข้าใจ
จำใจเต้นไปอย่างฝืน ๆ พร้อมกับฝึกทักษะการต่อปากต่อคำกับเจ้าหน้าที่แผนกไอทีที่กวนประสาทที่สุดอย่างเต็มสิบไปด้วย
ทักษะการเต้นไม่พัฒนา ธีรพลไม่แปลกใจ เพราะอาจไม่ได้มีความสามารถทางด้านนี้แบบจริงจัง
แต่ถ้าทักษะการต่อปากต่อคำ ไม่พัฒนานี่สิ คงจะน่าประหลาดใจน่าดู
++++
ตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็ม ธีรพลต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายและออกนอกสถานที่ไปพบลูกค้าเพื่อประชาสัมพันธ์องค์กร กลับมายังไม่ทันได้หยุดพักก็ต้องซ้อมเต้นทั้งที่ไม่มีทักษะทางด้านนี้เลยด้วยซ้ำ
วันหยุดทั้งที ควรจะได้ทำอะไรบ้าง แต่กลายเป็นว่านอนหลับตลอดทั้งวัน และเพิ่งตื่นนอนตอนบ่าย สุดท้ายวันหยุดที่รอคอยก็กำลังบินจากไปทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย
ตื่นขึ้นมาก็ท้องร้อง หิวข้าว แต่ไม่มีอะไรให้กิน
เปิดตู้เย็นค้นหาของที่พอกินได้ก็ไม่มีอะไรเหลือ น้ำเปล่าในตู้เย็นมีเหลือแค่เพียงครึ่งขวดและธีรพลก็ได้แต่ถอนหายใจ
เสื้อยืดเก่า ๆ แขวนอยู่บนพนักโซฟาและธีรพลก็แค่สวมเสื้อและคว้าแว่นตาที่วางไว้บนโต๊ะมาใส่
การที่มีบ้านอยู่ไกลบริษัทมันก็ดีแบบนี้เวลาที่กลับมาเป็นตัวของตัวเองไม่ต้องสวมบทบาทประชาสัมพันธ์ของบริษัทที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเจอคนรู้จัก
มีแค่กระเป๋าตังค์ใบเดียวและคว้าหมวกแก๊ปมาสวมก็สามารถเดินไปซื้อข้าวกินได้แล้วโดยไม่ต้องสนใจใครอีก
“ส้มตำไทยใส่ปู แล้วก็ลาบหมู น้ำตกหมู ข้าวเหนียวสอง คอหมูย่าง กลับบ้านครับ”
สั่งอาหารเรียบร้อยและเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดอ่านข่าวที่ไม่มีเนื้อหาสาระอะไรให้สนใจ เป็นเพียงการอ่านเพื่อรอเวลาเท่านั้น
เต็มสิบคิดว่า คนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะถัดไปหน้าตาคุ้นมาก คล้ายกับคนรู้จัก คล้ายกับ..........
“180 บาทครับ”
ธีรพลเปิดกระเป๋าสตางค์และหยิบเงินส่งให้กับเจ้าของร้าน ปิดหนังสือพิมพ์และรับถุงอาหารที่สั่งมาถือเอาไว้ รับเงินทอนเรียบร้อยและเดินหิ้วถุงส้มตำแกว่งไปแกว่งมาตลอดทาง เดินกลับบ้านและร้องเพลงไปด้วยในระหว่างเดิน
“หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว มีผมคนเดียว รูปหล่อจริง ๆ นะเนี่ย”
ถ้าต้องฟังเพลงเดิมซ้ำ ๆ ติดต่อกันอยู่บ่อย ๆ ถึงไม่เคยชอบเพลงที่ฟัง แต่ก็เหมือนเพลงนี้วนไปวนมาอยู่ในหัวไม่ยอมหยุด
มีรถมอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบและธีรพลก็หันไปมอง
“คุณธีรพลไปไงมาไงครับเนี่ย ผมเห็นคุณตั้งแต่ในร้านส้มตำ คิดเอาไว้ว่าใช่ต้องใช่แน่ ๆ มันเป็นอะไรที่พูดยาก แต่ถ้าเห็นชัด ๆ ก็คงรู้แน่”
คนที่ไม่อยากให้เจอในสภาพนี้มากที่สุดตอนนี้มาอยู่ตรงหน้า และธีรพลก็เบิกตากว้างภายใต้แว่นสายตาหนา ๆ ที่สวมอยู่
“บ้านคุณอยู่แถวนี้เหรอ บ้านเพื่อนผมก็อยู่แถวนี้ เดี๋ยวผมไปส่ง”
ชวนกันดื้อ ๆ โดยไม่สนใจว่าธีรพลจะอยากให้ไปส่งหรือไม่
“ทักคนผิดแล้วคุณ”
ธีรพลรีบก้าวขาให้เร็วขึ้นเพื่อให้พ้นจากการถูกตาม แต่เต็มสิบก็ยังตามไม่ลดละ
“ทักผิดได้ยังไง นี่ไม่ใช่ละครไทยนะคุณ แค่ใส่แว่นใส่หมวกแล้วคนจะจำไม่ได้เหรอ ไม่ตลกไปหน่อยหรือไงคุณ”
ใช่ ตลกมากด้วย แล้วยังไง แล้วจะตามมาทำไมวะ
“นี่คุณไม่ต้องทำท่ารังเกียจผมขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ได้ตามมากระชากคอหมูย่างคุณนะ”
กวนประสาทถึงที่สุด และธีรพลก็หันมามองคนที่ยังคงตามมาไม่ลดละ
“คุณเต็มสิบ”
อะไรวะ คนอุตส่าห์มีน้ำใจ ทำไมถึงต้องทำเสียงดุกันด้วย
“หรือคุณจะให้ผม..............”
ยังพูดไม่ทันจบ แค่เว้นจังหวะช่องไฟไว้เล็กน้อยพอให้เติมคำในช่องว่างได้ พร้อมกับส่งรอยยิ้มแปลก ๆ ให้ แค่นี้ธีรพลก็ทำหน้าเหมือนโมโหมากและตะคอกถามด้วยความไม่พอใจ
“คุณขู่ผมเหรอ”
ใครไปขู่ตอนไหนวะ ยังไม่ได้ขู่เลย
“ผมจะได้รู้ว่าคุณปฎิเสธน้ำใจพลเมืองดีอย่างผม”
ตีหน้าเศร้าไปอีกเล็กน้อย และธีรพลก็ขึ้นมาซ้อนท้ายโดยที่ไม่ต้องให้พูดกันอีกให้มากความ
“ตรงไป”
พูดเพียงแค่นั้นและเต็มสิบก็หัวเราะออกมาด้วยความขำ
ไม่ได้จะขู่ ไม่เคยคิดจะแกล้ง แต่ท่าทางคุณธีรพลประชาสัมพันธ์ที่หน้าตาดีที่สุดในบริษัทคงกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่างที่เต็มสิบก็รู้ดีแก่ใจว่าเรื่องอะไร
“ผมไม่ได้จะขู่อะไรคุณนะคุณธีรพล เมื่อกี้ผมแค่จะบอกว่า หรือคุณจะให้ผมกระชากถุงคอหมูย่างคุณแล้วหนีไปหรือไง”
“.......................”
“คุณเต็มสิบ”
เพิ่งรู้ว่าเสียรู้คนกวนประสาทอย่างเต็มสิบเข้าแล้ว และเต็มสิบก็ได้แต่หัวเราะเสียงดังลั่นเพราะขำกับการเรียกชื่อของธีรพลซ้ำไปซ้ำมา
“คร้าบบบบบบบบบบบ คุณธีรพล ประชาสัมพันธ์ที่หน้าตาดีที่สุดในบริษัท ยินดีรับใช้ให้บริการไปส่งจนถึงหน้าบ้านเลยคร้าบบบบ”
TBC.
IT is เต็มสิบ. by aoikyosuke (.6)
“มาส่งถึงหน้าบ้าน นี่คุณจะแล้งน้ำใจขนาดไม่ชวนผมเข้าบ้านเลยเหรอ นี่ผมเหนื่อยมากเลยนะ”
แค่ออกแรงด้วยการบิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์ ก็เลยทำให้เหนื่อยมากเลยสินะ คงจะเหนื่อยมากจริง ๆ ช่างน่าเห็นใจ
สุดท้ายแล้ว เจ้าหน้าที่แผนกไอที ผู้ที่ไม่เคยสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ให้เป็นที่จดจำเลยสำหรับธีรพลก็เข้ามานั่งอยู่หน้าบ้านของธีรพล
ได้ยังไง?
เข้ามาได้ ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องสนใจ แต่เข้ามาแล้วก็มานั่งกินคอหมูย่างด้วย นี่มันอะไร
“แซ่บมว๊ากกกกกกกกกก”
อร่อยจนถึงขนาดยกนิ้วให้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ข้าวเหนียวอีกถุงไปอยู่ในมือของเต็มสิบนี่มันอะไร
“ไม่ต้องเกรงใจกันบ้างเลย”
พูดออกไปลอย ๆ และคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเอร็ดอร่อยก็เงยหน้าขึ้นมองธีรพลที่ยังถือส้อมค้างเอาไว้และโดนเต็มสิบแย่งส้อมไปจิ้มคอหมูย่างอีกชิ้นเข้าปากไปเรียบร้อย
“ค่าสอนเต้นไง”
ทวงบุญคุณกันแบบเห็น ๆ และธีรพลก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความกลุ้มใจ ตามมาทวงค่าสอนเต้นถึงนี่เลยนะ ความเกรงใจไม่ต้องมีกันบ้างเลย
“ส้อมของตัวเองก็มี จะแย่งผมทำไม”
ดึงส้อมในมือของเต็มสิบกลับคืนมาและก็กินส้มตำไปเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก และเต็มสิบที่กำลังเคี้ยวข้าวก็อมยิ้มน้อย ๆ เมื่อมองหน้าของธีรพลในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ผมว่าคุณเป็นแบบตอนนี้ ดีกว่าตอนที่เจอที่บริษัทอีก ยังไงล่ะ ดูเข้าถึงง่ายดี”
ใครต้องการให้เข้าถึงวะ
วางส้อมในมือลงทันที และธีรพลก็มองหน้าเต็มสิบแบบหาเรื่อง ท่าทางแบบนี้คงไม่ดีแน่ เต็มสิบก็เลยส่งยิ้มให้คนที่เริ่มหงุดหงิดไม่พอใจกันขึ้นมาอีกแล้ว
“ดูเข้าถึงยากเหมือนเดิมก็ได้”
มันดีขึ้นตรงไหน นี่คือข้อแก้ตัวหรือไง
“คุณเต็มสิบ”
ชอบว่ะ ชอบให้เรียกแบบนี้ ฟังแล้วมันดูตลกมากกว่าจะรู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจ
“คร้าบบบบบบบบบบบบบ คุณประชาสัมพันธ์ธีรพล ที่หน้าตาดีที่สุดในบริษัท มีความดีงามและเป็นที่รักของบอสโดยไม่มีใครเทียบได้”
แบบนี้เรียกว่าตั้งใจกวนประสาท ถ้าจะบอกว่าประชดก็คงไม่ผิด
“กินเสร็จแล้วก็กลับไปได้แล้วมั้ง จะอยู่รบกวนผมไปถึงไหน”
ถึงไหนเหรอ ก็ว่าจะ..... อืมมมมม
ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาและเต็มสิบก็ทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะส่งยิ้มให้และตอบสิ่งที่ธีรพลถาม
“เพื่อนผมมันยังไม่เข้าบ้านเลย บอกให้รอสักสองชั่วโมง ผมก็ไม่รู้จะไปไหน งั้นผมอยู่รบกวนคุณธีรพลประมาณสองชั่วโมง จนกว่าเพื่อนผมจะมาแล้วกันนะ”
มันใช่เรื่องมั้ยล่ะโว้ยยยยยยยยย
ธีรพลวางส้อมลงทันทีและหมดอารมณ์ที่จะกินอีก ลุกขึ้นเก็บจานเดินเข้าบ้าน โดยไม่หันมาสนใจคนที่มองตาม
“แต่คอหมูย่างยังเหลืออีกชิ้นนะคุณธีรพล”
แล้วไงวะ เหลืออีกชิ้นแล้วยังไง
ธีรพลหันมามองหน้าเต็มสิบที่มองตามคอหมูย่างหนึ่งชิ้นในจานตาละห้อย และจัดการหยิบขึ้นมากินต่อหน้าต่อตา ทำร้ายจิตใจของเต็มสิบขั้นรุนแรง
“คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
ทำไม่ได้เหรอ กูแดกแม่งเข้าไปแล้ว ไม่เห็นหรือไง ทำไมจะทำไม่ได้วะ
ไม่ใช่แค่หยิบใส่ปาก แต่ธีรพลค่อย ๆ เคี้ยว ให้เต็มสิบได้เห็นชัด ๆ เต็มตา
“ผมทำไปเรียบร้อยแล้ว”
แสยะยิ้มด้วยความสะใจ และธีรพลก็เดินหนีเข้าบ้านไปทันที ทิ้งให้เต็มสิบมองตามและน้ำตาแทบจะไหลเพราะโดนพรากคอหมูย่างชิ้นสุดท้ายไปต่อหน้าต่อตา
ธีรพลเดินเข้าบ้านไปแล้ว และเต็มสิบก็ได้แต่หัวเราะออกมาด้วยความขำ
ปกติไม่เคยเห็นคุณธีรพลที่มีดีแต่ทำหน้าหล่อและเก็กหน้าไปวัน ๆ ทำแบบนี้แต่วันนี้เพิ่งได้เห็นว่ามีมุมอื่นที่ทำให้หัวเราะออกมาได้เหมือนกัน
“รู้ตัวมั้ยนั่น ว่าทำตัวแบบนี้มันทำให้โคตรจะเข้าหาง่ายเลยจริง ๆ”
+++
“มันสะบัดไม่เห็นหรือไง จับหมาแค่นี้ก็จับไม่ได้ แตงกวา กัดมันเลยมั้ย ไม่ได้ช่วยอะไรเล้ยยยย”
เต็มสิบพับขากางเกงขึ้นและกำลังออกแรงในการจับหมาโกลเด้นตัวใหญ่ที่สะบัดตัวไปมา
แรงก็เยอะ ดื้อก็ดื้อ ไอ้หมาห่านี่มันคิดว่ากูเล่นด้วยหรือไงวะ
“เฮ้ย คุณอย่าไปบอกมันแบบนั้นสิ เดี๋ยวมันก็กัดผมเลือดสาดตายห่าหรอก”
เหรอ
แบบนี้ยิ่งต้องบอกเข้าไปใหญ่
“ถ้าแตงกวากัด พี่ธีจะให้ขนมหนึ่งชิ้น”
เฮ้ย นี่ถึงกับติดสินบนหมา ด้วยเรื่องแค่นี้เลยเหรอวะ แล้วไอ้หมาห่านี่ก็ทำท่าจะเชื่ออย่างที่ธีรพลบอกซะด้วย
“กัดพี่เต็ม พี่เต็มตบหัวทิ่มนะจ๊ะ”
เอียงคอมองหมาและส่งยิ้มเย็นยะเยือกให้กับหมาโกลเด้นตัวใหญ่ที่มองมาด้วยความไม่เข้าใจและตอนนี้ก็เริ่มกระโดดโลดเต้นอีกแล้ว
กูไม่ได้มาเล่นด้วยนะเว้ย กูมาช่วยจับเฉยเฉ้ยยยยยยยยยยย
“แตงกวา กัดแม่งเลย เดี๋ยวพี่ธีให้ขนมหนึ่งชิ้น”
“ลองกัดสิ กูแย่งขนมมึงแดกแน่ พี่เต็มไม่ล้อเล่นนะจ๊ะน้องแตงกวา พี่เต็มแดกจริง อาหารหมานี่ของโปรดเลย”
พูดเป็นเล่นไปได้
“นี่คุณกินอาหารหมาจริง ๆ เหรอ”
“จะลองกินก็วันนี้แหละ”
เต็มสิบตอบออกมาพร้อมกับเบ้หน้าไปด้วย และธีรพลก็หัวเราะออกมาด้วยความขำ เพราะสิ่งที่เต็มสิบบอก
“ไม่อยากกินอาหารหมาก็จับดี ๆ อย่าให้หลุดแบบเมื่อกี้อีก หลุดไปแตงกวามันก็ไปคลุกดิน ก็ต้องมาอาบอีกรอบ แค่นี้ก็สู้แรงหมาไม่ได้”
ขอบคุณที่ชม
“ปล่อยแม่งเลยมั้ย เอ้าไปเล้ยยยย ไปคลุกดินเลยแตงกวา”
ทำท่าจะปล่อยหมาจริง ๆ และธีรพลก็หันมาเอ็ดเต็มสิบเสียงดัง
“คุณเต็มสิบ”
อะไรเหรอ คุณธีรพล
“คุณธีรพล”
เรียกกลับ และธีรพลก็เรียกชื่อเต็มสิบกลับเหมือนกัน
“คุณเต็มสิบ”
“คุณธีรพล”
“คุณเต็มสิบ”
“คุณธี.......”
“โฮ่ง หงิง หงิง”
แปลง่าย ๆ ว่ากูหนาวแล้ว เมื่อไหร่จะอาบเสร็จซะที
เพราะโดนหมาร้องทัก ทั้งธีรพลและเต็มสิบก็เลยต้องหยุดสงครามที่ทั้งโง่และไร้สาระลง รีบอาบน้ำหมาให้เรียบร้อย ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน
“จับดี ๆ สิ”
“ผมก็จับดีแล้วนี่ไง คุณก็รีบ ๆ อาบให้เสร็จซะที นี่ผมเปียกไปจนถึงกางเกงในแล้วมั้ง”
“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจนะ นั่นมันปัญหาของคุณไม่ใช่ปัญหาของผม”
“โคตรแล้งน้ำใจเลยคนเรา อุตส่าห์มาช่วยจับหมาแท้ ๆ”
“ผมก็เลี้ยงส้มตำคุณแล้วไง”
ทำไมคนสองคนที่ไม่เคยคุยกันเลยถึงเริ่มมาคุยกันด้วยเรื่องไร้สาระไม่เป็นเรื่องแบบนี้ได้ก็ไม่รู้
ธีรพลอาบน้ำให้โกลเด้นตัวโต โดยมีเต็มสิบเป็นผู้ช่วยจับหมาไม่ให้วิ่งหนี
กว่าจะอาบน้ำหมาเสร็จเรียบร้อยก็ทำให้เหนื่อยจนแทบหมดแรง
“โคตรเหนื่อยเลยโว้ยยยย”
เต็มสิบพาตัวเองมานอนคว่ำหน้าอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวที่ใช้เป็นที่กินอาหารก่อนหน้าที่จะมาอาบน้ำหมาและธีรพลก็ยกมือขึ้นและยักไหล่สองข้างด้วยความสบายใจ ที่ได้ใช้แรงงานเต็มสิบจนคุ้มค่าอาหารที่เต็มสิบมาแย่งกิน
“ผมจะนอนพักเอาแรง ถ้าหกโมงเย็นแล้วปลุกผมด้วย”
ได้ไง?
แบบนี้ได้ยังไง
กลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง
ธีรพลได้แต่มึนงงสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น อยู่ดี ๆ เต็มสิบเจ้าหน้าที่แผนกไอที ที่กวนประสาทที่สุดก็เข้ามาอยู่ในบ้าน
มานั่งกินข้าวด้วยหน้าตาเฉย ทั้งที่ไม่ได้ชวน แถมยังไปช่วยอาบน้ำหมาจนเสร็จเรียบร้อยและตอนนี้ก็มานอนคว่ำหน้านอนหลับอยู่ตรงหน้า
“นี่คุณไม่คิดจะเกรงใจผมบ้างเลยเหรอคุณเต็มสิบ”
“ทีคุณใช้แรงงานผม คุณก็ยังไม่เกรงใจผมเลยไม่ใช่หรือไงคุณธีรพล”
แล้วมันสมควรมั้ยล่ะ แบบนี้มันสมควรถูกใช้แรงงานมั้ย
“งั้นคุณก็นอนไปแล้วกัน”
..........แต่ผมไม่ได้มีหน้าที่ปลุกคุณนะ.........
ธีรพลไม่ได้บอกประโยคถัดมา แค่เดินหนีเข้าบ้านและไม่สนใจคนที่นอนหลับอยู่หน้าบ้านอีก
ไม่ใช่นาฬิกาปลุกของใคร ไม่ได้รับปากว่าจะปลุก
ก็นอนไปแล้วกัน ตอนมาก็มาเอง ตอนกลับจะกลับตอนไหนก็ตามสบาย เพราะธีรพลเป็นคนค่อนข้างขี้เกรงใจ เลยไม่กล้ารบกวนใครเวลาจะหลับจะนอน
TBC.
IT is เต็มสิบ. by aoikyosuke (.7)
ฝนตก
เพราะอากาศร้อนอบอ้าวมาตลอดทั้งวัน พอมืดฝนก็เลยตก
ธีรพลไม่ได้สนใจว่าฝนจะตกหรือเปล่า เพราะมีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่
ทั้งที่ฝนตกขนาดนี้ ยังนอนหลับอยู่ได้ นอนขนาดนี้ไม่รู้ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา
“คุณเต็มสิบ คุณเต็มสิบ”
เขย่าแขนคนที่นอนคว่ำหน้านอนหลับอย่างจริงจังอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวเพื่อปลุกให้ตื่น แต่เต็มสิบก็ทำเพียงส่งเสียงในลำคอ และพูดบางอย่างที่ธีรพลฟังแทบไม่รู้เรื่อง
“อือ ผมขออีกห้านาที เมื่อคืนผมไม่ได้นอนเลย”
มันใช่เรื่องนั้นที่ไหนกัน
“ฝนมันตกแล้วฝนก็สาดเข้ามาแล้ว นี่คุณกำลังสร้างปัญหาให้ผมอยู่นะ”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่คนที่ยังนอนหลับก็ไม่ได้มีทีท่าจะตื่นขึ้นมา
“เฮ้ย คุณจะตื่นหรือไม่ตื่น”
คราวนี้ไม่ใช่แค่เขย่า แต่ยังพยายามดึงแขนของอีกฝ่ายขึ้นมาด้วย เริ่มหงุดหงิดโมโห และเต็มสิบที่ได้ยินเสียงของธีรพลที่ยังพูดไม่หยุดก็ค่อย ๆ ขยับตัวและลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ ในสภาพที่ผมยุ่ง หน้าตายังงัวเงียและไม่พร้อมที่จะพูดคุยอะไรในตอนนี้
“ฝนตก คุณเข้าใจคำว่าฝนตกมั้ย”
เข้าใจสิ ทำไมจะไม่เข้าใจ แต่ง่วงเหลือเกิน ง่วงจนทนไม่ไหว เต็มสิบลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปในบ้านของธีรพล มองหาที่นอนแล้วก็เดินไปล้มตัวลงนอนบนโซฟาทันที ธีรพลได้แต่อ้าปากค้าง และลุกขึ้นเดินตามไปเขย่าตัวคนที่เปลี่ยนที่นอนจากเก้าอี้หน้าบ้านมาเป็นนอนบนโซฟาในบ้านแทน
“เฮ้ย คุณจะมามั่วนิ่มนอนแบบนี้ไม่ได้นะ”
โวยวายไปก็เท่านั้น เพราะเต็มสิบไม่คิดจะสนใจ
“ฝนก็ตก กลับบ้านก็ไม่ได้ ง่วงก็ง่วง หัดเห็นใจคนอื่นเขาบ้างเถอะคุณ ผมไม่ได้คิดจะนอนที่นี่ไปตลอดชีวิตหรอกน่า คุณไม่รู้จักคำว่ามารยาทหรือไง อือออออ อย่ารบกวนผมอีกนะ”
ตกลงใครผิด นี่มันบ้านใคร ที่ทำอยู่เขาเรียกว่าบุกรุกนะโว้ย ทำไมถึงได้ไร้มารยาทได้หน้าตาเฉยขนาดนี้วะ
“คุณเต็มสิบ ลุกขึ้นมาเลยนะโว้ย”
ไม่ได้ผล โวยวายไปก็เท่านั้น เพราะแทนที่เต็มสิบจะตื่น ตอนนี้กลายเป็นว่าเมินหน้าหนีและดึงหมอนขึ้นมาอุดหูเพราะไม่อยากได้ยินคำพูดที่น่ารำคาญของธีรพล
“อีกสองชั่วโมงปลุกผมด้วยแล้วกัน”
มันเลยสองชั่วโมงมาจนมืดค่ำแล้วโว้ยยย
ธีรพลทำอะไรไม่ได้ นอกจากยืนมองและเดินวนไปวนมาด้วยความหงุดหงิดโมโหกับสิ่งที่เต็มสิบทำ
โว้ยยยยยยยยยยย ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้วะ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ มันน่าหงุดหงิด น่าโมโหจริง ๆ เลยโว้ยยย
+++
ห้าทุ่มแล้ว คิดจะนอนไปถึงไหนกัน ดึกดื่นป่านนี้แทนที่จะมีมารยาทและรีบ ๆ ตื่นขึ้นมาแล้วก็กลับบ้านไปได้แล้ว แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่แผนกไอที ที่กวนประสาทมากที่สุดอย่างเต็มสิบทำคือการนอนหลับยาว ไม่สนใจเลยว่าจะเป็นการรบกวนเจ้าของบ้านขนาดไหน
ธีรพลพูดอะไรไม่ออก ถึงหงุดหงิดโมโหไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เพราะหันไปทีไรก็เจอคนไร้มารยาทอย่างเต็มสิบนอนอยู่บนโซฟาไม่ขยับเขยื้อน
สิ่งที่ธีรพลทำได้ในเวลานี้เพียงแค่การรอ
รอว่าเมื่อไหร่อีกฝ่ายจะตื่น และถ้าถึงเวลาขึ้นนอนแล้ว เต็มสิบยังไม่ตื่น คงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด
สิ่งที่สร้างความบันเทิงใจให้ธีรพลได้ในตอนนี้มีเพียงอย่างเดียว คือการมองไปที่หน้าจอโทรทัศน์และนั่งดูรายการตลกและหัวเราะไปกับความบันเทิงที่รายการนำเสนอ
เพราะรายการตลกก็เลยขำ และหัวเราะ เสียงหัวเราะของธีรพลปลุกให้เต็มสิบตื่นได้พักใหญ่แล้ว เพราะขี้เกียจลุกก็เลยยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น นอนมองหน้าของธีรพลไปเรื่อย ๆ มองธีรพลในแบบที่ไม่เคยเห็นตอนที่อยู่ในบริษัท
“...............”
ไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไม ธีรพลถึงเป็นประชาสัมพันธ์ของบริษัทได้ เพราะหน้าตาแบบนี้เลยสามารถดึงดูดใจคนได้ไม่น้อย
เวลาที่คนเราถูกจ้องมองอยู่จะรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมา ธีรพลหันกลับไปมองคนที่นอนหลับอยู่บนโซฟาและยังเห็นว่าอีกฝ่ายยังหลับอยู่ หันกลับไปมองที่รายการโทรทัศน์อีกครั้ง แต่ก็ยังรู้สึกถึงสายตาของเต็มสิบที่มองอยู่ตลอดเวลา และเมื่อหันกลับไปอีกครั้ง ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ มั่นใจยิ่งกว่ามั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเอง
คิดจะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย ย่อมได้
ธีรพลยกแขนขึ้นและเอียงตัวไปมาเพื่อคลายความเมื่อยล้า ลุกขึ้นยืนและเดินไปปิดโทรทัศน์ เดินอ้อมมาที่หลังโซฟา และยืนดูปฏิกิริยาของคนแกล้งหลับ
เอาสิ จะแกล้งได้อีกนานแค่ไหน
เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายลุกขึ้นเดินจากไปแล้ว เต็มสิบก็เลยค่อย ๆ ขยับตัวและลุกขึ้นนั่ง และเมื่อหันไปเจอคนที่ยืนกอดอกมองอยู่ก็ยกมือทาบอกและอุทานออกมาดูแล้วน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด
“อุ๊ยตาย ว้ายกรี๊ด ตกใจหมดเลย”
เหรอ ตกใจมากเลยเหรอ ตกใจมากเลยใช่มั้ย ไม่ต้องมาทำเป็นมีมารยาแกล้งทำเป็นตกใจเลยมันไม่สมจริงเลยสักนิดเห็นแล้วมันน่าโมโหดูก็รู้ว่ามารยา
“ใครเชื่อก็บ้าแล้ว ทำไมคุณไม่ลงไปนอนหลับอีกรอบซะเลยล่ะ”
ทำแบบนั้นได้เหรอ
เพราะได้รับการอนุญาตให้แกล้งหลับได้อีกครั้ง เต็มสิบก็เลยรีบล้มตัวลงนอนและหลับตาลงทันทีและธีรพลก็เดินมาลากแขนของเต็มสิบให้ลุกขึ้น
“หัดเกรงใจกันบ้างสิโว้ย รีบลุกขึ้นมาแล้วก็กลับบ้านคุณไปได้แล้ว”
ก็ได้ ก็ได้ จะตื่นเดี๋ยวนี้ล่ะ
เต็มสิบยอมลุกขึ้นนั่งแต่โดยดี และคนที่ทั้งลากทั้งดึง ก็ทำหน้ายุ่งเหยิงใส่ แค่มองก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องออกแรงมากขนาดไหนกว่าจะลากให้เต็มสิบลุกขึ้นนั่งได้ แทนที่จะสำนึกที่สร้างความเดือดร้อนให้แต่เต็มสิบกลับส่งยิ้มให้ธีรพล ที่ยังหน้างอหงิกไม่เลิก
“ระบบล่ม แผนกไอทีไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว ผมเพิ่งจะได้นอนเมื่อตอนบ่ายวันนี้เอง”
แล้วยังไง แล้วมาบอกทำไม
“เรื่องของคุณ”
“แสดงว่าเรื่องที่ผมเล่า ยังดราม่าไม่พอ งั้นเอาเรื่องนี้ดีกว่า เพราะว่าวันนี้ ที่บ้านผมเป็นวันรวมญาติ คนมากันเต็มบ้าน ผมกลับบ้านไปก็นอนไม่ได้ นี่ผมก็มาหาเพื่อนผมเพราะหวังจะมานอนที่บ้านมันด้วยส่วนหนึ่งนั่นแหละ แต่มันก็ไม่อยู่บ้าน วันนี้ถ้าไม่ได้มานอนบ้านคุณ ไม่รู้พรุ่งนี้ผมจะมีแรงไปทำงานไหวมั้ย”
นั่นมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องรับรู้หรอกนะ
“แล้วมาบอกผมทำไม”
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบอกทำไม
“ที่พูดมายาว ๆ นั่นผมแค่เกริ่นนำ”
เกริ่นนำทำไม ใครอยากรู้เรื่องของคุณหรือครับคุณเต็มสิบที่มารบกวนโดยไม่คิดจะเกรงใจกันบ้างเลย
“บ้านคุณจะรวมญาติ เชงเม้ง แซยิดอะไรมันก็เรื่องของคุณ มันไม่เกี่ยวกับผม แล้วผมก็อยากจะบอกมากว่าผมโคตรรำคาญคุณเลย นี่ผมพูดจริง ๆ”
บอกความรู้สึกออกไปตรง ๆ แต่เต็มสิบไม่ได้โกรธและยิ้มรับกับสิ่งที่ธีรพลพูดออกมา
“คุณนี่ ปากตรงกับใจดีจริง ๆ ผมชอบ งั้นผมก็อยากบอกคุณว่า ...ขอบคุณนะที่ยอมให้ผมมานอนที่บ้านคุณทั้งที่คุณโคตรรำคาญผมเลย...นี่ผมก็พูดจริง ๆ เหมือนกัน”
“..................”
“.................”
“แล้วยังไง”
ไม่แล้วยังไงหรอก
“น่อวววววววววววววว คุณซึ้งใจกับคำขอบคุณของผมล่ะสิ น้ำตาคลอเลย เปล่าหรอกจริง ๆ ผมแค่ง่วงนอนเฉย ๆ ไม่ได้มีดราม่าอะไร ผมแต่งเรื่องไปงั้น”
“คุณเต็มสิบ”
“คร้าบบบบ คุณธีรพล”
ส่งยิ้มกวน ๆ ให้กับธีรพล และเต็มสิบก็รีบลุกขึ้นและโบกมือลาธีรพลทันที ก่อนที่ธีรพลจะโมโหไปมากกว่านี้
“ผมกลับล่ะคร้าบบบบ บ้ายบายน๊า แล้วพรุ่งนี้เจอกัน”
ใครอยากเจอวะ แม่ง น่าโมโห คนอย่างเต็มสิบนี่มันเป็นคนยังไง ธีรพลรู้สึกว่าตัวเองกำลังโมโหเต็มสิบแทบตาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากตะโกนไล่ให้เต็มสิบรีบกลับไปเร็ว ๆ
“รีบ ๆ กลับไปซะทีสิโว้ย”
ก็กลับแล้วนี่ไง คุณธีรพล ประชาสัมพันธ์ที่หล่อและหน้าตาดีและเป็นที่รักของบอสอย่างสุดหัวใจ ทำไมชอบไล่กันจัง ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
TBC.
IT is เต็มสิบ. by aoikyosuke (.8 )
คนที่ไร้ทักษะทางด้านการเต้นขนาดนี้เป็นประชาสัมพันธ์ได้ยังไง เต็มสิบไม่เข้าใจ
“คุณก็แค่ยกแขนกับขาให้มันสัมพันธ์กันแค่นั้น”
“......................”
“งั้นคุณยกแขนอย่างเดียวขาไม่ต้องขยับก็ได้”
“....................”
“งั้นคุณไม่ต้องยกแขน ไม่ต้องขยับขาคุณแค่โยกตัวไปมาก็ได้”
“...................”
“ยืนเฉย ๆ เลยมั้ย ไม่ต้องทำอะไรแล้ว รอตอนจบก็ขึ้นมายืนหล่อเหมือนปีก่อน ๆ ก็ได้”
“...................”
ธีรพลยืนนิ่งและถอนหายใจยาว คนไร้ทักษะในการเต้น ทำยังไงก็ไม่พัฒนา ทุกอย่างดูผิดจังหวะไปหมด และยิ่งซ้อม เต็มสิบยิ่งเต้นพริ้วขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนธีรพล ยิ่งพัฒนาถอยหลังลงคลอง
“เอายังไง”
จะให้เอายังไง ก็คนมันเต้นไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
“ผมลาออกจากบริษัทนี้คงง่ายกว่ามั้ง”
ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ว่าให้ลาออกจากบริษัทสิ แค่ลองหาวิธีอื่นดูที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้
“ป่วยเลยมั้ย”
ช่วยหาทางให้ และธีรพลก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของเต็มสิบตรง ๆ
“ถ้าคุณเต้นไม่ได้ คุณต้องแกล้งป่วยแล้วล่ะ หรือไม่ก็บอกไปว่าท้องเสีย ปวดหัวเป็นไข้ จะเอายังไงก็เอาสักอย่าง ขึ้นไปแบบนี้ ไม่น่ารอด”
แบบนั้นทำไม่ได้หรอก มันเสียศักดิ์ศรีเกินไป
“ผมจะเต้น”
เต้นแบบนี้เหรอ ฟิลลิ่งไม่มี คร่อมจังหวะ ท่าไม่ได้ ทุกอย่างแย่ไปหมด เหมือนดูเด็กอนุบาลเต้น มันก็คงจะสนุกกว่านี้และไม่ต้องคิดอะไรมาก ถ้าแผนกอื่น ๆ ไม่คาดหวังไว้เยอะ และถ้าไม่ถูกพูดจาแปลก ๆ ใส่อยู่ตลอดธีรพลก็คงไม่ต้องจริงจังขนาดนี้ ที่จริงการเต้นในงานปีใหม่มันไม่เคยเป็นแค่การเต้นเพื่อความสนุกสนาน เรียกง่าย ๆ ว่ามันคือสงครามระหว่างแผนกก็ว่าได้
“แต่คุณเต้นได้ห่วยมากนะ นี่ผมพูดตรง ๆ”
ห่วยมากก็ต้องเต้น
“มันเป็นสปิริต อีกอย่างผมไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนร่วมแผนก ทำก็ต้องทำด้วยกัน ผมจะเต้นต่อก็แล้วกัน ผมไม่ค่อยมีเวลาซ้อม ถึงไม่มีเวลาซ้อมแต่ผมก็ไม่อยากให้ทุกคนผิดหวัง”
แบกรับความคาดหวังของคนทั้งแผนกเอาไว้ ก็เลยต้องพยายามทำให้เหนือกว่าสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง
เต็มสิบได้แต่ส่ายหน้าและถอนหายใจ ก่อนจะเดินกลับมายืนประจำที่ และเริ่มก้าวเท้าไปข้างหน้าตามสเตปให้ธีรพลก้าวตาม
“ส่ายเอว ยกมือ ขยับขา นับ ห้า หก เจ็ด แปด”
สอนไปไม่รู้กี่ครั้ง ถึงพยายามแค่ไหน ทักษะของธีรพลก็ไม่พัฒนา แต่เต็มสิบก็ยังมีความพยายามที่จะสอน
“แล้วก็ ก้าวขาไปข้างหน้า ถอยหลังหนึ่งก้าว เอามือแนบลำตัว ขยับไปซ้าย...ขวา....”
เต็มสิบก็แค่เต้นไปเรื่อย ๆ เต้นจนเกือบจบเพลงและหันกลับไปดูคนที่ต้องเต้นตาม
ธีรพลไม่ได้เต้นตามและตอนนี้ลงไปนั่งกับพื้นเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้ยยยย เป็นอะไร เต้นแค่นี้ อย่าเพิ่งตายนะเฮ้ย คุณ”
ไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่หน้ามืด เลยลงมานั่งพักหายใจแค่นั้น
ธีรพลเงยหน้าขึ้นมองและรู้สึกเหมือนตาพร่าเห็นหน้าของเต็มสิบไม่ค่อยชัด
“ผมหิวข้าว”
ห้ะ
“แล้วทำไมคุณถึงไม่กิน”
“ก็วันนี้ไปข้างนอกมา มันยุ่ง เดี๋ยวไม่มีเวลาซ้อม คุณชอบบอกว่าให้รอสิบนาที แต่เอาเข้าจริงก็แกล้งให้ผมรอเป็นชั่วโมงตลอด ถ้าผมไม่รีบไปตาม คุณก็จะไม่ยอมซ้อมให้ผม หาเรื่องถ่วงเวลา”
อ้าว
ความผิดกูซะงั้น
“ผมผิดเหรอ”
“ใช่ คุณผิด”
ทำไมเป็นแบบนี้วะ ทำไมมาโยนความผิดให้กันซะได้ เต็มสิบไม่รู้จะตอบโต้คนที่โยนความผิดมาให้ยังไง ได้แต่ส่ายหน้าและถอนหายใจ อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก อยากจะโมโหก็ทำไม่ได้ ดึงแขนคนที่นั่งอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้นมาและช่วยประคองไปนั่งรอที่เก้าอี้ และธีรพลก็ยอมทำตามง่าย ๆ ไม่งอแงงี่เง่าหรือทำตัวมีปัญหา
“นี่มันหกโมงเย็น งั้นก็กลับบ้านไปหาอะไรกินแล้วกัน เลิกซ้อม”
“เลิกซ้อมได้ยังไง ก็วันนี้วันศุกร์ ผมมีเวลา แล้วผมต้องเต้นท่าต่อไปให้ได้ด้วย”
“ทำไมรั้นนักวะ”
“แล้วจะให้ทำยังไง”
เออ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว นั่งอยู่นี่แหละ
“ใกล้ ๆ นี้ก็มีแค่ข้าวกล่อง”
ก็ข้าวกล่องนั่นแหละที่ต้องการจะกิน
“ความผิดทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นเพราะคุณ เพราะฉะนั้นคุณต้องไปซื้อข้าวให้ผมกินใช่มั้ย”
ไม่ใช่โว้ยยย
ตกลงนี่มันกลายเป็นปัญหาชีวิตของกูตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
เต็มสิบได้แต่ยืนงง และธีรพลก็พยักหน้ารับและส่งยิ้มให้ แบบนี้มันคือการหลอกใช้กันชัด ๆ
“นี่ผมต้องไปซื้อข้าวให้คุณกินเหรอ”
ถามกลับด้วยความสงสัย และธีรพลก็พยักหน้าและยังสั่งให้ซื้ออย่างอื่นมาด้วยนอกจากข้าว
“อยากกินน้ำแดงด้วย”
เป็นกุมารทองหรือไงวะ ต้องกินน้ำแดง
“จ่ะ เดี๋ยวจะไปซื้อมาบูชาเดี๋ยวนี้แหละนะจ๊ะ พ่อกุมารทอง รอหน่อยนะจ๊ะ”
เป็นถ้อยคำประชดประชันที่ทำให้ธีรพลนิ่วหน้าและเมินหน้าหนีเต็มสิบที่ยืนมองมาและเริ่มมีรอยยิ้มน้อย ๆ จุดขึ้นที่มุมปาก
“ตังค์ล่ะ”
“อยู่บนออฟฟิศ ไม่ได้หยิบมา”
อ้าว ทำไมนิสัยแบบนี้ล่ะ ไปซื้อให้กินแล้วยังต้องให้ออกเงินให้อีก มันไม่ใช่แล้วนะครับแบบนี้คุณธีรพล
“ผมไม่ใช่องค์กรการกุศลนะ ถึงจะต้องเลี้ยงดูคุณด้วยข้าวกล่องและน้ำแดงฟรี ๆ”
“อย่างคุณไม่น่าจะทำกุศลได้นะ ทำบาปน่าจะขึ้นกว่า”
แน่ะ ยังปากดีอีก
“ไม่ต้องกินแล้วมั้งแบบนี้ ไม่น่าเป็นอะไรแล้วนี่”
“คุณเต็มสิบอ่า”
ธีรพลเรียกเต็มสิบแบบนั้นอยู่ทุกวัน บางวันเรียกชื่อด้วยความโมโห บางวันก็เรียกด้วยความงี่เง่า ฟังดูแล้วน่ารำคาญ แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ ที่เสียงของคนพูดดูอ่อย ๆ และฟังดูน่าสงสาร
“คุณไม่คิดจะรักษาภาพพจน์อย่างที่เคยทำหรือไง”
“คิด แต่ผมหิว ผมจะลืมมันไปก่อน เอาไว้ได้กินน้ำแดงแล้วจะกลับมารักษาภาพพจน์ต่อ”
อย่างนี้ก็ได้เหรอวะ
แบบนี้มันสมควรแล้วเหรอ
ที่สำคัญ ทำไมต้องทำหน้าให้น่าสงสารและทำเสียงอ้อนแบบนั้นด้วยไม่เข้าใจ
“คุณธีรพล”
เต็มสิบเรียกชื่อของธีรพลกลับด้วยน้ำเสียงดุ ๆ และก็ทำหน้าจริงจังขึงขัง ดูแล้วน่าตกใจ
“ครับ”
อย่าตอบแบบนี้ได้มั้ยวะ อย่ามาพูดจาแบบนี้ อย่าทำตัวแบบนี้ เวลาไม่มีแรง เวลาหิว เพราะมันจะทำให้เต็มสิบใจอ่อนได้ง่าย ๆ
“เออ น้ำแดงจะเอาขวดเล็กหรือขวดใหญ่”
“ขวดเล็กก็ได้”
แค่บอกว่าน้ำแดงขวดเล็กก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำเสียงอ่อยขนาดนั้นก็ได้
“คุณติดหนี้ผมอยู่นะ ผมไม่ได้ไปซื้อให้ฟรี ๆ ผมคิดค่าจ้างด้วย”
“ได้”
แล้วทำไมถึงตอบตกลงง่าย ๆ แบบนั้น ไม่คิดจะต่อรอง ไม่คิดจะกวนประสาทแบบที่เคยทำบ้างหรือไง
แล้วแบบนี้จะให้ทำยังไง
แล้วแบบนี้จะให้เต็มสิบทำยังไง นอกจากถอนใจยาวและพูดอะไรไม่ออก
“เออ งั้นเดี๋ยวผมมา รออยู่นี่แหละ”
“แล้วผมจะไปไหนได้ล่ะ”
ได้ยินเสียงตอบกลับแล้วเต็มสิบก็หันกลับมามองคนที่ยังมีแรงต่อปากต่อคำกันได้อีก
“กวนตีนนะครับ คุณธีรพล”
“แก้หิว”
ไม่ใช่มั้ง มีด้วยเหรอคนที่พูดจากวนตีนแก้หิว เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก
น่าแปลก ถึงจะโดนกวนกลับแบบนั้น แต่เต็มสิบไม่นึกโกรธเหมือนอย่างที่เคย
ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องรีบเดินให้เร็วขึ้น เพื่อไปที่รถที่จอดอยู่
ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงนึกสงสารคนที่ทำงานจนไม่มีเวลากินข้าว
ไม่เข้าใจอะไรเลย สิ่งที่เข้าใจมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
..........ดูเหมือนธีรพลจะไม่ใช่คนที่เข้าถึงยากอย่างที่เคยคิดมาตลอด ทั้งที่อยู่บริษัทเดียวกันมาหลายปี แต่เพิ่งจะได้คุยกันแบบจริง ๆ จัง ๆ ก็เพิ่งจะปีนี้นี่เอง............
TBC.
IT is เต็มสิบ. by aoikyosuke (.9)
“ธี เอ่อ ธี ชอบเจนได้มั้ย”
คนเราถ้าไม่มีความหวัง และถ้าไม่เพราะคนที่ชอบทำเหมือนมีท่าทีด้วย คงไม่มีใครกล้าพูดคำนี้ออกมาเด็ดขาดและธีรพลก็มั่นใจแล้ว ถึงได้พูดคำนี้ออกมา
“เฮ้ย ล้อกันเล่นหรือเปล่า ธี เราเป็นเพื่อนกันไง ล้อเล่นแบบนี้เจนไม่ขำเลยนะ”
ไม่ขำ
ใช่
ธีรพลก็ไม่ได้ล้อเล่นให้ขำ
“ธีจริงจัง”
เพราะว่าจริงจัง ธีรพลถึงกล้าที่จะลองรักดูและใช้เวลาหลายปีในการอยู่ข้าง ๆ มาตลอดจนถึงวันที่มั่นใจแล้วว่าเราน่าจะชอบกันจริง ๆ ถึงได้พูดคำนี้ออกมา
“ธีชอบเจนจริง ๆ นะ”
“ธี คือ เรา...”
“...............”
“เราไม่ได้คิดอะไรกับธีว่ะ เราเห็นธีเป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด ธีเข้าใจเราใช่มั้ย”
“.............”
ไม่
ไม่เข้าใจ ธีรพลไม่คิดว่าตัวเองจะเข้าใจอะไรได้ทั้งนั้น ตัดสินใจในวันนี้ เพื่อทำให้ทุกอย่างเป็นจริงแล้วสิ่งที่ได้รับกลายเป็นคิดไปเองแค่คนเดียว
แล้วที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร
“เรา ขอตัวก่อนนะ เอาไว้ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะธี”
คำว่าเดี๋ยวค่อยคุยกัน ธีรพลพยายามทำความเข้าใจและแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า บางทีเธออาจต้องการเวลาในการตัดสินใจอีกหน่อย
บางที...
อาจจะเป็นแบบนั้น
บางทีนะ....
แต่นับตั้งแต่วันนั้น เธอไม่เคยมองกลับมาที่ธีรพลอีกเลย
+++
“ไม่ใช่ว่ารังเกียจหรอก เอาจริง ๆ ธีมันก็เป็นคนดีนะ เรียนก็เก่งช่วยทำรายงาน มีเลคเชอร์ก็จดไว้ให้ตลอด แต่ว่า....”
“พาไปไหนด้วยไม่ได้ใช่ป่ะ”
“ก็นะ”
“ไม่ใช่ว่าจะคบคนที่หน้าตานะ แต่ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ”
“เข้าใจว่ะ เกาหลียังไม่กล้าศัลยกรรม ก็คิดดูแล้วกัน”
ธีรพลยืนมองตัวเองที่หน้ากระจก แววตาเลื่อนลอย ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากคนที่เหมือนคบหากันมาหลายปี และเมื่อบอกความรู้สึกออกไปจริง ๆ เธอกลับบอกว่าไม่คิดอะไรเห็นธีรพลเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น
ธีรพลเป็นคนที่ดี เรียนเก่ง ตั้งใจเรียน แต่พาไปไหนด้วยไม่ได้
คำว่าพาไปไหนด้วยไม่ได้ ธีรพลเข้าใจแล้ว เข้าใจดีหมดทุกอย่าง เพราะหน้าตาแบบนี้ เพราะหน้าตารูปร่างเป็นแบบนี้
นอกจากความดี นอกจากความรักที่มีให้ ไม่ได้มีอะไรให้เธอภาคภูมิใจเลยสักอย่าง
พาไปไหนด้วยไม่ได้
เกาหลียังไม่กล้าศัลยกรรม
“ไอ้เหยินธี”
“ว่าไงขวานฟ้าหน้าดำ นอกจากตาขาวแล้วมีส่วนไหนของมึงที่เป็นสีขาวบ้างมั้ยวะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“นี่ถ้ามึงเรียนไม่เก่งนะ มึงแม่งไม่มีห่าอะไรดีสักอย่างเลยนะธี ไม่รวย ไม่หล่อ ไม่มีเหี้ยอะไรทั้งนั้น”
เรื่องบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต บางทีมันก็เหมือนความฝัน ถึงจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ก็ยังฝังใจอยู่ตลอดเวลา
“ให้ไอ้ธีไปยืนเป็นแบ็คกราวด์ก็ได้นะ ส่งบทอะไรให้มันก็เล่นไม่ได้ ไปยืนสั่นอยู่หน้าเวที ส่งเสริมไม่ขึ้นเลยว่ะ นี่ก็ช่วยเต็มที่พยายามให้มีบทแล้วนะ”
“พอส่งไปยืนรายงานหน้าชั้นทีไร ไอ้ธี แม่งพูดเหี้ยอะไรไม่รู้ กูฟังไม่รู้เรื่องเลยว่ะ”
“............”
“............”
“คุณธีรพล”
“นี่”
“คุณธีรพลหิวจนเป็นลมไปแล้วเหรอครับ นี่ผมไปแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเองนะ”
ธีรพลเงยหน้าขึ้นมองคนที่เรียก และเต็มสิบก็ขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเห็นว่าหน้าของธีรพลแทบไม่มีสีเลือดและดูแย่กว่าก่อนที่จะไปซื้อข้าวให้
“เฮ้ย อย่าเพิ่งตายนะ เป็นอะไรเนี่ย”
ไม่ได้เป็นอะไร แค่บางทีอาจจะน้ำตาลตกเลยรู้สึกว่าต้องรีบเติมน้ำตาลเข้าไปในกระแสเลือดเท่านั้น
“ซื้อน้ำแดงมาหรือเปล่า”
ไม่ต้องรอให้ถามอีกรอบ เต็มสิบจัดการเปิดฝาขวดน้ำแดงส่งให้ธีรพลทันที
“อือ”
ธีรพลรีบยกขวดน้ำแดงขึ้นดื่ม และยกหลังมือขึ้นเช็ดปากก่อนจะวางขวดไว้ข้างตัว ถอนหายใจยาว และหันไปมองหน้าของเต็มสิบที่ทำหน้าเหมือนกำลังไม่สบายใจกับอาการของธีรพล
“ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่น้ำตาลตกเฉย ๆ มั้ง”
ไม่รู้ว่ะ
ไม่รู้ด้วยหรอกว่าน้ำตาลตกอะไรนั่นน่ะมันคืออะไร สิ่งที่เห็นคือหน้าธีรพลแม่งซีดขนาดนี้ จะไปรู้ได้ยังไงว่าเป็นอะไร
“แกะกล่องข้าวให้หน่อย ไม่มีแรง”
เฮ้ยยยย อย่าน่า อย่ามามุกนี้ อย่ามาทำเป็นหลอกใช้กันหน่อยเลย
“เปิดเองสิคุณ ไม่ได้เป็นง่อยไม่ใช่เหรอ”
ตอบออกไปแบบนั้นและธีรพลก็ทำเพียงแค่หยิบกล่องข้าวมาและพยายามดึงแผ่นพลาสติกออก เห็นแบบนั้นเต็มสิบถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้แกล้งหลอกใช้ น่าจะไม่มีแรงจริง ๆ อย่างที่บอก เพราะแม้กระทั่งดึงแผ่นพลาสติกที่ปิดกล่องข้าวยังดึงไม่ออก เต็มสิบก็เลยอดไม่ได้ ต้องเป็นฝ่ายดึงกล่องข้าวในมือธีรพลมาและดึงแผ่นพลาสติกออกให้
“ให้ป้อนด้วยเลยดีมั้ย”
“อ้าาาา”
แค่ประชด แต่ธีรพลอ้าปากและจะแกล้งให้เต็มสิบป้อนข้าวให้จริง ๆ
“โห ข้าวก็หาให้กิน น้ำแดงก็ซื้อให้กิน กล่องข้าวก็ต้องเปิดให้ ยังต้องป้อนข้าวอีก ไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ พ่อกุมารทอง”
“ก็ไม่นะ”
ตอบออกมาได้หน้าตาเฉย และเต็มสิบก็ได้แต่อ้าปากค้างเพราะคำตอบที่ธีรพลตอบออกมา แบบนี้หมายความว่ายังไง ตั้งใจกวนตีนกลับกันใช่มั้ย
“คุณนี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ กวนตีนชิบหาย”
“ผมก็เอาคืนคุณไง”
เอาคืนบ้าอะไรล่ะ แบบนี้มันกวนตีนจนน่าตบกะโหลกชัด ๆ ถ้าเป็นไอ้หมาห่าแตงกวาอะไรนั่นกูเตะไม่เลี้ยงแล้ว แต่นี่เห็นว่าเป็นคนหรอกนะ ถึงไม่อยากทำอะไร
“รีบ ๆ กิน รีบ ๆ อิ่มเถอะ ผมไม่ได้ว่าง ซ้อมให้คุณเสร็จ ผมก็ต้องไปดูระบบต่อ มันเสียเวลานะ ถามจริง ๆ เถอะ ทำไมคุณทำอะไรพวกนี้ได้ห่วยแตกขนาดนี้วะ”
“ใครจะไปเหมือนคุณล่ะ ถึงเป็นไอที แต่บ้านเป็นโรงเรียนสอนลีลาศ”
อ่อ
“คนมันเพอร์เฟค ของมันแน่อยู่แล้ว”
เต็ํมสิบภาคภูมิใจกับสิ่งที่ธีรพลพูดประชด และธีรพลก็ได้แต่เมินหน้าหนีและหัวเราะออกมาด้วยความขำ
“ถ้าผมเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองมาตั้งแต่แรกแบบคุณก็คงดี”
ก็แค่คิดอะไรเรื่อย ๆ
แค่คิดอะไรไปเล่น ๆ แค่นั้น และเต็มสิบก็หันมาถามคนที่ยิ้มคนเดียวเงียบ ๆ
“คุณว่าไงนะ”
ไม่ได้ว่าไงหรอก ไม่มีอะไร
“ผมจะตั้งใจซ้อม วันงานผมต้องเต้นได้ดีกว่าทุกคนแน่ ๆ ผมจะทำให้ได้”
เออ เอาเถอะครับ เอาที่พ่อประชาสัมพันธ์กุมารทองที่เป็นที่รักของบอสสบายใจ
“ได้อย่างนั้นก็ดี”
แน่ล่ะ ยังไงก็ต้องได้อย่างนั้นอยู่แล้ว
“ก็ผมหล่อ ผมหน้าตาดี ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดอยู่แล้ว ต่อให้เต้นท่าตลกแค่ไหนก็เถอะ ยังไงผมก็ยังดูดี ผมทำได้อยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหา”
เหรอครับ
อืม
เอาเลยครับ
เอาที่สบายใจเถอะครับ
เต็มสิบพยักหน้ารับ และเบะหน้าใส่ธีรพลด้วยความหมั่นไส้ และธีรพลก็หัวเราะออกมากับสิ่งที่เต็มสิบทำ
มั่นใจสิ
พยายามจะมั่นใจ
หน้าตาดี ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดอยู่แล้ว พยายามให้เป็นแบบนั้น กำลังพยายามให้เป็นแบบนั้นอยู่
ก็แค่ลืมตัวตนของตัวเองในแบบเดิมไปซะ และเป็นธีรพลในปัจจุบันแค่นั้น
ธีรพลคนที่หน้าตาดี มั่นใจในตัวเอง และเป็นถึงประชาสัมพันธ์ของบริษัทที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ
ก็แค่ลืมธีรพลคนเดิม
คนที่เป็นได้แค่แบ็คกราวด์ที่ยืนอยู่หลังม่าน คนที่ถูกเหยียดหยามและเป็นตัวตลกของเพื่อน ๆ
คนที่แม้จะมีความรักก็มีไม่ได้
“คุณธีรพล”
“หือ”
ธีรพลหันมาตามเสียงเรียกและเต็มสิบก็จับไหล่ของธีรพลเอาไว้
“ผมถามจริง ๆ นะ คุณกลัวอะไรอยู่กันแน่”
กลัวอะไรเหรอ
ไม่ได้กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่มีเลยจริง ๆ
“คนอย่างผมจะกลัวอะไร ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว ที่ต้องกลัว ก็แค่กลัวว่า ถึงวันจริง คุณนั่นแหละที่จะเต้นสู้ผมไม่ได้ แล้วอย่ามาร้องไห้เสียใจทีหลังที่ผมเต้นดีกว่าล่ะ”
อ่อ
ก็เอา
ได้แบบนั้นก็ดี
ก็ขอให้เป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็แล้วกัน
TBC.