พิมพ์หน้านี้ - เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ex-soulL ที่ 31-08-2015 00:56:15

หัวข้อ: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 31-08-2015 00:56:15
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

                                                           *****************************************
                                               


                                                                             แอบรัก...


หัวข้อ: Re: แอบรัก... (INTRO) 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 31-08-2015 01:06:08
INTRO

“ต พัต...ไอ้เหี้ยพัต!”

“เสียงดังทำห่าไรของมึงวะจีน”

ผมหันไปหาเพื่อนตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างไม่เข้าใจ ตอนนี้นั่งกันอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะ มันตะโกนขนาดนี้คนที่เรียนอยู่ชั้นห้ายังได้ยินเลยมั้ง

“โอ้โห ยังมีหน้าถามกูอีกนะ กูเรียกมึงเป็นรอบที่สามล้านเห็นจะได้  ไม่เอาตีนสะกิดก็ดีแค่ไหนแล้ววะ”

เพื่อนตัวดีทำหน้าเหมือนผมทำผิดใหญ่หลวงมากมายซะอย่างนั้นที่ไม่ได้ยินมันเรียก แต่ก็นะ เมื่อกี้ผมเองก็มัวแต่มองมัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย ไม่แปลกถ้าจะไม่ได้ยิน

“เออๆ กูคิดไรเพลินๆ แล้วมึงมีไร”

“ไอ้กิมไลน์มาบอกแล้วว่าไม่ต้องรอละ มันมีประชุมด่วนไปกับเราไม่ได้”

พอดีว่าผมรอเพื่อนอีกคน นัดกันไว้ว่าจะไปดูหนังสือที่ศูนย์หนังสือกัน ซึ่งไอ้กิมที่พูดถึงมันบอกว่าติดคุยงานเลยให้รอก่อนสงสัยจะยาวเลยไปไม่ได้แล้ว ไม่แปลกหรอกครับประธานรุ่นก็งี้มีงานนู้นนี่นั่นเยอะแยะไปหมด

“อืม งั้นก็ไปกันเลย”

“เดี๋ยวๆ อย่านึกว่าเมื่อกี้กูไม่เห็นว่ามึงมองอะไร แหนะ มองเดือนทันตะตาค้างเลยนะมึง ก็เห็นแม่งมองมาเป็นปีแล้ว เมื่อไหร่จะเข้าไปจีบซักทีวะ”

เรื่องอื่นไม่เห็นมันจะตาไวขนาดนี้ ทีเรื่องนี้นี่ไม่เห็นจะเคยพลาด ใช่ครับ...อย่างที่ไอ้จีนพูด ตอนที่มันเรียกแล้วผมไม่ได้ยินก็เพราะว่ามัวแต่สนใจใครบางคนที่เดินผ่านหน้าคณะหมาดๆไปเมื่อซักครู่

“ทำไมต้องจีบ” ผมถามออกไป สรุปคือศูนย์หนังสือนี่ไม่รู้ว่าจะได้ไปตอนไหน พอพูดเรื่องนี้ทีไรยาวทุกที

“ไอ้สาดดดดด มองอยู่อย่างนี้เดี๋ยวหมาก็คาบไปแดกซักวัน มึงก็รู้ว่าเขาน่ะฮอตแค่ไหน นี่กูได้ยินข่าวมาว่าเดือนวิศวะยังตามจีบเลยนะเว้ย”

ใจกระตุกนิดหน่อยกับสิ่งที่ไอ้จีนบอก แต่ก็พยายามทำใจให้ชินเพราะผมเองก็รู้ดีว่าใครคนนั้นฮอตแค่ไหน มีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะไม่มีคนสนใจก็คงจะเป็นไปไม่ได้หรอก

“ก็แล้วแต่เขาดิวะ”

“โอ๊ย กูขอพูดยาวๆเลยนะ ถึงวันนี้กูก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมมึงถึงไม่เข้าไปจีบเขาวะ มองมาตั้งแต่แรกแล้วมึงยังจะรออะไรอีกเพื่อน ถ้ามึงจีบป่านนี้มีลูกด้วยกันไปแล้วมั้ง ทุกวันนี้ยังแค่มอง มองแล้วก็มอง แอบเดินไปทันตะบ่อยๆ ไปจอดรถแถวนั้น นั่งมองรถเขา นี่มึงทำขนาดนี้มึงยังจะรออะไรรร คนหล่ออย่างกูไม่เข้าใจ”

“...”

“...”

“ไปศูนย์หนังสือเถอะ”

แล้วผมก็เดินออกมาจากตรงนั้นโดยที่ไม่ได้รอไอ้จีนแต่อย่างใด เพื่อนสนิททั้งสองคนรู้เรื่องนี้ดี ผมชอบเดือนทันตะตั้งแต่ที่เข้ามาเรียนที่นี่จนตอนนี้ขึ้นปีสองแล้วความรู้สึกก็ยังเหมือนเดิม ผมเป็นคนที่หวั่นไหวยากเพราะฉะนั้นถ้าได้รู้สึกอะไรไปแล้วก็จะเลิกยากหรือไม่มีวันเลิกเลย เพื่อนผมก็กรอกหูทุกวันว่าให้จีบแต่ผมก็ยังเฉย

ไม่รู้สิ...บางทีการแอบมองแอบทำอะไรเพื่อเขาแบบนี้มันก็มีมุมดีๆเหมือนกันนะ อย่างน้อยการที่ผมไม่ได้ครอบครองเขาสิ่งหนึ่งที่ผมจะไม่มีทางรู้สึกคือการไม่สูญเสีย

อย่างน้อยที่ที่ผมยืนตรงนี้ก็จะไม่มีทางสูญเสียเขาไป...

มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?


*****************************************

Talk

อินโทรสั้นเนอะ :mew3: :mew3: เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะคะ ฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกๆคนด้วย :monkeysad: :monkeysad: ชอบไม่ชอบยังไงก็ฝากติชมด้วยน้าาา~ มาเกริ่นเล็กๆน้อยก่อน เดี๋ยวมาต่อเนอะ  :mew1: :mew1:
ปล. ชื่อเรื่องไม่รู้ว่ามีคนใช้ไปรึยัง ถ้ามีแล้วรบกวนท้วงด้วยนะคะ  :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: แอบรัก... (INTRO) 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: LonelyBoiZ ที่ 31-08-2015 01:08:38
เรื่องน่าสนใจดีครับ
ลงบ่อยๆน๊าาา
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: แอบรัก... (INTRO) 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 31-08-2015 09:23:32
ขอตอน 1 ค่าาา

บทนำสั้นไป -.-
หัวข้อ: Re: แอบรัก... (INTRO) 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 31-08-2015 12:03:05
เาใจช่วยค่าาา :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: แอบรัก... (INTRO) 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-08-2015 14:27:15
มารออ่าน
หัวข้อ: Re: แอบรัก... (INTRO) 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 31-08-2015 19:55:01
แอบรัก แบบนี้จะได้รักไหมเนี่ย แอบกลัวชื่อเรื่อง อิอิ
แล้วตัวนำเรื่องดันชอบแบบแอบๆๆด้วย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่1 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 31-08-2015 21:35:32
ตอนที่1

ซ่าาาาาาาาาา

เสียงฝนเทกระหน่ำลงมาไม่ลืมหูลืมตาทำเอาผมมองมันด้วยความเบื่อหน่าย ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนก็ไม่แปลกที่มันจะตก แต่บางทีบ่อยๆก็ทำเอาเพลียได้เหมือนกัน ร้อนเกินก็ไม่ดีหนาวเกินก็ไม่ดีฝนตกเกินก็ไม่ดี ไม่มีอะไรดีซักอย่าง

“กูจะเอาใบเบิกยาของพวกหลีดไปส่งห้องสโมก่อน พวกมึงกลับก่อนเลยแล้วกัน” ผมเอ่ยบอกกิมและจีนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหัวหน้าฝ่ายพยาบาลฝากมาเพราะวันนี้มันติดธุระด่วน

“พวกกูไปด้วยเปล่า”

“ไม่ต้องหรอก กูไปแป๊บเดียวก็กลับ มึงมีร่มใช่ไหมจีน” หันไปถามเพื่อนอีกคนเพราะรู้ว่าไอ้กิมไม่ได้พกร่มมา ถามว่ารู้ได้ยังไงน่ะเหรอ วันนี้มันมาเรียนมีแค่หนังสือกับดินสอหนึ่งแท่ง แค่นั้น

“มีๆ”

“เออ งั้นเอามันกลับด้วยแล้วกัน กูไปละ”

พูดจบก็หันกลับไปอีกทางเพื่อไปห้องสโมทันที แค่แวะเอาใบเอกสารมาส่งเท่านั้น ไม่ได้อะไรมากมายครับ แต่ยื่นเอกสารเสร็จดันเจอกับเพื่อนอีกเอกนึงซึ่งเข้ามาถามเรื่องงานของมหาลัยที่กำลังจะมีขึ้นพอดีเลยคุยกันนานหน่อยก่อนจะแยกย้าย ผมเดินออกมาจากตึกเรียนเพื่อไปยังลานจอดรถรวมของมหาลัย ปกติก็จอดที่คณะนั่นแหละ แต่เมื่อเช้ามาสายเลยต้องไปจอดนั่น และในจังหวะที่เดินผ่านตึกของคณะทันตะสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบเห็นใครบางคนยืนอยู่มุมประตูทางเข้าตึก พลันทำให้สองขาที่ก้าวอย่างเร่งรีบเพราะฝนตกหนักต้องหยุดกึก ยังไม่ทันสมองจะสั่งการอะไรร่างของตัวเองก็เดินเข้าไปในตึกนั้นเสียแล้ว

   คนที่ยืนอยู่หันมามองเล็กน้อยในตอนที่ผมหุบรมลงแล้วไปยืนอยู่ไม่ไกลจากเจ้าตัวนัก ดูเหมือนว่าที่อีกคนยังอยู่ตรงนี้เพราะไม่มีร่มเลยออกไปไหนไม่ได้ ตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบ5โมงเย็นแล้ว คนก็เลยบางตามาก ผมทำท่าทีเป็นล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ ให้เหมือนว่ากำลังคุยกับใครบางคนที่เป็นเหตุให้ผมเดินเข้ามาที่นี่ ทั้งที่ในความจริงแล้วไม่ได้คุยกับใครเลย กดนั่นกดนี่มั่วไปหมดก่อนจะยกโทรศัพท์มาแนบหู

“กูมารอมึงหน้าตึกแล้วเนี้ย...แล้วแม่งไม่บอกให้เร็วกว่านี้วะว่ากลับไปแล้ว...เออๆ...แค่นี้แหละ”

รางวัลตุ๊กตาทองปีหน้าคงจะเป็นของผมนี่แหละ==  เดือนทันตะไม่ได้หันมาสนใจผมอีกแต่เพราะเรายืนห่างกันไม่มากเท่าไหร่ผมจึงมั่นใจว่าที่พูดไปเมื่อซักครู่เขาต้องได้ยิน อีกฝ่ายเอาแต่มองไปยังสายฝนที่ตกหนักราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เสี้ยวหน้าที่ผมเห็นมันบอกอย่างนั้น

แล้วผมจะเอาไงวะ? จะให้เดินไปลานจอดรถต่อแล้วทิ้งคนตัวเล็กให้อยู่คนเดียวคงไม่ต้องเดินเข้ามาที่ตึกนี้ตั้งแต่แรกหรอกมั้ง แต่จะให้เข้าไปคุยก็ไม่รู้จะทำยังไง...

“นะ นาย จะไปไหนเหรอ เรา...เราขอติดร่มไปด้วยได้ไหม”

“...”

ไอ้ที่ผมเงียบคือผมช็อคอยู่ อึ้งไงไอ้เหี้ย...ก็ในจังหวะที่มัวแต่คิดอะไรบ้าบออยู่กับตัว พอเงยหน้าขึ้นคนหน้าหวานก็มาหยุดข้างๆแล้ว ยิ่งปากบางๆเอ่ยขยับพูดด้วยเสียงที่ไม่มั่นใจยิ่งแล้วใหญ่ แต่ถามว่าหน้าผมแสดงอะไรออกไปคงต้องบอกว่าเฉยล่ะมั้ง อีกฝ่ายถึงได้ดูหน้าเสียไปจนสังเกตได้ พอจะรู้เหมือนกันว่าตัวผมเองค่อนข้างจะหน้าดุ

“อ่า ไม่ได้สินะ...ขอโทษที่ถาม”

“เอาไปสิ”

“ห๊ะ?”

คือสงสัยว่าตัวเองจะคิดดังไปหน่อย ที่ผมเอ่ยไปเมื่อกี้ยังไม่ได้รับการกลั่นกรองจากสมองอีกแล้ว แน่นอนว่าหน้าขาวๆนั่นดูแปลกใจกับคำพูด3คำผมมาก จะบอกว่าไงวะ คือถ้าเขาติดร่มไปด้วยมันไม่น่าจะรอดเพราะร่มคันไม่ได้ใหญ่มากเท่าไหร่และตัวผมเองก็ไม่ได้ตัวเล็กเลยซักนิดแค่คนเดียวฝนยังสาดใส่เลย(ถึงแม้ว่าเขาจะตัวเล็กมากก็ตาม) ที่พูดไปคือจะบอกว่าให้เขาเอาร่มไปเลย  พอไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงเลยยื่นร่มในมือไปหาดื้อๆ

“เอาไปใช้...”

อีกฝ่ายมองอย่างแปลกใจ ไม่เข้าใจ งง และคงอีกหลายความรู้สึก ปกติแล้วผมเองก็ไม่ใช่คนพูดเก่งอะไร การมาอยู่ใกล้เขาก็ตื่นเต้นพออยู่แล้วจะให้พูดหรืออธิบายอะไรยาวๆมันเลยทำไม่ค่อยจะได้ ถ้าไอ้เพื่อนสองตัวนั่นรู้มันต้องหัวเราะเยาะผมแน่ๆ

“ให้เราเอาไปใช้เหรอ?” เสียงใสไปไหน แค่นี้ก็ใจสั่นจะแย่

“อืม”

“ถ้าให้เราแล้วนายจะใช้อะไร” ผมยังยืนถือร่มอยู่อย่างนั้น เขาเองก็ยังไม่รับไปหรอก เออ ใครจะกล้ารับ แต่ผมก็เป็นประเภทที่ถ้าให้ก็คือให้ ไม่อยากรับก็ต้องรับ

“เอาไปเถอะ”

เพราะคงจะแสดงออกถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนทั้งทางสีหน้าและแววตา มือเล็กๆนั่นเลยเอื้อมมาหยิบร่มไปจนได้ แม้ดูท่าว่าจะไม่อยากรับเท่าไหร่ก็ตาม พอเขารับไปผมเลยยิ้มบางๆออกมาก่อนจะเหลือบสายตาไปมองฝนที่ยังคงตกหนักถึงจะลดลงจากตอนแรกแล้วแต่ก็ยังถือว่าหนักอยู่ดี

“ไปนะ”

ไม่ทันอยู่ดูหรอกว่าเขาทำหน้ายังไงหรือพูดอะไรออกมาเพราะผมตัดสินใจวิ่งผ่าฝนออกมาจากตรงนั้น แน่นอนว่ายอมรับสภาพตัวเองอยู่แล้วว่าต้องเปียกโชกไปทั้งตัว ดีที่ว่าใช้กระเป๋าหนังของที่อยู่ข้างในเลยคงไม่เปียกซักเท่าไหร่ พอถึงรถนี่เปียกยันกางเกงในก็ว่าได้ เปิดกระเป๋าหยิบเอากุญแจรถออกมาเปิดแล้วเข้าไปนั่ง พรุ่งนี้ต้องเปลี่ยนรถแน่ๆเบาะเปียกขนาดนี้

หวังว่าร่มที่ให้ไปจะทำให้คนที่ติดอยู่ตึกคณะตัวเองกลับได้ซะทีนะ...




...........................................................................


“ฮัดชิ้ว!”

“กูเห็นมึงจามมาสามวันละ ไม่สบายรึไงวะ” เสียงไอ้กิมถามขึ้น ก็ตั้งแต่โชว์แมนวันนั้นแหละที่ทำให้ผมจามมาตลอด ไม่เชิงว่าไม่สบายแต่ก็ดูคัดจมูกอยู่เล็กๆ ดีที่ว่ากินยาดักไว้แล้ว

“เปล่า กูแค่คัดจมูก ช่วงนี้ฝนตกบ่อย” ตอบออกไปพลางขยี้จมูกไปด้วย คันชะมัด

“แต่มึงก็ไม่ใช่คนป่วยบ่อยนี่” อย่างที่ไอ้จีนพูดแหละครับ ผมไม่ใช่คนป่วยบ่อยเท่าไหร่เพราะออกกำลังกายตลอด แต่ว่าถ้าได้เป็นทีนี่ก็หนักเลย อากาศธรรมดาดันเป็นขึ้นมาก็มีนะ ระบบในร่างกายก็กวนตีนอ่ะบางที

“นานๆทีเป็นคงอยากจะเตือนว่ากูก็เหมือนคนปกติมั้ง”

เพื่อนทั้งสองส่ายหน้าน้อยๆกับคำตอบที่ขอไปทีของผม พวกมันหันไปสนใจโทรศัพท์ในมือต่ออย่างไม่สนใจผมอีก เห็นอย่างนั้นเลยหยิบของตัวเองมาเล่นเกมส์บ้าง ไม่ใช่พวกโซเชียลอะไรเหมือนเพื่อนหรอก เอาจริงๆคือผมไม่ค่อยติดสื่อพวกนั้น เข้าไปดูบ้างประปรายเวลามีแจ้งเตือน ที่เล่นบ่อยก็คงจะเป็นไลน์เพราะดูท่าว่าจะมีประโยชน์ในการสื่อสารกับเพื่อนที่สุด เป็นสื่อเดียวจริงๆที่เล่นบ่อยกว่าทุกๆอัน

“ไอ้เหี้ยยยยยย กูว่าที่มึงจามไม่ใช่เพราะอากาศแล้ว”

เสียงไอ้กิมดังมากจนเพื่อนที่นั่งรอเรียนอยู่ในห้องหันมาหมด พอรู้ว่าเป็นเสียงมันก็หันกลับตามเดิม ปกติอ่ะที่มันโหวกเหวกโวยวาย แต่ดูเหมือนว่าผมนี่จะไม่สนใจไม่ได้เพราะจำเลยดูท่าว่าจะเป็นตัวเอง สายตาคาดคั้นถูกส่งมาให้ ก่อนที่มันจะส่งมือถือข้ามหน้าผมไปให้ไอ้จีนดูก่อน ทีนี้กลายเป็นเพื่อนทั้งสองที่พร้อมใจกันส่งสายตาคาดคั้นมาให้ ไอโฟน6สีดำของไอ้กิมวางลงข้างหน้าอย่างสื่อว่าให้ดูสิ่งที่อยู่ในนั้น และผมเองก็ไม่ลังเลที่จะหยิบขึ้นมาดูเพราะสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างว่างานจะเข้า    
   

ชื่อไอจีที่ปรากฏไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของใคร แน่ล่ะว่าผมเข้าไปส่องเขาอยู่บ่อยๆ แต่ที่พวกมันจะให้ดูบนหน้าจอนี่สิ

รูปร่มพร้อมกับแคปชั่น...


“ขอบคุณที่ทำให้กลับบ้านได้ : )
...ไม่ป่วยใช่ไหมนะ?”



“กูจำได้ดีว่านี่ร่มมึง ไม่ต้องมาแถว่าของคนอื่น เพราะรอยหมึกนั้นกูเป็นคนทำเอง..พูดมาให้หมด วันไหน ตอนไหน อะไรยังไง”

ยิ่งกว่าตำรวจสอบสวนโจร ทั้งคำพูดและสีหน้ากดดันจากเพื่อนทั้งสอง ใช่ครับ ที่จริงร่มผมก็เป็นร่มสีน้ำเงินเข้มธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีลวดลายอะไร และสิ่งที่ยืนยันเป็นอย่างดีคือรอยหมึกของไอ้กิม วันนั้นมันดันมือลื่นทำปากกาหมึกดำที่ลบไม่ออกตกใส่ร่มที่วางอยู่บนโต๊ะ และนั่นคือหลักฐานที่ทำให้ผมปฏิเสธไม่ได้

“เลิกเรียนค่อยเล่า” อาจารย์เดินเข้ามาพอดีเมื่อถึงเวลา ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้จะปิดบังอะไรอยู่แล้ว พวกเราสามคนพูดกันทุกเรื่องเพียงแต่เรื่องนี้ผมเองไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนเลยยังไม่ได้เล่าก็เท่านั้น







“มาเลย พวกกูพร้อม” ไอ้จีนนี่สงสัยนั่งเก็บกดมาทั้งคาบ ยุกยิกๆตลอดตอนเรียน มองผมอยู่นั่น นี่พออาจารย์บอกเลิกได้พวกมันแทบจะเก็บกระเป๋าให้ผมเลยมั้ง

“เร็วๆ ก่อนที่ต่อมเสือกกูแตก โอ้ย ไอ้คนไหนบอกไม่เอาไม่จีบแล้วร่มคุณมึงไปอยู่ที่เขาได้ไงครับ เล่ามาเลยๆๆๆ” ไอ้กิมนี่หนักกว่า

“เออๆ ก็แค่วันนั้นที่กูบอกพวกมึงกลับก่อนแล้วเอาใบเบิกยาไปให้สโม ตอนจะเดินกลับไปเอารถก็เห็นเขาติดฝนอยู่เลยเอาร่มไปให้ก็เท่านั้น”

“แล้วพูดอะไรบ้าง ยังไง เจอกันที่ไหน”

“เขาติดอยู่ที่คณะเขา กูก็แค่ยื่นร่มให้แล้วก็บอกว่าเอาไป พอเขารับไปแบบงงๆก็เลยวิ่งออกมาเลย” ผมไม่ได้เล่าละเอียดนักและพวกมันรู้ดีว่าถ้าผมบอกแค่ไหนคืออยากให้รู้แค่นั้น ไม่เซ้าซี้เกินกว่าลิมิตที่ผมกำหนด

“ไอ้สัด แค่เนี้ยอ่ะนะ ทำไมมึงไม่พูดไม่ถามไม่อะไรให้มันมากกว่านั้นวะ ไลน์เลยอะไรก็ว่าไปสิ”

“ไอ้กิม มึงดูหน้าเพื่อนมึงด้วย กล้าเดินเอาร่มไปให้เขามึงก็ควรจะดีใจแล้วนะ”

“นั่นสินะ โอเคเพื่อน มึงพัฒนาขึ้นแล้วหลังจากที่ทำแค่มองเขามาตลอดหนึ่งปีเต็ม”

“พอเลย เสร็จแล้วนะเรื่องที่พวกมึงอยากรู้ ไปแดกข้าวได้แล้ว” คิดดูว่าอยากรู้ขนาดไหนถึงขั้นที่ยังไม่ยอมไปทานข้าว ต้องมานั่งคุยกันที่หน้าคณะก่อน

“ปะๆ หมดเรื่องแล้วกระเพาะกูทำงานแล้วเนี้ย” ผมส่ายหน้าใส่พวกมันทันที ก่อนจะเดินไปทางโรงอาหารทิ้งให้เพื่อนสองตัวแอบเม้าเรื่องของผมอยู่ข้างหลัง


ป่านนี้จะทำไรอยู่วะ...

เอาจริงๆผมแอบตื่นเต้นและดีใจนะที่เขาอัพรูปร่มผมขึ้น แถมแคปชั่นที่อ่านครั้งเดียวก็จำได้ขึ้นใจ ประโยคสุดท้ายที่บอกไม่ป่วยใช่ไหมทำให้เผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาเป็นห่วง...

บ้าบอวะ คิดไร้สาระแล้วก็ยิ้มกับตัวเอง แบบที่เขาสาวๆสมัยนี้ชอบพูดใช่ไหม...ไอ้คำว่ามโนน่ะ




.......................................................


Win Winnapat
53 mutual friend
Confirm   Delete


มือที่จับโทรศัพท์สั่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ผมกำลังจะนอนแล้วเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คนู้นเช็คนี่ คือปกติแล้วผมไม่ได้เปิดแจ้งเตือนอะไรให้แจ้งที่หน้าจอเลยนอกจากไลน์ พอเห็นว่ามีเลขแจ้งขึ้นมาที่มุมขวาของแอพสีฟ้าเลยกดเข้ามาดู ที่จริงมีคนแอดเพื่อนมาก็หลายคน แต่สายตากลับหยุดอยู่แค่ชื่อๆเดียว

ชื่อและรูปที่ปรากฏอย่างชัดเจนของเดือนคณะทันตะ...

ลังเลอยู่นานจนในที่สุดก็กดรับไปแม้จะงงและสงสัยมากว่าวินหาเฟสผมเจอได้ยังไงก็ตาม เฟสบุ๊คผมไม่ได้มีอะไรอัพเดตซักเท่าไหร่จึงไม่กลัวว่าเขาจะเข้ามาเห็นอะไร ผมเองก็เคยเข้าไปส่องเฟสเขาบ้างแหละแต่นานๆทีเพราะไม่ค่อยเล่นอะไรพวกนี้อย่างที่บอก มือก็เลื่อนดูหน้าจอเรื่อยๆ เพื่อนอัพนู้นนี่นั่นตามประสาแต่ก็ไม่ได้กดไลค์อะไร อยู่ดีๆตัวเลขก็ปรากฎขึ้นตรงMessengerผมเลยกดเข้าไปดูว่าใครกันที่ส่งมา อาจจะเป็นพวกชวนสมัครงานจะได้บล๊อคไปเลย


Win Winnapat
เจ้าของร่ม?



ผมยังไม่ได้กดเข้าไปให้ขึ้นอ่านทั้งๆที่อ่านวนซ้ำอยู่สิบรอบเห็นจะได้ พยายามกลั่นกรองสิ่งที่จะพิมพ์อย่างดีก่อนจะกดเข้าไปแล้วพิมพ์กลับทั้งที่ใจสั่นๆ เขาแอดผมมาก่อนก็ดีใจจะแย่ นี่ทักมาด้วยนะเว้ย

?

นี่คือกูคิดแล้วใช่ไหม== ก็ผมไม่รู้จะพิมพ์อะไร ตื่นเต้นด้วยแม่ง

นายเจ้าของร่มสีน้ำเงินวันนั้นใช่ไหม?

อืม

อ่า เราขอโทษที่ทักมารบกวนนะ

ขอบคุณมากที่ให้เรายืมร่มวันนั้น

จะให้เราเอาไปคืนที่ไหนดี :)

ไม่เป็นไร เก็บไว้เถอะ


เผื่อลืมหยิบร่มมาอีกอย่างน้อยก็คงจะมีของผมติดไว้เผื่ออีกซักอัน...

เห้ย ไม่ได้ๆ

ต้องคืนดิ งั้นเดี๋ยวเราเอาไปคืนที่คณะนะ

บอกว่าไม่เป็นไร

ให้เราเก็บไว้ได้ไง

ของนาย แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่

เอาร่มให้เราแล้ววิ่งตากฝนออกไปเลยเราก็รู้สึกแย่จะแย่แล้ว

ดื้อ

ไอ้สัด มื่อลั่น! กดส่งไปแล้วถึงได้แต่เอาผ้าห่มคลุมหัว กูส่งไรไปวะเนี้ย ขึ้นว่าอ่านแล้วแต่อีกฝ่ายยังไม่ตอบอะไรกลับมา คงไม่อยากคุยกับผมแล้วมั้ง อยู่เฉยๆก็ไปว่าเขาแบบนั้น

ไม่ได้ดื้อซะหน่อย

นายเองก็ดื้อ :p

ผมยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าอีกยังยอมคุยต่อ ใจที่หนักอึ้งเมื่อครู่ก็เบาลงอย่างรวดเร็ว แล้วคำพูดน่ารักไปไหนวะ ตามนิสัยเขาแหละ วินเป็นคนเฟรนลี่ เขาไม่หยิ่งเลย ข้อนั้นผมรู้ดี

==

5555

เอ้อ ลืมถามชื่อเลย

เราชื่อวินนะ นายล่ะ?

ชอบมาหนึ่งปีเต็มขนาดนี้จะไม่รู้ได้ไง...

เราชื่อพัต

อ่า โอเค^^

สรุปแล้วให้เราเอาร่มไปคืนที่ไหน

ไม่ต้อง บอกให้เก็บไว้

==

นี่เอาอิโมติคอนนี้มาเล่นผมคืนเหรอวะ เดี๋ยวเถอะๆ

นอนได้แล้ว

ดึกแล้ว

เปลี่ยนเรื่องเลย

ก็ด้ายยยยยย

ไม่คืนก็ไม่คืน

ต่อให้จะขอคืนทีหลังเราก็ไม่ให้หรอก แบร่

มาแลบลิ้นอยู่ข้างหน้าจริงๆดิ จะกัดให้ลิ้นขาดแม่ง หึหึ

ทีหลังก็อย่าลืมร่มอีก

นอนได้แล้ว

ฝันดีครับ

ฝันดี~ ^^

แล้วผมก็ยิ้มกับตัวเองราวกับคนบ้า ทำตัวอย่างกับสาวน้อยแรกรุ่นพึ่งหัดมีความรัก มองตัวหนังสือไม่กี่คำบนโทรศัพท์ตัวเองอยู่อย่างนั้น คำพูดที่เคยพูดไว้ว่าจะไม่จีบ แค่อยู่ตรงนี้ก็ดีแล้วขอกลืนทิ้ง


พ่อกับแม่บอกผมเสมอว่าอย่าปล่อยให้โอกาสที่เข้ามาหลุดลอยไปโดยไม่ได้ทำอะไร...


แน่นอนว่าโอกาสครั้งนี้ผมไม่ปล่อยไปแน่
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ฝากบอกเดือนทันตะด้วยนะครับ : )






********************************************



Talk

เอาแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :mew3: :mew3: พัตเขาจะไม่ได้แค่แอบรักอีกต่อไปแล้วนะคะ ชื่อเรื่องหมายถึงเพราะความแอบรักเป็นบ่อเกิดของเรื่องนี้ แต่ว่าก็พอแล้วเนอะกับช่วงหนึ่งปีเต็ม ต่อจากนี้จะไม่แอบอีกต่อไปแล้วนะเออ :impress2: :impress2:

เรื่องนี้ไม่ดราม่านะคะ คนแต่งไม่ใช่สายนั้นเลย :mew1: :mew1: ใครที่กลัวดราม่านี่ไม่มี จบแฮปปี้แน่นอน  :กอด1: :กอด1:

จะพยายามมาอัพบ่อยๆน๊าาาาา  :L2: :L2:


**ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์มากๆค่ะ เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดเลยยยย :pig4: :pig4:









หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่1 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Meimei ที่ 31-08-2015 21:48:04
อ่านไปยิ้มไป 55555
วินน่ารักจัง
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่1 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 31-08-2015 22:06:49
ชอบก็จีบเลยชอบก็จีบเลยเซ่    :impress2:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่1 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 31-08-2015 22:34:13
จะขำมากถ้าวินเป็นรุก 555555555555
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่1 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-09-2015 17:49:38
จะฝากบอกก็ขอที่อยู่หน่อยซิ
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่1 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 01-09-2015 20:11:53
น่ารัก  :-[
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่1 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 01-09-2015 21:04:49
ไหนๆ โอกาสก็เข้ามาทักทายพัตถึงที่ขนาดนี้แล้วจะไม่คว้าเอาไว้ก็กระไรอยู่ล่ะเน้อ~ :m3:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่1 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-09-2015 21:28:32
พัดมานนนนนนนรุกแล้ว ลุย ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่1 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 02-09-2015 23:12:06
น่ารัก จังครับ
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่1 31/08/2558
เริ่มหัวข้อโดย: kub_kwonny ที่ 03-09-2015 01:14:33
สนุกดีครับ รอตอนต่อไปครับ  :impress2:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่2 *04/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 04-09-2015 00:52:14
ตอนที่ 2

ยังไม่นอน?

ในวันต่อมาตอนเกือบจะเที่ยงคืนผมก็ตัดสินใจทักเขาไปอีกเมื่อเห็นว่าอีกคนออนอยู่ วันนี้เอาแต่เข้ามาเช็คMessengerทั้งวัน เห็นเขาออนบ้างไม่ออนบ้างอยู่ตลอด แถมยังเอาแต่เปิดอ่านแชทที่คุยกันซ้ำๆ หึหึ ตลกตัวเอง

ทำงานนนนนนนน
เด็กถาปัตย์ว่างรึไง

รู้ได้ไงวะว่าผมเรียนถาปัตย์ จำได้ว่าไม่เคยบอกเขานะแล้วผมก็ไม่ได้ระบุในเฟสบุ๊คด้วยว่าเรียนคณะไหนหรือว่าเรียนที่ไหน
 
รู้ได้ไงว่าเราเรียนถาปัตย์?

คึคึ
ไม่บอกกกกกกก

กวนนะเด็กทันตะ

รู้ได้ไงว่าเราเรียนทันตะ?

นี่ลืมไปรึเปล่าว่าวันนั้นผมเอาร่มให้ที่ไหน ก็นั่นมันตึกทันตะนะครับ ทำงานจนเบลอรึไงวะ ฮ่าๆๆๆๆ แล้ววินก็เป็นถึงเดือนก็ต้องเคยเห็นตามโปสเตอร์ตามกิจกรรมของมหาลัยอยู่แล้ว แต่ว่ากวนเขาคืนหน่อยก็ดี

ไม่บอก หึหึ

นอกจากว่างแล้วยังขี้กวน

ใครกวนก่อน คิดดีๆ

ใครรรรรรรรรรรรรรรรร๊??

==

:p
เดี๋ยวเราต้องไปทำงานแล้วนะ

ครับ
            
ใจจริงก็อยากจะบอกอะไรอยากจะพูดมากกว่านั้นแต่สถานะตอนนี้มันยังไม่สมควร ผมรู้ว่าคณะเขาเรียนหนักมากแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากบอกให้พักบ้างอยากบอกว่าสู้ๆ แต่ใช่ว่าคณะตัวเองจะไม่หนักนะ ก็งี้แหละถาปัตย์ตอนไม่มีงานก็ไม่ค่อยมี ส่วนมากเป็นงานชิ้น พอมีทีคือทำแบบไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันเลย สภาพตอนนั้นเด็กแต่ละคนนี่เหมือนศพ หันไปทางไหนจะเจอแต่สีหน้าอันอ่อนเพลียอย่างที่ไม่เจริญหูเจริญตา

^^

อีกฝ่ายตอบมาแค่นั้นก่อนที่จะเห็นว่าเขาออฟไปแล้ว เมื่อไม่มีอะไรทำผมก็กดล็อคโทรศัพท์แล้ววางไว้โต๊ะข้างเตียงก่อนจะหลับตาลงเพราะพรุ่งนี้มีเรียนเช้า
หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำงานจนเช้า....


...................................................................


“อะไร?” ไอ้กิมถามขึ้นเมื่อผมวางโทรศัพท์ลงตรงหน้ามัน ตอนนี้อยู่โรงอาหารคณะซึ่งยังแทบไม่มีคน มารอเรียนเกือบชั่วโมงเห็นจะได้ ก็เพราะไอ้กิมที่ไม่รู้ว่าคึกอะไรโทรปลุกทั้งผมและไอ้จีนตั้งแต่6โมงนั่นไง บอกว่าต้องมาถึงมอก่อนแปดโมง งอแงจนผมจะบ้า

“เปิดดูแชทเฟส” อย่างที่บอกไปว่าเราไม่มีเรื่องที่ปิดบังกัน แต่จะให้พูดผมก็กระดากเลยให้พวกมันอ่านเอาเองว่าผมจะสื่อถึงเรื่องอะไร แชทแรกเด่นหราขนาดนั้นคงจะเข้าใจนะ

“เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงร้องของเพื่อนทั้งสองที่สุมหัวกันดูโทรศัพท์ดังจนป้าขายข้าวแกงชะโงกหน้ามาดู

“ทักมาก่อนด้วยเว้ย แอดเฟสมึงมาก่อน?” ไอ้จีนถาม

“อืม”

“วู้ย เอาไงครับๆ ไหนบอกไม่จีบ วันที่สองมึงทักเขาไปก่อนนะเพื่อน”

“....จีบ ครั้งนี้ไม่ปล่อยไปแล้ว หึหึ” ผมตอบออกไปตามตรง ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังอยู่แล้ว ยิ่งกับพวกมันทั้งสองคนยิ่งไม่มีอะไรที่ต้องปิด ที่จริงผมเองเป็นคนที่ค่อนข้างชัดเจนนะ คิดอะไรจะทำอะไรชอบหรือไม่ชอบอะไรแสดงออกชัดหมด ยกเว้นอีเรื่องที่แอบมองเดือนทันตะมาเป็นปีๆนี่ล่ะที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่กล้าชัดเจนเหมือนเรื่องอื่นๆ

“โอ๊ย กูน้ำตาจะไหล มึงได้ยินเหมือนกูใช่ไหมจีน เพื่อนกูตัดสินใจแล้ว กูรอคำนี้มานานเหลือเกิน” บางทีก็สงสัยว่ามันเรียนถาปัตย์หรือนิเทศน์เอกการแสดง ผมทำหน้าเพลียๆใส่แต่ก็พูดไรไม่ได้อยู่ดี ต่อปากต่อคำกับไอ้กิมไม่มีวันชนะหรอก เหนื่อยเปล่าด้วยซ้ำ เก็บแรงไว้กระทืบมันอย่างเดียวตอนกวนมือกวนเท้ามากๆ

“เออออออ ชัดเจนแบบนี้หน่อย แต่ดูจากแชทแล้วก็ไปได้ดีนี่หว่า”

“ก็ดี แต่วินเป็นคนเฟรนลี่มึงก็รู้ เขาใจดี อาจจะคุยแบบนี้กับทุกคน” ผมคิดแบบนี้จริงๆ ไม่ใช่จะว่าเขาให้ความหวังคนอื่นไปทั่วนะ แต่ตามนิสัยเขาแล้วเวลามีคนมาทักมายุ่งด้วยเขาจะไม่ปฏิเสธแบบเย็นชาหรอก แล้วคนบางประเภทก็โคตรจะดื้อด้านแค่บอกดีๆไม่สะเทือน แต่ถึงจะคุยด้วยได้หมดก็คงมีขอบเขตบ้างแหละมั้ง แล้วที่เขายอมคุยกับผมก็คงเพราะว่าวันนั้นผมช่วยเขาไง

“ดูๆกันไปก่อน มึงเองก็ต้องชัดเจนว่าไม่ได้เต๊าะเล่นๆแบบคนอื่น อย่าให้เขามองว่ามึงเข้าหาเขาแบบที่คนอื่นเข้าหา เอาวะเพื่อนกู จะจีบใครทั้งทีก็เล่นซะคู่แข่งเยอะชิบหาย” ประโยคดีๆแบบนี้มีแต่ไอ้จีนเท่านั้นแหละ อย่างไอ้กิมนี่มีแต่พยักหน้าอย่างเดียว อะไรดีๆแบบนี้มันนึกไม่เป็นหรอก

“ก็ต้องลองดูซักตั้ง” ผมไม่ได้มั่นหน้าตัวเองหรือว่าอะไร มีโอกาสมาแล้วผมก็คว้าไว้เท่านั้น และสิ่งที่ผมเชื่อคือความจริงใจที่ตัวเองมี ถ้าเขาไม่โอเคก็ตามนั้น นั่นหมายถึงผมไม่ใช่สำหรับเขาและผมจะไม่เสียใจซักนิด อย่างน้อยผมก็ทำทุกอย่างอย่างที่สุดแล้วจริงๆ ได้ทำอย่างที่ตัวเองอยากทำ

“มีใครจะกล้าปฏิเสธน้องพัตกัน ฮอตกว่าเดือนคณะอีกนะรู้ยัง ฮ่าๆๆๆๆ” ผมโบกหัวไอ้กิมทันทีอย่างไม่ออมแรง ชอบเอาเรื่องนี้มาล้อผมอยู่เรื่อย คืองี้ครับ มหาลัยผมเขาจะคัดดาวเดือนด้วยการให้แต่ละชั้นปีส่งตัวแทนมาแล้วคัดกัน พอได้ดาวเดือนคณะแล้วก็จะเอามาแข่งกันทั้งมหาลัย ซึ่งตอนปี1รุ่นพี่เขาก็จะเอาผมแหละ แต่ผมก็พยายามปฏิเสธไปแล้วเพราะไม่ชอบอะไรแบบนี้ วันคัดตัวก็หนี ไม่ยอมเข้า พี่เขาเลยเหนื่อยใจที่จะตามแล้วหาคนอื่นแทนเลยรอดตัว ไอ้เพื่อนตัวดีของผมแม่งก็ชิงเป็นประธานชั้นปีแล้วก็รองประธานชั้นปีเลยรอดมาเหมือนกัน แล้วมันก็ชอบแซวว่าถ้าผมเข้าประกวดก็ชนะไปแล้ว ส่วนวินน่ะเขาก็ได้เป็นเดือนคณะเขาตอนปี1แถมยังได้รองเดือนมหาลัยอีกต่างหาก ส่วนของปีนี้ยังไม่ได้ประกวดครับ แต่ตัวแทนปี2ต้องไม่ใช่ผมแน่นอน ผมชิงรับผิดชอบงานด้านอื่นไปแล้ว

“พูดมากกูบอกไอ้เมี่ยงจับมึงเป็นนะปีนี้” ไอ้เมี่ยงกระเทยประจำชั้นปีครับ มันทำหน้าที่ตรงส่วนนี้

“บรื๋อ ไม่เอาอ่ะ”

ไอ้จีนยังส่ายหน้าใส่กับท่าทางปัญญาอ่อนของไอ้กิม ทั้งผมและไอ้จีนเลยปล่อยมันทิ้งไว้แล้วเดินไปซื้ออะไรมากินแทนดีกว่า ชีวิตมหาลัยก็งี้แหละครับ ไม่ได้อยู่บ้านก็ไม่มีคนทำอาหารไว้ให้ทานหรอก หากินเองทั้งนั้น พูดไปแล้วก็คิดถึงแม่ขึ้นมาทั้งที่เราก็คุยกันทุกวัน ไม่ได้กลับบ้านมาซักพักแล้วเพราะงานที่คณะ คงต้องหาเวลากลับบ้านบ้างแล้ว


...............................................................


(แม่ฝากเข้าไปเอาให้แม่หน่อยนะ พอดีวันนี้แม่ติดงาน แม่โทรบอกที่ร้านแล้ว พัตบอกชื่อแม่ไปได้เลยนะลูก)

“ครับๆ เดี๋ยวผมแวะไปเอาให้ แล้ววันเสาร์นี้จะเอาไปให้ที่บ้านนะครับ”

(โอเค แม่จะทำอาหารไว้รอนะจ๊ะ พ่อเรากลับมาจากญี่ปุ่นพอดีเลย)

“ครับแม่ ฝากบอกพ่อด้วยว่าอย่าลืมของฝากผม”

(ลูกคนนี้ก็...จ้ะๆ เดี๋ยวแม่บอกให้)

“สวัสดีครับ”

ผมยิ้มน้อยๆในขณะที่วางสายไป แม่โทรมาบอกให้มาเอาของให้ที่สยามน่ะครับเพราะว่าท่านติดธุระมาไม่ได้ ส่วนพ่อก็ยังไปดูงานที่ญี่ปุ่นยังไม่กลับมา ตัวผมเลิกเรียนแล้วพอดีเลยไม่มีปัญหาอะไร ก็ดีเหมือนกันถือโอกาสไปเดินเล่นด้วย

“สวัสดีค่ะ เชิญข้างในเลยค่ะ” พนักงานต้อนรับอย่างดีเมื่อมาถึงร้าน เป็นร้านเพชรที่ค่อนข้างหรูทีเดียว มีทุกอย่างทั้งเพชรเป็นเม็ด นาฬิกา สร้อยข้อมือ สร้อยคอ แหวน สรุปคือขายเครื่องประดับทุกอย่างที่ประดับด้วยเพชร บอกเลยว่าผมเองไม่เคยเดินเข้าร้านนี้แต่รู้ว่าเป็นร้านประจำของแม่ มองดูเพชรหลายเม็ดที่กระทบแสงจนเริ่มลายตา ทั้งร้านมีคุณหญิงคุณนายยืนดูอยู่สองสามคนทั้งที่ในตัวผมก็เห็นว่าเยอะแล้วนะ นี่ยังไม่พออีกเหรอครับ

“มารับของของคุณพิมพ์รรินทร์ครับ”

“อ๋อ ลูกชายคุณพิมพ์นี่เอง ซักครู่นะคะ” พนักงานยิ้มให้ก่อนจะเดินไปเข้าไป ผมเลยนั่งรอที่โซฟาสำหรับลูกค้า พนักงานอีกคนเดินเอาน้ำมาเสิร์ฟให้เรียบร้อย ซักพักพนักงานคนเดิมก็กลับออกมา แต่คราวนี้มากับผู้หญิงอีกคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้านที่หน้าตาท่าทางดูใจดี ไม่ได้มีเพชรตามตัวเหมือนคุณป้ากลุ่มนั้นด้วย

“พัตรึเปล่าลูก”
“ใช่ครับ สวัสดีครับ” ผมยืนขึ้นแล้วยกมื้อขึ้นไหว้ผู้ที่อวุโสกว่า แม่ผมสนิทกับเจ้าของร้าน เคยได้ยินเห็นท่านพูดถึงบ่อยๆอยู่เหมือนกัน แต่ผมเองไม่เคยเจอเพราะไม่เคยตามแม่มาที่นี่ ผู้ชายที่ไหนจะเข้าร้านเครื่องประดับแบบนี้จริงไหมครับ

“จ้ะ คุณพิมพ์โทรมาบอกป้าแล้วล่ะว่าให้ลูกชายมาเอาของแทน นี่จ้ะของที่แม่เราสั่ง เช็คของก่อนนะว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า” เธอหันไปหยิบถุงที่เป็นตราสัญลักษณ์ของร้านจากพนักงานแล้วส่งให้ผม

“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวถ้ามีอะไรแม่คงคุยกับคุณป้าเอง” คือผมก็ไม่มีความรู้ทางด้านนี้เท่าไหร่ มันจะมีตำหนิที่ไหนเล็กน้อยยังไงคงไม่ละเอียดเท่าผู้หญิง อีกอย่างคือร้านหรูขนาดนี้น่าจะมีมาตรฐานที่เชื่อถือได้ด้านตัวสินค้าอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นแม่ผมคงไม่ไว้วางใจมาใช้บริการที่นี่เป็นประจำ

“จ้ะ...อ้าววิน มาแล้วเหรอลูก”

ชื่อนั้นทำเอาผมหันไปทางด้านหลังทันทีเมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามาภายในร้าน ภาวนาขอให้เป็นวินเดียวกันกับคนที่ผมคิด...
ร่างเล็กๆในชุดนักศึกษาที่เดินเข้าร้านมาเบิกตากว้างทันทีเมื่อมองเห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ ทฤษฎีโลกกลมนี่มันใช้ได้จริงๆ

“อ้าว?”

“จริงสิ วินกับพัตเรียนที่เดียวกันนี่ รู้จักกันไหมจ๊ะ” คุณป้าหรือแม่ของวินหันมาถามผม

“รู้จักครับ” โมเมไว้ก่อนว่ารู้จัก คนตัวเล็กทำหน้าแปลกใจหนักกว่าเดิมอีกเมื่อผมพูดออกไปอย่างนั้น หึหึ ทำหน้าน่ารักเป็นบ้า

“ดีเลย แล้วเราจะดูอะไรต่อไหม เดี๋ยวให้วินเขาดูแลนะจ๊ะ วิน...ดูลูกค้าให้แม่ทีนะ ตามสบายเลยจ้ะ” ประโยคนั้นทำเอาผมยิ้มรับทันทีก่อนจะยกมือไหว้ลาท่าน แม่ของวินเองก็ยิ้มรับแล้วเดินเข้าไปทางที่เดินออกมาซึ่งคงเป็นส่วนของห้องทำงาน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมสนใจ ร่างเล็กที่ดูท่าว่าจะยังเอ๋อไม่หายต่างหากที่เป็นประเด็นของผม

“มาซื้อของเหรอ?” วินเอ่ยถามทั้งที่สีหน้ายังคงฉายชัดถึงความประหลาดใจกับเหตุที่เราเจอกันอีกครั้ง หน้าเล็กๆนั้นเอียงคอถามอย่างน่ารักเชียวล่ะ

“มาเอาของให้แม่” พูดพร้อมกับชูถุงในมือให้ดู อีกฝ่ายพยักหน้าเหมือนว่าเข้าใจแล้วแถมยังร้องอ๋อเบาๆกับตัวเอง

“อ้ะ เราไม่ได้เอาร่มติดมือมาด้วยอ่ะ รอได้เปล่าเดี๋ยวไปเอาที่รถให้” นี่ยังไม่ล้มเลิกที่จะเอาร่มคืนผมอีกเหรอเนี้ย ดื้อจริงๆด้วย

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องคืน ดื้อ” อีกคนยู่ปากใส่ราวกับปฏิเสธว่าตนไม่ได้เป็นอย่างนั้น เหมือนเมื่อครู่จะลืมตัวมากกว่าเพราะแป๊บเดียวก็รีบกลับมาทำหน้าปกติอย่างตื่นๆ อยากจะบอกอยู่เหมือนกันว่าจะทำหน้าแบบไหนผมก็รับได้ทั้งนั้น ดีซะอีกที่อีกคนแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาให้ผมได้เห็นเขาในหลายๆมุม ไม่ใช่แค่มุมของวิน เดือนคณะทันตะอย่างที่แค่ทุกคนรู้ ผมอยากรู้จักเขามากกว่านั้น มากกว่าใครๆ

“โอเค เราจะไม่คืนแล้วแน่ๆ ว่าแต่จะดูอะไร เดี๋ยวลูกเจ้าของร้านแนะนำเอง บริการพิเศษเลยนะเนี้ย^^”

ผมอดยิ้มออกมากับท่าทางและคำพูดน่ารักนั่นไม่ได้ อืม...มองไปรอบๆร้านที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่เพชรอย่างเดียว มีเครื่องเงินด้วย และนั่นแหละที่พอจะทำให้ยังได้ใกล้ชิดกับอีกฝ่ายบ้าง เพราะถ้าเป็นเรื่องเพชรนี่ผมขอบาย ไม่สนใจที่จะดูจริงๆ

“อยากได้สร้อยข้อมือเงินซักเส้น” พึ่งจะรู้สึกอยากได้เมื่อซักครู่สดๆร้อนๆเนื่องมาจากลูกเจ้าของร้านนี่เอง ปกติแล้วผมเองไม่ค่อยใส่เครื่องประดับอะไร ทั้งตัวก็มีแค่นาฬิกาเรือนเดียวเพราะเป็นคนขี้รำคาญ ใส่อะไรพวกนี้ไม่ค่อยทน

“โอเค งั้นต้องทางนี้เลย” แล้วผมก็เสียเงินซื้อสร้อยข้อมือมาจนได้ เพราะหลงเสน่ห์คนแนะนำล้วนๆพูดเลย แต่กว่าจะซื้อก็หลอกให้ลูกเจ้าของร้านอธิบายให้ฟังแทบจะทุกเส้นนั่นแหละ ผมชอบเวลาปากเล็กๆนั่นขยับพูดไปมา เสียงหวานๆที่ได้ยินทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ไม่เบื่อเลยซักนิด

“อุตสาห์ซื้อสร้อยข้อมือเพิ่มแล้วลูกเจ้าของร้านมีบริการไปกินข้าวเป็นเพื่อนลูกค้าไหม” มือที่ยื่นบัตรเครดิตคืนให้ผมชะงักจนสังเกตได้ เจ้าตัวคงแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ดีๆผมก็เอ่ยชวนทานข้าวซะอย่างนั้น

“อืมมมมม ไปดีไหมนะ” ดูคำพูดเขา ทั้งกวนทั้งน่ารักเนาะ หมั่นไส้วะ

“...”

“งั้น...พาเราไปกินไอติมด้วยนะ :)”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.คิดว่าผมจะปฏิเสธไหมล่ะ?


..................................................................................




หลังจากวันที่เราสองคนไปทานข้าวแล้วต่อด้วยไอติมอย่างที่เดือนทันตะบอกความสัมพันธ์ก็ดูเหมือนว่าจะสนิทกันขึ้น เราคุยเล่นกันมากกว่าเมื่อก่อน คำพูดก็ดูสนิทกันขึ้นเพราะผมทักเฟสเขาไปทุกคืน ตอนกลางวันก็คุยบ้างแต่ต่างคนก็ต่างเรียนไม่ได้คุยกันต่อเนื่องเหมือนช่วงดึก ตอนนี้ผ่านมาจะสองอาทิตย์แล้วที่คุยกัน ผมออนเฟสบ่อยจนไอ้กิมกับไอ้จีนแซว จากที่แต่ก่อนแทบไม่เข้าแชทเลย

“เหยๆๆๆ ดูเดือนทันตะตอบอาคดิวะ” ตอนนี้เราสามคนนั่งกินข้าวอยู่ที่ห้างหลังจากที่เรียนเสร็จ ไอ้จีนมันอยากกินชาบูเลยถ่อกันมาถึงที่นี่ กวาดทุกอย่างจนอิ่มแปล้ ตอนนี้เลยเป็นช่วงของของหวานตามหลักการ แต่แล้วอยู่ดีๆไอ้กิมก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้ มันเจ้าพ่อโซเชียลครับ รู้ทุกอย่างบนโซเชียล(แถวบ้านผมเรียกว่าพวกชอบเสือก)


ตอนนี้คุยกับใครบ้างคะ
เพื่อน พ่อแม่ ญาติ คุยเยอะแยะเลยครับ :)

พี่วินชอบคนแบบไหนคะ
อืมมมม ดูแลเราได้ล่ะมั้ง คนที่อยู่ด้วยแล้วเรารู้สึกเป็นตัวของตัวเอง

มีคนที่ชอบรึยังครับ
เอ๊ มีไหมน้าาาาา^^


ถ้าบอกอะไรกับคนที่คุณอยากบอกได้ จะบอกว่า?
ขอบคุณสำหรับร่ม :)



เขาตอบอาคอีกหลายคำถามแต่สายตาของผมหยุดแค่ประโยคนี้ ไม่ยอมเลื่อนไปไหน ใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นแรงอย่างเข้าข้างตัวเองว่าสิ่งที่วินพูดหมายถึงผม คงจะมีแค่ผมที่ให้ร่มเขาไปใช่ไหม หรือเขาจะหมายถึงคนอื่นวะ

“ไอ้สัด ยิ้มหน้าบานเลยดิ สมัครอาคเลยสิครัชรออะไร” ผมไม่มีอาคครับเพราะไม่รู้ว่าจะเอาไว้ถามใคร รู้อยู่เหมือนกันว่าวินเล่นแต่ก็ไม่ได้สนใจ แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกแล้วว่าเล่นมันก็คงจะดีเหมือนกันมั้ง คิดได้ก็ล้วงโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาแล้วโหลดแอพทันทีพร้อมกับกดสมัครเรียบร้อยให้ไอ้เพื่อนตัวดีส่งเสียงแซวมากวน แต่แค่สมัครไว้เท่านั้นแหละยังไม่มีการอัพเดตหรือเปลี่ยนรูปอะไร อ๋อ กดฟอลไปหนึ่งคนถ้วนด้วย เจ้าของอาค

Winnapat_Win



ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนนิดๆแล้ว

อ่านหนังสือทำการบ้านเสร็จถึงหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดู ปรากฏว่ามีแชทจากใครบางคนส่งเข้ามา ผมรีบเปิดอ่านทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายส่งมาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เวลาทำงานหรืออ่านหนังสือจะเป็นอย่างนี้ ไม่สนใจโทรศัพท์ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สมาธิจะจดจ่อแค่กับงานหรือสิ่งที่ต้องทำข้างหน้า

เหนื่อยยยยยย
TT

หมอฟันเขาอ่านหนังสือครับเห็นว่าจะมีควิซพรุ่งนี้

พักก่อนๆ

ไม่นานนักก็มีข้อความตอบกลับมาทันที สรุปนี่อ่านหนังสือหรือเล่นโทรศัพท์อยู่กันแน่==

พักอยู่ หิวด้วย

ไปหาไรกินดิ

ขี้เกียจจจจ

ให้มันได้อย่างนี้ เดี๋ยวก็ปวดท้อง

ไม่ปวดดดดดดด
พัตทำอะไร

พึ่งทำงานเสร็จ

จะนอนแล้วเหรอ?

ยังครับ คงอีกซักพัก
ไม่ไหวก็อย่าฝืนนะ แค่ไหนแค่นั้น
เข้าใจไหม

อื้ออออออ
งั้นเราอ่านหนังสือต่อก่อนนะ

ครับ
นอนตอนไหนก็แชทมา

ครับบบบบบ ฝันดีล่วงหน้า

เช่นกัน
ดื้อ.

ดื้อคือคำที่ผมใช้เรียกเขา อีกฝ่ายเพียงแต่ส่งสติกเกอร์เป็นหมีโมโหกลับมาให้เท่านั้น ผมยิ้มออกมากับความน่ารักนั้นเมื่อดันนึกภาพว่าถ้าอีกฝ่ายทำหน้าแบบนี้อยู่จะเป็นยังไง ก็คงจะน่ารักตามประสาเจ้าตัวนั่นแหละ

ออกจากเฟสแล้วก็ไปดูอย่างอื่น คิดได้ว่าพึ่งจะสมัครอาคไปเมื่อกลางวันเลยกดเข้าไปดูมันซะหน่อยเผื่อว่าหมอฟันเขาจะตอบอะไรอีก ผมชอบอ่านนะว่าเขาคุยอะไรกับใครบ้าง


ตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ
กำลังจะอ่านหนังสือครับบบบ

มีแฟนรึยัง
มีสองสามตัวที่ห้องแหนะ ^^ เย๊นเย็น


เป็นแฟนกับพี่การ์ดเหรอคะ
เปล่าครับ พี่น้อง

การ์ดคือชื่อของรุ่นพี่ที่เป็นเดือนวิศวะ คงจะเป็นคนที่ไอ้กิมบอกว่าตามจีบวินอยู่เหมือนกัน พอผมอ่านคำตอบที่เขาตอบก็ยิ้มออกมา เอาวะ อย่างน้อยมันก็ยังไม่ได้นำผมไปก่อนซักเท่าไหร่ แม้ไม่รู้ว่าจะมีใครเป็นต่อผมบ้างไหมก็ตาม

พี่วินน่ารัก ใจดีด้วย
ขอบคุณครับ :)


เดือนทันตะตอบเพิ่มแค่สี่คำถามเมื่อสี่ชั่วโมงที่แล้ว คงเพราะมัวแต่ยุ่งกับการอ่านหนังสือด้วย ตอนนี้ผมเองก็ยังว่างเลยอัพเดตอะไรหน่อยดีกว่า ตัดสินใจแคปชื่อแอคเคาท์อาคก่อนที่จะโพสลงไปในเฟสบุ๊คพร้อมแคปชั่นสั้นๆว่า “ว่าง” ไม่นานนักก็มีแจ้งเตือนจากอาคมาว่ามีคนถามคำถามมา

มีแฟนยังคะ

คำถามแรกก็โดนเลย ยืมคำหมอฟันมาตอบได้ไหมวะ ทำไมถึงต้องอยากรู้ประเด็นนี้กันนัก- -

ยังครับ

แต่ผมก็เลือกที่จะตอบออกไปตามตรง ถามว่ามีแฟนยังไม่ได้ถามว่ามีคนที่ชอบรึยังนี่เนอะ และดูเหมือนว่าแค่ผมตอบคำถามแรกไปก็มีคนส่งเข้ามาถามอีกเพียบจนอ่านแทบไม่ทัน

ตอนนี้พี่พัตทำไรอยู่
เล่นอาคครับ ว่างๆ

พี่นี่รอน้องพัตเล่นอาคมานานมากจนเกือบจะเลิกเล่นเลยรู้ไหม เดี๋ยวจะกระหน่ำถามทุกวัน ฮิฮิ
จะพยายามตอบทุกอันแล้วกันนะครับ

และอีกมากมายที่ถูกส่งมา มันก็สนุกดีเหมือนกันนะครับ ผมเองถึงจะไม่ค่อยพูดกับคนแปลกหน้าแต่ถ้ามีคนมาคุยด้วยก็ไม่ได้ว่าอะไร ยินดีจะตอบทุกคนเท่าที่ผมจะตอบได้ นอกจากอะไรที่มองว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆก็จะเลี่ยงไป อย่างเฟสบุ๊คผมเลือกรับแค่เพื่อนหรือคนที่รู้จักแต่ก็เปิดเป็นสาธารณะ เพื่อนตัวดีมาแซวรูปที่ผมลงแอคเคาท์อาคในเฟสแต่ผมไม่ได้สนใจ ยิ่งร้อนตัวพวกมันจะยิ่งแซว ปล่อยไปเฉยๆดีกว่า พอตอบอาคจนรู้สึกว่าสมควรแล้วก็วางโทรศัพท์แล้วนอน




เมื่อคืนหมอฟันส่งแชทมาบอกว่านอนแล้วช่วงเกือบตี4เห็นจะได้ ผมเลยส่งกลับไปในตอนเช้าสั้นๆว่าขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ซึ่งอีกฝ่ายยังไม่ตอบและไม่ได้อ่าน คาดว่าน่าจะทำสมาธิอยู่กับการสอบ วันนี้ผมมีเรียนแค่ถึงเที่ยงเลยแวะมาเดินที่สยามคนเดียว ไอ้กิมกับไอ้วินมีธุระทั้งคู่ หาอะไรดูเพลินๆแบบที่ไม่ได้เจาะจงว่าจะซื้ออะไรอย่างที่ทำประจำ ถ้าเจออันต้องตาต้องใจค่อยว่ากัน

ติ๊ง

ดูเหมือนว่ามันจะไม่ผ่านไปด้วยดีแหละ
TT

เดี๋ยวนี้เปิดแจ้งเตือนMessengerแล้วนะครับ เหตุผลก็เพราะวินล้วนๆ...หมอฟันเขาสอบเสร็จแล้วสินะถึงมาตอบได้ ผมหยุดเดินแล้วพิมพ์ตอบไปอย่างไว

มันผ่านไปแล้ว
แล้วก็ผ่านไปด้วยดี

เราไม่ค่อยมั่นใจเลย[/color]

ทำเต็มที่แล้ว ที่เหลือช่างมัน

อืม...

แล้วก็เงียบไปเลย ผมเข้าเขาใจนะ อารมณ์คงเหนื่อยๆเพราะอ่านหนังสือมาทั้งคืนไหนจะมาเจอตัวข้อสอบอีก

ออกมากินติมไหม? เลี้ยง


เอาจริงๆก็คืออยากเจอแล้วก็ไม่อยากเห็นเขาเครียดเลยชวนออกมาผ่อนคลาย และผมเองก็คาดหวังว่าเขาจะตอบรับคำชวนนั้นทั้งที่ตอนส่งไปก็ไม่ค่อยได้คิดเท่าไหร่ พิมพ์ออกไปตามความรู้สึกล้วนๆ

จริงนะ?
ไปปปป ตอนนี้พัตอยู่ไหน

ผมยิ้มออกมาเมื่ออ่านข้อความของอีกฝ่าย พอพูดเรื่องของหวานเข้าหายไปหมดแล้วอารมณ์ดรามงดราม่าที่ทำข้อสอบไม่ได้ ตลกจริงคนอะไร หึหึ แต่ก็ดีแล้วเพราะผมไม่อยากให้เขาเครียดเท่าไหร่

สยาม

โอเค เดี๋ยวเราไป^^



********************************************


Talk

เขามีไปทานคงทานข้าวกินติมกันด้วยย  :-[ :-[ วินน่ารักเนอะะ อยากมาต่อทุกวันแต่การบ้านและกิจกรรมที่มหาลัยไม่เอื้ออำนวยเลยค่ะ(แต่มาต่อเรื่อยๆแน่ค่ะ พยายามไม่เว้นนาน)  :mew5: :mew5: อีกหน่อยจะสอบมิดเทอมแล้วด้วย นี่ยังไม่แตะหนังสือเรียนซักตัว(แต่มาหมกอยู่กับนิยายได้555 ) บ่นอะไรไร้สาระแล้วมาเข้าเรื่องกันดีกว่า อิอิ ก็...ตามนั้นเลยค่ะตามข้างบน ไม่มีอะไรจะพูดมาก  :mew3: :mew3: คือไม่รู้ทำไมคนเขียนเป็นคนชอบอาคค่ะ เป็นแอพที่มีเสน่ห์ดีนะ เหมือนเราสนิทกับอีกคนมากขึ้นทั้งที่เขาไม่ได้รู้จักเรา :3123:  แล้วก็งงตัวเองว่าจนตอนนี้ทุกคนจะเลิกเล่นมันแล้วทำไมพึ่งมาเขียนนน  :katai5: :katai5: ชอบไม่ชอบยังไงคอมเม้นต์เป็นกำลังให้เค้าด้วยนะ pls~  :call:

ปล. ชื่ออาคของวินนั่นมีอยู่จริงๆนะเออ ใครอยากเข้าไปคุยเข้าไปถามอะไรเดือนทันตะถามมาได้เลย(Winnapat_Win) เขาน่ารักนะะะ อย่าลืมเข้าไปคุยนะวินเขารออยู่(ใครอยากเห็นหน้าว่าเดือนทันตะน่ารักขนาดไหนต้องเข้าไปถามๆ><) :mew1: :mew1: ส่วนอาคเด็กถาปัตย์เขายังไม่ให้หรอก เล่นตัวๆ55 พัตบอกเดี๋ยวอยากคุยเมื่อไหร่จะบอก ตอนนี้คุยกับหมอฟันไปก่อน ^^






หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่2 *04/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: kub_kwonny ที่ 04-09-2015 01:19:18
ฟินตรง ขอบคุณสำหรับ ร่ม นี้แหละ
 :o8:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่2 *04/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 04-09-2015 12:08:26
คนน่ารักเขาแพ้ทางให้กับไอติมเหรอคะเนี่ย
>< น่าร๊ากกกก :m3: เข้าใจหลอกล่อวินจังนะคะพัต~~
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่2 *04/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-09-2015 13:16:43
มันมีอะไรซ่อนอยู่
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่2 *04/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 04-09-2015 13:48:25
น่ารักอ่าาาา

 :mew1:

รอตอนต่อไปค่าา อิอิ
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่2 *04/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 05-09-2015 00:14:14
น่ารักมาก สงสันวินก็แอบชอบพัตอยู่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่2 *04/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 05-09-2015 12:30:58
น่ารักอะ ใสๆวัยรุ่นชอบ
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่2 *04/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-09-2015 14:46:19
เหมือนวินก็มีใจให้พัตอ่ะ ว่ามะ อิอิ
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่2 *04/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: modelatlove ที่ 05-09-2015 15:56:21
รอๆๆๆๆ มาต่อเร็วๆน้าาาา เข้าไปคุย ask แล้ว น่ารักกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่2 *04/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Meimei ที่ 05-09-2015 21:54:12
บรรยายกาศอบอุ่นดีจังนะ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่3 05/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 05-09-2015 23:15:36
ไม่รู้ว่ามีคนเป็นเหมือนกันไหม เปิดในคอมแล้วมันขึ้นให้ไม่ครบอ่ะค่ะ ต้องเปิดในgoogle chromeถึงจะขึ้นครบ(โทรศัพท์ก็ครบนะ หรือคอมเราเป็นอยู่คนเดียวหว่า)ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร ใครรู้รบกวนบอกด้วยนะคะ ตอนนี้จบที่>>>>มีคนที่ชอบและกำลังจีบ. นะคะ ถ้าของใครไม่ได้จบตรงนี้รบกวนเปิดgoogle chromeอ่านเนอะ ไม่งั้นจะอ่านไม่ครบน๊าาาา เดี๋ยวตอนหน้าจะลองอัพผ่านggchromeดูว่าจะยังเป็นอยู่ไหม

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ตอนที่3

“เลี้ยงเราจริงดิ”

“พูดแล้วไม่คืนคำ”

หน้าเล็กๆนั้นยิ้มแป้นทันทีที่ผมยืนยันคำพูดตัวเองออกไป รอเขาไม่นานในการมาที่นี่เลย ไม่ค่อยจะบ่งบอกว่าชอบการกินไอติมแค่ไหน ตอนนี้เราทั้งคู่มานั่งอยู่ที่ร้านไอติมที่หมอฟันเขาเป็นคนเลือกเอง บอกว่าเป็นร้านประจำของเจ้าตัว ผมซึ่งไม่ค่อยสันทัดเรื่องพวกนี้ก็ตามเขาอยู่แล้ว อีกอย่างจะเลี้ยงก็ต้องตามใจคนกิน เพราะปกติผมไม่ค่อยกินของหวานอยู่แล้ว

“เย้ๆ” ร้องเหมือนลูกคุณอาผมตอนผมซื้อของเล่นไปให้ไม่มีผิด เด็กมาก เอาจริงๆไม่คิดว่าตัวตนเขาจะเด็กขนาดนี้นะ แต่ก่อนที่ได้แต่มองอยู่ห่างๆเขาจะค่อนข้างดูเป็นมิตรและนิ่งกว่านี้หน่อย พอได้มาคุยกันกลายเป็นว่าเป็นคนที่มีหลายด้านมาก แต่แบบไหนก็โออยู่แล้ว ผมรับได้หมด

“หึ สรุปแล้วใครกันที่ดราม่าเรื่องข้อสอบ” อดที่จะท้วงไม่ได้ เมื่อตอนที่แชทคุยกันยังเครียดๆอยู่เลย พอมาร้านของกินนี่หายวับ แต่ก็ดีแล้วนะ การเครียดกับอะไรที่แก้ไม่ได้มันไม่ใช่เรื่องดีหรอก

“ฮือ อย่าพูดสิ พูดขึ้นมาแล้วเครียดเลย เราคุยกับเพื่อนแล้วได้คำตอบไม่ตรงกันอ่ะ ของเราต้องผิดแน่”

คนที่ร่าเริงเมื่อครู่กลับมาทำหน้ากังวลอีกแล้ว(รู้สึกผิดเลยที่ท้วง ผมชอบเขายิ้มมีความสุข)  บ่อยไปครับที่เราตอบไม่ตรงกับเพื่อนแต่ใครจะรู้ว่าของใครถูกนอกอาจารย์เอง ในมหาลัยข้อสอบส่วนมากเป็นข้อเขียนซึ่งมันจะมีข้อดีตรงที่ว่าถ้าเราเขียนถึงแม้จะไม่ถูกทั้งหมดแต่ก็อาจจะได้คะแนนจากบางส่วนที่ทำถูก ถ้าเป็นข้อกาผิดคือผิดเลยไม่ได้คะแนน แต่ถ้าเขียนคำตอบออกมาไม่ได้เลยคือจบ

“เพื่อนมั่นใจรึไงว่าถูก”

“ก็...ไม่หรอก แต่เราไม่มั่นใจไงเลยกลัว”

“มันผ่านมาแล้ว พยายามเต็มที่ก็พอ” ผมมักจะคิดแบบนั้นเสมอ จะเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขมันก็ทำไม่ได้แล้วใช่ไหม ทางที่ดีคือเราพยายามปล่อยวางแล้วยอมรับผลของมันดีกว่า ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดยิ่งกดดันตัวเอง ถ้ามันออกมาแย่จริงๆครั้งหน้าก็เอาใหม่ ตั้งใจให้มากกว่าเดิม

“อืม... เลิกคิดๆ ตอนนี้สนใจเรื่องกินดีกว่า จะกินให้คนแถวนี้หมดตัวเลยคอยดู” เปลี่ยนอารมณ์อีกแล้ว เปลี่ยนไวจนผมอดยิ้มออกมาไม่ได้กับความเด็กนั่นไม่ได้ คนอะไรอย่างกับกิ้งก่า ต่างแค่ว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสีแต่วินเปลี่ยนอารมณ์เท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ ไม่เป็นคนคิดมากก็เป็นเรื่องที่ดีมาก คิดได้แต่ไม่ใช่ว่าต้องคิดตลอดเวลา แบบที่วินเป็นก็ดีแล้ว

“ตามสบายถ้าไหว”

“อย่าดูถูก เห็นครั้งก่อนที่เรากินแล้วนี่” ใช่ครับ ครั้งก่อนที่ทานทั้งข้าวและไอติมด้วยกันบอกเลยว่าผมยังสู้เขาไม่ไหว กินไอติมห้าลูกใหญ่คนเดียวทั้งที่กินข้าวมาแล้ว(กินเอยะด้วย) ผมนี่งงเลยว่าตัวเล็กแค่นี้เอาไปเก็บที่ไหนหมด วินถือได้ว่ายังค่อนข้างผอมเลยนะ ความหนาของตัวแค่ครึ่งนึงของผมเห็นจะได้ บอกให้เขาไปตรวจร่างกายเหมือนกันเผื่อว่าจะผิดปกติอะไร

“ควรไปตรวจจริงๆ”

“ไม่ได้เป็นไรซะหน่อย ก็กินเยอะแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”

“ก็ผิดปกติมาตั้งนานแล้วไง”

ปากเล็กๆกำลังขยับจะเถียงผมแหละแต่พนักงานมาขวางไว้ซะก่อน พอหันไปเห็นไอติมก็เลิกสนใจผมทันที ให้มันได้อย่างนี้ คนตัวเล็กยิ้มกับตัวเองก่อนจะลงมือตักของเย็นเข้าปาก ท่าทางมีความสุขเหมือนเด็กเล็กๆไม่มีผิด ส่วนผมเองก็นั่งมองเขากินเสียมากกว่า แววตาที่มีความสุข ปากเล็กๆขยับอ้ารับไอติมเข้าไปเรื่อยๆ  คนที่ยิ้มให้จนตาหยีอยู่ตรงหน้า ผมมีความสุขนะที่เห็นว่าช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันเขาเองก็มีความสุข

“มองอะไรอ่ะ หน้าเรามีไรติดรึเปล่า” เพราะว่ามัวแต่สนใจไอติมอยู่ เลยพึ่งจะสังเกตสินะว่าผมมอง ทั้งที่ความจริงแล้วผมมองเขามาตลอด จากตั้งแต่คำแรกที่วินตักไอติมเข้าปากจนตอนนี้เหลือแค่ค่อนถ้วยจากถ้วยใหญ่ๆและส่วนมากเป็นคนตัวเล็กที่กิน

“ไม่มี อยากมองคนกินจุเฉยๆ”

“ไม่เถียง นี่จนบางทีแม่บ่นให้เพราะชอบปวดท้องตอนดึก ก็ประเทศเราอาหารอร่อยมันเยอะแยะไปหมด กินแล้วมีความสุขก็กิน ชอบมากกกกกกกกกกกก” ถึงขนาดลากเสียงยาวยืนยัน รู้แล้วว่าชอบจริงๆ

“กินแบบนี้ใครจะเลี้ยงไหว” ผมเอ่ยกวนเขาทั้งที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการกินเขาหรอก ความสุขของแต่ละคน ชอบอะไรรักอะไรก็ทำเถอะ เหมือนอย่างที่ผมชอบสะสมโมเดลรถ เยอะจนต้องทำห้องเอาไว้เก็บโมเดลโดยเฉพาะ

“ก็...เลี้ยงตัวเองไง พ่อแม่เราเลี้ยงไหว เลี้ยงมาตั้งเกือบ20ปีแล้ว วันนี้ก็มีคนจะเลี้ยงอีกด้วย”

“ให้เลี้ยงตลอดชีวิตเลยก็ได้”

กึก

มือที่จับช้อนไอติมชะงักกลางอากาศ ตาดวงโตเบิกขึ้นนิดๆพร้อมกับสายตาที่มองมาราวกับค้นหาอะไรบางอย่างจากประโยคที่ผมพูดออกไป มันมีแววสงสัย แปลกใจ สั่นวูบ หลายความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้ว่ามันไม่ได้มั่นคงอย่างปกติ และที่พูดไปผมรู้ตัวดี ไม่ได้เป็นการหลุดปากแต่อย่างใด ผมพร้อมจะเลี้ยงเขาดูแลเขาทั้งชีวิตนั่นแหละ อยากกินอะไรก็จะหามาให้หมดเลย

“ มะ ไม่ต้องมาพูดเล่นเลย” ผมมองคนตรงหน้าที่เริ่มจะอยู่ไม่นิ่งแล้ว สายตาวินหลุกหลิกหลบไปมา ขยับตัวซ้ายทีขวาที มือไม้ก็ดูเหมือนไม่รู้ว่าจะเอาวางไว้ตรงไหน

“เมื่อกี้ไม่ได้พูดเล่น ที่ชวนมากินข้าว ที่คุยด้วยทุกวันก็ไม่ได้คิดจะเล่น จริงจังนะวิน”

สายตาที่หลบไปมากลับมาสบกันอีกครั้ง แววตาคู่นั้นดูสั่นไหวไม่น้อย บรรยากาศของคนมากมายหายไปราวกับมีเราแค่สองคน ผมเองไม่ได้เตรียมการจะมาพูดเรื่องนี้ใดๆทั้งสิ้นแต่เมื่อเห็นว่ามีโอกาสก็บอกเลยดีกว่า ให้วินรู้ว่าที่ผมเข้าหาเขาเพราะอะไรแบบไม่ต้องสงสัย สถานะที่ชัดเจนขึ้นน่าจะทำให้ทั้งเขาและผมสบายใจว่าควรวางตัวยังไง ทำอะไรได้บ้าง

“...”

“...”

“หวังว่าจะจริงจังกับเราได้ตลอด”

“...”

“...”

“แน่นอน”

ยืนยันด้วยเสียงที่หนักแน่น หวังว่าแววตาที่ผมสื่ออกจะทำให้วินเข้าใจได้โดยที่ไม่ต้องพูดหรืออธิบายอะไร การกระทำย่อมสำคัญกว่าคำพูดเสมอ ผมจะไม่พูดกับเขาว่าสัญญาแต่จะทำให้เห็นเลยว่าผมไม่เคยคิดที่จะเล่นๆ หนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าผมมั่นคงแค่ไหน แม้เขาจะไม่รู้แต่ใจของผมรู้ดี ใจที่ไม่เคยหวั่นไหวเลยตั้งแต่ที่รู้ว่ารู้สึกยังไงกับเดือนคณะทันตะ รอยยิ้มหวานจากอีกฝ่ายทำเอาผมเองก็ยิ้มตาม รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะบอกว่าเขาเชื่อในตัวผม



..............................................................




“ป่านนี้แม่บ่นใหญ่แล้วว่ามาสยามแต่ไม่ยอมเข้าร้าน” เสียงเล็กๆเอ่ยบอกในขณะที่เราเดินดูของกันอยู่ ถือเป็นการย่อยไอติมที่กินไปเมื่อซักครู่ ซึ่งน่าจะเป็นวินที่ควรจะย่อยอยู่ฝ่ายเดียวเพราะผมแทบจะไม่ได้กินเลยด้วยซ้ำ กินจนบ่นออกมาอีกแล้วว่าอิ่มมากคิดดู

“แวะไปสิ เดี๋ยวเข้าไปขอตัวลูกท่านมาเดินเล่นเป็นเพื่อนด้วย” มีโอกาสก็ขอหยอดหน่อย หึหึ แต่ผมคิดจะทำจริงๆนั่นแหละถ้าเขาอนุญาต จะทำอะไรก็ควรอยู่ในสายตาผู้ใหญ่เดี๋ยวท่านจะว่าเรามองท่านเป็นหัวหลักหัวตอ ให้เกียรติทั้งตัวเขาและผมเอง แต่อีกคนกลับยู่ปากใส่อย่างน่ารักจนอยากดึงปากแดงๆนั่นจริงๆ แน่นอนว่ายังไงผมก็ไม่ทำหรอก ไม่อยากให้เขาเจ็บ

“วันนี้แม่ไม่เข้าร้านหรอก...อ๊ะ เสื้อออออ” ไม่ต้องงงครับ ไอ้ประโยคสุดท้ายนั่นน่ะคือเจ้าตัวถลาเข้าร้านเสื้อผ้าที่กำลังจะเดินผ่านไปแล้ว สงสัยเหลือบไปเห็นตอนที่คุยกันอยู่ เดินเข้าแบบไม่รอผมด้วย ยืนส่ายหน้ากับความเหมือนเด็กเจอของเล่นก่อนจะเดินตามเข้าไป วินยืนดูสินค้าตัวโชว์ที่ขึ้นป้ายบอกว่าพึ่งมาใหม่อยู่กลางร้านหรา

“สวยไหม” หันมาถามผมที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ก็สวยดี...แต่บางไป” เป็นเสื้อสีขาวแขนยาวมีลูกเล่นเล็กๆและพิเศษตรงเนื้อผ้า ที่จริงมันก็ดูสวยแหละเหมาะกับเขาดีแต่เห็นเนื้อผ้าแล้วผมไม่ค่อยโอเท่าไหร่...ใช่ มันพิเศษ พิเศษตรงที่เหมือนจะบางเป็นพิเศษยังไงล่ะ! ถ้าไม่ใส่เสื้อกล้านี่เห็นยันหัวนมมั้ง ราคาก็ไม่ใช่ย่อยๆผลิตหนากว่านี้ไม่ได้รึไงก็ไม่รู้

“เหรอ เราว่าก็โอนะ บ้านเราร้อนด้วย ใส่หนาไปเหงื่อออกแย่” ผมเริ่มขมวดคิ้ว อย่าบอกว่าจะซื้อตัวนี้จริงๆนะ คือมันบางไงวะ

“งั้นก็ซื้อแขนสั้นดิ” พยายามพูดโน้มน้าวให้วินไปดูเสื้อตัวอื่น ดีที่ว่าร้านนี้พนักงานไม่ได้มายืนเฝ้าเราเลือกสินค้า ไม่งั้นคงรำคาญแน่ๆ ก็ถ้าใส่แบบนี้ผมไม่ค่อยจะโออ่ะ เออ..ยอมรับว่าหวง แต่ก่อนไม่มีสิทธิ์ไงแม้จะพูดด้วย พอตอนนี้พูดอะไรได้บ้างก็ขอพูดหน่อย แม้จะมีสิทธิ์ไม่มากก็เถอะ

“ฮื่อออออ เราชอบใส่แขนยาวจะได้ไม่ร้อนเวลาออกแดด”

“งั้นก็ใส่เสื้อกันหนาว”

“ร้อนตายใส่สองชั้น” โอเค ผมเลิกเถียงก็ได้ เอาจริงๆก็นะ เรื่องของเขาอยู่แล้วผมคงพูดอะไรมากไม่ได้ เจ้าตัวเขาพอใจที่จะใส่จะซื้อก็ต้องตามนั้น เงินก็เงินเขาไม่ใช่เงินผม แค่พยายามเลิกคิดภาพตอนเขาใส่ออกข้างนอกก็เท่านั้น

“ตามใจ” พูดเสร็จก็เดินออกมารอนอกร้านทันที ผมไม่ได้ไม่พอใจเขานะ ถึงลึกๆแล้วจะรู้สึกไม่ชอบใจแต่ก็เข้าใจดีว่ามันเป็นความชอบส่วนตัว ตอนนี้เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมแค่จีบเขาอยู่จะไปห้ามหรืออะไรมันก็ไม่ใช่ แล้วผมเองก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลขนาดนั้น คิดว่าต่อให้เป็นแฟนกันแล้วก็ยอมรับความคิดเขาได้ ถ้ามันไม่มากเกินไปจริงๆ

“โกรธไรเราอ่ะ” ยืนมองนั่นมองนี่ซักพักอีกคนก็ตามออกมา ผมหันไปมองวินที่ยืนทำหน้าอ่อยๆแล้วเลิกคิ้วถาม มองไปที่สองมือก็ไม่เห็นว่ามีถุงอะไรออกมา

“เปล่า”

“ไม่จริงอ่ะ ทำเสียงแข็งใส่เราแล้วเดินหนีออกมาด้วย”

ไม่นึกว่าเขาจะสังเกตขนาดนั้น เมื่อกี้ตอนอยู่ในร้านยอมรับว่าเผลอเสียงแข็งใส่จริงๆ คือมันแค่เป็นอารมณ์ชั่ววูบที่รู้สึกว่าบทสนทนาเรามันยืดเยื้ออย่างที่วินเขาไม่ค่อยจะฟังผมก็เท่านั้น ด้วยผมเป็นลูกคนเดียวเลยติดนิสัยคนอื่นต้องฟังคำพูดตัวเอง แต่ถ้าอธิบายเหตุผลของตัวเองดีๆมาผมก็รับฟังได้ยอมรับได้ ไม่โลกแคบ เมื่อกี้เผลอจริงๆไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ไม่ได้โกรธอะไร

“หึ ไม่ได้เป็นไรจริงๆครับ ออกมาสูดอากาศเพราะอยู่ข้างในบรรยากาศอึดอัดกว่าเลยออกมาที่โปร่งๆ วินก็จะได้เลือกซื้อของได้ตามสบายไง แล้วนี่สรุปว่าไม่ซื้อ?” ยิ้มออกมายืนยันให้เขาสบายใจว่าผมไม่ได้เป็นไรจริงๆ

“ก็คนบางคนบอกว่ามันบางแถมทำเสียงดุใส่นี่นา”

หมอฟันพูดอย่างเง้างอน ฮ่าๆ ดูท่าว่าอารมณ์ของผมเมื่อกี้จะ‘เผลอ’เกินไปหน่อยจริงๆ ร่างเล็กเลยดูคิดมากขนาดนี้เพราะผมยังไม่เคยเป็นแบบนี้ใส่เขาเลย นี่ขนาดแค่นี้นะถ้าตอนผมโกรธจริงๆคือหนักกว่านี้เยอะ เพื่อนผมสองคนบอกว่าผมเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดตอนโกรธแต่ผมก็คิดว่าไม่ขนาดนั้นหรอก(มั้ง) รู้สึกดีแฮะที่เขาตามออกมาแถมยังไม่ได้ซื้อเสื้อตัวนั้น เหมือนกับว่าเขาแคร์ความรู้สึกผมอยู่เหมือนกัน

“เราแล้วแต่ ถ้าวินชอบก็ซื้อ ถามเราเราก็ตอบตามความรู้สึกแค่นั้นแหละ”

“จริงๆนะ งั้น...ไปดูร้านอื่นกันดีกว่า” คนเปลี่ยนอารมณ์ไวเปลี่ยนโหมดอีกแล้ว เมื่อผมยืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆอีกฝ่ายเลยเลิกสนใจ กลับมายิ้มมาพูดได้เหมือนเดิม เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่นแต่ก็ยังไม่ได้อะไรเลยทั้งสองคน คือช่วงนี้ผมเองก็ไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ รองเท้าที่อยากได้ก็ให้พ่อหิ้วมาฝากจากญี่ปุ่นแล้ว

“เหนื่อยยยยยย” ตอนนี้มานั่งพักเหนื่อยที่ม้านั่งในห้างเนื่องจากเดินมาจะสองชั่วโมงแล้ว ผมยื่นน้ำให้คนตัวเล็กที่กำลังนั่งเอามือพัดหน้าตัวเองไปมาอยู่รับไปดื่ม 

“ไหวไหม”

“ไม่ค่อยจะไหวแล้ว เดินจะครบทุกร้านแล้วอ่ะ”

วินดื่มน้ำเข้าไปอึกๆ คงจะหิวมากเพราะเราเดินเข้าออกหลายร้านจริงๆ แต่ก็ยังไม่มีอะไรถูกใจ เวลาผมเจอร้านที่ตัวเองชอบก็ชวนเขาเข้า พอวินเจอร้านที่วินชอบก็เข้า เพราะงี้เลยเข้าหลายร้าน สไตล์เราค่อนข้างจะต่างกันเลยต้องแวะทั้งร้านของเขาและร้านของผม

“ขนาดนั้นเลย” อีกคนพยักหน้าพร้อมกับเอามือทุบๆขาเล็กภายใต้กางเกงนักศึกษาของตัวเองไปด้วย สังเกตเห็นเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ออกตามไรผมของอีกฝ่ายผมเลยนั่งลงข้างๆเปิดกระเป๋าแล้วหยิบชีทเรียนมาพัดให้ วินยิ้มตาหยีใส่พร้อมกับเอ่ยขอบคุณ ผมไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่เพราะออกกำลังกายบ่อย เดินแค่นี้เลยถือว่าจิ๊บๆ แต่คงไม่ใช่กับอีกคนที่ดูท่าว่าจะกินอย่างเดียวกำลังกายคงไม่ออกแต่ก็ไม่ยักกะอ้วน เดี๋ยวผมต้องบังคับเขาไปออกกำลังกายบ้างแล้ว ไม่งั้นร่างกายจะแย่เอา

“สรุปแล้วเราก็ไม่ได้ไรเลยเนอะ”

“มีบางคนได้กิน” ไม่ต้องบอกว่าใคร

“คิกคิก นั่นสินะ”

“กลับยัง เดี๋ยวดึกนะ” เอ่ยเตือนเพราะตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว เวลาผ่านไปเร็วมากถึงจะอยากอยู่ด้วยอีกแค่ไหนแต่ก็เป็นห่วงเขา ขับรถดึกๆคนเดียวอันตรายครับ ข่าวอุบัติเหตุก็มีให้เห็นทุกวัน

“อื้ออออ งั้นกลับเลยแล้วกัน เดี๋ยวแวะไปดูร้านแม่ก่อนนะ พัตกลับก่อนเราเลยก็ได้” ผมเก็บชีทเข้ากระเป๋าในขณะที่วินลุกขึ้นยืน

“กลับพร้อมกัน” เอ่ยบอกเพียงสั้นๆให้อีกคนยิ้มรับออกมาก่อนที่จะบอกว่าตามใจ เราทั้งคู่เลยเดินลงไปที่ร้านของแม่วินด้วยกัน พอพนักงานเห็นก็ต้อนรับกันใหญ่ ผมนั่งรออยู่ที่โซฟารับลูกค้าตัวเดิมให้วินเดินเข้าไปดูเอกสารและดูความเรียบร้อยอะไรของร้าน อยู่ไม่นานครับ ครึ่งชั่วโมงแล้วปิดร้านด้วย ออกมาคนก็บางตามากเพราะอีกไม่นานห้างก็จะปิด

“ถึงบ้านแล้วไลน์มา” ผมเดินมาส่งวินถึงรถ เราจอดกันคนละชั้นแต่ว่าผมมมาส่งเขาก่อนค่อยกลับไปเอารถของตัวเอง ตอนแรกเจ้าตัวไม่ยอมหรอกแต่ผมนิ่งใส่เลยต้องยอม ใครจะปล่อยให้เดินมาคนเดียว

“หืม เราไม่มีไลน์กันนี่”

“งั้นก็เอาเบอร์ให้เราสิ หึหึ” มันเป็นวิธีเนียนขอเบอร์ของผมเอง ไม่เอาไอดีด้วย จะเอาเบอร์อย่างเดียว

“เนียนไปแล้วๆ ไอดีไลน์ก็พอมั้ง”

“ถ้าไม่ให้เบอร์ก็ไม่เอา จะไม่ให้เหรอ?”
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..


“เห็นแก่ค่าไอติมหรอกนะ :p ”

.....................................................


Ask.fm

อยู่ในสถานะไหน?
โสด
มีแฟน
มีคนที่ชอบ
กำลังจีบ
อกหัก

มีคนที่ชอบและกำลังจีบ.





**********************************




Talk

มาแล้วค่าาาาาาา ตอนนี้สั้นหน่อยน๊าาาา ไว้คราวหน้าจะพยายามมาให้ยาวกว่านี้  :mew3: :mew3: รีบลงมากไม่รู้ว่าตรงไหนพิมพ์ผิดสะกดผิดรึเปล่า เดี๋ยวมาเช็คความเรียบร้อยทีหลังนะคะ^^ ปกติต้องตรวจนานกว่านี้มาก แก้แล้วแก้อีก(มีคนขีดเส้นให้ก่อนเที่ยงคืนเลยรีบเพื่อไม่ให้ผิดสัญญา :mew1: :mew1: ) รักพัตเอ็นดูวินเม้นต์ๆๆๆๆเนอะ  :impress2: :impress2: ไปจัดการเก็บห้องต่อละค่า บ๊ายบายยยยยย~~~~~~~

**ขอบคุณทุกคอมเม้นต์มากๆนะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านเลยยยยย :pig4: :pig4:

***** เข้าไปคุยกับวินที่Askได้เน้อออออ(@Winnapat_Win)  :mew1: :mew1:




หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่3 05/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 05-09-2015 23:47:52
ตอนนี้สั้นจริงๆค่ะ แต่น่ารัก ขนาดยังไม่เป็นแฟนพัตยังหวงขนาดนี้เลย
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่3 05/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-09-2015 00:13:52
รุกเร็วน่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่2 *04/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 06-09-2015 00:39:18
มาแอบดูคนเค้าจีบกัน
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่3 05/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 06-09-2015 07:07:08
น่ารักจังงงงงงง :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่3 05/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: modelatlove ที่ 06-09-2015 08:22:25
น่ารักกกก พัต หวงมากกก วินก็รักเค้าใช่ไหมลูก  :ling1: เขินแทน
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่3 05/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 06-09-2015 10:39:32
อิจฉาวินได้มั้ย? ฮ่าๆๆ น่ารักกันจังเลยยย
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่3 05/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 06-09-2015 13:12:36
ใจพัตเองก็ไม่ได้อยากจะบังคับหรือก้าวก่ายการตัดสินใจอะไรของวินหรอก แต่ถ้าเลี่ยงเสื้อผ้าเนื้อบางๆ ได้ก็เลี่ยงเถอะ..ใช่ไหมคะพัต ^^
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่3 05/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 06-09-2015 23:18:49
รุกเร็วๆๆจริงๆๆเลยนะครับ. เดินหน้ารุกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่3 05/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Meimei ที่ 06-09-2015 23:41:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่3 05/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 07-09-2015 01:48:22
น่ารักฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมววววว   :m3:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่3 05/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 07-09-2015 18:35:56
น่ารักจังเลยยยยยย :mew1:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่4 07/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 07-09-2015 21:56:20

ตอนที่4

“พัตจ๊ะ พรุ่งนี้ไปงานเลี้ยงบ้านคุณหญิงนุชกับแม่ไหม” เสียงแม่เอ่ยถามในเย็นวันศุกร์ที่ผมพึ่งจะกลับถึงบ้านได้ไม่นาน บ้านที่อยู่กรุงเทพนี่แหละครับ แต่เนื่องจากไม่ได้อยู่ใกล้มอผมเลยต้องย้ายไปอยู่คอนโดแทนเพื่อความสะดวก ตอนนี้เราสามคนพ่อแม่ลูกนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเพื่อพักผ่อนตามปกติ

“อย่างเจ้าพัตนี่นะจะไปงานแบบนี้” พ่อที่ดูข่าวธุรกิจเอ่ยขึ้นอย่างรู้นิสัยลูกชายตัวเองดี

“ใช่เลยครับพ่อ” ประโยคเอ่ยสำทับอีกแรงจากผม ผมและพ่อเป็นคนที่ค่อนข้างเหมือนกันคือไม่ชอบงานอะไรแบบนี้ แน่ล่ะเพราะมีแต่พวกคุณหญิงคุณนายโม้เรื่องลูกเรื่องตัวเองเรื่องกิจการให้ฟัง น่าเบื่อจะตาย เคยไปเป็นเพื่อนแม่ไม่กี่ครั้งนี่ผมเข็ดเลย ถ้าไม่ใช่งานสำคัญจริงๆคือไม่ไปแน่นอน อย่าว่าแต่ผมที่ไม่ค่อยไป พ่อผมเองก็ไม่ต่างกันถ้าไม่ใช่งานเกี่ยวกับธุรกิจไม่มีทางที่จะได้เห็นพ่อผมแน่นอน

“เอ๊ะ สองพ่อลูกคู่นี้หนิ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะคะเรื่องแบบนี้”

“คุณก็น่าจะรู้ดีนี่นา ฮ่าๆ เอาน่าคุณพิมพ์ อย่างอนไปเลย เดี๋ยวเอาไว้ผมพาไปเที่ยวเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ไม่ได้ไปเป็นเพื่อนคุณแล้วกัน”

ชินแล้วแหละครับกับคำพูดประมาณนี้ พ่อกับแม่ชอบไปเที่ยวเพราะถือว่าเป็นการพักผ่อน ซึ่งสถานที่ที่พวกท่านไปส่วนมากก็จะเป็นสถานที่ธรรมชาติซะส่วนใหญ่ ทะเลบ้างภูเขาบ้าง บางทีผมรู้เรื่องก็ตอนที่พวกท่านถึงที่แล้วนู้นล่ะ ผมเข้าใจดีแต่แค่แกล้งงอนท่านบ้างก็เท่านั้นที่ไม่เอ่ยชวน แต่ถึงชวนก็ไม่ไปหรอกครับ ใครจะอยากไปเป็นกอขอคอ

“คุณน่ะ ไม่ต้องเลยนะคะ ชอบทำแบบนี้ทุกทีเลย...แม่ก็ชวนเผื่อว่าพัตอยากไปทำความรู้จักกับลูกคุณหญิงนุชก็เท่านั้นเอง น้องก็น่ารักดีนะลูก” เคยเห็นบ้างตามข่าวครับ แต่ผมเองก็จำชื่อไม่ได้หรอกว่าลูกคุณหญิงนุชชื่อะไร แต่ถ้าจำไม่ผิดน่าจะหน้าตาดีพอสมควร แต่ตอนนี้ถึงดีแค่ไหนผมก็ไม่สนใจทั้งนั้นแหละ

“ไม่หรอกครับแม่ พัตไม่อยากรู้จัก ตอนนี้มีคนที่คุยๆด้วยแล้วครับ”

พ่อกับแม่ตาโตทันที่ผมพูดเสร็จ แม้แต่พ่อยังหยิบรีโมทมาปิดเสียงโทรทัศน์ทันที สายตาสองคู่หันมาหาอย่างแปลกใจระคนตกใจด้วย แม่ผมนี่ดูตื่นเต้นมากๆ เอาจริงๆคือผมไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้กับท่านเลย ไม่ว่าจะคุยๆหรือคบกับใครก็ไม่เคยบอก ไม่รู้สิ เหมือนว่าที่ผ่านมามันยังไม่ใช่ ผมยังไม่เคยคิดจะจริงจังกับใครเลย

“ใครกันจ๊ะ ชื่ออะไรเป็นลูกเต้าเหล่าใคร พ่อกับแม่รู้จักไหม แล้วนี่คุยกันมานานรึยัง ถึงขั้นไหนกันแล้ว แล้ว...”

“โถว่ แม่ครับใจเย็นๆ” โดนรัวคำถามมาซะจนผมฟังแทบจะไม่ทัน นี่ถ้ารู้ว่าเป็นใครท่านคงจะตกใจน่าดู

“ใจเย็นได้ไง นี่แม่ตื่นเต้นจะแย่ ครั้งแรกเลยนะเนี้ยที่ลูกบอกเรื่องนี้กับแม่ คุณคะ เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยนะคะเนี้ย”

“พัตก็โตแล้วนะคุณ ไม่มีคนคุยด้วยสิที่แปลก เอ้า ว่ามาสิว่าเป็นใครอะไรยังไง” ประโยคหลังพ่อหันมาถามผมอีกคน ส่วนมากผมก็บอกพ่อกับแม่ทุกเรื่องนะครับ ช่วงก่อนๆแม่จะชอบพาไปออกงานบ้างเพื่อที่จะทำความรู้จักกับพวกลูกคุณหญิงคุณนายทั้งหลายแต่ว่าไม่ได้บังคับหรือเป็นการดูตัวอะไรพวกนั้นหรอก ท่านแค่เผื่อว่าผมจะสนใจ พ่อกับแม่ผมไม่เคยบังคับหรือว่าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว อยากทำอะไรก็ให้ผมเป็นตัดสินใจเอง

“บอกไปพ่อกับแม่อาจจะตกใจได้นะครับ” ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพ่อกับแม่จะรับได้ไหมถ้าผมบอกออกไป ถึงแม้ที่ผ่านมาท่านจะไม่ค่อยดุผมและยอมรับในการตัดสินใจของผมทุกเรื่องแต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นเลย พ่อกับแม่ค่อนข้างมีหน้ามีตาในสังคม ถึงผมไม่แคร์เรื่องนั้นแต่ก็แคร์พวกท่านนะครับ

“ทำไมล่ะลูก พัตชอบใครพ่อกับแม่ก็ชอบด้วยทั้งนั้นแหละ”

“นั่นน่ะสิ ไม่หมั่นใจอ่ะไรน่ะเรา”

“คือ...คนที่ผมคุยด้วยเป็นลูกของป้าษาครับ เจ้าของร้านเพชรร้านประจำของคุณแม่”

“...”

“...”

“...”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“อย่าบอกแม่นะว่าเป็นลูกคนเล็ก” แม่ของวินมีลูกอยู่สองคนซึ่งวินเขาเป็นคนสุดท้อง ใช่ที่เขามีพี่สาวคนนึง แต่ผมบอกแค่นี้แม่ก็น่าจะรู้ว่าเป็นใคร เพราะพี่สาววินแต่งงานมีครอบครัวแล้ว

“ครับแม่ คนที่ผมคุยด้วยคือวิน” พลันทุกอย่างในห้องก็เงียบลงราวกับถูกหยุดเวลาไว้ พ่อกับแม่มีสีหน้าที่ผมเดาไม่ออกว่าท่านรู้สึกหรือคิดยังไง ผมเผลอหยุดหายใจเมื่อไม่รู้ว่าสิ่งที่จะเจอต่อจากนี้คืออะไร พ่อกับแม่จะยอมรับเรื่องนี้ได้ไหม ลูกชายคนเดียวกำลังคุยกับผู้ชายเหมือนกัน...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“จริงเหรอวพัต คนที่ลูกคุยด้วย...คะ คือน้องวินเหรอ” เนิ่นนานกว่าที่แม่จะเอ่ยอะไรออกมาเป็นคนแรก น้ำเสียงท่านสั่นจนผมสัมผัสได้

“ครับแม่ ผมคุยกับวินอยู่” แต่ผมก็เลือกที่จะเอ่ยออกไปอย่างหนักแน่น ไม่มีแววลังเล ความรู้สึกที่มีต่อวินผมไม่เคยไม่มั่นคง

“ให้มันได้อย่างนี้สิไอ้ลูกชาย ฮ่ะๆๆๆ” เสียงหัวเราะดังสนั่นมาจากพ่อจนผมที่สบตากับแม่อยู่ต้องหันไปมองด้วยความแปลกใจ พ่อไม่ได้มีแววเครียดขรึมหรือไม่พอใจอะไร ท่านหัวเราะแบบที่หัวเราะจริงๆ แววตาเหมือนกำลังถูกใจอะไรซักอย่างด้วยซ้ำ

“รักใครชอบใครก็ต้องกล้าพูดตรงๆ สมแล้วที่เป็นลูกชายพ่อ”

“ลูกชายฉันต่างหากค่ะ โอ๊ย นี่แม่ตื่นเต้นมากกว่าเดิมอีกนะเนี้ยที่รู้ว่าลูกคุยกับน้องวินอยู่ แม่เจอน้องบ่อย เป็นคนที่ท่าทางน่ารักแล้วก็มีมารยาทมากเลยนะคะคุณ ดีสิที่เราจะได้ดองกันกับคอรบครัวเมธต์กาลกุล แม่ปลื้มค่ะ แม่ให้ผ่าน”

“ดะ เดี๋ยวนะครับพ่อแม่ พ่อกับแม่...ไม่ว่าอะไรเหรอครับ” บอกเลยว่าตอนนี้ยังงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดราวกับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือจนผมงงไปหมด ภาพที่นึกไว้ตอนที่ทุกอย่างเงียบงันอย่างน้อยพ่อกับแม่จะต้องมีปฏิกิริยาด้านลบบ้าง ต้องถามต้องต่อว่า นอกจากจจะไม่มีเหตุการณ์แบบที่ผมจินตนาการนี่ดูเหมือนว่าท่านจะดีใจด้วยซ้ำ เอ่ยเรียกน้องวินๆอย่างบ่งบอกว่าเอ็นดูทั้งที่หมอฟันเขาก็อายุเท่าผม

“จะว่าอะไรล่ะ คุยก็คุย สมัยนี้โลกไปถึงไหนแล้ว เรื่องแค่นี้พ่อรับได้ถึงจะแปลกใจบ้างก็เถอะ แต่ถ้าลูกตัดสินใจบอกพ่อกับแม่ขนาดนี้แสดงว่าจริงจังและคิดมาดีแล้ว”

“ใช่จ้ะ อย่างที่พ่อพูดเลย พัต...ตั้งแต่เด็กจนโตลูกทำให้พ่อกับเชื่อใจได้เสมอ เราสองคนเคารพในตัวลูก เคารพทุกการตัดสินใจ ทางที่พัตเลือกคือทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวลูกเอง แค่พัตมีความสุขมันก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่พ่อกับแม่จะยอมรับนะจ๊ะ”

ผมเขยิบเข้าไปหาแม่แล้วกอดซุกอกท่านเหมือนเด็กๆ ตั้งแต่เล็กจนโตพ่อกับแม่ให้ผมเลือกทางของผมเองเสมอ ท่านจะแค่อยู่ข้างหลังคอยพยุงทุกครั้งที่ผมมีปัญหา พ่อเคยบอกผมว่าถ้าผมล้มด้วยขาของตัวเองก็จะสามารถยืนขึ้นได้ด้วยขาของตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่พ่อกับแม่ไม่เคยบังคับผมเลย รู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่เกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่

“ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณที่พ่อกับแม่เข้าใจ”

“หืม อ้อนเหมือนเด็กๆเลยนะเรา แล้วนี่แค่คุยกันเองเหรอ เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันล่ะ น้องวินน่ารักขนาดนั้นจะไม่มีคนอื่นมาจีบเหรอพัต โดนคนอื่นตัดหน้าไปแม่ไม่รู้ด้วยนะ” กำลังซึ้งอยู่ดีๆ แม่ก็ทำอารมณ์นั้นผมหายทันที ประโยคที่แม่พูดนี่แทงใจดำชะมัด

“แม่อ่ะ ทำไมแช่งลูกแบบนี้ล่ะครับ” ผมเงยมาทำหน้าเหมือนเด็กถูกแย่งของเล่นใส่ท่าน มีแค่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้เท่านั้นแหละครับที่ได้เห็นด้านเด็กๆของผมแบบนี้ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่หรือโตขึ้นแค่ไหนผมก็เป็นเด็กสำหรับท่านเสมอ

“อย่าให้เสียชื่อนะลูกชาย ระวังจะอด” พ่อนี่ก็อีกคน

“พาน้องมาบ้านเราบ้างสิพัต มาทานข้าวมาเจอแม่ นี่แม่ก็ไม่ได้เจอน้องมาซักพักแล้ว เอ๊ะ หรือว่าจะชวนคุณษามาทานข้าวที่บ้านเราดีคะคุณ”

“ผมยังแค่คุยกับเขาเองครับ เอาไว้ถ้าเกิดว่าพัฒนากันขึ้นไปจริงๆผมพามาหาพ่อกับแม่แน่นอน” พามาฝากเนื้อฝากตัวกับบ้านผม แม่เองก็มีผมแค่คนเดียวท่านคงเหงา ถ้าวินเข้าบ้านมาคุยกับท่านบ้างคงทำให้มีสีสันในบ้านเพราะเขาเป็นคนสดใส ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุขทั้งนั้น

“คิดดีแล้วใช่ไหมพัต” คราวนี้เป็นพ่อที่เอ่ยออกมาด้วยเสียงและสีหน้าที่จริงจังและผมก็เข้าใจในสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อ

“คิดดีแล้วครับ ไม่ได้เล่นๆแน่นอน ผมชอบเขามานานแล้ว และไม่ใช่ความรู้สึกฉาบฉวย” ผมยืนยันเสียงหนักแน่น

“พรุ่งนี้คุณษาก็ไปงานบ้านคุณหญิงนุชนะ อุ๊ย แม่บอกให้เขาชวนน้องวินมาด้วยดีกว่า แม่อยากเจอ”

“งั้นผมไปครับ!” โพล่งตอบออกมาอย่างไม่ลังเลเลยซักนิด ความรู้สึกเปลี่ยนไวเหลือเกิน ถ้าวินไปผมยอมไปแน่นอน ช่วงนี้เราก็คุยกันในไลน์ตามปกติซึ่งมันสู้เห็นตัวเป็นๆไม่ได้หรอก แต่ส่วนมากผมจะหาเรื่องโทรหาเขานะ ผมชอบการคุยกันผ่านโทรศัพท์มากกว่าพวกโซเชียลต่างๆ อยากได้ยินเสียงของเขา ที่จริงก็อยากวิดิโอคอลแต่อีกฝ่ายไม่ยอม อ้างนู้นอ้างนี่บ้างล่ะ

“แหม เมื่อกี้ยังปฏิเสธแม่อยู่เลย พอบอกจะชวนน้องวินไปกลับลำเลยซะงั้น ลูกคนนี้นี่ หน้าตีจริงเชียว”

“แม่ชวนให้วินไปให้ได้นะครับ ผมจะได้ไปเป็นเพื่อนแม่ด้วยไง” ข้ออ้างชัดๆ ทั้งหมดทั้งมวลคืออยากไปเจอเขาก็เท่านั้นแหละ ผมจะยอมทนความน่าเบื่อก็ได้ถ้าวินไป

“แม่จะพยายามเพราะแม่อยากเจอน้องหรอกนะ”

“ครับ แบบไหนก็ได้ให้เขาไปพอ”

“งั้นแม่ไปโทรหาคุณษาก่อนดีกว่า” แล้วแม่ก็เดินออกจากห้องด้วยท่าทางตื่นเต้นไม่น้อยจนพ่อผมส่ายหน้าเบาๆก่อนจะพ่อจะกดเปิดเสียงทีวีเพื่อดูข่าวต่อ

“เอ้อ พ่อว่าปลายอาทิตย์หน้าจะไปดูรถที่สิงคโปร์ เราจะไปด้วยไหม” พ่อหันมาถามผมที่กำลังปลดล็อคโทรศัพท์พอดีเมื่อมีการแจ้งเตือนจากไลน์ คนที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร

“พ่อจะซื้อรถใหม่เหรอครับ” คันที่พ่อใช้อยู่นี่ก็ยังใช้ได้ไม่ถึงปีเลย แปลกใจที่ท่านจะไปดูรถอีกแล้ว

“เปล่าหรอก อาเราเขาจะซื้อใหม่น่ะ เราก็ไปดูสิเผื่อจะอยากได้อะไร”

“งั้น...ถ้าผมไปเจอที่ถูกใจซักคันพ่อจะซื้อให้ป้ะ” พูดเย้าหยอกพ่อทั้งที่จริงผมก็ยังไม่ได้อยากได้คันใหม่อะไร คันที่ผมใช้อยู่ก็พึ่งใช้มาปีนิดๆเองครับ มันเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสที่ผมสอบติดมหาลัย

“ลองถ้าแกอยากได้ถ้าพ่อไม่ยอมซื้อให้ย่าแกก็บังคับพ่อให้ซื้อให้อยู่ดี”

“ฮ่าๆๆ แต่ผมไม่อยากได้หรอกครับพ่อไม่ต้องห่วง” คุณย่าท่านเป็นคนที่ตามใจผมมากครับ ถ้าผมอยากได้อะไรแล้วพ่อกับแม่ไม่ให้แค่โทรอ้อนท่านผมจะได้สิ่งนั้นทันทีโดยไม่มีข้อแม้ แต่ผมก็ไม่ได้ใช้อำนาจนี้ตลอดหรอกนะครับ ผมเองก็รู้ขอบเขตไม่ใช่วาอยากจะได้ไปซะทุกอย่าง พ่อกับแม่จะสอนให้คิดเองว่าสิ่งนั้นมันจำเป็นจริงๆไหม

 “สรุปจะไปดูไหม เผื่อเราจะไปดูอย่างอื่นด้วย ไปคืนวันศุกร์กลับคืนวันเสาร์”

“ไปครับ อาทิตย์หน้าผมไม่มีงานอะไรด้วย งั้น...เดี๋ยวคุยกันอีกทีตอนกินข้าวนะครับผมฝากบอกแม่ด้วย ขอตัวขึ้นห้องแป๊บนึง”

พูดไปทั้งที่ตายังอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ อ่านประโยคที่หมอฟันส่งมาทางไลน์โดยที่ยังไม่ได้ตอบเพราะคุยกับพ่ออยู่ จนหมอฟันเขาส่งสติกเกอร์เป็นตัวการ์ตูนโมโหมาว่าอ่านแล้วไม่ตอบให้ผมหลุดยิ้มออกมา

“ตามสบาย พ่อก็จะดูข่าวละ”

“ครับ” ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น แม่ผมนี่คงจะคุยยาว ป่านนี้ยังไม่กลับเข้าบ้านเลย ผมเดินขึ้นบันไดบ้านทั้งที่มือก็กดตอบวินไปด้วย

คุยกับพ่ออยู่ๆ

โอเค มีเหตุผล
ผ่านได้

หึหึ กลัวไม่อยากตอบรึไง

ใครบอกกกกกกกกกก
ไม่มี
ไม่ตอบก็ไม่ต้องตอบสิ!

แล้วใครกันที่ส่งสติกเกอร์อ่านแล้วไม่ตอบนั่นมาให้ผมกัน หึหึ

เชื่อๆ เชื่อก็ได้
แล้วนี่ทำไรอยู่ครับ

ดูหนัง
ง่วงอ่ะ
อยากนอน

นอนตอนเกือบจะหกโมงเย็นเนี้ยนะ

นอนตอนนี้จะตื่นตอนไหน
ห้ามนอน

วันนี้ฝนตกช่วงสี่โมงเย็นพึ่งหยุดไปเมื่อซักครู่อากาศเลยเย็นสบายน่านอน หมอฟันบ่นใหญ่เลยว่าพอฝนตกแล้วรถติด ดีที่ว่าผมเลิกเที่ยงตอนขับรถกลับบ้านฝนยังไม่ทันตก บรรยากาศแบบนี้ง่วงก็ไม่แปลกแต่พนันเลยว่าถ้านอนตอนนี้เดี๋ยวก็ตะตื่นตอนดึกแล้วจะนอนไม่หลับอีกเลย กว่าจะง่วงก็นู้นเช้าของอีกวัน ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี

ฮืออออ
ง่วงจริงๆนะ
ไม่กินข้าวแล้วก็ยอม
อาบน้ำแล้วด้วย

ลงไปเดินเล่นให้สดชื่น
อย่ามัวแต่นอนเล่น
ถ้านอนคืนนี้ไม่หลับแน่

ก็นั่นแหละ
แต่ก็ง่วงอ่ะ
TT

ผมเดินถึงห้องพอดี นั่งลงบนเตียงแล้วเลยกดโทรหาซะเลย เผื่อได้พูดได้คุยจะทำให้อีกฝ่ายหายง่วงได้บ้าง

(ฮื่อออ ง่วงอ่ะ) ประโยคแรกเลยที่รับสาย เสียงก็เริ่มจะไปแล้ว อู้อี้เชียว

“ลุกขึ้นมาเร็ว ลงไปหาไรสดชื่นกินข้างล่าง”

(แม้แต่เอาของกินมาล่อยังขี้เกียจเลยตอนนี้) คิดดูว่าจะง่วงขนาดไหน ถึงขั้นที่บอกให้ลงไปกินยังไม่อยากจะไป ปกติไม่ต้องบอกเขาหรอก ถ้าจะบอกคงต้องบอกให้เลิกกินซะมากกว่า คุยกันที่ไรก็เห็นกินนู้นกินนนี่ตลอด

“หึหึ เด็ก” นอกจากดื้อยังได้ฉายาเพิ่มมาอีกเหนึ่งคือเด็ก เพราะว่าวินชอบทำตัวเหมือนเด็ก เวลาเจออะไรถูกใจหรือขัดใจงี้ เหมือนเด็กไม่มีผิด แต่ก็ยังดีที่เป็นเด็กมีเหตุผล ไม่ใช่งอแงง้องแง้งแบบนั้น

(เด็กอะไร อายุเท่ากันเถอะ ถ้าเราเด็กพัตก็เด็กเหมือนกัน) นิสัยเถียงอย่างไม่ยอมรับนี่ไม่เด็กเลย เขาไม่ยอมง่ายๆหรอกครับเวลาโดนกล่าวหาหรือมีอะไรที่ไม่พอใจ ดื้อจริงๆ

“อายุไม่เด็กหรอก นิสัยต่างหาก”

(งือออ ไม่เด็กซะหน่อย เราโตแล้วนะ) ดูคนที่บอกว่าตัวเองโตแล้วสิ หมดมาดเดือนทันตะหมดแล้ว นี่มีใครรู้บ้างไหมว่าเขามีมุมนิสัยแบบนี้ด้วย หึหึ

“เชื่อมากกก ลุกขึ้นยัง ได้ยินเสียงหนังนะ” ซาวน์เอฟเฟคดังออกมาถึงผมเลย เสียงปืนเสียงระเบิดนี่ดังสนั่นหวั่นไหว เห็นหน้าหวานๆแบบนี้ชอบดูหนังบู๊นะครับ วินเขาดูได้หมดทุกแนวแหละแล้วแต่อารมณ์ ตอนแรกที่บอกว่าชอบดูหนังแนวนี้ผมยังไม่เชื่อเลย พออีกฝ่ายถ่ายรูปแผ่นหนังมาเท่านั้นล่ะ มีหนังบู๊หนังแอ๊คชั่นเกือบร้อยเรื่อง แนวอื่นอีกมากมาย ตู้ใส่แผ่นหนังใหญ่กว่าตู้หนังสืออีกมั้ง

(ยังเลยยยยย ขี้เกียจมาก)

“งั้นเดี๋ยวเล่าเรื่องผีให้ฟังเอาไหม” เด็กทันตะเขากลัวผีมากครับ คือถ้าเล่าหรือรู้อะไรมานะก็จะคิดอยู่อย่างนั้น มีคืนนึงที่ผมแหย่เขาเรื่องนี้จนเขางอนไปเลย แต่ดีที่วินไม่ใช่คนงอนนาน พูดดีๆแป๊บเดียวก็หายแล้ว เป็นคนเข้าใจอะไรง่ายไม่ซับซ้อน
 
(เอาสิ ถ้าเล่าไม่ต้องคุยกันเลย ไม่รับสายไม่ตอบไลน์ไม่ตอบแชท ไม่ต้องอะไรทั้งนั้น)

“พูดแบบงี้ใครจะกล้า อยากคุยด้วยทุกวัน” พอผมพูดเสร็จอีกฝ่ายก็เงียบไปเลย ไม่รู้ว่ากำลังเขินอย่างที่ผมอยากจะให้เขาเป็นรึเปล่า 

(ให้มันจริงเถอะ) ตอบกลับมาเสียงเบามากจนผมแทบไม่ได้ยิน ก่อนที่จะยิ้มออกมากับประโยคน่ารักนั่นเบาๆ ไม่เขินมากก็ต้องเขินน้อยแหละเสียงแบบนี้ น่ารักวะ

“หึหึ นี่หายง่วงยังสรุป”

(ดีขึ้นแล้วววว อีกเดี๋ยวจะลงไปข้างล่าง)

“ก็ดะ...”

ก๊อก ก๊อก

“แป๊บนึงนะครับ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์ให้ผมเอ่ยบอกปลายสายก่อนจะเดินไปเปิด แล้วก็เจอป้าวรรณยืนอยู่หน้าประตู

“อาหารเรียบร้อยแล้วนะคะ เชิญคุณพัตที่ห้องอาหารค่ะ”

“ขอบคุณนะครับ ทีหลังให้เด็กขึ้นมาตามก็ได้ ป้าวรรณไม่น่าขึ้นมาเองเลย เหนื่อยแย่” ป้าวรรณเป็นหัวหน้าแม่บ้านครับ เป็นคนที่ดูแลผมมาตั้งแต่เด็กเลย ท่านอายุค่อนข้างมากแล้ว เดินขึ้นเดินลงบ่อยๆผมกลัวว่าจะปวดแข้งปวดขาเอา

“ป้ายังสาวอยู่เลย ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ คิก...มัวแต่พูดเล่นเดี๋ยวเลยเวลาอาหารหมด ป้าลงไปดูความเรียบร้อยแล้วนะคะ” ยิ้มให้คนเก่าคนแก่ของบ้านกับประโยคนั้น ป้าวรรณเป็นคนอารมณ์ดีแล้วก็ใจดีมากๆด้วยครับ

“ครับ เดี๋ยวพัตจะตามลงไป”

“ค่ะ” พอเห็นว่าป้าวรรณเดินไปแล้ว ผมเลยกลับเข้ามาในห้องแล้วคุยกับอีกคนที่ถือสายรอต่อ

“วิน”

(หืม)

“เดี๋ยวพัตลงไปกินข้าวก่อนนะ เสร็จแล้วไลน์หา”

(โอเค เรากำลังหาไรกินเหมือนกัน ) มีเสียงหัวเราะน้อยๆตามมาด้วย อารมณ์ดีของเขาล่ะเวลาที่มีของกิน ที่นี้ไม่ง่วงแล้วเชื่อผมสิ
“ครับ”

วางสายไปแล้วเลยเดินลงไปทานข้าวข้างล่างที่พ่อกับนั่งรออยู่ก่อน ทันทีที่เดินเข้าไปถึงห้องอาหารยังไม่ทันจะนั่งลงแม่ก็เอ่ยบอกอย่างรวดเร็ว

“พรุ่งนี้วินก็จะไปงานด้วยจ้ะ” ผมว่ามีคนตื่นเต้นยิ่งกว่าผมอีกนะครับ==







******************************************




Talk



*แล้วก็เหมือนว่าจะยาวขึ้นกว่าตอนที่แล้วนิดนึง5555 มันเหมาะเจาะที่ตรงนี้อ่ะค่ะเลยต้องเอาเท่านี้ ไม่ว่ากันเนอะ(ตอนหน้าน่าจะยาวกว่าเน้ๆๆๆ สัญญา><)....ครอบครัวพัตเขาน่ารักเนอะะะะะะะ เรียกว่าทุกอย่างให้พัตตัดสินใจเองเลยนะคะ จะไม่มีการบังคับใดๆเลย  :mew3: :mew3: ส่วนเนื้อหาอาจจะมีการคุยกันของพัตกะวินผ่านโซเชียลบ่อยเพราะไม่ได้อยู่ด้วยอ่ะเนอะ(จะพยายามทำให้มาอยู่ด้วยกันบ่อยๆเน้อ :mew1: :mew1: ) แล้วก็จะดำเนินเรื่องค่อนข้างเร็วนะคะ เพราะคนเขียนมองว่าความรู้สึกมันเกิดขึ้นได้โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาใดๆ แล้วพัตเขาก็แอบชอบมาปีนึงแล้วเนอะ วันนี้ที่เขาตัดสินใจดีแล้วก็เลยบุกอย่างเต็มที่ :-[ :-[ พอวินเขาสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่พัตมีมันเลยเป็นตามนั้นเลยค่ะ  :katai2-1: :katai2-1:


**เหนื่อยกับเรียน เหนื่อยกับงาน เหนื่อยกับการจะสอบ...เลยหนีมาอัพนิยายซะเลย :katai1: :katai1: น่าจะมาซักวันเว้นวันจะได้ไม่ช้าเกินอ่ะเนอะ(ที่จริงอยากมาทุกวัน แต่ยุ่งจีจีTT)

***ขอบคุณทุกคนที่อ่านที่ติดตาม และที่สำคัญคือขอบคุณทุกคอมเม้นต์มากๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆ  :L1: :L1:

สุดท้ายแล้วจริงๆสำหรับทอล์ค555555 ใครอยากติดต่อคนเขียน ตามทวงตามจิกหรืออยากรู้จักก็ถามช่องทางการติดต่อจากวินเขาได้เลยนะคะ(Ask.fm/@Winnapat_Win) ยังไม่มีเพจเป็นของตัวเอง(เพราะกลัวไม่มีคนถูกใจ :mew6: :mew6: ) ถ้ามีคนอยากรู้จักค่อยว่ากันเนอะ(คงไม่มีใครอยากรู้จักหรอก กระซิกกกกก :mew4: :mew4: )
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่4 07/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Noostar ที่ 07-09-2015 22:12:16
ชอบบบบบบบอยากอ่านทุกวันเลย น่ารัก
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่4 07/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 07-09-2015 22:34:03
ฝั่งนี้ให้ผ่านละ ฝั่งนู่นว่าไง
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่4 07/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 07-09-2015 22:37:03
คุณพ่อคุณแม่น่ารักจังเลยค่าา~~ :กอด1: โดยเฉพาะวิธีการเลี้ยงดูพัตนี่เป็นอะไรที่วิเศษมากๆ เพราะกับลูกเราเลี้ยงเขาได้แค่ตัวเท่านั้นล่ะเนอะ ส่วนเรื่องของใจต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าตัวเขาเองว่าต้องการสิ่งไหน หรืออยากจะรู้สึกกับใครยังไง ^^
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่4 07/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-09-2015 23:39:23
ครอบครัวน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่4 07/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: cross ที่ 08-09-2015 01:02:14
สนุกจัง ชอบอ่ะ ไม่มาม่าใช่ไหม 5555555
#วินพัต #พัตวิน
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่4 07/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 08-09-2015 01:03:46
ครอบครัวพัตผ่านฉลุยเลย ส่วนทางฝั่งวินคงผ่านเหมือนกันเพราะดูน่ารักขนาดนี้ต้องรู้กันอยู่แล้วว่าวินเป็นแบบไหน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่4 07/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 08-09-2015 01:09:03
ทีแรกนึกว่าคุณแม่จะไม่โอเคเสียแล้ว ผิดคาด ยินดีเปิดบ้านรอรับลูกสะใภ้ขนาดนี้
พัตก็สู้ต่อไปนะ เห็นวินคุยเล่นด้วยอะไรด้วยแบบนี้ดูดีมีความหวังมากๆ
ตอนต่อไปจะไปเจอกันที่งานรึเปล่าน้า
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่4 07/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: kub_kwonny ที่ 08-09-2015 01:13:42
น่ารักอะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่4 07/09/2558
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 08-09-2015 01:14:56
น่ารักอ่ะ มาต่ออีกนะ^^
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่5 11/09/2558(02.49) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 11-09-2015 02:44:05

ตอนที่5

ผมยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกเพื่อเช็คความเรียบร้อย งานเลี้ยงวันนี้ไม่ใช่งานเป็นทางการอะไรมากมายทั้งบอกว่าเป็นงานเลี้ยงของสมาคม ชื่อเหมือนจะเป็นทางการแต่เปล่าครับ เหมือนจัดขึ้นเพื่อแค่อยากพูดคุยพบปะสังสรรค์กันซะมากกว่า วันนี้เลยเลือกเป็นชุดกางเกงยีนส์เข้ารูป เสื้อยืดสีเทาทับด้วยเบลเซอร์ดึงขึ้นถึงข้อศอก(เสื้อที่มีลักษณะเหมือนเสื้อสูท แต่จะดูไม่เป็นทางการมากนัก:คนเขียน) พร้อมกับรองเท้าหนัง นอกจากเสื้อยืดแล้วทุกอย่างล้วนดำหมดตามสไตล์ผม เสื้อผ้าสีอื่นนี่แทบจะไม่ค่อยใส่ มีแค่ขาว ดำ เทา วนกันอยู่แค่นี้จนบางทีแม่ก็บ่นให้ว่าเปลี่ยนสไตล์บ้าง ท่านบอกมองผมแล้วมันช่างไม่มีความสดใสเอาซะเลย

“คุณพัตคะ คุณท่านเรียบร้อยแล้วค่ะ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงที่แทรกเข้ามาจากคนที่อยู่ข้างนอก

“ครับ” ผมตะโกนรับคำเด็กในบ้านก่อนจะหันไปหยิบนาฬิกาเรือนโปรดมาสวมพร้อมกับคว้าโทรศัพท์ติดมือมาด้วย เดี๋ยวนี้เครื่องมือสื่อสารชิ้นนี้กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปซะแล้วล่ะครับ ต้องพกติดตัวไว้ตลอด

“แต่งตัวซะหล่อเชียวนะจ๊ะ” มาถึงก็โดนแม่แซวจนพ่อผมหลุดหัวเราะ วันนี้ไปกันสองคนครับ พ่อผมไม่ไปหรอกงานแบบนี้ อยู่ชิลที่บ้านสบายๆคนเดียว ความสุขเขาล่ะ

“คนหล่อแต่งแบบไหนก็หล่อครับ” ไม่ต้องสาธยายว่าแม่ทำหน้าหมั่นไส้ผมแค่ไหน

“สองแม่ลูกมัวแต่คุยกันระวังไปสายล่ะ”

“คุณอยู่เฝ้าบ้านคนเดียวไปเลยนะคะ ฉันกับลูกจะไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก...ไปกันดีกว่าจ้ะลูกชาย ทิ้งคนแก่ให้อยู่คนเดียวไป” พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนที่ร่างเล็กๆของแม่จะเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน ผมและพ่อเลยได้แต่มองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งคู่ ไม่มีหรอกที่พ่อผมจะสะทกสะท้าน แม่ผมจะทำอะไรก็ไม่เคยทำให้พ่อผมขุ่นเคืองเลย ตามใจสุดๆอ่ะ

“ผมไปแล้วดีกว่านะครับพ่อ”

พ่อพยักหน้ารับโดยที่ยังยิ้มเช่นเดียวกับผม แต่รีบไปดีกว่าก่อนที่คุณนายท่านจะรอนาน พอบอกพ่อเสร็จก็รีบตามแม่มาให้รถได้เคลื่อนตัวออกไป วันนี้ผมกับวินก็คุยกัน(เป็นกิจวัตรไปแล้ว)แต่ผมไม่ได้บอกว่าจะไปงานนี้เหมือนกัน ระหว่างที่คุยกันอีกฝ่ายบอกแค่ว่าวันนี้ต้องไปงานเป็นเพื่อนแม่บ่นว่าคงเบื่อเพราะไม่รู้จักใคร หึหึ เอาไว้ถึงงานแล้วค่อยเซอร์ไพรส์ทีเดียวเลยดีกว่า เราคุยกันครั้งล่าสุดคือช่วงเที่ยงๆก่อนที่วินจะหายเงียบไปเพราะต้องเตรียมตัว ซึ่งเป็นเวลาที่ผมเองก็ต้องเตรียมตัวเหมือนกัน







“เป็นเกียรติจริงๆค่ะที่คุณพิมพ์มา”

“คุณหญิงนุชก็ พูดอะไรอย่างนั้นคะ ดิฉันต่างห่างที่รู้สึกเป็นเกียรติที่คุณหญิงเชิญมา...แล้วส่วนนี่ก็ตาพัตค่ะ ลูกชายของดิฉันเอง”

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มให้คุณหญิงนุชอย่างนอบน้อม

“สวัสดีจ้ะ แหม หน้าตาดีได้คุณพิมพ์กับคุณชัตเลยนะคะ เสียดายที่น้องดาวยังไม่ลงมา เดี๋ยวเอาไว้ทำความรู้จักกันไว้นะลูก” สายตาไม่ค่อยจะบ่งบอกว่าอยากให้รู้จักแค่ไหนเลยครับ พราวระยับจนผมต้องยิ้มแหยๆ

“อ้าว นั่นคุณษามาพอดีเลย...สวัสดีค่ะคุณษา”

ก่อนที่จะได้พูดอะไรให้ผมอึดอัดใจมากกว่านี้ก็ดูเหมือนว่าคนที่ผมรอจะมาซักที คนที่อยู่ในชุดกางเกงเข้ารูปสีขาวกับเชิ้ตสีชมพูอ่อน ผมที่เคยล้อมกรอบหน้าหวานก็ถูกเซ็ตขึ้นไปอย่างดีขับให้เห็นใบหน้าหวานชัดๆดูน่ารักไปอีกแบบ พออีกฝ่ายเห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ตาโตๆก็เบิกขึ้นมาอย่างมีคำถาม แถมดูเหมือนจะมีแววคาดโทษด้วยที่ผมไม่เอ่ยบอกอะไรไรซักคำ

“คุณหญิงนุช คุณพิมพ์สวัสดีค่ะ นี่วินค่ะ ลูกชายคนเล็ก...วินสวัสดีคุณหญิงนุชกับคุณป้าพิมพ์สิจ๊ะ” ร่างเล็กเลยต้องผละสายตาออกจากผมก่อนจะไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนพร้อมรอยยิ้มหวาน แม่ผมดูจะเป็นปลื้มซะเหลือเกิน สายตาที่มองวินเอ็นดูมากแบบที่ไม่รู้ว่าแม่เคยมองผมแบบนั้นบ้างไหม==

“สวัสดีจ๊ะ โอ๊ย นี่ป้าไม่ได้เจอน้องวินมาซักพักแล้วนะคะ เป็นไงบ้างลูก”

แล้วก็รีบเข้าไปคุยกับวินทันทีเมื่อทักทายกันตามารยาทเสร็จเรียบร้อย(ไม่ค่อยจะเห่อเลย) คือวินกับแม่ผมเคยเจอกันเพราะแม่ผมไปที่ร้านของคุณแม่วินบ่อย แต่เขาไม่รู้หรอกครับว่าเป็นแม่ผม ป้าษาแม่ของวินเองก็เหมือนกัน เพราะว่าผมไม่เคยไปที่นั่น แล้วงานสังคมของผู้หญิงแบบนี้ผมก็ไม่ค่อยมาด้วย

“สบายดีครับ ป้าพิมพ์ล่ะครับสบายดีไหม” เขาคุยกันงุ้งงิ้งๆกันอยู่สองคนนั่นแหละ แม่ผมนี่ทั้งพูดทั้งจับตัวลูบตัว ขนาดผมยังไม่เคยทำแบบนั้นเลยนะ

“ป้าสบายดีจ้ะ โอ๊ะ...จริงสิ นี่ลูกชายป้าเอง อายุเท่ากันนี่จ้ะเรียนมอเดียวกันด้วย รู้จักกันไว้สิลูก”

“รู้จักกันแล้วครับแม่” ผมชิงเอ่ยบอกทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแม่จงใจแกล้งผมในขณะที่วินมีสีหน้าหลุกหลิกเล็กน้อย สายตาที่มองมาทำไมผมจะไม่รู้จักแม่ตัวเองว่าตอนนี้ท่านกำลังสนุกแค่ไหน คงอยากจะแกล้งให้พวกผมหลุดอาการออกมา

“อ้าว รู้จักกันแล้วเหรอจ้ะ งั้นปล่อยให้เด็กๆอยู่ด้วยกันดีกว่า เราเข้าไปข้างในกันดีกว่านะคะ รู้สึกว่าคุณหญิงมนีก็จะมาถึงแล้วเหมือนกัน ทางนั้นค่ะๆ”

แม่ผมนี่เป็นตัวตั้งตัวตีเลยทีเดียว ลากทั้งคุณหญิงลากทั้งแม่ของวินออกไปทั้งที่พวกท่านยังงงๆเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ทิ้งให้ผมกับวินยืนมองหน้ากันอยู่สองคน ผมมองเขาด้วยรอยยิ้มแต่กลับอีกคนนี่ไม่ใช่เลย

“ไม่เห็นบอกเราเลย” เมื่อไม่มีใครก็เลยดูเหมือนว่างานจะเข้าผมคนเดียว วินหันมาพูดด้วยเสียงเรียบพร้อมกับปากบางๆนั้นเชิดขึ้นอย่างที่แสดงออกว่ากำลังไม่พอใจ ผมเลยขยับเข้าไปใกล้กว่าเดิมเพื่อพูดคุย

“ก็...เซอร์ไพรส์ไง”

“ไม่ต้องมาพูดเลย” หน้าเล็กๆนั่นหันไปมองทางอื่นเสียแล้ว ผมเลยเนียนจับมืออีกฝ่ายก่อนจะค่อยๆลูบเบาๆอย่างอนง้อ เสียวเหมือนกันว่าวินจะสะบัดออกแต่ก็โล่งใจที่เขาไม่ทำแบบนั้น มีเพียงสายตาที่หลุกหลิกไปมาพร้อมกับพวงแก้มที่ขึ้นสีจางๆ หึหึ อาการแบบนี้แถวบ้านผมเรียกว่าเขิน

“ขอโทษที่ไม่ได้บอก หายงอนนะ”

“คะ ใครงอน เราไม่ได้งอนซะหน่อย” เชื่อเขาไหมครับ หึหึ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้เพราะถือว่ามีความผิดอยู่ เขาบอกไม่ก็คือไม่ ผมไม่เสี่ยงที่จะเพิ่มคดีตอนนี้นะ

“ครับๆ ไม่งอนก็ไม่งอน ถ้างั้นคนไม่งอนไปนั่งคุยกันตรงสวนดีกว่าเนอะ อยู่ตรงนี้อึดอัดจะแย่”

ตรงนี้คนค่อนข้างพลุกพล่าน ส่วนมากก็มีแต่คนมีอายุทั้งนั้น ผมเลยหาทางพาวินไปนั่งตรงสวนย่อมเงียบๆสองคนดีกว่า ไม่ได้รอให้วินตอบรับแต่จัดการกุมมือที่จับไว้ให้เดินตามมา ตรงนี้มีมานั่งให้นั่งไว้เรียบร้อย ไม่มีใครรบกวนด้วย

“ปล่อยได้แล้ว” แรงกระตุกที่มือน้อยๆทำอะไรผมไม่ได้หรอก รู้สึกดีจนไม่อยากปล่อย มือเล็กๆนี่นุ่มมากกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก นุ่มยิ่งกว่ามือผู้หญิงคนไหนที่ผมเคยจับ แล้วถามว่าแค่เสียงเล็กๆกับแรงกระตุกแค่นี้จะทำอะไรผมได้ไหมก็ตอบเลยว่าไม่ครับ แถมผมยังกระชับมือวินให้แน่นกว่าเดิมซะเลย

“ขอจับไม่ได้เหรอ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน”

“ตอนจับไม่เห็นจะขออะไรเราเลย แล้วถึงไม่ได้เจอก็คุยกันทุกวันเหอะ” ปากก็พูดไปงั้นแต่แรงกระตุกนั้นหายไปแล้วอย่างเหมือนว่าสุดท้ายก็ยอมให้จับอยู่ดี เขาเป็นคนใจดีอ้อนนิดๆหน่อยก็ไม่กล้าปฏิเสธแล้ว ผมอมยิ้มกับตัวเองในใจอย่างพยายามไม่แสดงอาการลิงโลดออกไป อ้อยเข้าปากช้าง

“คุยแต่มันก็ไม่เหมือนเห็นตัวจริง”

“ก็เห็นแล้วนี่ไงงงงงงง”

สุดท้ายก็กลับมายิ้มเหมือนเดิม นึกว่าจะแกล้งงอนได้นานกว่านี้ซะอีก เขาก็เป็นคนแบบนี้ เคยถามเหมือนกันว่าเคยโกรธใครมากๆไหม ซึ่งคำตอบก็ไม่ได้ต่างจากความเป็นเขาเลย วินบอกโกรธนานคนที่ไม่มีความสุขก็คือตัวเองเลยไม่รู้จะโกรธไปอีกทำไม แต่ความรู้สึกของเขาจะเป็นการเฉยๆไม่รู้สึกอะไรด้วยและไม่คุย หลีกเลี่ยงคนที่ทำให้ไม่พอใจอย่างต่างคนต่างอยู่ ซึ่งผมว่าแบบนั้นมันอึดอัดกว่าการด่าออกมาตรงๆอีกนะ

“ก็เห็นแล้ว อุตสาห์มาเพราะอยากเจอหน้าเลยนะ” แก้มป่องๆนั้นดูเหมือนจะขึ้นสีอีกแล้วจนผมอดจะยิ้มกว้างไม่ได้ แต่พอยิ่งผมยิ้มแก้มวินก็ยิ่งแดงขึ้นซะงั้น สายตาที่สบกันก็เสมองนั่นมองนี่อย่างน่ารัก

“มะ ไม่ต้องมาพูด มาก็ไม่บอก ปล่อยให้เราคิดว่าไม่มีเพื่อนอยู่ได้ เอ้อ ใช่สิ...ป้าพิมพ์เป็นแม่พัตเหรอ โลกกลมเนอะ แต่ไม่เห็นจะเหมือนกันเลย ป้าพิมพ์ใจดีจะตาย” อ้าว หมอฟันเขาพูดแบบนี้จะด่าว่าผมไม่ใจดีเหรอ

“แล้วพัตไม่ใจดีตรงไหน”

“ทุกตรง...โหด ชอบดุ ขี้แกล้ง ไม่ดีเลยยยย”

“จริงเหรอ งั้นวินก็ไม่อยากคุยกับเราดิ”

เอาดราม่าเข้าข่มเขาซะเลย วินดูหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัดเพราะสรรพนามที่เปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้ผมจะคุยกับเขาโดยเรียกชื่อตัวเองแทนแล้ว พอครั้งนี้ใช้คำว่าเราแทนเหมือนเดิมคงคิดว่าผมจะโกรธ ทั้งที่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นซักนิด ที่เขาพูดมาผมยอมรับหมดแต่ผมเองก็มีเหตุผลนะ ไม่ได้เป็นแบบนั้นตลอด ที่เขาโดนผมโหดผมดุบ่อยก็เพราะว่าชอบดื้อไง ไอติมงี้กินจนบางวันเสียงหาย ดึกดื่นก็ดูหนังไม่ยอมนอน โดนผมใส่ไปตามระเบียบ โทรไปดุเลยด้วย

“ไม่ใช่ซะหน่อย ไม่อยากคุยจะยอมคุยทุกวันหรือไง” เสียงอ่อยเลยครับ ผมแค่แกล้งทำหน้านิ่งๆเข้าไว้

“งั้นแสดงว่าอยากคุยด้วยเหรอ” ทนไม่ไหวหลุดยิ้มจนได้ ใครบอกให้เดือนทันตะน่ารักขนาดนี้กันล่ะ

“พัต! นี่แกล้งเหรอ นิสัยไม่ดี แกล้งเราาาา ไอ้ขี้แกล้ง เราจะฟ้องป้าพิมพ์คอยดู” เมื่อเห็นผมปรับสีหน้ากลับมาเป็นแบบเดิมอย่างรวดเร็ว หมอฟันเขาเลยรู้ครับว่าโดนผมแกล้ง หน้าหวานๆนั้นยู่ยี่จนผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ตลกทั้งสีหน้าและคำพูดของเขา

“ฮ่ะๆๆ เด็กขี้ฟ้องเอ้ย”

“ไม่ต้องมาพูดเลย!”

“หึหึ เลิกแกล้งแล้ว หิวไหม เดี๋ยวพัตไปเอาของกินมาให้ดีกว่า” เพราะออกมางานเลยไม่ได้ทานอะไรมา คาดว่าคนตัวเล็กนี่ก็เหมือนกัน ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา เกือบจะทุ่มนึงแล้ว

“หิวแล้ววววว มากด้วย แต่เดี๋ยวไปด้วยกันดีกว่า” งานกินไม่มีหรอกที่จะปฏิเสธ พอพูดถึงเรื่องกินนี่หน้าตาสดใสยิ้มรื่นเลย

“งั้นปะ” กำลังจะลุกขึ้นแต่วินเรียกไว้ซะก่อน

“เดี๋ยว...จับมือแบบนี้จะไปยังไงเล่า ปล่อยได้แล้ว” อ้าว ก็เพลินนี่ครับ อุตสาห์เนียนมาได้ตั้งนาน เจ้าของมือนุ่มๆเขารู้ตัวซะแล้ว

“ครับๆ” ผมยิ้มให้คนตัวเล็กก่อนจะปล่อยมือแล้วเดินนำเข้าไปในงานทางโซนอาหารการกิน แน่นอนว่ามีมากมายจนวินอยุ่ไม่สุข เดินเข้าตรงนู้นเดินเข้าตรงนี้ทำตาโตตลอดเวลา นี่เขาจะตื่นเต้นมากเกินไปไหม อาการเหมือนเด็กเจอของเล่นกลับมาอีกแล้ว

“เดี๋ยวเราไปเอาน้ำให้ พัตเอาน้ำอะไร” ใจดีจะเอาน้ำเผื่อด้วย ก็ในเมื่อทุกอย่างของเขาอยู่ในมือผมหมดเลย จานใบใหญ่ที่มี
อาหารจนพูนสองจาน คนตักคือเดือนทันตะครับ อ้างว่าเผื่อผมบ้างล่ะ เผื่อชิมบ้างละ ตักมาเกือบจะทุกอย่าง สงสัยว่านี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่วินยอมมา เพื่อของกิน==

“พัตอย่าลืมหยิบวุ้นให้เราด้วยนะ แหะๆ” ยังครับ ยังไม่หมด เจ้าตัวบอกว่าอยากกินวุ้นแต่ผมบอกค่อยเดินมาตักเป็นอย่างสุดท้าย นี่ทวงสัญญาแล้ว พูดเสร็จก็ยิ้มแล้ววิ่งดุ๊กๆไปเฉย ผมยืนส่ายหน้าอย่างอ่อนใจก่อนจะเดินเอาจานทั้งสองไปวางไว้ที่โต๊ะก่อนโดยเลือกที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวแล้วเดินกลับมาเอาวุ้นให้เดือนทันตะ

“มาคนเดียวเหรอคะ”ผมเงยหน้ามองเสียงที่ดังขึ้นข้างตัว แล้วก็ไม่แปลกใจซักนิดที่เธอเข้ามาหา ที่จริงผมเห็นอยู่นานแล้วตั้งแต่เดินเข้ามาที่นี่ว่าผู้หญิงคนนี้ส่งสายตามาแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกหลังจากที่บังเอิญเหลือบไปเห็นแล้วเธอส่งยิ้มให้ ดูท่าว่าคราวนี้จะไม่ทำแค่ยิ้มแล้วถึงได้เดินเข้ามาหาขนาดนี้

“เปล่าครับ”

“อ๋อ เห็นอยู่คนเดียวก็นึกว่ามาคนเดียว พลอยเลยเข้ามาทักเพราะไม่มีเพื่อนน่ะค่ะ จะรังเกียจไหมคะถ้าพลอยจะขอนั่งด้วย” มาคนเดียว? ทั้งที่ผมยืนอยู่กับวินตลอดแล้วเธอก็เห็นนี่นะบอกว่านึกว่าผมมาคนเดียว

“พลอยขอนั่งด้วยนะคะ ^^” ครับ แล้วจะถามผมเพื่ออะไร== เอาจริงๆเมื่อกี้ผมจะบอกไปแล้วว่าไม่สะดวก ไม่คิดว่าเธอจะมัดมือชกผมขนาดนี้ ยังไม่ทันที่จะได้พูดเธอก็นั่งลงไปเลยแล้วอย่างนี้ผมจะพูดอะไรได้

“แล้วชื่อ...”

ปึก!!!!!!

“วิน!” คนที่ไปเอาน้ำช่างกลับมาได้ถูกเวลาจริงๆ  เพียงแต่ดูท่าว่าจะไม่พอใจอะไรซักอย่างอย่างรุนแรงจนส่งผลให้แก้วน้ำที่ถูกวางลงกระแทกลงโต๊ะจนเกิดเสียง หน้าหวานๆนั้นก็บูดบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์ ตาโตๆที่เคยแพรวพราวตอนนี้กลับขุ่นมัว วินในด้านที่ผมยังไม่เคยเห็น

“เราไปนั่งที่อื่นนะ!” เอ่ยเสร็จมือเล็กก็ยื่นมาหยิบจานอาหารของตัวเองไป

“วิน...เดี๋ยวดิ จะไปไหน” ผมรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ก่อนจะถามออกมา ตอนนี้สนใจแค่คนตรงหน้าอย่างเดียว แม้แต่ใครอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเลยซักนิด

“เราไม่อยากนั่งตรงนี้ จะไปนั่งที่อื่น” ตอบทั้งที่ไม่มองหน้า ผมเริ่มขมวดคิ้วสงสัยว่าอีกคนเป็นอะไร ผมไม่แน่ใจว่าเขาไม่พอใจอะไร หรือไม่พอใจที่มีคนมานั่งร่วมโต๊ะด้วย แต่ผมก็กำลังจะปฏิเสธเธออยู่แล้วนะ แม้ว่าวินจะยังไม่มาก็ตาม

“โอเค งั้นจะนั่งตรงไหน เดี๋ยวพัตไปด้วย” ผมตามใจเขาอยู่แล้ว ถ้าเขาไม่อยากนั่งตรงนี้ก็เปลี่ยนเป็นที่อื่นก็แค่นั้น นั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรของผมเลย แค่วินพอใจผมก็โอเคหมด

“เอ่อ พัตคะ...”

“พัตมีเพื่อนแล้วก็นั่งตรงนี้ไปสิ เราไม่อยากกวน ปล่อยแขนเราด้วย” ผมไม่แม้แต่จะสนใจเสียงเล็กๆที่เอ่ยเรียกซักนิด ไม่สนด้วยว่าเธอจะรู้จักชื่อผมได้ยังไง สนใจแค่คนที่ดึงดันจะนั่งโต๊ะอื่นให้ได้นี่แหละ

“ไม่ใช่เพื่อน ไม่รู้จัก...ยะ”

“น้องวินครับ” กำลังจะพูดว่าอยากนั่งด้วยกัน แต่ยังไม่ทันจะจบประโยคเสียงเรียกชื่อของคนที่ผมยังจับแขนเขาไว้อยู่ก็ดังขึ้น ทั้งผมและพัตหันไปมองคนที่ก้าวเข้ามา โอเค อารมณ์หงุดหงิดผมเริ่มมาแล้วเมื่อเห็นว่าเป็นใคร...ไอ้พี่การ์ด!

“น้องวินก็มางานนี้เหมือนกันเหรอ ไม่เห็นบอกพี่เลย” แล้วทำไมวินต้องบอกมึงวะ! ผมคิดอย่างหงุดหงิดอยู่ในใจ แค่เห็นหน้ามันก็หงุดหงิดมากอยู่แล้ว

“ครับ พอดีคุณแม่ชวนมา” ผมหันฟรึบไปมองวินทันที คือเขาคุยกันก็เรื่องปกติ มีคนถามวินก็ต้องตอบ แต่ประเด็นที่ทำให้ผมโคตรหงุดหงิดเพราะมันเป็นไอ้พี่การ์ดไง คนที่กำลังจีบวินอยู่เหมือนกัน

“พอดีเลย พี่ก็มากับคุณแม่ ไม่มีเพื่อนด้วย น้องวินนั่งไหนพี่ขอนั่งด้วยได้ไหมครับ”

ตอนนี้รู้สึกว่าเส้นเลือดตรงขมับจะเต้นตุบๆ วินไม่หันมามองผมซักนิด มองแต่ไอ้เดือนวิศวะอะไรนั่น ใช่สินะ ผมลืมว่าเขามาก่อน รู้จักและอาจจะคุยกันมาก่อน เผลอๆก็คงจะสนิทกันมากกว่าผมอีกมั้ง พอคิดแบบนั้นมือที่จับแขนอีกคนเลยปล่อยลงดื้อๆให้วินหันมามอง สายตาของเขาไม่เห็นจะเป็นมิตรเหมือนที่มองคนที่เข้ามาใหม่เลย...

“จะนั่งก็ตามสบายแล้วกัน”

ผมมองหน้าวินก่อนจะตัดสินใจลุกออกมาจากตรงนั้น ไม่กงไม่กินอะไรมันแล้ว ไม่มีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้นแหละตอนนี้ หมุนตัวเดินกลับไปทางส่วนย่อมที่มาตอนแรก สูดลมหายใจแรงๆเพื่อลดความขุ่นมัวในใจ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวยิ่งหงุดหงิด ในเมื่อทำยังไงก็ลดอาการนี้ของตัวเองลงไม่ได้ผมเลยล้วงบุหรี่ที่พกมาขึ้นมาสูบ ปกติก็ไม่ติดหรอกครับแต่พกบ้าง วันนี้หยิบมาเล่นๆไม่คิดว่าจะได้ใช้จริงๆ อัดนิโคตินเข้าปอดก่อนจะปล่อยควันออกมาอย่างหวังว่ามันจะทำให้หัวผมโล่งขึ้นบ้าง

“ทำไมต้องสูบ” ผมหันมามองเดือนทันตะที่มีสีหน้าไม่ค่อยชอบใจนักก่อนจะหันหลังให้เขาทันที ไม่อยากให้เขาได้กลิ่นควันบุหรี่เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพผมรู้ อีกอย่างก็ยังไม่อยากมองหน้าเขา ไม่อยากคุยกันตอนที่ผมยังอารมณ์ไม่ดี

“เราถามทำไมไม่ตอบ พัตสูบบุหรี่ทำไม!” แรงกระชากท่อนแขนทำให้ผมถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้ปลายมันให้มอด หมุนตัวหันกลับมาหาคนที่ผมยืนหันหลังให้ในตอนแรก

“เราแค่อยากสูบ วินมีอะไร” พยายามตอบเขาอย่างข่มอารมณ์ ผมรู้ว่าการคุยกันด้วยอารมณ์มันไม่ดี และตอนนี้อารมณ์ผมก็ไม่ค่อยคงที่ ไม่อยากทำหรือพูดอะไรที่อาจจะทำให้เขาเสียใจ ผมกำลังพยายามอย่างมากที่จะควบคุมมัน

“แล้วทำไมต้องอยากสูบ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ” ดูเหมือนว่าวินเองก็พยายามเย็นลงไม่ต่างจากผมเหมือนกัน แววตาคู่นั้นเจือไปด้วยความสั่นไหว คำพูดที่ออกจาปากเล็กก็ราวกับว่าเป็นห่วง

ไม่สิ...มันเป็นแค่เพียงการคิดเข้าข้างของตัวผมเอง

“อืม” ไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำไหนเลยเลือกตอบออกมาสั้นๆ แล้วไม่รู้ว่าทำไมแววตาของอีกคนถึงได้มีแววตัดพ้อขนาดนี้

“ทำไมพัตต้องทำเหมือนไม่อยากคุยกับเรา” น้ำเสียงนั้นสั่นเครือจนผมสัมผัสได้ แววตาคู่งามสั่นไหวอย่างที่ผมไม่ต้องการเห็นมันซักนิด พลันอารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้นก็หายไปเกือบครึ่งเมื่อเห็นท่าทางของวิน ท่าทางที่เหมือนว่า...เขาเสียใจ

“เราไม่ได้ไม่อยากคุย คือ...จะว่าไงวะ”เอามือเสยผมที่เซ็ตมาอย่างดีของตัวเองด้วยความหงุดหงิด หงุดหงิดเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง ไม่ใช่ว่าไม่อยากคุยแต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่พร้อมที่จะคุย อย่างที่บอกไปว่าผมกลัวอารมณ์ของตัวเอง ในขณะที่อารมณ์ไม่คงที่ผมจะพยายามอยู่คนเดียว เก็บมันเอาไว้ เพราะถ้าผมควบคุมตัวเองไม่ได้จนหลุดพูดได้เลยว่าทุกอย่างต้องเละแน่ๆ และผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับวิน

“โอเคๆ ไม่ได้ไม่อยากคุยกับวิน เราแค่...อารมณ์ไม่ดี”

“แล้วทำไมอารมณ์ไม่ดี”ดูท่าว่าเจ้าตัวจะไม่รู้ซักนิดว่าไอ้อาการที่ผมเป็นแบบนี้ก็มาจากเขานั่นแหละ แต่จะพูดไปมันก็คงจะดูไร้สาระเกิน อย่าลืมว่าตอนนี้เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ตัวผมเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจ ผมว่าบางทีผมคงต้องคิดเรื่องนี้ขึ้นบ้างแล้ว ไม่อยากจะรออะไรทั้งนั้น การที่ไม่มีสิทธิ์ในตัววินแบบนี้มันทำให้ผมอึดอัด แต่ถ้าพูดไปก็กลัวว่าจะทำให้เขาอึดอัดเช่นกัน กลัวว่าเดือนทันตะอาจจะยังไม่พร้อม...

“คือ...เราไม่อยากพูดถึงมันแล้ว ช่างมันเถอะ” เพราะกลัวว่ายิ่งขุดจะยิ่งทำให้อารมณ์ที่คุกกรุ่นกลับมาอีก ปล่อยๆมันไปเถอะ ผ่านไปซักพักผมคงจะดีขึ้นเอง

“ไม่อยากบอกเราเพราะอยากบอกกับแค่ผู้หญิงคนนั้นหรือไง” คิ้วขมวดทันทีเมื่อวินพูดประโยคนั้น เขาหมายถึงผู้หญิงคนไหน?

“วินหมายถึงใคร”

“มีหลายคนจนจำไม่ได้เหรอ”

อารมณ์ที่ดูเหมือนจะดีขึ้นนิดๆกลับต้องแย่ลงทันที ท่าทางและน้ำเสียงของวินมีแววตัดพ้อและประชดประชัน ผมไม่ได้ไม่โอเคกับท่าทางของเขาแต่ที่ไม่โอเคก็คือคำพูดที่เหมือนจะดูถูกนั่น ถ้าเขารู้ว่าผมชอบเขามานานแค่ไหนเขาจะไม่พูดแบบนี้เลย ยอมรับว่ามีคนเข้าหาเยอะแต่หนึ่งปีที่ผ่านมาผมไม่เคยตอบรับสัมพันธ์จากใคร ไม่มีการสานสัมพันธ์หรือแม้แต่จะมองใครทั้งนั้น ไลน์ที่ทักมาเป็นสิบยี่สิบคนผมไม่แม้แต่จะเปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ แล้วตั้งแต่ที่ผมคุยกับเขาผมไม่มั่นคงขนาดนั้นเลยเหรอ ท่าทางผมเหมือนคนโลเลเข้ามาจีบเขาเล่นๆเหรอวะ

“วิน...ที่เราไม่รู้เพราะเราไม่เคยสนใจใคร ตอนนี้เราคุยอยู่แค่คนเดียวและคงไม่ต้องบอกว่าคุยกับใคร ที่ผ่านมาเราไม่รู้ว่าเราไม่ชัดเจนตรงไหน มันควรจะเป็นตัวเราเองมากกว่าที่คิดมากเรื่องนี้ เราต่างหากที่ไม่รู้เลยว่าเป็นคนที่วินคุยอยู่ด้วยรึเปล่า
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โทษที เรากลับก่อนแล้วกัน”

ผมหลับตาลงพร้อมกับสูดหายใจลึกอย่างพยายามสะกดตัวเอง...

เพราะกลัวว่าตัวเองจะพูดทุกอย่างที่คิด คำพูดของผมอาจจะยิ่งทำให้เขาอึดอัด และตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป.






*******************************************



Talk

มาต่อแล้ววววว~ พึ่งสอบย่อยเสร็จวันนี้ค่ะ :mew6: :mew6: อาทิตย์หน้าก็สอบมิดเทอมแล้วอาจจะไม่ค่อยมีเวลามาต่อเท่าไหร่ อย่าพึ่งลืมวินกับพัตนะ :mew2: ทั้งยุ่งทั้งเครียดจนมันคิดไม่ออกอ่ะค่ะเลยอาจจะมาช้าหน่อย แต่ก็จะพยายามรีบมาเน้อ :katai4: :katai4: ช่วงท้ายของตอนนี้มีมาม่าเล็กๆ :mew3: :mew3: กลัวคนอ่านจะแบบ...เห้ย มันฟรุ้งฟริ้งเกินจริงไปหน่อยเลยเอามาขัดแก้เลี่ยนค่ะ555555 อาจจะมีกรุบกริบแบบนี้บ้างแต่คงไม่หนักอะไรนะคะ คือเพราะต่างคนต่างไม่อธิบายเนอะมันเลยเป็นแบบนี้ ความงี่เง่าเกิดได้กับทุกคนนะคะ เรื่องเล็กๆน้อยที่ดูไร้สาระแบบนี้แหละที่มักจะนำพามาสู่ปัญหาใหญ่ๆเสมอ โดยเฉพาะกับความรักนี่ตัวดีเลยๆ มาดูกันว่าจะพัตกับวินจะเป็นยังไงต่อไปน๊าาาา~  :mew3: :mew3:

>>>>>เรามีแฟนเพจด้วยนะเอออออ(สร้างแล้วๆ) คือถึงอาจจะไม่มีใครไปกดไลค์ก็จะเปิดค่ะ555555555555555 ก็เอาไว้พูดคุยกันเนอะ เข้ามาคุยกับคนเขียนได้เน้อเพราะอยู่ในเฟสเกือบตลอดเบย...แล้วก็จะมีอิมเมจและพาร์ทสั้นๆไว้อ่านเล่นๆ มีใครอยากเห็นวินกับพัตบ้างงงงงงงงงงงงง(เอาไว้มีคนถูกใจก่อนเนอะ><) ไปกดไลค์ให้เค้าหน่อยน๊า ตามลิ้งค์ข้างล่างเบยๆๆๆๆ  :call: :call:

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์มากๆค่ะ  :กอด1: :กอด1:


https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/timeline/
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่5 11/09/2558(02.49) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: kub_kwonny ที่ 11-09-2015 03:13:37
เป็นแฟนกันเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่5 11/09/2558(02.49) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 11-09-2015 07:41:48
วินทำพัตน้อยใจเสียแล้วล่ะค่ะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่5 11/09/2558(02.49) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 11-09-2015 09:02:57
มาต่อด่วนนน รอๆๆๆๆ

คุยกันดีๆสิ งอนกันไปงอนกันมาอ่ะสองคนนี้  :ling3:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่5 11/09/2558(02.49) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-09-2015 11:15:41
 :serius2:
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่5 11/09/2558(02.49) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 11-09-2015 17:54:06
อ้าวทะเลาะกันซะแล้ว
หัวข้อ: Re: "แอบรัก" ตอนที่5 11/09/2558(02.49) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 11-09-2015 18:39:20
 o13 พ่อแม่ใจกว้างมากผ่านฉลุย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก>>>(แอบรัก) ตอนที่6.1 14/09/2558(23.38) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 14-09-2015 23:33:21

ขออนุญาติเปลี่ยนชื่อเรื่องเพราะเห็นว่ามีอีกเรื่องที่ชื่อเหมือนกันนะคะ กันคนอ่านสับสนเนาะ(ถ้าอัพทีหลังแล้วดันใช้ชื่อซ้ำอีกก็ขอโทษด้วยนะคะ :mew2: :mew2:)

เปลี่ยนจาก"แอบรัก"เป็น>>>>>"เริ่มต้นจากการแอบรัก"



ตอนที่ 6.1

“อ้าวทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ แล้วแม่เราไปไหน”

“ผมปวดหัวครับเลยกลับมาก่อน ขอตัวนะพ่อ”

สองขารีบก้าวขึ้นบันไดอย่างไม่อยากจะพูดอะไรกับใครทั้งนั้น หลังจากที่พูดกับวินออกไปแบบนั้นก็ตัดสินใจเดินออกมาทันที ไม่รู้ว่าอีกคนจะทำหน้ายังไง จะพูดอะไร หรือเป็นยังไงเลยด้วยซ้ำ...โทรหาคนขับรถที่รออยู่ให้มารับ ขึ้นรถมาก็โทรบอกแม่เหตุผลอย่างที่บอกพ่อไปเมื่อซักครู่ว่าปวดหัวขอกลับก่อนโดยที่ไม่ทันจะฟังด้วยซ้ำว่าแม่พูดอะไรต่อ สมองตื้อไปหมดอย่างที่ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกหรือเอายังไงต่อไปดี

พักบ้างก็ดี...เอาไว้ค่อยคิดว่าควรจะทำยังไง

เดินเข้าห้องมาได้ก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ให้กระแสน้ำไหลผ่านตามร่างกายอย่างหวังว่าความเย็นของมันจะระงับความว้าวุ่นภายในใจลงไปได้บ้าง

ไม่รู้ว่าป่านนี้อีกคนที่อยู่ที่งานจะเป็นยังไง...










“พัต ทำไมเมื่อวานกลับก่อนล่ะลูก” ทันทีที่เช้านี้เดินถึงโต๊ะอาหารแม่ก็ถามขึ้นทันที เมื่อคืนกว่าที่ท่านจะกลับก็ดึกมากแล้วเราเลยไม่ได้คุยกัน แม้ว่ากว่าที่ผมจะนอนหลับจริงๆก็เกือบรุ่งเช้าก็ตาม อีกอย่างตอนนั้นผมเองก็ยังไม่พร้อมที่จะคุยกับใครหรือตอบคำถามอะไรทั้งสิ้น

“ผมปวดหัวครับแม่” ข้ออ้างเดิมที่บอกไป

“เหรอจ๊ะ เมื่อวานนี่น้องวินก็อีกคน...”

“เช้านี้ผมไม่ทานนะครับ ยังรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

ยังไม่ทันที่แม่จะพูดจบผมก็เอ่ยแทรกพร้อมกับลุกออกจากห้องอาหารทันที แค่ยังไม่พร้อมที่จะได้ยินเรื่องของใครอีกคนก็เท่านั้น อีกอย่างคือไม่มีอารมณ์ที่จะกินอะไร รู้สึกตื้อไปหมด ลองถ้าผมได้แสดงอาการแบบนี้ออกไปพ่อกับแม่จะไม่ถามอะไรอีกแน่นอน เพราะท่านรู้ว่าถ้าผมไม่พูดยิ่งมาซ้ำซี้ผมยิ่งไม่มีทางพูด มีเพียงสองอย่างที่จะเกิดขึ้น หนึ่งก็คือผมเล่าออกไปกับสองคือเดี๋ยวอาการแบบนี้ก็จะหายไปเอง ซึ่งตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท้ายสุดแล้วผมจะเลือกทำแบบไหน

กริ๊งงงงงงงงงงง~~~

ผมเหลือบมองโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่ในห้องนอนของตัวเองอย่างแปลกใจ มีไม่กี่คนที่มีเบอร์นี้ อาจจะเป็นเพื่อนซักคนที่โทรเข้ามาเพราะผมปิดโทรศัพท์ไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

“ฮัลโหล”

(ไอ้เหี้ยพัต!! ทำไมกูโทรหามึงไม่ติดเลยวะ) เสียงไอ้กิมดังทะลุมาจนต้องถอยโทรศัพท์ให้ห่างจากหูซักหน่อย

“ตะโกนอะไรขนาดนั้น โทรไม่ติดเพราะแบตกูหมด” ถ้าบอกว่าปิดเครื่องไว้เดี๋ยวแม่งก็ถามยาวอีกว่าปิดทำไม ตัดความรำคาญโดยการบอกว่าแบตหมดจะได้สิ้นเรื่อง

(แล้วทำไมไม่ชาร์ตวะ กว่าพวกกูจะระลึกชาติได้ว่าห้องมึงมีโทรศัพท์บ้านก็โทรหาจนสายจะไหม้)

“ยังไม่มีอารมณ์ชาร์ต มึงมีไรว่ามาเลย” โทรมาก็ต้องมีเรื่องที่จะพูดอยู่แล้ว

(ก็เรื่องงะ....เดี๋ยว เสียงมึงแปลกๆ เป็นไรวะ) จับความรู้สึกคนอื่นได้ไวสมเป็นมัน โดยเฉพาะกับความรู้สึกผมไอ้กิมจะรู้สึกได้ไวเป็นพิเศษเสมอ กับไอ้จีนเองก็เหมือนกัน

“พูดเรื่องมึงมาก่อนเลย เรื่องกูเอาไว้ก่อน ไว้คุยกับไอ้จีนทีเดียวด้วย” จะคุยก็ต้องคุยกันทั้งสามคน เมื่อคนใดคนหนึ่งรู้อีกคนก็จะต้องรู้ ไม่มีความลับระหว่างเราทั้งสามคน

(กูไม่อยากจะเดาว่าเรื่องอะไร แต่ก็เอาเถอะแล้วแต่มึง...ส่วนเรื่องที่โทรมาหามึงก็คือเรื่องของอาจารย์กฤษ ไอ้เหี้ยยยยยย คือกูจะตายแล้วเพราะคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรส่งเลยว่าจะถามมึงว่ามึงทำไปยัง มึงทำยังไง ไอ้ห่าจีนก็ไม่ต่างกันเลยตอนนี้)

งานของอาจารย์กฤษ? อ่อ เป็นงานที่สั่งตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เข้าเรียนกับแกแล้ว ภาพวาดที่แกสั่ง...

พอคิดได้ผมก็ต้องชะงัก เพราะงานของตัวเองเริ่มไปแล้วเล็กน้อย มันถูกร่างไว้ในตอนที่หัวผมแล่น

“กูเริ่มแล้วนิดนึง แล้วงานมึงสองคนมีปัญหาตรงไหน”

(กูวาดมาจะสิบแผ่นละ เปลี่ยนแบบมาก็หลายอันจนไม่รู้จะเอาอันไหน มึงมาช่วยไกด์ให้พวกกูหน่อยเด้ นะๆๆๆๆ) ทำเสียงแบบนี้ตลอดเวลาขอให้ช่วยอะไร ผมเลยจำเป็นต้องตกลงไม่งั้นมันก็จะง้องแง้งอยู่แบบนั้นไม่จบไม่สิ้น==

“เออๆๆ เดี๋ยวเย็นนี้มาหากูที่คอนโดแล้วกัน เดี๋ยวช่วยดูช่วยคิดให้ บอกไอ้จีนด้วยซักประมาณหกโมงเย็นเจอกัน”

(กูรักมึงมากเพื่อน ไอ้พัตเพื่อนรักผู้ช่วยชีวิตมนุษยชาติ! เดี๋ยวกูบอกไอ้จีน ว่าแต่...เรื่องของมึงล่ะ) ไม่มีทางลืมหรอกเรื่องแบบนี้ งานเสือกขอให้บอกพี่กิม ตามฉายาโลกรู้กิมต้องรู้

“เอาไว้คุยตอนเจอกันเลย แค่นี้นะ กูจะนอน” ไม่มีอารมณ์จะเล่าตอนนี้หรอก เอาไว้เจอหน้าแล้วค่อยพูดทีเดียว จะได้เล่าให้ไอ้จีนฟังด้วย

(นอนเหี้ยไรตอนแปดโมงเช้า เวลานี้เวลากินข้าวของบ้านมึงกูจำได้)

เพราะไอ้กิมนี่มากินข้าวที่บ้านผมบ่อยมันเลยรู้เวลากินข้าวที่บ้านผมเป็นอย่างดี เสาร์อาทิตย์กินข้าวเช้าตอนแปดโมง ข้าวเย็นคือหกโมงเย็นของทุกวัน ไอ้กิมเป็นคนเชียงใหม่มันเลยไม่มีบ้านกลับ เสาร์อาทิตย์ว่างๆก็มานอนบ้านผมนี่แหละ บอกว่าบ้านผมคนเยอะอาหารเยอะ พ่อแม่ก็ใจดี

“กูง่วงกูก็จะนอน แค่นี้แหละ” วางสายทันทีโดยไม่ฟังมัน ถ้ารอให้ไอ้กิมวางคงอีกนานครับเลยต้องชิงวางสายก่อน วางโทรศัพท์เสร็จก็ล้มตัวลงนอนแบบเดิมอย่างเหนื่อยๆ คิดถึงหน้าหวานๆเสียงหวานๆชะมัด

รู้สึกผิดเหมือนกันที่พูดแบบนั้นออกไป...

อย่างที่บอกไปว่าผมเป็นคนค่อนข้างจะมั่นคง แม้ว่าเหตุการณ์เมื่อวานจะทำให้ผมรู้สึกนอยด์ไปบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่ต่อวินเลยซักนิด เขามีสิทธิ์ที่จะชอบหรือไม่ชอบใครเรื่องนั้นเป็นสิทธิ์ชองวิน แล้วมันก็ไม่ผิดถ้าเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม เพียงแต่ตอนนั้นผมอารมณ์ไม่ค่อยปกติจากการเห็นหน้าไอ้พี่การ์ด พอวินมาคุยตอนนั้นมันเลยไปกันใหญ่ ถึงยังไงความรู้สึกที่ผมมีต่อเขามันก็ยังเหมือนเดิมอยู่ดี แต่ตอนนี้ก็ยังคงไม่พร้อมจะคุยกัน เอาไว้ผมเคลียร์ความรู้สึกตัวเองได้ค่อยไปง้อดีกว่า ยอมรับว่าเมื่อวานทำตัวไม่ดีใส่อีกคนเอาซะเลย




นอนเล่นอยู่บนห้องขลุกตัวไม่ไปไหน ดูหนังเอยเล่นเกมส์เอย ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้ตัวเองว่าง จนเวลาล่วงเลยไปจะบ่ายโมเลยตัดสินใจว่ากลับไปคอนโดดีกว่า กะจะแวะซื้อของเข้าห้องด้วย วันนี้นึกครึ้มอยากไปซื้อเองทั้งที่ปกติแม่จะบอกคนที่บ้านเอาไปส่ง ขาดเหลืออะไรก็บอกแม่ได้เลย

“ผมกลับคอนโดก่อนนะครับพ่อกับแม่” บอกพ่อกับแม่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั่งเล่นหน้าบ้าน เวลาบ่ายท่านจะนั่งคุยกันอยู่ตรงนี้ จิบชาเบาๆมองดูสวนหน้าบ้านเพลินๆ ผมเองก็ชอบเช่นกัน

“ทำไมรีบกลับนักล่ะลูก”

“ผมมีคุยงานกับกิมและจีนครับแม่ เดี๋ยวผมกลับเลยแล้วกันนะครับ อาทิตย์หน้าก็ต้องมาอยู่แล้ว” เดินเข้าไปกอดแม่ก่อนจะผละออกมา อาทิตย์หน้าต้องไปสิงคโปร์กับพ่อยังไงก็ต้องกลับมาบ้านก่อนอยู่แล้ว

“จ้ะ งั้นก็ตามใจเรา พัต...มีอะไรค่อยๆคิดค่อยๆตัดสินใจ อย่าใช้อารมณ์เด็ดขาดนะลูก” แม่พูดเตือนสติให้ผมใจเย็น ท่านทั้งสองคนคงรู้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิน แม้จะไม่ได้รู้รายละเอียดที่แน่ชัดแต่ก็คงเดาได้ลางๆ พ่อเองก็พยักหน้าและส่งสายตาว่าให้ฟังอย่างที่แม่พูด

“ครับ ผมจะไม่ใช้อารมณ์อย่างที่แม่บอก...ไปแล้วนะครับ สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่” ท่านทั้งสองพยักหน้ารับให้ผมเดินมาที่โรงรถก่อนจะขับกลับคอนโด โทรศัพท์มือถือก็ยังไม่ได้เปิด ถ้าพวกนั้นติดต่อผมไม่ได้เดี๋ยวมันก็ไปหาที่คอนโดเอง

กว่าจะถึงห้องก็เกือบจะบ่ายสี่แล้วเพราะแวะซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวคอนโด ได้ของสดมาทำอาหารเผื่อพวกนั้นเพียบ นานมากแล้วที่ผมไม่ได้ทำอาหารเอง ไม่ค่อยจะมีเวลาครับเพราะแค่จะตื่นไปเรียนยังไม่ทันเลยนับประสาอะไรกับให้ทำเอง เสาร์อาทิตย์ส่วนมากก็กลับบ้านไปทานข้าวฝีมือแม่อยู่แล้ว พอเก็บของเสร็จอะไรเสร็จก็เริ่มทำอาหาร เวลาที่เราทำอะไรเรื่อยไปแล้วได้อยู่กับตัวเองก็ถือว่าเป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่งที่ผมชอบเช่นกันนะ ใจเราจะจดจ่อกับแค่สิ่งที่ทำ ไม่ฟุ้งซ่าน ใช้เวลาอยู่กับตัวเองจนอาหารเรียบร้อยแล้วถึงได้เอาโทรศัพท์บ้านโทรหาพวกนั้น

“กูอยู่คอนโดแล้ว จะเข้ามาก็เข้ามาเลย ทำอาหารไว้ด้วย พวกมึงอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษก็ซื้อเข้ามา”

(ได้ๆ แบบนี้ต้องมีมินิปาร์ตี้ซักหน่อยเว้ย กูกับไอ้จีนกำลังจะออกละ ไอ้จีนมันโทรมาเร่งแล้วเมื่อกี้)

“เค” เป็นอันว่ารู้เรื่อง พอมีอะไรให้คิดแบบนี้การอยู่กับเพื่อนเป็นอะไรที่ดีมากๆเลยนะครับ แต่อยู่ห้องเดียวกันตลอดก็ไม่ได้เดี๋ยวตีกันตาย







TBC.


Talk


มาครึ่งนึงก่อนนะคะ สั้นมากแต่ก็มาเพราะกลัวคนอ่านลืม :mew6: :mew6: จะสอบแล้วแต่ก็ยังแวบมาแต่ง55555 ต้องไปแล้ววววววว~ เดี๋ยวอีกครึ่งนึงจะพยายามมาต่อให้โดยเร็วนะคะ  :katai5: :katai5:

ขอบคุณทุกคนที่อ่าน แล้วก็ขอบคุณทุกคอมเม้นต์มากๆเลยค่ะ :pig4: :pig4:

 จิ้มเพจเค้าเลยยยย>>>>  https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/timeline/?ref=aymt_homepage_panel  <<<< เข้าไปคุยกันได้น๊าาา
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก>>>("แอบรัก") ตอนที่6.1 14/09/2558(23.38) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: kub_kwonny ที่ 15-09-2015 02:04:55
 :m15:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก>>>("แอบรัก") ตอนที่6.1 14/09/2558(23.38) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 15-09-2015 16:06:30
ชอบบุคลิกพัตนะ ดูเป็นผู้ใหญ่ มั่นคงดี
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก>>>("แอบรัก") ตอนที่6.1 14/09/2558(23.38) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-09-2015 23:23:38
ชอบเรื่องนี้นะคะ
ชอบพัตที่ดูเป็นผู้ใหญ่ แระก้อชอบวินที่อารมณ์ดี
(ยกเว้นตอนหึงอ่ะนะ 555555)
หวังว่าตอนหน้า เค้าจะคืนดีกันแล้วน๊าาาาา ^^
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก>>>("แอบรัก") ตอนที่6.1 14/09/2558(23.38) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-09-2015 00:16:26
อารมณ์คนใจน้อย ปิดโทรศัพท์ข้ามวันข้ามคืนเลย
*แอบงงๆกับชื่อเรื่องในตอนแรก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก>>>("แอบรัก") ตอนที่6.1 14/09/2558(23.38) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 16-09-2015 01:15:59
ชอบเรื่องนี้นะฟิน ยิ้มได้ทุกตอน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก>>>("แอบรัก") ตอนที่6.1 14/09/2558(23.38) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 16-09-2015 01:23:54
เคลียร์กันเร็วๆนะ
ชอบอะ พระเอกดูมีมุมเเบดอยู่ด้วย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก>>>("แอบรัก") ตอนที่6.1 14/09/2558(23.38) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-09-2015 02:17:46
รอค่า
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก>>>("แอบรัก") ตอนที่6.1 14/09/2558(23.38) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-09-2015 14:59:56
ความคิดหรือการกระทำของพัตคือดีนะ
แต่อย่าให้หึงให้หวง มาดหลุดเลยนะ
ชักจะสงสารวินขึ้นมาแล้วซิ
แต่วินก็ขี้หึงใช่ย่อย
สรุปพอกันทั้งคู่ 555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก>>>("แอบรัก") ตอนที่6.1 14/09/2558(23.38) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 16-09-2015 15:04:08
อาาา เรากลับชอบซีนอารมณ์นี้จังเลยแฮะ 5555 มันเจ็บจี๊ดๆที่ใจดี

มาต่อบ่อยๆนะค้าา ชอบเรื่องนี้จัง
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่6.2 16/09/2558(20.00) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 16-09-2015 19:55:42

ตอนที่ 6.2

“หวงอะไรขนาดนั้นวะ มึงทำให้พวกกูสงสัยว่าวาดภาพโป๊แล้วนะ”

“หรือว่ามึงวาดจริงๆ โอ้มายก็อดดดด”

เสียงเพื่อนของตัวเองร้องโหยหวนอย่างโอเวอร์ทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนีอย่างกลัวว่าจะอดถีบมันไม่ได้ เรื่องของเรื่องก็คือหลังจากที่พวกมันมาที่ห้องตามที่บอกว่ามาเรื่องงาน แล้วพอมาถึงก็แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นเรื่องงานด้วยการกิน กิน แล้วก็กิน กว่าจะได้เริ่มจริงๆจังๆก็ปาไปเกือบจะสองทุ่ม แล้วไอ้ประโยคข้างบนคือมันสองคนขอดูงานของผมแล้วผมไม่ให้ก็เท่านั้น ไม่ได้เป็นความลับอะไรหรอกครับ กวนตีนมันเฉยๆ

“ไร้สาระเกินไปแล้วพวกมึง เดี๋ยวตอนส่งก็เห็นเอง...นั่งเงียบๆแล้วก็ทำงานไปซะ”

“ที่เหลือเดี๋ยวค่อยทำ มึงไกด์ให้พวกกูแค่นี้ก็รอดแล้ว...เอาเรื่องของมึงดีกว่า ไอ้กิมบอกมึงมีเรื่องแล้ววันนี้มึงก็แปลกๆ”

ไอ้จีนเอ่ยถามขึ้นมาพลางวางงานในมือตัวเองลงในขณะที่ไอ้กิมมันวางงานของมันลงตั้งนานแล้ว ยิ่งพอวกเข้ามาเรื่องนี้นี่รีบเขยิบเข้ามาหาทันที หน้าตาก็ไม่ค่อยจะบ่งบอกถึงความเสือกเท่าไหร่

“แปลกยังไง” ผมถามด้วยความสงสัย ผมคิดว่าตัวเองปกตินะ อาจจะคิดเรื่องนั้นบ้างแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา

“มึงเหมือนมีอะไรคิด ไม่ได้แสดงออกจากท่าทางแต่แววตามึงบอกว่ากำลังมีเรื่องที่อยู่ในใจ” ไอ้กิมจอมจับผิดเช่นเดิม คำพูดไม่เท่าไหร่แต่สายตาและท่าทางที่มองมาราวกับกำลังบอกว่ามึงเล่ามาให้หมด

“มึงก็รู้ว่าไม่มีอะไรที่รอดพ้นสายตาพวกกู เพราะงั้นเล่ามาซะ”

พอไอ้จีนกดดันมาอีกคนผมเลยต้องเล่าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตอนแรกก็กะจะยังไม่บอกเพราะยังไม่อยากจะพูดถึง แต่ว่าตอนนี้มากันครบองค์ขนาดนี้ยังไงก็คงต้องเล่า ใช้เวลาไม่นานที่จะอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างนั้นพวกมันก็ต้องใจฟังซะยิ่งกว่าตอนเรียนกันซะอีก

“โคตรเด็กไอ้เหี้ย สรุปคือมึงงอนเขาว่างั้น ถึงขั้นปิดโทรศัพท์หนีเลย”

“โดว่ กูก็นึกว่าเรื่องอะไร อุตสาห์บอกไอ้จีนอย่างเคร่งเครียดว่ามึงมีปัญหา...มันจะยากไรวะ มึงก็ง้อเขาแค่นั้นก็จบละ”

“เป็นแบบนี้ก็ไม่ได้รู้สึกดีไม่ใช่ไง ส่วนเรื่องไอ้พี่การ์ดมึงก็อย่าไปคิด เอาจริงนะ...ว่าถ้าวินจะชอบมันป่านนี้ชอบไปนานแล้วป๊ะวะ นี่เขาคุยกับมึงก็แสดงว่าคงไม่อะไรกันหรอก ไม่งั้นพี่การ์ดมันก็คงไม่ยอมให้วินคุยกับมึงแล้ว”

พอคิดตามคำพูดของเพื่อนถึงได้รู้ นั่นสินะ ถ้าวินจะชอบพี่การ์ดป่านนี้ก็คงจะคบกันไปตั้งนานแล้ว ที่ยังไม่คบก็แสดงว่ายังไม่ได้ชอบ แล้วก่อนที่มันจะทำให้วินชอบผมก็ต้องชิงลงมือก่อน

“เออๆ กูเข้าใจแล้ว พวกมึงไม่ต้องย้ำกันขนาดนั้น เสร็จงานแล้วก็กลับไปได้แล้ว” ก่อนที่พวกมันจะพูดอะไรไม่หยุดมากกว่านี้ แค่นี้ก็แซะผมจะแย่

“สลัด ไล่พวกกูเลย กูไม่ไปกูจะอยู่นี่....” ยังไม่ทันที่คนจะดึงดันอยู่นี่พูดจบดีด้วยซ้ำเสียงโทรศัพท์มันก็ดังขึ้นก่อน

“ครับน้องแพร...ได้สิครับ...งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับนะ...ครับผม” พอวางสายมันก็เริ่มเก็บของทันที

“กูกลับละ” เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ พอตอนนี้ดูระริกระรี้อยากกลับเชียว

“ถุย เด็กมานี่รีบเลยนะมึง เมื่อกี้ยังไม่กลับๆอยู่เลย” ไอ้จีนจัดให้เพื่อนมันหนึ่งดอกด้วยความหมั่นไส้

“แน่นอน ผู้หญิงสำคัญกว่าเพื่อนเสมอ ว่าแต่กูนะมึง ใครรออยู่ห้องอย่าคิดว่ากูไม่รู้ จะกลับไหมครับจะได้ออกไปพร้อมกันเลย”

“กลับ!” เออ พอกันอ่ะพวกมึงทั้งสองคน ผมมองหน้าเพื่อนตัวเองด้วยความเบื่อหน่าย แต่ละคนก็ต้องกลับไปหาเด็ก ดีๆกันทั้งนั้น ไอ้เหี้ยกิมนี่ช่วงนี้น้องแพรๆ อีกหน่อยก็ชื่ออื่นแล้ว บางทีจนจำไม่ทันว่าคนที่มันคั่วอยู่ปัจจุบันชื่ออะไร ไอ้จีนเองก็ไม่ได้ต่างกันซักเท่าไหร่

“พวกกูไปละ บรั๊ยยยย” เสียงกระแดะไปไหน พูดเสร็จก็สะบัดตูดออกไป ทีตอนโทรมาเพราะคิดงานไม่ออกนี่อ้อนวอนกูจัง

“เจอกันพรุ่งนี้”

ไอ้จีนบอกก่อนจะเดินตามไอ้กิมไป ผมเองก็ปิดประตูห้องตัวเองกลับมาเก็บซากของที่พวกมันทำเอาไวตรงระเบียง ตอนนี้เกือบๆจะเที่ยงคืนแล้วน้ำก็ยังไม่ได้อาบ เหนียวตัวเต็มแก่เลยเดินเข้าห้องไปอาบน้ำให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกมาดูความเรียบร้อยปิดไฟข้างนอกให้เสร็จสับให้เหลือแค่ในห้องนอน

“เวร ลืมเอาโทรศัพท์มานี่หว่า” ว่าจะเปิดเครื่องแต่เดินหายังไงก็หาไม่เจอ นึกดูดีๆถึงรู้ว่าตัวเองเอาวางไว้ข้างเตียง พอตอนลงมาก็ไม่ได้หยิบมาด้วยซะอย่างนั้นเพราะคงจะลืม เห้อ เดี๋ยวบอกให้คนที่บ้านเอามาให้พรุ่งนี้แล้วกัน



.............................................




“พัต...” ผมเดินลงมาจากตึกหลังเลิกเรียนก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นใครยืนอยู่ข้างหน้า

“มาทำไร” ชิบหาย ประโยคที่ผมพูดทำเอาวินหน้าเจื่อนลงทันที ผมจะสื่อประมาณว่ามาทำอะไรที่นี่ มาได้ยังไง ทำไมถึงมา อะไรประมาณนั้น แต่เพราะตื่นเต้นด้วยที่เจอหน้าคำพูดเลยดูเหมือนไม่ได้คิดก่อนพูดซักนิด เขามากับเพื่อนสองคนมั้ง น่าจะเป็นคนที่ยืนอยู่ทั้งซ้ายขวาของเจ้าตัวซึ่งผมก็ไม่ค่อยได้สนใจ สนใจแต่คนตัวเล็กข้างหน้านี่แหละ ไอ้ตัวดีข้างตัวนี่ก็สะกิดกูจังเลย

“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” อีกคนพูดอ่อยๆราวกับไม่แน่ใจหรือกลัวอะไรบางอย่าง ผมตั้งใจจะไปหาเขาเหมือนกัน แต่พอวินมาหาก่อนก็พอดีเลย ยังไงก็ต้องคุยกันอยู่แล้ว ไม่ปล่อยไปหรอก

“ได้ดิ...พวกมึงสองคนกลับเลย” ไม่ได้ไล่ซักนิด แต่ส่งสายตากดดันให้พวกมันรู้ว่ามึงต้องกลับเดี๋ยวนี้เลยนะ

“เออๆ” รู้งานดีทั้งสองคน แต่ผมก็ยังแอบเห็นว่ามันส่งยิ้มให้วิน ถึงจะยิ้มตามมารยาทก็เถอะ แต่ผมก็ยังหมั่นไส้อยู่ดี

“งั้นพวกเรากลับก่อนเหมือนกันนะ เอาไว้เดี๋ยวโทรหานะวิน” เห็นไหมว่าเพื่อนเขารู้งานไม่เหมือนเพื่อนผมที่ต้องให้ไล่

“อืม” วินพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสองของตัวเองก่อนที่ตอนนี้จะเหลือเราเพียงสองคนยืนอยู่หน้าตึก คนผ่านไปมาก็มองกันชิบหายอ่ะ แน่ล่ะว่าเดือนทันตะมาอยู่ที่นี่จะไม่เป็นที่สนใจได้ยังไง

“งั้นไปคุยกันที่สวนแล้วกัน” หลังคณะผมจะมีสวนหญ้าที่มีบ่อน้ำอยู่ด้วย ผมชอบที่นั่นเวลาที่มีช่วงพักรอเรียนต่อหรือตอนคิดงานไม่ออกก็จะไปอยู่ที่นั่น เป็นที่หลับของไอ้จีนประจำ อากาศดีครับ ลมพัดเอื่อยๆแถมไม่ค่อยมีคนด้วย

“ไปสิ” พออีกฝ่ายรับคำผมก็เลยเดินนำให้เขาตามมา ถึงที่ก็ทรุดตัวลงนั่งตรงพื้นหญ้าที่ถูกตัดสั้นไว้พร้อมกับมองไปที่บ่อน้ำขนาดใหญ่ ลมพัดในช่วงสี่โมงเย็นแบบนี้ก็สบายดี จนสัมผัสได้ว่าวินนั่งลงข้างเลยหันมาหาเขา

“มาหาเรามีอะไรจะคุยหรือเปล่า” วินมีสีหน้าที่ดูกระอักกระอ่วนเหมือนจะอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดผมเลยถามเขาออกไปก่อน

“โทรหาไม่เห็นติดเลย ไลน์ไปก็ไม่ตอบ แชทก็ด้วย...โกรธมากเหรอ”

หืม ผมนี่นะจะโกรธเขา แต่ถึงโกรธจริงๆเห็นหน้าตอนนี้ก็หายแล้วล่ะ เสียงเล็กๆค่อยๆเอื้อนเอ่ยออกมาราวกับกลัวผมจะโกรธ หน้าหวานๆตากลมโตก็แสดงออกเหมือนกับกลัวผมจะว่าอะไรเจ้าตัวอย่างนั้นแหละ วินนั่งชันเข่าอยู่ มือที่ประสานกันตรงเข่าก็บีบเข้าหากันแน่น

“เปล่าๆ เราลืมโทรศัพท์ไว้บ้าน เลยไม่ได้ตอบอะไรซักอย่างเลย” แต่ก็ไม่ได้บอกหรอกว่าไอ้ที่โทรไม่ติดน่ะคือตอนแรกตั้งใจปิดเครื่องไว้ไง

“แต่วันนั้นพัตโกรธ...” ให้ตายเถอะ ไอ้หน้าตาน่าสงสารนี่เขาหัดทำมาจากไหนวะ น่ารักชะมัดอ่ะ

“เอาเป็นว่าช่างมันเถอะนะ รู้แค่ว่าตอนนี้เราไม่ได้โกรธ วันนี้ก็กะว่าจะไปหาอยู่แล้ว”

อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น ผมจำได้ว่าวันจันทร์เขามีเรียนถึงสี่โมงเย็นเช่นกัน นี่ก็ว่าจะไปรอที่ตึกทันตะหลังจากเลิกเรียนเพราะวันนี้อาจารย์ปล่อยก่อนเวลานิดน่อย ไม่ได้คิดว่าเขาจะมาหาก่อน ว่าจะโทรหาแต่โทรศัพท์ก็ยังอยู่บ้านเลยไม่ได้โทร บอกแม่ให้คนเอามาฝากไว้ที่คอนโดให้ก่อน

“ก็เราติดต่อพัตไม่ได้เลย”

“ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านจริงๆ เอาเป็นว่าเคลียร์แล้วนะ เราไม่ได้โกรธอะไร...ขอโทษนะที่วันนั้นพูดจาแล้วก็ทำตัวไม่ดีใส่” คราวนี้เป็นทีผมบ้างที่ต้องพูด ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกแย่ที่แสดงท่าทางแบบนั้นใส่เขาออกไป

“อื้ม...ไม่ได้โกรธเหมือนกัน เราเองก็ทำตัวไม่ดี” กลายเป็นว่าตอนนี้ต่างคนต่างขอโทษกัน

“โอเค เข้าใจแล้วก็ไปทานข้าวกัน” พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน วินยังคงนั่งงงอยู่แบบนั้นจนผมยื่นมือไปหา ถึงดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่เข้าใจแต่ก็ยอมส่งมือมาให้ผมดึงขึ้นยืน

“วิน....”

“หือ” วินเลิกคิ้วถามอย่างบอกว่าเรียกเขาทำไม ผมยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นทั้งที่ถือโอกาสจับมือเล็กไว้แน่น กลายเป็นว่าตอนนี้เรายืนหันหน้าเข้าหากันโดยที่มือนึงจับกันอยู่

“เราขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”

“ได้สิ” วินทำหน้าแปลกใจซักพักก่อนจะพยักหน้ายืนยันด้วยอีกทางว่าผมสามารถถามเขาได้

“ตอนนี้...คุยอยู่กับใครบ้าง”  รู้ว่าคำถามโคตรไม่น่าถามแต่ผมก็ยังอยากถาม เขาอาจจะโกหกหรืออะไรก็ได้ที่จะบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนแบบนั้น แต่ผมก็ยังอยากฟังคำตอบของเขาอยู่ดี อะไรบางอย่างบอกว่าเขาจะไม่โกหก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ก็คุยอยู่กับคนเดียวเหมือนกัน : )”

อาจจะเป็นความมั่นคงที่ถูกส่งมาจากตาดวงโต รอยยิ้มหวานที่แสดงออกอย่างจริงใจ หรือเพราะคำพูดประโยคนั้น...



จะด้วยอะไรก็ตาม...แต่มันทำให้ผมเชื่อเขาหมดทั้งใจ





TBC.



Talk

หนังสงหนังสือไม่ต้องอ่านกันละ555555555 ทุกตอนนี่คือแต่งเสร็จก็ลงทันทีเลยนะคะ เพราะฉะนั้นถ้าตอนคิดไม่ออกก็คือคิดไม่ออกเลยอาจจะต้องใช้เวลานิดนึง(แต่ถ้ามีคอมเม้นต์หัวจะแล่นมาก>////<) ตอนนี้มาน้อยมากเพราะจะเอาตรงเคลียร์ปมให้เสร็จซึ่งมันก็นิดนึงเองเนอะ^^ อยากจะแต่งตอนทะเลาะกันนานๆเหมือนกันแต่คงต้องตอนที่เขาเป็นแฟนกันแล้วนู้นนนน  :o8: :o8:

ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่าน และขอบคุณสำหรับคอมเเม้นต์มากๆเลยนะคะ เยิฟฟฟฟฟ :mew1: :mew1:




https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/timeline/?ref=aymt_homepage_panel
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่6.2 16/09/2558(20.00) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 16-09-2015 20:27:04
 :mew1: ดีกันแระ ต่อไปขอหวานๆบ้างน้า
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่6.2 16/09/2558(20.00) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 16-09-2015 20:41:14
 :mew1:เข้าใจกันแล้ว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่6.2 16/09/2558(20.00) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-09-2015 20:45:02
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่6.2 16/09/2558(20.00) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-09-2015 21:19:06
เริ่มจะอิจฉาพัตแล้วล่ะ
คือวินโคตรจะดีเลย
แถมน่ารักอีกต่างหาก

ถ้าถามคนนอกอย่างเรา
เราว่าพัตขอโทษวินก่อนน่ะถูกแล้ว
แต่นี่วินเดินมาหาพีตเองเลยนะ
ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้วมั้ง
ว่าวินเปิดใจให้ใครน่ะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่6.2 16/09/2558(20.00) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-09-2015 21:54:21
ขนาดนี้แล้วเป็นแฟนกันเลยเหอะเนอะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่6.2 16/09/2558(20.00) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 16-09-2015 23:12:33
ดีงามๆๆ ดีกันแล้ว
ชอบโมเม้นต์ของเพื่อนจิงๆ ได้ใจมากๆ ทั้งตอนด่าเพื่อนให้คิดได้ แระทิ้งเพื่อนเพราะหญิงโทรมา 555
แต่คู่พัตวิน นี่ ไม่ต้องคุยๆกันแร้ว แฟนเบยๆๆ หุหุ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่6.2 16/09/2558(20.00) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: kub_kwonny ที่ 16-09-2015 23:17:39
เย้ๆ หายงอลแล้ว :impress3:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่6.2 16/09/2558(20.00) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 17-09-2015 03:05:56
หน่อววว จีบกันไปนานๆ น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่6.2 16/09/2558(20.00) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-09-2015 03:57:28
สนุกอ่ะ เพิ่งข้ามาอ่าน
ชอบพัตที่ดูเป็นผู้ใหญ่ ทำไรชัดเจนดี
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่6.2 16/09/2558(20.00) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 18-09-2015 02:08:11
ชอบบบบบบบมาก

ชอบนิสัยพัต นิ่งๆดุๆ มีเหตุผล
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่7 21/09/2558(20.10) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 21-09-2015 20:05:10
มาเช็คดูในคอมของคนแต่งขึ้นให้ไม่ครบอีกแล้ว ต้องเปิดในgoogle chromeอ่ะค่ะ(ในโทรศัพท์ก็ปกติ) ตอนนี้ต้องจบที่>>>>ตอนนี้เวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดเลย.<<<<<ใครอ่านไม่มีตรงนี้เปิดในchromeเอาเน้อออออ(คนอื่นอาจจะไม่เป็น คอมคนแต่งเจ๊งคนเดียวล่ะมั้ง><)



ตอนที่ 7

(เราอยากกินไอติม)

“เอามาจากสิงคโปร์กว่าจะถึงไทยมันก็ไม่เหลืออะไรแล้วมั้ง เอาดีๆ”

มีอย่างที่ไหนถามว่าอยากได้อะไรรึเปล่างอแงจะเอาไอติม ถ้าหิ้วมาจากที่นั่นจริงๆกว่าจะถึงไทยก็คงต้องใช้หลอดดูดเอาแล้วล่ะ เดือนทันตะเขาบอกมีร้านที่เขาชอบมากอยู่ที่นั่น  อืม คือชอบแค่ไหนมันก็เอาไม่ได้ไง

(คิคิ เราล้อเล่น ไม่เอาอะไรหรอก)

ตลอดอ่ะเขา ตั้งแต่วันนั้นที่เคลียร์กันได้ทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม ไม่สิ ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เราไปไหนมาไหนกันบ่อยขึ้น พักเที่ยงผมก็แวะไปหาเขาบ้าง บางทีมีเวลานิดนึก็ต้องเจอกัน วันไหนเลิกเรียนเร็วก็พาเดือนทันตะไปกินข้าวเลี้ยงติมแบบที่เขาชอบ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดีมากและหลังจากที่คิดมาดีแล้ว ผมว่าจะขอเขาเป็นแฟนตอนที่กลับมาจากสิงคโปร์เลย เนียนว่าเอาของไปให้แล้วก็ขอตอนนั้น ไม่อยากรออะไรแล้ว

“เดี๋ยวเถอะๆ งั้นเดี๋ยวถึงที่นู้นจะไลน์หาอีกทีนะ” ตอนนี้ใกล้ได้เวลาต้องออกจากบ้านเต็มทีแล้วครับ ถ้าออกหลังจากนี้อาจตกเครื่องได้

(โอเค เดินทางปลอดภัยนะ)

“ครับ” วางสายเสร็จก็เดินมาเช็คของ เรียบร้อยแล้วก็ขนลงมาข้างล่าง ของที่เอาไปก็ไม่มีอะไรมากครับ เป้ถือแค่ใบเดียวเพราะไม่ได้อยู่นาน แค่ไปดูรถแล้วก็เดินดูของอีกนิดหน่อย ดึกๆของวันเสาร์ก็กลับ

“ซื้อของมาฝากแม่ด้วยนะ^^” แม่ผมท่านไม่ได้ไปครับ บอกว่าไม่ชอบอะไรแบบนี้เพราะเป็นเรื่องของผู้ชายเลยอยู่บ้านดีกว่า

“ได้ครับ เดี๋ยวพัตเบิกตังค์กับพ่อซื้อให้หนักๆ” พ่อหันขวับมามองหน้าทันที ประมาณว่าเกี่ยวไรกับตังค์พ่อวะ

“จ๊ะ มีอะไรเบิกพ่อเลย งั้นแม่ขอกระเป๋าซักสองสามใบก็พอ คิกคิก”

“โถ่คุณ สองสามใบของคุณก็ได้รถคันนึงแล้วนะ”

“ก็เงินคุณนี่คะ หรือจะไม่ซื้อของมาฝากฉัน” อากับผมมองหน้ากันด้วยความอ่อนใจ ปล่อยให้เขาพ่อแง่แม่งอนกันไปส่วนผมก็เลี่ยงเอากระเป๋าไปไว้หลังรถดีกว่า ยืนรอซักพักพ่อกับแม่และอาก็เดินอออกมา ร่ำรากันไม่นานก็เดินขึ้นรถ

“เดินทางปลอดภัยจ้ะ”

“ครับแม่” ผมรับคำแล้วปิดประตูให้รถเคลื่อนตัวออก พอถึงสนามบินก็เข้าไปเช็คอินแล้วรอเวลาขึ้นเครื่อง พอว่างผมก็เลยไลน์หาวินทันทีจนอีกฝ่ายแซวว่าไหนบอกถึงที่นู้นค่อยไลน์หา ก็คุยกันจนต้องขึ้นเครื่องนั่นแหละครับ ผมเองก็บังคับให้เขาไปนอนเพราะว่าตอนดึกแล้ว







“เป็นไงเรา เอาซักคันไหมเรา”

“ถ้าคุณอาจะซื้อให้ผมก็โอเคครับ”

อาหลุดหัวเราะทันทีกับคำพูดผม ตอนนี้ดูรถเสร็จแล้วกำลังตกลงเรื่องเอกสารซึ่งตรงนี้ผมไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่เพราะพ่อกับอาเป็นคนจัดการทุกอย่าง ไม่มีอะไรทำเลยปลีกตัวเองไปดูรถคันอื่นๆที่อยู่รอบๆบ้าง ก็สวยดีครับแต่ยังไม่ได้อยากได้อะไรเอาไว้ถ้าผมอยากได้ก็ค่อยว่ากัน เดินดูหลายๆคันรอจนอะไรเรียบร้อยผมก็ขอตัวไปเดินเล่นย่านถนนออร์ชาร์ดเพื่อหาซื้อของให้อีกคน มาหาซื้อให้ตัวเองด้วยเผื่อผมอยากได้อะไร ส่วนพ่อกับอาก็กลับโรงแรมไปก่อน

ใช้เวลาอยู่ตรงนี้ค่อนข้างนานพอสมควร พอผมได้ซื้อก็ซื้อเยอะจริงๆเพราะเจอนั่นเจอนี่หลายอย่า ได้ของฝากไปให้หลายคนด้วย เยอะจนเกือบจะขนกลับโรงแรมเองไม่ไหว พอมาถึงก็ได้พักสองสามชั่วโมงก่อนจะต้องบินกลับไทย

มีของฝากให้
พรุ่งนี้เจอกันนะครับ

ผมไลน์หาคนที่อยู่เมืองไทยทันทีที่ถึงที่พัก คิดไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะพาเขาไปที่ไหน เป็นร้านอาหารของเพื่อนผมเอง บรรยากาศดีแถมยังเป็นร้านเพื่อนที่สามารถทำอะไรได้ง่ายๆ

ไม่ไปได้ไหม
: p
กวนเกินเขาไม่มีหรอก แต่ก่อนโดนหน้าหวานๆหลอกคิดว่าจะเป็นคนเฟรนลี่เฉยๆ ทั้งกวนทั้งดื้ออย่าบอกใครเชียวล่ะ

ไม่ได้
ต้องมา

คึคึ
ไปก็ได้ จะมาถึงไทยตอนไหน

ตีสองก็ถึงแล้ว
เจอกันตอนเย็นนะครับ
ซักหกโมง เดี๋ยวไปรับ

อาทิตย์นี้วินไม่ได้กลับบ้านด้วยครับเพราะว่าติดงานนิดหน่อยเลยไม่ได้กลับแล้ววันอาทิตย์ตอนเย็นเขาก็ว่างพอดี

เราไปเองได้ๆ
ไม่ต้องมารับหรอก เสียเวลาพัตเปล่าๆ

วินไม่รู้ที่ที่จะไปหรอก
เดี๋ยวพัตไปรับ
ไม่ต้องดื้อ

ไม่ได้ดื้อ!

เชื่อมากกกกก
เดี๋ยวพัตต้องเก็บของแล้ว เอาไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรหาอีกที
หกโมงเย็นไปรับนะ

เผด็จการรรรร
แต่ก็...


จะรอ ^^

ก็น่ารักซะแบบเนี้ย ผมส่งสติกเกอร์หัวใจให้เขากลับไปก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้แล้วเก็บของที่ซื้อมาให้เรียบร้อย อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องไปที่สนามบินแล้ว กลับถึงไทยผมจะนอนยาวเลย นั่งเครื่องถึงจะไม่นานมากแต่ก็เหนื่อยครับ ไม่สบายเหมือนอยู่ที่บ้านเฉยๆหรอก


.............................................................


“จะไปร้านอะไรทำไมต้องดูลึกลับขนาดนี้ด้วย”

ไปรับหมอฟันมาจากคอนโดโดยที่ไม่ได้บอกเขาเลยว่าจะพาไปร้านอะไร หรืออยู่ที่ไหน ร้านเพื่อนผมเป็นร้านอาหารไทยที่บรรยากาศดีมากๆเพราะติดริมแม่น้ำด้วย นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ไปแล้วก็ไม่ได้เจอเพื่อนเนื่องจากว่ามันเรียนคนละที่ พึ่งได้คุยกันก็ตอนโทรไปจองร้านนี่แหละ บ่นให้ผมใหญ่เลย ถ้าไอ้กิมกับไอ้จีนรู้ว่าผมจะพามาวินมาร้านไอ้ดราฟพวกมันต้องตามมาแน่ๆ เพราะฉะนั้นต้องเลือกที่จะไม่บอกพวกมัน

“ไม่พาไปขายหรอกน่า กลัวอะไร”

“คนแถวนี้หน้าตาไม่น่าไว้ใจไง อีกไกลไหมอ่ะพัต...หิว”

ดูเขา ไม่หิวไม่ใช่วินเดือนทันตะนะครับ ทั้งที่ก่อนออกมาก็กินขนมที่ผมซื้อมาฝากแล้วแท้ๆ เพราะไม่รู้จะซื้ออะไรเลยหอบของกินหลากหลายอย่างจกานู้นมาให้ซะเลยและหมอฟันก็ถูกใจมาก

“กินขนมจนจะหมดรถยังหิวอีกเหรอหืม”

“ขนมไม่ใช่ข้าวนี่นา ตอนนี้หิวข้าว” เชื่อเขาเลย กระเพาะสามารถแยกอาหารได้หลายประเภทจริงๆ กินอันนี้อิ่มใช่ว่าจะกินอีกอันอิ่มนะ เป็นประเภทๆไป

“ครับๆ รอแป๊บนึงครับ อีกไม่ไกลแล้วครับ” คนหิวยู่ปากใส่เมื่อรู้ว่าผมแกล้งพูดเพราะประชดเขา

“ให้เร็วเลย” ผมส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะหันกลับมาสนใจการขับรถแทนหน้าหวานๆนั่น เพราะว่ามันอยู่ค่อนข้างชานเมืองบรรยากาศก็เลยดี แต่กว่าจะมาถึงก็ใช้เวลาพอสมควรครับ ถึงร้านก็เกือบๆทุ่มครึ่งเลย

“ไม่เจอกันนานนะมึง แล้วนี่พาใครมา” ทันที่เห็นหน้าเพื่อนผมก็ทักเรื่องวินทันที สายตากรุ้มกริ่มอย่างไม่ปิดบังว่ามันต้องเล่นอะไรผมแน่ ไอ้ดราฟขี้แกล้งจะตาย

“เพื่อน...วินนี่ดราฟเพื่อนพัตตั้งแต่มัธยม ส่วนนี่วิน” ผมชิงตอบออกไป ซึ่งวินก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร แค่ก้มตัวให้เพื่อนผมเป็นเชิงทักทายพร้อมรอยยิ้มประจำของเจ้าตัว

“สวัสดีครับ”

“หวัดดีครับ”

ทักทายเสร็จก่อนจะหันไปสนใจบรรยากาศโดยรอบเช่นเดิม ดี้ด้าตั้งแต่ขับรถเข้ามาในพื้นที่ร้านอาหารแล้วครับ อาการเด็กเจอของเล่นออกทันที

“เพื่อนแน่เร๊อ”

“อย่ากวนไอ้เหี้ย เดี๋ยวกูไปกินข้าวก่อนเสร็จแล้วจะมาคุยด้วย”

ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่หรอกครับแต่คนที่มาด้วยนี่สิดูท่าจะไม่ไหวเพราะบ่นมาตลอดทาง เดี๋ยวผมจัดการเรื่องของตัวเองเสร็จเมื่อไหร่ค่อยออกมาหามันก็ไม่สาย อีกอย่างรีบถอยก่อนจะโดนไอ้ดราฟเล่นหนัก

“โอเค ตามสบายครับคุณพัต”

ผมส่ายหน้าให้ไอ้เจ้าของร้านก่อนจะจับมือคนที่มัวแต่มองนั่นมองนี่ให้ไปที่โต๊ะ จองโต๊ะไว้มุมที่เป็นส่วนตัวเป็นพิเศษ แล้วก็จองทั้งโซนไว้เลยเพื่อความเป็นส่วนตัว ที่ติดแม่น้ำพอนั่งแล้วลมเอื่อยๆก็พัดมาให้ได้สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์

“พัตสั่งอาหารไว้แล้ว วินอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม”

ที่จริงผมสั่งอาหารตั้งแต่ที่โทรมาจองแล้วว่าจะเอาอะไรบ้าง บอกให้เขาเตรียมไว้ว่าจะมาถึงที่นี่ประมาณไหน พอมาถึงจะได้ไม่ต้องรอนาน

“เอาไว้ค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ น่าทานทั้งนั้นเลย” อีกคนก็เปิดดูเมนูอย่างสนอกสนใจพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา

“เจ้าของร้านเป็นเพื่อนพัตเหรอ ร้านบรรยากาศดีมากเลย” หมอฟันถามออกมาเมื่อตัดสินใจวางเมนูลงได้แล้ว แอบเห็นแล้วด้วยว่าเขาเล็งอะไรไว้บ้างเพราะเจออะไรที่ถูกใจเขาก็จะจิ้มลงไปพร้อมพูดพึมพำกับตัวเอง

“เป็นเพื่อนตอนมัธยมน่ะ มันชอบการทำอาหารแล้วก็ทำอร่อยมาก เคยไปเป็นเชพที่โรงแรมตั้งแต่มอห้าแล้ว จนขึ้นปีหนึ่งแม่มันก็ยอมเปิดร้านให้เพราะมันยอมเรียนวิศวะตามที่ที่บ้านอยากให้เรียน นี่พัตก็ไม่ได้มาที่ร้านมันซักพักแล้วเหมือนกัน อร่อยจนต้องอยากมาอีกรับรอง”

ไอ้ดราฟมันทำอาหารอร่อยจริงๆครับ ส่วนโรงแรมที่มันไปทำงานก็เป็นโรงแรมของบ้านผมเอง  ส่วนเชฟที่ร้านนี้ก็ถูกคัดสรรมาอย่างดีกว่าที่จะเข้ามาทำงานที่นี่ได้ เชื่อฝีมือได้ทุกคนว่าทำอร่อยทุกอย่าง

“เก่งจังเนอะ อายุแค่นี้ก็มีร้านของตัวเองแล้ว คนเยอะด้วย ที่จอดรถเกือบไม่พอแหนะ”

เกือบไม่มีที่จอดรถจริงๆครับ ดีที่ว่าผมสั่งมันล็อคที่ไว้ให้แล้ว แล้วที่เหมาโซนวันนี้ก็โดนมันบ่นชิบหายว่าขาดลูกค้าไปหลายราย ทั้งบรรยากาศและรสชาติอาหารบอกเลยว่าไม่แปลกที่คนจะเยอะขนาดนี้ บางทีว่างๆผมกับไอ้กิมไอ้จีนยังเคยมาช่วยงานที่ร้านเลย

“โอ๊ะ อาหารมาแล้ว” ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อพอเดือนทันตะเห็นอาหารถูกเสิร์ฟมาที่โต๊ะเท่านั้นแหละ ตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าแล้ว มีการหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปด้วย

“น่ากินมากเลย”

“น่ากินก็กิน บ่นว่าหิวมาตลอดงั้นก็ต้องกินให้เดินกลับไม่ได้เลย กลิ้งกลับเหมือนหมูเลยดีไหม”

“แน่นอน เราจะกินให้คนแถวนี้ต้องแบกกลับบ้านเลยแหละ”

พูดแล้วก็พร้อมทำ คนตัวเล็กทานนู้นทานนี่ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าโคตรมีความสุข นี่อาหารพวกนี้ทำให้เขามีความสุขมากกว่าผมอีกนะเนี้ย งี้ถ้าผมขอเป็นแฟนควรจะขอเขาด้วยการบอกว่าสามารถมากินข้าวที่นี่ฟรีตลอดไปเลยดีไหม==

“อันนี้อร่อยมากเลย” มีแก่ใจตักให้ผมด้วย เป็นปลาช่อนลุยสวนครับ ปลานี่ตัวโคตรใหญ่อ่ะ แล้วดูเหมือนว่าวินเขาจะชอบเป็นพิเศษเห็นตักจานนี้บ่อยมากๆ ดูท่าแล้วว่าเขาจะชอบกินปลา

“ชอบกินปลาเหรอ” ผมลองถามเขาออกไป

“อืม ก็ชอบนะ ชอบปลาทอดตัวใหญ่ๆเป็นพิเศษ แต่ก็กินได้แค่บางชนิด อย่างปลาดุกเราไม่ชอบส่วนปลาตัวเล็กๆไม่กินเลย”

ข้าวจานแรกหมดไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะเติมข้าวจานที่สองพร้อมกับพูดกับผม พอได้กินอาหารอีกก็เลิกสนใจผมเช่นกัน ซึ่งผมก็ชินแล้วล่ะ นั่งกินของตัวเองไปเงียบๆโดยตักให้วินบ้างวินตักให้ผมบ้างจนอาหารตรงหน้าหมดไป

“อยากกินของหวานจัง” พูดไปพร้อมกับเปิดเมนูของหวาน พนักงานเดินมาเคลียร์โต๊ะให้เสร็จแล้วครับ คือมาสองคนกินเหมือนมาสี่คน

“พัตเอาไรดีอ่ะ เราอยากกินทุกอย่างเลย”

“หึหึ แล้วแต่เลยครับ อยากกินอะไรก็สั่งมา” พอผมตอบวินก็กลับไปดูเมนูในมืออีกพร้อมกับอยู่ในความคิดของตัวเอง ดูท่าว่าเขาจะลำบากใจมากเพราะอยากกินหลายอย่าง

“งั้นเอาสาคูลข้าวโพด กล้วยบวชชี แล้วก็ข้าวเหนียวมะม่วงครับ” พนักงานรับออร์เดอร์แล้วก็เดินออกไป ดูเขาสั่งสิ เยอะไปไหน แต่ใช่ว่าจะกินไม่หมดนะ เชื่อเลยว่าหมดแน่นอน

“เอ้อ แล้วทำไมวันนี้ถึงพามากินข้าวถึงนี่เลยล่ะ มีอะไรรึเปล่า” และหมือนว่าคนตัวเล็กจะพึ่งนึกสงสัย

“ก็...มีนิดหน่อย” ได้ยินดังนั้นวินก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที ที่รู้เพราะตาโตๆนั่นฟ้องทุกอย่าง

“อะไรอ่ะ สำคัญมากถึงต้องมานี่เลยเหรอ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรบอกเราได้ไหม”

“เอาไว้ถึงเวลาก็รู้เอง นั่น...ของหวานมาแล้ว” เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เบนความสนใจอีกคนได้ดีผมรู้ พนักงานก็ช่างรู้จังหวะดีเหลือเกิน พอของกินมาวางอยู่ตรงหน้าโลกทั้งใบของหมอฟันเขาก็มีแค่นั้นแล้ว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตาโตอย่างชอบอกชอบใจอยู่นั่น เหมือนผมเลี้ยงเด็กไม่มีผิด

“กินแล้วน้าา” ไม่ได้พูดกับผมหรอกครับ เขาพูดกับของหวานตรงหน้า พอพูดเสร็จก็ค่อยๆตักข้าวเหนียวมะม่วงเข้าปากก่อนที่หน้าหวานๆจะยิ้มเผล่ออกมา จากนั้นก็เริ่มตักอีกสองอย่างที่เหลือกินไปเรื่อยพร้อมกับยิ้มอยู่ตลอด ผมมองด้วยความอ่อนใจกับความเด็กของเขา ส่วนตัวเองก็ชิมนู้นชิมนี่บ้างแต่ก็นิดหน่อยเพราะไม่ชอบของหวานเท่าไหร่อยู่แล้ว ซึ่งต่างจากอีกคน เวลาต่อจากนั้นผมก็ไม่ได้เป็นที่สนใจของเขาจนทุกอย่างบนโต๊ะเกลี้ยงหมดนั่นแหละ

“ฮ้า อิ่มจัง” กินขนาดนั้นไม่อิ่มก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว แต่ผมก็ชอบนะที่เห็นเขามีความสุขกับมัน แค่วินมีความสุขไม่ว่าจะเรื่องใดก็ให้เขาทำเถอะ ผมชอบที่เห็นเขายิ้ม และยิ่งรู้สึกดีมากถ้ามันมาจากผมเองที่ทำให้เขายิ้มได้

“ชอบที่นี่ไหม” ผมถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

“ชอบสิ ชอบมากกกก...ชอบทุกอย่างเลย ทั้งอาหาร ของหวาน บรรยากาศ” คนพูดพูดไปพร้อมกับยิ้มจนตาปิด ความสุขฉายชัดออกมาจนผมสัมผัสได้

“แล้วคนที่พามาล่ะ...ชอบไหม” วินชะงักไปทันทีที่ผมพูด ผมไม่มีพิธีการอะไรมากที่จะพูดหรอกครับ ไม่มีดอกไม้ช่อใหญ่ ไม่มีของขวัญ ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีเพียงความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองที่จะให้เขา ผมแค่พูดออกมาตอนนี้เพราะอยากพูดแล้ว

“แต่พัตชอบนะ...” ดูเหมือนว่าวินจะอึ้งไปทันที ผมไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาพูดอะไรเพราะคิดว่าผมต่างหากที่เป็นฝ่ายควรจะพูด เพราะฉะนั้นให้เขานั่งฟังอย่างเดียวก็พอ สิ่งที่วินจะต้องพูดมีแค่แค่คำเดียวเท่านั้นแหละ

“ที่ผ่านมาที่คุยมาตลอดไม่ได้แค่คุยเฉยๆ ไม่ได้คิดแค่เพื่อน การกระทำอาจจะสำคัญกว่าคำพูด...แต่มันคงชัดเจนกว่าใช่ไหมที่จะได้ยินในสิ่งที่ยังไม่แน่ใจ”

“...”

“พัตชอบวินนะ ชอบมานานจนตอนนี้ไม่ใช่แค่ชอบแล้ว...”

“...”

“...”

“...”

เป็นแฟนกันไหม เป็นแฟนกับพัต...

ไม่มีคำพูดสวยหรู ไม่มีดินเนอร์แสนหวาน ไม่มีความโรแมนติค...ผมไม่ได้เตรียมคำพูดอะไรมาซักนิด หนึ่งประโยคที่คิดก็แค่คำว่าเป็นแฟนกันนะ สิ่งที่เอ่ยออกไปทั้งหมดล้วนมาจากวามรู้สึกที่อยากพูดในตอนนี้ ทั้งที่ใจสั่นจนจะบ้าเพราะไม่รู้ว่าคำที่จะออกจากปากอีกคนตอนนี้คือคำว่าอะไร มันอาจจะเป็นคำปฏิเสธที่ผมไม่อยากฟังหรืออาจจะเป็นคำที่ผมคาดหวัง และผมไม่สามารถเดาได้จากคนที่นั่งนิ่งสนิทในตอนนี้ซักนิด เขานิ่งจนมือผมเริ่มเย็นเฉียบ

เวลาผ่านไปชั่วครู่แต่กลับนานเหลือเกินในความรู้สึกขณะที่เราสบตา ก่อนที่ผมจะเห็นวินสูดหายใจลึกแล้วปากบางๆก็ขยับเอื้อนเอ่ย

และมันเป็นวินาทีที่ผมตื่นเต้นสุดหัวใจ...

“ไม่ให้เราตั้งตัวเลย ไม่โรแมนติกด้วย คิดจะขอก็ขอตรงๆอย่างนี้อ่ะนะ...”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
แต่ยังไงเราก็ตกลงอยู่ดี: )” กลายเป็นผมซะเองที่อึ้งไปสนิทเมื่อคนตรงหน้าพูดออกมา

มะ เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ ผมหูฝาดไปรึเปล่า!

“วะ วินพูดว่าอะไรนะ”

“ตกลงไง ก็พัตขออะไรเราล่ะ”

หมับ

พอได้ยินชัดอีกทีผมก็ไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปสวมกอดคนที่ยังนั่งอยู่ทันที ซบหน้ากับไหล่บางให้สัมผัสจากคนตัวเล็กบอกว่าผมไม่ได้ฝันไป

“ดีใจ ดีใจที่สุดเลยนะ ดีใจที่วินตกลง” ผมรัดคนที่อยู่ในอ้อมกอดแน่นพร้อมกับโยกตัวเบาๆอย่างดีใจ มันบรรยายความรู้สึกตอนนี้ไม่ถูกเลย เหมือนโดดจากที่สูงแล้วเจอเบาะรองนิ่มๆประมาณนั้นล่ะมั้ง ดีใจจนอยากจะโดดลงแม่น้ำอยู่แล้ว

“พอแล้ว...เราจะหายใจไม่ออกแล้วนะ อายคนอื่นด้วย” ผมผละออกมามองคนที่นั่งอยู่ก่อนจะคุกเข่าลง วินมองไปรอบๆบ้างมองหน้าผมบ้างทั้งที่ตรงที่เรานั่งค่อนข้างห่างไกลจากผู้คนพอสมควร ใบหน้าหวานขึ้นสีจัดราวกับเป็นไข้และผมรู้ว่านั่นคืออาการของคนเขินซึ่งผมเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

พัตรักวินนะ” ผมจับมือสองข้างที่อยู่บนตักของวินแล้วบีบเบาๆ พูดคำสี่คำนั้นด้วยความมั่นคงและด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาที่ผมทำได้แค่มาตลอดวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ในที่สุดผมก็มีสิทธิ์ที่จะบอกคำๆนี้กับเขาซะที

ระ เราก็...รัก” แม้คำสุดท้ายจะเบาจนมากแต่ผมก็ยังได้ยิน คนพูดทั้งเสียงสั่นทั้งหลบตา หัวใจของผมที่เต้นรัวยิ่งทำงานหนักขึ้นไปอีก

“ดีใจจนอยากโดดลงน้ำแล้วเนี้ย”

“เวอร์! กลับไปนั่งเก้าอี้ได้แล้ว...เร็ว” แฟนบอกก็ต้องทำตาม ผมลุกขึ้นยืนแล้วกลับมานั่งที่ตัวเองตามเดิม มองหน้าคนที่ดวงตาหลุกหลิกไปมาอย่างจับจ้อง

“ทำอะไรฉลองการเป็นแฟนกันดี” นึกขึ้นได้ว่าผมทำทุกอย่างอย่างธรรมดาไปหมด โอกาสพิเศษควรจะมีอะไรที่พิเศษบ้างใช่ไหม

“จะทำอะไรเล่า เรื่องแค่นี้เอง” ใช้คำว่าเรื่องแค่นี้เองทั้งที่หน้าคนพูดยังแดงไม่หาย

“อืม...เรามาถ่ายรูปกันดีกว่า” ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่าวันพิเศษอย่างนี้ก็ควรจะมีการบันทึกภาพแห่งความทรงจำ เคยเห็นพวกเพื่อนๆอัพสเตตัสในเฟสบุ๊คหรือลงภาพในไอจีเนื่องในวันต่างๆคงจะเป็นธรรมดาที่ผมจะทำบ้าง กล้องเกลิ้งอะไรก็ไม่ได้เตรียมมา ใช้โทรศัพท์มือถือตัวเองนี่แหละถ่าย

“เอามือมาเร็ว” บอกอีกคนที่ยังนั่งงงๆอยู่

“เอาไปทำไมอ่ะ”

“เอามาก่อน เดี๋ยวก็รู้” แม้จะยังงงแต่หมอฟันก็ยอมยื่นมือมาหามือผมที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมจับมือที่เล็กกว่ามากแล้วกดชัตเตอร์ไปสามสี่ภาพ ก่อนจะเลื่อนกล้องขึ้นไปถ่ายหน้าอีกคน “ยิ้มเร็ว”

“ห๊ะ ไม่เอาอ่ะ หน้าเราไม่โอเคเลย”

“น่ารักแล้ว เร็วดิ ไม่งั้นถ่ายแบบไม่ตั้งตัวยิ่งแย่กว่าเดิมนะ” พูดขู่เขาไปด้วยเมื่ออีกฝ่ายงอแงไม่ยอมถ่าย ผมก็ไม่เห็นว่าจะแย่อะไร ตอนไหนเขาก็น่ารักทั้งนั้นแหละ

“ก็ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเราถ่ายพัตบ้าง” ยู่ปากใส่กล้องก่อนจะตั้งตัวดีๆแล้วยิ้มหวาน ผมกดชัตเตอร์ตั้งแต่ที่เขายู่ปากแล้วครับ นับไม่ได้เหมือนกันว่ากดไปเท่าไหร่ พอพอใจแล้วก็ลดโทรศัพท์ในมือลง

“มาเลย ให้เราถ่ายพัตบ้าง” เจ้าตัวล้วงโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง เปิดกล้องแล้วก็ถ่ายรูปมือเราที่ยังจับกันก่อนจะเบนกล้องมาทางหน้าผม

“ไม่เอาดิ ถ่ายแค่วินก็พอแล้ว” ผมเป็นพวกไม่ค่อยชอบถ่ายรูปซักเท่าไหร่ เซลฟี่ตัวเองนี่แทบจะนับครั้งได้ ส่วนมากโดนคนอื่นถ่ายทีเผลอมากกว่า หลักๆเลยก็ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองคน

“ทีเรายังยอมให้ถ่ายเลยอ่ะ ขี้โกงเหรอ ให้เราถ่ายเดี๋ยวนี้นะ” ผมยังคงเอามือปิดหน้าหลบกล้องไว้อย่างนั้น ก็มันไม่ค่อยชินนี่นาที่ต้องมานั่งให้คนอื่นถ่ายรูปตัวเอง ไม่รู้ต้องทำหน้ายังไง

“แค่นี้ก็ยอมให้เราไม่ได้ใช่ป๊ะ” นั่นไง ก็ทำเสียงน้อยใจขนาดนี้เป็นใครจะไม่ยอมวะ สุดท้ายก็เลยต้องยอมเอามือที่บังหน้าออก

“โอเค ยอมๆ” คนตรงหน้ายิ้มแฉ่งออกมาทันทีพร้อมกับบอกให้ผมยิ้มกว้างๆแล้วมองกล้อง เห้อ เอาตรงๆคือโคตรไม่ชินแต่ผมก็มีเทคนิคพิเศษล่ะนะ

นั่นก็คือคิดว่ายิ้มให้กับคนที่อยู่หลังกล้อง ให้เปรียบเสมือนว่าเลนส์ที่ต้องมองเป็นดวงตาโตๆของวิน แค่นี้ภาพที่ออกมาก็คงไม่ดูแย่ล่ะมั้ง ก็หมอฟันเขาบอกใช้ได้นี่

“วิน”

“หืม?” ผมเรียกชื่อเขาเมื่ออีกคนเอาแต่ดูรูปในโทรศัพท์ คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองผมอย่างที่บอกว่าเรียกทำไม

“จะไม่ปล่อยมือหรอกนะ” มองไปที่มือหนึ่งคู่ที่จับกันอย่างบอกว่าผมหมายถึงอะไร มือที่ผมใฝ่ฝันจะจับมาตลอดมาวันนี้ที่ความฝันเป็นจริงผมจะไม่มีทางปล่อยเขาไปไหนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เหตุผลเดียวที่จะทำให้ผมปล่อยคืออีกฝ่ายไม่รักผมแล้ว ถ้าวินหมดความรู้สึกนั้นผมก็จะไม่รั้งเขาไว้เลย แต่ถ้าไม่ใช่เหตุผลนี้ต่อให้ผมตายก็จะไม่มีวันปล่อยมือเล็กๆคู่นี้แน่

แล้วใครจะยอมให้ปล่อย” วินบีบมือผมตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มกว้าง ประโยคที่อีกคนเอ่ยน่ารักจนอยากเข้าไปฟัดชะมัด





ตอนนี้เวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดเลย.




TBC.

ตามนั้นค่ะเลยค่ะ เป็นแฟนกันแล้วววว :mew3: :mew3: คนแต่งขอตัวไปอ่านหนังสือแล้วค่ะ อู้มาหลายชม. :mew5: :mew5: ช่วงนี้เค้าสอบอาจมาช้าอย่าลืมกันนะ :mew2: :mew2:

**ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์มากๆค่ะ(คอมเม้นต์คือกำลังใจจจจจ ชอบอ่านแบบยาวๆมากเลยนะ ใครเม้นต์มายาวๆรักตายเยยยยย) :mew1: :mew1:




https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/timeline/?ref=aymt_homepage_panel
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่7 21/09/2558(20.10) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 21-09-2015 20:25:07
เป็นแฟนกันแล้วววววววว
งานนี้นี่ งานกินเป็นหลักนะ ขอเป็นแฟนเรื่องรอง
5555555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่7 21/09/2558(20.10) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 21-09-2015 20:31:46
เป็นแฟนกันแล้ว ไม่โรแมนติคแต่อบอุ่น
ขอแซวหมอฟันหน่อย เห็นของกินทีไรวินลืมพัตทุกที 5555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่7 21/09/2558(20.10) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: kub_kwonny ที่ 22-09-2015 11:37:59
อิจฉาอะ เขิน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่7 21/09/2558(20.10) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-09-2015 15:18:58
น่ารักอ่ะทั้งพัตทั้งวิน พัตมั่นคงมากแอบชอบวินมาตั้งนานไม่มีวอกแวกอีกด้วย
คบกันแล้วก็หนักแน่นให้มากๆนะ กลัวเรื่องมือที่สามจัง
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่7 21/09/2558(20.10) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 22-09-2015 15:56:19
:m3: ให้อาหารเป็นพยานรัก~~
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่7 21/09/2558(20.10) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-09-2015 17:24:34
 :n1: จับอย่าปล่อยน่ะมือ  หน้าบานเฉ่งแล้วตอนนี้
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่7 21/09/2558(20.10) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 22-09-2015 17:58:59
โอ้ยยยย น่ารักไปอีก
กระเเสจะครึกโครมขนาดไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่7 21/09/2558(20.10) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-09-2015 19:24:05
งืออ น่ารักมากเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่7 21/09/2558(20.10) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 22-09-2015 21:13:18
เค้าเป็นแฟนกันแล้ว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่7 21/09/2558(20.10) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 23-09-2015 21:46:25
บอกได้คำเดียว "อิจฉา"
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 28-09-2015 00:06:31

ตอนที่ 8

หลังจากที่ไปส่งแฟนหมาดๆที่คอนโดเสร็จก็กลับมาที่คอนโดตัวเองบ้าง พอถึงห้องก็อาบน้ำเรียบร้อยมานอนเล่นดูรูปที่ถ่ายวันนี้แล้วก็ยิ้มออกมา นิ้วมือกดเข้าไปในแอพที่เอาไว้อัพรูปภาพอย่างไอจีและทันทีที่รูปถูกอัพลงบนโลกของโซเชียลมีเดียก็มียอดคนกดไลค์และยอดฟอลโลว่เพิ่มขึ้นมากมายจนผมแปลกใจ แน่นอนว่าที่พลาดไม่ได้เลยก็คือคอมเม้นต์จากเพื่อนทั้งสอง

GimKN อุ๊ย มือใครครับๆ

Jean1912 @GimKN ไม่น่าถามว่ามือใคร ควรถามว่ายังไง @PatPithan

@GimKN มือกู

@Jean1912 ก็ไม่ยังไง ตามนั้น

ผมลงแค่รูปภาพพร้อมแคปชั่นแฮชแท็กวันที่ลงไป ไม่ได้แท็กเจ้าของมืออีกมือด้วยซ้ำไป ให้รู้แค่ว่าวันนี้เป็นวันที่สำคัญของเราสองคน มีคอมเม้นต์จากคนอื่นที่ผมไม่รู้จักอีกเกือบ100คอมเม้นต์ เลื่อนอ่านเรื่อยๆก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ทั้งที่เราไม่ได้รู้จักกันแต่คนเหล่านั้นก็ยังเข้ามาพูดคุย ซึ่งส่วนมากใต้ภาพนี้ก็จะมีแต่ข้อความประมาณว่ามีแฟนแล้วเหรอ เสียดายจังที่มีแฟน อิจฉาคนในรูปบ้าง และที่เยอะที่สุดคือการถามว่ามือใคร

หึ ก็มือคนที่ผมกำลังตอบไลน์อยู่นี่ไง มือของแฟนหมาดๆ

ชิงอัพรูปก่อนเราได้ไงงงงง

สงสัยจะเห็นแล้ว ฮ่ะๆ เดือนทันตะเขายังไม่ได้อัพรูปอะไรครับทั้งเฟซและไอจีเพราะผมไปส่องมาแล้ว พอเขาไม่อัพผมเลยอัพก่อนไง

ใครบอกให้ช้า
:P

หืยยย เดี๋ยวเราอัพบ้างดีกว่า

แคปชั่นไปเลยดิว่ามีแฟนแล้ว

บ้า!
ทีตัวเองยังไม่เห็นอัพแคปชั่นนี้เลย

ให้อัพไหมล่ะ?

ผมไม่อะไรอยู่แล้ว ให้อัพตอนนี้เลยก็ได้ อัพรูปคู่เลยก็ได้ แต่ที่เลือกลงภาพนั้นเพราะผมชอบภาพที่แสดงความรู้สึกด้วยการกระทำ ให้ภาพมันบรรยายตัวของมันเอง ภาพที่เราจับมือกันมันมีความหมายในตัวหลายๆอย่างสำหรับผม

ไม่เอาหรอก
ให้รู้สองคนพอ
ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศนี่เนอะ
^^

คำพูดคำจาน่ารักอีกแล้ววะ...ผมส่งสติกเกอร์หัวใจไปให้วินก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายไปนอนเพราะกลับมาก็ค่อนข้างเหนื่อยแล้วอยากให้เขาได้พักผ่อน กว่าจะออกจากร้านก็ตอนสี่ทุ่ม ไอ้ดราฟแหละมัวแต่รั้งไว้อยู่นั่นเลยเสียเวลา ตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงคืน พรุ่งนี้มีเรียนกันด้วย

บอกแต่เราพัตก็เหมือนกันนั่นแหละ
นอนได้แล้วเหมือนกันนะ

ครับ
เดี๋ยวก็จะนอนแล้ว
ฝันดีนะแฟน : )

ย้ำอีกที ผมเห่ออ่ะ ใครจะทำไม?

>//////<
ฝันดี <3

ผมยิ้มเมื่อนึกถึงแก้มแดงๆของอีกฝ่ายก่อนจะออกจากโปรแกรมไลน์ตามที่วินบอกให้ไปนอน แต่ก็ขอเช็คไอจีอีกคนก่อนวินพึ่งจะอัพรูปไปเมื่อเกือบสิบนาทีที่แล้ว เป็นภาพที่เราจับมือกันแต่ถูกถ่ายจากฝั่งเขาพร้อมกับแคปชั่นแฮชแท็กแค่วันที่เช่นเดียวกับผม แน่นอนว่าโดนถล่มไลค์และเม้นต์ไม่ต่างกัน

เป็นวันที่มีความสุขที่สุดที่สุดในชีวิตอีกวันนึง ทางข้างหน้าไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรหรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อคือการที่ผมจะจับมืออีกคนเดินไปด้วยกันได้เรื่อยๆ ไม่สัญญาว่าจะเป็นตลอดไป แต่จะทำทุกๆวันที่มีวินให้มีความหมายที่สุด...








Win Part


“เป็นแฟนกันไหม เป็นแฟนกับพัต...”


ผมรอเขาพูดประโยคนี้มานานแค่ไหนนะ อาจจะเรียกได้ว่านั่นคือความฝันมาตลอดเลยก็ได้...





“แอบมีรูปพัตถาปัตย์เหรอวิน!”

“อ๊ะ...ปะ เปล่านะ!” ผมปฏิเสธเสียงแข็งทั้งที่หลักฐานก็มีอยู่คาตา ผมแค่จะเปิดรูปงานที่ถ่ายมาดูแล้วดันเผลอเลื่อนไปเจอรูปของใครอีกคนที่อยู่ในโทรศัพท์ และผมก็ไม่ได้ระวังตัวเพราะนึกว่ามายด์ไม่ได้มอง งือ มายด์เห็นหมดแล้ว

“ไม่ต้องมาปฏิเสธหรอกน่า วินจะชอบพัตก็ไม่เห็นจะแปลกเลย หน้าตาดีออกซะขนาดนั้นใครๆก็ชอบ นี่ถ้าเรายังไม่มีแฟนเราก็อาจจะชอบพัตบ้างก็ได้ คิกคิก” เพื่อนสนิทหัวเราะคิกคัก ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อเช็คว่าไม่มีใครได้ยินสิ่งที่เราพูดแล้วก็โล่งใจ

“ไม่ได้ชอบที่หน้าตาซะหน่อย...” ผมพูดเสียงอ่อยออกมา มายด์ตาโตก่อนจะขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม

“แสดงว่าต้องมีอะไรมาก่อนแล้วใช่ไหม ชอบมาตั้งแต่ตอนไหนเนี้ย” หลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนที่มองมาอย่างเขินอาย ผมไม่กล้าบอกใครหรอกว่าชอบเขามานานแค่ไหนแล้ว...

“มะ ไม่เอา ไม่พูดแล้ว...ไปหาอาจารย์กันได้แล้วมายด์” รีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเพื่อหวังวาจะรอดพ้นจากสถานการณ์ตรงนี้ กำลังจะลุกหนีเอาตัวรอดแต่มายด์ก็ไวกว่า คว้าแขนไว้แล้วดึงให้นั่งลงตามเดิม TT

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะวิน ชอบเขาทำไมไม่บอกเขาล่ะ เพื่อนมายด์น่ารักขนาดนี้พัตต้องหวั่นไหวบ้างแหละ”

“มะ ไม่เอา...เราไม่กล้าหรอก อีกอย่างพัตเขาคงไม่ชอบแบบเรา มีคนที่ให้เขาเลือกตั้งเยอะแยะ” ทำไมจะไม่รู้ว่ามีคนชอบเขาเยอะมากแค่ไหน เพื่อนในสาขาหลายคนก็เคยเอ่ยถึงเขาเพราะความหน้าตาดี แต่สิ่งที่ทำให้ผมชอบเขามันไม่ใช่เหตุผลนั้น
พัตเป็นคนใจดี...

“เยอะแยะแล้วไง วินน่ารักจะตาย ใครเห็นใครก็ชอบทั้งนั้นแหละ...ทีวินมีคนเข้ามาจีบตั้งเยอะยังเลือกชอบพัตเลยไม่ใช่เหรอ” ผมลังเลกับเหตุผลของเพื่อนนิดหน่อย แต่เมื่อคิดดูดีๆแล้วก็พบว่ายังไงมันก็เป็นไปได้ยากอยู่ดี

“ช่างมันเถอะมายด์ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว...ไปหาอาจารย์กันดีกว่า” คราวนี้ไม่ยอมให้เพื่อนจับแขนไว้ได้อีก ผมเดินจากม้าหินอ่อนขึ้นไปยังตึกเรียนของตัวเองทันทีเพื่อไปคุยกับอาจารย์เรื่องงาน ให้อีกคนส่งเสียงมาว่ารอด้วยไล่หลังมา


ถ้าถามว่าชอบพัตตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงชอบน่ะเหรอ?


ก็ตั้งแต่ตอนนั้นล่ะมั้ง...ตอนที่ผมอยู่ม.6


ผมกำลังจะไปหาแม่ที่ร้านเพราะวันนั้นอาจารย์มีประชุมเลยเลิกครึ่งวัน จะโทรบอกแม่แบตโทรศัพท์ก็ดันหมด ผมตัดสินใจเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเพราะถ้านั่งแท็กซี่ไปรถจะติดมากๆเลยเนื่องจากตรงนั้นเป็นแหล่งห้างสรพพสินค้า นั่งรถไฟฟ้าไปสะดวกเร็วแถมยังถูกกว่าด้วย

แต่เนื่องจากว่าจากโรงเรียนไปสถานีของรถไฟฟ้าก็ไกลพอสมควรแต่วันนี้ไม่ได้รีบอะไรจึงตัดสินใจค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ ฟ้าฝนก็ครึ้มเหมือนจะตกอยู่รอมร่อเลยได้แต่ภาวนาว่าขอให้ถึงสยามก่อนค่อยตกเพราะผมไม่ได้เอาร่มมา แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่เป็นใจเพราะในระหว่างทางที่อีกไม่ไกลนักที่จะถึงฝนก็ตกราวลงมากับฟ้ารั่ว

แล้วสองข้างทางก็เป็นแค่ฟุตบาทไม่มีที่พักพิงหลบฝน แม้ผมจะพยายามวิ่งให้เร็วแค่ไหนกว่าจะถึงสถานีรถไฟฟ้าตัวก็เปียกไปเกือบจะทั้งตัว สองมือกอดกระเป๋าแน่นเพราะกลัวหนังสือและสมุดเรียนจะเปียก ผมก็ลู่ลงแนบหน้าจนแทบมองไม่เห็นทาง ตัวสั่นน้อยๆเพราะความหนาว

พอเข้ามาในรถไฟฟ้ายิ่งหนักกว่าเดิมเมื่อข้างในนั้นหนาวมากทั้งด้วยอากาศข้างนอกเลยทำให้ดูเหมือนว่าในรถไฟฟ้าหนาวกว่าปกติ ผมกอดตัวเองแน่นนั่งลงมุมสุดที่เก้าอี้ตัวสุดท้ายของขบวน มีคนบางตามากกว่าเสาร์อาทิตย์ค่อนข้างมากและยิ่งในสภาพอากาศแบบนี้ที่คนคงไม่อยากออกไปไหนเลยทำให้ตอนนี้ผู้คนไม่ค่อยเยอะ

น้ำยังคงหยดจากผมที่แนบหน้าอยู่เรื่อยๆ ปากกระทบกันดังกึกๆด้วยความหนาว

เมื่อไหร่จะถึงสยามนะ...

ตอนนั้นผมได้แต่คิดแบบนั้น แล้วอยู่ดีๆก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสื้อกันหนาวตัวใหญ่พาดมาคลุมตัว

พรึบ

ผมหันไปมองคนที่นั่งข้างๆอย่างแปลกใจทันที เขาอยู่ในชุดนักเรียนของโรงเรียนชายล้วนชื่อดัง...

“ให้ยืมก่อน” อีกฝ่ายพูดเท่านั้นแล้วก็เสียบหูฟังเข้าที่หูเช่นเดิม ผมอึ้งไปเมื่อได้สบสายตาคมผ่านเส้นผมที่ปรกหน้าอยู่ ทั้งที่ควรสงสัยควรตกใจแล้วคืนเสื้อเขาไปแต่มือกลับกระชับเสื้อเข้าหาตัวด้วยความหนาวพร้อมใจที่เต้นแรง คำพูดหายไปไหนหมดก็ไม่รู้

ผมควรจะปฏิเสธเขาแต่ก็ไม่ได้ทำแถมยังลืมมารยาทที่ไม่ควรรับของจากคนแปลกหน้าไปจนหมดสิ้น

ใจดีจัง...

ผมหันกลับไปมองเขาอีกทีอีกฝ่ายก็หลับตาลงไปแล้ว เสื้อตัวใหญ่ทำให้อุ่นขึ้นอย่างประหลาด

สรุปว่าวันนั้นผมนั่งรถไฟฟ้าด้วยอาการใจเต้นตลอดทาง พอถึงสถานีที่ตัวเองต้องลงอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทีว่าถึงปลายทางของตัวเองแล้วผมเลยรีบเอาเสื้อวางไว้ที่ตักของเขาพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเบาๆแล้วรีบเดินออกมาโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าตัวจะได้ยินไหมเพราะเขาใส่หูฟังอยู่

ผมจำหน้าเขาได้ตลอดมา ก่อนจะช็อคจนแทบควบคุมความตื่นเต้นไว้ไม่ได้เมื่อเจอเขาครั้งแรกที่มหาลัยตรงอาคารจอดรถ เขาเรียนที่นี่ ที่เดียวกันกับผมเลย!

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรหมลิขิตหรืออะไรแต่ผมจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ไม่เคยลืมแม้จะไม่ได้เจอเขาอีกเลยเป็นเวลาเกือบปีแล้วก็ตาม ยิ่งเจอกันครั้งนี้ยิ่งใจเต้นกว่าตอนในรถไฟฟ้าซะอีก เขาจำผมไม่ได้หรอกเพราะวันนั้นหน้าตาของผมแทบจะถูกปกปิดไปด้วยเส้นผมทั้งหมด

การแต่งกายที่ถูกระเบียบทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเขาน่าจะเป็นรุ่นเดียวกัน

แน่นอนว่าเขาถูกพูดถึงมากในเรื่องของหน้าตาเลยทำให้ผมได้เฟสเขามาจากเพจคนหน้าตาดีในมหาลัย และผมก็แอบส่องเขาเป็นต้นมาโดยที่ไม่กล้าแอดไปทั้งเฟสและไอจี แอบเก็บรูปที่เขาอัพลงเพียงไม่กี่รูปและรูปที่อีกฝ่ายโดนเพื่อนแท็กมาไว้ในเครื่องตลอดจนมายด์มาเห็นนี่แหละ

แล้ววันนั้นที่เขาเอาร่มให้ผมดีใจจนแทบบ้า ใจสั่นตั้งแต่เห็นเขาเดินมาแล้ว ต้องบอกต้องย้ำตัวเองแทบตายว่าห้ามแสดงอาการอะไรเด็ดขาดแต่อยู่ดีๆคำพูดของเพื่อนก็ดังเข้ามาในหัวซะอย่างนั้น

“ถ้าวินยังมัวแต่เฉยอยู่แบบนี้ซักวันก็ต้องมีคนได้พัตเขาไปครอง...ด้านได้อายอดนะวิน”

มายด์พูดกรอกหูทุกวันตั้งแต่ที่รู้ว่าผมชอบพัต แล้ววันนี้คำพูดของเพื่อนก็เหมือนเทปที่ถูกกรอในหูผมซ้ำไปซ้ำมา ผมได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ว่ามารอเพื่อนแต่ดูท่าว่าเพื่อนเขาคงจะกลับไปแล้ว พอคิดได้ว่าถ้าเพื่อนเขากลับอีกไม่นานเขาก็ต้องกลับต้องออกไปจากตรงนี้

โอกาสแบบนี้มันไม่ได้ได้มีง่ายๆนะวิน...

นั่นแหละที่ทำให้ผมสูดหายใจลึกแล้วตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วเดินเข้าไปพูดกับเขา เอ่ยประโยคที่ผมพอจะคิดออกในขณะที่สติแทบไม่เหลือด้วยความตื่นเต้น ข้างนอกที่แสดงออกไปอาจจะดูธรรมดาแต่ข้างในผมสั่นจะตายอยู่แล้ว พอพูดออกไปแล้วเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปก็ใจเสียทันที แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

แต่ไม่นานพัตกลับเอ่ยออกมา...คำที่ทำให้ผมแทบไม่เชื่อว่าเขาพูดกับผม

“เอาไปสิ”

“ห๊ะ?” ขะ เขาพูดว่าอะไรนะ เอาอะไรไป..

“เอาไปใช้...” ผมยังคงไม่เข้าใจจนเขายื่นร่มมา สมองประมวลผลไม่ได้แล้วตอนนี้

“ให้เราเอาไปใช้เหรอ?” ถามเพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจถูกไหม

“อืม” อีกฝ่ายตอบกลับมาแบบนั้น ยืนยันว่าสิ่งที่ผมเข้าใจมันถูก

“ถ้าให้เราแล้วนายจะใช้อะไร” ฝนตกหนักขนาดนี้แล้วเขาจะกลับยังไง ใจดีแบบนี้อีกแล้ว...เหมือนเมื่อสองปีก่อนไม่มีผิด

“เอาไปเถอะ” ผมไม่กล้ารับมาจากเขา จนเมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่เลยต้องรับมาอย่างจำยอม...กำลังจะบอกว่าเราไปด้วยกันก็ได้แต่อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

“ไปนะ” พัตพูดแค่นั้นก่อนจะวิ่งผ่าฝนออกไปเลย ผมตกใจแทบแย่เมื่อเห็นเขาทำอย่างนั้น มองร่มในมือตัวเองพร้อมกับคนที่วิ่งหายไปอย่างเป็นห่วงพร้อมๆกับใจที่เต้นแรง

แอบหวังได้ไหม...หวังว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้รังเกียจกัน

ดีใจมากจนต้องอัพรูปลงอินสตาแกรม และนั่นทำให้ผมตัดสินใจแอดเฟสเขาไปตามที่มายด์ไซโคเมื่อผมโทรเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เพื่อนสนิทดีใจมากกว่าผมซะอีกทันทีที่ผมเล่าจบ แล้วมายด์ก็บอกให้ผมใช้โอกาสนี้ในการเข้าพัต พอแอดไปก็กลัวว่าเขาจะไม่รับแทบแย่เพราะอีกฝ่ายไม่รับคนอื่นเลยนอกจากเพื่อนตัวเอง พอมีแจ้งเตือนว่าเขารับโทรศัพท์ผมแทบล่นจากมือ

“พอเขารับแอดก็ทำทีเป็นทักไปคุยเรื่องร่ม เนียนว่าขอบคุณแล้วบอกว่าจะเอาร่มไปคืน วินจะได้เจอเขาอีกไง!”

สุดท้ายเลยตัดสินใจทักไปตามที่มายด์บอกจนได้...

แล้วนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด โดยที่พัตไม่เคยรู้เลยว่าผมแอบชอบเขามาตลอด

ผู้ชายใจดีในรถไฟฟ้าวันนั้น : )




TBC.



Talk

เค้ากลับมาแล้วววว...สอบเสร็จก็ตายอย่างเขียดTT ทิ้งพัตกับวินมานานเลยมาต่อ ป่านนี้คนอ่านจะลืมกันไปรึยังนะ :mew6:
สรุปว่าเขาต่างคนต่างแอบชอบกันแหละ คิคิ แถมวินยังแอบชอบพัตมาก่อนแล้วด้วยนะ^^ พัตเขาจำวินไม่ได้หรอกนะคะเพราะวันนั้นเห็นหน้าไม่ชัดแถมก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว แล้วที่เอาเสื้อให้ก็เพราะว่าสงสาร+เอ็นดู ตอนนั้นเขายังไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนที่มาเจอในมหาลัยนี่เห็นแล้วก็ชอบเลย(ซึ่งวินคือชอบตั้งแต่วันนั้นแล้วไง-///-) นี่เป็นที่มาจริงๆของเรื่องนี้...ไม่ใช่มาจากพัตหรอกนะคะ  :mew3: :mew3:

เม้นต์เป็นกำลังใจเค้าหน่อยนะะะะะ ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารตางๆอย่าลืมกดไลค์เพจนะคะ(มีใครอยากเห็นพัตบ้างไหมเอ่ย?????) อยากเห็นก็ไปทวงในเพจเลยค่ะ ไม่มีคนทวงก็ไม่ได้เห็น55555

ขอบคุณคนอ่าน และขอบคุณมากๆสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ  :pig4: :pig4:



https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/timeline/?ref=aymt_homepage_panel
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-09-2015 00:29:28
ที้แท้วินก็แอบรักพัตมานานแล้วนี่เอง
พอถึงเวลาพัตอ่อย วินก็เลยรีบตะครุบไว้ทันที
แต่ยังไงพัตก็เริ่มทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นนี่เนอะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-09-2015 02:25:30
 :-[ ต่างคนต่างแอบชอบกัน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 28-09-2015 06:39:40
เขาใจตรงกัน น่ารัก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 28-09-2015 13:44:24
มันซัมติงแบบนี้นี่เองงงงงงงง
กิ๊วๆๆ วินแอบทอดสะพานนะเนี่ย 555555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 28-09-2015 15:13:50
โง้ยยยย ต่างคนต่างแอบชอบกัน
น่ารักมาๆเลย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: GMJeam ที่ 28-09-2015 16:32:26
เป็นงี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 28-09-2015 18:36:15
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-09-2015 18:43:38
ที่แท้ก็แอบมีใจให้กันและกันอยู่แล้วนี่เอง
อยากรู้จังว่าถ้าพัตรู้ว่าเคยสร้างความประทับใจให้วิน
จะเป็นยังไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 28-09-2015 19:03:13
ที่มาที่ไปเป็นแบบนี้นี่เอง ^^ แต่ว่าวินเก็บอาการได้แนบเนียนมากๆ เลยนะคะ ดูไม่ออกเลยจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ได้เล่าให้ฟัง..
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 28-09-2015 21:36:59
ที่แท้ก็ใจตรงกัน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: kub_kwonny ที่ 28-09-2015 23:53:10
ต่างคน ต่างมีใจให้กัน
น่ารักทั้งคู่เลยนะครับ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-09-2015 00:15:51
หน่อววว สวยงาม
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่8 28/09/2558(00.11) p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 29-09-2015 13:39:37
วินน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
รักพัตจัง ชอบตัวละครแบบนี้ ฮือ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่9 01/10/2558(04.36) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 01-10-2015 04:32:05
ตอนที่ 9

(Pat Part)

“หือ ขอโทษครับ พึ่งเลิกเรียน” โบกมือแยกย้ายกับไอ้กิมและไอ้จีนไปขึ้นรถใครรถมันพร้อมทั้งคุยกับวินไปด้วย เดือนทันตะทั้งไลน์ทั้งโทรหาแต่ผมไม่ได้ตอบกลับเลยซักอย่างเพราะเรียนอยู่ วันนี้ตั้งแต่เก้าโมงยันทุ่มครึ่งทั้งที่ตามปกติมีเรียนถึงแค่สี่โมงครึ่งเท่านั้นแต่เนื่องจากอาจารย์นัดสอนชดเชยเพิ่มเลยเลิกช้า

สรุปคือวันนี้เรียนวิชาภาคสามตัวรวดเรียกว่าสภาพแทบไม่เหลือกันแล้วครับ ไม่อยากแม้แต่จะขยับปากด้วยซ้ำ เหนื่อย

(เสียงไม่ค่อยดีเลย พัตไหวไหม) แค่ได้ยินน้ำเสียงที่เป็นห่วงจากเขาผมก็ดีขึ้นเยอะแล้ว ยิ้มกับตัวเองแม้ว่าปลายสายจะไม่เห็นก็ตาม

“ยังไหวครับ ไม่ต้องห่วงนะ” มันแค่ออกอาการล้าซะมากกว่า อยากอยู่นิ่งๆไม่อยากขยับตัวแต่ตอนนี้คงทำไม่ได้เพราะต้องขับรถ พอถึงคอนโดนี่แหละที่ผมจะโถมตัวหาเตียงเลยทันทีแต่ยังไงก็ต้องกินข้าวก่อนอยู่ดี

(ให้เราไปรับไหม แบบนี้ไม่อยากให้ขับรถเลย)

“ไม่เป็นไร พัตไหวจริงๆ ถ้าไม่ไหวจะบอกวินแน่นอน” ผมไม่อยากให้เขามาเพราะจะเสียเวลาเปล่าๆถึงจะอยากเจอหน้าหวานๆนั่นแค่ไหนก็ตาม ผมเองก็ยังโอเคไม่ได้แย่ถึงขั้นขับรถไม่ไหวขนาดนั้น

(ถ้าไม่ไหวห้ามฝืนนะรู้ไหม)

“ครับ” เข้ามานั่งในรถแล้วซบหน้าลงกับพวงมาลัยพร้อมกับหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน “วิน...”

(หืม มีอะไรรึเปล่า จะให้เราไปรับเหรอ) น้ำเสียงนั้นกระตือรือร้นขึ้นมา

“มาหาที่คอนโดหน่อยดิ หิวแต่ไม่มีแรงหาไรกิน” ตอนนี้เหนื่อยมากจนอยากอ้อนอยากเจอหน้าอีกคนแม้ว่าที่คอนโดจะพอมีอาหารที่แม่ทำไว้ให้บ้างก็เถอะ วันนี้เราไม่ได้เจอกันครับ ก็เรียนทั้งวันอย่างที่บอกเวลาพักก็มีนิดเดียว

(...ก็ได้ งั้นเดี๋ยวเราซื้ออาหารเข้าไปให้นะ) คงเพราะว่าผมดูท่าจะไม่ไหวจริงๆวินเลยยอมใจอ่อนตามใจผมอย่างง่ายดาย ทั้งที่ก่อนหน้าเคยชวนเขาขึ้นห้องหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยยอม เสร็จโจรซะล่ะงานนี้ หึหึ

“ขอบคุณครับ งั้นพัตรอที่ลอบบี้นะจะได้ขึ้นไปพร้อมกัน”

(โอเค เดี๋ยวเจอกันนะ)

“อื้อ” ไม่นานสายก็ตัดไป ผมสูดหายใจยาวก่อนจะกลับมานั่งตัวตรงๆ ลูบหน้าลูบตาเรียกสติก่อนจะขับรถกลับคอนโด







“ไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวเราเตรียมอาหารไว้ให้บนโต๊ะ อาบน้ำให้สดชื่นออกมาจะได้กินเลย” วินวางของไว้บนโต๊ะก่อนจะนั่งลงข้างๆ

“อื้อ...” เหนื่อยจนอยากจะนอนลงโซฟาซะตอนนี้เลย แต่ตอนนี้ก็นั่งหลับตาไปแล้วล่ะ

“พัต...ไปอาบน้ำก่อนนะ จะได้ออกมากินข้าวจะได้มีแรง” อีกคนพูดย้ำพร้อมกับสัมผัสแผ่วเบาไปตามแขน หันหน้าไปมองก็พบกับหน้าหวานๆที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ผมดึงมือบางที่วางอยู่บนแขนมาจับเอาไว้ราวกับให้สัมผัสจากเขาถ่ายโอนพลังงานมาให้แก่ผม

“งั้นเดี๋ยวพัตไปอาบน้ำแล้วจะออกมานะ” วินพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ ผมเลยส่งยิ้มอ่อนๆกลับไปพร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้าห้องไปอาบน้ำ เกือบหลับในห้องน้ำไปหลายรอบเหมือนกันแต่ต้องฝืนไว้

พอแต่งตัวเสร็จก็เดินมาที่โต๊ะอาหารซึ่งวินรออยู่ก่อนแล้ว อาหารเรียงรายมากมายทำเอาน้ำย่อยในกระเพาะเริ่มออกมาประท้วง

“วินซื้ออาหารที่วินชอบมาให้ทั้งนั้นเลยนะ”

“ต้องบอกว่าซื้ออาหารที่พัตชอบมาให้ไม่ใช่เหรอหืม” คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมหัวเราะใหญ่ แต่ก็ตามที่เขาบอกครับ อาหารที่วางอยู่ตรงหน้าล้วนแต่เป็นของที่เขาชอบทั้งนั้นซึ่งผมเองก็กินได้หมดเพราะไม่ได้มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษซักเท่าไหร่

เพราะฉะนั้นเลยไม่มีปัญหาอะไรไม่ว่าวินจะซื้ออะไรมาก็ตาม เขาทำอะไรให้ผมก็มีความสุขหมดแหละ

“เราชอบอันไหนพัตก็ชอบเรารู้...กินเร็ว จะได้หายเหนื่อยเนอะ” ไม่พูดเปล่าแถมยังตักอาหารมาให้ผมอีกด้วย เพราะความหิวผมเองก็ไม่รีรอตักข้าวเข้าปากทันที ตามด้วยอาหารทั้งโต๊ะที่วินซื้อมาราวกับกินกันห้าคน

“ไหนบอกว่ากินข้าวแล้ว” ผมถามขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเองก็นั่งกินข้าวอยู่ตรงข้ามกัน แก้มป่องๆนั้นยุ้ยเชียวเพราะเต็มไปด้วยอาหารในปาก ท่าทางมีความสุขตามฉบับเจ้าตัวเวลาอยู่กับของกิน เลี้ยงเขาง่ายนะครับแค่มีเงินซื้ออาหารให้ก็พอ ไม่ต้องอะไรมากมาย

มีแววว่าถ้าทะเลาะกันแล้ววินงอนผมง้อเขาด้วยอาหารแป๊บเดียวคงหาย

“ก็กินแล้ว แต่อยากกินอีก..เป็นเพื่อนพัตไง” ผมส่ายหน้ากับคำตอบนั้นทันที รู้ตัวดีว่าเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นแหละแต่ผมก็ไม่ได้จะว่าอะไรเขาหรอกครับแค่แหย่เล่นเฉยๆ ซึ่งอีกคนก็ตอบอย่างอารมณ์ดี อารมณ์ดีตลอดแหละถ้าเขาได้กิน

แน่นอนว่าการที่เราได้กินข้าวด้วยกันแบบนี้มันก็ต้องย่อมดีกว่าการที่ผมต้องนั่งกินข้าวคนเดียวอยู่แล้ว มีหน้าหวานๆให้ได้มองเป็นการเพิ่มพลังให้ผมอย่างดีเลย เป็นไปได้ก็อยากกินข้าวพร้อมกันทุกๆมื้อ

“ห้องพัตสวยดีอ่ะ สไตล์การแต่งห้องก็ดี ดูโปร่งๆอากาศถ่ายเท เราชอบ” วินพูดขึ้นพลางมองไปรอบๆ

“ชอบก็มาอยู่ด้วยกันดิ” หึหึ หันขวับมาหาผมทันทีเลย  ดวงตาโตเบิกขึ้นเล็กยามเวลาเจ้าของตกใจ

“จะบ้าเหรอ!...ถ้าจะให้มาอยู่ด้วยก็ไปขอพ่อกับแม่เราก่อนดิ” มีการยักคิ้วท้าทายผมด้วย คิดว่าผมจะไม่กล้าหรือไง

“ได้ พรุ่งนี้เลยไหมล่ะ” ผมพูดออกมาหน้าตาย พูดจริงๆไม่ได้ล้อเล่นด้วย แค่คิดว่าเราจะได้เจอกันตลอดก่อนนอนก็เจอตื่นนอนก็เจอผมก็มีความสุขแล้ว ถ้าวินโอเคผมพร้อมไปหาพ่อกับแม่เขาทันทีอย่างไม่มีปัญหาใดๆ ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่แค่เขาเท่านั้นแหละ

“เห้ย ล้อเล่นหรอกน่า ใครจะอยู่กับพัตกัน” พูดทั้งที่หลบตาไปด้วย

“แต่พัตจริงจังนะ อยู่ด้วยกันก็จะได้เจอหน้ากันทุกวัน ได้ดูแลวิน...เห็นไหมว่าดีกว่าอยู่คนเดียวตั้งเยอะ” อยู่ห่างกันบางทีก็เป็นห่วงเพราะผมดูแลเขาตลอดเวลาไม่ได้ เวลามีเรียนมีกิจกรรมหรือต้องทำงานดึกๆแบบนี้ก็อดจะเป็นห่วงเขาไม่ได้ ไม่อยากให้ไปไหนตอนดึกๆดื่นๆ ถ้ามาอยู่ด้วยกันผมจะได้หายห่วงไปรับไปส่งเขาได้

“มันยังไม่ถึงเวลาซักหน่อย...” วินพูดออกมาเสียงแผ่ว

“งั้นแสดงว่าถ้าถึงเวลาก็จะย้ายมาอยู่ด้วยกันใช่ไหม” ไอ้ที่ง่วงๆอยู่นี่ตาสว่างเลยถามขึ้นมาอย่างมีความหวัง ข้าวเขิ้วนี่ไม่ค่อยจะสนใจแล้วหลังจากที่ซัดไปซะเยอะในตอนแรกด้วยความหิว

“มะ ไม่รู้แล้ว...กินข้าวไปเลยนะ” พูดทั้งที่หน้าเน่อนี่แดงใหญ่เลย ฮ่ะๆ น่ารักชะมัด แต่ไม่เป็นไรถึงวินจะไม่ตอบตอนนี้แต่สุดท้ายแล้วผมจะวางแผนให้เขามาอยู่ด้วยกันให้ได้แน่นอน

ตอนนี้มันอาจจะดูเร็วไปสำหรับเขาแม้ว่าผมจะไม่มีปัญหาอะไรและอยากอยู่กับวินแค่ไหนก็ตาม คงต้องให้เวลาเขาเตรียมตัวก่อน ที่พูดแบบนั้นออกมาก็แสดงว่าเขาเองก็คิดๆเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว

“กินข้าวดิ มองหน้าเรามันไม่อิ่มหรอกนะ” อยากจะบอกว่าไม่อิ่มท้องแต่อิ่มอกอิ่มใจก็กลัวคนจะอ้วกเลยก้มลงกินข้าวอย่างที่แฟนสั่ง วินเองก็กินนู้นกินนี่ของเขาไปตามประสา นอกจากของคาวที่ซื้อมายังมีของหวานและผลไม้อีกมากมาย เรียกว่ามื้อนี้พุงกางกันเลยทีเดียว

พออิ่มแล้วอาการง่วงของผมยิ่งคูณไปสองเท่าจากที่นั่งดูโทรทัศน์ย่อยกันก็เอนลงนอนตักของอีกคน ตอนแรกวินก็ตกใจแต่ก็ยอมขยับให้ผมนอนได้สบายขึ้น

“ง่วงก็เข้าไปนอนดีๆ เราเองก็จะกลับแล้ว” ผมที่นอนหนุนตักวินอยู่บนโซฟาลืมตานิดๆขึ้นมามองพร้อมกับหลับลงไปเช่นเดิม รั้งไว้ไม่อยากให้เขากลับทั้งที่ตัวผมเองนี่แหละที่จะไม่ไหวแล้ว

“นอนด้วยกันดิ” ชวนเผื่อฟลุ๊คทั้งที่รู้ว่าคงไม่มีทาง

“อยากโดนใช่ไหม...เราไม่นอนด้วยหรอกเพราะคนแถวนี้ไม่น่าไว้ใจ”

“ไม่น่าไว้ใจตรงไหน ไม่เคยล่วงเกินเลยเนี้ย” ครั้งนี้ดีดตัวขึ้นนั่งเลย ที่ผ่านมามีแต่จับมืออย่างเดียวแม้ตอนนี้จะเป็นแฟนกันมาได้จะสองอาทิตย์แล้วก็ตาม แก้มป่องๆนั้นยังไม่ได้หอมเลยเถอะ บางทีผมก็อัดอั้นเหมือนกันแต่ก็กลัวว่าเขาจะกลัวถ้าผมรุกเร็วเกินไป

คือการอยากกอดอยากจูบแฟนตัวเองมันก็เรื่องปกติใช่ไหม

“หืม ไม่เคยทำแต่เคยคิดใช่ไหม?”

“ก็...มีแฟนแล้วก็ต้องคิดบ้างดิ” ผมตอบออกไปเสียงอ้อมแอ้ม คือผู้ชายมันก็ต้องคิดบ้างอยู่แล้วป๊ะ ยิ่งแฟนตัวเองน่ารักขนาดนี้ใครไม่คิดก็บ้าแล้ว ทุกวันนี้ต้องอดทนมากพูดเลย

“คนทะลึ่ง” วินทำหน้าไม่ไว้ใจใส่พร้อมกับขยับไปติดโซฟาอีกฝั่ง มันก็มีอยู่แค่นี้ขยับไปก็เท่านั้นแหละ

“ก็คิดกับแฟน พัตไม่ได้คิดกับคนอื่นซะหน่อย...หรือวินจะให้คิดกับคนอื่น” เขาขยับหนีผมก็ขยับตาม หึหึ ถ้าจะทำอะไรขึ้นมาจริงๆก็ไม่รอดหรอกนะพื้นที่เท่านั้น แถมตัวก็เท่านั้นอีกแค่ผมจับเขาล็อคก็ดิ้นไปไหนไม่ได้แล้ว

แต่ก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนั้นไงเพราะทุกอย่างต้องมาจากการที่วินเต็มใจไม่งั้นจะเรียกว่าแฟนกันไปทำไม

“ลองดูดิ” สีหน้าไม่ไว้ใจแปรเปลี่ยนเป็นคาดโทษแทน ขนาดแค่พูดเฉยๆเองนะทั้งที่ผมไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นหรอก ก็คิดกับเขาแค่คนเดียวทั้งก่อนเป็นแฟนและหลังเป็นแฟนกันเพียงแต่วินไม่รู้ก็เท่านั้น ไม่เคยมีอารมณ์อยากจะคิดอะไรกับใครตั้งแต่ที่รู้ว่าชอบเขาแล้ว

“ใครจะกล้า แฟนโหดขนาดนี้” โหดแค่ไหนแต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี ยิ่งตอนนี้ยิ่งน่ารักไปใหญ่ ไอ้สายตาดุๆนี่มันทำให้น่ารักมากกว่าหน้ากลัวนะแต่เจ้าตัวเขาไม่รู้

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูด...ไปนอนได้แล้วนะ เราเองก็จะกลับแล้วเหมือนกัน” คราวนี้วินเปลี่ยนมาทำหน้าจริงจังเพราะคงเห็นว่าได้เวลาซะทีหลังจากที่เล่นกันมาพอสมควร ผมเหลือบมองนาฬิกาบนพนังจึงพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว

ผ่านไปเร็วแฮะ เหมือนจะอยู่ด้วยกันแค่แป๊บเดีวเอง

“ครับ งั้นเดี๋ยวพัตลงไปส่งที่รถนะ” ผมเองก็ไม่อยากให้เขากลับดึกเลยรับคำอย่างง่ายๆ

“ไม่เป็นไรเรากลับได้ พัตนอนเถอะ เรียนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ผมขยับลุกขึ้นตามเมื่อคนตัวเล็กยืนขึ้นแล้ว

“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวพัตไปส่งที่รถจะได้หายห่วงด้วย”

“ห่วงอะไรคนอยู่ตั้งเยอะแยะ คอนโดพัตความปลอดภัยก็ออกจะแน่นหนาขนาดนี้...ไม่เอาแล้ว เราจะกลับเองไม่ต้องลงไปส่ง เข้านอนได้แล้วนะ” ดูเหมือนวาครั้งนี้ต้องยอมเขาล่ะเมื่อดวงตาโตจริงจังซะขนาดนั้น บ่งบอกว่าคราวนี้เอาจริงห้ามขัดใจ

“ครับๆ งั้นไปส่งที่หน้าห้องก็ได้” เท่านั้นแหละวินถึงพยักหน้าตกลง เขาเช็คของว่าไม่ลืมอะไรแล้วจึงเดินออกไป

“วิน...” แต่ผมคว้าแขนเล็กไว้ก่อนที่เขาจะเปิดประตู

“หือ?” อีกคนหันมาเลิกคิ้วถาม ผมมองหน้าเล็กๆนั่นนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา สายตาเหลือบมองปากเล็กๆสีชมพูอย่างไม่วางตา คือแบบ...ที่เรียกไว้ใครจะกล้าบอกว่าอยากจูบวะ ถ้าบอกจะโดนตบไหม

คือเอาจริงๆตั้งแต่เป็นแฟนกันผมก็คิดตลอดนั่นแหละไอ้เรื่องแบบนี้ ยิ่งใกล้ชิดยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งอยากสัมผัส

“ว่าไงพัต” เดือนทันตะถามออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น “เอ้า เรียกแล้วก็ไม่พูด ง่วงจนเบลอระ อื้อ...”

เพราะเขาขยับเข้ามาใกล้ผมเลยไม่รอช้าจะทำอย่างที่ใจอยาก ตอนแรกวินดิ้นเพราะว่าเขาน่าจะตกใจ ดวงตาโตก็หลับลงแน่นจนผมดึงรั้งความสนใจของเขาให้สนใจแค่สัมผัสที่เกิดขึ้นร่างเล็กๆในอ้อมกอดเลยค่อยๆสงบลง

ผมละเลียดอยู่ที่ริมฝีปากบางจนวินเผลอตัวเผยอปากออกให้ผมได้โอกาสค่อยๆรุกล้ำเข้าไปเกาะเกี่ยวลิ้นเล็กๆข้างใน ดูดดึงอย่างแผ่วเบาเมื่อรับรู้ว่าเขานั้นเกร็งแค่ไหน สัมผัสที่ตอบกลับมาเงอะงะและไร้เดียงสาจนผมต้องเตือนสติตัวเองว่าอย่าเอาแต่ใจตัวเองจนเกินไปนัก

จุ๊บ

จนในที่สุดก็ต้องตัดสินใจผละออกก่อนที่วินจะตกใจไปมากกว่านี้แล้วจุ๊บลงไปที่ปากเขาอีกครั้งเบาๆปิดท้ายแล้วรั้งคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอด

“รู้สึกดีกว่าที่คิดไว้อีก” ผมเคยได้แต่คิดว่าถ้าได้สัมผัสวินแล้วจะเป็นยังไง แน่นอนว่าในความคิดมันต้องรู้สึกดีมากแน่ๆแต่มันเทียบไม่เลยซักนิดเมื่อได้สัมผัสจริงๆ ทั้งหอมหวานและนุ่มนวลให้อยากได้สัมผัสเขามากขึ้นๆ

อัก อัก

“ ตะ ตกใจหมดเลย...ทำ ทำไมไม่บอกก่อนเล่า” เสียงอักๆนั่นเสียงวินทุบหลังผมเองแหละ เขาซบหน้าอยู่อกผมพร้อมกับดิ้นน้อยๆ อ้อมแขนที่กอดรั้งเดือนทันตะเลยยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีกให้เราใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม ถ่ายทอดความรู้สึกถึงกันและกันผ่านทางร่างกาย

“หึหึ ถ้าบอกจะยอมไหม” ไม่พ้นว่าถ้าผมพูดตรงๆเข้าต้องเขินมากแล้วก็กลัวผมไปเลยแน่ๆ จะทำก็ต้องไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้แหละ

“กะ ก็ทำแบบนี้มันตกใจนี่นา” ผมค่อยๆลูบมือขึ้นลงไปตามแผ่นหลังเล็กอย่างแผ่วเบาหวังจะปลอบประโลมให้เขาหายตกใจ และเหมือนว่าจะได้ผลเหมือนตอนนี้วินพิงผมมาทั้งตัวอย่างไร้ความเกร็งเช่นตอนแรกจนสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่ถี่รัวไม่ต่างจากของผม

“งั้น...ขอจูบอีกนะ” ผละออกมาแล้วพูดซึ่งๆหน้าตามที่เขาบอก นี่ให้ตั้งตัวอย่างที่ว่าเลยไง แต่พอพูดหน้าที่แดงอยู่แล้วของวินยิ่งแดงเข้าไปใหญ่อย่างที่ผมกลัวว่ามันจะไหม้ เห็นไหมว่าถ้าพูดตรงๆเขาก็จะยิ่งเขิน

“ใครเขาพูดกันตรงๆแบบนี้เล่า!” ฮ่ะๆ สรุปแล้วจะให้ผมขอหรือให้ทำเลยกันแน่ ตอนนี้วินอาจจะยังไม่ชินแต่เดี๋ยวผมทำบ่อยๆเขาก็คงชินไปเองแหละเนอะ งี้ก็ต้องทำบ่อยๆให้หายเขิน

“งั้นก็ทำเลยแล้วกัน” ไม่ได้ให้คนตัวเล็กตั้งตัวผมก็แนบริมฝีปากลงไปหาเขาอีกครั้ง

อีกครั้ง...และอีกครั้ง

สรุปคือกว่าจะให้เดือนทันตะได้กลับคอนโดตัวเองปากเล็กๆนั่นก็บวมเจ่อเพราะสัมผัสของผมตั้งนานสองนาน
 
ก็ผมฝึกให้เขาได้ชินไวๆ...เผื่อทำอะไรมากกว่านี้จะได้ไม่เขินตายไปซะก่อน  : )








TBC.






Talk.

มาน้อยแต่งานหวานก็มานะ :mew3: :mew3: ใจจริงว่าจะมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่ต้องพิมพ์ใหม่หมดเพราะคิดว่าอันที่พิมพ์ไว้มันไม่โอเคเลยมาช้าหน่อย(นอนยาวตั้งแต่บ่ายสองยันสี่ทุ่มด้วย พึ่งเริ่มแต่งตอนตี1เองค่ะ) :mew2: :mew2: ตอนนี้มันหวานไหมหว่า?? คนแต่งอยากให้มันหวานนะ อิอิ หวังว่าจะชอบฉากมุ้งมิ้งๆกันนะ :-[ :-[

และตอนนี้คนแต่งต้องขอไปนอนแล้วค่ะ(พรุงนี้เรียนเก้าโมงเช้าด้วยนะ)...เม้นต์เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยนะตัวเอง :mew1: :mew1:

**ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์มากๆเลยนะคะ  :กอด1: :กอด1:


มีอะไรเข้าไปพูดคุยอัพเดตข่าวสารได้ที่แฟนเพจเลยค่ะ >> https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/timeline/?ref=aymt_homepage_panel
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่9 01/10/2558(04.36) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 01-10-2015 05:10:41
ยาแก้เพลียของพัตน่าจะทำให้หลับฝันดีตลอดคืนแน่เลย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่9 01/10/2558(04.36) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-10-2015 09:41:48
อั๊ยย่ะ ไม่ทันไรก็ชวนมาอยู่ด้วยกันแล้ว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่9 01/10/2558(04.36) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-10-2015 09:45:53
หายเพลียกันไปเลยเชียว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่9 01/10/2558(04.36) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-10-2015 10:22:30
พัตมีกำลังใจมาส่งถึงห้อง
เรียกกำลังใจตนวินปากเจ่อแน่
หวานละมุน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่9 01/10/2558(04.36) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 01-10-2015 10:28:11
แก้มป่องๆ ยังไม่ทันได้หอมก็ข้ามขั้นไปเป็นจูบเสียแล้วนะคะพัต :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่9 01/10/2558(04.36) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 01-10-2015 10:29:45
 :-[ มีจะทำอะไรมากกว่านี้อีกเหรอ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่9 01/10/2558(04.36) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: GMJeam ที่ 01-10-2015 10:37:43
กีสซิค่ะ รออะไร
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่9 01/10/2558(04.36) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 01-10-2015 11:46:33
น่ารักจังเลยยยยยยยยย :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่9 01/10/2558(04.36) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-10-2015 16:10:06
 จะนอนหลับเหรอคราวนี้   :hao3:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่9 01/10/2558(04.36) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 01-10-2015 21:24:09
เขินไปดิ 555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่9 01/10/2558(04.36) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 02-10-2015 10:58:19
วินน่าร้ากกกกกกกกกกกก
พัตนี่ไหนบอกไม่รุกเร็วไง โด่วววว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่10 03/10/2558(01.03) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 03-10-2015 00:59:10


ตอนที่ 10

ในที่สุดช่วงของการสอบมิดเทอมของเทอมแรกก็มาถึง ช่วงที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงมหาประไลสำหรับนักศึกษาทุกคนเลยก็ว่าได้(ส่วนไฟนอลเรียกว่าช่วงโคตรของโคตรของโคตรมหาประไล) ตอนนี้ผมกำลังนั่งอธิบายเนื้อหาของการเรียนให้เพื่อนทั้งโต๊ะฟังมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว ผ่านมาเกือบจะครึ่งทางสีหน้าทุกก็เริ่มไม่ไหวจากการอัดเนื้อหาเข้าสมองในหลายเรื่องรวดเดียว

ใครบอกว่าสถาปัตย์ไม่ต้องอ่านหนังสือนี่เข้าใจผิดกันนะครับ อย่างน้อยภาอังกฤษก็ยังจำเป็น ตัวผมเองไม่ค่อยจะมีปัญหาอะไรซักเท่าไหร่แต่ก็ต้องมาติวให้เพื่อนโดยเฉพาะเพื่อนสนิททั้งสอง ทุกงานอะมัน ช่วงสอบนี่จะปฏิบัติตัวดีกับผมซะเหลือเกิน

 “เบรคก่อนเดี๋ยวค่อยต่อ” เมื่อจบบทนี้เรียบร้อยจึงเอ่ยบอกเพื่อนซึ่งทุกคนก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ บ้างก็ไปเข้าห้องน้ำบ้างก็ไปเซเว่น ผมเองก็เดินเลี่ยงไปเพื่อที่จะไปโทรศัพท์

“ไปไหนวะพัต” ไอ้จีนถามออกมา

“โทรศัพท์” ผมตอบเพียงสั้นๆพร้อมกับเดินออกไปหาที่คุย อยากได้ยินเสียงหวานๆของวินจะแย่

“กูจะไปเซเว่นเอาไรเปล่า” เสียงตะโกนของเพื่อนยังคงตามมาก่อนที่ผมจะตอบกลับไปว่าเดี๋ยวไปเอง

รอเสียงสัญญาณดังไม่กี่ครั้งปลายสายก็รับ

(ฮัลโหล)

“อยู่ไหนครับ” ผมพรูลมหายใจออกมายาวเพื่อที่จะลดความเมื่อยล้าจากการนั่งนานๆ ทั้งต้องพูดต้องอธิบายให้เพื่อนฟังจนตอนนี้เริ่มจะเจ็บคอแล้วเหมือนกัน

(อยู่หอสมุด พัตอยู่ไหน) เดือนทันตะไปอ่านหนังสือกับเพื่อนที่หอสมุดครับแต่พวกผมอยู่ที่โรงอาหารคณะตัวเอง ไม่ชอบไปที่หอสมุดเพราะช่วงเวลาการสอบแบบนี้คนจะเยอะมากก่อให้เกิดเสียงดัง ถึงแม้ที่นี่จะไม่สบายเท่าแต่ก็ไม่มีเสียงรบกวนเท่าที่นั่น

“อยู่คณะ...คิดถึง” เพราะช่วงนี้ต่างคนต่างยุ่งเลยแทบไม่ได้เจอกัน ผมเองก็ต้องติวต้องอ่านหนังสือซึ่งวินเองก็ไม่ต่างกัน ไม่ได้เจอกันมาสามวันแล้ว และคาดว่าช่วงการสอบแบบนี้คงจะไม่ได้คุยไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนอย่างเคย แค่มีเวลาโทรหากันก็หรูแล้วครับ

(อดทนนะ...หลังสอบเดี๋ยวไปดูหนังกันดีไหม) ปลายสายเอ่ยบอกเสียงอ่อนโยนทั้งที่ผมรู้ว่าเขาเองก็เหนื่อยไม่แพ้กัน คณะเขาเรียนง่ายซะที่ไหน

แต่หนึ่งสิ่งที่เรายังทำในช่วงที่แทบไม่มีเวลาอย่างนี้ก็คือเมื่ออีกฝ่ายโทรหาจะพยายามรับให้ได้ตลอดแม้จะได้คุยกันเพียงสองสามประโยคก็ตาม ผมเป็นคนบอกเขาเองว่าให้เราสามารถโทรหากันได้เมื่อเวลาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งว่าง

“อื้อ อยากกดสคิปไปตอนสอบเสร็จจะแย่แล้ว” สิ่งสำคัญคือผมอยากเจอ อยากคุย อยากใช้เวลากับวิน เพราะรู้ว่ามันทำไม่ได้เลยอยากจะให้เวลาเหล่านี้ผ่านไปเร็วๆ

(เดี๋ยวมันก็ผ่านไป สู้ๆนะ สู้ไปด้วยกันไง) ก็เพราะว่ามีกำลังใจดีอย่างนี้ไงผมเลยมีกำลังใจสำหรับทุกๆอย่าง ทุกครั้งที่ผมเหนื่อยวินจะช่วยได้เสมอ แค่ได้ยินเสียงกับคำพูดน่ารักๆผมก็ดีขึ้นแล้ว

“ครับ...อย่าลืมทานข้าวนะไม่ใช่กินแต่ขนม ถ้าไม่ไหวก็พักบ้างเข้าใจไหม” เป็นห่วงจริงๆคือกลัวเขาฝืนจนร่างกายไม่ไหว ส่วนเรื่องกินนี่ผมคิดว่าไม่น่าจะห่วงซักเท่าไหร่ คนอย่างเขาไม่น่าจะละเลยเรื่องอาหารไปได้

กังวลแค่ว่าวินจะกินพวกขนมขยะมากเกินไป พวกของไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

(ก็กินทุกอย่างแหละ เรื่องกินหายห่วงได้ คิกคิก...พัตเองก็เหมือนกันนะ ดูแลตัวเองด้วย กินเยอะๆ พักผ่อนบ้าง)

“อื้ม เดี๋ยวพัตต้องวางแล้ว...คิดถึงนะครับ” ย้ำให้รู้อีกที ไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันกันตอนไหน อย่าว่าแต่เจอกันเลยเวลาคุยกันยังแทบไม่ค่อยมี ต่างคนต่างต้องอ่านหนังสือตลอดไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวมาคุยกันมากนัก

ทั้งที่อยากได้ยินเสียงมากกว่านี้แต่ก็จำใจต้องวางสาย เหมือนผมจะได้ยินเพื่อนวินเรียกเขาแล้วเหมือนกัน

(คิดถึงเหมือนกันนะ) ราวกับเป็นยาวิเศษที่ช่วยให้หายเหนื่อยชั้นดี ผมยิ้มออกมาแม้ว่าจะเหนื่อยอ่อนแค่ไหนกับการอ่านหนังสือก็ตาม

“ครับ” ผมวางสายก่อนจะมองโทรศัพท์นิ่งอยู่อย่างนั้นแล้วในหัวก็นึกอะไรขึ้นได้ มือเลื่อนหน้าจอไปที่แอพพลิเคชั่นสีฟ้าที่มีสัญลักษณ์ตัวเอฟ เข้าไปแล้วก็กดเข้าไปในเฟสของอีกคน

Pithan Kitiphaisan> Win Winnapat
Just now
คิดถึง
23 Likes

นานๆทีผมถึงจะเข้ามาเล่นแอพนี้ ยิ้มกับตัวเองพร้อมหัวเราะน้อยๆที่ทำอะไรเหมือนเด็ก ผมแค่อยากลองทำเหมือนที่คนสมัยนี้ทำบ้าง หวังว่าจะให้คนที่อ่านหนังสืออยู่ตอนนี้ผ่อนคลายขึ้น ไม่เพียงทำให้วินหายเครียดผมเองก็เช่นกัน พอเรียบร้อยจึงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเดินเข้าเซเว่นไปหาไรกิน

“มึงไม่ต้องเลยนะไหนบอกไปโทรศัพท์ แหมะ...ร้อยวันพันปีไม่ค่อยจะเล่นเฟส พอจะเล่นทีเสนอหน้าไปโพสต์คิดถึงเขา” ปากหมาแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้กิมเจ้าเก่าเจ้าเดิม

“แล้วไอ้เหี้ยไหนมันชอบอัพรูปคู่กับเด็กตัวเองแล้วแคปชั่นเสี่ยวๆ พอเลิกคั่วก็ตามลบแทบไม่ทัน” ผมตอกกลับไปทันที หน้าฟีดผมไม่ค่อยจะมีอะไรหรอกนอกจากจากรูปไอ้เหี้ยกิมกับเด็ก รำคาญลูกตามากจนบางทีอยากจะเลิกติดตามเพื่อนตัวเองไปซะเลย

“กูบอกแล้วว่าอย่าไปแหย่มัน เป็นไงมึงเข้าตัวเองเลย” ไอ้จีนเอ่ยบอกไอ้กิมที่ทำหน้ามองแรงใส่ผม พูดความจริงเข้าหน่อยทำเป็นรับไม่ได้ คือมันแค่อัพเอาใจคนพวกนั้นทั้งที่จริงๆแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นหรอกครับ แต่เหมือนว่าความรักจะทำให้คนตาบอด เขาไม่รู้แถมยังหลงคิดว่ามันรักแบบหัวปรักหัวปรำด้วย เหอะ ตลกไหมล่ะ

“เออ เดี๋ยวนี้มีแฟนแล้วนี่ เพื่อนก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”

“อยากโดนกูเตะใช่ไหมกิม” ยิ่งคุยกับมันยิ่งเพลีย ไม่คิดเลยว่าผมจะมีเพื่อนปัญญาอ่อนขนาดนี้ กว่าจะรู้ตัวก็พลาดท่าคบมันซะแล้ว

“ชิ หมั่นไส้!” แล้วมันก็สะบัดตูดออกไปหาไรกินที่โซนอื่นให้ผมกับไอ้จีนมองตามอย่างเอือมๆ ไม่มีอะไรหรอกครับมันก็กวนตีนผมไปงั้นแหละ ทำให้ผมด่าเป็นกิจวัตรของมันไปแล้วมั้ง วันไหนไม่ได้ยินคงจะนอนไม่หลับ

“ที่คุยกันยังไม่พออีกเหรอวะ ถึงขั้นต้องโพสต์หน้าวอลเลย...ไปหอสมุดไหมครับเพื่อน” อย่าคิดว่าไอ้จีนจะเป็นคนดี คนเหมือนกันเลยคบกันได้ไง

“ก็ดีนะ งั้นวันนี้เลิกติวกูจะไปหาแฟน” พูดแล้วก็เดินหนีออกมาหาไรกินทันที ปล่อยมันให้วิ่งตามมานั่นแหละ

“เห้ย ไม่ได้นะเว้ย ถ้ามึงไม่ติวพวกกูก็ต้องตายโหงกันพอ ไม่เอานะเพื่อนนะ กูล้อเล่นนิดเดียวเอง” ผมส่ายหน้าก่อนจะเดินหนีมันไปหาของกินให้สบายอารมณ์

ไม่ได้จริงจังหรอกครับเพราะยังไงก็ต้องติวให้เพื่อน ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป ถึงจะเหนื่อยแต่ถ้าเราช่วยให้เพื่อนไปด้วยกันได้มันก็เป็นอะไรที่น่ายินดี หลายเรื่องเพื่อนก็ช่วยผม เวลาที่เพื่อนขอให้ติวให้ผมเลยไม่มีปัญหา วิชาไหนผมไม่ถนัดก็ต้องถามเพื่อนเหมือนกัน

ขณะที่รออาหารเวฟผมก็ลองกดเข้าไปดูเฟสอีกทีว่ามีอะไรเคลื่อนไหวไหม พอมีเลขขึ้นที่การแจ้งเตือนเลยกดเข้าไปดูปรากฎว่าคนที่ผมโพสต์ไปหาตอบกลับแล้วเมื่อห้านาทีที่แล้ว  ซึ่งวินมาตอบกลับในโพสต์ผมว่า

เหมือนกัน ^^

แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ผมทำเพียงแค่กดไลค์ให้รับรู้ว่าผมเห็นคอมเมนต์เขาแล้วก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงเมื่อพนักงานเอ่ยบอกว่าของที่เวฟได้แล้ว

แม้จะเหนื่อย ยุ่ง หรือว่าไม่ได้เจอกันยังไงแต่แค่ได้ยินเสียงเพียงนาทีสองนาที คุยกันในไลน์วันละสามสี่ประโยคก็ทำให้ผมมีกำลังใจมากขึ้น เพราะสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านั้นคือกำลังใจที่สำคัญสำหรับผม


กำลังใจสำคัญที่มาจากคนสำคัญ : )










“อิ้งเหี้ยอะไรวะทำไมมันมากมายก่ายกองมหาศาลขนาดนี้ อาจารย์เขาคิดว่าพ่อกูเป็นฝรั่งรึไงวะ นี่กูเรียนถาปัตย์นะครับไม่ใช่อินเตอร์ ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดรึเปล่าถึงได้ออกข้อสอบกลัวคนโง่ๆอย่างกูสอบได้ขนาดนี้ อยากจะบ้าตาย” ไอ้กิมโวยวายออกมาคนแรกหลังจากที่สอบวิชาในวันแรกผ่านพ้นไป

“เออ กูมั่วรีดดิ้งสุดตีนครับ เยอะชิบหาย” ไอ้จีนเองก็ไม่ต่างกัน ส่วนผมไม่มีความคิดเห็นใดๆนอกจากรอคะแนนออกอย่างเดียว ก็มันแก้ไขไม่ได้แล้วกังวลไปก็เท่านั้น ไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยนข้อผิดเป็นถูก ไม่ได้ทำให้ได้คะแนนมากขึ้น ดังนั้นจึงสมควรปล่อยวางซะ

“ใครจะเหมือนไอ้เหี้ยพัต ชิวชิบหายเลยนะมึง ทำไมไอคิวมันไม่ไหลเข้าหัวกูบ้างวะเนี้ย” ไอ้กิมหันไปโวยวายกับไอ้จีนสองคนเนื่องจากผมไม่สนใจ สองมือกดพิมพ์แล้วไลน์หาเดือนทันตะอย่างเดียว

“ทำใจว่ะเพื่อน นอกจากมึงจะผ่าหัวมันแล้วเอาสมองมายัดใส่หัวมึงอ่ะนะ”

“เห้อ นี่ขนาดมันติวให้แล้วนะ ถ้ามันไม่ติวให้กูนี่ชิบหายเลย”

“เอาเว้ย มันผ่านมาละ ไปเต็มที่กับวิชาภาคที่จะสอบพรุ่งนี้เถอะ”

“โอ้ยยยย กูอยากจะตาย” ผมไม่ได้สนใจเสียงคร่ำครวญอันน่ารำคาญของเพื่อนตัวเองซักเท่าไหร่เมื่อกำลังคุยกับอีกคนที่พึ่งตอบไลน์กลับมา ไม่ได้เจอกันมาอาทิตย์นึงแล้วซึ่งถือว่านานมากสำหรับผม วันนี้ยังไงก็ต้องเจอกันให้ได้

“วันนี้เจอกันที่เดิมหกโมงเย็น ถ้าพวกไอ้เมตรจะไปด้วยก็บอกมัน กูไปละ” ต้องติวกันทุกวันครับ ยิ่งพรุ่งนี้เป็นวิชาภาควันนี้นี่คงไม่ได้นอนกันเลย แต่ตอนนี้เป็นเวลาฟรีไทม์ของผมแล้ว เป็นช่วงการพักผ่อนสั้นๆที่ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องสอบ เจอกันหกโมงค่อยจัดเต็มทีเดียว ขืนอยู่กับมันตลอดเวลามึนหัวแน่ๆ

“เออๆ ไม่ค่อยจะอ่ะเพื่อนกู อีกนิดคาดว่าจะลงแดงเพราะทนคิดถึงแฟนไม่ไหว” ผมไม่ได้สนใจเสียงไอ้จีนหรอกครับเพราะรีบออกมาเลย นัดกับวินเรียบร้อยแล้วที่ร้านอาหารซึ่งเราลงความเห็นว่าจะไปเจอกันที่นู้นเลย ใครไปถึงก็ให้สั่งอาหารรอ

และพอผมเดินเข้าไปในร้านคนที่ไม่ได้เจอกันมาอาทิตย์นึงก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“เป็นไงบ้าง ทำได้ไหม” ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม วินถามออกมาพร้อมกับยิ้มกว้างจนผมอดจะยิ้มตามไม่ได้

“ก็โอเค แล้ววินล่ะ” เราสอบวิชาภาอังกฤษเหมือนกัน มหาลัยผมจะใช้ข้อสอบภาษอังกฤษให้เหมือนกันในแต่ละชั้นปี ปีสองของทุกคณะใช้ข้อสอบแบบเดียวกัน ปีหนึ่งสองสามสี่ก็เช่นกัน(ยกเว้นพวกอินเตอร์) และวันแรกของการสอบก็จะสอบอังกฤษกันทั้งมอราวกับให้มันเป็นประธานเปิดพิธีในการสอบ เรียกได้ว่าเป็นวิชาที่โคตรจะให้ความสำคัญ

“พอได้เหมือนกัน....เห็นพัตใส่ชุดนี้แล้วแปลกตาจัง” ผมก้มลงมองชุดตัวเองเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองมาอย่างยิ้มๆ เพราะวันนี้สอบเลยต้องแต่งตัวเต็มยศ กางเกงสแลค เสื้อถูกระเบียบพร้อมด้วยเนคไทด์ที่ปักด้วยตรามหาลัย รองเท้าหนังตามกฎ
ถ้าไม่ใช่พิธีการหรือวันสอบอย่างนี้คงไม่ได้เห็นผมใส่จริงๆ

ปกติยีนส์กับรองเท้าผ้าใบตลอดซึ่งแตกต่างจากวิน คนตัวเล็กเขาจะอยู่ในชุดนักศึกษาตลอดเพียงแค่ไม่ใส่ไทด์เท่านั้น

“หล่ออ่ะดิ” ยักคิ้วใส่เขาไปเมื่อเห็นวินยังคงมองอย่างไม่วางตา

“หลงตัวเองจัง ก็...ธรรมดานะ”หน้าหวานๆส่งยิ้มยียวนมาให้พร้อมกับแววตาวิบวาว แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมอารมณ์เสียหรือเคืองใจกับคำพูดกวนๆของเขา ตรงกันข้ามผมกลับมองว่ามันน่ารักซะมากกว่า

“ถึงจะหน้าตาธรรมดาแต่ก็มีสาวทักไลน์มาหาทุกวันนะครับ ไม่อยากจะคุยเลย หึหึ” อันนี้ผมจงใจพูดยั่วเขาเท่านั้นแม้ความจริงมันจะเป็นตามนั้นก็เถอะ ผมไม่เคยสนใจจะตอบไลน์พวกนั้นซักนิด ไม่แม้จะเปิดอ่านด้วยซ้ำกดลบทิ้งตลอด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาไอดีไลน์ผมมาจากไหน

“เราก็ไม่อยากจะคุยว่ามีคนมาขอเบอร์เหมือนกัน^^”

“เห้ย ใคร!” อันนี้ไม่ตลกไม่ต้องมาทำหน้ายิ้มใส่ มันไม่ใช่เรื่องที่สนุกแน่ๆเพราะว่าเรื่องที่วินพูดโอกาสมันเป็นไปได้สูงมากที่วินจะมีคนเข้ามาขอเบอร์ ไหนจะพวกที่ใจกล้าเข้ามาขอและพวกอื่นๆอีกมากมาย ผมรู้ว่ามีคนเข้าหาเขาเยอะแต่พยายามเชื่อใจ แต่อันนี้ก็ดูท่าว่าจะใจกล้าไปหน่อยมั้ง

“พัตก็บอกคนที่ทักไลน์มาก่อนสิ”

“รหัสหน้าจอ1409 รหัสไลน์1404” ผมวางมือถือลงโต๊ะทันทีอย่างไม่รีรอ วินอมยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นผมทำอย่างนั้น ก็เอาสิ...ถ้าไม่เคลียร์กันเรื่องนี้ก็ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้วข้าว ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง

และในโทรศัพท์ผมก็ไม่มีความลับอะไร ในเครื่องมีแค่เกมส์หนังแล้วก็รูปของเราเท่านั้น จนไอ้กิมยังชอบแซะว่าซื้อเครื่องความจำ128gbมาทำซากอะไร

“ทำไมตั้งรหัสหน้าจอเป็นรหัสนี้ล่ะ” วินถามขึ้นทั้งที่กำลังก้มหน้าก้มตาเลื่อนดูนั่นดูนี่ในเครื่องผม ส่วนรหัสหน้าจอที่เขาถามถึงมันเป็นวันเกิดของเจ้าตัว

วันที่14 เดือนกันยายน

“ก็วันเกิดแฟน กดแล้วมันคล่องมือ” ผมใช้รหัสนี้มานานมากแล้วครับเขาแค่ไม่รู้เฉยๆ ใช้มาตั้งแต่ที่สืบประวัติวินมาได้นั่นแหละ เคยเป็นกันไหมครับที่วันสำคัญของเขาก็จะกลายเป็นวันสำคัญของเราไปด้วย

เพราะผมเป็นอย่างนั้นเลยชอบใช้รหัสต่างๆเกี่ยวกับวิน โคตรน้ำเน่าแต่ก็ทำชอบทำอย่างนั้นจริงๆ

“มีแฟนแล้วก็ต้องรักแฟนให้มากๆ ห้ามคุยกับใครห้ามนอกใจห้ามมีกิ๊กด้วย” มือบางเอื้อมมาวางโทรศัพท์ไว้ข้างมือผมเมื่อเขาคงจะดูจนพอใจแล้ว

พูดเองก็ดูเหมือนว่าวินจะเขินเอง แม้จะพยายามขึงตาใส่ราวกับจะบอกให้ทำตามนั้นอย่างเคร่งครัดแต่ริ้วแดงๆก็ยังแต้มดวงหน้าหวานให้ได้เห็นจางๆจนผมต้องยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้ แล้วน่ารักขนาดนี้ไม่ให้รักมากได้ไง

“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่มีทางเกิดเรื่องนั้นขึ้นแน่นอน...ห่วงฝั่งตัวเองเถอะ สรุปว่าใครมาขอเบอร์” ไม่ลืมนะครับไม่ลืมแน่นอน ใครก็ตามที่กล้ามายุ่งกับวินผมไม่ปล่อยไว้แน่ ตัดไฟได้ตั้งแต่ต้นลมเป็นเรื่องที่ดี กว่าจะได้มาเป็นแฟนไม่ใช่เรื่องง่ายคิดว่าผมจะปล่อยให้ใครหน้าไหนมายุ่งเหรอ

“ก็ไม่รู้ว่าชื่ออะไร เรียนคณะไหนเพราะเราไม่ได้สนใจ...แล้วก็ไม่ได้ให้เบอร์ไปด้วย” เหมือนจะยิ้มอ้อนให้รอดตัวและถึงแม้ผมจะใจอ่อนกับรอยยิ้มของวินแค่ไหนเรื่องนี้ก็ไม่อยากจะปล่อยผ่านจริงๆ ช่วงนี้ยิ่งไม่ได้เจอกันด้วย อะไรป้องกันได้ผมก็ต้องป้องกัน

“ทีหลังก็ให้เบอร์พัตไปเลยดิ จะได้ตามตัวถูกว่าใคร”

“ถ้ารู้ว่าใครแล้วพัตจะทำอะไรเล่า”

“กระทืบ” สองคำสั้นๆ ไม่มีอะไรมากมายความหมายก็ตามนั้น และผมสามารถทำแบบนั้นได้จริงๆอย่างไม่ต้องคิดเลย

“จะบ้าเหรอ ทำแบบนั้นได้ไงเล่า...ไม่เอาแล้วไม่พูดเรื่องนี้แล้ว กินข้าวกันดีกว่า” วินพูดเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อพนักงานเดินมาเสิร์ฟอาหาร ผมเองก็เลยเลยตามเลยไม่พูดเรื่องนี้อีกแต่ใช่ว่าในใจจะปล่อยผ่านไปเฉยๆ

แต่ผมก็เลือกจะเชื่อใจวินว่ามันไม่มีอะไรเหมือนที่เรื่องของผมไม่มีอะไร เขาบริสุทธิ์ใจถึงได้เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ถ้าปิดบังกันก็ค่อยว่าไปอย่าง








TBC.




Talk

ทำไมมันสั้นลงเรื่อยหว่า55555 คนแต่งกลับบ้านค่ะซึ่งที่บ้านไม่มีเน็ตต้องแชร์จากโทรศัพท์เอาเลยมาต่อตอนสิบให้ก่อนกลัว่าจะนานเพราะกว่าจะกลับก็อีกสองวันเลย เค้าทุ่มเทมากเลยเห็นไหม :mew3: :mew3: ไม่เวิ่นอะไรมากแล้วค่ะเดี๋ยว3Gหมดก่อนจะอัพ(ถ้าหมดคือเปิดกูเกิ้ลก็ยังไม่ได้อ่ะ) บ๊ายบายนะคะ :bye2: :bye2:

**เม้นต์ให้ความทุ่มเทของเค้าด้วยนะ แวะไปหากันได้ที่เพจเน้อ  :impress2: :impress2:











หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่10 03/10/2558(01.03) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-10-2015 01:26:57
ตอนนี้ไม่ว่าที่ไหนๆก็อยู่ในช่วงเรียนๆสอบๆหมด เมื่อไรจะว่างพาไปหาคุณแม่ให้ได้ชื่นชมฝีมือลูกชายบ้าง
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่10 03/10/2558(01.03) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-10-2015 01:34:57
ช่วงสอบพัตกะวินไม่ค่อยได้เจอกันแต่ก็
หาเวลาแสดงความเอาใจใส่กัน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่10 03/10/2558(01.03) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-10-2015 01:40:49
เบื่อคนเห่อแฟนจังค่าา หมั่นไส้
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่10 03/10/2558(01.03) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-10-2015 08:38:03
หวานอ่ะ สอบเสร็จแล้วก็รีบมาดินเนอร์ด้วยกัน  :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่10 03/10/2558(01.03) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: GMJeam ที่ 03-10-2015 08:55:58
มุ้งมิ้งกันจริง อิจแรง อิอิ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่10 03/10/2558(01.03) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: kub_kwonny ที่ 03-10-2015 10:49:26
อิจฉาเวอร์
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่10 03/10/2558(01.03) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-10-2015 11:46:20
หึๆ ถ้าพัตรู้ว่าวินแอบชอบตัวเองมานานแค่ไหน
บางทียิ่งจะเพิ่มความมั่นใจมากขึ้นไปอีกแน่นอน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่10 03/10/2558(01.03) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-10-2015 19:32:19
แม้ตอนสอบก้อยังหวานแหววได้อีก >\\\\\\<
ฟินเบาๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่10 03/10/2558(01.03) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 04-10-2015 11:27:53
วินตั้ลล้าตคคคคคคคคคคค
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่10 03/10/2558(01.03) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 04-10-2015 23:41:36
น่ารักมากกกกกก อยากให้หวานกว่านี้อีก :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่10 03/10/2558(01.03) p.4
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 06-10-2015 00:46:18
มาตามอ่านแล้ว ไปเจอคนเค้าแนะนำเรื่องนี้ในแท็ก #ยิ้มหวานของหมอ เลยตามมาอ่าน

ชอบมากกกก  :mew1: :mew1: :mew1:

ติดตามต่อไป :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 06-10-2015 03:40:33
ตอนที่ 11

#เริ่มต้นจากการแอบรัก

แล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึงซักที...

พอสอบเสร็จผมก็แทบจะไปรับวินที่หน้าห้องสอบเลยด้วยซ้ำ คิดถึงมากๆเพราะไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่วันที่เราไปกินข้าวด้วยกัน มหกรรมการสอบเล่นเอาหัวหมุนไปหมด เวลาพักผ่อนยังแทบไม่มี

“ดูเรื่องนี้นะๆ เราอยากดูอ่ะ” ผมยืนมองโปสเตอร์หนังภาคต่อเรื่องนึงที่วินบอกว่าอยากดูอยู่หน้าโรงเป็นเรื่องที่ผมเองก็อยากดูอยู่เหมือนกัน สไตล์หนังเราค่อนข้างจะไปในทางเดียวกันนั่นเป็นเรื่องที่ดีแต่ถึงจะไม่ใช่สไตล์เดียวกันถ้าวินอยากดูผมก็ตามใจเขาอยู่ดี

“โอเค งั้นเดี๋ยวพัตไปซื้อบัตร วินรออยู่ตรงนี้นะ” เอ่ยบอกคนข้างๆเมื่อเห็นว่ามีรอบต่อไปที่ไม่ต้องรอนานพอดี

“เราว่าจะไปซื้อป็อปคอร์นเดี๋ยวกลับมาเจอกันตรงนี้ก็ได้ พัตอยากกินไรเพิ่มไหม”

“ไม่ครับ วินอยากซื้ออะไรก็ซื้อมาเถอะ” ผมเปิดกระเป๋าตังค์แล้วดึงบัตรของโรงหนังออกมาก่อนจะยื่นให้วินเอาไปซื้อของ

“ให้เราทำไม? พัตจ่ายค่าตั๋วเราจ่ายค่าของกินไง”

“ใช้ตังค์พัตเนี้ยแหละ พาแฟนมาดูหนังทั้งทีก็ต้องเลี้ยงดิ” แค่แฟนคนเดียวเลี้ยงได้อยู่แล้วครับ ผมไม่ได้คิดมากอะไรกับเรื่องพวกนี้นะแล้วก็อยากทำหน้าที่แฟนที่ดีในการดูแลวิน เวลามาดูหนังผู้ชายก็ต้องเป็นคนจ่ายใช่ไหม(??)

“เราก็พาแฟนมาดูหนังเราก็ต้องจ่ายเหมือนกัน ไม่รู้ล่ะเราจะใช้เงินเรา...พัตไปซื้อตั๋วได้แล้ว” เดือนทันตะไม่รอให้ผมได้พูดอะไรร่างเล็กๆก็ก้าวเท้าไปเคาท์เตอร์ซื้อของกินทันที ผมมองตามหลังแล้วก็ต้องเก็บกระเป๋าตังค์ตัวเองไว้อย่างเดิมเมื่อวินยืนยันว่าอย่างนั้นแล้วเดินไปซื้อตั๋วหนังเสร็จแล้วจึงกลับมาที่เดิมที่เรานัดกันไว้

“ได้อะไรมาเยอะแยะเนี้ยหืม” เดินกลับมาหาคนตัวเล็กก็ต้องถามออกมาพร้อมทั้งยื่นมือไปถือช่วย ทั้งป็อปคอร์นถังใหญ่ น้ำ ขนม และไส้กรอกเต็มไม้เต็มมือ ก่อนจะมาโรงหนังเราไปกินข้าวกันมาแล้วนะ ไหงแฟนผมทำเหมือนว่ายังไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อวานอย่างนั้นล่ะ

“ก็...อยากกินหมดเลยเลยซื้อมา” อยากกินเยอะเกินไปไหมที่รัก คือไม่ใช่อะไรนะผมกลัวว่าเขาจะกินไม่หมดซะมากกว่า ซื้อมาขนาดนี้บางทีมันก็ไม่จำเป็นไง

“ก็ถ้าเดี๋ยวไม่อิ่มเราก็ค่อยไปกินหลังหนังจบก็ได้ วินซื้อมาแบบนี้มันสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์นะถ้ากินไม่หมด” แค่อยากบอกให้เขารู้ตัวบ้าง บางทีวินก็ชอบเป็นแบบนี้ ซื้อมาหลายอย่างแล้วกินไม่หมด ว่าจะบอกเขาหลายครั้งอยู่เหมือนกัน

อะไรที่ผมมองว่ามันไม่จำเป็นหรือมันไม่สมควรผมก็บอกวินนะ ไม่ใช่ว่าจะตามใจไปหมดซะทุกอย่าง แบบนั้นไม่ดีครับ ถ้ารักเขาก็ต้องบอกต้องเตือน

“ขอโทษ...ตอนซื้อเราลืมคิดไปอ่ะ” คนตัวเล็กก้มหน้าสำนึกผิดจนผมไม่กล้าว่าอะไรเขาต่อ ผมไม่ได้ดุเขาขนาดนั้นนะทำไมท่าทางของวินทำให้แม้แต่ผมยังคิดว่าตัวเองดุเขาล่ะ

“ที่พัตบอกแค่ไม่อยากให้วินสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ เอาไว้เราซื้อเท่าที่จำเป็นจะได้ไม่เปลืองตังค์นะรู้ไหม”

“...อื้อ” ถึงอย่างนั้นวินก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมซะที เขาเอาแต่ก้มมองเท้าของตัวเองอยู่อย่างนั้น
 
“ไม่เอาดิ เงยหน้าขึ้นมาคุยกับพัตก่อน เป็นอะไรครับ” เขาไม่ได้งอนหรือโกรธที่ผมพูดหรอกครับ วินไม่ใช่คนไร้เหตุผลเขาเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะบอก แต่อาการของคนตรงหน้าก็ทำให้ผมต้องถามออกมา

“พัตไม่ชอบ...เราทำตัวไม่ดี ใช้เงินไม่คิดใช่ไหม” พอเงยหน้าขึ้นผมนี่อยากจะดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดชะมัด ไอ้ท่าทางสำนึกผิดพร้อมกับแววตาที่สั่นไหวด้วยความไม่มั่นใจและน้ำเสียงอ้อนๆนี่ทำให้ผมแทบทนไม่ไหว ถ้าไม่เกรงใจคนอื่นที่เดินไปมาหน้าโรงนี่ผมดึงเขามากอดแน่ๆ

“ไม่ได้ไม่ชอบครับพัตแค่บอกให้วินได้รู้ ทีหลังเวลาจะซื้ออะไรวินจะได้คิดมากขึ้นไง” อยากจะดึงมือวินมาจับก็ทำไม่ได้เพราะติดที่มือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยของกินนี่แหละ

“ขอโทษ”

“พัตไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย คิดมากเหรอหืม” ผมส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้คนที่ยังคงมองมาด้วยแววตาไม่มั่นใจ ไม่ยักกะรู้ว่าวินเป็นคนที่คิดมากขนาดนี้ ปกติเห็นเขาอารมณ์ดีอยู่ตลอด

“ก็พัตทำหน้าดุ” ปากเล็กๆเบะใส่เหมือนปากเป็ดด้วย

“เหรอ พัตไม่รู้ตัวอ่ะ แต่ไม่ได้จะว่าอะไรจริงๆนะ” มิน่าล่ะวินถึงดูคิดมากขนาดนี้ ผมเผลอแสดงสีหน้าเข้มๆดุๆออกไปนี่เอง

“แน่นะ”

“ครับ เลิกคิดมากนะ...พัตว่าเราเข้าโรงกันดีกว่า ไปนั่งรอข้างในดีกว่ายืนอยู่ตรงนี้เนอะ” เหลือบดูนาฬิกาบนข้อมือก็พบว่าอีกประมาณสิบนาทีจะได้เวลาแล้ว

“อื้อๆ” อีกคนเริ่มยิ้มออกมาเมื่อผมยืนยันให้เขาสบายใจก่อนที่เราสองคนจะเดินเข้าไปในโรงด้วยกัน ที่ที่เรานั่งเป็นที่เกือบท้ายโรงเพราะว่าหนังเรื่องนี้กระแสค่อนข้างดีคนเลยเข้ามาดูเยอะ ดีแค่ไหนแล้วที่ยังได้ดูรอบนี้ไม่ต้องรอไปอีกเป็นชั่วโมง

“พัตกินไส้กรอกไหม” คนข้างตัวผมไม่พูดเปล่า มีบริการส่งไส้กรอกมาจ่อให้ถึงที่ปากอีกต่างหาก น่ารักเกินแฟนผมไม่มีแล้ว่าไหม ป้อนขนาดนี้ผมไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน

เจ้าตัวป้อนผมสลับกับป้อนตัวเองไปเรื่อยๆจนไส้กรอกหมด ทีนี้เริ่มหันไปแกะห่อขนมแล้วเมื่อจอยังคงฉายโฆษณาต่อไป

“อ้าว ไม่ป้อนพัตอีกเหรอ” ผมแซวขึ้นหลังจากที่เปิดห่อขนมแล้ววินแค่เอียงปากห่อมาทางผมเฉยๆ

“กินเองเลย ไม่ป้อนแล้วววว” พูดพร้อมกับลากเสียงยาวตาก็จ้องมองจอข้างหน้า ผมเลยได้โอกาสมองซ้ายมองขวาก่อนจะพบว่าฝั่งซ้ายมือผมมีคนนั่งถัดไปสี่ตัว ส่วนวินเขานั่งเก้าอี้ตัวสุดท้ายอยู่แล้ว

ฟอด

“พัต!” ทำตัวน่ารักใส่ดีนักผมเลยจัดการกดริมฝีปากตัวเองลงบนแก้มนุ่มๆซะเลย วินเอามือข้างที่ว่างกุมแก้มพร้อมกับเรียกชื่อผมออกมาอย่างตกใจ(และพยายามไม่เสียงดัง) เขามองซ้ายมองขวาก่อนจะเบิกตานิดๆเมื่อเห็นว่าฝั่งผมมีคนนั่งอยู่ แต่เชื่อเถอะว่าพวกเขาไม่สนใจหรอกห่างตั้งสี่ตัวเลยนะ

“หอมจัง หึหึ” ส่งยิ้มระรื่นให้กับคนที่มองมาอย่างคาดโทษ แสงจากจอที่ออกมาเพียงพอที่จะทำให้ผมเห็นว่าวินหน้าแดงแค่ไหน

“คนบ้า ไม่ต้องมาพูดเลยนะ...ทำอะไรแบบนี้ได้ยังไงนี่โรงหนังนะ คนเต็มไปหมด” วินพยายามเขยิบตัวหนีไปติดเก้าอี้ฝั่งขวามือเขาให้มากที่สุดจนผมต้องยื่นหน้าไปใกล้เขามากขึ้น ความสุขอีกอย่างหนึ่งของผมก็คือการที่แกล้งให้เขาเขินนี่แหละ ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเขินง่ายแค่ไหน

“งั้นแสดงว่าถ้าไม่ใช่ที่โรงหนังงวินก็โอเคใช่ไหม” ทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่มากขึ้นด้วย

“พัต! ถ้าพูดหรือทำอะไรแบบนี้อีกเรากลับบ้านแล้วนะ”

“เขินหนักแฮะ ครับๆ...ไม่แกล้งแล้วก็ได้” ผมหลุดหัวเราะน้อยๆก่อนจะยอมกลับมานั่งอย่างปกติ ส่วนวินก็ยังทำหน้าไม่ไว้ใจอยู่อย่างนั้น

“ให้มันจริงเถอะ” ผมไม่ตอบอะไรแต่หยิบขนมที่วินถือมากินอย่างอารมณ์ดี ไม่นานนักเพลงสรรเสริญพระบารมีก็ดังขึ้นให้ต้องยืนตรง พอจบหนังก็เริ่มดูหนังแบบจริงจังโดยที่ผมไม่ได้ก่อกวนวินอีก ต่างคนต่างสนใจแค่จอที่ฉายเรื่องราวสุดมันส์และลุ้นระทึกอยู่ข้างหน้า








“สนุกดีเนอะ แต่จบไม่ค่อยเคลียร์เลย ทำให้เราอยากดูภาคต่ออีกแล้ว” คนตัวเล็กพูดทันทีที่ออกมาจากโรงหนัง สองมือก็หอบถังป็อปคอร์นที่เหลืออยู่ครึ่งนึงมาด้วย

เขากินไม่หมดจริงๆครับเพราะผมไม่ได้กินป็อปคอร์นเลยเนื่องจากไม่ชอบ แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะถือว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วก่อนเข้าโรง วินรู้ตัวแล้วว่าคราวหลังเวลาจะซื้ออะไรต้องคิดให้มากขึ้น

“ก็ตามสไตล์คนทำหนังก็ต้องทิ้งปมให้เราอยากดูภาคต่อไปอีกเรื่อยๆ...ว่าแต่วินจะไปดูอะไรต่อรึเปล่า” หันไปถามคนข้างตัวเพราะตอนนี้เราออกมาจากส่วนของโรงหนังกันแล้ว ต้องตัดสินใจว่าจะไปโซนทางไหน

“อืม...เราต้องไปซื้อของใช้เข้าห้องแล้วก็พวกของสดด้วย” วินทำหน้านึกพร้อมกับค่อยๆพูดออกมา

“โอเคครับ งั้นไปกัน” ผมหันไปหยิบของในมือวินทิ้งให้หมดเมื่อเดินผ่านถังขยะ ก่อนที่จะกุมมือเล็กเดินไปทางโซนของใช้ก่อนเป็นอันดับแรก

คนตัวเล็กหยิบจับทุกอย่างดูคล่องไปหมด หน้าที่ของผมก็มีเพียงเข็นรถเข็นตามหลังเขาไปเรื่อยๆ ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้หรอกครับ ส่วนมากก็จะเป็นที่บ้านจัดมาให้เลย ทุกวันนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าของใช้แต่ละอย่างของผมมันต้องเลือกยังไงซื้อที่ไหน

“พัต...ที่ห้องมีอะไรขาดรึเปล่า จะได้ซื้อเข้าไปเลย” วินหันมาถามผมที่อยู่ด้านหลัง

“หืม ไม่รู้สิ เรื่องนี้แม่ให้คนที่บ้านจัดการให้พัตเลยไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ซักเท่าไหร่” คือแม่บ้านที่มาทำความสะอาดห้องผมจะเป็นคนของที่บ้านเข้ามาทำ เพราะฉะนั้นเขาก็จะตรวจดูว่าด้วยว่าที่ห้องผมขาดเหลืออะไรบ้าง ถ้าต้องการอะไรเป็นพิเศษก็แค่บอกผ่านแม่ไปเท่านั้น ผมเลยไม่รู้เรื่องพวกนี้นอกจากว่าจะเป็นพวกของสดที่ซื้อไปทำอาหารอันนั้นผมรู้เรื่อง

“เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องรบกวนที่บ้านเลย ต้องหัดทำเองนะรู้ไหม...ดีซะอีกที่เราจะได้เลือกในสิ่งที่ถูกใจเราที่สุด แถมยังช่วยแบ่งเบาภาระคนที่บ้านได้ด้วย” เริ่มเห็นแววความเป็นแม่ศรีเรือนของแฟนผมมาแต่ไกล กลายเป็นว่าตอนนี้ผมต้องเป็นฝ่ายเชื่อฟังวินบ้างแล้ว

“ครับๆ...งั้นวินก็สอนพัตสิว่าควรต้องเลือกอะไรยังไง หรือไม่วินก็เป็นคนเข้ามาดูแลห้องพัตเลยขาดเหลืออะไรวินก็เป็นคนจัดการ เอ...แต่เข้ามาอยู่ด้วยกันเลยง่ายกว่าเนอะ” ในทีสุดก็ลากเข้ามาเรื่องนี้อีกจนได้ แต่ทางออกของผมมันดีจริงๆนะ ถ้าเราอยู่ด้วยกันวินก็เป็นคนจัดการเรื่องนี้ งานแบบนี้เขาถนัดอยู่แล้ว สะดวกสบายเป็นไหนๆ คนที่บ้านก็ไม่ต้องลำบากด้วย ดีไปหมดทุกอย่าง

“รอไปก่อนเถอะ เราไม่ยอมง่ายๆหรอก...แต่ว่าต่อไปเรื่องนี้ไม่ต้องให้คนที่บ้านมาทำให้แล้วนะ เดี๋ยวเราจัดการเอง จะเข้าไปดูที่ห้องให้ว่าขาดเหลืออะไรบ้าง” คนตัวเล็กบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะหันกลับไปสนใจพวกของใช้ของเขาต่อ ผมยืนยิ้มคนเดียวอย่างลิงโลดเมื่อวินพูดออกมาแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้แสดงออกไปหรอกครับเดี๋ยวเขาจะเปลี่ยนใจไป

กลับไปผมจะโทรบอกแม่เลยว่าไม่ต้องให้คนมาดูแลเรื่องนี้แล้วให้จัดการแค่เรื่องทำความสะอาดห้องก็พอ

“วิน...” เดินเข็นรถตามหลังวินไปเรื่อยๆก่อนที่ผมจะหยุดที่โซนๆนึงในขณะที่วินเองก็ดูของอยู่ล็อคเดียวกันแต่ฝั่งตรงข้าม

“หืม” ขานรับแต่ก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา

“เอากลิ่นไหนดีอ่ะ” ผมหยิบกล่องถุงยางออกมาหลากหลายสีแล้วชูให้เขาเลือก แน่นอนว่าเมื่อวินหันมาเขาก็ทำหน้าตกใจก่อนที่แก้มจะค่อยๆขึ้นสีเรื่อยๆ

“ถะ ถามเราทำไมเล่า! ไม่มีทางได้ใช้หรอกไม่ต้องคิดเลย” คนที่เขินจัดตะโกนเสียงดังแล้วรีบเดินหนีไปทันที ทิ้งให้ผมยืนหัวเราะอยู่คนเดียวท่ามกลางสายตาของสาวน้อยวัยมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งที่มองมาอย่างเขินๆ ตัวผมไม่รู้สึกอะไรหรอกครับเพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ(ธรรมชาติหรือหน้าด้าน) ส่วนไอ้เมื่อกี้ที่วินเขาบอกว่าไม่มีทางได้ใช้น่ะ หึหึ

ก็มารอดูกัน...แล้วถึงตอนนั้น ผมจะให้เขาได้ลองทุกกลิ่นทุกแบบเลยคอยดู





(ทำไมวันนี้ไม่กลับบ้านละจ๊ะ ปกติสอบเสร็จลูกชายแม่ต้องกลับบ้านนี่) หลังจากที่ผมแยกย้ายกับวินแล้วกลับมาถึงห้องได้ซักพักแม่ก็โทรเข้ามาพอดี สงสัยท่านพึ่งไปงานเลี้ยงถึงได้โทรมาดึกขนาดนี้

“ผมไปดูหนังกับวินมาครับเพราะอาทิตย์ที่แล้วไม่ได้เจอกันเลย พรุ่งนี้เขาก็ต้องกลับบ้านด้วย” ปกติวันศุกร์เราสองคนจะต้องกลับบ้านของพ่อกับแม่ใครมัน แต่อาทิตย์นี้เลื่อนเป็นวันเสาร์ตอนเช้าแทนเพราะมีนัดไปดูหนังด้วยกันชดเชยเวลาที่ไม่ได้เจอ บ้านวินเองก็อยู่กรุงเทพแต่อยู่คนละฟากกับบ้านผม

(เอ๊ ไปดูหนังกันแบบนี้คบกันแล้วรึยังลูก) อ่า ผมลืมไปเลยว่ายังไม่ได้บอกแม่เรื่องนี้ ลืมไปเสียสนิท

“คบกันแล้วครับแม่ ซักพักแล้ว”

(โอ้ แม่ดีใจด้วยนะจ๊ะ สงสัยน้องวินจะต้องเหนื่อยน่าดูที่คบกับเรา...ถ้าน้องว่างก็พาน้องมาทานข้าวที่บ้านบ้างนะลูก แม่อยากเจอ) ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดูท่าทางแม่ผมจะเข้าข้างวินมากกว่าลูกตัวเองซะแล้ว อีกหน่อยผมคงกลายเป็นหมาหัวเน่าไปเลย ใครๆก็เอ็นดูวินทั้งนั้น

“ได้ครับแม่ พัตก็ว่าจะพาไปอยู่เหมือนกันแต่ว่าช่วงนี้ติดสอบซะก่อน เอาไว้ถ้าว่างผมจะพาน้องวินของแม่ไปหานะครับ”

(ได้จ้ะ...แล้วพรุ่งนี้พัตมาถึงกี่โมงลูก แม่จะได้เตรียมอาหารไว้ให้)

“คงเกือบเที่ยงอ่ะครับแม่ ว่าจะนอนยาวเพราะไม่ได้นอนมาทั้งอาทิตย์ อ้อแม่ครับ...แม่ไม่ต้องส่งคนมาดูเรื่องของใช้ของพัตแล้วนะ วินเขาจะดูให้บอกว่าไม่อยากให้รบกวนคนที่บ้าน” พูดกับแม่ไปทั้งปากก็ฉีกยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงคนที่พึ่งจะไปดูหนังด้วยกันมา คิดถึงหน้าน่ารักๆของวินไปด้วย

(แหม หมั่นไส้จริงเชียวลูกคนนี้ ถ้าไม่เป็นการรบกวนวินแม่ก็ตามใจจ้ะ งั้นเดี๋ยวแม่โอนเงินค่าของใช้ให้เป็นเดือนๆไปแล้วกันนะจ๊ะ)

“โอเคครับ”

(จ๊ะ งั้นแม่วางสายแล้วนะ พักผ่อนนะจ๊ะลูก พรุ่งนี้เจอกัน)

“ครับ ฝันดีนะครับแม่ ฝากกู้ดไนท์พ่อด้วย”

(จ้ะ)

ยังไม่ทันจะวางสายจากแม่ดีคนที่ผมพูดถึงเมื่อซักครู่ก็โทรเข้ามา

“ครับ”

(พัตทำไรอยู่)

“พึ่งคุยกับแม่เสร็จเมื่อกี้นี้เอง วินล่ะทำอะไรอยู่ครับ”

(เราอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังจะนอนล่ะ...ง่วง) ตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้วไม่แปลกที่วินกำลังจะเตรียมตัวนอน แถมวันนี้ยังเดินทั้งวันอีกคงเหนื่อยเป็นะรรมดา ผมเองก็อยากจะนอนแล้วเหมือนกันแต่ว่าขี้เกียจลุกไปอาบน้ำมากตั้งแต่กลับมาเลยยังไม่ได้ทำอะไรนอกจากนอนนิ่งๆอยู่บนโซฟา

“งั้นก็นอนเลย พรุ่งนี้ต้องกลับบ้านแต่เช้าอีกนะ” พรุ่งนี้วินต้องกลับบ้านเช้ามากครับ ออกจากคอนโดหกโมงเช้าเพราะว่ามีธุระกับที่บ้าน

(อื้อ พัตก็รีบนอนนะ...ฝันดี) เสียงวินเริ่มจะไม่ไหวแล้ว อ้อแอ้อยากนอนเต็มแก่

“ฝันดีครับ” ไม่นานสายก็ตัดไปให้ผมได้วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะก่อนจะลุกไปอาบน้ำซะที เหนื่อยอยากนอนจะแย่แล้วเหมือนกัน
 





.....................................................







 “อีพัตตตตตต...มึงช่วยกูหน่อยไม่ได้เหรอ นะๆๆๆๆ มึงก็รู้ว่าทั้งสาขาเราไม่มีใครหล่อเท่ามึงแล้ว ปีก่อนมึงก็หนีรุ่นพี่ถือซะว่าไถ่โทษปีที่แล้วนะ แค่ไปเดินแป๊บเดียวเองมึง”

“อย่างอื่นกูก็พอรับได้แต่ให้ถอดเสื้อคืออะไร มึงเป็นคนคิดคอนเซ็ปใช่ไหมเมี่ยง” ผมหันไปถามกระเทยประจำสาขาอย่างอ่อนใจ มันมาขอให้ผมเป็นคนถือป้ายของสาขาซึ่งอันที่จริงถ้ามันเป็นงานของคณะผมก็ช่วยนะ ทั้งที่ผมเองก็มีหน้าที่อย่างอื่นในวันนั้นแต่ช่วงเช้าก็ยังช่วยเดินขบวนได้

“อุ๊ย เท่จะตาย คนอื่นเห็นจะได้รู้ว่าสาขาเรานั้นมีของดี...น่านะมึง ถือให้หน่อยถอดเสื้อโชว์นิดเดียวเอง ผู้ชายเขาก็ต้องถอดกันทุกคนแหละมันเป็นคอนเซ็ปต์ของคณะเรานะมึง”

“กูว่าที่มึงมาขอไอ้พัตเพราะมึงอยากเห็นซิกแพคมันเป็นความต้องการส่วนตัวเลยใช่ไหม เอากูไปแทนก็ได้นะงั้น” ไอ้กิมเอ่ยออกมา นี่ก็ตัวสั่นอยากโชว์ระริกระรี้ ปีก่อนไมมึงไม่เสนอตัววะให้รุ่นพี่ตามจิกผมอยู่ได้

“เกลียดจริงคนรู้ทัน แต่ไม่ค่ะมึงทำหน้าที่ประธานรุ่นต่อไปเถอะ เป็นหน้าเป็นตาประจักรแก่ทั่วโลกต้องผัวของคนทั้งสาขาอย่างอีพัตเท่านั้น...นะพัตนะ ช่วยกูเถอะ กูไปโม้กับอีแบงค์เอกผังเมืองไว้แล้วว่าสาขากูเด็ดสุด ถ้าไม่ใช่มึงก็พังพินาศหมดเลยนะที่กูโม้ไว้อ่ะ กระเทยหน้าแตกดังโผล๊ะหมอไม่รับเย็บค่า”

“มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบอะไรแบบนี้ ให้ไปแบกธงกูจะไม่คิดมากเลย” ผมไมชอบจริงๆนะงานพวกต้องใช้หน้าตาอะไรเทือกนี้ ให้เป็นที่จับจ้องให้คนมองเยอะๆผมไม่ชอบ

“โถว่ เสียดายน่าตาอันหล่อเหลาของสามี...กูสัญญาว่าครั้งนี่ครั้งสุดท้ายเลยนะ จะไม่ส่งชื่อมึงเข้าประกวดเดือนอีกเลยด้วย สัญญา งานอื่นกูก็จะให้มึงเลือกหน้าที่ของมึงเองแบบไม่ขัดไม่ดึงมึงมาทำงานกูเลย”

เมี่ยงมันชอบมาเล็งผมให้เข้าประกวดเดือนมหาลัยอยู่เรื่อย แต่ผมก็เลี่ยงมาตลอดโดยที่มันหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องส่งผมเป็นตัวแทนของสาขาไปประกวดให้ได้ในซักปี พอมันยื่นข้อเสนอนี้มาผมเลยเริ่มสนใจไอ้งานกีฬาถอดเสื้อนี้ขึ้นมา

“จริงนะ ห้ามมาถามกูเรื่องให้ประกวดเดือนแล้วนะ เดือนสาขา เดือนคณะ เดือนมหาลัยไม่เอาทั้งนั้น”

“ตกลงค่ะที่รัก” มีการกระพริบตาปริบๆใส่ด้วย นี่ถ้าลงมานั่งตักผมได้คงทำไปแล้ว

“เออๆ ก็ได้ งานสุดท้ายนะ” เมื่อลองชั่งน้ำหนักก็คิดว่าตัดปัญหาไอ้เรื่องจะให้ผมไปทำอะไรพวกนั้นจบๆไปได้ซักที

“กรี๊ดดดดดดดดดดด ได้ค่ะได้ โอ้ย รอดแล้วชีวิตกู ปีนี้สาขาเราต้องเลิศสุดคณะเราต้องเลิศสุดแน่นอนกูคอนเฟิร์ม งั้นกูไปคุยเรื่องงานต่อนะคะ ไว้มีอะไรจะบอกอีกทีนะ จุ๊บๆ” ร่างอันมหึมาของเพื่อนในสาขาเดินจากไปกับภารกิจกันหนักอึ้ง
เอาว่ะ อย่างน้อยก็งานสุดท้ายแล้ว...ผมจะได้ไม่ต้องมาทนคำรบเร้าของมันในครั้งต่อๆไปอีก

“หึหึ โดนแน่มึง ถ้าวินรู้ว่ามึงต้องถอดเสื้อนะ ชะตาขาดแน่ๆ” ไอ้จีนที่คุยโทรศัพท์กับสาวเสร็จพูดออกมา เออว่ะ! ลืมคิดถึงตอนที่วินรู้ไปเสียสนิท

แต่วินคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง ก็มันเป็นงาน....

“มึงเตรียมตัวง้อยาวเลยเพื่อน ถ้าเป็นกูกูโวยวายแน่ มึงไม่รู้หรอกว่ามีคนจ้องจะเอามึงมากแค่ไหน งานนี้งานมหาลัยด้วยคนเป็นล้านอ่ะ” ขอบคุณคำปลอบโยนของไอ้กิม ช่วยกูได้เยอะเหลือเกิน

“มึงก็รู้ว่ากูเบื่อกับการที่ต้องทนคำรบเร้าของไอ้เมี่ยงแค่ไหน งานไหนๆมันก็จ้องจะเอากูไปเดินขบวนทั้งนั้นแหละ ทำงานนี้แล้วมันจะไม่ตามตื้ออีกก็ถือว่าคุ้ม”

“เออ มันคุ้มกับชีวิตมึงแต่ช่วยถามแฟนมึงด้วยนะครับคุณพัตครับ ศพไม่สวยแน่มึงว่าไหมกิม”

“ล้านเปอร์เซ็นต์เลยเพื่อน” แล้วพวกมันสองคนก็ไฮไฟว์กันอย่างถูกอกถูกใจ ตอนแรกก็ไม่ได้กังวลเท่าไหร่หรอกนะเพราะคิดว่าน่าจะอธิบายให้วินเข้าใจได้ แต่โดนพวกมันไซโคหนักก็เริ่มคิดแล้วเหมือนกันว่าจะบอกวินว่ายังไง

และที่หนักกว่าการบอกคือ...

วินจะว่ายังไง?




TBC.



Talk


ตอนแรกกะว่าจะอู้มาต่อพรุ่งนี้แต่เห็นคอมเมนต์ของคุณ QXanth139 เลยมาต่อให้คืนนี้ซะเลย :katai4: :katai4: คือจะบอกว่าพรุ่งนี้มีเรียนเช้าและคิดว่าต้องไปสายแน่ๆเพราะมัวแต่มาแต่งพัตกับวิน  :mew4: :mew4: ต้องบอกว่าดีใจมากๆนะคะ พอเห็นแล้วเลยเข้าไปดูในทวีตแล้วได้เห็นจริงๆว่ามีคนแนะนำเรื่องนี้ในทวีตด้วย ดีใจมากๆจริงๆที่มีคนที่ชื่นชอบนิยายของเรา(ดีใจจนน้ำตาจะไหลเลย ไม่คิดว่าจะมีคนติดแท็กให้><) ทุกๆคอมเมนต์มีค่ากับคนแต่งมากจริงๆนะคะ เวลาที่เราเห็นว่ามีคนติดตามมีคนชอบเรื่องของเรามันเป็นอะไรที่ทำให้มีพลังมากๆเลย จำได้ทุกคนที่เมนต์ แล้วก็รู้สึกขอบคุณมากๆที่เข้ามาติชมกัน

ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำว่าขอบคุณมากจริงๆ รักแล้วก็ขอบคุณมากๆเลยนะคะ :pig4: :pig4:

แล้วก็ขออนุญาติใช้แท็กตามคนที่แนะนำเลยน๊า มีอะไรอยากพูดพัตวินในทวีตติดแท็ก #เริ่มต้นจากการแอบรัก ได้เลยนะคะ คนแต่งอยู่ทวีตตลอดเลย  :-[ :-[



https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/timeline/?ref=aymt_homepage_panel

หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 06-10-2015 06:17:23
เมี่ยงหยุด แต่หนุ่มน้อยสาวน้อยที่เป็นแฟนคลับของพัตอยู่แล้วจะไม่คลั่งหนักกว่าเดิมหรอกเหรอคะเนี่ย :laugh:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-10-2015 10:45:45
พัตคิดหาวิธีบอกวินพร้อมกับหาวิธีง้อวินไปด้วยเลยนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-10-2015 11:36:05
วินคงจะเข้าใจอยู่ว่ามันเป็นงาน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 06-10-2015 11:47:12
พัตรีบบอกวินเลย รู้ทีหลังคงเสียความรู้สึก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 06-10-2015 12:03:58
 :hao3: งานเข้าพัดเต็มๆคิดว่าวินน่าจะเข้าใจ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 06-10-2015 16:47:34
สมาคมเกรียมัว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 06-10-2015 17:24:24
โอ๊ยยยยยย ตอนดูหนังนี่หวานหยุดอ่ะ
โมเม้นต์น่ารักๆของวัยรุ่น >\\\\\<

พัต จะได้ง้อวินไหมเนี่ย ไม่รู้วินจะงอนไหม
เดาไม่ถูก 55555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 07-10-2015 01:46:01
สนุกมากกกกกกพัตนี่ก็หื่นนิดๆนะเนี่ยยยย วินจะรอดมือไปได้อีกนานแค่หนายยยยยย :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 07-10-2015 14:12:00
น่ารักอะ ชอบตอนที่รู้ว่าวินก็แอบชอบพัตมาก่อน ชอบแนวแอบรักแบบนี้จังเลยครับ ^^
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 07-10-2015 14:32:52
เรื่องน่ารักจัง
น้องวินคงไม่ว่าเรื่องพี่พัตถอดเสื้อหรอกเนอะ
ขอบคุณคนเขียนค่ะ
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 07-10-2015 15:08:19
พัตต้องงานเข้าแน่ๆเลย จะได้เห็นวินหึงบ้างแล้วใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 08-10-2015 12:14:47
เราเพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกค่ะ ชอบพระนายมากเลยย

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ จะรอตอนต่อไปค่าาาา ^^
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่11 06/10/2558(03.47) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: กระดาษเก่า ที่ 08-10-2015 18:08:51
เพิ่งเข้ามาอ่านเหมือนกัน ชอบบบบบ

รวดเดียวเลย อยากอ่านต่อมาก :hao7:

เป็นกำลังใจให้คะ มาต่ออีกน่ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่12 10/10/2558(04.53) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 10-10-2015 04:48:22
(http://i62.tinypic.com/rixo5f.jpg)

ตอนที่ 12

“ทำไมซื้อไข่กับกล้วยมาเยอะนักล่ะ...อกไก่ก็ด้วย” วินถามขึ้นในขณะที่เราสองคนกำลังช่วยกันจัดของเข้าที่ให้เรียบร้อย วันนี้เราออกไปซื้อของใช้เข้าห้องของผมครับ ไหนๆก็ไหนๆแล้วเลยซื้ออาหารพวกโปรตีนมาตุนไว้ซะเยอะเพราะมีเวลาเพียงสามอาทิตย์ในการฟิตหุ่น ฟิตเนสที่ไปอาทิตย์ละสองสามครั้งก็คงต้องเพิ่มเวลาซักหน่อย

ว่าแต่...ยังไม่ได้บอกวินเรื่องนี้เลยแฮะ

“ก็...คืองานกีฬาของมหาลัยพัตต้องไปถือป้ายสาขาอ่ะ แล้ว...” สายตาที่มองมาอย่างตั้งใจฟังทำเอาสติและความกล้าเริ่มจะหายไป กลัววินงอนอ่ะยอมรับเลย

“แล้ว?”

“คะ คือ...คอนเซปต์ของสาขาพัต...ผู้ชายต้อง...ถอดเสื้อ” ไอ้คำว่าถอดเสื้อนี่เบาจนแทบไม่ได้ยินแถมผมก็ยังไม่กล้าจะสบตาแฟนของตัวเองอีกด้วย พอพูดไปแล้วก็รับรู้ได้ถึงความเงียบที่ปกคลุมรอบตัว บรรยากาศเริ่มแผ่ความเย็นแปลกๆ “คือมันเป็นงานของสาขาอ่ะวิน เพื่อนมาขอให้ช่วยพัตก็ไม่อยากจะปฏิเสธ” 

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่มองมานิ่งๆด้วยสายตาหวาดหวั่น ตอนนี้คือขอยกเหตุผลร้อยแปดมาเอาตัวรอดก่อนเถอะ ถ้าไม่รีบอธิบายเกรงว่าอาจจะไม่มีชีวิตรอดไปช่วยงานเพื่อนก็เป็นได้

เมี่ยงเอ้ย...หางานมาให้ผมแท้ๆเลย

“วินครับ...” สืบเท้าเข้าไปใกล้คนที่ยังคงนิ่งพร้อมกับดึงมือที่อยู่ข้างลำตัวของคนตรงหน้าขึ้นมาจับ

“ถอดเสื้อ...งานกีฬามหาลัย...คนทั้งมหาลัย ไม่สิ มีคนข้างนอกมาด้วย...ก็ต้องเห็นกันหมดเลยเหรอ” ร่างเล็กๆขยับปากพูดทีละประโยคช้าๆ ดวงตาไหววูบที่แสดงออกทำให้ผมต้องลูบไล้มือบางเบาๆอย่างปลอบประโลม

“เห็นก็เอาไปไม่ได้ซักหน่อย มันเป็นงานของสาขาพัตช่วยได้ก็อยากจะช่วย งานเดียวงานสุดท้ายนะ...จริงๆ” เป็นใครก็ต้องคิดต้องรู้สึกบ้างผมเข้าใจ เพราะถ้าจะให้วินถอดเสื้อต่อหน้าคนอื่นผมเองก็ไม่โอเคเหมือนกัน ไม่โอเคอย่างแรงและไม่มีวันยอมให้ทำแบบนั้นด้วย

“...จะพยายามเข้าใจ” ถึงแววตาจะยังคงแสดงออกว่าทำใจไม่ได้ซักเท่าไหร่แต่วินก็พยายามยิ้มให้ผมเหมือนว่าเขาโอเคทั้งที่ลึกๆแล้วเขาก็ยังคงทำไม่ได้ทั้งหมดก็ตาม

ผมรั้งเดือนทันตะเข้ามาในก้อมกอดพร้อมกับลูบหลังเขาเบาๆเพื่อปลอบโยน มันยากที่จะทำใจผมรู้ดี

“อย่าคิดมากนะ พัตเองก็ไม่ได้อยากทำแต่นั่นมันเป็นงาน” ผมสัมผัสได้ว่าแรงรัดที่โอบรอบตัวจากคนในอ้อมกอดนั้นมากขึ้น หน้าของวินก็ซบอยู่ที่อกราวกับต้องการที่พึ่งพิง 

“อื้อ...วันนั้นห้ามมองใครด้วย ห้ามมองเด็ดขาดเลยนะไม่ว่าจะดาวหรือเดือนของคณะไหนก็ตาม อ้อ...อนุญาตให้มองเดือนของคณะทันตะได้ ห้ามมองคนที่อยู่บนอัศจรรย์ด้วย พิธีกรนักร้องคอรัสก็ห้าม”

“หืม ไม่ห้ามก็ไม่มองใครอยู่แล้ว จะมองแค่เดือนทันตะคนเดียวแน่นอนสัญญาครับ วินก็เหมือนกัน...ห้ามมองใครเด็ดขาด หญ้าในสนามก็ห้ามมอง” วินเองก็ต้องเดินขบวนเหมือนกันในฐานะของเดือนคณะเขา แน่นอนว่าผมรู้ดีว่าต้องมีคนสนใจเขามากมายเช่นกัน ถ้าผมเห็นว่าใครส่งสายตาให้แฟนผมหลังจากเดินขบวนมีเคลียร์กันแน่ๆ

“ห้ามมองหญ้าอะไรกันเล่า งั้นเราจะต้องหลับตาเดินเลยไหม” วินผละออกมาให้เราได้มองหน้ากัน แต่มือก็ยังคงโอบเอวอีกฝ่ายไว้ทั้งคู่

“ถ้าได้ก็ดีน่ะสิพัตจะได้ไม่ต้องห่วง ใครมันส่งสายตามาวินจะได้ไม่เห็น ไม่หวั่นไหว”

“กี่คนส่งมาก็ไม่หวั่นไหวอยู่แล้ว พัตนั่นแหละที่ต้องระวัง...ต้องถอดเสื้อโชว์ด้วย แล้วนี่อยากโชว์มากเหรอถึงได้ซื้อทั้งไข่กล้วยแล้วก็อกไก่มาขนาดนี้ จะฟิตหุ่นให้สาวๆกรี๊ดใช่ไหม” แววตาที่เคยหวานกลับกลายแปรเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นทันที

ผมอมยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นท่าทางและคำพูดของวิน ผมไม่ได้อยากจะโชว์ใครหรอกครับแต่คนมันเยอะก็ต้องทำให้ตัวเองดูดีบ้าง ขืนถอดเสื้อทั้งที่พุงพลุ้ยนี่คงดูไม่จืดแน่ๆ

“ก็วันนั้นคนมันเยอะนี่นา...แต่ไม่ได้อยากจะโชว์ใครเลยนะนอกจากเดือนทันตะอ่ะ”

“ไม่ต้องมาพูดเลย ไม่อยากโชว์แล้วฟิตหุ่นทำไม”

“โถ่ที่รัก ไม่อยากโชว์แต่พัตก็ไม่อยากให้มันดูน่าเกลียดนี่นา”

“ทะ ที่รักอะไรเล่า มั่ว!” แล้วอารมณ์ที่ดูขุ่นมัวจากคนตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นท่าทีตระหนกแบบที่ผมยังคงงงๆ

อ้อ...เป็นเพราะเมื่อกี้ผมเรียกวินว่าที่รักออกออกไปด้วยความลืมตัวสินะ แต่ถึงจะลืมตัวผมก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหนในเมื่อวินเป็นที่รักของผมจริงๆ แต่ดูท่าว่าคนที่ผมโอบอยู่ตอนนี้จะยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่กับสรรพนามใหม่ หน้าเน่อนี่เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับสายตาที่เสมองไปทางอื่นไม่ยอมสบตาอย่างเคย ริมฝีปากเล็กก็เม้มแน่น

“พัตรักใครก็เรียกคนนั้นว่าที่รักไม่เห็นจะแปลกตรงไหน...จริงไหมครับที่รัก?” ผมยิ้มกว้างพร้อมกับส่งสายตาไปให้วินเพราะรู้ว่านั่นจะยิ่งเป็นการทำให้เขาเขินหนักขึ้นไปอีก

“พะ พอแล้ว...ปล่อยเลยนะ จะไปเก็บของต่อ” ของที่เรายังเก็บไม่เรียบร้อยยังคงวางอยู่ที่เดิม แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจของพวกนั้นเพราะวินาทีนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่ากับคนที่อยู่ตรงหน้าผมแล้ว

“ไม่ปล่อยครับ”

“พัต! ปล่อยเราเดี๋ยวนี้นะ” แรงดิ้นแค่นี้จะมาสู้อะไรผมได้ ยิ่งวินดิ้นผมก็เลยยิ่งแกล้งเขาโดยการรัดให้แน่นขึ้น

“หยุดดิ้นก่อนเร็ว เดี๋ยวพัตปล่อย” ที่จริงวินก็ดิ้นไม่แรงหรอกครับ แต่ถ้าเขาอยู่นิ่งๆก็คงจะดีกว่า

“แน่นะ?”

“ครับ” คนในอ้อมกอดค่อยๆผ่อนแรงดิ้นลงจนกลายเป็นยืนอยู่เฉยๆตามเดิม และนั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องการ “จูบได้ไหมครับ” มือที่โอบเอวบางถูกยกขึ้นมาลูบไล้ที่ริมฝีปากของวินแผ่วเบา สีหน้าที่เป็นปกติได้ไม่นานเริ่มกลับมาแดงอีกแล้ว

วินไม่ได้ตอบรับหรือว่าปฎิเสธ มีเพียงสายตาที่มองมาอย่างเขินอายและหวั่นไหวให้เท่านั้น เราทั้งคู่สบตากันเนิ่นนานก่อนที่ผมจะถือว่าความเงียบนั้นคือคำตอบรับว่าตกลง

และเป็นผมเองที่เคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเรื่อยๆ จากระยะที่ห่างพอประมาณก็สั้นลง สั้นลง และสั้นลงจนสามารถมองเห็นขนตาที่เรียงเป็นแพรของวินได้อย่างชัดเจน ดวงตาคู่นี้ที่ผมชอบ คิ้ว จมูก แก้ม ปาก ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่ผมหลงใหล ลมหายใจระหว่างเราสั้นเรื่อยๆจนในที่สุดมันก็แทบจะกลายเป็นลมหายใจเดียวกันในจังหวะที่ต่างฝ่ายต่างค่อยๆหลับตาลง

ผมไล้ลิ้นชื้นแฉะของตัวเองไปบนริมฝีปากที่เผยอน้อยๆของวินไปมาอย่างแผ่วเบา ละเลียดราวกับมันเป็นขนมหวานที่ผมชอบที่สุดจนไม่อยากจะตะกรุมตะกรามกินให้มันหมดไปเร็วนัก ขบเม้มปากบางไปเรื่อยๆอย่างใจเย็นจนวินยอมเปิดทางให้ผมเข้าไปสำรวจภายใน เรียวลิ้นค่อยๆบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของอีกฝ่ายก่อนจะสัมผัสเข้ากับกับลิ้นเล็กของเขาที่หดหนีทันทีเมื่อผมสัมผัสโดน แต่ผมไม่ได้กดดันเขา ก็ยังคงค่อยๆไล้เลียดลิ้นเกาะเกี่ยวตามวินไปอย่างแผ่วเบาจนในที่สุดก็สามารถครอบครองมันไว้ได้

“อือ อะ อะ อืม” เสียงครางจากในลำคอของคนที่ไม่ประสีประสาดังขึ้นอย่างทำให้ผมพอใจ

แรงดูดดึงเรียวลิ้นเล็กเริ่มเพิ่มมากขึ้นตามอารมณ์ที่โหมกระหน่ำ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามควบคุมมันไม่ให้มากเกินจนวินรับไม่ไหว ปฎิกิริยาของเขากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นเล็กเริ่มตอบสนองกลับมาเป็นฝ่ายจูบผมกลับบ้างตามสัญชาตญาณ ใบหน้าก็ปรับเอียงให้เราทั้งสองได้แนบชิดกันมากขึ้นอย่างที่มันควรจะเป็น มือผมค่อยๆลูบไล้ทั่วเอวบางไปมาในขณะที่อีกข้างก็ยังอยู่ที่ข้างแก้มวินเพื่อบังคับทิศทาง

จากที่ลูบเอวเล็กผ่านร่มผ้ามือของผมก็เริ่มสอดเข้าไปภายในเพื่อสัมผัสกับผิวเนียนโดยที่วินไม่รู้ตัวเพราะยังคงมัวเมากับจูบของผมอยู่ ผิวที่ผมได้สัมผัสนั้นเนียนราวกับเม็ดทรายเล็กละเอียด ยิ่งสัมผัสยิ่งต้องการมากขึ้น...มากขึ้น

จนในที่สุดก็ต้องเป็นผมที่ต้องตัดใจถอดถอนริมฝีปากออกมาจากปากบางอย่างอ้อยอิ่งแม้ว่าใจจะต้องการทำมากกว่านั้นก็ตาม

“แดงหมดเลย” ผมไล้มือไปยังปากที่บวมเจ่อนิดๆจากแรงดูดดึงของตัวเองพร้อมกับส่งสายตาไปให้คนที่ยืนหอบเล็กน้อยจากการจูบเมื่อครู่

“พะ เพราะใครกันเล่า” วินรีบซุกตัวเข้ามาในอ้อมกอดผมอีกครั้งคงเพราะอายเกินกว่าที่จะสู้หน้าผมล่ะมั้ง ทั้งที่ไม่เห็นมีอะไรจะต้องอายกันซักนิด ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของเราและวันนั้นผมก็สอนเขาไปเยอะแล้ว แต่ดูท่าว่าจะยังคงไม่เป็นผลเท่าไหร่ ไร้เดียงสายังไงก็ยังคงไร้เดียงสาอย่างนั้น

“หึหึ เลิกเขินได้แล้ว แฟนกันทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติวินควรจะชินได้แล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องเขินพัตซักหน่อย” ผมอยากให้เขาสบายกับทุกการกระทำที่ทำต่อผม ไม่ว่าจะทำอะไรก็ให้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ การแสดงออกของความรักแบบนี้ยิ่งไม่มีอะไรต้องอาย

“ก็มันยังเขินๆนี่นา ใครจะหน้าด้านเหมือนพัตกันล่ะ...แล้วมือน่ะเอาออกไปเลยนะคนทะลึ่ง เอาเข้ามาตอนไหนเนี้ยไวชะมัด” อ้าว รู้ตัวซะแล้ว คนกำลังเพลินเลย

“โอเคๆ งั้นจัดของต่อให้เสร็จดีกว่าเนอะจะได้เริ่มทำกับข้าวกัน” ผมหอมหัวคนในอ้อมกอดไปทีนึงก่อนจะผละออกมาซึ่งวินก็รีบถอยห่างไปอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวเราจัดการตรงนี้เอง” ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวการอยู่ในห้องครัวกับผมสองต่อสองซะแล้วล่ะ

“ครับๆ ตามใจ งั้นพัตไปรอข้างนอกนะ มีอะไรก็เรียกได้เลย” วินเขาจัดการเรื่องอาหารได้โดยที่ผมไม่ต้องช่วยอะไรได้อย่างสบาย เราทำอาหารเป็นทั้งคู่แต่ส่วนมากวินจะเป็นฝ่ายทำให้ผมกินซะมากกว่าเวลามาที่ห้อง และแน่นอนว่าาผมชอบอาหารที่เขาทำมากๆเลยล่ะ อร่อยทุกอย่างไม่ได้ยอเกินเหตุจริงๆ





.................................................





3 อาทิตย์ผ่านไป

“ไอ้พัต ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยดิวะ”

“ดีเท่าที่จะทำได้แล้ว ตอนนี้กูง่วงจะตายห่า” ผมบ่นใส่ไอ้กิมทันที วันนี้เป็นวันกีฬาของมหาลัยแล้ว ไอ้เมี่ยงนัดให้มาตั้งแต่ตีสามทั้งที่ผมก็ไม่ได้จะต้องแต่งอะไรมากมาย แต่งเสร็จตั้งแต่ตีสี่ครึ่งต้องให้มานั่งรอจนตอนนี้เกือบจะหกโมงเช้าแล้วรอเดินขบวนตอนแปดโมงอย่างเดียว คือขอหลับก่อนได้ไหมวะ วันนี้ผมก็มีแข่งกีฬาช่วงบ่ายต่ออีก

“เออน่า เดี๋ยวรอไอ้จีนกลับมาก่อนมึงค่อยพัก หาไรรองท้องบ้าง...เมี่ยงบอกเดี๋ยวมันมาตามมึงอีกที” ไอ้จีนไปซื้อของกินที่เซเว่นให้อยู่ แล้วเดี๋ยวพวกมันก็ต้องออกไปดูความเรียบร้อยต่างๆแล้วก็ช่วยงานด้านอื่นๆด้วย

“สามี~ มาถ่ายรูปกันก่อนค่ะ” ประตูเปิดผ่างเข้ามาพร้อมเสียงที่พยายามดัดให้เล็กดังขึ้นจนผมหันไปมองผู้ที่เข้ามาใหม่อย่างเหนื่อยใจ นี่ขนาดใช้อำนาจอันไม่ชอบจนได้มาอยู่คนเดียวในห้องนี้แล้วนะ มันยังอุตสาห์ตามมาทำให้ผมเหนื่อยได้อีก
งานสุดท้าย...งานสุดท้าย ท่องไว้ในใจ

“ถ่ายทำไม” ผมมองหน้าไอ้ปาร์คช่างกล้องประจำสาขาอย่างอึนๆทันที ง่วงอย่างแรงจนปวดตาแล้ว

“ระดับมึงทั้งทีไม่เก็บภาพไว้ได้ไงวะ”

“ใช่ค่ะ ไม่เก็บภาพไว้ได้ไง ถอดเสื้อเร็วจะได้ถ่ายกันซักที ทีนี้มึงก็จะได้พักยาวจนกว่าจะเดินขบวนนู้น อยากเสร็จเร็วก็รีบถอดเลยค่ะ” ไอ้เมี่ยงกระดี๊กระด๊าบอกผมถอดเสื้อใหญ่จนอดคิดไม่ได้ว่ามันเอาการถ่ายรูปมาเป็นเหตุผลบังหน้ารึเปล่าเพราะตั้งแต่มาแต่งหน้าแต่งตัวผมก็ไม่เคยถอดเสื้อคลุมที่ใส่ทับไว้ออกเลย

“เก็บอาการหน่อย น้ำลายจะไหลแล้วนั่น” ไอ้กิมแซะไอ้เมี่ยงเพราะคงคิดไม่ต่างกัน

“ไหลเหลยอะไรอีกิม ไม่มีค่ะ กูไม่ได้คิดอะไรเลยจริงจริ๊งงงง....ถอดเลยค่ะสามี ด่วนค่ะด่วน” จะไม่เชื่อมันก็ตรงนี้นี่แหละ แต่ถึงอย่างนั้นสุดท้ายแล้วผมก็ต้องยอมถอดเสื้อคลุมออกอยู่ดี ไม่ใช่อะไรนอกจากจะได้ให้มันรีบๆออกไปให้ผมได้นอนซักที

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!! โอ๊ย อกอีแป้นจะแตก ซิกแพคที่กูใฝ่ฝันอยากเห็นมาตลอด เซ็กซี่ขยี้ใจมากค่ะผัว...มาเป็นผัวกูเถอะนะ กูขอร้อง” มันกรี๊ดแบบกรี๊ดจริงๆจนพวกผมสามคนที่อยู่ในห้องต้องยกมือขึ้นมาปิดหูทันที ไอ้เมี่ยงไม่พูดเปล่าแถมยังเขยิบมาประชิดตัวพร้อมกับลวนลามผมทางสายตาอีกต่างหาก ถ้าไม่ใช่เพื่อนนี่จะเตะให้จริงๆนะ

สามอาทิตย์ที่ผ่านมาผมก็พยายามฟิตร่างกายเท่าที่จะทำได้ ไปฟิตเนสเกือบทุกวันยกเว้นวันที่ผมต้องไปซ้อมบอลซ้อมวิ่งก็จะไม่ได้ไป ปกติก็ออกกำลังกายบ้างอยู่แล้วตามประสาคนชอบเล่นกีฬาร่างกายเลยมีกล้ามอย่างที่มันควรจะมี พอไปฟิตมากขึ้นก็เลยเห็นรูปร่างชัดขึ้นพร้อมกับดูหนาขึ้น

“กูมีแฟนแล้ว”

“กระเทยเซ็ง...ไม่ต้องย้ำค่ะกูรู้แล้ว ข่าวมึงดังทั่วมหาลัยขนาดนั้นใครไม่รู้คงไม่ได้มาเรียนหนังสือแล้วล่ะ  นี่ถ้าไม่ใช่วินกูไม่ยอมง่ายๆหรอกนะ แต่วินตั้ลล้าคคคคคค...กูยอมให้ได้” มีการจีบปากจีบคอพูดทำเหมือนงอนผมเล็กๆด้วย แต่ผมก็ไม่ได้ถือสาอะไรมันหรอกครับ รู้ว่ามันทำเล่นๆพูดไปงั้น

“พอๆ เริ่มถ่ายกันได้แล้ว กูต้องไปตามเก็บภาพที่อื่นด้วย” ในที่สุดไอ้ปาร์คทนความไร้สาระของเราไม่ไหวจนต้องพูดออกมา
 
ปึง~

“อ้าว มาทำไรวะปาร์ค” ไอ้จีนที่พึ่งประตูเข้ามาพร้อมถุงของกินเต็มสองมือถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่ามีบุคคลเพิ่มขึ้นมาจากที่ควรจะมีแค่ผมกับไอ้กิมอยู่สองคน

“มาถ่ายรูปว่ะ ระดับไอ้พัตทั้งทีต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ซักหน่อย...พัตมึงเดินไปหน้าต่างเลย กูจะเอามุมนั้น” ผมเดินไปตามคำสั่งช่างกล้องทันทีเพราะอยากให้งานเสร็จไวๆ ระหว่างการถ่ายภาพก็มีไอ้เมี่ยงคอยจัดการนู้นจัดการนี่ ไม่ว่าจะเรื่องโพสต์เรื่องฉากเรื่องแสงมันก็ทำยิ่งกว่าช่างกล้อง ผมมีหน้าที่แค่ขยับร่างกายตามที่มันสั่งเพราะหน้ามีอยู่หน้าเดียวอยู่แล้วไม่ต้องทำอะไร กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงผมก็ได้พักซักที

“เอ้อ...แล้วตอนนี้วินอยู่ไหนอ่ะ ออกมาคณะยัง” ไอ้จีนถามขึ้นในขณะที่เรากำลังกินของที่มันซื้อมาอยู่ ตัวผมกินแค่ไข่กับนมเท่านั้น คือทำมาตั้งสามอาทิตย์ก็กะว่าจะทำจนถึงตอนเดินขบวนเสร็จ หลังจากนั้นจะซัดให้เกลี้ยงเพราะต้องใช้พลังงานในการเล่นกีฬาด้วยไม่กินไม่ได้

“กำลังแต่งหน้าอยู่คณะ” ไลน์มาบอกผมแค่ตอนตีห้าแล้วก็หายเงียบไปเลยไม่ตอบไลน์ที่ผมส่งกลับไปใดๆ สงสัยคงจะวุ่นๆอยู่กับการแต่งตัวเหมือนกัน แต่ของวินก็ไม่ได้อะไรมากเช่นกันเพราะเขาก็แค่ต้องใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศก็เท่านั้น

“แฟนมึงนี่ก็ดีไม่งอแง ถ้าเป็นเด็กกูนะป่านนี้ต้องเคลียร์กันยาวแล้ว” ไอ้กิมเอ่ยขึ้นมา ใครว่าไม่งอแงกัน พอโทรหาผมแล้วผมอยู่ฟิตเนสทีไรก็งอนตลอดหาว่าผมอยากฟิตหุ่นไปให้คนอื่นดู แต่ดีที่วินแค่งอนเล็กๆน้อยๆไม่ได้งี่เง่าอะไร

“ถ้ามาเห็นตอนนี้ก็ไม่แน่”

“กูว่าตามไอ้จีน แต่งหน้าแล้วเซตผมแล้วแถมยังลงครีมผิวแทนด้วยแม่งสาวคลั่งมึงแน่ ทีนี้แหละจะได้เคลียร์กับวินยาวจริงๆ” ที่พูดมาคือเมี่ยงจัดการหมดเลย ไอ้ครีมผิวแทนนี่ผมโคตรจะหงุดหงิดเพราะคือปกติก็ไม่ชอบทาอะไรเหนอะๆอยู่แล้วด้วย แต่ไอ้เมี่ยงมันบังคับขู่เข็ญจนผมต้องยอมทา มันบอกอย่างให้เห็นซิกแพ็คผมชัดๆ ยังดีที่ทาเพียงบางเบาให้ผิวดูแทนขึ้นนิดๆเพราะผมทาเองโดยมีไอ้จีนและไอ้กิมช่วย

“พอๆ ไม่ต้องมาไซโคกูให้เครียด พวกมึงจะออกไปตอนไหนก็ปิดไฟให้กูด้วยนะกูจะนอนแล้ว” ชั่วโมงนึงก็ยังดีก่อนที่จะโดนตามไปเตรียมตัว เพื่อนผมพยักหน้าให้เมื่อเห็นท่าทางผมก่อนจะเริ่มเก็บซากของกิน ส่วนผมก็เอนหลังลงนอนที่ที่ไอ้เมี่ยงเอาผ้ามาปูไว้ให้ทันที






....................................





“โอ๊ย กูจะเป็นลมกับซิกแพ็คพี่เขา”

“หุ่นดีสัดอ่ะมึง”

“แอร๊ย พี่พัตเดินขบวนด้วยเหรอ เลือดจะพุ่งแล้วขอยาดมด่วน”

“อยากได้อยากโดนค่าาา”

“หุ่นโคตรดีเลยว่ะ”


บลาๆๆๆๆๆ

ถ้าจะพูดกันขนาดนี้ก็เดินมาพูดกับผมเลยก็ได้นะ คือไม่ได้หงุดหงิดเลยครับแต่ว่าเขาซุบซิบกันใกล้มากๆจนผมได้ยินหมดเลย ตรงจุดนี้เป็นจุดดรวมตัวแล้วคนเลยมาออกันเยอะ แล้วก็มีเสียงเซ็งแซ่อีกมากมายที่ผมจับใจความไม่ได้แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากอยากจะรีบเดินรีบเสร็จ

Rrrrr

“พัต วินโทรมาว่ะ” ไอ้จีนที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงชั่วคราวในระหว่างเดินขบวนเอ่ยบอกเพราะของทุกสิ่งอย่างของผมฝากไว้ที่มันหมดส่วนไอ้กิมเป็นประธานรุ่นต้องดูความเรียบร้อยต่างๆงาน

“วินอยู่ไหน” ผมรีบถามออกมาทันทีที่ยื่นมือไปรับโทรศัพท์แล้วสไลด์หน้าจอรับสาย คิดถึงใจจะขาด อยากเจอหน้าอยากได้กำลังใจ เมื่อซักครู่ก่อนออกจากห้องผมโทรหาเขาแล้วเขาไม่ได้รับสายนี่คงพึ่งได้จับโทรศัพท์ล่ะมั้งถึงโทรกลับมาได้

(กำลังไปที่จุดเริ่มขบวนแล้ว เราจะโทรมาถามว่าทาครีมกันแดดรึยัง แดดแรงมากเลยนะ) เสียงรอบข้างวินเองก็ดังไม่แพ้กัน ดูเหมือนว่าเขาค่อนข้างที่จะต้องใช้เสียงมากกว่าปกติที่ในการคุยกับผม

“ไม่ได้ทา พัตไม่ชอบทาครีม” คือดำก็ดำไปเถอะเพราะไม่ชอบทาจริงๆ ผมเองก็เล่นกีฬากลางแจ้งตลอดก็ไม่เคยทาเลย คล้ำลงแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมาเป็นผิวสีเดิมผมเลยไม่ห่วง พ่อกับแม่เป็นคนขาวครับเลยไม่มีปัญหาด้านนี้ แต่อย่าให้พูดถึงวินนะ อันนั้นน่ะเรียกว่าโคตรขาวเลยเถอะ ขาวมากๆ

(ไม่ได้นะ ไม่ชอบยังไงก็ต้องทา ไม่งั้นผิวไหม้แน่ๆ)

“พัตไม่มีครีมกันแดด วินเอามาให้หน่อยดิ” อันนี้เป็นแผนการที่อยากจะเจอเขาเท่านั้นแหละ ใจจริงไม่ได้อยากทาครีมอะไรเลย

(น่าตีจริงๆคนอะไร เดี๋ยวเราจะรีบไปยังคงพอมีเวลาบ้าง พัตอยู่ตรงไหน)

“เดี๋ยวพัตรออยู่ตรงห้องน้ำฝั่งทิศตะวันออกนะ”

(อื้อๆ)

“กูไปห้องน้ำเดี๋ยวมา” เอ่ยบอกไอ้จีนทันทีที่วางสาย

“เร็วๆก่อนที่เขาจะเริ่มจัดแถวกัน เดี๋ยวไอ้เมี่ยงมาฉีกอกกูอีก” ผมพยักหน้าก่อนจะรีบวิ่งไปที่ที่บอกวินไว้ ตลอดทางก็พยายามไม่สนสายตาของคนที่มองมา คือไม่ได้ใส่เสื้อแล้ววิ่งไปทั่วคงไม่ใช่ภาพที่น่ามองเท่าไหร่หรอกมั้ง

“คนมองเต็มเลย” ปากเล็กเบะออกราวกับไม่พอใจอะไรซักอย่างอย่างรุนแรงเมื่อเห็นผมเดินเข้าไปหา ดวงตาโตกวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะส่งสายตาขุ่นเคืองมาให้

“เขามองวินต่างหาก...พัตหวงจะแย่แล้วเนี้ย” วันนี้วินแต่งหน้าเล็กน้อยพร้อมกับเซตผมขึ้นเปิดหน้าใสๆนั่นให้เห็นชัดๆเต็มตา ออร่าออกจนผมไม่อยากจะให้ไปเดินให้คนมองแล้ว หวง

“อย่าให้เห็นว่ามองใครที่ส่งสายตามาให้นะ เราจะโกรธไม่ยอมคุยด้วยเลยคอยดู”

“ไม่มีแน่นอนครับสัญญาเลย” อยากจะดึงวินมาจูบมาหอมใจจะขาดแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ การที่เราสองคนยืนอยู่ด้วยกันแบบนี้คนก็ให้ความสนใจจะแย่แล้ว ที่สาธารณะแบบนี้ก็ต้องวางตัวให้ดีจะทำอะไรรุ่มร่ามไม่ได้

“ใกล้ได้เวลาแล้ว เดี๋ยวเราฉีดสเปรย์กันแดดให้ผิวจะได้ไม่ไหม้ แดดร้อนขนาดนี้ต้องสุกแน่ๆ” แดดร้อนมากจริงๆครับ ขนาดนี่แค่เจ็ดโมงครึ่งยังขนาดนี้แล้วผมจะต้องเดินอยู่กลางแดดเกือบชั่วโมงคงสุกอย่างที่วินว่าจริงๆ “ยื่นแขนออกมาก่อนเดี๋ยวเปื้อนกางเกง” วินสั่งต่อและผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย

แฟนผมเดินไปห่างตัวหน่อยก่อนจะฉีดสเปรย์กันแดดให้ทั้งตัว แต่พอมาฉีกที่หน้าอกเป็นที่สุดท้ายแก้มขาวๆกลับแดงขึ้นมาซะงั้น

“ลูบให้ด้วยดิ” เอ่ยอย่างเหย้าหยอกเมื่อเห็นอาการคนตัวเล็ก

“ลูบเองเลย...เดี๋ยวเราต้องไปแล้วนะ เดินขบวนเสร็จแล้วไลน์มาด้วย” วินสั่งรัวๆ

“ครับ เดี่ยวพัตเดินไปส่งนะ”

“ไม่ต้องเลย จะเดินไปทั่วให้คนอื่นมองทำไมกัน....เราไปแล้วจริงๆนะ บ๊ายบาย”

“ครับ” วินแยกไปอีกทางในขณะที่ผมก็ต้องเดินไปอีกทาง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยืนมองจนคนตัวเล็กลับหายไปจากสายตาอยู่ดีแล้วค่อยรีบวิ่งกลับไปที่จุดของตัวเอง เอาล่ะ รีบๆเดินจะได้เสร็จซักทีนะ






.....................................................





“โอ๊ย ตอนที่มึงเดินเข้าสนามกูนึกว่าสนามจะแตก ทั้งผู้หญิงทั้งกระเทยกรี๊ดจนกูปวดหู”

“เออ เหมือนเหตุจราจลย่อมๆเกิดขึ้นเลยก็ว่าได้ ทุกคนนี้ลุกขึ้นมาดูกันใหญ่ แถมช่างกล้องแม่งยังจับแต่ซิกแพคมึงขึ้นฉายบนจออีกนะ”

ผมฟังเรื่องเจากไอ้กิมและไอ้จีนอยู่ในห้องพักอย่างเฉยๆ อยากทำอะไรก็ทำเถอะเพราะคงจะไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นผมทำอะไรแบบนี้อีก แล้วก็จะบอกว่าตลอดทางที่เดินขบวนผมโคตรอึดอัดกับสายตาที่มองมาเลยแม้ว่าคนในขบวนสาขาผมผู้ชายจะถอดเสื้อกันหมดก็เถอะ ช่างเป็นคอนเซปต์ที่หื่นกามจริงๆ==

“พวกมึงก็พูดโอเวอร์ ไปๆ ไปซ้อมบาสกันได้แล้ว” บาสคณะผมชิงที่สามครับโดยมีไอ้จีนกับไอ้กิมอยู่ทีมบาสและมีผมคนเดียวที่อยู่ทีมบอล ผมเองก็มีแข่งวิ่งกับบอลรอบชิงในช่วงบ่ายซึ่งบอลเป็นรายการสุดท้ายเลย

“ปะๆ” เราสามคนเลยเก็บของให้เรียบร้อยก่อนจะรีบออกจากห้องไปยิมแข่ง ผมไม่ได้มีหน้าที่แต่ก็ไปเพราะไม่มีเพื่อนอยู่ด้วย ไปนั่งเล่นที่ยิมแล้วค่อยไปเตรียมตัวแข่งวิ่งทีหลัง

“มาหานะ อยู่ยิมกลาง” นั่งอยู่บนอัศจรรย์ในขณะที่โทรหาวินไปด้วยแล้วก็อ้อนให้อีกฝ่ายมาหา วินไม่ได้ทำอะไรแล้ว วันนี้คนน่ารักเขามาแค่เดินขบวนเฉยๆ พูดแล้วก็เสียดายที่ไม่ได้เห็นแฟนตัวเองตอนเพราะตัวผมก็อยู่ในขบวนเช่นกัน

(ไม่ไป) หืม? เสียงเหมือนจะงอนอะไรหน่อยๆแฮะ

“มาเถอะนะ พัตอยากเจอจะแย่แล้ว” อารมณ์วินเขาคงจะนอยด์ๆเพราะบรรยากาศแปลกๆในสนามตอนผมเดินเข้าไปล่ะ
มั้ง ไหนจะตากล้องที่เอาแต่แพลนมาที่ตัวผมอยู่ตลอดนั่นอีก(คือแทบจะไม่ซูมหน้า) ได้ยินเสียงกรี๊ดดังขึ้นตลอดแต่ผมพยายามไม่สนใจ ทำหน้านิ่งๆแล้วก็เดินนิ่งๆไปตามหน้าที่

(อยากเจอจริงๆเหรอ ไม่ได้อยากเจอใครนอกจากเราคนเดียวนะ) อันนี้เริ่มไม่โอเค วินเริ่มที่จะคิดไปไกลแล้ว

“อยากเจอที่รักคนเดียวจริงๆครับ ว่างแล้วใช่ไหม? มาหาพัตนะ...นะครับ”

(กะ ก็ได้...เดี๋ยวเราไป) จุดอ่อนของวินคือคำว่าที่รักสินะ ผมเรียกเขาทีไรยอมใจอ่อนทุกที งั้นต่อไปต้องงัดมาใช้บ่อยๆซะแล้ว หึหึ

มองดูไอ้กิมกับจีนที่วอร์มร่างกายอยู่กลางสนามกับพวกในทีมไปเพลินๆไม่นานก็มีคนเดินมานั่งข้างๆ กลิ่มน้ำหอมที่ลอยมาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร

“เหนื่อยไหม” ผมหันไปดึงมือวินมาจับทันที เขาล้างหน้าเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อของคณะเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกับผม

“ไม่หรอก...พัตล่ะเหนื่อยไหม เมื่อคืนก็นอนนิดเดียวเอง” เมื่อคืนผมต้องไปช่วยพวกคัตเอาท์กว่าจะกลับมาก็ดึกแล้ว นอนไปแค่สองสามชั่วโมงก็ต้องออกมาแต่งตัวเลยเพลียๆหน่อย

“นิดหน่อยอ่ะ แต่เดี๋ยวแข่งกีฬาเสร็จก็คงหลับเป็นตาย” เรียกได้ว่าต้องสลบไปเลยแน่ๆหลังจากนั้น

“แล้วต้องไปซ้อมวิ่งกี่โมง”

“บ่ายโมงครึ่งครับ” อีกราวๆเกือบสองชั่วโมงเห็นจะได้

“งั้นนอนไหม นอนตักเราก็ได้....พักซักนิดก็ยังดี ต้องแข่งทั้งวิ่งทั้งบอลต่ออีกเดี๋ยวจะไม่ไหวนะ” พูดพร้อมกับหันไปหยิบเป้ของตัวเองที่วางอยู่ข้างๆมาไว้บนตักและนั่นทำให้ผมไม่ลังเลที่จะล้มลงนอนลงทันที เหยียดขาไปตามเก้าอี้แล้วพลิกตัวนอนหงายก่อนจะหลับตาลง

“บ่ายโมงสิบห้าปลุกพัตด้วยนะ” พูดทั้งที่หลับตาลงแล้ว

“อื้อ เดี๋ยวเราปลุก” สัมผัสแผ่วเบาจากมือนุ่มที่ลูบไปตามเส้นผมทำให้รู้สึกผ่อนคลายจนทำให้ผมหลับลงอย่างรวดเร็ว





TBC.


Talk


พัตหุ่นแซ่บมาก :z1: :z1: หน้าก็หล่อมากนะเออ แต่เอาแค่หุ่นมายั่วก็พอเพื่อให้เห็นภาพของตอนนี้ชัดขึ้น(นี่เป็นภาพพัตทั้งหุ่นทั้งหน้าเลยนะ^^) :impress2: :impress2: กางเกงพัตก็ใส่แบบนี้แหละน๊าาาา(จะบอกว่าได้คอนเซปต์นี้มาจากสาขาเราจริงๆนะ คือให้ผู้ชายถอดเสื้อเดินค่า...อาหารตามากมายพูดเลย อิอิ) เขาหล่อจริงๆเนาะ :ling1: :ling1:

ตอนนี้อึนมากเลยค่ะ ง่วงมากกกกกกกกกกกกกกกก~ วันนี้ไปเหมานิยายมาหลายเล่มเลยมาต่อเพื่อที่จะได้อ่านนิยายอย่างสบายใจ55555555555 ...ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ :bye2: :bye2:

*ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และที่สำคัญคือขอบคุณทุกคอมเมนต์มากๆค่ะ :L1: :L1:


https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/timeline/?ref=aymt_homepage_panel

หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่12 10/10/2558(04.53) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 10-10-2015 06:10:20
หลับทั้งๆ ที่ได้นอนหนุนตักวินไปด้วยแบบนี้พลังงานกลับมาเต็มเปี่ยมแน่นอนเลยนะคะพัต ^^ 
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่12 10/10/2558(04.53) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 10-10-2015 11:05:13
กรี๊ดดดดดดด ตอนนี้คือฟินแลนด์!!!
ทั้งฉากทำกับข้าวมุ้งมิ้ง ซิกแพคของพัต
แระตบท้ายด้วย "นอนตัก" ชาร์ตพลัง!!! >\\\\\\<
ดิ้นๆๆๆ กรี๊ดๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่12 10/10/2558(04.53) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-10-2015 11:25:50
ซิกแพคพางานเข้าพัตซินะวินหวงมากกกกกกก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่12 10/10/2558(04.53) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 10-10-2015 12:28:35
วินงอนน่ารักอ่ะ ไม่ได้มากเกินไป
มีหวานก่อนแข่งด้วย ตักวินนุ่มไหมพัต
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่12 10/10/2558(04.53) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 10-10-2015 12:36:06
ขอสัมผัสได้ไหมจ้ะ 5555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่12 10/10/2558(04.53) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-10-2015 14:06:46
ฝันหวานเลยซิ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่12 10/10/2558(04.53) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-10-2015 19:19:33
ชอบแบบวินอ่ะ ไม่มากไปไม่น้อยไป
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่12 10/10/2558(04.53) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 13-10-2015 12:13:48
วินน่ารักจริงๆนะ /ทาสวิน
หุ่นพัตแซ่บมากจีจีค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่12 10/10/2558(04.53) p.5
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 14-10-2015 17:11:31
น่ารักจัง มาต่อไวๆนะครับ ชอบอะ ^^
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 16-10-2015 00:54:43

ตอนที่ 13

(Win Part)

“ไม่เคยเห็นรู้เลยว่าวิ่งเก่งขนาดนี้ ทำไมปีที่แล้วพัตไม่ได้ลงล่ะ” ผมถามคนที่นั่งพักอยู่ข้างตัวขึ้นมาเมื่อเขาแข่งวิ่งครบทุกรายการ ไม่อยากจะชมแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพัตเป็นคนที่วิ่งเร็วมากๆ แม้ว่าร่างกายอาจจะไม่ได้เล็กเมื่อเทียบกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆแต่เขากลับคล่องแคล่วกว่าคนพวกนั้นเสียอีก กวาดรางวัลมาทุกรายการเลย

“ปีที่แล้วขี้เกียจลงแต่ปีนี้มีคนบังคับเลยเลี่ยงไม่ได้ ทั้งที่จริงแล้วก็ไม่อยากลงเลย...ขี้เกียจ” คนพูดยังคงหอบอยู่น้อยๆโดยมีผมใช้ผ้าเย็นคอยซับเหงื่อตามกรอบหน้าให้อยู่ไม่ห่าง พัตลงแข่งหลายรายการทั้งประเภททีมและประเภทเดี่ยวจึงไม่แปลกที่เหงื่อจะออกเยอะขนาดนี้ แดดวันนี้ก็ร้อนยิ่งกว่าอะไร

“แล้วสรุปว่าเล่นอะไรได้บ้าง เล่นหลายอย่างจัง”

“ถ้าพูดถึงเล่นได้ก็เล่นได้ทุกอย่างนะแต่ถนัดสุดคงน่าจะเป็นบอลนี่แหละ บ้านพัตดูบอลกันทั้งบ้านเลย เห็นแม่อย่างนั้นท่านนี่ตัวยงเลยนะ เลยกลายเป็นว่าเห็นมาตั้งแต่เด็ก พ่อชอบแม่ชอบพัตเลยชอบไปด้วย...แล้ววินล่ะชอบเล่นอะไร”

“อืม...ไม่ชอบอะไรเลย” ตอบพัตออกไปแผ่วเบาเลยได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆมาจากคนข้างๆ ก็ผมไม่ถนัดอะไรเลยนี่นา เรียกได้ว่าแทบจะไม่ถูกกันเลยด้วยซ้ำกับพวกกีฬา ขนาดว่ายน้ำที่เป็นกีฬาโคตรพื้นฐานยังว่ายไม่เป็นเลย เรื่องออกกำลังกายเลยกลายเป็นเรื่องยากไปด้วย

“พัตคงต้องบังคับให้วินเล่นบ้างแล้ว ไม่เล่นเดี๋ยวร่างกายไม่แข็งแรงเอา พอเล่นๆไปก็จะชินแล้วก็สนุกไปกับมันเองนั่นแหละ”

“ขี้เกียจ~” มือใหญ่ยกมาขยี้หัวเบาๆเพราะคำตอบที่ผมตอบออกไป อีกคนคงเอือมไม่น้อยเลย

Rrrrr

“พัต จีนโทรมา” ผมล้วงโทรศัพท์พัตออกมาจากกระเป๋าของตัวเองเพื่อให้อีกฝ่ายรับสายของเพื่อนสนิท พัตรับไปคุยไม่กี่ประโยคก็วาง

“มันบอกว่าจะมาหา”

“อืม เดี๋ยวเราก็ต้องไปหาเพื่อนเหมือนกัน นัดมายด์กับออมไว้ที่สแตนด์แล้ว” พอพัตเริ่มวอร์มร่างกายเพื่อที่จะแข่งบอลผมก็จะไปนั่งดูที่สแตนด์ซึ่งนัดกับเพื่อนเอาไว้ เมื่อครู่มายด์กับออมก็ไลน์มาบอกว่าจองที่ไว้แล้วด้วย

“อย่าลืมเชียร์พัตนะ”

“ไม่เชียร์แฟนแล้วจะให้เชียร์ใครเล่า...เดี๋ยวเราไปแล้วนะ สู้ๆ” ผมเก็บของเข้ากระเป๋าของตัวเองให้เรียบร้อยพร้อมกับแยกของๆพัตใส่ในกระเป๋าเขาเอาไว้ให้ แต่พอจะลุกออกไปพัตก็รั้งแขนไว้เสียก่อน

“ขอกำลังใจหน่อย อยากได้กำลังใจอ่ะ” ทำท่าทางไม่เข้ากับหน้าตาซักนิด ผมหลุดหัวเราะออกมาเพราะหน้าอ้อนๆนั้นจนได้
“กำลังใจอะไร ก็มาเชียร์แล้วนี่ไง”

“โหย ขอมากกว่านั้นดิ เนี้ยๆ ตรงนี้ไม่มีคนด้วย” เรานั่งอยู่ใต้ต้นไม้หลังสนามกีฬาซึ่งค่อนข้างจะห่างไกลผู้คนพอสมควร ก็จริงที่แถวนี้ไม่มีคนแต่มันก็ยังเป็นที่โล่งแจ้งอยู่ดี

“แข่งชนะค่อยมาเอารางวัล โอเคไหม?” จะให้รางวัลทั้งทีก็ต้องให้ตอนอยู่กันสองต่อสองสิเนอะ

“ตกลง แล้วถ้าพัตยิงได้ต้องให้รางวัลใหญ่ด้วยนะ” ได้คืบยังจะเอาศอก แต่ถึงอย่างไรผมก็พยักหน้าตกลงไปให้ได้เห็นอีกฝ่ายทำหน้าดีอกดีใจใส่จนได้ เห้อ นี่ผมตามใจเขามากเกินไปรึเปล่าเนี้ย หวังว่าคงไม่ขออะไรแผลงๆหรอกนะ “เราไปแล้วนะ”

“ครับ แข่งเสร็จเดี๋ยวโทรหานะ” พยักหน้ารับอีกคนก่อนจะเดินออกมาเพื่อไปยังสแตนด์เชียร์



............................



ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณของการเริ่มเกมในสนาม นี่เป็นการแข่งขันฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศของกีฬามหาวิทยาลัยระหว่างคณะสถาปัตย์และคณะวิศวะ ผมที่นั่งอยู่ติดขอบสนามกับมายด์และออมต่างก็จ้องไปที่เกมตรงหน้า มีผู้คนมาดูกันค่อนข้างเยอะเพราะเป็นกีฬาที่ถือว่าเป็นไฮไลท์เด็ดของงานเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าแดดจะร้อนเพียงใดแต่ทุกคนก็ยังสู้ไม่หวั่น

ที่ที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้ผมสามารถเห็นพัตวิ่งในสนามได้ค่อนข้างชัดเจน

“อู๊ย พัตนี่หล่อจริงๆเนอะ”

“เมื่อเช้าได้ดูตอนเดินขบวนรึเปล่ามายด์ โอย ฉันใจละลายกับซิกแพคจนแทบกรี๊ดออกมา”

“ฉันมองจากจอยังกรี๊ดเลยอ่ะ”

“อยากลูบอ่ะ แอร๊ยยยย”

ที่พูดๆอยู่นั่นเพื่อนทั้งสองของผมเองครับไม่ใช่ใครที่ไหน พูดซะดูเหมือนว่าผมไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้เลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรเพราะรู้ว่าเพื่อนทั้งสองของตัวเองนั้นแกล้งพูดไปอย่างนั้น(แม้รู้ว่าเกินกว่าครึ่งจะมาจากความรู้สึกจริงๆก็เถอะ) ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดถูกส่งไปยังแค่คนที่กำลังวิ่งตามลูกกลมๆอยู่ในสนามเท่านั้น

“วิน...เคยสัมผัสซิกแพคพัตไหมอ่ะ”

“หือ!” ตอนนี้จะไม่สนใจก็ไม่ได้ ดูคำถามของเพื่อนสิ บอกผมทีว่านี่คือคำพูดของผู้หญิง

แล้วพอมายด์ถามสมองก็เริ่มคิดภาพตาม งือออออออออ

“มายด์ถามวินว่าเคยจับซิกแพคพัตไหม” ออมย้ำออกมาให้อีกที ที่จริงไม่ต้องย้ำมากก็ได้ผมได้ยินตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ที่ร้องออกมาเพราะว่าตกใจคำถามต่างหาก-///-

“จะ จับ...จับทำไมเล่า พอเลยทั้งคู่ ดูบอลกันดีกว่านะ”

“โหว ก็เราอยากรู้นี่นา มีแฟนฮ็อตขนาดนี้ ได้จับได้ลูบไล้คงฟินน่าดู อิอิ”

“เนอะมายด์เนอะ แค่คิดยังฟินเลย”

ผมส่ายหน้าให้กับเพื่อนสนิททั้งสองของตัวเองกับความคิดแปลกๆนั่น เอ่อ...อยู่ดีๆจะให้ไปจับไปลูบก็คงจะไม่ดีมั้ง ดูหื่นกามยังไงก็ไม่รู้ ผมไม่เคยมีความคิดแบบนั้นเลยนะถึงแม้จะไม่ปฏิเสธเรื่องความหุ่นดีของพัตก็เถอะ

เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

แล้ววินาทีแห่งความดีใจก็มาถึงเมื่อผู้เล่นฝั่งสถาปัตย์ยิงประตูแรกเข้าไปได้อย่างสวยงาม ผู่เล่นที่ใส่เสื้อสีเดียวกันกับพัตวิ่งไปรุมใครคนนั้นใหญ่เลย

“ไปเข้าห้องน้ำกัน เราปวดฉี่อ่ะ” ออมเอ่ยออกมาเมื่อตอนนี้เป็นเวลาพักครึ่งของเกมการแข่งขัน

“ไปซื้อน้ำด้วยนะ หิวน้ำอ่ะ”

“โอเค” เราสามคนเอาของวางไว้ที่เดิมแล้วลุกออกไปเข้าห้องน้ำ หลังจากหมดครึ่งแรกสกอร์ก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สถาปัตย์ยังคงนำวิศวะอยู่1-0แต่ดูเหมือนว่าวิศวะจะเริ่มบุกมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงสิบนาทีหลังหวิดจะเข้าอยู่หลายลูกเหมือนกัน
พอกลับมาเกมก็เริ่มแข่งไปได้ซักพักแล้ว พวกเราสามคนจึงรีบกลับมานั่งที่พร้อมกับจดจ้องไปที่สนามด้วยความตื่นเต้น

เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

คราวนี้เสียงไม่ได้มาจากฝั่งพวกผมแต่มาจากอีกฝั่งตรงข้าม แน่นอนว่าเสียงจากฝั่งนี้ก็เงียบสนิทเมื่อวิศวะเป็นฝ่ายยิงเข้าบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลาให้เอาใหม่ ไม่นานนักเสียงกลองจากฝั่งสถาปัตย์ก็ดังขึ้นให้เชียร์กันต่อไปดังเดิม

ปี๊ดดดดดดดดดด

อะไรกัน?

ละสายตาไม่กี่นาทีพอหันกลับมาสนใจเกมในสนามก็ดูเหมือนว่าจะหยุดลงเพราะเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่าง เนื่องจากผมเองไม่มีความรู้เรื่องฟุตบอลเลยได้แต่นั่งงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นานนักก็เห็นคนไปยืนเหมือนเป็นกำแพงโดยมีพัตเดินไปตั้งลูกฟุตบอลเตรียมจะเตะ

เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

ลูกฟุตบอลทะลุมือผู้รักษาประตูเข้าโกลด์ไปได้อย่างสวยงาม เสียงเชียร์จากอัศจรรย์ฝั่งผมและทั่วทั้งสนามดังขึ้นพร้อมกับหลายคนกระโดดโหยงเหยงด้วยความดีใจ มายด์และออมเองก็กรี๊ดออกมาในขณะที่ผมยิ้มกว้างเต็มหน้า ดีใจที่เขาทำได้ เหลือบมองเวลาปรากฏว่าตอนนี้เป็นนาทีที่80แล้ว พัตวิ่งไปทั้งสนามและเพื่อนในทีมก็วิ่งไปกอดเขา

“เหมือนพัตจะมองมาทางนี้ด้วยแฮะ ยิ้มให้ใครกันน๊าาา” ออมเอ่ยแซวออกมาเมื่อพัตวิ่งมาแถวๆที่เราพร้อมกับยิ้มกว้างออกมาก่อนที่เขาจะวิ่งกลับไป เราสบตากันชั่วครู่จากระยะห่างที่ไกลกันพอสมควร แต่มันก็ไม่ได้ไกลเกินกว่าที่จะมองเห็นกัน
 
พรึบ

แต่อีกเพียงไม่กี่นาทีจะจบเกมก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเกิดการประทะกันจนมีคนล้มลงไป ผมจะไม่ตกใจเท่านี้เลยถ้าคนที่ล้มลงไปนอนไม่ใช่แฟนของตัวเอง เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากแต่ผมก็ยังเห็นว่าการประทะกันเมื่อครู่มันแรงขนาดไหน

“วิน ใจเย็นๆก่อนนะ ฝ่ายพยาบาลเข้าไปดูในสนามแล้ว” มายด์เป็นฝ่ายดึงมือผมเบาๆให้นั่งลงเมื่อเห็นว่าพัตถูกหามออกไปข้างสนามโดยทีมงานจากคณะพยาบาล

ผมไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ในสนามทำอะไรกันต่อไป ใจมีเพียงแค่คนที่ถูกหามออกนอกสนามไปเท่านั้น มองตามอย่างเป็นห่วงแต่สุดท้ายยังไงก็ต้องนั่งลงก่อน

“ไม่เป็นไรนะวิน พัตแข็งแรงจะตายแค่นี้คงไม่เป็นไรมากหรอก” ออมพูดปลอบโดยมายด์ก็เอ่ยเสริมพร้อมลูบหลังผมเบาๆไปมา
 
ติ๊ง

มาหาหน่อยครับ อยู่ห้องพักนักกีฬา2

พออ่านไลน์ที่ถูกส่งมาจากอีกคนผมก็รีบผุดลุกขึ้นทันทีทั้งที่เกมในสนามเหลืออีกไม่ถึงสามนาที

“มายด์ ออม เดี๋ยวเราแวะไปดูพัตก่อนนะ”

“โอเคๆ ฝากบอกพัตด้วยนะว่าให้หายไวๆ” ผมพยักหน้าให้กับเพื่อนก่อนจะรีบลุกออกไปทางด้านหลังแล้วเดินหาห้องพักนักกีฬาที่พัตอยู่

“พัต...เป็นไงบ้าง” ผมทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าต่อหน้าคนที่นั่งประคบน้ำแข็งอยู่ที่ข้อเท้า ไม่ทันแม้จะทักจีนกับกิมที่นั่งอยู่อีกมุมเลยด้วยซ้ำ

“นิดหน่อยครับ ขึ้นมานั่งข้างพัตก่อนมา” อีกฝ่ายตบที่ว่างข้างๆซึ่งเป็นเก้าอี้ตัวยาวให้ขึ้นมานั่งด้วยกัน ใบหน้าคมยังคงเปียกชื้นด้วยเหงื่อ ชุดบอลที่ใส่อยู่ก็เปียกไปหมด

“เดี๋ยวพวกกูออกไปเอาน้ำมาให้นะ” ได้ยินเสียงกิมพูดออกมาแว่วๆแต่ผมก็ยังสนใจแค่คนที่นั่งอยู่ข้างกัน

“ไม่เอาดิไม่ขมวดคิ้ว พัตไม่เป็นไรจริงๆ แป๊บเดียวก็หายแล้ว” คนพูดไล้ปลายนิ้วไปที่หัวคิ้วให้คลายออก ผมเองไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไป รู้เพียงแต่เป็นห่วงเขามากก็เท่านั้น เพราะไม่มีความรู้ด้านนี้จึงไม่รู้ว่าอาการของพัตจะบาดเจ็บแค่ไหน แต่ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ผมก็เป็นห่วงเขาอยู่ดี ไม่อยากให้เจ็บตัวเลยซักนิดเดียว

“ชอบทำให้เราเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย” เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยระวังตัวเท่าไหร่ ชอบคิดแค่ว่าไม่เป็นไรๆ ตอนวิ่งก็ข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อยพอมาเจอเหตุการณ์นี้เลยทำให้ผมเป็นห่วงไปใหญ่

“กีฬามันก็แบบนี้แหละ หลังจากนี้ก็ได้พัก ไม่มีอะไรแล้ว”

“ถ้าทำอะไรให้เราเป็นห่วงอีกจะไม่มาดูแล้วคอยดู”

“ไม่เอาแบบนั้นดิ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับ” ก็เป็นซะแบบนี้จะให้ผมทนโกรธเขาได้แค่ไหนกัน แค่พัตมองด้วยสายตาอ้อนๆพร้อมกับพูดเสียงอ่อนใส่ผมก็ทำท่าทีปั้นปึงใส่เขาต่อไม่ไหว ไม่รู้ว่าอีกคนรู้อยู่แล้วรึเปล่าว่าถ้าทำแบบนี้ผมจะโกรธไม่ลง

“ฮื่อ ไม่ต้องมาทำให้ใจอ่อนเลย เราเป็นห่วงแทบแย่...สรุปเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม” มองไปที่ข้อเท้าที่ถูกรัดด้วยผ้าห่อน้ำแข็งขนาดใหญ่คลุมไปหมด บอกว่าไม่เป็นอะไรมากจะเชื่อได้ไหม ถ้าไม่เป็นไรจะต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ

“ก็...ตอนประทะกันฝ่ายนั้นไม่ทันระวังเลยซัดมาเต็มแรงเลย แต่จากการที่พัตเช็คตัวเองคร่าวๆคงไม่ถึงกับแตกหักอะไร แค่นี้จิ๊บๆวินหายห่วงเนอะ” แค่จากที่พัตเล่ามาจะให้ผมทำใจไม่เป็นห่วงเขาได้ยังไง แล้วไหนจะภาพที่ผมเห็นในสนามอีก

“ไปหาหมอนะเดี๋ยวเราพาไป ให้หมอเอ็กซเรย์ว่าไม่มีส่วนไหนแตกหักจริงๆให้เราได้สบายใจนะ” ผมส่งสายตาอ้อนวอนไปหาเขา รู้ว่าถ้าไม่ทำแบบนี้พัตก็จะบอกว่าไม่เป็นไรแล้วปล่อยผ่านไป แต่ผมอยากให้เขาไปให้หมอตรวจซักหน่อย ให้ผมได้ฟังคำยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรจริงๆจะได้สบายใจขึ้นได้บ้าง

“ถ้ามันจะทำให้วินสบายใจพัตก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว” อีกฝ่ายยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆพร้อมกับส่งยิ้มให้ ผมเอื้อมมือไปดึงมือที่วางอยู่บนหัวมาจับไว้แล้วบีบเบาๆ

“เป็นไงบ้างวะผล” พัตเอ่ยพูดกับคนที่เดินเข้ามาทางด้านหลังของผม คาดว่าน่าจะเป็นกิมกับจีน

“แหม ก็ตามนั้นแหละน่า กลัวอะไรวะมึงสังหารลูกนั้นทั้งที่เหลือเวลาอีกแค่สิบนาทีเอง...อะ เผื่อวินด้วย”

“อ่า ขอบคุณนะกิม” เอ่ยขอบคุณกิมเบาๆเมื่อเขาใจดียื่นขวดน้ำมาให้ผมด้วย พัตเอื้อมมือมาดึงขวดไปเปิดพร้อมกับเสียบหลอดให้ก่อนจะส่งคืนมาแล้วเปิดขวดของตัวเอง

“โอเค กูค่อยสบายใจหน่อย งั้นเดี๋ยวกูกลับเลยแล้วกันนะ ว่าจะแวะไปหาหมอก่อนซะหน่อย ฝากทางนี้ด้วย...เดี๋ยวกูไลน์บอกพี่ชาติอีกทีว่าวันนี้คงไม่ได้ไปเลี้ยงด้วย สังขารไม่เอื้อ”

“เออๆ พี่เขาคงเข้าใจแหละ เดี๋ยวทางนี้พวกกูดูให้”

“งั้นวินไปขับรถมาตรงข้างหลังเลย เดี๋ยวเราช่วยแบกมันขึ้นรถ” จีนหันมาพูดให้ผมรีบทำตาม

“ได้ๆ ไหนของพัตบ้างเดี๋ยวเราเอาไปให้เลย” แล้วก็เป็นจีนที่หยิบกระเป๋าของพัตมาให้เรียบร้อย พอเสร็จแล้วผมก็รีบไปเอารถมารับพัตทันที


...............................



“พัต...เดี๋ยวเรากลับห้องไปเอาของแป๊บนึงนะ ”

“อือ” คนที่บอกว่าไม่เป็นไรมากไข้ขึ้นไปซะแล้ว ตั้งแต่ที่อยู่โรงพยาบาลผมก็เริ่มรู้ว่าเขามีอาการไข้ร่วมด้วยเพราะไอร้อนจากร่างกายอีกคน หมอบอกว่าเพราะใช้ร่างกายหนักบวกกับพักผ่อนไม่เพียงพอ ยิ่งพอมามีอาการบาดเจ็บที่ขาไข้เลยเล่นงานเอาได้ง่ายๆ

ใจจริงอยากให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลซักคืนแต่คนป่วยแสนดื้อไม่ยอมนอนเลยต้องพาเขากลับมา ยังดีที่พัตยังประคองตัวเองเดินได้บ้างเพราะขาแค่มีอาการบวมจนต้องพันไว้ไม่มีส่วนใดแตกหักอย่างที่หวง ตอนนี้ก็ใช้ไม้ค้ำไปซักระยะก่อนห้ามลงแรงที่ข้อเท้าขวาเด็ดขาด

ผมรีบกลับไปเอาเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นที่คอนโดอย่างรวดเร็วเพื่อมาเฝ้าไข้คนป่วย เช็ดตัวแล้วก็ป้อนข้าวป้อนยาให้ก่อนออกมาแล้วหวังว่าจะไม่เป็นอะไรมาก

เห้อ...เป็นห่วงเขาจะตายอยู่แล้ว ไหนบอกไม่เป็นไรทำไมไข้ขึ้นกันล่ะ

พอถึงคอนโดวินก็รีบเข้าไปดูอาการพัตก่อนอันดับแรก เหงื่อเขาเริ่มออกทั้งๆที่พึ่งเช็ดตัวไปซึ่งนั่นก็ดีแล้วเพราะผมไม่ได้เปิดแอร์เลยซักนิดให้พัตได้เหงื่อออกเยอะๆไข้เขาจะได้ลดเร็วขึ้น

ผมจัดการเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนป่วยอีกครั้งก่อนจะเข้าไปอาบน้ำให้ตัวเอง แทบไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะตื่นมาดูอาการพัตทุกๆชั่วโมง พอเกือบจะสว่างไข้ถึงลดลงให้ผมได้คลายใจ








“อะ อือ” ผมที่นั่งจับมือพัตอยู่ข้างเตียงรีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่เริ่มขยับตัวอย่างรวดเร็ว เปลือกตาที่หลับอยู่ค่อยๆปรือขึ้นก่อนจะลืมขึ้นในที่สุด เหมือนว่าคนที่นอนอยู่ต้องใช้เวลาประมวลผลก่อนซักหน่อยตอนนี้ถึงได้ดูยังจับต้นชนปลายไม่ถูกซักเท่าไหร่ “วิน...”

“หืม....พัตรู้สึกเป็นไงบ้าง ดีขึ้นไหม” รีบเอามืออังไปตามหน้าผากและคอของคนป่วยทันที แม้ว่าอุณหภูมิในร่างกายที่เคยสูงจะลดลงบ้างแล้วแต่ก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี

“ไม่เป็นไร ละ แล้ว...ขอน้ำหน่อย” เสียงพูดนั้นยังกระท่อนกระแท่น แต่เมื่อจับใจความได้ผมก็รีบจัดการให้เขาทันที รินน้ำใส่แก้วแล้วประคองให้พัตขึ้นดื่ม “ได้นอนบ้างรึเปล่า”

พัตถามขึ้นหลังจากที่ดื่มน้ำเสร็จเรียบร้อย มือหนาถูกยกขึ้นมาลูบไล้ใต้ดวงตาของผมอย่างแผ่วเบา

“ใครกันล่ะที่ทำให้เราเป็นห่วงแทบแย่ แฟนนอนป่วยขนาดนี้จะให้หลับลงได้ยังไงกัน” ผมซบหน้าลงกับมือที่เลื่อนมาวางนิ่งไว้ข้างแก้ม อุ่นใจที่อย่างน้อยเขาก็อาการดีขึ้นแล้ว

“วินเลยต้องมาลำบากดูแลพัตเลย”

“ไม่ลำบากเลย ไม่พูดแบบนี้นะ...ไม่เคยคิดว่าทุกอย่างที่ทำให้เป็นสิ่งที่ลำบากเลย” ผมไม่อยากให้เขาเอ่ยคำนี้เลย ไม่ลำบากและไม่เคยลำบาก อะไรที่ทำเพื่อพัตผมไม่เคยมองว่ามันลำบากซักนิด

“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากที่ดูแลพัต...ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ววินพักบ้างดีไหม ตาคล้ำหมดแล้ว”

“เดี๋ยวค่อยพักหลังจากพัตทานข้าวทานยาเรียบร้อยดีกว่า หิวรึยังเราทำข้าวต้มไว้ให้แล้วทานก่อนซักหน่อยนะจะได้ทานยาหรือจะเข้าห้องน้ำก่อนไหม”

“ขอพัตแปรงฟันแล้วก็ล้างตัวก่อนดีกว่า เหนียวตัวจะแย่”

“แค่ล้างตัวนะห้ามอาบน้ำ”

“ครับ” เมื่อตกลงกันได้ผมเลยค่อยๆเข้าไปพยุงคนตัวโตเอาไว้ พัตคงดีขึ้นมากแล้วถึงได้เดินเหินได้สะดวกขึ้นมากแม้ว่าต้องเดินด้วยเท้าข้างเดียวก็ตาม ผมเองก็ยืนรออยู่ข้างนอกโดยไม่ให้เขาปิดประตูห้องน้ำ

“วิน...พัตขอเสื้อผ้าชุดใหม่หน่อยสิ อยู่ตรงตู้เสื้อผ้าฝั่งขวามือ ส่วนกางเกงในอยู่ในลิ้นชัก” เสียงคนบอกออกมาจากในห้องน้ำให้ผมรีบเดินไปจัดการ แม้จะเขินอายมากที่ต้องสัมผัสกับของใช้ส่วนตัวของพัตแต่ก็พยายามคิดซะว่าผู้ชายเหมือนๆกันจะต้องอายอะไร พอจะเอาเข้าไปให้ก็เดินหลับตาเอาไปให้เขาในห้องน้ำซะเลย ไม่อยากเรียกให้พัตเดินมาเอาเพราะขาเขายังคงห้ามใช้งาน

“หึหึ หลับตาทำไมครับ” รู้หรอกว่าเขารู้ว่าผมอาย แต่ก็ยังชอบแกล้งอยู่เรื่อย

“รีบๆเอาไปเลยจะได้ไปกินข้าวซักที” พอพัตหยิบไปพร้อมเสียงหัวเราะน้อยๆในคอผมก็รีบหันหลังวิ่งออกมารอหน้าห้องน้ำทันที
ไม่นานนักอีกคนก็ส่งเสียงว่าเสร็จแล้วให้ผมได้พาเขากลับไปนั่งที่เตียง

“เดี๋ยวเราออกไปเอาข้าวมาให้นะ” ผมลุกขึ้นมาเตรียมอาหารให้เขาตั้งแต่เช้าเพราะนอนไม่ค่อยหลับ ตอนนี้จะเก้าโมงครึ่งคงต้องได้เวลาอาหารเช้าแล้ว ถ้าช้าเดี๋ยวจะเลยเวลาเอา

“กินเองได้ไหม ให้เราป้อนรึเปล่า” ถามเขาขึ้นก่อนที่พัตจะรับถ้วยข้าวต้มไปถือเอง ผมนั่งอยู่ข้างเตียงโดยที่ลากเก้าอี้ข้างนอกมานั่งในขณะที่คนป่วยนั่งพิงหัวเตียงอยู่

“ได้ครับ...พัตดีขึ้นมากแล้วไม่เป็นไรหรอก วินล่ะทานข้าวรึยัง”

“นี่ไงของเรา งั้นมาทานพร้อมกันเนอะ” เตรียมข้าวต้มมาสองชามเพื่อจะทานพร้อมเขาอยู่แล้ว

“กินให้หมดถ้วยเลยนะจะได้พักซักที” กลายเป็นคนป่วยสั่งคนปกติซะแล้ว

“งั้นกินให้หมดทั้งสองคนเลยนะ”

“โอเคครับ” กลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างต้องกินข้าวต้มในถ้วยของตัวเองให้หมด แม้ว่าผมจะอิ่มแค่ไหนแต่ก็อยากให้พัตกินของเขาให้หมดจะได้หายไวๆเลยต้องพยายามกินของตัวเองจนหมดถ้วย พอพัตกินหมดก็เก็บถ้วยให้เรียบร้อยแล้วเอายามาให้เขาทาน

“ขึ้นมานอนด้วยกันเร็ว” พัตเรียกไว้เมื่อผมจะเดินไปนอนตรงโซฟา เขาเองก็โดนสั่งให้นอนเหมือนกัน คนป่วยต้องพักผ่อนเยอะๆ

“ไม่เอา เดี๋ยวเรานอนเบียดพัต”

“ไม่เบียดหรอกเตียงออกจะกว้างขนาดนี้ ถ้าไม่ขึ้นมานอนพัตก็ไม่นอน” คนป่วยออกอาการดื้ออีกแล้ว

“โอเคๆ” สุดท้ายแล้วก็เลยต้องเดินขึ้นเตียงที่มีคนนอนอยู่จนได้ พอล้มตัวลงนอนไม่ทันไรก็โดนตวัดตัวไปกอดทันที ผมดิ้นเล็กน้อยเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวก่อนจะกลายเป็นขยับให้เข้าที่เข้าทางแทนเสียอย่างนั้น

“นอนนะครับ เหนื่อยดูแลพัตมาทั้งคืนแล้ว” เสียงนุ่มของคนที่โอบกอดผมเอาไว้ราวกับสิ่งที่ขับกล่อมให้ร่างกายๆค่อยปิดสวิตช์ตัวเองลง อุ่นใจที่คนที่นอนกอดผมอยู่ตรงนี้ดีขึ้นมากแล้ว

(Win End Part)



TBC.


Talk

ลืมกันไปแล้วยังน้อ~ ขอโทษที่มาช้าค่ะ ตอนนี้คนแต่งก็ป่วยและเปื่อยไม่ต่างจากพัตเลย...เค้าเป็นไข้หวัดอ่ะ ทั้งปวดหัวตัวร้อนและมีน้ำมูกเลย  :hao5: :hao5: ตอนนี้ฝนตกบ่อยก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกันนะคะ  :กอด1: :กอด1:


https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/?ref=aymt_homepage_panel
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-10-2015 02:17:11
แหม่ อิจฉาคนมีแฟน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 16-10-2015 05:20:06
น่ารัก มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง อ่านแล้วอิจฉา
อยากรู้ว่าพัตจะขออะไรวินกันน๊า
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-10-2015 12:06:52
น่ารักอ่ะ วินเป็นห่วงพัตมากมาย
พัตก็ไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิด
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 16-10-2015 13:06:12
อื้อหืมมมม ดูแลกันดี๊ดีอ่า น่าอิจฉาฟุด >\\\\\\<
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 16-10-2015 13:30:12
ชีวิตดี๊ดีนะพัต มีคนคอยหวงคอยดูแล
อีกไม่นานเกินรอ วินใจอ่อนยอมมาอยู่ด้วยแน่ๆ
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 16-10-2015 14:30:03
อิจหนักมากกก 555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-10-2015 14:41:49
พัตมีพยาบาลส่วนตัวดูแลดีจังเลยอีกไม่นานก็หายดี

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 16-10-2015 15:02:24
วินเป็นห่วงพัตมากๆ เลยเน้อ~ :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: gatenutcha ที่ 17-10-2015 14:01:23
 :o8:
อ่านรวดเดียว ชอบมากกกกกกกกกก
อบอุ่นที่สุด น้องวินน่ารัก  พัฒก็เท่ ขอให้รักยืนยาว รักกันมากๆ  โอ้ย! ชอบเรื่องนี้มาก
 o13
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 17-10-2015 14:34:38
วินทั้งหวงทั้งห่วงพัตมากๆเลยเนอะ ดีใจแทนพัตอ่ะ ><
แต่ก็นะ ก็ฮอตซะขนาดนั้น ทั้งเดินขบวนโชว์ซิกส์แพ็ค ทั้งเล่นกีฬาก็เล่นได้ดีอีก
หลังจากพัตหายดีแล้วอย่าลืมทวงรางวัลใหญ่โชคสามชั้นจากวินด้วยน้า ฮ่าาา
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 17-10-2015 21:16:59
เพิ่งเห็นเรื่องนี้  สนุกมาก  น่ารักมากทั้งน้องวินและพัต 
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 18-10-2015 03:19:04
อยากให้แฟนเป็นแบบพี่พัตบ้างค่ะ
จากใจเลย =___=
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mini_saiparn ที่ 18-10-2015 13:41:12
อร้าย สองคนนี้เค้ามุ้งมิ้งกันดีเนอะ ใดๆ ถ้าดราม่านี่นึกไม่ออกเลย จะดราม่ายังไง
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: momapmu ที่ 19-10-2015 00:50:55
มาต่อเร็วๆน้า ชอบเรื่องนี้มาก เมื่อคืนนอนอ่านทั้งคืน รอพี่พัตอยู่น้า
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 19-10-2015 17:06:11
ขอบคุณสำหรับตอนต่อครับ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.1 19/10/2558(23.25) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 19-10-2015 23:20:07

ตอนที่ 14.1

ผมมองคนที่นอนซบอกตัวเองอยู่ตอนนี้ด้วยความรู้สึกหลากหลาย รู้ว่าทั้งคืนที่ผ่านมาอีกคนคอยดูแลไม่ห่างจนตัวเองแทบไม่ได้นอน แม้จะรู้สึกตัวบ้างไม่รู้สึกตัวบ้างแต่ก็สัมผัสได้ทุกครั้งที่วินมาเช็ดตัวให้ ตามปกติแล้วเวลาป่วยส่วนมากหน้าที่นี้จะเป็นแม่ ไม่ว่าท่านจะยุ่งแค่ไหนถ้ารู้ว่าผมไม่สบายก็จะคอยมาดูแลตลอด พอวันนี้กลายเป็นวินที่ทำหน้าที่นั้นมันทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจเมื่อรู้ว่ามีใครอีกคนที่พร้อมจะดูแลกัน

ยิ่งเวลาหลับยิ่งเหมือนแมวน้อยขี้เซาจนผมอดไม่ได้ที่จะกดปากไปที่หน้าผากเนียนของคนหลับสนิทเบาๆก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบมือถือของตัวเอง พอกดหน้าจอก็พบว่ามีสายไม่ได้รับจากแม่ พ่อ และเพื่อนแต่ตอนนี้เอาไว้ก่อนค่อยโทรกลับทีหลัง ผมเข้าไปที่แอพกล้องอย่างที่ตั้งใจก่อนจะเบนมาหาคนที่นอนอยู่แล้วกดถ่ายจากนั้นก็อัพลงไอจีทันที

เอาไว้ให้คนถูกถ่ายตื่นมาเห็นทีหลังแล้วกัน

“หื่อ ตื่นมาไม่เห็นปลุกเราเลย” วินเดินมาหยุดอยู่ข้างๆในขณะที่ผมง่วนอยู่กับการทำอาหาร ทั้งที่ล่วงเลยเวลาอาหารเที่ยงมาเกือบจะสองชั่วโมงอยู่แล้ว

อาการไข้ดีของผมขึ้นมากแล้ว เมื่อเห็นว่าวินคงเหนื่อยเนื่องจากดูแลผมมาทั้งคืนเลยปล่อยให้นอนให้เต็มที่ ส่วนตัวเองก็ออกมาเตรียมอาหารไว้รอแม้ว่ายังต้องเดินด้วยไม่ค้ำแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นลำบากอะไร

“ก็เห็นวินหลับสบายพัตเลยไม่อยากปลุก จะบ่ายสองแล้วหิวรึยังครับ รอแป๊บนึงนะ” เหลืออีกนิดหน่อยอาหารก็จะเสร็จเรียบร้อย ผมทำอาหารสองสามอย่างง่ายๆไม่ยุ่งยาก

“ดีขึ้นรึยังถึงลุกขึ้นมาทำกับข้าวเนี้ยหือ เดี๋ยวอาการก็หนักขึ้นอีกหรอก” วินอังมือไปที่หน้าผากแล้วก็ตามคอเพื่อวัดไข้ เมื่อเห็นว่าตัวผมไม่ร้อนเท่าไหร่แล้วก็ดูว่าเขาจะมีสีหน้าที่สบายใจขึ้น

“ดีขึ้นมากแล้วครับ มีพยาบาลดูแลดีขนาดนี้ไม่รีบหายได้ไง”

“ไม่ต้องมาพูดเลย ให้มันหายอย่างที่พูดจริงๆเถอะ ชอบทำให้เราเป็นห่วงอยู่เรื่อย”

“หืม ไม่เป็นไรแล้วจริงๆครับ...เดี๋ยววินไปนั่งรอก่อนนะจะเสร็จแล้วล่ะ” เหลือแค่ปรุงอีกนิดหน่อยก็เรียบร้อย

“อีกนิดเดียวเดี๋ยวเราดูต่อเอง ไปนั่งเดี๋ยวนี้เลยนะ” วินเข้ามาแย่งทัพพีจากมือไปแล้วเอื้อมมือปิดเตาแก๊สก่อนจะพยุงให้ผมเดินไปที่โต๊ะอาหาร บอกขนาดนี้ยังไงก็ต้องทำตามเขาล่ะ เพราะถ้าไม่ทำตามอาจจะได้เห็นบทโหดของแฟนตัวเองได้ “รออยู่นี่นะ เดี๋ยวเราจัดการที่เหลือเอง”

ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรคนสั่งก็เดินจากไปซะแล้ว ผมเลยได้แต่นั่งรออยู่อย่างนั้นโดยมีวินค่อยๆเอาอาหารมาขึ้นโต๊ะ ตระเตรียมทุกอย่างจนเรียบร้อย

“ช่วงนี้ห้ามลงแรงที่ข้อเท้าขวาเด็ดขาดเลยนะ ให้พ้นอาทิตย์นึงไปก่อน”

“ครับผม จะทำตามอย่างเคร่งครัดเลย” ตอบออกไปอย่างอารมณ์ดี ผมรู้สึกดีชะมัดที่เห็นว่าวินเป็นห่วงแบบนี้

“ไม่ต้องมาทำเป็นเล่นเลย...แล้วก็รีบกินข้าวได้แล้วจะได้กินยา เลยเวลามานานมากแล้วเดี๋ยวก็ไม่หายซักที” วินบ่นยาวหงุงหงิงของเขาไปเรื่อย นอกจากจะไม่น่ากลัวผมยังมองว่ามันน่ารักมากอีกต่างหาก ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกรำคาญอะไร กลับรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำ

“ครับ วินก็เหมือนกันนะ กินเยอะๆ” บอกพร้อมกับตักอาหารให้คนที่นั่งตรงข้าม เราต่างคนต่างกินจนอิ่ม แล้วก็เป็นวินที่ทำหน้าที่เก็บกวาดทุกอย่างแถมมีคำสั่งเด็ดขาดว่าให้ผมนั่งอยู่เฉยๆ ไม่นานอีกคนก็กลับมาพร้อมยาในมือที่ผมรับมากินอย่างไม่อิดออด

“เดี๋ยวไปหน้าโทรทัศน์กันดีกว่านะ ต้องทายาแล้วก็พันผ้าใหม่ด้วย” คุณหมอ(ฟัน)สั่งราวกับผมกำลังตรวจรักษาอยู่โรงพยาบาลยังไงอย่างนั้น เขามีสีหน้ายุ่งยากเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผ้าที่เคยพันข้อเท้าผมอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่

“ครับๆ” ผมลุกขึ้นเดินโดยใช้ไม้ค้ำไปที่หน้าโทรทัศน์พร้อมกับที่วินคอยพยุงอยู่ห่างๆ ที่จริงผมก็เดินได้โดยไม่มีปัญหาอะไรเลย อาจจะไม่ค่อยชินแต่ก็สบายมาก

พอผมนั่งลงที่โซฟาวินก็เดินไปเอาถุงยาแล้วหยิบหลอดยานวดออกมา คนตัวเล็กนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าผมก่อนจะยื่นมือมาจับข้อเท้า

“วิน...เดี๋ยวพัตทำเองก็ได้” ผมตกใจนิดหน่อยที่เห็นวินทำแบบนั้นเลยถอยเท้ากลับแต่อีกคนกลับคว้าไว้เหมือนเดิม

“ทำเองได้ไงกัน นั่งอยู่เฉยๆไปเลยเดี๋ยวเราจัดการเอง” เขาไม่ฟังคำผมเลยซักนิด มือบางค่อยๆแกะผ้าออกจากข้อเท้าอย่างแผ่วเบา “ยังบวมแล้วก็แดงอยู่เลย เจ็บมากไหม”

“นิดหน่อยเอง เดี๋ยวก็หายแล้ว” ไม่อยากจะบอกว่าแค่เห็นวินดูแลผมแบบนี้ความเจ็บก็หายไปหมด ไม่รู้สึกแย่หรือทรมานอะไรเลย

“ให้มันจริงเถอะ” คนที่นั่งอยู่จับข้อเท้าผมให้วางอยู่บนหน้าขาก่อนจะเปิดหลอดยาแล้วไล้ลงไปทั่วบริเวณที่มันบวมแดง ผมจ้องมองคนที่ตั้งอกตั้งใจกับการทายาให้ผมตอนนี้ด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก

“ทำไมดูพันคล่องจัง” เอ่ยถามวินออกมาในตอนที่เขาจดจ่อกับการพันผ้าให้ผมอย่างเชี่ยวชาญ ดูคล่องราวกับว่าอีกคนทำบ่อยอย่างนั้นแหละ

“ก็เรียนวิชาปฐมพยาบาลเบื้องต้นเป็นวิชาเลือกมาไง โอเค...เรียบร้อยแล้ว” วินยิ้มให้ก่อนจะเก็บยาเข้าที่ให้เรียบร้อยแล้วมานั่งลงข้างๆ พออีกฝ่ายทรุดตัวลงผมก็เอนตัวนอนตักเขาทันที ผมชอบนอนตรงนี้ท่านี้เพราะได้อยู่ใกล้วิน ได้สัมผัส ได้นอนมองหน้าเขา

“ค่อยๆเอาขาขึ้นมานอนดีๆ” เพราะตอนเอนตัวลงเอนมาแค่ช่วงบนเนื่องจากขาขยับแรงมากไม่ได้

“พัตนี่มีแฟนดีจังเลยเนอะ” สอดมือเข้าไปกุมมือเล็กที่วางอยู่บนอกพร้อมกับลูบไล้ไปตามนิ้วมือนั้นเบาๆ

“ขนาดนั้นเลย”

“แน่นอนสิ พัตขอบคุณวินจริงๆนะที่คอยดูแลทั้งคืน” มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้จริงๆที่รู้ว่ามีคนคอยห่วงและคอยดูแลเราอยู่ตรงนี้อีกคน

“ไม่ใช่คนอื่นกันซักหน่อย เป็นคนรักกันก็ต้องดูแลกัน ถ้าเราป่วยพัตก็ดูแลเราเหมือนกันใช่ไหม...หรือจะไม่ดูแล?” ท้ายประโยคหน้าหวานๆเริ่มแปรเปลี่ยนเล็กน้อยจนผมหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางนั้น

“จะไม่ดูแลได้ไงแฟนทั้งคน...รักนะครับ รักมากๆ” ยกมือวินขึ้นมาจุ๊บเบาๆก่อนจะยิ้มให้คนที่ทำหน้าที่เป็นหมอนให้ผมอยู่ตอนนี้ เรามองหน้ากันด้วยความรู้สึกมากมาย

“เราก็รักพัตมากเหมือนกัน...แล้วก็อย่าทำให้เราเป็นห่วงบ่อยๆเลยนะ ไม่ชอบที่เห็นป่วยแบบนี้เลย” วินเอื้อมมืออีกข้างมาลูบแก้มผมเบาๆ สายตาของเขาดูเป็นห่วงจนผมสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน

“จะพยายามครับ” อีกฝ่ายพยักหน้าเบาๆก่อนจะส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ ผมไม่รู้ว่าจะรักษาสัญญาไว้ได้ไหมแต่จะพยายามให้ตัวเองบาดเจ็บน้อยที่สุด ที่ผ่านมาไม่ค่อยระวังตัวเท่าที่ควรด้วยเลยเป็นแบบนี้ “แล้วนี่วินจะกลับคอนโดตอนไหน”

“นี่ไล่เรากลับแล้วเหรอ” วินเอ่ยเหย้าออกมาพร้อมสีหน้าขี้เล่นของเจ้าตัว เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าผมไม่มีทางคิดแบบนั้นหรอก นี่ก็อยากจะให้มาอยู่ด้วยกันเร็วๆจะแย่

“หือ เปล่านะครับพัตถามดูเฉยๆ ไม่อยากให้กลับเลยด้วยซ้ำ...อยู่ดูแลพัตจนกว่าจะหายไม่ได้เหรอ เนี้ยถ้าวินกลับพัตก็ต้องอยู่คนเดียวอ่ะดิ แล้วเวลาอาบน้ำ เวลากินข้าวจะทำยังไงอ่ะ” ยกข้ออ้างมาเพื่อหว่านล้อมให้วินอยู่ต่อทันที

แม้ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลแค่ไหนแต่ก็ภาวนาให้วินตกลง ได้อยู่ด้วยกันตลอดตั้งอาทิตย์นึงเชียวนะ แล้วตอนที่ผมโทรหาแม่ แม่บอกว่าจะมาดูแลแต่ผมบอกท่านไปแล้วว่าจะให้วินดูแลแทน ถ้าเขาไม่ตกลงนี่แม่ต้องหัวเราะผมแน่ๆ

“เราจะกลับคอนโด”

“เห้อ โอเคครับๆ เดี๋ยวพัตโทรบอกแม่ก็ได้” แม้จะเฟลนิดๆแต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา อะไรที่วินตัดสินใจผมยอมรับได้อยู่แล้ว ถึงแม้จะอยากอยู่ด้วยกันแค่ไหนก็เถอะ อีกฝ่ายคงจะมีเหตุผลส่วนตัวของเขา

“ก็ต้องกลับไปเอาเสื้อผ้ามาดูแลคนป่วยขี้ดื้อคนนี้ไง” วินยิ้มออกมาพร้อมกับบีบปลายจมูกผมเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว แน่นอนว่าพอได้ยินอย่างนั้นผมก็ร้องออกมาด้วยอาการเก็บความดีใจไว้ไม่มิด

“เยส! งั้นไปเอาเลยๆ พัตจะรออยู่นี่นะ....หรือว่าจะให้ไปด้วย” อยากจะลุกขึ้นร้องด้วยซ้ำแต่ก็ติดที่ว่าร่างกายไม่เอื้ออำนวยซักเท่าไหร่ เลยได้แต่นอนดี๊ด๊าอยู่อย่างนั้น

“ไม่ต้องเลย พัตรออยู่นี่แหละ...งั้นเดี๋ยวเราแวะไปเอาของที่คอนโดก่อนดีกว่านะ”

“โอเคครับ” ให้เขารีบกลับไปเอาของจะได้กลับมาหาผมเร็วๆ

“จะนอนไหม หรือว่าจะเล่นเกมส์หรือดูหนัง”

“อืม ดูหนังดีกว่า” พอได้ยินดังนั้นวินเลยช้อนหัวผมแล้วดันให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบรีโมทมากดเปิดโทรทัศน์ให้

“งั้นเดี๋ยวเรามา พัตมีอะไรโทรมานะ” วินสั่งก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ครับ กลับมาเร็วๆนะ” อีกคนส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะเดินออกไปเพื่อกลับไปเอาของที่คอนโด

เอ...ผมยังไม่ได้ขอของขวัญใหญ่ที่ทำประตูได้จากวินเลยนี่นา

เอาไว้ก่อนดีกว่า ตอนนี้แค่วินจะมาอยู่ด้วยก็ดีใจจะแย่แล้ว :)



................................


Talk

ขอโทษที่ต้องมาครึ่งเดียวนะคะ ฮืออออ ไมเกรนเค้าขึ้นอ่ะพิมพ์ต่อไม่ไหวจริงๆ...เพราะบอกไว้แล้วว่าจะมาวันนี้เลยต้องมาอ่ะเนอะ ตอนแรกคิดว่าจะพิมพ์ได้จนจบตอนเพราะไม่นึกว่าไมเกรนจะมาตอนนี้ :o12: :o12: เดี๋ยวไว้พรุ่งนี้จะมาต่ออีกครึ่งนะคะ ไม่ไหวแล้วจริงๆTT (อีกครึ่งมาดูรูปที่พัตอัพแล้วก็เมื่อตอนวินรูปนั้นเห็นกันเนอะ^^)


https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/

หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: momapmu ที่ 21-10-2015 16:15:43
หายไวๆนะคะ มาเป็นกำลังใจให้ ฮึบ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-10-2015 22:28:18
เรื่องนี้พระเอก+นายเอกน่ารักดี
อย่ามีมาม่านะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-10-2015 20:31:44
พัตเป็นป่วยที่ดีด๊ามาก อย่างว่าแหละ
แฟนจะมาเฝ้ามาดูแล คนป่วยหายเร็วแน่นอน

ปล. คนแต่งเป็นไงบ้าง หายป่วยรึยัง 
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 28-10-2015 12:12:08
น่ารักมากกกกก :o8:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 28-10-2015 12:30:02
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 28-10-2015 14:15:28
เพิ่งอ่านเรื่องนี้...เจอในทวิตมา แล้วก็สนุกจริงๆด้วย ชอบๆๆๆ มาต่ิอไวๆน้า~~~
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: momapmu ที่ 29-10-2015 01:57:41
เมื่อไหร่จะมาอ่ะ คิดถึงแล้ววววว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 29-10-2015 02:08:30
วินน่ารักมากกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 29-10-2015 14:35:16
น่ารักมาก ๆ  เลยค่ะ หายป่วยเร็ว ๆ นะคะ สู้ ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 29-10-2015 21:05:27
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่13 16/10/2558(00.59) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 31-10-2015 21:48:32
เนื้อเรื่องน่ารักดีค่ะ
รอติดตามหลังพัตหายป่วย วินจะรอดมั้ย 555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 05-11-2015 02:31:05

(http://www.mx7.com/i/686/nGJNLi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yHOi3kkG8PRApqiQ)

ตอนที่ 14.2

“พัต!!!” เสียงเรียกเอะอะดังขึ้นมาโดยที่เจ้าตัวยังเดินเข้ามาไม่ถึงทำให้ผมต้องหยิบรีโมทมาผ่อนเสียงโทรทัศน์ที่เปิดอยู่แล้วขานรับ

“หืม ว่าไงครับ ทำไมกลับมาช้าจังเลยอ่ะ” เอ่ยถามคนที่กลับไปเอาเสื้อผ้าและของใช้ที่คอนโดเป็นเวลาเกือบสามชั่วโมงทั้งที่คอนโดเราก็ไม่ได้ไกลกันซักเท่าไหร่ แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจคือคนตัวเล็กที่ยืนทำหน้ายู่ใส่อยู่ตอนนี้ต่างหาก

“แอบถ่ายภาพเราตอนไหน แถมยังอัพลงไอจีด้วย...น่าอายอ่า ตอนเราหลับหน้าตาดูไม่จืดเลย” วินยื่นมือถือของเจ้าตัวมาให้ดูพร้อมกับบ่นหงุงหงิงๆจนผมอดจะเอ็นดูไม่ได้ ก็ไม่เห็นว่าจะน่าเกลียดตรงไหน ไม่อย่างนั้นจะมีคนมาคอมเม้นชมตั้งเกือบร้อยได้ยังไง

“แฟนพัตน่ารักที่สุดอยู่แล้ว ที่ตะโกนเรียกซะเสียงดังเพราะเรื่องภาพนี่เองเหรอ” ไอ้เราก็นึกว่าเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร แม้ว่าผมจะคิดอย่างนั้นแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ ใบหน้าน่ารักยิ่งยับยู่ยี่กว่าเดิมเมื่อผมเอ่ยออกไปอย่างนั้น คนตัวเล็กกระแทกตัวลงนั่งข้างๆอย่างแง่งอน

“ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหนเลย พัตชอบอัพรูปไม่ให้เราตั้งตัวตลอด ขอถ่ายดีๆก็ได้เถอะ”

“หึหึ ก็พัตชอบแบบนี้นี่นา...แล้วนี่กลับไปเก็บอะไรมาบ้างหืม” รีบเสเปลี่ยนเรื่องให้เขาเลิกสนใจเรื่องภาพที่ผมอัพลงไป

“ก็เสื้อผ้า ชุดนักศึกษา แล้วก็หนังสือเรียน...ขนมาคนเดียวเกือบไม่หมดแหนะ” พอเรื่องเปลี่ยนอารมณ์ก็เปลี่ยนราวกับหน้ามือเป็นหลังมือทันที ซึ่งนั่นก็เป็นแบบที่ผมต้องการจะให้เป็น และโดยพื้นฐานของวินแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่คิดเล็กคิดน้อยอะไรอยู่แล้ว

“ทำไมไม่โทรขึ้นมาบอกพัตล่ะ”

“บอกได้ยังไงก็พัตเจ็บอยู่แบบนี้” นั่นสินะ ผมเองก็ลืมไปชั่วคราวเลยว่าขาตัวเองอยู่ในสภาพไหน “แล้วนี่จะให้เรานอนที่ไหน”
นี่วินคิดเหรอว่าผมจะยอมปล่อยให้เขาไปนอนห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องของผม

เป็นแฟนกันก็ต้องนอนด้วยกันสิ ไม่อย่างนั้นผมจะอ้อนให้เขามาดูแลทำไม

“นอนไหน ก็นอนห้องพัตดิ”

“มะ ไม่ต้องเลยนะ เราจะนอนห้องอื่น” คอนโดผมมีสองห้องนอนครับ อีกห้องเอาไว้รับแขกซึ่งส่วนมากก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพื่อนสองตัวของผมเอง พวกมันชอบมานอนมาเล่นห้องผมเป็นประจำโดยเฉพาะช่วงไหนที่มีบอลก็จะมาสุมหัวกันอยู่ที่นี่ อยู่ๆอยากจัดปาร์ตี้เล็กๆกันสามคนก็มา

“นอนห้องอื่นได้ไง ถ้ากลางคืนพัตเจ็บแผลขึ้นมาหรือเข้าห้องน้ำแล้วเกิดล้มล่ะ” บังคับหน้าตัวเองจนเกร็งไปหมดเพื่อไม่ให้ยิ้มออกมากับการหลอกล่อเด็กน้อย ดูเหมือนว่าคำพูดของผมจะทำให้กดดันไม่น้อยเมื่อสีหน้าของวินมีแววลังเลอย่างเห็นได้ชัด

“...ก็ได้ เห็นว่าเจ็บอยู่หรอกนะ” ในที่สุดวินก็ไม่ปฏิเสธที่จะนอนห้องเดียวกันกับผม และมันก็ทำให้ผมอารมณ์ดีสุดๆเลย “งั้นเราไปจัดของแล้วก็ไปทำอาหารเย็นก่อนดีกว่า พัตรออยู่นี่ก่อนนะ”

“ครับผม” พอได้อะไรที่ต้องการผมก็ตอบรับอย่างอารมณ์ดี ไม่ว่าวินจะบอกอะไรจะสั่งอะไรผมก็พร้อมที่จะทำตามทั้งนั้น

“ถ้าจะเอาอะไรก็เรียกเรานะ” ผมพยักหน้าให้ก่อนที่วินลุกเดินออกไป ผมเองเลยหันกลับมาดูข่าวกีฬาที่เปิดไว้ต่อ มีเขามาอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องที่น่ายินดีสุดๆเลยนะ ผมว่ายังไงก็จะต้องพูดเรื่องที่จะให้วินมาอยู่ด้วยกันอย่างจริงจังแล้ว เป็นห่วงเขาด้วยเวลาที่ต้องกลับดึกๆคนเดียว แล้วก็เพราะว่าผมอยากอยู่อยากใช้เวลากับเขาตลอดเวลา

มันคือของขวัญชิ้นใหญ่ที่ผมจะขอจากเขา....


..............................................



“ไปอาบน้ำได้แล้ว” ผมที่นอนดูทีวีหลังจากทานข้าวเสร็จหันไปมองหน้าแฟนตัวเองพร้อมส่งยิ้มไปให้อย่างประจบ

“อีกนิดนึงนะ ใกล้จะจบแล้ว คู่นี้จบจะรีบไปอาบน้ำเลยสัญญา” อีกคนหน้าบึ้งน้อยๆเมื่อได้ยินดังนั้น วินเอ่ยเตือนให้ผมไปอาบน้ำเป็นรอบที่สามแล้วเท่าที่จำได้ แต่เนื่องจากติดพันอยู่กับบอลคู่โปรดจริงๆผมเลยผลัดเขาครั้งแล้วครั่งเล่า จนวินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้วเรียบร้อย

“บอลอะไรทำไมแข่งนานจัง ถ้าจบแล้วไม่ไปอาบน้ำเราจะตีจริงๆด้วย” โคตรน่ากลัวอ่ะ ฮ่ะๆ ไอ้หน้าหวานๆกับคำพูดแบบนี้มันไม่ได้ทำให้ผมกลัวเขาเลยซักนิด ดูน่ารักเสียมากมายด้วยซ้ำ อยากลองโดนวินตีบ้างเหมือนกันแต่ก็ไม่อยากขัดใจคนตัวเล็ก

ไม่ได้กลัววินตีแต่กลัวเขางอนนี่สิ การที่โดนแฟนงอนมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่หรอกนะครับ

“สัญญาว่าถ้าจบจะไปอาบน้ำจริงๆ...นะครับ”

“ไม่ต้องมาพูดเสียงอ้อนใส่เลย งั้นเราจะนั่งดูด้วยจะได้รู้ว่าพัตไม่โกง” พูดดังนั้นวินก็ขยับนั่งลงตรงปลายโซฟาตัวที่ผมนอนอยู่ทันที ตอนแรกเขาไม่ได้ดูด้วยกันกับผมหรอกครับเพราะเจ้าตัวบอกดูไม่เป็นเลยไปทำนู้นทำนี่ที่ส่วนอื่น แต่ตอนนี้คนดูไม่เป็นมานั่งแหมะดูด้วยกันซะแล้ว

“ไม่โกงแน่นอนครับ...ดูบอลกันเนอะ อีกสิบนาทีก็จบแล้ว” ยิ้มกว้างให้วินก่อนจะหันกลับไปดูบอลต่อเมื่อเห็นว่าในจอนั้นกำลังมันเลยทีเดียว ทีมที่ผมเชียร์นำอยู่1-0แต่ก็ยังวางใจไม่ค่อยได้เนื่องจากรูปเกมสูสีกันมาก ลูกกลมๆอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นถ้าเสียงนกหวีดยังไม่เป่าหมดเวลา

“เยส!” ในที่สุดเสียงสัญญาณนกหวีดก็ดังขึ้นเป็นการบ่งบอกว่าเกมนี้ได้สิ้นสุดลงโดยที่ชัยชนะเป็นฝั่งที่ผมเชียร์ พอจบปุ๊บผมก็ยันตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว “ไปอาบน้ำแล้วนะครับ”

เอ่ยบอกวินที่นั่งจ้องอยู่อย่างรู้ตัวดี ไม่ต้องให้เขาเอ่ยเตือนอีกครั้ง

“รีบๆเลย”

“ครับ” ผมใช้ไม้ค้ำลุกขึ้นเดินไปเองโดยที่วินบอกว่าจะไปเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ในห้องน้ำก่อน ช่วงที่อาบน้ำผมถอดผ้าพันข้อเท้าออกได้แค่ห้ามขยับมากก็เท่านั้น วินเลยเอาเก้าอี้เล็กเข้าไปให้วางขาด้วย

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกมาให้วินพันผ้าและทายาให้ใหม่

“เดี๋ยวพัตทำงานก่อนนะ นึกได้ว่ามีงานที่ต้องทำ” เอ่ยบอกคนที่กำลังเก็บยาใส่ถุง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่ทุ่ม อยู่ดีๆหัวผมก็นึกไอเดียของงานขึ้นมาได้เลยอยากรีบทำ เดี๋ยวลืมซะก่อน

“เราก็ว่าจะทำงานเหมือนกัน งั้นไปที่ห้องทำงานนะ”

“ครับ” เขาไปสำรวจคอนโดผมมาทุกซอกทุกมุมแล้ว รู้ดีหมดว่าอะไรอยู่ตรงไหนโดยไม่ต้องบอกเลย

วินเข้ามาพยุงผมไปที่ห้องทำงานก่อนที่เจ้าตัวจะแยกไปอยู่อีกมุมนึงตรงโซฟา ขนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องฟันมากมายมาดู ส่วนผมเองก็ทำงานของตัวเองไป ต่างฝ่ายต่างอยู่กับโลกส่วนตัว

“พัต เอานมอุ่นๆหน่อยไหม” เสียงเล็กๆดังขึ้นให้ต้องเงยหน้าจากงานที่ทำไปมองคนรักที่ยืนอยู่ตรงข้ามโดยมีโต๊ะตัวใหญ่คั่นกลาง

“ไม่เป็นไรครับ วินตามสบายเถอะ” ผมตอบคนที่เดินเข้ามาถามก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าแล้วเดินออกไป คาดว่าน่าจะออกไปหาอะไรทานรองท้องเนื่องจากหมกมุ่นกับงานมาเป็นเวลาค่อนข้างนาน เราทั้งคู่ต่างก็อ่านหนังสือและทำงานของตัวเอง อยู่คนละมุมห้องโดยที่แทบไม่มีเวลาสนใจกันด้วยซ้ำ

“พักได้แล้ว เห็นนั่งขีดนั่งวาดมานานแล้วไม่พักเลย” วินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับนมหนึ่งแก้วและขนมในจาน นี่ขนาดทั้งที่ผมบอกแล้วนะว่าไม่เอาเจ้าตัวก็ยังอุตสาห์เอามาเผื่อ พอได้ยินเขาเตือนอย่างนั้นเลยต้องรีบว่างงานในมือลงแล้วหยิบนมที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม

ผมก็เป็นอย่างนี้ ถ้าได้ทำงานหรือว่าอ่านหนังสือจะไม่ค่อยสนใจอะไรทั้งนั้น ไม่รู้เวลาเสียด้วยซ้ำจนกว่าจะถึงจุดที่เสร็จหรือพอใจแล้วถึงได้พัก

“พักแล้วครับ งานวินล่ะถึงไหนแล้ว”

“ของเราเสร็จแล้ว พัตล่ะใกล้รึยัง นี่จะตีสองแล้วนะ” ผมเหลือบมองนาฬิกาข้างโต๊ะถึงได้รู้ว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่ ทำงานตั้งแต่สี่ทุ่มจนถึงตอนนี้ด้วยความหมกมุ่นจนไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น

“วินไปนอนก่อนได้เลย ของพัตคงอีกซักพัก หัวมันแล่นแล้วพอหยุดกลัวจะต่อไม่ติด” พอเวลากลางคืนเงียบๆทำงานแล้วหัวจะลื่นมากกว่าช่วงตอนกลางวัน ผมมักเป็นอย่างนั้นไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่พอบทจะนึกไม่ออกทำยังไงก็ไม่ออก ยิ่งเค้นงานที่ได้จะยิ่งแย่ เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมเลยอยากทำให้เสร็จในขณะที่ไอเดียมันกำลังมา

“ไม่เอา นอนพร้อมกัน...งั้นเดี๋ยวเราอ่านหนังสือก็ได้” คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามเดินกลับไปโซฟาตัวเดิมที่เจ้าตัวใช้ทำงานเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วก่อนจะหยิบหนังสือที่กองๆอยู่ขึ้นมาอ่านให้ผมต้องรีบหันกลับมาทำงานของตัวเองเมื่อรู้ว่าวินรอที่จะเข้านอนพร้อมกัน ไม่อยากให้อีกคนต้องนอนดึกไปด้วยถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันอาทิตย์ที่เราไม่มีเรียนก็ตาม

“วิน วินครับ...ไปนอนกันนะ”

“อะ อือ...” ผมลูบหน้าคนที่นอนหลับอยู่บนโซฟาตัวใหญ่เบาๆพร้อมกับกระซิบเรียกทั้งที่จริงแล้วไม่อยากกวนเขานอนเลยซักนิด แต่เนื่องจากว่าตอนนี้ร่างกายตัวเองไม่เอื้ออำนวย ถ้าผมไม่ปลุกก็ไม่รู้ว่าพาวินไปนอนได้ยังไง นอนอยู่ตรงนี้คงไม่สบายตัวแย่

“พัตเสร็จงานแล้วเหรอ” อีกฝ่ายขยับตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับยกมือขยี้ตาไปด้วย ทำเอาผมรู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้เขาต้องมารอแบบนี้

“ครับ เสร็จแล้ว ไปนอนกันเนอะ”

“อื้อ” หน้าเล็กๆพยักหงึกหงักก่อนที่วินจะขยับเข้ามาพยุงผมไปที่ห้องนอน(แม้ว่าผมจะเดินด้วยไม้ค้ำด้วยตัวเองได้ก็ตาม) พามาส่งจนถึงเตียงนอนเรียบร้อยพร้อมกับห่มผ้าให้ในขณะที่เจ้าตัวเดินไปปิดไฟให้เรียบร้อยแล้วตามขึ้นมานอนข้างๆโดยใช้ผ้าห่มอีกผืน วินบอกว่าชินกับการห่มผ้าคนเดียว ห่มกับคนอื่นแล้วจะนอนไม่ค่อยสบายตัวเพราะเขาอึดอัด

“ไม่อยากนอนกอดแฟนเหรอ” ขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วเอาไหล่กระทบเบาๆอย่างเหย้าแหย่ ที่ถามเพราะว่าผมเองนี่แหละที่อยากนอนกอดแฟน นี่เป็นการนอนด้วยกันครั้งแรกของเราเชียวนะ

“ไม่...ไม่อยากกอดหรอก ร้อนจะตาย” อีกฝ่ายตอบเสียงดังฟังชัดแบบไม่มีลังเลใจเลยซักนิด แถมยังมาทำเฉไฉบอกว่าร้อน
ร้อนได้ยังไงกัน ห้องผมเปิดแอร์หนาวกว่าห้องอื่นๆด้วยซ้ำ

“แต่พัตอยากกอด ขอกอดหน่อยไม่ได้เหรอ” ลองใช้ลูกอ้อนเข้าหาก่อน เผื่อวินจะเห็นใจบ้าง ตลกตัวเองดีเหมือนกันที่ทำตัวอ้อนอีกฝ่ายแบบนี้

“ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อนเลย ตัวเองขาเจ็บอยู่เดี๋ยวเรานอนดิ้นไปทับขาก็เจ็บกันไปใหญ่” วินนอนตะแคงข้างคุยกับผมที่หันมามองเขาได้แค่หัวเท่านั้น ตัวขยับตะแคงตามไม่ได้เพราะวางขาลำบาก

“ไม่เป็นไร ไม่โดนหรอก” เพราะผมอยากกอดคนตัวนิ่มๆหอมๆเลยต้องพยายามยกข้ออ้างพันแปดขึ้นมาอ้างให้เขาใจอ่อน
 
จุ๊บ

“เอาไว้ดีขึ้นแล้วจะให้กอดโอเคไหม...หลับฝันดีนะ” อยู่ดีๆคนที่นอนอยู่ข้างๆก็โน้มตัวมาหอมหน้าผากผมก่อนจะกลับไปนอนที่เดิม การกระทำที่ทำให้ผมยิ่งอยากจับเขามาฟัดมากขึ้น กล้าดียังไงมาทำแบบนี้เดี๋ยวผมอดใจไม่ไหวขึ้นมาจะทำไงวะ เสียดายที่ตอนนี้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดจึงมองไม่ค่อยเห็นสีหน้าของวิน แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้ว่าเขาคงมีอาการไม่ต่างกันเท่าไหร่

ยิ้มกว้างพร้อมๆกับใจที่เต้นแรง

“ฝันดีครับ” เอ่ยบอกอีกฝ่ายทั้งที่อยากขยับเข้าไปหอมคืนแต่ก็ทำไม่ได้ เลยได้แต่เอื้อมมือไปจับมือเล็กที่แนบอยู่ข้างกันแทน ผสานนิ้วมือเข้าไปกับมือบางแล้วจับไว้อย่างนั้น วินที่นอนตะแคงอยู่ดึงมือของเราขึ้นไปแนบแก้มก่อนที่จะซุกหน้าเข้าหา

สัมผัสเพียงเท่านั้นที่ทำให้ผมหลับฝันดีไปทั้งคืน








หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่15 05/11/2558(2.48) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 05-11-2015 02:43:38

ตอนที่ 15

“เดี๋ยวพัตให้ไอ้กิมมารับ วินไม่ต้องห่วงนะ” เอ่ยบอกคนที่นั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้าม

วันนี้เป็นวันจันทร์ที่เราทั้งคู่มีเรียน วินมีเรียนทั้งวันแต่ผมมีแค่บ่าย เนื่องจากขับรถเองไม่ได้อยู่แล้วเขาเลยกังวลเรื่องการเดินทางของผมนิดหน่อย กลัวว่าจะไปลำบาก

“ไม่ให้เรามารับเหรอ เดี๋ยวเรียนเสร็จแล้วเรามารับก็ได้”

“วินมีเวลาพักแค่ชั่วโมงเดียวเองนะ ถ้ามารับพัตก็ไม่มีเวลากินข้าวกันพอดี...เอาไว้วันไหนเรามีเรียนตรงกันค่อยออกพร้อมกัน ส่วนทีเหลือก็ให้ไอ้กิมกับไอ้จีนมารับได้ ไม่มีปัญหา”

“ก็เราอยากดูแลพัตนี่นา...กลัวเจ็บขา” คนตัวเล็กเอ่ยออกมาเสียงเบา

“แค่นี้ก็ดูแลพัตดีมากๆแล้วครับ ตามนั้นนะ...รีบกินข้าวเร็วเดี๋ยวไปสาย” ยิ้มให้วินสบายใจก่อนจะเตือนเขาเมื่อใกล้ได้เวลาที่ต้องออกจากห้องแล้ว ถ้าไม่ออกตอนนี้มีหวังรถติดหนักไปไม่ทันแน่

ส่วนเรื่องที่เขาบอกอยากดูแลผมจะบอกว่าตอนนี้ก็ดูแลดีจนไม่รู้จะดูแลยังไงแล้ว มีเรียนเช้าแต่ก็ยังตื่นมาทำอาหารให้ผมทาน คอยทำนู้นทำนี่ให้ตลอด

“อย่าลืมทานข้าวทานยาตอนเที่ยงนะ เดี๋ยวเลิกเรียนเราจะโทรหา ถ้าลืมกินล่ะน่าดู” เสียงเล็กๆเอ่ยขู่ในขณะที่จะก้าวออกจากห้อง ย้ำผมเรื่องนี้มาเป็นรอบที่ห้าแล้ว ขนาดจะไปเรียนแล้วแท้ๆยังอุตสาห์ย้ำอีกเป็นครั้งสุดท้าย

“ครับผม ไม่ลืมแน่นอน...ตั้งใจเรียนนะ” คนที่มีเรียนเช้าพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มก่อนจะก้าวออกจากห้องไป ให้ผมไม่มีอะไรทำอยู่ห้องคนเดียว

พอวินออกไปผมก็เลยหานู้นหานี่ทำเรื่อยๆเพื่อไม่ให้เบื่อ เปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้เป็นเพื่อนทั้งที่ก็ไม่ได้ดูเลยซักนิด เดินไปทั่วห้องแม้ว่าจะยังใช้ไม้ค้ำอยู่ก็ตาม

วันนี้ดูเหมือนขาจะลดการบวมลงค่อนข้างเยอะแล้ว อาการปวดก็ไม่ได้มีมากเหมือนอย่างวันแรก ต้องบอกว่าเพราะได้พยาบาลดูแลดีเลยหายเร็วเป็นพิเศษ

ติ๊งต่อง

สงสัยว่าไอ้จีนกับไอ้กิมจะมากันแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้า นัดพวกมันมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วก็ให้รับไปเรียนด้วยเลย ถือโอกาสนี้ใช้เพื่อนไปด้วย สบายสุดๆเพราะวันนี้จะมีคนขับรถให้นั่งไปเรียน

“เพื่อนพัต อาการมึงเป็นยังไงบ้างครับ” มาถึงก็กวนตีนก่อนเลยนะไอ้กิม

“ยังไม่ตาย”

“จะตายได้ไงวะ มีพยาบาลมาดูแลใกล้ชิดขนาดนี้” ไอ้จีนเอาของกินที่ซื้อมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับเอ่ยล้อ

“พอเลยพวกมึง มีเพื่อนก็ดีเหลือเกิน กูเจ็บแต่หายหัวกันหมด” มีแค่ไลน์มาคุยถามไถ่แต่ไม่ได้มาเยี่ยมเลยทั้งสองคน อาการที่ผมเดาได้ไม่ยากว่ามันสองตัวนี้ต้องติดหญิงชัวร์

“โถว่ แป๊บเดียวเดี๋ยวมึงก็หาย...ให้พวกกูไปอยู่กับเด็กบ้างอะไรบ้าง ใครจะมีคนมาดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิดแบบมึง”

“เออ หน้าตาแช่มชื่นแจ่มใสแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าปรีดาแค่ไหน...หมั่นไส้” พอได้รุมผมทีนี่เอาใหญ่เหลือเกิน ทั้งไอ้กิมกับไอ้จีนก็ไม่ต่างกันซักเท่าไหร่ อย่าให้มีโอกาสได้แซะ

“เอาที่พวกมึงสบายใจเลยนะ ส่วนกูจะไปอาบน้ำ” ผมนั่งเน่ามาตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ชำระร่างกายแต่อย่างใด ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็ไปนั่งกินข้าวกับวินเลย กะว่าจะรออาบก่อนใกล้ๆออกไปเรียน

“ตามสบาย เดี๋ยวพวกกูเล่นเกมรอ” สวรรค์พวกมันล่ะ มาทีไรต้องมาดวลเกมที่ห้องผมทุกทีสิน่า แต่ผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก มันอยากทำอะไรกันก็ทำขอแค่อย่าทำห้องรก เอาของออกมาจากไหนก็เอาใส่ไว้ที่เดิมเป็นพอ ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ช่วงนี้พวกมันต้องไปรับไปส่งผม

ติ๊ง

Win.K : กิมกับจีนมาถึงยัง

PAT : ถึงแล้วครับ
       ตั้งใจเรียนสิดื้อ

Win.K : ใครกันแน่ที่ดื้อ :p
       เลิกเรียนแล้วจะโทรหานะ

PAT : ครับ
        คิดถึงนะ

Win.K : Me too <3

บทสนทนาสั้นๆแต่ก็ทำให้ผมยิ้มจนหน้าบานได้ บางทีเราก็คุยกันแค่เท่านี้เพียงไม่กี่ประโยคแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกห่างเหินอะไร ต่างคนต่างยุ่งงานของตัวเองบ้างแต่ก็ส่งข้อความมาไว้บอกกันเท่านี้ก็พอแล้ว

คุยกับวินเสร็จก็วางโทรศัพท์มือถือไว้ที่เดิมก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย






“เป็นไงบ้างวะไอ้น้อง” ผมที่นั่งอยู่ม้าหินอ่อนหน้าคณะหันไปตามเสียงทัก เป็นพี่ชาติหัวหน้าชมรมบอลของคณะที่เดินเข้ามาหา

“หวัดดีครับ/หวัดดีพี่” ทั้งผมไอ้จีนไอ้กิมยกมือไหว้พี่แกทันที

“ก็ไม่เป็นไรมากพี่ ขอโทษด้วยที่ผมไม่ได้ไปงานเลี้ยง วันนั้นไม่ไหวจริงๆ” แม้ว่าจะไลน์ไปบอกพี่แกแล้วในวันนั้นแต่ผมก็อยากบอกด้วยตัวเองอีกที

“ไม่เป็นไรๆ มึงทำเพื่อทีมขนาดนั้นพักบ้างน่ะดีแล้ว ขอบคุณเว้ยที่ทำให้ปีนี้เราล้างแค้นได้สำเร็จ” ปีก่อนนั้นพวกผมแพ้ให้กับคณะวิศวะในการดวลลูกโทษเนื่องจากเสมอกัน 2-2 เรียกว่าเป็นฝันร้ายของทั้งทีมเลยก็ว่าได้เพราะเกมนั้นเราไม่ได้เป็นรองเลยซักนิด มาปีนี้ทุกคนเลยตั้งความหวังไว้สูงมากว่าอยากทำความฝันที่พังไปของปีที่แล้วให้สำเร็จ

“ว่าอะไรอย่างนั้นพี่ ฟุตบอลเล่นป็นทีม ที่ชนะได้ก็เพราะทั้งทีมนั่นแหละ”

“ทั้งหล่อทั้งพูดจาดีเว้ยน้องกู แล้วนี่มีเรียนบ่ายกันเหรอวะ”

“ครับ”

“เออๆ งั้นกูไปล่ะ มีพรีเซ้นต์งานต่อเหมือนกัน” พวกผมยกมือไหว้ลารุ่นพี่ก่อนที่แกจะเดินออกไป พี่ชาตินี่เห็นแบบนี้จะบอกว่าพี่แกเรียนเก่งมาก แถมยังเล่นบอลได้อย่างเทพอีกต่างหาก ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ได้เป็นหัวหน้าชมรมบอลอย่างทุกวันนี้ ที่ทีมแกร่งได้ก็เพราะว่าได้พี่ชาติมาฝึกนี่แหละ ฝึกโหดฝึกหนัก แต่นั่นก็เพื่อให้เราทุกคนแข็งแกร่ง

“กินอิ่มแล้วทำไมกูง่วงนักวะเนี้ย” ไอ้กิมเอ่ยขึ้นในขณะที่มันฟุบหน้าลงบนโต๊ะแล้ว เรามามหาลัยก่อนเป็นชั่วโมงเลยมานั่งรอขึ้นเรียนเพราะมีอีกเซคที่เรียนอยู่

“ไม่ต่างกับกูอ่ะ” ไอ้จีนเองก็เอ่ยออกมาอย่างเห็นด้วย

“ขึ้นไปรอหน้าห้องก็ได้วะ ตรงนี้เริ่มร้อนแล้ว” ผมเอ่ยชวนเพื่อนเพราะแดดเริ่มเลียมาตามข้างตัว พวกมันเองก็เห็นด้วย เราเลยลุกขึ้นไปรอเรียนกันบนห้อง







“อ้าว หวัดดีกิม หวัดดีจีน” คนรักของผมในชุดอยู่บ้านสบายๆเอ่ยทักทันทีเมื่อเปิดประตูมารับแล้วเห็นเพื่อนตัวดีของผมทั้งสองคนติดสอยห้อยตามมาด้วย วินเลิกเรียนก่อน ผมเลยให้เขากลับมาโดยให้ไอ้กิมกับไอ้จีนมาส่งที่คอนโดแทนที่จะให้วินอยู่รอรับ

ที่จริงหน้าที่ของพวกมันควรจะหมดไปตั้งแต่มาส่งผมที่หน้าลิฟต์แล้วนะ แต่ก็ยังหน้าด้านบอกว่าจะขึ้นมากินข้าวด้วยให้ได้
 
“หวัดดีวิน/ดีวิน”

“พอดีเลยเรากำลังทำอาหารอยู่ งั้นอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนนะ” เห็นไหมว่าแฟนผมเป็นคนใจดีขนาดไหน มีน้ำใจที่จะชวนเพื่อนผมกินข้าว

เรื่องทำอาหารที่จริงก็บอกเขาแล้วว่าไม่ต้องทำเพราะผมกลัวเขาเหนื่อย ซื้อเข้ามาหรือสั่งจากข้างล่างก็ได้ แต่วินกลับไม่เห็นด้วย บอกว่าจะทำเองให้ได้ถ้าวันไหนไม่เหนื่อยจนเกินไป

“งั้นรบกวนวินด้วยแล้วกันนะ”

“รบกวนด้วยคร้าบบบ” ที่ผมไม่มีบทพูดไม่ใช่เพราะอะไร เบื่อพวกมันสองคนเลยไม่อยากจะพูดก็เท่านั้น

“พัตเปลี่ยนเสื้อผ้าไหม เดี๋ยวเราพาไป...กิมกับจีนดูทีวีรอก่อนนะ” เป็นวินที่เข้ามาพยุงผมแทนเพื่อนแล้วค่อยๆพาเดินเข้าไปในห้อง “เหนื่อยเหรอ ไม่พูดเลย”

วินเงยหน้าขึ้นมาถามในขณะที่พาผมนั่งลงที่เตียงเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กยืนอยู่ตรงหน้า ผมเลยได้โอกาสรั้งให้เขาขยับเข้ามายืนแทรกหว่างขา

“เปล่าครับ ไม่รู้จะพูดอะไรเฉยๆ...วินล่ะเป็นไงบ้าง พัตบอกแล้วว่าให้สั่งอาหารหรือว่าซื้อเข้ามาเลยจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำ”

“เราก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก เวลาทำอาหารก็สนุกดีออก...พัตเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เดี๋ยวเราจะออกไปทำอาหารต่อ”

“โอเคครับ”

พอวินเดินออกจากห้องไปผมก็คว้าไม้ค้ำแล้วค่อยๆเดินไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ข้อเท้านี่หมอบอกว่าสามถึงสี่วันก็ถอดผ้าได้ แต่ยังไม่ให้ลงน้ำหนักเท้าเฉยๆ ยิ่งตอนนี้มีวินมาช่วยดูแลอาการเลยยิ่งดีขึ้น

พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็เดินออกมาหาไอ้กิมกับไอ้จีนที่หน้าโทรทัศน์

“ห้องมึงนี่ของจัดเป็นระเบียบเชียว แต่ก่อนถ้าวันไหนแม่บ้านไม่ได้พึ่งมาเก็บใหม่ๆไม่ได้เป็นแบบนี้แน่”

“เออ วินจัดการให้” ตอบไอ้จีนออกไปพร้อมกับนั่งลงโซฟาข้างๆ พวกนี้มาสร้างพื้นที่ที่ห้องผมกันเสร็จสรรพ นอนเอกเขนกเต็มโซฟาอย่างเต็มที่ ตามสบายเลยนะเพื่อน เอาซะผมนึกว่าตัวเองเป็นแขก

“วินแม่งดูแลมึงดีโคตรๆอ่ะ” ไอ้กิมเอ่ย

“มากกกกกก กูยังอิจฉามันเลยเนี้ย”

“พวกมึงก็หาซักคนดิ” ที่จริงพูดถึงเรื่องคนที่เข้ามาหาพวกมันมันก็มีมากแหละ แต่ไอ้กิมไอ้จีนก็ยังไม่เจอคนที่จะจริงจังด้วยซักคน ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครที่จะสยบเพื่อนผมทั้งสองคนให้อยู่หมัดได้

“ถ้ามันหาง่ายแล้วมีแบบวินอยู่เยอะป่านนี้พวกกูก็มีกันแล้ว ผู้หญิงบางคนแม่งก็งี่เง่าเกิน ผู้ชายบางคนก็พยายามเอาใจไป” ไอ้จีนทำหน้าเบื่อโลกราวกับโลกนี้น่าเบื่อเสียมากมาย ส่วนที่มันเอ่ยถึงทั้งหญิงและชายเพราะเพื่อนผมเป็นไบกันหมดครับ ได้ทั้งชายทั้งหญิง ถึงได้มีคนเข้าหามากมายเต็มไปหมด

“อย่าพูดว่ะจีน ของกูนี่สุดตีนครับ...ตอนแรกก็ดีอ่ะ หลังๆมานี่ยิ่งกว่าแม่กูอีก บอกเลิกแทบจะไม่ทัน” ไอ้กิมพึ่งเลิกกับเด็กคนล่าสุดของมันมาเมื่อคืนสดๆร้อนๆ

“นี่ที่พวกมึงมาวันนี้จะมาระบายเรื่องรักคุดๆกันรึไง” ผมเอ่ยถามเพื่อนออกไป ตั้งแต่มานั่งนี่ได้ยินมันพูดถึงแต่เรื่องนี้

“หึ มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับคนหล่ออย่างพวกกูอยู่แล้ว เนอะไอ้จีน” แล้วพวกมันก็หันไปไฮว์ไฟท์กันพร้อมกับยักคิ้วให้ผมอย่างกวนๆ

ครับ...เอาที่พวกมึงสบายใจเลย

“กับข้าวเสร็จแล้วนะ” เสียงใสๆของวินตะโกนออกมาให้พวกผมสามคนรีบลุกขึ้นทันที ตอนนี้หิวกันมากๆแล้วเพราะเลิกเรียนเย็น ได้ยินเสียงวินเหมือนเสียงสวรรค์ เราเดินไปที่ห้องอาหารกันอย่างรวดเร็ว

“หูยยยย มีแต่ของโปรดไอ้พัตทั้งนั้นเลย” วินยิ้มกว้างรับคำไอ้กิมก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้ผมได้นั่งลง ทั้งโต๊ะอาหารมีอาหารอยู่5อย่าง และทุกอย่างล้วนเป็นของที่ผมชอบทั้งหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าวินตั้งใจทำให้ใคร

“กลิ่นหอมโคตร เรากินเลยได้ไหมเนี้ย”

“ตามสบายเลยจีน”วินนั่งลงข้างๆผมแล้วหันไปตอบไอ้จีน พอได้ยินดังนั้นเพื่อนผมเลยไม่รอช้าจัดการอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว คนทำเลยนั่งมองอย่างยิ้มๆแล้วมือเล็กก็หันไปตักอาหารมาให้ผม

“กินเยอะๆนะ เราทำแต่ของโปรดพัตทั้งนั้นเลย” อีกฝ่ายยิ้มกว้างให้ผมได้ยิ้มตาม เพราะว่าวินเป็นแบบนี้เลยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่มีแฟนเป็นเขา คอยดูแลคอยเอาใจใส่ผมตลอด

“วินก็กินเยอะๆ” เอื้อมไปตักอาหารให้อย่างเช่นที่เขาทำ คนน่ารักยิ้มให้ก่อนจะหันกลับไปทานข้าวของตัวเอง ส่วนแขกทั้งสองนั้นก็ซัดข้าวแบบไม่พูดไม่จาเลยทีเดียว กินราวกับพวกมันไปอดอยากกันมาจากที่ไหนซะอย่างนั้น






จุ๊บ

“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อเย็นนะ วินเหนื่อยแย่เลยต้องทำหลายอย่าง” ผมหอมแก้มคนที่นอนซบไหล่อยู่แรงๆทีนึง ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดให้เรานอนคุยกันเล่นก่อนที่จะนอน พูดคุยถึงเรื่องราวของเราที่เกิดขึ้นวันนี้ ช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุด 

แล้วก็จะบอกกว่ากว่าจะบังคับให้วินมานอนตรงนี้ได้นี่เกือบได้ปล้ำกัน

“กินข้าวกันหลายคนสนุกดีออก เราชอบนะ...ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยด้วย วันหลังพัตชวนเพื่อนมาบ่อยๆก็ได้”

“ไม่เอา มาแล้วเดี๋ยวเราไม่มีเวลาอยู่ด้วยกัน” ขืนปล่อยให้มาบ่อยผมจะเอาเวลาที่ไหนอยู่กับวินล่ะ

“ก็อยู่ด้วยกันตลอด ตอนนี้ก็แทบจะสิงกันแล้ว” วินเอาหัวโขกหน้าอกผมเบาๆ

“วิน...” ผมปรับเสียงให้จริงจังขึ้นอีกหน่อยเมื่อคิดว่าจะพูดเรื่องนั้นออกไป

“หืม?”

“ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะ...พัตจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเวลาวินกลับดึกๆคนเดียว จะได้ดูแลวินได้เต็มที่ด้วย” คนที่อยู่ในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน แสงจันทร์ลอดเข้ามาเนื่องจากวินเปิดผ้าม่านทิ้งไว้มากพอที่จะได้เห็นสีหน้าของกันและกัน “ของขวัญที่วินสัญญาว่าจะให้ถ้าทำประตูได้ พัตขอให้วินมาอยู่ด้วยกัน...ได้ไหมครับ”

“...”

“...”

“มาทำเสียงแบบนี้ใส่ใครจะกล้าปฏิเสธกัน” วินซุกหน้าลงไปที่อกผมตามเดิมหลังจากที่ตอบออกมา

“ตกลงแล้วใช่ไหม ตกลงนะ...งั้นขนของมาพรุ่งนี้เลย”

“จะบ้าเหรอ เราต้องใช้เวลาบ้างสิ...แล้วเราก็ยังพูดไม่จบ เราจะไม่ปฎิเสธถ้าพ่อกับแม่อนุญาต คนแถวนี้จะกล้าเข้าไปขอให้รึเปล่า”

“ไม่มีปัญหา วันไหนพ่อกับแม่วินว่างบอกมาเลย” ผมไม่กลัวอยู่แล้ว ดีซะอีกที่จะได้เข้าไปหาพวกท่าน ผมเองก็หาโอกาสที่จะไปบ้านวินอยู่เหมือนกัน จะพาลูกเขามาอยู่ด้วยทั้งทีก็ต้องทำให้เป็นขั้นเป็นตอน

“ไม่กลัวเหรอ” วินเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม

“ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย เราไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย”

“ถ้าพ่อเราไม่ยอมล่ะ พ่อเราโหดนะ”

“โหดแค่ไหนก็ไม่หวั่นครับ พัตจัดการได้ไม่ต้องห่วง...ถ้าไปบ้านวินแล้วไปบ้านพัตบ้างนะ ตกลงไหม” แม่ผมนี่โทรมาเร่งอยู่ทุกวันว่าให้วินไปหา อยากเจอวินมากกว่าลูกตัวเองเสียอีก ผมว่าจะพาวินเข้าบ้านไม่เกินอาทิตย์นี้นี่แหละ

“พ่อกับแม่พัตจะโหดไหม” คนในอ้อมกอดถามออกมาเสียงอ่อยราวกับกังวลใจอะไร

“ไม่โหดหรอก ใจดีทั้งคู่เลย...ถ้าพ่อกับแม่วินว่างวันไหนให้บอกพัตนะ”

“อื้อ”พอสิ้นสุดบทสนทนาผมเลยหอมหน้าผากวินไปเบาๆแล้วบอกฝันดีอีกฝ่ายก่อนที่เราทั้งคู่จะหลับไปด้วยกัน




TBC.





Talk

เชิญตบเชิญตีคนแต่งได้ตามสบายเลยค่ะ  :o12: :o12: ขอโทษที่หายไปนานมากกกกกกกกกกก คือภารกิจมันยาวต่อเนื่องกันมาเลย ทั้งงานที่บ้าน งานที่มอ ทั้งเรื่องสอบ  :katai1: :katai1: แต่ยังไงก็มาต่อให้แล้วน๊า ไม่รู้ว่าจะมีคนรอหรือลืมกันไปแล้วยัง(อย่าพึ่งลืมเก๊าเลยยยยยยยย) ถ้าคิดถึงก็มาคอมเม้นให้กันนะๆๆๆๆๆ :mew1: :mew1:
ปล.สั้นไปหน่อยแต่มันต้องตัดตรงนี้จริงๆ(ประเด็นคือง่วง555555) ไว้เจอกันใหม่ค่าาาาา ไม่ทิ้งนานอีกแล้ว :mew3: :mew3:

https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/?ref=aymt_homepage_panel








หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 05-11-2015 05:14:39
น่ารักจังคู่นี้ เข้าตามตรอกออกทางประตูด้วย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-11-2015 06:24:29
วินใจอ่อนยอมย้ายมาอยู่ด้วยกันแต่ต้องไปขอพ่อแม่ก่อน
เป็นการเปิดตัวลูกเขยเลยนะเนี่ย 5555 พัตนี่ไม่มีกลัว เก่งจริงๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-11-2015 10:12:39
จะพากันเข้าบ้านไหว้พ่อแม่แล้วววววว

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-11-2015 10:19:11
น่ารักมากกกกก  หวานตลอดเลยอ่ะ 
ขอบคุณมากนะจ๊ะ
รักษาสุขภาพด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 05-11-2015 10:33:50
อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือสินะคะ แต่เพื่อคนน่ารักๆ อย่างวินเสียอย่างพัตไม่หวั่นอยู่แล้วล่ะเน้อ ^^
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: gatenutcha ที่ 05-11-2015 10:57:39
 :hao6:
คู่นี้น่ารักเวอร์อ่ะ  เราชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 05-11-2015 11:35:36
โอยยย ฟิน และ หวานเวอร์

 :mew2: :mew3:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 05-11-2015 12:27:59
ดูแลกันดีจังเลย :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: GMJeam ที่ 05-11-2015 13:40:43
ละมุน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-11-2015 14:49:58
อิจฉาคนมีแฟนดี
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 05-11-2015 16:42:30
น่าร๊ากกกกกกกกกก หวานชื่นรื่นรมย์ ฟินนนนนน :o8:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-11-2015 19:36:22
อุ๊ป~~~~!!! >\\\<
เดี๋ยวเค้าจะไปเปิดตัวเป็นว่าที่ลูกเขย ลูกสะใภ้กันแร้ว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-11-2015 21:28:42
ยิ่งคบยิ่งหวานอ่ะคู่นี้
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: momapmu ที่ 06-11-2015 00:22:36
เย้ มาอัพล้าวววววววว คิดถึงจังเลยยยยยยย :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 06-11-2015 09:20:01
โอ๊ยยยยย อยากอ่านต่อ >< น่ารักมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่14.2&15 05/11/2558(02.36) p.6
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 06-11-2015 23:32:24
หวานนนนนนนนน กันจริงเลยคู่นี้ :hao6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 07-11-2015 01:10:26
ตอนที่ 16

(Win Part)

ผมอาศัยอยู่ที่นี่และคอยดูแลเจ้าของห้องที่มีอาการบาดเจ็บมาได้ห้าวันแล้ว คุ้นชินกับการที่มีใครอีกคนอยู่ด้วยทีละน้อย ไม่ว่าจะกินข้าว ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ ทำหลายๆอย่างภายใต้ห้องนี้ด้วยกัน อาการของพัตดีขึ้นจนสามารถถอดผ้าพันออกได้ ข้อเท้าที่เคยบวมเป่งก็เหลือเพียงอาการแดงและบวมน้อยๆ

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ขาข้างนั้นเพราะผมเองที่ยังไม่มั่นใจ อยากจะให้รอจนกว่าจะครบกำหนดหนึ่งอาทิตย์ตามที่หมอบอกเสียก่อน

(พัตเองก็ไม่แน่ใจ แต่ก็คงอีกซักพักเลยแหละ) ปลายสายเอ่ยบอกเมื่อผมโทรถามว่าเขาใกล้จะกลับหรือยัง วันนี้เราเลิกเรียนสี่โมงเย็นพร้อมกันแต่พัตมีประชุมต่อเกี่ยวกับงานของคณะผมเลยต้องกลับมาก่อน ไม่กิมก็จีนที่ต้องรับหน้าที่สารถีมาส่งอีกตามเคย

“ห้ามลงน้ำหนักที่เท้าขวาเด็ดขาดเลยนะ ต้องใช้ไม้ค้ำตลอดรู้ไหม” เอ่ยเตือนคนเจ็บเพื่อไม่ให้ทำอย่างนั้น เพราะตอนนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันจึงกลัวว่าเขาจะฝ่าฝืนสิ่งที่ผมห้าม

(ครับ สัญญาเลยว่าจะทำตามอย่างเคร่งครัด เดี๋ยวพัตต้องวางสายแล้ว ไว้เจอกันที่ห้องนะครับ)

“อื้อ เราจะทำกับข้าวไว้รอนะ” อีกฝ่ายตอบรับกลับมาก่อนจะวางสายไป ส่วนผมเองก็เลยวางโทรศัพท์ไว้ที่หน้าโทรทัศน์แล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องครัวเช่นกัน ถามว่าเหนื่อยไหมกับการที่ต้องทำอาหารให้อีกคนตลอดทั้งตอนเช้าและตอนเย็นเป็นประจำ?

สำหรับผมแล้วไม่เหนื่อยเลยซักนิด หนึ่งคือการทำอาหารเป็นสิ่งที่ชอบอยู่แล้วจึงรู้สึกสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ทำ ยิ่งทำเพื่อคนที่เรารักยิ่งไม่มีอะไรที่ต้องเหนื่อยเลยว่าไหมครับ

พอทำอาหารสำหรับเราสองคนเสร็จเรียบร้อยผมก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เหลือบมองนาฬิกาที่อยู่บนฝาผนังกลางห้องรับแขกจึงพบว่าตอนนี้เป็นเวลากว่าหกโมงครึ่งแล้ว ป่านนี้ไม่รู้ว่าคนที่ประชุมเรื่องงานอยู่คณะจะใกล้เสร็จรึยัง แม้ว่าตอนนี้จะเริ่มหิวขึ้นมาบ้างแต่ก็จะรอกินพร้อมกัน

ติ๊งต่อง

เสียงออดดังขึ้นทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย  พัตกลับมาแล้วเหรอ...เรามีคีย์การ์ดกันคนละใบแต่อีกฝ่ายมักจะให้ผมเป็นคนไปเปิดประตูให้ถ้ารู้ว่าผมกลับมาแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกนักที่จะได้ยินเสียงออดดังขึ้น

“กลับมาแล้วระ...” เสียงที่กำลังจะเอ่ยทักเมื่อคิดว่าคนที่ยืนอยู่หลังประตูคือแฟนตัวเองเป็นอันต้องกลืนลงคอไปในทันทีเมื่อผมเห็นหน้าคนที่ยืนอยู่

“เอ๊? น้องวินมาทำอะไรที่นี่จ๊ะ แม่ว่าแม่ขึ้นมาไม่ผิดห้องนะ...คนที่มาเปิดจะต้องเป็นลูกชายของแม่ไม่ใช่หรือ” วินาทีนี้เข้าใจดีเลยว่าอาการช็อคเป็นยังไงเมื่อผมจำได้ดีว่าคนที่ยืนอยู่คือใคร ตกใจจนแทบจะหาเสียงของตัวเองไม่เจอ “แม่พึ่งรู้ว่าเราสองคนสนิทกันขนาดนี้ ได้ยินข่าวว่าอยู่คนละคณะไม่ใช่เหรอจ๊ะ”

อีกฝ่ายยังคงรัวคำถามมาใส่โดยที่ผมทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ใบหน้าสวยหวานที่ละม้ายคล้ายเจ้าของห้องมีแววสงสัยอะไรมากมาย และดวงตาคู่นั้นก็จ้องมองมาราวกับจับผิดอะไรบางอย่าง

แน่นอนล่ะ ท่านมาหาลูกชายตัวเองแต่คนที่เปิดประตูกลับเป็นผม!

“อะ เอ่อ...พัต พัตยังไม่กลับครับ เชิญคุณป้าเข้าข้างในก่อนดีกว่านะครับ” ไม่รู้แม้กระทั่งว่าประโยคที่ผมพูดนั่นมันสมควรแค่ไหน เชิญเจ้าของห้องเข้าห้องเนี้ยนะ!

ไม่น่าเลยวินTT

“ดะ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้นะครับ” เมื่อเห็นว่าท่านนั่งลงที่โซฟาเรียบร้อยผมก็รีบปลีกตัวออกมาทันที ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะต้องมาอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่ได้เตรียมตัวเช่นนี้ ผมไม่รู้เลยว่าแม่ของพัตพอจะทราบเรื่องของเราบ้างหรือเปล่า และผมยังจำได้ว่าท่านพึ่งแนะนำให้เรารู้จักกันที่งานเลี้ยงอยู่เลย เป็นไปได้ว่าแม้แต่การที่เรารู้จักกันท่านก็อาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำ

แล้วอะไรคือการที่ผมใส่ชุดนอนอยู่ในห้องของลูกชายท่านกันล่ะ ให้ตายเถอะ...ตอนนี้ผมอยากร้องไห้ชะมัด

“น้ำครับ...” แม้ว่าไม่รู้จะเริ่มบอกคนที่นั่งอยู่โซฟายังไงแต่การหลบหน้าคงเป็นเรื่องที่เสียมารยาทอย่างยิ่ง ดังนั้นตอนนี้ผมจึงวางแก้วน้ำที่เอามาวางไว้ตรงหน้าแม่ของพัตแล้วถอยมานั่งโซฟาเดี่ยวที่อยู่ทางขวามือ

“น้องวินยังไม่ตอบคำถามแม่เลยนะจ๊ะว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วนี่ยังใส่ชุดนอนอยู่อีก...แม่ไม่ยักกะรู้ว่าเราสองคนสนิทกันขนาดนี้” น้ำเสียงที่เอ่ยเดาอารมณ์แทบไม่ได้ว่าท่านอยู่ในอารมณ์ไหน และนั่นทำให้ผมที่กังวลใจกับเรื่องของผมกับพัตอยู่แล้วยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก

กลัวว่าท่านจะรับเรื่องนี้ไม่ได้...พัตเป็นลูกชายคนเดียว ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่จะคาดหวังกับเขาขนาดไหน
แล้วการที่ลูกชายคนเดียวคบผู้ชายด้วยกันมันก็เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากไม่น้อย

“ผะ ผม...คือ” ไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรเพื่ออธิบายเรื่องทั้งหมด ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนเสียด้วยซ้ำ เสียงที่ออกมาจึงราวกับว่าเป็นอาการของคนติดอ่าง ผมไม่กล้าแม้แต่จะสบตาท่านจนทำได้เพียงก้มหน้าลงต่ำมองดูมือที่บีบกันแน่นบนตักของตัวเอง

“งั้นไม่เป็นจ้ะ ไว้แม่รอถามลูกชายแม่เองก็ได้...น้องวินมีอะไรก็ไปทำเถอะ” ประโยคที่ดูเหมือนไล่กลายๆทำเอาน้ำตาที่กลั้นไว้ในอกแทบจะไหลออกมา ผมทำอะไรให้แม่ของพัตไม่พอใจหรือเปล่า

พลัก

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลุกไปไหนเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน แล้วร่างสูงใหญ่ที่ยังใช้ไม่ค้ำเดินก็กำลังจะเดินเข้ามาหาเราทั้งคู่ ผู้มาใหม่แปลกใจไม่น้อยที่เห็นแม่ตัวเองนั่งอยู่กับผม พัตมีสีหน้าแปลกใจแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ตกใจเท่าไหร่นัก

“แม่มาได้ยังไงครับ”

“ก็นั่งรถมาน่ะสิจ๊ะ ว่าจะเซอร์ไพร์สมาดูอาการบาดเจ็บของลูกซักหน่อยแม่กลับมาเจอเซอร์ไพร์สเสียเอง...แม่ว่าเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันซักหน่อยนะ” พัตเหลือบมามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองหน้าแม่ตัวเองอีกครั้ง ผมเห็นเขาหรี่ตามองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกมา

“งั้นก็เชิญแม่ที่ห้องทำงานเลยครับ” คนเจ็บพูดเพียงเท่านี้แล้วเดินไปทางห้องทำงานซึ่งอยู่อีกฝั่ง แม่พัตเองก็ไม่รอช้าเดินตามลูกชายตัวเองไป เหลือเพียงผมที่ยั่งยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

มันจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเรื่องของเราใช่ไหม...




....................................





(Pat Part)

“นี่แม่แกล้งอะไรวินหรือเปล่าครับ ทำไมเขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้น...แล้วไหนจะมาหาทั้งๆที่ผมไม่อยู่อีก” ผมหรี่ตามองแม่ตัวเองอย่างจับผิดเมื่อเราเข้าห้องมาแล้วเรียบร้อย ผมจะไม่สงสัยซักนิดว่านี่คือเรื่องบังเอิญที่ท่านมาหาถ้าไม่ใช่เพราะเห็นสายตาที่มีแววสนุกจากคนที่ให้กำเนิด และการที่แม่มาหาทั้งที่ก่อนหน้านี้ท่านโทรหาผมและรู้อยู่แล้วว่าผมมีประชุมที่คณะ

เหมือนว่าท่านจงใจมาหาคนที่อยู่ห้องเพราะรู้ดีว่าผมไม่อยู่

“ก็พัตไม่ยอมพาน้องวินไปเจอแม่ซักทีแม่ก็เลยมาหาถึงที่นี่ไงล่ะ แล้วพอเห็นหน้าน่ารักๆหน่อยแม่ก็เลยแอบแหย่ไปนิดเดียวเอง”
“นิดเดียวของแม่นี่มันแค่ไหนกันครับ” เพราะผมรู้ดีว่าแม่เป็นคนขี้แกล้งขนาดไหนเลยถามออกไปแบบนั้น แม้ว่าท่านจะเป็นคนใจดีมากแต่เรื่องแกล้งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งนิสัยประจำตัวเช่นกัน ขนาดผมเป็นลูกแท้ๆยังโดนเป็นประจำเลย

“ก็แค่แกล้งพูดเหมือนว่าแม่ไม่รู้เรื่องของเรากับน้องวิน แล้วก็เกร็งหน้าทำเสียงเรียบนิดๆหน่อยๆเอง” ดู่ทานถูกอกถูกใจกับการกระทำของตัวเองเป็นอย่างมาก ใบหน้าที่ยังคงสวยงามแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี และโอเค ผมพอรู้แล้วว่าทำไมวินต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ขนาดนั้น

ผมไม่เคยบอกเรื่องที่ครอบครัวผมรู้เรื่องของเราเลย เขาอาจจะคิดไกลไปแล้วเพราะว่าแม่ผมรับเรื่องนี้ไม่ได้

“ถ้าวินกลัวแม่จนไม่อยากเข้าใกล้ขึ้นมาอีกแม่จะมาโทษผมไม่ได้นะครับ ระวังเถอะว่าน้องวินของแม่จะไม่กล้าเจอหน้าแม่บ่อยๆอีก”

“ไม่ได้นะจ๊ะ! แม่แค่แกล้งนิดเดียวเองนะ หรือว่าน้องวินจะกลัวแม่ไปแล้วจริงๆ...แบบนี้ไม่ดี ลูกสะใภ้น่ารักๆแบบนี้หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว งั้นแม่ไปคุยกับน้องก่อนดีกว่า เดี๋ยวตัวเล็กของแม่จะฟุ้งซ่านคิดไปไกลว่าแม่ไม่ปลื้ม” แม่ทำทีจะเดินออกไปทันทีเมื่อคิดตามคำที่ผมพูด

“โอ๊ะ ว่าแต่ขาลูกเป็นยังไงบ้างจ๊ะ” ขอบคุณที่แม่ยังอุตสาห์ถามถึงอาการลูกชายตัวเองบ้าง ที่ท่านไม่ตกใจหรือแตกตื่นเมื่อทราบว่าผมได้รับบาดเจ็บเพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุ กีฬากับอุบัติเหตุเป็นของคู่กันอยู่แล้ว

ตั้งแต่เด็กจนโตผมก็ประสบมาหลายครั้ง เล็กบ้างใหญ่บ้างก็ว่ากันไป ถ้าครั้งไหนที่ผมไม่ไหวจริงๆจะบอกท่านทันที ไม่ฝืนร่างกายตัวเอง แม่ทราบดีครั้งนี้เลยไม่ตกใจอะไร คงมีบ้างที่เป็นห่วงแต่เพราะผมมีวินคอยดูแลอยู่แล้วด้วยท่านเลยเบาใจไปเยอะ คนเป็นพ่อเป็นแม่จะไม่ให้ห่วงเลยคงเป็นไปไม่ได้

“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ ยังบวมอยู่นิดหน่อย ที่ยังใช้ไม่ค้ำอยู่เพราะวินอยากให้หายสนิทซะก่อนค่อยกลับมาเดินปกติ”

“น้องวินของแม่นี่น่ารักจริงๆเลย งั้นเดี๋ยวแม่ไปคุยกับน้องวินก่อนดีกว่าจ๊ะ ” ตั้งแต่ที่คุยกันมาแม่เรียกน้องวินของแม่มากกว่าเอ่ยชื่อของผมซะอีก มองตามคนเป็นแม่ของตัวเองเบาๆแล้วได้แต่ส่ายหน้าเล็กน้อย แต่ผมก็รู้สึกดีมากๆที่มีแม่ที่เข้าใจลูกแบบนี้ ดีใจที่ท่านรักวินอย่างที่ผมรัก




......................................




(Win Part)

“น้องวินจ๊ะ แม่ขอโษนะลูกที่ทำเสียงดุใส่ เมื่อกี้แม่แค่แกล้งเล่นนิดหน่อยเองจ๊ะ...เรื่องของลูกพัตบอกแม่หมดแล้ว แล้วแม่ก็โอเคมากๆด้วย” ผมที่ยืนคิดเรื่องต่างๆอยู่ตกใจเล็กน้อยเมื่ออยู่ดีๆร่างทั้งร่างก็ตกอยู่ในอ้อมกอดแม่ของพัต

ระหว่างที่ทั้งคู่หายเข้าไปในห้องผมทั้งกังวลและคิดไปต่างๆนานา ตกอยู่ห้วงความคิดของตัวเองจนคนที่เข้ามากอดทำให้หลุดจากภวังค์ และเหนือสิ่งอื่นใดคือกำลังงงกับสิงที่ท่านพูดออกมาเมื่อซักครู่

“คะ คุณป้า ว่า...อะไรนะครับ”

“คุณป้าอะไรกัน เรียกแม่ว่าคุณแม่สิจ๊ะ...มาๆ เรามานั่งคุยกันตรงนี้ก่อนดีกว่า” ผมถูกแรงชักจูงของท่านพามานั่งที่โซฟาด้วยอาการมึนงง ท่าทางเรียบเฉยที่เคยมีเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ใบหน้าสวยยิ้มแย้มอย่างยินดีราวกับถูกใจอะไรนักหนา “วันนี้แม่ตั้งใจมาหาน้องวินเลยนะ เพราะพัตนั่นแหละที่ไม่ยอมพาลูกไปหาแม่ซักที ส่วนเมื่อกี้ที่แม่ถามเรื่องของน้องวินกับพัตแม่ก็แค่แกล้งไปอย่างนั้นเองจ๊ะ ที่จริงแม่รู้เรื่องของเราตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่งานเลี้ยงบ้านคุณหญิงนุชนู้นเลย”

“จะ จริงเหรอครับ...แล้วคุณป้าไม่ว่าอะไรเหรอครับ ทะ ที่พัต คบกับผม ที่เป็น...ผู้ชาย” แม้จะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเท่าไหร่แต่ผมก็ยังอยากทราบคำตอบของสิ่งที่ผมคิดมาตลอด สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือ

ท่านจะไม่ยอมรับเรื่องของผมกับพัต...จนเราต้องเลิกกัน

“แม่บอกให้เรียกคุณแม่นะจ๊ะ ถ้าเรียกคุณป้าอีกแม่จะงอนจริงๆด้วย...ส่วนเรื่องที่น้องกังวล ไม่ต้องเครียดนะลูก แม่ไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ตรงไหน ความสุขของลูกแม่ยังจะมีอะไรสำคัญกว่าอีกจ๊ะ แม่เข้าใจดีว่าเรื่องของความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็ตาม เพราะฉะนั้นแล้วสำหรับแม่ลูกแม่รักใครแม่ก็รักด้วย ยิ่งเป็นน้องวินแล้วแม่ยิ่งรักค่ะ”

สิ่งที่ท่านพูดทำให้ผมซาบซึ้งจนกักเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว ทุกความกังวลที่ความคิดที่รวมอยู่ในหัวตอนนี้มันหายไปหมดราวกับยกภูเขาออกจากอก ทั้งโล่งใจและดีใจที่ท่านรับได้และเอ็นดูผมมากขนาดนี้

“ขอบคุณคุณแม่มากนะครับ วินขอบคุณจริงๆ” ผมยกมือไหว้ท่านทั้งที่น้ำตายังค่อยๆไหลซึมออกมา แม่ของพัตมองมาด้วยสายตาเอ็นดูก่อนที่ท่านจะขยับเข้ามากอดผมแล้วโยกตัวเบาๆราวกับกล่อมเด็กที่กำลังร้องไห้โยเย

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะ แม่ยินดีมากๆที่น้องวินจะเข้ามาเป็นคนในครอบครัวเรา” สัมผัสที่ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเบาๆทำเอาผมคลายอาการสะอื้นลงไปได้ด้วยความสบายใจ อ้อมกอดของท่านอบอุ่นเหมือนกับแม่ของผมเลย

“นี่แม่ทำอะไรแฟนผมครับเนี้ย วินร้องไห้ใหญ่เลย” เสียงของพัตทำให้ผมผละร่างออกมาแล้วรีบเช็ดน้ำตาทันที

“ก็เราดีใจนี่นา...ไม่ต้องมาพูดเลย พัตไม่เคยเห็นบอกว่าเคยเล่าเรื่องของเราให้คุณแม่ฟังแล้ว” ส่งสายตาคาดโทษไปให้คนที่ทรุดตัวนั่งลงโซฟาเดี่ยวข้างๆ มีอย่างที่ไหนปล่อยให้ผมเครียดไม่รู้เรื่องราวอยู่คนเดียว มันน่าโมโหจริงๆ

คอยดูว่าตอนที่เข้าบ้านผมผมจะบอกป๊าเล่นให้หนักๆเลย พ่อผมโหดนะจะบอกให้

“ยอมรับเลยว่าลืม...แต่พัตไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่คุณแม่แกล้งวินวันนี้จริงๆนะ”

“เรานี่ก็ย้ำจังเลย แม่ขอโทษนะจ๊ะน้องวิน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก”

“ไม่ครับ...แค่คุณแม่เอ็นดูวินก็เกินพอแล้ว” ผมตอบออกตามความรู้สึกจริงไม่ได้คิดจะประจบหรือตอบเอาใจแต่อย่างใด แค่รู้ว่าท่านเอ็นดูและไม่รังกียจก็มากเกินพอแล้ว

“โอ๊ย น่ารักจริงๆเลยเด็กคนนี้ มา...มาให้แม่หอมทีนึง”

ฟอดดดดดดด

ผมไม่ทันแม้แต่จะตั้งตัวด้วยซ้ำ คุณแม่เข้ามาหอมแก้มผมทั้งซ้ายและขวาก่อนจะผละออกทั้งที่ผมยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น

อ่า ท่านจู่โจมเร็วชะมัด

“แม่ครับ นั่นแฟนผมนะ หอมจนแก้มวินช้ำหมดแล้ว”

“แฟนลูกก็ช่าง นี่ลูกคนเล็กแม่...แล้วนี่ทานข้าวกันรึยังจ๊ะ แม่ซื้ออาหารมาเพียบเลยนะ แต่ยังไม่ได้เอาขึ้นมาเพราะว่าอยากมาเจอลูกเร็วๆ” พอคุณแม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาผมก็พึ่งรู้ว่าลืมไปเสียสนิทว่าเรายังไม่ได้ทานข้าวเย็นกัน

“ยังเลยครับ” ผมตอบออกไป

“งั้นดีเลยจ๊ะ เดี๋ยวแม่โทรบอกคนให้เอาขึ้นมาให้ เสียดายที่พ่อของพัตไม่ได้มาด้วยเพราะติดประชุมไม่งั้นเราจะได้ทานพร้อมหน้าพร้อมตากันกว่านี้...เอาไว้เดี๋ยววันไหนว่างๆเรานัดทานข้าวทั้งสองครอบครัวกันบ้างดีกว่าเนอะ”

คุณแม่พูดออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนที่ท่านจะกดโทรศัพท์บอกให้คนเอาของขึ้นมา ที่จริงแล้วผมทำอาหารเอาไว้แล้วแต่ก็แค่สำหรับเราสองคนเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะมีแขกเพิ่มมาอีกคน

“งั้นเดี๋ยวผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วล้างตัวหน่อยแล้วกันนะครับ วันนี้ทำงานทั้งวันเลย” ผมขยับเข้าไปพยุงพัตทันทีด้วยความเคยชิน ร่างสูงหันมายิ้มให้ก่อนจะค่อยๆเดินเขย่งโดยไม่ใช้ไม่ค้ำ

“ผมขอตัวไปช่วยพัตซักครู่นะครับ”

“จ๊ะ ตามสบาย” คุณแม่ยิ้มให้เราสองคนก่อนจะพยักหน้าอนุญาตเบาๆ ผมเลยพาพัตเข้าห้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้และล้างตัว อีกฝ่ายยังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลย

“แม่พัตใจดีไหม วินอึดอัดรึเปล่า” พัตถามออกมาในขณะที่ผมกำลังหยิบเสื้อผ้าจากตู้ออกมาให้เปลี่ยน คนที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้เอ่ยขึ้นให้ผมเดินเข้าไปหาแล้ววางเสื้อผ้าไว้บนโต๊ะก่อนจะไปยืนแทรกที่หว่างขาของคนตัวสูง หน้าของพัตจึงอยู่ประมาณระดับอกเท่านั้น

“คุณแม่ใจดีมากๆ วินไม่อึดอัดเลย...ตกใจนิดหน่อยตอนก่อนที่พัตจะมาเพราะตอนนั้นเราเองก็ไม่รู้ว่าจะบอกท่านเรื่องของเราว่ายังไง กว่าว่าท่านจะรับไม่ได้” ตอบออกไปอย่างที่ใจคิดทั้งหมด คนที่นั่งอยู่จึงเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ทั้งสองข้างแล้วลูบเบาๆไปมา

“แม่พัตรับได้ พ่อเองก็เหมือนกัน ครอบครัวพัตรับได้วินไม่ต้องกังวลอะไรเลยนะ”

“อื้อ คนที่ต้องกังวลไม่ใช่เราแต่เป็นพัตต่างหาก...พ่อเราดุนะจะบอกให้^^” ถึงพ่อกับแม่ผมจะพอทราบเรื่องของผมกับพัตบ้างจากการที่ผมเอ่ยถึงคนร่างสูงบ่อยๆแต่ท่านก็ยังไม่ได้มีท่าทีอะไรมาก ไม่รู้ว่ารับได้หรือยอมรับแล้วหรือยัง แม่ผมท่านเป็นคนใจดีคล้ายๆแม่พัตคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ป๊านี่สิ...

ท่านเป็นคนค่อนข้างหวงผมมากเพราะเป็นลูกคนเล็ก หวงผมยิ่งกว่าพี่สาวเสียอีก ไม่รู้ว่าท่านจะว่ายังไงกับเรื่องนี้แต่ที่ผมไม่กังวลมากเพราะป๊าเป็นคนมีเหตุผล ท่านพร้อมจะยอมรับความคิดเห็นของผมเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เราคุยกันด้วยความเข้าใจ ค่อยๆอธิบายถึงความคิดของกันและกัน

“ดุแค่ไหนก็ไม่กลัวหรอก พัตจะทำให้ท่านเชื่อว่าพัตดูแลลูกชายท่านได้”

“พูดแล้วก็ต้องทำให้ได้ด้วย” เอ่ยออกไปเสียงเบา ทั้งสายตาที่หนักแน่นและคำพูดเมื่อครู่ทำเอาใจผมเต้นแรงพร้อมๆกับเลือดสูบฉีดบริเวณใบหน้า ทนสบตาคมไม่ไหวจนต้องทำเป็นเสมองอย่างอื่น

“แน่นอนครับ”

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เดี๋ยวคุณแม่ก็รอนานหรอก” เร่งอีกคนเมื่อเห็นว่าเราเข้ามากันนานพอสมควรจนจะกลายเป็นเสียมารยาทที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องรอ และพัตเองก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ผมไปส่งเขาที่ห้องน้ำเรียบร้อยแล้วยืนรอจนพัตทำธุระส่วนตัวเสร็จก็พาออกมาข้างนอก

“คุณแม่ไม่ต้องทำครับ เดี๋ยววินจัดการเอง” ผมรีบเดินเข้ามาช่วยทันทีเมื่อเห็นว่าท่านกำลังจัดการกับของกินมากมายที่ซื้อมา เป็นเพราะว่าเราคุยกันในห้องนานไปหน่อยเลยทำให้คุณแม่ต้องจัดการเอง ยิ่งทำให้รู้สึกว่าตัวเองนั้นเสียมารยาทเอามากๆ

“ไม่เป็นไรจ้ะ งั้นเราช่วยกันก็ได้เนอะ แม่เห็นว่ามีอาหารที่อยู่บนเตาด้วย ใครเป็นคนทำเหรอจ๊ะ”

“อ๋อ วินเป็นคนทำเองครับ ไม่รู้ว่าวันนี้คุณแม่จะมาด้วยเลยไม่ได้ทำเผื่อเลย เอาไว้วันหลังเดี๋ยววินทำให้คุณแม่ทานนะ”

“หือ เก่งจังเลยค่ะ ชอบทำอาหารเหรอลูก พัตเองก็ชอบเหมือนกันนะ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าห้าวๆแบบนั้นจะทำอาหารเป็น แล้วนี่ลูกต้องทำอาหารให้พัตทานตลอดเลยเหรอจ๊ะ”

“ก็ถ้ามีเวลาวินก็จะพยายามทำตลอดครับ ส่วนมากก็เป็นตอนเช้ากับตอนเย็น พัตเองก็บอกว่าให้ซื้อเข้ามาก็ได้แต่วินว่าทำเองมันดีกว่า เราชอบแบบไหนยังไงก็กำหนดเองได้ สะอาดและปลอดภัยด้วย” ผมเอ่ยออกไปเสียงเจื่อยแจ้ว แทบไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดมากขนาดไหน

“งั้นวันหลังทำให้แม่ทานบ้างนะ แม่อยากลองชิมฝีมือน้องวินบ้าง ตาพัตนี่มีคนดูแลดีจริงๆเลย”

“ได้เลยครับ เอาไว้เดี๋ยววินทำให้คุณแม่ทาน...ตอนนี้เชิญคุณแม่ที่โต๊ะอาหารเลยนะครับ เดี๋ยววินจัดการยกออกไปเอง” เราจัดทุกอย่างใส่จานเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงแค่ยกออกไปตั้งโต๊ะเท่านั้น ทุกอย่างที่ท่านซื้อมาส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารที่พัตชอบทั้งนั้น เยอะจนคิดว่าเราสามคนไม่น่าจะทานกันหมด

“เอางั้นก็ได้จ๊ะ” ผมค่อยๆทยอยยกอาหารไปตั้งโต๊ะซึ่งมีคุณแม่และพัตนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ที่จริงพัตเองก็ดื้อจะมาช่วยเหมือนกันแต่ผมสั่งไว้ไม่ให้เขาทำด้วยเพราะกลัวว่าจะบาดเจ็บขึ้นมาอีก พอตั้งโต๊ะทุกอย่างเรียบร้อยเราก็มานั่งทานข้าวด้วยกัน

“หืม ฝีมือน้องวินนี่อร่อยมากเลยนะคะ รู้อย่างนี้แม่ไม่ซื้อมาจากข้างนอกหรอก” ผมยิ้มรับกับคำชมของท่านเมื่อคุณแม่ลองทานอาหารที่ผมทำ

“อร่อยจนผมน้ำหนักขึ้นเลยล่ะครับ ทำให้ทานทุกวันเลยทั้งที่ผมบอกแล้วเชียวว่าให้ซื้อเอาก็ได้”

“แม่เห็นด้วยกับพัตนะจ๊ะ ถ้าเหนื่อยมากก็ไม่ต้องทำก็ได้ลูก หรือจะบอกคนที่บ้านทำมาส่งก็ได้นะ”

“ผมทำได้ไม่เหนื่อยเลยครับ...คุณแม่ทานเยอะๆนะ” ผมตักปลาช่อนลุยสวนที่ทำเองให้ท่านทานเพื่อที่ทั้งคู่จะได้ไม่ให้ความสนใจกับเรื่องทำอาหารของผม วันไหนผมทำได้ผมก็ทำ มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสอะไร แต่ถ้าผมเรียนหนักหรือมีงานดึกอันนั้นก็คงต้องเลี่ยงจริงๆ

“พัต...อย่าลืมทำทุกอย่างให้ถูกต้องเป็นขั้นเป็นตอนด้วยนะลูก” ในขณะที่เราทานข้าวเสร็จกันเรียบร้อยแล้วและเป็นช่วงเวลาของของหวานคุณแม่ก็เอ่ยบอกคนที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือ

“ครับแม่” คนที่ถูกเอ่ยเตือนเองก็ตอบรับเบาๆ ผมเองจึงพยายามไม่แสดงความสนใจจนออกนอกหน้าเพราะเป็นเรื่องของคุณแม่กับพัต ผมก็เพียงนั่งเงียบๆของตัวเองไป








“เอาไว้แม่จะมาหาใหม่นะจ๊ะ เดี๋ยวครั้งหน้าจะพาคุณพ่อมาด้วย” คุณแม่พูดขึ้นในขณะที่เราสองคนเดินมาส่งที่หน้าประตู ท่านกำชับว่าไม่ต้องลงไปส่งถึงที่รถแม้ว่าผมจะพยายามเกลี้ยกล่อมยังไงก็ตาม สุดท้ายแล้วเลยต้องยอมทำตามที่ท่านต้องการ

“ครับ ไว้ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่มาวินขออนุญาตทำอาหารให้ลองทานนะครับ”

“ได้เลยจ๊ะ แม่กับก่อนนะลูก...พัต ดูแลน้องวินดีๆนะจ๊ะ” คุณแม่เอ่ยย้ำกับอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆผม

“ครับ จะดูแลลูกแม่ให้ดีที่สุดเลย” คนร่างสูงตอบออกมาราวกับประชดหน่อยๆจนคุณแม่ต้องตีแขนลูกชายตัวเองเบาๆ

ร่างบอบบางขยับเข้ามากอดและหอมทั้งผมและพัตก่อนจากกันอีกที พอคุณแม่ไปแล้วเราก็เดินกลับเข้าห้อง ผมให้พัตเข้าไปอาบน้ำส่วนตัวเองก็เข้าไปจัดการกับถ้วยชามที่พึ่งทานเมื่อครู่ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วเราต่างคนก็ต่างทำงานแล้วก็เข้านอนเมื่อเวลาล่วงเลยไปเกือบจะเที่ยงคืน

โดยที่คนตัวโตลากผมเข้าไปในอ้อมกอดอีกตามเคย จูบหน้าผากเสร็จก็ประทับริมฝีปากลงมาแล้วบอกฝันดี การกระทำที่ผมทุบเขาเบาๆแต่ก็ทำคืนเช่นเดียวกัน

จากนั้นเราก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน...






TBC.


Talk

คุณแม่พัตน่ารักมากๆเลยเนอะ ผ่านด่านบ้านนี้แล้วก็เหลือแต่บ้านนู้น พ่อวินเขาหวงลูกนะคะบอกไว้เลย มารอดูกันว่าพัตจะทำยังไง คิคิ :mew3: :mew3:

คราวนี้มาเร็วเพราะงั้นจงเม้นให้กับความน่ารักของคนแต่งซะดีๆ5555555555 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และที่สำคัญที่สุดคือขอบคุณสำหรับคอมเม้นค่ะ :pig4: :pig4:

แล้วที่สำคัญญญญญญญญญญญญญญญญไปกว่าน้าน!
เข้าไปฟอลไปคุยไปฟินกับพัตวินในทวิตได้แล้วนะคะ>>>>@WWinnapat  @PatKitipaisan เล้ยยยยยยย เย้ๆ :mew1: :mew1:


https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 07-11-2015 01:31:10
บ้านนี้ไฟเขียวผ่านตลอดละ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 07-11-2015 02:43:30
น้องวินน่ารักสุดดดดๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-11-2015 07:33:25
โดนคุณแม่พัตแกล้งซะหน้าเสียเบย นุ้งวิน
น่ารักน่าเอ็นดูเชียววว อิอิ
มีแต่พัตนี่แหล่ะที่จะต้องรับบทหนัก ไปสู่ขอ"ลูกสาว?" เค้า 55555555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 07-11-2015 08:15:07
น้องวินนนนนนน พี่ก็หิวนะคะ อยากกินปลาช่อนลุยสวนบ้างงงงงงง :ling1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 07-11-2015 08:56:23
คุณแม่แกล้งวินซะใจเสียเลย
แล้ววินจะกลายเป็นลูกรักแทนพัตแล้ว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-11-2015 09:43:04
ด่านนี้ผ่าน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 07-11-2015 09:47:39
พัตทั้งจริงจังและก็จริงใจกับวินขนาดนี้ยังไงก็ต้องฝ่าทุกด่านของคุณป๊าได้อยู่แล้วล่ะค่ะ :laugh3:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 07-11-2015 11:01:41
อิจฉาพัตน้องวินน่ารักมากกก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-11-2015 11:50:45
พ่อแม่ว่าที่สามีไฟเขียว เหลือว่าที่พ่อตาแม่ยาย

ว่าที่พ่อตาจะหนวดกระตุกมากขนาดไหนกันนะ

เอาใจช่วยพัตให้ชนะใจบ้านวิน :ped149: :ped149:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 07-11-2015 12:26:55
ใครๆก็รักน้องวิน น้องวินน่าร๊ากกกก :man1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: momapmu ที่ 07-11-2015 16:54:53
คนแต่งมาไวมาก น้ำตาจะไหล :katai2-1: :hao5:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: GMJeam ที่ 07-11-2015 18:09:55
ทางสะดวก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 07-11-2015 20:03:14
น่ารักขึ้นเรื่อยๆ  แล้วจ้า
รอไปพบทางบ้านน้องวินนะ  พัต  ทางฝ่ายวินจะขนาดไหน  รออ่านนะจ๊ะ
มาลงให้อ่านไวมาก  ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-11-2015 20:57:49
คุณแม่ขี้แกล้ง วินเกือบจะร้องแล้วเชียว

เรื่องนี้ถ้าจะมีดราม่า ขอพอกรุบกริบพอนะคะ
บรรยากาศไม่เหมาะแก่การต้มน้ำร้อนเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-11-2015 21:17:36
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่16 07/11/2558(01.16) p.7
เริ่มหัวข้อโดย: momapmu ที่ 12-11-2015 00:20:12
คิดถึงล้าวววว มาเร๊ววววว
หัวข้อ: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 13-11-2015 08:30:45
ตอนที่ 17

“เห็นไหมว่าพัตหายเป็นปกติแล้วจริงๆ” เอ่ยบอกคนข้างตัวเมื่อเราเข้ามาในรถแล้วเรียบร้อยหลังจากที่แวะมาโรงพยาบาลให้คุณหมอดูอาการอีกรอบ วินเขาอยากให้ผมมาตรวจเพื่อความสบายใจของเจ้าตัว ให้ได้ยินจากปากหมอว่าผมหายดีแล้วจริงๆถึงจะสบายใจ

“ก็เพื่อความสบายใจของเรานี่นา งั้น...ไปดูหนังกันด้วยนะ” เสียงเล็กๆเอ่ยออกมาอย่างออดอ้อน
 
เนื่องด้วยวันนี้เราเลิกเที่ยงกันทั้งคู่เลยตกลงว่าจะทานข้าวนอกบ้านหลังจากที่มาหาหมอเสร็จ เราไม่ได้ใช้เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันซักพักแล้วเพราะผมบาดเจ็บ วันนี้มีโอกาสเลยเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง

“ตามใจเลยครับ วันนี้จะตามใจทุกอย่าง...อยากไปไหน อยากทำอะไร อยากกินไร จะเอาอะไรก็จะให้หมดเลย”

“จริงนะ? งั้นไปทานข้าวก่อน หลังจากนั้นก็ไปดูหนัง ต่อด้วยช็อปปิ้ง แล้วค่อยพาเราไปกินขนมนะ” ถือว่าวันนี้เป็นของขวัญให้วิน  เขาดูแลผมมามากแล้ว ให้ผมได้เป็นฝ่ายดูแลอีกฝ่ายบ้าง

“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

“เย้!” ร่างเล็กร้องออกด้วยความดีใจ ผมส่ายหน้าน้อยๆกับความเด็กของแฟนตัวเอง ในตัววินมีหลากหลายมุมที่ทำให้ผมประหลาดใจไม่น้อย บางทีดูเหมือนเด็กแต่ความคิดเขาเป็นผู้ใหญ่ บ้างก็ดูจริงจัง บ้างก็สดใส แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นแบบไหนผมก็หลงรักในทุกๆแบบที่เขาเป็น




ใช้เวลาพอสควรก็มาถึงจุดมุ่งหมาย

“เดี๋ยวเราแวะไปร้านก่อนแป๊บนึงนะ” เราตกลงกันว่าจะมาสยาม วินเลยถือโอกาสนี้แวะเข้าไปดูร้านด้วย

“ตามสบายเลย จะได้แวะเข้าไปไหว้คุณแม่วินด้วย” ถือโอกาสนี้ฝากเนื้อฝากตัวกับท่านเสียก่อน

“คุณพ่อน่าจะกลับมาจากฮ่องกงพรุ่งนี้ ถ้าเป็นวันเสาร์พัตโอเครึเปล่า?” วินถามขึ้นในระหว่างกำลังเดินไปร้าน ดีที่วันนี้คนไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่คงเพราะยังเป็นเวลาราชการอยู่

“พัตได้หมด เอาที่พ่อกับแม่วินสะดวกเลย”

“เตรียมใจไว้ให้ดีด้วย^^” ไม่ต้องมาขู่ให้ผมกลัวหรือกังวลใจ บอกเลยว่ามันไม่ได้ผลหรอกครับ

ผมเชื่อมั่นในตัวเอง ถ้าเรามีความจริงใจท่านจะต้องรับรู้ได้ แล้วถึงแม้ว่าพ่อกับแม่วินจะไม่ยอมรับเรื่องที่เราสองคนคบกันผมก็จะทำทุกทางให้ท่านยอมรับให้ได้อยู่ดี

“ไม่ต้องขู่ครับ มันไม่ได้ผล”

“นี่พัตไม่กลัวหรือกังวลอะไรเลยเหรอ เรายังอดกลัวว่าที่บ้านพัตจะไม่ยอมรับไม่ได้เลย” วินหมายถึงก่อนที่จะพบแม่ผมวันนั้นน่ะครับ

“ไม่ครับ มันก็ไม่มีอะไรที่น่ากังวลนี่”

“เดี๋ยวเราจะรอดู~”

“หึหึ รีบเข้าไปหาคุณแม่ได้แล้วเร็ว” เดินมาถึงหน้าร้านแล้วเรียบร้อย อีกคนมัวแต่หยุดคุยกับผมอยู่นั่นไม่ยอมเดินเข้าไปซักที จนพนักงานเห็นเราแล้วเดินมาเปิดประตูให้

“สวัสดีค่ะคุณวิน มาหาคุณท่านเหรอคะ?”

“ใช่ครับพี่หวาน แม่ติดธุระอยู่หรือเปล่าครับ” วินหันไปตอบพนักงานที่เดินเข้ามาหา ฝ่ายนั้นก็หันมายิ้มทักทายผมด้วยเช่นกัน
“เปล่าค่ะ เชิญคุณวินเลยค่ะ” วินหันมามองหน้าผมแล้วพยักหน้าให้เดินตามเข้าไป พนักงานทุกคนเมื่อเห็นก็ต้อนรับลูกชายเจ้าของร้านอย่างดี วินเองก็เอ่ยทักกลับไปแล้วมุ่งหน้าไปส่วนข้างในที่เป็นออฟฟิศ

มือบางยกเคาะเบาๆที่หน้าห้องๆหนึ่ง พอได้รับคำอนุญาตก็เปิดเข้าไป

“อ้าววิน จะมาไม่เห็นบอกแม่ก่อนเลย”

“ก็วินอยากมาเซอร์ไพร์สแม่นี่ครับ คิดถึงจัง” คนตัวเล็กเดินเข้าไปกอดไปหอมแม่ตัวเองที่นั่งทำงานอยู่โต๊ะตัวใหญ่ ท่านก็กอดและหอมตอบเช่นกันก่อนจะหันมาเห็นผมที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้อง

“อ้าว นั่นพัตนี่จ๊ะ มาได้ไงล่ะนี่”

“สวัสดีครับ” แม่ของวินรับไหว้ผมก่อนจะหันไปถามลูกตัวเอง บนใบหน้ามีแววสงสัยพร้อมกับประกายวาววับบางอย่าง

เหมือนว่าท่านจะรู้อะไร...

“แม่ครับ...นี่พัต” คนตัวเล็กตอบออกมาเสียงอ่อน

“แม่รู้แล้วว่านี่พัตที่เป็นลูกชายของคุณพิมพ์ แล้วยังไงเอ่ย...เพื่อนหรือจ๊ะ” สีหน้าของคนเป็นแม่ยังคงอ่อนโยนเช่นเดิมไม่เปลี่ยนไป ในขณะที่หน้าวินเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ผมยืนมองภาพนั้นเงียบๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร รอดูว่าวินจะทำยังไง ปล่อยให้เป็นเรื่องของแม่ลูก คนนอกอย่างผมยืนมองอย่างเดียวก็พอ

“แม่อ่ะ...กะ ก็รู้อยู่แล้วนี่นา”

“ฮ่ะๆๆ จ๊ะๆ แม่ไม่แกล้งแล้ว ต้องเอาใจเด็กดื้อคงเหนื่อยแย่เลยสินะพัต” แม่ของวินหันมาพูดกับผม

“ไม่เลยครับ วินต่างหากที่เหนื่อยเพราะต้องมาดูแลผม” คนที่เขินยิ่งเขินเข้าไปใหญ่เมื่อผมพูดออกไป วินซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดแม่มากขึ้นจนผมมองไม่เห็นหน้าเขาแล้ว

“ดูแลกันได้ก็ดีแล้วล่ะจ๊ะ แล้วนี่แวะมาทำอะไรกันเอ่ย”

“อ่า มาทานข้าวครับ เห็นแม่แล้วก็ลืมเลย” วินผละออกมาพูดอ่อยๆก่อนจะหันมาหาผม เขามีสีหน้ากังวลหน่อยๆ คงกลัวว่าผมจะหิวเพราะยังไม่ได้ทานอะไรเลยต่างจากอีกฝ่ายที่ทานขนมมาบ้างแล้ว แต่ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร เนื่องจากบ่อยครั้งที่ต้องทำงานจนไม่มีเวลากินข้าว ไม่ได้กินก็ไม่เป็นไร หิวแต่ทนได้

“งั้นพากันไปทานข้าวเถอะลูก เดี๋ยวหิวแย่ อีกซักพักแม่ก็ต้องออกไปคุยกับลูกค้าข้างนอกเหมือนกัน”

“ครับแม่ เอ่อ...วันเสาร์นี้พ่อว่างใช่ไหมครับ งั้นวินพาพัตไปทานข้าวที่บ้านเรานะ” แม่ของวินอมยิ้มล้อเลียนใส่ลูกชายให้หน้าที่เริ่มเป็นสีปกติกลับมาแดงอีกครั้ง

“ว่างจ๊ะ งั้นเดี๋ยวแม่บอกคนที่บ้านไว้ว่าวันเสาร์บ้านเราจะมีแขก”

“ครับแม่ งั้นเดี๋ยววินโทรหาแม่นะ รักนะครับ” วินทั้งกอดทั้งหอมแม่ตัวเองอีกครั้งก่อนจะผละออกมาหาผม

ผมกล่าวลาท่านก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินออกจากร้าน อันดับแรกต้องไปหาอะไรทานแล้วก็ดูหนังตามที่คนข้างตัวผมแพลนไว้ วันนี้เป็นวันของเขา อยากทำอะไรผมตามใจเต็มที่

วินบอกว่าอยากทานอาหารญี่ปุ่น ซึ่งปกติผมไม่ค่อยได้ทานซักเท่าไหร่แต่ก็ทานได้ไม่มีปัญหา เขาเลือกร้านที่มีห้องเป็นส่วนตัว บรรยากาศในร้านถือว่าดีเลยล่ะ

“เตรียมตัวดีๆก่อนเข้าบ้านเรานะ เผื่อจะกลับมาอย่างไม่ปลอดภัย” เป็นคำเตือนที่มาพร้อมกับแววตายิ้มนิดๆ สรุปแล้วไม่รู้ว่าวินเป็นห่วงผมหรือว่ายังไงกันแน่

“อืม...หาแฟนใหม่ที่พ่อไม่ดุดีไหมงั้น” พอผมพูดแบบนั้นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็วางตะเกียบที่กำลังกินอยู่ทันที พลันทำให้ผมเองก็เลยหยุดกินไปด้วย

“...”

“โอ๋ๆ ล้อเล่นนิดเดียวเอง...ไม่ทำแบบนั้นหรอก ต่อให้พ่อตาจะเอาปืนมายิงยังไงก็ไม่เลิกเด็ดขาด” ผมล้อเล่นนิดเดียวเองนะแต่วินนี่ตาเขียวปั๊ดใส่เลย มองผมตาขวางด้วย เขาไม่ได้พูดไม่ได้โวยวายแต่แสดงออกให้รู้แบบเงียบๆว่าไม่พอใจ

แต่แปลกที่ผมกลับมองว่าการกระทำแบบนี้มันน่ารัก ผมชอบนะเวลาที่วินหึงหรือไม่พอใจ ให้เขาแสดงทุกความรู้สึกออกมาจริงๆ เพราะผมรับทุกอย่างในตัวเขาได้หมด การที่เราคบกันมันก็ต้องเห็นทุกๆด้านของกัน ยอมรับตัวตนของกันและกันได้ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม

“อาจจะมีวันที่ไม่เกี่ยวกับพ่อก็ได้นะ พัตอาจจะเลิกกับเราเองก็ได้” นั่นไง รู้สึกเหมือนงานจะเข้า จากเมื่อกี้ที่ดูเคืองๆเปลี่ยนไปทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้ว ถ้าไม่ติดว่าเขานั่งตรงข้ามนี่ผมดึงเข้ามากอดแน่ๆ ไม่น่าเล่นเลย

“ไม่มีทาง พัตอาจไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่วันนี้ตอนนี้เวลานี้มันจะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบที่วินพูดมาแน่นอน” ผมเอื้อมมือไปจับมือบางที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วบีบเบาๆ ส่งผ่านทุกความรู้สึกให้อีกคนได้รับรู้ ผมว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งกังวลเรื่องแบบนี้เลยนะ ผมมั่นใจมากว่าความรู้สึกนั้นมันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน

“อื้อ...”

“ไม่เอาดิ พัตขอโทษครับที่พูดแหย่แบบนั้น ไม่คิดว่าจะคิดมากขนาดนี้” ถึงวินจะดูเหมือนเข้าใจแต่เขาก็ยังมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีอยู่ดี ทำเอาผมรู้สึกผิดสุดๆที่พูดแบบนั้นไป หรือที่ผ่านมาผมทำอะไรให้เขาไม่มั่นใจรึเปล่า

“ก็มีคนเข้าหาพัตเยอะนี่ ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้นะว่าทุกๆวันยังมีคนทักมาหาอยู่เลย” ผมไม่เถียงในสิ่งที่วินพูดเพราะว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่ผมไม่เคยเปิดอ่านไลน์พวกนั้นเลยนะ ที่เข้าไลน์ทุกวันนี้คือคุยแค่กับวินซะส่วนใหญ่ ถ้าเป็นไอ้กิมกับไอ้จีนคือโทรหาเลย ขี้เกียจต้องมานั่งพิมพ์คุยกัน

“แต่พัตไม่เคยสนใจคนพวกนั้นแม้แต่นิด สนอยู่คนเดียว รักอยู่คนเดียวจะตายแล้ว” พูดให้อีกคนอารมณ์ดีขึ้นแล้วมันก็ดูเหมือนว่าจะได้ผลเมื่อวินหลุดยิ้มออกมานิดๆ โอเค ถือว่าสถานการณ์คลี่คลาย

“ต้องรักคนเดียวตลอดไปด้วย”

“ครับผม...ทานต่อได้แล้วเนอะ เดี๋ยวดูหนังเสร็จจะพาไปช็อปปิ้ง อยากได้อะไรจะซื้อให้ทุกอย่างเลย...เป็นการไถ่โทษดีไหม”
 
“งั้นเราจะเหมาให้หมดห้าง” วินขู่ออกมาแบบนั้นแต่ผมรู้ว่าเขาไม่มีทางทำจริงหรอก ปกติจะซื้ออะไรให้ยังไม่ค่อยรับเลย ทั้งที่ผมไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้เลยนะ ผมให้ในสิ่งที่วินอยากได้ได้หมด อยากทำอะไรเพื่อเขาบ้าง

“ทานต่อได้แล้วเร็ว กินเยอะๆ”ผมคีบแซลมอนป้อนเพื่อเอาใจ แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่มีทางปฏิเสธเพราะเป็นของโปรดของเจ้าตัว พอได้กินก็กลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิม เลี้ยงง่ายจริงๆ

เราทานกันไปเรื่อยๆ คุยนั่นคุยนี่กันหลายเรื่อง หลังจากทานข้าวเสร็จก็ต่อด้วยดูหนัง อันนี้ก็ให้วินเขาเลือกว่าอยากดูเรื่องอะไรเพราะผมมีหน้าที่แค่ตามใจเท่านั้น สองชั่วโมงครึ่งดูเสร็จก็ออกมาช็อปปิ้ง อันดับแรกวินเขาเดินเข้าร้านเสื้อผ้าก่อนเลย

“สวยไหม เราว่าตัวนี้เหมาะกับพัตดีนะ” มือบางยกเสื้อมาทาบตัวผมพร้อมกับพูดกับตัวเองไปด้วย “ชอบไหม”

“ชอบครับ ก็สวยดี” เป็นเสื้อแขนยาวสีดำผ้ายืด มีลูกเล่นที่แถบขาวดำตรงคอเสื้อและข้อมือ ไม่มีลายอะไรยกเว้นยี่ห้อตรงหน้าอกฝั่งขวา เรียบแต่ดูดี

“งั้นเอาตัวนี้นะ โอ๊ะ กางเกงยีนส์ตัวนั้นก็สวย” วินวิ่งเข้าตรงนู้นทีตรงนี้ที แต่ส่วนใหญ่ดล้วนเป็นของผมทั้งสิ้น ทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่าให้เขาซื้อของของตัวเองแต่อีกคนก็ไม่ฟัง ดูเขาสนุกมากกับการเลือกเสื้อผ้าให้ผม เห็นเขามีความสุขเลยได้แต่เลยตามเลย แต่ถ้าตัวไหนที่ผมเห็นว่าเหมาะกับเขาก็จะลองถามเจ้าตัวดูว่าชอบไหม ถ้าโอเคก็ซื้อ

“เหนื่อยยัง” อีกคนนี่นั่งหอบไปแล้วครับ ไม่แปลกเลยเพราะเข้าหลายร้านวิ่งนู้นวิ่งนี่ ของนี่เต็มมือเราทั้งสองคนเลย

“เหนื่อยยยยย แต่ก็ยังอยากได้กระเป๋าตังอีก” ถึงเหนื่อยแต่ก็ยังยิ้มได้อยู่

“ไปกินติมกันก่อนไหมจะได้พักด้วย แล้วค่อยไปดูกระเป๋าตังเป็นอย่างสุดท้าย” ตอนนี้ก็สองทุ่มแล้วครับ กว่าจะกินกว่าจะซื้อกระเป๋าตังห้างก็คงใกล้ปิดพอดี

“โอเค ไปกินแพนเค้กดีกว่า อยากกินๆ”

“ครับๆ แล้วแต่แฟนเลย” ร่างเล็กยืนขึ้นทันทีที่ผมตกลง ใบหน้าหวานยิ้มกว้างก่อนจะส่งเสียงบอกว่าจะไปร้านขนมที่เจ้าตัวชอบกัน

พอกินจนพอใจก็เดินไปซื้อกระเป๋าตัง ซึ่งทีเด็ดมันอยู่ตรงนี้แหละครับ เพราะกระเป๋าตังใบที่วินหยิบขึ้นมามันใบละแปดหมื่น...
โอเค ก็แค่อีกนิดมันแสนนึงก็เท่านั้น

“วินครับ มันแพงไปไหม” ผมอดท้วงออกมาไม่ได้เมื่อเขาขอดูทุกสีของคอลเล็คชั่นนี้ ดูก็รู้ว่าคงซื้อแน่

ที่จริงแล้วมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาแหละ แต่ผมก็ยังมองว่ามันไม่ค่อยจำเป็นอยู่ดี เราซื้อแบบธรรมดาก็ได้ คือมันก็ใส่ตังค์ได้เหมือนกัน

“ก็ ไม่ได้ซื้อบ่อยไง... ใบนี้ใช้มานานมากๆแล้ว นะ ให้เราซื้อนะ” พอเห็นผมเริ่มดุหน่อยก็เอาละ ทำตัวอ้อนใส่ทันที

“ถ้าซื้อใบนี้ ไม่อนุญาตให้ซื้ออะไรเพิ่มทั้งเดือนนะ ห้ามซื้อแม้แต่อย่างเดียว” ผมอยากให้เขาคิดเรื่องการใช้เงินให้มากกว่านี้ รวมค่าทุกอย่างที่ซื้อมาวันนี้ก็หมดไปเยอะ(มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก)แล้วนะ ไม่อยากให้วินเป็นคนฟุ่มเฟือย

“...ก็ได้ จะไม่ซื้ออะไรแล้ว” หงอยเลยเพราะผมจริงจัง ไม่ให้คือไม่ให้จริงๆ ถ้าซื้ออะไรไม่จำเป็นแม้แต่อย่างเดียวคือผมโกรธเขาแน่

“สัญญากันแล้วนะ”

“อื้อ” วินพยักหน้าหงึกหงักซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พนักงานเอาของมาให้ดู ร่างเล็กเลยหันไปสนใจแต่ก็ยังเหลือบมองมาทางผมยืนดูนิ่งๆเป็นระยะ กระเป๋าใบแค่นี้แปดหมื่น ใส่แล้วเงินจะงอกมาไหมวะ==

พอดูเรียบร้อยแล้ววินก็ยื่นใบที่ต้องการส่งให้พนักงาน แต่ในจังหวะที่เขาจะหยิบบัตรออกมาผมกลับยื่นบัตรตัวเองให้พนักงานก่อน

“พัต! ไม่เอา...นี่ครับ” พนักงานมองเราเล็กน้อยก่อนจะจำใจรับบัตรของผมเพราะทนความกดดันจากผมไม่ไหว รับบัตรไปแล้วพนักงานก็รีบเดินออกไปทันที

“พัต...ของเราเราก็ต้องเป็นคนจ่ายนะ” วินเอ่ยออกมาเสียงอ่อย

“เวลาวินจะซื้อจะใช้อะไรจะได้คิดให้มากขึ้น พัตไม่ว่านะถ้าวินอยากได้อะไร อยากซื้ออะไร...แต่มันต้องจำเป็นและไม่ได้เกิดจากความฟุ่มเฟือย โอเคไหมครับ” เพราะว่ามันเป็นตังค์ผม เวลาที่เขาอยากได้ใหม่ อยากซื้ออะไรจะได้คิดก่อนว่าความสิ้นเปลืองนั้นมันจะมาอยู่ที่ผมแทน ผมไม่มีปัญหานะ เขาจะซื้อมากกว่านี้ก็ได้ถ้าไม่คิดถึงความรู้สึกผม

“จะไม่สิ้นเปลือง ไม่ฟุ่มเฟือยสัญญา...แต่พัตให้เราจ่ายเองเถอะนะ” คนตัวเล็กทำสีหน้าเว้าวอน ปกติวินก็เป็นคนขี้เกรงใจอยู่แล้ว และวันนี้ของเกินกว่าครึ่งผมเป็นคนจ่ายให้ เพราะทุกครั้งพนักงานจะทนสายตากดดันจากผมไม่ไหวเลยต้องรับบัตรของผมไป

“ไม่ครับ พัตจ่ายไปแล้วถือว่าแล้วไปนะ” พนักงานเดินเข้ามาเอาบิลให้ผมเซ็น พอเรียบร้อยก็ส่งของให้วิน อีกคนรับมาทำหน้าหงอยๆเลย

“กลับกันเลยไหม”

“อื้อ” ผมเดินอออกจากร้านนำมาก่อน ที่จริงอยากจับมือเดินใจจะขาดแต่ของเต็มทั้งสองข้างเลยทำไม่ได้ ส่วนอีกคนก็เดินตามมาเงียบๆ น่าจะยังคงคิดเรื่องเงินของผมอยู่ ทั้งค่าเสื้อผ้าค่าทุกอย่างของเขาผมเป็นคนจ่ายซึ่งถือว่าเยอะแล้ว เจอค่ากระเป๋าเข้าไปเลยยิ่งหนัก

แต่ผมไม่ค่อยคิดมากนะถ้าเขาอยากได้จริงๆ มันจำเป็นนานๆทีก็ไม่เป็นไร อีกอย่างนี่ก็เงินเก็บผมเอง ที่จริงผมทำงานไปด้วยแต่วินไม่รู้ มีเล่นหุ้นแล้วก็บริหารงานเกี่ยวกับธุรกิจที่บ้านไปด้วย ที่จ่ายๆวันนี้ไม่ใช่เงินของพ่อแม่แต่อย่างไร เงินที่ท่านให้ก็มีแต่อันนั้นเป็นอีกบัญชีครับ ผมไม่ใช้ พ่อกับแม่ส่งมาให้เท่าไหร่ก็นอนอยู่ในบัญชีแบบนั้น ถึงอย่างนั้นท่านก็จะโอนเงินเข้าให้ตลอด

“พัต...” ทันทีที่เราขึ้นรถมายังไม่ทันจะได้เคลื่อนรถออกคนที่นั่งอยู่เบาะข้างๆก็เอ่ยเรียกขึ้นก่อน ผมหันไปเลิกคิ้วถามว่ามีอะไรหรือเปล่า 

“ว่าไงครับ”

“วินขอโทษ” หืม ผมไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นแล้วนะ ถ้าเขาอยากได้ก็คือซื้อ ถ้าซื้อแล้วก็จบไปเท่านั้น แค่ให้วินคิดได้ว่าบางอย่างมันไม่จำเป็นนะ ไตร่ตรองเรื่องการใช้เงินมากขึ้นได้บ้างผมก็โอเคแล้ว ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นผ่านแล้วก็แล้วไป

“พัตไม่ได้โกรธนะ ซื้อแล้วก็แล้วไปครับ ไม่ต้องคิดแล้ว...พัตแค่อยากให้เวลาวินจะซื้ออะไร ใช้จ่ายอะไรให้คิดให้มากขึ้นนิดนึง ของแพงๆอ่ะซื้อได้แต่ไม่ใช่ว่าซื้อตลอด เข้าใจใช่ไหม”

“อื้อ ไม่โกรธเราจริงๆนะ” ตาคู่สวยยังคงมีแววไม่มั่นใจ

“ครับ เลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้ว” ผมเอื้อมมือไปประครองหน้าวินไว้แล้วลูบเบาๆที่ตาดวงโต

“อือ...” ลากเสียงอ่อนพร้อมกับแนบหน้าเข้าหามือผมที่วางอยู่ข้างแก้มเจ้าตัวมากขึ้น ก่อนจะเปลือกตาวินจะค่อยๆปิดลง
“เหนื่อยรึเปล่า นอนนะ...เดี๋ยวถึงแล้วพัตปลุก” เพราะว่าวันนี้เขาวิ่งร้านนู้นทีร้านนี้ทีคงจะเหนื่อยและเพลียไม่น้อย

วินพยักหน้าน้อยๆตอบกลับทั้งที่ตายังปิด ผมเลยผละออกเพื่อปรับเอนเบาะให้เรียบร้อย หยิบเสื้อกันหนาวตรงเบาะหลังที่ชอบพกติดรถเอามาคลุมให้ แล้วหันกลับมาขับรถกลับคอนโด

มาถึงที่เรียบร้อยเห็นวินกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุกขึ้นมา ผมตัดสินใจอุ้มคนตัวเล็กขึ้นห้องแทนที่จะปลุก พนักงานเข้ามาถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหมแต่ผมบอกว่าไม่มีอะไร อุ้มคนหลับขึ้นมาจนวางวินไว้ที่เตียงเรียบร้อย ผมจัดการถอดเสื้อผ้าเพื่อที่จะเปลี่ยนชุดใหม่ให้ แต่ต้องเช็ดตัวให้วินก่อน จะได้สบายตัวมากขึ้น

“อื้อ...พัต” คงเพราะโดนน้ำเย็นๆเข้าไปวินเลยรู้สึกตัวขึ้นมา

“ไม่มีอะไรครับ พัตเช็ดตัวให้เฉยๆ...นอนนะๆ” ผมกดจูบไปที่หน้าผากคนที่สะลึมสะลือพร้อมกับลูบไปตามหน้าวินเบาๆเพื่อเป็นการกล่อมให้เขาหลับลงไปอีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่าสัมผัสนเบาๆของผมจะได้ผลอย่างดีเมื่อวินหลับไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ผมผละออกมาเช็ดตัวให้ต่อและเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อย

โดยพยายามเลี่ยงที่จะไม่เข้าใกล้จุดที่อันตรายตลอดการเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น
มันเป็นจุดที่อันตรายต่อตัวผมเองนี่แหละ...แค่นี้ก็ต้องใช้ความอดทนมากแล้ว กลัวว่าจะตบะแตกปล้ำคนนอนไม่รู้เรื่องจนต้องรีบทำทุกอย่างให้เสร็จไวๆ

เพราะเห็นผิวขาวจัดเนียนไปทั้งตัวเลยต้องมา‘จัดการ’กับอารมณ์ตัวเองในห้องน้ำอย่างช่วยไม่ได้ วินไม่รู้หรอกว่าเวลาอยู่ใกล้กันผมก็คิดเรื่องพวกนี้บ่อยแค่ไหน ก็ผช.นี่ครับไม่คิดสิแปลก แต่ก็นะ...ให้อะไรๆมันลงตัวก่อนค่อยว่ากัน ผมไม่อยากเร่งรัดเขา

จัดการตัวเองเสร็จ ทั้งอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ขึ้นเตียงมานอนกอดคนที่หลับปุ๋ยทันที พอผมรั้งวินมาในอ้อมกอดอีกคนก็ขยับตัวซุกเข้ามาด้วยความเคยชิน เรานอนท่านี้ประจำจนติดกันเป็นนิสัยไปแล้ว

กดจูบที่หัวของคนในอ้อมกอดเบาๆทีนึงก่อนจะหลับตาลง เหนื่อยมาทั้งวันแล้วได้เวลาพักเสียที...




(มีต่อ)




หัวข้อ: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 13-11-2015 08:31:09
“ทำไมพัตดูสบายจัง ไม่เครียดเลยเหรอ” ผมเหลือบมองหน้าคนถามก่อนจะยิ้มอ่อนๆออกมา ที่วินถามเพราะตอนนี้เรากำลังขับรถไปที่บ้านวินครับ นัดพ่อกับแม่เขาไว้แล้วว่าจะมาทานข้าวเย็นด้วยวันนี้ ส่วนคำถามที่วินถามถ้าให้ตอบก็คงเหมือนเดิม มันไม่มีอะไรที่น่ากลัวเสียหน่อย ผมไม่ใช่พวกชอบกังวลไปก่อน แค่เชื่อมั่นในตัวเองมันก็น่าจะไม่มีอะไรต้องห่วง

“ไม่ครับ แต่วินดูเครียดนะเนี้ย” ผมเอ่ยออกมายิ้มๆ คือก็ไม่เชิงเครียดนะ วินดูอยู่ไม่นิ่งเหมือนจะตื่นเต้นเสียมากกว่า ตั้งแต่ขึ้นรถมานี่ขยับนู้นขยับนั่นตลอดเลย

“ก็...ไม่รู้ว่าป๊าจะว่ายังไง”

“ไม่ว่าพ่อวินจะว่ายังไงแต่ทุกอย่างมันจะต้องออกมาโอเค เลิกกังวลนะ...เชื่อใจพัตไหม” อีกฝ่ายมีสีหน้าลังเลก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วยิ้มออกมา เห็นอย่างนั้นผมค่อยสบายใจแล้วกลับมาสนใจแค่การขับรถเช่นเดิม

พอรถเคลื่อนเข้าสู่ตัวบ้านหลังที่วินบอกเรียบร้อยเราก็ลงมาจากรถกัน อีกคนหันมามองหน้าผมตลอดจนต้องเอื้อมมือข้างที่ว่างไปจับมือเขาไว้ มือวินเย็นเฉียบเลย

“เข้าไปข้างในไหม” อดตลกไม่ได้ที่แขกกลับเป็นฝ่ายถามเจ้าของบ้านเสียเอง ถึงอย่างนั้นวินก็ยังพยักหน้าตกลง ผมยิ้มให้เขาก่อนที่จะเดินเข้าบ้านแต่คุณแม่ของวินกลับเดินออกมาก่อน

“มากันแล้วเหรอจ๊ะ”

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ท่านแบบไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะของฝากที่เอาติดมือมา แม่ของวินรับไหว้ก่อนจะมองมายิ้มๆ ท่านดูเป็นคนอ่อนโยนคล้ายๆกับวินนั่นแหละครับ “อันนี้เป็นชาบำรุงร่างกายครับ ช่วยลดความดันโลหิตและป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้ พอดีคุณพ่อท่านไปจีนมาผมเลยเอามาฝาก” เพราะเห็นมันเหมาะกับผู้ใหญ่เลยเอามาฝากท่าน พ่อกับแม่ผมท่านชอบดื่มชาเพราะกลิ่นหอมอ่อนๆและคุณสมบติของมันช่วยให้ผ่อนคลายได้

“ขอบใจจ๊ะ ทีหลังไม่ต้องลำบากเอามาก็ได้นะลูก เกรงใจเปล่าๆ” คุณแม่ของวินเอื้อมมือมารับไปก่อนจะเอ่ยบอก

“ไม่ลำบากเลยครับ”

“ทำไมแม่ไม่สนใจวินเลย” วินท้วงออกมาเบาๆเมื่อดูเหมือนว่าเราทั้งคู่จะไม่ได้สนใจเจ้าตัวเท่าไหร่ ทำเอาทั้งผมและแม่เขาหลุดหัวเราออกมาเพราะความเป็นเด็กที่วินแสดงออก

“ลูกคนนี้นี่...เข้าบ้านกันดีกว่าจ๊ะ พ่อเขารออยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว” วินหันมามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะกอดแขนคุณแม่แล้วเดินไปด้วยกันโดยที่ผมก็เดินตามหลังไม่ห่าง บ้านวินหลังใหญ่และน่าอยู่มากๆ มีต้นไม้เต็มไปหมด ข้างหน้าก็เป็นสวนหญ้า ซึ่งต่างจากบ้านผมที่จะเป็นน้ำพุแทน

“ป๊า คิดถึงจังเลย” คนตัวเล็กเห็นพ่อตัวเองนั่งอยู่ก็เข้าไปอ้อนทันที วินเข้าไปกอดท่านราวกับว่าตัวเองเป็นเด็กน้อย

“ไม่ต้องมาอ้อนป๊า แล้วนั่นพาใครมา” พ่อวินท่านก็ไม่ได้ดูดุนะครับ แต่ดูเป็นคนนิ่งซะมากกว่า สายตาคมตะวัดมามองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มีสติที่จะยกมือขึ้นไหว้อย่างที่ควรจะทำ

“สวัสดีครับ”

“ว่าไง เราพาใครมา” วินอึกอักที่จะตอบก่อนที่จะมองทั้งผมและพ่อตัวเองสลับไปมา

“ผมชื่อพัตครับ เป็นคนรักของวิน”  ในที่สุดผมก็ตัดสินเป็นคนพูดออกไปเองเมื่อวินไม่ได้ตอบคำถามนั้น แน่นอนว่าประโยคนั้นทำเอาบุคคลที่อยู่ในห้องทั้งหมดหันมามองผมเป็นตาเดียว วินเบิกตากว้างอย่างตกใจ คงไม่คิดว่าผมจะพูดออกมาตรงๆทันที

“ว่าไงนะ” พ่อวินถามย้ำขึ้นมาอีกทีด้วยแววตาแข็งกระด้าง

“ผมเป็นคนรักของวินครับ”

“นี่มันอะไรกันวิน” ท่านหันไปถามลูกตัวเองเพื่อต้องการคำยืนยัน วินมองหน้าพ่อตัวเองตาแดงๆ ยิ่งพ่อเขาจ้องคนตัวเล็กก็ยิ่งจะร้องไห้ ผมที่ยังยืนอยู่ก็ได้แต่นิ่งอยู่แบบนั้น จะขยับเข้าไปกลัวท่านจะว่าไม่มีมารยาท

“ปะ ป๊า...”

“บอกพ่อมาวิน นี่แฟนเราเหรอ”

“ครับ...”

“คุณคะ...” แม่วินเห็นสถานการณ์ตรึงเครียดจึงขยับเข้าหาคนเป็นสามีพร้อมกับลูบแขนเบาๆ ผมมองภาพนั้นนิ่ง ไม่ได้หวั่นกลัวหรือเกร็งแต่อย่างใด เข้าใจดีว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องห่วงต้องหวงลูกเป็นธรรมดา

“ชื่ออะไรนะ” พ่อของวินเบนสายตามามองหน้าผม

“พัตครับ”

“ไปคุยกับฉันที่ห้องหน่อย” วินหันมามองหน้าผมทันที พอท่านลุกเดินออกไปผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามทั้งที่อยากจะเข้าไปปลอบวินเสียก่อน แต่ให้ผู้ใหญ่รอคงไม่ดีเท่าไหร่

ผมเดินตามพ่อของวินออกมาจนท่านเปิดประตูเข้าไปที่ห้องๆหนึ่งซึ่งดูท่าแล้วคงจะเป็นห้องทำงาน พอเข้ามาอยู่ในห้องสองต่อสองเรียบร้อย ผมสบสายตาคนที่นั่งลงเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะนิ่งเพื่อรอฟังสิ่งที่ท่าจะพูด

“คบกันมานานแค่ไหนแล้ว”

“เกือบๆสามเดือนครับ”

“เกือบสามเดือน ก็ยังไม่นานนี่”

“แต่ผมรักวินมานานแล้วครับ ตั้งแต่เขาอยู่ปีหนึ่ง” พ่อของวินมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงความนิ่งและน่าเกรงขามไว้อยู่
 
“คิดว่าความสัมพันธ์แบบนี้จะจริงจังไปแค่ไหน นายคิดว่าตัวเองจะรักลูกชายฉันไปได้นานแค่ไหนกัน มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้ วัยรุ่นสมัยนี้รักง่ายหน่ายเร็ว”

“ผมให้คำตอบเรื่องนั้นกับคุณลุงไม่ได้ เพราะผมเองก็ไม่ทราบว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมเพียงแค่คิดว่าจะทำทุกๆวันที่เป็นอยู่ให้ดีที่สุด ถ้าผมรักง่ายหน่ายเร็วก็คงไม่รอวินมาถึงขนาดนี้ ผมคงจะคบคนอื่นไปตั้งนานแล้ว...และที่มาวันนี้ผมก็อยากจะมาขอโอกาสที่จะดูแลวินได้ไหมครับ”

“หึ อะไรที่นายจะทำให้ฉันมั่นใจว่าจะดูแลลูกชายของฉันได้ อายุก็เท่านี้”

“ผมรู้ว่าผมไม่มีทางดูแลเขาได้ดีอย่างที่คุณลุงและคุณป้าเลี้ยงเขามา แต่ผมกล้าพูดได้ว่าผมสามารถดูแลเขาได้เท่าที่ผู้ชายคนนึงจะทำได้ จะดูแลให้ดีที่สุดมากกว่าที่ผมดูแลตัวเอง”

“พูดแต่ปากใครก็พูดได้ อะไรกันล่ะที่จะเป็นหลักประกันว่านายทำได้อย่างที่พูดจริงๆ ไม่ใช่แค่ปากดีไปอย่างนั้น”

“ผมขอโอกาสที่จะให้วินมาอยู่ด้วย แล้วให้คุณลุงพิจารณาว่าผมสามารถทำได้อย่างที่พูดจริงๆหรือไม่...เรื่องที่จะให้วินมาอยู่ด้วยส่วนนึงเพราะผมเป็นห่วงเขาครับ เวลาที่วินต้องขับรถกลับคอนโดคนเดียวผมไม่ค่อยสบายใจ แต่ก่อนวินอาจจะอยู่มาได้แต่นั่นในตอนที่เขายังไม่มีผม ตอนนี้เมื่อชีวิตเขามีผมแล้วหน้าที่ที่ต้องคอยดูแลเขามันจึงเป็นหน้าที่ของผม ผมขออนุญาตที่จะทำให้คุณลุงเห็นว่าผมสมควรที่จะได้ทำหน้าที่ต่อจากคุณลุงหรือเปล่า ต่อจากนี้ให้ผมได้ดูแลลูกชายคุณลุงนะครับ”

ผมคุกเข่าลงต่อหน้าท่านทันทีที่พูดจบ เราสองคนยังคงสบตากันนิ่งอยู่อย่างนั้น ผมพยายามแสดงออกถึงความจริงใจที่มีอยู่เท่าที่จะทำได้ ทุกอย่างที่อยากจะพูดผมพูดไปหมดแล้ว แต่ถ้าท่านไม่ยอมรับยังไงก็ต้องพยายามจนท่านยอมรับให้ได้ ผมไม่มีทางยอมแพ้

“กล้ามากนะที่มาขอลูกฉันให้ไปอยู่ด้วย...เรื่องที่จะดูว่านายดูแลวินได้ดีหรือเปล่าแน่นอนว่าฉันจะทำอยู่แล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่ทำให้วินเสียใจฉันจะเอาเขาคืนมาและนายจะไม่ได้มีชีวิตอย่างสงบสุขอีกต่อไปแน่”

“ครับ ผมจะยอมให้คุณลุงทำอะไรก็ได้ถ้าวันไหนผมทำวินเสียใจ”

“แล้วฉันจะคอยดู” ผมแปลประโยคที่ท่านพูดไปว่าท่านยอมรับเรื่องของผมกับวินไปแล้วนะ

“ขอบคุณครับ...แล้วเรื่องที่จะให้วินย้ายไปอยู่ด้วยกันล่ะครับ คุณลุงอนุญาตไหม” ผมยกมือไหว้ท่านก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่สงสัยออกมา

“แล้วแต่เจ้าตัวเขาก็แล้วกัน ส่วนนายจำเอาไว้แค่ว่าอย่าทำให้วินเสียใจเด็ดขาด ไม่งั้นฉันไม่เอาไว้แน่”

“ครับ ผมสัญญา” หลังจากนั้นคุณพ่อของวินก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาผมที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่ที่เดิม

“ออกไปได้แล้ว ป่านนี้ลูกชายฉันคงกังวลว่าฉันจะทำอะไรนายแล้วมั้ง” ท่านดูคลายความกราดเกรี้ยวลงไปแล้วให้ผมสบายใจขึ้นมาได้บ้าง พอเห็นว่าคุณลุงลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปจึงรีบตามออกมา แล้วก็เจอวินยืนรออยู่หน้าห้องทันที

“ป๊า...”

“ทำไม กลัวป๊าทำอะไรไอ้หนุ่มนี่หรือไง” วินหันมาสำรวจผมทั่วทั้งตัว เมื่อแน่ใจว่าผมไม่ได้เป็นอะไรคนตัวเล็กเลยขยับเข้าไปกอดพ่อตัวเองแน่น

“วินรู้หรอกว่าป๊าไม่ใจร้าย...วินรักป๊านะ” คนเป็นพ่อลูบหลังคนในอ้อมกอดของท่านเบาๆเมื่อคงทนใจแข็งต่อไปไม่ไหวเมื่อเจอวินอ้อน

“ป๊าก็รักเรา รักมาก” ผมมองภาพความอบอุ่นนั้นเงียบๆก่อนจะยิ้มตอบแม่ของวินเมื่อท่านส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้

“ป๊าโอเคเรื่องวินกับพัตแล้วใช่ไหม” คนตัวเล็กผละออกมาถาม

“ป๊าขอดูพฤติกรรมก่อน” ท่านหันกลับมามองผมราวกับจะส่งสารนั้นมาให้

“ขอบคุณครับป๊า” วินยกมือไหว้พ่อก่อนจะเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อเรื่องมันไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่กังวลไปก่อน ผมยิ้มให้แฟนตัวเองเพื่อให้เขาสบายใจว่ามันผ่านไปด้วยดีจริงๆ

“ถ้าโอเคกันแล้วงั้นก็ไปทานข้าวกันดีกว่าทั้งพ่อทั้งลูก...ไปทานข้าวกันเถอะจ๊ะ”

“วินหิวแล้ว ไปทานข้าวกัน คิดถึงฝีมือแม่ใจจะขาดดดด” วินพูดออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะควงแขนพ่อตัวเองออกไปทันทีแล้วทิ้งให้ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น นี่ผมกลายเป็นคนที่ถูกลืมไปแล้วใช่ไหม

“ดีใจด้วยนะจ๊ะที่ป๊ายอมรับแล้ว ป๊าเขาก็ทำดุไปงั้นเอง ที่จริงแล้วเราก็พอรู้เรื่องของพัตกับวินมาบ้างแล้วล่ะ แค่รอว่าเมื่อไหร่เราจะเข้ามาให้ได้รู้จักก็เท่านั้น ป๊าแค่แสดงความหวงลูกชายตามประสา พัตอย่าถือสาเลยนะจ๊ะ”

“ครับ...ผมเข้าใจ ขอบคุณคุณป้ามากนะครับที่ยอมรับเรื่องผมกับวิน” ผมยกมือขึ้นไหว้อย่างขอบคุณท่าน แม่ดูไม่ได้ดูพอใจอะไรมาตั้งแต่แรกและยังแอบเข้าข้างผมนิดๆด้วย

“คุณป้าอะไรกัน เรียกแม่เถอะจ๊ะ”

“อ่า ครับ” ผมยิ้มออกมาให้ท่านด้วยความยินดี ไม่นึกว่าจะได้การต้อนรับแบบนี้

แม่วินเอ่ยชวนให้ตามไปที่ห้องอาหารอีกครั้งเมื่อเราคุยกันเสร็จ พอเดินเข้าไปสองพ่อลูกก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ผมเลยรีบเดินเข้าไปนั่งข้างๆวินให้เรียบร้อย พอทุกอย่างผ่านไปวินก็กลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง ยิ่งอยู่กับพ่อและแม่เขายิ่งขี้อ้อนกว่าปกติ ทั้งโต๊ะเลยมีเสียงใสๆดังขึ้นตลอดเวลา ผมเองก็พูดบ้างเมื่อแม่วินหันมาถาม เป็นบรรยากาศที่ไม่ได้อึดอัดอะไร







TBC.
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 13-11-2015 09:04:34
ทำตัวดีๆนะค่ะน้องพัต^^
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 13-11-2015 09:26:33
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-11-2015 10:07:02
ผ่านด่านทั้งสองบ้านแล้ว ทีนี้ก็รอดูว่าจะมีบททดสอบความรักของทั้งคู่

เข้ามาอีกไหม โดยเฉพาะเรื่องมือที่สาม ซึ่งหวังว่าจะไม่มาม่าเข้มข้นเกินไป

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 13-11-2015 10:35:12
คุณป๊าดูใจดีกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีกนะคะเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 13-11-2015 11:10:28
บร๊ะ!!!
งั้นก็เข้าหอกันได้แล้วสินะ :mew5:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 13-11-2015 11:20:33
ป๊าวินใจดี แค่ห่วงลูกชายเฉยๆ
ต้องดูแลลูกป๊าเขาดีๆนะพัต

น่ารักมากคู่นี้
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-11-2015 11:33:50
เรียบร้อย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-11-2015 11:37:33
เรียบร้อย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-11-2015 11:41:01
เรียบร้อย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-11-2015 23:40:45
คุณป๊าหวงลูกชายคนเล็ก ... ก็เรื่องปกติแหละเนอะ ยังไงก็ขอให้ทั้งคู่จับมือกันฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหาไปให้ได้นะครับ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 16-11-2015 12:35:53
วินน่ารักขนาดนี้ป๊าก็ต้องหวงเป็นธรรมดาเนอะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 16-11-2015 13:36:09
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่17 13/11/2558(08.33) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 17-11-2015 07:28:31
พัตโคตรเท่ห์อ่ะ อิจฉาวิน  :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 20-11-2015 18:28:48
ตอนที่ 18

“คุยอะไรกับป๊าบ้างอ่ะ บอกหน่อยไม่ได้จริงๆเหรอ” คนตัวเล็กที่นอนพิงอยู่บนอกผมถามขึ้นเมื่อเรากลับมาจากบ้านวินจนอาบน้ำเตรียมตัวจะเข้านอนเรียบร้อย เขาถามผมมาตั้งแต่ออกจากบ้านแล้วแต่ไม่ว่ายังไงผมก็เลี่ยงตอบอยู่ดี

“ไม่มีอะไรจริงๆครับ พ่อของวินก็แค่บอกให้พัตดูแลวินให้ดีก็เท่านั้น” แม้ผมจะบอกกอย่างนั้นมาหลายรอบแต่คนในอ้อมกอดก็ยังมีสีหน้ากังวลและสงสัยอยู่ดี

ทั้งที่บรรยากาศที่โต๊ะอาหารก็ไม่ได้แย่เลย ผมเองก็นั่งฟังพ่อแม่ลูกคุยกันไปเงียบๆ บางทีแม่วินถามก็ตอบบ้าง ส่วนพ่อวินท่านถามแค่คำถามเดียวคือบ้านผมทำงานอะไร ปกติผมก็ไม่ใช่คนชอบพูดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการนั่งฟังเรื่องวินไปเรื่อยๆก็สนุกดี เสียดายแค่ที่พี่สาววินอยู่ต่างประเทศเลยไม่ได้เจอครอบครัวเขาครบ

“ก็เป็นแบบนี้อ่ะ” เริ่มงอนแล้วๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากบอกหรือเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องเขาฟัง แต่มันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเล่าเลย ให้มันเป็นเรื่องของลูกผู้ชายจะดีกว่า(?)

“ไม่มีอะไรจริงๆนะ เอาเป็นว่าพ่อวินเปิดใจดูพฤติกรรมพัตแล้วก็พอ ที่เหลือก็แค่ทำให้ท่านเห็นว่าพัตเนี้ยดูแลลูกท่านได้” ผมยกมือขึ้นบีบจมูกรั้นของแฟนตัวเองเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว

“เราดูแลตัวเองได้หรอก”

“ตอนที่วินยังไม่มีพัตเข้ามาในชีวิตวินอาจจะดูแลตัวเองอย่างที่เคยทำ แต่ตอนนี้มีพัตแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่พัตโอเคไหม?...แค่ไม่ดื้อ ไม่ซน ยอมทำตามที่บอกก็ดีใจจะแย่” เห็นเขาแบบนี้ใช่ว่าจะยอมทุกอย่างนะ ครั้นจะรั้นขึ้นมาใครก็เอาไม่อยู่จริงๆ อันนี้ได้แม่วินเล่าให้ฟัง ท่านเผาวีรกรรมของลูกตัวเองตั้งแต่เด็กจนโต ทำเอาคนแถวนี้ตัวแทบเกรียมเลย

“ไม่ดื้อซักหน่อย คนแถวนี้แหละห้ามดุเกิน”

“ที่ดุก็เพราะรัก” ถ้าไม่รักก็ไม่สนแล้วว่าเขาจะทำตัวยังไง อยากทำอะไรก็จะไม่ยุ่ง ที่ผมดุผมบอกเพราะรักเพราะหวังดีทั้งนั้น

“อื้ออออ รู้...ขอบคุณนะที่ทำเพื่อเราขนาดนี้”

“ไม่ให้ทำเพื่อวินแล้วจะให้ทำเพื่อใคร รักมากรู้ใช่ไหม” บางทีเวลาเหนื่อยเวลาที่ต้องเจออะไรที่หนักๆนอกจากพ่อกับแม่แล้วผมก็จะนึกถึงหน้าวิน คือกำลังใจที่สำคัญมากๆอีกหนึ่งคน

“เหมือนกัน” คนตัวเล็กยิ้มหวานจนทำเอาผมยิ้มตาม เราสบตากันนิ่งก่อนที่วินจะทำสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจ

เขายกตัวขึ้นมาแนบริมฝีปากลงกับปากของผมก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มขบเม้มเบาๆอย่างไม่ประสา ผมทั้งแปลกใจ ดีใจ แล้วก็ตื่นเต้น แต่นิ่งได้เพียงไม่นานเมื่อนึกได้ว่าต้องตอบรับสัมผัสอ่อนหวานนี้กลับไป สองมือเลยโอบเอววินเข้าหาพร้อมกับลุกไล้กลับไป จากที่วินเป็นฝ่ายเริ่มตอนนี้ก็เป็นฝ่ายตามซะแล้ว

ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะร้อนแรงและเต็มไปด้วยความรู้สึกมากกว่าครั้งไหนๆที่เราจูบกัน อาจจะเพราะไม่ได้ทำกันมาซักพักด้วยและมั้ง

แล้วสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือผมอาจจะหยุดตัวเองไม่ได้เหมือนอย่างที่ผ่านมาแล้ว...

“ถ้าไม่ห้าม พัตหยุดไม่ได้แล้วนะ” ผมตัดสินใจผละออกจากความหอมหวานตรงหน้าก่อนจะเอ่ยเตือนอีกคน ย้ำให้เขารู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรถ้าวินยังไม่ถอย ผมยอมรับการตัดสินใจของเขาและพร้อมที่จะรอเสมอ แม้ว่าใจแทบจะทนไม่ไหวแล้วก็ตาม

“อื้อ” อีกฝ่ายซุกหน้าเข้าซอกคอผมเหมือนแมวตัวน้อย ไม่ยอมให้เห็นสีหน้าว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ แล้วไอ้การตอบรับแค่คำว่าอื้อนี่มันยังไง ไม่ตอบให้ชัดเจนผมจะถือว่าเขาตกลงหมดนะ

“อื้ออะไรครับ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมากกว่านี้จะเสียใจไหม” ถามย้ำออกไปอีกที

“กะ ก็...ถ้าเสียใจจะเริ่มไหมเล่า ถ้าเป็นพัต...เราไม่เสียใจหรอก” พูดแบบนี้ฆ่าผมเลยเถอะ ประโยคแค่ไม่กี่คำทำเอาอารมณ์ที่เริ่มมีอยู่แล้วพุ่งขึ้นมาอีก ถ้าแฟนผมเขาเปิดทางขนาดนี้งั้นผมคงไม่รอแล้ว ต่อให้มาห้ามทีหลังก็ไม่หยุด

“จะไม่มีวันปล่อยมือกัน...สัญญา” ดึงหน้าเขาให้มาสบตากัน ดวงหน้าหวานขึ้นสีจัดราวกับผลเชอร์รี่ยิ่งทำให้ดูน่ารักน่าใคร่ แล้วเมื่อทนความน่ารักไม่ไหวผมเลยขยับเข้าหาวินอีกครั้ง คราวนี้จูบของเราร้อนแรงกว่าเมื่อครู่นี้อีก ต่างคนต่างตอบรับสัมผัสของกันและกัน แม้ว่าวินจะยังไม่ค่อยชำนาญแต่นั่นกลับเป็นสิ่งที่กระตุ้นผมได้อย่างดี ที่ผ่านๆมาไม่เคยมีใครที่ทำให้หลงใหลได้เหมือนวินเลยซักคน ทุกอย่างที่ไม่ปรุงแต่งกลับหอมหวานกว่าเป็นไหนๆ

ผมขยับพลิกตัวให้อีกคนนอนลงกับเตียงช้าๆโดยที่ปากเราก็ยังคงดูดดึงกันไม่ห่าง แสงสลัวจากโคมไฟทำให้เห็นสีหน้าของวินได้ค่อนข้างชัดเจน คนที่มัวเมากับสัมผัสของผมอยู่ตอนนี้ สีหน้า ท่าทางมันทำให้วินดู...น่ารักปนเซ็กซี่นิดๆ

เลื่อนจากปากบางลงมาที่ซอกคอหอม ผมไม่เคยสัมผัสตรงนี้เลย ได้แต่มองมาตลอด วินเป็นคนผิวขาว ทั้งขาวทั้งบางและเนียนไปทั่วตัว แค่เม้มนิดหน่อยก็ขึ้นสีผมเลยพยายามไม่ทิ้งรอยไว้ตรงนี้มากแม้ใจอยากจะทำแค่ไหนก็ตาม ทำเพียงสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆจากความนุ่มเนียนนี้จนพอใจก่อนที่มือจะเลื่อนไปแหวกเสื้อนอนของคนตัวเล็กออก วินมองมาอย่างตาโตเพราะเขาคงไม่รู้ตัวว่ากระดุมห้าเม็ดของตัวเองมันหลุดไปตอนไหน

“มะ มือไวชะมัด...เราไม่รู้ตัวเลย” หึหึ ก็ในจังหวะที่วินมัวแต่หลับตากลั้นเสียงน่ารักๆไว้นั่นแหละที่ทำให้ผมได้โอกาสนั้นปลดกระดุมเสื้อเขาออกจนหมด

จุ๊บ

ก้มหน้าลงไปจุ๊บปากคนที่นอนตัวอ่อนอยู่เบาๆเป็นคำตอบแล้วจัดการขั้นตอนต่อไป

“อ๊ะ! อื้อ...พัต~” ผมเลียที่เม็ดชูชันขึ้นมาเพื่อทดสอบ แล้วก็ได้ปฏิกิริยาที่แสนน่ารักตอบกลับมา วินบิดตัวน้อยๆแล้วหลุดเสียงครางที่พยายามกลั้นอย่างทนไม่ไหว เม็ดตุ่มไตของเขาตอบรับสัมผัสของผมเป็นอย่างดี ไม่เพียงแค่วินหรอกที่รู้สึก ตอนนี้ผมรู้สึกยิ่งกว่าเขาเสียอีก

กลางกายปวดหนึบไปจนอยากปลดปล่อยจะแย่แต่ก็ต้องใจเย็นไม่งั้นวินจะเจ็บตัว ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากจะให้มันเกิด ครั้งแรกของเรามันต้องให้ความรู้สึกดีไม่อย่างนั้นเดี๋ยวแฟนผมเขาอาจจะกลัวจนไม่ยอมให้เกิดครั้งต่อไป

ผมดูดดึงเจ้าเม็ดเล็กๆสองข้างสลับไปมา ข้างไหนที่ไม่ได้ใช้ปากสัมผัสก็จะส่งมือไปลูบไล้สะกิดเบาๆให้ได้ยินเสียงครางน่ารักดังขึ้นไปอีก คนที่นอนอยู่ใต้ร่างบิดกายไปมาอย่างเสียวซ่าน ปฏิกิริยาที่ผมมองว่ามันน่ารักชะมัด

หน้าแดงๆ ตากลมโตหลับแน่น ปากเผยอส่งเสียงน่าฟังออกมา

ผมดูดหน้าอกวินแรงๆทีนึงก่อนจะไล้ริมฝีปากลงมาตามกายบาง ทิ้งร่องรอยรักเอาไว้มากมายชดเชยตรงที่ซอกคอขาวผมไม่สามารถทำได้

“พะ พัต อื้ออออ” ไล้วนลิ้นตรงสะดื้อจนวินสะท้านเฮือก ตรงนี้น่าจะเป็นจุดอ่อนของเขาอีกอย่างเพราะเมื่อพอถูกสัมผัสแล้ววินมีการตอบสนองที่ดีกว่าที่ไหนๆ ผมยิ้มกับตัวเองก่อนที่จะเลื่อนมือลงไปที่กางเกงนอนผ้านิ่มของอีกฝ่าย ค่อยๆดึงมันลงไปพร้อมกันทีเดียวทั้งกางเกงนอกและกางเกงใน ปากยังคงทำหน้าที่ไม่หยุดในขณะที่มือก็เริ่มทำหน้าที่ของมันเช่นกัน ผมเลื่อนมือลงไปจนสัมผัสเข้ากับแก่นกายน่ารักของวินที่แข็งขืนน้อยๆ ลูบไล้เบาๆก่อนเพื่อทำความคุ้นชิน

“พัต...อะ อื้อ พะ พัต”  ผมผละออกจากหน้าท้องขาวขึ้นมองคนที่พร่ำเรียกชื่อตัวเองแล้วขยับขึ้นไปทาบทับ หน้าเราอยู่ตรงตำแหน่งเดียวกันผมจึงเห็นหน้าแดงๆที่กำลังหลับตาแน่นของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

ยิ่งเห็นยิ่งจะทนไม่ไหว...

ผมรูดรั้งตัวตนวินเบาๆจนเขาเริ่มครางหนักขึ้น สองขาบีบป่ายไปมาเพื่อระบายอารมณ์ที่เกิดกับตัวเอง แต่ผมเองก็ยังคงค่อยๆขยับมือใจเย็น จนเมื่อเห็นว่าได้ที่แล้วจึงเร่งมือมากขึ้น

ตอนนี้วินเกือบจะเปลือยเปล่าทั้งตัวในขณะที่ผมยังอยู่ครบทุกชิ้น สาบเสื้อแยกออกจากกันจนเห็นกายบางชัดเจน แม้จะยังไม่หลุดออกไปแต่ก็เรียกได้ว่าส่วนบนแทบไม่มีอะไรปกปิด ส่วนด้านล่างที่มีผมชักนำอยู่กางเกงก็ร่นไปอยู่ที่เข่าโดยที่ผมยังไม่ได้ดึงออกจากตัววินจนหมด

ท่าทางบิดน้อยๆ เสียงครางหอบๆ กับเสื้อผ้าที่มีอยู่ติดกายเพียงเท่านี้ยิ่งทำให้วินดูเซ็กซี่ไปอีกเท่าตัว

“อึก อ๊ะ อา อื้ม...จะ ไม่ ไม่ไหวแล้วพัต อื้อออออออ” อีกฝ่ายเรียกร้องเมื่อเขาคงใกล้ถึงฝั่งฝัน ผมเลยเร่งมือให้เร็วขึ้นอีกเพื่อให้วินเสร็จไปก่อน

“พัต! อื้อ ฮึก ฮ้า อ๊า อ๊ะ ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว...อะ อ๊าาาาาา~” ในที่สุดวินก็ทนไม่ไหว ร่างบางเกร็งกระตุกก่อนจะปลดปล่อยออกมา วินตัวกระตุกสองสามทีในขณะที่ผมก็ยังขยับมือให้เขาปลดปล่อยออกมาจนหมด

“ฮะ แฮกๆ” คนที่ปลดปล่อยแล้วหอบหายใจน้อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมามองผมก่อนจะรีบขยับเข้ามากอด ซบหน้าลงกับซอกคอจนผมต้องหัวเราะเบาๆกับท่าทางของแฟนตัวเอง

“งือ เราอาย” อีกฝ่ายพูดเสียงอู้อี้ที่ข้างหู

“ฮ่ะๆ...ไม่ต้องอายครับ ไม่เห็นมีอะไรน่าอายเลย เราเป็นแฟนกันนะ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ” ยิ่งพูดวินยิ่งขดตัวเข้าหา ผมลูบหลังเขาเบาๆก่อนจะดันให้นอนลงเช่นเดิม “พัตจะทำมากกว่าเมื่อกี้แล้วนะ”

“บอกทำไมเล่า” ยิ่งเขาเขินยิ่งน่ารักจนผมต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง วินไม่ให้พูดเพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงให้แฟนเขินไปมากกว่านี้

ผมก้มลงไปจูบวินอีกครั้งก่อนจะเลื่อนตัวไปหยิบเจลแล้วก็ถุงยางที่โต๊ะข้างเตียงฝั่งที่ผมนอนออกมา ผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนเหมือนกัน แต่ก็รู้ตามสัญชาตญาณและจากที่ศึกษามาว่าต้องทำยังไงบ้าง

“เตรียมไว้ตอนไหนเนี้ย!” วินร้องถามออกมาอย่างตกใจ คงไม่รู้ว่าผมซ่อนไอ้สองอย่างนี้ไว้ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาอยู่ด้วยแล้ว ศึกษาทุกอย่างมาอย่างดี เท่าที่ผมรู้มาคือถ้าไม่ใช้เจลหล่อลื่นวินจะลำบาก ส่วนถุงยางนี่ถ้าไม่ใช้เขาจะไม่สบายตัว

“ก็นานแล้วครับ” ส่งยิ้มเอาใจให้ด้วย

“ลามก!” วินด่าแล้วก็หันหน้าแดงๆหนีไปอีกฝั่ง ผมยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะลงมือถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนหมดอย่างรวดเร็วแล้วขยับเข้าไปทาบทับเขาไว้อย่างเดิม

“จะทำแล้วนะ...ถ้าเจ็บบอกพัตเลย” วินหันหน้ากลับมาสบตากันอีกครั้งเมื่อผมขยับไปพูดอยู่ใกล้ๆหน้าเขา ยิ่งเห็นว่าตัวผมเองก็เปลือยเปล่าเขายิ่งหน้าแดง

“อื้อ” หลับตาลงแน่นพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงักราวกับจะไปรบที่ไหน ผมหัวเราะกับท่าทางน่ารักนั่นก่อนจะก้มลงไปจูบวินอีกครั้ง หลอกล่อให้เขาสนใจอย่างอื่นก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือลงไปเรื่อยๆ ผ่านวินน้อยที่พึ่งปลดปล่อยไป แล้วแหวกขาวินออกกว้างเบาๆ

ค่อยๆลูบไล้โคนขาอ่อนไปมาให้คนที่เคลิ้มกับรสจูบรู้สึกขึ้นมาอีกที เมื่อเขาเผลอผมก็เปิดหลอดเจลหล่อลื่นที่วางไว้ข้างๆมาบีบใส่มือก่อนจะกลับไปลูบตรงซอกขาขาวอีกครั้ง จากซอกขามายังแก่นกาย...แล้วต่ำลงไปที่ด้านหลัง

“อ๊ะ!” วินสะดุ้งน้อยๆเมื่อผมค่อยแทรกนิ้วแรกเข้าไป รับรู้ได้ว่าตัวเขาเกร็งขึ้นก่อนที่ผมจะรีบดึงดูดความสนใจเขากับมาด้วยจูบของตัวเอง พอวินผ่อนคลายก็ค่อยๆแทรกนิ้วเข้าไปจนสุด แช่ไว้ซักครู่ก่อนจะหมุนวนเบาๆให้วินเปรับตัวแล้วก็ขยับเข้าออกช้าๆ

“อือ อะ...”

ผมผละออกมาเพราะวินเริ่มหายใจไม่ทัน ร่างเล็กเริ่มมีปฏิกิริยาจนผมสอดนิ้วที่สองเข้าไป วินตัวเกร็งขึ้นมาอีกก่อนจะร้องออกมาเบาๆคงเพราะว่าเขาเจ็บ ผมเลยต้องทำอย่างใจเย็นยิ่งกว่าเดิม ก้มลงไปลงลิ้นที่หน้าอกคนตัวเล็กแล้วหยุดมือไว้ก่อน ซักพักพอวินเผลอก็ส่งนิ้วเข้าไปเบิกทางเรื่อยๆจนสุด รอให้เขาปรับตัวเช่นเดิมก่อนจะขยับอีกครั้ง

“อื้อ! อึก...” เหมือนว่านิ้วผมจะควานโดนจุดบางอย่างที่ทำให้วินสะดุ้งเฮือก  ลองกดนิ้วไปลงไปตำแหน่งเดิมอีกครั้งยิ่งได้ปฏิกิริยาตอบสนองที่ชัดเจน ผมเลยกดย้ำลงไปตรงนั้นซ้ำๆ

“พัต พะ พัต..อ๊า อึก ฮา” นั่นทำให้อีกคนดิ้นพล่านทันที ช่องทางเล็กขยับขยายจนผมพอใจแล้วจึงถอนนิ้วทั้งสองออกมา ที่จริงแล้วอาจจะต้องขยายเพื่อรองรับสิ่งที่ใหญ่โตมากกว่านี้ แต่ว่าตอนนี้ผมไม่ไหวแล้ว ให้รออีกคงคลั่งตายแน่

ขยับตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะฉีกซองถุงยางที่เตรียมมาแล้วสวมมันให้กับตัวเอง บีบเจลหล่อลื่นชโลมให้ทั่ว...คนที่นอนอยู่ตาโตทันทีเมื่อเห็นแก่นกายผม

“ระ เราจะตายไหม” ผมแทบจะปล่อยกร๊ากออกมาทันทีเมื่อวินพูดประโยคน่ารักๆออกมา  แฟนผมทำไมน่ารักขนาดนี้วะ ทั้งมองไปด้วยหน้าแดงๆและสีหน้าหวาดหวั่น ขมวดคิ้วแน่นด้วยอีก

“ไม่มีใครตายเพราะเรื่องแบบนี้หรอกที่รัก” พูดไปพร้อมกับขยับตัวไปแทรกหว่างขาเล็กเพื่อไม่ให้เขาหลบได้ ค่อยๆดึงกางเกงนอนที่ติดอยู่บนเข่าออกไปช้าๆ และนั่นทำให้วินอายจนไม่กล้ามองสบตากัน ผมจับแก่นกายของตัวเองถูไถช่องทางเล็กไปมาเพื่อเป็นสัญญาณให้วินเตรียมตัว ได้ยินเสียงครางอื้ออึงดังขึ้นจากคนที่นอนอยู่เบาๆจนเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวจึงค่อยๆดันเข้าไป

“อะ โอ๊ย...อื้อ” ความคับแน่นบีบเค้นจนผมไม่สามารถเข้าไปได้ นี่เอาเข้าได้แค่นิดเดียววินก็ร้องออกมาทันที ใบหน้าเขาเหยเกจนผมต้องโน้มตัวลงไปจูบ ใช้มือเล่นกับจุกเล็กๆบนอก ใช้เวลาพอสมควรร่างเล็กที่เกร็งเขม็งถึงค่อยๆผ่อยคลายลง พอช่องทางแคบเริ่มคลายตัวผมจึงค่อยๆสอดกายเขาไป ขยับได้ทีละนิดเพราะวินจะมีอาการสะดุ้งทุกครั้งที่ผมสอดกายเข้าหา แน่นอนว่าต้องทำอย่างใจเย็นมาก จะให้แทงพรวดลงไปจนสุดวินได้สาหัสแน่

“อดทนหน่อยนะ พัตขอโทษ...พยายามเบาที่สุดแล้ว” ผมแช่ตัวไว้นิ่งๆเมื่อขยับกายเข้าจนสุด เหงื่อไหลแทบจะท่วมกายทั้งที่เครื่องปรับอากาศทำงานเย็นจัด โน้มตัวลงไปทาบทับคนตัวเล็กก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ซึมหางตาวินเบาๆ

“ฮึก เจ็บ...” ปากเล็กๆเบะออกพร้อมฟ้องผมไปด้วย แม้จะเห็นใจแต่ผมกลับรู้สึกดีเป็นบ้า ข้างในวินมันสุดยอดมาก มากจนผมไม่สามารถบรรยายเป็นความรู้สึกได้ เสียวจนแทบจะเสร็จอยู่รอมร่อ

“แป๊บเดียวครับ” เพราะว่าวินเริ่มปรับตัวได้แล้วผมเลยค่อยๆขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้า วินเองก็เกร็งและสะดุ้งอยู่เรื่อยๆคงเพราะยังเสียดอยู่ไม่น้อย นี่ขนาดผมชโลมเจลลงไปเยอะเขายังลำบากขนาดนี้เลย

“อึก อะ อือ อืม” พอเริ่มขยับได้มากขึ้นวินก็เริ่มส่งเสียง แม้ดูจากสีหน้าจะยังมีอาการเจ็บอยู่บ้างแต่คงเริ่มมีความรู้สึกเสียวซ่านมาปนบ้างแล้ว ส่วนผมไม่ต้องพูดถึง ข้างในตัววินทั้งอุ่น นุ่ม รัดแล้วก็ตอดเป็นบ้า...รู้สึกดีจนต้องกัดฟันแน่น

“อืม อา...” ผมรู้สึกจนต้องส่งเสียงออกมาระบาย ทั้งผมและวินต่างครางเบาๆด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่ปะปนกัน พอคิดว่าวินเริ่มโอเคผมก็เร่งจังหวะขึ้น

“พะ พัต...ฮึก ฮา อ๊ะ อา”

“วิน...อืม วิน”

ดูเหมือนวินจะไม่เจ็บอีกต่อไปเพราะร่างเล็กขยับตอบสนองโดยที่เขาไม่รู้ตัว วินยกมือขึ้นมาโอบรอบคอผมก่อนจะซุกหน้าเข้าที่ไหล่ให้ได้ยินเสียงครางหวานชัดๆใกล้หู สองขาเล็กก็โอบรอบสะโพกผมแน่น

“อ๊าาา พัต!” วินกอดผมแน่นขึ้นพร้อมหยัดร่างรับเมื่อผมกระแทกโดนจุดกระสัน พอผมรู้ว่าตรงไหนก็จงใจกระแทกย้ำซ้ำๆ ยิ่งย้ำเท่าไหร่เสียงวินยิ่งดัง และภายในของเขามันก็ยิ่งตอดผมตุบๆ ถ้าไม่เร่งตอนนี้ผมได้เสร็จก่อนวินแน่

“อื้ม อืม...วินครับ”

“พัต ตะ ตรงนี้...อื้อ อิ๊ ไม่ไหว...ไม่ไหว ฮึก”

เสียงเนื้อกระทบกันดังหยาบโลนไปทั่วห้อง ร่างเล็กๆของวินสั่นขึ้นลงตามจังหวะที่ผมกระแทกทั้น ตอนนี้ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ดึงกายออกจนสุดก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปใหม่ให้โดนจุดกระสันของวินเน้นๆ ยิ่งผมทำแบบนี้ร่างเล็กยิ่งบิดเร้าและกอดคอผมแน่นมากยิ่งขึ้น เสียงครางก็ดังขึ้นเรื่อยๆอย่างบ่งบอกว่าจะไม่ไหวแล้ว

“อะ อีกนิด...พัต ไม่ไหว อ๊า อึก จะไม่ไหว”

“พัตก็เหมือนกัน...อืมมมม พร้อมกันนะครับ”

“อิ๊ อะ อ๊า อึก จะออก...ฮึก พัต พะ พัต อ๊าาาา พัตตตตตตตตต!”

“อือ อึก อืมมมมมม”

ทั้งเสียงผมเสียงวินครางทั่วห้องก่อนที่ร่างเล็กจะเกร็งกระตุก วินผวากอดผมแน่นในขณะที่ตัวผมเองก็กระตุกในตัวเขา น้ำรักของผมหลั่งออกมากมายจนล้นออกมาด้านนอก

“อ๊ะ แฮก พัต...” ผมยังคงกดย้ำในช่องทางน่ารักของวินอีกสามสี่ทีก่อนจะค่อยๆถอนกายออกมา ดึงถุงยางออกแล้วทิ้งลงถังขยะเล็กๆข้างเตียงพร้อมกับหยิบทิชชู่มาเช็ดที่หน้าท้องบางให้อีกคน

จุ๊บ

ขยับตัวมาหอมหน้าผากคนที่นอนหอบอยู่เบาๆทหนึ่งที

เขาเป็นของผมแล้ว...

“อาบน้ำไหม เดี๋ยวพัตอาบให้” วินยังคงหลบตาผมหลุกหลิก ดูเหมือนว่าอีกคนจะเขินเกินกว่าที่จะมองหน้ากัน

“ระ เราอาบเอง”

“งั้นพัตอุ้มนะ” ดูท่าแล้วเขาคงลุกไปเองไม่ไหว ผมไม่ได้รอฟังคำตอบจากเจ้าตัว ลุกขึ้นไปยืนข้างเตียงแล้วช้อนตัววินขึ้นทันที

“พัต!” เขาดิ้นเล็กน้อยแล้วก็รีบคว้าคอผมโอบไว้เพราะกลัวตก แถมดิ้นมากยังทำให้เขาเจ็บอีกด้วย ทุกครั้งที่ขยับตัวแล้วเห็นวินทำหน้าเหยเกผมก็อดรู้สึกผิดไม่ได้

“รีบอาบนะครับ เดี๋ยวไม่สบาย...ออกมาจะได้ทานยากันไว้ ถ้าเสร็จแล้วเรียกนะ พัตจะออกไปเปลี่ยนผ้าปู” สภาพยับเยินขนาดนั้นคงต้องเปลี่ยน ให้นอนทั้งอย่างนั้นคงไม่สบายตัว ผมวางให้วินนั่งลงขอบอ่างอาบน้ำพร้อมกับเปิดน้ำลงอ่างไว้ให้เขาเผื้อวินจะแช่ตัว อีกคนพยักหน้าหงึกหงักๆผมเลยเดินออกมา หยิบบอกเซอร์มาใส่แล้วจัดการเปลี่ยนผ้าปูที่นอน

พอเรียบร้อยก็ได้ยินเสียงวินเรียกหาเสื้อผ้า ผมเลยจัดการหยิบชุดใหม่มาให้เขา เสร็จแล้วก็อุ้มคนที่อาบน้ำเรียบร้อยกลับมานอน พอถึงเตียงวินก็แทบสลบไปแล้ว

“ฝันดีนะครับ” กระซิบเบาๆข้างหูคนที่นอนตาปรืออยู่

“ไปไหน” พอผมจะขยับตัวลงจากเตียงวินก็คว้ามือเอาไว้

“อาบน้ำครับ วินนอนก่อนเลยนะ”

“ไม่เอา” หืม งอแงอะไรกันนะแฟนผม

“นอนนะครับ เดี๋ยววินไม่สบาย” ผมเอาทั้งยาพาราและยาแก้อักเสบให้เขากิน ถึงอย่างนั้นตัวก็เริ่มรุมๆแล้ว

“ไม่เอา นอนด้วยกัน” โอเค สรุปคือเขาจะนอนพร้อมผม พูดทั้งที่ตานี่แทบจะลืมไม่ขึ้น ผมยกมือขึ้นลูบหัววินเบาๆเพื่อกล่อมให้หลับ

“ครับๆ นอนด้วยกันเนอะ” สุดท้ายผมเลยต้องยอมขยับเข้าไปกอดเขาแล้วลูบหลังเบาๆจนวินหลับไปในที่สุด เมื่อเห็นว่าวินหลับสนิทจึงค่อยๆขยับตัวออกมาแล้วไปอาบน้ำ จากนั้นก็เก็บห้องบางส่วนที่เราทำรกให้เรียบร้อย พอเสร็จแล้วค่อยขึ้นมานอนกอดแฟนผมต่อ

ก่อนจะหลับไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมคนในอ้อมกอด...วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดเลย









TBC.

Talk

สั้นเล็กน้อยแต่ฟินเนอะ :jul1: :jul1:  จะสอบไฟนอลแล้วไม่มีเวลาจริงๆค่ะ นี่ก็ปลีกตัวมาพิมพ์มากๆ(ยังมีอารมณ์มาพิมพ์อีกนะ==) ต้องไปแล้วนะคะ คงจะกลับมาอีกทีหลังสอบเสร็จเลย ปิดเทอมจะได้มีเวลาแล้ว รอก่อนน๊าาาา
ปล.ใครไม่อยากพลาดข่าวสารหรือพลาดโมเม้นต์พิเศษอย่าลืมเข้าไปดูที่เพจนะคะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-11-2015 19:09:05
เรียบร้อยโรงเรียนพัต
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 20-11-2015 19:15:36
แอร้ยยยย เค้าได้กันแล้ว 5555 :hao6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-11-2015 19:18:23
โว้วๆ จัดหนักกันเลยทีเดียวเชียว หวังว่าจะไม่มีดราม่าเข้ามานะครับ ^^
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: MineMai ที่ 20-11-2015 19:30:37
เค้าได้กันแล้ววววว 5555555  :hao6: :jul1:
วินน่ารักมากอ่ะ หลงวินแล้ววว  :impress2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 20-11-2015 20:31:45
โชคเอในการสอบจ้า 
กลายเป็นบุคคลคนเดียวกันแล้วจ้า  น้องพัต  น้องวิน  ชอบจ้า
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 20-11-2015 20:42:26
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 20-11-2015 20:54:00
ผ่านด่านแล้วจัดหนักเลยเหรอ :jul1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 20-11-2015 22:02:47
วินโดนกินไปแร้ววววววว  :haun4:

ปล. โชคเอจร้าาาา ^^
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-11-2015 22:05:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 20-11-2015 22:08:33
วินเป็นของพัตแล้ว (ไม่ค่อยอ่อยเลยนะ)
พัตถนอมวินมากอ่ะ ไม่หักโหมด้วย
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-11-2015 10:39:49
พอพ่อแม่รับรู้ก็เข้าหอกันเลยนะ :pighaun: :pighaun:
ขอให้สอบได้คะแนนตามที่หวังและตั้งใจ :ped149:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 21-11-2015 13:59:41
พัตอ่อนโยนมากๆ เลยค่ะ :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 22-11-2015 08:02:45
วินก็คงอดทนมาเหมือนกันแหละเนอะ...เริ่มก่อนด้วย  :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 22-11-2015 11:48:07
รักกันตลอดไปนะคู่นี้ :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: momapmu ที่ 28-11-2015 20:54:33
สอบเสร็จยัง คิดถึงวินกับพัตแล้ววววววว :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 29-11-2015 02:59:38
เค้าน่ารักกันเนอะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 29-11-2015 16:59:40
วินเป็นคนเริ่มนี่ดิพีค
555555555555555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: momapmu ที่ 09-12-2015 22:06:50
เมื่อไหร่จะมาอัพ  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-12-2015 18:20:47
คิดถึงค่ะ รีบมาอัพนะคะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: yeelove ที่ 15-12-2015 02:11:46
น่ารักมากกกกก :pighaun:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่18 20/11/2558(18.35) p.8
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 15-12-2015 03:05:29
 :call: :call:
หัวข้อ: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19 15/12/2558(23.38) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 15-12-2015 23:42:43


ตอนที่ 19

กลิ่นหอมฉุยของอาหารบนเตาเป็นสัญญาณว่ามันใกล้ได้เวลาปลงเต็มที่ ลองชิมอีกครั้งก่อนจะปิดเตาแก๊สเมื่อรสชาติได้ตรงตามต้องการ จนกระทั่งผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยจึงเดินเข้าไปในห้องนอนที่วินนอนอยู่ทันที

ในที่สุดคนรักของผมก็ไม่สบายจนได้ รับรู้ได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างเล็กในอ้อมกอดเมื่อตอนรุ่งสาง ยังดีที่มันไม่ได้รุนแรงอะไรมากนักไม่อย่างนั้นผมคงร้อนใจมากกว่านี้แน่ๆ แค่นี้ผมก็รู้สึกผิดมากแล้วที่เป็นสาเหตุให้วินต้องไม่สบาย

“ตื่นแล้วเหรอครับ?” เดินเข้าห้องมาก็เห็นคนป่วยนั่งนิ่งๆอยู่บนเตียงเรียบร้อย ใบหน้าหวานแดงเล็กน้อยเนื่องจากพิษไข้ แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์คนป่วยนั้นคงไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไหร่ เมื่อเห็นอาการผมเลยรีบทรุดตัวลงไปนั่งข้างๆแล้วอังมือไปที่หน้าผากเล็กทันที

“พะ พัต...ขอโทรศัพท์” วินช้อนตาแดงๆขึ้นมาอ้อนหลังจากที่ผมเช็คแล้วว่าตัวเขาไม่ได้ร้อนขึ้นอย่างที่นึกกังวล แม้ว่าจะคอยเช็ดตัวให้บ่อยๆก็ไม่ได้ทำให้ผมวางใจแต่อย่างใด

“จะโทรหาใครครับ” แม้จะสงสัยแต่ก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของวินที่วางอยู่โต๊ะข้างเตียงให้ทันที อีกคนรับไปโดยไม่พูดอะไรนอกจากกดหน้าจอโทรศัพท์ไม่กี่ครั้งแล้วก็เอาขึ้นแนบหู

“แม่...หนูปวดหัว” ผมไม่แปลกใจที่เขาโทรหาแม่ แต่แปลกใจกับสรรพนามที่เขาแทนตัวเองนี่แหละ...ไม่เคยได้ยินวินแทนตัวเองแบบนี้มาก่อนเลยซักครั้ง ดูน่ารักมากเสียจนผมต้องยิ้มออกมา

“หนูไม่สบาย ตัวอุ่นๆ...ไม่หนัก...ไม่เอา...พัตเช็ดตัวให้แล้ว...หนูไม่หิว...ไม่เอา” นั่งฟังวินคุยโทรศัพท์กับแม่อยู่อย่างนั้น เจ้าตัวไม่ได้สนใจผมแล้วครับ ปากเล็กเบะออกเหมือนจะร้องไห้แต่ก็ไม่ร้อง

ผมไม่รู้ว่าแม่วินพูดอะไรกับเขาบ้าง แต่อยู่ๆอีกคนก็ยื่นโทรศัพท์มาให้

“แม่จะคุยกับพัต” ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจที่ท่านจะคุยด้วย

“สวัสดีครับ” ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะลุกออกจากเตียงมาคุยที่ริมระเบียงเนื่องจากเห็นวินล้มตัวลงกับที่นอน ไม่อยากให้เสียงคุยโทรศัพท์รบกวนคนป่วย

(วินเป็นยังไงบ้างพัต เป็นหนักรึเปล่า) เสียงท่านถามออกมีอาการร้อนรนเล็กน้อย แน่นอนอยู่แล้วในเมื่อลูกชายป่วยทั้งคน

“ไม่มากเท่าไหร่ครับ ยังไม่ถึงขั้นต้องไปหาหมอ ผมคอยเช็ดตัวให้ตลอดแต่ว่ายังไม่ได้ให้ทานข้าวทานยาเพราะวินพึ่งตื่นครับ”

(งั้นเหรอจ๊ะ งั้นแม่ฝากพัตดูแลวินหน่อยนะลูก วันนี้พ่อกับแม่ดันติดงานเลยแวะไปดูแลวินไม่ได้)

“ไม่มีปัญหาครับคุณแม่ไม่ต้องห่วง ผมสัญญาว่าจะดูแลวินอย่างดีที่สุด”
(จ๊ะ นี่ตื่นมาคงงอแงเลยสิ...พัตต้องปวดหัวแน่ๆ เวลาวินป่วยนี่งอแงมากนะจ๊ะ ขัดใจเขานิดนึงไม่ได้เลย)

“ก็ยังไม่งอแงเท่าไหร่นะครับ” คงเพราะว่าพึ่งตื่นด้วย อาการแรกที่ผมเห็นคือแค่ร้องจะคุยกับแม่ก็เท่านั้น

(งั้นก็ดีแล้วจ๊ะ แม่อยากให้พัตเตรียมใจไว้ก่อน ถ้าอยู่เฉยๆวินงอแงแบบไม่มีเหตุผลก็ต้องพยายามใจเย็นนะจ๊ะ)

“ครับ ไม่มีปัญหา”

(จ๊ะ งั้นแม่ฝากวินด้วยนะ เดี๋ยวแม่ต้องวางแล้ว)

“ได้ครับ สวัสดีครับ” พอวางสายเรียบร้อยก็เดินกลับมาในห้อง บนเตียงมีเด็กนอนมองตามผมที่เดินเข้ามาหาตาไม่กระพริบ แถมยังทำหน้าเหมือนงอนอะไรผมด้วย

“เป็นไงบ้างครับ ปวดหัวมากไหม” เดินมานั่งลงที่เดิมแล้วก้มหน้าลงไปถามคนป่วย กระชับผ้าห่มที่อยู่เพียงระดับอกให้เขยิบขึ้นมาถึงคอ แม้ว่าในห้องจะไม่ได้เปิดแอร์แต่ก็ไม่วางใจ

ผมเปิดหน้าต่างหมดทุกบานแทนเครื่องปรับอากาศแล้วก็เปิดพัดลมเพดานเบาๆไม่ให้ร้อนจนเกินไป อากาศโปร่งๆถ่ายเทสะดวกจะได้ทำให้วินรู้สึกดีขึ้น

“ปวดหัว...”

“มากไหมครับ ไปหาหมอรึเปล่า”

“ไม่เอา ไม่ไป” แค่ถามว่าจะไปหาหมอไหมคนป่วยก็เริ่มงอแงซะแล้ว อีกคนทำหน้ายุ่งยากใจใส่จนผมต้องรีบบอก

“โอเคครับ ไม่ไปก็ไม่ไป...ทานข้าวกันหน่อยเนอะจะได้ทานยา พัตทำข้ามต้มหมูที่วินชอบให้ด้วย” ตอนนี้เป็นเวลา11โมงนิดๆ เลยเวลาอาหารเช้าจนเกือบจะถึงเวลาอาหารเที่ยงอยู่แล้ว ให้เขารีบทานข้าวจะได้ทานยาพักผ่อน

ดีที่ว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ไม่อย่างนั้นต้องได้หยุดเรียนทั้งคู่แน่ๆ แต่ถ้าพรุ่งนี้วินยังไม่หายดีผมก็คงต้องให้ขาดเรียน ส่วนตัวผมก็คงให้ไอ้กิมกับไอ้จีนเช็คชื่อให้แทนเหมือนกัน

“พัตทานรึยัง”

“ยังครับ รอทานพร้อมวินไง” วินพยักหน้าหงึกหงักให้จนผมยิ้มออกมาก่อนจะลูบหัวคนป่วยเบาๆแล้วลุกไปตักข้าวต้มที่ทำไว้แล้วเรียบร้อย มีสองชามทั้งของเขาและของผม ถือถาดอาหารเข้ามาเสร็จก็เอาวางไว้ก่อนแล้วพยุงวินขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง

“ปวด :( " พอลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงได้วินก็เอ่ยออกมา

“ปวดตัวเหรอ หรือปวดตรงไหน” ไม่แปลกเลยที่วินจะปวดตามเนื้อตามตัว เมื่อคืนยอมรับว่าตัวเองก็เอาแต่ใจไม่น้อย แม้ว่าผมจะพยายามทำเบาที่สุดแล้วแต่ครั้งแรกของวินก็คงถือว่าหนักสำหรับร่างเล็กๆน่าดู

“ปวดทุกตรง” วินทำท่าเหมือนจะร้องไห้แต่ไม่ใช่แบบที่ผู้ใหญ่ร้อง ดูเหมือนเด็กงอแงเสียมากกว่า คงจะเป็นอย่างที่คุณแม่บอกว่าเขาจะงอแงเป็นพิเศษในช่วงที่ป่วย ปกติแล้ววินไม่ใช่คนขี้แยอะไร ถึงจะดูเหมือนเด็กแต่มีเหตุผลเสมอ

“งั้นก็รีบกินข้าวนะครับ จะได้ทานยา...ทานยาแล้วจะได้หายปวด” ลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงแล้วหยิบชามข้าวต้มขึ้นมา ใช้ช้อนคนแล้วเป่าเล็กน้อย ตักเป็นคำเล็กๆเป่าอีกสองสามทีแล้วยื่นไปจ่อปากบางที่ซีดเซียวซึ่งวินก็อ้ารับไปอย่างง่ายดาย เรื่องกินแม้แต่ตอนป่วยก็ไม่มีปัญหา

“ทำไมไม่ทานพร้อมกัน” ป้อนได้ไม่กี่คำก็ถามขึ้นมา

“ก็พัตป้อนวินอยู่นี่ไง” ส่วนตัวผมแล้วไม่ได้เป็นอะไรจะทานตอนไหนย่อมได้อยู่แล้ว ห่วงแต่คนป่วยนี่แหละที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ

“นั่นสิเนอะ” เหมือนว่าเจ้าตัวจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่าว่าในเมื่อผมก็ป้อนเขาอยู่แบบนี้แล้วจะเอามือที่ไหนไปทาน พอป่วยแล้ววินดูรวนๆ คิดนู้นคิดนี่คงจะประมวลออกมาช้ากว่าปกติ ส่วนหน้าหวานแค่ดูซีดเซียวกว่าเดิมเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถือว่าแย่มากอะไร

ผมป้อนคนตัวเล็กไปเรื่อยๆจนเจ้าตัวบอกว่าไม่ไหวแล้วถึงได้พอ จากนั้นก็อุ้มวินให้ไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำให้เรียบร้อย ออกมาก็จัดการเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่(แม้ว่าเขาจะเขินแค่ไหนก็ตามที่ต้องเปลือยตัวต่อหน้าผม) เอายามาให้ทานวินก็รับไปกินอย่างว่าง่าย

ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงห่มผ้าให้เขาได้นอนพักผ่อน ส่วนผมเองก็นั่งกินข้าวต้มที่เย็นชืดไปแล้วข้างๆเตียง คนป่วยไม่ได้หลับแต่อย่างใดแม้ว่าผมจะย้ำให้เขานอนแค่ไหนก็ตาม วินก็ยังคงนอนตะแคงมองผมกินข้าวอยู่อย่างนั้นทั้งที่ตาเริ่มปรือเพราะฤทธิ์ยา พอผมกินเสร็จเขาก็เรียกขึ้นทันที

“พัต...”

“ครับ?” คิดไว้แล้วว่าคงมีเรื่องที่จะคุยด้วย

“...” คนเรียกทำหน้าขมวดมุ่นแล้วกลับเงียบเฉยไปซะอย่างนั้นไม่ได้เอ่ยอะไรต่ออีก ผมวางชามข้าวต้มที่กำลังเก็บไว้ที่โต๊ะแล้วขยับขึ้นไปหาร่างที่นอนอยู่ที่เตียง

“ว่าไงครับ จะเอาอะไรหรือเปล่า” วางมือลงที่หน้าผากเล็กเพื่อวัดความร้อน ถือว่าดีขึ้นมากแต่ยังไม่หายสนิท พอเรียกผมแล้วไม่พูดอะไรก็ทำให้อดกังวลไม่ได้ กลัววินจะรู้สึกไม่ดีกว่าเดิม

“...ม ตะ ติม”

“หืม? อะไรนะครับ พัตไม่ได้ยิน” เสียงเล็กๆที่แหบพร่าเพราะพิษไข้ดังลึกในลำคอ มันไม่ถูกส่งออกมาจนผมเองก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าวินพูดอะไร อาการของคนตรงหน้ามีเพียงแค่หลบตาตอนที่พูดเท่านั้น ผมเลยยังสรุปไม่ได้ว่าวินจะต้องการสื่อสารอะไรกันแน่

“อยากกินไอติม” ได้ยินแม้จะเบาเต็มทีก็ตาม

“ไม่เอาครับ ไม่สบายอยู่ นอนนะๆ” ตอบแบบไม่ลังเลยเลยซักนิด อยากตามใจทุกอย่างไม่อยากขัดใจแม้แต่อย่างเดียวถ้าทำได้ แต่เรื่องนี้ที่ไม่ยอมเพราะไม่อยากให้วินป่วยมากกว่าเดิม แม้จะนิดเดียวแค่ไหนผมก็ไม่ยอมเสี่ยง

“ไม่เอา จะเอาไอติม :( "

“วินครับ...ทานไม่ได้ เดี๋ยวปวดหัวไม่หาย” พยายามพูดอย่างใจเย็น

“ฮึก” โอเค โอเคเลยจริงๆ ไม่มีพูดพร่ำทำเพลง แค่เพียงเอ่ยย้ำออกไปอีกครั้งว่าไม่ได้น้ำตาวินก็ร่วงพราวลงมา จากที่นั่งอยู่ผมจึงรีบขยับตัวลงไปนอนกอดทันที

“ที่พัตไม่ให้กินเพราะเป็นห่วงนะ ถ้าวินไม่สบายหนักกว่าเดิมคนที่ลำบากจะเป็นวินเอง แล้วพ่อกับแม่วินจะยิ่งเป็นห่วงมากขึ้น พัตเองก็ด้วย...แค่เป็นแค่นี้ก็เป็นห่วงจะแย่แล้วนะครับ” แรงสะอื้นน้อยๆยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้ร้องไห้หนักอะไรแต่การที่วินมีน้ำตามันก็เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยซักนิด

“ฮะ เมื่อไหร่จะ ฮึก หาย”

“ถ้าอยากรีบหายก็ต้องนอนพักให้มากๆ ทานยาให้ครบ ไม่กินของเย็นด้วย” ไล้มือไปทั่วหลังเล็กเบาๆอย่างปลอบโยน คนป่วยมักอารมณ์อ่อนไหวง่าย เขาย่อมรู้สึกไม่ดีไวกว่าคนปกติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นความใจเย็นคือสิ่งที่ผมต้องยึดเป็นหลัก

“หายแล้ว ตะ ต้องให้กินเลยนะ” มีข้อต่อรองด้วย

“ครับ แต่ต้องหายสนิทเลยนะ”

“อื้อ”

“งั้นนอนเนอะ ตื่นมาจะได้หายเร็วๆ” อีกคนขยับเช้ามาซุกตัวในอ้อมกอดมากขึ้น ผมลูบหลังเขาไปมาเบาๆเหมือนกล่อมเด็ก คงเนื่องจากอาการป่วยและยาที่เริ่มออกฤทธิ์เลยทำให้วินหลับไปในเวลาไม่นาน

เมื่อแน่ใจว่าคนป่วยหลับสนิทผมจึงค่อยๆลุกจากเตียง

“หายไวๆนะที่รัก” กดจูบไปที่หน้าผากเล็กเบาๆ ขยับผ้าห่มให้ชิดคางคนป่วยมากขึ้น มองหน้าเล็กๆที่ผมหลงรักแล้วได้แต่ขอให้เขาหายป่วยไวๆ



........................




“เป็นไงบ้างลูก”

“ดีขึ้นมากแล้วครับแม่” วินตอบคำถามของแม่ตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ วันนี้ท่านทั้งสองมาเยี่ยมลูกชายตัวเองตั้งแต่เช้า

เราสองคนต้องขาดเรียนเพราะวินยังไม่หายดี แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนยันหนักหนาว่าไปไหวแต่ผมก็ไม่อยากเสี่ยงเลยสั่งให้หยุดเรียนหนึ่งวัน

“เลยต้องมาขาดเรียนทั้งสองคนเลย” แม่ของวินหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย คุณพ่อก็นั่งข้างเตียงไม่ห่าง แต่ท่านทำเพียงมองมาอย่างเงียบๆตามสไตล์

“ก็พัตแหละ วินบอกว่าไหวก็ไม่ยอมให้ไปเรียน” ได้ทีฟ้องใหญ่เลย

“แต่แม่ว่าก็ดีนะจ๊ะ เผื่อยิ่งไปเรียนยิ่งจะเป็นหนักขึ้น...แต่เกรงใจพัตแย่ต้องมาขาดเรียนไปด้วย” ท่านหันมาพูดกับผมด้วยความเกรงใจ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว การดูแลวินเป็นหน้าที่ผมถ้าผมไม่ดูแลวินแล้วจะเป็นใครกัน

“ไม่เป็นไรครับ” ถึงวันนี้ไปเรียนก็คงไม่เข้าหัวอยู่ดี

“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงป่วยขึ้นมาได้” คำถามของพ่อวินทำเอาเราทั้งคู่เงียบกริบ คนป่วยดูเหมือนจะหน้าแดงขึ้นมาหน่อยๆ

“ก็...คงพักผ่อนน้อยอ่ะป๊า” ผมอมยิ้มน้อยๆกับคำตอบของอีกคน

ก็...พักผ่อนน้อยจริงๆ คำตอบของเขาไม่ได้โกหกเลยซักนิด แค่ไม่ได้บอกว่าทำไมถึงได้พักผ่อนน้อยก็เท่านั้น

“ดูแลตัวเองบ้างสิเรา” คนเป็นพ่อเอ่ยพร้อมกับลูบหัวลูกชายเบาๆ

“ครับ วินจะพยายามดูแลตัวเองอย่างดี พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงเลยน๊า”

“นี่พี่สาวเราพอรู้ว่าป่วยนี่เป็นห่วงใหญ่ แถมยังน้อยใจที่น้องเขาไม่โทรหาอีก”

“ ก็วินกลัวพี่วรรณเป็นห่วงนี่ครับ บอกพี่วรรณด้วยนะว่าให้รีบกลับมาหาไวๆ วินคิดถึงจะแย่”

ผมยืนฟังบทสนทนาทุกอย่างอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไร เพลินเสียอีกที่ได้ยินวินกลับมาคุยจ้อเหมือนเดิม

Rrrrrrr~

แต่แล้วอยู่ดีๆเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นให้ต้องรีบล้วงออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะดังรบกวนทุกคนไปมากกว่านี้

“ขออนุญาตินะครับ” เอ่ยบอกพ่อกับแม่วินแล้วรีบเดินออกมารับสายแม่ที่โทรเข้ามาทันที

“ครับแม่”

(อยู่ไหนจ๊ะ)

“อยู่ห้องครับ”

(ได้ยินข่าวว่าน้องวินไม่สบายเป็นไงบ้างลูก) ข่าวแม่ไวเสียเหลือเกิน

“ดีขึ้นมากแล้วครับ แต่วันนี้ผมยังไม่ให้ไปเรียน อยากให้แน่ใจว่าหายสนิทจริงๆ”

(ดีแล้วจ้ะ พัตต้องเดูแลน้องวินดีๆรู้ไหม เอาลูกเขามาแบบนี้ดูแลไม่ดีระวังพ่อกับแม่เขาไม่ยอมยกให้)

“ครับผม สัญญาเลยว่าจะดูแลอย่างดี”

(ดีแล้วลูก เดี๋ยวว่างๆแม่จะพาพ่อไปหานะ) อยากมาหาวินมากกว่ามาหาผมเสียอีก แม่ผมเอ็นดูวินมาก โทรหาผมแต่ถามหาวินตลอด

“ครับแม่”

(จ๊ะ งั้นแม่วางนะ)

“ครับ สวัสดีครับ” ผมเก็บโทรศัพท์ลงที่เดิมจากนั้นจึงกลับเข้าไปในห้อง

“พ่อกับแม่คงต้องกลับแล้วเพราะมีประชุม เดี๋ยวเอาไว้แม่มาหาใหม่นะจ๊ะ” คุณแม่เอ่ยบอกผมทันทีที่เข้าไป

“ได้ครับ มาได้ทุกครั้งตามที่คุณแม่สะดวกได้เลย”

“ไม่อยากให้กลับเลย” วินพูดขึ้นมาทั้งๆที่ยังกอดพ่อตัวเองแน่น

“หรือเราจะกลับไปอยู่บ้าน วันจันทร์หน้าค่อยมาใหม่” พ่อวินถามขึ้น

“วินมีเรียนเช้าตั้งสองวันเลย เดี๋ยวเอาไว้กลับวันพฤหัสทีเดียวเลยดีกว่า” บ้านวินอยู่คนละฝั่งกับที่มอ ถ้ามีเรียนคงต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ถึงจะมาทันโดยที่รถไม่ติด

“แล้วแต่เราแล้วกัน ดูแลลูกฉันดีๆล่ะ” ประโยคหลังท่านหันมากำชับผม

“ครับ” พ่อแม่วินหอมและกอดลูกตัวเองใหญ่ ก่อนที่เราจะออกจากห้องไปส่งท่านทั้งสองกลับบ้าน วินมีสีหน้าอาลัยอาวรณ์เล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้มได้อยู่ มีเพียงสายตาที่ดูซึมๆเท่านั้น

“เป็นไรครับ” ผมถามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน

“คิดถึงพ่อกับแม่จัง” หัวเล็กๆเอนลงมาบนไหล่กว้างอย่างออดอ้อน คงเพราะอาการป่วยที่ยังไม่หายร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทำให้อ่อนไหวง่ายกว่าปกติ

“วันพฤหัสก็ได้กลับแล้ว เดี๋ยวพัตไปส่งถึงที่ หายห่วง” เอื้อมมืออ้อมไปกอดไหล่เล็กเข้ามา ลูบแผ่วๆไปตามแขนเล็กเบาๆ

“มารับเราด้วยนะ”

“แน่นอนครับ” รถวินเรียกได้ว่าแทบไม่ได้ใช้เลยทีเดียว เอามาจอดไว้เฉยๆที่ลานจอดคอนโด ส่วนมากเราจะใช้รถผมมากกว่า

“ง่วงจัง” ตอนนี้พึ่งจะแปดโมงเช้า ก็ไม่แปลกที่จะง่วง

“งั้นก็นอน เดี๋ยวพัตปลุกมากินข้าวอีกทีตอนเที่ยง”

“อื้อ” ตอบรับเพียงเท่านี้คนที่พิงไหล่อยู่ก็ค่อยๆนิ่งไป ถ้าเขาอยากนอนแบบนี้ก็ให้นอนไป ไว้หลับสนิทผมค่อยอุ้มไปนอนบนเตียงดีๆ

ช่วงที่วินหลับจะได้ถือโอกาสนี้ไปเอาของให้วินที่ห้องด้วย ผมให้คนที่บ้านลำเลียงของจากคอนโดนู้นมาเรื่อยๆ แต่มีบางอย่างที่ต้องดูแลเองจึงต้องเข้าไปจัดการ



..............................



“อ้าววิน ไม่สบายดีขึ้นแล้วเหรอ” เสียงไอ้กิมทักคนข้างตัวผมขึ้นในตอนที่เรานั่งอยู่ม้าหินอ่อนหน้าคณะสถาปัตย์

วันนี้เรามีเรียนบ่ายเหมือนกันแต่ผมต้องมาก่อนเพราะมีงานส่ง วินเลยออกมาพร้อมกันทีเดียว

“อื้อ หายดีแล้วล่ะกิม”

“ดีแล้วๆ...ไอ้จีนถึงไหนแล้ว” ประโยคหลังมันหันมาถามผม

“จะถึงแล้ว” ไอ้กิมพยักหน้ารับแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบไลน์ที่ดังไม่หยุด คงเป็นสาวอีกตามเคย

ผมไม่มีไรทำเลยนั่งมองคนตัวเล็กที่อมยิ้มกับโทรศัพท์ผมไม่หยุดแทน วินเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มตาหยีใส่ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ดู เป็นคลิปหมาเห็นของกินที่ชอบแล้วทำตาโตใส่ ก็น่ารักดี

“อยากเลี้ยงเนอะ” อีกคนพึมพำบอก

“ตอนนี้เลี้ยงคนนี้ก็เปลืองจะแย่” ยกมือขึ้นโยกหัวเล็กเบาๆ วินหันมายู่ปากใส่

“ไม่เห็นเปลืองเลย”

“จริงเหรอ กินจุกว่าหมาอีกนะเนี้ย”

“พัตอ่ะ!” วินตีแขนผมเบาๆก่อนจะหันกลับไปสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ

ที่จริงผมก็อยากเลี้ยงหมานะ แต่สถานที่เราไม่ค่อยเอื้ออำนวย ไม่มีพื้นที่ให้หมาวิ่งเล่นซักเท่าไหร่ เอาไว้ย้ายไปอยู่บ้านที่มีสนามกว้างๆค่อยว่ากัน ผมไม่คิดจะอยู่คอนโดตลอดไปอยู่แล้ว

“มายด์กับออมมายัง” ถามถึงเพื่อนสองคนของวิน ถ้าเพื่อนเขามาแล้วผมจะได้เดินไปส่งที่คณะแล้วกลับมาส่งงานของตัวเอง

“ออกมากันแล้ว คงใกล้แล้วแหละ”

“งั้นเดินไปเลยก็ได้ครับ กว่าจะถึงคงพอดีกัน”

“อื้อ” วินตอบรับพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ของผมคืนมาให้

“กูไปส่งวินที่คณะเดี๋ยวมา” หันมาบอกไอ้กิมที่กำลังกดโทรศัพท์มือเป็นระวิง

“ตามบาย”แม้แต่ตอบมันยังไม่เงยหน้ามองผมด้วยซ้ำ

“ไปครับ” เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าเขามาถือแล้วจับมือเล็กๆเดินออกมา คณะเขากับคณะผมจะว่าใกล้ก็ใกล้จะว่าไกลก็ไกล แต่ใช้เวลาเดินพอสมควรเหมือนกัน “เย็นนี้แม่พัตจะแวะมาทานข้าวด้วยนะ”

“ทำไมพัตไม่บอกเราก่อน ของในตู้เย็นหมดแล้ว” วินหันมาถามตาตื่นเลย

“ไม่เป็นไรครับ แม่จะทำอาหารมาให้” คุณแม่จะทำของมาบำรุงน้องวินของท่าน บ่นว่าเพราะผมดูแลไม่ดีจนทำให้วินป่วย

“ได้ไงกัน ผู้ใหญ่มาทั้งที”

“แม่เตรียมตัวทำมาแล้ว ไว้คราวหน้าวินค่อยจัดการเนอะ”

“ไม่ยอมบอกเราก่อนอ่ะ” อีกคนยังคงกระเง้ากระหงอดไม่เลิก

“คราวหน้าสัญญาว่าจะบอกแต่เนิ่นๆ” ยิ้มเอาใจส่งไปให้ด้วย

“ลองไม่บอกดิ”

“หูย โหดด้วย” ท่าทางคำพูดควรจะดูน่ากลัวแต่หน้าหวานๆนั่นช่างไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย ไม่ว่าวินจะทำหน้าดุแค่ไหนมันก็ออกมาน่ารักอยู่ดี

“โหดมากกกกก พูดเลย”

“ครับๆ เชื่อครับ” เดินคุยกันมาเรื่อยๆจนถึงหน้าคณะวิน เห็นเพื่อนเขาสองคนกำลังยืนรออยู่พอดี “พัตไปแล้วนะ”

“อื้อ ตั้งใจเรียนนะ”

“ครับ วินห้ามถอดเสื้อกันหนาวนะ” ถึงอากาศจะร้อนแค่ไหนผมก็บังคับให้เขาใส่เสื้อมา กลัวว่าไข้จะกลับมาอีก

“รู้แล้ว บ๊ายบาย” คนตัวเล็กโบกมือให้ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนตัวเอง ส่วนผมก็เดินกลับคณะ

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


“เพราะตาพัตดูแลเราไม่ดีใช่ไหมถึงป่วยได้ แย่จริงๆเลยลูกคนนี้”

“ไม่เลยครับ พัตดูแลวินดีมากเลยครับคุณแม่” ผมมองสองแม่ลูกที่คุยกันอยู่โดยไม่พูดอะไร นาทีนี้ผมทำอะไรก็ผิดครับ ตั้งแต่แม่กับพ่อมานี่โดนเหน็บไปหลายครั้งแล้ว

“นี่หายดีจริงๆใช่ไหมลูก”

“หายดีแล้วครับ กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมเลย..คุณแม่กับคุณพ่อล่ะครับเป็นไงบ้าง ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนอย่าลืมดูแลสุขภาพนะครับ”

“น่ารักจริงๆ พ่อกับแม่แข็งแรงดีจ้ะ...น้องวินทานอาหารเยอะๆนะลูก ตัวเล็กนิดเดียวเอง”
มีการตักอาหารให้ด้วย ผมกับพ่อมองหน้ากันเล็กน้อยราวกับทำใจ อะไรแม่ก็น้องวินๆ ผมกับพ่อกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว

ต่างคนต่างนั่งกินข้าว มีเพียงแม่และวินที่พูดคุยกัน แม่จัดแจงนั่งข้างวินเรียบร้อยจนผมต้องนั่งกร่อยอยู่คนเดียวอีกฝั่ง ถึงแม้วินจะส่งสายตามาหาบ้างแต่มันก็ไม่ค่อยจะช่วยอะไรเลย แม่แย่งแฟนผมไปอยู่กับตัวแล้ว

“พัต ย้ายไปอยู่บ้านดีไหม” อยู่เฉยๆแม่ก็ถามขึ้นในขณะที่วินล้างจานอยู่ในครัว

“อะไรนะครับแม่”

“แม่กลัวน้องวินอึดอัด อยู่คอนโดมันก็ไม่เหมือนบ้าน เดี๋ยวแม่ดูบ้านให้ซักหลังดีไหม” นี่แม่คิดไปมากกว่าผมอีกนะเนี้ย ไม่ใช่ว่าผมไม่คิดเพียงแต่มันก็ยังเร็วไป ตอนนี้ทุกอย่างก็โอเคดี

“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมเองก็คิดเพียงแต่มันก็ยังเร็วไป เอาไว้รอเป็นขั้นตอนดีกว่า”

“พ่อก็ว่าอย่างนั้น ทำอะไรปุปปับเดี๋ยววินตกใจแย่ นี่ก็พึ่งย้ายมาอยู่ด้วยกันไม่นานเองคุณ เรื่องของเด็กให้เขาตกลงกันเองจะดีกว่า” พ่อช่วยพูดกับแม่ให้อีกแรง

“เอางั้นก็ได้จ้ะ แม่ถามเผื่อไว้ ถ้าเรายังชอบที่จะอยู่นี่กันแม่ก็ไม่ว่า”

“ครับแม่ เอาไว้ถ้าผมจะย้ายจะบอกแม่ทันที”

“จ้ะ” แม่ผมตอบรับเบาๆแล้วหันไปดูโทรทัศน์ต่อ เป็นจังหวะเดียวกับที่วินออกมาจากห้องครัวพอดี ทีนี้ไม่ต้องพูดกัน ผมกับพ่อกลายเป็นคนไม่มีตัวตนเช่นเคย==





TBC.
หัวข้อ: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 16-12-2015 00:04:34
ตอนที่ 20

วันเวลาล่วงเลยจนอีกไม่กี่วันจะเข้าสู่เทศกาลการสอบไฟนอลของมหาวิทยาลัย ทุกคนรู้ดีว่ามันคือช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสแค่ไหนสำหรับชีวิตนักศึกษา ไม่ว่าจะมองไปที่ใดจะเห็นนักศึกษาหมกมุ่นอยู่กับหนังสือกองโต บ้างก็เป็นงานชิ้นใหญ่
หอสมุดแทบไม่ต้องพูดถึง ทุกพื้นที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน บางคนต้องเร่งทำงานเร่งส่งโปรเจ็คมากมายล้านแปด

อาทิเช่นพวกผมเป็นต้น

“ไอ้เหี้ยพัต มึงเขียนแบบเทพขนาดนี้เห็นใจคนตัดอย่างพวกกูบ้าง”

“กรรไกรกูไปไหน ใครเอาไปวะ”

“กาวๆๆๆๆๆ”

เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นจนไม่รู้ว่าจากใครเป็นใคร ทุกคนนั่งทำงานกันมาแบบนี้โดยแทบไม่มีเวลาพักเป็นวันที่สามเข้าไปแล้ว ในหนึ่งวันได้นอนกันแค่วันละไม่กี่ชั่วโมง

ที่นั่งทำกันอยู่นี้คือโปรเจ็คใหญ่วิชาภาคสำหรับไฟนอล งานนี้เป็นงานกลุ่ม7คน พอสั่งเป็นงานกลุ่มยิ่งน่ากลัวเพราะความยากมันจะมากขึ้นกว่างานปกติห้าเท่าตัวเห็นจะได้ ไม่ใช่ว่ายิ่งมีเพื่อนแล้วจะสบาย ไม่ใช่เลยจริงๆ

“ใกล้ยังวะ กูอยากนอนจะแย่แล้ว ฮือๆ” ไอ้กิมที่นั่งทากาวจนมือเปื่อยบ่นอย่างนี้มาทั้งวัน แล้วถามว่ามันเคยได้นอนไหม...
ก็ไม่...และไม่มีใครสนใจเพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินประโยคแบบนี้ แค่นี้ก็ยุ่งกันจะตายแล้ว จะมีเวลามาสนใจอย่างอื่นที่ไหน

“จีน มึงตัดมุมให้คมกว่านี้หน่อย เดี๋ยวต่อไม่เนี้ยบ” ผมเอ่ยสั่งไอ้จีนออกไปเมื่องานที่ได้ยังไม่เป็นที่ต้องการ ไอ้จีนพยักหน้ารับเนือยๆเพราะไม่มีแรงที่จะตอบ ดูจากสภาพแต่ละคนแล้วเหมือนศพเดินได้ดีๆนี่เอง

ไม่สิ...แทบไม่ต่างจากศพแล้ว เพราะแม้แต่แรงที่จะเดินยังแทบไม่มี

“ไอ้พัต ของพวกมึงถึงไหนแล้ว ไปช่วยพวกกูดูหน่อย จะตายแล้วแม่ง” ไอ้ไปป์ เพื่อนในสาขาที่นั่งทำงานอยู่อีกฟากเดินมาหาถึงที่ หน้าตาบ่งบอกว่าสุดๆจริงๆ ไม่งั้นคงไม่ลงทุนเดินมาถึงตรงนี้

เนื่องจากตอนนี้เราทำงานรวมกันอยู่ที่ห้องรวมใหญ่ของคณะจึงมีหลายกลุ่มที่ต่างทำงานของใครของมัน เมื่อมีอะไรก็เลยสามารถถามและช่วยกันได้

“อีกนิดจะเสร็จตรงนี้แล้ว เดี๋ยวกูไปดูให้” ผมเอ่ยบอกโดยที่ไม่มองหน้าคนมาขอความช่วยเหลือเลยซักนิด ที่รู้ว่าเป็นใครเพราะจำเสียงได้ ตอนนี้จดจ่อกับงานอยู่ในมือตัวเองอย่างเดียว ยังไงวันนี้ก็ต้องเอาให้ถึงตรงที่ต้องการและวาดแบบไว้ อย่างน้อยจะได้มีเวลาพักกันบ้าง

.
.
.
.
.
.
.
.
.

“มีเวลาพักสองชั่วโมง เสร็จแล้วต้องมาลุยต่อ” พอพูดประโยคนี้จบทุกคนร้องโอดโอยทันที ที่ต้องเร่งขนาดนี้เพราะคืนนี้จะได้พักยาวทีเดียวหลังจากที่ทำมาสามคืนเต็ม ผมไม่ได้สนใจเสียงโวยวายพวกนั้นแต่เลือกเดินออกมาแล้วดูโทรศัพท์ที่พึ่งหยิบขึ้นจากพื้นห้องมาเปิดดูเพราะตอนทำงานวางทิ้งไว้ที่พื้นอย่างไม่ค่อยจะสนใจ มัวทำงานจนแทบไม่ได้จับมันเลยด้วยซ้ำ

มีสายที่ไม่ได้รับจากแม่สามสาย และอีกหกสายมาจากวิน

ผมเลือกจะส่งข้อความหาแม่เพราะเกรงว่าท่านจะนอนแล้ว หลังจากนั้นจึงต่อสายหาอีกคน

(ทำอะไรอยู่ เราโทรไปไม่รับเลย) เสียงเล็กๆดังแทรกท่ามกลางเสียงจอแจมากมายจากฝั่งปลายสาย ก่อนที่ไม่นานเสียงนั้นจะค่อยๆเงียบลงไป ทำให้เดาได้ว่าวินคงเดินออกมาคุยโทรศัพท์ที่อื่น

“ทำงานครับ พึ่งได้พัก...วินอยู่ไหน ที่เดิมรึเปล่า” เขาออกไปติวหนังสือกับเพื่อนที่หอสมุด แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนพอๆกัน ผมไม่ได้กลับคอนโดมาสามวัน มีเพียงแค่แวะเข้าไปอาบน้ำหรือเอาของ ส่วนวินก็ออกไปติวหนังสือกับเพื่อน เวลาเราเลยคลาดกัน แทบไม่ได้เจอกันเลยก็ว่าได้

(เราอยู่หอสมุดที่เดิมแหละ พัตกินอะไรบ้างรึยัง) ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆจะเที่ยงคืน ซึ่งผมยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า

“ยังเลย พึ่งทำงานเสร็จตามที่ต้องการพัตเลยยังไม่ได้ทำอะไรซักอย่าง” เวลาทำงานของผมคือทำงาน จะไม่อยากทำอะไรอย่างอื่นนอกจากคิดว่าต้องทำให้เสร็จ ต้องทำให้ได้ที่ต้องการ เรื่องอาหารการกินจึงไม่ได้สนใจเลยซักนิด

(ไปหาอะไรทานเดี๋ยวนี้เลยนะ) เสียงดุถูกเอ่ยมาตามสาย

“ครับๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ วินล่ะจะกลับห้องตอนไหน วันนี้พัตไม่ได้กลับห้องอีกแล้วนะ” ถ้าคืนนี้ไม่ได้กลับอีกก็จะเป็นคืนที่สี่ที่ไม่ได้กลับไปนอนห้องและไม่ได้นอนกับวิน คิดถึงมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ที่พยายามเร่งงานก็เพราะอย่างนี้ อยากมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ยอมเหนื่อยยอมทรมานตอนนี้จะได้สบายทีเดียว

(ประมาณตีสามเราก็กลับแล้ว...งานใกล้เสร็จรึยัง คิดถึง) คำสุดท้ายที่ได้ยินทำเอาต้องหลับตาลงแน่น คิดถึงไม่ต่างกัน จะตายห่าอยู่แล้ว

“คิดถึงเหมือนกันครับ แต่พัตยังไม่แน่ใจว่าจะกลับตอนไหน จะพยายามรีบนะ”

(อื้อ ดูแลตัวเองนะ เดี๋ยวเรากลับแล้วจะไลน์หา)

“ครับ รักนะ”

(รักเหมือนกัน) ผมยิ้มกับหน้าจอโทรศัพท์ที่สายถูกตัดไปอยู่อย่างนั้นชั่วขณะ

เพราะพื้นหลังเป็นรูปของคนที่พึ่งจะวางสายไป...ไม่ได้เจอตัวเป็นๆแค่ได้เห็นในรูปภาพก็ยังดี

แม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนแต่พอได้คุยกันก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นมา ผมเดินกลับเข้าห้องอีกทีก็เห็นเพื่อนหลายคนนอนข้างๆกองงานที่มีชิ้นส่วนมากมาย ที่จริงมันก็เหลืออีกไม่มากแต่จะว่าเหลือน้อยก็ไม่น้อย ที่เร่งงานแบบนี้เพราะอยากให้งานเสร็จเร็ว เหนื่อยตอนนี้แล้วสบายทีหลังมันดีกว่า เสร็จเร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งสบายใจ จะได้เหลือแค่เตรียมใจพรีเซ้นต์แค่นั้น

และแม้จะรีบเร่งให้เสร็จแต่งานก็ต้องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด



...............................................



“อื้อ พะ พัต” คนนอนหลับที่ถูกกอดรู้สึกตัวขึ้นมาจากการหลับทันที คงเพราะสัมผัสได้ถึงแรงกอดรัดที่ไม่เบานักจากผม
คนที่ถูกรบกวนการนอนเงยหน้าขึ้นมองในตอนที่เรานอนตะแคงข้างเข้าหากัน แม้หน้าจะดูงงๆและตื่นไม่เต็มตาแต่ร่างเล็กก็ขยับเข้ามาในอ้อมกอดแล้วกอดผมแน่น

“ขอโทษที่ทำให้ตื่นครับ นอนต่อนะๆ” ค่อยๆลูบหลังคนในอ้อมกอดไปมา ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาตีห้ากว่าๆเห็นจะได้ เพราะเร่งงานกันอย่างหักโหมเลยเหลืออีกนิดหน่อยที่ต้องจัดการ เมื่อได้งานตามที่พอใจผมเลยบอกให้ทุกคนกลับไปพักแล้วค่อยลุยกันต่ออีกทีตอนดึกๆ พอกลับถึงห้องผมก็รีบจัดการอาบน้ำอย่างรวดเร็วแล้วเข้ามากอดวินทันที คิดถึงจะแย่

“ไม่นอน” จัดการพลิกตัวให้คนที่นอนตะแคงข้างขึ้นมานอนเกยบนตัวก่อนจะมองหน้าเล็กๆในความมืด

“ทำไมหืม” เขาเองก็พึ่งกลับมาจากหอสมุดตอนตีสามที่ผ่านมา ไหนจะต้องไปสอบย่อยตอนบ่ายของวันนี้อีก

“งานเป็นยังไงบ้าง โอเคใช่ไหม” วินไม่ตอบคำถามที่ถามไปแถมยังเป็นฝ่ายถามกลับมาแทน

“อีกไม่เยอะแล้วครับ วินล่ะ...บ่ายนี้มีสอบย่อยไม่ใช่เหรอ”

“อื้อ แต่ไม่อยากนอน...ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คิดถึง” เสียงเล็กๆเอ่ยอย่างออดอ้อนพร้อมกับขยับหัวมาซุกที่อกเป็นสเต็ป การกระทำที่ทำให้เผลอเกร็งตัวอย่างช่วยไม่ได้เนื่องจากกลิ่นหอมๆที่กระจายมารบกวนจิตใจ ไหนจะความนุ่มนิ่มจากตัวเขาอีก
ความคิดถึงจากวินกำลังทำลายความอดกลั้นของผมลงเรื่อยๆ

“นอนนะ เดี๋ยวง่วงตอนสอบ” ยกมือขึ้นลูบหัวทุยเบาๆเผื่อว่าความอ่อนโยนจากฝ่ามือจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกง่วง ผมอยากให้เขาได้พักผ่อนเต็มที่ เวลาไปสอบสมองจะได้ปลอดโปร่ง ถ้าทำอะไรไปตอนนี้คนมีสอบอาจจะไม่ได้ไปสอบเลยก็ได้

“ฮื่อ” คนตัวเล็กครางเสียงอ่อนแล้วขยับหัวที่วางอยู่บนอกกว้างเบาๆ ไม่รู้ว่าปฏิกิริยานั้นหมายถึงอย่างไร

แต่พอผ่านไปหลายนาทีคนบนอกก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับ ผมเลยค่อยๆพลิกตัวเพื่อที่จะให้อีกคนได้นอนลงบนเตียงดีๆ

“ไม่เอา ไม่ลง”

“อ้าว ยังไม่หลับอีกเหรอ พัตนึกว่าหลับไปแล้ว” เสื้อนอนถูกมือเล็กขยุมกำไว้แน่น แสดงอาการต่อต้านว่าจะไม่ยอมลงจากตัวไปนอนข้างๆเด็ดขาดจนต้องขยับตัวกลับมานอนแบบเดิม แบบที่มีคนตัวเล็กทาบทับอยู่ข้างบน

“จะนอนบนนี้” อาจจะด้วยเพราะว่าช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยดูเหมือนว่าวินจะขี้อ้อนขึ้น และมันเป็นสิ่งที่ผมชอบมาก ชอบทุกเวลาที่มีร่างเล็กๆมาคลอเคลีย ยิ่งเขาทำตัวเหมือนแมวแบบนี้ยิ่งชอบใหญ่ แม้ตอนนี้อยากจะจับลงมาฟัดแรงๆซักที แต่ก็คงไม่ได้ ควรจะให้เขาได้นอนเสียที

“ครับๆ งั้นนอนนะ” ลูบไปทั้งตามหัว ตามไหล่และตามตัว สัมผัสเบาๆที่ดูเหมือนว่าอีกคนจะชอบ

ในเมื่อวินยืนยันว่าอยากนอนแบบนี้ก็ต้องตามใจ พอไม่มีเหตุผลให้ต้องทำอะไรแล้วผมเลยหลับไปทั้งอย่างนั้น
อย่างน้อยคืนนี้ก็เป็นคืนที่มีความสุขกว่าสามคืนที่ผ่านมา...ดีกว่าโคตรๆเลยล่ะ



....................................................




ฟอด

“หอมจัง” คนที่ถูกกอดสะดุ้งน้อยๆในขณะที่กำลังปรุงอาหารอยู่หน้าเตาแก๊ส

“เราตกใจหมดเลย” แม้จะตกใจในตอนแรกแต่พอตั้งสติได้วินก็กลับไปปรุงอาหารต่อเช่นเดิม ร่างเล็กหยิบช้อนที่วางอยู่ข้างมือตักอาหารในกระทะขึ้นมาชิม คงจะได้ที่แล้วมือบางเลยปิดเตาแก๊สเรียบร้อยแล้วหันมาหา “นอนอิ่มแล้วเหรอ”

“คิดถึงเลยอยากตื่นมาเห็นหน้าก่อนวินจะออกไปสอบ” ทั้งที่ใจอยากจะตื่นพร้อมกับที่คนที่นอนข้างๆแต่สังขารก็ฝืนไม่ไหวจริงๆ ความอ่อนล้าจากการไม่ได้พักผ่อนเต็มที่มาหลายวันเล่นงานจนพึ่งจะตื่นเอาตอนนี้ ตอนที่เกือบจะสิบเอ็ดโมงอยู่แล้ว

“วันนี้หลังสอบเสร็จเราว่าจะแวะไปหาอยู่แล้ว แล้วไหนว่าเมื่อคืนจะไม่กลับไง งานเสร็จแล้วเหรอ”

“เหลืออีกนิดเดียวครับ ไม่น่าเป็นห่วงแล้วเลยกลับมา เดี๋ยวพัตต้องออกไปอีกทีตอนดึกแล้วคงอยู่ถึงเช้าเลย...วินล่ะ วันนี้จะไปไหนรึเปล่า”

“หืม ไม่หรอก...ว่าจะอ่านหนังสืออยู่ที่ห้อง เห็นพัตบอกว่าไม่กลับเลยว่าจะแวะไปหาหลังสอบ แสดงว่าถ้าเราสอบเสร็จพัตก็ยังห้องอยู่ใช่ไหม”

“ครับ เดี๋ยวรออยู่นี่ไม่ไปไหน ไปอีกทีตอนเที่ยงคืน” พวกเราชอบทำงานตอนกลางคืนเพราะมันสงบทำให้หัวปลอดโปร่ง ส่วนที่เหลืออีกไม่มากจะต้องถูกจัดการให้เสร็จเรียบร้อยและคาดว่าจะได้แยกย้ายกันตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ มีเวลาพักนิดหน่อยก่อนจะต้องลุยสอบอีกสามวันข้างหน้า คราวนี้สอบรวดเดียวสอบติดกันทุกวันแล้วก็ปิดเทอมอย่างเป็นทางการ

“โอเค...หิวรึยัง กินข้าวนะเราทำกับข้าวเสร็จพอดี ไม่ได้เจอสามวันผอมลงมาก ไม่ยอมกินข้าวเลยใช่ไหม” คนดุยกมือขึ้นมาลูบตามโครงหน้าผมเบาๆ แม้สีหน้าจะดูบึ้งแต่ก็ปิดความเป็นห่วงไว้ไม่มิด

“หิวมาก คิดถึงกับข้าวฝีมือวินที่สุด”

“คิดถึงก็ต้องกินเยอะๆเลย ปล่อยก่อนเร็ว...เดี๋ยวเราตักข้าวให้” เพราะแขนผมยังคงโอบรัดรอบเอวเล็กวินเลยขยับไปไหนไม่ได้ วันนี้เขาทำข้าวผัดอเมริกัน ในกระทะคือข้าวผัดที่ถูกผัดเรียบร้อย ไข่ดาว ไส้กรอกและผักถูกเตรียมไว้แล้วข้างๆ น่ากินจนน้ำย่อยในกระเพาะส่งเสียงประท้วง

“งั้นพัตไปเตรียมน้ำรอที่โต๊ะนะ”

จุ๊บ

กดริมฝีปากลงทาบทับปากบางเร็วๆทีนึงแล้วผละออกมา กินข้าวทั้งยังไม่อาบน้ำเลยด้วยซ้ำ ผมแค่ล้างหน้าแปรงฟันเท่านั้น เนื่องจากตอนนี้หิวมากและขี้เกียจเกินกว่าจะจัดการตัวเอง คาดว่าคงหลังจากที่วินออกไปแล้วถึงจะถึงเวลาชำระร่างกาย

.
.
.
.
.
.
.

“ตอนเย็นอยากทานอะไรครับ เดี๋ยวพัตทำไว้รอ” เอ่ยถามคนที่กำลังใส่รองเท้าขึ้นในขณะที่เขากำลังจะออกจากห้อง

“เดี๋ยวเราแวะซื้อเข้ามาดีกว่า พัตจะได้ไม่ต้องออกไปข้างนอก”

“ตามใจครับ เอางั้นก็ได้ ตั้งใจนะ...ขอให้ทำได้ทุกข้อ เนื้อหาตรงกับที่อ่านมาเป๊ะๆ” วินยิ้มรับคำอวยพรก่อนจะขยับเข้ามากอด ซบหน้าเล็กๆลงที่ลาดไหล่ของผม

“อื้อ ขอให้คำอวยพรของพัตเป็นจริง...พักผ่อนนะ เราเก็บข้าวผัดใส่กล่องให้แล้ว ถ้าหิวอีกก็อุ่นกินหรือว่าสั่งอะไรจากข้างล่างขึ้นมากินก็ได้” เสียงพูดดังขึ้นที่ข้างหู ในขณะที่ผมลูบท้ายทอยวินไปมาเบาๆ

“ครับ” ตอบรับประโยคของเขาก่อนจะผละออกแล้วขยับเข้าไปกดจูบที่ปากเล็ก

แลกเปลี่ยนสัมผัสของกันและกันอย่างอ้อยอิ่ง ให้ทุกนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า ซึมซับกับทุกความรู้สึกที่อยู่ตรงนี้

ความหอมหวานนี้ ปลายลิ้นนุ่มๆนี้...

จุ๊บ

“เดี๋ยวสายนะ” ผมยิ้มน้อยๆก่อนจะเช็ดมุมปากให้คนที่กำลังซบหน้าผากกันอยู่ตอนนี้ วินลืมตาขึ้นมองแล้วผละออกไปยืนทั้งที่หน้าเป็นริ้วแดงจางๆ

“ไปแล้วจริงๆนะ” พยักหน้าแทนคำพูดแล้วเปิดประตูห้องให้คนมีสอบได้รีบไป มองร่างเล็กๆเดินเข้าลิฟต์จนลับสายตาถึงได้กลับเข้าห้อง

ผมตัดสินใจอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยแล้วจึงกลับมานอนที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ รอแค่เวลาที่คนพึ่งจะออกไปกลับมา





ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนบ่ายสามโมงครึ่ง คนที่มีสอบบอกว่าจะสอบเสร็จตอนสี่โมง กว่าจะแวะซื้อของเข้ามาอีกคงกินเวลาอีกไม่น้อย ผมสะลึมสะลือลุกขึ้นจากโซฟาไปล้างหน้าล้างตาแล้วกลับมานั่งที่เดิม ล้วงโทรศัพท์มือถือที่ไม่ได้แตะมาตั้งแต่เมื่อคืนมาดู นานแล้วที่ไม่ได้เข้าพวกโซเชียลมีเดียอะไรเลย ไหนๆวันนี้ก็ว่างแล้วดูบ้างก็ดีเหมือนกัน

??

ไอ้คนที่มันชอบแท็กหาแฟนผมในอินสตาแกรมคือใครกัน?

เพราะฟอลโลวคนเพียงไม่กี่คนจึงเห็นภาพที่วินอัพลงได้ในอันดับต้นๆ เป็นธรรมดาที่ผมจะเข้าไปดูอยู่แล้วว่าเขาอัพอะไรบนแอพพลิเคชั่นนี้บ้างเนื่องจากไม่ได้เข้ามาดูนาน ส่วนมากรูปที่วินอัพก็เป็นวิวทั่วๆไป แคปชั่นธรรมดาตามแบบเจ้าตัว แต่ทุกอย่างมันไม่ธรรมดาตรงที่พอกดเข้าไปตรงรูปที่เขาถูกแท็กนี่แหละ ปกติไม่ค่อยจะได้เข้ามาดูแต่แปลกที่วันนี้นึกอยากรู้ว่ามีภาพอื่นที่ผมไม่เห็นรึเปล่า

แล้วก็มีจริงๆ...

ไอ้ผู้ชายที่ชอบถ่ายรูปกอดคอวินนี่เป็นใครกัน

เคยเป็นกันไหมว่าเวลาที่มีอะไรที่รู้สึกว่าบางอย่างมันไม่ใช่สิ่งปกติสัญชาตญาณเราจะรับรู้ได้ทันที แม้จะยังไม่รู้เรื่องราว แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่บางอย่างในใจร้องเตือนว่ามันไม่น่าไว้ใจ

พอกดเข้าไปดูในไอจีของใครคนนั้นก็พบว่ามันมีมากเกินกว่าภาพที่วินโดนแท็กมาเสียอีก แม้ดูจากรูปจะไม่ได้ไปกันสองต่อสองแต่รูปที่เขาอัพมักจะเลือกลงแค่รูปที่ถ่ายคู่กับวินเท่านั้น ทุกที่ที่ถ่ายด้วยกันผมรู้ว่าเป็นที่ไหนเพราะเวลาจะไปไหนอีกคนจะบอกผมก่อนเสมอ

เกือบชั่วโมงที่นั่งดูนั่นดูนี่ในไอจีของผู้ชายคนนี้ทำให้พอจะประติดประต่อเรื่องได้ว่าเขาเป็นรุ่นพี่ในคณะของวิน จากยอดฟอลโลวแล้วคงป็อปปูลาร์ไม่น้อยอยู่เหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ไม่ได้สนใจอะไรมากมายเช่นผมไม่รู้จัก ถ้าเอารูปไปให้ไอ้กิมกับไอ้จีนน่าจะไม่พลาด

คอมเม้นใต้ภาพที่เขาลงกับวินจะชอบมีเพื่อนๆเจ้าตัวมาแซวเสมอ และแม้คนในภาพจะบอกว่ารุ่นน้องแต่ผมก็ไม่ชอบใจซักเท่าไหร่

ไม่น่าไว้ใจ...ผมคงต้องถามจากวินบ้างแล้ว

แกร๊ก

“กลับมาแล้ว^^” คนที่กำลังนึกถึงเดินเข้ามาหาผมที่ยังนั่งนิ่งบนโซฟาตัวเดิม มือทั้งสองข้างของเขามีถุงอาหารมากมาย วินวางมันลงที่โต๊ะก่อนจะมาหยุดอยู่ข้างหน้า “เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไปแต่พอเมื่อโดนท้วงจึงพยายามปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ และนั่นทำให้รู้ว่าก่อนหน้านี้คิ้วสองข้างถูกขมวดแน่น

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร...เป็นไงบ้าง ทำข้อสอบได้ไหมครับ” อีกคนทรุดตัวลงนั่งโซฟาตัวเดียวกัน ปากบางฉีกยิ้มน้อยๆให้เดาได้ว่าการสอบวันนี้คงผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

“เพราะคำอวยพรของใครบางคนรึเปล่านะ วันนี้ทำให้เราทำข้อสอบได้แบบผ่านฉลุยเลย”

“หืม งี้ต้องให้รางวัลคนอวยพรรึเปล่านะ” แกล้งหลิ่วตาถามอย่างหยอกล้อ

ฟอด

พูดยังไม่ทันจบดีอีกคนก็กดปากลงที่แก้มผมทีนึง

“ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะ :) “ ทำตัวน่ารักขนาดนี้เป็นใครก็คงทนไม่ไหว

เช่นเดียวกับผม...

โทรศัพท์ในมือถูกวางลงข้างๆก่อนจะโน้มหน้าเข้าหาอีกคน

เสียงแลกเปลี่ยนน้ำลายดังชัดในความรู้สึกเพราะเราทั้งสองสัมผัสกันอย่างแนบชิด ตอนแรกวินตกใจเล็กน้อยแต่พอตั้งสติได้ก็ค่อยๆจูบตอบกลับมา ผมดูดดุนลิ้นเล็กเบาๆก่อนจะค่อยๆเพิ่มความร้อนแรงขึ้น

สองมือค่อยๆขยับเข้าไปดึงเสื้อนักศึกษาที่ถูกใส่ชายไว้ในกางเกงอย่างเรียบร้อยให้หลุดออก ค่อยๆเอนร่างเล็กให้นอนลงแนบกับโซฟา

“ขอนะ...ได้ไหมครับ” ทั้งเสียงและหน้าตาแสดงออกอย่างเว้าวอน

“ฮื่อ พูดทำไมเล่า” คนที่นอนอยู่ใต้ร่างซุกตัวกับซอกคอผมแน่น การกระทำที่ทำเอาต้องยิ้มออกมา
 
“งั้นไปที่ห้องนอนกันดีกว่าเนอะ ตรงนี้เดี๋ยวปวดหลัง...อึ๊บ” ไม่รอช้าที่จะจัดการอุ้มคนตัวเล็กท่ากระเตงขึ้นมา เพราะว่าไม่ทันได้ตั้งตัวสองขาของวินเลยรีบเกี่ยวหมับเข้าที่หลังเอว เป็นสัญชาตญาณที่ช่างเหมาะเจาะกันเหลือเกิน

หัวข้อ: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 16-12-2015 00:05:40

เดินเข้ามาในห้องจนปิดประตูเรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าไปวางลูกลิงไว้ที่เตียงโดยที่ผมทาบทับตามไปติดๆ พยายามไม่ทิ้งน้ำหนักตัวลงไปทั้งหมด มองคนที่หน้าแดงแจ๋ไม่ยอมสบตานิ่ง

ตั้งแต่ครั้งแรกก็ยังไม่มีครั้งที่สองเพราะต่างคนต่างยุ่ง วันนี้มีโอกาสก่อนที่จะกลับไปยุ่งอีกก็คงต้องจัดการเสียหน่อย หึหึ(เสียงหัวเราะชั่วร้ายมาก)

“รัก” คำสั้นๆถูกเอ่ยออกไปจากปากเรียกให้หน้าหวานๆที่หันไปทางอื่นหันกลับมาสบตา อยู่ดีๆก็แค่อยากพูดคำนี้ แทนความรู้สึก แทนความคิดทั้งหมดที่มีตอนนี้ ผมรักเขายังไงวันนี้ก็ยังอย่างนั้น ไม่มีลดน้อยลงแถมยังมากขึ้นทุกวันด้วยซ้ำ

คนที่นอนจ้องตากันอยู่ตรงนี้...คนที่เป็นเจ้าของหัวใจ

“รักเหมือนกัน” แม้จะเอ่ยออกมาทั้งที่หน้าแดงๆแต่ผมก็รับรู้ได้ทุกความรู้สึกที่เขามี ความรู้สึกที่ไม่ได้แตกต่างกัน
ระยะห่างระหว่างเราสั้นลงเรื่อยๆเมื่อผมเคลื่อนหน้าต่ำลง ใกล้จนริมฝีปากสัมผัสกันในที่สุด

สัมผัสที่ทั้งอ่อนโยนและร้อนแรงสลับไปมา กระดุมเสื้อนักศึกษาของคนตัวเล็กหลุดออกไปหมดออย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะค่อยๆหลุดออกจากเรียวแขนสวยทั้งสองข้างแล้วเหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวบาง มาถึงตรงนี้ผมก็ไม่รอช้าที่จะถอดมันออกโดยที่เจ้าของก็ให้ความร่วมมืออย่างดี พอส่วนบนหลุดออกหมดข้างล่างก็ตามไปทีละชิ้น ทีละชิ้น

จนตอนนี้ร่างบางไม่เหลืออะไรติดตัวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว พอจัดการเขาเสร็จจึงผละออกมาจัดการตัวเอง ใช้เวลาไม่นานก็กลับไปทาบทับคนที่นอนระทวยอยู่เช่นเดิม

เนื้อตัวเปล่าเปลื่อยสัมผัสกันและกันกระตุ้นความรู้สึกให้ลุกโชนยิ่งกว่าเดิม ผิวขาวจัดของวินขึ้นสีทั่วตัวราวกับกุ้งโดนน้ำร้อน น่ารักเสียจนผมค่อยๆลิ้มลองทีละนิด

“อะ...อื้อ...พะ...พัต” ซอกคอหอมหวานถูกไล้เลีย ขบเม้ม และดูดดึง กลิ่นหอมอ่อนๆยิ่งชวนให้ลุ่มหลงจนเผลอสัมผัสแรงขึ้นกว่าเดิม เพราะความที่ห้ามใจไม่ไหวคาดว่าหลังจากนี้มันจะต้องขึ้นรอยซักรอยสองรอยแน่นอน

จากลำคอขาวไล้ต่ำลงที่เม็ดตุ่มไตทั้งสองข้าง ตวัดลิ้นเลียเบาๆเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกคนได้คุ้นชินและเตรียมพร้อม

“อ๊า...อึก...ฮาห์” กายบางบิดเร้าน้อยๆเมื่อถูกสัมผัสที่ร้อนแรงคุกคามจนต้องดิ้นรนเพราะความเสียวซ่าน เสียงร้องที่ยิ่งกระตุ้นให้ผมแทบจะทนไม่ไหว ก่อนจะเคลื่อนปากลงต่ำเรื่อยๆจนถึงแก่นกลาง

แผล๊บ

“ฮ๊า...ฮึก...พัต...พัต” ลากลิ้นเลียช้าๆจากปลายจนถึงโคน สะโพกบางแอ่นขึ้นราวกับอยากหลีกหนีแต่นั่นกลับยิ่งเป็นการเชิญชวนมากกว่าเดิม ในที่สุดผมก็ครอบปากลงไปทั้งหมดแล้วดูดดึงที่ส่วนปลายแรงๆ

“ฮื่อ...พัต...สะ เสียว” ยิ่งอีกคนแสดงอาการเท่าไหร่ยิ่งทนไม่ไหว ผละตัวออกมาหยิบอุปกรณ์ที่ลิ้นชักโต๊ะข้างหัวเตียง ฉีกซองถุงยาแล้วสวมเรียบร้อย บีบเจลใส่มือก่อนจะขยับเข้าไปแทรกกลางตัวของคนที่นอนอยู่ แยกขาเล็กให้อ้าออกกว้างจนเห็นความสวยงามของกลีบกุหลาบข้างหน้า

“ถ้าเจ็บบอกพัตนะ” ข้อมือแกร่งถูกเคลื่อนเข้าไปใกล้ ลูบไล้เบาๆสองสามทีก่อนจะค่อยๆแทรกผ่านความคับแน่นเข้าไป อีกคนร้องออกมาเล็กน้อยผมจึงหยุดพัก พอเขาปรับตัวได้ก็ค่อยๆขยับเข้าไปใหม่ เป็นแบบนี้เรื่อยๆจนขยับเข้าไปได้หมด

ความอุ่นร้อนตอดรัดเป็นจังหวะจนต้องขยับมือ จากช้าๆสู่ความเร็วที่มากขึ้น

“อ๊ะ...ตรงนั้น..อะ...อ๊า” พอรู้ว่าเป็นตรงไหนนิ้วมือแกร่งก็ขยับจี้รัวจนคนที่ถูกรุกรานดิ้นพล่าน นิ่วมือถูกเพิ่มเข้าเป็นสองนิ้วโดยที่ไม่รู้ตัว แม้จะคับแน่นแต่เพราะโดนกระแทกที่จุดเสียวกระสันแรงๆไม่นานถูกอย่างก็ลื่นไหลอย่างที่มันควรจะเป็น จากสองนิ้วก็ถูกเพิ่มขึ้นเป็นสาม เคลื่อนเข้าเคลื่อนออกจนวินแทบทนไม่ไหว

พอเห็นดังนั้นผมจึงถอนนิ้วออกแล้วขยับเข้าไปจ่อแก่นกายตรงช่องทางสีสวยอย่างไม่รีรอ ถูไถเบาๆให้ได้เตรียมใจก่อนจะค่อยแทรกกายเข้าไป

“ไหวไหมครับ” เพราะความเกร็งแน่นของอีกคนทำให้แทบขยับไม่ได้จนต้องโน้มตัวลงไปทาบทับแล้วกระซิบถามคนหน้าหวานที่หลับตาแน่น อีกคนเปิดเปลือกตาที่มีน้ำคลอดวงตาขึ้นมาแล้วพยักหน้าเบาๆ

“ระ เราทนได้” ประโยคน่ารักจากแฟนตัวเองทำให้ผมต้องขยับไปจูบที่ปากแดงๆบวมเจ่อนั้นทันที ดึงความสนใจจากวินมาอยู่ตรงนี้โดยที่เขาจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องข้างล่างมากนัก พออีกคนเผลอก็ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไป ขยับทีคนตัวเล็กก็เกร็งที แต่ผมก็ใจเย็นรอให้เขาปรับตัวเรื่อยๆจนสามารถเข้าไปได้จนสุด แรงตอดรัดทำเอาเสียวซ่านจนต้องครางต่ำออกมา

“อืมห์...พัตจะขยับแล้วนะ” กระซิบชิดริมฝีปากซึ่งวินก็พยักหน้ารับหงึกหงัก แม้เขาเองจะลำบากไม่น้อยแต่ก็ตอบรับอย่างเต็มใจ ผมค่อยๆถอนตัวตนออกมาก่อนแทรกเข้าไปใหม่ช้าๆ ทำแบบนี้จนทุกอย่างเคลื่อนที่ได้คล่องขึ้น

“อะ...ฮื่อ...อึก” เสียงเนื้อกระทบกันดังหยาบโลนไปทั่วห้อง เตียงตัวใหญ่ลั่นเอี๋ยดอ๊าดเบาๆเมื่อจังหวะเนิบๆถูกเปลี่ยนไป เสียงครางหวานของอีกคนก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเสียงครางต่ำๆจากผม

“อืม...อาห์...วินครับ”

“พัต...ฮาห์...อิ..พะ พัต” แรงโยกจากสะโพกสอบถี่รัวขึ้นเรื่อยๆโดยที่อีกคนก็แอ่นรับอย่างไม่รู้ตัว ความเสียวซ่านเข้าครอบงำจนไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นใด มือบางกำผ้าปูที่นอนแน่นจนมันยับยูยี่ ใบหน้าหวานเชิดขึ้นครวญครางอย่างไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “ฮื่อ...มะ ไม่ไหว...ไม่ไหวแล้ว”

ไม่ใช่แค่วินแต่ผมเองก็ไม่ต่างกัน แรงตอดรัดถี่ทำให้ยิ่งต้องเร่งสะโพกมากขึ้น ทุกครั้งเสยเข้าที่จุดกระสันของอีกคนเต็มๆ เสียงร้องของวินดังขึ้นเรื่อยๆพร้อมแรงตอดรัดจากภายใน สัญญาณที่บ่งบอกว่าอีกคนใกล้ไปเต็มที่แล้ว

พับ...พับ...พับ

ความร้อนแรงถูกส่งไปมากขึ้นเรื่อยๆตามอารมณ์ที่พุ่งถึงขีดสุด

“อึก...อ๊า...เรา ไม่ไหว...ไม่ไหวแล้ว...พัต...พะ พัต...อาาาาห์”

“วิน...วินครับ...อืมมม” คนตัวเล็กเกร็งกระตุกก่อนจะพ้นทุกหยาดหยดออกมาเปรอะเปรื้อนทั้งท้องบางและท้องแกร่ง ในขณะที่แก่นกายผมก็กระตุกภายในตัวเขาแล้วปลดปล่อยทุกอย่างออกมา ผนังนุ่มตอดรัดบีบเค้นจนไปไหนไม่รอด

“แฮก แฮก” เสียงหอบน้อยๆดังขึ้นจากการที่วินหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด ใบหน้าหวานแดงก่ำและชุ่มไปด้วยเหงื่อตามไรผมเล็กน้อย มือหนาถูกยกขึ้นไปเช็ดให้เบาๆทั้งที่ร่างกายเรายังเชื่อมต่อกัน ผมยังไม่ถอนกายออก

“เจ็บไหม” ครั้งนี้อาจจะดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่มีอะไรกัน แต่นั่นก็ไม่ได้การันตีว่าวินจะไม่บาดเจ็บ

“นะ นิดหน่อย” คนเขินขยับขยับมาโอบรอคอผมแน่น ซุกตัวลงกับซอกคอแบบที่เจ้าตัวชอบทำ

“นอนพักนะ เดี๋ยวพัตเช็ดตัวให้” ท้องฟ้าข้างนอกถูกปกคลุมไปด้วยความสลัว นาฬิกาพรายน้ำในห้องนอนบอกว่าเป็นเวลาหกโมงกว่าๆ ตอนนี้ผมเลยอยากให้คนที่รับศึกได้พักผ่อนก่อนจะค่อยให้ตื่นขึ้นมากินข้าวทีหลัง

“ไม่เป็นไร พักด้วยกันนะ...เที่ยงคืนพัตก็ต้องออกไปอีก” การพักผ่อนของผมก็ทำไปแล้วนี่ไง

“ไม่เป็นไรครับ พัตพึ่งตื่นเอง...วินนอนเถอะเดี๋ยวพัตปลุก” ค่อยๆถอนตัวตนออกมาจากความอ่อนนุ่มจนอีกคนร้องออกมาเบาๆแล้วผละออกจากร่างที่โอบผมแน่นก่อนจะดันให้เขานอนลง กดจูบไปที่หน้าผากเล็กแผ่วเบา เสยผมนุ่มของอีกคนขึ้นให้ด้วย “พักนะครับ” พูดด้วยเสียงอ่อนๆอีกที

คงเนื่องด้วยเพราะความเหนื่อยจึงทำให้วินค่อยๆหลับตาลงอย่างว่าง่าย

ผมขยับออกมาถอดถุงยางทิ้งลงถังขยะเล็กๆก่อนจะลุกขึ้นไปใส่บ็อกเซอร์แล้วเข้าห้องน้ำไปเอากะละมังและผ้าผืนเล็กออกมาเช็ดตัวให้วิน เสร็จเรียบร้อยก็หาเสื้อผ้ามาใส่ให้ก่อนที่จะออกไปจัดการกับอาหารที่วินซื้อมาจากข้างนอก โทรศัพท์ที่ถูกทิ้งไว้ที่โซฟาถูกหยิบขึ้นมาดูอีกครั้ง

.
.
.
.
.
.
.
.
.

“กิม ช่วยหาข้อมูลคนคนนึงให้กูหน่อย”




TBC.



Talk

เดี๋ยวๆๆๆๆ หายไปนานกลับมาพร้อมความหื่นคืออะไร :-[ :-[ ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษที่หายไปนานนะคะ แต่ในเพจก็ยังแวะเวียนมาให้หายคิดถึงพัตวินเรื่อยๆเลยน๊าาาา...ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว เวลาเลยมีมากกว่าที่ผ่านๆมา ที่หายไปคือทั้งสอบและโปรเจ็ค หนักหนาจนแทบสิ้นสติ :ling3: :ling3:

lส่วนเนื้อหาเรื่องโปรเจ็คพัตนี่มโนล้วนๆ ไม่มีความรู้เรื่องของสถาปัตย์ซักเท่าไหร่ถ้ามันไม่สมจริงต้องขออภัยด้วยนะคะ  :กอด1: :กอด1: ตอนแรกกะแต่งดราม่ากว่านี้ดันออกมาหวานจนต้องรีบกลับมาทิ้งปมไว้ ส่วนไอ้ช่วงสุดท้ายนี่ก็มายังไงก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ(อ่านแล้วเขินจัง ไม่ถนัดเอ็นซีเลย><)  :mew3: :mew3: หวังว่าจะชดเชยช่วงที่หายไปได้บ้างน๊า

ถึงจะมาช้าบ้างอะไรบ้างแต่มาจนจบแน่นอน ตามจิกตามทวงได้ที่เพจนะคะ...ไม่ต้องกลัวรำคาญ ยิ่งทวงยิ่งชอบค่ะ เพราะฉะนั้นทวงมาเยอะๆเลยนะ ยิ่งจะมีกำลังใจในการแต่งฮึบๆเลย^^

#ย้ำว่าไม่มีดราม่าหนักนะคะไม่ต้องกังวล เล็กน้อยจิ๊บจ๊อยมากๆ คู่นี้สายหวายน้ำตาลขึ้นพูดเลย  :mew1: :mew1:



พูดคุย ตามทวงได้ค่ะ>>>>  https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/  หรือพูดคุยทางทวิตผ่าน #เริ่มต้นจากการแอบรัก ได้เลย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-12-2015 01:30:40
ขนาดนี้แล้วไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 16-12-2015 08:36:46
อ๊ากกกกก :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 16-12-2015 09:14:37
มาแล้วววววววว มาสองด้วย

พัตดูแลวินดีมาก ใจเย็นจริงๆ ตอนดูแลคนป่วย
ส่วนคนที่เข้ามาหาพัต วินค่อยเนียนๆจัดการไป
วินคงไม่ได้คิดอะไร คงไม่ได้ระวังตัว
รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-12-2015 09:46:20
ตอนไม่สบายวินน่ารักจัง
คุณแม่รอซื้อบ้านให้อยู่ด้วยกันแล้ว

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 16-12-2015 11:15:15
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-12-2015 14:33:55
เขินจัง :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 16-12-2015 14:49:15
คนเขามีเจ้าของอยู่แล้วแต่ยังทำหน้ามึนไม่รับรู้แบบนี้ก็ต้องถูกกำจัดออกไปให้พ้นทางเป็นธรรมดาใช่ไหมคะพัต :interest:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-12-2015 15:16:22
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 16-12-2015 17:18:57
อ่านสองตอนรวด หายคิดถึงเลยค่ะ ^^
เจนสัมผัสได้ถึงพลังงานของ คู่รักข้าวใหม่ปลามัน
มันมุ้งมิ้งๆ ฟรุ้งฟริ้งสุดๆไปเรย >\\\\\\<
อิรุ่นพี่ไม่น่าแทรกกลางได้หรอก...มั้ง~~~!!
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 16-12-2015 20:23:38
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 16-12-2015 20:45:49
พัตโหมดดาร์คมาแล้วครับ
ปฎิบัติการเปลี่ยนเดือน(?)ให้เป็นดิน
ไม่รู้วะแล้วว่าวินนี่เป็นของใคร
          :hao3:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-12-2015 22:01:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 16-12-2015 22:29:49
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-12-2015 01:24:40
เข้ามาติดตามเรื่องนี้ด้วยอีกคน เนื้อเรื่องน่ารักมากๆค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 17-12-2015 19:40:45
ใครกันนัชั่งบังอาจ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 19-12-2015 10:40:11
รุ่นพี่นี่ใครอีก!!!!
วินมีแฟนแล้วโว้ยยยยน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 26-12-2015 00:31:23
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-12-2015 10:54:35
แทรกกลางไม่ได้หรอกนะรุ่นพี่
ว่าแต่จะรู้หรือยังว่าวินมีแฟนแล้วนะ
และแฟนวินก็หวงมากด้วยนะรุ่นพี่
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 26-12-2015 22:16:38
 :pig4: รออ่านตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่19&20 16/12/2558(00.08) p.9
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 02-01-2016 03:47:58
นายคนนั้นเปนใครรรรร อย่ามายุ่งกับวินน้าาาา
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ 3/01/2559(00.27) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 03-01-2016 00:23:40

ตอนพิเศษ

(Win Part)

“วิน ไปทานไอติมกัน” เสียงเล็กๆของมายด์เอ่ยชวนในขณะที่เราทั้งสามคนกำลังเดินออกจากห้องเรียนเมื่อหมดเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงครึ่งพอดีตามตารางเรียน หันไปหาออมก็เห็นเพื่อนพยักหน้าหงึกหงักเชิญชวนอีกแรง

“ไปสิ กำลังอยากกินอยู่พอดีเลย” ผมพยายามยิ้มให้กว้างที่สุดเพื่อยืนยันการตกลงตามคำเชิญของเพื่อน ในเมื่อเลิกเรียนแล้วก็ไม่ได้มีธุระที่ไหน กลับห้องไปก็เหงาเปล่าๆสู้ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้างดีกว่า

พอตกลงสถานที่กันได้เรียบร้อยเราทั้งสามก็พากันไปที่ร้านไอติมร้านโปรดซึ่งไม่ได้อยู่ห่างจากมหาลัยมากนัก เป็นร้านที่ชอบมากันตั้งแต่เข้าปีหนึ่งจนตอนนี้ นัดกันมาบ้างเวลาว่างๆเช่นวันนี้

“...น...วิน...วิน!”

“ห๊ะ??” สะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงของมายด์ทะลุเข้ามาอย่าห้วงความคิด เผลอคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนไม่รู้ตัวว่าสิ่งรอบข้างหายไปตอนไหน จมอยู่แค่กับความคิดของตัวเองจนตอนนี้ไอติมที่สั่งมาละลายไปเกือบหมด

“ไอติมละลายหมดแล้ว เหม่อนานเชียว...เป็นอะไรรึเปล่า”

“มีอะไรเล่าให้พวกเราฟังได้นะวิน” ผมมองหน้าเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไง สีหน้าเป็นห่วงจากอีกฝ่ายฉายชัดออกมาจนไม่อยากทำเป็นไม่มีอะไรอีกต่อไป แม้จะไม่ได้พูดออกไปแต่บางเวลาคงเผลอแสดงท่าทางจนเพื่อนสังเกตเห็น

เห้อ...

ยกมือขึ้นเลื่อนถ้วยไอติมที่พร่องไปเพียงเล็กน้อยทั้งยังละลายเป็นน้ำเสียหมดให้ห่างจากตัว

“เรา...แค่มีเรื่องที่คิดนิดหน่อยน่ะ”

“เรื่องพัตรึเปล่า”

เหมือนมีอะไรปักลงกลางอก...

เมื่อชื่อของคนที่เป็นต้นเหตุถูกเอ่ยออกมาปากก็เผลอเม้มเข้าหากันอย่างห้ามไม่ได้ จนต้องกดหน้าลงน้อยๆอย่างยอมรับว่าสิ่งที่ออมเดานั้นถูก

“ไม่รู้สิ...เราไม่ได้อยากคิดมากหรือว่าจับผิดอะไรนะ แต่พอนานเข้ามันก็อดไม่ได้...หลายวันมาแล้วที่พัตเปลี่ยนไป กลับห้องมาดึกดื่นทั้งที่ไม่มีงานไม่มีเรียน พอกลับห้องก็ไม่เข้ามาหาเหมือนปกติ รีบอาบน้ำแล้วก็เข้านอนทันที อยู่ห้องด้วยกันแต่แทบไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ...แล้วที่น่าสงสัยที่สุดคือไม่ยอมให้เรายุ่งกับเสื้อผ้าที่ใช้แล้วเลย ปกติเราซักให้แต่พัตอ้างเหตุผลนู้นนี่นั่นให้ส่งซัก...เรา ไม่รู้เลยว่าแบบนี้มันหมายความว่ายังไง”

พอได้พูดเรื่องที่อยู่ในใจทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตก เรื่องที่พยายามเก็บมาตลอดปลอบใจตัวเองว่าคงไม่มีอะไรถูกถ่ายทอดออกมาจนหมด เป็นแบบนี้มาจะสองอาทิตย์อยู่แล้ว ช่วงแรกๆก็พอทำใจได้แต่นานวันเข้ามันก็ก็ไม่ใช่ คนอยู่ด้วยกันอะไรที่ผิดปกติไปย่อมรับรู้ได้โดยไว ยิ่งเวลามันไม่ใช่วันสองวันยิ่งตอกย้ำให้กลัวว่าความคิดในทางที่ไม่ดีกำลังจะเป็นจริง

พัตอาจจะกำลังมีคนอื่น...

“แกคิดมากไปเองรึเปล่า พัตอาจจะมีงานส่วนตัวที่ไม่ได้บอกแกก็ได้นะ”คำพูดปลอบโยนจากออมไม่ได้ทำให้ความรู้สึกหนักอึ้งหายไปได้เลย

“นั่นสิ ใจเย็นๆก่อนนะวิน พัตรักแกจะตาย”

“แต่ก่อนก็อาจจะใช่ แต่ตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่แล้วก็ได้”

“ไม่เอาน่า บางอย่างมันอาจจะกำลังดีขึ้นก็ได้ กินติมดีกว่าเนอะ อันเก่าละลายแล้วเดี๋ยวเราสั่งให้ใหม่...น้องคะ” มายด์เรียกพนักงานมาเพื่อสั่งไอติมเพิ่มเพื่อไม่ให้ผมคิดมากไปกว่านี้ แม้มันอาจจะไม่ได้ช่วยให้ความคิดในหัวผมหายไปจนหมดแต่อย่างน้อยก็รู้สึกดีที่มีคนรับฟัง พยายามบอกตัวเองว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

ทุกๆอย่างคงมีเวลาของมัน...










พอกลับมาถึงห้องความรู้สึกเหงาก็เข้าเกาะกุมหัวใจ เป็นวันที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ผมกลับมาแล้วไร้เงาของใครอีกคน ทั้งที่สมควรจะชินแต่ก็ไม่ชิน ระยะห่างของเราเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆอย่างน่ากลัว แม้เวลาที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันพัตจะทำตัวเป็นปกติแต่ก็น้อยนิดเหลือเกินในความรู้สึก ตัดสินใจแล้วว่ายังไงวันนี้ผมก็จะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง

อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยก็มานั่งพิงหัวเตียงรอพัตกลับมา ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว แม้จะรอถึงดึกดื่นแค่ไหนก็ต้องรอให้ได้


00.00


ก๊อกๆๆๆ

ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นในขณะที่กำลังกดดูอะไรในมือถือเพลินๆ อดสงสัยไม่ได้ว่าใครกันที่สามารถเข้ามาเคาะถึงประตูห้องนอนได้ เป็นพัตอย่างนั้นหรือ? ถ้าเป็นพัตจริงทำไมไม่เปิดเข้ามาเลย

คิดแล้วไม่ได้คำตอบสองขาเลยก้าวลงจากเตียงไปเปิดประตู

Happy Birthday to you~ Happy Birthday to you~ Happy Birthday Happy Birthday~…. Happy Birthday…to you~

“สุขสันต์วันเกิดนะวิน/สุขสันต์วันเกิดดดดด/แฮปปี้เบิร์ทเดย์วิน/มีความสุขมากๆน๊า~”

วันนี้วันที่เท่าไหร่กัน...

14 แล้วเหรอ...วันเกิดผมอย่างนั้นเหรอ

ผมยืนมองทุกอย่างนิ่งอย่างตั้งตัวไม่ทัน หูสองข้างอื้ออึงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ นอกห้องมืดหมดมีเพียงแสงเทียนสว่างไสวจากเค้กที่อยู่บนมือของใครบางคน แม้จะผ่านมากว่านาทีแล้วแต่ผมก็ยังทำได้เพียงนิ่งอยู่อย่างนั้น พึ่งจะรับรู้ว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องนอนมีทั้งมายด์ ออม จีน กิม และ....

คนที่ผมกำลังรออยู่เป็นคนถือเค้กก้อนโตที่มีหน้าเค้กเขียนว่า

Happy Birth Day My Win.

ร่างสูงยิ้มกว้างก่อนจะค่อยๆเดินเข้ามาหา

“สุขสันต์วันเกิดนะครับ อธิฐานก่อนเร็ว” ทั้งงง สับสน คิดถึง เกิดคำถาม และอีกมากมายความรู้สึกที่ตีกันในหัวจนแทบแยกไม่ออกว่ารู้สึกแบบไหนมากกว่าแต่ก็ยอมหลับตาอธิฐานพรให้ทั้งตัวเองและคนรอบข้าง หลับตาอยู่นานเพราะขอพรผิดๆถูกก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆแล้วเป่าเทียนทุกดวงให้ดับลง

“พวกกูไปฉลองรอที่ห้องรับแขกนะครับ เคลียร์กันดีๆแล้วตามมา” ได้ยินเสียงกิมเอ่ยหยอกเหย้าก่อนที่พัตจะถูกผลักเข้ามาในห้องแล้วประตูห้องนอนก็ถูกปิดลงโดยคนที่อยู่ด้านนอก ผมมองหน้าคนร่างสูงที่ยังคงยืนถือเค้กนิ่ง สมองก็ยังประมวลผลได้ไม่เต็มที่ด้วยซ้ำ

“สุขสันต์วันเกิดนะครับ อ่า...เขินเหมือนกันแฮะไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครเลย เค้กนี้พัตตั้งใจทำให้วินนะ ทำอาหารเป็นก็ตั้งหลายอย่างแต่ของหวานนี่ไม่ใช่ทางถนัดจริงๆ แต่...รสชาติมันคงไม่แย่ขนาดนั้นมั้ง ยังไงก็ลองชิมดูนะ”

“...”

“วิน...”

“ที่ผ่านมาหายไปไหนมา” มีหลายอย่างที่อยากพูดอยากเอ่ย มากมายเสียจนสมองน้อยๆคิดคำถามที่ดีที่สุดออกมาได้เพียงเท่านี้ เสียงที่เอ่ยสั่นจนรู้สึกได้

พัตยังไม่ได้ตอบคำถามที่ผมถามแต่เดินไปวางเค้กไว้ที่โต๊ะตรงมุมห้องก่อนจะเดินกลับมาหา

“รู้ว่าทำให้ไม่สบายใจใช่ไหม...กังวลแล้วก็คิดมากมากเลยใช่ไหม...ขอโทษนะครับที่ทำให้รู้สึกแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดก็เพราะไอ้เค้กก้อนนั้นแหละ พัตแค่...อยากทำอะไรเพื่อวินบ้าง มันไม่ได้เลิศหรูเลยใช่ไหม ที่ทำให้เพราะอยากให้อะไรที่มันหาซื้อไม่ได้ อะไรที่ทำให้วินรู้ว่าพยายามทำให้ แต่มันเป็นสิ่งที่พัตไม่ค่อยถนัดเลย ต้องใช้เวลาตั้งสองอาทิตย์แหนะ ทิ้งไปเกือบสามสิบก้อน ก้อนที่ดีที่สุดพึ่งจะทำได้เมื่อเย็นนี่เอง”

ผมยืนฟังทุกอย่างโดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ทุกๆประโยคแทรกซึมเข้ามาในใจจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

รองเท้าที่อยากได้พัตซื้อให้ได้

เสื้อคอลเลคชั่นใหม่จากแบรนด์ประจำพัตซื้อให้ได้

กระเป๋าใบละแสนพัตก็ซื้อให้ได้

แต่เค้กก้อนเดียวที่ราคาเทียบไม่ได้กับของพวกนั้นพัตไม่ใช้เงินซื้อให้

...แต่ใช้ใจทำให้

“อย่าร้องไห้นะ....วันนี้เป็นวันดี วินของพัตต้องยิ้มมากๆรู้ไหมครับ” ข้อนิ้วแกร่งถูกยกมาเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
น้ำตาที่มันไหลออกมาตอนไหนก็ไม่รู้

“ฮึก...ทำเรากลัวไปหมดเลย คะ คิดมากไปจนคิดว่าพัตมีคนอื่น อึก เราต้องเลิกกัน” พัตยังคงพยายามเช็ดน้ำตาให้แม้ว่ามันจะยิ่งไหลออกมาก็ตาม

“ใครจะยอมเลิกกัน ต่อให้วินจะอยากเลิกพัตก็ไม่ยอมหรอกไม่ต้องคิดเลย”

“แล้วใครจะอยากเลิกเล่า หะ ห้ามเลิกกับเรานะ”

“งั้นเราก็จะไม่มีวันเลิกกัน” พัตรั้งทั้งตัวให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอด แรงกระชับรอบตัวไม่ได้แน่นจนทำให้อึดอัดแต่มันกลับยิ่งทำให้รู้สึกดีเสียจนต้องยกมือโอบรอบเอวแกร่งเช่นกัน กลิ่นน้ำหอมที่เราไปซื้อด้วยกันเมื่อเดือนค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในจมูก สัมผัสกลิ่นที่คุ้นเคยทำให้อุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด เรื่องที่ว้าวุ่นใจหายไปจนหมด

“เคลียร์กันแล้วนะ งั้นเราออกไปข้างนอกดีกว่าเนอะ พวกนั้นรอฉลองแย่แล้ว”

“อื้อ” พัตผละออกไปหยิบเค้กที่วางไว้ขึ้นมาแล้วเข้ามาจับมือเดินออกจากห้อง

ไฟที่ถูกปิดเมื่อตอนถือเค้กเข้ามาเซอร์ไพร์สถูกเปิดเรียบร้อย พื้นที่ห้องบางส่วนถูกตกแต่งด้วยสายรุ้งแถมมีลูกโป่งด้วย เราสองคนเดินตามเสียงเอ้กอ้ากมาจนถึงหน้าโทรทัศน์กลางห้อง สี่คนนั้นกำลังคุยกันสนุกใหญ่

“กว่าจะมากันได้นะครับ นึกว่าต้องรอถึงเช้าซะแล้ว”

“ถ้าไม่เกรงใจก็ว่าจะอย่างนั้นแหละ”

“โหยยยยย/วี๊ดวิ๊ว/แอร๊ยยยย” ผมตีแขนคนตัวสูงเพื่อกลบอาการเขินอาย คนบ้า ไปตอบกิมอะไรแบบนั้นเล่า ทั้งจีน ออม มายด์เลยส่งเสียงแซวออกมากันหมด

“พอเคลียร์กันแล้วหวานจังน๊า เมื่อเย็นใครยังทำหน้าจะร้องไห้แถมโวยวายซะหมดเปลือกอีก”

“มายด์! ห้ามพูดนะ” ผมรีบขยับเข้าไปปิดปากเพื่อนตัวเองทันที ฮือ น่าอายจะตายไปเรื่องเมื่อเย็น ผมโดนเพื่อนแกล้งใช่ไหม ทั้งที่รู้กันหมดอยู่แล้ว

พัตส่งสายตาสงสัยมาทางเราทั้งคู่ทั้งยังมีออมที่กำลังหัวเราะน้อยๆด้วย

“กินเค้กกันดีกว่าเนอะ” รีบเดินไปหาพัตแล้วหยิบเค้กก้อนที่เขาถืออยู่มาไว้ในมือ ต้องเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะโดนเผาไปมากกว่านี้
“ก้อนนี้ไม่ได้เอาไว้กินครับ ก้อนที่จะกินอยู่ในตู้เย็น” ผมพยักหน้าเอ๋อๆไป ที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจจะกินหรอก ถึงไม่มีอีกก้อนก็ไม่กินก้อนนี้เด็ดขาด เมื่อกี้เขินเลยหาทางเปลี่ยนเรื่องไปเท่านั้น

“ไปเอามาเลยไอ้พัตกูหิวแล้ว นี่หิ้วท้องรอมาตั้งแต่เย็น กูสองคนไปเอาอาหารออกมาเลยนะ” เสียงจีนดังขึ้นก่อนจะเดินไปทางห้องครัวโดยไม่ได้รอฟังคำตอบจากพัตแต่อย่างใด กิมเองก็รีบเดินตามไปเช่นกัน

“ดูพวกมัน งั้นพัตไปเอาเค้กออกมาให้ดีกว่า”

“เดี๋ยวเราไปช่วย”

“เราด้วย/เราด้วย”

สรุปคือทั้งหมดก็ไปช่วยกันเอาอาหารออกมา พอเดินเข้าไปในครัวนี่ทำเอาผมต้องอึ้ง อาหารเยอะมากๆจัดเป็นสัดส่วนอย่างกับงานเลี้ยงที่โรงแรม พอถามก็ได้ความว่าแฟนผมจัดการให้ทุกอย่าง ของทั้งหมดเป็นอภินันทนาการจากโรงแรมของคุณพ่อคุณแม่พัต แต่พัตเป็นคนลิสต์ไปว่าต้องการอะไรบ้าง

ต่อจากนั้นก็เป็นรายการฟาดเรียบของพวกเรา ทั้งกินทั้งคุยกันเสียงดังไปหมด

แต่ทุกอย่างเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุข

ขอบคุณพัตที่ทำผมมีความสุขมากในวันเกิดปีนี้ การมีเขาในวันเกิดปีแรกมันเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ดีกว่าวันไหนๆ

ขอบคุณนะที่รัก : )



.
.
.
.
.




“ขอบคุณทุกอย่างในวันนี้เลยนะ รักๆๆๆๆๆ” จุ๊บปากคนที่ผมกำลังนอนอยู่บนตัวไปรัวๆ

ฉลองวันเกิดอย่างอิ่มหนำสำราญไปเรียบร้อยก็แยกย้ายกันไปนอน กิมและจีนนอนหน้าทีวี ส่วนมายด์และออมนอนที่ห้องอีกห้อง ทั้งสี่คนตั้งใจมาอยู่แล้วที่จะมานอนที่นี่ เตรียมเสื้อผ้ากันมาพร้อมเชียว

“อื้อ พอแล้วเดี๋ยวเจ็บนะ” มือหน้ารั้งหน้าผมเอาไว้ เราสบตากันภายใต้แสงจากโคมไฟข้างหัวเตียง รอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่บนหน้าเราทั้งสอง

“ขอบคุณนะ ขอบคุณทุกอย่างเลย”

“ไม่ใช่คนอื่นกันซักหน่อยครับ ทุกอย่างที่ทำเพราะอยากให้วินมีความสุขนะ”

“วันนี้เป็นวันที่เรามีความสุขมากเลย”

“อย่าลืมโทรไปขอบคุณพ่อกับแม่ด้วยนะ ส่วนตอนนี้นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปใส่บาตรกันอีก”

“ไม่ลืมแน่นอน เดี๋ยวโทรหาแต่เช้าเลย” ผมขยับตัวลงนอนดีๆก่อนจะขยับเข้าไปตำแหน่งประจำ หัวหนุนอก มือกอดเอวสอบ ขาก่าย

“ฝันดีครับ”

“ฝันดีครับ!” พูดเองก็หัวเราะเอง พัตกดจูบที่กลางหัวพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอก่อนจะเอี้ยวตัวเล็กน้อยไปปิดโคมไฟให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด อีกคนกระชับแขนที่กอดผมให้แน่นขึ้นอีกนิดก่อนที่เราจะหลับไปด้วยกัน



ขอให้เราได้ฉองวันเกิดของผมด้วยกันแบบนี้ทุกปีเลยนะ.




END.




Talk

เบื่อเราได้แต่อย่าพึ่งเลิกอ่านกันนะ :mew6: :mew6: ความขี้เกียจครอบเงาตัวจนไม่เปิดแม้แต่แล็ปท็อป คนอ่านคงเบื่อที่เรามาช้าตลอดเลย  :hao5: :hao5:

มาแล้วก็อ่านให้เค้าหน่อยน๊า เป็นตอนพิเศษด้วยยย(เพราะหัวตันต่อตอนหลักไม่ได้555555) คนอื่นเขามาตอนพิเศษวันปีใหม่นี่มาวันเกิด >< คือตั้งใจอยากแต่งตอนนี้มานานเลยแต่งออกมาแต่มันดันเสร็จตอนนี้ซะงั้น  :mew1: :mew1:

สุดท้ายนี้สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ(ช้าไปไหม ฮ่าาาา) มีความสุขกับปีใหม่นี้นะคะ มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต เริ่มต้นใหม่ทิ้งสิ่งไม่ดีไปกับปีเก่าที่ผ่านมา เริ่มต้นอะไรใหม่ๆดีๆเนอะ...Happy New Year 2016 นักอ่านทุกคนค่ะ~~~



https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/


หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ 3/01/2559(00.27) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-01-2016 00:38:41
เกือบเป็นเรื่องแล้วพัต ทำวินคิดมาก
ทำหวานๆวันเกิดแฟน ฟิน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ 3/01/2559(00.27) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: keawhan ที่ 03-01-2016 00:55:50
น่ารักก :hao5:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ 3/01/2559(00.27) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-01-2016 02:29:20
อร๊ายยยย. ฟินจุง.  หวานเวอร์ๆๆๆ.
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ 3/01/2559(00.27) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-01-2016 10:51:19
น่ารักจุงเบย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ 3/01/2559(00.27) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-01-2016 14:14:21
หวานมากเลย #อิจฉา
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ 3/01/2559(00.27) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 03-01-2016 14:40:49
เกือบเป็นเรื่องล่ะสิเนี่ย ต้องรีบวนกลับไปอ่านตอนเก่าเลยทีเดียววว 555
สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ น้องวิน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ 3/01/2559(00.27) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-01-2016 19:57:15
วินน้อยใจคิดมากเกือบเป็นเรื่องเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ 3/01/2559(00.27) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 03-01-2016 20:48:38
ฮือออออ วินน่ารักเหมือนเดิมมมม
มาต่อตอนต่อไปเรวๆนะค๊า ยังค้างอยู่เลยยยยย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ 3/01/2559(00.27) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 03-01-2016 20:51:23
มารมากวนอีกแล้วววว  รุ่นพี่ โดนพัตกระทืบแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ 3/01/2559(00.27) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 04-01-2016 15:49:21
รออ่านเรื่องหลักจ้าาาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ 3/01/2559(00.27) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 05-01-2016 12:00:30
แอบซุ่มทำเค้กวันเกิดมาเซอร์ไพรส์วินอยู่นี่เองนะคะพัต :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ 3/01/2559(00.27) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 05-01-2016 16:56:15
น่ารักอ่าาา อนากเห็นตอนหึงโหดดดด
หัวข้อ: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 10-01-2016 23:08:11

ตอนที่ 21

“พัต...พัต...”

“อื้อ...” เสียงกระซิบที่ข้างหูทำให้ผมเริ่มค่อยๆรู้สึกตัว ยกเปลือกตาอันหนักอึ้งราวกับเหมือนมีหินถ่วงขึ้นมาหาเจ้าของเสียง สมองยังคงมึนๆเบลอๆแต่ก็รู้ว่าคนที่นั่งอยู่บนเตียงข้างตัวเป็นใคร

“ตื่นมากินข้าวก่อนนะ เราเห็นพัตยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ผ้าเย็นๆถูกซับมาตามข้างแก้มเพื่อค่อยๆปลุกให้ผมตื่นเต็มตามากขึ้น สัมผัสเย็นชืดช่วยกระตุ้นให้ร่างกายและสมองตื่นตัวอย่างช้าๆ

ผมนอนหลับไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นหลังจากที่สอบไฟนอลเสร็จเรียบร้อย จนตอนนี้ที่วินมาปลุกซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว

“...กี่โมง ละ แล้วครับ” คอแห้งจนเสียงที่เปล่งออกมาแทบไม่ได้ยิน ผลจากการโหมอ่านหนังสือและทำงานหนักส่งผลให้ร่างกายน็อคไปเลย

“บ่ายสองแล้ว เรากลับมาจากสอบเห็นว่ายังไม่ตื่นเลยเข้ามาปลุก ลุกขึ้นมาทานอะไรก่อนนะค่อยนอนต่อ เราแวะซื้ออาหารเข้ามาให้เยอะเลย” วินพูดไปพร้อมกับเช็ดหน้าให้จนผมเริ่มตื่นเต็มตา อีกฝ่ายยังอยู่ในชุดนักศึกษาเนื่องจากวันนี้มีสอบช่วงเช้า นี่ผมหลับตั้งแต่เย็นจนบ่ายของอีกวันเลยเหรอ นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้นอนขนาดนี้

“ทำข้อสอบได้ไหมครับ” จับมือบางที่วางอยู่ตักของเจ้าตัวขึ้นมาพร้อมกับลูบเบาๆ ช่วงที่สอบเราทั้งคู่แทบไม่ได้เจอไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ ผมแทบไม่ได้ดูแลวินเหมือนอย่างที่เคยทำ มีเพียงแค่เตรียมอาหารเสริมบำรุงร่างกายไว้ให้เขากินในตู้เย็นเท่านั้น

“ก็น่าจะรอดแหละ^^ ไปกินข้าวกันเถอะ เราหิวแล้ว~”

“งั้นวินไปรอที่โต๊ะอาหารเลยนะ ถ้าหิวก็ทานก่อนเลยครับพัตขออาบน้ำแป๊บนึง” ผมยังอยู่ในชุดนอนชุดเดิม คิดดูว่ากลับมาจากสอบก็รีบอาบน้ำแล้วขึ้นเตียงนอนทันที ข้าวเขิ้วไม่สนใจที่จะกินเลยด้วยซ้ำ แม้แต่ตอนอาบน้ำก็แทบจะหลับคาห้องน้ำนับประสาอะไรกับกินข้าว

“อื้อ เดี๋ยวเราไปรอที่โต๊ะนะ” ร่างเล็กๆวิ่งดุ๊กดิ๊กลงจากเตียงพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กที่เอามาเช็ดหน้าให้ผม พออีกคนออกจากห้องไปแล้วผมก็ลุกขึ้นไปจัดการตัวเอง






อาหารมากมายหลายอย่างวางเรียงรายอยู่ที่โต๊ะทำเอาน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของผมส่งเสียงประท้วงใหญ่ ทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงข้ามวินที่มีจานข้าววางให้เรียบร้อย

“ทานได้เลยไม่เห็นต้องรอพัต”

“ไม่เอา เราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันนานแล้วนะ” เพราะต่างคนก็ต่างยุ่งอยู่กับการสอบต่อให้ผมมีเวลาวินเองก็คงเป็นฝ่ายที่ไม่มีเวลา เพราะฉะนั้นการไม่ได้กินข้าวด้วยกันจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แม้แต่เจอหน้ากันยังไม่ค่อยได้เจอจะให้พูดถึงเรื่องกินข้าวด้วยกันได้ยังไง

“พัตสอบเสร็จแล้ว พรุ่งนี้วินก็จะสอบเสร็จ เราไปฉลองกันด้วยการดินเนอร์ซักมื้อดีไหม” ชดเชยช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

“ตอนเย็นเรามีนัดกับเพื่อน เป็นวันมะรืนได้ไหมอ่ะ นะๆ...ไปซื้อของไปเที่ยวกันหลายๆที่ด้วย”

“ครับๆ ตามใจวินเลย ตอนนี้ทานข้าวกันดีกว่าเนอะ” ผมยังไม่รู้เรื่องที่เขามีนัดกับเพื่อนเดี๋ยวคงต้องคุยกันซักหน่อย ช่วงที่ไม่ค่อยได้เจอกันคงมีเรื่องที่ต้องเล่าให้ฟังอีกเยอะ ยังดีที่วินเหลือสอบอีกแค่วิชาเดียวเจ้าตัวเลยไม่ค่อยเครียดแล้วเพราะอ่านมาแล้วเรียบร้อย แต่ยังไงก็ต้องอ่านอีกอยู่ดีเพียงแต่ไม่ต้องเครียดอย่างตัวอื่นๆที่ผ่านมา






“ไหนเล่าให้พัตฟังซิว่าพรุ่งนี้จะไปไหนกับเพื่อน” ก้มลงพูดกับคนที่นอนอยู่บนตักตอนนี้พร้อมกับสางผมนิ่มไปมาเบาๆ วินทำท่าเคลิ้มอย่างกับแมวเวลาถูกเกาคางไม่มีผิด

“พรุ่งนี้เราขออนุญาตไปฉลองกับเพื่อนเนื่องในโอกาสสอบเสร็จนะ นัดกันไว้แล้วอ่ะ แล้วก็มีรุ่นพี่ที่คณะด้วย เป็นงานใหญ่เลย...นะๆ”

มันตะหงิดๆตรงมีรุ่นพี่ที่คณะนี่แหละ

“ไปที่ไหน แล้วกลับกี่โมงครับ”

“ไปร้าน Say Goodnight  กลับไม่เกินเที่ยงคืนฮับ” พูดไม่พอยังทำท่าตะเบ๊ะเหมือนทหารอีก น่ารักเสียจนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปบีบจมูกเล็กเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว

“พัตขอแค่ดูแลตัวเองดีๆ ห้ามเมามาก...แล้วก็เดี๋ยวพัตไปรับ โอเคไหมครับ” ร้าน Say Goodnight  นี่เป็นร้านเหล้าครับอยู่ตรงหลังมอ ผมไม่ค่อยซีเรียสอยู่แล้วที่จะให้เขาไป เข้าใจว่าสังคมมันก็ต้องมีบ้าง แล้วก็ไม่ได้ห้ามให้วินดื่มขอแค่อย่าเมามากจนดูแลตัวเองไม่ได้พอ

“โอเคทุกอย่าง แต่พัตไม่ต้องไปรับหรอกเดี๋ยวเรากลับกับมายด์แล้วก็ออมได้” มือเล็กๆตบบนหลังมือผมที่วางทับอยู่ท้องเขาเบาๆไปด้วยระหว่างพูด

“เดี๋ยวพัตไปรับนั่นแหละดีแล้ว บอกมายด์กับออมด้วยเดี๋ยวพัตไปส่ง”

“แต่ว่า...”

“หรือจะให้พัตชวนไอ้กิมกับไอ้จีนไปนั่งที่ร้านนั้น?”

“ไม่เอา!” เสียงเล็กเอ่ยขัดขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนผมอดแปลกใจไม่ได้ วินเองก็ไม่ได้ห่วงเรื่องผมไปร้านอะไรแบบนี้มากนัก ผมไม่มีปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่อาการของคนที่นอนตักอยู่ดูแปลกไปนิดหน่อย

ทำไมไม่อยากให้ผมไปที่ร้านขนาดนั้น...

“งั้นพัตไปรับนะครับ”

“อื้อ ก็ได้...ถ้าเราเสร็จแล้วเดี๋ยวเราโทรหา”

“โอเคครับ”

“ต้องไปอ่านหนังสือแล้ว ถ้าพัตง่วงก็นอนก่อนได้เลยนะ จุ๊บ...กู๊ดไนท์ล่วงหน้า”

ปากเล็กกดลงมาบนปากผมเร็วๆก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วเดินเข้าไปทางห้องทำงาน ส่วนผมก็นั่งดูทีวีต่อ อีกหน่อยจะมีบอลเลยกะว่าเดี๋ยวดูบอลรอวินอ่านหนังสือเสร็จแล้วค่อยเข้านอนพร้อมกัน








“ถ้าเสร็จแล้วโทรหาพัตนะ” หันมาบอกย้ำคนที่ตัวเองมาส่ง ตอนแรกวินก็บ่ายเบี่ยงเล็กน้อยว่าไม่ให้มาส่งให้มารับตอนกลับอย่างเดียวพอ แต่เพราะผมยืนยันหนักแน่นว่าจะมาส่งให้ได้เขาเลยต้องยอม

“อื้อ รู้เรื่อง...เดี๋ยวเราโทรหานะ” คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว้างมาให้พร้อมกับปลดเบลล์ออกจากตัว

“เดี๋ยวครับ จูบก่อน” รั้งแขนเล็กๆไว้ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าปกติ

“พัต! ไม่เอา” ใบหน้าหวานที่ถูกแต่งด้วยเครื่องสำอางค์บางๆเริ่มขึ้นสีระเรื่อน่ามอง ดวงตาโตก็เริ่มหลบสายตา ท่าทางประจำเวลาที่เจ้าตัวเขาเขิน

“งันก็ไม่ต้องลง...เร็วครับ” ยิ่งเร่งวินยิ่งหน้าแดงขึ้น ผมอยากยิ้มใจจะขาดแต่ต้องเก๊กหน้าไว้ เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าโดนผมแกล้ง

“พัตอ่ะ!” ถึงจะทั้งอายทั้งเขินแถมดูเหมือนไม่อยากทำแต่หน้าเล็กก็เคลื่อนเข้ามาหา ก่อนที่ปากบางสีชมพูจะทาบทับลงมา ซึ่งแค่นั้นก็ถือว่าเพียงพอเพราะที่เหลือเป็นหน้าที่ของผมที่จะจัดการ ลิ้นหนาค่อยๆและเล็มไปตามปากบางที่ทาด้วยลิปมันกลิ่นส้ม กลิ่นหอมๆยิ่งทำให้สัมผัสหอมหวานนั้นน่าลุ่มหลงมากขึ้น เรียวลิ้นไล่ตามไรฟันขาวก่อนจะสอดเข้าไปหาลิ้นเล็กภายใน ดูดดึงเกาะเกี่ยวกันจนก่อให้เกิดเสียงเบาๆ มุมหน้าถูกเปลี่ยนองศาให้เราสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้น ผมไม่รู้ตัวว่าเอาเปรียบคนน่ารักไปนานแค่ไหนจนถูกทุบที่อกเบาๆนั่นแหละถึงรู้ว่าคงจะนานพอสมควรแล้ว

“ระ เราจะสายแล้ว” พูดด้วยทั้งที่หอบเบาๆๆ ปากเล็กบวมเจ่อเล็กน้อยยิ่งทำให้น่ามอง

จุ๊บ

“ดูแลตัวเองดีๆนะครับ” ผมกดจูบไปที่มุมปากของวินเบาๆพร้อมกับย้ำอีกรอบ ถึงผมจะไม่ซีเรียสเรื่องวินจะมาเที่ยวแบบนี้แต่ก็ใช่ว่าจะวางใจ พวกเสือสิงห์กระทิงมันเยอะไปหมด นอกจากจะบอกให้เจ้าตัวระวังแล้วผมยังวานไปถึงฝากเพื่อนสนิทเขาให้ช่วยดูแลด้วย

และหวังว่าไม่ต้องให้ใครที่ไม่หวังดีมาดูแลแฟนผมแทน...

“ขับรถกลับดีๆ ถึงห้องแล้วไลน์มาด้วย”

“ครับ” วินจัดเสื้อผ้าตัวเองเล็กน้อยก่อนจะหันมาโบกมือให้แล้วลงจากรถไปหาออมกับมายด์ที่ยืนรออยู่หน้าร้าน มองจนกระทั่งแน่ใจว่าเห็นเขาเดินเข้าร้านไปกับเพื่อนถึงออกรถเพื่อกลับคอนโด








“โยว่ๆ ปาร์ตี้ครัชปาร์ตี้” เอะอะโวยวายแบบนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากไอ้กิมเจ้าเก่าเจ้าเดิม เนื่องจากว่าพวกมันสองคนว่างจัดเลยแวะมาหาผมที่ห้อง แถมยังบังคับให้เปิดไวน์ในตู้อีกด้วย

เออ ดีมาก...มาห้องเขาแล้วยังมาขอกินหน้าด้านๆ

บอกขอไวน์แล้วเสือกหยิบเหล้ามาอีกด้วย แถมโทรไปสั่งโซดาจากร้านข้างล่างคอนโดให้ขึ้นมาส่ง ถามว่าใครจ่าย?
ก็ผมนี่แหละ...

เลิกคบพวกมันตอนนี้ทันไหม== จัดการเอาไวน์เตรียมกับแกล้มอะไรออกมาเรียบร้อย พวกมันสองคนมาตัวเปล่าเลย ตัวเปล่าจริงๆ หยิบนู้นหยิบนี่ไม่ได้สนใจเจ้าของห้องแบบผมที่นั่งนิ่งอยู่เลยซักนิด

“มาๆ เมียไม่อยู่มึงต้องร่าเริง”

“กระผมก็เห็นตามเพื่อนจีนเลยครับ เอ้าเริ่ม” มีการรินไวน์ให้เรียบร้อย โอเค พวกมึงอยากจะแดกก็แดกกันง่ายๆงี้เลย
ตั้งวงกันที่ระเบียงห้องแล้วเอาเสื่อมาปู นั่งกินไปดูดาวชมวิวกันไปเรื่อย

“พี่มึงไปเมกาวันไหนจีน” ผมเอ่ยถามไอ้จีน ได้ยินมันพูดแว่วๆว่าพี่มันจะไปเที่ยวเลยกะว่าจะฝากซื้อของซักหน่อย พี่ไอ้จีนชื่อปุ่นครับเป็นผู้หญิง ชื่อเต็มๆก็ญี่ปุ่นนั่นแหละ เห็นตัวเล็กๆแบบนั้นนี่แสบใช่ย่อย ผมเจอครั้งแรกยังขยาด หน้าสวยแต่โหดโคตร

“พรุ่งนี้แหละ พวกมึงจะเอาไรไลน์ไปบอกมันเอาเองเลยเดี๋ยวมันด่ากู กูฝากซื้อของหน่อยคิดค่าโหลดกระเป๋ากับกูด้วย เรื่องเงินนี่ไม่เคยเห็นกูเป็นน้องอ่ะ”

“กูสั่งเจ๊แกไปละ ค่าของกูห้าหมื่นกูต้องจ่ายหกหมื่น พอกูบอกงั้นไม่เอาแล้วด่ากูไฟแลบจนต้องรีบโอนตังค์ไปให้แทบไม่ทัน” ไอ้กิมเล่าทำเอาพวกผมหลุดหัวเราะออกมา นี่ผมจะโดนเท่าไหร่วะนั่น

“มึงแค่หมื่นนึง กูนี่เป็นน้องโดนสองหมื่น รวยกว่ากูยังมาขูดเลือดขูดเนื้อกูอีก”

“พวกมึงโดนไปขนาดนั้นแล้วกูจะเหลืออะไร” ไม่รู้ว่าคิดถูกคิดผิดที่จะฝากเจ๊แกซื้อของ มีแววว่าผมนี่ต้องจ่ายหนักแน่ๆ แต่ทำไงได้ของที่อยากได้ต้องรออีกนานกว่าจะเข้าไทย ประจวบกับที่เจ๊แกจะไปเที่ยวพอดี
 
“มึงต้องโดนอ่วมแน่ๆเพราะมึงรวยสุด น้องอย่างกูรู้จักพี่สาวกูดี”

“รวยห่าไร ของที่ฝากก็ของวินทั้งนั้น”

“ไอ้คนมีเมียยยยย เดี๋ยวนี้พวกกูสองคนกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วสินะ ใช่ซี้ๆ” ผมเกลียดหน้าไอ้กิมตอนนี้มาก ถ้าไม่เสียดายแรงนี่ถีบมันไปแล้วแน่ๆ

“ไอ้สัด ไนกี้รุ่นลิมิเต็ดที่จะฝากเจ๊ปุ่นนี่ของหมาตัวไหน”

“คึคึ กูก็พูดไปงั้น รู้หรอกน่าว่ามึงรักพวกกูขนาดไหน...ให้หาประวัติใครอีกบอกกูมาได้เลยครัช งานละเอียดงานรู้ลึกกว่าเจ้าตัว เรื่องเสือกนี่กูถนัดนัก” ค่าที่ผมใช้งานมันนี่โดนไม่น้อยเลย แค่ของไอ้กิมนี่ก็โดนไปแล้วครึ่งแสนทั้งที่มันมีหน้าที่แค่สั่งงาน ที่เหลือลูกน้องพ่อมันทั้งนั้น แต่ก็ดีครับงานละเอียดจริงๆ

รู้ลึกยันขนาดร้องเท้า ยันไซส์กางเกงใน...

คือละเอียดจนแบบให้ไปสืบแค่เรื่องเขากับวินแต่ดันมีประวัติไร้สาระอย่างอื่นผมไม่ได้อยากรู้มาด้วย

“เออ ว่าแต่มึงปล่อยวินไปแบบนั้นไม่กลัวรุ่นพี่อะไรนั่นทำไรแฟนมึงอ่อวะ”

ไอ้จีนถามตรงจุดมาก

“กูส่งคนของกูไปตามแล้ว ถ้ามันตุกติกนิดหน่อยกูสั่งให้ประชิดตัวได้เลย”

“ก็เหี้ยละ/ก็เหี้ยละ” ถั่วถูกปามาใส่หน้าผมด้วยจากไอ้กิม

“กูว่าละทำไมปล่อยไปง่ายจัง”

ผมไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากยักคิ้วกวนตีนพวกมันไปแล้วยกแก้วขึ้นมาจิบเบาๆ ถ้ายิ่งพูดเดี๋ยวยิ่งเข้าตัวเงียบไว้เป็นดีที่สุด








พอใกล้เวลาวินกลับพวกมันสองคนก็กลับไป เราดื่มกันเยอะแต่ไม่ได้เมามากนัก ส่วนผมนี่ไม่แทบไม่ค่อยแตะซักเท่าไหร่อาศัยกินกับแกล้มเอาเพราะต้องไปรับวิน เดี๋ยวเจอด่านแล้วจะซวย ยิ่งไปกว่านั้นคือเสี่ยงสำหรับวินกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด

Rrrrrrrrr

คนที่กำลังรอโทรมาพอดี ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าๆ

“ครับ”

(มารับหน่อย ง่วงแล้ว) เสียงถือว่ายังโอเค น่าจะมึนนิดๆแต่ไม่มากเท่าไหร่

“เดี๋ยวพัตออกไป วินนั่งรออยู่ในร้านเลยเดี๋ยวพัตถึงแล้วจะเดินเข้าไปหา”

(ไม่เอา ไม่ต้องเข้ามา ไม่เข้ามานะ เดี๋ยวออกไปรอหน้าร้าน) คิ้วถูกขมวดเข้าหากันฉับ เอาอีกแล้ว เหมือนเขาจะพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ผมเข้าไปหา มันต้องมีอะไรแน่ๆ

“รออยู่ในร้านนะครับ พัตจะเข้าไปหา” ปรับเสียงให้เข้มขึ้นอีกเล็กน้อยบ่งบอกว่าถ้าเขาไม่ยอมผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน

(งือ ไม่เอา มายด์กับออมก็อยู่)

“วิน...”

(...กะ ก็ได้)

“ไม่อยากให้ออกมารอหน้าร้านเพราะมันอันตรายรู้ไหมครับ” ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะพูดเสียงให้อ่อนลง ผมไม่รู้ว่าเขามีเหตุผลอะไรแต่ที่ทำไปก็เพราะเป็นห่วงทั้งนั้น

(อื้อ รีบมานะ มาถึงแล้วรีบกลับเลย)

“ครับๆ” เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงแล้วก็หยิบกุญแจรถกับกระเป๋าตังค์ออกไปเพราะไม่อยากให้วินต้องรอนาน
ประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้าน คนค่อนข้างแน่นเพราะเป็นเวลาที่นักท่องราตรีออกมาเที่ยวกัน ดีที่วินไม่ได้อยู่ดึกมาก เพราะไม่อย่างนั้นผมคงไม่ยอม เดินเข้าไปข้างในมุ่งตรงไปที่วินอยู่ทันที รู้อยู่แล้วว่าเขาอยู่ตรงไหนของร้านจากคนของผม ไม่นานก็เจอโต๊ะของคนที่ผมมารับ






“หนุ่มฮ็อตแห่งสถาปัตย์มาหาใครคะ” ผู้หญิงคนหนึ่งในโต๊ะพูดออกมาเสียงดังแล้วเดินเข้ามาหาผม ท่าทางจะเมาน่าดู ดีที่เนื่องจากโซนนี้เป็นโซนวีไอพีจึงไม่ค่อยวุ่นวายเหมือนโซนอื่นๆ ทุกคนในนั้นเลยรับรู้การมาของผมได้อย่างรวดเร็วเพราะเสียงของคนที่เอ่ยทัก วินเองก็เช่นกัน

“มาหาวินครับ” ผมตอบเธอออกไปเมื่อเจ้าของชุดเดรสสุดเซ็กซี่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้จนผมต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่ยังไม่ทันขยับไปมากก็มีคนเข้ามากอดแขนเสียก่อน เมื่อรู้ว่าเป็นใครมือของผมก็เอื้อมไปโอบเอวเล็กของอีกคนไว้อย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณ

“วินกลับก่อนนนะครับแฟนมารับแล้ว”

“แฟนน้องวินเองเหรอเนี้ย น่าเสียดายจังนะคะที่มีแฟนแล้ว” เธอพูดพร้อมกับส่งสายตามาให้

“พวกเรากลับแล้วนะคะรุ่นพี่ กลับแล้วนะทุกคน” ออมและมายด์หันไปลาทั้งพี่และเพื่อนในคณะ

“น้องวินจะกลับแล้วเหรอครับ” เห็นมาตั้งแต่แรกนึกว่าจะไม่แผลงฤทธิ์สุดม้ายก็เล่นจนได้สินะ สงสัยผมคงประเมินเขาต่ำไปหน่อย ร่างสูงที่น้อยกว่าผมเดินมาหยุดอยู่ข้างๆรุ่นพี่ผู้หญิงของวินแล้วมองแฟนผมไม่วางตาด้วยตาเยิ้มๆของมัน มือที่โอบเอววินอยู่จึงรั้งแน่นขึ้นมาอีกนิดอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ

“ครับ จะกลับแล้ว ยังไงวินขอตัวเลยนะครับพี่เชน พี่ลูกน้ำ” พูดจบวินหันหน้ามาหาผมก่อนจะพยักหน้าให้ ยังไม่ทันจะขยับตัวก็มีคนกล้าเสนอหน้ามาจับแขนวินไว้ก่อน

พลัก

“พูดเฉยๆก็ได้ครับ ไม่ต้องแตะเนื้อต้องตัวแฟนผม” ผมปัดมือที่เอื้อมมาจับแขนวินออกทันที พยายามใจเย็นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม่อีกคนจะส่งสายตาหาเรื่องมาให้แค่ไหนก็ตาม

สถานการณ์ตอนนี้เริ่มเป็นที่สนใจของทุกคนมากขึ้น

“พี่น้องกันจับแค่นี้จะเป็นไรไปครับ” ผมขบกรามแน่น หายใจแรงขึ้นเพื่อจะระบายอารมณ์คุกกรุ่นที่เกิด มือเล็กๆของคนรักสอดเข้ามาจับมือผมเงียบๆแล้วบีบเบาๆจนผมควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นมานิดหน่อย

เพราะไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายและอยากให้เหตุการณ์มันจบเร็วที่สุดผมเลยขยับเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้นแล้วกระซิบบางอย่างที่ทำให้ได้ยินกันแค่สองคน

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณหวังอะไรอยู่ เลิกหวังซะเพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้...ถ้ายังคิดอะไรไร้สาระอยู่อีกระวังพ่อคุณจะหลุดออกจากตำแหน่งโดยไม่รู้ตัว”

พูดจบก็กลับมายืนที่เดิม

“ไปเถอะ วิน มายด์ ออม” ผมรั้งมือที่ยังจับกันอยู่กับวินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่สนใจว่าใครจะมองหรือจะทำหน้ายังไง
ขึ้นรถมาแล้วก็ออกรถเงียบๆโดยไม่พูดอะไร ผมพยายามเก็บอารมณ์คุกกรุ่นไม่ให้มันระเบิดออกมา บรรยากาศในรถเงียบกริบ วินนั่งก้มหน้าอยู่เบาะข้างๆ มายด์และออมนั่งด้านหลัง

“บ้านมายด์กับออมอยู่ไหนครับ” ผมเอ่ยถามสองสาวที่มีอาการเกร็งๆขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

“อะ เอ่อ...ไปส่งเราก่อนค่อยแวะมาส่งออมนะจะได้ไม่ต้องอ้อม ของเราอยู่ที่....”








“ไปอาบน้ำเลยนะครับ จะได้รีบพักผ่อน” ผมพูดกับคนที่เดินตามเข้าห้องมาเงียบๆ วินไม่ได้พูดอะไรเลยระหว่างทางและผมเองก็ยังไม่อยากจะพูดอะไร อยากให้อารมณ์ตัวเองเย็นลงก่อนแล้วค่อยคุยกัน กลัวว่าจะเผลอพูดจาไม่ดีใส่อีกคน

กำลังจะเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่กลับมีเด็กมาดึงชายเสื้อไว้ก่อน

“ทำไมลงไป บอกแล้วว่าไม่ต้องลง” คนที่ก้มหน้ามองพื้นเอ่ยออกมาเสียงเบา

“เพราะกลัวว่าพัตจะเจอไอ้รุ่นพี่นั่นหรือไงถึงไม่อยากให้ลงไปนัก” อดพูดออกมาด้วยความหงุดหงิดไม่ได้

จนได้สินะ...

“ไม่อยากให้ลงไป ไม่อยากให้เจอใคร ไม่อยากให้เจอพี่ลูกน้ำ ไม่อยากให้เจอผู้หญิงคนอื่น ทำไมต้องแต่งตัวหล่อลงไปด้วย อึก ผู้หญิงมองเต็มเลย เราไม่ชอบ ไม่ชอบ นี่พัตของเรานะ ของเรา!” ร่างเล็กๆขยับมากอดแล้วพูดออกมารวดเดียวโดยไม่หายใจ ผมที่ได้ยินทั้งหมดอึ้งไปเล็กน้อย

นี่คือเหตุผลที่วินพยายามเลี่ยงไม่ให้ผมไปรับมาตลอดเหรอ?

“ก็บอกแล้วว่าไม่ให้ลงไปๆ อยากให้คนอื่นชอบใช่ไหม ฮึก ชอบที่คนมองล่ะสิ มีแต่ผู้หญิงสวยๆทั้งนั้น ฮือ” ไม่ได้ทำเสียงธรรมดา ร้องไห้จริงร้องไห้จัง ทำเอาผมยืนเหวอทำอะไรไม่ถูก

ไม่รู้เรื่องจริงๆว่ามีใครมองไม่มองอะไรยังไงเพราะผมไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว สนใจแค่เด็กขี้แงที่ซุกอยู่อกตรงนี้เท่านั้น แม้แต่พี่ลูกน้ำอะไรนั่นก็ไม่ได้สนใจเลยซักนิด ผมไม่ชอบคนแบบนั้นหรือใครแบบไหนก็ไม่สนใจอยู่แล้วนอกจากคนที่ร้องไห้อยู่ตรงนี้

“วินครับ ร้องไห้ทำไม...พัตไม่เคยสนใจใครเลยนะ ที่ลงไปรับก็เพราะห่วงไง” กระชับอ้อมกอดที่กอดคนร้องไห้อยู่ให้แน่นขึ้น ที่วินเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากอาการเมาของเจ้าตัวด้วย อยู่ดีๆเขาจะร้องไห้เลยไม่มีทาง ผมนี่ทั้งอยากปลอบทั้งอยากขำ ร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้อ่ะนะ

เด็กน้อยเอ้ย ผมสิต้องหึงเขา

“ละ แล้วทำไมต้องแต่งตัวหล่อ” ไอ้แต่งตัวหล่อนี่มันยังไง ก็แค่กางเกงวอร์มสีดำกับเสื้อยืดสีขาวแล้วก็รองเท้าผ้าใบแค่นั้นเอง แต่งแค่พอไม่น่าเกลียดให้เดินเข้าไปหาเขาได้ก็เท่านั้น

“ไม่ได้ตั้งใจจริงๆครับ ตอนนั้นรีบออกไปหาวิน” ผมใส่ชุดนี้อยู่แล้วแค่หยิบรองเท้าผ้าใบมาเปลี่ยนไม่ให้มันน่าเกลียดก็แค่นั้น ไม่ได้ใส่ใจกับการแต่งตัวจริงๆ

“จริงนะ” วินผละออกมาพูด รอยน้ำตายังเกาะอยู่ตามแก้มจนผมต้องเอื้อมมือไปเช็ดออกให้

“ครับ วินต่างหากที่ต้องเคลียร์เรื่องไอ้พี่เชนอะไรนั่น”

“ก็เขามาจีบมั้ง ไม่รู้ ไม่สนใจ คุยแค่ในฐานะรุ่นน้องไม่เคยคุยแบบอื่น บางทีก็ไม่ได้ตอบด้วยเอาโทรศัพท์ไปดูได้...ไม่เอา ไม่พูดเรื่องคนอื่น วินง่วงแล้วพัตอาบน้ำให้หน่อยนะ”

“อยากให้พัตอาบให้จริงๆเหรอ?” อารมณ์ขุ่นมัววันนี้หายพรึบไปกับสายลม ถามย้ำกับคนที่ยืนตาซื่ออยู่ตรงหน้าทั้งที่สมองเริ่มคิดแผนการณ์ไปไกลแล้ว

“อื้อ อาบน้ำให้วินนะ” อีกคนก็ตอบกลับตาใส หึหึ ไม่รู้เรื่องอะไรซะแล้ว ผมจูงมือเด็กน้อยเข้าห้องน้ำทันทีแบบไม่รีรออะไรทั้งนั้น จัดการลอกคราบออกให้หมดแล้วก็อาบน้ำให้เสร็จสับ อาบสะอาดทุกซอกทุกมุม อาบให้ลึกจนต้องเข้าไปสำรวจกันถึงข้างใน
อาบจนวินหลับคาอ่างไปเลย...

กะว่าจะมาต่อที่เตียงซักหน่อยเลยต้องเอาไว้ก่อน ปล่อยให้คนตัวเล็กได้พักบ้างอะไรบ้าง




TBC.


Talk


มาแว้วววว~ ก็ไม่ได้หึงโหดเท่าไหร่เนอะเพราะเป็นสไตล์พัต เตือนไปแล้วถ้าไม่ฟังก็ค่อยจัดการขั้นเด็ดขาด แต่ก็ไม่มีใครอยากยุ่งกับเขาหรอกนะคะเพราะครอบครัวพัตใหญ่มากกกกกกกก  :mew3: :mew3: พอกรุบกริบๆแค่นี้แหละ อย่าหวังดราม่าหรือซีนอารมณ์หนักๆเลย ไม่ถนัดจริงๆค่ะ  :-[ :-[

ตอนหน้าเรื่องนี้ก็คงจะจบแล้วนะคะ แต่เดี๋ยววันไหนคึกจะมีตอนพิเศษมาให้หายคิดถึงแน่นอนไม่ต้องห่วง แล้วก็จะมีพาร์ทสั้นๆในเพจเรื่อยๆเลยน๊าาาา เข้าไปพูดคุยติดตามกันนะคะ  :mew1: :mew1:


(http://www.mx7.com/i/63d/1gHUKM.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yQoXvcv6jzMfnZnw)
^
^
^
อันนี้เป็นประมาณชุดที่พัตใส่ไปรับวินเนอะ เอามาให้เห็นภาพมากขึ้น อิอิ

ขอบคุณทุกคนที่ยังอ่าน ยังเม้นต์ ยังติดตามกันนะคะ เลิฟยูออล~~~~~~


https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/

หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 10-01-2016 23:33:28
ต่างคนต่างหวง และห่วงกัน
พอเรื่องโอเคพัตก็เนียนเลยนะ เอ๊ะหรือวินตั้งใจ
แต่เราฟินไปแล้ว :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-01-2016 23:38:23
ต่างคนต่างหวงซึ่งกันและกัน น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-01-2016 00:51:28
พัต โหดอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-01-2016 02:42:54
ต่างคนต่างหวงให้กัน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-01-2016 14:53:44
หวงกันไปหวงกันมา น่ารักอ่ะ 55555
แต่ก้อดีแล้วที่พัตใจเย็น ไม่วู่วาม เรื่องมันเลยออกมาดีไง ^^
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 11-01-2016 15:08:58
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-01-2016 15:13:50
รักกัน อย่าดราม่าใส่กันนะครับ จะจบแล้ว???
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :serius2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: iammilk ที่ 11-01-2016 20:49:40
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกก จะจบแล้วหรอออออออออออ ไม่นะะะะะะะะะะะะ งื้ออออออออออออออออออออออออออออ  :pig4: :กอด1: :hao5: :katai1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 12-01-2016 07:27:19
น่ารักทั้งคู่ ต่างคน ต่างหวง  :o8:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-01-2016 07:31:52
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 14-01-2016 12:36:29
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 14-01-2016 13:52:10
ต่างคนต่างหวงกันล่ะ ว๊ายๆๆๆๆๆ :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-01-2016 10:32:30
พัตหึงโหดแต่มีการเตือนก่อน
ส่วนวินหึงน่ารักมากเลย
พัตเลยจัดหนักทุกซอกทุกมุม
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 15-01-2016 15:44:29
นี่เราไปอยู่ไหนมาเนี่ย
ทำไมเพิ่งเจอเรื่องนี้ :katai4:
พอเจอก็ดันจะจบแล้วซะอีก  :hao5:
อ่านรวดเดียวจบเลยจ้ะ น่ารักมากๆๆๆๆๆเลยยยย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่21 10/01/2559(23.12) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: zzzzzz ที่ 16-01-2016 16:08:33
สนุกก น่ารักฟรุุ้งฟริ้งมุ้งมิ้ง กันมากๆเลยยย ชอบๆ
วินก็น่าร้ากก  พัตก็อ่อนโยนมากๆเลย :m1:  :m1:

บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้สู้ๆนะคะชอบๆ  :mc3: :mc3: :mc2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 25-02-2016 00:31:12

ตอนพิเศษ Valentine’s Day

(Win Part)

วันแห่งความรัก...

ทุกที่ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ดอกไม้ และช็อกโกแลต...

มันควรจะเป็นวันที่ทุกคนที่มีความรักมีความสุขและรอยยิ้ม ไม่ใช่แค่คนที่มีแฟน...คนรักนั้นมีได้หลายความหมาย ทั้งเพื่อนและครอบครัวก็ต่างเป็นคนรัก

อ่า แต่คนที่มีแฟนแบบผมก็อยากให้วันนี้มันเป็นวันที่พิเศษเหมือนกันนะ

ไม่ต้องมีเซอร์ไพร์ส ไม่ต้องมีดอกไม้ช่อโต ไม่ต้องมีดินเนอร์หรู ....ขอแค่เราได้เจอกันเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

เห้อ แต่แค่นั้นยังเป็นไปไม่ได้เลย

“ทำไมลูกชายแม่นั่งเหี่ยวขนาดนี้ล่ะคะ” คุณแม่เดินเข้ามาทรุดตัวลงข้างตัวพร้อมระบายรอยยิ้มบนหน้าอย่างรู้อาการของคนเป็นลูกดี เพราะอารมณ์ไม่ค่อยแจ่มใสผมเลยเลือกมานั่งเล่นที่บ่อปลาหลังบ้าน เวลาที่มีเรื่องไม่สบายก็ชอบมานั่งตรงนี้เป็นประจำ มองเจ้าปลาคาร์ฟสุดรักสุดหวงของคุณพ่อแหวกว่ายไปมาให้จิตใจได้สงบลง

“วินไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”

“หืม นั่งเปื่อยมาตั้งแต่เช้าขนาดนี้ไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอจ๊ะ หน้านี่จะเหมือนเจ้าเจมส์อยู่แล้ว” เจ้าเจมส์ก็คือปลาตัวใหญ่สุดที่อยู่ในบ่อข้างหน้าตอนนี้ มันเป็นปลาตัวเดียวที่มีสีที่แตกต่างจากปลาตัวอื่นๆในบ่อ เป็นปลาตัวที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดและถือว่าเป็นปลาที่มีความพิเศษมากที่สุดในบ้าน

“งือ วินน่ารักขนาดนี้จะเหมือนเจ้าเจมส์ได้ไงกัน...ไม่เหมือนหรอกนะเจ้าปลาขี้เหร่” พอพูดถึงมันก็ว่ายมาวนข้างหน้าราวกับรู้ว่าถูกพูดถึงยังไงอย่างงั้น

“แต่ที่แม่เห็นนี่ใกล้จะเหมือนแล้วนะ”

“แม่อ่า” เดี๋ยวก็งอนคุณแม่ด้วยอีกคนซะเลย แต่ยิ่งเห็นผมหน้างอคนเป็นแม่กลับยิ่งยิ้ม

“ไหน เป็นอะไรบอกแม่มาดีๆซิ”

“ก็...ไม่ได้เป็นซักหน่อย แต่ลูกชายของคุณแม่นั่นแหละ! ไม่โทรหาไม่ติดต่อมาจะสามวันแล้ว จะโทรไปวินก็กลัวว่าจะรบกวน แต่นี่เล่นไม่ติดต่อมาหากันเลย ไลน์มาบอกบ้างซักนิดก็ยังดี” ยิ่งพูดปากยิ่งเบะจนอยากจะร้องไห้ใส่แม่ที่นั่งหัวเราะอยู่ข้างๆ
 
ดูสิ ผมไม่ได้อยากจะงี่เง่าเลยนะ อีกคนมีธุระต้องไปต่างประเทศกับครอบครัวแม้จะอยากงอแงที่ดันมาไปในช่วงคาบเกี่ยววันนี้แต่ก็ดีรู้ว่าอะไรเป็นอะไร งานก็คืองาน ไหนบอกไม่ได้อยากไป ไหนบอกจะคอลหาตลอด ไหน?

คอลมาวันเดียวแล้วก็หายไปเลย!

“ก็พัตเขามีธุระไม่ใช่เหรอจ๊ะ คงจะยุ่งมากจนไม่มีเวลานั่นแหละ”

“ก็แค่ไลน์มาบอกกันบ้างก็ไม่ได้เลยเหรอ แค่ล้วงโทรศัพท์ออกมากดสองสามวิมันเสียเวลามากขนาดนั้นเลยหรือไงกัน”

“โอ๋ๆ ลูกแม่ไม่งอแงนะจ๊ะ แค่สองสามวันเอง แม่ยังเคยไม่ได้คุยกับพ่อเราตั้งเป็นอาทิตย์ตอนที่พ่อเราไปทำงานเลยนะ”

“แล้วแม่ไม่งอนพ่อเลย?”

“พ่อกลับมาแม่ก็ไม่ยอมคุยด้วยเป็นอาทิตย์เหมือนกันจ๊ะ^^” เห็นไหมว่าเป็นใครก็ต้องงอน!

“เดี๋ยววินจะงอนเหมือนกัน จะไม่ยอมคุยเลยคอยดู”

“ให้มันจริงเถอะเรา กลัวว่าพอพัตโทรหาก็จะรีบรับแล้วก็หายงอนทันทีซะมากกว่า” อย่าว่าแต่แม่เลยที่ไม่เชื่อ ผมเองก็ไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองจะงอนอีกฝ่ายได้นาน งือ ก็คนมันขี้ใจอ่อนนี่นา แค่ได้ยินเสียงทุ้มๆนั้นเอ่ยเรียกเสียงอ่อนผมก็ยอมแพ้แล้ว ไม่เคยจะทนใจแข็งได้ซักที

“วินจะพยายามใจแข็ง!” บอกแม่เสียงหนักแน่น บอกตัวเองด้วย ต้องใจแข็ง!

“จ๊ะๆ ขอให้ทำได้อย่างนั้น...เดี๋ยวแม่ว่าจะซื้อของมาทำอาหารเย็นที่ตลาดวินจะไปกับแม่ไหม”

“ไปครับ” เบื่อๆอยู่พอดี ไปหาอะไรกินที่ตลาดเผื่ออารมณ์จะดีขึ้นมาบ้าง อ่า ของกินต้องช่วยได้แน่ๆ แค่คิดถึงของที่ขายอยู่ตลาดอย่างละลานตาผมก็เริ่มยิ้มออกได้บ้าง จะไปเหมามาให้หมดเลยคอยดู

.
.
.
.
.
.

“คุณวินคะ มีโทรศัพท์ค่ะ” ในขณะที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตาเป็นลูกมือคุณแม่ทำอาหารสำหรับเย็นนี้ก็มีเด็กในบ้านเดินถือโทรศัพท์บ้านเข้ามาหาให้ต้องหันไปทำหน้าสงสัยใส่

ใครกันนะ? ทำไมไม่โทรเข้ามือถือ

“ขอบคุณครับ” ผมถอดผ้ากันเปื้อนพาดไว้ที่เคาท์เตอร์ รับโทรศัพท์มาไว้ในมือก่อนจะเอ่ยบอกแม่ว่าขอออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก

“วินพูดครับ” ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟารับแขกแล้วกรอกเสียงลงไป

(วินครับ)

กึก

ผมยกโทรศัพท์ที่แนบหูออกมาดูเบอร์ปรากฏว่าเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นโทรเข้ามาจากต่างประเทศ รู้ดีว่าเป็นใครแต่ก็ยังอยากดูให้แน่ใจ สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเอาโทรศัพท์แนบหูใหม่

“ครับ” รับคำสั้นๆให้รู้ว่าตอนนี้ไม่พอใจ งอน งอนมาก!

(วิน...ฟังก่อนนะ ฟังก่อนนะครับ ขอโทษที่ไม่ได้โทรหาไม่ได้ติดต่อไปหาเลย แต่เพราะว่าที่นี่ยุ่งมากจริงๆ อยากโทรหาใจจะขาดเหมือนกันแต่ก็ทำไม่ได้ คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว)

“...” ผมยังคงเงียบทั้งที่ใจเจ้ากรรมเริ่มโอนอ่อนตั้งแต่ที่รู้ว่าอีกฝ่ายโทรมา

(ไม่ได้อยากจะไม่ติดต่อหาเลยจริงๆ โรงแรมที่นี่เกิดเหตุไฟไหม้นิดหน่อยพัตเลยต้องช่วยพ่อจัดการทางนี้ก่อน นี่ก็พึ่งเข้าไปคุยกับตำรวจมา พอเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยก็โทรหาทันทีเลย)

“จริงเหรอ! แล้วมีใครเป็นอะไรหรือเปล่า เสียหายมากไหม” ตอนแรกที่พัตต้องไปเพราะมีเจรจาเรื่องของการจัดงานใหญ่ที่โรงแรม เป็นการประชุมของผู้นำหลายประเทศที่จะมีขึ้นที่โรงแรมสาขาประเทศญี่ปุ่นเลยต้องไปกันทั้งครอบครัว

(นิดหน่อยครับแต่ปล่อยผ่านไม่ได้ ยิ่งกำลังจะมีงานใหญ่ด้วยทุกอย่างเลยต้องเข้มเป็นพิเศษ)

“ก็ดีแล้ว” แค่รู้ว่าไม่ได้ร้ายแรงมากผมก็โล่งอก

(ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อหาเลย เดี๋ยวจะกลับไปง้อนะครับ) ก็เป็นซะแบบนี้จะให้งอนเขานานได้ยังไง

ไม่สิ...แต่ถึงจะมีเหตุผลแค่ไหนงอนก็คืองอน งอนไปแล้ว เอาคืนไม่ได้ ไม่ยอมหายง่ายๆด้วย

“ง้อก็ไม่หาย”

(หายเถอะนะ แค่นี้ก็จะแย่แล้ว... ยอมรับผิดทุกอย่างจริงๆ)

“ดูความประพฤติก่อน” ทำหน้าตาคาดโทษทั้งที่อีกฝ่ายไม่มีทางเห็น ถึงแม้ว่าคราวนี้จะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัยแต่ว่าก็ต้องทำให้รู้ เป็นใครก็ต้องงอนกันบ้างจริงไหม แฟนไม่ติดต่อหาเลยตั้งสามวัน ทั้งเป็นห่วงทั้งคิดถึงสารพัด

(ยอมทุกอย่าง...แล้วนี่ทำอะไรอยู่ครับโทรเข้ามือถือไม่ติดเลย) พออีกฝ่ายถามถึงเลยพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเอาโทรศัพท์ไว้บนห้องนอน ก่อนจะไปตลาดแบตก็เหลือไม่กี่เปอร์เซ็น แล้วตอนนี้มันคงดับไปแล้วเพราะไม่ได้ชาร์ต มิน่า...พัตเลยโทรเข้าเบอร์บ้าน

“อยู่กับกิ๊ก”

(วิน! ไม่พูดงี้ดิ อยากโดนตีใช่ไหม) ปลายสายเสียงเข้มขึ้นทันที แต่ไม่รู้ทำไม พอเห็นพัตเป็นแบบนี้ผมกลับชอบ ขอแกล้งคืนบ้างเถอะ : p

“ทำไมอ่ะ จะทำอะไรเราเหรอ...ก็แฟนไม่อยู่ แฟนหาย แฟนไม่สนใจ”

(ใครบอกไม่สนใจกัน กลับไปจะย้ำให้ชัดๆเลยว่าวินเป็นแฟนใคร...ตอนนี้พัตมีความผิดจะยอมให้ก่อน เดี๋ยวถึงนู้นพอง้อเสร็จแล้วจะลงโทษที่พูดเมื่อกี้ให้เข็ด)

“ก็รีบกลับมาสิ ไม่งั้นจะมีกิ๊กจริงๆคอยดู”

(จะกลับแล้วครับ เครื่องแลนดิ้งถึงตีสอง...ถ้าวินมีกิ๊กมันไม่รอดแน่ๆ ส่วนวินพัตจะจับขังไว้ที่เตียงแล้วลงโทษแบบไม่ให้ไปไหนเลยคอยดู) การลงโทษที่พลานให้สมองจินตนาการเป็นฉากๆจนแก้มร้อนขึ้นมาจนต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

“ตัวเองกลับมาให้ได้ก่อนเถอะ...แค่นี้นะเราจะทำกับข้าวต่อแล้ว” ผมแค่ยั่วให้พัตโมโหเล่นๆเท่านั้นแหละ พอเขาหงุดหงิดขึ้นมาบ้างผมก็เริ่มอารมณ์ดี

(ครับๆ ถ้าถึงแล้วไปหาเลยนะ) พรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ที่ผมมีเรียนเช้าเลยต้องกลับคอนโดคืนนี้ เขารู้ดีว่าถ้าผมกลับบ้านจะกลับไปคอนโดอีกทีคือคืนวันอาทิตย์

“อื้อ”

(คิดถึงนะ...บายครับ) ผมไมได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแต่กดวางสายไปเท่านั้นทั้งที่ปากนี่ยิ้มจะถึงหูอยู่แล้ว เก๊กฟอร์มไว้ทั้งที่ในใจนี่แทบไม่เหลืออะไร แค่คิดว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงจะได้เจอกันอารมณ์ขุ่นมัวก็หายไปหมดเลย

อ่า งั้นคงต้องกลับคอนโดเร็วขึ้นซักหน่อยแล้ว -////-

.
.
.
.
.
.

“อะ อื้อ” ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งรอคนที่จะกลับมาได้ถึงตอนไหน เพราะเมื่อคืนนอนดึกมากเลยทำให้ง่วงเร็วจนคงเผลอหลับไปทั้งที่นั่งดูทีวีอยู่โซฟา กลิ่นตัวของคนที่ช้อนตัวให้ขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขนตอนนี้ทำให้รู้ว่าพัตกลับมาแล้ว พอรับรู้ก็ขยับหน้าซบซอกคอแกร่งมากขึ้น

คิดถึงจัง...

“นอนนะครับ” ผมถูกอุ้มมาวางไว้ที่เตียงก่อนจะถูกห่มผ้าให้เรียบร้อย สัมผัสอ่อนนุ่มกดลงบนหน้าผากพร้อมกับเสียงกระซิบขับกล่อมให้หลุดเข้าสู่ห้วงนิทราลงไปอีกครั้ง





เสียงนาฬิกาปลุกข้างหัวเตียงที่ตั้งไว้ประจำดังขึ้นให้รู้ว่าได้เวลาที่ต้องตื่นแล้ว แรงโอบรัดที่เอวเล็กแน่นหนาจนผมทำได้แค่เอื้อมแขนไปปิดมันก่อนจะกลับมานอนตำแหน่งเดิมอย่างกลัวว่าอีกคนจะตื่น เช้านี้พัตก็มีเรียนเช่นกันแต่เดี๋ยวค่อยปลุก ยิ่งเห็นใต้ตาคล้ำพร้อมโครงหน้าซูบๆของพัตยิ่งเห็นใจ ท่าทางจะทำงานหนักจริงๆ

“อืม...” ขนาดว่าพยายามลุกขึ้นเบาแค่ไหนแต่พัตก็รู้ตัวจนได้ มือหนารั้งเอวให้ทั้งตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเช่นเดิมก่อนจะซุกหน้าเข้ากับซอกคอแล้วขบเม้มเบาๆจนผมอดจะย่นคอหนีอย่างจั๊กจี้ไม่ได้

“คิดถึงนะครับ” คนที่นอนกอดอยู่ด้านหลังกดจูบแผ่วๆไปมาตรงตำแหน่งที่เขาชอบ

“เดี๋ยวเราไปอาบน้ำแล้วก็ทำอาหารไว้รอ พัตนอนต่อก่อนนะเดี๋ยวเราเข้ามาปลุก” เพราะดูจากท่าทางก็รู้ว่าเขาเหนื่อยแค่ไหนเลยไม่อยากจะงี่เง่าให้อีกคนต้องเหนื่อยเพิ่มอีก พูดเสียงอ่อนพร้อมกับลูบหลังมือที่พาดอยู่บนเอวเบาๆ

“อื้อ จุ๊บก่อน” เสียงทุ้มเอ่ยแหบพร่าแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยอมทำตามอย่างง่ายดาย หันกลับไปกดจูบเบาๆคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ลูบเปลือกตาเขาเบาๆให้อีกคนหลับต่อ พอพัตหลับไปอีกครั้งผมก็เลยค่อยๆลุกขึ้นแล้วออกไปทำอาหารไว้รอ เรียบร้อยก็เข้ามาอาบน้ำแล้วปลุกคนที่นอนอยู่ พัตเดินเข้าห้องน้ำไปอยางสะลึมสะลือ

ฟอด

อีกฝ่ายอยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อย หน้าตาดูสดชื่นขึ้นแต่รอยใต้ตายังยืนยันได้ดีว่าคงยังเหนื่อยอยู่ไม่น้อย พัตยิ้มกว้างหลังจากที่เข้ามาหอมแก้มผมแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม

“ยังมีคดีอยู่นะ”

“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะเคลียร์ทุกคดีเลยครับ” ผมส่งสายตางอนๆไปให้แล้วบอกให้เขารีบทานข้าวก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้ ต่างคนต่างทานไปเงียบๆพอเรียบร้อยพัตก็เริ่มเอาใจด้วยการเก็บถ้วยชามทุกอย่างบนโต๊ะให้เรียบร้อย






“แฮปปี้วาเลนไทน์ย้อนหลังนะครับ” พัตเข้ามาโอบรอบไหล่จากด้านหลังผมที่นั่งอยู่บนโซฟา คางแกร่งวางลงที่ลาดไหล่พร้อมกับหอมแก้มดังฟอด ถุงเครื่องประดับยี่ห้อดังถูกวางไว้บนตัก

“เอาของมาล่อเหรอ”

“เอามาไถ่โทษครับ เปิดดูเหน่อยนะพัตจะได้รู้ว่าชอบไหม” หลอกถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าผมชอบ เพราะดูแค่ถุงก็รู้ว่าข้างในเป็นอะไร เป็นของที่ผมเคยเปรยๆให้เขาฟังว่าอยากได้

“ไม่ต้องมาพูดเลย รู้อยู่แล้วนี่ว่าเราชอบ” ตอนนี้เกร็งหน้าไม่ให้ยิ้มจนปวดแก้มไปหมดแล้วแต่ขอทำเป็นงอนให้โดนเอาใจต่ออีกหน่อย

“ชอบแล้วจะยกโทษให้ไหมครับ มีออฟชั่นเสริมไปดินเนอร์เย็นนี้แล้วก็พาไปช็อปปิ้งด้วย ทุ่มหมดตัวตามใจทุกอย่างเลย”

“อยากได้กระเป๋า” เอ่ยลองเชิงไปเรียบๆ

“ให้สามใบเลย”

“รองเท้าด้วย”

“จะเอากี่คู่ว่ามาเลยครับ”

“กางเกง”

“ให้เสื้อด้วยเลย”

“จริงนะ?”

“แน่นอน”

“เย้!...ขอบคุณนะ เราชอบมาก ฟอดๆๆ” ผมเอี้ยวตัวกลับไปแล้วหอมแก้มสากไปมาทั่วหน้าอย่างไม่เก็บอาการอะไรทั้งสิ้น กำไลข้อมือเส้นนี้ที่พัตซื้อให้หาซื้อยากมากๆ เป็นรุ่นลิมิเต็ดที่ผมอยากได้สุดๆ หาซื้อมาหลายเดือนแล้วก็หาไม่ได้ซักที

“หายงอนยัง” พัตเอื้อมมือมาหยิบของขวัญที่ผมเปิดออกมาดูแล้วหยิบไป มือหนาคว้าข้อมือของผมแล้วค่อยๆสวมให้อย่างแผ่วเบา พอดีเป๊ะเลย

“หายแล้ว คิคิ” ผมโถมตัวไปกอดอีกฝ่ายทั้งที่ตัวเองยังอยู่บนโซฟาแล้วเขายืนอยู่ด้านหลัง

“สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะครับ การมีวินคือสิ่งที่ดีที่สุดเลยรู้ไหม” พัตลูบหลังผมไปมาเบาๆให้ยิ่งต้องซบหน้ากับอกแกร่งมากขึ้น

“เหมือนกันนะ...รัก”

“รัก”

ผมเองก็มีของขวัญที่จะให้พัตเหมือนกัน แม้วันแห่งความรักเราทั้งคู่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะ แเค่มีพัตอยู่ด้วยกันแบบนี้ทุกๆวันเลยเป็นวันที่พิเศษ ไม่ใช่แค่วันที่14กุมภาเท่านั้น : )






***************************************



Talk

สรุปคือแล้วพัตวินก็ไปเรียนสาย5555555555555555
(ปล.หลายตอนจะเห็นว่าพัตไปต่างประเทศกับพ่อบ่อยๆ เพราะว่าที่บ้านพัตทำธุรกิจส่วนตัวนะคะ คือพัตก็ต้องเข้าไปช่วยดูอยู่แล้วแม้จะเรียนสาขาที่ไม่ตรงก็ตาม อารมณ์แบบก็เห็นการบริหารงานมาตั้งแต่เด็กอ่ะเนอะ ถึงทำงานอย่างอื่นก็ต้องดูธุรกิจของตัวเองอยู่แล้วจ้า)

จะตบจะตีจะเฆี่ยนบ่าวก็เอาเลยค่ะ บ่าวยอม บ่าวขอโทษที่หายไปนาน :o12: :o12: พึ่งเข้ามาดูตอนที่จะอัพนี่แหละว่าตัวเองหายไปนานขนาดไหน>< กลับพร้อมตอนพิเศษย้อนหลัง(ย้อนนานมาก เขาไปกันถึงไหนแล้วววว) คือตอนสุดท้ายเขียนไปแล้วแต่มันยังต่อไม่ได้เลยค่ะ ถามว่าแล้วแต่งตอนพิเศษได้ไง? คือมันคนละฟีลอ่ะเนอะ ตอนพิเศษมันไม่มีพล็อตเรื่องมาบังคับมันเลยไม่ต้องใช้เวลานานเท่า

คือใจง่ายมากค่ะ มีคนมาทวงในเฟสนี่เปิดคอมพิมพ์ให้เลย :mew1: :mew1: คือช่วงนี้ยุ่งมากๆๆๆๆเพราะสอบมิดเทอมค่ะ นอนเช้าทุกวันเวลาเปิดคงเปิดคอมอะไรไม่มีหรอก(เวลาจะนอนยังไม่มีเลย :katai1: :katai1:) แต่เค้าใจง่าย มีคนมาทวงก็ยอมสลัดหนังสือทิ้งเลย  :katai4: :katai4:

ขอบคุณสำหรับคนที่ยังไม่ลืมกันนะคะ ขอโทษที่ชอบหายชอบดอง...ชีวิตทาสของนักศึกษาก็งี้แล กระซิกๆ

มีอะไรติดต่อที่เพจเลยน๊า~ พูดคุยกันได้ตลอด ^^ >> https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/?ref=aymt_homepage_panel

ไปใช้กรรมต่อแล้วค่ะ  :ling3: :ling3:


หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 25-02-2016 00:45:29
วินน่ารักเสมอเลยยย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-02-2016 01:10:57
พัตน่ารักจริงๆ เป็นพ่อบุญทุ่มมากๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-02-2016 01:18:07
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-02-2016 01:30:41
ตามใจไม่มีใครเกิน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 25-02-2016 01:34:09
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 25-02-2016 05:14:47
 :L2: น่าอิจฉาสุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 25-02-2016 09:51:51
ดีใจที่มาต่อ การเรียนสำคัญต่ออนาคต สู้ๆ
วินไม่เคยงอนพัตได้นาน เป็นเพราะพัตเป็นคนสม่ำเสมอด้วย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 25-02-2016 20:59:58
น่าร๊ากกกกกกก >\\\\<
ชอบวินที่งอนได้ไม่นาน และน่ารักสุดๆ
พัตคะ รอบนี้เหตุผลผ่าน พอให้อภัยนะครัช
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-02-2016 22:38:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: GMJeam ที่ 26-02-2016 11:08:14
 :mew3:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 27-02-2016 02:14:33
เรื่องนี้น่ารักมากกกกกกค่ะ
นี่อ่านรวดเดียวเลย ไม่หลับไม่นอน :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 27-02-2016 23:52:20
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-02-2016 02:44:20
กำลังน่ารักเลย //อย่ามีดราม่านะครับ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 28-02-2016 15:27:34
วินน่ารักกก ขอแบบนี้กลับบ้านหนึ่งที่ค่ะ!  :hao7:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนพิเศษ(Valentine's Day) 25/02/2559(00.33) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 28-02-2016 20:16:59
ชอบคู่นี้จังง
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 01-03-2016 02:47:59

ตอนที่ 22


แรงขยับตัวจากคนที่หลับไปข้ามวันทำให้ผมต้องสายตาจากหน้าจอไอแพดในมือให้หันไปมอง เมื่อเห็นว่าเปลือกตาบางของวินค่อยๆขยับขึ้นจึงวางของในมือลงไว้ที่โต๊ะข้างเตียงแล้วขยับตัวเขาหาคนที่พึ่งตื่นนอน

“อะ อื้อ พัต...กี่โมงแล้ว” เสียงแหบแห้งเอ่ยถามให้ต้องหันไปมองหน้าจอไอแพดที่ยังไม่ทันจะดับ

“บ่ายสามครับ” ที่จริงแล้วก็ยังไม่ทันจะบ่ายสามดี แต่อีกสองสามนาทีนี้จะเรียกว่าบ่ายสามแล้วก็คงไม่ผิด หันกลับมาอีกทีคนที่ลืมตาขึ้นมาแล้วก็ปิดมันลงอีก โดยปกติวินก็ค่อนข้างจะขี้เซาอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ยิ่งขี้เซา

“หิวจัง” หลุดหัวเราะออกมากับความเป็นวิน มีอย่างที่ไหนตื่นนอนขึ้นมาก็บ่นว่าหิวทันที มือใหญ่ถูกยกมือขึ้นเสยผมที่ยุ่งกระเซอะกระเซิงของคนที่ยังไม่ลืมตาดีให้ปัดขึ้นไปด้านบน โน้มหน้าลงไปกระซิบแผ่วเบา

“หิวก็ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวพัตสั่งอาหารขึ้นมาให้” ผมตื่นก่อนวินนานพอสมควรเพียงแต่ขี้เกียจที่จะลุกไปทำอะไร ตั้งแต่ตื่นก็แค่ลุกขึ้นไปล้างหน้าแล้วก็กลับมานั่งบนเตียงเช่นเดิม ปิดเทอมแล้วอะไรก็สบายไปหมด

“อือ ปวดเอว” คราวนี้ลืมตาตื่นขึ้นมาบอกเต็มตา ท่าทางที่ทำให้ผมต้องละมือจากบนหัวเล็กให้ลงมาที่แก้มนุ่มแล้วลูบเบาๆอย่างปลอบโยน ยอมรับว่าตัวเองนั้นยั้งแรงยั้งใจไม่อยู่จริงๆ คนที่ต้องเป็นฝ่ายรับความเอาแต่ใจของผมแบบเขาเลยต้องลำบาก

“งั้นอาบน้ำก่อนเนอะ เดี๋ยวพัตเปิดน้ำอุ่นให้ ทานข้าวแล้วจะได้ทานยาด้วย” เอ่ยบอกเสียงนุ่มวินก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย อาบน้ำอุ่นๆจะช่วยให้เขาผ่อนคาย ลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายลงไปได้บ้าง ผมลุกจากเตียงแล้วอ้อมไปอุ้มคนตัวเล็กเข้าห้องน้ำ วางคนในอ้อมกอดให้นั่งลงที่เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า เดินไปเปิดน้ำที่อ่างให้เรียบร้อย

จุ๊บ

เสร็จแล้วก็เดินกลับมาหาคนที่นั่งซึมๆอยู่แล้วกดจูบไปที่หน้าผากเนียนแผ่วเบาก่อนจะวางมือลงไปตำแหน่งที่พึ่งสัมผัสเมื่อซักครู่เพื่อวัดไข้ ให้แน่ใจว่าเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ส่งผลร้ายแรงจนทำให้วินไม่สบาย

“ง่วงเฉยๆ” พออีกคนเห็นท่าทีของผมเขาก็เอ่ยบอกพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนมาให้เพื่อให้สบายใจ

“งั้นหลังกินข้าวค่อยนอนต่อนะครับ” เลยเวลาทานข้าวมามากแล้ว ผมอยากจะให้เขาพักแต่เรื่องอาหารก็เป็นเรื่องสำคัญ

“อื้อ” กดจูบไปที่ปากเล็กๆแล้วก็ผละออกไปดูน้ำที่เปิดไว้ เมื่อได้ระดับที่ต้องการแล้วก็วัดความอุ่นให้พอดี ผสมสบู่ลงไปเสร็จก็กลับมาจัดการลอกคราบชุดที่ตัวเองเป็นคนใส่ให้วินกับมือแล้วอุ้มเขาลงไปไว้ในอ่าง

“เดี๋ยวพัตมาอาบน้ำให้นะ ออกไปโทรสั่งข้าวก่อน” กว่าจะอาบน้ำเสร็จอาหารก็คงมาส่งพอดี

“อื้อๆ” คนที่อยู่ในอ่างพยักหน้าหงึกหงักผมจึงผละออกไปนอกห้อง หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออกไปที่รูมเซอร์วิสของคอนโด สั่งรายการอาหารที่ต้องการไปเรียบร้อยก็รีบกลับไปดูคนที่อยู่ในห้องน้ำ วินไม่ได้หลับคาอ่างอย่างที่นึกเป็นห่วง ตอนนี้มือเล็กๆกำลังขยับลูบไปไล้ไปตามเนื้อตัวเพื่อชำระร่างกาย

“เสร็จแล้วเหรอ” พอเห็นผมนั่งลงข้างๆที่ขอบอ่างก็หันมาถาม หน้าตาดูสดชื่นขึ้นมาบ้าง

“ครับ มีขนมหวานด้วยนะ” ผมสั่งให้เขาหลายอย่างเลย วินเป็นคนที่ชอบกินขนม หลังจากที่ทานข้าวหรือพวกอาหารคาวเสร็จต้องกินอะไรตบท้าย ขนมหรือของหวานอะไรก็ตามเขาชอบหมด

“หิวๆๆ~”

“แล้วฟอกตัวเสร็จหรือยังครับ จะได้ล้างตัวแล้วออกไปทานข้าวเนอะ”

“เสร็จแล้ว” พอได้ยินว่าจะได้ทานข้าวนี่รีบเสร็จเลย ผมส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปกดปุ่มปล่อยน้ำออกแล้วเปิดฝักบัวแทน อีกอย่างคือไม่อยากให้วินแช่น้ำนานกว่านี้เช่นกัน กลัวว่าจะทำให้เขาไม่สบาย

“พัต...เดี๋ยว ละ ล้างเองก็ได้”

พอเริ่มมีสติเริ่มตั้งตัวได้แล้วต่อมความอายก็เริ่มจะทำงาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ห้ามหรือหืออืออะไรเลยซักนิด พอเริ่มอายความแดงก็ลามไปทั้งตามหน้าและตามตัวเหมือนกุ้งโดนน้ำร้อน หึ เขินอะไรของเขากัน เห็นกันมาหมดแล้ว

“อายอะไรหืม เห็นมาทุกซอกทุกมุมแล้ว” พูดแล้วก็แกล้งปัดผ่านวินน้อยให้อีกคนสะดุ้งสุดตัวจนต้องถดกายหนี

“ใครจะหน้าด้านแบบพัตกันเล่า!”

“ฮ่ะๆ ไม่แกล้งแล้วครับ ขยับมาดีๆเร็วจะได้เสร็จไวๆ” เพราะผมแกล้งเขาวินเลยขยับไปจนชิดอ่างอีกฝั่งนึง ผมนั่งอยู่บนขอบอ่าง ขยับตามเขาไม่ได้แล้ว

“ห้ามแกล้งนะ หิวแล้วจริงๆ” พูดด้วยหน้าอ้อนๆแบบนี้แล้วบอกไม่ให้แกล้ง? ก็เขาน่ารักขนาดนี้เลยยิ่งทำให้ผมอยากแกล้งขึ้นไปใหญ่ แต่ไม่เอาดีกว่า แค่นี้ก็สงสารมากแล้ว

“ครับๆ” ได้ยินคำยืนยันถึงยอมขยับเข้ามาหาดีๆ คราวนี้จริงจังแล้ว รีบล้างตัวให้เขาแล้วพาไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ พอจัดการวินให้ไปนั่งรอที่โต๊ะทานข้าวเสร็จก็เข้ามาจัดการตัวเองบ้าง ออกมาก็เห็นว่าอาหารที่สั่งถูกจัดขึ้นโต๊ะไว้แล้วเรียบร้อย สงสัยจะมาส่งตอนที่ผมอาบน้ำอยู่

“เรากินเลยนะๆ”

“ครับ ไม่ต้องรอพัตหรอก” ความวินอีกอย่างนึงคือถ้าผมไม่มาที่โต๊ะอาหารเขาก็จะรออยู่อย่างนั้น ไม่ทานก่อน

“อันนี้อร่อยดี เขาบอกว่าเป็นเมนูใหม่เอามาให้เราลองชิม พัตลองดูนะ” อาหารพอดีคำถูกยื่นมาให้ถึงปาก พอผมอ้าปากรับอีกคนก็ยิ้มกว้าง พอมีอาหารวินก็เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม “อร่อยไหม?”

“ก็ดีครับ” ตลอดเวลาที่ทานข้าววินก็กินข้าวของเขาบ้างตักให้ผมบ้าง บางทีก็เคยตัวเหมือนกันที่มีแฟนคอยทำอะไรเล็กๆน้อยแบบนี้ให้

.
.
.
.
.
.
.

“เดี๋ยวมะรืนเราต้องกลับบ้านนะ ป๊าจะไปเชียงใหม่แหละ ไปทั้งครอบครัวเลย” คนที่นอนอยู่บนตักเอ่ยบอกในขณะที่เรานั่งดูหนังกันอยู่ ไม่สิ ผมนั่งก็จริงอยู่ ส่วนวินนอน

“ครับ พัตเองก็ต้องไปญี่ปุ่นกับพ่อเหมือนกัน” ปิดเทอมทุกครั้งก็ต้องไปช่วยดูงานของครอบคัวอยู่แล้ว ครั้งนี้เองก็เช่นกัน

“ไปวันไหนอ่ะ ไม่เห็นบอกเราก่อนเลย” คนที่นอนอยู่ที่ตักช้อนสายตาขึ้นแล้วส่งค้อนเล็กๆให้ผมทันที เรื่องวินจะไปเชียงใหม่นี่ผมก็พึ่งรู้เหมือนกันนะ

“น่าจะซักอีกสองสามวัน” คงจะใกล้ๆที่วินจะไปเชียงใหม่

“ไปกี่วัน”

“หนึ่ง...”

“หนึ่งอาทิตย์?”

“หนึ่งเดือนครับ” คราวนี้โดนมองแรงไม่ใช่แค่ค้อนแล้ว มองอย่างเดียวไม่พอยังลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้ากันอีกต่างหาก หนังเหนิงอะไรไม่ได้สนใจแล้วเพราะเหมือนว่าผมจะมีงานเข้าเล็กๆ...

“ตั้งหนึ่งเดือนเลยเหรอ เราไปเชียงใหม่แค่สามวันเองนะ!”

“วินครับ...พัตต้องไปช่วยพ่อกับแม่ดูงานนะ ไม่งอแงใช่ไหม เก่งแล้วเนอะเก่งแล้ว” จะขยับเข้าหาก็ไม่กล้า วินเล่นนั่งนิ่งไม่ไหวติงเลย “เดี๋ยวซื้อของมาฝากเยอะๆเลยสัญญา”

“เราไม่ใช่เด็กแล้วนะ...ตั้งเดือนนึงเลยเหรอ” คราวนี้ผมขยับเข้าไปกอดเขาไว้ทันที ก่อนจะโยกคนในอ้อมกอดไปมาเบาๆ เล่นมาทำเสียงหงอยๆหน้าหงอยๆแบบนี้ผมไม่เป็นอันทำงานกันพอดี แค่นี้ก็ไม่อยากไปจะแย่แล้ว

“ต้องคอลหาเราทุกวันนะ”

“แน่นอน” ถ้าไม่คอลกันผมนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายตาย วินต่างหากที่ต้องคอยรับสายตลอดเวลาที่ผมคอลหา

“ต้องไลน์มาบอกด้วยว่าอยู่ไหน ทำอะไรบ้าง”

“สัญญาเลย วินเองก็เหมือนกัน..จะไปไหนจะทำอะไรต้องบอกพัตก่อนทุกอย่างนะ แล้วถ้าพัตไม่ตอบก็ไม่ต้องงอนนะครับ บางทีก็ยุ่งจริงๆ” เพราะวันๆนึงมีงานเข้ามาไม่หยุดอาจจะมีบ้างที่ผมไม่มีเวลาแม้แต่ที่จะจับโทรศัพท์ กลัวว่าพอผมหายไปวินจะงอแงคิดนู้นคิดนี่ ยิ่งอยู่ห่างกันขนาดนั้นจะปลอบก็ลำบาก

“ไม่งอนหรอก เราไม่ใช่คนขี้งอนซักหน่อย” ไม่ได้ขี้งอนแต่ว่าขี้อ้อน ไอ้อาการเอาหัวถูๆซุกที่อกตอนนี้นี่เหมือนแมวไม่มีผิด

“ครับๆ แล้วไปเชียงใหม่ห้ามไปมองใครที่ไหนนะ เข้าใจไหม” คราวนี้เป็นตาผมบ้าง แม้ว่าเขาจะไปแค่สามแต่ก็วางใจไม่ได้ ทางวินนี่ผมไม่ได้ห่วงมาก ไอ้คนอื่นที่คิดจะเข้าหานี่สิที่มันไม่น่าไว้ใจ

“จะมองใครเล่า มีแฟนแล้วนะ”

“จริงอ่ะ?” เอ่ยเหย้าออกไป

“ไม่จริง ไม่มีแฟนแล้วงั้น...โสดดดด” แรงรัดที่แขนกระชับคนในอ้อมกอดแน่นขึ้นทันทีเพื่อเตือนคนที่พูดประโยคเมื่อกี้ให้รู้ตัว แม้ว่าวินจะพูดเล่นแต่ผมก็ไม่อยากให้เขาพูดซักเท่าไหร่ ไม่รู้สิ ไอ้คำว่าโสดของวินนี่ผมรู้สึกไม่ชอบใจเลยจริงๆ

“โสดเหรอ? ให้โอกาสพูดอีกที”

“ยอมให้เราโสดไหมล่ะ”

“ไม่มีทาง!” คราวนี้ซุกหน้าเข้ากับซอกคอเล็กแล้วเม้มแรงๆเป็นการลงโทษซะเลย เมื่อคืนพยายามไม่ทำรอยไว้นอกร่มผ้าแต่ตอนนี้จะทำเอาให้ชัดๆไปเลย หมั่นเขี้ยว

“อะ เบาๆ...เราก็ไม่ยอมให้พัตโสดนะ เจอใครคนไหนก็บอกไปเลยว่ามีแฟนแล้ว” ถึงจะบอกให้เบาแต่ร่างเล็กกลับเอียงคอให้ผมลงโทษได้สะดวกมากขึ้นเสียอย่างนั้น เอาเข้าจริงแล้วผมเองก็ไม่กล้าทำรอยไว้เยอะหรอกครับ มันทำให้อีกคนลำบากเวลาไปไหนมาไหน การมีอะไรแบบนี้แล้วคนเห็นร่องรอยมันไม่ใช่เรื่องดีอะไร นี่ก็ทำตรงที่ผมวินลงมาปรกจะได้ไม่เห็นชัด

“ครับ ไม่ยุ่งกับใครแน่นอน...ง่วงไหม จะนอนหรือเปล่า” ผละออกมาถามเมื่อนึกได้ว่าคนที่ทั้งเหนื่อยและเพลียยังไม่ได้หลับอีกเลยตั้งแต่ตื่นมา แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลากว่าหกโมงเย็นแล้วก็ตาม

“ฮื่อ ก็ง่วง...แต่เย็นแล้วรอนอนทีเดียวเลยดีกว่า” เขาว่าอย่างนั้นผมก็ตามใจ คุยกันเรียบร้อยวินก็นอนลงแบบเดิมอีกครั้งแล้วหันกลับไปดูหนังที่ค้างไว้ต่อ ส่วนผมก็มีหน้าที่นั่งนิ่งๆเป็นหมอให้แฟนนอนดูทีวีไป

.
.
.
.
.
.
.

“สวัสดีครับ” ยกมือขึ้นไหว้พ่อกับแม่วินเมื่อมาถึงสนามบิน วันนี้เป็นวันที่วินจะเดินไปทางไปเชียงใหม่ในขณะที่ของผมจะเดินทางไปญี่ปุ่นพรุ่งนี้ วันนี้ก็เลยได้มีโอกาสมาส่งเขาขึ้นเครื่อง

“สวัสดีจ๊ะ เป็นไงบ้าง ตามใจวินจนเหนื่อยแย่เลยสิเรา” แม่ของวินเอ่ยถามยิ้มๆในขณะที่คุณพ่อเพียงแค่มองมานิ่งๆ

“วินไม่ได้เอาแต่ใจตัวเองขนาดนั้นซักหน่อย” คนเป็นลูกก็โวยวายขึ้นมาทันที ปากเล็กยู่เข้าหากันจนอยากจะกดจูบลงไปแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว แต่ขืนทำอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมอาจจะไม่ได้ไปดูงานให้พ่อแล้วเพราะโดนพ่อของวินฆ่าตายแล้วหมกศพไว้ที่สนามบิน

“แม่เลี้ยงเรามากับมือนะ จะไม่รู้ได้ไง...พัตก็อย่าตามใจวินมากนะลูก ไม่งั้นเดี๋ยวเหลิงใหญ่”

“ตามใจอะไรกันครับ นี่ก็ดุเหมือนป๊าอีกคนแล้ว” ผมดุเหรอ? นี่ก็ว่าตามใจเขาสุดๆแล้วนะ

“ใกล้ได้เวลาหรือยังคุณ” คราวนี้เป็นคนที่ยืนนิ่งเอ่ยขึ้นมา ทุกคนเลยยกนาฬิกาข้อมือตัวเองขึ้นมาดูว่าถึงเวลาที่ต้องเข้าไปข้างในแล้วหรือยัง

“เหลืออีกประมาณ20นาทีค่ะ เดี๋ยวแม่ว่าจะไปซื้อกาแฟนตรงนู้น วินรออยู่นี่ก่อนนะลูก”

“ครับ เดี๋ยววินนั่งรอตรงนี้แหละ”

“เอาไรไหมจ๊ะ...พัตล่ะ” ท่านหันมาถามผม

“ไม่ดีกว่าครับ” ผมทานข้าวจากที่บ้านมาแล้ว ทั้งผมและวินต่างแยกย้ายกันกลับบ้านตั้งแต่เมื่อวาน

“วินก็ไม่ครับ”

“จ๊ะ ไปค่ะคุณ” คุณแม่หันไปเอ่ยชวนคุณพ่อ

“ผม?”

“ค่ะ คุณนั่นแหละ ไปเร็วค่ะเดี๋ยวไม่ทัน” แล้วคุณพ่อก็โดนคุณแม่ท่านลากออกไปแบบไม่ได้ตั้งตัวเท่าไหร่ ดูเหมือนจะเป็นการเปิดทางให้ผมอยู่กับวินสองคน

“แค่เมื่อวานห่างกันก็คิดถึงแล้วอ่ะ” หลังจากที่หาที่นั่งได้มือเล็กก็เอื้อมมาคว้ามือผมไปจับแล้วลูบไปตามนิ้วเบาๆ ตั้งแต่ที่คบกันมาเรายังไม่เคยห่างกันนานขนาดนี้มาก่อน พูดถึงเรื่องคิดถึงก็ต้องคิดถึงมากอยู่แล้ว แต่แน่นอน...เราไม่สามารถอยู่ด้วยกันตลอดเวลาได้ ช่วงเวลาที่ต้องห่างกันต่างคนจะอยู่ยังไงจะได้รู้

“อดทนนะ เดือนเดียวเอง” ถ้าคิดว่านานมมันก็นาน ถ้าคิดว่าไม่นานมันก็ไม่นาน แต่ถึงอย่างไรเราทั้งสองก็ต้องอดทน ผมเองก็ต้องคิดถึงวินมากไม่ต่างกัน

“ฮื่อ...” วินส่งเสียงหงุงหงิงออกมาก่อนจะเอนหัวมาพิงแขนผมไว้แล้วโขกเข้าเบาๆ “พัตทำให้เรากลายเป็นคนติดแฟนนะ นิสัยไม่ดีเลย”

มีโทษกันด้วย เขาเป็นฝ่ายติดผมฝ่ายเดียวที่ไหนกัน

“นั่นแหละดี ติดให้เยอะๆเลย จะเอาให้วินไปไหนไม่รอด”

“ไม่ดีดิ ติดมากเวลาห่างก็คิดถึงมาก...ทรมาน” คำพูดของเขาทำให้ผมต้องกดจูบลงไปที่หัวทุยๆนั้นเบาๆอย่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ตัวผมเองก็ทรมาน

“พัตเองก็ไม่ต่างกันเลยรู้ไหม...อ่ะ จะได้เวลาแล้วครับ เตรียมตัวเร็ว” เห็นคุณพ่อกับคุณแม่วินเดินออกมาจากร้านกาแฟแล้วเรียบร้อยผมยกนาฬิกาข้อมือมาดูจึงพบว่าเหลืออีกไม่กี่นาทีก็ได้เวลา “ถึงแล้วโทรมานะครับ”

เอ่ยย้ำกับคนที่ผละออกไปนั่งตัวตรงเป็นรอบที่สี่ ย้ำมาตั้งแต่เมื่อคืนว่าถ้าถึงที่พักเรียบร้อยแล้วให้บอกกัน

“อื้อ” หงอยเลย ยิ่งใกล้ได้เวลาวินยิ่งเริ่มหงอยหนัก หน้าหวานๆไม่สดใสอย่างที่เคย แต่ถึงวันนี้ถ้าเขาจะไม่ได้ไปเชียงใหม่แต่ยังไงพรุ่งนี้ผมก็ต้องไปญี่ปุ่นอยู่ดี ท้ายที่สุดแล้วช่วงเวลาหนึ่งในสองของช่วงปิดเทอมก็ต้องห่างกัน

“เรียบร้อยหรือยังลูก” คุณแม่เดินเข้ามาถาม

“ครับแม่...เราไปแล้วนะ” ประโยคหลังวินหันมาพูดกับผม

“ครับ เดินทางปลอดภัยนะ...เดินทางปลอดภัยนะครับ”ผมหันไปอวยพรพ่อกับแม่วินด้วยทั้งคู่ คนที่หน้าหงอยพยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มอ่อนๆให้ก่อนจะเดินไปยืนข้างๆพ่อกับแม่เจ้าตัว “สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ลาท่านทั้งสอง

“จ๊ะ” คุณแม่ยิ้มรับ คุณพ่อก็ทำเพียงพยักหน้าเบาๆก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปให้วินต้องเดินตาม ผมส่งยิ้มให้คนที่มองมาราวๆซักครึ่งทางก่อนที่เขาจะรีบหันหลังเดินเข้าไปโดยไม่สนใจกันอีก แล้วแผ่นหลังบางก็ลับสายตาไปพร้อมๆกับประโยคที่เราคุยโทรศัพท์กันเมื่อคืนจะดังขึ้นมาในหัว

'เราจะไม่มองพัตจนวินาทีสุดท้ายหรอกนะ...โบราณบอกไว้ว่าถ้าเรามองใครตอนจากลาจนกระทั่งวินาทีสุดท้าย มันหมายความว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก'

ผมได้แต่หัวเราะกับทฤษฎีแปลกๆของแฟนตัวเองแล้วก็ต้องส่ายหน้าเบาๆ...ทำแบบนั้นจริงๆด้วยสินะ

.
.
.
.
.
.
.

เป็นเวลากว่าสามวันแล้วที่ผมเดินทางมาถึงญี่ปุ่น  วินกลับจากเชียงใหม่แล้วเรียบร้อยเมื่อวานนี้ คนหงอยๆพอไปถึงที่เที่ยวก็ไม่หลงเหลือความหงอยอีกเลย วินกลับมาร่าเริงเหมือนเด็กเช่นเดิมในวันนั้น ลืมอาการที่ต้องคิดถึงผมไปแล้ว

“วันนี้มีอะไรอีกไหมครับ” ผมถามผู้ช่วยที่เป็นคนญี่ปุ่นด้วยภาษาอังกฤษ เธอส่วยหน้าแล้วบอกว่าวันนี้ไม่มีอะไรที่ต้องตรวจอีกแล้วและแจ้งว่าพรุ่งนี้มีประชุมร่วมกับผู้บริหารพวกผู้ใหญ่ หน้าที่ผมที่ต้องเข้าไปก็ไม่ได้มีอะไรมากแค่เข้าไปฟังด้วยเพื่อหาประสบการณ์เท่านั้น

พอประตูห้องปิดลงเรียบร้อยก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้โต๊ะที่นั่งอยู่แล้วพักสายตาลง วันนี้ต้องดูต้องอ่านเอกสารทั้งวันเลยปวดตาไม่น้อยเลย

ติ๊ง~

เลิกงานหรือยัง
คิดถึง.

พอเห็นข้อความที่โชว์ขึ้นหน้าจอโทรศัพท์ก็รีบคว้าเจ้าเครื่องมือสื่อสารนั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปากก็ฉีกยิ้มไปอย่างอัตโนมัติเมื่อคิดถึงหน้าคนที่ไลน์มา วันนี้ทั้งวันเรายังไม่ได้คุยกันเพราะผมบอกเขาไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าจะคอลหาตอนที่ว่าง ถ้าผมไม่คอลคือสะดวกคุย

“เลิกงานแล้วครับ” ผมไม่พิมพ์ตอบแต่จัดการวิดีโอคอลหาทันที

(วันนี้ยุ่งเหรอ) เห็นด้านหลังแวปๆวินน่าจะนอนเล่นอยู่แถวๆบ่อปลาหลังบ้านเขาอีกแล้ว เห็นเจ้าตัวบอกว่าตรงนี้เป็นที่ประจำ พอปิดเทอมแล้วยิ่งสนุกใหญ่ นอนเล่นกลิ้งไปมาพร้อมกับกินไปด้วย

“ก็ต้องดูเอกสารย้อนหลังเยอะน่ะครับ แต่ตอนนี้ว่างแล้ว...วินทำอะไรอยู่”

(นอนเล่น วันนี้ออกไปข้างนอกกับแม่มา แดดร้อนมากกกกกกกกกก)

“ใส่เสื้อออกไปไหมครับ” เวลาออกไปข้างนอกผมจะต้องหยิบเสื้อคลุมเผื่อให้เขาตลอด แดดที่บ้านเราร้อนขนาดนั้นถ้าไม่ใส่ผิวได้ไหม้กันพอดี

(ใส่สิๆ แดดร้อนมากเลย...เอ้อ เดี๋ยววันนี้พ่อกับแม่จะออกไปงานเลี้ยงแหละ ต้องอยู่บ้านคนเดียว)

“ที่บอกนี่จะอ่อยกันหรือ?” ถ้าเป็นตอนที่อยู่บ้านผมคงคิดว่าวินอยากให้ไปหาแน่ๆ หึหึ

(รุ่นนี้ไม่ต้องอ่อยแล้วไหม ไม่ได้ทำไรก็มีคนคิดถึงจะแย่) เสียงปลายสายเอ่ยล้อเลียนกลับมา และมันก็ไม่มีตรงไหนผิดจากที่เขาพูดซักนิด มาที่นี่แค่สามวันให้ความรู้สึกราวกับมาสามเดือน

“ครับ คิดถึงจริงๆ”

(เหมือนกันนะ...)

ก๊อก ก๊อก

“เข้ามาได้...แป๊บนะครับ” ยังไม่ทันจะพูดต่อเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมจัดการเอ่ยบอกปลายสายไป ก่อนจะส่งสายตามีคำถามให้กับคนที่เข้ามาตอนนี้

“ขอโทษค่ะ แต่คุณมิกะมาขอเข้าพบคุณพัตค่ะ”

ให้ตายเถอะ...งานเข้าจนได้

“เธอบอกหรือเปล่าครับว่ามีธุระอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องงานบอกไปเลยว่าผมไม่รับแขก” มิกะเป็นลูกสาวของคู่ค้าทางด้านธุรกิจคนนึง ครอบครัวผมและเธอต้องอาศัยซึ่งกันและกัน เจอกันครั้งแรกตอนที่ไปงานเลี้ยงซักงานใดงานนึง และหลังจากนั้นทุกครั้งที่รู้ว่าผมมาญี่ปุ่นเธอก็จะเข้ามาหาเสมอ

“เธอแจ้งว่าเรื่องของโรงแรมKKKค่ะ” ให้มันได้อย่างนี้สิ แม้ว่าจะไม่อยากพบแค่ไหนแต่มิกะก็หาเรื่องให้เข้าพบให้ได้อยู่ดี ครั้งนี้ก็เช่นกัน โรงแรมKKKเป็นโรงแรมคู่แข่งของเรา ข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามรู้ไว้ก็ไม่เสียหาย ยิ่งรู้เยอะรบร้อยครั้งก็ย่อมชนะร้อยครั้ง

“งั้นให้เธอเข้ามาได้ครับ”

“ค่ะ”

พอผู้ช่วยออกไปแล้วผมก็รีบยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาดู พอเห็นว่าอีกคนยังอยู่ก็โล่งใจ วินนอนจ้องผมตาแป๋วเลย

“เดี๋ยวพัตคุยงานแป๊บนึงนะ ดึกๆจะคอลหาอีกทีนะครับ”

(อื้อ งั้นพัตทำงานต่อเถอะ เราจะรอนะ)

“บ๊ายบายครับ” แล้วก็เป็นผมที่ตัดสายก่อนเมื่อประตู้ห้องทำงานถูกเปิดเข้ามา เจ้าของเรือนร่างเย้ายวนเดินนวยนาดเข้ามาหาอย่างช้าๆ มิกะถอดแว่นกันแดดออกแล้วเอาคล้องที่คอให้ชุดเดรสที่ค่อนข้างเปิดเผยเนื้อหนังรั้งลงจนเห็นอะไรๆไปหมด
แต่เสียใจ...มันไม่ได้น่าดึงดูดสำหรับผมเลยซักนิด

“ทำไมจะเข้าพบพัตแต่ละทีมันยากจังคะ มิกะต้องมีเรื่องงานเท่านั้นใช่ไหมพัตถึงจะให้เข้ามาหาได้” ใบหน้าสวยเฉี่ยวบูดบึ้งเล็กๆ

“ครับ แค่เรื่องงานเท่านั้น...เอาล่ะ ว่ามาว่าวันนี้มิกะมีเรื่องอะไร” ผมไม่เคยให้ความหวังเธอและบอกชัดเจนเสมอในทุกครั้งว่าไม่มีทางที่จะสานต่อความสัมพันธ์ มิกะเองก็คงจะชินแล้วถึงไม่รู้สึกอะไรตอนที่ผมพูดออกไป

“ข้อแลกเปลี่ยนล่ะคะ?” แน่นอนว่าทุกครั้งที่เธอมาพร้อมข้อมูลมิกะไม่มีทางจะเข้ามาโดยไม่หวังอะไรเป็นการตอบแทน คนเราก็แบบนี้ ทุกอย่างต้องมีการแลกเปลี่ยนเสมอ

“คุณต้องการอะไรล่ะ”

“ดูหนังซักเรื่องแล้วดินเนอร์หรูๆเป็นไงคะ” แล้วก็อีหรอบเดิม ไม่เคยพ้นเรื่องแบบนี้

“ถ้าข้อมูลที่คุณมีมันดีพอ ผมตกลง”









TBC.


Talk.

ย่องมาเสิร์ฟฮะ!
เอาแล้ววววว~ เพราะเรื่องงานเนอะพัตเขาเลยต้องยอมแลกอ่ะจ้า  :mew3: :mew3: ย้ำอีกทีว่าเรื่องนี้ไม่มีดราม่านะคะไม่ต้องห่วง :mew1: :mew1: งอนกันเล็กๆน้อยๆตามประสาแค่นั้นเองงงงงง อ้อ...เรื่องโบราณว่าที่สนามบินนี่คนเขียนก็เอามาจากนิยายที่เคยอ่านซักเรื่องนะคะ มันทำให้คนเขียนเองก็เชื่อแบบนั้นมาตลอดเลยเอามาเขียนซะเลย^^
ตอนแรกบอกจะจบตอนนี้ใช่ไหมเอ่ย...ปัญหาคือมันหาที่ลงไม่ได้อ่ะค่ะ ก็เลยแบบ...โอเค ยังไม่จบก็ได้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ยิ่งมีตัวละครเพิ่มมาอีกก็คงอีกซักพักเลย(แล้วแต่อารมณ์คนเขียนล้วนๆ อิอิ)
ขอบคุณทุกคอมเม้นทุกกำลังใจนะคะ :pig4: :pig4:


FanPage >>> https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/?ref=aymt_homepage_panel

หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-03-2016 02:56:35
จะก่อดราม่าใช่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-03-2016 07:16:30
งานมันจะเข้าพัตไหม 
วินยิ่งคิดมากอยู่ ไม่รู้ว่าข่าวอะไรจะหลุดไปถึงเมืองไทย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-03-2016 10:31:23
ชะนีโผล่มาทีไร มักเกิดเรื่องทุกที
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 01-03-2016 10:57:52
หวานกันมากกกก มาอ่านรวดเดียวจบเลย555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-03-2016 11:03:16
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-03-2016 11:17:30
เดี๋ยวๆ ยัยมิกะนี่เป็นตัวก่อดราม่าแน่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 01-03-2016 11:36:13
คิดถึง  นานแล้วไม่ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 01-03-2016 13:11:14
ชะนีมาแบบนี้ ดราม่าแน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-03-2016 13:28:15
วินก็นั่งเครื่องมาหาพัตที่ญี่ปุ่นเลยก็หมดเรื่อง
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 01-03-2016 13:44:47
 :z6: :z6: :z6: :z6: โดดถีบให้น้องวิน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-03-2016 14:35:33
มีชะนีที่ไหน มีดราม่าที่นั้น
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-03-2016 16:54:22
อีนังชะนีมิกะ เอาเรื่องงานมาอ้างอีกแระ แร่ดได้โล่เลยนะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่22 01/03/2559(02.52) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: GMJeam ที่ 02-03-2016 12:57:49
ยาวๆเลย  :mew4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 02-03-2016 21:17:32
ตอนที่ 23


หลังจากที่คุยธุระกับมิกะเสร็จผมก็ขึ้นไปห้องพักซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม พออาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้วก็ต้องมาหนักใจเรื่องที่จะต้องบอกวิน

เห้อ

เรื่องงานต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัว นั่นเป็นสิ่งที่พ่อบอกผมเสมอ...แต่มันก็ไม่ได้ทำง่ายขนาดนั้นเมื่ออีกคนสำคัญสำหรับผมมากกว่าอะไรทั้งหมด

ก้าวขึ้นเตียงเรียบร้อย เอนหลังนั่งพิงพนักหัวเตียงก่อนจะคว้าโทรศัพท์กดวิดิโอคอลไปหาคนที่อยู่คนละประเทศ รอสัญญาณไม่นานใบหน้าน่ารักๆก็ปรากฏขึ้นที่หน้าจอ

(งานวันนี้เรียบร้อยแล้วเหรอ) วินยังอยู่ในชุดที่คุยกันเมื่อตอนเย็นแค่ต่างที่ตอนนี้นั้นคนตัวเล็กอยู่ในห้องนอนของตัวเองไม่ใช่บ่อปลาหลังบ้านเช่นเดิม

“ครับ” ยิ่งเห็นหน้าวินก็ยิ่งคิดเรื่องที่จะบอกอย่างกลัดกลุ้ม

(พัต)

“ครับ?” ละสายตาที่เหม่อไปไกลกลับมายังเครื่องมือสื่อสารในมือ มองคนตรงหน้าที่กำลังขมวดคิ้วหน่อยๆ

(เป็นอะไรรึเปล่า เหนื่อยเหรอ) ใบหน้าหวานฉายชัดถึงความเป็นห่วง

“นิดหน่อยน่ะ วินครับ...พัตมีเรื่องจะบอก” ไม่ว่าจะลำบากใจในการที่จะบอกแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วก็ต้องบอกอยู่ดี

(อื้อ เรื่องอะไร ทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น)

“คือว่า...”

(...)

“...”

(ไม่ได้นอกใจเราใช่ไหม?)

“ไม่ใช่นะวิน!” คำพูดวินทำเอาผมต้องร้องออกมาอย่างตกใจ สีหน้าแววตาที่วินแสดงออกมามีความไม่มั่นใจอยู่ในนั้นจนผมร้อนรน อะไรที่ทำให้เขาคิดแบบนั้นกัน

“พัตไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลยนะ ไม่เคยมองคนอื่นเลยด้วยซ้ำ”

(ก็พัตทำให้เรากลัว อึกๆอักๆแบบนั้นเราก็คิดไปเรื่องไม่ดีก่อนเลย) คนตัวเล็กเอ่ยตอบเสียงเบา

“เรื่องที่พัตจะบอกก็คือ...” แล้วเรื่องราวของมิกะก็ถูกถ่ายทอดออกมาให้วินฟังโดยไม่มีการปิดบังอะไรทั้งนั้น ตลอดเวลาที่ผมเล่าวินตั้งใจฟังเงียบๆโดยไม่พูดอะไร อีกคนมีสีหน้าเรียบเฉยที่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่บ้าง

“นี่แหละเรื่องที่พัตจะบอกวิน...”

(...)

“วินครับ” วินยังคงนิ่งจนผมกังวลไปหมด เราทั้งสองสบตากันผ่านหน้าจอเล็กๆท่ามกลางความเงียบรอบตัว ก่อนจะเป็นวินที่ค่อยๆถอนหายใจออกมา

(จะให้เราพูดว่าไม่เป็นไรก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกนะ เราเข้าใจถึงเหตุผลทุกอย่าง...เพียงแต่ก็อดไม่ชอบใจไม่ได้อยู่ดี จะให้แฟนไปดูหนังไปทานข้าวกับผู้หญิงคนอื่นเป็นใครก็ต้องทำใจยอมรับลำบากใช่ไหม ยิ่งเราอยู่ไกลกันแบบนี้แล้วด้วย...)

“พัตอยากให้วินเชื่อใจ ถ้าพัตจะสนใจมิกะพัตก็คงสนใจไปนานแล้ว...เพราะฉะนั้นวินจะเชื่อใจพัตได้ไหม สัญญาว่าวันนั้นจะไลน์หาตลอด” จะคอยรายงานว่าอยู่ไหนทำอะไร ไม่อยากให้เขาต้องกังวลหรือคิดไปเองว่าวันนั้นผมทำอะไรอยู่บ้าง ภาพในหัวมันมักจะไปไกลกว่าความจริงเสมอ

(...เห้อ เราจะพยายาม) รอยยิ้มจางๆถูกส่งมาให้จากคนที่อยู่คนละประเทศ ผมรู้ว่าวินก็คงไม่ได้สบายใจแต่ยังดีที่เขาเข้าใจไม่ได้โวยวายแบบไม่มีเหตุผล

“พัตรักวินนะ” เอ่ยย้ำคำนี้อีกครั้งให้เขามั่นใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันจะเป็นอย่างนี้เสมอ ความรู้สึกผมไม่เคยเปลี่ยน

(เราก็รักพัตนะ...ขอบคุณที่ยังบอกกัน) ที่ผมตัดสินใจบอกเขาเพราะถ้าให้วินมารู้มาเห็นเรื่องนี้จากคนอื่นมันคงแย่กว่าที่เขารู้จากปากผมเอง เป็นคนรักกันไม่ควรจะมีเรื่องที่ปิดบังหรือเรื่องที่เป็นความลับต่อกัน พอพูดให้อีกคนฟังเราก็จะสบายใจขึ้น ไม่ต้องทำอะไรหลบๆซ่อนๆลับหลังกัน แม้ว่าจะเป็นการปิดบังเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจก็ตาม

“แล้วนี่ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอหืม” ผ่านเรื่องมิกะไปก็เป็นแค่เรื่องผมกับเขาสองคน ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพูดถึงคนอื่นแล้ว

(ที่นี่พึ่งจะหกโมงกว่าๆเองนะ ยังไม่ดึกซักหน่อย) ที่ไทยหกโมงกว่าๆ ที่นี่ก็สองทุ่มกว่าๆ

“อาบเร็วไว้ก็ดีนะครับ จะได้ไม่เป็นหวัด...แล้วนี่ทานข้าวหรือยัง”

(ทานแล้ว~ พัตทานอะไรรึยัง) พอวินถามขึ้นผมถึงนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้ทานข้าวตอนเย็น

“ยังเลยครับ ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” ใช้คำว่าตื้อน่าจะใกล้เคียงที่สุด

(ไม่ได้นะ ไม่หิวก็ต้องทานอะไรบ้าง)

“ไม่มีแฟนกินข้าวด้วยอะไรก็ไม่อร่อยซักอย่าง” เอ่ยอ้อนคนรักออกมาจนอีกฝ่ายต้องหลบสายตาไป ดูเหมือนว่าแก้มที่ผมจำได้ดีว่านุ่มและหอมแค่ไหนนั้นจะขึ้นสีจางๆด้วยความเขิน ไม่บ่อยเลยที่ผมจะพูดแบบนี้

(ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลย เดี๋ยวก็ต้องไปดินเนอร์หรูกับสาวๆนี่ก็คงลืมแฟนไปแล้วมั้ง) ผมรู้ว่าวินยังคงคิดเรื่องนี้อยู่ตลอด มันคงยากที่จะให้เขาพยายามลืมๆไป

“โถ่วิน เลือกได้พัตก็ไม่อยากไปเลยซักนิด...คิดถึงคนที่อยู่เมืองไทยคนเดียว คิดถึงจะแย่ อยากนอนกอด อยู่นี่นอนไม่ค่อยหลับเลย” ไม่มีร่างนุ่มนิ่มคอยให้นอนกอดผมนอนไม่ค่อยจะหลับจริงๆ คิดถึงไม่คิดถึงก็แอบเอาเสื้อของวินติดมาด้วยคิดดูสิ เป็นเอามากจริงๆ

(ให้มันจริงเถอะ) สายตาค้อนขวับแต่ปากเล็กกลับฉีกยิ้มออกมาจนผมต้องยิ้มตาม

แล้วเราก็คุยกันต่อทั้งคืนจนวินเห็นว่าที่นี่ดึกมากแล้วนั่นแหละเลยบอกให้ผมเข้านอนเพราะต้องไปทำงานเช้าทุกวัน แม้ว่าอยากจะเห็นหน้าเขาอยากได้ยินเสียงเล็กๆนั่นต่อแค่ไหนแต่ก็ทำไม่ได้

.
.
.
.
.
.
.

ทุกๆวันผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึก เข็มนาฬิกากว่าจะขยับแต่ละทีช่างดูลำบากยากเย็น แต่ผมก็ยังต้องทำงานตามปกติจนเวลาล่วงเลยมาเป็นอาทิตย์ มิกะบอกว่าเธอยุ่งๆเลยยังไม่มีเวลาที่จะนัดวันมาซึ่งนั่นก็ทำให้ผมได้มีเวลาหายใจหายคอบ้าง แค่คิดว่าต้องอยู่กิบเธอทั้งวันก็พลันไม่อยากจะทำอะไรขึ้นมาทันที แต่เรื่องที่น่าเบื่อหน่ายและน่าหงุดหงิดไปยิ่งกว่านั้นก็คือวันนี้ทั้งวันผมยังติดต่อวินไม่ได้เลย!

เข้าไปดูทั้งในไอจีและเฟสบุ๊คเป็นรอบที่ล้านก็ไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวอะไร หลังจากคืนที่เราคุยกันวินก็ปกติดีทุกอย่าง เราคุยกันบ่อยเท่าที่ผมจะมีเวลาให้ ทุกอย่างไม่ได้ผิดแปลกอะไรเลย

ก๊อก ก๊อก

วางโทรศัพท์ที่พยายามจะกดโทรไปหาคนทางนั้นลงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู

“เชิญครับ”

“ทำอะไรอยู่เรา หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว” แม่เป็นคนเอ่ยถามขึ้นเมื่อท่านเดินเข้ามาหาพร้อมกับพ่อที่ตามมาทางด้านหลัง พอคนเป็นแม่ท้วงถึงพึ่งรู้ตัวว่าตอนนี้คิ้วตัวเองขมวดกันแน่นแค่ไหน จนต้องยกมือขึ้นนวดหัวคิ้วเบาๆให้มันคลายออกเพราะเริ่มรู้สึกปวดตุบๆที่ขมับ

“ก็ตรวจเรื่องค่าใช้จ่ายในโรงแรมนี่แหละครับ พ่อกับแม่มีอะไรรึเปล่าถึงมาหาผมถึงที่นี่เลย” ถ้าเป็นปกติอาจจะโทรมาให้ผมไปพบที่ห้อง

“พอดีพ่อกับแม่มีนัดสำคัญตอนค่ำนะจ้ะ เลยมาบอกเรา...เคลียร์งานแล้วออกไปข้างนอกกัน” ก็คงจะเป็นนักธุรกิจนักการเมือง หรือเซเลปซักคนที่ต้องการเข้ามาคุยเพื่อความสัมพันธ์ที่จะเอื้อให้ทั้งสองฝั่งทำงานกันง่ายขึ้น ผมเบื่องานแบบนี้แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ การผูกสัมพันธ์กับคนเยอะๆจะทำงานของเราดำเนินไปได้ง่ายและรวดเร็ว

“ก็ได้ครับ ผมไม่ได้ติดอะไรอยู่แล้ว” ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่โมงเย็น แสดงว่าคงต้องออกไปในอีกไม่กี่ชั่วโมง
“แล้วตรวจงานเป็นไงบ้างล่ะเรา” คราวนี้เป็นพ่อที่เอ่ยถามขึ้นมา

“ก็ดีครับ แต่มีบางจุดที่ผมยังคิดว่าเรามีทางที่จะลดค่าใช้จ่ายลงได้อีกโดยที่ยังคงรักษามาตรฐานของโรงแรมเอาไว้ได้เช่นเดิม ยังไงเดี๋ยวผมจะเข้าไปคุยกับพ่ออีกที”

“โอเค งั้นพ่อกับแม่ไม่รบกวนแล้ว เจอกันตอนหกโมงเย็นแล้วกัน...ไปกันเถอะคุณ” ผมยิ้มให้ท่านทั้งสองก่อนที่จะกลับมาขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อประตูห้องปิดลง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาวินอีกก็ไม่ติด ในใจเริ่มกังวลไปหมด กลัวว่าเขาจะเป็นอะไรรึเปล่า






“คนนี้สำคัญมากเลยเหรอครับเราถึงต้องมากันทั้งหมดเลย” ในระหว่างที่กำลังเดินเข้ามาในร้านทางส่วนที่เป็นโซนห้องวีไอพีผมก็อดจะถามขึ้นมาไม่ได้

“ก็...สำคัญสิจ๊ะ มากเลยล่ะ” พอถึงห้องพนักงานก็ผายมือเชิญเราให้เข้าไป โดยที่ผมเดินเข้าไปเป็นคนสุดท้าย...

“วิน! มาได้ยังไงครับ?!” คนที่ผมพยายามจะติดต่อทั้งวันมานั่งฉีกยิ้มกว้างอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน! คิดว่าตัวเองฝันจนต้องถลาเข้าไปสัมผัสตามเนื้อตามตัวของคนที่นังอยู่บนพื้น ลูบหน้าลูบตาเขาไปมา

ตัวเป็นๆ ตัวจริงๆ...ไม่ได้ฝัน!

“ก็...นั่งเครื่องมา” ตอบแบบนี้นี่ตั้งใจจะกวนกันใช่ไหม คิดถึงจนอยากจับฟัดจะแย่แล้ว

แต่...เดี๋ยวนะ

“พ่อกับแม่ก็รู้เรื่องด้วยเหรอครับ” คราวนี้หันมาถามพ่อกับแม่ตัวเองที่นั่งยิ้มๆอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่คิดเลยว่าทั้งสามคนจะรวมหัวกันเซอร์ไพร์สผมแบบนี้

“ใช่จ๊ะ รู้ตั้งแต่น้องวินขึ้นเครื่องจากเมืองไทยมาแล้วล่ะ” แม่ครับบบบบ

“ไม่ต้องมายิ้มเลย เดี๋ยวต้องเคลียร์กันยาวแน่ๆ...พัตเป็นห่วงแทบแย่ที่ติดต่อไม่ได้เลยทั้งวัน”

“เรื่องของเราเอาไว้ก่อนนะ...สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ขอโทษที่เสียมารยาทไม่ได้สวัสดีตั้งแต่แรกนะครับ” วินหันไปไหว้พ่อกับแม่ผม ท่านทั้งสองก็รับไหว้แล้วอมยิ้มเล็กน้อย โดยเฉพาะแม่ที่สัมผัสได้ว่าจะมีความสุขจนหน้าบานใหญ่ นี่แฟนผมหรือแฟนแม่กัน==

“ไม่เป็นไรลูก ลูกชายพ่อเข้าชาร์จเราเร็วขนาดนั้นจะเอาเวลาที่ไหน...พัตก็เข้าไปใกล้น้องอะไรขนาดนั้น เขยิบมาหน่อยก็ได้เดี๋ยววินอึดอัด” พ่อหันมาพูดกับผมที่ยังคงจับไหล่เล็กของวินไว้แน่น

“ถ้าสิงวินได้ผมคงทำไปแล้ว”

“พัต!” ฝ่ามือเล็กฟาดเบาๆลงบนหน้าขาพร้อมกับส่งค้อนมาให้ พ่อกับแม่ก็ส่ายหน้าใส่ด้วยความระอา แต่ถามว่าผมสนใจไหม? แน่นอนว่าไม่

“ยังไงตอนนี้ก็สั่งอาหารกันก่อนดีไหมจ๊ะ น้องวินพึ่งลงเครื่องยังไม่ได้ทานอะไรใช่ไหมลูก”

“ครับ” วินตอบรับ

ผมขยับมานั่งข้างวินดีๆหลังจากที่ตอนแรกนั่งหันหน้าเข้าหา เอื้อมมือไปคว้ามือเล็กมาวางไว้บนตักตัวเองโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแม้ว่าเจ้าของมือจะพยายามดึงกลับไปแค่ไหน แสร้งทำเป็นกดกริ่งเรียกพนักงานเข้ามาสั่งอาหารให้วินต้องหยุดดิ้นไปก่อน

ปากเล็กบ่นขมุบขมิบแต่ท้ายสุดแล้วก็ต้องยอมให้จับ...

กลับไปโรงแรมต้องเคลียร์กันยาวนะตัวแสบ.








“เล่ามาให้หมดเลยนะครับ” ตอนนี้ผมกำลังทำการสอบสวนนักโทษอยู่...

“อ๊ะ...จะให้เราเล่าหรือจะทำอะไร มานอนทับเราทำไมกัน” เป็นการสอบสวนแบบพิเศษเลยต้องสอบสวนบนเตียง เพราะว่าพอสอบสวนเสร็จก็ต่อด้วยการลงโทษทันที จะเอาให้ลุกไม่ขึ้นเลยคอยดู

“ทั้งให้เล่าทั้งจะทำอะไร ถ้าไม่เล่างั้นจะทำอะไรก่อนแล้วนะ ค่อยคุยกันอีกทีพรุ่งนี้” โน้มหน้าลงไปใกล้เพื่อยืนยันว่าที่พูดไปนั้นไม่ได้พูดเล่นจนวินเบี่ยงหน้าหลบแล้วรีบละล่ำละลักบอก

“ฮื่อ เล่าแล้วๆ...เล่าแล้วนะ ฟังเราก่อน”

“โอเคครับ ให้เวลาพูดห้านาที” เพราะหลังจากนี้จะไม่ไห้พูดแล้ว

“พัตอ่ะ...ก็เราว่างสามวันก่อนที่จะเริ่มทำโปรเจ็ค ก็เลย...ก็เลย...แว๊ปมาหาพัตก่อน แล้วคุณแม่ท่านโทรมาหาเราก็เลยปรึกษาถามทางว่าโรงแรมอยู่ตรงไหน แล้วเราก็เป็นคนขอร้องให้ไม่ให้ท่านบอกพัตเองแหละ...ก็อยากเซอร์ไพร์สไง” ไม่ต้องมาพูดด้วยเสียงน่ารักและหน้าตาน่ารักใส่ให้ผมใจอ่อนเลย เขาจับจุดอ่อนผมได้ รู้ดีว่ายังไงผมก็ไม่กล้าดุเขามากอยู่แล้ว

“ไม่ต้องเลยนะครับ พัตเป็นห่วงนะไม่อยากให้เดินทางคนเดียวเลย...แล้วยิ่งติดต่อไม่ได้ทั้งวันอีกเป็นห่วงจะแย่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาพัตจะทำยังไง” แล้วนั่งเครื่องมาคนเดียวตั้งกี่ชั่วโมงกัน คอยบอกให้ผมรู้ก็จะได้สบายใจบ้าง นี่แค่คิดว่าระหว่างที่ผมติดต่อเขาไม่ได้เกิดวินเป็นอะไรขึ้นโดยที่ผมไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ไหนใจก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว

“เราไม่เป็นไรเลย ญี่ปุ่นนี่เคยมาบ่อยแล้วนะ...อีกอย่างคราวนี้คุณแม่ก็ส่งคนไปรับถึงสนามบิน หายห่วงแน่นอน” แล้วร่างเล็กก็ขยับเข้ามาคลอเคลียอย่างออดอ้อน

เห้อ ก็เป็นซะอย่างนี้ ใครจะกล้าดุเขาไปมากกว่านี้กัน

“ทีหลังถ้าจะมาก็บอกพัตก่อนนะรู้ไหม ต้องคอยบอกตลอดด้วยว่าถึงไหนอะไรยังไง ไม่ใช่ว่าหายมาเฉยๆแบบนี้อีกนะ”

“อื้อ หายโกรธนะ” หัวทุยๆซุกเข้าอกแล้วถูไถไปมาราวกับแมวอ้อนเจ้าของ

“ไม่โกรธครับ แต่ยังไงก็ต้องลงโทษนะ”

“ฮื่อ ลงโทษอะไรเล่า” คราวนี้วินผละออกมามองหน้ากัน

“อ้อนวอนแค่ไหนวันนี้พัตก็ไม่ให้นอนหรอก”

“อะ อื้อ!” แล้วกว่าที่วินจะได้นอนก็ตอนที่แสงสว่างของดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้านั่นแหละ ครั้งสุดท้ายที่ผมยอมปล่อยให้เขานอนก็ตอนที่วินหลับไปทันทีที่เสร็จสิ้นภารกิจในยกนั้น ยิ่งไม่ได้เจอกันเกือบอาทิตย์ยิ่งทำให้ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ และอีกคนเองก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือขัดขืนอะไร แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่วินก็ให้ความร่วมมืออย่างดีจนร่างกายเขาทนไม่ไหวปิดสวิตซ์ตัวเองไป








“ตัวเราเป็นรอยอย่างกับตุ๊กแกเลย” วินโวยวายออกมาในตอนที่เรากำลังนั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน ร่างกายเขาระบมจนต้องย้ายตัวเองมานั่งกินที่หน้าโซฟาแล้วเอาทั้งผ้าห่มและหมอนมารองให้นั่ง นี่คือข้าวมื้อแรกของเราทั้งคู่เพราะกว่าจะตื่นก็ปาไปสี่โมงเย็นแล้ว

“ก็ตอนทำเห็นวินร้องบอกว่าเอาอีกๆพัตเลยไม่ขัด”

หมอบใบเล็กลอยมาหวืดจากฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็วแต่ผมไหวตัวหลบทัน ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อประโยคล้อเลียนนั้นทำให้แฟนของผมเขินจนหน้าแดงและลามไปทั้งตัว

“จะพูดทำไมเล่า!” ยิ่งเห็นเขาเขินผมยิ่งอารมณ์ดี วันนี้พ่อกับแม่อนุญาตให้หยุดงานเป็นกรณีพิเศษเลยมีเวลาว่างที่จะอยู่ด้วยกัน
 
“ฮ่ะๆ แล้วนี่โปรเจ็คจะเริ่มทำวันไหนครับ” ตักอาหารในจานให้วินทานข้าวต่อก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเมื่อแกล้งเขาจนพอใจแล้ว ที่วินตามมาไม่ได้ในทีแรกเพราะปิดเทอมนี้เขามีโปรเจ็คที่ต้องส่งอาจารย์ ทั้งยังต้องไปเก็บข้อมูลถึงต่างจังหวัดเลยตามมาไม่ได้ กว่าที่งานจะเสร็จก็เป็นช่วงที่ผมกลับไทยพอดี

“ก็อีกสามสี่วันแหละ เพราะมัวแต่เสียเวลามาหาใครก็ไม่รู้อยู่นี่ไง”

“ใครไม่รู้ที่ไหนกัน...นี่แฟนไง หรือต้องบอกว่าเป็นสามีแล้วไหม”

“พัต!”

“เห้ย! วินครับ...นั่นแก้วๆ หัวแตกได้” มือเล็กๆนั่นไปอย่างรวดเร็วมาก คว้าแก้วข้างตัวมาไว้ในมือแล้วทำท่าเหมือนจะโยนใส่กัน อะไรจะเขินแรงขนาดนั้นครับ

“แตกไปเลย...พูดอะไรก็ไม่รู้” คนหน้าขึ้นสีวางแก้วลงที่เดิมก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างไม่ยอมสบสายตา

“โอ๋ ไม่แกล้งแล้วก็ได้” เดี๋ยวจะหาว่าผมใจร้ายชอบแกล้งแฟนตัวเอง(แฟนน่ารักขนาดนี้ใครไม่ชอบแกล้งนี่เป็นไปไม่ได้จริงๆ)

“ชอบแกล้งเรานะ เดี๋ยวเถอะ...จะงดเรื่องนั้นทั้งเดือน”

“ไม่เอา! ถ้างดขนาดนั้นก็ฆ่ากันเลยเถอะ...ไปหยิบมีดในครัวมาเลย” ให้ทนขนาดนั้นผมใจขาดตายพอดี

“งั้นก็เลิกแกล้งเราสิ...คนนิสัยไม่ดี : P "

“ไม่รักก็ไม่แกล้งหรอกนะครับ” พูดเสียงอ่อนพร้อมส่งสายตาไปให้อีกฝ่าย ถ้าวินรู้วิธีการที่จะอ้อนผม ผมก็มีวิธีการของผมเหมือนกัน ไม่มีเลยซักครั้งที่วินจะสู้ได้ เขาทนสายตากับเสียงอ่อนๆของผมไม่ได้นานหรอก หึหึ

“กะ กินข้าวต่อได้แล้ว!” แล้ววินก็รีบเปลี่ยนเรื่องไปทันที ตัวผมเองก็ยอมไม่แกล้งเขาต่อในที่สุด เราต่างกินข้าวกันไปโดยมีการตักอาหารให้กันบ้าง พูดคุยกันเรื่องเล็กๆน้อยๆบ้าง การมีวินอยู่ด้วยทำให้วันที่แสนน่าเบื่อของผมกลายเป็นวันที่แสนจะมีความสุข แต่ก็น่าเสียดายที่เขาอยู่ได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น แต่แค่นี้ก็ถือว่ายังดีแล้ว

“พัต คุณมิกะอะไรนั่นสวยมากไหม” อยู่ดีๆวินก็ถามขึ้นในขณะที่ผมนั่งดูงานผ่านไอแพดอยู่บนโซฟาโดยที่ตัวเขาก็นั่งดูรายการเกมโชว์อยู่ข้างๆ

“สำหรับพัตไม่ครับ” ผมไม่ชอบแบบนั้นนี่ ผมชอบแบบคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆกันตอนนี้มากกว่า

“มีรูปเธอรึเปล่า?”

“ไม่มีครับ วินอยากเห็นเหรอ?...เสิร์ชในเน็ตก็คงจะมีมั้งพัตเองก็ไม่แน่ใจ ไม่เคยสนใจ” เธอเป็นลูกหลานนักธุรกิจหรือที่เรียกง่ายๆว่าเซเลปก็เลยอาจจะมีภาพขึ้นตามอินเทอร์เน็ตบ้าง แต่ผมไม่เคยเปิดดูหรืออะไรทั้งนั้น ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยซักนิด ผมไม่เคยเห็นเธอผ่านหน้าจออะไรเลยด้วยซ้ำเพราะไม่สนใจจริงๆ

“อื้อ ก็อยาก...แต่เดี๋ยวเราหาเอง”

“ครับ ตามใจ...งั้นพัตดูงานต่อนะ” วินอยากจะทำอะไรก็ตามใจเขาผมไม่ห้ามอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเรื่องมิกะยิ่งไม่ได้สนใจเลย หันกลับมามองงานในมือต่อเมื่อวินไม่ได้พูดอะไรอีก เห็นแค่เขากดๆจิ้มๆที่ไอแพดส่วนตัวของผมเพียงเท่านั้น

“คนนี้เหรอ?” วินยกไอแพดในมือขึ้นให้ผมดูรูป

“ครับ...คนนี้แหละ เห็นไหมว่าเฉยๆ”

“เซ็กซี่จัง...” เหมือนคำนี้วินจะพูดกับตัวเองมากกว่า

“เซ็กซี่ไม่เท่าวินหรอก เห็นหมดขนาดนั้นยังมีอะไรให้ตื่นเต้นอีกครับ” มิกะชอบแต่งตัวเปิดเผยเนื้อหนังและโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมไม่ชอบใจที่สุด ถ้าเป็นวินแค่สวมเสื้อยืดบางๆผมให้ไปเปลี่ยนเป็นตัวใหม่แล้ว ของแบบนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเปิดเผยให้คนอื่นดูซักนิด ถ้าอยู่ในห้องกับผมสองต่อสองก็ว่าไปอย่าง อันนั้นวินจะไม่ใส่อะไรเลยผมยิ่งชอบ

“ก็เธอสวย จะโชว์ขนาดนั้นก็ไม่แปลก...ถ้าเป็นเราก็คงมองตามเหมือนกัน”

“ใครให้มองหืม จะผู้ชายหรือผู้หญิงพัตก็ไม่ให้มองทั้งนั้นแหละ” ผมหวงเขา ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม

“ไม่เคยอยากมองเธอเลยเหรอ?” คราวนี้ผมวางไอแพดในมือลงแล้วดึงตัววินให้นั่งลงบนตัก แขนเล็กของคนในอ้อมกอดก็คล้องเข้าที่คอโดยอัตโนมัติ

“ไม่นะ เฉยๆเลย” ผมไม่ได้ตายด้านอะไรแบบนั้นหรอก เจอผู้หญิงคนอื่นก็มองบ้างตามธรรมดาของผู้ชายแต่ไม่ใช่ในสไตล์แบบนี้ ส่วนมากจะคล้ายๆวินมากกว่า คนที่ดูเรียบๆซื่อๆแต่มีเสน่ห์ที่ออกมาโดยไม่ต้องปรุงแต่งอะไรทั้งนั้น มองแล้วสบายตา

“แล้วเคยมองคนอื่นไหม?” นั่นไง วกเข้ามาถามจนได้สินะ คราวนี้ผมขยับตัวอย่างเกร็งๆ สายตาของคนตรงหน้าเริ่มนิ่งเฉย

“ก็...ยอมรับเลยว่านิดหน่อย แต่แค่มองไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆครับ” เห็นของสวยงามคนเราก็มองเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่ว่าผมอยากได้หรืออะไร แค่มองเฉยๆ

“โอเค ถ้าแค่มองเราไม่ว่าอะไร แต่ถ้าคิดมากเกินกว่านั้นล่ะก็...”

“...”

“จะเฉือนทิ้งให้หมดเลย!”






TBC.

Talk

มาเร็วเคลมเร็วมาก  :impress2: :impress2: คนเขียนน่ารักขนาดนี้ส่งกำลังใจให้กันเล็กๆน้อยๆหน่อยได้ไหมน๊าาาาา~  :mew2: :mew2:

รวั๊กกกกกก :mew1: :mew1:

Talk with me. >> https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/?ref=aymt_homepage_panel


หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-03-2016 21:19:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: GMJeam ที่ 02-03-2016 22:00:40
น่ารักสุด นอนดิ้นแปป  :ling1:  :ling1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 02-03-2016 22:09:18
น่ารักทั้งคู่  :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 02-03-2016 22:17:13
น่ารักกก
น้องวินแอบโหดอ่ะ จะเฉือนทิ้งเลยหรา
 :laugh:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 02-03-2016 22:26:35
น่ารัก  :m1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-03-2016 23:59:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:   เมียตามมาคุม อิอิ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 03-03-2016 00:57:02
ชอบผู้ชายแบบพัตอ่าาา หาได้จากที่ไหน  :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 03-03-2016 00:57:50
น่ารักกกกก อ่านไปก็เขิลไป  :-[ 
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-03-2016 01:48:42
ฟินกันไป ^^
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-03-2016 10:34:32
ผช อย่างพัตมีอยู่ที่ไหนอีกไหม (อยากได้ๆๆ)
ให้เกียรติแฟนทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ส่วนวินก็น่ารัก มีอะไรก็บอกก็คุยกับพัตตรงๆ
น่ารักมากเลยคู่นี้
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-03-2016 11:36:03
ดราม่าคุณมิกะมันต้องมาแน่ๆเลย แต่ถ้าไม่มาจะดีมากกกกกก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-03-2016 12:18:19
พัตสุดยอดดดด นายคือพระเอกในฝันเลยอ่า
หล่อ ฉลาด ไม่ปิดบัง น่าเชื่อใจ หึงแบบพอควร~~~
คือสุดยอดดดดดดด

ส่วนวิน ง้อแง้งนิดๆพอน่ารัก ดูมีเสน่ห์ มีเหตุมีผล เอ็นดูอ่ะ ^////^
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: DE SaiKuNee ที่ 04-03-2016 23:33:00
 o18 o18
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 05-03-2016 19:33:02
วินแน่มาก ตามมาเคลียร์อย่างรวดเร็ว สุดยอดดดดด :laugh3:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 06-03-2016 11:09:48
โอ้ยน่ารักที่สุดเลยน้องวินนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: babaaa ที่ 14-03-2016 08:44:43
น่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่23 02/03/2559(21.20) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 15-03-2016 10:39:48
 :o8: :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 16-03-2016 23:35:33


ตอนที่ 24

“เอาของว่างอะไรไหมครับ ให้พัตสั่งขึ้นมาให้หรือว่าวินจะลงไปดูที่ห้องอาหารเองเดี๋ยวพัตให้ผู้ช่วยพาไป” เนื่องจากวันหยุดที่สามารถหยุดได้นั้นหยุดได้เพียงแค่วันเดียว วันต่อมาที่ผมต้องมาทำงานเลยมีวินติดสอยห้อยตามมาด้วย ซึ่งก็เป็นผมเองที่บังคับให้เขามาเพราะอยากมีเวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เป็นไปได้น้ำยังจะอาบพร้อมกันเลยถ้าวินยอม

“เดี๋ยวเราลงไปดูเองก็ได้ ไม่ต้องรบกวนคนอื่นหรอก...พัตก็ทำงานเถอะ” คนตัวเล็กพูดทั้งที่สายตายังคงสนใจไปรอบๆห้องอย่างสำรวจ ห้องทำงานผมก็ไม่ได้มีอะไรมากมายแต่วินทำเหมือนว่ามันน่าสนใจมากเสียอย่างนั้น ห้องกว้างๆนี้เน้นการตกแต่งให้โล่งไม่อึดอัดเสียมากกว่า เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งห้องจึงมีไม่มากชิ้น

“โอเคครับ ถ้าจะเอาอะไรก็บอกนะ” ทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานก่อนจะเรียกผู้ช่วยเข้ามาเพื่อคุยกันเรื่องงานที่คั่งค้างทั้งหมด ซาโอริได้เจอกับวินก่อนที่เราจะเข้าห้องมา คนตัวเล็กเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายผู้ช่วยผมด้วยรอยยิ้มกว้างตามฉบับเจ้าตัว ดูจากท่าทางแล้วเธอคงเอ็นดูวินไม่น้อย ความสดใสของเขาทำให้คนอื่นตกหลุมรักได้ง่ายไม่น่าแปลกใจเลยซักนิด

“คุณวินจะรับอะไรไหมคะ” ซาโอริหันไปพูดกับวินเป็นภาษาอังกฤษเมื่อเราคุยเรื่องงานกันเป็นที่เรียบร้อย คนถูกถามซึ่งกำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาตัวใหญ่หันมาตอบทั้งที่โทรศัพท์ยังอยู่ในมือ

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณคุณซาโอริมากครับ^^”

“ค่ะ” คุณซาโอริยิ้มรับก่อนจะเดินออกจากห้องไปเมื่อวินไม่ได้ต้องการอะไร ผมมองแฟนตัวเองที่นอนกดโทรศัพท์พร้อมกับหัวเราะคิกคักก็อดจะถามออกมาไม่ได้

“คุยกับใครอยู่ครับ ทำไมดูวินสนุกจัง”

“คิกคิก เราคุยกับออมแล้วก็มายด์...พวกนั้นโวยวายใหญ่เลยที่เราหนีเที่ยว” ผมส่ายหน้าให้กับท่าทางเหมือนเด็กของแฟนตัวเองก่อนจะหันกลับมาสนใจงานตรงหน้าของตัวเองต่อ


ผ่านไปสองชั่วโมงคนที่ทนเบื่อไม่ไหวก็ขอลงไปข้างล่างซึ่งผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้าก็เริ่มจะทนไม่ไหวเมื่อไม่เห็นว่าวินจะกลับขึ้นมาซักที เขาลงไปข้างล่างเกือบจะสามชั่วโมงอยู่แล้ว จนตอนนี้เลยเวลาทานข้าวมาจนจะบ่ายโมงคนตัวเล็กก็ยังไม่ขึ้นมาจนในที่สุดผมก็ต้องวางมือจากงานที่ทำอยู่

“คุณซาโอริครับ วินอยู่ไหน” ออกมาหน้าห้องแล้วเอ่ยถามคนที่จะหาคำตอบให้ได้

“ซักครู่นะคะ” คุณซาโอริยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครซักคน ไม่นานนักก็ได้ตำแหน่งของเด็กซนที่กำลังตามหาว่าอยู่ตรงไหน “ตอนนี้การ์ดรายงานว่าคุณวินอยู่ที่ครัวของห้องอาหารค่ะ”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปทางลิฟต์แล้วกดชั้นล่างสุดซึ่งเป็นชั้นของห้องอาหาร 

“คุณวินอยู่ในส่วนของห้องครัวครับ” พอลงมาถึงห้องอาหารการ์ดก็ขยับเข้ามารายงานทันที เมื่อได้รับรายงานคิ้วผมก็ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย วินเข้าไปทำอะไรตรงนั้นกัน?

แต่ไม่รอให้ความสงสัยอยู่กับตัวเองนาน สองขาก้าวเดินเข้าไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว

ความวุ่นวายชุลมุนคือสิ่งที่พบเจอเป็นอันดับแรกเมื่อเดินเข้าไป พนักงานหลายคนชะงักจากสิ่งที่ทำอยู่เมื่อหันมาเห็นคนที่เปิดประตูสำหรับพนักงานเข้ามา แต่ผมเพียงพยักหน้าส่งๆอย่างบ่งบอกว่าให้ทำงานในมือกันต่อทุกคนเลยเลิกสนใจ สองขาหยุดลงที่กลางห้องก่อนจะกวาดตาไปรอบๆ มองอยู่ชั่วครู่ก็เจอคนที่กำลังตามหา

“ช่วยหยิบแซลมอลให้หน่อยค่ะ” เสียงเอ่ยสั่งเป็นภาษาอังกฤษดังขึ้นให้ได้ยินเมื่อผมขยับเข้าไปใกล้

“ได้ครับ หู~ น่าทานมากๆเลยนะครับ” จากแฟนลูกเจ้าของโรงแรมกลายมาเป็นผู้ช่วยเชฟมือหนึ่งไปเสียแล้ว...

คนตัวเล็กวิ่งหยิบนู้นหยิบนี่ตามคำสั่งจนไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครมาหยุดอยู่ด้านหลัง

“อ๊ะ คุณพัต” เป็นเชฟมือหนึ่งของโรงแรมที่หันมาเห็นผมเสียก่อน เสียงอุทานเป็นภาษาญี่ปุ่นดึงดูดความสนใจจนวินหันมา ดวงตาโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็น

“มาซนอะไรตรงนี้ครับ” พอผมเอ่ยทักก็โดนคนตัวเล็กยู่ปากใส่ทันที เหงื่อเม็ดเล็กๆที่ผุดตามกรอบหน้าหวานทำให้ผมต้องล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้อย่างทนไม่ไหว จากที่ปกติแล้วเหมือนเด็กอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่

“เราไม่ได้ซนซักหน่อย” เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วก็เก็บผ้าเช็ดหน้าเข้าที่เดิม

“ยังไงก็ต้องขอตัวผู้ช่วยก่อนนะครับ” หันไปเอ่ยกับเชฟซึ่งเธอก็พยักหน้ารับทันที “ขึ้นไปข้างบนได้แล้วครับ เลยเวลาข้าวเที่ยงแล้วนะ”

“หือ กี่โมงแล้วอ่ะ?” ในแววตามีแววฉงนอย่างที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงมัวแต่เล่นจนลืมเวลาไปเลย

“บ่ายโมงนิดๆแล้วครับ”

“อ่า เราไม่ได้ดูเวลาเลย”

“ก็มัวแต่เล่นซนอยู่แบบนี้ไง...ไปครับ” คว้าข้อมือเล็กรั้งให้เดินออกจากครัวไปด้วยกัน หมดเวลาเป็นผู้ช่วยเชฟของเขาเสียแล้ว
เดินขึ้นมายังห้องทำงานเช่นเดิมโดยที่มือของเราทั้งคู่ยังคงจับกันไว้ตั้งแต่ที่ห้องอาหารจนขึ้นมาถึงที่นี่ พอผมทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ทำงานมือข้างที่จับกับมืออีกคนก็ออกแรงกระตุกจนวินถลาลงมานั่งที่ตักโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว

“พัต!” เสียงอุทานเนื่องจากความตกใจของวินดังขึ้น

“นั่งตรงนี้แหละ” สองมือกวาดกระชับเข้าที่เอวเล็กมั่นรั้งให้คนบนตักขยับเข้ามาชิดมากขึ้นทันที เป็นการกันวินไม่ให้ดิ้นหนีอีกทาง

“เดี๋ยวใครก็เข้ามาเห็นหรอก” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่วินก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนมากนัก แม้หน้าตาและคำพูดจะขัดกับการกระทำแต่ผมรู้ว่าเขาทำไปอย่างนั้น ที่จริงแล้ววินตามใจผมยิ่งกว่าอะไรเสียอีก

“นี่ห้องของพัต ถ้าไม่ได้รับอนุญาตใครจะเข้ามาได้นอกจากวิน”

“เหนื่อยจะพูดด้วยแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเลย...นี่ๆๆ อยากให้เรานั่งตักมากใช่ไหม” วินพูดพร้อมกับขยับเข้ามากอด สองแขนเล็กรัดแน่นราวกับจะประชดกันที่ทำแบบนี้แต่นั่นกลับทำให้ผมชอบใจมากกว่าเดิม

“ไม่อยากให้กลับเลย” พอคิดว่าอีกเพียงไม่กี่วันวินต้องกลับผมก็ยิ่งใจหาย พอยิ่งได้เจอกันการจากลาก็ดูเหมือนว่าจะทำใจได้ยากมากขึ้น

“ฮื่อ อีกแค่ไม่กี่อาทิตย์พัตก็ได้กลับไทยแล้ว รีบๆกลับนะเราจะรอ” หัวเล็กๆเอียงซบที่ซอกคออย่างออดอ้อน ผมสูดหายใจลึกเอากลิ่นกายของคนในอ้อมกอดเข้าปอดราวกับเป็นการเติมพลังให้กับตัวเอง รั้งมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบแผ่นหลังเล็กไปมาเบาๆอย่างปลอบโยน ปลอบทั้งเขาและตัวเอง

“ครับ รีบกลับแน่นอน”

“เอ้อ แล้วทำไมพัตถึงลงไปตามเราข้างล่างอ่ะ กำลังสนุกเลย” วินผละตัวออกมาถามเล็กน้อย

“แฟนหายไปตั้งสามชั่วโมงใครจะทนกัน แล้วนี่ทำไมถึงไปซนอยู่ในห้องครัวได้ครับ”

“ก็...เราอยากเดินเข้าไปดูเลยขอพนักงานเข้าไป คนในนั้นยุ่งกันมากๆก็เลยอาสาช่วย วันนี้แขกเยอะมากเลยเนอะ” ที่วินได้รับอนุญาตให้เข้าไปง่ายๆเพราะผมเป็นคนบอกพนักงานไว้เองว่าเขาสามารถที่จะทำทุกอย่างในโรงแรมนี้ได้ทั้งหมด จะเข้าไปตรงไหนอะไรยังไงก็ได้

“ก็วันนี้วันหยุดนี่ครับ...สนุกใหญ่เลยใช่ไหม เล่นจนเหงื่อออกเลย”

“สนุกมากๆเลย เราชอบ^^”

ก๊อก ก๊อก

“ปล่อยเร็ว คุณซาโอริเอาข้าวมาให้แล้วแน่ๆ” ก่อนเข้ามาในห้องผมสั่งให้ผู้ช่วยเอาข้าวขึ้นมาให้เราทั้งสองคน ตอนนี้ก็คงจะเตรียมมาเรียบร้อยแล้ว

“เชิญครับ” ผมเอ่ยอนุญาตในตอนที่ปล่อยให้วินลุกขึ้นไปยืนข้างๆ คุณซาโอริเปิดประตูเข้ามาก่อนจะตามมาด้วยพนักงานที่เข็นรถอาหารขึ้นมาส่ง

“จะทานตรงไหนคะ”

“โต๊ะตรงนั้นเลยครับ” ห้องผมจะมีโต๊ะอาหารเล็กๆอยู่ตรงมุมห้องซึ่งตั้งแต่มาที่นี่ผมยังไม่ได้ใช้มันเลยซักครั้ง ส่วนมากเวลาทานข้าวก็จะทานแค่ตรงโซฟากลางห้องเพราะไม่ค่อยมีเวลามากนัก

พอพนักงานจัดการเรียบร้อยก็ออกไปทั้งหมดเหลือเพียงผมกับวิน แน่นอนว่าพอเห็นอาหารอีกฝ่ายวิ่งดุ๊กๆไปที่โต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว

“พัต มีเค้กด้วยอ่ะๆ” ยิ่งเห็นของกินที่ถูกใจคนตัวเล็กก็ยิ่งดูตื่นเต้นเหมือนเด็กเข้าไปใหญ่

“ครับๆ เลยเวลาทานข้าวเที่ยงมามากแล้วรีบทานดีกว่านะ”

“อื้อ!” คราวนี้วินไม่รอช้าที่จะนั่งลงแล้วจัดการทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว มัวแต่ไปซนที่ห้องอาหารจนลืมว่าตัวเองหิวเสียล่ะมั้ง ผมได้แต่มองอย่างอ่อนใจกับความเหมือนเด็กของวิน ก็เป็นเสียอย่างนี้ แค่มีของกินเขาก็อารมณ์ดีแล้ว เลี้ยงง่ายยิ่งกว่าอะไร







“อยากไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่าครับ” ตอนนี้ได้เวลาเลิกงานเป็นที่เรียบร้อย เราทั้งสองกลับขึ้นมาบนห้องพักก่อนที่ผมจะเอ่ยถามคนที่นอนเหยียดตัวบนโซฟาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่วินมาที่นี่เขายังไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากวันแรกที่เราไปทานข้าวกันทั้งครอบครัว นอกนั้นก็อยู่แต่แค่ที่โรงแรม

“ไม่เอาอ่ะ ถ้าไปเที่ยวเวลาที่เราอยู่ด้วยกันก็จะดูสั้นลง อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว มาเที่ยวมาตอนไหนก็ได้นี่เนอะ” ประโยคน่ารักๆถูกตอบกลับมาให้ต้องยิ้มกว้างอย่างปลื้มใจ

จุ๊บ

“สัญญาว่ากลับไปจะชดเชยให้นะครับ” ทรุดตัวนั่งคุกเข่าลงข้างโซฟา ก้มลงกดจูบที่ปากบางเบาๆหนึ่งที เราทั้งสองสบตากันถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มี

“อื้อ” คนที่นอนอยู่ยกมือขึ้นรั้งต้นคอผมให้ขยับเข้าไปใกล้ ริมฝีปากสีสดขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะทาบทับกันแนบสนิท ผมอมยิ้มเล็กน้อยกับการกระทำของแฟนตัวเอง ปล่อยให้ปลายลิ้นเล็กของอีกฝ่ายละเลียดบนริมฝีปากของตัวเองอย่างชอบใจ

ไม่บ่อยนักที่เขาจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ที่จริงแล้วไม่ว่าใครจะเริ่มก่อนสุดท้ายก็เหมือนกันอยู่ดี เพียงแต่เวลาที่วินเป็นฝ่ายเริ่มผมจะชอบรู้สึกชอบเป็นพิเศษ

เสียงครางฮือดังขึ้นในลำคอของอีกฝ่ายเมื่อผมพลิกจากผู้ตามเป็นฝ่ายขึ้นมาเป็นผู้นำบ้าง แรงดูดดึงมากขึ้นตามความปรารถนาจนวินต้องประท้วงออกมาเบาๆ

“อะ อื้อ” วินรีบโกยอากาศเข้าปอดเมื่อผมยอมถอนริมฝีปากออกมาในที่สุด หน้าเล็กๆนั่นแดงก่ำเนื่องจากหายใจไม่ทัน ท่าทางที่ทำให้วินดูเซ็กซี่โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยซักนิด

“อ่อยเหรอหืม” เอ่ยเหย้าให้เขาอายเล่น ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ได้ผลอย่างที่ต้องการ

“ระ รุ่นนี้ไม่ต้องอ่อยแล้วมั้ง” ทำเป็นเล่นหูเล่นตาทั้งที่ทั้งหน้าทั้งหูแดงเถือกไปหมด เสียงเอ่ยสั่นๆไม่ได้เข้ากับประโยคที่เขาพูดเลยซักนิด

“แน่นอน แค่เห็นหน้าก็คิดไปนู้นแล้ว”

“ทะลึ่ง!” แรงซัดจากฝ่ามือเล็กฟาดมาที่แขนไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรเลยซักนิด ดูก็รู้ว่าคนที่ตีไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ็บ

“ฮ่ะๆ ไม่แกล้งแล้วครับ ถ้าวินไม่อยากออกไปไหนงั้นเราทำกับข้าวทานเองที่ห้องดีไหม?” นี่เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ผมชอบทำ เวลาที่เราทำอาหารด้วยกันเหมือนได้ใช้เวลาเล็กๆน้อยๆที่มีอยู่ร่วมกัน คุยกันในหลายๆเรื่องระหว่างทำไป เป็นความสุขเล็กๆ

“ทำหลายๆอย่างเลยนะ” พอได้ยินสิ่งที่ถูกใจร่างเล็กก็ผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที ประกายในดวงตาสุกใสจนผมต้องยิ้มตาม

“ถ้างั้นก็ลุยเลยครับ” แล้วเราทั้งคู่ก็เดินตรงเข้าไปในห้องครัว ของสดมีเต็มตู้เย็นเรียบร้อยครบทุกอย่าง ผมและวินใช้เวลาในครัวค่อนข้างเยอะเพราะเราทำอาหารหลากหลายอย่าง แถมแฟนที่น่ารักยังใจดีนึกถึงพ่อกับแม่ของผมเลยยิ่งทำอาหารเยอะมากขึ้นไปอีก วันนี้ก็เลยเป็นอีกวันที่เราทานข้าวพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว






“ป๊า~ วินคิดถึงป๊ากับแม่มากๆเลยนะ” คนที่นอนคว่ำตัวอยู่บนเตียงเอ่ยทักคนที่อยู่อีกประเทศด้วยเสียงสดใส ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขาวิดีโอคอลคุยกับพ่อของเจ้าตัวอยู่พอดี

(คิดถึงอะไรทำไมหนีไปถึงญี่ปุ่นหือเจ้าแสบ) เสียงของพ่อวินเอ่ยขึ้น ผมทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะหน้ากระจกทั้งเช็ดผมที่พึ่งสระให้แห้งแล้วก็ฟังเสียงบทสนทนาของสองพ่อลูกไปด้วย

“วินไม่ได้หนีเลยนะ ก็แค่มาเที่ยวเอ๊ง”

(ถ้าอยากไปเที่ยวบอกป๊าก็ได้นี่) ดูเหมือนว่าพ่อของวินจะเริ่มต้อนเจ้าตัวให้จนมุมซะแล้ว

“ป๊าอ่ะ ไม่ต้องมาแกล้งวินเลย” แม้จะมองไม่เห็นหน้าของแฟนตัวเองแต่ก็พอจะเดาได้ว่าเขาทำหน้าตาอย่างไร ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆจากคนที่อยู่เมืองไทยยิ่งแทบไม่ต้องเดาไปใหญ่

(ป๊าแกล้งที่ไหนกัน...แล้วอยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง สะดวกสบายหรือเปล่า)

“ทุกอย่างดีมากๆเลยครับ แล้ววินก็สนุกมาก เดี๋ยววันมะรืนวินก็กลับแล้วป๊ามารอรับเลยน๊า” พอได้ยินวินเอ่ยซ้ำเรื่องนี้ขึ้นมาก็อดที่จะถอนหายใจกับตัวเองไม่ได้ วันเวลาดูเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่เหมือนกับตอนที่ผมอยู่คนเดียวเลยซักนิด ถ้าวินกลับไปทุกอย่างในชีวิตก็คงกลับสู่สภาวะที่ทุกอย่างดูน่าเบื่อไปหมด

(โอเค ป๊ามีเซอร์ไพร์สรอเราด้วย)

“จริงเหรอครับ? บอกใบ้ได้ไหมว่าอะไร วินตื่นเต้นแล้วอ่ะ”

(ถ้าบอกแล้วเขาจะเรียกว่าเซอร์ไพร์สหรือไงหือ)

“ง่า ก็ได้ครับ วินจะรอเซอร์ไพร์สจากป๊าอย่างตั้งใจเลย...แล้วนี่แม่ไปไหนทำไมวินไม่เห็นเลย”

(แม่เราเขาดูละครหลังข่าวอยู่น่ะสิ...)

ผมที่นั่งฟังบทสนทนาของทั้งคู่อยู่เพลินๆจำเป็นต้องละความสนใจเมื่อโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้นว่ามีสายเข้า พอเห็นว่าใครโทรมาสายตาก็เหลือบไปมองคนที่อยู่บนเตียงทันที วินไม่ได้มีท่าทีจะสนใจผมอะไรเพราะเขามัวแต่คุยสนุกอยู่กับพ่อ เห็นดังนั้นผมเลยค่อยๆเดินออกไปที่ระเบียง เปิดประตูกระจกให้เลื่อนออกแล้วกดรับสาย

(พัตคะ ฉันโทรมาทวงสัญญาของเรา หวังว่าคุณจะจำมันได้นะ) ประโยคแรกที่ได้ยินก็ทำเอาต้องถอนหายใจออกมา

“แน่นอน คุณว่างวันไหนบอกมาเลย” แม้คุยกันเพียงผ่านทางโทรศัพท์ผมก็ยังไม่อยากจะใช้เวลานานมากเกินด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าป่านนี้วินจะรู้หรือยังว่าผมหายมารับสายมิกะ

(อีกสามวันข้างหน้านี้คุณว่างไหมคะ?) ใช้เวลานึกอยู่ในใจว่าอีกสามเป็นวันอะไรก่อนจะบอกอีกฝ่ายว่าขอดูตารางก่อนครู่หนึ่งก่อนจะผละโทรศัพท์การคุยมาเปิดโทรศัพท์ที่บันทึกตารางงานไว้คร่าวๆ ที่จริงมีเอกสารสำคัญที่ต้องดูแต่ผมจะเคลียร์ให้เสร็จก่อนวันทีมิกะนัดเพื่อทำให้ทุกอย่างมันจบเร็วๆ

“ว่าง ถ้าอย่างงั้นก็เอาตามนี้...เวลาไหนคุณนัดมาเลย”

(ซักเที่ยงๆแล้วกันนะคะ ไปทานข้าวกันแล้วค่อยไปดูหนัง หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นแล้วต่อด้วยดินเนอร์...อ้อ ดินเนอร์มื้อเย็นเป็นหน้าที่ของคุณนะคะ หวังว่ามันจะเออกมาอย่างที่ฉันคาดหวัง...สำหรับวันนี้ฝันดีค่ะ แล้วเจอกัน จุ๊บ)

มิกะไม่ปล่อยให้ผมเอ่ยแย้งอะไรทั้งนั้น ปลายสายถูกตัดไปโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวพร้อมๆกับประตูทางด้านหลังของผมถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างเล็กของใครอีกคน

“ใครโทรมาเหรอ” คนมาใหม่เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเมื่อผมหันหน้ากลับมาหา วินคงคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วถึงได้รู้ว่าผมอยู่ที่นี่

“มิกะน่ะครับ เธอโทรมานัดวัน” ผมเองก็ลำบากใจที่จะพูดให้วินฟังเพราะรู้ว่าคงเป็นเรื่องที่ทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ แต่ถ้าไม่บอกเขาก็คงจะไม่สบายใจยิ่งกว่า

“งั้นเหรอ...” ใบหน้าหวายฉายชัดถึงความไม่มั่นใจและความกังวลจนผมต้องขยับเข้าไปใกล้ เอื้อมมือไปจับมือเล็กๆทั้งสองข้างขึ้นมาพร้อมกับลูบเบาๆ อยากให้เขามั่นใจและเชื่อใจว่ามันจะไม่มีทางเกิดอะไรที่จะทำให้เขาต้องกลัวแน่นอน

“เชื่อใจพัตไหม” ส่งสายตาจากความรู้สึกที่มีให้วินได้รับรู้ การกระทำสำคัญกว่าคำพูดเสมอ ผมจะไม่บอกให้เขาทำใจให้สบายเพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำแบบนั้น สิ่งที่จะทำให้เราผ่านเรื่องนี้ไปได้คือการเชื่อใจของเราทั้งคู่ ราวกับเป็นอีกหนึ่งบททดสอบว่าเราจะผ่านมันไปได้ยังไง

“เรา..เชื่อใจพัตนะ เชื่อมากๆ แต่...ไม่รู้สิ” วินหลบสายตาแล้วมองผ่านไปทางด้านหลังเมื่อเขาไม่สามารถสบตากันได้อีกต่อไป มือบางเย็นชื้นจนผมต้องกระชับมันแน่นขึ้นให้เขารู้ว่าผมอยู่ข้างๆอยู่ตรงนี้เสมอ ประโยคที่ได้ยินเหมือนคนพูดก็จะยังสับสนกับตัวเองไม่น้อย

“พัตรักวิน รักมาก รู้แค่นี้พอนะครับ...เรื่องอื่นไม่ต้องคิด ถ้าพัตทำให้วินเสียใจในเรื่องนี้พัตก็ไม่สมควรที่จะได้ดูแลวินต่อไป แค่เรื่องแค่นี้ยังทำให้วินเสียใจแสดงว่าพัตเป็นคนที่แย่มาก”

“เรางี่เง่าใช่ไหม ถ้าเรื่องอื่นงี่เง่ามากกว่านี้พัตจะยังรับเราได้หรือเปล่า ยังจะทนไหม” คนตรงหน้าหันกลับมาสบตากันพร้อมกับเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นๆ

“ไม่มีคำว่าทน เราอยู่ด้วยกันด้วยความรักไม่ใช่เพราะความอดทนนะครับ...พัตรับทุกอย่างของวินได้ขอแค่นั่นคือตัวตนของวิน แสดงออกทุกอย่างมาเถอะนะ แบบที่วินเป็น...ไม่ต้องกังวลอะไรเลย”

“จริงๆนะ” ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่กดจูบไปที่หน้าผากเนียนอย่างหนักแน่นแทนคำตอบ รั้งร่างบอบบางเข้ามาในอ้อมกอดให้ภาษากายได้พูดแทนทุกอย่าง

“รักมากกว่านี้ก็ไม่รู้จะรักยังไงแล้วนะ ไม่มีทางปล่อยมือแล้วก็ไม่มีทางยอมให้วินปล่อยมือด้วย ถึงจะคิดได้ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว” พูดให้คนในอ้อมกอดผ่อนคลายมากขึ้นไม่อยากให้วินต้องเครียดไปมากกว่า แต่ทุกคำพูดมาจากทุกความรู้สึกจริงๆไม่ได้ล้อเล่น

“อยู่ด้วยกันไปนานๆนะ...รัก”

“จนวันสุดท้ายเลยครับ...แต่ตอนนี้เราเข้าไปข้างในก่อนไหม เดี๋ยวน้ำค้างลงแล้วจะไม่สบายนะ” อากาศตอนกลางคืนยิ่งดึกยิ่งเริ่มเย็นลง ตัวผมเองไม่ค่อยจะเท่าไหร่ เป็นห่วงก็แต่คนตัวเล็กนี่แหละ

“อื้อ อุ้มหน่อย” วินผละออกแล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้นอย่างย้ำกับคำที่พูด ผมส่ายหน้ายิ้มๆกับความขี้อ้อนของเขาก่อนจะค่อยๆขยับเข้าไปช้อนคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

“นี่กินหมูไปกี่ตัวเนี้ยทำไมหนักจัง”

“พัตอ่ะ ก็ใครเล่าที่ไม่เคยห้ามเราเลย” ผมหลุดหัวเราะออกมากับคำตอบของวิน ที่จริงแล้ววินก็ไม่ได้หนักอะไรมากมายหรอก เพียงแต่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขาจะมีเนื้อมีหนังขึ้น แก้มกลมๆนั้นก็ดูเหมือนจะนุ่มขึ้นด้วย การที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันคงไม่ได้ทำให้การกินของเขาลดลง ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว แบบนี้ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเขามาก

“สรุปพัตผิดใช่ไหม”

“ใช่ ผิดมากๆ ถ้าเราอ้วนเหมือนหมูต้องรับผิดชอบด้วย”

“ครับๆ จะรับผิดชอบทั้งตัวและหัวใจเลย” ค่อยๆวางร่างของคนในอ้อมกอดลงบนที่นอนนุ่มก่อนจะขยับตัวลงไปดึงผ้าห่มที่ปลายเท้ามาห่มให้วินแล้วกดจูบลงไปที่ปากบางเบาๆ

“เดี๋ยวพัตออกไปปิดไฟแล้วจะกลับมานอนกอดนะ” คนที่กระชับผ้าห่มขึ้นถึงอกพยักหน้ารับเบาๆทั้งที่ตาเริ่มปรือเสียแล้ว ผมเดินออกไปปิดเช็คทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง คนที่ตาปรือปรอยก็ยังคงไม่หลับไปก่อน พอผมตามขึ้นไปนอนข้างๆก็ขยับเข้ามาซุกทันที

“ฝันดีครับ”

“ฝันดี...” ดูเหมือนว่าวินจะฝืนตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีเขาก็หลับไปทั้งที่ผมยังไม่ทันจะได้ปิดไฟหัวเตียงด้วยซ้ำ ผมได้แต่หัวเราะกับท่าทางของแฟนตัวเองก่อนจะปิดไฟดวงสุดท้ายแล้วปิดเปลือกตาตามไป









TBC.


Talk

*ชี้แจงเรื่องภาษาในการสื่อสารนะคะเผื่อใครงง พัตพูดญี่ปุ่นได้นะคะเพียงแต่เวลาคุยงานส่วนมากก็จะภาษาอังกฤษ แล้วตอนที่วินคุยกับผู้ช่วยพัตและเชฟก็ภาษาอังกฤษนะคะ พนักงานในโรงแรมพัตพูดอังกฤษกันหมดน๊า



Follow me>> https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/ << in twitter #เริ่มต้นจากการแอบรัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-03-2016 23:45:06
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-03-2016 00:00:17
สวีทหวานๆกันไป
ไปดินเนอร์กับมิกะ เธอจะก่อเรื่องไรรึป่าว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 17-03-2016 00:04:26
เมื่อไหร่ยัยมิกะจะไปสักที
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 17-03-2016 00:09:58
ไว้ใจพัตนะ แต่นังมิกะนี่สิ ไม่น่าไว้ใจ
#เบื่อชะนีเจแปน  :o10:

ขอให้พัตรอดพ้นจากชะนี
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-03-2016 00:36:35
อีชะนีมันจะวางแผนไรอีกปะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: paraprove ที่ 17-03-2016 01:32:22
อ้อนเข้าไว้วิน อ้อนไปเรื่อยๆ ให้พัตหลงแบบไปไหนไม่ได้  :laugh:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: GMJeam ที่ 17-03-2016 07:09:42
ฟินทุกตอน
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-03-2016 10:16:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-03-2016 11:37:06
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 17-03-2016 13:08:45
หวานมาก หวานจนคนอ่านเป็นเบาหวานแล้วเนี่ย  :hao6:

พัตกับวินต้องเชื่อใจกันนะ

และหวังอย่างยิ่งว่ายังมิกะนั้นคงไม่ได้มีแผนมอมเหล้าหรือใส่ยาปลุกให้พัตกินนะ

แบบว่าดราม่าต้องแต่งงานกับมิกะแล้วมิกะก็ท้อง คลอดลูกแล้วตาย? 55 เอาซะไกล
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-03-2016 13:50:36
อีกนานไหมที่ยัยมิกะจะหายไป น่ารำคาญ ตามราวีอยู่ได้
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 17-03-2016 15:16:00
 o13  o13
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 17-03-2016 16:17:28
พัตวินน่ารักมากอะ หวานๆๆ ไม่มีดราม่าได้ไหม มืกะ อย่านะเธอ ชอบพัตวิน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 17-03-2016 16:32:57
รอตอนต่อไปค่ะ
พัตต้องสู้ๆนะ อย่าได้หลงกลชะนีเด็ดขาด :katai1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 17-03-2016 19:05:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่24 16/03/2559(23.40) p.12
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 17-03-2016 20:21:23
มิกะะะะะะะะ  :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 20-03-2016 00:40:17


ตอนที่ 25

ลมหายใจค่อยๆถูกผ่อนออกมาจากอกเพื่อลดความรู้สึกที่อยู่ข้างในในขณะที่ร่างกายก็ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟากลางห้องทำงาน
วินกลับไปแล้ว...

ผมพึ่งกลับมาจากการส่งเขาขึ้นเครื่องเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ในตอนที่กำลังจะจากกันร่างเล็กขยับเข้ามากอดแล้วบอกเพียงแค่ว่าจะรออยู่ที่ไทยพร้อมรอยยิ้มหวานที่ผมหลงรัก เราไม่ได้เอ่ยลาอะไรกันมากมายราวกับต่างคนต่างรู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง การต้องห่างกันไม่ใช่เรื่องที่จะแฮปปี้อยู่แล้วแต่เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมัน

โทรศัพท์มือถือที่วางนิ่งอยู่ข้างมือถูกหยิบขึ้นมากดดูภาพที่หน้าจอ ไล้ข้อมือลูบเบาๆราวกับจะส่งสัมผัสไปยังใครอีกคนที่กำลังเดินทางแล้วกระซิบออกมาแผ่วเบา

คิดถึง....

.
.
.
.
.
.
.

“พัตอยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ” คนพูดหันมาถามอย่างเอาใจแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรขึ้นมาเลยซักนิด

“ตามใจคุณเถอะ” พยายามบอกตัวเองในใจว่าอีกไม่นานมันก็จะจบลง จะไม่ต้องมาทนลำบากใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป แค่วันนี้...แค่วันนี้เท่านั้น

“งั้นเอาร้านนั้นนะคะ เป็นร้านอาหารประจำของมิกะเอง” พยักหน้าตอบรับคนพูดอย่างส่งๆ แล้วแต่เลยว่าเธอจะทำอะไร อยากทานอะไรหรือไปที่ไหนเพื่อเป็นการลดเวลาที่จะต้องอยู่ด้วยกันให้น้อยลงอีกนิด

“พัตจะเอาอะไรเพิ่มรึเปล่าคะ” มิกะสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อยซึ่งอาหารที่เธอสั่งก็เผื่อแผ่มาถึงผมด้วยเนื่องจากผมใช้เหตุผลอ้างว่าร้านนี้เป็นร้านประจำของเธอ เมนูของทางร้านอะไรที่อร่อยเธอคงจะรู้ดี อีกอย่างอาหารอิตาเลียนแบบนี้ผมไม่ค่อยจะถนัด ถ้ามาทานข้าวกับวินอาหารแบบนี้คงจะไม่ได้แอ้มเงินในกระเป๋า

“ไม่ครับ แค่นั้นแหละ” หันไปเอ่ยกับพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์ก่อนที่เขาจะเดินออกไปเมื่อผมไม่ได้ต้องการอะไรเพิ่ม

“ดูสีหน้าคุณไม่ค่อยดีเลยนะคะ การทานข้าวกับมิกะมันน่าอึดอัดใจขนาดนั้นเลยเหรอ” คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามขึ้นมาด้วยสีหน้ากึ่งตัดพ้อ

“คุณก็น่าจะรู้คำตอบดีมิกะ แล้วเหตุผลที่สำคัญมากคือผมมีแฟนแล้ว การที่ต้องมาทานข้าวกับคนอื่นคงไม่ใช่เรื่องที่ดีซักเท่าไหร่” ผมสบตาเธอด้วยความแน่วแน่ ตอกย้ำคำพูดที่พูดออกไปให้มั่นคงขึ้นไปอีก

“น่าอิจฉาแฟนคุณจังเลยนะคะ...มันไม่มีทางที่มิกะจะอยู่ตรงนั้นได้เลยเหรอ”

“ไม่มีทาง...ไม่เลยซักนิดมิกะ” คำพูดอาจจะดูร้ายกาจแต่ถ้าเพื่อผมและวินผมก็ต้องทำ ให้มิกะได้รู้ว่ามันไม่มีโอกาสเลยซักนิดไม่ว่าจะทางใด ถ้าเป็นเพียงแค่เพื่อนกันผมยินดีเสมอแต่ถ้ามากว่านั้นผมให้ไม่ได้ ไม่ใช่แค่มิกะ...ไม่ว่าจะเป็นใครมันก็ไม่มีทางเลย

“พัตคะ...” มิกะกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมาอีกแต่ก็ต้องหยุดไว้เพียงเท่านั้นเมื่อพนักงานเดินเอาน้ำที่สั่งไปมาเสิร์ฟ ผมแสร้งเป็นมองไปทางอื่นเพื่อตัดบทสนทนานั้น ยิ่งพูดคนที่จะเสียใจก็เป็นเธอเองเพราะผมพร้อมที่จะทำทุกอย่างให้รู้ว่าความพยายามของเธอมันไม่มีค่าอะไรสำหรับผมเลย

หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกัน ต่างฝ่ายต่างเงียบนั่งทานอาหารไปเรื่อยๆ ใจผมก็เอาแต่คิดถึงคนที่อยู่เมืองไทยตลอด คนที่ปฏิเสธไม่ขอรับรู้ความเคลื่อนไหวของวันนี้ไม่ว่าจะทางใดทั้งนั้น วินไม่ยอมรับโทรศัพท์อยางที่เจ้าตัวพูดไว้ เขาบอกว่าจะคุยกันก็ต่อเมื่อผมไม่ได้อยู่กับมิกะแล้วเท่านั้น

และนั่นยิ่งเป็นการที่ทำให้ผมอยากกดสคริปต์เวลาให้ผ่านไปเร็วๆเพราะอยากกลับไปคอลหาอีกคนใจจะขาด

“คุณอยากจะดูหนังเรื่องอะไร” หันไปถามคนข้างตัวเมื่อเราเดินออกมาจากร้านอาหารไปทางโรงหนังตามโปรแกรมที่มิกะวางไว้

“ฉันให้คุณเลือกแล้วกันค่ะ เดี๋ยวฉันเลือกเรื่องที่ไม่ถูกใจคุณจะเบื่อเอา”

“ไม่เป็นไร แล้วแต่คุณเถอะ” แรงสั่นจากกระเป๋ากางเกงทำให้ผมรีบล้วงออกมาดูอย่างคาดหวังว่าจะเป็นคนที่เฝ้ารอ

“วันนี้คุณให้เวลากับฉันแล้ว งดการติดต่อกับคนอื่นซักครู่นะคะ” แต่แล้วมือบางกลับเอื้อมมาฉวยโทรศัพท์ในมือผมไปโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ทันแม้กระทั่งจะดูด้วยซ้ำว่าใช่วินหรือเปล่าที่ติดต่อมา

“มิกะ!” เจ้าของชื่อไม่ฟังเสียงเรียกที่ผมเอ่ยเรียกเลยซักนิด ร่างเพรียวในชุดเย้ายวนเดินหนีไปทันทีจนผมได้แต่สาวเท้ายาวๆตามไป

“เอาโทรศัพท์ผมคืนมาเดี๋ยวนี้” ในที่สุดก็ตามมาคว้าข้อมือของอีกคนได้ทัน เห็นเป็นผู้หญิงบอบบางอย่างนั้นการเคลื่อนที่ของเธอก็รวดเร็วไม่น้อย กว่าจะตามทันก็ตอนที่มิกะเดินมาจนถึงหน้าโรงหนังเสียแล้ว

“เสียใจด้วยค่ะพัต เวลานี้เป็นเวลาของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์ติดต่อกับใครทั้งนั้น”

“แต่ผมมีเรื่องงาน ถ้าเกิดมันเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับธุรกิจของผมคุณจะให้ผมทำยังไง” เอาเรื่องงานมาอ้างก่อนทั้งที่สิ่งที่สำคัญกว่าเรื่องงานก็คือเรื่องของวิน เผื่อว่าเขาจะติดต่อมา ยิ่งถ้าเห็นว่าผมเงียบไปทั้งวันแบบนี้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดไปถึงไหนต่อไหน

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามันสำคัญมากจริงๆผู้ช่วยคุณคงกระหน่ำโทรมาแล้วฉันจะยอมคืนโทรศัพท์ให้คุณ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีอะไรก็เก็บไว้กับฉันแล้วกันนะคะ”

“มัน....” กำลังจะพูดว่ามันชักจะเกินไปแล้วนะ แต่ยังไม่ทันจะพูดจบมิกะก็พูดสวนขึ้นมาก่อน

“คุณจะผิดคำพูดหรือคะ คุณมากับฉันแต่เอาแต่สนใจเรื่องโทรศัพท์นี่มันไม่แฟร์กับฉันนะ คำพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้นไม่ใช่เหรอ หรือนักธุรกิจอย่างคุณไม่เห็นว่าเรื่องคำพูดเป็นสิ่งสำคัญคะ” คำพูดของมิกะทำเอาผมต้องถอนหายใจออกมายาวๆอย่างข่มอารมณ์เพราะพูดอะไรไม่ได้ เธอฉลาดที่จะพูดให้ผมเถียงไม่ออก

“ทันทีที่เวลาของคุณหมดลง หลังจากดินเนอร์มื้อค่ำผมจะเอามันคืนทันที” พูดเสร็จก็เดินผ่านเธอมาโดยไม่สนใจอะไรอีกทั้งนั้น ผมเดินไปซื้อตั๋วหนังสองใบที่เคาท์เตอร์โดยไม่ได้ดูชื่อเรื่องเลยด้วยซ้ำขอแค่ให้มีรอบในตอนนี้ก็พอ ในเมื่อก่อนหน้ามิกะเป็นคนบอกให้ผมเลือกผมก็จะเลือกให้ ถ้าอยากดูหนังมากนักผมก็จะให้ดู มันจะได้จบๆลงซักที








“คุณเลือกร้านได้ดีนะคะ ฉันชอบมาก” หลังจากดูหนังเรียบร้อยก็ต้องทนเดินตามมิกะช็อปปิ้งอีกเป็นชั่วโมงๆถึงจะมาที่ที่ผมจองไว้สำหรับมื้อค่ำนี้ได้ ตอนที่ผมไปช็อปปิ้งเป็นเพื่อนวินไม่เห็นว่ามันจะน่าเบื่อขนาดนี้ ทุกวินาทีที่ต้องอยู่กับผู้หญิงคนนี้ราวกับเวลาช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน

“รีบทานเถอะ” เพราะผมไม่อยากจะต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว

“รีบไปไหนล่ะคะ ฉันอยากนั่งดูวิวที่นี่นานๆหน่อย” มิกะไม่ได้มีท่าทางสนใจอาหารตรงหน้าเลยซักนิด ร่างบางเอื่อยเฉื่อยกับการมองวิวรอบกรุงโตเกียวทั้งที่ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจสำหรับเธอที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดเลยซักนิด แค่นั่งดินเนอน์บนชั้นบนสุดของโรงแรมใจกลางเมืองคงจะเคยมาไม่รู้กี่สิบรอบแล้ว

“งั้นก็ตามใจคุณแล้วกัน” ไม่มีอะไรที่จะพูดไปมากกว่านั้น ผมรู้ว่าที่เธอทำอยู่มันเป็นการถ่วงเวลา อยากทำอะไรก็ปล่อยไปผมไม่สิทธิ์อยู่แล้วในเมื่อเธอจะทำ ปล่อยให้มิกะชื่นชมวิวไปส่วนตัวเองก็เบนสายตาขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้า นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้มีโอกาสมานั่งมองดาวอยู่แบบนี้ ตอนอยู่ที่กรุงเทพก็ไม่ค่อยได้เห็นเพราะแสงไฟบดบังความสวยงามของท้องฟ้าไปซะหมด คิดถึงคนที่อยู่ทางนู้นไม่รู้ว่าตอนนี้วินจะทำอะไรอยู่ อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง

“คิดถึงแฟนอยู่เหรอคะ” เสียงคนที่นั่งตรงข้ามเรียกสติที่ล่องลอยไปไกลให้กลับมา

“ครับ”

“น่าอิจฉาจังเลยนะคะ ฉันพึ่งรู้นะว่าคุณมีแฟนแล้ว”

“ก็ไม่แปลกที่คุณจะไม่รู้ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม”

“คำพูดใจร้ายจังเลยนะคะ ไม่ว่าฉันจะพยายามมากี่ปีก็เอาชนะใจคุณไม่ได้เลยสินะ”

“คุณเป็นเพื่อนผมได้มิกะ ผมยินดีเสมอ แต่มากกว่านั้นมันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้

“...”

“...”

“โอเคค่ะ ยังไงฉันก็คงต้องยอมรับ...ไม่เอาดีกว่า ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บยังไงก็ไม่รู้ ทานข้าวเลยแล้วกันนะคะ” ผมไม่มีอะไรจะพูดไปมากกว่านี้ การมีคนมารู้สึกดีด้วยมันย่อมไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเพียงแต่ผมยอมรับความรู้สึกดีๆในแบบของเธอมาไม่ได้

เราสองคนลงมือทานข้าวกันไปเรื่อยๆ มีบ้างที่มิกะตักอาหารให้แม้ผมจะไม่ต้องการแต่ก็ไม่ได้ใจร้ายถึงขั้นปฏิเสธความหวังดีที่เธอมีให้ ถือว่าเป็นการทดแทนที่ผมตอบรับความรู้สึกของเธอไม่ได้

เสียงดนตรีคลอแผ่วๆทำให้บรรยากาศดูเหมือนจะโรแมนติกแต่นั่นไม่ใช่ในความรู้สึกผม กว่าที่มื้ออาหารมื้อนี้จะจบลงก็กินเวลาไปมากจนค่อนข้างดึก

“ว้าว ของหวานน่าทานมากๆเลยนะคะ น่าเสียดายจังที่ฉันไดเอทอยู่” ถ้าเป็นวินไม่มีหรอกแบบนี้ ทุกอย่างจะหายเข้าปากเล็กๆไปอยู่ในท้องของเขาอย่างรวดเร็วแน่นอน ท่าทีที่มันดูน่ารักมากสำหรับผม วินดูมีความสุขเวลากิน เห็นเขามีความสุขเวลากินอิ่มนอนหลับแล้วผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย ไม่ต้องมาห่วงเรื่องรูปร่างอะไรมากมายเพราะอ้วนแค่ไหนผมก็รักอยู่ดี

“ถ้าคุณไม่ทานงั้นผมเรียกพนักงานเลยแล้วกัน”

“เดี๋ยวสิคะ ถ้าคุณไม่ทานแล้วสั่งมาทำไมตั้งเยอะแยะ ฉันนึกว่าคุณจะทานเสียอีก”

“ผมสั่งเพราะเคยตัว แฟนผมชอบทาน” ผมไม่รู้ว่าคนอื่นชอบทานหรือไม่ชอบทานของหวานหลังจากที่ทานอาหารเสร็จแต่เพราะวินชอบพูดตลอดว่าต้องทานมันเลยเป็นความเคยชินที่ต้องสั่งมาเผื่อ ผมใช้บรรทัดฐานของเขามาใช้ ถ้าไม่ทานก็ไม่เป็นไร เกินดีกว่าขาดอยู่แล้ว

“อะไรก็แฟนตลอด ดูคุณรักเขามากเลยนะคะ”

“มากที่สุด”

“มันไม่มีทางเลยจริงๆเหรอคะพัต...” มือบางที่วางอยู่ฝั่งตรงข้ามเลื่อนมากุมมือผมจนต้องรีบขยับออกราวกับโดนของร้อน

“ถ้าคุณอยากจะฟังผมก็จะพูดอีกที...ไม่มีทางเลย ไม่มีทางไหนเลยจริงๆ ไม่ใช่แค่คุณ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามผมก็ให้มากกว่าความเป็นเพื่อนไม่ได้”

“ทำไมล่ะคะ ทำไมถึงเป็นมิกะไม่ได้ ตอนนั้นที่เราเจอกันคุณยังไมมีใครไม่ใช่เหรอ”

“มันไม่ใช่เรื่องของระยะเวลา แต่มันเป็นเพราะเขา ไม่ว่าจะตอนไหนเวลาไหนแต่สุดท้ายเขาจะเป็นคนที่ผมเลือก ต้องเป็นแค่เขาเท่านั้นมิกะ ต่อให้ที่ผ่านมาผมจะเจอใครก็ไม่มีทางใช่ถ้าคนๆนั้นไม่เป็นเขา”

“....” เราทั้งสองสบตากันท่ามกลางความเงียบและเสียงดนตรีที่ยังบรรเลงด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง ดวงตาเฉี่ยวคมของอีกฝ่ายเริ่มมีน้ำตาคลออยู่ในนั้นในขณะที่ผมมีแต่ความแน่วแน่ในคำพูดส่งให้

“ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ผมยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับคุณเสมอ...สำหรับวันนี้หมดเวลาแล้ว ผมขอโทรศัพท์ผมคืน”

“พัตคะ....”

“ขอโทรศัพท์ผมคืนด้วยมิกะ” เลื่อนเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปตรงหน้าของคนที่นั่งอยู่จนในที่สุดมิกะก็ยอมเปิดกระเป๋าของเธอแล้วส่งโทรศัพท์คืนมาให้ ผมรับมันมาแล้วเก็บเข้าในกระเป๋ากางเกงทันที

“สำหรับวันนี้...ราตรีสวัสดิ์ล่วงหน้าครับ” ผมเอ่ยบอกเธอเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องอาหารไป แต่ก้าวเท้าไปได้เพียงไม่กี่ก้าว...

หมับ

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทันและไม่ทันจะได้ปัดป้อง คนที่นั่งอยู่วิ่งมาตัดหน้าก่อนที่จะคว้าคอผมลงไปหา








แล้วริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกอย่างดีก็ทาบทับลงมา...





TBC.


Talk

อะไรคือการที่บอกว่าจะมายาวขึ้นแต่กลับสั้นลง555555555 ขอโทษค่ะ แต่มันได้จังหวะตรงนี้จีจี :mew3: :mew3: (สั้นมากกกก ถือว่าฉากมิกะจะได้หมดไปเร็วๆเนอะ><)

#ย้ำอีกทีว่าไม่ดราม่าน๊าาา กิกิ

ปล.ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นมากๆนะคะ  :กอด1: :กอด1:



https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/?fref=nf ฝากแท็กพูดคุยผ่านทางทวิตเตอร์ด้วยนะคะ #เริ่มต้นจากการแอบรัก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-03-2016 00:49:13
อีชะนีมิกะ  :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 20-03-2016 01:23:17
อ้าวๆๆๆ ยัยมิกะนี่ท่าทางไม่อยากอยู่อย่างสงบสุขซะแล้ว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 20-03-2016 01:48:14
เบื่ออออออออออชะนี
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 20-03-2016 01:50:47
อีชะนีๆๆๆๆๆๆ ด้านมากกกก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-03-2016 03:58:04
จะเป็นเรื่องไหม
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-03-2016 06:29:12
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-03-2016 06:35:57
 :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine2513 ที่ 20-03-2016 08:27:45
 รู้สึกเซ็งมาก  เวลาพระเอกแบบเผลอ  ไม่ทันตั้งตัว 
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-03-2016 08:39:03
ชะนีนางนี้มีความพยายามเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-03-2016 08:42:57
ด้านมากนัก เขาปฏิเสธซะขนาดนี้ยังจะหน้าด้านหน้าทนอยู่ได้ แล้วทำแบบนี้คิดว่าดีแล้วเหรอ เขาจะว่าน่าสมเพชน่ะซิไม่ว่า
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 20-03-2016 08:49:19
ชะนี!!
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 20-03-2016 08:51:50
นังมิกะ  :z6: :beat: :angry2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-03-2016 09:34:37
 :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
พานังมิกะจุดธูปเทียนไหว้คางคกซะหน่อยดีไหม
เผื่อจะมียางบ้าง :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 20-03-2016 09:57:02
 :mew5:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 20-03-2016 10:13:26
นังมิกะ นังชะนีดื้อด้าน
 :z3:  :z6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 21-03-2016 02:33:33
เป็นตอนที่อ่านไปถอนหายใจไป
มองบนบ้าง กัดฟันบ้าง โอ้ยยยยย
รำคาญนังมิกะมากๆ
ผู้ชายเค้าไม่เอาอะชัดมั้ยยูวววว
อย่าลดศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงเธอไปมากกว่านี้เลย :katai4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-03-2016 02:47:35
หวังว่าจะกำจัดยัยมิกะได้เร็วๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 21-03-2016 12:37:41
นังมิกะ แรดได้อีกกกกกกก หมั่นไส้ :m31:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: aornarak ที่ 21-03-2016 12:56:23
 :fire:เกลียดชะนีขี้ตื๊อ ไม่เข้าใจภาษาไทยหรอว่าพัตเค้าไม่เอา โง่แล้วยังทำตัวแบบนี้อีก
หงุดหงิด อยากตบมิกะ อ๊ากกก!!!
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 21-03-2016 20:19:32
นางตื้อไม่เลิกนะย่ะ   ช่างน่า  :z6:     :z6:   :beat:    :beat:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 21-03-2016 21:26:19
 :z6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: DE SaiKuNee ที่ 22-03-2016 22:14:35
 :z3: :z6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่25 20/03/2559(00.45) p.13
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 24-03-2016 10:43:43
เอิ่มมมม มิกะ......... :a5:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 27-03-2016 21:51:40


ตอนที่ 26

“...”

(...)

เราต่างคนต่างนั่งเงียบเมื่อผมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงที่แล้วให้คนที่อยู่อีกประเทศฟัง วินนั่งเงียบและนิ่งแต่สายตากลับมีแววสั่นไหวอย่างชัดเจน ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดหรือเอ่ยอะไรที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นไปกว่านี้ รู้ดีว่าความรู้สึกที่เสียไปแล้วของคนฟังทำยังไงก็คงไม่อาจย้อนคืนมาได้

ผมไม่ได้ตั้งใจ...แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอ เพราะสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมไม่ต่างกัน

“วิน...” อีกคนนั่งนิ่งนานจนเป็นผมเองที่ทนไม่ไหว

(...)

“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ” เป็นเพราะตัวเองที่ไม่ระวังตัวให้มากพอ แม้มันจะเสี้ยววินาทีแต่มันก็เกิดขึ้น

หลังจากที่มิกะเข้ามาจูบผมก็ผลักเธอออกอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณ แรงผลักนั้นมากตามความตกใจจนร่างเพรียวของเธอล้มลง น้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียนไม่ได้ทำให้ผมเห็นใจแต่อย่างใด ณ ตอนนั้นความโกรธมันมีมากกว่า

'อย่าทำให้ตัวเองดูไร้ค่าไปมากกว่านี้เลยมิกะ'

พูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกมาโดยไม่ได้หันกลับไปมองคนที่ล้มอยู่บนพื้นอีก

กลับมายังไม่ทันที่จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือทำอะไรทั้งนั้นผมก็ติดต่อหาอีกคนทันที รู้ว่ายังไงก็ต้องคุยกันยาวจนต้องเปิดแมคแล้วสไกป์หาวิน

“วินครับ ช่วยพูดอะไรหน่อยนะ เงียบแบบนี้พัตไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”  แทบจะอ้อนวอนให้เขาพูดหรือเอ่ยอะไรออกมาบ้าง

(...ค่อย ค่อยคุยกันใหม่ได้ไหม ตอนนี้ ระ เราไม่พร้อม) เสียงแหบแห้งที่ได้ยินให้ความรู้สึกราวกับมีมือหลายสิบมือมาบีบหัวใจจนหายใจแทบไม่ออก

แววตาและสีหน้าของวินทำให้ผมเจ็บข้างในไปหมด

“ถ้าวินไม่สบายใจที่จะคุยกันตอนนี้เอาไว้ค่อยคุยกันก็ได้ครับ พักผ่อนนะ...ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอโทษที่ไม่ระวัง ขอโทษที่ทำให้เสียใจ...รัก” อยากคุยใจแทบขาดแต่ก็อยากให้วินได้พักผ่อนมากกว่า เขาคงยังต้องใช้เวลาทำใจกับเรื่องนี้ซักพัก

“ฝันดีครับ” อีกคนไม่ได้ตอบอะไรก่อนที่ภาพจะตัดไปเป็นเพียงหน้าจอที่ว่างเปล่า ผมถอนหายใจออกมาทิ้งตัวพิงกับพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง

คงต้องให้เวลาทั้งเขาและผมเอง...








2อาทิตย์ผ่านไป

เสียงเซ็งแซ่ของคนที่มารับผู้โดยสารคนอื่นๆดังขึ้นมากมายให้ได้ยินเมื่อเดินออกมาจากเกต ผมเดินออกมาตามทางที่ได้นัดหมายกับคนขับรถไว้ก่อนหน้า ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม แม้จะทั้งเหนื่อยและเพลียขนาดไหนแต่ก็ยังไม่สามารถกลับบ้านไปพักได้ตอนนี้

ผมมีที่ที่ต้องไป...

“อ้าว คุณพัต มาดึกเชียวนะคะ”

“ผมพึ่งกลับจากต่างประเทศน่ะครับเลยเลยมานี่เลย วินอยู่ไหมครับ”

ที่ที่ผมมาเป็นที่แรกคือบ้านของวิน...

กว่าสองอาทิตย์ที่ไม่ได้คุยกันทำให้ผมต้องเร่งทำงานสะสางทุกอย่างจนได้เวลากลับไทยเร็วขึ้น5วัน วินไม่ยอมรับโทรศัพท์หรือการติดต่อจากทางไหนตั้งแต่วันนั้น อาทิตย์แรกที่เป็นแบบนี้ผมแทบจะตายจนแม่ต้องเข้ามาคุยด้วยเพื่อให้ใจเย็นและมีสติมากขึ้น หลังจากนั้นพอคิดได้ผมก็เร่งทำงานจนเป็นฝ่ายที่ไม่ได้ติดต่อวิน โหมงานจนเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็วแล้วบินกลับมาทันที

ได้เวลาง้อแฟนแบบเต็มที่แล้ว

“อยู่ค่ะ นี่ก็พึ่งทานขนมแล้วขึ้นห้องไปเมื่อซักครู่นี่เอง”

“งั้นผมขอเข้าไปหาวินหน่อยนะครับ”

“เชิญค่ะๆ” แม่บ้านเปิดประตูให้ผมเข้าบ้านอย่างใจดี พอเข้าไปในตัวบ้านเรียบร้อยก็ไม่ได้ขึ้นไปหาวินทันทีอย่างที่ใจนึกเนื่องจากต้องผ่านด่านใหญ่ที่สุดไปก่อน

พ่อและแม่ของวิน...

“มาทำอะไรดึกๆดื่นๆไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง” เสียงของคุณพ่อดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวเท้าเข้าตัวบ้าน

“สวัสดีครับ ผมมาหาวินครับ” ยกมือขึ้นไว้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ พ่อของวินกวาดตามองชุดที่ผมใส่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมไม่ได้เปลี่ยนชุดทำงานเสียด้วยซ้ำ มีเพียงแค่สูทที่ถอดออกไปแล้วก็พับแขนเสื้อเชิตสีขาวขึ้นลวกๆเท่านั้นเนื่องจากอยากกลับมาให้เร็วที่สุด

“มาหาทำไม ป่านนี้ลูกฉันคงนอนเรียบร้อยแล้ว”

“คุณคะ” เสียงปรามเบาๆจากคุณแม่ดังขึ้น คงไม่แปลกที่ท่านเหมือนจะไม่พอใจกับการมาครั้งนี้ของผม สองอาทิตย์ที่ผ่านมาท่านก็คงจะพอรู้เรื่องของผมกับวินบ้างตามประสาคนเป็นพ่อเป็นแม่ อะไรที่เกิดขึ้นกับลูกตัวเองคงจะไม่สามารถคลาดสายตาไปได้

“ขอโทษที่มารบกวนตอนดึกครับ แต่ผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับวิน” ถ้าให้รอมากว่านี้ผมต้องตายแน่ๆ รอไม่ไหวจนต้องบึ่งมาที่นี่ทันทีที่ลงเครื่อง

“ยังต้องคุยอะไรอีก ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกลับมาเองไม่ใช่หรือไง” คงจะไม่ใช่แค่รู้เรื่องนิดหน่อยแล้วถ้าพ่อของวินจะรู้ถึงขั้นว่าผมไม่ได้ติดต่อเขาขนาดนี้ แต่ที่ไม่ได้ติดต่อใช่ว่าจะนิ่งเฉย ผมถามข่าวคราวเขาจากเพื่อนทั้งสองของวินตลอดเพียงแต่ไม่ให้วินรู้ ทั้งยุ่งเรื่องงานด้วยแล้วก็อยากให้เวลากับวินด้วย และตอนนี้ก็คิดว่าได้เวลาที่สมควรแล้วที่ต้องมาง้ออีกฝ่ายแบบเต็มที่

“ผมอยากให้เวลากับวินครับ แต่ว่าตอนนี้คงได้เวลาที่ต้องคุยกันแล้ว...ผมขอโทษคุณพ่อและคุณแม่ที่ทำให้วินเสียใจ” คราวนี้ยกมือไหว้ไม่ใช่การไหว้สวัสดีแต่เป็นการขอโทษที่ทำให้ลูกชายของท่านทั้งสองต้องเสียใจ

“...”

“คนแก่ขี้เก๊กน่ะจ้ะ...เอาเถอะ แม่เข้าใจว่าคนรักกันต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา พัตขึ้นไปหาวินที่ห้องเถอะลูก ยังไงดึกแล้วจะนอนที่นี่เลยก็ได้ ท่าทางคงจะเหนื่อยน่าดู” คุณแม่ส่งยิ้มอ่อนๆให้อย่างเห็นใจ ดูจากสภาพภายนอกก็คงแย่ไม่น้อย ผมไม่ได้นอนมาจะสองวันเต็มๆหน้าตาคงปิดความอิดโรยไว้ไม่มิด

“ขอบคุณครับ..ผมขออนุญาตนะครับ” คุณพ่อยังยืนจ้องผมนิ่งแต่คุณแม่พยักหน้าพร้อมกับส่งสัญญาณให้ขึ้นไปข้างบน ผมจึงค้อมหัวให้ท่านทั้งสองก่อนจะเลี่ยงขึ้นไปหาวิน

ก๊อก ก๊อก

เคาะประตูห้องนอนของคนที่โหยหาเพียงไม่กี่ทีแล้วรอให้เขามาเปิด

“ใครครั...” วินเอ่ยเสียงก่อนที่จะเปิดประตูออกมา พอเห็นว่าเป็นใครที่ยืนอยู่หน้าห้องหางเสียงก็หายเข้าลำคอเล็กไปทันที

“ขอพัตเข้าไปได้ไหมครับ” คนที่อยู่ในห้องมองมาที่ผมโดยไม่ได้พูดอะไร เมื่อเห็นเขานิ่งผมเลยลองเอื้อมมือไปจับประตูให้เปิดออกกว้างอีกนิด พอเขาไม่ได้มีท่าทีต่อต้านก็ค่อยๆสอดกายเข้าไปในห้องก่อนจะดันประตูให้ปิดลงพร้อมกับกดล็อค

“มาง้อนะครับ” ค่อยๆจับมือเล็กๆทั้งสองข้างขึ้นมาจับ โล่งอกไปอีกนิดที่วินไม่ได้สะบัดออก

“...”

“...”

“พึ่งจะมาทำไมตอนนี้ อึก หายเงียบไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง” น้ำตาหยดสวยไหลลงกระทบแก้มทันทีที่วินเอ่ยพูด พอเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ผมก็รั้งตัวเขาเข้ามากอดแล้วลูบหลังเล็กๆอย่างปลอบโยน

“ที่หายเงียบไปเพราะคิดว่าวินคงยังไม่พร้อมคุย...แต่ไม่ได้ทิ้งนะครับ รู้ตลอดว่าอยู่ไหนทำอะไรเป็นยังไงบ้าง กลับมาง้อแล้วนะ...คิดถึงที่สุด” คนในอ้อมกอดดูเหมือนจะผอมลงไปนิดทั้งที่ปกติวินจะกินเก่งตลอด แต่เมื่อช่วงที่ผ่านมาจากการายงานของเพื่อนเขาบอกว่าวินซึมๆไม่ค่อยจะทานอะไรนั่นคงเป็นสาเหตุ

“ฮึก มะ ไม่ต้องมาพูด...เรา อึก โกรธ คนนิสัยไม่ดี ไปจูบกับคนอื่นแล้วก็ หะ หายเงียบไป ไม่ติดต่อมา...เหนื่อยที่จะง้อแล้วใช่ไหม ไม่รักเราแล้วใช่ไหม” สองมือเล็กๆทุบที่หลังผมไปมาอย่างสะเปะสะปะแต่ไม่ได้ทำให้สะเทือนเท่ากับน้ำตาที่หยดลงบนไหล่และคำพูดจากปากเล็กๆนั่น

คำว่าไม่รักเขาที่ออกจากปากคนที่เรารักที่สุดนี่แหละเจ็บปวดที่สุดแล้ว

“ยอมรับผิดทุกอย่างเลย แต่ไม่ยอมรับเรื่องไม่รัก...รักนะครับ รักเหมือนเดิม อย่าพูดว่าพัตไม่รักวินเลยนะ มันไม่เคยน้อยลงเลย ไม่มีวันไหนที่ไม่รัก ไม่เคยเหนื่อยที่จะง้อ ทุกเรื่องที่วินเสียใจพัตผิดเอง ผิดจริงๆ...เลิกร้องไห้นะ”

“ ฮะ ฮึก “ อีกคนยังคงสะอึกสะอื้นอยู่เบาๆ

“เลิกร้องเถอะนะคนเก่ง” ผละออกมามองหน้าคนที่ร้องไห้จนหมดสภาพ หน้าเล็กๆนั่นแดงไปหมด ทั้งตาและจมูกก็แดงก่ำจนผมต้องยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากกรอบหน้าของอีกคนให้อย่างแผ่วเบาโดยมีวินจ้องหน้าผมอย่างไม่คลาดสายตา

“คะ คนนิสัยไม่ดี”

“ครับ”

“ใจร้าย”

“ครับ” ยอมรับทุกข้อที่วินว่ามาทั้งหมด “เป็นคนที่นิสัยไม่ดีเลยเนอะ ทำแฟนเสียใจแล้วก็ร้องไห้ขนาดนี้” มือทั้งสองข้างเลื่อนไปกุมหน้าเล็กๆของวินเอาไว้แล้วไล้ไปที่แก้มนุ่มเบาๆ

“ยังไม่หายโกรธ” แม้จะพูดแบบนั้นแต่ท่าทีที่มีต่อผมของวินก็ดูเหมือนว่าจะอ่อนลงมากแล้วให้พอได้ใจชื้น

“ครับๆ จะง้อจนกว่าจะหาย จะให้ทำอะไรจะทำให้หมดเลย”

“แล้วไหนบอกกลับต้นเดือน” ตามกำหนดเดิมก็เป็นอย่างนั้น

“ต้องกลับมาหาแฟน คิดถึงมากจนทนไม่ไหวเลยรีบเคลียร์งานแล้วก็กลับมานี่แหละครับ ลงเครื่องก็รีบมาหาเลย...เหนื่อยจัง ขอพักก่อนได้ไหม” ซบหัวลงกับไหล่เล็กแล้วเคาะเบาๆสองสามที พอมาถึงตอนนี้อยู่เฉยๆความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งหมดก็แสดงผล อยากหลับมันซะตรงนี้และตอนนี้ทั้งที่ก่อนหน้าผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นนอกจากคิดแค่ว่าต้องรีบมาหาวินให้เร็วที่สุด

“ไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยพัก...ยังไม่ได้หายโกรธนะแต่จะยอมให้ก่อนก็ได้” เห็นไหมว่าแฟนผมน่ารักที่สุดแล้วจริงๆ

“อาบน้ำให้ด้วยได้ไหม” เงยหน้าขึ้นแล้วส่งสายตาวิบวับให้

“คนบ้า! ไม่ต้องมาพูดทะลึ่งนะ ไปอาบน้ำเดี๋ยวเราจะไปเตรียมเสื้อผ้าแล้วก็หาอะไรรองท้องให้” วินผละออกไปก่อนจะค้อนงามๆให้หนึ่งวงจนผมหลุดหัวเราะออกมา ความรู้สึกหนักอึ้งทั้งหมดตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเบาบางลงราวกับยกภูเขาออกจากอก

“ไม่ต้องมายิ้ม โทษยังเหลืออีกเยอะ...เข้าห้องน้ำไปได้แล้ว”

“ครับๆ” แฟนพูดอย่างนั้นก็ต้องรีบทำตาม พอวินเดินออกจากห้องผมก็เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวของเจ้าของห้องแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวที่ยังไม่ได้ใช้ผมก็รู้ว่าอยู่ตรงไหนแต่แค่อยากใช้ของวินก็เท่านั้น

เปิดตู้เล็กๆตรงเคาท์เตอร์ในห้องน้ำคว้าแปรงสีฟันออกมาแปรงฟันก่อนจะรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว
ผมใช้เวลาในห้องน้ำไม่นานนักก็เดินออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างไว้เพราะไม่มีเสื้อผ้าใส่ มาแค่ตัวจริงๆ

“ทำไมไม่ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ในตู้” วินเดินถือชุดเข้ามาให้พร้อมกับเอ่ยถาม คิ้วเล็กๆขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อเห็นว่าผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนตัวผมเป็นของเขา

“อยากใช้ของแฟน”

“รีบแต่งตัวเลย” ทำมาเป็นเปลี่ยนเรื่องด้วย

“กางเกงใน?”

“อยู่ในนั้นแหละ”

“ของใคร” ไม่ใช่ของวินแน่ๆ วินจะมีกางเกงในไซส์อื่นไว้เพื่ออะไร ส่วนเสื้อผ้าที่เอามาให้ก็เป็นชุดบอลของผมที่วินยึดไปเป็นของตัวเอง

“ก็ซื้อมาไว้ให้คนแถวนี้แหละ ไม่ต้องถาม ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้เลย” วินดันหลังให้ผมเดินเข้าไปแต่งตัว พอออกจากห้องน้ำอีกรอบก็เห็นคนตัวเล็กนั่งรออยู่ที่โต๊ะมุมห้อง เป็นโต๊ะตัวเล็กๆแล้วบนนั้นก็อาหารวางอยู่สองสามอย่าง

“ยังไม่ทานอะไรเลยใช่ไหม ข้างล่างมีแค่แกงจืดกับนักเก็ตนะ” ผมทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามวินแล้วยิ้มให้เขา

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากที่อุตสาห์ยุ่งยากหาอะไรมาให้พัตทาน”

“ก็...ไม่ได้ยุ่งยากอะไรซักหน่อย”

“ยังไงก็ขอบคุณครับ” ผมลงมือทานข้าวโดยมีวินนั่งทานขนมอยู่เป็นเพื่อน จำได้ว่าเมื่อก่อนจะขึ้นมาหาเขาแม่บ้านก็บอกแล้วว่าพึ่งกินขนมไป ตอนนี้ก็กินอีกแล้ว เหมือนว่าวินคนกินเก่งคนเดิมจะกลับมาแล้ว







“กอดเบาๆก็ได้” ทั้งห้องปิดไฟเรียบร้อยหลังจากที่เราจัดการตัวเองกันเสร็จ ผมและวินกำลังเตรียมตัวจะเข้านอน ทั้งที่ตาปรือเริ่มจะปิดแต่ผมก็ยังรออีกคนลงมานอนข้างๆกัน พอวินดูความเรียบร้อยเสร็จล้มตัวลงผมก็คว้ามากอดทันที

“คิดถึง” พูดพร้อมกับพรมจูบไปทั่วหน้าหวานทั้งที่อยู่ในความมืด

“อื้อ นอนได้แล้ว”

“รัก...” จำได้แค่ว่าผมเอ่ยคำนี้ออกไปเป็นคำสุดท้ายก่อนที่สติจะดับวูบลงเนื่องจากความง่วงที่เข้าครอบงำ รู้เพียงแค่ว่าพอมีวินในอ้อมกอดก็ไม่ต้องห่วงหรือต้องกังวลอะไรอีก เรื่องที่ผมไม่สบายใจทั้งหมดได้เบาบางลงแล้ว







“อะ อือ” ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน ผมนอนยาวจนกระทั่งร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ถึงได้รู้สึกตัว รอบๆห้องของวินมืดสลัวเนื่องจากผ้าม่านที่บดบังแสงแดดจากภายนอกจนหมด คนที่นอนอยู่ข้างตัวตั้งแต่เมื่อคืนคงจะตื่นไปนานแล้ว

ผมค่อยๆก้าวลงจากเตียงพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาบนโต๊ะข้างหัวเตียงถึงได้รู้ว่าตอนนี้ปาเข้าไปเกือบจะบ่ายโมง
พอก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำก็เห็นเสื้อผ้าชุดที่ผมใส่มาเมื่อคืนวางไว้ให้ที่เคาท์เตอร์ เห็นแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ การกระทำเล็กๆน้อยๆของอีกคนที่คอยดูแลทำให้ในใจรู้สึกอุ่นๆทุกครั้งที่ได้รับ

ออกจากห้องน้ำมาก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาจากคนข้างนอก

“อาบน้ำแล้วเหรอ หิวไหม?” วินถามพร้อมกับเดินไปเปิดไฟให้ทั้งห้องสว่างขึ้น

“นิดหน่อยครับ” ผมยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาวินใกล้ๆ

“น้ำหยดหมดแล้ว ทำไมไม่รู้จักเช็ดผมให้ดีๆ” ถึงจะบ่นแต่เขากลับเป็นฝ่ายคว้าผ้าเช็ดตัวในมือผมไปแล้วดันให้นั่งลงปลายเตียงก่อนจะขยับไปนั่งด้านหลัง ผ้าผืนใหญ่ถูกวางไว้บนหัวแล้วมือเล็กก็ขยำเช็ดไปมาให้เบาๆ

“สบายจัง” รู้สึกดีจนทำเอาผมเคลิ้มจะหลับอีกรอบ

“ลงไปกินข้าวได้แล้ว” วินเอาผ้าออกจากหัวแล้ววางลงข้างเตียงเมื่อเช็คว่าผมหมาดแล้ว ผมเลยได้โอกาสดึงมือทั้งสองข้างของเขามาประสานกันข้างหน้า ลำตัวของคนตัวเล็กเลยแนบกับหลังของผมเต็มๆ ท่าทางตอนนี้คือวินโอบผมจากด้านหลัง หัวทุยๆก็คลอเคลียอยู่ข้างไหล่

“คิดถึงมากๆเลยรู้ไหม...พัตขอโทษนะที่ทำให้วินเสียใจ” ลูบไล้มือที่แสนจะบอบบางไปมาเบาๆ มือคู่นี้สินะที่คอยดูแลผมมาตลอดตั้งแต่ที่คบกัน มือที่คอยทำนู้นทำนี่ให้ตลอด

“ถ้าทุกอย่างที่พัตทำอยู่บนความรู้สึกที่ยังรักเราก็ไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณที่ยังรู้สึกเหมือนเดิม ขอบคุณที่ไม่เคยน้อยลง ขอบคุณที่ยังอยู่ตรงนี้” หัวเล็กซุกเข้ากับซอกคอให้ผมต้องกระชับมือที่จับกันอยู่ให้แน่นขึ้น

“ขอบคุณเหมือนกันนะครับ...ส่วนเรื่องมิกะพัตผิดเองที่ไม่ได้ระวังตัว แต่มันก็จบไปแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีมีเรื่องแบบนี้อีก” ผมคิดไว้แล้วว่าต่อให้เธอจะมีข้อเสนอเรื่องงานดีๆก็คงไม่รับไว้ หลังจากที่คุยกับพ่อและแม่ท่านทั้งสองก็บอกว่าไม่เป็นไรถ้าหากมันทำให้ผมกับวินต้องมีปัญหากัน

“ถึงเราจะเข้าใจแต่ก็ไม่ชอบอยู่ดี ปากนี้เหรอที่เขาจูบ นี่ๆๆๆ” วินชะโงกหน้ามากดจูบลงบนปากผมรัวๆราวกับจะลบรอยสัมผัสของมิกะออกไปให้หมดจนผมต้องหลุดหัวเราะออกมา รั้งคนที่อยู่ด้านหลังให้ลงมานั่งตักอย่างรวดเร็วจนวินผวาคว้าเข้าที่ต้นคอเพราะกลัวตก

“แตะกันไม่ถึงสามวินาทีไม่มีสึกหรออะไรเลยทั้งนั้น แต่ถ้าวินอยากลบรอยเดี๋ยวพัตจัดการเอง”

คราวนี้ไม่ใช่แค่กดปากแนบกันเฉยๆแบบที่วินทำ ผมจัดการเลาะเล็มปากนุ่มของบนตักแล้วดูดดึงเบาๆก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปหาความหวานภายในเมื่ออีกคนเผยอปากออกโดยไม่ได้ตั้งใจ เสียงแลกเปลี่ยนน้ำลายดังขึ้นเบาๆก่อนจะรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ของเราทั้งคู่ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้สัมผัสกันแบบนี้ สองอาทิตย์ที่ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมานทำให้ผมอยากจะเติมเต็มมันให้มากที่สุด

เสียงครางของวินดังเล็ดรอดออกมาเบาๆจนทำให้อะไรบางอย่างภายใต้กางเกงเนื้อดีของผมมันดุนดันขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เหมือนว่าอีกคนพึ่งจะรู้ตัวว่าเขาได้ปลุกอะไรๆที่มันหลับใหลให้ตื่นถึงได้รีบผละออก

“ฮะ แฮกๆ...ละ ลงไปทานข้าวได้แล้ว” คนพูดกอดรอบคอแล้วซบหน้ากับไหล่ผมแน่นอย่างเขินอาย

“ลงไปแบบนี้ไม่ได้แล้ว ทำไงดีอ่ะ” ก็มันคับแน่นซะขนาดนี้

“กะ ก็ไปจัดการตัวเองสิ! ปล่อยเราลงนะ เดี๋ยวยาวแล้วไม่ได้ลงไปทานข้าวพอดี” คนในอ้อมกอดดิ้นขลุกขลักเมื่อผมรัดเอวเขาไว้แน่นอย่างไม่ยอมให้ลงไปง่ายๆ

“ช่วยพัตนะครับ ถ้าวินไม่ช่วยวันนี้ลงไปไหนไม่ได้แน่ๆ ทำให้มันตื่นแล้วก็ต้องรับผิดชอบดิ” ก็ไม่ได้เจอกันตั้งนาน พอมาอยู่ใกล้ๆได้กลิ่นตัวหอมๆได้สัมผัสกันแบบนี้ใครไม่มีอาการก็ให้มันรู้ไป อยู่นู้นวันไหนที่คิดถึงวินมากๆก็ใช้มือตัวเองนี่แหละ แต่ตอนนี้มีวินอยู่ตรงนี้แล้ว มีแฟนก็ต้องให้แฟนช่วยถูกไหม

“มะ ไม่เอา” ปฏิเสธเสียงเบาจนผมต้องเพิ่มเลเวลการอ้อนอีกนิด

“นะครับ...แค่ปากเองนะ นะ” แววตาของคนตรงหน้าสั่นไหวอย่างชัดเจนจนผมแอบยิ้มกับตัวเองในใจ เกร็งหน้าไว้สุดแรงห้ามหลุดเด็ดขาด ไม่งั้นภารกิจนี้จะล้มเหลวแน่




...........................................................




สรุปแล้วกว่าที่เราจะได้ลงไปทานข้าวกันก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสองครึ่ง ดีที่ว่าพ่อกับแม่วินไม่อยู่เพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาที่ท่านต้องออกไปทำงานไม่อย่างนั้นคงน่าเกลียดน่าดูที่กว่าจะลงมาก็บ่ายคล้อยเข้าไปแล้ว พอลงมาวินก็แทบไม่มองหน้าผมเลย สบตาทีก็หน้าแดงทีจนผมอดแหย่ไม่ได้

“เลิกเขินได้แล้วครับ ตัวแดงเหมือนกุ้งแล้วนะ” วินนั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองผมเลยซักนิด ที่จริงเจ้าตัวเขาทานข้าวเที่ยงไปแล้วแต่พอเห็นผมทานก็หิวขึ้นมาด้วยซะอย่างนั้น

“ก็เพราะใครเล่า! ไม่ต้องมาแกล้งเลย”

“พัตไม่ได้แกล้งซักหน่อย ขนาดนี้แล้วเลิกเขินได้แล้วครับ” คบกันมาขนาดนี้เขายังเขินไม่ต่างจากแรกๆที่เราคบกันเลย

“ใครจะหน้าด้านเหมือนพัตล่ะ รีบกินไปเลยไม่ต้องคุยกับเรา” ว่าจบคนพูดก็ลงมือทานข้าวของตัวเองอย่างตัดบท ผมได้แต่หัวเราะกับความน่ารักของแฟนตัวเองแล้วลงมือทานข้าวของตัวเองเช่นกัน

ระหว่างที่ทานข้าววินก็ถามผมทุกเรื่องที่เจ้าตัวอยากรู้ ทั้งตอนอยู่ญี่ปุ่น กลับมาตอนไหนอะไรยังไง ละเอียดยิบราวกับกำลังสอบสวนคนทำความผิดมาซึ่งผมยินดีที่จะตอบทุกเรื่อง ไม่มีปิดบัง







“เจ้าเจมส์ ให้ตัวอื่นกินด้วยสิ” ผมนั่งข้างๆมองวินด้วยความตลก เขานั่งคุยกับปลาตัวเองเป็นตุเป็นตะราวกับมันจะรู้เรื่องอย่างนั้นแหละ

“ตรงนี้เย็นสบายดีนะ” บ่อปลาที่ประจำของวินอากาศดีเพราะถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด ลมโกรกเย็นๆทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลาย เหมาะกับการมานอนเล่นจริงๆ

“อื้อ เรามานอนตรงนี้ประจำแหละ มาคุยกับบรรดาเจ้าพวกนี้”

“พัตพึ่งรู้ว่ามีแฟนพูดกับปลารู้เรื่องด้วยนะเนี้ย”

“เพราะเราเก่งไง”

“ครับๆ เก่งมากครับ” วินยักคิ้วให้ก่อนจะวางอาหารปลาลงข้างตัวแล้วขยับมานอนข้างๆกัน เราเอาเสื่อมาปูข้างๆบ่อปลาแล้ววินก็จัดการขนหมอนมาเต็มไปหมด ผมหลับตาลงแล้วรั้งให้วินขยับมานอนเกยอก หอมหัวคนในอ้อมไปทีนึงเน้นๆ

“แล้วนี่งานเรียบร้อยแล้วเหรอครับ”

“อื้อ แต่ก็เหลือแก้อีกนิดหน่อยนอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ รอแค่พรีเซ้นตอนเปิดเทอม”

“หายโกรธพัตหรือยัง” จำได้ว่าเขาบอกผมว่าโทษยังเหลืออีกเยอะเลยถามออกมา ถ้ายังจะได้ง้อต่อ

“โกรธแล้วหายแล้ว” ผมลืมตาขึ้นมามองแต่ก็เห็นเพียงหัวเล็กๆด้านหลังของคนที่ซบอยู่บนอก

“ถ้ายังก็จะง้อ...ง้อนะ หายโกรธนะครับ”

“หายแล้วววววว” วินลากเสียงยาวพร้อมกับกอดเอวผมแน่นขึ้น

“แฟนใครใจดีจัง”

“แฟนใครก็ไม่รู้”

“แฟนพัตดิ”

“หึ พรุ่งนี้พาเราไปตัดผมด้วยนะ ผมยาวแล้ว” อยู่ดีๆก็เปลี่ยนเรื่องซะอย่างนั้น

“แบบนี้ก็น่ารักอยู่แล้ว”

“ร้อน พาไปนะ ไปซื้อของด้วย...ไปเจเจด้วยนะ อยากเดินเล่น”

“งั้นไปซักบ่ายๆ ค่ำๆค่อยไปเจเจ โอเคไหมครับ”

“อื้อ”





TBC.


Talk

บอกแล้วว่าดราม่าไรไม่มี กลับมาใสๆล้าวววว :mew3: :mew3:

มีฉากคัทเล็กๆของตอนนี้ที่ไม่ได้ลงค่ะ(เพราะเขินจัด><) ใครที่อยากได้เค้ามีข้อเสนอเล็กๆ

นั่นก็คืออออออออออออ.....เค้ามีแอคเคาท์ทวิตแล้วนะคะะะะะะ ใครอยากได้ขอมาได้ที่ทวิตนะ @exsoull_ โลดดดดดดดดด

(ฉากนี้ตั้งใจไม่ลงอยู่แล้วนะคะ คนอยากอ่านขอมาได้ แต่ถ้าไม่อ่านก็ไม่เสียหายน๊า)

https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/?fref=ts #twiter >> @exsoull_
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 27-03-2016 22:25:06
พูดตรงๆเลยนะพัต เรา... ขอวินเถอะ น่ารักมากๆ อยากเอาไปกอด ไปฟัดอ่ะ งื้อออ :hao5:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-03-2016 22:26:04
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
นึกว่าจะได้ง้อนานกว่านี้ซะแล้วดีนะวินเข้าใจ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 27-03-2016 22:26:45
 :-[
เย้ดีกันแล้ว
 :mc4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-03-2016 22:44:10
รักกันขนาดนี้ก็ไม่ต้องโกรธกันนานๆหรอก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 27-03-2016 23:30:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-03-2016 23:56:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-03-2016 01:18:39
เข้าใจกันเหมือนเดิมแล้ว  :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 28-03-2016 02:02:45
ดีแล้วที่ไม่มีมาม่า
คู่นี้น่ารักมุ้งมิ้ง  :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 28-03-2016 05:34:04
แค่จูบนิดเดียวไม่สึกหรออย่างที่พัตพูดและ

แต่วินนี่สิอยู่กับพัตแล้วเปลืองตัวชะมัด เผลอที่ไรฉกจูบตลอด  :hao6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: GMJeam ที่ 28-03-2016 06:11:13
น่ารัก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 28-03-2016 06:56:16
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 28-03-2016 07:13:28
ถึงจะน้อยใจพัตอยู่ แต่วินก็ห่วงพัตดูแลอย่างดี
พอปรับความเข้าใจแล้ว ก็สวีทหวานเชียว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-03-2016 11:00:09
รักกันนานๆ ดูแลกันดีๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-03-2016 14:12:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: DE SaiKuNee ที่ 28-03-2016 17:28:16
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 28-03-2016 19:04:51
น่ารักใสๆ ไม่ง๊องแง๊ง
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่26 27/03/2559(21.56) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 30-03-2016 19:08:12
เฮ้อออออ ดีกันแล้วๆ ค่อยยังชั่ว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 19-04-2016 03:52:41
ตอนที่ 27

หลังจากนั้นผมก็อยู่บ้านของวินต่อจนถึงตอนค่ำก่อนจะขอตัวกลับหลังจากทานข้าวเย็นที่บ้านเขาเสร็จ พ่อกับแม่ที่ยังไม่กลับจากญี่ปุ่นยังโทรมาแซวผมว่าบ้านของตัวเองคงไม่จำเป็นแล้วเพราะลูกชายรีบบึ่งไปบ้านแฟนทันทีก่อนจะที่เข้าบ้านตัวเองเสียอีก

พอกลับบ้านมาก็จัดการอาบน้ำแล้ววิดีโอคอลหาวินทันที

(พ่อกับแม่ยังไม่กลับอีกเหรอ)

“ครับ มีดูงานต่ออีกนิดหน่อยเลยกลับช้า แม่บอกว่าให้วินแวะมาทานข้าวที่บ้านด้วยนะท่านมีของฝากจะให้”

รักยิ่งกว่าลูกตัวเองเสียอีก ส่วนของผมที่เป็นลูกแท้ๆไม่ได้อะไรหรอกครับ ไปทำงานเหนื่อยแสนเหนื่อยแถมยังโดนบ่นเรื่องที่ทำให้วินเสียใจอีกต่างหาก จนตอนนี้ผมชักจะงงๆว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกแม่

(พ่อกับแม่กลับวันไหน เดี๋ยวเราไปรับท่านด้วย) ก็เป็นซะอย่างนี้ ไม่แปลกเลยที่แม่ผมจะรักเขา

“อีกสามวันครับ”

(โอเค มารับเราด้วย)

“ครับผม แล้วพรุ่งนี้ให้พัตไปรับกี่โมง”

(เที่ยงตรงแล้วกันนะ กว่าเราจะไปถึงห้างคงบ่ายโมงเลย รถต้องติดแน่ๆ) แน่นอนว่าการจราจรที่กรุงเทพ ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ==

ผมกับวินคุยกันไปเรื่อยๆจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน ตื่นเช้าขึ้นมาก็เห็นโทรศัพท์นอนแอ้งแม้งอยู่ข้างหัวถึงได้รู้ว่าเมื่อคืนหลับคาโทรศัพท์ไปเลย ผมจัดการไลน์ไปบอกอีกคนว่าตื่นแล้วก่อนจะลงไปห้องฟิตเนส ไม่ได้ออกกำลังมาหลายวันไหนๆวันนี้ก็ว่างแล้วยืดเส้นยืดสายเสียหน่อยก็ดี

ผมใช้เวลากับการออกกำลังกายราวสองชั่วโมงกว่าๆก่อนจะกลับขึ้นไปอาบน้ำ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้วกว่าจะอาบน้ำแต่งตัวออกไปรับวินก็คงจะเที่ยงตามที่เขานัดไว้พอดี เช็คโทรศัพท์ที่วางเอาไว้บนห้องเห็นข้อความของวินไลน์มาเมื่อชั่วโมงที่แล้วว่าตื่นแล้วผมเลยส่งสติกเกอร์กลับไปก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ จัดการตัวเองเรียบร้อยโดยใช้เวลาไม่นานมากนักแล้วออกไปรับอีกคน

“อยากกินไอติม” พอขึ้นรถมาคนตัวเล็กก็บ่นทันที

“ตัดผมเสร็จค่อยไปครับจะได้เดินดูของทีเดียวด้วยไปเลย” วินพยักหน้ารับ ปรับแอร์ในรถเปิดนู้นเปิดนี่ของเขาไปเรื่อยตามประสา

“ทิชชู่หมดเหรอ”

“ไม่รู้สิครับ เขาคงลืมเอาขึ้นไว้มั้ง” เพราะว่าผมไม่ได้ใช้รถนานเลยไม่ทันได้สังเกตว่ามีอะไรในรถขาดเหลือไหม คนที่บ้านก็อาจจะลืมเอาขึ้นไว้ให้เช่นกัน วินยู่ปากเล็กน้อยเมื่อไม่มีของที่ต้องการเพราะเหงื่อเขาซึมออกมาตามไรผม เจ้าตัวคงร้อนแล้วอยากเช็ดมัน

“พัตทานอะไรมารึยัง”

“ทานแล้วครับ” ผมทานไข่แล้วก็นมจืดก่อนออกมาเพราะฉะนั้นเรื่องหิวเลยไม่เป็นปัญหา วินเองก็ทานข้าวแล้วเหมือนกัน ไปถึงที่หมายจะได้ตรงไปที่ร้านตัดผมเลย

“เราอยากทานแพนเค้กด้วยอ่ะ ควรเลือกอะไรดี” คนข้างตัวมีสีหน้าลำบากใจกับการคิดเรื่องของกินจนผมหลุดขำ จริงจังกับการกินไปไหน

“ก็ทานร้านที่มันมีทั้งสองอย่างสิครับ”

“อืม...จริงสิ!” คงพึ่งจะนึกออกว่ามันมีร้านแบบที่มีทั้งไอติมและแพนเค้กอยู่เต็มไปหมด  พอเจ้าตัวนึกได้หลังจากนั้นวินก็พูดเรื่องกินของตัวเองไปอยู่คนเดียวจนผมนึกขำ อายุก็ไม่น้อยแล้วแต่ไม่ได้ต่างจากเด็กเลยซักนิด ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของกินแล้วด้วยเขายิ่งเหมือนเด็กเข้าไปใหญ่

เราสองคนมาถึงห้างในเวลาต่อมา เดินมาจนถึงร้านตัดผมร้านประจำของวินพนักงานก็เข้ามาต้อนรับคุยกันสนิทสนม ผมเองไม่ค่อยมีร้านประจำแล้วแต่อารมณ์ว่าอยากไปร้านไหนหรือเดินไปเจอร้านไหนมากกว่าเพราะไม่ค่อยได้ทำอะไรกับหัวอยู่แล้ว ส่วนมากก็แค่เล็มผมให้สั้นขึ้นแต่ยังคงเป็นทรงเดิม

“ผมพัตก็เริ่มยาวแล้วนะ ตัดพร้อมกันทีเดียวเลยไหมเดี๋ยวเราบอกช่างให้” คนข้างตัวหันมาถามเมื่อสังเกตว่าผมของผมเองก็ค่อนข้างยาวแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ช่างประจำวินติดลูกค้าอยู่เราเลยต้องรออีกหนึ่งคิวเพราะวินไม่ได้โทรมาจองล่วงหน้า

“อืม...ตัดเลยก็ดีเหมือนกันครับ” ไหนๆได้มาแล้วตัดไปเลยก็ดีเหมือนกัน

“โอเค ดูทรงก่อนไหม?” วินหันไปหยิบนิตยสารที่โต๊ะข้างๆเขาขึ้นมาให้หลายเล่ม ผมรับมาแล้วเปิดดูทั้งที่จริงแล้วก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนทรง แค่อยากรู้ว่าเดี๋ยวนี้แฟชั่นเขาไปในด้านไหนบ้างเพราะผมไม่ค่อยมีเซ้นส์เรื่องนี้เลย

“เราทำสีด้วยดีไหม” ผมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือในมือแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆว่าเอาจริงหรือเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ตอนนี้ผมวินเป็นสีธรรมชาติซึ่งมันก็ดีอยู่แล้ว ผมไม่ได้คิดจะห้ามเรื่องทำสีถ้าเขาอยากจะทำจริงๆก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร

“แล้วแต่วินเลยครับ แต่ไม่ต้องเอาสีที่มันแรงมากอย่างแดง เขียว อะไรแบบนี้ไม่เอา”

“เราอยากทำสีเทาออกน้ำเงิน แบบนี้ๆ” นิ้วมือเล็กจิ้มลงที่นิตยสารในมือตัวเองให้ดูสีผมที่นายแบบทำอยู่

“สีน้ำตาลอ่อนก็พอแล้วไหมครับ”

“อยากลองเปลี่ยนลุคดูบ้าง พัตว่าถ้าเราทำจะเป็นยังไง”

“ทำสีไหนก็น่ารักทั้งนั้นแหละครับ”

“เสี่ยววววววว” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่แก้มกลมกลับขึ้นสีจางๆจากประโยคเลี่ยนๆของผมที่ตั้งใจเล่นให้เขาเขิน แล้ววินก็หันกลับไปดูเรื่องของสีผมต่อ อันไหนที่ถูกใจหน่อยก็จะหันมาถามบ้างว่าเป็นยังไง ส่วนผมก็ดูทรงผมของนายแบบในนิตยสารบนมือของตัวเองต่อไป

อืม บางอย่างก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสมัยนี้เขาเป็นหรือเขาทำแบบนี้ ดูมาเรื่อยๆจนกระทั่งพลิกมาเจอกับหน้าที่มีนายแบบคนนึงกำลังโพสต์ท่าถ่ายด้านข้าง

“วินว่าทรงนี้เป็นไงบ้าง” หันไปถามวินที่ยังวุ่นกับเรื่องสีผมไม่หยุด พอคนตัวเล็กหันมาเห็นเขาก็ขมวดคิ้วมุ่น มองหน้าผมสลับกับหน้านายแบบบนนิตยสารอยู่อย่างนั้น

“ตัดแล้วจะไม่หล่อเกินไปเหรอ” เขาเงียบไปซักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นในที่สุด และประโยคนั้นก็ทำเอาผมหลุดหัวเราะออกมาจนช่างที่ตัดผมอยู่หันมามอง อะไรคือคำว่าหล่อเกินไปของเขากัน

“หล่อเกินไปอะไรกันครับ มันมีแบบนั้นด้วยเหรอ” ผมไม่เข้าใจว่าหล่อเกินไปเป็นยังไง ไม่ว่าจะหน้าตาแบบไหนก็คนธรรมดาเหมือนกันหรือเปล่า ผมไม่ค่อยมองว่าคนนั้นคนนี้หล่อมากหรือสวยมาก คนทุกคนก็มีแบบที่แตกต่างกันออกไป มีตัวตนที่แตกต่างกัน ผมชอบคนที่มองแล้วดูสบายตาและสบายใจมากกว่า

“ก็คือหล่อเกินไปไง ก็พอหล่อแล้วเดี๋ยวก็มีคนเข้ามาหาอีก แค่นี้ก็เยอะจะแย่แล้ว” วินยู่ปากใส่อย่างน่ารักจนผมอยากดึงเขาเข้ามาจูบแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว น่าเสียดายที่ตอนนี้เราอยู่ในที่สาธารณะซึ่งเป็นที่ที่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้

“ไม่ได้ขนาดนั้นซักหน่อยครับ”

“ขนาดนั้นแหละ ทุกวันนี้ที่เราต้องมาเคลียร์ไลน์ให้ตลอดนี่ไม่เรียกขนาดนั้นเหรอ...หึ เดี๋ยวเราให้ไลน์คนอื่นบ้างดีไหม”

“ก็ลองให้ดูสิครับ” ผมส่งยิ้มเย็นให้เขาเป็นการเตือนกลายๆว่าอย่าแม้แต่จะคิด อย่านึกว่าของวินไม่มีคนเข้าหา ต่างจากผมที่ไหนกัน แค่เขาจัดการของเขาได้ผมเลยไม่เข้าไปยุ่ง ของผมนี่เป็นพวกขี้เกียจวินเลยต้องมาจัดการลบแชทพวกนั้นออกให้ ไม่ได้เปิดอ่านหรือตอบอะไรกลับไปลบออกอย่างเดียวเท่านั้น บางทีเพื่อนไลน์มาก็ไม่เห็นเพราะว่ามีไลน์ของคนอื่นทับมา

“ถ้าให้เดี๋ยวคนแถวนี้ก็มีโหมดโหดขึ้นมา”

“แน่นอนครับ พัตไม่ปล่อยไว้แน่”

“ไม่ต้องมาพูดเลย สรุปจะตัดทรงนี้เหรอ?” นี่เราคุยกันมาไกลจนผมเกือบจะลืมหัวข้อที่ตั้งใจคุยกันในตอนแรกไปแล้ว

“ก็...ลองเปลี่ยนบ้างก็คงจะดีเหมือนกันมั้งครับ” หรืออาจจะเป็นเพราะนายแบบเขาดูดีเลยทำให้ผมทรงนี้มันดูดี? ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันแต่อยากลองเปลี่ยนแนวดูบ้าง นานมากแล้วที่อยู่กับทรงนี้ บางทีถ้าตัดมันก็อาจจะเข้ากับผมมากกว่าทรงปัจจุบันก็ได้ ถ้าไม่เข้าก็แค่ไม่ตัดอีก ง่ายๆเลย

“อื้อ ลองดูก็ได้ ถ้าหล่อเกินไปครั้งหน้าก็ไม่ให้ตัด”

“แล้วแต่จะบัญชาเลยครับ”

แม้จะยังไม่เข้าใจคำว่าหล่อเกินไปแต่ก็ต้องตามใจเขา พอได้รับคำตอบที่พอใจวินก็หันไปสนใจอย่างอื่นต่อ ผมได้แต่ยิ้มอ่อนแล้วส่ายหน้ากับตัวเองเบาๆ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องขัดใจเขาอยู่แล้วเพราะไม่อย่างนั้นคงต้องเคลียร์กันยาว และมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีซักเท่าไหร่นัก อะไรที่แฟนพอใจเราก็ไม่ควรขัด เหมือนที่มีคนกล่าวเอาไว้ว่าคนเชื่อเมียเจริญทุกคน

“น้องวินเชิญค่ะ” พนักงานเข้ามาเรียกหลังจากที่คิวก่อนหน้าตัดเสร็จแล้วเรียบร้อย

“พี่ทรายคนนี้ตัดด้วยนะครับ แล้วของวินก็ทำสีด้วย” เรื่องสีผมสรุปคือมีหลายสีที่วินชอบจนสุดท้ายจึงตัดสินใจว่าจะปรึกษาช่างทำผมว่าสีไหนที่เหมาะกับเขา ให้คนที่เชี่ยวชาญช่วยเลือกช่วยตัดสินใจคงจะดีกว่า

“ได้ค่ะ งั้นน้องวินก่อนเนอะ สุดหล่อจะได้ไม่ต้องตัดเสร็จแล้วมานั่งแกร่วรอเรา ทำสีจะนานนิดนึงนะคะ”

“โอเคครับ” วินตอบรับในขณะที่ผมพยักหน้าเบาๆอย่างไม่มีปัญหา วินหันมายิ้มผมเล็กน้อยให้ก่อนจะเดินตามช่างไป ส่วนตัวผมก็นั่งอยู่ที่เดิมเปิดดูนั่นดูนี่รอไปพลางๆ ไอ้กิมกับไอ้จีนก็ไลน์มาทวงของฝากยิกๆ

ในช่วงระหว่างที่วินกำลังรอให้สีผมติดช่างก็มาเรียกผมไปตัด พอถามว่าจะเอาทรงไหนผมก็ชี้ให้เขาดู

“หืม ตาถึงเว้ย รับรองว่าตัดออกมาต้องมีคนโวยวายแน่” อาจจะเป็นผมเองที่โวยวายเพราะไม่เข้ากับหน้าตัวเอง==

แล้วหลังจากนั้นช่างก็บรรเลงหัวผมไปราวๆครึ่งชั่วโมงเพราะไม่ได้สระ ท่าทางการตัดมั่นอกมั่นใจไม่มีการลังเลเลยซักนิด ดูจากลูกค้าและใบประกาศนียบัตรมากมายก็คงจะวางใจในฝีมือได้

“เรียบร้อยแล้ว หล่อเว้ย หน้าชัดกว่าทรงเดิมเยอะ วันไหนไม่เซ็ตก็ปล่อยๆได้ไม่น่าเกลียด” ผมมองตัวเองในกระจกเมื่อช่างจัดการเซตทรงให้เรียบร้อย

 อืม หน้าแอบเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน สไตล์ก็ดูเปลี่ยนไปอีกแบบ

“ป่านนี้วินก็เสร็จแล้วมั้ง ออกไปนี่โวยใส่กูแน่”

ประโยคหลังดูเหมือนว่าช่างเขาจะคุยกับตัวเองเสียมากกว่า ผมลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินกลับไปที่เดิม เห็นคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

สีผมวินเป็นสีน้ำตาลประกายทองเล็กๆผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันเป็นสียังไง ข้างบนตรงโคนถูกแซมด้วยสีเงินเจือน้ำเงินจางๆ ตอนทำเขาอยู่อีกโซนนึงผมเลยไม่เห็นว่าสรุปแล้ววินเลือกสีอะไร ยอมรับว่าสีสวยมากและเข้ากับวินสุดๆแต่ข้อเสียของมันก็คือยิ่งขลับให้ใบหน้าของวินน่ามองและดึงดูดความสนใจของผู้คนมากไปอีก

“ไง สีถูกใจไหม” ช่างตัดผมเอ่ยถามวินก่อน แต่เจ้าตัวมองมาทางผมพร้อมกับส่งค้อนวงเล็กๆให้แล้วหันไปตอบ

“ถูกใจมาก แต่ไม่ถูกใจทรงผมคนนั้น” วินชี้มาทางผม คือมันไม่โอเคเหรอหรือยังไง สำหรับผมแล้วมันก็โอเคนะ

“ว่าละ ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้าง ทำใจเว้ยไอ้น้องได้แฟนหล่อ”

“ก็ไม่เห็นต้องตัดให้ออกมาดูดีขนาดนี้นี่นา”

“เอ้า คนเราเนอะ จะให้พี่ตัดผมให้ลูกค้าออกมาเหี้ยใครจะเข้าร้านกันวะ”

“ก็วินนี่ไง”

“โอ๊ย พอเถอะๆ รีบเอาแฟนไปได้แล้วก่อนที่พนักงานร้านพี่จะฉุดเอา”

“ฉุดไปเลย...ไว้วินแวะมาใช้บริการใหม่นะ”

ผมได้แต่ยืนนิ่งฟังคนทั้งสองคุยกัน พอมองไปรอบๆก็พึ่งจะสังเกตว่ามีคนมองมาที่ผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ หันกลับมาหาวินก็เจอสายตาขุ่นๆก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาแล้วดึงแขนออกไปตรงเคาท์เตอร์จ่ายเงิน คนตัวเล็กมัวแต่หากระเป๋าตังค์จนผมยื่นบัตรของตัวเองส่งให้พนักงานเป็นที่เรียบร้อย กระเป๋าเขาของเยอะขนาดนั้นกว่าจะหาเจอคงโดนลูกค้าข้างหลังบ่นน่าดู

“ไปไหนต่อครับ” ออกจากร้านก็หันมาถามคนข้างตัว

“ไปกินติม”

“หน้ายับหมดแล้ว เป็นอะไรครับพูดดีๆซิ” ผมยื่นมือไปดึงแก้มคนที่หน้ายุ่งๆทีนึงจนเขายิ่งส่งสายตาขุ่นเคืองมาให้ ไม่รู้ว่าที่เป็นแบบนี้เพราะว่าโดนดึงแก้มหรือเพราะประโยคที่ผมถามกันแน่

“ไม่ให้ตัดผมทรงนี้แล้ว” ไม่พูดเปล่าปากเล็กๆสีสดนั้นยังเบะออกอย่างบ่งบอกความไม่พอใจขั้นสุด ให้อารมณ์เหมือนเด็กเวลาที่ถูกขัดใจแล้วพร้อมจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“ทำไมครับ ดูไม่ดีเหรอ?” ผมแกล้งถามทั้งที่พอจะรู้อยู่ว่าทำไม ได้ยินจากที่เขาคุยกับช่างตัดผมเลยพอจะเข้าใจว่าอะไรที่เป็นสาเหตุให้วินเป็นแบบนี้ จนอดที่จะตลกแฟนตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ไม่มีใครสนใจผมขนาดนั้นหรอกบางทีเขาคิดมากไปเอง มีคนมองบ้างก็จริงแต่ที่เข้ามาหาเลยมีน้อยมากๆ มากที่สุดก็ไลน์มาหาอย่างที่วินรู้ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

“ไม่ต้องมาถามเลยนะ”

“ฮ่ะๆ ไม่เอาครับไม่งอแง เดี๋ยวพัตเลี้ยงหนมนะโอเคไหม” ต้องใช้การ์ดของกินเข้าแลก พอเดี๋ยวเขาได้กินของอร่อยๆอารมณ์ก็จะเริ่มดีขึ้น วินไม่ใช่คนย้ำคิดย้ำทำเดี๋ยวอาการของเขาก็หายไปเอง

“ซื้อไอติมกลับห้องให้เราห้าถังเลยด้วย”

“จะกินหมดเหรอครับ ถ้าต้องทิ้งเสียดายของนะ”

“หมด ไม่ทิ้ง!”
“โอเคๆ หมดก็หมดครับ งั้นตอนนี้ไปที่ร้านก่อนเนอะ” ผมเอื้อมมือไปคว้ามือเล็กมาจับไว้แล้วไล้นิ้วลูบไปมาเบาๆอย่างเอาใจ คิดดูว่าขนาดจะไปที่ร้านไอติมอยู่แล้วยังบอกให้ไปซื้อเก็บไว้ที่ห้อง กินจนผมคิดว่าเจ้าของไอศครีมซักยี่ห้อน่าจะมาจ้างวินไปเป็นพรีเซนเตอร์ เงินค่าไอติมที่กินเข้าไปนี่เอาการเลย

“รีบไปเลย เราอยากกินแล้ว” แล้วผมก็ต้องรีบพาแฟนสุดที่รักไปกินไอติมก่อนที่เขาจะงอแงไปมากกว่านี้

มาถึงร้านพอได้เห็นของกินอารมณ์วินก็กลับมาสดใสลืมเรื่องราวก่อนหน้าไปหมดสิ้น เป็นฝ่ายผมเองบ้างที่เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องผมของเขา

ไอ้ผู้ชายโต๊ะถัดไปนี่จะมองวินอีกนานไหม

“พัตลองชิมไหม ร้านนี้ช็อกโกแลตเข้มข้นมากเลยนะ ไม่หวานเลี่ยนเลย” คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยชวนให้ทานของโปรดเขาในขณะที่เจ้าตัวซัดมันไปจนเหลือแค่ค่อนถ้วย

“ไม่ครับ วินทานเลย” ผมไม่ค่อยทานอะไรพวกนี้อยู่แล้ว อีกทั้งตอนนี้ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะกินอะไรทั้งนั้น “พัตว่าหมดถ้วยนี้ก็พอเนอะ เดี๋ยวเราต้องไปที่เจเจต่ออีกถ้ากินอิ่มมากจะกินของที่นั่นได้น้อยนะ”

พูดหลอกล่อให้วินออกจากร้านนี้เร็วๆเพราะรำคาญสายตาไอ้คนข้างหลังนั้นเต็มที่ นี่ขนาดว่าวินนั่งหันหลังให้ยังมองซะหยดย้อยขนาดนั้น ผมส่งสายตาไปให้หลายครั้งก็ยังทำเป็นไม่สนใจ

“นั่นสิเนอะ เราอยากไปกินไอติมมะพร้าวด้วย” ไอติมที่กินไปสามลูกใหญ่คนเดียวยังไม่จุใจอีกใช่ไหมครับ...

ผมได้แต่คิดในใจเท่านั้น รู้ดีว่าของชอบของเขาจะกินแค่ไหนก็ไม่มีอิ่ม พวกอะไรหวานๆเย็นๆนี่วินชอบมาก

“งั้นเช็คบิลเลยนะครับ”

“อื้อ” ผมรีบโบกมือเรียกพนักงานทันทีเมื่อวินกินเสร็จเรียบร้อย จ่ายเงินแล้วก็ลากวินออกจากร้านจนเขาทำหน้างงๆ

“พัตจะรีบไปไหนรึเปล่า”

“ก็...เปล่าครับ เราจะได้มีเวลาเดินเจเจเยอะหน่อยไง พอดีพัตมีของที่จะไปดูหลายอย่างเลย...ว่าแต่วินจะเดินดูของในนี้ก่อนไหม”

“งั้นไปเจเจเลยก็ได้ เราอยากเดินดูของที่นั่นมากกว่า...ขากลับอย่าลืมแวะมาซื้อไอติมให้เรานะ”

“ครับๆ ไปกันเลยนะ” 




TBC.

Talk

กลับมาแล้วนะ ยังมีขีวิตอยู่ค่ะะะะะะ   :impress2: :impress2: หนีเที่ยวกลับบ้านไม่มีคอมใช้เบย พอกลับมาเมื่อวันก่อนอีกไม่กี่วันจะสอบก็ต้องอ่านหนังสือเลยยาวเลย~ คนแต่งกลับมาแล้วคนอ่านก็ต้องกลับมานะ อ่านกันเถอะน๊า อย่าพึ่งทิ้งเค้าเลย  :sad4: :sad4:
สอบพรุ่งนี้แต่ขุดร่างมาพิมพ์นิยายคืออะไร เหนื่อยเหลือเกิน  :o12: :o12: ไม่มีแรงแล้ววววว เลิฟยูวออลนะคะ  :mew1: :mew1:



page >> https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/
tw >> @exsoull_
ask.fm >> @itsmesoull

ทักมาได้ทุกช่องทางนะคะ ไม่ดุไม่กัดฉีดยาแล้ว เหงาๆเบื่อก็ทักมาโลดดดดด :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-04-2016 05:55:49
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-04-2016 09:35:38
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
วินน่ารักจนพัตไปไหนไม่รอด

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 19-04-2016 09:46:33
 :pig4: :pig4:
หวานไปหมดทุกสิ่งทุกอย่างงงงงงงง
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 19-04-2016 10:06:39
ไม่อยากให้พัตตัดผมทรงใหม่เพราะกลัวคนมาชอบพัตเยอะกว่าเดิม ขี้หึงเหมือนกันนะวิน ส่วนพัตทั้งหึงทั้งหวงตลอดอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 19-04-2016 10:07:29
น่ารักอะไรเบอร์นั้น
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 19-04-2016 10:43:19
หวานโน๊ะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-04-2016 10:51:07
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 19-04-2016 10:55:29
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 19-04-2016 12:15:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-04-2016 12:39:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-04-2016 13:49:50
ปัญหาของคนหล่อและแฟนรูปหล่อกว่า  อิอิ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-04-2016 19:40:45
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่27 19/04/2559(03.57) p.14
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 19-04-2016 20:35:19
อย่างนี้แหละมีแฟนน่าตาแซบทั้งคู่ต้องทำใจนะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 21-04-2016 21:25:10

ตอนที่ 28

ทันทีที่คนที่เรารอคอยเดินออกมาในระยะที่สามารถมองเห็นได้วินก็รีบลากผมให้เดินเข้าไปหาก่อนจะยกมือไหว้จนพ่อกับแม่ผมรับไว้แทบไม่ทัน

“สวัสดีครับ”

“ไม่น่าเหนื่อยมารับแม่เลยลูก ไปรอที่บ้านก็ได้” ประโยคนี้แม่ผมพูดกับวินเท่านั้นแหละครับ สำหรับผมแล้วไม่มีหรอกที่แม่จะบอกไม่ต้องเหนื่อย ถ้าพูดกับผมท่านคงจะบอกว่ามารับแค่นี้เป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆไม่ได้ลำบากอะไรเลย

ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน...

“ผมบอกแล้วครับแต่คนโปรดของแม่ไม่ฟังเอง” ผมบอกวินแล้วว่ารอรับท่านทั้งสองอยู่ที่บ้านก็ได้แต่เจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าจะมารับพ่อกับแม่ถึงสนามบิน และแน่นอนว่าผมไม่มีทางขัดเขา ตามใจที่สุดแล้วคนนี้

“วินอยากมาเองครับ^^” คนตัวเล็กยิ้มหวานจนแม่ผมขยับเข้าไปใกล้แล้วจับมือเล็กทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาลูบเบาๆอย่างเอื้อเอ็นดู

“โธ่ลูก งั้นเรารีบกลับบ้านกันดีกว่าเนอะ ไปทานข้าวที่บ้านกันนะลูกแม่มีของให้น้องวินเยอะเลย” ผมกับพ่อได้แต่มองตากันปริบๆปล่อยให้สองแม่ลูกสุดที่รักคุยกันกระหนุงกระหนิงอย่างไม่สนใจเราทั้งคู่ พ่อได้แต่ส่งสายตาปลอบใจมาให้ราวกับจะบอกว่าทำใจให้จนผมต้องยิ้มอ่อนออกมา

ดีใจที่เห็นวินและแม่ผมเข้ากันได้ดีจนวินกลายมาเป็นคนในครอบครัวอีกคนหนึ่งแล้วสำหรับเรา แต่บางทีแม่อาจจะลืมไปว่านั่นคือแฟนของลูกชายตัวเอง พออยู่ด้วยกันทีไรผมกับพ่อกลายเป็นหมาหัวเน่าทุกที

“ไปกันเลยเนอะลูกเนอะ พัตเข็นกระเป๋าแม่ไปด้วยนะจ้ะ” ท่านเอ่ยบอกเพียงเท่านั้นก่อนจะหันไปรั้งเอวเล็กให้วินเดินไปด้วยกัน ทิ้งผู้ชายต่างวัยสองคนมองตามอย่างปลงๆ

“เราสองคนยังจำเป็นอยู่ไหม” พ่อเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อน

“นั่นแฟนผมหรือแฟนแม่กันแน่ครับ”

“นี่พ่อไง พ่อเป็นสามีแม่นะถ้าจำไม่ผิด” (  - -)(- -  )

“เห้อ/เห้อ” แล้วเราทั้งสองก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกันก่อนที่พ่อจะตบบ่าผมเบาๆอย่างให้กำลังใจ สองพ่อลูกหัวเราะกับตัวเองเบาๆอย่างขบขันก่อนที่ผมจะรีบเข็นกระเป๋าเดินตามคนข้างหน้าที่กระหนุงกระหนิงกันไปไกลแล้ว นอกจากจะน่าสงสารเพราะโดนแม่และแฟนทิ้งยังน่าสงสารที่ต้องมาเข็นกระเป๋าตามต้อยๆ โดนไม่สนใจแล้วยังโดนใช้อีกต่างหาก ==

.
.
.
.
.
.
.
.

“น้องวินทานเยอะๆนะลูก อันนี้อร่อยแถมดีต่อสุขภาพด้วยนะ”

“ขอบคุณครับ คุณพ่อกับคุณแม่ก็ทานเยอะๆนะครับ^^” มือเล็กหยิบช้อนกลางตักอาหารใส่จานให้ทั้งพ่อและแม่อย่างเอาอกเอาใจ

“วินครับ แล้วพัตล่ะ” ทำไมรู้สึกว่าโลกนี้มีความลำเอียงสูงเหลือเกิน นี่ผมโดนทั้งแฟนและแม่ทิ้งเลยเหรอ มีใครน่าสงสารกว่านี้อีกไหม ตลอดการเดินทางจากสนามบินจนกลับมาที่บ้านทั้งแม่และวินก็ยังไม่หยุดคุยหยุดกันเลยครับ ไม่สนใจทั้งผมและพ่อด้วย

“พัตก็ตักเองสิ~” ไม่ต้องมาทำหน้าและเสียงน่ารักใส่เลย คิดดูว่าแม้แต่นั่งทานข้าวเขายังเลือกนั่งข้างแม่ผม ปล่อยให้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนนั่งอ้างว่างอยู่อีกฝั่งเพียงคนเดียว

“ครับๆ พัตไม่สำคัญแล้วนี่” ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาถึง นี่ผมต้องทำตัวแบบนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากแฟนตัวเองแล้วเหรอ ใครมาเห็นก็คงหัวเราะใส่ว่าทำตัวอย่างกับผู้หญิง แต่นาทีนี้ใครจะสนกัน ผมขอปฏิบัติภารกิจทวงคืนวินจากแม่ของตัวเอง

“รู้ตัวก็ดีนี่จ้ะลูกชาย น้องวินทานข้าวต่อดีกว่านะลูกอย่าสนใจพัตเลยแม่ว่า” ดูแม่ผมสิ

“ผมก็รู้สึกเหมือนโดนเมียทิ้งยังไงก็ไม่รู้นะ นี่ตั้งแต่กลับมาเมียก็เอาแต่สนใจเด็กๆมากกว่าตาแก่แบบผมเสียอีก” คราวนี้เป็นพ่อที่นั่งอยู่หัวโต๊ะพูดขึ้นบ้าง แม้จะรู้ว่าท่านทำเป็นแซวไปอย่างนั้นแต่ทุกอย่างที่พูดมาก็ล้วนแต่เป็นความจริง เราทั้งสองคนพ่อลูกคือบุคคลที่ถูกลืม

“โธ่คุณคะ เราอยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้วนี่ ให้เวลาฉันได้อยู่กับน้องวินบ้างสิคะ วันๆอยู่แต่กับผู้ชายทื่อๆแบบคุณกับลูกพอมีน้องวินฉันก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดา”

“เชิญเลยครับคุณนายครับ” พ่อส่ายหัวน้อยๆให้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาอย่างอ่อนใจก่อนจะหันกลับไปทานข้าวต่อ

หลังจากนั้นแม่กับวินเข้าสู่โหมดโลกส่วนตัวกันอีกครั้ง ตัวผมจะทำยังไงได้นอกจากหันกลับมากินข้าวในจานของตัวเองต่อเช่นเดียวกัน ปล่อยสองแม่ลูกให้เขาคุยกันต่อไป

บางทีแม่อยู่แค่กับผมและพ่อก็คงจะเบื่อ พอมีวินที่น่ารักสดใสเข้ามาท่านเลยเอ็นดูเขาเป็นพิเศษ






เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นทำให้ผมที่กำลังนั่งตรวจความเรียบร้อยของงานอยู่ปลายเตียงเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นคนตัวเล็กที่เอาเวลาหลังกินข้าวไปดูหนังเป็นเพื่อนคุณแม่จนพึ่งจะขึ้นห้องมาได้ผมก็หันกลับมาสนใจไอแพดในมือเช่นเดิม ถึงแม้จะทำเหมือนไม่สนใจแต่จริงๆแล้วประสาทสัมผัสก็คอยจับสังเกตตลอดว่าวินกำลังทำอะไรบ้าง

และเขาก็เดินมาหยุดอยู่ข้างหน้า นั่นยิ่งทำให้ผมต้องเกร็งหน้าตึงเข้าไว้ ถึงเวลาของผมแล้ว...

“งอนอะไรเราอ่ะ” ประโยคที่เขาพูดออกมาทำเอาผมแทบหลุดหัวเราะ น้ำเสียงหงอยๆนั่นทำให้ผมรู้ว่าวินคงคิดว่าผมงอนเจ้าตัวแบบจริงจัง นี่คิดว่าผมจะเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอ ที่ผมทำทั้งหมดก็แค่แกล้งเรียกร้องความสนใจจากเขาเท่านั้น แค่อยากแกล้งแม่ที่เอาแต่กักตัวแฟนผมไว้แค่นั้นเอง

“...”

“พัต...สนใจเราหน่อย” มือเล็กเอื้อมมาหยิบไอแพดออกจากมือแล้ววางมันลงบนเตียงก่อนจะขยับเข้ามาทรุดตัวลงนั่งที่ตัก แขนเรียวเล็กก็ยกขึ้นมาคล้องคอจนผมต้องบอกตัวเองในใจ

เย็นๆไว้ อย่าพึ่งให้เหยื่อรู้ตัว

“พึ่งจะสนใจกันได้เหรอครับ” รางวัลตุ๊กตาทองปีนี้ผมอาจจะถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลดาราดาวรุ่งก็อาจเป็นได้

“ฮื่อ ก็สนใจตลอด” คนตัวเล็กส่งสายตาออดอ้อนมาให้จนผมแทบจะทนไม่ไหว อยากพลิกตัวเขาลงบนเตียงแล้วจู่โจมแบบที่ใจอยากให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ยังไงก็ต้องทนไว้ก่อน คนเราต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน

“ตอนไหน พัตไม่เห็นรู้ตัว” แสร้งตีหน้านิ่งพูดออกไป ปากเล็กๆยู่ใส่ราวกับไม่พอใจในประโยคนั้น ถึงผมจะไม่คิดอะไรแต่ที่พูดก็ความจริงทั้งนั้น วันนี้ทั้งวันยังไม่รู้สึกว่าถูกเขาสนใจเลยซักนิด

“คนอะไรตัวโตแต่ขี้ใจน้อยชะมัดเลย เราพึ่งรู้ว่ามีแฟนเป็นแบบนี้”

“...”

“ต้องทำยังไงถึงจะหายงอน” มาแล้วสเต็ปแรก ใบหน้าเล็กขยับเข้ามาเอียงซบที่ซอกคออย่างออดอ้อน ลมหายใจร้อนถูกเป่ารดซอกคอจนพลันทำให้ลมหายใจของผมสะดุด ยิ่งกลิ่นตัวหอมๆที่กระจายออกมาจากเรือนกายบอบบางยิ่งกระตุ้นความรู้สึกให้ลุกโชนจนต้องขบกรามแน่น

นี่วินจะง้อหรือจะยั่วผมกันแน่

“แล้ววินคิดว่าต้องทำยังไงพัตถึงจะหายล่ะครับ”

“อืม....แบบนี้หายไหม” คนบนตักผละออกจากซอกคออุ่นของผมแล้วแตะริมฝีปากเล็กลงมาทาบทับเบาๆ พร้อมกับที่ใบหน้าหวานฉีกยิ้มกว้างอย่างเอาใจ

“...”

“งั้นแบบนี้ล่ะ” คราวนี้คนตรงหน้ากดริมฝีปากลงมาแนบแน่นยิ่งกว่าเดิมแต่แล้วไม่นานก็ผละออก ในขณะที่ผมยังนิ่งรอดูอย่างใจเย็น(ทั้งที่กายร้อนรุ่ม)ว่าวินจะทำยังไงต่อไป

“...”

“ยังไม่หายอีกเหรอ? งั้น...” ทันทีที่ปากเราแนบกันสนิทอีกครั้งริมฝีปากผมก็โดนไล้เบาๆด้วยปลายลิ้นเล็กของคนที่นั่งอยู่บนตัก สัมผัสอ้อยอิ่งที่วาบหวามทำให้ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหวพลิกตัววินให้นอนราบลงกับเตียง เขามีท่าทีตกใจในคราแรกแต่เพราะสัมผัสของผมทำให้ต้องละความสนใจจากเรื่องอื่นๆทั้งหมด

เสียงแลกเปลี่ยนน้ำลายดังขึ้นอย่างบ่งบอกว่าจูบนี้มันเริ่มจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมตะโบมจูบจนคนใต้ร่างหายใจแทบไม่ทัน ในที่สุดมือเล็กก็ทุบเบาๆที่อกเป็นสัญญาณจนผมต้องยอมละสัมผัสออกมา

คนตัวเล็กนอนหอบหายใจโกยอากาศเขาปอด ริมฝีปากบวมเจ่อ ใบหน้านวลก็แดงปลั่งราวกับผลไม้ใกล้สุก

“หะ หายงอนเราหรือยัง”

“อืมมมม...เอาไว้ตอบหลังจากนี้นะครับ” ผมส่งยิ้มหวานให้เขาก่อนจะกดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ถึงจะต้องการแค่ไหนแต่ทุกสัมผัสก็เต็มไปด้วยความรัก จนในที่สุดวินจึงได้แต่นอนอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างอย่างยอมแพ้ มือทั้งสองข้างถูกลากไล้ไปตามสีข้างของอีกคนอย่างที่ใจอยากทำ ฟ่อนเฟ้นตั้งแต่สะโพกจนถึงท่อนขาเรียวสวย ทิ้งสัมผัสไว้ทุกที่มือของผมลากผ่าน

ผิวเนียนละเอียดของวินยิ่งทำให้รู้สึกอยากสัมผัสเขามากกว่าที่ทำอยู่ จากมือที่ลูบไล้ถูกสอดเข้าไปภายในเสื้อยืดตัวบางเพื่อสัมผัสกับเม็ดเล็กๆที่ผมรู้ว่าเป็นตัวกระตุ้นเขาชั้นดี ทันที่นิ้วมือแกร่งสะกิดโดนวินก็ตัวกระตุกเล็กน้อย เสียงครางที่หลุดรอดออกมาให้ได้ยินบ่งบอกว่าเขาพอใจ

“อ๊ะ อื่อ พะ พัต” ละจากปากนุ่มที่หวานราวกับทานลูกกวาด ไล้ลงมายังซอกคอหอมก่อนจะขบเม้มเบาๆจนเกิดรอยสีกุหลาบประปรายไปทั่ว เพราะวินขาวจัดและผิวบอบบางพอดูดเม้มแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ขึ้นสีได้ไม่ยาก เสียงลมหายใจจากทั้งผมและถูกปล่อยออกมาหอบถี่เพื่อระบายความต้องการที่ก่อตัวอย่างรุนแรง แม้จะต้องการแค่ไหนแต่ผมก็จะไม่มีทางทำให้เขาเจ็บเด็ดขาด

เสื้อยืดตัวบางถูกถอดออกก่อนเป็นอันดับแรกโดยที่เจ้าของมันก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จากลำคอบางถูกเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เม็ดเล็กๆสีเชอร์รี่ทั้งสองข้างทันทีที่มันปรากฎสู่สายตา

“อื้อ! อึก อืม อะ อ๊ะ อือ” เสียงร้องราวกับว่าคนถูกกระทำแสนทรมานช่างขัดกับการที่หน้าอกบางโค้งขึ้นเพื่อให้ผมได้สัมผัสเขามากขึ้นเสียเหลือเกิน กายบางบิดเร้า มือเล็กสอดเข้ามาในกลุ่มผมพร้อมกับขยุ้มเบาๆเพื่อระบายความเสียวซ่าน ยอดอกของวินเริ่มแข็งเป็นไตจากสัมผัสของผม ความเย็นภายในห้องจากเครื่องปรับอากาศไม่ได้ลดความร้อนแรงของเราทั้งคู่เลยแม้แต่นิดเดียว

เรียวลิ้นทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี ผมละจากเม็ดเล็กบนอกวินลงมาเรื่อยๆตามหน้าท้องแบนราบ ยิ่งลมหายใจร้อนที่เต็มไปด้วยความต้องการกระทบลงผิวต่ำลงเท่าไหร่วินยิ่งหายใจติดขัดและเกร็งตัวมากขึ้นเท่านั้น กระดุมกางเกงสี่ส่วนที่เขาสวมใส่ถูกปลดออก ซิปถูกเลื่อนลงจนสุดก่อนที่กางเกงจะถูกรั้งออกจากสะโพกบาง เกี่ยวออกจากขาเรียวพร้อมกันทั้งชั้นนอกและชั้นใน

“พัต! พะ พัต อึก “ และทันทีที่ริมฝีปากผมครอบลงกลางกายวินก็สะดุ้งเฮือก เสียงหวานที่เปล่งออกมาสั่นระรัว ทั้งตัวก็บิดเกร็งจนผมต้องส่งมือไปลูบตามร่างกายเขาเพื่อให้ผ่อนคลายมากขึ้น แต่นั่นกลับดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไร ยิ่งสัมผัสร้อนลากไล้ไปตามวินน้อยคนที่เสียวกระสันก็ยิ่งเกร็ง เสียงที่ถูกเปล่งออกมาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากผมเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น

ไม่นานนักวินก็ปลดปล่อยทุกอย่างออกมาเมื่อเขาไปถึงขีดสุดของความต้องการ

“ฮะ แฮก แฮก” ผมปล่อยให้เขาได้หายใจหายคอเนื่องจากต้องผละออกมาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง แล้วภายในไม่กี่นาทีทุกอย่างก็หลุดออกจากร่างอย่างไม่สนใจว่ามันจะตกอยู่ตรงไหน ร่างเปลือยเปล่ากลับมาทาบทับกันอีกครั้งให้อะไรๆที่ชูชันสัมผัสกันแนบแน่นแล้วผมก็จงใจขยับให้มันเสียดสีเบาๆจนคนที่พึ่งปลดปล่อยเริ่มส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง

“ถะ ถุงยาง อะ อื้อ อยู่ไหน” ผมยื้อมือไปที่โต๊ะข้างหัวเตียง เปิดลิ้นชักออกแล้วหยิบของที่ต้องใช้ออกมา

“ใส่ให้หน่อยได้ไหมครับ” คำขอร้องที่ทำให้วินหน้าแดงแจ๋ราวกับถูกของร้อนนาบ คนที่นอนอยู่ข้างใต้เสมองไปทางอื่นแต่ถึงอย่างนั้นก็ค่อยๆพยุงร่างตัวเองขึ้นนั่ง จากที่ผมนอนคร่อมเข้าอยู่กลายเป็นเรานั่งหันหน้าเข้าหากันแทน

มือบางคว้ามาหยิบอุปกรณ์ป้องกันไปก่อนจะฉีกมันออกแล้วค่อยๆเอื้อมมือมาสวมให้ผมด้วยมืออันสั่นเทา เพียงแค่สัมผัสไม่กี่นาทีจากมือเล็กทำเอาแก่นกายขยายขึ้นอีกจนวินมองด้วยตาตื่นๆ

ผมหัวเราะน้อยๆใส่เขาก่อนจะหยิบขวดเจลมาเปิดเทใส่มือแล้วชโลมไปที่ตัวตนของตัวเอง

“พร้อมนะครับ” วินไม่ได้ตอบรับแต่การเอนกายลงนอนเช่นเดิมสำหรับผมคือคำตอบว่าเขาพร้อมแล้ว ขาเรียวเล็กถูกแยกออกให้กว้างขึ้นก่อนที่ผมจะไล้มือไปที่ช่องทางรักสีกุหลาบแล้วขยับตัวตนเข้าไปจ่อ ถูไถสองสามทีก่อนจะค่อยๆแทรกกายเข้าไปในตัวของอีกคน

“อะ อึก อือ“ แม้จะมีอะไรกันหลายครั้งแต่ด้วยขนาดของผมแล้วใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับวินซึ่งต้องเป็นฝ่ายรับมันเข้าไปอยู่ในตัว ผมเองก็กัดฟันแน่นเมื่อความนุ่มอุ่นร้อนภายในตอดรัดจนแทบขยับไม่ได้ กว่าจะเข้าไปจนสุดทั้งผมและเขาก็ต่างหอบหายใจทั้งคู่

“พัต จะ จูบหน่อย” ผมส่งยิ้มให้คนที่อ้อนขอก่อนจะตอบรับเขาด้วยสัมผัสอันนุ่มนวล ผมสัมผัสชีพจรเขาได้จากภายในจุดที่เราเชื่อมต่อกัน ก่อนจะเริ่มขยับเมื่อเห็นว่าวินมีอาการผ่อนคลายมากขึ้น เสียงจูบดังคละเคล้าไปกับเสียงครางจากทั้งผมและเขา ร่างกายเราขยับตอบรับกันอย่างรู้จังหวะ เสียงหอบหายใจ กลิ่นหยาดเหงื่อยิ่งทำให้อารมณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ไต่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ร่างกายเล็กสะท้านไหวขึ้นลงจากแรงที่ผมสอดใส่

ใบหน้าหวานซบลงซอกคอแล้วกัดเบาๆเพื่อระบายอารมณ์ความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น วินทั้งขบเม้มและกัดจนผมคิดว่ารอยที่คอเราทั้งคู่คงไม่ต่างกันมากนัก เสียงหวานครางผะแผ่วข้างหูช่างเป็นเสียงที่ไพเราะราวกับเพลงที่ผมชอบที่สุด

เตียงตัวใหญ่เริ่มโยกสั่นคลอนเมื่อจังหวะสะโพกขยับถี่ขึ้นเรื่อยๆ มือเล็กของวินกำแน่นจิกลงที่ไหล่ ผมสูดกลิ่นกายของคนใต้ร่างเข้าเต็มปอด เหงื่อไหลโทรมกายของเราทั้งคู่จนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร

“อืมห์” เสียงครางต่ำดังขึ้นจากผมเนื่องจากแรงตอดนั้นช่างถี่และรัดแน่นเกิน สัญญาณที่บ่งบอกว่าอีกคนใกล้จะถึงฝั่งฝันเต็มที

“อื้อ พัต อะ ระ แรง อึก แรงอีก” วินเอ่ยร้องขออย่างเว้าวอน แขนเล็กรัดเข้ากับคอผมแน่น ร่างกายเขาเกร็งสะท้าน

“อือ วิน วินครับ” ความรู้สึกเริ่มพุ่งสูงขึ้นราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุด สะโพกแกร่งกระทบกับความบอบบางรุนแรงจนเสียงดังก้องไปทั่วห้อง วินตัวสั่นไหวในอ้อมกอดผมจนหัวคลอน

อีกนิด...อีกนิดเดียวเท่านั้น

“พะ พัต พัต! อะ อึก ไม่ อ๊ะ ไม่ไหว ระ อื้อ เราไม่ไหว...อาาาาาาา” ช่องทางรักของวินทั้งรัดแน่นและตอดรัดตัวตนของผมถี่ ยิ่งเร่งจังหวะขึ้นร่างกายของวินยิ่งเกร็งแน่น ผมจงใจกดร่างเข้ากับจุดกระสันของเขาจนวินดิ้นพล่าน ไม่นานนักร่างบางก็กระตุกแรงๆแล้วปลดปล่อยน้ำรักออกมา

“อืมมมมมมมม” เช่นเดียวกับผมที่ปลดปล่อยทุกอย่างเข้าไปในตัวของวินโดยที่มีเยื้อบางๆห่อหุ้ม แรงตอดของเขาแน่นเสียจนร่างกายผมกระตุกตาม

หัวเล็กๆของวินซบลงกับไหล่ผมอย่างหมดแรงเมื่อทุกอย่างจบลง จนเวลาล่วงเลยไปราวๆห้านาทีกว่าที่ลมหายใจเราจะเริ่มกลับมาเป็นปกติถึงค่อยๆผละออกจากกัน

“พัตหายงอนแล้วนะครับ” เอ่ยบอกพร้อมกับฉีกยิ้มเต็มหน้าจนได้รับค้อนวงงามๆกลับมาหนึ่งวงเป็นรางวัล

“ไม่หายเราก็ไม่ง้อต่อแล้ว”

จุ๊บ

กดจูบลงไปที่ปากแดงบวมเจ่อหนึ่งทีอย่างรวดเร็ว

“หึหึ งั้นรอบต่อไปถือว่าพัตเอาใจวินคืนแล้วกันนะครับ”

“ไม่นะ....พะ พัต อื้อ...”

แล้วเสียงครางหวานๆของวินก็ดังก้องทั่วห้องไปจนเกือบรุ่งสาง ผมจัดการเอาใจแฟนตัวเองทั้งคืนจนเขาหลับคอพับคออ่อนคาอกจนต้องอุ้มไปอาบน้ำทั้งอย่างนั้น

ต่างจากผมที่รู้สึกสดชื่นราวกับได้รับพลังอย่างเต็มที่

.
.
.
.
.
.
.

“ฮื่อ รอยเต็มคอเราเลย” วินหันกลับมามองหน้าผมทันทีที่เขาเดินเข้าห้องน้ำมาแล้วส่องกระจกเห็นสภาพตัวเอง

ผมกับวินตื่นราวๆเที่ยง และวันนี้เราไม่ได้มีอะไรทำเป็นพิเศษมากนักนอกจากพักผ่อนกันธรรมดา พ่อเขายอมปล่อยตัวมาทั้งทีใครจะทิ้งโอกาสดีๆแบบนี้ไปง่ายๆกัน พอผมตื่นมาก็คว้าตัวเขาเข้ามานอนกอดเอาไว้ทั้งอย่างนั้นโดยที่ไม่ยอมให้วินลุกไปไหนแม้ว่าเขาจะตื่นนานแล้วก็ตาม สรุปกว่าที่เราจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายได้ก็กินเวลาไปจนเกือบบ่ายสองโมง

“ของพัตก็มีเหมือนกันนะครับ”

“เราไม่ได้ทำเยอะขนาดนั้นซักหน่อย ดูพัตทำสิ...เราต้องใส่เสื้อคอเต่าไปทั้งอาทิตย์แน่ๆ”

“ตอนพัตทำวินก็ชอบนี่นา” คนตัวเล็กมองผมตาเขียวปั๊ดแม้ว่าแก้มของเขาจะมีสีจางๆก็ตาม

“ไม่ต้องพูดเลย...รีบมาแปรงฟันอาบน้ำจะได้ลงไปทานข้าวซักที เราหิวแล้วนะ” เวลาล่วงเลยมาขนาดนี้ไม่แปลกที่เขาจะหิว ปกติแล้ววินอดข้าวได้ที่ไหนกัน มีวันนึงตอนที่เราอยู่คอนโดด้วยกันวินเผลอหลับไปตอนเย็นทั้งที่ยังไม่ได้ทานข้าว เช้าต่อมาเขาก็ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อลุกขึ้นทานข้าวแล้วก็กลับมานอนต่อให้ผมได้แต่งงกับแฟนตัวเอง

เราสองคนใช้เวลาในห้องน้ำอย่างเร่งรีบเพราะหิวด้วยกันทั้งคู่ พอตอนเดินลงบันไดผมแทบจะต้องอุ้มวินลงมาเพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาเดินเหินไม่สะดวก คนที่โมโหหิวบ่นให้ผมตลอดทางว่ารังแกเขาทั้งคืนจนมีสภาพเป็นอย่างนี้

“คุณหญิงสั่งให้เตรียมไว้ให้คุณวินค่ะ” แม่บ้านคนเก่าคนแก่เอ่ยบอกวินเมื่ออาหารหลายอย่างถูกลำเลียงขึ้นมาบนโต๊ะ แต่ของวินดูเหมือนจะพิเศษกว่านั้น มีของบำรุงร่างกายหลายอย่างจนผมงง

“ขอบคุณครับ” วินส่งยิ้มหวานให้อย่างขอบคุณก่อนที่แม่บ้านจะขยับตัวออกไปยืนข้างๆเผื่อเราจะเอาอะไรเพิ่ม

“นั่นอะไรบ้างครับ ทำไมเยอะแยะขนาดนั้น” แค่อาหารบนโต๊ะก็เยอะมากแล้ว ยังมีนู่นนี่นั่นเต็มไปหมด

“พัตไม่ต้องรู้หรอก อันนี้ของเราพัตไม่เกี่ยวอยู่แล้ว” แล้ววินก็ลงมือทานข้าวของตัวเองอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจผมอีก เจ้าตัวคงจะหิวมากจริงๆเพราะกินทุกอย่างแทบไม่เหลือทั้งของคาวและของที่แม่ผมเตรียมไว้ให้ แถมยังมีขนมเค้กร้านโปรดเป็นของตบท้ายอีกด้วย

“คุณพ่อกับคุณแม่จะกลับมากี่โมงอ่ะพัต” คนที่กดรีโมทเลื่อนช่องไปเรื่อยเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่เราทานข้าวเสร็จแล้วก็มานั่งย่อยดูโทรทัศน์ด้วยกัน วินบอกว่าเขาอยากดูการ์ตูน

“คงจะซักหกโมงเย็นครับ” พ่อกับแม่ผมออกไปดูงานที่โรงแรมตั้งแต่เช้าผมเลยมีเวลาได้อยู่กับวินอย่างที่คนเป็นแฟนกันควรจะมีบ้าง แต่ถ้าตอนไหนที่แม่กลับมาคงไม่เป็นแบบนี้ ผมจะกลายเป็นเสมือนคนนอกของทั้งแม่และวินทันที

“เดี๋ยวเราออกไปซุปเปอร์มาเก็ตกันดีกว่า เราจะไปซื้อของสดมาทำอาหาร” วินวางรีโมทในมือลงแล้วหันมาผมที่นั่งอยู่ข้างๆ ใบหน้าหวานยิ้มกว้าง สายตาเป็นประกายสดใส

“หืม อยากทานอะไรครับ บอกแม่บ้านก็ได้”

“ไม่เอา วันนี้เราจะเป็นคนทำอาหารเย็นเอง บอกแม่บ้านให้อยู่แบบสบายๆเลยเชฟวินจะโชว์ฝีมือ^___^”

“ตัวเองอยากกินเยอะๆใช่ไหมเลยอยากทำเอง หืม” ยกมือขึ้นบีบจมูกรั้นเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว

“ไม่ใช่ซักหน่อย เราแค่อยากทำอะไรตอบแทนที่ครอบครัววินเอ็นดูเราบ้าง” ประโยคน่ารักๆจากคนตรงหน้าทำให้ผมต้องยิ้มออกมากับความน่ารักของแฟนตัวเองอย่างห้ามไม่ได้ สองมือเอื้อมไปจับมือทั้งสองข้างของวินขึ้นมาแล้วบีบมันเบาๆ

“วินไม่จำเป็นต้องทำอะไรตอบแทนเลย เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ วินก็เป็นสมาชิกของบ้านพัตอีกคนนึง ครอบครัววินก็เหมือนกัน”

“อื้อ พัตก็เป็นคนในครอบครัวเราแล้วนะ ” มือเล็กยกขึ้นมากุมหน้าผมเอาไว้แล้วส่งทุกความรู้สึกผ่านทางสายตาให้แก่กัน

“เป็นครอบครัวตัวหมูใช่ไหม” วินไม่ได้ตัวเหมือนหมูเลยซักนิดทั้งที่เขากินเยอะขนาดนั้น แต่เจ้าตัวเองก็ชอบให้ผมเรียกเขาว่าหมูเพราะชอบเจ้าสัตว์ชนิดนี้ วินกินเก่งเหมือนมันแต่ตัวไม่ได้ใกล้เคียงเลย บางทีก็อยากจะพาเขาไปตรวจบ้างเหมือนกัน คนอะไรกินเยอะแต่ตัวยังเท่าเดิม

“ใช่ เป็นครอบครัวหมูๆของเรา...ว่าแล้วก็อยากจะเลี้ยงหมูจิ๋วจัง” วกกลับมาที่เรื่องนี้อีกแล้ว เมื่อวันก่อนวินเล่นเฟสบุ๊คแล้วดันไปเจอกับโพสต์ที่คนอื่นแชร์มาเป็นรูปของหมูจิ๋ว เขามางอแงกับผมใหญ่ว่าอยากเลี้ยงจะไปซื้อให้ได้ ต้องกล่อมอยู่นานถึงจะยอมฟัง เราไม่ได้มีเวลาดูแลและเอาใจใส่มันขนาดนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเลี้ยงเพราะต้องดูแลให้ดีมากๆ วินยังต้องอยู่คอนโดแค่นี้ก็ไม่สะดวกแล้ว เอาไว้ตอนซื้อบ้านค่อยว่ากันอีกที

“ไว้เรามีเวลาแล้วก็ทุกอย่างเอื้ออำนวยมากกว่านี้ค่อยว่ากันนะครับ โอเคไหม?”

“โอเค! ซื้อให้เราเป็นของขวัญวันเกิดนะ”

“ครับ แต่ไม่รู้ว่าวันเกิดปีไหนนะ” ต้องดูว่าถึงตอนนั้นเราพร้อมแล้วหรือยัง

“อื้อ ขอบคุณนะ”

ฟอด

วินขยับเข้ามาหอมแก้มผมเร็วๆทีนึงก่อนจะผละออกไปนั่งดูการ์ตูนต่อ ผมได้แต่ส่ายหัวกับความเด็กของเขาก่อนที่จะหันกลับมาดูการ์ตูนบนหน้าจอเช่นเดียวกัน

แค่วันธรรมดาๆวันนึงที่ได้นั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรดด้วยกัน ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน...คือความสุขเล็กๆน้อยๆที่ผมอยากจะมีในทุกวันของชีวิต

เสี้ยวหน้าของคนข้างๆ เสียงหัวเราะเพราะขำตัวละครบนจอ แววตาสุกใสของเขา...เป็นภาพที่ทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างมีความสุข





TBC.

 :mew1: :mew1:




page >> https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/
tw >> @exsoull_
ask.fm >> @itsmesoull

เข้ามาคุยกันได้ทุกช่องทางนะคะ ไม่ดุไม่กัดฉีดยาแล้ว  :man1: :man1:




หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 21-04-2016 21:59:09
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 21-04-2016 22:06:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 21-04-2016 22:09:38
หวานมาก...
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 21-04-2016 22:13:35
ฮืออออ น่ารักกกกก  :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: keawhan ที่ 21-04-2016 22:14:50
 :haun4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-04-2016 23:09:17
 :o8: :o8: :o8: :o8:  อีพัตหื่นอะ. อิอิ แต่ชอบนะ 55555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-04-2016 06:42:29
อิจฉาคนมีความรัก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 22-04-2016 08:56:44
หวานมากกกกกกก
วินอยากเลี้ยงน้องหมู5555555555
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-04-2016 08:59:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 22-04-2016 09:09:53
ฮือ..หมูจิ๋วน่าร้ากกก :katai5:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 22-04-2016 11:53:33
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-04-2016 15:16:41
พัตต้องงอนบ่อยๆ :z1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 22-04-2016 17:25:18
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-04-2016 20:22:27
เอ็นดู~~~~~~!!!
หวานแหววใสใสอ่ะ (แม้จะมีไม่ใสบ้างก้อตาม -.,- )
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 22-04-2016 21:24:41
 :z13:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 23-04-2016 07:57:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่28 21/04/2559(21.30) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-04-2016 12:02:36
น่ารักเข้าไป หวานเข้าไป #โสดแล้วพาล ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 05-05-2016 04:18:06
ตอนที่ 29

ช่วงเวลาของการหยุดปิดเทอมได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองเดือนแห่งการพักผ่อนหมดไปแล้วก่อนที่มหาลัยจะกลับมาเปิดเรียนตามปกติให้นักศึกษาได้ทำหน้าที่ของตัวเองกันอีกครั้ง จากที่เคยอยู่ปีสองตอนนี้ทั้งผมและวินก็กลายมาเป็นพี่ปีสาม มีหลานรหัสให้เรารู้สึกถึงคำว่าแก่มาคอยตอกย้ำจิตใจ

แม้ว่าจะเปิดเทอมมาได้เป็นเดือนแล้วแต่ก็ยังไม่อยากจะชิน

“ลุง! เลี้ยงข้าวหลานหน่อยยยยยยย” ทันทีที่หลานรหัสตัวแสบเดินเข้ามาเห็นผมอยู่ในร้านมันก็รีบถลาเข้ามาหาพร้อมกับส่งเสียงดังจนคนอื่นหันมามอง

“พูดดังขนาดนี้มึงจะเอาไมค์เลยไหม” คนถูกประชดไม่ได้มีท่าทีอะไรนอกจากยิ้มระรื่นมาให้อย่างลอยหน้าลอยตา ผมปวดหัวกับมันเหลือเกิน เด็กมีเป็นล้านแต่ดันได้ไอ้เด็กแสบที่ชื่อว่าไปป์นี่มาอยู่ในสาย มันวอแวกับผมมากกว่าพี่รหัสมันอีก

“ไม่เป็นไรลุงเสียงผมดังฟังชัดแล้ว...นานๆจะเจอทีเลี้ยงหน่อยดิ นะๆ” ผมตั้งใจแค่จะแวะมาซื้อกาแฟมันก็ไลน์ตามจิกจนในที่สุดก็ตามผมมาที่ร้านนี้ได้

“กับแฟนกูยังไม่ค่อยได้เจอนับประสาอะไรกับมึง” เปิดมาวันแรกอาจารย์ก็สั่งโปรเจคทันทีให้เป็นของขวัญชิ้นโตและมีงานของวิชาอื่นๆตามมาอีกมากมายจนแทบไม่มีเวลาแม้แต่จะนอน ทุกอย่างเร่งส่งก่อนสอบมิดเทอมซึ่งมันก็เหลืออีกเพียงไม่กี่อาทิตย์

และอย่างที่พูดไป...ผมแทบไม่ได้เจอกันกับวินเลยด้วยซ้ำ

เขาเองก็มีงานมีสอบเยอะแยะไปหมด ทั้งผมและวินแทบไม่ได้กลับคอนโดเพราะฉะนั้นการได้เจอกันยิ่งไม่ต้องพูดถึง โทรศัพท์เป็นสิ่งเดียวที่พอจะช่วยลดระยะห่างระหว่างเราได้บ้าง แม้คิดถึงใจจะขาดแต่งานและหน้าที่ก็บีบให้ต้องทำใจและอดทน

“โดว่ แฟนก็ส่วนแฟนดิลุง นี่หลานไงๆ...เออ แต่เมื่อวานผมเห็นแฟนลุงด้วยที่หอสมุดด้วยอ่ะ” วินคงไปอ่านหนังสือตามปกติ เห็นเขาไลน์มาบอกว่าอาจจะออกไปถ้างานที่ทำกับเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ไปป์เจอวินที่นั่นแสดงว่างานก็คงไม่มีปัญหาอะไร

“แล้วน้ำหน้าอย่างมึงไปทำอะไรที่หอสมุด” ยิ่งวันหยุดอย่างเมื่อวานซึ่งเป็นวันเสาร์คนอย่างไอ้ไปป์ไม่มีทางตื่นไปอ่านหนังสือที่หอสมุดแน่ๆ ปกติวันแบบนี้มันตื่นเย็นทีเดียวเลย

“รุ่นนี้ก็ต้องไปส่งสาวสิครับ”

“หึ กูว่าแล้วเชียว...นี่ตังค์ อยากกินอะไรก็สั่งเอากูต้องกลับไปดราฟแบบต่อแล้ว” ผมมีเวลาพักเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นต่อวัน นี่ที่ได้ออกมาข้างนอกก็เพราะหัวมันไม่แล่นบวกกับการไม่ได้นอนมาทั้งคืนสมองเลยตื้อไปใหญ่ กะว่าจะออกมาเพื่อหากาแฟเข้มๆซักแก้วเผื่อมันจะช่วยได้บ้าง ส่วนไอ้กิมกับไอ้จีนก็ยังคงนั่งทำงานต่อไปเพราะพวกมันอู้นอนไปเมื่อคืน

“ขอบคุณคร้าบ มีไรให้ช่วยก็บอกได้นะลุง”

“มึงเอาเวลาไปเข้ากิจกรรมรับน้องบ้างเถอะ” ได้ยินเสียงมันโวยวายอะไรซักอย่างแต่ผมไม่ได้อยู่ฟัง พูดเท่านั้นแล้วก็ลุกออกจากร้านพร้อมกับแก้วกาแฟในมือ

ประโยคสุดท้ายที่พูดออกไปเพราะหลานผมมันแทบไม่เข้าร่วมกิจกรรมของมหาลัยเลย มหาลัยอาจจะไม่เคร่งไม่มีผลต่อการเรียนก็จริง แต่กิจกรรมพวกนี้ก็จะช่วยให้เราเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างระหว่างเพื่อนได้ ความอินดี้ของมันบางทีก็มีมากเกินไป - -

“มีอะไรมาให้พวกกูบ้าง” ทันทีที่กลับเข้ามาในห้องทำงานอีกครั้งเพื่อนผู้มีสภาพไม่ต่างจากซากศพก็รีบขยับตัวเข้ามาหา เราหมกตัวทำงานกันร่วมเดือนอยู่ห้องไอ้จีนเพราะห้องมันนี่แหละเหมาะจะทำรกที่สุดแล้ว เครื่องมือเครื่องใช้มีครบทุกอย่าง

“เอ็มร้อยคนละแพ็ค กระทิงแดงก็มีหรือว่าจะลิโพ”

“ไอ้สัดขอขนมเถอะ แดกจนตาค้างกันไปหมดแล้ว” ไอ้จีนพูด

“หาดูเอาในถุงนั้นแหละ” เดินเข้ามาในห้องเพื่อเปลี่ยนกางเกงจากยีนส์เป็นกางเกงบอลที่ใส่สบายๆอย่างพร้อมออกไปทำงานต่อ แต่ไม่ทันทีที่จะได้เดินออกจากห้องเสียงไลน์ที่ตั้งแจ้งเตือนไว้ก็ดังขึ้น

เรากำลังกินข้าวอยู่ อย่าลืมกินข้าวด้วยนะ 

วินส่งรูปอาหารมากมายหลายอย่างจากเซเว่นมาให้ดู ผมยิ้มออกมาทันทีเมื่อรู้ว่าเกินกว่าครึ่งของกองนั้นต้องเป็นของเขาแน่ๆ

“อยู่ไหนครับ” วิดิโอคอลหาคนที่ไลน์มา พอฝ่ายนู้นรับก็มาให้เห็นแค่หน้าเลยไม่ว่าตอนนี้วินอยู่ไหนระหว่างหอสมุดหรือห้องเพื่อน

“ห้องมายด์เหมือนเดิมเลย พัตทานอะไรรึยัง”  ประโยคแรกที่ถามอีกฝ่ายส่งสายตาคาดคั้นมาให้พร้อมเพราะรู้ว่าผมชอบทำงานจนลืมเวลาที่จะต้องทานข้าว

“ทานกาแฟไปแล้วครับ” อีกอย่างคือพออยู่ในช่วงทำงานทีไรความรู้สึกที่จะหิวมันก็ไม่ค่อยทำงาน ในหัวรู้สึกแค่อยากให้งานมันเสร็จและออกมาให้ดีที่สุดเท่านั้น

พอปลายทางได้รับคำตอบไปคิ้วสองข้างก็ขมวดเข้าหากันแน่น

“เป็นแบบนี้อีกแล้วนะ”

“โอเคๆ เดี๋ยวออกไปกินนะ” ส่งยิ้มเป็นคำสัญญาให้เขาด้วย แม้ว่าจะไม่หิวแต่เพื่อความสบายใจของอีกฝ่ายผมจะฝืนตัวเองกินอะไรรองท้องบ้าง ตั้งแต่เช้ามาจนตอนนี้สี่โมงเย็นนอกจากกาแฟก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยจริงๆ

“ไปตอนนี้เลย” สายตาบ่งบอกว่าถ้าผมไม่ไปเขาก็ไม่ยอมแน่ๆ

“ครับ วินก็ไปทำงานต่อเถอะ”

“อื้อ คิดถึงนะ รักพัตนะ”

“เหมือนกัน”

“ไม่เอา บอกคิดถึงเราก่อนบอกรักด้วย”

“เด็กน้อยงอแงอีกแล้ว...รักมากๆ คิดถึงมากๆเลยนะครับ”

“โอเค^^ บ๊ายบาย” สัญญาณภาพถูกตัดไปเป็นที่เรียบร้อยแต่ผมยังคงนั่งยิ้มกับหน้าจอโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น การได้คุยกับวินเหมือนเป็นการชาร์จพลังให้ตัวเองไปในตัว แม้ว่าแต่ละครั้งเราจะไม่ได้คุยกันนานมากแต่แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว หลังจากพรีเซนต์งานชิ้นนี้เสร็จผมก็จะหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น คงมีเวลาทำอะไรหลายๆอย่างมากกว่านี้








“โอ๊ย เสร็จซักทีโว้ย!” เราทั้งสามคนเดินออกมาจากห้องหลังจากพรีเซนต์งานเสร็จด้วยความรู้สึกตัวเบาเป็นที่สุด แม้จะยังมีงานยิบย่อยที่ต้องทำและลุยต่อกับมิดเทอมที่กำลังจะมาถึงแต่อย่างน้อยก็ถือว่ามีเวลาพักพอสมควรแล้วหลังจากที่ลุยยาวกันมาเป็นเดือน นี่ขนาดปีสามผมไม่อยากจะนึกภาพปีสี่เลย

“น้ำตาจะไหลขอแชร์ กูขอกลับไปนอนก่อนเถอะตอนนี้” ไอ้กิมพูดออกมาบ้าง หน้าตามันบ่งบอกความต้องการจะนอนมากมายจริงๆ และทุกคนมีสภาพไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่น้อย วันนี้เจอเพื่อนในเซคเดียวกันที่ต้องมาพรีเซนต์งานทั้งหมดผมนึกว่าหลุดเข้าไปในเมืองซอมบี้

“มึงอ่ะจะไปไหนวะ นอนห้องกูก่อนไหม”

“กลับคอนโดกูแต่เดี๋ยวต้องแวะไปเอารถที่คอนโดมึงก่อน” ตอนนี้ผมก็ต้องการนอนเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้เก็บของจากห้องไอ้จีนเลยซักชิ้นแต่เดี๋ยวเอาไว้ทีหลังก่อน นอนห้องมันจนแทบจะลืมเตียงนอนห้องตัวเองแล้ว

“กูว่าอย่าเลย นอนห้องกูก่อนเถอะเดี๋ยวแม่งมึงหลับใน ยิ่งไม่มีคนไปด้วยอีก”

“กูเห็นด้วยกับไอ้จีน” ไอ้กิมเอ่ยเสริมอีกแรง

“กูยังไหวน่า ขึ้นรถ” ยืนคุยข้างนอกกันตั้งนานสองนานทั้งที่ในรถก็มีให้เปิดแอร์เย็นๆนั่งคุยสบาย เจริญกันแล้วแต่ละคน

แล้ววันนี้คนที่มีหน้าที่ต้องขับรถก็คือไอ้จีนเพราะเมื่อคืนมันได้นอนไปบ้างแล้ว ต่างจากผมและไอ้กิมที่ไม่ได้นอนเลยเพราะต้องคอยปรับแก้งานให้มันออกมาแบบที่ไม่ให้มีข้อผิดพลาดตรงไหนเลยซักจุด

“กูว่ามึงพักซักชั่วโมงก่อนไหม บอกตรงๆว่ากูกลัวมึงหลับในชิบหาย”

“นั่นดิวะ สภาพนี้อันตรายนะเว้ย”

“พวกมึงก็รู้ว่าถ้ากูบอกว่าไหวก็คือไหว ส่วนของเดี๋ยวกูมาเก็บทีหลังฝากไว้ที่นี่ก่อน”

“เห้อ /เออๆ ถึงแล้วโทรหาพวกกูด้วย” คนนึงถอนหายใจส่วนอีกคนตอบรับแบบปลงๆ

“เออ” ผมรีบสอดตัวเข้ามาในรถอย่างรวดเร็วก่อนที่พวกมันทั้งสองคนจะไม่ยอมปล่อยให้ผมได้กลับคอนโดตัวเอง

ยอมรับว่าง่วงมากแต่ผมชินแล้วกับการอดหลับอดนอนแบบนี้ แล้วอีกอย่างคอนโดไอ้จีนก็ไม่ได้ไกลจากคอนโดผมมากนัก ระยะทางแค่นี้ไม่มีปัญหาอะไร

..
..
..
..
..
..


ขับรถไปก็รู้สึกว่าคอแห้งจนต้องหยิบน้ำขวดเล็กที่ติดรถอยู่ขึ้นมาดื่มแก้กระหายและเพื่อให้ร่างกายตัวเองรู้สึกสดชื่นขึ้น

...แต่ในจังหวะที่สายตาเหลือบไปมองช่องเก็บน้ำข้างรถแล้วหย่อนขวดน้ำลงไปอยู่ๆผมก็รู้สึกถึงแรงอัดกระแทกจากข้างตัวรถอย่างแรง...


..
..
..
..
..
..


ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากแต่ผมยังพอมีสติที่จะเหยียบเบรกทัน ทุกอย่างหมุนอยู่รอบตัวราวกับภาพสโลว์ทั้งที่ความจริงแล้วคงไม่ใช่เลย แรงกระชากจากเข็มขัดนิรภัย แรงกระแทกระหว่างช่วงตัว หัวและพวงมาลัยรุนแรงจนถุงลมนิรภัยพองตัวมาทำหน้าที่ของมัน...

เมื่อทุกอย่างหยุดนิ่งความรู้สึกแรกคืออาการเจ็บแปลบที่สีข้างทางด้านขวาและมึนหัวเล็กน้อย ผมซบหน้าลงกับพวงมาลัยที่มีถุงลมรองรับอยู่อย่างหมดแรง ประเมินร่างกายตัวเองคร่าวๆแล้วว่าคงไม่ได้มีส่วนใดแตกหรือหักแต่อย่างใด

นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะไม่มีแรงจะขยับตัวจนกระทั่งได้ยินเสียงคนจากรอบข้างทางด้านนอก กระจกด้านข้างถูกเคาะแรงๆพร้อมกับส่งเสียงเรียก ผมยกมือขวาที่รู้สึกชาๆไปปลดล็อคประตูอย่างสะเปะสะปะ และทันทีที่กดโดนปุ่มปลดล็อคประตูรถก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว

“คุณครับคุณ! ได้ยินผมไหมครับ! / ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลทีครับ!” ผมจับจำความได้บ้างไม่ได้บ้างว่าคนข้างนอกพูดอะไรกัน พยายามมองหน้าคนที่มาช่วยแต่ทุกอย่างช่างเลือนรางเหลือเกิน

“อะ อือ” ส่งเสียงตอบรับออกไปเพื่อให้คนที่เข้ามาช่วยรู้ว่าผมยังรู้สึกตัวอยู่เพียงแต่ตอนนี้มันไม่มีแรงก็เท่านั้น

เหนื่อย...

“อดทนหน่อยนะครับรถพยาบาลกำลังมา ผมจะเอาตัวคุณออกมาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้”

“คะ อึก ครับ” ความเจ็บที่สีข้างแล่นริ้วขึ้นจนต้องค่อยๆพูด ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ในที่สุดเสียงสัญญาณรถพยาบาลก็ดังขึ้น หลังจากนั้นก็มีคนมากมายเข้ามาจับนู้นจับนี่ช่วยเคลื่อนย้ายผมไปนอนที่เปลแล้วก็ถูกเข็นขึ้นรถพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว








“คนไข้คะ ได้ยินที่พยาบาลพูดไหมคะ” ไม่รู้ว่าตอนนี้ถูกเข็นเข้ามาตรงส่วนไหนของโรงพยาบาลแล้วแต่กลิ่นแอลกอฮอล์ที่รุนแรงบ่งบอกได้ว่าน่าจะเป็นห้องอะไรซักอย่าง

“ได้ ดะ ได้ยิน...ครับ” ผมปรือตามองหน้าพยาบาลที่ยืนอยู่ข้างเตียง มองเห็นเค้าโครงหน้านั้นในความเลือนรางแต่ยังพอมีสติอยู่

“คนไข้จำเบอร์ติดต่อครอบครัวได้ไหมคะ”

“ศะ ศูนย์...แปด...” ผมค่อยๆบอกเบอร์ไอ้จีนไปทีละตัวอย่างช้าๆ แม้จะแทบหมดแรงแต่ก็ยังพอมีสติที่จะเลือกไม่ให้พยาบาลโทรหาคนที่บ้านหรือให้เธอโทรบอกวิน ผมไม่อยากให้พวกเขาตกใจ

“ช่วย...ช่วยบอกเขา...วะ ว่า...อย่าพึ่ง...บอกใครด้วย...นะครับ”

แล้วทุกอย่างก็ดับมืดไป...







“อะ อือ” ความรู้สึกปวดร้าวตามลำตัวเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็วจนผมยังคงไม่สามารถประมวลผลได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง ทุกอย่างเบลอไปหมด

กลิ่นยา...

โรงพยาบาลงั้นหรือ

“เห้ย ไอ้พัตตื่นแล้ว!” ราวกับต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีอยู่เพียงเพื่อแค่เปิดเปลือกตาขึ้น แสงจากภายนอกเข้ามากระทบดวงตาให้ต้องรีบหลับลงไปใหม่ พยายามอยู่หลายครั้งจนในที่สุดก็สามารถลืมตาขึ้นมาได้แต่ทุกอย่างยังคงไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

“พัต มึงได้ยินกูไหม” เสียงไอ้กิม...

“นะ น้ำ” เอ่ยร้องขอเพราะรู้สึกเจ็บคอเหลือเกิน ไม่มีแม้แต่เสียงจะเปล่งออกไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันสองคนจะได้ยินสิ่งที่พูดออกไปไหมเพราะเหมือนแทบจะมีแต่ลมเปล่าๆเท่านั้นที่ออกมา แต่ไม่นานก็มีหลอดมาจ่อที่ปากให้ค่อยๆดูดน้ำขึ้นดื่ม

“มึงเป็นไงบ้างวะ” ผมมองหน้าคนพูดที่ค่อยๆชัดขึ้นเป็นปกติแล้วจึงได้เห็นเพียงไอ้กิมกับไอ้จีนสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆเตียง รอบห้องไม่มีคนอื่นอยู่อีกแล้วแสดงว่าไม่ได้บอกใครอย่างที่ผมสั่งเอาไว้

“ยะ..ยัง ไม่...ตาย”

“ไอ้เหี้ยปากดี”

“เออ! กูบอกแล้วว่าให้นอนที่คอนโดกูก่อนเป็นไงล่ะมึง”

“...ไม่ได้เป็น...เพราะกูซักหน่อย...อยู่เฉยๆก็โดนชน” เพื่อนทั้งสองคนส่ายหน้าให้ผมอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเปลี่ยนเรื่องอื่น

“แล้วก็โทรบอกพ่อแม่มึงด้วยล่ะ...พยาบาลบอกมึงไม่ให้พวกกูบอกพวกกูเลยยัง กลัวเขาช็อคที่มึงเกิดเรื่อง กูยังช็อคเลยไอ้เหี้ยตอนที่รับโทรศัพท์”

“อือ แล้วกูหลับไปนานแค่ไหน” ผมพยักหน้าตอบรับเบาๆ พ่อกับแม่ไม่เท่าไหร่...แต่กับวินนี่สิ

“วันนึง”

“กูเรียกหมอเข้ามาแล้วนะ” ไอ้กิมพูดแล้วกดปุ่มที่ข้างหัวเตียงให้หมอเข้ามาตรวจดูอาการถามนู้นถามนี่ชี้แจงอาการเยอะแยะไปหมด พอเรียบร้อยแล้วผมก็ตัดสินใจโทรบอกพ่อเพราะถ้าโทรบอกแม่กลัวว่าท่านจะเป็นลมไปเสียก่อน ส่วนเรื่องรถไอ้จีนเคลียร์ให้อยู่ เห็นบอกว่าคงต้องเอาเข้าอู่ซักเดือนสองเดือน









“จะไม่บอกน้องวินหน่อยเหรอลูก นี่น้องโทรหาแม่ด้วยนะ แม่ก็ต้องโกหกไปว่าลูกบอกว่างานยุ่งมาก” แม่ที่นั่งปลอกผลไม้ให้ผมอยู่ข้างเตียงถามขึ้น วันนี้เป็นวันที่สองแล้วของการเข้าโรงพยาบาล อาการไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงนอกจากฟกช้ำขนาดใหญ่ตรงสีข้างและหัวถลอก หมอบอกว่าระบบป้องกันรถช่วยไว้ได้เยอะจริงๆไม่อย่างนั้นอาการผมสาหัสแน่

“พรุ่งนี้ก็กลับไปพักที่บ้านได้แล้วครับ เอาไว้ค่อยบอกวินทีหลังก็ได้ ช่วงนี้เขามีสอบย่อยด้วยพัตไม่อยากให้วินกังวล”

“น่าตีจริงๆเลยเรา เดี๋ยวพอน้องรู้ข่าวก็ช็อคจนเป็นลมแบบแม่หรอก...ต่อไปไม่เอาแล้วนะแบบนี้ แม่จะตายเอาให้ได้” แม่เอื้อมมือมากุมมือผมเอาไว้ ดวงตาทั้งสองข้างมีน้ำมาคลอจนผมรู้สึกราวกับมีใครกำลังบีบอวัยวะข้างใน

“ขอโทษนะครับแม่” แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความผิดของผมเท่าไหร่แต่ก็อยากจะขอโทษแม่ที่ทำให้ท่านต้องเป็นห่วง

เรื่องคดีสรุปว่าฝั่งที่มาชนผมผิดเต็มๆเพราะฝ่ายนั้นยูเทิร์นมาโดยไม่ดูป้ายสั่งห้ามและไม่ทันมองเห็นรถผม อาการบาดเจ็บก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เรื่องค่าเสียหายฝ่ายนั้นรับผิดชอบทุกอย่าง

“จ้ะ...” แม่ลูบหัวผมเบาๆแล้วกลับไปปลอกผลไม้ต่อ พ่อผมมีประชุมแม่เลยอยู่ที่นี่คนเดียว วันนี้เป็นวันอังคารเข้าไปแล้วทั้งไอ้กิมและไอ้จีนไปเรียนแล้วก็ทำเรื่องลาให้ผมด้วย

ก๊อก ก๊อก

เสียงประตูห้องที่ดังขึ้นทำให้ผมที่นอนดูทีวีอยู่หันไปมอง แม่ที่นั่งอยู่โซฟาเองก็เช่นกัน แต่แล้วประตูก็ถูกเปิดเข้ามา

“วิน...” ผมเอ่ยชื่อคนที่เดินเข้ามาหาอย่างแผ่วเบา ดวงตาที่มักประกายสดใสของเขาแดงก่ำจนผมอยากจะรั้งคนตัวเล็กให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน สายตาของวินค่อยๆกวาดมองทั่วร่างผมอย่างช้าๆ...

“วินครับ” ไร้ซึ่งคำพูด ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น แต่เพียงแค่น้ำตาที่ไหลลงแก้มเนียนเงียบๆนั้นไม่ได้ต่างจากน้ำกรดที่สาดใส่ผมเลยซักนิด มือเล็กถูกผมเอื้อมไปจับแล้วบีบมันไว้แน่น

สายตาของวินตอนนี้มันมีหลากหลายความรู้สึกแต่ที่ผมเห็นได้ชัดที่สุด...คือเขากำลังเจ็บปวด

“พัตไม่เป็นอะไรแล้วนะลูกน้องวินไม่ต้องเป็นห่วง...แม่ขอโทษที่ไม่ได้บอก...คุยกันดีๆนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่ลงไปข้างล่างก่อน” แม่เดินเข้ามาพูดกับวินก่อนจะมองหน้าผมอย่างให้กำลังใจแล้วออกจากห้องไปเพื่อเปิดโอกาสให้เราได้อยู่กันสองคน

“ทำไมไม่บอกเรา” เสียงแผ่วเบาที่ถูกเปล่งออกมาจากปากเล็กช่างบางเบาแต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเกิน

“ขอโทษนะครับแต่ไม่อยากให้เป็นห่วง” ผมคิดว่าวินมีเรื่องที่ต้องคิดมากอยู่แล้วช่วงนี้ ไม่ได้จะไม่บอกแต่อยากให้เขาผ่านวันนี้ไปได้ก่อน วินสอบวันนี้และพรุ่งนี้ผมจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว

“ไม่ให้ห่วงพัตแล้วจะให้เราห่วงใคร คิดถึงใจเราดิ ถ้าเป็นเราที่ทำแบบนี้บ้าง...” วินหันหน้าหนีไปด้านข้างราวกับทนมองหน้ากันไม่ไหวอีกต่อไป ผมค่อยๆดึงเขาให้นั่งลงบนเตียง ขยับตัวเข้าไปกอดร่างเล็กให้รู้ว่าผมยังอยู่ตรงนี้ วินซบหน้าลงกับไหล่แล้วกอดผมแน่น

“พัตไม่เป็นไรแล้วครับ” มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังบางภายใต้เสื้อนักศึกษาไปมาเบาๆอย่างปลอบประโลม

“แค่คิดว่าเราอาจจะ...ไม่ได้มีพัตอยู่ตรงนี้...อึก เราก็จะตายแล้ว ไม่เอานะ ...ไม่เอาแบบนี้แล้ว ห้ามขับรถคนเดียวอีกนะ” น้ำตาที่เริ่มแห้งไปแล้วกลับมาพรั่งพรูอีกครั้ง คนในอ้อมกอดเริ่มมีอาการสะอื้นจนผมต้องคอยปลอบคอยกอดเขาอยู่อย่างนั้นราวๆครึ่งชั่วโมง

“วินรู้เรื่องได้ยังไงครับ” ผมถามคนที่อยู่ข้างเตียงขึ้นมาเมื่อเขาสงบลงแล้ว วินเป็นฝ่ายนั่งจับมือผมแน่นไม่ยอมละสายตาไปไหนเลย

“มีเพื่อนในเฟสส่งมาให้เราดู” วินมีสีหน้าไม่สู้ดีนักเมื่อเขาต้องตอบคำถามผม

“พัตไม่อยากให้วินต้องกังวล อยากให้สอบเสร็จก่อนแล้วค่อยบอก ไม่ได้จะปิดเลยนะครับ”

“ทีหลังไม่เป็นแบบนี้นะ...ไม่ว่ายังไงก็ต้องบอกเรา” คนตัวเล็กยกมือผมขึ้นเอาไปแนบแก้มตัวเองแล้วหลับตาลงอย่างช้าๆ

“ครับ สัญญา” วินพยักหน้าที่แนบอยู่บนฝ่ามือผมสองสามที แล้วเราคงจะอยู่แบบนั้นไปอีกซักหน่อยถ้าประตูห้องไม่ถูกเปิดเข้ามาเสียก่อน

มีทั้งแม่ที่ลงไปซื้อของ ไอ้กิม ไอ้จีน พ่อ มาครบทีมเลย...

“ดีกันแล้วเราต้องฉลอง” เพื่อนผมส่งยิ้มแหยะๆมาให้วินอย่างรู้ว่าตนเองก็มีความผิดเนื่องจากมีส่วนช่วยในการปิดบังเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

“ใช่แล้วๆ ฉลองกันเนอะวินเนอะ” ไอ้จีนเอ่ยเสริมไอ้กิมอีกคน ส่วนพ่อกับแม่ผมทำเป็นไม่รู้ไม่สนอย่างเดียว

“ครั้งนี้เราจะยอมยกโทษให้ แต่ถ้ามีครั้งหน้านะ...โดนหนักแน่ๆโดยเฉพาะพัต”

“ไม่มีครั้งหน้าแล้วครับ” ถึงขั้นต้องส่งยิ้มอ่อนให้วินเลยผม





TBC.

Talk

พอเวลาจะเดินเรื่องเร็วก็เร็วมากเลยเนอะ :mew3: :mew3: ไม่ใช่ความผิดพัตเนอะ พัตไม่ได้หลับในน๊า เขามาชนของเขาเอง  :mew2: :mew2:

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆเลยนะคะ ขอบคุณที่เป็นกำลังน้อยๆที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับคนแต่ง เยิฟน๊า  :mew1: :mew1:

ปล.ตอนหน้าตอนสุดท้ายแย๊ว




page >> https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/
tw >> @exsoull_
ask.fm >> @itsmesoull

เข้ามาคุยกันได้ทุกช่องทางนะคะ ไม่ดุไม่กัดฉีดยาแล้ว  :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-05-2016 07:00:58
ดีแล้วที่พัตไม่เป็นอะไรมาก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 05-05-2016 07:24:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 05-05-2016 09:21:12
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 05-05-2016 11:41:41
หวานมุ้งมิ้งจริง ๆ เรื่องนี้ น่าร้ากกกกก :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-05-2016 13:42:05
จะจบแล้วเหรอเนี่ย  ไวจัง  ขอตอนพิเศษหวานๆ  น่ารักสัก 2-3 ตอนนะคะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-05-2016 15:20:05
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 05-05-2016 16:38:13
 :impress2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 05-05-2016 16:51:42
 :mew6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-05-2016 19:42:12
เกือบไปแล้วนะพัต!!!!
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-05-2016 23:43:40
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 06-05-2016 01:22:21
จำได้ว่าเคยอ่านเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้วแล้วก็พักไป จนเห็นว่ามีตอนใหม่เลยต้องเข้ามาเริ่มอ่านใหม่หมด คู่นี้ดีนะมีอะไรก็พูดก็บอกกันตรงๆ อย่างเรื่องที่มีคนมาจีบทั้งคู่แล้วต่างก็บอกกันอะแบบนี้มันดูจริงใจดี ชอบๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ที่เดิมในหัวใจสาววาย ที่ 06-05-2016 02:34:44
ลุ้นแทบแย่ กลัวพัตจะเป็นอะไร ตอนหน้าจะจบแล้วหรอ :hao5:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-05-2016 03:25:54
จะจบแล้ว กำลังหวานกันเลย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่29 05/05/2559(04.23) p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 06-05-2016 22:48:36
ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรมาก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 06-06-2016 03:35:02
ตอนที่ 30

แล้ววันต่อมาผมก็สามารถออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักฟื้นที่บ้านต่อได้ หมอบอกแล้วว่าไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง แม้จะมีอาการเจ็บแปลบตามแผลที่มีรอยฟกช้ำบ้างแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นทนไม่ไหว คราวนี้ต้องย้ายมาอยู่บ้านแทนจนกว่าจะหายดีถึงสามารถกลับไปอยู่คอนโดได้ตามคำสั่งของคนเป็นแม่ นั่นทำให้วินเองก็ต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านผมชั่วคราวด้วยเช่นกัน

“วันนี้ป้าวรรณตั้งใจทำอาหารเยอะเป็นพิเศษต้อนรับคุณชายเล็กของเขากลับบ้านเลยนะ ยิ่งมีแขกมาแล้วด้วยมีความสุขใหญ่เลย” คุณแม่เอ่ยขึ้นในขณะที่ป้าวรรณและเด็กในบ้านกำลังตั้งโต๊ะ

“โธ่คุณพิมพ์คะ ตอนป้ารู้ข่าวก็ตกใจแทบแย่ พอคุณพัตออกจากโรงพยาบาลได้แล้วก็ต้องดูแลให้ดีขึ้น ยิ่งมีคุณวินมาอยู่ด้วยคนแก่ยิ่งปลื้มใหญ่เลยค่ะ บ้านเราจะได้มีสีสันมากขึ้น” คนถูกเอ่ยถึงชี้แจงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“คุณชายของเขานี่คุณ ดูแลยิ่งกว่าไข่ในหินมาตั้งแต่เด็กแล้ว” คราวนี้เป็นพ่อบ้างที่เอ่ยขึ้น

“ขอบคุณป้าวรรณมากนะครับ คนนี้นี่พัตรักที่สุดเลย” ผมเอ่ยบอกคนที่ยืนอยู่ข้างตัวพร้อมรอยยิ้ม

ป้าวรรณคือคนที่ดูแลผมมาตั้งแต่เด็กจริงๆและจนถึงวันนี้ก็ยังคอยดูแลอยู่แม้ว่าผมจะไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆเหมือนเมื่อวันวานแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะทำอะไรหรืออยากได้อะไรก็จะตามใจตลอด เวลาที่พ่อกับแม่ไม่ว่างท่านก็คือคนที่คอยอยู่ข้างๆดูแลผม ถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่คนสำคัญของผมเลย

“ไม่เอาแล้วค่ะ พูดไปแล้วเดี๋ยวคนแก่จะร้องไห้ ทานข้าวกันดีกว่านะคะ” ป้าวรรณสิ่งยิ้มอ่อนโยนให้แล้วหันไปตักข้าวให้ทุกคนเป็นที่เรียบร้อยเรียบร้อยก่อนจะออกจากห้องอาหารไปให้เด็กคอยดูแลต่อ

ที่จริงแล้วผมบอกไปแล้วว่าไม่ต้องให้ใครอยู่ในห้องนี้เพราะไม่อยากรบกวน ให้ทุกคนไปทานข้าวเช่นเดียวกันแต่ทั้งป้าวรรณและเด็กในบ้านไม่มีใครยอมบอกว่าเป็นหน้าที่ที่เต็มใจทำ ขนาดพ่อกับแม่บอกยังไม่เป็นผล อย่างน้อยเลยต้องมีสองคนที่ยืนอยู่ในห้องอาหารด้วยเผื่อว่าใครจะต้องการอะไรเพิ่ม

มื้ออาหารค่ำผ่านพ้นไปหลังจากที่ทานยาเสร็จผมก็ถูกไล่ให้ขึ้นมาพักบนห้อง โดนสั่งให้อาบน้ำเพื่อที่จะได้รีบทายาตามรอยฟกช้ำ

“อาบน้ำเองไหวไหม” คนตัวเล็กเอ่ยถามในขณะที่เขากำลังยืนถอดเสื้อให้ผมที่นั่งอยู่ปลายเตียง

“ไหวครับ แค่นี้เอง” พอออกจากโรงพยาบาลทั้งแม่และวินก็ดูจะเข้มงวดกับผมยิ่งกว่าหมอในโรงพยาบาลเสียอีก ทั้งที่ผมและหมอยืนยันแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรมากแต่ทั้งสองก็ไม่ยอม จะทำนู้นทีนี่ทีต้องเข้ามาช่วยเหลือตลอด แถมยังบ่นให้อีกว่าเพราะผมไม่ระวังตัวแบบนี้ถึงได้บาดเจ็บ

“ให้เราเข้าไปอยู่ในห้องน้ำด้วยไหม เผื่อจะเกิดอะไรขึ้น” วินหยิบเอาทั้งเสื้อและกางเกงขายาวไปใส่ตะกร้าที่อยู่ตรงมุมห้องก่อนจะเดินกลับมาหาผมอีกครั้ง

“พัตไม่ได้เป็นอะไรแล้วจริงๆครับ” สายตาของคนตรงหน้ากวาดมองไปทั่วร่างที่มีรอยช้ำอยู่ประปราย ความเจ็บปวดจากความรู้สึกข้างในของวินแผ่ซ่านจนผมรับรู้ได้ ดวงตาโตสั่นไหวจนต้องรั้งเอวเล็กเข้ามาหา

เขายังคงมีความรู้สึกทุกครั้งที่เห็นแผลตามตัวผม ราวกับเป็นภาพตอกย้ำ

“พัตยังอยู่ตรงนี้นะ ไม่ได้เป็นอะไรไปทั้งนั้น” กอบกุมใบหน้าเล็กเอาไว้ด้วยสองมือ สัมผัสให้เขารู้ว่าผมยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ทิ้งเขาไปไหนแบบที่นึกกลัว ผมรู้...รู้ดีว่าในใจวินรู้สึกยังไงบ้าง แค่ลองคิดว่าถ้าผมเป็นเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะหายใจไม่ออกแล้ว และผมรู้สึกผิดเสมอที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้

“อย่าทิ้งเรานะ...ห้ามทิ้งเรา” คนที่ยืนอยู่ซบหน้าลงมาใกล้จนหน้าผากเราแนบชิดกัน น้ำเสียงสั่นไหวเอ่ยพูดอย่างแผ่วเบา

“ครับ” แนบสัมผัสลงไปที่ปากเล็กแทนคำสัญญา ไม่มีการสัมผัสที่มากกว่านั้นแต่กลับหนักแน่นในความรู้สึก ให้วินได้เลิกกลัวเลิกกังวลกับทุกสิ่งอย่างที่เขากำลังคิดอยู่

แม้จะผละออกจากกันแล้วแต่ริมฝีปากผมก็ยังคลอเคลียอยู่กับแก้มนุ่มๆไม่ห่างไปไหน สองแข่นของคนในอ้อมกอดก็โอบรอบคอผมแน่น

“วันเสาร์นี้เราไปทำบุญกันนะ”

“อืม...ไปกันทั้งครอบครัวเลยดีไหม พ่อกับแม่วินจะว่างหรือเปล่า” ผมคิดไว้อยู่เหมือนกันว่าอยากจะให้ทั้งพ่อแม่ผมและพ่อแม่วินได้เจอกัน ทั้งสองครอบครัวจะได้สนิทใจกันมากขึ้นให้ทางฝั่งวินเห็นว่าผมจริงจังและจริงใจ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาบ้านผมไม่ว่างบ้างบ้านวินไม่ว่างบ้างเลยทำให้ไม่มีโอกาสได้เจอกันเป็นจริงเป็นจริงซักที

“เดี๋ยวเราจะลองถามพ่อกับแม่ดู...ไปอาบน้ำได้แล้วนะ จะได้ออกมาทายา”

“แล้วนี่ที่เหลือจะไม่ถอดให้หมดเหรอ” เอ่ยเหย้าคนตัวเล็กจนวินรีบขยับถอยหลังออกจากความใกล้ชิดไปทันที

“พัตก็ถอดเองสิ” แม้ผมจะพูดเพียงแค่นั้นแต่คนขี้เขินก็หน้าแดงขึ้นมาได้

“ก็นึกว่าแฟนจะใจดีถอดให้ไงครับ”

“ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผมได้แต่หัวเราะกับท่าทางของแฟนตัวเองแล้วค่อยๆลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนที่จะโดนคนน่ารักงอนเข้าจริงๆเสียก่อน ถึงแม้ว่าใบหน้าวินจะงอเง้าแต่เขาก็ขยับเข้ามาช่วยพยุงทันทีที่ผมลุกขึ้น ก่อนที่จะปิดประตูห้องน้ำก็ย้ำอีกทีว่าไม่ต้องล็อกประตูถ้าเกิดรู้สึกไม่ดีให้รีบเรียกทันที

ผมใช้เวลาจัดการตัวเองค่อนข้างนานกว่าเพราะไม่ค่อยถนัดซักเท่าไหร่นัก เวลาที่จะขยับร่างกายมันไม่สามารถทำได้อย่างปกติ รู้สึกขัดๆบ้างถ้าขยับตัวเร็วเลยทำให้ทุกอย่างช้าลง กว่าจะออกจากห้องน้ำได้ก็ตอนที่วินเคาะประตูถาม

“ทำไมอาบน้ำนานจัง” ทันทีที่ประตูเปิดออกคนที่รออยู่หน้าห้องน้ำก็รีบถามทันที

“ไม่มีอะไรครับ พัตแค่ขัดตัวนานไปหน่อย” ยืนยันคำพูดด้วยรอยยิ้มที่ทำให้วินสบายใจ อีกฝ่ายถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะเข้ามาจับแขนเพื่อพยุงให้ผมเดินออกมานั่งที่เตียง

“พื้นห้องเปียกหมดแล้ว ขยี้หัวก่อนออกมาบ้างไหมหรืออาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาเลย” คนที่กำลังซับน้ำออกจากหัวให้ทางด้านหลังเอ่ยบ่นขึ้นมา อย่างที่เขาถามไม่มีผิดเลย พออาบน้ำเสร็จผมก็เช็ดแค่ตัวใส่กางเกงนอนได้ก็เดินออกมาเพราะรู้อยู่แล้วว่าจะมีคนเช็ดผมให้เลยไม่แตะต้องมัน

“ขี้เกียจนี่ครับ”

“ถ้าไม่เห็นว่าเจ็บอยู่เราจะบ่นให้หูชา”

“งั้นก็เห็นใจคนป่วยเถอะเนอะ” ถึงแม้เวลาวินบ่นจะเหมือนมีคนมาส่งเสียงหงุงหงิงอยู่ข้างหูเสียมากกว่าแต่การที่เขาไม่บ่นมันก็คงจะดีกว่า วินเช็ดผมให้จนแห้งเรียบร้อยจึงเอาผ้าเช็ดหัวไปตากแล้วกลับมาทายาให้ คราวนี้วินนั่งลงปลายเตียงข้างกันเพื่อที่จะทายาแถวสีข้างให้ผมก่อน

“ถ้าเจ็บบอกเรานะ” อย่าว่าแต่เจ็บเลย สัมผัสจากมือเล็กๆนั้นบางเบาเสียจนผมแทบไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ คงเพราะเขากลัวว่าผมจะเจ็บเลยไม่กล้าลงน้ำหนักมือเยอะ

“ไม่เจ็บหรอกครับ วินไม่ต้องกังวลขนาดนั้นทาแบบปกติเลย” ที่จริงมันก็รู้สึกเจ็บบ้างแต่ผมไม่อยากให้เขาเกร็งหรือกังวลมากจนเกินไป วินกังวลจนผมกลัวว่าเขาจะกลายเป็นจิตตกไปแล้ว

“มันขึ้นรอยช้ำขนาดนี้นี่นา เรากลัวทำพัตเจ็บ”

“ถ้าพัตทนไม่ไหวพัตบอกแน่นอนโอเคไหมครับ”

“อื้อ ต้องบอกนะ” คราวนี้วินลงน้ำหนักมือมากขึ้นอีกหน่อยแต่ก็ไม่ได้มากถึงขั้นที่จะทำให้ผมเจ็บ พอทายาแผลเล็กแผลน้อยด้านข้างและด้านหลังเสร็จก็ย้ายมาทาด้านหน้าซึ่งมีแผลใหญ่สุดอยู่

ดูเขาตั้งใจให้เสียจนผมนึกขัน ปกติแล้วถ้าต้องมาลูบมาจับตัวผมแบบนี้วินเขาไม่ทำหรอก หน้าหวานๆนั่นคงขึ้นสีจนลามไปถึงหูไม่เป็นอันทำอะไร แต่ครั้งนี้คงลืมความรู้สึกพวกนั้นไปหมดเพราะมัวสนใจแต่รอยตามตัวผมมากกว่า

“จะว่าไปแล้วเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มาซักพักแล้วนะครับ” อย่างที่บอกไปว่าพอขึ้นปีสามต่างคนก็ต่างยุ่งกันมากขึ้น เราแทบไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลยในช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าจะคิดถึงมากแต่ก็เข้าใจว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ จะให้เราทิ้งทุกอย่างเพื่อกันและมันเป็นไปไม่ได้

“เราขอโทษนะที่ไม่มีเวลาดูแลพัตจนทำให้พัตต้องมาเจ็บแบบนี้” คนตรงหน้าหมุนฝาหลอดยาเพื่อปิดแล้ววางมันไว้ที่ข้างเตียง วินช้อนสายตาขึ้นมามองหน้ากันด้วยแววตาสั่นไหว ผมเอื้อมมือไปลูบแก้มนิ่มของคนตรงหน้าอย่างปลอบประโลม

“พัตต่างหากที่ต้องขอโทษที่ไม่มีเวลาดูแลวินเลย”

“เราไม่เป็นไร” เพราะว่าวินเป็นแบบนี้ผมถึงได้รักเขามากมายขนาดนี้

สัมผัสนุ่มนวลอ่อนหวานทาบทับสนิทกันเมื่อผมเป็นคนเคลื่อนหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย ให้ความรู้สึกของเราได้พูดแทนคำพูดทั้งหมด ปากเล็กนี้ ลิ้นเล็กนี้ ทุกอย่างยังคงอ่อนหวานสำหรับผมเสมอ ราวกับได้รับกำลังใจและพลังงานมากมายเมื่อสัมผัสมันและครั้งนี้ก็เช่นกัน

ความรู้สึกนุ่มละมุนและอบอุ่นล้อมรอบตัวจนซึมลึกเข้าไปข้างใน ผมหลงรักทุกสัมผัสของวิน

“อ๊ะ อื้อ...พัตยังเจ็บอยู่นะ” เสียงเล็กๆรีบเอ่ยบอกเมื่อรู้สึกตัวว่าทุกอย่างเริ่มจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ตอนนี้วินนอนราบไปกับเตียงเป็นที่เรียบร้อยในขณะที่ผมตามมาคร่อมทับเขาไม่ห่าง นานแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้สัมผัสเขาแบบนี้ โอกาสมาถึงใครจะปล่อยไปง่ายๆ

“ก็กำลังจะรักษาไงครับ วิธีนี้จะทำให้พัตหายเป็นปลิดทิ้งเลยนะ”

“อื้อ...มั่วแล้ว” วินหลุดเสียงในลำคอออกมาทันทีเมื่อผมแนบปากไปกับซอกคอเขาแล้วขบเม้มเบาๆ คนที่นอนอยู่ใต้ร่างก็เอียงหน้าไปอีกทางอย่างให้ความร่วมมืออย่างดี

“ไม่มั่ว”

“ระ เรายังไม่ได้อาบน้ำ”

“ไม่ต้องอาบแล้ว แค่นี้ก็หอมแล้วครับ”

“อ๊ะ!” คราวนี้ไร้ซึ่งเสียงทัดทานใดๆเมื่อผมไม่เปิดโอกาสให้วินได้พูดอะไรออกมาอีก คำพูดแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวานที่ผมชอบฟังแทน สัมผัสตอบรับเป็นไปอย่างธรรมชาติ ทุกๆความรู้สึกล้อมรอบตัวเรานั้นทำให้รู้สึกอุ่นๆในใจ ยิ่งกอดยิ่งสัมผัสยิ่งรู้สึกถึงคำว่ารักที่มอบให้กันและกัน



แล้วคืนนี้ผมได้ยาดีจนแทบจะหายเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ...




............................................................


วันนี้เป็นวันเสาร์ที่เราทั้งสองครอบครัวมีนัดไปทำบุญเก้าวัดที่อยุธยาด้วยกัน เป็นเวลาเหมาะเจาะกันเหลือเกินที่พ่อกับแม่วินมีเวลาว่างช่วงนี้พอดีเมื่อท่านไม่ต้องเดินทางไปไหน ตอนที่ผมอยู่โรงพยาบาลท่านมีบินไปดูงานเลยไม่ได้มาเยี่ยม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังโทรมาหาและฝากกระเช้าผ่านวินมาให้

ป๊าวินถึงจะพูดด้วยเสียงแข็งๆตอนคุยโทรศัพท์กันแต่ก็ยังอวยพรว่าขอให้หายเร็วๆ ทางฝั่งพ่อกับแม่ผมเองก็ว่างประจวบเหมาะกันเนื่องจากว่าผมประสบอุบัติเหตุด้วยเลยทำให้พ่อกับแม่ยังไม่อยากเดินทางมากนัก ช่วงนี้ท่านเลยยังอยู่ดูงานที่ไทยซะส่วนใหญ่ ส่วนทางอื่นก็ให้เลขาดูให้ไปก่อน

ทริปนี้มีครอบครัวผมและครอบครัววิน แถมตัวแถมสองคนอย่างไอ้กิมและไอ้จีนมาด้วย เลยถือโอกาสใช้มันเป็นคนขับนั่งหน้าคู่กันไปเลย

“สวัสดีค่ะคุณพิมพ์ สวัสดีค่ะคุณชัต”

“สวัสดีค่ะคุณษา คุณไวย์ด้วยนะคะ” ทันทีที่เปิดประตูรถมาคุณหญิงทั้งสองบ้านก็ทักทายกันตามประสา ฝั่งพ่อผมกับพ่อวินก็ทักทายกันเรียบร้อย เราตกลงกันว่าจะเอารถที่บ้านผมไปวันนี้เลยมารับครอบครัววินแต่เช้าเพราะต้องใช้เวลาทั้งวัน เราใช้รถตู้สำหรับครอบครัวซึ่งมีผมและวินนั่งหลังสุดของรถ

สองสาวของครอบครัวเม้ากันไปตลอดทางโดยไม่สนใจลูกและสามีเลยซักนิด ฝั่งทางคุณพ่อก็เช่นกัน คุยกันอย่างถูกคอทิ้งผมกับวินสองคนนั่งแกร่วอยู่ทางด้านหลัง

“เราเหมือนหมาหัวเน่าเลยเนอะ” คนที่ซบอยู่ตรงไหล่บ่นแบบไม่จริงจังมากนักออกมา

“อืม หัวเหม็นแล้วจริงๆด้วย” ผมกดจมูกลงไปที่กลุ่มผมนิ่มทีนึง ซึ่งกลิ่นมันห่างไกลจากคำที่พูดไปมาก หัววินหอมเพราะเจ้าตัวสระผมทุกวัน เราใช้ยาสระผมยี่ห้อเดียวกันเนื่องจากวินเป็นคนดูแลเรื่องพวกนี้ให้แต่ทำไมรู้สึกเหมือนผมวินจะหอมกว่ายังไงไม่รู้ มันคือความหลงแฟนตัวเองใช่ไหม

“ไม่เหม็นสิ เราสระมานะเมื่อเช้า เราสระผมทุกวันเลย” คนที่ซบอยู่ตรงไหล่เด้งตัวขึ้นมาพูดด้วยหน้าตาเอาเรื่อง มือเล็กๆจับหัวตัวเองแล้วเอามาดมราวกับพิสูจน์กลิ่น

“พัตล้อเล่น จริงจังขนาดนั้นเลยเหรอหืม”

“จริงจังสิ ไม่ได้นะ ผมเราต้องหอม ดมอีกๆ...หอมนะใช่ไหม” มีการยื่นหัวมาให้ดมใหม่อีกรอบ แล้วผมจะทำอย่างไรได้นอกจากกดจมูกลงไปที่หัวทุยๆนั่นอีกที คราวนี้แถมหอมแก้มให้ด้วย

“หอมครับหอม หอมทั้งตัวเลย”

“คนอะไรชอบฉวยโอกาสจริงๆเลย” ปากบ่นแต่หัวกลับเอียงซบลงมาที่เดิม มือเล็กก็กดโทรศัพท์ในมือเจ้าตัวดูไปเรื่อย ผมเองก็ดูความเคลื่อนไหวของโซเชียลไปพร้อมกับวินเพราะของตัวเองไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจ นานๆทีผมถึงจะเข้าไปเช็คดูบ้าง

พอเจออะไรตลกๆหรืออะไรที่น่าสนใจอีกคนก็เอ่ยพูดด้วย เป็นอย่างนั้นไปตลอดทางจนเราไปถึงวัดแรกของแผนที่เรากำหนดไว้

“ทำไมแม่กับป๊าไม่สนใจวินเลย เจอเพื่อนแล้วลืมลูก” วินขยับเข้าไปอ้อนพ่อกับแม่ตัวเองทันทีที่ลงรถ พ่อกับแม่ผมได้แต่ยืนอมยิ้มกับความน่าเอ็นดูของลูกสะใภ้ตัวเองอยู่อย่างนั้น แววตาอ่อนโยนยิ่งกว่าตอนมองลูกตัวเองเยอะ ผมนี่สิหมาหัวเน่าของจริง

“โตจนมีแฟนเป็นตัวเป็นตนขนาดนี้แล้วยังอ้อนแม่เป็นเด็กๆอีกเหรอหืม”

“ป๊า~” พออ้อนแม่ไม่ไดวินก็เปลี่ยนเป็นเข้าไปอ้อนพ่อแทน ซึ่งคราวนี้คนเป็นพ่อก็โอ๋ลูกอย่างดี พ่อของวินตามใจและรักเขายิ่งกว่าอะไร เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่ลูกอ้อนของคนตัวเล็กจะไม่ได้ผล

“น้องวินนี่น่ารักดีนะคะ ต่างจากลูกบ้านนี้ที่ไม่มีหรอกจะเข้ามาอ้อนแม่บ้าง” คราวนี้เป็นคิวผมที่โดน ทั้งที่ยืนอยู่เฉยๆก็โดนพาดพิงถึง นี่ผมทำผิดอะไรกัน

“ไอ้กิมกับไอ้จีนมาแล้วผมว่าเราเข้าข้างในกันเลยดีกว่านะครับ” พอเห็นว่าเพื่อนทั้งสองที่ไปหาที่จอดรถเดินเข้ามาได้จังหวะเอาตัวรอดพอดีเลยรีบเอ่ยอย่างไว คนเป็นแม่ส่งสายตาค้อนมาให้หนึ่งวงจนผมต้องรีบเข้าไปกอดแล้วหอมแก้มท่านฟอดใหญ่ถึงได้หายงอน ก่อนที่เราทั้งหมดจะเดินเขาไปในส่วนของตัววัด

เราใช้เวลาเกือบทั้งวันในการไว้พระทำบุญเก้าวัด บบรเทาให้สิ่งไม่ดีออกไปและขอให้มีแต่สิ่งดีๆที่เข้ามา ผมเองก็ไม่ได้เข้าวัดมานานแล้วเหมือนกัน ครั้งนี้ช่วยให้จิตใจปลอดโปร่งและสงบนิ่งขึ้น รู้สึกสบายใจ

“มึงจำตอนที่เราบวชพร้อมกันได้ไหมวะ ตอนก่อนจะขึ้นปี1” ไอ้กิมเป็นคนเอ่ยขึ้นมาในตอนที่เรากำลังให้อาหารปลากันอยู่ ส่วนวินกับพ่อแม่เขาและพ่อแม่ผมอยู่ทางอีกฝั่ง วัดนี้เป็นวัดที่เก้าแล้ว วัดสุดท้ายของวันก่อนที่เราจะกลับ

“เออ ที่มึงปวดขี้ตอนดึกๆแล้วห้องน้ำแม่งไกลและมืดจนต้องให้พวกกูไปนั่งเฝ้ามึงขี้ทั้งที่หมาก็หอนไง โคตรเหี้ย” นึกภาพเหตุการณ์ที่ไอ้จีนเล่าแล้วก็ต้องส่ายหน้าออกมา วันนั้นคือสุดยอดจริงๆ บรรยากาศมันวังเวงมากเพราะวัดที่เราบวชเป็นวัดที่อยู่นอกเมือง ด้วยการที่อยากจะเข้าถึงรสพระธรรมอย่างลึกซึ้งเลยเลือกไปที่นั่น

เป็นยังไงล่ะ รู้ซึ้งเลยจริงๆ

“ฮ่าๆ ก็กูท้องเสียนี่หว่า...ได้มาวัดแบบนี้แล้วก็คิดถึงตอนไง ลำบากหน่อยแต่ก็ได้อะไรมาเยอะ”

“ว่าแล้วเราก็ไม่ได้ไปหาหลวงตามานานแล้วนะ” ผมเอ่ยขึ้น ถือว่านานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้แวะไปที่นั่นเลย

“หลังจากนี้เราหาเวลาว่างไปกันดีกว่า” ไอ้จีนเสนอความเห็น

“ตอนที่มึงประสบอุบัติเหตุหลวงตาท่านก็โทรมาหากู บอกว่าฝันไม่ดีเกี่ยวกับมึงแล้วก็ไม่ผิดเลย...ท่านบอกให้มึงทำบุญถ้าว่างก็ให้ไปเอาน้ำมนต์กับท่าน หลวงตาบอกมีของจะให้เราด้วย” ไอ้กิมหันมาพูดกับผม โทรศัพท์ผมเองก็พังจนใช้งานไม่ได้จากอุบัติเหตุท่านเลยคงไม่ได้โทรเข้าเครื่อง วินพึ่งจะซื้อเครื่องใหม่ให้หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลซึ่งผมก็ยังไม่ได้โทรบอกท่าน

“งั้นถ้าว่างก็แวะไปหาท่านกัน” ผมเอ่ยย้ำ คราวนี้ยังไงก็ต้องไปให้ได้

“โอเค/เค” เรายืนให้อาหารปลาจนหมดถุงก่อนจะได้เวลาที่ต้องกลับ ถือว่าจบทริปการทำบุญเก้าวัดเป็นที่เรียบร้อย

กลับมาถึงกรุงเทพกันในช่วงหนึ่งทุ่มและเป็นข้อตกลงของสองบ้านว่าจะทานข้าวที่บ้านของวิน แม่วินเป็นคนเสนอเองว่ามื้อนี้ขอเป็นเจ้ามือซึ่งทางแม่ผมเองก็ไม่ขัด บอกเพียงว่าคราวหน้าขอเชิญที่บ้านตนบ้าง

“อ้อ คุณษาคะ เพชรคอลเลคชั่นใหม่ของทางร้านดิฉันขอจองซักชุดนะคะ เห็นแบบแล้วถูกใจจนอยากเก็บไว้จริงๆ” แม่ผมเอ่ยขึ้นในขณะที่เรากำลังทานข้าวกันอยู่ ผู้หญิงนี่คุยกันเรื่องความสวยความงามเครื่องประดับกันตลอด พอพ่อได้ยินนี่เริ่มเหงื่อตก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่างานนี้ใครที่ต้องจ่าย

“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะให้คุณพิมพ์จองไว้คนแรกเลยนะคะ จะได้บอกเด็กว่าไม่ปล่อยชุดนั้นไป”

“ขอบคุณค่ะ นักออกแบบของที่ร้านนี่เก่งจริงๆนะคะ สวยทุกคอลเลคชั่นเลย ส่วนแฟชั่นโชว์ที่จะจัด...” แล้วบทสนทนาก็ถูกผูกขาดด้วยผู้หญิงที่เป็นใหญ่ที่สุดของทั้งสองบ้าน บรรยากาศเต็มไปเสียงพูดคุยและรอยยิ้ม ความสุขฉายชัดบนใบหน้าของทุกคนไม่เว้นแม้กระทั้งเพื่อนตัวดีของผมทั้งสอง

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงเวลาหนึ่งเลยจริงๆ

.
.
.
.
.
.

หลังจากทานข้าวมื้อค่ำเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็มีเวลาย่อยซักครึ่งชั่วโมงเพราะครอบครัวผมจะต้องกลับบ้านก่อนที่มันจะดึกไปมากกว่านี้ แต่ละคนแยกย้ายกันไปเป็นคู่ๆ

“วิน พัตมีอะไรจะปรึกษา” ตอนนี้เราทั้งสองคนนั่งอยู่ที่ชิงช้าหน้าบ้าน บรรยากาศในตอนค่ำคืนของสวนหย่อมตรงนี้สวยเสียจนทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลาย ยิ่งมีแสงของดวงจันทร์ที่ลอยเด่นบนท้องฟ้ายิ่งทำให้ทุกอย่างลงตัวไปหมด  ผมชอบความรู้สึกของช่วงกลางคืนเพราะมันสงบกว่าตอนกลางวัน

“หืม ว่าไง” คนที่นั่งอยู่ข้างเอียงหน้ามาถาม ขาเล็กก็แกว่งไปมาเล่นอย่างสนุก

“พัตว่าจะขอวินหมั้นไว้ก่อนแล้วหลังจากที่เรียนจบเราค่อยแต่งงานกัน...แบบนี้วินว่าโอเคไหมครับ” คราวนี้วินนิ่งไปทันทีที่ผมพูดจบ เขาคงจะไม่ทันได้ตั้งตัวว่าผมจะพูดเรื่องนี้ออกมาตอนนี้

“ดะ เดี๋ยวนะ เราขอตั้งสติแป๊บนึง” คนตัวเล็กยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองแล้วก็สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะลดมือลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยแก้มสีระเรื่อ “นี่พัตคิดเรื่องนี้มาดีแล้วเหรอ”

ผมอยากจะบอกว่าผมคิดมาตั้งแต่วันแรกที่เขาตกลงเป็นแฟนเสียด้วยซ้ำ ที่ทำทุกอย่างนี้ก็คุยกับพ่อและแม่มาเรียบร้อยแล้วซึ่งท่านก็เห็นด้วยและบอกให้ผมมาคุยกับวินก่อนแล้วค่อยถึงขั้นไปคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ของวิน ดูว่าพวกท่านทั้งสองจะโอเคไหม ส่วนเรื่องงานพิธีการอะไรต่างๆที่ผมคิดไว้เราก็จะจัดกันแบบเรียบง่ายมีแค่คนในครอบครัว ไม่ใช่งานที่ใหญ่โตอะไร

“คิดมาดีแล้วครับ คุยกับพ่อกับแม่แล้วท่านก็อยากให้ทำอะไรให้มันเป็นเรื่องเป็นราว”

“หมั้นเลยนะ คิดดีแล้วจริงๆใช่ไหม”

“ทำไมวินถามแบบนั้นล่ะครับ หรือว่าไม่อยากจะหมั้นกับพัต” คิ้วผมเริ่มขมวดชนกันเมื่อฟังประโยคที่วินพูด

“กล้าคิดว่าเราไม่อยากหมั้นด้วยเหรอ ใครๆก็ต้องอยากแต่งงานกับคนที่รักกันทั้งนั้น ถึงแม้เราจะไม่ใช่คู่ชายหญิงทั่วไปแต่การทำอะไรตามประเพณีมันก็เป็นสิ่งที่ดีและควรทำใช่ไหม แต่เอาตามตรงคือเราไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย พอพัตถามก็เลยตกใจนิดหน่อย ถ้าพูดออกมาแบบนี้แสดงว่าแอบคิดแอบเตรียมการมาซักพักแล้วใช่ไหม”

“คิดมาแล้วครับ...หมั้นกันนะ มัดจำไว้ก่อนแล้วพอเรียนจบก็แต่งเลย” เอื้อมมือไปจับมือเล็กของวินแล้วกุมไว้แน่น ย้ำคำพูดผ่านทางความรู้สึก

“ตกลง...แต่ตอนจะแต่งขอโรแมนติกกว่านี้หน่อยได้ไหม อันนี้ขอเราหมั้นน่าตาเฉยเลย” ปากสีสดยู่เข้าหากันจนผมหลุดหัวเราะออกมา ตอนที่จะพูดก็ไม่ได้นึกว่าจะเป็นตอนนี้ เพียงแต่พอมาอยู่ตรงนี้แล้วก็รู้สึกอยากพูดขึ้นมาเสียอย่างนั้น พูดแบบที่ไม่ได้เตรียมคำพูดอะไรมาทั้งสิ้น

“อืม งั้นแบบนี้ดีไหม...หมั้นกับพัตนะครับ” ผมลุกจากชิงช้าแล้วคุกเข่าลงข้างหน้าวินอย่างรวดเร็ว อีกคนตาโตขึ้นมาก่อนที่จะยิ้มกว้างเมื่อตั้งตัว เลือดสูบฉีดไปทั้งหน้าจนมันขึ้นสีจัด แม้แสงจะไม่มากแต่ผมก็ยังเห็นและรับรู้ได้ว่าเขาเขิน

“อื้อ เราตกลง” วินโน้มตัวลงมากอดผมไว้แน่น ซบหน้าเล็กลงกับไหล่ในขณะที่ผมก็กอดเขาแน่นเช่นเดียวกัน

ขอบคุณทุกอย่าง ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราได้มาเจอกัน ให้ผมได้มีคนตัวเล็กอยู่ในอ้อมกอดแบบนี้ และผมสัญญากับตัวเองเสมอว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะดูแลคนที่ตัวเองรักได้






ไม่ว่าวันนี้ พรุ่งนี้ วันหน้า หรือว่าวันไหน...เราก็จะมีกันตลอดไป






END.




Talk

ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษที่หายไปนานนะคะ รู้สึกผิดมากๆๆๆๆๆๆ :mew6: :mew6: พอมันเป็นตอนสุดท้ายดูเหมือนว่ามันจะยากขึ้นกว่าตอนปกติ แล้วอีกอย่างพอปิดเทอมคนแต่งก็หนีเที่ยวยาวเลย :mew2: :mew2:

...และแล้วเรื่องนี้ก็ดำเนินมาจนถึงตอนนี้ในท้ายที่สุด อยากบอกว่าขอบคุณทุกคนจริงๆนะคะที่เป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้กับนักเขียนอนุบาลคนนี้ บางทีเราเหนื่อยเราท้อแต่แค่เพียง1คอมเมนต์ก็ช่วยเอาไว้ได้มากจริงๆ ขอบคุณที่เอ็นดูพัตวิน เกินกว่าคำที่จะพูดก็ไม่มีคำไหนแล้วนอกจากคำว่า...ขอบคุณมากๆจริงค่ะ  :กอด1: :กอด1:

ใครที่ติดตามพัตวินเข้าไปดูข่าวสารที่เพจได้นะคะ จะมีแจกของด้วยน๊า ให้ทุกคนเลย :L2: :L2:




สุดท้ายนี้




จนกว่าจะพบกันใหม่ค่ะ...ด้วยรัก



page >> https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/
tw >> @exsoull_
ask.fm >> @itsmesoull
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 06-06-2016 03:45:14
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-06-2016 03:47:25
รอตอนพิเศษนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 06-06-2016 07:28:59
น่ารักตลอดคู่นี้
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 06-06-2016 09:30:42
เป็นเรื่องที่น่ารัก เรื่อยๆแต่สนุก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 06-06-2016 17:14:54
น่ารักมากเลย  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-06-2016 23:23:49
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 08-06-2016 06:22:58
โอ๊ยยยยย น่ารักไปมั้ยเรื่องนี้ :hao3:
หวานไปดิ อ่านไปเขิลไป  :กอด1:
ชอบวิน รักพัต อยากได้ผู้ชายแบบนี้  :impress2:
รอตอนพิเศษน้าาาา ชอบมากอ่ะบอกเลยเรื่องนี้ หวานละมุนละไม  :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 08-06-2016 22:37:19
น่ารักกกก รอตอนพิเศษค่า
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 09-06-2016 15:03:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 09-06-2016 23:20:55
น่ารักกกกก รอตอนพิเศษน้า
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 10-06-2016 08:27:42
อ่านมาสามวัน...ชอบมาก..
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 10-06-2016 11:22:00
ชอบกังเลย น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 10-06-2016 15:40:22
 o13
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-06-2016 15:58:26
น่ารักจัง เป็นคู่ที่โรแมนติคมาก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 10-06-2016 21:00:55
ชอบเรื่องนี้ น่ารัก ชอบวิน เป็นนนายเอกที่น่ารัก ไม่งี่เง่า ส่วนพัตก็รักวินมาก ชอบๆๆ :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: GOLDMIND ที่ 11-06-2016 14:45:23
คือแบบ...ขอบอกเลยว่า แวะมาเจอโดยบังเอิญและสถานะจบแล้วด้วย เห่อๆ

❤ชอบพัตกับวินมาก ...พัตเป็นคนมั่นคงมากๆ ดูทื่อและไว้ใจได้ว่าเขาจะไม่หลอกเรา ผู้ชายแบบนี้ ชอบ~ อบอุ่นและเป็นผู้ใหญ่คอยเตือน น่ารัก~ ...ส่วนวิน คือแบบโดยส่วนตัวชอบแนววินมาก ..ดื้อ.. พอวินแสดงอิทธิฤทธิ์ โฮ่ๆๆ นอนอ่านแก้มปริเลย เขียนวินได้น่ารักมาก ชอบฉากพาไปตัดผมและหลายๆ ฉาก

เรื่องนี้อ่านแล้วตัวบิดอ่ะ ใช้พัตบรรยายเป็นอะไรที่อ่านได้เรื่อยๆ สบายๆ

ขอบคุณมากที่เขียนออกมาให้ได้อ่านและขอบคุณความบังเอิญที่เราได้อ่านเรื่องนี้ ...แอบรัก

 :110011: :110011: :110011:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: gunnk16 ที่ 11-06-2016 23:53:47
ชอบพัตมากๆๆๆ ผชนิสัยแบบนี้คือดี :katai2-1: :-[ :impress2:
บรรยายได้เรื่อยๆไม่น่าเบื่อ สนุกมากๆเลยค่าาา


รอตอนพิเศษอยู่นะคะ
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 12-06-2016 10:11:03
น่่ารักมาก
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: BE-Beladitz ที่ 13-06-2016 22:27:02
ดีจัง... ^^
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 14-06-2016 23:20:58
เป็นคู่รักที่ละมุนดีจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 17-06-2016 15:24:47
พัตวิน เปนคู่ที่ละมุนมากก
ไม่มีดราม่าหนักๆ
รักกันมั่นคง เชื่อใจ เข้าใจ รับฟัง ให้โอกาส
คือดีอะ น่ารัก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 19-06-2016 00:07:41
น่ารักมากเลย ใช้ความรักและความเข้าใจกันในชีวิตคู่
หวานชื่นกันสุดๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: peppermintt ที่ 11-07-2016 11:02:17
 o13 o13
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Kkookai ที่ 28-07-2016 18:53:32
ชอบอะ อ่านแล้วอุ่นๆ ละมุนมากๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 31-07-2016 21:17:56
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:ขอบคุณนิยายที่น่ารักๆๆแบบนี้นะ
คิดถึงพัตกับวินแน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 07-08-2016 00:45:22
พัต วิน ขอให้รักกันตลอดไป
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 08-08-2016 22:31:37
So sweet.  :-[
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 10-08-2016 15:49:22
 :z13:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 31-08-2016 10:21:03
เป็นคู่ที่น่ารักจริงๆเลย พัฒ-วิน
ชอบผู้ชายอบบพัฒอ่ะ รักเดียวใจเดียว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: heyguy ที่ 04-09-2016 11:57:44
โอ้ยยยยย มีความน่ารัก หวานหยดย้อย
น้องพัตก็รักเดียวใจเดียว น้องวินก็แอบชอบเค้าซะงั้น
อ่านแล้วฟิน รักใสใสหัวใจสองดวงมากค่ะ
อ่านแล้วอิ่มมากจริงๆ
ขอบคุณนักเขียนนะคะ สำหรับนิยายดีๆ
เป็นกำลังใจให้คร้า
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: oaohfaith ที่ 07-09-2016 00:11:32
สนุกมากค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านได้เรื่อย ไม่มีเบื่อ  คู่พัฒ กับ วิน ก็น่ารักมากก
เรารู้สึก อย่างนึงว่า ถ้ามีความรัก ก็อยากให้มันเหมือนคู่ในนิยายเรื่องนี้
มันไม่หวานจนเกินไป ละมุน กลมกล่อมดี โดยเฉพาะ พัฒ ผู้ชายในอุดมคติ เราเลย

ปล.จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 09-09-2016 04:30:16
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ

พัตอบอุ่น วินน่ารัก....เป็นคู่่ที่ลงต้ว
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 31-10-2016 23:54:03
เรื่องนี้มีแต่ความหวาน  :o8:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 05-11-2016 07:59:17
แงงงงงงเขียนดีทุกเรื่องเลย เรื่องนี้คือหวานมาก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 19-01-2017 13:28:33
เราว่าเรื่องมันเอื่อย ๆ ไปหน่อย ขาดจุดพีค มันเลยเหมือนเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ

 :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-04-2017 09:58:04
ตามมาอ่านงานเก่าของไรต์ ไม่ผิดหวัง น่ารักมากจ้า   o13
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bungg ที่ 02-06-2017 16:58:13
เป็นคู่ที่น่ารักมีแต่คำว่าน่ารักกก ยิ่งน้องวินยิ่งโคตรน่ารักเลยค่ะ งื้อออยากได้น้องวินเป็นของตัวเอง พระเอกเรื่องนี้ก็น่ารักไม่แพ้กันเลยนิสัยดูเป็นผู้ใหญ่เหมาะสมกับน้องวินมากๆ ดูแลกันไปเรื่อยๆตลอดไป้า
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆเรื่องนี้นะคะ เติมความหวานให้ชีวิตได้ดีจริงๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 04-06-2017 21:39:28
งื้อออออ ทำไมพัตถึงเปนผู้ชายที่ดีขนาดนี้เนี้ย 55555 อิจฉาวินจรุมมมม

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-06-2017 13:34:20
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 27-06-2017 14:41:20
โอ้ยยย

น่ารักมากๆเลยค่ะ

จะมีตอนพิเศษบ้างไหมเนี่ย

อยากอ่านจัง
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Adieu39 ที่ 02-08-2017 23:31:11
อ่านแล้วกระชุมกระชวยหัวใจ  :-[ อิอิ น่ารักมาก ขอตอนพิเศษ :impress2:  หลังเรียนจบแล้ว ขอแต่งงาน รับเด็กมาเลี้ยง อยากเห็นตอนเลี้ยงเด็กจะน่ารักขนาดไหน ชอบมากค่าาา แต่งดีมากๆ จะติดตามผลงานต่อไปนะคะ   o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 04-08-2017 09:42:01
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 06-08-2017 05:57:53
 :pig4:วช
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 06-08-2017 10:18:42
หวานๆ น่ารัก อ่านละยิ้มตลอดเลย
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 08-09-2017 21:46:56
 :pig4: :pig4:
เรื่องนี้น่ารักมากค่ะ ชอบมากกกกกกกกกก
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 13-09-2017 12:45:48
อ่านจบแว้ววววววววว บอกเลยว่าฟินมากค่า คือมันหวานละมุนทั้งเรื่องจริงๆ ไม่มีฉากที่ขัดใจเพราะความไม่เข้าใจหรืองี่เง่าอะไรเลย เหตุผลล้วนๆ เราจะตามไปอ่านในเล่มต่อ ให้กำลังใจคนแต่ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 14-09-2017 22:17:08
 o13  :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 17-09-2017 07:12:34
 :mew1:ในที่สุดก็อ่านจบแล้ว คือดี คือชอบ เดี๋ยจะตามไปอ่านนิายเรื่องอื่นๆ ของนักเขียนด้วย  o13

*****ฉากเรียกเลือดก็ทำได้ดีมากกกก ชอบบบ :haun4: :haun4: :jul1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 27-09-2017 22:23:18
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีค่าา :mew1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: por_pla4u ที่ 09-05-2018 17:22:37
เบาหวานจะขึ้นค่ะคุณขา หวานเกิ๊นนนน
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 16-05-2018 08:55:32
ชอบที่มีอะไรก็บอกก็พูดกัน
ยิ่งเป็นเรื่องที่มีผลกระทบกับความสัมพัน

แต่ไอ้เรื่องต่างฝ่ายต่างแอบรักกันนี่ยังไม่ได้บอกกันใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Lotsa ที่ 18-05-2018 23:53:34
ีเพิ่งเข้ามาอ่าน บอกเลยฟีลกู๊ดมากๆ ชอบที่ตัวละครมีอะไรก็พูดเมื่อไม่เข้าใจก็รีบเคลียร์ ชอบๆๆไม่รู้ทำไมเราเพิ่งมาเจอ คืนนี้นอนหลับฝันดี
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: onlyyellow ที่ 21-05-2018 20:13:17
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 08:47:46
น่ารัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-10-2018 17:10:06
น่ารักจังเลยค่ะ แอบรักมายาวนาน
ประทับใจแต่แรกพบ เริ่มต้นเป็นความรัก

ดีใจที่วินกล้าทักแชทมาขอบคุณเรื่องร่ม
ไม่งั้นกว่าจะคืบหน้า คงต้องรอพัตบิ้วอีกสักพัก
ชอบโมเมนท์ดูแล ห่วงใย จริงจัง
คือทุกเวลามีค่า ถึงจะมีห่างกันบ้างแต่ก็เข้าใจกันดีมากเลย

ชอบความช่างอ้อนของวิน ถึงจะงอแงแต่น่ารัก
ความเป็นผู้ใหญ่ของพัต มีความอาร์ตแบบมีเหตุผล

ทีมเพื่อนพัตงานดี ดูแลกันดี และบ้าบอไปด้วยกัน

ขอบคุณมากนะคะ เรื่องราวน่ารัก อ่านได้เรื่อยๆ ยิ้มได้ตลอดเลย

หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 17-10-2018 19:56:00
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 18-10-2018 17:56:24
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: konfaibint ที่ 22-10-2018 16:36:14
รักหวานฉ่ำตั้งแต่ต้น น่ารักมากกกกก ชอบๆ
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 13-11-2018 20:55:37
เบาหวานขึ้นตาาาา
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 16-11-2018 14:01:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 28-11-2018 16:31:43
ตามมาอ่าน
งื้ออออ สนุก  o13
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: lilchubby ที่ 05-09-2021 23:24:04
เพิ่งมาอ่านจ้าา
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: SeventeenCarat ที่ 14-01-2023 02:20:49
กว่าจะอ่านจบ ยาวอยู่นะ

บางช่วงเนื้อเรื่องไม่ไปไหนเท่าไร เหมือนอ่านชีวิตประจำวัน

เอาจริงแค่ nc ก็ปาไปหลายตอนล่ะ

แล้วก็อ่านไปเหม็นความรักไป โอ๊ยยยยย  อิจฉาโว้ยยยยย 555


 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 29-09-2023 09:12:27
หวานมากกกกกก​ อิจฉาแย้ววว
 :impress2: :impress2: