พิมพ์หน้านี้ - [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Gade_ka ที่ 07-02-2020 21:26:45

หัวข้อ: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 07-02-2020 21:26:45
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

☆YOUniverse☆
#พี่ภูของผม

'เพราะผมมีเขาเป็นโลกทั้งใบ
เขา... ที่ทำให้คนประหลาดแบบผมกล้าที่จะรักใครสักคน'

ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ เรื่องนี้เป็น Mpreg (ผู้ชายตั้งท้องได้) อาจจะมีเนื้อหาเกินจริงไปบ้างเพราะไม่มี fact อ้างอิง เน้นอ่านเพื่อความบันเทิงและสนุกสนาน พล็อตน้ำเน่าและตลาดนิดๆ ถ้าใครชอบแนวนี้ฝากสนับสนุนนะคะ ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าคค่ะ ^^

**Warning : อาจมีเนื้อหาบางฉากบางตอนที่ไม่เหมาะสมทางการใช้ภาษา และมีความรุนแรงทางเพศ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ**

Warning 2: พระเอกอาจจะโง่ไปบ้าง และนายเอกก็อาจจะแสนดีเกินไปจนทำให้คนอ่านหงุดหงิด อยากให้ทุกคนอดทนไปพร้อมๆ กันนะคะ 5555555
หัวข้อ: Re: [Mpreg] ☆YOUnivers☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-07 : Prologue)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 07-02-2020 21:38:55
ผมไม่เคยรู้ว่าความรักคืออะไร จนกระทั่งได้เจอกับ ‘เขา’




Prolouge

ตั้งแต่เกิดมาจนจำความได้ ผมรู้แค่ว่าผมแตกต่าง เป็นตัวประหลาด และไม่เหมือนคนอื่น...

คนในครอบครัวพร่ำบอกผมเสมอว่า ผมต้องดูแลตัวเอง ต้องรักษาตัวเอง ต้องเอาใจใส่ตัวเองให้มากๆ มากกว่าใคร

ผมไม่เข้าใจ ไม่พยายามเข้าใจ ผมแค่ใช้ชีวิตไปให้เหมือนกับคนอื่น พยายามไม่ทำตัวแปลกแยก เพื่อที่อย่างน้อยผมจะได้ปลอบประโลมตัวเองได้ว่า ‘ผมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งบนโลกกว้างใบนี้ไม่ได้ต่างจากใคร’

จนกระทั่งวันนั้น วันที่ถ้าหากว่าไม่ได้ ‘เขา’ ผมคงสูญสิ้นทุกอย่าง ไม่หลงเหลือแม้แต่ความเป็นตัวเอง...




‘ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อย! ปล่อยไง มาจับผมทำไม??’

‘จับเพราะอยากจับไง เป็นผู้ชายเหมือนกัน จะมาหวงตัวทำไมวะ?’

‘ผมไม่รู้จักพวกคุณ ปล่อยผมนะ ผมจะไปหาพี่ชายผม’

‘อย่าเอาพี่ชายมาอ้างหน่อยเลย... ไปสนุกกับพวกพี่ดีกว่า พี่มีเรื่องสนุกๆ ให้ทำเยอะเลยนะ’

‘ใช่ เป็นผู้ชายตัวขาวๆ นุ่มนิ่มๆ แบบนี้ รับรอง โดนไปสักทีมีติดใจ ฮ่าๆๆๆ’

‘ฮึก... ไม่เอา อึก.. ปล่อยผม ผมไม่ไป’

‘ร้องไห้ทำไมหนุ่มน้อย เก็บเสียงร้องไว้ตอนอื่นดีกว่านะ ฮ่าๆๆๆ’

‘อย่าทำอะไรผมเลย ฮึก... ผมขอร้อง อย่าทำอะไรผมเลยนะ ผม.. ผม.. ฮืออ’

‘รำคาญ! เล่นตัวอยู่ได้ ท้องก็ไม่ได้ แค่สนุกๆ เสือกมาร้องไห้คร่ำครวญ พวกมึงก็รีบๆ ลากไปหลังโรงเรียนเหอะ เดี๋ยวแม่งก็มีใครโผล่มาเห็นพอดี’

‘อย่าทำผมเลยนะ ผม.. ผมไม่เหมือนเด็กผู้ชายคนอื่น... ฮืออออ’

‘ไม่ต้องฟังแม่งละ กูบอกให้ลากไปไง!! เร็ว!’

‘ไม่เอา ฮือออ ผมไม่ไป ช่วยด้วย ใครก็ได้ ช่วยด้วย’

‘ใครจะช่วย...’

‘พวกมึงทำเหี้ยอะไรกันเนี่ย!! ปล่อยน้องเขาเดี๋ยวนี้นะ!!!’





และนั่นคือจุดเริ่มต้นเรื่องราวระหว่างเรา ... เรื่องราวความรักของผม

.
.
.

To Be Continue

-----------------------------------------------------------------

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ ชอบไม่ชอบยังไงบอกกันได้น้าาา แล้วเจอกันแชปเตอร์แรกเร็วๆ นี้จ้า
ขอบคุณค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [Mpreg] ☆YOUnivers☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-07 : Prologue)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-02-2020 00:32:16
รอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: [Mpreg] ☆YOUnivers☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-07 : Prologue)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 08-02-2020 15:49:25
น่าสนใจ



ตามมมมม
หัวข้อ: Re: Up #1st [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-11 : Universe 1st)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 11-02-2020 18:35:25
**warning: มีเนื้อหาบางฉากบางตอนที่อาจจะไม่เหมาะสมทางการใช้ภาษา และมีความรุนแรงทางเพศ โปรดใช้วิจารณญานและทำความเข้าใจในการอ่านด้วยนะคะ**

Universe 1st - The first time we met


‘น้องไนล์ พี่เทมส์เค้าลืมหนังสือที่ใช้ทำรายงานไว้ น้องไนล์เอาไปให้พี่เทมส์ที่โรงเรียนหน่อยได้ไหมลูก พอดีแม่ติดคุยงาน เดี๋ยวแม่ให้ลุงชัยขับรถไปส่ง’


วันนั้นก็เป็นวันธรรมดาหนึ่งวัน วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ใครหลายๆ คนคงนอนหลับพักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่ผมกลับถูกแม่ไหว้วานให้เอาของที่พี่ชายลืมไว้ที่บ้านมาให้พี่ที่โรงเรียนมัธยมปลายที่พี่ผมเรียนอยู่ เพราะพี่ต้องมาทำรายงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ

ผมในวัยสิบสี่ย่างสิบห้าปีรู้สึกดีใจมากที่รับมอบหมายหน้าที่สำคัญ จึงรีบกระตือรือร้นออกจากบ้านมาทำหน้าที่ตามที่แม่บอก ซึ่งสำหรับคนอื่นแล้วอาจจะมองว่ากับอีแค่เอาของมาให้พี่ชายที่อายุห่างกันสามปีที่โรงเรียนผมจะดีใจอะไรนักหนา
แต่เชื่อเถอะว่าสำหรับคนโลกแคบอย่างผม คนที่ไปไหนก็ต้องมีแม่หรือไม่ก็พ่อหรือไม่ก็พี่ชายต้องตามประกบดูแลทุกฝีก้าว การได้ออกมาโรงเรียนมัธยมปลายของพี่ชายโดยไม่มีพ่อหรือแม่ตามออกมาด้วยนี่คงเป็นอะไรที่ตื่นเต้นที่สุดแล้วในรอบสิบห้าปีตั้งแต่ผมเกิดมา

แม้ว่าการออกมาในครั้งนี้แม่จะให้ลุงชัยคนขับรถคอยตามดูแลใกล้ชิดก็เถอะ แต่ลุงชัยก็ขัดใจอะไรผมมากไม่ได้หรอก แกตามใจผมจะตาย

“ลุงรอไนล์ที่นี่ก็ได้ครับ เดี๋ยวไนล์เดินเอาเข้าไปให้พี่เทมส์ในโรงเรียนเอง วันนี้วันหยุด ประตูโรงเรียนเขาไม่เปิดให้ลุงขับรถเข้าไปหรอก”

ผมบอกกับลุงชัยคนขับรถคนเก่าคนแก่ของที่บ้าน ที่พ่อกับแม่มักจะไว้ใจให้พาผมไปไหนมาไหน ลุงชัยมีสีหน้ากระอักกระอ่วนนิดหน่อยตอนได้ยินผมบอกแบบนั้นออกไป ... ก็บอกแล้วว่าผมน่ะ ไม่ค่อยได้ไปไหนคนเดียวหรอก

“จะดีเหรอครับคุณหนู ให้ลุงจอดรถ แล้วเดินเข้าไปเป็นเพื่อนดีกว่าไหมครับ”

“ไนล์เดินเข้าไปได้จริงๆ นะครับลุง จอดรถทิ้งไว้ไม่มีคนเฝ้าไม่ดีหรอก ลุงรออยู่ที่นี่แหละ พี่เทมส์คงออกมารอรับไนล์แถวๆ ประตูแล้ว ลุงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

ผมพยายามพูดกล่อม บอกตามตรงว่าไหนๆ ก็ได้มาโรงเรียนพี่เทมส์ทั้งที ผมก็อยากจะเดินเล่นทัวร์โรงเรียนพี่เทมส์สักหน่อย เพราะถึงแม้เราสองคนจะเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่ฝั่งมัธยมต้นกับมัธยมปลายมันอยู่แยกกัน และแน่นอนว่าผมไม่เคยได้รับอนุญาตให้มาที่ฝั่งมัธยมปลายเท่าไหร่

พี่เทมส์บอกว่าพวกเด็กโต โดยเฉพาะเด็กมัธยมปีสุดท้ายแบบพี่เทมส์มักจะชอบทำอะไรแผลงๆ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าไอ้คำว่าแผลงๆ ของพี่เทมส์เนี่ยคืออะไร แต่ถ้าพี่เทมส์ไม่ให้มาก็คือไม่ให้ ดังนั้นทุกครั้งพี่เทมส์จึงเป็นฝ่ายไปหาผมเองฝั่งมัธยมต้นตลอด

... แต่บางทีผมก็นึกอยากจะเปิดหูเปิดตาบ้าง ผมอายุห่างจากพี่ชายแค่สามปี แต่ทุกคนทำเหมือนผมอายุสามขวบก็ไม่ปาน ละนี่หมดเทอมนี้พี่เทมส์ก็จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ส่วนผมเองก็ต้องย้ายมาอยู่ฝั่งมัธยมปลายเหมือนกัน จะไม่ผมสำรวจอะไรเลยก็ดูจะใจร้ายเกินไปหน่อยจริงไหม

“ถ้างั้นคุณหนูต้องรีบเดินไปหาคุณหนูเทมส์ ไม่เถลไถลนะครับ ตกลงไหม”

ผมยิ้มกว้างทำตาใสใส่ลุงชัย พยายามซ่อนนิ้วที่ไขว้ไว้ข้างหลังก่อนจะรับปากให้อีกฝ่ายสบายใจ

“ตกลงครับ ไนล์สัญญาว่าจะรีบไปรีบกลับไม่ให้ลุงชัยเป็นห่วง”
.
.
.
ผมเดินลัดเลาะไปตามทางที่แม่บอกไว้คร่าวๆ อันที่จริงพี่เทมส์ไม่ได้จะมารอรับอะไรอย่างที่ผมบอกลุงชัยหรอก แม่บอกว่าพี่เทมส์จะนั่งทำรายงานรออยู่ที่ใต้อาคารเรียนให้ลุงชัยเดินไปพร้อมกับผม แต่ผมเองกลับเลือกที่จะไม่บอกลุงชัย เพราะถ้าลุงชัยมาด้วย มีหวังก็คงได้รีบเดินจ้ำๆ ไม่ได้มาสำรวจอะไรแบบนี้แน่

ผมหันมองไปรอบๆ ด้วยความชอบใจ ฝั่งมัธยมปลายสนามฟุตบอลกว้างกว่าฝั่งมัธยมต้นอีก แถมยังมีม้านั่งเป็นหย่อมๆ เยอะแยะไปหมด อาคารเรียนก็อยู่ห่างกันไม่มาก ไม่เหมือนกับฝั่งผม เวลาเปลี่ยนห้องเรียนทีนี่เดินกันจบหอบ

หลายๆ อย่างของที่นี่ทำให้ผมนึกชอบแต่เห็นจะมีข้อเสียอยู่อย่างตรงที่ว่า พออาคารเยอะ ซอกหลืบหลังอาคารที่ตั้งอยู่ไม่ห่างกันมา ก็เยอะตามไปด้วย ยิ่งพอประกอบกับบรรยากาศเงียบๆ ไร้ผู้คนแบบนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหวิวๆ เข้าไปใหญ่ ผมเลยตัดสินใจซอยเท้าขึ้นเร็วอีกนิดเมื่อเห็นอาคารเรียนที่พี่เทมส์รออยู่ไม่ไกลจากกรอบสายตา

“อ๊ะ!”

ผมชะงักฝีเท้ากึก เมื่อจู่ๆ ก็มีรุ่นพี่ผู้ชายตัวใหญ่สามคนมายืนล้อมผมไว้ พวกเขาอยู่ในชุดไปรเวทเดาว่าอาจจะมานั่งทำรายงานเหมือนพี่เทมส์ แต่ลักษณะของพวกเขาดูไม่เหมือนนักเรียนมัธยมปลายสักนิดแถมยังมีกลิ่นบุหรี่ลอยอบอวลอยู่รอบตัวจนทำให้ผมรู้สึกไม่ดี

“ขะ..ขอทางหน่อยครับ”

ผมตัดสินใจเอ่ยบอก ยอมรับว่ารู้สึกไม่สบายใจมากๆ แล้วยิ่งพวกพี่เขายืนขวางทางตีโอบผมไว้ทุกด้านแบบนี้ผมยิ่งกลัวไปหมด มือที่ถือหนังสือของพี่เทมส์ถูกยกขึ้นมากอดอยู่กลางอก ราวกับว่าหนังสือและวงแขนเล็กๆ ของตัวเองจะป้องกันผมจากสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยในยามนี้ได้

“จะรีบไปไหนครับ อยู่คุยเล่นกันพวกพี่ก่อนสิ”

คนที่ตัวโตที่สุดในกลุ่มและยืนอยู่ตรงหน้าผมสืบเท้าเข้ามาใกล้ตอนเอ่ยพูดประโยคนั้นให้ผมต้องถอยเท้าหนี แต่ก็หนีได้ไม่กี่ก้าว เพราะดันถอยไปชนกับพี่ผู้ชายอีกคนที่ยืนประกบอยู่ด้านหลัง

ตัวผมเริ่มสั่น สัญญาณเตือนว่าอันตรายดังลั่นในหัวจนผมนึกกลัว

“ผม.. ผมมาหาพี่ชายครับ พี่ชายผมรออยู่ ขะ..ขอผมไปเถอะนะครับ”

ผมเอาพี่เทมส์ขึ้นมาอ้าง เพื่อที่ว่าถ้าอย่างน้อยพวกนี้รู้ว่ามีคนรอผมอยู่ไม่ได้มีแค่พวกเขาลำพังในโรงเรียนนี้ เขาจะนึกกลัวและไม่กล้าทำอะไรที่แย่ๆ ใส่ผม

แต่ดูเหมือนว่าผมจะมองโลกแง่ดีเกินไป

“ที่นี่ไม่มีใครหรอกนอกจากพวกพี่ ไปกับพวกพี่ดีกว่าไปหาอะไรสนุกๆ ทำกัน”

คนตัวโตกว่าคนเดิมเริ่มเข้ามาประชิดและอาศัยจังหวะที่ผมไม่ทันตั้งตัวฉวยเข้าที่ข้อมือ ทำให้ผมตกใจเผลอสะบัดจนหนังสือของพี่เทมส์ตกลงกับพื้น

“หึๆ ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก จะได้จัดให้!”

คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมคนเดิมหันไปพยักเพยิดส่งสัญญาณให้กับเพื่อนอีกสองคนที่เหลือที่ยืนประกบผมอยู่ กว่าผมจะรู้ตัว ผมก็ถูกสองคนที่ว่าตรงเข้ามาจับแขนทั้งสองข้างของผมไว้ ผมตกใจมาก รู้แค่ว่าต้องตะโกนให้ดังที่สุดโดยที่มีความหวังอยู่น้อยนิดว่าพี่ชายผมจะได้ยิน

"พี่เทมส์ช่วยไนล์ด้วย" แต่ก็เปล่าประโยชน์ เพราะมันไกลเกินกว่าที่พี่ชายผมจะได้ยิน “ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อย! ปล่อยไง มาจับผมทำไม??”

ผมทั้งร้องโวยวายทั้งดิ้นสะบัด แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าสองคนข้างๆ นี่จะปล่อยผมสักนิด ในขณะที่คนตัวโตที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ก้าวเข้ามาประชิด พร้อมทั้งยื่นมือมาบีบคางผมไว้จนเจ็บ

“จับเพราะอยากจับไง เป็นผู้ชายเหมือนกัน จะมาหวงตัวทำไมวะ?” มันพูดด้วยสีหน้ายิ้มย่อง ดูชอบใจที่ผมกลัวจนตัวสั่นแบบนี้

“ผมไม่รู้จักพวกคุณ ปล่อยผมนะ ผมจะไปหาพี่ชายผม” ผมพยายามสะบัดตัวออกถึงแม้ว่าใกล้จะร้องไห้แล้วเต็มทีก็ตาม

“อย่าเอาพี่ชายมาอ้างหน่อยเลย... ไปสนุกกับพวกพี่ดีกว่า พี่มีเรื่องสนุกๆ ให้ทำเยอะเลยนะ”

“ใช่ เป็นผู้ชายตัวขาวๆ นุ่มนิ่มๆ แบบนี้ รับรอง โดนไปสักทีมีติดใจ ฮ่าๆๆๆ”

แต่พวกมันก็ยังคงไม่ปล่อย มันยังคงพูดด้วยสีหน้าสนุกสนานราวกับผมเป็นของเล่นชิ้นใหม่ที่ถูกตาต้องใจพวกมัน และมันจะไม่มีวันปล่อยผมไปง่ายๆ แน่ๆ

และในตอนนั้นเองที่ความกลัวผมพุ่งถึงขีดสุด น้ำตาแห่งความตกใจ เสียใจ ตื่นตระหนก ไหลปะปนออกมาจากตากลมของผมไม่หยุด

ผมนึกชิงชังตัวเองที่อ่อนแอไม่แม้แต่จะดิ้นหลุดจากมือใหญ่ๆ ของคนที่นิสัยไม่ดีได้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ผมตระหนักได้ถึงความหวังดีของพ่อของแม่และของพี่เทมส์รวมไปถึงลุงชัยที่นั่งรออยู่ที่รถว่าทำไมพวกเขาจึงไม่เคยปล่อยให้ผมไปไหนมาไหนคนเดียว

นั่นก็เพราะทุกที่มันอันตราย มนุษย์ทุกคนก็อันตราย อันตรายอย่างมากกับคนแปลกประหลาด คนที่ไม่เหมือนและแตกต่างจากคนอื่นแบบผม

“ฮึก... ไม่เอา อึก.. ปล่อยผม ผมไม่ไป” ผมได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นและสะบัดตัวอย่างสิ้นหวัง เพราะพี่เทมส์ไม่ได้มาปรากฎตัวเพื่อช่วยเหลืออย่างที่ผมคิดไว้

มันคงไกลเกินไป ไกลเกินกว่าพี่ชายของผมจะได้ยินเสียงร้องไห้อันน่าเวทนาของผม เสียงร้องไห้ของเด็กดื้อที่ตอนนี้กำลังโดนลงโทษ เพราะเผลอคิดไปว่าตัวเองเป็นคนๆ หนึ่งที่ไม่ต่างจากคนอื่นบนโลกบนี้

“ร้องไห้ทำไมหนุ่มน้อย เก็บเสียงร้องไว้ตอนอื่นดีกว่านะ ฮ่าๆๆๆ”

“อย่าทำอะไรผมเลย ฮึก... ผมขอร้อง อย่าทำอะไรผมเลยนะ ผม.. ผม.. ฮืออ”

คำพูดกักขฬะของพวกมันยิ่งทำให้ผมร้องไห้ ผมกลัวและรู้ดีว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่มีใครผ่านมาช่วยหรือเห็นผม และมันจะเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิตผม เลวร้ายเกินกว่าที่ผมจะจินตนาการได้

“รำคาญ! เล่นตัวอยู่ได้ ท้องก็ไม่ได้ แค่สนุกๆ เสือกมาร้องไห้คร่ำครวญ พวกมึงก็รีบๆ ลากไปหลังโรงเรียนเหอะ เดี๋ยวแม่งก็ใครโผล่มาเห็นพอดี”

ผมตาเหลือกโตทันทีเมื่อได้ยินว่าพวกมันจะลากผมไปที่ไหน เพราะถ้าพวกมันสามารถทำแบบนั้นได้ โอกาสที่ผมจะรอดย่อมเป็นศูนย์แน่ๆ นั่นทำให้ผมต้องขอร้องพวกมันทั้งน้ำตา และกำลังจะตัดสินใจบอกความลับที่ผมกดมันไว้ลึกจนสุดใจ เผื่อพวกมันจะเห็นใจคนประหลาดอย่างผมบ้าง ... ซึ่งไม่แน่ ผมอาจจะโชคดีมากกว่านั้นเพราะถ้าพวกมันรู้ความจริงแล้วนึกรังเกียจ มันอาจจะยอมปล่อยผมไปก็ได้

“อย่าทำผมเลยนะ ผม.. ผมไม่เหมือนเด็กผู้ชายคนอื่น... ฮืออออ”

... แต่ผมก็ใจไม่กล้าพอที่จะพูดมันออกไป ความลับที่มีแค่ผมและครอบครัวผมที่รู้

“ไม่ต้องฟังแม่งละ กูบอกให้ลากไปไง เร็ว”

“ไม่เอา ฮือออ ผมไม่ไป ช่วยด้วย ใครก็ได้ ช่วยด้วย” ผมได้แต่ร้องขออย่างสิ้นหวัง ไม่มีใครผ่านมาเลยสักคนจนกระทั่งถึงตอนนี้

“ใครจะช่วย...” และในจังหวะที่พวกมันกำลังจะพาผมออกไปจากตรงนั้น เสียงทุ้มของเขาคนนั้นก็ดังขึ้น

... เขาที่ผมไม่มีวันลืม

“พวกมึงทำเหี้ยอะไรกันเนี่ย!! ปล่อยน้องเขาเดี๋ยวนี้นะ!!”

ผมดีใจจนร้องไห้ออกมาอีกรอบ ผมนึกว่าจะไม่มีใครมาช่วยผมแล้ว แต่จู่ๆ ก็มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งตัวโตสูงพอๆ กับไอ้หัวหน้าแก็งค์ที่จับผมอยู่ โผล่พรวดออกมาจากซอกตึกมาขวางไว้ สีหน้าของพี่เขาดูไม่พอใจมากตอนมองไปยังพวกมัน แต่พอพี่เขาหันกลับมามองผมที่ถูกพวกมันจับอยู่แววตาคมก็อ่อนแสงลงอย่างอ่อนโยน
และนั่นทำให้ผมนึกรู้ว่าผมจะปลอดภัย ถ้ายังมีพี่เขาอยู่ตรงนี้

“ไม่ใช่เรื่องของมึง มึงอย่าเสือก” ไอ้หัวหน้าแก็งค์ตวาดแต่พี่เขาก็ไม่ถอยหนี

“กูจะเสือก! ดูก็รู้ว่าน้องเขาไม่เต็มใจไปกับพวกมึง แล้วพวกมึงมีสิทธิ์อะไรมาบังคับถูลู่ถูกังเขาแบบนี้?!”

พี่ที่ใจดีคนนั้นตวาดกร้าวจนผมเห็นว่าไอ้คนที่จับแขนผมแอบสะดุ้ง แต่ดูเหมือนว่าไอ้หัวหน้าแก็งค์มันจะไม่ได้สะทกสะท้านสักเท่าไหร่ เพราะมันยังหันมากำชับเพื่อนมันด้วยสายตาว่าไม่ให้ปล่อยให้ผมหลุดมือ

“พี่ครับ พี่ช่วยผมด้วย ผม.. ฮึก ผมไม่อยากไปกับพวกนี้”

ผมรีบละล่ำละลักบอกพี่คนนั้นเพื่อให้เขาได้รับรู้ว่าสิ่งที่เขาคิดไว้นั้นถูก ผม.. ไม่ได้เต็มใจไปกับพวกนี้สักนิด ไม่สิ ผมไม่เต็มใจให้พวกมันถูกตัวเลยด้วยซ้ำ

“มึงได้ยินที่น้องเขาพูดแล้วใช่มั้ย? ปล่อยน้องเขาเดี๋ยวนี้!”

พี่คนใจดีไม่พูดเปล่าแต่กลับสืบเท้าเข้ามาช้าๆ อย่างไม่เกรงกลัว ทั้งที่อีกฝ่ายมีถึงสามคนก็ตาม

“กูไม่ปล่อย แล้วไงมึงจะทำอะไรกู? น้ำหน้าอย่างมึงจะทำอะไรได้?”

ไอ้หัวหน้าแก็งค์มันลอยหน้าลอยตาท้าทาย ซึ่งพี่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่อาศัยทีเผลอกระโดดถีบเข้ากลางยอดอกไอ้หัวหน้าแก็งค์จนหงายหลังลงไปนอนกับพื้น

ผมอ้าปากค้าง น้ำหูน้ำตาที่กำลังไหลเปรอะสองข้างแก้มดูเหมือนจะหยุดชะงัก ไอ้สองคนที่จับผมอยู่ก็ดูเหมือนจะตกใจจนตัวแข็งไปเลยเหมือนกัน ซึ่งพี่คนใจดีก็อาศัยจังหวะนี้พุ่งเข้าไปยกเท้าเหยียบอกไอ้หัวหน้าแก็งค์ที่นอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นไว้

“กูให้โอกาส จะวิ่งหนีไปหรือจะลงไปนอนวัดพื้นแบบเพื่อนมึง... หรือจะเข้ามาพร้อมกันก็ได้ กูได้หมด”

หน้าตาคนถามดูเอาจริงและไม่ได้มีวี่แววของการพูดเล่นสักนิดในขณะที่ไอ้หัวหน้าแก็งค์ก็พยายามจะลุกขึ้นมาแต่เจอพี่เขาใช้เท้าขยี้อกซ้ำๆ จนมันได้แต่นอนโอดโอยอยู่กับพื้น

ก่อนที่พี่เขาจะทำให้ผมตกใจรอบสองด้วยการยกเท้าขึ้นแล้วกระทืบซ้ำๆ ลงบนหน้าอกและหน้าท้องของไอ้หัวหน้าแก็งค์ที่ตอนนี้ส่งเสียงร้องครวญครางราวกับเจ็บปวดเสียเหลือเกิน

และแน่นอนว่าตอนนี้ไอ้สองคนที่จับแขนผมไว้แน่นก่อนหน้าก็วิ่งหนีจนหางจุกตูดไปเรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่ไอ้หัวหน้าแก็งค์ที่นอนเป็นสนามอารมณ์ให้พี่เขาระบายน้ำหนักจากปลายเท้าใส่ไม่หยุด

“พี่.. พะ พี่ครับพอแล้ว”

ผมรีบวิ่งเข้าไปห้าม ด้วยการเอื้อมมือไปแตะที่ท่อนแขนแกร่งอย่างกล้าๆ กลัวๆ และเหมือนพี่เขาจะเพิ่งรู้ตัว ถึงได้หันมามองผมเต็มตาในที่สุด

“....”

“พะ พอแล้วครับ ผม.. ผมกลัวว่าเดี๋ยวพวกนั้นจะไปแจ้งตำรวจแล้วมาเอาเรื่องพี่ ผมไม่อยากให้พี่เดือดร้อนเพราะผม”

ผมบอกในสิ่งที่ตัวเองคิดให้พี่เขาได้ชะงักเท้าที่กำลังจะกระทืบไอ้หัวหน้าแก็งค์อีกรอบ ก่อนที่จะก้มลงไปขยุ้มคอเสื้อมันแล้วลากมันลุกขึ้นยืน

“ไปให้พ้นหน้ากู แล้วอย่าให้กูรู้ว่ามึงรังแกคนอื่นแบบนี้อีก” พี่คนใจดีพูดเสียงเข้ม “ละถ้าคิดจะไปแจ้งความก็ให้รู้ไว้เลยว่ากูจะแจ้งกลับ คดีทำร้ายร่างกายเพราะช่วยเหลือคนเดือดร้อนกับคดีลักพาตัวชาวบ้านเพื่อไปทำเรื่องเลวๆ เนี่ย ต่อให้มึงโง่แค่ไหนก็น่าจะนึกออกนะว่าอะไรคดีไหนที่จะมีโอกาสติดคุกมากกว่ากัน!!... ไป!!”

พี่คนใจดีเหวี่ยงไอ้หัวหน้าแก็งค์ลงไปนอนกับพื้นอีกรอบ ก่อนที่มันจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปหายไปทางเดียวกับเพื่อนมัน

ผมจ้องมองแผ่นหลังของผู้มีพระคุณด้วยความซาบซึ้งใจ ความหวาดกลัวที่มีก่อนหน้าหายไปสิ้น หัวใจดวงน้อยที่เคยเต้นแรงเพราะความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยก่อนหน้า ตอนนี้กลับเต้นแรงเพียงเพราะผู้ชายคนที่เพิ่งช่วยชีวิตผมหันกลับมามอง ผมรีบก้มหน้ามองพื้นทันทีเนื่องจากไม่กล้าสบตาเขา

“ไงเรา เจ็บตรงไหนไหม?”

“มะ.. ไม่ครับ” ผมตัดสินใจเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วผมก็พบว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิด เพราะดูเหมือนว่าหัวใจของผมจะเต้นแรงเร็วมากกว่าเดิมเสียอีก “ขอบคุณนะครับที่พี่มาช่วยไว้ได้ทัน”

และก็เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะตายเพราะอาการหัวใจเต้นเร็วผิดปกติแค่เพียงเห็นพี่เขายิ้มให้เท่านั้น

“ไม่เป็นไรแต่คราวหลังต้องระวังตัวรู้ไหม มาเดินในที่เปลี่ยวๆ เงียบๆ คนเดียวไม่น่าจะดี ละยิ่งตัวบางๆ ผอมๆ แบบนี้จะยิ่งถูกรังแกง่าย”

พี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนใจดี ทำเอาผมแสดงสีหน้าไม่ถูกรู้แค่ว่าหัวใจเต้นแรงมากๆ แรงจนเจ็บอก สุดท้ายก็ต้องเผลอเอามือยกขึ้นมากุมหน้าอกไว้หลวมๆ

“เจ็บหน้าอกเหรอ?”

พี่เขาดูตกใจมากถลาเข้ามาหาผมหน้าตาตื่น ให้ผมต้องถอยหลังหนีพลางยกมือขึ้นมาโบกพัลวัน

... ไม่ได้รังเกียจหรือกลัว เพียงแต่ผมห่วงว่าพี่เขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นดังจนน่าเกลียดของผม

“ปะ.. เปล่าครับ ไม่ได้เจ็บ ผมแค่.. เอ่อ เอ่อ..”

“แค่...?” พี่เขาเลิกคิ้วถามผมด้วยท่าทีล้อเลียน จนทำเอาผมรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า

“อะ.. อ้อ! แค่กำลังคิดว่าหนังสือที่ถือมาด้วยอยู่ไหนน่ะครับ” ผมนึกหาข้ออ้างได้เลยรีบตอบให้พี่เขาต้องหัวเราะออกมาเบาๆ

“หึ” ก่อนที่พี่เขาจะเขยิบไปด้านข้างแล้วก้มลงหยิบหนังสือเล่มที่ว่าขึ้นมาให้ผม “เล่มนี้ใช่ไหม?”

“ใช่ครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้ ก่อนจะเอื้อมไปรับจากมือพี่ชายคนใจดีที่ว่า “ขอบคุณพี่มากนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาช่วย ขอบคุณที่เป็นห่วง ขอบคุณที่หยิบหนังสือให้... ถ้าวันนี้ผมไม่ได้พี่ ผมต้องตายแน่ๆ”

ผมพูดเสียงแผ่ว ความรู้สึกตื่นกลัวจนตัวสั่นกลับเข้ามาอีกครั้ง ก่อนที่ทุกอวัยวะในร่างกายผมจะหยุดทำงานเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆ เบาๆ ที่สัมผัสลงมาบนศีรษะตัวเอง

“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร พี่ยินดีช่วย ขอแค่ครั้งหน้าเราดูแลตัวเองให้ดีก็พอ”

ผมเงยหน้าสบตาคมดำสนิทคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ใจดี ก่อนจะก้มหน้างุดแล้วพยักหน้ารับคำสั่งสอนที่เต็มไปด้วยความห่วงใยพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ที่แต่งแต้มอยู่บนริมฝีปากของตัวเอง

“ครับ ผมจะดูแลตัวเองดีๆ ... แล้วผมก็สัญญาว่าโตขึ้นผมจะตอบแทนพี่ พี่ช่วยชีวิตผมไว้ ผมจะไม่มีวันลืม”

“หึๆ” พี่เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบหัวผมอีกสองสามทีก่อนจะลดมือลงแล้วเอื้อมมาหยิกเบาๆ ที่แก้มผมราวกับจะหยอกล้อ “ตัวแค่นี้จะตอบแทนพี่ไหวหรอ ฮึ?”

ผมส่งยิ้มกว้างให้พี่ชายใจดีตรงหน้า ทั้งที่ใจเต้นแรงจนเจ็บอกไปหมด

“ไหวสิครับ ไหวแน่ๆ ไม่เชื่อพี่รอดูได้เลย”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับจะบอกย้ำว่านี่คือคำสัญญาของผม พี่คนใจดีไม่รู้หรอกว่าวันนี้ที่เขาช่วยผมไว้มันยิ่งใหญ่ในใจผมขนาดไหน เพราะถ้าพี่เขามาไม่ทันจนผมถูกพวกนั้นล่วงเกิน ผมต้องอยู่เหมือนตายทั้งเป็นแน่ๆ แล้วหนำซ้ำถ้ามีอะไรผิดพลาด... ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าผมจะใช้ชีวิตต่อไปได้ยังไง

เพราะฉะนั้น ผมถือว่าผมเป็นหนี้ชีวิตพี่คนใจดีคนนี้ ต่อให้โตขึ้นแม้จะยากลำบากแค่ไหนผมก็จะตอบแทนพี่เขาให้จนได้

“อ่ะๆ ตอบแทนก็ตอบแทน ตัวก็นิดเดียวทำไมดื้อนักนะเรา” พี่เขาพูดขำๆ ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมามองเวลาแล้วก็สะดุ้งเล็กๆ ราวกับนึกขึ้นได้

“เฮ้ย! พี่ต้องไปแล้ว เพื่อนพี่คงรออยู่”

ผมพยักหน้ารับแม้จะแอบเสียดายเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยากทำให้พี่เขาเสียเวลากับผมมากไปกว่านี้ แค่นี้ก็รบกวนพี่เขามากแล้ว

“ครับ ว่าแต่พี่ชื่อ...”

“พี่ไปนะ ไว้เจอกัน!!”

พี่เขาไม่รอให้ผมถามจบ แต่กลับออกวิ่งไปก่อนโดยที่ผมทำได้แค่มองตามอย่างเสียดาย เพราะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่เขาเลยแม้แต่ชื่อแซ่ก็ถามไม่ทัน

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้ก็คือหัวใจผมเต้นแรงจนเจ็บไปหมดยามพี่เขายืนอยู่ตรงหน้า... ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรแต่ผมรู้แค่ว่ามันเป็นการใจเต้นในแง่ที่ดี

ไม่เป็นไร ยังไงผมก็จะต้องตามหาพี่เขาให้เจอ และผมก็ต้องตอบแทนพี่เขาให้ได้ในอนาคต ไม่ว่าพี่เขาจะอยากได้อะไรจากผมก็ตาม...
.
.
.
To Be Continue

------------------------------------------------------------------

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ แล้วเดี๋ยวตอนหน้ามาลุ้นกันค่ะว่าน้องไนล์จะได้เจอพี่คนใจดีอีกเมื่อไหร่ ... ^^

ชอบไม่ชอบคอมเม้นท์บอกกันได้นะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยค่ะ ... รัก ♡
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-11 : Universe 1st)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-02-2020 14:58:32
มาไว ไปไว555
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-18 : Universe 2nd)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 18-02-2020 21:44:39
warning: เนื้อหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ไม่ได้อ้างอิงจากข้อเท็จจริงทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์แขนงใด เป็นเพียงจิตนาการที่เกิดขึ้นจากผู้แต่งเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ



Universe 2nd : Too Late



“นทีธัชช์ พี่ต้องการคำตอบดีๆ สักคำตอบว่าทำไมเราไม่เอาหนังสือไปให้พี่ ปล่อยให้พี่รอตั้งนานแถมยังต้องมาโกหกแม่ให้เราอีกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีทั้งที่ไม่ได้เรียบร้อยเลยสักนิด”

ผมนั่งก้มหน้านิ่งอยู่บนเตียงพี่เทมส์ที่ตอนนี้เจ้าของเตียงกำลังยืนกอดอกจ้องหน้าผมเขม็ง แถมน้ำเสียงที่ใช้ยังดุมากๆ อีก ผมรู้ได้ในทันทีเลยว่าตอนนี้พี่เทมส์กำลังโกรธผมมากแน่ๆ

“มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นนิดหน่อยครับ” ผมอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง รับรองได้ว่าจากนาทีนี้เป็นต้นไปผมต้องถูกพี่เทมส์ดุยกใหญ่แน่ๆ

“อุบัติเหตุ? อุบัติเหตุอะไร? บอกพี่มาเดี๋ยวนี้นะไนล์” พี่เทมส์ทรุดตัวลงนั่งข้างผม ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงจริงจังทำเอาผมต้องก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาพี่ชายตัวเองแม้แต่น้อย

“แต่ไนล์กลัวพี่เทมส์ดุ ไนล์ไม่กล้าเล่า” ผมพูดเสียงแผ่วให้พี่ชายที่นั่งข้างกันได้ถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะวาดแขนมาโอบไหล่ผมแล้วดึงผมเข้าไปกอด

พี่เทมส์จูบหนักๆ มาที่ขมับผม ผมหลับตาซึมซับความอ่อนโยนที่พี่ชายของผมมักจะแสดงออกกับผมบ่อยๆ เอาไว้ ก่อนที่เสียงทุ้มที่แสนจะคุ้นหูในความทรงจำของผมจะดังขึ้นอย่างอบอุ่นไม่เจือความจริงจังเท่าในตอนแรก

“พี่เคยดุไนล์ได้เกินสามประโยคเหรอ? แต่ถึงพี่ดุก็ดุเพราะเป็นห่วงไนล์มาก ไนล์ก็รู้นี่ครับว่าทำไม”

ผมพยักหน้าหงึกๆ อยู่ในอ้อมแขนกว้างที่คุ้นเคยเพราะรู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คนในครอบครัวทำนั่นก็เพราะความหวังดีทั้งนั้น ผมจึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พี่ชายฟังถึงแม้จะโดนดุก็คงเลี่ยงไม่ได้ เพราะยังไงสุดท้ายแล้วผมก็ไม่เคยมีความลับกับพี่เทมส์ได้เลยสักครั้งตั้งแต่เกิดมา

“ตอนที่ไนล์ถึงโรงเรียนพี่เทมส์ ไนล์บอกให้ลุงชัยรออยู่ที่รถ ไม่ต้องเข้าไปด้วยกัน เพราะไนล์อยากเดินเล่นสำรวจนั่นนี่นิดหน่อย ไนล์กลัวว่าถ้าลุงชัยลงมาด้วยกันแล้วไนล์จะเถลไถลไม่ได้”

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ตอนที่ภาพต่างๆ เมื่อตอนกลางวันไหลย้อนเข้ามาในความทรงจำ ตัวผมเริ่มสั่นเพราะความกลัวที่อยู่ลึกๆ ในใจ ก่อนที่ใบหน้าใจดีของพี่ชายคนนั้นจะปรากฎขึ้น ทำให้ตัวที่เริ่มสั่นและความกลัวที่ผุดขึ้นมาจะค่อยๆ บรรเทาลงจนผมควบคุมตัวเองได้ในที่สุด

“แต่ตอนที่ไนล์กำลังจะเดินถึงอาคารเรียนที่พี่รออยู่ จู่ๆ ไนล์ก็เจอผู้ชายตัวใหญ่ๆ สามคนเข้ามาล้อมไว้ เขา.. พวกเขา..” ผมเริ่มเลียริมฝีปากที่อยู่ๆ ก็แห้งผาก ในขณะที่อ้อมกอดของพี่เทมส์ก็ดูเหมือนจะแน่นขึ้นโดยไม่มีสาเหตุทั้งที่ผมก็รู้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไร

พี่เทมส์พอจะเดาออกว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น...

“พวกมันได้ทำอะไรไนล์รึป่าว? บอกพี่มาห้ามโกหก”

พี่เทมส์ไม่รอให้ผมเล่าต่อ เขาดันตัวผมออกจากอ้อมกอดพร้อมกับถามคำถามด้วยน้ำเสียงจริงจังและเต็มไปด้วยโทสะ ดวงตาคมปราบที่ได้มาจากผู้เป็นพ่อจ้องมองผมราวกับจะมองหาความจริง ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่เคยโกหกพี่ชายตัวเองได้สักครั้ง เขาถึงมองสบเข้ามาที่ดวงตากลมของผมนิ่งเพราะเขารู้ดีว่าความเป็นจริงทุกอย่างสามารถหาได้จากที่ไหน

“มะ.. ไม่ครับ แค่เกือบ พอดีมีคนมาช่วยไนล์ไว้ได้ทัน”

สีหน้าพี่ชายของผมเปลี่ยนไปจนน่ากลัวเมื่อได้ยินผมบอกแบบนั้น ทำเอาผมต้องโผเข้ากอดเขาไว้แน่น รู้สึกผิดก็รู้สึก กลัวก็กลัว ที่มากที่สุดก็คือกลัวพี่เทมส์จะโกรธ จนพาลให้น้ำตาไหลออกมาดื้อๆ

“พี่เทมส์ ... ฮึก ไนล์ขอโทษ ไนล์ขอโทษครับ ฮืออ ต่อไปไนล์จะไม่ดื้อ ไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”

ผมกอดพี่เทมส์ไว้แบบนั้นจนร่างกายที่เครียดเกร็งของคนเป็นพี่ผ่อนคลายลง และในที่สุดผมก็ได้ยินเสียงพรูลมหายใจออกมาช้าๆ พร้อมกับอ้อมกอดอุ่นๆ ที่โอบล้อมรอบตัวให้ผมได้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“เฮ้อ... พี่ไม่ได้โกรธไนล์ พี่โกรธตัวเอง พี่เกือบเป็นต้นเหตุที่ทำให้ไนล์ถูกทำร้ายและได้รับอันตราย ถ้าพี่ไม่..”

“พี่เทมส์มันไม่ใช่นะ ฮึก.. พี่เทมส์ห้ามพูดแบบนี้ แค่นี้ไนล์ก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว เป็นเพราะไนล์ดื้อเองไนล์ไม่เชื่อฟังที่แม่กับพี่บอก ไนล์เลยต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ อึก..”

พี่ชายของผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเมื่อเห็นว่าผมร้องไห้ไม่หยุด เขาทั้งโอ๋ทั้งปลอบผมอยู่ยกใหญ่ จนผมสงบลงทั้งที่น้ำตายังเปรอะเต็มสองแก้ม

“ไนล์พร้อมจะคุยกับพี่หรือยัง หื้ม?”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่พี่เทมส์จะดันตัวผมออก เพื่อคุยกันดีๆ

“ไนล์รู้ใช่ไหมครับว่าทำไมทั้งพี่ ทั้งแม่ ทั้งพ่อถึงตามประคบประหงมไนล์เหมือนไข่ในหินแบบนี้”


ใช่ผมรู้ ผมรู้ดี... ผมไม่มีทางลืมได้หรอกว่าเพราะความเป็นตัวประหลาดของผมถึงทำให้คนในครอบครัวต้องเป็นห่วงขนาดนี้


“พวกเราไม่อยากให้มีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นกับไนล์ทั้งนั้น ตอนนี้ไนล์ยังเด็กไนล์เลยอาจจะระแวดระวังอะไรได้ไม่มากพอ เดี๋ยวอีกหน่อยถ้าไนล์โตขึ้นมากกว่านี้ดูแลและช่วยเหลือตัวเองได้มากกว่านี้ ตอนนั้นพี่กับพ่อกับแม่อาจจะไม่ต้องตามดูแลไนล์แล้วหรือถ้ามันอาจจะพอมีทางรักษาได้... พี่เลยอยากให้ไนล์อดทน”

“พี่เทมส์ ทำไมไนล์ต้องเป็นแบบนี้ด้วย ไนล์อยากเป็นเหมือนคนปกติคนอื่น ไม่อยากเป็นตัวประหลาดเลย.. ฮึก”

ผมพูดพลางปล่อยให้น้ำตาไหลลงข้างแก้มเงียบๆ นึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง ไม่เข้าใจสักนิดว่าผมไปทำบาปทำกรรมอะไรไว้ทำไมถึงไม่เกิดมาปกติเหมือนคนอื่น


ทำไมต้องเกิดมาประหลาดเป็นผู้ชายแต่กลับตั้งท้องได้เหมือนผู้หญิง


.... นี่แหละความลับของผมและครอบครัว ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเหตุผลเดียวนั่นก็คือ ‘ผมตั้งท้องได้’ และมันก็เป็นความลับที่ติดตัวผมมาแล้วสิบห้าปีเต็มๆ

ครอบครัว นรดิษฐ์โยธิน ของผมมีกันอยู่สี่คนพ่อแม่ลูก ตอนที่เด็กชาย นทีบดี นรดิษฐ์โยธิน เกิดพ่อกับแม่ของผมเลือกที่จะตั้งชื่อเด็กชายโดยใช้ความหมายของชื่อท่านทั้งสองมาอยู่ในชื่อของพี่ชายผม อธิปัตย์ชื่อของพ่อ แปลว่ายิ่งใหญ่ ส่วนนีราภาชื่อของแม่แปลว่า ประกายน้ำ ดังนั้น นทีบดี จึงแปลว่าเจ้าแห่งแม่น้ำ รวมถึงเทมส์ที่เป็นชื่อเล่นก็หมายถึงแม่น้ำสายใหญ่ที่หล่อเลี้ยงประเทศอังกฤษ พี่เทมส์เกิดมาตรงตามใจพ่อกับแม่ทุกอย่าง เขาทั้งฉลาด ทั้งเก่ง ทั้งหน้าตาหล่อเหลา พี่เทมส์แทบจะถอดพ่อมาทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างสูงใหญ่หรือหน้าตาคมคาย ในขณะที่แม่ผมเป็นผู้หญิงร่างเล็ก หน้าตาสวยหวาน ซึ่งพี่เทมส์แทบจะไม่เฉียดมาทางท่านเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นท่านทั้งสองก็ทั้งรักและภูมิใจในตัวพี่เทมส์มาก จนพี่เทมส์เติบโตขึ้นเป็นหนุ่มน้อยน่ารักในวัยสามขวบแม่ผมก็ได้รับข่าวดีว่าตัวเองกำลังตั้งท้องอีกครั้ง ซึ่งเด็กในท้องก็คือผม ... เด็กชายที่เกิดมาพร้อมกับความแปลกประหลาดที่หาสาเหตุไม่ได้

ตอนที่แม่คลอดผมออกมาเป็นเด็กผู้ชายทุกคนก็ดูไม่ประหลาดใจเท่าไหร่ พ่อกับแม่ไม่ได้ผิดหวังเพราะลูกคนที่สองนี้ท่านไม่ได้คาดหวังว่าต้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย พวกท่านเลือกที่ไม่อัลตร้าซาวด์ดูเพศผมแต่เลือกที่จะไปรอลุ้นเอาตอนผมเกิด และพอผมคลอดออกมาทุกคนก็ดีใจมากแต่คนที่ดูเหมือนจะดีใจสุดกลับกลายเป็นพี่เทมส์

พี่เทมส์ผู้ซึ่งพร่ำบอกกับพ่อและแม่เสมอว่าอยากได้น้องผู้ชายไว้เล่นต่อสู้ ขี่จักรยาน ปีนต้นไม้ และทำอะไรทะโมนๆ ด้วยกัน แต่พอพี่เทมส์เห็นหน้าผมทุกความคิดที่เขาเคยคิดไว้ตามประสาเด็กสามขวบก็ถูกพับลง และแปรเปลี่ยนเป็นความหวงแหนแทน นั่นเป็นเพราะผมเป็นเด็กผู้ชายที่จิ้มลิ้มเกินกว่าจะพาไปเล่นอะไรแผลงๆ อย่างที่พี่เทมส์เคยวาดฝันไว้ได้ สิ่งที่พี่เทมส์คิดอย่างเดียวในตอนนั้นคือ

‘น้องตัวเล็กนิดเดียว... เทมส์จะดูแลและปกป้องน้องเอง’

นทีธัชช์ นรดิษฐ์โยธิน แม่น้ำที่ยิ่งใหญ่ไม่ต่างจาก แม่น้ำไนล์ จึงกลายมาเป็นชื่อจริงและชื่อเล่นของผม แต่ในความเป็นจริงผมกลับไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น...

ผมเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก เรียกได้ว่าตัวเล็กตั้งแต่เกิด ถ้าพี่เทมส์ถอดพ่อมาทั้งภาคส่วน ผมเองก็คงถอดแม่มาทั้งร่างโดยไม่เฉียดไปที่พ่อเลยสักนิดเหมือนกัน ผิวผมขาวจนอมชมพู ใบหน้าเล็กรูปไข่ ดวงตากลมโตแถมยังแพขนตายังหนางอนตั้งแต่เด็ก ใครก็บอกว่าผมเป็นเด็กจิ้มลิ้ม พ่อกับแม่หลงผมมาก ตอนผมเป็นเจ้าเด็กทารกใครๆ ก็อยากจะอุ้มชู โดยที่ทุกคนไม่เฉลียวใจสักนิดว่าทำไมผมถึงตัวเล็กผอมบางและไม่มีส่วนไหนที่คล้ายคลึงพี่เทมส์เลย จนกระทั่งถึงการตรวจสุขภาพตอนครบกำหนดหกเดือน

คุณหมอเริ่มเห็นพัฒนาการบางอย่างของผมซึ่งมีความคล้ายคลึงกับพัฒนาการของเด็กผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย คุณหมอจึงขอทำการตรวจสุขภาพและร่างกายของผมอย่างละเอียดอีกครั้ง นั่นทำให้พบว่าผมมีฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน อยู่ในระดับที่สูงกว่าเพศชายปกติทั่วไป ซึ่งส่งผลให้ผมมีพัฒนาการ ‘บางอย่าง’ ออกมาให้เห็นชัดเจนกว่าเด็กชายคนอื่นๆ เช่นผิวขาวละเอียด ใบหน้าเรียวเล็ก รูปร่างบอบบาง สะโพกกลมกลึงได้สัดส่วน และที่สุดของความแปลกที่เป็นเหตุให้ที่บ้านผมต้องระมัดระวังในการดูแลผมเป็นพิเศษนั่นก็คือ ผมมีรังไข่ซึ่งสามารถปฏิสนธิได้หากเจอกับน้ำเชื้อของผู้ชายถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ผมสามารถตั้งท้องได้แม้จะอยู่ในเพศสภาพของการเป็นผู้ชายก็ตาม

พ่อกับแม่ตกใจมากพอได้รู้เรื่องราว พวกท่านถามกับหมอตรงๆ ว่าผมเป็นกะเทยหรือเปล่า ประเภทที่ว่าผมมีสองเพศในตัวคนเดียวอะไรแบบนั้น ซึ่งหมอก็ยืนยันว่าผมเป็นผู้ชายแท้แต่แค่เป็นผู้ชายที่มีฮอร์โมนบางอย่างที่สูงเกินไป จนทำให้ร่างกายผิดปกติ หากจะเรียกว่าเป็นอาการป่วยก็คงไม่ผิด เพียงแต่มันผิดตรงที่เป็นอาการป่วยที่ไม่มีทางรักษาได้ก็เท่านั้น

แต่ไม่ใช่ว่าพ่อกับแม่ของผมจะไม่หาทางรักษา พวกท่านพาผมไปตรววจไปหาหมอที่ต่างประเทศแต่ก็ไม่มีหมอคนไหนของมุมโลกเคยเห็นเคสแบบผมมาก่อน โชคยังดีที่ร่างกายภายนอกของผมไม่ได้ผู้หญิงจ๋าเสียขนาดนั้น ติดแค่เรื่องตัวเล็กกับหน้าหวาน นอกนั้นเรื่องอื่นผมก็ไม่ได้ต่างจากเด็กผู้ชายปกติคนอื่นๆ ซึ่งเรื่องตัวเล็กกับหน้าหวานถ้ามองว่าเป็นกรรมพันธุ์ที่ผมได้มาจากทางแม่ก็ไม่น่าจะมีใครสงสัย ดังนั้น ครอบครัวของผมจึงไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้นอกจากคนในครอบครัว และคนรับใช้เก่าแก่ในบ้านเท่านั้น เพราะผมต้องได้รับการดูแลมากเป็นพิเศษ อาจจะไม่ถึงขั้นห้ามไปไหนแต่ก็ต้องมีคนไปด้วยในทุกๆ ที่ เพื่อให้สบายใจได้ว่าผมจะปลอดภัยไม่ให้เกิดอะไรผิดพลาดโดยไม่จำเป็น

พอตอนที่ผมอายุได้เกือบๆ สิบขวบ ตอนที่พ่อกับแม่เห็นว่าผมพอที่จะเข้าใจอะไรได้แล้ว ท่านจึงบอกเรื่องนี้ให้ผมรับรู้เพราะผมเอาแต่งอแงถามพวกท่านกับพี่เทมส์ว่าทำไมต้องตามดูแลกันขนาดนี้ ผมอยากออกไปเล่นกับเพื่อน ไปปีนต้นไม้ ยิงนก ตกปลา อะไรก็ได้แบบที่เพื่อนผู้ชายคนอื่นๆ เขาทำกันแต่พ่อกับแม่ผมก็ห้ามตลอด จนพอผมรู้ความจริงผมก็ตกใจมาก จำได้ว่าร้องไห้ไม่หยุดสับสนอยู่เป็นเดือนๆ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเพศไหนกันแน่ เป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง ผมเครียดมากจนทุกคนเป็นห่วงแล้วก็เป็นพี่เทมส์ที่ตอนนั้นน่าจะขึ้นมัธยมต้นแล้วเดินมากอดผมไว้แล้วกระซิบกับผมเบาๆ แต่หนักแน่นว่า...


‘ไม่ว่าไนล์จะเป็นเพศไหน เป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง แต่พี่อยากไนล์รู้ไว้ว่าไนล์จะเป็นน้องของพี่เสมอ และความจริงข้อนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง พี่จะอยู่ข้างๆ ไนล์ ดูแลไนล์จนกว่านายจะดูแลตัวเองได้หรือมีใครคนที่ไนล์อยากจะให้เขาช่วยดูแล’


ผมในเวลานั้นร้องไห้โฮราวกับเด็กน้อยกำลังหลงทาง คำพูดของพี่เทมส์ปลดล็อคทุกความหนักอึ้งในใจทำให้ผมคิดได้ว่าต่อให้ผมจะไม่มีใคร แต่ผมก็จะยังมีพ่อมีแม่มีพี่ชายคอยอยู่ข้างเสมอๆ จนกว่าผมจะไม่ต้องการ

ผมที่ตอนนั้นไม่เคยได้เข้าใจอะไรในความรักเพราะยังเด็กกว่ากว่าจะเรียนรู้ เพียงแค่ได้ยินว่าพี่ชายจะไม่ทิ้งไปไหนก็เพียงพอแล้วสำหรับโลกใบเล็กของเด็กประถม ซึ่งพี่เทมส์เองก็ทำตามสัญญาได้ดีมาโดยตลอด ด้วยความที่เราอายุห่างกันไม่มากพี่เทมส์จึงเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ และทั้งพ่อและแม่ได้ในบางคราวเราจึงสนิทกันมาก ผมคุยกับพี่เทมส์ได้ทุกเรื่องและพี่เทสม์เองก็รู้ทุกเรื่องของผมไม่ต่างกัน

ดังนั้นในเวลานี้เขาจึงโอบกอดผมไว้แน่น และพูดปลอบผมด้วยประโยคที่ผมคุ้นชิน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้ยิน

“ชู่ว ไม่เอาไม่พูดแบบนี้นะครับไนล์ สำหรับพี่ สำหรับพ่อสำหรับแม่ ไนล์ไม่ได้เป็นตัวประหลาดอะไรทั้งนั้นไนล์เป็นลูกชายที่ดีเป็นน้องชายที่น่ารัก ไนล์ประหลาดตรงไหนไม่เลยสักนิด เพราะฉะนั้นห้ามเอาเรื่องนี้มาบั่นทอนตัวเองตกลงไหม”

“ตอนแรกไนล์ไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมพี่เทมส์กับพ่อกับแม่ต้องเข้มงวดตามติดไนล์ขนาดนั้น ไนล์แค่อยากมีอิสระทำอะไรโดยลำพังบ้าง จนพอเหตุการณ์เมื่อบ่ายเกิด...ตอนนั้นไนล์นึกถึงแต่หน้าพี่กับพ่อกับแม่และถึงได้ความเข้าใจหวังดีทุกอย่าง เพราะไนล์ยังเด็ก ยังอ่อนแอเกินไปเลยรับมือเรื่องพวกนี้คนเดียวลำพังไม่ได้ ไนล์เข้าใจแล้ว”

พี่เทมส์ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ลูบศีรษะผมเบาๆ ปลอบประโลมจนผมรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยดีเมื่ออยู่ตรงนี้ อยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นพี่ที่พร้อมจะปกป้องผมเสมอ

“ว่าแต่ไนล์จำหน้าคนที่มาช่วยไนล์ได้ไหมครับ ถามชื่อเขาไว้ไหมพี่จะได้ไปขอบคุณเขาที่ช่วยไนล์ของพี่ไว้ได้ทัน”

ผมส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับเม้มปาก รู้สึกเจ็บใจตัวเองไม่หายเพราะความขี้อาย ขี้ไม่มั่นใจ ทำให้ผมพลาดโอกาสดีๆ ที่จะได้รู้จักพี่คนใจดีไปหมด

“ไนล์จำหน้าพี่เขาได้ครับแต่ไนล์ไม่ได้ถามชื่อไว้ พี่เขาบอกว่าเพื่อนรออยู่แล้วก็วิ่งไปเลย” ผมทำหน้าหงอย ก่อนจะตาโตเมื่อนึกขึ้นได้ “แต่ไนล์ว่าพี่เขาต้องอยู่โรงเรียนเดียวกับพี่เทมส์แน่ๆ น่าจะมอหกด้วยเพราะเขาตัวสูงสูงพอๆ กับพี่เทมส์เลย”

“เหรอครับ? อืมม.. แต่ก็มีสิทธิ์เพราะวันนั้นมีมอหกหลายกลุ่มเหมือนกันที่ไปนั่งทำรายงานที่โรงเรียน พี่ว่าทั้งไอ้คนที่ลวนลามไนล์ทั้งคนที่ช่วยไนล์ไว้ก็น่าจะอยู่มอหกด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ เอาไว้เดี๋ยวพี่จะลองไปสืบดู”

สีหน้าอบอุ่นของพี่เทมส์เปลี่ยนไปอีกครั้งพอพูดถึงเรื่องนี้ มือใหญ่ที่เคยลูบหัวผมกำแน่นแถมแววตายังดูเอาเรื่องมากๆ ด้วย อย่างที่บอกเพราะเราสนิทกันมา และเพราะผมเป็นแบบนี้พี่เทมส์จึงปกป้องดูแลผมอย่างดีมาโดยตลอด เวลามีใครมาแกล้งหรือทำท่าเหมือนจะมาลวนลามพี่เทมส์ก็ซัดกลับไปทุกครั้ง ดังนั้นเรื่องของผมจึงเป็นเรื่องใหญ่ของพี่เทมส์เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม

“ไนล์ไม่เป็นอะไรแล้วครับพี่เทมส์ ช่างมันเถอะนะ”

ผมร้องขอเพราะไม่อยากให้พี่เทมส์เดือดร้อนเพราะผมอีก นี่ก็ใกล้จะจบมอหกแล้วด้วย ผมไม่อยากให้มีปัญหา

“แต่มันรังแกไนล์ พี่ยอมไม่ได้” ผมต้องยื่นมือไปลูบต้นแขนพี่ชายเบาๆ ก่อนจะเอาหัวเล็กๆ ของตัวเองไถอ้อน

“แต่ถ้าพี่มีเรื่องแล้วถึงหูพ่อกับแม่ ไนล์ต้องแย่แน่ๆ เลย พี่เทมส์ก็รู้ว่าพ่อกับแม่เคยบอกไว้ว่า ถ้าไนล์มีอันตรายจนเกือบจะพลาดพลั้งหรือเลยเถิดไนล์ต้องถูกส่งไปรักษาตัวที่อังกฤษ ... ไนล์ไม่อยากไป ไนล์อยากอยู่กับพี่เทมส์”

พี่ชายผมชะงักกึกเมื่อนึกถึงความเป็นจริงข้อนี้ เพราะว่ามันจริงอย่างที่ผมบอก พ่อกับแม่เคยตกลงกันไว้ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมมีอันตราย หรือมีเหตุที่ผมจะพลาดพลั้งพวกเขาจะส่งผมไปรักษาตัวที่อังกฤษ ซึ่งเรามีบ้านคุณอาอยู่ที่นั่น และมันจะหมายความว่าเราสองคนพี่น้องจะต้องห่างกัน ซึ่งคนติดน้องแบบพี่เทมส์ต้องไม่มีวันยอมแน่ๆ

“ก็ได้ พี่ไม่ตามหามันก็ได้ แต่ถ้ามันมายุ่งกับไนล์อีกพี่ไม่เอามันไว้แน่ ต่อให้พลิกโรงเรียนหาพวกมันพี่ก็จะทำ โอเคไหมครับ?”

“โอเคครับ” ผมรีบรับปากเมื่อเห็นพี่เทมส์ยอมอ่อนลง อีกอย่างเพราะไม่ว่ายังไงผมก็คงไม่ได้ไปโรงเรียนพี่เทมส์ด้วยตัวคนเดียวอีกแน่ๆ

“ถ้างั้นก็ไปล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปทานข้าวได้แล้ว เดี๋ยวพ่อกับแม่จะสงสัยเอา” พี่เทมส์รีบฉุดผมให้ลุกจากเตียง ก่อนจะจับผมหันหลังแล้วดันไหล่เบาๆ เดินไปห้องน้ำด้วยกันแบบขบวนรถไฟสมัยเด็ก

แต่จู่ๆ ผมก็หันหลังกลับมาหาพี่ชายก่อนจะเอ่ยอ้อน เพราะรู้ว่าพี่เทมส์จะใจอ่อนแน่ถ้าผมทำแบบนี้ ไม่ว่าขออะไรก็จะให้เสมอ

“พี่เทมส์สัญญากับไนล์ก่อนว่าจะไม่บอกพ่อกับแม่เรื่องนี้... ให้เป็นความลับของเราสองคน น้า.. นะครับ”

พี่เทมส์มองหน้าผมยิ้มๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาบิดจมูกผมเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว

“เรามันฉลาด ขี้ต่อรอง รู้จักอ้อน เพราะรู้ว่าพี่จะตามใจไม่เคยขัดถูกไหม หื้ม?”

ผมหัวเราะจนตาปิดและเสียงหัวเราะของผมก็ทำให้บรรยากาศขมุกขมัวมาคุที่เคยอบอวลอยู่ในห้องพี่เทมส์ละลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง

“เฮ้อ... ยิ้มแบบนี้พี่จะขัดเราได้ยังไงล่ะเจ้าตัวแสบเอ๊ย!”

ผมยิ้มกว้าง ก่อนจะควงแขนพี่ชายเดินเข้าห้องน้ำพลางคิดในใจว่าอ้อนพี่เทมส์อีกหน่อยดีกว่าจะได้ไม่ต้องล้างหน้าเอง

.

.

.

หลังจากวันนั้น ผมก็พยายามมองหาพี่ชายใจดีคนนั้นทุกครั้งเวลาที่ออกนอกบ้าน ผมพยายามมองหาตามถนนแถวๆ โรงเรียน มองหาตามทางเท้าข้างทาง ยิ่งวันไหนที่ต้องแวะไปรับพี่เทมส์กลับบ้านด้วย ผมจะยิ่งมองหาเป็นพิเศษ แต่ผมก็ไม่เคยเจอพี่เขาอีกเลย จนกระทั่งใกล้ช่วงสอบปลายภาคครั้งสุดท้ายของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก

วันนั้นพี่เทมส์มีติวกับเพื่อน ส่วนผมก็สอบเสร็จนานแล้ว ฝั่งมัธยมต้นของโรงเรียนผมจะสอบปลายภาคเสร็จก่อนฝั่งมัธยมปลายเป็นเดือนๆ เนื่องจากความหนักหน่วงของเนื้อหาและการเรียนการสอนไม่เท่ากัน ผมก็เลยเหลือแค่เรียนเสริมพิเศษกับเตรียมตัวเพื่อข้ามระดับไปเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งผมก็คงเรียนที่เดิมจึงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากนักเพราะมันมีโควต้าสำหรับนักเรียนฝั่งมัธยมต้นอยู่แล้วที่สามารถเข้าเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายได้เลยโดยไม่ต้องสอบ ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเรียนพิเศษเกี่ยวกับภาษาที่ผมชอบเพื่อฆ่าเวลาหรือก็เรียนอย่างน้อยจนกว่าพี่เทมส์จะสอบเสร็จ เพราะให้อยู่บ้านคนเดียวในช่วงปิดเทอมผมก็เบื่อๆ อุดอู้ สู้ออกมาหาความรู้เพิ่มในระหว่างวันรอพี่เทมส์เลิกเรียนแล้วกลับบ้านพร้อมกันน่าจะดีกว่า

วันนี้ก็เป็นอีกวันหลังเรียนพิเศษเพิ่งเสร็จระหว่างที่ผมนั่งรอพี่ชายอยู่ที่ร้านไอศครีมใกล้ๆ โดยมีลุงชัยนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ผมก็ได้เจอกับคนที่ผมตามหามานาน ..


พี่ชายใจดีคนนั้น


“ไงเรา? มาทำอะไรแถวนี้?”

พี่เขาเดินมานั่งที่โต๊ะเดียวกับผมด้วยเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโดยที่ผมยังไม่ทันเห็นพี่เขาเลยด้วยซ้ำเพราะกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่

“พี่...” ด้วยอารมณ์ดีใจ ทำเอาผมตกใจจนพูดไม่ออกจนลุงชัยเข้ามาประชิดตัวนั่นแหละ ผมถึงได้รู้สึกตัว

“คุณเป็นใครครับ?” ลุงชัยถามพลางลุกพรวดมายืนข้างเก้าอี้ตัวที่ผมนั่ง ในขณะที่พี่เขาทำหน้างงๆ ผมถึงได้สติลุกขึ้นห้าม

“ลุงชัยครับลุงชัย ผมรู้จักพี่เขาครับ” ลุงชัยหันมามองหน้าผม พร้อมกับทำหน้าสงสัยน้อยๆ ก่อนจะถามย้ำ

“คุณหนูแน่ใจนะครับว่ารู้จัก?” ผมหน้าซีดลูกตากลมกลอกไปมา แน่นอนว่าเรื่องคราวนั้นไม่มีใครรู้นอกจากพี่เทมส์ ผมเลยจำเป็นต้องหาเหตุผลเพื่อบอกกับลุงชัยให้ได้ว่าผมรู้จักกับพี่เขาได้ยังไง

“ครับ เจอกันคราวที่แล้วพี่เขาบอกทางไปห้องน้ำให้ไนล์” ผมหลับหูหลับตาบอกเหตุผลที่นึกขึ้นได้สดๆ ร้อนๆ ซึ่งลุงชัยเองก็ขมวดคิ้วนิดหน่อยตอนได้ยิน แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรก่อนที่จะถอยไปนั่งที่โต๊ะตัวเองเหมือนเดิม

แต่พี่คนใจดีนี่สิ จ้องผมตาเขม็งเลย ทำเอาผมเลิ่กลั่กได้แต่หลบสายตาเขาไปมาอยู่อย่างนั้น

“พี่บอกทางเราไปห้องน้ำเหรอ? ไม่เห็นจำอะไรแบบนั้นได้เลย”

“คือ.. ผมไม่ได้บอกให้ที่บ้านรู้น่ะครับ ผม.. ผมไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วง พี่ไม่โกรธใช่ไหมครับที่ผมโกหกแบบนั้น”

ผมรีบละล่ำละลักถามพอได้ยินพี่เขาพูดมาเสียงเรียบแบบนั้น ใจผมร้อนรนไปหมดกลัวพี่เขาจะโกรธจะผิดหวังที่ผมเป็นเด็กขี้โกหก แต่แล้วทุกความกังวลก็ต้องสงบเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของพี่เขาหัวเราะออกมาเบาๆ

“หึ... ก็ไม่ได้ว่าอะไร” พี่เขายื่นมือมาลูบศีรษะผมเบาๆ แบบที่เขาเคยทำเมื่อคราวที่แล้ว ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงใจดีแบบที่ผมชอบ “เราน่ะโคตรน่าแกล้งเลยรู้ตัวป่ะ? ตอนทำหน้าตกใจนี่โคตรน่ารัก ตาถลนแทบจะออกมานอกเบ้า ฮ่าๆ”

“พี่อ่ะ...” ผมครางเบาๆ ปนความโล่งใจเมื่อรู้ว่าถูกพี่เขาหยอก ก่อนจะทำใจกล้าถาม เมื่อเห็นว่าได้โอกาสที่จะทำความรู้จักพี่เขาแล้ว “พี่ชื่ออะไรเหรอครับ ครั้งที่แล้วผมยังไม่ทันได้ถาม ไม่ทันได้ขอบคุณเลย”

พี่เขายิ้มให้ผม ... แล้วจู่ๆ ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายของผมก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“ชื่อภู .. พี่ชื่อภู”

“พี่ภู...” ผมทวนชื่อพี่เขาเบาๆ ก่อนที่จะยิ้มออกมา

พี่ภูคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้คือพี่ภูคนเดียวกับที่เคยช่วยผมไว้เมื่อหลายวันก่อน นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมได้เจอกับเขา และเป็นครั้งที่สองที่ผมได้เห็นเขาเต็มตา พี่ภูเป็นเด็กผู้ชายตัวสูงใหญ่ เขาน่าจะสูงพอๆ กับพี่เทมส์พี่ชายผมหรืออาจจะดูสูงกว่าอีกด้วยซ้ำ คงประมาณร้อยแปดสิบกว่าๆ ช่วงไหล่กว้าง ลำตัวหนาแต่ไม่ถึงกับเทอะทะจนน่าเกลียดเพียงแต่สมส่วนกับสูงของเขา

ที่สำคัญคือใบหน้าของพี่ภูหล่อเหลาเทียบเท่ากับพี่ชายของผมได้เลย ตาเขาเรียวคม แถมจมูกก็ยังโด่งมากๆ รับกับริมฝีปากหยักลึกที่พอยิ้มทีก็ดูหล่อร้ายจนผมแอบมองตาค้าง พี่ภูจัดได้ว่าหน้าตาดีมากๆ แบบนี้สาวๆ ต้องติดตรึมแน่ๆ

“ยิ้มอะไรเรา? ชื่อพี่ตลกเหรอ? หรือว่าโหล?” พี่เขาถามกลับทั้งที่ริมฝีปากยังคงเปื้อนรอยยิ้มไม่ต่างจากผม

“เปล่าครับ ผมแค่คิดว่าชื่อนี้เหมาะกับพี่ดี .. เหมาะมากๆ เลย” ผมพูดพลางทำหน้าจริงจังเพื่อยืนยันคำพูดตัวเองให้พี่ภูต้องหลุดขำออกมาอีกรอบ

“พี่แซวเล่น ไม่ได้จะว่าอะไร” พี่ภูยิ้มขำ ก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะผมเบาๆ อีกครั้ง “ว่าแต่ยังไม่ได้ตอบพี่เลยนะว่าเรามาทำอะไรแถวนี้ หื้ม?”

“อ๋อ ผมมารอพี่ชายติวครับ น่าจะใกล้เสร็จแล้ว” ผมตอบก่อนที่พี่ภูจะทำตาโตราวกับนึกอะไรได้

“เออใช่! ตายห่าแล้วเนี่ย” อยู่ๆ พี่ภูก็สบถออกมา “พี่ไปก่อนนะ เพื่อนให้ไปซื้อของแต่พอดีเห็นเราจากหน้าร้านพี่เลยแวะมาทัก”

ผมพยักหน้ารับงงๆ เพราะเจอพี่ภูกี่รอบพี่ภูก็ดูรีบทุกรอบ แม้แต่รอบนี้พอพี่ภูบอกลาผมเสร็จก็พรวดพราดออกประตูไปทันที ให้ผมได้แต่นั่งงงเพราะยังตั้งตัวไม่ทัน

แต่พอนึกถึงท่าทางของพี่ภูที่ผมได้เห็นเมื่อครู่ ก็ทำให้ผมก็หลุดยิ้มออกมา ...

พี่เขาดูเป็นตัวของตัวเองแล้วก็เท่มากๆ ไม่ว่าจะทำอะไร และก็ไม่ต่างจากคราวที่แล้วที่ผมเจอพี่ภู เมื่อผมรู้สึกถึงความสุขและความอิ่มเอมแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งหัวใจจนก้อนเนื้อเล็กๆ ในอกข้างซ้ายเต้นแรงขึ้นมาเบาๆ

และในขณะที่ผมกำลังสงสัยในอาการของตัวเอง จู่ๆ ประตูร้านก็ถูกเปิดพรวดเข้ามาอีกครั้งและก็เป็นพี่ภูที่ยื่นหน้าทั้งที่หอบแฮ่กเข้ามาแค่ครึ่งตัว

“เด็กน้อย ถ้าพรุ่งนี้ต้องมารอพี่ชายอีกก็มารอที่นี่นะ เผื่อพี่ว่างพี่จะแวะมาหาแล้วจะซื้อหนมมาฝากด้วย เคป่ะ?”

ผมมองหน้าพี่เขางงๆ แต่ก็พยักหน้ารับตอนที่เห็นพี่เค้าทำท่าประมาณว่าให้ผมพยักหน้าตามที่พี่เค้าทำ ช่างเป็นคนที่อ่อนต่อโลกจริงๆ ผมน่ะ

“อ่อ.. ครับ”

“ดีมาก พรุ่งนี้เจอกัน บาย”

แล้วพี่เขาก็ไม่รอให้ผมบอกลาเพราะพอจบคำของตัวเอง ประตูหน้าร้านก็ถูกปิด พร้อมๆ กับที่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายหายไปจากกรอบสายตาผมเช่นกัน

ว่าแต่พรุ่งนี้ ผมเองก็ควรมีขนมมาฝากพี่ภูเหมือนกันไหมนะ

... แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว

.

.

.

วันต่อมาผมมานั่งรอพี่เทมส์ที่ร้านไอศกรีมร้านเดิมที่นัดแนะไว้กับพี่ภูด้วยใจจดจ่อ ผมไม่มีสมาธิที่จะทำอะไรทั้งนั้นแม้แต่หนังสือเล่มโปรดที่ผมชอบอ่านก็ไม่สามารถดึงความสนใจจากผมได้ เพราะตอนนี้ผมเอาแต่นั่งกำปากถุงคุ้กกี้ที่อยู่ในมือแน่น พลางชะเง้อชะแง้คอยมองทุกครั้งที่ประตูร้านเปิดเข้าเปิดออก เพื่อดูว่าพี่ภูที่ผมรอเจอนั้นจะมาถึงหรือยัง จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงผ่านไป เจ้าของรูปร่างสูงโปร่งดูดีก็เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับมองหาผมไม่นานอยู่อึดใจก็เจอ

“มารอนานยัง?”

พี่ภูเดินตรงมาหาพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม ภาพเดียวกับเมื่อวานดูเหมือนจะซ้อนทับและเรียกรอยยิ้มจากผมได้ไม่น้อย

“ไม่นานครับ ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย”

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-18 : Universe 2nd)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 18-02-2020 22:07:07
(ต่อจากด้านบน)

ตอนที่ผมตอบพี่ภู ผมเห็นลุงชัยหันมามองนิดหน่อยจากโต๊ะข้างๆ แต่พอลุงชัยรู้ว่าพี่ภูคือพี่ชายคนใจดีคนเดียวกับที่บอกทางผมเมื่อวาน ลุงชัยก็หันกลับไปเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่ผมและพี่ภู ซึ่งพี่ภูเองก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ตอนเห็นท่าทางของลุงชัยที่เป็นห่วงผมจนสังเกตเห็นได้ชัด แต่พี่ภูก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรแล้วชวนผมคุยเรื่องอื่นแทน

“ครึ่งชั่วโมงแล้วก็นานเหอะ นี่พี่ชายเรายังติวกับเพื่อนไม่เสร็จเหรอ?” พี่ภูถามพลางมองไปรอบๆ แต่พอผมเอ่ยปากตอบ พี่ภูก็เลื่อนสายตากลับมามองผมแทน

“ยังเลยครับแต่ก็น่าจะใกล้เสร็จแล้วล่ะมั้งครับ วันนี้เห็นบอกไว้ว่าจะเลิกไม่เย็นมาก”

“อือ ดีละ จะได้รีบกลับบ้าน มานั่งตัวเล็กตัวน้อยอยู่คนเดียวแบบนี้ เกิดใครมาจับตัวไปสู้เขาไม่ได้แน่ หึๆ”

พี่ภูพูดแซวแน่นอนว่าลุงชัยคงได้ยิน แกเลยหันมามองตาขวางใส่พี่ภู ซึ่งนอกจากพี่ภูจะไม่โกรธแล้วกลับยังหัวเราะจนตาหยี ในขณะที่ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ใส่พี่เขา

“พี่ภูก็...” ผมได้แต่ครางเสียงอ่อยให้เจ้าของมือใหญ่คงนึกมันเขี้ยว จึงยื่นมือมาขยี้หัวผมเบาๆ

“อ่ะ พี่ซื้อมาให้” พี่ภูยื่นถุงขนมรังผึ้งเจ้าดังที่ขายอยู่ฝั่งมัธยมปลายมาให้ ซึ่งเป็นขนมที่ผมชอบกินมากต้องให้พี่เทมส์ซื้อมาฝากบ่อยๆ แต่พักหลังพี่เทมส์เรียนหนักกว่าจะเลิกเรียนเลิกติวก็ทำเอาขนมรังผึ้งหมด ผมเลยไม่ได้กินมาพักใหญ่แล้ว

“ขนมรังผึ้ง” ผมตาวาว รีบพุ่มมือไหว้คนอายุมากกว่าที่ยังคงส่งยิ้มใจดีให้เหมือนวันแรกที่เจอกัน ก่อนจะรับเอาถุงขนมมาหมุนซ้าย หมุนขวามองด้วยความดีใจ

ดีใจที่ได้กินขนมของโปรดและดีใจที่พี่ภูยอมอุตส่าห์ไปต่อคิวรอซื้อขนมรังผึ้งมาให้ผม

“เจ้านี้อร่อย พี่ชายเราเคยซื้อไปให้กินแล้วใช่ไหม”

ใช่... ขนมเจ้านี้อร่อย อร่อยมาก อร่อยจนเด็กนักเรียนโรงเรียนผมไม่ว่าจะฝั่งมัธยมต้นหรือมัธยมปลายต้องไปต่อแถวยาวเหยียดหลังเลิกเรียนเพื่อรอซื้อ ซึ่งผมก็ไม่เคยไปต่อแถวซื้อเองหรอกเพราะอย่างที่บอกว่าพี่เทมส์จะซื้อมาให้กินทุกครั้งที่ผมขอ แต่มันก็จะต้องมาพร้อมกับคำบ่นแกมระอานิดๆ ที่ต้องรอคิวยาวเหยียดเพื่อขนมรังผึ้งสิบกว่าบาท

“เคยครับ ผมชอบมากๆ” ผมบอกพร้อมกับมองขนมตาเป็นประกาย “ว่าแต่พี่ภูไปต่อคิวรอนานไหมครับนี่ ผมเกรงใจจัง แหะๆ”

“เกรงใจแต่กำถุงขนมแน่นไม่ปล่อยเลยนี่นะ? หึๆ” พี่ภูว่า พลางพยักเพยิดไปที่มือเล็กๆ ของผม ที่ข้างหนึ่งกุมถุงรังผึ้งกับอีกข้างกำถุงคุ้กกี้ไว้ไม่ปล่อย “รอไม่นานหรอก พี่ไปรอกะเพื่อนบ่อยมันชอบไปซื้อให้น้องมัน”

ผมยิ้มอายๆ ส่งให้พี่ภูเพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็มีขนมมาให้พี่ภูเหมือนกัน

“นี่ครับ ผมเอามาฝาก” ผมยื่นถุงคุ้กกี้ที่อยู่ในมืออีกข้างให้พี่ภู พร้อมกับพูดอ้อมแอ้มเขินๆ ปนกังวลเพราะไม่แน่ใจว่าถ้าพูดออกไปแล้วพี่ภูอาจจะไม่อยากรับขนมที่ผมให้ไว้ก็ได้ “ผมทำเอง อยากให้พี่ภูลองชิม อาจจะไม่ได้อร่อยมากเท่าขนมรังผึ้งที่พี่ภูซื้อมาฝากแต่พอทานได้แน่ๆ ครับ ผมรับรอง”

พี่ภูหรี่ตามองผมเหมือนไม่ไว้วางใจในสิ่งที่ผมพูดเท่าไหร่นัก ซึ่งการกระทำที่ว่าของเขาทำเอาผมหน้าเสียกลัวว่าพี่เขาจะไม่กล้ากินคุ้กกี้ที่ผมทำให้จริงๆ

“แต่ถ้าพี่ภูไม่อยากทานเพราะกลัวว่าจะไม่อร่อยก็ไม่เป็นไรนะครับ คือผม...” ผมพยายามจะพูดต่อ แต่ในใจมันตื้อไปหมด ความรู้สึกหน่วงๆ ในอกที่เกิดขึ้นมาในตอนนี้ทำให้ผมสับสนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ที่รู้ๆ เลยก็คือผมรู้สึกไม่ดีมากเหมือนความสุขที่เคยอบอวลก่อนหน้า มันจางหายไปจนเหลือแต่หมอกบางๆ ที่ทำเอาผมอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

“เฮ้ย.. พี่แค่ล้อเล่น อย่าทำตาแดงเหมือนจะร้องไห้ดิวะ” พอได้ยินพี่ภูพูดแบบนั้นผมก็รีบก้มหน้าเม้มปากแน่น นิสัยลูกคนเล็กของบ้านแบบที่พี่เทมส์ชอบล้อเวลาผมงอแงกำลังจะแผลงฤทธิ์ใส่คนที่เพิ่งจะรู้จักกันอย่างพี่ภู

“ผม.. อึก! ไม่ได้จะร้องสักหน่อย!” ผมอ้อมแอ้มเถียงแต่ยังไม่ยอมเงยหน้าสบตาพี่ภู เพราะกลัวพี่เขาจะเห็นว่าผมแอบน้ำตาคลออย่างที่พี่เขาว่าจริงๆ

“ไม่ได้ร้องแล้วทำไมไม่มองหน้าพี่อ่ะ พี่หยอกเล่นเฉยๆ เนี่ยเดี๋ยวกินให้ดูตอนนี้เลยก็ได้ เงยหน้ามาคุยกันก่อนเร็ว”

ผมไม่ยอมทำตามที่พี่ภูบอก ก่อนจะได้ยินเสียงก๊อบแก๊บของถุงพลาสติกที่ถูกันไปมา จากนั้นเสียงพี่ภูก็เงียบไป สักพักเขาก็ยื่นคุ้กกี้ที่ถูกกัดไปแล้วมาตรงหน้าผม

“นี่ไง กินแล้ว อร่อยมาก... เงยมามองตาพี่ดิจะได้รู้ว่าพี่โกหกหรือพูดจริง” ผมเหลือบมองคุ้กกี้ที่อยู่ในมือพี่ภูเห็นว่ามันแหว่งหายไปครึ่งชิ้น ก่อนจะตัดสินใจเงยมองหน้าคนที่นั่งตรงข้ามก็ได้ทันเห็นอีกฝ่ายเคี้ยวคุ้กกี้กร้วมๆ ส่งยิ้มให้ผมจนตาปิด

“อร่อยจริงๆ พี่ชอบ ชอบเพราะมันไม่ได้หวานมาก พี่ไม่ชอบกินอะไรหวานๆ เลี่ยนๆ”

พี่ภูว่าก่อนจะส่งคุ้กกี้อีกครึ่งชิ้นในมือเข้าปากจากนั้นก็เคี้ยวกุบกับๆ จนได้ยินมาถึงผม

“ถ้างั้นครั้งหน้า...” ผมพูดด้วยน้ำเสียงลังเลไม่มั่นใจ แต่ยังไม่ทันที่จะได้รวบรวมความกล้าพูดต่อ พี่ภูก็สวนออกมาเสียก่อน

“ทำมาอีกก็ได้ ขนมอะไรก็ได้ ทำมาให้พี่ลองชิม ขอแค่ไม่หวานมากพี่กินได้หมดแหละ” พี่ภูยิ้ม พลางหยิบคุ้กกี้อีกชิ้นเข้าปาก พอหมดชิ้นพี่ภูก็พูดในสิ่งที่ทำให้ผมต้องยิ้มกว้างออกมา

“สัญญาว่าถ้าอันไหนชอบไม่ชอบ อร่อยไม่อร่อยจะบอกตรงๆ เราจะได้ไม่ต้องคิดมาก ดีป่ะ?”

“ดีครับ ขอบคุณนะครับพี่ภู” ผมยังคงยิ้ม ก่อนที่จะสะดุ้งเบาๆ เมื่อพี่ภูยื่นมือข้างที่ไม่ได้ใช้หยิบคุ้กกี้มาเกลี่ยเบาๆ ที่หางตาของผม

“เด็กขี้แย แล้วมาบอกว่าไม่ได้ร้องไห้ น้ำตานี่อะไรกัน หื้ม?” ผมเกาแก้มแก้เก้อก่อนที่จะหันไปทางอื่น ไม่ยอมตอบพี่ภู ให้พี่ภูต้องหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

“พี่ไปละ เดี๋ยวเพื่อนด่า ไว้พรุ่งนี้เจอกันใหม่จะพยายามแวะมาหามานะ”

“อื้อ.. ครับ” ผมพยักหน้ารับ ให้พี่ภูยื่นมือมาขยี้หัวผมเบาๆ แบบที่เขาชอบทำ

“กินขนมให้อร่อย แล้วพรุ่งนี้พี่จะรอกินขนมเราบ้าง... บายๆ”

ผมพยักหน้ารับอีกครั้งพลางมองพี่ภูที่วิ่งแผล็วออกนอกประตูร้านไปด้วยรอยยิ้มกว้างมากกว่าทุกวัน

... การมานั่งรอพี่เทมส์ติวหนังสือ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออะไรนักหรอก ผมว่านะ

.

.

.

ผมมานั่งรอพี่เทมส์หลังเลิกเรียนพิเศษที่ร้านไอศครีมร้านเดิมทุกวัน และก็เป็นทุกวันที่ผมจะได้เจอพี่ภูประมาณสิบถึงสิบห้านาที ไม่มากหรือไม่น้อยไปกว่านี้ เพราะพี่ภูบอกว่านี่เป็นช่วงเวลาที่พี่เขาจะอาสาออกมาซื้อเสบียงให้กลุ่มเพื่อนที่กำลังติวกันอยู่ ผมเคยถามว่าแล้วทำไมถึงต้องเป็นพี่ภูออกมาทุกวัน ทำไมถึงไม่เป็นคนอื่นบ้าง ซึ่งคำตอบของพี่ภูก็ทำเอาผมต้องแอบหัวเราะ

‘เพราะพี่เก่ง ออกมาแค่สิบนาทีสิบห้านาทีกลับไปพี่ก็ตามพวกมันได้สบายๆ’

จำได้ว่าวันนั้นผมชอบใจคำตอบของพี่ภูจนยิ้มตาหยี แต่แล้วผ่านไปไม่ถึงนาทีพี่ภูกลับทำให้ใจผมเต้น ความรู้สึกหกคะเมนตีลังกาไปหมด

‘แต่ที่จริงพี่ก็อยากมาเจอเราด้วยแหละ พี่ชอบคุยกับเรา เราทำให้พี่สบายใจหายเครียดกับการติวหนักๆ ด้วย’

นาทีนั้นบอกตามตรงว่าผมใจเต้นแรงมาก หน้าร้อน หูร้อน ร้อนไปหมด จนแอบสงสัยว่าผมกำลังจะเป็นโรคอะไรหรือเปล่า เอาเข้าจริงผมเองก็ไม่เคยสำรวจตัวเองเลยว่าผมมักจะมีอาการแบบนี้บ่อยๆ เวลาอยู่ใกล้พี่ภู ผมไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไรหรืออาจจะเป็นเพราะผมยังเด็กเกินกว่าจะนึกรู้ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็ทำให้ผมเจ็บใจจนถึงวันนี้ เพราะถ้าผมรู้ใจตัวเองเร็วขึ้นอีกสักนิด รู้ก่อนหน้าเรื่องราวต่างๆ จะพลิกผัน มันจะทำให้อะไรแตกต่างไปจากเดิมบ้างหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่ผมมักจะตั้งคำถามกับตัวเอง ในหลายๆ ปีที่ผ่านพ้นมา

หลายคนมักจะบอกว่า เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ และผมเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นถึงความเป็นจริงในเรื่องนั้น

เมื่อเย็นวันหนึ่งในร้านไอศครีมของผมกับพี่ภูไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งความสุขเหมือนที่ผ่านมา แต่กลับเป็นช่วงเวลาแห่งการบอกลา ที่ผมยังไม่ได้ทันเตรียมตัวแม้แต่นิด

“วันจันทร์กับอังคารหน้าพี่ต้องติวเข้มแล้ว อาจจะออกมาหาเราไม่ได้เพราะวันพุธพี่ต้องสอบ”

พี่ภูเริ่มประโยคหลังจากยื่นไอศครีมที่พี่เขาเดินไปสั่งมาให้ผม ทำเอาใบหน้าที่กำลังยิ้มแย้มเพราะกำลังจะได้กินไอศครีมของผมต้องเหี่ยวเฉาลงทันตา

“เหรอครับ แบบนี้ผมก็ไม่ได้เจอพี่ภูแล้วน่ะสิ”

ผมพูดเสียงเศร้า และพี่ภูเองก็คงรู้สึกได้ว่าผมหงอยลงกว่าเดิมมากโข พี่เขาเลยพยายามยิ้มและพูดปลอบซึ่งก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่นัก

“ได้เจอสิ ไว้อีกอาทิตย์พี่สอบเสร็จเรามาเจอพี่ก็ได้ มาเจอที่ร้านไอติมนี่แหละ เดี๋ยวพี่เลี้ยง”

ผมยิ้มบางๆ ที่ดูคล้ายจะเป็นยิ้มฝืนๆ มากกว่าจะเป็นยิ้มที่ออกมาจากใจปกติแบบที่เคยยิ้มให้พี่ภู

“แต่ผมไม่รู้ว่าจะมาได้ไหมนะครับ พ่อกับแม่ไม่ค่อยอยากให้ผมออกจากบ้าน”

พี่ภูทำหน้าเคร่งเครียดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะดีดนิ้วราวกับคิดอะไรดีๆ ออก

“ก็ให้พี่เราพามาสิ พี่สอบเสร็จ พี่ชายเราก็คงสอบเสร็จเหมือนกัน ถ้าพี่เราเป็นคนพามาออกมาพ่อกับแม่คงไม่ว่า.. ใช่ไหม?”

ผมตาโตราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้เพราะมัวแต่กังวลว่าจะไม่ได้เจอกับพี่ภูอีก เลยลืมคิดไปว่าพี่เทมส์กับพี่ภูเรียนชั้นเดียวกัน สอบเสร็จพร้อมกันแบบนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

“ไม่ว่าครับ ผมให้พี่ชายพามาก็ได้”

“อื้อ ดี” พี่ภูยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ผมก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะผมเบาๆ แบบที่เขาชอบทำ “ระหว่างนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆ แล้วเดี๋ยวอีกอาทิตย์นึงไว้เจอกัน”

“ครับ พี่ภูก็สอบสู้ๆ นะครับ ทำให้ได้เต็มๆ ทุกวิชาเลยนะ”

ผมพยักหน้ารับด้วยความดีใจ พร้อมกับอวยพรให้พี่ภูทำข้อสอบได้ ซึ่งพี่ภูเองก็หัวเราะรับพร้อมกับคุยโอ่ว่าระดับเขาไม่มีพลาดอยู่แล้ว ผมเองก็รับฟังด้วยความผ่อนคลายวาดหวังว่าจะทำอะไรต่างๆ ให้พี่ภูหลังจากพี่ภูสอบเสร็จ โดยที่ไม่ได้นึกรู้เลยว่าสิ่งที่ต่างๆ ที่หวังไว้จะไม่มีวันได้เกิดขึ้นจริง

.

.

.

หลังจากพี่เทมส์สอบเสร็จ ซึ่งก็เล่นเอาอ่วมพอสมควร เนื่องจากเนื้อหาวิชาที่หนักอึ้งพร้อมกับความเครียดและความกดดันทีถาโถมก็ทำเอาพี่ชายคนเก่งของผมถึงเซซวนไปพักใหญ่ แต่ถึงกระนั้นการสอบจบชั้นมัธยมปลายของพี่ชายผมก็จบลงด้วยดี ซึ่งลึกๆ ผมก็หวังว่าพี่ภูเองก็คงจะผ่านพ้นทุกอย่างไปด้วยดีเช่นกัน

ผมไม่ได้เจอพี่ภูเลยนับตั้งแต่วันนั้น แม้ผมจะไปรอพี่เทมส์ที่ร้านไอศครีมร้านเดิมประจำผมก็ไม่ได้เจอพี่ภู จนกระทั่งใกล้ถึงวันที่ผมรอคอย ผมรบเร้าให้พี่เทมส์พาผมออกมาทานไอศครึมร้านประจำจนพี่เทมส์ถึงกับสงสัยว่าทำไมผมถึงได้อยากออกไปมากขนาดนั้น ผมเลยเล่าให้พี่ชายฟังว่าผมนัดกับพี่ชายคนใจดีที่เคยช่วยผมไว้จากเหตุการณ์เมื่อคราวนู้นไว้ พี่เทมส์ก็เลยเข้าใจและรับปากผมว่าจะพาผมไปเจอกับพี่ภู เพราะพี่เทมส์เองก็อยากจะรู้จักกับผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเหลือผมไว้เช่นกัน พี่เทมส์อยากจะตอบแทน หรืออย่างน้อยก็ขอบคุณที่พี่ภูช่วยผมไว้ในยามที่ฉุกเฉิน

และแล้ววันที่ผมนัดเจอกับพี่ภูก็มาถึง ผมแต่งตัวหล่อมานั่งรอพี่ภูที่ร้านไอศครีมตั้งแต่ร้านเปิดโดยมีพี่เทมส์ไปนั่งอ่านหนังสือคอยเป็นเพื่อน รออย่างใจจดใจจ่อแต่รอจนเที่ยงก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาพี่ภู

ไหล่ที่ตั้งตรงด้วยความยินดีที่จะได้เจอคนที่อยากเจอมาตลอดอาทิตย์กลับลู่ลง พร้อมๆ กับคำถามของพี่ชายที่ดังขึ้น

“ไหนล่ะครับไนล์ ไนล์นัดเขาไว้กี่โมง ทำไมพี่ไม่เห็นเขามาสักที?”

ผมสบตาพี่เทมส์หงอยๆ ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบ “ไนล์ไม่ได้นัดเวลากับเขาไว้ครับ แต่ไนล์รู้ว่ายังไงพี่เขาก็ต้องมาแน่ๆ พี่เทมส์รออีกแปปได้ไหม?”

ผมอ้อน เอาศีรษะถูกับแขนพี่ชายตัวเองไม่หยุดทำเอาพี่เทมส์ต้องพรูลมหายใจออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

“ถ้าไนล์อยากรอ พี่ก็รอเป็นเพื่อนได้ แต่นี่เที่ยงแล้วต้องหาอะไรทานก่อนตกลงไหม เดี๋ยวพี่สั่งข้าวให้ทาน”

ผมพยักหน้ารับหงึกหงักทั้งที่ท้องไม่ได้หิวเท่าไหร่แต่รู้ว่ายังไงก็ต้องกิน ขืนปฏิเสธไปพี่เทมส์ได้พาผมกลับบ้านตอนนี้แน่ๆ สุดท้ายก็เลยต้องกินอาหารจานเดียวที่ร้านไอศครีมมีขายอยู่บางเมนูรองท้องไป

เวลาล่วงเลยจนไปถึงเย็น ผมก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่ภู พี่เทมส์ดูหงุดหงิดเล็กน้อยที่พี่ภูปล่อยให้ผมมานั่งคอยนานขนาดนี้ และด้วยความที่ผมไม่อยากให้พี่ชายตัวเองต้องโกรธพี่ภูทั้งที่ยังไม่ได้เจอหน้ากันอย่างไม่จำเป็น ผมเลยชวนพี่เทมส์กลับบ้านพร้อมกับอ้อนขอว่าให้พรุ่งนี้ช่วยพาผมมาใหม่ โดยอ้างว่าผมผิดเองที่ไม่ได้นัดแนะเวลาที่แน่นอนกับพี่ภูไว้เลยอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนกัน ซึ่งพี่ภูเองก็เพิ่งสอบเสร็จอาจจะติดเรื่องอะไรเลยไม่สามารถทำให้มาในวันนี้ได้เลยทันที

พี่เทมส์ได้ฟังเหตุผลของผมแล้วก็ต้องยอมแพ้ แต่ส่วนหนึ่งผมรู้ดีว่าพี่ชายของผมรักและตามใจผมมากขนาดไหน พี่เทมส์ไม่เคยขัดใจผมเลยสักเรื่อง ผมถึงมักจะอ้อนขอนั่นขอนี่จากพี่ชายตัวเองมากกว่าพ่อและแม่ ซึ่งเหตุการณ์คราวนี้ก็เช่นกัน พี่เทมส์เลือกที่จะพาผมมา มานั่งรอเป็นเพื่อนโดยที่ไม่บ่นว่าเบื่อหรือปริปากต่อว่าอะไรผมเลยแม้แต่นิด

ผมยังคงมานั่งคอยพี่ภูที่ร้านไอศครีมเหมือนเดิมทุกวัน จนหนึ่งวันผ่านไปเป็นสองวัน สามวัน สี่วัน จนครบอาทิตย์พี่ภูก็ไม่เคยปรากฎตัวเลยสักครั้ง จากที่เคยไปนั่งรอด้วยความตื่นเต้นในวันแรกๆ หัวใจผมก็เริ่มห่อเหี่ยวลงวันละนิดเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนพี่เทมส์ทนไม่ไหวยื่นคำขาดว่าให้ผมเลิกไปรอ ซึ่งผมก็ทัดทานอะไรมากไม่ได้ เพราะก็อย่างที่เห็นพี่ภูไม่มาตามที่ได้บอกผมไว้เลย ไม่เคยมาเลยสักวัน...

ผมไม่รู้ว่าพี่ภูมีเหตุผลอะไรหรือเป็นอะไรหรือเปล่าถึงไม่ได้มาตามที่ได้นัดกับผมไว้ ผมเสียใจมากและก็เอาแต่คิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เราได้เจอกันที่ร้านไอศครีมในทุกๆ เย็น แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาไม่กี่นาทีแต่ผมก็มีความสุขมาก ผมได้คุย ได้พูดเล่น ได้กล้าแสดงออกทั้งๆ ที่เป็นคนขี้อาย เพราะรู้ดีว่าพี่ภูจะรับฟังและมองผมด้วยสายตาและรอยยิ้มที่อ่อนโยนอบอุ่น ผมเป็นเด็กโลกแคบที่ได้เห็นโลกกว้างขึ้นเมื่อได้รู้จักกับพี่ภูที่แสนใจดีคนนั้น จนผมนึกไม่ออกเลยว่าเพราะเหตุอะไรพี่ภูถึงได้ปล่อยให้ผมรอเก้อ ทั้งๆ ที่เรานัดกันไว้แล้ว ทั้งๆ ที่ผมเองก็ตั้งใจไว้แล้วด้วยเช่นกันว่าจะขอช่องทางการติดต่อกับพี่ภูไว้ เพราะหลังจากนี้พี่ภูก็ต้องเรียนจบออกไปเป็นผู้ใหญ่ ไปอยู่มหาวิทยาลัย ไปอยู่ในโลกกว้างๆ ที่ไม่อุดอู้อยู่แต่กับครอบครัวแบบผม

ผมคาดหวังเอาไว้ไม่น้อยว่าพี่ภูจะเป็นโลกอีกใบที่ผมกล้าจะออกไปเผชิญ ผมถึงขั้นกับวาดฝันเอาไว้เลยด้วยซ้ำว่าผมจะยังคงติดต่อกับพี่ภูได้ ยังคงออกไปกินไอศครีมด้วยกันได้บ้าง โดยที่พี่ภูจะมีขนมอร่อยๆ มาฝาก พร้อมกับเรื่องราวสนุกๆ ในมหาวิทยาลัยที่ภูออกไปเจอ ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าผมช่างเพ้อฝันและมโนไปไกล แต่จะให้ผมทำไงได้ เพราะนอกจากพี่ภูแล้วผมก็ไม่เคยมีเพื่อนคุยคนไหน ไม่เคยมีใครที่ทำให้ผมตื่นเต้นและอยากจะก้าวขาออกไปผจญภัยหลังจากติดอยู่ในเซฟโซนที่ครอบครัววางไว้ให้มานานถึงสิบห้าปี

ผมไม่มีเพื่อนสนิทไม่มีคนที่จะนั่งคุยด้วยได้เป็นวรรคเป็นเวร เพราะผมรู้ตัวดีว่าเป็นคนคุยไม่สนุกและออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ เพื่อนในห้องที่มีเราก็ปฏิสัมพันธ์กันเฉพาะเรื่องเรียน ผมไม่เคยออกไปเที่ยว ออกไปเล่น ออกไปติวกันกับกลุ่มเพื่อนแบบนั้น ด้วยข้อจำกัดที่ทุกคนก็รู้ดีว่ามันคืออะไร ผมไม่โกรธไม่โทษพ่อกับแม่หรอก เพราะผมรู้ว่าพวกท่านหวังดี ยิ่งเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น ผมยิ่งเข้าใจ

ดังนั้นการที่พี่ภูก้าวเข้ามา ทั้งเข้ามาปกป้องและเข้ามาสร้างสีสันในโลกใบแคบๆ ของผม ยิ่งทำให้ผมผูกหัวใจติดกับพี่ภูไว้โดยที่ไม่รู้ตัว

.

.

.

วันเวลาผ่านไปอย่างเงียบเหงา พี่เทมส์เลิกพาผมไปที่ร้านไอศครีมร้านนั้นแล้ว แต่เพราะยังเห็นผมทั้งซึมทั้งเศร้าพี่เทมส์เลยพยายามพาผมไปเที่ยวไปเปิดหูเปิดตา พาไปดูมหาวิทยาลัยใหม่ที่พี่เทมส์จะไปเข้าเรียน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงไม่ลืมพี่ภูและหวนคิดถึงเขาอยู่เสมอ

จนกระทั่งวันนั้นวันที่ผมไม่คาดคิด วันที่ผมได้เจอกับพี่ภูอีกครั้งแต่กลับเป็นการเจอกันที่ทำให้ผมเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิตและคงไม่มีวันลืม…

“คุณหนูเทมส์คะ มีเพื่อนมาขอพบค่ะ รออยู่ในห้องรับแขก”

ผมที่กำลังนั่งห้อยขาเล่นอยู่ริมสระ โดยมีพี่เทมส์นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้อาบแดดตัวยาวข้างๆ หันไปมองด้วยความแปลกใจ เพราะพี่เทมส์ไม่ค่อยให้เพื่อนมาหาที่บ้านสักเท่าไหร่

“อ่อ ขอบคุณครับป้าบัว มันบอกเทมส์อยู่ว่าจะมา ยังไงเทมส์รบกวนป้าบัวหาน้ำหาขนมให้มันทีนะครับ เดี๋ยวเทมส์ตามไป”

พี่เทมส์เตรียมพับหนังสือเก็บ ก่อนจะหันมาเลิกคิ้วให้ผมเมื่อเห็นว่าผมกำลังจ้องหน้าพี่เทมส์อยู่ด้วยความสงสัย

“ครับ?”

“เพื่อนพี่เทมส์มา? แต่ปกติพี่เทมส์ไม่ค่อยให้เพื่อนมาบ้านนี่ครับ?”

“ฮ่าๆ เรามันเจ้าหนูจำไม” พี่เทมส์หยิกแก้มผมเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว “คนนี้เพื่อนสนิทครับ เมื่อคืนมันอุตส่าห์ดั้นด้นโทรมาบอกว่าต้องเจอพี่เพราะมีเรื่องด่วนจะคุยด้วย พี่ขี้เกียจพาไนล์ออกไปตะลอนๆ เลยนัดให้มันมาหาที่บ้านแทน”

“อ่อ.. ไนล์แปลกใจเฉยๆ แต่ที่จริงก็แอบไม่เข้าใจหน่อยๆ ว่าทำไมพี่เทมส์ไม่ค่อยชวนเพื่อนมาบ้าน”

ผมพูดขึ้นมาลอยๆ ไม่ได้จะถามหาคำตอบอะไรจากพี่ชายตัวเองอยู่แล้ว แต่คำตอบที่ได้จากพี่เทมส์ทำเอาผมต้องหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“ก็พี่หวงไนล์ไงครับ ไนล์น่ารัก พวกเพื่อนพี่มันปากไม่ค่อยดีเลยไม่อยากให้เจอ”

“ฮ่าๆ พี่เทมส์ก็พูดไป” ผมขำ แต่พี่ชายผมกลับไม่ขำด้วย แถมยังทำหน้าเอาจริงเอาจังอีกต่างหาก

“พี่พูดจริงๆ ไม่ขำครับไนล์” ผมหุบปากฉับไม่กล้าขำต่อ แต่ก็ยังอมยิ้มแบบเม้มปากอยู่เพราะไม่อยากให้พี่เทมส์ดุ

“ก็ได้ครับ ไม่ขำก็ไม่ขำ” ผมย่นจมูกใส่พี่ชายตัวเอง ทำเอาพี่เทมส์ต้องยื่นมือมาบิดจมูกผมเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว “ว่าแต่ทำไมคนนี้มาได้ล่ะครับ ไหนว่าพี่เทมส์หวงไนล์”

“ก็คนนี้เพื่อนสนิทครับ มันไม่กล้ารุ่มร่ามใส่ไนล์หรอกเพราะกลัวพี่เตะ”

“ฮ่าๆ” ผมขำเสียงดังเพราะเห็นว่าบทสนทนาเราดูผ่อนคลายมากขึ้น “พี่ชายไนล์เก่งจัง เตะเพื่อนด้วย”

พี่เทมส์เองก็หลุดขำออกมาเบาๆ ตอนเห็นผมหัวเราะจนตาปิด ซึ่งนี่เป็นการหัวเราะอย่างจริงจังครั้งแรกจากหลายวันที่ผ่านมาเลยมั้ง หลังจากที่ผมเศร้าหงอยเพราะไม่ได้เจอพี่ภู

“ไม่คุยด้วยแล้ว เพื่อนพี่รออยู่” พี่เทมส์ว่าพลางลุกขึ้นยืน แต่ก่อนที่จะเดินไปพี่เทมส์ก็หันกลับมาหาผมราวกับนึกขึ้นได้ “ว่าแต่ไนล์อยากรู้จักเพื่อนพี่ไหมครับ คนนี้พี่อนุญาตให้รู้จักได้”

ผมหัวเราะกับความขี้หวงของพี่ชายตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่เอาดีกว่าครับ พี่เทมส์กับเพื่อนตามสบายเลย เดี๋ยวไนล์นั่งตรงนี้อีกแปปก็ว่าจะขึ้นไปอาบน้ำแล้ว เหนียวตัว”

พี่เทมส์ยิ้มให้ก่อนที่จะเดินออกไปไม่เซ้าซี้ผมต่อ เพราะพี่เทมส์รู้ดีว่าผมเป็นคนขี้อายไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองและเปิดใจให้คนแปลกหน้ายากเลยไม่อยากเซ้าซี้ ต่างจากพี่ภูที่ผมเปิดใจให้อย่างง่ายดายเพราะเขาเป็นคนช่วยชีวิตผมไว้และผมมั่นใจด้วยว่าตัวเองจะปลอดภัยหากอยู่ใกล้เขา

ผมพรูลมหายใจออกมาช้าๆ เมื่อรู้สึกตัวได้ว่ากำลังคิดถึงพี่ภูอีกแล้ว ผมยิ้มขื่นๆ ให้ตัวเองก่อนจะสะบัดศรีษะเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืนตั้งใจว่าจะเดินอ้อมห้องรับแขกเข้าห้องนั่งเล่น ไม่ตัดผ่านไปตรงๆ เพราะไม่อยากกวนพี่เทมส์กับเพื่อน แต่ในจังหวะที่ผมเดินเลาะห้องรับแขกไปเพื่อเข้าห้องนั่งเล่นผมกลับได้ยินเสียงคุ้นหูลอยเข้ามา มันคุ้นมากเสียจนทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวไปทางบันไดขึ้นชั้นสองกลับต้องเปลี่ยนทิศทางมุ่งไปยังห้องรับแขกแทน

“ไหนน้องชายมึง? ไม่เห็นพามาให้รู้จักสักทีวะ หวงจั๊ง!” ผมได้ยินเสียงคุ้นหูของเพื่อนพี่เทมส์ต่อว่าพี่เทมส์ไม่จริงจังในขณะที่พี่ชายผมก็โต้ตอบนิ่งๆ ตามประสา

“น้องกูไม่อยากรู้จักคนชั่วๆ อย่างมึงไง เพราะน้องกูฉลาด”

“ฮ่าๆ อย่ามาอ้างเลยว่ะ กูรู้ทันคนขี้หวงน้องอย่างมึงดีไอ้เทมส์”

ผมเดินเข้าใกล้เสียงพูดคุยระหว่างพี่เทมส์และเพื่อนมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับหัวใจที่สั่นระรัวถี่ขึ้นตามจังหวะ ความตื่นเต้น ดีใจ ประหม่า ล้นเอ่ออยู่เต็มอก เพียงแค่ว่าถ้าเพื่อนพี่เทมส์จะเป็นคนเดียวกับที่ผมคิด...

“ว่าแต่ที่มึงว่ามีเรื่องด่วนจะมาบอกนี่เรื่องอะไรวะ หายหัวไปเป็นอาทิตย์ๆ จู่ๆ นึกจะขอโผล่มาบ้านกูก็มาเฉย น่าหน่ายใจชิบหายเป็นเพื่อนมึงเนี่ย”

และทันทีที่พี่เทมส์พูดจบประโยค ผมก็เดินไปถึงทางเข้าตรงหน้าห้องรับแขกพอดี ผมยืนหลบอยู่ข้างกำแพงพร้อมกับชะโงกหน้าออกไปแอบมองช้าๆ ก่อนที่ร่างกายทั้งหมดจะแข็งทื่อไปโดยอัตโนมัติ

เขานั่งอยู่ตรงนั้น เขานั่งอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้ามพี่เทมส์ และถึงแม้ผมจะเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา ผมก็จำได้


พี่ภู... พี่ภูของผม


“เออ ก็มีเรื่องสำคัญจะบอก สำคัญมาก”

น้ำเสียงขี้เล่นของพี่ภูเปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียดตอนไหนผมก็ไม่อาจนึกหาคำตอบได้ เพราะสิ่งเดียวที่ตอนนี้ผมสนใจก็คือ...

พี่ภูกับพี่เทมส์เป็นเพื่อนสนิทกัน

และความจริงข้อนี้ก็ทำให้ผมยิ้มออก...

ถ้าพี่ภูกับพี่เทมส์สนิทกันก็หมายความว่าผมจะมีโอกาสได้เจอพี่ภูมากขึ้น บ่อยขึ้น และยิ่งถ้าพี่เทมส์รู้ว่าเพื่อนสนิทของเขาเป็นคนช่วยเหลือผมไว้ความสัมพันธ์ของพี่ภูกับพี่เทมส์ก็จะยิ่งแน่นแฟ้น ผมกับพี่ภูก็จะยิ่งได้มีโอกาสเจอกันบ่อยๆ พูดคุยกันบ่อยๆ ได้เล่าเรื่องสนุกหรือขอคำปรึกษาพี่ภูบ่อยๆ

ผมคิดนั่นคิดนี่ไปมากมายอย่างมีความสุขจากที่เคยขลาดอายที่จะต้องแสดงตัวต่อหน้าเพื่อนพี่เทมส์ก็ทำให้ผมเปลี่ยนความคิด

เพราะถ้าเพื่อนคนนั้นของพี่เทมส์คือพี่ภู ผมก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลหรือไม่มั่นใจ เราเข้ากันได้ดี ความจริงข้อนี้เป็นสิ่งที่ผมรู้ดีอยู่แก่ใจ

ก้อนเนื้อเล็กๆ ใต้อกข้างซ้ายของผมเต้นกระหน่ำรัวอย่างยินดี ผมไม่รู้ว่ามันเต้นแรงพราะผมมีความสุขมากเกินไปหรือมันเต้นแรงเพราะกำลังฟ้องความรู้สึกบางอย่างที่ผมไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีต่อพี่ภู ... ความรู้สึกที่มากกว่าการเป็นพี่เป็นน้อง การเป็นคนรู้จัก หรือการเป็นผู้มีพระคุณ

ผมไม่ได้นึกสนใจอะไรมากนักในตอนนั้นและในขณะที่ผมกำลังจะก้าวออกไปพร้อมรอยยิ้มกว้าง ตั้งใจจะตะโกนเรียกชื่อพี่ภูแล้วออกไปยืนตรงหน้า จิตนาการไปหมดว่าจะได้เห็นสีหน้าแปลกใจแบบไหนที่พี่ภูจะแสดงออกออกมาเมื่อยามที่เห็นและได้รู้ว่าผมเป็นน้องชายของพี่เทมส์ …

“กูกำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอกว่ะ เดินทางวันพรุ่งนี้ นี่แหละเรื่องสำคัญที่กูจะบอกมึงเทมส์”

เสียงที่เปล่งออกมาของพี่ภูทำให้เท้าเล็กๆ ที่กำลังจะก้าวเข้าไปในห้องรับแขกของผมหยุดชะงัก พร้อมๆ กับรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของผมเลือนหาย จินตนาการแห่งความสุขและความคาดหวังที่อยู่ในอกดับวูบและผมกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองตกจากบนฟ้าหล่นลงมากระแทกพื้นจนเจ็บจุกไปทั่วทั้งอก ทั้งตัว และหัวใจ

พี่ภูกำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก และต้องออกเดินทางในวันพรุ่งนี้

จากที่เคยคาดหวังว่าจะได้อยู่ใกล้ จะได้เจอ จะได้พูดคุย กลับกลายเป็นว่างเปล่าเพราะความจริงกำลังร้องประท้วงบอกผมว่าพี่ภูกำลังจะจากไป จากไปจนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะกลับมา

และถึงแม้ว่าพี่ภูจะกลับมา ก็ใช่ว่าเขาจะจำเด็กผู้ชายในร้านไอศครีมคนนั้นได้

น้ำใสๆ ไหลออกมาจากตากลมผมช้าๆ ความรู้สึกของการต้องจากลาทำให้ผมเจ็บจนจุกไปหมด

ผมค่อยๆ ก้าวถอยหลังกลับมาในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง เหมือนกับที่กำลังก้าวถอยหลังกลับเข้ามาในโลกแคบๆ ที่ไม่มีใครของตัวเอง ความกล้าที่จะแสดงตัวว่าเป็นน้องชายของพี่เทมส์ไม่เหลือหรอ ผมกลับกลายเป็นคนขี้กลัวและไม่มั่นใจในตัวเองอีกครั้ง

เสียงคุยของพี่เทมส์กับพี่ภูเบาลงเรื่องๆ หลังจากที่ผมตัดสินใจเดินจากมา ผมยอมรับว่าผมไม่มีความเข้มแข็งมากพอที่จะทนรับอะไรแบบนี้ได้

ความแปลกใจที่เคยมีมากมายในความรู้สึกถูกปลดล็อคช้าๆ

ทำไมผมถึงยอมให้พี่ภูก้าวเข้ามาในชีวิต

ทำไมทุกครั้งที่เจอเขาแล้วผมต้องตื่นเต้น ประหม่า และดีใจจนไม่เป็นตัวของตัวเอง

ทำไมแค่ไม่เจอกัน หรือแค่พี่ภูไม่มาหาตามที่สัญญาไว้ ผมถึงได้ผิดหวังและเสียใจจนมากมายมายขนาดนั้น

ภาพต่างๆ ในความทรงจำระหว่างผมและพี่ภูไหลบ่าเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกคำถามที่ผมตั้งว่าทำไม ทำไม ทำไม ได้รับคำตอบอย่างชัดเจนหลังจากที่ผมรู้ว่าตัวเองต้องห่างไกลกับพี่ภู หรืออาจจะต้องจากกันไกลโดยไม่ได้เจอกันอีกตลอดกาล


ผมตกหลุมรักพี่ภู ตกหลุมรักตั้งแต่วันแรกที่เราได้รู้จักกัน ... ตั้งแต่วันที่เขาช่วยชีวิตผมไว้

หัวใจของผมก็กลายเป็นของเขานับตั้งแต่นั้นมา....


.

.

.

To Be Continue

-----------------------------------------

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ ชอบไม่ชอบยังไงเม้นท์บอกได้เด้อ จะได้เอาไปปรับปรุงแก้ไขจ้า
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-18 : Universe 2nd)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 19-02-2020 20:17:09
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-25 : Universe 3rd)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 25-02-2020 20:07:48
Universe 3rd : I will


ผมกลับเข้ามานั่งน้ำตาไหลเงียบๆ ในห้อง ผมรู้ใจตัวเองในวันที่พี่ภูกำลังจะจากไป และจะกลับมาเมื่อไหร่ไม่รู้...

ผมร้องไห้จนหลับเผลอหลับไป พอตื่นขึ้นมาก็ได้แต่คิดวนไปวนมาไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ผมไม่เคยมีความรัก ผมไม่เคยรู้ว่าสิ่งที่มันวนเวียนอยู่ในความรู้สึกของผมตอนนี้เรียกว่าความรัก ผมคิดเรื่องนี้จนปวดหัวเพราะไม่ใช่แค่ว่าพี่ภูกำลังจะไปในที่ไกลแสนไกล แต่มันยังมีอีกเหตุผลที่ทำให้ใจผมเจ็บไปหมด


ผมเป็นตัวประหลาดแบบนี้ใครจะมารัก พี่ภูอาจจะรังเกียจผมถ้ารู้ว่าผมเป็นผู้ชายแล้วตั้งท้องได้


ยิ่งคิดน้ำตาผมยิ่งไหล ผมไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นแต่ผมก็เสียใจจนไม่อยากจะขยับตัว

รักครั้งแรกของผม... ไม่เห็นแม้แต่ทางที่จะสมหวัง


ก็อก ก็อก ก็อก


เสียงเคาะประตูดังขึ้นจนผมที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยสะดุ้งโหย่ง ผมรีบยกมือขึ้นปาดน้ำหูน้ำตาที่ไหลเปรอะแก้มออก เพราะค่อนข้างแน่ใจว่าคนที่มาเคาะห้องคือพี่เทมส์ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพี่ภูคงกลับไปแล้ว

และมันก็คงจะหมายถึงว่าโอกาสสุดท้ายที่ผมจะได้ร่ำลาและเจอพี่ภูก็หมดลงไปแล้วด้วยเช่นกัน

ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอแล้วรีบเดินตรงไปยังประตูเพื่อเปิดให้พี่เทมส์เข้ามา เพราะไม่อยากให้พี่เทมส์สงสัยว่าผมทำอะไรอยู่ถึงเปิดประตูช้ากว่าปกติ

“ไหนว่าจะอาบน้ำไงครับ ทำไมยังอยู่ชุดเดิมล่ะ พ่อกับแม่ใกล้จะกลับมาแล้วนะ”

แต่พอพี่เทมส์เห็นหน้าผมชัดๆ ก็ต้องชะงัก เมื่อสังเกตเห็นว่าผมร้องไห้หนักมากขนาดที่ว่าตาบวมขึ้นมามากกว่าปกติ

“ไนล์ร้องไห้ทำไมครับ? ใครทำอะไร ไหนบอกพี่”

พี่เทมส์ถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้อง ปิดประตูแล้วจูงมือผมไปนั่งที่เตียง ซึ่งผมเองพอได้ยินคำถามของคนเป็นพี่ น้ำตาที่เพิ่งจะเหือดแห้งก็ไหลลงมาอีกรอบ จากที่ตั้งใจหนักแน่นว่าจะไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้ก็รู้ได้โดยทันทีในนาทีนั้นว่าผมไม่สามารถก้าวผ่านความรู้สึกและความสับสนต่างๆ ได้หากไม่มีใครช่วย และผมก็มองไม่เห็นว่าจะมีใครเข้าใจและช่วยเหลือผมให้พ้นจากสิ่งที่เป็นอยู่ได้ นอกจากพี่ชายแท้ๆ ที่เผลอๆ อาจจะรู้จักผมดีมากกว่าที่ผมรู้จักตัวเองด้วยซ้ำ

“พี่เทมส์.. ฮึก นะ ไนล์ ไนล์ไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไง”

ผมก้มหน้านิ่งพร้อมกับกลั้นก้อนสะอื้น โดยมีพี่เทมส์คอยลูบศีรษะปลอบโยนอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง

“ค่อยๆ ครับ ใจเย็นๆ ไนล์หยุดร้องไห้ก่อนแล้วค่อยๆ เล่าให้พี่ฟังช้าๆ ทีละเรื่องดีไหมครับ”

ผมพยักหน้ารับก่อนที่จะพยายามตั้งสติ รวบรวมความคิดตัวเองที่กระจัดกระจาย และพอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ผมก็โผเข้ากอดคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ราวกับจะหาที่พึ่ง

“พี่เทมส์ ไนล์ ไนล์... พี่เทมส์จะดุไนล์ไหม ถ้าไนล์บอกอะไรบางอย่างให้พี่เทมส์ฟัง”

ผมได้ยินเสียงพี่เทมส์ถอนหายใจ ก่อนที่น้ำเสียงใจดีของพี่ชายจะดังอยู่เหนือศีรษะซึ่งเป็นประโยคที่ทำให้ผมต้องหลุดยิ้ม

“อย่าถามในสิ่งที่ไนล์รู้คำตอบดีครับ” พี่ชายผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะเอ่ยถาม “ไหนครับ มีอะไรจะบอกพี่ พี่ไม่ดุไนล์หรอก ดุไม่ลง ทั้งรักทั้งหลงน้องตัวเองขนาดนี้”

“พี่เทมส์ครับ ไนล์คิดว่า... ไนล์หลงรักพี่คนนั้น คนที่เขาช่วยชีวิตไนล์ไว้”

ผมอ้อมแอ้มบอกพี่ชายเสียงเบาแต่ทุกคำพูดกลับหนักแน่นและชัดเจน แน่นอนว่าพี่เทมส์ตกใจในสิ่งที่ได้ยินพอสมควรเพราะพี่ชายผมถึงกลับดันตัวผมออกจากอ้อมกอดพร้อมกับสบตาผมนิ่ง เพื่อจะดูว่าสิ่งที่ผมพูดออกมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือว่าผมกำลังล้อเล่น

“ไนล์.. ไนล์ว่าไงนะครับ ไนล์รักใคร ไนล์เพิ่งจะอายุสิบห้าเองนะ ไนล์รู้จักความรักแล้วเหรอครับ”

พี่ชายผมหน้าซีดเผือด ผมรู้ดีว่าพี่เทมส์คงตกใจมากเพราะในสายตาของเขาผมเป็นน้องน้อยที่ต้องได้รับการดูแลปกป้องประคบประหงม ผมไม่มีเคยมีเพื่อนสนิท ผมไม่เคยให้ความสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ ผมมีแต่พ่อ แม่ พี่เทมส์ มีแต่ครอบครัวของเรา มันก็ไม่แปลกหรอกที่พี่เทมส์จะคิดว่าผมอ่อนเดียงสาและไม่น่าจะรู้จักความรักดีมากขนาดนั้น

บางทีพี่เทมส์อาจจะคิดถูก... ซึ่งก็คงเป็นเพราะความอ่อนเดียงสาอีกนั่นแหละ ที่ทำให้ผมตกหลุมรักพี่ภูง่ายๆ โดยที่ผมเองยังไม่ทันจะรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

“ตอนแรกไนล์ก็ไม่รู้แต่ไนล์เพิ่งรู้เมื่อกี้” พอพูดผมก็นึกถึงภาพของพี่ภูที่บอกพี่เทมส์ว่ากำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก น้ำตาผมก็พาลจะไหลออกมาอีก เดือดร้อนให้พี่เทมส์ต้องยื่นนิ้วมาเกลี่ยเช็ดให้จ้าละหวั่น

“เพิ่งรู้เมื่อกี้?” พอเห็นสีหน้าสงสัยระคนไม่เข้าใจของพี่ชาย ผมเลยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะอธิบายให้พี่เทมส์ฟังช้าๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป

“ครับ ไนล์เพิ่งรู้ตัวเมื่อกี้ว่าไนล์รักเค้า ตอนที่ไนล์แอบได้ยินเค้าบอกพี่เทมส์ว่าเค้าจะไปเรียนต่อเมืองนอก ใจไนล์หาย มันวูบเหมือนกำลังจะดิ่งลงเหวแล้วก็เจ็บในอกไปหมด ไนล์รู้แค่ว่า.. ฮึก! ไนล์ไม่อยากให้เค้าไป ไนล์อยากให้เค้าอยู่ใกล้ๆ อยู่ดูแลไนล์ อยู่เป็นเพื่อนคุยกับไนล์ อยู่ให้ไนล์ได้เห็นเค้าในสายตา... ฮือออ แบบนี้มันคือความรักใช่ไหมครับพี่เทมส์”

พี่เทมส์ตกใจจนตาโต ดูเหมือนว่าพี่ชายผมจะเรียบเรียงความคิดประกอบคำพูดผมได้แล้ว ถึงได้ละล่ำละลักถามออกมาแทบไม่เป็นคำ

“เดี๋ยวนะครับไนล์ ไอ้ที่ไนล์บอกว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอกเนี่ย มันไอ้ภูเพื่อนพี่หรือคนที่ไนล์รัก ไหนไนล์บอกพี่ว่าไนล์รักคนที่ช่วยชีวิตไนล์ไว้ไง”

“ถ้าไนล์จะบอกว่าทั้งสองคนเป็นคนเดียวกันล่ะครับพี่เทมส์... พี่เทมส์จะว่าอะไรไหม?”

ผมสบตาพี่ชายพร้อมกับตอบอ้อมแอ้ม ใจนึงก็เขินอีกใจก็เสียใจ ความรู้สึกต่างๆ มันตีปนกันมั่วไปหมด

“นี่ไนล์กำลังจะบอกพี่ว่าไอ้ภูกับคนที่เคยช่วยชีวิตไนล์ไว้เป็นคนเดียวกันงั้นเหรอ? ... เป็นไปได้ยังไง?”

พี่เทมส์ถามผมด้วยใบหน้าที่ดูตกใจและดูเหมือนว่าประโยคหลังพี่เขาจะพึมพำกับตัวเองมากกว่าที่จะถามผม แต่ผมก็อยากจะย้ำเพื่อให้พี่เทมส์มั่นใจ

“เป็นไปแล้วครับ ไนล์ก็เพิ่งรู้ว่าพี่ภูที่เคยช่วยไนล์กับเพื่อนสนิทพี่เทมส์เป็นคนๆ เดียวกัน เมื่อกี้ตอนที่ไนล์เห็นพี่ภู ไนล์ดีใจมากๆ พอยิ่งรู้ว่าพี่เทมส์กับพี่ภูเป็นเพื่อนสนิทกันไนล์ก็ยิ่งดีใจ แต่พอไนล์ได้ยินพี่ภูบอกว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอก...”

ผมหยุดพูด พร้อมกับน้ำตาที่ไหลงลงมาเงียบๆ

ผมคิดในใจว่าผมนี่โชคดีเป็นบ้า พอได้รู้จักว่าความรักคืออะไร นาทีถัดมาก็อกหักไปพร้อมๆ กันเลย ... จะมีใครได้รับโอกาสดีๆ แบบนี้เหมือนผมบ้าง

พี่เทมส์ดึงผมไปกอดพร้อมกับลูบหลังลูบไหล่เบาๆ ราวกับจะปลอบโยน

“ไม่เป็นไรนะครับไนล์... ไม่เป็นไร พี่เองก็ไม่ดีไม่เคยได้ถามไนล์เลยว่าคนที่เคยช่วยไนล์ไว้ชื่ออะไร เพราะดันลืมคิดไปว่าโรงเรียนมันก็แคบแค่นี้ไม่น่าที่พี่จะไม่รู้จัก คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนใกล้ตัวพี่มากๆ แบบไอ้ภู”

ผมกลั้นก้อนสะอื้นเงียบๆ พลางขยับแขนโอบกอดพี่ชายเอาไว้แน่น

“พี่เทมส์อย่าโทษตัวเองเลย ถ้าพี่เทมส์ผิด ไนล์ก็ผิด ไนล์เคยได้คุยกับพี่ภูทุกวัน แต่ไนล์กลับไม่เคยถามพี่ภูเลยว่ามาติวกับใคร ไนล์เอาแต่คุยเรื่องตัวเอง ขนาดว่าชื่อ ไนล์ยังไม่เคยบอกพี่ภูเลยว่าไนล์ชื่ออะไร พี่ภูเองก็ไม่ถามเค้าเอาแต่เรียกไนล์ว่าเด็กขี้แย... จังหวะมันคงไม่ได้จริงๆ นั่นแหละครับ ทุกอย่างมันเลยผิดที่ผิดโอกาสไปหมด”

ผมนึกน้อยใจและตำหนิตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมมีโอกาสหลายต่อหลายครั้งที่จะแนะนำตัวเอง ที่จะคุยจะถามพี่ภู แต่เวลาอยู่ด้วยกัน ผมก็ดันเอาแต่ตักตวงความสุขที่ได้รับจนหลงลืมทุกอย่างไปหมด บอกตามตรงว่าผมไม่โทษใครทั้งนั้นนอกจากตัวเอง

“ช่างมันเถอะไนล์ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว โอเคไหมครับ”

พี่เทมส์พยายามปลอบผม กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นและลูบศีรษะผมเบาๆ ราวกับจะอยากให้ผ่อนคลายและเลิกคิดมาก เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีกได้แต่ปล่อยความเงียบทำงาน ผมรู้ดีตอนนี้พี่เทมส์คงกังวลๆ หลายเรื่องเลยแหละ

ไหนจะเรื่องที่ผมเริ่มเรียนรู้ที่จะรักใครแถมยังเป็นรักที่ไม่อาจจะสมหวัง ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ผมรักยังเป็นเพื่อนสนิทของพี่เทมส์อีก ผมรู้ว่าพี่เทมส์คงลำบากใจไม่น้อยเพราะเค้าทั้งเป็นห่วงและหวงผมมาก เขาคงไม่ทันได้ทำใจเพื่อที่จะต้องมารับรู้ว่าน้องชายอายุสิบห้าของตัวเองกำลังตกหลุมรักทั้งๆ ที่ร่างกายใช่ว่าจะปกติเหมือนคนอื่นทั่วไป

“พี่เทมส์...”

“หือ? ว่าไงครับ?”

“พี่ภูจะรังเกียจไนล์ไหม? เพราะไนล์ .. ไนล์เป็นแบบนี้ นายผิด...”

“ห้ามพูดว่าตัวเองผิดปกตินะไนล์ พี่ไม่ชอบคำนี้” พี่เทมส์พูดเสียงดุ ทำเอาผมเม้มปากฉับ “ไนล์ไม่ได้ผิดปกติ สิ่งที่เกิดขึ้นกับไนล์พี่เชื่อว่ามันมีเหตุและผล อย่ามองว่ามันคือคำสาปให้มองว่ามันเป็นของขวัญที่ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้รับ”

“แต่ใช่ว่าคนอื่นจะเข้าใจนะครับพี่เทมส์ ไนล์กลัว ไนล์กลัวพี่ภูรับไม่ได้ รับไม่ได้แม้แต่จะเป็นพี่น้องกัน”

“ไนล์ฟังพี่นะครับ พี่สนิทกับไอ้ภูมาก พี่คบกับมันมาตั้งแต่ม.ต้น และพี่ก็กล้าพูดเต็มปากเลยว่ามันไม่ได้เป็นคนแบบนั้นและถึงมันจะเป็นคนแบบนั้น.. แบบที่ไนล์กลัว ไนล์ก็ไม่ต้องไปสนใจเพราะถึงยังไงไนล์ก็จะมีพี่ ตั้งแต่วันที่ไนล์เกิดจนถึงวันนี้พี่ถือว่าไนล์คือของขวัญชิ้นพิเศษที่สุดของครอบครัวเรา โอเคไหมครับ”

น้ำตาที่เหือดแห้งไปจากตากลมทั้งสองข้างของผมไหลลงมาอีกครั้งราวกับทำนบแตก ผมสะอึกสะอื้นอยู่กับอ้อมอกแข็งแรงที่ผมคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก และก็เป็นอีกครั้งที่เจ้าของอ้อมอกนี้ปกป้องดูแลผมตามสัญญาที่เคยให้ไว้ตั้งแต่ผมจำความได้

“..ฮึก ฮืออ พี่เทมส์ ไนล์ ไนล์ขอโทษ..”

“ชู่วว ไม่เอาครับ ไม่ร้องไห้... ไม่ต้องขอโทษนะ ไนล์ไม่ได้ทำอะไรผิด” พี่เทมส์จูบลงมาเบาๆ ที่หน้าผากผม “ไนล์อยากรักไอ้ภูไนล์ก็รัก พี่ไม่ห้าม พี่ไม่ว่า อยากรักเท่าไหร่ก็ได้แต่ไนล์ต้องรักตัวเองด้วย โอเคไหมครับ?”

“ครับ.. ฮึก!” ผมปล่อยโฮอีกครั้ง ก่อนที่จะปล่อยให้ตัวเองร้องไห้คาอกพี่ชายอยู่แบบนั้นจนเผลอหลับไป โดยที่ไม่ทันได้เห็นความกังวลใจที่ส่งผ่านออกมาจากสายตาของพี่เทมส์

สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและคาดหวัง หวังให้รักครั้งนี้ของน้องชายไม่จริงจัง ไม่ฝังใจและหวังว่าไนล์จะลืมไอ้ภูได้ในสักวัน เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพื่อนรักของตัวเองจะไปนานแค่ไหน อาจจะนานมากพอให้ไนล์ลืมหรืออาจจะนานไม่มากพอให้ไนล์ได้ทันตัดใจ...

.

.

.

“ไนล์ครับ ไนล์อยากไปส่งไอ้ภูพรุ่งนี้ไหม เดี๋ยวพี่พาไป จะได้ไปร่ำลามันเพราะมันน่าจะไปหลายปี”

พี่เทมส์ถามขึ้นตอนที่ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงของเขา คืนนี้ผมขอพี่เทมส์มานอนด้วยเพราะมั่นใจว่าถ้านอนคนเดียวผมต้องคิดนั่นคิดนี่จนนอนไม่หลับแน่ๆ สู้มานอนให้พี่เทมส์ลูบหัวเล่นดีกว่า มือพี่เทมส์อุ่นลูบหัวผมไม่กี่ทีผมก็หลับปุ๋ยแล้ว

“มะ.. ไม่เอาครับพี่เทมส์ ไนล์ไม่กล้าไป”

ผมส่ายหน้าดิกตอนที่พี่เทมส์หันมามองเพื่อเอาคำตอบ... ผมก็ยังคงผมเป็นผมที่ไม่กล้าและขาดความมั่นใจ

ผมกังวลไปหมดว่าควรทำสีหน้ายังไงแสดงออกแบบไหน แล้วยิ่งพอรู้ใจตัวเองว่าแอบคิดไม่ซื่อกับพี่ภูผมก็ยิ่งไม่กล้าไปเจอ กลัวไปทำอะไรให้พี่เขานึกรู้ อาจจะยิ่งอึดอัดและลำบากใจพอได้รู้ว่าผมเป็นน้องชายของเพื่อนสนิทตัวเอง

และอีกเหตุผลที่สำคัญ เหตุผลที่ทำให้ยังไงผมไม่กล้าไปปรากฎตัวต่อหน้าพี่ภูในวันพรุ่งนี้

“ไนล์กลัวว่าไนล์จะไม่กล้าบอกลาพี่ภู ไนล์กลัวว่าไนล์จะทำตัวน่าอายด้วยการร้องไห้ แล้วขอร้องพี่ภูไม่ให้ไป”

ผมตอบพี่ชายตัวเองเสียงค่อย ให้พี่เทมส์ต้องถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามาล้มตัวนอนลงข้างผมแล้วกอดผมไว้แน่น

ผมกอดพี่เทมส์ตอบเพราะผมชอบอ้อมกอดของพี่เทมส์ อ้อมกอดที่ปลอบประโลมผมได้เสมอ อ้อมกอดที่อบอุ่นปลอดภัยและหวังดี ผมรู้ว่าถ้าผมอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายอันเป็นที่รักของตัวเองแล้วผมจะมีความสุข นั่นคือเหตุผลที่เรามักจะกอด จะหอมกันบ่อยๆ การแสดงออกของเราสองคนพี่น้องเป็นไปโดยธรรมชาติ พี่เทมส์ติดผม ส่วนผมก็ชอบอ้อนพี่เทมส์ จึงไม่แปลกนักที่เราจะชอบสกินชิพ โดนเนื้อโดนตัวซึ่งกันและกันเพื่อให้อุ่นใจว่ามีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ได้ทิ้งกันไปไหน

“แต่พี่อยากให้ไนล์ไป ไม่ได้ต้องไปในฐานะคนที่ชอบมันก็ได้แต่ไปในฐานะน้องชายพี่”

ผมถอนหายใจก่อนจะตอบพี่ชายตัวเองจริงจังตามตรง “ถ้าเป็นก่อนหน้าที่ไนล์จะรู้ใจตัวเอง ไนล์จะไม่ปฏิเสธที่จะไปกับพี่เทมส์เลย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ เพราะไนล์ไม่บริสุทธิ์ใจ...ไนล์เลยไม่อยากรู้จักกับพี่ภูในฐานะน้องชายเพื่อน ไม่อยากให้พี่ภูมองหรือเอ็นดูไนล์แค่ในฐานะน้อง”

“ไนล์!”

พี่เทมส์ดูตกใจที่ผมคิดแบบนั้น ซึ่งเอาเข้าจริงตัวผมเองก็ตกใจกับความคิดของตัวเองไม่น้อยเหมือนกัน แต่ในเมื่อผมถลำลึกเข้าไปในความรู้สึกของตัวเองแล้ว ผมก็ไม่อยากจะโกหก ผมอยากจริงใจและซื่อสัตย์กับสิ่งที่ผมคิดให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

“พี่เทมส์ไนล์ขอร้อง.. ไนล์รู้ว่าไนล์ทำตัวแก่แดด ไม่น่ารักแถมยังคิดไปไกลเป็นตุเป็นตะ แต่ไนล์มั่นใจนะ ว่ามันน่าจะโอเคกว่าการพาตัวเองไปรู้จักพี่ภูในฐานะน้องชาย เพราะไนล์ไม่ได้คิดกับพี่เขาแค่พี่ชายจริงๆ”

“เฮ้อ... เอ้าๆ พี่ล่ะเหลือเชื่อเลย เราน่ะเหมือนเด็กหัวอ่อนว่าง่ายแต่เวลาดื้อหรือยึดมั่นในความคิดตัวเองเนี่ย พี่สู้ไนล์ในเวอร์ชั่นนั้นไม่ไหวจริงๆ”

พี่เทมส์พูดปลงๆ ทำเอาผมต้องหลุดหัวเราะ

“ฮ่ะๆ พี่เทมส์ก็...”

“อ่ะ โอเค ไม่ไปก็ไม่ไป งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งมันเองแล้วจะบอกมันด้วยว่าน้องชายพี่ฝากมาส่ง ... แบบนี้ดีไหมครับคุณหนูน้อย”

ผมยิ้มจนตาปิด คือ.. ที่จริงมันบวมเต่งจนขยับหน้านิดก็ปิดเองอัตโนมัติต่างหาก เอาเถอะ ผมยิ้มขอบคุณคนเป็นพี่แต่ก็ไม่วายอ้อนขอในสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริงๆ ในวันพรุ่งนี้

ผมคงอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้แน่ ถ้ารู้ว่าพี่ภูกำลังจะไป ขืนอยู่แล้วเอาแต่นั่งคิดว่าภูกำลังจะบิน ผมต้องอกแตกตายแน่ๆ

“แต่พี่เทมส์ครับ พรุ่งนี้พี่เทมส์พาไนล์ไปที่ร้านไอศครีมร้านประจำได้ไหมครับ ไปก่อนที่พี่เทมส์จะไปส่งพี่ภูที่สนามบินก็ได้ แล้วเดี๋ยวไนล์ให้ลุงชัยไปรับ”

พี่เทมส์มองหน้าผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสารและเป็นห่วงเป็นใย พี่เขาคงรู้ดีว่าผมไม่อยากอยู่บ้านเลยรับปากว่าจะพาทั้งไปส่ง ไปรับ แล้วแถมยังจะเลี้ยงไอศครีมด้วย

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปรับไปส่งเราเอง ไม่ต้องใม้ลุงชัยขับตามไปหรอก มันยุ่งยาก”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ เอาตามนี้แหละ” พี่เทมส์ตัดบท “พรุ่งนี้อยากกินอะไรบอก เดี๋ยวพี่เลี้ยง โอเคไหมครับ?”

ผมยิ้มกว้างพอรู้ว่าตัวเองจะได้กินของโปรด “ดีครับ ขอบคุณพี่เทมส์นะครับ”

“ครับ” พี่เทมส์ว่าพลางจุ๊บที่หน้าผากผมเบาๆ “แต่ตอนนี้เด็กติดไอศครีมต้องนอนได้แล้ว วันนี้ร้องไห้เยอะแยะเลย ตาบวมไปหมด พักผ่อนก่อนนะ พรุ่งนี้ตาจะได้หายบวม พ่อกับแม่จะได้ไม่สงสัย”

ผมปิดเปลือกตาลงทันทีที่ได้ยินพี่ชายบอกแบบนั้น และผมก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วเพราะความอ่อนเพลียทางด้านจิตใจกับความรู้สึกที่ถาโถม ซึ่งผมก็ทำอะไรได้ไม่มากนอกจากภาวนาขอให้วันพรุ่งนี้จงอย่ามาถึงเลย

.

.

.

แต่คำภาวนาของผมก็ไม่เป็นจริง

สายๆ วันต่อมา พี่เทมส์ขับรถพาผมมาที่ร้านไอศครีมเจ้าประจำที่ผมมักจะมานั่งรอพี่ภูในทุกเย็น ก่อนที่จะเลิกมาไปเมื่อตอนอาทิตย์ก่อนเพราะพี่ภูไม่มาตามที่นัดไว้

ผมเดินเข้ามาในร้านพร้อมพี่ชายในขณะที่มองไปรอบๆ ภาพความทรงจำต่างๆ ระหว่างผมกับพี่ภูไหลบ่าเข้ามาอย่างท่วมท้น ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอเพราะไม่อยากให้พี่ชายต้องเป็นห่วง และไม่อยากจะบอกลาพี่ภูด้วยน้ำตาและความทรงจำที่ไม่ดี

“ไนล์ทานอะไรดีครับ โกโก้ปั่นไหม”

ผมกับพี่เทมส์เดินไปนั่งโต๊ะประจำ ด้วยความที่ผมมาบ่อยเป็นปกติ โดยเฉพาะมานั่งรอพี่เทมส์เลิกเรียน เลยพอจะคุ้นหน้าคุ้นตาพี่เจ้าของร้านอยู่บ้างเพราะพอเธอเห็นหน้าผมเธอก็ยิ้มกว้างเดินตรงรี่เข้ามาหาพร้อมกับเมนูและสมุดจดในมือ

“สวัสดีค่ะ น้องไม่มานานเลย วันนี้ทานอะไรดีจ๊ะ”

ผมยิ้มบางๆ ให้พี่เจ้าของร้านส่วนพี่เทมส์ก็ทำหน้าที่รับเมนูมาเปิดเลือกทั้งขนมและเครื่องดื่มสำหรับทั้งผมและตัวเอง

“เอาโกโก้ปั่น ลาเต้ร้อน แล้วก็วาฟเฟิลไอศครีมที่นึงครับ”

“โอเคค่ะ รอสักครู่นะคะ” พี่เจ้าของร้านส่งยิ้มหวานให้พี่เทมส์หลังจากรับออเดอร์เสร็จ เธอเก็บเมนูเตรียมจะเดินจากไปก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ตอนหันมามองหน้าผมอีกรอบ

“อ่า... พี่ลืมเกือบสนิทเลย” พี่เจ้าของร้านหันมาพูดกับผมพร้อมกับทำหน้าราวกับว่าตัวเองเพิ่งจะนึกเรื่องสำคัญได้ “เราไม่มาเกือบอาทิตย์พี่เลยเพิ่งนึกขึ้นได้ รอแปปนึงนะจ๊ะ”

ผมทำหน้างงว่าพี่เจ้าของร้านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ยังไม่ได้ทันถามทันตอบกันให้รู้เรื่องเธอก็เดินถอยออกไปจากโต๊ะผมเสียก่อน พี่เทมส์หันมามองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ ราวกับจะบอกว่าตัวเองก็ยังงงๆ อยู่ จนกระทั่งพี่เจ้าของร้านกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกล่องขนาดกลางๆ ในมือ

“อ่ะ นี่จ้ะ... ของเรา น้องนักเรียนม.ปลายที่สูงๆ หล่อๆ ที่เรานั่งคุยด้วยทุกเย็นเมื่อเดือนก่อนเขาฝากไว้ให้”

ผมถึงกับชะงัก ตอนที่กำลังจะยื่นมือไปรับ จากสายตาและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนไป ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่

ผมยื่นมือไปรับกล่องที่ว่าด้วยมือสั่นเทาและนึกรู้ในทันทีว่าเจ้าของของที่ฝากไว้เป็นใคร ถ้าไม่ใช่


... พี่ภู


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-25 : Universe 3rd)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 25-02-2020 20:24:44
(ต่อจากด้านบน)


“ที่จริงของที่น้องเขาฝากไว้ให้เราคือของที่อยู่ในกล่องน่ะจ้ะ อืม... พี่รู้สึกว่าเราสองคนน่าจะคลาดกันนะเพราะหลังจากวันที่เราไม่มาวันนึง น้องม.ปลายเขาก็มามานั่งรอเกือบทั้งวันเหมือนที่เรานั่งรอนี่แหละ มาอยู่เป็นอาทิตย์เชียว นานพอๆ กับเราเลย”

พี่เขาทำหน้านึกอยู่แปป ในขณะที่ผมได้ยินในสิ่งที่พี่เจ้าของร้านบอกแล้วก็ได้แต่สมองว่างเปล่า ใจเต้นแรงจนเจ็บ ผมไม่รู้ว่าผมเจ็บเพราะผมดีใจหรือผมเจ็บที่โอกาสของเรามันไม่ใช่โอกาสที่ให้เราได้พบเจอกันจริงๆ จังๆ เสียที

“เขามาทุกวัน รออยู่ทุกวัน พอจะกลับก็กังวลกลัวว่าเราจะมาแล้วคลาดกัน เพราะพี่ก็บอกน้องเขาไปอยู่ว่าก่อนนี้เราก็มารอ เขาดูเสียใจมากนะที่ไม่ได้มาเจอน้อง เขาเลยตัดสินใจเขียนโน้ตแล้วฝากพี่ไว้ เผื่อเรามาตอนน้องเขาไม่อยู่จะได้ไม่คลาดหรือต้องรอกันจนเก้ออีก และถึงแม้ว่าเราจะไม่มาเลยน้องเขาก็ยังคงฝากโน้ตไว้ทุกวันๆ บางวันก็มีของมีขนมด้วย จากที่แค่วันละชิ้นสองชิ้น มันก็มากขึ้นเรื่อยๆ จนพี่ต้องเอากล่องมาใส่ไว้ให้นี่แหละจ้ะ”

ผมแทบจะไม่กระพริบตาเลยสักครั้งตอนที่ฟังพี่เจ้าของร้านเล่าให้ฟัง ผมซึมซับคำพูดทุกคำประโยคทุกประโยคที่พี่เจ้าของร้านบอกเอาไว้ในใจจนมันล้นอกไปหมด ผมทั้งดีใจทั้งเสียใจทั้งเขินอาย ทุกความรู้สึกมันวิ่งวุ่นจนผมคิดว่าตัวเองอาจจะขาดใจตายได้ และก่อนที่บรรยากาศมันจะกระอักกระอ่วนไปมากกว่านี้พี่เทมส์ก็พูดขึ้นแทนผมที่เพิ่งได้สติ

“ขอบคุณมากนะครับ รบกวนพี่เลยต้องมาเก็บของไว้ให้น้องชายผม”

“โอ๊ย ไม่เป็นไรจ้ะ ลูกค้าประจำ เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก”

พี่เจ้าของร้านหันมายิ้มให้ผม ผมถึงได้รู้สึกตัวจึงยิ้มตอบกลับไปพร้อมกับพุ่มมือขึ้นกลางอก แล้วยกไหว้พี่เขาอย่างนึกขอบคุณ

“ขอบคุณพี่มากนะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ”

“ลองเปิดดูเอานะว่ามีอะไรบ้าง เผื่อจากที่โกรธเขาอยู่เราจะได้หายโกรธ”

พี่เขาว่าพร้อมกับเดินจากไปให้ผมได้มองตาม ก่อนจะหันมามองหน้าพี่ชายตัวเองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ราวกับกำลังจะถามด้วยสายตาว่าผมควรเปิดหรือไม่เปิดมันออกมา


... เพราะถ้าจะให้เปรียบกล่องที่อยู่ในมือผมมันก็คงเป็นเหมือนกล่องแพนโดร่าที่คงเต็มไปด้วยความลับที่ผมอยากรู้ มันคงหอมหวานมากมายหลังจากที่ผมได้เห็นของข้างในกล่อง แต่แน่นอนว่าผมก็ต้องยอมแลกกับความเป็นจริงที่ว่า

ทุกอย่างจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป หลังจากผมเปิดกล่องใบนี้ออก


“ทำตามใจที่ไนล์อยากทำครับ จะเปิดหรือไม่เปิดไนล์ก็แค่ถามใจตัวเอง เพราะพี่ก็คงจะบอกเหมือนทุกครั้งที่พี่บอกว่าไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป แต่พี่จะยังคงอยู่ข้างๆ ไนล์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”

พอได้ยินพี่เทมส์พูดแบบนั้น ผมก็เลิกคิด เลิกใช้ตรรกะทุกอย่าง แล้วถามหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นรัวอยู่ใต้แผ่นอกว่าความต้องการที่ผมอยากได้คืออะไร


และสุดท้ายผมก็เอื้อมมือที่สั่นเทาของตัวเองไปเปิดฝากล่องออก


ของในกล่องไม่ได้แตกต่างจากที่พี่เจ้าของร้านบอกเท่าไหร่นัก มันเต็มไปด้วยกระดาษเกือบสิบแผ่น บางแผ่นก็เขียนข้อความยาวเหยียด บางแผ่นก็เขียนสั้นๆ นอกจากนั้นก็มีพวงกุญแจรูปเด็กน้อยกำลังนั่งร้องไห้อยู่สองอัน ซึ่งมีโพสต์อิทอันเล็กๆ ติดไว้ที่ตัวด้านบน ‘เห็นแล้วนึกถึง หน้าเหมือนเราชะมัด’ ส่วนอีกชิ้นก็เป็นพวงกุญแจเหมือนกันแต่เป็นพวงกุญแจรูปเด็กผู้ชายกำลังยิ้มกว้างจนตาปิดพร้อมกับโพสท์อิทเล็กๆ แบบเดียวกัน ‘อยากให้ยิ้มเยอะๆ เหมือนเจ้าตัวนี้ เวลาเรายิ้มเราน่ารักมากนะ’ ส่วนอันสุดท้ายเป็นสร้อยข้อมือถัก เป็นของขวัญที่ทำให้ผมต้องยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อเห็นโพสท์อิทที่แนบไว้ ‘มีเส้นเดียวในโลกเพราะพี่สั่งทำมาเพื่อเรา’ และ...

กระดาษแผ่นที่ใหญ่ที่สุด ที่เขียนชื่อนามสกุลจริง ที่อยู่ที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด รวมไปถึงอีเมล์แอดเดรส


KIRIN AKIRAPAIBOON

2xx LARK SPUR


CALIFORNIA SPRINGS

CA 92xx

USA


e-mail: Phu_KA26อย่าแสดงเมลบนบอร์ด


น้ำตาที่ผมพยายามกลั้นไว้ไหลลงมาเป็นทางเพียงแค่เห็นข้อความต่อมาในกระดาษนั้น แม้จะไม่ยาวแต่ก็เหมือนต่อลมหายใจให้กับคนที่กำลังสิ้นหวังอย่างผมให้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์


‘ติดต่อมาหาพี่นะเจ้าเด็กขี้แย... แล้วพี่จะรอ’


ผมปาดน้ำตาออกลวกๆ ก่อนจะตัดสินใจแยกกระดาษและของกระจุ๊กกระจิ๊กชิ้นเล็กที่ภูให้ไว้เอามาวางกองไว้ที่โต๊ะ จากนั้นก็ค่อยๆ หยิบกระดาษโน้ตแผ่นไม่ใหญ่มากขึ้นมาทีละแผ่น ก่อนจะอ่านมันช้าๆ ทีละประโยค


‘พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้มาหาเราตามสัญญา พอดีพี่ติดธุระสำคัญเรื่องเรียน พูดแล้วก็เหมือนแก้ตัวซึ่งพี่ก็แก้ตัวจริงๆ นั่นแหละ แต่พี่ต้องไปจัดการเรื่องเรียนให้เรียบร้อยและมันก็โคตรยุ่งยากเลยกว่าจะเสร็จ เรามารอพี่นานหรือเปล่า ... พี่อยากเจอเรานะ อยากเล่าต่อหน้าว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ยังไงก็ถ้าได้อ่านโน้ตฉบับนี้ก่อนวันพรุ่งนี้ เรารอพี่หน่อยนะ พรุ่งนี้พี่จะมาหา สัญญา’


ผมพับมันลงพร้อมกับความรู้สึกวูบโหวงในใจ

ถ้าผมรู้ ผมคงจะมา เสียดายที่โอกาสและจังหวะเวลาของเราสองคน... ไม่เคยตรงกันเลย

แต่ผมก็ตัดสินใจคลี่กระดาษแผ่นต่อมาออกแล้วอ่านต่อ


‘วันนี้มาไม่ได้เหรอเจ้าเด็กขี้แย พี่แอบผิดหวังนิดหน่อยแต่ก็เข้าใจได้เพราะคนที่ผิดสัญญาก่อนก็คือพี่ แต่ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ยังมี พี่จะมารอที่นี่เหมือนเดิมนะ หวังว่าเราจะมาหาพี่ได้ มีเรื่องอยากเล่าให้ฟังเยอะแยะเลย มาให้ได้นะ’


ผมกลั้นก้อนสะอื้น และพยายามรวบรวมสติเพื่อที่จะได้อ่านโน้ตแผ่นต่อๆ ไป


‘วันนี้เราก็คงมาไม่ได้สินะ แต่ไม่เป็นไรไว้พรุ่งนี้พี่จะมาใหม่ ที่จริงนอกจากเรื่องราวมากมายที่พี่อยากเล่า พี่ก็มีเรื่องสำคัญที่จะบอกเราด้วย ... พี่อยากบอกต่อหน้าไม่อยากเขียนเล่าทางจดหมาย ยังไงพี่จะรอนะ’


ผมเปิดกระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าอ่าน ข้อความก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้คือพี่ภูมาที่ร้านไอศครีมทุกวัน บางวันก็มามากกว่าหนึ่งรอบเพราะกลัวว่าจะคลาดกับผมที่อาจจะมาคนละเวลา ดังนั้น จำนวนแผ่นโน้ตที่มีเลยมากกว่าจำนวนวันที่ผมไม่ได้มาและที่เราไม่ได้เจอกัน จนถึงกระดาษแผ่นสุดท้ายที่น่าจะเพิ่งเขียนเมื่อวานก่อนแวะไปหาพี่เทมส์ที่บ้าน ทำให้ผมห้ามตัวเองไม่ไหว ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาจนพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ โผเข้ามากอดแทบไม่ทัน


‘เราคงมาไม่ได้จริงๆ ซึ่งพี่ก็คงต่อว่าอะไรเราไม่ได้เพราะคนที่ผิดสัญญาก่อนคือพี่ และพี่ก็ต้องรับสภาพการกระทำของตัวเอง พี่ไม่อยากแก้ตัวแต่อยากอธิบายว่าจริงๆ แล้วช่วงอาทิตย์แรกที่พี่หายไป พี่ต้องไปติดต่อเรื่องเรียนมาจริงๆ เพราะที่บ้านอยากให้พี่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ มันค่อนข้างจะปุบปับ ซึ่งใจจริงแล้วพี่ก็ไม่อยากไปเท่าไหร่ ตั้งใจจะเข้ามหาวิทยาลัยและคณะที่ตั้งใจไว้ แต่การไปต่างประเทศครั้งนี้มันเลี่ยงไม่ได้ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ดังนั้น พี่จึงต้องรีบไปจัดการติดต่อที่เรียน ทำวีซ่า ต่างๆ นาๆ เลยกินเวลาหลายวันกว่าจะเรียบร้อย แต่มันก็คงช้าเกินไปทำให้เรากับพี่เลยคลาดที่จะต้องเจอกัน ใจจริงพี่เองก็อยากบอกเรื่องนี้ให้เรารู้ด้วยตัวเอง แต่ในเมื่อมันสุดวิสัย ทำอะไรไม่ได้ พี่ก็ได้แต่หวังว่าเราจะได้อ่านโน้ตพวกนี้ในสักวัน และถ้ามันยังทัน ก่อนที่พี่จะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ มาส่งพี่ที่สนามบินนะ พี่คงถึงสนามบินประมาณบ่ายสามโมง แต่ถ้ามาไม่ได้หรือไม่ทันก็ไม่เป็นไร เพราะไม่รู้ว่าเราจะยังพอเชื่อคำสัญญาพี่ได้ไหม แต่เมื่อไหร่ที่พี่กลับมา พี่จะมารอเจอเราที่ร้านนี้และสัญญาว่าจะกลับมาเจอเราให้ได้ ไม่ว่ามันจะผ่านไปอีกกี่ปีก็ตาม

ไม่รู้ว่าพี่พอจะหวังได้ไหม แต่พี่ก็ยังคงหวังว่าเราจะได้เจอกันก่อนที่พี่จะไปเพราะพี่เองก็ไม่รู้ว่าต้องไปนานกี่ปี อย่างน้อยพี่ก็อยากจะบอกลาเราด้วยตัวเองและขอช่องทางในการติดต่อไว้ ให้เรียกแต่เจ้าเด็กขี้แยคงไม่ไหว อยากเรียกชื่อเราบ้าง อยากเรียกชื่อเราสักครั้ง ก่อนที่เราจะต้องจากกันจริงๆ

... มาให้ได้นะเจ้าเด็กขี้แย แล้วพี่จะรอ’


หลังจากอ่านข้อความพวกนั้นจบ ผมก็กอดพี่ชายตัวเองแน่น อีกใจก็ดีใจที่พี่ภูไม่ได้ผิดสัญญา ไม่ได้ลืมผม แต่พี่ภูแค่มีเหตุผลที่ทำให้มาไม่ได้ ผมนิ่งคิดและพยายามชั่งใจว่าจะเอาอย่างไรดี

ผมไม่อยากจะพลาดโอกาสสุดท้ายในการเจอพี่ภูไปแต่ผมก็ไม่กล้าพอที่จะไปแสดงตัว อย่างที่บอกว่าผมไม่ได้บริสุทธิ์ใจ จะให้ผมไปปั้นหน้ายิ้มแล้วบอกกับพี่ภูว่าเป็นน้องชายของพี่เทมส์ผมก็ทำไม่ได้

“ไนล์ครับ บางเรื่องไนล์อาจจะไม่จำเป็นต้องคิดหาเหตุผลอะไรมากมายนะ ไนล์แค่ทำตามที่ใจไนล์อยากจะทำ แค่นั้นก็พอ”

ผมเอาคำพูดของพี่เทมส์มาคิด ก่อนที่จะตัดสินใจในที่สุด

“พี่เทมส์ครับ ไนล์อยากไปส่งพี่ภู” พี่เทมส์ยิ้มตอนที่ได้ยินผมบอกแบบนั้นแต่แล้วก็ต้องทำหน้าประหลาดใจ เมื่อได้ยินผมพูดประโยคต่อมา “แต่ไนล์ไม่ออกไปให้พี่ภูเจอนะครับ ไนล์ขอแค่แอบไปส่งพอ ได้ไหมครับพี่เทมส์”

พี่ชายผมพรูลมหายใจออกมาเบาๆ เพราะรู้ว่าขัดอะไรผมไม่ได้ เพราะถึงแม้ผมจะหัวอ่อนและขี้อาย แต่เรื่องดื้อแพ่งผมก็มีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครเหมือนกัน

“เอ้าๆ ตามใจไนล์เลยครับ อยากจะแอบส่งหรือส่งตรงๆ ก็ได้” พี่เทมส์ว่าพร้อมกับพาผมลุกขึ้นยืน “แต่ตอนนี้เราต้องออกไปสนามบินกันได้แล้ว ถ้าไม่อยากไปส่งไอ้ภูช้าเนาะ”

ผมพยักหน้าพร้อมกับกระชับมือพี่ชายที่จับไว้แน่น และได้แต่หวังในใจว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของผมจะเป็นการตัดสินใจที่ดีมากพอที่จะไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง

.

.

.

ผมกับพี่เทมส์มาถึงสนามบินตอนเวลาเกือบจะบ่ายสาม ผมมองเห็นพี่ภูยืนอยู่ไกลๆ กับครอบครัว เขาเหมือนกำลังมองหาใครสักคนอยู่ และถ้าผมไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป คนที่ภูกำลังมองหาอาจจะเป็นผมก็ได้ ผมได้แต่ปล่อยให้ตัวเองยิ้มบางๆ กับความคิดที่เพ้อฝันของตัวเอง แม้ไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่จริงแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมมีความสุขมากพอที่จะปลอบประโลมให้ตัวเองยืนส่งพี่ภูแค่ตรงนี้ ไม่เข้าไปใกล้มากเกินความจำเป็น

“พี่เทมส์ไปเถอะครับ ไนล์รอตรงนี้ได้” ผมเอ่ยปากพลางมือปล่อยให้พี่ชายที่จับกันอยู่ให้เดินเข้าไปหาเพื่อนสนิท พร้อมกับรับปากว่าจะรอพี่เทมส์อยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน

“เข้าไปใกล้อีกนิดก็ได้นะไนล์ ไอ้ภูมันไม่เห็นหรอก” พี่เทมส์พยายามคะยั้นคะยอคนขี้ขลาดแบบผม ซึ่งก็คงไม่ได้ผลนัก เมื่อผมยืนยันเจตนารมย์เดิม

“ไม่เป็นไรครับ ตรงนี้ก็เห็น เข้าไปใกล้กว่านี้ไนล์กลัวห้ามตัวเองไม่ไหว ไม่ได้กลัวว่าพี่ภูจะหันมาเห็นหรอก”

“อ่ะ รอตรงนี้ก็ตรงนี้ แต่ถ้าพี่หันมาไม่เห็นไนล์ พี่ทิ้งไอ้ภูทันทีนะ” พี่ชายผมย้ำ ผมจึงพยักหน้าหงึกหงักรับปากว่าจะไม่ไปไหน

“ครับ ไนล์ไม่ไปไหนหรอก พี่เทมส์ไปเถอะ” ผมดันหลังพี่ชายให้ออกเดิน “ฝากส่งพี่ภูด้วยนะครับ อวยพรแทนไนล์ด้วยว่าขอให้พี่ภูเดินทางปลอดภัย อยู่ที่นั่นก็ดูแลตัวเองด้วย อากาศไม่เหมือนที่บ้านเรา อย่าปล่อยให้ตัวเองป่วยง่ายๆ”

ผมพูดในสิ่งที่ใจคิดยาวเหยียดจนพี่เทมส์หลุดยิ้ม ก่อนจะยกมือขึ้นยีศีรษะผมด้วยความเอ็นดู

“ก็บอกแล้วว่าให้ไปด้วยกัน เนี่ย สั่งเสียยาว ห่วงมันขนาดนี้ไนล์น่าจะไปบอกมันเอง” พี่เทมส์จ้องหน้าผม พร้อมกับพูดจริงจังขึ้นอีกนิด “พี่ว่าถ้ามันได้เจอไนล์ก่อนไป มันคงดีใจ”

ผมลังเล ใจนึงก็อยากบอกอยากอวยพรอยากร่ำลาคนที่ผมรักด้วยตัวเอง แต่อีกใจก็ไม่กล้าพอขนาดนั้น ซึ่งความขี้ขลาดและไม่มั่นใจมักจะเอาชนะผมได้ทุกทางเสมอ

“ไม่เป็นไรครับ ไนล์ฝากพี่เทมส์บอกแหละ.. ดีแล้ว” ผมว่าเสียงแผ่ว และดูเหมือนพี่ชายผมจะรู้ทันไม่น้อยว่าผมกำลังลังเลเลยยิ่งถามย้ำ

“แน่ใจนะว่าไม่อยากบอกด้วยตัวเอง” พอเจอพี่ชายคาดคั้นผมก็เริ่มเงียบ แต่พอพี่เทมส์เห็นความไม่มั่นคงทั้งทางอารมณ์และทางสายตาของผม เขาจึงตัดสินใจแทน

“เอางี้” พี่เทมส์พูด ก่อนจะวิ่งไปที่เคาน์เตอร์ให้บริการเช่ารถที่อยู่ใกล้ๆ พูดอะไรกับพนักงานหญิงที่เฝ้าเคาน์เตอร์อยู่สองสามคำ จากนั้นก็ส่งยิ้มหวานสุดๆ ให้ ผ่านไปไม่ถึงอึดใจพี่พนักงานคนที่ว่าก็หันไปค้นกุกกักที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ พร้อมกับส่งกระดาษกับปากกามาให้พี่เทมส์ ที่กล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มบาดใจที่ทำเอาคนเห็นแทบจะแข้งขาอ่อน

ผมมองการกระทำของพี่ชายอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก เขาวิ่งกลับมาพร้อมกับกระดาษและปากกาในมือ ก่อนที่จะยื่นให้ผม แล้วพูดในสิ่งที่ผมไม่ได้คิดเผื่อไว้มาก่อน

“อยากบอกอะไรไอ้ภูมัน ไนล์ก็เขียนลงกระดาษนี่เลย เดี๋ยวพี่อ้างเองว่าเมื่อกี้แวะไปร้านไอศครีมมาแล้วเจ้าของร้านฝากมาให้มัน เพราะน้องคนที่มันไปรอหาทุกวันฝากไว้ให้ ไอ้ภูมันไม่สงสัยหรอกหัวมันช้าเรื่องอะไรแบบนี้ มันฉลาดหมดทุกเรื่องอ่ะ ยกเว้นเรื่องความสัมพันธ์”

ผมคิดตามก่อนที่จะพบว่าแผนของพี่เทมส์ก็เข้าท่าดี ผมเลยจัดการเดินไปหาที่นั่ง ก่อนจะบรรจงเขียนสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ลงไปในกระดาษแผ่นนั้น ซึ่งคงจะกลายเป็นของแทนใจที่สำคัญที่สุดที่ผมมีให้พี่ภู


‘พี่ภูครับ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมไม่ส่งพี่ภูไม่ได้ ผมเพิ่งจะรู้ข่าววันนี้เองว่าพี่ภูจะเดินทาง ที่ทำได้ก็คงมีเพียงเขียนโน้ตทิ้งไว้ เผื่อว่าจะมีใครบังเอิญเอากระดาษแผ่นนี้ไปให้พี่ภูแทนผมได้ เพราะผมเองก็อยากจะอวยพรให้พี่ภูเดินทางปลอดภัยและไปอยู่ที่นู่นอย่างมีความสุข ไม่ว่าพี่ภูจะทำอะไรก็ตาม

สำหรับเรื่องของเรา ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงในเมื่อจังหวะเวลามันไม่ได้ไปเสียหมด ผมไม่โกรธ ผมเข้าใจ แต่ลึกๆ ผมก็อดเสียดายไม่ได้ที่เราจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกหลายปี แต่อย่างไรก็ดีผมอยากให้พี่ภูดูแลตัวเอง อย่าเจ็บ อย่าป่วย อย่าปล่อยปละละเลยตัวเองนะครับ เพราะยังไงแล้วสุขภาพก็ควรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่พี่ภูควรให้ความใส่ใจ

สุดท้าย ผมเองก็ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสที่จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ แต่ผมสัญญาครับว่าผมจะไม่มีวันลืมพี่ภูคนใจดีที่สุดในโลกคนนี้เด็ดขาด ส่วนผมเองก็ไม่ขออะไรมาก ถึงพี่ภูจะลืมผม ผมก็ไม่ว่าอะไรขอแค่ให้พี่ภูเก็บเรื่องของเราไว้เป็นความทรงจำดีๆ ก็พอ ผมจะรอวันที่พี่ภูกลับมานะครับ แล้วพอถึงวันนั้นผมจะแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับพี่ภูแน่นอน ผมสัญญา

ลาก่อนครับพี่ภู ... N’


ผมตัดสินใจที่จะไม่ใส่ชื่อตัวเองลงไป เพราะอยากจะบอกเขาต่อหน้าด้วยตัวเองว่าผมชื่ออะไร อยากได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อผม เหมือนอย่างที่พี่ภูบอกไว้ในโน้ตก่อนหน้านี้

“เสร็จแล้วครับพี่เทมส์” ผมพับกระดาษนั้นให้เล็กลง แล้วยื่นให้พี่ชายที่รับไปพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่พี่เทมส์จะยื่นมือมาเกลี่ยน้ำใสๆ ที่คลออยู่ในตากลมของผมอย่างเบามือ

“ไม่ร้องไห้ตอนพี่ไม่อยู่นะครับคนเก่ง เดี๋ยวพี่กลับมา ให้พี่ไปส่งไอ้ภูมันแทนไนล์ โอเคไหมครับ”

ผมพยักหน้าพร้อมกับปาดน้ำตาออกลวกๆ เพราะใจจริงก็ไม่อยากร้องไห้โยเยส่งพี่ภูแบบนี้

“ไปเถอะครับพี่เทมส์ เดี๋ยวจะไม่ทันพี่ภูเข้าเกท”

พี่เทมส์หันไปมองเพื่อนก่อนจะหันมาสำรวจผมอีกรอบ เมื่อเห็นว่าน้ำตาผมหยุดไหลแล้ว พี่ชายอันเป็นที่รักก็ลูบศีรษะผมเบาๆ ก่อนที่จะผละออกไปให้ผมมองตามตาละห้อย

ผมเห็นพี่เทมส์เดินเข้าไปหาพี่ภู ก่อนที่ภูจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาหาเป็นใคร สองคนเพื่อนสนิทกอดกัน จากนั้นพี่เทมส์ก็หันไปยกมือไหว้คุณแม่ของพี่ภู ผมเดาว่าเป็นแม่เพราะรูปหน้าของพี่ภูคล้ายผู้หญิงคนนั้นมาก คุณแม่พี่ภูดูสวยและใจดี เวลายิ้มกว้างยิ่งดูใจดีและอบอุ่นเหมือนรอยยิ้มของพี่ภูไม่มีผิด คุณแม่พี่ภูพูดอะไรบางอย่างกับสองคนก่อนจะเดินแยกออกมา

หลังจากคล้อยหลังคุณแม่ ผมก็เห็นพี่เทมส์พูดอะไรบางอย่างกับพี่ภู ก่อนที่จะตบไหล่พี่ภูเบาๆ เดาว่าคงร่ำลาและสั่งให้ดูแลตัวเองดีๆ ผมเห็นพี่ภูยิ้มก่อนจะตบไหล่เพื่อนสนิทกลับแล้วสองคนก็กอดกันอีกครั้ง จากนั้นพี่เทมส์ก็หยิบกระดาษแทนใจของผมออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนจะส่งให้พี่ภู พี่ภูทำหน้าประหลาดใจก่อนจะก้มลงคลี่กระดาษในมือออกอ่าน ซึ่งพี่เทมส์ก็อาศัยจังหวะนั้นหันมามองทางผมช้าๆ

ผมพยักหน้าให้พี่ชายตัวเองเป็นเชิงว่ารับรู้แล้วว่าจดหมายของผมถึงมือพี่ภูเรียบร้อย พี่เทมส์จึงหันหลับไปซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่ภูอ่านข้อความในกระดาษนั้นจบพอดี

หน้าตาพี่ภูดูประหลาดใจปนตื่นเต้นปนผิดหวัง ปนอะไรหลายๆ อย่างคาดว่าคงไม่ต่างจากผมตอนเห็นกระดาษโน้ตพวกนั้นที่ร้านไอศครีม ซึ่งพี่ชายผมเองก็ใจเย็นมากพอที่จะอธิบายให้เพื่อนสนิทฟังช้าๆ พี่ภูเองก็ดูตั้งใจรับฟัง จนใจผมเต้นแรงไปหมด

หลังจากที่สองคนเพื่อนสนิทคุยกันเสร็จ ก็ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะไม่ได้พูดอะไรกันอีกเพราะพี่ภูเอาแต่มองจดหมายของผมที่อยู่ในมือของตัวเอง ผมได้แต่ภาวนาขอให้พี่ภูไม่ขยำมันแล้วทิ้งลงถังขยะ ไม่งั้นผมคงขาดใจแน่ๆ แต่แล้วพี่ภูก็ทำให้ผมน้ำตาไหลลงมาอีกรอบ เมื่อเขาพับกระดาษแผ่นที่ว่าช้าๆ อย่างเบามือก่อนจะเก็บลงกระเป๋าเสื้อ พร้อมกับตบที่กระเป๋าเบาๆ ราวกับต้องการจะแน่ใจว่ากระดาษแผ่นนั้นถูกเก็บอย่างดีแล้ว และแล้วช่วงเวลาสุดท้ายก็มาถึงเมื่อแม่พี่ภูเดินกลับมาพร้อมพูดอะไรบางอย่าง เดาว่าคงถึงเวลาที่พี่ภูจะต้องเขาเกทแล้ว

ผมเห็นพี่ภูหันมองรอบๆ อีกครั้งก่อนที่คุณแม่ของพี่ภูจะเดินเข้ามา ท่านกอดพี่ภูแน่นในขณะที่พี่ภูก็กอดตอบท่านอยู่เป็นเวลานาน ผมเห็นแม่พี่ภูพูดจาฝากฝังยกใหญ่ ซึ่งพี่ภูเองก็ตั้งใจรับฟังเต็มที่ และหลังจากที่พี่ภูฟังคุณแม่พูดจบพี่ภูก็หันกลับมากอดพี่เทมส์อีกครั้ง แต่แล้วก็เหมือนพี่ภูจะนึกขึ้นได้เลยหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวครีมของตัวเองขึ้นมา แล้วยืมปากกาจากพี่เทมส์ขีดเขียนอะไรบางอย่างลงบนผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าวแล้วก็ยื่นให้พี่เทมส์ จากนั้นก็จากฝากฝังอะไรพี่เทมส์ยกใหญ่ ซึ่งพี่เทมส์ก็พยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ ผมเองก็ได้แต่ชะเง้อมองเพราะอยากรู้ว่าสองเพื่อนสนิทคุยอะไรกัน จนช่วงเวลาสุดท้ายมาถึงจริงๆ พี่เทมส์กับพี่ภูกอดกันอีกครั้ง จากนั้นพี่ภูก็หันไปไหว้คุณแม่ แล้วกระชับสายเป้ที่อยู่บนบ่าให้มั่น เดินตรงไปที่เกท ในขณะที่ผมได้แต่มองตามทั้งที่น้ำใสกลบอยู่รอบดวงตาเต็มไปหมด

พี่ภูหันมาโบกมือลาคุณแม่กับพี่เทมส์อีกครั้ง ก่อนที่หันหลังเดินเข้าไปในเกทที่สุด โดยที่ผมทำได้แค่เพียงบอกลาพี่ภูอยู่ไกลๆ ตรงนี้

“ลาก่อนครับพี่ภู ... ไนล์จะรอพี่ภูนะครับ”

.

.

.

พี่เทมส์เดินกลับมาหาผมที่ยืนร้องไห้อยู่เงียบๆ ก่อนจะกอดผมไว้แน่นพร้อมกับลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจผม โดยที่ระหว่างเราสองคนพี่น้องไม่ได้มีคำพูดแม้เพียงสักคำแต่ผมก็อุ่นใจที่รู้ว่าพี่ชายผมอยู่ตรงนี้

และหลังจากที่ผมสงบ พี่เทมส์ก็จูงผมกลับมาที่รถก่อนที่จะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้

“ไนล์ไม่ได้ร้องไห้แล้วครับ ขอบคุณครับพี่เทมส์”

ผมบอกปฏิเสธพี่ชายเพราะตอนนี้น้ำตาผมเหือดแห้งไปหมดแล้ว แต่สิ่งที่เทมส์บอกกลับสร้างความประหลาดใจให้ผมไม่น้อย

“ไอ้ภูมันฝากมา ไนล์ลองเปิดอ่านดูนะครับ”

ผมคลี่ผ้าเช็ดหน้าในมือออก ก่อนที่จะเห็นลายมือคุ้นตาของพี่ภูที่เขียนสั้นๆ ตอบกลับมา ซึ่งทำให้น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วของผมไหลลงมาอีกรอบ


'พี่สัญญาว่าจะกลับมาหา แล้วพอถึงวันนั้นเรามาแนะนำตัวกับพี่นะ พี่จะได้เรียกชื่อเราต่อหน้าอย่างที่เราอยากให้ทำ'


"ฮึก.. พี่ภู ฮือออ ไนล์.. ไนล์จะรอพี่ภูนะครับ"

และนาทีนั้นนั่นเองที่ผมตัดสินใจว่าผมจะรอพี่ภูจนกว่าพี่ภูจะกลับมา ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม

.

.

.

To Be Continue

-------------------------------------------------

ฝากติแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ ต่อไปจะพยายามมาลงอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งน้าา

ชอบไม่ชอบยังไงรบกวนคอมเม้นท์บอกกันทีเน้อ จะได้เก็บไว้เป็นกำลังใจ

... แล้วเจอกันตอนหน้าคับ ^^
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-25 : Universe 3rd)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 26-02-2020 11:38:58
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-25 : Universe 3rd)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-02-2020 17:09:06
รอวันที่พี่ภูกลับมาเจอน้องนะคะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-25 : Universe 3rd)
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 28-02-2020 02:14:16
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-25 : Universe 3rd)
เริ่มหัวข้อโดย: piakunaa ที่ 28-02-2020 08:16:16
น้องงงงงงง​ น่ารัก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-02-25 : Universe 3rd)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 28-02-2020 17:17:18
ชอบความรักแบบนี้จังเลยยยยย

รีบมต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-03 : Universe 4th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 03-03-2020 21:04:21
Universe 4th - Still waiting for


สิบปีผ่านไป


“ไม่ครับ ไนล์ไม่แต่ง ไนล์เคยบอกพ่อกับแม่แล้วไงครับว่าไนล์ไม่แต่ง เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน ไนล์ไม่เคยคิดอะไรกับลมในแง่นั้นเลยนะครับ”

ผมยืนยันคำพูดของตัวเองเสียงแข็ง ในขณะที่เราสามคนพ่อแม่ลูกนั่งคุยกันอย่างเคร่งเครียดอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้าน ซึ่งหัวข้อสนทนาก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมสักเท่าไหร่ พูดเรื่องนี้กันมาตั้งแต่ผมเรียนจบยันผมทำงานได้มาสองสามปีแล้ว พ่อกับแม่ของผมก็ไม่เคยเปลี่ยนความตั้งใจทั้งที่ผมก็ชัดเจนทุกครั้งว่าไม่ตกลง

“แต่ลมเป็นคนดีนะคะน้องไนล์ อีกอย่างลมก็รู้ด้วยว่า...”

“ไนล์ตั้งท้องได้และลมก็ไม่รังเกียจ ลมยินดีจะดูแลจะอยู่ข้างไนล์ ซึ่งไนล์ไม่ควรปฏิเสธ ... แม่จะพูดแบบนี้ใช่ไหมครับ”

ผมลอกคำพูดประโยคเดิมๆ ที่แม่เพียรพยายามพูดกับผมมาหลายปี เพื่อจะบอกกลายๆ ว่าผมเข้าใจดีว่าเพราะอะไรพวกท่านถึงอยากให้ผมแต่งงานกับลม


ลมที่เป็นผู้ชายเหมือนกับผม ลมที่เป็นเพื่อนสนิท และใช่... ลมรู้ความลับของผมแม้กระทั่งเรื่องที่ผมตั้งท้องได้


ลม หรือ ปราณนต์ พิพัฒน์ปรีชา เป็นเพื่อนสนิทของผมตอนที่ผมย้ายเข้าไปเรียนฝั่งมัธยมปลาย ลมเป็นนักเรียนเข้าใหม่ไม่ใช่ศิษย์เก่าที่ย้ายมาจากมัธยมต้นเหมือนผม จึงไม่มีเพื่อนอะไรมากนักซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากผมเท่าไหร่ เพราะถึงแม้ว่าผมจะมาจากมัธยมต้นโรงเรียนเดิมก็ใช่ว่าผมจะมีเพื่อนอะไรมากมาย

ลมเข้ามาตีสนิทผมทันทีตั้งแต่เข้าเรียนวันแรก เขามาขอนั่งข้างผม ขอยืมอุปกรณ์การเรียนจากผม แรกๆ ผมก็งงๆ ไม่รู้จะปรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่ยังไง แต่ลมเป็นคนอัธยาศัยดี คุยเก่ง แถมยังหน้าตาดีมากๆ ซึ่งผมเองก็ยังคงไม่เข้าใจจนวันนี้ว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะเข้ามาคุยกับผม ทั้งๆ ที่มีเพื่อนๆ มากมายอยากจะคุยและอยากจะทำความรู้จักกับลมเยอะแยะเต็มไปหมด

และจากวันนั้นเลยทำให้ผมกับลมกลายเป็นเพื่อนกัน เราตัวติดกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน และด้วยความที่พี่เทมส์เองก็ต้องไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ในช่วงปีแรกพี่เทมส์เรียนหนักมากประกอบกับกิจกรรมที่ต้องทำก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทำให้พี่เทมส์มีเวลาน้อยลง เขาไม่ถึงกับปล่อยปละละเลยผมแต่ก็เปิดโอกาสให้ผมเปิดรับเพื่อนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต ซึ่งลมก็เป็นหนึ่งในคนที่พี่เทมส์อนุญาตให้ผมคบหา เพราะถึงแม้ลมจะดูอัธยาศัยดีสังคมจ๋า แต่ลมก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบในระดับหนึ่ง และที่สำคัญก็คือลมปกป้องดูแลผมได้ เขาคอยจัดการบรรดาผู้ชายและผู้หญิงที่เข้ามาเกาะแกะผม ผู้หญิงน่ะไม่เท่าไหร่เพราะมีเข้ามาไม่เยอะ แต่บรรดาผู้ชายนี่สิ ไม่รู้มองเห็นอะไรในตัวผมกันนัก

ช่วงมัธยมปลายมีคนเข้ามาจีบผมเยอะมาก พี่เทมส์บอกว่าเป็นเพราะผมโตขึ้น ความน่ารักของผมก็พุ่งขึ้นมากตามไปด้วย ตอนแรกผมปฏิเสธเสียงแข็งว่ามันไม่ใช่แบบนั้น เป็นพี่เทมส์เองนั่นแหละที่คิดมากไป แต่ลมก็ยืนยันในสิ่งที่พี่เทมส์บอกอีกเสียงประกอบกับมีคนเข้ามาหาผมมากมาย ผมเลยไม่รู้จะหาเหตุผลมาทัดทานยังไง ผมที่เคยใช้ชีวิตอยู่เงียบๆ ในช่วงมัธยมต้มก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกหลังจากขึ้นมัธยมปลาย

ผมกลายเป็นที่รู้จักและมักจะถูกเอาไปพูดถึงบ่อยๆ ในกระทู้เว็บบอร์ดและแฟนเพจของโรงเรียน หัวข้อส่วนใหญ่ก็มักจะพูดถึงความน่ารักอะไรต่างๆ นาๆ ของผม จากที่ตกใจและปรับตัวไม่ได้ในตอนแรกก็เปลี่ยนเป็นเคยชินไปในที่สุด แต่ถึงแม้ผมจะได้รับการพูดถึงมากแค่ไหนหรือได้รับความนิยมอะไรยังไง ผมก็ยังคงเป็นผมที่ขี้อาย ไม่มั่นใจในตัวเองและชอบเก็บตัวอย่างที่เคยเป็นมาตั้งแต่เด็ก มีแค่ลมที่ผมยอมให้ความสนิทสนมคุ้นเคยด้วยคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นชีวิตผมจึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพราะอย่างที่บอกว่าผมไม่ได้สนใจหรือใส่ใจใครเป็นพิเศษ ผมก็แค่ไปเรียนตามตามปกติ มีเข้ากิจกรรม มีทำงานกลุ่มบ้างโดยมีลมตามติดเป็นเงา และคอยกันบุคคลไม่พึงประสงค์ออกจากชีวิตผมโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไร

ผมกับลมกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันแบบงงๆ จะด้วยความที่ผมไม่เอาใครหรือเพราะเขาตามติดผมไม่เลิกก็ไม่อาจทราบได้ สุดท้ายเราสองคนก็คบกันมาในฐานะเพื่อนสนิทจนจบมัธยมปลาย และพอผมเข้ามหาวิทยาลัย ลมก็ตามมาสอบเข้าคณะเดียวกับที่ผมเรียน และคอยกำจัดคนที่เข้ามาจีบผมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมก็นึกว่าเขาทำไปตามหน้าที่เพื่อนสนิทอย่างที่ทำมาตลอด


นั่นเพราะผมไม่เคยเปิดใจให้ใคร ผมไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกกับผมยังไง ไม่ได้สนว่าใครมาจีบ ไม่ได้มองว่าใครจะมาชอบ ใจผมจดจ่ออยู่กับแค่รักแรกและรักเดียวของผมเท่านั้น ... แค่พี่ภู


ผมเฝ้ารอเขามาตลอดตั้งแต่มัธยมปลาย จนขึ้นมหาวิทยาลัยและจบออกมาจากมหาวิทยาลัยในที่สุด สิบปีที่ผ่านพ้นผมก็ยังคงรอ ผมไม่เคยมองใคร ไม่เคยเปิดใจให้ใครในฐานะแฟนหรือคนรักทั้งสิ้น ยิ่งในช่วงมหาวิทยาลัย ผมถูกจีบหนักมาก คนเข้ามาหาผมไม่เว้นแต่ละวัน แต่ผมก็ไม่เคยสนใจ แม้แต่ลมผมก็ยังมองเขาเป็นเพื่อนสนิทมาโดยตลอด ผมพยายามปิดหูปิดตาไม่รับรู้ว่าเขามองผมด้วยสายตาแบบไหน หรือคิดยังไงกับผม จนถึงวันที่เขาตัดสินใจสารภาพรักผมก็ยังคงใจร้ายใจดำหยิบยื่นความสัมพันธ์แบบเดิมที่เป็นมาตลอดสิบปีให้ โดยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น


‘ไนล์.. ไนล์ก็รู้ว่าเราไม่ได้คิดกับนายแค่เพื่อน เรามองไนล์เกินเพื่อนมาตั้งนานแล้ว ทำไมไนล์ถึงไม่เปิดโอกาสให้เราบ้าง ไนล์จะรอเขาไปถึงเมื่อไหร่ เขาที่ไม่ได้ติดต่อกลับมาหาไนล์เลยตั้งแต่เราขึ้นมหาลัย แล้วทำไมไนล์ยังจะรอเขาอีก!’


ลมระเบิดอารมณ์ใส่ผมในวันที่เราเรียนจบรับปริญญา เขาเข้ามาสารภาพรักและอยากจะขอขยับสถานะจากเพื่อนสนิทมาเป็นแฟน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ทั้งรู้ว่าผมรอพี่ภูมาตลอดแต่เขาก็ยังจะลองเสี่ยง แน่นอนว่าสิ่งที่ลมพูดออกมานั้นเสียดแทงให้ใจผมเจ็บไม่น้อย แต่ผมสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะรอพี่ภู ผมก็จะรอเขาแบบนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่หนักแน่นมากพอที่จะโค่นล้มความรู้สึกที่ผมมีต่อพี่ภูได้

ในช่วงปีแรกหลังจากที่พี่ภูไปเรียนต่อเราสองคนยังคงติดต่อกันผ่านการส่งอีเมล์หากัน ผมมีความสุขมากแม้ว่าจะเป็นแค่การพูดคุยผ่านตัวอักษรก็สามารถทำให้ผมยิ้มได้ พี่ภูมักจะเล่านั่นเล่านี่ให้ผมฟังตลอด ผมเองก็เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้พี่ภูฟังเสมอๆ เราพูดคุยกันเป็นปกติเหมือนสมัยที่นั่งคุยกันในร้านไอศครีม เราคุยกันทุกเรื่องแต่สิ่งหนึ่งที่ภูไม่เคยถามผมเลยก็คือชื่อของผม เขายังคงเรียกผมว่า ‘เด็กน้อยของพี่’ หรือไม่ก็ ‘เด็กขี้แยของพี่’ มาโดยตลอดช่วงระยะเวลาสามปีที่เราคุยกัน ผมเคยถามพี่ภูเหมือนกันว่าอยากให้ผมบอกกับเขาไหมว่าผมชื่ออะไร แต่เขาก็บอกปัดทุกครั้ง เขายังคงยืนยันว่าอยากได้ยินชื่อของผมจากปากของผมเอง

ผมวาดฝันไปไกลว่าอีกไม่นานพี่ภูของผมก็คงจะกลับมา แต่ไม่น่าเชื่อว่านอกจากฝันของผมจะไม่ใกล้เคียงความเป็นจริงแล้ว มันยังหนีขยับออกไปจากผมอย่างโหดร้ายยิ่งกว่าเดิม เพราะเมื่อผมเรียนจบชั้นมัธยมปลายและเข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่อยากเรียนได้จนสำเร็จ ผมก็บอกข่าวดีนี้ให้พี่ภูรู้ พี่ภูแสดงความยินดีกับผมพร้อมกับรับปากรับคำว่าเขาจะเลี้ยงฉลองและมีของขวัญให้ในฐานะที่ผมเป็นเด็กดีจนประสบความสำเร็จ

แต่นอกจากว่าผมจะไม่ได้รับของขวัญอะไรจากพี่ภูแล้ว พี่ภูที่เคยส่งอีเมล์มาหาทุกสองสามวันกลับเริ่มขาดการติดต่อ จากอาทิตย์เริ่มหายไปเป็นเดือน จากเป็นเดือนก็ขยับหนีไปเป็นปี ผ่านพ้นไปจนถึงปีสี่ที่ผมเรียนจบพี่ภูก็ยังคงไม่ติดต่อกลับมา ผมที่เพียรพยายามส่งอีเมล์หาเขาตลอดก็ส่งเมล์หาเขาไม่ได้อีกเนื่องจากกล่องข้อความของเขาเต็ม เพราะเขาคงไม่ได้เปิดอีเมล์ของผมอ่านเลยแม้แต่ฉบับเดียวหลังจากที่ผมขึ้นมหาวิทยาลัย

ผมต้องไปถามหาความเป็นไปของพี่ภูจากพี่เทมส์พี่ชายของผมแทน พี่เทมส์เองก็เข้าใจว่าผมมาถามถึงทั่วไปก็เต็มใจตอบให้ทุกครั้ง เขาไม่ได้รู้เลยว่าพี่ภูไม่ได้ตอบอีมล์ผมมานานมากแล้ว ผมเองก็ไม่อยากบอกพี่เทมส์เพราะไม่เห็นว่ามันจะได้ประโยชน์อะไร แม้จะน้อยใจแต่ผมก็เข้าใจดี เพราะช่วงแรกๆ ที่พี่ภูขาดการติดต่อไปก็เห็นว่าเขาดูยุ่งๆ อยู่กับการเรียนของเขา ผมก็เลยไม่อยากจะไปเซ้าซี้อะไร

แต่พอนับวันรอพี่ภูแล้วก็ไม่ได้รับวี่แววว่าเขาจะติดต่อกลับมา จากที่เริ่มเข้าใจก็กลายเป็นไม่เข้าใจ น้อยใจ และเสียใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะโวยวายอะไรได้ มานับๆ ดูแล้ว ผมได้รู้จัก ได้พูดคุยกับพี่ภูก็นับว่าเป็นเรื่องผิวเผินมาก ผมไม่เคยได้รู้รายละเอียดปลีกย่อยอะไรในชีวิตเขาเลย เพราะฉะนั้นการที่เขาจะเลิกติดต่อไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ผมก็คงไม่มีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไรมากไปกว่าการรอเขาอยู่เงียบๆ และหวังว่าเขาจะยังจำผม จำสัญญาของเราได้ หรืออย่างน้อยถ้าเขายังพอนึกออกว่ามีผมอยู่ตรงนี้เขาอาจจะติดต่อกลับมา ผมเลยแอคทีฟอีเมล์นั้นที่ใช้ติดต่อกับพี่ภูไว้ตลอด แต่มันก็เปล่าประโยชน์เพราะล่วงเลยมาจนถึงปีที่สิบก็ยังไร้วี่แววที่ผมจะได้รับการติดต่ออะไรจากพี่ภูอีก

ผมเลยต้องอัพเดทชีวิตและความเป็นไปของพี่ภูผ่านทางพี่เทมส์เรื่อยๆ เพราะถึงแม้จะน้อยใจ แต่ความรักและความโหยหาที่มีต่อเขากลับไม่เคยน้อยตามลงไปเลยสักนิด ตรงข้ามมันกับทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะความคิดถึง

ผมได้รับรู้ว่พี่ภูมีความสุขดี เขาเรียนจบปริญญาโทจากที่สหรัฐอเมริกา ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุข เริ่มทำงานในสายอาชีพตามที่เรียนมา มีแฟน มีสังคม มีชีวิตในแบบวัยรุ่นทั่วไปที่ผมได้ยินแล้วก็ต้องยิ้มรับเมื่อเห็นว่าเขาสุขสบายดี


คีริน อคิระไพบูลย์ ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน เขาก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ มีชีวิตที่ดีและมีคนรักที่น่ารัก


ในขณะที่ผมยังคงยืนอยู่ที่เดิมและไม่คิดจะก้าวไปไหน เพราะกลัวว่าพี่ภูของผมหันกลับมาแล้วจะไม่เจอกัน ยังคงมีแต่ผมเองที่ติดอยู่ที่เดิมและมั่นคงอยู่อย่างนั้นไม่คิดเปลี่ยนแปลง แม้พี่ภูจะมีคนรักเป็นตัวเป็นตนและอาจจะลืม 'เด็กขี้แยของเขา' ไปแล้วก็ตาม

ตอนที่พี่ภูเริ่มมีแฟนและคบกับคนรัก พี่เทมส์ไม่ยอมปริปากบอกผมสักนิด จนกระทั่งผมไปแอบเห็นตอนที่พี่ภูกับพี่เทมส์คุยกันในแอพแชทยอดนิยม พี่ภูมักจะส่งรูปแฟนตัวเองมาอวดให้พี่เทมส์ดูบ่อยๆ พี่ภูรักแฟนคนนี้มาก เธอเป็นคนไทยที่ไปเรียนอยู่ที่อเมริกาเหมือนกัน พวกเขารู้จักกันและเป็นเพื่อนกันมาจนมาขยับความสัมพันธ์ตอนเริ่มเรียนปริญญาโท หรือพูดง่ายๆ ว่าก็ช่วงเดียวกับที่พี่ภูขาดการติดต่อจากผมไปนั่นแหละ

ตอนที่ผมรู้ ผมถึงกับซึมไปเป็นอาทิตย์ นอนร้องไห้ทุกคืน เอาเข้าจริงผมไม่ได้เสียใจที่พี่ภูมีแฟน อะไรที่เขาทำแล้วมีความสุขผมก็ไม่เคยคิดว่ามันจะบั่นทอนหรือเป็นปัญหาอะไร แต่ที่ผมเสียใจก็คงเป็นเรื่องที่ว่าพี่ภูอาจจะหลงลืมหรือทำผมตกหล่นหายออกจากชีวิตเขาไป เพียงเพราะเขากำลังมีความรักและผมก็ไม่ได้มีค่าหรือสำคัญพอให้เขาจดจำไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงซื่อสัตย์และภักดีต่อความรู้สึกของตัวเองเสมอ แม้ผมจะน้อยใจหรือเสียใจมากแค่ไหนผมก็ไม่สามารถที่จะหยุดรักพี่ภูได้ ผมยังคงหยุดอยู่ที่เดิม ไม่เดินหน้า ไม่ถอยหลัง ยังผูกตัวเองติดอยู่กับความทรงจำดีๆ ระหว่างเรา และไม่สามารถพาตัวเองให้หลุดพ้นออกมาได้

และจนถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานถึงสิบปีผมก็ยังคงรักพี่ภูอยู่แบบนั้น ในขณะเดียวกันพี่ภูกับผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงคบหาและเป็นแฟนกันมาตลอด ผมเคยภาวนาให้เขาทั้งสองแต่งงาน ภาวนาให้ทุกอย่างจบสิ้น เผื่อว่ามันจะสามารถหยุดทุกความรู้สึกที่ผมมีให้พี่ภูได้เสียที แต่คำภาวนาของผมไม่เป็นผล ในทางตรงกันข้ามมันกลับพลิกผันมากกว่าที่ผมคิด เพราะหลังจากเข้าสู่ปีที่เจ็ดผมก็เริ่มได้ยินข่าวของพี่ภูจากพี่เทมส์อีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

พี่ภูเริ่มระหองระแหงกับคนรัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาถรรพ์ปีที่เจ็ดหรือเป็นเพราะความรักจืดจาง พวกเขาทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยครั้ง และก็เป็นพี่เทมส์ทุกครั้งที่จะได้รับรู้ปัญหาที่เพื่อนสนิทมาปรับทุกข์ด้วยบ่อยๆ ถึงแม้ผมจะแอบรักพี่ภูอยู่แต่ผมก็ไม่เคยคิดอยากจะให้เขากับคนรักมีปัญหาหรือไม่เข้าใจกัน เพราะอย่างที่ผมบอก ผมรักพี่ภูมากและผมหวังให้พี่ภูมีความสุขกับทุกๆ อย่างที่เขาเลือก

แต่ในเวลานี้เขากลับเป็นทุกข์เพราะชีวิตรักที่ง่อนแง่นขึ้นทุกที ถ้าฟังจากพี่เทมส์เล่า ดูเหมือนว่าคนรักของพี่ภูกำลังตีตัวออกห่างเพราะมีชายหนุ่มนักธุรกิจใหญ่มาติดพัน ชายหนุ่มคนที่ว่าค่อนข้างมีฐานะ เพราะถึงแม้ว่าพี่ภูจะไม่ได้ยากจนข้นแค้นแต่เขาก็ค่อนข้างยึดมั่นถือมั่นในศักดิ์ศรีของตัวเองพอสมควร พี่ภูไม่เคยขอเงินที่บ้านใช้เลยถ้าไม่จำเป็น ตั้งแต่ย้ายไปอเมริกาพอเรียนจบและหางานทำเองได้ พี่ภูก็ทำงานหาเลี้ยงตัวเองและคนรักมาตลอด ซึ่งนั่นมันอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของแฟนพี่ภูก็ได้

และหลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้รู้ข่าวอีกครั้งว่าพี่ภูเลิกรากับคนรักแล้ว แถมยังเป็นการเลิกราที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนว่าพี่ภูจะจับได้ว่าอีกฝ่ายนอกใจไปหาคนใหม่ก่อนที่จะบอกเลิกกับเขาอย่างเป็นทางการ พี่เทมส์บอกว่าพี่ภูเสียศูนย์เป็นอย่างมาก เพราะเขารักและผูกพันกับผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย

ความเป็นห่วงที่มีต่อรักแรกและรักเดียวของผมตีตื้นขึ้นมาในอก ความปรารถนาที่จะเห็นเขามีความสุขไม่ได้รับการตอบสนอง ทำให้ผมพลอยทุกข์ใจกับพี่ภูไปด้วย ผมไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิดที่รู้ว่าเขาเลิกกับคนรักแล้วเจ็บหนักขนาดนั้น และดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่ดีขึ้นเลยจนแม่ของพี่ภูถึงกับยื่นคำขาดให้พี่ภูกลับประเทศไทย เพราะคิดว่าจะเป็นทางเดียวที่จะทำให้พี่ภูคนเดิมกลับมา

และความหวังที่ผมจะได้เจอพี่ภูอีกครั้งก็กลับมาด้วยเช่นกัน...

เหตุผลที่แม่ของพี่ภูยื่นคำขาดแบบนี้นั่นก็เพราะ หลังจากที่พี่ภูเลิกกับคนรักเขาก็ทำตัวย่ำแย่ ออกเที่ยวกลางคืน กินเหล้า โดนเพ่งเล็งจากที่ทำงาน แม่พี่ภูเลยบอกให้เขากลับมาช่วยธุรกิจของที่บ้าน ก็อย่างที่ผมบอกแหละว่าที่จริงแล้วครอบครัวของพี่ภูค่อนข้างมีฐานะ บ้านของพี่ภูทำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างซึ่งเป็นธุรกิจที่พ่อของพี่ภูริเริ่มเอาไว้ โดยมีแม่ของพี่ภูเป็นกำลังสำคัญของสามี แต่โชคไม่ดีที่พ่อของพี่ภูประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปก่อน แม่ของพี่ภูเลยต้องมารับช่วงต่อ และสาเหตุที่พี่ภูต้องไปเรียนที่ต่างประเทศนั้นก็เป็นเพราะแม่ของพี่ภูอยากให้เรียนแล้วกลับมาช่วยทำธุรกิจของที่บ้าน ซึ่งแรกๆ พี่ภูก็อิดออดเพราะเข้าใจว่าต้องไปเรียนเกี่ยวกับการบริหาร แต่ที่ตอนหลังเปลี่ยนใจมายอมก็เพราะแม่ของพี่ภูยื่นข้อเสนอให้ว่าเรียนอะไรที่เกี่ยวข้องก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเรียนบริหารอย่างเดียว ขอแค่เอามาช่วยงานท่านได้บ้างท่านก็พอใจแล้ว

ซึ่งโดยพื้นฐานจากที่พี่เทมส์เล่าให้ฟัง เขาก็บอกว่าพี่ภูเป็นคนเรียนเก่ง แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้ชอบอะไรที่เป็นวิชาการเท่าไหร่ พี่ภูชอบพวกงานศิลปะและงานสร้างสรรค์ เขาถึงไปเรียนเรื่องเกี่ยวกับการออกแบบต่อที่เมืองนอก โดยที่แม่ของพี่ภูก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร เพราะแค่ลูกชายยอมไปเรียนให้ตามที่ขอท่านก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว

แต่สถานการณ์กลับพลิกผันเพราะพอพี่ภูไปเรียนที่นั่น เขากลับชอบความอิสระเสรีที่ได้รับ ประกอบกลับมีคนรักเป็นตัวเป็นตนจึงตัดสินขออนุญาตคุณแม่ หาประสบการณ์ในการทำงานต่อที่นั่นสักสองสามปี แล้วก็ลากยาวผลัดผ่อนมาเรื่อยเพราะชีวิตรักและหน้าที่การงานของพี่ภูไปได้ดีจนถึงตอนที่เลิกกับคนรักนี่ล่ะ กราฟชีวิตของพี่ภูถึงดิ่งลงเหวได้อย่างไม่น่าเชื่อ

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-03 : Universe 4th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 03-03-2020 21:13:38
(อ่านต่อจากด้านบน)

ผมไม่อยากคิดหาเหตุผลว่าอะไรที่ทำให้พี่ภูเปลี่ยนตัวเองให้ย่ำแย่ได้ขนาดนั้น เพราะถึงไม่บอกก็พอจะมองออกว่านั่นเป็นเพราะพี่ภูรักผู้หญิงคนนั้นมาก มากจนทำให้เขาแทบไม่หลงเหลือความเป็นตัวเอง

และครั้งนี้พอแม่ของพี่ภูขอร้องแกมบังคับให้พี่ภูกลับประเทศไทย พี่ภูก็เลยรับปากและไม่บิดพริ้วอีกต่อไป เขาตกปากรับคำบอกกับแม่ว่าจะกลับมาเพราะความทรงจำที่มีต่อที่นี่ทำให้เขาแทบจะใช้ชีวิตต่อไม่ได้ ตัวผมเองพอรู้ว่าเขาจะกลับมาก็ทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น ความหวังที่จะได้เจอพี่ภูอีกครั้งถูกจุดประกายขึ้น อย่างที่บอกว่าผมไม่เคยโกรธหรือเกลียดเขาสักนิดที่ทำผมตกหล่นหายไปจากชีวิต เพราะสำหรับผมแล้วพี่ภูคือผู้มีพระคุณ คือผู้ช่วยชีวิต คือโลกอีกใบ คือรักแรกและรักเดียวของผม

ใครจะว่าผมจมปลัก ใครจะว่าผมโง่เง่า ผมไม่สนใจหรอก ผมแค่รักเขาในแบบของผม ผมไม่ได้ต้องการให้ใครมาเข้าใจ เพราะฉะนั้นแค่ปล่อยให้ผมได้รักเขาต่อไปในแบบของผมก็พอ

และนั่นคือเหตุผลหลักที่ผมกำลังค้านพ่อกับแม่หัวชนฝาเรื่องที่จะให้ผมแต่งงานกับลม ผมพูดไปไม่รู้จักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ว่าผมไม่ได้รักลมแบบนั้น แต่พ่อกับแม่ดูเหมือนจะไม่ยอมเข้าใจสักนิด

“แม่ไม่เข้าใจน้องไนล์เลย ทำไมถึงไม่ยอมใจอ่อนให้ลมบ้างล่ะลูก ลมเขาอยู่ข้างน้องไนล์มาตลอด พ้นจากพี่เทมส์แล้วแม่ก็เห็นว่าน้องไนล์มีแต่ลมนี่แหละ ทำไมไม่ลองเปิดใจให้ลมเขาบ้าง แม่เชื่อว่าน้องไนล์จะรักลมได้ไม่ยากนะ”

“แม่ครับ ไนล์รักลมนะครับแต่ไนล์รักลมแบบเพื่อน ไนล์ไม่เคยคิดเป็นอื่น เรื่องของความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้นะครับแม่”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่และเห็นว่าวันนี้ผมตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ แม่กับพ่อของผมรู้จักแต่ลม เคยเห็นแต่ลม มีภาพดีๆ ที่ลมคอยปกป้องดูแลผมมาตลอดหลายปี แต่ในขณะที่พี่ภูที่เป็นทั้งผู้มีพระคุณและผู้ช่วยชีวิตผม พ่อกับแม่ไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้จักเขาเลย เพราะผมปิดเรื่องที่โดนทำร้ายมาตลอด พวกท่านเลยไม่เคยได้รู้เลยว่าแท้จริงแล้วนอกจากลมก็มีพี่ภูอีกคนที่ดูแลและปกป้องผม และก็เป็นเขานั่นแหละที่ผมให้ใจไป เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ใช่แค่ลมคนเดียวที่จะใช้เรื่องพวกนี้มาขโมยหัวใจผมได้ พี่ภูเองก็มีคุณสมบัติที่จะทำให้ผมรักเขาได้ไม่ต่างกัน

ผมคิดว่าเที่ยวนี้พ่อกับแม่คงวางแผนมาแล้วว่าตั้งใจจะพูดเรื่องนี้วันนี้เนื่องจากพี่เทมส์ไม่อยู่ เพราะถ้าปกติพี่เทมส์อยู่ พี่เทมส์ก็มักจะคอยช่วยพูดและเข้าข้างผมไม่ให้ถูกพ่อกับแม่กดดัน แต่พอได้จังหวะเหมาะเจาะที่พี่เทมส์ต้องเดินทางไปติดต่องานที่ต่างประเทศ พวกท่านก็เอาเรื่องนี้มาพูดกับผมตามลำพังทันที

“น้องไนล์ ถือว่าพ่อกับแม่ขอได้ไหมลูก พ่อกับแม่เป็นห่วงน้องไนล์มาตั้งแต่เด็กน้องไนล์ก็รู้ อีกอย่างลมก็รู้ข้อจำกัดของน้องไนล์ดีทุกอย่าง แถมลมยังยอมรับได้และไม่เคยมองว่าเป็นปัญหาเลยสักครั้ง ถ้าพ่อกับแม่จะไว้ใจใครสักคนได้ก็คงเป็นลมนี่แหละ”

ถึงคราวของพ่อที่เริ่มเป็นคนออกปากบ้าง และท่านก็ยังคงกล่อมผมอย่างต่อเนื่อง

“พ่อกับแม่ไม่เคยบังคับอะไรน้องไนล์เลยนะลูก พ่อกับแม่รักเรามาก เราอยากเรียนเกี่ยวกับภาษาไม่อยากเรียนบริหารพ่อกับแม่ก็ไม่เคยว่า ปล่อยให้เรื่องธุรกิจของครอบครัวเป็นความรับผิดชอบของพี่เทมส์ไป น้องไนล์อยากทำอะไรพ่อกับแม่ก็ให้ทำ แต่ขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวไม่ได้เหรอลูก? พ่อกับแม่อยากให้น้องไนล์มีคนคอยดูแล รัก และเข้าใจ ซึ่งลมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดนะ แค่ความรักที่ลมมีให้น้องไนล์ มันก็มากพอที่จะทำให้พ่อกับแม่สบายใจได้แล้ว”

“พ่อครับ ไนล์โตแล้วนะครับ ไนล์อายุยี่สิบห้าแล้ว พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงไนล์แล้ว ไนล์ดูแลตัวเองได้ ไหนจะมีพี่เทมส์อีก พี่เทมส์ไม่มีทางปล่อยให้ไนล์ต้องลำบากลำบนหรือไม่เหลือใครหรอกครับ”

“แต่วันนึงพี่เทมส์เขาก็ต้องไปมีครอบครัวของเขาเองนะน้องไนล์ พี่เขาไม่สามารถอยู่กับน้องไนล์ไปได้ตลอดหรอก แม่ถึงอยากให้มีคนอยู่เคียงข้างน้องไนล์ไง คนที่เข้าใจและรับในสิ่งที่น้องไนล์เป็นได้หมด ... ซึ่งมันก็มีแค่ลมถูกไหมคะ?”

แม่ยังคงอ้างเหตุผลร้อยแปดเพื่อที่อยากจะให้ผมกับลมแต่งงานกัน เพราะพอท่านรู้ว่าลมรู้ความลับของผมและยังคงรักผมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ตั้งแต่นั้นพวกท่านก็หมายมั่นปั้นมือว่าตลอดว่าอยากให้ผมกับลมสร้างครอบครัวด้วยกัน ซึ่งลมเองก็ดูจะยินดีมากๆ มีแต่ผมนี่แหละที่บอกปัดตลอด ไม่ใช่บอกปัดเพราะจะรอให้พร้อม แต่บอกปัดเพราะการแต่งงานที่ว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้นต่างหาก

เอาเข้าจริงผมก็ไม่รู้ว่าทำไมลมถึงยึดมั่นถือมั่นรักในตัวผมขนาดนี้ เพราะก่อนที่ลมจะรู้ความลับผม ช่วงหลังจากที่เรียนจบและลมมาสารภาพรักและผมก็บอกปัดไปว่าให้ได้แค่ความเป็นเพื่อน ลมก็ไม่ยอมแพ้ เขามั่นใจมากกว่าเขาจะเอาชนะใจผมและสู้คนที่อยู่ไกลถึงคนละฟากทวีปอย่างพี่ภูได้ เพราะความใกล้ชิดน่าจะทำให้ผมใจอ่อน และยอมเปิดใจเพราะเห็นความดีในตัวเค้าในที่สุด

ผมเองพอเห็นความมั่นคงของลมก็เลยคิดได้ว่าควรจะทำอะไรสักอย่าง ในเมื่อบอกกันตรงๆ แล้วลมไม่ฟัง ผมก็คงต้องพูดความจริงอีกอย่างออกไปให้อีกฝ่ายรู้ และถึงแม้มันอาจจะรุนแรงจนถึงขั้นเลิกคบกันเป็นเพื่อนไปเลยเพราะลมอาจจะรับไม่ได้กับสิ่งที่ผมเป็น ผมก็ไม่ว่าอะไร ผมไม่อยากให้ลมมาเสียเวลากับผมโดยที่ไม่จำเป็น และเขาอาจจะเจอคนที่ดีกว่าได้ถ้าตัดใจจากผมเสียที


‘ลม เราไม่ได้เป็นอย่างที่ลมคิดหรอก ลมเชื่อเราเถอะ... อย่ารักเราเลยเพราะนอกจากเราจะรักตอบลมไม่ได้แล้ว เรายังไม่มีอะไรคู่ควรให้ลมรักสักนิด’

‘ไนล์ ขอร้องล่ะ อย่าเพิ่งปิดโอกาสเรา มองเราบ้าง ถ้าไนล์เปิดใจให้เรา มันอาจจะมีสักวันที่ไนล์รักเราได้เหมือนกับที่ไนล์รักพี่คนนั้นก็ได้นะ’

‘มันไม่ใช่แค่นั้นไงลม... คือ คือเราผิดปกติ ร่างกายเราผิดปกติ เราไม่เหมือนลม ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น’

‘ไนล์หมายความว่ายังไง?’

‘เราตั้งท้องได้ลม เราเป็นผู้ชายที่สามารถตั้งท้องได้เหมือนผู้หญิง’


ผมจำวันนั้นที่ตัดสินใจบอกความลับให้เพื่อนสนิทรู้ได้เป็นอย่างดี ผมจำได้ว่าลมช็อคมาก เขาถึงกับนั่งอึ้งไปเลยโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้โกรธเคืองหรือน้อยใจอะไรหรอกนะ ผมเข้าใจดีถ้าเขาจะตกใจหรือรับไม่ได้

แต่หลังจากตั้งสติได้ชั่วครู่เขาก็หันมาถามย้ำกับผมว่าที่ผมพูดไปเป็นความจริงใช่ไหม ผมไม่ได้โกหกเพื่อที่จะบอกปัดความสัมพันธ์หรืออะไรใช่ไหม พอผมยืนยันว่าที่ผมพูดไปทุกอย่างเป็นความจริง ประกอบกับลมเองก็มานั่งทบทวนทุกพฤติกรรมของผมและครอบครัวตั้งแต่สมัยเด็กที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เขาก็ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองแรงๆ และประโยคแรกที่หลุดอออกมาจากปากเขาก็กลับกลายเป็นผมเองที่ต้องช็อค


‘ช่างสิ จะท้องได้จะอะไรก็เถอะ เรารับได้ เรารักไนล์ไม่ว่าไนล์จะเป็นยังไงก็ตาม’


และหลังจากนั้นทุกอย่างก็บานปลายมากยิ่งขึ้น ลมเข้ามาหาพ่อกับแม่และพี่เทมส์ที่บ้าน เขาเข้ามาขออนุญาตขอดูแลผมและบอกว่ารู้ความจริงเกี่ยวกับอาการป่วยของผมแล้ว ในคราวแรกพ่อกับแม่ดูตกใจมาก แต่พอลมยืนยันว่าความรู้สึกที่เขามีให้ผมไม่เปลี่ยนไปสักนิดแม้จะรู้ความจริง ตรงกันข้ามเขากลับยิ่งอยากที่จะดูแลผมมากกว่าเดิม พ่อกับแม่ที่พอจะมองออกอยู่บ้างว่าลมรู้สึกยังไงกับผมก็เลยดูสนับสนุนออกนอกหน้าบ้างไม่ออกนอกหน้าบ้าง ผมเองด้วยความที่ไม่อยากจะเสียความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่คบกันมายาวนานหลายปีกับลมเลยต้องแบ่งรับแบ่งสู้ แต่หลังๆ ก็อึดอัดใจมาก จนกลายเป็นพี่เทมส์ที่ทนไม่ไหว ออกตัวแทนว่าให้ทุกคนเลิกกดดันผมทางอ้อมเสียที


‘พ่อครับ แม่ครับ เห็นใจไนล์บ้างเถอะครับ น้องไม่ได้รักได้ชอบ ก็อย่าไปฝืนหรือบังคับจิตใจน้องเลย... นายเองก็เหมือนกันลม เห็นพี่ไม่พูดไม่ใช่ว่าพี่จะสนับสนุนนะ แต่เพราะพี่เห็นเรามาตั้งแต่เด็ก เราเป็นเพื่อนไนล์ก็เหมือนเป็นน้องชายพี่อีกคน อย่ากดดันไนล์ด้วยการเอาพ่อกับแม่พี่มาอ้าง พี่ไม่ชอบให้เราทำแบบนี้’


พี่เทมส์ปรี๊ดแตกขึ้นมากลางโต๊ะกินข้าวในเย็นวันหนึ่ง วันนั้นลมมากินข้าวบ้านเราตามปกติเหมือนอย่างที่เคยมาตั้งแต่เด็กในฐานะเพื่อนสนิทคนเดียวของผม แต่ที่ไม่ปกติก็คือลมมาขอคบกับผมต่อหน้าพ่อกับแม่ ซึ่งพวกท่านก็เห็นดีด้วย การกระทำดังกล่าวของทั้งสามคนทำเอาผมน้ำตาคลอ ผมยอมรับว่าผมโกรธมาก ผมโกรธพ่อกับแม่ที่ไม่เคยฟังสิ่งที่ผมพยายามบอกเลย ผมโกรธลมที่ฉวยโอกาสทั้งที่รู้ว่าผมคิดกับเขาแค่เพื่อน

ซึ่งพี่เทมส์เองก็ดูเหมือนจะอดทนกับเรื่องนี้มาพอสมควร เย็นวันนั้นเขาถึงโพล่งออกมาจนไม่เหลือก่อนจะคว้าแขนผมลุกออกจากโต๊ะอาหารไป พี่เทมส์รู้ดีว่าผมยังรักและรอคอยพี่ภูอยู่เสมอ ผมไม่เคยหยุดรักพี่ภูเลยแม้แต่เสี้ยววินาที และเพราะพี่เทมส์รู้ดีเขาจึงเข้าใจและเห็นใจผมมากที่สุด เมื่อรู้ว่าผมต้องเจอพ่อกับแม่กดดันเรื่องอะไรบ้าง เขาแค่อยากให้ผมได้รักพี่ภูมากเท่าที่ผมอยากจะรัก โดยที่ให้ผมสัญญาว่าถ้าวันไหนผมเจอคนที่ดีมากพอ คนที่ผมพอจะรักมากเทียบเท่ากับพี่ภูได้ ก็ขอให้ผมปล่อยพี่ภูไปจากใจ และเลิกผูกมัดตัวเองไว้กับรักที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เสียที

ผมต้องให้พี่เทมส์ทั้งโอ๋ทั้งปลอบยกใหญ่ ก่อนที่อารมณ์พลุ่งพล่านของผมจะสงบลงเมื่อพี่เทมส์เล่าเรื่องพี่ภูให้ฟัง และดูเหมือนว่าเหตุการณ์ปรี๊ดแตกของพี่เทมส์ครั้งนั้นจะพอทำให้เหตุการณ์สงบลงได้บ้าง ซึ่งตอนหลังลมก็มาขอโทษและขอกลับมาเป็นเพื่อนกับผมเหมือนเดิม ผมเองก็ให้อภัยและไม่ได้ติดใจอะไรเพราะเป็นเพื่อนกับลมมานาน ผมไม่อยากจะให้เราเลิกคบกันเพราะเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย

เราสองคนกลับมาเป็นเหมือนตอนสมัยเรียนอีกครั้ง แต่แล้วเมื่อผมเริ่มทำงานหลังเรียนจบด้วยเพราะเรียนเกี่ยวกับภาษามา ผมเลยเข้าไปช่วยงานพี่เทมส์และคอยประสานงานกับชาวต่างชาติทั้งที่จะเข้ามาร่วมลงทุน หรือจะเข้ามาขอติดต่อซื้อขายอสังหาฯ ในโครงการต่างๆ แรกๆ ก็ดูเหมือนจะราบรื่นไปได้ด้วยดี แต่หลังจากที่ผมปรากฎตัวบ่อยขึ้น ก็ดูเหมือนเหล่าคู่ค้าและลูกค้าจะพุ่งเป้าตรงเข้ามาหาผมทั้งในเรื่องงานและนอกเหนือจากเรื่องงานมากขึ้น

เหตุการณ์ที่หนักสุดก็เห็นจะเป็นคู่ค้ารายใหญ่ชวนผมไปดื่มเพื่อจะขอเจรจาร่วมลงทุนกับการสร้างคอนโดโครงการใหม่ที่ค่อนข้างใหญ่และใช้เงินสูง ผมในฐานะน้องชายของรองประธานกรรมการคนปัจจุบันจึงต้องไปติดต่อและพูดคุยด้วยตนเอง แต่ใครจะรู้ว่าไอ้คู่ค้าที่ว่าพอเมาก็เริ่มลวนลามผม โชคดีที่ลมที่ตามมารับไปช่วยไว้ได้ทัน ซึ่งนั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำความคิดของพ่อกับแม่มากขึ้นว่าผมควรที่จะต้องมีคนดูแล และลมก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่พ่อกับแม่มองไว้

แล้วจู่ๆ การคะยั้นคะยอให้ผมคบกับลม ก็เลื่อนขั้นขยับขึ้นเป็นอยากให้ผมแต่งงานกับลมแทน

ทั้งพ่อแม่ของผมและของลมมาตกลงพูดคุยกันโดยที่ผมไม่รู้ จนวันที่นัดทานข้าวร่วมกันสองบ้านพ่อกับแม่ก็บอกถึงเรื่องที่พวกท่านคุยกันให้พวกเรารู้ ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่พี่เทมส์โกรธมาก แต่ผมห้ามพี่เทมส์ไว้ไม่ให้อาละวาด ในขณะที่ลมไม่ได้ปฏิเสธเพราะลึกๆ แล้วเขายังคงรักผมในแง่นั้นอยู่ แต่อีกนัยลมก็ไม่กล้าตกปากรับคำ เพราะรู้ดีว่าหากทำเช่นนั้นผมจะต้องไม่พอใจมาและครั้งนี้ถ้าเราทะเลาะกัน เราคงไม่สามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันได้แน่ๆ เขาเลยเลือกที่จะนิ่งเฉย แล้วปล่อยให้พ่อแม่จัดการแทน

ลมไม่ได้ ไม่เสียประโยชน์ แต่ผมแค่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับผม และครั้งนี้ผมจะเป็นคนเอ่ยปากปฏิเสธเอง ผมไม่อยากให้พี่เทมส์ดูไม่ดีในสายตาของพ่อกับแม่ของลม แพราะเรายังต้องทำธุรกิจร่วมกันกับทางนั้นอยู่


‘ผมคงแต่งงานกับลมไม่ได้ครับ เราสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน และถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือผมไม่ได้รักเขา เท่าที่ให้ได้ก็มีแค่มิตรภาพและมันคงจะไม่มีวันมากไปกว่านี้’


พ่อกับแม่ของลมหน้าเสีย ท่านได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้ผม ในขณะที่พ่อกับแม่ของผมดูไม่พอใจกับคำพูดของผมอย่างมาก แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำผิดอะไร ในเมื่อทุกคนจ้องแต่จะกดดันและมัดมือชกผม ผมก็แค่ต้องยืนยันและซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง ในขณะที่ลมเองก็หันมามองผมด้วยสายตาที่ผมแทบอ่านไม่ออก ผมรู้ว่าเขาเสียใจ ผมเองก็เสียใจ แต่ผมไม่ได้รักเขา จะให้ผมแต่งงานกับเขาได้ยังไง

ไอ้วลีที่ว่าแต่งๆ กันไป อยู่ๆ กันไปเดี๋ยวรักกันเองนั้นใช้ไม่ได้กับผมหรอก ในเมื่อคนที่ผมรักมีแต่ภู มีแต่เขาคนเดียวและเป็นแบบนั้นมาตลอดเกือบสิบปี

ซึ่งลมเองก็รู้เรื่องนี้ดี ผมไม่เคยปิดบัง แต่เป็นเขาเองต่างหากที่ไม่ยอมรับความจริง

มื้ออาหารวันนั้นพังลงไม่เป็นท่า พี่เทมส์มาคุยกับพ่อและแม่เป็นการส่วนตัว พวกท่านเหมือนจะยอมรามือแต่ก็ไม่ เพราะหลังจากนั้นไอ้เหตุการณ์ ‘ขอให้ผมแต่งงาน’ ก็มีมาเรื่อยๆ ยิ่งพอพวกท่านเห็นผมไม่ยอมคบกับใครหรือลงเอยกับใคร ท่านก็ยิ่งพูดเรื่องนี้บ่อยมากขึ้น

จนมาถึงตอนนี้ผมกำลังจะอายุครบยี่สิบห้าปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ประเด็นรวบรัดให้แต่งงานกับลมก็กลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะหนักหน่วงกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะพวกท่านเห็นว่าผมควรจะมีใครดูแลจริงๆ จังๆ ได้แล้วสักที เพราะอายุก็ไม่ได้เป็นเด็กน้อยเหมือนที่ผ่านมา อีกทั้งตัวพ่อกับแม่เองก็อายุมากขึ้นทุกวัน พี่เทมส์ก็ทำงานหนัก พวกท่านเป็นห่วงผมไม่อยากให้ผมใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียวอีก

ผมรู้แหละว่าที่พวกท่านบังคับขู่เข็ญเรื่องลมนั้นก็เพราะพวกท่านหวังดี ท่านอยากให้ผมมีคนที่อยู่ร่วมชีวิตได้ทั้งในฐานะเพื่อนและคนรัก ซึ่งลมก็ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะอย่างน้อยๆ ลมก็ไม่รังเกียจและยอมรับความผิดปกติของผมได้ อีกทั้งความรักที่ลมมีให้ผมมาตลอดหลายปีก็การันตรีว่าเขารักจะรักและดูแลผมเป็นอย่างดี ไม่มีวันทิ้งผมไปไหนแน่

นั่นยิ่งทำให้พ่อกับแม่ยึดมั่นถือมั่น อยากได้ลมมาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว ไม่เปลี่ยนใจหรือเปลี่ยนความคิดเลยแม้จะผ่านมาสองสามปีแล้วก็ตาม


แต่ในทางตรงกันข้าม พ่อกับแม่ไม่ได้รู้เลยว่าผมเองก็มีความตั้งใจกับเรื่องบางอย่างแรงกล้ามากขึ้นเช่นกัน เป็นความตั้งใจที่เพิ่งจะมาแน่วแน่เอาในช่วงไม่กี่เดือนหลัง เมื่อได้เห็นสภาพและข่าวคราวของพี่ภูผ่านทางพี่เทมส์


พี่ภูที่เคยสดใสแข็งแรง พี่ภูที่เคยเป็นโลกอีกใบที่เต็มไปด้วยสีสันของผมเปลี่ยนไปราวกับคนละคน เขากลายเป็นคนขี้โมโห หงุดหงิดง่าย ทั้งเที่ยวทั้งดื่มอย่างหนัก ร่างกายที่เคยแข็งแรงดูสุขภาพดีก็ดูทรุดโทรมลงจนพี่เทมส์เองที่เห็นรูปเพื่อนตัวเองผ่านทางสื่อโซเชียลต่างๆ จากอีกฟากของทวีปถึงกับกุมขมับ แต่ถึงกระนั้นความหล่อเหลาและความดูดีของพี่ภูก็ยังคงมีอยู่ นั่นเลยทำให้พี่ภูควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า และที่ผมรู้ได้นั่นก็เพราะบรรดาสาวๆ ของพี่ภูอัพรูปพี่ภูแล้วแท็กพี่ภูมาไม่เว้นแต่ละวัน พี่ชายของผมเป็นห่วงพี่ภูมาก ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างจากที่เทมส์เลยสักนิด

และเพราะความเป็นห่วง ทำให้ผมพยายามคิดหาหนทางต่างๆ เพื่อจะช่วยพี่ภู แต่ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าพี่ภูจะจำ เด็กขี้แยของเขา คนนั้น ได้หรือเปล่าเลยทำให้ผมไม่กล้าออกนอกหน้าอะไรมากนัก จะให้เข้าหาเขาในฐานะน้องชายของเพื่อนสนิทผมก็ไม่สะดวกใจอีก ก็อย่างที่บอก ผมคิดกับเขาแค่พี่น้องเสียเมื่อไหร่ ถ้าอยากจะเข้าไปหา ผมก็อยากเข้าไปหาเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่อยากจะดูแลเขาด้วยใจจริง ดูแลในฐานะอะไรก็ได้ อย่างน้อยก็เพื่อตอบแทนที่เขาเคยช่วยให้ผมได้มีชีวิตที่ไม่ต้องแปดเปื้อนสักครั้งก็ยังดี

ผมเคยพยายามหาหนทางอยู่หลายครั้งซึ่งสุดท้ายคำตอบมันก็จะวกกลับไปที่คำตอบเดิมๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจของผมสักพักหนึ่งแล้ว แต่ผมไม่กล้าพอที่จะทำแบบนั้น มันเป็นวิธีที่ค่อนข้างจะบ้าระห่ำพอสมควร และอีกอย่างผมก็ไม่มั่นใจด้วยว่าพี่เทมส์จะไม่ยอมให้ทำแบบนั้นหรือเปล่า เพราะถ้าผมคิดจะทำเรื่องนี้ ผมต้องได้รับความเห็นชอบจากใครสักคนในครอบครัว แน่นอนว่าพ่อกับแม่คงไม่ยอม ทีนี้ก็เหลือแค่พี่เทมส์คนเดียวที่น่าจะตามใจผมได้

ตอนแรกผมก็ไม่กล้าที่จะเลือกวิธีนี้หรอก แต่หลังจากที่ได้ตุยกับพ่อและแม่ในวันนี้ ผมก็คิดว่าทางเลือกที่ว่าน่าจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ช่วยทั้งผมและพี่ภูได้ เพราะพวกท่านดูจะมัดมือชกให้ผมแต่งงานกับลมให้ได้ ท่านเลือกคุยเรื่องนี้ช่วงที่พี่เทมส์ไม่อยู่ เดินทางไปต่างประเทศ ไม่ต้องเดาก็พอมองออกว่าพวกท่านคิดจะทำอะไร เพราะถ้าพี่เทมส์อยู่คงค้านหัวชนฝาแน่ๆ

แต่เอาเข้าจริงทางออกของผมก็ไม่ได้ดีเด่ไปกว่าวิธีที่พ่อกับแม่ยัดเยียดมาให้สักเท่าไหร่ ผมไม่ได้แน่ใจหรอกว่าพี่เทมส์จะเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่ผมเลือกและอยากจะทำ แต่แล้วยังไงล่ะ สุดท้ายคนที่ตัดสินใจว่าจะเลือกทางเลือกไหนก็คือผมอยู่ดี เพราะฉะนั้นข้อได้เปรียบของทางเลือกของผมก็คือ ถ้าผมอยากจะทำในแบบที่ตนเองอยากจะทำ แม้แต่พี่เทมส์เองก็ขัดใจผมไม่ได้

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมต้องทำในตอนนี้ก่อนก็คือ ถ่วงเวลาพ่อกับแม่ ให้เรื่องแต่งงานนี้มันดูหาข้อสรุปไปไม่ได้อีกสักระยะ หรืออย่างน้อยก็จนกว่าพี่เทมส์จะกลับมาจากต่างประเทศ

เพราะการไปต่างประเทศครั้งนี้นอกจากงานที่พี่เทมส์ต้องไปทำล้ว พี่ชายผมก็ถือโอกาสนี้หอบหิ้วเพื่อนสุดที่รักกลับมาด้วย เพราะถ้าขืนรอให้กลับมาเอง ป่านนั้นคงไม่เหลือซากของหนุ่มสุดฮ็อตอย่าง คีริน อคิระไพบูลย์ กันพอดี

“ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้รักลมน่ะหรอครับแม่? แม่จะให้ผมแต่งงานอยู่กินกับลม ทั้งที่ผมมองลมเป็นแค่เพื่อนอย่างนั้นหรอครับ?” เป็นอีกครั้งที่ผมเถียงแม่ และมันก็วนมาสู่เหตุผลเดิมๆ เหตุผลที่ผมพูดออกมากกว่าร้อยครั้งแล้วเห็นจะได้ “มันจะไม่ได้เจ็บแค่ผมนะครับแม่ แต่ลมก็จะเจ็บไปด้วยถ้าเขาต้องทนอยู่กับผมที่ไม่เคยรักเขาเลยไปตลอดชีวิต”

“แต่งกันไป อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเองนั่นแหละน้องไนล์ แม่เขาพูดถูกนะ เพราะ...”

“ประโยคนี้ใช้ไม่ได้กับไนล์หรอกครับพ่อ” ผมพูดสวนบุพการี โดยไม่ยอมให้ท่านพูดจบประโยคด้วยซ้ำ ผมปล่อยให้การถกเถียงของเราในวันนี้ยืดเยื้อมาพอสมควรแล้ว อย่างที่บอกนั่นแหละว่าผมต้องเตะถ่วงเวลารอพี่เทมส์ เพราะฉะนั้นผมต้องเอาตัวรอดจากการพูดคุยของเราสามคนพ่อแม่ลูกในวันนี้ให้ได้ก่อน ก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ “เพราะไนล์มีคนที่ไนล์รักอยู่แล้ว ไนล์คงรักใครไม่ได้อีก ต่อให้ลมดีกับไนล์แค่ไหน ไนล์ก็รักลมไม่ได้ อย่าพยายามเลยครับพ่อ..แม่”

เป็นไปตามคาดพ่อกับแม่ผมตาเหลือกโตอ้าปากค้าง พวกท่านดูตกใจมาก ไม่คิดว่าคนที่วันๆ ไม่เคยจะสนใจใคร ไม่มีสังคมที่ไหน จะไปตกหลุมรักใครหรือมีใครผ่านเข้ามาในชีวิตให้ตกหลุมรักมากนัก

“น้องไนล์อย่าโกหก..”

“ไนล์ไม่ได้โกหกนะครับ ไนล์ไม่ใช่เด็กขี้โกหกพ่อกับแม่ก็รู้ ไนล์พูดจริงๆ ไม่งั้นไนล์ก็คงไม่ดื้อ ยื้อไม่ยอมแต่งงานกับลมมานานขนาดนี้หรอก”

ผมพูดย้ำ ทำเอาพวกท่านทั้งสองทำหน้าไม่ถูก และพอเห็นปฏิกริยาที่ยังไม่พร้อมจะประมวลผลใดๆ ของพวกท่านผมก็เลยรีบชิ่ง เพื่อเป็นการตัดจบการพูดคุยในวันนี้

“ในเมื่อพ่อกับแม่ทราบเรื่องนี้แล้ว ไนล์ขอไม่คุยเรื่องแต่งงานอีกนะครับ ถ้าพร้อมแต่งกับใคร เมื่อไหร่ ไนล์จะมาบอกพ่อกับแม่ทันทีไนล์สัญญา ตอนนี้ไนล์ยังไม่ได้คิดอะไรเรื่องนั้น พ่อกับแม่เข้าใจไนล์นิดนะครับ ไนล์ขอร้อง”

ผมพูด พลางลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างแม่แล้วกอดเอวท่านไว้หลวมๆ ผมซุกใบหน้าของตัวเองลงบนไหล่เล็กๆ ของแม่ ใช้ใบหน้าและดวงตากลมที่เหมือนท่านราวกับถอดพิมพ์กันมามองอย่างอ่อนอ้อน เพียงเท่านั้นทั้งพ่อและแม่ก็พรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างจนใจ ซึ่งกริยาแบบนั้นของพวกท่านก็ทำให้ผมต้องลอบยิ้มอย่างยินดี

“ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้แม่ช็อคอยู่ แม่ยังคิดอะไรไม่ออก ไว้เราค่อยคุยเรื่องตาลมกันใหม่ แม่ไม่ยอมถอดใจหรอกนะคะน้องไนล์”

ผมแอบกลอกตาเล็กน้อยตอนรู้ว่าแม่ยังไม่ละความพยายาม แต่ผมจะไม่เถียงอะไรท่านตอนนี้ให้เป็นประเด็น ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ผมอยากให้ท่านหยุดรบกับผมแค่ช่วงนี้ เพื่อรอเวลาให้พี่เทมส์กลับมา แล้วพอถึงเวลานั้นผมก็จะได้เลือกทำตามใจที่ผมอยากจะทำทันที

“เฮ้อออ งั้นไนล์ขอตัวก่อนนะครับแม่ ต้องเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัท ช่วงนี้พี่เทมส์ไม่อยู่มันก็เลยวุ่นหน่อยๆ”

ผมแสร้งถอนหายใจแหย่บุพการีตัวเองนิดหน่อย ซึ่งท่านก็ทำได้แค่มองค้อนแต่ไม่ได้ต่อว่าอะไรผม เอาจริงผมก็พอรู้นะว่าทุกคนในครอบครัวค่อนข้างจะตามใจผมพอสมควร อาจจะเพราะผมเป็นลูกคนเล็กหรือเพราะผมไม่ได้เกิดมาปกติเหมือนคนอื่นเขา ทั้งพ่อทั้งแม่และพี่เทมส์จึงไม่ค่อยได้บังคับอะไรผมเท่าไหร่ เพิ่งจะมีเรื่องนี้นี่แหละที่พวกท่านเอาจริงเอาจังพอสมควร แต่ถึงจะเถียงกันยังไง สุดท้ายพวกท่านก็ไม่วายโอกอดผมด้วยความรักอยู่ดี

“เอาๆ ไว้คุยเรื่องนี้กันวันหลังก็ได้” แม่ผมไม่วายฝากความหวัง “แล้วน้องไนล์จะไปยังไงคะ? จะให้พ่อหรือลุงชัยไปส่งไหมหรือลูกจะขับรถไปเอง”

แม่ถามผมอย่างเป็นห่วงเป็นใย แม้ผมจะโตแค่ไหน แต่ผมก็ยังเป็นเด็กชายนทีธัชช์ผู้มีโรคประหลาดที่ต้องได้รับการดูแลสูงสุดสำหรับพ่อกับแม่อยู่ดี

“ไนล์ขับไปเองดีกว่าครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เย็นนี้ไม่ต้องรอไนล์ทานข้าวนะครับไนล์อาจจะกลับเย็น... สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่”

พอหลังจากผมยกมือไหว้พวกท่านเสร็จ ผมก็กอดและหอมแก้มพวกท่านไปคนละที พลางนึกอย่างโล่งใจว่า อย่างน้อยก็รอดไปอีกวัน

ผมเดินออกไปนอกบ้านพร้อมกับตรงไปยังรถยุโรปคู่ใจที่พี่เทมส์ซื้อให้เป็นของขวัญวันเรียนจบ เพื่อเตรียมออกไปที่บริษัทเพื่อเคลียร์งานนั้น จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของผมก็แผดร้องขึ้น พอผมหยิบขึ้นมาดูก็เห็นเบอร์โทรที่คุ้นเคยโชว์หราอยู่หน้าจอ

ผมยกยิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าใครโทรมา แม้ว่าอย่างน้อยพี่เทมส์จะยังไม่ได้กลับในเร็วๆ นี้ แต่การได้ยินเสียงพี่ชายที่ผมแสนจะเกาะติดก็ทำให้ผมอารมณ์ดีจนลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจไปแทบหมด

“พี่เทมส์!! เมื่อไหร่จะกลับครับไนล์คิดถึง!”

ผมถามแบบไม่ได้คาดหวังคำตอบ เพราะเท่าที่รู้คือเรื่องงานเที่ยวนี้ของพี่เทมส์ติดพันพอสมควร แล้วไหนจะไม่ใช่เรื่องงานอีก

ได้ข่าวว่าจู่ๆ พี่ภูก็อาละวาดไม่ยอมกลับยกใหญ่ ทั้งที่ตอนแรกก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะยอมกลับมา ซึ่งแม่ของพี่ภูเองก็ร้อนใจมากอยากจะให้ลูกชายมาอยู่ด้วยกันแล้ว เพราะอยู่ที่นั่นพี่ภูก็รังแต่จะทำร้ายตัวเอง

“พี่จะกลับคืนนี้ครับไนล์ น่าจะไปถึงพรุ่งนี้บ่ายๆ คงให้ลุงชัยไปรับ อาจจะไม่เข้าบริษัทนะเดี๋ยวเราค่อยไปเจอกันที่บ้าน”

คำตอบของพี่ชายทำเอาผมนิ่งอึ้งเพราะไม่คิดว่าพี่เทมส์จะจัดการ ‘ธุระต่างๆ’ ได้รวดเร็วขนาดนั้น ซึ่งธุระต่างๆ ที่ว่าผมก็หมายความรวมถึงเรื่องนี้ด้วย

“แล้วพี่ภู..?” หรือว่าเขาจะดื้อแพ่งไม่ยอมกลับมาพร้อมพี่เทมส์?

“ลากมันกลับด้วยนี่แหละ พี่ถึงเข้าบริษัทไม่ได้เพราะคงต้องไปส่งมันที่บ้านก่อน”

คำตอบของพี่เทมส์ทำเอาผมนิ่งอึ้งไปเป็นครั้งที่สอง ในใจผมคือตีรวนกันไปหมด ทั้งเป็นห่วง ทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ และที่สุดคงจะหนีไม่พ้นความคาดหวัง


หวังว่าพี่ภูจะจำผมได้ หวังว่าทุกอย่างระหว่างเราจะเป็นเหมือนเดิมหากได้เจอกันอีกครั้ง


“พี่พาหัวใจของไนล์กลับมาให้ไนล์แล้วนะครับ”

หรืออย่างน้อยขอให้หัวใจของผมเป็นเหมือนเดิมสักครึ่งหนึ่งก็ยังดี แล้วอีกครึ่งหนึ่งผมจะฟื้นฟูให้เต็มร้อยเอง

นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งใจไว้ว่าจะทำ เมื่อพี่เทมส์พาหัวใจของผมกลับคืนมา

.

.

.

To Be Continue

--------------------------------------------------

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ

ชอบไม่ชอบยังไงคอมเม้นท์บอกได้จ้าาา แช็ปเตอร์นี้อาจจะเป็นการเล่าเยอะไปหน่อย เพราะเวลามันค่อนข้างก้าวกระโดด เลยต้องปูพื้นกันสักนิด จะได้รู้ว่าช่วงสิบปีที่ผ่านพ้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

.. มาเอาใจช่วยน้องไนล์กันด้วยนะคะ นังพี่ภูกำลังจะกลับมาแล้ว แต่จะกลับมาในสภาพไหนก็คงต้องมารอลุ้นกัน

แล้วเจอกันแช็ปเตอร์หน้าค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตามน้าา

เริ้บๆ <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-03 : Universe 4th)
เริ่มหัวข้อโดย: piakunaa ที่ 04-03-2020 12:25:51
สู้ๆนะคะน้องไนล์ 
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-03 : Universe 4th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 04-03-2020 13:58:27
อยากอ่านต่อจะแย่แล้ว
อยากรู้ว่าพี่ภูเจอน้องแล้วจะเป็นยังไงจะจำได้ไหม

ให้กำลังใจผู้แต่งด้วย้นาาาา
รีบมาต่อน้าาาอยากอ่านอีกกก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-03 : Universe 4th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-03-2020 17:01:09
ไม่ได้ติดต่อกันมานาน แล้วยังกลับมาในสภาพนี้อีก น้องไนล์จะทำยังไงต่อไปล่ะ แล้วพี่ภูจะจำน้องได้ไหม พี่ภูเปลี่ยนไปแบบนี้น้องจะรับมือไหวไหมนะ สู้ ๆ นะน้องไนล์
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-03 : Universe 4th)
เริ่มหัวข้อโดย: pearlluv ที่ 04-03-2020 23:25:40
รอเลยค่ะ อยากอ่านต่อๆๆแล้ววว  :hao5:
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-10 : Universe 5th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 10-03-2020 20:34:01
Universe 5th - It's (not) you


“พี่เทมส์ กลับมาถึงบ้านแล้วเหรอครับ?”

เย็นวันต่อมาหลังจากที่พี่เทมส์กลับมาถึงประเทศไทย และไปส่งพี่ภูที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ผมที่เพิ่งกลับมาจากออฟฟิศเห็นพี่ชายนั่งเครียดอยู่ที่สวนหลังบ้านเลยเดินเข้าไปหาพร้อมร้องทัก คนเป็นพี่เองพอเห็นผมก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับตรงดิ่งเข้ามาดึงผมไปกอด พี่เทมส์จูบขมับผมย้ำๆ พร้อมกับพร้อมบอกว่าคิดถึงผมมากๆ

ก็แหงล่ะ คนติดน้องแบบเขาปกติไปต่างประเทศสามสี่วันก็บ่นคิดถึง โทรหาผมแทบจะทุกเวลา แต่เที่ยวนี้พี่เทมส์ไปอเมริกาเป็นอาทิตย์ แถมยุ่งมากๆ อย่าว่าแต่จะรีบกลับเลย แค่เวลาจะโทรหาผมเขาก็ไม่มี พอกลับมาถึงนี่จะกอดจะหอมผมยกใหญ่ ผมก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด

“กลับมาแล้วครับ คิดถึงพี่ไหม หื้ม?”

พี่เทมส์ถามพร้อมกับยิ้มกว้าง แม้ใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายผมจะดูเหนื่อยล้า แต่แววตาเขาดูมีความสุขมากยามมองมาที่ผม ผมเลยพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มตอบเพราะอยากให้เขาสบายใจว่าน้องชายคนนี้ยังขี้อ้อนสำหรับเขาเหมือนเดิม

“คิดถึงมากๆ เลยครับ พี่เทมส์ไม่อยู่ไนล์เหนื่อยมากๆ”

ผมซุกตัวเองเข้าหาอกพี่ชายพร้อมเอ่ยอ้อน ที่เหลือก็รอแค่ให้พี่เทมส์ถาม แล้วทีนี้ผมก็จะเปิดปากเล่าทุกอย่าง ทั้งเรื่องงานและเรื่องในครอบครัวนี่แหละ

“เกิดอะไรขึ้น? ที่บริษัทมีปัญหาอะไรหรอ? แต่พี่ไม่เห็นว่าเลขาฯ พี่จะแจ้งอะไรนะ หรือว่าเรื่องที่บ้าน?”

พี่ชายผมรัวถามเป็นชุด เขาไม่ทำให้ผมผิดหวังสักนิด เขาถามได้เข้าเป้าประเด็นราวกับรู้ใจผมมากๆ แต่ในฐานะน้องชายที่ดี ผมก็ไม่คิดจะเล่าเรื่องที่พ่อกับแม่บังคับให้แต่งงานให้พี่เทมส์ฟังทันทีหรอก เพราะเขาดูเหนื่อยและล้ามากๆ แถมท่าทางจะมีอาการเจ็ทแลคด้วย ผมอยากให้เขาพักผ่อนมากกว่าที่จะต้องมาฟังเรื่องหนักอกหนักใจเพิ่ม

“ที่บริษัทก็มีงานด่วนนิดหน่อยครับ แต่ไนล์จัดการไปแล้วพี่เทมส์ไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่องที่บ้านก็เรื่องเดิมๆ ไว้ไนล์ค่อยเล่า เพราะตอนนี้ไนล์อยากให้พี่เทมส์นอนพักก่อน”

ผมตัดสินใจพูดรวบๆ เพราะรู้ดีว่าหากไม่เล่าเลยหรือปิดบังพี่เทมส์ พี่เทมส์จะต้องไม่ยอมวางมือแน่ๆ ดังนั้นพอเห็นเขาจะอ้าปากถามต่อ ผมเลยตัดบทอีกรอบ

“เล่ามา...”

“ยังไม่เล่าครับ พี่เทมส์ต้องพักก่อน จะนอนยาวเลยก็ได้พรุ่งนี้เช้าตื่นมาจะได้หายเจ็ทแลค ส่วนเรื่องของไนล์เอาไว้ทีหลังได้ มันรอได้ พี่เทมส์ไม่ต้องห่วงหรอกว่าไนล์จะไม่เล่า เพราะไนล์เล่าแน่ ไนล์อยากปรึกษา”


ใช่.. ไม่ต้องห่วงเลยว่าผมจะไม่เล่า เพราะไม่ว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลาย ยังไงผมก็ต้องเล่าให้พี่ชายผมฟัง ก็อย่างที่บอกไปแหละว่าผมก็มีหนทางและวิธีแก้ของผม เพียงแต่มันอาจจะต้องได้รับความเห็นชอบจากพี่ชายผมก็เท่านั้น


“เฮ้ออออ ก็ได้ๆ ไม่รู้ว่าใครเป็นพี่น้องกันแน่เนี่ย หื้ม?” พี่ชายผมถามยิ้มๆ ก่อนจะยื่นมือมาโยกศีรษะผมเบาๆ อย่างมันเขี้ยว “ว่าแต่คืนนี้มานอนกับพี่ไหม คิดถึงเราแย่ อีกอย่างกลัวนอนไม่หลับด้วย เวลามันไม่คุ้น ได้ตัวนิ่มๆ ของไนล์มากอดเล่นเผื่อพี่จะหลับง่ายขึ้น”

ผมแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดคำตอบเลย ... ก็บอกแล้วว่าพี่เทมส์ติดผมคนเดียวเมื่อไหร่ ผมเองก็ขี้อ้อนพี่ชายตัวเองอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“นอนนน ไนล์นอนด้วย เดี๋ยวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องเสร็จแล้วจะไปหาที่ห้องนะครับ”

ผมตอบรับพี่ชายด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะผละออกแยกย้ายกับพี่ชาย แล้วเดินไปห้องตัวเองที่อยู่ตรงข้ามห้องพี่เทมส์เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย โชคดีที่คืนนี้พ่อกับแม่มีไปงานเลี้ยง เลยเลี่ยงการเผชิญหน้าไปได้อีกเฮือกหนึ่ง อย่างน้อยก็ขอจนกว่าผมจะได้คุยกับพี่เทมส์ก็ยังดี

หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ผมก็หอบหิ้วหมอนเน่าใบเล็กที่ต้องนอนกอดทุกคืนถือติดมือไปที่ห้องของพี่ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ผมเคาะประตูเล็กน้อยพอเป็นพิธี โดยที่ไม่ต้องรอให้พี่เทมส์อนุญาตผมก็เปิดผางเข้าไปในห้อง ก่อนที่จะได้เห็นว่าพี่ชายของผมนั่งอยู่ที่ปลายเตียงกำลังคุยโทรศัพท์เสียงเข้ม และสถานการณ์น่าจะตึงเครียดไม่น้อย เพราะเขาแทบจะไม่ได้สังเกตเลยว่าผมเข้ามาในห้องแล้ว

“กูบอกมึงแล้วไงว่าให้มึงพัก! มึงจะออกไปไหนอีก นี่เพิ่งจะกลับมาเองนะ”

พี่เทมส์พูดเสียงดุใส่ปลายสาย ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ดูแล้วน่าจะทำอะไรบางอย่างให้พี่เทมส์หงุดหงิดน่าดู

“กูไม่ไป! กูจะนอน! เหนื่อยจะตายห่า ไหนจะเรื่องงาน ไหนจะลากมึงกลับ นี่มึงยังมีหน้ามาออกไปเที่ยวอีก อยู่บ้านให้แม่มึงหายคิดถึงหน่อยเหอะไอ้ห่าภู”


ผมชะงัก เมื่อได้ยินชื่อของคนที่อยู่ในใจผมมาตลอดสิบปี คนที่อยู่อีกฝั่งของปลายสาย คนที่กำลังคุยกับพี่เทมส์


และถ้าเดาไม่ผิด ตอนนี้พี่ภูต้องกำลังหาเรื่องออกไปเที่ยวกลางคืนแน่ๆ

เห้อ.. นี่เพิ่งจะกลับมาจากอเมริกายังไม่ยี่สิบสี่ชั่วโมงดีเลย ทำไมเขาถึงได้มีแรงเหลือเฟือขนาดนี้นะ

“เออ เรื่องของมึงเถอะ! กูจะนอนแล้ว ไม่ต้องโทรมาอีกล่ะ ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้” พี่เทมส์เงยหน้าหันมาทางประตู และเห็นเข้ากับผมพอดี ดูเหมือนว่าเขาพยายามที่จะพูดให้เบาและซอฟต์ลง คงไม่อยากให้ผมรู้ว่ากำลังคุยกับใคร “ไม่ไปคือไม่ไปดิวะ กูจะอยู่กับน้องกู แค่นี้แหละ เชิญมึงท่องโลกท่องราตรีอะไรของมึงไปคนเดียวเถอะ”

พอว่าเสร็จพี่เทมส์ก็กดตัดสายและกดปิดเครื่องทันที ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมบางๆ เขาตบลงบนฟูกข้างตัวเป็นเชิงเรียกให้เข้าไปหา ผมจึงเข้าไปนั่งข้างๆ ปล่อยให้พี่ชายดึงเข้าไปกอด เราต่างคนต่างเงียบแต่ในใจของเราสองคนพี่น้องก็รู้ดีว่าไม่ใครก็ใครสักคนนี่แหละที่จะต้องทนไม่ได้และเอ่ยปากพูดถึงบุคคลที่สามขึ้นมาก่อน บุคคลที่พี่เทมส์เพิ่งจะวางสายไปหนีเมื่อก่อนหน้านี้


และสุดท้ายก็เป็นผมเองที่ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ไหว ข้างในใจมันตีรวนไปหมด ทั้งตื่นเต้น ทั้งคาดหวัง ทั้งน้อยใจ และสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นความคิดถึง


“พี่ภูเป็นยังไงบ้างครับพี่เทมส์ สบายดีไหม? เขาทำใจเรื่องแฟนเก่าได้บ้างหรือยัง?”

ผมถามเสียงเบา เหมือนลึกๆ จะกลัวคำตอบอยู่ไม่น้อย แต่อีกใจก็ใคร่อยากรู้ซึ่งพี่เทมส์ก็คงเข้าใจผมเป็นอย่างดี เพราะผมได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ จากเจ้าของอ้อมกอด มือใหญ่ลูบศรีษะผมไปมาอย่างปลอบประโลม

“นอนคุยกันดีกว่าไหมครับ เผื่อไนล์ง่วง ไนล์จะได้หลับได้เลย” พี่เทมส์เฉไฉถ่วงเวลา ผมเองก็ไม่อยากจะขัด เลยผละตัวออกจากอ้อมกอดของคนเป็นพี่แล้วคลานไปนอนฝั่งที่ตัวเองชอบนอนเวลามาค้างที่ห้องพี่เทมส์

ผมนอนตะแคงข้างหันหน้ามาทางพี่ชายพร้อมกับกอดหมอนเน่าไว้แน่น ให้คนเป็นพี่ตามมานอนติดๆ ต้องอมยิ้มด้วยความเอ็นดูกับการกระทำที่ดูแล้วช่างขัดกับอายุวัยเบญจเพสของผมเหลือเกิน

“แล้วไม่ให้พี่หวง แต่ดูเราสิต่างจากสิบปีที่แล้วตรงไหน หื้ม?”

ผมกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเริ่มเถียง “ไนล์โตขึ้นตั้งเยอะ สูงขึ้นตั้งหลายเซ็นต์ ไม่ได้เป็นเด็กน้อยแบบเมื่อก่อนแล้วนะครับ”

พี่เทมส์หัวเราะลั่นตอนได้ยินผมพูดออกไปแบบนั้น เขาใช้นิ้วชี้เคาะปลายจมูกโด่งรั้นของผมเบาๆ ให้ผมต้องย่นจมูกหนีเพราะถูกพี่ชายแกล้ง

“พี่หมายถึงนิสัยของเราต่างหาก ดูสิ สิบปีที่แล้วอ้อนพี่ยังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”

“โถ่ อย่างกับพี่เทมส์ไม่ชอบให้ไนล์อ้อนอย่างนั้นแหละ” ผมว่าพลางขยับตัวเข้าหาพี่ชายอีกนิด ซึ่งพี่เทมส์เองก็เข้าใจอาการของผมเป็นอย่างดี เลยขยับเข้ามาหามากอดผมอย่างอ่อนโยน “พี่เทมส์...”

“เฮ้อ.. เปลี่ยนเรื่องแล้วก็ยังไม่ได้ผลอีกเหรอครับ?” พี่ชายผมถามเสียงเบา เพราะเขารู้ว่าผมเรียกชื่อเขาทำไม

พี่เทมส์ถ่วงเวลามานานเกินไปแล้ว ผมอยากรู้เรื่องพี่ภู อย่างน้อยขอให้ได้ยินว่าเขากลับมาครบสามสิบสองปกติดี แม้จะมีเพียงสภาพจิตใจที่ไม่ได้แข็งแรงเต็มร้อยเหมือนเดิมก็เถอะ

“อืม.. มันก็ค่อนข้างแย่แหละ สภาพภายนอกไม่เท่าไหร่ แต่แววนัยน์ตามันแห้งแล้งมาก แถมนิสัยบางอย่างมันก็เปลี่ยนไปด้วย ถ้าไม่ได้เห็นกับตาพี่ก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าแค่ผู้หญิงคนเดียวจะทำให้มันเป็นได้ขนาดนี้”

พี่เทมส์ร่ายยาวราวกับไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหลุดปาก ถ้าให้ผมเดา ผมคิดว่าเขาเองก็คงจะเครียดเรื่องนี้ไม่น้อย เพราะพอได้พูดได้ระบายมันก็เลยเหมือนปลดล็อค พี่เทมส์ก็เลยพรั่งพรูออกมาแทบจะทั้งหมด

ในขณะที่ผมนั้นได้แต่นอนนิ่งให้พี่ชายลูบศีรษะเล่นพร้อมทั้งระบายความอึดอัดใจให้ฟัง โดยที่ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวหรือหายใจด้วยซ้ำ เพราะถึงแม้ใจจะเจ็บและไม่ได้มีความสุขสักเท่าไหร่ที่ได้รู้ว่าคนที่ผมรักเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ แต่มันก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกใจผมก็กระหายอยากจะรู้เพราะหวังลึกๆ ว่าผมอาจจะพอช่วยอะไรพี่ภูได้บ้างสักนิดก็ยังดี

“โดยเฉพาะนิสัยเรื่องคบคนของมัน ปกติไอ้ภูมันไม่คบใครเรี่ยราด มันค่อนข้างเป็นคนเลือกเพื่อนเลือกผู้หญิงพอสมควร แต่ตอนนี้มันกลับคบคนนั้น รู้จักคนนี้มั่วไปหมด แล้วพวกที่รู้จักและที่ไปคบหานี่ก็ได้มาจากการเที่ยวกลางคืนของมันทั้งนั้น แล้วจะไม่ให้พี่กับแม่มันห่วงได้ยังไง”

“แล้วเมื่อกี้คนที่โทรมาคือ...?” ผมแกล้งถามทั้งที่รู้คำตอบดีว่าเป็นใคร

“ก็มันนั่นแหละ เพิ่งจะกลับมายังไม่ทันข้ามวันแม่งออกเที่ยวอีกแล้ว พรุ่งนี้ไม่แคล้วแม่มันต้องโทรมาบ่นกับพี่อีกแน่ๆ” พี่เทมส์ว่าพลางถอนหายใจ ก่อนจะหลุดพึมพำออกมาอย่างลืมตัว แม้จะเบาแต่ผมก็ได้ยินชัดเจน “ภาวนาให้มันไม่หิ้วผู้หญิงเข้า... เชี่ย!”

พี่เทมส์ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองก่อนจะก้มมองคนในอ้อมกอดแบบผมตาโต ผมเลยต้องฝืนส่งยิ้มกว้างให้พี่ชายพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย

“ช่างเถอะครับพี่เทมส์ ไนล์ไม่ได้คิดอะไรหรอก ยังไงมันก็เป็นสิทธิ์ของพี่ภูเขา จะทำอะไร จะคบใคร ... ไนล์ห่วงก็แต่เขาจะไปเจอคนไม่ดีเข้า แล้วพี่ภูเขาจะลำบากเอา”

“โถ่.. ไนล์ก็แสนดีซะอย่างนี้ แล้วจะไม่ให้หวงได้ยังไง แถมหนำซ้ำยังแอบชอบมันมาเป็นสิบๆ ปีอีกต่างหาก พี่ล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมไนล์ถึงได้ฝังใจกับภูขนาดนั้น”

“ก็พี่ภูเคยช่วยชีวิตไนล์ไว้นี่พี่เทมส์”

ผมยังอ้างค้างๆ คูๆ รู้ว่าใช้เรื่องนี้อ้างกับพี่เทมส์มาเป็นสิบๆ ปี ซึ่งมันก็ฟังขึ้นแค่ในช่วงสามสี่ปีแรกเท่านั้นแหละ แต่หลังจากนั้นช่วงที่พี่ภูขาดการติดต่อไป แทนที่ผมจะตัดใจ กลับกลายเป็นความผมใช้ความคิดถึงความโหยหาเป็นตัวพันธนาการความรู้สึกของตัวเองไว้กับเขา โดยไม่คิดจะผลักออก

“ตั้งสิบปีแล้วนะไนล์ ถ้าไนล์จะยังรักมันอยู่พี่ก็ไม่ว่าหรอก แต่พี่อยากให้ไนล์ขยับทำอะไรให้มันชัดเจนเด็ดขาดสักที ก่อนที่พ่อกับแม่จะบังคับให้ไนล์แต่งงานอีก"

พี่เทมส์ก้มลงมามองหน้าผมอย่างจริงจัง ก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะซีเรียสกว่าเดิม

"ถ้าไนล์หมดรักมันแล้ว ไนล์ก็ปล่อยมันไป ทั้งไนล์ทั้งมันจะได้ไม่เสียเวลากับรักที่ไม่เคยจะได้สานต่อความสัมพันธ์กันแบบนี้สักที พี่มองไม่เห็นประโยชน์เลยนะที่ไนล์จะยึดมันไว้ในใจแบบนี้โดยไม่คิดจะทำอะไร ไอ้ภูเองก็ด้วย วันนึงมันอาจจะเจอใครใหม่ ใครสักคนที่ทำให้มันลืมแฟนเก่าและพร้อมจะเริ่มต้นอีกครั้ง”

พี่เทมส์พูดโพล่งความหนักใจของตัวเองออกมา ทำเอาผมแอบสะดุ้งเพราะไม่แน่ใจว่าพี่เทมส์รู้ความคิดของผมได้ยังไง เลยลองเลียบๆ เคียงๆ ถาม เผื่อว่าพี่เทมส์ที่รู้จักพี่ภูดีกว่าผมจะพอให้ความเห็นและคำแนะนำได้บ้าง

“พี่เทมส์ว่า... ถ้าพี่ภูเจอใครใหม่พี่ภูจะลืมแฟนเก่าได้เหรอครับ? แต่เขารักกันมานานมากเลยนะ”

“อืม.. ก็ไม่แน่หรอก ของแบบนี้มันต้องลอง”

พอเห็นพี่เทมส์ตอบแล้วผมก็ถามต่อ แม้เสียงพี่เทมส์จะเบาๆ ลงบ้างแต่เพราะนอนใกล้กันแค่นี้มันเลยได้ยิน

“แล้วพี่ภูเขาจะยอมมีแฟนใหม่เหรอครับ? ถ้าเขาจะมีใหม่ ทำไมไม่มีตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่อเมริกาล่ะ?”

“บรรยากาศมันเปลี่ยน ใจมันอาจจะเปลี่ยนก็ได้ พี่ไม่รู้หรอก”

ผมใจเต้น เมื่อเห็นความหวังเรืองรองจากคำตอบของพี่เทมส์ เลยพยายามรวบรวมความกล้าบอกกับพี่เทมส์ในสิ่งที่ตัวเองคิด

“พี่เทมส์ คือไนล์มีเรื่องจะบอก...”

“อือ.. ครับ? "

“พี่เทมส์ ไนล์คิดว่า ไนล์อยากจะ...”

ผมเงยหน้าขึ้นเพราะต้องการจะสบตาคนเป็นพี่ ผมอยากจะพูดและให้พี่เทมส์ได้เห็นความมุ่งมั่นจากแววตา แต่กลายเป็นว่าผมต้องชะงัก เพราะพี่เทมส์ที่อือๆ ออๆ กับผมเมื่อกี้หลับตานิ่งไปแล้ว

อันที่จริงเขาก็ดูง่วงๆ เพลียๆ มาพักใหญ่แล้วล่ะ แต่ผมไม่คิดว่าพี่เทมส์จะหลับตอนที่ผมกำลังจะพูดเรืองสำคัญพอดีแบบนี้ ทำเอาผมได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตกที่ไม่ได้มีโอกาสพูดเรื่องที่อยากพูดออกไป

ผมนอนลืมตาโพลงมองเพดานอยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆ ของคนเป็นพี่ที่ตอนนี้หลับไปแล้ว ทิ้งให้ผมคิดนั่นคิดนี่เรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะเรื่องของพี่ภู และคำพูดของพี่เทมส์


‘บรรยากาศเปลี่ยน ใจมันอาจจะเปลี่ยนก็ได้ พี่ไม่รู้หรอก’


จริงสินะ ถ้าบรรยากาศมันเปลี่ยน แล้วพี่ภูจะลองเปิดใจมากขึ้นไหม ซึ่งมันก็เป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยากพอสมควร นอกจากจะลอง... ลองเสี่ยงทำดูสักครั้งเผื่อมันจะได้ผลจริงๆ

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-10 : Universe 5th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 10-03-2020 20:42:28
(ต่อจากด้านบน)


‘ไนล์ จะให้เราไปรับไหม คุยงานเสร็จกี่โมง?’


ผมอ่านข้อความจากในมือถือที่เพื่อนสนิทเพิ่งส่งมาให้ แล้วก็ต้องชั่งใจว่าจะเอายังไงดี เนื่องจากวันนี้ผมมีคุยงานกับคู่ค้าที่ผับกึ่งร้านอาหารย่านทองหล่อ ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะขับรถไปเอง แต่พี่เทมส์ห้ามไว้เพราะไม่รู้ว่าจะต้องมีดื่มกับคู่ค้าหรือเปล่า เพราะผมค่อนข้างจะเป็นคนคออ่อนมากๆ ไม่ค่อยได้แตะแอลกฮอล์เลยด้วยซ้ำ

นอกจากบางครั้งที่ออกไปพบหรือไปคุยงานนอกสถานที่ก็อาจจะต้องมีบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ผมก็จะเนียนๆ จิบๆ ไม่ได้ดื่มเยอะ แก้วเดียวนั่งทั้งคืนเพื่ออย่างน้อยจะได้ไม่เสียมารยาท ซึ่งพี่เทมส์เองก็เป็นห่วงเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย ดังนั้น จึงมีข้อตกลงระหว่างผมกับพี่ชายว่า ถ้าครั้งไหนต้องออกไปพบลูกค้าในสถานที่กึ่งๆ ผับ กึ่งๆ คลับนี่ให้อนุมานไว้ได้เลยว่าต้องมีแอลกอฮอล์แน่ เพราะฉะนั้นเพื่อให้เซฟที่สุดก็คือผมไม่ต้องขับรถไป พี่เทมส์จะให้ลุงชัยคนขับรถที่บ้านหรือไม่ก็ตัวพี่เทมส์เองไปรับแทน

แต่เนื่องจากวันนี้พี่เทมส์ติดงานอีกงาน ส่วนลุงชัยก็ต้องขับรถพาพ่อกับแม่ไปงานเลี้ยง สุดท้ายหน้าที่ตามไปรับผมจึงไปตกอยู่ที่ลม เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวและเป็นเพื่อนสนิทที่พ่อกับแม่ร่ำๆ จะจับคู่ให้ ซึ่งไม่ต้องถามก็พอจะเดาได้ว่าทำไมลมถึงรู้และอาสาไปรับ ก็คงไม่พ้นแม่ผมนั่นแหละที่โทรไปบอก ไม่งั้นลมจะรู้ได้ยังว่าผมมีคุยงาน เพราะผมเองยังไม่ได้คุยหรือบอกอะไรลมสักคำ

เอาเข้าจริงถามว่าผมอยากจะให้ลมมารับไหม ก็ไม่ค่อยจะอยากเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่ากลัวตัวเองจะหวั่นไหว หรือกลัวว่าใครจะมองไม่ดี แต่เหตุผลจริงๆ เลยก็คือมันดึกและผมก็เกรงใจ ลมเองก็มีงานต้องทำ จะให้มาตามรับตามส่งผมทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ผมเองก็ไม่สบายใจและคิดว่ามันแปลกๆ แต่ครั้นจะปฏิเสธขอขับรถกลับเองก็ไม่ได้อีก เพราะถ้าพี่เทมส์รู้ แผนไปคุยงานกับลูกค้าวันนี้คือต้องล่มแน่ๆ เขาจะต้องห้ามไม่ให้ผมไปและหาทางกระเสือกกระสนไปเอง ดูไปดูมาแล้วลำบากยิ่งกว่าเดิม ผมเลยตัดสินใจยอมรับความช่วยเหลือจากลม เพราะถึงยังไงเราสองคนก็เป็นเพื่อนสนิทกัน ผมบริสุทธิ์ใจและไม่ได้มีปัญหาอะไรที่จะเจอกับเพื่อนตัวเอง

หลายคนอาจจะเห็นว่าผมเองก็โตป่านนี้แล้ว ทำไมที่บ้านถึงยังทรีทเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่มีเปลี่ยน ในขณะที่ตัวผมเองก็ดูเหมือนจะยอมถูกดูแลจากคนที่บ้านไม่สิ้นสุด เอาเข้าจริงผมก็รู้นะว่ามันดูเป็นลูกแหง่ไม่น้อยแต่หลังจากเหตุการณ์นั้น ผมก็ไม่กล้ามองข้ามหรือเห็นว่า ‘มันคงไม่น่าจะมีอะไรหรอก’ ‘แค่นี้เอง ผมน่าจะดูแลตัวเองได้’ ได้อีก และอีกอย่างสภาพร่างกายผมก็ไม่เอื้อต่อการดูแลตัวเองสักเท่าไหร่ อย่างที่เคยบอกไปผมเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างตัวเล็ก แม้จะพอมี พอเรียนวิชาป้องกันตัวมาบ้าง แต่ถ้าเจอคนที่ตัวใหญ่กว่ามากๆ เข้าประชิด ผมก็ไม่แน่ใจเลยว่าจะป้องกันตัวเองจากอันตรายต่างๆ ได้

และนั่นคือเหตุผลทั้งหมด ที่ผมยังยอมให้ที่บ้านเป็นห่วงเป็นใยและคอยดูแลอยู่อย่างนี้ ผมรู้ว่าพวกเขาหวังดี และความหวังดีของพวกเขาก็ทำให้ผมเห็นค่าตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อจากสิบปีที่แล้ว


‘เอาสิ แต่น่าจะดึกหน่อย เดี๋ยวถ้าคุยงานเสร็จแล้วหาทางพอชิ่งได้จะรีบส่งข้อความบอกเนิ่นๆ ... ขอบใจลมมากนะ’


ผมกดส่งข้อความตอบลมไป ไม่นานเขาส่งข้อความว่ารับทราบกลับมา พอทุกอย่างเรียบร้อยผมก็โทรไปหาพี่เทมส์ เพื่อบอกรายละเอียดการคุยงานวันนี้ให้พี่ชายรู้ ซึ่งพี่เทมส์เองก็กำชับให้ระมัดระวังตัวเองให้ดีๆ ดื่มได้เท่าที่ดื่มไหว ซึ่งผมก็ไม่ได้หนักใจอะไรเท่าไหร่เพราะคู่ค้าที่ไปคุยด้วยวันนี้เป็นหญิงชาวแคนาดาที่ค่อนข้างจะอัธยาศัยดีมากๆ ผมชอบคุยงานกับเธอ ซึ่งเธอจะเดินทางมาประเทศไทยไม่บ่อย และทุกครั้งที่มาตารางงานเธอมักจะแน่นมากๆ จนทำให้ผมต้องมาหาเก็บรอบคุยกับเธอนอกเหนือจากเวลางาน แต่งานที่คุยวันนี้ก็ไม่ได้เครียดมากอะไร เป็นเพียงแผนโครงการคร่าวๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ทั้งแผนการพัฒนาที่ดิน การสร้างตึกและอาคารในพื้นที่เศรษฐกิจเพื่อเปิดให้เช่า ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดอะไรเท่าไหร่ ผมแค่ต้องการสโคปงานกว้างๆ ที่เธอตั้งไว้เพื่อเอาไปให้พี่เทมส์ดูความเหมาะสมและเป็นไปได้อีกครั้ง

ดังนั้นหากจะพูดว่าการคุยงานครั้งนี้ของผมเป็นการคุยกึ่งๆ การสังสรรค์ก็คงจะไม่ผิดเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก รีบคุยรีบกลับก็น่าจะได้

แต่ดูเหมือนว่าผมจะนิ่งนอนใจเกินไป โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าการคุยงานครั้งนี้จะทำให้ผมได้เจอกับคนสำคัญ คนที่เขาทำผมตกหล่นออกจากชีวิตมานานเกือบสิบปี

.

.

.

แล้วพอมาถึงร้านผมก็เจอเซอรไพร์สเรื่องแรกเข้าให้

คู่ค้าที่นัดไว้ขอยกเลิกนัด ขอยกเลิกนัดตอนที่ผมมาถึงที่ร้านแล้ว และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือทางนั้นส่งตัวแทนที่เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารของสาขาฝั่งไทยเข้ามาคุยแทน ซึ่งถ้าผมรู้ว่าเป็นหมอนี่มาผมจะไม่มาเด็ดขาด เพราะจากที่เคยเจอกันในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาผมรู้สึกไม่โอเคกับเขามากๆ เขาชอบใช้สายตาที่ค่อนข้างจะเสียมารยาทจ้องมองผม โชคดีที่เขาทำอะไรหยาบคายกับผมมากไม่ได้เพราะเกรงใจคู่ค้าของผม ซึ่งเป็นเจ้านายใหญ่ของเขาอีกที ส่วนมากเขาเลยทำได้แค่มอง

จนมีครั้งหนึ่งที่เขาพยายามจะถึงเนื้อถึงตัวผม ผมเลยฟ้องพี่เทมส์ไป พักหลังเขาเลยไม่ค่อยมาให้เห็น ไม่รู้ว่าพี่เทมส์ไปคุยกับเขาเอง หรือว่าเจ้านายของเขาไปเตือนเขาโดยตรงกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันทำให้รู้สึกโล่งใจขึ้นมากที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับเขา

แต่ครั้งนี้กลับยิ่งแล้วกว่าที่ผ่านๆ มา เพราะนอกจากผมจะต้องมาคุยงานกับเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวแบบสองต่อสองแล้ว สถานที่ในการคุยงานยังโคตรไม่อำนวยสุดๆ ผมเลยต้องตั้งสติและตั้งใจว่าจะไม่แตะแอลกอฮอล์เด็ดขาด อีกทั้งยังส่งข้อความหาลมตั้งแต่เห็นหมอนั่นเดินเข้ามาที่โต๊ะ


‘ลม อีกชั่วโมงนึงลมมารับเราได้เลยนะ คิดว่าวันนี้น่าจะเสร็จเร็ว’


ผมตัดสินใจไม่บอกความจริง เพราะไม่อยากตีตนไปก่อนไข้ทั้งที่ยังไม่มีอะไรเกิด เพียงแต่อยากกันไว้ก่อน อีกทั้งยังตั้งใจว่าจะชิ่งกลับทันทีหากมีโอกาสอำนวย

“สวัสดีครับคุณไนล์ ยินดีนะครับที่ได้เจอคุณไนล์อีก” อีกฝ่ายเอ่ยทักผมอย่างสนิทสนมพร้อมยื่นมือมาให้จับ แถมยังยิ้มหวานหยดย้อยจนผมขนลุกไปหมด

“สวัสดีครับคุณพฤกษ์ เอ่อ.. ผมอาจจะต้องขอเสียมารยาท แต่เวลาคุยงานผมไม่ค่อยสะดวกให้ใครเรียกชื่อเล่นเท่าไหร่ รบกวนใช้ชื่อจริงแทนนะครับ”

ผมเอ่ยปัดเนียนๆ นึกไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายพยายามทำตัวสนิทสนม แต่ผมก็ไม่ได้โกหกนะ เพราะโดยปกติหากคุยเรื่องงานที่เป็นทางการ ผมไม่ค่อยชอบให้ใครเรียกผมด้วยชื่อเล่นมันดูไม่เป็นมืออาชีพ แต่วันนี้มันก็ไม่ใช่งานที่เป็นทางการเท่าไหร่หรอก เพียงแค่ผมอยากจะขีดเส้นกั้นระหว่างผมกับเขาให้ชัดเจนขึ้นก็เท่านั้น

“อ่า.. ได้ครับคุณนทีธัชช์ เชิญนั่งครับ”

คุณพฤกษ์หน้าเสียไปนิดหนึ่งแต่พยายามคงท่าทีที่สุภาพเอาไว้ เขาผายมือเชื้อเชิญ ผมเองก็ทรุดลงนั่งและเชื้อเชิญเขาตามมารยาทเช่นกัน

“เชิญคุณพฤกษ์เช่นกันครับ”

เราทั้งคู่นั่งลงและสั่งเมนูเครื่องดื่มมาคนละแก้ว แน่นอนว่าผมเลือกน้ำผลไม้ที่ไม่เจือแอลกอฮอล์ใดๆ ทั้งสิ้น ยิ่งได้ยินว่าคุณพฤกษ์สั่งอะไรมาดื่ม ผมยิ่งต้องระวัง .. กันไว้ดีกว่าแก้

“ผมขอเบียร์ที่นึงครับ” เขาหันไปสั่งพนักงานเสิร์ฟ ก่อนจะหันมาถามผม “คุณนทีธัชช์ทานอะไรดีครับ?”

“อืม.. ผมขอเป็นน้ำส้มคั้นแก้วนึงครับ”

เด็กเสิร์ฟรับออเดอร์ไปในขณะที่คนที่นั่งตรงข้ามผมหันมาเลิกคิ้วใส่ผมด้วยความสงสัย

“น้ำผลไม้หรอครับ? น่าสนใจดีแฮะ”

เขาถามผม แต่ประโยคหลังเหมือนจะพึมพำไม่ดังมากนัก ด้วยความที่ผับที่เรามานั่งคุยเป็นผับกึ่งร้านอาหารมันจึงไม่ได้เสียงดังมาก มีแค่ดนตรีเปิดคลอ ยิ่งตรงโซนที่เรานั่งเป็นโซนวีไอพีที่มีนักธุรกิจมานั่งคุยงานมากพอสมควรเหมือนกัน เลยทำให้ผมได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ตั้งใจพูดได้ชัดพอสมควร ซึ่งยอมรับว่าลึกๆ ผมรู้สึกไม่โอเค แต่ไม่อยากให้เสียงานเลยต้องเก็บอาการ ก่อนจะเริ่มคุยงานโดยทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก่อนหน้า

“ถ้างั้นผมขออนุญาตนำเสนอแผนงานคร่าวๆ ของปีหน้าเลยแล้วกันนะครับ จะได้เป็นข้อมูลให้คุณพฤกษ์ไปแจ้งให้คุณแครอลทราบ”

“คุยกันก่อนก็ได้นี่ครับคุณนทีธัชช์ ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลย เราเพิ่งจะมาถึงกันเองนะครับ”

เขาพูดพลางจ้องมองสบตาผมอย่างไม่มีมารยาท เขาใช้ดวงตาเจ้าเล่ห์ๆ นั่นกวาดมองไปทั่วใบหน้าผม แถมยังลากเลื้อยสายตามาตาลำคอจนผมนึกผวา ยกมือขึ้นมากุมคอเสื้อโดยอัตโนมัติ

และเหมือนกับเขาจะรู้ตัวว่าเขากำลังทำกริยาที่ไม่ดีใส่ผม เขาถึงแสร้งหันไปทางอื่น แต่ผมเห็นว่ามุมปากเขายกยิ้มราวกับกำลังพอใจกับอาการตื่นกลัวของผมที่มีต่อสายตาที่เขามองมา

“พอดีผมมีธุระต่อน่ะครับ เดี๋ยวอีกสักชั่วโมงเพื่อนคงมารับ เลยไม่อยากจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์”

ผมเลี่ยงพร้อมกับเอ่ยถึงเหตุผลให้อีกฝ่ายได้รู้ไปตามตรง เขาจะได้เลิกถ่วงเวลาไร้สาระสักที

แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่นัก เพราะตอนนี้คุณพฤกษ์เอาแต่อ้างว่ามีสายเข้าและเป็นเรื่องด่วน เขาเลยต้องรับและคุยเดี๋ยวนั้น

ผมนั่งอดทนรอออยู่นาน จนเครื่องดื่มมาเสิร์ฟและผมจิบไปค่อนแก้วและคุณพฤกษ์ก็ไม่คุยกับผมสักที สุดท้ายผมทนอึดอัดกับสถานการณ์ตอนนี้ไม่ไหว เลยขอตัวอีกฝ่ายไปเข้าห้องน้ำ

“คุณพฤกษ์ตามสบายนะครับ ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”

ผมบอกเขาและยกแก้วน้ำส้มของตัวเองดื่มจนหมดแก้ว ไม่ให้เหลือแม้แต่นิด เพราะตั้งใจว่าถ้ากลับมาผมจะไม่มีวันดื่มน้ำจากแก้วนี่ซ้ำอีก ... ก็อย่างที่บอกแหละว่าตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นผมก็ระวังตัวแจ อย่างน้อยก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้คนในครอบครัวเป็นห่วงไปมากกว่านี้

ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปยังหลังร้านที่มีห้องน้ำชายหญิงแยกฝั่งกันอยู่ซ้ายขวา และให้ขณะที่กำลังจะเลี้ยวไปทางฝั่งซ้ายเพื่อเข้าห้องน้ำชายนั้น ร่างผมก็ปะทะเข้ากับหญิงชายคู่หนึ่งที่กอดกันกลมออกมาจากห้องน้ำ เขาทั้งคู่เอาแต่มองหน้ากันและหัวเราะคิกคักจนไม่เห็นว่ามีใครเดินสวนเข้ามา .. หรืออันที่จริงจะเรียกว่าไม่สนใจมากกว่าถึงจะถูก

“โอ๊ย!”

และด้วยความที่ผมตัวเล็กกว่าผู้ชายคนนั้นตั้งหลายเซนติเมตร ทำให้หน้าผมชนเข้ากับอกกว้างและกระเด็นลงมานั่งกองที่พื้นเต็มแรง และแทนที่เขาจะสนใจเขากลับแค่หยุดยืนแล้วหันมาปรายตามอง ผมที่กำลังสำรวจร่างกายของตัวเองอยู่ว่ามีตรงไหนได้แผลหรือได้เลือดหรือไม่ก็ได้แต่นึกฮึดฮัดอยู่ในใจ


คนอะไร ชนคนอื่นแล้วยังไม่ขอโทษอีก เอาแต่มองอยู่ได้


ด้วยอารมณ์เจ็บปนหงุดหงิดกับเรื่องงานเป็นทุน ผมเลยตั้งใจจะเงยหน้าขึ้นต่อว่าเขาให้รู้สำนึก แต่เมื่อได้มองหน้าและสบเข้ากับดวงตาเรียวคมของอีกฝ่าย ก็กลายเป็นผมเองที่อ้าปากค้างและพูดไม่ออก


รูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาเรียวคมแข็งกร้าวแต่ก็ดูคุ้นเคยถ้าได้มองสบนานๆ ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ที่ดูเหมือนจะดูดีมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเขาอายุมากขึ้นกว่าเมื่อสิบปีก่อน

...พี่ภู


เราสองคนเอาแต่จ้องตากันอยู่แบบนั้น โดยไร้การพูดคุย แต่เสียงหัวใจของผมกับดึงกึงก้องอยู่ในอก เหมือนใบหูของผมได้ยินแค่เสียงหัวใจตัวเองที่เต้นรัว

ผมมองสำรวจใบหน้าของคนที่ผมรักและไม่เคยลืมมาตลอดสิบปีอย่างคิดถึง พี่ภูของผมไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด ไม่สิ.. เขาเปลี่ยนไปมากพอสมควรเลยแหละในแง่ของรูปร่างและหน้าตา พี่ภูตัวสูงขึ้นจากสิบกว่าปีที่แล้วหลายเซ็นต์เลย แถมใบหน้าหล่อๆ ของเขายังคงคมเข้มขึ้นด้วย ผมไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะแววตาคู่นั้นหรือเปล่าที่ทำให้พี่ภูดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าสิบกว่าปีก่อน แต่ที่แน่ๆ ก็คือเขายังคงเป็นพี่ภูที่ทำให้ผมใจเต้นได้เสมอ

ผมนิ่งเงียบไปเพราะทั้งช็อคทั้งดีใจ จนกระทั่งเสียงหวานของผู้หญิงที่อยู่ข้างตัวพี่ภูดังขึ้นนั่นหละ ผมถึงได้สติ

“ภูคะ ไปกันเถอะค่ะ เขาก็ดูไม่น่าจะเจ็บอะไร คงลุกเองไหวแหละ”

พี่ภูไม่ตอบอะไรผู้หญิงคนนั้น เขายังคงจ้องผมนิ่ง ก่อนจะปลดมือที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังเกาะแขนเขาอยู่ออก พลางเดินมาทรุดนั่งยองๆ ตรงหน้าผม ในขณะที่ผมได้แต่มองเขาตาโต ยอมรับว่าเกินคาดไปเหมือนกัน ผมไม่คิดว่าเขาจะเดินเข้ามาดู

พี่ภูยื่นมือออกมาให้ผมเป็นเชิงว่าจะให้จับเพื่อให้ผมลุกขึ้นยืน ผมเลยยื่นมือที่สั่นเทาของตัวเองออกไปช้าๆ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ตีตื้นในอกมากมาย


เขาจะจำผมได้ไหม เขายังคงอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนสินะ เขายังคงเป็นพี่ภูคนเดิมของผมเสมอ


ประโยคเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ผมยิ้มออกมานิดๆ ตอนมองหน้าเขาซึ่งเขาเองก็ยิ้มตอบผม ทำเอาผมหน้าร้อนไปหมดเมื่อได้เจอกับรอยยิ้มที่คุ้นเคย และในขณะที่ผมกำลังชั่งใจว่าควรบอกเขาไปไหมว่าตัวเองเป็นใคร ความรู้สึกเหมือนฟ้าทลายตรงหน้าก็เกิดขึ้นเสียก่อน ... ด้วยคำพูดจากพี่ภูประโยคเดียว

“ถ้านายสนใจจะไปกับฉันคืนนี้ รอหน้าร้าน ขอสลัดยัยนี่ก่อนแล้วจะตามไป”

เขาขยิบตาและยกยิ้มมุมปากให้ผมด้วยท่าทางร้ายกาจ ในขณะที่หัวใจผมวูบโหวง คำอธิษฐานของผมไม่เป็นจริงเลยสักข้อ

ผมไม่ได้ตอบอะไรพี่ภูนอกจากเม้มปากแล้วก้มหน้าจนเกือบจะชิดอก ผมพยายามปลดมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของเขา ผมไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกว่าผมต้องการตั้งหลัก ผมไม่อยากเผชิญหน้าพี่ภูในสถานการณ์แบบนี้ สถานที่แบบนี้ มันสุ่มเสี่ยงและชวนให้คิดได้ ดังนั้น ถ้าเขาจะพูดจาใจร้ายแบบนี้มันก็ไม่น่าจะแปลกใจเท่าไหร่ ในเมื่อผมก็รู้ทั้งรู้ว่าจุดประสงค์ที่เขาออกมาเที่ยวยามค่ำคืนนั้นคืออะไร

“มะ .. ไม่ครับ ผม ผมขอตัว”

ผมพูดจาอึกอักและพยายามพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ แต่ดูเหมือนพี่ภูจะไม่ให้ความร่วมมือกับผมเลยสักนิด เขายังคงเอื้อมมือมาดึงต้นแขนผมไว้ และยื้อยุดไม่ให้ผมออกเดิน

“ไม่เอาน่า .. อย่ามาทำเล่นตัวหน่อยเลย นายมองฉันตาเยิ้มขนาดนั้นแล้วจะมาปฎิเสธ” เขาก้มลงมากระซิบ ปลายจมูกโด่งเฉียดแก้มผมไปนิดเดียว “หึ! รอหน้าร้านแล้วเดี๋ยวคืนนี้ฉันจะพานายไปสนุกเอง”

ใจผมเต้นรัวจนน่ากลัวว่าพี่ภูจะได้ยิน และถึงแม้ว่าผมจะรู้ทั้งรู้ว่าประโยคทั้งหลายทั้งแหล่ที่พี่ภูพูดออกมานั้น เขาพูดเพราะเขาพึงพอใจและปรารถนาในตัวผม พูดเพราะความใคร่ไม่ใช่ความรัก แต่มันก็อดร้อนวูบวาบไปทั้งตัวไม่ได้อยู่ดี

จะเอาอะไรกับคนอ่อนหัดในความรักและไม่มั่นใจในตัวเองอย่างผมกันล่ะ

“มะ ไม่ครับ คุณ..คุณ ปล่อยผมไปเถอะนะครับ ผม ผมมาคุยงานตอนนี้ลูกค้ากำลังนั่งรออยู่”

ผมพยายามอธิบาย แต่ไม่คิดเลยว่าพอยิ่งพูดเหตุการณ์จะยิ่งแย่ลง

“อ่อ.. นายขายงั้นสิ เท่าไหร่ล่ะ ฉันจะซื้อ ฉันให้นายมากกว่าไอ้ลูกค้านายสามเท่าเลยยังได้”

ผมตะลึงตาโต ได้แต่ละล้าละลังทำตัวไม่ถูกเพราะดูท่าแล้วพี่ภูจะลากผมกลับด้วยให้ได้ แต่แล้วจู่ๆ มือพี่ภูที่จับอยู่ที่ต้นแขนของผมก็หลุดออก แถมพี่ภูยังถูกกระชากกลับไปด้วยมือเล็กๆ ของผู้หญิงที่เขาโอบประคองกันออกมาจากห้องน้ำนั่นแหละ

“ภูคะ! ทำอะไรคะ? ลิตายืนรอคุณนานแล้วนะ ไหนว่าจะพาไปหาที่เงียบๆ คุยกันสองคนไง”

ผมแอบเหลือบมองเห็นพี่ภูกลอกตาใส่อีกฝ่ายด้วยความรำคาญใจ พี่ภูคนที่เคยอ่อนโยนใจดีคนนั้นตอนนี้กำลงใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม พร้อมกับหันไปพูดใส่ผู้หญิงคนนั้นด้วยเสียงที่ไม่ได้เบาเลยสักนิด .. เอาเป็นว่าผมได้ยินชัดเจนทั้งประโยคเลยล่ะ

"ไม่ไปแล้ว! รำคาญ! จุกจิกอยู่ได้ ผมไม่ชอบคนพูดมากนะเผื่อคุณไม่รู้”

พอว่าเสร็จพี่ภูก็สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของผู้หญิงคนนั้นก่อนจะหันมาหาผมที่กำลังทำเนียนๆ เดินหนีกลับไปที่โต๊ะ แต่พี่ภูก็ตาไว เขาก้าวยาวๆ มาไม่กี่ก้าวก็ตามผมทัน ในขณะที่ผมอยู่ตรงมุมอับตรงโค้งเกือบจะถึงโต๊ะอยู่แล้วเชียว

“จะไปไหนเด็กน้อย ก็บอกแล้วไงว่าจะให้สามเท่า ทำไมยังเล่นตัวอยู่อีก หื้ม?”

“คุณครับ ผมไม่ได้ขายหรือทำอะไรอย่างนั้นจริงๆ นะครับ คุณปล่อยผมไปเถอะนะ ผมขอร้อง”

ผมตัวสั่น เพราะตอนนี้นอกจากพี่ภูจะไม่ได้จับแค่ต้นแขนผมแล้ว เขายังรวบเอวผมไปกอดไว้แน่นแถมยังกระชับวงแขนจนตัวผมแทบจะแนบไปกับเขาทั้งตัว ด้วยเพราะตอนนี้เราอยู่ในพื้นที่ที่ลับตาคนอื่นพอสมควร พี่ภูเลยดูเหมือนจะยิ่งทำอะไรไม่เกรงใจสายตาคนได้ง่ายขึ้น

“ไม่ได้ขายแล้วมายิ้มอ่อยมองอ่อยทำไมวะ? ถึงฉันจะไม่ได้ใส่สูทผูกไทด์ แต่ฉันก็มีเงินมากพอจะจ่ายค่าตัวนายได้ทั้งคืน หรือยังไง? ค่าตัวมันแพงมากจนคิดว่าฉันไม่มีปัญญาจ่ายนายหรือไง”

ผมเม้มปากแน่นไม่กล้าพูดอะไรเลยสักคำ ทำไมเรื่องมันถึงกลายเป็นว่าผมยิ้มอ่อยเขาไปได้ล่ะ ในเมื่อตอนนั้นผมก็แค่ลืมตัวยิ้มออกมาเพราะดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้งก็แค่นั้นเอง

“เอาน่า ไปกับฉันเถอะ รับรองจะจ่ายให้อย่างงาม แถมเผลอๆ นายอาจติดใจลีลาฉันจนให้กันฟรีๆ เลยก็ได้นะ หึ!”

พี่ภูทั้งกล่อมทั้งปลอบเพื่อให้ผมไปกับเขา ในขณะที่ผมก็ได้แต่ทำอะไรไม่ถูก ยืนสั่นเป็นลูกนกให้เขากอด และดูเหมือนว่าการที่ผมก้มหน้าไม่ยอมเงยไปมองเขาของผมจะทำให้พี่ภูหงุดหงิดไม่น้อย เพราะตอนนี้เขาเริ่มจะก้มลงมาใกล้ ใกล้มากเสียจนลมหายใจร้อนๆ กำลังรดรินอยู่ที่ข้างแก้มของผม


เขาเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปมากจริงๆ


“...”

“ตอบดิวะ! อย่ามาทำเงียบนะ! เห็นฉันแต่งตัวปอนด์ๆ เลยคิดว่าฉันไม่มีเงินงั้นสิ! แม่ง!! พวกหิวเงินมันเป็นงี้ทุกคนเลยป่าววะ พอคิดว่าไม่มีเงินก็ถีบหัวส่ง ความรักเฮงซวยห่วยแตกแม่งไม่มีจริงหรอก มีแต่เรื่องเงินแหละที่จริง!!”

แต่พอเขาเห็นผมนิ่งเงียบเขาก็เริ่มอารมณ์เสียและตวาดผมเสียงดัง แต่แทนที่ผมจะหวาดกลัวกับการแสดงออกของเขา ใจผมกลับเจ็บไปหมด เพราะปลายประโยคสุดท้ายที่เขาสบถออกมามันทั้งสั่น ทั้งไม่มั่นคง ผมรู้ว่าเขาคงหวนคิดถึงคนรักเก่า คิดถึงความรักที่พังทลายเพียงเพราะมีเรื่องเงินเข้ามาเป็นตัวแปร

“ผม...”

ผมได้แต่พึมพำแผ่วเบาเพราะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมามองพี่ภูในที่สุด แววตาที่ก่อนหน้านี้แข็งกระด้างกลับดูวูบไหว ผมรู้ว่าในใจเขาคงเจ็บไปหมด แต่เขาก็ฝืนทำตัวแย่ๆ เพื่อกลบเกลื่อนถมทับหลุมกว้างที่อยู่ลึกในอก เพียงแต่แสดงออกเท่าไหร่ ทำตัวแย่แค่ไหน ไอ้หลุมกว้างที่ว่านั่นมันก็ไม่เคยถูกเติมเต็มได้สักที


เป็นเวลาแค่ช่วงเสี้ยววินาทีที่ผมคิดจะยกแขนโอบกอดเขาตอบ อย่างน้อยก็เพื่อปลอบประโลม


แต่เสียงคุ้นหูที่เรียกชื่อผมกลับดังทะลุกลางปล้องให้ผมได้สติและหันไปมอง

“ไนล์!!”

ลมเดินตรงเข้ามาด้วยใบหน้าไม่พอใจถึงขีดสุด เขาผลักพี่ภูออกแล้วดึงตัวผมกลับมา ก่อนที่เขาจะดันผมไปอยู่ข้างหลังตัวเองแล้วก้าวขึ้นมาขวางและเผชิญหน้ากับพี่ภูแทน

“คุณทำอะไร? มีสิทธิ์อะไรมากอดไนล์?” ลมถามเสียงเรียบ ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยว ดูก็รู้ว่าพยายามข่มอารมณ์โกรธเต็มที่

“อ่อ.. ลูกค้ามาตามถึงที่เลยเว้ย ท่าทางจะเด็ดจริง”

พี่ภูไม่ตอบลม แต่กลับมองเลยมายังด้านหลังที่ผมแอบยืนมองเขาอยู่เงียบๆ พี่ภูกระตุกยิ้ม แถมยังยักไหล่อย่างไม่สนใจอะไรใครทั้งสิ้น

“ผมถามว่าคุณทำอะไร คุณมาลวนลามไนล์อย่างนี้ได้ยังไง?”

ลมยังคงถามซ้ำ ในขณะที่พี่ภูเบนสายตาคมกริบหันไปมองลมช้าๆ และนั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้ผมสัมผัสได้ว่ามันค่อนข้างไม่ปกติและอันตราย เลยกระตุกชายเสื้อเพื่อนสนิทพร้อมกับร้องขอแผ่วเบา

“ไปกันเถอะลม เราอยากกลับแล้ว” แต่ลมก็ยังคงนิ่ง ผมจึงต้องเพิ่มความอ่อนแรงลงไปในน้ำเสียงอีก “นะลม.. ขอร้อง อย่ามีเรื่องกันเลย ไปกันเถอะ เราไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”

สองคนยังคงจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้น จนผมยื่นมือไปแตะมือของเพื่อนสนิทที่กำลังกำแน่นอยู่ข้างตัวแผ่วเบา ซึ่งการกระทำดังกล่าวของผมทำให้ลมได้สติ เขาถึงได้หันมามองผมด้วยสายตาที่ไม่ได้แข็งกร้าวเท่าตอนแรก และพอสำรวจเห็นว่าผมปลอดภัยดี อีกทั้งผมก็ร้องขอผ่านเขาทางสายตาอย่างวิงวอนแลยทำให้ลมใจอ่อนในที่สุด

“ไนล์แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร มันไม่ได้ทำอะไรไนล์แน่นะ ห้ามโกหกรู้ไหม”

“อื้อ เราไม่ได้เป็นอะไร กลับกันเถอะนะ”

ผมยืนยันกับคนตรงหน้า โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่ามีสายตาอีกคู่ที่คาดเดาความรู้สึกไม่ได้กำลังจับจ้องอยู่

ลมระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะใจอ่อนยอมพาผมกลับในที่สุด

“โอเค กลับก็กลับ ไปลาลูกค้าไนล์ก่อนแล้วไปจากที่นี่กัน ไม่งั้นมีหวังเราได้ต่อยไอ้กวนประสาทข้างหลังนั่นแน่ๆ”

ลมพูดโดยไม่หันไปมอง แต่ผมก็รู้ดีว่าเขาหมายถึงใคร

เขาที่ผมแอบมอง เขาที่ผมอยากจะปลอบใจให้หายคิดมาก แต่ในสถานการณ์แบบนี้ผมรู้ดีว่าผมทำแบบนั้นไม่ได้ ทางที่ดีตอนนี้คือต้องแยกลมกับพี่ภูออกจากกันก่อนไม่งั้นมีเรื่องแน่ๆ

เราสองคนตัดสินใจหันหลังกลับออกมาจากตรงนั้นโดยที่ทิ้งพี่ภูไว้ข้างหลัง แต่ไม่น่าเชื่อว่าพี่ภูจะผูกใจเจ็บกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคที่ออกมาจากปากเขาที่ทำเอาผมอยากจะทรุดลงนั่งตรงนั้นให้ได้


“ลาก่อนนะครับคุณไนล์! ไว้โอกาสหน้าผมขอใช้บริการคุณไนล์บ้างนะครับ!! เรื่องเงินไม่มีปัญหาถ้าคุณไนล์มีดีจริง! หึ!!”


ลมกำหมัดแน่นตอนได้ยินประโยคนั้น ในขณะที่ผมเองก็ถูกทุกความรู้สึกตีรวนมั่วไปหมดแต่ถึงกระนั้นก็มีสติมากพอที่จะห้ามคนที่กำลังหันหลังถลันไปหาพี่ภู

“ลม! อย่า!! ช่างเขา.. เราไปกันเถอะ”

“แต่มัน...”

“ช่างเขาลม! ถ้าลมไม่ทำตามที่เราขอ ไม่ออกไปพร้อมเราตอนนี้ เราจะไปเองแล้วปล่อยให้ลมตีกับเขาให้ตายเลย เอาแบบนั้นไหม” ผมยื่นคำขาดพร้อมกับเดินหนีให้คนข้างตัวได้ฮึดฮัดนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ยอมเดินตามมาในที่สุด

ผมเดินออกมาทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก การได้เจอกับพี่ภูโดยไม่คาดคิดทำให้ผมตั้งตัวไม่ทัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่ภูที่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ยิ่งทำให้สิ่งที่ผมอยากทำแจ่มชัดในความรู้สึกมากขึ้น น่าแปลกที่ผมไม่ได้โกรธเคืองถ้อยคำดูถูกหยาบคายที่พี่ภูเอ่ยออกมาเลยสักประโยค ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะแววตาวูบไหวในตอนนั้น คำพูดตัดพ้อถึงคนรักเก่าที่ทำให้สัมผัสได้แต่ความอ่อนแอและเปราะบางที่อยู่ข้างในขัดกับท่าทีแข็งกร้าวที่พี่ภูแสดงออก

และนั่นทำให้ผมอยากดูแล และทำให้เขาที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ภายในดีขึ้นสักเล็กน้อยก็ยังดี

และอีกเหตุผลที่แสนจะเห็นแก่ตัว...

อาจจะเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พี่ภูเรียกชื่อผม แต่ประโยคที่เขาพูดออกมามันไม่ใช่สิ่งที่ผมคาดหวังว่าจะได้ยินสักนิด มันมีแต่ถ้อยคำว่าร้าย หยาบคาย และดูถูก

ถ้าผมอยากจะแค่เห็นแก่ตัว เรียกร้องเอาสัญญาที่พี่ภูเคยให้ไว้กลับมา การที่ทำให้พี่ภูกลับมาเป็นคนเดิมหรือใกล้เคียงกับพี่ภูคนเดิมน่าจะเป็นทางออกที่ทำให้ความหวังของผมเป็นจริงง่ายที่สุด

เพื่อที่วันนั้นพี่ภูจะได้เรียกชื่อผมในแบบที่เคยสัญญาไว้อีกครั้ง ... เรียกผมหลังจากที่ผมได้บอกกับพี่เขาด้วยตัวเองว่าผมชื่ออะไร


‘พี่ภูครับ ... นี่ไนล์เอง ไนล์เจ้าเด็กขี้แยของพี่ภูไงครับ...ไนล์สัญญานะว่าไนล์จะเป็นคนช่วยพี่ภูเอง ช่วยพี่ภูเหมือนที่พี่ภูเคยช่วยไนล์เมื่อสิบปีที่แล้ว'


... เห็นที ผมคงต้องคุยเรื่องนี้กับพี่เทมส์จริงๆ จังๆ เสียที

.

.

To Be Continue

----------------------------------------

ด่านังพี่ภูได้ค่ะแต่ขอล้องอย่าด่าคนเขียน ใจหนูบางจ๋อยนึงงงง 555555555555555

ล้อเล่นค่า คอมเม้นท์ได้เลยตามสบายยย ติชมได้ทุกอย่างงง แต่ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ

ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่แวะเข้ามาอ่านและให้กำลังใจ แม้จะไม่ได้มีมากมายอะไร แต่เราก็รู้สึกขอบคุณทุกคนมากๆ ทุกๆ ครั้งที่เห็นเลยยย ขอบคุณจริงๆ นะคะ แล้วก็หวังว่าจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆ เลยน้าาา <3

แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-10 : Universe 5th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 10-03-2020 23:03:19
พี่ภูทำไมทำแบบนี้
รีบจำน้องให้ได้เถอะน้องรอยู่นะ

รีบมาต่ออีกน้าาาาา
สนุกกน่าติดตามมากเลยยยจ❤️
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-10 : Universe 5th)
เริ่มหัวข้อโดย: Windtofree ที่ 11-03-2020 01:46:30
พี่ภู Ver เถื่อนมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-10 : Universe 5th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-03-2020 09:40:12
พี่ภูทำไมถึงต้องประชดตัวเองด้วยการทำตัวให้แย่ ๆ แบบนี้ฮะ พี่ต้องยิ่งทำตัวให้ดี ภูมิฐานเข้าไว้ หาเงินให้ได้มาก ๆ เพื่อทำให้แฟนเก่ามันเสียดายดิ ไม่ใช่ทำตัวแบบให้แฟนเก่าคิดว่า "เออ ดีแล้วที่กูทิ้งมึงมา" ไม่ใช่ซิ พี่รีบคิดให้ได้เลยนะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-10 : Universe 5th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 12-03-2020 18:33:25
อยากอ่านแล้วอยากรู้ตอนพี่ภูจำน้องได้
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-16 : Universe 6th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 16-03-2020 21:34:59
Universe 6th - Try my best


“ลมว่าไงนะ? ไนล์ทำไมนะ? ไหนบอกให้พ่อฟังชัดๆ อีกทีซิ”

ผมนั่งก้มหน้าเม้มปากแน่นต่อหน้าคนในครอบครัว พ่วงเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้พ่อกับแม่และพี่เทมส์ฟัง โดยที่ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะแย้งสักนิด

“ไนล์ถูกลวนลามในผับเมื่อคืนครับ โชคดีที่ผมไปรับพอดี ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าจะโดนไอ้หมอนั่นมันทำมิดีมิร้ายอะไรบ้าง”

แม่ควักยาดมขึ้นมาดมทันทีเมื่อได้ยินลมบอกแบบนั้น ในขณะที่พ่อมองเหม่อไปด้านหลังด้วยแววตาแข็งกร้าว มีแต่พี่เทมส์ที่นิ่งเงียบ... นิ่งเงียบจนน่าหวั่นใจ ผมอยู่กับพี่ชายมาตั้งแต่เกิดย่อมรู้ดีว่าไอ้อาการสงบๆ แบบนี้น่ะ จะทำให้เกิดพายุคลั่งหรือมหาสมุทรแปรปรวนอะไรบ้างหลังจากนี้

ทุกคนในบ้านดูตื่นตระหนกจนผมพูดไม่ออก ไอ้ครั้นจะบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่ได้ เพราะเรื่องที่ลมพูดมันเป็นเรื่องจริง อีกอย่างนับตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อสิบปีที่แล้วผมก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้อีก แถมยังเป็นเหตุการณ์ที่พ่อกับแม่ไม่เคยรู้ ดังนั้นมันจึงไม่แปลกเลยสักนิดที่พวกท่านจะดูตื่นตูมจนผมไม่รู้จะหาข้อแก้ตัวอะไรมาทำให้พวกท่านหายเป็นห่วงได้

และในขณะที่ทั้งบ้านเกิดความตึงเครียดนั้น ก็เป็นพี่เทมส์ที่เอ่ยถามขึ้นมาเบาๆ แต่เย็นยะเยือกไปทั้งไขสันหลังจนผมหวั่นใจ

“ไนล์ เกิดอะไรขึ้น? เล่าให้พี่ฟังมาให้ละเอียดเดี๋ยวนี้!”

ผมสะดุ้งนิดๆ แต่ก็ยอมเอ่ยปากเล่า และก็พยายามเล่าแบบข้ามๆ เพราะตั้งใจว่าจะเล่าให้พี่เทมส์ฟังทุกอย่างทีหลัง ต้องไม่ใช่ต่อหน้าพ่อกับแม่แบบนี้

“ก็.. ที่จริงมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะครับ คุณคนนั้นเขาไม่รู้คิดว่าไนล์ เอ่อ ไนล์..”

“ไนล์อะไร? มันคิดว่าไนล์ทำไม?”

พี่เทมส์ถามย้ำ ในขณะที่ผมเหลือบมองลมนิดหน่อย พอเห็นสายตาเขาแล้วผมก็เดาได้ไม่ยากว่าถ้าตัวเองไม่พูด ยังไงลมก็ต้องเป็นคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแน่ๆ และพอถึงตอนนั้นพี่เทมส์จะต้องโกรธหนักมากกว่าเดิม

“เค้าคิดว่าไนล์.. เอ่อ ขายบริการครับ”

พอจบคำที่ผมพูด พี่เทมส์ก็กัดฟันกรอดทันที ในขณะที่แม่เอาแต่พึมพำว่า ‘ฉันจะเป็นลม ฉันจะเป็นลม’ จนผมเลิ่กลั่กไปหมด

“พ่อครับ แม่ครับ พี่เทมส์ครับ ใจเย็นกันก่อนนะครับ มันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย ลมไปทันเวลาพอดี เขาไม่ได้ทำอะไรไนล์เลยสักนิด”

ผมละล่ำละลักบอก แต่ก็โดนลมพูดขัดในประโยคสุดท้าย “แต่มันกอดไนล์นะ แถมมันยังพูดจาลวนลามไนล์ด้วย ไนล์จะบอกว่ามันไม่ได้ทำอะไรไนล์ได้ยังไง”

“ลม!!” ผมหันขวับและตัดสินใจส่งเสียงปรามเพื่อนสนิท นึกไม่พอใจที่ลมทำตัวช่างฟ้อง เขาจะพูดทุกอย่างมันให้แย่กว่าเดิมไปทำไมกัน

แต่ผมก็ลืมนึกไปว่า ... สถานการณ์ของผมในตอนนี้ไม่ได้เอื้อให้ผมทำตัวดื้อดึงได้สักเท่าไหร่นัก

“ไม่ต้องทำเสียงอย่างนั้นใส่ลมเลยนะน้องไนล์” พ่อเตือนผมเสียงเย็น ในขณะที่แม่ยังคงดมยาดมไม่เลิก และเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบเลยโผเข้าไปนั่งข้างพี่ชายพร้อมกับเกาะแขนอีกฝ่ายไว้แน่น

“พี่เทมส์ครับ...” ผมส่งเสียงเรียกแต่พี่เทมส์ก็ยังคงนิ่ง ไม่ได้ออกโรงปกป้องผมเหมือนทุกครั้งจนผมเริ่มจะใจเสีย

“ไม่ต้องไปขอให้พี่เทมส์ช่วยเลยนะน้องไนล์ แม่ว่าพวกเรายอมตามใจน้องไนล์มามากเกินไปแล้ว เห็นทีต้องเด็ดขาดกันสักที”

คำพูดของแม่ทำให้ผมชะงัก ผมหันมองหน้าทุกคนเลิ่กลั่กไปหมด นึกรู้ทันทีว่าแม่จะพูดเรื่องอะไร มือเล็กของผมที่เกาะอยู่บนแขนพี่ชายก็เริ่มกระชับแน่นขึ้นพร้อมกับออกแรงบีบเบาๆ แต่พี่เทมส์ก็ยังคงนิ่งอยู่แบบนั้น

“น้องไนล์ ฟังนะ! เรื่องนี้มันใหญ่มากจนพ่อกับแม่คิดว่าจะปล่อยให้น้องไนล์ดูแลตัวเองแบบนี้ไม่ได้อีก น้องไนล์ต้องมีคนดูแล และพ่อกับแม่ก็ไว้ใจแค่ลม เพราะฉะนั้นแต่งงานกับลมซะ นี่เป็นคำขาดของพ่อกับแม่” พ่อผมพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดและพอผมอ้าปากจะเถียงแม่ก็พูดเสริมขึ้นมาอีก

“จะไม่มีการต่อรองอะไรอีกต่อไปแล้วค่ะน้องไนล์ นี่ไม่ใช่การขอร้องหรือขอความเห็น แม่กับพ่อต้องการให้น้องไนล์แต่งงานกับลม และก็จะไม่มีใครคัดค้านเรื่องนี้ทั้งนั้นแม้แต่พี่เทมส์”

“แม่.. พ่อ” ผมครางอย่างขัดใจ ก่อนจะหันไปหาพี่ชายอย่างขอความช่วยเหลือ “พี่เทมส์ พี่เทมส์ช่วยพูดกับพ่อกับแม่หน่อยสิครับ ไนล์ไม่อยากแต่ง ไม่เอาไม่แต่งนะพี่เทมส์ ลมเป็นเพื่อนไนล์ จะให้ไนล์แต่งงานกับเพื่อนตัวเองได้ยังไง”

ผมงอแงใส่พี่ชายพร้อมกับย้ายมือจากที่เกาะแขนพี่เทมส์ไว้ไปโอบเอวหนาของอีกฝ่ายแทน แต่พี่เทมส์ก็ยังคงเฉย เฉยจนผมใจไม่ดี เลยกระชับวงแขนตัวเองกอดอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น

ในขณะที่คนที่ถูกพาดพิงให้แต่งงานกับผมอย่างลมนั้นนั่งนิ่ง ผมรู้ดีเขากำลังเซฟตัวเอง เขาจะไม่ออกความเห็นใดๆ เพราะจะรอดูท่าทีของผมก่อน

 

ลมเป็นคนฉลาด เขาไม่เคยปฏิเสธพ่อกับแม่สักครั้ง แต่ถ้าผมค้านว่าไม่ยอมจนหัวชนฝา เอาแต่ใจจนพ่อกับแม่ยอมล่าถอย ลมก็จะทำตัวตามน้ำแล้วจะบอกว่าแล้วแต่ผม ซึ่งนั่นทำให้ผมโกรธเขาไม่ลงสักครั้ง

 

ครั้งนี้เขาก็กำลังทำแบบเดิมอยู่ และเปอร์เซ็นต์ที่ผมจะชนะได้ในครั้งนี้มีน้อยมาก ยิ่งพี่เทมส์เฉยแบบนี้ยิ่งไม่เป็นผลดีกับผมเลยสักนิด

“พี่เทมส์.. พี่เทมส์ช่วยไนล์พูดหน่อยนะครับ นะ..”

พอได้ยินผมอ้อนมากเข้าพี่เทมส์ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ กอ่นจะจับแขนผมออกจากเอวตัวเอง และดันตัวผมออกมาเผชิญหน้าราวกับมีเรื่องอยากจะคุยด้วย

“ไนล์.. แต่ครั้งนี้พี่ว่าพี่เห็นด้วยกับพ่อกับแม่นะ”

“พี่เทมส์...”

ผมอึ้ง รู้สึกเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ตัวเองยึดไว้กำลังขาดสะบั้นลง ความรู้สึกหลากหลายตีวนไปมามากมาย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความรู้สึกหนึ่งเด่นชัดขึ้นมา เด่นชัดจนผมตั้งใจว่าไม่ว่ายังไงผมก็จะทำมัน...

 

ในเมื่อครอบครัวกดดันผม ผมก็จะหาทางออกในแบบที่ตัวผมสบายใจเอง

 

“ไนล์ ฟังพี่...” พี่เทมส์เลื่อนมือมาจับที่ต้นแขนทั้งสองข้างของผมอย่างอ่อนโยน แต่ผมรู้ดีว่านี่คือปฏิกริยาของพี่ชายที่กำลังจะทำในสิ่งที่ใจผมไม่ต้องการ “เหตุการณ์เมื่อคืนมันค่อนข้างไม่โอเคมากสำหรับครอบครัวเรา ไนล์ก็รู้ ตอนนี้พ่อกับแม่เองก็อายุมากแล้ว ท่านไม่สามารถตามดูแลไนล์ได้ตลอด พี่เองก็งานยุ่งจนไม่มีเวลาให้ไนล์ได้เหมือนตอนไนล์ยังเด็กๆ เท่าที่เห็นก็มีแต่ลมที่จะดูแลไนล์ได้ .. ถ้าให้พี่เลือกพี่ก็ต้องเลือกลม เลือกคนที่ดูแลไนล์ได้จริงๆ ไม่ใช่คนที่เราจับต้องไม่ได้ ไนล์เข้าใจพี่ใช่ไหมครับ”

ผมมองตอบพี่ชายด้วยแววตาตัดพ้อ น้ำใสๆ ไหลคลอกลบหน่วยตาเต็มไปหมดก่อนจะไหลออกมาช้าๆ ความอึดอัดใจน้อยใจตีตื้นขึ้นมาเต็มอก ผมเข้าใจที่ทุกคนหวังดีแต่ที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมต้องบังคับกัน เห็นผมเป็นตุ๊กตาที่จะจับยืน จับนอน จับนั่ง จับแต่งงาน หรือจับทำอะไรก็ได้หรือไง

แล้วยิ่งประโยคสุดท้ายของพี่เทมส์ เขาหมายถึงอะไรทำไมผมจะไม่รู้ พี่เทมส์เลือกลมเพราะลมคือคนที่รักผม แต่กลับไม่เลือกพี่ภูเพราะไม่รู้ว่าพี่ภูจะรักผมเหมือนที่ลมรักหรือเปล่า...

แต่แล้วยังไงล่ะ? คนที่ต้องอยู่กับคนๆ นั้นไปตลอดชีวิตมันคือผมไม่ใช่หรอ? ก่อนที่จะตัดสินใจกัน พวกเขาได้ให้โอกาสผมใกล้ชิดกับพี่ภูหรือยัง? ถ้ายัง... ทำไมถึงได้ตัดสินแบบนั้น ทำไมไม่ให้โอกาสความรักของผมบ้าง

 

ได้! ในเมื่อทุกคนไม่ให้โอกาส ผมก็จะสร้างโอกาสของผมขึ้นมาเอง


อย่างที่บอกว่าผมคิดไว้แล้วว่าจะจัดการอะไรยังไง เพื่อทั้งพี่ภู เพื่อทั้งความรักของผม และถ้าคนเดียวในบ้านที่ผมหวังพึ่งพาไม่เห็นด้วยกับผม ผมก็จะทำมันด้วยตัวของผมเอง อย่าคิดว่าผมที่หัวอ่อน ขี้อาย และไม่มั่นใจในตัวเองจะไม่กล้าทำอะไรแบบนี้ เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเวลาที่ผมดื้อหรือค้านจนหัวชนฝามันเป็นยังไง ไม่งั้นผมไม่ดึงดันเรื่องแต่งงานกับลมมาได้นานหลายปีขนาดนี้หรอก

ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองลวกๆ และไม่ตอบอะไรพี่เทมส์ทั้งสิ้น จากนั้นผมก็แกะมือพี่เทมส์ที่จับอยู่บนต้นแขนของตัวเองออก ผมมองเห็นสายตาของพี่ชายที่มองมาอย่างไม่สบายใจ แต่ผมก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากตรงที่ทุกคนในครอบครัวนั่งอยู่

ผมได้ยินเสียงพ่อตะโกนเรียกผมว่า ‘น้องไนล์ๆๆ' ไม่หยุด แต่ผมก็เลือกที่จะไม่หันกลับไปมอง และก่อนที่ผมจะเดินพ้นประตูห้องนั่งเล่นออกมา ผมก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยพูดแว่วๆ ขึ้นมาว่า


‘ไม่เป็นไรนะครับพ่อแม่ เดี๋ยวเทมส์ไปคุยกับน้องเอง’

 

จากนั้นก็ได้เสียงฝีเท้าหนักๆ เดิมตามหลังมาห่างๆ ในขณะที่ผมเองก็เดินหนีมาเรื่อยๆ จนมาถึงชั้นสองของบ้านและตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของตัวเอง โดยมีพี่เทมส์เองก็ตามมาไม่ห่าง

และใช่.. แบบนั้นแหละคือสิ่งที่ผมต้องการ

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-16 : Universe 6th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 16-03-2020 21:43:12
(ต่อจากด้านบน)


ก็อก ก็อก ก็อก


“ไนล์ครับ ขอพี่เข้าไปได้ไหม”

หลังจากผมปิดประตูได้ไม่นาน พี่เทมส์ก็ตามมาเคาะห้องอย่างที่คาด ผมเช็ดหน้าเช็ดตาหลังจากที่ร้องไห้ออกมาแล้วยกหนึ่งเห็นจะได้ จากนั้นก็พยายามตั้งสติ เพราะตั้งใจเอาไว้แล้วว่าถ้าพี่เทมส์มาคุย ผมก็อยากคุยกับเขาด้วยเหตุผล แม้ว่าเรื่องที่ผมอยากจะทำนั้นมันอาจจะดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลในสายตาคนอื่นก็ตาม

“ครับ”

ผมตอบรับก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วหันหลังเดินกลับมานั่งที่ปลายเตียง ปล่อยให้พี่เทมส์เดินตามหลังเข้ามานั่งข้างๆ เขายื่นมือมาจับมือผมไว้ พร้อมกับเริ่มพูด

“ไนล์ครับ ไนล์รู้ใช่ไหมครับว่าตั้งแต่เด็กจนโต พี่ไม่เคยเลยที่จะขัดใจไนล์ แต่เรื่องนี้พี่...”

“คนที่กอดไนล์เมื่อคืนที่ผับคือพี่ภูครับ”

ผมกลั้นใจพูดสวนพี่เทมส์โดยที่พี่เทมส์ยังพูดไม่ทันจบประโยค และก็ดูเหมือนประโยคที่ผมพูดสวนพี่ชายไปนั้นน่าจะอิมแพคพอสมควร เพราะพี่เทมส์หยุดชะงักทุกคำพูดพร้อมกับหันมามองผมช้าๆ ราวกับจะถามย้ำถึงสิ่งที่ผมเพิ่งบอกไป

“เมื่อกี้ไนล์พูดว่าอะไรนะ?”

ผมสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะตอบพี่เทมส์ด้วยประโยคเดิม ประโยคเดียวกับเมื่อกี้เป๊ะ

“ไนล์บอกว่า คนที่กอดไนล์ที่ผับเมื่อคืนคือพี่ภูครับ”

“ไอ้ภู.. คีริน เพื่อนพี่น่ะนะ?”

“ใช่ครับ พี่ภูเพื่อนพี่เทมส์ คนที่ไนล์แอบรักมาเป็นสิบๆ ปีนั่นล่ะ พี่ภูคนนั้นเลย”

ผมบอกพี่ชายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ซึ่งในคราวแรกพี่เทมส์ก็ดูตกใจไม่น้อย แต่พอหลังจากรวบรวมสติได้ พี่ชายผมก็ตาวาวตั้งท่าจะลุกขึ้นเดินไปไหนสักที่

“เดี๋ยวครับๆ พี่เทมส์จะไปไหนครับ” ผมรีบถามพร้อมกับฉุดข้อมือพี่ชายตัวเองไว้แน่น

“จะไปเอาเลือดหัวมันออก ไอ้เพื่อนนรก มันลวนลามไนล์ก็ข้อหานึงแล้วนะ ไอ้ที่พี่ทนไม่ได้เลยคือการที่มันพูดจาดูถูกไนล์ ถึงต่อให้ไม่ใช่ไนล์ มันก็ไม่ควรพูดกับคนที่ตัวเองไม่รู้จักแบบนี้”

“แต่พี่เทมส์ครับ.. พี่ภูคงไม่ได้ตั้งใจ”

ผมแย้งพี่ชายเสียงแผ่ว ฟังดูก็รู้ว่าเข้าข้าง แหงล่ะ... ไม่มีใครเห็นแววตาที่วูบไหวของพี่ภูในตอนนั้นเหมือนที่ผมเห็นนี่ ถ้าผมจะนึกเห็นใจหรือถือหางเขามันก็ไม่น่าจะผิดอะไรไม่ใช่หรอ?

“ไนล์.. ไนล์กำลังเข้าข้างมัน ทั้งๆ ที่มันพูดจาไม่ดีกับไนล์นะครับ ไนล์จะแอบรักหรือแอบชอบมันพี่ไม่เคยว่า แต่บางอย่างบางเรื่องมันก็ควรมีขอบเขตนะไนล์”

พี่ชายผมดุผมยาวเหยียด ผมเลยกระตุกข้อมือเขาเบาๆ เป็นเชิงว่าให้นั่งลง เพื่อพี่ผมจะได้อธิบายทุกอย่างให้เขาฟัง

“พี่เทมส์ฟังก่อน ฟังไนล์อธิบายก่อน” ผมพยายามพูดอย่างใจเย็นและหนักแน่น แม้เสียงจะอู้อี้เพราะเพิ่งร้องไห้มาก็ตาม “เราเปิดใจคุยกันพี่น้องได้ไหมครับ ไนล์ตั้งใจอยากจะคุยกับพี่เทมส์เรื่องนี้มากๆ และไนล์ก็หวัง.. หวังอยากให้พี่ชายที่ไนล์รักมากที่สุดในโลกเข้าใจ”

ผมขยับตัวเข้ากอดพี่เทมส์อีกครั้ง จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ จากคนเป็นพี่ ก่อนที่มือใหญ่ที่ผมคุ้นเคยในสัมผัสจะยื่นมาลูบศีรษะผมเบาๆ คล้ายกับเป็นเชิงอนุญาตให้เราสองคนพี่น้องเปิดใจคุยกัน

“ไนล์มีอะไรจะคุยกับพี่ ว่ามาได้เลยครับ”

พอพี่เทมส์เปิดโอกาส ผมก็ขยับตัวตรงพร้อมกับหันหน้าเข้าหาพี่ชายพร้อมกับเริ่มพูด

“เอาเรื่องพี่ภูเมื่อคืนก่อนนะครับ”

“ครับ พี่ฟังอยู่”

“พี่เทมส์อย่าโกรธพี่ภูเลยนะครับ ไนล์ว่าพี่ภูเขาคงไม่ได้ตั้งใจ เพราะเมื่อคืนตอนที่เขาพูดเรื่อง เอ่อ.. เรื่องขายบริการอะไรนั่นออกมาอ่ะ ไนล์สังเกตเห็นนะครับว่าพี่ภูเขาดูเจ็บปวดมาก เสียงเขาก็สั่น แถมแววตาเขายังไหววูบแปลกๆ อีก .. ถ้าให้ไนล์เดา ไนล์คิดว่าเขาก็คงคิดถึงแฟนเก่าเขานั่นล่ะ ไม่งั้นเขาคงไม่พูดดูถูกใครไปทั่วแบบนี้หรอก”

ผมพูดยาวรวดเดียวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ คล้ายคนจะร้องไห้ และพี่เทมส์เองก็คงรู้ เลยยื่นมือมาลูบศีรษะผมเบาๆ พร้อมกับปลอบใจ

“ไนล์ฟังพี่นะ ยังไงพี่ก็คิดว่าไอ้ภูมันทำไม่ถูกอยู่ดี ต่อให้มันจะเจ็บหรือปวดใจกับการที่แฟนมันทิ้งไปเพราะเรื่องเงินหรือเรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้มากแค่ไหน มันก็ไม่มีสิทธิ์พาลพาโลใส่คนอื่นที่เขาไม่รู้เรื่องด้วย ทำแบบนั้นมันเรียกว่านิสัยไม่ดี”

ผมจับมือพี่ชายที่ลูบหัวตัวเองอยู่มากุมไว้ พร้อมกับพูดออกไปตรงๆ ตามที่คิด

“แต่ความรักมันทำให้เราขาดสติและไม่มีเหตุผลนะครับพี่เทมส์ ไนล์จะไม่พูดย้ำ แต่พี่เทมส์เป็นเพื่อนกับพี่ภูมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม พี่เทมส์คงรู้นิสัยพี่ภูดีที่สุด พี่เทมส์เองก็รู้ว่าก่อนหน้านี้พี่ภูไม่ใช่คนแบบนี้ ตอนนี้เขาแค่เสียศูนย์เขาแค่ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ไนล์เชื่อนะว่าลึกๆ ลงไปแล้วพี่ภูคนเดิมของพวกเรายังคงอยู่ตรงนั้น .. และเขาอาจจะกำลังรอเวลาที่จะกลับมาก็ได้”

“....” พี่เทมส์เงียบไป ผมเลยพูดต่อ

“พี่ภูเขาต้องการการช่วยเหลือนะครับพี่เทมส์ เขาอาจจะอยากกลับมาแต่เขาคงไม่รู้ว่าเขาจะเริ่มมันจากตรงไหน ไนล์ว่าไนล์เข้าใจนะว่าเวลาที่เราผิดหวังจากความรักน่ะมันเป็นยังไง ไนล์รู้ดี เพราะไนล์ก็แอบชอบพี่ภูมาตั้งเป็นสิบปีทำไมไนล์จะไม่เข้าใจ”

“แต่พี่ก็ไม่เห็นเลยว่าไนล์จะเป็นบ้าเป็นบอแบบมัน ตอนไนล์อกหัก ตอนไนล์รู้ว่ามันมีแฟน ไนล์ก็ยังผ่านมันไปได้ ไม่เห็นพาลใครเขาไปทั่วเป็นหมาบ้าแบบไอ้ภูเลย”

พี่เทมส์แย้งเสียงแข็ง และสิ่งที่เขาพูดออกมาก็ทำให้ผมต้องอมยิ้ม พร้อมกับเลื่อนศีรษะตัวเองไปซุกอกอุ่นๆ ที่คุ้นเคยมาตลอดยี่สิบกว่าปี

“เพราะไนล์มีพี่เทมส์ มีพ่อ มีแม่ มีลมอยู่ข้างๆ ไนล์ไงครับ ไนล์เลยไม่เป็นอะไร ซึ่งต่อให้ไนล์ไม่ได้ความรักจากพี่ภูตอบแทน แต่ไนล์ก็ได้รับความรักจากพี่เทมส์ จากเพื่อน จากครอบครัว แล้วไนล์จะเอาจังหวะไหนไปเสียอกเสียใจจนเสียศูนย์ได้อีกล่ะครับ ในเมื่อไนล์มีความรักที่อบอุ่นโอบอุ้มอยู่แบบนี้”

“แต่ไอ้ภูมันก็มี...” พี่เทมส์ชะงักไป เมื่อนึกขึ้นได้ถึงในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูด

“มีใครครับ? พี่ภูมีใครครับพี่เทมส์” พี่ชายของผมเงียบไป ให้ผมต้องยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดต่อ “พี่ภูไม่มีใครไนล์พูดถูกไหมครับพี่เทมส์”

“....”

เมื่อเห็นว่าพี่ชายเถียงในสิ่งที่ผมพูดไม่ออก ผมก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด

“พี่ภูไม่มีใครเลยนอกจากคุณแม่กับพี่เทมส์ แต่คุณแม่กับพี่เทมส์ก็อยู่ที่ไทย มีแค่พี่ภูที่อยู่ต่างประเทศลำพัง จนถึงวันที่พี่ภูมีคนรัก เขาจะคาดหวังและทุ่มเทให้กับคนรักคนนี้ไนล์ก็ว่าไม่น่าจะแปลกนะ เค้าอาจจะคิดไปไกลถึงการสร้างครอบครัว ถึงการมีกันและกันแบบนี้ไปตลอด และพี่ภูก็คงจะยึดคนรักของเขาเอาไว้เป็นที่พึ่งทางใจ”

“...” ผมค่อยๆ พูดเรื่อยๆ ในขณะที่พี่เทมส์เองก็เป็นผู้ฟังที่ดี เขาไม่พูดขัดผมเลยสักประโยค ปล่อยให้ผมพูดไปแบบนั้น

“พอจนถึงวันหนึ่งความรักที่เขายึดไว้มันไม่เหมือนเดิม และเขาเองก็ไม่ได้มีใครคอยโอบอุ้มหรือประคับประคอง การที่พี่ภูจะเสียตัวตนไปขนาดนั้นไนล์ก็ว่ามันสมเหตุสมผลอยู่นะครับพี่เทมส์”

“...”

“เพราะฉะนั้น พี่เทมส์เข้าใจพี่ภูเถอะนะครับ พี่ภูเขาเองก็ไม่มีใคร ไนล์ไม่แน่ใจเลยว่านอกจากเพื่อนสนิทอย่างพี่เทมส์ที่พี่ภูเหลือแล้ว พี่ภูจะมีใครอีกได้”

พี่ชายผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกดริมฝีปากลงมาบนขมับของผมเบาๆ

“ช่างพูดช่างเจรจานักนะเรา พี่เชื่อแล้วเนี่ยว่าไนล์รักมันมากจริงๆ”

“ฮื่อ” ผมแก้มแดงเพราะนึกเขินที่พี่ชายดูออก แต่ก็บอกปัดไปหน้าตาเฉย “ไม่ใช่สักหน่อย ไนล์แค่อธิบายให้พี่เทมส์ฟังเฉยๆ”

“หื้ม? อธิบายเฉยๆ หรอครับ? ไนล์พูดไม่หายใจเลยนะ”

“พี่เทมส์อ่ะ!”

“ฮ่าๆๆ” พอโดนผมกระเง้ากระงอดใส่ พี่ชายผมก็หัวเราะยกใหญ่ ก่อนจะยกตัวของผมขึ้นไปนักบนตักตัวเองพร้อมกับกอดผมไว้หลวมๆ โยกตัวผมไปมาเบาๆ

ผมชอบให้พี่เทมส์ทำแบบนี้ มันเหมือนกับว่าผมยังคงเป็นน้องน้อยของเขาเสมอไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม...

อีกอย่างพี่เทมส์น่ะตัวใหญ่มากๆ ตักก็กว้างอกก็อุ่น เวลานั่งแบบนี้ตัวเล็กๆ ของผมแทบจะจมหายเข้าไปในอ้อมกอดของพี่ชาย .. มันดีชะมัด เพราะผมจะรู้สึกปลอดภัยเสมอหากเราอยู่ด้วยกันแบบนี้

“ไนล์รักไอ้ภูมันมากเลยใช่ไหม? ตอบพี่มาตามตรงนะ”

ผมเงียบไป พร้อมกับพยายามควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจไม่ให้พี่เทมส์ได้ยิน แต่มันก็ยังยากอยู่ดี

“ครับ.. ไนล์รักพี่ภู”

เราสองพี่น้องต่างเงียบไป ก่อนที่ผมจะรวบรวมความกล้า แล้วบอกอีกเรื่องสำคัญที่ผมตั้งใจจจะพูดกับพี่เทมส์ในวันนี้

“ว่าแต่พี่เทมส์ครับ.. ไนล์มีเรื่องจะคุยกับพี่เทมส์อีกเรื่อง พี่เทมส์ฟังไนล์หน่อยได้ไหมครับ”

“พี่เคยไม่ฟังไนล์ด้วยหรอ? พี่ฟังไนล์ตลอดแหละ ไหนบอกพี่ซิ ว่าเรามีอะไรจะอ้อนขออีกหื้ม?”

ผมสูดลมหายใจเรียกความกล้านิดหน่อย ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกไปตามตรง

“พี่เทมส์ ไนล์ไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากเลย ไนล์ไม่ได้รักลม... ขอโอกาสให้ไนล์ไปอยู่ดูแลพี่ภูได้ไหมครับ ไนล์อยากดูแลพี่ภู อยากไปช่วยเขาให้อาการแย่ๆ ของเขาดีขึ้น แม้สักนิดก็ยังดี .. นะครับพี่เทมส์”

พี่ชายผมดันตัวผมออกจากอ้อมกอดทันที พร้อมกับมองมายบังใบหน้าผมอย่างตกตะลึง เขาคงไม่คิดว่าประโยคดังกล่าวจะออกมาจากปากน้องชายที่ขี้อายและไม่มั่นใจในตัวเองอย่างผม

“ไนล์ว่ายังไงนะครับ?”


“ไนล์อยากดูแลพี่ภูครับ อยากช่วยเขา เหมือนที่เขาเคยช่วยไนล์เอาไว้”


ผมพูดย้ำทั้งที่พี่เทมส์ยังคงดูเหมือนคนช็อคอยู่ไม่เลิก

“ไนล์ .. ไนล์รู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา ไนล์แน่ใจแล้วหรอว่าอยากจะทำแบบนั้นน่ะ ไนล์รู้ใช่ไหมว่าการดูแลที่ไนล์หมายถึงมันคืออะไร”

“ไนล์รู้ ไนล์อายุยี่สิบห้าแล้วนะครับพี่เทมส์ ไนล์คิดและตัดสินใจมาดีแล้ว ไนล์อยากดูแลพี่ภูจริงๆ อยากไปอยู่ด้วย.. ในฐานะอะไรก็ได้”

ผมย้ำหนักแน่น มั่นคงในความคิดและการตัดสินใจของตัวเอง จนชนิดที่ว่าพี่เทมส์ยังตกใจ

“ไม่ได้! ยังไงก็ไม่ได้!! พี่ไม่มีทางยอม!!” พี่เทมส์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาไม่ยอมมองหน้าผมด้วยซ้ำ “เรื่องนี้พี่จะไม่ตามใจไนล์เด็ดขาด พี่เลี้ยงของพี่มา พี่ดูแลไนล์อย่างดี เรื่องอะไรที่พี่ต้องยอมให้ไนล์ไปดูแลไอ้ภูมัน”

“พี่เทมส์...” ผมครางเรียกชื่อพี่ชายตัวเองอย่างจนใจ แม้จะไม่ต่างจากที่คาดไว้เท่าไหร่ แต่พอได้ยินเขาประกาศกร้าวแบบนี้ผมก็อดท้อไม่ได้

“ความหมายคำว่าดูแลมันกว้างมากนะไนล์ กว้างมากจนพี่ไม่กล้าที่จะคิดเลยว่ามันครอบคลุมไปถึงเรื่องอะไรบ้าง” เสียงพี่ชายผมเต็มไปด้วยความไม่สบายใจจนผมสัมผัสได้ ซึ่งเรื่องนี้จะโทษว่าพี่เทมส์คิดมากเกินไปก็ไม่ได้ เพราะตัวพี่ภูเองก็มีวี่แววว่าจะเป็นอย่างที่พี่เทมส์กังวล ยิ่งมีเรื่องที่ผับเมื่อคืนเข้ามา ผมยิ่งเข้าใจดีว่าทำไมพี่เทมส์ถึงไม่ยอม

“ไนล์จะดูแลตัวเองให้ดี ไนล์สัญญา พี่เทมส์เชื่อใจไนล์นะครับ” ผมยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะ แม้จะไม่ได้มั่นใจในคำสัญญาของตัวเองมากขนาดนั้นก็ตาม


ก็ถ้าจะให้สารภาพกันตามตรง... ใจผมมันก็แค่นี้ แถมยังรักพี่ภูมาเป็นสิบๆ ปี แค่เมื่อคืนนี้เค้าแสดงท่าทีเจ็บปวดให้เห็นแม้แค่เพียงชั่วระยะเวลาเดียว ผมยังแทบจะยกแขนขึ้นกอดตอบเขาเลย นับประสาอะไรถ้าได้ลองอยู่ใกล้ชิดกันทุกวัน...


แต่ถ้าคิดในอีกแง่ ก็ไม่ใช่ว่าพี่ภูจะพิศวาสผมขนาดนั้นสักหน่อย เพราะถ้าว่ากันตามความตั้งใจจริง ผมแค่อยากดูแลพี่ภูเท่านั้น ไม่จำเป็นว่าเขาต้องรักผม แต่ผมอยากแค่ใช้ความรักของตัวเองเยียวยาและดูแลพี่ภูให้ดีขึ้น ให้เป็นพี่ภูที่อ่อนโยนคนเดิมที่ผมเคยรู้จัก หรืออย่างน้อยใกล้เคียงกับคนเดิมให้ได้สักครึ่งหนึ่งก็ยังดี

“พี่เชื่อใจไนล์แต่พี่ไม่เชื่อใจไอ้ภู” พี่เทมส์หันมาเผชิญหน้าพร้อมกับก้มลงแล้วจับต้นแขนทั้งสองข้างของผมไว้ “พี่บอกตามตรงนะไนล์ว่าถ้าเป็นไอ้ภูคนเมื่อก่อนพี่อาจจะยอมให้ แต่ไอ้ภูคนปัจจุบันพี่ยอมให้ไม่ได้แน่ ลองส่งไนล์ไปอยู่ใกล้ชิดมัน ไม่ถึงเดือนแม่งต้อง... ไม่อ่ะ ยังไงพี่ก็ไม่โอเค”

ใบหน้าหล่อเหลาของพี่เทมส์แข็งเกร็ง แถมฟันยังขบกันจนกรามนูนเป็นสัน ดูก็รู้ว่าเขากำลังข่มอารมณ์กับความคิดของตัวเองขนาดไหน แต่ผมก็ยังคงไม่ยอมแพ้

“พี่เทมส์ แต่นี่เป็นทางเดียวที่ไนล์จะได้ทำตามหัวใจตัวเองนะครับ ไม่งั้นพ่อกับแม่ก็ต้องบังคับให้ไนล์แต่งงานกับลมแน่ๆ นี่ขนาดเมื่อกี้พี่เทมส์เองยังเห็นดีเห็นงามกับพวกท่านเลย... ทำไมถึงต้องบังคับกันขนาดนี้ก็ไม่รู้”

ผมพึมพำเสียงสั่น เอาจริงนี่ไม่ใช่การแสดงหรือแกล้งทำอะไรเลยนะ แต่ผมน้อยใจจริงๆ ทำไมผมถึงเลือกความรักหรือคนรักด้วยตัวเองไม่ได้ แค่ผมเกิดมาผิดปกติ สิทธิ์ทุกอย่างที่ผมพึงมีมันเลยไม่เท่าคนอื่นหรือไง?

“เพราะทุกคนหวังดีกับไนล์ไงครับ ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งพี่ พวกเราเห็นแล้วว่าลมน่าจะดูแลไนล์ได้ อีกอย่างเจ้าลมมันก็ไนล์มาก มากพอที่จะทำทุกอย่างเพื่อไนล์ได้เลยด้วยซ้ำ”

“แต่ไนล์ไม่ได้รักลมนี่ครับ จะให้ไนล์พูดกี่ครั้งว่าไนล์ไม่ได้รัก พี่เทมส์จะให้ไนล์อยู่กับลมไปงั้นๆ อยู่แบบลมรักไนล์ฝ่ายเดียวแต่ไนล์ไม่ได้รักลมตอบ ไม่ได้อยากจะสร้างครอบครัวด้วย ไม่ได้มีความสุขแบบที่คู่คนอื่นเขามี ชีวิตแบบนั้นหรอครับที่พี่เทมส์อยากให้ไนล์ได้ใช้ในอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ”

“...” พี่ชายผมเงียบกริบเมื่อหาทางแย้งไม่ได้

“แต่กับพี่ภู ไนล์รักเขา ไนล์ไม่ได้อยากครอบครองเขา แต่ไนล์แค่อยากให้โอกาสทั้งกับเขาและกับตัวเอง ถ้ามันเวิร์คไนล์ก็จะได้สมหวังกับรักที่ไนล์รอคอยมาตลอดสิบปีเต็ม แต่ถ้ามันไม่... อย่างน้อยไนล์ก็ได้ดูแลพี่ภูอย่างที่ไนล์อยากทำ และจากนั้นไนล์จะได้มูฟออนไปมีชีวิตของตัวเองสักที”

ผมบอกพี่เทมส์ทั้งที่น้ำตาไหล ความอึดอัดใจที่มีมานานพรั่งพรูออกมาเป็นคำพูดไม่หยุด ผมแค่อยากจะทำตามใจตัวเองสักครั้ง และครั้งที่ว่านี่มันก็สำคัญกับผมมากเหลือเกิน เพราะมันคือเรื่องของอีกครึ่งชีวิตที่เหลือ ที่ผมอยากกำหนดมันด้วยมือและหัวใจของตัวเอง

“ถ้าตอนนั้นลมจะยังรอไนล์อยู่ ไนล์ก็อาจจะลองให้โอกาสลมดูสักครั้ง แต่ลมไม่รอไนล์ก็ไม่ว่า ไนล์อยู่กับพ่อ กับแม่ กับพี่เทมส์ได้ทั้งชีวิต ไม่จำเป็นต้องมีใครมาดูแลก็ได้”

“แล้วถ้าพี่ยังยืนยันว่าไม่ยอมล่ะ”

พี่เทมส์ฟังทุกประโยคที่ผมพูดจนจบอย่างสงบ ก่อนจะถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ทำเอาผมจุกไปทั้งอก

แต่ก็แค่เสี้ยวนาทีเดียว เพราะหลังจากที่ได้ยินพี่ชายตัวเองถามจบ ผมก็สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นปาดน้ำหูน้ำตาที่ไหลเปรอะแก้มออก ก่อนจะตอบพี่เทมส์ด้วยน้ำเสียงและแววตามที่มั่นคงชัดเจนไม่ต่างจากครั้งแรกที่ผมยืนยันความต้องการว่าอยากดูแลพี่ภู

“ไนล์จะหนีออกจากบ้าน และจะหาทางทำให้ตัวเองได้เข้าไปอยู่ในชีวิตพี่ภู .. แม้มันจะมีไม่กี่วิธี ไนล์ก็จะทำ!”

พี่ชายผมเบิกตากว้างกับคำตอบที่ได้ยิน ก่อนจะเรียกผมเสียงกร้าว น้ำเสียงที่แทบจะไม่เคยใช้กับผมเลยนอกจากตอนที่โกรธมากจริงๆ

“นทีธัชช์!!”

“ไนล์ไม่ได้ขู่พี่เทมส์นะครับ แต่ในเมื่อพี่เทมส์ไม่ได้เหลือทางให้ไนล์เลือกมากนัก ไนล์ก็ต้องทำแบบนี้”

ผมเถียงตาใส อย่างที่เคยบอกไปนั่นแหละว่าถ้าถึงคราวที่จะดื้อผมก็จะดื้อมาก เหมือนอย่างตอนที่หนีเที่ยวโรงเรียนพี่เทมส์จนเกิดเรื่องนั่นล่ะ และผมก็ฉลาดพอที่จะเอาความรักและการตามใจของพี่เทมส์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะต่อให้เขาจะดุผมมากแค่ไหน หรือไม่ชอบเรื่องที่ผมขอยังไง แต่สุดท้ายเขาก็ใจแข็งได้ไม่ขนาดนั้น เขาไม่เด็ดขาดมากพอที่จะเห็นผมเสียใจ และเพราะเหตุนี้เลยทำให้เขายอมผมในที่สุด

“เรานี่มัน...” พี่เทมส์ถึงกับยกมือขึ้นกุมศีรษะผมกับขยี้ผมของตัวเองอย่างหงุดหงิด

“ไนล์ให้สิทธิ์พี่เทมส์เลือก ระหว่างพี่เทมส์เป็นคนพาไนล์เข้าไปอยู่ในชีวิตพี่ภู แลพี่เทมส์ก็จะได้รู้ทุกอย่าง ได้เห็นทุกความเคลื่อนไหว ไนล์จะอยู่ในสายตาพี่ตลอด เพื่อให้พี่เทมส์เข้าหาพี่ภูและไนล์ได้ทันถ้ารู้สึกว่าตรงไหนมันไม่โอเค”

พี่ชายผมขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าหล่อเหลาดูไม่สบอารมณ์สุดๆ “แล้วอีกทางล่ะ”

“อีกทางก็อย่างที่ไนล์บอกพี่เทมส์ไปก่อนหน้านั่นแหละครับ ไนล์จะหนีออกจากบ้าน หนีไปจากการถูกทุกคนบังคับ แล้วไนล์ก็จะหาทางเข้าไปอยู่ในชีวิตพี่ภู โดยที่พี่เทมส์จะไม่มีทางรู้ความเป็นไปเลยว่าไนล์เป็นยังไงหรือถูกพี่ภูทำอะไรบ้างระหว่างที่เราอยู่ด้วยกัน”

ผมอธิบายทั้งสองทางเลือกให้พี่ชายฟัง แน่นอนว่าพี่เทมส์เป็นคนฉลาดและเขาก็เป็นนักธุรกิจที่เก่งมากๆ ด้วย ข้อดีข้อเสียมันเห็นได้ชัดอยู่แล้ว และคนหวงน้องอย่างเขาไม่มีทางยอมทำตามทางเลือกที่สองแน่

เพราะถึงแม้ทางเลือกที่หนึ่งจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดี และไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกใจเขาสักเท่าไหร่ แต่พี่เทมส์ก็รู้ดีว่าผมทำอย่างที่พูดแน่ๆ ดังนั้นเขาไม่กล้าเสี่ยงหรอก เพราะอย่างน้อยถ้าเขาได้เห็นและได้รับรู้ความเป็นไปของผมในสายตาของตัวเองย่อมดีกว่าการไม่ได้รับรู้อะไรเลย

“ว่าไงครับพี่เทมส์ พี่เทมส์จะเลือกทางไหน? ที่ไนล์กล้าเสนอเรื่องนี้กับพี่เทมส์เพราะไนล์อยากมีที่พึ่ง อยากมีสักคนในครอบครัวได้รับรู้และสนับสนุนกับสิ่งที่ไนล์ตัดสินใจ และเพราะไนล์รู้ว่าพี่เทมส์จะไม่บังคับไนล์เหมือนที่พ่อกับแม่ทำ”

พี่ชายผมนิ่งเงียบไปจนผมใจไม่ดี ผมรู้ว่าตอนนี้พี่เทมส์กำลังคิดหนัก ใจหนึ่งเขาก็ไม่กล้าเสี่ยงปฏิเสธหรือบังคับผมเพราะรู้ว่าผมดื้อมากแค่ไหน แต่อีกใจเขาก็ไม่อยากจะส่งอ้อยอย่างผมไปเข้าปากช้างอย่างพี่ภู .. เพราะเป็นเขาเป็นเพื่อนกันและรู้จักซึ่งกันและกันดี

ซึ่งไม่ว่าจะเลือกทางไหน มันก็ไม่ดีกับหัวใจของคนหวงน้องแบบเขาเลยสักทาง

แต่ไม่ว่าจะทางไหนสุดท้ายพี่เทมส์ก็ต้องตัดสินใจอยู่ดี

“ก็ได้ พี่จะทำตามทางเลือกแรกที่ไนล์ขอ...”

ผมยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจทันทีที่ได้ข้อสรุป ผมโผเข้ากอดพี่ชายของตัวเองแน่น ก่อนที่ยิ้มจะเจื่อนลง เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของพี่เทมส์

“แต่พี่มีข้อแม้สองข้อ และไนล์ก็ต้องทำตาม ถ้าไนล์ไม่ทำตามข้อแม้ของพี่ พี่จะไม่เลือกทางไหนทั้งนั้น และพี่ก็จะมีทางที่สามขึ้นมาและบังคับให้ไนล์ทำตาม”

พี่ชายผมยื่นคำขาด เขาพูดออกมาเรียบๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง และผมก็รู้ว่าเขาพูดจริง

“ข้อแม้ของพี่เทมส์คืออะไรครับ?” ผมตัดสินใจถาม ตั้งใจจะลองบวกลบคูณหารข้อดีข้อเสียดู และจะลองดูว่าข้อแม้ของพี่เทมส์นั้นผมจะทำให้ได้มากน้อยแค่ไหน ในสถานการณ์ที่ผมต้องพาตัวเองไปอยู่ในชีวิตพี่ภูแบบนั้น

“ข้อแม้แรก พี่จะเป็นคนพาไนล์เข้าไปหาไอ้ภูเอง และไนล์ก็ต้องทำตามวิธีของพี่เท่านั้น ห้ามบิดพริ้ว ห้ามต่อรอง พี่จะจัดการทุกอย่างเอง รวมถึงข้ออ้างที่จะบอกพ่อกับแม่ด้วย จะให้พ่อกับแม่รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าไนล์คิดจะทำอะไร”

ข้อแม้ข้อแรกของพี่เทมส์ไม่ได้ผิดจากที่ผมคาดเท่าไหร่นัก และแน่นอนว่าที่ผมตัดสินใจบอกพี่เทมส์เรื่องนี้ก็เพราะอยากได้รับความช่วยเหลือแบบนี้ แล้วเรื่องอะไรกันที่ผมจะปฏิเสธ

“ตกลงครับ แล้วข้อแม้อีกข้อล่ะครับ” แต่ผมว่าข้อนี้แหละที่ต้องไม่ธรรมดา

“พี่ให้เวลาไนล์แค่สามเดือน ถ้าสามเดือนนี้ไอ้ภูมันไม่ได้คิดหรือไม่ได้รู้สึกอะไรกับไนล์ ไนล์ต้องหยุดและต้องพอ ต่อให้นิสัยมันจะดีขึ้นหรือแย่ลงไนล์ก็ต้องปล่อยมันไป พี่ถือว่าพี่ยอมให้ไนล์ทำอะไรเพื่อมันแล้วไนล์ก็ต้องยอมรับผลให้ได้”

“สามเดือนหรอครับ..?” ผมพึมพำ เป็นเวลาที่ไม่มากแต่ก็ไม่น้อยจนเกินไป แม้ผมจะอยากได้มากกว่านี้แต่เห็นทีจะขัดพี่เทมส์ไม่ได้

ผมซึ่งกำลังจะรับปากก็ต้องชะงัก เพราะดูเหมือนข้อแม้ที่สองของพี่เทมส์จะยังไม่จบลงง่ายๆ


“และที่สำคัญถ้าเรื่องของไอ้ภูกับไนล์ไม่เวิร์คอย่างที่ไนล์ว่าไว้ก่อนหน้า ไนล์ต้องแต่งงานกับลม โดยไม่มีการต่อรอง ไม่มีข้ออ้าง เพราะพี่เชื่อว่าลมคือคนสุดท้ายที่จะสามารถทำให้ไนล์มีความสุขได้ถ้าไม่นับไอ้ภู”
 

นั่นไง เป็นข้อแม้ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย

“แต่พี่เทมส์ครับ ก็อย่างที่ไนล์บอกพี่เทมส์ไปว่าใช่ว่าลมจะรอได้ ไนล์จะหายไปจากลมสามเดือนเต็มๆ เลยนะครับ พี่เทมส์คิดว่าลมจะรอหรอ?”

ผมยังไม่รับปาก เพราะอยากรู้คำตอบของคำถามนี้ก่อน จะมีใครที่ไหนกันที่ต้องมารอโดยที่ไม่รู้ว่าผมหายไปไหน พี่เทมส์ไม่มีทางบอกลมโต้งๆ แน่ๆ ว่าจะให้ผมไปทำอะไร หรือถ้าพี่เทมส์กล้าบอกลมตามตรงผมก็ไม่เชื่อว่าลมจะรับได้ นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ สักหน่อย

“พี่มีวิธีก็แล้วกัน และพี่มั่นใจด้วยว่าลมจะยอมรอ ไนล์แค่ตอบพี่มาก็พอว่าไนล์จะยอมรับข้อแม้ทั้งสองข้อของพี่ไหม พี่อยากรู้แค่นี้ครับ”

ผมใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่ แม้จะรู้แน่ว่าไม่มีอะไรจะการันตรีได้ว่าพี่ภูจะรักผมแต่ผมก็อยากจะเสี่ยง อยากจะลองให้โอกาสหัวใจตัวเองสักครั้งในชีวิต

“ตกลงครับ ไนล์ตกลง”

ผมรับคำพี่ชายด้วยสายตามั่นคงและน้ำเสียงมุ่งมั่น สามเดือนอาจจะไม่ใช่เวลาที่นานแต่ก็ไม่ได้สั้นเกินไป และถึงแม้ว่าพี่ภูจะไม่ได้รับรักผมเหมือนที่ผมคาดหวัง แต่อย่างน้อยสามเดือนนี้ผมก็ได้เข้าใกล้เขาอย่างที่รอคอยมาตลอดสิบปี ได้ดูแล ได้ตอบแทน ได้อยู่ใกล้ๆ ...

ขอแค่เท่านั้น และสามเดือนนี้ขอให้มันเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตผมก็ยังดี

.

.

.

To Be Continue

 --------------------------------------

น้องไนลลลล์ พี่ภูมิใจในตัวหนูที่สุด งี้สิ นายเอกของแม่ 555555555555

มีหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมพี่ภูจำไนล์ไม่ได้ ตอนหลังๆ จะมีเฉลยค่ะ แล้วเราค่อยไปเม้ามอยหอยกาบกันในช่วงนู้นเนาะ อาจจะอีกไกลสักนิด เรื่องอาจจะค่อยเป็นค่อยไปสักหน่อย แต่ด้วยความที่เราไม่อยากข้ามรายละเอียดที่เป็นอารมณ์และเหตุผลของไนล์ไป มันเลยต้องเล่าๆ สักนิด

คนแอบรักอ่ะค่ะ .. ยิ่งแอบรักผู้มีพระคุณ มันไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เกินไปจนเราทำให้เขาไม่ได้หรอก กรณีของน้องไนล์ เราว่ามันก็สมเหตุสมผลอยู่นะ ด้วยอะไรหลายๆ อย่างเลยทำให้ไนล์อยากจะแหกคอก โรยตัวลงมาจากหอคอยเพื่อไปหาพี่ภูขนาดนั้น

ช่วงนี้ก็ให้น้องทำเพื่อพี่ไปก่อนค่ะ แล้วเดี๋ยวถึงเวลาที่พี่ต้องทำเพื่อน้องบ้าง ค่อยเอาคืนให้สาสม(น้ำหน้า).. เนาะ 555555555555

ก่อนจาก วันนี้เม้าเยอะไปหน่อย อิอิ ชอบไม่ชอบบอกได้นะคะ พยายามเร่งเขียนให้อยู่วว เพื่อที่เผื่อจะเอามาลงอาทิตย์ละสองตอนให้ได้ แต่ยังไงก็ฝากทุกคนคอมเม้นติ-ชมหน่อยเน้ออ ชอบไม่ชอบช่วยบอกกันหน่อย เราจะได้เอาไปปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นนน ... รออ่านทุกความคิดเห็นของทุกคนอยู่นะคะ

แล้วก็ขอขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆ ที่เข้ามาอ่าน มาไลค์ มาให้กำลังใจ .. แรงใจของพวกคุณทำให้เราไปต่อได้อย่างไม่ติดขัด ขอบคุณมากๆ นะคะ แล้วหวังว่าจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆ จนจบเรื่องเนาะ ^^

ไว้เจอกันตอนหน้าค่า .. เริ้บ <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-16 : Universe 6th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 16-03-2020 23:00:42
ยาวจุใจแต่น้องยังไม่ได้เจอพี่ภูเลยยย

รีบมาต่อน้าสสาอยากอ่านใจจะขาดด
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-16 : Universe 6th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 17-03-2020 10:05:24
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-23 : Universe 7th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 23-03-2020 19:54:16
Universe 7th - Nateebodi's Plan


หลังจากที่ผมกับพี่เทมส์คุยเรื่องนั้นกันไป ถัดมาอีกสองสามวันพี่เทมส์ที่หายไปทำอะไรมาสักอย่างก็เดินเข้ามาหาผมในห้องนอนพร้อมกับบอกว่าให้ผมเตรียมตัวให้พร้อม เย็นนี้พี่เทมส์จะคุยเรื่องผมกับพ่อและแม่ โดยมีลมเป็นแขกรับเชิญอีกคน พี่เทมส์บอกผมว่าเขาจัดการหาข้ออ้างในการหายไปให้ผมได้แล้ว สิ่งที่ผมต้องทำมีแค่เออออตามที่เขาบอกก็พอ

และช่วงเวลาทานอาหารค่ำของครอบครัวก็มาถึง จะว่าไปบรรยากาศของครอบครัวหลังจากวันนั้นก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก พ่อกับแม่ไม่ได้มึนตึงกับผมมากนัก แต่ก็ดูจะงอนๆ อยู่มากโข ในขณะที่ผมเองก็พยายามทำตัวปกติทั้งที่ไม่มีอะไรปกติเลยสักนิด ประกอบกับพี่เทมส์เองก็ดูเหมือนจะยุ่งๆ

ดังนั้นพอพี่เทมส์มาบอกว่าวันนี้เป็นวันที่พี่เทมส์ตัดสินใจแล้วว่าจะคุยกับพ่อแม่ให้ ผมก็อดโล่งใจไม่ได้ ผมอยากเคลียร์ให้มันจบๆ ไม่อยากให้ครอบครัวเราต้องมาอึมครึมและมีบรรยากาศไม่ดีเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องของผมเอง

“มีอะไรหรอพี่เทมส์ เห็นแม่เขาบอกว่าเรามีเรื่องจะพูดด้วย”

พ่อเอ่ยถามขึ้นในตอนที่เราสี่คนพ่อแม่ลูก และอีกหนึ่งแขกกิตติมศักดิ์อย่างลมนั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร ปกติที่บ้านผมมักจะไม่คุยเรื่องงานระหว่างทานข้าว แต่วันนี้เป็นข้อยกเว้น เพราะเห็นว่าพี่เทมส์มีเรื่องสำคัญ แต่ถึงอย่างนั้นพ่อก็เริ่มบทสนทนาก่อนที่พวกเราจะเริ่มมื้ออาหารอยู่ดี

“ใช่ครับ เทมส์มีเรื่องจะบอกพ่อกับแม่ รวมไปถึงลมด้วย เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับไนล์” พี่เทมส์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นการเป็นงาน “เทมส์เห็นควรว่าเราน่าจะพูดให้มันเป็นเรื่องเป็นราวสักทีไม่งั้นก็จะมีปัญหาไม่จบไม่สิ้น เทมส์ไม่อยากให้พ่อแม่กับน้องถกเถียงกันด้วยเรื่องเดิมๆ อีก”

“น้องไนล์ดื้อ พ่อกับแม่ก็หวังดีทั้งนั้น”

แม่ผมพูดขึ้นมาคล้ายจะบ่นเบาๆ หลังจากที่พี่เทมส์บอกจุดประสงค์ที่เรามานั่งรวมกันวันนี้จบ ในขณะที่ตัวผมเองไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้พี่เทมส์เป็นคนจัดการตามที่พี่เทมส์บอกผมไว้ตั้งแต่แรก

“เทมส์อยากให้แม่เข้าใจน้องนะครับ น้องโตแล้ว และการเลือกคนที่จะร่วมชีวิตด้วยคงเป็นเรื่องใหญ่กับน้องพอสมควร แต่ไม่ใช่เทมส์ไม่เข้าใจพ่อกับแม่นะครับ เทมส์รู้ว่าพ่อกับแม่หวังดีกับน้อง เพราะฉะนั้นในเมื่อต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลที่ดีเราเจอกันตรงกลางดีไหมครับ?”

“เจอกันตรงกลาง? ยังไงหื้มพี่เทมส์?”

ผมขมวดคิ้วแถมยังมองพี่ชายที่นั่งตรงข้ามอย่างสงสัย เพราะผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตรงกลางที่พี่เทมส์พูดถึงมันหมายความว่ายังไง

“ถอยกันคนละก้าวครับ” พี่เทมส์อธิบาย “พ่อกับแม่ถอยหนึ่งก้าว ไนล์ก็ถอยหนึ่งก้าว ลมเองก็เหมือนกัน ถอยไปก้าวนึง” ประโยคสุดท้ายพี่เทมส์หันไปพูดกับลมที่นั่งอยู่ข้างตัว

“ผมด้วยหรอครับพี่เทมส์?” ลมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางถามอย่างงงๆ

“ใช่ นายด้วย ถอยไปก้าวนึง พี่รู้ว่าลมแอบชอบไนล์มานานและก็เพราะชอบมานานนี่แหละ ลมเลยไม่เคยมองใครเลยนอกจากไนล์ พี่อยากให้ลมลองถอยไปสักก้าวเพื่อทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ถ้าจนถึงวันที่ไนล์กลับมาแล้วลมยังรู้สึกกับไนล์เหมือนเดิม และหากไนล์ยังไม่มีใคร เราจะคุยเรื่องแต่งงานกันอย่างจริงจังอีกที”

พี่เทมส์อธิบายให้ลมที่ค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้นเรื่อยๆ ฟัง โดยที่ประโยคสุดท้ายพี่เทมส์หันมาทางผม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าประโยคนั้นพี่เทมส์ไม่ได้บอกแค่กับลม แต่กำลังย้ำให้ผมฟังด้วย


‘ถ้าหากเรื่องของไอ้ภูไม่เวิร์ค ไนล์ต้องแต่งงานกับลมโดยไม่มีข้อต่อรองใดๆ ทั้งนั้น’


นี่แหละ... ประโยคนี้เลย ความหมายอีกทางที่พี่เทมส์หมายถึง

“วันที่ไนล์กลับมา? หมายความว่าไงครับพี่เทมส์ พี่เทมส์จะให้ไนล์ไปไหน?”

“นั่นสิพี่เทมส์ ทำไมแม่ไม่เห็นรู้เลยคะว่าน้องไนล์จะไม่อยู่? พี่เทมส์จะให้น้องไนล์หนีไปไหน?”

ทั้งลมและแม่ถามออกมาอย่างร้อนรน มีแต่พ่อเท่านั้นที่ยังนั่งนิ่ง แต่ผมรู้ว่าอาการจ้องพี่เทมส์ตาเขม็งจนไม่ขยับ นั่นคือท่าทางของพ่อที่กำลังกดดันรอคำตอบจากพี่ชายผมอยู่

“ใจเย็นๆ ครับ เทมส์ไม่ได้จะให้ไนล์หนีไปไหนครับแม่ แต่พอดีว่าสาขาที่ออสเตรเลียมีโปรเจ็คใหญ่เข้ามา เทมส์เลยคิดว่าจะส่งไนล์ไปอยู่ดูแลโปรเจ็คที่ว่า เทมส์ไม่ไว้ใจใครและอีกอย่างเรื่องภาษาและการประสานงานของไนล์เป็นสิ่งเทมส์คิดว่าเหมาะสมที่สุด เทมส์เลยจะให้น้องไปอยู่ที่นั่นสักสามเดือน มันได้โอกาสแล้วก็ลงล็อคพอดี เทมส์ก็เลยคิดว่านี่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้”

ผมถึงกับนึกทึ่งในใจหลังจากที่พี่เทมส์ร่ายยาวจบ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะหาทางออกให้ผมได้แนบเนียนขนาดนี้ ถ้าไม่ติดที่ว่า... พ่อจะสงสัย

“โปรเจ็คอะไรกันพี่เทมส์ พ่อไม่เห็นรู้”

ซึ่ง... พ่อก็สงสัยจริงๆ อย่างที่ผมเดา

แต่การหายไปของพี่เทมส์ในสองสามวันที่ว่าก็ไม่สูญเปล่า เพราะพี่เทมส์ไปดีลงานกับคู่ค้าที่ออสเตรเลียมาจริงๆ พูดง่ายๆ ว่าสร้างโปรเจ็คขึ้นมาเพื่อเอามารองรับแผนที่ว่าโดยเฉพาะ

พี่ผมคือแบบ.. พลิกวิกฤติเป็นโอกาส

“มีลูกค้าที่ออสเตรเลียติดต่อมาครับ อยากให้เราไปพัฒนาที่ดินที่นิวเซาท์เวลส์ เพราะอยากจะสร้างโรงแรมไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในซิดนีย์ที่ตอนนี้เพิ่มมากขึ้นทุกปี แต่เทมส์อยากให้ไนล์ต่อยอดจากแค่พัฒนาที่ดินเป็นเราได้สร้างโรงแรมให้เขาด้วย เพราะลูกค้ารายนี้เป็นเจ้าของโรงแรมรายใหญ่ของที่นั่น ถ้าเราได้โปรเจ็คนี้มาทั้งหมด เทมส์คิดว่าปีนี้บริษัทน่าจะขยับรายได้สูงกว่าปีที่แล้วได้พอสมควร”

พี่เทมส์ไม่ได้อ้างส่งๆ แต่ส่งโทรศัพท์ที่มีข้อมูลต่างๆ ให้พ่อดูอย่างแนบเนียน จนทำเอาพ่อที่นึกสงสัยคลายคิ้วที่ขมวดมุ่นออก เมื่อกวาดตามองข้อมูลต่างๆ ในมือถือของพี่เทมส์คร่าวๆ

“แล้วทำไมเราไม่ไปเอง ส่งน้องไปอยู่ที่นั่นตั้งสามเดือนพ่อเป็นห่วง”

ผมถึงกับชะงัก เพราะนึกขึ้นได้ว่าผมเป็นไข่ในหินของที่บ้านมาโดยตลอด พ่อกับแม่ไม่ค่อยให้ผมบินไปทำงานต่างประเทศเท่าไหร่ เว้นแต่จะมีคนที่พวกท่านไว้ใจไปด้วย แต่ก็หาคนที่พ่อกับแม่ผมไว้ใจได้ยากเหลือเกิน

สุดท้ายพี่เทมส์จึงตัดปัญหาด้วยการไปต่างประเทศเองแล้วทิ้งให้ผมดูแลงานที่ไทยเพราะตัวเขาเองก็เป็นห่วงผม ไม่อยากให้ผมไปไหนไกลๆ โดยที่เขาตามไปดูแลไม่ได้ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปเพราะผมไม่ได้จะไปจริงๆ ซึ่งมีแค่พี่เทมส์ที่รู้ความจริงในข้อนี้ ดังนั้นการจะทำให้พ่อกับแม่หายสงสัยพี่เทมส์ต้องอ้างคนที่พ่อแม่ไว้ใจได้ให้ไปกับผมด้วย

ซึ่งเผลอๆ คนที่พี่เทมส์อ้างถึงนี่อาจจะเป็นเจ้าของโปรเจ็คตัวจริงที่ต้องไปดีลงานที่ออสตรเลียแทนผม ชื่อผมก็มีเอาไว้บังหน้าเท่านั้น

“เทมส์ไปไม่ได้ครับพ่อ งานทั้งนี้รัดตัวมาก เทมส์ต้องเคลียร์โปรเจ็คหลายโปรเจ็คของคู่ค้าให้เสร็จภายในเดือนนี้ ซึ่งมันเป็นงานที่เทมส์ทิ้งให้ไนล์ทำแทนไม่ได้”

“แล้วพี่เทมส์จะให้น้องไนล์ไปอยู่ที่ออสเตรเลียคนเดียวหรอลูก? แม่เป็นห่วงน้อง” แม่เริ่มพูดขึ้นมาบ้าง ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ “หรือจะให้ลมไปอยู่เป็นเพื่อนน้องไนล์ดี?”

พี่เทมส์ถอนหายใจ ก่อนจะย้ำเสียงเข้ม “เทมส์เพิ่งบอกไปเมื่อกี้เองนะครับแม่ ว่าอยากให้ทุกคนถอยกันคนละก้าว เพราะฉะนั้นลมจะไม่ไปกับไนล์ครับ แต่เทมส์จะส่งคุณฤดีที่อยู่ฝ่ายมาร์เก็ตติ้งไปกับไนล์ เพราะคุณฤดีเป็นคนทำแผนการตลาดของโปรเจ็คนี้อยู่”

พอพี่เทมส์พูดชื่อคนที่จะไปกับผมออกมาผมก็ต้องร้องอ๋อในใจ คุณฤดีคือมือหนึ่งของฝ่ายมาร์เก็ตติ้ง ท่าทางคงจะมีการดีลกับลูกค้าทางนู้นไว้เบื้องต้นแล้ว และก็คงเป็นคุณฤดีที่แหละที่เป็นโปรเจ็คเมเนเจอร์ตัวจริง

“สรุปก็คือพี่เทมส์จะส่งน้องไนล์ไปทำงานที่ออสเตรเลียสามเดือน เพื่อให้น้องไนล์ได้ตั้งตัว และเพื่อให้ลมได้ทบทวนความรู้สึกตัวเอง แบบนี้พ่อเข้าใจถูกไหม”

หลังจากที่พี่เทมส์พูดจบ ทุกคนก็เงียบไปเป็นอึดใจ จนกระทั่งพ่อพูดถึงสิ่งที่พี่เทมส์ต้องการจะสื่อออก ก็ดูเหมือนคนที่จะมีปฏิกริยาโต้ตอบคนแรกจะเป็นลมเพื่อนสนิทของผมเอง

“ผมไม่จำเป็นต้องทบทวนอะไรหรอกครับพี่เทมส์ ผมรักไนล์ รักมาตั้งแต่มัธยมปลายและผมมั่นใจว่าตัวเองจะไม่เปลี่ยนความรู้สึก”

พี่เทมส์ส่ายหน้า ก่อนจะหันไปพูดกับลมจริงจัง

“ลม.. พี่เข้าใจลมนะ แต่ลมก็ต้องให้เปิดโอกาสให้ไนล์ได้หายใจบ้าง ปล่อยให้ไนล์ไปมีอิสระ ไปมีชีวิตในแบบของตัวเอง ไปค้นหาในสิ่งที่ไนล์รู้สึกว่ามันขาด ถ้าสุดท้ายแล้วไนล์ไม่ได้มีใครกลับมา เชื่อพี่เถอะว่าเวลานั้นจะเป็นเวลาของลม... ห่างกันเพื่อให้คิดถึงและเข้าใจหัวใจตัวเอง ลมเข้าใจที่พี่จะสื่อใช่ไหม?”

พี่ชายผมพยายามอธิบายอย่างใจเย็น แต่ลมกลับอ้าปากเหมือนจะเถียง แต่พี่เทมส์ตัดบทเสียก่อน

“ไนล์ล่ะว่าไง? จะยอมทำตามที่พี่เสนอไหม?” ผมกำลังจะพยักหน้ารับ แต่เหมือนพี่เทมส์จะยังพูดไม่จบ “แต่อย่างที่พี่บอกนะ ถ้าไนล์ไปใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยไม่มีพี่ ไม่มีพ่อแม่กดดันแล้ว หากไนล์พบว่าตัวเองก็ยังไม่สามารถหาใครมาดูแลได้ ไนล์ต้องให้โอกาสลม เหมือนอย่างที่พี่ให้โอกาสไนล์ อาจจะไม่ถึงขั้นแต่งงานแต่ขอให้ลองคบหากันดูเผื่อมันจะเวิร์ค”

“ครับ ไนล์ตกลง”

ผมรับคำและเออออกับพี่ชายตามที่พี่เทมส์สั่งไว้ก่อนหน้า ในขณะที่ลมก็ดูจะอารมณ์ดีมากขึ้นเมื่อเห็นผมยอมรับปากทำตามที่พี่เทมส์เอ่ยขอ ผมเดาว่าเขาคงมีหวังเต็มเปี่ยมว่าระยะเวลาสามเดือนมันไม่นานพอที่จะสั่นคลอนความรู้สึกของเขาที่มีต่อผมได้ พอๆ กับที่มันไม่นานพอที่ผมจะตกหลุมรักใครได้ใหม่ ดังนั้นข้อเสนอที่พี่เทมส์ตั้งขึ้นมานั้นเขาเลยไม่คิดกังวล

โดยที่ลมไม่ได้รู้เลยว่าจริงๆ แล้วสามเดือนนั้นผมไปไหน แต่ก็ช่างเถอะ... ยังไงมันก็ห้าสิบห้าสิบ เพราะใช่ว่าพี่ภูจะรับความรู้สึกของผมเสียเมื่อไหร่ สุดท้ายมันก็คือการวางเดิมพันหมดหน้าตักสำหรับผมอยู่ดี

“ได้ครับ ผมก็ตกลง” ลมรับปากตามผม แต่ไม่วายต่อรอง “แต่ระหว่างนี้ผมติดต่อไนล์ได้ใช่ไหมครับ”

เรื่องนี้ผมไม่รอให้พี่เทมส์ตอบ เพราะผมเองก็อยากรักษาสิทธิ์ของตัวเองเช่นกัน “เราจะเป็นคนติดต่อลมเอง อย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้ง” ลมมองผมอย่างไม่เข้าใจ แต่ผมก็ไม่ใจอ่อน “เราอยากโฟกัสกับงาน ไม่อยากพะวักพะวง”

แต่สุดท้ายลมก็คือลม เขาไม่เคยขัดใจผมได้สักที “ก็ได้ แต่ไนล์สัญญาแล้วนะว่าอาทิตย์ละครั้ง”

“อื้อ เราไม่ผิดคำพูดหรอก”

และพอเห็นว่าผมกับลมตกลงกันได้แล้ว พี่เทมส์เลยหันไปหาพ่อกับแม่บ้าง

“แล้วพ่อกับแม่ล่ะครับว่าไง? ยอมให้น้องไปไหม? ตอนนี้ไนล์กับลมยอมถอยกันคนละก้าวแล้วนะครับ”

แม่มองสบตากับพ่อ และพอพ่อพยักหน้าให้เบาๆ แม่ก็ระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างปลงๆ

“ก็ได้ค่ะ พ่อกับแม่ยอมถอยตามที่พี่เทมส์ขอก็ได้ แต่น้องไนล์ห้ามบิดพริ้วนะคะ ถ้ากลับมาแล้วยังไม่มีใครน้องไนล์ต้องให้โอกาสลมนะลูก”

แม่ยังคงย้ำจนผมหลุดหัวเราะเบาๆ คือ.. รู้สึกตลกมากกว่าจะน้อยใจ อาจจะเป็นเพราะปัญหาตอนนี้มันถูกแก้ไปแล้วเปลาะนึงก็ได้มั้ง ดูเหมือนแม่จะเชียร์ลมออกนอกหน้าจริงๆ

“สรุปไนล์หรือลมเป็นลูกแม่กันแน่ครับ หื้ม?”

แม่ทำหน้ากระเง้ากระงอด ผมจึงยื่นแขนไปโอบรอบเอวบางของคนที่นั่งข้างๆ ไว้ ก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มแม่เบาๆ ด้วยท่าทางออดอ้อน ทำเอาคนที่เคยงอนผมยิ้มกว้างจนหน้าบานไปหมด

“ก็ต้องน้องไนล์สิคะที่เป็นลูกแม่” แม่หันมาหาผมก่อนที่จะกอดตอบ “ดูแลตัวเองนะลูก ตอบข้อความแม่บ่อยๆ โทรหาแม่บ่อยๆ ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองตั้งสามเดือนแม่ล่ะอดห่วงน้องไนล์ไม่ได้จริงๆ”

ผมยิ้ม พร้อมกับขยับซุกอกแม่ราวกับตัวเองเป็นเด็กตัวน้อยๆ ... ห่างกับท่านสามเดือน ผมคงเหงาน่าดู

“ไนล์จะดูแลตัวเองให้ดีนะครับ แม่กับพ่อไม่ต้องห่วง ... ถ้าไม่ไหวจริงๆ ไนล์จะรีบกลับมา” ประโยคหลังผมพึมพำเบาๆ กับตัวเอง แต่แม่กำลังง่วนอยู่กับการจูบแก้มจูบขมับผมเลยไม่ได้ยิน

“เมื่อกี้น้องไนล์ว่าไงนะลูก”

“เปล่าครับ ไนล์ไม่ได้พูดอะไร” ผมผละออกจากอกแม่ก่อนจะยืดตัวแล้วยิ้มกว้างให้ท่าน พร้อมกับพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม “ไนล์ขอบคุณพ่อกับแม่นะครับที่ให้โอกาสไนล์ได้คิดและตัดสินใจ ไนล์จะใช้เวลาสามเดือนนี้ให้คุ้มค่าครับไนล์สัญญา”

ประโยคสุดท้ายผมหันไปพูดกับพี่เทมส์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม ซึ่งพี่เทมส์เองก็มองมาราวกับเข้าใจความหายโดยนัยที่ผมจะสื่อ

มันจะเป็นสามเดือนที่ผมจะใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่าที่สุด... กับคนที่ผมรัก

“ว่าแต่น้องต้องไปเมื่อไหร่ล่ะพี่เทมส์” พ่อหันไปถามพี่ชายของผมที่ยังคงมองมาที่ผมพร้อมทั้งกับระบายยิ้มอ่อนๆ ส่งมาให้

“น่าจะอาทิตย์หน้าครับ เทมส์ขอให้คนติดต่อเคลียร์ที่เคลียร์ทางให้น้องก่อน ไปอยู่ที่นั่นจะได้ไม่ลำบาก”

พี่เทมส์ตอบพ่อ แต่ปลายประโยคเขาหันมาพูดกับผม ทำให้ผมนึกรู้ความนัยที่เขาส่งมาให้โดยตรง

อืม.. ดูเหมือนว่านอกจากครอบครัวผมแล้ว ยังมีครอบครัวพี่ภูด้วยสินะที่พี่เทมส์ต้องเข้าไปจัดการ

ผมรู้นะว่าพี่เทมส์รักผม แต่วันนี้พี่ชายของผมกำลังทำให้ผมรู้ว่าเขาไม่ได้แค่รักผมมาก แต่เขายังปรารถนาให้ผมได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำโดยมีเขาสนับสนุนอยู่ข้างหลังไม่ห่างด้วย

“ไนล์ก็เตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน ถ้าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเมื่อไหร่จะได้ไปได้ทันที”

“ครับพี่เทมส์”

ผมมองสบตากับพี่ชาย ผมเห็นความเอื้ออาทร ความรัก ความเอาใจใส่อยู่ในนั้นเต็มเปี่ยม ตั้งแต่เล็กจนโตพี่เทมส์ไม่เคยขัดใจผมสักครั้ง เขาไม่เคยรักผมแต่ปาก แต่กลับแสดงออกทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมาเท่าที่พี่ชายคนนึงจะทำให้น้องชายได้

พี่เทมส์ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นน้องชายของเขา

“งั้นตกลงตามนี้นะครับ ตอนนี้พวกเรากินข้าวกันเถอะ กับข้าวจะเย็นหมดแล้ว”

พี่เทมส์เชื้อเชิญให้ทุกคนบนโต๊ะกลับมาสนใจอาหารเย็นที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง และอาหารมื้อนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นมื้อแรกจากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาที่ผมกินแล้วมีความสุขที่สุด

เพราะในที่สุดผมก็จะได้ทำในสิ่งที่หัวใจตัวเองต้องการเสียที

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-23 : Universe 7th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 23-03-2020 19:56:52
(ต่อจากด้านบน)


ผมยืนมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า อย่างที่ผมเคยบอกว่าครอบครัวพี่ภูไม่ใช่แค่มีอันจะกิน แต่เรียกว่าฐานะดีเลยก็ได้

หลังจากวันที่คุยกับที่บ้านสักสองสามวันพี่เทมส์ก็เข้ามาบอกผม ด้วยประโยคคล้ายๆ กับประโยคเดิม แต่เพิ่มเติมนิดหน่อยว่าสถานที่ที่เราจะไปคือบ้านพี่ภู ไม่ใช่บนโต๊ะกินข้าวบ้านเราแบบคราวที่แล้ว


‘พี่ไปคุยกับแม่ไอ้ภูมาแล้ว ท่านอยากเจอไนล์ ไนล์เตรียมตัวแล้วกันนะ เสาร์นี้พี่จะพาไนล์ไปบ้านไอ้ภู’


และวันเสาร์ก็มาถึงเร็วกว่าที่คิด ตอนนี้พี่ภูขับรถพาผมมายืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าบ้านพี่ภูเรียบร้อยแล้ว และนอกจากเรื่องฐานะของพี่ภูที่ดูจะเกินคาดไปสักนิด แม่ของพี่ภูก็เป็นอะไรที่ผมไม่ได้จินตนาการไว้แบบนี้เหมือนกัน

“พี่เทมส์ มาแล้วหรอลูก? มาๆ เข้ามในบ้านก่อนมา แม่เตรียมขนมกับน้ำผลไม้ไว้ให้” ผู้หญิงที่ดูเหมือนจะยังอายุไม่มากเท่าไหร่ เดินออกมาจากตรงประตูบ้าน เธอร้องทักพี่เทมส์เสียงใสอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันมาเห็นผม นั่นทำให้ผมต้องรีบพุ่มมือยกขึ้นไหว้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ นี่น้องไนล์น้องชายพี่เทมส์ใช่ไหมคะ? หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูจัง สมแล้วที่พี่เทมส์มาคุยโม้กับแม่ไว้ซะเยอะ”

“ขอบคุณครับ”

ผมยิ้มเขินตอนหันไปหาพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งเขาเองก็ยิ้มบางๆ ตอบผมเพราะคงมาอวดผมเอาไว้เยอะจริงๆ ไม่งั้นแม่พี่ภูคงไม่แซวแบบนี้หรอก

“สวัสดีครับแม่ วันนี้ไอ้ภูมันไม่อยู่ใช่ไหมครับ”

พี่เทมส์เดินเข้าไปหาผู้หญิงตรงหน้าพร้อมกับยกมือไหว้ ก่อนจะตรงเข้าไปกอดท่านไว้หลวมๆ ถ้าจะให้ผมมอง ผมก็คิดว่าพี่เทมส์คงสนิทกับแม่ของพี่ภูมากพอสมควรเลย ดูท่านจะรักพี่เทมส์เหมือนลูกชายอีกคน

“รายนั้นน่ะ ให้แม่ตอบว่าตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านกี่วันยังจะง่ายกว่าเลย” คุณแม่ของพี่เทมส์ทำหน้ายุ่งพลางระบายลมหายใจออกมาน้อยๆ “แม่ล่ะอยากได้พี่ภูคนเดิมกลับมาจริงๆ พี่เทมส์”

ผมมองไปยังผู้หญิงตรงหน้าที่เคยเจอครั้งแรกเมื่อสักสิบปีที่แล้วอย่างเห็นใจ ผมจำแม่พี่เทมส์ได้ต่อให้เราจะไม่ได้มาเจอกันเป็นทางการอย่างนี้ก็ตาม

คุณครินยา อคิระห์ไพบูลย์ เป็นคุณแม่ของพี่ภู และคุณแม่ของพี่ภูคนนี้จัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมาก และอาจจะด้วยความเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนของคุณแม่เลยทำให้ท่านดูเด็กกว่าอายุจริง ท่าทางการเดินก็ดูคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง และที่สำคัญท่านมีรอยยิ้มที่เหมือนกับพี่ภูมากๆ ต่อให้ไม่บอกก็รู้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกัน เพราะพี่ภูได้โครงหน้าและรอยยิ้มของคุณแม่มาเต็มๆ

“มันไปอยู่คอนโดหรอครับแม่?”

พี่เทมส์ถามตอนที่ประคองพาคุณแม่ของพี่ภูเดินเข้าบ้าน โดยมีผมเดินตามไปห่างๆ และคอยฟังทุกอย่างเงียบๆ

“ใช่จ้ะ เขาบอกว่าเขาชินกับการที่อยู่คนเดียวมานานหลายปี พอจะให้เขามาอยู่บ้านก็เลยรู้สึกแปลกๆ เพราะมีทั้งคนรับใช้ คนสวน เขาก็เลยขอแยกไปอยู่ที่คอนโดคนเดียว สามสี่วันถึงจะกลับมานอนบ้านที”

“แล้วงานที่บริษัทล่ะครับ มันได้เข้าไปเริ่มช่วยแม่บ้างหรือยัง?”

พี่ชายของผมประคองแม่พี่ภูเดินมาเรื่อยๆ จนถึงห้องรับแขก และก็ยังคงยิงคำถามใส่คุณแม่ของพี่ภูไม่หยุด และจากที่ดูพี่เทมส์คงคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้พอสมควรเลย เขาดูเข้านอกออกในเดินไปทางนั้นทางนี้ราวกับเป็นบ้านตัวเอง แถมคำพูดที่พี่ชายผมพูดกับแม่พี่ภูยังดูเป็นธรรมชาติสุดๆ ด้วย ไอ้ที่ว่าพี่ภูกับพี่เทมส์สนิทกันมากนี่ท่าจะไม่ใช่ราคาคุยแล้วล่ะ

“แม่บอกไปหลายทีแล้วล่ะพี่เทมส์ แต่พี่ภูก็บ่ายเบี่ยงตลอดบอกว่ายังไม่พร้อมเพราะเพิ่งกลับมา”

พี่เทมส์กลอกตาทำหน้าเอือมระอาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ที่ผมรู้ดีว่าพี่ชายของผมกำลังไม่พอใจเพื่อนตัวเอง

“แล้วมันจะพร้อมเมื่อไหร่ครับแม่ ได้ข่าวว่ามันกลับมาเป็นสองสามอาทิตย์แล้ว และก็เป็นสองสามอาทิตย์ที่มันไม่ทำอะไรเลยนอกจากเที่ยวหนักมาก เท่าที่ผมรู้มา”

“พี่เทมส์ครับ...”

คุณแม่มีสีหน้าเหนื่อยๆ ขึ้นมาอย่างเห็นได้พอพี่เทมส์พูดเรื่องนี้ ทำเอาผมอดเห็นใจท่านไม่ได้เลยต้องส่งเสียกเรียกพี่ชายตัวเองเป็นเชิงห้ามปราม

“เฮ้อ เกิดเป็นไอ้ภูนี่มันดีจริงๆ มีแต่คนรัก คนโอ๋ คนเข้าข้าง”

พี่เทมส์มองหน้าผมงอนๆ ผมเลยต้องยื่นมือเล็กๆ ของตัวเองไปบีบมือใหญ่โตของพี่ชายเบาๆ ตบท้ายด้วยส่งยิ้มหวานๆ แบบที่พี่เทมส์ชอบ ราวกับกำลังง้อและอ้อนเขาในที แค่นี้พี่เทมส์ก็แทบจะหายโกรธผมแล้ว

“ว่าแต่เรื่องที่พี่เทมส์คุยกับแม่วันนั้นเรื่องน้องไนล์..”

แล้วเราสองคนพี่น้องก็ต้องออกจาภวังค์เมื่อแม่ของพี่ภูเอ่ยขึ้นมาถึงธุระของวันนี้ที่เราจะคุยกัน จากที่หายตื่นเต้นไปแล้ว ผมก็กลับมาตื่นเต้นอีกรอบ ใจนึงก็กลัวว่าคุณแม่ของพี่เทมส์จะมองผมเป็นเด็กใจแตกที่จู่ๆ จะขอมาดูแลมาขออยู่อาศัยกับลูกชายเขาโดยที่เขาไม่ได้ร้องขอ

“ครับ อย่างที่ผมบอกแม่ไป ไนล์เขาอยากมาดูแลไอ้ภู อยากจะทำให้ไอ้ภูมันดีขึ้น และกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน เอาให้ได้สักครึ่งนึงของคนก่อนก็ยังดี”

คุณแม่รับฟังด้วยท่าทางสงบ ผมเดาไม่ออกว่าท่านคิดอะไรอยู่ ท่านมองผมนิ่งก่อนจะเรียกผมไปนั่งใกล้ๆ

“น้องไนล์มานั่งข้างแม่ได้ไหมคะ?”

“ครับ”

ผมขยับไปนั่งข้างคุณแม่ของพี่ภูตามที่ท่านเรียก ท่านหันมาจ้องหน้าผมอย่างพิจารณาทำเอาผมกังวลไปหมด แต่แล้วจู่ๆ ท่านก็ยิ้มหวานส่งมาให้ จากที่ตื่นเต้นและประหม่า ใจผมก็เกิดสงบขึ้นมาทันที

“น้องไนล์น่ารัก หน้าตาก็น่ารัก แถมยังจิตใจดี มีใจเอื้อเฟื้ออยากจะช่วยให้พี่ภูดีขึ้น แม่ขอบคุณมากๆ นะคะ” คุณแม่เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ประโยคต่อมากลับดูกังวลจนผมรู้สึกได้

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ไนล์แค่อยากจะช่วย” ผมบอกท่านตามตรง ไม่ได้จะคาดหวังอะไรแต่ผมแค่อยากช่วยพี่ภูจริงๆ

“แม่ยินดีมากๆ ที่จะรับความช่วยเหลือจากน้องไนล์ แต่แม่ก็กังวลเพราะพี่ภูไม่เหมือนพี่ภูคนก่อน แม่ไม่คิดว่าเขาจะยอมรับความช่วยเหลือหรือให้ใครไปดูแล แม่ไม่อยากให้น้องไนล์รู้สึกไม่ดีกับพี่ภู ถ้าพี่ภูพูดจาหรือทำไม่ดีใส่ แม่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น”

สิ่งที่คุณแม่ของพี่ภูบอกทำให้ผมยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะยื่นมือไปจับกับมือของคุณแม่เบาๆ เพราะอยากให้ท่านคลายความกังวล

“คุณป้าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นนะครับ ไนล์ไม่มีวันโกรธหรือรู้สึกไม่ดีกับพี่ภูหรอกครับ ไนล์เข้าใจดีว่าที่พี่ภูเป็นอย่างนี้เพราะเขากำลังเสียศูนย์ แต่พี่ภูตัวจริงที่อยู่ลึกลงไปเป็นคนใจดี อ่อนโยน แล้วก็อารมณ์ดีเสมอ ไนล์อยากให้พี่ภูคนนั้นกลับมา มันอาจจะยากสักหน่อยแต่ไนล์ก็อยากจะลองพยายามดู”

“น้องไนล์...”

คุณแม่ของพี่ภูมองผมอึ้งๆ ก่อนที่น้ำตาของท่านจะไหลออกมาช้าๆ จนผมตกใจ

“คุณป้าครับ อะ เอ่อ .. พี่เทมส์” ผมหันไปเรียกพี่ชายตัวเองเสียงหลง พี่เทมส์ก็ดูตกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ ท่านก็ร้องไห้ ก็เลยลุกขึ้นมานั่งขนาบข้างคุณแม่ของพี่ภูอีกฝั่ง

“แม่ครับ แม่ร้องไห้ทำไมครับ” พี่เทมส์ถามคุณแม่ของพี่ภูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ท่านจึงดึงกระดาษทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตา ก่อนจะตอบผมกับพี่เทมส์เสียงเครือ

“แม่แค่ดีใจค่ะพี่เทมส์ แม่ดีใจที่อย่างน้อยก็มีคนเข้าใจพี่ภู น้องไนล์ของพี่เทมส์น่ารักมากๆ จิตใจดีมากๆ คุณพ่อกับคุณแม่ของเราสองคนโชคดีมากๆ เลยที่มีลูกน่ารักแบบนี้ แม่เองก็อยากได้ลูกชายที่น่ารักของแม่กลับมาเหมือนกัน”

ท้ายประโยคเสียงของคุณแม่พี่ภูสั่นเครืออีกครั้ง จากที่ผมรู้สึกได้ท่านเองก็คงเครียดไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ท่านส่งลูกชายไปเรียนต่อต่างประเทศเพราะคาดหวังว่าจะให้กลับมาช่วยแบ่งเบา แต่กลับกลายเป็นทำร้ายเขาทางอ้อมแทน

“ถ้างั้นคุณป้าลองให้โอกาสไนล์ได้ไหมครับ ให้ไนล์ได้ลอง ไนล์สัญญาว่าไนล์จะพยายามพาพี่ภูคนเดิมกลับมาให้ได้ พาพี่ภูลูกชายที่น่ารักของคุณป้ามาส่งให้กับมือ”

ผมยิ้มกว้างประกอบคำพูดของตัวเอง คุณแม่พี่ภูเลยได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตาพร้อมกับยื่นมือเรียวมาลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา

“ขอบคุณน้องไนล์มากนะคะ แม่นึกไม่ออกเลยว่าทำไมน้องไนล์ถึงใจดีกับพี่ภู ใจดีกับคุณแม่และครอบครัวของเรามากขนาดนี้”

คุณแม่ถาม ให้ผมต้องยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงชัดเจนและเต็มไปด้วยความสุข

“เพราะพี่ภูเคยใจดีกับไนล์ครับ เพราะพี่ภูเคยช่วยไนล์ ไนล์เลยอยากจะช่วยพี่ภูตอบแทนบ้าง”

คุณแม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยดูสงสัยในคำตอบของผม “พี่ภูเคยช่วยน้องไนล์?”

“ครับแม่” และก็เป็นพี่เทมส์ที่เป็นคนตอบแทน “เมื่อสักสิบปีที่แล้ว ไนล์ถูกเพื่อนนักเรียนที่โรงเรียนของผมลวนลาม แล้วบังเอิญว่าไอ้ภูมันผ่านไปเจอ มันเลยช่วยไนล์ไว้ เจ้าตัวน้อยของผมก็ช่างความจำดี ปักอกปักใจอยากตอบแทน อยากช่วยเหลือพี่ภูคืนตั้งแต่นั้นมา”

พี่เทมส์อธิบายให้คุณแม่ฟังยิ้มๆ ก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะผมอย่างเอ็นดู ผมเห็นคุณแม่เงียบไปพักหนึ่งก่อนที่ท่านจะร้องอ๋อออกมาราวกับนึกขึ้นได้

“คุณแม่จำได้แล้ว พี่ภูเคยเล่าให้ฟังว่าเคยช่วยเด็กขี้แยเอาไว้ แถมก่อนไปต่างประเทศยังงอแงกับแม่น่าดู เพราะแม่พาเขาไปทำเอกสารนั่นนี่จนทำให้เขาพลาดที่จะเจอเจ้าเด็กขี้แยของเขาก่อนเดินทาง ... เด็กขี้แยคนนั้นคือน้องไนล์หรอคะ?”

คุณแม่ถามออกมาอย่างแปลกใจ ให้ผมต้องพยักหน้ารับอายๆ

คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าพี่ภูจะเล่าเรื่องผมให้คุณแม่ฟัง แถมยังเรียกผมว่าเด็กขี้แยอีกต่างหาก

“ใช่ครับ ผมคือเด็กคนนั้นเอง”

และพอผมรับคำคุณแม่ก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดี

“โถ่ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล” คุณแม่ลูบศีรษะและมองผมด้วยแววตาเอ็นดูมากขึ้นซึ่งผมมั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเอง “แบบนี้แม่ค่อยโล่งใจและมีหวังขึ้นมาหน่อย”

ผมที่สงสัยคำพูดของคุณแม่ขึ้นมาเลยตั้งใจว่าจะเอ่ยถาม แต่ดูเหมือนคุณแม่ของพี่ภูจะมีเรื่องสงสัยขึ้นมาเสียก่อน

“ว่าแต่พี่ภูฟูมฟายมากเลยนะคะก่อนไปน่ะว่าอดเจอน้องไนล์ ในเมื่อน้องไนล์เป็นน้องชายพี่เทมส์เป็นคนใกล้ตัวพี่ภู ทำไมถึงดูเหมือนพี่ภูไม่รู้เรื่องนี้เลยล่ะลูก”

“ไอ้ภูมันไม่รู้ครับว่าไนล์เป็นน้องชายของผม” เป็นพี่เทมส์ที่ตอบ “และจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากให้มันรู้ครับ”

“อ่าว ทำไมล่ะคะ? แม่งงไปหมดแล้ว”

“เฮ้อ เรื่องนี้ให้ไนล์ตอบเองแล้วกันครับ ความต้องการของเขาทั้งนั้น ผมก็ไม่อยากขัด ให้เขาอธิบายให้แม่ฟังเองแล้วกัน”

พี่เทมส์โยนมาให้ผมตอบคำถามกับคุณแม่เสียเฉยๆ ผมเลยไม่อยากอ้ำอึ้ง ตัดสินใจว่าจะสารภาพทุกเรื่อง ผมไม่อยากโกหกผู้ใหญ่และอยากบริสุทธิ์ใจกับเรื่องที่ทำ เพราะลำพังแค่โกหกพี่ภูคนเดียวก็รู้สึกผิดจะแย่

และพอคุณแม่หันมาทางผม ผมก็สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนที่จะตัดสินใจตอบ

“คืออย่างนี้ครับคุณป้า..”

“ไม่เอาแล้วค่ะ คุณป้งคุณป้าอะไร แม่ไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย น้องไนล์ต้องเรียกแม่ว่าแม่ ไหนลองเรียกสิคะ” คุณแม่พูดขัดขึ้นมาทำเอาผมอ้าปากค้างแต่ก็ยอมเรียกท่านตามที่ท่านบอก

“คะ.. ครับคุณแม่”

คุณแม่ของพี่ภูยิ้มก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงให้ผมเล่าต่อ “คืองี้ครับคุณแม่ ไนล์แอบชอบพี่ภูครับ แอบชอบมาตั้งแต่ก่อนที่พี่ภูจะไปต่างประเทศ”

“หา? ก่อนที่พี่ภูจะไปต่างประเทศนั่นมันสิบปีก่อนได้เลยนะลูก”

ผมยิ้มแห้งแล้วพลางพยักหน้าตอบคุณแม่ของพี่ภูเบาๆ “ครับ ตั้งแต่สิบปีที่แล้ว คือ.. พอดีพี่ภูเคยช่วยชีวิตผมไว้ ผมก็ .. ก็เลยแอบชอบพี่ภูตั้งแต่ตอนนั้นครับ”

“โถ ลูก...” พอคุณแม่ฟังจบท่านก็ยิ้มออกมาบางๆ พลางยกมือลูบศีรษะผมอย่างอ่อนโยน ผมเลยถือโอกาสพูดต่อ

“พี่ภูใจดีแล้วก็อ่อนโยนมากๆ เขากระโดดเข้ามาขวางแล้วก็ไล่พวกที่พยายามลวนลามผมออกไปจนหมด ละหลังจากนั้นเราก็ได้เจอกันอีกเรื่อยๆ เพราะผมต้องไปนั่งรอพี่เทมส์ติวหนังสือกับเพื่อน ตอนนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่เทมส์กับพี่ภูเป็นเพื่อนสนิทกัน เราได้คุยกันทุกวัน ได้เจอกันทุกวัน จนถึงวันที่พี่ภูต้องสอบ พี่ภูก็นัดกับผมไว้ว่าหลังสอบเสร็จจะมาเจอผม แต่พี่ภูก็ไม่ได้มา”

คุณแม่ของพี่ภูยกมือผมขึ้นมากุมไว้หลวมๆ พร้อมกับกล่าวคำขอโทษขอโพย

“เป็นเพราะแม่เองค่ะ แม่อยากให้พี่ภูไปเรียนต่อ พี่ภูก็เลยวุ่นๆ ไปเจอน้องไนล์ไม่ได้”

“อย่าคิดมากสิครับ ไม่ใช่เพราะคุณแม่หรอก การไปเรียนต่อเป็นอนาคตของพี่ภู การที่เราสองคนไม่ได้เจอกันหลังจากนั้นก็คงเป็นเพราะจังหวะมันไม่ได้มากกว่า แต่ผมก็ดีใจนะครับที่เหตุการณ์มันออกมาเป็นแบบนี้ เพราะถ้าผมกับพี่ภูเจอกันตอนนั้นความสัมพันธ์ของเราอาจจะเป็นได้แค่พี่น้องก็ได้ .. ซึ่งผมเองก็ไม่ได้อยากจะเป็นพี่น้องกับพี่ภูสักเท่าไหร่”

ประโยคหลังผมอ้อมแอ้มตอบ ที่จริงก็อายรู้สึกเหมือนตัวเองแก่แดดแก่ลมตั้งกะอายุสิบห้า แต่ทำยังไงได้ ผมไม่อยากโกหกคุณแม่ อยากบริสุทธิ์ใจกับท่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“หืม ทำไมล่ะคะ?” คุณแม่ของพี่ภูถามยิ้มๆ ดูเหมือนว่าท่านคงพอจะเดาคำตอบออก แต่คงอยากได้ยินคำยืนยันจากผมมากกว่า

แต่พี่เทมส์กลับชิงตอบเสียเอง แถมยังมองผมด้วยสายตางอนๆ อีกต่างหาก ... ทำไงได้ล่ะครับ นิสัยหวงน้องชายมันไม่ได้แก้กันง่ายๆ สักหน่อยนี่นา

“จะเพราะอะไรล่ะครับแม่ ถ้าไม่ใช่เจ้าตัวน้อยของผมเนี่ยหลงรักลูกชายแม่เต็มเปา ขนาดวันที่รู้ความจริงว่าไอ้ภูกับผมเป็นเพื่อนสนิทกัน ก็ยังไม่ยอมแสดงตัวว่าเป็นน้องชายผม แต่กลับมาสารภาพกับผมหลังจากไอ้ภูกลับไปว่าชอบไอ้ภู ไม่อยากให้ผมพาไปทำความรู้จักในฐานะน้องชายของเพื่อน เพราะไม่อยากติดอยู่ในสถานะแบบนั้นไปตลอด ... ดูเอาเถอะครับแม่”

ปลายประโยคพี่เทมส์บ่น ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะได้จากคุณแม่ของพี่ภูได้เป็นอย่างดี

“ฮ่ะๆๆ น่ารักจริงๆ เด็กคนนี้” ผมยิ้มเขินเมื่อได้มองสบกับสายตาเอ็นดูของคนเป็นแม่ของผู้ชายที่ผมแอบชอบ ในขณะที่มือบางของคุณแม่ลูบไปลูบมาศีรษะผมไม่หยุดจนผมนึกเคลิ้ม

“บทจะขี้อายก็ขี้อายจนไม่กล้าสบตาใครเลย แต่บทจะดื้อขึ้นมานี่ผมล่ะอยากจะตีให้ก้นลาย.. ติดว่าทั้งรักทั้งหวงนี่แหละครับเลยทำไม่ลง”

และก็เป็นอีกครั้งที่คุณแม่ของพี่ภูหัวเราะชอบใจ ท่านมองผมสองคนพี่น้องด้วยสายตาเอ็นดู

“แต่แม่ดีใจนะคะที่น้องไนล์รักพี่ภู ความรักของน้องไนล์มั่นคงและยาวนานมากจนแม่นึกอิจฉาพี่ภูที่ได้รับความรักแบบนี้ แล้วยิ่งแม่ได้รู้ว่าน้องไนล์คือน้องขี้แยของพี่ภูเมื่อสิบปีก่อนแม่ยิ่งเบาใจ”

“ทำไมล่ะครับ” ผมถามคุณแม่ด้วยความสงสัย ท่านไม่ตอบอะไรแต่กลับยิ้มบางๆ ส่งมาให้ผมแทน แล้วจู่ๆ คุณแม่ของพี่ภูก็เปลี่ยนเรื่องคุย

“เอาเป็นว่าแม่ค่อนข้างมั่นใจว่าน้องไนล์จะช่วยให้พี่ภูดีขึ้นได้ แต่ลึกๆ แม่ก็แอบกังวล เพราะตอนนี้พี่ภูไม่ใช่พี่ภูคนเดิมเมื่อสิบปีที่แล้ว แม่ไม่อยากให้น้องไนล์ต้องพาตัวเองไปลำบาก ถ้าต้องอยู่กับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของพี่ภูแบบนั้น "

คุณแม่มีสีหน้ากังวล พี่เทมส์เองก็เหมือนกัน แต่ผมกลับยิ้มกว้างไม่มีร่องรอยของความกังวลหรือไม่สบายใจปรากฎบนใบหน้าหรือดวงตาสักนิด

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณแม่ ผมทำได้ ผมจะลองพยายามดู แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผมสัญญาว่าผมจะไม่ฝืน แบบนี้ดีไหมครับ”

ทั้งสองคนหันไปมองหน้ากันราวกับกำลังปรึกษากันผ่านทางสายตา ซึ่งผมก็ลุ้นตัวโก่งว่าคุณแม่จะอนุญาตหรือไม่แค่นั้น

“อนุญาตเถอะนะครับคุณแม่ อย่างน้อยให้ผมได้ตอบแทนพี่ภู ได้ทำอะไรเพื่อพี่ภูบ้างสักนิดก็ยังดี”

คุณแม่ละสายตาจากพี่เทมส์หันกลับมามองหน้าผมก่อนจะระบายยิ้มอ่อนโยน

“เห้อ แม่เชื่อแล้วว่าน้องไนล์ดื้อจริงๆ ดื้อตาใสด้วยนะนั่น ท่าทางจะอ้อนแม่จนกว่าแม่จะยอมแน่.. แล้วแม่ก็แพ้เด็กขี้อ้อนเสียด้วย เพราะพี่ภูไม่ค่อยชอบอ้อนแม่เท่าไหร่”

พอได้ยินแบบนั้นผมก็คว้ามือคุณแม่ขึ้นมากุมทันที พร้อมกับทำตาใสๆ อ้อนๆ ใส่ ทำเอาพี่เทมส์ที่นั่งมองอยู่ถึงกับแอบขำ

“นะครับคุณแม่ ให้ไนล์ได้ลองดูแลพี่ภูนะครับ..นะ”

คุณแม่ถึงกับดึงผมเข้าไปกอดพร้อมกับลูบไหล่ลูบหลังอย่างอ่อนโยน “ก็ได้ค่ะก็ได้ คุณแม่ยอมแล้ว คุณแม่จะเป็นคนพาน้องไนล์เข้าไปหาพี่ภูเอง ... ให้น้องไนล์เป็นลูกเพื่อนคุณแม่ดีไหม เพราะยังไงน้องไนล์ก็เข้าหาพี่ภูในฐานะน้องชายพี่เทมส์ไม่ได้อยู่แล้ว”

คุณแม่เอ่ยแซวให้ผมได้ย่นจมูกน้อยๆ ก่อนจะยิ้มกว้างอ้อนท่านพลางบอกสิ่งที่คิดมาแล้วจากบ้าน

“ให้ผมเป็นหลานชายของแม่บ้านของที่นี่ครับ หลานชายที่มาจากบ้านนอก มาหางานทำเพื่อช่วยครอบครัว... ผมอยากเข้าไปดูแลพี่ภูในฐานะนั้น”

ใช่... ในฐานะคนรับใช้แบบนี้น่ะเหมาะที่สุดแล้ว

.

.

.

To Be Continue

------------------------------------

ฝากแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ

แล้วก็ขอบคุณทุกคนมากๆ สำหรับทุกคอมเม้นท์ รออ่านอยู่เหมือนเดิมนะคะ จะได้เอาไปปรับปรุงแก้ไขและพัฒนา

เจอกันตอนหน้าค่ะ เตรียมเวลคั่มแบ็คพี่ภูได้เรยยย ^^
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-23 : Universe 7th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 23-03-2020 22:57:57
รีบมานะพี่ภู
อยากอ่านจะเเย่แล้ววว

รอตอนต่อไปน้าาาา
ให้กำลังใจคนแต่งน้าาา

ฝากถึงคนอ่านด้วยน้าาาเข้ามาอ่านแล้วช่วยเม้น
ให้กำลังใจคนแต่งด้วย้นาๆๆๆ​ :mew1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-30 : Universe 8th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 30-03-2020 21:17:17
Universe 8th - Please trust me


‘พี่ภู เสาร์นี้กลับบ้านด้วยนะคะ ลูกกลับมาเป็นอาทิตย์แล้วแต่ไม่ยอมเข้าบริษัท แม่จะแนะนำเราให้กับบอร์ดบริหารได้รู้จักก็เลยไม่มีโอกาสสักที'

(ไว้ก่อนก็ได้ครับแม่ รอให้ผมพร้อมอีกหน่อย นี่ผมเพิ่งกลับมาเองนะครับ ยังอยากพักผ่อนสมองอยู่เลย)

‘พักพอแล้วค่ะพี่ภู เสาร์นี้ลูกต้องกลับบ้าน แม่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ อาจจะไม่ใช่งานทางการ แต่แม่แค่อยากให้ทุกคนรับรู้ว่าพี่ภูกลับมาแล้ว’

(แต่แม่ครับ...)

‘ไม่มีแต่ค่ะ วันเสาร์เจอกันนะคะ พี่ภูจะมากี่โมงก็ได้ แต่งานจะเริ่มตอนห้าโมงเย็น แล้วถ้าพี่ภูเบี้ยวแม่ แม่จะเสียใจมากๆ และแม่ก็จะไม่พูดกับพี่ภูอีกเลย’


และนี่คือบทสนทนาที่ผมได้ยินคุณแม่คุยกับพี่ภูเมื่อวันที่เราตกลงร่วมกันถึงแผนการเยียวยาพี่ภู ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผมได้มายืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ของพี่ภูอีกครั้ง และวันนี้คือวันเสาร์ที่จะมีงานเลี้ยงต้อนรับพี่ภู

คุณแม่ของพี่ภูวางแผนทั้งหมดไว้อย่างรัดกุม ท่านตั้งใจว่าจะหลอกล่อให้ลูกชายกลับมาบ้าน แต่ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนเลยอ้างว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพี่ภูขึ้นมาบังหน้า แล้วจะพาผมเข้ามารู้จักพี่ภูในฐานะคนดูแลชีวิตส่วนตัวของพี่ภู ชื่อตำแหน่งอาจจะดูหรูๆ ทั้งที่ผมบอกว่าผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรที่จะให้ตัวผมไปเป็นเด็กรับใช้พี่ภู ผมอยากเข้าไปดูแลเขา มันก็ควรจะอยู่ในสถานะแบบนั้นซึ่งก็ถูกแล้ว แต่คุณแม่ของพี่ภูกับพี่เทมส์ไม่ยอม

โดยเฉพาะคุณแม่ของพี่ภูที่ยังไงก็ไม่ยอมเด็ดขาด ท่านบอกว่าผมต้องเข้าไปอยู่กับพี่ภูในฐานะนี้เท่านั้น ผมไม่ใช่เด็กรับใช้ ผมจะเป็นแค่คนดูแลใกล้ชิด เพราะที่จริงที่คอนโดพี่ภูเองก็มีคนดูแลทำความสะอาด ทำอาหาร ซักผ้าอะไรให้ปกติอยู่แล้ว ดังนั้น เรื่องพวกนี้ผมจึงไม่ต้องลงไปทำ ที่ต้องทำคือดูแลไม่ให้พี่ภูเถลไถล พยายามให้พี่ภูไปทำงานได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และข้อห้ามสำคัญที่ผมต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดซึ่งเป็นข้อห้ามที่พี่เทมส์กับคุณแม่ย้ำนักย้ำหนาก็คือ


ห้ามยอมให้พี่ภู ‘รังแก’ เด็ดขาด .. ซึ่งคำว่า ‘รังแก’ นี้ผมรู้ความหมายดีว่ามันหมายความว่ายังไง


ผมรับปากคุณแม่กับพี่เทมส์ไป เพราะผมเองก็พอจะรู้ข้อจำกัดของตัวเองดี และคิดว่าพี่ภูคงไม่ได้พิศวาสอะไรผมขนาดนั้น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ตั้งใจพก ‘ยา’ ติดตัวไว้ตลอดเวลา เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นเมื่อสิบปีที่แล้ว พี่เทมส์ก็ไปคุยเรื่องนี้กับคุณอาหมอโดยไม่ยอมบอกให้พ่อกับแม่รู้ ซึ่งคุณอาก็ช่วยปิดเต็มที่เพราะรู้ดีว่าผมไม่อยากไปอยู่อังกฤษ

หนำซ้ำท่านยังช่วยเหลือผมด้วยการสั่งยาคุมฮอร์โมนแบบฉุกเฉินมาให้ผมเอาไว้ใช้ในยามจำเป็นด้วย ซึ่งมันเป็นยาที่ผลิตที่ต่างประเทศ และคุณอาหมอก็เพิ่งจะสั่งเอาเข้ามาให้ผมใช้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านนี่เอง ผมพกติดตัวไว้ตลอด แต่ผมไม่เคยได้ใช้หรอก แล้วพอยาหมดอายุอาหมอก็สั่งมาให้ใหม่ อารมณ์เหมือนแบบมียาไว้ยังไงก็อุ่นใจมากกว่า เผื่อพลาดท่าขึ้นมาจริงๆ อย่างน้อยมันก็พอจะช่วยเรื่องการตั้งครรภ์ได้ในระดับหนึ่ง แต่ที่ผมต้องพึงระวังเลยคือยานี้กินได้ไม่บ่อย อย่างห่างๆ เลยก็ควรทิ้งช่วงแบบเดือนละครั้ง เพราะฉะนั้นมันเลยมีไว้ใช้ยามฉุกเฉินจริงๆ

ส่วนทางพ่อกับแม่ของผม รวมทั้งลมเพื่อนสนิท ผมก็ร่ำลากับพวกเขาเรียบร้อยไปแล้วเมื่อวาน ทั้งสามรับรู้ว่าผมไปออสเตรเลียเพื่อติดต่องานเป็นเวลาสามเดือน แต่ความจริงแล้วผมก็อยู่ประเทศไทยภายใต้ความช่วยเหลือของพี่เทมส์ โดยมีกฎข้อสำคัญที่ผมต้องทำตามอย่างเคร่งครัดนั่นก็คือ เขาต้องสามารถติดต่อผมได้ตลอด แม้ผมจะพยายามแย้งว่าหลานแม่บ้านที่ไหนมีสมาร์ทโฟนแพงๆ ไว้ใช้ ยิ่งหลานที่มาหางานทำเพื่อช่วยครอบครัวอีก พี่เทมส์เลยไปซื้อสมาร์ทโฟนตกรุ่นมาให้ผมใช้ ยังไงเขาก็จะไม่ยอมขาดการติดต่อกับผมเด็ดขาด เป็นการพบกันครึ่งทางระหว่างผมกับพี่ชายที่ผมต้องยินยอม

“ไนล์ พี่ขอถามอีกที ไนล์แน่ใจจริงๆ ใช่ไหมครับที่จะทำแบบนี้”

พี่เทมส์เดินเข้ามาหาผมในห้องครัว เป็นสถานที่เก็บตัวของผมก่อนจะออกไปเผชิญหน้ากับพี่ภู ตอนที่คุณแม่ของพี่ภูเรียกพี่ภูมาคุย ส่วนพี่เทมส์วันนี้เขามาในฐานะแขกและเป็นแขกที่เป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของบ้านด้วย ดังนั้นการที่เขาจะเดินไปเดินมาเข้านอกออกในบ้านพี่ภูนั้น จึงไม่ได้เป็นที่ผิดสังเกตเท่าไหร่ ยิ่งตอนนี้เจ้าของงานยังมาไม่ถึงงานตัวเองเลยด้วยซ้ำ คนที่มาร่วมงานก็เลยไม่ได้จับจ้องอะไร ส่วนใหญ่ก็รอคอยให้พี่ภูปรากฎตัวกันทั้งนั้นแหละ เพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่จะเริ่มงานแล้วแต่พี่ภูก็ยังมาไม่ถึงสักที

“ไนล์แน่ใจครับ” ผมเดินเข้าไปโอบรอบเอวพี่ชายหลวมๆ “พี่เทมส์เชื่อใจไนล์นะ ไนล์ขอเวลาแค่สามเดือนให้ไนล์ได้ทำตามหัวใจตัวเองสักครั้งนะครับ”

พี่ชายผมพรูลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นโอบรอบตัวผมเพื่อเป็นการกอดกลับ เขาจูบขมับผมเบาๆ เป็นเชิงรับรู้และให้กำลังใจ

“งั้นพี่ขออวยพรให้ไนล์ทำมันให้สำเร็จตามความตั้งใจแล้วกันนะ แต่ถ้ามันไม่เวิร์คจริงๆ ไนล์ต้องบอกและไม่ปิดบังพี่ พี่ขอแค่นี้ โอเคไหมครับ”

ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายโดยที่ริมฝีปากประดับรอยยิ้มกว้าง “ได้ครับ ไนล์สัญญา”

พี่เทมส์ยิ้มตอบก่อนที่จะรั้งตัวผมเอข้ามากอดแน่นๆ อีกครั้ง เราสองคนพี่น้องกอดกันอยู่อย่างนั้นพลางถ่ายทอดพลังและความอบอุ่นให้แก่กันและกันอย่างเคยชิน ก่อนที่ผมจะสะดุ้งโหย่งเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยตะโกนลั่นมาตามทางที่จะเดินตรงมาที่ห้องครัว

“เทมส์! .. ไอ้เทมส์! เชี่ยเทมส์! อยู่ไหนวะ? ไหนแม่บอกมึงอยู่ในบ้าน”

เสียงทุ้มที่เรียกพี่ชายผมตรงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พี่เทมส์ทำหน้าเหม็นเบื่อนิดหน่อยก่อนจะจูบลงมาหนักๆ บนหน้าผากผมแล้วผละออก

“พี่ไปก่อนนะ หมาบ้ามาแล้ว” ผมยิ้มกับคำเปรียบเปรยของพี่ชาย “สู้ๆ นะครับคนเก่งของพี่”

“ครับ”

พี่เทมส์ยืนมือมาลูบศีรษะผมนิดหน่อยก่อนจะผละออกไปไม่ให้พี่ภูเดินเข้ามาถึงในนี้ แต่ดูเหมือนเรื่องมันจะไม่ง่ายแบบนั้นเพราะเสียงพี่ภูที่แว่วเข้ามาทำให้ผมเกิดร้อนรน เพราะได้ยินว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาในห้องครัวให้ได้

“มึงโวยวายอะไรดังลั่นวะไอ้ภู ไม่อายคนในบ้านก็อายแขกมึงบ้างก็ยังดีนะ”

“แขกกูไรล่ะ ทั้งงานนี่รู้จักมึงอยู่คนเดียวมั้ง ที่เหลือก็แขกแม่ทั้งนั้นอะ ไม่รู้จะจัดงานทำไมให้สิ้นเปลือง”

“อ่าวแล้วนี่มึงจะไปไหน? .. ไอ้ภู! เห้ย ภู!.. เชี่ยภู! มึงจะไปไหนเนี่ย?”

ผมตาเหลือกโตเมื่อรู้สึกได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินเข้ามาใกล้ห้องครัว ตามด้วยเสียงทุ้มคุ้นเคยที่ดังใกล้เข้ามาทุกขณะ

“ไปครัว หาไรกิน ข้างนอกแม่งโคตรอึดอัด จะอ้าปากกินอะไรก็ไม่ถนัด คนจ้องจะมาทำความรู้จักอยู่นั่นแหละ กูรำคาญ”

ผมเบิกตากว้าง หันซ้ายหันขวาเพื่อหาทางหลบ แต่ดูเหมือนครัวบ้านพี่ภูจะโล่งกว้างกว่าที่คิด ไม่มีพื้นที่ปิดตรงไหนเลย ผมซอยเท้าไปมาอยู่กับที่ จนกระทั่ง...

“นายเป็นใคร? มาทำอะไรในห้องครัวบ้านฉัน?”

ผมที่กำลังยืนหันหลังให้ประตูครัวถึงกับเลิ่กลั่ก เมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่ผมรู้ดีว่าใครเป็นเจ้าของ ผมเงียบเนื่องจากไม่รู้จะตอบว่าอะไร และที่คิดกับคุณแม่ไว้นี่ไม่ใช่วิถีการเจอกันระหว่างผมกับพี่ภูที่อยากให้เป็น และในระหว่างที่สมองผมกำลังค้นหาคำตอบที่จะมาตอบพี่ภูนั้น พี่เทมส์ก็เข้ามาช่วยไว้ได้ทัน

“หลานชายป้าวรรณา เพิ่งมาทำงานได้สองสามวัน มึงเลยไม่เคยได้เจอ”

“อ่อ.. มิน่า ว่าไม่คุ้น เพราะปกติแม่ไม่ค่อยจ้างเด็กผู้ชายมาทำงาน กูก็งงว่าใครมายืนในบ้าน นึกว่าขโมย” พี่ภูหันไปคุยกับพี่เทมส์ ก่อนจะหันมาทางผมที่ยังคงยืนหันหลังไม่กล้าหันไป “ว่าแต่มีไรให้กินบ้าง ยกมาให้หน่อย เอาเบียร์ในตู้เย็นมาให้ด้วย”

พี่ภูสั่งก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะกลางห้องครัว โดยมีเทมส์คอยช่วยพูดชวนให้พี่ภูออกไป แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นัก ผมเลยต้องก้มหน้าก้มตาเดินไปตักอาหารที่อยู่ในถาดเตรียมยกไปข้างนอกใส่จานให้พี่ภู พร้อมกับเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหยิบเบียร์ เพราะไม่อยากให้พี่ภูสงสัย

“มึงจะมากินอะไรในนี้วะไอ้ภู ออกไปแดกข้างนอกไป แม่เขาจัดงานให้มึงนะวันนี้ มึงจะมานั่งหลบนั่งแอบในครัวให้แขกถามถึงทำไมวะ?”

“มึงแม่งโคตรขี้บ่นไม่เปลี่ยน เดี๋ยวก็ค่อยออกไปก็ได้ อีกตั้งพักหนึ่งกว่าจะเริ่มงาน มานั่งแดกเบียร์กับกูนี่มา” พี่ภูลุกไปดึงแขนพี่เทมส์แล้วลากมานั่งที่โต๊ะ โดยที่ผมพยายามแอบสบตากับพี่เทมส์อยู่ตลอด “ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้นั่งคุยกันจริงๆ จังๆ เลยนะมึงกับกูเนี่ย”

“ก็ไม่ใช่เพราะมึงเอาแต่เมาหรอ?” ผมแอบยิ้ม ตอนที่ได้ยินพี่ชายตัวเองพูดกับพี่ภูแบบนั้น “เที่ยวก็เก่ง นี่แม่มาบอกกูว่าตั้งแต่กลับมามึงยังไม่เข้าบริษัทเลย.. มึงจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปถึงไหนวะภู?”

พี่ภูทำฮึดฮัด แต่ดูก็รู้ว่าเขาไม่กล้าเถียงพี่ชายผม ความซวยเลยตกมาอยู่กับผมแทน

“เฮ้ย! เบียร์อ่ะกินวันนี้นะ ทำไมช้าจังห๊ะ?”

ผมลนลาน ก้มหน้าก้มตาถือของกินและเบียร์สองกระป๋องที่อยู่บนถาด เอามาวางตรงหน้าของพี่ภูกับพี่เทมส์ ผมได้ยินเสียงฮึ่มฮั่มจากในลำคอพี่เทมส์เล็กน้อย เขาคงไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ที่ผมถูกพี่ภูใช้ให้ยกของไปให้ ก็อย่างที่ว่าเวลาอยู่บ้านทุกคนสปอยล์ผมอย่างกับอะไรดี เพราะฉะนั้นพอมาเห็นอะไรแบบนี้ด้วยตาตัวเองเลยไม่แปลกที่พี่เทมส์จะออกอาการเป็นจงอางหวงไข่ใส่พี่ภู

หลังจากที่ยกอาหารและเบียร์เย็นๆ จากตู้เย็นออกจากถาด แล้ววางไว้บนโต๊ะให้คนทั้งสอง ผมก็เตรียมจะถอยออกมาตั้งใจว่าจะหลบออกไปจากห้องครัวสักพัก รอให้ได้เวลาก่อนค่อยมาเผชิญหน้ากับพี่ภู แต่ดูเหมือนโชคผมจะไม่ดีขนาดนั้น เพราะอยู่ดีๆ พี่ภูก็คว้าคว้าข้อมือของผมไว้แน่น แล้วใช้มืออีกข้างเชยคางผมขึ้น ทำให้สายตาของเราทั้งคู่มองสบกันเต็มๆ และก็เป็นผมที่ต้องเบิกตาโพลงอย่างตกใจ ในขณะที่ช่วงเวลาสั้นๆ ผมเห็นประกายนัยน์ตาของพี่ภูแวววับอย่างยินดี แต่แค่ครู่เดียวมันก็อันตรธานหายไป ... ผมอาจจะตาฝาดหรือไม่ก็คงคิดไปเอง

“นี่.. นี่มัน ฉันคุ้นหน้านาย เราเคยเจอกันมาก่อนแน่ๆ ใช่ไหม?”

ผมทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที จะสะบัดมืออกก็ไม่กล้า จะตอบก็ไม่ใช่ที่ สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือก้มหน้าหลบตาพี่ภู ไม่ให้เขาเห็นความร้อนรนที่เกิดขึ้นผ่านใบหน้าและแววตาของตัวเอง

“คะ คือ .. คือ ผม...”

ผมอึกอักในขณะที่พี่ภูก็พยายามจะเชยคางผมขึ้นอีกรอบแต่ผมขืนตัวเองเอาไว้ และได้แต่ภาวนาในใจให้พี่เทมส์ช่วยทำอะไรกับเหตุการณ์ตอนนี้สักอย่าง ผมไม่รู้ว่าพี่ภูจำผมได้จากเหตุการณ์ในผับเมื่ออาทิตย์ก่อนหรือเปล่า แต่ตอนนั้นมันมืดนะ เขาไม่น่าจะ...

“เฮ้ย!!”

“ไอ้ภู!!!”

ในขณะที่ผมกำลังคิดวุ่นวายและหาคำตอบกับตัวเองอยู่นั้น ร่างเล็กๆ ทั้งร่างของผมก็ลอยหวือ รู้ตัวอีกทีใบหน้าของตัวเองก็ปะทะเข้ากับหน้าอกแข็งๆ ของพี่ภู ทั้งผมทั้งพี่เทมส์ร้องกันเสียงหลง ในขณะที่ตัวต้นเหตุกลับทำไม่รู้ร้อนรู้หนาว รั้งตัวผมเข้าไปกอดเสียแนบแน่นจนไม่มีที่ว่างให้อากาศรอดผ่าน ก่อนที่ใบหน้าหลอเหลาคมคายจะค่อยๆ ก้มลงมาหาใบหน้าของผม จมูกโด่งเป็นสันของคนตรงหน้าปัดไปปัดมาอยู่แถวแก้ม จนผมได้แต่ยืนตัวแข็งอย่างกับคนที่ทำอะไรไม่ถูกเต็มที่

“ใช่... ใช่จริงๆ ด้วย ฉันจำกลิ่นหอมๆ หวานๆ แบบนี้ได้”

พี่ภูยิ้มร้ายหลังจากปัดจมูกไปมาสูดดมในสิ่งที่ตัวเองสงสัยเสร็จ เขามองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ มือที่วางแปะอยู่บนเอวเริ่มเลื้อยลงไปที่สะโพก ในขณะที่ผมได้แต่ยืนตะลึงงัน จนกระทั่งพี่เทมส์เข้ามาขวางปัดมือเพื่อนสนิทตัวเองออก แล้วดึงผมไปแอบอยู่ข้างหลัง

“ไอ้ภู ทำอะไร? มึงเพิ่งเจอน้องเขานะ ทำรุ่มร่ามแบบนี้มันไม่เป็นสุภาพบุรุษ”

พี่ภูดูเหมือนจะไม่ได้สนใจที่พี่เทมส์พูดเท่าไหร่ เขาพยายามมองผม อีกทั้งยังพยักเพยิดกับตัวเองว่าสิ่งที่ตัวเองคิดไม่ผิด

“กูมั่นใจ กูเคยเจอเด็กคนนี้แล้ว เจอที่ผับวันนั้น.. แม่งโคตรเล่นตัว จะโก่งราคากู” พี่ภูพูดกับพี่เทมส์ด้วยประโยคที่ค่อนข้างดูถูกผม ในขณะที่ผมได้แต่หน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าพี่ภูจะจำได้ “ว่าแต่ป้าวรรณาเขารู้รึเปล่าวะ ว่าหลานตัวเองขาย”

“ไอ้ภู!!”

พี่เทมส์หน้าแดงก่ำ ดูก็รู้ว่าโกรธพี่ภูสุดๆ ผมที่ออกตัวมากไม่ได้ ก็ได้แต่แอบเอื้อมมือไปกุมมือพี่เทมส์เบาๆ จากด้านหลังในฝั่งที่ภูมองไม่เห็น จนพี่เทมส์สงบลงผมถึงได้เริ่มเปิดปากแก้ไขความเข้าใจผิ

“ผม.. ผมเปล่านะครับ ผมไม่ได้ขาย ผมบอกคุณไปตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าคุณเข้าใจผิด”

“เหอะ! เข้าใจผิดงั้นหรอ? นายบอกว่าฉันเข้าใจผิด แต่นายก็ออกไปกับไอ้ผู้ชายกร่างๆ คนนั้นอยู่ดีนี่ แบบนี้ถ้าไม่ได้ขายแล้วเรียกว่าอะไร? ... ตัวเองก็พูดแท้ๆ ว่ามาหาลูกค้า หึ!” พี่ภูเหยียดริมฝีปาก ก่อนจะพึมพำเบาๆ “หนีไม่พ้นเรื่องเงิน”

พี่ภูคนที่ดูอารมณ์ดีก่อนหน้าดูเหมือนจะกำลังหายไป เพราะพี่ภูที่ผมเห็นและสัมผัสได้ตอนนี้มีแต่บรรยากาศอึมครึมและความหงุดหงิดแผ่ปกคลุมรอบตัวไปหมดจนผมอึดอัด

ผมเข้าใจนะว่าเขามีปมกับเรื่องพวกนี้ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าคนทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาจะเป็นอย่างนั้นทั้งหมดเสียเมื่อไหร่

“พอได้แล้วไอ้ภู มึงกำลังติดสินคนอื่นเพราะอคตินะ หลานป้าวรรณาเขาก็บอกมึงอยู่ว่าไม่ใช่ จะไปยัดเยียดให้เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ทำไมวะ?”

“นี่ไอ้เทมส์ มึงเข้าข้างอะไรเด็กนี่นักหนา” พี่ภูใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มตอนคุยกับพี่เทมส์ ดูก็รู้ว่าตั้งใจจะกวนโมโหพี่ชายผมเต็มที่ “กูเห็นตั้งแต่กูเดินเข้ามาเนี่ย มึงออกตัวให้เด็กนี่หลายครั้งแล้วนะ ทำไมมึงชอบแบบนี้หรอ? ไม่น่าเปล่าวะ หรือว่ามึงเปลี่ยนแนว?”

“กูไม่ได้คิดอะไรทุเรศๆ แบบมึงหรอก แต่มึงควรให้เกียรติน้องเขาบ้าง ยังไงเขาก็เป็นหลานชายของแม่บ้านที่ดูแลทั้งมึงและแม่มานาน ถ้าป้าวรรณาเขารู้ว่ามึงพูดกับหลานเค้าแบบนี้ มึงคิดว่าเค้าจะเสียใจไหม”

พี่ภูเงียบไป เมื่อเจอพี่เทมส์พูดตรงๆ ใส่ ในชั่วขณะนึงผมเห็นแววตาคมคู่นั้นที่แข็งกร้าวมาตลอดทอแสงอ่อนลง และนั่นยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าลึกๆ แล้วพี่ภูคนเดิมยังอยู่ตรงนั้น เพียงแต่ตอนนี้กำแพงที่กั้นระหว่างพี่ภูคนเก่ากับคนใหม่มันแข็งแกร่งมาก อาจจะต้องใช้เวลาบ้างในการที่ทลายกำแพงนั่นลง

แต่ก็แค่ชั่วครู่เดียวพี่ภูที่ดูเจ้าเล่ห์และไม่น่าไว้ใจก็กลับมา เขาทำท่ายักไหล่ราวกับไม่ใส่ใจ ก่อนจะเอื้อมมืออ้อมมาด้านหลังพี่เทมส์ แล้วคว้าแขนผมไว้แน่นพลางดึงเข้าหาตัว ทำให้ผมที่ไม่ทันระวังปะทะเข้าที่อกแกร่งของอีกฝ่ายเต็มๆ

“ว่าแต่... ตามมาหาฉันถึงที่นี่เลยหรอ? จะให้เชื่อว่าบังเอิญ? ไม่ได้ตั้งใจ? ทั้งๆ ที่วันนั้นนายก็มองฉันอย่างกับอยากได้จะแย่อย่างนั้นน่ะนะ”

ผมตาเบิกโต ไม่คิดว่าพี่ภูจะเข้าใจอะไรผิดไปไกลได้ขนาดนั้น เขาถามผมด้วยสีหน้าและแววตาเหยียดหยามอย่างไม่คิดจะปิดบัง ริมฝีปากหยักลึกแสยะยิ้มร้าย แถมยังทำท่าจะก้มลงมาหาผมอีกตะหาก ดีที่เสียงของคุณแม่ดังขึ้นเสียก่อน ไม่งั้นมีหวังพี่เทมส์พุ่งเข้าหาพี่ภูแน่ๆ

“พี่ภู! หยุดเดี๋ยวนี้นะลูก!”

พี่ภูเงยหน้า กลอกตา ทำท่าเซ็งๆ ก่อนที่จะหันไปทางต้นเสียง พอเห็นว่าคุณแม่ดูโกรธจริงๆ เขาก็ยอมปล่อยมือออกจากแขนผมพร้อมกับยกขึ้นกางบนอากาศราวกับทำท่ายอมแพ้ ผมเองที่พอเป็นอิสระก็ถอยกรูดกลับไปอยู่หลังพี่เทมส์ตามเดิม ก่อนที่จะได้ยินเสียงคุณแม่เอ็ดพี่ภูยกใหญ่

“คีริน! แม่เรียกให้เรากลับมาเพราะอยากเห็นหน้า อยากชื่นชมลูกชายตัวเอง ไม่ใช่เรียกเรามาเพื่อให้เราทำตัวแย่ๆ รังแกคนอื่นแบบนี้นะ!”

คนถูกต่อว่านิ่งไป ในขณะที่ผมเองก็ตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าเวลาคุณแม่เอาจริงจะดูน่ากลัวไม่น้อยแบบนี้ มิน่าท่านถึงปกครองอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของสามีได้แม้จะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวก็ตาม

“ก็เด็กนั่น...” พี่ภูทำท่าจะเถียง แต่คุณแม่พูดสวนขึ้นมาก่อน

“หลานป้าวรรณาชื่อไนล์ค่ะพี่ภู น้องไนล์ ไม่ใช่เด็กนั่น เด็กนี่ หรือเด็กไหน”

คุณแม่พูดเสียงเรียบให้พี่ภูถอนหายใจออกมาหนักๆ แต่เขาก็ไม่ได้ทำท่าทีอะไรมากหรอก นอกจากยืนนิ่งๆ ฟังที่คุณแม่พูด

“หึ! ไนล์... ตัวเล็กกระเปี๊ยกเดียวแต่ชื่อแสนจะยิ่งใหญ่เหลือเกิน”

พี่ภูมองหน้าผมตาวาว เขาพึมพำไม่เบานักและผมก็ได้ยินชัดเจน... ถ้าไม่นับตอนเจอกันที่ผับ นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ภูเรียกชื่อจริงๆ ของผมผ่านริมฝีปากของตัวเอง

แม้มันจะไม่ใช่อย่างที่ผมเคยฝันไว้ แต่มันก็ย่อมดีกว่าครั้งแรกที่เจอกันแน่ๆ ครั้งนั้นมันทำให้ผมรู้สึกแย่มากกว่ารู้สึกดี

“เอาล่ะๆ เดี๋ยวค่อยมาคุยกัน ตอนนี้จะได้เวลาเริ่มงานแล้ว พี่ภูกับพี่เทมส์ออกไปที่หน้าบ้านก่อน ไว้จบงานแล้วค่อยคุยกัน”

พี่ภูขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคุณแม่พูดแบบนั้น เขาหันมาถามมารดาตัวเองอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรมากนัก

“คุยอะไรครับแม่ ไหนบอกว่าจะให้มางานเลี้ยงต้อนรับไง”

“ก็ไม่ได้มีอะไรมาก อย่างที่แม่บอกแหละไว้ค่อยคุย ตอนนี้ออกไปกันก่อนเถอะ”

มือเรียวสวยของคุณแม่ดันชายหนุ่มร่างใหญ่ทั้งสองให้ออกเดิน พี่เทมส์หันมามองผมนิดหน่อยอย่างเป็นห่วง แต่พอผมพยักหน้าน้อยๆ ให้สัญญาณว่าไม่ได้เป็นอะไรเขาก็ออกเดินตามพี่ภูไปติดๆ มีแต่คุณแม่ที่ยังคงรั้งท้ายและหันมาถามผมอย่างเป็นกังวล

“น้องไนล์ หนูโอเคไหมคะลูก? พี่ภูทำอะไรให้หนูเจ็บหรือเปล่า?”

คุณแม่ถามพลางจับผมพลิกตัวซ้ายขวาเพื่อสำรวจหาบาดแผลหรือรอยฟกช้ำที่อาจเกิดขึ้นตามร่างกาย ให้ผมต้องหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยืนยันว่าตัวเองสบายดี

“ผมไม่เป็นอะไรครับคุณแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ผมย้ำ ทำให้คุณแม่มีสีหน้าโล่งใจมากขึ้น

“งั้นน้องไนล์รอแถวๆ นี้นะคะ งานเลิกแม่จะพาพี่ภูเข้ามาคุย” คุณแม่บอกย่างใจดี “ที่จริงแม่ก็อยากชวนน้องไนล์ออกไปด้วยกัน แต่กลัวจะเจอคนรู้จักแล้วเดี๋ยวความจะแตกเสียก่อน”

ผมหัวเราะเบาๆ นึกทึ่งที่คุณแม่รอบคอบและใส่ใจรายละเอียดต่างๆ “ไปเถอะครับ ผมรอได้.. แถวๆ นี้แหละ”

คุณแม่พยักหน้าพร้อมกับเดินตามสองหนุ่มที่เดินนำไปแล้วค่อนข้างไกล ท่านร้องเรียกบุตรชายและเพื่อนของบุตรชายด้วยน้ำเสียงสดใส มองดูก็รู้ว่าวันนี้ท่านมีความสุขมาก เพราะตั้งแต่พี่ภูกลับมาให้เห็นหน้า คุณแม่ก็ยิ้มไม่หยุด

ส่วนผมก็ได้แต่แอบมองพี่ภูอยู่ตรงมุมนี้ มุมที่ผมคุ้นเคย ผมมองแผ่นหลังกว้างที่กว้างมากกว่าสิบปีก่อนเป็นเท่าตัวเห็นจะได้ ตอนนั้นก็ว่าพี่ภูดูตัวใหญ่สำหรับผมแล้วนะ ตอนนี้พี่ภูตัวใญ่มากกว่าตอนนั้นอีก ในขณะที่ผมไม่ได้ดูโตขึ้นเท่าไหร่เลย อาจจเป็นเพราะไม่ได้เจอกันนาน ผมจึงไม่สามารถละสายตาจากพี่ภูที่ดูโดดเด่นกว่าใครในเวลานี้ได้เลยแม้แต่นาทีเดียว

ผมคิดถึงพี่มากๆ เลยครับ.. พี่ภู

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-30 : Universe 8th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 30-03-2020 21:21:05
(ต่อจากด้านบน)


“แม่ว่าไงนะครับ? อันนี้มุกตลกหรือเปล่าผมจะได้ขำ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ผมมองสีหน้าที่ติดจะไม่พอใจอย่างมากของคนที่ตัวเองแอบรักมาเป็นสิบปี เพราะถึงแม้ว่าเสียงที่หลุดออกจากลำคอเขาจะเป็นเสียงของการแกล้งหัวเราะแต่ใบหน้าของพี่ภูนั้นไม่ได้ยิ้มตามสักนิด

“ที่แม่ทำก็เพราะแม่เป็นห่วง แม่คิดว่าพี่ภูควรต้องมีคนดูแล พี่ภูจะเหลวไหลแบบนี้ไปเรื่อยไม่ได้นะลูก”

ในขณะที่คุณแม่ของพี่ภูก็พยายามหว่านล้อมอย่างจริงจัง ในขณะที่ผมที่นั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นกลับนั่งก้มหน้านิ่งเงียบ คุณป้าวรรณาแม่บ้านที่ต้องมีผมมาแสดงเป็นหลานจำเป็นก็ไม่ได้ออกความเห็นอะไรเช่นกัน จนเป็นพี่เทมส์ที่พูดขึ้นม

“ถ้ามึงไม่อยากทำอย่างที่แม่บอก มึงก็ย้ายกลับบ้านดิไอ้ภู แม่จะได้เลิกเป็นห่วงมึง”

ผมตาโตทันทีที่ได้ยินพี่เทมส์พูดยุพี่ภูแบบนั้น... ทำไมพี่เทมส์ถึงพูดแบบนั้นล่ะ หรือเกิดจะเปลี่ยนใจไม่อยากให้ผมไปอยู่กับพี่ภูแล้ว

ผมนั่งกระตุกชายขากางเกางของพี่ชายที่นั่งอยู่บนโซฟาเหนือขึ้นไปเงียบๆ ในขณะที่พี่เทมส์ทำเป็นไม่สนใจ จนผมได้แต่นึกโกรธที่รู้ว่าพี่ชายกำลังจะตลบหลังเข้าข้างพี่ภู

“ไม่! กูบอกแม่ไปหลายทีแล้วว่าอึดอัด ไม่ชอบอยู่บ้าน อยู่ที่คอนโดมันเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกด้วย กูชอบแบบนั้นมากกว่า

“ก็ถ้ามึงชอบแบบนั้น มึงก็เอาน้องเขาไปอยู่ด้วยก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรไหมวะ ตัวแค่นี้คงไม่ได้กินเก่งเท่าไหร่หรอก”

พี่เทมส์ยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมในขณะที่พี่ภูก็ค้านจนหัวแทบจะชนฝาเช่นกัน

“ไม่! กูไม่ชอบอยู่กับคนแปลกหน้า อีกอย่างที่คอนโดก็มีแม่บ้านประจำอยู่แล้ว กูจะเอาเด็กนี่ไปอยู่ให้ยุ่งยากทำไม”

“ให้น้องไปอยู่เป็นเพื่อนไงคะพี่ภู”คราวนี้เป็นทีของคุณแม่บ้าง “ให้น้องไปดูแล ไปคอยช่วยเหลืออะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้ แม่อยากให้พี่ภูเปิดใจนะ”

"โถ่แม่ครับ ผมก็เพิ่งบอกไปว่าเมื่อกี้นี้ว่าไม่อยากให้เด็กนี่...”

“ชื่อไนล์ครับพี่ภู น้องชื่อไนล์” คุณแม่ปราม ทำเอาพี่ภูฮึดฮัดขึ้นมาทันที เขาตวัดมองผมด้วยสายตาไม่พอใจ เขาทำราวกับว่าความผิดทั้งหมดมันอยู่ที่ผมนี่แหละ ถึงแม้ผมจะยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลยก็เถอะ

“นั่นแหละครับ ผมไม่ได้เป็นคนร้องขอให้ไนล์ไปอยู่ด้วยนะครับ แม่จะยัดเยียดมาให้ผมทำไม ผมไม่ได้อยากให้ใครมาวุ่นวายดูแล ตอนนี้ผมโตแล้ว ผมดูแลตัวเองได้ ... ขอบคุณแม่มากนะครับสำหรับความหวังดี”

คุณแม่ถึงกับผงะ เพราะท่าทีของพี่ภูดูไม่แยแสผมจริงๆ จนผมนึกเป็นห่วงเลยคลานเข่าเข้าไปนั่งใกล้ๆ ท่าน พอท่านเห็นผมเข้าไปหาก็ก้มลงมองมาพร้อมกับยิ้มให้ โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตาพี่ภูตลอด

“เสียใจด้วยค่ะพี่ภู ที่แม่บอกพี่ภูให้พาไนล์ไปอยู่ด้วยไม่ใช่ประโยคขอร้อง แต่เป็นประโยคคำสั่ง เพราะถ้าพี่ภูไม่พาไนล์ไปอยู่ที่คอนโด พี่ภูก็ต้องกลับมาอยู่บ้าน .. เลือกเอาว่าพี่ภูจะเอาแบบไหน”

พี่ภูหน้าตึงทันทีพอได้ยินคุณแม่บอกแบบนั้น เขาตวัดสายตามามองผมด้วยความไม่พอใจ ทำเอาผมถึงกับก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา

“แค่มันอ้อนแม่ ประจบแม่นิดหน่อย แม่ก็เข้าข้างถึงขั้นกับสั่งผมให้ทำเลยหรอครับ?” เขาหันไปถามมารดาตัวเอง ก่อนจะหันหลับมาตะคอกใส่ผมเสียงดัง “นี่ติดใจฉันขนาดนี้เลยหรือไง? ทำไม? อยากอยู่กับฉันจนตัวสั่นริกๆ จนถึงกับยอมทำทุกอย่างแบบนี้เลยหรอ? ห๊ะ?”

พูดไม่พูดเปล่า พี่ภูถลาก้มลงมาจับต้นแขนผมไว้แน่นพร้อมกับกระชากให้ถอยออกมาจากคุณแม่ ต้นแขนที่ถูกพี่ภูจับขึ้นรอยแดงทันทีแม้จะผ่านไปไม่ถึงเสี้ยววินาที ผมเจ็ บจนน้ำตาคลอแต่ไม่กล้าส่งเสียงร้องสักแอะ เพราะกลัวจะทำให้พี่ภูโกรธมากขึ้น จนพี่เทมส์ถึงกับต้องถลาลุกขึ้นยืนแล้วร้องเรียกเพื่อนตัวเองเสียงดังลั่น

“ไอ้ภู!! มึงปล่อยน้องเดี๋ยวนี้!!”

“นี่มึงก็อีกคนหรอไอ้เทมส์ เด็กนี่มีอะไรดีวะถึงได้หลงกันทั้งบ้าน” พี่ภูยอมปล่อยแขนผม พร้อมกับยืดตัวขึ้นเต็มกำลัง “หรือเพราะเห็นหน้าซื่อๆ ตาใสๆ เลยคิดว่ามันน่าสงสารน่าเห็นใจ? เหอะ! รู้ไว้เถอะว่าไอ้หน้าแบบนี้นี่แหละตัวดี หิวเงินอย่างกับอะไรแถมจมูกดีโคตรๆ รู้หมดว่าใครคนไหนที่ปลอกลอกกอบโกยผลประโยชน์ได้!! มันถึงทำให้ทั้งมึงทั้งแม่หลงแบบนี้ไง”

พี่ภูส่งเสียงกร้าว นัยน์ตาแดงก่ำ ผมรู้ว่าเขาทั้งโกรธทั้งเสียใจ มันมีอะไรลึกๆ หลายอย่างผลักดันให้เขารู้สึกอย่างนั้นมื่อเห็นผม ผมอาจจะมีลักษณะและบรรยากาศที่คล้ายคลึงคนรักของเขา แถมการที่ผมเข้าหาเขาแบบนี้มันยังยากที่จะทำให้เขาไว้ใจ เขาจะตั้งแง่กับผมแบบนี้ก็ไม่แปลกหรอก


แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยแฮะว่าผมเจ็บเป็นบ้า... เจ็บเหมือนมีมือหลายร้อยมือมาบีบขย้ำหัวใจผมอย่างแรง

“พี่ภู ไนล์เขาไม่ได้เป็นคนอย่างนั้นนะ ไนล์เขาเข้ามากรุงเทพเพราะอยากจะหางานทำเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว อีกอย่างไนล์ก็เป็นหลานของวรรณาด้วยแม่เลยอยากช่วย เด็กดีๆ แบบนี้ทำไมเราถึงไปตั้งแง่ใส่เขาอยู่ได้ หื้อ?”

“หึ!” อยากช่วยที่บ้านหาเงินเพื่อแบ่งเบาภาระ?” พี่ภูหัวเราะเสียงเหยียด อีกทั้งยังย้อนคำพูดคุณแม่ ก่อนจะพูดจี้จุดจนผมสะดุ้ง “แต่ได้ข่าวว่าวันก่อนผมเจอเด็กนี่ที่ผับดังที่ถ้ากระเป๋าไม่หนักจริงคงเข้าไม่ได้ แถมการแต่งเนื้อแต่งตัวยังไม่ใช่แบบนี้ด้วย ผมไม่ได้ดูถูกนะ แต่แม่ก็บอกผมเองว่าเด็กนี่ยากจน ถ้างั้นก็คงไม่ได้ไปเที่ยวแน่ๆ แล้วไม่งั้นจะไปทำอะไรถ้าไม่ใช่หาเงิน?”

“คะ คุณภู..”

“อึกอักทำไม ตอบมาดิว่าไปทำไม? บริสุทธิ์ใจก็พูดมาฉันรอฟังอยู่”

 “....” ผมพยายามคิดหาทางออกอย่างหนัก แต่ก็หาคำตอบดีๆ มาตอบพี่ภูไม่ได้ โดยที่พี่ภูเองก็ย้ำไม่หยุด

“หนำซ้ำยังมีผู้ชายเข้าโอบประคอง พาออกไปต่อหน้าต่อตาฉันอีก นายจะให้ฉันคิดยังไง ในเมื่อนายก็บอกฉันเองว่านายมีนัดกับลูกค้า อย่างนายจะมีปัญญาขายอะไรได้ล่ะ?” พี่ภูใช้สายตามองผมอย่างโลมเลียตั้งหัวจรดปลายเท้า “อ้อนแอ้น บอบบาง รูปร่างอย่างกับผู้หญิงแบบนี้ ก็ขายได้อยู่อย่างเดียวนั่นแหละ.. หึ! สมบัติติดตัวมาตั้งแต่เกิด”

ผมได้ยินเสียงขบฟันแรงมากจากคนข้างตัวที่เป็นพี่ชาย พอมองไปที่มือใหญ่ที่อยู่ข้างตัวของพี่เทมส์ก็เห็นว่าเขากำมันไว้แน่นท่าทางจะโมโหพี่ภูน่าดู

“คีริน!! อย่าให้ฉันต้องเรียกซ้ำนะ!! เรามีสิทธิ์อะไรไปตัดสินคนอื่น ทำไมถึงใจร้ายแล้วก็หยาบคายขนาดนี้!! ลูกชายที่น่ารักคนนั้นของฉันหายไปไหน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะคีริน”

คุณแม่พูดเสียงสั่นก่อนที่จะน้ำตาไหลอย่างน่าสงสาร ผมถลาเข้าไปหาท่านทันทีเมื่อท่านทำท่าเหมือนจะล้มลง ผมประคองท่านลงนั่งก่อนใช้มือเล็กๆ โบกพัดให้ท่านตรงหน้า โดยที่ไม่ทันได้เห็นเลยว่าแววตาแข็งกร้าวที่มองผมเมื่อครู่อ่อนแสงลงอย่างไม่น่าเป็นไปได้

“คุณมะ.. อะ คุณท่านครับ นั่งพักก่อนนะครับ ใจเย็นๆ หายใจช้าๆ นะครับ” ผมกระซิบบอกท่านเสียงค่อย นึกเสียใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้คุณแม่กับพี่ภูต้องทะเลาะกัน

“น้องไนล์ มะ.. ฉัน ฉันขอโทษนะที่ลูกชายฉันพูดจาไม่ดี ไม่โกรธใช่ไหม?”

คุณแม่ยกมือขึ้นลูบศีรษะผมเบาๆ ผมรู้ดีว่าในคำถามของท่านนั้นมีคำขอโทษซ่อนอยู่ เอาเข้าจริงผมไม่ได้โกรธพี่ภูเลย ผมเข้าใจหรืออย่างน้อยผมก็พยายามที่จะเข้าใจ มันประกอบด้วยเหตุผลและเรื่องบังเอิญหลายอย่างที่อาจจะทำให้พี่ภูเข้าใจผิด แล้วยิ่งเขามีปมในใจแบบนั้น มันก็ไม่แปลกที่เขาจะคิดระแวง เพราะเขาเองก็ถูกทำร้ายในลักษณะนี้มาก่อน

“ไม่เป็นไรครับคุณท่าน ผมไม่เป็นไร” ผมยิ้มบางๆ พร้อมกับจับมือคุณแม่ที่วางอยู่บนศีรษะมากุมไว้เบาๆ ให้ท่านได้ยิ้มออก

“อยากเปลี่ยนใจไหม เปลี่ยนใจได้นะคะ...” คุณแม่ถาม แววตาดูกังวล ผมรู้ว่าลึกๆ ท่านก็คาดหวัง หวังว่าผมจะช่วยให้พี่ภูดีขึ้นได้ เพราะผมเองก็หวังอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“ไม่ครับ ผมไม่เปลี่ยนใจ คุณท่านไม่ต้องกังวลนะครับ” ผมยิ้มตอบท่าน ให้ท่านได้สบายใจ เราสองคนคุยกันเบาๆ และผมก็มั่นใจมากด้วยว่าจะไม่มีใครได้ยิน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ได้รู้เลยนั่นก็คือ... ภาพทุกอย่างตกอยู่ในสายตาพี่ภูทั้งหมด


และสายตาคู่นั้นที่เคยแข็งกร้าว ก็กลับทอแสงอ่อนลง


“ตกลงจะเอายังไงพี่ภู ถ้าพี่ภูไม่ให้ไนล์ไปช่วยอยู่ดูแล พี่ภูก็เชิญไปอยู่คนเดียวตามสบาย ทำเหมือนอย่างที่พี่ภูชอบทำ ไม่ต้องคิดว่าจะมีใครเป็นห่วง ไม่ต้องคิดว่าจะมีใครเป็นครอบครัว แล้วก็ไม่ต้องกลับมาให้แม่เห็นหน้าอีก”

“แม่!!!”

“คุณท่าน...”

ทั้งผมและพี่ภูตกใจมากที่ได้ยินแบบนั้น ผมหันไปมองหน้าพี่ชายตัวเองทันทีสลับกับการหันมามองคุณแม่อีกครั้ง สีหน้าของท่านสงบนิ่ง แววตาเอาจริงนั่นทำให้ผมได้รู้ว่าคุณแม่ของพี่ภูไม่ได้พูดเล่น และคำพูดประโยคนี้ก็เป็นสิ่งที่คิดมาดีแล้ว... โดยที่คนคิดคือพี่เทมส์

ใช่ พี่ชายผมนั่นแหละเป็นคนต้นคิด ไม่งั้นเขาคงดูตกใจมากกว่านี้แล้ว เดาว่าพี่เทมส์คงพอรู้ว่าพี่ภูต้องไม่ยอมแน่ๆ เลยให้คุณแม่กึ่งบังคับใส่ แต่เอาเข้าจริงผมไม่สบายใจเลย ผมไม่อยากให้ทุกคนไปกดดันพี่ภูขนาดนั้น ถ้าเขาไม่ต้องการให้ผมเข้าไปอยู่ดูแลจริงๆ ผมก็ยอมรับได้นะ อาจจะเสียใจบ้าง แต่ก็ดีกว่าให้แม่กับลูกผิดใจกัน

ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย

“นี่แม่อยากให้ผมเอาเด็กไนล์นี่กลับไปอยู่ด้วยขนาดนั้นเลยหรอครับ? มันอะไรกันนักกันหนา แม่หลงอะไรเด็กนี่นักหนา”

พี่ภูพูดเสียงเข้ม ดวงตาเรียวคมตวัดมามองผมอย่างเอาเรื่อง ใจผมเจ็บไปหมดเมื่อแววตาที่เคยอ่อนโยนเมื่อครั้งที่เรายังเด็กกว่านี้เปลี่ยนไปเป็นแววตาที่มองมาด้วยความไม่พอใจและมันอาจจะเข้าขั้นถึง...เกลียดชัง

“พี่ภูคิดว่าที่แม่อยากให้ไนล์ไปอยู่กับพี่ภู ดูแลพี่ภูเป็นเพราะแม่หลงใหลได้ปลื้มไนล์จนถึงขั้นต้องยัดเยียดไนล์เข้าไปในชีวิตพี่ภูงั้นหรอ? ทำไมพี่ภูไม่คิดบ้างว่าแม่ทำไปเพราะเป็นห่วง แม่บอกให้พี่ภูมาอยู่ด้วยกันที่บ้านพี่ภูก็ไม่อยากอยู่ อยู่ที่คอนโดคนเดียวใครจะดูแล คิดว่าไม่ไม่รู้หรอว่าเราเอาแต่เที่ยว กินเหล้า ข้าวปลาไม่แตะ ... ทุกการกระทำของพี่ภูไม่ใช่เป็นเพราะไม่มีคนดูแลหรือยังไง?

“แม่ครับ แต่ผมมีแม่บ้านมาทำความสะอาด มาทำกับข้าว มาดูแลเรื่องต่างๆ ให้อยู่แล้วนะครับ ผมไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นเลยว่าจะต้องมีเด็กคนนี้มาอยู่กับผมอีกคน”

“แต่แม่บ้านที่ลูกว่าสองสามวันถึงจะเข้าไปที ไอ้ความสะอาดที่เค้าทำ กับข้าวที่แช่ทิ้งไว้ในตู้เย็น แม่ไม่ว่าหรอกไม่ติเตียนเขาเลยด้วยเพราะเขาทำหน้าที่ตัวเองได้ไม่มีบกพร่อง แต่...เขาทำแค่นั้นแล้วก็จบไงคะพี่ภู ขาไม่มาสนใจหรอกว่าพี่ภูจะกินข้าวที่เขาทำไหม จะกินเหล้ากินเบียร์น้อยลงหรือเปล่าถ้าเขาเอาไปซ่อน นั่นเป็นเพราะอะไรรู้ไหมลูก?”

“....”

“นั่นเป็นเพราะเขาก็แค่ทำตามหน้าที่ที่เขาได้รับค่าตอบแทน เขาไม่มานั่งห้ามไม่ให้พี่ภูกินเหล้า เข้านอนเร็ว หรือเตือนให้กินข้าวในมื้อเช้าทุกมื้อหรอก เพราะเขาไม่จำเป็นต้องทุ่มเททำทุกอย่างด้วยใจ แต่ไนล์ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะอย่างน้อยเมื่อกี้ตอนแม่จะเป็นลม ไนล์ก็เข้าถึงตัวแม่ก่อนใคร เพราะไนล์เขาสังเกต ใส่ใจ และรู้จักเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น แล้วพี่ภูคิดว่าคนแบบนี้แม่ไม่ควรไว้ใจปล่อยให้ไปดูแลลูกชายที่แม่ทั้งรักทั้งห่วงหรอคะ?”

ผมก้มหน้างุด นึกเขินที่คุณแม่พี่ภูเข้าข้างผมมากขนาดนี้ ในขณะที่พี่ภูเองก็เงียบไป เขาดูอ่อนลงเมื่อได้ยินมารดาของตัวเองบอกแบบนั้น และดูเหมือนว่าเขาจะกำลังจะตัดสินใจอยู่

“ก็ได้ ผมยอมให้แม่พาเด็กนี่เข้าไปอยู่ที่คอนก็ได้ แต่ต้องมีข้อแม้ว่า...” พี่ภูตวัดสายตามทางผมอีกครั้ง “เด็กนี่จะต้องทำตามสิ่งที่ผมบอกทุกอย่าง และต้องไม่วุ่นวายกับผมถ้าผมไม่อนุญาต เมื่อไหร่ไนล์ทำผิดสัญญาผมมีสิทธิ์ส่งเขากลับได้ทันทีไม่มีข้อแม้”

“พี่ภูเชื่อแม่นะคะว่าไนล์จะดูแลพี่ภูได้” คุณแม่ของพี่ภูยิ้มออกมาทันทีพอได้ยินว่าพี่ภูตกลงยอมให้ผมไปอยู่ด้วย ท่านลุกขึ้นเดินมายืนตรงหน้าลูกชาย ก่อนจะยกมือลูบแก้มลูกชายที่อยู่ตรงหน้าท่านเบาๆ “แม่อยากได้พี่ภูคนเดิมกลับมา อยากได้พี่ภูที่แข็งแรงทั้งกายและใจกลับมา เชื่อแม่นะคะว่าไนล์จะทำให้พี่ภูดีขึ้นได้ เชื่อแม่นะ”

พี่ภูไม่ได้พูดอะไรนอกจากก้มลงไปโอบกอดคนเป็นแม่ไว้หลวมๆ ผมเองก็รู้สึกโล่งใจจนต้องหันไปยิ้มกว้างให้พี่เทมส์ที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ

ขอแค่พี่ภูยอมให้โอกาสผมให้ได้ดูแลเขา ขอแค่นั้น... เขาไม่ต้องรักผมก็ได้ ผมยอมรับว่าหวังแต่ถ้าเป็นไปไม่ได้อย่างน้อยให้ผมได้มีช่วงเวลาดีๆ กับเขาบ้างก็ยังดี

ผมวาดฝันทุกอย่างไปไกลด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขโดยที่ไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลยว่าทำไมพี่ภูถึงยอมทุกอย่างง่ายดายขนาดนี้ ผมที่ขดตัวอยู่ในโลกแคบๆ ของตัวเองก็มองเห็นแต่ความสวยงาม ไม่ได้คิดไปไกลว่าจิตใจมนุษย์เป็นสิ่งที่ซับซ้อนและยากที่จะเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่สำคัญก็คือจิตใจที่ว่านั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาไม่มีอะไรมาการันตรีหรอกว่า นิสัยของเขาที่เคยเป็นแบบนั้นมาก่อนจะคงทนไม่เปลี่ยนแปลง

ผมยังคงเป็นนทีธัชช์ที่ไร้เดียงสาและรู้ไม่เท่าทัน วาดฝันทุกอย่างราวกับอยู่ในโลกของนิยาย ไม่พยายามมองให้กว้างและตระหนักถึงความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า

หรืออย่างน้อย มองเห็นสายตาของพี่ภูที่กำลังมองผมที่ยิ้มให้พี่เทมส์อยู่โดยไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ยังดี สายตาที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงและความไม่ไว้ใจ จนแม้แต่ตัวผมและเขาก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าไอ้สายตาที่พี่ภูใช้มองผมอยู่ตอนนี้ มันจะพัฒนาความสัมพันธ์ของเราไปในทิศทางใด ดีขึ้นหรือแย่ลง ไว้ใจหรือจงเกลียดจงชังในพฤติกรรมไปตลอดกาล

.

.

.

To Be Continue

---------------------------------------------

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ แล้วก็ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคอมเม้นท์ เราอ่านทุกอันนะคะ อ่านของทุกแพลตฟอร์มที่เราลงด้วย มีชมบ้างติบ้าง เราขอน้อมรับไว้ทุกอันเลยยย อันไหนที่พอจะปรับได้เราจะปรับให้เนาะ ยกเว้นปรับพล็อต ปรับคาแรคเตอร์ตัวละคร อันนี้เราไม่สามารถจริงๆ 55555555555

ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ เราได้รับกำลังใจดีๆ จากหลายๆ คอมเม้นท์เลย ซึ่งมันอาจจะไม่ได้มากมายอะไร แต่แค่เห็นพวกคุณคลิกเข้ามาอ่าน มาส่งกำลังใจให้เราก็ดีใจมากๆ แล้ว ... ยังไงเจอกันตอนหน้าค่ะ

เริ้บบบ ^^
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-03-30 : Universe 8th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 30-03-2020 22:40:28
เขาเจอกันแล้วรอดูพี่กับน้องต่อ

รีบๆมาต่ออีกน้าาาาาาาาาา​จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-07 : Universe 9th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 07-04-2020 21:20:55
Universe 9th - เหตุผลของคนใจร้าย


Kirin’s Part


ผมไม่ไว้ใจเด็กคนนั้น... ไม่สิ ที่จริงผมไม่ไว้ใจใครเลยยกเว้นแม่กับไอ้เทมส์ที่เป็นเพื่อนสนิท

และเพราะผมไว้ใจแม่และไอ้เทมส์ ผมก็เลยต้องรับเด็กที่ผมไม่คิดจะไว้ใจเข้ามาในชีวิต...


ตอนที่ผมปฏิเสธกับแม่หัวเด็ดตีนขาดว่าผมไม่ต้องการให้ใครก็ตามเข้ามายุ่งวุ่นวายหรือดูแลชีวิตผมนั่นเพราะผมเข็ดขยาด ผมเข็ดขยาดกับความรัก การใกล้ชิด การอยู่ร่วมกัน การไว้เนื้อเชื้อใจ แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการหักหลังและทรยศ

เพราะสุดท้ายต่อให้รักกันแทบตาย ใกล้ชิดและผูกพันกันมากขนาดไหนก็ไม่สามารถทัดทานอำนาจของเงินได้อยู่ดี

นี่เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมบอกปัดแม่ผมอย่างชัดเจนว่าผมไม่ต้องการให้เด็กนั่นเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะในฐานะไหน หรือแม้แต่คนรับใช้ดูแลผมก็ไม่ต้องการ

บอกตามตรงว่าผมไม่ไว้ใจ เด็กคนนี้จู่ๆ ก็โผล่เข้ามา ตอนเจอกันที่ผับครั้งแรกผมยอมรับว่าผมถูกใจ ผมรู้สึกคุ้นหน้า คุ้นท่าทาง คุ้นบรรยากาศรอบตัวของเด็กคนนี้อย่างประหลาด แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน แต่ก็คงไม่พ้นพวกแหล่งอโคจรทั้งหลายนั่นแหละ เพราะตั้งแต่กลับมาประเทศไทย ผมก็ไปแต่แหล่งเที่ยวตามผับตามบาร์ตลอด ซึ่งมันก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าจะมีพวกหากินด้วยวิธีอย่างว่าปะปนอยู่ไปทั่วทั้งผู้ชายทั้งผู้หญิง

เพราะฉะนั้นจะหาว่าผมอคติหรือคิดไปเองก็ไม่น่าจะใช่ ยิ่งจู่ๆ เด็กคนนั้นเอาแต่จ้องผม มองผมด้วยแววตาประหลาดที่ไม่ใช่แววตาของคนเพิ่งรู้จักมองกัน แถมยังยิ้มจนตาเป็นประกายส่งมาให้ จะให้ผมคิดยังไงถ้าไม่ใช่ว่าเด็กคนนั้นกำลังอ่อยผมอยู่

ผมไม่ใช่ผู้ชายไม่ประสีประสาและก็ได้หมดด้วยไม่ว่าจะกับผู้ชายหรือผู้หญิง อาจจะเป็นเพราะอยู่เมืองนอกมานานก็เลยไม่ได้มองเห็นว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งผู้ชายแบบเด็กคนนี้ผมยิ่งถูกใจ รูปร่างบอบบางตัวเล็ก สูงแค่ไหล่ผมเองด้วยซ้ำ แถมยังหน้าหวานตากลมโต แพขนตาหนา ถ้าบอกผมว่าเป็นผู้หญิงใส่วิกเป็นเด็กผู้ชายผมก็เชื่อ นั่นเลยทำให้ผมถูกใจเด็กคนนี้เข้าไปใหญ่ ถูกใจถึงขั้นที่ว่าตั้งใจจะสลัดผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันเมื่อหัวค่ำออกไป แล้วหิ้วเด็กคนนี้กลับไปนอนกอดในคืนนี้แทน

ฟังดูแล้วมันอาจจะดูไม่เป็นสุภาพบุรุษสำหรับใครๆ แต่แล้วยังไงล่ะ ผมก็แค่ทำตามความต้องการของตัวเอง ผมโสด ผมพอใจที่จะไปกับใครมันก็เป็นสิทธิ์ของผม แล้วยิ่งอีกฝ่ายยินยอมพร้อมใจเสนอตัว หรือจะขายแลกกับเงินก็ได้ผมไม่ขัดข้อง ผมยินดีจ่ายให้เพราะยังไงเซ็กส์มันก็คู่กับเรื่องเงินและค่าตอบแทนอยู่แล้ว จะให้มาหวังให้เซ็กส์คู่กับความรักเหมือนที่ผมเคยโง่มาเป็นเจ็ดแปดปีน่ะเหรอ ไม่มีทางแล้วล่ะ

ทุกอย่างมันก็ขับเคลื่อนด้วยเงินทั้งนั้น ขนาดคนที่รักกันมาตั้งหลายปียังทิ้งผมไปเพราะอำนาจของเงินเลย น่าหัวเราะชะมัด

ดังนั้น พอผมเห็นเด็กคนนี้มองผมตาหวานแถมยังยิ้มอ่อยให้ขนาดนั้น ถ้าผมยังอยู่เฉยอีกก็คงแปลก แต่พอผมเข้าหาและยื่นข้อเสนอจะจ่ายให้อย่างงามถ้าหากยอมไปกับผม เด็กคนนี้กลับถอยหนีแล้วบอกว่าผมเข้าใจผิด


หึ! ฟังแค่นั้นก็รู้แล้ว คงไม่หนีพวกคิดจะโก่งราคา


แต่ก็นะ ถ้ารูปร่างแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ มันก็คุ้มที่ผมจะยอมให้เด็กคนนั้นโก่งราคา แต่มันกลายเป็นว่าจู่ๆ ก็มีคนเข้ามาขวาง แล้วหาเรื่องผมเสียยกใหญ่ และที่ร้ายเลยก็คือไอ้หมอนั่นมันฉกหนุ่มน้อยของผมไปต่อหน้าต่อตา

แบบนี้น่ะผมยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม รู้สึกเหมือนโดนหยามน้ำหน้าชะมัด

หลังจากวันนั้นเด็กคนนี้ก็ผุดเข้ามาในความคิดผมเป็นระยะๆ มันค่อนข้างเป็นความรู้สึกที่น่ารำคาญนะ ผมไม่รู้ว่าทำไม อาจจะเพราะผมรู้สึกคุ้นเคยกับเด็กคนนี้ด้วยรึเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ แต่ยอมรับเลยว่าวันนี้ตอนที่ผมเห็นเขาในห้องครัวของบ้านตัวเองแว่บแรกผมรู้สึก... ดีใจ

และด้วยความยินดีที่อยู่ๆ ก็ตีตื้นขึ้นมาในอกทำให้ผมเผลอดึงเจ้าเด็กหน้าหวานแต่ตาเศร้าคนนั้นเข้ามากอด เขาดูดิ้นรนไม่เต็มใจ แต่จะให้ผมมองในแง่ไหนล่ะถ้าไม่ว่าใช่ว่า เด็กคนนั้นกำลังเล่นตัว

จะให้ผมคิดว่าเขาบังเอิญมาเจอผมที่นี่? เขาไม่ได้ตั้งใจ? หรือมันอาจะเป็นพรหมลิขิตที่เขาเป็นหลานชายของแม่บ้านที่เป็นคนสนิทของแม่ผม?

ขอเถอะ! นี่มันปีสองพันยี่สิบแล้ว จะให้ผมคิดอะไรแบบนี้น่ะหรอ? ไม่มีทางเสียหรอก แล้วยิ่งวันนั้นเขามองผม ยิ้มให้ผมเสียหวานหยดขนาดนั้น ดูยังไงก็ให้ท่า จะมาให้ผมเชื่อว่าเขาเป็นเด็กน้อยบริสุทธิ์ใสซื่ออย่างที่แม่กับไอ้เทมส์เชื่อน่ะ ไม่มีวันแน่ๆ

เพราะผมทำใจให้เชื่อไม่ได้ ยิ่งหลังจากเลิกกับจีนผมก็รู้สึกเหมือนผมคงไม่สามารถไว้ใจใครได้อีก นอกจากแม่กับไอ้เทมส์...

ไม่มีหรอกความรักที่มั่นคงผลักดันให้ความสัมพันธ์ยืนยาว ที่เห็นก็อำนาจของเงินเท่านั้นแหละที่จะซื้อความสัมพันธ์ของคนได้

หน้าโง่ชะมัด เพราะผมเองก็ถูกคนรักที่คบกันมาเจ็ดปี นอกใจทิ้งกันไปเพราะเจอผู้ชายคนใหม่ที่ให้ในสิ่งที่เธอต้องการได้มากกว่าผม ซึ่งสิ่งที่เธอต้องการกลับไม่ใช่ความรักเพราะถ้าเป็นเรื่องความรักผมมั่นใจว่าผมให้เธอได้มากไม่แพ้ใคร ผมรักจีนมาเจ็ดปีเต็มๆ เราอยู่ด้วยกันทั้งในฐานะเพื่อน ฐานะคนรัก ฐานะพาร์ทเนอร์ ในทุกๆ ฐานะอย่างมีความสุข ผมวาดฝันว่าจะมีอนาคตร่วมกับจีนไว้มากมาย อยากจะทำให้คนที่จะมาเป็นภรรยาในอนาคตได้ภูมิใจในตัวผม

เมื่อผมคิดจะเริ่มสร้างฐานรากที่มั่นคงด้วยตัวผมเอง ไม่ได้พึ่งพิงใบบุญของแม่เพราะเกรงใจท่านที่นอกจากจะส่งเสียผมเล่าเรียนจนจบขนาดนี้ แล้วพอจะแต่งงานมีครอบครัว ก็ยังจะไปรบกวนท่านอีกทั้งที่ท่านทำงานหนักมาตลอด

ผมเลยตั้งใจว่าจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองพอให้มั่นคง แล้วพาจีนกลับไทยไปแต่งงานด้วยกัน ผมบอกกับจีนว่าที่บ้านผมทำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างเล็กๆ ซึ่งมันก็เล็กจริงๆ ตอนที่เราเพิ่งเริ่มรู้จักกัน เพิ่งจะมาเติบโตเอาช่วงสี่ห้าปีหลัง หลังจากที่ผมคบจีนไประยะหนึ่งแล้ว และจากนั้นจีนก็ไม่เคยถาผมเรื่องนี้อีก ผมก็เลยคิดว่ามันจะเป็นปัญหาอะไรระหว่างเรา เพราะตอนที่เราคบกัน ผมก็ดูแลจีนอย่างดี ค่าเช่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจิปาถะต่างๆ ผมไม่เคยให้จีนออกเลยแม้แต่บาทเดียว สิ่งที่จีนต้องรับผิดชอบมีแค่ค่าเรียน และค่าข้าวของส่วนตัวเท่านั้น

ผมไม่ค่อยได้พาจีนไปช็อปปิ้งเท่าไหร่ เพราะเห็นว่ามันสิ้นเปลืองและผมก็อยากเก็บเงินให้ได้เร็วๆ เพื่อที่เราจะได้แต่งงานกัน อย่างน้อยในส่วนของการเริ่มต้นผมก็อยากจะเริ่มมันด้วยตัวเอง แต่หลังจากแต่งงานแล้วผมค่อยเข้าไปรับช่วงต่อจากแม่ในส่วนของธุรกิจที่บ้าน ผมไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้จีนรู้ และเธอก็ไม่เคยถาม ผมเลยไม่เคยรู้ว่าเธอข้องใจเกี่ยวกับฐานะทางบ้านของผมมาตลอด อย่างที่บอกว่าผมไม่เคยปล่อยให้เธอลำบาก เรามีไปเที่ยวบ้าง ช็อปปิ้งบ้าง แต่ไม่ได้บ่อยหรือถี่ ผมเองก็คิดว่าจีนมีความสุขดีกับทุกวันนี้ที่เราเป็นอยู่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็คือจีนไปมีคนอื่นแล้ว และที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือจีนไปคบกับผู้ชายคนใหม่ในช่วงที่ยังคบกับผมอยู่

เหตุผลที่จีนให้มาทำเอาผมแทบกระอัก จีนบอกผมว่าตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันนั้นจีนมีความสุขดี ผมดูแล เอาใจใส่ และรักจีนอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่จีนเหนื่อยที่จะลำบากแล้ว ความรักแบบที่ผมมีให้มันหวือหวาแค่ในช่วงแรกๆ พอจีนอายุมากขึ้นเธอก็อยากจะเจอกับผู้ชายที่พร้อมดูแลเธอ ไม่ให้เธอต้องลำบาก ไม่ให้เธอต้องขึ้นรถสาธารณะ ซื้อของไร้สาระให้เธอเมื่อเธออยากได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมก็ทำให้เธอได้นั่นแหละ เพียงแต่มันแค่ไม่บ่อยและไม่ตอบสนองความต้องการที่เกิดขึ้นถี่ๆ ตามประสาผู้หญิงของเธอได้ ในขณะที่คนใหม่นั้นให้เธอได้ทุกครั้ง และบางครั้งเขาก็ให้โดยที่เธอยังไม่ทันได้ร้องขอ

และความสะดวกสบาย ความสุรุ่ยสุร่ายที่เธอได้รับ ทำให้เธอมองว่าสิ่งที่ผมมอบให้กับเธอกลายเป็นความจืดชืดที่เธอเบื่อหน่ายและเธอไม่ต้องการ ... มันหมดยุคสมัยแล้วที่จะมากัดก้อนเกลือกิน

ผมรับฟังทุกคำพูดของเธอด้วยหัวใจที่แตกสลาย ถ้าเธออยากเลิกกับผมเพราะผมรักเธอไม่มากพอ หรือดูแลเธอไม่ดี ผมจะไม่ว่าเลย แต่นี่คือเธอกำลังบอกว่าผมทำให้เธอเป็นเจ้าหญิงไม่ได้มันเหนื่อยเกินไปที่จะเป็นคนธรรมดาๆ เพื่อรักกันกับผม

หรือแม้แต่เพียงจีนจะบอกความต้องการของเธอสักนิดในตอนที่เรากำลังคบกัน ไม่แน่ผมอาจจะบอกเธอก็ได้ว่าธุรกิจที่บ้านผมมีนั้นสามารถให้เธอกลายเป็นเจ้าหญิงได้ไม่แพ้ที่ผู้ชายคนใหม่ทำให้เธอ

แต่ก็นั่นแหละเพราะเหตุการณ์แบบนี้เกิดมันก็เลยทำให้ผมเข้าใจสัจธรรมต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ดีเหมือนกันที่ผมไม่ได้บอกจีนไปตั้งแต่แรกว่าที่บ้านผมมีฐานะมากแค่ไหน เพราะผมเองก็คงทำใจเอาเงินที่แม่หามาอย่างยากลำบาไปให้คนรักถลุงได้หรอก

.. ไม่ใช่ว่าผมดูแลเธอไม่ดี แต่เธอแค่ไม่รู้สึกพอกับสิ่งที่ผมให้ไปมากกว่า เธอไม่ได้ต้องการคนรักที่เธออยากจะภูมิใจ แต่เธอแค่ต้องการคนที่จะทำให้ได้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราและสุขสบายมากกว่า ซึ่งผมคงเป็นคนนั้นให้เธอไม่ได้ เธอเลยทิ้งผมไปอย่างไม่ไยดี...

แล้วแบบนี้จะให้ผมศรัทธาในความรักต่อไปได้ยังไง จะให้ผมเชื่อใจใครต่อไปได้ยังไง ในเมื่อคนที่ผมอยู่ด้วยมาเจ็ดปีเต็มๆ ยังทำแบบนี้กับผมได้ แล้วจะให้ผมเชื่อใจเด็กที่เพิ่งเจอกันแค่ครั้งสองครั้งได้ยังไงว่าอยากจะดูแลผมด้วยใจจริง แถมแต่ละเหตุการณ์ยังดูบังเอิญเกินไปจนไม่น่าไว้วางใจอีกต่างหาก

ถ้าไม่ให้ผมคิดว่าเด็กนั่นทำเพื่อเงิน จะให้ผมคิดว่าเขาทำไปเพราะเป็นคนดี เพราะมีจิตใจที่สงสารผม เพราะอยากให้ผมดีขึ้นจริงๆ .. เขาจะทำแบบนั้นไปทำไม ในเมื่อเราไม่ได้รู้จักอะไรกันสักนิด

ไม่มีใครทำอะไรแล้วไม่หวังผลตอบแทนหรอก ไม่เคยมี..

แม้ว่าชั่วขณะหนึ่งเด็กคนนั้นกำลังจะทำให้ผมเชื่อได้ก็เถอะ ตอนที่เขาถลาตัวเข้าโอบประคองแม่ผมที่กำลังจะล้มลง ตอนนั้นผมสัมผัสได้จากสีหน้าของเขาว่ากังวลจริงๆ เขาดูตื่นกลัวว่าแม่ผมจะเป็นอะไร

แต่สุดท้ายผมก็ลบภาพที่เด็กนั่นหันไปยิ้มหวานหยดให้ไอ้เทมส์เพื่อนสนิทผมไม่ได้อยู่ดี และดูเหมือนไอ้เทมส์เองก็คงพอใจมันอยู่ไม่น้อยด้วย ไม่งั้นมันไม่เข้าข้างจนออกนอกหน้านอกตาขนาดนี้หรอก

วินาทีนั้นผมเลยเข้าใจ เด็กไนล์นั่นคงหวังผลระยะยาว คงเรียกร้องค่าตอบแทนจากแม่กับเพื่อนผมไม่น้อยเลยล่ะมั้ง หากทำหน้าที่นี้แล้วประสบความสำเร็จ ยอมเอาตัวเข้าแลกเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเงินก้อนโต แล้วอีกหน่อยก็หนีไม่พ้นไปอ่อยเพื่อนผมต่อ

ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมยอมไม่ได้

และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ผมยอมตกลงกับแม่ง่ายๆ ที่จะพาเด็กนี่มาอยู่ด้วย อย่างน้อยก็แยกเด็กนั่นให้ห่างจากไอ้เทมส์ก็ยังดี เทมส์มันเป็นคนใจดี มันคงรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเด็กหน้าซื่อตาใสแบบนี้แน่ เพราะฉะนั้นผมจะเป็นคนจัดการเจ้าเด็กตาใสนี่เอง

ผมจะไม่มีวันใจอ่อนง่ายๆ ผมจะทำให้เด็กไนล์นั่นได้รู้ว่าผมไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกหรือโอนอ่อนไปกับความไร้เดียงสาที่เขาพยายามจะแสดงออก

และถ้าอยากเอาตัวเข้าแลก... ผมก็ไม่ขัดนะ ผมจะทำให้เด็กนั่นได้รู้ซึ้งเลยล่ะว่าถ้าคิดจะมาเข้าปอกลอกผม ครอบครัวผม หรือเพื่อนสนิทผม เขาจะไม่มีวันสมหวังเลยสักเรื่อง และผมจะเป็นคนสอนบทเรียนนี้กับเด็กนั่นเอง.. ไนล์

.

.

.

“พะ.. พี่ภูครับ นะ ไนล์.. พี่จะให้ไนล์พักที่ไหนหรอครับ?”

ผมตวัดตามองคนที่เรียกด้วยสายตาอ่านลำบาก แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพราะขี้เกียจจะมานั่งปากเปียกปากแฉะกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

ตอนแรกเจ้าเด็กน้อยนี่ก็เรียกผมว่าคุณภูตามที่เด็กรับใช้พึงทำ แต่แม่ของผมกลับไม่ยอม พอท่านได้ยินเด็กไนล์เรียกผมว่าคุณภู แม่ก็ดุเด็กนั่นยกใหญ่ แถมยังกำชับให้เรียกผมว่าพี่ โดยที่ไม่ว่าเด็กนั่นจะแย้งว่าไม่เหมาะสมยังไงก็ไม่ฟัง หรือแม้กระทั่งตัวผมเองจะยืนยันว่าไม่ชอบให้มาทำตัวสนิทสนมถึงขั้นเรียกพี่เรียกเชื้อ แต่ก็ไม่ได้ทำให้แม่ล้มเลิกความตั้งใจ ท่านทั้งเน้นย้ำจนทั้งผมและไนล์ต้องยอมในที่สุด


‘แม่ให้ไนล์ไปดูแลพี่ภูในฐานะคนดูและนะคะไม่ใช่คนรับใช้ เพราะที่คอนโดพี่ภูมีแม่บ้านอยู่แล้ว แม่อยากให้พี่ภูมองไนล์ในฐานะเด็กที่แม่เอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานอีกคน เพราะฉะนั้นน้องไนล์ต้องเรียกพี่ภูว่าพี่ พี่ภูเองก็เหมือนกันต้องแทนตัวเองว่าพี่ แล้วเรียกแทนน้องด้วยชื่อ อย่าให้แม่รู้เด็ดขาดนะว่าเรียกคุณเรียกผม เรียกนายเรียกฉันกัน ถ้าแม่ได้ยิน แม่จะโกรธมากๆ’


ไอ้ผมน่ะไม่มีปัญหาหรอก ก็ไว้แค่เรียกตอนต่อหน้าแม่ก็พอ ส่วนลับหลังจะเรียกอะไรก็เรียกไปแม่ไม่ได้มาได้ยินด้วยสักหน่อย แต่เจ้าเด็กนั่นนั่นแหละที่มีปัญหา

ไนล์มาบอกผมด้วยอาการอึกๆ อักๆ ว่าเขาโกหกไม่เก่งเขากลัวว่าถ้าเรียกผมว่าคุณภูๆ แล้วแทนตัวเองว่าผมตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ถ้าไปอยู่ต่อหน้าแม่ก็คงจะเผลอเรียกอย่างนี้แน่ๆ ก็เลยอยากจะขออนุญาตเรียกผมว่าพี่แล้วแทนตัวเองว่าไนล์ เพราะจะได้ชินปากและไม่ไปเผลอไผลต่อหน้าคุณแม่

ตอนแรกที่ผมได้ยินเหตุผล ผมนี่อยากจะหัวเราะให้ฟันหลุด ทำมาเป็นบอกว่าโกหกไม่เก่ง แต่ไอ้ที่กำลังโกหกเป็นไฟเรื่องที่ว่าไร้เดียงสาบริสุทธิ์ผุดผ่อง และบังเอิญมาเจอผมเป็นครั้งที่สองนี่ไม่ได้เรียกว่าโกหกอยู่หรอ ผมไม่รู้หรอกนะว่าไนล์มีวิธีเข้าหาผมได้ยังไง แต่ผมไม่ไว้ใจและปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่าจะไว้ใจ แต่ว่าก็ต้องมีเหตุให้เปลี่ยนใจ เมื่อได้ยินเด็กนั่นเรียกผมว่าพี่เป็นครั้งแรก


‘พี่ภูครับ ไนล์.. ไนล์ขอเรียกพี่ภูว่าพี่นะครับ คือไนล์กลัวไปหลุดปากต่อหน้าคุณท่าน ไนล์โกหกไม่เก่งเลยกลัวว่าคุณท่านจะจับได้ ไนล์ไม่อยากให้คุณท่านโกรธ เลยมาขออนุญาตเรียกพี่ภูว่าพี่แทน’


ผมชะงักไปอึดใจหนึ่งตอนที่ยินไนล์เรียกผมว่าพี่ ไอ้ความรู้สึกที่ต้องควรจะโกรธกลับไม่เกิดขึ้น แต่ไอ้ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดอย่างอาการอิ่มใจประหลาดๆ นี่ก็เกิดขึ้นมาเสียจนได้

ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไง แต่ใจผมกลับเต้นแรงขึ้นมาแปลกๆ ด้วยความคุ้นเคย ผมไม่รู้ว่าการทอดเสียงเรียกผมว่า ‘พี่’ อย่างอ่อนโยนแบบนี้นั้น ผมได้ยินมาจากที่ไหน ซึ่งมันดันเป็นความรู้สึกในทางบวกมากกว่าทางลบ และในความต้องการลึกๆ ของผมก็พึงใจที่จะให้ไนล์เรียผมว่า ‘พี่ภู’ มากกว่าที่จะเรียกว่า ‘คุณภู’ ดังนั้นแทนที่ผมจะปฏิเสธ ผมเลยตอบปัดๆ ไปแทน


‘นายจะเรียกฉันว่าอะไรก็เรียก แต่ช่วยอย่าทำตัวสนิทสนมมาก ฉันไม่ชอบ’


ผมพูดเสียงกระชากและมั่นใจมากๆ ว่าตอนนั้นผมไม่ได้พูดจากับไนล์ดีสักเท่าไหร่นักเพราะกำลังเพ่งสมาธิไปกับการขับรถกลับคอนโด แถมยังต้องพ่วงตัวปัญมาติดมาด้วยอีกตัว แต่ตอนที่ผมปรายตาไปมองปฏิกริยาของไนล์ ผมกลับเห็นไนล์ยิ้มกว้างจนตาปิด แถมยังพุ่มมือไหว้ขอบคุณผมอย่างมีมารยาท

.. อันนี้ก็คงต้องชม เพราะน้อยคนนักที่จะยกมือไหว้อัตโนมัติทันทีที่ได้รับการอนุญาตหรือได้รับสิ่งที่ต้องการจากผู้ใหญ่ ซึ่งตอนนี้ไนล์กำลังทำแบบนั้น ...


‘ขอบคุณครับพี่ภู’


อืม... และก็เป็นอีกครั้งที่ไนล์ทำให้ผมคุ้นเคย แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นอาการคิดไปเองของผม เพราะถึงยังไงผมก็ยืนยันว่าผมไม่เคยจะน่าได้เจอกับไนล์ที่ไหนเลยทุกครั้งที่กลับมาไทย เพราะฉะนั้นผมเลยพยายามจะมองข้ามมันไป และคิดว่าความคุ้นเคยที่ว่านี่จะเป็นการมโนไปเองของผมเสียมากกว่า

.

.

.

ตอนนี้ผมกลับมาถึงคอนโดที่ผมซื้อไว้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เป็นคอนโดที่ผมซื้อไว้ตั้งแต่สมัยทำงานอยู่ที่อเมริกา ตั้งใจว่าหากกลับมาอยู่ไทย ผมอาจจะใช้ที่นี่ไว้เป็นที่พักส่วนตัวของผมกับจีน เพราะบรรยากาศมันค่อนข้างดี สงบ และเป็นส่วนตัว ซึ่งจากคุณสมบัติที่ว่าก็ทำให้ผมหมดเงินไปน้อย และจากที่ตั้งใจว่าจะเอามาไว้เป็นรังรักของผมกับคนรัก กลายเป็นผมต้องมาติดแหง็กอยู่กับเด็กที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าแทน

ไนล์ยืนกอดกระเปาเป้อยู่มุมห้องตรงประตูทางเข้า ท่าทางของเด็กนั่นดูประหม่าละล้าละลัง และทำตัวไม่ถูกจนน่าสงสาร ซึ่งเอาเข้าจริงก็มีอยู่หลายแว่บอยู่ที่ผมคิดว่าไนล์ตัวจริงๆ อาจจะเป็นอย่างนี้ก็ได้ แต่พอภาพที่มีคนเข้ามาโอบประคองพาเจ้าเด็กร้ายกาจออกไปต่อหน้าต่อตา กับภาพเมื่อเช้าที่ไนล์ส่งยิ้มหวานให้ไอ้เทมส์เพื่อนผมต่อหน้าต่อตา เลยทำให้ผมลำบากใจที่จะเชื่อว่าไนล์ไร้เดียงสาอย่างที่แสดงออกจริงๆ

“ห้องข้างนู้น แล้วอย่ามายุ่มย่ามอะไรกับสิ่งที่ฉันไม่ได้สั่งโดยไม่จำเป็นเข้าใจไหม”

“ครับ งั้นไนล์ไปเก็บของก่อนนะครับ”

ผมพยักหน้าส่ง ทำท่าเหมือนไม่ได้จะสนใจอะไรมาก แต่ตอนเด็กไนล์ก้มลงหยิบสัมภาระต่างๆ ของตัวเองที่ไม่ได้มีมากอะไรขึ้นมา ผมก็ต้องลอบสังเกตเด็กนี่ดีๆ อีกครั้ง เพราะจะว่าไปแล้วจากที่เห็นที่ผับวันนั้นผมก็ว่าไนล์ดูน่าดึงดูดมากๆ แล้วนะ ... ไม่งั้นผมก็คงไม่ถูกใจจริงไหม? แต่ไนล์ที่ผมเห็นในวันนี้ตรงๆ กลับดูน่ามองยิ่งกว่า น่ามองแบบละสายตาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ไนล์เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก เล็กมากๆ อย่างที่ผมเคยบอกไปตอนแรก เขาสูงแค่อกผมด้วยซ้ำมั้งแถมยังผิวขาวจนเป็นสีชมพูไปทั้งตัว ขาวแบบที่ผมคิดว่าผู้หญิงบางคนยังขาวสู้ไนล์ไม่ได้ และสิ่งที่ทำให้ผมต้องสงบสติอารมณ์มากเป็นพิเศษก็เห็นจะเป็นไอ้เอวคอดๆ กับสะโพกกลมกลึงรับกับช่วงตัวและขานี่แหละ พูดตรงๆ ว่าแทบจะไม่ต่างกับผู้หญิงเลย

ผมถึงยอมรับแบบไม่อายเลยว่าครั้งแรกที่ผมเห็นไนล์ที่ผับ ผมถึงได้ ‘ต้องการ' เขาเป็นพิเศษ ถึงขั้นยอมเสนอเงินให้เขาสูงเป็นสามเท่ามากกว่าปกติ ทั้งที่โดยทั่วไปแล้วผมจะไปกับเด็กผู้ชายน้อยมาก นอกจากจะถูกใจจริงๆ และตอนนั้นไนล์ก็ทำให้ผมถูกใจมากเป็นพิเศษ แต่ถูกใจในแง่หลับนอนนะ อะไรที่มากเกินไปกว่านั้นไม่มีหรอก นอกจากไอ้ความรู้สึกคุ้นๆ เคยๆ ที่ผมน่าจะคิดไปเองแค่นั้น

ผมมองตามร่างเล็กที่เดินไปทางห้องนอนอีกฝั่งหนึ่งจนลับสายตา ความไม่ชอบความไม่พอใจยังถูกตีรวนอยู่ในอก แต่ลึกๆ ไอ้ความคุ้นเคยที่ว่ากลับไม่จางลงไปสักนิด ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แต่ถ้าจะให้เดาก็อาจจะเพราะ ‘ความต้องการ’ ที่เคยมีในตัวเด็กคนนั้นมันยังไม่ได้รับการตอบสนองแหละมั้ง มันถึงรู้สึกตงิดๆ ในใจแบบนี้ไม่หายไปสักที

เอาเข้าจริง ผมเองก็ยังไม่เข้าใจแม่กับไอ้เทมส์เลยว่าการที่ส่งเด็กนี่มาอยู่กับเนี่ยต้องการอะไร ทำไมแม่ถึงคิดว่าเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ แค่นั้นถึงจะมีอิทธิพลสามารถเปลี่ยนแปลงผมให้ดีขึ้นได้ ในขณะที่แม่เองยังแทบจะทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะผมน่ะมันเป็นพวกดื้อแพ่ง แต่ในเมื่อแม่ยืนยันว่ายังไงก็จะต้องให้เด็กไนล์อยู่กับผมให้ได้ ผมก็จะเอาเขาไว้ก็แล้วกัน ท่าทางจะได้ค่าตอบแทนมาสูง ถึงได้ทุ่มสุดตัวขนาดนี้

เชื่อผมเถอะว่าแรกๆ ก็ทำเป็นเก้อๆ เขินๆ อายๆ งี้แหละ เดี๋ยวอีกไม่นานลายคงออก แต่ถ้าเด็กมันเสนอผมก็ไม่ใช่คนดีที่จะมานั่งปฏิเสธ ตรงกันข้ามผมยินดีที่จะสนองให้เต็มที่ ถ้าทำเพราะแลกเงินผมก็ให้แค่เงิน แต่อย่ามาหวังทะเยอทะยานอะไรกับผม เพราะผมไม่คิดจะให้ และเชื่อหัวผมได้เลยว่างานง่ายๆ พอได้เงินเป็นกอบเป็นกำเข้าอีกหน่อยก็เบื่ออยากจะไปหาเหยื่อรายใหม่

แล้วแบบนี้จะหวังให้ผมเชื่อใจอะไรกับคนที่หิวเงินขนาดนี้กัน

เอาเถอะผมก็คงทนได้เท่าที่ทนแหละ ถ้าวุ่นวายกับผมมากผมก็แค่บอกกับแม่ตรงๆ ให้ไล่ออก แต่ถ้ายินดีที่จะเอาตัวเข้าแลกเงินไปเรื่อยๆ และยินดีอยู่ในที่ในทางตัวเอง ซึ่งถ้าผมพอใจให้อยู่ผมก็ไม่ขัดข้องนะ .. เงินกับเซ็กส์ แลกๆ กันไปวินวินทั้งสองฝ่ายดี

และก็เป็นอีกครั้งที่ผมพนันได้เลยว่าตอนนี้เด็กไนล์นั่นอาจจะทำเป็นเล่นตัว บอกปัดว่าตั้งใจมาดูแลผมจริงๆ และพยายามบอกปัดเรื่องเซ็กส์ แต่ไม่นานหรอก ขี้คร้านอาจจะอ่อยผมเองเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นไอ้คำขอร้องแกมบังคับที่แม่ขอมาว่า ‘อย่ารังแกน้อง’ เนี่ย คงไม่ใช่ที่แม่ควรจะพูดกับผม แม่อาจจะต้องพูดกับเด็กนั่นแทน กลิ่นเงินมันหอม ใครจะไม่อยากได้บ้าง

เพราะฉะนั้นเชื่อเถอะว่าถ้าผมจะแตะต้องเด็กนั่นก็ต้องมีสาเหตุมาจากเด็กนั่นเป็นคนเริ่ม อย่าหวังว่าผมจะเริ่มก่อนให้มาโก่งค่าตัวใส่ผมเล่นๆ เพราะยังไงสิ่งนั้นก็ไม่มีวันเกิดขึ้น

จนตอนหลังผมถึงได้รู้ว่าไอ้คำว่ากลืนน้ำลายตัวเองน่ะ ... มันมีความหมายว่ายังไง

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-07 : Universe 9th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 07-04-2020 21:25:36
(อ่านต่อจากด้านบน)

“พี่ภูครับ พรุ่งนี้เช้าอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ไนล์จะทำให้พี่ภูทาน”

ผมหันไปมองเจ้าของเสียงที่เอ่ยถามอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหวานดูอ่อนเยาว์มากกว่าเดิมหลังจากที่เจ้าตัวอาบน้ำเสร็จ คิดว่าคงกำลังจะเตรียมตัวเข้านอน และก็เป็นไปตามคาดเด็กไนล์เดินมาทำเป็นถามถึงมื้อเช้าในวันพรุ่งนี้ ทั้งที่อยู่ในชุดนอนบางเบาแล้ว

หึ! เริ่มเดินเกมไวกว่าที่ผมคิดแฮะ

“ไม่อ่ะ” ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจ และเห็นจากหางตาว่าเด็กนั่นหน้าเสียเล็กน้อย คงจะผิดหวังนั่นแหละที่ผมไม่เล่นด้วย “แม่บ้านทำอาหารไว้แล้วในตู้เย็น เอาออกมาอุ่นรอก็พอ ฉันไม่ได้ตื่นเช้ามาก สายๆ ค่อยทำก็ทัน”

“แต่ถ้าพี่ภูอยากทานอะไรที่ทำเสร็จใหม่ๆ ไนล์ก็ทำให้ทานได้นะครับ จะได้ไม่ต้องทานอาหารอุ่นไมโครเวฟ”

ผมโยนโทรศัพท์มือถือที่กำลังดูนั่นดูนี่ทิ้งลงบนโซฟ ก่อนจะชักหน้าหงุดหงิดใส่เด็กตรงหน้า

“ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ทำ นายไม่ต้องมาเซ้าซี้!! ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าไม่ชอบคนพูดมาก มันจุกจิกน่ารำคาญน่ะ”



‘ไม่ไปแล้ว รำคาญ! จุกจิกอยู่ได้ ผมไม่ชอบคนพูดมากนะเผื่อคุณไม่รู้’


ไนล์เลิกลั่กขึ้นมาทันทีหลังจากที่ผมพูดเสียงดังใส่ ก่อนจะละล่ำละลักขอโทษไม่เป็นคำ.. ถ้าเขากำลังแสดงอยู่ผมก็อยากชมว่าเขาเก่งมาก

“ขะ.. ขอโทษ ขอโทษครับพี่ภู ไนล์ไม่.. ไม่ได้ตั้งใจที่จะเซ้าซี้” ผมเหลือบมองมือที่ไนล์กุมไว้ตรงหน้า ก่อนจะเห็นว่าขากำลังบีบมือตัวเองไว้แน่น “งั้นไนล์ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ ฝันดีครับพี่ภู”

พอพูดจบเด็กไนล์ก็ค้อมศีรษะน้อยๆ แล้วหันหลังเดินฉับๆ เข้าห้องนอนตัวเองไปทันที และถ้าผมตาไม่ฝาดผมว่าผมเห็นเจ้าเด็กนั่นตาแดงก่ำ เหมือนคนกำลังจะร้องไห้อีกต่างหาก

ผมได้แต่มองตามหลังของไนล์ไปอย่างแปลกใจ เพราะผมมั่นใจแน่ๆ ว่าไนล์จะต้องตื๊อและดื้อด้านต่ออีกนิด เพราะไม่ค่อยมีผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนถอดใจกับผมตั้งแต่ประโยคแรกที่พูดหรอก ต่อให้ผมจะพูดไม่ดี ตวาด หรือตะคอก คู่ขาที่ผ่านๆ มาของผมจะยิ้มรับเสมอ ไม่ได้จะอวดอ้างว่าตัวเองมีดี แต่ค่าตอบแทนที่ได้จากผมไม่ว่าใครหน้าไหนก็รู้ว่าคุ้ม คุ้มทั้งเซ็กส์บนเตียง และคุ้มทั้งเงินที่จะได้รับ แต่อยู่ดีๆ เด็กไนล์กลับหันหลังให้ผมทันทีที่ถูกไล่ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะซื่อมากๆ ก็คงต้องเชี่ยวสุดๆ แน่ๆ .. ซึ่งเดาไม่ยากหรอกว่าอย่างหลัง

แต่เอาเถอะแบบนี้ก็สนุกดี เพราะผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าไนล์จะทนเป็นคนไร้เดียงสาแบบนี้ได้จนถึงไหน และใครจะเป็นฝ่ายทนไม่ได้ก่อนกัน ... หึ!

.

.

.

เช้าวันต่อมา ผมก็ต้องตื่นเพราะกลิ่นอาหารที่ลอยคลุ้งไปจนถึงห้องนอน นึกแปลกใจตะหงิดๆ ว่าวันนี้ไม่ใช่วันที่แม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดหรือทำอาหารทิ้งไว้ให้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน ผมก็ไม่โอเคทั้งนั้น เพราะนี่มันโคตรรบกวนการนอนตื่นสายของผมมากๆ เมื่อคืนกว่าจะผมจะทำอะไรเสร็จก็ล่วงเข้าวันใหม่ไปหลายชั่วโมงแล้ว นี่ยังต้องมาตื่นเช้าเพราะถูกรบกวนด้วยกลิ่นอาหารอีก แม้ว่ามันจะหอมน่ากินขนาดไหน ผมก็ไม่ได้มีความอยากจะกินอะไรขนาดนั้นหรอก

ผมลุกจากเตียงก่อนจะกระชากประตูห้องนอนเปิดอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินทะลุในส่วนของห้องนั่งเล่นตรงไปยังครัวแบบเปิดที่อยู่ถัดไป เลยได้เห็นร่างเล็กที่ผูกผ้ากันเปื้อนเสีขาวสะอาดตากำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ในห้องครัว

“ทำอะไร?! นี่มันกี่โมง ไม่ได้ถ่างตาดูนาฬิกาเลยหรอไงห๊ะ?”

ผมตวาดจนเด็กนั่นสะดุ้งโหย่ง ไนล์เงยหน้ามามองผมพร้อมกับเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ ผมเห็นเขาปล่อยมีดที่กำลังถืออยู่แล้วกุมมือสองข้างของตัวเองเข้าหากันแน่น พร้อมกับละล่ำละลักออกมาแทบไม่เป็นคำ ทำให้ผมหงุดหงิดหนักกว่าเดิม

“คือ.. ไนล์ ไนล์อยากทำอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ให้พี่ภู ตื่นมาจะได้ทานได้เลย ไนล์ไม่คิดว่ากลิ่นมันจะไปกวนพี่ภูจนตื่น”

ผมยกมือขยี้หัวตัวเองแรงๆ นึกหงุดหงิดไปเสียทุกอย่าง นอนก็น้อยแถมยังต้องมาเจอคนพูดไม่รู้เรื่องอีก

“แต่ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่หรือไงว่าไม่ต้องทำ! ไม่ต้องทำ! มันยากมากหรือไงกับอีแค่ทำตามที่สั่งเนี่ย? ทำไมเจ๋อไม่เข้าเรื่องวะ?!”

เด็กนั่นก้มหน้านิ่ง ก่อนจะพูดออกมาเสียงแผ่วๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของผมเย็นลงเลยสักนิด

“ไนล์ขอโทษครับ”

“ปิดแก็สแล้วก็ไม่ต้องทำอะไรอีก! คนจะนอน!! ถ้าฉันได้กลิ่นอะไรอีกแม้แต่น้อยนะ นายโดนดีแน่!!”

ผมชี้หน้าเด็กนั่นเป็นการคาดโทษก่อนจะเดินหัวเสียกลับไปที่ห้องนอนตัวเองโดยไม่ได้หันไปมองเด็กไนล์แม้แต่หางตา ตอนนี้ผมง่วงจนหงุดหงิดไปหมด ไม่มีอารมณ์มานึกถึงหรอกว่าเด็กนั่นจะรู้สึกยังไงกับคำพูดและท่าทางของผม ผมไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากได้กลับไปนอนบนเตียงโดยไม่มีกลิ่นหรืออะไรมารบกวนอีกครั้ง

ไม่ได้สนแม้กระทั่งจะมองว่ามีของเหลวสีแดงเข้มไหลออกมาจากมือเล็กๆ ของเด็กที่หวังดีอยากจะทำอาหารให้ผมกินไหลรินผ่านร่องนิ้ว โดยที่เจ้าของมือพยายามจะกุมมือตัวเองไว้ไม่ให้เลือดไหลออกมาอย่างสุดความสามารถ

และอีกอย่างที่ผมไม่ได้สนใจและไม่คิดจะมองเห็นก็คือน้ำตาเม็ดเล็กๆ ที่ไหลออกมาจากดวงตากลมโต... น้ำตาที่มาจากความน้อยใจไม่ใช่ความโกรธเคือง

.

.

.

ผมตื่นมาอีกครั้งก็เกือบจะเที่ยง หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้วผมก็ออกมาจากห้องนอนแต่ก็มองไม่เห็นเด็กนั่นแม้แต่เงา สงสัยคงหมกตัวอยู่ในห้องนั่นแหละ

หลังจากที่หัวสมองปลอดโปร่งเพราะได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ผมก็มารู้สึกผิดนิดๆ ที่ตวาดเด็กนั่นไปเสียยกใหญ่เมื่อเช้า เอาเข้าจริงก็รู้แหละว่าเด็กมันหวังดี แต่มันหวังดีผิดเวลาไปหน่อยไง คนง่วงๆ ได้นอนไม่พอมันก็หงุดหงิดธรรมดา ไม่รู้ป่านนี้จะกลัวผมหัวหดไปถึงไหนแล้ว แต่ก็อย่างว่าถ้าผ่านโลกมาเจนจัดขนาดหาหนทางมาใกล้ชิดผมได้ขนาดนี้ ไอ้คำด่าคำว่าแค่นี้คงไม่ระคายหรอกมั้ง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเดินไปที่หน้าห้องของเด็กไนล์ เพราะตั้งใจจะเรียกมากินข้าวด้วยกัน

ผมก็ไม่ได้ใจจืดใจดำอะไรขนาดนั้นหรอกนะ

แต่แล้วพอเดินไปถึงหน้าห้องของไนล์ก็ต้องแปลกใจ เพราะเห็นประตูห้องแง้มอยู่ ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ก็นะเราไม่รู้ได้หรอกว่าหน้าซื่อๆ ใสๆ แบบนั้นคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าเปิดรอกันไว้ขนาดนี้จะให้ผมคิดเป็นอื่น ผมก็ไม่รู้จะคิดยังไงเหมือนกัน

ผมกระตุกยิ้มร้ายเตรียมจะผลักปรตูห้องเข้าไป แต่กลับได้ยินเสียงพูดคุยกันดังแว่วออกมาเสียก่อน ดูเหมือนเด็กนั่นกำลังวีดีโอคอลคุยกับใครอยู่ เสียงอ่อนเสียงหวานจนผมรู้สึกในใจมันคันยุบยิบแปลกๆ

“ไนล์ไม่ได้เป็นอะไรมากเลยครับ แค่มีดบาดมือเฉยๆ แผลเล็กนิดเดียวเอง”

(แล้วทำไมไม่ระวังครับ จะแผลเล็กแผลใหญ่มันก็คือแผล พี่เป็นห่วงไนล์มากไนล์ก็รู้นี่ครับ)

“ครับๆ ไนล์รู้ ขอโทษนะครับที่ไนล์ทำให้เป็นห่วง ไม่โกรธกันได้ไหมครับ”

เด็กนั่นทำเสียงอ้อนจนผมหมั่นไส้ .. คุยกับใครวะ เสียงคุ้นหูผมมาก

(พี่เคยโกรธไนล์ด้วยหรอหื้ม? ดื้อกับพี่กี่ครั้งพี่ก็ไม่เคยโกรธได้เลยสักครั้ง)

“ฮ่ะๆ” เด็กนั่นหัวเราะเสียงใสจนผมหงุดหงิด ทีอยู่กับผมนี่ทำหน้าเหมือนจะตายเพราะความกลัวตลอดเวลา “พี่เทมส์ใจดีจัง”

เดี๋ยว พี่เทมส์.. ไอ้เทมส์เพื่อนผมน่ะนะ

สนิทกับเด็กนี่ขั้นไหน ทำไมเสียงอ่อนเสียงหวานใส่กันขนาดนี้? นี่ผมคิดไม่ผิดเลยใช่ไหม เด็กไนล์นี่กะจะอ่อยทั้งผมแล้วก็เพื่อนผมเลยงั้นสิ? แล้วดูท่าทางไอ้เทมส์มันจะหลงหน้าใสๆ ของเด็กนี่น่าดู ไม่งั้นมันคงไม่เป็นแบบนี้แน่ ผมรู้จักมันมาสิบกว่าปี เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยหัวเกรียน มีหรือจะไม่รู้ว่ามันเป็นคนยังไง

มันก็นิสัยเหมือนผมแหละ ไม่ค่อยเห็นหัวหรือสนใจใครนอกจากคนที่รักหรือคนที่แคร์ โดยเฉพาะไอ้ความอ่อนโยนต่างๆ นานานี่ยถ้ามันไม่ให้ความสำคัญจริงๆ ไม่มีทางได้ยินเสียงแบบนี้จากมันแน่

ล่าสุดผมเคยได้ยินมันทำเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างนี้ใส่ตอนมันอยู่อเมริกากับผมแล้วคุยโทรศัพท์กับน้องมัน นอกนั้นผมก็ไม่เคยเห็นมันทำเสียงแบบนี้กับใครอีกเลย ไม่น่าล่ะถึงว่าเสียงคุ้นๆ

นี่มันหลงเด็กนี่มากถึงขนาดให้ความสำคัญขนาดนี้เลยหรือไง?

อย่างที่บอกไปว่าสาเหตุที่ผมดึงเด็กไนล์ออกมาอยู่กับตัวเองนั่นก็เพราะจะกันมันออกจากไอ้เทมส์และแม่ ผมเองก็พอจะเดาออกได้ตั้งแต่วันนั้นเพราะดูเหมือนไอ้เทมส์จะเข้าข้างไนล์จนออกนอกหน้านอกตาเหลือเกิน แต่ผมก็คิดไม่ถึงว่าสองคนจะสนิทสนมกันถึงขั้นนี้แล้ว .. ขั้นที่ทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่กันเนี่ย

(เป็นเด็กดีรู้ไหมครับ อย่าทำให้พี่เป็นห่วง)

“ครับ ไนล์จะเป็นเด็กดี .. งั้นไนล์ไปก่อนนะครับ ไว้คุยกันใหม่นะ”

ผมได้ยินบทสนทนาต่อจากนั้นอีกนิดหน่อย เด็กไนล์ก็วางสายไอ้เทมส์ด้วยรอยยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ผมยิ่งมองแล้วยิ่งหมั่นไส้อย่างประหลาด

และเพราะความหมั่นไส้ ความหงุดหงิด หรือความอะไรไม่รู้ แต่ถ้าให้ผมเดาผมก็คิดว่าน่าจะเป็นเพราะผมไม่โอเคที่เด็กนี่เล่นหูเล่นตาใส่เพื่อนผมมากกว่า ผมเลยตัดสินใจแกล้งเคาะประตูห้องเด็กไนล์เสียดังลั่น จนเจ้าเด็กนั่นวิ่งหน้าตาตื่นมาเปิดประตูแทบไม่ทัน และก็เป็นไปตามคาด พอเห็นหน้าผมไนล์ก็ก้มหน้างุด แสร้งทำท่ากลัวๆ กล้าๆ ใส่ผม ผมก็อาจจะหลงเชื่อไอ้ความไร้เดียงสานี้อยู่ได้บ้างหรอก ถ้าก่อนหน้านี้ไม่ได้มาได้ยินเด็กนี่คุยเสียงอ่อนเสียงหวานใส่ไอ้เทมส์ น่ะนะ

“มัวแต่ทำอะไร? นี่มันกี่โมงแล้ว? ทำไมไม่ไปตั้งโต๊ะหาข้าวหาปลาให้ฉันกิน?”

“คือ.. คือไนล์คิดว่าพี่ภูยังไม่ตื่นครับ ก็เลย..”

“ก็เลยอะไร? ก็เลยไม่สนใจไม่ใส่ใจที่จะเข้าไปถามไถ่ฉันไหม?” ผมบีบต้นแขนคนตัวเล็กกว่าแน่น เห็นไนล์นิ่วหน้าเพราะความเจ็บแต่ไม่ร้องสักแอะก็ยิ่งหมั่นไส้ เลยลงน้ำหนักมือรัดต้นแขนเล็กให้แน่นขึ้น

“...”

“แม่ฉันจ้างนายมาดูแลฉัน นายก็ต้องทำหน้าที่ตัวเองให้ดีสิ ทำไมต้องรอให้บอกห๊ะ?” ผมยกมุมปากยิ้มเยาะ ก่อนจะดูถูกอีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิดที่สุมอยู่ในอก “หรือถนัดแต่เรื่องอย่างว่า ไอ้เรื่องปกติสามัญเรื่องอื่นเลยทำไม่ได้ ไม่มีปัญญา งั้นใช่มะ?”

“...”

ไนล์เงยหน้าจ้องมองผมด้วยสายตาตัดพ้อ มีวูบหนึ่งที่ผมนึกสงสารแวววูบไหวในดวงตากลมตรงหน้า แต่พอเสียงหวานๆ ยามที่เด็กนี่คุยกับไอ้เทมส์แว่บเข้ามาในหัว ปากของผมก็ขยับพ่นแต่คำเหยียดหยันออกไปแทน

“ไม่ต้องมาจ้อง จะทำไม่ทำข้าวน่ะ? หวังจะมาให้ฉันพูดเสียงอ่อนเสียงหวานใส่คนอย่างนายฉันทำไม่ได้หรอกนะ มันจะอ้วก”

“พี่ภู...”

“ไม่ต้องมาเรียกชื่อ ฉันไม่อยากได้ยิน” ผมว่าเสียงกร้าว นึกหงุดหงิดที่ตัวเองก้าวร้าวมากขึ้น โดยที่ผมหยุดตัวเองไม่ให้ทำแบบนี้ไม่ได้เลยสักนิด “ไปเข้าครัวโน่น ฉันอยากกินข้าว... ไม่ได้อยากกินนาย ไม่พิศวาส ตรงกันข้ามขยะแขยงด้วยซ้ำ ผ่านมาตั้งเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้”

หยดน้ำตาเม็ดเล็กร่วงกราวจากดวงตาคู่สวยทันทีที่ผมพูดจบประโยค และภาพที่เห็นก็ทำให้ใจผมกระตุกมากกว่าที่คิด ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาเต็มใจหัวใจ ผมรู้ตัวเลยว่าดวงตาและใบหน้าของผมที่พยายามจะทำให้แข็งกร้าวเมื่อกี้อ่อนวูบลง เพียงเพราะเห็นเด็กตรงหน้าร้องไห้

ผมเบือนสายตาหนีก่อนจะเหวี่ยงต้นแขนเล็กๆ ของคนเด็กกว่าออกจากมือ ก่อนจะเหลือบเห็นว่าที่นิ้วชี้ของมือข้างเดียวกันนั้นมีพลาสเตอร์ยาปิดแผลอยู่

และไนล์คงเห็นว่าผมมอง เจ้าตัวเลยรีบละล่ำละลักบอก

“ไนล์ไม่ได้เป็นอะไรมากเลยครับ แค่มีดบาดมือเฉยๆ แผลเล็กนิดเดียวเอง”

ภาพความทรงจำเมื่อเช้าหลุดรอดเข้ามาในความคิด ตอนที่ไนล์ปล่อยมีดและกุมมือตัวเองไว้แน่น น่าจะเพราะเพิ่งโดนมีดบาดและไม่อยากให้ผมเห็น..

แต่ช่างสิ อยากไม่ระวังเองแล้วจะมาโทษผมได้ยังไง

ผมปัดทุกความคิดและความวุ่นวายใจ ก่อนจะพูดโดยที่ไม่มองเด็กที่ยืนตาแดงก่ำตรงหน้า ... ไนล์กำลังกลั้นไม่ให้น้ำตาไหล และผมก็สับสนกับตัวเองมากกว่าเกินกว่าจะทำอะไรมากไปกว่านี้ได้เลยพูดส่งๆ แล้วเดินหนี

“ไปทำกับข้าว ฉันให้เวลาสิบห้านาที อาหารต้องพร้อม .. ถ้าไม่พร้อมฉันไล่นายกลับบ้านแน่!!”

ผมจะไม่มีวันใจอ่อนให้น้ำตาจอมปลอมเด็ดขาด ไม่มีวัน ผมเจ็บมาเยอะ ไว้ใจมาเยอะ เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมให้ใครมาปั่นหัวผมได้อีก โดยเฉพาะเด็กผู้ชายตรงหน้า...ไม่มีวัน

.

.

.

To Be Continue

---------------------------------------

ไม่รู้รู้เหตุผลของพี่ภูแล้วจะสงสารหรือจะเกลียดยิ่งกว่าเดิม 5555555555

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และการติดตามดีไม่ดี ชอบไม่ชอบยังไงบอกได้น้า แล้วเราจะเอามาปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาตัวเองต่อไปค่ะ

ขอบคุณมากๆ ขอบคุณอีกครั้ง ช่วงนี้ไวรัสระบาด ทุกคนดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ ล้างมือให้บ่อยๆ ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น รวมไปถึงสวมแมสก์ทุกครั้งที่ต้องพบคนนอกบ้านด้วย

อยากให้ไวรัสหมดไวๆ เราจะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติกันสักที ทางนี้ก็อุดอู้อยู่แต่บ้านจนจะเขียนนิยายไม่ออกอยู่แล้ว เป็นท้อออเลยค่ะ ฮือออ

โอเค วันนี้ทอล์คเยอะไปแล้ว ดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ แล้วไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ .. เริ้บ <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-07 : Universe 9th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-04-2020 22:24:22
เฮ้ออ อีพี่ภู ร้ายกะน้องไปไหมเนี่ย สงสารน้องไนล์
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-07 : Universe 9th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 08-04-2020 00:44:42
ไอ้ต้าวพี่ภู
คิดเยอะคิดซับซ้อนเหลือเกินนน

รีบรักน้อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-07 : Universe 9th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-04-2020 11:31:00
ไม่ชอบน้อง รำคาญน้อง ก็ไม่ต้องสนใจน้อง น้องจะทำอะไรก็ปล่อยน้องไป เราจะกินไม่กินก็ปล่อยให้น้องทำไป แล้วพี่ภูจะรู้ว่าน้องดีแค่ไหนถึงพี่ไม่สนน้องก็ยังจะทำให้ตลอดแหล่ะเราว่า
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-14 : Universe 10th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 14-04-2020 20:47:54
Universe 10th - สับสน


การมาอยู่ร่วมกันกับพี่ภูไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ผมคิด ดูเหมือนว่าพี่ภูจะมองโลกในแง่ร้ายเกินกว่าที่ผมจินตนาการไว้ไปมาก พี่ภูหงุดหงิดทุกครั้งที่มองหน้าผม ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดก็เลยพยายามอยู่เฉยๆ เงียบๆ ในมุมของตัวเอง เพราะไม่อยากให้พี่ภูอารมณ์เสียเพราะผมทำอะไรไม่ถูกใจ แต่ก็กลายเป็นว่าพอผมอยู่เฉยๆ พี่ภูก็เรียกผมเข้าไปหา หรือไม่ก็เป็นพี่ภูเองนั่นแหละที่เข้ามาหาเรื่องผม จนผมสับสนทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะวางตัวยังไงดี

“คุณไนล์คะ ป้าทำความสะอาดห้องน้ำทั้งห้องคุณภูแล้วก็ห้องคุณไนล์เรียบร้อยแล้วนะคะ คุณไนล์จะให้ป้าทำอาหารแช่ตู้เย็นไว้ให้ด้วยไหมคะ?”

ป้ามลแม่บ้านที่พี่ภูจ้างไว้เข้ามาถามผมที่กำลังง่วนอยู่กับการสำรวจตู้เย็นเพื่อดูว่ามีของสดอะไรที่พอจะนำมาทำอาหารได้บ้าง ผมเพิ่งได้เจอกับป้ามลเป็นครั้งแรก เพราะเพิ่งมาอยู่คอนโดพี่ภูได้สามสี่วัน แต่ป้ามลกลับดูรู้จักผมดี เดาว่าคุณแม่ของพี่ภูคงจะบอกเอาไว้แล้วว่าผมเป็นใครและมาทำอะไรที่นี่ เลยทำให้ป้ามลดูอ่อนน้อมกับผมจนผมเกรงใจ ผมเลยต้องบอกแกไปว่าให้ทำตัวตามสบาย คิดเสียว่าผมเป็นลูกหลานคนหนึ่งของแกก็แล้วกัน

“ไม่เป็นครับป้ามล เดี๋ยวเรื่องอาหารไนล์ทำเองครับ แต่ไนล์อยากจะรบกวนป้ามลช่วยไปซื้อของสด ผลไม้ แล้วก็พวกขนมปังมาติดตู้เย็นไว้บ้างได้ไหมครับ เผื่อวันไหนพี่ภูหิวจะได้ไม่ต้องหิ้วท้องรอนานๆ”

“ได้ค่ะ”

ป้ามลยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเตรียมจะหันหลังเดินออกไป แต่ผมเรียกไว้ก่อนพร้อมกับยื่นเงินที่หยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงจำนวนหนึ่งให้ป้า

“นี่ครับ ป้ามลเอาไปซื้อของนะครับ แล้วป้ามลอยากทานอะไร ป้ามลก็ซื้อมาได้เลยเอาเงินในนี้แหละ”

ป้ามลส่ายหน้าดิก พร้อมกับผลักมือผมที่ยื่นเงินออกไปให้เบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวป้าไปเอาจากคุณภู เพราะปกติเวลาป้าจะซื้ออะไรคุณภูจะให้ไปเบิกแยก”

ผมยิ้มก่อนจะจับมือป้ามลมาแล้วเอาเงินใส่ในมือของป้าแกมบังคับ

“รับไปเถอะครับ นี่ก็เงินพี่ภูแหละ เขาให้ไนล์ไว้ เดี๋ยวถ้าขาดเหลือยังไงไนล์ค่อยไปเบิกจากพี่ภูเพิ่ม”

ป้ามลลังเลผมเลยต้องพยักหน้าย้ำแกถึงได้ยอมรับไป แม้จะดูไม่แน่ใจว่าเงินที่ผมให้ไปเป็นเงินพี่ภูจริงหรือเปล่า ซึ่งผมก็ไม่ได้โกหกป้ามลนะ ก่อนหน้านี้สองวันพี่ภูให้เงินผมไว้จำนวนหนึ่ง เอาไว้ใช้จ่ายซื้อของในบ้านแล้วก็ให้จ่ายค่าแรงป้ามลหลังจากทำงานเสร็จ

เพียงแต่เงินที่ผมให้ป้ามลไปนั้นไม่ใช่เงินที่พี่ภูให้ไว้ แต่เป็นเงินของผมเองเพราะผมตั้งใจแล้วว่าเงินที่พี่ภูให้มาทุกบาททุกสตางค์ผมจะเก็บไว้ และจะคืนให้เขาหลังจบเรื่องทั้งหมด

ไม่ว่าแผนการจะเวิร์คหรือไม่เวิร์คก็ตาม

ผมรู้ว่าพี่ภูคิดอคติกับผมเรื่องเงิน ที่จริงผมก็ไม่อยากให้พี่ภูเข้าใจผิดแบบนั้น แต่ครั้นจะให้ผมออกตัวว่า ...
 

‘พี่ภูไม่ต้องให้เงินผมก็ได้ครับ ผมเองก็พอมีเงินของตัวเองอยู่’
 

... ก็ไม่ได้อีก เพราะไม่งั้นพี่ภูก็จะสงสัยว่าถ้าผมมีเงินพอกินพอใช้แล้วผมจะมาขอทำงานดูแลเขาทำไม

ดังนั้นอะไรๆ มันเลยดูติดขัดไปด้วยเงื่อนไขเสียทุกอย่าง ทางออกที่มีและที่ผมพอจะทำได้ก็คือการยอมรับเงินจากพี่ภูเป็นค่าจ้างจากการทำงานมาปกติ แต่เก็บเอาไว้แล้วหลังจากเรื่องนี้จบทุกอย่างลงตัวผมค่อยคืนเงินให้เขาทีหลัง ส่วนเรื่องอคติที่พี่ภูมีต่อตัวผมก็คงต้องค่อยๆ แก้กันไป เพราะดูเหมือนพี่ภูจะฝังใจมากว่าผมเป็น .. เอ่อ ผู้ชายอย่างว่า... ผู้ชายขายบริการ

ผมคงทำอะไรได้ไม่มากนอกจากพยายามพิสูจน์ตัวเองให้พี่ภูเห็นว่าผมไม่เป็นแบบนั้น ผมไม่ได้เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์หรือจะปอกลอกเงินทองอะไรของเขา ความปรารถนาเดียวที่ผมมีต่อเรื่องนี้ก็คือหวังจะเห็นเขามีความสุขและเป็นพี่ภูคนเดิมก็แค่นั้นเอง

“งั้นเดี๋ยวป้ามานะคะคุณไนล์ จะไปตลาดกับห้างใกล้ๆ ถ้าคุณไนล์อยากได้อะไรเพิ่มก็โทรไปบอกป้าได้เลยนะคะ”

ป้ามลบอก ก่อนที่ผมจะยิ้มรับ “ครับป้า ไนล์รบกวนด้วยนะครับ”

“โอ๊ย รบกงรบกวนอะไรกันคุณไนล์เป็นเจ้านาย ขอแค่เอ่ยปากบอกเรื่องแค่นี้ป้าทำได้ค่ะ”

ผมรีบโบกมือห้ามตาโต กำลังจะกำชับบอกป้ามลว่าไม่ให้พูดแบบนี้สุ่มสี่สุ่มห้า เดี๋ยวเกิดพี่ภูผ่านมาได้ยินแล้วจะเป็นเรื่อง ซึ่งดูเหมือนว่าวันนี้โชคจะไม่เข้าข้างผมสักเท่าไหร่นัก เพราะพอจบคำป้ามล เจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ก็เดินผ่านประตูครัวเข้ามาทันที

“ใครเป็นเจ้านายนะครับป้า เด็กนี่บอกป้าเหรอว่าเขาเป็นเจ้านายป้าน่ะ?”

เสียงทุ้มถามขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดทำเอาป้ามลหน้าซีดเพราะนึกหาคำตอบมาแก้ตัวไม่ทัน ผมเองก็เห็นท่าไม่ดีกลัวความจะแตกแล้วป้ามลเผลอสารภาพไปว่าผมเป็นน้องชายของเพื่อนสนิทของพี่ภู ป้าเลยถือว่าเป็นเจ้านายอีกคน ผมเลยพยายามเนียนๆ บอกป้าว่าให้ออกไปซื้อของก่อน ซึ่งป้าก็ไม่รีรอที่จะออกไปทันที

“ป้ามลรีบไปซื้อของเถอะครับ เดี๋ยวสายแล้วตลาดจะวายเอา”

“ค่ะๆ คุณไนล์ ป้าไปตลาดก่อนนะคะ แล้วยังไงป้าจะรีบกลับ”

พี่ภูทำท่าจะอ้าปากเรียกป้ามลที่ก้าวฉับๆ ออกจากครัวตรงดิ่งไปที่ประตูคอนโดอย่างรวดเร็ว เขาดูหงุดหงิดอีกแล้ว และครั้งนี้ผมก็คงหนีไม่พ้นคลื่นอารมณ์ลูกใหญ่ที่ต้องซัดเข้ามาอย่างจังแน่

“นี่!” เป็นไปตามคาด เมื่อพี่ภูเอาคำตอบจากป้ามลไม่ได้ เขาก็หันกลับมากระชากต้นแขนผมเสียเจ็บ ซึ่งผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเม้มปากอดทนไม่กล้าร้องสักแอะเพราะกลัวว่าพี่ภูจะโมโหยิ่งกว่าเดิม “มาอยู่แค่สองสามวันก็วางท่าใส่คนอื่นแล้วรึไง ห๊ะ?”

“ไนล์เปล่านะครับ” ผมก้มหน้าปฏิเสธ พยายามไม่เถียงพี่ภูมาก ผมไม่อยากให้เขาหงุดหงิดใจเพิ่มมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่ายิ่งผมพูดน้อยจะยิ่งทำให้เขาไม่พอใจ

“เปล่าอะไร? ก็ได้ยินเต็มชัดๆ สองหูเมื่อกี้ว่าป้ามลเรียกนายว่าเจ้านาย.. หึ! นี่คงพองขนเต็มที่เลยสินะ ไม่ได้รู้ตัวเลยเหรอว่านายกับป้ามลน่ะเท่าเทียมกัน นายไม่ได้เหนืออะไรไปกว่าป้ามลเลย” พี่ภูพึมพำเสียงเยาะ จนผมเจ็บไปทั้งใจ “ก็แค่เด็กรับใช้”

“...”

ผมยังคงเงียบปล่อยให้พี่ภูกำต้นแขนจนเจ็บ “เงียบทำไม ถ้าอยากเถียงก็เถียงออกมา ไม่ต้องมาแอ๊บทำเป็นใสๆ เรียบร้อย ฉันรู้ว่านายน่ะมันเชี่ยวกว่าที่เห็น”

“ไนล์รู้ตัวครับว่าเป็นแค่คนรับใช้ ไนล์ไม่ได้จะตีตัวเสมอพี่ภูเลย ป้ามลเขาคงแค่พูดเล่นเฉยๆ”

“หึ! รู้ตัวก็ดี เพราะจะว่าไปแล้วในคอนโดนี้ป้ามลยังสำคัญกว่านายอีก เพราะอย่างน้อยฉันก็ต้องการป้าเขาไว้ให้ช่วยดูแลบ้านดูแลฉัน แต่กับนาย.. ฉันไม่ได้ต้องการด้วยซ้ำ ถ้าแม่กับไอ้เทมส์ไม่ยัดเยียดมาให้ฉันก็มาอยากได้หรอก”

ผมนิ่งเงียบเม้มปากแน่นและพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลอย่างสุดความสามารถ ตั้งแต่ผมมาอยู่คอนโดพี่ภู ผมถูกพี่ภูพูดทำร้ายจิตใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง และถึงแม้ผมจะเสียใจมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังคงหยุดรักหยุดเป็นห่วงเขาไม่ได้ หนำซ้ำความเป็นห่วงที่มีให้เขายังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นท่าทีแข็งกร้าวที่เขาแสดงออก เพราะมันทำให้เห็นว่าถ้าไม่มีใครสักคนคอยอยู่ข้างๆ ละลายน้ำแข็งและกำแพงที่เกาะกินอยู่ในใจเขา พอจนถึงวันนึงไอ้น้ำแข็งและกำแพงที่ว่าอาจจะทำลายไม่ได้อีกตลอดกาล

ดังนั้น ไม่ว่าต่อให้ผมจะต้องถูกพี่ภูต่อว่าหรือทำให้เจ็บช้ำน้ำใจมากเท่าไหร่ ผมก็ทิ้งเขาไปไม่ได้ มันอาจจะฟังดูดื้อรั้นและสิ้นหวังมากพอๆ กับการที่ผมแอบรักเขามานานถึงสิบปีนั่นแหละ

ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องทรมานตัวเองมากขนาดนั้น อาจจะเพราะผมรักเขามาก และอาจจะเพราะผมยังพอทนไหว และที่ลึกที่สุดของหัวใจก็คือผมหวัง หวังว่าพี่ภูคนเดิมของผมจะยังอยู่ตรงนั้น รอเหมือนคนที่กำลังหลงทางให้ใครสักคนได้พากลับมา

“ไนล์.. ไนล์ขอโทษครับ”

ผมก้มหน้าพูดกับพี่ภูเสียงสั่น ผมพยายามห้ามตัวเองแล้วไม่ให้ร้องไห้ และปลอบตัวเองให้เข้มแข็งกว่านี้ แต่ผมก็ทำได้เท่านี้ ซึ่งก็หวังว่าจะไม่ทำให้พี่ภูหงุดหงิดใจไปยิ่งกว่าเดิม

พี่ภูชะงักมือที่บีบต้นแขนผมก่อนจะคลายแรงรัดออกช้าๆ ผมค่อยๆ ช้อนตาที่แดงก่ำเงยมองเจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ในชั่วขณะหนึ่งผมเห็นแววตาคมที่แสนอ่อนโยนเมื่อครั้งเรายังเด็กกว่านี้วูบไหวด้วยความรู้สึกผิดอยู่วูบหนึ่ง ก่อนที่พี่ภูจะกะพริบตาแล้วหันไปทางอื่น จากนั้นเขาก็ดันแขนผมออกให้ห่างจากตัวเอง

“อย่าให้ฉันเห็นว่านายวางตัวเหนือป้ามลอีก ทำหน้าที่ตัวเองไป อย่าทำในสิ่งที่ฉันไม่ได้สั่ง เข้าใจที่พูดหรือเปล่า”

พี่ภูถามผมเสียงเข้ม เขาไม่ยอมมองหน้าผมด้วยซ้ำ ท่าทางจะยังหงุดหงิดอยู่ ผมเลยรีบรับปากเพราะไม่อยากให้พี่ภูโมโห

“เข้าใจครับ ไนล์เข้าใจแล้ว” ผมรับคำแข็งขัน ก่อนจะเอ่ยถามเสียงอ่อนเพราะกลัวถูกดุที่เซ้าซี้ “แล้วกลางวันนี้พี่ภูอยากทานอะไรครับ ไนล์จะได้ทำให้”

พี่ภูหันมามองผมด้วยแววตาแปลกใจ “ทำเป็นหรือไง?”

“พอทำได้บ้างครับ พี่ภูทานสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาไหมครับ มันพอมีของสดในตู้เย็นที่พอทำได้ เพราะถ้ารอป้ามลกลับมา ไนล์กลัวพี่ภูจะหิวเสียก่อน”

เขาดูครุ่นคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก็จะตอบรับแบบปัดๆ “จะทำอะไรก็ทำมา เอาให้กินได้แล้วกัน”

ผมยิ้มกว้าง อารมณ์ที่เคยขุ่นมัวเมื่อครู่สดใสขึ้นมาทันที เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พี่ภูเปิดใจยอมให้ผมทำอาหารให้ทาน

“ได้ครับ ไนล์จะทำสุดฝีมือเลย”

และก็เป็นอีกครั้งที่พี่ภูเบือนหน้าหนีผม ทำเอารอยยิ้มที่เคยกว้างของผมเจื่อนลงจนผมรู้สึกได้

“แล้วอย่ามัวแต่เถลไถลคุยโทรศัพท์นะ ฉันจ้างให้นายมาทำงาน อย่าให้รู้ว่าแอบนัดแนะคุยกับผู้ชายที่ไหน ถ้าฉันจับได้ล่ะก็นายได้ออกไปนอนนอกคอนโดแน่”

พี่ภูชี้หน้าคาดโทษ ทำเอาผมได้แต่งุงนงงว่าพี่ภูหมายถึงอะไร ผมไม่เคยคุยกับผู้ชายคนไหนเลยนอกจากพี่เทมส์ ซึ่งพี่ภูก็ไม่น่าจะได้ยินเพราะทุกครั้งที่คุยกับพี่เทมส์ผมคุยในห้องตลอด ถ้าพี่ภูไม่มายืนหน้าห้องหรืออยู่ในรัศมีใกล้ๆ ก็ไม่มีทางได้ยินหรอก จะให้ผมเชื่อว่าพี่ภูเดินมาได้ยินที่หน้าห้องผมงั้นเหรอ? ... ไม่น่าเป็นไปได้

ผมมองตามหลังพี่ภูที่เดินออกไปอย่างหงุดหงิดก็ได้แต่ถอนใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้คุยกันดีๆ สักที

.

.

.

หลังจากทำอาหารเสร็จก็ใกล้ได้เวลาเที่ยงพอดี พี่ภูนั่งดูทีวีเอกเขนกอยู่ตรงโซฟาหน้าทีวีในมือถือโทรศัพท์มือถือแนบหู เขาปรายตามามองผมเล็กน้อย ผมอ่านสายตาเขาไม่ออกแต่พอเห็นพี่ภูติดสายอยู่ก็เลยยังไม่ได้เรียกเขามาทาน ได้แต่จัดโต๊ะรอจังหวะให้พี่ภูวางสาย

“แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไรถึงต้องอยากรู้ขนาดนั้น?”

ผมสะดุ้ง ตอนที่ได้ยินพี่ภูถามปลายสายเสียงเขียว ผมไม่รู้ว่าพี่ภูคุยกับใครแต่ท่าทางน่าจะสนิทกันน่าดู

“กูไม่ใช่ยักษ์ใช่มาร ทำไม? เป็นห่วงห่าอะไรนักหนา ท่าทางกร้านโลกเจนจัด มีอะไรให้มึงต้องกังวลว่าเด็กนั่นจะเอาตัวรอดไม่ได้”

หลังจากที่ได้ยินบทสนทนาแปลกๆ ผมเลยตัดสินใจเงยหน้ามองคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล พอเห็นพี่ภูจ้องมาที่ผมเขม็ง ผมก็นึกรู้ทันทีว่า เด็กกร้านโลกเจนจัด ที่ภูหมายถึงนั่นคือใคร

ก็คงไม่แคล้วเป็นผมเอง

แล้วอีหรอบนี้ปลายสายก็คงไม่พ้นพี่เทมส์แหงๆ ผมนึกหนาวๆ ร้อนๆ ว่าหลังจากวางสาย ผมต้องโดนพี่ภูถากถางพูดจาไม่ดีใส่แน่ๆ โทษฐานทำให้เพื่อเขาสนใจในตัวผมเป็นพิเศษ

โถ่... พี่เทมส์ ถ้าอยากรู้อะไรทำไมไม่ถามผม ไปถามพี่ภูทำไมนะ เขายิ่งคิดว่าผมล่อลวงผู้ชายเก่งอยู่

“ไอ้เทมส์ กูชักจะรำคาญแล้วนะ เด็กนั่นทำเสน่ห์ใส่มึงเหรอ? แค่ลำพังแม่แค่คนเดียวกูก็สุดจะทนแล้วนะ นี่ยังมึงอีก” พี่ภูตวาดพี่เทมส์เสียงดัง พร้อมกับระบายลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด “กูถามจริงนะ ไนล์อ่อยมึงใช่ไหม ทำไมมึงสนใจอะไรนักหนาวะ?”

ผมสะดุ้ง รีบก้มหน้าจัดโต๊ะต่อทั้งที่มือกับสมองแทบจะไปคนละทิศคนละทาง และไม่กี่อึดใจต่อมาผมก็ได้ยินเสียงทุ้มกระชากด่าทอพี่ชายผมไปตามสายก่อนจะตบท้ายการสนทนาด้วยประโยคที่ทำผมแน่ใจขึ้นมาทันทีว่าพี่ภูแอบได้ยินผมกับพี่เทมส์คุยกัน

“กูไม่รู้! มึงก็ถามเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาแบบปลอมๆ ของมึงแทนแล้วกัน มึงมีเบอร์มีไลน์กันนี่ ไปถามกันเอาเอง ไมต้องมายุ่งกับกู! แค่นี้นะ!”

พอจบจากการพูดคุยกับพี่ชายผม พี่ภูก็โยนโทรศัพท์ลงที่โซฟาข้างๆ พลางหันมาทำหน้าทำตาหงุดหงิดใส่ผม ทำเอาผมที่กำลังแอบๆ เหลือบตามองต้องพยามยามบีบตัวลีบเกร็ง เพราะรู้ดีว่าตอนนี้พี่ภูกำลังหงุดหงิดผมมากแค่ไหน เขาคงคิดไปตามประสาว่าผมไปหว่านเสน่ห์ใส่พี่เทมส์จนพี่เทมส์เกิดเป็นห่วงเป็นใยผมเกินหน้าเกินตา ทั้งที่ก็ไม่ได้รู้จักสนิทสนมกัน มันก็ไม่ผิดที่ภูไม่รู้ และมันก็ไม่ผิดที่พี่เทมส์จะเป็นห่วงผมผู้ซึ่งเป็นน้องชายคนเดียวที่เขาฟูมฟักดูแลมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ซึ่งถ้าจะหาว่าคนผิดคือใครก็คงจะเป็นผม ที่อยากจะทำตามใจตัวเองจนมองไม่เห็นถึงข้อจำกัดต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อผมเข้ามาอยู่ร่วมชายคากับพี่ภู

 

ก็อย่างที่คนเขาว่านั่นแหละ เริ่มโกหกแล้วครั้งหนึ่งมันก็ต้องมีครั้งต่อๆ ไป มันจะหยุดโกหกไม่ได้ ไม่เช่นนั้นทุกอย่างที่สร้างมาจะพังครืนทันที

 

พี่ภูเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ในขณะที่ผมก็ทำตัวหลุกหลิกพยายามจะขยับหนีออกจากเจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามา พร้อมกับจ้องหน้าผมตาแทบไม่กะพริบ และในจังหวะที่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะวิ่งหนีเข้าห้องตัวเองเพราะจัดการโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว พี่ภูก็ก้าวพรวดเดียวมาถึงตัวผมและกระชากต้นแขนผมไว้แน่นจนผมเผลอนิ่วหน้าด้วยเจ็บ และพอผมถูกพันธนาการไว้ด้วยมือใหญ่ของพี่ภูผมก็ขยับหนีไปไหนไม่ได้ ผมถูกดึงให้หันกลับมาเผชิญหน้าพี่ภู เขาขยับเข้ามาเรื่อยๆ โดยที่ผมถอยหนีไม่ได้เลยเหมือนถูกดันให้นั่งลงบนเก้าอี้กลายๆ พี่ภูปล่อยยอมแขนผมออกแต่กักร่างผมไว้ด้วยการเท้ามือทั้งสองข้างลงบนที่เท้าแขนเก้าอี้แทน ผมก็ได้แต่ใจเต้นหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกเพราะความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว

“พะ.. พี่ พี่ภูครับ”

ผมก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนที่ยืนคร่อมอยู่เลยแม้แต่นิด สายตาพี่ภูที่จ้องมาตอนนี้ทำให้ผมร้อนไปทั้งตัว แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ได้จ้องมาด้วยความพิศวาส รักใคร่ หรือพึงพอใจอะไรทั้งนั้น ตรงกันข้ามผมรู้ดีว่าสายตากร้าวที่กำลังมองกันอยู่นั้นคงเต็มไปด้วยความสงสัย เคลือบแคลงและไม่ไว้ใจเสียมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ห้ามหัวใจตัวเองให้ไม่เต้นแรงไม่ได้เลย

“นายทำอะไรกับเพื่อนฉัน บอกมา?” พี่ภูถามผมเสียงเรียบ และมีความไม่พอใจปะปนอยู่จนผมสัมผัสได้ “ปกติไอ้เทมส์มันไม่เคยเป็นแบบนี้ มันไม่เคยสนใจใคร แต่ทำไมมันถึงได้วุ่นวายซอกแซกอยากรู้เรื่องนายนัก? นายไปให้ท่ามันไว้ใช่ไหม? หลอกเงินมันเหรอ? หรือปั่นหัวมันหว่านเสน่ห์? ห๊ะ?”

ผมหดคอหลับตาปี๋ เสียงตะคอกพี่ภูดังขึ้นเรื่อยๆ จนผมได้แต่ส่ายหน้า ไม่กล้าตอบอะไรทั้งนั้น พอพี่ภูโน้มหน้าลงมาใกล้ ผมก็ได้แต่พึมพำเสียงเบาตอบเพราะไม่อยากให้พี่ภูโมโหกว่าเดิม

“นะ ไนล์เปล่าครับ ไนล์ไม่ได้ทำ”

พี่ภูละมือข้างหนึ่งออกจากที่เท้าแขนแล้วจับเข้าที่คางผมก่อนจะเชิดหน้าผมขึ้น ผมหลบตาพี่ภู แต่พี่ภูก็ไม่ยอมรามือ เขาโน้มหน้าลงมาใกล้เรื่อยๆ ก่อนจะกระซิบเสียงแข็ง

“ไม่ได้ทำ? แล้วอาการที่ไอ้เทมส์เป็นคืออะไร? อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่านายแอบติดต่อกับมัน ทำไมเงินมันไม่พอใช้รึไง ทำไมถึงอ่อยถึงให้ท่าคนไปทั่วแบบนี้?”

“พี่ภู.. ฮึก ไนล์เปล่าจริงๆ นะครับ”

พี่ภูชะงักไปตอนเห็นผมกลั้นก้อนสะอื้นและห้ามตัวเองไม่ให้น้ำตาไหลจนตาแดงก่ำไปหมด แต่แค่แปปเดียวเท่านั้น เพราะจู่ๆ พี่ภูก็โน้มหน้าลงมาจนชิด ปลายจมูกของเราสัมผัสกันโดยไม่ได้ตั้งใจ และริมฝีปากของเราสองคนก็ห่างกันไม่ถึงเซ็นติเมตร

ผมหลับตาปี๋โดยสัญชาตญาณ แต่แล้วจู่ๆ มือที่พี่ภูจับคางของผมไว้ก็สะบัดออก พร้อมๆ กับที่พี่ภูถอยออกไปจนห่างและจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาดูถูก

“ทำไม? คิดว่าฉันจะจูบนายงั้นหรอ? ฝันไปรึป่าว? นายมีอะไรให้ฉันพิศวาสไม่ทราบ แค่หน้าฉันยังไม่อยากจะมอง.. เหอะ”

น้ำตาผมร่วงทันทีที่ได้ยินพี่ภูพูดแบบนั้น ผมก้มหน้านิ่งไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงว่าผมเองไม่ได้สำคัญตัวขนาดที่คิดว่าพี่ภูจะมาจูบหรืออะไร เพียงแต่ผมตกใจ และผมก็ไม่เคยใกล้ชิดกับใครขนาดนี้มาก่อน

ผมยอมรับว่าวูบหนึ่งในใจลึกๆ มันตื่นเต้น มันลิงโลด ในฐานะของคนแอบรักผมผิดด้วยเหรอที่จะรู้สึกดีหากจะถูกสัมผัสโดยคนที่ผมได้แต่มองมาตลอดสิบปี ผมไม่ได้คาดหวังอะไร แต่การถูกปรามาสซึ่งหน้าแบบนี้มันทำให้ผมอดนึกน้อยใจไม่ได้

อะไรที่ทำให้พี่ภูจงเกลียดจงชังผมมากขนาดนี้กัน

ผมพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่พี่ภูก็กดตัวผมไว้ให้นั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ก่อนจะเริ่มพูดอีก

“นายจะต้องเลิกยุ่งกับไอ้เทมส์ และฉันจะไม่พูดเรื่องนี้ซ้ำอีก ถ้าฉันเห็นนายพยายามจะติดต่อมัน หรือแอบติดต่อมันหลังฉัน นายโดนดีแน่เข้าใจไหม?”

ผมเงยหน้าก้มหน้าก้มตารีบพยักหน้ารับปากพี่ภูเพราะไม่อยากได้ยินเขาพูดทำร้ายจิตใจมากไปกว่านี้ แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ไม่ได้ถูกใจเขาเลยสักอย่าง พี่ภูจึงได้จับคางผมเงยขึ้นอีกครั้ง แล้วคาดคั้นให้ผมรับปาก

“เวลาฉันถามหรือฉันสั่งอย่ามาหลบตาหลบหน้า ฉันไม่ชอบ พูดออกมา!”

“ครับ” ผมรับปากพี่ภู ก่อนจะขบริมฝีปากล่างของตัวเองแน่นเพราะกลัวหลุดเสียงสะอื้นให้อีกฝ่ายรำคาญใจ พี่ภูชะงักไปชั่วอึดใจหนึ่ง แววตาแข็งกร้าววูบไหวอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ สิ่งที่ผมไม่ได้คาดคิด ไม่สิ ไม่กล้าคาดคิดมากกว่าหลังจากเหตุการณ์ก่อนหน้า ก็เกิดขึ้น

พี่ภูโน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้หยุดรอหรือมีท่าทีลังเลอะไรให้ผมได้ทันเอะใจ ริมฝีปากหยักลึกถูกยื่นเข้ามาใกล้ก่อนที่ฟันของพี่ภูจะกัดลงบนริมฝีปากล่างผมเบาๆ จนผมเผลอตกใจปล่อยริมฝีปากล่างตัวเองที่ขบอยู่ก่อนหน้าออก ดวงตาเบิกกว้างเพราะตกใจที่จู่ๆ พี่ภูก็ทำแบบนี้

ผมยกมือขึ้นดันไหล่พี่ภูโดยทันทีอัตโนมัติเหมือนเป็นสัญชาตญาณของการป้องกันตัว แต่ดูเหมือนพี่ภูจะไม่ได้รู้สึกถึงมือเล็กๆ ของผมที่พยายามจะดันเขาออก  เขาแนบริมฝีปากตัวเองลงมาบนริมฝีปากผมอีกครั้ง และยังไม่ได้ทันที่เขาจะได้ขยับทาบทับประตูห้องคอนโดก็เปิดผ่างออกเสียก่อน พร้อมๆ กับที่เสียงของป้ามลดังเข้ามาตามตัว

“ป้ากลับมาแล้วค่ะ คุณๆ อยู่ไหนกันคะ?”

พี่ภูดีดตัวออกจากผมทันทีที่ได้ยินเสียงของป้ามล ในขณะที่ผมก็ลุกขึ้นยืนพรวดพราดพร้อมกับก้มหน้านิ่งแล้วเอ่ยพึมพำบอกพี่ภู โดยที่ไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายเลยสักนิด

“พะ... พี่ภูทานตามสบายนะครับ ไนล์เตรียมอาหารไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ยังไงไนล์ขอตัวไปพักผ่อนก่อนเหมือนจะปวดหัวนิดหน่อย”

ผมไม่รอให้พี่ภูเอ่ยอนุญาต ผมก้มหน้างุดๆ แล้วตรงดิ่งไปที่ห้องนอนตัวเองทันที โดยที่ผมก็ไม่ได้คิดจะหันไปมองว่าพี่ภูมีท่าทียังไงหลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่

ถ้าสมมติว่าป้ามลไม่เปิดประตูเข้ามา พี่ภูจะจูบผมต่อหรือหยุดทุกอย่างเพราะได้สติ...

ผมเองก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ผมไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่าพี่ภูจูบผมทำไม เขาแค่อยากแกล้งปั่นหัวผมเล่น หรือเขาแค่หมั่นไส้ที่ผมทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ หรือเขาแค่หวั่นไหวเพราะเราอยู่ใกล้กัน ซึ่งในความเป็นไปได้ของเหตุผลสุดท้ายนั้นผมแทบจะตัดทิ้ง เขาเกลียดผมเข้าไส้ขนาดนั้นจะเอาอะไรมาหวั่นไหว ถ้าให้ทายก็คงจะเหตุผลแรกกับเหตุผลที่สองปนๆ กันนั่นแหละ

หรือไม่แน่พี่ภูอาจจะอยากทดสอบสมมติฐานของตัวเองก็ได้ว่าผมเป็นพวกชอบหว่านเสน่ห์ หลอกผู้ชายเพื่อขอเงินไปทั่วหรือเปล่า ผมแทบไม่อยากจะคิดว่าถ้าป้ามลไม่เข้ามา แล้วผมเผลอใจอ่อนคล้อยตามเขาไปอีกนิด เขาจะต่อว่าหรือประนามความใจง่ายของผมอีกไหม เขาจะคิดว่าผมทำไปเพราะหวังในทรัพย์สินของทองของเขาหรือเปล่า

ทั้งๆ ที่การที่ผมยอมเขานั้นมันมีแค่เหตุผลเดียว เหตุผลที่พี่ภูไม่เคยจะมองหา เหตุผลที่ภูไม่เห็นว่าอยู่ในระบบความคิดหรืออยู่ในสายตาของเขาสักนิด

 

...เหตุผลที่ว่าผมรักเขามาก มากจนยอมทิ้งศักดิ์ศรี ทิ้งตัวตน ทิ้งทุกอย่าง เพื่อให้ได้มีเวลาอยู่กับเขาเพิ่มขึ้นอีกสักวินาทีก็ยังดี ...

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-14 : Universe 10th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 14-04-2020 20:51:59
(ต่อจากด้านบน)


Kirin’s Part

 

ผมสับสน ผมกำลังสับสน

ผมเผลอจูบคนที่ผมบอกว่าเกลียดนักหนาไปได้ยังไง?

เอาเถอะ ถึงจะยังไม่ทันได้จูบแต่ก็เกือบจูบ ผมพูดตรงๆ เลยว่าถ้าป้ามลไม่เปิดประตูเข้ามา ผมบดปากไนล์ช้ำแน่ๆ

เด็กบ้าอะไรวะ น่ารังแกชะมัด! โดยเฉพาะปากเล็กๆ สีแดงระเรื่อนั่น ผมแทบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าโน้มหน้าตัวเองลงไปเมื่อไหร่ พอรู้อีกทีก็คือริมฝีปากประทับลงไปบนอวัยวะเดียวกันกับของอีกฝ่ายแล้ว ไนล์ตะลึงงันพอๆ กับที่ผมไม่ได้สติและขาดการควบคุมตัวเองอย่างสิ้นเชิง

ผมสารภาพตามตรงว่าตอนแรกไอ้ความคิดที่อยากจะจูบเด็กนั่นไม่มีเลยสักนิด ผมแค่อยากจะแกล้งและอยากจะดูทีท่าของไนล์ก็เท่านั้นว่าถ้าผมทำท่าเหมือนจะจูบเขาแล้วเขาจะมีปฏิกริยายังไง กระโจนเข้าใส่หรือทำทีเป็นไร้เดียงสาเพื่อตบตาให้ผมเดินหน้าต่อกันแน่

ผมคิดว่าผมมีสติดีครบถ้วนและไม่มีวันตกหลุมพรางเด็กนั่นแน่ๆ เพราะผมรู้ว่าผมจะดูออกทันทีว่าไนล์แกล้งทำเป็นไร้เดียงหรือจะพยายามเชิญชวนผมหรือเปล่า รอบแรกผมแทบจะหลุดขำเพราะจู่ๆ ไนล์ก็หลับตาปี๋คิดว่าผมจะก้มลงไปจูบ ..
 

หึ! หลงตัวเองชะมัดคิดว่าเป็นใครกันผมถึงจะอยากจูบด้วย ที่ทำไปก็เพราะแค่อยากรู้ อยากลอง อยากจะเห็นว่าเสน่ห์ตรงไหนของเด็กนี่ที่ทำให้เพื่อนผมหลงหน้ามืดตามัวขนาดที่ต้องโทรมาถามจี้จิกเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของไนล์ขนาดนี้

ตอนแรกที่ไอ้เทมส์ถามถึงไนล์ ผมก็แค่รำคาญนะ แต่ไปๆ มาๆ ไอ้ความรู้สึกหงุดหงิด คันยุบยิบในใจมันมาจากไหนก็ไม่รู้ และจากที่รำคาญไอ้เทมส์ก็พาลให้ผมโมโหไนล์ไปด้วย ผมไม่ชอบที่ตาใสๆ คู่นั้น ลูกตาที่ซื่อมีแววไร้เดียงสาไม่ได้คิดอะไรกลับกำลังปั่นหัวเพื่อนผมลับหลัง ทั้งที่ตัวอยู่กับผมแท้ๆ

และประกอบกับเมื่อวันก่อนผมได้ยินไนล์แอบคุยจ๊ะจ๋าอยู่กับไอ้เทมส์ในห้อง เลยทำให้ผมยิ่งไม่พอใจ บอกไว้ตรงนี้เลยว่าผมไม่ได้หึงหวงเพียงแต่ผมไม่อยากให้เพื่อนถูกมองว่าเป็นไอ้โง่โดนเด็กร้ายกาจนั่นปั่นหัวมากกว่า ผมเลยตัดสินใจว่าจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

ในเมื่อตอนนี้ไนล์อยู่กับผมก็ต้องทำตามที่ผมสั่งหรือบอก ผมเลยตัดสินใจจะแกล้งบวกกับขู่นิดหน่อยไม่ให้ไนล์ได้มีอากาสในการคุยกับไอ้เทมส์ต่อ ดังนั้นไอ้ปฏิบัติการยื่นหน้ายื่นหน้าตาทำตัวเสมือนจะขโมยจูบอีกฝ่ายจึงเริ่มต้นขึ้น

รบแรกที่ไนล์หลับตาปี๋ตอนผมก้มลงไปหา เหมือนผมยังนึกสนุกอยู่ที่ได้แกล้งอีกฝ่าย แต่รอบหลังภาพที่ไนล์ทำตาแดงแถมยังขบริมฝีปากล่างใส่นั่นทำสมองผมเบลอไปหมด ผมมองใบหน้าหวานเศร้าด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก แววตากลมดูตัดพ้อ น้อยอกน้อยใจ แถมยังแดงก่ำจนน่าสงสาร ทำให้สัญชาตของนักล่าที่อยู่ลึกลงไปของผมและความรู้สึกบางอย่างพลุ่งพล่าน ผมอยากรังแก อยากแนบริมฝีปากลงบนความหยุ่นนุ่มเหมือนอย่างที่ไนล์กำลังขบริมฝีปากของตัวเองอยู่ตอนนี้

และอีกความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาผิดที่ผิดทางและหาคำอธิบายไม่ได้นั้นก็ดันผุดขึ้นมาอีกจนผมเลิกคิดที่จะยับยั้งชั่งใจ

 

ไอ้ความรู้สึกคุ้นเคยยามสบตาเด็กตรงหน้านี่มันอะไรกัน

 

พอรู้ตัวอีกทีริมฝีปากของผมก็แนบชิดลงไปบนอวัยวะเดียวกันกับของไนล์แล้ว แต่ยังไม่ทันได้ขยับปากป้ามลก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ทำเอาผมสะดุ้งได้สติและผละออกมาจากของร้อนตรงหน้าทันที ดูเหมือนว่าไนล์เองก็เพิ่งจะรู้ตัวเหมือนกัน ถ้ามันเป็นการแสดงออกว่าตัวเองไร้เดียงสา ผมก็ขอบอกเลยว่าไนล์ทำได้อย่างแนบเนียน

แต่ก็ไม่แน่หรอกสมัยนี้มันไว้ใจกันยาก คงต้องรอดูกันไปเรื่อยๆ

แต่ที่น่าหงุดหงิดที่สุดกลับไปไม่ใช่ไนล์ กลับเป็นความรู้สึกของผมเอง.. ความรู้สึกๆ ที่ผมรู้ดีว่ามันคือความเสียดายนี่แหละที่ทำให้ผมไม่ชอบใจ

มันติดค้างและทำให้ผมอยากจูบไนล์อีก ผมได้สัมผัสแล้วว่าริมฝีปากเล็กๆ สีแดงระเรื่อนั่นนุ่มนิ่มน่าสัมผัสมากขนาดไหน แม้จะยังไม่ทันได้ขบเม้ม บดคลึง ผมก็นึกรู้ว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกดีมากกว่าที่ผมเคยคาด

และนั่นทำให้ผมนึกโมโหตัวเอง โมโหที่ไนล์ทำมันได้สำเร็จ ทำในสิ่งที่ผมเคยประกาศกร้าวเอาไว้ว่าจะไม่มีวันเกิดขึ้นกับตัวเอง

ไนล์ทำให้ผมหลง ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน แต่ผมก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่าไนล์ทำให้ผมยับยั้งชั่งใจตัวเองได้น้อยลง ไม่ว่าจะเพราะร่างบางๆ เล็กๆ เอวคอดๆ แต่สะโพกกลับกลมกลึง ไหนจะใบหน้าหวานๆ ปนเศร้านั่นอีก

ทุกอย่างในตัวไนล์ทำให้ผู้ชายหลงใหลได้ไม่ยาก ดังนั้นผมเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่แม้แต่ไอ้เทมส์ยังดูหลงเด็กนั่นจนโงหัวแทบไม่ขึ้น และตอนนี้ผมเองก็กำลังจะเป็นอย่างที่เพื่อนรักตัวเองเป็น

ผมผลักความรู้สึกวุ่นวายนี้ออกไปจากใจ ก่อนจะค้นพบว่าการอยู่ในสถานที่ที่เดียวกับเด็กนั่นไม่สามารถทำให้ใจผมสงบได้ ผมเลยเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางทิ้งบนโซฟาเมื่อครู่ ก่อนจะไล่หาเบอร์โทรศัพท์ของคอนแทคต่างๆ ที่เคยเมมไว้ หลังจากนั้นก็กดโทรออกเมื่อเลือกเจอคนที่คิดว่าจะทำให้ความร้อนและความบ้าในตัวผมลดลงได้

“ฮัลโหล แพตตี้หรอครับ นี่ภูเองนะ วันนี้ว่างไหมไปเดทกับภูไหมครับ?”

... ใช่ ถ้าหนามยอก มันก็ควรจะเอาหนามบ่งออกทันทีเหมือนกัน

.

.

.

Nateetouch’s Part

 

ผมออกจากห้องนอนตอนบ่ายแก่ๆ เพื่อออกมาทำอาหารเย็นให้พี่ภู จึงได้รู้จากป้ามลที่กำลังจะกลับบ้านพอดีว่าพี่ภูออกไปข้างนอกตั้งแต่เที่ยง สรุปว่าสปาเก็ตตี้ที่ผมทำไว้ก็แห้งคาจาน มันถูกวางไว้บนโต๊ะโดยที่พี่ภูไม่ได้กินเลยสักคำ ผมถอนใจก่อนที่จะยกจานสปาเก็ตตี้ไปเก็บในครัวและเททิ้งลงถังขยะทั้งหมด

“คุณไนล์จะให้ป้าทำอาหารไว้ให้ไหมคะ? เดี๋ยวพอคุณภูกลับมาจะได้แค่อุ่นแล้วทานได้เลย”

ป้ามลถามตอนที่เดินตามเข้ามาในครัวแล้วเห็นว่าผมเทสปาเก็ตตี้ทิ้ง อาหารที่ผมทำพี่ภูไม่แม้แต่จะลองชิมสักนิด แต่ช่างเถอะไว้มื้อหน้าผมค่อยทำใหม่ พี่ภูคงมีธุระอะไรสักอย่างถึงได้รีบร้อนออกไป

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวไนล์ทำเองดีกว่า พี่ภูจะได้ทานอะไรร้อนๆ ทำเสร็จใหม่ๆ” ผมหันไปยิ้มให้ป้ามล ข่มความเศร้าไว้สุดใจ “ป้ามลกลับเถอะครับ แล้วเดี๋ยวอีกสองสามวันค่อยมาใหม่ ผ้าพี่ภูน่าจะเต็มตะกร้าพอดี”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวป้ามาจัดการเอาไปซักรีดให้” ป้ามลตอบรับด้วยท่าทีแข็งขัน “คุณไนล์จะให้ป้าทำอะไรอีกไหมคะ ป้าเอาของสดเข้าตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว คุณไนล์ลองเช็คดูนะคะว่าครบไหม ถ้าขาดอะไรโทรบอกป้าได้ พอเข้ามารอบหน้าป้าจะซื้อเข้ามาให้เลย”

“โอเคครับ เดี๋ยวไนล์จะลองเช็ค” ผมล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงก่อนหยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่งแล้วยื่นใส่มือป้ามล “ป้ากลับเถอะครับ เย็นแล้ว อันนี้ค่าจ้างของป้าวันนี้ครับ”

ป้ามลนับเงินในมือก่อนจะตาเหลือกโตด้วยความตกใจ

“ตายแล้วคุณไนล์ เกินมาหลายพันเชียวค่ะ เดี๋ยวป้านับคืน...”

“ไม่ต้องครับป้า เก็บไว้เถอะครับ เผื่อต้องซื้ออะไรเข้าคอนโดป้าจะได้ไม่ต้องไปขอพี่ภูเพิ่ม” ผมกล่าวอย่างเอื้อเฟื้อ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย “ผมให้เผื่อไว้เป็นค่ารถด้วย คอนโดพี่ภูอยู่ลึก คราวหน้าป้านั่งแท็กซี่มานะครับ นั่งมอเตอร์ไซค์มันอันตราย”

“แต่คุณไนล์คะ ป้าว่ามันมากไป” ป้ามลยังคงแย้งอย่างเกรงใจ แต่ผมก็ยังคงส่งยิ้มบางกลับไปให้

“ไม่มากหรอกครับ เชื่อไนล์นะ เก็บไว้เถอะ ถือว่าแทนคำขอบคุณที่ป้ามลช่วยไนล์ดูแลพี่ภู”

“โถ่ คุณของป้า ทำไมน่ารักแสนดีขนาดนี้” ป้ามลยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมอย่างอ่อนโยน “ป้าเชื่อนะคะว่าสักวันความดีและความน่ารักของคุณไนล์จะทำให้คุณภูดีขึ้น ไม่นานคุณภูจะรับรู้ ป้ามั่นใจ”

ผมยิ้มบาง ไม่ได้ตอบอะไรป้ามล เพราะไม่กล้าคาดหวังว่าสิ่งที่ป้ามลพูดจะเป็นจริงขึ้นมาได้ .. อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลา

“ขอบคุณครับป้า” ผมเขย่ามือป้าตอบ “กลับดีๆ นะครับ ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกไนล์ด้วย ไนล์จะได้ไม่เป็นห่วง”

“ค่ะ งั้นป้ากลับนะคะ .. สวัสดีค่ะคุณไนล์”

ผมพุ่มมือไหว้คนอายยุมากกว่าก่อนที่แกจะเดินออกจากห้องพี่ภูไป “สวัสดีครับป้ามล”

หลังจากประตูปิดผมก็เหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าจะหกโมงเย็นแล้ว เลยตัดสินใจทำกับข้าวเพราะไม้รู้ว่าพี่ภูจะกลับมาเร็วหรือช้า แต่ผมไม่อยากให้เขาต้องหิวหรือหิ้วท้องรอโดยไม่จำเป็น เดี๋ยวเกิดหงุดหงิดที่ผมทำหน้าที่ไม่ดีขึ้นมา ผมเหนื่อยจะโดนต่อว่าอีกแล้ว

ผมทำกับข้าวง่ายๆ อยู่สองสามอย่างแล้วตั้งวางไว้บนโต๊ะอาหาร รอแล้วรอเล่าจากชั่วโมงเป็นสองชั่วโมงเป็นสามชั่วโมง จนสี่ชั่วโมงพี่ภูก็ไม่กลับมาสักที จนอาหารบนโต๊ะเย็นชืดผมเลยต้องเอาไปอุ่นใหม่อีกรอบ

ผมรอจนผ่านไปถึงสี่ทุ่ม จากที่ชะเง้อชะแง้เพราะอยากให้พี่ภูได้กินอาหารร้อนๆ ก็กลายเป็นความเป็นห่วงขึ้นมาแทน เพราะพี่ภูหายไปเลย ผมจะโทรไปหาก็ไม่กล้า ได้แต่ผุดลุกผุดนั่งรออยู่อย่างนั้น ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กิน เพราะตั้งใจจะรอกินพร้อมพี่ภู

และในขณะที่คิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดี ก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าให้พี่เทมส์แกล้งโทรไปถามว่าพี่ภูอยู่ไหนคงหน้าจะพอได้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงอะไร แค่อยากรู้ให้หายเป็นห่วงก็เท่านั้น

และในขณะที่ผมกำลังจะกดโทรออกหาพี่ชายตัวเองนั้น เสียงปลดล็อครหัสจากหน้าห้องก็ดังขึ้น ผมผุดลุกขึ้นยืนพลางยิ้มกว้างนึกรู้ว่าพี่ภูกลับมาแล้ว แต่พอประตูเปิดออกรอยยิ้มกว้างของผมก็ค่อยๆ เจื่อนลง เมื่อเห็นว่าพี่ภูที่เดินเข้ามามีผู้หญิงอยู่ในอ้อมแขนอีกคน

ทั้งสองคนหัวเราะต่อกระซิกกันเข้ามาในห้อง โดยที่ผู้หญิงที่พี่ภูโอบกอดไว้หันมามองผมด้วยแววตาแปลกใจ

"อ่าว มีคนอื่นอยู่ในห้องด้วยนี่คะภู แล้วแบบนี้เรา..."

เธอลากเสียงพร้อมมองสบตากับพี่ภูอย่างมีความหมาย ในขณะที่พี่ภูหัวเราะชอบใจ ก่อนจะก้มลงกดจมูกลงบนแก้มใสของเธอด้วยความเอ็นดู

"แพ็ตตี้จะสนคนอื่นทำไมครับ สนใจแค่ภูก็พอ"

"แต่ว่าถ้า.. ถ้าเกิดเราสองคนเสียงดังล่ะคะ?"

เธอปรายตามาทองผมนิดหน่อย ในขณะที่ผมได้แต่ก้มหน้ากลั้นน้ำตา พร้อมกับกำมือแน่น

"แค่เด็กรับใช้น่ะแพ็ตตี้ ไม่มีอะไรต้องคิดมากหรอก อย่างที่บอกแพ็ตตี้สนแค่ผมก็พอ เพราะคืนนี้คนที่จะอยู่กับแพ็ตตี้ทั้งคืนคือผมไม่ใช่หรือไง"

ผู้หญิงที่ชื่อแพ็ตตี้หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ในขณะที่ผมยืนนิ่ง แม้แต่จะขยับเท้าเดินหนีเข้าห้องก็ยังทำไม่ได้

"ไปที่ห้องกันดีกว่าครับ ผมอยากกอดแพ็ตตี้จะแย่แล้ว"

พี่ภูเดินโอบเอวผู้หญิงคนนั้นผ่านหน้าผมไม่ไปโดยที่ไม่แม้แต้จะปรายตามองผมด้วยซ้ำ ผมเจ็บจนจุกพูดไม่ออกเลยสักคำ แม้จะพอทำใจมาบ้างแล้วว่าอาจเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่พอเจอเข้าจริงๆ ไอ้ที่คิดว่าจะรับได้ก็ดูเหมือนจะยากกว่าที่คิด

ผมยกมือปาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาเงียบๆ พร้อมกับยกกับข้าวที่วางไว้บนโต๊ะเข้าไปในครัว และจับทุกอย่างใส่ตู้เย็น พร้อมกับเขียนโน๊ตบอกไว้หน้าตู้เย็นว่า 'ไนล์ทำกับข้าวไว้ให้ ถ้าพี่ภูหิวเอาออกมาอุ่นทานนะครับ'

แม้จะเสียใจ แต่ผมก็ยังเป็นห่วงเขา เป็นห่วงคนที่ทำร้ายความรู้สึกผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนคนโง่... ความตั้งใจที่จะทานอาหารเย็นพร้อมพี่ภูหายวับไปกับตา ผมได้แต่ยิ้มสมเพชตัวเองว่าทำไมกล้าหวังอะไรที่สูงเกินขนาดนั้น

เพราะถึงพี่ภูไม่พาผู้หญิงมาที่บ้าน ก็ใช่ว่าเขาจะอยากกินข้าวกับผม

ผมเดินกลับเข้าห้องด้วยหัวใจที่วูบโหวง นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วันแต่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่กลางทะเลทราย เคว้งคว้างหาทางไปต่อไม่ได้ หันไปทางไหนก็ไม่เจออะไรที่บอกใบ้ได้ว่าผมควรเดินไปทางไหน หรือทำยังไงต่อ มีแต่ความท้อที่เพิ่มมากขึ้นทุกที แต่ผมกลับไม่มีความคิดที่จะหยุดเดิน

พอเข้ามาในห้องได้ ผมก็ปีนขึ้นเตียงนอนพร้อมกับพยายามที่จะหลับตา รวมทั้งสลัดความคิดที่ว่าในห้องของพี่ภูตอนนี้ เขากับผู้หญิงคนนั้นกำลังทำอะไรกันเพราะไม่อยากให้ตัวเองเจ็บไปมากกว่านี้

ผมนอนร้องไห้น้ำตาไหลเงียบๆ เพื่อระบายความอัดอั้นในใจ โดยที่ได้แต่คาดหวังและภาวนาให้ตัวเองเข้มแข็งกว่านี้ เพื่อที่อย่างน้อยในอนาคตข้างหน้าหากต้องเจออะไรที่บั่นทอน ผมก็พร้อมจะฟันฟ่า แม้จะเป็นเพียงแค่หวังน้อยนิดก็ตาม

.

.

.

To Be Continue

--------------------------------------------------

//ยื่นพาราให้ไนล์ 10 แผง

เขียนเองก็สงสารน้องเอง แต่ไม่เป็นไรนะคะน้องไนล์ ถึงตอนเอาคืนเมื่อไหร่ พี่จะทบต้นทบดอกให้นะลูกกก พี่สัญญา 55555555555

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ และที่สำคัญชอบไม่ชอบยังไง เม้นท์บอกได้เลยยย เรารออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนอยู่น้าาา

สุดท้ายขอบคุณมากๆ สำหรับทุกกำลังใจและคอมเม้นท์นะคะ เราได้รับแล้วและดีใจมากๆ ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วย ใส่แมสก์ ล้างมือบ่อยๆ ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นเนาะ ... แล้วเจอกันตอนหน้าค้าบบบ

รักพวกคุณมากๆ ^^
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-14 : Universe 10th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-04-2020 22:09:28
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-14 : Universe 10th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-04-2020 10:57:17
อ่านถึงตอนนี้แล้ว แบบว่าทำไมไม่บอกความจริงไปแต่แรกว่าเป็นน้องพี่เทมส์เป็นเด็กที่เคยโดนช่วยไว้ และแบบว่าอยากมาทดแทนที่เคยได้ช่วยไว้ตอนยังเด็กอะไรแบบนี้ไม่ได้เหรอ ทำไมต้องโกหกด้วยไม่เข้าใจ โกหกแบบนี้มันทำให้เข้าถึงพี่ภูตรงไหน และเมื่อโกหกแล้วมันก็บอกความจริงได้ยากขึ้น ถ้าเกิดรักกันขึ้นมาจริง ๆ จะกล้าบอกความจริงทุกอย่างไหม
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-14 : Universe 10th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 15-04-2020 11:10:12
'รักคนอย่างไอ้พี่ภูต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย' อยากจะพูดกับไนล์แค่นี้ละ 5555 กับไนล์เป็นอะไรที่ไม่ควรจะพูดว่าออกมาเถอะ เลิกเถอะ ถ้าเขาไม่แคร์ ไม่สน คือต้องให้อดทนต่อไปประมาณนั้น ต้องมีสักวันๆ 555 สนุกมากเลยค่ะ รอตอนต่อไปจะเกิดไรขึ้นบ้าง
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-14 : Universe 10th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 15-04-2020 12:54:28
โถ่ๆ​ น้องไนล์
อดทนนะลูกๆๆ

เดี่ยวอิตาพี่ภูก็ตาสว่าง
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-14 : Universe 10th)
เริ่มหัวข้อโดย: Ritawongishere ที่ 15-04-2020 20:04:44
น่ารำคาญทั้งไนล์ ทั้งพี่ภู
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-21 : Universe 11th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 21-04-2020 20:25:47
Universe 11th - เขายังคงอยู่ตรงนั้น


Kirin’s Part


“อ๊ะ! ภูคะ...”

เสียงครางของหญิงสาวใต้ร่างดังกระเส่า เราสองคนเริ่มกิจกรรมอย่างว่ามาได้สักพักแล้ว หลังจากที่ผมทิ้งเด็กนั่นให้ยืนมองตามไว้ข้างหลัง ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจพาผู้หญิงที่คั่วอยู่ทั้งวันกลับมาตอกหน้าไนล์ และย้ำกับความรู้สึกของตัวเองว่านี่ต่างหากคือสิ่งที่ผมต้องการ แต่กลับกลายเป็นว่าตั้งแต่พาแพ็ตตี้เข้ามาในห้อง เล้าโลม และกำลังจะมีเซ็กส์กัน อารมณ์ที่ควรพลุ่งพล่านของผมกลับนิ่งสนิท ผมไม่แม้แต่รู้สึกร่วมกับแพ็ตตี้เลยสักนิด เสียงหวานที่ร้องเรียกอย่างเชิญชวนกลับดูไม่น่าฟัง และติดจะน่ารำคาญจนผมต้องหยุดทุกอย่างทั้งที่ตอนนี้ผมกับเธอแทบจะไม่เหลือเสื้อผ้าติดตัวแล้วสักชิ้น

ผมผละออกจากร่างกายนุ่มนิ่มที่นอนระทดระทวยเชื้อเชิญอยู่บนเตียง ก่อนจะก้มลงไปหยิบบ็อกเซอร์ตัวเองขึ้นมาใส่อย่างเซ็งๆ

“ภูคะ.. เกิดอะไรขึ้นคะ?”

แพ็ตตี้ร้องถามอย่างสงสัย แต่ผมไม่มีคำตอบให้เธอเพราะผมเองยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ผมแค่รู้สึกว่าผมไม่มีอารมณ์ ผมไม่อยากทำ และที่สำคัญในหัวสมองของผมก็มีแต่ใบหน้าของเด็กนั่นตอนมองผมที่เดินเข้าพร้อมแพ็ตตี้ด้วยน้ำตาคลอเบ้า แม้ผมจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจแต่ผมก็สังเกตเห็นได้อยู่ดี

“ไม่มีอะไรหรอกครับแพ็ตตี้ ผมแค่นึกขึ้นได้น่ะว่ามีอะไรบางอย่างที่ต้องทำ” ผมก้มลงเก็บชุดแส็คของแพ็ตตี้ที่วางกองอยู่บนพื้นขึ้นมา ก่อนจะยื่นให้เธอที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยใบหน้างุนงง “ยังไงวันนี้แพ็ตตี้กลับไปก่อนได้ไหมครับ เดี๋ยวผมเรียกคนขับประจำของผมให้ไปส่งแพ็ตตี้ที่คอนโด... ไม่โกรธผมนะครับ”

พูดจบผมก็ก้มลงจูบหน้าผากมนของหญิงสาว เธอดูหัวเสียนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร เดาว่าน่าจะอารมณ์ค้างมากกว่า

“เทกันกลางทางเลยอย่างนี้หรอคะภู” เธอถอนหายใจพูดยิ้มๆ ดูไม่ได้ถือสาแต่ว่าน่าจะไม่พอใจอยู่บ้าง

“ขอโทษจริงๆ ครับแพ็ตตี้ ผมนึกได้ว่ามีธุระด่วนต้องทำ ไว้คราวหน้าผมแก้ตัวนะ”

แพ็ตตี้โบกมือปัดอย่างไม่ถือสา เธอก้าวลงเตียงก่อนจะสวมเสื้อผ้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้ผม แต่ถ้าดูจากแววตาที่มองมาแล้วน่าจะไม่พอใจอยู่ไม่น้อยเชียว

“ช่างเถอะค่ะ แต่คราวหน้าไม่เอาแบบนี้แล้วนะคะ ภูควรจะจัดการ ‘ธุระ’ ให้เรียบร้อยก่อนจะพาใครขึ้นเตียง .. ครั้งนี้แพ็ตตี้ยกโทษให้ค่ะ ไม่ต้องคิดมาก”

ผมยิ้มให้เธอ นึกขำในใจที่ตัวเองโดนหลอกด่า แพ็ตตี้เป็นคนฉลาดและเป็นผู้หญิงที่ผมควงไปไหนมาไหนบ่อยที่สุด เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนที่อยู่อเมริกา แพ็ตตี้บินไปเวิร์คแอนด์เทรเวลในช่วงสั้นๆ และบินกลับมาไทยก่อนผมอยู่หลายปี ตอนที่อยู่ที่นั่นดูเหมือนแพ็ตตี้จะชอบและพอใจในตัวผมอยู่ไม่น้อย แต่ติดว่าตอนนั้นผมคบกับจีนอยู่เธอเลยไม่ได้เข้ามาวุ่นวายอะไร

ผมบังเอิญเจอแพ็ตตี้ตอนที่กลับมาไทยใหม่ๆ พอรู้ว่าเธอไม่มีใครผมเลยตัดสินใจสานสัมพันธ์กับเธอ ภายใต้ข้อตกลงที่ว่าเราจะไม่ผูกมัดกัน เราจะมีอิสระเสรีในการคบหาคนอื่น แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราต้องการกันเราก็จะแค่นัดกัน ออกไปเที่ยวด้วยกัน โดยอาจจะจบลงบนเตียงหรือไม่ใช่บนเตียงก็ได้

ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างเราคือ Friend with Benefit หรือเปล่า แต่ถ้าในเมื่อมันเป็นความพอใจของเราทั้งคู่ ผมก็เลยไม่อยากจะคิดอะไรให้วุ่นวาย

แพ็ตตี้เป็นคนสบายๆ และที่สำคัญเธอไม่ใช่พวกประเภทขี้หึงหวงหรืองี่เง่า เธอรู้ขอบเขตทั้งของตัวเองและของผมดี ดังนั้น ผมเลยมักชอบที่จะไปกับเธอบ่อยๆ เพราะอย่างน้อยเธอก็ไม่ใช่ประเภทจ้องจะงาบผมเป็นจริงเป็นจังเหมือนอย่างที่คู่นอนคนอื่นๆ ของผมทำ

“โอเคครับ ผมจะจำไว้ .. ขอโทษนะที่ทำให้คุณเสียเวลา” ผมก้มลงไปหยิบกางเกงตัวเองขึ้นแล้วล้วงเอากระเป๋าเงินออกมา ก่อนจะหยิบเงินแล้วยื่นให้เธอจำนวนหนึ่ง “ค่าเสียเวลากับค่ารถครับ”

แพ็ตตี้ยิ้มก่อนจะดันมือผมออก “ไม่เป็นไรค่ะภู แพ็ตตี้บอกแล้วไงว่าเต็มใจมากับคุณ ไม่ต้องให้เงินแพ็ตตี้ทุกครั้งหรอก ของคราวที่แล้วก็ให้มาตั้งเยอะตั้งแยะ เอาไว้ถ้าขาดมือจริงๆ แล้วแพ็ตตี้จะบอกแล้วกันนะคะ”

“แต่ว่า...” ผมเตรียมจะแย้ง เพราะแพ็ตตี้เป็นคนเดียวที่ผมเต็มใจจะให้เงิน โดยไม่ได้คิดว่าเธอเห็นแก่เงินเหมือนคนอื่นๆ ผมให้เพราะรู้ว่าเธอมีเรื่องจำเป็นต้องใช้ และที่สำคัญแพ็ตตี้เองก็ไม่ได้รับเงินจากผมทุกครั้ง นอกจากช่วงที่จำเป็นจริงๆ

“ตามนี้ค่ะ บอกแล้วไงว่ากับภูน่ะแพ็ตตี้เต็มใจ คิดเสียว่าเพื่อนมาแก้เหงาให้เพื่อนแล้วกัน” เธอขยิบตาให้ผมด้วยท่าทีสบายๆ ให้ผมได้หลุดหัวเราะ ตอนที่เดินออกมาส่งเธอที่หน้าประตูห้อง

“ขอบคุณมากนะครับแพ็ตตี้ ผมโทรบอกคนขับรถให้แล้ว อีกสักห้านาทีเขาคงมาถึงหน้าคอนโด .. กลับดีๆ นะครับ”

แพ็ตตี้ยิ้มก่อนจะเขย่งตัวจูบแก้มผมเพื่อบอกลาตามปกติ “ไว้เจอกันค่ะภู”

ผมมองตามหลังของแพ็ตตี้ไปจนเมื่อเห็นว่าเธอลงลิฟต์ไปแล้วถึงได้ปิดประตูห้อง ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ใบหน้าหวานเศร้าที่ในนัยน์ตากลมมีน้ำใสๆ ไหลคลออยู่ลอยขึ้นมาในมโนสำนึกอีกครั้ง ผมหันหน้าไปทางห้องของไนล์ทันที นึกโมโหเด็กนั่นที่เข้ามาปั่นประสาทผมแม้ในยามที่ผมกำลังจะมีความสุขกับผู้หญิงที่ทอดกายนอนรอผมอยู่บนเตียง จนทำให้ผมหมดอารมณ์ที่จะทำอะไรๆ ตามที่ตั้งใจไว้

และก็เหมือนจะเป็นการตอกย้ำกลายๆ ว่า เด็กนั่นมีอิทธิพลต่อความคิดและความรู้สึกผมพอสมควร

ซึ่งมันทำให้ผมหงุดหงิดมาก หงุดหงิดที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรมันถึงเป็นแบบนั้น บางครั้งเวลาที่ผมมองหน้าไนล์ในอกของผมก็จะมีความรู้สึกเอ็นดูตีตื้นขึ้นมาแปลกๆ บางครั้งก็รู้สึกเศร้ามันเหมือนเป็นความรู้สึกของการที่ทำอะไรบางอย่างหายไป แต่นึกยังไงผมก็ยังนึกไม่ออก

ผมเคยเกือบจะใจอ่อนให้ไนล์หลายครั้งมาก แต่เพราะเหตุการณ์ที่ผมเคยเจอในอดีต ทุกครั้งมันเลยจะมีสัญญาณบางอย่างร้องเตือนในใจ


‘อย่าไว้ใจใครง่ายๆ และอย่าให้ใจใครโดยไม่จำเป็น’


โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กที่จู่ๆ ก็ปรากฎตัวขึ้นมาแบบไม่มีที่มาที่ไป เด็กที่ดูเหมือนจะทำให้ใครๆ หลงใหลได้ง่ายๆ โดยที่แทบจะไม่ทันได้ทำอะไรเลยอย่างไนล์ เห็นตัวอย่างได้ชัดเจนจากแม่ผมกับไอ้เทมส์เพื่อนสนิทผมที่ร้อยวันพันปีมันแทบจะไม่สนใจใคร แต่กลับเอาแต่ถามไถ่ผมถึงเด็กที่แม่ยัดเยียดให้มาอยู่กับผมได้ไม่ถึงอาทิตย์

แบบนี้ถ้าไม่คิดว่ามันแปลกประหลาด แล้วจะให้ผมคิดเป็นอื่นได้ยังไงกัน

ผมละสายตาจากประตูห้องของเด็กนั่น ก่อนที่จะสลัดความคิดทั้งหมดออก ตอนนี้ตาผมสว่างมากและ ‘ธุระ’ ที่ผมใช้อ้างกับแพ็ตตี้ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันด้วย หลักๆ ก็คือเอาเจ้าเด็กหน้าหวานนั่นออกจากหัวผมให้ได้นี่แหละ

ในเมื่อไม่รู้จะทำอะไรผมเลยคิดว่าจะลองไปรื้อเอกสารของบริษัทมาอ่านดูสักหน่อย ผมยังไม่รู้แน่ชัดเหมือนกันว่าตัวเองพร้อมจะกลับไปช่วยงานแม่หรือยัง ถือเสียว่าเอามาอ่านฆ่าเวลาก็แล้วกันเพราะยังไงให้กลับเข้าไปนอนตอนนี้ผมก็ไม่หลับง่ายๆ หรอก

ผมเดินเข้าไปในห้องครัว ตั้งใจจะหาอะไรง่ายๆ ในตู้เย็นเอาเข้าไปกินในห้อง ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นมีโพสท์อิทสีฟ้าสดใสพร้อมลายมือที่เป็นระเบียบสะอาดตาติดอยู่บนตู้เย็น


‘ไนล์ทำกับข้าวไว้ให้ ถ้าพี่ภูหิวเอาออกมาอุ่นทานนะครับ'


ผมเปิดตู้เย็นก็เห็นต้มจืดเต้าหู้ไข่กับผัดผักรวมวางแช่อยู่เอาไว้ ผมยอมรับว่ารู้สึกดีขึ้นมาอยู่วูบหนึ่ง แต่ความไม่ไว้ใจก็ยังคอยกัดกินความรู้สึกดีๆ ของผมเพราะผมไม่อยากมองอะไรในแง่ดีเกินไปนัก แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ตะขิดตะขวงใจผมที่สุดไม่ใช่เรื่องที่ไนล์ทำกับข้าวแล้วเอามาแช่ไว้ให้เผื่อผมจะหิวหรืออยากกินอะไรตอนดึก แต่กลับเป็นเรื่องของโพสท์อิทที่อยู่ในมือผมมากว่า

โพสท์อิทสีฟ้าสดใส ลายมือเป็นระเบียบ ดูเรียบง่ายและสะอาด คุ้นตา...

ความรู้สึกคุ้นเคยตีตื้นขึ้นมาในอกอีกครั้ง เหมือนมันไม่ใช่เรื่องเก่า เหมือนมันเป็นเรื่องที่ผมทำหล่นเอาไว้ในอดีต

ผมพยามยามเปิดทุกลิ้นชักความทรงจำ แต่ไม่ว่าจะยังไงมันก็ดูจะเลือนลางเหลือเกินในความรู้สึก และสุดท้ายก็เหมือนกับทุกๆ ครั้ง เพราะผมเลิกที่จะพยายามนึก คิดแค่ว่าเดี๋ยวก็คงจะนึกได้หากเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองกำลังเสียความทรงจำที่มีค่าให้สูญหายไปกับเวลาโดยที่ไม่จำเป็น

.

.

.

Nateetouch’s Part



ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เพียงแค่คิดว่าจะต้องออกไปเจออะไร เจอภาพแบบไหน น้ำตาที่เหือดแห้งไปก็ทำท่าจะไหลลงมาอีกรอบ ผมได้ปลอบตัวเองให้เข้มแข็ง แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ได้แย่เกินไปสักเท่าไหร่นัก เพราะพี่เทมส์ส่งข้อความมาทักทายผมตั้งแต่เช้า


‘อรุณสวัสดิ์ครับเด็กดีของพี่ ถ้าไนล์ว่าง โทรมาหาพี่บ้างนะครับ คิดถึง’


ผมยิ้มตั้งใจว่าคืนนี้ถ้าไม่ติดอะไรผมจะโทรพี่เทมส์ และอาจจะโทรไปหาลมด้วย เพราะเคยสัญญากับหมอนั่นไว้ว่าจะพยายามติดต่อไปให้ได้ทุกอาทิตย์ อย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้งตามที่เคยได้บอกลมไว้ และถ้าขืนไม่ติดต่อไป เกิดลมบ้าดีเดือดตามไปหาผมถึงออสเตรเลียแล้วความจะแตกเอา


‘ถ้าคืนนี้ไนล์ไม่ติดอะไร ไนล์จะวีดีโอคอลไปหาพี่เทมส์นะครับ .. คิดถึงพี่มากๆ เหมือนกัน’


ผมเหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียงอีกครั้ง พอเห็นว่าตอนนี้หกโมงครึ่งแล้วก็เตรียมเข้าไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟัน เพื่อออกไปทำงานบ้านแล้วสายๆ ค่อยทำกับข้าว เพราะกลัวว่ากลิ่นอาหารจะไปรบกวนคนกำลังนอนสบาย แล้วเดี๋ยวจะโดนพี่ภูโกรธเอาอีก

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเรียกกำลังใจและพยายามปรับท่าทีตัวเองให้นิ่งที่สุด เพราะรู้ดีว่าจะต้องเจอกับพี่ภูและผู้หญิงที่พี่ภูพามาเมื่อคืน แต่เมื่อก้าวขาออกจากห้องมองไปตรงห้องนั่งเล่นก็ต้องแปลกใจ ผมเห็นจานอาหารและแก้วน้ำวางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะหน้าทีวี แถมยังมีร่างกายสูงใหญ่ของเจ้าของคอนโดนอนหลับสบายอยู่บนโซฟา เสื้อผ้าไม่ใส่มีกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเกาะหมิ่นเหม่อยู่ที่สะโพก

ผมหน้าแดงทันทีเมื่อมองตามไปแล้วเห็นว่าขอบบ็อกเซอร์นั้นมันอยู่ต่ำขนาดไหน ตอนนั้นผมไม่ได้เอะใจเลยว่าทำไมพี่ภูถึงออกมานอนตรงนี้ ที่ผมคิดมีแต่ความเป็นห่วงเขาทั้งสิ้น เพราะแอร์ที่ภูเปิดไว้นั้นค่อนข้างจะหนาว แล้วเขาก็ไม่ยอมห่มผ้านอนด้วย ท่าทางจะอ่านเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นเพลินเลยเผอหลับไปอย่างนั้น

ผมเลยรีบเดินเข้าไปในห้องตัวเองแล้วหยิบห้ามห่มผืนหนามาวางพาดไว้เตรียมจะห่มให้พี่ภู แต่ต้องเก็บพวกจานชามที่วางกองรวมกันอยู่ก่อน ไหนจะกระดาษเอกสารที่ปลิวว่อนกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณอีก ผมรวบเก็บให้มันเป็นปึกแล้วเอาวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาเหมือนเดิม เวลาที่พี่ภูหาจะได้หาเจอ

จากนั้นผมก็เอาจานชามและแก้วน้ำทั้งหลายทยอยไปเก็บในครัว ก่อนจะกลับมาตรงห้องนั่งเล่นอีกครั้งเมื่อเห็นว่ารอบตัวพี่ภูสะอาดพอจะให้พี่ภูนอนได้สบายๆ แล้ว ผมก็หยิบห้าห่มที่วางพาดไว้บนโซฟาเดี่ยวอีกตัวมาห่มให้พี่ภู และในจังหวะที่ผมโน้มตัวลงไปขยับผ้าห่มให้ชิดคลุมอกพี่ภูนั้น มือใหญ่ก็กระตุกแขนผมจนผมล้มลงไปนอนทับอยู่บนรูปร่างสูงใหญ่ หนำซ้ำแขนพี่ภูยังตวัดกอดเอวผมอัตโนมัติอีกต่างหาก

ผมนอนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ พลางเหลือบสายตามองช้าๆ ก็เห็นว่าพี่ภูยังหลับอยู่ แถมหนังตาบนยังขยับไปมาตามการกลอกลูกตา เลยทำให้ผมนึกรู้ว่าเขากำลังฝัน ผมไม่รู้ว่าพี่ภูผันดีหรือฝันร้ายอยู่กันแน่ แต่ที่รู้ๆ คือพี่ภูไม่คลายกอดออกจากเอวผมเลยแม้แต่นิด หนำซ้ำยังกอดผมแน่นกว่าเดิมอีกต่างหาก

ผมพยายามจะแกะมือพี่ภูออกจากเอว ก่อนที่ชะงักเมื่อได้ยินพี่ภูพึมพำละเมอ


‘จีน.. ทำไมถึงทิ้งภูไป กลับมาหาภูเถอะ ภูรักจีนมากนะ’


ผมเม้มปากแน่น พยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด เปลี่ยนใจจากที่จะดิ้นออกจากอ้อมกอดที่พันธนาการไว้ ผมกลับปล่อยตัวเองให้พี่ภูกอดไว้อย่างนั้น เพราะถ้าหากว่าตอนนี้พี่ภูกำลังฝัน .. ฝันว่าเขาได้คนรักกลับคืนมา อย่างน้อยผมก็อยากให้เขามีความสุขแม้จะแค่ในฝันก็ยังดี

ผมนอนนิ่งอยู่บนตัวพี่ภู พี่ภูตัวใหญ่กว่าผมมาก อกก็กว้าง ไหล่ก็หนา แถมยังตัวสูงพอๆ กับพี่เทมส์ ผมแนบแก้มตัวเองลงบนอกอุ่นๆ ของพี่ภู นอนฟังเสียงหัวใจของพี่ภูเต้นอย่างมีความสุข แม้ว่าตอนนี้สำหรับพี่ภูแล้วผมอาจจะกำลังเป็นตัวแทนของใคร แถมยังเป็นตัวแทนได้แค่ในฝันอีกต่างหาก แต่สำหรับผม.. ผมกำลังได้ใกล้ชิดและโอบกอดพี่ภูตัวจริงๆ พี่ภูที่ผมเฝ้ารอมานานนับสิบปี เมื่อก่อนมันเคยเป็นได้แค่ความฝันที่ผมไม่แม้แต่จะกล้าฝัน แต่หากตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้นจริง ผมก็ขอตักตวงช่วงเวลานี้เอาไว้สักนิดก่อนที่มันจะหายไป

ผมนอนนิ่งฟังเสียงหัวใจพี่ภูอยู่แบบนั้น โดยมีอ้อมแขนแข็งแรงโอบกอดเอาไว้แน่น จากที่ตั้งใจว่าถ้าพี่ภูคลายวงแขนออกเมื่อไหร่ ผมจะรีบลุกก่อนที่พี่ภูจะรู้สึกตัว แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอกของพี่ภูอุ่น เสียงหัวใจของพี่ภูน่าฟัง หรือผมแค่เห็นแก่ตัวอยากจะอยู่นานกว่านี้อีกนิด ผมถึงได้เผลอหลับไป

พอรู้ตัวอีกทีก็คือพี่ภูกำลังดันตัวผมให้ลุกขึ้น โดยที่เขาโวยวายใส่ผมยกใหญ่

“นี่! นายทำอะไรห๊ะ? ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยนะ! ใครให้มานอนตรงนี้?”

พี่ภูจับผมพลิกแล้วปล่อยผมลงบนโซฟา ส่วนตัวเขาก็ลุกพรวดจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง ในขณะที่ผมอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ไม่คิดว่าตัวเองจะผล็อยหลับไปทั้งที่นอนอยู่บนตัวพี่ภูแบบนั้น หนำซ้ำผมยังหาคำตอบให้เขาไม่ได้ด้วยว่าทำไมถึงลงไปนอนซบอกพี่เขาสบายใจขนาดนั้น

“คะ.. คือ คือไนล์ ไนล์ไม่ได้...”

“จำไว้นะ! อย่าทำแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ!”

พี่ภูจับต้นแขนผมที่เพิ่งลุกขึ้นมานั่งตั้งสติได้ไว้แล้วบีบแน่น ผมเจ็บแต่ไม่กล้าร้องสักแอะ เพราะกลัวจะทำให้เขาโกรธยิ่งกว่าเดิม

“ไนล์ .. ไนล์ไม่ได้ทำแต่พี่ภู พี่ภูดึงไนล์ลงไป ไนล์พยายามจะลุกแล้วแต่พี่ภูไม่ยอม”

ผมอ้อมแอ้มบอกไปตามจริง เพราะไม่อยากให้พี่ภูคิดไปว่าผมฉวยโอกาสหรือทำอะไรแบบที่พี่ภูไม่ชอบ แต่แทนที่สถานการณ์จะดีขึ้นก็กลายเป็นว่าพี่ภูดูโมโหมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“นี่นายจะบอกว่าฉันเป็นคนดึงนายลงมานอนกอดงั้นหรอ? ฉันเนี่ยนะ?”

พี่ภูบีบแขนผมแน่นขึ้นจนมันเป็นรอยแดง ผมเจ็บแต่ไม่กล้าร้องออกเลยเลือกใช้วิธีขบฟันลงบนริมฝีปากล่างของตัวเองแทน แต่การทำแบบนั้นของผมทำให้พี่ภูเข้าใจผิด เข้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วกัดริมฝีปากล่างผมแรงๆ จนผมเผลอร้องโอดโอย

“โอ๊ย! พี่ภู.. ไนล์เจ็บ”

“กัดให้เจ็บ จะได้ตอบ! อย่ามาทำเป็นดีดดิ้นหาว่าฉันลวนลาม คนอย่างนายมีอะไรดีไม่ทราบ! ทำไมฉันต้องลดตัวไปทำแบบนั้น? คิดว่าคนอื่นจะต้องหลงเสน่ห์นายหมดเหมือนที่ไอ้เทมส์กับแม่ฉันเป็นงั้นหรอ!?”

คนที่ยืนคร่อมร่างผมตะคอกลั่น ผมได้แต่นั่งก้มหน้าตัวสั่นเพราะไม่รู้จะทำยังไง แขนก็เจ็บ พูดความจริงไปพี่ภูก็ไม่เชื่อ เขาคิดตลอดว่าผมเป็นแค่คนหน้าไม่อายที่พยายามจะพาตัวเองมาอยู่ใกล้ชิดเขา .. ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดจากความเป็นจริงเท่าไหร่ เพียงแต่ผมไม่ได้เข้ามาเพราะหวังร้าย อันนี้แหละที่พี่ภูตีความเจตนาของผมผิดไป

“ไนล์ไม่ได้คิดแบบนั้นครับ.. อึก” ผมกลั้นก้อนสะอื้นเพราะไม่อยากให้พี่ภูรู้ว่าร้องไห้ ไม่งั้นผมก็จะถูกพี่ภูดุอีก “ไนล์ขอโทษครับ ไนล์ผิดเอง ต่อไปนี้ไนล์จะอยู่ให้ห่างๆ พี่ภู ไม่เข้าใกล้ให้พี่ภูหงุดหงิดใจอีก”

พอพูดจบน้ำตาเม็ดเล็กๆ ก็ร่วงหล่นออกจานัยน์ตากลมทั้งสองข้างของผม แต่ผมก็ยังคงก้มหน้านิ่งเพราะไม่อยากให้พี่ภูเห็น ผ่านไปไม่ถึงอึดใจพี่ภูก็คลายมือที่บีบต้นแขนผมออก ผมเลยรีบใช้มืออีกข้างจับแขนตัวเองไว้แทนพร้อมกับลูบเบาๆ เพราะมันยังคงเจ็บอยู่ ผิวขาวๆ ของผมขึ้นแดงเป็นรอยมือ ปกติผมเป็นคนช้ำง่ายอยู่แล้ว เจอบีบเข้าไปด้วยแรงของพี่ภูก็เลยไม่รอด ที่ทำได้ตอนนี้ก็มีเพียงใช้มือลูบเบาๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บที่เกิดขึ้น

ผมไม่กล้าเงยหน้ามองพี่ภู ได้แต่รอฟังว่าพี่ภูจะพูดอะไร แต่เขากลับไม่ได้พูอะไรทั้งสิ้นแล้วจู่ๆ ก็หมุนตัวเดินกลับเข้าห้องตัวเองไปเฉยๆ ปล่อยให้ผมนั่งเสียใจอยู่ที่โซฟาลำพัง

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-21 : Universe 11st)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 21-04-2020 20:29:54
(อ่านต่อจากด้านบน)


ก็อก ก็อก ก็อก

ผมเดินไปเคาะประตูห้องพี่ภู เพราะเห็นว่าตอนนี้สายมากแล้ว แล้วพี่ภูก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย และเพราะอะไรหลายๆ อย่างทำให้ผมลืมสังเกตไปว่าผู้หญิงที่พี่ภูพามาเมื่อคืนไม่อยู่แล้ว และถ้าจะให้ทบทวนดีๆ ผมก็ว่าผมไม่เห็นเธอตั้งแต่เช้าแล้วนะ ตั้งตอนที่ผมออกมาเจอพี่ภูที่โซฟานั่นแหละ ตอนแรกก็คิดว่าเธออาจจะยังหลับอยู่ในห้องพี่ภู แต่ถ้าเธออยู่ในห้องแล้วพี่ภูจะออกมานอนข้างนอกทำไม แถมสภาพของกินกับกระดาษเอกสารที่เกลื่อนอยู่ตามพื้นก็พอจะทำให้เดาได้ว่าพี่ภูคงอ่านอะไรพวกนั้นจนเผลอหลับไป

แต่ก็ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเท่าไหร่ เรื่องผู้หญิงเรื่องคู่นอนหรือเรื่องที่พี่ภูจะพาใครเข้ามาผมห้ามอะไรไม่ได้เพราะไม่มีสิทธิ์ อย่างน้อยเป้าหมายที่ผมวางไว้ตอนนี้ก็คือขอให้พี่ภูยอมลับไปช่วยงานคุณแม่ที่บริษัทได้ก็พอ และจากที่เห็นเมื่อคืนผมก็คิดว่าไม่น่าจะยากเกินไป เพราะพี่ภูเองก็ดูมีใจและเตรียมตัวอยู่บ้าง

ไม่แน่สามเดือนของผมอาจจบลงไวกว่าที่คิดก็ได้

ผมทำอาหารไว้สองที่สำหรับพี่ภูกับผู้หญิงคนเมื่อคืน ไม่แน่ใจว่าเธอยังอยู่ในห้องไหม แต่ยังไงก็ขอทำเผื่อไปก่อนไม่งั้นเดี๋ยวก็ถูกพี่ภูดุอีก ผมรออยู่ไม่นานประตูห้องของพี่ภูก็เปิดออก

“มีอะไร?”

ผมก้าวถอยหลังนิดหนึ่งเพราะไม่อยากให้พี่ภูหงุดหงิดที่เข้าใกล้เขามากเกินไป “ไนล์เห็นว่าสายแล้ว กลัวพี่ภูจะหิวเลยจะมาบอกว่ากับข้าวทำเสร็จแล้วนะครับ อยู่บนโต๊ะ”

ผมชี้ไปที่โต๊ะอาหารด้านหลังที่อยู่กึ่งกลางระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่น พี่ภูมองตามมือผมก่อนจะเหลือบมองที่ต้นแขนของมือข้างที่ผมใช้ชี้ เขาไม่ได้พูดอะไร ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขามองทำไมเลยได้แต่ยืนนิ่ง จนพี่ภูรับคำนั่นแหละผมถึงถอยออก

“อืม รู้แล้ว เดี๋ยวออกไปกิน”

พี่ภูกลับเข้าไปในห้องแต่ไม่ได้ปิดประตูเหมือนเดินเข้าไปหยิบของแล้วเดี๋ยวคงจะออกมา ผมเองเลยถอยฉากเพราะหมดหน้าที่ของตัวเอง และอีกอย่างผมก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะยังอยู่ไหมหรือกลับไปแล้ว ผมไม่อยากเสียมารยาทละลาบละล้วง เลยเดินกลับไปที่ที่ของตัวเอง

ผมเดินเข้าไปในครัวพร้อมกับลากเก้าอี้เข้าไปด้วยตัวหนึ่ง แล้วจัดการหยิบจานใส่ข้าวตั้งใจว่าจะนั่งกินข้าวเงียบๆ ในนี้เสร็จแล้วก็เข้าห้อง จะได้ไม่รบกวนสายตาพี่ภู แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้จับทัพพี เสียงทุ้มที่ดังอยู่ด้านหลังก็ทำเอาแทบสะดุ้ง

“ทำอะไรน่ะ?”

พี่ภูยืนซ้อนอยู่ด้านหลังพร้อมกับมองมาดุๆ ในมือเขามีหลอดยาอะไรบางอยู่ พอเห็นพี่ภูยังยืนขมวดคิ้วไม่ขยับไปไหนก็เลยนึกรู้ว่าเขากำลังรอให้ผมตอบคำถามอยู่

“ทานข้าวครับ เดี๋ยวทานเสร็จแล้วไนล์จะรีบเข้าห้อง หรือ.. หรือถ้าพี่ภูอยากให้ไนล์เข้าห้องตอนนี้เลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวพี่ภูทานเสร็จแล้วไนล์ค่อยออกมาทานทีหลัง”

ผมรีบพูดยาวไม่หายใจ และเตรียมตัวจะขยับหนีไปอีกด้านเพื่อเดินกลับเข้าห้องตัวเองแต่พี่ภูกลับคว้าข้อมือผมไว้ เล่นเอาผมสะดุ้งแถมยังหลับตาแน่นเตรียมรอรับความเจ็บที่น่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้เพราะถูกมือพี่ภูบีบ

แต่อาการเจ็บที่ว่ากลับไม่เกิดขึ้น หนำซ้ำพี่ภูยังพาจูงกึ่งๆ ลากพาผมเดินออกมาจากห้องครัวให้มาหยุดที่โต๊ะอาหาร ที่มีอุปกรณ์การกินจัดวางอยู่สองชุด

“ถ้าจะเข้าไปกินในครัวแล้วจะจัดไว้ทำไมสองชุด?” พี่ภูถามเสียงเรียบ ถึงจะไม่ได้อ่อนโยนแต่ก็ไม่ได้ดูดุเท่าที่ผ่านมา

“คือไนล์ ไนล์จัดไว้ให้แขกของพี่ภูครับ” ผมตอบเสียงเบา “ไนล์ไม่แน่ใจว่าคุณเขากลับไปหรือยัง เลยจัดเผื่อไว้ก่อน”

“กลับไปตั้งแต่ห้าทุ่มเมื่อคืนแล้ว” พี่ภูพูดเรียบๆ ทำเอาผมต้องหันไปมองด้วยความแปลกใจ

แปลกใจว่าทำไมกลับไปเร็วเพราะเหมือนว่าตอนที่มาถึงก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว ก็ไม่น่าจะแยกย้ายกันเร็วขนาดนั้นหรือเปล่า และที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือ พี่ภูไม่จำเป็นต้องบอกผมก็ได้

เอ๊ะ หรือที่บอกเพราะไม่อยากให้ผมมองผู้หญิงคนนั้นไม่ดี... อืม มันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ

“อ่า.. งั้นเดี๋ยวไนล์เอาจานไปเก็บให้นะครับ พี่ภูทานตามสบายเลย เดี๋ยวทานเสร็จแล้วไนล์จะมาเก็บล้างให้”

ผมว่าพลางกระวีกระวาดจะเข้าไปเก็บจานที่ไม่น่าจะได้ใช้ แต่ถูกพี่ภูดึงข้อมือไว้ก่อนอย่างแรง จนเสียหลักทรงตัวไม่อยู่ โน้มเข้าไปปะทะกับหน้าอกของพี่ภูแทน

ผมตกใจตาเหลือกโตรีบเด้งตัวออกจากอ้อมอกของพี่ภูก่อนที่จะโดนว่า ผมเงยหน้าเตรียมจะเอ่ยคำขอโทษแต่แววตาที่วูบไหวราวกับไม่แน่ใจอะไรบางอย่างของพี่ภูทำให้ผมชะงักไป และก็เป็นพี่ภูที่ได้สติก่อน

“จะยกไปเก็บทำไม ก็นั่งกินมันตรงนี้แหละ ยังไงนายก็ต้องกินเหมือนกันไม่ใช่หรอ?”

“อะ.. เอ่อคือ ทานข้าว ตะแต่..” ผมอึกๆ อักๆ พยายามหาข้ออ้าง แต่พี่ภูพูดสวนขึ้นมาก่อน

“ไปนั่ง แล้วกินด้วยกัน อย่าเรื่องมาก จะได้เก็บล้างเก็บอะไรทีเดียว”

พี่ภูจ้องผมเขม็งแถมบังคับด้วยสายตา ทำเอาผมต้องทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ทางฝั่งซ้ายของพี่ภูอย่างเสียไม่ได้ สุดท้ายมือนั้นเลยกลายเป็นอาหารมื้อแรกของเราสองคนแทน

ผมกลั้นยิ้มแทบตาย ความขุ่นข้อมหมองใจเมื่อเช้าเหมือนได้รับการรักษาด้วยความใจดีที่เล็กๆ น้อยๆ ที่พี่ภูมีให้ อาหารมื้อนั้นอร่อยเป็นพิเศษสำหรับผม แม้เราจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยระหว่างมื้อ แต่แค่นี้ผมก็มีความสุขมากจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกแล้ว และที่ทำให้ผมต้องเผลอหลุดยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่ได้ก็คงเห็นจะเป็นหลังจากที่เราอิ่มอาหาร และมื้อนั้นของเราจบลง ไอ้หลอดยาเรียวๆ ที่พี่ภูถือออกมาจากห้องก็ถูกยื่นมาตรงหน้าผม

“เอาไปทาจะได้ดีขึ้น” พี่ภูใช้หลอดยาชี้ไปที่ต้นแขนของผมที่มีรอยนิ้วมือแดงเถือกที่เกิดจากพี่ภูพาดอยู่ “ทาจนกว่าจะหาย อย่าให้เห็นนะว่าเอารอยนี่ไปฟ้องแม่ว่าฉันรังแก”

พี่ภูพูดขู่เสียงดุ แต่แววตากลับดูรู้สึกผิดไม่น้อย เลยทำให้ผมกลับไม่นึกโกรธหรือน้อยใจสักนิดที่พี่ภูพูดออกมาแบบนั้น เพราะผมรู้ดีว่าเขาก็พูดไปอย่างนั้นแหละ เขาเคยกลัวคุณแม่เสียที่ไหน นี่คงอยากให้ผมทายาจนกว่าจะดีขึ้นแต่ไม่กล้าพูดตรงๆ เลยเอาคุณแม่มาอ้าง

“ครับ ไนล์จะทายาทุกวันจนกว่าจะหายเลย” ผมวางหลอดยาลงบนโต๊ะ ก่อนจะพุ่มมือไหว้อีกฝ่ายตามที่ครอบครัวสอนมาอย่างดี “ขอบคุณนะครับพี่ภู”

พี่ภูทำเป็นพยักหน้ารับส่งๆ ก่อนจะลุกพรวดพราดไม่พูดอะไรต่อ ผมแอบขำกับท่าทีเขินๆ ของเขาเงียบๆ คนเดียวไม่กล้าส่งเสียงดังเพราะกลัวจะถูกดุ จนพี่ภูเข้าห้องไปแล้ว ผมถึงได้หยิบหลอดยามาพิจารณาพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข

ก็ผมบอกแล้ว... ว่าพี่ภูคนใจดีและแสนจะอ่อนโยนของผมยังคงอยู่ที่ตรงนั้นแหละ อาจจะต้องให้เวลาเขาสักหน่อย เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก และอีกไม่นานเขาก็คงจะกลับมา

ผมจะพาเขากลับมา

.

.

.

(ไนล์! นี่ถ้าวันนี้ไนล์ไม่โทรมา เรากะจะโทรหาคุณฤดีแล้วนะรู้ไหม)

ผมถอนหายใจใส่คนปลายสาย ก่อนจะเอ่ยปรามอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

“เราว่าเราบอกลมไปแล้วนะ ว่าเราจะเป็นคนติดต่อลมไปเอง เรายุ่งเรื่องงานมากๆ ลมก็รู้ แล้วทำไมลมถึงไม่ฟังที่เราพูดบ้าง”

พอโดนผมดุใส่ลมก็เงียบ เงียบจนผมนึกเสียใจที่ทำใจร้ายใส่เขาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจทุกครั้ง อันที่จริงผมก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ลมเป็นพวกประเภทดื้อเงียบ ละติดนิสัยชอบดูแลและเป็นห่วงผมมาจากพ่อกับแม่ ดังนั้นวิธีการของลมมันเลยอาจจะสุดโต่งไปนิด ไม่เหมือนกับพี่เทมส์ที่มีวิธีจัดการกับผมแนบเนียนกว่านั้น

(เราขอโทษนะไนล์ เราคงคิดถึงไนล์มากไปหน่อย เลยเผลอทำตัวงี่เง่าแบบนี้)

ผมยิ้มบางเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนบอก ... ตั้งแต่เล็กจนโตสำหรับลม ผมคือคนสำคัญเสมอ...

“นี่ปราณนต์” ผมเรียกเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “เรารู้นะว่าลมรู้สึกยังไง แต่เราดูแลตัวเองได้ อีกอย่างนี่เพิ่งจะมาได้ไม่กี่วันเอง ไม่ต้องรีบคิดถึงเราหรอก มีเวลาเหลือให้คิดถึงอีกเยอะ”

ผมพูดเคล้าเสียงหัวเราะก่อนจะได้ยินเสียงโอดโอยของลมลอยมาตามสาย

(โถ่...ไนล์ ทำไมแกล้งกันแบบนี้ล่ะ)

“เราไม่ได้แกล้ง เราพูดจริงๆ” ผมปรับน้ำเสียงให้จริงจังขึ้นอีกนิด เพราะตั้งใจจะพูดเรื่องนี้กับลมให้เข้าใจเจตนา “ลมไม่ต้องเอาเวลาทั้งหมดมาคอยคิดถึงเราหรอก ห่างกันแบบนี้เราเองอยากให้โอกาสลมได้ทบทวนความรู้สึกตัวเองจริงๆ จังๆ ดู .. บางทีที่ผ่านมามันอาจจะไม่ใช่ความรัก แต่มันอาจจะเป็นแค่ความผูกพันก็ได้นะลม”

(ไนล์... เราเคยบอกไนล์ไปแล้วไงว่าเราทบทวนทุกอย่างมาดีแล้ว สิบปีที่เรารู้จักไนล์มา ไนล์ไม่คิดหรอว่าเราพยายามที่จะมองไนล์เป็นเพื่อนมาแล้วกี่ครั้ง .. แต่เราทำไม่ได้ไงไนล์ เราทำไม่ได้ทั้งๆ ที่เราก็รู้อยู่แก่ใจว่าไนล์ไม่เคยมองใครเลยนอกจากผู้ชายคนนั้น)

“...” ผมเงียบ เพราะไม่รู้จะเถียงลมยังไง

(บางทีลมก็นึกโกรธโชคชะตานะ ว่าทำไมไม่ให้ลมได้รู้จักไนล์ก่อน ทำไมไม่ให้ลมได้เป็นคนช่วยไนล์จากไอ้สารเลวพวกนั้น เผื่อว่าคนไนล์รักจะได้เป็นลม ไม่ใช่ไอ้พี่ภูที่มันไม่คิดจะสนใจไนล์เลย)

“ลม.. เอาอีกแล้วนนะ พาดพิงคนอื่นอีกแล้วนะ” ผมส่งเสียงปรามทันที และก็เป็นไปตามคาดเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ส่งมาจากอีกฝั่งของสาย

(แตะไม่ได้เลยนะ) ลมบ่น ให้ผมได้ยู่ปากด้วยความขัดใจ แต่ก็ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อ ผมก็ได้ยินเสียงกุกกักจากข้างนอกห้อง พอได้มองเวลาก็นึกแปลกใจเพราะตอนนี้มันก็ดึกแล้วพอสมควร

เอ๊ะ.. หรือพี่ภูจะออกไปเที่ยวอีก

“ลม.. แค่นี้ก่อนนะ ดูเหมือนคุณฤดีจะมาขอคุยงาน แล้วอีกสองสามวันเราจะโทรกลับไปหาใหม่”

ผมลุกขึ้นยืนถือโทรศัพท์แนบหู พลางเดินไปที่ประตูห้องเพราะอยากจะรู้ว่าเป็นเสียงอะไรกันแน่ ในขณะที่ปลายสายที่เป็นเพื่อนสนิทก็บ่นงุ๊งงิ๊งทำถ่วงเวลาไม่อยากจะวาง ให้ผมต้องหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้เห็นลมในเวอร์ชั่นที่งอแงขนาดนี้

(ยังไม่อยากวางเลยไนล์ เพิ่งคุยกันไปแปปเดียวเองนะ ขอสักสิบนาทีไม่ได้หรอ?)

ผมยิ้มจนตาปิดพลางเปิดประตูห้องออกไป โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าไอ้เสียงกุกกักที่ผมได้ยินน่ะอยู่ใกล้กว่าที่คิด ใกล้ชนิดที่ว่าเปิดประตูมาแล้วก็เจอเลย และพอผมพาตัวเองชะโงกออกไปมองตรงห้องนั่งเล่น ไม่ได้หันมองข้างหลัง เลยไม่เห็นว่าเจ้าของเสียงกุกกักที่ผมสงสัยยืนซ้อนหลังพลางจ้องมองผมคุยโทรศัพท์ด้วยแววตาขุ่นมัว

ผมยืนหันหลังคาประตูอยู่แบบนั้น เพราะเห็นว่าเสียงที่สงสัยเมื่อกี้มันเงียบไปแล้ว คงหนีไม่พ้นพี่ภูออกไปเที่ยวแน่ๆ และพอคิดได้แบบนั้นผมก็เลยหยุดยืนคุยกับลมต่อโดยที่ไม่ได้เอะใจใดๆ ทั้งสิ้น

“จะอีกที่นาทีก็ต้องวาง อย่างอแงสิ เดี๋ยววันหลังเราโทรไปหาใหม่ สัญญาแล้วไม่ผิดสัญญาหรอก”

(เฮ้ออออ ไนล์ใจร้าย รู้ว่าเราคิดถึงก็ยังทรมานเราไม่เลิกไม่รา)

ลมโวยวายเสียงดังลั่นจนเสียงทะลุออกมานอกโทรศัพท์ ให้ผมได้หลุดขำกับความเป็นเด็กไม่รู้จักโตของเพื่อน

“คิดถึงเหมือนกัน ... พอใจรึยังเนี่ย?”

ลมดูดี๊ด๊าทันทีเมื่อผมบอกว่าคิดถึง แม้เขาจะรู้อยู่เต็มอกว่าผมคิดถึงเขาก็แค่ในฐานะเพื่อน แต่สำหรับลมแล้วเพียงแค่ผมคิดถึง เขาก็เก็บเอาไปดีใจโม้ได้เป็นอาทิตย์ๆ

(พอใจแล้ว พอใจที่สุดในโลก) ผมหัวเราะกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนปลายสาย (สัญญาแล้วนะว่าจะโทรหา เราจะรอนะไนล์)

“อื้ม ไว้ว่างแล้วจะโทรไปหา แค่นี้ก่อนนะ เราต้องไปแล้ว”

ผมบอกลาเพื่อนสนิทซึ่งลมก็ยอมวางแต่โดยดี (โอเค ดูแลตัวเองนะไนล์ ... เราคิดถึงไนล์มากๆ เลยนะ)

ผมรับคำก่อนจะบอกลาแล้วก็วางสายไป ผมส่ายหัวเล็กน้อยกับนิสัยที่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดของเขา เขามีแต่ผม มองแต่ผม ทั้งที่ความจริงเขาไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ เพราะลมเองก็ใช่ว่าจะธรรมดาที่ไหน เป็นลูกชายเจ้าของโรงแรมที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศไทยแบบนั้นใครๆ ก็ให้ความสนใจ แถมลมยังหล่อจนหาตัวจับยากอีกตะหาก

มีทั้งผู้หญิงผู้ชายมาขายขนมจีบให้เขาไม่ได้ว่างเว้นเลยแหละ แต่ลมไม่เคยสนใจใครเลย ไม่มองใครเลย เขามองผมแต่ผม สนใจแต่ผมมาตลอดสิบปี

คิดมาถึงตรงนี้แล้วผมก็ได้แต่ถอนหายใจ

“ทำไม อาลัยอาวรณ์กันมาก ไม่อยากจะวางสายจนต้องถอนหายใจเลยหรือไง?”

น้ำเสียงคุ้นหูค่อนขอดอยู่ด้านหลัง ทำเอาผมที่หันไปกะทันหันตกใจจนเผลอทำโทรศัพท์ร่วง หนำซ้ำยังถอยผงะจนเกือบหงายลังแต่โชคดีที่พี่ภูเอื้อมมือมาโอบเอวรั้งเข้าหาตัวไว้ไม่ให้ผมหงายได้ทัน

“พะ.. พี่ภู”

“ใช่ฉันเอง ไม่ใช่คนในสายนายหรอก หึ!.. เก่งนี่ ปั่นหัวคนนั้นทีคนนี้ที นี่ก็คงไม่แคล้วไอ้พวกที่มาหลงนายอีกคนสินะ”

พี่ภูพูดเยาะ ด้วยน้ำเสียงถากถาง ร่างใจดีเมื่อกลางวันเปลี่ยนหายกลับกลายเป็นอีกคน

“ไม่ใช่ครับ เขาเป็นเพื่อนผม เราสองคนเป็นเพื่อนกัน” ผมแก้ตัวพัลวัน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าพี่ภูไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น ที่เขาพูดก็เพราะเขาไม่เคยมองผมในแง่ดี แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดว่าผมมีคนอื่น ทั้งที่ความจริงในหัวใจผมก็มีแค่เขาคนเดียว

“เพื่อนกัน? เหอะ! ไปหลอกเด็กอนุบาลโน่นไป ฉันไม่เชื่อนายหรอก มาบอกคิดถึงกันเสียงอ่อนเสียงหวาน ถ้านายให้ไอ้หมอนั่นได้แค่เพื่อน ฉันก็สงสารมันน่าดู ท่าทางจะโดนนายหลอกจนเชื่อง”

พี่ภูพูดอย่างเชือดเฉือนจนผมรู้สึกแย่ ดูเหมือนว่าในสายตาเขาผมก็เป็นแค่พวกมิจฉาชีพที่จ้องจะปอกลอกเงินทองของเขาไม่เปลี่ยน

“แล้วแต่พี่ภูจะคิดแล้วกันครับ ยังไงผมก็คงไปบังคับ...

ครืด~

และในขณะที่ผมกำลังจะตัดพ้อด้วยความน้อยใจ เสียงโทรศัพท์ที่หล่นอยู่ที่พื้นก็สั่น เรียกความสนใจจากเราทั้งคู่ให้หันไปมอง และผมก็เพิ่งค้นพบว่าพระเจ้าคงไม่ได้รักผมเท่าไหร่นัก เพราะถ้าท่านรัก ท่านก็คงไม่กลั่นแกล้งผมแบบนี้


P’ TEMP: ไหนบอกว่าจะโทรหาพี่ไงครับ? ดึกแล้วนะครับไนล์ ไม่คิดถึงพี่เหรอ?


สีหน้าพี่ภูแข็งกระด้างทันทีพอเห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์ของผมมีข้อความส่งมาถึง หนำซ้ำมันยังเป็นข้อความที่ส่งมาจากเพื่อนสนิทของเขา ด้วยรูปประโยคที่ค่อนข้าง... น่าจะทำให้เข้าใจผิดได้ไม่น้อย

ประกอบกับก่อนหน้านี้ผมเพิ่งคุยกับลมไปด้วยเนื้อหาที่ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ แล้วยิ่งความเชื่อที่ฝังหัวเขาเกี่ยวกับตัวผมไม่เคยเป็นในทิศทางบวก ไม่บอกก็เดาได้ว่าตอนนี้ผมต้องเป็นพวกชอบยั่ว ชอบปั่นหัวคนอื่นอย่างที่เขาเข้าใจและมักจะพูดออกมาบ่อยๆ แน่ๆ

แต่ครั้งนี้พี่ภูดูโกรธมากกว่าทุกครั้ง น่าจะเพราะหนึ่งในเหยื่อของผมเป็นเพื่อนสนิทของเขา เลยทำให้พี่ภูดูเดือดดาลมากกว่าที่เคย

พี่ภูพุ่งมาจับแขนผมแล้วกระชากหาเข้าตัวพร้อมกับใช้อ้อมกอดของตัวเองรัดผมไว้แน่นจนผมแทบขยับตัวไม่ได้ แต่ผมก็ยังพยายามดิ้นรน เพราะพี่ภูในตอนนี้ดูน่ากลัวกว่าทุกครั้ง และพี่ภูก็ยิ่งสร้างความกลัวของผมให้มากขึ้นโดยการยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะชิดพร้อมทั้งกระซิบขู่ด้วยเสียงเย็นๆ จนผมตัวแข็งทื่อ

“นายจะอ่อยใคร จะโปรยเสน่ห์ใส่ใคร หรือไปนอนกับไอ้หน้าไหน ฉันไม่เคยว่าและไม่เคยนึกอยากจะยุ่ง แต่ถ้าเมื่อไหร่นายมาปั่นหัวเพื่อนฉันเพื่อหวังผลประโยชน์ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตาม ฉันเอานายตายแน่ จำไว้!!”

พอพูดจบพี่ภูก็คลายอ้อมกอดออกแล้วเหวี่ยงผมลงพื้นอย่างแรง สะโพกผมกระแทกกับพื้นจนเจ็บน้ำตาคลอ พี่ภูชะงักไปวูบหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชา มองผมด้วยสายตาในแบบที่ทำให้ความเจ็บตรงสะโพกกลายเป็นเรื่องเล็กทันที เมื่อความเจ็บปวดที่หัวใจมันหนักหนาสาหัสกว่าแทน

“โอ๊ย!!”

“ดี! เจ็บเสียบ้างจะได้จำ ว่าใครที่นายไม่ควรมายุ่ง!!”

พี่ภูตะคอกผมเสียงดัง ก่อนจะปล่อยทิ้งผมที่กำลังน้ำตาไหลไว้ที่พื้นแบบนั้นแล่วผลุนผลันออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

.

.

.

To Be Continue

--------------------------------------------

คุยกันหน่อยเนาะ อ่านคอมเม้นท์ตอนที่แล้วละคิดว่าอยากขอชี้แจงสักนิด แหะๆ

เราเข้าใจนะคะที่ตอนนี้หลายคนอาจจะแบบหงุดหงิดกับความที่ไนล์จะรักอะไรอิพี่ภูนักหนา และอิพี่ภูเป็นอะไรมากมั้ย ไบโพลาร์ เป็นบ้าหรือเป็นอะไร

555555555 เชื่อเถอะค่ะเราเขียนเราก็หงุดหงิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่างที่เราเคยบอกไป ด้วยคาแรคเตอร์ของตัวละคร เรื่องมันก็เลยออกมาในแนวนี้ ซึ่งเราจะไม่ชี้นำว่าใครต้องคิดอะไรยังไง เราให้อิสระเสรีทุกคนค่ะ นิยายที่เราเขียน จะไม่มีการก้าวก่ายจินตนาการของทุกคน ไม่มีการบังคับหรือกะเกณฑ์ว่าต้องรู้สึกอย่างนั้นอย่างนี้ เพียงแต่เราขออธิบายนิสัยตัวละครเราสักนิดว่าทำไมเรื่องมันถึงเป็นแบบนี้

ไนล์ เป็นคนที่โลกแคบค่ะ ชีวิตของน้องมีพ่อแม่คอยประคบประหงม มีพี่ชายคอยดูแล มีเพื่อนสนิทคอยตามใจ และเพราะไนล์ถูกโอบอุ้มด้วยความรักมาตลอด ไนล์เลยมองโลกในแง่ดีและคิดว่าความรักจะเยียวยาทุกอย่างได้

ส่วนพี่ภู จากที่เห็นตอนเด็ก นางเป็นคนดีค่ะ นางอ่อนโยน นางมีมุมดีๆ เยอะมาก แต่เพราะถูกคนรักหักหลัง มันเลยเป็นปม เป็นความไม่ไว้ใจ เป็นความอคติ ที่สามารถแก้ไขได้ เพราะพื้นฐานนางไม่ใช่คนนิสัยไม่ดี

เพียงแต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา และนี่ก็เป็นเพียงแค่การเพิ่งได้อยู่ร่วมกันของคนทั้งคู่ มันก็เลยออกมาเป็นฉะนี้แหละจ้า 55555555555

วันนี้ทอล์คเยอะเกินไปแน้ว แต่ยังยืนยันนะคะ ว่าสามารถคอมเม้นท์อพไรก็ได้ หงุดหงิดไนล์ ด่าอิพี่ภูได้ตามสบายเหมือนเดิมค่ะ 55555555 เรารออ่านข้อติ-ชม ของทุกคนเสมอน้าาา ขอบคุณล่วงหน้าเหมือนทุกครั้ง ทุกคลิก ทุกไลค์ ทุกเม้นท์ยังคงเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับเราเสมอ เราตามอ่านทุกเม้นท์ ทุกแพลตฟอร์ม ดีใจมากๆ ที่มีคนติดตาม พยายามจะเร่งเขียนให้ได้เยอะๆ แต่ตอนนี้ WFH งานเลยอาจจะเยอะสักนิดด แต่จะมาอย่างน้อยอาทิตย์ละตอน หรืออาจจะสองตอนถ้าสามารถนะคะ

ขอบคุณมากๆ อีกครั้งค่ะ แล้วเจอกันตอนหน้าน้าาา ... รักมากๆ ค้าบบบ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-21 : Universe 11th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 21-04-2020 23:06:53
จังหวะมันได้ชิปเป๋ง ทั้งโทรทั้งข้อความสองคนเป็นเรื่องงงสิ อิอิ ทนไปก่อนนะไลน์ ทั้งสุขทั้งทุกข์ละ ทนเอาๆ 555 สนุกกกก ชอบๆ อยากอ่านต่ออีกแล้ว ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนต่อไปเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-21 : Universe 11th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 22-04-2020 02:07:29
โอ้ยยยยยย
ตอนยาวแค่ไหนก็ไม่พอ

น้องไนล์อดทนอีกิดนะลูกกกกกก
เอาใจช่วยอยู่
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-21 : Universe 11th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-04-2020 03:09:27
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-27 : Universe 12th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 27-04-2020 20:39:54
Universe 12th - First Kiss


สรุปว่าคืนนั้นพี่ภูไม่ได้กลับบ้าน เขากลับเข้ามาอีกทีก็เช้าอีกวันในสภาพที่ไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่ มีผู้หญิงพาพี่ภูมาส่งถึงห้อง เขาดูเมามากส่วนผู้หญิงที่พาพี่ภูมาส่งก็คนเดียวกับที่พี่ภูพามาเมื่อคืนก่อน ผมตรงดิ่งไปรับร่างพี่ภูที่ดูเหมือนจะยังไม่ได้สติเท่าไหร่จากผู้หญิงคนนั้น ได้ขณะที่เธอส่งยิ้มบางๆ ให้กับผม แล้วพูดขึ้นอย่างมีน้ำใจ

“คุณตัวเล็กกว่าภูเยอะ คนเดียวไม่ไหวหรอก เดี๋ยวยังไงแพ็ตช่วย”

“ขอบคุณครับ”

ผมหันไปผงกศีรษะให้อีกฝ่ายน้อยๆ ก่อนที่คุณแพ็ตกับผมจะช่วยประคองพี่ภูมาจนถึงโซฟา พี่ภูนอนเมาพึมพำอะไรไม่ได้สรรพ ในขณะที่ตัวมีแต่กลิ่นเหล้า จนผมนึกอ่อนใจ

“กินเข้าไปเยอะเลยค่ะ เรียกว่าอาบก็ได้ ตอนที่ภูโทรเรียกแพ็ตให้ไปเจอก็ดูเหมือนจะเมามากพอสมควรแล้ว” คุณผู้หญิงที่แทนตัวเองว่าแพ็ตเริ่มเล่า “เหมือนถูกตามให้ไปเฝ้าเลยค่ะ แล้วก็เนี่ยอยู่ยาวจนเช้า สภาพอย่างที่เห็น”

คุณแพ็ตส่ายศีรษะปลงๆ และยังยิ้มออกมาบางๆ อย่างอ่อนอกอ่อนใจ แต่ภายใต้ความอ่อนอกอ่อนใจของคุณแพ็ตนั้นมีความอบอุ่นซ่อนอยู่

ผมรู้ว่าเขาสองคนคงไม่ใช่เพื่อนกันธรรมดา

แค่คิดมาถึงตรงนี้ใจผมก็เจ็บขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“งั้นเดี๋ยวผมไปเตรียมน้ำมาให้คุณแพ็ตเช็ดเนื้อเช็ดตัวพี่ภูนะครับ เสร็จแล้วผมจะไปทำอาหารเช้าให้คุณแพ็ตทาน” ผมชะงักไปนิดหนึ่งเหมือนนึกขึ้นได้ ก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างเกรงใจ “เอ่อ.. ผมเรียกคุณว่าคุณแพ็ตได้ใช่ไหมครับ”

เธอเงยหน้ามองผมหลังจากที่ผมถามจบ ก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้

“ได้สิคะ เรียกแพ็ตหรือแพ็ตตี้ก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ แพ็ตสบายๆ”

ผมยิ้มตอบเธอ รู้สึกดีที่ผู้หญิงของพี่ภูน่ารักและดีกับผมมากว่าที่ผมคิด ไม่รู้ว่าดูละครมากเกินไปหรือเปล่า แต่ผมก็ค่อนข้างกังวลใจ กลัวว่าผู้หญิงที่พี่ภูพามาจะไม่ชอบขี้หน้าผมที่จู่ๆ ก็โผล่มาอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้มีใครเชิญ

“ว่าแต่คุณคือ...”

“ไนล์ครับ ผมชื่อไนล์ มาอยู่ที่นี่เพราะคุณท่านให้มาดูแลพี่ภูครับ”

“อ๋อออ.. วันนั้นเห็นภูก็บอกอยู่” คุณแพ็ตพึมพำ พลางทำหน้าสงสัยนิดๆ “คุณไนล์ก็น่ารักออก พูดจาก็สุภาพ ภูนี่นิสัยเสียจริงๆ”

ผมได้ยินคุณแพ็ตบ่นอะไรพึมพำเบาๆ เลยถามออกไป “คุณแพ็ตว่าไงนะครับ จะเอาอะไรรึป่าว? บอกผมได้นะครับ”

“ไม่มีอะไรค่ะคุณไนล์” คุณแพ็ตยิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้ “อ้อ แพ็ตว่าแพ็ตกลับก่อนดีกว่า เพลียมากอยากพักแล้ว นี่ก็นั่งเฝ้าภูกินเหล้าทั้งคืนเลย ไม่รู้ไปอารมณ์เสียอะไรมา”

คุณแพ็ตบ่นงึมงำแถมมองค้อนคนนอนหลับไม่ได้สติอย่างพี่ภูเหมือนกับโกรธแค้นมากมาย แต่น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยทำให้ผมนึกรู้ว่าพี่ภูกับคุณแพ็ตน่าจะสนิทสนมลึกซึ้งกันพอสมควร ผมเลยตัดสินใจย้ำ

“คุณแพ็ตจะไม่อยู่เช็ดตัวให้พี่ภูก่อนเหรอครับ ผม...”

“โอย ไม่เอาหรอกค่ะคุณไนล์ งานดูแลอะไรใครนี่แพ็ตไม่ถนัดเลย อีกอย่างแพ็ตกับภูก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย ที่ไปนั่งเฝ้ามาค่อนคืนนี่ก็น่าจะพอแล้ว ยังไงแพ็ตขออนุญาตส่งไม้ต่อให้คุณไนล์แล้วกันนะคะ แพ็ตขอตัวกลับก่อนดีกว่า”

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมร่ายยาว ดูเหมือนที่เธอพูดมาจะไม่ได้ประชดประชันเลยสักประโยค สีหน้าของเธอดูจริงจังมากยิ่งกว่าตอนที่ร่ายยาวเรื่องพี่ภูเมาให้ผมฟังอีก ผมเลยได้แต่สงสัยว่าทำไม เพราะจากที่ดูๆ คุณแพ็ตไม่น่าจะใช่สไตล์ที่ยอมให้พี่ภูควงเล่นๆ แก้เซ็ง จะว่ายังไงดี เธอดูสวย ดูมั่นใจ ดูไม่มีพิษมีภัย และที่สำคัญเธอดูเหมาะกับพี่ภูทุกอย่าง ทั้งลักษณะท่าทาง หน้าตาและนิสัย แต่ก็ไม่แน่หรอก การที่ไม่ได้เป็นอะไรกันในตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะขับความสัมพันธ์ไม่ได้นี่

“แต่พี่ภูอาจจะตื่นมาแล้วอยากเจอคุณแพ็ต...”

และก็เป็นอีกครั้งที่ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค คุณแพ็ตก็แทรกขึ้นมา

“หยุดความคิดเลยนะคะคุณไนล์ แพ็ตขนลุก” คุณแพ็ตทำท่าขนลุกขนพองจริงๆ อย่างที่ปากว่า “แพ็ตกับภูเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ เราไม่ได้มีบรรยากาศโรแมนซ์อะไรกันขนาดนั้นหรอก”

ผมขมวดคิ้วทำหน้างง “แต่วันนั้น...”

“อ๋อ วันนั้น... เอางี้ดีกว่าค่ะ แพ็ตกับภูเราสองคนเป็นเพื่อนกันในทุกแง่” เธอยิ้มก่อนจะทำท่าแอร์โคว้ทตรงคำว่า ‘เพื่อนกันในทุกแง่’ ให้ผมได้พยักหน้ารับแบบเขินๆ ที่คิดเป็นตุเป็นตะอยู่คนเดียวซึ่งดูเหมือนคุณแพ็ตเองก็เปิดเผยและอิสระทางความคิดมากกว่าที่เห็น “เฟรนด์วิทเบเนฟิทอะไรเทือกๆ นั้น คุณไนล์พอจะเข้าใจใช่ไหมคะ”

“อ่อ ครับ.. ขอโทษด้วยนะครับที่ผมทึกทักไปเรื่อย” ผมยิ้มพลางเกาแก้มแก้เขินให้คุณแพ็ตหัวเราะด้วยความชอบใจ

“คุณไนล์น่ารักจัง แพ็ตเข้าใจแล้วค่ะว่าทำไมคุณแม่ของภูถึงส่งคุณไนล์มาดูแลภู”

ผมเอียงคอเล็กน้อย เพราะไม่เข้าใจที่คุณแพ็ตพูด “เอ๊ะ..?”

เธอยิ้มก่อนจะชี้นิ้วโป้งไปที่ประตูที่อยู่ด้านหลัง “ไม่มีอะไรค่ะ แพ็ตกลับก่อนดีกว่า ยังไงฝากคุณไนล์ดูแลภูด้วยนะคะ”

“ครับ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปส่งที่ประตู “คุณแพ็ตเดินทางกลับดีๆ นะครับ แล้วก็ขอบคุณมากที่พาพี่ภูมาส่ง”

เธอยิ้มให้ผม ก่อนจะยื่นมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ ทำเอาผมตกใจตาโต

“คุณไนล์น่ารักมากจริงๆ” เธอหัวเราะก่อนจะพูดติดตลก ทำเอาผมหัวเราะตาม “เบื่อภูเมื่อไหร่บอกแพ็ตนะคะ แพ็ตจะมาพาไปอยู่ด้วย รับรองจะเลี้ยงดูอย่างดียุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม แค่นั่งยิ้มให้แพ็ตดูก็พอ .. เห็นคุณไนล์ละแพ็ตชุ่มชื่นหัวใจ”

“ฮ่าๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ .. แต่ยังไงก็ขอบคุณคุณแพ็ตมากนะครับ”

“ค่ะ งั้นแพ็ตไปก่อนนะคะ ไว้ถ้ามีโอกาสแพ็ตจะมาเยี่ยม”

“ครับ โชคดีครับคุณแพ็ต”

คุณแพ็ตโบกมือลาก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทางที่น่ามอง ผมอมยิ้มนิดๆ นึกดีใจที่พี่ภูมีคนดีๆ อย่างคุณแพ็ตเป็นคนข้างกาย แม้ผมจะไม่รู้ว่าเขาทั้งสองคบกันในสถานะไหน แต่ผมก็มั่นใจว่าคุณแพ็ตเป็นที่พึ่งทางใจของพี่ภูได้ และดูเธอก็มีพี่ภูเป็นที่พึ่งทางใจอยู่เหมือนกัน

ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของคนทั้งคู่ไม่ใช่ธุระที่ผมจะเข้าไปยุ่มย่ามได้ แต่ขอเพียงแค่พี่ภูได้เจอคนดีๆ และถ้ารักครั้งใหม่ของพี่ภูสามารถลงเอยกับคุณแพ็ตได้ ผมก็พร้อมที่จะยินดีไปกับคนทั้งคู่ด้วยโดยไม่เสียใจอะไรเลย

ผมปิดประตูห้องลงพร้อมๆ กับที่คุณแพ็ตเดินหายไปลับตา ผมมองเจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ที่นอนอยู่บนโซฟาด้วยสายตาอ่อนอกอ่อนใจ ดูท่าแล้วน่าจะเมามากเพราะไม่หือไม่อืออะไรเลย มีแต่การขยับตัวที่ดูเหมือนว่าน่าจะมาจากการที่เขานอนไม่สบายตัว เพราะโซฟามันเล็กกว่าขนาดร่างกาย

ผมเลยจัดการจะเข้าไปประคองเพื่อพาพี่ภูเข้าไปนอนในห้องนอนดีๆ แต่พอสัมผัสตัวพี่ภูกลับพบว่าร่างกายของเขามีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ แถมไอ้อาการขยับตัวไปมาเนี่ยน่าจะมาจากเพราะเขารู้สึกร้อนหรือไม่สบายจากภายในมากกว่า

พอเห็นแบบนั้นผมก็ตาลีตาเหลือกจัดการประคองพี่ภูลุกขึ้นนั่ง เขาดูหงุดหงิดนิดหน่อยที่ผมรบกวนเวลานอน ผมเลยต้องพยายามกระซิบบอกให้เจ้าตัวได้สติ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะรับรู้มากน้อยแค่ไหน

“พี่ภูครับ ลุกไหวไหมครับ เดี๋ยวไนล์จะพาพี่ภูเข้าไปนอนในห้องนะ”

“อือ... ใคร? ไนล์หรอ?” พี่ภูพึมพำ ตากึ่งลืมกึ่งปิดลง

“ครับ ไนล์เอง พี่ภูค่อยๆ ลุกขึ้นยืนนะครับ ไนล์แบกพี่ภูไม่ไหว พี่ภูช่วยไนล์นิดนะ”

พี่ภูพยายามพยุงตัวลุกขึ้นยืน แต่เหมือนเขาก็จะยืนไม่ค่อยไหว น้ำหนักตัวเลยโถมมาทางผมเสียหมดจนผมเสียหลักล้มลงแผ่บนโซฟา โดยมีพี่ภูล้มทับลงมาอีกที ผมตกใจมากพยายามผลักพี่ภูออก แต่ขนาดร่างกายของผมกับเขาดูไม่ค่อยจะสมมาตรกันสักเท่าไหร่เลยทำให้ผมดันตัวพี่ภูแทบไม่ขึ้น ในขณะที่คนป่วยเองก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือเขานอนทับผมนิ่ง ลมหายใจร้อนรดรินอยู่ตรงซอกคอผมจนพาลให้ผมทำอะไรไม่ถูกไปหมด

“พี่ภู.. พี่ภูครับ ลุกหน่อยครับ ให้ไนล์พาไปนอนในห้องนะ”

ผมพยายามเรียกสติที่มีอยู่ไม่มากของคนที่กำลังนอนทับผมอยู่ พี่ภูปรือตาขึ้นนิดหน่อย พอเขาเห็นว่าเป็นผม จากที่สะลึมสะลือก็เปลี่ยนเป็นจ้องเขม็ง นึกดีใจที่พี่ภูได้สติสักที แต่แล้วทุกความคิดของผมก็ต้องชัทดาวน์ เมื่อจู่ๆ พี่ภูโน้มหน้าลงมาประกบริมฝีปากของตัวเองลงบนอวัยวะเดียวกันกับของผม

ผมตาเบิกโพลงในขณะที่พี่ภูหลับตาที่สะลึมสะลือเมื่อกี้ลง เขาขยับริมฝีปากขบเม้มทั้งริมฝีปากล่างและบนของผมเบาๆ สลับกัน ผมตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ถูกจูบ และในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากห้ามก็กลับกลายเป็นว่าผมเปิดปากให้ลิ้นร้อนๆ ของอีกฝ่ายแทรกเข้ามาแทน

พี่ภูสอดลิ้นเข้ามากวาดต้อนไปทั่วโพรงปาก โดยที่ตัวผมเองก็ได้แต่บีบไหล่ของอีกฝ่ายแน่น ผมโดนไล่ต้อนเหมือนคนจนตรอก ปล่อยให้เรียวลิ้นของคนที่รุกรานซอกซอนและเกี่ยวกระหวัดไปมากับลิ้นเล็กๆ ที่ไม่ประสีประสาของผม พี่ภูดูดดึง ขบเม้มไปมาจนได้ยินแต่เสียงเฉอะแฉะของน้ำลายดังอยู่ที่ข้างหู ลมหายใจร้อนๆ รดรินอยู่ข้างแก้มจนผมสติพร่าเลือน สิ่งที่ผมรับรู้ในตอนนี้มีเพียงแค่ริมฝีปกาของเราทั้งคู่ที่ประกบแน่นเท่านั้น

“อือ...”

เสียงครางแผ่วเบาในลำคอราวกับพอใจของอีกฝ่ายทำให้ผมได้สติ หวนนึกไปถึงเช้าเมื่อวานที่พี่ภูดึงผมไปกอดก็เลยได้เข้าใจ

... พี่ภูคงนึกว่าผมคือแฟนเก่าของเขา พี่จีน

พอรู้แบบนั้นผมก็พยายามผลักพี่ภูออกโดยที่พี่ภูเองก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือสักนิด เขาพยายามจะจู่โจมริมฝีปากของผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่ยอมอีก ผมหลบหลีกส่ายหน้าไปมาจนพี่ภูครางฮึดฮัดด้วยความขัดใจ และเพราะเขาทำตัวไม่น่ารักเพราะจ้องจะรังแกผมไม่เลิกและผมเองก็แบกเขาเข้าห้องนอนไม่ไหว ผมเลยตัดสินใจขยับตัวเองออก และทิ้งให้พี่ภูนอนคว่ำบนโซฟาแทน

ผมลุกขึ้นยืนด้วยอาการหอบหายใจแรงจนแดงไปทั้งตัว ทั้งเขิน ทั้งตกใจ และทั้งโกรธตัวเองที่รู้ดีว่าลึกๆ ผมยินดีที่จะถูกพี่ภูรังแก ผมไม่ปัดป้องเขาสักนิดทั้งที่ทำได้ เพราะถึงพี่ภูจะตัวใหญ่กว่าผม แต่เขากำลังไม่สบาย ผมเอาตัวรอดไม่ให้ถูกเขาจูบได้แน่ๆ

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ปล่อยให้ตัวเองถูกพี่ภูจูบอยู่ได้นานสองนาน

ไม่บอกก็รู้ว่าลึกๆ ผมเองก็รู้สึกดี

ผมลงนั่งยองๆ จนมองเห็นหน้าพี่ภูที่หลับพริ้มอยู่บนโซฟา แก้มเขาแดงก่ำไม่รู้ว่าจากพิษเหล้าหรือพิษไข้ ผมไล้นิ้วของตัวเองไปตามริมฝีปากหยักลึกของคนตรงหน้าช้าๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมทำได้เฉพาะตอนที่เขาไม่มีสติเท่านั้น ถ้าตอนนี้เขารู้ตัว ไม่มีทางแน่ที่ผมจะทำแบบนี้ได้

... ริมฝีปากคู่นี้ที่จูบผม แม้จะเป็นจูบที่พี่ภูไม่ได้รู้สึก ไม่ได้มีอารมณ์ร่วม ไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่แม้แต่จะรู้ตัวว่ากำลังจูบผมอยู่ แต่มันกลับเป็นจูบแรกที่ผมรู้สึกดีมากๆ เป็นจูบจากคนที่ผมรักและรอคอยมาตลอดสิบปี

ผมนั่งมองหน้าพี่ภูเงียบๆ ก่อนจะสะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อเรียกสติของตัวเอง และก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เช็ดตัวพี่ภูให้เป็นจิตจะลักษณะเลย ซึ่งพอคิดได้แบบนั้นผมก็กุลีกุจอเดินเข้าไปเอากะละมังเล็กๆ ไปใส่น้ำพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเพื่อเช็ดตัวให้พี่ภู โดยที่ไม่ทันได้ยินว่าคนที่กำลังหลับตาพริ้มนั้นพึมพำออกมาว่าอะไร

“ไนล์ มาหาพี่... ไนล์”

.

.

.

หลังจากเช็ดเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พี่ภูเรียบร้อย ซึ่งกว่าจะผ่านไปได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร เพราะผมเช็ดตัวให้พี่ภูไปก็หน้าแดงไป ผมยอมรับว่าไม่คุ้น ผมไม่เคยเห็นใครเปลือยท่อนบนเลยนอกจากพี่ชายของตัวเอง ซึ่งก็จะเห็นเฉพาะตอนที่เราไปว่ายน้ำด้วยกันก็แค่นั้น แต่นี่ผมไม่ได้แค่เห็น แต่ผมจะจับต้องแตะ ต้องเช็ดตัวให้และคอยเช็คอุณหภูมิของร่างกายพี่ภูด้วยว่าสูงขึ้นหรือเปล่า จนกลายเป็นว่าตอนนี้คนแทบจะเป็นไข้ตามพี่ภูไปติดๆ ก็คือตัวผมนี่แหละ

ผมจับพลิกพี่ภูให้นอนหงายดีๆ บนโซฟา เพราะไม่สามารถพยุงร่างไร้สติที่ใหญ่กว่าผมเกือบเท่าตัวเข้าห้องไปนอนดีๆ ได้ อีกอย่างผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เลยเถิดเหมือนช่วงก่อนหน้าอีก เลยต้องยอมให้พี่ภูนอนบนโซฟาไปแทน ซึ่งผมก็เอายาให้พี่ภูกินเรียบร้อย เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าพี่ภูไข้ขึ้นเพราะอะไร แต่ถ้าให้เดาก็คงน่าจะเพราะกินเหล้าข้ามคืนจนร่างกายรับไม่ไหวแน่ๆ

เฮ้อ.. ไม่เข้าใจว่าพี่ภูเครียดอะไร ทำไมต้องกินเหล้ามากมายขนาดนั้น

ผมก็รู้แหละว่าตอนก่อนออกไปพี่ภูดูหงุดหงิดไม่น้อยกับเรื่องของผม แต่ผมก็พอเดาได้ว่ามันไม่น่าจะใช้สาเหตุหลัก เพราะคนอย่างผมไม่ได้อยู่ในสายตาหรือความนึกคิดของพี่ภูได้นานเกินครึ่งชั่วโมงหรอก

เขาโมโหผมแปปๆ ก็ลืม .. ไม่ใช่ว่าลืมเพราะหายโกรธ แต่เขาลืมเพราะผมไม่ได้เป็นที่น่าจดจำขนาดนั้น

ข้อนี้ผมพอจะรู้ตัวดี

ผมหันมองนาฬิกาก็เห็นว่าเริ่มบ่ายคล้อยแล้ว พี่ภูหลับไปนานมาก อุณหภูมิของร่างกายที่เคยสูงก่อนหน้าก็เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะผมหมั่นเช็ดตัวให้เรื่อยๆ

“เดี๋ยวผมมานะครับพี่ภู พักผ่อนนะ”

ผมยกมือลูบแก้มสากของคนที่กำลังหลับเบาๆ เพื่อปลอบประโลมให้เขาได้พักผ่อนได้ดีขึ้น ซึ่งพอผมเห็นว่าพี่ภูอาการดีขึ้น ผมก็เลยลุกเข้าไปทำข้าวต้มร้อนๆ เตรียมไว้ให้พี่ภูในครัว สลับกับเดินออกมาดูพี่ภูเป็นระยะๆ เพื่อเช็คอุณหภูมิร่างกายของพี่ภู โดยที่ก่อนจะผละออกไปทำอาหาร ผมก็ชุบผ้าขนหนูผืนเล็ก บิดน้ำหมาดๆ แล้วเอาวางแปะไว้บนหน้าผากพี่ภู เพื่อที่อย่างน้อยมันจะได้ดูดซับไอร้อนได้ ให้พี่ภูได้นอนสบายขึ้นสักนิดก็ยังดี

และพอทำอะไรในครัวเสร็จ ผมก็กลับมานั่งเฝ้าพี่ภูต่อ เสียงท้องร้องครวญครางทำให้ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกว่าตัวเองกินไม่ลงและไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด น่าจะเพราะเป็นห่วงอีกฝ่ายและเห็นว่าพี่ภูเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน ผมเลยตั้งใจว่าจะรอพี่ภูตื่นก่อนแล้วค่อยรอกินพร้อมกันทีเดียว

ผมนั่งรออย่างอดทน จนรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะผล็อยหลับ เลยตัดสินใจเดินเข้าไปเอาเอกสารการพัฒนาที่ดินของโครงการที่ออสเตรเลียที่พี่เทมส์ใช้อ้างให้ผมแอบมาอยู่กับพี่ภูได้ขึ้นมาอ่าน และพอได้เห็นข้อดีข้อด้อยของทำเล ผมก็เปิดโทรศัพท์มือถือที่ปิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนขึ้นมา แล้วเปิดอีเมล์เช็คทันที

ซึ่งลางสังหรณ์ของผมก็ยังแม่นยำ เมื่อเห็นว่าคุณฤดีตัวแทนของบริษัทอีเมล์มาปรึกษาเพราะดูเหมือนว่าแผนการพัฒนาที่ดินของเรานั้นยังไม่ครอบคลุมกับความต้องการของลูกค้า ผมจึงจัดการร่างคำตอบคร่าวๆ ส่งไปให้คุณฤดี และกำชับให้คุณฤดีถามเรื่องพวกนี้กับพี่เทมส์อีกทีว่าโอเคไหม จากนั้นก็ย้ำไปว่ามีอะไรให้อีเมล์หาผมได้ตลอด ถ้ามีเวลาว่างจะตอบให้ทันที

ผมกดส่งอีเมล์ออกด้วยใจเป็นกังวล เพราะแม้ว่าตอนนี้ผมกำลังจะทำเรื่องเหลวไหลอยู่ แต่ผมจะไม่ยอมทิ้งงานและไม่ทิ้งให้ผลประโยชน์ทางธุรกิจของครอบครัวเสียเปล่าแน่ เพียงแต่อาจจะต้องแอบพี่ภูทำ

เพราะคงไม่มีคนรับใช้หรือคนดูแลที่ไหน ที่รู้ภาษาอังกฤษอ่านออกเขียนได้และเข้าใจอย่างแตกฉาน ไหนจะแผนธุรกิจต่างๆ ที่ผมเอามาใช้ในงานอีก

ยังไงก็ให้พี่ภูเห็นผมในมุมนี้ไม่ได้แน่ๆ

ผมเคร่งเครียดอ่านเอกสารต่างๆ ในมือถือผ่านทางอีเมล์ ที่คุณฤดีสรุปมาให้ทราบอีกครั้งจากคำแนะนำของผมรวมกับข้อเสนอแนะของพี่เทมส์ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

บอกแล้วว่าพี่ชายผมพึ่งพาได้ เขาหล่อแถมยังฉลาดเป็นกรด

ผมตอบเมล์กลับคุณฤดีไป บอกให้ทำตามที่พี่เทมส์แนะนำก่อนจะหันกลับมามองคนที่นอนอยู่บนโซฟา หนังตาที่เคยตึงกลับล้าลงด้วยความอ่อนเพลีย มันจึงค่อยๆ หรี่ลง ในขณะที่มือถือยังคงค้างอยู่ในหน้าจออีเมล์ก็ยังถูกเปิดไว้อยู่ และสุดท้ายผมก็ฟุบหลับไปจนแก้มไปแนบอยู่บนโซฟาตัวเดียวกับพี่ภู จากนั้นตาผมก็ปิดสนิทอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ทันได้เห็นว่าคนที่ผมนั่งเฝ้าอยู่หลายชั่วโมงกำลังจะรู้สึกตัว

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-27 : Universe 12th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 27-04-2020 20:43:02
(ต่อจากด้านบน)


Kirin’s Part


ผมตื่นขึ้นมางงๆ ดูเหมือนจะเรียบเรียงและลำดับเหตุการณ์ไม่ค่อยจะถูก หนำซ้ำหัวยังปวดตุบๆ เหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบ และพอปรับสายตาให้สถาพการมองเห็นชัดเจนขึ้น ผมก็พบว่าตัวเองอยู่ที่คอนโด ซึ่งมาได้ยังไงโดยใครผมก็ยังนึกไม่ออก แต่จำได้คร่าวๆ ว่าก่อนเมา ผมโทรชวนให้แพ็ตตี้ออกมาดื่มด้วยกัน และหลังจากนั้นผมก็ดื่มหนักมาก ก่อนที่ภาพจะตัดไปเพราะอาการปวดหัวที่อยู่ๆ ก็จู่โจมโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

ผมตั้งสติและนึกคิดเลยพอจะเดาออกว่าคนที่มาส่งผมคงเป็นแพ็ตตี้ไม่ผิดแน่ แต่พอกวาดตามองหารอบๆ ก็ไม่เห็นหญิงสาวที่ผมชวนออกมาแฮงค์เอ้าท์ นี่ก็เท่ากับผมเทเธอกลางทางเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว

ผมสะบัดศีรษะเล็กน้อยเพื่อให้ตัวเองตื่นตัวมากขึ้น อาการปวดหัวดีขึ้นเป็นลำดับ จำได้ว่าช่วงกึ่งๆ ได้สติ ไม่ได้สติผมปวดหัวมากกว่านี้มาก แต่ตอนนี้ดีขึ้นแต่ก็ยังมึนๆ อยู่ แต่พอเหลือบมองข้างตัวก็ได้เข้าใจ เมื่อเห็นผ้าขนหนูผืนเล็กที่พับไว้สำหรับวางบนหน้าผากตกอยู่บนโซฟา แถมยังอยู่ในสภาพชื้นน้ำ ถ้าให้เดาอาจจะเป็นแพ็ตตี้ที่ช่วยดูแลผมก่อนจะไป หรือไม่ก็อาจจะเป็นเด็กไนล์.. แต่ไม่หรอก ผมไม่อยู่อย่างนี้คงถือโอกาสออกไปหาลูกค้าที่คุยหัวร่อต่อกระซิกกันเมื่อคืนแน่ๆ นึกแล้วเจ็บใจไม่หาย

แต่แล้วทุกอารมณ์โกรธเกรี้ยวก็ต้องอันตรธาน เพราะเมื่อผมขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ก็ได้เห็นเจ้าเด็กที่ว่านอนหลับคอพับคออ่อนอยู่ข้างโซฟา ดูหลับสนิททั้งที่ท่าทางไม่ได้ดูสบายเลยแม้แต่น้อยก็ให้คิดได้ว่าเจ้าตัวจะง่วงมากแค่ไหน ถึงได้หลับไม่รู้สึกตัวขนาดนี้

ผมมองหน้าเด็กที่ทำให้ผมอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ไม่รู้ว่าภายใต้ใบหน้าหวานๆ เศร้าๆ นี่ ส่วนลึกแล้วนิสัยใจคอเป็นยังไงกันแน่

บางครั้งไนล์ก็ทำให้ผมนึกเอ็นดู นึกสงสาร นึกเห็นใจ แต่บางครั้งไนล์ก็ทำให้ผมโกรธ โมโห หงุดหงิด และไม่เป็นตัวของตัวเอง นั่นเลยทำให้ผมไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วไนล์เป็นเด็กยังไงกันแน่

เขาดูเกรงๆ ผม แต่พอผมเผลอเขาก็ชอบแอบมอง หรือบางครั้ง พอผมจะทำดีด้วย เขาก็ทำตัวแปลกๆ ทำตัวมีความลับ โดยเฉพาะกับเรื่องผู้ชายทั้งหลายทั้งแหล่ของเขานั่นแหละ ซึ่งอันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมที่เขาจะคบกับใคร นอนกับผู้ชายคนไหน หรือปอกลอกเงินทองใครไปแล้วบ้าง แต่ที่ผมไม่โอเคนั่นก็เพราะดูเหมือนไอ้เทมส์เพื่อนสนิทผมจะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ชายของไนล์ด้วย ซึ่งทำให้ผมยอมไม่ได้ ผมไม่มีวันยอมให้เพื่อนสนิทตัวเองต้องมาถูกเด็กแบบนี้หลอกเด็ดขาด

ดังนั้น เมื่อวานผมถึงโมโหมากตอนเห็นข้อความที่ไอ้เทมส์ส่งมาหาไนล์ ข้อความที่อ่านแล้วยังไงก็ดูมีอะไรมากกว่าการเป็นคนรู้จักในฐานะนายจ้างกับลูกจ้างแน่ๆ จะมีนายจ้างคนไหนอ้อนบอกว่าลูกจ้างตัวเองว่าคิดถึงกัน ... มันไม่มี

และที่ยิ่งทำให้น่าโมโหก็ตรงที่ ไอ้เทมส์ใจดใจจ่อรอให้ไนล์โทรไป แต่ในความเป็นจริงคือไนล์กำลังคุยอยู่กับผู้ชายอีกคน ป้อนคำหวาน บอกคำว่าคิดถึง ปั่นหัวคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างกับคนที่เจนจัดในเรื่องพรรค์นี้ แล้วจะให้ผมเชื่อได้ยังไงว่าภายใต้ใบหน้าหวานๆ ตาเศร้าๆ นั้น ไนล์เป็นเด็กดี เป็นเด็กที่ควรได้รับการเอ็นดูจากใครต่อใคร ทั้งที่เนื้อแท้แล้วนั้นไนล์เป็นเด็กปลิ้นปล้อน เข้าหาผม เข้าหาไอ้เทมส์เพราะมีจุดประสงค์ ซึ่งสุดท้ายก็คงไม่พ้นเรื่องเงินแน่ๆ

พอผมปักใจเชื่อแบบนั้น ความโมโหที่ผมหลงเอ็นดูเด็กนั่นอยู่วูบหนึ่งก็ทำให้ผมเอาอารมณ์ทั้งหมดไปลงกับแอกอฮอล์ ผมกินเหล้าเพราะผมแค้นใจที่ยังคงมองคนไม่ออก ผมยังคงเผลอใจอ่อนให้กับใบหน้าและแววตาไร้เดียงสาที่แสนจะเสแสร้งแกล้งทำ

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองทำคุณคนไม่ขึ้น ถึงได้ถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ ผมโกรธและเจ็บใจมาก เลยเผลอดื่มไปเสียเยอะ ทั้งเหล้าทั้งเบียร์ตีกันให้วุ่น แถมยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง นอนก็ไม่เยอะ เลยพาลให้ปวดหัวจนไข้ขึ้น โชคดีที่ผมชวนแพ็ตตี้มานั่งดื่มเป็นเพื่อน ไม่อย่างนั้นก็คงนอนเมาอยู่ที่ผับไม่มีใครลากกลับบ้าน

และจากที่เข้าใจว่าแพ็ตตี้เป็นคนดูแลจนทำให้อาการปวดหัวของผมดีขึ้นก็กลับกลายเป็นว่าคนที่ดูแลและทำให้ไข้ผมลดกลับกลายเป็นไนล์อีกครั้ง

ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่ใจผมอ่อนให้เด็กคนนี้อีก ดูจากสภาพ ถ้าผมไม่อคติเกินไปก็คงเห็นได้ว่าไนล์คงอยู่ดูแลผมทั้งวัน ไหนจะผ้าขนหนู กะละมังน้ำ ซองยา อะไรต่างๆ นานาที่ไนล์เตรียมวางไว้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกผมทั้งสิ้น และถ้าจมูกผมไม่ได้มีปัญหา ผมคิดว่าผมได้กลิ่นเข้าวต้มมาจากในครัว ถ้าให้เดาไนล์ก็คงทำอาหารอ่อนไว้ๆ รอผมตื่น เพื่อที่จะพร้อมให้ผมกินได้ทันที ซึ่งการกระทำทั้งหมดที่ผมได้เห็นจากไนล์ตอนนี้ ทำให้คำถามที่ติดอยู่ในใจผมวนกลับมาอีกครั้ง

ตกลงไนล์เป็นเด็กยังไงกันแน่

ผมนั่งจ้องเจ้าเด็กที่นอนหลับไม่ได้สติอย่างใคร่รู้ ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูไร้เดียงสามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อเจ้าตัวหลับใหลและอยู่ในโลกที่ตัวเองสร้างขึ้น ไนล์ดูผ่อนคลายกว่าปกติ อาจจะเพราะไม่ต้องเกร็งหรือกลัวผมเหมือนเคย ผมเผลอยกมือขึ้บลูบใบหน้าเนียนอย่างลืมตัว ความนุ่มนิ่ม ความอ่อนเดียงสาทำให้บางอย่างที่อยู่ในความทรงจำกระตุกวูบขึ้นมาจนผมต้องขมวดคิ้ว

มันเหมือนจะคุ้น แต่ผมก็นึกไม่ออก ผมไม่แน่ใจว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกัน

และในขณะที่ผมลูบเบาๆที่แก้มนิ่มของเจ้าเด็กนั่น ไนล์ก็ยิ้มออกมาบางๆ เขาขยับแก้มแนบกับมือผม ดูออดอ้อนจนผมเผลอวางมือนิ่งเพื่อให้เขาได้ซุกซบจนพอใจ...

รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นที่มุมปากผมโดยที่ผมไม่ทันจะรู้ตัวด้วยซ้ำ ไนล์ในเวลานี้ดูน่ารักจนผมลืมตัวและเผลอนั่งจ้องคนที่กำลังหลับพริ้ม แล้วจู่ๆ ภาพบางอย่างก็ผุดขึ้นมาราวกับเปิดสวิตซ์ ภาพที่ผมกำลังจูบใครสักคน มันเป็นจูบที่ดี เป็นจูบที่ผมรู้สึกว่าผมพึงพอใจมากพอๆ กับตอนที่ผมเคยจูบกับจีนเมื่อสมัยที่เราเป็นแฟนกัน เพราะหลังจากที่เลิกกันไป ผมก็แทบจะไม่จูบกับคู่นอนคนไหนเลย หรือถึงแม้จะมีเผลอไผลแต่ความรู้สึกที่ได้จากการจูบไม่เคยจบลงในทางบวกเลยสักครั้ง

ยกเว้นครั้งนี้ เพราะเหมือนความรู้สึกทุกอย่างยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น มันหอมหวาน อ่อนโยน และแสนจะไร้เดียงสา

พอมาคิดอีกทีมันอาจจะเป็นความฝันก็ได้ ก็เมื่อคืนไข้ผมขึ้นน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่ถ้าวัดจากอาการปวดหัวที่ยังหลงเหลืออยู่บ้างนี่ บางทีอาจจะเพ้อๆ แล้วละเมอไปว่าได้จูบกับเคยรักอย่างจีนอีกครั้ง เพราะไม่งั้นผมก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะไปจูบใครได้ ก็ในเมื่อพอตื่นมาก็มีผมอยู่กับเด็กไนล์แค่สองคน

เดี๋ยวนะ.. มีผมกับไนล์อยู่กันแค่สองคนงั้นหรอ?

ใบหน้าของผมเรียบตึงขึ้นมาทันที นึกไม่ชอบใจเพราะคิดว่าเด็กนี่คงหาโอกาสที่จะใกล้ชิดผมแน่ๆ มือที่เคยปล่อยให้ไนล์ซุกซบถูกดึงออก เลยทำให้คนที่ถูกรบกวนเวลานอนเผลอขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ยังไม่ยักกะตื่น ก่อนที่ริมฝีปากเล็กจะพึมพำบางอย่างที่ผมฟังไม่ได้ศัพท์ ผมเลยก้มลงไปเงี่ยหูใกล้ๆ กับปากไนล์ และสิ่งที่ได้ยินก็ทำให้ผมรู้สึกวูบวาบประหลาดๆ อยู่ในใจ

“พี่ภู... ไข้ลดรึยังครับ? พี่ภู อืออ พี่ภู..”

ไนล์พูดไม่เป็นประโยคแล้วก็หลับต่อไปหน้าตาเฉย ผมจ้องมองริมฝีปากบางๆ เล็กๆ สีแดงๆ ตรงหน้านิ่ง ความสงสัยตีรวนอยู่ในอกจนผมนึกหงุดหงิด ไม่รู้ว่าผมจูบกับไนล์จริงหรือเปล่า แล้วถ้าจูบใครเป็นคนเริ่มก่อน แต่จากความทรงจำพี่ลางเลือนผมรู้สึกดีมากนะ ซึ่งถ้าเป็นจูบจากเด็กตรงหน้าจริง นั่นหมายคความว่าผมรู้สึกดีกับจูบของไนล์อย่างนั้นหรอ?

ไม่จริงหรอก เป็นไปไม่ได้ ผมจะรู้สึกดีกับเด็กเจ้าเล่ห์นี่ได้ยังไง แต่ไอ้อาการอิ่มอกอิ่มใจที่อยู่ในอกนี่มันก็ช่างขัดแย้งเหลือเกิน ราวมกับจะไม่ยอมให้ผมปฏิเสธความเป็นจริง

ผมยังคงนั่งมองไนล์อยู่แบบนั้น ในขณะที่ค่อยๆ โน้มใบหน้าของตัวเองลงไปใกล้กับอีกฝ่าย พอรู้ตัวอีกทีริมฝีปากของเราสองคนก็แตะกันเบาๆ แต่แทนที่ผมจะผละออก ผมกลับแช่ริมฝีปากของตัวเองอยู่แบบนั้น ภาพที่ลางเลือนก่อนหน้าแจ่มชัดในความรู้สึกขึ้นมาทีละนิด แล้วนาทีนั้นผมก็ได้รู้

คนที่ผมจูบคือไนล์

จูบที่ไร้เดียงสา อ่อนโยน และรู้สึกดี มาจากเด็กคนนี้ทั้งหมด

ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่มันก็เป็นความจริงที่ผมเลี่ยงไม่ได้ ผมหลอกความรู้สึกตัวเองไม่ได้ แต่ยอมรับว่ามันยังคงสับสน อะไรหลายอย่างในตัวไนล์ทำให้ผมไม่กล้าปักใจเชื่อหรือไว้ใจ

แต่ผมในเวลานี้ ตอนนี้ กลับเลือกที่จะผลักทุกอย่างทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะริมฝีปากที่ผมกำลังสัมผัสอยู่นี้นั้น ทำให้ผมอยากจะเลิกมองถึงเหตุและผล ผมอยากแค่ที่จะได้รับรู้ถึงความพอใจที่เคยเกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้าอีกครั้ง

ผมขยับปรับใบหน้าตัวเองให้ได้องศา ก่อนจะขยับริมฝีปากแผ่วเบา ไล้ขบเม้มริมฝากเล็กๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป คนที่อยู่กำลังหลับดูเหมือนจะขัดใจเล็กน้อยที่ถูกรบกวนก็ขมวดคิ้วมุ่นและพยายามที่จะเบือหน้าหนี แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ ผมขยับตามไปจูบไนล์อีกครั้ง รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พอที่ได้ลิ้มรสความหอมหวานที่ไม่เคยได้รับอีกเลยตั้งแต่เลิกกับจีน

ที่ผ่านมาผมอาจจะเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย อาจจะทำตัวแย่ไปบ้าง แต่ผมก็ไม่เคยหลอกลวงใครหรือบังคับให้ใครมานอนกับผม ทุกคนที่เข้ามาล้วนเต็มใจและยินดีที่จะมีเซ็กส์กับผม ถือเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนความพึงพอใจทางร่างกายมากกว่าที่จะคิดผูกพันหรือเป็นจริงเป็นจัง

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยมีคู่นอนคนไหนทำให้ผม ‘รู้สึกดี’ ได้อย่างที่ผมจูบไนล์ตอนนี้สักครั้ง ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน

และที่น่าแปลกใจมากที่สุดก็คือความคุ้นเคยและความสบายใจ ไนล์ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงสองสิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่จากครั้งแรกที่เราได้เจอกัน มันเป็นความคุ้นเคยที่ผมก็อธิบายไม่ถูก อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศรอบตัวของเด็กคนนี้ที่ผมต้องอยู่ด้วยทุกวันเลยอาจจะทำให้เคยชิน แต่ลึกๆ ในใจของผมมันบอกว่ามีอะไรมากกว่านั้น เพียงแต่นึกให้ตายยังไงผมก็นึกไม่ออก สุดท้ายก็เลยต้องปล่อยไป โดยที่หวังว่าสุดท้ายสักวันหนึ่งผมจะหาคำตอบที่ว่าเจอ

ผมผละออกจากริมฝีปากของไนล์อย่างอ้อยอิ่ง ในขณะที่เจ้าเด็กตัวแสบที่ทำให้ผมหัวปั่นกลับนอนนิ่งไม่ตื่น ทำให้ผมนึกมันเขี้ยว เลยก้มลงเม้มปากริมฝีปากแดงๆ ที่เจ่อน้อยๆ ของอีกฝ่ายอีกที แต่ไนล์ก็ยังคงหลับต่อมีเพียงคิ้วเรียวสวยที่ขมวดน้อยๆ อย่างขัดใจเท่านั้น ทำให้ผมหลุดยิ้มด้วยความเอ็นดูและนึกรู้ได้ว่าเจ้าด็กน้อยนี่คงง่วงและเพลียมากเลยขี้เซาปลุกไม่ตื่นขนาดนี้

ผมหันซ้ายหันขวา ก่อนจะหันไปในครัวแล้วเห็นหม้ออะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะอาหาร ผมนึกรู้ทันทีว่าไนล์คงทำรอผมไว้ก่อนที่จะผล็อยหลับไป และพอเห็นอาหารท้องผมก็ร้องประท้วงทันทีเพราะยังไม่มีอะไรตกถึงตั้งแต่เช้า ก็เลยตัดสินใจจะลุกขึ้นไปหาอะไรกิน แต่ก็ลังเลเพราะเห็นว่าไนล์ยังหลับอยู่ และถ้าให้ผมเดา ตั้งแต่เช้าที่ต้องมาดูแลผมก็น่าจะทำให้ไนล์ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน

เขาไม่กล้ากินอะไรก่อนผมหรอก เขามักจะรอผมเสมอ ถ้าไม่กินพร้อมกัน เขาก็จะกินทีหลัง นี่คือหนึ่งนิสัยของไนล์ที่ผมชอบ

ผมนั่งรออยู่พักหนึ่งก็ไม่มีวี่แววว่าไนล์จะตื่น เลยตัดสินใจจะปลุกเรียก แต่ในขณะที่จะกำลังปลุกเรียกนั้น สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือที่ไนล์กำไว้แน่น และด้วยความอยากรู้ผมเลยค่อยๆ แงะเจ้ามือถือเครื่องที่ว่ามาจากมือไนล์ ให้เจ้าเด็กขี้เซาได้ผวาตัวนิดหน่อย แต่เขาก็หลับต่อได้หน้าตาเฉย จนผมคิดว่าที่ผมกังวลว่าไนล์จะตื่นขึ้นมาระหว่างที่ผมละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

ผมกดปุ่มปลดล็อคข้างเครื่องมือถือ และโชคดีก็เป็นของผม เมื่อไนล์ไม่ได้ทำให้การให้ใส่รหัสหรือปลดล็อคด้วยวิธียากๆ และพอหน้าจอมือถือไม่ถูกล็อคสิ่งที่ผมเห็นข้างหน้าก็ทำให้ผมต้องแปลกใจ

เพราะมันเป็นข้อความภาษาอังกฤษยาวเป็นสองหน้ากระดาษเอสี่

คำถามคือไนล์มีสิ่งนี้ได้ยังไง และไนล์ผู้ซึ่งเป็นแค่หลานแม่บ้านทำไมถึงสนอกสนใจภาษาอังกฤษขนาดนี้ นี่ขนาดบางคำผมยังอ่านไม่ออกเลย แล้วไนล์ทำไมดูอ่านจริงจังเหมือนคนที่รู้และเข้าใจภาษาอังกฤษได้มากขนาดนี้

เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่

ผมอ่านข้อความต่างๆ คร่าวๆ ในนั้น ดูเหมือนจะเป็นแผนการพัฒนาที่ดินในเมืองหลักๆ ของทางออเตรเลีย แต่อย่างอื่นก็ดูเหมือนจะเป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ผมอ่านแล้วยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่รู้สึกได้ว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญพอสมควร คำถามคือไนล์มีข้อมูลพวกนี้ได้ยังไง และไนล์อ่านมันเข้าใจทั้งหมดด้วยหรอ?

ผมขมวดคิ้วและมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังหลับสลับกับมองหน้าจอมือถือด้วยความสงสัย และก็ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กตรงหน้าจะเริ่มขยับตัวและขยับเปลือกตาขึ้นมาบ้างแล้ว นั่นหมายความไนล์กำลังจะตื่น

ผมเลยจัดการเอาโทรศัพท์มือถือยัดใส่มือเล็กๆ ของเจ้าเด็กตรงหน้า ส่วนตัวเองก็ล้มตัวลงนอนแล้วแกล้งหลับตาต่อ ทำเหมือนกับว่ายังไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด

ไนล์ขยับตัวนิดหน่อยครางอือๆ อาๆ แล้วก็ตื่นเต็มตา พร้อมกับลุกขึ้นนั่งหลังตรงเพราะผมรู้สึกได้ถึงแรงขยับบวบยาบของโซฟาที่เปลี่ยนไป

ผมแสร้งหลับตานิ่งบังคับลมหายใจให้สม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ไนล์สงสัย ก่อนที่มือเล็กๆ ของเจ้าเด็กตรงหน้าจะยื่นมาแนบแก้ม อังตามซอกคอ อังตามหน้าผาก พร้อมกับพึมพำเบาๆ ด้วยน้ำเสียงดีใจเหมือนเด็กๆ ที่ต่อให้แม้ผมจะหลับตาอยู่ผมก็พอจะนึกหน้าเขาออกว่าจะแสดงท่าทางแบบไหน

“พี่ภูตัวไม่ร้อนแล้วแฮะ ไข้ลดแล้วแน่ๆ... ดีจัง”

เขาจับแตะตัวผมไปมาทั่วไปหมดราวกับอยากให้แน่ใจ เขาแตะที่ตามแขน ตามข้อพับ ตามจุดต่างๆ ของร่างกายที่มักจะเก็บความร้อนได้ดี ไนล์แตะจับไปหมด นั่นทำให้ผมอดรู้สึกดีไม่ได้เพราะสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยจากใจจริงที่เด็กนี่มีให้ เพราะขนาดว่าผมแกล้งทำเป็นหลับไม่รู้ไม่ชี้ ไนล์ยังคงตรงไปตรงมาด้วยการพยายามจะดูแลผมให้ดีที่สุด และผมก็รับรู้มันได้จากใจจริงๆ ว่าเขาไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ

และเพราะการกระทำที่ว่าของไนล์ก็ทำให้ผมเผลอลดกำแพงที่ตั้งตระหง่านของตัวเองลง โดยที่แทบจะไม่รู้ตัว อาจจะเป็นเพราะมันไม่ได้ลดลงมาก ผมเลยไม่ทันได้ระวัง ไม่ทันได้นึกว่าการที่มันลดลงน้อยๆ อาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมาย จนลืมนึกไปว่าไอ้การลดลงทีละเล็กละน้อยน่ะ ถ้ามันสะสมไปเรื่อยๆ มันก็จะกลายเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ได้เหมือนกันในอนาคต

“อีกสักพักค่อยมาปลุกพี่ภู ไปอุ่นข้าวต้มให้ร้อนๆ ก่อนดีกว่า”

ไนล์ยังคงพึมพำกับตัวเองไปเรื่อย ก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะค่อยๆ ลุกออกไปเสียงเบา ซึ่งผมเดาว่าเขาคงไม่กล้าเสียงดังเพราะกลัวผมจะตื่น ในขณะที่ผมเองนั้นพอรู้สึกว่าได้ยินเสียงฝีเท้าของไนล์เดินห่างออกไปไกลแล้วนั้น ผมก็ลืมตาขึ้นมองเพดาน ในใจสับสนวุ่นวายไปหมดเพราะมีหลายเรื่องให้คิดและสงสัย ทั้งพฤติกรรมของไนล์ และที่สำคัญข้อความที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหลายเหล่านั้น

ผมนึกไม่ออกเลยว่ามันจะมาจากไหนได้บ้าง แล้วไนล์อ่านข้อความพวกนั้นออกด้วยหรอ? นั่นมาภาษาอังกฤษทั้งหมดเลยนะ สิ่งที่ผมสงสัยและอยากรู้มีเต็มไปหมด ผมยอมรับว่าลึกๆ ผมรู้สึกดีและสัมผัสได้ถึงการที่ไนล์เอาใจใส่ดูแลผมอย่างจริงจัง เขาอดหลับอดนอนคอยเช็ดตัวให้ผม ป้อนยาผม ทำกับข้าวรอผมหลังจากที่ตื่น เขาทำทุกอย่างโดยที่ผมเองไม่ได้เห็นไม่ได้รับรู้แต่เขาก็ยังคงทำ แต่ที่มันแย่ก็คงเพราะอีกใจผมร้องประท้วงและพยายามพร่ำบอกว่าไม่ให้วางใจในตัวเด็กคนนี้ เพราะเหตุการณ์บางอย่างมันยังคลุมเครือ ทั้งเรื่องที่เขาเข้ามาหาผม เรื่องที่เขาดูสนิทสนมกับไอ้เทมส์จนมากเกินพอดี

ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้ผมยังติดใจ และทำเป็นมองข้ามไปไม่ได้ ดังนั้นมันเลยครึ่งๆ กลางๆ ในความรู้สึกอยู่แบบนี้

และเพราะความวุ่นวายใจทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็ทำให้ผมนึกหงุดหงิด และอยากหาคำตอบของทุกเรื่องและทุกความสงสัยให้เจอ...

โดยอาจจะต้องเริ่มหาจากไนล์เป็นที่แรก

.

.

.

To Be Continue

-------------------------------------------

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และกำลังใจเหมือนเดิมนะคะ ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยยยย

ติ-ชม คอมเม้นท์บอกกันได้เหมือนเดิมน้าาา แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ... เริ้บ <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-27 : Universe 12th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-04-2020 22:58:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-27 : Universe 12th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 28-04-2020 07:02:26
อยากอ่านอีก
อยากอ่านอีก

อยากอ่านอีก
อยากอ่านอีก.

อยากอ่านอีก
อยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-27 : Universe 12th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 28-04-2020 18:19:25
ใช้หัวใจมองหาคำตอบสิคะคุณพี่ภู แล้วจะรู้ความจริง อิอิ โถๆ จะเก็บความลับไม่ให้พี่เขารู้เด็ดขาด แต่ไม่ล็อคมือถือเนี้ยนะ ระวังตัวดีมาก เขาเห็นแล้วเถอะ 555 สนุกกกก จะเป็นยังไงต่อตอนหน้า นายเป็นคนยังไงกันแน่ ทั้งรู้สึกดีและรู้สึกไม่ชอบ ตีกันเข้าไป ไอ้คุณพี่ภูสับสนใหญ่เลย ยืนงงในดงกล้วย 55555555 ขอบคุณที่มาต่อ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-27 : Universe 12th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-04-2020 11:43:00
ก็แค่เปิดใจแล้วมูฟออนออกจากความรู้สึกเดิม ๆ ที่ไม่ดีก็แค่นั้นนะคะพี่ภู
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-27 : Universe 12th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 04-05-2020 20:30:00
มาต่อได้แล้วสน้าาา
รออ่านอยู่นะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-04-27 : Universe 12th)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 05-05-2020 09:31:25
ติดตามนะคะ เอาใจช่วยไนล์ :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-05 Universe 13th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 05-05-2020 20:55:22
Universe 13th : บางอย่างที่ต่างออกไป


‘ไนล์ วันนี้พี่จะเข้าไปหาไอ้ภูที่คอนโด รอเจอพี่ด้วยนะครับ พี่คิดถึง'


ผมอ่านข้อความที่พี่เทมส์ส่งมาให้ด้วยความดีใจ ผมมาอยู่กับพี่ภูได้ครึ่งเดือนแล้ว และก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหน เพราะพี่ภูไม่ค่อยอนุญาต เขาบอกผมว่าอยากได้อะไรก็ให้บอกป้าแม่บ้านให้ซื้อเข้ามาให้ และพี่ภูก็จะให้เงินไว้ทุกครั้ง แต่ผมก็ไม่เอามาใช้หรอก ผมเก็บเงินพี่ภูไว้ แล้วใช้เงินของตัวเองแทน ส่วนหนึ่งก็เพราะเกรงใจ มาอยู่บ้านพี่ภู รบกวนพี่ภู แล้วยังจะใช้เงินพี่ภูอีกผมก็ทำไม่ลง ส่วนอีกใจผมไม่อยากให้พี่ภูฝังใจว่าผมมาปอกลอกหรือหาผลประโยชน์จากเขา

พี่ภูรู้สึกแย่กับเรื่องนี้เพราะคนรักเก่ามามากพอแล้ว ผมไม่อยากจะไปตอกย้ำปมในใจอะไรของเขาอีก ผมอยากให้เขาหายดี และมองโลกในแบบที่เขาเคยมองได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจใดๆ อย่างเคย

“ป้ามลครับ ไนล์รบกวนป้ามลไปซื้อของสดให้ไนล์หน่อยได้ไหมครับ วันนี้ไนล์อยากทำแกงส้มเป็นอาหารเย็น”

ป้ามลหันมายิ้มให้ผมอย่างใจดี “ได้สิคะ แต่ขอป้าเอาผ้าที่รีดแล้วเข้าตู้ก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าไปให้”

ผมรีบเดินเข้าไปหาป้ามล พร้อมกับยื่นเงินให้จำนวนหนึ่งก่อนจะเอ่ยปากบอกป้ามลอย่างเอื้อเฟื้อ

“เดี๋ยวไนล์ทำให้ก็ได้ครับ ป้ามลไปเลยเถอะ ถ้าไปสายกว่านี้แล้วแดดจะร้อน”

ผมสารภาพตามตรงว่าออกจะเป็นห่วงป้ามลไม่น้อย เพราะแกก็อายุไม่น้อยแล้ว ถ้าเกิดเป็นลมเป็นแล้งไปเพราะออกไปซื้อของให้ผม ผมต้องรู้สึกไม่ดีไปตลอดแน่ๆ

“โถ่ คุณไนล์คะ แดดร้อนแค่นี้เองป้าไม่เป็นอะไรหรอก ให้ป้าจัดการตรงนี้เองเถอะนะคะ เกรงใจคุณไนล์แย่แล้ว ตั้งแต่คุณไนล์มาอยู่ที่นี่ งานป้าน้อยลงเยอะเลย แถมเงินก็ยังได้เท่าเดิมอีก อย่าให้ป้าเอาเปรียบคุณไนล์กับคุณภูเลยนะคะ”

“ป้ามลอย่าคิดแบบนั้นสิครับ ไนล์ไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย แล้วที่ไนล์ช่วยก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงอะไรเลยนะครับ”

ผมยู่หน้าใส่ป้ามลงอนๆ เพราะตั้งแต่มาอยู่ผมก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรมาก นอกจากดูแลเรื่องส่วนตัวของพี่ภูกับเข้าครัวเป็นหลัก ส่วนเรื่องทำความสะอาดบ้าน รีดผ้า ซักผ้า ป้ามลก็ยังเป็นคนทำเหมือนเดิม เว้นเสียแต่แกไม่ว่างหรืองานล้นมือ ผมถึงจะได้ช่วยหยิบช่วยจับเป็นบางคราว แต่แทนที่ป้ามลจะมีท่าทีแบบอื่น แกดันหัวเราะออกมาเสียแบบนั้น

“คุณไนล์น่ารัก อีกหน่อยคุณภูจะต้องดีขึ้นแน่ๆ”

ป้ามลพูดพลางยิ้มให้ผม แต่แทนที่ผมจะดีใจผมกลับรู้สึกกระอักกระอ่วนแปลกๆ เพราะถึงแม้ว่าตอนนี้พี่ภูจะไม่ค่อยได้ดุหรือเสียงดังใส่ผมเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ใช่ว่าเราจะคุยอะไรกันมากขึ้น ถ้าจะดีหน่อยก็คือได้นั่งกินข้าวด้วยกันเงียบๆ โดยไม่มีเสียงพี่ภูดุผม ความคืบหน้าอะไรมากกว่านี้ไม่มีหรอก

“ไนล์กลัวว่าพี่ภูจะเบื่อ ทุกวันนี้แค่พี่ภูไม่ดุ ไม่ว่า ไนล์ก็ดีใจจะแย่แล้ว”

“เชื่อป้านะคะคุณไนล์ สักวันคุณภูต้องมองเห็นความหวังดีของคุณไนล์ ควาพยายามของคุณไนล์จะไม่สูญเปล่าค่ะป้ามั่นใจ”

ผมหันไปยิ้มให้ป้ามลเป็นการขอบคุณแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ป้ามลพูดคงไม่มีทางเกิดขึ้นง่ายๆ บางทีมันอาจจะนานจนเวลาที่ผมมีให้พี่ภูไม่เพียงพอที่จะให้รอต่อได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ.. ยังไงผมก็จะพยายามทำในส่วนของผมให้เต็มที่และดีที่สุดแล้วกัน


Rrrr


และในขณะที่ผมกับป้ามลกำลังคุยกันอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น พอเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอก็ได้เห็นว่าคุณแม่ของพี่ภูเป็นคนโทรมา ผมกดรับสายด้วยรอยยิ้มกว้าง เพราะกำลังคิดถึงท่านอยู่พอดี

“สวัสดีครับคุณแม่”

ผมกรอกเสียงลงไปอย่างระมัดระวังหลังจากหันซ้ายหันขวาแล้วเห็นว่าพี่ภูไม่ได้อยู่แถวนี้ เดี๋ยวเกิดเขาได้ยินขึ้นมา ความแตกละจะเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนป้ามลเองพอเห็นผมรับสายจากคุณแม่แกก็ขยับปากบอกว่าขอตัวไปซื้อของตามที่ผมสั่งแล้วก็ปลีกตัวออกไป

(น้องไนล์ เป็นไงบ้างคะลูก? ทุกอย่างโอเคดีไหม?)

คุณแม่ส่งเสียงถามผมอย่างเป็นห่วง ทำเอาผมอดยิ้มตามไม่ได้เมื่อได้ยินความเอื้ออาทรที่อีกฝ่ายมีให้

“โอเคดีครับ ไนล์สบายดี ส่วนพี่ภูก็.. ดีขึ้นบ้างครับ เดี๋ยวนี้ดุไนล์น้อยลง”

(แบบนี้เขาเรียกเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายค่ะ แม่ว่าไม่น่าจะดีขึ้นเท่าไหร่นะ) คุณแม่ว่าเสียงงอนๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียดจนผมนึกเป็นห่วง

“คุณแม่มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่าครับ บอกไนล์ได้นะ เผื่อไนล์จะช่วยแบ่งเบาคุณแม่ได้บ้าง”

(จะว่ามีก็มี แต่แม่ไม่รบกวนน้องไนล์ให้ช่วยดีกว่า เพราะแค่ทุกวันนี้ที่น้องไนล์ไปดูแลพี่ภูให้ แม่ก็เกรงใจจะแย่แล้ว)

ปลายสายพูดอย่างเกรงใจ ให้ผมต้องยิ้มบางก่อนจะตอบอย่างจริงจัง

“ไนล์ยินดีช่วยนะครับคุณแม่ อะไรที่ไนล์พอทำได้ทั้งเพื่อคุณแม่ ทั้งเพื่อพี่ภู ไนล์ไม่มีปัญหา”

(ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ) คุณแม่ดูลังเลเล็กน้อย แต่ผมคิดว่าท่านคงหาทางไหนไม่ได้แล้ว ถึงได้มาเอ่ยปากพูดกับผม (แม่กลุ้มใจที่พี่ภูไม่ยอมมาช่วยงานที่บริษัทสักทีนี่แหละค่ะ .. แม่แก่แล้ว จะไหวไปถึงวันไหนก็ไม่รู้ เลยอยากให้พี่ภูเข้ามารับช่วงต่อไวๆ)

“คุณแม่ยังไม่แก่ขนาดนั้นสักหน่อยครับ” ผมรีบพูดแก้ ไม่ได้จะเอาใจท่าน แต่คุณแม่ของพี่ภูที่ผมเห็นดูเด็กกว่าอายุจริงอยู่มากจริงๆ “แต่ไนล์ก็เข้าใจนะครับ เรื่องที่คุณแม่อยากให้พี่ภูไปช่วยงาน”

ผมลังเลอยู่อึดใจหนึ่ง คิดว่าจะพูดเรื่องที่เห็นเมื่อวันก่อนไปดีไหม เพราะลึกๆ แล้วผมก็ไม่รู้ว่าที่ผมเห็นพี่ภูอ่านเอกสารต่างๆ ของบริษัทเพราะอยากจะเข้าไปช่วยงานหรือเปล่า แต่เท่าที่คิดทบทวนผมก็มองว่าผลลัพธ์มันน่าจะออกมาในทางบวกมากกว่าทางลบ จึงตัดสินใจบอกคุณแม่ไปตามตรง

“อันที่จริงแล้ว เมื่อวันก่อนไนล์ก็เห็นพี่ภูเขาเอาเอกสารงานต่างๆ ของบริษัทมาอ่านอยู่นะครับ แต่ที่ไนล์ยังไม่กล้าบอกคุณแม่ เพราะไนล์เองก็ไม่แน่ใจว่าพี่ภูคิดยังไง แต่ถ้าให้ไนล์มอง ไนล์คิดว่าพี่ภูเองก็คงมีความคิดอยากไปช่วยงานคุณแม่อยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่อาจจะต้องกระตุ้นพี่ภูบ้าง.. ยังไงคุณแม่ลองพูดกับพี่ภูดูนะครับ”

(จริงเหรอคะน้องไนล์?) น้ำเสียงของแม่พี่ภูเปลี่ยนไปเป็นสดใสขึ้นมาทันที แต่ประโยคต่อมาของคุณแม่นี่สิที่ทำเอาผมห่อเหี่ยวแทน (แต่แม่ว่าให้แม่ไปกระตุ้นคงไม่ได้ผลหรอก รายนั้นน่ะ หัวดื้อกับแม่จะตาย แม่ว่าให้น้องไนล์ไปคุยกับพี่ภูดีกว่า ไม่แน่พี่ภูอาจจะยอมฟังน้องไนล์มากกว่าแม่ก็ได้นะคะ)

ผมส่ายหน้าหวือปฏิเสธทั้งที่คุณแม่มองไม่เห็นนี่แหละ

“ไม่มีทางหรอกครับที่พี่ภูจะฟังไนล์ เผลอๆ ได้ดุว่าไนล์ไปยุ่งเรื่องของพี่ภูอีกแน่ๆ”

(น้องไนล์ก็ลองดูก่อนสิคะ เชื่อแม่ แม่มั่นใจว่าพี่ภูคงจะอ่อนลงให้น้องไนล์ไม่น้อยแล้วล่ะตอนนี้)

“ทำไมล่ะครับ” ผมถามอย่างสงสัย ไม่แน่ใจว่าทำไมคุณแม่ถึงมั่นใจขนาดนั้น

(ก็เดี๋ยวนี้น่ะ พี่ภูไม่โทรมาบ่นกับแม่แล้วว่าอึดอัดอย่างนั้น เบื่ออย่างโน้น รำคาญอย่างนี้ ต่างกับช่วงแรกๆ ลิบลับ โทรมาก็คุยเรื่องอื่น ไม่บ่นเรื่องน้องไนล์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว)

ผมหัวเราะแหะๆ ไม่แน่ใจว่าตัวเองควรรู้สึกอะไรก่อนดี คือควรเศร้าไหมที่ก่อนหน้าพี่ภูดูรังเกียจผมมากขนาดนั้น หรือควรดีใจที่ปัจจุบันพี่ภูไม่ได้รังเกียจผมเท่าตอนแรกแล้ว?

แต่ผมก็พยายามปลอบใจตัวเองแหละว่าอย่างน้อยมันก็เป็นไปในทิศทางบวกมากขึ้น เพราะปัจจุบันเวลาอยู่ด้วยกันก็พี่ภูก็ดุผมน้อยลง มองผมตาขวางน้อยลง อย่างร้ายก็มีหงุดหงิดบ้างตามประสา เวลาที่เขาต้องการทำสมาธิอะไรเงียบๆ แล้วผมเข้าไปขัดจังหวะหรือทำให้เขาเสียสมาธิไป นอกนั้นผมก็ไม่เคยถูกดุอะไรอีก

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่ภูจะฟังไนล์นะครับคุณแม่ .. คนไม่ชอบขี้หน้ากัน ยังไงก็ไม่ชอบกันวันยังค่ำแหละครับ”

ผมเผลอตัดพ้อด้วยความน้อยอกน้อยใจโดยไม่รู้ตัว ให้คุณแม่ต้องส่งเสียงร้องปลอบเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

(โถ น้องไนล์ น้อยใจพี่เขาหรอคะ?) คุณแม่ถามตรงๆ ทำเอาผมแทบไปไม่เป็น

“คะ.. ครับ ก็ ก็นิดหน่อยครับ แต่ที่จริงไนล์ก็ไม่มีสิทธิ์น้อยใจอะไร ที่ได้อยู่ใกล้ชิดพี่ภูแบบทุกวันนี้ก็ดีมากพอแล้วครับคุณแม่”

ผมพยายามปรับน้ำเสียงให้มั่นคง แต่คนปลายสายก็จับได้อยู่ดี ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากถูกคาดคั้น แต่นขณะที่กำลังจะเอ่ยปากถามนั้น เสียงเรียกของพี่ภูก็ดังแว่วมาให้ได้ยินเสียก่อน

“ไนล์ ไนล์ ไนล์!! เสื้อยืดตัวที่ฉันใส่บ่อยๆ อยู่ไหนเนี่ย นายเอาไปเก็บไว้ไหนทำไมหาไม่เจอ?”

เสียงโวยวายจากเจ้าของคอนโดดังลั่นคับห้อง ทำเอาผมต้องรีบวางสายจากคุณแม่เพื่อไปช่วยพี่ภูหาเจ้าเสื้อยืดตัวที่ว่า ซึ่งคุณแม่เองก็คงได้ยินที่ลูกชายโวยวายเลยขำคิก ก่อนจะรีบบอกอย่างเข้าใจ

(ไปเถอะค่ะน้องไนล์ แม่ฝากพี่ภูด้วยนะคะ แล้วถ้ามีโอกาสยังไง น้องไนล์ลองคุยกับพี่ภูให้แม่หน่อยนะลูก ไม่ได้ผลก็ไม่เป็นไร ถือว่าลองดูเล่นๆ ละกัน)

“ครับ ถ้าไนล์มีโอกาส ไนล์จะลองช่วยพูดนะครับ แต่ไนล์คงไม่กล้ารับประกันเพราะยังไงไนล์ก็คิดว่าพี่ภูไม่น่าจะฟังไนล์ขนาดนั้น”

ผมแบ่งรับแบ่งสู้ในขณะที่คุณม่ก็ดูมันใจเหลือเกินว่าผมจะช่วยพูดกับพี่ภูได้

(เอาเถอะจ้ะ แม่เชื่อมือน้องไนล์ฝากด้วยนะคะ)

“ครับๆ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับคุณแม่ สวัสดีครับ”

(สวัสดีจ้า ดูแลตัวเองนะลูก มีอะไรโทรมาหาแม่ได้ตลอดนะ) คุณแม่ไม่วายกำลับให้ผมยิ้มได้

“ครับ”

ผมกดวางสาย และยังไม่ทันจะตั้งตัว พี่ภูก็เปิดประตูห้องผมพร้อมกับพรวดพราดเข้ามาทั้งที่ท่อนบนยังคงเปลือยเปล่า มีแต่กางเกงขาสามส่วนเท่านั้นที่ใส่ติดตัวอยู่

“มัวแต่ทำอะไรอยู่ ฉันบอกว่าฉันหาเสื้อไม่เจอไง นายเอาไปเก็บไว้ที่ไหนห๊ะ?”

ผมเบือนหน้าไปอีกทางไม่กล้ามองพี่ภูแม้แต่นิด หนำซ้ำตอนนี้แก้มก็ร้อนขึ้นจนคาดว่ามันจะต้องออกสีแดงในเร็วๆ นี้ พอรู้ตัวว่าจะออกอาการแปลกๆ ใส่อีกฝ่าย ผมเลยรีบก้มหน้าก้มตาตอบพี่ภูเสียงค่อย

“พะ.. พอดีเมื่อกี้ไนล์หาของอยู่ครับเลยออกไปช้า ยังไงเดี๋ยวไนล์ไปดูที่ป้ามลรีดให้พี่ภูก่อนนะครับ อาจจะเพิ่งรีดเสร็จยังไม่ได้เอาไปใส่ตู้เสื้อผ้าให้”

“หึ!”

ผมได้ยินเสียงพี่ภูหัวเราะในลำคอเบาๆ แต่ไม่กล้าเงยมอง และไม่กล้าเบี่ยงตัวขอทางเดินด้วย ได้แต่ภาวนาขอให้พี่ภูหลีกทางไวๆ แต่ดูเหมือนคำภาวนาของผมจะไม่เป็นผลเท่าไหร่ เพราะจู่ๆ พี่ภูก็ตรงเข้ามาประชิดตัวแล้วเดินไล่ต้อนจนผมถอยหลังไปติดกำแพงห้อง

“หน้าแดงแบบนี้คืออะไร? ชอบ? หึ..” พี่ภูเดินเข้ามาจนชิด ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าชิดอยู่ตรงใบหน้าผม ด้วยความที่ผมเตี้ยกว่า ทำให้พี่ภูกักผมไว้ด้วยร่างกายของเขาเองได้สบายๆ ในขณะที่ผมได้แต่ก้มหน้างุด ผมไม่เคยใกล้ชิดกับใครมากขนาดนี้มาก่อนยกเว้นกับพี่ชายตัวเอง

“พะ.. พี่ภู เอ่อ ไนล์ ไนล์จะไปหาเสื้อให้ครับ” ผมตะกุกตะกักบอก แต่ดูเหมือนพี่ภูจะไม่ได้ฟังที่ผมบอกเลยสักนิด แถมยังยื่นหน้ามาจนใกล้ผมแทนอีกต่างหาก

“ตอบมาก่อนว่าหน้าแดงทำไม คิดอะไรลามกกับฉันใช่ไหมไนล์?”

ผมเงยหน้าเบิกตากว้างขึ้นสบกับพี่ภูเพราะตกใจในข้อกล่าวหาที่จู่ๆ ก็ถูกอีกฝ่ายยัดเยียดให้ แต่ดูเหมือนจะเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์ เพราะตอนนี้แววตาคมของพี่ภูพราวระยับราวกับถูกใจที่ได้แกล้งผม

“นะ ไนล์เปล่า... เปล่าครับ ไนล์ไม่ได้คิด” ผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ใส่คนตรงหน้า แต่พี่ภูกลับหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างชอบใจ

“ไม่ได้คิดแล้วหน้าแดงทำไม หรือว่านี่เป็นแผนของนาย.. นายเอาเสื้อฉันไปซ่อนเพราะอยากเห็นฉันเปลือยท่อนบนเดินไปเดินมาในบ้านใช่ไหม”

“ใช่ที่ไหนล่ะครับ.. โถ่พี่ภู เลิกแกล้งไนล์เถอะนะ เดี๋ยวไนล์ไปหยิบเสื้อมาให้” ผมพูดไปยู่ปากไป เพราะติดนิสัยที่มักจะทำแบบนี้เวลางอนพี่เทมส์ โดยลืมตัวไปว่าคนที่ผมอยู่ด้วยตอนนี้คือพี่ภูไม่ใช่พี่เทมส์

ผมเงยหน้ามองพี่ภูอีกครั้ง ตั้งใจจะรวบรวมความกล้าขอร้องอีกสักรอบให้พี่ภูปล่อย เพราะขืนอยู่กันแบบนี้ต่อไปนานๆ ผมหัวใจวายแน่ แต่แล้วผมก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นสายตาที่พี่ภูมองมา โดยเฉพาะแววตาคมปราบที่จ้องริมฝีปากผมไม่กะพริบ

ผมเตรียมจะเม้มปากทันทีตามสัญชาตญาณ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ พี่ภูก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วประทับริมฝีปากตัวเองลงบนริมฝีปากผมเบาๆ

เขาไม่ได้รุกล้ำ แค่แตะริมฝีปากลงมาแนบเฉยๆ ... แต่แค่นั้นก็ทำเอาหัวใจดวงน้อยๆ ของผมเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกจากขั้ว


พี่ภูจูบผม ... จูบแบบที่เขามีสติและรู้สึกตัวดี


พี่ภูจูบแช่อยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะผละออก แววตาคมคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสน เขาสะบัดศีรษะแล้วหันมามองผมอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะพูดในสิ่งที่ผมได้ยินแล้วยอมรับว่าเจ็บไม่น้อย

“นายยั่วฉัน นายอยากให้ฉันจูบ เลยทำทางแบบนั้นใส่ฉัน.. ร้ายนักนะ”

ผมเม้มปากแน่น นึกเสียใจที่ถูกกล่าวหาแบบผิดๆ “ไนล์เปล่า ไนล์ไม่ได้..”

“หยุดพูด! ฉันไม่อยากฟัง” พี่ภูชี้หน้าผม “จำไว้ว่าฉันจะไม่ยอมโดนนายปั่นหัวอย่างแม่ อย่างไอ้เทมส์แน่ ไอ้หน้าไร้เดียงสาแบบนี้น่ะ ฉันรู้ทันหรอกว่าไม่ได้ใสซื่ออย่างที่เห็น”

พี่ภูพูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมยืนน้ำตาคลอกับคำพูดต่อว่าที่ผมไม่ได้เป็นคนทำเลยสักนิด

.

.

.

Kirin’s Part


นี่มันโคตรจะงี่เง่า งี่เง่ามากๆ

ผมเผลอจูบเด็กนั่นไป ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าโน้มหน้าตัวเองลงไปตอนไหน พอรู้อีกที ริมฝีปากของเราสองคนก็สัมผัสกันแล้ว

และแน่นอนว่ามันรู้สึกดีไม่ต่างจากครั้งที่แล้วสักนิด

ซึ่งนั่นทำให้ผมหงุดหงิด และเผลอโทษว่าเป็นความผิดของไนล์ ทั้งที่ไนล์ไม่ทันจะได้ทำอะไรด้วยซ้ำ

แต่แล้วยังไงล่ะ? จะให้ผมยอมรับงั้นหรอว่าตัวเองรู้สึกต้องการมากๆ ต้องเห็นไนล์ยู่ปากด้วยท่าทางน่าเอ็นดูขนาดนั้น ในใจผมตอนนั้นได้แต่คิดว่าอยากจะแนบริมฝีปากลงไปสัมผัส ผมรู้ดีว่ามันจะรู้สึกดี เพราะผมเคยจูบริมฝีปากเล็กๆ นั่นมาแล้ว เคยสัมผัสมาแล้ว และรู้ว่ามันหอมหวานจนยากจะห้ามใจขนาดไหน

และที่สำคัญสิ่งที่ทำให้ผมขาดสติจนต้องทำแบบนนั้นก็คือ ‘ความรู้สึกคุ้นเคย’

ตอนที่ไนล์ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ มันมีภาพเด็กผู้ชายนั่งตาแดงๆ น้ำตาคลอดูน่ารังแกและน่าปกป้องไปพร้อมๆ กันปรากฎเข้ามาในหัวจนทำให้ผมเผลอลืมตัว ทำในสิ่งที่ลึกๆ หัวใจตัวเองต้องการและอยากทำออกไป


‘เด็กขี้แย แล้วมาบอกว่าไม่ได้ร้องไห้ น้ำตานี่อะไรกัน หื้ม?’


และนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้ผมโน้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากตัวเองลงไปบนอวัยวะเดียวกันที่แสนจะจิ้มลิ้มของอีกฝ่าย

แต่หลังจากที่ได้สัมผัสแล้ว พอสติกลับมาครบถ้วนผมก็เกิดหงุดหงิดความไม่ได้สติของตัวเองจนเผลอโทษไปว่าเป็นความผิดของไนล์ เอาจริงผมก็รู้แหละว่าครั้งนี้มันเกิดจากผมเต็มๆ แต่ไนล์เองก็มีส่วน เขาจงใจทำท่าทางแบบนั้น เขาเอาจุดเด่นของตัวเองมาหลอกล่อผม โดยเฉพาะไอ้ความไร้เดียงสาปลอมๆ นั่น เลยทำให้ผมเจ็บใจมากที่สุดที่ยอมตกลงไปในหลุมพรางที่อีกฝ่ายขุดขึ้น

มันถึงโคตรจะงี่เง่า งี่เง่ามากๆ ยังไงล่ะ

และในขณะที่ผมกำลังโกรธและหงุดหงิดไปกับอารมณ์ที่แปรปรวนของตัวเองนั้นเสียงเตือนข้อความเข้าของโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น


‘วันนี้ตอนเย็นจะแวะเข้าไปหาที่คอนโด มีโปรเจ็คใหม่จะให้มึงช่วยดู เป็นโปรเจ็คร่วมระหว่างบริษัทพ่อกูกับบริษัทแม่มึง โดยมีมึงกับกูเป็นหัวหน้าทีมร่วม รายละเอียดอื่นค่อยคุยกันเย็นนี้’

ผมขมวดคิ้วมองประโยคยืดยาวที่ไอ้เทมส์ส่งมาด้วยความสงสัย ทำไมต้องเป็นผมกับมันเป็นหัวหน้าทีมร่วม ทั้งๆ ที่แม่ก็รู้ว่าผมยังไม่พร้อมเข้าไปทำงานในบริษัท

แต่ก่อนที่จะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องก็ดึงความสนใจของผมไปได้เสียก่อน


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“พี่ภู.. จะเที่ยงแล้วครับ ทานข้าวครับ”

เสียงของไนล์ที่เรียกอยู่หน้าห้องทำให้ใจผมปั่นป่วนขึ้นมาอีกรอบ แต่สุดท้ายก็ต้องบอกให้ตัวเองสงบลง ผมจะงี่เง่าต่อเนื่องแบบนี้ไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้ไนล์มามีอิทธิพลเหนือความคิดและความรู้สึกของผมแบบนี้ไปเรื่อยๆ แน่

ผมตัดสินใจเปิดประตูออกมา แต่ก็พบว่าคนที่เรียกไม่ได้อยู่ที่หน้าประตูห้องแล้ว ไนล์กำลังเดินตรงดิ่งกลับไปที่ครัวเร็วๆ เขาเหลือบมองผมนิดหน่อยตอนยกกับข้าวที่ทำเสร็จแล้วมาวางที่โต๊ะ และพอผมเดินเข้าไป เขาก็ถอยกรูดเตรียมจะหันกลับเข้าห้องนอนทันที และเพราะการกระทำแบบนั้นเลยทำให้ผมต้องรีบคว้าต้นแขนเล็กๆ นั่นไว้ไม่ให้หนีไปได้ทัน

“จะไปไหน?”

ผมจ้องใบหน้าเล็กๆ ที่ประกอบด้วยเครื่องหน้าจิ้มลิ้มน่ามองอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ไนล์กลับก้มหน้านิ่งไม่ยอมให้ผมสบตา ผมเลยต้องใช้มือตัวเองจับคางของคนตัวเล็กกว่าเชิดขึ้น และเป็นครั้งแรกที่ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาเต็มอก ตอนที่ผมเห็นใบหน้าของไนล์เต็มๆ

ดวงตากลมโต และปลายจมูกเล็กๆ ของเด็กตรงหน้าแดงก่ำ ไม่บอกก็รู้ว่าต้องเพิ่งร้องไห้มาแน่ๆ แถมต้องนี้น้ำใสๆ ที่คลออยู่ในหน่วยตาก็ทำท่าจะปริ่มขึ้นมาอีกรอบ เมื่อเห็นผมจ้องหน้าไม่ยอมปล่อยให้เขาได้ขยับหนีไปไหน

“ไนล์.. ไนล์กำลังจะเข้าห้อง พี่ภูจะได้...”

“แล้วกินข้าวแล้วเหรอถึงจะเข้าห้องน่ะ?”

ผมถามสวนขึ้นไปโดยไม่รอให้ไนล์พูดจบ ผมนึกรู้ว่าไนล์จะพูดว่าอะไร ยังไงก็คงหนีไม่พ้นประโยคเทือกๆ ‘พี่ภูจะได้กินข้าวแบบสะดวกใจ ถ้าไม่ต้องเห็นหน้าไนล์’ อะไรแบบนั้นแน่ๆ

แต่ก็เข้าใจได้แหละว่าทำไมไนล์ถึงคิดแบบนั้น เพราะช่วงแรกๆ ที่เราอยู่ด้วยกันผมจะพูดอะไรแบบนี้ใส่ไนล์บ่อยมาก แต่ไนล์ก็มักจะรับฟังอย่างสงบ ไม่เคยเถียง ไม่เคยชักสีหน้า ทำตามโดยที่ไม่เคยปริปากอะไรเลยสักคำ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอาจจะด้วยความรู้สึกผิดหรืออะไร แต่หลังๆ ผมก็ไม่ได้ไล่หรือพูดอะไรแบบนั้นกับไนล์แล้ว เราสามารถนั่งกินข้าด้วยกันเงียบๆ ได้ ตราบเท่าที่ไนล์ไม่งี่เง่าใส่ และไม่ทำอะไรให้ผมขวางหูขวางตา ผมก็ว่าผมรับได้ที่จะมีเขาวนเวียนอยู่ใกล้ตัว

เพิ่งจะมีวันนี้นี่แหละที่ผมกลับมาเป็นผีบ้า อารมณ์แปรปรวนขึ้นอีกครั้ง และที่สำคัญครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของไนล์ด้วย ไอ้ครั้นผมจะใจร้ายไล่ให้เขาเข้าไปนั่งหิวรอในห้องจนกว่าผมจะกินเสร็จแล้วค่อยให้เขาออกมากินทีหลังนี่ก็น่าจะเกินไปหน่อย

ผมเลยตัดสินใจที่จะรั้งเขาไว้ เพื่อซ่อมแซมความรู้สึกเสียใจของเขาและความรู้สึกผิดของตัวเอง

... ความรู้สึกผิดที่ทำให้ใจผมหวั่นไหวแต่ผมกลับไม่ยอมรับความเป็นจริง

“เดี๋ยวไนล์ค่อย..”

“นั่ง” ผมชี้นิ้วที่ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ไปยกจานมาอีกชุดแล้วมานั่งกินด้วยกัน”


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-05 : Universe 13th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 05-05-2020 21:08:05
(ต่อจากด้านบน)


ไนล์มองผมด้วยสายตาแปลกใจ แต่ผมก็ทำเป็นหลบเลี่ยงไม่รู้ไม่ชี้ เพราะเอาจริงผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำอะไรอยู่ แต่เอาเถอะเพราะพอทำออกมาแล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร ตรงกันข้ามผมรู้สึกดีด้วยซ้ำที่ได้ทำอะไรดีๆ บ้าง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตามที

“แต่ไนล์ว่า...”

“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำสอง” ผมแกล้งทำเสียงดุ แค่นั้นไนล์ก็ก้าวเท้ายาวๆ เดินไปที่ครัวแล้ว “รีบหยิบจานมานั่งกิน ฉันหิวแล้ว”

ผมว่าพลางทรุดลงนั่งตรงเก้าอี้ตัวที่ไนล์จัดจานไว้ให้ อีกไม่กี่อึดใจไนล์ก็ตามมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามติดๆ ในขณะที่ใบหน้าน่ารักยังคงดูตื่นตกใจไม่หาย

ก็แหงล่ะ ใครจะไปทนสภาพผีเข้าผีออกอย่างผมได้ ตอนเช้าเป็นอีกอย่าง พอตกเที่ยงเป็นอีกอย่าง บางทีผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเพราะอะไร

เราสองคนนั่งลงมือกินข้าวกันเงียบๆ ซึ่งมันก็เป็นกิจวัตรปกติของเราทั้งคู่อยู่แล้ว เนื่องจากไม่มีอะไรจะคุย แล้วเราก็ไม่ได้สนิทกันถึงขนาดนั้นด้วย


... แต่ในวันนี้มันต่างออกไป เหมือนกับว่าผมอยากจะให้บรรยากาศบนโต๊ะมันไม่เงียบเหงา อยากให้ดูแตกต่างจากเคยสักนิดก็ยังดี ...


“ทำไมนายถึงอยากมาอยู่ดูแลฉัน”

ผมตัดสินใจถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ ก็อย่างที่บอก ว่าผมไม่ใช่คนช่างพูดชวนคุย แต่ครั้งนี้ผมกลับเป็นคนเริ่ม และอีกเหตุผลที่ผมไม่อยากจะยอมรับก็คือผมอยากรู้จักเด็กผู้ชายตรงหน้าเพิ่มขึ้นอีกสักนิด

“คะ คือ” ไนล์ก็ยังคงตะกุกตะกักตามประสา เขาดูไม่ค่อยมั่นใจ แต่อีกนัยเขากลับกล้าเข้ามาอยู่อาศัยกับผู้ชายอย่างผมหน้าตาเฉย โดยไม่เห็นจะได้ทันคิดเผื่อเลยว่าถ้าเกิดผมคิดไม่ดีไม่ร้ายทำอะไรเขาขึ้นมา เขาจะทำยังไง


และนี่คือส่วนที่ผมไม่เข้าใจในตัวไนล์มากที่สุด มันดูขัดแย้ง และทำให้ผมไม่กล้าวางใจในตัวเขาสักที


“คือไนล์อยากแบ่งเบาภาระครอบครัวครับ อยากช่วยพี่ชายหาเงินสักทางหนึ่งก็ยังดี”

“นายมีพี่ชายด้วยหรอ? “ผมถามอย่างแปลกใจเพราะไม่เห็นว่าไนล์หรือคุณแม่จะพูดสักทีว่าครอบครัวไนล์มีพี่ชายอีกคน

“มีครับ ก็ช่วยกันทำงานหาเงิน พ่อกับแม่แก่แล้ว ไนล์อยากให้พวกท่านได้พัก”

ไนล์พูดเรื่อยๆ ตามประสาซื่อ และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมสัมผัสได้ถึงความเป็นตัวตนของไนล์จริงๆ เขาดูรักครอบครัวมาก แค่เอ่ยถึงพ่อแม่และพี่ชายริมฝีปากของเขาก็ประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ ไม่เลือนหาย แถมประกายในแววตากลมโตยังดูเต็มไปด้วยความสุขอีกต่างหาก

และก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมรู้สึกอยากวางมือลงบนหัวเล็กๆ ทุยๆ นั่น แล้วลูบเบาๆ สักครั้งอย่างเอ็นดู

ผมสะบัดศีรษะปัดความคิดประหลาดๆ นั่นออกจากหัวเบาๆ และก็ได้ทันเห็นคนที่นั่งตรงข้ามทำท่างึกๆ งักๆ เหมือนมีอะไรสักอย่างจะพูดกับผมแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาสักที

“มีอะไรจะพูดก็พูดออกมา อย่ามาทำอึกอัก”

ผมเอ่ยถามตามตรงราวกับเปิดโอกาสแต่ก็ไม่ได้กดดัน เพราะถึงแม้ผมจะถามออกไปอย่างนั้นแต่ผมก็ยังคงตักกับข้าวเข้าปากกินสบายๆ ... จะว่าไปเรื่องกับข้าวนี่ก็ต้องชมเจ้าตัวเล็กนี่นะ เห็นท่าทางบอบบางเหมือนจะหยิบจับอะไรไม่ถนัดนี่ ความจริงแล้วทำอาหารเก่งน่าดู เก่งถึงขั้นที่ว่าผมแทบจะลืมรสมือป้ามลที่เคยทำให้กินประจำไปเลยทีเดียว

“คือพี่ภูอย่าหาว่าไนล์ละลาบละล้วงเลยนะครับ.. แต่แบบพี่ภูได้ลองคิดๆ เรื่องกลับไปช่วยงานคุณท่านบ้างหรือยังครับ?”

ผมวางช้อนทันทีเมื่อได้ยินไนล์ถามแบบนี้ ใบหน้าของผมเรียบตึง และในขณะจะเอ่ยปากต่อว่าที่ไนล์ยุ่งเรื่องส่วนตัวของผมไม่เข้าเรื่องผมก็ต้องชะงัก เมื่อภาพตอนที่ไนล์ยิ้มนิดๆ แล้วตอบผมว่า ‘พ่อกับแม่แก่แล้ว ไนล์อยากให้พวกท่านได้พัก’ ก็แว่บเข้ามาในหัว

และจากที่โมโหก็แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิดที่ถาโถมเข้ามาในใจแทน

ในขณะที่ไนล์ดูน่าจะเด็กกว่าผมอยู่หลายปี แถมตัวเล็กกว่าผมเกือบจะครึ่ง เขายังมีใจอยากจะดูแลพ่อแม่ อยากให้พ่อแม่ได้พักผ่อน แต่ผมอายุที่มากขนาดนี้แต่กลับไม่มีหัวคิด ปล่อยให้แม่ทำงานหนักและหนำซ้ำช่วงที่อยู่เมืองนอกก็ไม่ได้ดูแลอะไรท่านเท่าไหร่ นี่กลับมาแล้วนอกจากจะยังไม่เข้าบริษัทไปช่วยหยิบจับอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน บางครั้งยังสร้างเรื่องวุ่นวายให้แม่ต้องหนักใจอีก นี่ผมเป็นลูกประเภทไหนกันเนี่ย

“เอ่อ.. พี่ภูครับ พี่ภู”

เสียงเรียกของไนล์ทำให้ผมถูกปลุกจากภวังค์ เด็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามหน้าเสียเล็กน้อย และดูเหมือนเขาจะรู้ตัวว่าเขาเผลอล้ำเส้นผมเข้าให้ แม้จะเป็นการล้ำเส้นเพราะความหวังดีก็ตาม

“....”

“ไนล์ขอโทษนะครับที่ยุ่มย่ามเกินไป” เขาพุ่มมือยกขึ้นไหว้ตอนที่เอ่ยขอให้ผมอภัย “ไนล์ไม่ได้ตั้งใจ แต่ไนล์แค่อยากลองถามพี่ภูดูเผื่อพี่ภูเปลี่ยนใจขึ้นมาแล้วบ้าง”

เด็กไนล์พูดไปยิ้มแห้งๆ ไป และก็เพราะไอ้รอยยิ้มแห้งๆ ของเจ้าตัวเล็กนี่แหละที่ทำให้ผมดุไม่ลง และในความเป็นจริง เรื่องกลับไปช่วยงานแม่ผมก็มีคิดๆ มาแล้วบ้าง แต่ยอมรับเลยว่าสภาพจิตใจมันยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ เพราะการกลับเข้าไปทำงานที่บริษัทนั่นหมายถึงการที่ผมต้องกลับเข้าไปในฐานะทายาท ไม่ใช่แค่พนักงานธรรมดา ซึ่งไอ้ความพร้อมเรื่องต่างๆ ของบริษัทน่ะผมพร้อมมานานมากแล้ว เพราะถึงแม้ผมจะอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแต่ผมก็หมั่นหาข้อมูล ดูความเป็นไปในกิจการของครอบครัวมาตลอด ผมไม่ได้คิดจะทิ้งขว้างเพราะรู้ดีว่ายังไงวันหนึ่งผมก็ต้องกลับมารับช่วง แต่ไอ้ที่ไม่พร้อมจริงๆ ก็คือหัวใจ ผมยังเปิดรับเรื่องของความสัมพันธ์ไม่ได้ และบางครั้งมันอาจจะทำให้ไปกระทบกับการทำงานด้วย นั่นต่างหากคือสิ่งที่ผมกังวล

“แล้วทำไมนายถึงคิดว่าฉันเปลี่ยนใจอยากจะไปทำงานแล้วล่ะ ฉันทำอะไรให้นายรู้สึกแบบนั้น หื้ม?”

ไนล์ยิ้มแหะๆ อีกครั้ง ก่อนจะอ้อมแอ้มสารภาพ “ก็เมื่อวันก่อนผมเห็นพี่ภูเอาเอกสารอะไรไม่รู้มาอ่านเยอะแยะ ก็เลยเดาๆ ครับว่าเป็นเกี่ยวกับเรื่องงาน”

ผมประมวลข้อมูลที่ได้รับไว้ในใจอย่างเงียบงัน และก็มีบ้างที่รู้สึกแปลกๆ แต่ก็พยายามไม่คิดอะไร พยายามไม่สงสัยว่าทำไมไนล์ถึงรู้ว่าเอกสารพวกนั้นที่ผมเอามาอ่านเป็นข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับบริษัท ทั้งๆ ที่มันเป็นภาษาอังกฤษล้วน...

ถ้ามองในอีกแง่ ไนล์ก็แค่อาจจะเดา และผมก็ไม่สามารถหาคำตอบในแง่อื่นได้ ผมไม่ได้ดูถูกเรื่องการศึกษา แต่ศัพท์ภาษาอังกฤษที่อยู่ในเอกสารต่างๆ นั้นมันเป็นศัพท์เฉพาะเกี่ยวกับโปรเจ็คก่อสร้างต่างๆ ผมเอาไม่ออกเลยว่าไนล์จะอ่านคำพวกนั้นออกโดยไม่สะดุดได้ยังไง

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมเห็นไนล์อยู่กับภาษาอังกฤษ ครั้งแรกก็ในมือถือของเจ้าตัวนั่น และครั้งนี้เป็นเอกสารของผมเอง

“อ้อ..” ผมแสร้งรับคำเมื่อเห็นไนล์เริ่มขมวดคิ้วและเอียงคอ เขาคงสงสัยว่าทำไมผมไม่ตอบสักที “ก็อ่านเอกสารของบริษัทนั่นแหละ เรื่องที่จะกลับไปทำงานก็มีคิดๆ อยู่ ไม่นานคงจะตัดสินใจได้ว่าจะเอายังไง”

ไนล์ยิ้มกว้างจนตาหยีทันทีเมื่อได้ยินผมบอกแบบนั้น เขาดูดีใจมากเพียงแค่ผมจะลองเก็บเรื่องนี้ไปคิด เขาดูดีใจที่ผมกำลังจะมูฟออนไปข้างหน้าอีกก้าว

“ดีจังครับพี่ภู ถ้าคุณท่านรู้ต้องดีใจแน่ๆ” ไนล์พูดเจื้อยแจ้วพร้อมกับมีรอยยิ้มประดับอยู่ที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มอย่างอารมณ์ดี ทำเอาผมต้องแกล้งเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะกำลังจะหลุดยิ้มตาม

“อะแฮ่ม..” ผมแกล้งกะแอมกระไอเพราะไม่อยากให้ไนล์เห็นพิรุธ “แล้วไม่ต้องรีบเอาไปบอกแม่ล่ะ เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเอง ขอคิดอีกสักวันสองวัน”

ผมรีบกำชับเพราะไม่อยากให้แม่มากดดันเพราะถ้าท่านรู้ว่าผมมีแพลนจะกลับไปทำงาน ท่านต้องตามตื๊อผมให้เข้าบริษัทเช้าเย็นไม่เลิกแน่ๆ แล้วมันจะกลาเป็นทำให้ผมหมดกำลังใจไป ดังนั้น กันไว้ดีกว่าแก้ รอให้ผมเป็นคนบอกแม่เองดีกว่า

“ได้ครับ ไนล์จะไม่ปริปากบอกใครเลย .. รอให้พี่ภูไปบอกคุณท่านด้วยตัวเอง"

เจ้าตัวเล็กยังคงยิ้มระรื่นและตักข้าวเข้าปากอย่างมีความสุข ทำเอาผมสงสัยว่าไนล์มีความสุขเรื่องอะไร ถ้าเขามีความสุขเพราะเรื่องที่ผมจะกลับไปทำงานนี่มันก็ประหลาดมากนะ เขาจะยินดีกับผมมากขนาดนั้นเลยหรอ? เกิดมาจนอายุจะสามสิบผมยังไม่เคยเห็นใครหวังดีกับใครด้วยใจจริงได้เลยสักคน

“อืม กินข้าวไป รีบกินรีบเก็บล้าง” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะกลัวตัวเองจะหลุดยิ้มตามเจ้าตัวเล็กที่ยังคงยิ้มแฉ่งจนตาปิดอยู่

“ครับ”

“เอ้อ แล้วก็.. เย็นนี้เพื่อนฉันจะมาหา ทำกับข้าวเผื่อมันด้วย”

และก็เป็นอีกครั้งที่ไนล์ยิ้ม พร้อมกับรับปากรับคำอย่างดี “ได้เลยครับ ไนล์ให้ป้ามลไปซื้อของสดมาให้แล้ว ว่าจะทำแกงส้มชะอมทอด พี่ภูอยากท่านอะไรเพิ่มไหมครับ”

ผมส่ายหน้า แต่ก็ต้องอดคิดถึงความบังเอิญที่กำลังเกิดขึ้นไม่ได้

วันนี้ไนล์จะทำแกงส้มชะอมทอด ในขณะที่แกงส้มชะอมทอดก็คือหนึ่งในของโปรดของไอ้เทมส์เหมือนกัน

.

.

.

“หายเหมือนตายห่า นี่มึงไปอยู่ไหนมาเนี่ย”

คำทักทายแรกที่ได้ยินจากเพื่อนสนิทหลังจากเปิดประตูให้มันเข้ามาในห้องก็ทำให้ผมต้องหลุดขำ เพราะตั้งแต่กลับมายังไม่มีวันไหนเลยที่มันจะไม่ด่าผม มันด่าผมทุกวัน บางวันต่อให้มันยุ่งไหนมันก็จะหาเวลาขอแค่ให้ได้โทรมาด่าผมก็ยังดี

“กูก็เตร็ดเตร่ไปเรื่อย ตามประสาคนโสด มึงเสือกไรด้วย” ผมยื่นมือไปตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆ เพราะเทมส์สูงกือบจะเท่าผม หุ่นและรูปร้างก็คล้ายๆ กัน สมส่วนไปหมด “ว่าแต่กูแล้วมึงล่ะ หายไปเลยเหมือนกัน งานเยอะหรอวะ เรียกออกมาให้เลี้ยงข้าวก็ไม่มา"

“ก็เยอะแหละ โดยเฉพาะโปรเจ็คที่จะร่วมทุนกับบริษัทมึง” ไอ้เทมส์พูดขึ้นแต่ผมก็ยังงงๆ อยู่ดี

“โปรเจ็คอะไรวะ? ทำไมจู่ๆ แม่กูถึงเกิดอยากจะร่วมทุนกับบริษัทพ่อมึงขึ้นมา อันนี้กูงงนะเนี่ยปุบปับมาก”

ไอ้เทมส์มองหน้าผมก่อนจะยิ้มเหยียดแบบตั้งใจกวนประสาท ให้ผมต้องส่ายหัวแอบขำด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ

“ก็เพราะงี้ไง มึงถึงควรกลับไปช่วยงานที่บริษัทแม่มึงได้แล้ว มึงจะได้รู้ความเป็นไปต่างๆ บ้าง จะดึงถ่วงเวลาไปถึงไหนวะ?” ไอ้เทมส์เริ่มบ่นเป็นลุงแก่ๆ ให้ผมต้องนั่งแคะขี้หูด้วยความเบื่อหน่าย

“นี่มึงเป็นเพื่อนกูหรือเป็นพ่อกูกันแน่วะ ขี้บ่นชิบหาย”

ผมเย้าเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ให้ไอเทมส์ด่าผมด้วยคำหยาบคายแบบไม่ออกเสียง ซึ่งผมเองก็ได้แต่นั่งขำ อาจจะเพราะด้วยความที่เราสองคนสนิทกันมาก รู้ไส้รู้พุงเพราะคบกันมาเป็นสิบปี เลยทำให้ได้รู้ว่าภายใต้คำหยาบคาย ภายใต้คำบ่นคำด่าทอก็มาจากเพราะมันรักและหวังดีกับผมทั้งนั้น เพราะถึงแม้มันจะพูดจาไม่ดีกับผมยังไง คนที่ไม่เคยทิ้งผมไปไหนนอกจากแม่ก็คือไอ้เทมส์

“ถ้ากูเป็นพ่อมึง คงตบมึงกะโหลกยุบไปแล้ว ไม่เอามึงไว้หรอก”

“ฮ่าๆๆๆ”

ผมหัวเราะร่วนเมื่อได้ปะทะริมฝีปากเล็กๆ น้อยๆ กับเพื่อนสนิท และหลังจากที่เรากำลังจะเริ่มคุยอะไรบางอย่างต่อ ร่างเล็กๆ ของเด็กแคระประจำบ้านก็ปรากฎ ไนล์เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มกว้างพร้อมกับถาดใส่แก้วน้ำสองใบในมือ

เอาอีกแล้ว ไอ้อาการคันยุบยิบๆ ในใจมันมาอีกแล้ว

“น้ำครับ”

เจ้าตัวเล็กวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะพร้อมกับหันไปมองไอ้เทมส์ที่กำลังส่งยิ้มอ่อนโยนให้ ยิ้มในแบบที่ผมไม่ค่อยเห็นมันยิ้มให้ใครสักเท่าไหร่ แต่ไนล์กลับได้รอยยิ้มนี้ไป

มันยังไงกันแน่วะ?

จากที่อารมณ์ดีๆ ตอนนี้จิตใจผมก็เริ่มขุ่นมัวอีกครั้ง ถ้าจะให้ผมเดา ผมว่ามันต้องเป็นเพราะผมรู้สึกว่าเด็กไนล์ต้องทำอะไรที่เป็นการปั่นหัวเพื่อนสนิทผมแน่ๆ ไม่งั้นไอ้เทมส์ไม่มีทางเป็นแบบนี้หรอก และเพราะเหตุนี้เลยทำให้ผมทำใจให้เชื่อว่าไนล์เป็นคนไร้เดียงสา ไม่มีพิษมีภัยไม่ได้จริงๆ

“ขอบใจมาก.. ว่าแต่เราเป็นไงบ้าง?”

ไอ้เทมส์ถามไนล์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะยกมือลูบหัวเล็กๆ ของเด็กนั่นเบาๆ ทำเอาผมเผลอถอนหายใจแรงๆ ออกมาด้วยความหงุดหงิด แถมยังมองภาพความสนิทสนมของคนทั้งสองตาขวางด้วยความไม่พอใจ

ไนล์ยิ้มแห้งส่งมาให้ผม ก่อนจะขยับตัวถอยห่างออกจากไอ้เทมส์เพราะคงจับอาการไม่พึงพอใจของผมได้ ในขณะที่ไอ้เพื่อนสนิทที่ยังไม่รู้ตัวว่าโดนปั่นหัวกลับมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามแบบกวนตีนๆ ตามประสามัน

“นะ.. เอ่อ ผมสบายดีครับคุณเทมส์” ไนล์ถอยฉากออกไปก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอาวรณ์นิดๆ “ถ้ายังไงผมขอตัวไปทำอาหารต่อนะครับ ถ้าอยากได้อะไรพี่ภูกับคุณเทมส์ตะโกนเรียกได้ตามสบายเลยนะครับ”

ไนล์พูดด้วยรอยยิ้มกว้างที่มองแล้วยังไงก็ดูน่าเอ็นดู และในขณะที่ไอ้เทมส์กำลังจะเอ่ยปากรับคำ ผมก็พูดสวนขึ้นมาเสียก่อน

“โอ..”

“ไม่ต้อง นายทำอาหารไป ถ้าฉันหรือไอ้เทมส์เรียกจะเอาอะไรก็ให้ป้ามลออกมา ส่วยนายไม่จำเป็นไม่ต้องเสนอหน้าเข้ามา เห็นแล้วหงุดหงิด”

ไอ้เทมส์หันมามองผมตาขวางพอผมพูดด้วยเสียงดุๆ ใส่ไนล์ออกไป เจ้าตัวเล็กหน้าเสีย แต่ก็ยอมทำตามไม่มีบิดพริ้ว

“ได้ครับ งั้นเดี๋ยวไนล์จะบอกป้ามลให้”

“อืม ออกไปได้แล้ว”

ผมกำชับไนล์ด้วยสายตาอีกรอบ เจ้าตัวเล็กเดินออกไปด้วยท่าทางจ๋อยๆ และก็เป็นอีกครั้งที่ผมต้องหงุดหงิดตัวเองที่อารมณ์รู้สึกผิดของผมตีตื้นขึ้นมาในขณะที่ผมก็หงุดหงิดเพียงเพราะเห็นท่าทีของไอ้เทมส์ที่มีต่อไนล์ด้วย

“มึงจะตายหรอไอ้ภู ถ้าพูดดีๆ กับไนล์น่ะ”

“มึงก็จะตายหรอไอ้เทมส์ ถ้าไม่ได้เข้าข้างเด็กนั่นน่ะ กูเห็นปกป้องจัง ว่าอะไรไม่ได้”

ผมพูดใส่เพื่อนสนิทด้วยท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจ ไอ้เทมส์ทำท่าเหมือนจะเถียงอะไรสักอย่างใส่ผม แต่โทรศัพท์มันมีเสียงเตือนข้อความเข้าแทรกเข้ามาเสียก่อน มันเลยหยิบมือถือขึ้นมาอ่านข้อความที่ว่าก่อนจะสบถพึมพำบ่นหัวเสียนิดหน่อย แต่ก็ยอมลงให้ผมก่อน แล้วตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุยในที่สุด ซึ่งเอาเข้าจริงผมก็แปลกใจไม่น้อย แต่ด้วยความที่ไม่อยากจะทะเลาะกับมันก็เลยเออๆ ออๆ เลิกทะเลาะกันไปเสียเฉยๆ แบบนั้น

งี้แหละครับมิตรภาพลูกผู้ชาย ทะเลาะกันแปปๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงจังอะไรเดี๋ยวก็ลืม มันเล็กน้อยเกินกว่าจะเก็บเอามาใส่ใจขนาดนั้น และผมก็คิดว่าผมกับมันสนิทกันมากพอที่จะไม่เอาเรื่องของเด็กไนล์นั่นมาเป็นประเด็นทะเลาะกันเล็กๆ น้อย

ซึ่งตอนหลังผมก็ได้รู้ว่าผมคิดผิดถนัด

“เออ จะทำอะไรก็เรื่องของมึงเถอะ วันนี้กูจะมาคุยเรื่องงาน”

ไอ้เทมส์ว่าก่อนจะกางแล็บท็อปแล้วคลิกนั่นคลิกนี่ให้ผมดูก่อนจะอธิบายอย่างเป็นการเป็นงานซึ่งผมเองก็ตั้งใจฟังเต็มที่

“บอร์ดบริหารของมึงกับของกูเขาประชุมร่วมแล้วผุดโปรเจ็คใหม่ขึ้น เพราะทางบริษัทกูได้ที่ดินมาใหม่ผืนนึง ซึ่งเป็นที่ดินที่มีรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินกำลังจะสร้างตัดผ่าน ทางบอร์ดกูเขาก็มองว่าถ้าเราสามารถเปิดเป็นโครงการมิกซ์ยูสได้น่าจะทำกำไรได้ไม่น้อย เพราะทำเลตรงนั้นแม่งโคตรดี”

ไอ้เทมส์ว่าในขณะที่ผมก็คิดตามอย่างเห็นด้วย เพราะตอนนี้มิกซ์ยูสยังไม่ค่อยแพร่หลายในไทยเท่าไหร่ จากที่เห็นก็ดูเหมือนจะมีอยู่แห่งเดียวแถวๆ สามย่าน ถ้าสามารถเปิดโครงการได้ตรงที่ไอ้เทมส์ว่า น่าจะได้รับความสนใจไม่น้อย

“และจากที่คุยกันทางบอร์ดกูก็ไม่ค่อยอยากร่วมลงทุนกับต่างชาติเท่าไหร่ อยากให้เป็นโครงการของประเทศเราเพียวๆ เลยมากกว่า คิดไปคิดมาคุยไปคุยมา จนทางบอร์ดของบริษัทแม่มึงเขารู้ข่าวก็เลยเข้ามาคุย พอดีลเรื่องเงื่อนไขอะไรต่างๆ ได้ลงตัวก็เลยเปิดโปรเจ็คนี้ขึ้น โดยที่บอร์ดของทั้งสองบริษัทเสนอชื่อมึงกับกูให้ดูแลร่วม เพราะคิดว่าน่าจะทำออกมาได้ดีทั้งในฐานะเพื่อนสนิท และในฐานะพาร์ทเนอร์ที่ต้องร่วมงานกัน”

“แล้วมึงอะคิดยังไง เพราะเอาเข้าจริงกูก็ยังไม่เคยจับงานอะไรของบริษัทเป็นจริงเป็นจังเลยนะ พูดตรงๆ กูคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะกูคือ คีริน อคิระไพบูลย์ ใครหน้าไหนจะกล้าให้กูจับโปรเจ็คใหญ่ขนาดนี้วะไอ้เทมส์”

ผมบ่น ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจที่ได้รับความไว้วางใจจากคนอื่น แต่ที่ผมไม่โอเคก็คือพวกเขายังไม่เคยได้รู้ได้เห็นเลยว่าผมเป็นคนยังไง ทำงานดีหรือแย่แค่ไหน ทำไมถึงกล้าจับงานใหญ่ขนาดนี้มายัดใส่ในมือเด็กเมื่อวานซืนอย่างผม

นี่มันบริษัทที่พ่อกับแม่ผมสร้างมากับมือเชียวนะ

ไอ้เทมส์ขำเบาๆ พอเห็นผมหัวเสียขนาดนั้น มันตบบ่าผม ก่อนที่จะอธิบายให้ฟังด้วยน้ำเสียงราบเรื่อย ไม่ได้มีวี่แววว่าจะกดดันอะไร

“แล้วแต่มึงนะภู กูไม่บังคับ มึงอยากทำมึงก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ แต่ถ้ามึงไม่อยากทำเพราะเหตุผลงี่เง่าที่มึงว่ามาเมื่อกี้กูขอให้มึงคิดใหม่นะ” มันมองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะพูดต่อ “มึงคิดว่าบอร์ดทั้งหลายเขาไม่มีความคิดหรอวะ มึงคิดว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมึงเลยงี้หรอ คิดว่าจู่ๆ ก็ยัดงานมาให้มึงโดยไม่ได้สนลมฟ้าลมฝนเลยงี้ใช่ป้ะ? ถ้ามึงคิดนั้น มึงก็คิดผิดนะกูบอกแค่นี้"

“คิดผิดยังไงวะ?”

“ผลงานของมึงตอนอยู่อเมริกาน่ะ ทางนี้เขารับรู้กันหมดแหละ ต่อให้มึงจะทำตัวต่ำต้อยติดดินแค่ไหน แต่มึงก็ยังเป็นลูกชายของคุณครินยา อคิระไพบูลย์ มึงคิดว่าแม่มึงเขาจะไม่พรีเซ้นต์ความสามารถของทายาทคนถัดไปให้บอร์ดรู้เลยหรอ .. ไร้สาระน่าไอ้ภู เรื่องของการทำธุรกิจมึงย่อมรู้ดี”

ผมถอนหายใจเมื่อได้คิดตามถึงสิ่งที่ไอ้เทมส์พูด เพราะมันก็ไม่แปลกถ้าแม่ผมจะอวยผมให้บอร์ดคนอื่นๆ รู้เพราะตอนอยู่อเมริกาผมก็ถือเป็นคนมีความสามารถคนหนึ่งของวงการออกแบบ ผลงานของผมเป็นเอกลักษณ์และไม่น้อยหน้าใคร เลยมักจะถูกพูดถึงบ่อยๆ ดังนั้นก็คงไม่แปลกเลย ถ้าพวกบอร์ดบริหารจะตัดสินใจเลือกผมจากผลงานที่ผ่านมา

“เออๆ เอาๆ มาหากูถึงคอนโดขนาดนี้ ไม่บังคับก็เหมือนบังคับแล้วป่าววะ”

ไอ้เทมส์ขำตอนผมพูดใส่มันหน้ายุ่ง “จะไม่ทำก็ได้นะ แต่ถ้ากูโกงบริษัทมึง มึงจะมาว่ากันทีหลังไม่ได้นะเว้ย”

“สันดานจริงๆ มึงเนี่ย” ผมชี้หน้าคาดโทษ แต่มันก็ขำไม่เลิก “แล้วสรุปจะเริ่มโครงการเมื่อไหร่”

“ก็น่าจะอาทิตย์หน้า ซึ่งถ้ามึงยังไม่เข้าบริษัท...”

ก๊อก ก๊อก

ไอ้เทมส์ยังพูดไม่ทันจบ เสียงเคาะตรงประตูห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้น เป็นป้ามลที่น่าจะมาตามผมไปทำอะไรสักอย่าง คงไม่พ้นเรื่องกินข้าว เพราะผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าท้องฟ้าข้างนอกมืดแล้ว

“ทานข้าวค่ะคุณภู คุณเทมส์ คุณไนล์ทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว”

ผมยักหน้ารับ “ขอบคุณครับป้า” ก่อนจะไล่ให้ไอ้ภูไปก่อน “กูเข้าไปล้างหน้าแปป มึงไปรอที่โต๊ะอาหารหน้าห้องครัวเลยก็ได้”

ไอ้เทมส์ไม่รอให้ผมพูดจบด้วยซ้ำ มันเดินตัวปลิวออกจากห้องไปด้วยสีหน้าระรื่น ทำเอาผมรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจอีกรอบ ก่อนจะรีบผละเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว เพราะไม่อยากให้ไอ้เทมส์อยู่กับไนล์ตามลำพังนานเกินไป

.

.

.

“แกงส้มของไนล์น่ะหอมที่สุด พี่ชอบ”

เสียงพูดกระซิบกระซาบเคล้าเสียงหัวเราะดังแว่วๆ มาจากห้องครัว ให้ผมต้องค่อยๆ ย่องเข้าไปแบบไม่ให้มีเสียงเพราะอยากรู้ว่าเด็กที่บ้านกับเพื่อนสนิทคุยอะไรกัน

“พี่เทมส์ก็พูดไปเรื่อยเปื่อย ชอบแกล้งไนล์ตลอด”

พี่เทมส์... ไนล์... สรรพนามนี้มันใช่หรอวะ? ไม่ใช่ว่าไนล์ใช้กับผมคนเดียวหรอ? ก่อนหน้ายังคุณเทมส์กับผมอยู่เลยนี่

ผมระบายลมหายใจออกมาอย่างหุดหงิด นึกรู้ว่าสองคนนี้สนิทกันกว่าที่ผมเห็น โดยเฉาะสายตาอบอุ่นที่มองกัน ไหนจะรอยยิ้มเอ็นดูของไอ้เทมส์อีก และที่ร้ายที่สุดก็คือไนล์ยอมให้มันลูบหัวเล่นพร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้...

ไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียวหรอวะ? ที่ได้รอยยิ้มนั่น ได้ลูบหัวลูบแก้มโดยที่เด็กไนล์ทำได้แต่เขินกับพยายามไม่ให้ผมแตะต้องน่ะ

นี่มันอะไรทำไมกับไอ้เทมส์ถึงได้ไม่มีท่าทีเขินอายอะไรสักนิด มันเหมือนเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยๆ จนคนทั้งคู่เคยชินงั้นล่ะ

ผมจ้องเขม็งด้วยความไม่พอใจ โกรธทั้งไนล์ โมโหทั้งเพื่อนตัวเอง นี่สนิทกันถึงขั้นไหนแล้ววะ หรือจะเป็นเพราะไอ้เทมส์กำลังโดนไนล์ปั่นหัวเล่น?

ผมตัดสินใจเดินเข้าไปแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง แต่ไนล์ก็ตาดีมองเห็นผมก่อนที่ผมจะถึงตัวเสียอีก มือของไอ้เทมส์ที่เคยวางอยู่บนหัวไนล์ก่อนหน้าก็ถูกลดลงมาข้างตัวด้วยใบหน้าเรียบเฉย เหมือนมันไม่ได้สะทกสะท้านสักนิดที่เห็นว่าผมเข้ามา ในขณะที่ไนล์เลิกลั่กไปหมด ทำตัวมีพิรุธสุดๆ

“พี่ภูมาแล้วเหรอครับ?” เด็กไนล์ถามเสียงค่อย กุลีกุจอเดินไปตักข้าวใส่จานให้ผมโดยที่ไม่ต้องมีใครบอก

“ก็เห็นอยู่ว่ามาแล้ว จะถามทำไม? หรือว่ามัวแต่สนใจอ่อยผู้ชายอยู่เลยไม่ได้คิดจะดูแลหรือใส่ใจอย่างที่ปากเคยพูด”

ไนล์ก้มหน้างุดตอนถูกผมต่อว่า ในขณะที่ไอ้เทมส์มองผมนิ่งสลับกับมองไนล์ด้วยแววตาที่ต่างออกไป แววตาในแบบที่ผมไม่ชอบให้มันใช้มองเด็กในปกครองของผม

ไอ้เทมส์ไม่ได้พูดอะไร แต่มันเลือกที่จะเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงเงียบๆ ปล่อยให้ผมเป็นหมาบ้าอาละวาดอยู่คนเดียว และทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าตัวเองเป็นหมาบ้าแต่ผมก็ยังคงหยุดไม่ได้ รู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้ยังไงไม่รู้ เลยพาลใส่ไนล์อีกรอบ

“ไปกินในครัวกับป้ามลไป อย่าปล่อยให้ป้าเขากินข้าวคนเดียว” ผมไล่เด็กตรงหน้าเมื่อเห็นว่าไนล์ตักข้าวและเอามาวางให้ผมเรียบร้อยแล้ว

“ครับพี่ภู เดี๋ยวไนล์ไป แต่ขอตักข้าวให้...”

“ไม่ต้อง” ผมพูดสวนก่อนที่ไนล์จะพูดจบเสียอีก “ไอ้เทมส์มันตักเองได้ ไปได้แล้ว ฉันบอกนายแล้วไงว่าเห็นหน้านายแล้วหงุดหงิด อยากให้กินข้าวไม่ลงหรือไง”

ผมลอบสังเกตใบหน้าไอ้เทมส์ที่ตอนนี้ดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่มันก็เลือกจะนิ่ง เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา มันเอาแต่มองไนล์อย่างเป็นห่วงเป็นใยและนั่นยิ่งทำให้ผมหงุดหงิด

ผมหันไปมองไอ้เทมส์อีกรอบหลังจากที่ไนล์เดินเข้าไปในครัวแล้ว มันเองก็มองผมตอบเราสองคนต่างไม่พอใจกันข้อนี้ผมรู้ดี แต่เราสองคนก็เลือกที่จะไม่ทะเลาะกันออกมาตรงๆ เพราะเราเป็นเพื่อนสนิทที่นิสัยเหมือนกันมากเกินไป

เราเงียบกันอยู่อย่างนั้น จนไอ้เทมส์ตักข้าวขึ้นกินพร้อมกับเลือกที่จะชิมแกงส้มเป็นอย่างแรก และประโยคต่อมาของมันที่พูดขึ้นมาคล้ายจะลองใจก็ทำให้ผมตัดสินใจได้

“แกงส้มอร่อยดีว่ะ สงสัยกูต้องมาหามึงที่คอนโดบ่อยๆ ละไอ้ภู รสมือไนล์นี่เด็ดขาดจริงๆ” มันยิ้มกวนตีนให้ผม ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาทกลั้วหัวเราะ “แต่ก็นะ ยังไงกูก็ต้องมาคุยเรื่องงานกับมึงที่นี่อยู่แล้วเพราะมึงยังไม่สะดวกเข้าบริษัท เข้าทางกู...”

“มึงไม่ต้องมา” ผมพูดเสียงเครียดแทรกเพื่อนสนิทโดยไม่รอให้มันพูดจบด้วยซ้ำ ความหงุดหงิดในใจตีรวนจนผมยั้งตัวเองไม่ได้ กระโจนลงหลุมที่เพื่อนขุดขึ้นอย่างโง่เง่า ซึ่งไอ้เทมส์เองก็โคตรกวนประสาท มันทำเป็นมองผมและเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัยว่าทำไมแบบกวนตีนๆ

“เพราะตั้งแต่วันจันทร์หน้าเป็นต้นไปกูจะเข้าไปช่วยงานแม่ที่บริษัท มีอะไรไปคุยกันที่นั่น ไม่ต้องสะเออะมาคอนโดกูโดยไม่จำเป็น”

“อ้อ ได้สิ... หึๆ” ผมได้ยินไอ้เทมส์รับคำด้วยน้ำเสียงกวนประสาท แถมเสียงหัวเราะนั่นยังยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าผมมันโง่แค่ไหนที่ตกหลุมพรางของเพื่อนตัวเอง

เออ! ผมยอมรับก็ได้ว่าไม่อยากให้ไอ้เทมส์เจอไนล์ ก็บอกแล้วไงว่าผมจะไม่ยอมให้เพื่อนสนิทตัวเองถูกเด็กนั่นอ่อยและปั่นประสาทให้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น ยังไงผมก็ไม่มีวันยอมเด็ดขาด และก็เป็นผมเองนี่แหละจะเป็นคนเข้าแทรกและจับสองคนนั้นแยกออกจากกันเอง

ก็แค่ต้องเข้าไปช่วยงานแม่ที่บริษัทเร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิมนิดหน่อย แค่นั้นจะเป็นอะไร มันไม่ได้ยุ่งยากหรือคอขาดบาดตายสักนิด

.

.

.

To Be Continue

----------------------------------------------------------------------

นังพี่ภู... หลอกตัวเองสนุกมั้ยนั่น พี่เทมส์บอก กูมองมาจากดาวอังคารยังรู้เลย ทำไมมึงโง่ 5555555555555

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตด้วยนะคะ ขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้ลงให้ พอดีวันนี้ต้องเข้าออฟฟิศมาเคลียร์งานเลยมีอะไรต้องทำนิดหน่อยยย ยังไงถ้าไม่ติดอะไร อาทิตย์หน้าอาจจะลงให้วันจันทร์เหมือนเดิมนะคะ ^^

ยังไงฝากคอมเม้นท์ติ-ชมได้เหมือนเดิมเน้อ เรารออ่านคอมเมนท์ของทุกคนเสมอ แรงใจที่ดีที่สุดในโลกสำหรับเราาา แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ขอบคุณทุกคลิก ทุกไลค์ ทุกคอมเม้นท์ ทุกยอดวิว อยู่แบบนี้ไปด้วยกันนานๆ เลยนะคะ

แล้วเจอกันใหม่อาทิตย์หน้าา ขอบคุณค้าบบบ ... รักฉะเหมอ <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-05 : Universe 13th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-05-2020 21:27:32
หวงน้องก็บอกมาเหอะ อีพี่ภู
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-05 : Universe 13th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 05-05-2020 22:11:42
รีบจำให้ได้เถอะพี่ถู
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-05 : Universe 13th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-05-2020 13:10:50
เออแผนนี้ดี ใช้ได้ๆ ไปทำงานนะไอ้พี่ภูคนซึน จะได้ไม่มานั่งว่างหงุดหงิดงุ่นง่านใส่คนอื่นบ่อยๆ  5555555 เลิกสับสนตีกันกับความรู้สึกตัวเองเมื่อไหร่ เราคงฟินอะนะ (ฮา) สู้ต่อไปไนล์ จะดีขึ้นละ นิดดดดดดดดดดดดดนึง หรอ? 555 สนุกค่ารอตอนต่อไปเลย ขอบคุณนะคะที่มาต่อให้ได้อ่านยาวๆเลย   :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-11 : Universe 14th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 11-05-2020 20:33:07
Universe 14th - หวง


“นั่งยิ้มอยู่ได้ ไม่มีอะไรทำรึไง?”

พี่ภูเหลือบมองผมที่ยังคงจ้องหน้าเขาทั้งที่มีรอยยิ้มติดอยู่ที่ริมฝีปาก หลังจากที่ได้รับข่าวดีจากเจ้าตัวว่า เขาจะเริ่มเข้าไปทำงานที่บริษัทวันจันทร์หน้า

หลังจากที่พี่เทมส์มาหาเมื่อวันนั้น พี่ภูโทรก็ไปบอกกับคุณแม่ด้วยตัวเองว่าพร้อมจะเข้าไปช่วยงานแล้ว แต่เห็นว่ายังไม่อยากให้เปิดตัวหรืออะไร เพราะตั้งใจจะทำโปรเจ็คร่วมกับบริษัทพี่เทมส์ให้สำเร็จก่อน เพื่อที่อย่างน้อยจะได้มีผลงานให้บอร์ดบริหารท่านอื่นๆ เห็น จะได้ไม่มีใครว่าได้ว่าพี่ภูเข้าไปทำงานเพราะมีอำนาจของคุณแม่เป็นคนผลักดัน

ซึ่งทางคุณแม่เองก็ยินดีจะตามใจพี่ภูเต็มที่ ขอแค่เพียงพี่ภูยอมเข้าไปช่วยงานที่บริษัท เท่านั้นท่านก็พอใจแล้ว

เอาเข้าจริงคุณแม่เองก็แอบมากระซิบถามผมอยู่เหมือนกันว่าทำไมพี่ภูถึงเปลี่ยนใจ แต่ผมเองก็หาคำตอบให้ท่านไม่ได้ เพราะก็เพิ่งจะมารู้จากคุณแม่นี่แหละว่าพี่ภูยอมเข้าไปช่วยงานแล้ว แต่ถ้าให้เดาก็คงเพราะพี่เทมส์ช่วยพูดมั้ง เพราะเย็นวันนั้นหลังจากพี่เทมส์กลับไป ก็ดูเหมือนพี่ภูจะโทรเข้าไปแจ้งเรื่องที่จะเข้าไปเริ่มงานอาทิตย์หน้าให้คุณแม่ทราบทันที

แต่ก็ช่างเถอะ... ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้พี่ภูยอมเข้าไปช่วยงานที่บริษัทผมก็ไม่สนหรอก ที่ผมสนก็คืออย่างน้อยตอนนี้พี่ภูเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว นั่นทำให้ผมพอยิ้มออกได้บ้าง เพราะเวลาที่ผมเหลือที่จะอยู่กับพี่ภูไม่ได้มีมากเท่าในตอนแรกแล้ว .. จะว่าไปตอนนี้ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนเต็มพอดี และมันก็น่ายินดีที่อย่างน้อยเรื่องที่ผมตั้งใจอยากจะให้เกิดก็เป็นจริงขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม

“มีครับ ไนล์กำลังจะไปรีดเสื้อให้พี่ภู วันเริ่มงานวันแรกพี่ภูจะใส่เชิ้ตสีอะไรดีครับ ไนล์จะได้ไปจัดการให้”

ผมถามพี่ภูด้วยรอยยิ้มกว้างจนตาปิด ในขณะที่พี่ภูเองตอนหันมาเห็นผมเขาก็ชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะกระแอมกระไอแล้วหันไปทางอื่น

... เอ พี่ภูจะไม่สบายหรือเปล่านะ เห็นท่าทางแปลกๆ ตั้งแต่เช้าแล้ว

“จะรีดตัวไหนก็รีด หรือเอาที่ป้ามลรีดไว้ในตู้มาใส่ก่อนก็ได้ เชิ้ตมันมีอยู่ไม่กี่ตัวหรอกที่ดูเรียบร้อย เดี๋ยวค่อยไปซื้อเชิ้ตสีอ่อนๆ มาเพิ่ม”

“ครับ”

ผมรีบเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวของพี่ภูด้วยท่าทางร่าเริง ผมยิ้มจนปวดแก้มไปหมด ดีใจที่อย่างน้อยๆ พี่ภูก็ยอมลงให้คุณแม่แล้วหนึ่งเรื่อง

“วันนี้ไม่ต้องทำกับข้าวนะ กลางวันจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก”

ผมที่กำลังง่วนอยู่กับการค้นหาเสื้อเชิ้ตที่ดูเหมาะกับการเข้าไปทำงานในวันแรกของพี่ภูต้องหันไปรับคำคนที่เดินเข้ามาเบียดอยู่กับผมในห้องแคบๆ แบบงงๆ

“อ่า.. ได้ครับ”

“ได้ครับอะไร?” ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจในคำถามของพี่ภูสักนิด

“ได้ครับก็คือไม่ทำกับข้าวครับ ตามที่พี่ภูสั่ง”

“แล้วจะอยากกินอะไรล่ะ? หมายถึงกลางวันนี้น่ะ”

พี่ภูยังคงถามในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ ก็เขาบอกผมว่าจะไปกินข้าวนอกบ้าน ไม่ให้ผมทำกับข้าว แล้วจู่ๆ มาถามผมทำไมว่ากินอะไร เหมือนอย่างกับจะชวนผมไปกินด้วยงั้นแหละ

แต่.. เดี๋ยวนะ

“คือ... พี่ภูหมายถึงว่าจะให้ไนล์ออกไปกินข้าวข้างนอกกับพี่ภูด้วยเหรอครับ”

ผมถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นที่แทบจะเก็บไว้ไม่อยู่ นาทีนี้ต่อให้ถูกพี่ภูดุว่าดี๊ด๊าเกินหน้าเกินตาผมก็ไม่สนแล้วล่ะ ผมดีใจจะตายที่พี่ภูตั้งแง่กับผมน้อยลง

ช่วงเวลานี้ช่างเป็นเวลาที่ดีสำหรับผมจริงๆ

“ก็ใช่น่ะสิ ถามก็ให้ตอบ ไม่ใช่มาถามกลับ” พี่ภูทำเสียงดุ แต่ใบหน้าและแววตาเขาไม่ได้ดุขนาดนั้น ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป ผมคิดว่าพี่ภูติดจะเอ็นดูผมมากกว่าด้วยซ้ำ “ก็พูดอยู่เมื่อกี้ว่าจะออกไปซื้อเสื้อเชิ้ต อายุก็น้อยทำไมความจำไม่ดี"

ผมฉีกยิ้มกว้างเพราะรู้สึกมีความสุขมากๆ เพราะผมไม่ได้คาดหวังเลยสักนิดว่าพี่ภูจะชวนผมออกไปซื้อของด้วย ผมคิดว่าพี่ภูก็ออกไปนั่นนี่ตามประสาพี่ภู แล้วให้ผมอยู่เฝ้าคอนโดเหมือนเคย แต่วันนี้กลับต่างออกไป เพราะนอกจากจะได้กินข้าวนอกบ้านกับพี่ภูแล้ว ผมยังได้ไปช่วยพี่ภูเลือกซื้อของอีก ... เป็นวันที่ดีที่สุดในโลกชะมัด

สำหรับคนอื่นเหตุการณ์ดาษๆ ธรรมดาแบบนี้ อาจจะดูทั่วไปจนไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าดีใจหรือน่าจดจำ แต่สำหรับผม ผู้ที่รอคอยคนที่ผมรักมานานนับสิบปี ผู้ที่ฝันถึงภาพเหตุการณ์ในร้านไอศครีมที่เรานั่งคุยกันมาเป็นร้อยๆ พันๆ ครั้งนั้น

การที่ได้ออกไปนั่งกินข้าวนอกบ้านกับพี่ภู มันเป็นอะไรที่ใกล้เคียงกับความทรงจำในอดีตของผมมากที่สุดแล้ว ดังนั้นมันจึงเลยไม่น่าแปลกใจสักนิดที่ผมจะดีใจออกนอกหน้านอกตาขนาดนี้

“ไนล์จำได้ครับ แต่แค่ไม่คิดว่าพี่ภูจะชวนไนล์ออกไปด้วย”

ผมตอบคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงมีความสุขมากๆ ไม่ว่าพี่ภูจะชวนผมไปเพราะเขาไม่มีเพื่อนไปด้วย หรือชวนผมไปเพราะจะให้ผมไปถือของให้ผมก็ไม่สนหรอก ขอแค่เขาอนุญาตให้ผมไปด้วย ไม่ว่าจะในฐานะไหน ผมก็ดีใจทั้งนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรต่อโทรศัพท์ของพี่ภูก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน


Rrrr


พี่ภูมองหน้าจอมือถือสลับกับเหลือบมองผมเล็กน้อย ก่อนที่จะทำสัญลักษณ์ด้วยมือว่าเขาจะออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกห้องแต่งตัว

“ว่าไงครับ แพ็ตตี้”

มือที่กำลังจะเลือกเสื้อของผมชะงักกึก เพราะแม้พี่ภูจะเดินออกไปนอกห้องแต่งตัวแล้ว มันก็ยังไม่พ้นรัศมีการได้ยินของผมอยู่ดี

“อ๋อ เอาสิ ผมจะออกไปธุระข้างนอกพอดี เดี๋ยวแพ็ตตี้ไปเจอผมที่ห้าง T แล้วกันนะ”

ผมได้ยินพี่ภูเงียบไปครู่หนึ่ง พร้อมๆ กับใจผมที่ฟีบลงเหมือนถูกเป่าลมออก ... พี่ภูมีเพื่อนไปข้างนอกด้วยแล้ว เดี๋ยวเขาคงเข้ามายกเลิกไม่ให้ผมออกไปด้วยแน่ๆ

“แต่ผมพาเด็กที่บ้านไปด้วยนะ.. อือ ไนล์นั่นแหละ .. เอ๊ะ ว่าแต่แพ็ตตี้รู้จักไนล์ได้ยังไง? แพ็ตตี้ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง เดี๋ยวแพ็ตตี้ ฮัลโหล ฮัลโหล...”

ผมได้ยินพี่ภูโวยวายแถมบ่นพึมพำอะไรไม่ได้ศัพท์หลังจากที่คุณแพ็ตตี้ตัดสายไป ซึ่งผมเองก็ไม่ได้มีสมาธิจะฟังหรืออะไรเท่าไหร่หรอก แต่กำลังหุบยิ้มไม่ได้หลังจากได้ยินพี่ภูบอกคุณแพ็ตตี้ว่าจะพาผมไปด้วย ผมดีใจมาก คิดว่าจะถูกพี่ภูเทไม่พาไปด้วย เพราะมีไปเป็นเพื่อนแล้ว

“ไนล์ ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เพราะเดี๋ยวต้องไปเจอเพื่อนฉันอีกคน”

“คุณแพ็ตตี้หรอครับพี่ภู?”

พี่ภูขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับจ้องหน้าผมเขม็งหลังจากผมถามคำถามนั้นจบ ทำเอาผมหน้าเสียเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าล้ำเส้นพี่ภูมากจนเกินไป

ผมไม่ได้อยู่ในฐานที่จะละลาบละล้วงถามอะไรได้ขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะลืมตัวที่คุณแพ็ตตี้เคยให้ความสนิทสนมและเห็นว่าเธอใจดีเลยพลั้งปากถามออกไป ผมลืมคิดไปว่าพี่ภูอาจจะไม่ได้คิดแบบคุณแพ็ตตี้ พี่ภูอาจจะกำลังคิดว่าผมพยายามตีสนิทผู้หญิงที่อาจจะขยับความสัมพันธ์กับเขาในอนาคตก็เป็นได้

“นายรู้จักแพ็ตตี้ได้ยังไง ไปเคยได้คุยกันตอนไหน” พี่ภูถามเสียงเข้ม แถมแววตายังดูคาดคั้นไม่ให้ผมโกหกด้วย “เมื่อกี้ก็ทีนึงละ แพ็ตตี้พูดเหมือนสนิทสนมกับนาย ไปรู้จักกันตอนไหนห๊ะ?”

พี่ภูสืบเท้าเข้ามาใกล้ให้ผมต้องถอยหลังหนี แล้วห้องแต่งตัวมันก็แคบแค่นี้ ถอยไปไม่กี่ก้าวหลังผมก็ชนกับกำแพงแล้ว และที่ร้ายไปกว่านั้นพี่ภูยังตามมากางแขนกักตัวผมไว้ไม่ให้หนีอีก

“กะ ก็.. ก็ตอนนั้นไงครับ” ผมรีบละล่ำละลักตอบเพราะไม่อยากอยู่ในท่าล่อแหลมแบบนี้นานๆ หัวใจผมเต้นแรงจนเจ็บไปหมดเลย “ตอนที่พี่ภูเมากลับมา คุณแพ็ตตี้เธอพามาส่ง ไนล์ก็เลยมีโอกาสได้คุยตอนนั้น”

ผมพูดรวดเดียวจบ พี่ภูหรี่ตามองนิดหน่อย พอเห็นว่าแววนัยตากลมของผมไม่หลบสายตาคมปราบของเขาสักนิด พี่ภูก็ลดมือที่กางกักตัวผมไว้ลง ให้ผมขยับหนีเขาได้เนียนๆ

“อย่าให้รู้นะว่าไปหลอกล่ออะไรแพ็ตตี้”

พี่ภูคาดโทษ ทำเอาผมต้องก้มหน้างุดเม้มปากแน่น นึกน้อยใจเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ภูไม่มองผมในแง่ดีเลยสักนิด ขนาดคุณแพ็ตตี้ยังไม่คิดกับผมแบบนี้เลย

“ครับ ไนล์ไม่กล้าหรอกครับ”

ผมอ้อมแอ้มตอบ น้อยใจจนน้ำตาพาลจะไหล ผมไม่ได้อิจฉาหรือโกรธเคืองอะไรคุณแพ็ตตี้ เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ดีและน่ารัก และถึงแม้ตอนนี้สองคนเป็นแค่เพื่อนกัน แต่ถ้าในอนาคตเธอกับพี่ภูจะคบกันผมก็เชื่อได้ว่าคุณแพ็ตตี้จะทำให้พี่ภูมีความสุข แต่ที่ผมจะร้องไห้ เพราะผมน้อยใจที่พี่ภูที่ทำท่าเหมือนจะใจดีกับผมเมื่อกี้กลับกลายไปเป็นแบบเดิมอีก แสดงว่าระหว่างเรายังไม่ได้มีอะไรดีขึ้นจริงๆ จังๆ เลยสักนิด

“ดี!” พี่ภูผละออก ก่อนจะงึมงำอะไรสักอย่างที่ผมไม่ได้ยิน เพราะเขาเดินออกไปก่อน “แค่ไอ้เทมส์คนเดียวก็ปวดประสาทเกินพอ”

พี่ภูเดินออกไปแล้วทิ้งให้ผมยืนเงียบๆ อย่างไม่เข้าใจ แล้วแบบนี้จะชวนผมไปด้วยทำไมกัน

.

.

.

เรามาถึงห้าง T แถวๆ คอนโดในช่วงสายของวัน และหลังจากยืนรออยู่ไม่นานคุณแพ็ตตี้ก็มาถึง เธอร้องเรียกผมเสียดังลั่น ก่อนจะโถมเข้ากอด และประกบมือทั้งสองข้างบี้แก้มผมเล่นอย่างลืมตัว

“คุณไนล์ แพ็ตคิดถึง!”

ผมยืนตัวแข็งทื่อตาโต ใขณะที่พี่ภูที่ยืนอยู่ข้างมองผมกับคุณแพ็ตตาขวางไม่หยุด และในขณะที่ผมทำไม่ถูกนั้น จู่ๆ พี่ภูก็ดึงแขนผมเข้าหาตัว ให้ผมหลุดจากการเกาะกุมของคุณแพ็ต

“อ๊ะ!” ผมเผลอร้องออกมาเบาๆ เพราะทั้งเจ็บทั้งตกใจ แต่ก็ไม่กล้าโวยวายอะไรมากเพราะพี่ภูในตอนนี้ดูกลับมาหงุดหงิดอีกแล้ว

“อะไรกันครับแพ็ต ไม่คิดจะทักผมก่อนหน่อยหรอ?”

คุณแพ็ตหันมองพี่ภูด้วยความแปลกใจ สลับกับมองมือพี่ภูที่จับต้นแขนผมไม่ยอมปล่อย ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาบางๆ แล้วถามคำถามที่ทำเอาผมตกใจจนตาโต

“อันนี้อิจฉาหรือหึงคะ?” ผมมองหน้าคุณแพ็ตที พี่ภูที จะถอยหนีก็ไม่ได้เพราะพี่ภูจับต้นแขนอยู่ ผมรู้สึกผิดที่ผิดทางยังไงไม่รู้

ในขณะที่พี่ภูเองก็ชะงัก เขาปล่อยแขนผมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทำเนียนไม่ตอบคุณแพ็ตแต่เลี่ยงไปเรื่องอื่นแทน ทำเอาผมหน้าจ๋อย คิดในใจว่าไม่น่ามาเลย แทนที่จะให้พี่ภูได้อยู่ตามลำพังกับคุณแพ็ต เพราะถ้าไม่มีผมมาด้วยคุณแพ็ตก็คงไม่ถามคำถามนี้ออกมา ก็อย่างที่บอกกการที่ทั้งคู่เป็นเฟรนด์วิทเบเนฟิทกันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสพัฒาความสัมพันธ์สักหน่อย ยิ่งได้ยินมาถามกันแบบนี้ผมยิ่งคิดว่ามันยิ่งมีสิทธิ์เป็นไปได้สูงมาก แล้วนี่ถ้าทั้งคู่ทะเลาะกันเพราะผมขึ้นมาจะทำยังไง

“แพ็ตอยากทานอะไร ผมให้แพ็ตเลือก”

คุณแพ็ตยิ้มกว้างก่อนจะขยับมายืนข้างผม แล้วยกมือของตัวเองมาคล้องแขนผมไว้ และอาจจะด้วยเพราะผมตัวเตี้ย ส่วนคุณแพ็ตเองก็เป็นผู้หญิงที่สูงพอสมควร พอเรามายืนข้างกันมันเลยไม่ต้องมีใครฝืน เพราะตัวเท่ากันไปหมด

“แพ็ตให้คุณไนล์เลือกค่ะ คุณไนล์อยากทานอะไรคะ? เอาที่แบบทานได้เยอะๆ เลยนะ” เธอหัวเราะคิกคัก ก่อนจะยื่นนิ้วชี้มาจิ้มแก้มผมอย่างชอบใจ “แก้มจะได้ป่องๆ น่ารักๆ”

“คุณแพ็ต..” ผมครางเสียงอ่อย พยายามทำหน้าขอร้องให้เธอพอ เพราะผมเองก็ไม่อยากเสียมารยาทด้วยการดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของคุณแพ็ต เพราะถึงยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง แม้เราจะตัวเท่าๆ กันก็เถอะ “ปล่อยผมเถอะนะครับ พี่ภูมองตาขวางแล้ว”

ผมพูดกับคุณแพ็ตเสียงค่อย พยายามจะขอความเห็นใจ แต่เธอกลับยิ้มอย่างพออกพอใจ ก่อนจะตอบเสียงใสจนผมสะดุ้ง เพราะคิดว่าพี่ภูต้องได้ยินแน่ๆ

“ก็ปล่อยให้ภูมองไปสิคะ ในเมื่อเขาทำได้แค่มอง แต่ไม่คิดจะทำอะไรมากกว่านี้ก็ช่างเขา แพ็ตไม่สนใจหรอก” เธอว่า ก่อนจะกระชับแขนที่คล้องผมอยู่ในแน่นขึ้น “ไปกันเถอะค่ะ วันนี้แพ็ตจะเป็นเพื่อนเดทให้คุณไนล์เอง”

“คุณแพ็ต .. คุณแพ็ตผมว่าไม่ดีหรอกนะครับ โถ่... คุณแพ็ตครับ”

ผมได้แต่ครางเสียงอ่อนก่อนจะถูกคุณแพ็ตลากให้ออกเดิน ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าที่คุณแพ็ตพูดหมายความว่ายังไง เธออาจจะกำลังตัดพ้อพี่ภูก็ได้ เธออาจจะอยากให้พี่ภูสนใจเธอมากกว่านี้ เลยตั้งใจจะควงผมประชด แต่ก่อนที่จะได้เดินห่างจากพี่ภูไป ก็เป็นอีกครั้งที่แขนข้างที่ว่างของผมถูกพี่ภูดึงเอาไว้อย่างแรง และเที่ยวนี้ผมก็เผลอร้องออกมาดังลั่นเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวว่าจะเจ็บขนาดนี้

“โอ๊ย!!” คุณแพ็ตหันขวับมองผมทันทีที่ห็นว่าผมร้อง พร้อมกับปล่อยแขนข้างที่คล้องผมอยู่อย่างอัตโนมัติ ทำให้พี่ภูดึงผมเข้าหาตัวได้โดยง่าย เธอจ้องพี่ภูตาเขม็ง ดูก็รู้ว่าไม่พอใจที่พี่ภูทำแบบนี้

ผมก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผิด เป็นเพราะผมเป็นต้นเหตุอีกแล้ว พี่ภูต้องไม่พอใจแน่ที่เห็นคุณแพ็ตลากผมไปต่อหน้า ทั้งที่ก่อนออกจากคอนโดพี่ภูก็กำชับมาแล้วว่าไม่ให้ผมไปวุ่นวายกับคุณแพ็ต แต่ผมกลับทำไม่ได้และโทษทัณฑ์ของการไปยุ่งกับผู้หญิงของพี่ภู เขาก็เลยดึงผมให้ออกจากคุณแพ็ต เพราะคงเห็นแล้วว่าคุณแพ็ตคงไม่หยุดลากผมไปทางนั้นทีทางนี้ทีแน่ๆ

ก็เข้าใจได้แหละ พี่ภูอาจจะอยากให้คุณแพ็ตให้ความสำคัญกับเขามากกว่าส่วนเกินที่พามาให้ช่วยถือของอย่างผม

“ภู ทำอะไรคะ? ไม่คิดหรือไงว่าคุณไนล์จะเจ็บ”

“เด็กนี่ไม่เจ็บหรอก” พี่ภูหันมาจ้องผมดุๆ เหมือนบังคับให้ผมตอบอย่างที่เขาอยากได้ยิน

“ครับ คุณแพ็ต ผมไม่เจ็บหรอก พี่ภูไม่ได้ดึงแรงหรืออะไรเลย”

“ไม่เจ็บได้ยังไงกันคะ ภูกระชากแรงขนาดนั้น” คุณแพ็ตหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง ก่อนจะหันไปดุพี่ภูอีกรอบ “ภู.. ภูทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ”

“ทำไมล่ะ? ก็แพ็ตบอกผมเองไม่ใช่หรอว่าผมไม่คิดจะทำไร นี่ผมก็ทำแล้วไง แพ็ตไม่เห็นหรอ?”

“คีริน!”

“ครับ?”

พี่ภูตอบกลับคุณแพ็ตด้วยท่าทีสบายๆ แต่สายตานี่ฟาดฟันกันมากๆ ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่ทำให้พี่ภูกับคุณแพ็ตทะเลาะกัน พี่ภูต้องหวงคุณแพ็ตมากจนไม่อยากให้ผมเข้าใกล้แน่ๆ แต่คุณแพ็ตเธอก็คงเอ็นดูผมตามประสา มันไม่มีอะไร แต่พี่ภูคงไม่ชอบใจจริงๆ

“คุณแพ็ตครับ พี่ภูครับ ให้ผมกลับก่อนก็ได้นะครับ คือว่า...”

“ไม่ต้อง!/ไม่ต้องค่ะ!”

ผมพยายามจะหาทางออกโดยการเสนอตัวกลับก่อนแต่คุณแพ็ตกับพี่ภูก็ดูเหมือนจะไม่ยอมอีก ผมได้แต่มุ่ยหน้าด้วยความจนใจ ไม่รู้จะทำยังไงให้ถูกใจทั้งสองคนสักที

“แพ็ตให้นายเลือกว่านายจะกินอะไร นายก็เลือกมา วุ่นวายอยู่ได้กับอีเรื่องแค่นี้เนี่ย” จู่ๆ พี่ภูก็พูดขึ้นหลังจากที่ผมทำหน้าเสียเพราะไม่รู้จะจัดการตัวเองยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ “เลือกมาสักร้าน ทั้งฉันทั้งแพ็ตหิวกันแล้วเนี่ย เดี๋ยวต้องไปซื้อของต่ออีก”

ผมหันไปมองหน้าคุณแพ็ต พอเห็นเธอพยักหน้าพร้อมยิ้มให้เป็นการสนับสนุนคำพูดของพี่ภูผมก็รีบเลือก เพราะกลัวพี่ภูกับคุณแพ็ตจะหิวเพราะต้องมารอผมตัดสินใจ

“ทานก๋วยเตี๋ยวร้านนั้นได้ไหมครับ?” ผมชี้มือไปตรงร้านที่อยู่ไม่ไกล มันเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำตกที่ผมอยากกินมานานแล้ว แต่พี่เทมส์ไม่ค่อยชอบให้กิน เพราะกลัวว่ากระเพาะผมจะรับอะไรแบบนี้ไม่ได้

“ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกนั่นหรอคะ? คุณไนล์อยากทานหรอ?” คุณแพ็ตถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ “ไม่อยากทานอะไรที่หรูๆ ดีๆ แพงๆ กว่านี้หน่อยหรอคะ? อย่างอาหารญี่ปุ่นอะไรแบบนี้”

“คุณแพ็ตอยากทานอาหารญี่ปุ่นหรอครับ?” ผมรีบถามตาโต ลืมคิดไปว่าพี่ภูกับคุณแพ็ตออาจจะไม่ชอบทานอะไรแบบนี้

คุณแพ็ตยิ้ม พร้อมกับเหลือบมองพี่ภูนิดหน่อยก่อนจะตอบผมอย่างใจดี

“เปล่าค่ะ แพ็ตถามเฉยๆ เพราะปกติถ้าให้คู่ควง เอ๊ย ถ้าให้คนที่ภูพามาด้วยเลือกทาน เขาก็ทานอะไรที่หรูๆ แพงๆ ตลอด ไม่เห็นมีคนไหนเลือกทานก๋วยเตี๋ยวแบบคุณไนล์สักคน”

คุณแพ็ตว่าก่อนจะเหลือบมองพี่ภูอีกครั้ง ผมที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าคุณแพ็ตหมายความว่ายังไงก็ได้แต่มองคุณแพ็ตสลับกับพี่ภูงงๆ ก่อนที่คุณแพ็ตจะเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว ซึ่งพี่ภูก็จับมือคุณแพ็ตออกจากแก้มผมทันทีอีกเหมือนกัน คุณแพ็ตก็เลยได้แต่ฮึดฮัดใส่พี่ภูไม่เลิก

“อ๋อ ผมเป็นแค่คนดูแลพี่ภู ทานแค่ก๋วยเตี๋ยวดีกว่าครับ.. อีกอย่าง ผมก็อยากทานก๋วยเตี๋ยวจริงๆ ด้วย แหะๆ”

คุณแพ็ตทำท่าจะพุ่งเข้าหาผมอีกรอบตอนที่ผมตอบเธอยิ้มๆ อายๆ ให้พี่ภูต้องลากผมออกเดิน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ

“จะกินก็ไปกิน มัวแต่คุยกันอยู่ได้”

ผมเดินตามแรงลากของพี่ภูไป เพราะเขาไม่ยอมปล่อยผมเลย น่าจะเป็นเพราะเขาคงกลัวว่าผมจะไปยุ่งวุ่นวายกับคุณแพ็ตอีก ในขณะที่คุณแพ็ตก็พยายามจะรีบเดินตามมาพร้อมกับเสียงบ่นพึมพำ แต่เดินเท่าไหร่คุณแพ็ตก็ตามผมกับพี่ภูไม่ทันสักที เพราะพี่ภูก้าวเท้ายาวมาก ในขณะที่ผมที่ถูกลากตามก็แทบจะวิ่งตามอยู่แล้ว และพอผมเดินช้าพี่ภูก็จะหันมาดุด้วยสายตาตลอด จนผมต้องซอยเท้ายิกๆ เพื่อให้ทันกับที่พี่ภูเดิน โดยมีเสียงคุณแพ็ตบ่นตามหลังมาไม่หยุด

เฮ้อ.. นี่ผมมาเดินห้าง หรือมาสงครามกันแน่เนี่ย ผิดที่ผิดทางจริงนทีธัชช์

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-11 : Universe 14th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 11-05-2020 20:43:42
(ต่อจากด้านบน)


“ถ้าไม่มีฉันอยู่ด้วย นายห้ามไปเจอกับแพ็ตเด็ดขาด”

ตอนนี้ผมกับพี่ภูแยกกับคุณแพ็ตแล้ว เรากำลังจะกลับบ้านหลังจากที่ทานก๋วยเตี๋ยวกันเสร็จและพี่ภูเองก็เข้าช็อปแบรนด์เสื้อผ้าเจ้าประจำที่พี่ภูชอบซื้อใส่บ่อยๆ แล้วเลือกซื้อเสื้อเชิ้ตสีพื้นๆ อ่อนๆ มาเกือบทุกแบบ จากนั้นก็แยกย้ายกับคุณแพ็ต โดยที่พี่ภูไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้กับคุณแพ็ตอีกเลยหลังจากออกจากร้านอาหาร

ผมเข้าใจดีว่าพี่ภูคงไม่อยากให้คุณแพ็ตมายุ่งหรือคลุกคลีอะไรกับผมสักเท่าไหร่ อย่างวันนี้คุณแพ็ตกับพี่ภูก็ทะเลาะกันตลอด บางทีแค่คุณแพ็ตแค่จะแตะตัวตัวผม พี่ภูก็มองตาขวางแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจ ผมเองก็เลยต้องพยายามดึงๆ ตัวเองให้ออกห่างคุณแพ็ต เพื่อที่พี่ภูจะได้ไม่ต้องหงุดหงิดเพราะพาคนนอกอย่างผมมา ทำให้ตัวเขากับคุณแพ็ตเดทด้วยกันไม่สนุก

“ครับ ต่อไปไนล์จะไม่เจอคุณแพ็ตอีกครับ ถ้าพี่ภูไม่อนุญาต”

“นั่นแหละ ฉันไม่อนุญาต บอกไว้ตอนนี้เลย จะได้ไม่ต้องหาทางไปเจอกันลับหลังฉัน”

พี่ภูพูดพลางละสายตาจากถนนมาจ้องผมเขม็ง ให้ผมต้องหดตัวให้ลีบเล็กลงกว่าเดิมไปอีก เพราะไม่อยากถูกพี่ภูดุ

“ครับ ไนล์เข้าใจแล้วครับ”

“เข้าใจก็ดี” พี่ภูพูดต่อพลางขับรถไปเรื่อยๆ ก่อนจะหันมาสั่ง “แล้วเสื้อผ้านี่ เดี๋ยวโทรเรียกให้ป้ามลเข้ามาเอาซักแล้วก็รีดให้เรียบร้อยด้วยนะ เสื้อเชิ้ตฉันมีไม่กี่ตัว ใส่ได้สองสามวันก็หมดตู้แล้วมั้ง.. ไม่รู้ทำไมที่ไทยถึงเคร่งเรื่องการแต่งตัวนัก น่าเบื่อจริงๆ”

ประโยคหลังพี่ภูพึมพำกับตัวเองให้ผมต้องลอบอมยิ้ม นั่นเพราะทั้งตู้เสื้อผ้าของพี่ภูแทบจะมีแต่ชุดสบายๆ ไปรเวท แต่ที่จริงจะใช้ใส่ไปทำงานก็ได้ แต่มันก็ไม่ค่อยเป็นทางการเท่าไหร่นัก ซึ่งอาจจะดูไม่เหมาะหากว่าพี่ภูต้องเริ่มงานด้วยตำแหน่งที่สูงกว่าคนอื่นพอสมควรแบบนี้

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวกลับไปไนล์ซักให้พี่ภูเลยก็ได้ เผื่อพรุ่งนี้แห้งทัน ไนล์จะได้รีดให้”

ผมบอกพี่ภูทั้งที่ริมฝีปากยังติดรอยยิ้ม ในใจผมมีความสุขมากแค่คิดว่าจะได้ทำอะไรเพื่อพี่ภูแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตามที

“ไม่เบื่อหรอ?”

“หือ? ครับ?” ผมหันไปเอียงคอมองพี่ภูด้วยความสงสัยเพราะไม่เข้าใจในคำถาม

“ฉันถามว่านายไม่เบื่อเหรอ? ต้องมานั่งทำนู่นทำนี่ให้ฉัน ดูแลฉัน ทั้งที่ฉันก็ใช่ว่าจะดีกับนายสักเท่าไหร่”

“ไม่เบื่อครับ” ผมส่ายหน้าตอบทั้งที่ยังคงยิ้ม “ไนล์เต็มใจ และไนล์ก็เข้าใจ เพราะบางครั้งไนล์ก็ทำตัวให้พี่ภูรำคาญจริงๆ พี่ภูจะดุไนล์บ้างก็ไม่แปลกหรอกครับ”

ผมตอบคำถามของพี่ภูในจังหวะที่พี่ภูเลี้ยวรถเข้ามาถึงคอนโดและจอดในที่ประจำพอดี เขาหันมาจ้องผมนิ่ง พร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาแล้วประกบริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากผมแรงๆ เขาทั้งขบ ทั้งเม้ม และดูดกลีบปากล่างของผมย้ำๆ โดยที่ผมก็ทำได้แค่เบียดตัวเองเข้าหาเบาะรถจนแทบจะจม ไม่กล้าขยับตัว ไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น ทำได้แค่เบิกตาโพลง เพราะตกใจที่จู่ๆ พี่ภูก็มีท่าทีแบบนี้ใส่ผม

พี่ภูจูบผมจนหนำใจแล้วถอนริมฝีปากออก เขาจ้องหน้าผมอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะก้มลงมาจูบแรงๆ เร็วๆ ลงบนปากผมอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งประโยคอันชวนเข้าใจยากให้ผมสับสนมากขึ้นไปอีก

“ใช่ นายมันทำตัวน่ารำคาญ น่ารำคาญมากจริงๆ”

“....”

พี่ภูพูดแค่นั้นแล้วก็ก้าวลงจากรถไป ทิ้งให้ผมยังคงนั่งงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย และพอเขาเห็นผมยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับตัว เขาก็เปิดประตูรถฝั่งตัวเองแล้วพูดเร่งผม

“ไม่ลงรึไง? หรืออยากถูกจูบอีก?”

แค่เท่านั้นผมก็สะดุ้งตาโต รีบก้าวพรวดพราดลงจากรถจนแทบจะสะดุดขาตัว ก่อนจะเดินลิ่วๆ ไม่ได้รอให้พี่ภูพูดหรือทำอย่างที่เขาขู่ได้อีก

ผมยอมรับตามตรงว่ารู้สึกดี แม้นี่จะไม่ใช่จูบครั้งแรกของเราสองคน แต่กลับเป็นจูบที่ทำให้ผมใจเต้นแรงกว่าทุกครั้ง อาจจะเป็นเพราะท่าทีของพี่ภูหลังจากที่เราจูบกัน

เขาไม่ได้ต่อว่า เขาไม่ได้หาว่าผมยั่วยวน และเขายอมรับด้วยตัวเองว่าเขาตั้งใจจูบผม แม้จะไม่ใช่การยอมรับตรงๆ ก็ตาม

และเพียงเขาทำแค่นี้หัวใจผมก็สั่นเป็นกลองรัว แล้วแบบนี้ผมจะหาวิธีหยุดรักเขาได้ยังไงกัน

.

.

.

Kirin’s Part


‘อย่าหวงคุณไนล์ไว้คนเดียวสิภู! ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ’


ผมอ่านข้อความที่แพ็ตตี้ส่งมาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เธอส่งอะไรแบบนี้มาก่อกวนผมได้สองวันติดแล้ว เพราะหลังจากที่ผมกำชับไนล์ไปว่าห้ามติดต่อแพ็ตตี้โดยที่ผมไม่อนุญาต ไนล์ก็เป็นเด็กดีทำตามที่ผมสั่งอย่างดี และกลายเป็นแพ็ตตี้ที่หงุดหงิดเพราะโทรไปหาไนล์แล้วไนล์ไม่ยอมรับสาย

ก็ถูกแล้วนี่ที่ไนล์ทำแบบนั้น เพราะเด็กนั่นเป็นสมบัติของผม จะมาให้แพ็ตตี้หยิกแก้มเล่น กอดแขนเล่น หรือทำหวานๆ ใส่เล่นตามใจชอบได้ยังไง

แล้วก็ปล่อยให้ไนล์เข้าใจไปแบบนั้นแหละว่าผมหวงแพ็ตตี้ไม่อยากให้ไนล์เข้าใกล้ แม้ว่าความจริงสถานะมันจะสลับๆ กันอยู่ก็ตาม

อย่างที่เคยบอกไปว่าความสัมพันธ์ของผมกับแพ็ตตี้มันหยุดอยู่ที่แค่เพื่อนนานแล้ว และไม่มีวันจะพัฒนาไปมากกว่า อาจจะเป็นเพราะเราสองคนจะสนิทกันมากเกินไป การที่จะข้ามขั้นความสัมพันธ์มาเป็นคนรักจึงเกิดขึ้นได้ยากกว่าคนทั่วๆ ไป

ซึ่งในตอนแรกผมก็ชอบใจในความสนิทสนมของเราสองคนนะ เพราะมันทำให้เราเข้าใจกันดี โดยที่ไม่ต้องมีเงื่อนไขและข้อจำกัดอะไรมากนัก แต่ตอนนี้ผมกลับไม่ค่อยประทับใจความสนิทของผมกับเธอสักเท่าไหร่ เพราะแพ็ตตี้กำลังใช้ประโยชน์จากความสนิทสนมของเราสองคนมาจับผิดผม และดูเหมือนว่าเธอจะทำได้ดีเสียด้วย

เธอมองออกว่าผมหวงไนล์ ไม่ว่าจะหวงในฐานะอะไร แต่เธอก็พอรู้ว่าผมหวง หวงถึงขั้นสั่งห้ามไม่ให้ไนล์เข้าใกล้เธอเลยด้วยซ้ำ

จะบอกว่าเธอเข้าใจผิดก็ไม่ใช่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจถูกเสียทีเดียว วันนั้นผมหวงไนล์มากจริงๆ ยิ่งไนล์ทำตัวน่ารักผมยิ่งหวง หวงจนไม่สนใจจะยับยั้งความรู้สึกอยากครอบครองของตัวเอง หวงจนเผลอจูบไนล์ทั้งที่มีสติครบถ้วน จนหาข้อแก้ตัวลำบาก

เพราะสำหรับผมแล้วไนล์เหมือนสมบัติที่ผมกำลังครอบครองอยู่ และแน่นอนว่าเมื่อเขาเป็นสมบัติในครอบครองของผม สิทธิ์ขาดก็ควรจะมีแค่ผม และผมก็ไม่ชอบให้ใครมาแย่งหรือยุ่งวุ่นวายกับของที่ผมเป็นเจ้าของ

ดังนั้น ผมจะหวงไนล์ไว้คนเดียวก็ไม่แปลก เพราะเราสองคนอยู่ในสถานะที่ผมได้เป็นผู้ครอบครองและไนล์ก็เป็นสิทธิ์ขาดที่ผมได้รับ


‘เลิกเอาชนะภูได้แล้วแพ็ต ยังไงแพ็ตก็ไม่มีวันสู้ภูได้หรอก’


ผมกดส่งข้อความด้วยรอยยิ้มบางๆ แอบมั่นใจว่าหลังจากที่แพ็ตตี้เห็นข้อความ เธอจะต้องกรีดร้องจนบ้านพังแน่ๆ แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย ผมพูดความจริงทั้งนั้น เพราะสำหรับไนล์แล้ว ผมคือที่สุดสำหรับเขา ไม่ว่าผมจะทำหรือพูดอะไรเขาก็พร้อมเชื่อฟังและทำตามทันที

ผมรีบปิดเครื่องมือถือเมื่อเห็นไอ้เทมส์เดินมาพร้อมคุณแม่แต่ไกล วันนี้เรามีการประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรกระหว่าง ทีเอ็น พร็อพเพอร์ตี้ กับ เคทู คอนสตรัคชั่น เพื่อเป็นการเปิดตัวโปรเจ็คเมเนเจอร์ร่วมของทั้งสองบริษัท ซึ่งก็คือไอ้เทมส์ตัวแทนจากทีเอ็น พร็อพเพอร์ตี้ และผมตัวแทนจาก เคทู คอนสตรัคชั่น

และแน่นอนว่าวันนี้ก็เป็นวันแรกด้วยที่ผมเข้ามาทำงานในบริษัทของแม่ หรือกิจการของครอบครัวเรา ผมเองก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่ มันก็เป็นการทำงานเหมือนที่ผ่านๆ มา เพียงแต่อาจจะถูกจับจ้องจากคนหลายฝ่าย หลายกลุ่มก็เท่านั้น แต่ผมก็ไม่คิดจะเอามากดดันตัวเอง คิดแค่ว่าทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและเต็มที่ก็พอ

แต่คนที่ตื่นเต้นที่แท้จริงกลับเป็นเด็กไนล์ ที่เมื่อเช้าวุ่นวายกับผมไม่หยุด ทั้งเรื่องข้าวเช้า ทั้งเรื่องเสื้อผ้า ทั้งเรื่องเอกสาร กว่าจะออกจากคอนโดได้ ผมนี่แทบจะไมเกรนขึ้น เพราะไนล์เอาแต่ทวนย้ำจนผมแทบจะวิตกจริตไปด้วย


‘พี่ภู ทานข้าวอิ่มไหมครับ เอาอีกไหม เดี๋ยวไนล์ตักให้’

… ทั้งที่ไนล์เพิ่งจะตักข้าวให้ผมพูนจาน แถมกับข้าวที่ทำมายังเหมือนกินกันประมาณห้าคนอิ่ม ทั้งที่มีผมกินอยู่คนเดียว เจ้าเด็กคนทำไม่ยอมกิน เห็นบอกกับผมว่าตื่นเต้นแทนผมจนกินไม่ลง


‘พี่ภู จะไม่ผูกไทด์จริงเหรอครับ แต่เอ๊ะ ถ้ามีไทด์มันก็จะดูทางการเกินไปจริงๆ นั่นแหละ ไม่ผูกไปน่าจะดีกว่า’

… แล้วไนล์ก็งึมงำพึมพำกับตัวเอง โดยที่ผมยังไม่ตอบอะไรสักคำ


‘พี่ภู.. เอกสารเอาไปครบหรือยังครับ พี่ภูเช็คก่อนนะ เผื่อไนล์เตรียมให้พี่ภูขาด จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาเอาอีกรอบ’

... ทั้งที่ไนล์ก็เป็นคนเช็คเอกสารผมเป็นสิบรอบตั้งแต่เมื่อคืน และเอกสารที่เกี่ยวกับงานนี้ทั้งหมดก็แทบจะไม่หลงเหลืออยู่ในคอนโดแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าไนล์จะให้ผมเช็คอะไรอีก


‘พี่ภูครับ...’

‘พอได้แล้วไนล์ ฉันเช็คทุกอย่างหมดแล้ว ข้าวก็อิ่มแล้ว ไทด์ก็ไม่ต้องผูก เอกสารก็ไม่เหลือเลยสักแผ่นในห้อง นายเลิกวิตกจริตได้แล้ว ฉันแค่เริ่มงานวันแรกไม่ได้ไปรบ’


ผมพูดใส่เจ้าเด็กขี้ตื่นจนคนที่กำลังว้าวุ่นถึงกับชะงัก ผมรู้ว่าไนล์หวังดี แต่ไม่อยากให้ไนล์ตื่นเต้นจนขนาดนี้ แต่เพราะผมก็เป็นของผมแบบนี้ ผมไม่ได้จะดุ แต่เสียงมันแข็งแบบปกติไนล์ก็เลยหน้าเสีย คงคิดว่าผมกำลังต่อว่าว่าเขาวุ่นวายเกินไป


‘ขอโทษครับพี่ภู ไนล์ไม่ได้ตั้งใจจะทำตัววุ่นวาย’


พอผมได้ยินอีกฝ่ายเสียงอ่อย ใจผมก็อ่อนลงไปกว่าครึ่ง เด็กคนนี้บทจะหงอยก็ทำหางลู่หูตกเสียจนน่าสงสาร ผมเลยต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงที่อ่อนลงอีกนิด


‘ไม่ได้จะว่าอะไร แค่อยากให้นายใจเย็นๆ ไม่ต้องกังวล เพราะฉันเตรียมพร้อมหมดแล้ว’


ไนล์ยังคงก้มหน้า เพราะคิดว่าผมยังโกรธเขาอยู่ ผมเลยตัดสินใจยกมือใหญ่ๆ ของตัวเองลูบศีรษะกลมทุยเบาๆ ให้เจ้าเด็กขี้คิดมากเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิมอีกนิด ผมเลยต้องย้ำให้เจ้าตัวมั่นใจ และส่งยิ้มกว้างจนตาหยีกลับมาแทน


'ฉันไม่ได้จะว่า..'


ใช่... ผมไม่ได้จะว่า เพราะอันที่จริงผมก็แอบคิดว่าที่ไนล์ทำน่ะ.. มันน่ารักดี

“ไอ้ภู! มานานยังวะ?”

เสียงไอ้เทมส์ร้องทักเลยให้ผมหลุดจากภวังค์ที่ตัวเองสร้างขึ้น มันเดินมาพร้อมกับคุณหญิงแม่ของผมที่ดูจะภูมิอกภูมิใจในตัวของมันมากเหลือเกิน จนผมนึกสงสัยว่าตกลงแล้วระหว่างผมกับไอ้เทมส์นี่ใครเป็นลูกแม่มากกว่ากัน

“สักพัก” ผมหันไปตอบมัน ก่อนจะหันไปกอดสาวสวยที่หน้าตาละม้ายคล้ายผม แล้วยกมือขึ้นไหว้ท่านด้วยท่าทีออดอ้อนเท่าที่คนห่ามๆ อย่างผมจะทำได้ “สวัสดีครับแม่ ภูคิดถึง”

ผมช้อนตามองมารดา แม้ว่าท่านจะทำท่าเหมือนไม่สนใจในสิ่งที่ผมพูด แต่ก็แอบเห็นได้ว่าท่านอมยิ้มน้อยๆ ตอนที่ผมบอกว่าคิดถึง

“พี่ภูไม่ต้องมาปากหวาน แม่ไม่เชื่อหรอก ดูสิเนี่ย คิดถึงแม่ภาษาอะไร เล่นหายต๋อมไปเลย นี่ถ้าพี่เทมส์ไม่ไปมัดมือชกตามมาทำงานนะ แม่ก็คงไม่ได้เห็นหน้าพี่ภูหรอก”

ผมหัวเราะเบาๆ ตอนที่แม่ยกมือขึ้นมาลูบแก้มผมอย่างอ่อนโยน แม้ว่าปากท่านกำลังจะบ่นผมก็ตาม

“ก็นี่ไงครับ ภูมาช่วยงานแม่แล้ว อีกหน่อยก็จะมาให้แม่เห็นหน้าทุกวัน เอาให้แม่เบื่อหน้ากันไปเลย”

ผมยังคงอ้อนแม่จนไอ้เทมส์ที่อยู่ข้างๆ ถึงกับทนไม่ไหวส่ายหน้าและกลอกตาใส่ผมไม่หยุด

“พูดไปเรื่อยแหละลูกคนนี้” แม่บ่นผมไม่จริงจัง ก่อนจะเอ่ยถามถึงเจ้าเด็กน้อยที่บ้าน “ว่าแต่ไนล์เป็นไงบ้างลูก? พี่ภูห้ามใจร้ายกับไนล์นะ ถ้าไนล์มาฟ้องแม่ว่าพี่ภูทำตัวไม่ดีใส่ พี่ภูจะต้องโดนดีแน่ๆ”

แม่ผมยกมือจิ้มที่ไล่ผมเบาๆ เป็นการคาดโทษ และพอผมเหลือบหางตาไปมองทางไอ้เทมส์ก็เห็นมันตั้งใจแอบฟังหูผึ่ง .. ไม่มีพิรุธเลยมั้ง ซึ่งพอผมเห็นแบบนั้นผมเลยแกล้งเปลี่ยนเรื่องดื้อๆ ให้มันหงุดหงิดใจเล่นที่ไม่ได้รู้ความเป็นไปของเด็กไนล์ ซึ่งมันก็ดูหงุดหงิดน่าดูเชียว

“ผมจะไปทำอะไรคนโปรดของแม่ได้ล่ะครับ.. ว่าแต่ ประชุมเที่ยวนี้คือเปิดตัวผมเลยใช่ไหมครับแม่ หรือว่ายังไง”

“ไอ้ภู .. แม่ถามเรื่องไนล์”

นั่นไง! ไอ้เทมส์มันดูสนใจเด็กไนล์จริงๆ นั่นแหละ ขนาดผมวกเข้าเรื่องงานแล้วมันยังวนกลับไปถามถึงเจ้าเด็กตัวเล็กนั่นอีก

“กูก็ตอบแม่ไปแล้วไง แล้วมึงจะถามย้ำอะไรอีก” ผมหันไปมองมันอย่างจับผิด “ตกลงเป็นแม่หรือมึงกันแน่ที่อยากรู้เรื่องไนล์”

“มึงอย่าหาเรื่องดิไอ้ภู”

“กูไม่ได้หาเรื่อง แต่กูสังเกตมานานแล้วว่ามึงดูอยากรู้เรื่องเด็กไนล์จังวะ? .. มันมีอะไรนักหนา ติดใจเด็กนั่นเหรอ?”

ผมตัดสินใจถามตรงๆ ซึ่งก็เหมือนจะทำให้ไอ้เทมส์หัวเสียอยู่ไม่น้อย

“กูก็แค่ถามเฉยๆ มึงจะเดือดทำไม? หรือหวง? หรือถามถึงไม่ได้?” ดูก็รู้ว่ามันตั้งใจกวนประสาทผม ซึ่งผมก็ใช่ว่าจะยอม ตั้งท่าจะอ้าปากด่าแต่แม่ขัดขึ้นมาก่อนเลยต้องยอมถอย

“นี่เราสองคน โตจนป่านนี้แล้วยังทะเลาะกันเป็นเด็กๆ สมัยหวงของเล่น แย่งของเล่นกันอีก” แม่ยอกมือขึ้นฟาดที่ต้นแขนผมกับไอ้เทมส์เบาๆ คนละที “ไปๆ เลิกเถียงกันได้แล้วค่ะ แม่ปวดหัว ไปเตรียมตัวประชุมได้แล้วทั้งคู่นั่นแหละ”

ผมกับไอ้เทมส์ด่ากันผ่านสายตาต่ออีกสี้ยววินาที จนแม่ส่งเสียงปรามดุๆ นั่นแหละผมกับมันถึงได้เลิกตีกันจริงจังๆ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่มีหญิงสาวคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาจัดไปทางค่อนข้างดีเดินตรงมาทางพวกเราสามคน

“สวัสดีค่ะคุณครินยา คุณนทีบดี และนี่คุณ ...”

“คีรินครับ ผมคีริน อคิระไพบูลย์ เป็นโปรเจ็คเมเนเจอร์ร่วมกับไอ้.. เอ่อ ผมหมายถึงคุณนทีบดีน่ะครับ”

หญิงสาวตรงหน้าผมหัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ

“สวัสดีค่ะ ดิฉันวิรัลพัชร เรียกสั้นๆ ว่ารันก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณคีริน พอดีรันเป็นตัวแทนจากทีมโปรเจ็คเมเนเจอร์ที่เคยทำโครงการมิกซ์ยูสโครงการที่ผ่านมาน่ะค่ะ พอดีทางคุณนทีบดีเคยติดต่อไปให้ทางทีมรันมาเป็นที่ปรึกษา รันก็เลยมาร่วมประชุมและก็อาจจะต้องร่วมงานกับคุณทั้งสองด้วย”

ผมหันไปมองหน้าไอ้เทมส์ พอเห็นมันพยักหน้ารับน้อยๆ ก็หันไปค้อมศีรษะให้คุณวิรัลพัชรอย่างให้เกียรติ

“อ่า.. ถ้ายังไงผมกับเทมส์ เอ่อ หมายถึงนทีบดีน่ะครับ ขอฝากตัวกับคุณรันด้วยนะครับ ทางนี้อาจจะต้องขอคำปรึกษาและข้อมูลเยอะเลย”

“ยินดีค่ะคุณคีริน.. เอ่อ รันว่ามันดูทางการไปสักนิด รันสามารถ...”

“ผมภูครับ ส่วนนทีบดีชื่อเทมส์ คุณรันเรียกเราสั้นๆ แบบนี้ก็ได้ครับ”

พอเห็นท่าทีของคุณรัน ผมก็รีบเสนอทางออกที่น่าจะง่ายที่สุดให้ ชื่อผมน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อไอ้เทมส์คือยาวมาก ใครจะเรียกมันด้วยชื่อเต็มๆ ขนาดนั้นได้ตลอด และพอผมบอกชื่อเล่นของผมกับไอ้เทมส์ไปคุณรันก็มีท่าทีผ่อนคลายขึ้น ในขณะที่ไอ้เพื่อนรักเพื่อนแค้นของผมจ้องหน้าคุณรันไม่เลิก และพอมันเห็นว่าคุณรันเอาแต่มองผมและส่งยิ้มหวานให้ มันก็เหลือบตามองผม และจากหางตา ผมก็รู้ว่ามันกำลังคิดอะไร

และก็ใช่ เพราะผมเองก็เห็นในสิ่งที่มันเห็นเหมือนกัน

สายตาที่คุณรันมองผม เป็นสายตาแบบที่ผมเห็นมาแล้วทั้งชีวิต แต่ตราบเท่าที่เธอยังสงวนท่าทีและไม่ก้าวก่ายจนเสียงาน ผมก็ว่าผมน่าจะพอควบคุมอยู่

ว่าก็ว่าเถอะนะ ถึงพักหลังผมจะเจ้าชู้ฟาดไม่เลือก แต่กับเรื่องงานผมจะไม่เอาเรื่องชู้สาวมาปนเด็ดขาด ยิ่งเป็นงานที่เกี่ยวพันกับธุรกิจครอบครัว ผมจะยิ่งไม่เอามาทับซ้อน ถ้าเจอกันข้างนอกผมไม่ปฏิเสธ แต่ถ้าเจอกันในออฟฟิศเมื่อไหร่ ผมมีให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนร่วมงานเท่านั้น

อีกอย่างเท่าที่สังเกตดูคุณวิรัลพัชรเองก็ดูจะเรียบร้อยอยู่พอตัว ไม่น่าจะทำอะไรรุ่มร่ามใส่ให้ผมต้องปวดหัว เพราะฉะนั้นคงไม่มีอะไรน่ากังวล แม้สายตาที่ไอ้เทมส์ส่งมาจะดูไม่เห็นด้วยกับผมขนาดนั้นก็ตาม

.

.

.

To Be Continue

-------‐---------------------------------------------

วิรัลพัชร เธอจะมาดีรึมาร้ายกันแน่ยยยยย์ รอลุ้นเนาะ! ตอนนี้ปล่อยให้อิพี่ภูหลอกตัวเอง เพราะเดี๋ยวจัดให้ได้เจอแน่ 5555555555

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ทุกคอมเม้นท์ และกำลังใจทุกกำลังใจที่ให้มา สัญญาค่ะว่าจะทำให้ดีที่สุด

สามารถคอมเม้นท์ติ-ชม ได้ตลอดเลยยย เราจะได้เอามาปรับปรุงแก้ไข และหวังว่าจะอยู่ด้วยกันแบบนี้จนนิยายจบเลยนะคะ

ขอบคุณทุกคนมากๆ อีกครั้งนะคะ เจอกันอาทิตย์หน้า ตอนหน้าค่าาา .. รัก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-11 : Universe 14th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 11-05-2020 21:08:54
ขอเพิ่มอีกขอยาวอีกได้ไหมมมมม

น่าติดตามมากกก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-11 : Universe 14th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-05-2020 21:10:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-11 : Universe 14th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 12-05-2020 17:52:33
จะมาดีมาร้าย ไนล์ก็บ่ยั่นจ้า และถ้าจะหวงเขาขนาดนั้นอะนะ 5555 ไนล์ทำตัวจะเป็นคุณแม่เข้าไปทุกทีแล้ว เป็นแม่เป็นเมียที่ดีแน่นอน ดูแลดีขนาดนี้ ก็นะ คนมันรักมากมายอ่ะ อิอิ ขอบคุณที่มาต่อยาวๆให้อ่านค่า สนุก รอตอนหน้าเลย โปรเจกต์นี้จะล่มหรือจะร่วง 5555  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-11 : Universe 14th)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 13-05-2020 04:57:30
หวงแบบนี้เป็นแฟนกันไปเลย  :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-18 : Universe 15th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 18-05-2020 20:09:16
** Warning: เนื้อหาในบางฉากบางตอนของแช็ปเตอร์นี้มีการใช้ภาษาไม่เหมาะสม และมีความรุนแรงทางเพศและการใช้อารมณ์ ขอให้ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ**



Universe 15th : จุดเปลี่ยน


‘ไอ้ภูไม่อยู่ใช่ไหม เดี๋ยวเย็นนี้พี่แวะเข้าไปหานะ จะซื้ออะไรอร่อยๆ ไปให้กิน’

ผมอ่านข้อความที่พี่เทมส์ส่งมาบอกแล้วก็ต้องยิ้ม ผมรู้ว่าเขาคิดถึงผมมาก เพราะปกติเราสองคนพี่น้องจะค่อนข้างตัวติดกัน แม้ว่าจะมีบางช่วงที่พี่เทมส์อาจจะยุ่งกับเรื่องเรียนหนักๆ หรือทำงานหนักๆ แต่เราก็มักจะกลับมาเจอกันที่บ้านเสมอ ผมเข้าไปนอนอ้อนพี่เทมส์บ้าง พี่เทมส์มาขอนอนห้องผมบ้าง เราสองคนพี่น้องเลยไม่เคยห่างกันจริงๆ จังนานเกินสามสี่วันสักที แต่นี่มันเกือบจะเดือนแล้วที่ผมมาอยู่กับพี่ภู ดังนั้นการพี่เทมส์จะอยากงอแงมาเจอผมก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไหร่ เขาคงอยากกินข้าว อยากพูดคุย อยากไถ่ถามความเป็นไปของผมนั่นแหละ เขาห่วงผมจะตาย ที่ผมรู้นั่นก็เพราะผมเองก็ห่วงเขาไม่ต่างกัน


‘ไม่อยู่ครับ เห็นว่าจะไปงานเลี้ยงกับคุณแม่ น่าจะกลับดึกๆ นู่นเลย พี่เทมส์มาสักห้าหกโมงนะครับ จะได้อยู่ด้วยกันนานๆ’


ผมกดส่งข้อความหาพี่เทมส์ และยังไม่ทันจะพ้นนาทีดีด้วยซ้ำ พี่ภูก็โทรเข้ามา ทำเอาผมตื่นเต้นจนแทบจะทำโทรศัพท์หล่น เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่พี่ภูโทรหาผมแบบนี้ ส่วนใหญ่เขาจะใช้การส่งข้อความมาหาผมมากกว่า

“ครับพี่ภู”

เสียงปลายสายดูเงียบๆ ทำเอาผมต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูเพื่อดูว่าพี่ภูวางสายไปหรือยัง แต่แล้วก็ต้องรีบดึงกลับมาแนบหูอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงพี่ภูเรียกตัวเองแว่วๆ

(ไนล์...)

“ครับพี่ภู ไนล์ฟังอยู่ครับ”

(เห็นโน็ตเมื่อเช้าแล้วใช่ไหม ฉันติดไว้ที่ตู้เย็น)

พี่ภูถามเสียงเรียบจนแทบจะเดาอารมณ์ไม่ได้ ทำเอาผมต้องรีบตอบเพราะไม่อยากให้พี่ภูดุหรือโกรธ

“เห็นครับ ไนล์เห็นพี่ภูติดไว้ที่ตู้เย็น” ผมนึกถึงโพสท์อิทที่พี่ภูติดไว้ที่ตู้เย็นก็ต้องอมยิ้ม หวนให้นึกถึงโน็ตที่เราส่งหากันก่อนที่พี่ภูจะไปอเมริกา มันดูเดจาวูสุดๆ “ขอโทษทีนะครับที่เมื่อเช้าไนล์เข้าไปอาบน้ำ เลยลำบากให้พี่ภูต้องเขียนโน็ตทิ้งไว้แทน”

(ไม่เป็นไร มันไม่ยากอะไรก็แค่เขียนไม่กี่บรรทัด.. นี่ฉันก็แค่จะโทรมาเช็คเฉยๆ ว่านายได้รับข้อความฉันแล้ว)

“ได้รับแล้วครับ” ผมรีบบอกอย่างรวดเร็ว

(อืม ดี.. หาข้าวหาปลากินไปเลยไม่ต้องรอ ฉันคงกลับดึก)

ผมยิ้มเมื่อรับรู้ได้ว่าพี่ภูโทรมาย้ำเพราะเป็นห่วงกลัวผมจะรอแล้วไม่ได้กินอะไรจนว่าพี่ภูจะกลับ .. อย่างที่ผมเคยบอกว่าพี่ภูน่ะใจดีและก็อ่อนโยนจะตาย

“ครับ พี่ภูไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ไปงานกับคุณท่านให้สบายใจได้เลย ไนล์ดูแลตัวเองได้”

(ใครว่าฉันห่วง.. เลอะเทอะ แค่นี้แหละ)

พี่ภูทำเสียงโวยวายใส่แล้วก็กดวางสายไป ให้ผมต้องหัวเราะออกมาเบาๆ .. เขายังปากแข็งไม่เปลี่ยนไปเลย

ผมยิ้มให้กับโทรศัพท์แม้ว่าพี่ภูจะวางสายไปนานแล้วก็ตาม

อย่างน้อยเวลาเกือบเดือนที่ผมเอาตัวมาผูกติดกับเขาก็ไม่เสียเปล่า เพราะดูเหมือนพี่ภูจะเปิดใจให้ผมมากขึ้น ดุผมน้อยลง และก็ยังใจดีกับผมแม้จะเป็นการใจดีแบบแข็งๆ เพราะไม่อยากให้ผมได้ใจก็เถอะ

สำหรับผมเท่านี้ก็ถือว่าดีมากพอแล้ว และผมก็หวังว่ามันจะดีมากขึ้นกว่านี้เรื่อยๆ สำหรับเวลาสองเดือนกว่าๆ ที่ผมยังเหลืออยู่ ไม่ต้องให้เขารักผมก็ได้ แค่ขอให้พี่ภูกลับมาเป็นพี่ภูคนเดิมก็พอ

.

.

.

ผมเหลือบมองนาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลาห้าโมงกว่าหลังจากวางสายจากพี่เทมส์ที่โทรมาบอกว่าใกล้จะถึงแล้ว ผมเตรียมเอาจาน เอาแก้วน้ำออกมารออาหารที่พี่ชายกำลังจะซื้อเข้ามาให้ ผมตื่นเต้นมากที่จะได้กินข้าวร่วมกับพี่เทมส์หลังจากที่เราห่างกันมาได้พักใหญ่ นั่นเป็นเพราะผมมีเรื่องจะเล่าให้พี่เทมส์ฟังเยอะแยะเต็มไปหมด บอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยสะดวกคุยกับพี่เทมส์เลยไม่ว่าจะทางไหน หากพี่ภูอยู่ด้วย เพราะทุกครั้งที่ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้ไม่ว่าจะด้วยเพราะเหตุผลใด พี่ภูจะมองตามตาขวางตลอด

ผมก็ได้แต่สงสัยว่ามันเป็นเพราะอะไร หรือพี่ภูอาจจะไม่ชอบให้ผมมัวแต่พะวงกับโทรศัพท์จนไม่ได้ทำงานทำการหรือดูแลบ้านก็ได้ เพราะฉะนั้นผมก็เลยได้แต่ส่งข้อความคุยกับพี่เทมส์สั้นๆ ก่อนเข้านอนเท่านั้น เนื่องจากผมเองก็ง่วง พี่เทมส์เองก็เหนื่อย เราเลยทำได้แค่อัพเดทเรื่องราวประจำวันให้กันฟัง ไม่ได้คุยลึกอะไรละเอียดขนาดนั้นหรอก


ติ๊งหน่อง ~


หลังจากคิดอะไรเพลินๆ เสียงออดหน้าประตูห้องก็ดังขึ้น ผมรีบถลาไปเปิด แล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นเจ้าของรูปร่างสูงใหญ่คุ้นตายืนยิ้มหล่อพร้อมกับยกถุงกับข้าวให้ผมดู

“ของโปรดของไนล์ทั้งหมด... พี่ซื้อมาฝากครับ”

“ไนล์คิดถึงพี่เทมส์”

ผมโผเข้ากอดพี่เทมส์เต็มรักด้วยความคิดถึง ในขณะที่พี่ชายผมก็หัวเราะร่วนด้วยความชอบใจ เขาใช้มือข้างที่ไม่ได้ถืออะไรโอบกอดผมไว้แน่น พลางจูบลงบนขมับย้ำๆ พร่ำบอกว่าคิดถึงผมไม่ต่าง

“พี่ก็คิดถึงไนล์ เจ้าเด็กดื้ออยู่ที่นี่ถูกไอ้ภูมันรังแกหรือเปล่า หื้ม?”

ผมเลิ่กลั่กทันทีที่ได้ยินพี่ชายเอ่ยถาม โชคดีที่เรากอดกันอยู่แบบนี้ พี่เทมส์เลยไม่ทันได้เห็นพิรุธที่แสดงผ่านทางสีหน้าผมเท่าไหร่ ผมพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะดันตัวเองอกจากอ้อมกอดของพี่เทมส์ แล้วตอบเสียงใส

“ไม่สักหน่อย พี่ภูเขาแทบไม่อยากจะเข้าใกล้ไนล์ด้วยซ้ำ จะมารังแกอะไรไนล์เล่า”

ผมแอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง แต่พูดก็พูด ผมไม่ได้โกหกจริงๆ นะ พี่ภูไม่เคยรังแกหรือทำให้อะไรให้ผมเอามาใช้เป็นประเด็นได้เลย


ยกเว้น.. เรื่องจูบ


เอ่อ ก็ดูเหมือนพักหลังพี่ภูจะชอบจูบผมบ่อยขึ้น บางครั้งผมก็รู้ตัวทัน บางครั้งผมก็ไม่รู้ตัว จูบเสร็จแล้วพี่ภูก็ทำเฉยๆ ทำนิ่งๆ ผมเองก็ไม่ค่อยจะกล้ามองหน้าเขาเท่าไหร่เลยเดาไม่ถูกว่าเขาจูบผมเพราะอะไร และทำไมถึงจูบ หรือจูบไปแล้วรู้สึกยังไง ผมไม่อาจรู้ได้เลย เพราะผมจะก้มหน้าก้มตาหลบเขาทุกครั้งหลังจากที่เราจูบกันเสร็จ

แต่จะโทษพี่ภูฝ่ายเดียวก็ดูจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก เพราะแท้ที่จริงแล้ว ผมก็ยอมให้เขาจูบเอง เรียกว่าเข้าขั้นเต็มใจเลยด้วยก็ได้มั้ง ผิดกับแรกๆ ที่มีตกใจบ้าง แต่หลังๆ มันเป็นความรู้สึกดี รู้สึกดีจนผมไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าผมเองก็ชอบเวลาที่ถูกพี่ภูสัมผัสแบบนี้

“ถ้ามันทำอะไรต้องรีบบอกพี่นะเข้าใจไหม ห้ามปิดบัง ห้ามโกหก เพราะถ้าไนล์ทำแบบนั้นพี่จะเสียใจมากๆ รู้ใช่ไหมครับ”

ผมพยักหน้ารัวเร็วอยู่ตรงอกพี่เทมส์ ผมไม่กล้าสบตาเขาสักเท่าไหร่ เพราะกลัวว่าถ้าพี่ชายเห็นหน้าและสายตาผมแล้วจะรู้ว่าผมเริ่มที่จะโกหกเข้าให้แล้ว

และหลังจากที่เรากอดกันอยู่พักใหญ่ พี่เทมส์ก็ดันตัวผมออก ก่อนจะชี้ชวนให้ไปกินอาหารที่เขาซื้อมาให้ ก่อนที่มันจะเย็นเสียก่อน

“กินข้าวกันดีกว่า พี่ซื้อมาเยอะแยะเลย”

“ครับ”

ผมรับถุงอาหารมากมายจากพี่เทมส์ก่อนจะเอาไปเทใส่จานแล้วมานั่งกินด้วยกันพลางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กันและกันฟังอย่างสนุกสนาน ส่วนใหญ่เรื่องที่พี่เทมส์เล่าก็จะเป็นเรื่องที่พ่อกับแม่บ่นคิดถึงผมทุกวัน รวมไปถึงลมด้วย ลมร่ำๆ ทำท่าจะแหกกฎบินไปหาผมที่ออสเตรเลียตั้งหลายรอบ ให้พี่เทมส์ต้องเอ่ยปากปรามกึ่งบังคับว่าห้ามลมทำผิดสัญญาที่ให้ไว้ ซึ่งพอถูกพี่เทมส์ดุ ลมก็ยอมทำตามอย่างดี

แต่ต้องแลกกับการที่ผมต้องพยายามหาเวลาแอบโทรหาลมโดยที่ไม่ให้พี่ภูสงสัย จากที่เคยบอกไว้ว่าอาทิตย์ละครั้ง ผมก็ขยับเป็นอาทิตย์ละสองครั้ง โดยเลือกช่วงกลางวันที่พี่ภูไม่อยู่ คุยแปปๆ แล้วก็วาง ซึ่งก็ทำให้ผมได้รู้ว่าลมยังคงรอผมอยู่เสมอย่างมั่นคง แต่ในขณะเดียวกันผมก็ดันรู้สึกกับพี่ภูมากขึ้นกว่าเดิมด้วย ทุกอย่างมันดูผกผันไปคนละทิศละทางจนผมชักจะเริ่มหนักใจ ผมไม่มั่นใจเลยว่าหากพ้นช่วงสามเดือนไปแล้ว ถ้าความสัมพันธ์ของผมกับพี่ภูไม่คืบหน้าก็ใช่ว่าผมจะตัดใจเพื่อไปหาลมได้ ยิ่งอยู่ใกล้ชิดกัน ผมก็ยิ่งรักพี่ภูมากขึ้นทุกที มากจนผมไม่รู้ว่าจะหาวิธีหยุดรักพี่ภูยังไง

“คิดอะไรอยู่ล่ะเรา กับข้าวเย็นหมดแล้วนะ”

พี่เทมส์ทักขึ้นพอเห็นผมเหม่อลอยไม่ยอมแตะอาหาร ผมได้แต่ยิ้มบางๆ ให้พี่ชายแล้วบอกปัด เพราะไม่อยากกังวลกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง

“ไม่มีอะไรครับ ไนล์แค่กำลังคิดว่าจะกินยังไงให้หมดนี่ดี ของโปรดไนล์ทั้งนั้นเลย”

พี่เทมส์ยกมือขึ้นมาลูบศีรษะผมเบาๆ เขารู้ว่าผมโกหก แต่ก็ไม่คิดจะคาดคั้นหรือบังคับให้ผมพูดแต่อย่างใด .. พี่เทมส์รู้ดีว่าผมจะพูดก็ต่อเมื่ออยากพูด ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ตอนนี้

“งั้นก็กินเยอะๆ ครับ มาอยู่นี่ทำไมผอมลง ไอ้ภูมันแกล้งไม่ให้ไนล์กินข้าวหรอ ไหนบอกพี่ซิ?”

“ไม่ใช่สักหน่อย” ผมยู่ปากด้วยความเคยชิน เมื่อถูกพี่เทมส์แกล้ง “ไนล์ก็กินปกติ แต่มันไม่อ้วนเองนี่ครับ”

“ฮ่าๆ เราน่ะมันเจ้าตัวเล็ก” พี่เทมส์ว่าพลางยื่นมือมาหยิกแก้มผมอย่างมันเขี้ยว “ตัวน่ะไม่อ้วน แต่แก้มนี่ล้นจนน่าบีบให้ช้ำจริงๆ”

“พี่เทมส์อ่ะ ไนล์เจ็บนะ”

พอผมว่าเข้าให้พี่ชายก็หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ เราสองคนพี่น้องคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อย โดยที่พี่เทมส์บอกข่าวดีกับผมว่าช่วงนี้อาจจะแวะมาหาผมได้บ่อยขึ้น เพราะตอนนี้พี่เทมส์กับพี่ภูมีโปรเจ็คใหญ่ที่ต้องทำร่วมกัน เป็นโครงการมิกซ์ยูส ที่เกิดจากการร่วมมือกันระว่างบริษัทของคุณพ่อพวกเรากับบริษัทของคุณแม่พี่ภู ผมเองก็เลยได้ยิ้มหน้าบาน เพราะดีใจที่จะได้เจอพี่เทมส์บ่อยๆ แม้จะเป็นการเจอในฐานะเด็กรับใช้กับเพื่อนเจ้านายก็ตาม

“ว่าแต่เรากับไอ้ภูไปถึงไหนแล้ว มันทำตัวดีขึ้นบ้างรึยัง หื้ม?”

ตอนนี้เราสองคนพี่น้องกำลังยืนช่วยกันล้างจานกันอยู่ในครัว และพอพี่ภูเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาผมก็ยิ้มกว้างตอบพี่ชายอย่างภูมิอกภูมิใจ

“พี่ภูไม่ค่อยดุหรืออารมณ์เสียใส่ไนล์แล้วครับเดี๋ยวนี้ อาจจะไม่ได้ยิ้มแย้มพูดดีจ๊ะจ๋า แต่พี่ภูก็ใจดีขึ้น มีเป็นห่วงบ้าง เมื่อกี้ก่อนพี่เทมส์จะมาพี่ภูก็โทรมาบอกให้ไนล์กินข้าวเลยไม่ต้องรอ ถึงเขาจะพูดห้วนๆ แต่ไนล์ก็รู้ว่าเขาไม่อยากให้ไนล์หิ้วท้องหิวๆ รอเพราะเขาจะกลับดึก”

“โอ้โห มันพูดมาแค่นี้ ไนล์ก็ตีความไปได้ขนาดนี้เลยหรือไง หื้ม?” พี่เทมส์ใช้นิ้วชี้จิ้มปลายจมูกผมเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ปนๆ เอ็นดู

“พูดแค่นี้ก็เยอะแล้วครับ” ผมย่นจมูกใส่พี่ชายก่อนจะบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อย “เมื่อก่อน ตอนไนล์มาใหม่ๆ นะ ทำหน้ายักษ์ใส่ไนล์ทุกวัน แถมยังเอาแต่พูดเสียงแข็งใส่ด้วย ... เนี่ยถือว่าดีขึ้นครับ”

ผมยิ้มกว้างให้พี่ชายหลังจากบอกเล่าถึงความเป็นไปในทางที่ดีขึ้นของพี่ภู โดยที่แทบไม่ได้สังเกตอาการของตัวเองเลยว่ามันบ่งบอกถึงความรักที่ผมมีให้อีกฝ่ายว่ามันมากแค่ไหน

“ตอนนี้พี่ภูไม่ดุไนล์แล้ว แถมยังเรียกให้ไนล์กินข้าวด้วยกันตลอด และที่ดีที่สุดเลยก็คือพี่ภูยอมไปทำงาน ไม่รู้ว่าคุณแม่พูดอะไรกับพี่ภูไป แต่ก็ดีจังที่ผลออกมาเป็นแบบนี้ ไนล์น่ะดีใจมากๆ เลยนะพี่เทมส์”

ผมเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องพี่ภูให้พี่ชายตัวเองฟัง โดยที่ไม่ได้ทันสังเกตเลยว่าพี่ชายผมแสดงอารมณ์หรือท่าทางแบบไหนตอนได้ยิน รู้แค่ว่าพี่เทมส์พึมพำอะไรออกมาสักอย่างที่ผมได้ยินไม่ถนัดเอาเสียเลย

“หึ มันยอมไปทำงานก็เพราะเรานั่นเจ้าตัวเล็ก!”

“หือ? พี่เทมส์ว่าไงนะครับ”

“เปล่าครับ พี่บ่นเฉยๆ ว่าได้เวลาต้องกลับแล้ว”

ผมเหลือบมองนาฬิกาหลังจากที่พี่เทมส์พูดจบ ก็เห็นว่าตอนนี้มันทุ่มกว่าแล้ว และอีกไม่นานพี่ภูก็คงกลับ ทางที่ดีรีบให้พี่เทมส์กลับไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวเกิดพี่ภูมาเจอว่าพี่เทมส์อยู่กับผมก็จะเป็นเรื่องใหญ่อีก ไอ้ที่เริ่มจะใจดีกับผมขึ้นมาบ้างก็คงจะกลับไปหงุดหงิดใส่ผมแบบเดิมอีก

“ฮื่ออ ไนล์ยังไม่หายคิดถึงพี่เทมส์เลย อยากให้อยู่ต่ออีกสักหน่อย” ผมโผเข้ากอดคนเป็นพี่ ให้อีกฝ่ายได้หัวเราะชอบใจลูบหลังลูบไหล่ผมไม่หยุด

“งั้นพี่ไม่กลับดีไหม ไอ้ภูมาก็ช่างมัน”

ผมรีบดันตัวออกจากอ้อมกอดพี่ชายก่อนจะส่ายหน้าหวือ “ไม่ดีครับ!”

“อ้าว! ยังไงกันล่ะเด็กคนนี้ สรุปอยากให้พี่อยู่ต่อหรือกลับ?” พี่เทมส์ถามด้วยน้ำเสียงติดจะหัวเราะ ดูก็รู้ว่าต้องกำลังแกล้งผมอยู่แน่ๆ

“ก็.. วันนี้กลับไปก่อนไงครับ แล้ววันหลังพี่เทมส์มาใหม่ มาอยู่กับไนล์นานๆ”

คนเป็นพี่ยื่นมือมาหยิกแก้มผมทันทีพอได้ยินคำต่อรองของผม เขายิ้มกว้าง บ่งบอกว่าทั้งรักและเอ็นดูผมมากแค่ไหน

“เจ้าเล่ห์นักนะเรา” เขาก้มลงมาจูบหนักๆ ที่หน้าผากผม ก่อนจะเดินไปหยิบสูทที่วางพาดอยู่บนเก้าอี้ที่เรานั่งทานข้าวด้วยกัน “ป่ะ! กลับก็กลับ จะไปส่งพี่ไหมครับตัวเล็ก”

“ไปครับ ไนล์ไปส่ง” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะถลาเข้าไปกอดแขนพี่ชายแน่น ก่อนที่เราสองคนพี่น้องจะพากันเดินออกไปจากห้องพี่ภู

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-11 : Universe 14th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 18-05-2020 20:14:19
อ่านต่อด้านล่างอยู่ที่ไหนมายังเอ่ยย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-18 : Universe 15th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 18-05-2020 20:25:38
(ต่อจากด้านบน)


“พี่ภู กลับมาแล้วหรอครับ”

ผมถลาไปที่หน้าประตูทันทีที่มันเปิดออก ก่อนจะกุลีกุจอรีบเข้าไปช่วยพี่ภูถือกระเป๋าใส่เอกสารและเสื้อสูทตัวนอกอย่างรู้หน้าที่

“พี่ภูอยากทานอะไรอีกไหมครับ ทานมากับคุณท่านอิ่มไหม ไนล์จะได้ไปทำให้เพิ่ม หรือว่า...”

“ไม่ต้อง! หลีก! ฉันจะไปอาบน้ำ”

ผมชะงักกึก กลืนทุกคำถามลงคอเมื่อได้ยินพี่ภูตัดบทมาแบบนั้น ตอนนี้ดูเหมือนว่าพี่ภูจะอารมณ์ไม่ดีมากๆ ผมไม่แน่ใจว่าเขาเป็นอะไร หรืออาจจะเครียดเรื่องงาน เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เขาโทรหาผมยังดีๆ อยู่เลย

พี่ภูเดินเข้าไปในห้องตัวเองโดยที่ไม่มองหน้าผมเลยสักนิด ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดอีก สุดท้ายเมื่อหาคำตอบไม่ได้ ก็เลยเดินตามพี่ภูเข้าไปเก็บกระเป๋าเอกสารในห้อง และตั้งใจว่าจะเอาผ้าในตะกร้าพี่ภูออกมาซัก แต่กลายเป็นว่าจังหวะของผมมันไม่ดีเอาเสียเลย ผมที่คิดว่าพี่ภูคงเข้าห้องน้ำไปแล้ว แต่ดันกลายเป็นว่าพี่ภูเพิ่งจะถอดเสื้อเชิ้ตออก มีเพียงกางเกงแสล็คขายาวติดตัว และก็เป็นอีกครั้งที่พี่ภูหันมามองผมตาขวาง

“เข้ามาทำไม? ฉันอนุญาตให้นายเข้ามาหรอ? หรือจะเข้ามาอ่อย?” พี่ภูเดินตรงเข้ามาหาผมอย่างคุกคาม ในขณะที่ผมได้แต่ถอยหนีอย่าลนลานจนชนเข้ากับกำแพงห้อง “ของขาดหรอ? หรือยังไม่สะใจจนต้องมาขอเพิ่มจากฉัน ห๊ะ??”

พี่ภูตวาดผมลั่นให้ผมได้แต่หลับตาปี๋ด้วยความตกใจ แต่กลายเป็นว่าผมยืนเป็นเป้านิ่งให้พี่ภูตามมากักร่างผมไว้ด้วยสองแขนและร่างกายของเขาที่ใหญ่กว่าผมเกือบเท่าตัว

“นะ ไนล์ ไนล์ขอโทษครับ ไนล์ไม่รู้ ไนล์..ไนล์คิดว่าพี่ภูเข้าไปอาบน้ำแล้ว”

“โกหก! นายน่ะมันก็ดีแต่โกหก ตีหน้าใสซื่อแต่ความจริงแล้วทำตัวร้ายกาจ อ่อยผู้ชายไปทั่ว” พี่ภูจับคางผมเชิดขึ้น ก่อนจะบีบแรงๆ จนผมเจ็บ “ถามจริงๆ เถอะนะ ว่าทำเพราะอยาก หรือว่าทำเพราะเห็นแก่เงิน?!”

ผมเบิกตาโพลงด้วยความตกใจไม่คิดว่าพี่ภูจะพูดแบบนี้ออกมา พี่ภูที่ผมเห็นในตอนนี้ดูเกรี้ยวกราดและโมโหร้ายยิ่งกว่าพี่ภูตอนที่กลับมาจากอเมริกาแรกๆ เสียอีก ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เลยได้ละล่ำละลักปฏิเสธ เพราะไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าพี่ภูกำลังพูดเรื่องอะไร

“พี่ภู .. พี่ภูหมายความว่ายังไงครับ นะ ไนล์ ไม่เข้าใจ”

“หึ! ไม่เข้าใจ? แน่ใจหรอว่าไม่เข้าใจ?” พี่ภูบีบคางผมแรงกว่าเดิม และโดยที่ไม่ต้องเดา ผมว่าตอนนี้มันต้องขึ้นรอยแดงแล้วแน่ๆ “แกล้งทำเป็นไร้เดียงสา แต่ที่จริงฟาดผู้ชายไม่เลือก!”

หลังจากประโยคร้ายกาจหลุดออกมาจากปากของคนที่ผมรักและเทิดทูนมาเป็นสิบๆ ปี ในใจผมก็รู้สึกแย่ไปหมด ผมไม่เข้าใจว่าพี่ภูที่ดีขึ้นมากแล้วทำไมกลับมาเป็นแบบนี้อีก หนำซ้ำเที่ยวนี้คือเป็นมากกว่าเดิมอีก แล้วยิ่งถ้อยคำแย่ๆ ที่หลุดออกมาให้ผมได้ยิน ทำให้ผมเลือกที่จะหนีมากกว่ามาทนรองรับอารมณ์พี่ภูอยู่แบบนี้

ผมแค่ไม่อยากรู้สึกแย่มากยิ่งไปกว่าเดิมแค่นั้นเอง

“ไนล์พูดจริงๆ ครับ.. ไนล์ไม่รู้ แล้วก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าพี่ภูพูดเรื่องอะไร” ผมพยายามบิดตัวเองออกจากการกักรั้งของพี่ภู “ถ้าการมีอยู่ของไนล์มันรกหูรกพี่ภู พี่ภูปล่อยไนล์เถอะครับ ไนล์สัญญาไนล์จะไปอยู่เงียบๆ คนเดียวไม่ออกมาให้พี่ภูเห็นให้รำคาญใจอีก”

แต่แทนที่พอผมพูดออกไปแบบนั้นแล้วสถานการณ์จะดีขึ้น กลับกลายเป็นว่าพี่ภูกลับโมโหผมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เขาใช้แขนข้างที่ว่างรั้งผมเข้ามาใกล้ จนลำตัวที่แนบสนิทของเราใกล้กันจนแทบจะไม่เหลือช่องว่าให้อากาศผ่าน แววตาแข็งกร้าวและดุดันของพี่ภูจ้องมาที่ผมนิ่ง ก่อนที่เจ้าของแววตาคู่ที่กำลังมองผมอย่างเชือดเฉือนจะเอ่ยกล่าวหาผมอย่างใจร้ายใจดำ

“ใช่ นายน่ะมันน่ารำคาญรกหูรกตา! แต่ฉันไม่ปล่อยนายไปให้โง่หรอก.. หึ! นายยอมพาตัวเองเข้ามาหามาคลุกคลีกับฉันอยู่ที่นี่ คิดว่าฉันไม่รู้หรอว่านายอยากได้อะไรจากฉัน”

พี่ภูขยับโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ผมยิ่งกว่าเดิม รวมถึงถ้อยคำรุนแรงที่ทวีความร้ายกาจมากยิ่งขึ้นก็ถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากหยักที่เคยโอ๋เคยปลอบโยนผมเมื่อนานมาแล้วอย่างไม่หยุดหย่อน

“นายน่ะ! มันอยากได้ฉันจนตัวซีดตัวสั่น แต่พอเห็นฉันไม่เล่นด้วยก็เลยเบนเป้าหมายใหม่ไปหาไอ้เทมส์” พี่ภูก้มลงมากัดริมฝีปากผมแรงๆ จนผมร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บ “อย่าคิดว่าฉันจะยอมให้นายเอาท่าทางใสซื่อนี่มาหลอกเพื่อนฉัน ... คนที่เหมาะสมกับนายคือฉันนี่ อยากได้ฉันนักไม่ใช่เหรอ? มา! ฉันจะสนองนายให้ถึงใจเลย จะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับไอ้เทมส์มันสักที!!”

ผมตาเหลือกโตด้วยความตกใจเมื่อเห็นพี่ภูคิดเตลิดไปไกลจนแทบกู่ไม่กลับ ผมพยายามดิ้นรน และก็คิดไปด้วยว่าเพราะอะไรถึงทำให้พี่ภูคิดไปได้ว่าผมกำลังอ่อยพี่เทมส์ ในเมื่อการนัดกันของเราสองคนพี่น้องไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำ แม้กระทั่งคุณแม่ก็ไม่รู้

แต่ดูเหมือนว่าการจะพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดที่ทั้งแน่นทั้งบีบบังคับนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะไม่ว่าผมจะออกแรงสะบัดให้หลุดมากแค่ไหน ก็ดูเหมือนจะสู้แรงพี่ภูที่กำลังโมโหไม่ได้เลยสักนิด แล้วยิ่งพอผมดิ้นมากๆ เข้าเขาก็โน้มหน้าลงมากัดริมฝีปากผมอย่างแรงจนผมเผลอเปิดปากร้องว่าเจ็บ และพี่ภูก็ใช้จังหวะนั้นประทับริมฝีปากลงมา พร้อมๆ กับสอดลิ้นเข้ามาอย่างจาบจ้วงและหยาบคาย

ผมได้แต่ร้องอื้ออึงอยู่ในลำคอ เพราะไม่สามารถปฏิเสธจูบจากพี่ภูได้เลยไม่ว่าจะในทางไหน เขาบดคลึงริมฝีปากผมอย่างแรง ไม่มีความอ่อนโยนสักนิดในการกระทำ และจูบครั้งนี้ก็เป็นจูบที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่ผมเคยถูกพี่ภูสัมผัสมา

พี่ภูยังคงตั้งตาตั้งตาจูบผมโดยไม่เปิดโอกาสให้ผมได้หายใจ เขาแนบริมฝีปากลงมาแนบแน่นในขณะที่เรียวลิ้นร้อนของเขาก็กวาดต้อนไปทั่วโพรงปากของผม และยังเกี่ยวกระหวัดลิ้นตัวเองมาที่เรียวลิ้นเล็กของผมที่พยายามจะขยับหนีอย่างจนตรอก สุดท้ายผมก็สู้แรงของพี่ภูไม่ไหว ผมปล่อยให้เขาจูบตามอำเภอใจ ในหูได้ยินแต่เสียงเฉอะแฉะของน้ำลาย และแรงบีบคั้นที่มือของพี่ภูที่ตะปบไปตามเอวและสะโพกของผมจนเจ็บไปหมด

ผมภาวนาขอให้พี่ภูจูบผมจนพอใจแล้วปล่อยผมไป เพราะสิ่งที่ภูทำกับผมในวันนี้มันแย่เสียจนใจผมแทบรับไม่ไหว แต่ดูเหมือนว่ามันจะเลวร้ายกว่าที่ผมจินตนาการได้อีก เพราะเมื่อผมรู้สึกโล่งใจที่ในที่สุดพี่ภูก็ยอมปล่อยริมฝีปากผมเป็นอิสระ ผมก็ต้องตระหนกตกใจขึ้นมาอีกครั้งเมื่อพี่ภูจับต้นแขนผมแล้วลากเข้าไปใกล้กับเตียงกว้าง แล้วเหวี่ยงผมที่ไม่ทันตั้งตัวลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กลางเตียง ก่อนที่เขาจะตามมาคร่อมร่างผมไว้อย่างรวดเร็ว ไม่รอให้ผมได้ทันตั้งตัวหรือได้ทันขยับหนีเขาเลยสักนิด

พี่ภูจับแขนผมทั้งสองข้างตรึงไว้กับเตียงแน่น ในขณะที่สายตาที่เขามองมานั้นทั้งแข็งกร้าว ดุดัน และเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาก้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอ จูบไล่ตามแนวไหปลาร้าและทั่วหน้า เขาประทับริมฝีปากลงมาบนปากผมย้ำๆ ทั้งกดทั้งขบ และทุกการกระทำล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความหยาบกระด้างผม ราวกับจะลงโทษ

ผมได้แต่นอนตัวสั่น หวาดกลัวไปหมด ราวกับว่านี่เป็นพี่ภูที่ผมไม่รู้จักสักนิด ความรู้สึกเมื่อสิบปีที่แล้วตอนที่ถูกคนใจร้ายที่โรงเรียนพี่เทมส์รุมล้อมเริ่มไหลเข้ามาในสมอง ความกลัวก่อตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับเกิดขึ้นเพราะคนที่เคยช่วยชีวิตผมไว้ในตอนนั้นแทน

“พี่ภู .. ฮึก อึก.. ไนล์ ไนล์ขอโทษครับ ไนล์ทำอะไรผิดไป ไนล์ ฮึก.. ไนล์ขอโทษนะครับ พี่ภูปล่อยไนล์ไปเถอะนะ”

ผมเริ่มร้องไห้และขอร้องคนที่กำลังจ้องมองผมด้วยแววตาที่แปลกไปเสียงสั่น ซึ่งนั่นก็ทำให้พี่ภูหยุดทุกการกระทำและยอมผละออก แต่พี่ภูยังคงนิ่ง นิ่งจนผมเดาอารมณ์เขาไม่ถูกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

“นายมันร้ายกาจ นายใช้ใบหน้าซื่อๆ กับความไร้เดียงสามาหลอกลวงฉัน.. ฉันจะไม่ยอมเป็นไอ้โง่ให้นายหลอกแน่ๆ .. ฉันโดนหลอกมามากพอแล้ว และฉันจะไม่มีวันยอมโดนหลอกอีก”

พี่ภูกัดสันกรามแน่นจนนูนดูก็รู้ว่าเขากำลังข่มอารมณ์และกำลังกล่อมตัวเองให้เชื่อในสิ่งที่เขากำลังคิด

“ไนล์เปล่านะครับ ฮึก.. ไนล์ไม่ .. ไนล์ไม่ได้ทำ” ผมปล่อยให้น้ำตาไหล เมื่อพบว่ามันอาจจะเป็นทางสุดท้ายที่พอจะทำให้พี่ภูใจอ่อนได้ “ไนล์ไม่ได้ทำอะไรจริงๆ นะครับพี่ภู ไนล์ไม่รู้เลยว่าพี่ภูไม่พอใจไนล์เรื่องอะไร พี่ภู.. ฮึก พี่ภูปล่อยไนล์ก่อนเถอะนะครับ ไนล์ขอร้อง ไนล์กลัว ..ฮือออ”

ผมปล่อยโฮและร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับตัวเองเป็นเด็ก ผมยอมรับว่าตอนนี้ใจผมรับไม่ไหว ผมไม่สามารถเข้มแข็งและหลอกตัวเองว่าไม่กลัวได้ พี่ภูในตอนนี้น่ากลัวและอันตรายเกินไป ผมสู้ไม่ไหว และผมกำลังร้องขอเขาอย่างจนตรอก

“โกหก.. นายมันจอมโกหก..”

พี่ภูยังคงพึมพำ แววตาที่เคยแข็งกร้าวในตอนนี้ดูอ่อนลงและปนความสับสนเล็กน้อย ในขณะที่ตากลมของผมถูกกลบไปด้วยน้ำใสที่ไหลคลอหน่วย ผมก็เห็นลางๆ ว่าพี่ภูกำลังจ้องผมนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาคลายความตึงเครียดลง แต่ที่เห็นชัดเจนมากที่สุดก็คงเป็นความแปลกใจ ความแปลกใจพอๆ กับความสับสนที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นฉับพลันหลังจากที่เขาเห็นผมร้องไห้

“พี่ภู.. พี่ภูปล่อยไนล์เถอะนะครับ ฮึก.. ไนล์เจ็บ ไนล์เจ็บมากจริงๆ” ผมร้องขอเขาทั้งที่ยังร้องไห้ “ไนล์ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด .. ฮือ แต่ไนล์สัญญา สัญญาว่าไนล์จะไม่ทำให้พี่ภูโกรธอีก ไนล์สัญญา แต่พี่ภูปล่อยไนล์ไปเถอะนะครับ ไนล์กลัวแล้ว ฮือออออ”

ผมยังคงร้องไห้ ในขณะที่แรงรัดที่ข้อมือเริ่มคลายออก แต่ผมก็ยังไม่กล้าสะบัดหรือพลิกตัวหนี เพราะกลัวจะทำให้พี่ภูโกรธอีก แต่ลึกๆ ผมรู้ดีว่าพี่ภูกำลังอ่อนลง เขาที่ได้สติกำลังจะกลับมา เพียงแต่ผมจะต้องใจเย็น และไม่ทำอะไรที่จะเป็นการกระตุ้นให้เขาโมโหอีก

ผมได้แต่นอนสะอื้นเงียบๆ ในขณะที่พี่ภูเองก็ยอมปล่อยมือที่ตรึงข้อมือผมไว้ทั้งสองข้างออก ก่อนจะยกขึ้นมาลูบหน้าตัวเองแทนแรงๆ

“โธ่เว้ย!”

พี่ภูสบถลั่น ก่อนที่จ้องหน้าผมอย่างสับสนอีกครั้งและในช่วงเวลาแห่งการวัดใจ .. ในที่สุดพี่ภูก็ยอมผละออกจากการคร่อมผมไว้แล้วไปทรุดลงนั่งบนเตียงข้างตัวผมแทน ให้ผมต้องลุกขึ้นนั่งพรวดแล้วรีบกลัดกระดุมบนเสื้อเชิ้ตของตัวเองอย่างเร่งรีบ ผมไม่รู้ว่าพี่ภูปลดออกตอนไหน แต่ตอนนี้ถ้าจะให้ปลอดภัย ผมต้องรีบออกจากห้องก่อนที่พี่ภูจะโมโหขึ้นมาอีกรอบ

“นะ.. ฮึก ไนล์ขอโทษครับพี่ภู ขอโทษทุกเรื่องเลยครับที่ทำให้พี่ภูไม่พอใจ ฮึก..”

พอพูดจบผมก็รีบวิ่งออกจากห้องของพี่ภูไปเข้าห้องตัวเองทันทีพร้อมกับล็อคห้องอย่างแน่นหนา โดยที่ไม่ได้ทันเห็นเลยว่าสีหน้าของพี่ภูตอนนี้มันย่ำแย่และสับสนแค่ไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ที่ผมรู้คือผมต้องหนีไปตั้งหลักก่อนเท่านั้น แล้วจากนี้จะว่ายังไงกันก็ค่อยคิดอีกที

.

.

.

Kirin’s Part


ผมสับสน ผมสับสนมากๆ นับวันกับไนล์ผมยิ่งสับสน บางครั้งผมก็รู้สึกคุ้นเคย บางครั้งผมก็รู้สึกผูกพัน แต่บางครั้งไนล์ก็ทำให้ผมหงุดหงิดและโมโหอย่างไม่มีสาเหตุได้อย่างน่าประหลาด

ผมโคตรไม่เข้าใจว่าไอ้ความรู้สึกพวกนี้มันคืออะไรกันแน่

วันนี้ผมจำเป็นต้องไปงานเลี้ยงกับแม่ เลยอดห่วงไนล์ที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้ เพราะเด็กนั่นมักจะให้ความสำคัญกับผมก่อนตัวเองตลอด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร โดยเฉพาะเรื่องกิน ถ้าไม่รอให้ผมกินก่อน อย่างน้อยก็ต้องกินพร้อมผม ซึ่งก็ต้องให้ผมอนุญาตก่อนด้วย ไม่งั้นก็กินไม่ได้ เขาชอบเอาใจผมโดยเฉพาะเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นความเคยชิน

จากที่เคยรำคาญในตอนแรก พอได้อยู่ด้วยกันสักพัก บางอย่างมันก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

และที่ผมอยากปฏิเสธแทบตาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยนั่นก็คือ ไนล์ทำให้ผมเอ็นดู ... เขามีบางอย่างที่ผมคุ้นเคย ยิ่งอยู่ด้วยกันนานวันยิ่งเห็นชัดเจน

อย่างที่ผมเคยบอกว่าไนล์มักจะให้ความสำคัญกับผมเป็นอันดับแรก เขามักจะร้องเรียกผมด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ก็สดใสน่าฟัง


'พี่ภูอยากทานอะไรครับ'

'พี่ภูจะกลับดึกไหม'

'พี่ภูจะให้ไนล์รอไหมครับ เผื่อพี่ภูอยากได้อะไรเพิ่ม'


เขามักจะถามผมซ้ำๆ ด้วยคำถามเดิมๆ ที่แรกๆ มันก็ฟังดูน่ารำคาญ แต่นานไปมันก็กลายเป็นความเคยชิน และเพราะผมเพิ่งจะเริ่มเข้าทำงานในบริษัท อะไรหลายอย่างก็ยังไม่ค่อยลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเวลากิน เวลานอน หรือเวลาพักผ่อน แต่ไนล์ก็จะพยายามเข้ามาดูแลในส่วนนี้ให้ผมคลายความกังวลลงไปได้บ้าง

เขามักจะตื่นนอนก่อนผมเสมอ และเข้านอนเมื่อผมเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว

ผมเลยไม่เคยไปทำงานสาย ได้กินข้าวเช้าก่อนไปทำงานตลอด เสื้อผ้าที่ใส่ก็เรียบกริ๊บ แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกับที่ผมได้กลิ่นจากไนล์เสมอ

เขาทำให้ผมใจเย็นมากขึ้น ไนล์ไม่เคยเถียง ไม่เคยก้าวร้าว ไม่ว่าผมจะหงุดหงิดหรือโมโหใส่เขาก็จะรับฟังอย่างใจเย็นเสมอ

และนั่นทำให้ผมเผลอเปิดใจให้เด็กคนนั้นโดยไม่รู้ตัว

และเพราะว่าผมไม่รู้ตัว วันนี้ผมจึงกระวนกระวายแปลกๆ เมื่อไม่ได้กลับไปกินข้าวที่บ้าน หลังจากที่กลับไปกินทุกวันได้ราวเกือบสองสัปดาห์

และนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินในโทรหาเจ้าเด็กหน้าซื่อนั่นเพราะกลัวว่าไนล์จะรอให้ผมกลับ และไม่ยอมกินข้าวก่อน


‘ไนล์...’

‘ครับพี่ภู ไนล์ฟังอยู่ครับ’

'เห็นโน็ตเมื่อเช้าแล้วใช่ไหม ฉันติดไว้ที่ตู้เย็น’

‘เห็นครับ ไนล์เห็นพี่ภูติดไว้ที่ตู้เย็น ... ขอโทษทีนะครับที่เมื่อเช้าไนล์เข้าไปอาบน้ำ เลยลำบากให้พี่ภูต้องเขียนโน็ตทิ้งไว้แทน’

‘ไม่เป็นไร มันไม่ยากอะไรก็แค่เขียนไม่กี่บรรทัด.. นี่ฉันก็แค่จะโทรมาเช็คเฉยๆ ว่านายได้รับข้อความฉันแล้ว’

‘ได้รับแล้วครับ’

‘อืม ดี.. หาข้าวหาปลากินไปเลยไม่ต้องรอ ฉันคงกลับดึก’

 ‘ครับ พี่ภูไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ไปงานกับคุณท่านให้สบายใจได้เลย ไนล์ดูแลตัวเองได้’

‘ใครว่าฉันห่วง.. เลอะเทอะ แค่นี้แหละ’


และหลังจากโทรให้เด็กไนล์รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว ผมก็กลับมาใจจดจ่ออยู่ในงานเลี้ยงต่อ แต่มันกลับน่าเบื่อมากกว่าที่คิด แม้จะมีคุณวิรัลพัชร เป็นเพื่อนคุยก็ไม่ได้ทำให้ความน่าเบื่อในงานนี้ลดลงไปได้เลย

"คุณภูเบื่อหรอคะ? ดูเซ็งๆ"

ผมหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้ารับ "ชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอครับ ผมว่าผมเก็บอาการแล้วนะ"

คุณวิรัลพัชรยิ้มให้คำพูดผม ก่อนที่เราจะพูดคุยกันต่อนิดหน่อยแต่ผมก็ยังคงเบื่อมากอยู่ดี และสุดท้ายผมก็ทนไม่ไหว เมื่อคิดได้ว่าบางทีไนล์อาจจะรับปากว่าจะกินข้าวไปอย่างนั้น แต่ไม่ยอมกิน จนกว่าจะได้เห็นผมกลับบ้าน ก็ได้

เอาจริงเห็นแบบนั้นคือไนล์เองก็ดื้อใช่ย่อยเลยนะ บางทีก็ทำงงทำมึนดื้อตาใสไม่ยอมทำตามที่ผมบอกเสียแบบนั้น

ซึ่งพอคิดได้แบบนั้น ไอ้ความห่วงที่อยู่ลึกๆ ก็กลับมาอีก ประจวบเหมาะกับเห็นแขกในงานเริ่มบางตาลงบ้างแล้ว ผมเลยตัดสินในไปชวนแม่กลับบ้าน

"ขอตัวกลับก่อนนะครับคุณรัน"

"อ่าว ทำไมคุณภูจะกลับไวล่ะคะ? งานเพิ่งเริ่มได้สักพักเองนะคะ"

"พอดีผมนึกได้ว่ามีธุระต่อ ยังไงลาคุณรันตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ ไว้เจอกันที่ออฟฟิศครับ"

เธอพยักพยักหน้ารับ ก่อนที่ผมจะรีบเดินไปตามหาแม่ที่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ และพอเจอมารดา ผมก็ตรงดิ่งชวนเธอกลับบ้านทันที

"กลับกันเถอะครับแม่ เดี๋ยวภูไปส่ง"

"อ่าว ทำไมจะรีบกลับล่ะคะพี่ภู เราเพิ่งจะมาเองนะ แม่ว่าอยู่ต่อเถอะ มีนักธุรกิจอีกมากที่แม่อยากให้พี่ภูรู้จักเยอะแยะเลยนะ

ผมถอนหายใจ เพราะไม่ค่อยอยากจะทำความรู้จักใครสักเท่าไหร่ แต่ดูท่าแม่จะไม่ยอม ยังคะยั้นคะยอให้ผมอยู่ต่อ

ผมเลยตัดสินใจ พูดกับแม่ไปตามตรงเพราะแม่ก็ดูเอ็นดูเด็กไนล์อยู่น้อย

"ผมว่าจะกลับไปดูคนโปรดของคุณแม่สักหน่อย ไม่รู้ทิ้งให้อยู่คนเดียวจะกินอะไรรึยัง"

"พี่ภูหมายถึงไนล์หรอคะลูก"

"จะมีใครซะอีกล่ะครับ คนโปรดที่สุดของคุณแม่ ก็มีอยู่คนเดียว"

"อ่าว แล้วทำไมไม่บอกแม่ตั้งแต่แรกล่ะคะพี่ภู ไปค่ะกลับๆ"

...แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะมากขนาดนี้ เพราะคุณแม่เล่นตรงดิ่งไปขึ้นรถทันทีไม่มีต่อรอง แถมยังเร่งให้ผมรีบขับไปส่งท่าน และไล่ผมกลับคอนโดทันที ทั้งที่เมื่อกี้แทบจะรั้งแล้วรั้งอีกให้ผมอยู่ต่อ

พอผมถามว่าทำไมแม่ต้องรีบไล่ให้ผมกลับขนาดนี้ ท่านก็ตอบให้ได้ชื่นใจทันทีว่า กลัวเด็กไนล์จะยังไม่ได้กินอะไร

ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ผมกลับจากงานเลี้ยงเร็วขึ้นก่อนเวลาปกติอยู่เกือบชั่วโมง

และแทนที่เรื่องระหว่างผมกับไนล์ที่ดีขึ้นมากแล้วจะดีขึ้นไปอีก เพราะอะไรต่างๆ ที่เปลี่ยนไป มันก็กลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะเมื่อผมกลับมาถึงคอนโดแล้วพบว่า เด็กที่ผมเป็นห่วงเป็นใยกำลังหน้าระรื่นเดินกอดแขนกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของผม ลงมาจากคอนโด

ไนล์กำลังเดินไปส่งไอ้เทมส์ที่รถ ที่ริมฝีปากของคนทั้งคู่มีรอยยิ้ม ไอ้เทมส์ยิ้มให้ไนล์อย่างอบอุ่น ในขณะที่ไนล์เองก็ยิ้มหวานจนตาหยีส่งให้ไอ้เทมส์เหมือนกัน ทั้งคู่ดูสนิมสนมกันมากกว่าที่ผมคิด แต่ไม่ใช่ความสนิทสนมกันในแง่เจ้านายลูกน้อง แต่เป็นความสนิทสนมกันในแง่ที่ใครก็ต้องมองออกว่ามันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ปกติธรรมดา

ดูเหมือนว่าไอ้เทมส์จะแวะมา .. แวะมาทั้งๆ ที่ผมไม่อยู่ มีเด็กนี่อยู่คอนโดแค่คนเดียว มันจะมีเหตุผลอะไรได้ ถ้าไม่ใช่ทั้งคู่นัดแนะจะมาเจอกันลับผลังผม

ผมยอมรับว่าผมโมโหมาก ผมอยากจะเดินตรงเข้าไปกระชากแขนไนล์ให้ถอยออกห่างจากไอ้เทมส์ แต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้ และทำได้แค่มองดูภาพความสนิมสนมของคนทั้งสอง เพราะผมรู้ดีว่าถ้าผมเข้าไปตอนนี้ สุดท้ายก็หนีไม่พ้นตรงที่ไอ้เทมส์เข้าข้างไนล์แบบค้างๆ คูๆ แล้วเด็กนั่นก็จะได้คะแนนความสงสารจากเพื่อนผมมากขึ้นไปอีก และผมยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้

ผมปล่อยให้ไอ้เทมส์กับไนล์ร่ำลากันเสียให้พอ ส่วนตัวเองก็มานั่งคิดหาวิธีว่าจะทำยังไงกับเด็กมากเล่ห์คนนี้ดี อยู่กับผมก็ทำเป็นใสซื่อไร้เดียงสา ตีหน้าน่าสงสาร แต่พออยู่กับไอ้เทมส์นี่ระรื่นมาก ยิ้มจนปากแทบฉีกถึงหู ซึ่งก็ดูแล้วว่าไอ้เทมส์คงเอ็นดูอยู่ไม่น้อย แต่ผมจะไม่มีวันยอมให้เพื่อนสนิทของตัวเองตกหลุมพรางของเด็กนั่นเด็กขาด ผมจะเป็นคนดึงไนล์ออกมาจากเพื่อนสนิทของผมเอง แต่จะด้วยวิธีไหนหรือยังไงผมก็ยังคิดไม่ออก

จนกระทั่งผมกลับเข้ามาที่คอนโด แล้วไนล์ก็ทำให้ผมโกรธจนสติหลุด

เด็กนั่นทำเป็นใสซื่อ ทำเป็นไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแต่กลับตามเข้ามาอ่อย มาให้ท่าผมถึงในห้อง ผมยอมรับว่าผมขาดสติเพราะลึกๆ ตัวผมเองก็พอใจในตัวไนล์อยู่ไม่น้อย ผมจะไม่ปฏิเสธความจริงในข้อนี้ ข้อที่ว่าผมถูกใจไนล์ตั้งแต่แรกเห็น และผมก็รู้ด้วยว่าไนล์เองก็ชอบผมอยู่บ้าง ผมไม่ได้หลงตัวเอง แต่โตมาจนป่านนี้แล้วทำไมผมจะมองสายตาที่ไนล์ใช้มองผมไม่ออก แต่เพราะอะไรหลายๆ อย่างในตัวเด็กคนนี้ที่ดูไม่ชัดเจนเลยสักอย่างในช่วงแรกๆ เลยทำให้ไม่อยากจะพาตัวเองไปเกี่ยวข้องด้วย

เพิ่งจะมีระยะหลังที่ผมลดการ์ดป้องกันตัวเองลง เพราะคิดว่าไนล์ไม่ใช่เด็กเลวร้ายอะไร และความไว้ใจก็ทำให้ผมมองคนพลาดอีกครั้ง เมื่อข้อพิสูจน์ของวันนี้ทำให้ผมเห็นว่าผมมองไนล์ผิดไป ไนล์ไม่ได้ใสซื่อและไร้เดียงสาเลยสักนิด

และฟางเส้นสุดท้ายของผมก็ขาดลงเมื่อไนล์ตามเข้ามาหาผมถึงในห้อง

สมองผมตอนนั้นได้แต่คิดว่าในเมื่อเด็กมันอยาก ผมก็จะสนองให้อย่างถึงอกถึงใจ คงจะอยากได้ทั้งผม ทั้งไอ้เทมส์ถึงได้ทำตัวแบบนี้ ซึ่งผมจะไม่มีวันยอมให้ไนล์สมหวัง เพราะผมตั้งใจแล้วว่าถ้าผมได้ครอบครองเด็กคนนี้เมื่อไหร่ ผมจะเปิดโปงความเหลวแหลกของไนล์ให้ไอ้เทมส์รู้มันจะได้เลิกหน้ามืดตามัวสักที

และอีกอย่างลึกๆ ที่ผมไม่อยากจะปฏิเสธ แต่ก็รู้สึกแย่เกินกว่าที่จะยอมรับออกมาตามตรง นั่นก็คือ ผมอยากได้เด็กคนนั้น ผมพอใจ ผมปรารถนา และส่วนลึกในใจของผมก็ร่ำร้อง คิดว่าถ้าได้เชยชมเด็กมากเล่ห์นั่นสักครั้งแล้วผมอาจจะลบความต้องการที่ฝังแน่นนี่ไปสักทีก็ได้

ดังนั้นการที่ไนล์ตามผมเข้ามาถึงในห้องก็ทำให้ความยับยั้งชั่งใจของผมหมดลง ผมไร้สติประกอบกับปล่อยให้อารมณ์โกรธเข้าครอบงำ ผมเลยเผลอปล่อยให้ตัวเองทำตามใจที่ต้องการอยู่ลึกๆ ผมทั้งจูบ ทั้งซุกไซ้ สูดดมเอาความหอมของกลิ่นกายเด็กนั่นอย่างมัวเมา ยิ่งได้สัมผัส ได้ชิดใกล้ ได้ครอบครองตัวเด็กคนนั้นยิ่งทำให้ผมขาดสติ

แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงัก เมื่อไนล์ร้องไห้ และขอร้องผมทั้งน้ำตาอย่างน่าสงสารว่าให้หยุด

สติที่ขาดหายไปของผมกลับมาอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลลงมาไม่หยุดของเด็กใต้ร่าง เขาทั้งร้องไห้ ทั้งตัวสั่น นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก ภาพของไนล์ที่ผมเห็นตรงหน้าทำให้ผมชะงักอย่างที่ไม่เคยเป็น ผมคุ้นเคยและรู้สึกเหมือนเห็นภาพแบบนี้มาก่อน และนั่นทำให้ใจผมเจ็บไปหมด เพราะแทบจะรับรู้ได้เลยว่าไนล์หวาดกลัวมากแค่ไหน ผมรู้ผมดูออกว่ามันไม่ใช่การแกล้งทำ ไนล์ดูหวาดกลัวและตกใจมากจริงๆ เขาขอร้องผมอย่างน่าสงสารว่าให้หยุดและปล่อยเขาไป

ผมคลายมือที่กำแน่นจากการกำต้นแขนของไนล์และผละออกจากร่างเล็กอย่างสำนึกผิด เด็กคนนั้นตะกายลงจากเตียงและวิ่งหนีเข้าห้องตัวเองไปทันทีเมื่อได้รับอิสระจากพันธนาการของผม

ในขณะที่ผมเองก็ได้แต่มองเด็กคนนั้นไปด้วยแววตาสับสน ภาพที่ไนล์กอดแขนเทมส์พร้อมยิ้มอย่างร่าเริงซ้อนทับกับไนล์ที่นอนน้ำตาไหลอย่างน่าสงสาร ทำให้ผมต้องยกมือขึ้นมาทึ้งศีรษะด้วยความปวดหัวเพราะไม่เข้าใจว่าที่จริงแล้วไนล์เป็นเด็กยังไงกันแน่

แต่แล้วความคิดบางอย่างก็สว่างวาบเข้ามาในหัว .. หรือว่าไนล์จะชอบไอ้เทมส์ ท่าทีที่ไนล์มีต่อมันจึงไม่เหมือนกับเวลาที่ไนล์อยู่กับผม

ผมส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับ ความรู้สึกหวงแหนแล่นพล่านขึ้นมาในอก แต่ผมก็ยังคงพร่ำบอกตัวเองว่าผมไม่เชื่อ ผมไม่ยอมรับ ผมรู้ดีว่าคนที่ไนล์ชอบและแอบรักอยู่คือตัวผมเอง ไม่งั้นไนล์จะมาอยู่กับผมทำไม และผมก็พยายามบอกกับตัวเองว่าสิ่งที่ไนล์แสดงอกกับไอ้เทมส์ต่างหากนั่นคือสิ่งที่หลอกลวง และผมก็มีหน้าที่ที่ต้องช่วยไม่ให้เพื่อนตัวเองตกหลุมพรางที่เด็กคนนั้นสร้างขึ้น

ผมจะเอาไนล์มาเป็นของตัวเองให้ได้ และผมก็จะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ว่า การที่ไนล์เข้ามาหาพาตัวเองเข้ามาอยู่ในชีวิตผมครั้งแล้วครั้งเล่านั่นก็เพราะเขาแอบรักผมอยู่

มันก็เหมือนกับที่มีคนบอกนั่นแหละว่าเรื่องบางเรื่อง หรือการกระทำบางอย่างนั้นไม่ควรเริ่มหรือทำให้เกิดขึ้นถ้ารู้ว่าตัวเองจะห้ามใจไม่ได้ ซึ่งผมได้ก้าวข้ามผ่านเส้นที่ว่านั่นมาแล้ว เพราะเมื่อผมได้แตะต้องไนล์หนึ่งครั้ง ความต้องการที่ผมมีต่อเขาก็กลับมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

แต่ผมไม่ใช่คนจนตรอกที่จะต้องบีบบังคับให้เขามาเป็นของผม และผมก็มีหนทางที่แยบยลกว่านั้นที่จะทำให้เขาเต็มใจเป็นของผมให้ได้ เพราะไม่ว่ายังไงผมก็ต้องดึงไนล์ออกจากไอ้เทมส์ ผมจะไม่มีวันยอมให้เพื่อนของผมถูกเด็กนี่หลอก หรือถูกปอกลอกให้ต้องเสียใจ

และผมจะเป็นคนหยุดทุกอย่างเอง ไม่ว่าไนล์จะเป็นเด็กยังไงก็ตาม

ผมไม่จำเป็นต้องหาคำตอบ เพราะสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ของผมมีเพียงแค่ ผมไม่ต้องการให้เพื่อนสนิทถูกหลอกเด็ดขาด และผมก็จะทำทุกทางเพื่อดึงเด็กไนล์ออกมา โดยเอาตัวเองนี่แหละเป็นเป้าหมายของเด็กนั่นแทน

.

.

To Be Continue

-------------------------------------------------------

**ย้ำอีกครั้งนะคะ เนื้อหาในบางฉากบางตอนของแช็ปเตอร์นี้มีการใช้ภาษาไม่เหมาะสม และมีความรุนแรงทางเพศและการใช้อารมณ์ ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ**

มันก็จะสวิงๆ เหมือนอารมณ์คนวัยทองหน่อยนะคะ ก่อนจะเข้าช่วงที่ผีบ้าออกจากร่างอิพี่ภู น่าจะอีกสองสามตอน ก็จะเข้าช่วงพีค อยากบีบมือทุกๆ คนให้อดทนไปพร้อมๆ กับเรา 5555555555

อย่าเพิ่งเทกันน้าาา เดี๋ยวก็ดีขี้นแน้ววว รอจั๊กกะติ๊ดจั๊กกะหน่อย ปล่อยให้พี่ภูนางเป็นผีบ้าผีบอไปก่อนเนาะ 555555555

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ สำหรับคอมเม้นท์เรายังคงรออ่านความเห็น คำติ-ชมจากทุกคนอยู่เสมอเด้อ ถ้ามีอะไรให้แก้ไขปรับปรุง บอกได้นะคะ เรายินดีรับฟังแล้วเอาไปพัฒนา (แต่ขอแบบซอฟต์ๆ หน่อยนะคะ อย่าว่าหนูแรง หัวใจหนูบอบบาง 555555)

ยังไงเจอกันตอนหน้าค้าบบ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และทุกกำลังใจนะคะ รักพวกคุณมากๆ อยู่ด้วยกันไปจนจบเรื่องเลยน้าาา .. เริ้บๆ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-11 : Universe 14th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 18-05-2020 20:26:53
อ่านต่อด้านล่างอยู่ที่ไหนมายังเอ่ยย

ลงให้แล้วค้าบบบ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-18 : Universe 15th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 18-05-2020 21:25:15
อยากอ่านอีก
อยากอ่านอีก

อิตาพี่ภู​ รีบจำน้องได้สักทีนะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-18 : Universe 15th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 19-05-2020 13:41:52
"....โดยเอาตัวเองนี่แหละเป็นเป้าหมายของเด็กนั่นแทน.... 555555555 ทำเนียนๆ ยอมตกหลุมเขาเลยสิ ดึงไม่ขึ้นนะ มีแต่หัวปักหัวปำ แล้วจะรู้เองละ 55555 พี่ภูผีบ้าจริงๆ แต่ก็แอบเข้าใจความผีบ้าของแกนะ เมื่อไม่รู้ ไม่มีใครบอก ก็คิดไปโน้นเลย ไปดาวอังคาร ไม่แปลกที่จะไม่พอใจหรือเข้าใจผิด เดี๋ยวเถอะๆพอรู้ความจริงจะหงายเงิบ 5555 ช่วยอย่าร้ายกับไนล์ได้ไหม เห็นละเหนื่อยแทน เหนื่อยแทนแกเนี้ยไอ้พี่ภู ย้อนแย้งในตัวเองสุด 55555 อยากอ่อนโยน เอ็นดู ต้องการเขานะแต่ก็ร้ายใส่ ถ้าเหนื่อยก็ทำตามใจเถอะอยากดีกับเขาก็ทำดี ไม่อยากร้ายก็ไม่ต้องร้ายนะคุณพี่ภู อย่างน้อยพี่แกก็ดีนะ ไม่ฝืนขืนใจไนล์ต่อ เอ้อจ้ารอให้เขาเต็มใจนะ มันถึงจะดี อิอิ สนุกกกกกกมากค่า อ่านต่อกันยาวเลย ขอบคุณนะคะที่แต่งมาต่อ รออ่านเสมอค่ะ รอตอนหน้าเลยจะไอ้พี่ภูจะมีความผีบ้าอะไรอีก จบ3เดือนไนล์ต้องไปพบจิตแพทย์ไหมเนี้ย ชักเริ่มห่วง 55555
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-18 : Universe 15th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-05-2020 15:30:19
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-18 : Universe 15th)
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 19-05-2020 20:19:26
อยากเอาน้ำมนต์​มาสาดผีบ้าในตัวพี่ภู
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-18 : Universe 15th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-05-2020 14:00:17
กลืนน้ำลายตัวเองแล้วพี่ภู
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-18 : Universe 15th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-05-2020 17:13:11
มาลองตามดู
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 25-05-2020 20:50:09
Universe 16th :  ตัวแปร


ผมไม่กล้าเข้าใกล้พี่ภูอีกนับตั้งแต่วันนั้น

ผมพยายามพาตัวเองออกมาให้ห่างจากเขามากที่สุด ผมรู้ว่าลึกๆ แล้วพี่ภูไม่ใช่คนใจร้ายอะไร ไม่งั้นวันนั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ผมรอดมาได้ทั้งๆ ที่เขามีโอกาสจะทำอะไรต่อมิอะไรก็เถอะ แต่ถึงแม้จะรู้อย่างนั้นผมก็อดกลัวเวลาพี่ภูโมโหจนขาดสติไม่ได้อยู่ดี ดังนั้น การอยู่ให้ถูกที่ถูกทางและห่างพี่ภูมากที่สุดนั่นแหละถึงจะเป็นสิ่งที่ผมควรทำในเวลานี้

แต่ที่น่าแปลกก็คือ กลับกลายเป็นพี่ภูที่พยายามจะเข้าหาผมแทน ซึ่งในเช้าวันนี้ก็เหมือนกัน

“ไนล์ ไปเอาจานมากินพร้อมกัน ไม่ต้องไปกินแยกในครัว”

ผมเหลือบมองคนพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก อยากปฏิเสธแต่ก็ไม่กล้า เพราะประโยคที่พี่ภูพูดไม่ใช่ประโยคบอกเล่า แต่ดูเหมือนจะเป็นประโยคคำสั่งมากกว่า ผมเลยตัดสินใจเอาป้ามลมาอ้างว่าจะไปกินเป็นเพื่อนแก แต่พี่ภูก็ใช่ว่าจะยอม

“แต่ว่าป้ามล...”

“ฉันสั่ง! ไปหยิบจานมา”

พี่ภูพูดเสียงเรียบแถมยังมองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกอีกต่างหาก ให้ผมต้องก้มหน้าเดินไปหยิบจานช้อนและแก้วน้ำอีกชุดมานั่งตรงข้ามกับพี่ภู และหลังจากตักข้าวใส่จานตัวเองเรียบร้อย ผมก็นั่งทานเงียบๆ พยายามทำตัวให้ล่องหนที่สุด เพราะไม่อยากให้พี่ภูหงุดหงิดใจ

“กินเสร็จแล้วจะพาไปห้าง ไปซื้อของใช้ในบ้าน แล้วก็ไปซื้อของใช้ให้นายด้วย”

และหลังจากที่นั่งทานไปได้พักใหญ่ พี่ภูก็พูดขึ้นให้ผมต้องเลิ่กลั่กเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะต้องออกไปไหนกับพี่ภู

“พี่ภูไปกับป้ามลดีกว่าไหมครับ ป้ามลน่าจะพอรู้ว่ามีของอะไรบ้างที่หมดแล้วต้องซื้อ เดี๋ยวไนล์จะซักผ้าแล้วก็ทำความสะอาดบ้าน..”

“ฉันว่า ฉันเพิ่งพูดว่าจะพานายไปซื้อของนะ” พี่ภูพูดพลางจ้องหน้าผมนิ่ง ให้ผมต้องรีบก้มหน้าหลบตาทันที “มันมีตรงไหนเข้าใจยากเหรอไนล์”

“ครับ ไนล์เข้าใจแล้ว”

“เดี๋ยวให้ป้ามลเช็คของใช้ในบ้าน แล้วนายก็จดมาว่าต้องซื้ออะไรบ้าง รวมทั้งของที่นายต้องใช้ด้วย ซื้อมาให้เสร็จ”

พี่ภูร่ายยาว ในขณะที่ผมตั้งท่าจะอ้าปากบอกว่าไม่ต้องซื้อของของผมก็ได้ พี่ภูก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

“อย่าเถียง” เขาจ้องหน้าผมดุๆ ทำเอาผมต้องหุบปากลงอัตโนมัติ “ส่วนเรื่องซักผ้ากับทำความสะอาดบ้านก็ให้ป้ามลเขาทำไป มันเป็นหน้าที่เขาอยู่แล้ว ไม่ต้องเหมามาทำเองเสียทุกอย่าง”

“ครับ”

“รีบๆ กิน จะได้รีบไป เดี๋ยวบ่ายกว่าแล้วห้างจะคนเยอะ”

“ครับพี่ภู”

ผมได้แต่นั่งกินข้าวเคล้าด้วยความไม่สบายใจ พักนี้พี่ภูพยายามพาตัวมาติดกับผมมากจนผมหวั่นๆ ไม่ใช่ว่าผมอึดอัดหรือไม่ชอบใจอะไร เพียงแต่ผมแค่ไม่ชินและก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางก็เท่านั้น

อีกอย่างผมก็รู้สึกว่าพี่ภูแปลกๆ ด้วย บางครั้งเขาก็ชอบมองหน้าผมแล้วก็ดูมีอะไรในใจ แต่ก็นั่นแหละ บางทีผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้

.

.

.

“อยากได้อะไรก็หยิบเอา แล้วค่อยไปจ่ายเงินทีเดียว”

พี่ภูสั่งตอนที่เข็นรถเดินตามผมที่กำลังเลือกซื้อของตามโพยที่ป้ามลจดมาให้ ตอนแรกผมบอกว่าผมจะเข็นเองพี่ภูก็ไม่ยอม เขาหาว่าผมขาสั้นแล้วก็เดินช้า ถ้าทั้งเข็นทั้งหยิบวันนี้มีหวังได้ถึงบ้านเที่ยงคืนแน่ๆ

เราสองคนเถียงกันอยู่นาน เพราะผมเองก็ไม่ยอมให้พี่ภูเข็น แหงล่ะจะให้ยอมได้ยังไงในเมื่อพี่ภูอยู่ในฐานะนายจ้างของผม จะให้นายจ้างมาทำอะไรแบบนี้ให้ลูกน้อง ผมก็ว่ามันออกจะประหลาดไปสักหน่อย

และในขณะที่ผมก็ดึงดัน พี่ภูเองก็ดุใส่ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน แต่สุดท้ายก็เป็นผมที่แพ้เมื่อพี่ภูพูดกับผมด้วยสีหน้านิ่งๆ ว่า


‘จะให้ฉันเข็นแล้วไปซื้อของดีๆ หรือจะต้องถูกจูบตรงนี้ก่อนถึงจะยอมได้ หื้อ?’


เท่านั้นล่ะ ผมปล่อยมืออกออกจากรถเข็นแล้วเดินลิ่วนำพี่ภูเข้าห้างทันที พร้อมกับแก้มและหน้าที่ร้อนฉ่าและขึ้นริ้วสีแดงเถือก

มันอดยอมรับไม่ได้จริงๆ ว่าคำพูดพวกนี้ของพี่ภูมักจะทำให้ผมใจเต้นแรง แม้พี่ภูจะพูดออกมาอย่างนั้นเอง เขาไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำตอนพูด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดเอามาเขินไม่ได้ ... ก็อย่างที่บอกแหละว่าความรู้สึกมันไม่เท่ากัน ยังไงคนที่รู้สึกมากกว่าก็เสียเปรียบวันยังค่ำอยู่แล้ว

สุดท้ายเรื่องก็ลงเอยตรงที่ว่าพี่ภูได้เป็นคนเข็นรถ ส่วนผมก็เป็นคนหยิบของลงรถ ตามคำสั่งของคุณผู้ชายของบ้าน

“ไม่เป็นไรครับ ไนล์ยังไม่มีอะไรต้องซื้อ ไว้เดี๋ยวถ้าของของไนล์หมด ไนล์ค่อยออกมาซื้อเองก็ได้ครับ”

พี่ภูหันมองผมดุๆ ก่อนจะพูดในสิ่งที่ทำให้ผมต้องลอบถอนหายใจ “ซื้อไปนั่นแหละ อย่าให้ต้องพูดหลายรอบ”

ผมที่กำลังจะอ้าปากเถียงก็ต้องหุบปากลงเมื่อเห็นว่าพี่ภูยังคงใช้สายตาดุดันมองผมไม่เลิก ผมตัดสินใจหยิบแชมพู ครีมนวดผม และโลชั่นที่ใช้ไปอย่างละขวด ตั้งใจว่าซื้อไปก่อน อะไรที่เป็นของส่วนตัวจริงๆ ค่อยมาซื้อทีหลัง ไม่ใช่เพราะอยากจะทำลิงหลอกเจ้าใส่พี่ภู แต่ของใช้บางอย่างของผมเป็นยี่ห้อที่เด็กไนล์หลานของแม่บ้านบ้านพี่ภูไม่น่าจะมีปัญญาซื้อใช้แน่ และถ้าขืนหบิยไปตอนนี้ มีหวังพี่ภูได้สงสัยจนเกิดเรื่อง

เราสองคนเดินเลือกซื้อของอยู่พักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ผมกับพี่ภูก็ต้องชะงัก และหาเจ้าของเสียงหวานๆ ที่จู่ๆ ก็ร้องเรียกพี่ภูมาจากฝั่งตรงข้ามโซนของที่เราเลือกซื้อไม่ใกล้ไม่ไกล

“คุณภูคะ.. คุณภู”

ผมหันมองตามสายตาพี่ภูจนไปหยุดที่ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอตัวสูง หุ่นดี และที่สำคัญก็คือสวยมากๆ สวยพอๆ กับคุณแพ็ตตี้เลย แต่ถึงแม้เธอจะดูดีเทียบเท่าคุณแพ็ตตี้แต่ผมว่าเธอมีบรรยากาศบางอย่างที่แตกต่างกับคุณแพ็ตตี้ของผมโดยสิ้นเชิง

เธอยิ้มหวานให้พี่ภูที่เดินเข้าไปทักทาย และตัวพี่ภูเองก็มีรอยยิ้มบางๆ ที่แสนสุภาพประดับอยู่บนริมฝีปากหยักด้วยเช่นกัน พี่ภูมองเธออย่างอ่อนโยน และเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงที่ผมไม่ได้ยินมานานแล้ว ... น้ำเสียงที่อบอุ่นของพี่ภู

“สวัสดีครับคุณรัน มาซื้อของเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ พอดีวันนี้ว่าง รันก็เลยมาซื้อของเข้าคอนโดสักหน่อย พักหลังยุ่งจนไม่มีเวลา ตอนนี้แทบจะเหลือแต่น้ำเปล่าติดตู้เย็น”

ผู้หญิงที่พี่ภูเรียกว่าคุณรันตอบพี่ภูเสียงหวาน สายตาที่เธอใช้มองพี่ภูดูก็รู้ว่าเธอพึงพอใจในตัวเขามากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่ได้รู้จักหรอกว่าคุณรันนี่คือใคร รู้แค่ว่าพี่ภูค่อนข้างให้เกียรติและดูอบอุ่นมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเริ่มพูดคุยกับเธอ

ผมยืนมองทั้งสองคุยกัน โดยที่ไม่รู้ว่าพี่ภูลืมไปแล้วหรือยังว่าผมยังยืนอยู่ตรงนี้ แต่ผมก็ไม่กล้าเอ่ยทักหรือขัดจังหวะอะไร มันไม่ใช่หน้าที่ของเด็กรับใช้ที่จะเอ่ยแทรกเจ้านายได้ ดังนั้น ผมเลยได้แต่ยืนก้มหน้ารอเงียบๆ ยืนฟังเขาสองคนคุยกันอย่างออกรส

“ผมไม่แปลกใจเลยครับที่ว่าคุณรันยุ่ง เพราะจากที่คุณรันให้คำปรึกษาเรื่องโปรเจ็คมิกซ์ยูสมา ทำให้ผมกับเทมส์ทำงานง่ายขึ้นมาก รู้เลยว่าทำไมคุณรันถึงได้เป็นโปรเจ็คเมเนเจอร์ของมิกซ์ยูสโครงการที่แล้ว”

“โถ่คุณภู” ผมเหลือบมอง ก็เลยทันได้เห็นคุณรันยื่นมือแตะที่แขนพี่ภูเบาๆ แล้วก็ต้องใจแฟบ เพราะพี่ภูไม่ได้ดึงแขนหนี แถมยังยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนด้วยซ้ำ “รันก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ อาศัยว่าศึกษาและทำงานกับโครงการนี้มานาน ก็เลยค่อนข้างที่จะรู้อะไรมากกว่าคนอื่น”

“นั่นแหละครับ คุณรันช่วยผมกับทีมได้มากเลย คุณแม่เองยังเอ่ยปากว่าสงสัยถ้าไม่ได้คุณรันมาช่วยเราคงแย่... ถ้ามีอะไรให้ผมกับบริษัทช่วยเหลือคุณรันได้บ้างทางเราก็ยินดีนะครับ”

“รันไม่มีอะไรให้คุณภูช่วยหรอกค่ะ แค่เลี้ยงข้าวรันสักมื้อ รันก็ดีใจแล้ว”

ผมยังคงยืนอยู่ตรงนั้นและได้ยินหมดทุกบทสนทนาระหว่างพี่ภูกับผู้หญิงคนนั้น และสิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้ก็คือพี่ภูเองก็ดู.. พอใจและประทับใจในตัวคุณรันอยู่ไม่น้อย เห็นได้จากการที่เขาแทบจะลืมไปเลยว่าผมยังคงยืนรออยู่ตรงนี้

และด้วยความที่พี่ภูกับคุณรันยืนอยู่ตรงติดทางที่เกือบจะเลี้ยว ทำให้กลายเป็นผมที่ต้องยืนอยู่ตรงมุมเลี้ยวอย่างเลี่ยงไม่ได้ และมันก็ไม่มีพื้นที่อื่นให้ผมยืนรอแล้วนอกจากตรงนี้ ซึ่งผมก็โดนคนเข็นรถชนแขนไปสองสามรอบแล้ว แต่ก็ยังคงไม่กล้าบอกพี่ภูเพราะกลัวโดนพี่ภูดุที่พูดแทรกขึ้นมาในขณะที่กำลังคุยกับแขกอยู่

“ได้สิครับ ยินดีมาก คุณรันว่างเมื่อไหร่ก็บอกผมได้เลย เดี๋ยวผมกับเทมส์เป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวคุณรันเอง”

“แต่เหมือนรันจะว่างวันนี้...” คุณรันแขกของพี่ภูเหลือบมองมาทางผมนิดหน่อย ให้พี่ภูต้องมองตาม “เอ่อ ว่าแต่นี่ใครหรอคะ? รันก็คุยเพลินเลย ลืมถามคุณภู .. น้องชายคุณภูหรอคะ?”

เธอยิ้มหวานดูเป็นมิตรให้ผม ผมเลยยิ้มตอบ นึกโล่งใจที่เธอเองก็ดูเป็นมิตรไม่น้อย ทำให้ผมคิดได้ว่าเธอคงใจดีไม่แพ้คุณแพ็ตแน่ๆ ซึ่งเอาจริงผมดีใจนะ ที่ผู้หญิงที่อยู่รอบๆ ตัวพี่ภูตอนนี้มีแต่คนน่ารัก เผื่อถ้าพี่ภูไม่มองหรือไม่สนใจผม แต่อย่างน้อยผมก็พอสบายใจได้ว่าทั้งคุณรันและคุณแพ็ตจะเป็นตัวเลือกที่ดี ที่ทำให้พี่ภูลืมคนรักเก่าได้

เพราะตั้งแต่กลับมาก็ไม่บ่อยนักหรอกที่ผมจะเห็นพี่ภูดูสุภาพและอ่อนโยนขนาดนี้

“อ๋อ...เปล่าหรอกครับ นี่เด็กที่ช่วยดูแลบ้านน่ะครับ พอดีวันนี้เขาจะออกมาซื้อของผมเลยพามา”

แต่พอหลังจากจบคำที่พี่ภูแนะนำ สีหน้าคุณรันที่เคยยิ้มแย้มก็เปลี่ยนไป เธอมองผมด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิม แถมยังกวาดมองไปทั่วตัวจนผมรู้สึกไม่ค่อยดี

“คุณภูหมายถึงเด็กรับใช้หรอคะ?”

“เอ่อ.. อ่อ ก็ทำนองนั้นครับ”

ผมก้มหน้าจนชิดอกเมื่อได้ยินพี่ภูบอกอีกฝ่ายไปแบบนั้น มันไม่ใช่ความรู้สึกน้อยใจหรืออะไร แต่มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกำลังถูกตัดสินจากผู้หญิงคนนั้นยังไงไม่รู้

“คุณภูใจดีจังนะคะ พาเด็กรับใช้ที่บ้านมาเดินซื้อของด้วย ถ้ารันได้เจ้านายแบบนี้นี่ดีใจตายเลย”

เธอพูดหยอกล้อด้วยน้ำเสียงสดใส แต่สายตาที่มองผมกลับเหยียดหยามจนผมรู้สึกชาไปทั้งตัว และเพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับสายตาของคุณรันเลยทำให้ผมไม่ทันระวัง เมื่อจู่ๆ ก็มีเด็กน้อยเข็นรถเข็นแล้วเลี้ยวออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชนเข้าที่แขนและมือผมเข้าอย่างแรง

“โอ๊ย!”

ผมเซจนเกือบจะหงายหลัง โชคดีที่พี่ภูหันมาทันเห็นจังหวะที่ผมโดนรถกระแทกพอดีเลยผวาตัวรั้งผมที่กำลังจะล้มไว้ได้ทัน

“ไนล์!”

พี่ภูรับผมไว้ได้พร้อมกับมองผมตาโต ผมเองที่มักจะเจ็บตัวง่ายแม้แค่โดนอะไรกระแทกเบาๆ ก็ขึ้นรอยแดงที่แขนทันทีแต่รอยแดงที่แขนก็ยังไม่น่ากลัวเท่าที่มือเพราะดูเหมือนมันจะแดงช้ำมากกว่ามาก ผมพยายามเอามืออีกข้างไปปิดไว้ แต่พี่ภูก็ยังคงมองเห็น พร้อมกับหันไปดุเด็กคนนั้นด้วยเสียงที่น่ากลัว

“นี่! พ่อแม่เราอยู่ไหน ทำไมปล่อยให้เราเล่นซนจนทำคนอื่นเจ็บตัวขนาดนี้! นี่ถ้าพี่เขาล้มหัวแตกมา จะรับผิดชอบไหวมั้ย ห๊ะ?”

เด็กน้อยที่น่าจะไม่ถึงสิบขวบดีถึงกับหน้าซีดพอเจอพี่ภูตวาด ให้ผมต้องรีบเอ่ยห้าม เพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะเกิดปัญหาบานปลาย

“พี่ภูครับ ไนล์ไม่ได้เจ็บเท่าไหร่หรอกครับ น้องเขาคงไม่ได้ตั้งใจ”

“ต้องรอให้หงายหลังหัวแตกก่อนหรือไงถึงจะเจ็บ ห๊ะ? ใจดีอะไรไม่เข้าเรื่อง นายนี่มัน.. ฮึ่ย”

ผมอมยิ้มบางๆ เพราะถึงแม้ว่าพี่ภูจะดุผม แต่เขาก็ยื่นมือมาลูบเบาๆ ตรงรอยแดงที่แขนผมอย่างอ่อนโยน แถมสายตาของเขายังเต็มไปด้วยความห่วงใย จนใจผมเต้นแรงไปหมด

“เดี๋ยวซื้อของเสร็จแล้วไปหาหมอ ไม่รู้กระดูกแตกมั้ย นายมันยิ่งเจ็บตัวง่ายอยู่ นิดหน่อยก็แดง นิดหน่อยก็เขียว”

ท้ายประโยคเขาบ่นงึมงำ แต่ผมก็ยังคงได้ยินชัดเจน ตอนนี้ใจผมฟูจนคับอก นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ภูดูเป็นห่วงผมจนออกนอกหน้าขนาดนี้

และในขณะที่พี่ภูกำลังดูอาการผมอยู่นั้น เด็กน้อยที่เข็นรถมาชนผมก็พูดแทรกขึ้นอย่างน่าสงสาร

“พี่ครับ ผมขอโทษครับ ผมไม่ทันได้มอง ผมไม่ได้ตั้งใจ”

พี่ภูตวัดสายตาดุๆ หันไปมองเด็กน้อย จนเด็กกลัวหัวหด ให้ผมต้องรีบเอ่ยแทรกก่อนที่พี่ภูจะองค์ลงอีกรอบ

“ไม่เป็นไรครับ เราไปเถอะ แต่ทีหลังอย่าเข็นรถเล่นซนในห้างแบบนี้อีกนะครับ มันอันตราย”

“ครับพี่ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมขอโทษนะครับ” เด็กน้อยยกมือไหว้ก่อนจะวิ่งออกไปอีกทาง ทิ้งให้ผมอยู่กับพี่ภูที่มองมาด้วยสายตาอ่อนใจ

“เป็นงี้ทุกที ใจดีอะไรไม่เข้าเรื่อง น่าจะดุให้ร้องไห้ไปฟ้องแม่ จะได้จำแล้วไม่ทำอีก”

“โถ่ พี่ภูครับ ไนล์ไม่เป็นอะไรจริงๆ นะครับ แดงแบบเดียวเดี๋ยวก็หาย หาซื้อยาทาก็น่าจะพอแล้ว”

ผมบอกปัด เพราะอันที่จริงมันก็เจ็บนิดหน่อย ผมไม่อยากไปโรงพยาบาลให้มันวุ่นวาย เกิดเขาถามชื่อถามนามสกุล เดี๋ยวจะบานปลายไปกันใหญ่ แค่ทายาก็น่าจะพอ

“ไม่...”

“คุณภูคะ”

และในขณะที่พี่ภูกำลังจะแย้งผม คุณรันที่ยืนมองเหตุการณ์มาโดยตลอดก็ขัดขึ้น เธอชวนพี่ภูอีกครั้ง และครั้งนี้มันก็ค่อนข้างชัดเจนว่าเธอ ‘ไม่ค่อยชอบผม’ เท่าไหร่ ไม่ชอบผมทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรให้นี่แหละ

“เขาบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกมั้งคะ เพราะส่วนใหญ่ที่รันเห็น เด็กรับใช้ที่บ้านรันนี่ค่อนข้างจะแข็งแรงเลยนะคะ เขาไม่น่าจะเจ็บอะไรมาก”

พี่ภูดูลังเล แต่คุณรันก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปง่ายๆ

“ยังไงวันนี้รันขอทานข้าวกับคุณภูสักมื้อได้ไหมคะ รันเองก็ว่างแค่วันนี้พอดีด้วย และถ้ามีโอกาสก็จะได้คุยเรื่องโปรเจ็คที่ค้างไว้ต่อได้เลยด้วย”

พี่ภูดูลำบากใจนิดหน่อย และก็เป็นผมเองที่ไม่อยากให้พี่ภูเสียโอกาสเพราะเห็นว่ามีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวด้วย

“ไม่เป็นไรครับพี่ภู พี่ภูไปกับคุณรันเถอะครับ เดี๋ยวไนล์นั่งแท็กซี่กลับเอง ไนล์กลับได้”

“แต่ว่า...”

“ไปกันเถอะค่ะภู เด็กรับใช้ที่บ้านภูบอกว่ากลับเองได้ ก็ไม่น่าจะยากอะไรหรอกมั้งคะ”

พี่ภูยังคงลังเล และพอเขาหันไปทางคุณวิรัลพัชร ผมก็ต้องก้มหน้านิ่ง ยอมรับว่าลึกๆ ในใจคาดหวังว่าเขาจะไม่ปล่อยทิ้งผม แต่แล้วยังไงล่ะ ในสถานะแบบนี้ผมมีสิทธิ์คาดหวังอะไรได้มากมายกัน

“เอางี้ได้ไหมครับคุณรัน” ผมเงยหน้าขึ้นทันที เมื่อได้ยินพี่ภูเกริ่นแบบนั้น “คุณรันรังเกียจไหมครับถ้าผมจะเลี้ยงข้าวเย็นคุณรันที่คอนโดผม ผมไม่อยากให้ไนล์เอาของเยอะแยะกลับบ้านเอง กลัวจะไปล้มลุกคลุกคลานกลางทาง”

“ไนล์ก็ไม่ได้ซุ่มซ่านขนาดนั้น” ผมบ่นอุบพุมพำให้พี่ภูได้หันมามองดุๆ อีกรอบ

“แล้วเดี๋ยวผมจะโชว์ฝีมือทำกับข้าวให้คุณรันทานเอง ถือเป็นการขอบคุณไปในตัวเลย”

ใจผมเสีย... ผู้หญิงคนนี้น่าจะทำให้พี่ภูรู้สึกดีจริงๆ ไม่งั้นเขาคงไม่ชวนไปที่คอนโดและเข้าครัวด้วยตัวเองแบบนี้หรอก

“เอาสิคะ รันอยากชิมฝีมือคุณภูอยู่พอดีเลย เคยเห็นคุณครินยาเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าคุณภูทำอาหารอร่อย .. โอกาสประจวบเหมาะพอดี ไงรันรวบกวนคุณภูสักมื้อนะคะ”

“ได้สิครับ”

ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันทำเอาผมพูดไม่ออก ตอนแรกก็รู้สึกแย่ที่ตัวเองอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ภูไม่ได้ไปเดทกับคุณรันตามลำพัง แต่กลายเป็นว่าผมกลับสร้างโอกาสที่จะทำให้คุณรันกับพี่ภูได้ทำความรู้จักสนิทสนมกันได้มากกว่าเดิมด้วยมื้อเย็นที่คอนโด

น่าแปลกที่ผมควรจะดีใจที่พี่ภูเริ่มเปิดรับใครใหม่ เพื่อที่เขาจะได้ลืมแฟนเก่าที่ทำร้ายเขาไปสักที แต่ทำไมใจผมมันถึงกลับเจ็บมากขนาดนี้ มากขนาดที่ว่าแผลที่แขนและมือไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรได้เลยสักนิด เพราะความเจ็บทั้งหมดมันถูกถ่ายไปที่หัวใจแทน

.

.

.

(อ่านต่อด้านหลัง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 25-05-2020 20:58:49
(ต่อจากด้านบน)


Kirin’s Part


ผมแอบถอนหายใจด้วยความอึดอัดเมื่อแยกมาขึ้นรถกับไนล์หลังซื้อของและตกลงกับคุณรันเสร็จ เพราะเธอเอารถมาด้วย ผมเลยเสนอให้เธอขับตามผมมาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาเอารถทีหลัง ตอนแรกเธอก็ไม่ยอมดึงดันจะมากับผมให้ได้ ผมนี่ต้องตะล่อมแล้วตะล่อมอีก เพราะแค่ที่ยอมให้เธอไปทานข้าวที่คอนโดด้วยนี่ ผมก็ถือว่าผมยอมมากเกินไปแล้วนะ ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เจ้าตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ นี่ ผมก็คงเลี่ยงและพาคุณรันไปเลี้ยงข้าวเย็นสักมื้อเพื่อตัดรำคาญไปแล้ว แต่นี่ไนล์ดันมาถูกรถเข็นชนแขนเสียก่อน ผมเลยไม่วางใจจะให้เขากลับคนเดียว ไหนจะของพะรุงพะรังมากมายที่ซื้ออีก

ส่วนคุณรันเองผมก็ไม่คิดว่าเธอจะตื๊อไม่เลิกขนาดนี้ ปกติผมเป็นคนไม่ชอบผู้หญิงที่วุ่นวายแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอคือคนที่ช่วยให้ผมกับไอ้เทมส์ทำงานได้ง่ายขึ้น เพราะประสบการณ์ที่เธอเคยทำโปรเจ็คมิกซ์ยูสมาก่อนนั้นช่วยผมกับไอ้เทมส์ได้มาก ดังนั้นการรักษาคอนเนคชั่นและความสัมพันธ์กับเธอไว้เป็นสิ่งที่ผมหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเธอขอให้ผมเลี้ยงข้าว ผมก็เห็นว่ามันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงอะไร เลี้ยงไปให้จบๆ เพื่อที่ในอนาคตเธอจะได้เกรงใจและไม่ขอในสิ่งที่ผมทำให้ไม่ได้ หรือลำบากใจที่จะทำอีก แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมต้องวันนี้เย็นนี้ และในเมื่อมันเลือกที่เลี่ยงลำบาก และผมก็ปล่อยให้ไนล์กลับคนเดียวไม่ได้ สุดท้ายก็อย่างที่เห็น

ผมต้องยอมให้คุณรันรุกล้ำความเป็นส่วนตัวที่ผมค่อนข้างจะหวงแหน เพรียงเพราะไม่อยากให้เด็กไนล์ที่กำลังเจ็บตัวหิ้วของพะรุงพระรังกลับคอนโดคนเดียว


‘แบบนี้เราควรเชิญคุณเทมส์มาด้วยดีไหมคะ?’


ผมหงุดหงิดทันทีตอนที่ได้ยินคุณรันถามแบบนั้น ผมเหลือบมองไนล์นิดหน่อยก็เห็นเด็กนั่นหลุกหลิกหลบหูหลบตาจนความไม่พอใจตีเข้ามาในอกผมเป็นระลอกๆ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจบอกปัด เพราะยังไม่อยากเจอไอ้เพื่อนตัวปัญหาตอนนี้ ซึ่งผมค่อนข้างแน่ใจเลยว่าถ้าชวนมันมา ผมคงได้อารมณ์เสียจนทำเสียเรื่อง เสียบรรยากาศแน่ๆ


‘ไม่ต้องหรอกครับ ช่วงนี้มันไม่ค่อยว่าง เดี๋ยวไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสเราค่อยไปพร้อมกันอีกรอบก็ได้ แล้วให้เทมส์มันเป็นเจ้ามือ’


คุณรันหัวเราะชอบใจทันทีที่ผมพูดจบ เธอส่งสายตาสื่อความหมายมาให้และผมก็ไม่ได้โง่มากจนมองไม่มอง ผมเดาว่าเธอคงคิดว่าที่ผมไม่ชวนไอ้เทมส์มาเพราะไม่อยากจะให้เป็นก้างขวางคอระหว่างเธอกับผม แม้ในความเป็นจริงแล้วมันจะไม่ใช่ แต่ผมก็ไม่ได้มีหน้าที่หรือความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปแก้ความเข้าใจผิดให้เธอ แค่รักษาความสัมพันธ์ไว้ในฐานะเพื่อนร่วมงานก็พอแล้ว ผมไม่คิดจะเกินเลยกับเธอมากไปกว่านี้แน่

“ที่จริงพี่ภูไปกับคุณรันก็ได้นะครับ ไนล์กลับเองได้”

เจ้าตัวเล็กที่นั่งข้างๆ ผมเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด ผมรู้ดีว่าไนล์ไม่อยากทำตัวเป็นภาระ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทำตัวเป็นภาระอะไร แต่เป็นผมเองที่ตัดใจให้เขากลับบ้านเองไม่ลง

“พูดมากน่า ฉันแค่อยากจะพาคุณรันไปทานข้าวที่คอนโด ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายสักหน่อย”

ผมชะงัก นึกหงุดหงิดตัวเองที่ชอบทำตัวปากไม่ตรงกับใจ ในขณะเองที่ไนล์ก็เงียบไปอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าน่ารักที่มักจะยิ้มแย้มเสมอในเวลานี้กลับสลดลง ก่อนที่เจ้าตัวจะปรับสีหน้าให้ดีขึ้น และพยายามพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่ใกล้เคียงกับคำว่าปกติที่สุดเท่าที่เจ้าตัวจะทำได้

“ขอโทษครับ ไนล์เข้าใจผิดไปเอง งั้นเดี๋ยวพอถึงคอนโดแล้วไนล์จะให้ป้ามลช่วยเตรียมของให้พี่ภูนะครับ”

“แล้วนายจะไปไหน?” ผมถามที่จู่ๆ ไนล์จะให้ป้ามลมาช่วย เพราะปกติช่วงหลังมานี้เจ้าตัวเล็กแทบจะทำหน้าที่ผูกขาดในครัวแล้วด้วยซ้ำ

“ไนล์จะไปจัดของที่ซื้อมาครับ”

“ไม่ต้อง” ผมห้าม นึกไม่ชอบใจที่ไนล์ทำเหมือนจะหลบหน้าผม “นายมาช่วยฉัน ส่วนของน่ะให้ป้ามลเก็บ”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ ฉันสั่ง ก็เอาตามนี้แหละ”

“ครับ”

ไนล์ทำหน้าหงอย ทำเอาผมที่พยายามจะใจเย็นต้องหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ กับอีแค่ให้ช่วยในครัวทำไมต้องทำท่าเหมือนจะเป็นจะตายด้วย ไม่เห็นระริกระรี้เหมือนตอนอยู่กับไอ้เทมส์เลยสักนิด

และพอคิดมาถึงตรงนี้ ความพลุ่งพล่านที่อยู่ในใจก็ปะทุขึ้นมาอีกรอบ

“แล้วเดี๋ยวเย็นนี้กินข้าวพร้อมกันกับฉัน กับคุณรัน ไม่ต้องแยกไปกินให้วุ่นวาย จะได้เก็บล้างทีเดียว”

และเพราะอยากจะแกล้ง อยากจะดัดนิสัยผมเลยแกล้งออกคำสั่งให้ไนล์มากินข้าวพร้อมกับผมกับคุณรัน จะว่าไปก็ไม่ได้จะแกล้งไนล์สักทีเดียวหรอก แต่ผมอยากจะแค่มีไม้ไว้กั้นเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินก็ด้วย

“แต่ว่า...”

“วันนี้นายจะพูดคำว่าแต่ว่าอีกสักกี่รอบกันไนล์ ฉันสั่งให้นายทำ นายก็ทำแค่นั้น มันจะยากอะไรนักหนาแค่กินข้าวพร้อมกันเนี่ย”

“ไม่ใช่นะครับ ไนล์ไม่ได้จะเรื่องมากหรืออะไร แต่ไนล์ไม่แน่ใจว่าคุณรันเธอจะโอเคหรือเปล่าที่จะให้เด็กรับใช้อย่างไนล์ไปนั่งร่วมโต๊ะด้วย .. เอ่อ เธออาจจะไม่ชอบใจ”

ผมถอนหายใจ เพราะเอาเข้าจริงผมก็พอมองออกอยู่บ้างว่าเธอดูจะไม่โอเคกับไนล์เท่าไหร่ แต่ถ้าคุณรันยังไม่แสดงท่าทีชัดเจนอะไร ผมก็ไม่อยากให้ไนล์ไปตัดสินเธอผิดๆ แบบนั้น มันค่อนข้างจะกล่าวหาเธอเกินไปสักหน่อย

“นายอย่าตัดสินคนอื่นแบบนี้” ผมปราม ไม่ได้ตั้งใจจะดุ แต่แค่อยากสอนอีกฝ่ายก็เท่านั้น “คุณรันเธอยังไม่ได้แสดงท่าทีอะไรแบบนั้นเลย อย่าคิดไปเองแล้วกล่าวหาคนอื่นแบบนั้น มันดูนิสัยไม่ดี”

ไนล์หน้าถอดสี ผมถึงเพิ่งได้รู้ตัวว่าตัวเองใช้คำที่ค่อนข้างแรงออกไป แต่ครั้นจะให้เรียกคืนตอนนี้ก็คงไม่ได้ เลยได้แต่หวังว่าไนล์จะเข้าใจเจตนาที่ผมอยากจะสอนมากกว่าจะตำหนิติเตียน

“ไนล์ขอโทษครับ” คนตัวเล็กกว่ายกมือไหว้อย่างมีมารยาท “ไนล์จะไม่คิดหรือพูดถึงคุณรันแบบนี้อีกครับ”

“ดี งั้นเย็นนี้ก็มากินข้าวพร้อมกัน เดี๋ยวฉันจะเป็นคนบอกคุณรันเอง”

“ครับ พี่ภู”

ผมลอบยิ้ม รู้สึกพอใจที่ไนล์เป็นเด็กว่าง่ายและเข้าใจอะไรได้ดี โดยที่ผมเห็นแต่ฉากหน้าเท่านั้น จึงไม่ได้รู้เลยว่าลึกลงไปแล้วนั้นข้างในของไนล์มันแตกสลายเพียงไหนกับคำพูดที่ไม่ทันได้คิดเพียงไม่กี่คำของผม

.

.

.

หลังจากทำอาหารเสร็จ คุณรันที่พอขึ้นรถได้ก็เกิดจะเปลี่ยนใจ โทรมาบอกผมว่าอยากจะขอกลับคอนโดไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วจะมาให้ทันมื้อเย็นที่คอนโดผม ซึ่งเธอก็เดินทางมาถึงก่อนเวลาทานอาหารเย็นนิดหน่อย และคุณรันก็ทำให้ผมต้องลอบยิ้มอย่างอ่อนใจเมื่อรู้ตัวว่าเสียรู้ให้เธอเต็มเปา

“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่รันมาช้านิดหน่อย พอดีรถรันเกิดงอแงน่ะค่ะ เป็นอะไรไม่รู้สตาร์ทไม่ติด รันก็เลยต้องนั่งแท็กซี่มาแทน เลยมาถึงช้ากว่าที่คิดไปนิด”

ผมรู้ว่าเธอโกหก ที่เธอไม่เอารถมาเพราะว่าเธอจะได้มีข้ออ้างให้ผมไปส่ง แต่ผมก็ต้องตามน้ำทำไม่รู้ไม่ชี้ไป ก็อย่างที่บอกว่าผมต้องรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเธอเอาไว้ก่อน เพราะเธอยังมีประโยชน์กับทีมเราไม่น้อย

“คุณรันก็ไม่น่าต้องลำบากเลยครับ คุณโทรมายกเลิกนัดผมแล้วเราค่อยไปทานอาหารกันวันหลังก็ได้ ผมไม่ซีเรียสอะไรอยู่แล้ว”

“ได้ไงคะ รันนัดคุณภูแล้วก็ต้องเป็นนัดสิคะ จะมายกเลิกหรือเทกันทิ้งกลางทางนี่รันไม่ทำเด็ดขาด” เธอยิ้มหวานพลางส่งสายตาให้ผม “แล้วเดี๋ยวไว้รันค่อยคิดเรื่องหาทางกลับ มันคงไม่น่าจะยากอะไร”

ผมเงียบ พร้อมกับส่งยิ้มบางๆ ให้เธอ ตัดสินใจไม่ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรทั้งนั้น เพราะรู้ดีว่าที่เธอไม่ได้เอารถมานั้นไม่ใช่ว่ารถเสียหรืออะไร แต่น่าจะเป็นเพราะเธออยากให้ผมไปส่งมากกว่า ซึ่งผมว่าผมเข้าใจไม่ผิด แต่ที่ผมเลือกจะเฉยๆ ไปนั้นเพราะผมไม่แน่ใจว่าหลังจากมื้ออาหารแล้วผมจะยังรักษาความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนร่วมงานกับเธออยู่หรือเปล่า ซึ่งถ้าเธอรุกหนักมากเกินไป ผมก็คงต้องขอบาย แต่ถ้าไม่ ผมก็ยังพอที่จะคีพคอนแทคกับเธอในเรื่องงานต่อไปได้ ดังนั้น ผมเลยเลือกที่ยิ้มและเงียบไว้เป็นการดีที่สุด

“งั้นเชิญที่โต๊ะอาหารดีกว่าครับ ไนล์น่าจะจัดโต๊ะเสร็จแล้ว”

ผมเชื้อเชิญคุนรันที่ตอนนี้กำลังสำรวจคอนโดผมเงียบๆ ไปที่โต๊ะอาหารที่อยู่ถัดเข้าไปด้านใน ไนล์ที่เพิ่งจะจัดโต๊ะเสร็จเรียบร้อยก็ถอยเข้าไปยืนอยู่ในครัวอย่างรู้หน้าที่เมื่อเห็นคุณรันมาถึง และพอทรุดลงนั่งกันเรียบร้อย ผู้หญิงหนึ่งเดียวของที่นี่ก็พูดขึ้นอย่างน่าฟัง

“อาหารที่คุณภูทำดูน่าทานจังเลยนะคะ”

“คงต้องให้คุณรันลองชิมดูก่อนครับ ไม่รู้จะถูกปากรึเปล่า” ผมเลื่อนจานอาหารไปใกล้ๆ เธอ พร้อมกับพูดต่อ “แต่ผมอยู่เมืองนอกมานาน อาหารที่ทำเลยจะรสชาดไม่ค่อยจัดแบบที่คนไทยชอบทานสักเท่าไหร่ โชคดีที่ได้ไนล์ช่วยทำ รายนั้นเขาเก่งเรื่องอาหารไทยหลายอย่างอยู่ครับ”

ผมแสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของคุณรัน ผมรู้ว่าเธอตั้งใจจะชมผม แต่ก็อย่างที่บอกจะให้ผมเทกเครดิตคนเดียวมันก็จะดูประหลาดเกินไปสักหน่อย ในเมื่อคนที่ลงมือทำส่วนใหญ่เป็นเจ้าตัวเล็กที่ยืนตัวลีบอยู่ในครัวนั่น ผมต่างหากที่เป็นแค่ลูกมือช่วยไนล์

“นั่นแหละค่ะ ก็คงต้องลองชิมดู” คุณรันพูดออกมาอย่างเสียไม่ได้ “แต่ถ้ามีคุณภูลงมือช่วยด้วย ยังไงรันก็คิดว่าต้องอร่อยมากแน่ๆ”

แต่สุดท้ายเธอก็จบสถานการณ์กระอักกระอ่วนนี้ได้ลงด้วยการหันมายิ้มหวานให้ผม ซึ่งผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มตอบเธอไป แต่แล้วก็มีเหตุให้คุณรันต้องหน้าหงิกอีกรอบ เมื่อผมเรียกไนล์ให้มาร่วมโต๊ะด้วยกัน

“ไนล์.. มาสิ มากินพร้อมกัน”

“ครับ” ไนล์พยักหน้ารับพร้อมกับเดินตัวลีบๆ เข้ามาอย่างว่าง่าย น่าจะเป็นเพราะถูกผมดุไปก่อนหน้าด้วยมั้ง ไนล์เลยไม่อยากอิดออดอีก

“เอ่อ.. คุณภูคะ คุณภูจะให้คนรับ เอ่อ.. ให้ไนล์มาทานอาหารร่วมโต๊ะกับเราด้วยหรอคะ?”

“อ่อ ครับ” ผมยิ้มให้คุณรันที่ตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่ามีสีหน้าติดจะไม่พอใจขึ้นมา “เพราะปกติไนล์กับผมก็ทานอาหารร่วมโต๊ะกันอยู่แล้ว หรือคุณรันไม่สะดวกยังไงหรือเปล่าครับ ผมจะได้ให้ไนล์ไปทานแยก”

ผมถามสุภาพสตรีหนึ่งเดียวตรงนี้อย่างสุภาพ เพราะรู้ดีว่าถ้าคุณรันอยากจะเอาใจผม เธอจะไม่มีวันปฎิเสธให้ไนล์นั่งแยกออกไปแน่ๆ ในเมื่อผมเกริ่นมาถึงขนาดนี้แล้ว แต่ผมกลับไม่ทันได้สังเกตเห็นเลยว่าสายตาอีกคู่ที่มองมายังผมนั้นเศร้าหมองแค่ไหน เมื่อเห็นว่าผมให้ความสำคัญแก่คุณรัน จนถึงขั้นให้เป็นผู้ตัดสินใจแทน

“ไม่ค่ะ รันไม่ได้ไม่สะดวกหรืออะไร รันแค่สงสัยเฉยๆ เพราะปกติที่บ้านรันไม่ได้ให้เด็กรับใช้มานั่งทานข้าวด้วยสักเท่าไหร่” คุณรันยังคงรักษาทีท่าได้ดีอย่างที่ผมคาด “กลัวอาหารจะไม่ถูกปากเขากันน่ะค่ะ กลัวจะทานอาหารแบบเราๆ ไม่ได้”

ผมยิ้มบาง “ไนล์ทานง่ายครับ ผมทานอะไรเขาก็ทานได้”

ผมมองไนล์ด้วยสายตาและพยักเพลิดให้เขามานั่งที่เก้าอี้ตัวข้างๆ เพราะตรงข้ามผมตรงที่ที่ไนล์นั่งประจำนั้น คุณรันนั่งอยู่ ไนล์ก็เลยเดินอ้อมมานั่งข้างผมแทน

คุณวิรัลพัชรไม่ได้พูดว่าอะไร ซึ่งผมก็ถือว่าเธอเก็บอาการได้เก่งและรักษามารยาททางสังคมได้ดีพอตัว ดังนั้น หากเธอไม่ล้ำเส้น ผมเองก็ยินดีที่จะรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจนี้ไว้ เพราะยังไงก็ถือว่าคุณรันเป็นอีกหนึ่งในมือโปรทางด้านโครงการมิกซ์ยูสที่บริษัทแม่ผมและบริษัทพ่อไอ้เทมส์ทำร่วมกันอยู่

มื้ออาหารมื้อนั้นผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะมีอึดอัดบ้างแต่ก็ไม่ได้แย่อะไร ที่แย่มากหน่อยก็เห็นจะเป็นเจ้าตัวเล็กที่เกร็งจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง และในขณะที่ไนล์กำลังเก็บจานเก็บชามและอุปกรณ์การกินต่างๆ เข้าครัวนั้น ตัวผมกับคุณรันก็นั่งคุยกันเรื่องโปรเจ็คงานเรื่อยเปื่อย โดยที่ผมก็เหลือบมองนาฬิกาเป็นระยะ และพอเห็นว่าถึงเวลาที่คุณรันควรจะกลับ ผมก็เลยคิดจะอ้าปากเตือน แต่เธอกลับขอบคุณสวนขึ้นมาเสียก่อน

“รันขอบคุณคุณภูมากเลยนะคะ วันนี้อาหารอร่อยมาก และถูกปากรันมากๆ ด้วย”

“ไม่เป็นไรครับคุณรัน ผมยินดี แล้วก็อย่างที่ผมบอกไป มื้อนี้หลักๆ ก็ไนล์เป็นคนทำ เขาทำอาหารเก่งผมเองก็ยังชอบทาน”

ผมเหลือบมองเจ้าตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บจานงุด แต่ดูจากตรงนี้ยังเห็นเลยว่าแก้มแดงก่ำ ท่าทางว่าจะได้ยินที่ผมชมแล้วก็เขินอยู่ไม่น้อย แต่คงแกล้งทำเป็นหูทวนลม เหมือนไม่ได้สนใจในสิ่งที่ผมกับคุณรันคุยกัน

“งั้นหรอคะ? ดีจังเลยนะคะ คุณภูดูใจดีกับไนล์มากๆ” เธอยิ้มบางๆ แต่สายตาไม่ได้สื่อความหมายอะไร ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยิ้มกว้างพอพูดประโยคถัดมา “แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณคุณภูอยู่ดีค่ะที่เชิญรันมาทานข้าวเย็น สงสัยวันหลังอาจจะได้มาขอฝากท้องอีกหลายมื้อ”

ผมลอบหัวเราะในใจ ไม่น่าเชื่อว่าคุณรันจะหาทางลงได้แนบเนียนจนผมปฏิเสธไม่ออก สุดท้ายเลยต้องตกปากรับคำไป

“ได้สิครับ ผมยินดี” ผมยิ้ม “คราวหน้ามากันทั้งทีมโปรเจ็คเลยก็ได้ จะได้สร้างความสนิทสนมกันด้วย”

คุณรันถึงกับหุบยิ้มไปหนึ่งจังหวะ แต่จากนั้นเธอก็ยิ้มรับพร้อมกับเออออ

“ดีเลยค่ะ ว่าแต่... ตอนนี้รันขอชาร้อนสักแก้วได้ไหมคะคุณภู ทานของคาวแล้วอยากได้จะชาอุ่นๆ จิบล้างปากสักหน่อย”

“อ่อ.. ได้ครับ สักครู่นะครับเดี๋ยวผมไปหยิบมาให้”

ผมทำท่าจะลุกขึ้น แต่คุณรันกลับรั้งข้อมือผมไว้ แล้วพอผมเหลือบไปมองไนล์ ก็เห็นว่าเด็กคนนั้นกำลังมองอยู่ และด้วยความอยากจะลองใจว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน ผมเลยตัดสินใจปล่อยเลยตามเลยให้คุณรันจับอยู่แบบนั้น

“รันอยากจะคุยเรื่องปรเจ็คกับคุณภูต่ออีกหน่อยน่ะค่ะ พอดีกำลังติดลม คุณภูให้เด็กรับใช้ไปเตรียมชามาให้รันแทนได้ไหมคะ?”

ผมหันไปมองไนล์เต็มตา เพื่อดูว่าเจ้าตัวที่ถูกเอ่ยพาดพิงจะทำตัวยังไง แต่ไนล์ก็ยังคงเป็นไนล์ เขาวางทุกอย่างในมือ ก่อนจะหันมารับคำสั่งด้วยสีหน้ายินดี

“ได้ครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมชามาให้คุณรัน ว่าแต่พี่ภูจะรับด้วยไหมครับ?”

“ไม่ล่ะ ฉันอิ่มแล้ว นายเอามาให้คุณรันคนเดียวก็พอ”

ผมบอกปัดก่อนที่ไนล์จะเดินเข้าไปในครัว ผมได้ยินเจ้าตัวเล็กจับนั่นหยิบนี่อีกนิดหน่อยก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับถาดที่มีถ้วยชากับจานรองแก้วไว้ในมือ

ไนล์เดินถือชามาให้คุณรันอย่างระมัดระวัง และถ้าดูจากควันที่พุ่งออกมาจากแก้วแล้วนั้น น้ำน่าจะร้อนไม่น้อย และในจังหวะที่ไนล์ค้อมตัวลงหันข้างให้ผม พลางละมือข้างหนึ่งออกจากถาดมายกถ้วยชาพร้อมจานรอง เพื่อวางให้คุณรันที่นั่งอยู่บนโซฟานั้น จู่ๆ ถ้วยชาก็คว่ำลงบนถาดจังหวะเดียวกับที่คุณรันยื่นมือไปรับถ้วยชา ทำเอาเธอกรีดร้องลั่นเพราะดูเหมือนชาร้อนๆ จะลวกมือเธอเข้าเต็มๆ ในขณะที่ไนล์เองก็สะดุ้งเฮือกและเผลอปล่อยถาดลงบนพื้นโครมใหญ่

“กรี๊ดดดด โอ๊ยยยย ร้อนค่ะ ร้อน!!”

ผมผลักไนล์ที่ตกใจหน้าซีด ยืนกุมมือขวางทางออกไปทันที ไนล์ล้มลงบนพื้นข้างๆ ที่ถาดเพิ่งจะหล่นลงไป ผมไม่ได้สนใจเลยว่าเด็กนั่นจะเจ็บตัวหรือจะโดนน้ำร้อนลวกใส่ หรือจะโดนแก้วบาดอะไรมั้ย เพราะพฤติกรรมที่ไนล์เพิ่งทำลงไปมันเป็นอะไรที่เกินจะรับได้

มองมาจากมุมนี้ยังไงผมก็เห็น ว่าไนล์ตั้งใจผลักแก้วชาให้ล้มเพื่อโดนมือคุณรัน

ผมโกรธมาก ก่อนที่จะตรงเข้าไปประคองคุณรันอย่างร้อนใจ ผมเธอร้องไห้สลับพึมพำว่าร้อนๆๆ ไม่หยุด ผมจับมือเธอขึ้นมาดูอย่างโล่งใจเมื่อเห็นว่ามันไม่ได้เป็นรอยแดงหรือรอยน้ำร้อนลวกอะไรขนาดนั้น โชคดีที่มันไม่โดนมือคุณรันตรงๆ ไม่งั้นผมคงรู้สึกผิดมาก ที่ปล่อยให้เด็กร้ายกาจอย่างไนล์แกล้งคุณรันด้วยวิธีอันตรายภายใต้หน้าตาใสซื่อแบบนี้

ผมตวัดสายตาหันไปมองไนล์ด้วยความโกรธจัด ในขณะที่เด็กนั่นยังคงทำหน้าตาใสซื่อได้อย่างแนบเนียน นี่ถ้าก่อนหน้าไม่มีเหตุการณ์ตอนคุณรันจับมือผม ผมก็พอจะเชื่ออยู่หรอกว่าไนล์ไม่ได้ตั้งใจหรือไนล์ไม่ได้ทำ นี่คงจะหึงหวงและอิจฉาคุณรันที่ได้ใกล้ชิดผมมากจนขาดสติ ถึงได้ทำอะไรร้ายกาจแบบนี้

“ไนล์!!!!!”

ไนล์ทำท่าจะลุกขึ้น แต่ผมผลักไหล่เด็กนั่นให้หงายลงไปอีกรอบ

“พี่ภูครับ นะ ไนล์ ไนล์ไม่ได้ทำ นะ.. ไนล์ไม่รู้ ไม่ได้ตั้งใจ ..ฮึก”

ไนล์เริ่มร้องไห้ และกุมมือทั้งสองข้างของตัวเองเอาไว้แน่น แต่แทนที่ผมจะสงสารผมกลับรู้สึกโมโหยิ่งกว่าเดิมที่โดนเด็กนี่ใช้หน้าตาซื่อๆ หลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!! ก่อนที่ฉันจะโมโหนายไปมากกว่านี้!!”

ผมตวาดลั่นจนไนล์กลัว คนตัวเล็กกว่าถอยหลังไปช้าๆ เพราะเห็นว่าท่าทีของผมเริ่มไม่ปกติ

“พี่ภู... ครับ นะ ไนล์.. ฮึก”

“ร้องไห้ทำไม?? ทำคนอื่นแล้วร้องไห้ทำไม? นายนี่มัน...”

ผมหลับตากัดฟันอย่างข่มใจ ก่อนจะได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงร้องเจ็บของคุณรันที่ผมประคองอยู่ผ่านเข้ามาในหู

“คุณภูคะ รันเจ็บค่ะ ฮึก.. ฮือออ”

“โอเคครับคุณรัน ผมขอโทษนะครับที่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น” ผมค่อยๆ ประคองเธอลุกขึ้นช้าๆ “คุณรันลุกไหวไหมครับ เราไปโรงพยาบาลกัน แล้วเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณรันที่บ้านเอง”

“รันลุกไหวค่ะ แต่.. ฮึก รัน.. รันตกใจ” เธอยังคงสะอึกสะอื้นและดูขวัญเสียมาก ผมเลยตัดสินใจช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มแทน

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมอุ้มคุณรันไป.. เราไปโรงพยาบาลกันนะครับ ให้หมอดูว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า”

“ฮือออ รันขอบคุณนะคะคุณภู” เธอเอนหน้าเข้าซบอกผม แต่ผมเป็นห่วงเธอเกินกว่าจะมาคิดเล็กคิดน้อย “มันร้อนมากๆ เลยค่ะ แล้วก็ชาด้วย”

เธอโอดครวญอย่างน่าสงสารจนผมนึกโมโหเลยปรายตาไปมองเด็กร้ายกาจนั่นที่ถอยไปแอบอยู่แถวๆ พื้นใกล้โซฟา

“ผมสิครับต้องขอโทษคุณรัน ขอโทษด้วยนะครับที่คนของผมทำคุณรันเจ็บตัวขนาดนี้” ผมพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะหันไปมองไนล์ตาขวางพร้อมกับพูดคาดโทษให้เด็กนั่นได้ยิน “ผมสัญญาครับคุณรัน ว่าผมจะจัดการลงโทษคนผิดให้สาสม คุณรันไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจัดการให้คุณรันแน่ๆ ผมสัญญา”

ไนล์นั่งตัวสั่นน้ำตาไหล หลังจากได้ยินสิ่งที่ผมพูดเต็มสองหู เด็กนั่นยังคงกุมมือตัวเองไว้แน่น ไม่รู้ว่ารู้สึกผิดที่ทำคนอื่นเจ็บด้วยสองมือนั่น หรือพยายามจะปกปิดผมกันแน่ว่าเป็นเพราะสองมือนั้นนั่นแหละที่ทำคนอื่นเจ็บตัว

“ไปครับเราไปหาหมอกัน”

ผมอุ้มคุณรันเดินออกมาจากห้องผ่านไนล์ที่นั่งอยู่ที่พื้นข้างโซฟาอย่างไม่ไยดี เด็กนั่นทำตัวแย่ และผมก็จะไม่คิดจะใจอ่อนสักนิดในการหาวิธีมาลงโทษให้ไนล์สำนึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ

.

.

.

To Be Continue

----------‐-----------------------------------------

น้องไนล์รึป่าวววว น้องไนล์ไม่น่ารักรึป่าววววว 55555555555

แชปเตอร์หน้าแม่น้องไนล์ต้องกำปืนไว้แน่นๆ นะคะ สปอยล์มากไม่ได้ เอาเป็นว่าถ้าไม่มีอะไรติดขัดจะมาลงให้วันศุกร์หรือไม่ก็วันเสาร์ละกันเนาะ ปล่อยไว้ให้ค้างคานานมันไม่ดี อิอิ

ไม่ขออะไรมากกก ขอแค่คนละหนึ่งเม้นท์หนึ่งกะลังใจ ไฟมันมาตอนเข้ามาอ่านที่ทุกคนคอมเม้นท์นี่ล่ะค่ะ อย่างที่เคยบอกไปละยืนยันคำเดิม ว่าพวกคุณคือกำลังใจที่ดีที่สุดในโลกของเรา ขอบคุณมากๆ นะคะ

ติ-ชมได้เหมือนเดิมค้าบ หนูพยายามจะเอาไปพัฒนาและปรับปรุง .. เจอกันตอนหน้าค้าบบบบ เริ้บๆ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 25-05-2020 21:02:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-05-2020 21:18:32
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 25-05-2020 21:23:35
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 25-05-2020 21:28:13
รอมาตั้ง7วัน​ น้ำท่วมค่ะอีพีนี้
ไม่มีโมเม้นพี่ภูกับน้องเลยยยย

อีกอย่างพระเอกบทจะโง่ก็โง่เอาๆ

ไนล์กลับบ้านเถอะลูก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 25-05-2020 22:13:09
ภูบทจะฉลาดก็ฉลาดล้ำ บทจะโง่ก็โง่ล้น คือเอาตรงๆๆๆขัดใจ พร้อมรำคาญ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-05-2020 22:20:54
 :pig4:
 :mew6:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: Ritawongishere ที่ 26-05-2020 01:19:36
โอ้ยยยย น่ารำคาญมากกก เมื่อไหร่จะหมดยุคที่นายเอกจะต้องคู่กับพระเอกที่มีนิสัยแบบนี้สักที เห้อออออออ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-05-2020 02:07:56
ไปตุ้ย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 26-05-2020 06:21:34
คนงี่เง่าแบบพี่ภูควรปล่อยๆ ให้แห้งตายไปนะคด น้องไนล์ไม่ควรมาทุ่มเทด้วย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 26-05-2020 12:08:39
ถ้าลงโทษเขาแล้ว ภายหลังรู้ความจริงว่าเขาไม่ได้ทำ มันเป็นการแสดงยอมเจ็บของนางแบบเนียนๆ คุณต้องรับผิดชอบให้สาสมกับสิ่งที่ลงโทษไปในวันนี้ให้ถึงที่สุดคืน x10 เท่านะไอ้คุณผีภู หึหึ ไนล์อ่ะอย่ายอมง่ายๆละถึงตอนนั้น การปลักปลำคนอื่นมันร้ายแรง ต้องสั่งสอน จำใส่ใจไว้ 5555555 ว่าแต่แกจะลงโทษเขายังไงอ่ะ แกไม่เห็นหรอแขนเขาแดงๆนั่นอ่ะ เบิกตาดู จะได้รู้ว่าเขาก็เจ็บเหมือนกัน เป็นไนล์นี่ต้องทน ถึกจริงๆนะ 555555 สนุกกกกกกก ไอ้ผีภูยังคงผี ผีบ้า รอเอาข้าวสารเสก คงหมดเป็นกระสอบมั้งผีถึงจะออกจากตัว 555555555 รอตอนต่อไปเลยค่า  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaWikit ที่ 26-05-2020 22:36:16
 :fire: :angry2:
อันนี้ พี่ภูหนักไปหน่อยนะ เป็นไอ้พี่ภูโง่เง่าแล้ว วันนี้ยังให้คุณรันตามมาเข้าพื้นที่ส่วนตัวอย่างกะเชิญชวนเชียว แถมยังปล่อยให้นางมาออกฤทธิ์ออกเดชกับน้องไนล์ของคนอ่านอีกด้วย หึหึ  :beat:
ฝากคนเขียนรีบมานะคะ เดี๋ยวไปทำระเบิดปิงปองมาไว้ปาพี่ภูก่อนนะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-05-2020 17:04:19
อิพี่มันโง่ก็ปล่อยให้โง่ไป แต่ถ้าฉลาดขึ้นมาอย่ามายุ่งกับน้องนะ เราจะไม่ยอมเด็ดขาด
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 27-05-2020 21:08:39
โอ๊ยยยยยยยยแม่ :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-29 : Universe 17th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 29-05-2020 20:28:42
** Warning : เนื้อหาบางฉากบางตอนในแช็ปเตอร์นี้ อาจมีความไม่เหมาะสมทางด้านการใช้ภาษา และความรุนแรงทางเพศ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญานในการอ่านและทำความเข้าใจด้วยนะคะ **


Universe 17th : ความเข้าใจผิด


ผมนั่งร้องไห้อยู่เงียบๆ อยู่บนพื้นตรงข้างๆ โซฟา ตั้งแต่พี่ภูออกจากห้องไปผมก็ยังไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลย เจ็บไปหมด เจ็บทั้งที่หัวใจ และเจ็บทั้งแผลที่มือ

ผมค่อยๆ คลายมือที่กุมอีกมืออีกข้างไว้ออก ก่อนจะพบว่ามันแดงมาก และผมก็ปวดแสบปวดร้อนไปหมด เดาว่าน่าจะเป็นเพราะมันไปลวกโดนกับแผลเก่าที่ถูกรถเข็นชนเมื่อเย็น ตอนนี้สภาพมือผมเลยโคตรแย่

ผมเจ็บจนน้ำตาซึม จะบอกพี่ภูก็ไม่กล้าบอก เพราะในสายตาของพี่ภูตอนนี้ผมคือคนผิด แถมยังเป็นคนน่ารังเกียจที่รังแกและทำให้คุณรันต้องเจ็บตัวเพราะความอิจฉาที่คุณรันได้มีโอกาสใกล้ชิดพี่ภูมากกว่าผม

ผมรู้.. ผมรับรู้ได้ด้วยสายตาทั้งหมดที่พี่ภูมองผมมานั่นแหละว่าเขาจงเกลียดจงชังกันขนาดไหน สำหรับเขาผมมันก็แค่เด็กหิวเงิน เด็กเจ้ามารยาที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ทั้งที่ความจริงแล้วผมไม่ได้อยากได้อะไรเลยนอกจากแค่หวังจะให้เขาดีขึ้นและมีความสุข กลับมาเป็นคนเดิมเหมือนที่เคยเป็นอีกครั้ง

ตอนแรกผมก็แอบดีใจนะ ผมแอบคิดว่าพี่ภูอาจจะคลับคล้ายคลับคลาจำผมได้ขึ้นมาบ้าง ถ้าเราได้ใกล้ชิดกันอีกนิด พี่ภูอาจจะฉุกคิดและจำผมได้ในที่สุด แต่จากที่เห็นวันนี้ เขายังไม่เปิดใจให้ผมเลยด้วยซ้ำ เขาฟังแต่สิ่งที่คุณรันบอก ทั้งที่มันไม่เฉียดใกล้ความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว

ความจริงที่ว่า.. คุณรันเองต่างหากที่เป็นคนปัดถ้วยชาที่อยู่ในมือผมให้หก แล้วก็หกมาในทิศทางที่ลวกลงบนมือผมเต็มๆ ผมมั่นใจว่าไม่มีแม้แต่ละอองน้ำหรือไอน้ำร้อนใดๆ อังโดนมือคุณรันเลยสักนิด เพราะมันหกมาทางผมทั้งแก้ว และมันก็ลวกมือผมแค่คนเดียว แต่เธอกลับร้องไห้และบอกกับพี่ภูว่าผมทำร้ายเธอ ในขณะที่แม้แต่คิดผมยังไม่กล้า ผมกลัวพี่ภูมาก แล้วผมน่ะเหรอจะกล้าทำร้ายแขกคนสำคัญของพี่ภูแบบนี้

หรืออาจจะเพราะคุณรันเป็นคนสำคัญ พี่ภูเลยโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง จนไม่ยอมฟังที่ผมอธิบาย

เป็นคนสำคัญที่ทำให้พี่ภูเปิดใจ และเป็นคนสำคัญที่ทำให้พี่ภูกลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง

ผมไม่แปลกใจเลยสักนิดถ้าพี่ภูจะหวั่นไหวกับผู้หญิงอย่างคุณรัน เธอทั้งสวย ทั้งเก่ง ทั้งมั่นใจในตัวเอง แถมยังดูเหมือนว่าเธอกับพี่ภูพูดคุยกันเข้าใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนแม้แต่เรื่องงาน

ผมได้แต่มองมือตัวเองที่ทั้งแสบทั้งร้อน ในใจคิดว่าควรต้องไปหาหมอ แต่ตอนนี้ผมไม่มีแม้แต่แรงจะลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ เลยได้แต่นั่งอยู่แบบนั้นโดยไร้วี่แววที่พี่ภูจะกลับมา

ผมหัวเราะเบาๆ อย่างนึกสมเพชตัวเองในใจ ผมน่าจะเดาออกตั้งแต่บนรถแล้วว่าพี่ภูยกให้คุณรันเป็นคนสำคัญแค่ไหน เพราะตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่พี่ภูก็ไม่เคยชวนใครมาทานข้าวที่คอนโดเลยยกเว้นคุณแพ็ตที่เป็นเพื่อนสนิท

และสิ่งที่ยิ่งตอกย้ำว่าคุณรันสำคัญแค่ไหนนั้นก็คงจะเป็นตอนที่ผมเกรงใจไม่อยากร่วมโต๊ะอาหารด้วยเพราะกลัวคุณรันจะไม่ชอบใจ พี่ภูกลับต่อว่าผมจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นอีกต่างหาก


‘อย่าตัดสินคนอื่นไนล์...คุณรันเธอยังไม่ได้แสดงท่าทีอะไรแบบนั้นเลย อย่าคิดไปเองแล้วกล่าวหาคนอื่นแบบนั้น มันดูนิสัยไม่ดี’


คุณรันคงเป็นคนที่พี่ภูแคร์มากจริงๆ

ผมได้แต่นั่งบีบมือที่แดงเถือกของตัวเองด้วยความเจ็บปวด จนรู้สึกว่ามันทนไม่ไหวถึงได้คิดจะลุกขึ้นไปหากล่องยาสามัญที่น่าจะอยู่แถวหน้าห้องน้ำมาใช้เบื้องต้น อย่างน้อยก็คงพอให้ทุเลาความเจ็บเพื่อรอเวลาให้ผมไปโรงพยาบาลไหวก็ยังดี


ออดดด~


แต่ในขณะที่ผมกำลังจะลุกขึ้นจากพื้นนั้น ออดหน้าประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน ผมรีบถลาไปที่ประตู และแอบคาดหวังว่าจะเป็นพี่ภูที่ผมรออยู่ เขาอาจจะรีบกลับมา หรืออาจจะเป็นห่วงผมบ้างสักนิดก็ได้

แต่พอผมเปิดประตูออกไปกลับเจอคนที่ทำให้ผมอยากจะร้องไห้ยิ่งกว่าเดิมแทน

“พี่เทมส์...”

ผมโผเข้ากอดพี่ชายตัวเองแน่น พี่เทมส์ดูงงๆ ในตอนแรก แต่พอได้สติเขาก็กอดผมตอบ ผมร้องไห้อยู่กับอกพี่ชายที่แสนจะปลอดภัย พี่เทมส์ลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจผมยกใหญ่ เขาไม่ถามอะไรผมสักคำ และรอจนผมสงบ เขาจึงได้เอ่ยปากขึ้น

“เข้าห้องก่อนเถอะไนล์ มีอะไรไปคุยกันข้างในนะ”

ผมพยักหน้าและปล่อยให้พี่ชายประคองกลับเข้ามาในห้อง โดยที่ผมเองก็ยังคงปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ ดูเหมือนว่าพอได้เห็นพี่เทมส์ผมยิ่งอยากจะร้องไห้หนักกว่าเดิม

พี่เทมส์พาผมมานั่งที่โซฟา เขานั่งลงก่อนและฉุดผมที่กำลังยืนอยู่ให้นั่งตาม แต่มันไปบังเอิญโดนเข้ากับแผลที่ข้อมือผมพอดี ทำให้ผมเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ

“โอ๊ย!”

“ไนล์เป็นอะไร?”

ผมกระตุกข้อมือข้างที่เจ็บออกจากการเกาะกุมของพี่ชายทันที ทำเอาพี่เทมส์ตกใจเป็นอย่างมาก เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเอื้อมมือมาจับข้อมือข้างที่ผมพยายามซ่อนไว้ข้างหลัง เพราะไม่อยากให้พี่ชายต้องมาเห็นหรือเป็นกังวลกับเรื่องของผม และผมก็ไม่อยากให้พี่เทมส์กับพี่ภูมีปัญหากันเพราะเรื่องของผมด้วย

ในเมื่อผมเป็นคนเลือกที่จะทำแบบนี้เอง ผมก็ต้องรับผิดชอบกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยตัวของผมเองเช่นกัน

“เปล่าครับ ไนล์.. ฮึก ไนล์ไม่ได้เป็นอะไร” ผมตอบพร้อมกับพยายามซ่อนมือข้างที่เจ็บไว้ข้างหลัง

“อย่าโกหกพี่ ยื่นมือที่ซ่อนไว้มาให้พี่ดูเดี๋ยวนี้ครับไนล์”

แต่ผมก็ลืมคิดไปว่านี่คือพี่เทมส์ พี่ชายที่อยู่กับผมมาตั้งแต่เกิด เลี้ยงดูทะนุถนอมผมมาโดยตลอด ผมไม่มีทางโกหกเขาได้เลย เพราะเขาคือคนที่รู้จักผมดีที่สุด รู้จักผมดีกว่าที่ผมรู้จักตัวเองด้วยซ้ำ แค่ผมผิดปกตินิดเดียวพี่เทมส์ก็จับสังเกตได้แล้ว

“ไนล์ครับ พี่จะไม่พูดซ้ำนะ” พี่เทมส์ย้ำด้วยน้ำเสียงเอาจริง หน้าตาหล่อเหลาของเขาเริ่มมีร่องรอยของความไม่พอใจเกิดขึ้นบ้างแล้ว ผมถอนหายใจก่อนจะยื่นมือข้างที่เจ็บออกไปให้พี่เทมส์ดู

และทันทีที่พี่ชายของผมเห็นรอยแดงขนาดใหญ่ปรากฎที่ข้อมือ สีหน้าของพี่เทมส์ก็เปลี่ยนไปเป็นโกรธขึ้งทันที

“ใครทำ? ใครเป็นคนทำ?”

ผมเม้มปากแน่น แต่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด ไม่รู้จะตอบคำถามพี่เทมส์ยังไง ให้อธิบายอะไรตอนนี้ก็แทบไม่มีแรงเลย

พี่เทมส์มองผมที่ไม่ยอมปริปากใดๆ ก่อนจะเผลอบีบข้อมือผมอย่างลืมตัวเพราะความโกรธ

“โอ๊ย พี่เทมส์ครับ ไนล์เจ็บ”

พอผมร้องบอกพี่เทมส์ก็เหมือนได้สติ ยิ่งพอเขาเห็นผมน้ำตาไหลไม่เลิก เขาเลยต้องเลิกล้มความตั้งใจที่จะเค้นเอาคำตอบจากผมแล้วเปลี่ยนเป็นทำอย่างอื่นแทน

“ช่างเรื่องนั้นก่อน ตอนนี้ไนล์ต้องไปหาหมอ พี่จะพาไนล์ไปหาหมอเดี๋ยวนี้”

ผมทำท่าจะปฏิเสธ แต่พอเห็นตาคมของพี่ชายจ้องมาดุๆ ผมก็หุบปากฉับ ประกอบกับความเจ็บที่ข้อมือ ทำให้ผมต้องเปลี่ยนใจรับคำแทน

“ครับ ไปหาหมอครับ”

พี่เทมส์พาผมออกจากห้องตรงดิ่งไปที่รถโดยไม่พูดอะไรอีก พี่เทมส์เองก็ดูโกรธมากจนผมไม่กล้าพูดอะไร จนกระทั่งพี่เทมส์ขับรถมาถึงโรงพยาบาลใกล้ๆ กับคอนโดของพี่ภู

ผมถูกพาตัวมาที่ห้องฉุกเฉินก่อนที่คุณหมอจะเข้ามาสอบถามอาการและให้พยาบาลเข้ามาทำแผลตามลำดับ และพอทำแผลเสร็จ คุณหมอก็เชิญผมเข้าไปคุยในห้องตรวจ โดยมีพี่เทมส์ตามเข้าไปติดๆ

“สวัสดีครับคุณหมอ น้องชายผมเป็นยังไงบ้างครับ?”

พี่เทมส์เอ่ยถามทันทีที่นั่งลงตรงข้ามกับคุณหมอสูงวัยท่าทางใจดี โดยมีผมนั่งนิ่งอยู่ข้างๆ คุณหมอมองผมสลับกับพี่ชายยิ้มๆ ก่อนที่จะเริ่มพูด

“ข้อมืออักเสบครับ ช่วงสองสามวันนี้พยายามอย่าใช้ข้อมือหนัก ส่วนแผลน้ำร้อนลวกไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ทายาสักสองสามวันก็น่าจะดีขึ้นครับ”

“ครับคุณหมอ” ผมพยักหน้ารับหลังฟังคุณหมอบอกจบ ในขณะที่พี่เทมส์ยังดูไม่สบายใจเท่าไหร่นัก

“เค้าไม่ได้เป็นอะไรมากแน่ใช่ไหมครับหมอ?” พี่เทมส์ถามย้ำ ให้คุณหมอต้องยิ้มกว้างก่ออธิบายอีกรอบ

“ไม่มากเท่าไหร่ครับ อย่างที่หมอแจ้งไปข้อมือที่อักเสบน่าจะเพราะถูกรถเข็นกระแทกมาไม่ได้แรงเท่าไหร่ แต่เพราะมันจะระบมช่วงวันแรกๆ เลยอาจจะเจ็บอยู่บ้าง ประกอบกับมาถูกน้ำร้อนลวกอีกเลยไปกันใหญ่ แต่ถ้าหมั่นทายา และทานยาหมอให้ไป ไม่กี่วันก็ดีขึ้นครับ ไม่ต้องกังวลนะ”

“แล้วนอกจากระวังเรื่องไม่ให้ใช้ข้อมือหนักแล้ว มีอะไรที่ต้องระวังเพิ่มไหมครับ” พี่เทมส์ถามคุณหมออีกครั้ง

“หลักๆ ก็เรื่องการใช้งานแหละครับ แล้วก็พยายามอย่ากด ทับ หรือบีบข้อมือแรงเกินไป เพราะมันอาจจะทำให้ระบมเพิ่มได้”

“โอเคครับ ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ”

พี่เทมส์ยกมือไหว้ขอบคุณคุณหมอให้ผมยกมือขึ้นไหว้ตาม ก่อนที่เราสองคนจะพากันออกมาจากห้องตรวจ แล้วไปจ่ายเงินพร้อมกับรับยา

ผมเดินตามพี่เทมส์ไปห่างๆ มือข้างที่ไม่เจ็บกุมข้อมือข้างที่พันผ้าพันแผลไว้เบาๆ พี่เทมส์ดูหงุดหงิดและอารมณ์ไม่ดีมากๆ ผมเคยเห็นพี่เทมส์เป็นแบบนี้ครั้งล่าสุดก็ตอนที่ผมถูกลูกค้าพูดจาลวนลามใส่ จำได้ว่าพี่เทมส์ด่าลูกค้าเปิง ทำท่าจะวางมวยกันเลยด้วยซ้ำ เขาด่าลั่นว่าต่อให้จ้างด้วยเงินสูงเท่าไหร่เขาก็ไม่เอา ถ้ามาดูถูกคนที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจเขาอย่างผม

เราสองคนขึ้นมานั่งบนรถ โดยที่ผมได้แต่เงียบ ก้มหน้างุดแถมยังเม้มปากแน่น พี่เทมส์ตอนนิ่งแบบนี้น่ากลัวยิ่งกว่าตอนดุผมเป็นร้อยเป็นพันเท่า

“เกิดอะไรขึ้นไนล์? เล่ามา อย่าให้พี่ต้องถามซ้ำ”

ผมเหลือบมองหน้าพี่ชายที่ตอนนี้แทบจะไม่มองผมเลยด้วยซ้ำ ผมรู้ว่าเขากำลังโกรธ แต่ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกัน ในเมื่อตอนนี้ที่พึ่งเดียวที่ผมมีคือเขา .. พี่ชายของผม

“พี่เทมส์ ไนล์จะเล่า แต่.. ฮึก แต่พี่เทมส์มองกันหน่อย อึก.. ได้ไหมครับ”

ผมพูดไปสะอื้นไปและยิ่งมาร้องไห้หนักตอนที่พี่เทมส์หันมาหาแล้ววาดแขนโอบผมไว้ทั้งตัวให้เข้าไปซุกในอกอุ่นๆ ที่แสนจะปลอดภัยของเขา

“ชู่ว ไม่ร้องครับ พี่อยู่นี่แล้ว”

พี่เทมส์กอดผมแน่น พลางลูบหลังลูบไหล่ปลอบผมไม่หยุด จนผมสงบขึ้น ผมเลยตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่เทมส์ฟัง แต่ก็คงไม่ใช่ทั้งหมด เพราะหลักๆ เลยผมไม่อยากเป็นสาเหตุให้พี่ภูกับพี่เทมส์ทะเลาะกัน แล้วยิ่งตอนนี้เขาทั้งคู่ยังต้องทำงานร่วมกัน งานที่เป็นโปรเจคใหญ่ของทั้งครอบครัวผมและครอบครัวของพี่ภู ผมจะเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้งานใหญ่พังไม่ได้

“วันนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นนิดหน่อยครับ ไนล์คงโชคไม่ดีเอง” ผมเริ่มเล่าในขณะที่พี่ชายผมนิ่งตั้งใจฟัง “ตอนกลางวันไนล์ไปซุปเปอร์ฯ กับพี่ภูแล้วถูกเด็กเข็นรถเข็นมาชนข้อมือ พี่ภูจะพาไนล์ไปหาหมออยู่แต่ไนล์คิดว่ามันไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“แล้วน้ำร้อนลวกล่ะ เกิดอะไรขึ้น?”

“อย่างที่ไนล์บอกแหละครับว่าไนล์โชคไม่ดี ตอนยกชาร้อนออกมาให้แขกพี่ภู ไนล์เผลอทำหกมันเลยลวกมือตัวเอง”

พี่ชายผมขมวดคิ้วฟังดูก็รู้ว่ามันโคตรไม่สมเหตุสมผลแต่ผมก็ทำตาใสยืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูด

แหงล่ะ มันจะสมเหตุสมผลได้ยังไง ในมื่อผมถือถาดสองมือ มือหนึ่งถือจานรองที่มีถ้วยชาวางอยู่ด้านบน อีกมือก็ต้องกำลังถือถาดอยู่ มือผมยังไม่สัมผัสถูกถ้วยชาสักนิดแล้วผมจะทำถ้วยหกได้ยังไง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหกรดมือตัวเอง

ผมไม่อยากจะโทษว่าคุณรันตั้งใจผลักถ้วยชาให้หกรดลงมาบนมือผม แต่จากการที่เธอกรีดร้องโวยวายทั้งที่น้ำร้อนจากถ้วยชาไม่ได้โดนมือเธอสักนิดนั้น ก็พอจะทำให้ผมเดาออก แต่การเจ็บตัวของผมนั้นยังไม่เท่ากับใจที่เหวอะหวะเพราะถูกพี่ภูตวาดและต่อว่า พี่ภูทำให้ผมไม่กล้าร้องสักแอะและบอกเขาว่าผมเจ็บแค่ไหน

นั่นคือสาเหตุที่ทำให้พอผมเจอพี่เทมส์แล้วปล่อยโฮขนาดนั้น

“แล้วไอ้ภูมันไปไหน ถึงต่อให้ไนล์จะเป็นแค่คนดูแล แต่ถ้าไนล์เจ็บขนาดนี้มันก็ควรจะใส่ใจพาไปหาหมอหรือหายาให้หน่อยไหม” พี่ชายผมพูดอย่างไม่พอใจ ผมเลยต้องรีบอธิบาย

“พี่ภูไปส่งคุณรันครับ คุณรันเธอไม่ได้เอารถมา พี่ภูเลยต้องไปส่งเพราะมันดึกแล้ว”

พี่เทมส์ขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย ก่อนจะเอ่ยถาม “คุณรัน วิรัลพัชร น่ะเหรอ?”

“ใช่ครับ ท่าทางสนิทสนมกับพี่ภูพอตัว เห็นบอกว่าทำงานร่วมกัน”

“อ๋อ พี่ก็รู้จัก ไม่น่าเชื่อว่าจะไปเจอกันได้”

“บังเอิญเจอที่ห้างน่ะครับ พี่ภูเลยชวนไปทานข้าวเย็นที่บ้าน” ผมพูดเสียงอ่อย “แล้วไนล์ก็ก่อเรื่อง”

พี่ชายผมโบกปัดมือไปมาเป็นเชิงว่าไม่ให้ใส่ใจ “ช่างเถอะ ไนล์อย่าคิดมาก” พี่เทมส์ยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ “ว่าแต่ที่ไนล์ร้องไห้ล่ะ มันยังไง?”

“อะ เอ่อ .. คือ คือไนล์เจ็บน่ะครับ พอเห็นพี่เทมส์ก็เลยร้องไห้ ดีใจไม่คิดว่าพี่เทมส์จะมา” พี่เทมส์ยิ้มบางให้ผม ก่อนที่จะดึงผมเข้าไปกอด

“โชคดีที่พี่มีธุระจะคุยกับไอ้ภูพอดีเลยไปหา ... เลยได้เจอว่าเจ้าตัวเล็กของพี่กำลังงอแง” พี่เทมส์กดจูบที่ขมับผมเบาๆ “โอ๋นะครับคนเก่ง ไม่ร้องไห้นะ”

ผมซุกหน้าเข้ากับอกพี่ชายที่ยังคงอบอุ่นและปลอดภัยเสมอ โดยพยายามกลั้นก้อนสะอื้นไม่ให้หลุดร้องไห้ออกมาอีกรอบ เพราะไม่อยากให้พี่ชายเป็นห่วง

“ไนล์คิดถึงพี่เทมส์ คิดถึงมากๆ เลย”

ผมกระชับอ้อมแขนของตัวเองให้กอดพี่เทมส์แน่นขึ้น ผมคิดทบทวนอยู่หลายรอบว่าควรยอมแพ้เรื่องพี่ภูดีไหม ผมเหนื่อยกับสิ่งที่เป็นอยู่เหลือเกิน แต่คิดอีกทีว่าถ้าพี่เทมส์ถามว่าทำไมผมอยากจะหยุด อยากจะพอ ผมจะตอบพี่เทมส์ว่ายังไง ผมโกหกเขาไม่ได้หรอก แต่ถ้าขืนพูดความจริง พี่เทมส์กับพี่ภูมีหวังทะเลาะกันแน่ ไหนจะโปรเจคของครอบครัวผมกับพี่ภูอีก ผมจะปล่อยให้มันมีปัญหาเพราะความเอาแต่ใจของผมเหรอ แล้วผมจะพูดมันออกไปได้ยังไง สุดท้ายการเดินหน้าต่อจึงกลายเป็นทางออกที่ผมเลือก

เราสองคนพี่น้องกอดกันอยู่แบบนั้นพักใหญ่จนผมสงบลง พี่เทมส์เลยเช็ดหน้าเช็ดตาให้ผม ก่อนจะเอ่ยบอกอย่างใจดี

“ป่ะ กลับกันดีกว่า ดึกแล้ว เดี๋ยวไอ้ภูกลับมาไม่เจอเราก็โวยวายอีก”

“ครับ”

ผมยิ้มรับบางๆ ก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักสายตา แต่กลับผล็อยหลับไป จนกระทั่งรถพี่เทมส์จอดสนิทที่หน้าคอนโดพี่ภู

“ไนล์ครับ ถึงแล้วครับ”

พี่เทมส์ปลุกผมที่งัวเงียให้ตื่นขึ้นมา พอเห็นคอนโดคุ้นตาผมก็ตื่นและพาตัวเองลงจากรถอย่างอ่อนเพลียโดยมีพี่เทมส์ตามลงจากรถมาด้วย

“ให้พี่ไปส่งข้างบนไหม?”

“ไม่เป็นไรครับ ไนล์เดินเข้าไปได้ พี่เทมส์กลับเถอะครับ ดึกแล้ว”

พี่เทมส์ยิ้มก่อนจะเดินเข้ามากอดผมให้ผมเองกอดตอบอีกฝ่ายแน่น เราสองคนถ่ายทอดความรักและความคิดถึงให้กันก่อนจะผละออก พี่เทมส์ลูบศีรษะผม ก่อนจะกดจูบมาที่หน้าผากผมเบาๆ ผมซึมซับเอาความรู้สึกดีๆ เอาไว้ จนถึงเวลาที่ผมคิดว่าพี่เทมส์ควรจะกลับได้แล้วจริงๆ

“ไปได้แล้วครับ ขับรถกลางคืนอันตราย”

ผมจับพี่ชายตัวเองให้หันหลังก่อนจะดันคนตัวโตกว่าไปที่รถ พี่เทมส์หัวเราะก่อนจะเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถไป

“พี่ไปนะครับ แล้วไว้เจอกัน”

“ครับ ไว้เจอกัน”

ผมมองไฟท้ายรถพี่เทมส์ไปจนลับตา ก่อนจะหันหลังเดินเข้าคอนโด โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่ามีสายตาอีกคู่กำลังมองตามหลังผมไปอย่างไม่พอใจจนถึงขีดสุด

.

.

.

ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องก็พบว่าไฟยังคงมืดสนิท แสดงว่าพี่ภูยังไม่กลับ ผมไม่แน่ใจว่าบ้านคุณรันอยู่ไกลแค่ไหน แต่นี่ก็จะห้าทุ่มแล้ว และในขณะที่คิดอะไรเพลินๆ และกำลังจะงับประตูห้องปิด ผมก็โดนมือใหญ่ผลักจนถลาเข้ามากลางห้อง ก่อนที่เสียงปิดประตูดังลั่นจะตามมาจนผมตกใจ พร้อมๆ กับที่ไฟสว่างขึ้นมา

“…พี่ภู”

ผมยืนงงอยู่กลางห้องนั่งเล่น โดยมีพี่ภูค่อยๆ สืบเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมเองที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก จู่ๆ ก็ถูกพี่ภูกระชากแขนข้างที่ไม่เจ็บเข้าหาเต็มแรง แล้วลากผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องนอนของพี่ภู

“พี่ภูครับ เดี๋ยวครับ นี่มันอะไรกันครับ?”

ผมขืนเท้าตัวเองเอาไว้ไม่ให้เดินไปตามแรงลาก เพราะรับรู้ได้ถึงสัญญาณอันตรายแบบที่ตัวเองเคยได้เจอไปเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ไม่นึกว่าการทำแบบนั้นของผมจะยิ่งทำให้พี่ภูโมโห เขาหันกลับมาแล้วช้อนตัวผมขึ้นอุ้มแนบอก จากนั้นก็เดินสาวเท้ายาวๆ เดินไปที่ห้องตัวเอง และพี่ภูในตอนนี้ก็ทำผมนึกกลัว และยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีกเมื่อเขาโยนผมลงบนเตียงนอน ก่อนจะตามมาคร่อมไว้อย่างรวดเร็ว

“พี่ภู.. ฮึก พี่ภูครับ ไนล์กลัว ไนล์ทำอะไรผิดอีกหรอครับ .. ฮึก ไนล์ขอโทษ”

ผมเริ่มร้องไห้เมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ผมตื่นกลัวไปหมด ร่างกายเริ่มดิ้นรนต่อสู้ แต่ผมสู้แรงคนที่คร่อมผมไว้ไม่ได้เลย

“กลัวงั้นเหรอ? หึ!” พี่ภูยื่นมือมาบีบคางผมแน่น สายตาที่จ้องมาทั้งโกรธและโมโหอย่างเห็นได้ชัด “กลัวแต่ปาก! อย่าคิดว่านายจะหลอกฉันได้ซ้ำสอง ฉันไม่มีวันโง่ให้นายเอาน้ำตามาขอความเห็นใจได้อีก!”

“ไนล์ขอโทษครับ .. ฮึก ไนล์ไม่รู้ว่าทำอะไรให้พี่ภูไม่พอใจ ฮืออ ไนล์ขอโทษครับ”

พี่ภูไม่ฟังที่ผมพูดเลยสักนิด เขาก้มลงมาซุกจมูกเข้าที่ซอกคอผม พร้อมกับลากริมฝีปากทั้งจูบ ทั้งกัด ทั้งขบเม้มจนผมเจ็บไปหมด โดยที่ผมทำได้แค่ขอร้องให้เขาหยุดทั้งน้ำตา

ได้แต่หวังลมๆ แล้งๆ ว่า พี่ภูจะได้สติและปล่อยผมไปเหมือนวันนั้น

“ฮึก.. พี่ภูปล่อยไนล์ไป ฮืออ ไปเถอะนะครับ” ผมพยายามใช้มือทั้งสองข้างดันตัวใหญ่โตของเขาออก และถึงแม้จะเจ็บมือข้างที่เพิ่งทำแผลมาแค่ไหน ผมก็ฝืนใช้มันดันไหล่พี่ภู “อึก.. ถ้าพี่ภูโกรธเรื่องคุณรัน นะ..ไนล์ ฮืออ ไนล์ขอโทษนะครับพี่ภู ฮึก พี่ พี่ภูปล่อยไนล์ไปเถอะนะ”

“อยู่เฉยๆ เป็นไหม ห๊ะ? อยู่ให้เฉยเหมือนตอนที่ยั่วให้ไอ้เทมส์กอด ไอ้เทมส์จูบน่ะ! ทำแบบนั้นบ้างสิ!”

ผมตกใจจนเผลอละมือที่กำลังดันไหล่พี่ภูออก เลยเหมือนเปิดโอกาสให้เขาจับล็อกมือทั้งสองข้างตรึงไว้กับเตียงนอน พี่ภูกำข้อมือจนผมเจ็บไปหมด แต่ตอนนี้ความกลัวมีมากกว่าทำให้ผมไม่กล้าร้องบอกอะไรออกไปอีก เพราะกลัวว่าจะทำใก้พี่ภูโกรธมากกว่าดิม

“พี่ภู..ฮึก พี่ภูกำลังเข้าใจผิดนะครับ” ผมพยายามอธิบายในขณะที่พี่ภูยังคงง่วนดับการลากริมฝีากไปทั่วไปหน้าและซอกคอ

เขาไม่ฟังผมเลย ไม่แม้สักนิด

พี่ภูรวบข้อมือผมทั้งสองข้างตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือเขามือเดียว และถึงแม้จะเป็นมือเดียวแต่เขาก็แรงเยอะกว่าผมมากด้วยขนาดร่างกายที่ต่างกัน ผมโดนบีบข้อมือจนเจ็บไปหมด โดยเฉพาะข้างที่อักเสบมันปวดตุบจนผมน้ำตาไหล ผมพยายามดิ้นรนแต่ก็เปล่าประโยชน์ ตอนนี้พี่ภูกำลังใช้มือข้างที่ว่างแกะกระดุมเสื้อผม แต่พอไม่ทันใจเขาก็กระชากเสื้อผมจนขาดมันบาดผิวเนื้อจนผมลนลานทำอะไรไม่ถูก

พี่ภูกวาดตามองร่างกายส่วนบนที่โผล่พ้นเสื้อที่ขาดกระจุยของผมด้วยสายตาในแบบที่ผมกลัว เขาไม่เหมือนพี่ภูที่ผมรู้จักเลยสักนิด และเขาก็ทำให้ผมกลัวกว่าเดิม โดยการก้มลงมาจูบและขบเม้มไปทั่วอก ไม่เว้นแม้ยอดถันสีอ่อนเล็กๆ เขาก็กัดลงมาจนผมสะดุ้ง และร้องออกมาด้วยความตกใจ

“โอ๊ย!”

ผมขยับตัวดิ้น ให้คนที่กำลังเล่นสนุกกับร่างกายผมออกอาการหงุดหงิด เขายืดตัวขึ้นมามองผมดุๆ ก่อนจะพูดแต่ในสิ่งที่ผมไม่อยากฟังออกมา

“หึ! ตอนนี้ก็ทำเป็นสะดีดสะดิ้ง ทำไม? จะเล่นบทอะไรอีก? ทำเป็นตัวสั่น ทำเป็นไม่เคยงี้หรอ? เหอะ! ไปหลอกไอ้เทมส์โน่น ฉันไม่โง่ให้นายปั่นหัวอีกแน่”

“พี่ภูครับ ฮึก.. ไนล์กลัวแล้ว ปล่อยไนล์ไปเถอะนะครับ ฮือออ”

ผมพยายามขอร้องอีกครั้ง แต่คนที่กำลังรังแกผมแค่ยิ้มเหยียด “พูดมาก! น่ารำคาญ!”

พี่ภูก้มลงมาประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากผมอย่างแรงจนเจ็บ เขาดูดดึง ขบเม้มอย่างจาบจ้วง แล้วพอผมไม่ยอมเปิดริมฝีปากให้ เขาก็กัดที่ริมฝีปากล่างผมซ้ำๆ จนผมเผลอเผยอปากออกเพราะความเจ็บ เขาแทรกลิ้นตัวเองเข้ามาทันที พร้อมกับกวาดต้อนไปทั่วโพรงปากผม ลิ้นเล็กๆ ของผมขยับหนีเขาอย่างจนตรอกแต่พี่ภูก็ไม่ยอมให้ผมหนีไปไหนได้ เขาตรงเข้าเกี่ยวกระหวัดและขยับริมฝีปากอย่างชำนาญ ผมพยายามดิ้นแต่ก็สู้แรงเขาไม่ไหว ในหูได้ยินแต่เสียงเฉอะแฉะของน้ำลาย มันเป็นจูบที่ผมไม่มีความสุขเลยสักนิด ในขณะที่ผมหนีพี่ภูก็เอาแต่ตักตวง แม้ผมจะเริ่มหายใจไม่ทันเขาก็ไม่ยอมหยุด จนสุดท้ายพอลมหายใจผมถี่กระชั้น เขาก็ยอมละริมฝีปากออก แต่ไม่ถึงเสี้ยวนาทีเขาก็ก้มลงมาจูบใหม่ จูบจนริมฝีปากผมเจ็บไปหมด


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-25 : Universe 16th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 29-05-2020 20:47:35
(อ่านต่อจากด้านบน)


พี่ภูยอมละริมฝีปากออกจากปากผมในที่สุด ก่อนจะก้มลงครอบริมฝีปากตัวเองลงบนยอดอกสีอ่อนของผมแทน เขากัดสลับกับเลียเบาๆ จนผมเสียววูบในช่องท้อง แม้ผมจะดิ้นรนและไม่ยอมแต่ผมกลับปฎิเสธการตอบสนองของร่างกายตัวเองไม่ได้ และก็นั่นทำให้พี่ภูได้โอกาสดูถูกผมอีกรอบ

“หึ! เริ่มเผยธาตุแท้แล้วสินะ!” เขาลากนิ้วจากกลางอกลงไปที่สะดือแล้วผ่านท้องน้อยลงต่ำ จนไปถึงขอบกางเกงยีนส์ และก็พูดในสิ่งที่ทำให้ผมตกใจและเริ่มดิ้นรนอีกครั้ง “ไม่ต้องห่วง รับรองฉันจะสนองให้นายแบบถึงอกถึงใจแน่ๆ”

เขาวางมือลงบนกลางตัวผม ผมตกใจและหวาดกลัวจนตัวสั่นไปหมด และเป็นอีกครั้งที่ผมตัดสินใจเทหมดหน้าตัก พูดขอร้องเขาอีกครั้ง

“พี่ ฮึก พี่ภู.. ไนล์ขอโทษครับ พี่ภู อึก พี่ภูอย่าทำอะไรไนล์เลยนะครับ ไนล์กลัวแล้ว ฮึก.. กลัวแล้วจริงๆ ฮือออ”

เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้ที่พี่ภูชะงักไป เขามองผมที่ร้องไห้ตัวสั่น และขอร้องเขาอย่างจนตรอกด้วยแววตาที่อ่อนลง เขาลูบหน้าตัวเองแรงๆ อย่างสับสน ก่อนที่เขาจะมองผมอีกรอบ กวาดตามองไปทั่วใบหน้าและผิวเนื้อที่โผล่พ้นเสื้อผ้าผมด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก

และในช่วงเวลานั้น พี่ภูก้มลงประกบริมฝีปากตัวเองลงมาบนริมใปากผมอีกครั้ง ผมสะดุ้ง แต่ก็สัมผัสได้ว่าจูบครั้งนี้ต่างออกไป มันอ่อนโยนลง และไม่จาบจ้วงเหมือนจูบที่ผ่านมา

พี่ภูละเลียดเล็มฝีปากผมช้าๆ แล้วผละออก ก่อนจะกระซิบชิดริมฝีปากผม

“อย่าดื้อ อย่าเกร็ง .. ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำนายเจ็บ” ผมยังคงตื่นกลัว เมื่อพี่ภูก้มลงมาจูบอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป

เขาละเลียดเลาะเล็มริมฝีปากผมช้าๆ ทุกจังหวะที่เขาขบเม้มหรือดูดดึงเป็นไปอย่างเชื่องช้า ไม่จาบจ้วง ไม่บังคับ เขาพร่ำจูบผมอยู่แบบนั้น ใช้ลิ้นเลียตามร่องปากที่ปิดสนิทผมเบาๆ ไม่นานผมก็หลับตาพริ้ม และเผยอริมฝีปากออกช้าๆ

พี่ภูค่อยๆ สอดลิ้นเข้ามา ราวกับกลัวว่าถ้าเขารีบร้อนแล้วผมจะตกใจ เรียวลิ้นร้อนของเขากวาดต้อนไปทั่วโพรงปากผมอย่างค่อยเป็นค่อยไป และค่อยๆ เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กของผมที่ยังคงกล้าๆ กลัว แต่ด้วยความอ่อนโยนที่พี่ภูมีให้ ทำให้ผมเผลอไผล และจูบตอบอีกฝ่ายไปอย่างไร้เดียงสา

ในหูของผมได้ยินแต่เสียงจูบของเรา เสียงเฉอะแฉะของน้ำลาย แต่ผมไม่ได้หวาดกลัวเท่าในตอนแรก เพราะตอนนี้พี่ภูไม่ได้บีบและตรึงข้อมือผมไว้อีกแล้ว เขาปล่อยมือทั้งสองข้างของผมให้เป็นอิสระ ในขณะที่ริมฝีปากเขาก็ยังคงวุ่นวายกับการบดจูบผมไม่หยุด เขายังคงกวาดต้อนและเก็บเกี่ยวความหอมหวานจากผมเหมือนคนไม่รู้จักพอ จนลมหายใจผมเหมือนจะขาดห้วง ผมถึงได้ยกมือขึ้นบีบไหล่เขาเบาๆ

พี่ภูยอมละริมฝีปากออกในที่สุด เขามองผมหน้าผมที่ตอนนี้กำลังหอบหายใจ ริมฝีปากบวมเจ่อเผยอออกเล็กน้อย นัยน์ตากลมคลอหน่วยไปด้วยน้ำใส ก่อนที่พี่ภูจะก้มลงมาแตะจูบเบาๆ ที่แก้มผม พลางกระซิบบอกด้วยโทนเสียงที่ผมชอบ … โทนเสียงของพี่ภูคนที่นั่งอยู่ในร้านไอศครีมในตอนเด็ก

“ยกแขนของนายคล้องคอฉันไว้ แล้วไม่ต้องกลัว”

ผมทำตามอย่างว่าง่าย ด้วยการค่อยๆ ยกแขนของตัวเองคล้องคอพี่ภู ก่อนที่เขาจะก้มลงมาหาผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป้าหมายของพี่ภูเปลี่ยนไปเป็นที่ซอกคอแทน เขาพรมจูบไปทั่วซอกคอของผม ความรู้สึกแปลกประหลาดวิ่งพล่านไปทั่วร่างกายผม … แต่เป็นความแปลกประหลาดในทิศทางที่ดี

พี่ภูแตะจูบ ลากเลื้อยริมฝีปากไปทั่ว บางทีเขาก็ขบเม้มดูดดึงเบาๆ ผมไม่รู้ว่าพี่ภูทำอะไร มันเจ็บจี๊ดแต่ก็ปนรู้สึกดีแปลกๆ พี่ภูทำให้ผมรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป เค้าลากลิ้นไปที่ติ่งหูของผมก่อนจะเลียเบาๆ ผมสะดุ้งโหย่งพร้อมกลับหลุดเสียงน่าอายออกมา

“อื้อออ”

พี่ภูหัวเราะเบาๆ ที่ข้างหูของผมก่อนจะกระซิบถาม “ชอบหรอ? ไนล์ชอบรึเปล่า?” เขาไม่ถามเปล่าแต่กลับใช้ลิ้นเลียติ่งหูผมอีกครั้ง ก่อนจะจบด้วยการจูบลงมาเบาๆ

“นะ.. ไนล์ไม่รู้ครับ อื้ออ”

ผมเสียววูบวาบในช่องท้อง ไม่รู้ว่าความรู้สึกพวกนี้มันคืออะไรแต่มันก็รู้สึกดีเกินกว่าจะบอกให้พี่ภูหยุดได้ และถ้าหากผมคิดว่าเมื่อกี้มันมากจนท่วมท้นในความรู้สึกผมแล้ว พี่ภูก็สามารถทำให้มันมากมากขึ้นกว่าเดิมอีกได้ ด้วยการลากริมฝีปากลงมาตามแนวไหปลาร้าและกลางอกของผม

เขาทำแบบเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเขาครอบริมฝีปากลงบนยอดอกสีอ่อนของผมก่อนจะออกแรงดูดเบาๆ ในขณะที่ยอดอกอีกข้างพี่ภูก็ค่อยๆ ใช้นิ้วสะกิดไปมา ผมสะดุ้งเฮือก เสียงที่หลุดออกมาราวกับไม่ใช่เสียงตัวเอง

“อ๊ะ อื้ออ”

และเหมือนพี่ภูจะยิ่งได้ใจเมื่อได้ยินเสียงครางของผม เพราะนอกจากเขาจะไม่หยุด เขายังเปลี่ยนมาดูยอดอกผมอีกข้างสลับกับการเลียเบาๆ ผมเสียวสะท้านไปทั้งตัว ทั่วร่างกายเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน จนไม่รู้จะหาทางระบายยังไง นอกจากสอดมือเข้าไปในกลุ่มผมของคนบนร่างแล้วขยุ้มเบาๆ

แต่เขาก็ยังคงไม่หยุดทรมานผม พี่ภูยังคงดูดย้ำๆ อยู่ที่ปลายถัน ผมเสียวจนแผ่นอกลอยคว้างไม่ติดที่นอน และทำได้แค่ส่งเสียงครางออกมาอย่างน่าอายแทน

“ชอบใช่มั้ย หื้ม?”

เขาหยัดตัวขึ้นมาถามผมหน้าซื่อแต่นัยน์ตากลับเป็นประกายราวกับรู้คำตอบดีอยู่แล้วแม้ผมจะไม่ได้ตอบอะไร และสภาพของผมตอนนี้คงน่าอายน่าดู ผมรู้เลยว่าผิวขาวๆ ของผมตอนนี้คงแดงเถือก เพราะผมรู้สึกร้อนไปร่าง ริมฝีปากบวมเจ่อ นัยน์ตาคลอไปด้วยน้ำใสเพราะแรงอารมณ์ ยอดอกทั้งสองข้างแข็งตึงขึ้นสีเข้มเล็กน้อยและเฉอะแฉะไปด้วยน้ำลายของพี่ภู

รวมไปถึงอวัยวะกลางร่างกายภายใต้กางเกงที่เริ่มปวดหนึบ


ถึงผมจะไร้เดียงสาไม่เคยกับเรื่องพวกนี้ แต่ผมก็รู้ดีว่าผมเป็นอะไร และสถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นยังไง


“อยากให้ฉันหยุดรึป่าว? ถ้านายไม่เต็มใจ ฉันจะหยุด ฉันจะไม่ฝืนใจนาย”

พี่ภูถามผมก่อนจะลูบแก้มผมเบาๆ ผมสับสนไปหมด ผมยอมรับผมว่าผมกลัว ผมไม่เคย แล้วไหนจะเรื่องตั้งท้องอีก ผมกังวลและมันคงแสดงออกทางสีหน้าทั้งหมด

“คือไนล์...” ผมอึกอักและไม่กล้าที่ตอบ จนพี่ภูเป็นคนเอ่ยปากขึ้นมาเอง

“ช่างเถอะ” พี่ภูผละออกจากตัวผม เขาฝืนยิ้ม ก่อนที่ทำท่าจะก้าวลงเตียง “คืนนี้ไม่กลับนะ ไม่ต้องรอ”

ผมถลาลุกขึ้นพรวดทันที พร้อมกับยึดข้อมือของพี่ภูไว้แน่น ภาพตอนหัวค่ำที่พี่ภูหันหลังเดินออกไปผุดขึ้นมาในหัว และผมก็อ่อนแอเกินกว่าจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกครั้ง

“พี่ภูจะไปไหนครับ?”

“ฉันอยาก แต่ฉันจะไม่บังคับนาย นายไม่ให้ ฉันก็แค่ต้องไปหาเอาจากข้างนอก แค่นั้น”

ใจผมวูบโหวงพอได้ยินพี่ภูบอกแบบนั้น และพอพี่ภูทำท่าจะเดินออกไป แรงที่รั้งข้อมือเขาไว้ก็มากขึ้นโดยที่ผมแทบจะไม่รู้ตัวเอง

สุดท้ายผมก็พูดมันออกไปจนได้ … พูดออกไปโดยที่ลืมคิดถึงผลที่จะตามมา

ผมอาจจะเหมือนคนโง่เง่าที่ยอมพี่ภูซ้ำซาก แต่ผมก็แค่รักเขาเท่านั้น ผมไม่มีเหตุผลอื่นใดมากไปกว่านี้เลย

“ตะ แต่ถ้าไนล์ยอม พะ.. พี่ภูจะอยู่กับไนล์ใช่ไหมครับ”

เขาหันมายิ้มอ่อนโยนให้ผม ก่อนที่จะดันผมนอนราบและกลับมาทาบทับบนตัวผมอีกครั้ง

“ใช่ ฉันจะอยู่กับนาย .. ทั้งคืน”

ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่เลือกที่จะวางมือทั้งสองไว้ที่ไหล่พี่ภูแทน

พี่ภูดึงเสื้อที่จะขาดแหล่ไม่ขาดแหล่ของผมโยนลงไปกองข้างเตียง ผมห่อไหล่และพยายามคู้ตัวทันทีเมื่อเห็นสายตาของพี่ภูมองมาราวกับถูกใจ เขาจ้องผมตาเป็นประกาย ในขณะที่ผมได้แต่เขินอายหลบสายตาและจ้องมองไปที่ไหล่พี่ภูแทน

“ไหน มองหน้าฉันหน่อย”

“ไม่เอาครับ นะ.. ไนล์อาย”

“อายอะไร หื้ม?” พี่ภูถาม แต่ไม่รอฟังคำตอบ เขาก้มลงซุกจมูกที่ซอกคอผมแทน

“พะ พี่ภู…”

เขาไม่ตอบ เพราะกำลังง่วนกับการขบเม้ม และลากริมฝีปากสลับกับกดจูบเบาๆ ไปตามแนวไหปลาร้าของผม ในขณะที่ผมได้แต่หลับตาแน่นเพราะความรู้สึกวูบวาบที่แล่นพล่านไปทั่วร่างทำให้ผมทำตัวไม่ถูก

พี่ภูหยัดตัวขึ้นอีกครั้ง เขาจัดการถอดเสื้อของตัวเองออกและนั่นก็ทำให้ผมต้องร้อนไปทั้งหน้า… พี่ภูหุ่นดีมาก และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นร่างกายของเขาเต็มๆ ตา กล้ามเนื้อหน้าท้องเรียงตัวสวย หัวไหล่กับช่วงแขนยาวเข้ากันได้ดีอย่างไม่มีที่ติ แล้วไหนจะผิวขาวๆ ของเขาอีก .. ให้ตาย พี่ภูมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบมากจริงๆ

และคนตัวโตกว่าก็ไม่ปล่อยให้ผมคิดฟุ้งซ่านนาน เขาก้มลงมาประกบจูบอีกครั้ง มันเป็นจูบที่อ่อนหวานในคราวแรกแล้วก็ค่อยทวีความเร่าร้อนขึ้น ริมฝีปากที่เผยอออกของผมถูกเรียวลิ้นร้อนของพี่ภูสอดเข้ามากวาดต้อนสำรวจไปทั่ว ผมจูบตอบเขาอย่างเงอะงะ แต่พี่ภูก็ใจเย็นพอที่จะค่อยๆ จูบนำ ลิ้นของเราเกี่ยวพันกันจนแนบสนิท เสียงจูบและเสียงหอบหายใจดังไปทั่วทั้งห้อง ในขณะที่จูบของพี่ภูก็ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ พอๆ กับมือใหญ่ที่ฟอนเฟ้น ลากเลื้อยไปทั่วตัวผม

เป็นอีกครั้งที่พี่ภูผละออก เขาก้มลงจูบแผ่นอกผมแวะสลับดูดดึงยอดอกสีอ่อนของผมทั้งสองข้างจนมันชูชันขึ้นมาอย่างน่าอาย ผมห้ามเสียงครางร้องของตัวเองไม่ได้เลย หนำซ้ำยังเผลอแอ่นอกเข้าหาริมฝีปากพี่ภูยามเขาผละออกอีกด้วย

“อ๊ะ..”

พี่ภูลากริมฝีปากกดจูบไปเรื่อยๆ ผ่านกลางอก ไล่ลงไปที่หน้าท้องผ่านแอ่งสะดือลงไปถึงท้องน้อย ก่อนจะจบลงที่ขอบกางเกงยีนส์

“ยกสะโพกหน่อยเด็กดี”

ผมทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะรู้สึกว่าตอนนี้กางเกงกับกางเกงชั้นในของตัวเองหลุดออกไปจากเรียวขาแล้ว ผมหนีบขาเข้าหากันทันทีด้วยความเขินอาย ผมไม่กล้ามองพี่ภูด้วยซ้ำ เลยไม่ทันได้เห็นว่าจังหวะที่ผมหันหน้าหนีนั้นร่างกายของพี่ภูเองก็เปลือยเปล่าไม่ต่างจากผม

พี่ภูแทรกตัวเข้ามาอยู่ตรงกลางระหว่างขาผม เขาจับแยกขาผมออก และสัมผัสที่ดุนดันอยู่ตรงสะโพกก็ทำให้ผมตาโต และยิ่งเหลือบตาลงไปมองยิ่งตกใจ ในขณะที่ภูมองไล่ไปทั่วตัวของผมโดยไม่มีเขินอายอะไรสักนิด ซึ่งพี่ภูคงรู้ว่าผมทำตัวไม่ถูก เขาถึงก้มลงมาจูบผมซ้ำๆ โดยที่ผมไม่ได้รู้เลยว่าเขากำลังเอื้อมมือค้นอะไรกุกกักที่ลิ้นชักข้างหัวเตียง

พี่ภูยังคงหลอกล่อผมด้วยจูบแสนหวาน พร้อมกับการรูดรั้งเป็นจังหวะที่แก่นกายของผม ตัวผมบิดเร้า ความรู้สึกทุกอย่างถาโถม ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยช่วยตัวเอง แต่ผมไม่คิดว่าการมีคนทำให้มันจะรู้สึกดีมากกว่าขนาดนี้ โดยเฉพาะคนที่ผมรัก

“อึก.. อ๊ะ พี่ภู”

คนที่คร่อมร่างผมละริมฝีปากออกจากริมฝีปากผม ทำให้ผมเผลอปล่อยเสียงครางออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนนี้พี่ภูวุ่นวายอยู่กับอวัยวะกลางร่างกายของผม ในขณะที่เขามองผมด้วยสายตาเป็นประกายราวกับชอบใจที่เห็นผมเป็นแบบนี้

เขายังคงขยับมือเป็นจังหวะอย่างเชี่ยวชาญ ในขณะที่สมองผมขาวโพลน ผมทำอะไรไม่ถูกสักอย่างได้แต่กำผ้าปูที่นอนแน่นราวกับต้องการระบายอารมณ์ ผมกัดริมฝีปากบวมเจ่อของตัวเองแน่น น้ำใสไหลคลอกลบอยู่ในหน่วยตาเต็มไปหมด

แต่แล้วมือใหญ่ของพี่ภูก็หยุดขยับ ผมมองคนที่กำลังมองผมอยู่เหมือนกันด้วยสายตาไม่เข้าใจ แต่แล้วสัมผัสเย็นๆ ตรงช่องทางด้านหลังก็ทำให้ผมต้องสะดุ้ง

“ไนล์.. ฉันไม่ไหวแล้ว”

พี่ภูพูดแค่นั้นก่อนจะจับผมอ้าขากว้างกว่าเดิม แล้วหยิบเจลที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหนละเลงใส่นิ้วตัวเอง และปาดลงบนช่องทางด้านหลังของผม

“พะ พี่ภู”

“ผ่อนคลาย อย่าเกร็ง”

พอจบคำพี่ภูก็ค่อยๆ ดันนิ้วที่ชุ่มไปด้วยเจลเข้ามาในช่องทางของผม ผมเจ็บจนสะดุ้ง และพยายามถดตัวหนีตามปฏิกริยาตอบสนองของร่างกายเมื่อมีอะไรแปลกปลอมเข้ามา แต่พี่ภูไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้น เขากดสะโพกผมไว้แน่น โดยที่พยายามเล้าโลมดึงความสนใจผมด้วยการก้มลงมาดูดเลียยอดอกทั้งสองข้างของผมให้อย่างเอาใจ ในขณะที่แทรกนิ้วเข้ามาในตัวผมเรื่อยๆ จากหนึ่งเป็นสอง และจากสองเป็นสามในที่สุด

ผมที่กำลังหลงละเมอไปกับการปรนเปรอจากริมฝีปากของพี่ภูก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อนิ้วที่อยู่ในช่องทางเริ่มขยับ พี่ภูขยับนิ้วเข้าออก จากที่เจ็บในครั้งแรกก็เริ่มชินเมื่อพี่ภูยังคงเล้าโลมผมด้วยริมฝีปากไม่หยุด เขาขยับนิ้วอยู่อย่างนั้นจนความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นอีกความรู้สึกที่ผมบรรยายออกมาไม่ถูก แต่มันรู้สึกดีจนผนังอุ่นด้านในตอดรัดไม่หยุด

“โคตรแน่น แม่งเอ๊ย! นี่ขนาดแค่นิ้ว”

พี่ภูบ่นพึมพำอะไรสักอย่างที่ผมฟังไม่เข้าใจ ตอนนี้ผมสนใจแค่นิ้วที่ขยับเข้าออกอยู่ในช่องทางกับความปวดหนึบของแก่นกายของตัวเอง มันปวดจนผมต้องเอื้อมมือลงไปช่วยตัวเองรูดรั้ง แต่พี่ภูกลับปล่อยมือที่กดสะโพกผมออกแล้วใช้มือข้างนั้นรูดรั้งแก่ยกายให้ผมแทน

เมื่อถูกปรนเปรอจากมือใหญ่จากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หัวสมองผมก็ขาวโพลน ได้แต่บิดตัวและส่งเสียงครางน่าอายเพราะแรงอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แต่แล้วจู่ๆ นิ้วที่ขยับเข้าออกอยู่ในช่องทางด้านหลังก็ถูกถอนออก ความวูบโหวงเข้ามาแทนที่ แต่พี่ภูก็ยังคงขยับมือรูดรั้งให้ผมไม่หยุด ในขณะที่พี่ภูที่อยู่ตรงกลางหว่างขาที่อ้ากว้างของผมจะขยับเข้ามาใกล้ ก่อนที่เขาจะก้มลงมาจูบผม พร้อมทั้งกระซิบย้ำไปย้ำมา

“ฉันไม่ไหวแล้ว ขอฉันเข้าไปนะ”

จบคำพี่ภูแก่นกายใหญ่โตของพี่ภูที่ชะโลมชุ่มด้วยเจลก็ค่อยๆ ดันเข้ามา แม้มันจะเข้ามาแค่ส่วนหัว แต่ผมก็เจ็บมากจนเหมือนตรงนั้นจะฉีกขาด ผมพยายามดันหน้าท้องพี่ภูให้เขาขยับออก แต่พี่ภูก็ไม่ให้ควมร่วมมือสักนิด เขายังคงดันมันเข้ามาช้าๆ ผมเจ็บจนน้ำตาไหล ปากที่เพิ่งเป็นอิสระจากการถูกพี่ภูจูบก็พร่ำขอไม่เลิก

“พี่ภู..อึก ไนล์เจ็บ เอาออกไปเถอะนะ อึก.. นะครับ”

“ชู่วว อย่าเกร็ง ไนล์ ผ่อนคลายหน่อย .. อย่าเกร็ง”

พี่ภูก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง ในขณะที่มือใหญ่ก็รูดรั้งแก่นกายเล็กของผมไม่หยุด เขาพยายามเบนความสนใจและก็ทำได้ดีจนสามารถดันท่อนเนื้อของตัวเองเข้ามาได้จนสุดลำ

“แม่ง!”

พี่ภูสบถออกมาทันทีที่เข้ามาในตัวผมได้ ในขณะที่ตัวผมเองเจ็บจนน้ำตาริน โชคดีที่พี่ภูยอมแช่ตัวไว้อยู่แบบนั้นไม่ได้ขยับในทันที จนผ่านไปสักพักเขาก็จูบผมอีกครั้งก่อนจะถามเบาๆ

“หายเจ็บหรือยัง? ถ้านายไม่ให้ฉันขยับทั้งๆ ที่ทั้งตอดทั้งแน่นขนาดนี้ ... อีกไม่นานฉันต้องเสร็จแน่ๆ”

คนตัวโตถามผมด้วยสีหน้าทรมาน ในขณะที่ผมเองก็ไม่ได้เจ็บเท่าตอนแรกเลยพยักหน้าช้าๆ ซึ่งนั่นก็เหมือนทำให้ความอดทนของพี่ภูสิ้นสุดลง เขาโถมกายเข้าหาผมอย่างบ้าคลั่ง จับขาผมแยกออกกว้างกว่าเดิมและกระแทกกระทั้นเข้ามาไม่หยุด

ผมที่เจ็บในทีแรก จู่ๆ ความรู้สึกก็เปลี่ยนไป เมื่อแก่นกายของพี่ภูกระแทกโดนจุดๆ หนึ่งที่ทำให้ผมเสียวสะท้านจนเผลอหลุดคราง

“อ๊ะ อ๊า”

“ตรงนี้หรอ หื้ม?”

ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ดูเหมือนพี่ภูจะรู้ดี เขากระแทกเข้ามาไม่หยุด กระแทกจนตัวผมที่ทอดกายอยู่ใต้ร่างเขาสั่นคลอนไปทั้งตัว ในขณะที่มือใหญ่ก็ช่วยปลุกเร้าแก่นกายของผมที่สงบไปตอนที่ผมเจ็บมากๆ ให้กลับมาแข็งขืนอีกครั้ง ซึ่งมันก็ใช้เวลาไม่นานเลยสักนิด พี่ภูก้มลงมาจูบที่ปากสลับดูดยอดอกที่แข็งตึงของผมไม่หยุด ผมที่ถูกปรนเปรอจากทุกทางเสียวสะท้านไปทั้งตัว ในหูได้ยินแต่เสียงหยาบโลนของผิวเนื้อที่กระทบกัน และถึงแม้อุณภูมิของเครื่องปรับอากาศจะเย็นแค่ไหนก็สามารถบรรเทาความร้อนของเพลิงอารมณ์ระหว่างผมกับพี่ภูในตอนนี้ได้ มันราวกับผมจะมอดไหม้ได้ทุกเมื่อเมื่อพี่ภูขยับกายสอดใส่เข้ามา

พี่ภูกระแทกซ้ำๆ เข้ามาที่จุดเดิม จนแก่นกายที่แข็งชันของผมปริ่มน้ำใส ภายในช่องท้องกระตุกเกร็ง และรู้สึกเหมือนปลายทางจะอยู่ไม่ไกล

“ไนล์ อึก.. ไนล์จะเสร็จครับ”

ผมร้องบอกพี่ภูและหลังจากพี่ภูโถมกายเข้ามาอีกไม่กี่ครั้ง ผมก็ปลดปล่อยตัวตนออกมาจนหมดสิ้น หัวสมองขาวโพลน รู้สึกเหมือนตัวเองลอยขึ้นสูงและร่วงหล่นลงมาอย่างมีความสุขพร้อมๆ กับเสียงครางที่หลุดออกมาจากลำคอ

“อีกนิดนะไนล์ อึก.. อีกนิด”

พี่ภูจับขาผมพาดไหล่ และกระแทกเข้ามาอย่างหนักหน่วงจนตัวผมสั่นคลอน ผมที่เพิ่งหมดแรงจากการปลดปล่อยเลยได้แต่นอนนิ่งๆ ให้พี่ภูโถมกายเข้ามาไม่หยุด เขาดึงแก่นกายของตัวเองออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกแรงๆ สวนกลับไปใหม่ ทำแบบนี้อยู่สองสามรอบแล้วผมก็สัมผัสได้ว่าพี่ภูตัวกระตุก จากนั้นความอุ่นร้อนก็ฉีดเข้ามาในช่องทางพร้อมๆ กับเสียงครางต่ำอย่างสุขสมของพี่ภู

“อาาาาาาห์”

และมันเป็นวินาทีเดียวกันกับที่ผมเพิ่งตระหนักได้ถึงตัวตนของพี่ภูที่ไหลย้อยออกมาจากช่องทางของผมช้าๆ

พี่ภูไม่ได้สวมถุงยางอนามัย เขาไม่ได้ป้องกันอะไรตอนร่วมรักกับผม

.

.

.

To Be Continue

------------------------------------------------

//ยืนเหม่ออยู่หน้าบ้านพี่เทมส์

คอมเม้นท์ตอนที่แล้วพุ่งทะยานมาก ด่าอิพี่ภูซะส่วนใหญ่ 5555555555 จัดมาได้ค่ะ จัดมาอีก (แต่อย่าด่านุ ใจนุบาง นุมั่ยสู้คน 55555) คราวนี้ขออีกคนละเม้นท์เหมือนเดิมน้า ครั้งที่แล้วกำลังใจมาเต็ม ปั่นตอนต่อไปสามวันจบ ถ้าเที่ยวนี้ได้กำลังใจดีๆ วันจันทร์หน้าเราจะมาลงตอนต่อไปให้ค่ะ

เพื่อแทนคำขอบคุณและตอบแทนกำลังใจที่ดีจากพวกคุณ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ แล้วเจอกันตอนหน้าคับ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-29 : Universe 17th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-05-2020 21:55:44
ง่าา เสร็จอีพี่ภูซะแล้ววว
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-29 : Universe 17th)
เริ่มหัวข้อโดย: PsapBBBB ที่ 29-05-2020 22:27:29
ไนล์ลูกกกกก ฉันกดโกรธอิพี่ภูมากๆ ไม่ถามไม่ไถ่มาถึงใส่เอาๆ ต้องโดนไม้หน้าสาม ถ้าตอนหน้ายังร้ายแม่ยึดไนล์คืน ไม่ต้องรักคนแบบอิพี่ภูแล้ว พี่เทมส์มาช่วยนัองเร็วๆ อยากเห็นหร้าตอนรู้ความจริงว่าเขาเป็นพี่น้องกัน และน้องยอมถอยกลับไม่อยู่ข้างๆจริงๆ อิพี่ภู :m31:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-29 : Universe 17th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 30-05-2020 07:11:12
ถ้าพรุ่งนี้ตื่นมาด่าว่าน้องอีกจะโทรเรียก
พี่เทมส์มาเอาน้องกลับบ้านอิตาพี่ภู
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-29 : Universe 17th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-05-2020 12:40:08
เอ้าเสร็จเลย เรียบร้อยโรงเรียนไอ้พี่ภูซะแล้ว ว๊า! งานนี้จะด่าไอ้พี่ภูก็ด่าได้ไม่เต็มปาก เพราะครั้งนี้ไนล์ยอมเขาเอง หากหลังจากนี้เขาด่าว่าง่ายก็ก้มหน้ายอมรับเถอะนะ หึ มีครั้งนี้ มันก็ต้องมีต่อไป ถึงพี่เทมส์จะถามย้ำกับหมอว่าต้องระวังเรื่องมือยัง แต่ถ้าคนเจ็บเองหรือคนที่อยู่ด้วยไม่คิดจะระวังมันก็เท่านั้น เหอะๆ งานนี้จะยังไงต่อ รู้แต่ว่าหลังจากนี้คือจะกลับไปหาลมไม่ได้แล้ว ก็ดีเพราะยังไงไนล์ก็ไม่มีวันกลับไป ตัดใจตอนนี้ดีกว่ารู้ว่าเขาท้องด้วยกันนะจ๊ะลม 55555 หลังจากนี้จะเป็นไงรอดูต่อไป สนุกกค่า ชอบบบ ขอบคุณที่มาต่อยาวเลย  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-29 : Universe 17th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-05-2020 18:21:41
จนได้สินะ เดะก้อจะหมดเวลา อาจจะมีน้องอีก

แระอีพี่ภูก้อโง่อีก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-29 : Universe 17th)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 31-05-2020 10:15:33
เมื่อไหร่พี่ภูจะฉลาดค่ะ  :mew2: เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-05-29 : Universe 17th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 31-05-2020 10:29:56
เกลียดอิพี่ภูว่ะ แล้วนี่รู้ไหมว่านี่คือครั้งแรกของน้อง ประสบการณ์โชกโชนก็น่าจะรู้นะ
ถ้าไม่รู้ก็ควายแล้วล่ะนะพี่ภู
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-02 : Universe 18th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 02-06-2020 20:50:42
Universe 18th : ความสัมพันธ์ที่ก่อตัว


Kirin’s Part

ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้า ควานมือไปข้างๆ หวังจะดึงเด็กที่ใช้เวลาด้วยกันเมื่อคืนมากอด แต่ก็พบกับความว่างเปล่า

ไนล์ลุกออกไปแล้ว

ผมลุกขึ้นนั่งหลังจากตั้งสติได้ คิดทบทวนทุกการกระทำของตัวเอง แล้วก็นึกหงุดหงิด มันเป็นเพราะความขาดสติของผมแท้ๆ ที่ทำให้ทุกอย่างมันลุกลามขนาดนี้ แต่จะพูดว่าขาดสติก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะหลังจากที่ไนล์ร้องไห้ใหญ่โตขอให้ผมปล่อย ผมก็พอยั้งตัวเองขึ้นมาได้บ้าง แต่การกระทำต่อจากนั้นของผมก็ไม่ได้ดีเด่จากเดิมขึ้นมาสักเท่าไหร่

เพราะสุดท้าย ผมก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกให้ไนล์เต็มใจนอนกับผมอยู่ดี

เรื่องราวเมื่อคืนมันเกิดขึ้นหลังจากที่ผมกลับมาจากไปส่งคุณรัน ตอนที่ผมกำลังจะเลี้ยวเข้าคอนโด ผมเห็นไนล์ยืนกอดกับไอ้เทมส์ ท่าทางอาลัยอาวรณ์จนน่าหงุดหงิด ดูเหมือนไนล์กับไอ้เทมส์จะนัดเจอกันลับหลังผมทุกครั้ง แล้วจะให้ผมเชื่อได้ไงว่าสองคนนั้นไม่ได้มีอะไรเกินเลย และที่ยิ่งกระพือความโมโหของผมให้มากขึ้นก็เห็นจะเป็นการที่ไนล์ไม่ได้สำนึกกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปสักนิด ยังคงตีหน้าซื่อใส่ผม ราวกับผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรสักอย่าง

และเพราะความโกรธเลยผลักดันให้ผมทำเรื่องแย่ๆ ใส่อีกฝ่าย ผมปล้ำจูบไนล์โดยที่ไม่คิดจะฟังความอะไรทั้งนั้น ตอนนั้นผมขาดสติจนคิดแค่ว่าในเมื่อไอ้เทมส์ยังมีสิทธิ์ทำแบบนี้ได้ แล้วทำไมผมจะทำบ้างไม่ได้ ในเมื่อผมเองก็มีสิทธิ์ขาดในตัวเด็กคนนี้ แถมยังมีมากกว่าไอ้เทมส์ด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะในฐานะนายจ้างหรือในฐานะคนที่ไนล์ให้ความสำคัญ


ผมไม่ได้หลงหรือเข้าข้างตัวเอง เพราะถ้าผมไม่ใช่คนสำคัญของไนล์เขาจะหาทางเข้ามาอยู่ใกล้ชิดผมทำไม


และพอยิ่งผมได้กอด ได้จูบ ได้ครอบครองความหอมหวานที่เคยจินตนาการถึงมาแล้วหลายครั้งต่อหลายครั้ง ยิ่งทำให้ผมขาดสติ ผิวกายของเด็กตรงหน้าทำให้หยุดไม่ได้ ยิ่งได้ครอบครองยิ่งรู้สึกไม่พอ ยิ่งได้กอดได้จูบ ผมยิ่งโลภมาก อยากได้มากกว่าเดิม จนกระทั่งไนล์ร้องไห้และขอให้ผมหยุด

แต่ตอนนั้น ผมถลำลึกมากเกินกว่าจะห้ามตัวเองได้อีกต่อไป

ผมรู้ว่าที่ผมทำอาจจะเลว การที่ผมยอมหยุดไม่ขืนใจไนล์ไม่ได้ทำให้ผมเป็คนดีขึ้นมา เพราะสุดท้ายผมก็ชั่วยิ่งกว่า ด้วยการหลอกเด็กตรงหน้าให้ตายใจ ผมหลอกให้เขายอมเป็นของผม เพียงเพราะผมอยากได้เขาโดยที่ไม่ดิ้นรนหรือเอาแต่กรีดร้องผลักไส

และก็อย่างที่ผมบอกว่าบางครั้งผมก็ไม่เข้าใจว่าตกลงไนล์เป็นเด็กยังไงกันแน่ เขาดูเหมือนจะเจนจัดชอบล่อหลอกผู้ชายอย่างผม อย่างไอ้เทมส์ให้หัวปั่น แต่เรื่องบนเตียงเมื่อคืนผมการันตรีได้เลยว่าไนล์แทบจะไม่ประสีประสา เขาแทบจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าต้องวางมือตรงไหน หรือแสดงออกยังไงเวลามีความสุข ทุกอย่างมันดูเก้กังและไร้เดียงสาไปหมด และไอ้ความเก้กังไร้เดียงสาที่ว่าก็ทำให้ผมแทบคลั่ง ผมฟัดไนล์จนแทบจะจมเตียง และผมก็ยอมรับได้อย่างเต็มปากว่าเซ็กส์กับไนล์เมื่อคืนเป็นเซ็กส์ที่ดีมากที่สุดนับตั้งแต่เลิกกับจีน ผมสุขจนล้นอก

และนั่นทำให้ผมรู้ว่ามันก็คงจะหยุดไม่ได้แค่เพียงครั้งเดียว ครั้งเดียวสำหรับผมคงไม่พอ มีแต่จะทำให้ผมต้องการเขามากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ...

ผมหยุดคิดฟุ้งซ่าน และเหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่าสายมากแล้ว เลยตัดสินใจพาร่างกายตัวเองเข้าไปอาบน้ำ คิดว่าไนล์คงตื่นไปเตรียมกับข้าวเรียบร้อยแล้ว แต่ผมก็ต้องคิดผิดถนัด เมื่อเปิดประตูห้องออกไปแล้วพบแต่ความว่างเปล่า

ผมนึกร้อนใจ เพราะอยู่กันมาเป็นเดือนกว่าแล้วไนล์ไม่เคยเหลวไหลกับหน้าที่ของตัวเอง ต่อให้จะถูกผมดุหรือต่อว่าแค่ไหน เขาจะเตรียมข้าวเช้าไว้รอผมเสมอ แต่ในวันนี้มันต่างออกไปและกว่าผมจะรู้ตัวอีกที สองเท้าของตัวเองก็พาผมมาหยุดยืนอยู่หน้าหน้าห้องของเด็กที่ผมเพิ่งจะมีความสัมพันธ์ไปด้วยเมื่อคืน ผมบิดลูกบิดเต็มแรงแล้วก็ต้องหงุดหงิดเมื่อพบว่ามันล็อค

ผมพาตัวเองที่งุ่นง่านกลับไปที่ห้องอีกครั้ง ก่อนจะหยิบกุญแจสำรองติดมือมาและเดินกลับไปที่ห้องไนล์อีกครั้ง และเมื่อไขประตูห้องเข้าไป ผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นไนล์นอนพึมพำไม่ได้สติอยู่บนพื้นข้างเตียงนอน ใบหน้าและลำคอแดงก่ำ แถมยังเพ้อไม่ได้ศัพท์อีกต่างหาก

ผมจัดการโอบประคองคนตัวเล็กกว่าขึ้นอุ้ม แล้วก็ต้องขมวคิ้วแน่นด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่าอุณหภูมิของร่างกายเด็กในอ้อมกอดสูงผิดปกติ แถมยังมีอาการตัวสั่นเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างด้วย

ผมจัดการวางคนตัวเล็กกว่านอนบนเตียงให้อยู่ในท่าทางที่สบายที่สุด ในขณะที่ไนล์เอาแต่นอนคู้ตัวเข้าหากัน โดยที่ปากเล็กที่ตอนนี้ทั้งบวมทั้งช้ำทั้งแดงก่ำเพราะฤทธิ์ไข้พึมพำว่าหนาวไม่หยุด

ผมโกยผ้าห่มที่อยู่ข้างตัวไนล์ขึ้นมาห่มเอาไว้ ก่อนจะลูบศีรษะทุยแล้วก้มกระซิบถ้อยคำปลอบโยน โดยไม่รู้เลยว่าไนล์จะได้ยินมันหรือเปล่า

“ชู่ว เด็กดี ทนหน่อยนะ เดี๋ยวฉันจะเช็ดตัวให้… ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร”

ไนล์ยังคงพึมพำไม่ได้สติและดิ้นไปดิ้นมาจนน่าสงสาร ผมจึงรีบออกไปนอกห้องอีกครั้ง และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมทำอะไรไม่ถูกจริงจัง ไม่ใช่ผมไม่รู้วิธีดูแลคนป่วย ตรงกันข้าม ผมรู้ดีเลยแหละ เพราะเมื่อก่อนจีนเป็นคนป่วยง่ายผมเลยมักจะต้องทำหน้าที่ดูแลคนป่วยอยู่บ่อยๆ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะคนที่ทำให้ไนล์ป่วยคือผมเอง


ผมเป็นคนที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ และนั่นทำให้ลึกๆ แล้ว ผมรู้สึกผิดไม่น้อย


ผมจัดการเตรียมน้ำในอุณหภูมิปกติใส่กะละมัง จากนั้นก็คว้าผ้าขนหนูผืนเล็กจากในตู้ห้องแต่งตัวมา ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปที่ห้องของไนล์ ตั้งใจแล้วว่าจะหมั่นเช็ดตัวให้คนที่กำลังเป็นไข้เพื่อไล่ความร้อนจากร่างกายไนล์ให้เบาลง เพื่ออย่างน้อยไนล์จะได้สบายตัวขึ้น จากนั้นค่อยหาข้าวหายาเพื่อลดไข้ให้เด็กตรงหน้าไปทีละอย่าง

และพอผมเลิกผ้าห่มที่ห่มไนล์ออกเพราะตั้งใจจะเช็ดตัวให้ แต่กลับกลายเป็นทำให้ไนล์หนาวสั่นกว่าเดิม ผมเลยต้องดึงคนตัวเล็กกว่ามาพิงอกตัวเองไว้พร้อมกับกอดเขาไว้หลวมๆ แล้วใช้มืออีกข้างถือผ้าเช็ดไปตามซอกคอ ข้อพับแขน ตั้งใจว่าจะให้ไนล์ปรับอุณหภูมิร่างกายให้ได้ก่อน ค่อยถอดเสื้อออกแล้วค่อยเช็ดไล่ความร้อนอีกที

ผมมองไปที่ซอกคอและตามผิวบริเวณที่โผล่พ้นเสื้อของไนล์ มันเต็มไปด้วยรอยจูบสีแดงๆ ที่ผมเป็นคนทำกระจายไปทั่ว ลึกๆ ในใจแล้วผมรู้สึกผิดไม่น้อย แต่แล้วก็มีบางอย่างที่ทำให้ผมสะดุดตา จนต้องเลื่อนสายตากลับไปมองอีกครั้ง

ข้อมือของไนล์แดงก่ำแถมยังบวมช้ำ ผมค่อยๆ จับข้อมือไนล์ขึ้นมาดูแต่แค่นั้นก็ทำให้เด็กในอ้อมกอดสะดุ้งเฮือก

“เจ็บ.. ฮึก ไนล์เจ็บ”

คนตัวเล็กกว่าพึมพำว่าเจ็บซ้ำไปซ้ำมา แถมยังร้องไห้น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ทำเอาผมรู้สึกผิดจนต้องเบือนหน้าหนี

เมื่อตั้งสติได้ ผมก็ค่อยๆ แกะผ้าพันแผลที่ข้อมือไนล์ออก ตอนแรกเข้าใจว่าไนล์พันไว้เพราะปวดจากที่โดนรถเข็นกระแทกเมื่อวาน และที่อักเสบมากขึ้นก็เพราะเมื่อคืนผมเผลอรุนแรงกับเขาอยู่ไม่น้อย แต่พอผ้าพันแผลหลุดออกจากข้อมือเล็ก ผมก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามันมีแผลพุพองและบวมแดง แม้จะไม่ใช่แผลใหญ่โตอะไรแต่ก็มองออกทันทีว่าเกิดจากน้ำร้อนลวก

ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นถุงยาตกอยู่ข้างเตียง เลยก้มลงไปเก็บมันขึ้นมา พอแกะดูก็เห็นยาทาแก้น้ำร้อนลวก ยากินแก้อักเสบ เลยจัดการแกะเอายาทามามาให้ไนล์ก่อน จากนั้นก็ตัดสินใจออกไปต้มข้าวต้มอ่อนให้ไนล์กิน เผื่อพอกินยาแก้อักเสบเข้าไปแล้วจะได้ไม่แสบท้อง

ผมทำทุกอย่างอย่างรวดเร็ว เพราะอยากจะกลับเข้าไปดูแลเด็กที่นอนไม่สบายอยู่ในห้องใจจะขาด ไนล์แทบไม่ได้สติเลยตอนผมกลับเข้าไปอีกครั้ง จะกินยายังยาก เรื่องกินข้าวคือลืมไปได้เลย สุดท้ายผมเลยต้องใช้ทางเลือกสุดท้าย ตัดสินใจเอายาเข้าปากตัวเอง ก่อนจะประกบริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากจิ้มลิ้มของคนที่กำลังไข้ขึ้น ไนล์ดิ้นนิดหน่อย แต่ผมก็ส่งยาเข้าไปในปากของอีกฝ่ายจนได้ ทุลักทุเลพอสมควร แต่ก็ผ่านไปด้วยดี

และพอเห็นไนล์ปรับอุณหภูมิตัวเองได้ ผมก็ตัดสินใจถอดเสื้อของไนล์ออก คนไม่สบายห่อตัวเล็กน้อยเพราะความเย็น แม้ผมจะปิดเครื่องปรับอากาศไปแล้ว แต่สำหรับคนป่วยคงไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่ ผมเลยรีบเช็ดตัวไนล์อย่างว่องไว พยายามไม่สนใจผิวกายขาวเนียนที่ตอนนี้มีร่องรอยสีแดงแต่งแต้มอยู่ประปราย ยิ่งกลับทำให้น่ามองและเร้าอารมณ์ผมยิ่งกว่าเดิม

ผมต้องหักห้ามความรู้สึกของตัวเองอย่างมาก ซึ่งมันก็ทำได้ไม่ยากเท่าไหร่ เมื่อสายตาผมเลื่อนมาเจอกับแผลที่ข้อมือของไนล์

ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาในอกจนผมนึกตกใจ ผมไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งที่ทำให้ข้อมือไนล์บวมช้ำมากขึ้นนั้นมาจากผม ผมที่ทำรุนแรงกับเขา ผมที่ขาดสติจนไม่ได้รับรู้และมองเห็นเลยว่าไนล์ในตอนนั้นเจ็บปวดมากแค่ไหน และถ้านึกย้อนไป เขาจะตัวกระตุกและร้องขอให้ผมปล่อยทุกครั้ง ยามที่ผมบีบและกำข้อมือเขาไว้แน่น แต่ผมไม่ได้สนใจเลย ผมเอาแต่หลงระเริงเพลิดเพลินกับร่างกายขาวนวลไร้ตำหนิตรงหน้า ความหอมหวานที่ผมอดใจรอมานาน ทำให้ผมขาดสติ และถึงแม้ตอนหลังสติผมจะกลับมาเต็มร้อย แต่ผมก็ยังคงทำตัวเลวทรามด้วยการหลอกล่อให้ไนล์ยอมเป็นของผมอย่างเต็มใจ

และอีกเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกผิดกี่ยวกับข้อมือไนล์ แม้จะไม่อยากยอมรับความจริง

ผมโดนคุณวิรัลพัชรต้มจนเปื่อย คนที่โดนน้ำร้อนลวกมือไม่ใช่เธอ แต่เป็นไนล์ต่างหากที่ถูกน้ำร้อนหกใส่เต็มๆ

ที่จริงหลักฐานมันก็มีให้เห็นอยู่ตรงหน้า แต่เพราะความอคติและเพราะความงี่เง่าของผมทำให้ผมเลือกที่จะมองข้ามข้อเท็จจริง และความสมเหตุสมผลหลายอย่าง เพิ่งจะมาเข้าใจถ่องแท้ตอนที่เห็นแผลจากข้อมือไนล์

ในขณะเดียวกันคุณวิรัลพัชรที่ผมพาไปหาหมอกลับไม่เป็นอะไรเลย ทีเพียงรอยแดงน้อยๆ ที่ปลายนิ้วด้านบนเท่านั้น ตอนแรกผมก็แปลกใจว่าทำไมเธอถึงไม่มีร่องรอยของการโดนน้ำร้อนลวกเลยแม้แต่นิด ซึ่งถ้ามันเป็นเพราะว่าเธอโชคดีที่ไม่ถูกน้ำร้อนกระเด็นใส่ แต่ทำไมตอนนั้นเธอถึงร้องไห้มากมายเสียจนผมตกใจ เพราะคิดว่าน้ำร้อนๆ คงลวกมือเธอเต็มๆ

แต่กลายเป็นว่าคนที่โดนคือไนล์

ไนล์ที่ผมเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจไยดี ไนล์ที่นั่งกุมมือน้ำตาคลออยู่ที่พื้นพรหม ใบหน้าหวานทั้งรู้สึกผิดและรู้สึกเจ็บ แต่ผมกลับไม่คิดจะถามไถ่หรือเป็นห่วงเป็นใยเด็กในความดูแลของตัวเองสักนิด เอาแต่คิดว่าคนที่อาการหนักคือคุณรัน ทั้งที่เธอไม่ได้เป็นอะไรเลย

คนที่เป็นและเจ็บหนักคือไนล์ต่างหาก

ผมมองใบหน้าแดงก่ำด้วยพิษไข้ของไนล์ด้วยสายตารู้สึกผิด ผมนึกรู้และนึกสงสัยในทันทีว่าเผลอๆ คนที่ปักดแก้วน้ำชาอาจจะเป็นคุณรันเองด้วยซ้ำ ผมน่าจะมองออกตั้งแต่แรกว่าคุณรันไม่ชอบไนล์ และถ้าระแวงสักนิดเรื่องแบบนี้คงไม่เกิด

ผมจะโทษว่าเป็นความผิดของไนล์ฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ผมเองก็ผิดไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหนีไม่พ้นความไม่พอใจอยู่ดี

ทำไมต้องเป็นไอ้เทมส์ ทำไมต้องขอความช่วยเหลือจากมัน ทำไมไนล์ถึงรอผมไม่ได้ แล้วไหนจะไอ้ท่าทางอาลัยอาวรณ์ตอนจะลากันนั่นอีก จะให้ผมคิดเป็นอื่นได้ยังไง

แต่ก็เอาเถอะ ยังไงซะตอนนี้ไนล์ก็เป็นของผมแล้ว ผมถือว่าผมมีสิทธิ์ในตัวของไนล์เต็มที่ ต่อจากนี้ไม่ว่าใครหน้าไหน หรือแม้แต่ไอ้เทมส์ก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับไนล์ทั้งนั้น

ผมลูบแก้มเด็กตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย พยายามรวบรวมความคิดที่วุ่นวาย และหันมาสนใจว่าไข้ไนล์ลดลงหรือยัง พอลองจับลองแตะตามหน้าผากและซอกคอก็เห็นว่าอุณหภูมิไม่ร้อนเท่าตอนแรกแล้ว แถมตอนนี้ไนล์ยังเหงื่อออกเรื่อยๆ ด้วย ผมเลยต้องหมั่นเช็ดตัว และเปลี่ยนเสื้อที่เปียกชุ่มของไนล์ออก

ผมคอยดูแลไนล์ไม่ห่าง โดยไม่พยายามหาเหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงทำแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะความรู้สึกผิด หรือไม่ว่าจะเป็นเพราะผมทำเพราะอยากทำ ผมก็พยายามไม่ไปคิดถึง ขอแค่ตอนนี้ ขอให้ไนล์ได้อาการดีขึ้นสักนิดก็ยังดี

สารภาพตามตรงว่าตอนนี้ผมแทบจะหลงลืมจุดประสงค์ของตัวเองไปแล้วด้วยซ้ำว่าพยายามดึงไนล์มาอยู่ด้วยเพราะอะไร พยายามกันไนล์ออกจากไอ้เทมส์เพื่อนสนิทเพราะอะไร ดูเหมือนผมจะจำแทบไม่ได้แล้วถึงเหตุผลที่เคยลั่นไว้ของตัวเอง

ผมรับรู้แค่ว่าตอนนี้ไนล์เป็นของผมคนเดียว ของผมแค่คนเดียวเท่านั้น

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-02 : Universe 18th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 02-06-2020 20:55:52
(ต่อจากด้านบน)


Nateetouch’s Part


ผมตื่นมาพร้อมกับอาการปวดหัว และปวดไปทั้งตัว โดยเฉพาะช่วงล่าง มันระบมจนเหมือนผมจะขาดใจให้ได้ ผมแทบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าผมกลับมาห้องตัวเองได้ยังไง จำได้แค่ว่าหลังจากที่พี่ภูผล็อยหลับไปผมก็พยายามจะพาตัวเองออกมาจากห้องพี่ภู

พอตรงเข้ามาถึงห้องนอนตัวเองได้ ผมก็ตรงดิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า แม้ทุกย่างก้าวที่ออกเดินจะเจ็บแสนเจ็บแต่ผมก็พยายามทน ผมรื้อค้นหากระเป๋าเป้ของตัวเองเพื่อจะหยิบ ‘ยา’ ที่อาหมอให้ไว้ออกมากิน แต่จู่ๆ ภาพตรงหน้าก็พร่าไปหมด แล้วผมก็ล้มลงหมดสติไปโดยที่ยาเม็ดที่ว่าร่วงหล่นออกจากมือโดยที่ยังไม่ได้เอาเข้าปากตามความตั้งใจ

ผมหลับยาวไม่ได้สติจวบจนเกือบเที่ยงของอีกวัน ตอนที่สะดุ้งตื่นขึ้นมา ผมพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงพร้อมด้วยอาการร้าวระบมไปทั้งตัวโดยเฉพาะช่วงล่าง ผมพยายามจะพลิกตัวเพื่อพาตัวเองลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำแต่ก็พบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด ช่วงล่างตั้งแต่สะโพกลงไปเจ็บตึงไปหมด และเพราะความเจ็บนั้นก็ทำให้ผมระลึกได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อคืน


ผมกับพี่ภู.. เรามีอะไรเกินเลยกัน

มี.. โดยที่ผมเต็มใจ



กว่าจะรู้ตัวว่าสิ่งที่ทำอยู่มันพลาดเกินอภัยก็ตอนที่เขาถอนตัวออกจากร่างกายผม ตอนที่ผมเพิ่งตระหนักรู้ว่า ทั้งผมและเขาเราไม่ได้ป้องกันอะไรเลย พี่ภูไม่แม้แต่จะสวมถุงยางอนามัย และตัวผมเองแม้รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองตั้งท้องได้ก็ไม่คิดจะห้ามปราม หนำซ้ำยังปล่อยตัวปล่อยใจทอดกายให้เขาอย่างเต็มอกเต็มใจอีกต่างหาก

ผมจะไม่โทษว่าเป็นความผิดของพี่ภู เพราว่าผมก็สมยอมเองทั้งนั้น ใครหลายคนอาจจะมองว่าผมโง่ ผมไม่ฉลาด ไม่รู้เท่าทันคำหวานและคำหลอกลวงของพี่ภูที่แค่อาจจะอยากมีความสัมพันธ์กับผม

เขาไม่ได้รัก เขาไม่เคยรัก แต่พอเขาทำท่าจะจากไปและทิ้งผมไว้คนเดียว ไอ้คนที่รักเขาหมดใจแบบผมจะทำอะไรได้ นอกจากอ้อนวอนและยอมให้ในสิ่งที่เขาต้องการทุกอย่าง แม้สิ่งเหล่านั้นจะไม่ได้การันตรีเลยว่าเขาจะรัก หรือจะทำให้เขามองเห็นผมเหมือนที่ผมเห็นเขาตลอดในสายตา ยอมแม้จะรู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ผมก็ยังคงยอม

ผมนั่งน้ำตาร่วง รู้สึกผิดทั้งกับตัวเอง ผิดกับพี่เทมส์ ผิดกับพ่อกับแม่ที่ผมยอมปล่อยตัวปล่อยใจมากขนาดนี้ พวกเขาจะผิดหวังแค่ไหนถ้าได้รู้ว่าผมที่พวกเขาเฝ้าฟูมฟักมาตั้งแต่เด็ก ปกป้องจากอันตรายต่างๆ กลับยอมทอดกายให้ผู้ชายที่อยู่ด้วยกันได้แค่เกือบสองเดือน ไม่ใช่ผมไม่รู้ ไม่ใช่ผมไม่กังวลว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดในสักวัน แต่พอถึงเวลาแม้ร่างกายผมจะปฏิเสธ แต่หัวใจผมไม่ฟังเลย ผมรักเขา ถึงจะเป็นเหตุผลโง่ๆ แต่มันก็คือความรักที่ทำให้ผมยอมเขาทุกอย่าง

ผมสะบัดศีรษะเบาๆ เพื่อเลิกคิดฟุ้งซ่าน เสียดายไป เสียใจไป ก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ที่ผมต้องทำตอนนี้ก็คือทบทวนว่าเมื่อคืนกินยาที่อาหมอให้มาแล้วรึยังต่างหาก แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก จนผมเห็นเม็ดยาตกอยู่หน้าตู้นั่นแหละ ถึงได้นึกรู้ว่ายังไม่ได้กิน

ผมตะกายลงจากเตียง แล้วค่อยๆ เดินไปหยิบยาที่ตกไว้เข้าปาก ก่อนจะเดินโขยกเขยกกลับที่เตียงเพื่อหยิบขวดน้ำที่หัวเตียงมาดื่ม โดยไม่ได้นึกเอะใจเลยว่าขวดน้ำรวมถึงกะละมังเล็กๆ มาวางอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ในใจมีแต่คำของอาหมอวิ่งวนไปทั่ว


‘น้องไนล์ ยาที่อาให้มีแค่สามเม็ด เอาไว้ใช้เวลาที่ฉุกเฉินจริงๆ มันกินติดๆ กันไม่ได้นะ เพราะฉะนั้นน้องไนล์ต้องดูแลตัวเอง พยายามไม่ต้องกินยาพวกนี้เลยจะดีที่สุด’


ผมยกมือขึ้นลูบท้องตัวเองเบาๆ พร้อมกับคิดทบทวนว่าเท่ากับตอนนี้มียาเหลือแค่สองเม็ด และผมไม่ควรจะกินมันอีกถ้าไม่จำเป็น นั่นหมายความว่าหลังจากนี้ไป ผมจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้ ต่อไปนี้ผมต้องห้ามใจอ่อนกับพี่ภู ผมต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้

แต่แล้วทุกความคิดก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อผมได้ยินเสียงเปิดประตู

“ตื่นแล้วหรอ?”

เป็นพี่ภูที่เดินเข้ามาพร้อมกับชามข้าวต้มกลิ่นหอมฉุยในมือ ทำเอาผมพูดไม่ออกชั่วขณะ ภาพที่ผมเห็นมันเกินจินตนาการไว้มาก

ไม่สิ .. นี่ไม่ใช่ที่ผมคิดไว้เลยด้วยซ้ำ ที่ผมคิดมีแค่ว่าพี่ภูคงไม่คุยเรื่องนี้อีก แล้วกันแล้วก็คือแล้วไป เขาไม่ได้ขืนใจผม เป็นผมเองที่ยินยอม เป็นผมเองที่ไม่ปฏิเสธ เพราะฉะนั้นไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องสนใจผมด้วยซ้ำ แต่พี่ภูกลับถือชามข้าวต้มเข้ามาหาผมถึงในห้อง

แล้วแบบนี้จะให้ผมทำใจแข็งกับเขาได้ยังไงกัน

“ลุกขึ้นมาทำไม? เดี๋ยวก็ล้มลงไปอีกหรอก”

พี่ภูวางชามข้าวต้มไว้ที่หัวเตียง ก่อนที่จะตรงเข้ามาประคองผมแล้วพาไปนั่งที่เตียง โดยที่ผมได้แต่ทำตัวงกๆ เงิ่นๆ วางตัวไม่ถูก อีกใจก็ไม่ชิน ส่วนอีกใจก็ดีใจเหลือเกินที่ได้เจอกับพี่ภูคนในร้านไอศครีมอีกครั้ง

“ขะ ขอบคุณครับ”

ผมเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายเสียงเบา พอเหลือบตามองก็เห็นพี่ทำหน้าเก้อๆ ดูทำตัวไม่ถูกพอๆ กับผม แต่สุดท้ายเขาก็ทำให้ผมแปลกใจ เมื่อเป็นคนเริ่มพูดก่อนอีกครั้ง

“แล้วนี่ดีขึ้นรึยัง? ยังปวดหัวอยู่ไหม?” พี่ภูยื่นมือมาแตะหน้าผากผม จากนั้นก็เอามืออังที่ซอกคอต่อ “แต่ไข้ลดแล้ว น่าจะดีขึ้นบ้าง”

“นะ ไนล์.. ไนล์ไม่เป็นอะไรแล้วครับ” ผมเหลือบมองกะละมังที่หัวเตียงก็เข้าใจ เลยยกมือขึ้นไหว้คนอายุมากกว่า “ขอบคุณพี่ภูมากนะครับที่ช่วยดูแลไนล์”

ผมได้ยินเสียงพี่ภูถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่มือใหญ่ที่ถูกยื่นมาวัดอุณหภูมิจะเปลี่ยนมาลูบเบาๆ ที่ศีรษะผมแทน

“ก็.. ฉันเป็นต้นเหตุ” เขาพูดเสียงเบา ก่อนจะทำให้ผมประหลาดใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน “ขอโทษด้วยนะที่ทำให้เจ็บ ฉันไม่รู้ว่านาย.. ไม่เคย”

ผมแก้มร้อนทันทีที่ได้ยินพี่ภูพูดจบ ไม่แน่ใจว่าตัวเองควรรู้สึกอะไรก่อน ควรจะต้องดีใจ หรือควรจะต้องเขินกับเหตุการณ์นี้กันแน่

และในขณะที่ผมทำตัวไม่ถูกพี่ภูก็ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง ให้ผมได้นึกขอบคุณเขาไม่น้อย

“ช่างเถอะ กินข้าวก่อนดีกว่า นี่เที่ยงแล้ว เดี๋ยวนายจะได้กินยาด้วย” เขาพูดแต่กลับมองลงไปที่สะโพกของผม “ว่าแต่… โอเคดีใช่ไหม?”

ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่าพี่ภูหมายถึงเรื่องอะไร แต่พอมองตามสายตาเขาแล้ว หน้าผมก็ต้องร้อนฉ่าอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยอมข่มความอายตอบพี่ภูกลับไป

“ยังตึงๆ เจ็บๆ นิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นอะไรมากแล้ว” ผมอ้อมแอ้มตอบ แต่พี่ภูทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ผมเลยต้องย้ำ “ไนล์ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แล้วนะครับ ได้นอนพักสักวันคงดีขึ้น”

ผมพูดจริงๆ ไม่ได้โกหกให้พี่ภูสบายใจ เมื่อคืนมันอาจจะเจ็บมากก็จริง แต่เมื่อกี้พอได้ลองลงเดินผมก็พบว่ามันไม่ได้เจ็บหนักเท่าตอนแรก แต่ก็ยอมรับแหละว่าอาจจะต้องพักเลยตัดสินใจบอกพี่ภูไปตามตรง

“งั้นวันนี้ก็พักเถอะ ไม่ต้องทำอะไรหรอก เดี๋ยวฉันจะเรียกป้ามลให้เข้ามาทำความสะอาดบ้านแล้วก็ทำกับข้าวไว้ นายจะได้ไม่ต้องลุกไปทำ”

“ครับพี่ภู… แล้วข้าวต้มนี่” ผมถามด้วยความแปลกใจ ถ้าป้ามลยังไม่มาแล้วใครเป็นคนทำข้าวต้ม หรือพี่ภูจะซื้อมา

“ฉันทำเอง” เขาเกาคอแก้เก้อ จนผมหลุดยิ้ม “กินได้น่า สมัยอยู่อเมริกาฉันก็ทำอาหารกินเองบ่อยๆ”

ผมรีบหยิบชามข้าวต้มขึ้นมาวางบนตักทันทีพร้อมกับเริ่มกิน ในขณะที่พี่ภูยังคงอธิบายเรื่อยๆ ให้ผมได้ยิ้มออก และคิดว่าข้าวต้มชามนี้ช่างอร่อยเหลือเกิน

“แต่ข้าวมันอาจจะอืดไปหน่อย พอดีฉันทำไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว แต่นายตื่นมากินไม่ไหว เมื่อกี้ฉันเลยออกไปอุ่นมาให้มันร้อนๆ”

แม้มันจะเป็นประโยคเรียบเรื่อย แต่กลับทำให้น้ำใสๆ ไหลกลิ้งออกมาจากดวงตา ให้ความรู้สึกว่าข้าวต้มชามนี้ช่างอร่อยและพิเศษสำหรับผมเหลือเกิน

เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าตัวเองได้กลับไปที่ร้านไอศครีมร้านเดิมอีกครั้ง และคนที่นั่งตรงหน้าผมก็คือพี่ภู เด็กผู้ชายใส่ชุดนักเรียนคนที่มักจะยิ้มกว้างพร้อมกับมีขนมมาฝากผมเสมอ

“ฮึก…”

พี่ภูเดินเข้ามานั่งข้างผมทันทีที่ผมหลุดเสียงสะอื้น และเอ่ยถามผมอย่างกังวลใจ

“เป็นอะไร? ร้องไห้ทำไม? รู้สึกไม่สบายอีกแล้วหรอ?”

"ปะ เปล่าครับ.. ฮึก” ผมพยายามห้ามน้ำตา และหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลเพื่อบอกกับพี่ภู “ไนล์แค่.. แค่เกรงใจที่ทำให้พี่ภูต้องเดือดร้อนมาทำอาหารให้ครับ”

คนที่นั่งข้างผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่นที่จะขยี้ผมผมแรงๆ

“คิดเยอะ รีบๆ กินเข้าไปเร็ว เดี๋ยวจะได้กินยาแล้วนอนต่อ”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะตักข้าวต้มเข้าปากจนเกือบหมดชาม แต่แล้วก็กินต่อไม่ไหว ซึ่งพี่ภูเองก็คงเห็น เขาเลยยื่นยากับแก้วน้ำมาให้

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้แล้วรับทั้งสองอย่างมาจากพี่ภู ก่อนจะกินยาและน้ำตามเข้าไป พอทุกอย่างเรียบร้อยทั้งห้องก็กลับมายู่ในความเงียบอีกครั้ง

“พักผ่อนเถอะ”

พี่ภูว่าก่อนจะจับผมให้นอนราบลง ผมเองที่ตกใจในตอนแรกแต่สุดท้ายก็ขยับตัวนอนดีๆ ใจจริงผมมีคำถามมากมายอยากถามพี่ภู แต่พอเห็นเขาเฉยและเลือกที่จะไม่พูดอะไร ผมเลยเดาว่าเขาคงไม่ยากพูดถึงมันอีก ผมรู้ดีและผมเข้าใจว่าเรื่องระหว่างเราเมื่อคืนมันคงเกิดจากความผิดพลาดบางอย่างที่พี่ภูเองก็คงไม่ได้ตั้งใจ ถ้าผมไม่รั้งเขาไว้ เขาก็คงจะออกไปหาผู้หญิงสาวๆ สวยๆ ที่อื่นได้ไม่ยาก แต่เป็นเพราะผมร้องขอ เป็นเพราะผมไม่อยากอยู่คนเดียว และเป็นเพราะผมไม่อยากเห็นเขาเดินออกไปและทิ้งผมไว้ลำพังเป็นรอบที่สอง เหตุการณ์ทุกอย่างมันถึงได้เกิดขึ้น

แล้วแบบนี้จะไปโทษว่าเป็นความผิดของพี่ภูได้ยังไง ในเมื่อเป็นเพราะผมทั้งนั้นที่ทำให้เรื่องของเรามันเลยเถิด

สุดท้ายผมเลยตัดสินใจปิดเปลือกตาลงเงียบๆ และปล่อยให้เรื่องนี้มันพ้นผ่านไป … ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ผมยังมีความสุขมากอยู่แท้ๆ แต่ทำไมตอนนี้มันกลับเจ็บในอก

และถึงแม้พี่ภูจะนั่งดูแลรอให้ผมหลับอยู่ข้างๆ อาจจะด้วยความรู้สึกผิดในส่วนลึกจิตใจ แต่กลับทำให้ผมรู้สึกอยู่ห่างไกลกับเขาเหลือเกิน

.

.

.

“ไนล์ ลุกไหวไหม ตื่นมากินยาอีกรอบไหวรึเปล่า? หรืออยากให้ฉันพาไปหาหมอ”

ผมเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากได้ยินเสียงพี่ภูเรียกอยู่ข้างหู อาการปวดหัวดีขึ้นมาก แต่ยังคงครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่ตื่นขึ้นมารอบแรกเหมือนสติผมยังกลับมาไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ไข้ผมลดแล้ว อาการปวดหัวก็แทบไม่เหลือ ผมเลยรู้สึกอายขึ้นมาแปลกๆ

“ไม่เป็นไรครับพี่ภู ไนล์ดีขึ้นแล้ว”

พี่ภูยกมือใหญ่ขึ้นมาทาบหน้าผากผมหลังจากที่ผมพูดจบ ในขณะที่ผมได้แต่ก้มหน้างุด เพราะพอสติกลับมาแล้ว เหตุการณ์เมื่อคืนก็ไหลเข้ามาเป็นฉากๆ

“อืม.. ตัวไม่ค่อยร้อนแล้ว” เขาถอนหายใจเบาๆ “แล้วอาการอื่นล่ะ ดีขึ้นไหม?”

“ไม่ปวดหัวแล้วครับ แต่ยังปวดตัวนิดหน่อย” ผมยิ้มบางๆ ส่งให้คนตัวสูงกว่า พร้อมกับพุ่มมือยกขึ้นไหว้ “ขอบคุณ แล้วก็ขอโทษด้วยนะครับที่เดือดร้อนต้องให้พี่ภูมาดูแล”

คนอายุมากกว่าจ้องผมนิ่ง ผมอ่านสายตาเขาไม่ออก มันทำตัวไม่ถูก ได้แต่กำมือแน่นวางอยู่บนหน้าตัก จนพี่ภูเอื้อมมือมาแกะมือที่กำแน่นของผมออก แล้วดึงมือข้างที่เจ็บไปวางบนหน้าตักตัวเองก่อนจะลูบเบาๆ พลางถามผมอย่างอ่อนโยน

“ยังเจ็บอยู่ไหม?”

และแค่คำถามสั้นๆ จากพี่ภูก็ทำเอาน้ำตาผมไหลเป็นทาง

“ฮึก… มะ ไม่ ไม่เจ็บแล้วครับ”

“คือ.. ฉัน เอ่อ ฉัน…”

พี่ภูอึกอัก ผมเลยส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา เพราะรู้ดีว่าเขาจะพูดอะไร และมันคงไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยชินเท่าไหร่ แต่ผมก็ดีใจนะที่อย่างน้อยเขาก็พยายามที่จะพูดมันออกมา

“ไม่เป็นไรครับพี่ภู ไนล์เข้าใจ ด้วยอะไรต่างๆ ตอนนั้น พี่ภูจะคิดว่าไนล์ผิดก็คงไม่แปลก”

“แต่ฉันงี่เง่าที่ไม่ฟังเหตุผล หรือไม่พยายามฟังสิ่งที่นายอธิบายเลย” พี่ภูพูดด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ ให้ผมต้องยิ้มแล้วย้ำกับเขาอีกครั้งว่าผมไม่ได้เก็บมาคิดมากอะไรแล้ว

แค่เขาดูแลผม ดีกับผม อย่าว่าแต่เรื่องที่มือผมเจ็บเลย แม้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนผมก็ไม่ถือโทษเขาสักนิด สุดท้ายมันก็หนีไม่พ้นความโง่งมงายในความรักของตัวเองที่ผมมีต่อพี่ภูอยู่ดี

“ก็ตอนนั้นพี่ภูคิดว่าคุณรันเจ็บจริงๆ นี่ครับ จะโมโหจนไม่อยากฟังผมแก้ตัวก็ไม่แปลก”

คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมถอนใจพลางส่ายศีรษะอย่างปลงตกเมื่อเห็นผมอ้างนั่นอ้างนี่แทนเขาไม่เลิก

“นายนี่มัน.. เฮ้อ” แวบหนึ่งที่ผมเห็นสายตาของพี่ภูทอแสงอ่อนโยนลง “ช่างเถอะ อาบน้ำไหวมั้ย หรืออยากให้ฉันเช็ดตัวให้”

ผมก้มหน้างุดเพราะความเขินแต่ก็ตัดสินใจตอบออกไป “อาบไหวครับ ไนล์เอ่อ.. อยากทำความสะอาด”

พอผมพูดออกไปแบบนั้นก็เห็นพี่ภูแอบยิ้ม ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ผมเขินหนักเข้าไปใหญ่ แต่โชคดีที่พี่ภูไม่ได้แกล้งอะไรผมมาก เขายอมปล่อยให้ผมไปอาบน้ำเองโดยที่ไม่ได้เซ้าซี้อะไร นอกจากพูดให้หัวใจผมพองโตเล่น

“งั้นก็รีบไปอาบ เดี๋ยวออกมาจะได้กินข้าวกินยาอีกรอบ แล้วฉันจะได้ทำแผลที่ข้อมือให้ใหม่ด้วย”

ผมเตรียมอ้าปากจะแย้งว่าทำเองได้ เพราะเกรงใจพี่ภู แต่เขาก็พูดสวนออกมาก่อนราวกับรู้ว่าผมจะพูดอะไร

“คือ..”

“ไปอาบน้ำไนล์ อย่าดื้อ และก็อย่าให้ฉันพูดซ้ำ… ไม่งั้นฉันนี่แหละจะเข้าไปอาบให้นายเอง” พี่ภูพูดเสียงดุและจ้องผมอย่างคาดโทษ ทำเอาผมต้องกลืนทุกคำพูดลงคอแล้วเดินเร็วๆ ไปที่ห้องน้ำแทน

เลยไม่ทันได้เห็นว่าพี่ภูมองตามผมด้วยสายตาอ่อนโยนแค่ไหน

แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ไม่เห็น เพราะถ้าเห็นผมคงต้องสำลักความสุขตายแน่ๆ ขนาดแค่นี้ผมก็สุขจนไม่รู้จะสุขยังไงแล้ว แค่พี่ภูทำดีกับผมนิดเดียว ใจผมก็พร้อมจะยอมเขาทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้เลยสักนิด

.

.

.

ผมแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาห้องนั่งเล่นด้านนอก เห็นป้ามลกำลังทำอาหารอยู่ในครัว ส่วนพี่ภูก็ยืนโทรศัพท์ไม่ไกลออกไป ผมเลยตัดสินใจจะเดินเลี่ยงเข้าไปหาป้ามลในครัวแทน แต่หูก็ไม่วายได้ยินพี่ภูคุยโทรศัพท์อยู่ดี

“ครับ ครับคุณรัน ได้ครับ เดี๋ยวผมไปหานะครับ”

ใจผมร่วงเหมือนตกลงไปในหุบเหวลึก เพราะไม่ว่าพี่ภูจะรู้สึกผิดกับผมแค่ไหน แต่สุดท้ายคนที่เขาเลือกก็ยังคงเป็นคุณรันอยู่ดี

ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ส่วนป้ามลเองพอแกหันมาเห็นผมก็ถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย

“อ้าว คุณไนล์ ป้าเห็นคุณภูบอกคุณไนล์ไม่สบาย คุณไนล์ดีขึ้นแล้วหรอคะ?”

“ไนล์ดีขึ้นแล้วครับป้า ไม่เป็นอะไรมากแล้ว” ผมยิ้มบางพร้อมตอบ แม้จะยังไม่ค่อยมีแรง แต่โดยรวมผมก็ดีขึ้นกว่าเมื่อเช้ามาก

“คุณภูสั่งให้อาหารเย็นเป็นข้าวต้มอ่อนๆ เดี๋ยวป้าเคี่ยวตรงนี้เสร็จแล้วจะยกออกไปให้ คุณไนล์ไปนั่งรอที่โต๊ะกับคุณภูดีไหมคะ ตรงนี้ร้อน”

ผมอึกอัก เพราะเห็นพี่ภูคุยโทรศัพท์กับคุณรันที่เป็นปลายสายอยู่ แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปฏิเสธอะไรกับป้ามล พี่ภูก็เดินเข้ามาสมทบพอดี สีหน้าเขาดูลำบากใจเล็กน้อยตอนที่จะพูดกับผม ทำเอาผมนึกรู้ว่าเขาจะพูดอะไร ก็ได้ยินมาบ้างแล้ว

“เดี๋ยวฉันต้องออกไปข้างนอก นายกินข้าวกินยาเลยไม่ต้องรอ”

“ครับ” ผมตอบรับ ไม่ได้มองหน้าพี่ภู เพราะกลัวจะทำหน้างี่เง่าใส่เขา มันเหมือนเป็นนิสัยเสียที่แก้ไม่หาย เวลาไม่สบายผมจะงอแงมากกว่าปกติ เมื่อก่อนอยู่ที่บ้านกับพ่อกับแม่กับพี่เทมส์ ด้วยความเป็นลูกคนเล็ก เป็นคุณหนูของบ้าน ใครก็ตามใจ ตามโอ๋ผมทั้งนั้น เลยทำให้ผมติดนิสัย

แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้าน และพี่ภูก็ไม่ได้พิศวาสผมขนาดนั้นด้วย แค่วันนี้เขาดูแล เขาดีกับผม เท่านี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

“ไนล์” เจ้าของเสียงทุ้มเรียกผมอย่างอ่อนใจ “เวลาตอบรับใครน่ะ มองหน้าเขาด้วย”

ผมรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะเหลือบมองพี่ภู “ครับ ไนล์เข้าใจแล้ว”

พี่ภูยังคงมีสีหน้าที่ลำบากใจ ผมเลยตัดสินใจเบนสายตาหนี จึงไม่รู้ว่าเขาทำหน้าแบบไหนตอนที่เอ่ยสั่งป้ามล

“ป้ามลครับ วันนี้ไม่ต้องรีบกลับนะครับ ช่วยอยู่เป็นเพื่อนไนล์ก่อน ดูแลให้เขาทานข้าวทานยาให้เรียบร้อย แล้วเดี๋ยวผมจะรีบกลับมา”

“ได้ค่ะคุณภู”

ผมมองนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนี้มันเย็นมากแล้ว คำนวณเวลาว่าถ้าพี่ภูออกไปตอนนี้ กว่าจะกลับก็คงไม่หนีฟ้ามืด แล้วถ้าจะให้ป้ามลกลับดึกๆ ผมก็ไม่สบายใจเท่าไหร่

“ผมอยู่ได้…”

“นี่ไม่ใช่ประโยคคำถามไนล์ นี่เป็นประโยคคำสั่ง” พี่ภูพูดเสียงเรียบกับผม ก่อนจะหันไปหาป้ามลอีกรอบ “ผมฝากด้วยนะครับป้ามล แล้วเดี๋ยวยังไงผมจะรีบกลับ”

“ได้ค่ะ คุณภูไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวป้าอยู่กับคุณไนล์เอง คุณภูไปเถอะค่ะ”

“ขอบคุณครับป้า”

พี่ภูพูดแค่นั้นแล้วเขาก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน เพื่อหยิบกระเป๋สาสตางค์และกุญแจรถ ก่อนที่จะเดินวกกลับมาหาผมอีกครั้ง พร้อมกับยื่นแบงค์พันจำนวนมากกว่าสิบใบมาให้ ผมเลยเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ

“เก็บไว้ใช้ ส่วนเรื่องค่าแรงกับค่าล่วงเวลาป้ามลเดี๋ยวฉันจัดการเอง เงินนี่ฉันให้นาย”

ผมเจ็บร้าวในอกทันทีที่ได้ยินแบบนั้น น้ำตาพาลจะไหลให้ได้ นี่เขาคิดว่าที่ผมยอมนอนกับเขาเมื่อคืนเพียงเพราะอยากได้เงินก้อนนี้งั้นหรอ?

ผมส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับดันมือพี่ภูออก “ไม่เป็นไรครับ เงินที่พี่ภูให้ครั้งที่แล้วยังเหลือ”

“ฉันบอกให้เอาไว้ก็เอาไปเถอะน่า อย่าเรื่องมาก” เขาเริ่มหงุดหงิดใส่ผม พลางเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือตลอด ทำให้ผมนึกรู้ว่าเขากำลังจะรีบออกไปเลย เลยต้องยื่นมือไปเงินจากพี่ภูมาอย่างจำยอม เพราะไม่อยากให้เขาอารมณ์เสียใส่ผมตอนนี้

“ขอบคุณครับ”

ผมก้มหน้าซ่อนน้ำตา ซึ่งพี่ภูเองก็คงไม่เห็น เขายื่นมือมาลูบศีรษะผมลวกๆ พร้อมกับเอ่ยเบาๆ “เดี๋ยวฉันรีบกลับมา”

“ครับ” ผมแค่พยักหน้ารับ ไม่ได้เงยมองเขา เพราะกลัวว่าตัวเองจะอ่อนแอและร้องไห้ออกมาอีก จึงได้ยินแต่เสียงพี่ภูเดินออกจากห้องไป

และพอพ้นเสียงประตูปิด ผมก็กำเงินหลักหมื่นในมือแน่น หัวใจวูบโหวงจนเจ็บในอกไปหมด เมื่อคืนผมมีอะไรกับเขาด้วยความเต็มใจ ผมให้เขาทั้งหมดด้วยความรักที่ตัวเองมี แม้ผมจะรู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ได้รักผมสักนิด ที่ทำลงไปก็เพราะอารมณ์และสัญชาตญาณของมนุษย์ที่ควบคุมไม่ได้ และแม้จะรู้ผมก็เลือกที่หลับหูหลับตาและมองผ่านไป

แต่พอพี่ภูยื่นเงินมาให้ผม ไอ้สิ่งที่ผมพยายามมองผ่าน ก็เหมือนตอกย้ำว่าความรักที่ผมฝันถึงยังไงก็ไม่มีวันเป็นจริง

เขามองผมเป็นแค่ที่ระบาย แค่ยื่นเงินให้ทุกอย่างก็จบ เขาจะได้สามารถไปหาคนที่เขาแคร์ได้ โดยไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร แล้วแบบนี้ผมจะต่างอะไรจากคนที่ขายบริการกัน

น้ำตาเม็ดเล็กร่วงหล่นกระทบลงบนธนบัตรสูงมูลค่าที่ใช้ตีราคาผม ผมยิ้มให้ตัวเองอย่างสมเพช สุดท้ายก็มีแต่ผมที่ยังคงโง่งมงายเพราะรักเขาไม่มีเปลี่ยน แม้เขาจะกับผมถึงขนาดนี้ก็ตาม

.

.

To Be Continue

---------------------------------------------------------

เข้าใจค่ะว่าทุกคนรู้สึกยังไง แต่ใจเย็นๆ นะคะ ใจเย็นๆ ตอนหน้าจะรีบมาลงให้ ใจเย็นก๊อนนนเนาะ 555555555

ขอโทษนะคะที่เมื่อวานไม่ได้มาลง พอดีวันนี้ต้องเข้ามาเคลียร์งานที่ออฟฟิศเลยวุ่นๆ นิดโหน่ย ถ้าเป็นไปได้จะมาลงตอนต่อไปให้ไม่ศุกร์ก็เสาร์เนาะ จะได้ไม่ค้างคา ^^

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยน๊าาา แล้วก็ขอบคุณทุกคนมากๆ สำหรับทุกคอมเม้นท์และกำลังใจ ขอบคุณทุกคลิกทุกวิวที่เข้ามาอ่านกัน ขอบคุณมากๆ ค่ะ แม้พี่ภูนางนะน่ารำคาญไปสักนิดแต่เดี๋ยวนางจะดีขึ้นค่ะ เราสัญญาขอเพียงทุกคนอย่าเพิ่งทิ้งกันไปเท่านั้นเองงงงง

แล้วยังไงไว้เจอกันตอนหน้าน้าา ขอเพียงคนละหนึ่งเม้นท์ถ้าไม่มากเกินไป จะได้เอาไว้เป็นแรงใจ และเอาไปปรับปรุงพัฒนาคับบบ ... รักที่สุดจ้าา ^^
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-02 : Universe 18th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 02-06-2020 22:10:28
คอยดูแลด้วยความจริงใจห่วงใยและคอยให้ความรัก เป็นกังวลว่าเขาจะไม่สบายเฝ้าคอยเอาใจทุกอย่าง แต่สุดท้ายไนล์ผู้ชายใจดีด้วยความที่เขาไว้ใจ ยอมเสียตัวให้กลับต้องกลายเป็นชายขายบริการ มันน่าอาย น่าอาย 555555 พอๆไนล์ คิดไปถึงไหนเนี้ย รู้สึกว่าอิผีภูให้เงินใช้โดยไม่คิดว่าจะเป็นการซื้อขายนะ ไนล์ไปพักก่อนอะ หรืออิผีภูมันจะคิดงั้นจริง 55555 ถึงจริงอย่างที่ไนล์คิดแต่แล้วไงก็คนมันรักนี่ เขาจะทำไรก็ยอมแหละ เขารู้สึกผิดสำนึกโทษ ดูแลตอนป่วยก็ไม่โกรธแล้ว ให้อภัยได้ อย่าคิดที่จะไปดัดนิสัยหรือต่อต้าน ใจแข็งกับเขาเลยนะไนล์ ทุกข์ใจตัวเองเปล่าๆ ยอมๆไปแหละดีแล้ว 55555 ทนต่อไปนะไนล์ เอาใจช่วยให้รอดครบ32ดีทุกประการ 55555 ขอบคุณนะคะที่มาต่อค่า สนุกๆ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-02 : Universe 18th)
เริ่มหัวข้อโดย: PsapBBBB ที่ 02-06-2020 22:47:41
ไนล์ลูกกกกกอดปลอบ รู้ว่าต้องเจ็บก็ยังเต็มใจรักเขาเนาะลูกเนาะ แต่ก็อย่างว่าความอดทนของคนมีไม่เหมือนกันตอนนี้หนูทนได้แม่ไม่ว่าแต่ถ้าไม่ไหวกลับบ้านเรานะคะคนเก่ง ส่วนแกนะอิพี่ภูจะใส่เดี่ยวกับฉันไหมห๊าแม่จะฟาดดดดดทั้งแกทั้งอิคุณรัน รู้แล้วนิว่าน้องไม่ผิดจะทำยังไงต่อ ตอนน้องเจ็บบอกทำไมไม่รอแค่เคยอยู่ดูน้องไหมเอาแต่ด่าว่าน้องไม่ถามหาความจริง แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าทำไมไม่รอแกกลับมา รอให้แผลอักเสบหรอ กดเบอร์เรียกพี่เทมส์มาเสริมกำลังด่วนค่าาาาาแม่จะทนไม่ไหวแล้ว :fire:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-02 : Universe 18th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 02-06-2020 22:55:12
อิตาพี่ภูจะไปหาแม่นั่นทำไมอีกนะ
อยากรู้จริงๆว่าพี่ภูจะรู้ว่าน้องเป็นใครเมื่อไรสักที
ดูน้องสิน่าสงสารจะแย่
รักเขาขนาดยอมทุกอย่างขนาดนี้

ยังไงก็รอตอนต่อไปอยู่ๆน้าา
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-02 : Universe 18th)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 03-06-2020 00:57:55
ติดตามต่อไปค้าาาา :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-02 : Universe 18th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-06-2020 01:00:47
อย่าไปหลงนังรันอีกรอบละ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-02 : Universe 18th)
เริ่มหัวข้อโดย: Ritawongishere ที่ 03-06-2020 01:10:29
 :seng2ped:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-02 : Universe 18th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-06-2020 04:47:35
เห้อออ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-02 : Universe 18th)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-06-2020 05:16:05
 :m29: :m29: :m29:
 :onion_asleep:
:sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-02 : Universe 18th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-06-2020 10:13:19
ไนล์อย่าเพิ่งคิดไปไกล พี่ภูให้ไว้ใช้ไม่ได้เป็นค่าตัวน้อง น้องอย่าเพิ่งคิดมาก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-02 : Universe 18th)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 03-06-2020 21:40:27
อยากตบพี่ภูสักทีสองที :beat: :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-05 : Universe 19th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 05-06-2020 20:33:04
Universe 19th : การเริ่มต้น


ป้ามลกลับไปนานแล้ว แต่พี่ภูก็ยังคงไม่กลับ ผมตัดสินใจไล่ความฟุ้งซ่านด้วยการพาตัวเองเข้าไปในห้อง ไม่ได้รอให้พี่ภูกลับมาก่อน มีเพียงแต่โน็ตเขียนติดไว้ที่ตู้เย็นว่ามีกับข้าวที่อุ่นแล้ววางไว้บนโต๊ะ

ผมกลับเข้ามาในห้องและหยิบโรศัพท์มือถือที่ไม่ได้เอาออกไปด้วยขึ้นมาดู ก็ได้เห็นว่ามีข้อความจากเพื่อนสนิทส่งมา


‘ไนล์ พักนี้ยุ่งหรอ? ถ้าว่างแล้วโทรหาเราบ้างนะ เราคิดถึง’


ผมยิ้มบางๆ ให้กับข้อความที่เห็นและตัดสินใจโทรหาลม เพราะนี่ก็ยังไม่ดึกมากสำหรับหมอนั่น ลมนอนดึกและถ้าเขาส่งข้อความมาหาผมแบบนี้นั่นก็น่าจะเพราะเขาเดาไว้แล้วว่าผมว่างพอที่จะโทรหาเขาได้

(ไนล์!)

“ไง ลม.. เป็นไงบ้าง คิดถึงเราหรอ?” ผมถามเพื่อนสนิทอย่างหยอกล้อ ยอมรับว่าความหน่วงๆ ในหัวใจหายไปกว่าครึ่ง

จะว่าไปผมก็เหมือนเป็นคนเห็นแก่ตัว รู้ทั้งรู้ว่าลมคิดยังไง แต่ผมก็ยังคงมีเขาไว้ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่สามารถตอบรับความรู้สึกที่เขามีให้ผมได้

(คิดถึงสิ จะสองเดือนแล้วนะไนล์ ที่เราไม่ได้เจอกันอะ อยากไปหาก็ไม่ให้ ใจร้ายชะมัด)

ผมหัวเราะเบาๆ ตอนได้ยินเสียงเพื่อนสนิทตัดพ้อ ลมทำเสียงงุ้งงิ้งเหมือนเด็กสาวที่กำลังงอน ผมรู้หรอกว่าเขาไม่ได้โกรธผมจริงจัง แต่ที่ทำเสียงกระเง้ากระงอดแบบนี้นั้นเพราะอยากให้ผมหัวเราะมากกว่า

“ตามมาทำไม เรามาทำงานนะ ไม่ได้มาเที่ยวสักหน่อย” ผมตอบกลับ “อีกอย่าง งานที่โรงแรมลมก็ใช่ว่าจะน้อย เกิดลมตามเรามา คุณพ่อกับคุณแม่ได้มาแหกอกเราพอดี โทษฐานพาลูกชายเขาเสียคน”

(โถ่ พูดเหมือนไม่รู้เลยนะครับคุณนทีธัชช์ ว่าพ่อกับแม่ผมน่ะรักคุณมากกว่าผมด้วยซ้ำ จะเอาอะไรไปต่อว่าคุณกันครับ หื้ม?)

ผมหัวเราะเสียงดังทันทีเมื่อได้ยินลมพูดแบบนั้น “ว่าแต่ลมสบายดีใช่ไหม?”

(อื้อ! เราสบายดี ไนล์ล่ะ? นอกจากงานยุ่งแล้ว มีป่วย มีไม่สบายตรงไหนบ้างรึป่าง?)

ผมสะท้อนใจทันทีเมื่อได้ยินคำถามจากเพื่อนสนิท อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ต้องโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะตอนนี้เวลานี้ผมห่างไกลกับคำว่าสบายดีมากเหลือเกิน

“เราสบายดีสิ กินอิ่มนอนหลับ มีก็แต่งานที่จะทับตัวเราแบนแล้วตอนนี้” ผมพูดติดตลกเพื่อให้ลมสบายใจ และดูเหมือนว่าผมจะทำได้ดีไม่น้อย เพราะลมก็ไม่ได้ถามไถ่หรือติดใจอะไรอีก

เราสองคนคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อย ส่วนใหญ่ก็อัพเดทเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นระหว่างที่เราไม่เจอกันให้อีกฝ่ายฟัง ผมอาจจะไม่ได้มีเรื่องอะไรเล่ามากมายเหมือนกับลม แต่อย่างน้อยเรื่องที่ลมเล่าใฟ้ผมฟังก็พอจะทำให้คลายเหงาไปได้บ้าง และพอเหลือบมองเวลาอีกทีก็เห็นว่าดึกมากแล้ว และผมก็เริ่มจะเพลียแล้วด้วย เพราะอาการเพิ่งจะดีขึ้น

“ลม เราคงต้องไปแล้วล่ะ มีอะไรต้องไปทำอีกนิดหน่อย”

(จะวางแล้วหรอ?) เสียงลมเปลี่ยนขึ้นมาฉับพลัน (ยังไม่หายคิดถึงเลย) เขางอแงจนผมอดยิ้มไม่ได้

“ไม่เอาน่า เดี๋ยวไว้เราว่างเราจะโทรหาลมใหม่นะ”

(ก็ได้ เรารอไหว ไนล์ว่างเมื่อไหร่ก็โทรมานะ)

ผมยิ้มบางให้กับคนปลายสายแม้เขาจะมองไม่เห็น พร้อมกับนึกถามตัวเองเป็นร้อยเป็นพันครั้งว่าทำไมไม่รักลม เพราะถ้าผมรักลมเรื่องอะไรต่างๆ มันอาจจะง่ายมากขึ้นกว่านี้ก็ได้

“อื้อ ดูแลตัวเองนะลม แล้วไว้คุยกันนะ”

(ครับ! ไนล์ก็ด้วย ดูแลตัวเองให้ดี จำไว้ถ้ามีอะไรเร่งด่วน ผิดพลาด หรือไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ไนล์โทรหาเราได้เสมอ) น้ำตาผมไหลเงียบๆ ตอนที่ได้ยินลมบอกแบบนั้น

“…”

(เราเป็นห่วงไนล์มากนะ ยิ่งไกลกันแบบนี้เรายิ่งห่วง ห้ามโหมงานหนัก ดูแลตัวเองมากๆ นะครับ)

“อื้อ.. เราสัญญา”

ผมกลั้นก้อนสะอื้นพยายามตอบกลับไปให้ปกติมากที่สุด ในขณะที่มือของผมก็ลูบไปมาเบาๆ ลงบนหน้าท้องของตัวเอง ก่อนจะกดวางสายเงียบๆ

เราขอโทษที่โกหกและผิดสัญญานะลม…

.

.

.

ผมเผลอหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้ปิดไฟดีๆ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ของใครสักคนโอบกอดอยู่รอบเอว ริมฝีปากอุ่นๆ แตะจูบที่หลังคอ รวมถึงแผงอกแข็งแรงที่แนบสนิทอยู่กับหลังของผม ทำให้รู้ว่าผมกำลังถูกใครสักคนกอดอยู่

“ฉันทำให้ตื่นหรอ?”

เสียงทุ้มคุ้นเคยที่ดังแผ่วอยู่ที่ข้างหูทำให้ผมที่กำลังงัวเงียถึงกับเบิกตาโพลง คิดไม่ถึงว่าคนที่กอดผมอยู่นี้คือ…

“พี่ภู… พี่ภูหรอครับ”

“ฉันเอง” เขากดจูบลงมาเบาๆ ที่แก้มผม “ตัวไม่ร้อนแล้วใช่ไหม”

ผมพยักหน้าทั้งที่ตอนนี้แก้มร้อนไปหมด นึกขอบคุณที่พี่ภูนอนกอดผมจากด้นหลัง ถ้าไม่งั้นผมต้องเขินจนไปไม่เป็นแน่ๆ

“ไนล์ค่อยยังชั่วแล้วครับ ไม่เป็นอะไรแล้ว”

 ผมตัดสินใจจะลุกขึ้นเพราะไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้นานเกินไป หัวใจผมหวั่นไหวและเต้นแรงจนเจ็บอก ผมไม่อยากให้พี่ภูรู้ว่าผมรู้สึกกับเขามากขนาดไหน แต่พอผมทำท่าจะลุกพี่ภูก็รั้งกอดผมเอาไว้ ยังไงก็ไม่ยอมให้ผมลุก

“อื้อ..” เขากอดผมแน่น “จะไปไหน?”

“ไปหาอะไรให้พี่ภูทานครับ.. ปล่อยผมเถอะ”

“ไม่ต้องไป” เขาพลิกตัวผมให้หันหน้าไปหา ก่อมก้มลงมาจูบจมูกผมเบาๆ “ฉันกินแล้ว ที่นายวางไว้บนโต๊ะน่ะ เรียบร้อยหมดแล้ว”

และพอพี่ภูพูดจบก็ไม่มีบทสนทนาใดๆ ของเราต่อ ในขณะที่ผมกำลังก้มหน้างุด พี่ภูก็จ้องผมเอาเป็นเอาตาย

“เอ่อ.. คือ ดึกแล้ว พี่ภูไม่กลับห้องหรอครับ” ผมเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าตอนนี้ใกล้จะล่วงเข้าสู่วันใหม่แล้ว

“ไล่ฉันหรอ?” พี่ภูถามเสียงเรียบทำเอาผมลนลานตาโต รีบเงยหน้าขึ้นไปปฏิเสธพัลวัน

“เปล่าครับ ไม่ใช่นะครับ ไนล์ไม่ได้ไล่ แค่เห็นว่ามันดึกแล้ว กลัวว่าพี่ภูจะง่วงเลยแค่ถามว่าจะกลับห้องเลยหรือเปล่าแค่นั้นเองครับ”

“หึๆ” พี่ภูหัวเราะเบาๆ พอเห็นผมแก้ความเข้าใจผิดปากคอสั่น ก่อนที่เขาจะก้มลงมากัดปลายจมูกผมเบาๆ “ที่จริงก็ง่วงแล้วแหละ เลยมาที่นี่”

ผมขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจที่พี่ภูพูดเท่าไหร่ “เอ๊ะ..?”

“ขอนอนด้วยคน ฉันอยากนอนกอดนาย.. ได้ไหม?”

ปลายเสียงที่ทอดถามอย่างอ่อนโยนของพี่ภูทำเอาใจผมเต้นแรงจนเจ็บไปหมด ผมไม่เคยนึกเคยฝันเลยว่า จะได้รับอะไรแบบนี้จากคนที่ผมแอบรักมาเป็นสิบปี เขาที่ผมไม่กล้าแม้แต่จะฝันว่าวันหนึ่ง เราจะได้มีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกันแบบนี้

และแม้ว่าพี่ภูจะเพิ่งกลับมาจากการเจอคุณรัน ผมก็ยังคงมองข้าม และผมมันโลภเพราะหวังแค่อยากจะซึมซับช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้ในความทรงจำ

“แต่เตียงไนล์เล็ก… พี่ภูจะอึดอัด แล้วจะพาลตกเตียงเอานะครับ”

จบคำผม พี่ภูก็ขยับมากอดผมแน่นก่อนจะกระซิบเสียงเจ้าเล่ห์ขัดกับหน้าตาหล่อเหลาที่ทำเฉยๆ ได้อย่างแนบเนียน

“นายก็ขยับมานอนใกล้ๆ ฉันสิ ฉันจะได้ไม่ตกเตียง”

เขากระชับวงแขนแน่น จนหูผมแนบเข้ากับอกของพี่ภูและได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นเป็นจังหวะเร็วขึ้นอย่างชัดเจน

เรานอนกอดกันอยู่แบบนั้น ผมมีความสุขมากจนอยากจะหยุดเวลาไว้แค่นี้ อยากจะหยุดทุกอย่างแล้วยืดคืนนี้ออกไปให้ตราบนานเท่านาน แต่เหมือนพระเจ้าจะไม่ได้รักผมเท่าไหร่ เพราะช่วงเวลาของผมมันช่างสั้นนัก เมื่อพี่ภูเอ่ยขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังกอดผมอยู่

“เมื่อหัวค่ำ ฉันออกไปเจอคุณรันมา” ผมขยับตัวออกทันทีพอได้ยินพี่ภูพูดแบบนั้น “ชู่ว ไนล์ นอนนิ่งๆ ไม่ดื้อสิ”

พี่ภูจูบเบาๆ ที่หน้าผากผม แค่นั้นไอ้ความคิดที่ว่าอยากจะไปจากตรงนี้ ไม่อยากจะได้ยินอะไรแบบนี้ก็แทบไม่เหลือ .. ผมช่างใจอ่อนให้เขาง่ายจริงๆ

“….”

“ฟังให้จบก่อน อย่าเพิ่งน้อยใจหรือคิดไปเอง” เขาพูดดุๆ แต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยนกว่าที่เคย

“ครับ”

“คุณรันเธอโทรมา โวยวายยกใหญ่ว่าแผลที่โดนน้ำร้อนลวกอักเสบ” พี่ภูถอนหายใจ ก่อนจะเล่าต่อ “เธอขอให้ฉันไปหา เพราะอยากจะไปให้หมอตรวจซ้ำ … ตอนแรกฉันก็ปฏิเสธไปบอกว่าไม่ว่าง เธอก็โวยวายไม่เลิก แล้วสุดท้ายก็ใช้ไม้ตายขู่ฉัน”

“ขู่พี่ภูหรอครับ?” ผมเงยหน้าถามอย่างแปลกใจ ซึ่งพี่ภูเองก็พยักหน้ารับไม่ได้ปฏิเสธ

“ขู่ว่าเสียใจและไม่อยากไปเป็นที่ปรึกษาให้ทีมฉันแล้ว เธอบอกว่าเธอกลัว กลัวว่าจะโดนนายทำร้ายอีก” ผมตาโต กลัวผมนี่ยะนะ “ฉันล่ะอยากจะขำ อย่างนายจะไปทำอะไรใครได้ ตัวกระเปี๊ยกเดียว หึๆ”

“คุณรันอาจจะฝังใจก็ได้นะครับ คือเธอคงคิดว่าผมตั้งใจทำน้ำร้อนหกใส่เธอ”

“ใครทำหกใส่ใครกันแน่ไนล์?” พี่ภูจ้องหน้าผมคาดคั้นเอาคำตอบ แต่ผมเลือกที่จะก้มหน้าเลี่ยงคำถาม พี่ภูเลยข้ามประเด็นนี้ไปเพราะคงไม่อยากรื้อฟื้น “นั่นแหละเพราะฉันรู้ความจริงแล้ว ฉันเลยไม่เซ้าซี้เธอ ก็เลยบอกไปว่าถ้าไม่สะดวกใจมาเป็นที่ปรึกษาให้ทางเราก็ไม่ได้บังคับ”

“อ่าว แล้วทำไม…?”

“แล้วทำไมฉันถึงยังไปใช่ไหม?” ผมพยักหน้ารับทันทีที่พี่ภูถามออกมาแบบนั้น “หึ! ก็พอคุณรันรู้ว่าใช้ไม้นั้นกับฉันไม่ได้ เธอเลยขู่ว่าจะเอาเรื่องนายแทนน่ะสิ.. ร้ายกาจชะมัด”

ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายตาโต “งั้นที่พี่ภูออกไปหาคุณรันก็เพราะ…”

“ฉันไม่อยากให้นายเดือดร้อน ต่อให้นายไม่ผิดก็เถอะ แค่เรื่องเมื่อวานฉันก็รู้สึกผิดจะแย่ แค่ฉันตัดใจไปเจอเธอให้จบๆ คุณรันจะได้ไม่มาวุ่นวายกับนายอีก” พี่ภูลูบลงบนข้อมือตรงที่ผมพันแผลไว้เบาๆ “ขอโทษอีกครั้งนะไนล์.. ทุกเรื่องเลย”

ผมพยักหน้ารับพลางพึมพำซ้ำไปซ้ำมาว่า 'ไม่เป็นไรครับ' พร้อมๆ กับน้ำตาผมรื้นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินพี่ภูเอ่ยขอโทษ ความรู้สึกหนักอึ้งตลอดหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาเหมือนถูกปลดล็อค


อย่างน้อยตอนนี้ผมได้พี่ภูคนที่นั่งอยู่ในร้านไอศครีมกลับมาบ้างแล้ว สักส่วนนึงก็ยังดี…


และอ้อมกอดที่อบอุ่นนี้ก็เป็นสิ่งย้ำเตือนว่าทุกอย่างที่ผมได้ยิน ได้รับ และเผชิญอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง

.

.

.

หลังจากวันนั้นผมก็เหมือนล่องลอยอยู่ในความฝันไม่รู้จักจบสิ้น พี่ภูดีกับผมมาก เขาไม่ค่อยอารมณ์เสียหรือหงุดหงิดใส่ผมแล้ว เขากลับใส่ใจและไม่ค่อยดุผมอีกต่างหาก สายตาแข็งกร้าวที่เคยใช้มองผมตอนนี้ก็อ่อนลงมาก อ่อนลงพอๆ กับใจผม ที่แทบไม่เหลือแรงต้านทานอะไรอีก

และที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือ พี่ภูชอบมาอยู่ใกล้ๆ ผมมากขึ้น บางทีก็เข้ามากอด บางทีก็เข้ามาหอม เวลาผมทำกับข้าวหรือทำความสะอาดบ้าน บางครั้งเขาก็ชอบมาคลอเคลีย แรกๆ ผมก็มีเขินบ้าง ไม่บ้างหรอก เขินเยอะเลยแหละ เคยลองหลบเลี่ยงบ้างบางครั้ง แต่พอเห็นสายตาตัดพ้อหรืออ้อนๆ จากอีกฝ่าย ก็อดใจอ่อนยอมไม่ได้ ทุกครั้งไป

ผมไม่รู้ว่าพี่ภูเป็นอะไร ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ แต่สำหรับผมอย่างน้อยมันก็ดีกว่าตอนที่เขาดุ หรือเขาพูดจาไม่ดีใส่ ยังไงตอนนี้มันก็ดีกว่าเมื่อช่วงแรกๆ ที่ผมมาอยู่มากๆ

เพราะเหมือนผมกำลังได้เข้าใกล้เด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ในร้านไอศครีมคนนั้นขึ้นมาอีกก้าว

“ไนล์ พรุ่งนี้ฉันว่าจะเข้าไปหาแม่ที่บ้านสักหน่อย ตื่นเช้าหน่อยแล้วกันนะ”

ผมที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จและกำลังจัดการตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก หันไปมองพี่ภูที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ซึ่งปกติแล้วเตียงห้องที่ผมนอนก็ไม่ได้ใหญ่มาก อย่างน้อยก็ใหญ่ไม่เท่าห้องพี่ภู ผมก็เลยไม่เข้าใจว่าเขาจะมานอนเบียดกับผมที่เตียงแคบๆ ห้องเล็กๆ นี้ทำไม

จะว่าไปพักหลังพี่ภูก็แทบจะมาค้างห้องผมทุกคืน ยกเว้นคืนไหนที่เขาต้องทำงานถึงดึก หรือมีคุยงานติดพันกับพี่เทมส์หรือคนในทีม คืนนั้นพี่ภูถึงจะไปนอนห้องตัวเอง

“ได้ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไนล์จะตื่นมาเตรียมอาหารเช้าให้พี่ภู และก็อาจจะทำขนมฝากพี่ภูไปให้คุณท่านด้วย”

ผมยังคงสาละวนค้นหาของอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เลยไม่ทันได้เห็นว่าพี่ภูลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วมายืนคร่อมกักผมไว้ในอ้อมแขนเขาเงียบๆ จนกระทั่งเขาแนบปากลงบนแก้มของผมนั่นแหละ ผมเลยได้สะดุ้งจนสุดตัว

จุ๊บ~

“เฮ้ย!” ผมร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ในขณะที่คนขี้แกล้งหัวเราะจนตาหยี เขาดูผ่อนคลายจนผมไม่กล้าที่จะต่อว่า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นเบาๆ ออกไป “พี่ภูแกล้งไนล์ทำไมครับ ตกใจหมด”

“ฮ่าๆ ทำไมขี้ตกใจ?” เขาว่าพลางก้มลงมากอดผมหลวมๆ “ทำอย่างกับไม่เคยโดยหอม”

พอพูดจบ เจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นก็กดจมูกลงมาอีกรอบ ก่อนจะจับตัวผมที่ก้มหน้างุดเพราะความเขินให้หันไปหา และพอผมเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นพี่ภูยิ้มบางๆ ส่งมาให้ ให้ผมต้องเสหลบตาไปอีกทาง

พี่ภูใช้มือเชยคางผมขึ้นแผ่วเบา ทำให้ผมเลี่ยงที่จะสบตาเขาต่อไปไม่ได้ แม้พอจะรู้อยู่ลึกๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็อดเขินไม่ได้อยู่ดี

ผมหลับตาพริ้มเมื่อเห็นพี่ภูก้มหน้าลงมาจนระยะห่างของใบหน้าเราสองคนลดลงเรื่อยๆ และในที่สุด ริมฝีปากของเราสองคนก็สัมผัสกัน

พี่ภูบดคลึงริมฝีปากผมลงมาอย่างแผ่วเบา ค่อยเป็นค่อยไป หลังจากเหตุการณ์วันนั้นอย่างที่ผมบอกก็คือพี่ภูอ่อนโยนกับผมมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่เรื่องนี้ … เรื่องจูบ

เขาอ้อยอิ่งอยู่กับริมฝีปากผม ค่อยๆ เลาะเล็มและดูดดึงแผ่วเบาสลับเน้นย้ำ ไม่ได้ร้อนแรงแต่ก็ทำเอาหัวใจดวงน้อยของผมแกว่งไปทั้งใจ

ทั้งริมฝีปากที่เราสัมผัสกัน ทั้งเรียวลิ้นร้อนที่เกี่ยวกระหวัด ทั้งลมหายใจร้อนที่รดรินอยู่ข้างแก้ม และที่สำคัญเสียงหัวใจของพี่ภูที่ไม่ได้เต้นในจังหวะเดิม ทำให้ผมสุขจนล้นอก ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเกิดจากสาเหตุอะไร ผมเลิกที่จะสนใจไปแล้ว ขอแค่ได้ตักตวงช่วงเวลานี้เอาไว้ให้มากที่สุดก็พอ

พี่ภูบดริมฝีปากย้ำๆ จนเสียงจูบเฉอะแฉะดังที่ข้างหูไม่หยุด เขากวาดต้อนเอาความหอมหวานจากผมไปจนหมดสิ้น เรียวลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อและหลอกล่อจนผมเคลิ้ม กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ลมหายใจกำลังจะขาดห้วงเลยต้องบีบไหล่พี่ภูเบาๆ เป็นการประท้วง

“อืม…”

คนที่กอดผมไว้ยอมผละริมฝีปากออก เขาจูบย้ำๆ ลงมาอย่างมันเขี้ยว และพอเห็นว่ามุมปากผมเลอะน้ำใสที่น่าจะไหลออกมาตอนจูบกันเมื่อกี้ พี่ภูก็ก้มลงมาจูบซับเบาๆ ให้ที่มุมปากผมอย่างอ่อนโยน ทำเอาหัวใจที่เพิ่งจะสงบกลับเต้นแรงอีกครั้ง

“พี่ภูครับ พอแล้ว” ผมก้มหน้างุดและพยายามเอ่ยห้าม เลยได้ยินเสียงคนตรงข้ามหัวเราะเบาๆ “ว่าแต่… พี่ภูจะไม่กลับไปนอนห้องหรอครับคืนนี้”

ผมเงยหน้าถามเขาตาใส ทำเอาคนที่เพิ่งถูกถามชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจทันที พอเห็นพี่ภูมีสีหน้าแบบนั้นใจผมแทบร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเผลอขัดใจเขาเข้า

“นายไล่ฉันหรอ?”

“เปล่าสักหน่อยครับ” ผมรีบละล่ำละลักปฏิเสธ ก่อนจะเผลอกอดรอบเอวอีกฝ่ายไว้แน่นเพราะกลัวพี่ภูไม่เชื่อ “ไนล์แค่ถามเฉยๆ เตียงห้องนี้มันแคบ ไนล์กลัวพี่ภูนอนไม่สบาย”

ผมก้มหน้าเตรียมรับคำต่อว่าทันทีหลังจากที่อธิบายจบ ผมลืมคิดไปว่าตัวเองไม่ควรเจ้ากี้เจ้าการแบบนี้ ที่นี่เป็นบ้านของพี่ภู เขาจะนอนตรงไหน จะทำอะไร มันก็สิทธิ์ของเขา ที่จริงผมไม่มีสิทธิ์ไปตั้งคำถามด้วยซ้ำ แต่ประโยคที่ได้ยินจากพี่ภูทำเอาผมรู้สึกเหมือนคิดผิดถนัด

“เตียงแคบก็นอนเบียดๆ กันหน่อยสิ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ถูกไหม?”

เขาว่าพลางช้อนตัวผมขึ้นอุ้มจนตัวลอย ผมที่ไม่เคยเจอพี่ภูปฏิบัติใส่แบบนี้ก็ได้แต่ตกใจจนตาเหลือกและกอดรอบคอเขาไว้แน่นเพราะกลัวตก

“พี่ภู…”

“เรียกทำไมนักหนา กลัวลืมชื่อรึไง?” พี่ภูว่า พลางอุ้มผมแล้วเดินมาหย่อนตัวผมลงบนเตียง ก่อนที่จะตามลงมานอนข้างๆ “วันๆ กินอะไรบ้างเนี่ย ทำไมตัวถึงเบาขนาดนี้ .. กินให้มันเยอะหน่อย เดี๋ยวแม่ก็หาว่าฉันเลี้ยงนายไม่ดีอีก”

พี่ภูว่าพลางล้มตัวลงนอนข้างๆ ผม แล้วดึงผมไปกอดหมับทันที ผมเองก็นอนนิ่งให้พี่ภูกอด เรานอนกันอยู่เงียบๆ แบบนั้น จะว่าไปตั้งแต่เรื่องเมื่อคราวนั้น นอนกจากการกอด การจูบ ก็มีการนอนร่วมเตียงกันนี่แหละที่เกิดขึ้นบ่อยมาก แต่เราก็แค่นอนด้วยกันเฉยๆ นะ ไม่ได้เกินเลยอะไรอีก อาจจะมีบ้างที่พี่ภูกอดพี่ภูจูบจนผมหลับไป และถึงแม้มันจะมีเกือบๆ ไปบ้างบางครั้ง แต่ผมก็เป็นคนหยุดและยั้งไว้ได้ทุกครั้ง พี่ภูเองพอเห็นผมไม่เต็มใจเขาก็ยอมหยุดโดยไม่ได้วอแวอะไรต่อเหมือนกัน

และนั่นก็คือความประทับใจที่เกิดขึ้น... พี่ภูไม่ล่วงเกินผมเลยตั้งแต่นั้นถ้าผมไม่เต็มใจ

“คุณท่านไม่ว่าหรอกครับ ไนล์บอกท่านตลอดว่าพี่ภูดูแลไนล์ดี”

“บอกตอนไหน หื้ม? ขี้โม้รึเปล่า?”

“บอกตอนคุณท่านโทรมาไงครับ คุณท่านจะโทรมาถามบ่อยๆ ว่าพี่ภูเป็นยังไงบ้าง”

“อืม.. งั้นพรุ่งนี้ก็ไปบอกแม่ด้วยตัวเอง จะได้ไม่ต้องโทร” ผมตาโต ดันตัวออกจากอ้อมกอดพร้อมกับมองพี่ภูเขม็งเพราะอยากแน่ใจว่าเขาไม่ได้หลอก

“พี่ภูพูดจริงหรอครับ? ให้ไนล์ไปด้วยหรอครับ?” ผมถามพี่ภูด้วยรอยยิ้มกว้าง ดีใจจะแย่ เพราะปกติพี่ภูไม่ค่อยชอบให้ผมไปไหนด้วย และที่สำคัญผมก็คิดถึงคุณแม่กับพี่เทมส์มากด้วย

“อื้อ... ให้ไป ตั้งใจว่าจะพาไปด้วยตั้งแต่แรกนั่นแหละ ถึงได้บอกให้ตื่นแต่เช้าไง”

พี่ภูตอบรับอย่างใจดี ทำเอาผมรีบพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน

“ได้ครับ เดี๋ยงพรุ่งนี้ไนล์จะตื่นแต่เช้าเลย” พอพูดจบผมก็ล้มตัวลงนอนแล้วมุดเข้าอกพี่ภูทันที ทำเอาเจ้าของอกอุ่นๆ หัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจ

“อ้าว นอนเร็วขนาดนั้นเลย… หึ! เด็กหนอเด็ก”

ผมรู้สึกการขยับตัวของคนข้างๆ แล้วไฟที่ห้องก็ดับลง พร้อมๆ กับสัมผัสอุ่นๆ ที่ประทับลงบนหน้าผากของผมอย่างอบอุ่น

“ฝันดีนะ”

ใช่.. ฝันดี ฝันดีอย่างที่ผมไม่คิดไม่ฝันเลยว่ามันจะเกิดขึ้นจริง

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-05 : Universe 19th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 05-06-2020 20:37:49
(ต่อจากด้านบน)


Kirin’s Part


ผมนั่งมองไนล์ที่กำลังทำอะไรวุ่นวายอยู่ในครัว เจ้าตัวเล็กดูมีความสุขมากเวลาที่ได้ทำอาหาร และเขาก็มักจะเป็นอย่างนี้เสมอ แม้จะเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้ทำเพื่อผม และผมก็ได้ค้นพบว่ามันดีไม่น้อยเลยหลังจากที่เราได้มีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน เพียงแค่ผมยอดเปิดใจและลดอคติที่มีของตัวเองให้เบาบางลง

และผมก็ได้พบว่าผมมีความสุขมากขึ้นได้ เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไนล์ไม่ได้อึมครึมเหมือนที่ผ่านมา

“ไนล์ เสร็จรึยัง? เดี๋ยวต้องรีบออก ไม่งั้นรถจะติดนะ”

เจ้าตัวเล็กวิ่งหน้าตาตื่นออกมาพร้อมกับแก้มที่แดงปลั่ง แถมผ้ากันเปื้อนสีฟ้านั่นก็ดูเข้ากันได้ดีกับร่างเล็กๆ ของไนล์ได้อย่างน่ามอง

“เสร็จแล้วครับพี่ภู อันนี้ข้าวเช้าของพี่ภูครับ” พ่อครัวตัวน้อยยกจานอาหารเช้าง่ายๆ ที่ประกอบด้วยแซนวิชกับไข่ดาวออกมาสองจานวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่เจ้าตัวจะหายเข้าไปในครัวแล้วกลับออกมาอีกรอบพร้อมทัปเปอร์แวร์สองสามกล่องในมือ “ส่วนอันนี้ไนล์ทำไปฝากคุณท่านครับ”

“อะไรล่ะนั่น?” ผมพยักเพยิดไปยังอาหารที่อยู่ในกล่อง ก่อนจะทรุดลงนั่งตรงที่ประจำเพื่อเตรียมกินข้าวเช้า

“มีต้มจืดลูกรอก คื่นไช่ผัดใส่ปลา แล้วก็สลัดผักออร์แกนิคครับ” ไนล์พูดอย่างภูมิอกภูมิใจ เขาดูมีความสุขมากที่ได้ทำอะไรให้แม่ผมทาน

“เอาๆ เราก็มานั่งกินได้แล้ว เดี๋ยวกินเสร็จแล้วจะได้ไปกัน”

ไนล์ลงมานั่งกินข้าว เราสองคนนั่งกินกันเงียบๆ แต่ผมกลับไม่รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ ผมชอบที่ไนล์ไม่ใช่คนช่างพูดช่างจาอะไรมาก แค่ทุกครั้งที่ผมเหลือบมองเขา เขาจะเงยหน้าและส่งยิ้มตอบกลับมาเสมอ

“วันนี้พี่ภูจะกลับไปทำอะไรที่บ้านใหญ่หรอครับ หรือแค่กลับไปเยี่ยมคุณท่านเฉยๆ”

“ก็ไม่เชิง” ผมตอบพร้อมกับถอนหายใจน้อยๆ เมื่อคิดถึงเหตุผลจริงๆ ที่ต้องกลับบ้านวันนี้ “เห็นว่าแม่อยากให้ไปสังสรรค์ร่วมกับทีมโปรเจ็ค เหมือนแม่อยากจะคุยเรื่องความคืบหน้าของโครงการ แต่ไม่อยากจะให้เครียดเกินไป เลยเลี่ยงมาใช้การกินเลี้ยงแทน”

ไนล์ชะงักไปนิดหนึ่ง แต่แล้วก็เก็บอาการได้อย่างรวดเร็ว “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีคุณรันด้วยใช่ไหมครับ”

“อืม.. ก็คุณรันเธอเป็นที่ปรึกษาฯ”

ผมเห็นไนล์พยักหน้ารับเหมือนเข้าใจ แต่แววตาที่ลิงโลดกลับดูหม่นแสงลง

“คุณรันก็อยู่ส่วนคุณรัน เราก็อยู่ส่วนเรา ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปเผชิญหน้าถ้าไม่สะดวกใจ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลหหรอก”

“ครับ” อีกฝ่ายรับปาก แต่พักหนึ่งก็เหมือนนึกขึ้นได้ เลยอ้อมแอ้มถามออกมา “หรือว่าไนล์จะไม่ต้องไป...”

“ไม่! ฉันบอกให้ไปก็คือไป” ผมแกล้งพูดเสียงเข้มตัดบท ให้ไนล์รู้ว่าห้ามปฏิเสธ ซึ่งผมก็ทำได้ดี เพราะไนล์ยอมรับปากในที่สุด

“ครับ ไปก็ไป” เจ้าตัวเล็กถอนหายใจเบาๆ ผมเลยต้องอธิบายว่าทำไมอยากให้เขาไปด้วยวันนี้

“แม่อยากเจอเรา เห็นท่านบ่นว่าคิดถึง ฉันก็เลยอยากพานายไปด้วย”

แววตาที่หม่นลงดูสดใสขึ้นมาทันตาพอผมว่าแม่ผมอยากเจอ นั่นเลยทำให้ผมรู้ว่าไนล์เองก็คงอยากจะเจอแม่ผมเหมือนกัน และสิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือแววตาที่ทอประกายแบบนี้ของไนล์น่ามองกว่าแววตาหม่นเศร้าเป็นไหนๆ

และผมก็ไม่ชอบเห็นมันเลยสักนิด

“คุณท่านอยากเจอผมหรอครับพี่ภู?”

“ก็ใช่น่ะสิ” ผมย้ำ “ไปๆ รีบเอาจานไปเก็บได้แล้ว ละก็ไม่ต้องล้างหรอก วันนี้ฉันสั่งให้ป้ามลเข้ามาทำความสะอาดอยู่ เดี๋ยวทำอะไรเสร็จแล้วก็เตรียมออกได้เลย”

“ครับพี่ภู”

ไนล์รับคำด้วยรอยยิ้มกว้างจนตาหยี ทำเอาผมอดยิ้มตามด้วยไม่ได้

.

.

.

ผมขับรถกลับมาถึงบ้านโดยใช้เวลาไม่นานนัก และทันทีที่รถจอดเทียบหน้าประตูบ้าน แม่ของผมก็เดินกึ่งวิ่งมาทันที ทำเอาผมอดแปลกใจไม่ได้ เพราะปกติแม่ก็ไม่เคยดีอกดีใจอะไรขนาดนี้เวลาผมกลับมาบ้าน แต่แล้วผมก็ต้องเลิกแปลกใจ เมื่อแม่วิ่งเข้าไปหาไนล์ แล้วโผเข้ากอดเจ้าตัวเล็กไว้แน่น ในขณะที่คนถูกกอดก็ยิ้มตาหยีจนน่าหมั่นไส้

“น้องไนล์เป็นยังไงบ้าง ฉันไม่ได้เจอเลย เป็นห่วงอยู่กลัวพี่ภูจะทำตัวไม่ดีใส่”

ไนล์ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเหลือบมองผมเล็กน้อย..

จะว่ายังไง คือ.. ผมก็ทำตัวไม่ค่อยจะดีกับไนล์จริงๆ นั่นแหละ ถ้าเขาจะฟ้องแม่ ผมก็คงเถียงอะไรไม่ได้

“พี่ภูใจดีกับไนล์มากครับคุณท่าน คุณท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”

ผมมองคนที่กำลังถูกแม่ลูบหน้าลูบตาด้วยความประหลาดใจ แต่คิดอีกทีก็สมกับเป็นไนล์ ทั้งที่ผมร้ายกับเขาสารพัดแต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยผ่าน ไม่เก็บเอามาคิดแค้น หรือต้องบอกให้แม่ผมรู้ เขาไม่ใช่คนขี้ฟ้อง ขนาดโดนน้ำร้อนลวกมือเขายังไม่ปริปากหรือประท้วงบอกผมสักคำ

ผมถึงได้บอกว่าสมกับเป็นไนล์ดี

พอพูดถึงแผลที่ข้อมือไนล์ก็โชคดีเหลือเกินที่ตอนนี้มันหายเกือบจะสนิทแล้ว ไม่งั้นก็ต้องถูกแม่ซักแน่ๆ ว่มาไปทำอะไรมา ไนล์ถึงเจ็บตัวขนาดนั้น และผมก็ไม่แน่ใจเลยว่าถ้าแม่รู้ว่าไนล์เจ็บตัวเพราะถูกคุณรันแกล้ง ผลสรุปมันจะออกมายังไง ผมรู้จักแม่ตัวเองดี เพราะต่อให้คุณรันจะเป็นที่ปรึกษาฯ คนสำคัญของทีม แต่ถ้ามารังแกคนโปรดของแม่ ท่านต้องไม่เอาไว้แน่ๆ ผมรับรอง

ผมมองไนล์ที่เดินประคองแม่เข้าไปในบ้านด้วยสายตาที่อ่อนลงกว่าเดิมมาก หลังจากคืนนั้น คืนที่เรามีอะไรกัน ไนล์ไม่เคยพูดถึงมันอีกเลย เอาเข้าจริงก็ถือว่าผิดจากที่ผมคาดพอสมควร ผมคิดว่าไนล์จะเรียกร้องนั่นนี่จากผม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผมที่เป็นคนแรกของเขาแล้ว เขาแทบจะสามารถแบล็คเมล์ผมได้เลยด้วยซ้ำ แต่ตรงกันข้ามไนล์กลับไม่ทำอะไรเลย ไม่เรียกร้องอะไรเลยสักนิด

ซึ่งนั่นทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายเรียกร้องและเข้าหาเขาเอง

ผมไม่ปฏิเสธว่าผมติดใจ แต่ผมก็ไม่ได้กระหายอยากขนาดนั้น ไนล์ทำให้ผมอยากให้เกียรติเขา อยากทำดีกับเขา อยากเปิดใจให้เขา อยากจะให้เขายิ้มมากกว่าที่จะทำให้ขาร้องไห้เหมือนที่ผ่าน อย่างน้อยก็เพื่อไถ่โทษที่ทำไม่ดีกับเขา และก็เพื่อตอบแทนสำหรับช่วงระยะเวลาหนึ่งที่เราอยู่ด้วยกัน และเขาก็ดีกับผมเหลือเกิน

และที่ไม่อยากจะยอมรับแต่มันก็คือความจริงนั่นก็คือ ไนล์ทำให้ผมกลับมาเป็นผมที่ใกล้เคียงกับคนเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ

การเอาชนะใจผมด้วยความดีที่ไนล์เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะทำนั้น... ได้ผลจริงๆ

แม้ลึกๆ ผมจะยังติดใจเรื่องไอ้เทมส์อยู่ไม่น้อย แต่ผมก็พยายามจะปล่อยผ่าน ผมอาจจะสับสนเพราะไม่แน่ใจกับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ แต่ในเวลานี้ตอนนี้ผมเลือกที่จะไม่คิดถึงมัน

เพราะว่าผมเลือกแล้วที่จะปล่อยให้เป็นอดีตของไนล์ ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นคนของผม ผมก็จะให้เขาทิ้งอดีตต่างๆ ของตัวเองไว้ข้างหลังเสีย ถ้าตราบเท่าที่เขามีผทคนเดียว ผมก็จะยอมหลับตาสักข้าง แล้วปล่อยเรื่องเก่าๆ ทิ้งไป

ให้ปัจจุบันของเขามีแค่ผมคนเดียวพอ

“เอ้า พี่ภู รีบเดินมาเร็วลูก แม่จะพาน้องไนล์เข้าไปคุยในบ้านแล้ว”

แม่กวักมือพร้อมกับเรียกผมดังลั่น ให้ผมต้องรีบเดินตามท่านเข้าไป และต้องอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อตอนนี้ผมกลายเป็กมาหัวเน่าโดยสิ้นเชิง

“ครับๆ ผมมาแล้วครับแม่” ผมเดินไปถึงตัวแม่ ก่อนจะแกล้งเย้า “ตกลงใครลูกแม่กันแน่ครับ นี่ตั้งแต่ผมลงรถมาแม่ยังไม่แม้แต่จะหันมองผมเลยนะ”

แม่ผมส่งค้อนวงโตมาให้ ท่านไม่ได้สะทกสะท้านกับคำตัดพ้อหลอกๆ ของผมเลยด้วยซ้ำ แต่คนที่เลิ่กลั่กดูไม่สบายใจกลับกลายเป็นไนล์แทน

“เอ่อ คุณท่านอยู่คุยกับพี่ภูก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวไนล์ไปช่วยในครัวก่อน”

“แต่ฉันไม่ได้อยากคุยกับพี่ภูสักหน่อยนี่น้องไนล์ ฉันอยากคุยกับน้องไนล์มากกว่า ปล่อยพี่ภูไปเถอะ พี่ภูก็แกล้งพูดตัดพ้อไปงั้นแหละ ไม่ได้คิดจริงจังหรอกน้องไนล์”

พอผมเห็นไนล์ทำท่าจะแย้ง ผมเลยตัดสินใจเบรกก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่

“แต่ว่า…”

“ที่คุณแม่พูดน่ะถูกแล้ว… ฉันล้อเล่น นายคุยกับแม่ไปเถอะ” ผมพยักเพยิดไปยังถุงผ้าทีมีทัปเปอร์แวร์ใส่อาหารอยู่ด้านใน “ทำอาหารมาให้แม่ฉันไม่ใช่หรอ? เอาให้ท่านดูสิ”

ผมพาเปลี่ยนเรื่อง และดูเหมือนเรื่องนี้จะถูกใจแม่ไม่น้อย “น้องไนล์ทำอาหารมาให้ฉันหรอจ๊ะ?”

“ใช่ครับ ไนล์ทำมาหลายอย่างเลย ไม่แน่ใจว่าคุณท่านชอบไหม”

และดูเหมือนว่าเรื่องอาหารของไนล์จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนี้ทั้งคู่พากันจูงมือเดินไปทางครัวแล้ว ท่าทางจะไม่ออกมากันง่ายๆ แน่ๆ

ผมมองรอบๆ บ้าน เห็นโต๊ะอาหารที่จัดอยู่ในสวนรอต้อนรับแขกที่จะมากันเย็นนี้ก็นึกไม่สบายใจขึ้นมานิดหน่อย ไหนจะคุณรัน ไหนจะไอ้เทมส์ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

ก็ได้แต่ภาวนาให้การกินเลี้ยงเย็นนี้ผ่านไปด้วยดีก็แล้วกัน

.

.

.

To Be Continue

-----------------------------------------

ตอนแรกถือมีดมา ตั้งใจมากระซวกอิพี่ภูกับคุณรันเต็มที่ สักพัก.. เอามาตัดขาตัวเองแทน หวานจนเบาหวาลงขา ต้องตัดทิ้งแทนกระซวกไส้คน 55555555555555

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ ตอนนี้ทำพิธีไล่ผีออกจากพี่ภูแน้ววว จากนี้ก็จะมุ้งมิ้งกิงก่องแก้วนิดหน่อยยย ... แต่อยากขอให้ทุกคนเกียมมีดไว้ก่อน อย่าเพิ่งเอาไปเก็บ เพราะสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ 55555555555

แล้วเดี๋ยวตอนหน้ามากระซวกไส้นังคุณรันกันนน เจอกันตอนหน้านะคะ สักวันจันทร์ไม่ก็อังคารเนาะ ^^

ขอคนละคอมเม้นเหมือนเดิมน้าา เอาไว้เป็นกำลังใจ ชอบไม่ชอบไม่ชอบบอกได้นะคะ เราจะได้เอามาปรับปรุงและพัฒนาต่อ .. คำคอมเม้นท์ของพวกคุณมีค่าสำหรับเราเสมอค่ะ ยังคงยืนยันคำนั้นเสมออออ

รักครับ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-05 : Universe 19th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 05-06-2020 21:47:51
นี่แหละอิตาพี่ภูรนก่อนเมื่อ10ปีก่อน
อบอุ่นขนาดนี้จะไม่ให้รักได้ยังไง

เชื่อเลยคนแบบนี้มีลูกเมื่อไรหลงหัวปักหัวปำแน่

รออ่านอยู่อีกน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-05 : Universe 19th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 05-06-2020 23:57:39
อาจจะผ่านไปด้วยดีแบบลากเลือดกันเลยก็ได้ พังไม่พังปาร์ตี้นี้ รอดูเลย 5555555 โอ๊ะโอ~~~เริ่มเป็นผู้เป็นคนแล้วเว้ย คิดได้คิดเป็น วอแวนัวเนียว่าที่เมียใหญ่เลยเห่อมากกับการได้เป็นเจ้าของ มีบงมีบอกว่าไปทำอะไรที่ไหนมา รายงานให้ฟังยิบ โอวววววว ความผีเริ่มออกจากตัวสินะ 555555 คนอย่างอิพี่ภูนี่ถ้าว่าได้รักคือทุ่มเทหมดหน้าตักนะ ความรักของคุณเขาจะสมน้ำสมเนื้อที่ไนล์อดทนต่อความผีบ้าและรักเดียวใจเดียวมาตลอดหลายปีหรือป่าว อันนี้ต้องรอดูต่อๆๆๆๆไปจ้า สนุกกกก ขอบคุณที่มาต่อยาวๆให้ได้อ่านกันค่า รรรรรร  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-05 : Universe 19th)
เริ่มหัวข้อโดย: PsapBBBB ที่ 06-06-2020 00:01:11
ตอนนี้ให้คะแนนอิพี่ภู4.5ดาว ก็นะลูกเราชอบเขานิจะโกรธซักนิดยังไม่มีเลย รอดูตอนหน้าว่าจะยังไงกะยัยรัน เกียมไม้เกียมมือไว้ เกียมเรียกรถพยาบาลเลยนะค่ะ หึหึ :m16:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-05 : Universe 19th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-06-2020 01:58:50
รีบมานัาาา
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-05 : Universe 19th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-06-2020 07:54:12
เมื่อไหร่อิพี่ภูจะฉลาดซะทีค่ะ อดีตก็ปล่อยวางได้แล้วนะคะ อยู่กับปัจจุบันให้มาก ๆ น้องออกจะน่ารัก แล้วก็อย่าหูเบาด้วยนะคะ ตอนนี้อยากให้พี่ภูคิดถึงน้องที่ส่งเมล์ให้อยากให้พี่ภูกลับไปอ่านเมล์เก่า ๆ ของน้องแล้วอยากให้พี่ภูรู้เร็ว ๆ จริงว่าน้องคือคนเดียวกัน
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-05 : Universe 19th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-06-2020 08:48:22
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-05 : Universe 19th)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 06-06-2020 08:59:52
อยากให้ไนล์มีการตอบโต้คืนแบบเล็กๆๆๆยายรันมากเลย เกลียดชะนีแบบนี้เพราะในชีวิตจริงเคยเจอ ดีที่เพื่อนชะนีเป็นคนทันคน ร้ายมาร้ายกลับไม่โกง
ปล.ตอนพี่ภูรู้ความจริงไม่เอาแบบดราม่านะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-05 : Universe 19th)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 06-06-2020 15:25:37
สถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ ชักอยากเห็นเจ้าตัวเล็กแล้วซิ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-05 : Universe 19th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 07-06-2020 23:04:12
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-09 : Universe 20th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 09-06-2020 20:54:13
Universe 20th : คลี่คลาย


สนามหญ้าหน้าบ้านพี่ภูที่ก่อนหน้านี้เคยโล่งกว้าง บัดนี้ถูกตกแต่งด้วยโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ ส่วนด้านข้างก็มีอาหารหลากหลายชนิดวางเรียงราย เห็นว่าคุณแม่พี่ภูสั่งมาจากโรงแรมชื่อดัง โดยมีคนรับใช้ในบ้านเดินเข้าออกเตรียมความพร้อมให้วุ่น ในขณะที่ผมเองก็อยากจะเข้าไปช่วยพวกเขามาก เพราะไม่อยากให้พี่ภูสงสัย แต่คุณแม่ห้ามไว้พร้อมกับข้ออ้างที่ทำเอาผมปฏิเสธไม่ออก


‘ฉันอยากคุยกับน้องไนล์ อยากรู้พฤติกรรมพี่ภูว่าเป็นยังไง นี่ก็ไปอยู่ด้วยกันเกือบสองเดือนแล้ว’


พอผมทำท่าจะแย้ง พี่ภูก็กลับทำให้ผมประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อเขาสนับสนุนคำพูดของแม่ตัวเอง โดยไม่มีทีท่าประชดประชันสักนิด ตรงกันข้ามดูเห็นดีเห็นงามไปกับคุณแม่เลยด้วยซ้ำ


‘อยู่คุยกับแม่ไปนั่นแหละ มีคนช่วยเยอะแยะแล้ว ไม่ต้องกังวลหรอก’


ผลสรุปสุดท้ายผมก็เลยนั่งคุยกับคุณแม่ยาว ช่วงแรกที่พี่ภูนั่งอยู่ด้วยเราสองคนก็คุยกันเรื่องทั่วไป แต่พอพี่ภูขอตัวออกไปโทรศัพท์คนในทีมรวมทั้งคุณรันที่จะมาทานอาหารเย็นนี้ คุณแม่ก็เริ่มกอดและหอมแก้มผมทันที

“น้องไนล์ แม่ขอบคุณมากเลยนะคะ ขอบคุณที่น้องไนล์ทำให้พี่ภูยอมกลับมาทำงาน กลับมาช่วยงานแม่ ขอบคุณที่ทำให้พี่ภูกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง แม่ไม่รู้จะพูดขอบคุณน้องไนล์ยังไง แต่แม่อยากให้น้องไนล์รู้ว่าน้องไนล์ทำให้แม่มีความสุขมาก ยิ่งได้เห็นพี่ภูวันนี้แม่ยิ่งมีความสุข เพราะตั้งแต่กลับมา เพิ่งจะมีวันนี้นี่แหละที่แม่รู้สึกว่าได้ลูกชายตัวเองคืนมาจริงๆ”

คุณแม่พี่ภูพูดทั้งน้ำตาคลอ พร้อมกับดึงผมเข้าไปกอด ไปหอมยกใหญ่ ในขณะที่ผมก็ได้แต่ยิ้มบาง ยอมให้ท่านกอดอยู่แบบนั้น จนท่านพอใจ ผมถึงได้ผละออก

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับคุณแม่” ผมยิ้ม ก่อนที่จะอธิบายตามความสัตย์จริง “อย่างที่ไนล์เคยบอกว่าที่จริงพี่ภูเองก็ตั้งใจจะกลับมาช่วยงานคุณแม่อยู่แล้ว ซึ่งมันก็มาได้จังหวะเพราะมีโปรเจ็คร่วมกับพี่เทมส์พอดี พี่ภูเลยตัดสินใจได้เร็วขึ้น… ไม่เกี่ยวกับไนล์หรอกครับ”

คุณแม่ส่ายหน้าทันทีที่ผมพูดจบ ท่านยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะเอ่ยในสิ่งที่ทำให้ผมค่อนข้างแปลกใจขึ้น

“แม่ไม่เถียงน้องไนล์นะคะเรื่องที่ว่าพี่ภูอาจจะตั้งใจกลับมาช่วยงานแม่อยู่แล้ว แต่ที่ว่าไม่เกี่ยวกับน้องไนล์เลยนี่ แม่ขอเถียงขาดใจ”

“เอ๊ะ…” ผมเอียงคอสงสัยได้ไม่นาน คุณแม่ของพี่ภูก็เอ่ยเฉลยอย่างอารมณ์ดีทันที

“ก็วันนั้นหลังจากที่พี่เทมส์ของเราไปหาพี่ภูของแม่ที่คอนโดเสร็จ พี่เทมส์ก็โทรมาล่าให้แม่ฟัง เล่าไปขำไป ขนาดแม่เองฟังยังขำเลย”

“ทำไมเหรอครับ?” ผมใจจดใจจ่อตั้งใจฟังเพราะอยากรู้ว่าตัวเองพลาดอะไรไป แล้วทำไมคุณแม่กับพี่เทมส์ถึงดูขบขันขนาดนั้น

“พี่เทมส์เค้าเล่าว่าพี่ภูน่ะ ทำท่าทางหวงเรายกใหญ่ เห็นพี่เทมส์ไปหามองเราคุยกับเราแล้วก็ทำตาขวางไม่หยุด” คุณแม่พูดด้วยน้ำเสียงล้อๆ ทำเอาผมแก้มร้อนไปหมด แต่ก็ไม่วายปฏิเสธ

“ไม่ใช่หรอกครับคุณแม่ พี่เทมส์ก็พูดเกินไป” ผมบอกปัดจริงจัง “วันนั้นพี่ภูคงจะรำคาญมากกว่าที่ไนล์เกะกะขวางหูขวางตาเลยไล่ให้ไปอยู่ในครัว พี่ภูคงไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอก คุณแม่อย่าไปเชื่อพี่เทมส์เลยครับ”


‘ถ้ายังไงผมขอตัวไปทำอาหารต่อนะครับ ถ้าอยากได้อะไรพี่ภูกับคุณเทมส์ตะโกนเรียกได้ตามสบายเลยนะครับ'

'ไม่ต้อง นายทำอาหารไป ถ้าฉันหรือไอ้เทมส์เรียกจะเอาอะไรก็ให้ป้ามลออกมา ส่วยนายไม่จำเป็นไม่ต้องเสนอหน้าเข้ามา เห็นแล้วหงุดหงิด’


แต่พอนึกถึงประโยคกับสายตาที่พี่ภูพูดเมื่อวันนั้นดีๆ แล้วผมก็ใจเต้นแรงแปลกๆ แอบยอมรับว่ารู้สึกดีไม่ได้

“อ่ะๆ ถ้าน้องไนล์ไม่ชื่อเรื่องนั้น แม่มีอีกเรื่องมายืนยัน แต่เรื่องนี้น้องไนล์ต้องไม่รู้แน่ๆ เพราะพี่เทมส์บอกว่าน้องไนล์ไม่ได้อยู่ตรงนั้น” คุณแม่พูดด้วยน้ำเสียงใส แถมประกายนัยน์ตายังหยอกล้อจนผมนึกเขิน ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าเรื่องที่คุณแม่จะพูดคืออะไร

“มีอีกเรื่องงั้นหรอครับ?”

“ก็พี่เทมส์น่ะ พอเขาเห็นพี่ภูทำท่าทำทางเหมือนจะหวงเราแบบนั้น เขาก็เลยคิดแผนลองใจ เพราะอยากจะรู้ว่าสิ่งที่เขาสงสัยนั้นเป็นจริงไหม ก็เลยแกล้งบอกพี่ภูว่าถ้าพี่ภูจะยังไม่เข้าออฟฟิศก็ได้ไม่เป็นไร แต่ถ้าถึงเวลาต้องมาปรึกษางานพี่เทมส์จะมาหาพี่ภูที่คอนโดพี่ภูก็ต้องห้ามขัดข้อง เท่านั้นแหละ พี่ภูเปลี่ยนใจเข้าออฟฟิศแทบไม่ทัน”

คุณแม่ยิ้มกริ่ม แถมมองผมที่หน้าแดงลามไปยันหูแบบล้อๆ

“แล้วแบบนี้จะให้แม่กับพี่เทมส์คิดเป็นอื่นได้ยังไงล่ะคะ เพราะก่อนหน้านี้เคี่ยวเข็ญให้เข้าไปทำงานแทบตายไม่ยอม แต่พอเห็นพี่เทมส์กับไนล์สนิทสนมกันเข้าหน่อย ก็ยอมเปลี่ยนใจเสียเฉยๆ แม่ถึงได้บอกไงว่าต้องขอบคุณน้องไนล์น่ะถูกแล้ว”

ผมฟังสิ่งที่คุณแม่พูดด้วยหัวใจที่เต้นแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามหาเหตุผลมาแย้ง เพราะไม่อยากคาดหวังและคิดไปเอง

“แต่มันอาจจะมี….”

“ชู่วว” คุณแม่จุ๊ปากสวนทั้งที่ผมยังพูดไม่จบประโยค พลางส่ายหน้ายิ้มๆ “น้องไนล์อย่าลืมนะคะว่าแม่เลี้ยงพี่ภูมากับมือ ส่วนพี่เทมส์เองก็เป็นเพื่อนสนิทพี่ภูมาแต่เด็ก ถ้าจะมีใครรู้ใจและรู้จักพี่ภูมากที่สุดก็คงไม่พ้นพี่เทมส์กับแม่ น้องไนล์เชื่อเถอะค่ะ”

แต่ถึงคุณแม่จะพูดแบบนั้น ใจผมก็ยังพยายามหาเหตุผลมาปฏิเสธ แม้ว่าตอนนี้หน้าผมจะแดงซ่าน แถมหัวใจยังเต้นแรงจนแทบจะหลุดจากขั้ว เพราะคำบอกเล่าของคุณแม่ก็ตาม

.

.

.

และแล้วงานเลี้ยงตอนเย็นก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ สนามหญ้าหน้าบ้านเริ่มมีแขกทยอยเข้ามาบางส่วน ผมยืนเตร็ดเตร่อยู่แถวๆ ไลน์อาหาร เผื่อจะช่วยหยิบจับอะไรได้ และเผื่อคุณแม่พี่ภูจะเรียกหาด้วย แต่กลายเป็นว่าคนที่เอาแต่จ้องมองมาที่ผมกลับกลายเป็นพี่ภูแทน แม้เขาจะพูดคุยกับคนในทีมอยู่ก็ตาม

“ไนล์!”

เสียงเรียกคุ้นหูทำให้ผมยิ้มออก เมื่อได้รับรู้ถึงการมาถึงของพี่ชายตัวเอง และพอผมหันไปพร้อมกับคิดว่าจะได้เจอใบหน้าคุ้นเคยยู่ในกรอบสายตาแน่ๆ แต่กลายเป็นจมูกของผมกระทบเข้ากับแผ่นอกแข็งแรงของใครสักคนแทน

“พี่ภู” ผมลูบจมูกตัวเองป้อยๆ ในขณะที่ช้อนสายตาเงยมองอีกฝ่าย และครางเรียกออกมา

“อืม ฉันเอง” เขาจับมือทผมที่ลูบจมูกออก ก่อนจะใช้ปลายนิ้วยาวๆ ของตัวเองจิ้มลงมาเบาๆ ตรงส่วนปลายที่น่าจะแดงพอสมควร “ขอโทษ ไม่คิดว่านายจะหันมาเร็ว”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่เจ็บเท่าไหร่” ผมยิ้มยืนยันคำพูดตัวเอง

“งั้นไปตรงโน้นด้วยกันหน่อยสิ ไปดูอาหารหน่อย ฉันกลัวว่ามันจะไม่พอ”

ผมเอียงคอมองหน้าพี่ภูอย่างแปลกใจ เพราะมั่นใจว่าเช็คแล้วว่าน่าจะพอดีกับจำนวนแขกวันนี้ และยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไร พี่ภูก็ลากกึ่งจูงให้ผมเดินตามทันที และจากหางตาที่ผมเห็นไวๆ ก็คือพี่เทมส์กำลังเดินตามเราสองคนมาไกลๆ เขาดูงงเหมือนกันเพราะกำลังจะเดินเข้ามาหาผม แต่พี่ภูกลับพาผมเดินออกมาเสียก่อน

และพอเดินมาถึงไลน์อาหารอีกฝั่ง พี่ภูก็ทำท่าชี้นั่นชี้นี่ ซึ่งผมก็ทวนเช็คกับออเดอร์ที่โรงแรมให้มาก็พบว่าไม่มีอะไรขาด แต่ในขณะที่ผมกำลังจะถามพี่ภูนั้น เสียงเรียกพี่เทมส์ก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ไอ้ภู! มึงจะไปไหนเนี่ย? ให้กูเดินตามจนเหนื่อย”

พี่เทมส์เดินมายืนข้างๆ พี่ภูในที่สุด ก่อนที่จะมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างสงสัย พร้อมกับหอบเล็กน้อยเพราะเดินมาไกล

“กูมาเช็คอาหาร มึงจะเดินตามมาทำไม” พี่ภูชี้เข้าไปในบ้าน “ไปไหว้แม่กูนู่น เห็นว่าเข้าไปรับโทรศัพท์เมื่อกี้”

“กูไหว้แล้ว ไม่ต้องรอให้มึงมาบอกหรอก” พี่เทมส์มองหน้าพี่ภู แล้วสลับมามองหน้าผม และพอพี่เทมส์ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง พี่ภูก็ยกแขนขึ้นโอบไหล่ แล้วกระชับกอดผมเข้าหาตัวเองทันที

ผมรีบยิ้มแห้งส่งให้พี่เทมส์ เพราะเห็นพี่เทมส์มองแขนพี่ภูที่พาดบนไหล่ผมตาขวาง เลยพยายามต้องใช้สายตาอ้อนเพราะไม่อยากให้อาการหวงน้องของพี่เทมส์กำเริบ

“สวัสดีครับคุณเทมส์” ผมยกมือไหว้พี่ชายตัวเองอย่างนอบน้อม และพยายามส่งสายตาบอกให้เขาไม่ถือสาพี่ภู

“สวัสดีครับ” พี่เทมส์พยักหน้ารับไหว้ ก่อนจะถามเรียบๆ ไม่ให้ผิดสังเกต แต่น้ำเสียงนี่เย็นชาเป็นบ้า “ไงเรา สบายดีไหม?”

“สบายดีครับ แล้ว…” ผมอ้าปากค้าง เหลือบตามองคนข้างๆ ที่จู่ๆ ก็พูดแทรกขึ้นมาไม่บอกไม่กล่าว

“ไปดูคุณแม่ไปไนล์ เชิญท่านมาที่นี่ทีบอกแขกมาเยอะแล้ว” พี่ภูจับไหล่ผมแล้วหมุนตัวให้ผมหันไปทางประตูบ้าน พร้อมกับดันไหล่ผมเบาๆ ให้ออกเดิน “ไปตามแม่มาไป”

ผมออกเดินตามที่พี่ภูบอกก่อนจะแอบหันหลังมามองก็เห็นพี่ภูกำลังเข่นเขี้ยวใส่พี่เทมส์ ในขณะที่พี่เทมส์เองก็ยิ้มมุมปากน้อยๆ แบบที่ผมรู้ได้ในทันทีว่าพี่เทมส์ต้องคิดอะไรเจ้าเล่ห์ในใจแน่ๆ และสายตาล้อๆ ที่เทมส์แอบส่งมาให้ผมแวบหนึ่งนั่นแหละที่ยิ่งทำให้ผมมั่นใจ และอดหวนคิดกลับไปถึงเรื่องที่คุยกับคุณแม่พี่ภูไม่ได้

พี่ภูทำให้ผมกำลังได้ใจและคิดเข้าข้างตัวเอง ซึ่งนั่นก็เป็นครั้งที่สองของวันที่จู่ๆ ผมก็หน้าแดงซ่านและใจเต้นแรงอยู่ลำพัง

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-09 : Universe 20th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 09-06-2020 20:57:31
(ต่อจากด้านบน)


Kirin’s Part


หลังจากเป็นก้าง กันไอ้เทมส์ให้ออกห่างจากไนล์ได้ งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นตอนที่แม่ออกมากล่าวต้อนรับทุกคน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวที่คุณรันเดินเข้ามาในส่วนของสนามหญ้าพอดี ผมเหลือบมองไนล์ที่ยืนห่างออกไปนิดหน่อย เขามองหน้าผมแล้วพยายามยิ้ม แต่มันเป็นยิ้มที่แห้งแล้งและฝืดเฝื่อนน่าดู และผมก็รู้ว่าไนล์ไม่ได้รู้สึกดีอย่างที่แสดงออกเท่าไหร่ เขาแค่ไม่อยากให้ผมคิดมากและทำให้งานเลี้ยงของแม่หมดสนุก

ไนล์มักจะเป็นแบบนั้นเสมอ

“สวัสดีค่ะคุณครินยา คุณภู คุณเทมส์” เธอกล่าวทักทายสวัสดีแก่ทุกคนแต่กลับทิ้งสายตาอ้อยอิ่งไว้ให้ผม

ให้ตาย! ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปสักนิด

ผมพยายามอดทนและมองเห็นผลประโยชน์ของบริษัทเป็นที่ตั้ง ในเมื่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาไนล์ไม่คิดจะติดใจเอาเรื่อง ผมเลยพอจะทำเป็นปล่อยผ่านไปได้ แต่ดูเหมือนคุณรันจะไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ แม้ว่าหลังๆ มานี้ผมพอจะหลีกเลี่ยงเธอได้บ้างโดยการเอาเรื่องงานมาอ้าง แต่ถ้าวันนี้เธอสร้างเรื่องหรือหาเรื่องไนล์อีก ผมคงยอมไม่ได้ และถ้าหากมันลุกลามใหญ่โตจนถึงขั้นที่ต้องบอกให้แม่รับรู้ ผมก็จะทำ เพราะมันคงเลี่ยงอะไรไม่ได้อีก

“สวัสดีค่ะคุณรัน เดี๋ยวยังไงเชิญนั่งก่อนนะคะ ตามสบายเลย เดี๋ยวดิฉันจะให้เด็กยกอาหารมาให้”

“ขอบคุณค่ะคุณครินยา”

คุณรันเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ที่คั่นระหว่างกลางที่ว่างอยู่สามตัว นั่นทำให้ผมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนั่งลงข้างเธอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในขณะที่ผมเหลือบมองเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังกลั้นขำหน้าดำหน้าแดง


‘เชี่ยเทมส์’


ผมเลยสนองมันด้วยการขยับปากด่าแบบไม่มีเสียงออกไป

แม่ผมหันไปส่งสัญญาณให้เด็กๆ ยกอาหารเซ็ทแรกเข้ามาเสิร์ฟ ในขณะที่ผมต้องจ้องเขม็งไปที่ไนล์ และใช้การปรามด้วยสายตาว่าห้ามแม้แต่จะคิดเด็ดขาดที่จะเป็นคนยกบรรดาอาหารเข้ามา

โชคดีที่ไนล์มักจะเชื่อฟังเสมอเวลาผมดุ เจ้าตัวเล็กเลยเตร็ดเตร่อยู่แถวๆ ไลน์อาหารไม่เฉียดเข้ามาใกล้ ซึ่งก็ดีแล้วล่ะ เพราะผมจะไม่มีวันเปิดโอกาสให้คุณรันรังแกคนของผมได้อีก

“โปรเจ็คมิกซ์ยูสราบรื่นไปด้วยดีขนาดนี้ ทางเราต้องขอบคุณคุณรันมากเลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณรันช่วย คงไม่คืบหน้าไปเร็วขนาดนี้”

แม่ผมเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้น ซึ่งก็เรียกรอยยิ้มนอบน้อมจากคนถูกชมได้เป็นอย่างดี

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ รันก็แค่ให้คำปรึกษาเล็กๆ น้อยๆ แต่คุณภู คุณเทมส์ และคนในทีมมีแต่คนเก่งๆ งานก็เลยค่อนข้างจะไปได้ไว”

แม่ผมยิ้มกว้างจนปากแทบฉีกถึงหู ท่านค่อนข้างจะภูมิใจและพอใจที่งานชิ้นแรกของผมไม่มีอุปสรรคและก้าวหน้าไปด้วยดี โดยที่แม่ไม่ได้รู้เลยว่าอุปสรรคชิ้นสำคัญก็นั่งอยู่ตรงหน้านี่แหละ

คุณรันนี่คืออุปสรรคชิ้นใหญ่ที่ผมยังไม่รู้เลยว่าจะอดทนกับเธอได้นานแค่ไหน

แต่เอาเถอะ ขอแค่ไม่วุ่นวายกับผมและไนล์มาเกินไป ผมก็คงจะพอหลับหูหลับตาทนได้แหละ ขอแค่ไม่เสียงานก็พอ

“ว่าแต่.. นั่นไนล์ เด็กที่ดูแลคุณภูที่คอนโดนี่คะ วันนี้ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้”

ดูเหมือนว่าจะยังไม่ทันขาดคำ คุณรันก็เริ่มเสียแล้ว ทำเอาผมต้องแอบคลึงขมับเพราะกำลังคิดว่าจะรับมือยังไงดี

“ใช่ค่ะ วันนี้พี่ภูเขาพามาด้วย เผื่อดึกดื่นจะได้ค้างที่นี่ไม่ต้องกังวล” คุณแม่ผมตอบรับ ก่อนจะนึกเอะใจ “ว่าแต่คุณรันเคยเจอไนล์ด้วยหรอคะ?”

คนถูกถามยิ้มบาง พร้อมเหลือบมองมาทางผมนิดหน่อย ดูเหมือนคำถามของแม่จะเข้าทางคุณรันไม่น้อย ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าคุณรันมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงรึป่าว ถึงได้พูดเรื่องไนล์ขึ้นมา แต่ลางสังหรณ์ของผมบอกผมว่ามันไม่น่าจะใช่เรื่องดี

“พอดีรันเคยบังเอิญเจอคุณภูที่ห้างตอนอยู่กับไนล์ด้วย เลยมีโอกาสได้รู้จักกันค่ะ”

“จริงหรอคะนี่ ดีจัง ไนล์เขาทำอาหารอร่อย ไว้ยังไงดิฉันจะเชิญคุณรันมาทานอาหารฝีมือไนล์ที่บ้านนะคะ”

“รันเคยลองทานแล้วค่ะคุณครินยา พอดีวันที่เจอกันคุณภูชวนรันไปทานมื้อเย็นที่คอนโด รันเลยโชคดีได้ชิมทั้งฝีมือไนล์ และฝีมือคุณภูพร้อมกันเลย”

พอคุณรันพูดจบเธอก็ยิ้มหวาน ในขณะที่แม่ผมสีหน้าเปลี่ยน คนในทีมรวมถึงไอ้เทมส์ดูตกตะลึงเล็กน้อย และตัวผมเองก็ยอมรับว่าอึ้งไปเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าคุณรันจะประกาศกลางโต๊ะอาหารแบบนี้

แต่ดูเหมือนแม่ผมจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้เร็วมาก แต่ก็ไม่วายขว้างค้อนวงโตมาให้ผม โดยมีไอ้เทมส์เป็นลูกคู่ ที่พยายามตั้งคำถามโดยการจ้องหน้าผมไม่เลิก

บอกแล้วว่าลางสังหรณ์ผมไม่พลาด แต่แค่ไม่คิดว่าเธอจะเปิดเกมเร็วขนาดนี้ ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ด้วยซ้ำ

“อย่างที่คุณรันบอกแหละครับว่าบังเอิญเจอ ประกอบกับผมอยากเลี้ยวข้าวคุณรันด้วย ซึ่งคุณรันเองก็ว่างแค่วันนั้นวันเดียว เลยตกลงกันได้ว่าควรจะเป็นวันนั้นเลย” ผมอธิบายเนียนๆ แล้วแกล้งสำทับ “นี่ก็ว่าจะชวนทุกคนไปทานด้วยกันอยู่นะครับ แต่พอดีกับคุณแม่จัดงานสังสรรค์ขึ้นเสียก่อน”

คุณรันยิ้มฝืนๆ พอผมพูดจบ ในขณะที่แม่ผมนั้นดูพอใจกับคำตอบและการแก้สถานการณ์ของผมไม่น้อย ในขณะที่ไอ้เพื่อนสนิทเอาแต่กลั้นขำหน้าดำหน้าแดง ทำเอาผมคันปาก อยากด่ามันอีกรอบ

แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อแก้เกมคุณรันได้ ทุกอย่างก็น่าจะจบและไม่มีปัญหาอะไรอีก แต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิด เพราะตอนนี้คุณรันกลับเบนเข็มไปหาไนล์แทน

“แต่จะว่าไป รันก็ประทับใจอาหารมื้อที่คุณภูเลี้ยงไม่น้อยเลยนะคะ เพราะนอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่รันที่ได้เปิดประสบการณ์ร่วมโต๊ะอาหารกับเด็กรับใช้ด้วย รันไม่แปลกใจเลยค่ะที่ใครๆ ก็บอกว่าคุณภูใจดี เพราะถ้าถึงขนาดให้เด็กรับใช้ทานอาหารร่วมโต๊ะได้ รันก็เชื่อสนิทใจเลยค่ะว่าคุณภูใจดีจริงๆ”

คุณรันหัวเราะนิดหน่อยหลังจากพูดจบ แต่บรรยากาศบนโต๊ะกลับเงียบสงบ โดยเฉพาะกับแม่ของผม

คนโปรดของท่าน แตะได้ที่ไหนล่ะ … ซึ่งดูเหมือนจะเป็นข้อเท็จจริงที่คุณรันไม่รู้และไม่ได้ทำการบ้านมา

“ดิฉันว่าคุณรันน่าจะเข้าใจผิดเรื่องการเรียกเด็กรับใช้มานั่งร่วมโต๊ะอาหารนะคะ” แม่พูดเสียงเย็น แต่คุณรันกลับไม่ได้รับรู้อะไร เพราะเธอเข้าใจไปอีกทาง

“ไม่เป็นไรค่ะคุณครินยา รันไม่ถือ รันร่วมโต๊ะกับเด็กรับใช้ได้ อย่างที่รันบอกไป รันเข้าใจดีว่าคุณภูใจดี ห่วงก็แต่แขกคนอื่นอาจจะไม่เข้าใจ ถ้าคราวหน้าคุณภูทำแบบนี้อีก”

คุณรันยิ้มพลางปรายตาไปที่ไนล์ที่ยืนอยู่ไกลๆ และครั้งนี้ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่เห็น แต่คุณแม่กับไอ้เทมส์ก็เห็นด้วย และบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ไม่สู้ดีอยู่แล้ว ก็กลับยิ่งแย่ลงไปอีก

“ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันไม่ได้หมายความว่าเข้าใจผิดในเรื่องนั้น ที่ดิฉันบอกว่าคุณรันเข้าใจผิดก็คือไนล์ไม่ใช่เด็กรับใช้ค่ะ” แม่พูดเสียงเรียบและมองดุคุณรันอย่างน่ากลัว ในขณะที่ผมกับไอ้เทมส์กลั้นยิ้มและทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“คะ?”

“ดิฉันไว้ใจไนล์มากถึงได้ส่งให้ไปดูแลพี่ภู เพราะฉะนั้นสำหรับดิฉันแล้วไนล์ไม่ใช่เด็กรับใช้ เขาเป็นเด็กที่ดิฉันเอ็นดู ดังนั้น …” แม่ผมหยุดพูดพร้อมกับยิ้มหวาน ก่อนจะหันไปหาไนล์แล้วกวักมือเรียก เจ้าตัวเล็กก็พาซื่อเดินเข้ามาหาแม่ผมทันที “การให้ไนล์ร่วมโต๊ะอาหารถือเป็นเรื่องปกติค่ะ และดิฉันก็คิดว่าควรทำเรื่องปกติที่ว่าตอนนี้เลย”

คุณแม่จบประโยคด้วยท่าทีเย็นชา และเป็นจังหวะเดียวกับที่ไนล์เดินมาถึงตัวท่านพอดี ซึ่งคุณแม่ก็รีบปรับสีหน้า เพราะไม่อยากให้คนโปรดของตัวเองสงสัยหรือรู้สึกไม่ดี

ในขณะเดียวกันนั้นคุณรันถึงกับยิ้มเฝื่อน และทำตัวไม่ถูกเมื่อเจอแม่ผมโต้ตอบแบบนี้ เพราะดูเหมือนจะผิดแผนไปหมด ผมรู้ว่าที่คุณรันตั้งใจพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะให้แม่ผมต่อว่าเรื่องไนล์ และถ้าแม่เออออไปกับเธอ เรื่องน้ำร้อนลวกจะต้องเป็นเรื่องต่อไปที่เธอหยิบยกขึ้นมาพูดแน่ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนและคุณรันก็ฉลาดพอ เธอคงไม่หาเรื่องใส่ตัวเพิ่มหรอก

และยิ่งแม่ผมเป็นแบบนี้ด้วย ใครจะกล้าไปแตะคนโปรดของท่านกัน .. หึ!

“คุณท่านเรียกไนล์เหรอครับ”

“ใช่จ้ะ ฉันเรียกไนล์” คุณแม่ผมทำสัญญาณให้เด็กยกเก้าอี้มาวางทางด้านซ้ายของตัวเอง แต่แทนที่จะให้ไนล์ไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ยกมาใหม่ ท่านกลับพยักเพยิดให้ผมที่นั่งอยู่ทางด้านขวาของท่านติดกับคุณรันลุกขึ้น แล้วไปนั่งที่เก้าอี้มี่เพิ่งยกมาแทน

หึ!.. ใครว่าผมร้าย มาดูแม่ผมหน่อยเป็นไง เด็ดดวงกว่าผมเยอะ

ผมลุกขึ้นไปนั่งตรงเก้าอี้ด้านซ้ายของแม่ตามคำสั่ง ก่อนที่ท่านจะสั่งไนล์เสียงหวาน ในขณะที่คุณรันหน้าบึ้งแบบที่แทบจะเก็บอาการไม่ไหวแล้ว .. เธอไม่พอใจมากผมรู้

แต่ใครใข้ให้เธอไปแตะคนโปรดของคุณแม่ก่อนล่ะ

“นั่งสิไนล์ ทานข้าวเย็นกัน เรายังไม่ได้ทานอะไรใช่มั้ย”

“เอ่อ.. ครับ” ไนล์ดูอึกอัก “แต่ไนล์ว่า…”

“ไม่มีแต่ค่ะ ทานข้าวกัน ฉันอยากให้ไนล์นั่งลงทานด้วย ไนล์จะดื้อไม่ฟังที่ฉันขอเหรอ?”

ผมมองเจ้าตัวเล็กที่ทำหน้าเหรอหราอย่างน่าเอ็นดู โดยไม่ได้รู้เลยว่ามีสองตาอีกสองคู่จับจ้องผมอยู่เช่นกัน

คู่หนึ่งมองมาอย่างสังเกต และอีกคู่หนึ่งมองมาอย่างไม่พอใจ

“ก็ได้ครับ” ไนล์นั่งลงอย่างเสียไม่ได้ เจ้าตัวเล็กดูเกร็งมากอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่หันไปมองทางคุณรันเลย เอาแต่มองหน้าแม่ผม จนผมต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ

“อ่ะ กินนี่ซะ” ผมตักอาหารไปวางในจานไนล์ ก่อนจะขยับปากบอกอีกฝ่ายแบบไม่มีเสียงตอนไนล์หันมามองผม “เลิกเกร็งได้แล้ว”

พอจบคำผมไนล์ถึงลงมือทานได้ ซึ่งการกระทำทั้งของผมและของไนล์อยู่ในสายตาแม่ทั้งหมด และนั่นก็ทำให้แม่ผมยิ้มกว้างและอารมณ์ดีกว่าที่เคย

“ทานเยอะๆ นะคะ ถือว่าฉันเลี้ยงแทนคำขอบคุณที่ดูแลพี่ภูให้ฉันเป็นอย่างดี” แม่พูดจบก็ยกมือขึ้นลูบหัวทุยของเจ้าตัวเล็กอย่างเอ็นดู

“ที่จริงไม่ต้องก็ได้นะครับ ไนล์เต็มใจแล้วก็ยินดีทำมากๆ” ไนล์ตอบอย่างนอบน้อม ทำเอาผมที่ไม่ได้ละสายตาจากเด็กตรงหน้ามาพักใหญ่ ก็ยิ่งจดจ้องไนล์ยิ่งกว่าเดิม

ทำไมผมถึงเพิ่งได้เห็นว่าไนล์น่ารักและอ่อนโยนขนาดไหน มันเป็นเพราะอคติที่บดบังอยู่ในใจทำให้อะไรๆ เหมือนไม่เคยชัดเจน และผมเองก็เอาแต่จ้องจะจับผิดไนล์ด้วย ดูอย่างวันนี้สิ ไนล์กับไอ้เทมส์ไม่ได้มีปฎิกริยาแปลกๆ อะไรต่อกันสักนิด ก็มียิ้มให้กันบ้าง ทักทายกันบ้าง แต่สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจที่สุดกลับเป็นสายตาที่ไนล์ใช้มอง


เขามองมาแค่ที่ผม เขาสนใจแค่ผม มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่เขาให้ความสำคัญ


และนั่นก็ทำให้ผมอิ่มใจ และมองไนล์ได้ชัดกว่าที่เคยด้วยสายตาและหัวใจที่ไม่เหมิอนเดิม

บางทีอาจจะต้องขอบคุณแผนน้ำร้อนลวกของคุณรัน ที่ทำให้ผมยอมถอยออกมาหนึ่งก้าว และทำใจให้กว้างได้มากขึ้น

และผมก็ได้เห็นว่าไนล์น่ารักมากจริงๆ

“กินเข้าไปเถอะ อย่าพูดมาก” ผมแกล้งว่า แม้ประโยคจะดูไม่น่าฟัง แต่น้ำเสียงติดจะเอ็นดูจนแม่ผมยังกลอกตา นี่ไม่ต้องพูดถึงคุณรัน เพราะรายนั้นเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเรียบร้อย “ผอมจนตัวเหลือนิดเดียว เดี๋ยวแม่ก็หาว่า ‘พี่’ ดูแลไม่ดีอีก”

ไนล์ตาโตเท่าไข่ห่านตอนได้ยินผมแทนตัวเองแบบนั้น แถมยังหน้าแดงก่ำเพราะเขินจนไปไม่เป็นอีกต่างหาก

ก็ช่วยไม่ได้แม่เป็นคนบอกเองว่าถ้าอยู่ต่อหน้าแม่ผมต้องแทนตัวเองว่าพี่แล้วเรียกไนล์ด้วยชื่อ ผมก็ทำตามที่แม่บอกอย่างเคร่งครัด ไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาดเลยสักนิด หนำซ้ำยังทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลับมาครึกครื้นอีกต่างหาก เพราะตอนนี้ทุกคนเอาแต่ล้อผมกับคำว่าพี่ที่เพิ่งใช้แทนตัวไป

แต่ดูเหมือนว่าจะเว้นไว้คนนึงที่ดูไม่เอ็นจอยกับอาหารมื้อนี้สักเท่าไหร่ … ก็อย่างที่บอกแหละว่าช่วยไม่ได้คุณรันหาเรื่องใส่ตัวเอง จะว่าไปผมก็ต้องขอบคุณเธอนะที่ทำให้อาหารมื้อนี้ผ่านไปอย่างราบรื่นมากกว่าที่ผมคิด

.

.

.

ตอนนี้งานสังสรรค์จบไปแล้ว และก็เป็นไปตามคาดที่คุณรันขอตัวกลับก่อนคนแรก และตอนนี้แขกคนสุดท้ายกำลังจะลากลับ ซึ่งก็พิรี้พิไรจนผมรำคาญ เลยออกปากไล่แทน

“มึงกลับไปได้ละไอ้เทมส์ ลีลาอยู่ได้ มันดึกแล้วนะ”

เพื่อนสนิทที่แสนจะกวนประสาททำท่าไม่รู้ไม่ชี้ มันยังนั่งปักหลักอยู่ในห้องนั่งเล่น แถมยังทำเหมือนมองหาใครสักคนที่ไม่ต้องเดาก็รู้

“ไนล์อยู่ไหน?” ผมหันไปถามเด็กในบ้านที่อยู่แถวนั้น พอเธอตอบว่าอยู่ในครัว ผมก็แกล้งพูดดังๆ ให้ไอ้เพื่อนเวรได้ยินด้วย “ไปบอกไนล์ว่าฉันสั่งว่าห้ามออกมาจนกว่าฉันจะอนุญาต”

เด็กรับใช้รับคำก่อนที่จะไปทำตามที่ผมสั่ง มีแต่ไอ้เทมส์ที่โวยวายลั่นเมื่อรู้ว่าถูกผมกีดกันซึ่งหน้า

“ไอ้ภู!! มึง!”

ผมยักไหล่ ทำเป็นไม่สนใจ … ก็บอกแล้วว่าตอนนี้ไนล์เป็นคนของผมแล้ว และผมก็ไม่ได้ใจกว้างมากพอที่จะแบ่งของๆ ตัวเองให้ใคร แม้คนๆ นั้นจะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม

“กลับไปตอนที่กูยังพูดดีๆ กับมึงก่อนที่กูจะโมโห” ผมพูดเสียงเรียบบ่งบอกว่าเอาจริง ซึ่งไอ้เทมส์ก็ดูฮึดฮัดไม่น้อย

“เออ!” มันสะบัดตูดลุก แถมยังมองผมด้วยสายตาไม่พอใจ และอาการของมันก็เริ่มทำให้ผมกรุ่นๆ

แม่ง! จะอยากเจอไนล์อะไรนักหนาวะ .. จากที่ไม่หงุดหงิดก็เริ่มจะหงุดหงิด ในอกมันงุ่นง่านไปหมด ยอมรับตามตรงเลยก็ได้ว่าหวง ก็คนของผมนี่!

“ไปเลยไป” ผมเอาหมอนขว้างไล่มัน ซึ่งมันก็ยอมกลับออกไปแบบไม่เต็มใจในที่สุด จนได้ยินเสียงรถมันแล่นออกไปนั่นแหละ ผมถึงได้เดินเข้าไปหาไนล์ในครัว แล้วก็ได้เห็นว่าไนล์กำลังง่วนอยู่กับการเก็บล้างอุปกรณ์ต่างๆ

ผมเดินเข้าไปกอดร่างเล็กจากด้านหลัง ไนล์สะดุ้งเฮือกก่อนจะหันมาเห็นว่าเป็นผมก็ยิ่งทำให้เด็กในอ้อมกอดของผมเลิ่กลั่กยิ่งกว่าเดิม

“พะ.. พี่ภู”

“เป็นอะไร” กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวไนล์ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าไปหอมแก้มนิ่มเบาๆ “ใกล้เสร็จรึยัง?”

คนในอ้อมกอดพยักหน้าเบาๆ ตอนนี้ทั้งตัวแดงก่ำไปหมดยิ่งทำให้น่าเอ็นดูยิ่งกว่าเดิม นี่ขนาดว่าโดนผมกอด ผมจูบมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วนะ ไนล์ก็ยังคงเขินซ้ำๆ เหมือนยังไม่ชินสักที

“ใกล้เสร็จแล้ว.. ว่าแต่คุณท่านล่ะครับ ขึ้นไปพักผ่อนแล้วเหรอ?” ไนล์ถามผมกลับ สายตายังคงสอดส่องไปทั่ว นี่คงกลัวคนเห็นจะแย่ แต่ก็ไม่กล้าขัดใจผม

“อืม ขึ้นไปนอนแล้ว” ผมกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น พร้อมกับจูบต้นคออีกฝ่าย

ไนล์พยายามหดคอหนีแต่ผมก็ตามไปจูบได้อยู่ดี จนเจ้าตัวเล็กต้องหาทางเปลี่ยนเรื่องนั่นแหละ ซึ่งดูเหมือนเรื่องที่ไนล์เปลี่ยนจะไม่ค่อยเข้าหูผมเท่าไหร่

“แล้ววันนี้คุณรันเธอจะไม่โกรธเอาหรอครับ ที่เรียกไนล์ไปร่วมโต๊ะแบบนั้น”

“คุณรันไม่มีสิทธิ์โกรธนาย แม่ฉันเป็นคนเรียกนายไปนะ” ผมพูดความจริง วิรัลพัชรไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดโกรธไนล์ด้วยซ้ำ เพราะเธอหาเรื่องก่อนเอง

“แต่ก็ถึงอย่างนั้นเถอะครับ ไนล์กลัวว่ามันจะกระทบกับงานของพี่ภู ไนล์ไม่อยากเป็นตัวปัญหาทำให้พี่ภูกับคุณท่านเดือดร้อน” เจ้าเด็กในอ้อมกอดผมพูดไปขมวดคิ้วไป ท่าทางจริงจัง “หรือจะให้ไนล์ไปขอโทษเธอดี”

“หยุดความคิดนายไว้แค่นั้นเลยถ้าไม่อยากให้แม่ฉันโกรธ” ผมถอนหายใจ ก่อนจะพูดกับไนล์เสียงเรียบ “นายไม่รู้หรอกว่าก่อนที่นายจะมานั่งน่ะ คุณรันพูดถึงนายยังไงบ้าง ฉันคงไม่ขอเล่า แต่เอาเป็นว่าไม่น่าฟังเท่าไหร่”

“เหรอครับ” เสียงไนล์ดูไม่สบายใจ ถ้าให้ผมเดาในหัวเล็กๆ นั่นคงกำลังคิดทบทวนว่าตัวเองทำอะไรไม่ดีไปบ้าง คุณรันถึงไม่ชอบ

ซึ่งผมอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่ามันก็เป็นแค่เพียงความอิจฉา ไม่อยากให้เขาเก็บเอามาคิดใส่ใจ

“เด็กดี” ผมจูบขมับเขาแรงๆ เพื่อรบกวนสมาธิและให้เขาเลิกคิด “ไม่ต้องคิดมาก มันไม่ใช่ความผิดของนาย คุณรันเธอล้ำเส้นก่อน แล้วก็อย่างที่รู้ว่านายน่ะ มันคนโปรดของแม่ฉันมากขนาดไหน กับลูกแท้ๆ อย่างฉัน แตะนายนิดเดียวแม่ฉันด่าเป็นวันๆ แล้วคนอื่นอย่างคุณรันจะไปเหลืออะไร”

“แต่ว่า…” ไนล์พยายามจะแย้ง แต่ผมไม่เปิดโอกาสให้เจ้าเด็กคิดมากได้ทำแบบนั้น

“ไม่เอาละ เลิกคุยเรื่องนี้ดีกว่า ขี้เกียจคุยละ ตอนนี้ฉันอยากทำอย่างอื่นมากกว่าคุยกับนาย”

ผมไม่พูดเปล่า แต่กระชับอ้อมแขนโอบรอบเอวบางของไนล์เอาไว้ ก่อนจะกดจูบที่ลาดไหล่คนตรงหน้าสลับกับลำคออย่างเอาแต่ใจ เล่นเอาเจ้าตัวเล็กขยับตัวยุกยิกเหมือนคนทำตัวไม่ถูก

“เอ่อ คือ.. พี่ภูครับ ปล่อยไนล์เถอะครับ เดี๋ยวมีคนมาเห็นแล้วจะเอาพี่ภูไปพูดถึงในทางไม่ดี”

ผมยิ้มบาง ไนล์ก็ยังคงไนล์ ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายถูกรังแก แต่กลับกังวลว่าคนที่เสียหายจะกลายเป็นผมเสียอย่างนั้น ในขณะที่ผมไม่คิดแบบนั้นเลยสักนิด .. ใครจะเห็นก็เห็นไป ดีเหมือนกันจะได้รู้ว่าไนล์เป็นคนของใคร

“ไม่มีใครเห็นหรอก เมื่อกี้ฉันเห็นป้าวรรณากับเด็กรับใช้คนอื่นๆ เดินกลับห้องพักด้านหลังกันไปแล้ว เหลือแต่นายนี่แหละที่ยังไม่เสร็จสักที”

“อ่าว ก็พี่ภูสั่งให้คนมาบอกว่าไม่ให้ไนล์ออกไปไม่ใช่เหรอครับ” เจ้าตัวเล็กทำหน้าเหรอหรา “ไนล์ไม่มีอะไรทำก็เลยถือโอกาสเก็บของมาล้างรอ”

เด็กน้อยที่แสนจะเชื่อคนง่ายตอบตามประสาซื่อ หน้าตาจิ้มลิ้มดูงุนงงไปหมด ให้ผมอดไม่ได้ต้องก้มลงไปฝังจมูกกับแก้มนิ่มๆ นั่นอีกรอบ

“ทำตามคำสั่งที่ฉันสั่งตลอดเลยงั้นสิ” ผมแกล้งถาม พร้อมกับแผนในใจที่ผุดขึ้นมาเงียบๆ “ถ้างั้นถ้าฉันสั่งนายอีกเรื่อง นายก็จะทำตามที่ฉันสั่งใช่มั้ย?

ผมกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อถามจบ แต่ดูเหมือนไนล์จะไม่เห็น เพราะเจ้าตัวกำลังขมวดคิ้วมุ่นดูลังเลที่จะตอบ ถ้าให้ผมเดา สัญชาตญาณลึกๆ บอกให้ไนล์ไม่ไว้ใจผม

แต่ไนล์เคยขัดใจผมได้สักครั้งไหมล่ะ? … ไม่เคย

“พะ พี่ พี่ภูจะให้ไนล์ทำอะไรหรอครับ?”

ผมจับไนล์ที่ยืนหันหลังให้หันหน้ามาหา ก่อนที่ผมจะเท้ามือทั้งสองข้างลงบนขอบอ่างล้างจาน เลยทำให้เหมือนกับว่า ผมกักไนล์ไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง เจ้าตัวเล็กเองก็ยืนนิ่งแทบไม่ไหวติง

แต่ผมก็ยังคงไม่ตอบ เอาแต่ยืนมองไนล์ที่ทำตาโตแต่ไม่ยอมสบตาผมสักนิด แถมแก้มยังแดงก่ำ ปากก็เม้มแน่น จนผมนึกมันเขี้ยว เลยก้มลงประทับริมฝีปากตัวเองลงบนริมฝีปากสีระเรื่อของอีกฝ่าย ขบเม้มหลายๆ ที โดยใช้มือจับคางของไนล์เชิดขึ้นและปรับองศาใบหน้าของเราให้ถนัดมากขึ้น จนไนล์ยอมคลายปากออกและจูบตอบผมอย่างงกๆ เงิ่นๆ

ผมนึกชอบใจในความไร้เดียงสาที่อีกฝ่ายมี เลยค่อยๆ ละเลียดริมฝีปากบางอย่างค่อยเป็นค่อยไป และดูเหมือนว่าเด็กตรงหน้าจะใจกล้าขึ้นอีกนิดเมื่อพยายามจูบตอบผม และนั่นทำให้สัตว์ร้ายในตัวผมเหมือนถูกกระตุ้นให้ตื่น

ผมยกตัวไนล์ขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ด้านข้างถัดจากซิงก์ล้างจานในขณะที่ริมฝีปากของเรายังคงไม่ละออกจากกัน ผมไล้ลิ้นไปตามร่องริมฝีปากบาง พลางใช้ฟันขบสลับ ทำให้ไนล์เผยอริมฝีปากออกจากกันในที่สุด

ผมแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเด็กตรงหน้าทันที พร้อมกับโอบกอดอีกฝ่ายเข้าหาตัว ผมกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น ในขณะเดียวกันก็ส่งลิ้นเข้าสำรวจในโพรงปากของอีกฝ่ายอย่างย่ามใจ ผมได้ยินเสียงหวานครางอย่างพอใจเมื่อผมตรงเข้าเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กๆ ของไนล์อย่างหยอกล้อ ผมกวาดต้อนเอาความหอมหวานจากไนล์ทั้งหมดมาเป็นของตัวเอง และไนล์ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

เราจูบกันอยู่แบบนั้น และดูเหมือนว่ายิ่งจูบเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกไม่พอ อยากได้อีก อยากให้เขาเป็นของผมอีก มันเป็นความต้องการที่ไม่จบไม่สิ้น แม้ผมจะมีเขาในอ้อมกอดก็ตาม

ผมตักตวงเอาความหอมหวานและช่วงชิงลมหายใจของไนล์มา จนเด็กในอ้อมกอดผมเริ่มตัวสั่น มือเขาที่เกาะอยู่บนไหล่ของผมบีบแน่น และเริ่มประท้วงเมื่อผมไม่ปล่อยให้เขาได้หายใจสักที ผมเลยต้องยอมผละออกจากริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นอย่างเสียดาย

แต่เอาเถอะ ยังไงคืนนี้ผมก็ต้องได้มากกว่านี้อยู่แล้ว

ไนล์ที่กำลังหอบหายใจ พยายามโกยอากาศเข้าปอดอย่างสุดความสามารถจนผมรู้สึกเอ็นดูไม่น้อย ไนล์ในตอนนี้ดูน่ารังแกมากกว่าเมื่อกี้เสียอีก

ดวงตากลมโตที่มีน้ำใสๆ คลออยู่ หางตาที่ยังชื้นน้ำ แก้มแดงก่ำ แล้วไหนจะริมฝีปากบวมเจ่อนั่นอีก

ผมอดใจไม่ไหวเลยก้มลงไปแตะจูบเร็วๆ ย้ำๆ อีกหลายรอบ ก่อนที่ผมจะเอ่ยบอกในสิ่งที่ต้องการให้ไนล์ได้ทำตาโตตกใจอีกรอบ…

“คืนนี้นายขึ้นมานอนห้องฉัน ฉันอยากอยู่กับนาย.. ทั้งคืน”

.

.

.

To Be Continue

-------------------------------------------------

เรียบร้อยโรงเรียนแม่พี่ภู กระซวกคุณรันแทนทุกท่านเรียบร้อย หายห่วง สบายใจได้จ้าาา 55555555

ต่อจากนี้ขออนุญาตพักรบเพื่อพบรัก ขอให้ทุกท่ายเก็บมีดเก็บพร้าไว้ใช้ในโอกาสต่อไปแทน ซึ่งจะมีอีกหรือไม่นั้น... ไม่สปอยล์ค่ะ แต่บอกได้นิดนึงว่ายังไม่เร็วๆ นี้แน่ อิอิ

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ คาดหวังไม่มากมาย ขอแค่คนละหนึ่งคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจก็ยังดี ตอนนี้เราพยายามเร่งเขียนเพราะอยากแต่งให้จบไวๆ นี่ก็ลงได้อาทิตย์ละสองตอนแล้ว เพราะที่จริงเรามีสต็อคไว้หลายตอนพอสมควรเพราะกลัววีคไหนเขียนไม่ออกแล้วจะไม่มีลงให้อ่าน ถ้าเขียนได้จบได้ไว จะได้หมดปัญหาให้กังวล ยังไงเป็นกำลังใจให้เราด้วยน้าา แค่คนละคอมเม้นท์ก็ยังดีค้าบบบ

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และทุกกกำลังใจที่มีให้กันมาตลอดจนถึงตอนนี้นะคะ ขอบคุณมากๆ ไม่ว่าจะแค่หนึ่งคอมเม้นท์ หนึ่งคลิกไลค์ หรือหนึ่งคลิกวิว ก็ทำให้เราขอบคุณมากๆ แล้ววว

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าน้าาา เก็บมีดแร้วเกียมทิชชู่แทน อิอิ .. สักศุกร์ไม่ก็เสาร์นะคะ

รักทุกคนมากๆ จ้าาา <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-09 : Universe 20th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-06-2020 21:32:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-09 : Universe 20th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-06-2020 22:37:03
มองบนนนน
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-09 : Universe 20th)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 09-06-2020 22:47:32
เจ้าตัวเล็กมาได้แล้วเด้ออออออ  :mew1: คุณพ่อคุณแม่หนูพร้อมแล้วจ้าาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-09 : Universe 20th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 10-06-2020 00:01:35
เหอะๆหึๆ 555 เขายังไม่ได้เป็นแฟนกันใช่ไหม ตอนนี้ก็คือคู่นอนว่างั้น โอเค ทราบแล้วเปลี่ยนสถานะเร็วๆนะ ท้องก่อนแต่งชัวร์ 55555  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-09 : Universe 20th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 10-06-2020 00:36:39
ตัดฉึบเลยน้าาาาาา

ไหนๆๆพี่ภูจะทำอะไรน้องอีก

คัณแม่รู้จะว่าเอานะ
โอ้ยยยยยยอยากอ่านต่อเเล้วว
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-09 : Universe 20th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-06-2020 10:06:57
โว๊ะ รู้สึกยังไงกับน้องก็ยังไม่ค่อยชัดเจน คิดแต่จะเอาเปรียบน้องแบบนี้ไม่ได้นะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-09 : Universe 20th)
เริ่มหัวข้อโดย: PsapBBBB ที่ 10-06-2020 22:40:51
สะใจในเรื่องยัยรันแต่ต้องมาเคียดเรื่องอิพี่ภูที่เอาแต่ได้และไม่ชัดเจน ถ้ารู้ความจริงจะเป็นยังไงน้าาาาาาาา รอติดตามสิค่ะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-09 : Universe 20th)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 11-06-2020 01:26:56
อีพี่ภู!!!! :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-09 : Universe 20th)
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 11-06-2020 02:33:03
 :a5:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-09 : Universe 20th)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 11-06-2020 12:58:55
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-13 : Universe 21st)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 13-06-2020 21:01:33
Universe 21st : อีกครั้ง


ผมเดินตัวสั่นมาที่ห้องพี่ภู ทั้งประหม่าทั้งทำตัวไม่ถูก ตอนแรกผมพยายามจะไม่ทำตามที่พี่ภูสั่งแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมหนำซ้ำยังขู่ผมอีกว่า


‘ถ้านายไม่ขึ้นมา ฉันจะลงไปนอนห้องนาย ได้ข่าวว่ากำแพงมันไม่เก็บเสียงด้วย แบบนี้ก็คง…’

‘ก็ได้ครับ ก็ได้ เดี๋ยวไนล์อาบน้ำเสร็จแล้วจะขึ้นไป’


ผมรู้ว่าพี่ภูไม่ได้ขู่ และเขาจะทำแบบที่พูดจริงๆ ซึ่งไม่ใช่ว่าผมจะไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในห้องนอนของพี่ภู แต่ผมก็ยังเดินเข้าไป ... เดินเข้าไปเพราะปฎิเสธไม่ได้ทั้งพี่ภู และปฏิเสธไม่ได้ทั้งหัวใจตัวเอง

ผมรักเขามากและเสียเขาไปไม่ได้ แม้จะเป็นการทำร้ายตัวเอง แต่ผมก็ยังดื้อดึงเหมือนคนโง่ที่ไม่ยอมรับความจริง

ตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ภูรู้สึกยังไงกับผม เขาอาจจะแค่รู้สึกสนุก รู้สึกแปลกใหม่ มากหน่อยเขาก็อาจจะหลงผม ผมที่เป็นของใหม่ ผมที่เขารู้สึกว่าท้าทาย และผมที่เป็นแค่ของง่ายๆ ที่เขาได้มา และอาจจะไม่เห็นค่า ไม่ได้รัก ไม่ได้อะไร

ในขณะที่ผมกลับตรงกันข้ามกับเขาทุกอย่าง

เพราะสำหรับผม ทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเรามันคือความรัก และผมก็รู้สึกดีที่ได้มีช่วงเวลาแบบนี้กับพี่ภูเกินกว่าจะปฏิเสธความเป็นจริงในข้อนี้


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ผมยกมึอที่สั่นเทาขึ้นเคาะประตูห้องพี่ภูอย่างกล้าๆ กลัวๆ และประตูก็ถูกเปิดผลั๊วะทันทีเหมือนกับว่าเขากำลังรอคอยการมาของผมอยู่ พี่ภูยิ้มกว้างตอนเห็นผมยืนอยู่ตรงหน้าให้ผมต้องยิ้มตอบ เขาคว้าตัวผมเข้าไปในห้องพร้อมกับกอดเอาไว้หลังจากปิดประตูล็อคห้องเรียบร้อยแล้ว

หลังจากพี่ภูกอดผมไว้ เขาก็ก้มลงมาหอมแก้มและจับผมฟัดไม่หยุดจนกระทั่งเราสองคนมาจบลงบนเตียงนอน

“หอม.. หอมไปหมด” พี่ภูพึมพำ ทั้งที่ลากจมูกไปทั่วหน้าผม แม้แต่ซอกคอก็ไม่เว้น “ทำไมนาน นายปล่อยให้ฉันรอ”

เขาจ้องหน้าผมพร้อมกับถาม “คือไนล์..”

“นี่ฉันกะว่าถ้าอีกสิบนาทียังไม่มา ฉันตามลงไปฟัดนายถึงในห้องนายแน่” พี่ภูว่า พลางฉกริมฝีปากลงมาจูบปากผมแรงๆ “อย่าได้คิดว่าฉันไม่กล้าเชียว”

ผมไม่ได้ตอบอะไร เพราะพี่ภูเอาแต่จูบย้ำๆ ลงบนริมฝีปากผม จนพี่ภูผละออก ผมเลยตัดสินใจเอ่ยขอ เพราะอย่างน้อยผมก็ควรรักตัวเองบ้าง แม้จะรักพี่ภูแค่ไหนก็ตาม

“พี่ภูครับ… เอ่อ คือไนล์ขออะไรได้ไหมครับ”

“หื้ม? เอาอะไร ว่ามาสิ” เขาถามทั้งที่กำลังง่วนอยู่กับการแกะกระดุมเสื้อนอนผม

“พี่ภู.. คือพี่ภูมีถุงยางไหมครับ ไนล์อยากขอให้พี่ภูใส่ถุงยาง”

พี่ภูชะงักมือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อผมทันที คิ้วเข้มขมวดมุ่น ใบหน้าหล่อเหลาแสดงถึงความไม่พอใจเล็กน้อย และผมก็รู้ดีว่าพี่ภูกำลังไม่ชอบใจกับคำขอของผม เพาะมันเหมือนกับว่าผมกำลังไม่ไว้ใจเขา

“ถุงยางน่ะมี!” พี่ภูกระชากเสียงตอบ “แต่ถ้านายไม่อยากมีอะไรกับฉันเพราะไม่ไว้ใจ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางหรอก บอกฉันตรงๆ ได้ ฉันจะไม่ฝืนใจทำอะไรนายทั้งนั้น”

พี่ภูทำท่าจะผละออก ทำเอาผมที่ตอนนี้เสื้อนอนหลุดลุ่ยเพราะกระดุมถูกแกะออกไปหลายเม็ดแล้วถึงกับผวาลุกขึ้นนั่ง แล้วยึดข้อมือใหญ่ของพี่ภูไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างของตัวเอง

“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ!” ผมละล่ำละลักตอบ “ไม่ใช่ไนล์ไม่ไว้ใจพี่ภู แต่ไนล์.. ไนล์…”

สมองผมประมวลหาคำตอบเร็วจี๋ ผมจะพูดได้ยังไงว่ากลัวตัวเองจะท้อง ความลับนี้ต่อให้ตายผมก็จะไม่บอกพี่ภูเด็ดขาด ผมไม่อยากให้เขารังเกียจหรือมองผมเป็นตัวประหลาด แต่ถ้าจะให้เลยตามเลยไม่ใส่ถุงยาง ผมก็ต้องกินยาที่อาหมอให้มาอีก ซึ่งอาหมอก็ย้ำนักย้ำหนาว่าไม่ให้กินบ่อยหรือกินติดๆ กัน เพราะอาจจะมีอาการข้างเคียงอะไรที่คาดเดาไม่ได้

และในขณะที่หาทางออกอย่างหนัก ผมก็คิดออก แม้คำตอบมันจะน่าอายไปสักนิด แต่มันก็น่าจะพอฟังขึ้นและมันก็เป็นข้อเท็จจริงที่ผมเคยประสบมาแล้วด้วย

“ช่างเถอะ ไม่ตัองฝืนใจหรอก ใส่เสื้อผ้าดีๆ แล้วลงไปนอน…”

“คือ.. ไนล์ทำความสะอาดไม่ถนัดครับ คราวที่แล้วก็ต้องทำตั้งหลายครั้งกว่าจะเอาออกมาหมด!” ผมหลับหูหลับตาตอบเร็วจี๋ และความเงีบบที่ได้รับก็ทำให้ต้องค่อยๆ เงยหน้ามองพี่ภูช้าๆ และก็ต้องเห็นว่าเขากำลังกลั้นยิ้มอยู่

“โถ่เอ๊ย เด็กน้อย” พี่ภูก้มลงมากัดปลายจมูกผมเบาๆ ทำเอาผมต้องยู่หน้าใส่เพราะตั้งตัวไม่ทัน

“ไนล์พูดจริงๆ นะครับ ก็.. ก็ ไนล์ไม่เคยทำ ไนล์ไม่ถนัด” ผมพูดแก้ตัวเสียงเบา อายก็อายที่ต้องมาพูดแบบนี้

“ถึงได้บอกไง ว่านายน่ะมันเด็กน้อย”

พี่ภูว่าเคล้าเสียงหัวเราะ ก่อนจะเอื้อมมือไปที่ลิ้นชักหัวเตียง แล้วหยิบซองเล็กๆ สี่เหลี่ยมออกมาพร้อมขวดเจล จากนั้นเขาก็เอาซองสี่เหลี่ยมที่ว่ามาวางบนมือของผม

“เอ๊ะ…” ผมทำท่าสงสัยพร้อมกับแก้มที่แดงก่ำ เพราะรู้ว่าซองที่ว่าคือซองอะไร

“ฉันใส่ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่า… นายต้องใส่ให้ฉัน ตกลงไหม?”

พี่ภูพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ ในขณะที่ผมแทบจะร้องไห้ เพราะรู้สึกว่าข้อแม้ของพี่ภูช่างยากเหลือเกิน และเหมือนพี่ภูจะรู้ว่าผมจะพูดอะไร เขาเลยพูดแทรกขึ้นมาก่อนตอนผมกำลังจะอ้าปาก

“ไม่ยากหรอกเดี๋ยวฉันสอน เพราะคืนนี้นายไม่น่าจะได้ใส่ให้ฉันรอบเดียวแน่ๆ”

ผมหน้าแดงก่ำเม้มปากแน่นตอนได้ยินอีกฝ่ายบอกแบบนั้น

… โอ๊ยยยย พี่ภู นี่มันอะไรกันเนี่ย

.

.

.

ผมนอนระทวยอยู่ใต้ร่างของพี่ภูเพราะถูกปลุกเร้า คนตัวโตกว่ายังคงป้อนจูบผมไม่หยุด เขาขบเม้ม ดูดดึงริมฝีปากผมซ้ำๆ จากที่แค่จูบอย่างอ่อนโยนค่อยเป็นค่อยไปก็ทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

พี่ภูใช้ฟันขบเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างของผม ให้ผมต้องเผยอปากออก ลิ้นร้อนของอีกฝ่ายแทรกเข้ามากวาดต้อนหยอกล้อไปทั่ว ในขณะที่ผมเองยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะส่งลิ้นของตัวเองเข้าไปเกี่ยวกระหวัด และพี่ภูก็เหมือนรู้ เขาเลยเป็นคนส่งลิ้นเข้ามาหยอกย้อและรัดรึงลิ้นของผมเอง ให้ผมได้แต่ครางฮือในลำคอด้วยความพอใจ

พี่ภูหลอกล่อผมด้วยจูบ และมันก็ได้ผลเสมอ…

ผมชอบจูบของเขา ชอบเวลาเราจูบกัน โดยเฉพาะจูบที่อ่อนโยน จูบที่เขาและผมอยากให้มันเกิดขึ้น

ผมยกแขนขึ้นคล้องคอพี่ภูที่ตอนนี้ผละริมฝีปากออกจากปากของผมแล้ว แต่กำลังง่วงอยู่กับซอกคอและลาดไหล่ของผมแทน เขาลากริมฝีปากแตะจูบช้าๆ ไปแทบจะทุกตารางนิ้ว จนผมรู้สึกมวนในช่องท้องไปหมด ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร แต่ที่แน่ๆ คือมันไม่ได้รู้สึกแย่ ในทางตรงกันข้ามผมกลับแหงนเงยลำคอ เพื่อให้พี่ภูสัมผัสได้ถนัดมากขึ้น

พี่ภูลากริมฝีปากลงมาเรื่อยจนถึงกระดูกไหปลาร้า ในขณะที่มือใหญ่ก็ปลดกระดุมเสื้อเม็ดที่เหลือของผมจนหมด เขาผละออกตอนที่พยายามจะถอดเสื้อของผม ผมเลยต้องให้ความร่วมมือด้วยการแอ่นอกขึ้น แค่เท่านั้นพี่ภูก็ดึงเสื้อนอนออกจากตัวผมแล้วเหวี่ยงลงข้างเตียงอย่างไม่ไยดี ก่อนที่คนตัวโตกว่าจะทำให้ผมสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจและไม่ทันตั้งตัวเมื่อเขาก้มลงครอบริมฝีปากลงบนยอดอกของผม พลางไล้เลียราวกับเป็นของหวาน ให้ผมหลุดเสียงครางประหลาดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“อ๊ะ.. อื้อ”

คนเจ้าเล่ห์เหลือบตาขึ้นมามองหน้าผมที่ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังแสดงสีหน้าแบบไหนอยู่ รู้แต่ว่ามันร้อนไปหมด มันเสียวปลาบเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งวนไปทั่วไปร่าง เป็นความอึดอัดทรมานบนความรู้สึกดี

และดูเหมือนพี่ภูจะรู้เขาถึงรังแกผมซ้ำๆ ด้วยการใช้ปลายนิ้วสะกิดยอดอกอีกข้างที่ตอนนี้มันแข็งตึงและชูชันให้ผมต้องหลุดเสียงน่าอายซ้ำๆ ราวกับไม่ใช่เสียงของตัวเอง

“อ๊ะ.. พี่ พี่ภู”

พี่ภูยอมละริมฝีปากออก แต่ก็ใช่ว่าเขาจะยอมหยุด เพราะเขาสลับมาดูดเลียยอดอกอีกข้างราวกับกลัวว่ามันจะน้อยหน้า เขาทำแบบนั้นอยู่จนพอใจ ก่อนจะจับผมนอนราบทั้งที่หายใจหอบ ร่างทั้งร่างแดงก่ำ และไร้เรี่ยวแรง โดยมีพี่ภูที่กำลังถอดเสื้อของตัวเองออกมองอย่างพอใจ และผมก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพี่ภูลดใบหน้าลงไปจูบแถวๆ ท้องน้อย ก่อนจะอาศัยจังหวะที่ผมเผลอรูดกางเกงผมออกจากเอวตลอดจนมันหลุดจากข้อเท้า แล้วเขาก็เหวี่ยงมันลงไปข้างเตียงตามเสื้อไปติดๆ

และผมก็เหลือแค่กางเกงชั้นในติดร่างเพียงตัวเดียว

“เด็กดี.. นายเป็นเด็กดีรึป่าว หื้ม?”

พี่ภูกลับมาคร่อมร่างผมอีกครั้ง เขาจูบลงบนแก้มผมแรงๆ ก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างของผมคล้องคอตัวเอง และพอผมมองสบตาเขา พี่ภูก็ก้มลงจูบปลายจมูกผมเบาๆ ตอนนี้ผมแทบไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำหน้าแบบไหน รู้แค่ว่ามันร้อนไปหมด และผมก็ไม่อยากให้พี่ภูหยุดแค่นี้

“นะ ไนล์…ไนล์เป็นเด็กดีครับ”

“เด็กดีต้องได้รางวัลถูกไหม”

ผมสบตาอีกฝ่ายนิ่ง ความต้องการมันตีรวนไปหมด พี่ภูเองก็มองหน้าผมไม่ละสายตา เขาสบถอะไรอยู่สองสามคำ ก่อนที่จะก้มลงมาจูบผมอย่างร้อนแรง ทำเอาผมแทบหายใจหายคอไม่ทัน พี่ภูกวาดต้อนช่วงชิงเอาความหอมหวานและลมหายใจผมไปจนหมดสิ้น ก่อนที่จะยอมละฝีปากออก พลางลากริมฝีปากไปทั่วแก้ม แล้วไปจบที่การขบเบาๆ ลงบนติ่งหูของผม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่ภูล้วงมือเข้าไปใต้ชั้นใน แล้วจับแก่นกายที่ตอนนี้เริ่มขยายและปวดหนึบเพราะแรงอารมณ์ของผม เขาสาวรั้งไม่กี่ทีมันก็ตั้งชันตอบรับ เหมือนกับทุกความรู้สึกแล่นไปรวมอยู่ที่กึ่งกลางร่างกายผมทั้งหมด มันเสียวสะท้านจนเผลอหลุดเสียงประหลาดออกมาอีกครั้ง

“อะ.. อ๊า”

มันรู้สึกมากเกินไป จนตัวผมสั่นไปหมด ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่เคยถูกปลุกเร้าหรือถูกเล้าโลม ไม่เคยแม้แต่จะให้ใครมาจับ และถึงแม้นี่จะเป็นครั้งที่สองระหว่างผมกับพี่ภู มันก็เป็นครั้งที่สองที่แตกต่างจากครั้งแรกมาก เพราะครั้งนี้ผมมีสติครบถ้วนดี ดังนั้นเมื่อพี่ภูค่อยๆ สาวรั้งแก่นกายให้ผม ด้วยความเขินอายผมเลยเผลอยื่นมือไปรั้งข้อมือของพี่ภูไว้ พลางมองเจ้าของมืออย่างร้องขอ แต่เขาก็ไม่คิดจะให้ความเห็นใจผมสักนิด หนำซ้ำยังส่งเสียงปรามดุผมอีกต่างหาก

“ชู่ววว ไหนว่าเป็นเด็กดีไง”

ผมปล่อยมือจากข้อมือพี่ภูอย่างกล้าๆ กลัวๆ และทันทีที่มือเขาเป็นอิสระ พี่ภูก็ขยับสาวรั้งแก่นกายผมช้าๆ สลับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น ผมนอนตัวบิดเร้า หายใจหอบเร็วตามจังหวะการชักนำของพี่ภู และเขาก็ยิ่งทำให้ผมคลั่งอีกเมื่อเขาใช้นิ้วโป้งขยี้ส่วนหัวซ้ำๆ จนสะโพกผมลอยคว้างไม่ติดที่นอน เสียงครางน่าอายไม่ได้ศัพท์ดังไปทั่วห้อง ผมแทบจะไม่กล้าคิดเลยว่าเสียงครางพวกนั้นเป็นเสียงของตัวเอง

“อ๊ะ .. อ๊า”

พี่ภูขยับข้อมือเร็วขึ้น เป็นจังหวะมากขึ้นเมื่อเขาเริ่มจับทางได้ว่าแบบไหนที่ทำแล้วผมรู้สึกดี ผมมวนในช่องท้องไปหมด เหมือนมีกระแสไฟแปลบปลาบวิ่งไปทั่วร่าง แล้วพอถึงจุดหนึ่งหน้าท้องของผมก็เริ่มหดเกร็ง ปลายเท้าจิกแน่น ลมหายใจถี่กระชั้น และพี่ภูก็คงสังเกตเห็น เขาเลยเร่งจังหวะข้อมือเร็วขึ้นเรื่อยๆ สลับกับใช้นิ้วโป้งขยี้ส่วนปลายที่ปริ่มน้ำใสซ้ำๆ จนกระทั่งภาพในหัวสมองของผมขาวโพลน ร่างทั้งร่างเหมือนลอยขึ้นไปในอากาศ ความสุขสมแล่นพล่านไปทั่วทั้งอก และเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมตัวกระตุกปลดปล่อยตัวตนออกมาจนเลอะมือพี่ภูและเปียกชื้นที่ชั้นในเป็นวงกว้าง

“อาาาาาห์”

ผมหอบหายใจแรงเนื้อตัวแดงก่ำ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าผมรู้สึกดีมากๆ ในขณะที่พี่ภูเอาแต่จ้องมองผมอย่างเอ็นดู เขาก้มลงมาจูบที่ขมับชื้นเหงื่อของผมเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนให้ผมนึกอายเกินกว่าจะตอบตรงๆ ได้

“นายชอบไหม หื้ม? มีความสุขรึป่าว?”

เขาถามก่อนจะก้มลงจูบไหปลาร้า ไล่เรื่อยมาจนถึงไหล่ ผมทั้งเก้อเขินทั้งอ่อนแรงเลยตัดสินใจพยักหน้าตอบอายๆ ตอนที่พี่ภูเงยหน้าจากไหล่ผมขึ้นมาสบตา เขายิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาเป็นประกายวาววับ ก่อนที่จะจับมือเล็กของผมไปวางตรงกลางร่างกายของตัวเองที่มีกางเกงนอนขายาวขวางกั้นอยู่

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของมันอยู่ดี

“พะ..พี่ภู”

“เด็กดี..มันต้องการนาย” เขากระซิบบอกผมที่ข้างหู ผมร้อนไปทั้งหน้าเพราะความอาย

แต่ถึงจะอายผมก็อยากจะลอง ผมอยากทำให้พี่ภูมีความสุขเหมือนกับที่เขาทำให้ผมมีความสุข

“ไนล์ไม่เคย .. ตะ แต่ไนล์อยากลองทำ อยากลองทำให้พี่ภู”

และเท่านั้นเหมือนความอดทนของคนตรงหน้าผมจะหมดลง เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะรูดกางเกงนอนและกางเกงชั้นในออกจากตัว จากนั้นเขาก็กระโจนขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง พี่ภูนั่งยืดขาอ้ากว้างก่อนที่เขาจะจับผมลุกขึ้นนั่งหันหน้าเข้าหาและให้ผมนั่งทับลงไปบนหน้าขาของตัวเอง เขาจับขาของผมเกี่ยวเอวเขาไว้ ซึ่งการนั่งแบบนี้มันล่อแหลมมาก แก่นกายของเราแทบจะแนบชิด ติดที่ว่าผมยังไม่ได้ถอดชั้นในของตัวเองออก และพอผมก้มลงไปมองที่กึ่งกลางร่างกายของอีกฝ่ายผมก็ต้องตาเหลือกโต กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ท่อนเนื้อของพี่ภูใหญ่มาก ใหญ่ทั้งๆ ที่มันยังไม่ถูกปลุกเร้าเต็มที่ แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามีอะไรกัน แต่มันเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้สัมผัสมันอย่างใกล้ชิด

ผมค่อยๆ ยื่นมือไปแตะมันอย่างไม่มั่นใจ แต่แล้วพี่ภูก็ยื่นมือมาประคองมือผมไว้แล้วเอามือผมไปวางบนแก่นกายตัวเอง จากนั้นเขาก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมลำพัง

“ขยับสิไนล์ ช้าๆ .. นั่นแหละ แบบนั้น..”

ผมค่อยๆ ขยับข้อมือสาวรั้งตามที่พี่ภูบอกเป็นจังหวะเนิบนาบในคราวแรก แต่พอได้ยินเสียงครางสลับสูดปากของอีกฝ่ายก็เหมือนสัญชาตญาณลึกๆ ในตัวผมก็บอกว่าผมต้องทำอะไรต่อ ผมเริ่มขยับข้อมือเร็วขึ้นแต่ก็ไม่ได้ถึงกับเร่งจังหวะ และก็พยายามเลียนแบบในสิ่งที่พี่ภูทำด้วยการใช้นิ้วโป้งขยี้ส่วนหัวซ้ำ จนเหมือนผมได้ยินเสียงขบฟันกรอดจากพี่ภู

และกว่าจะรู้ตัวอีกทีพี่ภูก็ก้มลงไปงับยอดอกสีอ่อนของผมแล้ว เขาดูดดันมันจนผมเจ็บตึงและเริ่มมีอารมณ์ร่วม ผมเลยเผลอจยับข้อมือเร็วขึ้น จนแก่นกายของพี่ภูตั้งชัน แต่ดูเหมือนกับว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองเสร็จเพราะมือของผม

พี่ภูจับผมนอนราบลงบนเตียงอีกครั้ง เขายกสะโพกผมขึ้นแล้วรูดกางเกงชั้นในผมออก แก่นกายของผมเริ่มขยายและปวดหนึบเพราะมีอารมณ์ตอนถูกพี่ภูดูดยอดอก เขามองแก่นกายของผมตาวาว ทำอาผมที่ถูกจ้องถึงกับหน้าร้อน และพยายามหนีบขาเข้าหากันเพราะความอาย

“พี่ภู ไม่เอาครับ.. อย่ามอง”

เขายิ้ม ก่อนจะยื่นหน้ามาจูบปากผมเบาๆ ในขณะที่มือก็รั้งแก่นกายผมไปด้วย “น่ารักออก”

พี่ภูผละออกหลังจากพูดจบก่อนจะอ้าขาผมออกกว้าง เขาหยิบหมอนมารองใต้สะโพกผมไว้ และแทรกตัวเข้ามานั่งตรงกลางระหว่างขาผม พร้อมกับฉวยเจลที่วางอยู่ไม่ไกลมาไว้ในมือ เขาจับขาทั้งสองข้างของผมตั้งฉากกับเตียงนอนก่อนที่สัมผัสเย็นๆ จะถูกชะโลมทั่วช่องทางด้านหลังของผมที่ลอยเด่นเห็นได้ชัดจากมุมของพี่ภู ผมจะหนีบขาเข้ามาก็ไม่ได้เพราะตัวพี่ภูขวางอยู่และเขาก็ไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้น

ผมสะดุ้งในคราวแรกเมื่อเนื้อเจลเย็นๆ สัมผัสเข้ากับช่องทางด้านหลัง และก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อนิ้วแกร่งของพี่ภูที่ชะโลมเจลจนทั่วแล้วกำลังแทรกเข้ามาช้าๆ ผมถดตัวหนีทันทีโดยอัตโนมัติเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมกำลังจะเข้ามาในร่างกาย แต่พี่ภูก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างจับสะโพกผมไว้แน่นไม่ยอมให้หนี เขาก้มลงมาจูบผมสลับกับดูดยอดอกเพื่อเบนความสนใจ

“อย่าเกร็งเด็กดี.. อย่าเกร็ง ถ้าเกร็งมันจะทำให้นายเจ็บนะ”

พี่ภูเอ่ยปลอบ ซึ่งมันก็ได้ผลพอสมควร เพราะพอผมถูกทั้งพี่ภูจูบ พี่ภูปลอบ ผมก็ดิ้นรนน้อยลง นั่นทำให้พี่ภูค่อยๆ แทรกนิ้วแรกของตัวเองเข้ามาในตัวผมได้สำเร็จ ผมสะดุ้งเฮือกมันอาจจะไม่ได้เจ็บแต่มีจุกๆ แน่นๆ อยู่บ้าง และพี่ภูก็ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าเขาแทรกนิ้วที่สองกับที่สามที่เปียกชุ่มเจลเข้ามาตามลำดับ จนนิ้วทั้งสามของพี่ภูเข้าไปอยู่ในตัวผมเรียบร้อย เล่นเอาผมขยับตัวไม่ได้อยู่พักหนึ่งกว่าจะปรับตัวได้ โดยมีพี่ภูคอยจูบปากสลับดูดยอดอกให้อย่างเอาใจ และอยากให้ผมผ่อนคลาย ได้มากขึ้น

และพอผมเริ่มอยู่ตัว พี่ภูก็ค่อยๆ ขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ ก่อนจะหมุนวนหาอะไรบางอย่าง ทำเอาผมครางเสียงหลง และก็ต้องตัวกระตุกเมื่อนิ้วของพี่ภูสัมผัสเข้ากับจุดๆ หนึ่ง และเหมือนเขาเองก็จะรู้เลยงอนิ้ว แล้วครูดเข้ากับผนัง หมุนวนกระแทกนิ้วซ้ำๆ เข้ากับจุดที่ว่า ทำเอาสะโพกผมลอยคว้างเพราะความเสียวซ่าน เสียงร้องครางหลุดออกมาจากลำคอแทบไม่เป็นภาษา ความรู้สึกที่ผมไม่เคยพบล้นปรี่ขึ้นมาเต็มอก ในขณะที่พี่ภูก็ยังคงหมุนวนนิ้วซ้ำๆ ราวกับจะเอาใจ

“อื้อ .. พี่ภู อ๊ะ..”

“ตรงนี้ใช่ไหม หื้ม? ตรงนี้ใช่รึป่าวไนล์?”

ผมไม่ได้ตอบเอาแต่ครางไม่ได้ศัพท์แถมยังแอ่นสะโพกรับจังหวะที่พี่ภูกระทั้นนิ้วเข้ามา จากความจุกแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านที่ผมไม่เคยได้รับ พี่ภูก้มลงมาจูบผมอย่างเร่าร้อนและรุนแรง บ่งบอกอารมณ์ภายในของเขาได้ดีว่าเป็นอย่างไร

และในขณะที่ผมกำลังเคลิ้มกับรสสัมผัสที่พี่ภูมอบให้จู่ๆ เขาก็ถอนนิ้วออก ผมรู้สึกเหมือนถูกฉุดล่วงให้ตกลงมาจากท้องฟ้า อารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านเหมือนถูกขัดจังหวะ ทำให้ผมเผลอตวัดตามองเขาด้วยความไม่พอใจ และยิ่งปฏิกริยาที่ผมได้รับจากพี่ภูยิ่งทำให้ผมงอแงใส่เขาไม่รู้ตัว

“หึ! ไหนว่าเป็นเด็กดีไง” เขาก้มลงมางับริมฝีปากผมเบาๆ ก่อนจะจับแก่นกายร้อนๆ ของตัวเองมาถูไถตรงช่องทางด้านหลังของผม “หน้าที่ของเด็กดีต้องทำอะไรนะ?”

พอจบคำของพี่ภูซองสี่เหลี่ยมเล็กๆ ก็ถูกวางลงบนมือผม เขาจับผมลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะยืนเข่าตรงหน้าผม ให้ผมต้องก้มหน้าเขินเพราะแก่นกายที่ตั้งชันของเขาอยู่ที่ระดับสายตาของผมพอดี

ผมฉีกซองด้วยมือสั่นเทา และหยิบถุงยางออกมาด้วยท่าทีงกเงิ่น พี่ภูเลยต้องช่วยจับมือผมครอบถุงยางลงบนแก่นกายของตัวเองที่ตั้งชันจากปลายจนสุดโคน ก่อนที่พี่ภูจะก้มลงมาจูบขมับผมเบาๆ ราวกับจะให้คำชม

และพี่ภูก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาจับผมนอนราบอีกครั้งพร้อมกับข้าอ้าผมออกว้างแล้วแทรกตัวเขาเข้ามาตรงกลางระหว่างขาผม และผมก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อท่อนเนื้อร้อนๆ ที่ตอนนี้ทั้งขยายใหญ่และตั้งชันเพราะแรงอารมณ์ค่อยๆ ถูกกดเข้ามาในช่องทางช้าๆ แต่เพราะขนาดมันใหญ่กว่าช่องทางที่พี่ภูเบิกทางไว้ ทำให้ผมเจ็บร้าวทันทีแม้จะเข้ามาแค่ส่วนปลาย จนผมต้องพยายามถดสะโพกหนี แต่พี่ภูก็ใช้มือข้างที่ว่างรั้งไว้แน่น

“ไนล์.. เจ็บ”

“ทนหน่อยไนล์ ทนเพื่อฉันหน่อยนะ...”

ผมกัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บพอได้ยินพี่ภูบอกนั้น และค่อยๆ กดท่อนเนื้อเข้ามาในช่องทางแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเจ็บบรรเทาลงเลย มันรู้สึกเหมือนส่วนล่างของผมแทบจะฉีกออกเป็นชิ้นๆ ผมน้ำตาไหลทันทีที่ส่วนหัวเข้ามาได้ ซึ่งพี่ภูก็คงสังเกตเห็น เขาเลยก้มลงมาจูบผมอย่างเอาใจ สลับกับก้มลงดูดดุนยอกอกของผมเพื่อเบนความสนใจ ซึ่งมันก็ได้ผลพอสมควร เพราะตอนนี้แก่นกายของพี่ภูถูกดันเข้ามาในตัวผมจนสุดลำ พร้อมๆ กับเสียงครางต่ำของพี่ภูที่ดังอยู่ข้างหูผม

ผมเจ็บจนจุก น้ำตาไหลพรากแต่ไม่กล้าส่งเสียงร้องสักแอะ ผมนึกขอบคุณที่ภูแช่ตัวอยู่แบบนั้นไม่ยอมขยับ เขาพยายามจูบซับน้ำตาผมที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย ในขณะที่ตัวเขาเองก็ขบกรามแน่นเพราะกำลังอดทน เนื่องจากรู้ว่าผมยังปรับตัวไม่ได้ ซึ่งอย่าว่าแต่ปรับตัวไม่ได้เลย ตอนนี้ผมเจ็บจนแทบจะไม่สามารถมีอารมณ์ร่วมกับพี่ภูแล้วด้วยซ้ำ

แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีผมก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดผิด

“ไนล์” พี่ภูก้มลงมากระซิบชิดริมฝีปากผม พร้อมกับจูบเบาๆ เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่ง “ฉันต้องขยับแล้ว เพราะนายรัดฉันแน่นมาก อึก!.. ไม่งั้นฉันต้องเสร็จตอนนี้แน่ๆ”

เขาจูบผมแรงๆ ก่อนจะผละออก เราสบตากันนิ่งและผมก็รู้ว่าเขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด ตอนนี้พี่ภูเหงื่อแตกพลั่ก ใบหน้าดูอดกลั้นแถมสันกรามยังถูกขบจนนูน ผมนึกเห็นใจที่เขาอดทนรอเพราะกลัวว่าผมจะเจ็บและยังปรับตัวไม่ได้เลยตัดสินใจว่าจะลองให้พี่ภูขยับ เพราะรู้สึกว่าช่วงล่างมันไม่ตึงเท่าตอนแรกแล้ว

ผมยึดแขนที่ภูที่เขาเท้าอยู่ข้างตัวผมเพื่อพยุงตัวเองเอาไว้แน่น และทันทีที่ผมพยักหน้าก็ดูเหมือนว่าความอดทนของพี่ภูจะขาดสะบั้นลงทันที

เขากระแทกแก่นกายเข้ามาในตัวผมอย่างเนิบนาบในตอนแรกเพราะคงอยากให้ผมคุ้นชิน ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อความเจ็บแล่นพล่านขึ้นมาอีกครั้ง พี่ภูคงเห็นเลยก้มลงมาจูบผมอย่างร้อนแรง ในขณะที่มือของผมจิกลงบนแขนของพี่ภูจนจมเล็บ และเขาก็ยังคงกระแทกกายเข้าหาผมอย่างต่อเนื่อง แล้วตอนไหนไม่รู้ที่ความเจ็บแปรเปลี่ยนไป เมื่อท่อนเนื้อของพี่ภูกระแทกเข้าตรงจุดๆ นึงในผนังอ่อนนุ่มที่โอบรัด และนั่นก็ทำให้ผมหลุดเสียงครางและขมิบตอดแก่นกายของพี่ภูทันที

เขายิ้มในหน้าเมื่อรู้ว่าตรงไหนที่จะทำให้ผมมีความสุข เขากระแทกกายย้ำๆ จากที่เนิบนาบในคราวแรกก็เป็นจังหวะมากขึ้นและแรงขึ้น พี่ภูละริมฝีปากออกจากปากผม แล้วก้มลงกัดยอดอกของผมที่ตอนนี้แดงก่ำและแข็งตึง เขากระซิบบอกถ้อยคำลามก แต่กลับกระตุ้นอารมณ์ผมได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ

“อ๊า.. อ๊ะ อ๊ะ”

“ครางอีกไนล์ ร้องอีก... อึก! บอกให้ฉันซิ.. ว่าใคร อะ.. ใครกำลังอยู่ในตัวนาย” เขากระแทกใส่ผมแรงๆ จนตัวผมสั่นคลอน แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกดีมากกว่าที่ผมคิด

“อื้อ.. พี่ภู พี่ภูของไนล์”

พี่ภูสบถคำหยาบคายทันที่ที่ผมพูดจบ เขาโถมกระทั้นตัวใส่ผมเร็วขึ้นและแรงขึ้น ตอนนี้แก่นกายของผมตั้งชันและปวดหนึบโดยที่ไม่ได้ถูกเล้าโลมเลยสักนิด ผมกำลังมีอารมณ์ร่วมเพียงเพราะถูกพี่ภูสอดใส่โดยที่ไม่ได้แตะต้องท่อนเนื้อของผมเลยด้วยซ้ำ ผมพยายามจะเอื้อมมือไปสาวรั้งแก่นกายของตัวเองเพราะมันอึดอัดจนแทบทนไม่ไหว แต่พี่ภูกลับไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้น

เขายึดมือทั้งสองข้าของผมไว้เหนือหัวด้วยมือของเขาข้างเดียว ในขณะที่อีกมือก็จับขาผมอ้ากว้างมากขึ้น เขากระแทกเข้ามาอย่างรุนแรงจนตัวผมสั่นคลอนไปหมด ผมเสียวสะท้านเหมือนมีกระแสไฟแล่นพล่านอยู่ในร่าง มันร้อนไปหมดจนแม้แต่ความเย็นของเครื่องปรับอากาศในห้องก็เอาไม่อยู่

เสียงร้องครางของผมดังผสมไปกับเสียงหยาบโลนของผิวเนื้อที่กระทบกัน พี่ภูยังคงกระแทกเข้ามาอย่างแรงและเร็ว สลับกับก้มลงดูดยอดอกที่แข็งตึงของผม จนส่วนปลายของแก่นกายของผมปริ่มน้ำใส หน้าท้องผมกระตุกเกร็ง ปลายเท้าจิกแน่น หัวสมองขาวโพลน เสียงหวีดสุดท้ายที่หลุดออกจากลำคอของผมถูกปล่อยออกมาพร้อมกับน้ำขุ่นขาวที่ทะลายทะลักจนเลอะหน้าท้องของพี่ภูเต็มไปหมด

“อาาาาาาห์”

ผมนอนหอบหมดแรงแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่กับพี่ภู เขาจับขาผมอ้าออกอีกครั้งพร้อมกับกระแทกเข้ามาอย่างหนักหน่วงและเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้น เสียงครางต่ำๆ ของคนเหนือร่างทำให้ผมต้องเหลือบตาแอบมองอย่างอดไม่ได้ พี่ภูในเวลานี้ดูเซ็กซี่มาก ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยอารมณ์ เขาดูมีความสุขที่ได้อยู่ในตัวผมจนผมนึกเขิน

และในจังหวะสุดท้ายพี่ภูที่เร่งความเร็วมากขึ้นก็ถอนแก่นกายออกจนเกือบสุดก่อนจะกระแทกกลับเข้ามาใหม่แรงๆ จนอารมณ์ที่ดับมอดไปแล้วของผมเหมือนถูกกระตุ้นขึ้นอีกครั้ง เขาทำแบบนี้อยู่สองสามครั้งจนครั้งสุดท้ายที่เขากระแทกกลับเข้ามาตัวเขาเกร็ง ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยว สันกรามถูกขบแน่นจนนูน พี่ภูคำรามต่ำ ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงความอุ่นร้อนในตัวแม้จะมีถุงยางกั้นอยู่ก็ตาม

“อาาาาาห์”

 พี่ภูซบลงมาบนอกผมหลังจากปลดปล่อย เขาจูบเบาๆ ไปทั่วราวกับจะขอบคุณ ผมนึกเขินและอยากจะบอกให้พี่ภูถอนตัวออกก่อน แต่สัญชาตญาณบางอย่างกำลังบอกผมว่าทุกอย่างในคืนนี้มันน่าจะแค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

และเมื่อพี่ภูดึงแก่นกายของเขาออกมาจากช่องทางเพื่อรูดถุงยางที่ใช้แล้วออก และผมก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดไม่ผิด เพราะเจ้าท่อนเนื้อของพี่ภูดูไม่ได้จะสงบลงสักนิด มันยังคงตั้งชันและผงาดอยู่อย่างนั้นราวกับเมื่อกี้ไม่ได้ปลดปล่อย

“ไนล์.. มาฝึกใส่ถุงยางให้คล่องมา”

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อเห็นสายตาและได้ยินน้ำเสียงของพี่ภู … คืนนี้จะจบลงตรงไหนผมไม่รู้เลย

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-13 : Universe 21st)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 13-06-2020 21:05:22
(ต่อจากด้านบน)


ผมตื่นขึ้นมาตอนรุ่งสางด้วยอาการเมื่อยขบ ก่อนจะพยายามลุกขึ้นให้เงียบที่สุด ผมแทบไม่ได้นอนเลยทั้งที่เพลียมาก เพราะกังวลและกลัวมากว่าจะตื่นไม่ทัน ผมไม่อยากให้คุณแม่ของพี่ภูและคนในบ้านเห็นว่าผมออกมาจากห้องพี่ภูตอนเช้าตรู่ เพราะมันเดาความหมายได้อย่างเดียวว่าผมหายเข้าไปทั้งคืนในห้องนั้น ผมไม่ค่อยอยากให้คนมองพี่ภูไม่ดีสักเท่าไหร่

แต่พอผมขยับตัวออกจากท่อนแขนที่วางพาดอยู่บนเอว คนที่กอดผมอยู่ก็ส่งเสียงครางฮืออย่างไม่ชอบใจ ก่อนที่จะกระชับวงแขนดึงรั้งให้ผมลงไปนอนตามเดิม

“จะไปไหน? ยังไม่เช้าเลย” พี่ภูว่าพลางกดจมูกลงบนหัวไหล่ผม เขาจูบเบาๆ แต่ทำเอาผมร้อนไปทั้งตัว เพราะตอนนี้ร่างกายเปลือยเปล่าของเรากำลังแนบชิดกันไปทุกส่วน

“ไนล์จะกลับห้องครับ เดี๋ยวเช้าแล้วถ้ามีคนตื่นมาเห็นว่าไนล์ออกจากห้องพี่ภู พี่ภูจะดูไม่ดี”

“แล้วทำไมไม่กลัวคนอื่นมองนายไม่ดีบ้างล่ะ นายเสียหายนะเรื่องนี้” พี่ภูถามทั้งที่ตายังปิดสนิท แต่ริมฝีปากของเขากลับซุกซนเหลือเกิน

“ไนล์เป็นแค่เด็กรับใช้ ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่พี่ภู...” ผมตอบตามความเป็นจริง ไม่ได้ประชดประชันอะไร ด้วยสถานะของผมกับของเขาในตอนนี้มันเป็นแบบนั้น แต่สิ่งที่พี่ภูพูดสวนออกมาทำให้ใจผมฟูไม่น้อย

“ห้ามคิดแบบนั้นนะไนล์ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน แต่คนที่ถูกรังแกคือนายไม่ใช่ฉัน แล้วฉันจะเป็นคนเสียหายได้ยังไง หื้ม?”

ใจผมเต้นรัวจนเจ็บอก แม้รูปประโยคจะดูดุแต่น้ำเสียงที่พี่ภูใช้ช่างอ่อนโยนเหลือเกิน อ่อนโยนจนผมคิดว่าผมกำลังได้พี่ภูคนเดิมกลับมา แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเพ้อพก แม้พี่ภูจะไม่คิดอะไร แต่ผมก็ยังไม่อยากให้ใครเห็นอยู่ดีโดยเฉพาะคุณแม่ ผมไม่อยากให้ท่านผิดหวังในตัวผมที่ทำตัวไม่น่ารัก ใจกล้าเดินเข้ามาในห้องให้พี่ภูรังแกเต็มที่ ดังนั้นผมควรที่จะลุกแต่งตัวและลงไปนอนห้องข้างล่างได้แล้ว

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ คุณท่านต้องไม่ชอบใจแน่ๆ ถ้าเห็นไนล์ออกจากห้องพี่ภู ไนล์ว่า…”

“แม่ไม่อยู่ ออกไปต่างจังหวัดเมื่อสักชั่วโมงที่แล้วได้มั้ง” พี่ภูพูดสวนขึ้นมาก่อนที่ผมจะได้ทันพูดจบ และเขาก็ต้องขยายความเมื่อเห็นผมทำหน้าสงสัยกึ่งไม่เชื่อ “ท่านบอกฉันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนในงานเลี้ยง”

“แต่ยังมีป้าวรรณาอีก…”

ผมยังคงมีปัญหาไม่เลิกจนพี่ภูน่าจะนึกรำคาญ เขาถึงพลิกตัวขึ้นมาคร่อมผม ก่อนจะจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วก้มลงมาจูบหน้าผม จูบปาก จูบไปทั่วจนผมจั๊กจี้

“เดี๋ยวฉันจะบอกป้าวรรณาเองว่าให้นายขึ้นมาช่วยเก็บของตั้งแต่เช้า ทีนี้มีปัญหาอะไรอีกไหม?”

ผมส่ายหน้าดิก นอนตัวแข็งทื่อเพราะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่ตรงหน้าขา เกรงว่าถ้าผมยังทำตัวเป็นเจ้าหนูมากเรื่องอยู่ จากที่จะได้นอนพักคงไม่ได้นอนแน่ เพราะตอนนี้ผมรับไม่ไหวแล้ว พี่ภูเล่นงานผมทั้งคืนเลย

“ดี… ว่าแต่ยังเจ็บหรือยังขัดอยู่ไหม?” เป็นอีกครั้งที่น้ำเสียงพี่ภูอ่อนโยนจนผมนึกเขิน

“ไม่เจ็บแล้วครับ แต่ยังมีขัดๆ ตึงๆ บ้าง ถ้าได้พักสักหน่อยคงดีขึ้น” ผมตอบอายๆ และก็เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี

พี่ภูจูบแก้มผมแรงๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ แล้ววาดแขนโอบเอวผมไว้เหมือนเดิม จะต่างจากเดิมตรงที่เขากระชับอ้อมกอด กอดผมไว้แน่น

“งั้นก็พักซะ เลิกถามเลิกกังวลใจได้แล้ว” พี่ภูชะโงกหน้ามาจูบริมฝีปากผมเบาๆ ก่อนจะแกล้งขู่ “ละถ้ายังไม่เลิกเป็นเจ้าหนูช่างสงสัย นายจะไม่ได้พักแน่ ถุงยางยังเหลืออีกเยอะเลย เอาไหม?”

พอจบคำขู่เท่านั้นแหละผมก็ปิดปากฉับหลับตาปี๋ ซุกหน้าเข้าหาอกพี่ภูทันที ผมได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะเบาๆ ก่อนจะผล็อยหลับไปเพราะความอ่อนเพลียที่สะสมมาทั้งคืน

.

.

.

เราสองคนตื่นขึ้นมาอีกทีตอนสายๆ เพราะมีเด็กรับใช้มาเคาะประตูเรียกให้พี่ภูลงไปทานข้าว พี่ภูบอกปัดว่าจะออกไปหาทานข้างนอก เขาให้เหตุผลกับผมว่าถ้าทานที่นี่ผมคงไม่ยอมร่วมโต๊ะกับเขาแน่ และพี่ภูก็ไม่อยากนั่งทานคนเดียว เราสองคนเลยออกจากบ้านเพื่อกลับคอนโดตอนใกล้ๆ เที่ยง โชคดีที่ป้าวรรณาไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่ม หลังจากที่พี่ภูบอกว่าให้ผมไปช่วยเก็บห้อง และตอนนี้เราก็มาอยู่ที่ห้างประจำแถวๆ คอนโด พี่ภูถามผมทันทีหลังจากที่จอดรถเรียบร้อย

“อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม ฉันตามใจนายวันนึง” พี่ภูพูดยิ้มๆ เขาดูอารมณ์ดีจนผมไม่อยากขัดใจ

“คือหลังทานข้าวสร็จ ไนล์ทานไอศครีมได้ไหมครับ ไนล์อยากทานไอศครีม”

“อืม เอาสิ”

ผมกับพี่ภูแวะทานอาหารง่ายๆ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ผมรีบทานเพราะอยากไปร้านไอศครีมจนถูกพี่ภูดุ แต่ผมก็ไม่ได้นำพาเท่าไหร่หรอก เพราะพี่ภูที่ดุตอนนี้ใจดีกว่าตอนนั้นเยอะ

“กินช้าๆ เดี๋ยวติดคอ” เขาเลื่อนแก้วน้ำมาใกล้ๆ มือผม ก่อนจะยื่นมือมาใช้นิ้วโป้งปาดตรงมุมปากผมเบาๆ “แล้วนี่เป็นเด็กหรือไง ทำไมกินอะไรเลอะเทอะ”

ผมยิ้มอ้อน ทำเอาพี่ภูถึงกับทำอึ้ง เขาดูทำอะไรไม่ถูก ส่วนผมเองก็ลืมตัวไปว่าไม่ได้อยู่กับพี่เทมส์หรือคนในครอบครัว เลยเผลอทำตัวขี้อ้อนออกไป สุดท้ายเลยต้องแก้เก้อเอ่ยขอโทษพี่ภูแทน เขาอาจจะไม่ชอบใจก็ได้ที่ผมแสดงออกมากเกินไป ยังไงตอนนี้เราก็อยู่ในฐานะเจ้านายและคนดูแล

“ขอโทษครับ พอดีไนล์ลืมตัวไปหน่อย แหะๆ”

พี่ภูยิ้มบางให้ผม ยอมรับว่าแปลกใจเพราะไม่คิดว่าจะเป็นปฏิกริยาที่ผมจะได้รับจากอีกฝ่าย

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร” เขายกมือขึ้นมาลูบศีรษะผมเบาๆ “น่ารักดี”

ผมร้อนไปทั้งหน้าตอนได้ยินพี่ภูแบบนั้น นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เขาชมผมแบบนี้ “พะ.. พี่ภู”

“รีบกินสิ ไม่อยากไปกินไอติมแล้วรึไง?”

“ไปครับ อยากไป” ผมพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มกว้าง รีบลงมือจัดการอาหารตรงหน้า โดยมีพี่ภูคอยยื่นมือมาเช็ดปากให้เรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าตอนนี้ใครเป็นคนดูแลใครกันแน่

เราสองคนทานอาหารกันหมดในเวลาไม่นาน ก่อนจะตรงดิ่งไปที่ร้านไอศครีมที่อยู่ไม่ไกล ผมเดินไปยิ้มไปรู้สึกมีความสุขมาก ราวกับได้ย้อนกลับไปในวัยเด็กที่ได้นั่งคุยเรื่อยเปื่อยกับพี่ภูอีกครั้ง

“จะว่าไปฉันก็ไม่ได้เข้าร้านไอติมนานแล้วเหมือนกันนะ จำได้ว่ามีเข้าบ้างสมัยเรียนมัธยม แต่พอไปอยู่อเมริกาก็ห่างๆ ไป ได้มานั่งกินแบบนี้ก็ย้อนวัยดีเหมือนกัน”

พี่ภูพูดเรียบเรื่อยแต่ประโยคของเขากลับทำให้ใจผมเต้นแรง เขาจะจำเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ในร้านไอศครีมเมื่อสิบปีที่แล้วได้บ้างหรือป่าว ผมจะพอคาดหวังได้ไหม ว่าในส่วนลึกของความทรงจำพี่ภูพอจะขุดค้นมันขึ้นมาได้บ้างแล้ว

หรือไม่เลยสักนิด…

“ตอนสมัยเรียนพี่ภูก็ชอบเข้าร้านไอศครีมเหมือนกันหรอครับ” ผมถาม พยายามไม่ตั้งความหวัง แค่เพียงอยากจะกระตุ้นความทรงจำเขาบ้าง หากพอมันจะมีผมหลงเหลืออยู่สักเศษเสี้ยว

“อืม ก็มีเข้าบ้างนะ แต่ไม่บ่อย คลับคล้ายคลับคลาว่า..”


Rrrrr


ผมตั้งใจฟังด้วยใจเต้นรัวว่าพี่ภูจะพูดอะไร แต่โทรศัพท์ของเขากลับดังเรียกความสนใจจากพี่ภูไปเสียก่อน

“อยากกินอะไรเลือกเอา จะซื้อกลับไปแช่ที่คอนโดด้วยก็ได้” พี่ภูยื่นเงินให้ผมจำนวนหนึ่ง “สายนี้เรื่องงาน น่าจะคุยยาว ถ้านายอิ่มแล้วฉันยังไม่กลับเข้ามา ก็คิดเงินแล้วไปเจอกันที่รถเลย โอเคไหม?”

ผมพยักหน้ารับด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “ครับ”

อีกนิดเดียวแท้ๆ พี่ภูกำลังจะได้พูดแล้วเชียวว่าคลับคล้ายคลับคลาอะไร น่าเสียดายชะมัด

และคงเพราะเห็นผมทำหน้าเศร้า พี่ภูเลยถามย้ำ “นายอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม? ถ้าไม่โอเค เดี๋ยวฉันค่อยโทรกลับได้”

ผมรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติพร้อมกับโบกมือปัดพัลวัน แม้ลึกๆ จะรู้สึกดีก็เถอะที่พี่ภูเป็นห่วงและแคร์ผมขนาดนี้ แต่ผมไม่อยากให้พี่ภูเสียงานเพราะความงอแงของตัวเอง

“ไนล์อยู่ได้ครับ พี่ภูไปคุยเรื่องานเถอะ” พี่ภูมองผมด้วยสายตากังวล ผมเลยต้องย้ำ “ไนล์อยู่ได้จริงๆ ไว้เดี๋ยวเจอกันนะครับ”

ผมยิ้มกว้างจนตาหยีหลังพูดจบเลยทำให้พี่ภูคลายกังวลไปได้ ก่อนจะออกไปเขาเลยยื่นมือใหญ่มาโยกศีรษะของผมก่อนจะลูบเบาๆ

“โอเค เดี๋ยวไว้เจอกัน”

พี่ภูรับสายก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปเพื่อหาที่เงียบๆ คุย ทิ้งให้ผมถอนใจพลางมองตามอย่างเสียดาย… อีกแค่นิดเดียวจริงๆ

แต่แค่ชั่วแปปเดียวผมก็สะบัดศีรษะพร้อมกับให้กำลังใจตัวเองว่าอย่างน้อยมันก็ได้พัฒนาขึ้นอีกนิด บางทีเวลาที่เหลือเกือบเดือนของผมอาจจะไม่สูญเปล่าก็ได้

.

.

.

To Be Continue

-----------------------------------------------------

อ่านให้สนุกนะคะ ถึงแม้มันอาจจะไม่ได้สนุกมากเท่าไหร่ แต่เราก็ตั้งใจเขียนทุกตัวอักษร บางคนอาจจะชอบ และบางคนอาจจะรำคาญ เราก็พยายามจะเขียนและทำให้ดีที่สุดแล้วจริงๆ แหะๆ

แล้วก็ขอบคุณมากๆ สำหรับคอมเม้นท์และที่โดเนทมาให้เพื่อเป็นกำลังใจนะคะ อาทิตย์นี้เขียนยากมากพอสมควร เราพิมพ์ๆ ลบๆ อยู่หลายรอบ แต่.. ก็นั่นแหละค่ะ ยังไงเราจะพยายามปรับปรุงและทำให้ดีที่สุดทุกครั้ง

ขอบคุณมากๆ ที่ยังติดตามนะคะ แล้วก็ขอโทษที่บางทีมันอาจจะยังไม่ดีพอ ซึ่งเราจะพยายามทำให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ ในครั้งต่อไปนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-13 : Universe 21st)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-06-2020 21:24:08
 :o8: :haun4: :jul1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-13 : Universe 21st)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 13-06-2020 21:32:53
โอ้ยยยยคิดถึงมากกกกกก

ชอบพี่ภูเวอร์ชั่นนี้มากๆๆเลยค่าาา
น้องไนล์น่ารักก

รอลุ้นมากว่าจะมีใครมาเจอไนล์ที่ห้างรึเปล่าาา
แล้วครั้งท่่แล้วไนล์จะท้องรึยังนะ

รอติดตามต่อน้าาา
ชอบมากก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-13 : Universe 21st)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 13-06-2020 21:36:25
ไนท์ท้องแน่ๆๆๆ แต่ไม่เอาดราม่าหนักเมื่อพี่ภูรู้ความจริงนะ สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-13 : Universe 21st)
เริ่มหัวข้อโดย: PsapBBBB ที่ 13-06-2020 23:29:32
กรี๊ดดดดดดอิพี่ภูได้กินลูกไนล์ของแม่อีกแล้วทำบุญด้วยอะไรยะ รอติดตามนะว่าลูกไนล์จะป่องเมื่อไหร่และออพี่ภูจะรู้ความจริงเมื่อไหร่ลุ้นตอนต่อตอนเลยจ้าาาา :katai1: :hao5:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-13 : Universe 21st)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 13-06-2020 23:35:40
 :oo1: :jul1: :haun4: :pighaun: :m25: :-[ :o8: ขนาดตอนนี้ดูท่าจะหลงมาก อ่อนโยนขึ้นเยอะเลย ยิ่งถ้าทุกอย่างคลี่คลายจะหัวปักหัวป้ำขนาดไหน ลองถามใจตัวเองดูคุณพี่ภู 5555 แต่งเก่งแล้วจ้า nc dเลย  :impress2: ฟินตาม 555 ขอบคุณนะคะที่มาต่อยาวเลย เชื้อเขาดีถุงยางกะเอาไม่อยู่ทะลุได้ อยากให้ท้องเร็วๆเด้ ให้ว่าพี่คุณพ่อแพ้ท้องแทนคุณแม่มือใหม่หนักๆเลย 5555   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-13 : Universe 21st)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 14-06-2020 01:45:41
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-13 : Universe 21st)
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 14-06-2020 01:47:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-13 : Universe 21st)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 14-06-2020 07:13:13
คิดถึงเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้นะคะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-13 : Universe 21st)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-06-2020 09:51:09
อยากรู้ว่าจำน้องได้หรือไม่ได้จริง ๆ นะเนี่ย ลุ้นกันต่อไปว่าจะทำได้ไหม
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-13 : Universe 21st)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-06-2020 23:18:19
จ้าาาา
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-17 : Universe 22nd)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 17-06-2020 20:58:40
Universe 22nd : ความทรงจำสีจาง


ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมมีความสุขมาก พี่ภูไม่ดุผมแล้ว ตรงกันข้ามพี่ภูกลับใจดีกับผมมาก ใจดีจนผมกลัว กลัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นแค่ความฝัน และเมื่อตื่นขึ้นมาเพื่อพบกับความจริงแล้วผมอาจจะไม่เข้มแข็งพอที่จะรับมือได้

แต่เมื่อผมมองไปเห็นพี่ภูนั่งกึ่งนอนดูทีวีอยู่ที่โซฟาตัวโปรดด้วยท่าทีผ่อนคลาย ความกังวลที่ลอยคว้างอยู่ในใจของผมก็เบาบางลง ผมยอมมองข้ามทุกอย่าง ขอเพียงแค่ได้เห็นและได้รับรู้ว่าตอนนี้พี่ภูดีขึ้นและมีความสุขตามที่เขาควรจะมีตั้งแต่แรก แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับผม

“ไนล์ เสร็จรึยัง? มานั่งนี่มา”

พี่ภูตะโกนเรียกผมทั้งที่สายตายังไม่ละจากจอทีวี ให้ผมต้องหยุดมือจากการจัดของกินเข้าตู้เย็น ก่อนจะเดินไปหาพี่ภูที่โซฟาหน้าทีวี

“พี่ภูจะเอา.. เฮ้ย!”

ผมร้องออกมาดังลั่นเพราะยังไม่ทันได้พูดจบประโยคพี่ภูก็กระตุกแขนผม จนผมเซแถ่ดๆ ลงไปนั่งจุ้มปุ้กอยู่บนตักของพี่ภู ก่อนที่คนขี้แกล้งจะกดจมูกลงมาบนแก้มผมแรงๆ

“ช้า” คนเอาแต่ใจบ่นอุบใส่ผม ในขณะที่ผมได้แต่ทำหน้าเหรอหรานั่งให้พี่ภูฟัด

“อื้อ.. พี่ภูครับอย่าแกล้งไนล์” ผมพยายามดันตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงที่ยังรัดผมแน่น “พี่ภูจะเอาอะไรครับ เห็นเรียกหาไนล์”

พี่ภูยิ้มเจ้าเล่ห์ดวงตาเป็นประกายวาววับ ก่อนที่เขาจะอาศัยจังหวะที่ผมเผลอจับผมพลิกนอนราบลงกับโซฟาโดยที่มีตัวเขาตามมาคร่อมทับไว้ทั้งยังกักตัวผมไม่ให้ดิ้นหนีอีกต่างหาก

“ชู่ว” พี่ภูจุ๊ปากตอนที่ผมเริ่มดิ้น “ก็ถามเองไม่ใช่หรอว่าฉันจะเอาอะไร ก็…แบบนี้ไงที่ฉันอยากได้จากนาย”

พอจบคำพี่ภูก็ก้มลงซุกจมูกกับซอกคอผม พร้อมกับไซร้ไปมาจนผมจั๊กจี้ไปทั้งตัว ผมหัวเราะเอิ้กอ้าก ในขณะที่คนขี้แกล้งอย่างพี่ภูแทบจะลากจมูกไปทั่วคอทั่วหน้าผมแล้ว

“ฮ่าๆ พี่ภู.. คิก พี่ภูครับ พอก่อน ฮ่าๆๆ ไนล์หายใจมะ ไม่ ไม่ทันครับ”

พี่ภูยอมหยุดหลังสิ้นคำขอ แต่ก็ไม่วายก้มลงมาจูบปากผมแรงๆ ก่อนผละออก เขาจับผมลุกขึ้นนั่งทั้งที่ผมยังหอบหายใจเพราะการหัวเราะเยอะจากเมื่อกี้ นี่ที่ยอมรามือไม่แกล้งผมต่อก็คงเพราะกลัวว่าผมจะหัวเราะจนขาดใจตายไปจริงๆ เสียก่อน

“หัวยุ่งหมดเลย...” คนขี้แกล้งว่าก่อนจะลูบผมผมไปมาเบาๆ ราวกับจะอยากให้มันเป็นทรงมากกว่าที่จะยุ่งเหยิงเหมือนในตอนนี้

“ก็ใครล่ะครับที่ทำ” ผมแกล้งว่าเสียงงอน แบบที่เมื่อก่อนต้องไม่กล้าทำแน่ๆ แต่ตอนนี้พี่ภูใจดีกว่าตอนแรกๆ มาก ผมสังเกตว่าเขาจะดูชอบใจ ถ้าผมอ้อนหรือไม่ดื้อใส่เวลาที่เขาพูดหรือบอกให้ผมทำอะไร

จะว่าไปเรื่องราวระหว่างเราสองคนมันก็ดีขึ้นตั้งแต่เรา เอ่อ.. เรา เรามีอะไรกันนั่นแหละ

ผมไม่รู้ว่าพี่ภูใจดีกับผมมากขึ้นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า แต่สำหรับผมที่รักเขาทั้งใจแล้ว ผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเพราะอะไร ผมไม่กล้าคาดหวัง ที่ผมอยากทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเก็บเกี่ยวช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ เผื่อวันนึงหากผมต้องตื่นจากฝัน ผมจะได้มีความทรงจำดีๆ เอาไว้หล่อเลี้ยงและมันจะได้ไม่เจ็บหนักจนเกินไป

แต่พี่ภูกำลังทำให้ผมเคยตัว อยากได้เพิ่มมากขึ้น มากขึ้นทุกวัน เหมือนคนโลภที่ต้องการและอยากได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“ฉันทำหรอ? ฉันรังแกนายหรอ หื้ม?” พี่ภูถามทั้งที่ดวงตาพราวระยับ เขากอดผมแน่นขึ้น พร้อมกับฟัดแก้มผมไม่หยุด

“พี่ภู.. หื้อ ไนล์ยังจัดของไม่เสร็จเลย ปล่อยไนล์ก่อนนะครับ” ผมพยายามดันอกแกร่งออกเบาๆ แต่คนที่ตัวโตกว่าผมเกือบครึ่งไม่ยอมให้ความร่วมมือสักนิด

ก็เป็นแบบนี้ตลอด พักหลังมานี้พี่ภูเข้ามาคลอเคลีย ฟัดจูบผมแบบนี้ตลอด บางทีอยู่ในห้องครัวก็ไม่เว้น ผมก็ตามใจเขาไม่ได้ปัดป้อง ก็จะให้ผมทำไงได้ ใจผมเป็นของเขามาเป็นสิบปีแล้ว แค่เขาทำดีกับผมนิดหน่อย ใจผมก็พร้อมจะอ่อนยวบยอมเขาทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องนั้น… ก็เรื่องที่เรามีอะไรกันนั่นแหละ

ช่วงนี้พี่ภูแทบจะไม่นอนที่ห้องตัวเองเลย เขาจะมานอนห้องผมทุกคืน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามีอะไรกันทุกคืนขนาดนั้น บางคืนพี่ภูก็แค่นอนกอดผมเฉยๆ แล้วเขาก็หลับไป แต่ส่วนใหญ่พี่ภูก็แทบจะหลับเลยทันทีที่หัวถึงหมอนนั่นแหละ เพราะเขามักจะบ่นว่างานช่วงนี้ยุ่งเป็นพิเศษเพราะคุณรันขอเปลี่ยนตัวที่ปรึกษาโดยไม่บอกทีมพี่ภูล่วงหน้า ทุกอย่างเลยต้องเหมือนต้องเริ่มกันใหม่หมด โชคดีที่ทีมพี่ภูมีคนเก่งหลายคน และฐานของงานที่วางแผนไว้ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เลยไม่เสียหายมากเท่าไหร่

ตอนแรกผมรู้สึกผิดมากเพราะคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของปัญหาและความไม่พอใจที่ทำให้คุณรันขอถอนตัวจากการที่เป็นที่ปรึกษาของทีมไป ผมเอาแต่ขอโทษพี่ภูจนตอนหลังพี่ภูเลยยอมบอกว่าแท้จริงแล้วคุณแม่ของพี่ภูเป็นคนขอเปลี่ยนคุณรันออกแทนต่างหาก แต่เพราะคุณรันขอร้องไว้ว่าอย่าบอกคนอื่นแบบนั้นเพราะเธอกลัวจะเสียหน้าและเสียประวัติ ซึ่งทางคุณแม่ก็ไม่ว่าอะไร แค่ขอให้เปลี่ยนตัวก็พอ ตอนแรกพี่ภูเองก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้เพราะเห็นแก่หน้าคุณรัน แต่เพราะผมเอาแต่รู้สึกผิดไม่เลิก พี่ภูเลยต้องบอก เพื่อให้รู้ว่าที่จริงไม่ใช่ความผิดของผม เพียงแต่เป็นเพราะคุณแม่ของพี่ภูไม่ค่อยโอเคกับทัศนคติที่คุณรันมีและแสดงออกมากกว่า ท่านบอกว่าต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ถ้ามีความคิดแบบนี้ก็เห็นทีจะร่วมงานกันลำบาก และตั้งแต่นั้นผมก็ไม่ได้ยินพี่ภูพูดถึงคุณรันอีกเลย

แต่ก็ใช่ว่างานพี่ภูจะยุ่งทุกวัน โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์เขาจะคลอเคลียผมเป็นพิเศษ ยิ่งช่วงกลางคืนเขาจะไม่ค่อยห้ามตัวเองเท่าไหร่ โชคยังดีที่เขามักจะขอผมทุกครั้งก่อนที่เราจะมีอะไรกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นก็ได้ เพราะยังไงผมก็โอนอ่อนผ่อนตามพี่ภูทุกครั้งอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่เคยขืนใจหรือเอาแต่ใจกับผมเลย และที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือเรื่องใช้ถุงยางอยามัย พี่ภูยอมใช้ทุกครั้งที่ผมอ้างว่าผมทำความสะอาดไม่ถนัด

แล้วแบบนี้ผมจะไปไหนรอดได้ยังไงกัน…

“แล้วเมื่อไหร่จะจัดเสร็จ นี่นานแล้วนะ” พี่ภูถามก่อนที่จะกัดปลายจมูกผมเบาๆ “วันนี้กะจะพาไปข้างนอกสักหน่อย ชักช้าแบบนี้ปล่อยให้อยู่เฝ้าบ้านดีกว่ามั้ง”

ผมตาโตทันทีที่พี่ภูบอกว่าจะพาไปข้างนอก รีบนั่งหลังตรงพร้อมกับถามอย่างคาดหวัง

“ไปข้างนอกหรอครับ? ไปไหนหรอครับพี่ภู” คนถูกถามยิ้มบาง ก่อนจะพยักเพยิดใส่ผม

“ช่วงสายฉันให้นายเลือกว่าอยากไปไหน แล้วเดี๋ยวบ่ายๆ เย็นๆ ค่อยไปที่ที่ฉันอยากพาไป”

ผมเริ่มขยับตัวยุกยิกเพราะตื่นเต้น ก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเองราวกับจะย้ำคำพูดของพี่ภู “พี่ภูให้ไนล์เลือกหรอครับว่าจะไปไหน”

“อืม ฉันให้นายเลือก แต่อย่าไปไกลมากล่ะ เดี๋ยวกลับมาไม่ทันที่ที่ฉันอยากพาไป”

“งั้น…” ผมคิดนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มกว้างจนตาหยี เพราะมีสถานที่ที่นึงที่อยากไปกับพี่ภูมานานแล้ว และผมรู้ว่าพี่ภูต้องชอบที่นี่แน่ “ไปหอศิลป์ได้ไหมครับ วันก่อนไนล์เห็นโฆษณาในทีวีว่ามีนิทรรศการภาพถ่าย ไนล์อยากไปดูครับ”

“หอศิลป์งั้นหรอ?” พี่ภูทวนถาม สีหน้าดูแปลกใจอยู่วูบใหญ่ แต่พอผมย้ำว่าอยากไป เขาก็ยิ้มบาง พลางรับปาก “เอาสิ หอศิลป์ก็หอศิลป์ ฉันเองก็อยากไปอยู่พอดี”

ผมยิ้มร่าเมื่อสิ่งที่พี่ภูบอกไม่ได้ต่างไปจากที่คิดเท่าไหร่ และเมื่อพี่ภูไล่ให้ผมรีบไปทำงานให้เสร็จและรีบไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ผมก็รีบวิ่งรี่ออกไปโดยที่ไม่ได้ทันสังเกตเห็นสีหน้าสงสัยของพี่ภูยามที่มองตามผมมาสักนิด

.

.

.

Kirin’s Part


เรามาถึงหอศิลป์ช่วงสายๆ ของวัน แต่ดูเหมือนจะเป็นช่วงที่หอศิลป์เพิ่งเปิดพอดีคนเลยยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ นิทรรศการภาพถ่ายมีอยู่ทุกชั้น และถึงแม้ว่าผมจะอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมไนล์ถึงร้องจะอยากมาหอศิลป์ ทั้งที่มันไม่น่าจะมีอะไรน่าสนใจสำหรับไนล์ขนาดนั้น ผมไม่ได้จะดูถูกหรือเหยียดอะไรไนล์นะ เพียงแต่ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าทำไมหลานแม่บ้านที่มาจากต่างจังหวัด ถึงได้รู้จักหอศิลป์มากกว่าห้างดังๆ ทั่วไป และทำไมไนล์ถึงได้อยากมาที่นี่แทนที่จะเลือกไปสถานที่เด่นๆ ดังๆ ที่เขาไม่เคยไปมาก่อน

แต่แล้วทุกความสงสัยก็ต้องถูกพับเก็บ เมื่อได้เห็นท่าทางร่าเริงและมีความสุขของเด็กตรงหน้า ไนล์ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี เจ้าตัวเล็กเดินไปทางนั้นทีทางนี้ที พร้อมกับชี้ชวนให้ผมดูรูปถ่ายที่ติดตามทางที่เดินผ่าน เขาเจื้อยแจ้วพูดนั่นพูดนี่ไปเรื่อยในขณะที่ผมได้แต่พยักหน้าเออออ มีตอบบ้างเป็นบางครั้ง จนกระทั่ง

“ไนล์! ระวัง!”

ผมพุ่งเข้าโอบเอวเจ้าเด็กซุ่มซ่ามเข้ามาหาตัวพร้อมกับกอดไว้แน่น ไนล์เองก็ผวาเข้ามาซุกอกผมไม่ต่าง ผมใจแทบร่วงตอนเห็นไนล์เดินถอยหลังไป คุยกับผมไป จนเกือบจะหงายหลังเพราะทางเดินเป็นทางลาด โชคดีที่ผมเข้าไปคว้าตัวไว้ได้ทัน ไม่งั้นมีหวังตกลงไปหัวแตกแน่ๆ

“พี่ภู.. พี่ภูครับ”

ไนล์ดิ้นขยุกขยิกเหมือนจะขืนตัวออกเลยทำใฟ้ผมได้สติ ยอมปล่อยไนล์ออกจากอ้อมแขนหลังจากกอดไว้แน่น และพอทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ผมก็เตรียมจะอ้าปากดุเด็กที่เดินไม่ดูทางที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า แต่แล้วทุกคำพูดก็ต้องถูกกลืนลงคอ เมื่อไนล์เงยหน้าชึ้นช้อนตามองผมด้วยใบหน้าสำนึกผิดและสายตาอ้อนๆ ที่เจ้าตัวคงเผลอทำออกมาไม่รู้ตัว ผมเลยดุอะไรไม่ออกสักคำ แถมยังใจอ่อนยกมือขึ้นลูบศรีษะทุยนั่นเบาๆ อีกต่างหาก

“นายนี่มัน..เฮ้อ” ผมบ่นพึมพำ ในขณะที่ไนล์พุ่มมือขึ้นตรงอกแล้วยกขึ้นไหว้ผม

“ไนล์ขอโทษครับพี่ภู ไนล์น่าจะระวังมากกว่านี้”

เจ้าตัวเล็กขอโทษผมเสียงเบา ดูก็รู้ว่าคงกลัวจะถูกผมดุ ซึ่งก็น่าดุจริงๆ นั่นแหละ แต่พอเห็นตากลมๆ นั่นเศร้าลงแล้วผมก็ดุไม่ลง

“เอาเถอะ ช่างเถอะ ต่อไปก็เดินให้ระวังๆ หน่อยแล้วกัน อย่าหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บตัวอีก เข้าใจไหม ถ้าเมื่อกี้ฉันจับนายไม่ทันจะเป็นยังไง หัวแตกแน่ๆ” ผมอดบ่นไม่ได้

“ต่อไปไนล์จะระวังครับ แล้วก็ขอบคุณพี่ภูมากนะครับที่ช่วยไนล์”

ไนล์พุ่มมือไหว้ผมอีกครั้ง และความมีมารยาทตรงนี้แหละที่ทำให้ผมชอบในตัวเขา

“ไปๆ เดินต่อ ไหนว่าอยากดูนิทรรศการไง เดี๋ยวเที่ยงจะได้ไปหาอะไรกิน”

“ครับ” ไนล์ออกเดิน โดยมีผมตามไปยึดมือเล็กไว้แน่น คนถูกจับมือเลยหันมามองผมอย่างแปลกใจ “พี่ภู?”

“เดี๋ยวก็ไปเดินล้ม เดินสะดุดอีก จับมือเอาไว้แหละดีแล้ว”

ไนล์แก้มแดงก่ำ พอผมเริ่มจับมือเขาออกเดิน ผมต้องกลั้นยิ้มแทบแย่ตอนเห็นท่าทางเขินอายของไนล์แบบนั้น เขาไม่ยักชินสักทีทั้งที่ผมทำมากกว่าจับมือไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว

“ว่าแต่..” เจ้าตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนเรื่องเมื่อเริ่มเขินหนัก “หลังจากมื้อกลางวัน พี่ภูจะพาไนล์ไปไหนหรอครับ”

ผมยิ้ม “เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”

ใช่ เดี๋ยวก็รู้และผมมั่นใจว่าเขาต้องชอบแน่ๆ

ไนล์ทำหน้าสงสัยนิดหน่อยตอนผมตอบ ก่อนที่ผมจะพาอีกฝ่ายออกเดิน เราเดินดูภาพถ่ายของศิลปินหลายคนที่เอามาจัดแสดง แต่พอเดินมาถึงมุมจำหน่ายของที่ระลึก เจ้าของมือเล็กก็กระตุกมือผมยิกๆ

“พี่ภูครับ”

“หื้ม?” ผมหันไปมองตามสายตาไนล์ ก็เห็นเจ้าตัวเล็กมองร้านขายโปสการ์ดตาวาว

“ไนล์อยากซื้อโปสการ์ดครับ จะส่งหาพ่อ แม่ แล้วก็พี่ชายที่บ้าน”

“อืม เอาสิ” ผมล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาจะเอาเงินให้ไนล์ แต่เจ้าตัวกลับโบกมือเป็นระวิง

“ไม่เป็นไรครับพี่ภู” มือเล็กตบที่กระเป๋าที่ตัวเองสะพายอยู่เบาๆ “ไนล์พอมีครับ เงินค่าจ้างที่พี่ภูให้ก็ยังอยู่”

“แต่..” ผมจะแย้ง เพราะตั้งใจอยากจะให้จริงๆ เพราะพักหลังไนล์เป็นเด็กดีกับผมมาก แต่เจ้าตัวก็ยังยืนยันเสียงแข็งว่าไม่รับ แถมยังวิ่งหนีผมไปเข้าร้านโปสการ์ด ไม่ให้ผมได้เรียกทันอีกต่างหาก

ไนล์หันมายิ้มให้ผมตอนที่เดินเข้าไปในร้านโปสการ์ด ผมเลยได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อตาใสของอีกฝ่ายแล้วส่งยิ้มตอบกลับไป ผมปล่อยให้เขาได้มีเวลาส่วนตัวในการเลือกโปสการ์ดที่จะส่งกลับไปให้ครอบครัว ในขณะที่ตัวเองก็ทบทวนเรื่องที่ผ่านมาระหว่างไนล์กับผม ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าจะมาถึงตรงนี้ได้

จากที่เคยไม่อยากจะมองหน้า แต่ตอนนี้ผมกลับอยากมีเขาในกรอบสายตาตลอดเวลา

ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่หรือเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่ที่ต้องยอมรับว่าการที่เรามีอะไรกันมันเป็นจุดเปลี่ยนของอะไรหลายอย่าง ผมเริ่มมองไนล์เปลี่ยนไป เขามีหลายแง่มุมที่ผมไม่เคยได้สังเกตและเปิดใจเขาน่ารัก และมักจะเผลอทำตัวขี้อ้อนบ่อยๆ และผมก็ใจอ่อนเสมอเวลาที่ไนล์อ้อน

ไนล์ทำให้ผมอยากกอด อยากหอม อยากจูบ อยากอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา ตัวของไนล์หอมมาก เวลาที่ผมกอดเขาผมแทบไม่อยากให้เขาออกห่างจากตัวแม้เสี้ยววินาที และที่หนักเลยคือระยะหลังมานี้ผมต้องนอนกอดไนล์ทุกคืน แม้ไม่มีเรื่องเซ็กส์มาเกี่ยว ผมก็ยังอยากให้เขาอยู่ในอ้อมกอด ตัวนิ่มๆ หอมๆ ของเขาทำให้ผมหลับสบาย หลังจากเหนื่อยกับงานมาทั้งวัน

แล้วยิ่งกับเรื่องเซ็กส์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไนล์เติมเต็มให้ผมได้อย่างที่ผมคาดไม่ถึง เมื่อก่อนตอนเลิกกับจีนใหม่ๆ ผมเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยเกือบทุกคืน แต่ไม่เคยมีใครทำให้ผมมีความสุขจริงๆ จังๆ ได้สักครั้ง

ยกเว้นแค่ไนล์ …

เขาทำให้ผมเลิกคิดที่จะทำตัวเหลวไหลเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย หรือมองหาใครเหมือนคนไม่รู้จักพอ เขาทำให้ผมหยุด และเลิกฟุ้งซ่านอยู่กับความรักที่จบไปแล้ว แม้ผมจะไม่ได้มีเซ็กส์กับไนล์บ่อยๆ ถี่ๆ เหมือนสมัยที่เลิกกับจีนใหม่ๆ แต่ไนล์ก็เติมเต็มให้ผมทุกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยจากความน่ารักหรือไร้เดียงสาของเขา

ยอมรับตามตรงว่าผมแทบโงหัวไม่ขึ้น…

ที่เคยด่าไอ้เทมส์ไว้ยังไง ตอนนี้ผมแทบไม่ต่างจากมันเลย เผลอๆ หนักกว่าตรงที่ผมหวงไนล์เหมือนหมาบ้า โชคดีที่ระยะหลังมานี้ไอ้เทมส์ไม่ค่อยได้มายุ่งวุ่นวายเท่าไหร่ เพราะทั้งผมทั้งมันงานยุ่งทั้งคู่ ทำให้มันเลยไม่ได้มาถามถึงไนล์ให้รู้สึกหงุดหงิดอีก

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ความหวงและความรู้สึกที่มีต่อไนล์นั้นคืออะไร แต่ที่ผมรู้ในตอนนี้คือผมไม่อยากเสียเขาไปให้ใครทั้งนั้น ผมอยากเก็บเขาไว้กับตัวเองแบบนี้ ใครจะว่าผมเห็นแก่ตัวผมก็ไม่สนหรอก

ก็ไนล์เป็นของผมนี่ ผมมีสิทธิ์ในตัวเขากว่าใครทั้งนั้น … เพราะฉะนั้นถ้าผมไม่อนุญาตให้เขาไป เขาก็ต้องอยู่กับผมไปเรื่อยๆ แบบนี้นั่นแหละ

“พี่ภูครับ เสร็จแล้วครับ”

ไนล์วิ่งกลับมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มกว้างและดวงตาเป็นประกาย ดูท่าทางจะมีความสุขไม่น้อยที่ได้ซื้อโปสการ์ดไปส่งให้ที่บ้าน

“แล้วอยากเดินดูต่อไหม” ผมถามพร้อมกับยกนาฬิกาขึ้นมาดู และเห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว “หรือจะไปกินข้าวเลย นี่ก็จะเที่ยงแล้วด้วย”

ไนล์พยักหน้ารับ ก่อนจะตอบเสียงใส “ไปทานกลางวันเลยก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่ภูหิว”

ผมยิ้มพลางยื่นมือไปลูบหัวกลมเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปยึดมือเล็กมากุมไว้แล้วออกจูงเดิน

“แทนที่จะกลัวตัวเองหิว ดันมากังวลว่าฉันจะหิว .. นายนี่นะ” ผมบ่นไปเรื่อย ทั้งที่ปากยังหุบยิ้มไม่ได้

อย่างที่ผมบอกแหละว่าสำหรับไนล์แล้วเรื่องของผมสำคัญเสมอ เขามักจะนึกถึงผมก่อนและนี่คือความน่ารักและความเสมอต้นเสมอปลายของเขาที่ผมชอบ

“ก็ไนล์ไม่อยากให้พี่ภูหิวนี่ครับ” เจ้าตัวเล็กพูดอุบอิบพร้อมกับซอยเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะได้ตามผมทัน และผมเองพอเห็นแบบนั้นเลยขยับเท้าตัวเองให้เดินช้าลงแทน

“อ่ะ งั้นก็ไปกินข้าวกัน ทั้งฉันทั้งนายนี่แหละจะได้ไม่หิว” ผมตัดบทพร้อมกับจูงมือเล็กออกเดิน

“ครับพี่ภู”

แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมหลงหัวปักหัวปำได้ยังไงกัน.

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-17 : Universe 22nd)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 17-06-2020 21:03:05
(อ่านต่อจากด้านบน)


เรากินข้าวเสร็จแล้วผมก็ขับรถพาไนล์ออกมาจากห้างสรรพสินค้าที่เราแวะหาอะไรกิน ผมขับรถเรียบเรื่อยมาตามทางที่คุ้นตา ในขณะที่เด็กที่นั่งข้างๆ ตอนนี้ทำหน้าตาเหรอหราก่อนจะละล่ำละลักถามผมแทบจะไม่เป็นคำ

“เราจะไปไหนกันหรอครับพี่ภู?”

“….”

ผมยิ้มขำ แต่ไม่ยอมตอบเจ้าตัวเล็ก และไนล์ก็ไม่ใช่เด็กช่างซักไซ้ด้วย ผมเลยปล่อยให้ไนล์นั่งเกาะกระจกหน้าต่างมองวิวไปตลอดทางจนกระทั่งถึงที่หมาย

“ถึงแล้ว ลงมาสิ” ผมดับเครื่องรถยนต์ก่อนจะหันไปบอกคนข้างตัว ที่ตอนนี้ดูประหม่าขึ้นมาเสียอย่างนั้น เดาว่าเขาคงแปลกใจมากกว่าที่ผมพามาที่นี่

“ทำไมพี่ภูถึงพาไนล์มาที่นี่ล่ะครับ?” ไนล์ถามผมขณะที่เรากำลังจะเดินเข้าร้าน ตากลมๆ โตๆ ดูตื่นเต้นจนผมสังเกตได้

สงสัยเขาจะดีใจที่ผมพามาที่นี่ … ก็ไนล์น่ะชอบกินไอศครีมมากขนาดนั้น

เราสองคนเดินเข้ามาในร้านพอดี ผมเลยไม่ทันได้ตอบอะไรไนล์ เพราะกำลังกวาดสายตามองหาโต๊ะที่ว่างอยู่ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์คนเลยค่อนข้างเยอะ ก่อนที่ผมจะเห็นโต๊ะว่างตรงริมกระจกด้านใน

ตัวเดียวกับที่ผมเคยนั่งเมื่อสิบปีก่อน

“ที่นี่แทบไม่เปลี่ยนไปเลยแฮะ” ผมบ่นพึมพำพลางมองไปรอบๆ ร้านก่อนจะสบเข้ากับดวงตากลมโตของเด็กที่นั่งตรงข้ามเข้า “ว่าไง จ้องฉันเหมือนมีอะไรจะถาม”

“คะ คือไนล์อยากรู้ว่าทำไมพี่ภูพาไนล์มาที่นี่น่ะครับ”

“อ๋อ เออใช่ เมื่อกี้ฉันยังไม่ได้ตอบนายนี่เนาะ” ผมยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้กลับมาในบรรยากาศเดิมๆ อีกครั้ง “ฉันเห็นว่านายชอบกินไอติม เลยพามาร้านนี้ ที่นี่เป็นร้านที่ฉันชอบมามากสมัยเรียน ช่วงก่อนไปอเมริกาน่ะ”

“…” ไนล์ไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งจ้องผมตาโต ให้ผมต้องยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู

“จะว่าไป ฉันก็เพิ่งมาจำร้านไอติมนี้ได้ก็เพราะเห็นนายชอบกินนี่แหละ” ผมเล่าไปเรื่อย เมื่อลิ้นชักของความทรงจำชั้นแรกถูกเปิดออก “เมื่อก่อนฉันเคยมาอยู่บ่อยๆ เพราะร้านนี้ใกล้โรงเรียนฉันมากที่สุด”

ผมพูดพลางชี้ให้ไนล์เห็นโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกล แล้วยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น

“พี่ภู…” ไนล์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่เห็นพูด ผมเลยเล่าต่อ

ไม่รู้สิ.. ผมคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้ยังไงบอกไม่ถูก รู้สึกแค่สบายใจ มากๆ

“จะว่าไปตอนแรกก็จำไม่ได้หรอก ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว และฉันเองก็ไปอยู่อเมริกาเสียนาน ไม่ค่อยได้กลับมาเท่าไหร่ ก็เลยลืมๆ อะไรไปบ้าง”

ผมเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงไอ้เทมส์ เพราะไม่อยากให้ไนล์ให้ความสนใจมัน จะว่าผมทำตัวเป็นเด็กก็ได้ แต่ในเมื่อตอนนี้ไนล์อยู่กับผม ผมก็อยากให้เขาสนใจผมแค่คนเดียว และยิ่งบรรยากาศดีๆ อะไรๆ ก็ลงตัวแบบนี้ ผมเลยไม่อยากทะเลาะหรือถกเถียงอะไรกับเจ้าตัวเล็กตอนนี้

“พี่ภูลืมหรอครับ?” ไนล์ถามผมหน้าตาตื่น ทำเอาผมอดหัวเราะไม่ได้

“ก็ด้วยอะไรหลายอย่าง นี่ถ้าไม่เป็นเพราะนาย ฉันก็อาจจะยังจำไม่ได้ก็ได้ ว่าเมื่อก่อนร้านไอติมร้านนี้เป็นร้านโปรดฉัน”

ผมเล่าให้ไนล์ฟังเรียบเรื่อย พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้านก็พบว่าเปลี่ยนไปมาก แม้กระทั่งพี่สาวคนที่เคยดูแลร้านช่วงสมัยที่ผมเรียนตอนนี้ก็ไม่อยู่ให้เห็นแล้ว มีแต่พนักงานหญิงชายที่ดูคล่องแคล่วอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ไม่แน่พี่สาวคนนั้นอาจจะเป็นผู้บริหารอยู่ข้างหลังร้านแล้วก็ได้

แต่จะว่าไปมันก็เป็นอย่างที่ผมเล่าให้ไนล์ฟังจริงๆ นั่นแหละ ผมแทบจะลืมร้านไอศครีมร้านนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ จำได้ว่าตอนเลิกเรียนมากับไอ้เทมส์ประจำ เพราะน้องชายมันชอบกินไอติม มันเลยต้องมาแวะซื้อก่อนจะข้ามไปรับน้องมันที่เรียนอยู่ฝั่งมัธยมต้นที่อยู่อีกฟากของถนน

“ว่าแต่นายอยากกินอะไร สั่งเลยไหม ฉันว่าจะกินกาแฟสักแก้ว”

ผมถามไนล์เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งอ้ำอึ้ง เหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูดสักที ทำให้ผมพาลคิดไปว่าตัวเองอาจจะรำลึกความหลังมากไปหน่อย ไนล์อาจจะอยากกินไอติมแล้ว แต่ไม่กล้าสั่ง เพราะไม่อยากขัดจังหวะที่ผมพูด

“คะ ครับ สั่งเลยก็ได้ครับพี่ภู”

ผมเรียกพนักงานในร้านมาเพื่อขอเมนู และพอกวาดตามองผมก็คิดวาาตัวเองไม่อยากกินอะไรนอกจากกาแฟสักแก้ว ผิดกับไนล์ที่ตอนนี้ตาลุกวาว พลิกเมนนูตรงหน้าที่มีรูปไอติมแปะอยู่เหมือนยังเลือกไม่ได้สักทีว่าอยากกินเมนูไหน ท่าทางคงจะอยากกินทุกเมนูที่มีในนั้น แม้ผมจะอยากตามใจให้เขาเลือกทุกแบบมากินก็เถอะ แต่คงทำอย่างนั้นไม่ได้ ไม่งั้นมีหวังไนล์ได้ปวดท้องพอดี ยิ่งเป็นพวกกินข้าวน้อย ชอบกินแต่ไอติมกับขนมเยอะจนผมไม่รู้จะห้ามยังไง ครั้นจะดุ หลังๆ นี่ก็ดุไม่ค่อยออก เพราะเห็นเจ้าตัวเล็กยิ้มให้ทีไรก็ใจอ่อนทุกที

“เอาคาปูชิโน่เย็นแก้วนึงครับ” ผมหันไปสั่งพนักงานในร้าน ก่อนจะหันหาไนล์ “อยากกินอะไรก็เลือกเอา แต่อย่าเลือกเยอะเข้าใจไหม ฉันรู้ว่านายกินหมดแน่ๆ ถ้าเป็นไอติม .. ไม่ได้จะหวงกินหรอก แต่เดี๋ยวจะปวดท้องเอา”

ไนล์เงยหน้ามายิ้มให้ผมก่อนจะรับคำ “ครับพี่ภู”

“เลือกได้แล้วก็สั่ง เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน”

“ครับ”

ผมยกมือลูบศีรษะเล็กๆ นั่นก่อนจะผละออกมา ที่จริงก็ไม่ได้ปวดห้องน้ำมากเท้าไหร่ แต่ไม่อยากอยู่ตอนไนล์เลือกไอติม เอาจริงก็คือกลัวใจอ่อน กลัวถูกไนล์อ้อนด้วยสายตาแล้วจะเผลอออกปากยอมให้เจ้าตัวเล็กกินไอติมได้แบบไม่อั้น ซึ่งนั่นไม่ดีแน่ เพราะอย่างน้อยการที่ผมยอมแยกออกมาจะมั่นใจได้เลยว่า ไนล์จะเลือกแบบพอดีเพราะเกรงใจผม เขาจะไม่ค่อยกล้าทำอะไรเกินตัวหรือเกินคำสั่งถ้าผมไม่อยู่หรือไม่อนุญาต เพราะฉะนั้นการที่ผมแยกออกมาเข้าห้องน้ำน่ะ เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว

.

.

.

Nateetouch’s Part
 

ผมใจเต้นไม่เป็นส่ำตอนพี่ภูขับรถพามาที่ร้านไอศครีม

ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเราจะไปที่ไหนกัน แต่พอเห็นหนทางคุ้นตาผมก็เรื่มตื่นเต้นเพราะรู้ว่าทางที่พี่ภูกำลังพาไปนั่นมันคือทางไปโรงเรียนสมัยมัธยม โรงเรียนที่ทั้งพี่ภูและผมเคยเรียน

ตอนที่ผมถามพี่ภูก็ไม่ยอมตอบว่าจะพาผมไปไหน จนกระทั่งรถจอดที่ร้านไอศครีมที่ผมกับเขาเคยมานั่งคุยกัน ใจผมก็แทบจะหยุดเต้น

... เมื่อรู้ว่าสถานที่ที่พี่ภูพามาคือสถานที่ที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเราในอดีต...

ร้านไอศครีมของเราสองคน

ผมทั้งตื่นเต้น ทั้งประหม่า ในใจคือลิงโลดไปแล้ว ‘พี่ภูจำได้แล้วใช่ไหม?’ ‘พี่ภูของผมกำลังจะกลีบมาแล้วใช่รึป่าว?’ ผมถามตัวเองด้วยคำถามพวกนี้ซ้ำๆ ในขณะที่พี่ภูก็ไม่ยอมอธิบายอะไรให้ชัดเจนสักที จนกระทั่งเราสองคนเดินเข้ามาในร้านและได้นั่งคุยกัน

และเหตุผลที่พี่ภูบอกก็ไม่รู้ว่าควรจะทำให้ผมโล่งใจหรือเสียใจดี … ซึ่งบางทีมันอาจจะปนๆ กันจนผมแทบแยกความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ บอกตามตรงว่าตอนนี้มันถามโถมเกินไป และผมก็ต้องการการตั้งสติอย่างมากในสถานการณ์ที่อะไรๆ ก็ไม่แน่นอนแบบนี้


‘ฉันก็เพิ่งมาจำร้านไอศครีมนี้ได้ก็เพราะเห็นนายชอบกินนี่แหละ’

‘จะว่าไปตอนแรกก็จำไม่ได้หรอก ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว และฉันเองก็ไปอยู่อเมริกาเสียนาน ไม่ค่อยได้กลับมาเท่าไหร่ ก็เลยลืมๆ อะไรไปบ้าง’


พี่ภูลืม.. นั่นคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

ถามว่าระหว่างเสียใจกับโล่งใจอะไรมากกว่ากัน ผมก็ว่าผมตอบไม่ได้หรอก มันปนๆ กันมากกว่า

ผมเสียใจที่เรื่องของผมอาจจะไม่สำคัญพอเลยทำให้เขาลืม

แต่ผมก็โล่งใจที่พี่ภูไม่ได้โกรธได้เกลียดอะไรเลยถึงทำให้ขาดการติดต่อไป

และเพราะได้รู้เหตุผลแบบนี้ ความคับข้องใจที่ผมแบกไว้นับสิบปีก็ดูจะเบาบางลง แน่นอนว่าผมไม่ได้โกรธเขา ไม่คิดจะโกรธ ผมพร้อมจะเข้าใจเขาเสมอ และถ้าวันนึงผมมีโอกาสถามหรือมีสิทธิ์ที่พอจะถามได้ ผมคงถามหาเหตุผลจากเขาว่าทำไมถึงลืม ถึงแม้คำตอบของพี่ภูจะเป็นเพราะลืมเอง ไม่มีเหตุผลอะไร ผมก็อยากที่จะฟัง

“ผมเอาช็อคโกแลตซันเดย์ครับ เพิ่มวิปครีมกับสตอเบอร์รี่สดด้วยนะครับ”

ผมหันไปสั่งพนักงานหลังเลือกเมนูได้ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ร้านพร้อมกับดื่มดำบรรยากาศที่อยู่ในความทรงจำที่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แม้ที่นี่จะเปลี่ยนไปมาก แต่สำหรับผม มันยังคงสวยงามเหมือนเมื่อสิบปีก่อนไม่มีผิด

“เลือกได้รึยัง หื้ม?” พี่ภูเดินกลับมาจากห้องย้ำ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามผม เขาดูอารมณ์ดีมาจนผมมีความสุขไปด้วย

“ทำไมพี่ภูอารมณ์ดีจัง” ผมถาม แต่ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะตอบ แต่พี่ภูก็ตอบและคำตอบของพี่ภูก็ทำเอาใจผมฟูไปหมด

“ทำไมถึงอารมณ์ดีน่ะหรอ?” พี่ภูทำหน้านึกแปปนึงแล้วก็ตอบออกมาราวกับมีคำตอบในใจอยู่แล้ว “เพราะที่นี่ทำให้ฉันอารมณ์ดีน่ะสิ ไม่รู้เป็นเพราะได้มีโอกาสกลับมาอีกครั้ง หรือไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศเดิมๆ ที่คุ้นเคย มันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจแปลกๆ ยิ่งได้มานั่งกับนายแบบนี้ฉันยิ่งสบายใจ”

พี่ภูยื่นนิ้วมาบีบปลายจมูกผมเบาๆ อย่างมันเขี้ยว ให้ผมได้แต่ย่นจมูกหนีเพราะตั้งตัวไม่ทันที่ถูกแกล้ง

“แล้วนอกจากเรื่องที่พี่ภูชอบมาที่นี่บ่อยๆ สมัยเรียน พี่ภูจำอะไรได้อีกไหมครับ” ผมตัดสินใจเกริ่นถาม ไหนๆ มันก็มาถึงจุดนี้แล้ว ผมจะเสี่ยงเพื่อสิ่งที่อยากรู้มานานถึงสิบปีอีกสักหน่อยจะเป็นอะไรไป

“อืม จะว่าไป พอนายถามขึ้นมาแบบนี้ ฉันก็นึกได้อีกเรื่อง” พี่ภูเคาะนิ้วลงลนโต๊ะเบาๆ เหมือนกับกำลังรวบรวมและเรียบเรียงความคิด “นายอยากฟังไหม?”

ผมตาลุกวาวทันทีที่ได้ยินพี่ภูถามแบบนั้น รู้เลยว่าใบหน้ากับแววตาของผมต้องไม่เก็บงำความสงสัยไว้แม้แต่นิด

“อยากรู้ครับ พี่ภูนึกเรื่องอะไรออกอีกหรอครับ” พี่ภูหัวเราะนิดหน่อบตอนเห็นท่าทางอบากรู้อยากเห็นของผม

“มันคลับคล้ายคลับคลา เหมือนจะเป็นเรื่องของเด็กผู้ชายคนนึงที่ฉันได้เจอที่ร้านไอศครีมเป็นประจำก่อนที่จะไปอเมริกา”

“…” ผมนิ่งอึ้งไป เหมือนมีอะไรมาจุกที่ตรงคอ ความตื่นเต้น ความคาดหวัง ความดีใจ ตีวนปนกันมั่วไปหมด พาลให้น้ำตาจะไหล แต่ผมจะร้องไห้ไม่ได้ ยังไงก็ต้องอดทนให้ถึงที่สุด

พี่ภูจำเด็กคนในร้านไอศครีมคนนั้นได้ แต่ใช่ว่าเขาจะจำได้ว่าผมคือเด็กคนนั้น

“ฉันเองก็เพิ่งนึกออกเมื่อกี้ ตอนที่เดินกลับมาที่โต๊ะ เห็นนายนั่งรออยู่ ภาพคุ้นๆ มันแว่บเข้ามาในหัว เลยนึกขึ้นมาได้ว่าฉันชอบมานัดเจอเด็กคนนึงที่นี่ น่าจะช่วงก่อนไปอเมริกา”

ผมแทบจะกลั้นใจรอคำตอบ แต่ดูเหมือนความทรงจำของพี่ภูช่างบางเบาเหลือเกิน

“…”

“จำได้ว่าช่วงนั้น ฉันมาเจอเด็กคนนั้นทุกวันเลยก่อนสอบจบม.หก แต่สุดท้ายก็มีเหตุให้คลาดกัน เพราะฉันเป็นคนผิดนัดน้องเขาเอง ตอนหลังเลยเหมือนได้แต่ส่งข้อความหากัน ไม่ได้เจอกันจริงๆ จังๆ ก่อนฉันไป ทำได้แค่ฝากอีเมล์แอดเดรสไว้ สุดท้ายก็ติดต่อผ่านกันทางนั้นอยู่เป็นปีๆ”

“แล้วทุกวันนี้ยังติดต่อกันอยู่ไหมครับ พี่ภูกลับมาอยู่ที่นี่แล้ว ก็น่าจะนัดเจอกันได้” ผมแกล้งถามทั้งที่ก็รู้คำตอบดี

“อืม.. ไม่ได้คุยหรือติดต่อกันกับเด็กคนนั้นแล้วล่ะ จะว่าไปก็เสียดายแล้วก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน”

“ทำไมล่ะครับ?” เป็นอีกครั้งที่ผมกลั้นใจรอฟังคำตอบ

คำตอบของคำถามที่ผมสงสัยและฝังใจมาเกือบเจ็ดปี

“ก็อย่างที่ฉันบอกนายไปก่อนหน้านี้แหละว่าฉันลืม ช่วงแรกเรากันติดต่อกันดีอยู่ เราคุยกันผ่านทางอีเมล์ แลกเปลี่ยนเรื่องราวระหว่างกันตลอด แต่เหมือนสองสามปีให้หลังก็ขาดการติดต่อกันไป”

ผมขมวดคิ้วมุ่น นึกไม่พอใจกับคำตอบที่แสนจะทุบดินของพี่ภู

“แค่ลืมงั้นหรอครับ?” และโดยไม่ได้ตั้งใจ ครั้งนี้แทบจะเป็นครั้งแรกที่ผมทำน้ำเสียงไม่น่ารักใส่พี่ภู

“พูดไปก็เหมือนแก้ตัว” สีหน้าและแววตาพี่ภูบ่งบอกถึงความรู้สึกผิดจนผมใจอ่อน “ตอนนั้นฉันอายุเท่าไหร่กัน เกือบยี่สิบ.. น่าจะใช่ ด้วยวัยยี่สิบกับสภาพแวดล้อมแบบใหม่ มีทั้งเพื่อน มีทั้งอิสระ มีทุกอย่างที่วัยรุ่นคนนึงปรารถนาจะมี”

“…”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีคนรัก.. การมีจีนเข้ามาในชีวิต ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงที่ฉันเริ่มคบกับจีน จีนเป็นแฟนคนแรกที่ฉันเริ่มคบอย่างจริงจัง ฉันทุ่มเวลาให้กับจีนเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ อะไรที่เป็นกิจวัตร อะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวฉันก็ทำน้อยลง อีเมล์ที่เคยหมั่นเข้าไปเช็ค ก็เริ่มเช็คบ้าง ไม่เช็คบ้างจนสุดท้ายก็ลืมรหัส .. และจากนั้นพอมันเข้าไม่ได้ ฉันก็ไม่ใส่ใจอะไรอีก แค่สมัครอีเมล์ใหม่ และฝังเรื่องของเด็กคนนั้นไว้ในความทรงจำ จนนานวันฉันก็ลืมมันไปจริงๆ จนวันนี้ที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ฉันถึงเพิ่งนึกขึ้นได้”

“แล้วพี่ภูไม่คิดว่าเด็กคนนั้นจะรอหรอครับ” ผมถามเสียงเบา นึกเสียดในอกเมื่อได้ฟังพี่ภูพูด .. ผมแทบไม่สำคัญกับเขาเลย

“คิดสิ” พี่ภูถอนหายใจ “ฉันถึงได้บอกนายไงว่าฉันทั้งเสียดาย ทั้งรู้สึกผิด”

“….”

“ฉันผิดสัญญากับเด็กคนนั้นถึงสองครั้งสองหน.. สัญญาที่คิดว่าตัวเองจะทำได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ ไม่แม้แต่จะได้ถามชื่อเด็กคนนั้นด้วยซ้ำ ฉันนี่มันโคตรแย่”

ผมกลั้นก้อนสะอื้น ข้างในใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึก จนตอนนี้ผมไม่รู้ว่าต้องรู้สึกอะไรก่อน

“ถ้าได้เจอกันอีกตอนนี้ก็อยากขอโทษน้องเขานะ ขอโทษที่ฉันทำตามสัญญาไม่ได้ แถมยังมานึกได้เอาเมื่อสายเสียอีก ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเด็กคนนั้นสำคัญกับฉันมากทีเดียว” พี่ภูยิ้มตอนพูดประโยคสุดท้าย

“สำคัญกับพี่ภู?”

“อื้อ ใช่ สำคัญ ก่อนไปอเมริกาฉันอยากเจอน้องเขามาก มันคงเป็นความรู้สึกทั้งผูกพันและติดค้าง จำได้ว่างอแงกับแม่ยกใหญ่ โทษแม่หาว่าแม่พาไปทำเรื่องเรียนต่อจนคลาดไม่ได้มาเจอกับน้อง แถมช่วงที่คุยกันฉันก็วาดฝันสร้างวิมานอะไรไว้กับน้องเขาหลายอย่าง แต่ก็มาพังง่ายๆ เพราะความหลงผู้หญิงของฉันนี่แหละ โทษใครได้ ทำตัวเองทั้งนั้น”

ท้ายประโยคพี่ภูพูดเสียงหยัน ฟังดูก็รู้ว่าเขากำลังแดกดันตัวเอง

“แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้มันคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ผ่านมานานแล้วนี่ ใครเขาจะมาคอยเลื่อนลอยเป็นสิบๆ ปีขนาดนี้ จริงไหม”

ผมเงยหน้าขึ้นสบตาพี่ภู ก่อนแย้งเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “แต่ก็ไม่แน่ไม่ใช่หรอครับ เขาอาจจะคอยพี่ภู คอยมาโดยตลอดอยู่ก็ได้”

“หื้อ? นายว่าอะไรนะ?” ผมยังไม่ทันตอบอะไร เสียงพนักงานในร้านก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ไอศกรีมกับคาปูชิโน่ที่สั่งได้แล้วค่ะ”

พี่ภูหันไปรีบถ้วยไอศครีม ก่อนจะเลื่อนมาให้ผม “อะ กินซะ เลิกสนใจเรื่องคนอื่นได้แล้ว เดี๋ยวไอติมจะละลายเสียหมด”

ผมยิ้มบางพร้อมกับกล่าวขอบคุณ แต่ก็ไม่วายนึกแย้งพี่ภูในใจ

มันเรื่องของคนอื่นที่ไหน นี่น่ะเรื่องของผมทั้งนั้น ..

และก็เป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่าไอศครีมที่ผมชอบทานนั้นไม่หวานเหมือนเคย

To Be Continue

--------------------------------------------------

ตอนนี้เราติดธุระอยู่ที่โรงพยาบาลยังกลับบ้านไม่ได้ เลยไม่น่าจะทอล์คอะไรได้มาก

เหตุผลของพี่ภูอาจจะดูธรรมดาไปสักนิด แต่มันเป็นความธรรมดาที่เราคิดว่าน่าจะเกิดได้กับทุกคน 'ได้ใหม่ ลืมเก่า' ไม่ใช่วลีที่เกินจริงเลยสักนิด โดยเฉพาะกับเด็กวัยรุ่นอายุยี่สิบปี

อาจจะมีคำผิดนะคะ คอมเม้นท์ไว้ได้เลย เราไม่อยากให้รอนาน เมื่อวานก็ไม่มีเวลามาลงให้ ยังไงขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจ และทุกการโดเนทที่มีให้กันนะคะ เราดีใจและขอบคุณมากๆ .. ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-17 : Universe 22nd)
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 17-06-2020 22:31:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-17 : Universe 22nd)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 17-06-2020 22:35:58
ส่วนตัวเราเข้าใจความรู้สึกความคิดของพี่พูตอนนั้นนะ ตอนนี้ดีใจมากที่พี่ภู พาน้องมาที่ร้านหวังว่าตอนหน้า น้องจะบอกความจริงหรือพี่ภูจะรู้ความจริง อยากรู้ว่า ความรู้สึกของพี่พู หลังรู้ว่าเด็กคนนั้น คือน้องนั่นเอง รีบๆมาเขียนต่อนะคะ รอติดตามอยู่ชอบมากๆเลย พี่ภูคนอบอุ่น กับน้องคนน่ารัก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-17 : Universe 22nd)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-06-2020 23:21:40
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-17 : Universe 22nd)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-06-2020 23:27:48
ก็เข้าใจความรู้สึกของพี่ภูนะที่จะลืมน้อง เพราะเจออะไรใหม่ ๆ แต่ก็สงสารน้องอ่ะ อยากให้พี่ภูรู้สึกเหมือนน้องบ้างจังว่าความรู้สึกของคนรอมันทรมานขนาดไหน
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-17 : Universe 22nd)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-06-2020 23:41:45
สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-17 : Universe 22nd)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 18-06-2020 01:16:12
มันก็ไม่แปลกที่พี่จะจำหน้าน้องไม่ได้ผ่านไปเป็น10ปีจากเด็กเป็นโต หน้าคนเราบางคนก็เปลี่ยนไป แต่แม้ลืมหน้าก็ยังจำเรื่องราวของน้องได้แทบทุกอย่าง ถือว่าโอเคมากแล้ว เพียงแต่คนพี่ไม่คิดว่าจะมีคนแบบนั้นอยู่จริง คนที่ยังรอกันเป็น10ๆปีอะ อยากบอกอีพี่ภูเหลือเกิน มันมีอยู่จริง คนข้างๆไง เหล่ตามอง 55 ลองมองหน้าไนล์ดีๆซิพี่ภู มีความรู้สึกที่คุ้นเคยแล้ว อาจจะเฮ้ยยยยยยย ก็ได้ 555  ถ้าคนพี่รู้ว่าน้องรอมานานขนาดนี้จะซึ้งใจขนาดไหน ต้องรักน้องแบบถวายหัวเลยนะ 55 ผ่านการมีคนรักมาแล้ว เรื่องความรู้สึกตัวเองที่มีกับไนล์ไม่น่าจะไม่เก็ทว่ามันคืออะไร ไม่ใช่คนที่เริ่มริหัดรักสักหน่อย หรือว่าจริงๆแล้วกับจีนยังไม่ใช่ความรัก แต่มันอาจจะคือความชอบ เลยไม่รู้ความรู้สึกตัวเองที่มีกับไนล์นอกจากอยากเป็นเจ้าของแค่นั้น คิดดีๆนะคุณพี่ 5555 สนุกกกก  :katai2-1: ขอบคุณนะคะที่มาต่อยาวๆเลย รอตอนหน้าเลยจ้าจะเกิดไรขึ้นบ้าง ความจริงจะโป๊ะแตกวันไหน น้อง(ลูก)จะมาเมื่อไหร่ รรรรรร  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-17 : Universe 22nd)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 18-06-2020 06:29:27
มาแล้ววววว รอตอนต่อไปจ้า  :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-17 : Universe 22nd)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 20-06-2020 09:41:34
อยากให้พี่ภูรู้ความจริงแล้วววววว :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-21 : Universe 23th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 21-06-2020 20:31:07
Universe 23th : ความทรงจำครั้งใหม่


หลังจากวันที่พี่ภูพาผมไปที่ร้านไอศครีม ใจผมก็หนักอึ้ง ผมไม่รู้ว่าควรรู้สึกอะไรก่อนดี

ผมควรเสียใจไหมที่พี่ภูลืมผมง่ายๆ แบบนั้น หรือผมควรจะดีใจ ที่ลึกๆ แล้วเขาก็ยังจำผมได้อยู่ .. ลึกๆ แล้วผมก็ยังเป็นความทรงจำดีๆ ที่เขาอยากจะรักษาไว้ แม้จะเว้าแหว่งไม่สมบูรณ์ แต่เพียงแค่ถูกกระตุ้นเล็กน้อย มันก็พร้อมจะปรากฎตัว

แต่สุดท้ายผมก็อดปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าไม่น้อยใจ เพราะที่จริงแล้วผมน้อยใจมาก พี่ภูแทบจะลืมผมทันทีด้วยซ้ำที่เขามีคนรัก ในขณะที่ผมกลับผูกพันตัวเองไว้ด้วยสัญญาที่พี่ภูเคยให้ ผมทะนุถนอมของแทนใจทุกอย่างที่เราส่งให้กัน ของขวัญทุกชิ้นที่พี่ภูส่งฝากไว้ให้ที่ร้านไอศครีม โพสต์อิททุกแผ่น ผมเก็บรักษามันอย่างดี

เหมือนๆ กับหัวใจที่ไม่เคยเปิดรับใครเข้ามา ยังคงรอแต่เขา ทั้งๆ ที่เขาทำผมหล่นหายออกไปจากชีวิต

ผมนั่งมองพวงกุญแจรูปเด็กผู้ชายที่กำลังยิ้มแฉ่ง กับเด็กผู้ชายที่กำลังร้องไห้ พลางถอนหายใจ ไหนจะสร้อยข้อมือถักที่มีเส้นเดียวในโลกอีก .. แต่มีเส้นเดียวในโลกแล้วมันจะมีความหมายอะไรล่ะ ในเมื่อคนให้เขาแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ

ผมระบายลมหายใจยาวเหยียด ตั้งใจว่าจะไม่งี่เง่าแต่ก็อดไม่ได้ ยิ่งพักหลังมานี้พี่ภูดีกับผมมากขึ้น ผมก็ยิ่งเหมือนคนโลภและคนเอาแต่ใจ มันเหมือนกับว่าความต้องการของผมมันไม่มีที่สิ้นสุด และมีแต่จะอยากได้นั่นนี่เพิ่มมากขึ้นทุกที

ผมเอื้อมมือไปตั้งใจจะหยิบโทรศัพท์มาโทรหาพี่เทมส์ คิดว่าถ้าได้ยินเสียง ถ้าได้ระบายให้พี่ชายฟังอาการผมอาจจะดีขึ้น แต่จู่ๆ โทรศัพท์ผมกลับสั่นเพราะมีสายเรียกเข้าเสียก่อน พอเห็นว่าใครโทรมาผมก็ถึงกับถอนหายใจ โชคดีที่พี่ภูออกไปทำงานแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าเขาได้เห็นว่าผมมีโทรศัพท์เข้า หรือคุยโทรศัพท์กับใครก็ได้มองตาขวางอีก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ออกไปตรวจตราดูข้างนอกห้องว่าพี่ภูออกไปแล้ว และไม่ได้ย้อนกลับมาเอาของหรืออะไรจริงๆ

เวลาที่เขาโมโหเพราะเข้าใจผิดไปเองว่าผมมีคนนู้นคนนี้น่ากลัวน้อยที่ไหนล่ะ พี่ภูเคยโพล่งออกมาตรงๆ ด้วยซ้ำว่าผมเป็นของเขา และเขาเองก็ไม่ยอมให้ผมไปยุ่งกับใคร ผมใจเต้นแรงแทบบ้า ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเขาก็แค่หวงเพราะผมเป็นสมบัติชิ้นใหม่สำหรับเขาก็แค่นั้น แต่ผมก็กลับยังรู้สึกดี และแทบอยากจะบอกออกไปว่าพีาภูแทบจะไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย เพราะทั้งตัวทั้งใจผมเป็นของเขามานานแล้ว เป็นของเขาตั้งแต่สิบปีที่แล้วจนวันนี้

“ว่าไงลม ทำไมถึงโทรมาล่ะ มีอะไรด่วนหรอ?”

 ผมถามปลายสายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง อาจเพราะมีเรื่องต้องให้คิดมากมาย และอีกอย่างผมก็เคยบอกลมแล้วว่าไม่ต้องโทรมา ผมจะเป็นคนโทรไปหาเอง ยกเว้นว่ามีเรื่องสำคัญจริงๆ

(เอ่อ... คือเปล่าหรอก ไม่ได้มีอะไรสำคัญ ลมแค่เห็นไนล์หายไปหลายวัน ไม่ได้โทรมาลมเลยเป็นห่วง)

เสียงของลมหงอยลงไปถนัดตอนตอบคำถามของผม ผมไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้ทันคิดว่าการพูดกับเพื่อนสนิทตัวเองแบบนั้นจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจ เพราะถ้าตัดประเด็นที่ลมชอบผมออกไป การที่เขาจะเป็นห่วงผมที่เป็นเพื่อนนั้นก็ไม่แปลก และผมก็ไม่ควรถามเขาแบบนั้น แม้จุดประสงค์ในการถามของผมจริงๆ นั้น ไม่ได้คิดหรือตั้งใจจะต่อว่าอะไรเขาก็เถอะ

“เราขอโทษนะ ขอโทษที่ไม่ได้โทรไปเลยทำให้ลมเป็นห่วง แล้วก็ขอโทษที่ถามไม่รู้จักคิด อย่าถือสาเราเลยนะลม”

ผมพูดเสียงอ่อย หวังจะให้เพื่อนสนิทเข้าใจ และลมก็ยังเป็นลมคนที่แสนดี และพร้อมเข้าใจผมเสมอ

(ไม่เป็นไรเลยไนล์ ไม่ต้องขอโทษหรอก ลมเข้าใจ) น้ำเสียงลมสดใสขึ้นจนเกือบจะปกติ ให้ผมได้ยิ้มออก (ว่าแต่เครียดเรื่องงานหรอ ทำไมเสียงหงอยแบบนั้นล่ะ)

“ก็นิดหน่อยแหละ มีอะไรยังไม่ลงตัวหลายอย่าง แต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดอยู่”

(ไนล์อย่าเครียดมากจนเกินไปนะ ทำเท่าที่ไนล์ทำไหว เพราะลมรู้ดีว่าไนล์จะทำมันเต็มที่ แล้วการที่ไนล์ทำมันเต็มที่นั่นก็ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรอ)

ผมนิ่ง และคิดตามที่ลมพูด ซึ่งถึงแม้ว่าผมกับลมจะไม่ได้หมายถึงเรื่องเดียวกัน แต่นั่นก็เพียงพอที่จะกระตุกใจให้ผมฉุกคิดได้

“จริงสินะ แค่เราทำให้เต็มที่ก็พอ” ผมพึมพำ พลางตกตะกอนความคิดตัวเองในใจ

(อื้ม ไนล์ของลมเก่งอยู่แล้ว อย่าเครียดเกินไปนะ ลมเป็นห่วง) น้ำเสียงของปลายสายเข้มขึ้นอีกนิด เพื่อบอกให้ผมรู้ว่าเขาคิดแบบนั้นจริงๆ (ยิ่งอยู่ห่างกันแบบนี้ แบบที่ลมตามไปดูแลไนล์ไม่ได้ ลมยิ่งห่วง)

ผมหัวเราะเบาๆ ตอนที่ได้ยินลมพูดแบบนั้น เขายังเป็นลมคนเดิม คนที่อยู่กับผมมาตลอดสิบปี

ซึ่งบางทีผมก็เคยแอบคิด ถ้าผมรักลม พยายามรักลมให้ได้ เรื่องมันจะง่ายกว่านี้ไหม แต่ความรักที่ต้องพยายามมันใช่ความรักแน่หรอ? แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าความพยายามที่จะรักของผม จะไม่ทำร้ายลมทีหลัง หากเพราะมันไม่ใช่ความรักที่เกิดจากความรู้สึกจริงๆ

แต่สุดท้ายผมก็ได้รู้ว่าเราสองคนไปได้ไกลมากที่สุดก็แค่ความเป็นเพื่อน ผมรักลมแบบนั้นไม่ได้จริงๆ

“เราดูแลตัวเองได้ ลมไม่ต้องห่วงนะ อีกอย่างที่นี่ก็มีคุณฤดีอยู่ด้วย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก”

(เฮ้อ.. แล้วลมจะขัดอะไรไนล์ได้) คนปลายสายแสร้งทำเสียงอ่อนอกอ่อนใจใส่ผม ให้ผมได้หลุดหัวเราะอีกครั้ง (แต่ถ้าไนล์มีอะไรให้ลมช่วย ไนล์โทรหาลมได้ตลอดนะ ลมพร้อมไปหามาก ออสเตรเลียใกล้แค่นี้เอง)

“พูดไปเรื่อยเถอะปราณนต์ ระวังพี่เทมส์รู้แล้วจะมาแหกอกเอา โทษฐานทำผิดข้อตกลง” ผมแกล้งว่าทีเล่นทีจริง พยายามไม่พูดตรงๆ แต่ก็ย้ำข้อตกลงของเราทั้งคู่อยู่ในที

(ตัดบทกันดื้อๆ เลยนะไนล์ เฮ้อ… ใจร้ายเหลือเกินคุณนทีธัชช์เนี่ย) ผมหัวเราะ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินประโยคถัดมา (รู้ทั้งรู้ว่ายังไงผมก็หยุดรักคุณไม่ได้ สิบปียังตัดใจจากคุณไม่ได้ สามเดือนจะมีประโยชน์อะไรกัน)

“ลม…”

(เฮ้ย.. อย่าคิดมากนะไนล์ ลมไม่ได้จะกดดันอะไร แค่บอกออกไปตามที่ใจคิดเฉยๆ) ลมพยายามพูดให้ผมรู้สึกดีขึ้น แต่ก็ช่วยไม่ได้มากนัก

“เราถามจริงๆ นะลม ลมไม่ได้มองใครเผื่อไว้บ้างเลยหรอ? หลังจากที่พี่เทมส์บอกข้อเสนอและข้อตกลงพวกนั้นไปน่ะ”

(แล้วไนล์ล่ะ ได้ลองไปทบทวนความรู้สึกตัวเองดูบ้างรึป่าว ว่าพอจะรักลมแทนพี่ภูได้ไหมตั้งแต่ไนล์ไปออสเตรเลียเนี่ย)

“ลม… เราถามลมนะ ไม่ได้ให้ลมมาย้อนเราแบบนี้สักหน่อย” ผมเสียงแข็ง นึกโมโหที่เจอลมย้อนเข้าให้แบบนี้

แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เพื่อนสนิทผมพูดให้ได้คิด

(ลมไม่ได้จะย้อนยอกให้ไนล์โกรธ ลมแค่อยากจะบอกไนล์ว่าคำถามที่ไนล์ถาม มันมีคำตอบแบบเดียวกันกับที่ไนล์จะตอบตอนที่ลมถามเรื่องพี่ภูนั่นแหละ)

“…” ผมเงียบ เมื่อเข้าใจที่ลมจะสื่อ

(การเลิกรักใคร โดยพยายามมองหาคนใหม่ หรือคนมาทดแทนมันไม่ได้ทำง่ายขนาดนั้นหรอกไนล์ก็รู้ แล้วยิ่งรักที่มันผูกแน่นมานานหลายปีแบบนั้น มันยิ่งตัดใจลำบาก ลมพูดถูกไหม?)

ผมกลืนน้ำลายลงคอ รู้ดีว่าคำถามต่อไปจะต้องบาดใจเพื่นสนิทไม่น้อย แต่ผมก็ยังคงที่จะอยากรู้คำตอบ

“ในเมื่อลมเองก็รู้ ว่าสามเดือนนี้ไม่นานพอให้เราตัดใจจากพี่ภูได้แน่ๆ แล้วทำไมลมถึงยอมรับข้อเสนอของพี่เทมส์ เพราะแน่นอนว่าต่อให้หลังจากนี้เรากลับไป เรายอมเปิดโอกาสให้ลม แต่ลึกๆ แล้วยังไงเราก็คงลืมพี่ภูไม่ได้ แล้วทำไมลมถึง..?”

ลมพูดสวน โดยที่ผมยังไม่ทันพูดจบด้วยซ้ำ (เพราะลมคิดว่าลมสร้างความทรงจำใหม่ร่วมกับไนล์ได้ไง)

“สร้งความทรงจำใหม่?” … ให้ตาย คำพูดของลมสะกิดใจผมอีกครั้ง และมันก็แย่มากเมื่อผมฉกฉวยเอาความคิดของเพื่อนสนิทมาเทียบกับเรื่องของตัวเองและพี่ภู

(ใช่… สร้างความทรงจำใหม่ เพราะลมไม่ได้คาดหวังอะไรกับอดีตของไนล์ มันผ่านมาแล้วก็ต้องปล่อยให้ผ่านไป ในเมื่อวันนี้ตอนนี้ไนล์เลือกจะให้โอกาสกับลม ลมก็มั่นใจว่าลมจะสร้างความทรงจำใหม่ๆ ดีๆ กับไนล์ได้ เพราะลมแก้ไขอะไรอดีตไม่ได้ ลมก็ขอเลือกที่จะทำปัจจุบันให้ดีและมีค่ากับไนล์ก็พอ )

“….”

(และพอเรามีความทรงจำใหม่ๆ ดีๆ ร่วมกัน อดีตก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นและสำคัญอะไรอีกต่อไป)

“ลม เรา.. เราขอโทษ” ผมพึมพำขอโทษเพื่อนสนิทตัวเอง และเดาว่าปลายสายคงงงงไม่น้อย

(ไนล์ขอโทษลมทำไม ไม่มีอะไรต้องขอโทษเลยนะ) ผมกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ ความรู้สึกผิดท่วมท้น

จะไม่ให้ผมขอโทษลมได้ยังไง เมื่อผมเอาคำพูดที่ลมตั้งใจทำให้ผมมาคิดเรื่องตัวเองกับพี่ภูและผมก็คิดได้ว่าผมไม่ควรจะจมปลักอยู่แต่กับอดีต ในเมื่อความตั้งใจหลักของผมไม่ใช่การมาเพื่อแค่ให้พี่ภูจำได้ ผมมาเพื่อรัก เพื่อดูแล และเพื่อมีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกับเขา แล้วผมจะมาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่ร้านไอศครีมทำไมกัน

และคนที่ทำให้ผมตระหนักถึงข้อนี้ได้ก็คือลม เพราะจากคำพูดของลมทั้งนั้น

“เราขอโทษสำหรับอะไรหลายๆ อย่างน่ะ มาคิดๆ ดู เราก็เห็นแก่ตัวกับลมหลายเรื่องจริงๆ” เสียงผมเบาลงเพราะรู้สึกผิดจริงๆ

(อย่าพูดแบบนั้นสิไนล์ ยังไงเราก็เพื่อนกันนะ)

ผมยิ้ม พอลมพูดคำว่าเพื่อนออกมา มันอุ่นใจจริงๆ นะ ที่ได้รู้ว่าเขาเป็นเพื่อน … เพื่อนที่ดีที่สุดในโลกของผม

“อื้ม ขอบใจนะ ลมคอยอยู่ข้างๆ เราตลอดเลย ไม่ว่าจะตอนมีปัญหาหรือตอนมีความสุข”

(ว่าได้ที่ไหน เพราะไนล์ไล่ลมก็ไม่ไปหรอก) ทั้งผมและลมแทบจะหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน (อย่าคิดมากนะไนล์ ตั้งใจทำงานรู้ไหม)

“โอเค เราจะตั้งใจทำงาน ลมเองก็ดูแลตัวเองด้วยนะ ไว้เราว่างๆ เราจะโทรหา” ผมบอกเมื่อเห็นเวลาว่าคุยกับลมมาพักใหญ่แล้ว

(ได้ครับ ไนล์ก็ดูแลตัวเองเหมือนกันนะ.. ลมคิดถึง) ผมยิ้มบาง เพราะผมเองก็คิดถึงลมไม่น้อยเหมือนกัน แม้จะคิดถึงกันคนละแบบก็เถอะ

“เราก็คิดถึงลมเหมือนกัน” ผมบอกทั้งที่ริมฝีปากยังมีรอยยิ้ม

(อื้ม) เสียงลมสดใสขึ้นทันตาพอได้ยินผมบอกแบบนั้น (แล้วไว้อีกเดือนนึงเจอกันนะ)

ผมชะงัก เมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ “อื้อ.. อีกเดือนเจอกัน”

ลมวางสายไปแล้ว ในขณะที่ผมยังคงมองอุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ในมือของตัวเองนิ่งพลางทบทวน

ใช่.. เหลืออีกแค่หนึ่งเดือนที่ผมจะได้อยู่กับพี่ภู อีกแค่หนึ่งเดือนที่เราจะได้สร้างความทรงจำใหม่ๆ ดีๆ ด้วยกัน และอีกแค่หนึ่งเดือนที่ผมจะได้รัก ได้ทำตามใจตัวเอง โดยที่ต้องเลิกเอาอดีตมากดดันตัวเองสักที

.

.

.

Kirin’s Part


สองสามวันมานี้ไนล์ดูแปลกไป เขาดูหงอยๆ … จะว่าไปเขาก็หงอยตั้งแต่กลับมาจากร้านไอศครีมวันนั้นนั่นแหละ ผมถามว่าเขาเป็นอะไร เขาก็เอาแต่ยิ้มและปฏิเสธ และบอกว่าผมคิดมากไป เขาไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น แต่ผมอยู่กับเขามาสองเดือนทำไมผมจะมองไม่ออก และเพราะเหตุนี้ผมเลยนึกไม่ชอบใจ

ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมไม่สนหรอกว่าเขาจะรู้สึกอะไรยังไง แต่ไม่ใช่กับตอนนี้ ตอนที่ผมแคร์ความรู้สึกเขา มากพอๆ กับที่อยากเห็นรอยยิ้มหวานๆ ของเขาแนที่จะเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสร้อยเศร้าแบบนี้

“ไนล์ มาหาฉันหน่อยมา”

ผมเรียกเจ้าตัวเล็กที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอนผมที่เขาเข้าไปทำความสะอาด จัดการเอาผ้าปูที่นอนออกมาซัก ดูดฝุ่นตามพื้น ทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่าไม่ต้องทำก็ได้ เพราะตอนนี้ผมแทบจะอาศัยอยู่ในห้องไนล์มากกว่าห้องของตัวเองด้วยซ้ำ

“พี่ภูมีอะไรหรอครับ?” ไนล์เอียงคอถาม ทำท่าทางสงสัยได้น่าฟัดมาก

“มานี่” ผมกวักมือเรียก “มานั่งตรงนี้มา”

ไนล์เดินงงๆ เข้ามาหาผม และพอเขาทำท่าจะทรุดลงนั่งข้างผม ผมก็เกี่ยวเอวของร่างเล็กกว่าเข้าหาตัว แล้วจับเขานั่งลงบนตักตัวเอง

“พะ พี่ภู” ไนล์แก้มแดงทันทีที่ถูกผมกอด เขาเป็นอย่างนี้เสมอ แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมกอดเขาก็ตาม

ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ อดมันเขี้ยวไม่ได้เวลาผมเห็นเขาเขินขนาดนี้ จากนั้นก็กอดกระชับเขาไว้แน่น พลางวางคางไว้บนไหล่เล็กๆ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน

“นายเป็นอะไร?”

“ครับ?” ไนล์ตอบกลับงงๆ ผมเลยต้องถามย้ำเขาอีกครั้ง

“นายเป็นอะไร หงอยๆ มาสองสามวันแล้ว ข้าวปลาก็กินน้อยลงด้วย” คนในอ้อมกอดผมตาโต ไนล์ทำท่าจะปฏิเสธ ผมเลยต้องขู่ “ถ้าบอกว่าไม่เป็นอะไรอีกที รับรองวันนี้ฉันได้ขังนายไว้บนเตียงทั้งวันแน่ เอาไหม?”

ไนล์ส่ายหน้าเป็นพัลวัน เจ้าตัวเล็กหน้าแดงก่ำ ทั้งที่รู้ว่าไนล์มักจะเขินอายกับเรื่องนี้เสมอแต่ผมก็ยังคงชอบแกล้งเขา

“คือ.. ไนล์”

“หืม? ว่าไง ตกลงจะบอกฉันได้รึยังว่าเป็นอะไร?” ไนล์คิดนิดหนึ่งมก่อนจะตอบออกมาเบาๆ

“ไนล์คิดถึงบ้านครับ คิดถึงพ่อ แม่ แล้วก็พี่ชายที่บ้าน”

ใจผมกระตุกตอนที่ได้ยินไนล์พูดว่าคิดถึงบ้าน แค่คิดว่าถ้าเขาขอผมกลับไป ผมจะยอมให้เขาไปรึป่าว ในเมื่อตอนนี้ผมแทบจะไม่อยากห่างเจ้าตัวเล็กนี่เลยแม้แต่วันเดียว

ถามว่าผมรู้สึกกับไนล์มากแค่ไหน ยอมรับตามตรงว่าผมเองก็ยังตอบไม่ได้ ผมรู้แค่เพียงว่าผมอยู่กับเขาแล้วผมสบายใจ และผมก็ไม่พร้อมจะเสียไนล์ไปตอนนี้

ใครจะว่าผมเห็นแก่ตัวผมก็ยอม

“เอางี้.. เผื่อจะทำให้นายคิดถึงบ้านน้อยลง เราลองเปลี่ยนบรรยากาศกันดูไหม?” ไนล์เอี้ยวหน้ามามองผม ทั้งที่ผมยังวางคางไว้บนไหล่ของเขา และริมฝีปากสีแดงๆ บางๆ ก็ทำให้ผมอดใจไม่ไหว ต้องยื่นหน้าไปจูบเบาๆ ทีนึง

จุ๊บ~

“พี่ภู.. อย่าแกล้งสิครับ” ไนล์ปฏิเสธเสียงเบา ให้ผมได้หัวเราะในลำคอ “ ว่าแต่ เปลี่ยนบรรยากาศอะไรหรอครับ”

“ก็เปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวต่างประเทศ ต่างจังหวัดอะไรงี้ไง นายจะได้ไม่อุดอู้อยู่แต่บ้าน พาลให้หงอยคิดถึงครอบครัวแบบนี้.. เอาไหม เดี๋ยวฉันพาไป ไปเกาหลี ญี่ปุ่นใกล้ๆ นี่ก็ได้ สักสามสี่วันก็กลับ”

ไนล์ส่ายหน้าปฏิเสธทันที พอได้ยินผมเสนอ … แทงหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างนะ

“ไม่ดีหรอกครับ แบบนั้นมันรบกวนพี่ภูเกินไป แค่นี้พี่ภูก็ทำงานหนักทุกวัน จะให้ไนล์รบกวนให้พี่ภูพาไปเที่ยวอีก ไม่เอาดีกว่าครับ”

“จะรบกวนอะไร ก็ฉันอยากพานายไป ถ้างั้นไปใกล้ๆ ในประเทศก็ได้ ถ้านายไม่อยากให้ฉันเหนื่อย”

“แต่ว่า.. พี่ภูครับ..” ไนล์พยายามจะแย้ง ผมเลยต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อม

“อาทิตย์นี้มีวันหยุดตั้งสี่วัน ให้ฉันได้ผ่อนคลายหน่อยเถอะ เครียดเรื่องงานมาติดๆ กันแล้ว ฉันก็อยากจะปล่อยสมองให้โล่งๆ บ้าง”

เพราะพอเป็นเรื่องของผม สถานการณ์ของเรื่องจะเปลี่ยนทันที

“พี่ภูอยากไปพักผ่อนหรอครับ?” ไนล์อ้อมแอ้มถาม เขาดูอ่อนลงทันทีพอเป็นความต้องการของผม

“ใช่ เพราะฉะนั้นนายเลือกมาว่าจะไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ” ผมถามกึ่งบังคับ และสุดท้ายไนล์ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะตอบ

“ไปแค่ต่างจังหวัดได้ไหมครับ ไนล์อยากไปทะเล”

ผมยิ้มตอนเห็นตากลมใสแวววาวอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่เจ้าตัวเลือกได้ว่าจะไปไหน ท่าทางจะเป็นที่ที่ไนล์อยากไปจริงๆ

“เอาสิ ไปทะเลก็ทะเล ฉันตามใจนาย” ผมกระชับอ้อมกอดกอดร่างเล็กกว่าให้แน่นขึ้น ก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมประจำตัวไนล์เจ้าปอด “งั้นไปหัวหินกัน จะได้ขับรถไปไม่ไกลมาก”

“ครับ ที่ไหนก็ได้ ไนล์แล้วแต่พี่ภู”

เจ้าตัวเล็กยิ้มกว้างจนตาหยี ท่าทางหงอยเหงาดูดีขึ้น และผมก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิด ตอนเห็นรอยยิ้มของเด็กตรงหน้า

.. ไนล์น่ะ เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าใบหน้าเศร้าๆ เป็นไหนๆ

“งั้นพรุ่งนี้นายเก็บกระเป๋าเตรียมไว้นะ มะรืนเป็นวันหยุด เราจะได้ออกแต่เช้า ค้างสักสามคืนสี่วัน โอเคไหม”

“โอเคครับพี่ภู”

หวังว่าในสี่วันนี้ผมจะทำให้ไนล์ยิ้มได้กว้างมากกว่าที่เคย หรืออย่างน้อย ทำให้เขาหายคิดถึงบ้านก็ยังดี

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-21 : Universe 23th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 21-06-2020 20:40:21
(อ่านต่อจากด้านบน)


พอถึงวันหยุด ผมกับไนล์ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ผมตัดสินใจขับรถไปเอง เพราะอยากมีเวลาส่วนตัวกับไนล์ ในขณะที่ไนล์เกรงใจผมแล้ว เกรงใจผมอีก บอกว่าเขาเป็นแค่เด็กรับใช้ แต่กลับให้ผมเป็นเจ้านายขับรถให้ พอถูกผมดุไปว่าไม่ให้พูดแบบนี้ก็เลยเงียบได้ สุดท้ายเลยมาลงตัวที่ข้อตกลงที่ว่าระหว่างผมขับรถ ไนล์จะดูแลผมอย่างดีให้พร้อม

ดังนั้นเช้านี้เลยเต็มไปด้วยกล่องทัปเปอร์แวร์ที่ใส่ทั้งอาหารเช้าอย่างข้าวผัดอเมริกัน แซนวิชที่เอาไว้กินตอนหิว รวมไปถึงผลไม้หั่นชิ้นพอดีคำ บรรจุอยู่เต็มกล่อง ไม่บอกก็รู้ว่าผมต้องอิ่มยันไปถึงหัวหินแน่ๆ ถ้ากินหมดนี่

“เราจะค้างคืนที่ไหนกันหรอครับพี่ภู”

ไนล์ถามขึ้นหลังจากที่ผมขับออกมาจากคอนโดได้สักระยะหนึ่ง ให้ผมต้องนึกยิ้มกับคำถามของไนล์ เมื่อหวนนึกไปถึงเจ้าของบ้านพักที่ผมติดต่อขอไปพัก ซึ่งดูยินดีจะให้ใช้อย่างมากด้วย


‘แม่ครับ วันหยุดยาวนี้ภูขอใช้บ้านพักตากอากาศที่หัวหินหน่อยได้ไหมครับ’

‘พี่ภูจะพาใครไปค้าง สาวที่ไหน แม่ไม่โอเคนะคะแบบนี้’


'สาวที่ไหนล่ะครับแม่ คนที่ภูจะพาไปก็คนโปรดของแม่นั่นล่ะ เห็นบ่นคิดถึงบ้านเลยอยากจะพาไปเปลี่ยนบรรยากาศ เผื่อจะได้หายเหงาแล้วก็ดีขึ้นบ้าง’ ผมรีบอธิบาย ในขณะที่น้ำเสียงแม่ที่ถามกลับมาดูอึ้งๆ

‘พี่ภูหมายถึงไนล์หรอคะลูก?’

‘ก็ใช่น่ะสิครับ คนโปรดของคุณแม่จะมีสักกี่คนกัน’


‘พี่ภูก็พูดไป.. ว่าแต่ ถ้าไนล์คิดถึงบ้าน ทำไมพี่ภูไม่ปล่อยให้ไนล์กลับบ้านล่ะลูก ทำไมพี่ภูถึงเลือกจะพาไนล์ไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศแทน หื้ม? บอกแม่ซิคะ’ แม่ถามผมล้อๆ และผมรู้ดีว่าท่านกำลังจะพูดอะไร เลยชิงเลี่ยงตอบก่อน

‘ก็.. ถ้าไนล์กลับไป แล้วใครจะดูแลภูล่ะครับ ยิ่งช่วงนี้ภูทำงานหนัก ยิ่งต้องมีคนดูแลมากเป็นพิเศษ ยังให้กลับตอนนี้ไม่ได้หรอก ให้ผ่านไปสักพักค่อยกลับก็ยังไม่สาย’

ผมพูดอ้างจนสีข้างถลอก และแม่ก็คงรู้ทันผมถึงได้หัวเราะไม่หยุด

‘เอาๆ จะว่าแบบนั้นก็เอา เที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศให้สนุกแล้วกัน เดี๋ยวแม่จะให้คนเข้าไปทำความสะอาดให้’

‘ขอบคุณครับแม่'

‘จ้า ไม่เป็นไร ดูแลไนล์ดีๆ ด้วยนะครับพี่ภู’ ผมยิ้มขำกับคำพูดแม่ที่ไม่รู้ว่าตกลงแล้วใครต้องดูแลใครกันแน่


ก็บอกแล้วว่าไนล์น่ะคนโปรดของแแม่ผม โปรดในระดับที่ผมคาดไม่ถึงเลยล่ะ


ผมออกจากภวังค์ก่อนที่จะหันไปตอบคำถามของไนล์ก่อนหน้า

“เดี๋ยวเราจะไปพักที่บ้านพักตากอากาศของแม่ฉันกัน แม่ให้เด็กไปทำความสะอาดรอเรียบร้อยแล้ว”

“โถ่...พี่ภูครับ เกรงใจคุณท่าน เดี๋ยวไนล์ไปทำเองก็ได้ แค่นี้ก็รบกวนมากพอแล้ว”

ผมหันไปหาไนล์ เพราะตอนนี้รถติดไฟแดงพอดี “คิดมากทำไม ฉันพานายไปเที่ยว ไปพักผ่อน อย่าคิดว่ารบกวนอะไร แค่นายมีความสุขกับมันก็พอ โอเคไหม?”

“โอเคครับ” ไนล์พุ่มมือยกขึ้นไหว้ผม เหมือนทุกครั้งที่เขาชอบทำเวลาที่ผมทำอะไรให้ “ขอบคุณครับพี่ภู”

ผมยิ้มก่อนที่จะยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กๆ ของเด็กมารยาทดีเบาๆ ก่อนจะขานรับให้อีกฝ่ายแก้มแดงเล่นๆ

“ครับ ด้วยความยินดี”

ผมหัวเราะลั่นด้วยความชอบใจที่เป็นไปตามคาดเพราะไนล์แก้มแดงก่ำ แถมเจ้าตัวยังแก้เขินด้วยการ หยิบนั่นหยิบนี่ป้อนเข้าปากผมไม่หยุด และสุดท้ายก็จบลงที่เสียงหัวเราะของเราสองคนที่ดังคลอไปตลอดการเดินทางจนถึงหัวหิน

.

.

.

ผมขับรถมาที่บ้านพักก่อนเพราะอยากจะเก็บสัมภาระ และตั้งใจจะเช็คดูด้วยว่าต้องซื้อของที่ขาดเหลืออะไรบ้าง หลังจากเก็บของเรียบร้อย ผมกับไนล์ก็ขับรถออกจากที่พักไปหาอะไรกินแถวๆ ร้านใกล้ๆ ที่พัก กว่าจะออกจากบ้านได้ก็ต้องกำราบเด็กพูดไม่ฟังยกใหญ่ ผมเพิ่งจะรู้ว่าไนล์ดื้อตาใสก็ตอนนี้ล่ะ

“เย็นนี้ไนล์จะทำซีฟู้ดให้พี่ภูทาน ไนล์เห็นหน้าบ้านมีเตาปิ้งย่างด้วย พี่ภูพาไนล์ไปซื้อของสดหน่อยนะครับ”

ผมยิ้ม ก่อนจะลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู “ไว้ค่อยทำพรุ่งนี้ดีกว่านะ วันนี้นั่งรถมาเหนื่อยๆ ไม่ต้องทำอะไรหรอก เดี๋ยวไว้ตอนเย็นไปหาอะไรกินที่ตลาดโต้รุ่งเอา”

“แต่มาทะเลทั้งทีก็ต้องกินอาหารทะเลสิครับ อาหารในตลาดทานเมื่อไหร่ก็ได้นี่ครับ” เด็กดื้อยู่ปาก เถียงผมอย่างดื้อดึง ให้ผมนึกมันเขี้ยวเลยก้มลงไปจุ๊บย้ำๆ ที่ริมฝีปากเล็กอยู่หลายที และพอถูกผมกำราบไนล์ก็ครางหงุงหงิงอ้อนให้ผมปล่อย

ซึ่งพักนี้ไนล์อ้อนผมบ่อยมาก และผมก็ยอมเขาตลอด ไม่รู้ว่าจับไต๋ผมไปได้แล้วหรือยัง

“ไม่งอแง” ผมเคาะปลายจมูกโด่งรั้น “เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยทำนั่นล่ะ ของสดตอนเช้ามันจะมีมากกว่าตอนบ่ายๆ แบบนี้ไม่ใช่หรือไง?”

“ก็จริง..” ไนล์พึมพำเหมือนเห็นด้วย ให้ผมต้องยิ้มออกมา

“อีกอย่าง เราก็อยู่ที่นี่อีกตั้งสองสามวัน ไว้ทำวันที่เวลาเหลือเยอะๆ ดีกว่านะ”

“ก็ได้ครับ” เจ้าตัวเล็กยอมรับคำในที่สุด ผมเลยไล่ไนล์ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อหาอะไรกินช่วงกลางวัน

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป จะได้ไปกินข้าว เที่ยงแล้วไม่หิวรึไง หื้ม?”

“หิวนิดหน่อยครับ แต่กลัวพี่ภูจะหิวมากกว่า งั้นพี่ภูรอไนล์เดี๋ยวเดียวนะครับ ไนล์ไปเปลี่ยนเสื้อกับรองเท้าก่อน”

ผมมองเจ้าตัวเล็กที่วิ่งดุ๊กๆ เข้าไปหากระเป๋าเสื้อผ้าในห้อง ก่อนที่จะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นความยาวของกางเกงที่ไนล์ใส่อยู่ เลยเดินตามเข้าไปในห้องด้วย

“ไนล์” ผมเรียก ให้ไนล์ที่กำลังค้นของกุกกักในกระเป๋าหันมามอง ไนล์เอียงคอน้อยๆ เหมือนกับจะถามว่าผมมีอะไร ผมเลยชี้ไปที่กางเกงที่ไนล์ใส่อยู่ “เปลี่ยนกางเกงด้วย”

“กางเกง? ทำไมหรอครับ ตัวนี้มันดูไม่ดีหรอ?” ไนล์ทำหน้าเหรอหรา “แต่ว่ามันก็ปกตินี่ครับ ไนล์ว่า…”

“มันสั้น” ผมถอนหายใจ พรัอมพูดออกไปในที่สุด “ใส่ตัวที่มันยาวเลยเข่าลงมาหน่อย… เร็วๆ ล่ะ”

ผมแสร้งทำเป็นเมินแก้มแดงๆ ของเจ้าตัวเล็ก พลางทำเป็นเดินออกมา ก่อนจะหลุดแสดงอาการว่าหวง ไม่ชอบใจที่จะให้ใครเห็นขาสวยๆ ขาวๆ ของไนล์ทั้งนั้นแหละ

.

.

.

ผมพาไนล์ออกมากกินข้าวแถวหาดเขาตะเกียบ เพราะค่อนข้างจะอยู่ใกล้ที่พักของเรา บ้านพักตากอากาศของครอบครัวผมอยู่ติดทะเลและใกล้หาดนี้มากที่สุด แทบจะเดินเท้ามาได้เลยด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่ร้อนขนาดนี้เลยเอารถออกน่าจะดีกว่า

เรามานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารเลียบหาด ไนล์ดูตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างรอบตัวจนผมอดเอ็นดูไม่ได้

“มานั่งกินข้าวได้แล้วไนล์ กินให้เสร็จแล้วเดี๋ยวค่อยไปเดินเล่น ตอนนั้นแดดน่าจะหมดพอดี”

“ครับ”

ไนล์กลับมานั่งกินตามคำที่ผมบอก เขาค่อยๆ กิน ตักอาหารให้ผมบ้าง เทน้ำให้ผมบ้าง เขาทำให้ผมประทับใจหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมีมารยาทและสัมมาคารวะ

เขาไม่เคยสั่งอาหารมากเกินกว่าที่ตัวเองจะกินไหว ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็จะกินตามที่ผมสั่งแหละ นอกเหนือจากบางครั้งที่ผมบังคับให้เขาสั่ง เขาก็จะสั่งมาแค่อย่างสองอย่าง และกินหมดตลอด .. สิ่งเหล่านี้เลยทำให้ผมนึกชื่นชมในตัวเขาและครอบครัวเขาอยู่ในใจ

เป็นความน่ารักเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมเพิ่งจะมาสังเกตเห็น และไอ้ความน่ารักเล็กๆ น้อยๆ ที่ว่านี่มันก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน

ผมนั่งมองไนล์กินพลางกินของตัวเองไปด้วย กว่าจะได้เช็คบิลก็บ่ายแก่ ผมเลยชวนไนล์เดินเล่นเรียบหาดตั้งใจรอเวลาให้ตลาดโต้รุ่งเปิดแล้วจะได้เลยไปเลย ถึงยังไม่หิวก็ไปเดินเล่นซื้อของฝากแม่ แพ็ต และป้ามลได้ เพราะผมขี้เกียจขับรถย้อนเข้าที่พักแล้วออกมาอีก

ผมกับไนล์เดินจูงมือกันไปตามชายหาด เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ไนล์เราเรื่องตัวเองให้ผมฟังบ้าง แม้จะไม่ได้ต่างจากที่ผมรู้มาเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ได้จี้ถาม ให้เจ้าตัวเขาเล่าเท่าที่อยากเล่าพอ

“แล้วที่ทำงานพี่ภูตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”

“ก็ลงตัวแล้วล่ะ แต่ต่อจากนี้น่าจะยุ่ง ใกล้ช่วงเปิดโปรเจคแล้ว มันยังมีหลายอย่างไม่ลงตัว ฉันกับไอ้เทมส์เลยต้องลงไปดูมากหน่อย”

ไนล์พยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะยิ้มจนตาหยีให้ผม “งั้นพี่ภูก็ทำงานให้เต็มที่ได้เลยนะครับ ส่วนที่คอนโดไม่ต้องห่วง ไนล์จะดูแลให้อย่างดี”

ผมขำเบาๆ ก่อนจะเกี่ยวเอวของคนตัวเล็กกว่าให้มาเดินชิดตัว “หลังหยุดยาวนี้ฉันอาจจะกลับดึกบ้างบางวัน นายอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม?” ผมถามเพราะนึกห่วงไม่น้อย

“อยู่ได้สิครับ” ไนล์ทำน้ำเสียงจริงจังเพราะอยากให้ผมเชื่อ “ขอแค่ถ้าวันไหนพี่ภูจะกลับดึกก็โทรบอกไนล์บ้าง ไนล์จะได้ไม่เป็นห่วง”

“อืม ได้สิ”

แล้วจากนั้นเราก็เปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่น แต่คุยได้ไม่เท่าไหร่ ไนล์ก็วิ่งเล่นไปทางนั้นทีทางนี้ทีจนผมเหนื่อยจะห้าม เลยปล่อยให้เขาวิ่งไปวิ่งมาอยู่แบบนั้น โดยที่มีผมยืนมองอยู่ห่างๆ และแอบกดชัตเตอร์ถ่ายรูปบ้างในบางครั้ง จนไนล์เหนื่อยก็นั่งจุ้มปุ้กลงบนหาดทรายอย่างอ่อนแรง

“ไง เหนื่อยแล้วสิเรา”

“ครับ เหนื่อยมากแต่ก็สนุกด้วย ไนล์ไม่ได้มาทะเลนานแล้ว ขอบคุณพี่ภูที่พามานะครับ”

“อยากขอบคุณหรอ..?” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะนั่งลงข้างไนล์ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้เจ้าตัวเล็ก และใช้นิ้วชี้ที่ริมฝีปากตัวเอง ให้ไนล์ตกใจตาโตเล่น

“พี่ภู..” ไนล์เรียกผมแก้มแดงก่ำ หันซ้ายหันขวาหาข้ออ้าง แต่ไม่มีใครอยู่แถวนี้สักคน ผมเลยเคาะริมฝีปากตัวเองถี่ๆ เป็นการเร่งเร้า

จนในที่สุดไนล์ก็ยอมยื่นหน้าตัวเองมาจุ๊บริมฝีปากผมเร็วๆ ให้ผมได้อมยิ้ม

จุ๊บ~

และพอผมเงยหน้าไปมองเด็กขี้อาย ไนล์ก็พูดรัวเร็ว ก่อนจะลุกพรวดแล้วเดินจ้ำอ้าวไปตรงที่รถผมจอดอยู่ไกลๆ ทันที

“เริ่มเย็นแล้วนะครับ เราไปตลาดกันเถอะ ไนล์ว่าคงมีร้านเปิดให้เราเดินดูของแล้วล่ะครับ” ผมเดินตามไนล์ไปด้วยรอยยิ้มกว้าง

โถ่.. เจ้าเด็กขี้อายเอ๊ย

.

.

.

เรามาถึงตลาดโต้รุ่งในเวลาต่อมาไม่นาน ร้านรวงตามในตลาดเริ่มเปิดบ้างแล้วอย่างที่ไนล์ว่า มีทั้งของกิน ของฝาก ของที่ระลึก ของแฮนด์เมด แต่ไนล์ก็ยังคงเป็นไนล์ขี้อาย เขาก้มหน้าหลบตาผมทั้งที่แก้มแดงก่ำตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว ผมเลยต้องพยายามหาทางให้เขาผ่อนคลาย ด้วยการชักชวนให้เขาดูของร้านนั้นร้านนี้ จนสุดท้ายไนล์ก็ลืมเรื่องที่ชายทะลไปเอง และทำตัวปกติกับผมได้ในที่สุด

ผมจูงมือพาไนล์แวะร้านนั้นร้านนี้ตลอดทาง พอเขามองของอะไรผมก็พยายามจะซื้อให้แต่ไนล์ปฏิเสธตลอด จนของบางชิ้นที่ผมเห็นว่าเขาอยากได้จริงๆ และไม่แพงมาก ก็เลยต้องบังคับให้เขารับไปเพราะผมจะซื้อให้ เลือกชิ้นที่แพงมากก็ไม่ได้ ไม่งั้นไนล์จะปฏิเสธไม่รับแบบหัวชนฝาทันที

จนเดินได้ระยะหนึ่ง เราสองคนก็ตกลงกันว่าจะซื้อของข้างทางกินเล่นไปเรื่อยๆ คงไม่กินอะไรจริงจัง เพราะยังอิ่มกับมื้อกลางวันอยู่ และผมก็พบว่าไนล์ชอบกินอะไรที่ไม่เป็นมื้อจริงจังมาก เขาสามารถกินของข้างทางได้เรื่อยๆ เหมือนกับจะไม่มีวันอิ่ม นั่นเลยทำให้ผมคอยซื้อนั่นซื้อนี่ให้เขากินตลอด

“ไนล์ รอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำให้” ผมมองเห็นร้านน้ำไม่ไกล คิดว่าถ้าเดินไปคนเดียวน่าจะเร็วกว่า

“พี่ภู เดี๋ยวไนล์ไปให้ดีกว่าครับ” คนตัวเล็กกว่าพยายามแย้ง แต่ผมไม่ยอม

“อย่าดื้อสิ ฉันไปเอง นายรอตรงนี้แหละ เกิดให้นายไปแล้วไปเดินหลง ฉันก็ต้องไปหาอีก” ผมพูดดุหน่อยๆ ไนล์เลยไม่กล้าเถียงต่อ

“ก็ได้ครับ”

พอเจ้าตัวเล็กรับปากผมก็เดินออกไปซื้อน้ำ จนสักพักก็เดินกลับมาตรงจุดที่ไนล์ยืนอยู่ ผมเห็นไนล์หันหลังให้และกำลังพูดคุยกับชาวต่างชาติคนหนึ่งอยู่ ผมเลยพยายามรีบเดินคิดว่าชาวต่างชาติคนนั้นน่าจะกำลังถามทางไนล์แน่ และไนล์คงจะตอบไม่ถูก เลยตั้งใจจะเข้าไปช่วยตอบ แต่พอผมเดินเข้าไปในระยะได้ยินผมก็ต้องอึ้ง เมื่อได้ยินไนล์พูดคุยกับชาวต่างขาติอย่างฉะฉานด้วยภาษาอังกฤษราวกับเป็นเจ้าของภาษาเสียเอง ทั้งสำเนียง ทั้งไวยากรณ์ ทั้งศัพท์ที่ใช้มันเป๊ะและถูกต้องไปหมด

“Excuse me. Is there a convenient store near here?”

“Yes. There's one.”

“How do I get there?”

“At the traffic lights, take the first left and go straight on. It's on the right hand”

“Thank you.”

“You’re welcome.”

และพอชาวต่างชาติเดินไป ไนล์ก็หันกลับมาทางผม โดยที่ผมได้ทันปรับสีหน้าตกใจให้เป็นปกติพอดี

“อ่าว พี่ภูกลับมาแล้วหรอครับ”

“อืม กลับมาแล้ว ว่าแต่เมื่อกี้ฝรั่งเค้ามาคุยด้วยหรอ?” ผมแกล้งถามเพราะอยากรู้ว่าไนล์จะตอบว่าไง ซึ่งไนล์เองก็เสมองทางนั้นทีทางนี้ทีไม่ยอมสบตาผม ให้ผมได้มั่นใจว่าเมื่อกี้ตัวเองได้ยินไม่ผิด

“เขาพูดอะไรก็ไม่รู้ครับ ไนล์ฟังไม่รู้เรื่อง เขาก็เลยเดินหนี สงสัยไปหาถามคนอื่นแทน”

ผมพยักหน้ารับเหมือนไม่คิดอะไร แต่รู้ดีว่ามันมีบางอย่างมากกว่าที่ผมรู้

“เราไปกันต่อเลยไหมครับพี่ภู”

“อื้อ ไปสิ ทางนั้นยังไม่ได้เดินเลย”

ผมทำตัวปกติ ทั้งที่ไม่ปกติ ในใจมันนึกสงสัย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมพิสูจน์และรู้สึกได้ว่า ไนล์เก่งและรู้ภาษาอังกฤษมากกว่าการอ่านออกเขียนได้ เรียกได้ว่าเข้าขั้นเชี่ยวชาญเลยด้วยซ้ำ

แม้มันจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรือเสียหายอะไร แต่มันก็เป็นเหมือนหนามสะกิดใจผมพอสมควร

.

.

.

To Be Continue

---------------------------------------------------

มาแน้ววววว ขอโทษทีค่ะที่มาช้า สองสามวันนี้ยุ่งๆ นิดหน่อย เพราะพ่อเข้าโรงพยาบาล แต่ตอนนี้เคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็อาจจะมาลงนิยายให้ได้ตรงเวลาตามเดิมค้าบบบ

ส่วนใครที่ถามถึงเจ้าตัวน้อย รอกันอีกสักนิดนะคะ มาแน่ๆ จ้า เพราะที่จริงเราเขียนสต็อคทิ้งไว้ กะว่าถ้าเสร็จเร็วอาจจะเอามาลงได้บ่อยกว่านี้ ขอเวลาอีกนิด ตอนนี้เสพอะไรเบาๆ กันไปก่อน แต่การ์ดห้ามตกนะคะ บอกไว้แค่นี้ 555555555

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจ ทุกคลิก ทุกวิว ทุกไลค์ และทุกการโดเนทนะคะ สิ่งเหล่านี้ฮีลเราได้เยอะเลย ยอมรับว่าช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาหนักหนาสำหรับเราอยู่เหมือนกัน แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ยังให้กำลังใจกันอยู่ตรงนี้ ขอบคุณมากๆ นะคะ ^^

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยน้าาา แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ... รักพวกคุณมากๆ <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-21 : Universe 23th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 21-06-2020 21:44:49
พี่ภูรีบจำน้องให้ได้ไวๆนะ

อีก1เดือร้องจะต้องกลับบ้านเเล้วนะ
ตอนหน้าจะเป็นยังไงนะ​
ติดตามจ้าา
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-21 : Universe 23th)
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 21-06-2020 21:45:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-21 : Universe 23th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-06-2020 22:04:17
พี่ภูสงสัยขึ้นทุกวันแล้วว
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-21 : Universe 23th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-06-2020 22:14:51
อีกเดือนคงทันแหล่ะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-21 : Universe 23th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-06-2020 23:11:19
ยังไงสิ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-21 : Universe 23th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 22-06-2020 22:29:50
โห้ยพามาเที่ยวทะเล  :-[ พี่ภูอ่อนโยนขึ้นมากตั้งแต่ทำตามใจตัวเอง เทคแคร์ไม่ห่างเลย เวลาที่ไนล์จะอยู่ด้วยก็น้อยลงทุกทีแล้ว คิดว่าพี่ภูไม่น่าจะจำน้องได้เองนะว่าไนล์คือเด็กคนนั้น คงจะรู้ก็เมื่อเทมมารับน้องกลับบ้านนั่นละ แบบว่ามันคือความทรงจำคนละแบบกับไนล์ ของไนล์คือรักแรกแล้วจำฝังใจตลอดมา แต่ของพี่ภูคือความผูกพันธ์ช่วงเวลาสั้นๆแล้วจากกันจะจำหน้าน้องได้ไง แต่ไม่ว่าจะจำได้หรือไม่ ก็ไม่สำคัญแล้วเพราะตอนนี้สำคัญกว่าว่าพี่ภูรักไนล์คนนี้หรือยัง สนุกจ้า ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนต่อไปเลย  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-21 : Universe 23th)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 23-06-2020 11:15:43
ขัดใจพี่ภู จำน้องไม่ได้ซักทีอ่ะ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-21 : Universe 23th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 26-06-2020 19:38:41
วันนี้จะมาไหมนะ
คิดถึงแล้ววววว
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-27 : Universe 24th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 27-06-2020 20:21:49
Universe 24th : การกลับมา


เป็นการมาเที่ยวทะเลที่ผมมีความสุขมาก ผมกับพี่ภูได้มีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน และแม้ว่าพี่ภูจะไม่พูดออกมาตรงๆ ผมก็รู้ว่าเขามีความสุขไม่ต่างจากผม ตั้งแต่มาถึงที่นี่พี่ภูยิ้มมากขึ้น ถึงจะไม่ได้ยิ้มกว้างทุกครั้ง แต่พี่ภูก็ยิ้มมากกว่าตอนที่ผมเจอพี่ภูหลังจากกลับมาจากอเมริกาแรกๆ

ผมตื่นขึ้นมาได้สักพักแล้ว ตอนแรกตั้งใจว่าจะตื่นขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นแต่ก็ลุกไม่ไหว เพราะ เอ่อ .. คือ นั่นแหละ พี่ภูกวนผมตลอดเกือบทั้งคืน กว่าจะได้นอนก็ล่วงเข้าวันใหม่แล้ว

ผมขยับตัวเล็กน้อย พยายามไม่รบกวนพี่ภูที่กำลังหลับสบาย เขาชอบพาดแขนไว้ที่เอวผม และถ้าเมื่อไหร่ที่ผมพยายามที่จะยกออกเมื่อนั้นพี่ภูจะรู้สึกตัวตื่นทันที เหมือนตั้งเวลาไว้ยังไงก็ไม่รู้

พี่ภูพลิกตัวเบาๆ แต่แขนของพี่ภูยังคงพาดอยู่บนเอวผม รวมทั้งใบหน้าหล่อเหลาที่ตะแคงหันมาทางผมด้วย … นี่เลยเป็นครั้งแรกที่ผมได้มองใบหน้าคนที่ผมรักชัดเจนที่สุดในชีวิต เพราะผมก็ไม่รู้ว่าถ้าไม่แอบมองพี่ภูตอนหลับ ผมจะสามารถแอบมองเขาได้ตอนไหนอีก

เห็นท่าว่าจะไม่มีโอกาสแน่ๆ

ผมยกนิ้วของตัวเองขึ้นมาลากเบาๆ ไปที่คิ้ว ที่หางตาไล่มาที่หัวตา และไล้ลากเลื้อยมาจนถึงปลายจมูกที่โด่งเป็นสัน ก่อนที่จะจบลงบนริมฝีปากหยักลึกที่เคยจูบ และพร่ำคำหวานให้ผมฟัง

คิ้วของเขา ดวงตาของเขา จมูกของเขา และริมฝีปากของเขา มันคือส่วนผสมที่ลงตัวที่สุดบนใบหน้าหล่อเหลานี้ และผมก็ตกหลุมรักทุกอย่างในตัวเขา ตกหลุมรักมานานถึงสิบปีเต็ม

และก่อนที่ผมจะได้ทันลากนิ้วอกข้างซ้ายที่มีก้อนเนื้อเล็กๆ ที่เรียกว่าหัวใจของอีกฝ่ายเต้นอยู่นั้น พี่ภูก็รู้สึกตัวตื่นเสียก่อน พร้อมกับยึดข้อมือผมไว้แน่น ให้ผมสะดุ้งเฮือกเหมือนผู้ร้ายที่กำลังคิดไม่ดีและถูกตำรวจจับได้คาหนังคาเขา

“ทำอะไร หื้ม?” พี่ภูถามเสียงใส ไม่มีงัวเงียเลยสักนิด แสดงให้เห็นว่าเขาตื่นมาสักพักแล้ว

“นะ ..ไนล์เปล่าครับ” ผมอึกอักปฏิเสธ มีพิรุธเต็มขั้น

“ริจะเป็นเด็กเลี้ยงแกะหรอเรา เห็นๆ อยู่ว่านายพยายามลวนลามฉัน”

พี่ภูยิ้ม ก่อนจะพลิกตัวขึ้นคร่อมผม ทั้งที่ร่างกายของเราทั้งคู่เปลือยเปล่า และเมื่อได้สัมผัสกันโดยไม่มีเสื้อผ้ามากั้น ก็ไม่แปลกที่ผมจะรู้สึกถึงการตื่นตัวของอีกฝ่าย ที่กำลังดุนดันอยู่ตรงหน้าท้องของผม

“ก็ได้ครับ ไนล์สารภาพก็ได้ว่าไนล์แอบมองพี่ภูหลับ” ผมพยายามใช้มือเล็กๆ ของตัวเองดันอกพี่ภูให้ขยับออก แต่พี่ภูตัวใหญ่ เลยไม่ขยับเขยื้อนร่างกายเลยสักนิด “ไนล์บอกพี่ภูแล้ว พี่ภูเลิกแกล้งไนล์สักทีสิครับ”

พี่ภูก้มลงมาหอมแก้มแรงๆ ทั้งสองข้าง พลางยิ้มเจ้าเล่ห์และซักไซ้ผมไม่เลิก

“แล้วทำไมต้องแอบมองฉันตอนนอนล่ะ ตอนอื่นๆ มีให้มองเยอะแยะทำไมไม่มอง หื้ม?”

“กะ .. ก็ไนล์กลัวพี่ภูดุ ไนล์ไม่กล้าหรอกครับ” ผมพูดไปหลบตาพี่ภูไป แต่คนที่กำลังคร่อมร่างผมอยู่ก็ไม่ยอมแพ้ เขาเชยคางให้ผมหันกลับมาหา พร้อมกับโน้มตัวลงมาจ้องหน้าใกล้ๆ

“ฉันดุนายขนาดนั้นเลยหรอที่ผ่านมา” ผมมองเข้าไปในดวงตาพี่ภู เห็นว่ามันวูบไหวและสำนึกผิดไม่น้อย และเพียงแค่นั้นก็ทำเอาใจผมอ่อนยวบ

“คือไนล์…”

“ฉันขอโทษนะไนล์ ขอโทษสำหรับเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา”

ผมชะงัก น้ำตาที่ไม่คิดว่าจะไหลในเวลาแบบนี้เอ่อคลอขึ้นมาที่หัวตา ความรู้สึกทุกอย่างตีตื้นอยู่ในอก ผมไม่รู้ว่ามันคือความดีใจหรือความเสียใจ แต่ที่ชัดเจนที่สุดมันเหมือนกับว่าทุกอย่างได้ปลดล็อคแล้วจริงๆ

“พี่ภู…” ผมยกมือขึ้นลูบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ อย่างลืมตัว แต่พี่ภูก็ไม่ถอยหนี ที่เขาทำคือส่งยิ้มอ่อนโยนให้ผมแทน

“เด็กขี้แย” พี่ภูยกมือเกลี่ยน้ำตาให้ผมเบาๆ “ต่อไปนี้นายไม่ต้องแอบมองฉันแล้วนะ นายอยากมองฉันตอนไหนก็ได้ ตามใจนาย ฉันจะไม่ดุนานแล้ว โอเคไหม?”

ผมตาโต ถามทั้งที่น้ำตากลบตาเต็มไปหมด “จริงหรอครับพี่ภู พี่ภูจะไม่ดุไนล์แล้วจริงๆ หรอครับ”

“อื้อ ฉันจะไม่ดุนายแล้ว” พี่ภูก้มลงมาใกล้ผมอีกนิด พูดกระซิบชิดริมฝีปากผมเบาๆ “ขอแค่ให้นาย เป็นเด็กดีของฉันก็พอ”

พี่ภูจูบไล้ลงมาบนริมฝีปากผมเบาๆ .. อ่อนโยนและไม่รุกล้ำ

“ครับ ผมจะเป็นเด็กดีของพี่ภู”

คนที่คร่อมร่างผมยิ้ม ก่อนที่จะก้มลงมาประทับจูบแผ่วเบา และทำให้ผมได้รู้ว่าการออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดอีกต่อไป เมื่อได้ใข้เวลายามเช้ากับพี่ภูบนเตียง

.

.

.

เราสองคนตื่นขึ้นมาช่วงสายของวัน วันนี้ผมกับพี่ภูจะทำซีฟู้ดและบาร์บีคิวปิ้งทานกันตอนเย็น และจากที่ตั้งใจว่าจะไปหาซื้อกุ้งสด ปูสดที่ตลาด ก็ได้คำแนะนำจากคนแถวนั้นว่าตรงหาดเขาตระเกียบ มีท่าเรือที่มักจะขนอาหารทะเลสดๆ มาวางขาย เราสองคนเลยเบนเข็มไปซื้อพวก กุ้ง ปู ปลา จากที่นั่นแทนเพราะอยู่ใกล้กับที่พัก และเอากลับมาแช่น้ำแข็งก่อนที่ผมกับพี่ภูจะออกไปตลาดอีกรอบ เพื่อหาอะไรง่ายๆ ทาน และซื้อของในการทำบาร์บีคิว

เราแวะร้านโจ๊กข้างทางในตลาด และเมื่อเสร็จจากมื้อเช้าแล้ว พี่ภูก็จูงมือผมเข้าตลาดสดเพื่อหาซื้อวัตถุดิบที่จะทำอาหารเย็นนี้ รวมไปถึงของใช้จำเป็นบางอย่าง จากนั้นก็เอาของที่ได้ไปเก็บที่บ้านพัก ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะเป็นคนลงมือทำอาหารทุกอย่างให้พี่ภูทานตอนเย็นด้วยตัวเอง แต่พี่ภูแย้งและบอกว่าตั้งใจจะพาผมมาเที่ยว มาผ่อนคลาย ไม่อยากต้องให้ทำอะไรมาก เขาเลยโทรเรียกคนดูแลบ้านมาจัดการหมักบาร์บีคิว ทำอาหารทะเลไว้ให้ ตั้งใจว่าตอนเย็นเราสองคนแค่มาย่างมาปิ้งทานได้เลย

ผมอิดออดอยู่พักหนึ่ง เพราะอยากทำเอง แต่พอพี่ภูทวงสัญญาที่ขอผมไว้เมื่อคืน ผมก็เลยเงียบกริบ ต้องยอมทำทุกอย่างตามที่พี่ภูขอ


‘ไหนไนล์สัญญาว่าจะเป็นเด็กดีของพี่ไง’


แค่นั้นแหละ แค่ประโยคเดียว แต่เขย่าหัวใจจนผมแทบคลั่ง แถมยังเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่พี่ภูแทนตัวเองว่าพี่

สุดท้ายผมเลยยอมแพ้ และลงเอยด้วยการยอมให้คนดูแลเข้ามาทำอาหารรอ ส่วนผมกับพี่ภูก็พากันไปตระเวนร้านกาแฟใกล้ๆ และไปเที่ยวสถานที่ยอดนิยมของจังหวัดอย่าง ซีนสเปซ เราเดินเล่นกันในนั้นรวมทั้งหาอาหารกลางวันทานกันที่นั่นด้วย

ทั้งผมและพี่ภูผลัดกันถ่ายรูปไปมาตามมุมต่างๆ ผมได้หัวเราะ และยิ้มกว้างมากกับช่วงเวลาเหล่านี้ ช่วงเวลาที่พี่ภูกลับไปใกล้เคียงกับพี่ภูคนที่อยู่ในร้านไอศครีมมากที่สุด

เขายิ้มให้ผมอย่างอบอุ่น เขาจับจูงมือผมอย่างอ่อนโยน เขาเอ่ยถามและคอยดูแลผมอย่างเป็นห่วงเป็นใย เขาทำให้ผมใจเต้นแรงมากที่สุด ตอนโน้มหน้าลงมาจูบเบาๆ ที่กลางศีรษะของผมตอนที่เรากำลังเดินจูงมือซึมซับบรรยากาศดีๆ ยามบ่ายกันอยู่สองคน

“ไว้หลังเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูส ถ้าฉันได้วันหยุดพักสักสองสามวัน เรามาเที่ยวด้วยกันอีกไหม นายชอบที่นี่รึเปล่า?”

“พี่ภู.. พี่ภูชวนไนล์มาเที่ยวอีกหรอครับ” ผมถามตะกุกตะกักอย่างตื่นเต้น ให้พี่ภูต้องหยุดเดิน ก่อนจะจับให้ผมหันไปหา แล้วจ้องตาผมนิ่ง

“เด็กบ๊องเอ๊ย ก็ชวนนายน่ะสิ” เขาหัวเราะและเขกหน้าผากผมเบาๆ แต่พอเห็นผมยู่หน้าเพราะเจ็บนิดหน่อย พี่ภูก็ยกมือขึ้นลูบตรงที่ตัวเองเขก ตามด้วยก้มลงมาประทับจูบแผ่วเบาราวกับจะปลอบประโลม “ไว้มาเที่ยวกันอีก ฉันอยากพานายไปเที่ยวหลายๆ ที่เลยด้วยซ้ำ แต่อาจต้องรอให้เรื่องงานลงตัวมากกว่านี้หน่อย”

ผมตาโต อ้าปากค้าง ใจเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากพี่ภู

“พี่ภู… ไนล์ ไนล์…”

“อ้ำอึ้งเก่งจริง ตกลงว่าจะมาหรือไม่มา หื้ม?” พี่ภูถามผมเสียงเรียบ แต่ฟังดูก็รู้ว่าแกล้งทำ

“มาครับ มา! พี่ภูพาไนล์มาด้วยนะครับ! ไม่สิ.. พี่ภูพาไนล์ไปที่ไหนไนล์จะไปทุกที่เลย”

ผอมตอบรับอีกฝ่ายอย่างดีใจ และเผลอทำตัวอ้อนเพราะติดทำกับพี่เทมส์บ่อยๆ ด้วยการวาดแขนเล็กๆ ของตัวเองโอบเอวพี่ภูแน่น และพอรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรล้ำเส้น เลยตั้งใจจะชักแขนออก แต่พี่ภูกลับรั้งแขนผมไว้และหัวเราะดังลั่นอย่างชอบใจ

“นายนี่มันเด็กน้อยจริงๆ”

พี่ภูก้มลงมาจุ๊บปากผมเบาๆ ให้ผมได้สะดุ้งเล่น ก่อนที่เขาจะแกะแขนผมออก แล้ววาดแขนของตัวเองมาเกี่ยวเอวผมเข้าหาตัวเองแทน แล้วจากนั้นก็พาผมออกเดินเรื่อยเปื่อยต่อ ทั้งที่รอยยิ้มยังประดับอยู่ที่ริมฝีปากหยักลึกไม่เลือนหายไปไหน

ให้ตาย.. ผมอยากหยุดเวลาไว้แค่นี้จริงๆ

.

.

.

หลังจากตระเวนเที่ยวตามที่เที่ยวต่างๆ สลับกับแวะคาเฟ่น่านั่งหลายแห่ง ผมกับพี่ภูก็กลับมาที่ที่พัก ก็ได้เห็นว่าคนดูแลบ้านที่คุณแม่ของพี่ภูจ้างไว้ เตรียมบาร์บีคิว กับอาหารทะเลไว้พร้อมทาน เหลือก็แค่ติดเตาและนำลงไปย่างเท่านั้น

“พี่ภูไปอาบน้ำก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวไนล์ติดเตารอให้” แต่แทนที่พี่ภูจะเดินออกไปตามผมบอก เขากลับดันตัวผมให้ออกเดินแทน

“เรานั่นแหละไป ตัวกระเปี๊ยกแค่นี้ทำซ่า เดี๋ยวฉันจัดการตรงนี้เอง”

“แต่ว่า…” พี่ภูแย้ง ไม่ทันรอให้ผมพูดจบด้วยซ้ำ

“ไม่มีแต่ครับ” ผมหน้าแดง อดยอมรับไม่ได้ว่าผมชอบเวลาที่พี่ภูพูดเพราะมากๆ “ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวฉันติดไฟเสร็จก็จะไปอาบเหมือนกัน”

“แต่วันนี้พี่ภูขับรถพาไนล์เที่ยวทั้งวันแล้วนะครับ แล้วนี่ยังจะมาติดไฟให้อีก” ผมเถียงตาใส ทำท่าจะไม่ยอมจนพี่ภูต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วหาข้อสรุป

“งั้นเอางี้ ตอนนี้ฉันทำหน้าที่ติดไฟ แต่เดี๋ยวพอถึงตอนปิ้งตอนย่าง ฉันจะนั่งเฉยๆ รอกินจากนาย ให้นายทำหน้าที่ปิ้งหน้าที่ย่างแทน .. ดีไหม”

ผมคิดตรึกตรองอยู่แปปหนึง และก็เห็นว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ จึงยอมตกปากรับคำในที่สุด

“ก็ได้ครับ” ผมยิ้มออกมาได้ พร้อมกับยื่นคำขาด “ถ้างั้นพอถึงตอนปิ้งตอนย่างพี่ภูห้ามทำเลยนะครับ ให้ไนล์ทำคนเดียว”

“ครับ ครับ.. ทำคนเดียวเต็มที่เลยครับ” พี่ภูยิ้มขำ ก่อนจะบ่นพึมพำ แต่ผมก็ได้ยินอยู่ดี “มีแต่คนอื่นเขารักสบาย แต่นี่กลับอยากให้ฉันสบายมากกว่าตัวเอง .. เด็กน้อยเอ๊ย”

“ก็พี่ภูเป็นคนสำคัญของไนล์นี่ครับ ไนล์ไม่อยากให้พี่ภูต้องเหนื่อยหรือลำบากอะไร”

พอจบคำที่ผมพูด พี่ภูก็โถมตัวเข้ามากอดผมเต็มรัก ทำเอาผมเซแทบล้ม และพอตั้งตัวได้ จมูกโด่งๆ ของพี่ภูก็กดเข้าที่แก้มผมเต็มแรง

ฟอดดด~

“ใครสอนให้พูดจาน่ารักขนาดนี้ หื้ม?” พี่ภูถามเหมือนไม่อยากได้คำตอบ เขาเอาแต่กดจมูกหอมผมไม่เลิก

“พี่ภู~ ไม่เอา.. อย่าแกล้งไนล์ครับ” ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวโตกว่า ทั้งที่แก้มแดงก่ำ

แม้ปากผมจะขอให้พี่ภูปล่อย ไม่แกล้ง แต่ใจผมกลับรู้สึกดีที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้นานๆ

“ก็อยากน่ารักทำไมล่ะ? เอ.. หรือไม่ต้องกินปิ้งย่างแล้วดี เปลี่ยนไปกินนายแทน” พี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ แถมสายตายังวิบวับ ไม่น่าไว้ใจอีกต่างหาก

“ไม่ต้องเลยครับ .. ทำไมเดี๋ยวนี้แพรวพราวจังนะ” ผมบ่น แต่ริมฝีปากยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ว่าได้ที่ไหน มีเมียเด็กก็ต้องแบบนี้แหละ” ผมหันไปมองอีกฝ่ายตาโต ก็เห็นพี่ภูยักคิ้วหลิ่วตาใส่ ให้ผมต้องรีบดิ้นออกจากอ้อมกอด เพราะเขินจนใจเต้นแรงไปหมด

“พี่ภู~” คนถูกเรียกหัวเราะลั่น ก่อนจะยอมปล่อยผมไปอาบน้ำ เมื่อแกล้งผมจนหนำใจแล้ว

“อะๆ ไม่แกล้งละ ไปอาบน้ำไป ถ้าขืนชักข้าฉันเปลี่ยนใจ กินนายแทนจริงๆ นะ”

ผมไม่รอให้พี่ภูพูดจบประโยคดีด้วยซ้ำก็เผ่นแผล็วเข้าห้องน้ำ ทั้งที่ใจเต้นแรงและยิ้มไม่หุบ

.

.

.

เมื่อคืนหลังจากกินกุ้ง กินปูกันจนอิ่มหนำ เราสองคนก็รีบเข้านอนกันไม่ดึกมาก เพราะผมรบเร้าว่าอยากจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า พี่ภูก็ตามใจ เขายอมนอนกอดเงียบๆ จนหลับ

และนี่คือหนึ่งในความน่ารักของพี่ภูที่ถ้าวันไหนผมปฏิเสธ ไม่อยากมีอะไรกับเขา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร จะเหนื่อย จะเพลีย หรือจะไม่มีอารมณ์ พี่ภูก็ไม่เคยขืนบังคับ หรือเอาแต่ใจกับผม แต่ถ้าวันไหนที่ผมยอม พี่ภูก็กอดผมยันเช้าไม่ยอมปล่อยให้ผมได้พักเลยเหมือนกัน

เช้านี้ผมเลยตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น อากาศริมทะเลยามเช้ามันช่างสดใสมากๆ ผมปลุกพี่ภูก่อนจะเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน เพราะกลัวจะไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น ในขณะพี่ภูยังอิดออด ผมก็เลยไม่ได้รอเขา รีบจ้ำเดินออกไปที่ระเบียงบ้าน และรอให้เจ้าก้อนสีส้มกลมโตโผล่พ้นขอบฟ้าอย่างตั้งใจ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมรู้สึกถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นจากด้านหลัง

ผมอมยิ้มน้อยๆ นึกรู้ว่าใครเป็นคนกอดผมไว้แบบนี้

“ตื่นแล้วหรอครับ ไนล์คิดว่าพี่ภูอยากนอนต่อเสียอีก”

“อื้อ ตื่นแล้ว นายลุกไป ฉันก็นอนต่อไม่หลับหรอก”

พี่ภูพูดเสียงงัวเงียเหมือนยังตื่นไม่เต็มตา เขาวางคางตัวเองไว้บนไหล่ผม พร้อมกับจูบแผ่วๆ ที่ต้นคอผม

“ตื่นแล้วก็มาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันครับ” ผมชี้ชวน “ดูสิครับ มันกำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว”

ผมพูดอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นเจ้าก้อนสีส้มลูกกลมโตกำลังโผล่ขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้า ราวกับกำลังลอยขึ้นมาจากผืนน้ำก็ไม่ปาน เราสองคนเงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไร แต่บรรยากาศกลับไม่อึดอัดสักนิด ตรงกันข้ามมันดีมากจนผมเหมือนล่องลอยอยู่ในความฝันด้วยซ้ำ

ผมยิ้มกว้างตอนที่พระอาทิตย์ลูกโตปรากฎขึ้นเต็มดวงอยู่กลางท้องฟ้า ผมชอบมองเวลาพระอาทิตย์ขึ้นมาก เลยมักจะรบเร้าให้พี่เทมส์พามาเที่ยวทะเลบ่อยๆ เพิ่งจะมีช่วงหลังนี่ล่ะที่พี่เทมส์งานยุ่ง ผมเลยไม่ได้มาเที่ยวทะเลสักระยะแล้ว พอได้มาครั้งนี้ แถมได้มากับพี่ภูอีก ผมเลยมีความสุขเป็นพิเศษ

“ชอบหรอ? หื้ม?” พี่ภูถามก่อนที่จะขยับมายืนข้างผม แล้วดึงผมไปกอดไว้

“ชอบครับ ไนล์ชอบมองตอนพระอาทิตย์ขึ้น มันเหมือนเป็นสัญญาณว่าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว อะไรที่ไม่ดีให้ผ่านไปกับเมื่อวาน” ผมร่ายยาว พร้อมกับเผลออ้อนอีกฝ่ายด้วยการซุกหน้าเข้ากับอกอุ่นๆ ของพี่ภู

“ถูกเลี้ยงมายังไงกัน ทำไมถึงได้มองโลกในแง่ดีขนาดนี้” พี่ภูถามเคล้าเสียงหัวเราะ ก่อนจะจูบหนักๆ ลงมาบนหน้าผากของผม

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย” ผมดันตัวออก ก่อนจะทำใจกล้า เอื้อมมือไปประกบแก้มทั้งสองข้างของพี่ภูไว้ และพอเห็นว่าเขาไม่ได้ผละหนี ผมเลยพูดในสิ่งที่ใจคิด “ไนล์แค่อยากมีความสุข ไนล์เลยพยายามใจดีกับตัวเอง เพราะไนล์เชื่อว่าโลกมันจะดีจะร้ายก็ขึ้นอยู่กับใจเราทั้งนั้น”

“….”

“เพราะฉะนั้น พี่ภูครับ… อย่าใจร้ายกับตัวเองนักเลย ไนล์อยากเห็นพี่ภูมีความสุข” ผมขยับเข้าไปใกล้พี่ภูอีกนิด ทั้งที่ยังจ้องตา “ความสุขของพี่ภูคือความสุขของไนล์นะครับ”

“นายนี่มัน…” ผมทำหน้างงนิดหน่อยตอนที่ได้ยินพี่ภูพึมพำแบบนั้น แต่พอผมกำลังจะเอ่ยถามว่าพี่ภูหมายถึงอะไร ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ผมแอบรักมาทั้งชีวิตก็โน้มเข้ามาใกล้ ก่อนที่ริทฝีปากหยักลึกจะประทับลงมาแผ่วเบาที่ริมฝีปากของผม

จูบที่อ่อนโยนแต่ก็ลึกล้ำ เหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้า

ผมเผยอปากเล็กน้อยให้พี่ภูแทรกลิ้นเข้ามา เขากวาดต้อนเอาความหอมหวานไปเป็นของตัวเองจนหมด ก่อนจะส่งเรียวลิ้นร้อนมาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กๆ ของผม ราวกับจะอยากส่งผ่านความรู้สึก เรายืนจูบกันอยู่แบบนั้น ท่ามกลางเสียงคลื่นที่แผ่วเบาเมื่อเทียบกับเสียงหัวใจที่กระหน่ำรัวเป็นจังหวะเดียวกันของเราสองคน

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-27 : Universe 24th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 27-06-2020 20:25:31
(ต่อจากด้านบน)


“วันนี้เราไปไหว้พระ ไปทำบุญกันดีไหมครับ”

ผมถามหลังจากที่เตรียมอาหารเช้าให้พี่ภูเสร็จ ในขณะที่พี่ภูเองก็เพิ่งจะอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยหลังจากเดินออกมาจากห้องนอน

“อยากไปไหว้พระหรอ? พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว แน่ใจนะว่าไม่อยากไปเที่ยวที่อื่น”

ผมส่ายหน้าพร้อมกับยืนยันความตั้งใจ “ไปไหว้พระกันดีกว่าครับ อยู่กรุงเทพพี่ภูทำงานเยอะ ไม่ค่อยมีเวลาไปทำบุญ ตอนนี้มีโอกาสและเวลาว่างแล้ว ไนล์เลยอยากให้พี่ภูได้เข้าวัด ไหว้พระ ทำบุญบ้าง”

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันค่อยหาเวลาไป นายไปที่ๆ อยากไปเถอะ ฉันอุตส่าห์พามาเที่ยว อย่าเอาแต่นึกถึงฉันฝ่ายเดียวสิ”

ผมยู่หน้า ให้พี่ภูได้หัวเราะชอบใจ ดูเหมือนเขาจะชอบมากเวลาผมทำหน้าดื้อๆ หรืองอนๆ ใส่

“ใครว่าล่ะ ไนล์ไม่ได้นึกถึงพี่ภูฝ่ายเดียวสักหน่อย เราไปเข้าวัดด้วยกัน ทำบุญพร้อมกันก็ได้บุญทั้งคู่ไม่ใช่หรอครับ ไม่ใช่ได้แค่คนใดคนนึงสักหน่อย”

พอจบคำผมพูด พี่ภูก็ลุกขึ้นชะโงกหน้ามาจูบที่ริมฝีปากผมแรงๆ เหมือนหมั่นเขี้ยว

“ช่างพูดจริงๆ นะเดี๋ยวนี้ เอ้าๆ อยากไปไหนก็ไป ว่าแต่อยากไปแค่วัดแน่นะ”

ผมนึกนิดหน่อยตอนพี่ภูถาม ก่อนตอบ “ที่จริงก็มีอีกที่ครับที่อยากไป .. ตลาดที่ใกล้ๆ กับที่พักเรา เมื่อวานนี้ตอนพี่ภูขับรถผ่าน ไนล์เห็นของน่าซื้อทั้งนั้นเลย”

“ตลาดซิเคด้าน่ะหรอ?” พี่ภูนึกนิดหน่อยก่อนถามผมกลับ

“ใช่ๆ ครับ ตลาดนั้นแหละ.. น่าจะมีของที่คุณแพ็ตชอบเยอะแน่ๆ” ผมพึมพำกับตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่รอดหูพี่ภูอย่างที่ผมคิด

“อะไรนะ นี่ยังติดต่อกับแพ็ตอยู่อีกหรอ?” พี่ภูถามตาขวาง ให้ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ ตอบ

“ก็คุณแพ็ตคุยสนุก เธอชอบเล่านั่นเล่านี่ให้ไนล์ฟัง ไนล์ไม่ค่อยมีเพื่อน พอมีคุณแพ็ตเป็นเพื่อนแล้วไนล์ก็ไม่ค่อยเหงา”

ผมอ้อมแอ้มอธิบาย กลัวพี่ภูจะโกรธก็กลัว เพราะพี่ภูเคยห้ามไม่ให้ติดต่อคุณแพ็ต แต่อีกใจผมก็ไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ แบบคุณแพ็ตไป แล้วก็ไม่อยากโกหกพี่ภูแล้วด้วย เลยตัดสินใจสารภาพความจริง

“เป็นแค่เพื่อนกันแน่นะ ห้ามโกหกฉันนะไนล์” พี่ภูถามเสียงเรียบ

“แน่สิครับ” ผมยิ้ม พลางตอบหนักแน่นตอนมองสบไปที่ดวงตาเรียวรีของพี่ภู “คุณแพ็ตเป็นเพื่อนที่ดีของไนล์ เธอน่ารักแล้วก็ใจดีกับไนล์มากๆ เลยครับ”

“รู้แล้วว่าแพ็ตแสนดี นายไม่ต้องชมบ่อยๆ ก็ได้” พี่ภูบ่นอุบ แถมยังทำหน้าเหมือนงอนผมอีกต่างหาก

เขาดูน่ารักมากๆ ในสายตาผม เหมือนหมีตัวใหญ่ๆ ที่กำลังหิวน้ำผึ้งยังไงยังงั้น

“แต่ถึงคุณแพ็ตจะดีกับไนล์แคีไหน ก็ไม่เท่าที่พี่ภูดีกับไนล์หรอกครับ สำหรับไนล์แล้วพี่ภูสำคัญที่สุดเสมอ สำคัญกว่าใครทุกคนเลย”

ผมเหลือบมองพี่ภูนิดหน่อย แม้ตัวเองจะอายมากตอนที่พูดแบบนี้ออกไป แต่ถึงอย่างนั้นมันก็อดใจเต้นแรงด้วยความยินดีไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเจ้าหมีอารมณ์ร้ายของผมกำลังแอบยิ้มกับประโยคที่ผมเพิ่งพูดจบไป

.

.

.

เราสองคนไปตระเวนไหว้พระและทำบุญให้กับมูลนิธิต่างๆ ในจังหวัดหัวหินเท่าที่เวลาและสถานที่จะอำนวย มีแวะทานข้าว เข้าคาเฟ่น่ารักๆ ระหว่างทางบ้าง แม้อากาศจะร้อนไปหน่อยแต่ผมก็รู้สึกสนุกไปอีกแบบ

เราเที่ยวกันจนเย็นย่ำ เลยตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นตลาดซิเคด้า และหาอะไรทานเลยก่อนกลับเข้าที่พัก เพราะพรุ่งนี้สายๆ เราก็จะกลับกรุงเทพแล้ว และผมก็อยากให้พี่ภูได้พักผ่อนเต็มที่ เพราะพรุ่งนี้เขาต้องขับรถอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงกรุงเทพ เลยไม่อยากให้ล้ามากเกินไป เพราะวันถัดไปพี่ภูมีประชุมกับพี่เทมส์แต่เช้า

ตอนนี้เราทั้งสองเลยมาเดินจูงมือชี้ชวนกันดูของอยู่ตลาดซิเคด้า สินค้าส่วนใหญ่ก็เป็นของแฮนด์เมด กระจุ๋งกระจิ๋งน่ารัก ผมเดินเลือกดูของอย่างเพลิดเพลิน แถมยังลายตาไปหมด ก่อนที่จะหยุดที่ร้านรับถ่ายรูปที่ทำใส่กรอบอาร์ตๆ มองแล้วน่ารักไม่น้อย

ผมหยุดยืนมองอย่างสนใจ จนพี่ภูเอ่ยถาม

“เอาไหม อยากได้รึป่าว?” และคนขายก็คงได้ยินที่พี่ภูเอ่ยถาม เลยรีบเสนอขาย

“ตอนนี้ถ้าเป็นภาพคู่ผมลดราคานะครับ จะถ่ายรูปให้สองรูป โดยคิดราคากรอบต่อไปแค่ครึ่งราคา”

ผมหัวเราะแหะ กำลังจะอ้าปากปฏิเสธ เพราะนึกรู้ว่าพี่ภูคงไม่อยากถ่ายรูปกับผมแน่ แต่เสียงตอบรับจากคนข้างตัวทำให้ผมประหลาดใจ

“เอาสิครับ ผมเอาสองกรอบ รบกวนถ่ายรูปคู่ให้เราสองคนด้วยนะครับ”

“ได้ครับ”

เจ้าของร้านยิ้มแป้นพร้อมกับหยิบกล้องโพราลอยด์มาถือ ผมที่กำลังอึ้งๆ ก็ถูกพี่ภูรวบเอวแล้วดึงเข้าหาตัว ก่อนที่เขาจะกระซิบข้างหูผมขำๆ

“มองกล้องแล้วก็ยิ้มเร็ว”

ผมระงับอาการตื่นเต้นพร้อมกับยิ้มกว้างให้เจ้าของร้านจัดการถ่ายรูป และดึงรูปออกมาจากกล้อง พร้อมกับเอาไปใส่กรอบที่ผมเลือกไว้ก่อนหน้าตามที่พี่ภูบอก

“เรียบร้อยแล้วครับ” พี่ภูจ่ายเงินพร้อมกับรับของมา จากนั้นเขาก็เปรยๆ ทั้งที่ริมฝีปากยังยิ้ม ตายังเป็นประกายให้ผมได้ยิน ก่อนที่เราจะเดินออกจากร้าน

“เอาไว้ที่คอนโดอันนึง ไว้ที่ออฟฟิศฉันอันนึง .. เห็นหน้านายแล้วฉันอารมณ์ดี”

ผมซ่อนยิ้ม แก้มแดงก่ำ พร้อมกับหัวใจที่กระหน่ำรัว … ผมไม่ชินกับพี่ภูเวอร์ชั่นนี้จริงๆ ให้ตาย!

.

.

.

เรากลับมาถึงที่พักพร้อมของฝากคุณแม่กับคุณแพ็ตอย่างละชิ้น โดยที่ผมเป็นคนเลือกเองทั้งหมด หนำซ้ำตอนที่พี่ภูเผลอผมก็แอบซื้อพวงกุญแจทำมือไปฝากพี่เทมส์ด้วยหนึ่งอัน ซึ่งก็คงต้องซ่อนให้ดีเพราะถ้าขืนให้พี่ภูเห็นมีหวังบ้านแตกแน่ๆ

ตอนนี้เราสองคนอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว และกำลังนอนกอดกันอยู่ตรงโซฟาริมระเบียง มองดูดาวที่เกลื่อนอยู่เต็มท้องฟ้าอย่างมีความสุข แค่คิดว่าพรุ่งนี้จะต้องกลับกรุงเทพแล้ว ผมก็เผลอถอนหายใจออกมาอย่างลืมตัว

“เป็นอะไร หนาวหรอ?” ผมนอนหนุนอกพี่ภู โดยมีวงแขนแข็งแรงของเขาโอบกอดผมไว้อีกที

“เปล่าครับ เพียงแต่รู้สึกว่า ไนล์ยังไม่อยากกลับเลย อยู่ที่นี่ไนล์มีความสุขมาก” ผมสารภาพกับพี่ภูตามตรง พร้อมกับขยับหน้าซุกอกอุ่นๆ ของพี่ภูมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“ทำไมล่ะ ถึงจะกลับไป เราก็ยังอยู่ด้วยกันนี่” พี่ภูจูบเบาๆ ลงบนหน้าผากผม พร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

“ไนล์.. ไม่รู้สิครับ ไนล์แค่กลัว กลัวว่าวันนึงอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก.. ถ้าเป็นไปได้ไนล์อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้นานๆ เลย”

ในใจผมวูบโหวง รู้ดีว่าความสุขแบบนี้จะอยู่กับผมไม่ยืนยาว ผมมีเวลาอยู่กับพี่ภูแค่สามเดือน และตอนนี้เวลาที่ว่านั้นก็เหลือไม่ถึงเดือนแล้วด้วยซ้ำ

“เด็กบ๊อง ถ้าไม่อยู่ด้วยกันแบบนี้แล้วนายจะไปไหนล่ะ ขืนฉันทิ้งนาย แม่ฉันได้ฉีกอกแล้วจับฉันโยนให้อีกากินแน่ๆ” พี่ภูพูดเสียงกลั้วหัวเราะ แต่พอเขาเห็นผมไม่หัวเราะด้วย พี่ภูก็เลยลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับช้อนตัวผมให้นั่งลงบนตักของตัวเองอีกที

“พี่ภู..” ผมเรียกคนที่ยังกอดผมเอาไว้ เขาก้มลงมาจูบแก้มผมเบาๆ ราวกับอยากปลอบประโลม เพราะคงเดาจากน้ำเสียงเศร้าๆ ของผมได้ว่ากำลังคิดมาก

“ฟังฉันนะไนล์ ฉันจะไม่ทิ้งนาย ตราบเท่าที่นายอยู่เคียงข้างฉัน” พี่ภูเชยคางผมขึ้นให้สบกับดวงตาที่แน่วแน่ของเขา “ฉันขอนายแค่อย่างเดียวให้นายซื่อสัตย์กับฉัน และรักฉันคนเดียว นายทำได้ไหม”

“พะ.. พี่ภู” ผมอึกอัก และตาโตด้วยความตกใจ ผมรู้ว่าพี่ภูรู้ว่าผมแอบรักเขาอยู่ แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาตรงๆ แบบนี้

พี่ภูขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เมื่อเห็นผมเอาแต่ตกใจและไม่ตอบอะไร เข้าจูบผมเบาๆ ที่ริมฝีปากก่อนจะผละออก แต่ก็ยังคลอเคลียริมฝีปากตัวเองกับริมฝีปากผมอยู่แบบนั้น พลางกระซิบถามผมแผ่วเบา

“ได้ไหมไนล์ นายรักฉันเดียวได้ไหม? สัญญาได้รึป่าวว่านายจะไม่หักหลังฉันเหมือนที่คนอื่นทำ”

ผมตอบกลับเบาๆ พร้อมๆ กับน้ำตาที่ไหลริน … ผมสัมผัสได้ถึงความคาดหวังในน้ำเสียงของพี่ภู ความคาดหวังที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเคยแตกสลายมาแล้วเพราะเรื่องนี้

“ไนล์จะไม่หักหลังพี่ภู ไนล์จะไม่ทำให้พี่ภูเสียใจ”

พี่ภูยิ้ม แม้จะเป็นยิ้มที่ดูเจ็บปวดแต่เขาก็พยายามจะยิ้มให้ผม จนผมนึกสงสารเขาเหลือเกิน ผมไม่เคยรู้ ไม่เคยมีใครรู้ว่าพี่ภูเจ็บปวดแค่ไหนกับเรื่องคนรักเก่า เราเห็นแต่ด้านก้าวร้าวที่เขาพยายามแสดงออก เพื่ออุดรอยรั่วที่ฟกช้ำในใจที่ไม่อยากให้ใครได้เห็น .. และวันนี้เขากำลังเปิดเปลือยรอยแผลที่ว่านั่นให้ผมได้รับรู้

ใจผมเต้นแรง เมื่อรู้สึกได้ว่าพี่ภูกำลังวางความหวังไว้ในมือผม … ความหวังที่เขาจะได้เป็นคนเดิมกลับมา

“ขอบคุณนะ ขอบคุณไนล์มากๆ ครับ” เขาพูดพร้อมกับกอดผมไว้แน่น และเสียงหัวใจที่เต้นรัวของเขาก็ทำให้ผมตัดสินใจสารภาพ ในสิ่งที่เก็บงำไว้นานถึงสิบปี

แม้พี่ภูจะรู้อยู่แล้ว แต่ผมก็ยังอยากให้เขาได้ยินและมั่นใจจากปากของผมเอง


“ไนล์รักพี่ภูครับ รักพี่ภูคนเดียว” .. ใช่ รักมาตลอด รักไม่เคยเปลี่ยนแปลง


และถึงแม้วันนี้พี่ภูจะยังไม่บอกรัก หรือรักผมตอบผมก็เข้าใจ ผมรู้ว่าแผลของเขาทำให้เขายังกลัว ซึ่งผมจะรักษาแผลนั้นด้วยความรักของผม และพอจนถึงวันที่พี่ภูมั่นใจในความรักของผมมากพอ วันนั้นผมมั่นใจว่าพี่ภูจะบอกมันให้ผมรับรู้เอง

พี่ภูดันตัวผมออก เขาสบตาผมนิ่ง แววนัยน์ตาเต็มไปด้วยความสุข ในขณะที่ผมยังคงไม่หยุดร้องไห้ พี่ภูก็โน้มหน้าลงมาจูบซับน้ำตา ก่อนจะลากริมฝีปากมาประกบจูบผม อ่อนโยน อบอุ่น แต่ก็รุนแรงรุกเร้าอยู่ในที

มือใหญ่ลากเลื้อยไปทั่วร่างกายของผม จนความอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นแรงอารมณ์ พี่ภูแทบไม่ยอมละริมฝีปากออกจากปากผมเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขาลุกขึ้นยืนทั้งที่จับผมอุ้มให้ขาของผมเกาะอยู่เอวสอบของเขา

พี่ภูเดินกระเตงพาผมเข้าห้องนอน เขาจับผมนอนลงบนเตียงก่อนจะกระชากเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ออก แล้วก็ขว้างทิ้งอย่างไม่ดี จากนั้นก็ตามมาคร่อมทับร่างของผมไว้ ในขณะที่ผมได้แต่นอนมองเขาตาปรือปรอย พี่ภูก็ก้มลงมาจูบและซุกไซ้ผมอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง

ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเสียงร้องไห้และคราบน้ำตาของผมให้เป็นเสียงครางหวานที่เต็มไปด้วยความสุขแทน

.

.

.

เราสองคนออกจากหัวหินในตอนสายของวัน จากเหตุการณ์เมื่อคืนที่เราเปิดใจให้กัน ทำให้วันนี้เราสองคนเข้าใจกันมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น ความกลัวในใจมลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง และเพราะการที่เราคุยกันเมื่อคืน ทำให้ผใตัดสินใจได้ว่าผมจะบอกทุกอย่างกับพี่ภู หลังงานเปิดตัวโปรเจคมิกซ์ยูสที่จะเกิดขึ้นในสองอาทิตย์ข้างหน้า ซึ่งถือว่าอยู่ในกำหนดสามเดือนของผมอยู่ ผมก็ได้แต่หวังว่าพี่ภูจะเข้าใจ และไม่โกรธผมมากจนเกินไปที่ผมปิดบังเรื่องสำคัญกับเขาขนาดนี้

“คิดอะไรอยู่” พี่ภูขับรถมาได้ระยะหนึ่งก็เอ่ยถาม คงเพราะเห็นผมเงียบไป ผมเลยยิ้ม และบอกปัดให้เจาสบายใจแทน

ผมไม่อยากให้เขามาเครียดกับเรื่องของผมตอนนี้ ให้ผ่านพ้นช่วงเปิดตัวโครงการฯ ไปก่อนนั่นแหละ ถึงจะเหมาะสม

“ไม่มีอะไรครับ ไนล์แค่กลัวพี่ภูจะหิว” พี่ภูยิ้มก่อนจะละมือออกจากพวงมาลัยแล้วยื่นมาลูบศีรษะผมเบาๆ

“ฉันยังไม่หิวเท่าไหร่ แต่ถ้านายหิวก็บอกจะได้แวะหาอะไรกิน”

ผมยิ้มนึกดีใจที่พี่ภูเอาใจใส่ผมมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน .. มากขึ้นจนผมรู้สึกได้ว่าพี่ภูคนเดิมของผมกำลังจะกลับมา

“ครับ ตอนนี้ไนล์ยังไม่หิว เดี๋ยวไนล์นั่งคุยเป็นเพื่อนพี่ภูนะครับ”

“อื้ม เอาสิ”

แล้วจากนั้นเราสองคนก็คุยกันเรื่อยเปื่อยไปตลอดทาง และเพราะว่าไม่มีใครหิว พี่ภูเลยขับรถยิงยาวเข้ากรุงเทพ และให้ผมโทรบอกป้ามลให้เข้ามาทำกับข้าวทิ้งไว้ให้ เพราะคิดกันว่ากลับไปทานข้าวที่คอนโดน่าจะสะดวกที่สุด

และพอไม่แวะที่ไหน ก็ใช้เวลาไม่ถึงสามชั่วโมงดี พี่ภูก็ขับรถเข้ามาจอดที่คอนโดตอนเวลาเกือบจะบ่าย

เราสองคนช่วยกันยกกระเป๋าและถือถุงของฝากทั้งขนม ทั้งของที่ระลึกออกจากที่จอดรถช่องประจำ แล้วพากันเดินเข้าล็อบบี้ โดยที่ผมให้พี่ภูเดินนำเพราะตัวเองก้าวได้ช้ากว่าพี่ภูเกือบก้าว

และในขณะพี่ภูกำลังเดินตัดผ่านล็อบบี้เพื่อตรงไปที่ลิฟต์นั้น จู่ๆ พี่ภูก็หยุดเดิน ให้ผมต้องชะงักเท้าตามไปด้วย ผมที่อยู่หลังพี่ภูเลยต้องชะโงกหน้าไปถามด้วยความสงสัย

“พี่ภู หยุดเดินทำไมครับ มีอะไรรึป่าว”

แล้วผมก็ต้องแปลกใจเมื่อพี่ภูไม่ยอมตอบคำถามผม แถมยังมองตรงไปยังโซฟารับแขกกลางล็อบบี้ด้สยสายตาตกใจปนตื่นตะลึง ให้ผมต้องมองตามไป

และผมก็ได้เห็น ผู้หญิงหน้าคม ตาโต ผมยาวตรงสีดำสนิท ผิวขาว รูปร่างบอบบาง แถมยังมีรอยยิ้มที่น่ามองที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

ผมมองพี่ภูสลับกับมองผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่เข้าใจอยู่ช่วงหนึ่ง และในขณะกำลังจะเอ่ยปากถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เป็นคนรู้จักของพี่ภูรึป่าว เพราะเธอยังคงมองตรงมาที่พี่ภูและส่งยิ้มมาให้ แม้พี่ภูจะไม่ได้เอ่ยทักอะไรก็ตาม

และยังไม่ทันที่ผมจะได้ถาม จู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เอ่ยเรียกพี่ภูขึ้นมาก่อน และประโยคถัดมาของเธอก็ทำให้ผมชาวาบไปทั้งร่าง ความสุขที่เพิ่งจะได้รับมาสี่วันเหมือนปลิดปลิวรอยหายไปกับสายลม


“ภูคะ.. จีนเองค่ะ จีนกลับมาหาภูแล้วนะ”


ดูเหมือนความรักของผมจะไม่ได้เฉียดใกล้กับคำว่าสมหวังเลยสักนิด

.

.

.

To Be Continue

----------------------------------------------

กราบขออภัยที่มาช้าา มาพร้อมกับรักครั้งเก่าของพี่ภู ที่ไม่รู้เหมือนกันว่านางจะกลับมาทำไม เอ้ววว ได้เวลาลับมีดแร้วนะคะทุกคนน แฮร่!

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ คือแบบถ้ามันไม่สนุก หรือมันดูน่าติดตามน้อยลงบอกเราได้นะคะ เรายินดีเอาไปปรับปรุง แอบรู้สึกว่านักอ่านหายไปเยอะเลย ใจมันก็จึงหวิวๆ นิดหน่อย แหะๆ

แต่สำหรับทุกคนที่ยังอยู่ก็ขอบคุณมากๆ นะคะ ขอบคุณที่คอมเม้นท์ให้ ขอบคุณที่ติดตามให้กำลังใจ รวมถึงขอบคุณที่โดเนทให้ด้วย เราขอบคุณมากๆ เลยยย

แล้วยังไงจะรีบพยายามมาลงตอนหน้าให้ คุณจีนจะมาไม้ไหน ต้องติดตามมม .. รักทุกคนนะคะ <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-27 : Universe 24th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 27-06-2020 21:45:11
มาแล้ววววววววว
อดีตของอิตาพี่ภูมันมาแล้ววววว

โอ้ยยยพี่ภูจะเอายังไงเนี่ย
สงสารไนล์จับใจเลย
ติดตามต่อน้าาายังไงก็รีบมากต่อตอนต่อไปนะค้าาา
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-27 : Universe 24th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-06-2020 23:21:41
อ้าวว อีจีน มาอีกละครั้งที่แล้วก็ทำให้พี่ภูลืมน้อง มาครั้งนี้ก็คงเข้าอีรอบเดิมอีก เฮ้ออออ น้องไนล์กลับบ้านเถอะลูก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-27 : Universe 24th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-06-2020 00:53:27
กลับมาเพื่อ? ไปตุยบ่
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-27 : Universe 24th)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 28-06-2020 06:54:57
แนะนำน้องไนล์ให้ถือมีดรอไว้ :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-27 : Universe 24th)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 28-06-2020 08:11:37
จะดราม่าไหมเนี่ย!?? :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-27 : Universe 24th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-06-2020 09:29:24
โว๊ะ เราไม่อยากว่านะ แต่ยัยจีนเนี่ยหน้าด้านจริง ๆ คงรู้แล้วซินะว่าพี่ภูรวยไม่ได้จนแบบที่ตัวเองคิดและขอเลิกไป
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-27 : Universe 24th)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 28-06-2020 12:53:07
กลับมาทำไมชั้นลืมเธอไปหมดแล้วว
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-06-27 : Universe 24th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-06-2020 10:20:07
โอ๊ยยเธอกลับมา ก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้วละนาทีนี้ การกระทำคำพูดคำจาของพี่ภูกับไนล์ ไปเกินกว่าคู่รักอีก ถ้ายังไม่รู้ใจตัวเองอีกนี่ คือไปพักนะพี่ภู มาก็ดีจะได้วัดความโง่ของพี่ภูหน่อยมันจะมีไหม 5555 และเธอจะได้รู้สักทีว่าตัวเองก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น เวลามองก็เหมือนมองคนทั่วไปคือไม่มีความรู้สึกอะไรให้แล้ว ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่เราคิด พี่ภูยังอึกๆอักๆไม่แคร์ไนล์ นี้บอกเลย พอกันที!!! 5555 แฟนเก่ามา เวลา(ว่าที่แฟนใหม่)ก็จะหมดแล้ว เอาไงดี 55 ถ้าอ้ำๆอึ้งๆไม่ชัดเจนรอบนี้ พอแล้วไนล์ พอเถอะ ถึงเวลาจะได้พูดคำนี้แล้ว 555 และถ้าไนล์ไม่ใจแข็งสั่งสอนบ้างหนิ เราจะนั่งสั่งสอน(ด่า)ไนล์เอง  555555 สรุปแล้วพี่ภูจะยังไงยังไม่รู้เลย
นี่นั่งเดาไปแล้ว 5555 ขอบคุณนะคะที่มาต่อ สนุกก รอตอนหน้าเลยค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-01 : Universe 25th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 01-07-2020 21:14:56
Universe 25th : ตัดสินใจ


“ภูคะ.. จีนเองค่ะ จีนกลับมาหาภูแล้วนะ”

ผมมองพี่ภูที่ตะลึงงัน ในขณะที่ตัวผมเองก็ตกใจไม่ต่างจากพี่ภู เพราะถ้าผู้หญิงคนนี้คือคุณจีน


ก็คงจะเป็น คุณจีน จีรณา คนเดียวกับแฟนเก่าพี่ภู คนที่เปลี่ยนพี่ภูจนแทบจะเป็นคนละคน


และในขณะที่ผมกับพี่ภูกำลังตกใจและคาดไม่ถึงกับการปรากฏตัวของเธออยู่นั้น คุณจีนก็เดินยิ้มหวานตรงเข้ามาเกาะแขนพี่ภู ให้ผมต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก


... ราวกับว่าที่ตรงนี้ ตรงข้างพี่ภู ไม่ใช่ของผมอีกต่อไป ...


“ภูคะ จีนกลับมาแล้วนะคะ จีนขอโทษนะที่ปล่อยให้ภูรอตั้งนาน” ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน คุณจีนที่พูดจาอ่อนหวาน คุณจีนที่ยิ้มแย้มเกาะแขนพี่ภูแล้วซบใบหน้าลงที่ไหล่ของพี่ภูอย่างออดอ้อน คุณจีนที่ทิ้งพี่ภูไปมีคนอื่น แต่กลับกลับมาหาพี่ภูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้งั้นหรอ?

นี่มันเหตุการณ์ประเภทไหนกัน?

“ปล่อย แล้วก็ช่วยออกไปจากที่นี่ด้วย ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ”

แต่ในขณะที่ผมกำลังสับสนวุ่นวายใจ จู่ๆ พี่ภูก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทำเอาผมอดสะดุ้งไม่ได้

“ภูคะ จีนขอร้อง ฟังจีนอธิบายก่อน เราคุยกันก่อนได้ไหมคะภู” จากที่ยิ้มแย้มเมื่อกี้ คุณจีนกลับหน้าเสียเมื่อเจอพี่ภูเย็นชาใส่ แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ พยายามจับมือพี่ภูไว้ด้วยมือเล็กๆ ของเธอเอง และกำลังอ้อนวอนขอให้พี่ภูเห็นใจ

“แต่ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ เรื่องของเรามันจบไปแล้ว อย่าพยายามอีกเลยจีน เพราะมันไม่มีประโยชน์” พี่ภูพูดเสียงเรียบ เขาไม่มองคุณจีนเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่เธอมายืนข้างๆ แล้วผมก็ต้องสะดุ้งอีกรอบ เมื่อจู่ๆ พี่ภูก็เรียกชื่อผมดังลั่น “ไนล์!”

“ครับ” ผมขานรับ แล้วเดินขึ้นไปหาพี่ภู ก่อนจะถูกมือใหญ่ของพี่ภูคว้าเอาข้อมือของผมไว้แล้วดึงเข้าหาตัว

“ไป ขึ้นห้องได้แล้ว ไม่หนักหรือไง ถือของเยอะแยะน่ะ” ผมพยักหน้ารับงงๆ ก่อนจะออกเดินตามแรงจูงของพี่ภู แต่ดูเหมือนเราสองคนจะขยับไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงของคุณจีนก็รั้งเท้าพี่ภูให้หยุดได้อีกครั้ง

“แต่จีนยังรักภูนะคะ ยังรักภูเหมือนเดิม จีนแค่ตัดสินใจพลาดไป ภูให้โอกาสจีนอีกครั้งไม่ได้หรอคะ” เธออ้อนวอนเสียงเศร้า ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ใจผมกระตุกไม่น้อย “แล้วจีนก็รู้ด้วยว่าภูเองก็ยังรักจีนอยู่เหมือนกัน การที่ภูควงเด็กที่ไหนไม่รู้มาเย้ยจีน ไม่ได้ทำให้จีนคิดจะยอมแพ้ง่ายๆ หรอกนะคะ”

ผมเม้มปากแน่น เมื่อคนที่เธอกำลังดูถูกและพาดพิงคือผม

“หยุดเดี๋ยวนี้นะจีน เลิกพูดอะไรเหลวไหลได้แล้ว ผมกับคุณจบกันไปตั้งแต่ตอนที่เราอยู่อเมริกา และก็เป็นคุณเองที่ที่นอกใจผมไปมีคนอื่น แล้วนี่อะไร? คุณจะมาพูดเรื่องรักกับผมงั้นหรอ คุณเอาอะไรมามั่นใจกันว่าผมยังรักคุณอยู่ทั้งที่คุณทำร้ายผมขนาดนั้น และถ้าคุณอยากได้ยินชัดๆ ผมบอกให้คุณรู้ตอนนี้เลยก็ได้ว่าผมน่ะ... ไม่ได้รักคุณแล้ว!”

พี่ภูร่ายยาวจนแทบจะไม่หายใจ หน้าเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ ผมเห็นเขาพยายามอดกลั้นไม่แสดงท่าทีแย่ๆ ออกมาจนตัวสั่นไปหมด ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยตัดสินใจยกมือของตัวเอง ลูบต้นแขนพี่ภูเบาๆ ราวกับต้องการจะปลอบประโลม

“พี่ภูครับ… ใจเย็นๆ นะครับ” ผมกระซิบแผ่วเบา แต่มั่นใจว่าเขาน่าจะได้ยิน

“อ้อ! แล้วก็กรุณาอย่าพูดถึงคนของผมแบบนี้อีก” พี่ภูพูดเสียงจริงจัง พร้อมกับจ้องหน้าคุณจีนนิ่ง “ไนล์ไม่ใช่เด็กที่ไหนไม่รู้ และไนล์ก็ไม่ใช่คนที่คุณจะมาดูถูกได้ง่ายๆ ... ผมไม่ชอบ!”

“พี่ภู…” ผมอึ้งไปทั้งที่ใจเต้นรัว ไม่ได้คาดคิดว่าพี่ภูจะออกตัวปกป้องขนาดนี้ ผมยอมรับนะว่าการรู้สึกแบบนี้มันดูนิสัยไม่ดี แต่ผมมีความสุขเหลือเกินที่ตอนนี้พี่ภูยอมยืนเคียงข้างผม

“ไปจากที่นี่ซะจีน อย่าให้ผมต้องใจร้ายด้วยการเรียก รปภ. มาพาตัวคุณออกไปเลย ระหว่างเรามันจบลงแล้ว และถ้าเป็นไปได้ ช่วยอย่ามาเจอผมอีก” พี่ภูพูดชัดเจน ก่อนจะหันมากระตุกมือผม “ไปไนล์ ขึ้นห้องกัน”

“ครับพี่ภู” ผมเดินตามพี่ภูออกมา แต่ดูเหมือนว่าคุณจีนจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เธอยังคงตะโกนลั่น จนคนที่ผ่านไปผ่านมาในล็อบบี้เริ่มหันมามอง ...

“คุณจะทำแบบนี้กับจีนไม่ได้นะภู! คอยดูนะ จีนไม่ยอมแพ้หรอก จีนจะทำให้คุณรู้ใจตัวเองให้ได้ ว่าคุณยังรักจีนอยู่!”

... แต่ไม่ใช่กับพี่ภู เพราะเขาไม่แม้แต่จะปรายตาหันกลับไปมองเลยสักนิด

เราสองคนเดินเข้ามาในลิฟต์โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำ ใบหน้าหล่อเหลาของพี่ภูตึงเครียด ในขณะที่ผมเองก็ได้แต่เม้มปากแน่น นึกอยากจะเอ่ยปลอบพี่ภูสักประโยค แต่ผมก็คิดไม่ออกว่าผมควรจะพูดอะไรดีในสถานการณ์แบบนี้

เพราะผมเองก็ยอมรับว่าตกใจไม่น้อย ไม่ได้คาดคิดว่าจู่ๆ จะมาเจอคนรักเก่าของพี่ภูปรากฎตัวกะทันหันแบบนี้ ทั้งที่เมื่อคืนเราเพิ่งจะเปิดใจให้กันแท้ๆ

โชคยังดีที่อย่างน้อยที่ตอนนี้ผมกับพี่ภูยังคงจับมือกันอยู่ พี่ภูไม่ได้ปล่อยมือผมออก แม้อีกไม่กี่ก้าวเราจะเดินถึงห้องแล้วก็ตาม

พี่ภูกดปลดล็อครหัสหน้าห้อง ก่อนที่จะเดินเข้าห้อง โดยดึงให้ผมเดินตามเข้ามาติดๆ และทันทีที่ประตูห้องงับปิดลง พี่ภูก็ปล่อยกระเป๋าใส่เสื้อผ้าที่ถือมาลงพื้น ก่อนจะโผเข้ากอดผมแน่น โชคดีที่ผมหย่อนของวางไว้บนโซฟาแล้วตอนที่เดินตามพี่ภูเข้ามา

“พี่ภู…” ผมครางเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา แต่เขาไม่ตอบอะไรนอกจากซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของผม อีกทั้งกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม


เป็นครั้งแรกที่พี่ภูตัวสั่นจนผมรู้สึกได้


“อยู่แบบนี้แปปนึงนะ ฉันขอร้อง”

ผมเลือกที่จะเงียบไม่ถามหรือตอบอะไร แต่กลับใช้แขนเล็กๆ ของตัวเองโอบกอดพี่ภูตอบ เรายืนกอดกันเงียบๆ อยู่แบบนั้น จนกระทั่งพี่ภูยอมผละออกในที่สุด และพอผมเห็นหน้าพี่ภูชัดๆ ผมก็ต้องตกใจ

นัยน์ตาเขาแดงก่ำ ราวกับพยายามอดกลั้นที่จะไม่ร้องไห้

“พี่ภู…” ผมครางเรียกอีกฝ่ายเสียงเบาด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหางตาของพี่ภูเบาๆ อย่างลืมตัว ซึ่งพี่ภูเองก็ยอมปิดเปลือกตาลงให้ผมลูบ เขาอมยิ้มก่อนที่จะดึงมือผมลงไปแนบแก้มตัวเองแทน จากนั้นก็เอียงหน้าซบมือผมอย่างออดอ้อน

“ฉันไม่เป็นไรแล้ว ได้กอดจากนายเพิ่มพลังแล้วไงเมื่อกี้” และเหมือนเขาคงจะกลัวว่าผมจะไม่เชื่อ พี่ภูเลยลืมตาขึ้น และผมก็ได้เห็นว่ามันดูดีขึ้นจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็อาจจะมีร่องรอยของความเหนื่อยอ่อนปรากฎอยู่บ้าง

“ไนล์เองก็ไม่รู้จะช่วยพี่ภูยังไง ไนล์ปลอบคนไม่เก่ง” ผมว่าก่อนที่จะถูกพี่ภูดึงไปกอดอีกรอบ

“แค่นี้ก็ช่วยได้เยอะแล้ว” พี่ภูจูบเบาๆ ที่คอผม ก่อนจะพูดต่อ “ที่จริงเมื่อกี้มันน่าสับสนนิดหน่อย ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอจีนโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ มันเลยทั้งตกใจ ทั้งไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไง แต่ที่มั่นใจคือฉันไม่อยากข้องเกี่ยวกับจีนอีกไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม”

ผมเงียบและฟังพี่ภูพูดอย่างตั้งใจ ผมอยากให้เขาระบายออกมาบ้าง จะได้ไม่เก็บไปคิดเครียดคนเดียว

“แล้วนายล่ะ คิดมากกับคำพูดพวกนั้นของจีนรึป่าว?” พี่ภูดันตัวผมออกจากอ้อมกอด ก่อนจะสบตาผมนิ่งขณะรอคำตอบ

“ไม่หรอกครับ ไนล์ไม่คิดมากหรอก คุณจีนไม่ได้รู้จักไนล์ดีเท่าพี่ภู เพราะฉะนั้นคำพูดที่มาจากคนที่ไม่รู้จักเรา ทำอะไรไนล์ไม่ได้หรอกครับ อีกอย่างพี่ภูก็ปกป้องไนล์ไปแล้ว แค่นี้ก็พอแล้วครับ”

ผมพูดพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างไม่คิดอะไร เพราะผมหมายความตามที่พูดจริงๆ ผมไม่ได้พูดเพื่อเอาใจพี่ภู แต่ผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะเอามาใส่ใจเลยไม่ได้คิดมาก

“ยังมองโลกในแง่ดีเหมือนเดิมนะเรา” พี่ภูยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ พร้อมรอยยิ้มบางๆ สีหน้าเขาดูดีขึ้นไม่อึดอัด กราดเกรี้ยวเหมือนเมื่อกี้ แถมแววนัยน์ตายังกลับมาอบอุ่นเหมือนเดิมแล้วอีกต่างหาก ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนนเรื่อง

“ว่าแต่พี่ภูหิวรึยังครับ?”

เขาส่ายหน้าก่อนจะตอบ “ตอนแรกหิว แต่ตอนนี้ไม่แล้ว แล้วนายล่ะหิวไหม?”

ผมเองก็ส่ายหน้า พร้อมกับยิ้มแห้งๆ ตอบ “ไนล์ก็เหมือนกันครับ”

“ถ้าอย่างนั้นนอนพักสักตื่นดีไหม ฉันอยากจะนอนกอดนายสักงีบ แล้วเดี๋ยวตื่นมาค่อยอุ่นกับข้าวที่ป้ามลทำทิ้งไว้กินกัน” พี่ภูพูดพร้อมกับกดจมูกเบาๆ ลงมาที่แก้มผม

“ก็ได้ครับ งั้นไปนอนพักกัน ไนล์จะเป็นหมอนข้างให้พี่ภูเอง” ผมพูดพร้อมกับฉีกยิ้มแม้จะเขินจนหน้าแดงให้พี่ภูหัวเราะก็เถอะ

“เจ้าเด็กบ๊องเอ๊ย” พี่ภูว่าก่อนจะนั่งลงบนโซฟา เขาล้มตัวลงนอนก่อนจะกระตุกข้อมือผมให้นอนตามลงไป บนแขนของเขาที่กางออก พร้อมกับพลิกตัวตะแคงหันหน้ามาหาผมแล้วกอดผมไว้แน่น

พี่ภูจูบหนักๆ ลงมาที่หน้าผากผม พึมพำให้ผมฝันดีก่อนที่เขาจะผล็อยหลับไป น่าจะเพลียรวมๆ กับที่ขับรถมานานถึงเกือบสามชั่วโมงด้วย

ผมเองเมื่อเห็นพี่ภูหลับไปแล้วก็เลยค่อยๆ แตะจูบเบาๆ ที่อกข้างซ้ายของเขา ก่อนจะพึมพำบอกหวังว่าพี่ภูจะได้ยินจากในฝัน

“ฝันดีเช่นกันครับพี่ภู ตื่นมาแล้วพี่ภูจะดีขึ้นครับ ไนล์สัญญา”

ผมขยับตัวซุกอกอุ่นๆ ของพี่ภู ก่อนจะผล็อยหลับตามไป โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าพอตื่นมาแล้วทุกอย่างอาจจะไม่ได้ดีขึ้น หนำซ้ำอาจจะแย่หนักกว่าเดิม หลังการปรากฎตัวของคนรักเก่าของพี่ภู

.

.

.

เราสองคนงีบไปได้พักใหญ่ แต่แล้วจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ในห้องก็แผดลั่น ทั้งที่ปกติมันไม่เคยดังมาก่อน ผมที่สะลึมสะลือเพิ่งตื่น เลยลุกขึ้นมานั่งงงๆ


Rrrrr


“หือ? โทรศัพท์ห้องดังหรอ? สงสัยที่ล็อบบี้โทรมา เดี๋ยวฉันรับเอง”

พี่ภูตื่นตามผมมาติดๆ เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ว่า เขาจับผมให้นั่งบนโซฟาดีๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วตรงไปรับโทรศัพท์

ผมมองตามพี่ภูที่รับสายด้วยความรู้สึกแปลกๆ มันวูบโหวงในอก .. เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกยังไงไม่รู้

“ครับ.. สายนอกหรอครับ? โอเคครับ โอนเข้ามาได้เลย”

พี่ภูกับผมสบตากันด้วยความแปลกใจ ดูเหมือนสายที่โทรเข้ามาจะเป็นสายจากข้างนอกแต่โทรผ่านมาทางเบอร์กลางของคอนโด ถ้าเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักของพี่ภูก็น่าจะมีเบอร์มือถือไม่ใช่หรอ แต่ถ้าเป็นคนไม่รู้จักจะรู้ได้ยังไงว่าพี่ภูพักอยู่ที่นี่

“สวัสดีครับ .. ใช่ครับ ผมคีรินครับ” พี่ภูรับสายงงๆ ส่วนผมก็ยังตั้งใจฟังต่อ

“ห๊ะ? อะไรนะครับ? จากโรงพยาบาล ใครนะครับ? ครับๆ ผมรู้จักเธอครับ.. ว่าไงนะครับ?”

สีหน้าของพี่ภูไม่ดีนัก มันดูแย่ลงเรื่อยๆ ในทุกประโยคที่เขาตอบกลับอีกฝ่าย และถ้าตามบริบทที่พี่ภูว่า ผมคงเดาได้อย่างเดียวว่ามีใครสักคนประสบอุบัติเหตุอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งนั่นทำให้ผมกังวลใจไปด้วย กลัวจะเป็นคุณแม่พี่ภู และพอคิดได้แบบนั้นผมก็แทบนั่งไม่ติดโซฟา

“แล้วเธอเป็นอะไรมากรึป่าวครับ? โอเค ค่อยยังชั่ว ได้ครับ.. งั้นเดี๋ยวผมรีบไป”

พี่ภูวางสายแต่เขาก็ยังดูไม่สบายใจผมเลยตัดสินใจเอ่ยถาม

“มีอะไรเกิดขึ้นหรอครับพี่ภู ใครเป็นอะไรครับ?”

ผมเดินเข้าไปหาพี่ภูพร้อมกับลูบต้นแขนเขาเบาๆ เพื่อปลอบให้เขาใจเย็น เพราะตอนนี้พี่ภูดูสติหลุดมาก เขาเดินวนไปวนมาเพื่อหากุญแจรถ และโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอสักที สุดท้ายผมเลยต้องหยิบเอาไปให้เขาเองกับมือ

พี่ภูหันมามองหน้าผมตอนรับกุญแจไป ก่อนจะตอบอย่างกังวล

“จีน.. จีนถูกรถชน ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล เมื่อกี้ห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลโทรมาแจ้ง”

ผมตกใจจนตาโต คิดไม่ถึงว่าคนบาดเจ็บจะเป็นคุณจีน ทั้งที่เธอเพิ่งจะคุยกับพี่ภูไปเมื่อกี้แท้ๆ แล้วเธอไปทำอีท่าไหนให้โดนรถชนได้กัน ผมนึกเป็นห่วงอีกฝ่าย ยังไงเธอก็ผู้หญิงหรืออาจจะเป็นเพราะเธอเพิ่งมาจากต่างประเทศไม่คุ้นถนนหนทาง เลยทำให้ถูกรถเฉี่ยวรถชนเข้าให้แบบนี้

“เดี๋ยวฉันต้องไปโรงพยาบาล จะไปดูหน่อยว่าจีนเป็นยังไง เสร็จแล้วจะรีบกลับ”

“ครับ”

ผมรับคำ แม้จะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เพราะพี่ภูดูไม่ค่อยมีสติจนผมนึกห่วง ผมเข้าใจว่าเขาคงช็อค และถึงยังไงคุณจีนก็เป็นคนที่พี่ภูเคยรัก เขาจะห่วงเธอมากขนาดนั้นก็ไม่แปลก ผมพยายามเข้าใจ ไม่สิ.. ที่จริงผมเข้าใจดีเลยล่ะ


แต่ปีศาจขี้อิจฉาในใจผมนี่สิ ไม่ยอมฟังเลย มันเอาแต่งี่เง่าและรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นพี่ภูกังวลและเป็นห่วงคุณจีนมากเกินไป


ผมได้แต่ตำหนิตัวเองที่ปากบอกเข้าใจแต่ลึกๆ กลับงี่เง่าและหึงหวงไม่เข้าท่า ตำหนิตัวเองที่โลภมาก ได้ความสนใจความเอ็นดูจากพี่ภูแล้วก็ไม่อยากให้เขาสนใจใครอีก .. นี่เหมือนไม่ใช่นิสัยผมเลย

ความรักทำให้ผมเห็นแก่ตัวและหวาดกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของพี่ภู ผมยิ่งกังวล กลัวความสุขที่ได้รับมาในช่วงก่อนหน้านี้จะกลายเป็นความฝันที่จับต้องไม่ได้อีก

แต่แล้วทุกความไม่สบายใจก็ปลิดปลิว เมื่อเสียงทุ้มที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้น พร้อมๆ กับมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้า

“ไนล์.. ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม ฉันอยากให้นายไปด้วย”

ผมยิ้มบาง ตอนมองสบเข้าไปในดวงตาเรียวรีที่มองผมตอนนี้ราวกับเป็นที่พึ่งและหลักยึด ผมจึงตัดสินใจวางมือตัวเองลงไปบนมือใหญ่

“ได้สิครับ ไนล์จะไปกับพี่ภู … พี่ภูไม่ต้องกังวลนะครับ”

พี่ภูยิ้มบางตอบให้ผมนึกสบายใจ และตำหนิตัวเองที่คิดมากไป ก่อนที่เราสองคนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกัน โดยที่ผมไม่ได้นึกระแวดระวังเลยว่าสิ่งที่ผมกังวลและคิดมากไปนั้น จะย้อนกลับมาทำลายความสัมพันธ์ของผมกับพี่ภูภายหลังจริงๆ

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-01 : Universe 25th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 01-07-2020 21:19:36
(อ่านต่อจากด้านบน)


เราสองคนใช้เวลาไม่นานมากในการมาถึงโรงพยาบาล เราเดินตรงไปยังห้องฉุกเฉิน ก่อนจะกวาดสายตามองหาคุณจีน ก็เห็นได้ว่าเธอกำลังนอนอยู่บนเตียงพัก มีพยาบาลกับคุณหมอกำลังเช็คอาการอยู่ พี่ภูเลยเดินตรงไปที่เตียงดังกล่าว โดยมีผมเดินตามไปห่างๆ

และทันทีที่คุณจีนหันมาเห็นพี่ภู เธอก็ร้องเรียกเขาดังลั่น พร้อมกับร้องไห้ไม่หยุด

“ภูคะ ฮึก… ภู ฮือออ”

พี่ภูหันมองคุณจีนอย่างเป็นห่วงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปหาคุณหมอที่กำลังดูอาการให้คุณจีน แล้วก็ถามขึ้น

“คุณหมอครับ เธอเป็นยังไงบ้างครับ?”

คุณหมอยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเอ่ยตอบ “คนไข้ไม่เป็นอะไรมากค่ะ โชคดีที่รถแค่เฉี่ยวไม่ถึงกับชนเต็มแรง มีฟกช้ำกับแผลถลอกนิดหน่อย ที่หนักน่าจะเป็นที่ข้อเท้า กระดูกไม่ถึงกับหักหรือร้าว แต่หมอคงต้องขอใส่เฝือกอ่อนดูอาการก่อน แล้วอีกสองอาทิตย์ค่อยมาเอ็กซเรย์อีกที ถ้าหายเป็นปกติก็เอาเฝือกออกได้ค่ะ”

“แล้วอาการอื่นๆ มีอีกไหมครับหมอ?”

“อ๋อ ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เดี๋ยวรบกวนญาติคนไข้ไปกรอกประวัติที่เวชระเบียน รับยา แล้วก็กลับบ้านได้เลย เดี๋ยวหมอจะให้พยาบาลออกใบนัดตรวจให้” คุณหมอยิ้มและอธิบายอย่างใจเย็นโดยละเอียด ให้ผมกับพี่ภูคลายความกังวลใจที่คุณจีนไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่เราวิตก

“ยังไงผมก็ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ” พี่ภูยกมือไหว้คุณหมอ

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวยังไงญาติตามพยาบาลไปได้เลยนะคะจะได้ไม่เสียเวลา” คุณหมอแนะนำก่อนจะเดินออกไป

จากนั้นคุณพยาบาลท่าทางใจดีก็หันไปทางพี่ภูพร้อมกับเชื้อเชิญ “ทางนี้เลยค่ะ”

“ครับ” และพอพี่ภูจะออกเดิน คุณจีนก็รั้งแขนพี่ภูไว้พร้อมกับร้องไห้ออกมาอีกรอบ

“ภูคะ ฮึก.. ภูไม่ไปได้ไหมคะ อยู่กับจีนนะ จีนกลัวมากเลย เมื่อกี้คิดว่าต้องตายแน่ๆ” เธอโผเข้าซบแขนพี่ภูไม่ยอมปล่อย “ภูอย่าไปเลยนะคะ อย่าทิ้งจีนไว้คนเดียว จีนขอร้อง”

พี่ภูทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในขณะที่คุณพยาบาลก็ยิ้มแห้งๆ ดูทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์แบบนี้ รวมถึงผมเองก็ด้วย ผมได้แต่มองคุณจีนกอดพี่ภูด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก

“จีน ปล่อยผมก่อน ผมไปแปปเดียวเดี๋ยวก็กลับมา อยู่กับไนล์ไปก่อน.. อย่าทำแบบนี้คุณพยาบาลยืนรอนานแล้วนะจีน” พี่ภูพูดดุๆ แต่เหมือนคุณจีนจะไม่ฟัง

“ไม่เอาค่ะ จีนไม่ให้ภูไป ภูก็ให้เด็กนั่นไปสิคะ จีนไม่ได้อยากอยู่กับมันสักหน่อย จีนจะให้ภูอยู่กับจีน!” คุณจีนเริ่มเสียงดังงอแง และเกาะพี่ภูไว้ไม่ปล่อย และนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องฉุกเฉินที่พี่ภูแสดงออกชัดเจนว่าโกรธ

“จีน! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! อย่าเรียกไนล์ว่ามันผมไม่ชอบ!”

คุณจีนเงียบทันทีที่พี่ภูสียงแข็งใส่และดุเธออย่างจริงจัง ผมเห็นท่าไม่ดี และตอนนี้หลายสายตาในห้องฉุกเฉินก็มองมาที่เราสามคน รวมทั้งคุณพยาบาลเองก็เริ่มทำตัวไม่ถูกแล้วด้วย

“ไม่เป็นไรครับพี่ภู ไนล์ไปเอง พี่ภูอยู่เป็นเพื่อนคุณจีนเถอะครับ เธออาจจะคุ้นเคยกับพี่ภูมากกว่าไนล์ เดี๋ยวไนล์ไปจัดการตรงนู้นให้”

“แต่ไนล์…” พี่ภูทำหน้าไม่สบายใจ ผมเลยต้องยิ้มบางยืนยันให้เขารู้ว่าผมเต็มใจไปจริงๆ

“ไนล์ทำได้ครับ เดี๋ยวไนล์กลับมานะ” ผมหันไปหาคุณพยาบาลพร้อมกับเอ่ยปาก “นำไปเลยครับ”

“งั้นเชิญทางนี้ค่ะ” ผมกำลังจะออกเดิน แต่ก็ยังคงหันมายิ้มให้พี่ภู ซึ่งเขาก็ยิ้มตอบกลับมา

“ฉันฝากด้วยนะไนล์ มีอะไรติดขัดโทรมา ฉันจะรีบออกไปหาเอง” พี่ภูย้ำ ผมเลยพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับคุณพยาบาล ปล่อยพี่ภูทิ้งไว้กับคุณจีนที่มองตามผมมาด้วยสายตาจงเกลียดจงชังชัดเจน

.

.

.

หลังจากจัดการทุกอย่างรวมถึงจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ปัญหาก็คงยังไม่หมดไป และตอนนี้เรากำลังคุยกันอยู่ที่ที่นั่งพักรอยาของคนไข้ โชคดีว่าตอนนี้เป็นเวลาเย็นมาแล้ว คนไข้จึงบางตากว่าเวลาปกติ โดยที่พี่ภูกำลังยืนขยี้ผมตัวเองอย่างหัวเสีย ในขณะที่คุณจีนก็เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด ส่วนผมก็ถอยออกมายืนไกลๆ เพราะไม่อยากเสียมารยาทแอบฟังที่ทั้งสองคนคุยกัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังได้ยินที่พี่ภูคุยกับคุณจีนอยู่ดี

“บอกผมมาเถอะจีน ว่าจะให้ผมไปส่งที่ไหน คุณกำลังถ่วงเวลานะ” พี่ภูพูดเสียงแข็ง ในขณะที่คุณจีนเอาแต่นั่งร้องไห้ และเกาะแขนพี่ภูแน่นไม่ปล่อย

ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความไม่สบายใจ กลัวสังหรณ์ของตัวเองเป็ยนจริงยังไงไม่รู้

“ฮึก.. ภูก็รู้ จีนไม่มีใครเลย ไม่มีใครอีกแล้ว จีนกลับมาที่นี่เพราะจีนอยากกลับมาหาภูนะ ฮืออ”

พี่ภูสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ สีหน้าขาดูเจ็บปวดไม่น้อย “จีน.. เรื่องของเรามันจบไปแล้วนะ จีนเป็นคนจบมันลงด้วยมือของจีนเองด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้จีนจะกลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้.. มันไม่ได้!”

“แต่จีนสำนึกผิดแล้วไงคะภู จีนรู้แล้ว ฮึก.. ว่าใครที่ดีกับจีนที่สุด รักจีนที่สุด จีนเลยอยากกลับมาของโอกาส ฮืออ โอกาสให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดินเถอะนะคะ”

คุณจีนยังคงอ้อนวอนจนผมต้งเบือนสายตาหนีเพราะทนดูไม่ไหว ในขณะที่พี่ภูเอาแต่นิ่ง นิ่งจนผมจับอารมณ์เขาแทบไม่ได้

“…”

“จีนยังรักภูอยู่เหมือนเดิมนะ รักภูมาก และจีนก็รู้ว่าภูเองก็ยังรักจีนอยู่ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะภูนะ”

พี่ภูปลดแขนคุณจีนที่เกาะอยู่ออก หลังจากฟังประโยคนั้นจบ เขามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาอ่านไม่ออก ก่อนจะย้ำชัดเต็มถ้อยเต็มคำ


“ผิดแล้วจีน ผมไม่ได้เหมือนเดิมนานแล้ว” คุณจีนเงยหน้ามองพี่ภูด้วยสายตาตกใจปนพังทลาย ในขณะที่พี่ภูเองก็เบนสายตาจากคุณจีนมาสบตาผมที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว “หรืออย่างน้อยก็ตั้งแต่มีเด็กคนนั้นเข้ามาในชีวิต .. ความรู้สึกผมที่มีให้จีนก็ไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป มันเปลี่ยนไปหมดแล้วจริงๆ จีน อย่าพยายามเลย”


“ภู..” คุณจีนมองตามสายตาพี่ภูมาหยุดที่ผม แล้วความเศร้าสร้อยในสายตาเธอก็เปลี่ยนไป

เธอมองผมอย่างเกลียดชังจนผมสัมผัสได้

“พอเถอะนะจีน เราแยกกันตรงนี้เถอะ ผมไม่ได้โกรธเคืองอะไรจีนแล้ว ที่ผ่านมาก็ขอให้มันผ่านไปแล้วกันนะ” พี่ภูตัดสินใจตัดบท ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วเดินมาหาผมอย่างไม่ลังเล

ผมรู้ว่าเวลาแบบนี้มันไม่สมควร และไม่เหมาะสม แต่ผมกลับใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งกับท่าทีของพี่ภู

นทีธัชช์! นายมันนิสัยไม่ดี นายจะมาใจเต้นแรงทั้งที่มีอีกคนร้องไห้อยู่แบบนี้ได้ยังไงกัน?

“ภูคะ ฮึก.. ภู” คุณจีนยังคงร้องไห้อย่างน่าสงสาร จนผมไม่สบายใจ แต่อีกใจผมก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามันรู้สึกโล่งอย่างประหลาด อย่างน้อยลางสังหรณ์ของผมก็ไม่เป็นจริง

พี่ภูหันกลับไปทางคุณจีนอีกครั้ง ก่อนจะคว้าข้อมือผมขึ้นมาจูงไว้

“ถ้าจีนไม่ให้ผมไปส่งที่ไหน งั้นผมขอตัวก่อนนะ อ้อ… เรื่องค่ารักษาจีนไม่ต้องกังวล ผมจัดการให้หมดแล้ว ยังไงก็ขอให้จีนหายไวๆ แล้วกัน” พี่ภูเดินไปหยุดตรงตรงหน้าคุณจีน โดยจูงผมไปด้วย “โชคดีนะจีน”

พูดจบพี่ภูก็ออกเดินทันทีโดยพาผมให้เดินตาม ผมจึงต้องผงกศีรษะ แล้วบอกสวัสดีครับเป็นการกล่าวลา ก่อนที่ขายาวๆ ของพี่ภูจะลากผมไปไกลกว่าานี้

แต่เพียงเราออกเดินมาได้ไม่กี่ก้าว คุณจีนก็วิ่งกระเผลกๆ มาดักหน้าผมกับพี่ภูอีกครั้ง

สองมือเรียวของเธอคว้ามือข้างที่พี่ภูไม่ได้จูงผม ก่อนจะเอาไปกุมไว้แน่น ในขณะที่น้ำตายังคงไหลพรากไม่หยุด

“เพื่อน.. ฮึก” ผมเห็นพี่ภูขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจ ซึ่งตัวผมเองก็สงสัยกับสิ่งที่คุณจีนพยายามสื่อ “ในฐานะเพื่อนนะภู.. ฮือออ ภูช่วยจีนในฐานะเพื่อนสักครั้งนะ จีนไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ ฮืออออ”

คุณจีนทรุดตัวลงนั่งกองกับพื้นก่อนจะปล่อยโฮ ให้ผมกับพี่ภูต้องช่วนกันประคองพาคุณจีนไปนั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง และในตอนนั้นเธอก็เริ่มพูดทั้งที่น้ำตาไหลริน

“ทั้งหมดมันเป็นความผิดของจีนเอง จีนไม่โทษใครทั้งนั้น ฮึก… มันเป็นเพราะจีนนอกใจภูก่อน เพราะจีนไม่รู้จักพอ ไม่เห็นค่า ไม่เห็นความสำคัญของภู แต่กลับหลงระเริงกับเงิน กับความสุขจอมปลอม ถ้าภูจะไม่รักจีนแล้วก็ไม่แปลก ฮือออ”

“…” ผมกับพี่ภูเงียบ ไม่รู้จะพูดยังไงในสถานการณ์แบบนี้ดี

“และเพราะความไม่ซื่อสัตย์ที่จีนทำกับภูไว้ สุดท้ายจีนก็ถูกกรรมตามสนอง.. ฮึก ผู้ชายคนนั้นทำกับจีน เหมือนที่จีนทำกับภู ฮืออ เขานอกใจจีน เขาไปมีคนอื่น พาผู้หญิงเข้าบ้านไม่ซ้ำหน้า จีนได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน จะหันไปหาใครก็ไม่ได้ เพราะอายที่ถูกแฟนตัวเองนอกใจ ฮึก..”

“แล้วทำไมจีนยังทนอยู่กับมัน ถึงจีนไม่มีผม ก็ยังมีผู้ชายดีๆ คนอื่นที่พร้อมจะดูแลจีนไม่ใช่หรอ?”

 พี่ภูถามขึ้น สีหน้าเขาดูโกรธและไม่พอใจมาก ซึ่งพอเขารู้ว่าผมมองอยู่ เขาก็หันมาหาพร้อมกับดึงมือผมไปจับไว้ และไม่กี่นาทีต่อมาสีหน้าพี่ภูก็ผ่อนคลายลง .. ซึ่งทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของคุณจีนตลอด

“จีนโง่เองแหละภู จีนคิดว่าอีกไม่นานเขาคงจะดีขึ้น คงจะเลิกนิสัยแบบนี้ไปเองถ้าจีนทำตัวดีๆ และไม่วุ่นวายกับเขา เพราะถ้าไม่นับเรื่องนี้แล้วเขาก็ดูแลจีนดีมากๆ เขาให้จีนออกจากงาน ไม่ต้องทำอะไร และให้เงินจีนใช้ไม่ขาดมือ .. ฮึก”

“…” พี่ภูกำมือผมแน่น ตอนที่คุณจีนพูดถึงเรื่องเงิน ให้ผมต้องลูบแขนเขาเบาๆ เพื่อปลอบให้ใจเย็น

“จีนคิดว่าแบบนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร ก็เลยปล่อยปละ ไม่คิดจะว่า .. แต่แล้วเขาก็เริ่มหนักข้อขึ้น ฮึก.. เขาเริ่มไล่จีน ให้จีนออกไปให้พ้นหน้าเขา พอจีนเถียง เขาก็ ฮึก.. ฮือออออ” คุณจีนเล่าไม่จบแต่ปล่อยโฮออกมาเสียก่อนจนผมตกใจ แต่พี่ภูกลับกัดฟันกรอด

“มันทำอะไรจีน? บอกผมมา!” พี่ภูถามเสียงแข็ง ก่อนคุณจีนจะค่อยๆ เลิกชายเสื้อขึ้นเล็กน้อยแล้วตอบเสียงสะอื้น

“เขาตีจีน ทั้งต่อย ทั้งเตะ ฮึกกก..” ผมกับพี่ภูมองรอยเขียวช้ำตรงชายซี่โครงของคุณจีนด้วยความตกใจ “แรกๆ จีนก็ทน เพราะจีนไม่มีที่ไป จีนเคยหนีไปหาภูมี่อพาร์ทเม้นท์ของเรา แต่จีนไม่เจอภู จีนไม่รู้ว่าภูกลับมาที่ไทยแล้ว และพอเขารู้ว่าจีนไปหาภูเขาก็ตามมาตบตีจีนยกใหญ่ นาทีนั้นจีนเลยตัดสินใจว่าจีนจะต้องหนีมาจากเขาให้ได้ และจีนก็มีที่พึ่งเดียวคือภู ฮือออ”

“…” สีหน้าพี่ภูดูไม่สู้ดีนัก ถึงเขาจะไม่พูดอะไร แต่ผมก็รับรู้ว่าเขาโมโหพอตัวเลย

“จีนอยู่ที่อมเริกาต่อไม่ได้ ถ้าหนี จีนต้องกลับมาที่ไทยเท่านั้น ฮึก… ภูเองก็รู้ว่าจีนไม่มีใคร จีนมีแค่ภู ถ้าเราไม่เลิกกัน ป่านนี้ก็คง…”

“พอเถอะจีน” พี่ภูพูดสวนก่อนที่คุณจีนจะพูดจบประโยคด้วยซ้ำ เขาหันมองผมทันที คงกังวลว่าผมจะคิดมาก แต่ถึงแม้ใจผมจะกระตุกนิดหน่อยตอนได้ยินคุณจีนพูดแบบนั้น แต่ผมก็เลือกที่จะส่งยิ้มให้พี่ภูเพราะไม่อยากให้เขากังวล

“ขอร้องนะภู ให้จีนอยู่ด้วยได้ไหม ถือว่าช่วยจีนในฐานะเพื่อนก็ได้ ถ้าตอนนี้ภูมีคนอื่นแทนจีนแล้ว .. ฮึก”

“…” พี่ภูเงียบ ไม่ตอบอะไร แต่สีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

ผมเห็นพี่ภูมองหน้าคุณจีนที่น้ำตาไหลไม่หยุดอย่างสงสาร แล้วสังหรณ์ในใจก็กลับมาอีกครั้ง

พี่ภูหันกลับมาหาผมก่อนจะกระตุกมือผมเบาๆ จากนั้นก็พูดกับผมเสียงเครียด “ไนล์ เราคุยกันหน่อยได้ไหม?”

“ครับ” ผมตอบรับพร้อมกับยิ้มบาง เพื่อแสดงออกให้เขาเห็นว่าผมไม่ได้เครียดอะไรกับเรื่องนี้ เพราะไม่อยากกดดันพี่ภูอีกทาง

“จีนนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ ผมขอคุยธุระกับไนล์ก่อน เดี๋ยวจะกลับมา”

คุณจีนพยักหน้ารับ ก่อนจะพูดอย่างน่าสงสาร “ได้ จีนรอตรงนี้นะภู ภูรีบกลับมานะ”

พี่ภูลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางกำมือผมไว้หลวมๆ ก่อนจะจูงมือผมเดินออกมาอีกทาง ซึ่งห่างจากที่คุณจีนนั่งพอสมควร

“ไนล์ คือฉัน…” ผมเงียบ ตั้งใจฟังที่พี่ภูพูด “ฉันสงสารจีน”

“…” ผมยังคงไม่ได้ตอบอะไรพี่ภู เพราะอยากให้เขาพูดต่อก่อน และผมเองก็ไม่รู้ด้วยว่าพี่ภูอยากให้ผมตอบอะไร

“ฉันไม่ได้คิดอะไรกับจีนในฐานะคนรักแล้วจริงๆ นะ แต่ในฐานะเพื่อน… ฉันทิ้งเขาไม่ลงจริงๆ”

ใจผมกระตุกวูบ แม้ผมจะเข้าใจวัตถุประสงค์ของพี่ภูดี แต่ลึกๆ มันก็อดวูบโหวงไม่ได้ .. เขาเป็นคนรักเก่ากัน และผมเป็นคนมาทีหลัง นั่นคือข้อเท็จจริง

“ครับพี่ภู ไนล์เข้าใจ” ผมยิ้มบาง และผมไม่ได้โหก ผมเข้าใจพี่ภูจริงๆ ยิ่งได้ฟังเรื่องราวของคุณจีน ผมเองก็ยอมรับว่าเห็นใจเธอไม่น้อย เธอเจอมาหนักมากจริงๆ


อย่างที่บอกเลยว่าผมเข้าใจ แต่ไม่ใช่ไม่กังวลใจ


แต่ผมก็ทำอะไรมากไม่ได้หรอก ยังไงคอนโดคอนโดนั้นก็เป็นของพี่ภู และมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะให้ใครอยู่หรือไม่อยู่ก็ได้ แค่อย่างน้อยพี่ภูยอมถามความเห็นผม ทั้งๆ ที่เขาไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว

“จีนโดนทำร้ายมา และฉันก็จำเป็นต้องช่วยเหลือ” พี่ภูกุมือผมแน่นขึ้น “ฉันรู้ว่าฉันอาจจะขอนายมากไป แต่นายช่วยใจกว้างกับจีนเพื่อฉันหน่อยได้ไหม ไม่นานหรอก ถ้าจีนเขาหาทางไปได้ ฉันก็จะขอให้เขาไป หรืออย่างน้อยให้ข้อเท้าเขาหายก็ยังดี”

ผมยิ้มบางก่อนจะพยักหน้ารับ “ได้สิครับ พี่ภูไม่ต้องกังวลนะครับ”

และผมก็พบว่าการตอบรับของผมนั้นช่างคุ้มค่า เพราะใบหน้าหล่อเหลาของพี่ภูดูคลายความกดดันและความไม่สบายใจลงเยอะมาก เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้

“ขอบใจนะไนล์ ขอบใจมาก ขอบใจที่เข้าใจ และขอบใจที่อยู่เคียงข้างฉันแม้กระทั่งในเวลาแบบนี้”

เป็นอีกครั้งที่ผมยิ้มบางๆ ส่งเป็นกำลังใจให้พี่ภู ก่อนที่เขาจะดึงผมไปกอดไว้หลวมๆ เขาซุกหน้าลงกับบ่าผมพร้อมกับพรมจูบเบาๆ เพื่อแทนคำขอบคุณ และผมก็ไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะยกแขนขึ้นโอบกอดเขาตอบ

ผมอยากให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้เผชิญอยู่กับความยากลำบากเพียงคนเดียว ผมอาจจะช่วยเขาไม่ได้มาก แต่อย่างน้อยที่สุดที่ผมพอจะทำได้ก็คือไม่สร้างความลำบากใจให้เขาเพิ่ม

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าพี่ภูจะตัดสินใจยังไงเรื่องคุณจีน ผมก็พร้อมรับอยู่แล้ว

“ที่จริงพี่ภูไม่ต้องขอบคุณไนล์ก็ได้” ผมพูดอู้อี้อยู่ตรงไหล่เขา พี่ภูเลยดันตัวผมออกพร้อมตั้งใจฟัง “คอนโดนี้เป็นของพี่ภู พี่ภูจะให้คุณจีนอยู่ไนล์ก็คงไม่มีสิทธิ์คัดค้านอะไร ไนล์เป็นแค่คนดูแล ไนล์เลยไม่อยากให้พี่ภูลำบากใจอะไรเพราะไนล์ไปด้วย”

“หึ เด็กบ๊องเอ๊ย” พี่ภูพึมพำ พร้อมกับเคาะปลายจมูกผมเบาๆ “ฉันต้องถามความเห็นนายสิ ฉันจะทำมึนพาจีนเข้ามาอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เพราะฉันแคร์นาย ไม่อยากให้นายคิดมาก รู้ไหม หื้ม?”

เขาถาม พร้อมกับมองสบเข้ามาในตากลมของผมเพื่อแสดงความจริงใจ และผมก็เห็นได้มันทั้งหมด ซึ่งทุกอย่างที่พี่ภูพูดและแสดงออกนั้น ส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจผมกระหน่ำรัวไม่หยุด

แม้ลึกๆ จะยังกังวลเรื่องคุณจีน แต่พอพี่ภูแสดงออกว่าแคร์ผมขนาดนี้ ความวิตกที่เกาะกินใจอยู่ลึกๆ ก็ปลิวหายไป เพราะเขาทำให้ผมเห็นว่า ผมยังสำคัญสำหรับเขาเสมอ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นแฟนเก่าที่เขาเคยนักและผูกพันมากก็ตาม

“ขอบคุณนะครับพี่ภู สำหรับไนล์ แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว”

ผมยิ้มซึ่งพี่ภูเองก็ยิ้มตอบ ก่อนจะชวนผมไปหาคุณรันที่นั่งรออยู่ ผมไม่รู้ว่าเธอจะได้ยินที่ผมกับพี่ภูคุยกันหรือเปล่า แต่เธอก็กระเผลกเข้ามาเกาะแขนพี่ภูทันทีที่พี่ภูเดินไปถึง

“ภูคะ ตกลงว่า..?”

พี่ภูพยักหน้าก่อนจะตอบตกลง “ผมคุยกับไนล์แล้ว เราสองคนคิดว่าให้จีนไปอยู่ที่คอนโดผมก่อนก็ได้ ผมคงให้จีนอยู่ได้จนกว่าข้อเท้าจะหายหรือดีขึ้น ซึ่งระหว่างนี้จีนก็ลองหาหนทางขยับขยายดู ขาดเหลืออะไรก็บอกไนล์เอา เพราะเรื่องในคอนโดส่วนใหญ่ผมให้ไนล์จัดการ อีกอย่างช่วงนี้งานผมยุ่ง ผมคงไม่มีเวลามาดูแลจีนหรอก”

คุณจีนยิ้มกว้างทั้งน้ำตา เธอดูดีใจมาก ก่อนจะโผเข้ากอดเอวพี่ภูแน่น

“ภู จีนขอบคุณภูมากนะคะ ขอบคุณภูจริงๆ” เธอมองสบตาพี่ภูอย่างสื่อความหมาย แต่พี่ภูเลือกที่จะทำเป็นไม่เห็น

“ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าเราช่วยในฐานะเพื่อนอย่างที่จีนของแล้วกัน” พี่ภูยิ้มบาง แต่คุณจีนหน้าเจื่อนไปช่วงหนึ่ง ซึ่งพี่ภูก็กลบเกลื่อนเปลี่ยนเรื่องโดยการชวนกลับคอนโด “งั้นเรากลับคอนโดเลยไหม เย็นมากแล้ว”

“ครับ” ผมตอบรับพี่ภู ก่อนจะเข็นรถเข็นไปใกล้ๆ แล้วช่วยพี่ภูประคองคุณจีนลงนั่ง ก่อนที่พี่ภูจะทำหน้าที่ข็นรถและผมเดินเคียงข้างเพื่อออกไปขึ้นรถยนต์ที้จอดไว้ด้านนอก

พี่ภูละมือข้างหนึ่งที่จับรถเข็นมาจูงมือผม ให้ผมหันไปยิ้มให้คนข้างๆ อย่างอบอุ่น ซึ่งพี่ภูเองก็ยิ้มตอบผมอย่างอ่อนโยน สำหรับเราสองคนมีแต่บรรยากาศของความเข้าใจโอบอุ้ม จนผมคิดว่าผมและพี่ภูน่าจะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยกัน แต่ผมคงประมาทเกินไป คิดน้อยเกินไป เลยไม่ได้รู้ว่าคนที่ต้องดิ้นรนและเข้าตาจนอย่างคุณจีนนั้นจะทำอะไรได้บ้าง เพื่อทำลายความสัมพันธ์ของผมกับพี่ภู

.

.

.

To Be Continue

--------------------------------------------

ว่าวิรัลพัชรร้ายแล้ว แต่ดูเหมือนจีรณาจะอัพเลเวลเป็นตัวบอสสส ชั้นล่ะยอมใจผู้หญิงแต่คนของพี่ภูจริงๆ

สงสารก็แต่คูมแม่น้องไนล์ ลับมีดช่วยลูกไม่ทันแล้ว โผล่กันมารายวัน เดี๋ยวสุดท้ายอาจจะแก้ปัญหาด้วยการชิงแทงอิพี่ภู ตัดปัญที่ต้นตอแทน 5555555

ยังไงต้องขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะที่คอยให้การสนับสนุน และคอยคอมเม้นท์ให้กำลังใจ หวังว่าจะอยู่ด้วยกันไปแบบนี้จนกว่าจะจบเรื่องเลยเนาะ

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ เรากำลังพยายามเร่งแต่งให้จบอยู่ ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้แล้วว จะได้เอามาลงให้อ่านติดๆ กันได้ ฝากคอมเม้นท์ให้กำลังใจด้วยน้าา

แล้วไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ ... รักมากครับๆ <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-01 : Universe 25th)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 01-07-2020 21:41:30
ใกล้สามเดือนยัง กลับบ้านแล้วจ๊ะไนล์ ส่วนภูถ้าโง่มากก็อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม จบ...
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-01 : Universe 25th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-07-2020 21:53:22
เฮ้อออ อีจีนคงมีแผนแน่นอน เตรียมสงสารน้องไนล์เลย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-01 : Universe 25th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 01-07-2020 22:40:54
โอ้ยยยยยนังมารที่แท้ทรู

น้องไนล์มีพวกเรานะจับมือน้องไนลไว้แน่นมากกก
อย่าไปยอมนังตัวร้ายนะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-01 : Universe 25th)
เริ่มหัวข้อโดย: PsapBBBB ที่ 01-07-2020 23:18:07
แม่จะปกป้องน้องไล์เอง แต่ถ้าไม่ไหวแม่จะยืมมือ แม่พี่ภูมาจัดการเองแต่ก่อนอื่น พี่ภูต้องมีความหนักแน่นทั้งในการกระทำและคำพูดนะไม่งั้นฉันจะยึดลูกฉันคืนและอย่าหวังว่าจะได้เจอน้องอีก เตือนแล้วนะ ส่วนยัยจีนหล่อนมีซีนแต่ซีนแย่มากระวังตัวเอาไว้ด้วย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-01 : Universe 25th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 01-07-2020 23:59:13
ต่อไปนี้มีแต่ความเชื่อใจกันล้วนๆ ถึงจะผ่านไปได้ เราเชื่อว่าพี่ภูหมดรักจีนจริงๆ ยิ่งเห็นหน้าจีน แล้วมาเพ้อเวิ่นเว้อ พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ พี่ภูยิ่งควรจะรู้ใจตัวเองว่าตอนนี้มีใครอีกคนเต็มหัวใจแล้ว ก็เข้าใจนะตอนแรกมันต้องอึ้งๆหน่อยไม่คิดว่าจะเจอ แต่แล้วไงเมื่อเจอแล้ว พี่ภูดูแคร์ไนล์ ปกป้องไนล์ ถือว่าทำดีมาก เราโอเคนะที่จะให้จีนพักด้วยชั่วคราว ทดสอบความเชื่อใจกันและความจะโง่ไหมของพี่ภู หากมีไรผิดพลาดขึ้น 555 และถ้ามันผิดคาดจากที่คิดทำนะจีน อย่าหวังเลยว่าแม้แต่ในฐานะเพื่อนร่วมโลกภูยังจะไม่มีให้ คราวนี้คงตัดขาดกันจริงๆ คิดดีๆนะจีน เธอจะทำอะไร เธอรู้จักผู้ชายคนนี้แค่ไหน หึหึหึ 5555 สนุกกก ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนหน้าเลย จะเป็นยังไงกันบ้าง ว่าที่เมีย vs แฟนเก่า 555 จริงๆแล้วเนี้ยถ้าภูชัดเจนคือทุกอย่างจบ ชัดเจนในเรื่องไหนไม่ต้องบอก รู้อยู่แก่ใจ 555  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-01 : Universe 25th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-07-2020 14:15:41
กลัวให้อยู่แล้วจะไม่ไปง่าย ๆ นะซิ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-01 : Universe 25th)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 02-07-2020 21:35:04
 :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-01 : Universe 25th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-07-2020 21:57:00
ปวดกะโหลก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-06 : Universe 26th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 06-07-2020 20:22:04
Universe 26th : รอยร้าว


คุณจีนมาอยู่ที่นี่ได้สองสามวันแล้ว ไม่มีอะไรเป็นปัญหา ผมยอมรับว่ารู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันแต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะหลังจากที่กลับมาจากโรงพบาบาลในคืนนั้น พี่ภูก็เอ่ยปากยกห้องนอนใหญ่ของพี่ภูเองให้คุณจีน เพราะพักหลังมานี้พี่ภูก็แทบจะมานอนห้องผมเกือบทุกคืนอยู่แล้ว และอีกอย่างคุณจีนเองก็เป็นผู้หญิง แม้จะเป็นแฟนเก่า แต่พี่ภูก็ไม่อยากทำอะไรที่คลุมเครือ เขาอยากให้ทุกอย่างชัดเจน เพื่อตัวคุณจีนเองจะได้ไม่เสียหายด้วย แต่สิ่งที่เธอบอกกับพี่ภูทำเอาผมทำตัวไม่ถูก


‘ภูนอนกับจีนก็ได้นะคะ ยังไงเราก็เคยอยู่ด้วยกัน นอนเตียงเดียวกัน จีนไม่คิดมากอะไร จีนไม่อยากให้ภูลำบากไปนอนเบียดกับเด็กรับใช้ในห้องเล็กๆ แบบนั้น’


ผมชะงัก และเตรียมเดินหนี เมื่อเห็นว่าหัวข้อสนทนามันเริ่มเป็นส่วนตัว แต่พี่ภูกลับรั้งข้อมือผมไว้ และบอกให้ผมอยู่ต่อ


‘ก่อนอื่นเลยนะจีน ไนล์ไม่ใช่เด็กรับใช้และ ผมเองก็คิดว่ามันคงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ที่ผมกับจีนจะมานอนห้องเดียวกัน อีกอย่างก็ไม่ได้ลำบากอะไรผมด้วย เพราะปกติผมก็นอนห้องไนล์อยู่แล้ว ห้องนี้ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่หรอก .. ยังไงก็ตามสบายนะจีน’


พี่ภูพูดตัดบทตอนเห็นคุณจีนพยายามจะพูดต่อ เขาพาผมเดินออกมา โดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองเลยสักนิด นั่นทำให้ผมค่อนข้างกังวล กลัวว่าคุณจีนอาจจะไม่พอใจผม และมีปัญหาเกิดขึ้นทีหลัง

แต่ผ่านมาสองสามวันแล้วทุกอย่างก็ยังคงปกติดี จะมีก็แต่พี่ภูที่งานหนักมากขึ้นทุกวัน เขาเริ่มกลับบ้านดึก และไปทำงานเช้าขึ้น บางวันก็หอบงานกลับมาทำที่คอนโด บางคืนถึงกับฟุบหลับไปบนกองเอกสารเลยก็มี

วันนี้ก็เหมือนกัน พี่ภูถึงบ้านเกือบห้าทุ่ม ผมชะเง้อคอรอเขาแล้วรอเขาอีก จนกระทั่งได้ยินเสียงปลดล็อครหัสที่ประตู ผมยกยิ้มกว้าง ผุดลุกขึ้นยืนเตรียมจะวิ่งไปหาพี่ภูที่ประตู แต่คุณจีนที่นั่งอยู่ใกล้กว่าลุกไปถึงตัวพี่ภูก่อน ผมเลยต้องถอยออกมาเพราะกลัวจะไปชน แล้วโดนขาเธอเข้า

“ภูคะ กลับมาแล้วหรอคะ? ทำไมวันนี้ภูกลับช้าจังคะ?” คุณจีนถามพลางจะเอื้อมมือไปช่วยรับสูทกับเอกสารที่พี่ภูถือกลับมาด้วย แต่พี่ภูส่ายหน้าพลางยิ้มให้เป็นเชิงปฏิเสธ

“งานเยอะน่ะ จีนนั่งเถอะ ข้อเท้ายังเจ็บอยู่ไม่ใช่หรอ” พี่ภูพูดพลางเดินเข้ามาหาผมที่ยืนอยู่ด้านหลังของคุณจีน ก่อนจะยื่นสูทกับเอกสารในมือให้ และพอผมรับมาเขาก็สวมกอดผมเบาๆ

ผมยืนตัวแข็ง ไม่คิดว่าพี่ภูจะกอดผมต่อหน้าคุณจีนแบบนี้ แต่พอผมจะเอ่ยปากขอให้เขาปล่อย พี่ภูก็จูบเบาที่ไหล่ผม จากนั้นก็พูดในสิ่งที่ทำเอาผมต้องกลืนทุกคำขอของผมลงคอ

“ฉันเหนื่อยมากเลยวันนี้ เหนื่อยมากๆ .. ขอกอดหน่อยนะ”

ผมยิ้มบางๆ ตอนนั้นแทบไม่ได้สนใจเลยว่าคุณจีนจะได้ยินสิ่งที่พี่ภูพูดกับผมหรือเปล่า ผมแคร์และก็เป็นห่วงแค่พี่ภูเลยยกแขนข้างที่ว่างกอดเขาตอบ ผมลูบหลังเขาเบาๆ ให้เขาได้รับรู้ว่าผมยังอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ เขาเสมอ

“ว่าแต่พี่ภูทานอะไรมารึยังครับ? พี่ภูชอบดื้อ เวลางานเยอะแล้วก็ลืมทานข้าวตลอด” พี่ภูดันตัวผมออกเมื่อกอดจนพอใจแล้ว

“ยังไม่ได้กิน แต่ไม่ค่อยหิว เหนื่อยมากกว่าอยากนอน” เขาอ้อน “วันนี้ไม่ทำอะไรต่อแล้ว อยากนอนกอดนายเฉยๆ แค่นั้น”

ผมหัวเราะเบาๆ จนตาหยี รู้ทั้งรู้แหละว่าต่อให้ตื๊อยังไงพี่ภูก็ไม่ยอมกินหรอก หนำซ้ำจะทำให้เขาหงุดหงิดมากกว่าเดิมอีกเพราะกำลังเหนื่อย

“ไม่ทานข้าวก็ได้ครับ แต่ดื่มนมสักแก้วก่อนนอนนะไนล์ขอ ไม่งั้นพี่ภูได้นอนท้องร้องทั้งคืนแน่”

“หึ” พี่ภูหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะใช้ก้านนิ้วเคาะปลายจมูกผมเบาๆ “ช่างต่อรองนักนะ… เอ้า กินก็กิน นายเอาไปให้ในห้องนะ ฉันขอไปอาบน้ำก่อน”

“ครับ” ผมยิ้มกว้างที่พี่ภูยอมทำตามที่ผมขอ ก่อนจะดันหลังให้เขาเดินไปทางห้องนอน “งั้นพี่ภูไปอาบน้ำให้สบายตัวรอได้เลย เดี๋ยวไนล์เอาของไปเก็บ แล้วจะเอานมไปให้ครับ”

พี่ภูยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นหน้ามาหอมแก้มผม ผมเองก็แอบทำตัวไม่ค่อยจะถูก ไม่ใช่ว่าไม่ชินที่ถูกพี่ภูกอดหรือหอม แต่ที่ไม่ชินก็คือสายตาของคุณจีนที่มองอยู่ตอนนี้มากกว่า.. มันดูไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่ หรือบางทีผมก็อาจจะคิดไปเอง

ผมไม่รู้ว่าพี่ภูลืมตัวหรือเปล่าว่าคุณจีนเองก็อยู่ที่นี่ด้วย แต่เพราะมันคือเรื่องปกติที่เขาทำ เขาก็เลยดูจะไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่ ผมไม่รู้ว่าคุณจีนคิดยังไง แต่สายตาเมื่อกี้ที่เธอมองมาทำให้ผมไม่สบายใจเลยสักนิด

แล้ววันถัดมาสิ่งที่ผมกังวลก็เกิดขึ้น คลื่นลมที่เคยสงบอยู่สามสี่วันก็ก่อตัวเป็นพายุลูกใหญ่ที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะพัดพาไปในทิศทางใด

.

.

.

“ฉันไม่กิน! ฉันไม่ชอบกินของแบบนี้! ไปทำสปาเก็ตตี้มา ฉันอยากกินสปาเก็ตตี้!”

ผมที่กำลังจะทรุดลงนั่งที่โต๊ะอาหารเพื่อทานข้าวพร้อมกับคุณจีนถึงกับชะงัก เพราะจู่ๆ เธอก็พูดเสียงแข็งขึ้นมาพร้อมกับไสจานใส่ข้าวไปด้านข้าง ป้ามลที่กำลังจะหยิบโถข้าวมาตักข้าวให้ ถึงกับเผลอเอามือทาบอก เพราะท่าทางของคุณจีน

“แต่กับข้าวนี่…”

“เอ๊ะ! ก็บอกว่าไม่กินไง! ฟังไม่รู้เรื่องหรอ? หรืออยากให้ฉันฟ้องภูว่าคนรับใช้ที่นี่มันไม่เชื่อฟังกัน!” เธอมองผมด้วยสายตาไม่พอใจและพาลมองขวางใส่ป้ามลไปด้วยอีกคน

“คุณคะ คุณไนล์ไม่ใช่คนรับใช้นะคะ คุณท่านให้คุณไนล์มาดูแลคุณภู คุณไม่มีสิทธิ์พูดกับคุณไนล์แบบนี้นะคะ” ป้ามลเถียงแทนผม โดยที่ผมต้องรีบลุกขึ้นจับต้นแขนของแกไว้

“ป้ามลครับ ใจเย็นๆ นะครับ ไนล์ไม่เป็นไร” ผมพยายามปลอบป้ามล แต่คุณจีนก็ไม่ยอมลดราให้เลย

“เห๊อะ! ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ นี่ปากฉัน ป้ามายุ่งอะไรด้วยไม่ทราบ! เป็นคนรับใช้ก็ทำหน้าที่ของคนรับใช้ไปสิ ทำไมถึงเสนอหน้าทำเกินหน้าที่... ชอีกคนปากมาก” คุณจีนปรายตามาทางผม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหยันๆ “ส่วนอีกคนก็มีบริการเสริมบนเตียง”

“นี่คุณ! มันจะเกินไปแล้วนะคะ!” ป้ามลทำท่าเหมือนจะไม่ยอม ผมเลยต้องรีบกันแกออกไปก่อนที่เรื่องจะลุกลาม

“ป้ามลครับ ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวไนล์จัดการเอง ป้ามลไปดูในครัวเถอะครับ.. นะครับป้า” ผมพยายามขอร้องแม่บ้านของพี่ภูด้วนสายตาอ้อนวอน เพราะไม่อยากให้คุณจีนก้าวร้าวใส่ป้ามลมากไปกว่านี้

เธอจะว่าอะไรผม ผมไม่สนใจหรอก เพราะมีแค่ผมที่รู้ว่าความรู้สึกและความปราถนาดีที่ผมมีให้พี่ภูมันบริสุทธิ์และจริงใจขนาดไหน แต่กับป้ามลที่อายุแทบจะแก่คราวแม่นั้นผมบอกตามตรงว่ารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“แต่คุณไนล์คะ ป้า…”

“นะครับป้า ไนล์ขอร้องนะครับ” ผมกุมมือที่เหี่ยวย่นตามอายุมากุมไว้เบาๆ พร้อมกับยิ้มให้แกบางๆ สุดท้ายป้ามลก็ยอมแพ้ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ก็ได้ค่ะ” ป้ามลหันไปมองคุณจีนด้วยสายตาไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาหาผม “งั้นป้าอยู่ในครัวนะคะ มีอะไรคุณไนล์เรียกป้าได้เลยนะ”

ผมพยักหน้ารับ ป้ามลเลยเดินกลับเข้าไปในครัว ตอนนี้จึงเหลือแค่ผมกับคุณจีนสองคน

“คุณจีนครับ ผม…”

“ฉันบอกว่าให้เอาอหารพวกนี้ไปเก็บ แล้วทำสปาเก็ตตี้มาให้ฉันใหม่ไง! โง่หรอ? ทำไมต้องให้พูดซ้ำสอง ห๊ะ?!”

คุณจีนตวาดผมลั่น แต่ผมก็ยังพยายามใจเย็น ผมไม่อยากให้มีปัญหา และไม่อยากให้เรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ถึงหูพี่ภูด้วย อะไรที่ยอมได้ผมก็อยากยอม เพราะไม่อยากให้พี่ภูลำบากใจ ยิ่งช่วงนี้เขายิ่งเครียดๆ เรื่องงานอยู่ด้วย

“ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะทำให้ทานนะครับ แต่ยังไงวันนี้คุณจีนทานอาหารที่มีอยู่ตอนนี้ไปก่อนได้ไหมครับ” ผมพยายามต่อรองแต่สิ่งที่คุณจีนทำ ทำเอาผมพูดไม่ออก

พอผมพูดจบ จู่ๆ เธอก็ลุกขึ้นยืน พร้อมกับถือจานกับข้าวไปทั้งสองมือ เธอตรงไปที่ถังขยะใบเล็กข้างห้องครัว ก่อนจะเทอาหารทั้งสองจานทิ้ง พร้อมกับหันมายิ้มเยาะใส่ผมด้วยท่าทางสะใจ

“ตกลง แกจะไปทำให้ฉันกินได้รึยัง?”

“คุณจีน!”

ผมยอมรับว่าในนาทีนั้นผมโกรธมาก ผมอยู่กับพี่ภูมาสองเดือน แม้แรกๆ พี่ภูจะจงเกลียดจงชังค่อนไปทางไม่ชอบขี้หน้าผมมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเทกับข้าวผมทิ้งลงขยะต่อหน้าต่อตาผมแบบนี้ ไม่กินผมไม่ว่า แต่เททิ้งเหมือนไม่เห็นค่าแบบนี้ ผมรับไม่ได้จริงๆ

ผมพยายามสงบสติอารมณ์ โดยการสูดหายใจเข้าลึกๆ และมองไปยังอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะอีกอย่าง

“ผมยังยืนยันคำเดิมครับ ผมจะทำสปาเก็ตตี้ให้คุณจีนทานพรุ่งนี้” ผมชี้ไปที่อาหารอีกจานที่ยังมีอยู่ “วันนี้คุณต้องทานอาหารที่มี ผมจะไม่ทำให้ใหม่ ขอตัวครับ”

ผมล้มเลิกความตั้งใจที่จะทานอาหารกลางวันร่วมกับเธอ ผมทนไม่ได้มากๆ กับอะไรแบบนี้ เลยตัดสินใจยกจานเปล่าของตัวเองแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว ก่อนที่จะได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณจีนดังตามมาติดๆ

“กรี๊ดดดดดด แก! แก! ไอ้คนรับใช้! ไอ้เหลือขอ! คอยดูนะฉันจะฟ้องภูให้จัดการแก คอยดู!”

ผมส่ายศีรษะด้วยความปวดหัว ใจจริงไม่อยากจะให้พี่ภูมารับรู้เรื่องเล็กน้อยแบบนี้เลย ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าคุณจีนเธอจะกล้าฟ้องจริงหรือเปล่า แต่ถ้าเธอฟ้องพี่ภูขึ้นมาจริงๆ ผมก็ได้แต่หวังว่าพี่ภูจะเข้าใจ และไม่โทษว่าเป็นความผิดของผม

ซึ่งต่อมาผมก็พบว่ามันเป็นความคิดที่ผิดถนัด

.

.

.

วันนี้พี่ภูกลับดึกไม่แพ้เมื่อวาน ผมเองแม้จะรู้อยู่แล้วเพราะพี่ภูบอกไว้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ชายทะเลแล้วว่าช่วงนี้พี่ภูจะงานยุ่งและอาจจะกลับบ้านดึก แต่ผมก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้

และก็เหมือนภาพเดจาวูเกิดซ้ำขึ้นอีกครั้ง เพราะพอเสียงปลดล็อคประตูดังขึ้น คุณจีนก็ลุกพรวดพราดตรงไปที่ประตู แต่สิ่งที่ต่างไปจากเดิมคือผมแค่ลุกขึ้นยืนเฉยๆ ไม่ได้เดินไปหาพี่ภู และวันนี้พี่ภูเองก็ดูเหนื่อยจากงานมากยิ่งกว่าเมื่อวานมาก

พี่ภูดูอิดโรยและเหนื่อยอ่อน เหมือนคนที่พร้อมจะหลับตลอดเวลา ผมเชื่อจริงๆ นะว่าพี่ภูงานยุ่ง เพราะขนาดพี่เทมส์เอง แม้เขาจะไม่ค่อยมีเวลาโทรหาผมบ่อยๆ แต่เขาก็จะส่งข้อความมาหาผมตลอดไม่ได้ขาด เพิ่งจะมีสองสามวันนี้แหละที่พี่เทมส์หายไป ถ้าให้เดาก็คงมีสภาพไม่ต่างจากพี่ภูเท่าไหร่หรอก ยิ่งใกล้ช่วงเปิดตัวโครงการมากเท่าไหร่ พวกเขาจะยิ่งวุ่นมากขึ้น

แต่ดูเหมือนคุณจีนจะไม่ได้รับรู้ถึงความเหนื่อยและหงุดหงิดที่พี่ภูแผ่ออกมา เพราะเธอตรงเข้าเกาะแขนพี่ภูทันที

“ภูคะ ภูพาจีนไปหาอะไรทานนอกบ้านได้ไหมคะ?” พี่ภูหันไปหาคุณจีนทันทีเมื่อได้ยินเธอขอแบบนั้น

“ทำไมล่ะ? วันนี้ไนล์ไม่ทำกับข้าวหรอ? ทำไมจีนถึงยังไม่ได้กินอะไร?” พี่ภูละสายตาจากคุณจีนมามองหน้าผมที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะทานข้าว ก่อนที่พี่ภูจะเหลือบไปเห็นกับข้าววางเรียงรายอยู่ เขาก็ขมวดคิ้วมุ่นดูหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม “ก็มีกับข้าววางอยู่บนโต๊ะนี่ แล้วทำไมจีนถึงไม่ไปกินล่ะ จะให้ผมพาออกไปหาอะไรกินข้างนอกทำไม”

“ก็เด็กที่ดูแลภูไม่ให้จีนทานนี่คะ เขาบอกจีนว่าเขาทำให้ภูทานแค่คนเดียว ถ้าจีนอยากทานให้จีนไปทานเองข้างนอก แต่จีนเจ็บขาไปไม่ไหว อีกอย่างจีนต้องทานยาด้วย จีนก็เลยมารบกวนภูแบบนี้”

คุณจีนพูดด้วยท่าทางน่าสงสาร ในขณะที่ผมถึงกับอึ้งไปเลย นี่มันหนังคนละม้วนชัดๆ ผมพยายามจะอ้าปากแก้ความเข้าใจผิด แต่พี่ภูที่ดูเหนื่อยมากๆ กลับดูไม่อยากรับฟังอะไรทั้งนั้น และตอนนี้เขาก็หงุดหงิดมากจนอยากจะพาลใส่ใครสักคน และคนๆ นั้นก็คงจะหนีไม่พ้นผมเอง

“ไนล์! ทำไมถึงทำแบบนี้ ฉันบอกแล้วใช่ไหมให้นายดูแลจีน ที่ฉันขอนี่มันเหนือบ่ากว่าแรงมากเลยหรอ แค่นี้ฉันยังเหนื่อยไม่พอรึไง?”

“พี่ภูครับ แต่ไนล์ไม่ได้…” เขาโบกมือปัด ราวกับไม่อยากรับฟัง ทำเอาใจผมชา รู้สึกว่าสุดท้ายผมก็เป็นคนที่พี่ภูไม่เคยรับฟังอะไรเลย

ไม่ว่าจะเป็นตอนคุณรัน หรือคุณจีน

ผมต้องมารับผิดเพราะสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำทุกครั้ง ทำไมต้องเป็นผมตลอดเลย ในขณะที่พี่ภูรับฟังทุกคน ผมกลับเป็นคนเดียวที่เขาไม่คิดจะฟังอะไรทั้งนั้น

“จีนไปกินอาหารที่อยู่บนโต๊ะเถอะ วันนี่ผมเหนื่อยผมคงไม่กินอะไรทั้งนั้นล่ะ เดี๋ยวผมจะไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเลย จีนก็ไปกินให้อิ่มแล้วกินยาซะนะ”

“ขอบคุณนะคะภู ถ้าจีนไม่ได้ภูจีนคงแย่” เธอเอาหน้าซบแขนพี่ภู พลางปรายตาและยิ้มเยาะใส่ผม แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมเจ็บเท่าที่พี่ภูตบลงเบาๆ บนมือของคุณจีนที่เกาะแขนตัวเองอยู่ ราวกับจะปลอบใจ

“อืม ไม่เป็นไร ผมขอโทษแทนไนล์ด้วยแล้วกัน ปกติไนล์ไม่ได้เป็นแบบนี้ เอาไว้เดี๋ยวผมจะคุยกับเขาให้”

คุณจีนช้อนตามองพี่ภู ก่อนจะผละออกแล้วยิ้มหวานใส่ “ค่ะภู ถ้าภูบอกแบบนี้จีนก็เบาใจ จีนรู้ว่าจีนมาอยู่ที่นี่คงทำให้ภูกับคนดูแลอึดอัด แต่จีนไม่มีที่ไปจริงๆ ขอเวลาจีนสักหน่อยนะคะ”

“อย่าคิดมากเลยจีน ก็ตามที่ผมเคยบอกจีนไว้นั่นแหละ” พี่ภูตัดบท “วันนี้ผมเหนื่อยมาก ขอตัวก่อนนะจีน”

พี่ภูถอยห่างออกจากคุณจีนก่อนจะเดินมาทางผมเพื่อไปที่ห้องนอน เขาสบตาผมเล็กน้อย แววตาของพี่ภูยังคงดูหงุดหงิดและรำคาญใจ เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ผมรู้ว่าท่าทีแบบนี้คือให้ตามไปที่ห้อง ผมเลยเดินตามเขาไปเงียบๆ และทันทีที่ประตูห้องปิดลง น้ำเสียงเฉยชา ใบหน้าเรียบนิ่งจากพี่ภูก็ถูกส่งมาที่พี่ทันที

“มันอะไรกันนักหนา? หรือฉันยังเหนื่อยเรื่องงานไม่พอ? กลับบ้านมาทำไมถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้อีกห๊ะไนล์?”

“…” สีหน้าและแววตาที่เหนื่อยอ่อนของพี่ภูทำให้ผมกลืนทุกอย่างลงคอ จากที่เคยตั้งใจไว้ว่าอยากจะพูดทุกเรื่องผมก็พูดไม่ออก เพราะถ้าผมเริ่มพูดผมก็รู้ว่ามันจะไม่จบลงง่ายๆ และก็จะต่อความยาวสาวความยืดมากออกไปอีก

แต่ถ้าผมทน ทุกอย่างมันจะจบแค่ตรงนี้ และพี่ภูก็ไม่ต้องตามแก้ปัญหาวุ่นวายอีก

“ฉันรู้ รู้ว่าจีนเองก็คงทำนายลำบากไม่น้อย ฉันรู้ว่าที่จีนพูดคงไม่ได้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ฉันอยากให้นายช่วย เพราะฉันรู้ว่านายจะช่วยได้.. ยอมๆ จีนหน่อยนะไนล์ ถือว่าซื้อความสบายใจให้ฉันก็ยังดี”

“…” ผมเม้มปากแน่น สิ่งที่พี่ภูขอไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง แม้มันจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่มันก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้

ผมเข้าใจที่พี่ภู แต่มันอดน้อยใจไม่ได้ ที่สุดท้ายก็เป็นผมทุกทีที่ต้องยอม

“ไนล์…” พี่ภูเดินมาจับไหล่ผมทั้งสองข้าง และจังหวะนั้นผมก็ตัดสินใจพูด อย่างน้อยก็เพื่อรักษาความรู้สึกของตัวเอง

“แต่ไนล์ไม่ได้ทำอย่างที่คุณจีนบอก ไนล์หาอะไรให้คุณจีนทานแล้ว แต่เธอไม่ทาน เธอจะให้ไนล์ทำให้ใหม่” ผมพูดเสียงเบาและในตอนนั้นเองพี่ภูก็ดึงผมเข้าไปกอด

ใจที่บอบช้ำเหมือนได้รับการดูแล มันดีขึ้น แต่ก็ยังคงเจ็บอยู่ เพราะสุดท้ายพี่ภูก็ยังคงยืนยันคงเดิม

“ฉันรู้ ฉันถึงได้บอกไงว่าฉันรู้ แต่ก็อย่างที่บอก ช่วงนี้งานฉันเยอะมาก ฉันเหนื่อยมากไนล์ กลับมาฉันก็อยากพักไม่อยากมารับรู้ปัญหาอะไรเพิ่มอีก”

พี่ภูจูบแก้มผมเบาๆ ก่นที่จะขอร้องผมต่อ

ขอร้องในสิ่งที่ผมไม่มีวันปฏิเสธเขาได้ ไม่ว่ากี่ครั้งผมก็ยอมเขาเสมอ

“ทนหน่อยนะไนล์ เดี๋ยวพอจีนดีขึ้นเธอก็จะไปจากที่นี่ ฉันทำใจร้ายไล่เขาไปตอนนี้ไม่ได้ เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่หรอ?” พี่ภูดันตัวผมออก ก่อนที่จะสบตาผมนิ่ง “ทนเพื่อฉันหน่อย ทำเพื่อฉัน..นะไนล์นะ”

“ก็ได้ครับ ไนล์จะพยายามไม่ทำให้พี่ภูต้องยุ่งยากใจเพราะปัญหานี้อีก อะไรที่ไนล์ยอมคุณจีนได้ ไนล์จะยอมเธอครับ”

“ขอบใจนะไนล์ ขอบใจมาก”

ผมตัดสินใจพยักหน้ารับและบอกว่าจะทำ แค่นั้นพี่ภูก็ยิ้มออก แต่กลายเป็นหัวใจผมหนักอึ้งแทน ผมรู้ตัวเองดีว่าลึกๆ ผมยังน้อยใจพี่ภูอยู่ อาจจะเพราะคุณจีนเป็นแฟนเก่า เป็นคนที่พี่ภูเคยรักมาก เป็นคนที่ไม่ว่ายังไงพี่ภูก็จะยังคงให้ความสำคัญก่อนเสมอ

ผมเลยอดไม่ได้ที่จะคิดน้อยใจ แต่แล้วหัวสมองผมก็ต้องว่างเปล่า เมื่อใบหน้าหล่อเหลาของพี่ภูค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ

พี่ภูยื่นหน้ามาประทับริมฝีปากตัวเองลงบนริมฝีปากผมเบาๆ เขาจูบผมอย่างอ่อนโยน เลาะเล็มริมฝีปากผมช้าๆ ก่อนที่จะสอดลิ้นเข้ามาทันทีที่ผมเผยอริมฝีปากออก เขากวาดลิ้นไปทั่วโพรงปากผม ก่อนจะเกี่ยวกระหวัดลิ้นตัวเองเข้ากับลิ้นผม เสียงจูบและอารมณ์ของเราค่อยๆ ไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายขอยอมแพ้ ด้วยการบีบไหล่พี่ภูแน่น เพราะหายใจไม่ทัน

พี่ภูยอมถอนริมฝีปากออก เขามองหน้าผม นัยน์ตายังลุกโชนไปด้วยเพลิงอารมณ์ที่ยังปะทุอยู่ภายใน

“ไปครับพี่ภู ไปอาบน้ำได้แล้ว” พี่ภูพยายามจะยื่นหน้าเข้ามาจูบแก้มผม แต่ผมเบี่ยงหลบ เพราะรู้ดีว่าถ้าผมยอมให้พี่ภูจูบอีก มันต้องเลยเถิดแน่ๆ “ไหนว่าเหนื่อยไงครับ ไปอาบน้ำแล้วจะได้รีบมานอนนะ”

ผมพยายามจับคนตัวโตกว่าหันหลัง แล้วดันตัวเขาให้ออกเดิน แต่พี่ภูกลับอาศัยความตัวใหญ่และแรงเยอะกว่าผม เขาหันมาตวัดตัวผม ก่อนจะช้อนอุ้มขึ้นแนบอก พลางพูดด้วยสีหน้าและแววตาที่ไม่น่าไว้ใจสักนิด

“อาบน้ำกัน อาบพร้อมกันนี่แหละ เดี๋ยวฉันถูหลังให้” น้ำเสียงพี่ภูเจ้าเล่ห์มากจนผมรู้ว่ามันจะไม่จบที่การอาบน้ำเฉยๆ แน่ๆ

“ไม่เอาครับพี่ภู ไหนพี่ภูว่าเหนื่อยไง” ผมแย้งเสียงอ่อน แต่พี่ภูกลับไม่ยอมปล่อย แถมกอดผมแน่นกว่าเดิมอีกต่างหาก

“เหนื่อยน่ะมันเหนื่อยอยู่… แต่สำหรับเรื่องนี้ฉันไหวตลอดแหละ” พี่ภูยิ้มร่าตอนอุ้มผมพาเดินเข้าห้องน้ำ โดยที่ผมเองก็โวยวายง๊องแง๊งไปตลอดทาง ยังดีที่พี่ภูแค่พาผมเข้าไปอาบน้ำจริงๆ แต่หลังออกมาจากห้องน้ำนี่สิ …

เขาฟัดผมจมแทบจมเตียง ไม่รู้ว่าเหนื่อยจริงๆ หรือแกล้งเหนื่อยกันแน่ ทำไม่กับเรื่องแบบนี้เรี่ยวแรงเขาเหลือเฟือตลอดเลย

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-06 : Universe 26th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 06-07-2020 20:24:11
(อ่านต่อจากด้านบน)


และหลังจากวันนั้น สถานการณ์ของผมกับคุณจีนก็ไม่ดีขึ้นเลยสักวัน เธอแกล้งผมทุกวันในขณะที่ผมทำได้แค่ก้มหน้าก้มตายอม บางวันเธอก็แกล้งทำน้ำหกเรี่ยราดบนพื้นให้ผมเช็ดทำความสะอาด บางวันเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชั่วโมงละชุดแล้วให้ผมเก็บซัก ป้ามลเองก็ทำท่าจะทนเธอไม่ไหวอยู่หลายรอบ และก็เป็นผมเองที่คอยห้ามไว้ แต่ผมก็ตามห้ามไม่ไหวทุกครั้ง เพราะคุณจีนสรรหางานบ้านมาให้ผมทำตลอด

สุดท้ายผมเลยต้องให้ป้ามลเข้าไปทำงานอยู่ในครัวแทน และให้แกเข้ามาเฉพาะวันที่จำเป็น แม้ผมจะเหนื่อยกับการทำงานหนักหน่อย ก็ยังดีกว่าปล่อยให้คุณจีนหาข้ออ้างเอาไปฟ้องพี่ภูได้ เพราะไม่อย่างนั้นเรื่องราวมันจะบานปลายยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะกับสองสามวันหลังมานี้ พี่ภูดูหงุดหงิดมากกว่าปกติ เหมือนคนในทีมทำอะไรพลาดสักอย่าง และงานเปิดตัวมันก็งวดเข้ามาทุกขณะ พี่ภูก็เลยหัวเสียกลับบ้านมาจนใครเข้าหน้าไม่ติด

กว่าจะทำให้พี่ภูใจเย็นได้ ผมก็ต้องตามปลอบเขาอยู่เป็นชั่วโมง คุณจีนเองก็เหมือนรู้เลยไม่ได้เข้ามาวุ่นวายอะไร ผมก็เลยวางใจว่าปัญหาจะจบสิ้นสักที ผมอาจจะยอมเหนื่อยหน่อย แต่เดี๋ยวไม่นานอาการบาดเจ็บข้อเท้าของคุณจีนก็คงดีขึ้น แล้วทุกอย่างก็คงจบลง จนกระทั่งวันนี้ วันที่คุณแพ็ตตี้มาปรากฎตัวที่หน้าประตูห้อง

“คุณไนลลลล์~ คิดถึงจังค่ะ” คุณแพ็ตโผเข้ากอดผมด้วยท่าทางร่าเริง เมื่อผมเปิดประตูห้องต้อนรับเธอ ก่อนที่เธอจะผละออกแล้วชูถุงของฝากให้ผมดู “แพ็ตไปญี่ปุ่นมาค่ะ ซื้อขนมมาฝากคุณไนล์กับภูด้วย”

ผมยิ้มกว้างจนตาหยี รับถุงขนมมาจากมือของคุณแพ็ตก่อนจะเอ่ยอย่างเกรงใจ “ไม่เห็นต้องลำบากเลยครับคุณแพ็ต แค่แวะมาเยี่ยมผมก็ดีใจแล้ว”

“ลำบากอะไรกันคะ คราวที่แล้วคุณไนล์ซื้อสร้อยข้อมือจากหัวหินมาให้ ถูกใจแพ็ตมากๆ เลย ขนมแค่นี้น่ะ เล็กน้อยมากค่ะ”

เธอว่าก่อนจะโผเข้ามาเกาะแขนผม คุณแพ็ตทำแบบนี้เป็นปกติ ต่อหน้าพี่ภูเธอก็ทำ เลยมักจะมีเรื่องให้เถียงกับพี่ภูบ่อยๆ แต่ส่วนใหญ่จะเถียงกันเสียมากกว่าทะเลาะจริงจัง แต่มีบางคนที่ไม่ชอบใจกับการปรากฎตัวของคุณแพ็ตในเวลานี้

“คุณแพ็ตตี้หรอคะ?” คุณจีนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องจ้องมองคุณแพ็ตด้วยสายตาแปลกใจในคราวแรก ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสายตาไม่พอใจเมื่อแน่ใจแล้วว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือคนที่เธอคิดไว้จริงๆ

“ใช่ค่ะ แพ็ตเอง” คุณแพ็ตตอบแต่ก็ไม่วายมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแปลกใจ “ว่าแต่คุณจีนมาทำอะไรที่นี่คะ?”

คุณจีนไม่ตอบคำถามคุณแพ็ตแต่กลับพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่น่าฟัง และแน่นอนว่าทั้งคุณแพ็ตและผมได้ยินชัดเจน

“หึ จะเอาภูให้ได้สินะ ถึงได้เกาะติดเขามาถึงที่นี่…แต่ก็คงเป็นได้แค่คู่ขาวันยังค่ำนั่นแหละ” พูดจบ คุณจีนก็ทำเป็นยกมือขึ้นมาดูเล็บ แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มหยามไม่เลิก

ผมไม่สบายใจเลยกับท่าทีที่คุณจีนแสดงออก มันก็จริงที่คุณแพ็ตกับพี่ภูมีความสัมพันธ์กัน แต่มันก็เกิดขึ้นหลังจากที่คุณจีนเลิกกับพี่ภูแล้ว ผมเลยรู้สึกไม่ค่อยโอเคกับคำพูดของคุณจีนเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ได้หยุดแค่ประโยคเดียว

“พวกคู่ขาคุยกัน ดูท่าทางจะถูกคอกันน่าดู”

และเส้นความอดทนของคุณแพ็ตก็ขาดลงทันที “คุณจีน! มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ!”

“มากไปตรงไหนไม่ทราบ ก็เห็นอยู่ว่าหัวเราะกันร่วน กอดกันกลม ดูเข้ากั๊นเข้ากัน ท่าทางจะนิสัยเดียวกัน.. นิสัยลักกินขโมยกินของคนอื่นน่ะ” คุณจีนยิ้มเหยียด ความไม่พอใจตีตื้นขึ้นมาเต็มอก แต่ผมก็พยายามห้ามตัวเองไว้ แต่คุณแพ็ตน่าจะไม่ไหวแล้ว

“ค่ะ แพ็ตกับคุณไนล์กับแพ็ตอาจจะเป็นอย่างที่คุณจีนว่า” คุณแพ็ตยิ้มเย็น เห็นแล้วผมไม่สบายใจสักนิด “แต่แพ็ตก็ว่ายังดีกว่าคนบางคนนะคะ ที่เขาไม่เอาแล้วก็ยังอุตส่าห์หน้าทนตามมาถึงที่”

คุณจีนกรี๊ดลั่นในขณะที่ผมตะลึงอ้าปากค้าง ผู้หญิงเป็นเพศที่อัศจรรย์และความรู้สึกไวมาก ขนาดว่าผมยังไม่ทันเล่าอะไรให้เธอฟัง เพียงแค่คุณแพ็ตเห็นคุณจีนอยู่ที่นี่ก็จับทางได้หมดแล้ว

“กรี๊ดดด แก.. แก! คอยดูนะ ฉันจะฟ้องภู แกโดนดีแน่ ฉันจะให้ภูจัดการแก” คุณจีนชี้หน้าผม ให้ผมนึกโมโหขึ้นมาบ้างที่จู่ๆ เธอก็ลงกับผมอีกแล้ว ซึ่งจะลงกับผมผมไม่ว่าหรอก แต่ทำไมต้องจะฟ้องพี่ภูให้พี่ภูหนักใจอีก

“คุณจีนครับ ผมขอร้อง ช่วงนี้พี่ภูเหนื่อยมากอย่าหาเรื่องหนักใจให้เขาเพิ่มเลยนะครับ”

ผมตัดสินใจขอร้องเธอดีๆ แต่ก็ดูแล้วผมว่าน่าจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ เพราะนอกจากเธอจะไม่ฟังที่ผมขอแล้ว เธอยังเข้าไปในครัวเอาแกงที่อยู่ในหม้อเทราดลงบนพื้น เพื่อแกล้งให้ผมทำต้องทำกับข้าวใหม่ และทำความสะอาดพื้นเพิ่ม

“ทำไมฉันต้องฟังแก หึ! เป็นแค่คนรับใช้ก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป หรือว่าเก่งแต่เรื่องอย่างว่าล่ะ?”

ผมข่มความโกรธไว้ลึกสุดใจ พยายามไม่พูดอะไรเพราะยังไงคุณจีนก็เป็นผู้หญิง พ่อกับแม่ผมสอนเสมอว่าต้องให้เกียรติคนทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่าเรา แม้ว่าเธอจะทำตัวไม่ค่อยมีมารยาทกับผมก็ตาม

“คุณจีน!...” และก็เป็นอีกครั้งที่คุณแพ็ตทนไม่ไหว ดูเหมือนว่าเธอตั้งใจจะงัดกับคุณจีนสักตั้ง แต่ผมรั้งข้อมือเธอไว้และสบตาเป็นเชิงอ้อนวอน

ผมไม่ได้เห็นแก่ใครเลย คนที่ผมแคร์มีแค่พี่ภู และผมก็ไม่อยากให้เรื่องราวมันลุกลามบานปลาย

“ช่างเถอะครับคุณแพ็ต” ซึ่งก็ดูเหมือนว่าพอคุณแพ็ตทำท่าจะเอาจริง คุณจีนก็ชิงเดินกระโผลกกระเผลกหนีเข้าห้องไปก่อน คุณแพ็ตเองพอเห็นคู่กรณีหนีเข้าห้องไป เธอก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ เพื่อระบายความหงุดหงิด

“เฮ้อ! นี่เพราะคุณไนล์ขอไว้นะคะ! ไม่งั้นคงได้มีฉะกันสักตั้งแน่ๆ คนอะไรมารยาทแย่ชะมัด” คุณแพ็ตมองพื้นที่มีแกงหกเรี่ยราด โดยมีผมกำลังหยิบผ้าเตรียมไปเช็ด เธอถึงได้ลุกมาหาผมอีกรอบ “มาค่ะ แพ็ตช่วย ว่าแต่.. มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะคุณไนล์ คุณจีนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง คุณไนล์พอจะเล่าให้แพ็ตฟังได้ไหม?”

ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลงมือถูพื้นโดยมีคุณแพ็ตคอยช่วย แล้วจากนั้นผมก็เริ่มเปิดปากเล่า โดยมีคุณแพ็ตที่ถูพื้นไป ฟังไปอย่างตั้งใจ

“เรื่องมันเกิดเมื่อตอนวันที่ผมกับพี่ภูกลับมาจากหัวหินนั่นแหละครับ พอมาถึงเราก็เจอคุณจีนนั่งรออยู่ที่ล็อบบี้….”

และหลังจากนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดให้คุณแพ็ตฟัง แต่ผมเลือที่จะข้ามบางตอนที่คุณจีนทำตัวไม่น่ารักกับผมไป ผมไม่อยากให้คุณแพ็ตโมโหไปมากกว่านี้

“แล้วนี่เป็นครั้งแรกหรอคะที่คุณจีนทำตัวไม่น่ารักแบบนี้… แพ็ตว่าไม่ใช่ครั้งแรกแน่ๆ” แต่ผมก็ลืมไปว่าคุณแพ็ตทั้งฉลาดทั้งหัวไว เรื่องแค่นี้เธอต้องมองออกแน่ๆ แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

“ก็ไม่บ่อยหรอกครับ แค่…”

“แค่ทุกวันใช่ไหมคะ?” เธอถามสวนทั้งที่ผมยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ “เฮ้อ.. คุณไนล์ แล้วภูรู้เรื่องรึป่าวคะ ว่าแฟนเก่าเค้าร้ายกับคุณไนล์ขนาดไหน”

ผมส่ายหน้า “ผมไม่อยากให้พี่ภูเครียด ช่วงนี้พี่ภูเหนื่อยเรื่องงานมาก ผมสงสารถ้าเขายังต้องมารับรู้เรื่องที่บ้านอีก”

“แพ็ตเข้าใจคุณไนล์นะคะ แต่แพ็ตไม่แนะนำให้ปล่อยไว้ แพ็ตไม่อยากให้มันมาส่งผลไม่ดีต่อความสัมพันธ์ของคุณสองคนภายหลัง”

ผมนิ่งและคิดตาม ก่อนจะพบว่าตัวเองเห็นด้วยเลยพยักหน้ารับ “ก็ได้ครับ เอาเป็นว่าถ้าผมคิดว่ามันมากไปเมื่อไหร่ ผมจะบอกให้พี่ภูรู้ จะได้ช่วยกันแก้ปัญหาได้ทัน”

คุณแพ็ตส่งยิ้มให้ผม ก่อนที่จะขยับมากอดผมไว้แน่นราวกับให้กำลังใจ “สู้ๆ นะคะคุณไนล์ แพ็ตเชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี”

ผมก็หวังแบบนั้นเหมือนกันครับคุณแพ็ต แม้ส่วนลึกในใจผมจะไม่ได้เห็นด้วยมากเท่าไหร่ก็ตาม

.

.

.

และทันทีที่พี่ภูถึงบ้าน ปัญหาที่ว่าก็เกิดขึ้นทันที

คุณจีนวิ่งไปเกาะแขนพี่ภูทันทีที่พี่ภูเดินเข้ามาในบ้าน เธอฟ้องพี่ภูยกใหญ่ว่าวันนี้คุณแพ็ตมารังแกและด่าทอเธอถึงที่นี่

“ภูคิดดูสิคะ จีนก็อยู่ของจีนดีๆ ไม่รู้ว่าคุณแพ็ตรู้ได้ยังไงว่าจีนอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าใครโทรไปบอก เธอมาถึงก็ด่าจีนเอา ด่าจีนเอา หาว่าจีนหน้าด้านมาขอเกาะภูอยู่ ทั้งที่คุณแพ็ตไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่กลับมาด่าจีนเหมือนมีคนฝากมาด่า .. จีนเสียใจมากเลยนะคะภูที่เหตุการณ์เป็นแบบนี้ จีนแค่มาขอพักฟื้น หายแล้วจะรีบไป หรือถ้าภูกลัวคนดูแลภูจะไม่…”

“อยู่ที่นี่แหละจีน ไม่ต้องพูดอะไรอีก นี่คอนโดผม ถ้าผมอนุญาตก็ไม่มีใครมีสิทธิ์มาขัด”

พี่ภูพูดกับคุณจีนจบก็หันมามองผมด้วยแววตาเสียใจปนผิดหวัง และนาทีนั้นผมก็นึกรู้ทันทีว่าพี่ภูหลงเชื่อคนรักเก่าเต็มเปา และนั่นทำให้ผมต้องลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง

“ไนล์ไม่ได้ทำอย่างที่คุณจีนว่า วันนี้คุณแพ็ตแค่แวะมาเอาขนมมาฝาก แล้วเธอก็เจอคุณจีน ไนล์ไม่ได้ยืมมือใครทำอะไรทั้งนั้น”

ผมพูดเสียงกร้าว เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ดูเหมือนพี่ภูจะไม่ได้ประเมินในสิ่งที่ผมพูดเท่าไหร่ เพราะเขากำลังใข้นิ้วมือทั้งสองข้างบีบเบาๆ บนดั้งจมูกกลางหว่างคิ้วตัวเอง

“นายกำลังร้อนตัวนะไนล์” พี่ภูพูดออกมาเบาๆ ทำเอาใจผมชาไปทั้งใจ ในขณะที่คุณจีนเองก็ส่งยิ้มเยาะมาอย่างเปิดเผย

พี่ภูไม่เชื่อผม เขาเชื่อคนรักเก่าของตัวเองมากกว่า สุดท้ายผมเลยเลือกที่จะกลืนทุกคำพูดลงคอ เพราะรู้ดีว่าเปล่าประโยชน์ พูดอะไรไปพี่ภูคงไม่ฟัง.. ในนาทีนั้นผมก็ตัดสินใจหมุนตัวกลับเข้าห้อง โดยพูดทิ้งท้ายไว้แค่สั้นๆ

“ถ้าพี่ภูไม่เชื่อไนล์ ไนล์ก็ไม่มีอะไรที่จะพูดแล้วครับ”

ผมเดินหนีเข้ามาในห้องเงียบๆ พี่ภูไม่ได้เดินตามมาในทันที ผมคิดว่าคุณจีนคงฟ้องอะไรพี่ภูต่อ แล้วผมก็คิดไม่ผิด เพราะไม่กี่นาทีต่อมาผมได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินลงส้นมาที่ประตู บ่งบอกถึงสภาพอารมณ์ของคนกำลังจะมาถึงได้เป็นอย่างดี

ประตูห้องเปิดออก และสิ่งที่ผมเห็นเป็นอันดับแรกคือใบหน้าไม่พอใจของอีกฝ่าย พี่ภูดูโมโหมาก เขาตรงเข้ามาคว้าต้นแขนผมแล้วกระชากเข้าหาตัวทันที เขาไม่แม้แต่จะปิดประตูให้สนิทด้วยซ้ำ

“วันนี้ทำอะไรกับแพ็ต ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่ห่างๆ แพ็ต แต่กอดกันกลมแบบนี้หมายความว่ายังไง ห๊ะ?” พี่ภูพูดพลางชูโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นตาผมในมือขึ้นมา หน้าจอเป็นรูปตอนที่คุณแพ็ตกำลังกอดให้กำลังใจผมอยู่ .. และคุณจีนแอบถ่ายไว้

“ถ้าไนล์บอกว่าไนล์กับคุณแพ็ตไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันพี่ภูจะเชื่อไนล์… เชื่อเหมือนที่พี่ภูเชื่อคุณจีนไหมครับ”

ผมถามเสียงสั่น น้ำตาพาลจะไหลให้ได้ ผมรู้ตัวว่าผมน้อยใจ ผมยอมรับ แล้วจะให้ผมยึดผมถือทุกอย่างไว้คนเดียวได้ยังไง ในเมื่อผมแคร์พี่ภูทุกอย่าง กลัวว่าเขาจะเหนื่อยเลยเก็บความทุกข์ใจไว้คนเดียว แต่พี่ภูกลับไม่เคยแคร์ผมเลย เขาเชื่อคำพูดทุกอย่างของแฟนเก่ามากกว่า แฟนเก่าที่เคยหักหลังเขา เพียงเพราะเขาปักใจแต่ว่าผมจ้องจะนอกใจ ทำไมเขาถึงไม่เชื่อใจผมสักที

“ไม่ต้องมาต่อปากต่อคำ! เมื่อไหร่จะทำตัวให้ฉันไว้ใจได้ เคยบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ได้ห้ามเรื่องเจอกันกับแพ็ต แค่ขอร้องว่าไม่ให้ถึงเนื้อถึงตัวกันเนี่ย มันยากมากเลยหรอไนล์ ห๊ะ?”

“…” ผมไม่ตอบเพราะรู้ว่าพูดไปพี่ภูก็ไม่ฟัง เลยเลือกที่จะเงียบ และนั่นก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากกว่าเดิม จนเผลอบีบต้นแขนผมแน่นจนผมรู้สึกเจ็บ แต่ผมก็เลือกที่จะปิดปากเงียบไม่ร้องสักแอะ

“แค่ฉันเหนื่อยเรื่องงานก็จะเป็นบ้าตายแล้ว นี่ฉันยังต้องมาเหนื่อยกับนิสัยเดิมๆ ของนายที่แก้ไม่หายสักทีอีกหรอ?” พี่ภูกระชากตัวผมเข้าไปหา “มันอยากหรือมันยังไง ช่วงนี้ฉันสนองให้นายไม่เต็มที่หรอ นายถึงได้เป็นแบบนี้น่ะ ห๊ะ?”

ผมผลักเขาออก ก่อนจะจ้องหน้าเขาด้วยสายตาที่แสดงความผิดหวังมากที่สุด และเหมือนกับว่าพอยิ่งผมต่อต้าน ก็จะยิ่งทำให้พี่ภูโมโห เขารั้งตัวผมเข้ามากอดอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดในสิ่งที่ทำให้ผมเสียใจอีกรอบ

“อ้อ! ใช่สิ ช่วงนี้ไอ้เทมส์มันก็ไม่ว่างเหมือนกันนี่ ไม่งั้นก็คงไม่พ้นมัน มันที่นายแล่นไปหาลับหลังฉันทุกครั้ง อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ!”

พี่ภูจ้องมองผมอย่างไม่พอใจ ผมรู้ว่าเขาทั้งหงุดหงิด ทั้งเหนื่อย ทั้งระแวง เขากำลังเอาทุกอย่างมารวมกันแล้วลงที่ผมคนเดียว

“พี่ภูกำลังพาลนะครับ ปล่อยไนล์เถอะครับ ไว้พี่ภูใจเย็นแล้วเราค่อยคุยกัน” ผมตัดสินใจตัดบท เพราะไม่อยากชวนอีกฝ่ายทะเลาะ อีกอย่างตอนนี้สภาพอารมณ์ของพี่ภูก็ไม่ปกติด้วย แต่พี่ภูกลับตีเจตนาผมไปในทางตรงกันข้าม

“ทำไม? แตะไม่ได้หรอไอ้เทมส์น่ะ พูดถึงมันไม่ได้ อาลัยอาวรณ์มันนักรึไง ห๊ะ?”

พี่ภูดึงผมเข้าหาตัวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมเลือกที่จะสะบัดตัวออก ตั้งใจว่าจะออกไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นเพื่อรอพี่ภูอาบน้ำสงบสติอารมณ์ แต่พี่ภูไม่ยอมให้ผมดิ้นหลุด ซ้ำร้ายเขายังเหวี่ยงผมลงเตียงแล้วตามมาคร่อมไว้

ผมตกใจในตอนแรกและพยายามดิ้นให้หลุด พี่ภูเองก็ไม่ยอมเข้าก้มลงซุกไซร้ที่ซอกคอของผม และพยายามที่จะจูบ ผมดิ้นรนแต่ก็พบว่ามันเปล่าประโยชน์ และรังแต่จะทำให้พี่ภูโมโหผมหนักกว่าเดิม

สุดท้ายผมเลยนอนนิ่ง ปล่อยให้พี่ภูปล้ำจูบซุกไซ้ตามอำเภอใจ และพอเขารู้สึกว่าผมไม่ดิ้นรน แต่ก็ไม่ได้มีอารมณ์ร่วม แถมยังนอนนิ่งเหมือนท่อนไม้ พี่ภูก็ผละออก ก่อนจะทึ้งศีรษะของตัวเองอย่างหงุดหงิด

ผมนอนน้ำตาไหลเงียบๆ นึกท้อใจที่พี่ภูเป็นแบบนี้อีกแล้ว เขาแทบจะไม่เห็นค่าผมเลยเวลาที่เขาโมโห แม้เขาจะยอมหยุดและยั้งตัวเองได้ทัน แต่ก็ไม่อาจทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้เลย

“โธ่เว้ย!!”

พี่ภูผละออก ก่อนจะลุกขึ้นยืนอยู่ข้างเตียงด้วยอารมณ์ที่ไม่ปกติ ยิ่งผมไม่หือไม่อือ เขายิ่งไม่พอใจ สุดท้ายเขาก็ทนความนิ่งเฉยของผมไม่ได้ และผลุนผลันเดินออกไปจากห้อง ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงประตูหน้าคอนโดปิด และได้ยินเสียงคุณจีนตะโกนถามพี่ภูลั่นห้อง

“ภูคะ ภูจะไปไหนคะ? ภู.. ภู ภู..”

“ผมจะกลับไปนอนบ้าน!”

พี่ภูตอบคุณจีนแค่นั้น ก่อนที่จะได้ยินเสียงประตูคอนโดงับปิดเสียงดัง ผมนอนน้ำตาไหลเงียบๆ นึกโล่งใจที่อย่างน้อยวันนี้พี่ภูก็ยอมถอยเพื่อที่เราจะได้ไม่ทะเลาะกันมากกว่าเดิม แต่อีกใจก็นึกน้อยใจที่เขาเลือกจะเชื่อคำพูดของคุณจีนมากกว่าผม

ผมตั้งสติและลุกขึ้นมาปิดล็อคประตูห้องนอนที่เปิดอ้าซ่า เพราะรู้ว่าคืนนี้ยังไงพี่ภูก็ไม่กลับ และผมก็เหนื่อยมากจนไม่อยากจะออกไปสู้รบปรบมืออะไรกับผู้หญิงคนนั้นอีก

โดยที่ผมไม่ได้รู้เลยว่า ผู้หญิงคนนั้นคนที่เป็นต้นเหตุให้ผมกับพี่ภูทะเลาะกัน เขาได้ยินทุกอย่างที่ผมกับพี่ภูพูด และกำลังวางแผนทำลายความสัมพันธ์ของเราสองคนให้ย่อยยับ เพื่อที่เธอจะได้กลับมายืนในที่ที่เคยเป็นของตัวเอง

To Be Continue

------------------------------------------

ความอดทนของคนเรามันจำกัดนะพี่ภู ทำตัวแย่ๆ ใส่น้องบ่อยๆ ก็ใช่ว่าน้องจะยอมทุกครั้งเน้อ.. จัมวรั้ยยยย!

ด่าพี่ภูได้เลยค่ะตามศรัทธา ขอเพียงแค่อย่าด่าเราแค่นั้นแหละจ้าาาา 555555555555

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ แล้วก็ขอบคุณทุกคนมากๆ สำหรับคอมเม้นท์ คลิกไลค์การโดเนท และกำลังใจในทุกๆ รูปแบบน้าาา ขอบคุณมากๆ ค้าบ และก็หวังว่าจะอยู่ไปด้วยกันจนสุดทาง จนจบเรื่องน้าาา

ไว้เจอกันตอนหน้าค่า พยายามจะมาให้มันในวันศุกร์ ช้าหน่อยก็อาจจะเสาร์ .. รักค้าบบบ!
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-06 : Universe 26th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 06-07-2020 20:44:46
ขอด่าแรงๆที่เถอะ
ไอ้พี่ภูได้โง่ๆๆๆๆๆๆ

โง่สิ้นดี

ไนล์กลับบ้านเถอะลูกกกกกก
โอ้ยยยยยยยกอดไนล์แรงๆเลย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-06 : Universe 26th)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 06-07-2020 20:51:06
 ไนล์ก็นะ คนดีเกิ้นนนน คนบางคนมันเหมาะกับของแรงถึงจะเอาอยู่ ดีด้วยให้ตายก็ไม่สนหรอก ถึงจะรู้ว่าไนล์เป็นคนเรียบร้อยแต่เบื่อบทนายเอกแบบนี้ ส่วนภูคือแย่สุดเอาปัญหามาโยนแล้วลอยตัว ทุเรศ คือที่อ่านมาสัมผัสมุมดีได้น้อยมาก นิดๆๆๆก็อารมณ์ร้อน นิดๆๆๆก็หูเบา พักๆๆๆ แยกๆๆๆๆๆ สรุป ไนล์ควรกลับไปบ้านได้ละ ปล่อยให้ภูจัดการตัวเองไปเถอะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-06 : Universe 26th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-07-2020 22:03:22
เฮ้อออออ อีพี่ภูหูเบาได้ตลอดเลย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-06 : Universe 26th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-07-2020 22:58:34
อห ไนล์คิดว่าพี่ภูจะเข้าใจแต่แล้วก็คิดผิด ไม่แค่ไนล์นาทีบอกเลยว่าที่ผ่านมาเราเองก็คิดผิด คิดว่าอิพี่ภูจะเปลี่ยนแปลงตัวเองดีขึ้นแล้ว แต่เปล่าเลย ยังคงไม่ฟังก่อนพูด พูดไม่คิด พาลเรื่องนั้นมาใส่เรื่องนี้ ดูถูกหยามศักดิ์ศรีไนล์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่จัดอารมณ์เครียดจากงานแล้วมาลงกับคนอื่น ให้ตายสิ แต่งงานกันไปอยู่ด้วยกันจะเป็นสนามอารมณ์ขนาดไหนไม่อยากคิด ถึงตอนนี้สมควรแก่เวลาแล้วที่อยากจะให้ไนล์ พอสักที ไนล์มาจากครอบครัวที่ดี พ่อแม่พี่รัก ครอบครัวอบอุ่น ไฉนเลยถึงมาวิ่งตามความรักที่ต้องเจ็บซ้ำๆแบบนี้ โอเคตอนแรกก็เข้าใจ แต่ในเมื่อมันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ความอดทนยังไม่ถึงจำกัดอีกหรอ ครั้งนี้พลาดมากอิพี่ภู โคตรพาล แนะนำไปหาหมอนะ และจะบอกเลยว่าถ้าอิตาพี่ภูไม่ได้รับการสั่งสอนให้สาสม เหตุผลไม่เพียงพอมากจะให้ไนล์บอยคอยไปสัก10ปีไม่ต้องรัก จบกันแค่นี้ ว่าแต่ไนล์เถอะ เหอะ คิดถึงครอบครัวด้วยนะ เลี้ยงดูมาอย่างดีมาเจอแต่กับอะไรก็ไม่รู้ ถ้าเป็นพ่อแม่รู้ว่าลูกโดนทำแบบนี้คิดดูว่าจะเสียใจขนาดไหน บางทีไนล์ก็เห็นแก่ตัวนะ พร่ำเพ้ออะไรไม่รู้ ตัวเองโดนยังงั้นยังงี้ แต่เป็นตัวเองไหมที่... ตลอด อินจ้าอิน 555555555 ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนหน้าเลยจ้า  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-06 : Universe 26th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-07-2020 23:43:33
ครบสามเดือนได้ละมั้ง เลิกเป็นคนดีเถอะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-06 : Universe 26th)
เริ่มหัวข้อโดย: PsapBBBB ที่ 07-07-2020 00:08:49
อิพี่ภูดีแตกซะแล้ว ไนล์ลูกเก็บของกลับบ้านเรากันให้อิพี่ภูอกแตกตายไปเลย ตอนหน้าคุณแม่ต้องมาแล้วนะคะ ทั้งป้ามลทั้งแพ็ตต้องช่วยน้องไลน์เอาอิผีจีนออกไปแล้วนะคะอยากเห็นคนหัวเน่าแล้ว ดดตุ่มโทรฟ้องพี่เทมส์
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-06 : Universe 26th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-07-2020 14:13:36
เหมือนพี่จะเข้าใจน้องแต่ไม่เลย พี่ไม่ได้ปรับปรุงนิสัยให้ดีขึ้นเลย รอน้องทนไม่ไหวก่อนเถอะ ได้เป็นหมาตามหาน้องแน่ ๆ เมื่อน้องมันทนไม่ไหวแล้วทิ้งอิพี่ไปในวันที่อีกพี่รู้ควาจริงทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-06 : Universe 26th)
เริ่มหัวข้อโดย: Ritawongishere ที่ 07-07-2020 19:33:14
 :katai1: เมื่อไหร่จะครบ3เดือน อืดมาก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-10 : Universe 27th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 10-07-2020 20:48:38
Universe 27th : แตกหัก


หลังจากวั้นนั้นพี่ภูก็ทำงานและกลับบ้านดึกทุกวัน เขาจะกลับมาหลังจากที่ผมหลับไปแล้ว และออกไปตั้งแต่ผมยังไม่ตื่น เราไม่ได้พูดคุยทำความเข้าใจอะไรกันทั้งนั้น พี่ภูมึนตึงใส่ผม และผมเองก็กล้าไม่มากพอที่จะเข้าไปพูดคุย

สถานการณ์ในตอนนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะแย่ แต่มันกลับแย่ลงไปอีก เมื่อวันอาทิตย์เวียนมาถึง วันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดพักผ่อนของพี่ภู แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเอางานกลับมาทำที่บ้าน และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ทำให้ผมได้รู้และได้เข้าใจ


ผมไม่เคยสำคัญ และไม่มีวันสำคัญสำหรับพี่ภู


“จีนว่าตรงนี้ ภูควรเพิ่มกิมมิคของโปรเจคลงไปหน่อยนะคะ มันจะได้น่าสนใจ”

“อืม.. จริงด้วย ขอบใจมากนะจีน”

เขาสองคนนั่งอยู่ด้วยกันตรงโซฟากลางห้องนั่งเล่นมาตั้งแต่เช้า นั่งคุยเรื่องงาน คุยเรื่องสัพเพเหระที่ผมไม่สามารถเข้าไปแทรกกลางได้ ผมเหมือนเป็นคนนอก เหมือนเป็นส่วนเกิน ทั้งที่น้อยใจแต่ผมก็พยายามซ่อนมันให้มิดและไม่ทำตัวบกพร่องต่อหน้าที่ของตัวเอง

“พี่ภูครับ คุณจีนครับ อาหารกลางวันจะให้ไนล์ตั้งโต๊ะเลยไหมครับ” ผมตัดใจเดินเข้าไปหาและเอ่ยถาม แต่ทั้งคู่กลับเมินเฉย และไม่สนใจคำถามของผม เหมือนผมเป็นอากาศธาตุก็ไม่ปาน

โดยเฉพาะพี่ภู เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองผมด้วยซ้ำ

“ภูคะ วันนี้เราออกไปทานกลางวันนอกบ้านกันดีไหมคะ ภูเหนื่อยกับงานมาทั้งอาทิตย์แล้วน้าาา” คุณจีนเกาะแขนพี่ภู ก่อนจะซบหน้าลงไปที่ต้นแขนแล้วถามอ้อน

“อืม เอาสิจีนอยากกินอะไรล่ะ” พี่ภูหันไปยิ้มให้คนที่กำลังซบ เขาไม่ได้หลบเลี่ยง ไม่ได้ผลักออก และปล่อยให้คุณจีนซบอยู่แบบนั้น “ว่าแต่จีนเดินไหวแล้วหรอ ถ้าจะออกไปข้างนอก”

“พอไหวค่ะ จีนไปกับภู ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะยังไงภูก็ต้องดูแลจีนอย่างดีอยู่แล้ว” คุณจีนว่าพลางซบอ้อน ให้พี่ภูหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

“มั่นใจในตัวผมขนาดนั้นเชียว” พี่ภูเอื้อมมือไปลูบศีรษะคุณจีนเบาๆ อย่างอ่อนโยน

“มั่นใจสิคะ” คุณจีนปล่อยมืออกจากแขนพี่ภู ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้พี่ภูอีกนิด แล้ววาดแขนโอบรอบเอวหนาของพี่ภูแทน “ก็ตอนเราสองคนอยู่อเมริกาด้วยกัน ภูดูแลจีนทุกอย่าง เจ็ดปีของเรา จีนก็มีแต่ภูนี่แหละค่ะที่ไม่เคยทิ้งจีนไปไหน”

เธอซบหน้ากับอกพี่ภูในขณะที่พี่ภูก็ปล่อยให้เธอกอดอยู่แบบนั้น เขาไม่ผละออก เขาไม่ปฏิเสธ เขานั่งนิ่ง เขาไม่สนด้วยซ้ำว่าผมจะรู้สึกยังไงกับภาพที่เห็น คิดยังไงกับสิ่งที่ได้ยิน

พี่ภูไม่แคร์ ไม่เคยแคร์ หรืออาจจะเพราะอีกฝ่ายเป็นคุณจีน เป็นผู้หญิงที่เขารักมากและไม่เคยลืม

“งั้นจีนรอผมตรงก่อนแล้วกันนะ ผมไปเอากุญแจรถก่อน”

“ได้ค่ะภู”

พี่ภูเดินผ่านผมไปเพื่อไปหยิบกุญแจที่ห้อง เขาไม่สนใจไยดีคำถามที่ผมถาม อาหารที่ผมทำไว้ ถูกปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้น ถูกทิ้งขว้างเหมือนหัวใจและความรู้สึกของผมที่พี่ภูไม่เคยให้ความสำคัญ

ผมก้มหน้านิ่ง พยายามสุดความสามารถไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ผมอยากเดินหนี แต่ตอนนี้ผมแทบไม่มีแรงขยับตัว หัวใจผมชาจนเจ็บ แถมคุณจีนก็ยังคงตามมาพูดตอกย้ำให้ผมสาหัสยิ่งกว่าเดิม

“หึ! แกคิดว่าภูให้ฉันอยู่ด้วยเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนจริงๆ หรอ? ไร้เดียงสาไปหน่อยนะ” เธอว่าเสียงเย้ยหยัน “แกคิดหรอว่าเขาจะลืมฉันได้ในเมื่อเขาเคยรักฉันมากขนาดนั้น .. ทั้งหมดที่พูดกับแกไปมันก็แค่ข้ออ้างของภู ข้ออ้างที่จะพาฉันกลับเข้ามาและ... ไล่แกออกไปจากชีวิต”

คุณจีนเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูผมในปลายประโยค ทำอาผมน้ำตาร่วง ความกลัวที่เคยเกาะกินอยู่ในใจเริ่มเห็นเด่นชัดขึ้น จากที่พยายามบ่ายเบี่ยงปิดหูปิดตาไม่รับความจริง แต่ตอนนี้ก็เหมือนกับคุณจีนเอาสิ่งเหล่านั้นกลับมากระแทกกลางใจผมแทน

“…”

“แกคิดว่าคนอย่างภูจะรักแกหรอ? แกเป็นผู้ชายนะ เขาจะมาพิศวาสอะไรแกนักหนา ทำไมไม่พึงสำนึกว่าที่ภูมีแกไว้ข้างตัวก็เพราะเอาไว้แก้ขัด .. กับผู้ชายน่ะภูเขาสนุกด้วยเป็นครั้งเป็นคราว ถ้าแกฝันว่าเขาจะจริงจังพาแกออกนอกหน้านอกตาน่ะ ฉันแนะนำให้แกตื่นนะ ยิ่งฉันกลับมาหาเขาแบบนี้ เขายิ่งไม่แลแกหนักเข้าไปใหญ่”

“…”

“ตัวอย่างก็มีให้เห็นวันนี้ ชัดเจนเนาะ”

คุณจีนหัวเราะเยาะผมอย่างชอบใจ ในขณะที่ผมปล่อยให้ตัวเองยืนร้องไห้เหมือคนอ่อนแอ คำพูดของคุณจีนเหมือนคำพูดที่กรีดลงกลางใจผมช้าๆ ผมอยากวิ่งหนีออกไปตอนนี้ แต่ผมก็รู้ดีว่ามันเปล่าประโยชน์ เพราะทุกอย่างที่คุณจีนพูดเป็นสิ่งที่ลึกๆ ผมเองก็คิด และเถียงไม่ออกสักคำเมื่อนึกย้อนไปตั้งแต่วันที่คุณจีนกลับมา

ทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ภู คิด ตัดสินใจ หรือทำ จะอิงจากความต้องการของคุณจีนเสียส่วนใหญ่ แม้จะลำบากลำบนผมแค่ไหน พี่ภูก็ขอให้ผมเอาแต่อดทน

พี่ภูเดินออกมาจากห้อง คุณจีนเองก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติในขณะที่ผมเอาแต่ก้มหน้านิ่งร้องไห้ แต่พี่ภูก็เดินผ่านผมไปแถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจตอนที่ตอบคำถามของคุณจีน คำถามที่ฟังดูก็รู้ว่าตั้งใจจะทำให้ผมเสียใจ

“ว่าแต่ภูคะ แล้วไนล์กับอาหารที่ไนล์ทำไว้ล่ะคะ?”

“เดี๋ยวเขาก็คงหาชวนใครมากินเองนั่นแหละ พอดีผมไม่อยากกินร่วมกับคนอื่น.. เราไปกันเถอะ”

พี่ภูพูดเสียงเรียบ แววตาแข็งกร้าว ก่อนจะตรงเข้าไปโอบเอวคุณจีนแล้วพาเดินออกไป ทิ้งผมที่ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้โฮไว้ลำพังคนเดียว

.

.

.

ผมกลับเข้ามาหมกตัวนอนร้องไห้อยู่ในห้อง พยายามทบทวนทุกอย่างว่าควรทำยังไงต่อไป เพราะเหตุการณ์ในวันนี้มันก็มากพอที่จะทำให้เห็นแล้วว่าคุณจีนยังคงเป็นคนที่พี่ภูรัก และสำคัญไม่เคยเปลี่ยนแปลง … ส่วนผมก็เป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา และพอถึงเวลาผมก็ควรจากไป หรือผมควรจะยื้อต่อไปอีกนิด เพื่อต่อเวลาให้ความรักที่ยาวนานมากถึงสิบปีของตัวเอง


Rrrr


แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ก็ขัดทุกความคิดผมให้หยุดลง

“ครับ พี่เทมส์” ผมรีบกดรับ เมื่อเห็นว่าปลายสายที่โทรมาคือใคร หัวใจที่หนักอึ้งเหมือนได้รับการโอบอุ้ม เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงอบอุ่นจากปลายสาย

(ไนล์ เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมครับ? พี่ขอโทษนะที่ช่วงนี้พี่ยุ่งมาก ไม่ค่อยมีเวลาโทรมาหาเราเลย)

ผมยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยจากพี่ชายที่ผมรัก เลยพยายามปรับน้ำเสียงเพราะไม่อยากให้พี่เทมส์เป็นกังวล แค่นี้พี่เทมส์ก็เหนื่อยกับงานมากพอแล้ว ผมไม่อยากให้เขากังวลกับผมมากขึ้นไปอีก

“ไนล์สบายดีครับ พี่เทมส์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ผมแสร้งทำเสียงสดใส แม้ใจจะร้องไห้อยู่ก็ตาม

(เด็กโกหกจะต้องถูกทำโทษรู้ไหม? ไม่เอาครับไนล์ ไม่โกหกพี่นะ) ผมตกใจที่พี่เทมส์รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น แต่แล้วก็ต้องโล่งอก เมื่อพี่ชายไถ่ถามก่อนที่ผมจะหลุดสารภาพไป (พี่ได้ยินจากไอ้ภูว่าจีนกลับมา เราแน่ใจนะว่าโอเค)

ผมน้ำตาไหล นึกดีใจที่มีพี่เทมส์เป็นพี่ชาย “ไนล์โอเคครับ ไนล์ไม่เป็นอะไร เราก็ต่างคนต่างอยู่ พอดีคุณจีนเธอยังเจ็บแผลที่ประสบอุบัติเหตุ เธอเลยยังขออยู่ที่คอนโดพี่ภูก่อนจนกว่าอาการจะดีขึ้น”

(ไนล์แน่ใจนะว่าแค่นั้น) พี่เทมส์ถามก่อนถอนหายใจ (พี่ไม่อยากพูดถึงผู้หญิงลับหลังในทางที่ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะมันเหมือนไม่ให้เกียรติ แต่เพราะไนล์เป็นน้องพี่ พี่เลยอยากให้ไนล์ระวังไว้ ระวังให้มากๆ ถ้ามีปัญหาอะไรให้โทรหาพี่ เข้าใจรึป่าว?)

“เข้าใจครับ พี่เทมส์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ยังไงก็มีพี่ภูอยู่ทั้งคน” ผมแสร้งรับคำเสียงใส เพราะอยากให้พี่ชายคลายความกังวล

(ว่าแต่ไอ้ภูมันยังดีกับเราอยู่ใช่ไหม พักนี้มันทำอะไรหรือทำให้ไนล์เสียใจบ้างรึป่าว?)

ผมน้ำตาไหล ถ้าก่อนหน้านี้ ก่อนหน้าที่คุณจีนจะปรากฎตัว ผมคงตอบว่าพี่ภูไม่ทำอะไรผมแล้ว แถมพี่ภูยังทำให้ผมมีความสุขมาก

แต่ในเวลานี้มันกลับไม่ใช่แบบนั้น และผมก็พูดให้พี่เทมส์รู้ไม่ได้ ผมไม่อยากให้พี่เทมส์กับพี่ภูทะเลาะกันเรื่องผมอีก

“พี่ภูไม่ได้รังแกหรือทำอะไรให้ไนล์เสียใจแล้วครับ ตอนนี้เราไปด้วยกันได้ดีมากๆ”

(ดีแล้ว) พี่เทมส์ตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ก่อนจะเริ่มจริงจัง (ไนล์เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนแล้วนะ อยากทำอะไรก็รีบทำ อยากเคลียร์อะไรให้รีบเคลียร์ จัดการให้เรียบร้อยก่อนที่จะถึงกำหนดเวลาตามที่เราตกลงกัน)

“ครับพี่เทมส์” ผมรับคำเสียงหงอย เมื่อนึกถึงเวลาที่งวดเข้ามาทุกที ในขณะที่ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ภูกลับห่างกันออกไปเรื่อยๆ

(อีกเรื่องที่พี่จะบอกคือ คุณฤดีจัดการงานที่ออสเตรเลียเสร็จแล้ว แต่พี่ยังไม่ได้ให้เธอกลับ เพราะเธอทำโปรเจคสำเร็จก่อนเวลา เลยถือโอกาสให้เธอพักผ่อนไปก่อน รอเวลาที่ไนล์พร้อมแล้วค่อยให้เธอกลับมา)

ผมใจหายวูบเมื่อพบว่าเวลาที่จะเหลือใช้กับพี่ภูของตัวเองนั้นลดน้อยลงยิ่งกว่าเดิม “จริงหรอครับพี่เทมส์…”

(อื้ม จริง พี่ไม่ได้จะเร่งรัดไนล์นะ แต่พี่อยากให้ไนล์คุยและบอกความจริงกับไอ้ภูมัน พี่ว่ามันไม่โกรธหรอก ในเมื่อตอนนี้อะไรๆ ระหว่างไนล์กับมันดีขึ้นเยอะแล้ว ยังไงก็รีบจัดการซะ)

“ไนล์ว่าไนล์จะรอให้ผ่านงานเปิดตัวโครงการไปก่อนน่ะครับพี่เทมส์ ช่วงนี้พี่ภูดูเหนื่อยมากๆ ไนล์เลยไม่อยากเอาอะไรหนักใจไปเพิ่มให้เขาอีก” ผมพูดตามจริง ตามความตั้งใจเดิมที่ผมวางแผนไว้

(อีกอาทิตย์นึง..) พี่เทมส์พึมพำ (เอาแบบนั้นก็ได้ พี่เอาใจช่วยนะครับ ให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี)

ผมยิ้มบางให้คนปลายสาย แม้เขาจะไม่เห็นก็ตาม “ขอบคุณนะครับพี่เทมส์ ขอบคุณที่เป็นพี่ชายที่แสนดี ขอบคุณที่เข้าใจไนล์ และก็ขอบคุณที่อยู่ข้างไนล์มาโดยตลอด …ไนล์รักพี่เทมส์นะครับ”

ปลายเสียงผมสั่นเครือ แต่ก็พยายามไม่ร้องไห้ออกมา เพราะไม่อยากให้พี่เทมส์เป็นห่วงหรือกังวล

(พี่ก็รักไนล์ครับ … ดูแลตัวเองนะ จำไว้ ไม่ว่าไนล์จะสมหรือไม่สมหวังกับเรื่องของไอ้ภู ไนล์จะมีพี่รออยู่ตรงนี้สมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เข้าใจไหมครับ?)

และคำพูดของพี่เทมส์ก็ทำให้ผมยิ้มทั้งน้ำตา … ใช่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมมั่นใจได้ว่าจะมีอ้อมกอดที่อบอุ่นของพี่เทมส์ พ่อและแม่ คอยโอบอุ้มไว้เสมอ และผมก็จะปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้มกอดของพวกเขา

“ครับ ไนล์เข้าใจครับ ขอบคุณนะครับพี่เทมส์.. งั้นไนล์ขอตัววางสายก่อนนะครับ พี่เทมส์อย่าทำงานหนักมากไปนะครับ ไนล์เป็นห่วง”

(รับทราบครับ สู้ๆ นะครับเจ้าตัวเล็กของพี่)

ผมกดวางสายก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ แม้จะคิดไม่ตกเลยว่าจะทำยังไงกับเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดดี ในเมื่อตอนนี้แม้แต่หน้าผมพี่ภูยังไม่อยากมองเลยด้วยซ้ำ

.

.

.

พี่ภูกับคุณจีนออกไปตั้งแต่บ่าย จนตอนนี้ฟ้ามืดแล้วแต่ทั้งสองก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับเข้ามาแต่อย่างใด ผมชะเง้อคอรอคอย จะกินข้าวก็ไม่กล้า เพราะกังวลว่าพี่ภูจะยังไม่ได้ทานอะไรมา เลยตัดสินใจหิ้วท้องรออีกสักพัก

เสียงปลดล็อครหัสดังขึ้น และทันทีที่ปรากฎร่างคนทั้งสอง ผมที่ยิ้มค้างอยู่ถึงกับหน้าเจื่อน เพราะมันเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่ภูพูดกับคุณจีนพอดี

“งั้นผมรบกวนจีนสักคืนนะ วันนี้ต้องคุยงานกับทีม คงต้องขอค้างในห้องใหญ่ด้วย ถ้ารบกวนยังไงจีนบอกผมได้เลยนะ”

“โถ่ พูดอะไรแบบนั้นล่ะคะภู นี่คอนโดภูนะคะ ไม่ต้องเกรงใจจีนหรอก อีกอย่าง… ภูก็ทำอย่างกับเราไม่เคยนอนด้วยกันอย่างนั้นแหละ”

“จริงสินะ มากกว่านอนห้องเดียวกัน ก็คือนอนเตียงเดียวกันเลยด้วยซ้ำ ผมนี่ก็ไม่น่าลืม”

พี่ภูกับคุณจีนหัวเราะกันคิก เขาไม่มองมายังผมเลยด้วยซ้ำ เขาทำเหมือนกับว่าผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ หรือถึงมีผมอยู่ตรงนี้เขาก็ไม่ได้สนใจว่าถ้าผมได้ยินแล้วผมจะรู้สึกยังไง …

พี่ภูไม่ได้แคร์ผมเลยสักนิด

ผมปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ จากที่หิวจนไส้จะขาด ตอนนี้กลับกลายเป็นมวนท้องจนไม่น่าจะกินอะไรลง

“ไนล์ทำกับอาหารเย็นวางไว้ที่โต๊ะอาหารนะครับ ถ้าพี่ภูกับคุณจีนหิวก็เชิญทานได้เลยนะครับ เรียบร้อยแล้วไนล์จะออกมาเก็บให้ ยังไงตอนนี้ไนล์ขอตัวก่อนนะครับ”

พอพูดจบผมก็ไม่ได้ทนดู ทนฟังอะไรต่อ ตัดสินใจเดินหนีเข้าห้องทันที ตอนนี้ใจผมเจ็บจนชา สิ่งที่พี่ภูแสดงออกและทำกับผมตอนนี้ มันหนักหนายิ่งกว่าตอนคุณรันเสียอีก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายคือคุณจีนด้วยรึเปล่า คุณจีนที่พี่ภูเคยรักมาก คุณจีนที่มีอิทธิพลจนเกือบทำให้พี่ภูเสียผู้เสียคน คุณจีนที่ได้เคยครอบครองหัวใจพี่ภูมาเกือบเจ็ดปี

คุณจีนที่มีทุกอย่างที่ผมสู้ไม่ได้เลย ไม่น่าแปลกหรอกถ้าพี่ภูจะกลับไปหาเธอ กลับไปหาเจ้าของหัวใจตัวจริง

ผมกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น ผมกอดตัวเองร้องไห้อยู่แบบนั้นจนลืมทุกอย่างที่จะทำ จากที่ตั้งใจว่าจะออกไปเก็บจาน เก็บอาหารที่อยู่บนโต๊ะ ผมก็บ่ายเบี่ยงเพียงเพราะไม่อยากออกไปเห็นเขาทั้งคู่อยู่ด้วยกัน

ผมหัวเราะตัวเองอย่างสมเพช เมื่อไม่กี่วันที่แล้วผมยังมีความสุขดีอยู่เลย ผมมีความสุขมาก พี่ภูดีกับผมมาก แต่หลังจากการปรากฎตัวของคุณจีน ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ผมเหมือนถูกโยนให้ตกลงมาจากฟ้ากระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง เพื่อจะตื่นมาพบกับความจริงที่ว่า ความฝันที่แสนหวานจะไม่อยู่กับผมนานเกินไป

เมื่อเจ้าของหัวใจตัวจริงเขากลับมา ตัวสำรองอย่างผมก็ต้องถอยไป .. แต่อีกใจก็ยังคงอ่อนแอ ผมอยากจะขออยู่ตักตวงช่วงเวลาสุดท้ายอีกสักนิด ขอเวลาแค่ให้ผมอีกนิด และเมื่อเวลาของผมหมดลง ผมสัญญาว่าผมจะไปตามทางของตัวเองทันที

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-10 : Universe 27th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 10-07-2020 20:52:58
(อ่านต่อจากด้านบน)


สุดท้ายเมื่อคืนพี่ภูก็ไม่ได้กลับเข้ามาที่ห้อง แม้ผมจะร้องไห้จนเผลอหลับไป แต่ผมก็สะดุ้งตื่นทั้งคืนเผื่อว่าพี่ภูจะเปลี่ยนใจกลับเข้ามา และแม้ต่อให้ผมจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากี่ครั้ง ผมก็ไม่ได้เห็นพี่ภูเลยสักครั้ง แม้ผมจะอ้อนวอนในใจเป็นร้อยเป็นพันครั้งขอให้พี่ภูกลับเข้ามา แต่พื้นที่นอนด้านข้างของผมกลับว่างเปล่าและเย็นเยียบ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคำอธิษฐานของผมไม่เป็นจริง

ผมเดินออกมาจากห้องนอน เตรียมทำงานบ้านตามปกติ ก็เห็นคุณรันที่วันนี้กลับตื่นเช้าเป็นพิเศษ แถมยังมองผมด้วยสายตายิ้มเยาะอีกต่างหาก

“เดี๋ยวเข้าไปเอาเสื้อผ้าภูมาออกมาซักด้วยนะ” เธอพูดยิ้มๆ ในขณะที่ใจผมปวดหนึบ และนั่นคงยังไม่ทำให้ผมเจ็บมากพอ คุณจีนถึงได้ย้ำออกมาอีกประโยคที่ทำเอาผมชาไปทั้งใจ “โทษทีที่มันอาจจะเระระวางอยู่ตามพื้น พอดีเมื่อคืนไม่ได้มีเวลาเก็บลงตะกร้าน่ะ”

“ครับ” ผมก้มหน้าซ่อนน้ำตาตอนรับคำที่คุณจีนสั่ง ใจพยายามไม่คิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แม้ลึกๆ ผมจะรู้ดีว่าสิ่งที่ผมกลัวมีสิทธิ์จะเกิดขึ้นได้

ถ้ามันเป็นความพอใจของพี่ภู และความยินยอมพร้มใจของคุณจีน ผมที่เป็นคนนอกไม่มีสิทธิ์อะไรกับเรื่องนี้ทั้งนั้น เพราะสิ่งหนึ่งที่ผมต้องตระหนักและพึงจำไว้เสมอนั่นก็คือ ‘พี่ภูไม่ใช่ของผม’ ผมไม่มิสิทธิ์หึงหวงหรือไม่พอใจหากเขาจะมีความสัมพันธ์ทางกายกับใคร แม้สิทธิ์จะเสียใจผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะสามารถเสียใจได้หรือเปล่าเลย

ผมตั้งตาตั้งตาทำงานบ้านโดยมีคุณจีนนั่งโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล เธอไม่ได้พูดเบาสักเท่าไหร่ เพราะขนาดที่ว่าผมไม่ได้ตั้งใจฟังที่เธอพูดแต่กลับได้ยินทุกอย่างชัดเจน

“แล้วแน่ใจหรอว่าอยากช่วยเราจริงๆ หึ! อย่าคิดว่าเราไม่รู้ว่าที่จะช่วยเราเพราะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง”

ผมไม่รู้ว่าคุณจีนคุยกับใครแต่สีหน้าของเธอดูไม่พอใจนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เลยได้แต่ทำงานบ้านของตัวเองต่อ

ผมเดินออกไปที่หลังครัว หยิบถุงใส่เสื้อผ้าออกมาตั้งใจจะรวบรวมเสื้อผ้าแล้วส่งให้ป้ามลซัก ระหว่างนั้นก็พยายามเช็คเสื้อกางเกงทุกตัวว่ามีอะไรตกหล่นหรือค้างอยู่ในกระเป๋าหรือเปล่า และแม้ผมจะง่วนอยู่กับงานตรงหน้าแค่ไหน แต่ผมก็ยังคงได้ยินเสียงคุณจีนดังมาจนถึงตรงนี้อยู่ดี

“ได้! งั้นเราจะรับไว้เพราะเห็นแก่ความหวังดีที่มีให้เราแล้วกัน แต่ถ้าจะให้เราเอาไปตั้งต้นใหม่ และเลิกรบกวนภู ให้เราแค่นั้นไม่พอหรอก เราอยากได้มากกว่านี้ ให้เราได้ไหมล่ะ”

ผมยังคงได้ยินคุณจีนต่อรองกับปลายสาย จากที่ไม่สนใจก็เริ่มสนใจ เพราะมีชื่อพี่ภูเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

“อีกเท่าตัวนึง? อืม.. โอเค ได้! แต่เราไม่มีบัญชีในไทย … เอางี้แล้วกัน เราจะไปรับที่โรงแรมตรงใกล้ๆ กับคอนโดภู เดี๋ยวจะส่งรายละเอียดเวลากับสถานที่นัดเจอในโรงแรมไปให้.. พรุ่งนี้เลยก็ได้ เราสะดวกหมด โอเค ไว้เจอกัน ขอบคุณที่ช่วยเรานะ”

คุณจีนวางสายไปพอดีกับที่ผมเดินออกมาจากในครัว ผมเลยทันได้เห็นว่าเธอมองโทรศัพท์ด้วยแววตาพึงพอใจแค่ไหน เธอยกยิ้ม พร้อมกับทำสายตาในแบบที่ผมเห็นแล้วไม่สบายใจสักนิด

และในขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านไป จู่ๆ คุณจีนก็เรียกผมไปหา .. ผมยอมรับว่าไม่สบายใจเลย

“ไนล์! มานี่หน่อย ฉันมีอะไรจะให้แกช่วย” ผมถอนหายใจ นึกไม่ชอบใจที่คุณจีนเรียกผมแบบนี้ แต่ก็อย่างที่บอก ในสายตาของคุณจีน ผมอยู่คนละระดับกับเธอ ผมเป็นแค่เด็กรับใช้ เธอเลยแสดงออกกับผมโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น

ผมเดินเข้าไปหาเธอเงียบๆ ตอนนี้ผมต้องก้มหน้ายอมทนทำทุกอย่าง ถ้าไม่อยากให้พี่ภูต้องมีเรื่องให้หนักใจ เพราะถ้าผมขัดใจคุณจีน มีหวังวันนี้เธอได้ฟ้องพี่ภูอีกแน่ๆ และผมก็ไม่พร้อมที่จะถูกพี่ภูทำร้ายจิตใจซ้ำอีกรอบด้วย

“คุณจีนมีอะไรกับผมหรอครับ”

“…” เธอไม่ตอบอะไร แต่ยื่นกระดาษโน็ตขนาดเล็กมาให้ ในนั้นมีรายละเอียดที่เป็น ชื่อโรงแรม วัน เวลา และจุดนัดพบอยู่ ผมมองกระดาษในมือนิ่ง ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ

“นี่มันอะไรกันครับ?” ผมถามเพราะไม่รู้ว่าคุณจีนให้สิ่งนี้กับผมมาทำไม และจะให้ผมทำอะไรกันแน่

“ตาถั่วหรอ ถึงไม่รู้ว่าเป็นที่อยู่โรงแรมน่ะ” เธอตวาดผมอย่างไม่พอใจในคำถามที่ผมถาม ก่อนจะพูดขึ้นอย่างอารมณ์ไม่ดีต่อ “พรุ่งนี้แกไปตามที่อยู่นี้ ไปหาเจอเพื่อนฉัน แล้วเอาของจากเพื่อนฉันมาให้ฉันด้วย”

และพอผมรู้ว่าคุณจีนต้องการให้ผมทำอะไร ผมก็หวนคิดไปถึงบทสนทนาที่ได้ยินก่อนหน้า เลยนึกรู้ว่าคนที่ผมต้องไปเจอก็คือคนปลายสายที่คุณจีนคุยด้วย

“แต่ว่าผมไม่รู้จักเพื่อนคุณจีนนะครับ ให้ผมไปแทนจะดีหรอ อีกอย่างถ้าเกิดเขาไม่ไว้ใจ….”

“บอกให้ไปก็ไปเถอะน่า! เซ้าซี้ถามอะไรมากจัง” คุณจีนสวนนกลับทันทีทั้งที่ผมยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ “หรือแกจะไม่ไปให้ฉัน? ทำไมไหว้วานแค่นี้ก็มีปัญหาหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับคุณจีน คือผม…” ผมพยายามจะอธิบาย แต่คุณจีนก็ไม่ฟัง

“แกคิดว่าถ้าฉันไปเองได้ ฉันจะไหว้วานแกหรอ? เห็นไหมว่าขาฉันเจ็บขนาดไหนน่ะ” คุณจีนว่าพลางชี้ไปเฝือกอ่อนที่ข้อเท้าของตัวเอง แล้วตวาดผมดังลั่น “หรือจะต้องให้ฉันบอกภูก่อน แกถึงจะตามที่สั่งน่ะ ห๊ะ?”

ผมถอนหายใจก่อนที่จะพยายามพูดกับเธอให้ใจเย็น “ผมไม่ได้มีปัญหากับสิ่งที่คุณบอกให้ผมทำนะครับคุณจีน แต่ผมแค่สงสัยแล้วก็ไม่เข้าใจ คุณจีนบอกผมดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องอารมณ์เสียขนาดนี้เลย”

“ฉันจะะพูดยังไงมันก็เรื่องของฉัน ว่าแต่แกจะไปให้ฉันไหม ถ้าไปก็ไป ถ้าไม่ไปฉันจะได้บอกภู”

ผมกุมขมับ ดูเหมือนสิ่งที่บอกไปเธอจะไม่ใส่ใจเลยสักนิด แต่สุดท้ายผมก็คงต้องยอมไปให้เธออยู่ดี เพราะไม่งั้นเธอคงจะเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่ภู แล้วพี่ภูก็จะเหนื่อยหนักขึ้น และก็คงหนีไม่พ้นผมถูกพี่ภูต่อว่าอีก

ใจผมรับอะไรแบบนั้นไม่ไหวแล้ว อีกอย่างก็ให้คิดเสียว่าผมช่วยเหลือคุณจีนที่ตอนนี้ยังเจ็บข้อเท้าอยู่ เธอคงไปไหนมาไหนด้วยตัวเองไม่สะดวกสักเท่าไหร่

“ก็ได้ครับ ผมไปให้เองก็ได้” ผมระบายลมหายใจออกมาเบาๆ “ผมแค่ไปรับของตามจุดนัดพบนี้ แล้วเอาของกลับมาให้คุณจีนแค่นั้นใช่ไหมครับ”

“ใช่ ไปหาเพื่อนฉัน แล้วเอาของที่เพื่อนฉันจะให้ฉันกลับมา แค่นั้นแหละที่แกต้องทำ”

“โอเคครับ ผมจะจัดการให้”

ผมพยักหน้ารับ พลางมองกระดาษในมือที่มีรายละเอียดต่างๆ อย่างไม่สบายใจ แม้ลึกๆ ในใจจะร้องเตือนว่าไม่ให้ยุ่งกับเรื่องนี้ แต่พอนึกถึงผลลัพธ์ที่อาจจะตามมาหลังจากที่คุณจีนฟ้องพี่ภูแล้ว ผมเลยคิดว่าการยอมไปเอาของให้เธอน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ อีกอย่างโรงแรมที่คุณจีนให้ไปก็ไม่ได้ไกลจากคอนโดพี่ภูเท่าไหร่ แถมยังพลุกพล่าน เลยไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะจากที่ได้ยินคุณจีนคุยโทรศัพท์คร่าวๆ ของนั่นน่าจะสำคัญพอสมควร น่าจะไม่ได้มีอันตรายหรือผิดกฎหมายแน่ๆ

แต่ผมกลับไม่ทันได้มองเห็นสายตาสะใจของคุณจีน และไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าการไปรับของแทนเธอในครั้งนี้นั้น อาจทำให้ผมเดือดร้อน และผลลัพธ์อาจจะเลวร้ายมากกว่าที่คิด

.

.

.

Kirin’s Part


พักนี้ผมเหนื่อยและเครียดเรื่องงานมาก ยิ่งมีจีนกลับเข้ามาในชีวิต ผมยิ่งเหนื่อยหนักกว่าเดิม จากที่เคยอยู่สงบๆ กับไนล์ แต่ตอนนี้เรามีปัญหาให้ทะเลาะและผิดใจกันเกือบทุกวัน ผมพยายามทำตัวเองให้ใจเย็น แต่เพราะภาระงานที่ถาโถม ทำให้ผมเครียด ยิ่งใกล้วันเปิดตัวโครงการ ทุกอย่างยิ่งกดดัน นั่นก็ผิด นี่ก็พลาด โน่นก็ไม่พร้อม ผมกับไอ้เทมส์ต้องวิ่งวุ่นแก้ปัญหากันหัวหมุน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมพอจะสบายใจได้บ้างก็คือไอ้เทมส์เองก็ยุ่งไม่ต่างจากผม นั่นทำให้ผมมั่นใจได้ว่ามันก็คงจะไม่มีเวลาไปวุ่นวายกับไนล์ของผมแน่ๆ

และที่ไม่ต่างก็คือ ผมเองก็ไม่มีเวลาใกล้ชิดไนล์เหมือนกัน บางวันก็แทบไม่ได้คุย กลับบ้านไปถ้าไม่มีปัญหาเรื่องจีน ผมก็แทบจะสลบคาเตียง ยิ่งวันไหนมีปัญหาเรื่องจีนยิ่งแล้วใหญ่ เพราะนอกจากจะไม่ได้ใช้เวลาส่วนตัวกับไนล์บนเตียงแล้ว เผลอๆ ผมต้องมานั่งทะลาะกับไนล์ ทำให้ไนล์เสียใจร้องไห้ ไม่ใช่ว่าผมจะอยากเป็นแบบนี้ พูดไปก็เหมือนแก้ตัว แต่ความเหนื่อยและความเครียดจากงานทำให้ผมหงุดหงิดและไม่เป็นตัวของตัวเอง

และยิ่งเรื่องล่าสุดที่เราทะเลาะกันเรื่องแพ็ตยิ่งทำให้ผมประสาทเสีย ผมหึงหวงไนล์จนกลายเป็นความไม่เข้าใจ ลึกๆ ผมรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร แต่เพราะความระแวงทำให้ผมคิดมาก คิดไปไกลว่าไนล์กับแพ็ตอาจจะสานสัมพันธ์กันลับหลังโดยที่ผมไม่รู้ ยิ่งช่วงนี้ผมไม่มีเวลาให้ไนล์ ไนล์อาจหันไปหาแพ็ต และผมก็ยิ่งหัวเสียเมื่อคิดว่าพอไม่ต้องระแวงไอ้เทมส์กลายเป็นผมต้องมาระแวงแพ็ตแทน และยิ่งไนล์ไม่อธิบายอะไร ตอนที่ผมฟัดจูบเขาบนเตียง ยิ่งทำให้ผมเสียใจ

จนมันกลายเป็นความน้อยใจ และอยากจะประชดประชันในที่สุด ผมอยากให้ไนล์รับรู้ว่าผมรู้สึกยังไงตอนเห็นไนล์อยู่กับคนอื่น ผมเลยทำทีสนิทสนมกับจีนให้ไนล์เห็น และยิ่งไนล์ทำนิ่ง ไม่โต้ตอบผมก็ยิ่งทำหนักขึ้น จนกระทั่งถึงขั้นเอ่ยปากขอค้างด้วยกันกับจีน ทั้งที่ความจริงผมไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นหรอก ผมนอนที่โซฟาในห้องนั่งเล่น รอให้ไนล์ออกมาหา ถ้าแค่ไนล์คิดจะเดินออกมาดูเขาก็จะเห็น แต่ไนล์กลับไม่สนใจและไม่ได้ออกมาดูเลยทั้งคืน หรือบางทีเขาอาจจะไม่ได้แคร์ผมมากขนาดนั้นจริงๆ

ผมแค่อยากให้ไนล์ได้รับรู้ แต่ไม่คิดว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราแย่ลงยิ่งไปกว่าเดิม เพราะผมไม่เคยได้รู้เลยว่าตัวเองเผลอทำร้ายจิตใจและความรู้สึกไนล์ไปหลายต่อหลายครั้ง ในขณะที่ไนล์ไม่ได้ทำอะไรเลย ที่ผมระแวงและคิดมากไปนั้น เป็นเพราะผมเคยเจอหักหลังมาก่อนเลยหลงเชื่อที่จีนพูดและเป่าหูได้โดยง่าย ผมไม่มั่นคงมากพอเลยหวั่นไหวไปกับคำพูดของคนอื่น

วันนี้ผมเลยมาทำงานอย่างหงุดหงิด และก็ต้องหงุดหงิดมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าใครโทรมา


‘จีน’


ผมถอนหายใจ คิดว่าควรรับสายดีไหม แต่สุดท้ายก็กดรับ แม้จะคิดว่าอาจจะทำให้ปวดหัวหนักกว่าเดิมก็ตาม

“ครับ ว่าไงจีน”

(ภูคะ ภูว่างไหมคะ จีนมีเรื่องจะพูดด้วย) จีนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เธอดูอึกอัก ไม่กล้าพูดเท่าไหร่ (คือจีนไม่แน่ใจว่าควรพูดเรื่องนี้ไหม แต่จีนไม่อยากให้ภูถูกสวมเขา)

เมื่อได้ยินจีนพูดมาใจผมที่หงุดหงิดอยู่แล้ว กลับยิ่งงุ่นง่านเพราะรู้ดีว่าคนที่จีนพูดถึงคือไนล์ ผมแทบจะลุกขึ้นยืนเลยด้วยซ้ำตอนถามจีนออกไป

“พูดมาจีน มีอะไรพูดมา”

(จีนได้ยิน.. เด็กที่ดูแลภูน่ะ เขาคุยโทรศัพท์ เหมือนจะนัดเจอใครสักคนที่โรงแรมใกล้ๆ กับคอนโดนี่ล่ะค่ะ) จีนอึกอัก ผมเลยต้องถามย้ำ ทั้งที่มืออีกข้างที่ไม่ได้จับมือถือถูกกำไว้แน่น

“ใครจีน? จีนได้ยินไหมว่าไนล์นัดกับใคร? คุณแพ็ตตี้หรอ?” น้ำเสียงผมที่พูดออกมาเย็นชาจนน่ากลัว

(ไม่ใช่คุณแพ็ตหรอกค่ะภู แต่จีนไม่แน่ใจนะคะภูว่าได้ยินถูกไหม? แต่น่าจะเป็นคนชื่อเทมส์ หรือว่าจะเป็นคุณเทมส์เพื่อนสนิทภูคะ เด็กที่ดูแลภูเขารู้จักคุณเทมส์เพื่อนภูรึป่าว อาจจะนัดเจอกันเรื่องภูก็ได้นะคะ คงไม่มีอะไรกรอก)

จีนพูดออกมาอย่างไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง ในขณะที่ผมกำมือแน่นจนเจ็บ และมันก็ไม่ได้เจ็บที่มือ แต่ลามมาถึงหัวใจจนร้าวไปทั้งอก … แค่คิดว่าจะถูกหักหลังจากคนที่ผมไว้ใจอย่างไนล์ จากคนที่ให้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่ทำแบบนั้น

ผมก็เจ็บจนชา เจ็บยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าจีนนอกใจผมด้วยซ้ำ

“ไอ้เทมส์…”

และมันจะไม่เจ็บขนาดนี้ ถ้าคนที่ไนล์หักหลังผมไปหา ไปแอบนัดเจอจะไม่ใช่เพื่อนสนิทผมแบบนี้ .. สองคนที่ผมไว้ใจจะทำผมได้ลงคอหรือไงกัน

ผมพยายามตั้งสติ และไม่ปักใจเชื่อจีนเสียทั้งหมด อย่างน้อยผมก็ควรดูให้แน่ใจก่อนว่าสิ่งที่จีนพูดมีมูลความจริง ไม่ใช่หุนหันพลันแล่นออกไป

(ยังไงจีนว่าภูใจเย็นๆ ก่อนดีไหมคะ จีนไม่อยากได้ชื่อว่าเอาเรื่องไม่สบายใจมาบอกภู) จีนเงียบไปก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใยจนผมรู้สึกได้ (แต่ถ้าภูอยากเห็นให้แน่ใจจริงๆ ว่าไม่มีอะไร ก็ลองไปที่โรงแรมใกล้ๆ คอนโดภูดูนะคะ ได้ยินว่าเป็นเลาจน์ของโรงแรมนั้น นี่เด็กที่ดูแลภูก็ออกไปสักพักแล้ว จีนคงมาบอกรายละเอียดให้ภูได้แค่นี้)

“ขอบใจมากนะจีน ยังไงแค่นี้ก่อนนะครับ ผมอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างก่อน ไม่อยากด่วนสรุป”

ผมได้ยินเสียงฮึดฮัดจากปลายสาย แต่ตอนนั้นผมหงุดหงิดเกินกว่าจะสนใจอะไร จนกระทั่งจีนบอกลานั่นแหละ

(ค่ะ งั้นแค่นี้นะคะภู จีนขอให้ทุกอย่างเป็นเรื่องที่จีนเข้าใจผิดไปเองนะคะ)

ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่กดตัดสายจีนไป ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและออกจากห้องทำงานตัวเองตรงไปที่ห้องทำงานชั่วคราวของเพื่อนสนิท ที่ช่วงหลังมานี้มันแทบจะหมกตัวอยู่ที่นี่มากกว่าที่จะกลับออฟฟิศตัวเอง

และเลขาฯ ส่วนตัวของมันก็ลุกขึ้นยืนทันที เมื่อเห็นผมเดินไปถึง

“คุณเทมส์อยู่ไหม วันนี้เขาเข้ามาที่นี่รึป่าว?” ผมถามทั้งที่ใจสั่นไหว ขออย่าให้คำตอบเป็นอย่างที่ผมกลัว

“คุณนทีบดีไม่อยู่ค่ะคุณคีริน เมื่อเช้าคุณนทีบดีเข้ามาอยู่นะคะ แต่สายๆ เห็นว่ามีธุระเลยออกไป แต่ดิฉันไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าจะกลับเข้ามาอีกหรือป่าว”

ผมกำมือแน่นพร้อมกับหลับตาลงช้าๆ คำตอบที่ผมไม่อยากได้ยิน กลับถูกถ่ายทอดออกมาจากปากเลขาฯ ส่วนตัวของไอ้เทมส์ทั้งหมด

“คุณคีรินจะ…”

“ไม่ต้อง ไม่มีอะไร ขอบคุณคุณมาก”

ผมเดินออกมาจากหน้าห้องทำงานไอ้เทมส์ แล้วตัดสินใจในนาทีนั้นว่าจะพิสูจน์ความจริงทั้งหมดด้วยตาของผมเอง และไม่ว่าเรื่องที่ผมกำลังจะเดินทางไปเจอนั้นจะเป็นยังไง ผมก็พร้อมที่จะเผชิญมัน แม้จะทำให้ปมเจ็บปวดเจียนตายก็ตาม

.

.

.

ผมใช้เวลาไม่นานในการขับรถมาถึงโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ คอนโดของตัวเอง ที่ผมรู้ว่าเป็นโรงแรมนี้เพราะมันเป็นโรงแรมเดียวที่อยู่ในถนนเส้นนั้น ผมจอดรถเสร็จก็เดินตรงเข้าไปด้านใน ผมเคยมาที่นี่บ้าง แต่ไม่เคยได้ใช้บริการเลาจน์ของโรงแรม จาาการสอบถามพนักงานเลยพอจะรู้ว่าเลาจน์อยู่ตรงส่วนไหน และพอกำลังจะเดินผ่านหน้าลิฟต์ เพื่อตัดทะลุเข้าไปที่ที่หมาย เมื่อเห็นคนสองคนก้าวออกมาจากลิฟต์โดยสาร เป็นสองคนที่ผมกำลังตามหาอยู่

ไนล์คนที่ผมไว้ใจ กับไอ้เทมส์ที่เป็นเพื่อนรัก

ผมกำมือแน่น ไหนว่านัดเจอกันที่เลาจน์ แต่ทำไมถึงลงลิฟต์มาจากด้านบน ด้านบนที่เป็นห้องพัก.. จะให้ผมคิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไง มันยังเหลือข้อแก้ตัวอะไรให้ผมหลอกตัวเองได้อีก

นอกเสียจากข้อเท็จจริงที่ว่า สองคนนั้นนัดเจอกันลับหลังผม นัดกันอยู่สองต่อสองลับหลังผม ทั้งที่ผมเคยทั้งบอกและขอร้องไนล์ไว้แล้วว่าหลังจากที่เขาเป็นของผม เขาจะไม่เป็นของใครอีก อดีตที่ผ่านมาผมไม่สนว่าเขาทำหรือผ่านอะไรมาบ้าง แต่ปัจจุบันและอนาคตของเขาต้องเป็นของผม เท่านั้น

แต่นี่อะไร ไนล์กำลังทำอะไร แบบนี้ไม่ใช่ว่าเขากำลังผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับผมหรือไง

ผมหลบเข้ามาเพื่อไม่ให้คนทั้งสองเห็น และสิ่งที่ทำให้ผมโกรธจนแทบจะคุมตัวเองไม่ได้ก็คือ ผมเห็นไอ้เทมส์หยิบเช็คที่เซ็นเรียบร้อยแล้วออกมาจากกระเป๋าสูทด้านใน ก่อนจะยื่นเช็คให้ไนล์ ซึ่งไนล์เองก็ยื่นมือไปรับไว้และพับเก็บใส่กระเป๋า โดยที่ไอ้เทมส์ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กๆ นั่น พร้อมกับส่งยิ้มให้ไนล์อย่างเอ็นดู

ผมยืนหักห้ามอารมณ์ของตัวเองอยู่ตรงนั้น ทั้งที่ข้างในมันเจ็บไปหมด เงิน.. เงินอีกแล้วงั้นหรอ? ที่ผมให้เขาไปมันไม่พอใช้หรือไง ทำไมไนล์ถึงมาขอจากไอ้เทมส์อีก .. ทำไมผมต้องถูกหักหลังซ้ำซากเพราะเรื่องนี้ด้วย

และสิ่งที่ผมเจ็บจนกลายเป็นโมโหคือ การได้เห็นว่าก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้าย ไอ้เทมส์ยื่นหน้าไปจูบหน้าผากไนล์เบาๆ โดยที่ไนล์ไม่แม้แต่จะเบี่ยงหลบ หนำซ้ำเจ้าตัวยังเงยหน้าไปยิ้มจนตาหยีให้ไอ้เทมส์อีกต่างหาก

ความหึงหวงแล่นพล่านขึ้นมาทั่วอก ในสมองผมมีแต่คำว่า ‘ไนล์เป็นของผม’ วิ่งวนไปมาในหัว ความรู้สึกที่กำลังจะถูกแย่งของสำคัญทำให้ผมโกรธจนหน้ามืด ตอนนั้นใจผมคิดอย่างเดียวว่า ‘ผมจะไม่ยอมยกไนล์ให้ใครทั้งนั้น’ แม้คนๆ นั้นจะเป็นเพื่อนสนิทของผมก็ตาม

และวิธีเดียวที่ผมคิดได้ในการยึดไนล์ไว้กับตัวเองนั่นก็คือ.. ผมจะทำให้เขารู้และจำว่าเขาเป็นของใคร ให้เขารู้และจำว่าเขาจะไม่มีวันเป็นของใครคนอื่นนอกจากผม

ผมอดทนรอให้ไอ้เทมส์ผละออกไป และพอมันบอกลาไนล์และเดินไปอีกทาง ผมก็เดินตรงเข้าไปหาไนล์ทันที ก่อนจะยึดข้อมือเล็กไว้แน่น พร้อมกับกระชากเขาเข้ามาหาตัว ไนล์ดูตกใจมากที่เห็นผมตรงหน้า

“พะ พี่ภู พี่ พี่ภูมาทำอะไรที่นี่ครับ?”

ไนล์ถามผมเสียงสั่น ในขณะที่ผมกระตุกมุมปากยิ้ม ยิ้มในแบบที่ผมไม่เคยยิ้มมานานแล้วหลังจากที่เปิดใจให้เขา และก็ต้องมาพบว่า ผมถูกหักหลังซ้ำซากจากคนที่ผมไว้ใจ

“มาทำอะไรงั้นหรอ? หึ! มาดูนายสวมเขาให้ฉันล่ะมั้ง ไง? สนุกมากไหม? สนุกมากรึป่าวที่เห็นฉันเชื่อใจนายเหมือนคนโง่! วันนี้ฉันจะทำให้นายรู้ว่าคนโง่อย่างฉันเนี่ยทำอะไรได้บ้างเวลาถูกหักหลัง!”

“พี่ภู พี่.. พี่ภูเข้าใจผิดนะครับ ฟังไนล์ก่อน ไนล์ขอร้อง”

ผมที่ตอนนั้นเหมือนคนตามืดบอด เลยไม่อยากฟังอะไรสักนิด เอาแต่พูดจาร้ายๆ เพื่อความสะใจ

“เข้าใจผิด? หึ! เห็นขนาดนี้แล้วยังบอกว่าฉันเข้าใจผิดอีกหรอ?” ผมบีบข้อมือเล็กจนแดง ก่อนจะกระชากเสียงพูด “ชอบนักใช่ไหมโรงแรมเนี่ย ถึงได้นัดเจอมันที่นี่! ดีงั้นเปิดห้องนอนกับฉันหน่อยเป็นไง เปลี่ยนบรรยากาศ เผื่อมันจะทำให้นายจำได้มากขึ้นว่านายน่ะเป็นของใคร? ดีไหม หื้ม?”

ใช่! … วันนี้ผมจะทำให้ไนล์จำ จำไม่มีวันลืมว่าเขาเป็นของผม ของผมแค่คนเดียว

.

.

.

To Be Continue

--------------------------------------------------

เลารู้ว่าทุกคนจะโมโหหหห เลาเข้าใจ แต่อยากให้ใจเย็นๆ และฟังฉันสักหน่อยยยยย จะลงตอนต่อไปให้วันพรุ่งนี้ถ้าสามารถ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็คงจะเป็นวันจันทร์นะคะ เพราะวันอาทิตย์เราไม่ว่างทั้งวันเลยยยยย แอแงงงงง

คือด่าพี่ภูได้ นางโง่จีงงงงง แต่ในความโง่ของนางมันก็มีความหลังฝังใจนางอยู่ ด่านางได้ข่ะ แต่อย่าด่าเลาาา ตอนหน้าจะมาให้เร็วๆ น้าาา แง้

คือทำใจนิดๆ ว่าลงตอนนี้ไปพายุอารมณ์ต้องถาโถมแน่ แต่มันคือสิ่งที่เราอยากเขียนมากที่สุดในเรื่อง อยากให้เห็นปัญหาที่พี่ภูและไนล์มี ปัญหาที่ทำให้เรื่องราวมันบานปลาย นี่คือสิ่งที่เราอยากสื่อสาร ทุกคนอาจจิโมโหแต่เราอยากถ่ายทอดออกไปจริงๆ เพราะถ้าอ่านดีๆ จะรู้ได้เลยว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่พี่ภูโง่ และไนล์แสนดีเกินไป อยู่ตรงไหนเราคิดว่าทุกคนน่าจะเดาได้ไม่ยากกกกก

วันนี้ทอล์คเยอะเกินไปแน้ว คิดเห็นยังไงคอมเม้นท์มาได้เลยยยยย แต่อย่าถึงกะด่าทอเลาเลยนะก๊ะ ใจเราบาง 55555555555

เหมือนเดิมค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและทุกคอมเม้นท์ ทุกคลิก ทุกวิวทุกไลค์ ขอบคุณมากๆ .. สุดท้ายใกล้ได้เวลาเอาคืนแน้วววว

อย่างที่บอกแหละค่ะ 'ตอนหน้า' จะรีบมาลงให้นะคะ จะรีบมา รีบมาจริงๆ คอมเม้นท์เยอะๆ ก็จะยิ่งรีบมา อิอิ .... รักทุกคนค้าบบ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-10 : Universe 27th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 10-07-2020 20:54:34
ยังไม่อ่านเลยยย​มาเม้นไว้ก่อนนน
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-10 : Universe 27th)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 10-07-2020 21:10:47
แต่เอาปัญหามาโยน แล้วอ้างเหนื่อยงาน ความเชื่อใจก็ไม่เคยมีให้ มองมุมไหนก็แก้ตัวไม่ขึ้นอะ พัก แยก จบ กลับบ้านจ้ะไนล์ นี่ถ้าไม่ติดเทมส์เป็นพี่ชายจะให้เทมส์เป็นพระเอกไปนานแล้ว บุคลิกคนละเรื่องเลย ขอดราม่าหนักๆๆๆ จบแบบไม่ต้องคู่กันก็ได้นะ ได้ฟีลไปอีกแบบ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-10 : Universe 27th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 10-07-2020 21:42:29
โอ้ยยยยยยยตอนนี้บอกเลยเกลียดพี่ภูที่สุด​ โง่ด้วย
ไน้สาระ​ ไม่เชื่อใจน้อง​ อยากจะประชดอะไรไร้สาระ

โง่มากเพราะแฟนเก่าตัวเอง
อินังจีนมันร้ายมัยตอแหล

ไม่รู้ว่าตอนหน้าอิตาพี่ภูจะทำอะไรให้น้องเจ็บช้ำ
น้ำใจแค่ไหน
แต่หลีงจากนั้นช่วยบอกทุกอย่างให้อิตาพี่ภูรู้
แล้วกลับบ้านกันนะไนล์

ปล่อยอิตาพี่ภูไปซะ​ จะรักจะเสียใจจะอะไรก็แล้วแต่
ช่างมันเลย

ถึงเวลาที่ไนล์ต้องอยู่เพื่อตัวเองสักทีนะ

ขอตอนต่อไปพรั่งนี้นะค่าาาา
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-10 : Universe 27th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-07-2020 22:19:17
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-10 : Universe 27th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-07-2020 00:46:01
555555555 เออๆเอาเข้าไป กู่ไม่กลับแล้ว ไนล์ไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรให้เหยียบย้ำค้ำคอเลยมั้ง meคิดเห็นแต่หน้าพ่อแม่ไนล์ ลูกที่เลี้ยงมาอย่างดีให้ความรักความอบอุ่น ต้องมาให้เขาหยามเหยียดได้ซ้ำๆเป็นตัวตลกในสายตาเขา จากที่คิดว่าจะมาทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น นี่ก็เชื่อด้วยนะว่าจะทำได้ ถึงตอนนี้ "......" เบิดคำสิเว้า ใจไนล์พังพอยังจ๊ะ 555555 จีนจะร้ายก็ร้ายไปนะ เราจะไม่ด่าผู้หญิงแต่ละคนก็ร้ายไปตามวิถีของตัวเอง แต่คนที่ได้รับผลแล้วจะทำยังไงก็อีกเรื่องนึง ต่อไปคือจะไม่พูดถึงอีพี่ภูมันแล้ว เพราะเบิดคำสิเว้าอีหลี 555 จะรอดูแต่ไนล์ว่าจะทำยังไง แหมเพราะรักงั้นสิ เขามาขอโทษพูดหวานๆบอกรักไป มาง้อ10วัน อะคืนดีก็ดะ แบบนี้ไหม นี่พูดดักแล้วนะ 555555 อยากรู้จริงไนล์จะทำยังไงต่อไป ถ้าให้อภัยกันง่ายๆก็ อ่าาา สมควรคู่กันแล้วละ คนนึงก็เออ อีกคนก็อืม จ๊ะ 55555555 แต่ขอบอกไว้อย่างนะไนล์ ทำตัวเองแล้ว แล้วจะไปซบอกลมนี่ไม่ไหวนะ ถึงลมจะอยากรับก็ปฎิเสธเสียงแข็งไป อย่าดึงเขามาเกี่ยว เคนะ 555  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-10 : Universe 27th)
เริ่มหัวข้อโดย: Ritawongishere ที่ 11-07-2020 13:43:47
จะน้ำเน่าไปไหนเนี่ยยยยย น่ารำคาญ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-11 : Universe 28th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 11-07-2020 20:47:41
** Warning: เนื้อหาในบางฉากบางตอนของแช็ปเตอร์นี้มีการใช้ภาษาไม่เหมาะสม และมีความรุนแรงทางเพศและการใช้อารมณ์ ขอให้ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ **


Universe 28th : ความหวังที่ไม่เคยมีอยู่จริง


Kirin’s Part

ผมกระชากไนล์เดินมาตรงหน้าฟร้อนท์ พร้อมกับแจ้งพนักงานว่าอยากเปิดห้อง ไนล์พยายามดิ้นรนและขอให้ผมปล่อย แต่ผมก็ขู่และพาเข้าขึ้นมาชั้นบนจนได้ พอถึงห้องพักตามที่พนักงานแจ้ง ผมก็เปิดประตูก่อนที่จะผลักไนล์เข้าไป ผมตามเช้าไปฟัดจูบเขา และผลักเขาไปที่เตียงที่อยู่กลางห้อง ก่อนจะตามไปคร่อมร่างเล็กไว้ จับตรึงข้อมือของคนใต้ร่างไว้กับเตียงแน่น ในใจของผมเต็มไปด้วยโทสะและความมืดบอด ผมไม่คิดจะฟังอะไรทั้งนั้น แม้ไนล์จะร้องไห้ก็ตาม

“ชอบไม่ใช่รึไง ห๊ะ? ตอนนี้ทำมาร้องไห้ทำไม ลงทุนมานัดเจอไอ้เทมส์ถึงที่นี่! คงคิดว่าฉันโง่มากน่ะสินะถึงได้ทำแบบนี้” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ทั้งเจ็บทั้งเสียใจ ไม่คิดว่าไนล์ที่เคยบอกว่ารักผม จะทำกับผมแบบนี้

“ฮึก.. พี่ภูครับ ฮืออ ไนล์ขอร้อง ฟะ ฟัง ฮึก ฟังไนล์หน่อยเถอะนะครับ พี่ภูกำลังเข้าใจผิด มันไม่ใช่อย่างที่พี่ภูคิดนะครับ” ไนล์ร้องไห้อ้อนวอน พยายามขอร้องให้ผมเชื่อ

แต่ผมจะเชื่อลงได้ยังไง ในเมื่อสิ่งที่ผมเห็นมันตำตาขนาดนั้น

“ฉันเข้าใจผิดงั้นหรอ? หึ!” ผมปล่อยมือข้างนึงออก ก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของคนตัวเล็กกว่า พอหยิบสิ่งที่ว่าขึ้นมาได้ ผมก็ชูมันตรงหน้าไนล์อย่างผิดหวัง “แล้วเช็คนี่มันอะไร มันอะไรห๊ะไนล์?”

ผมขยำเช็คที่ว่า ก่อนจะปาลงบนเตียงข้างตัวไนล์ ผมมองคนใต้ร่างด้วยสายตาผิดหวัง ในขณะที่ไนล์เอาแต่ส่ายหน้าร้องไห้ และพึมพำว่าไม่ใช่อย่างที่ผมคิด

“ฮึก.. พี่ภูครับ พี่ภูเข้าใจไนล์ผิด ฮืออ เช็คนี่ไม่ใช่ของไนล์ คุณจีนสั่งให้ไนล์ ฮึก.. ให้ไนล์มารับให้ ไม่ใช่ของไนล์จริงๆ นะครับ”

ผมกัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัด เพราะนอกจากไนล์จะโกหก เขายังใส่ร้ายจีนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอีก เขาคงคิดว่าผมเป็นไอ้โง่ ให้เขาหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะถ้าเงินนั่นเป็นของจีนจริง จีนจะมาบอกผมทำไม และอีกอย่างถ้าเช็คนั่นเป็นของจีนทำไมไอ้เทมส์ถึงทั้งกอดทั้งหอมไนล์ขนาดนั้น แถมยังลงมาจากด้านบนไม่ใช่จากในเลาจน์อย่างที่จีนบอกผมมาอีก

ทุกอย่างมันชัดเจนขนาดนี้ ยังจะให้ผมเชื่อคำหลอกลวงของเด็กคนนี้อีกหรอ?

“หึ! นายมันจอมโกหก! โกหกไม่พอนายยังหักหลังฉันอย่างเลือดเย็นอีก ทำไมห๊ะ? ที่ฉันให้นายกินนายใช้ทุกวันนี้มันไม่พอหรอ? หรือนายแค่โลภ กระหายเงินจนทำได้ถึงขนาดนี้ ใส่ร้ายจีนนายก็ยังทำ! นายนี่มันร้ายกว่าที่ฉันคิดจริงๆ!!”

ผมพูดอย่างเจ็บปวดและมองไนล์ด้วยความโมโห ในขณะที่ดวงตากลมโตจ้องกลับมามองผมด้วยสายตาโศกเศร้า เขาเอ่ยถามผมเสียงเบา และผมก็ไม่ลังเลเลยที่จะโต้ตอบกลับไปอย่างเจ็บแสบ

ผมหวังจะให้เขาเจ็บเหมือนที่ผมกำลังเจ็บจนแทบจะขาดใจบ้าง

“พี่ภู ฮึก.. พี่ภูคิดว่าไนล์ใส่ร้ายคุณจีนหรอครับ?”

“ใช่! เพราะถ้าให้เลือกเชื่อระหว่างนายกับจีน ฉันเชื่อจีน เพราะอย่างน้อยจีนก็ไม่โกหกฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนที่นายทำ!”

และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งใจเหมือนจะขาด ไนล์มองผมอย่างผิดหวัง สายตาแบบที่ผมไม่เคยได้รับเลยตลอดสามเดือนที่อยู่ด้วยกัน กำลังปรากฎให้ผมเห็น แต่ผมที่กำลังโกรธมากเกินไปกลับเลือกที่จะไม่สนใจใยดีสายตาตัดพ้อนั่นสักนิด

“และในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง ฉันก็จะทำให้นายรู้และจำว่านายเป็นของใคร และอย่าคิดจะสวมเขาให้ฉันอีก!”

พอจบคำผมก็ไม่สนใจไนล์ที่ดิ้นรน ขัดขืนและขอร้องให้ผมปล่อย น้ำตาของไนล์ไม่สามารถทำให้ผมใจอ่อนเลยสักนิด เพราะความหึงหวงกำลังผลักดันให้ผมทำเรื่องที่โง่ที่สุด ผมดึงทึ้งเสื้อผ้าไนล์จนขาดกระจุย

ผมไม่คิดจะควบคุมอารมณ์ตัวเองสักนิด ผมตะโบมจูบลงไปบนริมฝีปากไนล์อย่างหยาบคายและจาบจ้วง บังคับให้เขาเผยอปากและสอดลิ้นเข้าไปตักตวงเกี่ยวกระหวัด ใช้ฟันขบริมฝีปากเขาย้ำๆ ในขณะที่ไนล์ได้แต่ครางอื้ออึงอยู่ในลำคอ หรือแม้แต่ตอนเขาดิ้นรนขอให้ผมปล่อยเพราะตัวเองกำลังหายใจไม่ทัน ผมก็ผละออกจากเขาแค่เสี้ยววินาทีเดียว แล้วก็บดปากลงไปใหม่ ราวกับอยากจะลงโทษให้เขาจำ ให้เขารับรู้ว่าผมนี่แหละที่เป็นเจ้าของเขา เขาเป็นของผม และผมจะไม่ยกเขาให้ใคร แม้แต่ไอ้เทมส์ที่เป็นเพื่อนสนิทก็ตาม

และในขณะที่ผมกำลังลงโทษให้ไนล์ได้รับในที่สิ่งที่สาสม แต่ผมกลับเจ็บไปทั้งใจ .. ผมนึกถึงแต่ช่วงเวลาที่เราร่วมรักกันและไนล์ยกแขนโอบกอดผมไว้ ไม่ใช่ดิ้นรนและผลักไสแบบนี้ แต่ถึงจะคิดแบบนั้น ผมก็ไม่คิดจะปล่อยเขาไป ไม่คิดเลยสักนิด

“ฮึก .. พี่ภู ปะ ปล่อยไนล์นะครับ ปล่อยยย!” ไนล์ร้องขอตอนที่ผมยอมละริมฝีปากออก ซึ่งผมเองก็ตอบกลับไปอย่างดุดันเช่นกัน

“ไม่! ฉันไม่มีวันปล่อยนายไป ไม่มีทางเด็ดขาด จำเอาไว้ไนล์ ไม่มีวัน!!!”


ใช่! ไม่มีวัน ผมไม่มีวันปล่อยเขา เพราะนั่นอาจจะหมายถึงการที่ผมเสียเขาไปตลอดกาล


เสื้อของไนล์ถูกผมกระชากจนขาดและเหวี่ยงไปกองบนพื้น ผมก้มลงจูบบนแผ่นอกขาวและขบเม้มไปทั่วจนขึ้นรอยรักสีแดงกระจายไปทั่วอก ไนล์ยังคงดิ้นรนและขอร้องให้ผมปล่อย ผมเลยจัดการครอบปากลงไปบนตุ่มไตสีอ่อน ทั้งออกแรงดูด ทั้งเลีย ทั้งกัด จนไนล์ตัวกระตุกและแผ่นอกเริ่มลอยไม่ติดที่นอน และเพราะผมรู้จักร่างกายไนล์ดีที่สุด ผมถึงดูดยอดอกสีอ่อนสลับไปมาทั้งสองข้าง จนรับรู้ได้ว่าไนล์กำลังเริ่มมีอารมณ์ร่วม

ต่อให้สมองเขาจะพยายามปฏิเสธผมแค่ไหน แต่ร่างกายเขากลับซื่อตรงกับสัมผัสของผมเสมอ

ไนล์เริ่มหายใจหอบถี่ หน้าท้องหดเกร็ง และพยายามกัดปากห้ามเสียงครางของตัวเอง ผมเลยดูดย้ำๆ จนตุ่มไตบนแผ่นอกแข็งตึง และในที่สุดไนล์ก็ห้ามสัญชาตญาณและความต้องการของตัวเองไม่ได้ เลยเผลอหลุดเสียงครางหวานออกมา

“อ๊ะ…”

ผมผละออกเมื่อรู้สึกว่าร่างเล็กใต้อาณัติเริ่มอ่อนระทวยและหมดแรงต่อต้าน ผมผละออกถอดเสื้อและกางเกงตัวเองออกจากร่างเหลือเพียงแต่ชั้นในติดตัว ก่อนจะหันไปจัดการถอดกางเกงและกางเกงชั้นในของไนล์ออก ร่างกายของเด็กตรงหน้าเปลือยเปล่า แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเห็น แต่มันเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกหวงแหน ในใจเอาแต่ร่ำร้องว่าจะไม่ยอมให้เขาเป็นของใครทั้งนั้น นอกจากผมคนนี้คนเดียว

ผมตามไปคร่อมร่างเล็กไว้อีกตรั้ง แต่ครั้งนี้ผมจับเรียวขาไนล์แยกออกกว้าง แล้วแทรกตัวเองเข้าไปตรงกลาง เป็นอีกครั้งที่ไนล์เริ่มผลักไสผม เขาดิ้นเพราะสติเริ่มกลับมา ผมเลยจัดการอ้าขาเขาออกให้กว้างกว่าเดิม และใช้มือทั้งสองข้างยึดสะโพกเล็กไว้แน่น และครอบปากลงไปบนแก่นกายน่ารักที่เริ่มขยับขยายและแข็งขืน ผมขยับริมฝีปากขึ้นลงตามความยาวจากโคนสุดปลายไม่กี่ครั้งมันก็ตั้งชัน แต่ผมก็ยังคงไม่หยุดปรนเปรอให้อีกฝ่าย ผมอยากให้ไนล์รู้ว่าเขาไม่มีวันหนีผมพ้น

“อ๊ะ.. อื้อ ปะ ปล่อย พี่ภู ป ปล่อย อ๊า..”

ไนล์ร้องขอให้ผมปล่อย แต่เขากลับขยับสะโพกสวนรับทุกครั้งที่ผมขยับปาก ผมเหลือบสายตาขึ้นไปมองใบหวานที่ตอนนี้เหยเก น้ำใสไหลเป็นทางจากหางตา ผมรู้ว่าสำนึกในใจของเขากำลังตีกันวุ่น ใจเขาร้องขอให้ผมหยุด แต่ร่างกายของเขากลับตอบสนองตามสัญชาตญาณ

และผมก็มัวเมาสนใจในสัญชาตญาณทางร่างกายของเขามากกว่าที่จะเห็นใจ เพราะความขาดสติของตัวเอง

ผมละริมฝีปากออก เมื่อเห็นว่าปลุกปั่นจนไนล์ถอยต่อไปไม่ได้ แก่นกายเล็กขยับขยายตั้งชัน ส่วนปลายปริ่มน้ำใสและสีหน้าของไนล์ก็ดูทรมานมาก ผมขยับมือสาวรั้งให้เขาเบาๆ แต่ไม่ยอมให้เขาเสร็จ ไนล์ขยับตัวบิดเร้าหน้าท้องเกร็งกระตุก ปลายเท้าจิกแน่น ผมขยับตัวทาบทับจนท่อนเนื้อที่อยู่ภายใต้กางเกงชั้นในของตัวเองที่แข็งตึงไม่ต่างมันเสียดสีกับแก่นกายเล็กที่เปลือยเปล่าของไนล์ คนตัวเล็กกรีดร้องไม่เป็นภาษาแต่ผมก็ยังคงไม่หยุดรังแกเขา

“อ๊ะ .. อื้อ พี่ ..อึก พี่ภู”

“นายอยากให้ฉันปล่อยไม่ใช่หรอ? นี่ไงฉันก็ปล่อยนายแล้วไง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงของคนที่ถือไพ่เหนือกว่า แถมยังส่งก้านนิ้วไปสะกิดยอดอกข้างหนึ่ง และยังใช้มือข้างที่ว่างยึดข้อมือเล็กที่พยายามยื่นออกไปเพื่อช่วยเหลือให้ตัวเองได้รับการปลดปล่อยไว้ ไม่ให้ทำอย่างที่ต้องการ

“พี่ภู…” ไนล์มีสีหน้าทรมาน แต่ผมก็อดทนรอให้เขาพูด ให้เขารู้และยอมรับว่ามีแค่ผมเท่านั้นที่ช่วยเขาได้ และเป็นเจ้าของเขาจริงๆ แม้ตัวเองก็แทบจะไม่ไหวเหมือนกันแล้วก็ตาม

ผมอยากได้เขา ผมอยากเข้าไปในตัวเขา ให้เขารับรู้ว่าและจดจำว่าเขาเป็นของผม ของผมแค่คนเดียว

“.. ช่วยไนล์หน่อยครับ ไนล์ ..อึก ไนล์…”

ผมไม่รอให้ไนล์พูดต่อ ผมจับไนล์พลิกหันหลังโก้งโค้งและเพราะไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลืออะไรทั้งนั้น ผมจึงก้มลงส่งลิ้นแทรกเข้าไปในช่องทางด้านหลังที่ปิดสนิท ไล้เลียไปตามรอยจีบสีชมพู แทรกเข้าไปลึกจนด้านในแฉะ ในขณะที่ไนล์ส่งเสียงครางไม่หยุด ก่อนที่ผมจะผละออกและถ่มน้ำลายรดลงบนก้านนิ้วยาวของตัวเองจนเปียกชุ่ม

“อื้อ..”

ไนล์ขยัยตัวเล็กน้อยตอนที่ผมสอดนิ้วแรกเข้าไปในช่องทาง ผมแทรกเข้าไปจนสุดความยาวนิ้วก่อนจะงอนิ้วเล็กน้อยให้ครูดกับผนังอุ่นที่กำลังขมิบตอดรัด ไนล์ทำเอาผมแทบคลั่ง แค่นิ้วผมยังรู้สึกขนาดนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นสอดท่อนเนื้อของผมเข้าไป ผมไม่อยากจะจินตนาการเลยว่ามันจะรู้สึกดีขนาดไหน และก็อย่างที่บอกว่าครั้งนี้ไม่มีอุปกรณ์ช่วยหรือป้องกันอะไรทั้งนั้น


แน่นอนว่าผมหมายรวมถึงถุงยางอนามัยด้วย


ผมแทบรอให้ถึงตอนที่ผมได้เข้าไปอยู่ในตัวไนล์แทบไม่ไหว เพราะหลังจากครั้งแรกที่เรามีอะไรกัน ไนล์ก็ขอให้ผมใส่ถุงยางเสมอ ผมเองก็ไม่เคยขัด ทั้งที่ลึกแล้วในใจผมรู้ตัวดีว่าผมคิดถึงการสอดใส่แบบเนื้อถึงเนื้อมากแค่ไหน และครั้งนี้ผมจะได้สัมผัสถึงความรู้สึกที่ได้เคยสัมผัสไปแล้วอีกครั้ง

ผมขยับกระแทกนิ้วเข้าออกในช่องทางด้านหลังของไนล์เป็นจังหวะ ในขณะที่มืออีกข้างก็เอื้อมไปด้านหน้าและสาวรั้งแก่นกายเล็กในจังหวะเดียวกัน ไนล์กรีดร้องแทบไม่เป็นภาษาเพราะความสุขสม ผมขยับกระแทกนิ้วในช่องทางด้านหลังรัวเร็วขึ้น ในขณะที่ผนังอุ่นตอดรัดนิ้วผมจนผมต้องกัดฟันกรอด ผมขยับมือด้านหน้าอีกไม่กี่ครั้งตัวไนล์ก็เริ่มกระตุก ปลายเท้าหงิกเกร็งและไนล์ก็ปลดปล่อยออกมาจนเลอะมือผมเต็มไปหมด

“อ๊าาาาา”

ผมขยับตัวและดึงนิ้วที่สอดใส่ออกจากช่องทางด้านหลัง ตอนที่ไนล์ทรุดลงไปกองนอนคว่ำกับเตียงเพราะหมดแรง ผมจัดการถอดชั้นในของตัวเองออกแล้วเหวี่ยงไปข้างเตียง ผมแทบไม่ต้องปลุกเร้าอะไรตัวเองเลยด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้ท่อนเนื้อผมแข็งชันพร้อมที่จะสอดใส่มาก ผมใช้น้ำรักของไนล์ทีเลอะอยู่บนมือปาดลงบนแก่นกายของตัวเองจนชุ่ม ก่นที่จะตรงเข้าประชิดตัวไนล์จากด้านหลังอีกครั้ง

ผมจับสะโพกเล็กให้โก้งโค้งขึ้น และขยับเข่าของไนล์ที่คุกอยู่บนเตียงให้ขยับออก เลยทำให้เห็นช่องทางสีชมพูที่ตอนนี้ติดจะแดงเล็กน้อยเพราะแรงกระแทกจากก้านนิ้วเมื่อก่อนหน้า ไนล์ที่แนบหน้าไปกับที่นอนผงกหัวขึ้นมามองผมเล็กน้อย พอเขาเห็นท่อนเนื้อที่ตั้งชันของผมเขาก็ตาโตและเริ่มที่จะขยับหนี แต่ผมก็ไวกว่าที่ยึดสะโพกเขาไว้ได้แน่น ไนล์พยายามโวยวายร้องขอแต่ผมไม่ฟัง

“พี่ภู.. ไนล์ ฮึก ไนล์ไม่เอาครับ..”

“ไม่เอาอะไร?” ผมเริ่มหงุดหงิด ที่เห็นไนล์เอาแต่ผลักไสทั้งที่รู้ว่าผมต้องการเขา “นายมีสิทธิ์ปฎิเสธฉันตั้งแต่เมื่อไหร่? หึ! ได้เวลาทำหน้าที่สนองให้ฉันเวลาฉันอยากแล้ว ลืมไปแล้วรึไงว่านายมีหน้าที่อะไรบนเตียง!”

ผมได้ยินไนล์พึมพำคำว่า ‘ถุงยาง’ ไม่หยุด แต่ตอนนั้นผมไม่สนอะไรทั้งนั้น ผมจับท่อนเนื้อที่ตั้งชันของตัวเองฟาดเบาๆ ลงบนแก้มก้นนิ่มๆ ของไนล์ ก่อนจะจับจ่อไปที่ช่องทางด้านหลังแล้วค่อยกดสอดมันเข้าไป

ไนล์กรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บเมื่อมันเข้าไปแค่ส่วนหัวเพราะไม่มีเจลคอยช่วยมันเลยค่อนข้างจะฝืด แต่ผมก็พยายามดันเข้าไปช้าๆ ไม่อยากหยุดเพราะมันจะเป็นการดึงเวลาให้ไนล์เจ็บนานเกินไป

“พี่ภูครับ ไนล์เจ็บ.. ฮึก เจ็บ”

แต่ไนล์ก็ยังคงร้องว่าเจ็บไม่หยุด ผมพยายามเบนความสนใจด้วยการกดจูบลงไปบนแผ่นหลังเนียน และส่งนิ้วไปสะกิดยอดอกทั้งสองข้างเพื่อให้ไนล์เสียวมากขึ้นและรู้สึกเจ็บน้อยลง

และผมก็ดันมันเข้าไปได้จนสุดลำ มันเป็นความรู้สึกที่โคตรสุดยอด ทั้งคับ ทั้งแน่น ทั้งรู้สึกถึงกันและกันโดยที่ไม่มีถุงยางอนามัยมาขวาง

“อึ่ก.. เจ็บ! ไนล์เจ็บ!”

ไนล์ยังคงร้องประท้วง ในขณะที่ผมกัดฟันกรอดเมื่อผนังอุ่นของไนล์ตอดรัดท่อนเนื้อผมไม่หยุด ไม่กล้าขยับเพราะเหมือนไนล์จะยังปรับตัวไม่ได้เลยต้องรอสักพัก จนผมทนไม่ไหว คิดว่าถ้าผมไม่ได้ขยัยและไนล์ยังรัดแน่นขนาดนี้ผมต้องเสร็จก่อนถึงเวลาแน่ๆ

ผมก้มลงไปจูบริมปากไนล์บาๆ ก่อนจะถามอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน เพราะผมรู้ว่าตัวเอกำลังทำเขาเจ็บ

“หายเจ็บรึยัง? ให้ฉันขยับได้ไหม?” ไนล์ไม่ตอบอะไรแต่มองผมตาปรือปรอย ผมเลยเดาว่าเขาน่าจะปรับตัวได้แล้วเลยลองขยับสะโพกกระแทกเข้าไปในช่องทางเบาๆ

“อ๊ะ..” ไนล์หลับตาแน่น ขมวดคิ้วนิดหน่อยแต่ดูสุขสมมากกว่าจะเจ็บปวด ผมเลยรู้ว่าเขาพร้อมแล้ว

พอคิดได้แบบนั้น ความอดทนผมก็จบสิ้นทันที ผมใช้มือทั้งสองข้างยึดสะโพกเล็กไว้แน่น ก่อนจะขยับสะโพกกระแทกเข้าออกเป็นจังหวะจากเนิบนาบเชื่องช้าเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ผมสูดปากด้วยความเสียงซ่าน เพราะท่านี้ทำให้ผมเข้าไปได้ลึกมากกว่าที่เคย มันทั้งคับ ทั้งแน่น ทั้งรู้สึกดีเพราะผมได้รู้สึกถึงไนล์โดยไม่มีอะไรมาขวาง ผมกระแทกสะโพกจนสุดแรงถี่ จนกระทั่งโดนเข้ากับจุดหนึ่งที่ทำให้ผนังอุ่นที่โอบรัดท่อนเนื้อของผมตอดรัดผมไม่หยุด

“อ๊ะ... อ๊า อ๊า”

ผมรู้ในทันทีและกระแทกถี่เร็วเข้าไปเรื่อยๆ ไม่หยุด และในขณะที่ผมกำลังจะเอื้อมมือไปสาวรั้งแก่นกายด้านหน้าให้ไนล์ แต่จู่ๆ ผมก็สัมผัสได้ว่าไนล์ตัวสั่นและบิดเกร็งคล้ายคนกำลังจะเสร็จ ผมเลยต้องยั้งจังหวะให้ช้าลง นึกรู้ว่าท่านี้คงทำให้ไนล์รู้สึกได้มากกว่าถึงได้จะเสร็จโดยที่ผมยังไม่ได้แตะต้องเขาเลยด้วยซ้ำ

“จะเสร็จแล้วหรอ หื้ม?” ผมก้มลงไปกระซิบถาม และแกล้งกระแทกเบาๆ ไนล์ครางหงิงท่าทางจะอยากปลดปล่อยเต็มที่

“ครับ.. พี่ภู นะ ไนล์ ไนล์ไม่ไหวแล้ว”

เขาคว้ามือผมไว้แล้วเอานิ้วมือผมเข้าไปในปากตัวเอง ไนล์ออกแรงดูดเบาๆ ทำเอาผมที่เห็นภาพตรงหน้าถึงกับกลืนน้ำลาย และกว่าจะรู้ตัวอีกทีผมก็โถมกระแทกเข้ากับช่องทางด้านหลังของคนใต้ร่างจนสุดแรง และเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ จนไนล์หัวสั่นหัวคลอน

ผมก็กระแทกแรงขึ้นและถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนไนล์กระตุกเกร็งและปลดปล่อยออกมาในที่สุด.. ปล่อยโดยที่ผมไม่ได้ใช้มือช่วยเขาเลยสักนิด

“อ๊าาาา”

ไนล์แทบจะทรุดลงไปกองอีกรอบหลังจากที่ตัวเองปลดปล่อยเสร็จ ดีที่ผมรั้งช้อนร่างเล็กไว้ได้ เพราะตัวเองยังไม่เสร็จ ผมขยับถอนแก่นกายออกมาจากช่องทางจนเกือบสุด แล้วกระแทกกลับเข้าไปเน้นๆ แรงๆ ผมทำแบบนี้อยู่สองสามรอบ และเพราะมันลึกกว่าที่เคยเลยทำให้ผมเสียวจนต้องสูดปาก และแม้แต่ไนล์ที่สร็จไปแล้วยังร้องครางออกมาอย่างลืมตัว ผมทำแบบนี้อยู่จนหน้าท้องผมเริ่มหดเกร็งและรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะเสร็จ เลยกระแทกเร่งจังหวะถี่เร็วขึ้น จนลมหายใจตัวเองกระชั้น ก่อนที่จะปลดปล่อยออกมาจนล้นช่องทางของไนล์

“อาาาาาาห์”

ผมทรุดลงกอดรัดไนล์จากด้านหลัง พอผมถอนตัวเองออกมาจากช่องทางของไนล์ โดยมีน้ำรักไหลย้อยออกมาด้วยก็ทำให้ผมพบว่าตัวเองรู้สึกดีไม่น้อย มันเหมือนกับว่าผมได้เป็นเจ้าข้าวเจ้าของเด็กคนนี้เพิ่มมากขึ้น

ซึ่งนั่นทำให้ความปรารถนาที่ผมมีต่อไนล์ไม่ได้ลดลงเลย ตรงข้ามมันกลับมากขึ้นด้วยซ้ำ

ผมจับไนล์ที่กำลังหมดแรงขึ้นมานั่งตัก ในขณะที่ผมเองนั่งเอาหลังพิงกับหัวเตียงไว้ ผมจับเขานั่งหันหน้าทับลงมาตักผมและตอนที่แก่นกายเราเสียดสีกันท่อนเนื้อของผมก็เกิดแข็งชันขึ้นมาอีกรอบ

ผมบอกแล้ว ว่าผมหยุดความต้องการที่มีต่อไนล์ไม่ได้จริงๆ

“พี่ภู ไนล์ ไนล์.. ไม่ไหวแล้วครับ” มือเล็กยึดอยู่บนบ่าผมแน่น แม้ใจไนล์จะบอกไม่ไหว แต่ร่างกายไนล์กลับไม่ฟัง เพราะผมขยับมือสาวรั้งแก่นกายเล็กไม่กี่ทีมันก็ขยายสู้มือผมแล้ว

ผมยื่นหน้าไปจูบใบหูนิ่มพลางกระซิบเบาๆ “แต่ฉันยังต้องการนายอยู่นะ ช่วยฉันทีสิ” และผมก็รู้ดีว่าจะทำยังไงให้ไนล์ยอม

ผมเอื้อมมือไปจับมือไนล์มาวางบนท่อนเนื้อของตัวเอง ก่อนจะพรมจูบไปริมฝีปากบางอย่างหลอกล่อ ผมขยับปากลากลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะครอบลงบนยอดอกที่เริ่มแข็งตึง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ไนล์ขยับมือสาวรั้งท่อนเนื้อให้ผม

เราสองคนต่างขยับมือปรนเปรอให้กันและกัน และพอไนล์ขยับมือได้ไม่กี่ครั้ง ผมก็ยกตัวเขาขึ้นให้สะโพกกระดกขึ้นเล็กน้อย แล้วจับท่อนเนื้อที่แข็งชันแล้วจ่อไปที่ช่องทางด้านหลังของไนล์ ให้ไนล์ค่อยๆ กดสะโพลง จนในที่สุดผมก็เข้าไปอยู่ในตัวไนล์อีกครั้ง

“อ๊ะ.. อื้อ”

ผมค่อยๆ ช่วยไนล์ประคองสะโพกให้ขยับขึ้นลงในช่วงแรก โดยที่ตัวเองก็คอยสวนสะโพกกลับไปเบาๆ ช้าๆ ให้ไนล์จับจังหวะได้ และพอไนล์จับจังหวะเองได้เขาก็ขยับสะโพกขึ้นลงด้วยตัวเอง โดยเท้ามือไว้ที่ต้นขาด้านหลังของผม แผ่นอกขาวแอ่นเล็กน้อย จนผมอดไม่ได้ที่จะต้องส่งลิ้นไปตวัดเลียยอดอกที่แข็งตึงเพราะแรงอารมณ์

ไนล์ครางเสียงหลงตอนผมสวนสะโพกกระแทกกลับ ในขณะที่มือผมก็ปรนเปรอด้านหน้าเขาไปด้วย ไนล์เร่งจังหวะเร็วขึ้นเมื่อถูกปรนเปรอจากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ใบหน้าหวานสะบัดและเต็มไปด้วยอารมณ์เพราะเขาได้ควบคุมทุกอย่างเอง ไม่นานคนตัวเล็กกว่าก็เกร็งกระตุกและปลดปล่อยออกมา

“อ๊าาาาา”

ไนล์แทบจะหมดแรงทิ้งตัวมาซบผม ในขณะที่ผมเองยังไม่เสร็จเลยต้องจับไนล์นอนลงหงายราบไปกับเตียง พร้อมกับแยกขาอีกฝ่ายออกกว้าง ผมโถมกระแทกเข้าไปไม่หยุด จากช้าและค่อยเร่งจังหวะขึ้นเรื่อย สลับกับถอนเข้ากระแทกกลับแรงๆ และในที่สุดหัวสมองผมก็ขาวโพลน และปลดปล่อยตามไนล์ที่นอนระทวยอ้าขากว้างออกมาติดๆ

“อาาาาาาห์”

ผมถอนตัวออกจากช่องทางของไนล์ช้าๆ น้ำสีขาวขุ่นของผมไหลย้อยออกมาตามช่องทางของไนล์และไหลลงมาตามเรียวขาขวางเต็มไปหมด ผมเห็นไนล์เหลือบมองและน้ำตาไหลออกมาช้าๆ .. และนั่นทำให้ผมนึกโมโห

ยิ่งพอเห็นไนล์ที่แทบไม่มีแรงพยายามจะตระกายลงจากเตียงไปหาเสื้อผ้าขาดวิ่นที่ผมโยนทิ้งไว้ยิ่งทำให้ผมโมโหมากขึ้น ผมเลยตามไปกระชาก ให้เขาล้มลงมานอนบนเตียงโดยมีผมคร่อมไว้อีกครั้ง

“ทำไม? จะไปไหน? เมื่อกี้เห็นครางไม่หยุด ตอนนี้มาทำเป็นไม่อยาก เลยร้องไห้คร่ำครวญงี้หรอ? มีอะไรกับฉันมันลำบากใจนายนักหรือไง ห๊ะ?”

ผมพูดพร้อมกับบีบข้อมือเล็กแน่น ยิ่งไนล์ร้องไห้ ผมยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ

“ฮึก.. พี่ภูปล่อย ไนล์ ฮืออ ไนล์จะกลับบ้าน”

“กลับบ้าน? ฉันยอมให้นายกลับหรอ นายถึงจะกลับน่ะ หึ! ทีตอนนี้ร้องจะกลับ เมื่อกี้อยู่กับไอ้เทมส์ไม่ร้องกลับแบบนี้บ้างล่ะ? ทำไมหรือลีลาฉันยังถึงใจนายไม่พอ ห๊ะ?” ผมตวาดลั่น และทำตัวไม่มีเหตุผลมากขึ้นเรื่อยๆ

“พี่ภู ปล่อย! พอได้แล้ว พอสักที!”

ผมทั้งโกรธทั้งตกใจที่ไนล์ดิ้นรนและไม่ยอม เลยตรึงข้อมือร่างเล็กไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียวแน่นขึ้น ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่ไนล์ทำท่าไม่ยอมใส่ผม ในขณะที่ภาพที่ไอ้เทมส์จูบหน้าผากไนล์ย้อนกลับเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง

ผมโมโหจนขาดสติเลยจับขาไนล์แยกออกอีกครั้ง โดยที่แทบจะไม่สนใจเลยว่าร่างเล็กตรงหน้าแทบไม่เหลือแรงให้ผมเอาเปรียบแล้ว

“จำไว้ถ้าฉันไม่ปล่อยให้นายกลับ นายจะไม่มีทางได้กลับ! นายต้องอยู่บนเตียงนี้กับฉัน จนกว่าฉันจะพอใจ จำไว้ให้ดีไนล์!”

และผมก็ทำให้คืนนั้นเป็นฝันร้ายที่ไนล์ไม่เคยลืม

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-11 : Universe 28th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 11-07-2020 20:56:11
(อ่านต่อจากด้านบน)


Nateetouch’s Part


ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการเจ็บร้าวจะขาดใจไปทั้งร่าง สะโพกยันปลายเท้าแทบยกไม่ขึ้น คราบน้ำรักเกรอะกรังอยู่ตรงต้นขาด้านใน ลามไปถึงช่องทางด้านหลังจนแทบจะหาช่องว่างของผิวเนื้อไม่เจอ ในขณะที่คนที่ทำให้ผมตกอยู่ในสภาพแบบนี้กำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ปลายเตียงด้วยท่าทางเคร่งเครียด ผมเลยเหลือบสายตาไปมองนาฬิกาก็พบว่านี่คือเวลาเกือบบ่ายสามของอีกวัน มันไม่ใช่ตีสามเพราะผมเห็นแสงสว่างที่ลอดมาจากหน้าต่าง

ผมหลับตาลงช้าๆ อย่างเจ็บปวด ผมอยู่ที่นี่ตั้งแต่ช่วงบ่ายของเมื่อวาน จนนี่มันบ่ายของอีกวัน ต่อให้รีบกลับบ้านยังไง ด้วยสภาพร่างกายอย่างนี้ก็คือไม่ทันแน่ๆ

ผมกลับไปกินยาคุมที่อาหมอให้ไว้ไม่ทัน ยาที่ต้องกินภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีการป้องกัน ผมกลับไปไม่ทันและคงต้องยอมรับผลที่อาจจะตามมา

ผมอยากจะปลอบตัวเองและภาวนาว่าผมอาจจะไม่โชคร้ายขนาดนั้น เพราะที่ผ่านมาผมกับพี่ภูก็มีเพศสัมพันธ์แบบป้องกันมาโดยตลอด แต่พอผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เรามีอะไรกันไม่ต่ำกว่าห้ารอบแน่ๆ ทั้งที่ผมรู้สึกตัวและไม่รู้สึกตัว ผมเลยไม่กล้าที่จะปลอบใจตัวเองหรือหวังให้ตัวเองโชคดีขนาดนั้น

“อืมได้ โทษทีพอดีมีธุระนิดหน่อย เดี๋ยวยังไงผมจะเข้าไปให้ทันก่อนห้าโมงเย็นแล้วกัน .. ครับ ครับ .. ขอบคุณมากครับ”

พี่ภูคุยโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จากสภาพเขาน่าจะตื่นก่อนผมไม่นาน หนำซ้ำเขาอาจจะตื่นตอนที่มีสายเรียกเข้านี่ก็ได้ ผมเบือนสายตาหนีเมื่อพี่ภูหันมาสบตา

“ตื่นแล้วหรอ” เขาขยับเข้ามาใกล้ พร้อมกับเตรียมจะวางมือบนหน้าผาก เพื่อวัดไข้ แต่ผมขยับหนี และนั่นก็ทำให้เขาหงุดหงิด

“…” ผมไม่ตอบอะไร และไม่ยอมมองหน้าเขาสักนิด

พี่ภูถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะลงจากเตียงเดินไปหยิบเสื้อกางเกงที่วางกองอยู่ที่พื้นขึ้นมาใส่ ท่าทางเขาดูหงุดหงิดกับปฏิกริยาของผมไม่น้อย

“ตามใจ อยากจะเป็นใบเป็นเบื้อก็ตามใจ” เขาสวมกางเกงเสร็จแล้วจึงหันมาทางผม พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันให้โรงแรมหาเสื้อผ้าใหม่มาให้นายแล้ว ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับบ้านซะ ฉันจะกลับเข้าไปออฟฟิศ เสร็จงานแล้วจะตามกลับไป”

“…” ผมยังคงไม่ตอบ และประโยคต่อมาก็ทำให้ผมต้องน้ำตาไหล และเข้าใจทุกอย่างทั้งหมด

“กลับไปแล้วก็อย่าไปหาเรื่องทะเลาะกับจีน เขาหวังดีกับฉันเขาถึงได้มาบอกเรื่องนาย ไม่งั้นฉันก็คงเป็นไอ้โง่ โดนนายหลอก โดนนายสวมเขาให้ไม่รู้เรื่องรู้ราว”

“สรุปว่าเรื่องทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพราะคุณจีน .. ที่พี่ภูทำขนาดนี้กับไนล์เพราะคุณจีนบอกพี่ภูหรอครับ” ผมถามเสียงเบา หัวใจเหมือนถูกบิดจนขาดวิ่น และสิ่งที่พี่ภูพูดก็ตอกย้ำให้ผมคิดได้ในนาทีนั้น

“ใช่! เพราะจีนบอก ฉันต้องขอบคุณจีนด้วยซ้ำ ไม่งั้นฉันก็คงเอาแต่ทำงานงกๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราวสักอย่าง ไม่รู้ว่านายทำกับฉันขนาดนี้”

พี่ภูพูดกับผมอย่างเย็นขา เขาเชื่อคุณจีนหมดใจโดยไม่คิดจะถามผมสักคำ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังจะถามออกไปเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อให้ตัวเองได้ตัดสินใจได้สักที


“ละ ฮึก.. แล้วพี่ภูคิดจะถามไนล์สักนิดไหมครับ ว่าไนล์ ฮึก.. ไนล์ทำอย่างที่คุณจีนบอกรึป่าว”


ผมบีบมือตัวเองแน่น รอคอยคำตอบอย่างคาดหวัง ถ้าแค่เพียงเขาคิดจะถามผมสักนิด.. แค่เพียงสักนิด ผมอาจจะยอมเป็นคนโง่เพื่อถ่วงเวลาของเราให้นานออกไป แต่ถ้าไม่...

“หึ!” พี่ภูปรายตามองผม ก่อนที่จะพูดคำตอบที่เฉือนใจผมเหวอะหวะ ไม่เหลือชิ้นดี “จะถามทำไม ในเมื่อฉันเห็นคาตาขนาดนี้”

... ทุกอย่างก็ควรจบลงเสียที

ผมหลับตา ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด .. ไม่เหลือความหวังอะไรแล้วทั้งนั้น พี่ภูไม่คิดจะถามผมด้วยซ้ำว่าเรื่องที่คุณจีนพูดนั้นจริงหรือไม่จริง เขาเชื่อคุณจีนทุกคำพูด คุณจีนที่เคยหักหลังและทรยศความรักของเขา ในขณะที่ผมรักและภักดีกับเขามาตลอดเกือบสามเดือนที่อยู่ด้วยกัน .. ไม่สิ สิบปีต่างหากที่ผมมั่นคงกับเขามาโดยตลอด

และแม้แต่ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ถึงจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ผมก็พยายามพิสูจน์ให้พี่ภูเห็นหลายต่อหลายครั้งว่าผมรักเขามากแค่ไหน แต่เพราะมันไม่เคยสำคัญกับเขาเลย มันไม่เคยมีค่ากับพี่ภูเลย เขาถึงได้ทำร้ายจิตใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยการเอาแต่เชื่อคำพูดของคนอื่น

และในเมื่อความรักที่ผมให้เขาไปมันไม่มีค่าและสำคัญมากพอสำหรับเขา … ผมก็ควรหยุดกับการยื้อความรักที่ยาวมานานถึงสิบปีเสียที

ผมรักพี่ภูมากเกินไป จนหลงลืมไปว่าที่จริงแล้วผมก็ควรรักตัวเองด้วยเช่นกัน

“ไปอาบน้ำสิ รอเสื้อผ้าใหม่มาส่ง เดี๋ยวฉันจะสั่งให้พนักงานโรงแรมเรียกแท็กซี่มาให้ แล้วกลับไปบ้านซะ” พี่ภูบอกก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งผมไว้กับหัวใจที่เหวอะหวะของตัวเอง

ใช่... ได้เวลาที่ผมจะกลับบ้านเสียที

.

.

.

“คุณไนล์ ป้าเป็นห่วงแทบแย่ หายไปไหนมาคะ? เกิดอะไรขึ้นรึป่าวคะ?”

ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในคอนโด ป้ามลที่น่าจะผุดลุกผุดนั่งอยู่นานก็ลุกขึ้นยืนแล้วโผเข้ามากอด พร้อมกับลูบหน้าลูบตาถามผมอย่างเป็นห่วงเป็นใย

ในขณะที่คุณจีน มองผมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เธอยิ้มเยาะที่เห็นผมอยู่ในสภาพอิดโรยและดูอ่อนเพลีย แต่ผมในตอนนี้ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นว่าเธอจะคิดหรืออยากทำอะไรอีก ผมพอแล้ว ผมเหนื่อยกับเรื่องทั้งหมดนี่เหลือเกิน และที่ผมกลับมา เพราะอยากสะสางทุกอย่างก่อนไป

รวมถึงความรู้สึกของผมเอง

“ไม่มีอะไรครับป้ามล ไนล์ไม่เป็นอะไร” ผมหันมายิ้มบางๆ ให้ป้ามลและตอบให้แกคลายกังวล ก่อนที่จะหันไปหาคุณจีนและพูดกับเธออย่างชัดเจน “คุณทำสำเร็จแล้ว ผมยอมแพ้ ต่อจากนี้ไปขอให้เลิกยุ่งกับผมสักที”

เป็นอีกครั้งที่คุณจีนยิ้มเยาะใส่ผม เธอลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินตรงมาหาผม โดยไม่ได้มีทีท่าว่าจะเจ็บข้อเท้าหรืออะไรแม้แต่น้อย

“รู้ตัวก็ดี หึ! ภูไม่มีทางทิ้งฉันไปหาเด็กผู้ชายที่เป็นแค่คนรับใช้อย่างแกอยู่แล้ว เจียมตัวไว้ซะบ้าง” เธอเหยียดยิ้มมุมปาก “แกคิดถูกแล้วแหละที่ยอมถอยเอง เพราะยังไงอีกไม่นานภูก็ต้องเขี่ยแกทิ้งแล้วเลือกฉัน… เพราะขนาดฉันแค่สร้างเรื่องนิดๆ หน่อยๆ เขายังเชื่อที่ฉันบอกจนหมดใจ ทีนี้รู้ยังว่าระหว่างฉันกับแก ใครสำคัญกับเขามากกว่ากัน!”

ผมกำมือแน่น ทุกถ้อยคำบาดลึกไปถึงหัวใจ ผมพยายามนิ่งและอดทน แต่คนที่ทนไม่ไหวกลับเป็นป้ามลแทน

“นี่คุณ! คุณไม่มีสิทธิ์มาดูถูกคุณไนล์แบบนี้นะ คุณไนล์ไม่ใช่…”

“ช่างเถอะครับป้ามล ไม่ต้องพูดอะไรหรอก มันจบแล้ว ไนล์พอแล้วครับป้า ไนล์พอแล้วจริงๆ” ผมหันไปยึดมือป้ามลไว้แน่นเพื่อเป็นการห้าม แกดูตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น

“คุณไนล์.. คุณไนล์หมายความว่ายังไงคะ?” ป้ามลถามผมอย่างตกใจ เหมือนพอจะเดาได้ว่าผมคิดจะทำอะไร

“ป้าครับ ไนล์มีเรื่องจะรบกวนป้า เราเข้าไปคุยกันในห้องไนล์ได้ไหมครับ” ป้ามลยังคงดูสับสนแต่ก็พยักหน้ารับ

“ได้สิคะคุณไนล์”

ผมกับป้ามลพากันเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น เพื่อจะตรงไปยังห้องนอนผมที่อยู่ถัดไป แต่ก็ต้องชะงักเท้าเพราะคำพูดเย้ยหยันของคุณจีน

“ส่วนเงินห้าแสนที่ฉันให้แกเอามาจากเทมส์น่ะฉันยกให้ ถือว่าทำทานให้แกเอาไปใช้ตั้งตัวเพราะตอนนี้คงไม่มีที่ซุกหัวนอน”

พอคุณจีนพูดจบป้ามลก็ดูโกรธมากถึงแม้ว่าป้าจะไม่รู้ว่าที่คุณจีนพูดหมายความว่ายังไง แต่ฟังยังไงก็ไม่พ้นถ้อยคำดูถูกผม ผมเลยต้องรั้งป้าไว้อีกครั้งและส่ายหน้าบอกไม่ให้ป้าสนใจในสิ่งที่คุณจีนพูด ก่อนที่ผมจะเดินเร็วๆ แล้วพาป้าเข้ามาในห้องนอน ผมมีเวลาไม่มาก ก่อนที่พี่ภูจะกลับมา และทันทีที่เข้ามาในห้องได้ ผมก็ล็อคประตู และบอกให้ป้ามลนั่งรอที่เตียง ก่อนที่จะไปค้นกุกกักในตู้เสื้อผ้าและหยิบของที่ต้องการออกมา

“ป้ามลครับ ไนล์มีทั้งเรื่องรบกวนและขอร้องให้ป้ามลช่วย ป้ามลช่วยไนล์หน่อยนะครับ” ผมนั่งลงข้างๆ ป้ามลและจับมือที่เคยช่วยเหลือผมหลายต่อหลายครั้งไว้ และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ผมต้องรบกวนให้แกช่วย

“ได้สิคะ คุณไนล์อยากให้ป้าทำอะไร คุณไนล์บอกป้าได้เลย ป้ายินดีช่วย”

ผมจัดการหยิบสมุดบัญชีเงินฝากออกมา ก่อนจะเปิดเช็คดูความถูกต้องแล้วยื่นให้ป้ามล ซึ่งป้าแกก็รับไว้แม้จะไม่ค่อยเข้าใจก็ตาม

“สมุดธนาคารหรอคะคุณไนล์”

“ใช่ครับป้า เป็นสมุดธนาคารที่เป็นชื่อพี่ภู ไนล์ไปเปิดเอาไว้มาสักพักแล้ว แล้วไนล์ก็เอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่พี่ภูเคยให้ใส่ไว้ในบัญชีนี้ ตั้งใจว่าวันที่ไนล์บอกความจริงกับพี่ภูแล้วไนล์จะคืนให้ แต่ตอนนี้ไนล์คงรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหว” ผมยิ้มบาง พร้อมกับจับมือป้ามลที่ถือสมุดบัญชีไว้แน่น “ยังไงไนล์ฝากป้ามลคืนพี่ภูทีนะครับ ไนล์ไม่อยากให้เขาฝังใจว่าไนล์ทำกับเขาไม่ต่างจากที่คนอื่นเคยทำให้เขาเสียใจมา”

“โถ คุณไนล์ของป้า” เสียงป้ามลสั่นเครือ แกน่าจะพอเดาเหตุการณ์ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง “เหนื่อยไหมคะ? คุณไนล์สู้ไม่ไหวแล้วหรอ?”

ผมน้ำตาไหลทันทีที่ได้ยินป้ามลถามแบบนั้น ก่อนจะตอบออกไปทั้งที่เสียงสั่นแม้ริมฝีปากผมจะยิ้มก็ตาม

“ไนล์ทำเต็มที่แล้วครับป้ามล ไนล์ทำเต็มที่แล้ว.. ฮึก ตอนนี้คนที่พี่ภูต้องการอาจไม่ใช่ไนล์ แต่อาจจะเป็นคุณจีนคนที่พี่ภูไม่เคยลืมก็ได้นะครับ”

“แต่คุณไนล์คะ…” ผมส่ายหน้าช้าๆ เพราะรู้ว่าป้ามลพยายามจะแย้ง แต่ตอนนี้ผมฝืนตัวเองต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ แล้วไหนจะปัญหาในอนาคตอีก

ผมมีสิทธิ์ตั้งท้อง ตั้งท้องโดยที่ไม่ได้มีวี่แววเลยว่าพี่ภูจะรับได้ ทุกอย่างมันผิดที่ผิดทาง ผิดจังหวะไปหมด เพราะฉะนั้นผมควรถอยออกมาน่ะถูกต้องที่สุดแล้ว

“เชื่อไนล์เถอะครับป้ามล แบบนี้น่ะดีที่สุดแล้ว ดีทั้งกับพี่ภู และดีทั้งกับไนล์เอง”

ป้ามลนิ่งไปคล้ายกับยอมรับการตัดสินใจของผม ให้ผมต้องหยิบกล่องขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือออกมาอีกหนึ่งใบ กล่องที่ผมตั้งใจจะมอบให้พี่ภูหลังจากที่ผมบอกความจริง

“ส่วนกล่องนี้ไนล์ฝากป้ามลคืนให้พี่ภูครับ ป้ามลบอกพี่ภูแค่ว่าไนล์ฝากคืนให้ ที่จริงมันมีจดหมายอยู่ในนี้ด้วย ถ้าพี่ภูเปิดอ่านและเห็นของในกล่องพี่ภูจะเข้าใจได้เอง”

ผมมองป้ามลรับกล่องไปไว้ในมือพลางน้ำตาไหลช้าๆ ที่จริงผมเอามันมาด้วยเพราะตั้งใจว่าถ้าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี หลังจากที่ผมบอกความจริงกับพี่ภู ผมจะให้กล่องนี้ด้วยมือของตัวเองและจะขยำจดหมายที่เขียนเผื่อไว้ทิ้ง มันเป็นจดหมายที่เขียนเผื่อไว้ในกรณีแบบนี้ และนั่นทำให้จดหมายฉบับนั้นไม่ถูกขยำทิ้งและพี่ภูคงจะได้อ่านมัน

“คุณไนล์… คุณไนล์แน่ใจแล้วใช่ไหมคะว่าจะไปทั้งแบบนี้ คุณไนล์ลองโทรหาคุณท่านก่อนไหมคะ เผื่อว่า…”

“ไนล์ตัดสินใจแล้วครับป้ามล อย่ารบกวนคุณแม่เลย ท่านจะไม่สบายใจเปล่าๆ” ผมพูดสวนออกไปเป็นการตัดบททั้งที่น้ำตาไหล ในขณะที่ป้ามลเองก็ร้องไห้ไปกับผมด้วย

“ก็ได้ค่ะคุณไนล์ แล้วป้าจะจัดการให้นะคะ คุณไนล์ไม่ต้องเป็นห่วง”

“ขอบคุณนะครับป้ามล ไนล์ขอบคุณมากๆ” ผมจับมือป้ามลแน่นพร้อมกับเอ่ยลา เมื่อมองเวลาและเห็นว่ามันผ่านมานานพอสมควรแล้ว “ป้ามลครับ เดี๋ยวไนล์ต้องไปแล้ว ป้ามลดูแลตัวเองดีๆ นะครับ แล้วยังไงไนล์จะโทรหา เผื่อว่าป้ามลอยากให้ไนล์ช่วยอะไร จะได้มีช่องทางติดต่อกัน… ส่วนของทุกอย่างที่จริงไนล์ตั้งใจจะเอาให้พี่ภูด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้..”

ผมพูดไม่ออก เหมือนทุกอย่างมันจุกอยู่ที่ลำคอ ที่ทำได้มีแค่ร้องไห้ออกมาเงียบๆ เท่านั้น

“ไม่เป็นไรค่ะคุณไนล์ ไม่เป็นไร… คุณไนล์ก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกันนะคะ” ป้ามลยกมือผมขึ้นมากอด “ส่วนของทุกอย่างป้าจะส่งให้กับมือคุณภูด้วยตัวเอง ป้าสัญญา”

“ขอบคุณครับป้ามล”

ผมโผเข้ากอดป้ามลที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ เราร่ำลากันอยู่อีกพัก แล้วผมก็ลุกไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของที่มีอยู่ไม่มากลงกระเป๋า ตอนมาผมมีมาแค่ไหน ตอนจะกลับผมก็เอาไปแค่นั้น… อาจจะมีของหนึ่งชิ้นที่เพิ่มเข้ามา และของอีกหนึ่งชิ้นที่ผมทิ้งไว้

กรอบรูปที่พี่ภูซื้อให้ที่หัวหิน เป็นสิ่งที่ผมเก็บกลับไปด้วย มันเป็นความทรงจำดีๆ สุดท้ายที่เรามีร่วมกัน และผมก็อยากจะรักษามันไว้ แทนที่กล่องใบนั้นที่ผมทิ้งไว้ให้พี่ภู กล่องที่ผมอยากจะให้เขาด้วยตัวของผมเอง

… แต่ตอนนี้ผมคงทำได้แค่ฝากป้ามลไปคืน

.

.

.

ผมเก็บข้าวของเรียบร้อย และกำลังจะเดินออกจากห้องนอนไปพร้อมป้ามล.. ผมกำลังจะไปจากที่นี่ก่อนที่พี่ภูจะกลับมา แต่เสียงเรียกเข้ามือถือทำให้ผมต้องชะงักเท้าเสียก่อน


‘ลม’


ผมรับสายด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าลมโทรมาทำไม และยังไงถึงได้โทรมาตอนนี้ และทันทีที่รับสาย มือถือก็แทบร่วงหล่นจากมือ

“ลม ว่า…”

(ไนล์! ลมต้องการคำอธิบาย ว่าทำไมผู้จัดการโรงแรมที่ลมส่งไปดูงานที่ออสเตรเลียถึงบอกมาว่า เขาไม่เคยเจอไนล์ไปคุยงานอะไรกับลูกค้าที่นั่นเลย! ที่เห็นมีแค่คุณฤดี หนำซ้ำคุณฤดีก็ดีลโปรเจ็คเสร็จตั้งหลายวันแล้วแต่ยังไม่กลับ มันหมายความว่ายังไงไนล์? หมายความว่ายังไงบอกเรามา?! นี่ไนล์กำลังเล่นอะไรอยู่ เกือบสามเดือนที่ผ่านมานี่ไนล์ไปอยู่ที่ไหนกัน??)

ลมดูโกรธมาก เขาพูดแทบไม่หายใจ ในขณะที่ผมทำอะไรแทบไม่ถูก แต่พอตั้งสติได้ ผมก็คิดว่ามันเปล่าประโยชน์อะไรที่จะโกหก ยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึงไม่ช้าก็เร็ว .. วันที่ความลับไม่เป็นความลับอีกต่อไป

“ใจเย็นๆ นะลม เราสัญญาว่าเราจะเล่าทุกอย่างให้ลมฟัง .. ถ้าไม่รบกวนเกินไปลมมารับเราที่ซอยxxx ได้ไหม คอนโด W เดี๋ยวเราจะรออยู่หน้าคอนโด แล้วจากนั้นลมอยากรู้อะไร เราจะเล่าให้ลมฟังทั้งหมด”

(ได้! ลมอยู่แถวนี้พอดี อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงลมจะไปถึง) เสียงถอนหายใจฮึดฮัดดังมาตามสายทำให้ผมรู้ว่าลมกำลังหงุดหงิดไม่น้อย (ลมต้องการคำอธิบายที่ไม่โกหกหรือหลอกอะไรลมอีกนะไนล์ ไม่งั้นลมคงต้องบอกคุณพ่อกับคุณแม่ของไนล์ถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น)

“อืม เราไม่โหกอะไรแล้วล่ะ ลมมาเถอะ เราสัญญาแล้วไงจะเล่าให้ฟัง”

ผมกดวางสายพร้อมกับถอนหายใจ … บทปัญหาจะประดังประเดเข้ามา มันก็ไม่รอให้ผมตั้งตัวสักนิด แต่เอาเถอะ ในเมื่อผมตัดสินใจเดินหน้าเข้าพุ่งชนทุกอย่างแล้ว ก็ทำให้มันจบๆ ไปแล้วกัน

ผมลาป้ามลอีกครั้งพร้อมกับเดินออกมาที่ประตูคอนโด ตอนนี้คุณจีนไม่ได้อยู่แถวนั้นแล้วแต่ก็ดีแล้วล่ะเพราะผมก็ไม่ได้อยากเจอเธออีก

ผมกวาสายตาไปรอบๆ เพื่อบันทึกทุกความทรงจำที่ดีและร้ายใส่สมองและหัวใจ ผมอยู่ที่นี่เกือบสามเดือน สามเดือนที่มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เหตุการณ์ที่ทั้งสุขและทุกข์ เหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งยิ้มและร้องไห้ได้

ซึ่งทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะเขา.. พี่ภู คนที่เป็นรักแรกและรักเดียวของผมมาตลอดสิบปี

ถึงแม้วันนี้ผมจะต้องจากไปทั้งที่อะไรไม่เป็นอย่างที่คิด แต่ผมก็ไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจมาที่นี่ มาอยู่กับพี่ภู เพราะอย่างน้อยในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ผมก็ได้สัมผัสกับความสุข ถึงจะไม่สมหวังแต่ผมก็ได้พยายามเต็มที่เท่าที่จะทำได้แล้ว

ผมยิ้มบางๆ หลังจากซึมซับทุกอย่างไว้ในความทรงจำ ก่อนจะหันหลังแล้วตัดสินใจเปิดประตูห้องแล้วเดินออกมา

จบสิ้นแล้วกับความรักที่เป็นไปไม่ได้ของผม .. ได้เวลาบอกลากันเสียที

ผมที่ตัดใจได้แล้วเดินลงมาที่ล็อบบี้ก่อนจะไปยืนรอลมที่หน้าคอนโด ใช้เวลาไม่นานรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูคันคุ้นตาก็จอดมาเทียบข้าง ผมก้าวขึ้นรถ โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่ามีรถยนต์อีกคันแล่นสวนเข้ามา ในจังหวะที่ลมวนรถออกไปพอดี

… มันก็เป็นแบบนั้นมาตลอด จังหวะของเราไม่เคยจะตรงกันสักครั้ง แม้แค่จะมองเพื่อบอกลา ผมยังไม่สามารถที่จะทำได้เลย

ผมหันกลับมองไปที่คอนโดอีกครั้ง ในจังหวะที่ท้ายรถพี่ภูหายเข้าไปในคอนโดแล้ว และนั่นก็ถือเป็นการบอกลาครั้งสุดท้ายของผม

ลาก่อนครับพี่ภู .. ลาก่อนครับความรักครั้งแรกและครั้งเดียวของไนล์

.

.

.

To Be Continue

---------------------------------------------------

ขึ้นอย่างหงส์มาตลอด ทีนี้เตรียมลงเหมือนหมาได้เลยนะพี่ภู

ไม่ต้องห่วงทุกคนจะคอย... สมน้ำหน้าพี่เองจ้า ^^

ฝากคอมเม้นท์และ ติดแท็ก #พี่ภูของผมในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ หวังว่าแช็ปเตอร์นี้จะทำให้ทุกคนสะใจ เอ๊ย โล่งใจไม่น้อย เดี๋ยวมีให้โล่งใจในตอนถัดๆ ไปได้อีกค่ะ อย่าห่วงๆ 555555555

ขอบคุณหลายๆ คนนะคะ ที่ทนรำคาญ และทนอึดอัดกับความน้ำเน่ามาได้จนถึงตอนนี้ อย่างที่เราเคยบอกไปในบทนำเนาะ ว่าเรื่องนี้มันน้ำเน่ามากจริงๆ พล็อตละครหลังข่าวอ่ะค่ะ แต่เราก็อยากเขียนเหลือเกิน ซึ่งมันอาจจะขัดใจบางคนไปหน่อย เราก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยย

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และกำลังใจที่ผ่านมานะคะ แชปเตอร์นี้มีทริกเกอร์วอร์นนิ่งด้วยย รบกวนทุกคนใช้วิจารณญาณในการอ่านน้า.. ขอบคุณมากๆ ค่ะ ไว้เจอกันตอนหน้า อาจช้าหน่อย วันพฤหัสไม่ก็ศุกร์เลยเนาะ ... รักค้าบ <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-10 : Universe 27th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-07-2020 21:17:43
ลาก่อนได้กี่วันละจ๊ะ อุแหม!! ถ้ามีลูกขึ้นมา อะเขาไปง้อ สำนึกผิดแล้ว ขอโทษ บอกรัก ด้วยความรักที่มีมากมาย อะโอเค ให้อภัยก็ดะ พูดดักรัวๆละเนี้ย 5555555 ความสมเหตุสมผลที่พี่ภูจะกลับมาได้ ริบหรี่มาก แทบจะไม่มีเลยส่วนตัวเรานะ ไม่ ไม่เลย ถึงลูกมีลูกก็ตาม และอย่าไปหาเอาเหตุผลขับรถชนต้นไม้แล้วเจ็บหนักมาง้อละ ง่อยมากจ้าอิพี่ภู 5555 โนวๆไม่ว่าจะเหตุผลไร ฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นแหละ ที่ทำลงไป ได้รับผลทั้งคำพูดและการกระทำมันมากเกินจะให้กลับมาเป็นแบบเดิมได้  o18 จะรอดูไนล์ จะได้หัวเราะเยาะเร็วไหม 555555
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-11 : Universe 28th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 11-07-2020 21:39:04
โอ้ยยยยยย
หลีงจากนี้ประเด็นเยอะมาก
1พี่ภูรู้ความจริง
2ลมรู้ความจริง
3ที่บ้านรู้ความจริง
4พี่เทมส์จะโกธมากขนาดไหน
โอ้ยยยยยยย
อยากอ่านต่อใจจะขาดมาวันพฤหัสเลยหนอนานจุง

รออ่านนนน
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-11 : Universe 28th)
เริ่มหัวข้อโดย: PsapBBBB ที่ 11-07-2020 22:24:29
ไนล์ลูกกกกกลับบ้านเรากันลูก แม่ถือไม้หน้าสามปกป้องเอง ซักไม้ไหมอิพี่ภูห๊าาาาาาาาา หลังจากนี้เชียร์ให้พี่เทมส์เอาน้องไปซ่อนไกลๆเลนะคะที่รัก น้องควรหายไปให้
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-11 : Universe 28th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-07-2020 22:26:48
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-11 : Universe 28th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-07-2020 23:08:19
เห้ออออ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-11 : Universe 28th)
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 12-07-2020 21:55:56
โง่ซ้ำซากแบบพี่ภู ควรไปให้หนอนไชตายไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-11 : Universe 28th)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 12-07-2020 22:13:00
คือจากที่อ่าน ขอแบบจบให้ภูแค่รู้ความจริง แต่เราไม่ต้องการให้กลับมาคู่กัน ขอจบแบบนี้ซักเรื่องเถอะ
ปล.อยากได้พี่เทมส์เป็นพระเอกซักเรื่องอะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-11 : Universe 28th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 13-07-2020 10:36:02
เดี๋ยวมีลูก พี่ภูรู้ความจริงตามง้อ เดี๋ยวก็ดีกันเชื่อเถอะ แต่ถ้าจะดีกันก็ขอให้ลูกของไนล์โตซักอายุ 18-19 ก่อนแล้วค่อยดีกันได้ยิ่งดี
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-11 : Universe 28th)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 15-07-2020 12:18:04
บอกตามตรงว่ารถสมน้ำหน้าอิพี่ภูมันจ้าาา :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-11 : Universe 28th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 16-07-2020 22:09:13
อืออวันนี้ไม่มาอ่าาาาา​ อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-17 : Universe 29th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 17-07-2020 20:05:41
Universe 29th : สายเกินไป


ผมนั่งรถออกมากับลมสักพัก เราสองคนนิ่งเงียบมาตลอดทาง ผมเหลือบมองลมก่อนจะพบว่าเขาผอมลงนิดหน่อยจากเมื่อสามเดือนที่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นลมก็ยังคงดูดีมากอยู่ดี แม้ว่าตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาจะเคร่งเครียด คิ้วขมวดมุ่นก็ตาม

“ลม.. คือเรา…”

“พี่เทมส์รู้เรื่องนี้ด้วยใช่ไหม?” ผมนิ่งอึ้งไปเพราะยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค ลมก็ถามสวนออกมาเสียก่อน เขาไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ เอาแต่จ้องถนนตาไม่กะพริบ “ไนล์สัญญาแล้วนะว่าจะตอบลมทุกเรื่อง”

ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก นั่นเพราะผมรู้ว่าตอนนี้ลมโกรธมาก เวลาโกรธจัดๆ เขามักจะไม่มองหน้าผม เขาเคยบอกผมว่าเวลามองหน้าผมแล้วเขาชอบใจอ่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ลมโกรธมากเขาจะตัดใจไม่มองหน้าผมเลย เพรานั่นจะเป็นการทำให้ผมรู้ว่าลมจะไม่ยอมใจอ่อนให้แน่ๆ

“อือ พี่เทมส์รู้.. พี่เทมส์รู้ทุกเรื่องแหละ” ผมเห็นแววตาของเพื่อนสนิท เจ็บปวดอยู่ชั่วแวบหนึ่งซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดไม่น้อย

“งั้นไนล์โทรหาพี่เทมส์ แล้วบอกพี่เทมส์ไปว่าลมรู้เรื่องที่ไนล์ไม่ได้ไปออสเตรเลียแล้ว” ลมพูดเสียงนิ่ง “ลมอยากรู้ทุกเรื่องแบบไม่มีการโกหกกันอีก เพราะฉะนั้นไนล์กับพี่เทมส์ต้องมาคุยกันต่อหน้ากับลม”

“ลม...” ผมพูดไม่ออก

“ไนล์กับพี่เทมส์เป็นคนดึงลมเข้าไปเกี่ยวในเรื่องนี้นะ เพราะฉะนั้นลมมีสิทธิ์รู้... มีสิทธิ์รู้ว่าไนล์กับพี่เทมส์กำลังทำอะไรกัน”

“….” ผมเงียบ เพราะเถียงในสิ่งที่ลมพูดไม่ได้

“แล้วลมก็ไม่ได้ขู่ด้วยเรื่องที่จะบอกคุณพ่อคุณแม่ ถ้าไนล์กับพี่เทมส์ยังคิดจะปิดบัง ลมจะบอกเรื่องทั้งหมดให้พวกท่านรู้”

ผมหน้าซีดทันทีพอได้ยินลมบอกแบบนั้น เพราะถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อกับแม่ของผม ผมไม่มีทางหลบเลี่ยงอะไรได้เลย ไอ้เรื่องที่ท่านจะโกรธน่ะผมไม่วิตกเท่าไหร่ แต่ถ้าทำให้ท่านเสียใจขึ้นมา ผมกับพี่เทมส์ต้องรู้สึกผิดไปทั้งชีวิตแน่ๆ

“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวเราโทรหาพี่เทมส์”

พอพูดจบผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาพี่ชายทันที ซึ่งพี่เทมส์ก็ไม่ปล่อยให้ผมรอสายนาน

“พี่เทมส์” ผมกรอกเสียงเรียกพี่ชาย ที่ยังดูงงๆ ว่าผมโทรหาทำไม เพราะนี่ไม่ใช่เวลาปกติที่ผมจะโทรหาพี่เทมส์

(ว่าไงไนล์ มีอะไรรึป่าว? ทำไมถึงโทรหาพี่เวลานี้ล่ะ) พี่เทมส์ถามเป็นชุดและผมก็ยังไม่สามารถตอบคำถามของพี่เทมส์ได้เลยเบี่ยงมาเข้าประเด็นนี้แทน

“พี่เทมส์ครับ ลมรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนะครับ” ผมพูดเสียงเบา “ลมอยากคุยกับเราสองคนครับพี่เทมส์ พี่เทมส์พอจะสะดวกาเจอกับเราไหมครับ”

ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จากปลายสาย ก่อนที่เขาจะตอบผมกลับมาเหนื่อยๆ

(ความแตกจนได้สินะ.. ว่าแต่ไนล์ออกมาแบบนี้ไอ้ภูมันจะไม่สงสัยเอาหรอ? มันเพิ่งออกไปจากออฟฟิศเมื่อสักพักนี่เอง ไนล์จะกลับไปทันมันกลับมาคอนโดได้หรอครับ?)

พี่เทมส์ถามผมกลับอย่างสงสัย ให้ผมต้องบอกปัดเพราะต้องการแก้ทีละปัญหา

“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะครับพี่เทมส์ ไนล์อยากให้เราคุยกับลมก่อน” ผมตัดสินใจไม่บอกพี่เทมส์เรื่องที่ลมเอาพ่อแม่มาขู่ เพราะไม่อยากหาเรื่องให้พี่เทมส์หงุดหงิดเพิ่ม

(งั้นก็ให้ลมขับรถไปเจอที่บ้าน พ่อกับแม่ไม่อยู่พอดี มีอะไรไปคุยที่บ้านแล้วกัน จะได้เป็นส่วนตัวด้วย)

“ครับ”

ผมครางรับพร้อมกับกดวางสาย เมื่อได้ยินว่าพี่เทมส์จะรีบออกมาจากออฟฟิศ และหลังจากเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ผมก็หันไปบอกเพื่อนสนิทที่ดูเหมือนว่าจะคร่ำเคร่งกับการขับรถเสียเหลือเกิน

“ลม พี่เทมส์บอกให้ไปหาที่บ้าน มีอะไรให้ไปคุยกันที่นั่น เดี๋ยวพี่เทมส์จะรีบกลับมาเจอ”

ลมพยักหน้าและไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะเหยียบคันเร่งตรงไปที่บ้านผม ในขณะที่ผมก็ได้แต่หวังว่าทุกออย่างจะพ้นไปด้วยดี

.

.

.

ผมมาถึงบ้านในเวลาต่อมา บรรดาคนงานในบ้านก็เข้ามาดูแลห้อมล้อมเต็มที่ ทั้งยังไถ่ถามอย่างสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่โทรมาบอกก่อนว่าจะกลับ อีกทั้งคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่อยู่ เลยยิ่งทำให้ทุกคนแตกตื่นไปกันหมด ผมต้องใช้เวลาปลอบและอธิบายกันอยู่นานว่าไม่ต้องตกใจกันไป ที่ผมรีบกลับมาเร็วก็เพราะมีงานด่วน พี่เทมส์เลยเรียกให้กลับมา เท่านั้นแหละถึงจะยอมสบายใจและแยกย้ายกันไปทำงานได้ แต่ก็ไม่วายหอบน้ำ หอบขนม หอบของว่างมาวางเสิร์ฟให้ผมกับลมจนล้นโต๊ะ โดยเฉพาะป้าบัวที่ดูแลผมกับพี่เทมส์มาตั้งแต่เด็กเข้ามาทั้งกอด ทั้งหอม บอกว่าคิดถึงมากเพราะไม่ได้เจอกันเกือบสามเดือน

“ชื่นใจของบัว บัวดีใจจังค่ะที่คุณหนูไนล์กลับมา บัวคิดถึง”

“โอ๋นะครับ” ผมกอดป้าบัวกลับพร้อมกับโยกตัวแกไปมาเบาๆ “ไนล์ก็คิดถึงป้าบัว สัญญาครับว่าต่อไปนี้จะไม่ไปไหนนานๆ อีกแล้ว”


ใช่... ไม่ไปไหนอีกแล้ว


“ดีค่ะ” ป้าบัวยิ้มกว้างตอนได้ยินผมบอกแบบนั้น “ถ้าอย่างนั้นคุณหนูไนล์คุยกับคุณลมตามสบายนะคะ อยากได้อะไรบอกป้า เดี๋ยวป้าเอามาให้เพิ่ม”

“ขอบคุณครับป้าบัว” พอผมตอบรับไปแบบนั้นป้าบัวก็เลยเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป เดาว่าคงไปเข้าครัวตามประสา และอาหารเย็นบนโต๊ะวันนี้คงไม่พ้นของโปรดผมจนล้นแน่ๆ


ผมยิ้มน้อยๆ พลางซึมซับเอาความรู้สึกแบบนี้เข้ามา .. ความรู้สึกของการเป็นคนสำคัญและการถูกดูแล


แต่ซึมซับยังไง ถมเท่าไหร่ มันก็เหมือนไม่เต็มสักที ไม่เหมือนตอนที่ได้รับจากพี่ภู แม้เพียงแค่น้อยนิดที่เขาแสดงออกแต่กลับมากมายเหลือเกินเมื่อผมได้รับ …

... ผมคิดถึงพี่ภูอีกแล้ว นี่เพิ่งจะจากเขามาไม่เท่าไหร่เอง

และสุดท้ายผมก็ต้องหลุดออกจากภวังค์ที่ตัวเองสร้างเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเพื่อนสนิท

“ไนล์.. ไนล์ ไนล์!” ผมสะดุ้งเพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอีกทั้งยังใจลอย ลมเลยเดินมาจับข้อมือผมแล้วจูงไปนั่งที่โซฟา

และนี่คือนิสัยของลมที่ผมชอบ .. ไม่ว่าเขาจะโกรธผมแค่ไหน แต่เขาก็จะยังคงดูแลผมเสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

“มานั่งพักก่อน กว่าพี่เทมส์จะมา”

ลมพูดขึ้นให้ผมต้องถอนหายใจ ผมนึกรู้ในทันทีว่าลมจะต้องไม่เริ่มพูดอะไรจนกว่าพี่เทมส์จะมาแน่ๆ และผมก็ทนให้เราสองคนนั่งเงียบๆ อึดอัดๆ แบบนี้ไม่ไหวหรอก

“ลม.. ถ้าลมอยากจะถามอะไรเราก่อน ถามได้เลยนะ ไม่ต้องรอให้พี่เทมส์มาก็ได้” ผมตัดสินใจเปิดประเด็นขึ้น เพราะถ่วงเวลาไปก็เปล่าประโยชน์

ลมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขามองผมนิ่งแววตาเต็มไปด้วยความสับสน มันเหมือนกับว่าเขาทั้งอยากรู้และไม่อยากรู้ … คงอยากถามเพื่อให้หายข้องใจ แต่ก็กลัวคำตอบที่จะได้ยิน แต่สุดท้ายเขาก็ตัดใจถามผมออกมาในที่สุด

“เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวกับพี่ภูใช่ไหม?”

ผมหลับตา กำมือตัวเองที่วางไว้บนตักแน่น นึกรู้อยู่แล้วว่าคำถามของลมต้องออกมาเป็นแบบนี้แต่ก็อดทำใจไม่ได้ที่จะตอบออกไป เพราะผมรู้ดีว่าคำตอบของผมจะทำร้ายจิตใจเขามากแค่ไหน

และในขณะที่ผมกำลังตัดสินใจจะอ้าปากตอบ เสียงพี่เทมส์ก็ดังสวนขึ้นมาเสียก่อน พร้อมๆ กับการปรากฎของพี่ชายผม

“ใช่! ทั้งหมดนี่เกี่ยวกับไอ้ภูนั่นแหละ นายเข้าใจถูกแล้วลม”

ผมน้ำตารื้นทันทีที่เห็นพี่ชายอยู่ตรงหน้า แม้ผมจะเพิ่งเจอเขาไปเมื่อวานแต่มันก็ไม่เพียงพอและไม่สามารถลบล้างเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผมเจอวันนี้ได้เลย ทั้งเรื่องที่พี่ภูทำกับผม ทั้งเรื่องที่ลมจับได้ ..


... ผมแทบจะรับมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว


“พี่เทมส์…ฮึก”

ผมลุกขึ้นแล้วโผเข้ากอดพี่ชายตัวเองแน่น พี่เทมส์เองก็คงรู้ถึงสภาพจิตใจที่ไม่ปกติของผม หรือเขาอาจจะคิดว่าผมแค่กังวลเรื่องที่ลมรู้ก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุไหนก็แล้วแต่ พี่เทมส์ก็อ้าแขนกว้างให้ผมเข้าไปกอด ก่อนที่เขาจะกอดตอบผมแน่นไม่ต่าง

“ว่าไงครับ ตัวเล็กของพี่” และยิ่งได้ยินพี่เทมส์เรียกผมด้วยสรรพนามที่เขามักใช้เรียกผมตอนเด็กๆ น้ำตาผมยิ่งไหล

“ไนล์.. ฮึก ฮือออ ไนล์ขอโทษ” ผมพึมพำคำว่าขอโทษซ้ำไปซ้ำมา เขาไม่ถามผมเลยว่าเรื่องอะไร เอาแต่กอดผมไว้แน่นอยู่แบบนั้นจนผมสงบลง

“หยุดร้องไห้แล้วใช่ไหม?” พี่เทมส์ดันตัวผมออก เพื่อดูว่าผมหยุดร้องแล้วจริงๆ และพอเห็นว่าผมพยักหน้ารับ เขาก็เดินพาผมมานั่งที่โซฟาออีกครั้ง พร้อมกับทรุดลงนั่งข้างๆ

“ว่าไงลม เราอยากรู้อะไรก็ถามพี่มา อันไหนพี่ไม่รู้หรือตอบแทนไนล์ไม่ได้พี่จะให้ไนล์ตอบ แต่พี่มีข้อแม้ว่าลมต้องไม่คาดคั้น ถ้าเรื่องไหนที่พี่ตอบว่าบอกไม่ได้ นั่นก็คือบอกไม่ได้ ตกลงตามนี้ไหม?” พี่เทมส์ตั้งเงื่อนไข

“ตกลงครับ” และลมเองก็ตอบรับ เพราะคำถามของเขาครอบคลุมมากพอที่จะรู้ได้ทุกอย่างโดยไม่กระทบกับเงื่อนไขที่พี่เทมส์ตั้ง “ผมอยากรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นครับ เรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ในเมื่อพี่ดึงผมเข้าไปเอี่ยวเรื่องนี้ด้วย ผมก็ว่าผมมีสิทธิ์ที่จะได้รู้นะ”

พี่เทมส์ถอนหายใจ ก่อนจะเหลือบมองผมนิดหน่อยราวกับจะขอคำปรึกษา ซึ่งผมเองก็พยักหน้าให้พี่เทมส์เล่า เพราะผมรู้ดีมันเปล่าประโยชน์ที่จะปิดบัง เขาเป็นเพื่อนสนิทผม และอีกอย่างเขาก็ถูกดึงมาเกี่ยวในเรื่องนี้ด้วย ดังนั้นที่เขากล่าวอ้างว่าตัวเองมีสิทธิ์ได้รับรู้เรื่องนี้ ผมก็คิดว่ามันเป็นจริงตามนั้นและเราก็ปฏิเสธไม่ได้

“ได้.. เรื่องทั้งหมดมันเริ่มที่ไอ้ภูกลับมาจากอเมริกาเพราะถูกผู้หญิงที่มันคิดจะแต่งงานด้วยหักหลัง มันกลับมาด้วยสภาพที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าปกติ ทั้งเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า ทั้งเที่ยว ทั้งทำตัวเสเพล ไนล์เองพอเห็นมันเป็นแบบนั้นก็สงสารมันและรู้สึกว่าอยากช่วย…”

พี่เทมส์หยุดพักเพื่อรอดูปฏิกริยาของลม ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างไปจากที่ผมคาดเดาสักเท่าไหร่นัก

“ไปช่วยเขาทำไม ในเมื่อเขาทำตัวเองทั้งนั้น แค่เลิกกับแฟนที่คบมามันต้องเสียผู้เสียคนขนาดนั้นเลยหรือไง”

ผมหลับตานิ่ง เมื่อได้ยินลมพูดแบบนั้น ไม่แปลกที่ลมจะไม่เข้าใจว่าผมจะพาตัวเองเข้าไปช่วยพี่ภูทำไม ความรู้สึกของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน ดังนั้นผมเลยพยายามไม่คิดที่จะอธิบายอะไร แต่พี่เทมส์กลับไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น

“เผื่อนายจะลืมนะลม ว่าไนล์รักไอ้ภูมาสิบปี พี่คิดว่าแค่นี้ก็น่าจะพอตอบได้แล้วมั้งว่าไนล์ช่วยไอ้ภูทำไม”

ลมดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยผ่าน “แล้วยังไงต่อครับ ผมรอฟังอยู่”

“ไนล์มาบอกกับพี่ว่าอยากช่วยภู ภายใต้เงื่อนไขที่พี่ตั้งนั่นก็คือพี่ให้เวลาสามเดือนในการช่วยไอ้ภู ไม่ว่ามันจะดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้นไนล์ก็ต้องยอมรับ และถ้าระหว่างนั้นไอ้ภูมันเกิดรักไนล์ขึ้นมาก็ถือว่าให้เป็นโชคดีของไนล์ไป แต่ถ้ามันไม่รัก หรือมันไม่รู้สึกอะไรด้วย ไนล์ก็ต้องเปิดโอกาสให้ลม และไนล์ก็ต้องหยุดยื้อความรักที่มีต่อไอ้ภูไว้สักที”

ผมน้ำตาไหล เพราะเป็นคนเดียวที่รู้ดีที่สุดว่าผลสรุปสุดท้ายระหว่างผมกับพี่ภูเป็นยังไง … ถ้าเขาไม่รัก ไม่คิดจะรัก ผมก็ต้องหยุด พอ และไม่ฝืนต่อไป


ซึ่งตอนนี้คำตอบที่ได้มันเป็นแบบนั้น


ในขณะที่ลมเองก็นิ่งไปหลังจากฟังเรื่องคร่าวๆ ทั้งหมด ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “งั้นก็หมายความว่าช่วงสองเดือนกว่าที่ผ่านมา ที่บอกว่าไนล์ไปออสเตรเลียนั่นก็คือไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นงั้นหรอครับ? แล้วพี่เทมส์ก็ส่งไนล์ให้ไปอยู่กับหมอนั่น? พี่มั่นใจได้ยังไงว่ามันจะดีกับไนล์ ไม่รังแกไนล์ หรือทำให้ไนล์เสียใจ”

“พี่ไม่รู้หรอก ไม่มีอะไรรับประกันนอกจากคำพูดของไนล์ที่ว่าจะดูแลตัวเอง และพี่ก็มีแค่นั้นเพราะยังไงสุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่การตัดสินใจของไนล์อยู่ดี”

ผมก้มหน้านิ่ง และยังคงร้องไห้เงียบๆ ไม่หยุด ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาเต็มอก ทั้งที่พี่เทมส์ไว้ใจแต่ผมกลับทำลายความไว้ใจนั้นด้วยมือของตัวเอง

“แล้วจากนี้มันจะยังไงต่อครับ พี่เทมส์จะให้ไนล์กลับไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นให้ครบสามเดือนงั้นหรอ? ทั้งที่ผมรู้เต็มอกขนาดนี้ ผมทนให้ไนล์กลับไปไม่ได้หรอกนะครับ” ลมเริ่มเสียงแข็งและดูไม่ยอมอย่างที่ว่า ซึ่งพี่เทมส์เองก็ใช่ว่าจะยอม

“มันยังอยู่ในเงื่อนไขสามเดือนนะลม อีกอย่างไนล์เองก็ใกล้จะบอกความจริงกับไอ้ภูมันแล้ว นายจะรออีกนิดนึงไม่ได้หรือไงกัน มันแค่อีกไม่กี่อาทิตย์ อย่างน้อยก็หลังเปิดโปรเจคมิกซ์ยูส”

“แต่พี่เทมส์ ผมว่า…”

ผมนั่งฟังสองคนเถียงกันและคิดว่ามันควรจะจบและพอเสียที ผมเลยตัดสินใจพูดสวนลมออกไป ก่อนที่เขาจะได้ตั้งหน้าเถียงกับพี่เทมส์ต่อ

“ไนล์พอแล้วครับ ไนล์จะไม่กลับไปอยู่กับพี่ภูแล้ว เรื่องระหว่างไนล์กับพี่ภูจบลงแค่นี้แล้วครับ ไนล์จะไม่พยายามทำอะไรที่เป็นการดึงและรั้งความรักครั้งนี้ไว้อีก.. มันจบแล้วครับ จบแล้วจริงๆ”

ผมพูดเสียงสั่น อีกทั้งน้ำตายังไงไหลเป็นทาง แม้จะฝืนยิ้มบางๆ ให้กับพี่ชายและเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดในใจของผมลดน้อยลงสักนิด

และพอผมรู้ตัวอีกที พี่เทมส์ที่นั่งอยู่ข้างกันก็ดึงผมเข้าไปกอด พร้อมกับถามคำถามที่ผมเลี่ยงจะตอบมาจนตอนนี้ให้ได้ยิน

“ไนล์ เกิดอะไรขึ้น? ไนล์บอกพี่ มีปัญหากับไอ้ภูมาใช่ไหม? เรื่องจีนหรือเปล่า?”

และทันทีที่คำถามของพี่เทมส์จบลง ผมก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ก่อนจะรู้สึกอ่อนล้าไปทั้งร่าง เพราะไหนเมื่อคืนจะไม่ได้นอน ไหนจะถูกพี่ภูรังแกมา ไหนจะเรื่องของลม และไหนจะความรู้สึกผิดที่มีต่อพี่เทมส์ ทุกอย่างตีวนกันมั่ว จนจู่ๆ ภาพในหัวผมก็ขาวโพลน และทุกอย่างก็ดับวูบเหมือนปิดสวิตช์ไฟ สุดท้ายผมก็ล้มพับไปในอ้อมกอดของพี่ชายตัวเอง

.

.

.

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีผู้ชายสองคนก็ยังคงอยู่ตรงหน้าผม เพียงแค่เปลี่ยนสถานที่จากห้องนั่งเล่นเป็นห้องนอนของผมเอง ผู้ชายตัวโตสองคนที่นั่งขนาบข้างอยู่บนเตียงของผมดูตื่นตระหนกมากพอสมควร อาจเป็นเพราะจู่ๆ ผมก็ล้มลงไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา เลยทำให้พวกเขาตกใจและตั้งรับไม่ทันก็เป็นได้

แต่ไม่รู้สิ จะว่าผมจับสังเกตได้ก็ได้ แต่ผมรู้สึกว่าพี่เทมส์ดูผิดปกติ เขาดูไม่ค่อยสบายใจและเหมือนมีอะไรอยากจะถามผม

“เป็นยังไงบ้าง? ยังเวียนหัวหรือหน้ามืดอยู่ไหม?” พี่ชายผมถาม พร้อมทั้งเอามือมาแตะตามหน้าตามซอกคออย่างเป็นห่วง

“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ เมื่อกี้ที่วูบไปคงน่าจะเครียด แล้วก็พักผ่อนน้อย..พักนี้ไนล์นอนไม่ค่อยหลับน่ะครับ” ผมบอกปัด พลางยิ้มบางๆ ส่งให้พี่ชาย แต่แล้วด้วยความสงสัยก็ทำให้ผมทนไม่ไหว พี่เทมส์ทำหน้าเหมือนมีอะไรในใจมาตั้งแต่ผมตื่นแล้ว

“ไนล์…”

“พี่เทมส์มีอะไรจะถามก็ถามเถอะครับ อย่าอ้ำอึ้งเลย” ผมพูดสวนโดยไม่รอให้พี่ชายได้พูดจบประโยค เพราะรู้ว่าเขาจะต้องพูดอ้อมไปอ้อมมาแน่ๆ

พี่เทมส์มองหน้าผมพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะถามออกมาตรงๆ “เมื่อกี้พี่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไนล์ พี่เห็น.. แม่งเอ๊ย! พี่เห็นรอยบนตัวไนล์…” เขาขยับมาจับไหล่ผม พร้อมกับถามคำถามที่ผมรู้ดีว่าต้องตอบในสักวัน “ไนล์บอกพี่มาตามตรง ไนล์กับไอ้ภู…”

“ครับ” ผมหลับตาเพื่อรวบรวมรวมความกล้าก่อนจะตอบออกไป เพราะรู้ดีว่าพี่เทมส์จะถามอะไร แม้เขาจะยังพูดไม่จบประโยคก็ตาม

.. ผมรู้ดีว่าสำหรับคนที่ทั้งรักและหวงผมมากอย่างพี่เทมส์ มันคงทำใจยากมากน่าดูที่เขาจะถามออกมาได้ตรงๆ

“แม่งเอ๊ย! สัสภู!” พี่เทมส์สบถด่ายาวเหยียด ในขณะที่ลมที่นั่งอยู่อีกข้างผมกำมือแน่น ปฏิกริยาของคนทั้งคู่ที่ถูกส่งออกมาทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปกุมมือของทั้งสองคนเอาไว้ คล้ายกับอยากจะปลอบให้ใจเย็น

“อย่าโกรธพี่ภูกันเลยนะครับ” ผมกลั้นก้อนสะอื้น และมวลความรู้สึกผิดที่ไหลวนในใจก่อนจะสารภาพออกไป “เพราะไนล์เองก็เต็มใจ พี่ภูเขาไม่ได้บังคับอะไร ไนล์ยอมเพราะไนล์รักพี่ภู.. ฮึก”

ผมหลุดสะอื้นเพราะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว ผมรู้สึกผิดกับคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทมากที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่รู้จักห้ามใจ และสุดท้ายก็ต้องซมซานกลับมาซบอกทุกคนที่ว่า เพราะคนที่ผมให้เขาไปทุกอย่าง เขาไม่ได้ต้องการผมอีกแล้ว

“ช่างมันครับ ไม่เป็นไร… ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องไห้นะ”

และน้ำตาผมก็ไหลเป็นทำนบแตกอีกครั้ง เมื่อพี่เทมส์ดึงผมไปกอดและปลอบใจไม่หยุด ผมยอมให้พี่เทมส์ดุด่ายังจะดีเสียกว่า บางทีถ้าโดนพี่เทมส์ตีสักทีผมอาจจะรู้สึกผิดน้อยกว่านี้ก็ได้

“ไนล์.. ฮึก ไนล์ขอโทษ ไนล์ขอโทษที่ทำตัวไม่ดี ไนล์ขอโทษที่ทำให้พี่เทมส์ต้องผิดหวัง ฮืออ ไนล์ทำตามที่รับปากไว้กับพี่เทมส์ไม่ได้เลย ฮืออ” ผมร้องไห้โฮ พร้อมกับยึดกอดพี่ชายเอาไว้แน่น แม้จะรู้ว่าตัวเองทำผิดและทำไม่ดีไว้

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากให้เขาโกรธหรือผิดหวังในตัวผม พี่เทมส์เป็นพี่ชายคนเดียวของผม และผมก็ไม่อยากให้เขาทิ้งผมไป

“พี่บอกแล้วไงครับว่าไม่เป็นไร.. ไหนเด็กดี” พี่เทมส์ดันตัวผมออก พร้อมกับยื่นริมฝีปากมาจูบที่หน้าผากผมเบาๆ “เด็กดีของพี่บอกพี่มาตามตรงได้ไหมครับ”

“ฮึก.. ครับ” ผมพยักหน้ารับ แม้จะรู้ว่าคำถามน่าจะหนักแต่ผมคงเลี่ยงไม่ตอบลำบาก

“ไนล์ได้ให้ไอ้ภูป้องกันไหม? เรื่องนี้สำคัญมากและพี่จำเป็นต้องรู้” ผมหันไปมองลมนิดหน่อยหลังจากพี่เทมส์ถามจบ เขาส่งยิ้มให้กำลังใจผมเหมือนทุกครั้ง เขาไม่เคยถอดใจหรือตัดใจจากผมเลย

แต่ผมเห็นแก่ตัวยึดเขาไว้แต่กับตัวเองไม่ได้ ผมต้องพูดความจริง

“ตอนแรกๆ พี่ภูป้องกันครับ แต่ครั้งล่าสุด…” ผมเงียบไปแต่คาดว่าทุกคนน่าจะเดาคำตอบได้ และเพราะอย่างนั้นผมเลยตัดสินใจหันไปหาลม “ลม..ตัดใจจากเราแล้วไปหาคนดีๆ ที่เหมาะสมกับลมเถอะนะ .. เราเองยังไม่รู้อนาคตของตัวเองเลยว่าจะเป็นยังไง เราไม่อยากให้ลมมาเสียเวลากับเราอีกแล้ว”

“ลมไม่ไปไหนทั้งนั้น! ต่อให้ไนล์ตั้งท้องขึ้นมาจริงๆ ลมก็ไม่ไป” ผมมองหน้าลมทันทีเมื่อได้ยินลมตอบมาแบบนั้น “ทำไมไนล์ชอบคิดแทนลม ไนล์คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้ลมเลิกรักไนล์ได้หรอ? ทั้งที่ลมรักไนล์มากขนาดนี้ รักมาเป็นสิบปีแล้วด้วยซ้ำ”

“แต่ว่า…” ผมเตรียมจะแย้งแต่ลมพูดสวนขึ้นมาเสียก่อน

“ให้ลมได้ดูแลไนล์เถอะนะ” เขาเอื้อมมือมาจับมือผม “ให้โอกาสลมบ้างได้ไหมไนล์ ในเมื่อกับผู้ชายคนนั้นมันไม่เวิร์ค … มันจะพอเป็นลมได้บ้างไหมไนล์ ขอร้องล่ะ แค่เปิดใจให้ลมสักนิดก็ยังดี ไม่ถึงขั้นต้องคบกันก็ได้”

ผมอ้าปากจะค้านปฏิเสธ เพราะรู้ดีว่าตัวเองคงรักลมไม่ได้ ยิ่งไปอยู่กับพี่ภูมาผมยิ่งรู้ว่าผมคงไม่มีวันเปลี่ยนใจ แต่พี่เทมส์กลับยึดมือผมไว้ไม่ให้พูด เขาส่ายหน้าช้าๆ และแววตาที่เขามองมาก็ทำให้ผมนึกรู้ว่ากำลังถูกทวงถามให้ทำตามเงื่อนไขที่พี่เทมส์ขอไว้ก่อนที่ผมจะไปอยู่กับพี่ภู … ผมรู้ เขาแค่อยากให้ผมมีคนดูแล และตอนนี้ก็เหมือนจะได้เวลาทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว

ผมระบายลมหายใจก่อนตอบ “ก็ได้ ลองดูก็ได้ แต่เราไม่รับปากนะว่ามันจะเวิร์ค”

“อื้อ! แค่ไนล์คิดจะลองลมก็ดีใจแล้ว” เขายิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินคำตอบผม พร้อมกับขยับเข้ามาจับมือผมไว้แน่น “ขอบคุณนะไนล์ที่ให้โอกาสลม ลมสัญญาว่าจะดูแลไนล์ให้ดีที่สุด”

ผมได้แต่ถอนหายใจ เพราะรู้ดีว่ามันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมรักลมแบบเพื่อนซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นมาตลอด ผมมองไม่เห็นเลยว่าจะรักลมในฐานะอื่นได้ยังไง ในเมื่อเขาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของผม

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-17 : Universe 29th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 17-07-2020 20:12:33
(อ่านต่อจากด้านบน)


Kirin’s Part


ผมรีบเคลียร์งานและกลับมาที่คอนโด เพราะนึกสังหรณ์ใจแปลกๆ หลังจากแยกกับไนล์ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็กินเวลาจนเกือบฟ้าจะมืดแล้ว ผมตรงดิ่งขึ้นห้อง และทันทีที่ประตูเปิด ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเก่าก็เข้ามาเกาะแขนทันที

“ภูหายไปไหนมาคะ จีนเป็นห่วงแทบแย่”

“จีน ไนล์อยู่ไหน?” ผมไม่ตอบคำถามของเธอ แต่กลับถามคำถามกลับไปแทน เพราะหลังจากผมกวาดตามองรอบๆ ก็ไม่เห็นร่างเล็กคุ้นตา ทั้งที่ความจริงไนล์มักจะนั่งรอผมอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว และส่งยิ้มมาให้ผมทุกครั้งหลังจากที่ผมเปิดประตูเข้ามา

แต่วันนี้มันมีอะไรต่างออกไป และผมก็สัมผัสได้ด้วยลางสังหรณ์ของตัวเอง ผมยังมองไม่เห็นไนล์แม้แต่เงา แม้จะพยายามปลอบใจตัวเองว่าไนล์อาจจะอยู่ในห้อง แต่มันมีอะไรผิดปกติและผมก็รู้สึกไม่ดีเลยสักนิด

“เด็กนั่นน่ะหรอคะ? ...” จีนกำลังจะตอบ แต่ผมได้ยินเสียงคนเดินมาจากทางห้องไนล์เสียก่อน ผมเลยแกะแขนตัวเองที่ถูกจีนเอาแต่ยึดไว้ออก ก่อนจะหันไปหาต้นเสียงที่ว่าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

แต่แล้วรอยยิ้มก็ต้องเลือนหายไป เพราะคนที่ปรากฎตัวตรงหน้าผมกลับเป็นป้ามล ไม่ใช่ไนล์อย่างที่ผมคิดไว้

“ป้ามลครับ ไนล์อยู่ไหนครับ?” ผมถาม ในขณะที่ป้ามลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “เขาอยู่ไหนครับ ผมให้เขากลับมาก่อนพักใหญ่แล้วนะ เขายังไม่ถึงบ้านหรอ?” ผมเดาไปทั่ว ยอมรับว่าใจเริ่มไม่ดี

“คุณไนล์กลับมาแล้ว .. แล้วก็ออกไปแล้วค่ะ” คำตอบของป้ามลทำให้ใจผมวูบโหวงอย่างไม่เคยเป็น

“หมายความว่าไงครับป้า? มาแล้ว แล้วก็ออกไปแล้วเนี่ย?”

ป้ามลไม่ตอบ แต่กลับยื่นสมุดบัญชีเงินฝากมาให้ผม พอผมเปิดดูก็ต้องประหลาดใจ เพราะนอกจากมันจะเป็นสมุดบัญชีที่เป็นชื่อผม ซึ่งผมมั่นใจว่าผมไม่ได้เป็นคนเปิดเองแน่ๆ แล้ว ยังมีเงินจำนวนหลักแสนอยู่ในนั้นอีก ผมเลยต้องส่งสายตาเป็นคำถามให้ป้ามลว่าสมุดบัญชีเล่มนี้มันหมายความว่ายังไง และป้ามลให้ผมมาทำไม

“คุณไนล์ฝากป้ามาให้คืนคุณภูค่ะ” ป้ามลจ้องหน้าผมนิ่ง ก่อนจะพูดในสิ่งที่ทำให้ผมแทบล้มทั้งยืน “คุณไนล์ฝากให้ป้าบอกคุณภูว่า เงินที่อยู่ในสมุดบัญชีเล่มนี้คือเงินทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ที่คุณภูเคยให้คุณไนล์ไว้ และคุณไนล์ก็ไม่เคยใช้มันเลย ไม่ว่าจะเป็นเงินค่าจ้างของคุณไนล์ เงินค่าจ้างของป้า หรือแม้แต่เงินที่ใช้จ่ายรายวันรวมถึงที่ต้องซื้อของเข้าบ้าน คุณไนล์ใช้เงินตัวเองทั้งหมด ไม่เคยเอาเงินของคุณภูมาใช้สักสตางค์เดียว”

“ผะ ผมไม่เข้าใจ ทำไม? ...” ผมถามป้ามลซ้ำ ทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ แต่ผมขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับความจริง


เพราะนั่นหมายถึงผมต้องยอมรับความจริงที่ว่าไนล์ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ซึ่งผมยอมไม่ได้ที่จะให้มันเป็นแบบนั้น


“คุณไนล์บอกป้าว่า คุณไนล์ไม่อยากให้คุณภูเสียใจเพราะคิดว่าคุณไนล์เข้ามาปอกลอก เข้ามาเพื่อใช้เงินของคุณภู แล้วก็จากคุณภูไปเหมือนอย่างที่คนอื่นเคยทำ คุณไนล์อยากให้คุณภูได้รู้ว่าที่คุณไนล์เข้ามาเพราะหวังจะดูแลคุณภูจริงๆ คุณไนล์เลยเก็บเงินทั้งหมดที่คุณภูให้ไว้ และตั้งใจจะคืนให้ในเวลาที่เหมาะสม”

“ไนล์” ผมพูดอะไรไม่ออก ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาเต็มอก “แล้วไนล์เอางินที่ไหนมาใช้ ทั้งให้ป้า ทั้งใช้จ่าย..”

“ป้าตอบแทนไม่ได้หรอกค่ะเรื่องนี้ คุณภูอาจจะต้องลองไปถามคุณท่านดู แต่ที่ป้าตอบคุณภูได้แน่ๆ เลยก็คือคุณไนล์ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน ไม่ได้คิดจะมาปอกลอกหรือหาประโยชน์อะไรจากคุณภูและคนใกล้ตัวคุณภูทั้งนั้น คุณไนล์มาที่นี่มีเพียงความตั้งใจเดียวเท่านั้น นั่นก็คือดูแลให้คุณภูดีขึ้น”

“ผะ ..ผม..” ผมพูดไม่ออก ทุกอย่างที่ผมได้รู้ทำให้ผมตั้งรับไม่ทัน เพราะถ้าสิ่งที่ป้ามลพูดมาเป็นความจริง ก็เท่ากับว่าทุกอย่างที่ผมคิดและระแวงไนล์ก็คือผิดทั้งหมด แต่จะให้ผมปฎิเสธว่าสิ่งที่ป้ามลพูดไม่เป็นความจริงก็ไม่ได้ ในเมื่อหลักฐานที่เป็นสมุดบัญชีที่มีเงินอยู่หลายแสนที่ไนล์เปิดทิ้งไว้ให้ผมนั้น สามารถเป็นคำตอบให้ทุกอย่าง

แล้วที่ผมเข้าใจผิดที่ผ่านมา ที่ผมดุด่าต่อว่าและทำใจร้ายกับเขาสารพัด ที่ผมหาว่าเขาเห็นแก่เงินและจะเข้ามาปอกลอกผมและไอ้เทมส์นั่นก็… ไม่มีความจริงเลยสักนิด เป็นผมที่ทึกทักและเป็นบ้าไปคนเดียว โดยที่ไนล์ไม่เคยตอบโต้ ไม่เคยแก้ต่างให้ตัวเอง ที่เขาทำมีแค่ตั้งหน้าตั้งตาทำดีกับผม ยิ้มให้ผม เข้าใจผม ไม่ถือโทษโกรธผม... และรักผม


ทั้งที่ผมไม่ได้ทำดีกับเขาเลยสักนิด


และฟางเส้นสุดท้ายที่ตอกย้ำความระยำต่ำช้าที่ผมได้ทำกับเขาก็ถูกเปิดเผยโดยป้ามลอีกครั้ง เมื่อจู่ๆ ป้ามลก็ชี้ไปที่ผู้หญิงด้านหลัง ผู้หญิงที่เป็นคนรักเก่า ผู้หญิงที่เคยโกหกผมและผมก็ยังโง่เชื่อซ้ำๆ โดยไม่เปิดใจและคิดจะถามไถ่ไนล์

“และอย่างที่ป้าบอกคุณภูว่าคุณไนล์ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน เพราะฉะนั้นเรื่องที่คุณไนล์ไปรับเช็คที่คุณเทมส์ก็ไม่ใช่อย่างที่คุณภูคิดเช่นกัน”

“ป้าว่าไงนะครับ ป้ารู้เรื่องเช็คได้ยังไง” ผมตกใจมาก และจากท่าทางของป้ามลและสีหน้ามีพิรุธของจีนทำให้ผมนึกรู้ว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับเธอแน่ๆ

“ป้าไม่รู้หรอกนะคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อกี้ตอนที่คุณไนล์กลับมา ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า ‘เงินห้าแสนที่ฉันให้แกเอามาจากเทมส์น่ะ ฉันยกให้ ถือว่าทำทานให้แกเอาไปใช้ตั้งตัว เพราะตอนนี้คงไม่มีที่ซุกหัวนอน’ แค่นี้ป้าก็รู้แล้ววว่าผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นต้องวางแผนทำอะไรให้คุณภูกับคุณไนล์ผิดใจกันแน่ๆ และตอนนี้เธอก็ทำสำเร็จแล้ว

ผมอึ้ง ใจเจ็บร้าวไปหมดเมื่อรู้ความจริง ผมไม่กล้าแม้แต่จะตีความหมายของคำว่าจีนทำมันสำเร็จแล้วด้วยซ้ำ เพราะผมกลัว.. กลัวว่าสิ่งที่คิดไว้จะเป็นจริง

“ป้ามลครับ ป้ามลหมายความว่ายังไง”

“คุณไนล์เธอไปแล้วค่ะ เธอไปจากที่นี่แล้ว และก็คงจะไม่กลับมาอีก”

ผมทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ทันทีที่ได้ยินป้ามลบอกแบบนั้น ในใจมันวูบโหวงไปหมด ผมคิดอะไรไม่ออกจนกระทั่งรู้สึกถึงสัมผัสของกล่องที่วางอยู่บนมือ

ผมเหลือบมองกล่องที่ว่า และมองหน้าป้ามลอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ

“คุณไนล์ฝากไว้ให้คุณค่ะ คุณไนล์ไม่ได้บอกหรอกว่าของข้างในคืออะไร เธอบอกแค่ว่าถ้าคุณภูเปิดดูคุณภูจะรู้และเข้าใจเอง”

ผมยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ ป้ามลก็ลุกขึ้นยืนและสะพายกระเป๋าเตรียมจะกลับ ผมเลยต้องตามไปยึดข้อมือแกไว้ เพราะสำหรับผมตอนนี้ป้ามลเป็นเพียงคนเดียวที่มีเบาะแสเกี่ยวกับไนล์มากที่สุด

“เดี๋ยวก่อนสิครับป้า ป้าจะไปไหนครับ” ผมมองแกอย่างอ้อนวอน ก่อนจะถามเหมือนคนจนตรอก “ป้ามลรู้ใช่ไหมครับว่าไนล์อยู่ที่ไหน ป้าบอกผมเถอะนะครับ”

และป้ามลก็ทำลายความหวังของผมอย่างราบคาบ “ป้าไม่ทราบค่ะ ว่าคุณไนล์อยู่ที่ไหน คุณไนล์ไม่ได้บอกป้าไว้ และอย่างที่ป้าบอกคุณภูไปนั่นแหละค่ะว่าลองให้ไปถามคุณหญิงท่านดู ถ้าคุณภูอยากรู้คำตอบของทุกอย่าง”

“ป้าครับ..”

“ส่วนป้า คงต้องขอลาคุณภูไปจริงๆ ป้าบอกตามตรงค่ะว่าทำงานทั้งที่มีผู้หญิงคนนี้อยู่ด้วยไม่ได้ เธอแกล้งคุณไนล์สารพัดตอนคุณภูไม่อยู่ ซึ่งคุณไนล์ก็อดทนไม่ปริปากบ่นหรือฟ้อง เพราะไม่อยากให้คุณภูเหนื่อยหรือไม่สบายใจ” ป้ามลปาดน้ำตาพร้อมกับพูดต่อ “เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณไนล์ไม่อยู่แล้ว ป้าก็คงไม่ต้องทนอะไรอีก เอาเป็นว่าถ้าเมื่อไหร่คุณภูอยากให้ป้ากลับมา ก็ขอให้เป็นตอนที่หญิงคนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วแล้วกันนะคะ ป้าบอกตามตรงค่ะว่าป้าทำใจไม่ได้ที่จะมองหน้าเธอ.. เธอที่ใจร้ายกับคุณไนล์มากเหลือเกิน”

ป้ามลทิ้งคำพูดทั้งหมดไว้แค่นั้นแล้วก็เดินออกไป ทิ้งผมไว้กับความทุกข์ใจแสนสาหัส เพราะดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมทำลงไปทั้งหมดคือการทำร้ายไนล์ ผมทำผิดซ้ำๆ ซากๆ อย่างไม่น่าให้อภัย และผมก็เพิ่งเข้าใจตอนที่ไนล์ถามผมว่า


‘พี่ภูคิดจะถามไนล์สักนิดไหมครับว่าไนล์.. ไนล์ทำอย่างที่คุณจีนบอกรึป่าว’


ในตอนนั้นมันคงเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับไนล์ที่ขาดลง เพราะผมไม่ถาม ไม่คิดแม้แต่นิดว่าจะถาม ผมเชื่อคำพูดของจีนจนหมดใจ เชื่อคำพูดของคนที่เคยหักหลังหลอกลวงผม เชื่อคำพูดของเธอจนเผลอทำร้ายไนล์ ทำร้ายคนที่ดีกับผมทุกอย่าง ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะไม่หวังดีกับผม ตรงกันข้าม มีแต่ผมนี่แหละที่ทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็น

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำแบบนี้ ตอนคุณรันผมก็เชื่อคำพูดเธอ ถึงแม้ว่าคำพูดของทั้งคุณรันและจีนจะไม่ใช่เหตุผลหลัก แต่ความหูเบาขี้ระแวงของผมก็ผลักดันให้เกิดเรื่องทุกอย่างขึ้น

ผมเหนื่อยที่จะปฏิเสธหัวใจและความรู้สึกของตัวเองอีกต่อไป .. ผมรู้ว่าสาเหตุหลักๆ ที่ผมเอาแต่เป็นบ้าและทำไม่ดีกับไนล์นั่นก็เพราะความหึงหวง ความไม่พอใจ ผมไม่อยากให้ใครใกล้ไนล์ ผมอิจฉาแม้แต่เพื่อนสนิทของตัวเอง ผมอยากเป็นคนสำคัญที่สุดของเขา และไม่อยากให้ใครสำคัญกับเทียบเท่ากับผม

และมันคือความงี่เง่าที่ทำให้ผมทำไม่ดีกับไนล์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะฉะนั้นคนผิดไม่ใช่คุณรันหรือจีนหรอก มันเป็นที่ผมเอง

ถ้าผมเชื่อใจและมั่นใจในความรักที่ไนล์มีให้ผมสักนิด เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้

ผมหลับตาข่มความเจ็บปวดและพยายามตั้งสติว่าจะทำยังไงต่อไป จะไปตามหาไนล์ที่ไหน เท่าที่นึกออกและจากคำพูดของป้ามล เบาะแสเดียวที่ผมมีก็มีแค่แม่กับไอ้เทมส์เท่านั้นที่ช่วยได้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับตัวหรือทำอะไร จีนที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ขยับเข้ามาหาและเกาะแจนผมแน่น

“ภูคะ ภูอย่าไปเชื่อยัยป้าแม่บ้านนั่นนะคะ จีนไม่ได้ทำแบบนั้น มันใส่ร้ายจีน มันอยากให้ภูกับจีนผิดใจกัน จีนไม่ได้สั่งอะไรไอ้เด็กนั่น..”

ผมสะบัดแขนออกจากกการเกาะกุมของจีนทันที ก่อนจะหันไปพูดไปกับเธออย่างเย็นชา “ผมเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้เรียกไนล์ว่าไอ้เด็กนั่น จีนไม่มีสิทธิ์เรียกเขาแบบนั้น!”

คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเก่าของผมผงะไป เธอดูตกใจกับท่าทางของผมมาก “ภะ ภู”

“ไปจากที่นี่เถอะจีน พอได้แล้ว” ผมพูดเสียงเรียบ ไม่ได้ตวาด ไม่ได้โมโห ลำพังที่สร้างเรื่องให้ผมกับไนล์เข้าใจผิดกัน ผมว่ามันไม่เท่าไหร่หรอก เพราะผมเองก็มีส่วนผิด แต่การที่จีนแกล้งไนล์ รังแกไนล์เพราะเห็นไนล์ยอมและไม่ตอบโต้โดยอาศัยผมเป็นเครื่องมือนั้น นั่นแหละเป็นเรื่องที่ผมทนไม่ได้

“ภูหมายความว่ายังไงคะ?” เธอถามเสียงสั่น หน้าซีดเผือด เพราะไม่คิดว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรเป็นแบบนี้

“ผมหมายความตามที่พูดเลยจีน เราเลิกกันแล้ว และผมก็ไม่ได้รักจีนแล้ว จีนไปจากที่นี่เถอะ ถ้าขาดเหลือเรื่อเงินผมยินดีให้ ผมบอกตรงๆ นะว่าผมทนเห็นหน้าจีนแบบนี้ไม่ไหวแล้ว” ผมพูดโดยไม่หันไปมองหน้าเธอด้วยซ้ำ

“ฮึก.. ภู จีนไม่ไป จีนไม่ไปไหนทั้งนั้น” จีนร้องไห้คร่ำครวญ แต่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสงสารหรืออะไรทั้งนั้น เพราะในใจผมตอนนี้มีแต่ใบหน้าตอนไนล์ร้องไห้และถามผมด้วยคำถามเดิมซ้ำไปซ้ำมา จนผมเจ็บหัวใจไปหมด


‘พี่ภูคิดจะถามไนล์สักคำไหมครับ’


ผมหลับตา ก่อนจะพูดตัดบท ผมไม่อยากต่อความยาวอะไรทั้งนั้น ผมพอแล้วกับเรื่องของจีน ผมควรทำอะไรให้มันเด็ดขาดสักที .. ซึ่งมันก็ตลกดีเหมือนกันที่ผมมาคิดทำอะไรจริงจัง ตอนที่ทุกอย่างมันสายเกินไปแบบนี้

“ถ้าจีนไม่ไป ผมจะไปเอง และถ้าจีนยังดึงดันจะอยู่ต่อผมคงต้องให้คนเข้ามาจัดการ” ผมพูดอย่างเย็นชา ไม่มีความสงสารอะไรทั้งนั้น จะว่าไปในเวลานี้แม้แต่ความเป็นเพื่อนผมก็คงมีให้จีนไม่ได้ “เพราะจีนทั้งนั้นนะที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี้เราอาจจะยังพอเป็นเพื่อนกันได้ แต่ตอนนี้ความเป็นเพื่อนผมคงไม่เหลือที่จะมีให้ … พอเถอะจีน เลิกยื้อเถอะ”

จีนร้องไห้โฮ แต่ผมไม่สนใจเธออีก ใจผมตอนนี้เจ็บจนชา สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารที่อยู่ในมือถูกกำจนยับยู่ยี่ไปหมด ก่อนที่ผมจะทิ้งจีนไว้ข้างหลังแล้วเดินไปที่ห้องของไนล์.. ห้องที่ไนล์เคยอยู่ ห้องที่ผมกับไนล์มีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน

ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ทุกอย่างที่เคยมียังคงตั้งอยู่ที่เดิมไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน กลิ่นหอมๆ ของไนล์ยังคงลอยอบอวลอยู่ในห้อง แต่พอผมเปิดตู้เสื้อผ้า ใจผมก็ต้องวูบโหวงเมื่อมันเหลือแค่ตู้เปล่าๆ กับชุดนอนของผมที่แขวนเอาไว้ไม่กี่ชุด.. หลักฐานที่บ่งบอกว่าไนล์ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว

ผมทรุดลงนั่งบนเตียงนอนของเรา ก่อนจะเปิดกล่องที่ถือติดมือมา… กล่องของไนล์ที่ฝากป้ามลไว้ให้ผม

และทันทีที่กล่องถูกเปิดออก ลิ้นชักความทรงจำของผมก็เหมือนถูกกระชาก ทุกอย่างที่อยู่ในกล่องนั้นทำให้ผมนึกทุกเรื่องราวที่เคยเกิดชึ้นในช่วงนั้นออก เรื่องราว ‘ของเรา’ ที่ผมเคยทำตกหล่นระหว่างทาง

ผมยื่นมือที่สั่นเทาไปหยิบกระดาษโน๊ตขนาดต่างๆ ขึ้นมา แม้กระดาษจะดูเก่าและสีปากกาจะซีดจางไปตามกาลเวลา แต่เพราะการเก็บรักษาที่ดีเลยทำให้ข้อความที่อยู่บนนั้นยังปรากฎชัดเจน

ข้อความที่เขียนขึ้นด้วยลายมือของผม ข้อความที่เขียนถึงเด็กผู้ชายในร้านไอศครึมคนนั้น คนที่เป็นความผูกพันและความทรงจำที่ดีก่อนไปอเมริกา

แล้วไหนจะพวงกุญแจเด็กผู้ชายยิ้มแฉ่งและร้องไห้ พวงกุญแจที่ผมจำได้ว่าซื้อทันทีที่เห็นเพราะนึกถึงเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนั้น แล้วไหนจะสร้อยข้อมือถักที่ผมภูมิใจนักภูมิใจหนาว่ามันมีเส้นเดียวในโลก .. แต่ผมกลับจำมันไม่ได้เลยสักนิด

ผมจำไม่ได้และไม่เอะใจเลยด้วยซ้ำว่าทำไมไนล์ถึงเข้ามาในชีวิตของผม ผมเอาแต่อคติและมองเขาไม่ดี ทั้งที่เจตนาเขาดีกว่าใคร ทั้งที่เขาคือคนที่รักและหวังดีกับผมจริงๆ … รักและไม่ต้องการอะไรตอบแทนจากผมเลยมาเป็นสิบปี

น้ำตาที่ผมกลั้นไว้เริ่มไหลออกมาช้าๆ เมื่อพอจะประกอบชิ้นส่วนของเรื่องราวทั้งหมดได้ ผมเพิ่งเข้าใจว่าทำไมไนล์เข้ามาดูแล เข้ามาเอาใจใส่ เข้ามาพยายามทำให้ผมดีขึ้น และผมเพิ่งนึกรู้กับท่าทางที่แปลกไปของไนล์หลังจากที่ผมพาน้องกลับมาจากร้านไอศครีม ...

เขาพูดเบาๆ จนผมแทบไม่ได้ยินว่า เขาคือเด็กคนนั้น... เด็กที่ยังคงรอคอยผมแม้จะผ่านไปเป็นสิบปี ไนล์พยายามจะบอกแล้ว แต่ผมก็ยังคงโง่งมและไม่ได้รับรู้

เขาเป็นคนที่พยายามทำตามสัญญาแม้จะผ่านมาเป็นสิบๆ ปี เขายังคงรอคอยแม้ว่าผมจะหลงลืมและทิ้งเขาไว้แต่เขาก็อดทนและอยู่ด้วยความหวังว่าผมจะกลับมา ในขณะที่ผมหลงระเริงและมีความสุขอยู่กับคนอื่น... โดยที่ไม่ได้คิดถึงเขาสักนิด

ที่จริงผมควรจะโกรธที่ไนล์เข้ามาด้วยวิธีการหลอกหลวงและไม่พูดความจริง แต่แล้วผมก็ต้องตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่าผมมีสิทธิ์อะไรไปโกรธไนล์ เพราะสิ่งที่ไนล์ทำมันคือความหวังดีทั้งนั้น และเขาก็พิสูจน์ให้ผมเห็นแล้วกับการกระทำที่ผ่านมา

เป็นผมเองต่างหากที่สมควรจะถูกไนล์โกรธ เพราะจนแล้วจนเล่าผมก็ไม่ได้ทำตามสัญญาที่ไห้ไนล์ไว้เลยสักครั้ง

แม้แต่ชื่อที่ผมบอกว่าจะเป็นคนมาถามและเรียกเขาด้วยตัวเองต่อหน้าผมก็ไม่ได้ทำ สิ่งที่ผมทำหลังจากไม่ได้เจอเขามาเป็นสิบปี ก็คือการดูถูกเขาและหาว่าเขาเป็นผู้ชายขายบริการ


นี่ผมแม่งเป็นสัตว์นรกประเภทไหนกัน ผม..โคตรเกลียดตัวเองเลย


และในขณะที่ผมหยิบของแต่ละชิ้นออกมาด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ผมก็พบว่ามันสามารถเจ็บมากกว่านั้นได้อีก เมื่อผมหยิบจดหมายที่เป็นของชิ้นสุดท้ายในกล่องขึ้นมา … เป็นจดหมายฉบับเดียวที่ไม่ได้เขียนด้วยลายมือของผม

แต่เป็นลายมือของไนล์ ลายมือเดียวกับที่ผมเคยเห็นจนชินตา แต่จำไม่ได้ว่าตัวเองเคยเห็นลายมือเหล่านั้นมาก่อนหน้านี้แล้ว

ผมคลี่จดหมายออกมาด้วยมือสั่นเทา และได้แต่คาดหวังอย่างลางเลือนว่าในจดหมายฉบับนี้จะมีอะไรบ่งบอกสักอย่างว่าไนล์อยู่ที่ไหน แล้วผมจะหาเขาเจอได้ยังไง ผมขอแค่นั้น... แค่เบาะแสสักเล็กน้อยก็ยังดี

.. แต่พอผมอ่านจบ ความหวังก็พังทลาย เพราะนอกจากจะไม่มีเบาะแสอะไรแล้ว มันยังเป็นจดหมายที่มีเนื้อความไม่กี่ประโยคแต่กลับเฉือนหัวใจผมให้เหวอะหวะไม่มีชิ้นดี


‘ถึงพี่ภู… ไนล์ไม่แน่ใจหรอกครับว่าพี่ภูจะจำเรื่องของเราได้มากน้อยแค่ไหน แต่ไนล์อยากให้พี่ภูรู้ว่าไนล์พยายามแล้ว ไนล์พยายามมาตลอดกับเรื่องของเรา จนถึงวันนี้วันที่ไนล์พยายามไม่ไหว ไนล์คงต้องขอพอสักที…

สิบปีที่ผ่านมาไนล์มีความสุขมากกับการได้แอบรัก ได้รับรู้ความเป็นไป และมันก็ยิ่งกว่าที่ไนล์เคยหวังเมื่อได้มาใช้เวลาอยู่ร่วมกับพี่ภู .. สามเดือนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย สามเดือนที่ไนล์บอกกับตัวเองว่าจะใช้มันไปกับพี่ภูให้คุ้มค่าที่สุด แต่แล้วไนล์ก็ได้รู้ว่ามันเป็นสามเดือนที่มีค่าแค่กับไนล์คนเดียว

และนั่นก็ทำให้ไนล์ได้รู้ว่าไนล์คงยื้อต่อไปไม่ไหว ไนล์คงต้องพอแค่นี้ … ไนล์รักพี่แต่ไนล์ก็คงต้องรักตัวเองด้วย และในเมื่อพี่ภูไม่ได้รักและไม่คิดจะรัก ไนล์ก็คงต้องขอหัวใจตัวเองคืนกลับมาเพื่อดูแล ไนล์ไม่อยากปล่อยมันไว้ในมือใครอีก เผื่อว่าสักวันไนล์อาจจะได้เริ่มต้นใหม่กับใครที่อยากดูแลมันจริงๆ จังๆ สักที

ลาก่อนนะครับพี่ภู ลาก่อนกับความรักสิบปีของไนล์ … ไนล์’


“ไนล์.. ฮึก.. ไนล์ พี่ พี่ขอโทษ” ผมปล่อยโฮออกมาอยากสุดกลั้นและพึมพำซ้ำไปซ้ำมาว่าขอโทษหลังจากอ่านจดหมายฉบับสุดท้ายที่ไนล์ทิ้งไว้ให้จบ มันเป็นจดหมายบอกลาที่ย้ำจริงจังและชัดเจนว่าเขาพร้อมจะปล่อยมือและออกไปจากชีวิตผมโดยไม่คิดจะหันหลังมาอีก

และนั่นทำให้ผมรู้ใจตัวเองว่าผมเสียไนล์ไปไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

ผมลุกพรวดทันทีเมื่อคิดได้แบบนั้น ก่อนจะทบทวนคำพูดของป้ามล และรู้ว่าตัวเองควรจะไปหาคำตอบว่าไนล์อยู่ที่ไหนจากใคร ถ้าไม่ใช่คนที่พาไนล์เข้ามาในชีวิตของผม…

...แม่

.

.

.

To Be Continue

---------------------------------------------------------

บอกได้คำเดียวว่า เหมียนหมา หมาล้วนไม่มีแมวผสม 555555555555555555

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ และในส่วนคอมเม้นท์ที่จะสาดใส่มาน้านนน เต็มที่ค่ะ อย่ายั้ง ถ้าคอมเม้นท์มาเยอะตอนต่อไปอาจจะพอมาไวได้ เดี๋ยวรีบปั่นสต็อคไว้ให้ ตอนถัดไปจะได้มาลงเร็วๆ อิอิ

ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกไลค์ ทุกวิว ทุกการโดเนท ทุกคอมเม้นท์นะคะ เรารู้สึกขอบคุณมากๆ มากกกกกกๆๆๆๆ ขอบคุณที่อยู่มาด้วยกันจนตอนนี้ และก็หวังว่าจะอยู่ไปด้วยกันจนกว่าจะจบน้าาา ... ขอบคุณทุกคนมากๆ ค้าบบบ

แล้วไว้เจอกันตอนหน้าจ้า มีเวลาให้ภูเหมียนหมาอีกเย้อะะะะ อิอิ ... รักค้าบบ <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-17 : Universe 29th)
เริ่มหัวข้อโดย: PsapBBBB ที่ 17-07-2020 20:30:37
เหมียนหมาจริงๆ จะบอกว่าสะใจก็พูดได้ไม่เต็มที่เพราะลูกเรายังมีใจรักเขาอยู่แต่ก็ถือว่าตอนนี้สมน้ำสมเนื้อมากๆ คนเราโง่แล้วโง่เล่ามันต้องเจอแบบนี้แหละ ชอบนะคะ มาอีกค่ะรอสมค้ำหน้าคนอยู่หึหึ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-17 : Universe 29th)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 17-07-2020 20:53:00
กลัวหนูไนล์จะไม่ใจเด็ดเอาอะซี่ จบแบบแยกตัวใครตัวมัน ปล.อยากได้พี่เทมส์วุ้ย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-17 : Universe 29th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-07-2020 21:42:05
เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-17 : Universe 29th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 17-07-2020 21:49:19
โอ้ยยยยยยอยากอ่สนต่อแล้วอ่าาา

แม่จะบอกพี่ภูว่ายังไงบ้างนะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-17 : Universe 29th)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 17-07-2020 22:26:16
เอาใจช่วยค้าาาาา :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-17 : Universe 29th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 17-07-2020 22:49:19
ไม่รู้สึกสงสารและเห็นใจสักนิดเลย รู้สึกรำคาญมากกว่า คงพร่ำเพ้อขอโทษ รู้สึกผิดแบบนี้อยู่สินะ พาร์ทของอิพี่ภูนี่อ่านลวกๆข้ามๆเพราะรำคาญไม่ไหว 5555 มาคิดได้อะไรตอนนี้อ่ะ จะบอกว่าคิดได้ก็ยังดีกว่าคิดไม่ได้หรอ โหหหเจอเข้าไปปานนั้น  :fire: ความรู้สึกที่มีต่ออิพี่ภูทำไมมันโคตรว่างเปล่าเลยวะ ไม่แยแส ไม่ยี่ระต่อการกระทำของพี่มันเลย โคตรเย็นชาอ่ะ มาถึงจุดนี้ละคิดดูอิพี่ภู 555 แต่คงไม่ใช่กับไนล์ อิตาพี่ภูโง่บัดซบแล้วนะ นี่กำลังนั่งมองว่าไนล์จะโง่กว่าไหม 555555 คือไม่ใช่ว่าโง่หรอก(มั้ง)แต่เป็นพวกบูชาความรักอ่ะ ก็เลยให้เขาได้ทุกสิ่งอย่างรวมถึงการกลับมาง้อขอคืนดีในภายภาคหน้าด้วย ไม่ค่อยเข้าใขความรักประเภทนี้เท่าไหร่เรามันรักตัวเองและครอบครัวมากไป 555 คือบับโดนทำร้ายร่างกายและจิตใจขนาดนั้นเพราะคนอื่นเนี้ย มันไม่ใช่ไง พ่อแม่พี่น้องยังไม่ทำร้ายฉันเลย ละเขาเป็นใครอ่ะ เนี้ยไม่ยอมมมม 5555 ตอนแรกก็ไม่อยากให้ไปซบอกลม แต่ดูแล้วเป็นลมเองที่ติดอยู่ในโลกจินตการ ก็เลยคิดว่าเออออ ก็อยู่เป็นพาร์ทเนอร์ชีวิตไปเลยก็อาจจะดีกว่ากลับไปเหมือนเดิม เพราะต่างก็ไม่ได้เกลียดกัน แค่รักกันคนละรูปแบบเท่านั้น ก็โอเคดีนะ เข้าท่าอยู่ แต่มันไม่ใช่ไง ใช่ป่ะ มันต้องมีพระเอกสินะ อืมๆ งืมมมม 5555555 อีกอย่างคือขำพี่เทมส์ ไม่ได้รู้ว่าน้องโดนทำอะไรเล้ยยย ก็นะ ไม่มีใครบอก แต่การที่น้องบอกจะไม่ทนแล้วเนี้ยแปลว่ามันถึงขีดสุดแล้ว เหมือนจะรู้ใจน้องนะ แต่ก็ไม่ ปกป้องน้องก่อนเพื่อนก่อนงานไหม ถถถ รายต่อไปที่จะเฝ้ามอง(ด่า)คือแม่พี่ภู จะดีหรือเห็นแก่ตัวแก่ลูกของตัวเอง มันคืออยู่กับการกระทำในตอนต่อไป 55555555 สนุกมากจ้า ขอบคุณนะคะที่มาต่อ แต่งเก่งแล้วค่ะ อ่านแล้วอิน นั่งด่าตัวละครเป็นว่าเล่น 5555  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-17 : Universe 29th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-07-2020 00:12:12
แม่ก้อไม่ต้องช่วยยยยย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-17 : Universe 29th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-07-2020 00:50:49
เหมียนหมาจริง ๆ ค่ะ ตอนนี้ไม่เห็นใจใครเท่าลมเลยค่ะ สงสารที่รักคนไม่รักเราแบบนี้จริง ๆ เฮ้อออออ ลมเราสงสารนายนะแต่นายก็ควรทำใจและตัดใจให้ได้นะเพราะไนล์มันแม่งไม่คิดเปิดใจให้อย่างที่พูดเลยว่าจะเปิดใจรับลมในฐานะอื่นน่ะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-17 : Universe 29th)
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 18-07-2020 00:53:49
อ่านมาก็สนุกดีนะแต่มันก็แบบเดิมๆที่พระเอกโง่
นายเอกเปนดาวพระศุกร์มีพระเสาร์แทรก5555
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-17 : Universe 29th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 20-07-2020 21:24:49
รออ่านอยู่น้าา
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-23 : Universe 30th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 23-07-2020 20:39:10
Universe 30th : ความจริง


ผมรีบขับรถกลับมาที่บ้าน แต่กว่าจะออกมาได้ก็เสียเวลาอยู่พักใหญ่ในการยื้อยุดกับจีน จีนเอาแต่รั้งและขอร้องไม่ให้ผมไป ในขณะที่ผมที่รู้ใจตัวเองแล้วว่าตอนนี้รักใคร และที่ผ่านมาผมก็ทำตัวไม่ชัดเจนจนต้องเสียไนล์ไป เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมควรทำทุกอย่างให้เด็ดขาดได้แล้ว และเพราะแบบนั้นผมเลยถึงต้องย้ำคำเดิมกับจีน


‘ไปจากที่นี่เถอะจีน ผมยังยืนยันเหมือนเดิมนะว่าให้จีนไปซะ เพราะถ้าจีนยังอยู่ผมก็คงไม่กลับมาที่นี่อีก และต่อให้จีนฝืนอยู่ที่นี่ต่อไปสุดท้ายผมก็ต้องให้คนมาจัดการอยู่ดี'

‘แต่.. ฮึก ภูคะ’

‘ระหว่างเราไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้วจีน ตอนนี้ผมรักคนอื่น.. คนอื่นที่ไม่ใช่คุณ’



ตอนออกมาผมได้ยินเสียงจีนร้องไห้แทบขาดใจ ถามว่าผมสงสารเธอไหม .. ใช่ ก็มีบ้าง เพราะยังไงเราก็เคยรักกันมาตั้งเกือบเจ็ดปี แต่สุดท้ายมันก็มีแค่ความสงสารและเห็นใจในฐานะเพื่อนมนุษย์ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น และผมก็มีเรื่องเร่งด่วนมากกว่าที่ต้องทำ

นั่นก็คือการตามหาไนล์ ตามหาหัวใจที่หายไปของผม

ผมเหมือนคนโง่ที่เพิ่งรู้หัวใจตัวเองในวันที่สาย ผมมีไนล์อยู่ข้างกายตลอดแต่ไม่เคยเห็นค่า เห็นความดี เอาแต่ใช้อคติที่มืดบอดปิดบังความรู้สึกตัวเอง และจนถึงตอนที่เราปรับความเข้าใจกันได้ ผมก็เอาแต่คิดว่าไม่เป็นไร ชะล่าใจ เพราะรู้ดีว่าเขาจะอยู่ตรงนี้กับผมตลอดไม่ไปไหนเพราะเขารักผม ผมเลยยังวางใจไม่ได้บอกความรู้สึกของตัวเองให้ไนล์รับรู้ และมันก็อาจจะเป็นอย่างที่ผมคิด ถ้าผมไม่โง่งมหลงเชื่อคำพูดของจีนมากกว่าการกระทำที่ผ่านมาของไนล์

สุดท้ายก็ต้องถูกลงโทษให้ไนล์หันหลังจากผมไป โดยไม่มีสัญญาณใดๆ เตือน

แล้วยิ่งผมมาได้รู้ว่าไนล์คือเด็กผู้ชายในร้านไอศครีมเมื่อสิบปีก่อน เด็กผู้ชายที่ยังรอคอยผมมาโดยตลอด ผมฝังเขาไว้ในความทรงจำ ในขณะที่เขาให้ผมเป็นทั้งอดีตและปัจจุบันโดยที่ไม่เคยลืมเลือน เห็นได้จากการที่เขายอมพาตัวเองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม เพียงเพราะอยากดูแล อยากทำให้ผมที่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ ได้กลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง เขาอดทนทำดีกับผมทุกอย่าง ทั้งๆ ที่ผมดูถูกดูแคลน หาว่าเขาตั้งใจจะเข้ามาปอกลอกสารพัด และวันนี้ทุกอย่างก็กระจ่างไนล์ไม่เคยใช้เงินของผมแม้แต่สตางค์เดียว เขาเก็บมันไว้และคืนให้ผมทั้งหมด ประกอบกับความจริงที่ผมได้รู้ว่าไนล์คือเด็กผู้ชายคนเดียวกับที่อยู่ในร้านไอศครีมนั้น เท่านี้ก็ยืนยันฐานะความเป็นอยู่ของไนล์ได้อย่างดี

แต่ถึงแม้ไนล์จะมีทุกอย่างพร้อม แต่เขาก็ยังเลือกที่จะรักผม .. ผู้ชายสารเลวคนหนึ่งที่ไม่ได้มีอะไรดีเลยสักอย่าง

ผมรู้ตัวดีว่าอาจจะไม่คู่ควรกับความรักของไนล์ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังจะขอเห็นแก่ตัวอีกสักครั้ง ผมเสียเขาไปไม่ได้ ไม่ว่าจะยากเย็นยังไงผมก็จะตามหาเขาจนกว่าจะเจอ และถ้าผมเจอเขา ผมจะกอดเขาไว้แน่นๆ

และครั้งนี้ผมสัญญาว่าผมจะรักและดูแลเขาเอง มันจะเป็นสัญญาแรกระหว่างเราที่ผมมั่นใจและตั้งใจว่าผมจะทำให้ได้

.

.

.

ผมมาถึงบ้านหลังจากนั้นไม่นาน และพอลงจากรถได้ผมก็พุ่งตัวเข้าไปหาป้าวรรณาที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านพอดี ดูเหมือนป้าวรรณาจะตกใจไม่น้อยที่เห็นผมมาในเวลาแบบนี้ และคงจะตกใจมากยิ่งขึ้นที่จู่ๆ ผมก็พุ่งไปจับข้อมือป้าไว้ทันทีแบบที่ไม่มีใครทันได้ตั้งตัว

“ป้าวรรณาครับ!”

“ตายแล้วคุณภู นี่มันอะไรกันคะ? ป้าตกใจหมด!” ป้าวรรณาตีมือผมที่จับข้อมือแกเบาๆ เหมือนกับจะปรามไม่ให้ผมทำแบบนี้อีก แต่ตอนนี้ผมมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องถาม เลยไม่ได้สนใจเรื่องอื่นมากนัก

“ไนล์ไม่ใช่หลานป้าใช่ไหมครับ?” ผมถามเข้าประเด็นทันที ก่อนจะรีบพูดดักคอเพราะรู้ว่าป้าวรรณาจะตอบอะไร คงไม่พ้นยืนยันกระต่ายขาเดียวแน่ๆ “ป้าห้ามโกหกผมนะครับ ผมรู้ความจริงหมดแล้ว”

“คะ ความจริงอะไรคะคุณภู? ถ้าไนล์ไม่ใช่หลานป้าแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะคะ?” ป้าวรรณาพูดกับผมแต่ไม่ยอมสบตาผมสักนิด แถมอาการมีพิรุธพูดตะกุกตะกัก ก็ดูออกจนไม่รู้จะดูออกยังไง

“ก็เป็นเด็กคนเดียวกับที่ผมเจอในร้านไอศครีมเมื่อสิบปีที่แล้วไงครับป้า ผมพูดถูกไหม?” และอาการอ้าปากค้างตาเบิกกว้างก็เป็นคำตอบให้ผมได้เป็นอย่างดี แม้ป้าจะยังไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ

“อะ เอ่อ คือ.. คือป้า”

“ป้าครับ อย่าโกหกผมอีกเลยนะครับ ผมรู้ความจริงหมดแล้ว” ผมย้ำก่อนจะยอมบอกสถานการณ์ตอนนี้ให้ป้าวรรณารับรู้ “และที่ผมรู้ความจริงก็เพราะตอนนี้ไนล์ทิ้งผมไปแล้ว เขาจากไปแล้วทิ้งไว้แค่กล่องใส่ของพร้อมกับจดหมายที่ทำให้ผมรู้ทุกอย่าง”

ผมพูดพร้อมกับประคองเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น มันน่าตลกที่ผมในเวลานี้ดูอ่อนแอเหลือเกิน อ่อนแอและไร้ค่าพอๆ กับตอนเลิกกับจีน ผมยอมแพ้กับทุกอย่างและใช้ชีวิตไปวันๆ เพราะคิดว่าชีวิตที่ไม่มีจีนนั้นมันโคตรจะไม่มีความหมาย

แต่กับไนล์มันต่างออกไป เพราะถึงแม้ผมจะอ่อนแอแค่ไหน เปราะบางยังไง แต่ผมกลับไม่คิดจะยอมแพ้ ผมจะตามหาจนกว่าจะได้ไนล์คืนมา ผมจะไม่มีวันกลับไปใช้ชีวิตไร้ค่าแบบนั้น ผมจะต้องทำตัวเองให้ดีและคู่ควรกับความรักที่ไนล์มีให้

“โถ่.. คุณภูของป้า” ป้าวรรณาเข้ามากอดผมไว้เมื่อเห็นว่าผมกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลจนตาแดงก่ำ ผมเองก็กอดตอบป้าวรรณาที่เปรียบเสมือนผู้ใหญ่ของบ้านไว้ราวกับคนที่ต้องการหาที่พึ่ง

“ป้าครับ ผมขอร้อง ถ้าป้ารู้อะไรเกี่ยวกับไนล์ ป้าบอกผมเถอะนะครับ ให้ผมได้ไปหาเขา ผมปล่อยให้เขาจากไปแบบนี้ไม่ได้” ผมอ้อนวอนป้าด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคงและคำตอบที่ผมได้รับจากป้าก็ดูจะตอกย้ำความสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม

“คุณภูคะ ป้าไม่ทราบจริงๆ เรื่องคุณไนล์ คุณหญิงท่านบอกให้ป้ารับสมอ้างว่าคุณไนล์เป็นหลานป้า ป้าก็ทำให้เพราะเห็นว่าคุณไนล์มีความตั้งใจดีที่จะเข้ามาดูแลคุณภู แต่ภูมิหลังเรื่องคุณไนล์เป็นใครมาจากไหนนี่ป้าไม่ทราบจริงๆ ค่ะ”

“…”

“ป้าว่าทางที่ดีคุณภูรอถามจากคุณผู้หญิงดีกว่านะคะ ท่านน่าจะทราบทุกอย่างดีที่สุด”

คำพูดของป้าวรรณาทำให้ผมนึกได้ว่าจุดประสงค์ที่ผมกลับมาที่บ้านเพื่อหาแม่ .. แม่ที่น่าจะรู้ดีที่สุดว่าไนล์เป็นใคร และอยู่ที่ไหน … แม่ที่เป็นคนพาไนล์เข้ามาในชีวิตผม

“จริงสิ! แม่! ใช่ป้าวรรณา ผมต้องคุยเรื่องนี้กับแม่” ผมลิงโลดขึ้นมาทันทีเมื่อนึกได้ “ว่าแต่แม่อยู่ไหนครับป้า” ผมถามพลางสาวเท้าเดินเข้าบ้านด้วยขายาวๆ ของตัวเอง

“เอ่อ.. คุณหญิงท่านไม่อยู่ค่ะคุณภู” ผมชะงักเท้านิดหน่อยแต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่าแม่คงมีนัดคุยงานกับคู่ค้าหรือหุ้นส่วนเหมือนที่เคย ใครจะไปคาดคิดว่าฟ้าจะเล่นตลกกับผมขนาดนี้

“แม่ไปไหนครับ เดี๋ยวคงกลับใช่ไหม?”

“คุณหญิงท่านไปประชุมงานที่ต่างประเทศค่ะ เห็นบอกไว้ว่าจะไปกับทางบ้านคุณเทมส์ ป้าเองก็ไม่ทราบรายละเอียดมาก แต่เห็นว่าเป็นงานสำคัญ ถ้าไม่มีอะไรจำเป็นก็ไม่ให้ติดต่อไปค่ะ คุณหญิงท่านสั่งไว้แบบนั้น”

ป้าวรรณาพูดทั้งที่มีสีหน้าลำบากใจและเห็นใจผม ในขณะที่ผมเองถึงกับทรุดนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกแถวนั้น เพราะถ้าแม่พูดแบบนี้น่าจะหมายความว่าติดต่อไม่ได้แน่ๆ คงสลับไปใช้มือถืออีกเครื่องที่คนที่บ้านไม่รู้เพราะเอาไว้ใช้ทำงานโดยเฉพาะ ซึ่งท่านเป็นแบบนี้ไม่บ่อยนอกเสียจากว่าจะเป็นงานสำคัญจริงๆ

“หึ!” ผมหัวเราะเยาะตัวเองเบาๆ “คงเป็นกรรมตามทันผมน่ะครับป้า ผมทำกับไนล์ไว้เยอะมากจริงๆ สมควรแล้วแหละที่โดนแบบนี้”

“โถ่ คุณภู...” ป้าวรรณาเข้ามากอดผมอีกครั้ง ผมเลยต้องย้ำกับแกไปว่าผมไม่เป็นอะไร เพราะไม่อยากให้แกคิดมากและกังวลจนเกินไป เลยเลี่ยงไปถามอย่างอื่นแทน เผื่อจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง

“ว่าแต่แม่บอกหรือเปล่าครับว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”

“บอกค่ะ เห็นคุณหญิงท่านว่าจะกลับมาตอนเปิดตัวโครงการของคุณภูกับคุณเทมส์ น่าจะกลับมาพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณเทมส์แหละค่ะ”

ผมถอนหายใจ นั่นหมายความว่าผมต้องทนเกือบอาทิตย์กว่าแม่จะกลับมา นี่ผมยังไม่รู้เลยจะทนให้ถึงได้ยังไง ไหนจะงานเปิดตัวโครงการฯ ที่ช่วงนี้ยุ่งเหยิงมากอีก หรือบางทีผมอาจจะต้องขอให้ไอ้เทมส์ช่วย

เดี๋ยวนะ.. ไอ้เทมส์งั้นหรอ?

ผมพยายามคิดทบทวนเรื่องไนล์ช้าๆ อีกครั้ง แล้วก็พบว่าทุกครั้งที่เป็นเรื่องของไนล์จะมีไอ้เทมส์เข้ามาเกี่ยวด้วยทุกครั้ง จะว่าไปก็ตั้งแต่วันแรกที่แม่พยายามจะพาไนล์เข้ามาในชีวิตผมเลยด้วยมั้ง วันนั้นไอ้เทมส์ก็อยู่ มันสนับสนุนแม่น่าดู แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เอะใจเท่าไหร่ แล้วไหนจะความสนิทสนมแปลกๆ ระหว่างไนล์กับไอ้เทมส์ด้วย

ผมว่าสองคนนั้นต้องรู้จักกันแน่ๆ แต่ผมแค่ไม่รู้ว่าทั้งคู่รู้จักกันในแง่ไหนเท่านั้น

พอพูดขึ้นมาแล้วหัวใจผมก็คันยุบยิบแปลกๆ ใช่ ผมหึงไนล์กับไอ้เทมส์อีกแล้ว แต่ครั้งนี้ผมกลับมีสติมากพอที่จะไม่หุนหันทำอะไรบ้าๆ แบบเมื่อก่อนอีก ผมจะไม่ปักใจเชื่ออะไรที่ไม่ได้ออกจากปากไนล์ทั้งนั้น

ในเมื่อผมคิดที่จะเริ่มต้นใหม่ ผมก็ควรเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย ผมจะได้ไม่เผลอทำร้ายไนล์และไม่ทำให้ไนล์เสียใจอีก

ซึ่งถ้าผมอยากจะทำตามที่ตัวเองตั้งใจ ผมก็ควรต้องตามหาไนล์ให้เจอก่อนเป็นอันดับแรก และในเมื่อแม่ไม่อยู่ ผมก็คิดว่าคนที่รู้เห็นและมีข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าตัวเล็กของผมต้องไม่พ้นเพื่อสนิทตัวเองแน่ๆ


และผมก็จะตามหาไนล์จากมันนี่แหละ.. ไอ้เทมส์


“ขอบคุณครับป้าวรรณา ผมว่าผมพอจะหาทางออกเรื่องนี้ได้แล้ว ป้าไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะครับ” ผมบอกป้าวรรณาเพื่อไม่ให้แกคิดมากไปด้วย เพราะตอนนี้สีหน้าป้าวรรณาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“จริงเหรอคะคุณภู” ป้าวรรณาถามอย่างดีใจ

“จริงครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยไปลองถามไอ้เทมส์เอา เผื่อมันพอจะรู้บ้าง” ป้าวรรณาดูผ่อนคลายขึ้น ผมก็เลยเบาใจ และตัดสินใจกวนแกอีกเรื่องก่อนที่จะดึกมากไปกว่านี้ “เอ้อ ป้าครับ ผมรบกวนอีกเรื่อง”

“ว่าไงคะคุณภู”

“หลังจากนี้จนกว่าจะถึงวันเปิดตัวโครงการใหม่ของผมกับไอ้เทมส์ ผมจะกลับมานอนที่นี่นะครับป้า ยังไงรบกวนป้าให้คนไปทำความสะอาดห้องให้ผมทีนะครับ ผมจะนอนตั้งแต่คืนนี้เลย”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าจัดการให้ คุณภูรอสักครู่แล้วกันนะคะ เสร็จแล้วป้าจะให้เด็กมาตาม คุณภูจะได้ขึ้นไปพักผ่อน”

“ครับ ขอบคุณนะครับป้า” ป้าวรรณายิ้มให้ผมก่อนจะออกไปจัดการตามที่ผมขอ ทิ้งให้ผมนั่งถอนหายใจลำพัง

ผมมองตามป้าวรรณาที่เดินออกไปจัดห้องให้ผม พร้อมกับคิดสะท้อนในใจว่าคืนนี้ผมจะจัดการความคิดถึงและอารมณ์ตัวองยังไงให้นอนหลับได้ลง .. เมื่อไม่มีไนล์ให้นอนกอดเหมือนคืนที่ผ่านๆ มา

.

.

.

เช้าวันถัดมา ผมตื่นมาด้วยสภาพที่ไม่โอเคนัก เพราะเมื่อคืนนอนแทบไม่หลับทั้งคืน .. การไม่มีไนล์ในอ้อมกอดทรมานมากกว่าที่ผมคิด ทั้งสัมผัส ทั้งกลิ่นกายหอมๆ ทั้งความรู้สึกของการได้อยู่ใกล้ชิด ทำให้ผมนอนคิดถึงไนล์ทั้งคืน แทบข่มตานอนไม่ลงเลย ดังนั้นเข้านี้ผมเลยมาถึงออฟฟิศเร็วกว่าปกติ จะว่าตั้งใจรีบมาดักรอเจอไอ้เทมส์ก็คงไม่เกินจริงเท่าไหร่นัก

แต่แล้วสิ่งที่ผมได้ยินจากเลขาของไอ้เทมส์ ก็ทำเอาผมแทบล้มทั้งยืน …

“ว่าไงนะครับ”

“คุณนทีบดีให้ดิฉันแจ้งคุณคีรินค่ะ ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะถึงวันเปิดตัวโครงการคุณนทีบดีจะไม่เข้ามาที่นี่แต่จะส่งตัวแทนที่สามารถตัดสินใจและมีอำนาจเทียบเท่าคุณนทีบดีเข้ามาทำหน้าที่แทน ให้คุณคีรินประสานงานกับตัวแทนได้เลย หากมีปัญหาอะไรดิฉันจะเป็นคนแจ้งคุณนทีบดีให้ค่ะ”

ผมทั้งหงุดหงิดทั้งหัวเสีย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมทั้งแม่ทั้งไอ้เทมส์ถึงได้พร้อมใจหายกันไปแบบนี้ มันเวรกรรมอะไรของผมกันนะ

“แล้วคุณเทมส์ได้แจ้งเหตุผลไว้รึป่าวว่าทำไมถึงจะส่งตัวแทนมาทำหน้าที่แทน ทั้งที่โครงการใกล้จะเปิดตัวไม่กี่วันนี้แล้วเนี่ย” ผมถามเลขาฯ ไอ้เทมส์ที่ทำหน้าที่ได้ดีอย่างประหลาด เธอทั้งนิ่งทั้งสงบ ไม่ได้ดูหวั่นไหวไปกับความน่ากลัวของผมสักนิด ทั้งที่ตอนนี้ทั้งหน้าและน้ำเสียงของผมดูประสาทเสียและหงุดหงิดพอตัว

“คุณนทีบดีแจ้งแค่ว่าเป็นเหตุผลส่วนตัวค่ะ” เธอยิ้ม แม้ว่าผมจะตีหน้ายักษ์ใส่เธอก็ตาม “แต่คุณคีรินไม่ต้องห่วงนะคะ ตัวแทนที่คุณนทีบดีส่งมาจะทำหน้าที่แทนได้อย่างเต็มที่ ทั้งในแง่ของการประสานงานและการตัดสินใจ รับรองว่างานทุกอย่างจะไม่มีอะไรติดขัดแน่นอนค่ะ”

ผมเดินออกมาจากหน้าห้องทำงานของไอ้เทมส์อย่างหัวเสีย สิ่งที่หวังไว้ไม่เป็นอย่างหวังสักอย่าง เบาะแสหรือข้อมูลที่ผมอยากรู้เกี่ยวกับไนล์มืดแปดด้าน คลำหาทางออกตรงไหนก็ตันไปหมด ทั้งแม่ทั้งไอ้เทมส์มีธุระติดพันอย่างกับนัดกันไว้ สุดท้ายผมเลยทำได้แค่ก้มหน้าก้มตารอจนกว่าจะถึงวันเปิดตัวโครงการ

ถามว่านานไหม มันก็ไม่ได้นานอะไรขนาดนั้นหรอกอีกแค่ห้าวันก็จะถึงวันงานแล้ว แต่ผมแค่คิดว่าห้าวันที่แสนจะสาหัสกับงานที่ทั้งเครียดทั้งกดดันอาจจะทำให้ผมได้ตายก่อนที่จะรู้เรื่องของไนล์ ทั้งที่ความจริงแล้วมันควรเป็นห้าวันที่ได้รับกำลังใจดีๆ จากเจ้าตัวเล็กที่รออยู่ที่บ้าน แทนที่ทันจะผ่านไปด้วยดี และหลังจากงานเปิดตัวผมจะได้พาไนล์ไปเที่ยวอีกสักทริป

แต่ทุกอย่างก็ต้องพังทลายทั้งหมดเพราะความหูเบาของผมเอง จนตอนนี้ไนล์หนีหายไปอยู่ที่ไหน ผมก็ยังไม่มีสิทธิ์ได้รู้เลย

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-23 : Universe 30th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 23-07-2020 20:46:14
(อ่านต่อจากด้านบน)


ตัวแทนที่ไอ้เทมส์ส่งมาทำงานได้ดีจนน่าใจหาย ผมที่ตั้งใจว่าถ้าตัวแทนของมันทำเสียเรื่องสักนิด ผมจะได้หาเหตุให้ไปเฉ่งมันถึงออฟฟิศ แต่นี่มันเป็นไปในทางตรงกันข้าม เพราะตัวแทนที่มันส่งมาทั้งประสานงาน แก้ปัญหาและตัดสินใจได้ดีเกินคาด … ก็จะไม่ดีได้ยังไง ในเมื่อมันส่งผู้ช่วยที่ทำงานนี้กับมันตั้งแต่ต้นมา ดังนั้น เขาจึงรู้ทุกอย่างดีอยู่แล้ว และทำหน้าที่แทนไอ้เทมส์ได้อย่างไม่มีที่ติ

ตอนแรกผมก็ตั้งใจแหละว่าจะโทรหาไอ้เทมส์หรือหาเวลาไปคุยกับมันที่บ้านไม่ก็ออฟฟิศ แต่งานก็ติดพันมากจนผมแทบกระดิกไปไหนไม่ได้เลย แค่มีเวลากินข้าวพอในแต่ละวันก็ถือว่ามหัศจรรย์แล้ว อย่าหาเวลาจะทำอย่างอื่นเลยมันไม่เหลือพอหรอก พอเสร็จงานเหลือบมองเวลาแล้วก็ล่วงเข้าวันใหม่แล้วทุกที

ผมใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่สี่ห้าวันก่อนถึงวันเปิดตัว นอนหลับบ้างไม่หลับบ้างแล้วแต่สภาพความเหนื่อยอ่อนในแต่ละวัน ไม่อยากจะยอมรับแต่ผมโหมทำงานเยอะมากในช่วงกลางวันเพียงเพื่อมันจะได้เหนื่อยและน็อคหลับไปในช่วงกลางคืน เพราะส่วนใหญ่ผมจะคิดถึงไนล์ตอนนั้น นี่ยังดีที่ผมย้ายมานอนบ้าน ถ้าขืนยังนอนอยู่คอนโด ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนผมก็นอนไม่หลับหรอก .. เพราะมันมีความทรงจำของเราอยู่เต็มไปหมด ผมเลยต้องอาศัยการทำแบบนี้เพื่อให้ตัวเองผ่านทุกคืนไปได้ด้วยดี

ส่วนเรื่องจีน ผมก็ให้คนไปจัดการเชิญเธอออกจากคอนโดเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกเธอก็ดึงดันไม่ยอมอยู่พักใหญ่ จนคนของผมต้องพูดตามตรงว่าจะดำเนินการตามกฎหมายหากไม่ย้ายออก เท่านั้นเธอถึงยอมได้ และเพราะเห็นแก่ว่าผมกับเธอเคยคบกันอยู่ช่วงหนึ่ง และเห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา ผมเลยฝากเงินให้เธอไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็มากพอให้เธอหาห้องเช่า เริ่มต้นงานใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้

สุดท้ายจีนก็ย้ายออกไป และผมก็โทรไปแจ้งป้ามลในวันนั้นเลยว่าจีนยอมย้ายออกแล้ว เพื่อให้ป้าเข้าไปทำความสะอาดได้ในทันทีที่สะดวก ซึ่งป้ามลเองก็ดีใจมากรีบเข้าไปทำความสะอาดให้ผมในเย็นวันนั้นเลย ทั้งที่ผมก็บอกแล้วว่าให้ไปวันถัดไปก็ได้ แต่ป้ามลก็ไม่ฟัง ซ้ำยังพูดกับผมด้วยน้ำเสียงยินดี


‘ไม่เป็นไรค่ะ ป้าจะเข้าไปวันนี้เลย ป้าจะไปจัดการอะไรให้เรียบร้อย ไม่รู้ว่าเธอทำอะไรไว้บ้าง เผื่อคุณภูอยากกลับมาคอนโดจะได้เข้ามาได้เลย’


ผมค่อนข้างดีใจที่ป้ามลยินดีกลับมาทำงานให้ผมด้วยความเต็มใจอย่างที่ป้าเคยบอกไว้ แต่แล้วใจผมก็ต้องเหี่ยวอีกครั้งเมื่อผมถามป้ามลถึงไนล์ แต่กลับไม่มีอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาเลยสักนิด


‘แล้วป้ามลได้ข่าวไนล์บ้างรึยังครับ น้องติดต่อมาบ้างไหม?’

‘น้องหรอคะ?’ เสียงป้ามลดูอึ้งๆ คงเพราะไม่คิดว่าผมจะเรียกแทนไนล์แบบนั้น แต่ผมก็ทำเฉยไม่รู้ไม่ชี้ เอาแต่เงียบรอให้ป้าตอบ ‘ไม่ได้ข่าวอะไรจากคุณไนล์เลยค่ะคุณภู คุณไนล์บอกป้าไว้ว่าจะติดต่อมาแต่ก็ยังไม่เห็นติดต่อมาเลย'

‘หรอครับ’ ผมรับคำเสียงเฉา ป้ามลเลยต้องให้กำลังใจ

‘คุณภูรอสักหน่อยนะคะ ป้ามั่นใจว่ายังไงคุณไนล์ก็ต้องติดต่อมา .. เอาไว้ถ้าคุณไนล์ติดต่อมาเมื่อไหร่ ป้าจะแจ้งให้คุณภูทราบทันทีนะคะ’

‘ขอบคุณมากครับป้ามล’


และนั่นก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันที่แล้ว และตอนนี้ทุกอย่างก็ยังนิ่งเงียบ ซึ่งนี่ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับการเตรียมงานเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูส ผมกับทีมงานเลยต้องมาควบคุมและดูแลทุกขั้นตอนในสถานที่จริง เพราะคนที่รู้กระบวนการและคิวการจัดงานในวันพรุ่งนี้ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้นผมกับผู้ช่วยของไอ้เทมส์ เราเริ่มงานกันตั้งแต่เช้ายันบ่ายๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้า พอเห็นว่าเป็นเบอร์ที่บ้านโทรมาเลยรีบกดรับ


Rrrrr


“สวัสดีครับ ภูครับ”

(คุณภูคะ ป้าวรรณาเองนะคะ) ผมยิ้มเมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงใจดีคือใคร ก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกมาคุยบริเวณโถงด้านนอกของสถานที่จัดงาน

“ครับป้าวรรณา ว่าไงครับ ที่บ้านมีอะไรด่วนรึป่าวครับ?” ผมถามเพราะปกติป้าวรรณาไม่ค่อยได้โทรหาผมเท่าไหร่นอกจากจะมีธุระสำคัญ

(ไม่มีอะไรด่วนหรอกค่ะคุณภู ป้าแค่จะโทรมาบอกว่าเมื่อสักครู่คุณผู้หญิงท่านโทรมาบอกว่ากำลังจะขึ้นเครื่องบินกลับ น่าจะถึงประมาณพรุ่งนี้สายๆ ป้าเลยคิดว่าควรจะโทรมาแจ้งคุณภูไว้)

“อ๋อ งั้นหรอครับ” ผมครางรับ “แต่พรุ่งนี้ผมคงยุ่งๆ น่าดู คงไม่ได้เจอแม่แน่ อาจะเจออีกทีก็ที่งานเลย”

(จริงหรอคะ โถ่เสียดายแย่ ป้าคิดว่าคุณภูอาจจะว่างไปรับคุณหญิงท่าน เผื่อจะได้มีโอกาสได้คุยกัน และก็ได้ถามในเรื่องที่คุณภูอยากทราบด้วย)

ผมยิ้มบาง อยากทำแบบนั้นใจจะขาด แต่งานพรุ่งนี้ก็สำคัญ และผมจะทิ้งให้ผู้ช่วยไอ้เทมส์ทำคนเดียวไม่ได้

“ไม่เป็นไรหรอกครับป้า ไหนๆ ก็รอได้ถึงวันนี้แล้วจะรออีกสักไม่กี่ชั่วโมงจะเป็นไร” ใช่ จะรออีกสักหน่อยจะเป็นอะไร ผมพยายามปลอบใจตัวเองแบบนั้น แม้ลึกๆ จะรู้ดีว่าถ้าไม่มีงานค้ำคออยู่แบบนี้ ผมไม่รอช้าที่จะไปตามหาไนล์แน่

“ป้าไม่ต้องห่วง…” คำพูดผมเลือนหาย เมื่อเห็นแผ่นหลังเล็กของร่างคุ้นตาเดินห่างออกไปไกลๆ “ไนล์!”

ผมครางเรียกชื่ออีกฝ่ายเสี่ยงสั่น ก่อนที่สองเท้าจะออกเดิน จนกลายเป็นวิ่งก่อนที่ผมจะรู้ตัวด้วยซ้ำ

“ไนล์!” ผมยังคงส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายอยู่แบบนั้น ทั้งที่กำลังวิ่งไปด้วย “ป้าวรรณา เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะครับ”

ผมกดวางสายมือถือก่อนจะวิ่งตามร่างเล็กที่เห็นออกมาทางด้านหน้าสถานที่จัดงานแต่กลับกลายเป็นว่าตรงนั้นไม่มีใครเลย นอกจากผมที่เพิ่งวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาคนเดียว ผมพยายามกวาดสายตามองโดยรอบเพราะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดแน่ๆ

ผมเห็นไนล์ ผมจำไนล์ได้ แม้จะเป็นเพียงข้างหลังแต่ผมก็จำเขาได้ และนั่นก็ทำให้ประกายความหวังในใจของผมสว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง

.. บางทีผมกับเขาอาจจะอยู่ใกล้กันมากกว่าที่คิดก็ได้

.

.

.

‘พี่ภู แม่ถึงบ้านแล้วนะครับ เห็นป้าวรรณาบอกว่าพี่ภูอยากเจอแม่ แต่ตอนนี้พี่ภูน่าจะยุ่ง เอาไว้เราไปเจอกันที่งานเลยแล้วกันนะลูก’


ผมหยิบมือถือขึ้นมาอ่านก่อนจะเก็บลงกระเป๋า เพราะตอนนี้มีเรื่องให้ทำเยอะมาก ใจก็อยากจะด่าไอ้เทมส์ที่ไม่ได้มาอยู่ช่วยผมตรงนี้เวลานี้ แต่จะทำแบบนั้นก็ไม่ได้ เพราะผู้ช่วยที่มันส่งมาก็ทำงานได้ดีเหลือเกิน บอกตามตรงว่าแบ่งเบาภาระผมได้เยอะมาก เยอะจนบางทีถ้าไอ้เทมส์อยู่ตรงนี้อาจจะไม่ราบรื่นขนาดนี้ก็ได้ เพราะทั้งผมทั้งมันอารมณ์ร้อนทั้งคู่ แต่ผู้ช่วยของมันคนนี้ใจเย็นและละเอียดรอบคอบมาก ขั้นตอนงานถูกทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผมมั่นใจว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด

“คุณภูไปเตรียมตัวเถอะครับ ทางนี้ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว เดี๋ยวยังไงผมจัดการที่เหลือต่อให้” ผมกวาดตามองรอบๆ ก็พบว่าทุกอย่างถูกเซ็ทไว้แล้วเรียบร้อย เหลือแค่การวางคิวเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมสามารถส่งต่อให้ผู้ช่วยของไอ้เทมส์ดูแลได้

“โอเค งั้นผมฝากด้วยนะครับ” ผมตบไหล่อีกฝ่าย ก่อนจะเตรียมออกเดินแต่ชะงักไว้ก่อนเมื่อนึกขึ้นได้ “ว่าแต่ไอ้เทมส์ เอ่อ คุณเทมส์น่ะ จะมากี่โมง เขาได้บอกไว้ไหม?”

“น่าจะมาช่วงใกล้ๆ เริ่มงานครับ เพราะเห็นว่าคุณท่านทั้งสองเพิ่งกลับจากต่างประเทศวันนี้ เลยอาจจะต้องรอคุณท่านด้วย เพื่อที่จะได้มาพร้อมกันทั้งหมด”

“อืม น่าจะเพิ่งกลับมาพร้อมแม่ผม” ผมพยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ “ว่าแต่ทั้งหมดนี่รวมน้องชายมันด้วยรึป่าว?”

ผมถามถึงน้องชายไอ้เทมส์ที่เกือบจะลืมไปแล้วว่ามี คบกันมาเป็นสิบกว่าปีผมไม่เคยเจอมน้องมันสักครั้ง อาจจะเป็นเพราะผมไปอยู่อเมริกามานานด้วยแหละเลยไม่มีโอกาสได้เจอ ในขณะที่คุณพ่อกับคุณแม่ยังมีไปทำงานที่อเมริกาบ้างผมเลยยังพอได้เจอ แต่น้องชายไอ้เทมส์ไม่เคยได้เจอสักครั้ง เหตุผลก็คงเพราะไอ้เทมส์มันทั้งหวงทั้งห่วงน้องมันมากนั่นแหละ นี่ก็เลยเป็นสาเหตุให้ผมไม่เคยได้เจอตัวจริงของน้องชายมันสักที

“ครับ คุณนทีธัชช์ก็มาด้วย มาทั้งครอบครัวเลยครับวันนี้”

ผมพยักหน้ารับรู้อีกครั้ง “โอเค งั้นเดี๋ยวผมขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องพักข้างบนก่อน ถ้ามีปัญหาอะไรคุณโทรตามผมได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ครับ ตามสบายครับคุณคีริน”

เมื่อฝากฝังทุกอย่างเรียบร้อย ผมก็เดินออกมาจากสถานที่จัดงาน เพื่อขึ้นไปยังห้องพักด้านบนที่จองไว้ เพราะผมต้องมาทำงานแต่เช้า เลยต้องมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่ ผมเลยเปิดห้องไว้เพื่อความสะดวกจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างที่บ้านกับที่นี่

ผมขึ้นไปพักสายตาสักงีบเนื่องจากเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่างานจะเริ่มเพราะนอนไม่พอมาหลายคืน ทั้งทำงานหนักและทั้งนอนไม่หลับเพราะไม่คุ้นชินกับการไม่มีไนล์อยู่ข้างๆ ใช้เวลาไม่นานผมก็เผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน พร้อมกับความหวังที่ว่า หลังจบงานนี้แล้วผมจะได้เบาะแสและข้อมูลของไนล์จากแม่และไอ้เทมส์สักที ผมจะได้ไปตามหาหัวใจของผมคืนหลังจากอดทนรอมานานหลายวัน

แต่กลับดูเหมือนว่าผมจะได้มากกว่าที่หวังไว้มาก มากจนเกินที่จะตั้งรับได้ทัน

.

.

.

ผมแต่งตัวด้วยสูททางการสีดำสนิท สูทตัวนี้เป็นสูทมที่มาพร้อมกับเสื้อเชิ้ตสีดำที่ไนล์เป็นคนเลือกให้เพราะเขาบอกว่าเหมาะกับผม ดังนั้นผมจึงไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะหยิบมันมาใส่ในวันสำคัญแบบนี้

วันที่ผมกำลังจะประสบความสำเร็จและได้พัฒนาตัวเองไปอีกก้าว แม้มันจะเป็นแค่การเปิดตัวโครงการฯ แต่นั่นก็หมายถึงการเริ่มต้นในฐานะทายาทของทูเค คอนสตรัคชั่นเต็มตัว

ผมอยากให้ไนล์อยู่กับผมในวันนี้มาก เพราะจะว่าไปแล้วแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผมเริ่มต้นและมายืนตรงนี้ได้ก็ไนล์ทั้งนั้น ถ้าไม่มีเขาผมก็อาจจะยังเป็นไอ้ภูที่สำมะเลเทเมาและทำตัวไร้ประโยชน์อยู่ในผับในบาร์ ไม่เป็นผู้เป็นคนอย่างวันนี้ก็ได้


ต้องขอบคุณไนล์ ขอบคุณไนล์ทั้งนั้น แต่เขากลับไม่อยู่ตรงนี้ให้ผมแม้แต่จะได้กอดด้วยซ้ำ … ผมคิดถึงเขาเหลือเกิน


ผมสลัดศรีษะขับไล่ความฟุ้งซ่านและพยายามตั้งสติก่อนจะออกจากห้องและลงไปยังสถานที่จัดงานที่เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแสงสีเสียงหรือทุกสิ่งทุกอย่าง มันค่อนข้างสมบูรณ์แบบและเป็นไปตามที่ผมต้องการ ที่เหลือก็แค่รอให้แขกมาให้พร้อมและเปิดงานเท่านั้น

ตอนนี้แขกเริ่มทยอยเข้างานมาเรื่อยๆ และแล้วแขกคนสำคัญก็มาถึง มาถึงพร้อมๆ กับแสงแฟลชจากกล้องของนักข่าวสาดกระทบทั่วทั้งทางเดิน

ผมยิ้มเมื่อเห็นแม่เดินเข้ามาอย่างสดใส มีนักข่าวรุมถามนั่นนี่บ้าง แต่แม่ก็ขอตัวเดินออกมาได้อย่างเนียนๆ จนกระทั่งแม่เดินมาถึงผม แม่ส่งยิ้มกว้างอย่างมีความสุขมาให้ผม ก่อนจะอ้าแขนออกแล้วโผเข้ากอดผมแน่น

“พี่ภูของแม่” ผมยิ้มกว้างกอดตอบแม่แน่น ผมรู้ว่าแม่มีความสุขและภูมิใจในตัวผมมากแค่ไหน แม้แม่จะไม่ได้พูดออกมาก็ตาม

“เหนื่อยไหมครับ เพิ่งลงเครื่องมาก็ต้องมางานต่อเลย” แม่ดันตัวผมออกตอนที่ผมถาม ท่านยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า

“ไม่เหนื่อยเลยครับ เห็นพี่ภูในตอนนี้แล้วแม่ไม่เหนื่อยอะไรเลย” แม่โผเข้ากอดผมอีกครั้ง ให้ผมได้หัวเราะนิดหน่อยตอนถูกแม่กอด

“ขอโทษนะครับแม่ ที่ที่ผ่านมาภูทำให้แม่กังวลใจมาตลอด” ผมยิ้ม ก่อนจะพูดเต็มเสียงเพื่อให้แม่ได้สบายใจ “ต่อไปนี้ภูจะพยายามให้มากขึ้น เพื่อที่แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไปนะครับ”

“พี่ภู.. ลูก” แม่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้แต่ก็ยั้งตัวเองไว้ได้ทัน “ไม่ได้ๆ จะมาทำซึ้งตอนนี้ไม่ได้… ว่าแต่พี่ภูเตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหมครับ อย่าลืมนะพี่ภูว่าวันนี้พี่ภูต้องเปิดตัวในฐานะทายาทของอคิระไพบูลย์ด้วย พี่ภูพร้อมใช่ไหมลูก?

ผมพยักหน้า พร้อมกับสบตาแม่เพื่อให้ท่านได้มั่นใจ “พร้อมครับแม่ ภูพร้อมทุกอย่างแล้ว”

แม่ผมยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ก่อนจะชะงักนิดหน่อยเมื่อนึกขึ้นได้ “เอ้อ แม่เห็นเห็นป้าวรรณาบอกแม่ว่าพี่ภูมีเรื่องจะคุยกับแม่ เรื่องอะไรหรือลูก? สำคัญไหม? พี่ภูอยากคุยตอนนี้เลยรึป่าว ยังพอมีเวลาก่อนที่แขกจะมามากกว่านี้”

แม่สลับมาเปลี่ยนเรื่องจนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน และพอแม่ถามขึ้น ผมก็เห็นได้ว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงที่แขกกำลังทยอยมา แล้วเดี๋ยวถ้ามามากกว่านี้คงมีคนเข้ามาทักทายไม่ขาดสาย และเราแม่ลูกคงไม่มีเวลาคุยกันแน่ๆ

“ก็ค่อนข้างสำคัญครับแม่ คือภูจะถามแม่ว่า…”

แล้วคำพูดของผมก็ดูเหมือนจะถูกกลืนหายไปกับเสียงของบรรดานักข่าวที่ดูเหมือนจะฮือฮากับคนที่มาใหม่พอสมควร แม่และผมเลยหยุดบทสนทนาและมองตามสายตาของทุกคนไป ผมก็เลยได้เห็นรูปร่างสูงใหญ่ของเพื่อนสนิทที่อยู่ในชุดสูทสีดำแบบเดียวกับผมต่างกันตรงที่ไอ้เทมส์ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ยิ่งขับให้มันดูคุณชายมากขึ้น ไหนจะรอยยิ้มสุภาพที่ทำให้มันดูน่าจับตามองมากกว่าใคร

ไอ้เทมส์เดินเข้ามาพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ที่ริมฝีปากประดับด้วยรอยยิ้มใจดีทั้งคู่ ในขณะที่นักข่าวก็ยังคงสาดแสงแฟลชใส่อย่างไม่หยุดยั้ง ผมกับแม่เลยเดินออกไปเพื่อต้อนรับครอบครัวของอีกฝ่าย และเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นคนทั้งสามหยุดยืนเหมือนรอใครสักคน โดยมีไอ้เทมส์หันไปกวักมือเรียกเจ้าของชุดสูทสีเทาที่กำลังซอยเท้าเดินเข้ามาเร็วๆ อย่างน่าเอ็นดู

และถ้าผมเดา จากที่ได้ยินผู้ช่วยมันบอกมา อีกคนที่มันรออยู่ผมคิดว่าก็คงเป็นน้องชายของไอ้เทมส์มันนั่นแหละ และด้วยความที่อีกฝ่ายตัวเล็กกว่าพี่ชายเกือบครึ่งเลยทำให้ผมมองเห็นไม่ถนัด จนกระทั่งไอ้เทมส์โอบเอวและดึงน้องชายให้มายืนตรงกลาง

นาทีนั้นโลกของผมแทบหยุดหมุน ทุกอย่างแทบจะไม่อยู่ในโฟกัสสายตา เมื่อคนตรงหน้าที่ผมเห็นคือคนที่ผมตามหา คนที่ผมคิดถึง และคนที่ผมอยากเจอมาตลอดห้าวันเต็มๆ


เจ้าของใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมโตสดใส แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเศร้าบางอย่าง ริมฝีปากบางสวยที่มักจะมีรอยยื้มกว้างอยู่ตลอดเวลา .. ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนผมก็ไม่มีทางลืมได้


“ไนล์” ผมครางเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาอย่างประหลาดใจปนดีใจ ผมไม่คิดว่าจะเจอไนล์ที่นี่ เจอไนล์ได้ง่ายดายแบบนี้

แต่อีกความจริงที่กำลังตีแกสกหน้าผมนั่นก็คือ … ไนล์คือน้องชายของไอ้เทมส์


นี่มันอะไรกัน? … และสุดท้ายเหมือนจิ๊กซอว์ที่อยู่ในหัวผม ก็ค่อยๆ ต่อเข้าหากันทีละชิ้น ทีละชิ้น


ที่ไอ้เทมส์กับไนล์สนิทสนมกัน ที่ไอ้เทมส์มันดูหวงไนล์นักทุกครั้งที่ไนล์กับผมอยู่ใกล้กัน ที่ไอ้เทมส์เคยกอดเคยหอม นั่นเป็นเพราะไนล์คือน้องชายของมัน และที่ทำให้ทุกอย่างลงล็อคก็คือเรื่องเด็กผู้ชายในร้านไอศครีมเมื่อสิบปีที่แล้ว


‘ผมมานั่งรอพี่ชายครับ พี่ชายผมมาติวกับเพื่อน อีกสักพักถึงจะเลิกครับ'


และพี่ชายที่เด็กคนนั้นพูดหมายถึงไอ้เทมส์ ไอ้เทมส์ที่เป็นเพื่อนสนิทผม เราใกล้กันแค่นี้แท้ๆ แต่ทำไมผมไม่เฉลียวใจเลยสักนิด ผมไม่เคยนึกถึงความเป็นจริงในข้อนี้เลย ซึ่งถ้าผมสงสัยสักนิดเรื่องมันอาจจะไม่เลยเถิดขนาดนี้ก็ได้


‘ไนล์อยู่กับพ่อกับแม่กับพี่ชายครับ ไนล์ทำงานเพราะอยากช่วยพี่ชายแบ่งเบา’


แล้วไหนจะความเก่งภาษาอังกฤษของไนล์อีก หมือนที่ผมสงสัยไว้ไม่มีผิด ไนล์ไม่ใช่แค่อ่านออกเขียนได้ แต่ไนล์ใช้มันได้ดีด้วยซ้ำ ทั้งตอนที่อ่านเอกสารเหล่านั้นที่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าน่าจะเป็นเอกสารเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดิน และทั้งตอนที่ไนล์บอกทางให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเมื่อคราวที่ไปหัวหิน

ทุกเหตุการณ์ได้รับคำตอบ .. ไนล์ไม่ใช่เด็กที่มาจากต่างจังหวัด ไม่ใช่เด็กที่มาจากครอบครัวยากจน ไม่ใช่เด็กที่ปากกัดตีนถีบและทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินขนาดนั้น จะว่าไปมันแทบตรงกันข้ามทุกอย่างเลยด้วยซ้ำ เพราะที่จริงแล้วไนล์มาจากครอบครัวที่มีฐานะดีจัดได้ว่าเป็นลูกคุณหนูเลยด้วยซ้ำ หน้าที่การงานก็คงหนีไม่พ้นทำกับไอ้เทมส์นั่นแหละ

ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดจนผมสับสน และในความเป็นจริงแล้วผมควรจะโกรธที่ถูกไนล์จัดฉากหลอกลวงเบอร์ใหญ่ขนาดนี้ แต่ลึกๆ แล้วผมรู้ตัวเองดีว่าไม่ได้โกรธน้องขนาดนั้น ถ้าถามว่าตกใจไหม ก็ยอมรับว่ามีบ้าง แต่กับเรื่องโกรธนั้น พูดตรงๆ เลยว่าผมโกรธไม่ลง ทำไมน่ะหรอ?

ทั้งๆ ที่ไนล์มาจากครอบครัวที่มีฐานะดี อยู่บ้านมีคนห้อมล้อมคอยดูแลอาจจะเพราะเป็นคุณหนูคนเล็กของบ้าน แต่เขากลับยอมพาตัวเองมาอยู่กับผม มาลำบาก มาทำงานบ้าน ทำกับข้าวให้ผมกิน ยอมถูกผมต่อว่าและดูถูกนับครั้งไม่ถ้วน แล้วไหนจะยอมถูกผมรังแก เพราะเขามีเพียงเหตุผลเดียว เหตุผลที่บริสุทธิ์มากๆ เหตุผลที่คนอย่างผมไม่ควรจะได้รับมันด้วยซ้ำ


.. ไนล์ทำทุกอย่างลงไปเพราะรักผม เขาแทบไม่เคยร้องขอให้ผมรักตอบ อย่างเดียวที่เขาอยากได้คือเห็นผมหายดีและกลับไปเป็นพี่ภูคนเดิม


แล้วไหนจะที่ไนล์เสียสละขอมาอยู่กับผม ทั้งที่ผมน่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าคนขี้หวงน้องอย่างไอ้เทมส์ต้องไม่ยอมปล่อยน้องมาง่ายๆ แน่ๆ แต่มันยอมปล่อยไนล์มาก็คงเพราะไนล์จะมาให้ได้ และมันก็คงห้ามไม่ไหว เวลาไนล์ดื้อตาใสน่ะไม่ใช่ผมไม่เคยเห็น นั่นยิ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าไนล์ยอมแลกหลายอย่างจริงๆ กับเวลาสั้นๆ ที่เราได้อยู่ด้วยกัน

แต่สิ่งที่ผมตอบแทนน้องกลับเป็น ถ้อยคำดูถูก การบังคับขืนใจ และการทำให้น้องคิดว่าทุกอย่างที่ทำมาสูญเปล่า เพราะความหูเบาและขาดสติของผม

ความผิดที่น้องทำยังไม่ถึงครึ่งกับความผิดที่ผมก่อเลย แล้วแบบนี้ผมจะโกรธน้องลงได้ยังไงกัน

ตรงกันข้าม ยิ่งเห็นแบบนี้ผมยิ่งอยากได้น้องกลับคืนมา เพื่อที่อย่างน้อยให้ผมได้ทำอะไรดีๆ กลับไปให้น้องบ้าง หรือให้ผมได้รักน้องคืนบ้างก็ยังดี เพื่อทดแทนช่วงเวลาที่เสียไปสิบปีของเรา

“ทำไมน้องไนล์ถึง…” แม่พึมพำเบาๆ ก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมเดาว่าตอนนี้แม่คงรู้แล้วว่าผมอยากจะพูดเรื่องอะไรกับท่าน

“น้องทิ้งภูไปแล้วครับแม่.. ภูทำตัวแย่ๆ ใส่น้องจนน้องทนไม่ได้เลยทิ้งภูไป” ผมพูดเสียงสั่น ตายังคงจับจ้องที่ร่างเล็กที่กำลังยิ้มแย้ม ยิ้มแย้มแม้แววตาจะเศร้าเหลือเกิน

“พี่ภูรู้ความจริงหมดแล้วใช่ไหมลูก?” แม่ถามด้วนน้ำเสียงไม่สบายใจ ให้ผมได้พยักหน้ารับ “แล้วพี่ภูโกรธน้องรึป่าว?"

ผมยิ้มหยัน ก่อนจะตอบแม่ด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ “ภูมีสิทธิ์อะไรไปโกรธน้องล่ะครับแม่ ที่ภูทำกับน้องมันแย่ยิ่งกว่าเยอะ น้องต่างหากที่สมควรจะโกรธภู” มวลความเศร้าตีตื้นขึ้นมาจบคับอก ผมพยายามกลั้นน้ำใสไม่ให้ไหลออกมาจากตา “แม่ครับ น้องจะให้อภัยภูไหม ภูไม่อยากเสียน้องไปเลย ไม่อยากเลย”

แม่ดึงผมเข้าหาตัวก่อนจะกอดผมไว้พร้อมกับปลอบประโลม “โถ่ พี่ภู”

“แม่ แม่ต้องช่วยภูนะครับ ภูอยากได้น้องคืนมา ภูเสียน้องไปไม่ได้.. ภูรักน้องครับแม่”

ผมตัดสินใจสารภาพ แต่แปลกที่แม่กลับแค่ยิ้มท่านไม่พูดอะไร ไม่ดูแปลกใจด้วยซ้ำ ราวกับรู้อยู่แล้วว่าวันนึงผมจะตกหลุมรักไนล์เข้าเต็มเปา

“งั้นเราไปเอาน้องคืนมากัน แม่จะช่วยพี่ภูเอง…” แม่ลูบศีรษะผมเบาๆ ก่อนจะพูดอย่างอ่อนโยน “แม่ปล่อยให้พี่ภูเสียน้องไนล์ไปไม่ได้หรอก จะมีใครในโลกดีกับพี่ภู รักพี่ภูของแม่เท่าน้องไนล์ เพราะตั้งแต่มีน้องไนล์เข้ามา พี่ภูก็ดีขึ้นมาก น้องไนล์ทำเพื่อพี่ภูทุกอย่าง แม่จะปล่อยให้ลูกทำคนดีๆ แบบนี้หลุดมือไปได้ยังไงกัน”

“…” ผมพูดไม่ออก ทุกอย่างมันจุกอยู่ที่ลำคอ เมื่อพบว่าสิ่งที่แม่พูดเป็นจริงทุกอย่าง

“ต่อจากนี้ถึงเวลาที่พี่ภูต้องทำเพื่อน้องไนล์บ้างแล้วนะลูก ทำ.. เพื่อให้ได้หัวใจของตัวเองคืนมา ตกลงไหมครับ”

แม่ส่งยิ้มให้กำลังใจให้ผมต้องยิ้มตอบ ก่อนจะมองเลยไปยังร่างเล็กที่ผมเคยกอด เคยมีเขาเคียงข้างอยู่ตลอดเกือบสามเดือนที่ผ่านมา

.. ใช่ ถึงเวลาที่ผมต้องทำเพื่อน้องบ้างสักที ถึงเวลาที่ผมจะต้องเอาหัวใจของตัวเองกลับคืนมาเสียที

.

.

.

To Be Continue

-------------------------------------------

ทำได้แค่ยืนมองอะเนาะ ทำได้แค่นั้นแหละ มองวนไป วนไปเรื่อยๆ 5555555555555

ขอโทษที่มาช้านะคะ พอดีเขียนไม่ออกนิดหน่อย มันมีอะไรให้คิดนิดนึงเลยพาลให้ตื้อๆ ไปวันสองวัน แฮร่ๆ

ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ยังติดตามและไม่หายไปไหน นิยายเรื่องนี้มันอาจจะน้ำเน่าไปสักหน่อย แต่ก็อย่างที่เราเคยจั่วหัวไว้ที่บทนำ นั่นเป็นเพราะเราอยากจะลองฉีกมาเขียนอะไรแบบนี้จริงๆ เนื่องจากไม่เคยลองเขียนเลย ถ้ามันยังดูน่าเบื่อและไม่ถูกใจใครเราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ และก็ขอบคุณหลายๆ คนที่ยอมเปิดใจให้กับนิยายเรื่องนี้ของเรา ขอบคุณมากๆ ค่ะ ขอบคุณจริงๆ ^^

สุดท้ายยขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ทุกคลิก ทุกไลค์ ทุกวิว ทุกการโดเนท ขอบคุณมากๆ และหวังว่าจะอยู่ไปด้วยกันจนจบน้าาาา

แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ สักวันจันทร์อังคารเนาะ ถ้าเขียนสต็อคเสร็จเร็วกว่านั้นจะรีบมาค่าา ... รักทุกคนนะค้าบบบ <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-23 : Universe 30th)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 23-07-2020 21:47:14
แม่่่่่่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ต้องช่วยเลย ปล่อยอีพี่ภูทรมานต่อไปให้สาสม
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-23 : Universe 30th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 23-07-2020 22:13:44
โกรธก็โกรธแหละ
แต่ก็เเอบเชียร์หน่อยละกันเขาเป็นพรัเอกนิเนอะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-23 : Universe 30th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-07-2020 22:30:11
ไม่ง่ายหรอกเนาะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-23 : Universe 30th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-07-2020 22:55:40
ก็เนี้ยละหน๊า!!ลูกตัวเองก็ต้องมาก่อน เห็นแก่ตัวอยู่นะ เพราะถ้าคิดสักหน่อยว่าทำไมเขาถึงทิ้งไป แสดงว่าต้องเจอเรื่องสุดทนจริงมา ก็น่าจะไม่อยากช่วยให้ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของพวกเขาไป คุณแม่ยังรักลูกของตัวเองเลยแล้วคุณพ่อคุณแม่ของไนล์จะไม่รักลูกตัวเองมากหน่อยเหรอ 3วัน ไปง้อ กลับมาคืนดีกัน end 55555 พอจะเห็นใจแต่เมื่อย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ไนล์เจอมา เห๊อะ!! เสียใจไปเถอะไอ้พี่ภู มันยังน้อยไป ยังไม่คู่ควรเลยสักนิด อยากขำดังๆว่ะ 5555555 ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนหน้าจ้า :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-23 : Universe 30th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-07-2020 11:35:22
รอดูว่าจะง้อน้องยังไง
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-23 : Universe 30th)
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 27-07-2020 14:02:10
สงสารน้องไนล์แง้งงงง :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-30 : Universe 31st)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 30-07-2020 20:58:57
Universe 31st : ไม่เหมือนเดิม


Kirin’s Part

ผมพยายามจะเข้าหาไนล์แต่ก็มีเหตุให้มีอะไรมาขัดตลอด จนกระทั่งผมกับแม่ และไอ้เทมส์กับพ่อและแม่มันถูกเชิญขึ้นบนเวทีเพื่อเปิดโครงการฯ ร่วมกันในฐานะพันธมิตรและหุ้นส่วนสำคัญ ผมแทบจะไม่ได้สนใจอะไรเลยว่าบนเวทีพูดอะไรกัน ผมปล่อยให้เป็นหน้าที่คนอื่นพูดคุยโต้ตอบกันไป ในขณะที่ตัวเองเอาแต่จดจ้องมองน้องไม่วางตา


ผมกลัวว่าน้องจะหายไป ถ้าละสายตาไปแค่นาทีเดียว... แล้วไนล์จะหายไป


ผมมองไนล์อยู่แบบนั้นและไอ้เทมส์ก็คงสังเกตเห็น ผมเดาว่ามันคงรู้เรื่องทั้งหมดจากไนล์แล้ว เพราะจากสายตาที่มันมองผมก็ดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ หนำซ้ำยังจ้องผมตาขวางตอนที่ผมมองไนล์อีกต่างหาก

แต่ผมสนที่ไหนล่ะ เพราะถ้าผมไม่เข้าหาไนล์วันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่ หลังจากนี้ไปไอ้เทมส์ต้องหวงไนล์ไว้ไม่ให้ผมเข้าใกล้แน่ๆ...

และพอพิธีการบนเวทีจบลง โอกาสก็เป็นของผมโดยมีแม่คอยช่วย แม่กันครอบครัวไอ้เทมส์ด้วยการพยายามชวนคุย ผมเลยพุ่งตัวไปหาไนล์ที่ยืนหลบๆ อยู่แถวด้านข้าง ก็อย่างที่ผมบอก ผมจับตามองไนล์ตลอดเลยรู้ว่าน้องอยู่ตรงไหน มันเลยไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะถึงตัวน้องก่อนที่น้องจะได้ทันหนีผมเสียอีก

“ไนล์! มากับพี่มา”

ผมคว้าข้อมือเล็กไว้แน่น ในขณะที่ไนล์เองก็ได้แต่ตกใจตาโตเพราะตั้งตัวไม่ทัน กว่าน้องจะคิดได้ว่าต้องหนีผม ผมก็กึ่งจูงกึ่งบังคับให้น้องเดินมาถึงลิฟต์แล้ว

“ปล่อย! คุณจะพาผมไปไหน ปล่อยผมนะ คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!” ไนล์ทั้งดิ้นทั้งสะบัดแต่ก็สู้แรงผมไม่ได้ ผมกำข้อมือน้องแน่นไม่ยอมปล่อย แน่นพอๆ กับที่ผมจะไม่ยอมให้โอกาสนี้หลุดรอดไปเด็ดขาด

ผมกดปุ่มที่ลิฟต์ย้ำๆ ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก ผมจูงน้องเดินเข้าไปทั้งๆ ที่น้องไม่ยอมนั่นล่ะ และหลังจากประตูลิฟต์ปิด ผมก็กดไปชั้นที่ตัวเองต้องการ ชั้นที่ผมจองห้องพักเอาไว้ ไม่คิดเลยว่ามันจะมามีประโยชน์เอาตอนนี้

“เราต้องคุยกันนะไนล์” ผมพูดกับน้องด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน แม้ว่าตอนนี้ไนล์แทบจะไม่มองหน้าผมเลยก็ตาม “พี่ขอร้องนะครับ พี่รู้ว่าพี่ทำผิด…”

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ปล่อยผม!” ไนล์พยายามจะบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของผม แต่ผมไม่ยอม “ผมคืนทุกอย่างให้คุณแล้ว เราไม่มีอะไรติดค้างกัน อย่ามายุ่งกับผมอีก!”

ผมทั้งเสียใจ ทั้งเจ็บปวด นึกเข้าใจความรู้สึกของไนล์ขึ้นมาทันทีเวลาถูกผมไล่หรือพูดจาไม่ดีใส่ ทั้งที่สิ่งที่น้องพูดกับผมยังเลวร้ายไม่ได้เศษเสี้ยวที่ผมเคยพูดหรือทำใส่น้องเลยด้วยซ้ำ … ผมทำเรื่องแย่ๆ มากขนาดนั้นไปได้ยังไง

และในขณะที่ผมกำลังจะเอ่ยปากขอร้องไนล์อีกครั้ง ประตูลิฟต์ก็เปิดออกเสียก่อน ผมเลยจูงมือไนล์ไปที่ห้องพักที่อยู่ไม่ไกล ไนล์เองที่พอรู้ว่าผมจะพาไปไหน จากที่แค่พยายามจะบิดข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุมก็เริ่มดิ้นรนให้ผมปล่อย ดวงหน้าหวานซีดเผือด ตาเบิกกว้างราวกับกำลังหวาดกลัว


และผมก็รู้ดีว่าไนล์กลัวอะไร นั่นทำให้ผมโคตรรู้สึกแย่กับการกระทำที่ผ่านมาของตัวเองยิ่งกว่าเดิม


ผมทำให้ไนล์กลัว ผมทำให้ไนล์มีบาดแผลในใจที่ไม่น่าจะหายขาดได้ง่ายๆ ทั้งที่รู้ว่าน้องเจอเรื่องอะไรมา ผมก็ยังทำแย่ๆ แบบนั้นใส่น้อง นั่นทำให้ผมกลัวขึ้นมาบ้าง เป็นความกลัวที่เกาะกินอยู่ในใจ

ผมกลัวว่าไนล์จะไม่ให้อภัย ไม่ให้โอกาส ไม่ให้คนที่กำลังสำนึกผิดแบบผมได้ดูแลน้องบ้าง ดูแลน้องเหมือนที่น้องเคยดูแลผม

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่ไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว พี่แค่อยากคุยกับไนล์ อยากคุยกันแค่เราสองคน พี่รู้ว่ามันยากที่ไนล์จะเชื่อใจ แต่ไนล์เชื่อพี่หน่อยนะครับ พี่ขอร้อง”

ผมอ้อนวอนขอน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นัยน์ตากลมโตยังคงดูหวาดระแวงแต่ไนล์ไม่ดิ้นรนเท่าในคราวแรก นั่นเลยทำให้ผมพาน้องมาถึงห้องพักจนได้

หลังจากที่ปิดประตูล็อคห้องเรียบร้อย ไนล์ก็ดิ้นรนขอให้ผมปล่อยอีกครั้งและครั้งนี้ผมก็ยอมปล่อยเขาเพราะเห็นว่าเราอยู่ในพื้นที่ที่เป็นส่วนตัวมากพอแล้ว ผมมองหน้าน้องนิ่งในขณะที่น้องไม่ยอมมองผมเลยด้วยซ้ำ และที่สุดแล้วผมก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหว ผมตรงเข้าไปกอดน้อง กอดเพื่ออยากจะบอกน้องว่าผมคิดถึงเขามากแค่ไหน แม้ปฏิกริยาที่ไนล์ตอบกลับมาจะไม่ใช่ในแบบที่ผมคาดหวัง แต่ผมก็ไม่ได้ยอมแพ้ ผมยังคงกอดไนล์อยู่แบบนั้น จนในที่สุดไนล์ก็เลิกดิ้น น้องยืนเฉยๆ ให้ผมกอด ไม่หือ ไม่อือ และไม่แม้แต่จะยกมือกอดผมตอบ ซึ่งนั่นทำให้ผมเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม


เคยทำอะไรน้องไว้ ตอนนี้มันคืนสนองผมทั้งหมด เหมือนเวรกรรมตามทันยังไงไม่รู้


“พี่คิดถึง คิดถึงมากๆ ...” ผมได้แต่พร่ำบอก แต่ไนล์ก็ยังคงนิ่งเหมือนเขาไม่ได้ยินดีที่จะรับฟัง และสุดท้ายเมื่อน้องพยายามจะดันตัวออก ผมเลยต้องยอมปล่อย เพราะไม่อยากจะทำอะไรที่เป็นการฝืนใจไนล์ ให้ไนล์รู้สึกแย่กับผมอีก

“คุณมีอะไรก็พูดมา รีบๆ พูด ผมจะได้รีบๆ ไป” ไนล์พูดกับผมด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาที่เขามองมายังผมไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันเต็มไปด้วยความรักและความคิดถึงทุกทีที่เขามองหน้าผม


และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือสรรพนามที่เขาใช้เรียกผมและใช้เรียกแทนตัวเอง มันดูห่างเหินจนผมทนไม่ได้ และเผลอขอร้องออกไปอย่างตัดพ้อ

“ไนล์.. ไนล์เรียกพี่ว่าพี่ภู แล้วแทนตัวเองว่าไนล์เหมือนเดิมได้ไหม คือพี่..”

“พูดธุระของคุณมา ผมจะเรียกคุณว่ายังไงแล้วแทนตัวเองว่าอะไรมันก็เรื่องของผม” ไนล์ยังคงเย็นชาใส่ผม น้องพูดสวนออกมาทั้งที่ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ “ในเมื่อผมเคยให้แล้วคุณไม่อยากรับ ผมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทู่ซี้ให้คุณอีก”

น้องมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจและนั่นทำให้ผมเสียใจมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะผมทำอย่างที่ไนล์พูดจริงๆ

“ไนล์ พี่ขอโทษ พี่อยากขอโทษสำหรับทุกอย่าง ตอนนี้พี่รู้ความจริงหมดแล้ว พี่มันโง่เอง พี่มันโง่ที่หูเบาเชื่อคนอื่น พี่มันโง่ที่ไม่หนักแน่นพอ พี่โง่ทุกอย่าง พี่ผิดเองทุกอย่าง” ผมตรงเข้าไปจับมือเล็กๆ ของน้องไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของตัวเอง ราวกับกำลังร้องขอ “ไนล์ยกโทษให้พี่ได้ไหมครับ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม พี่ขอร้อง ไนล์ให้โอกาสพี่อีกสักครั้งนะ”

ไนล์ดึงมือออกช้าๆ น้องมองหน้าผมอย่างเย็นชา แต่ประโยคที่น้องพูดออกมากลับเย็นเยียบยิ่งกว่าสายตาที่น้องใช้มองผมอีกด้วยซ้ำ

“เราอย่ายุ่งกันอีกเลยครับ ต่างคนต่างอยู่เถอะ” น้องยังคงพูดนิ่งๆ แต่เฉือนหัวใจผมจนเหวอะหวะไปหมด “ผมผิดเองที่เข้าไปหาคุณทั้งที่คุณไม่ต้องการ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมไม่ควรแม้แต่จะเริ่มทำแบบนั้นด้วยซ้ำ .. ความรักที่คุณไม่ต้องการน่ะ มันไร้ค่าจะตายไป”

ไนล์พูดน้ำเสียงหยันๆ แววตากลมโตดูเจ็บปวดไม่น้อยที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา และนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น เมื่อนึกถึงการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง ผมละเลยความรู้สึกของไนล์ ผมละเลยหัวใจที่รักและภักดีกับผมมาตลอด ผมละเลยน้อง ละเลยทุกอย่าง แต่วันนี้ผมกลับมาร้องขอให้เราเป็นเหมือนเดิม ผมรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ผมก็อยากที่จะพยายามเพราะผมไม่อยากเสียน้องไป

“แต่ตอนนี้พี่ต้องการ” ผมมองสบเข้าไปในดวงตากลมโต เพื่อแสดงความจริงใจให้น้องเห็น “พี่รู้ว่าที่ผ่านมาผมทำตัวไม่ดีกับไนล์ ทั้งที่ไนล์ดีกับพี่ รักพี่ แต่พี่ก็ยังงี่เง่าเอาแต่หูเบาแล้วก็เชื่อคนอื่น พี่รู้ว่าการมาขอโอกาสไนล์ตอนนี้มันดูเหมือนคนหน้าด้าน แต่พี่อยากให้ไนล์รู้จริงๆ ว่าพี่เสียไนล์ไปไม่ได้ พี่ระ..”


ปังๆๆๆๆ


ผมชะงัก น้องเองก็สะดุ้งตอนได้ยินเสียงทุบประตูสลับกับเสียงเคาะประตูที่ดังอยู่หน้าห้อง จากนั้นก็ตามมาด้วยน้ำเสียงคุ้นหูที่ทั้งผมไนล์รู้ดีว่าเป็นเสียงของใคร


“ไอ้ภู!!! มึงเปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!!”


เสียงไอ้เทมส์ที่ดังลั่นอยู่หน้าห้องทำให้ผมนึกรู้ว่าเวลาของผมหมดลงแล้ว ไนล์เองก็สะบัดมือออกจากการเกาะกุมผมทันทีแล้วทำท่าจะพุ่งไปที่ประตู เพื่อเปิดให้พี่ชายของตัวเองเข้ามา จนผมต้องตามไปกอดน้องไว้จากด้านหลัง เพราะรู้ดีว่าถ้าหลังจากที่ประตูบานนี้ถูกเปิดออก โอกาสที่ผมจะได้เข้าหาไนล์ได้แบบนี้คงจะเกิดขึ้นได้ยากเต็มที

... ไอ้เทมส์ มันไม่ปล่อยให้น้องมันได้คุยกับผมง่ายๆ อีกแน่ ผมรู้นิสัยมันดี โดยเฉพาะนิสัยหวงน้องของมัน ผมรู้ตั้งแต่ยังไม่เคยเจอไนล์เลยด้วยซ้ำ และยิ่งสถานการณ์ในตอนนี้อย่าได้หวังเลยว่ามันจะใจดีกับผม ไม่มีทางแน่

“ไนล์ พี่ขอร้อง อยู่กับพี่แบบนี้ก่อน คุยกับพี่ก่อนเถอะนะ อย่าเพิ่งเปิดประตูเลย” ผมอ้อนวอนน้องพร้อมกับกอดไว้แน่น ห้าวันที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่าผมคิดถึงน้องมากแค่ไหน ตอนที่ได้เห็นหน้าน้องอีกครั้ง

“ปล่อยผม! ผมจะออกไปหาพี่เทมส์ ปล่อยย!” ไนล์ดิ้นแต่ผมก็ยังกอดน้องไว้ไม่ปล่อย

“ไอ้ภู! กูบอกให้มึงเปิดประตูไง!!! ปล่อยไนล์ออกมาเดี๋ยวนี้!!”

เสียงทุบประตูดังขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ไนล์เองก็ดึงดันที่จะให้ผมปล่อย ผมเองที่พอเห็นน้องดิ้นมากๆ เข้าก็ทำใจรั้งน้องต่อไปไม่ไหวเพราะกลัวจะทำน้องเจ็บตัวเข้า สุดท้ายผมเลยต้องยอมปล่อยไนล์ไป

และพอผมปล่อยไนล์ให้เป็นอิสระ ไนล์ก็พุ่งไปที่ประตูแล้วเปิดออกทันที พร้อมๆ กับที่ไอ้เทมส์พุ่งเข้ามากอดน้องแน่น มันมองผมด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนที่จะดันไนล์ไปข้างหลัง


ข้างหลังที่มีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่พอๆ กับผมและมัน ผู้ชายที่ผมคุ้นตามากแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน และผู้ชายคนที่ว่าก็ดึงไนล์เข้าไปโอบไว้แน่น .. ผู้ชายที่ทำให้อารมณ์หึงหวงของผมพลุ่งพล่านจนแทบติดเพดาน


ผมไม่สนสายตาที่ไอ้เทมส์มองมาสักนิด เพราะตอนนี้ผมกำลังจ้องไปที่ผู้ชายคนที่กำลังโอบไนล์ไว้ ก่อนจะพูดเสียงเย็นด้วยความไม่พอใจ

“ปล่อยไนล์ คุณมีสิทธิ์อะไรมากอด?” ผมชี้หน้าผู้ชายคนนั้น พร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาก่อนที่ไอ้เทมส์จะเดินเข้ามากั้นกลาง และเป็นมันที่ผลักไหล่ผมให้ถอยออกมา

“มึงนั่นแหละไอ้ภู มึงมีสิทธิ์อะไรที่พาน้องกูออกมาแบบนี้ ใครอนุญาตให้มึงแตะตัวน้องกูได้กัน?”

ผมตวัดสายตามองเพื่อนสนิทอย่างไม่พอใจ ผมรู้ว่ามันโกรธที่ผมทำไม่ดีกับไนล์ ผมรู้ว่ามันอยากจะด่า อยากจะอัดผมเต็มแก่แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ไหม ตอนที่มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มายืนกอดไนล์แบบนี้

“กูรู้ว่ามึงโมโห มึงไม่พอใจกู แต่ก่อนที่เราจะเคลียร์กัน มึงก็ไม่ควรให้ใครก็ไม่รู้มายืนกอดไนล์แบบนี้รึป่าววะ?”

ผมชี้มือไปที่ด้านหลังของไอ้เทมส์ แต่มันก็ไม่สนใจ มันยังจ้องผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ จ้องเหมือนกับว่าถ้าผมไม่ใช่เพื่อนมัน มันคงจับผมกระทืบจนจมดินไปแล้วตอนนี้


“ลมไม่ใช่คนอื่น สำหรับผมลมไม่ใช่คนอื่น ลมไม่เคยเป็นคนอื่น คุณต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์มาชี้หน้าลมแบบนี้”


แต่แทนที่ไอ้เทมส์จะเป็นคนตอบ เสียงใสๆ ที่คุ้นหู เสียงใสๆ ที่เคยเรียกผมว่าพี่ภูอย่างนั้น พี่ภูอย่างนี้กลับเป็นคนพูดขึ้นมาแทน แถมประโยคที่ไนล์พูดยิ่งทำให้ผมหึงหวงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และในจังหวะที่ผมหันไปมองน้อง ภาพของคืนที่ผมได้เจอไนล์ครั้งแรกหลังจากกลับจากอเมริกาก็แว่บเข้ามาในหัว ภาพคล้ายๆ กันกับแบบนี้ ภาพที่ผู้ชายคนนั้นโอบไนล์ไว้ พร้อมกับออกตัวปกป้อง


‘ไนล์!! ... คุณทำอะไร? มีสิทธิ์อะไรมากอดไนล์?’

‘อ่อ.. ลูกค้ามาตามถึงที่เลยเว้ย ท่าทางจะเด็ดจริง’


‘ผมถามว่าคุณทำอะไร คุณมาลวนลามไนล์อย่างนี้ได้ยังไง?’

‘ไปกันเถอะลม เราอยากกลับแล้ว .. นะลม.. ขอร้อง อย่ามีเรื่องกันเลย ไปกันเถอะ เราไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ’

‘ไนล์แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร มันไม่ได้ทำอะไรไนล์แน่นะ ห้ามโกหกรู้ไหม’

‘อื้อ เราไม่ได้เป็นอะไร กลับกันเถอะนะ’



และผมก็จำได้ ลม.. คือผู้ชายคนเดียวกับคืนนั้น คนที่ผมเข้าใจว่าเป็นลูกค้าของไนล์ แต่ที่จริงไม่ใช่ ลมเป็นอะไรกับไนล์ผมไม่รู้ แต่ที่ผมรู้คือผู้ชายคนนี้ชอบไนล์ของผม เขารู้สึกมากกว่าเพื่อน รู้สึกมากกว่าคนรู้จัก ไม่ว่าเขาจะรู้จักไนล์ในฐานะอะไร แต่เขาต้องรู้สึกกับไนล์มากกว่านั้นแน่ สายตาเขามันฟ้อง สายตาที่เขาใช้มองไนล์เป็นสายตาแบบเดียวกับที่ผมมองน้อง

แค่รู้สึกว่าตัวเองมาทีหลัง แค่รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยได้ปกป้องน้องแบบที่ผู้ชายคนนั้นทำ ผมก็รู้สึกพ่ายแพ้จนย่อยยับ และนี่ยังต้องมาเห็นว่าไนล์ออกตัวปกป้องผู้ชายคนนั้นต่อหน้าต่อตาอีก และเพราะอย่างนั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกหึงหวงและไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม

“ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนอื่น!! พี่ก็ไม่ใช่คนอื่นสำหรับไนล์เหมือนกัน!! ในเมื่อเราเคย..”


พลั่ก!!


ผมยังไม่ทันได้พูดจบประโยคหมัดลุ่นๆ จากเพื่อนสนิทก็กระแทกหน้าผมอย่างจัง แต่นั่นก็ยังไม่เรียกสติผมได้เท่ากับการได้เห็นน้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตากลมโต ดวงตาที่เคยสดและผมไม่อยากเห็นมันเศร้าหมองอีก แต่ครั้งนี้ผมกลับทำให้ไนล์เป็นคนร้องไห้เสียเอง

เป็นผมอีกแล้วที่ทำให้น้องเสียใจ

“ถ้าไม่ใช่ว่ามึงกับกูเป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้าไม่ใช่ว่ามึงกับกูเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็ก กูกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่ากูสามารถตัดเพื่อนกับมึงได้แน่ๆ โทษฐานที่มึงทำร้ายและทำให้น้องกูเสียใจ”

“...”

“แต่เพราะเรื่องนี้กูเองก็มีส่วนผิด น้องกูเองก็มีส่วนผิด เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนของเราจะเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่กับน้องกู กูบอกมึงไว้ตรงนี้เลยไอ้ภูว่ามึงห้ามมายุ่งกับไนล์อีก กูจะไม่ยอมให้มึงเข้ามาใกล้หรือทำให้น้องกูเสียใจอีกเด็ดขาด และหมัดเมื่อกี้ก็เพื่อให้มึงได้สำนึกว่าคำพูดหมาๆ ของมึงทำให้น้องกูต้องเสียใจมาแล้วตั้งกี่ครั้ง หวังว่ามึงคงจะคิดได้และเลิกยุ่งกับไนล์สักที”

“ไม่ กูไม่เลิกยุ่ง” ผมใช้หลังมือปาดเลือดที่มุมปาก แม้ปากผมจะแตก แต่ผมก็ไม่สนใจเลยสักนิดเพราะความเจ็บที่เกิดขึ้นเทียบเท่ากับความเจ็บที่เกิดในใจผมไม่ได้เลย

ผมเกลียดความใจร้อนของตัวเอง ผมเกลียดที่ทำทุกอย่างให้แย่ยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้นอกจากไนล์จะเสียใจเพราะคำพูดของผมแล้ว ไอ้เทมส์ยังกีดกันไม่ให้ผมเข้าใกล้น้องอีก

“มึงต้องเลิกยุ่ง เพราะกูจะให้ไนล์หมั้นกับลม” ผมช็อค ยอมรับว่าตะลึงไม่น้อยกับสิ่งที่ไอ้เทมส์พูดออกมา ก่อนจะค้านหัวชนฝา เรื่องอะไรจะมาพรากไนล์ไปจากผม ผมไม่มีวันยอมแน่ๆ

“กูไม่ยอม! มึงมีสิทธิ์อะไรจะให้น้องไปหมั้นกับคนอื่น” ผมชี้ไปที่ไอ้เด็กนั่นที่ยืนอยู่ข้างน้อง “ไนล์ไม่ได้รักมัน คนที่ไนล์รักคือกู แล้วมึงจะมาบังคับให้น้องไปคบกับมันทำไม”


ผมพูดเต็มปาก ใช่! ผมกล้าพูดเต็มเลยว่าไนล์รักผม รักผมมาสิบปี รักผมคนเดียวมาโดยตลอด ผมต่างหากที่มีสิทธิ์อย่างชอบธรรมไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ที่ตัวหรือสิทธิ์ที่หัวใจของไนล์


“หึ! มึงก็กล้าเอาเรื่องนี้มาอ้างนะไอ้ภู.. ใช่! กูไม่เถียงว่าไนล์รักมึง แต่ไนล์รักมึงแล้วยังไงในเมื่อมึงไม่ได้รักน้องกู แค่ที่มึง.. ฮึ่ย!” ดูจากท่าทางผมก็รู้ทันทีว่าไอ้เทมส์มันหมายถึงเรื่องอะไร นี่ไนล์คงจะบอกมันแล้วเรื่องระหว่างไนล์กับผม ก็ดี ให้มันรู้ก็ดี เพราะยังไงผมก็ต้องใช้เรื่องนี้มาอ้างสิทธิ์ในตัวน้องอยู่แล้ว “แค่ที่มึงทำกับน้องกู ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้อะไรมันง่ายขึ้นนะ ข้อตกลงก็คือข้อตกลง ไนล์สัญญากับกูไว้แล้ว”

ผมชะงัก รู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของเพื่อนสนิท ทั้งที่มันก็รู้ทั้งรู้ว่าผมมีอะไรเกินเลยกับน้องแล้ว ทำไมมันถึงยังดึงดันห้ามไม่ให้ผมยุ่งกับไนล์ แล้วยังจะสัญญาและข้อตกลงอะไรนั่นอีก มีเรื่องที่ผมยังไม่รู้อีกรึไง

“มึงหมายความว่ายังไงเทมส์ สัญญาอะไร ข้อตกลงอะไร” ไอ้เทมส์ยิ้มเหยียด คล้ายๆ จะสมน้ำหน้าผม ก่อนจะตอบ

“ข้อตกลงและสัญญาที่ไนล์ยอมให้ไว้ก่อนจะขอกูไปอยู่กับมึงไง กูบอกน้องไว้ว่าถ้าไปอยู่กับมึงแล้วมึงไม่รักตอบ หรือถ้าเรื่องระหว่างมึงกับไนล์ไม่ป็นไปอย่างที่ไนล์หวัง ไนล์ต้องยอมให้โอกาสลม ไนล์ต้องยอมให้ลมดูแล.. ลมที่รักไนล์มาเป็นสิบปีไม่ต่างจากที่ไนล์รักมึง”

“…” ไอ้เทมส์ว่ายาวเป็นชุด ในขณะที่ผมได้แต่อึ้งซ้ำอึ้งซ้อนพูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าไนล์จะยอมรับข้อตกลงแบบนี้กับไอ้เทมส์เพื่อให้ได้มาดูแลผม และนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดกับน้องเข้าไปใหญ่ และอีกอึ้งก็คือไอ้เด็กนั่นมันรักไนล์มานานมากเหมือนกัน และในสายตาไอ้เทมส์มันก็มีภาษีดีกว่าผมหลายเท่า เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่เคยทำให้ไนล์เสียใจอย่างที่ผมเคยทำ

และถ้าผมเป็นพี่ชายที่หวงน้องมากๆ แบบไอ้เทมส์ หากจะต้องเลือกใครมาดูแลแก้วตาดวงใจของผม ผมก็คงเลือกไอ้เด็กลมอย่างไม่มีเงื่อนไขเหมือนกัน

“เพราะฉะนั้นถ้าให้กูเลือก กูก็จะเลือกคนที่พร้อมจะรักและดูแลไนล์อย่างดีเหมือนอย่างที่ลมทำมาตลอด ไม่ใช่คนที่ขยันทำร้ายหรือทำให้ไนล์ร้องไห้แบบมึง”


แต่ผมไม่ใช่พี่ชายไนล์ และผมก็อาจจะไม่ได้ดีเด่วิเศษวิโสเท่าไอ้เด็กลม ดังนั้นผมเลยไม่จำเป็นต้องเสียสละหรือเลือกใครให้ไนล์ ผมก็คือผม ผมที่จะไม่ยอมเสียไนล์ไปให้ใครเช่นกัน


“แล้วทำไมกูต้องยอมทำตามที่มึงเลือกด้วย” ผมตอบเพื่อนสนิทอย่างยียวน เห็นมันกำหมัดแน่น มองผมตาถมึงทึงก็นึกรู้ว่ายั่วให้มันโกรธได้สำเร็จแล้ว “และต่อให้ไนล์เลือกไอ้เด็กนั่นกูก็ไม่สนอีกเหมือนกัน … อย่างที่มึงรู้ว่ากูกับน้องมึงเกินเลยกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เพราะฉะนั้นกูมีสิทธิ์ในตัวไนล์ทุกอย่าง! ไม่ว่ามึงหรือใครก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับไนล์ของกูทั้งนั้น!”

“ไอ้สัสภู! มึง!”

ไอ้เทมส์โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ผมเองก็ชักจะหงุดหงิดเพราะแค่เพื่อนกีดกันยังไม่พอ ยังต้องมาทนหึงหวงแต่ทำอะไรไม่ได้ทั้งที่ไอ้เด็กเวรนั่นกอดเมียผมแน่นแบบนี้

และพอไอ้เทมส์พุ่งเข้ามาผมเลยตั้งใจว่าจะซัดมันกลับเหมือนกัน แต่เจ้าของร่างเล็กกลับวิ่งมาขวางตรงกลาง ทำให้ทั้งผมและไอ้เทมส์ชะงัก ก่อนที่ไนล์จะวิ่งเข้าไปกอดไอ้เทมส์ไว้แน่น

“พี่เทมส์อย่าครับ พอเถอะ! กลับบ้านเรากันนะ ไนล์อยากกลับบ้านแล้ว"

ผมเองก็ชะงักค้างไปพอๆ กับไอ้เทมส์ที่ยอมหยุดทันทีที่เห็นว่าน้องเข้ามาอยู่ในรัศมีที่อาจจะโดนลูกหลงหรือได้รับบาดเจ็บถ้าเราสองคนทะเลาะต่อยตีกัน

นั่นคือสิ่งที่เรามีเหมือนกันในเวลานี้... ความรักและความเป็นห่วงที่เรามีให้ไนล์

และตอนนี้เพราะความรักที่ไอ้เทมส์มีให้ไนล์เลยทำให้มันกำลังจะทำตามที่ไนล์ร้องขอ มันกอดตอบน้องแน่น ทั้งที่จ้องหน้าผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อนั่นแหละ

“โอเคครับ กลับก็กลับ ไม่ต้องร้องไห้นะคนเก่งของพี่”

และเพราะความรักที่ผมมีให้ไนล์เหมือนกันเลยทำให้ผมทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำออกไป ยิ่งได้ยินไอ้เทมส์ปลอบเพราะไนล์กำลังร้องไห้ ผมเลยตัดสินใจทำในสิ่งที่ความรู้สึกเรียกร้อง

ผมตรงเข้าไปคว้าข้อมือเล็กของน้อง ในจังหวะที่ไอ้เทมส์ปล่อยน้องออกจากอ้อมกอดพอดี เพราะมันกำลังจะพาน้องกลับบ้านตามที่น้องขอ ไนล์เลยหันมาตามแรงดึงและมองหน้าผมด้วยสายตาโกรธเคือง

“ไนล์ พี่ขอร้อง.. พี่เสียไนล์ไปไม่ได้จริงๆ พี่ขอโอกาสจากไนล์สักครั้งได้ไหมครับ” ผมร้องขอน้องด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนหวังจะให้ไนล์เห็นใจ


“สามเดือน..” น้องพูดเสียงสั่นตอนมองหน้าผม น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วกลับมาคลอหน่วยอีกครั้ง ทำเอาใจผมเจ็บไปหมด “สามเดือนที่อยู่ด้วยกันมา นั่นแหละครับโอกาส .. โอกาสทั้งของคุณและของผม แต่คุณกลับไม่เคยเห็นค่าและให้ความสำคัญ”

“…” ผมเงียบ ความรู้สึกผิดท่วมท้นในหัวใจ

“ทั้งที่ผมพยายามทุกอย่าง ผมไม่ได้คาดหวังให้คุณมารักผมด้วยซ้ำ แต่ทำไม... ฮึก ทำไมคุณต้องทำร้ายผมขนาดนี้ด้วย” น้ำใสๆ ไหลอาบแก้มน้อง

“พี่.. พี่” ผมพูดอะไรไม่ออก นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินน้องพูดออกมาแบบนี้

“คุณไม่รักผม ผมไม่ว่า แต่คุณกลับดุผม ต่อว่าผม ดูถูกผมสารพัด ความดีและความรักที่ผมมีให้คุณตลอดสามเดือนมันไม่เพียงพอเลยสักนิด เมื่อเทียบกับคำพูดของผู้หญิงคนนั้นแค่ประโยคเดียว”

ไนล์ยังคงร้องไห้ ในขณะที่มือผมที่รั้งน้องไว้ก็อ่อนแรงลงทุกที

“พี่ขอโทษ.. พี่ขอโทษนะไนล์” ผมพึมพำคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา เสียงที่เคยทุ้มแน่นกลับแผ่วลงเรื่อยๆ เพราะความรู้สึกผิด และแม้จะอยากพูดอะไรมากกกว่านี้ผมก็กลับคิดว่าไม่มีคำไหนเลยที่เหมาะจะพูดกับน้องเท่ากับคำนี้


คำว่าผมขอโทษ และผมเสียใจ ต่อให้อยากบอกรักน้องแค่ไหนผมก็คิดว่ามันคงไม่เหมาะและดีพอที่จะบอกน้องในเวลาแบบนี้


“พอเถอะครับ ถ้าคุณรู้สึกผิดที่ทำไม่ดีกับผม ผมยินดียกโทษให้” ผมยิ้มออกมาอย่างยินดีเมื่อได้ยินน้องพูดแบบนี้ แต่แล้วก็ต้องหน้าเสีย พอได้ยินประโยคถัดมา “แล้วก็กลับไปหาผู้หญิงคนนั้นของคุณเสียเถอะครับ ในเมื่อคุณลืมเธอไม่เคยได้ และรักเธอมาก ระหว่างเราก็ให้จบลงแค่นี้แล้วกัน”

“ไม่! ไม่ใช่นะไนล์!” ผมส่ายหน้าไม่ยอมรับการตัดสินใจของน้องทันทีเมื่อได้ยินน้องพูดจบประโยค ผมยึดข้อมือน้องไว้อีกครั้ง และก็น่าแปลกที่ครั้งนี้ไอ้เทมส์ไม่ได้เข้ามาขวางหรือห้ามอะไร แต่ผมก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว นอกจากได้ปรับความเข้าใจกับไนล์

“…” น้องไม่ตอบรับคำปฏิเสธของผม แต่กลับจ้องหน้าผมนิ่งด้วยสายตาอ่านไม่ออก

“มันก็จริงที่พี่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ แต่มันไม่ใช่แค่นั้นนะไนล์…” ผมยังพูดไม่ทันจบ ก็เจอน้องสะบัดมืออกจากการเกาะกุมก่อน

“พอเถอะครับ พอได้แล้ว ผมไม่อยากฟัง” ไนล์หันหน้าหนีผม ก่อนจะถูกไอ้เทมส์ดึงเข้าไปกอด “กลับกันเถอะครับ”

ไอ้เทมส์ปรายตามามองผมเล็กน้อยตอนที่จะพาไนล์ออกเดิน และผมก็ได้รู้ว่าทำไมมันไม่เข้ามาขวางตอนที่ผมกับน้องกำลังคุยกัน… เพราะมันจะปล่อยให้ไนล์เป็นคนพูดเอง ให้ไนล์ปฏิเสธผมด้วยตัวเอง มันรู้นิสัยน้อง มันรู้ว่าไนล์จะยืนหยัดในความคิดตัวเองเวลาที่ดื้อมากๆ ไนล์จะฟังหัวใจและความรู้สึกของตัวเองมากที่สุดเมื่อตั้งใจแล้ว

และความตั้งใจในตอนนี้ของก็น้องคือการตีตัวออกห่างผม ซึ่งไนล์ก็จะทำมันให้สำเร็จจนได้ เหมือนตอนที่ไนล์อยากเข้ามาอยู่ในชีวิตผมนั่นแหละ

พอรู้ผมก็เริ่มร้อนรน ยิ่งเห็นไอ้เทมส์ส่งไนล์ให้ไอ้เด็กชื่อลมประคองผมยิ่งทนไม่ได้ เลยตัดสินใจจะพุ่งเข้าไปหาน้องอีกรอบ แต่เสียงใสๆ ที่ดังขึ้นกลับตรึงเท้าทั้งสองข้างของผมให้หยุดนิ่งได้ชะงัด


“ตอนนี้ผมไม่ได้เกลียดคุณ แต่ถ้าคุณอยากให้ผมเกลียดจะลองตามผมมาก็ได้นะครับ”


และเพราะคำพูดประโยคนั้นของไนล์เลยทำให้ผมได้แต่ยืนนิ่งๆ และมองไอ้เด็กชื่อลมประคองไนล์เดินออกไป แม้จะไม่อยากปล่อย แต่เพราะรู้ดีว้าตัวเองได้ทำโอกาสที่ดีและเหมาะสมที่สุดหลุดลอยไปแล้ว ผมก็คงต้องยอมถอยออกมาก่อนเพราะถ้าขืนดันทุรังมากๆ อาจจะทำให้ไนล์โกรธและเรื่องราวมันอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้

สุดท้ายผมเลยได้แต่ยืนมองแผ่นหลังเล็กๆ ที่กำลังก้าวห่างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแผ่นหลังเล็กๆ นั้นพ้นและลับตาออกไปจากห้องพร้อมๆ กับเสียงประตูที่ปิดลง ความรู้สึกหนึ่งก็เกิดขึ้นมาในหัวของผม


‘ไนล์ได้แต่มองผมและเห็นผมด้วยมุมแบบนี้ตลอด เขามักจะเดินตามหลัง ไม่เคยมาเดินข้างๆ เพราะเจียมตัวกับความรักของตัวเสมอ เลยได้แต่แอบมองผมอยู่แบบนี้ … แล้วจากนี้ทำไมผมจะมองไนล์ด้วยมุมแบบนี้บ้างไม่ได้’


ในเมื่อผมไม่ได้มีโอกาสพูดว่ารัก ผมก็จะแสดงให้ไนล์เห็นเองว่าผมรักเขามากขนาดไหน ผมจะไม่ยอมแพ้ ในเมื่อไนล์ยังไม่เคยหยุดรักผมแม้จะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม ผมจะทำทุกอย่างจนกว่าไนล์จะยกโทษให้และยอมกลับมารักผมเหมือมเดิม ไม่ว่าจะยากลำยากแค่ไหนก็ตาม

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-23 : Universe 30th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 30-07-2020 21:03:33
(ต่อจากด้านบน)


“เป็นยังไงบ้างพี่ภู ได้คุยกับน้องไหม น้องหายโกรธรึยัง?”

แม่ผมตามขึ้นมาที่ห้องพักบนโรงแรมหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านเข้ามานั่งข้างๆ ผมที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียงพร้อมกับกอดผมไว้แน่น

“น้องโกรธภูมากเลยครับแม่” ผมพูดพร้อมกับปล่อยให้น้ำตาไหล ผมไม่รู้จะฝืนทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าบุพการีที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เกิดไปทำไม ในเมื่อตอนนี้ข้างในผมทั้งเจ็บปวด ทั้งอ่อนแอ ราวกับนี่ไม่ใช่ตัวผมเอง “แต่ก็สมควรแล้วที่น้องจะไม่ยอมให้อภัย ภูทำตัวเองทั้งนั้น ภูทำร้ายน้อง ทำให้น้องเสียใจ กว่าภูจะรู้ตัว รู้ความจริง ทุกอย่างก็สายไปหมด”

“โถ่.. พี่ภูลูกแม่” แม่กอดผมแน่น ท่านดูลังเลอยู่พักหนึ่งแต่สุดท้ายก็ถามออกมา “ว่าแต่พี่ภูรู้ทุกเรื่องหมดแล้วใช่ไหมครับ? เรื่องที่น้องเป็นเด็กคนเดียวกับเด็กในร้านไอศครีมเมื่อสิบปีที่แล้ว ลูกก็รู้ใช่ไหม?”

“ภูรู้ครับ ก่อนน้องไปน้องทิ้งของแทนใจที่ภูเคยให้น้องไว้ที่ป้ามล” ภาพวันนั้นย้อนกลับเข้ามาในช่วงอีกครั้ง “และเพราะของพวกนั้นก็เลยทำให้ภูจำน้องได้ หึ! อยู่กันมาเกือบสามเดือนแต่ภูไม่ระแคะระคายอะไรเลย ก็สมควรแล้วที่น้องจะทิ้งภูไป”

“แล้วพี่ภูรู้ความจริงแบบนี้แล้ว พี่ภูไม่โกรธน้องเลยหรอลูก” แม่ถามให้ผมได้ยิ้มบางๆ กับตัวเอง

“ไม่เลยครับ” ผมตอบพลางยิ้มให้แม่เพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง “ถ้าเทียบกับเรื่องที่น้องทำเพื่อภู เรื่องที่น้องโกหกดูเล็กน้อยมากๆ อีกอย่างเหตุผลที่น้องโกหกนั่นก็เพราะน้องพยายามเข้ามาดูแลภู รักษาภู น้องหวังดีกับภูทั้งนั้นแล้วภูจะโกรธน้องได้ไงครับแม่”

“ดีแล้วลูกที่คิดได้แบบนั้น” แม่ลูบแก้มผมเบาๆ อย่างปลอบประโลม “แม่เองก็ผิดที่แอบช่วยเหลือน้องไนล์แบบนั้น แต่เพราะแม่รู้ว่าน้องไนล์จะทำให้พี่ภูดีขึ้นได้จริง แม่เลยต้องลองเสี่ยงเผื่อน้องไนล์จะทำให้แม่ได้ลูกคนเดิมกลับมาเร็วๆ และน้องไนล์ก็ทำได้จริงๆ”

“ทำไมแม่ถึงมั่นใจครับ ว่าไนล์จะทำให้ภูดีขึ้นได้” ผมถามแม่อย่างสงสัย “แค่เพราะแม่รู้ว่าไนล์คือเด็กคนเดียวกับเด็กในร้านไอศครีมเมื่อสิบปีที่แล้วงั้นหรอครับ”

“ใช่จ้ะ” แม่ตอบยิ้มๆ “แค่แม่รู้ว่าน้องไนล์เป็นคนๆ เดียวกับเด็กคนนั้นแม่ก็ปักใจยอมช่วยน้องทันที เพราะแม่รู้ว่าลึกๆ แล้วสายสัมพันธ์ของน้องกับพี่ภูยังอยู่ตรงนั้น เราสองคนเคยแคร์และห่วงกันมาก ต่อให้ช่วงแรกพี่ภูต่อต้านน้องยังไง แต่สุดท้ายไอ้สายสัมพันธ์ที่แม่ว่าเนี่ยจะทำให้พี่ภูเปิดใจรับน้องไนล์เอง”

“แม่..” ผมนึกทึ่งที่แม่มองออกขนาดนั้น

“ไม่ต้องมาอึ้ง” แม่หัวเราะเบาๆ “แม่จำสภาพพี่ภูก่อนบินไปอเมริกาได้ติดตา ทั้งงอแง ทั้งดื้อกับแม่ โทษแม่ทุกวันที่เป็นคนทำให้พี่ภูคลาดที่จะเจอกับน้อง เพราะแบบนั้นแม่ถึงได้รู้ไงว่าน้องน่ะสำคัญกับพี่ภูมาก ต่อให้สมองพี่ภูลืมน้องไป แต่ใจกับความรู้สึกของพี่ภูน่ะไม่มีทางลืมหรอก แม่เชื่อแบบนั้น


และก็เป็นแบบที่แม่บอกจริงๆ เพราะสุดท้ายผมก็ตกหลุมรักน้องโดยที่ผมเองแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ


“ทีนี้พี่ภูต้องเล่าให้แม่ฟังบ้างแล้วล่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องไนล์ถึงหนีกลับบ้านก่อนกำหนดสามเดือน แม่จำได้ว่ายังไม่ถึงเวลานี่”

ผมมองหน้าแม่พร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมด ทั้งเรื่องที่ผมเข้าใจผิดไนล์กับไอ้เทมส์ เรื่องคุณรัน ไล่มาจนถึงเรื่องจีน แม่ฟังไปตีผมไป บ่นผมไปจนหูชา จนหลังเจ็บไปหมด ผมก็นั่งนิ่งปล่อยให้แม่ตีเพราะรู้ว่าตัวเองทำผิดจริง แต่เรื่องที่ทำให้ผมโดนแม่ทั้งตีทั้งหยิกหนักที่สุดก็หนีไม่พ้นเรื่องที่ผมขืนใจน้องนั่นแหละ แม้หลังๆ น้องจะเต็มใจไหลไปตามอารมณ์ก็เถอะ

“ก็.. ประมาณนี้แปละครับแม่ เรื่องทั้งหมด”

แม่ผมเอามือพัดโบกตรงหน้าตัวเองคล้ายกับกำลังเรียกลม พร้อมกับพึมพำว่า ‘ตายแล้วพี่ภู ตายแล้วๆๆ’  ไม่หยุด โดยมีผมคอยโบกเรียกลมช่วยแม่อีกแรงเป็นการไถ่โทษ

“โอย แม่จะเป็นลม ไปรังแกลูกเค้าขนาดนั้นได้ยังไงห๊ะพี่ภู เกิดพ่อแม่ของน้องแล้วก็พี่เทมส์เอาเรื่องขึ้นมาจะทำยังไงห๊ะเนี่ย?” แล้วแม่ก็ระดมตีสลับกับฟาดผมอีก ผมก็นั่งนิ่งปล่อยให้แม่ทำโทษ และพอแม่ตีจนเหนื่อยผมก็เอ่ยปากขอร้อง

“คุณพ่อกับคุณแม่น้องน่าจะยังไม่รู้ แต่ถ้าพวกท่านรู้แล้วจะเอาเรื่องภูก็ยอมให้เอาเรื่อง ภูตั้งใจจะรับผิดชอบน้องจริงๆ นะครับแม่ ส่วนไอ้เทมส์น่ะน่าจะรู้แล้ว ผมเดาว่าน้องคงเป็นคนบอกมันเอง ปัญหามันก็เลยอยู่ตรงนี้” ผมถอนหายใจ ในขณะที่แม่ตั้งใจฟังมากๆ

“….” แม่เงียบไม่ได้ออกความเห็นอะไร แต่ผมรู้ว่าท่านกำลังใช้ความคิด

“ไอ้เทมส์มันกีดกันภู ไม่ให้ภูเข้าใกล้น้อง แค่น้องโกรธไม่ยอมยกโทษให้ก็ลำบากมากพอแล้วนะครับแม่ นี่ยังจะพ่วงไอ้เทมส์ขึ้นมาอีกคน ชาตินี้ภูจะง้อน้องได้รึป่าวก็ไม่รู้… แม่ค้าบ ภูไม่มีใครแล้ว แม่ช่วยภูหน่อยนะครับนะ”

ผมอ้อนวอนแม่ ใช้ลูกอ้อนที่ไม่ได้ใช้มานาน ทั้งทำเสียงสองเสียงสาม ทั้งใช้มือเขย่าแขนแม่ไม่หยุด ผมรู้ว่าแม่ชอบเด็กขี้อ้อน ซึ่งนิสัยของผมก็คงไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่วันนี้ผมยอมทำเพราะหวังจะให้แม่ช่วย ดังนั้นมันเลยไม่แปลกสักนิดที่แม่ผมจะทั้งรักทั้งเอ็นดูไนล์ เพราะเวลาไนล์อ้อนน่ะน่ารักน้อยที่ไหน และผมก็ต้องหันมาสนใจเมื่อแม่ที่นิ่งมานานเริ่มออกปากพูด

“เรื่องพี่เทมส์เดี๋ยวแม่จัดการเอง” น้ำเสียงของแม่แม้จะดูราบเรียบแต่ก็แฝงไว้ด้วยความจริงจัง “ในเมื่อตอนแรกน้องไนล์เป็นคนเข้าหาพี่ภูก่อน ตอนนี้ได้เวลาที่พี่ภูจะต้องเป็นฝ่ายเข้าหาน้องบ้าง”

“….” ผมเงียบเพื่อจะรอฟังว่าแม่จะให้ผมทำอะไร ท่านหันมามองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

“พี่ภูต้องพาน้องกลับมาหาแม่ให้ได้ เพราะลูกสะใภ้ต้องเป็นน้องไนล์คนเดียวเท่านั้น คนอื่นแม่ไม่เอา”

ผมยิ้มกว้าง และบอกกับตัวเองว่าผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกขอความช่วยเหลือจากแม่ ขอแค่แม่จัดการไอ้เทมส์ให้ผมได้ ส่วนเรื่องน้องผมจะเดินหน้าง้อขอคืนดีเต็มกำลังเอง

.

.

.


Nateetouch’s Part

ผมพยายามสลัดภาพพี่ภูเมื่อคืนออกไปจากหัว แต่มันก็ทำไม่ง่ายขนาดนั้น

ภาพตอนที่เขาขอโทษผมซ้ำๆ ภาพตอนที่เขาขอร้องขอโอกาส ภาพตอนที่เขาสวมกอดผม ถ้อยคำที่เขาบอกผมว่าคิดถึง สัมผัสอบอุ่นที่ยังเหมือนตกค้างอยู่บนร่างกายไม่ได้หายไปไหน ทำให้ผมลืมเขาไม่ลงหนักกว่าเดิม


โดยเฉพาะสรรพนามที่เขาเรียกแทนตัวเองซ้ำๆ ว่า พี่ ชื่อของผมที่ออกจากริมฝีปากของเขาอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน

คำว่า ‘ไนล์’ ที่ผมรอจะได้ยินมาเป็นสิบปีและก็เป็นคืนเมื่อวานที่พี่ภูเพิ่งได้ทำให้ผม … ทำไมเขาต้องมาเริ่มอะไรๆ ในวันสายไปแล้วด้วย


และที่ร้ายไปกว่านั้นคือผมเกือบใจอ่อนยกโทษให้เขาหลายต่อหลายครั้ง ถึงแม้ผมจะมีท่าทีเย็นชา ดูไม่แยแส ไล่เขาไปให้พ้นได้โดยที่ไม่ต้องมองหน้า แต่ลึกๆ ผมกลับรู้ตัวดีว่ายังรักเขามาก แต่ที่ผมยังคงฝืนทนไม่เผลอให้อภัยเขาได้นั่นเพราะผมยังเจ็บ เจ็บมากเกินกว่าจะยอมทำร้ายตัวเองโดยการกลับไปคืนดีกับเขา และให้เขาทำร้ายผมอีกได้ เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้นอีก เรื่องของผมกับเขาได้จบลงจริงๆ แน่ๆ … จบลงโดยที่ไม่มีวันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก

ผมนั่งลงบนปลายเตียงในห้องนอนเพราะเพิ่งแต่งตัวเสร็จ หลังจากที่ผมกลับมาอยู่บ้านผมก็พักอยู่แค่วันสองวัน จากนั้นก็กลับไปช่วยงานพี่เทมส์ที่ออฟฟิศ ผมค่อนข้างโหมงานหนักพอสมควรเพียงเพราะไม่อยากฟุ้งซ่าน ไม่อยากจมอยู่กับความเศร้าและความเสียใจแต่ลำพัง ผมเลยต้องเข้าออฟฟิศ พยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด แม้พี่เทมส์จะไม่ค่อยอยากให้ผมออกไปทำงานเท่าไหร่ แต่พี่เทมส์ก็ขัดผมไม่ค่อยได้หรอก


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงประตูห้องดังขัดความคิดผม ผมเลยเดินเอื่อยเฉื่อยไปเปิด นึกรู้ว่าเป็นใครแม้ว่าจะยังไม่ทันเห็นก็ตาม

“ไนล์ ไปทำงานไหวไหม? หรือวันนี้อยากจะพักสักวัน” พี่เทมส์เอ่ยถามอย่างอ่อนโยน เขายกมือขึ้นลูบหางตาผมเบาๆ มันค่อนข้างจะบวมและช้ำเพราะเมื่อคืนผมนอนร้องไห้เกือบทั้งคืนจนผมหลับไป

“ไหวครับ ไนล์ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย จะมีก็แค่เพลียๆ” ผมว่าพลางยิ้มบางๆ “วันนี้มีคุยกับลูกค้าด้วย ถ้าไนล์ไม่ไปมีหวังต้องให้พี่เทมส์เหมาคนเดียวแน่ๆ”

ผมพูดพลางเดินไปหยิบเอกสารแล้วชวนพี่เทมส์ออกจากห้องเพราะได้เวลาต้องออกไปทำงานแล้ว

“ไนล์ กินข้าวก่อนค่อยออก ยังพอมีเวลาเหลือ” พี่เทมส์ดุ เมื่อเห็นว่าผมทำเนียนจะไม่กินอะไร ผมแกล้งย่นจมูกใส่ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยิ้มอ้อนให้พี่เทมส์ต้องหลุดหัวเราะ

“สายแล้วครับ เดี๋ยวไนล์เอาแซนวิชไปกินในรถดีกว่า เห็นว่าวันนี้พี่เทมส์มีงานเช้าไม่ใช่หรอครับ” พี่เทมส์พยักหน้ารับ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ป้าบัวถือกล่องแซนวิชมาให้ผมพอดี

ผมกล่าวขอบคุณพร้อมกับรับกล่องมาจากมือป้าบัว หลังจากนั้นก็กอดแกเบาๆ แล้วเดินออกมาขึ้นรถพร้อมพี่เทมส์ เพราะผมจะอาศัยรถพี่เทมส์ไป ไม่ได้รอคุณพ่อคุณแม่เพราะเห็นว่าพวกท่านน่าจะเหนื่อยจากการเดินทางเมื่อวาน เลยปล่อยให้พักผ่อนไปก่อน

“วันนี้แม่ของไอ้ภูบอกจะเข้ามาตอนเช้าน่ะ พอดีเมื่อวานไม่ได้คุยกันเลยหลังจากงานเปิดตัวจบ”

พี่เทมส์พูดเรื่อยๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่เราต่างคนต่างรู้ดีว่ามันไม่ปกติ เพราะตั้งแต่ผมหันหลังให้พี่ภูมา มีแค่วันนั้นวันเดียวที่เราคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ และก็เป็นผมนี่แหละที่เลี่ยงไม่พูดถึงอีก แม้กระทั่งงานเปิดตัวโครงการเมื่อคืน ถ้าไม่ติดว่าจะกลัวคุณพ่อกับคุณแม่จะสงสัยผมก็คงไม่ไปหรอก ซึ่งพอไปแล้วก็เกิดเรื่องจนได้ ทั้งที่พี่เทมส์เลี่ยงพี่ภูมาได้เป็นอาทิตย์เขาไม่เข้าไปทำงานเลย เพราะรู้ดีว่าต้องทะเลาะกับพี่ภูแน่ๆ เลยส่งผู้ช่วยไปทำงานแทน แต่ผมก็รู้ดีว่ามันเลี่ยงได้ไม่ตลอดไป ยังไงเราก็ต้องโคจรมาเจอกันสักวัน ก็ทำให้มันเป็นปกติไป ตอนนี้พี่ภูมีคุณจีนแล้วเขาคงไม่มายุ่งกับผมแล้วแหละ เมื่อคืนเขาแค่อาจจะอยากขอโทษ เพราะคงเพิ่งรู้ความจริงเรื่องที่ผมเป็นพี่น้องกับพี่เทมส์แล้วรู้สึกผิดก็ได้

“อืม ต้องรันโปรเจ็คฯ ต่อนี่ครับ สงสัยคงมาคุยเรื่องแผนคร่าวๆ” ผมพูดออกไป นึกโล่งใจที่มีแค่คุณแม่ไม่ได้มีพี่ภูมาด้วย “เดี๋ยวถ้าคุณมะ.. อ่า คุณป้ามาถึงพี่เทมส์โทรบอกไนล์ด้วยนะครับ ไนล์จะแวะไปสวัสดีท่าน”

“เดี๋ยวไนล์ไปนั่งอยู่ห้องพี่เลยก็ได้ คิดว่าคุณแม่คงมาแต่เช้าแหละ จะได้ไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมา”

“ครับ” ผมตอบรับ ในใจพยายามไม่คิดอะไร แต่สังหรณ์ลึกๆ มันเตือนผมแปลกๆ ยังไงไม่รู้

และเพราะเช้านี้รถไม่ติดมาก ผมกับพี่เทมส์เลยมาถึงออฟฟิศเช้ากว่าที่คิด พอจอดรถเสร็จเราก็ขึ้นไปยังชั้นที่มีห้องทำงานของผมกับพี่เทมส์อยู่ แต่ถึงแม้จะอยู่ชั้นเดียวกัน ห้องเราทั้งคู่ก็ห่างกันพอสมควร ผมเลยตัดสินใจไปนั่งรอเพื่อทักทายคุณแม่ของพี่ภูที่ห้องพี่เทมส์ เพราะจะได้ไม่ต้องเดินกลับมาอีกรอบ

และหลังจากนั่งรอได้ไม่นาน เลขาฯ ของพี่เทมส์ก็เข้ามาแจ้งว่าแม่พี่ภูเดินทางมาถึงแล้ว ผมลุกขึ้นต้อนรับจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องทำงานของพี่เทมส์เปิดออก ร่างเพรียวบางที่แม้จะอายุแตะเลขห้าแล้วแต่ยังคงคล่องแคล่ว ก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่ผมเห็นแล้วยังต้องยิ้มตาม

“สวัสดีครับแม่” พี่เทมส์ทัก พร้อมยกมือไหว้

“สวัสดีครับคุณป้า” ผมเองก็ทักท่านพร้อมยกมือไหว้แต่ตัดสินใจเปลี่ยนสรรพนามเพราะคิดว่าเรียกแบบเดิมคงไม่เหมาะเท่าไหร่

“สวัสดีค่ะพี่เทมส์น้องไนล์” คุณแม่เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ท่านเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย เลยทำให้ผมกับพี่เทมส์ได้เห็นว่ามีอีกบุคคลที่เดินตามคุณแม่เข้ามา


และการปรากฎตัวของบุคคลที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเจอที่นี่ก็ทำให้ทั้งผมกับพี่เทมส์ยืนนิ่ง พูดอะไรไม่ออก โดยเฉพาะผมที่ถึงกับตกใจจนเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวจนขาติดกับโซฟาที่เพิ่งลุกขึ้นมา


“แม่จะมาฝากฝังพนักงานสักคน.. คือแม่คิดว่าจะส่งพี่ภูให้มาทำงานที่นี่กับพี่เทมส์เพราะยังไงโปรเจ็คมิกซ์ยูสมันก็ต้องรันต่ออยู่แล้ว ร่วมงานด้วยกันเสียที่นี่จะได้สะดวก ยังไงแม่ฝากพี่ภูไว้สักคนนะลูกนะ”


“สวัสดีไนล์ นี่พี่นะ พี่ภูเอง” เขาเรียกผม และยิ้มให้ผม เป็นอีกครั้งที่เขาใช้น้ำเสียงแบบเมื่อคืนในการเรียกชื่อผม


ผมพยายามประมวลผลคำพูดของคุณแม่ช้าๆ ซึ่งมันก็เข้าใจไม่ยากเท่าไหร่ .. พี่ภูจะมาทำงานที่นี่ ที่เดียวกับผม

แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ เขาจะทำแบบนี้ไปทำไมกัน? เขาทำไปเพื่ออะไรกันแน่? คิดให้ตายยังไงผมก็ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจสักนิดเลย…

.

.

.

To Be Continue

--------------------------------------------------

ยังคงเหมียนหมาต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าดิชุ้นจะพอใจ.. ซึ่งยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ 5555555555555

ขอโทษที่มาช้านะคะ พักนี้มันหลายเรื่องนิดหน่อย ยังไงจะพยายามมาให้ได้ภายในต้นอาทิตย์หน้านะคะ แต่ยังไม่รับปาก ยังไงชอบไม่ชอบเม้นท์ได้ไว้เลยนะคะ เราจะพยายามปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น คิดว่าอาจะเขียนจบเร็วๆ นี้ แล้วถ้าเขียนจบแล้วจะมาแจ้ง อาจจะลงได้ถี่หน่อยหลังจากปั่นจบ ยังไงฝากเป็นกำลังใจให้กันด้วยน้าา สักคนละคอมเม้นท์ก็ยังดี

ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคอมเม้นท์และกำลังใจนะคะ ทุกคลิก ทุกวิว ทุกการโดเนท ทำให้นิยายเรื่องนี้มาไกลได้ถึงขนาดนี้ ขอบคุณทุกๆ คนมากๆ เลยยย ขอบคุถณมากๆ ขอบคุณจริงๆ จ้าาา

ยังไงไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าเนาะ มีอะไรเม้นท์ทิ้งไว้ได้เลยค้าบบบ ... รักจ้า ^^
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-30 : Universe 31st)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 30-07-2020 21:28:56
ติดตามอยู่นะคับ :mew1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-30 : Universe 31st)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-07-2020 21:56:45
หึ! มาทำงาน? มาคอยหวงก้างสิไม่ว่า พอเห็นเขาจะไปไหนทำอะไรกับใครคอยแต่จะเข้าไปขัด อ้างเพราะเขาเคยเสียตัวให้ตลอดสินะ ตามง้อตามตื้อแบบน่ารำคาญๆ เห๊อะ! นั่นก็รักมาก ไม่นานหรอก ก็ใจอ่อน หึ! พี่เทมทำดีปกป้องน้อง  :katai2-1: ขอบคุณค่าที่มาต่อ รอตอนต่อไปเลย อยากจะรู้ว่าจะเห็นใจอิพี่ภูได้ไหม  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-30 : Universe 31st)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-07-2020 21:57:15
หึหึ จัดให้หนัก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-30 : Universe 31st)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 30-07-2020 22:11:10
โกรธแต่ก็เชียร์แหละ5555
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-30 : Universe 31st)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-07-2020 23:36:49
สมน้ำหน้าอีพี่ภู
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-30 : Universe 31st)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 31-07-2020 11:20:48
รู้สึกสงสารลมขึ้นมาทันที เพราะไม่ได้มีโอกาสอะไรกับเขาเลยซักนิด ช่วงเวลานี้เดี๋ยวพี่ภูก็ตีตื้นขึ้นมาได้
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-07-30 : Universe 31st)
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 01-08-2020 03:00:35
มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกกค่ะะะ คนนิสัยไม่ดีต้องถูกลงโทษ :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-06 : Universe 32nd)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 06-08-2020 22:10:47
Universe 32nd : ง้อ


แล้วชีวิตทำงานที่เคยสงบของผมก็ไม่น่าจะสงบอีกต่อไป เมื่อพี่ภูที่คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้จะเกิดมาขอมีออฟฟิศที่นี่ ที่บริษัทของครอบครัวผม ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะยังไงเขากับพี่เทมส์ก็ต้องทำงานร่วมกัน ขนาดพี่เทมส์เองก็ยังมีออฟฟิศชั่วคราวอยู่ที่บริษัทของครอบครัวพี่ภูเลย แต่พี่เทมส์ก็ยังคงเทียวไปเทียวมาไง ไม่ได้จะมาปักหลักแบบนี้

และดูเหมือนเหตุการณ์จะยิ่งไปกันใหญ่เมื่อพ่อกับแม่ของผมดันมาถึงในจังหวะที่พี่เทมส์กับคุณแม่ของพี่ภูกำลังหารือกันอยู่พอดีว่าจะหาห้องไหนให้พี่ภูนั่ง เพราะที่ชั้นนี้มันเป็นชั้นผู้บริหาร ห้องทำงานก็มีแต่ของพ่อ ของแม่ ของพี่เทมส์และของผม สามห้องแรกน่ะไม่สะดวกแน่ๆ เพราะอาจต้องใช้ต้อนรับแขกหรือคุยงานสำคัญ พ่อกับแม่ของผมก็เลยเสนอให้พี่ภูใช้ห้องแชร์กับผมแทน เพราะถ้าจะว่ากันแล้วในบรรดาทั้งสี่ห้อง จะมีก็แต่ห้องของผมนี่แหละที่ใหญ่ที่สุดเนื่องจากผมแบ่งส่วนนึงไว้เป็นพื้นที่ในการคุยงานกับลูกค้าหรือประชุม ก็เลยเป็นเหตุให้ทุกอย่างมันอิรุงตุงนังหนักกว่าเดิม

“อ้าว สวัสดีครับคุณครินยา มาทำอะไรแต่เช้าครับนี่” พ่อผมร้องทักคุณแม่ของพี่ภู ตอนที่เดินเข้ามาในห้องของพี่เทมส์แล้วเห็น โดยมีแม่ของผมยิ้มและค้อมศีรษะทักทายอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน

“สวัสดีค่ะคุณอธิปัตย์ คุณนีราภา พอดีดิฉันพาพี่ภูมาหารือเรื่องโปรเจ็คฯ ร่วมของบริษัทเรา เห็นว่าต้องร่วมงานกันอีกพักใหญ่ เลยจะมาขอออฟฟิศชั่วคราวที่นี่ให้พี่ภูสักหน่อย เวลาคุยงานกับพี่เทมส์จะได้สะดวก”

“อื้ม เอาสิครับ ผมว่าก็ดีนะ” คุณพ่อผมเห็นด้วย ก่อนที่จะหันไปถามคุณแม่ “คุณ.. ชั้นนี้เรามีห้องว่างไหมหาให้ตาภูสักห้องสิ”

“อืม.. ที่จริงพี่ภูใช้ห้องรวมกับน้องไนล์ก็ได้นะลูก เพราะห้องน้องไนล์จะใหญ่หน่อย เดี๋ยวยังไงแม่ให้คนยกโต๊ะทำงานเข้าไปให้ แล้วเอาโต๊ะที่น้องไนล์ไว้ใช้รับลูกค้าออกมาไว้ห้องประชุมเล็ก น่าจะไม่มีปัญหานะ"

คุณแม่ผมเสนอ โดยมีพี่ภูนั่งอมยิ้มในขณะที่ผมได้แต่กรีดร้องในใจว่า 'ไม่ได้ๆๆ'

“แต่เทมส์ว่าให้ไอ้ภูใช้ห้องประชุมเล็กก็ได้นะแม่ จะได้ไม่ต้องยกโต๊ะเข้าโต๊ะออก” ผมพยักหน้าเห็นด้วยคอแทบหลุดตอนได้ยินพี่เทมส์ช่วยพูด แต่คุณแม่พี่ภูกลับไม่เห็นด้วย

“แม่ว่าใช้ห้องน้องไนล์ก็ดีนะคะ ห้องประชุมเล็กมันน่าจะใหญ่ไป พี่ภูใช้แค่โต๊ะทำงานตัวเดียวเท่านั้นเอง ใช่ไหมลูก?”

“ครับแม่ ภูใช้แค่โต๊ะทำงาน” พี่ภูตอบคุณแม่ของตัวเอง ก่อนจะหันมาหาแม่ของผม “แต่ภูกลัวจะรบกวนน้อง ไม่แน่ใจว่าน้องจะสะดวกให้ภูแชร์ห้องด้วยรึป่าวน่ะครับคุณแม่”

ผมถลึงตาใส่อีกฝ่ายตอนเขาแสร้งทำหน้าน่าสงสารใส่แม่ของผม และไม่ทันที่ผมจะได้ห้ามตัวเอง ผมก็เผลอพึมพำออกไปอย่างลืมตัว คิดว่าจะไม่มีใครได้ยินแต่ก็ไม่ เพราะเสียงที่ออกไปมันดังพอสมควร

“ถ้ารู้ตัวว่าจะรบกวนก็ไม่ต้องมาใช้สิ”

“น้องไนล์ ไม่เอาลูก ไม่น่ารักนะ พี่เขามาทำงานให้เขาแชร์ห้องด้วยหน่อยจะเป็นไรไป” และก็เป็นทันทีเหมือนกันที่คุณแม่ปรามผมเสียงจริงจัง “ขอโทษพี่เขาก่อนเร็ว”

ผมยู่หน้าด้วยความหงุดหงิดปนไม่พอใจ เพราะพี่ภูทำให้ผมถูกแม่ดุ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ขัดคำสั่งของแม่ไม่ได้อยู่ดี เลยยกมือขึ้นพุ่มไหว้แนบอก แล้วพูดแแบบไม่มองหน้าอีกฝ่าย “ผมขอโทษครับ”

พี่ภูยิ้มอ่อนโยนให้ผม ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้แล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะผมเบาๆ ตอนผมไม่ทันตั้งตัว “ไม่เป็นไรครับ”

ผมถอยออกห่างทันที พลางมองพี่ภูตาขวางด้วยความไม่ชอบใจ เมื่อเห็นเขาฉวยโอกาส ในขณะที่พี่ภูเอาแต่แอบอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีตะบึงตะบอนของผม

“งั้นเอาตามที่แม่เขาบอกละกันนะ เดี๋ยวพ่อจะจัดการให้คนยกโต๊ะยกอะไรเข้าไปให้”

จู่ๆ คุณพ่อก็สรุป ให้ผมกับพี่เทมส์ได้แค่มองหน้ากันอย่างไม่สบายใจแต่ทำอะไรไม่ได้

“ขอบคุณครับคุณพ่อ” ส่วนพี่ภูก็ฉลาดมากพอที่จะรวบรัด ให้ผมได้แต่คิดหนักว่าต่อไปนี้จะทำยังไงดี

.

.

.

“ถ้าคุณยังจ้องหน้าผมอยู่แบบนี้ ผมจะออกไปนั่งทำงานที่อื่น”

ผมพูดขึ้นมาหลังจากที่ผมรู้สึกมาสักพัก หลังจากที่พ่อให้คนเข้ามาจัดที่จัดทางในห้องผมเรียบร้อย พี่ภูก็เอาแต่นั่งมองหน้าผมมาเงียบๆ หลายชั่วโมงแล้ว และเป็นหลายชั่วโมงที่ผมไม่มีสมาธิเอาเสียเลย จึงได้พูดออกไปแบบนั้น

เจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ที่พอได้ยินแบบนั้นก็แทบจะเหาะมาที่โต๊ะผมทันที เขามายืนโน้มตัวอยู่ข้างเก้าอี้ทำงานผม โดยหมุนเก้าอี้ให้หันไปทางเขา แล้วก็ก้มลงเท้ามือลงบนที่วางแขนทั้งสองข้าง กักผมไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างเอาแต่ใจ


“พี่ก็แค่คิดถึง คิดถึงมากๆ” แม้การกระทำเขาจะดูคุกคาม แต่น้ำเสียงและสายตาของพี่ภูนั้นกลับตรงกันข้าม เขาพูดและมองผมอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน “หนึ่งอาทิตย์ที่ไม่มีไนล์ พี่ไม่มีความสุขเลย พี่อยากให้ไนล์รู้ว่าคิดถึงไนล์จริงๆ”


“ถอยออกไปครับ แล้วก็ปล่อยผมด้วย ผมจะทำงาน” ผมพูดเสียงแข็ง และเลี่ยงที่จะมองสายตาคู่นั้น คู่ที่มักจะทำให้ผมใจอ่อนเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร แต่ตอนนี้ผมไม่อยากเจ็บอีกแล้ว ผมเหนื่อยที่จะต้องไขว่คว้ากับความรักที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่าสักที

“พี่รู้ว่าไนล์โกรธ เพราะพี่ทำเรื่องแย่ๆ กับไนล์ไว้มาก” พี่ภูยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอีกนิด ในขณะที่ผมได้แต่เบี่ยงหน้าและถอยหลังหนี ซึ่งก็หนีต่อไม่ได้แล้ว เพราะเท่าที่นั่งหลังติดเบาะตอนนี้ก็ทำเอาผมแทบจะจมหายไปในเก้าอี้อยู่แล้ว “ไนล์ยังไม่ต้องหายโกรธพี่ตอนนี้ก็ได้ พี่ยินดีจะง้อไนล์ พี่ยินดีที่จะทำตัวดีๆ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ขออย่างเดียวขอให้ไนล์ให้โอกาสพี่... ได้ไหมครับ?”

ผมหันกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายทันทีเมื่อได้ยินคำถามนั้น ซึ่งก็พบว่ามันเป็นความผิดมหัต์ เพราะหน้าของเราใกล้กันมากเกินไป ใกล้จนริมฝีปากผมเผลอเฉียดริมฝีปากของพี่ภูเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังตั้งใจจะพูดในสิ่งที่อยากพูดอยู่ดี

“ผมว่า ผมพูด.. อุ๊บ”

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจนจบประโยค พี่ภูก็ก้มลงมาประทับริมฝีปากตัวเองลงไปบนอวัยวะเดียวกันกับของผม ให้ผมได้ตาแต่ตาเหลือกด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าพี่ภูจะทำแบบนี้


แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นจูบที่ผมคุ้นเคย จูบที่อ่อนโยนแผ่วเบา ถึงแม้จะไม่ได้รุกล้ำแต่อบอุ่นในความรู้สึก


ผมพยายามใช้มือเล็กๆ ของตัวเองดันไหล่พี่ภูออก แต่พี่ภูกลับไม่ยอมขยับ เขาขบเม้มริมฝีปากผมเบาๆ ราวกับจะอยากถ่ายทอดความรู้สึกของเขาให้ผมได้รับรู้ ... แต่ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นในตอนนี้

พี่ภูแช่จูบอยู่อย่างนั้นก่อนจะยอมละริมฝีปากออก แต่แล้วก็ก้มลงมาจูบใหม่และครั้งนี้มันก็รุกเร้ายิ่งกว่าเดิม

“อื้อ…” ผมร้องประท้วง ซึ่งพี่ภูก็บอกเอาแต่จับไหล่ผมที่ดิ้นน้อยๆ ไว้นิ่งๆ และสุดท้ายเขาก็ยอมผละออกในที่สุด ก่อนจะลากจมูกของตัวเองไปคลอเคลียที่แก้มของผม โดยที่ผมไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามือของผมที่กำอยู่บนเสื้อสูทของพี่ภูคลายออกและกลายเป็นวางแปะบนบ่าอีกฝ่ายไว้แทน

“คิดถึง พี่คิดถึงไนล์มากๆ เลยครับ” พี่ภูกระซิบบอกผมซ้ำๆ ผมเคลิบเคลิ้มล่องลอยไปกับสัมผัสที่พี่ภูมอบให้ จนเสียงโทรศัพท์มือถือแผดร้องขึ้นผมถึงได้สติ


Rrrr


“ปล่อย!” ผมผลักพี่ภูออก หน้าตาตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หนำซ้ำยังปล่อยให้เขาจูบอยู่นานสองนาน “ทีหลังอย่าทำแบบนี้กับผมอีก! ไม่สิ! อย่ามาใกล้ผมอีกนั่นแหละดีที่สุด!!”

“ไนล์ พี่ไม่..” ผมหมุนตัวหนี ไม่ฟังเขาพูดต่อให้จบแต่กลับฉวยโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงลั่นมาแนบหูแทน และพยายามไม่สนใจคนที่มองหน้าผมตาแทบไม่กะพริบ

ผมมองหน้าจอ พอเห็นชื่อคนโทรเข้ามาแล้วก็ต้องถอนหายใจโล่งอก เพราะคงไม่มีแก่ใจรับสายลูกค้าตอนนี้แน่

“ว่าไงลม” ผมทักปลายสาย และก็รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่ถูกส่งตรงมาจากคนข้างๆ ที่ยังคงยืนอยู่ข้างเก้าอี้ทำงานผมไม่ไปไหน

(กลางวันนี้จะชวนไปกินข้าว ไปด้วยกันไหม งานยุ่งรึป่าว?)

ผมทบทวนตารางงานในใจ เมื่อพบว่าไม่ได้ติดอะไรเลยรับปากอีกฝ่าย “เอาสิ ไม่ได้ยุ่งอะไรหรอก ลมจะมารับเรา หรือให้เราออกไปเจอที่ร้านอาหารเลยดี”

(เดี๋ยวลมไปรับไปดีกว่า เมื่อกี้คุยงานกับพี่เทมส์ พี่เทมส์บอกว่าไนล์มากับเขานี่ ไม่ได้เอารถมาไม่ใช่หรอ?)

“อืม.. จริงด้วย” ผมนึกได้ว่าเมื่อเช้าออกมาพร้อมพี่ชาย “งั้นลมมาสักสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้วกันนะ”

(ได้ครับ ไว้เจอกันนะ) ลมรับคำเสียงใสก่อนจะวางสายไป

และพอผมหันมามองคนที่เพิ่งมาขอแชร์ห้องทำงานยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่ข้างๆ ผมก็เลยเตรียมลุกขึ้นจะเดินหนี ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ต่างคนต่างอยู่น่ะดีที่สุด

แต่ทันทีที่ผมลุกขึ้นยืน พี่ภูก็รวบตัวผมเข้าไปกอดจากด้านหลัง เขากอดผมไว้แน่น แถมยังจูบผมที่ต้นคอย้ำๆ ให้ผมได้แต่ดิ้นหนีอย่างไร้ทางสู้

“คุณคีริน! คุณทำแบบนี้กับผมอีกแล้วนะ! ในสายตาคุณผมเป็นอะไรกันแน่ ผมไม่มีค่าถึงขั้นที่คุณจะทำอะไรก็ได้งั้นหรอ? คุณนึกจะกอดผมคุณก็กอด นึกจะจูบผมก็จูบ หรือผมมันก็แค่ผู้ชายอย่างว่าที่คุณคิดจะทำอะไรก็ได้ใช่ไหม?”

ผมตวาดเขาดังลั่น ความคับแค้นใจ น้อยใจ ผลักให้ผมระเบิดใส่พี่ภูอย่างไม่มีเหตุผล พี่ภูดูตกใจมากกับอาการที่ผมแสดงออก เขารีบปล่อยผมจากอ้อมกอด แต่ยังยึดข้อทั้งสองข้างของผมไว้แน่น สีหน้าของพี่ภูเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาละล่ำลักพูดกับผมแทบไม่เป็นภาษา

“ไนล์ ไม่ใช่แบบนั้นนะ พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น พี่แค่หึง... แค่หวง พี่ไม่ได้คิดดูถูกไนล์แบบนั้นเลย ที่พี่กอดพี่จูบเป็นเพราะพี่อยากให้ไนล์จำแค่พี่ พี่มันก็แค่คนเห็นแก่ตัว.. ที่ไม่อยากเสียไนล์ไปให้ใคร พี่ขอโทษที่ทำให้ไนล์เข้าใจผิด ขอโทษนะครับ”

ผมสะบัดมือให้พี่ภูปล่อย เขาก็เลยต้องปล่อยผมอย่างจำยอม สายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของเขาที่มองมายังผม ทำให้ผมต้องทนใจแข็งและบือนหน้าหนี

“คุณไม่มีสิทธิ์หวงผม เพราะผมไม่ใช่สมบัติของคุณและเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมจะไปไหนกับใครมันก็เรื่องของผมและคุณก็ไม่ควรมาก้าวก่ายอะไรทั้งนั้นด้วย”

“ทำไมเราจะไม่ได้เป็นอะไรกันฮะไนล์ ไนล์แน่ใจหรอว่าไนล์ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่?” ผมสัมผัสได้ว่าพี่ภูกำลังโกรธและนั่นทำให้ผมนึกกลัวเมื่อภาพเหตุการณ์ในโรงแรมหวนเข้ามา “ไนล์รู้ดีแก่ใจว่าเราเป็นอะไรกัน และอย่างที่พี่เคยยืนยันนั่นก็คือพี่จะไม่มีวันยอมเสียไนล์ไปให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น!”

“คุณมาพูดแบบนี้ทำไม คุณเป็นคนไล่ผมออกมาแท้ๆ ผมก็หลีกทางให้คุณกับผู้หญิงที่คุณรักและไม่เคยลืมมาตลอดแล้วไง ละทำไมคุณถึงกลับมาหาผม มาทำแบบนี้กับผมอีก .. จะใจร้ายกับผมไปถึงไหนกัน ..ฮึก”

ผมที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอด ต้องปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่ไหว ผมทั้งสับสนทั้งไม่เข้าใจกับท่าทีของพี่ภู ไม่เข้าใจว่าเขาจะเอายังไงกับผมกันแน่

และพอพี่ภูเห็นผมร้องไห้ ท่าทีของเขาก็อ่อนลง เขาเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมแผ่วเบา ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้ โน้มหน้าลงมาแตะหน้าผากชนกับหน้าผากผม

“ไม่ร้องไห้นะครับเด็กดี พี่ผิดเอง ทุกอย่างเป็นความผิดของพี่เอง .. พี่อยากให้ไนล์รู้ว่าพี่ไม่ได้กลับไปเกี่ยวข้องอะไรกับจีนอีกแล้ว ไนล์อยากให้พี่ทำอะไรเพื่อที่ไนล์จะยกโทษให้ พี่ยินดีทำทุกอย่าง พี่ยอมทำเพื่อไนล์ทุกอย่าง เชื่อพี่สักครั้งนะครับเด็กดี”

“ฮึก..”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ผมไม่ได้ตอบอะไร และเอาแต่ยืนร้องไห้อยู่แบบนั้นเพราะความสับสน จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมจึงผลักเขาออกก่อนที่จะเช็ดหน้าเช็ดตาและอนุญาตให้คนที่อยู่ข้างนอกเข้ามา

“เชิญครับ”

เลขาฯ ของพี่เทมส์เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม พลางหันไปทางพี่ภู “คุณคีรินคะ คุณนทีบดีเชิญให้ไปพบที่ห้องค่ะ ให้ดิฉันแจ้งคุณคีรินว่ามีเรื่องจะปรึกษา”

ผมหันหลังให้ทั้งคู่เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเอง อีกอย่างก็ไม่อยากให้เลขาฯ พี่เทมส์เห็นด้วยว่าผมเพิ่งร้องไห้

“ได้ครับ เดี๋ยวผมตามไป” พี่ภูบอกกับเลขาฯ พี่เทมส์ ซึ่งเธอก็ค้อมศีรษะแล้วเดินออกไปหลังจากเสร็จหน้าที่ พี่ภูเลยเดินกลับมาหาผม พร้อมทั้งยกมือเช็ดน้ำตาที่ยังคลออยู่ที่หางตาออกให้ แม้ผมจะพยายามเบี่ยงหน้าหนีก็ตาม

“เดี๋ยวพี่กลับมา ไนล์รอพี่ที่นี่ก่อนนะครับ” ผมไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ให้พี่ภูต้องถอนหายใจก่อนเดินออกไป

และทันที่ที่เสียงประตูงับปิดลง ผมก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง และปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเพราะผมไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าพี่ภูจะกลับมาทำไม เขาจะเริ่มเรื่องที่มันจบไปแล้วเพื่ออะไรอีก เขาชอบทำเหมือนจะรักผม แต่ไม่เคยพูดจริงๆ จังๆ เลยสักครั้งว่าเขารักหรือรู้สึกยังไง

ผมไม่อยากคิดอะไรไปเองอีก ผมยอมรับว่าผมเข็ดขยาด เพราะก่อนหน้าผมมั่นใจว่าความรู้สึกของเราน่าจะตรงกัน แล้วเป็นยังไง สุดท้ายก็มีแค่ผมที่คิดไปคนเดียว พี่ภูยังคงแคร์แต่คุณจีน เชื่อแต่คุณจีน รักแต่คุณจีน จนผมต้องเจ็บช้ำและต้องพาตัวเองออกมา พอผมออกมา พอผมยินดีที่จะปล่อยเขาไปเขากลับเข้ามาขอโอกาส เข้ามาวนเวียนในชีวิตผมอีก ตกลงเขาจะเอายังไงกับผมกันแน่ ผมพูดตรงๆ ว่าผมคิดไม่ออกเลยและไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ต่อไปดี

.

.

.

Kirin’s Part


ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของเพื่อนสนิท และนึกรู้ได้ในทีนทีว่ามันไม่ได้มีเรื่องงานอะไรจะคุยกับผมหรอก เรื่องที่มันจะคุยคือเรื่องของไนล์ต่างหาก

“กลับออฟฟิศมึงไปซะ แล้วก็เลิกยุ่งกับน้องกูด้วย” ไอ้เทมส์พูดขึ้นทันทีที่ประตูห้องปิดลง

นั่นไง.. ผิดจากที่ผมคิดไว้ที่ไหนล่ะ และแน่นอนผมก็มีคำตอบของตัวเองเหมือนกัน

“ไม่ กูจะอยู่ที่นี่ จนกว่าไนล์จะใจอ่อนและยอมยกโทษให้”

ไอ้เทมส์หันมามองหน้าผมอย่างไม่พอใจแววตามันแค้นเคีองแบบไม่คิดปิดบัง “กูว่ากูบอกมึงไปแล้วนะภู ว่ากูจะไม่ยอมให้มึงเข้าใกล้น้องกูอีก .. เลิกทำร้ายไนล์ได้แล้ว ก่อนที่กูจะตัดเพื่อนกับมึงจริงๆ”

“มึงจะตัดมึงก็ตัด แต่มึงไม่มีสิทธิ์มาห้ามให้กูเลิกยุ่งกับไนล์” ผมพูดขึ้นบ้างอย่างโมโห “กูรู้ว่ากูผิด กูรู้ว่ากูทำไม่ดีกับไนล์ไว้มาก นี่กูก็สำนึกกับการกระทำของตัวเอง เลยมาหน้าด้านขอให้น้องมึงให้โอกาสกูนี่ไง แล้วมึงจะมาขัดขวางเพื่ออะไรวะ?”

“หึ! มึงถามว่าได้ว่าเพื่ออะไร นี่มึงไม่รู้จริงๆ หรือมึงแกล้งไม่รู้กันแน่” ผมเงียบ เพราะอันที่จริงก็พอจะรู้ และมันก็ดูสมเหตุสมผลดีถ้าไอ้เทมส์จะโกรธผมจริงๆ

“เทมส์ กูขอร้อง ให้โอกาสกูสักครั้งได้ไหมวะ ให้กูได้พิสูจน์ตัวเองหน่อยว่ากูรู้สึกผิดจริงๆ กูอยากเริ่มต้นใหม่กับไนล์ กูอยากได้น้องคืนมาจริงๆ นะเทมส์” ผมตัดสินใจร้องขอมันตรงๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่ง่ายก็เถอะ

“ถ้ามึงกลับมาหาน้องกูเพราะรู้สึกผิด มึงก็กลับไปเถอะภูไนล์ไม่ได้โกรธอะไรมึงหรอก ไม่ต้องมาขอโทษหรือพยายามทำอะไร ขอแค่ต่างคนต่างอยู่ไม่ต้องมายุ่งเกี่นวกันก็พอ กูไม่อยากให้มึงขุดคุ้ยให้น้องกูเสียใจอีก ถ้ามึงจะอยากแค่ขอให้ไนล์อภัยกับเรื่องที่แล้วมา”


“ถ้ากูแค่อยากจะขอโทษ กูจะลงทุนทำขนาดนี้เพื่ออะไรวะเทมส์” ผมโพล่งออกมาในที่สุด “กูรักน้องมึงจะตายห่าอยู่แล้ว มึงดูไม่ออกรึไงวะ กูแม่ง.. โคตรโง่ที่เพิ่งมารู้ตัวตอนเสียไนล์ไป กูอยู่ไม่ได้หรอกนะถ้าไม่มีน้องมึง”


ผมสารภาพออกมาจนหมด ไอ้เทมส์ดูอึ้งไปเหมือนกัน แต่มันก็ตั้งสติได้ก่อนจะถามผมออกมาเรียบๆ

“แล้วจีนล่ะ? มึงเอาจีนไปไว้ที่ไหน ที่ไนล์ยอมแพ้และกลับมาก็เพราะจีน เพราะมึงเอาแต่เชื่อคำพูดของจีน แถมมึงยัง…” ไอ้ทมส์ไม่พูดต่อแต่กำมือแน่น เท่านั้นผมก็รู้แล้วว่ามันหมายถึงเรื่องไหน

“กูหึงมึงกับไนล์” ไอ้เทมส์หันมองทันทีที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น “เรื่องนี้มึงโทษกูไม่ได้นะเทมส์ กูไม่รู้ว่ามึงกับไนล์เป็นพี่น้องกัน กูเห็นมึงใกล้ชิดไนล์ กอดไนล์ จูบหน้าผากไนล์ แถมให้เงินไนล์ มึงจะไม่ให้กูโมโหจนเป็นบ้าได้ยังไงวะ?”

ไอ้เทมส์ดูแปลกใจเมื่อได้ยินเรื่องราวจากทางฝั่งของผมบ้าง ผมรู้ว่าที่ไนล์เล่าให้มันฟังไนล์ไม่ได้โกหกหรอก เพียงแต่ไนล์ไม่ได้รับรู้ในส่วนอื่นๆ เพราะฉะนั้นไอ้เทมส์จะโกรธผมมากก็คงไม่แปลก

“แต่มึงก็ควรฟังไนล์อธิบายบ้างไหมวะ?” ไอ้เทมส์แย้ง “เงินนั่นกูเสนอให้จีนยืม เพื่อให้จีนไปจากมึงซึ่งจีนก็ยินดีรับ ตอนแรกกูนึกว่าจีนจะมาเอาเองแต่สุดท้ายก็เป็นไนล์ กูไม่ได้คิดอะไรมากก็เลยให้ไป ไม่คิดว่ามึงจะมาเห็น”

ผมถอนหายใจ นึกสมเพชความโง่งมของตัวเองที่ถูกจีนปั่นจนหัวหมุน ก่อนจะนึกถามในสิ่งที่ผมสงสัยอีกอย่าง

“จีนบอกว่าไนล์กับมึงนัดกันที่นั่น ประจวบกับกูไปเห็นมึงกับไนล์เพิ่งลงมาจากห้องพักข้างบน…”

“เดี๋ยว ห้องพักข้างบนอะไร?” ผมยังถามไม่ทันจบ เทมส์ก็ถามขึ้นมาก่อน “กูเจอไนล์ที่เลาจน์ข้างบน ไม่ได้จองห้องอะไรเลย”

ผมหน้าเสีย ไม่รู้เลยว่าตัวเองเข้าใจผิดทั้งหมดแบบยกใหญ่ “กูคิดว่าเลาจน์มีแค่ข้างล่าง พอเห็นมึงลงมาจากข้างบนกับน้องกูเลย…”

“จีนเป็นคนนัดให้กูเจอไนล์ที่เลาจน์ข้างบน” ไอ้เทมส์ถอนหายใจ “นี่แสดงว่าจีนวางแผนทั้งหมดเลยสินะ ให้มึงเข้าใจผิดใหญ่โตขนาดนี้เนี่ย.. กูถึงได้บอกไงว่าถ้ามึงฟังไนล์อธิบายสักนิดเรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก”

“ก็กูผิดเรื่องนี้ไง กูโดนจีนปั่นจนหัวหมุน ใส่ร้ายต่างๆ นานาว่าไนล์แอบไปหา ไปนัดเจอกับมึง แล้วยิ่งกูเป็นบ้าหึงมึงกับไนล์อยู่แล้วมันยิ่งไปกันใหญ่ พอไปเห็นเข้าก็ขาดสติ เชื่อแต่สิ่งที่ตาตัวเองเห็น คิดแต่ว่ากูจะไม่ยอมเสียไนล์ไป คิดแต่ว่ากูจะไม่ยอมให้มึงแย่งไนล์ของกูไป กูเลย… แม่ง! ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มันกำลังจะดีอยู่แล้วเชียว”

“มึงจะโทษแต่จีนก็ไม่ถูกรึป่าว อันนี้มันเป็นปัญหาของมึงเองนะภู ถ้ามึงหนักแน่นกว่านี้ ถ้ามึงไม่เอาแต่จี้ปมในใจตัวมึงเองจนหูเบา ต่อให้มีจีนสิบคนมาปั่นให้มึงเขว มึงก็ไม่คล้อยตามหรอก”

“ก็กูถึงได้บอกไงว่ากูผิดเรื่องนี้ กูไม่ควรเอาเรื่องในอดีตมาปนกับเรื่องไนล์” ผมพูดอย่างรู้สึกผิด น้ำเสียงพาลอ่อนลงเมื่อพูดถึงเจ้าของดวงหน้าหวานที่อยู่ในความคิดตอนนี้ “ไนล์น่ะ ดีกับกูมาก ดีกับกูทุกอย่าง ไม่ว่าก่อนหน้ากูจะทำอะไรแย่ๆ ใส่น้องก็ไม่เคยโกรธ แถมยังพร้อมเข้าใจกูเสมอ”

“…”

“ยิ่งกูมารู้ความจริงว่าไนล์เป็นเด็กคนเดียวกับที่กูเจอเมื่อสิบปีที่แล้ว เด็กที่กูให้สัญญานั่นนี่ไว้เต็มไปหมดแต่เสือกไม่ได้ทำสักอย่าง ในขณะที่ไนล์ทั้งยังรักและยังรอกูมาตลอด ยิ่งทำให้กูรักไนล์มากขึ้นไปอีก ไนล์ทำเพื่อกูมามาก ถึงเวลาแล้วที่กูจะทำอะไรเพื่อตอบแทนความรักของไนล์บ้าง เพราะฉะนั้นต่อให้มึงกีดกันกูยังไงกูก็ไม่ยอมแพ้หรอก .. กับไอ้เด็กนั่นด้วย กูไม่ยอมยกไนล์ให้มันแน่”

“แล้วมึงมีอะไรมาสู้ลม ลมรักไนล์มาสิบปี ลมรู้จักไนล์ดีทุกอย่าง ลมมีความทรงจำร่วมกับไนล์มากกว่ามึงเป็นร้อยๆ เรื่อง มึงคิดว่ามึงมีอะไรดีที่จะชนะลมได้วะภู” ไอ้เทมส์ถามผมหยามๆ แต่ผมก็ไม่สนใจ เพราะผมรู้ว่าผมมีในสิ่งที่ไอ้เด็กนั่นไม่มี


“ไนล์รักกู นั่นคือสิ่งที่กูมีและไอ้เด็กนั่นไม่มี เพราะถ้ามันมีมันคงมีไปนานแล้ว ไม่ต้องรอให้ถึงสิบปีหรอก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ที่กูต้องทำตอนนี้ก็คือง้อน้องให้น้องยกโทษให้ และกูก็คิดว่ากูจะทำได้ด้วยถ้ามึงไม่ขัดขวาง”


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-06 : Universe 32nd)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 06-08-2020 22:24:25
(อ่านต่อจากด้านบน)


ไอ้เทมส์มองหน้าผมแล้วยิ้มน้อยๆ ตอนที่เห็นผมมั่นอกมั่นใจเหลือเกินกับสิ่งที่เพิ่งบอกมันไป ก่อนที่มันจะแกล้งเปรยๆ ให้ผมได้ยิน

“อย่าชะล่าใจนักเลยภูว่ามึงมีความรักที่น้องกูให้ไปแล้วมึงจะชนะ” ไอ้เทมส์สบตาผมจริงจังก่อนจะพูด “เพราะลมเองก็มีความลับของน้องกูที่มึงไม่รู้เหมือนกัน และความลับนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่มากพอที่ทำให้น้องกูอาจจะตัดสินใจเลือกลมมากกว่าที่จะเลือกมึงก็ได้นะ”

ผมหน้าเสียเมื่อได้ยินเทมส์พูดแบบนั้น ก่อนจะถามออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าความลับที่ว่านั้นอาจจะสั่นคลอนความสัมพันธ์ของผมกับไนล์ได้

“ความลับเรื่องอะไร มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับไนล์ที่กูยังไม่รู้อีก”

“เสียใจด้วยว่ะ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของกูที่จะบอกมึง” ไอ้เทมส์ส่ายหน้า “ถ้ามึงอยากรู้มึงก็ไปถามไนล์เอง แต่เชื่อเถอะไนล์ไม่บอกมึงหรอก .. บางทีแค่กลับมาง้อน้องกูอาจจะไม่พอนะภู มีอีกหลายอย่างที่มึงต้องทำ อย่างน้อยๆ ก็หาความลับของน้องกูให้เจอ บางทีถึงตอนนั้นมันอาจจะเป็นวิธีพิสูจน์ตัวเองให้ไนล์กับกูและคนในครอบครัวกูเห็นก็ได้นะว่ามึงเหมาะสมกับน้องกูจริงๆ”

เทมส์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และผมก็รู้ว่าต่อให้เค้นให้ตายมันก็ไม่พูดหรอก ถ้ามันไม่บอกก็คือมันไม่บอก และยิ่งถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับไนล์มันยิ่งไม่พูดแน่ๆ ผมคบกับมันมาเป็นสิบปีผมรู้ดี

“ได้ เรื่องแค่นี้กูไม่ยอมแพ้หรอก กูจะทำทุกอย่าง...ทุกทางนั่นแหละให้ไนล์กลับมาหากู มาเป็นของกูให้ได้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะชี้หน้าเพื่อนสนิท “แต่มึงเองก็ห้ามมาขัดขวางกูนะ แฟร์ๆ หน่อยเทมส์”

“หึ!” ไอ้เทมส์หัวเราะเบาๆ “เออ ได้! แฟร์ๆ กูจะไม่ขัดขวางมึง และก็จะไม่จะขัดขวางลมด้วย ไนล์มีสิทธิ์ที่จะเลือกและกูก็อยากให้น้องกูได้สิ่งที่ดีสุดไม่ว่าจะเรื่องไหน แม้แต่เรื่องคนรักก็ตาม”

“เออ แล้วแต่มึงเหอะ ตกลงว่าคุยกันเข้าใจแล้วนะ กูจะได้กลับไปง้อน้องมึงต่อ”

ผมตีสีหน้าหงุดหงิด ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่เข้าข้างผมทั้งที่เราเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ถึงอย่างนั้นการได้คุยกับไอ้เทมส์วันนี้ก็ได้ปลดล็อคอะไรในใจหลายอย่างเหมือนกัน

ไม่ใช่แค่ในฐานะที่มันเป็นพี่ชายของคนที่ผมรัก แต่ในฐานะที่มันเป็นเพื่อนรักและเพื่อนสนิทคนเดียวของผมต่างหาก

ผมเตรียมเดินออกจากห้อง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงกวนๆ ของคนมี่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อน พูดลอยตามหลังมา

“กูไม่กีดกันมึงหรอกภู แต่มึงต้องไม่ลืมนะว่ากูน่ะหวงน้องมาก หึ!”

ผมหันหลังกลับเตรียมด่ามันทันทีที่ได้ยินมันพูดแบบนั้น แต่พอเห็นมันชี้หน้าทำท่าจะเอาเรื่องผมก็ต้องหุบปากสนิท ได้แต่พึมพำเดินด่ามันออกมานอกห้อง ในใจมาดหมายมากว่าถ้าน้องยกโทษให้เมื่อไหร่ ผมจะแย่งน้องเอามาเก็บไว้คนเดียว ให้มันร้องไห้คิดถึงไนล์ให้เข็ด .. แม้ว้าผมจะไม่รู้ว่าไนล์จะหายโกรธผมตอนไหนก็เถอะ

.

.

.

Nateetouch’ s Part


หลังจากที่พี่ภูเข้ามาทำงานในออฟฟิศ เขาก็เดินหน้าทำตามที่พูดไว้ทุกอย่าง เขาทั้งง้อ ทั้งพยายามดูแลเอาใจใส่ผมทุกอย่าง อะไรที่ทำเป็นกิจวัตรพี่ภูก็ทำไมาขาดตกบกพร่อง เขาไม่เคยลืมหรือไม่ทำตามที่พูดเลยสักครี้ง อีกทั้งยังทำโดยที้ผมไม่เคยร้องขอ และแม้บางครั้งผมจะพูดแรงๆ ใส่ หรือไล่เขาๆ ก็ไม่เคยโกรธ ไม่เคยอารมณ์เสีย ไม่เคยหงุดหงิดผมเลย มีแต่ผในร่แหละที่ช่วงหลังอารมณ์แปรปรวน เอาแต่พาลใส่พี่ภู จนบางทีทำไปแล้วยังอดเอามาเก็บไปคิดรู้สึกผิดไม่ได้

พี่ภูมักจะขับรถไปรับผมที่บ้านทุกเช้า ไม่ว่าวันนั้นผมจะเอารถมาเอง ติดรถพ่อกับแม่หรือติดรถพี่เทมส์ไปทำงาน เขาก็จะขับรถไปหาผมที่บ้าน และขับออกมาพร้อมผม ซึ่งผมเคยถามว่าเขาทำไปทำไม เขาก็ไม่ตอบอะไรนอกจาก


‘พี่แค่อยากเห็นหน้าไนล์ตั้งแต่เช้าก็เท่านั้น’


แม้แต่เลิกงาน เขาก็จะขับรถไปส่ง จนเห็นว่าผมเลี้ยวรถเข้าบ้านแล้วเขาถึงจะยอมกลับไป และแม้แต่ไปประชุมข้างนอก ไปพบลูกค้า หรือไปกินข้าวกลางวันกับลม พี่ภูก็ยังคงทำแบบนี้ถ้าวันนั้นเขาไม่ได้มีงานด่วนอะไร ผมโคตรไม่เข้าใจเพราะบางครั้งเขาไปเห็นผมกับลมกินข้าวด้วยกันเขาก็จะดูหงุดหงิดอารมณ์เสีย แต่เขาก็ยังจะไป เพียงเพราะเขาอยากดูแล เขาอยากอยู่ใกล้ๆ แม้ผมจะไม่ต้องการเขาก็ตาม

แน่นอนว่าการกระทำแบบนี้ของพี่ภูไม่ใช่ว่าไม่ทำให้ผมหวั่นไหว ผมยอมรับว่าผมหวั่นไหวและมีใจอ่อนบ้าง แต่แล้วยังไง จะให้ผมเชื่อได้ยังไงว่าการกระทำของเขาทุกอย่างมันเป็นเพราะความรักไม่ใช่ความรู้สึกผิด

เพราะจนล่วงเลยมาถึงวันนี้ เดือนกว่าๆ เข้าไปแล้ว พี่ภูทำทุกอย่าง ทั้งตามรับตามส่ง ซื้ออาหารเช้ามาให้แม้ผมจะไม่กิน ตามคอยดูแลเอาใจใส่ อย่างที่ผมบอกแหละว่าพี่ภูทำทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวที่เขาไม่เคยทำเลยก็คือ


บอกผมว่าเขารักผม หรืออย่างน้อยบอกว่ารู้สึกยังไงกับผมก็ยังดี … พี่ภูไม่เคยทำมันเลย


“ไนล์ พี่ซื้อครัวซองมาฝากครับ เมื่อเช้าแวะคาเฟ่ด้านล่างแล้วเห็นเขาเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ น่ากินดี คิดว่าไนล์น่าจะชอบ”

พี่ภูพูดขึ้นตอนที่ผมเดินเข้ามาในห้อง กำลังจะเดินไปที่โต๊ะทำงาน ก็ได้เห็นถุงขนมวางอยู่บนโต๊ะ แต่ด้วยความที่วันนี้ผมหงุดหงิดอะไรไม่รู้ตั้งแต่เช้า ตื่นมาก็เวียนหัวแปลกๆ หิวก็ไม่หิว เห็นอาหารบนโต๊ะอาหารที่บ้านก็ชวนคลื่นไส้ไปหมด และพอมาได้ยินว่าพี่ภูซื้อครัวซองมาฝาก ผมก็เกิดอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเสียดื้อๆ ก็เลยพาลพูดจาไม่ดีใส่อีกฝ่าย โดยที่ผมแทบไม่ทันจะรู้ตัวเหมือนกัน

“ไม่กินครับ ผมไม่หิว” ผมพูดเสียงแข็งและพี่ภูเองก็คงเห็นถึงความผิดปกติ เขาเลยลุกขึ้นมาจากโต๊ะตัวเอง เดินมาหาผมและทาบมือลงบนหน้าผากผมอย่างห่วงใย

“ไม่สบายหรอครับ ทำไมไม่หิวล่ะ? ฝืนกินสักหน่อยดีไหม เดี๋ยวพี่ไปหายามาให้ กินขนมปังรองท้องแล้วจะได้กินยา”

ผมชักสีหน้าเมื่อถูกเซ้าซี้ให้กินทั้งที่ไม่หิว ผมเวียนหัวแล้วก็หงุดหงิดมาก มันรู้สึกไม่สบายตัวแถมยังคลื่นไส้ตลอดเวลาอีก พอมาเจอพี่ภูเร้าหรือให้กิน ผมก็เลยเกิดปรี๊ดแตก

“ผมบอกว่าไม่กินก็คือไม่กินไง! คุณจะมาเซ้าซี้ผมทำไมนักหนา” ผมเผลอปัดถุงขนมที่วางอยู่ออก พี่ภูหน้าเสียไปชั่วขณะหนึ่งเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่คุ้นตาของผม แต่ถึงอย่างนั้นพี่ภูก็ใจเย็นมากพอและไม่เก็บเอามาเป็นอารมณ์เลยสักนิด

“โอเคเครับ ไม่กินก็ไม่กิน” พี่ภูพูดพร้อมกับหยิบถุงขนมออกไปเงียบๆ แววตาคมมองมายังผมด้วยความเสียใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ถือโทษโกรธผม “งั้นพี่เอาวางไว้ตรงนี้นะครับเผื่อไนล์จะหิว”

“ครับ” ผมตวัดเสียงตอบ และก็ไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าพี่ภูเอาขนมปังถุงนั้นไปวางตรงไหน

ไม่ได้เห็นแม้แต่ว่าพี่ภูเสียใจแค่ไหนที่ถูกผมตวาดไล่ แถมทำท่าทางแบบนั้นใส่เขา ทั้งที่เมื่อก่อนผมไม่เคยแม้แต้จะคิดแสดงท่าทางแบบนี้ใส่พี่ภู ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเขาเสียใจ และไม่ใช่ว่าผมจะอยากแก้แค้นอะไรเขาทั้งนั้น เพียงแต่ผมควบคุมอารมณ์และการแสดงออกของตัวเองไม่ได้ มันแปรปรวนเกินควบคุมไปหมด

เราสองคนนั่งนิ่งไม่คุยอะไรกันอีก พี่ภูไม่ได้เข้ามาพูดคุยหรือไถ่ถามอะไรผมอีก เขานั่งเงียบๆ และทำงานของตัวเองไปทั้งที่แววตาคมดูเศร้ามาจนผมรู้สึกได้ ส่วนตัวผมเองก็พยายามสงบสติอารมณ์และควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอแสดงอะไรแบบเมื่อกี้ออกมาอีก ... มันค่อนข้างแย่และผมก็ไม่ได้รู้สึกดีสักนิด

“ผม.. ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเสียงดังหรือพูดไม่ดีใส่คุณ” หลังจากผมพาตัวเองให้สงบลงได้ ผมก็เอ่ยขึ้น และแค่เพียงประโยคเดียวจากผม แววตาคมที่เคยหม่นหมองก็กลับดูดีขึ้นทันตา “ผมหงุดหงิดนิดหน่อย มันรู้สึกเหมือนไม่ค่อยสบายตัว”

ผมอ้อมแอ้มบอกอีกฝ่ายเสียงแผ่ว เพราะเมื่อได้สติความรู้สึกผิดก็ถาโถม ผมไม่ควรทำอะไรแบบนั้นออกไปเลย นั่นไม่ใช่ตัวผมสักนิด

“ไม่เป็นไรครับ พี่เองก็ผิดที่เซ้าซี้ไนล์มากเกินไป” พี่ภูยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ผม เขาลุกขึ้นยืนและเดินมาหา แต่เลือกที่จะเว้นระยะห่าง ไม่เข้าใกล้ให้ผมรู้สึกอึดอัดหรือหงุดหงิดขึ้นมาอีก “แต่ถ้าไนล์หิวยังไง ไนล์บอกพี่นะพี่จะเอาครัวซองไปอุ่นให้ ไนล์จะได้กินร้อนๆ”

“ครับ ขอบคุณครับ” ผมตอบรับแค่นั้น เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่น่าจะหิวเร็วๆ นี้แน่ พักนี้ผมทานได้น้อยมาก เห็นอะไรก็เหม็น ก็ไม่นึกอยากไปหมด วันๆ ผมเอาแต่อยากจะนอน ผมนอนมากเสียจนพี่เทมส์ยังแอบบ่นซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร

ซึ่งถ้าผมเฉลียวใจสักนิด ผมจะเดาอาการตัวเองได้ไม่ยากเลย

.

.

.

พอได้เวลาเลิกงาน อาการเวียนหัวก็กลับมาจู่โจมผมอีกครั้ง และเพราะว่าอาการมันไม่ปกติตั้งแต่เช้าวันนี้ผมเลยเลือกที่จะติดรถพี่เทมส์มา ไม่ได้ขับมาเอง ซึ่งก็เป็นโชคดีที่วันนี้พี่เทมส์เลิกงานเร็ว ผมเลยบอกเขาไปว่าอยากรีบกลับบ้านไวๆ เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ขนาดว่าลมที่โทรมานัดเพราะจะเอาผลไม้ที่ผมสั่งให้เขาซื้อมาให้ผมที่ออฟฟิศผมยังไม่อยากรอเลย ตอนนี้ผมอยากล้มตัวลงนอนมากที่สุด มากกว่าที่จะคิดเรื่องอะไรทั้งนั้น

“ไหวไหมเรา ทำไมดูหน้าซีดๆ พี่เห็นอาการไม่ดีตั้งแต่เช้าแล้ว”

พี่เทมส์ที่เดินเคียงข้างกับผมเพื่อที่จะไปขึ้นรถที่จอดอยู่ตรงโซนผู้บริหารถามขึ้นมาเครียดๆ เพราะเขารู้ว่าเวลาผมป่วย ผมมักจะป่วยเยอะและหายยาก ซึ่งตอนนี้อาการผมดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

“ไหวครับ มันก็เป็นมาสองสามวันแล้วแหละ แต่ตอนนี้ไนล์อยากนอนมากเลยพี่เทมส์ มันเวียนหัวยังไงไม่รู้”

ผมตอบพี่ชายพลางนวดขมับตัวเองเบาๆ และจากเสียงฝีเท้าที่ผมได้ยินก็ทำให้ผมนึกรู้ว่าพี่ภูกำลังเดินตามผมกับพี่เทมส์มา เขาก็คงตามไปส่งผมเหมือนกับทุกวันนั่นแหละ

พี่เทมส์ขยับมาโอบผมก่อนจะดึงเข้าหาตัว จากนั้นก็พาผมออกเดิน เขาประคองเพราะเป็นห่วงและอาจจะป้องกันไว้ก่อนเผื่อผมสะดุดนั่นนี่เดินหกล้มหกลุกไป

เราสองคนเดินไปเรื่อยๆ จนถึงรถ โดยมีพี่ภูเดินตามมาไม่ห่าง เพราะจอดรถอยู่ในโซนเดียวกัน จนกระทั่งถึงรถ พี่เทมส์ก็จับผมให้ยืนรอดีๆ ก่อนจะปลดล็อครถเพื่อให้ผมได้รีบเข้า เผื่อได้งีบสักงีบก่อนถึงบ้าน

“ไนล์ ยืนรอพี่แปปนึงนะครับ เดี๋ยวพี่ย้ายหมอนกับผ้าห่มเรามาไว้ข้างหน้าก่อน พอขึ้นรถแล้วจะได้นอนสบายๆ เพราะพอพี่ขับรถแล้วพี่เอื้อมหยิบให้เราไม่ถนัด”

ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับ ผมได้ยินเสียงพี่เทมส์เบาๆ ไกลๆ อะไรมันอื้ออึงหวีดหวิวในหูไปหมด อาการเวียนหัวทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และจู่ๆ อาการคลื่นไส้ผะอืดผะอมก็ตีตื้นขึ้นมาด้วย เมื่อได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ติดอยู่ที่หมอนพี่เทมส์ย้ายจากเบาะหลังมาเบาะหน้า ทำเอาผมยืนโงนเงนแทบตั้งตัวให้ตรงๆ ไม่ได้

ผมเกาะหลังคารถไว้แน่นไม่กล้าบอกพี่เทมส์ ไม่ใช่สิ ผมไม่รู้จะบอกยังไงมากกว่า ตอนนี้ผมเวียนหัวและอยากอาเจียนมากเลยวิ่งไปโก่งคออาเจียนใกล้ๆ กับถังขยะที่วางอยู่แถวนั้น

“อ๊อกกก”

ผมาเจียนออกมาระลอกใหญ่และมันก็ไม่มีอะไรออกเลยนอกจากน้ำกับน้ำขมๆ ในคอเพราะผมแทบจะไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน น้ำหูน้ำตาผมไหลปนมั่วไปหมด รู้สึกถึงแรงลูบหลังเบาๆ แต่แทบไม่มีแรงหันไปมองเลยว่าใครเป็นคนเรียก มีแต่เสียงคุ้นหูและผมก็รับรู้ได้ในในนาทีนั้นว่าคนที่มาถึงตัวผมตอนนี้คือพี่ภู ไม่ใช่พี่เทมส์

“ไนล์.. ไนล์เป็นไงบ้าง ไหวไหม อยากไปหาหมอไหม?”

พี่ภูถามเป็นชุด แต่ผมไม่ได้ตอบเขาเลยสักคำถาม ลึกๆ ผมก็นึกสงสัยว่าเขามาถึงตัวผมเร็วขนาดนี้ได้ยังไง ทั้งที่ถังขยะใบนี้อยู่ใกล้พี่เทมส์มากกว่าพี่ภูด้วยซ้ำ ถ้าให้เดาก็คงเพราะเขามองอยู่ตลอด พอเห็นผมผิดปกติเขาก็พุ่งเข้ามาประชิดตัวทันที

“มะ.. ไม่เป็นไครับ ผมไหว” ผมพยายามบิดตัวออกจากการโอบกอดของพี่ภู เพราะตอนนี้เขากำลังประคองผมไว้ และใช้นิ้วโป้งปาดคราบน้ำลายออกจากมุมปากผมอย่างไม่รังเกียจเมื่อผมอาเจียนเสร็จ และยืนโงนเงนจนแทบจะล้ม

“ไหวตรงไหน พี่ว่าไนล์ไม่น่าจะไหวแล้วนะ ตอนนี้หน้าไนล์ซีดมากเลยรู้ตัวรึป่าว” ผมสะอึกเมื่อได้ยินเสียงดุๆ ของพี่ภู ความน้อยใจทะลักทะลายขึ้นมาเต็มอก นึกโกรธที่จู่ๆ พี่ภูทำเสียงเข้มใส่ผมทั้งที่ผมกำลังป่วยอยู่

และแล้วน้ำใสก็พาลไหลออกมาจากตากลม เพราะน้อยใจที่ถูกพี่ภูดุและเสียงดังใส่

“ฮึก.. ฮือ คะ คุณมาดุผมทำไม ปล่อยผมเลยนะ ไม่อยากดูแลไม่อยากเป็นห่วงก็ปล่อย ฮืออ ไม่ต้องมาเสียงดังใส่”

ผมร้องไห้โฮราวกับเด็ก ในขณะที่พี่ภูดูตื่นตกใจมากที่จู่ๆ ผมร้องไห้ เดือดร้อนพี่เทมส์ต้องวิ่งเข้ามาดึงผมไปกอดพร้อมปลอบยกใหญ่

“ชู่วว เด็กดี มองพี่หน่อย ไนล์เป็นอะไรครับ ไนล์ร้องไห้ทำไม?” พี่เทมส์กอดพร้อมกับโยกตัวโอ๋ผมราวกับผมเป็นเด็กยิ่งทำให้ผมน้ำตาแตกยิ่งกว่าเดิม

ผมไม่ได้ตอบอะไรพี่เทมส์ เอาแต่ร้องไห้จนทั้งพี่ภูและพี่เทมส์งุนงงกับอาการที่ผมเป็น ที่จริงผมก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองเป็นอะไร ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงน้อยใจอะไรง่ายๆ ทั้งที่เมื่อก่อนพี่ภูร้ายกับผมยิ่งกว่านี้ผมยังอดทนผ่านมาได้เลย แต่นี่แค่พี่ภูดุใส่ แถมยังไม่ได้ดุอะไรมากอีก แต่ผมกลับรู้สึกแย่และหยุดร้องไห้ไม่ได้

และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือผมเวียนหัวมากขึ้น มากขึ้นจนคุมสติตัวเองไม่อยู่ เสียงสุดท้ายก่อนที่ภาพทุกอย่างจะดับวูบและก่อนที่ผมจะล้มลงไปโดยมีพี่เทมส์ประคองอยู่คือเสียงที่ผมคุ้นเคย .. เสียงของพี่ภู

“เทมส์! กูว่าพาน้องไปหาหมอเหอะ น้องไม่ไหวแล้วเนี่ย! เห็นน้องเป็นแบบนี้แล้วกูจะขาดใจ.. แม่งเอ๊ย!”

และจากนั้นภาพทุกอย่างจะตัดไปและผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย

.

.

.

To Be Continue

-----------------------------------------------

มาแน้ววววว ตัวละครสำคัญที่ทุกคนรอคอยยยย เปิดตัวอย่างอหังการ ตอกย้ำความเหมียนหมาของพี่ภู 555555+

ช่วงนี้ไม่ได้เวิร์คฟอร์มโฮมแน้วจ้า งานมากขึ้นมากมายก่ายกอง อาจจะมาได้แค่อาทิตย์ละตอนนะคะ แต่ถ้าแต่งเสร็จเหมือนไหร่ จะมาลงให้อาทิตย์ละสองตอนถ้าสามารถ ยังไงอ่านไปเพลินๆ(?!)ก่อนเนาะ แล้วยังไงจะพยายามมาให้บ่อยขึ้นจ้า

ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะ สำหรับทุกกำลัง ทุกวิว ทุกคอมเม้นท์ ทุกการโดเนท ขอบคุณมากๆ และหวังว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนจบน้าาา .... รักทุกคนจ้าาา

แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้างับ ^^
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-06 : Universe 32nd)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 06-08-2020 22:54:04
 :ling1: รอติดตาทครัย :seng2ped:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-06 : Universe 32nd)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-08-2020 22:58:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-06 : Universe 32nd)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 06-08-2020 22:59:51
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-06 : Universe 32nd)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-08-2020 23:43:13
หึ! ดูท่าว่าจะได้เห่าเร็วๆนี้ละ เป็นหมาแน่กู 3วันอ่ะ3วันง้อได้ คืนดี จบ บ๊อกๆ เห่ารอ 555 นี่ละหน๊าเรื่องผัวๆเมียๆทะเลาะกันที ไม่น่าเข้าไปยุ่งบอกให้เขาเลิก ใจแข็งเลย เสียหมาอะสิ 555555 สนุกจ้า รอตอนต่อปาย  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-06 : Universe 32nd)
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 07-08-2020 01:40:40
เกียมเลี้ยงหลานแล้วจ้าาาาาาาาาส :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-06 : Universe 32nd)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-08-2020 10:26:34
ตัวเล็กมาแล้วววววววววววววว :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-06 : Universe 32nd)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 07-08-2020 10:49:00
เตรียมหอนนนนนนนนนนนนนเลยตรู บรู๊ววววววววววววววว แต่แอบสงสารลมอะ จับคู่ลมให้ใครดีเนี่ย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-06 : Universe 32nd)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-08-2020 10:40:02
สงสารลมล่วงหน้าเลย หาคู่ให้ลมได้เลยค่ะ เอาให้ดีกว่าไนล์ สวย แซ่บ และท้องได้ก็ดีนะคะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-06 : Universe 32nd)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-08-2020 00:51:46
ยังไงละ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-13 : Universe 33th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 13-08-2020 22:48:02
Universe 33th : ความจริงสุดท้าย


Kirin’s Part

ไนล์เป็นลมล้มพับไปหลังจากร้องโฮ ผมเลยรีบบอกให้ไอ้เทมส์พาน้องไปหาหมอ ทั้งมันทั้งผมดูตกใจจนทำอะไรไม่ถูกทั้งคู่ ดีที่ผมค่อนข้างจะมีสติมากกว่าไอ้เทมส์ ผมเลยอุ้มช้อนตัวไนล์ขึ้นแนบอก ก่อนจะส่งเสียงกระตุ้นเพื่อนสนิทที่ยังยืนงง เอาแต่มองน้องตัวเองไม่เลิก

“เทมส์! สตาร์ทรถดิ จะได้พาน้องไปหาหมอ!”

“อะ.. เออๆ”

ดูเหมือนว่าไอ้เทมส์จะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง หลังจากโดนผมตะโกนใส่เสียงดัง มันหันหลังวิ่งกลับไปที่รถแล้วเปิดประตูผู้โดยสารด้านหลังให้ผมกับไนล์เข้าไป ผมจับน้องพิงแนบอก จัดท่าทางที่ไนล์สบายมากที่สุดก่อนจะกอดน้องเอาไว้แน่นอย่างเป็นห่วง

เทมส์วิ่งอ้อมไปหน้ารถฝั่งคนขับก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกจากลานจอดของออฟฟิศ มันเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งทะยานออกไปอย่างกังวล และก็เอาแต่เหลือบมองไนล์ที่พิงอกผมจากกระจกหลังอย่างเป็นห่วง ตั้งแต่คบกับมันมาผมก็รู้มาตลอดแหละว่ามันทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วงน้องมันมาก เพราะมันพูดกรอกหูผมเป็นประจำอยู่ทุกวัน แต่ก็เพิ่งจะได้เห็นกับตาครั้งนี้แหละว่าไนล์คือแก้วตาและดวงใจสำหรับมันแค่ไหน เพราะหน้ามันแทบจะซีดพอๆ กับหน้าไนล์แล้วตอนนี้ ซึ่งพอได้มาเห็นและมารับรู้แบบนี้ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้

รู้สึกผิดที่ผมเผลอทำร้ายจิตใจน้องมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่น่าให้อภัย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกที่มันจะโกรธผมมากหลังจากเรื่องทุกอย่างเปิดเผย ผมเดาว่ามันรับรู้เรื่องที่ไนล์รักและรอผมมาตลอด อย่างไนล์ไม่มีทางปิดเรื่องนี้กับพี่ชายตัวเองแน่ๆ และผมก็ว่ามันคงปวดใจไม่น้อยที่ต้องมาทนเห็นน้องชายเอาแต่เฝ้ารอโดยที่ผมไม่มีวี่แววว่าจะจำอะไรได้ แล้วไหนจะต้องยอมปล่อยให้ไนล์มาอยู่กับผม มาดูแลผม ทั้งๆ ที่มันก็ดูแลไนล์มาอย่างดีตั้งแต่อ้อนแต่ออก

“ภู.. ไนล์เป็นอะไร วันนี้น้องกูมีอาการยังไงบ้าง ไม่สบายตั้งแต่กี่โมง” ไอ้เทมส์ถามขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด ขณะที่ตาก็มองถนน เท้าก็เหยียบคันเร่ง เพื่อให้ไปถึงโรงพยาบาลเร็วที่สุด

“วันนี้ไนล์อาการไม่ดีตั้งแต่เช้าแล้ว ทั้งหงุดหงิดทั้งอารมณ์เสีย กูซื้ออะไรมาให้กินก็ไม่กิน เอาแต่บ่นว่าคลื่นไส้เวียนหัว ช่วงสายๆ กูได้ยินเสียงน้องอ้วกในห้องน้ำด้วย จะถามก็ไม่กล้า กูไม่อยากให้น้องโมโห”

ผมเล่าอาการของไนล์ให้ไอ้เทมส์ฟัง อันที่จริงไนล์ไม่ได้เป็นแบบนี้แค่วันนี้หรอก ไนล์น่ะมีอาการแบบนี้มาเกือบอาทิตย์แล้ว บางวันก็เป็นมากเป็นน้อย ผมเองก็ไม่รู้ว่าน้องป่วยเป็นอะไร พอถามไปน้องก็หาว่าผมเซ้าซี้ พาลโกรธไม่พูดกับผมขึ้นมาดื้อๆ

“คลื่นไส้ เวียนหัว แล้วก็อ้วก?” ไอ้เทมส์ทวนถาม สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก อาจจะเพราะมันเป็นห่วงไนล์มากก็ได้มั้ง

“เออดิ ที่จริงก็ไม่ได้เป็นแค่วันนี้หรอก ไนล์เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว บางครั้งกูพูดเสียงดังเพราะอยู่ไกลกลัวน้องไม่ได้ยิน ไนล์ก็ร้องไห้หาว่ากูดุ” ผมทำหน้าจริงจังและมองสบตากับไอ้เทมส์ที่กระจกหลัง แล้วถามออกไป “น้องเป็นโรคซึมเศร้าป่าววะ หรือเพราะกูทำให้น้องเป็นแบบนี้”

เอาจริงผมเครียดนะ เพราะไม่รู้ว่าไนล์เป็นอะไร พักนี้ไนล์อารมณ์แปรปรวนมาก ผมไม่อยากให้น้องป่วยแบบนี้ ยิ่งถ้าเป็นเพราะผม ผมยิ่งรู้สึกแย่

“ไนล์ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าหรอก” ไอ้เทมส์ตอบพร้อมกับถอนหายใจ แต่สีหน้าของมันไม่ดีขึ้นเลยทั้งที่มันมั่นใจว่าน้องไม่ได้ป่วยอะไรมาก

“อ่าว แล้วถ้าไม่ใช่ น้องจะเป็นอะไรได้ มึงรู้ไหมวะ กูห่วงน้องมากเลยเนี่ย”

“เอาไว้เดี๋ยวค่อยคุย กูต้องพาน้องไปหาอาหมอก่อน” มันว่าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ พร้อมกับเสียบบลูทูธ

ผมเงียบไปเมื่อเห็นว่าไอ้ทมส์กำลังใช้สาย มันรอสายอามันที่เป็นหมออยู่สักพัก ในขณะที่ผมก็เอาแต่ก้มมองเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดนิ่ง ผมจูบหน้าผากไนล์ พลางกระซิบบอกขอให้น้องหายไวๆ

“หายป่วยไวๆ นะครับ พี่ใจไม่ดีเลยที่เห็นไนล์เป็นแบบนี้” ผมพูดพึมพำเบาๆ กับคนที่กำลังหมดสติอยู่ในอ้อมกอด ก่อนที่หูจะได้ยินเสียงไอ้เทมส์พูดโทรศัพท์ เมื่ออามันรับสาย

“หวัดดีครับอาหมอ วันนี้อาหมออยู่โรงพยาบาลรึป่าวครับ ผมจะพาไนล์ไปหา”

ผมไม่รู้ว่าอาหมอตอบว่ามาว่าอะไร เห็นแต่ไอ้เทมส์ที่ทำหน้าเคร่งเครียด สลับกับถอนหายใจเป็นระยะ

“ไนล์เป็นลมครับ แล้วก่อนหน้านี้สองสามวันก็อาการไม่ค่อยดี มีทั้งคลื่นไส้ ทั้งเวียนหัว ทั้งอาเจียน... ครับ ใช่ครับ เป็นอย่างที่ผมบอกมาทั้งหมด”

ไอ้เทมส์ยังคงพูดถึงอาการไนล์เรื่อยๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้จะสนใจอะไรมาก จนมาสะดุดหูกับประโยคล่าสุดที่ได้ยิน

“ผมกังวลครับอา... ทุกอย่างที่ไนล์เป็นมันคล้ายมาก คล้ายจนผมกลัวว่าจะใช่” เทมส์ขมวดคิ้วมุ่น ในขณะที่ผมก็ตั้งใจฟัง “รายละเอียดต่างๆ ผมจะไปเล่าให้อาฟังที่โรงพยาบาลนะครับ ครับ ครับ อีกไม่เกินสิบนาทีผมน่าจะถึง ... ครับอาหมอ สวัสดีครับ”

ไอ้เทมส์วางสายไปแล้ว และใบหน้าที่กังวลมากมายของมันทำให้ผมต้องถาม เพราะถ้าแค่ไนล์เป็นลมหรือไม่สบายเฉยๆ ทำไมไอ้เทมส์ต้องดูวิตกขนาดนั้น หรือน้องจะเป็นอะไรที่ผมไม่รู้ และพอคิดแบบนั้นความไม่สบายใจก็ถาโถมผมทันที

“เทมส์ น้องเป็นอะไร ไม่ใช่แค่ไม่สบายเฉยๆ ใช่ไหม?”

เพื่อนสนิทผมยังคงแน่วแน่ในการมองถนนและเหยียบคันเร่ง มันไม่ยอมตอบคำถามผม ในขณะที่ผมก็ไม่ยอม เลยพยายามคาดคั้นเอาคำตอบจากมัน

“เทมส์ ตอบกู น้องเป็นอะไร? กูมีสิทธิ์รู้นะ มึงอย่าลืม”

“อย่าเพิ่งถามกูตอนนี้เลยภู ขอให้ถึงโรงพยาบาลก่อน กูอยากเช็คให้แน่ใจ แล้วถึงเวลานั้น รับรองมึงได้รู้เป็นคนแรกแน่”

น้ำเสียงไอ้เทมส์ราบเรียบแต่ติดจะดูไม่พอใจอยู่ในที ซึ่งผมก็ไม่รู้มันเหมือนกันว่ามันไม่พอใจเรื่องอะไร มันทำเหมือนกับว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องไม่สบายงั้นแหละ แต่เพราะเห็นว่ากำลังจะรีบขับไปโรงพยาบาลผมเลยไม่พูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบและรอให้ถึงที่หมายและได้พาไนล์ไปหาอาหมอก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน

.

.

.

และแล้วไอ้เทมส์ก็ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีมาถึงโรงพยาบาลอย่างที่มันบอก ผมอุ้มไนล์ที่ยังคงหมดสติลงมาจากรถ และผมก็ต้องยิ่งทวีความสงสัยเมื่อเห็นอาหมอออกมารับไนล์ที่หน้าประตูโรงพยาบาลด้วยตัวเอง

อาหมอให้บุรุษพยาบาลเข็นรถนอนมารับไนล์ที่ไม่ได้สติอยู่ในอ้อมกอดผม ผมจำใจวางน้องลงบนที่นอนทั้งที่ใจจริงแล้วอยากจะเป็นคนอุ้มพาน้องไปส่งถึงห้องตรวจด้วยตัวเอง แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาอิดออด ผมเลยได้แต่เดินตามบุรุษพยาบาลเข็นไนล์ไปตามทางเดิน แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นแผนกที่บุรุษพยายาลเข็นพาน้องมา


แผนกสูตินรีเวช


ผมเอ่ยปากถามบุรุษพยาบาลที่เดินคู่กันขึ้นมาทันที เพราะตอนนี้อาหมอกับไอ้เทมส์กำลังเดินตามข้างหลัง เห็นทั้งคู่คุยกันเคร่งเครียด ผมเลยไม่อยากแทรก

“ทำไมพาน้องมาที่นี่ล่ะครับ?” บุรุษพยาบาลมีสีหน้าลำบากใจ ก่อนที่จะอ้อนแอ้มตอบเลี่ยง

“คุณหมอท่านอยู่แผนกนี้ครับ ผมเลยพามาที่นี่ เดี๋ยวยังไงคุณลองถามคุณหมอดูนะครับ” บุรุษพยาบาลตอบแค่นั้นก่อนที่จะเข็นพาไนล์เข้าไปในห้องตรวจ ให้ผมได้แต่ยืนกระสับกระส่ายรออยู่ที่ด้านนอกจนอาหมอเดินมาถึง

“อาหมอครับ..” ผมกำลังจะอ้าปากถาม แต่ท่านกลับยิ้มบางๆ ให้ผม ก่อนจะพูดสวนขึ้นมา

“เรา... ภูใช่ไหม?” ผมพยักหน้า “อารู้ว่าเป็นห่วง แต่รออยู่ตรงนี้แหละ ขออาตรวจเลือดไนล์ก่อน แล้วได้ผลยังไงเราค่อยมาคุยกัน ถามอาตอนนั้นก็ยังไม่สาย .. เชื่ออานะ”

“ครับ” ผมจำใจตกปากรับคำ เพราะรู้ดีว่าผมทำได้แค่นั้น ไม่สามารถทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้

อาหมอเดินหายเข้าไปในห้องตรวจที่ผมส่งให้ไนล์เข้าไปก่อนหน้า ท่านปล่อยให้ผมกับเทมส์นั่งคอยอยู่หน้าห้องตรวจ เทมส์ดูเครียดมาก มันใช้มือลูบหน้าตัวเองตลอดเวลา แถมยังนั่งเขย่าขาทั้งที่มันเลิกเป็นแบบนี้ไปตั้งนานแล้วอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นผมเลยมั่นใจว่ามันต้องกังวลเรื่องน้องมันมากแน่ๆ

“เทมส์ ใจเย็นๆ มึง ไนล์ไม่เป็นไรหรอก” ผมตบบ่าเพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆ เบาๆ เพื่อพยายามปลอบใจ ไอ้เทมส์กลับไม่พูดอะไรแต่จะเลือกหัวเราะขึ้นมาเบาๆ แทน ทั้งที่สีหน้าไม่ได้ดูตลกสักนิด

“หึ! เดี๋ยวมึงก็รู้ว่าใครกันแน่ที่จะใจเย็นไม่ไหว” คำพูดของไอ้เทมส์เป็นเหมือนหนามสะกิดใจ เพราะได้ยินอะไรแบบนี้มาหลายครั้ง แต่สุดท้ายผมก็ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำตัวเองอยู่แบบนั้น ผมไม่อยากรู้อะไรที่จะทำให้ชีวิตพาลยุ่งยากมากกว่าเดิม

อาหมอหายเข้าไปในห้องตรวจเกือบชั่วโมงกว่าจะออกมาได้ ผมคิดว่าที่ช้าเพราะท่านคงกำลังรอผลเลือด ซึ่งพอประตูเปิดออก ภูเขาในใจลูกแรกก็เหมือนถูกยกออกให้ผมได้นึกหายใจหายคอสะดวกขึ้นมาบ้าง

“เป็นไงบ้างครับอา/น้องเป็นไงบ้างครับอาหมอ”

ผมกับไอ้เทมส์ถามขึ้นเกือบจะพร้อมกันด้วยรูปประโยคคล้ายๆ กัน ซึ่งอาหมอก็มองหน้าเราสองคนด้วยความลำบากใจ ก่อนจะถอยเข้าไปให้ห้องให้พวกเราได้ก้าวเข้าไปได้สะดวก

“เข้ามาคุยกันให้องอามา น่าจะต้องคุยกันยาว”

ไอ้เทมส์ก้าวเข้าห้องตรวจทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้อาหมอพูดซ้ำ เหมือนมันรอเวลานี้มาพักใหญ่แล้วและมันก็ดูนั่งไม่ติดเลยสักนิด ผมเองก็เลยต้องก้าวตามมันเข้าไปติดๆ และพอเข้าไปถึงในห้องอาหมอแล้วผมก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นน้องนั่งอยู่บนเตียงนอนตรวจด้วยสีหน้าเหม่อลอย นัยน์ตาบวมแดงและช้ำ ราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มา

ไม่สิ.. เหมือนร้องมาสักพักแล้ว และตอนนี้ก็ยังคงร้องไห้อยู่

“ไนล์...” เทมส์เดินเข้าไปกอดน้องมันทันทีที่เห็นไนล์นั่งน้ำตาไหลไม่หยุด น้องไม่ได้สะอึกอะอื้นเพียงแต่น้ำตาไหลหมือนกับคนที่กำลังช็อคและตกใจกับอะไรบางอยู่

“ฮึก.. พี่.. อึก พี่เทมส์.. ไนล์ ไนล์ขอโทษ.. ไนล์ขอโทษที่เคยโกหก ขอโทษที่ไม่เชื่อฟัง ฮึก ขอโทษนะครับ”

ไนล์ซุกอกไอ้เทมส์ก่อนที่จะร้องไห้โฮ ทำเอาผมผวาเข้าไปหาแทบไม่ทัน

“ไนล์ ไนล์เจ็บตรงไหนรึป่าว ไหนบอกพี่สิครับ”

ผมกังวลมมากเพราะกลัวว่าน้องจะเป็นอะไร ยิ่งเห็นน้องร้องไห้ยิ่งใจไม่ดี และถึงแม้จะมีคำว่าขอโทษเกิดขึ้น ผมก็เชื่อว่าเทมส์จะไม่ถือโทษโกรธน้องมันแน่ก็มันรักไนล์ซะมากขนาดนี้ คงโกรธไม่ลงหรอก

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ฟังคำตอบจากไนล์ เสียงอาหมอก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“เอ้าๆ นั่งกันก่อน มาคุยกันมา อาอยากถามอะไรคุณภูสักหน่อย”

อาหมอเจาะจงพูดชื่อผม ให้ผมต้องทรุดลงนั่งทั้งที่ใจอยากจะถามไถ่และพูดคุยกับน้องมากกว่า ผมอยากรู้ว่าน้องป่วยเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องร้องไห้เสียน่าสงสารขนาดนั้น

“เรียกภูเฉยๆ ก็ได้ครับอา” ผมยกมือไหว้ผู้ที่อาวุโสกว่า “ผมเป็นเพื่อนสนิทเทมส์ตั้งแต่มัธยม เพิ่งกลับมาจากอเมริกา ผมอาจจะเคยเจออามาบ้างแต่ตอนนั้นคงยังจำกันไม่ได้”

อาหมอยิ้มบางๆ ให้ผมอย่างใจดี แต่แววตาหลังกรอบแว่นทำให้ผมนึกรู้ว่าเขาไม่ได้ใจดีมากอย่างที่ผมคิดหรอก อาหมอน่าจะเป็นอีกหนึ่งผู้พิทักษ์ไนล์ และผมก็คงเป็นศัตรูคู่แค้นอันดับหนึ่งแน่ๆ

“เอาเถอะ อาไม่ได้จะซักไซ้ประวัติอะไรของภูหรอก แต่อามีเรื่องอยากจะถาม เพราะอาถามไนล์แล้วไนล์ไม่ยอมตอบเลยต้องมาถามกับเราแทน”

“ครับคุณอา ถามมาได้เลยครับ ถ้าผมทราบผมจะยินดีตอบคุณอาทุกคำถาม”

“เราใช่ไหมที่เป็นคนที่มีเพศสัมพันธ์กับไนล์ โดยเฉพาะครั้งล่าสุด ครั้งสุดท้าย เราได้ใส่ถุงยางอนามัยรึป่าว นี่คือสิ่งที่อาอยากรู้”

ผมหน้าแดง นึกตกใจที่จู่ๆ อาหมอก็ถามคำถามนี้ออก .. ผมโคตรไม่เข้าใจว่าการที่ผมมีอะไรกับไนล์มันเกี่ยวกับการที่ไนล์ไม่สบายยังไง คำถามแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องมาตอบให้คนอื่นรู้สักนิด แม้คนๆ นั้นจะเป็นอาหมอของไนล์ก็เถอะ

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมอาหมอ...?”

“ตอบอามาเถอะ อาจะได้สรุปอาการไนล์ได้สักที แล้วถึงตอนนั้นถ้าภูมีคำถามอาจะเป็นคนสรุปให้ภูฟังเองบ้าง แบบนี้ดีไหม”

ผมชั่งใจก่อนจะพยักหน้าตกลงเมื่อหันไปเห็นไอ้เทมส์พยักหน้ารับสนับสนุนคำพูดของคุณอา ทั้งที่อ้อมแขนของมันยังโอบไนล์ไว้แน่น .. ผมอยากกอดน้องมาก อยากกอดและทำให้น้องดีขึ้น

“ครับผมเอง ผมเคยมีอะไรกับน้องเมื่อก่อนหน้า รวมไปถึงครั้งสุดท้ายก่อนที่ไนล์จะหนีผมมา ซึ่งถ้าไม่รวมกับครั้งแรก.. ครั้งนั้นเป็นครั้งเดียวครับที่ผมไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย”

อาหมอหลับตาลงทันทีพร้อมกับใช้มือนวดตรงระหว่างคิ้วพลางถอนหายใจกับคำตอบของผม ราวกับว่าคำตอบพวกนั้นทำให้อาหมอนั้นหนักใจไม่น้อย

“ไนล์ไม่ได้บอกเราหรอว่าไนล์ไม่สบาย?” อาหมอถามออกมาอีก และคำถามของอาหมอก็ยิ่งทำให้ผมสับสน ผมไม่เข้าใจว่าการที่ผมมีอะไรกับน้องทำไมถึงกลายเป็นสาระสำคัญของเรื่องนี้ “อาอยากรู้ว่ามีสักครั้งไหมที่ไนล์ขอให้เราใส่ถุงยางอนามัยหรือไนล์ไม่เคยบอกเลย”

“เปล่าครับ น้องขอให้ผมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ซึ่งผมก็ยอมทำตามที่น้องขอ เพิ่งจะมีครั้งล่าสุดนี่แหละครับที่ผมไม่ได้ใส่ อาจจะเพราะขาดสติมากไปหน่อย พอรู้ตัวอีกทีผมก็ห้ามตัวเองไม่ไหวแล้ว เลยปล่อยเลยตามเลย” ผมขยับตัวอย่างอึกอัด ก่อนจะเอ่ยถามบ้าง “ว่าแต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับการที่ผมมีอะไรกับน้องยังไงครับ ผมอยากทราบคำตอบ”

อาหมอเหลือบมองไปทางไอ้เทมส์ที่กำลังยืนกอดไนล์อยู่ที่ด้านหลังผม ก่อนที่ไอ้เทมส์จะเอ่ยขึ้นเสียงเครียด

“บอกมันไปเถอะครับอา มันมีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้ถึงสิ่งที่มันทำเอาไว้ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะทำยังไง ถ้ามันได้รู้ว่าเพราะความหึงหวงงี่เง่าไม่เข้าท่าของมันเนี่ย ทำให้ไนล์ต้องเจอกับอะไรบ้าง”

ไอ้เทมส์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจจนผมสัมผัสได้ และจากคำพูดของไอ้เทมส์ก็ทำให้สังหรณ์ของตีตื้นขึ้นมาในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“มีอะไรหรอครับอาหมอ บอกผมมาเถอะ ผมต้องรู้ครับ” ผมเริ่มเร่งเร้าที่จะรู้ แต่ดูเหมือนไนล์จะไม่ยอมให้เป็นแบบที่อาหมอกับไอ้เทมส์ต้องการ

“อาหมอ .. ฮึก ไม่เอาครับ ไม่ต้องบอก ฮืออ ไนล์ ฮึก ไนล์ไม่อยากให้เขารู้ ไม่ต้องมารู้ ไม่ต้องรู้อะไรทั้งนั้น”

ผมเริ่มนั่งไม่ติดและลุกขึ้นยืนทันที ทั้งที่ผมก็รู้ว่าทำแบบนี้มันเสียมารยาทแต่ผมก็ยังทำ

“บอกผมสักทีว่านี่มันเรื่องอะไรกัน? ถ้ามันเกี่ยวกับทั้งไนล์และผม ผมก็มีสิทธิ์จะรู้ และผมก็ต้องรู้ให้ได้ด้วยไม่ว่าใครจะยอมหรือไม่ยอมก็ตาม”

ผมพูดเสียงแข็ง ทำเอาไนล์โกรธผมจนไม่ยอมมองหน้า เด็กดื้อเอาแต่ร้องไห้งอแงและซุกอกกอดไอ้เทมส์อยู่แบบนั้น


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-13 : Universe 33th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 13-08-2020 22:53:26
(อ่านต่อจากด้านบน)


“ไนล์ป่วย” อาหมอเริ่มพูดเกริ่นด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “ตั้งแต่เด็ก หรือจะพูดว่าตั้งแต่ไนล์เกิดก็ได้ ร่างกายของไนล์มีฮอร์โมนที่แตกต่างจากเพศชายปกติทั่วไป และนั่นทำให้ไนล์มีสรีระที่ค่อนข้างบอบบางเหมือนผู้หญิง และนอกจากภายนอกที่คล้ายคลึงกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายแล้ว อวัยวะบางอย่างภายในของไนล์ก็เช่นกัน “

“...”

ผมแทบไม่หายใจ รู้สึกเหมือนพอจะเดาออกว่าอาหมอกำลังจะพูดอะไร แม้ในใจจะภาวนาว่าเป็นไปไม่ได้ แต่แนวโน้มในตอนนี้ ทั้งอาการโกรธเกรี้ยวของไอ้เทมส์ อาการของไนล์ที่ร้องไห้อย่างขวัญเสีย รวมถึงอาการของอาหมอที่ดูไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้ผมคิดว่าสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้นั้น เป็นไปได้มากกว่าที่คิด


“ไนล์มีรังไข่ มีฮอร์โมนที่สามารถผสมกับอสุจิแล้วทำให้เกิดการปฏิสนธิได้...” ผมช็อค แต่ก็พยายามยืนให้อยู่เพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่อาหมอพูดให้จบ “หรือถ้าพูดง่ายๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ ไนล์สามารถตั้งครรภ์แบบผู้หญิงได้ หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน และนั่นคือเหตุผลที่อาต้องถามเราว่า ตอนเรามีเพศสัมพันธ์กับหลานอา เราได้ป้องกันหรือเปล่า”


ผมรู้สึกเหมือนปากตัวเองหนักไปหมด แขนขาชา ร่างกายหนักอึ้ง มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ได้รู้สึกแย่ แต่ผมแค่กำลังเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก สิ่งที่หลุดออกจากปากผมจึงมีเพียงไม่กี่คำที่หลุดออกมา

“หมายความว่าที่น้องป่วยคือ น้องกำลังท้องงั้นหรอครับ?”

อาหมอถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้าย้ำคำตอบของผม “ใช่ ตอนนี้ไนล์ตั้งท้องได้สี่สัปดาห์แล้ว อายุครรภ์ยังไม่มาก แต่ด้วยความที่เป็นผู้ชาย อาการแพ้ท้องจึงแสดงให้เห็นเร็วกว่าผู้หญิงทั่วไป”

“ถ้าอย่างนั้นที่ไนล์ขอให้ผมใส่ถุงยางก็เพราะ..” ผมครางเสียงเบา ความรู้สึกผิดในใจลุกลามขึ้นมาอีกครั้ง


อีกแล้ว ผมเผลอทำร้ายไนล์โดยที่ไม่ได้ตั้งใจอีกแล้ว


“เพราะน้องชายกูรักมึงไงภู รู้ทั้งรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองถ้าพลาดมีอะไรกับมึง แต่น้องกูก็ยังยอม ยอมเพราะแพ้ใจตัวเอง ยอมเพราะเชื่อใจว่ามึงจะทำตามที่ขอ แต่แล้วสุดท้ายมึงก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้พวกที่ไนล์เคยเจอตอนมัธยม ไอ้พวกสวะที่มึงเคยกระทืบเพื่อเคยช่วยไนล์ไว้ แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อมึงก็ทำในสิ่งที่ไม่ต่างกัน”

ไอ้เทมส์พูดนิ่งๆ แต่กระทบใจจนผมรู้สึกแย่ ผมรู้สึกไม่ดีมากๆ ที่ทำกับไนล์แบบนั้น ไม่ว่าจะเพราะรักมากเกินไปหรือเพราะหึงหวงจนขาดสติผมก็ไม่ควรทำ เพราะผลลัพธ์ที่ผมเห็นในตอนนี้มันกำลังทำร้ายคนที่ผมเคยพูดว่ารักจนเขาบอบช้ำไปหมด

ภาพต่างๆ ค่อยๆ ไหลเข้ามาในหัวผมราวกับทำนบแตก ภาพที่ไนล์ในชุดนักเรียนมัธยมต้นที่ร้องไห้กลัวจนตัวสั่นตอนถูกไอ้พวกสารเลวรุ่นราวคราวเดียวกับผมรังแกแล้วผมเข้าไปช่วยไว้ทัน ภาพตอนที่ผมพยายามจะมีอะไรกับไนล์ครั้งแรกแล้วไนล์ขอร้องทั้งน้ำตาให้ผมหยุด หรือแม้แต่ภาพวันสุดท้ายที่เราได้อยู่ด้วยกันก่อนที่ไนล์จะทิ้งผมมา ผมทำให้เขาร้องไห้ซ้ำๆ เพราะความงี่เง่าไม่เข้าท่าของตัวเอง ก็สมควรแล้วที่จะถูกน้องโกรธและเมินใส่แบบนี้

ผมตั้งสติก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้น้อง ไนล์ยังคงซุกหน้ากับอกไอ้เทมส์ร้องไห้ น้องถามเทมส์ซ้ำๆ แผ่วเบา แต่ผมก็ได้ยินขัดเจน

ซึ่งถ้าเมื่อก่อนผมตั้งใจฟังไนล์บ้าง ทุกอย่างมันอาจจะไม่ได้ออกมาแย่ขนาดนี้ก็ได้

“พี่เทมส์ .. ฮึก นะ ไนล์.. ไนล์จะบอกพ่อกับแม่ยังไงดี ฮืออ พวกท่านต้องเสียใจมากๆ แน่ๆ เลย” น้ำตาไนล์ไหลไม่หยุด “แล้วถ้าไนล์ถูก .. ฮึก ถูกส่งไปอังกฤษ ไนล์จะทำยังไงดีพี่เทมส์?”

ผมตกใจมากตอนได้ยินประโยคหลัง… อะไรคือการถูกส่งไปอังกฤษ?

“ไม่ต้องกังวลนะตัวเล็ก” ไอ้เทมส์พูดกับน้องด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม มันลูหัวไนล์เบาๆ “พี่จะจัดการให้ พี่...”

“พี่จะเข้าไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ของไนล์เอง พี่ยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง เราจะแต่งงานกัน เราจะเลี้ยงลูกของเราด้วยกัน พี่จะดูแลไนล์กับลูกในท้องเอง”

ผมตัดสินใจพูดสวนไอ้เทมส์ โดยที่ไม่รอให้มันพูดจบประโยค ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของผมกับน้อง และเป็นเรื่องที่ผมต้องจัดการให้เร็วที่สุด จากที่คิดว่าจะค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ ง้อน้องจนกว่าจะใจอ่อน แล้วค่อยเข้าไปสารภาพกับคุณพ่อคุณแม่น้องถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่เห็นทีว่าตอนนี้จะรอทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว

ผมจะต้องพาน้องกลับไปอยู่ด้วยกันให้เร็วที่สุด และผมก็จะไม่ยอมให้ใครมาพรากไนล์ไปจากผมเด็ดขาด

จากที่เมื่อก่อนมีแค่ไนล์ผมก็วุ่นวายใจอยากจะให้น้องยอมให้อภัยใจจะขาด แต่ตอนนี้กลับมีเจ้าตัวน้อยๆ ที่อยู่ในท้องเพิ่มขึ้นมาอีก นั่นยิ่งทำให้ผมอยากได้ไนล์กลับไปอยู่ด้วยยิ่งกว่าเดิม


เมียผม ลูกผม ใครก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องหรือกีดกันทั้งนั้น ผมจะไม่ยอมให้ครอบครัวของตัวเองขาดใครคนใดไปแน่ๆ เราสามคนพ่อแม่ลูกต้องอยู่ด้วยกัน


“ไม่ต้อง.. ฮึก ไม่จำเป็น” ไนล์ปัดมิอผมที่พยายามจะยื่นไปเช็ดน้ำตาให้ออก “ไม่ต้องมารับผิดชอบ ไม่ต้องมาแต่งงานอะไรทั้งนั้น ฮืก.. ผมไม่ต้องการ”

“แต่พี่ต้องการ! แล้วพี่ก็มีสิทธิ์ด้วย สิทธิ์ที่พี่เป็นทั้งพ่อของเด็กและเป็นสามีของไนล์!” ผมเถียงกับน้องทั้งที่พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็น แต่เพราะทุกอย่างที่ถาโถม และความกังวลที่จะเสียไนล์ไปทำให้ผมขาดสติ

“ไม่! ผมต่างหากที่เป็นทั้งพ่อและแม่ของเขา คุณไม่ต้องมายุ่ง ผมเป็นคนอุ้มท้อง ผมไม่ให้คุณยุ่ง!” จากที่สะอึกสะอื้นเพราะร้องไห้ ตอนนี้ไนล์มองผมตาขวาง น้องใช้แขนกอดท้องตัวเองไว้แน่นท่าทางหวงแหน และพอเห็นแบบนั้นผมเลยต้องอ่อนลง

“ไนล์ครับ” ผมตรงเข้าไปจับมือน้องมากุม “ไนล์ให้พี่รับผิดชอบ ให้พี่ได้ทำหน้าที่พ่อ ได้ดูแลไนล์กับลูกเถอะนะ พี่ทำผิดมามากแล้ว ให่โอกาสพี่ได้แก้ตัวนะครับ”

แต่แทนที่ไนล์จะอ่อนลง มันกลับไม่เป็นแบบนั้นเลย

“คุณแน่ใจได้ยังไงล่ะว่าเขาเป็นลูกคุณ?” ไนล์ยิ้มเหยียดท่าทางเย้ยหยัน ในขณะที่ผมได้แต่ช็อคพูดไม่ออก “ก็พูดเองไม่ใช่หรอว่าผมมันยุ่งกับคนอื่นไม่เลือกหน้า เพราะฉะนั้นเด็กคนนี้อาจจะไม่ใช่ลูกคุณก็ได้!”

แต่ถึงแม้คำพูดไนล์จะดูอวดดี แต่แววตากลมกลับเศร้าสร้อยและคลอหน่วยไปด้วยน้ำตา นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม

“ไนล์.. ไม่เอาไม่พูดแบบนี้นะครับ ไนล์จะด่าจะทุบจะตีพี่ก็ได้ พี่รู้ว่าพี่ผิดที่เคยคิดและพูดแบบนั้นเพราะความหึงหวงงี่เง่า แต่ตอนนี้พี่รู้แล้วว่าไนล์มีแค่พี่ รักแค่พี่ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ เดี๋ยวคืนนี้พี่จะมาแม่เข้าไปคุยที่บ้าน ไนล์รอพี่นะครับ”

ผมไม่รอให้น้องตอบอะไร แต่เลือกที่จะยกมือเล็กๆ ของน้องที่ตัวเองกุมไว้มาจูบเบาๆ ถึงไนล์จะดึงมืออกในทันทีแต่ผมก็รู้สึกว่าน้องอ่อนลงเยอะ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้เทมส์เอ่ยขึ้น

“อาหมอครับแล้วเรื่องฝากท้อง…”

“อาว่าสองครอบครัวไปคุยกันให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า วันนี้เทมส์พาน้องกลับไปพักผ่อนก่อน อายุครรภ์ช่วงแรกๆ ไนล์จะเพลียเป็นพิเศษ เดี๋ยวอาจะให้ยาบำรุงกับยาแก้แพ้ แก้คลื่นไส้อาเจียนไป ขึ้นลงบันไดก็ให้ระวัง ดูแลน้องด้วยนะเทมส์”

“ครับอา” ไอ้เทมส์ขานรับ

อาหมอสั่งยาวเหยียด ในขณะที่ผมเองก็ตั้งใจฟังทุกคำพูด ผมคิดว่าผมจะเป็นคนดูแลไนล์เองหลังจากที่แม่เข้าไแคุยกับที่บ้านไนล์แล้ว

“ส่วนเรา” อาหมอหันมาทางผม “ไปจัดการอะไรให้เรียบร้อย เป็นพ่อคนมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ยิ่งการท้องของไนล์มันไม่ใช่เรื่องง่าย อาหวังว่าเราจะพยายามทำให้ได้อย่างที่เราพูดนะ”

“ครับอาหมอ ผมจะทำให้ได้” ผมรับคำอาหมอพร้อมกับมองไปที่น้องเล็กน้อย

ผมเห็นไอ้เทมส์ประคองน้องลงจากเตียง จากที่ไนล์ตัวเล็กมากๆ ในสายตาผมอยู่แล้ว แต่พอมารู้ว่าเขาต้องแบกรับอะไรไว้บ้างไนล์ก็ยิ่งตัวเล็กลงไปอีก เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมปล่อยให้ไนล์ต้องเผชิญทุกอย่างคนเดียวอีกแล้ว

ผมถือถุงยาที่อาหมอให้พยาบาลเอามาให้ก่อนจะเดินตามไนล์กับไอ้เทมส์ไปที่ลานจอดรถ คอยระวังหลังให้น้องที่ไอ้เทมส์ประคองอยู่ตลอด แม้จะอยากทำหน้าที่นี้แค่ไหน แต่ไนล์ไม่ยอมให้ผมแตะตัวเลย ผมเองก็ไม่อยากจะขัดใจน้องเพราะกลัวไนล์จะหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียอีก เลยต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ชายอย่างไอ้เทมส์ไป

แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไปผมจะทำหน้าที่นี้เอง

พอมาถึงรถไอ้เทมส์ประคองพาน้องเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย ก่อนที่มันจะยืดตัวขึ้นแล้วหันมาหาผม ผมเลยส่งถุงยาให้มันพร้อมกับบอก

“เดี๋ยวกูไปรับแม่ก่อนแล้วจะตามไป พ่อกับแม่มึงอยู่บ้านใช่ไหม?”

“อืมอยู่ น่าจะกำลังออกจากบริษัท” ไอ้เทมส์ตอบรับ ก่อนจะมองผมนิ่งๆ นิ่งขนาดที่ว่าผมสนิทกับมันมาสิบปียังอ่านท่าทางแบบนี้ของมันไม่ออกเลย “ว่าแต่มึงแน่ใจแล้วนะเรื่องไนล์น่ะ กูไม่ยอมให้มึงเอาน้องกูไปทิ้งๆ ขว้างๆ หรอกนะ”

“กูแน่ใจ” ผมเองก็สบตาไอ้เทมส์นิ่ง “มึงรอดูแล้วกัน”

ไอ้เทมส์ไม่ตอบอะไร มันผละออกจากผมก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ผมเลยได้โอกาสดึงประตูไวเแล้วก้มลงไปหาน้องที่นั่งอยู่ด้านในรถ

“รอพี่หน่อยนะครับ เดี๋ยวพี่ไปรับแม่แล้วพี่จะเข้าไปหา พี่สัญญาว่าจะไม่ยอมให้ไนล์เผชิญทุกอย่างคนเดียว” น้องไม่ได้หันมามอง แต่ผมรู้ว่าน้องได้ยินและรับรู้ทุกคำพูดของผม ผมเลยอาศัยจังหวะนี้ขโมยหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ก่อนจะรีบปิดประตู

อืม.. ยังนิ่มแล้วก็หอมเหมือนเดิม ไม่สิ.. หอมมากกว่าเดิมอีก

ผมขำเล็กน้อยตอนที่เห็นน้องใช้มือกุมแก้มข้างที่โดนหอมก่อนจะหันมามองผมตาขวาง ก่อนที่ไอ้เทมส์จะออกรถไป ซึ่งพอท้ายรถไอ้เทมส์ลับสายตา ผมก็ยกมือถือขึ้นโทรหาแม่ทันที

“แม่ครับ แม่อยู่ไหนภูจะไปรับ ภูมีเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตจะขอให้แม่ช่วยครับ”

.

.

.


Nateetouch’s Part

ผมกลับมาถึงบ้านด้วยท่าทางที่ไม่ปกติเลยสักนิด พี่เทมส์พาผมเข้าไปนั่งคุยในห้องนั่งเล่นเพราะเห็นว่าพ่อกับแม่ยังไม่ถึงบ้าน ผมรู้ว่าพี่เทมส์จะคุยอะไร อยากจะเลี่ยงแต่ก็รู้ดีว่าคงเลี่ยงไม่ได้อีก

“ไนล์พร้อมจะคุยกับพี่ไหมครับ” พี่เทมส์ลูบหัวผมเบาๆ “ไนล์รู้ใช่ไหมว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ ยังไงเราก็ต้องคุย คุยกันก่อนที่พ่อกับแม่จะกลับมา และคุยกันก่อนที่ไอ้ภูจะพาแม่มันมาด้วย”

ผมโผเข้ากอดพี่เทมส์พร้อมกับร้องไห้ “ฮึก.. ไนล์จะทำยังไงดี พ่อกับแม่ต้องเสียใจแน่เลยครับที่ไนล์ทำตัวแบบนี้ แอบไปอยู่กับพี่ภูไม่พอ ยังปล่อยตัวปล่อยใจให้พี่ภูจนท้องกลับมาอีก ไนล์ทำตัวไม่ดี ทำให้ทุกคนผิดหวัง .. ฮือออ”

“ตัวเล็ก.. อย่าเพิ่งกังวลไปถึงตรงนั้นสิ” พี่เทมส์กอดผมที่กำลังเสียขวัญแน่น “พี่กับไอ้ภูจะจัดการเรื่องนั้นเอง ไนล์แค่ตอบพี่มาก่อนว่าไนล์อยากไปอยู่กับไอ้ภูไหม อยากแต่งงานกับมันรึป่าว?”

“ไนล์ ฮึก.. ไนล์ไม่รู้ครับ”

ผมหลับตาแน่นสับสน แน่นอนว่าผมยังรักพี่ภูอยู่ แต่กับพี่ภูนั้น ผมไม่รู้เลย ตั้งแต่เขากลับเข้ามาในชีวิตผม เข้ามาง้อ เข้ามาขอคืนดี แต่เขากลับไม่เคยบอกว่าเขารู้สึกยังไงกับผมสักครั้ง และแม้แต่ตอนที่รู้ว่าเรากำลังจะมีลูกด้วยกัน เขาก็เอาแต่บอกว่าจะดูแลลูก จะทำหน้าที่พ่อ … แต่กับหน้าที่สามี ผมไม่เคยได้รู้เลยว่าเขายังต้องการภรรยาแบบผมไหม

“ไนล์.. ไนล์ต้องตัดสินใจนะ” พี่เทมส์พูดกับผมอย่างอ่อนโยน “ตอนนี้ไนล์ของพี่ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะ ไนล์ยังมีตัวน้อยๆ อยู่ในท้องอีกคน ไนล์ต้องคิดถึงลูกด้วยรู้ไหมครับ”

และในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากตอบพี่เทมส์ จู่ๆ ลมก็พรวดพราดเข้ามา ก่อนจะพุ่งเข้ามากอดผมด้วยความตกอกตกใจ

“ไนล์! เกิดอะไรขึ้น? เราไปหาไนล์ที่ออฟฟิศ แต่ไปเจอเลขาฯ พี่เทมส์บอกว่าพี่เทมส์พาไนล์กลับมาแล้วเพราะไนล์ไม่สบาย ว่าแต่ป่วยเป็นอะไร? ทำไมถึงขั้นเป็นลมเป็นแล้ง แล้วนี่ไปหาหมอรึยัง?” สีหน้าเพื่อนสนิทผมดูไม่สบายใจมาก แต่ผมกลับไม่สบายใจมากกว่าที่จะต้องตอบคำถามนี้

และลมก็ไม่ทำให้ผมต้องหนักใจนาน เมื่อเขาหันไปเห็นถุงยาที่วางอยู่บนโต๊ะเลยหยิบซองยาข้างในออกมาดู … จากใบหน้าที่เคยตื่นตระหนกก็ซีดเผือดลงทีละนิด ก่อนคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทจะเอ่ยถามผมอย่างไม่แน่ใจ

“ยาพวกนี้.. หมายความว่ายังไงไนล์? ไนล์กำลัง…” ลมเลือกที่จะไม่พูดต่อ ซึ่งผมเองก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากพยักหน้า ลมดูช็อคไป ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “เพราะผู้ชายคนนั้นใช่ไหม พี่ภูของไนล์ใช่รึป่าวที่ทำให้เป็นแบบนี้”

“ฮึก..” ผมเริ่มร้องไห้อีกครั้ง สงสารตัวเองก็สงสาร สงสารลมก็สงสาร ทุกอย่างมันพัวพันไปหมด และที่สุดก็คงไม่หนีความเสียใจ เสียใจที่ทำให้เพื่อนสนิทผิดหวังในตัวผม “เราขอโทษนะลม .. เราไม่ดีพอสำหรับลมแล้ว เชื่อเรานะลม ลมตัดใจจากเราเถอะนะ”

ผมตัดสินใจบอกลมไปตรงๆ เพราะผมคงเห็นแก่ตัวรั้งเขาเอาไว้ต่อไปไม่ได้ เพราะตอนนี้ผมไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว การที่จะดึงลมให้มารับผิดชอบกับสิ่งที่ลมไม่ได้ทำ ดูจะไม่ยุติธรรมกับลมเท่าไหร่นัก

แต่ลมก็ยังเป็นลม เป็นลมที่รักและหวังดีกับผมเสมอ

“ไม่ไนล์! เราจะไม่ตัดใจ ไม่อะไรจากไนล์ทั้งนั้น!” ลมขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะกุมมือผมไว้ทั้งสองข้าง “ลมจะรับผิดชอบไนล์เอง ลมดูจะแลไนล์ ดูแลลูกไนล์ให้เหมือนลูกแท้ๆ ของลม .. ลมไม่สนหรอกว่าที่ผ่านมามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ขอเพียงแค่ตอนนี้ไนล์ตอบตกลง.. แต่งงานกับลมนะครับ”

ผมตกใจจนอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าลมจะดับเครื่องพุ่งชนขนาดนี้ และในขณะที่ผมยังคลำหากล่องเสียงของตัวเองไม่เจอนั้น เสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามาในห้องนั่งเล่น พร้อมๆ กับการปรากฎตัวของเจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ โดยมีคุณแม่เดินตามมาติดๆ

“ไม่ตกลง! ไนล์จะไม่ตกลงอะไรกับคุณทั้งนั้น” พี่ภูเดินเข้ามาและปัดมือลมออกจากมือผม เขาจ้องหน้าลมอย่างไม่พอใจ “คุณมีสิทธิ์อะไรมาขอเมียผมแต่งงาน และคุณมีสิทธิ์อะไรจะมารับสมอ้างเป็นพ่อของลูกผม.. อย่ามายุ่งกับเรื่องครอบครัวของเรา!”

“หึ! พูดมาได้ว่าครอบครัวของเรา เอาอะไรมาเรียกว่าครอบครัวไม่ทราบ? ไนล์ยอมรับคุณแล้วหรอ?” ลมถามเสียงเย้ย “ครอบครัวภาษาอะไร ถึงได้ไม่ไว้ใจไนล์ เอาแต่ระแวงว่าไนล์จะมีคนอื่น แล้วแบบนี้จะเรียกว่าครอบครัวได้ยังไง?!”

ลมตะโกนเสียงดังใส่พี่ภู ในขณะที่พี่ภูกำหมัดแน่น จ้องหน้าลมด้ววความโกรธเคืองขั้นสุด ผมเห็นท่าไม่ดีเลยจะลุกไปห้าม แต่พี่เทมส์กลับรั้งไว้ เขาส่ายหน้าพร้อมกับกระซิบบอก

“มันยังไม่ต่อยกันหรอก ถ้ามันจะต่อยกันเดี๋ยวพี่ห้ามเอง ไนล์เข้าไปจะโดนลูกหลงเปล่าๆ”

ผมทรุดลงนั่งตามเดิม แต่ก็ยังไม่สบายใจมากนัก เมื่อเห็นท่าทีของทั้งคู่ที่ไม่ได้เบาลงเลย ในขณะที่คุณแม่แทบไม่สนใจพี่ภูอีก ท่านเดินตรงมาหาและมานั่งข้างผม ก่อนจะดึงผมไปกอดไว้แน่น

“แม่ขอโทษนะน้องไนล์ แม่ขอโทษแทนพี่ภูด้วยนะลูก แม่ขอโทษที่เลี้ยงพี่ภูไม่ดี พี่ภูถึงได้ทำตัวเกเรไปรังแกน้องไนล์แบบนี้ ทั้งที่แม่สัญญาแล้วแท้ๆ ว่าจะดูแลน้องไนล์อย่างดี แต่แม่ก็ยังปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก แม่ขอโทษนะคะ”

คุณแม่ของพี่ภูลูบหน้าลูบไหล่ผมปลอบใจผม ทั้งที่ท่านเองก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผมเลยต้องกอดปลอบและยิ้มให้ท่านสบายใจ

“คุณป้าไม่ต้องคิดมากนะครับ ไม่ใช่ความผิดของคุณป้าหรอกครับ”

“ไม่เอาป้าสิลูก เรียกแม่อย่างที่น้องไนล์เคยเรียกนะ แม่ไม่อยากให้น้องทำตัวห่างเหินแบบนี้เลย”

และในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากตอบคุณแม่ของพี่ภูเสียงดังโวยวายจากพี่ภูกับลมก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“แล้วไอ้พวกที่แอบชอบเมียชาวบ้านนี่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนคนอื่น!” เสียงพี่ภูตวาดลมลั่นจนผมตกใจ “ผมกับไนล์จะกระทบกระทั่งกันบ้างมันก็ไม่แปลกอะไร ยังไงเราก็ปรับความเข้าใจกันได้ แต่กับ ‘คนอื่น’ ที่ถึงแม้จะพยายามเป็นมากกว่า ‘คนอื่น’ มาหลายปีแต่ยังไม่มีปัญญานี่ ไม่ควรจะมายุ่งเรื่องของผมกับเมียผมถูกไหมครับ?”

พี่ภูยั่วโมโหลมกลับ ผมที่นั่งฟังได้แต่ปวดหัวไปหมด เพราะลมก็ใช่ว่าจะยอมแพ้

“กล้าเรียกคนอื่นว่าเมียได้เต็มปาก ผมล่ะอยากจะรู้จริงๆ ว่าไนล์ยอมรับคุณแล้วรึไง? หึ! ถ้าคุณไม่ทำตัวเลวๆ ใส่ไนล์จนไนล์พลาดท้อง ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าคุณไม่มีทางมายืนตรงนี้แน่!” ลมเสียงดังใส่พี่ภูอย่างไม่ยอมแพ้ “อ้อ! แต่ต่อถึงให้ไนล์ท้อง แต่ถ้าไนล์ไม่เอาคุณก็คือไม่เอา ใครจะรู้ไนล์อาจจะเลือกผมก็ได้ เพราะอย่างน้อยผมก็ไม่เคยทำร้ายไนล์ หรือทำให้ไนล์เสียใจเหมือนที่คุณทำ!!”

“นาย!!!”

พี่ภูตวาดลมลั่น และผมก็รู้ในนาทีนั้นว่าความอดทนของทั้งคู่ขาดผึงลงแล้ว เมื่อต่างฝ่ายต่างเงื้อหมัดเข้าหากัน แต่ก่อนที่คนทั้งคู่จะพุ่งเข้าใส่กัน พี่เทมส์ก็ถลาตัวเข้าไปแทรกกลางได้ทัน โดยใช้แขนยันอกของทั้งคู่เอาไว้

“หยุด! เป็นหมารึไงวะ? ทำไมถึงกัดกันไม่เลิกสักที!!” พี่เทมส์ตวาดใส่ ซึ่งลมก็ยอมหยุดทันทีในขณะที่ภูยังไม่สงบเท่าไหร่

“มึงดูมันพูดดิเทมส์ กูไม่ซัดมันหน้าหงายก็ดีเท่าไหร่แล้ว!” พี่ภูยังคงฮึ่มๆ ซึ่งลมก็ใช่ว่าจะยอม

และท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่ได้มีใครรู้เลยว่าพ่อกับแม่ผมกลับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว และในขณะที่พวกท่านกำลังจะเดินผ่านห้องนั่งเล่นไปยังชั้นสองของบ้าน พวกท่านคงได้ยินเสียงเอะอะ เหมือนคนทะเลาะกัน ทั้งคู่เลยพากันเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ลมพูดประโยคนี้ออกมาพอดี

“ก็ดูผู้ชายคนนี้ทำกับไนล์สิพี่เทมส์ ใครจะยอมไม่โมโหไหว” ลมชี้หน้าพี่ภูอย่างไม่เคารพ “ถ้ามันไม่รังแกไนล์แบบนั้น ไนล์ก็คงไม่ต้องมาตั้งท้องแบบนี้หรอก”

คุณพ่อผมชะงัก ในขณะที่แม่ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจเมื่อได้ยิน


“ลมว่าอะไรนะ? ไนล์ตั้งท้องอะไร? ใครทำ?!”


ผมหันไปตามเสียงทุ้มที่ตวาดลั่นด้วยความตกใจ และพอเห็นว่าใครยืนอยู้หน้าห้องนั่งเล่นใจผมก็แทบร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

“คุณพ่อ.. คุณแม่…”

.

.

.

To Be Continue

-------------------------------------------------

อ่านให้สนุกนะคะ .. ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นท์มากๆ ขอบคุณหลายคนที่ยังไม่ไปไหน ถ้ามีตรงไหนอยากให้ปรับบอกได้นะคะ ไม่รู้จะเบื่อๆ กันรึยัง คอมเม้นท์หายไปเกือบครึ่ง ฮ่าๆ

เราเองพยายามจะปั่นให้จบ แต่ก็ไม่จบสักที เขียนไม่ออก 55555 แต่ก็จะปิดลงในเร็วๆ นี้แน่ค่ะไม่ต้องห่วง ถ้าเขียนเสร็จก็จะมาลงติดๆ กันเลย จะได้ไม่ต้องรอนาน

ก็.. ไม่มีอะไรมากนอกจากขอบคุณจริงๆ นะคะ ขอบคุณที่อยู่มาด้วยกันจนถึงตอนนี้ ขอบคุณมากค้าบบ แล้วไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ .. รัก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-13 : Universe 33th)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 13-08-2020 23:23:28
สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-13 : Universe 33th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-08-2020 23:26:06
โอ๊ยย ยาวซะใจมากๆเลย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-13 : Universe 33th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-08-2020 00:08:33
เรื่องใหญ่กว่าเดิม เอะหรือง่ายกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-13 : Universe 33th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-08-2020 09:55:50
เกลียดความเอาแต่ใจของคุณภูจริง ๆ ถามจริงเถอะเคยคิดถึงจิตใจน้องบ้างไหม ทำอะไรเอาแต่ใจไปซะหมด ทั้งตอดเล็กตอดน้อยน้อง อ่านแล้วรำคาญอิภูจริง คนสำนึกผิดมันต้องเจียมตัวบ้างไม่ใช่เห็นตัวเองเป็นใหญ่อยากทำอะไรก็ทำ สงสารก็แต่ลมเพราะยังไงอิภูมันก็มีภาษีดีกว่าเพราะน้องมันรัก และอีกเดี๋ยวลมก็คงเป็นแค่หมาหัวเน่าที่ถ้าเขารักกันเราก็ได้แต่มองให้พวกเขามีความสุขแล้วกลับมาเลียแผลให้ตัวเองหายไว ๆ ฮือออออออออ :sad4: :sad4: :sad4: เศร้าแทนลมเลยเราถึงจะรู้ว่าความรักมันบังคับกันไม่ได้ก็เถอะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-13 : Universe 33th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 14-08-2020 12:23:53
เอาแล้ววววววววววว
เรื่องใหญ่กว่าเดิมอีก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-13 : Universe 33th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 14-08-2020 13:33:55
หึ! บรู๊วววววว หอนต่อ ชอบเป็นหมาจ้า 55555 อะไรก็ไม่รู้ของไนล์ ร้องไห้ทำไมอ่ะ ร้องไห้ทำไม ได้กลิ่งหึ่งๆจากลม หมาหัวเน่าที่แท้ทรู 55555 พอมาทีนี้ละอยากรับผิดชอบเร็วนะ เมีย ลูก  โถ่เอ๊ย! กระจอกจริงอีผีภู พ่อแม่ไนล์คงบอกให้อีพี่ภูรีบมาแต่งอะนะ เห๊อะๆ กร๊าก เออๆกลับมาอยู่ด้วยกันรักกันให้มันจบเร็วๆเถอะ 55 แต่งเก่งอ่ะ แต่งยังไงให้เรารู้สึกหมั่นไส้และรำคาญตัวละครได้ทุกคนแบบนี้ อินอ่ะ 555 ขอบคุณค่าที่มาต่อ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-20 : Universe 34th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 20-08-2020 20:33:03
Universe 34th : ครอบครัว


Kirin’s Part


ผมนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกด้วยท่าทางที่ไม่เป็นสุขเท่าไหร่นัก เพราะตอนนี้คุณพ่อของน้องดูโกรธมากๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ในขณะที่คุณแม่เอาแต่นั่งร้องไห้เงียบๆ โดยที่มีน้องนั่งบีบมือตัวเองแน่นอยู่ที่โซฟาตัวถัดไป โชคยังดีที่เทมส์ไม่ปล่อยให้ไนล์อยู่คนเดียว มันคอยอยู่ข้างๆ น้องตลอดเลยให้ผมได้เบาใจได้บ้าง

และถึงแม้เราจะยังไม่ได้เริ่มคุยเรื่องนี้กันอย่างเป็นทางการ แต่ผมคิดว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของน้องน่าจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายคนเล็กของตัวเอง

“ตกลงใครจะบอกพ่อได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น?”

คุณพ่อของไนล์มองผมกับไอ้เด็กที่ชื่อลมตาเขม็ง บ่งบอกถึงความไม่พอใจและคาดคั้นเอาคำตอบในแบบที่ผมรู้เลยว่าไม่ใช่มีแค่เทมส์หรอกที่หวงน้อง ท่าทางทุกคนในบ้านน่าจะหวงไนล์กันทั้งหมด ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด

“ผมผิดเองครับ” ผมตัดสินใจออกรับ เพราะจะว่าไปผมเองก็ผิดจริงๆ ผมผิดมาตั้งแต่เริ่ม และถึงเวลาแก้ไขให้มันถูกต้องสักที

“ไม่ครับคุณพ่อ ลมผิดเองครับ” แต่ไอ้เด็กลมกลับไม่ยอมให้ผมได้ทำแบบนั้นง่ายๆ

และพอผมกับลมตั้งท่าจะเถียงและทะเลาะกันอีกรอบ คุณพ่อก็เลยห้ามไว้ด้วยเสียงที่ค่อนข้างจะ.. น่าเกรงขาม

“พอๆ ไม่ต้องเถียงกัน!” คุณพ่อของไนล์หันมาทางผม ก่อนจะถามดุๆ “เจ้าภู พูดมา บอกพ่อซิว่าเกิดอะไรขึ้น?”

ผมหันไปมองแม่ของตัวเองนิดหน่อย พอเห็นสายตาของท่านผมก็นึกเข้าใจ ท่านพยายามจะส่งสัญญาณบอกกับผมว่าท่านจะจัดการเรื่องนี้เอง แต่ผมส่ายหน้าเบาๆ ไม่ให้แม่ทำแบบนั้น ในเมื่อปัญหานี้ผมเป็นคนก่อ ผมก็ต้องแก้เอง และผมก็คิดว่าแม่น่าจะกำลังตกใจกับหลายๆ เรื่องที่ได้รับรู้ อาจจะตกใจมากกว่าผม ถึงแม้มันจะปนมากับความดีใจในตอนที่รู้เรื่องทั้งหมดก็เถอะ


‘แม่ครับ แม่อยู่ไหนภูจะไปรับ ภูมีเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตจะขอให้แม่ช่วยครับ'

‘มีอะไรหรือป่าวพี่ภู ทำไมทำเสียงเหมือนเกิดเรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย’


‘แม่ตั้งใจฟังภูดีๆ นะครับ ภูจะบอกแม่คร่าวๆ ก่อน รายละเอียดต่างๆ เอาไว้แม่ค่อยซักตอนที่ภูกับแม่เจอกัน ตอนนี้ที่ภูบอกแม่ได้คือ แม่ต้องไปหาคุณพ่อคุณแม่ของไนล์กับภู ไปขอน้องให้ภูที น้องกำลังตั้งท้องลูกของภู... หลานของแม่ครับ’

เดี๋ยว! พี่ภูว่ายังไงนะลูก น้องท้อง?’

‘ครับ แม่ฟังไม่ผิดหรอก เดี๋ยวรายละเอียด...’


‘มารับแม่ไปบ้านน้องเดี๋ยวนี้เลยพี่ภู!’


แล้วหลังจากที่ผมไปรับแม่เพื่อพามาคุยกับครอบครัวน้อง เราสองคนแม่ลูกเลยได้คุยกันคร่าวๆ พอแม่ผมรู้เรื่องทั้งหมดก็ตกใจยกใหญ่ แต่หลังจากหายช็อคแล้ว ท่านก็ใช้มือฟาดผมไม่ยั้ง ฟาดไปต่อว่าไปโทษฐานที่ผมรังแกน้องจนเกิดเรื่อง ท่านไม่ได้รังเกียจหรือคิดมากเลยในเรื่องที่ว่าทำไมไนล์ถึงตั้งท้องได้ สิ่งที่แม่ผมคิดและย้ำตลอดทางที่มาบ้านน้องมีเพียง


‘แม่จะไม่ยอมเสียลูกสะใภ้กับหลานไปเด็ดขาด ถ้าพี่ภูพาน้องกับหลานมาอยู่กับแม่ไม่ได้ แม่จะไม่ยกอะไรให้พี่ภูสักอย่าง แม่จะยกมรดก บ้าน บริษัท ให้น้องไนล์กับหลานทั้งหมด และแม่ก็จะไล่พี่ภูให้ไปอยู่คอนโดด้วย’


แม่ผมยื่นคำขาดแบบนั้นและมันก็เป็นสิ่งที่ผมจะโคตรเห็นด้วย .. ถ้าไม่มีไนล์กับลูก ชีวิตผมก็เหมือนไม่เหลืออะไรเลยเหมือนกัน

เพราะฉะนั้น ตอนนี้ผมต้องสู้เพื่อคนที่ผมรัก สู้.. เพื่อให้น้องและลูกกลับมาอยู่กับผมอีกครั้ง


“ไนล์ท้องครับ และเด็กในท้องเป็นลูกของผมครับคุณพ่อ”


ผมพูดชัดถ้อยชัดคำ สบตากับผู้เป็นพ่อของน้องโดยไม่มีแววหวาดหวั่นใดๆ ทั้งนั้น ถึงตอนนี้ผมจะโดนพ่อน้องต่อยสักที หรือตีสักครั้งผมก็จะไม่สู้ ผมรู้ว่าผมผิดและคนทำผิดก็ควรจะต้องน้อมรับทุกการลงโทษโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

“มะ .. มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”

คุณพ่อของน้องถามเสียงเบา ท่านดูตกใจแม้จะพอเดาได้หรือรู้เลาๆ จากการทุ่มเถียงของผมกับลมเมื่อสักครู่ แต่เมื่อท่านได้ยินเต็มๆ ชัดๆ ก็ดูจะไปไม่เป็นอยู่เหมือนกัน ในขณะที่คุณแม่น้องเอาแต่บ่นพึมพำว่า ‘ฉันจะเป็นลมๆ’ ไม่หยุด ทำเอาผมรู้สึกผิดเต็มหัวใจ และไนล์เองก็คงจะรู้สึกแย่เหมือนกัน เพราะผมเห็นน้องมองพ่อกับแม่ตาละห้อย น้ำใสไหลออกจากตากลมไม่หยุด น้องทำท่าจะโผเข้าไปหาบุพการีทั้งคู่ แต่เทมส์ก็รั้งไนล์ไว้เพราะรู้ว่ายังไม่ใช่เวลา

ผมรู้ว่าไนล์อยากอธิบาย ผมรู้ว่าไนล์กลัวพ่อกับแม่จะโกรธและเสียใจ แต่ผมไม่อยากให้น้องต้องมาแบกรับอะไรคนเดียวอีกแล้ว ที่เหลือมันควรเป็นหน้าที่ของผม ในเมื่อผมเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด ผมก็ควรรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง

“ก่อนหน้านี้ที่ไนล์บอกว่าไปทำงานที่ต่างประเทศ คือช่วงเวลาที่ไนล์ย้ายไปอยู่กับผมครับ” ผมเริ่มเล่าตามความเป็นจริงแต่เลือกคำที่จะใช้ให้ซอฟต์ที่สุด

“ว่าไงนะ? นี่ไนล์โกหกพ่อกับแม่งั้นหรอ?” คุณพ่อถามเสียงเบามองไปที่ไนล์ด้วยความผิดหวัง นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่

“ฮึก.. พ่อครับ พ่อฟังไนล์ก่อนนะ คือไนล์..” แต่น้องยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค เทมส์ที่นั่งอยู่ด้านข้างก็เอื้อมมือมากุมมือน้องไว้ พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะออกโรงปกป้องน้องชายของตัวเอง

“เทมส์อธิบายแทนน้องเองครับพ่อ เพราะเทมส์เป็นต้นคิด เทมส์รู้เห็นเป็นใจให้น้องไปอยู่กับไอ้ภูเอง”

ไนล์เบิกตาโตเพราะตกใจ จะร้องแย้งแต่เทมส์ไม่ยอม ในขณะที่คุณแม่เองก็ทำท่าเหมือนจะเป็นลมล้มพับไปอีกรอบ

“นี่พี่เทมส์ก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรอเนี่ย โอย ตายๆๆ แม่จะเป็นลม”

“ครับ เทมส์รู้ เทมส์ทราบ เทมส์เป็นคนคิดแผนทั้งหมดในการส่งน้องไปอยู่กับไอ้ภู นั่นเป็นเพราะส่วนหนึ่งเทมส์สงสารน้อง ถ้าจะมีใครผิด หรือถ้าจะมีใครที่เป็นคนทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง ขอให้คนนั้นเป็นเทมส์เถอะนะครับ ไม่ใช่ไนล์”

เทมส์พูดฉะฉาน ไม่มีความกังวลในแววตาเพื่อนสนิทผมสักนิด และนั่นทำให้ผมเบาใจและรู้ดีว่ามันคงเตรียมตัวมาพอสมควรแล้วที่จะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นี้ ดังนั้น ผมจึงต้องถอยออกมาก่อน ปล่อยให้ในส่วนครอบครัวน้องเคลียร์กันให้เรียบร้อย แล้วถึงจะเป็นคราวของผมที่ต้องเคลียร์ตัวเองบ้าง

“พี่เทมส์...”

ไนล์ร้องเรียกพี่ชายตัวเองเสียงเบา ซึ่งเทมส์ก็ทำเพียงหันมาส่งยิ้มให้น้อง ราวกับจะปลอบประโลมว่าปัญหานี้จะผ่านไปได้ด้วยดี

“อย่างที่พ่อกับแม่ทราบ พวกเรากังวลเกี่ยวกับเรื่องไนล์กันมาหลายปี และพ่อกับแม่เองก็พยายามจะแก้ปัญหาด้วยการเร่งรัดให้น้องแต่งงานกับลมตลอดมา โดยที่ทั้งพ่อแม่และแม่ไม่รู้เลยว่าน้องมีคนที่น้องรักอยู่แล้ว... รักมานานถึงสิบปี รักมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น รักและก็ตัดใจไม่ได้มาโดยตลอด ทั้งรักทั้งรอคอย แม้ว่าคนๆ นั้นของไนล์จะอยู่ไกลถึงคนละฟากทวีป แต่ไนล์ก็ไม่หยุดหวังว่าสักวันทั้งเขาและไนล์จะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และนั่นก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมน้องถึงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมแต่งงานกับลมอย่างที่พ่อกับแม่อยากให้เป็นมาโดยตลอด”

“...” ผมตั้งใจฟัง เพราะมันเป็นอีกแง่มุมที่ผมไม่เคยรู้เกี่ยวกับน้อง

“จนกระทั่งคนที่น้องแอบรักกลับมาจากอเมริกา กลับมาอย่างบอบช้ำเพราะโดนคนรักเก่าทิ้ง ไนล์.. ที่แอบชอบเขาคนนั้นมานานถึงสิบปี คาดหวังว่าจะได้มีโอกาสดูแลหัวใจและตอบแทนที่คนๆ นั้นเคยช่วยชีวิตไว้ เลยพยายามจะขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอีกฝ่าย ประกอบกับการที่ถูกพ่อแม่เร่งรัดให้แต่งงาน ไนล์เลยเลยเหลือทางออกน้อยลงไปทุกที สุดท้ายไนล์ก็เข้ามาหาผม ขอร้องปนอ้อนวอนให้ผมเห็นแก่ความรักของตัวเอง โดยยอมแลกกับเงื่อนไขบางอย่าง”

“....”

“เงื่อนไขที่ว่าก็คือถ้าเทมส์ช่วยให้น้องได้ไปอยู่ ได้ไปใกล้ชิด ได้ไปดูแลและอยู่ใกล้ๆ ทำให้คนๆ นั้นของไนล์ดีขึ้นภายในเวลาสามเดือน ถ้าเขาคนนั้นรักไนล์ตอบ ไนล์ก็จะได้สมหวังในความรักที่ยาวนานของตัวเอง และน้องก็มั่นใจด้วยว่าพ่อกับแม่จะเห็นด้วยถ้าได้รู้จักคนที่ไนล์รัก แต่ถ้าเขาไม่รักหรือไม่ได้ดีขึ้นจากที่เป็น ไนล์จะยอมถอยออกมา และเปิดใจให้ลม โดยไม่เกี่ยงงอนอะไรอีก”

“....”

“ซึ่งพอเทมส์ได้ยินว่าไนล์ยอมรับเงื่อนไขนี้ได้ เทมส์ก็เลยตกลงที่จะช่วยเหลือน้อง ให้น้องได้เข้าไปอยู่ในชีวิตของคนที่น้องรักภายใต้สายตาและการดูแลของเทมส์ และคนๆ นั้นของไนล์ก็คือไอ้ภู เพื่อนสนิทของเทมส์เอง เพื่อนสนิทของเทมส์ที่ไนล์แอบรักมาเป็นสิบปี”

คุณพ่อกับคุณแม่ของน้องหันมามองผมสลับกับมองไนล์อย่างไม่เชื่อสายตา เหมือนท่านไม่เคยระแคะระคายมาก่อนว่าคนที่ไนล์แอบรักมาตลอดคือผม ไนล์ที่ไม่ได้แสดงออกอะไรเลย แต่รอผมอยู่ถึงสิบปีเต็มๆ

“เป็นไปได้ยังไง น้องไนล์จะไปแอบรักเจ้าภูได้ยังไง สองคนไม่เคยได้เจอกันสักหน่อย เทมส์ไม่เคยชวนเพื่อนมาบ้านนะพ่อจำได้”

เทมส์ทำท่าจะพูด แต่ไนล์รั้งข้อมือพี่ชายของตัวเองไว้ พร้อมกับส่งสัญญาณให้เทมส์รู้ว่าเรื่องนี้น้องอยากเป็นคนพูดด้วยตัวเอง

“ฮึก.. นะ ไนล์เคยเจอกับคุณภูครับ เคยเจอตอนอยู่ม.สาม วันนั้นที่แม่ให้ไนล์เอาหนังสือไปให้พี่เทมส์ที่โรงเรียน ไนล์โดนรุ่นพี่ที่เกเรรังแก พวกนั้นพยายามจะลวนลามไนล์ แต่คุณภูมาช่วยไว้ ไนล์ก็เลย ฮึก.. ตกหลุมรัก”

“ไนล์..” ผมพึมพำพร้อมกับมองหน้าน้องนิ่ง นึกเสียใจทุกครั้งที่ตัวเองโง่งมและจำน้องไม่ได้ ผมเสียเวลาที่มีค่าไปตั้งเท่าไหร่ แทนที่จะได้มีความสุขกับไนล์มากกว่านี้ตั้งนานแล้ว

“ไนล์ไม่รู้ว่คุณภูเป็นใคร และหลังจากนั้นไนล์ก็ได้เจอคุณภูอีกสามสี่ครั้งก่อนที่คุณภูจะไปอเมริกา และก่อนที่ไนล์จะรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทพี่เทมส์”

“....”

“จนวันที่คุณภูมาลาพี่เทมส์ที่บ้าน วันนั้นไนล์ถึงได้รู้ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน ซึ่งมันเป็นวินาทีเดียวกับที่ไนล์รู้ว่าไนล์ตกหลุมรักคุณภูเต็มเปา แต่ตอนนั้นไนล์ยังเด็ก ไนล์ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเลยได้แต่แอบรักเขาอยู่แบบนั้น จนสิบปีผ่านไปไนล์ก็ยังตัดใจไม่ได้ และพอไนล์รู้ว่าเขาจะกลับมา ประกอบกับไนล์ไม่อยากแต่งงานกับลมแบบที่พ่อกับแม่อยากให้เป็น ไนล์เลยไปขอให้พี่เทมส์ช่วย”

“....”

“ไนล์เลยได้ไปอยู่กับเขาอย่างที่ใจอยาก แต่เขาไม่รักก็คือเขาไม่รัก... สุดท้ายไนล์ก็เลยต้องซมซานกลับมาบ้าน กลับมาหาพ่อ หาแม่ หาพี่เทมส์ กลับมาไม่พอ ไนล์ยังทำให้ทุกคนผิดหวังด้วยการอุ้มท้องกลับมาอีก... ฮึก นะ ไนล์ ไนล์...ขอโทษครับ”

น้องร้องไห้โฮหลังจากพูดจบ และผมก็รู้ว่าน้องเจ็บปวดมากขนาดไหน เพราะตอนนี้ผมเองก็เจ็บมากไม่แพ้น้องเลย ทั้งๆ ที่ผมเป็นคงพลั้งมือทำร้ายน้องแท้ๆ ผมเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้น้องต้องตกอยู่สภาพแบบนี้

และพอรู้ตัวอีกทีผมก็ไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าน้องที่นั่งอยู่ที่โซฟาตัวถัดไป ผมโอบแขนทั้งสองข้างกอดเอวน้องไว้แน่น ซบหน้าลงที่หน้าขาของน้องปล่อยให้น้ำตาแห่งความรู้สึกผิดไหลออกมาอย่างไม่คิดจะห้าม พร้อมกับพึมพำขอโทษไนล์ไม่หยุด

“ไนล์.. พี่ขอโทษ พี่ผิดเอง พี่ขอโทษ..”

ทั้งห้องรับแขกตกอยู่ในความเงียบสงัด ผมกอดน้องอยู่แบบนั้น น้องเองก็นั่งนิ่งปล่อยให้ผมกอด ไม่ใช่เพราะไนล์ใจอ่อนหรือยอมยกโทษให้ผม แต่ไนล์นิ่งเฉยเพราะไม่หือไม่อือ เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรมากกว่า น้องนั่งร้องไห้เงียบๆ จนผมปวดหัวใจไปหมด

“คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ” ผมหันไปหาพ่อกับแม่ขอน้องทั้งที่ยังคุกเข่าอยู่ ก่อนจะยกมือขึ้นพนมแนบอก แล้วก้มลงไปกราบที่พื้นอย่างสำนึกผิด “อย่าโกรธไนล์เลยนะครับ ทั้งหมดคือความผิดของผมเอง ทั้งที่รู้ว่าน้องรักผม ทั้งที่รู้ว่าน้องยอมผมทุกอย่าง ผมก็ยังเอาเปรียบ ผมขอร้องนะครับคุณพ่อ คุณแม่...”

“...” ผมหันไปมองไนล์เล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาที่บุพการีทั้งสองของน้องอีกครั้ง


“ผมขอร้อง ขอโอกาสให้ผมได้ดูแลไนล์ ได้รับผิดชอบ ได้ทำหน้าที่สามีของน้องและพ่อของลูก ให้ผมแต่งงานกับไนล์นะครับ ผมสัญญาผมจะไม่ทำให้ไนล์เสียใจอีก”


ไนล์หันขวับมามองผมทันทีที่ผมพูดจบ น้องพึมพำแต่คำว่า ‘ไม่’ จนหัวใจผมเจ็บไปหมด

ความรู้สึกมันเป็นแบบนี้สินะ ตอนที่ผมปฏิเสธน้องหรือพูดจาร้ายๆ ใส่น้อง .. มันก็สมควรแล้วที่ผมจะโดนแบบนี้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ยอมแพ้

“นะครับคุณพ่อ คุณแม่ ผมพาแม่ผมมาด้วย ผมจะให้แม่มาสู่ขอน้องให้ถูกต้องตามประเพณี ผมยอมทำทุกอย่างที่คุณพ่อคุณแม่ เทมส์และน้องต้องการ ขอเพียงโอกาสให้ผมได้ดูแลน้อง ได้ดูแลลูก ได้ทำหน้าที่อย่างที่ผมควรจะทำ และรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง ทุกคนจะ...”

“ไม่จำเป็น!!” ทั้งๆ ที่ครอบครัวไนล์ไม่มีใครพูดอะไรสักคน แต่ไอ้เด็กลมกลับทะลุขึ้นมากลางปล้อง คนที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูหัวใจของผมยืนจังก้า และเดินเร็วๆ เข้าไปหาไนล์พร้อมกับประกาศอย่างไม่เกรงใจ “คุณไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบ ไนล์ไม่ได้ต้องการคุณ ต่อให้ไม่มีคุณ ผมก็ดูแลไนล์กับลูกได้ ผมยินดีแต่งงานกับไนล์ ไม่ว่าไนล์จะเป็นอะไรหรือท้องกับใคร ผมรักไนล์มาตั้งแต่สิบปีที่แล้ว ผมมั่นใจว่าผมจะดูแลไนล์ได้ดีกว่าไอ้คนที่จ้องจะทำให้ไนล์เสียใจแน่”

“...” ผมนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าไอ้เด็กลมจะกล้าโพล่งออกมาแบบนี้ และก่อนที่มันจะพูดออกมาอีกประโยคให้ผมฟิวส์ขาด

“หึ! ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่าที่คุณมาลงทุนอ้อนวอนง้องอนไนล์เนี่ย เป็นเพราะอยากได้เด็กในท้องของไนล์รึป่าว ก่อนหน้านี้ผมไม่เห็นคุณจะสนใจเลยว่าทำไนล์เสียใจยังไงบ้าง”

“นาย!!” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะตวาดและชี้หน้าไอ้เด็กนั่นอย่างไม่พอใจ มันมีสิทธิ์อะไรมากล่าวหาผมแบบนี้ ไม่ใช่ผมเพิ่งมาสนใจไนล์ตอนไนล์ท้องเมื่อไหร่ ผมตามง้อน้องมาเป็นเดือนแล้ว ตั้งแต่น้องหนีมาและทิ้งผมให้อยู่คนเดียว “นายมีสิทธิ์อะไรมาใส่ร้ายฉัน!! หยุดพูดจาแบบนั้นเดี๋ยวนี้”


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-20 : Universe 34th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 20-08-2020 20:39:58
(อ่านต่อจากด้านบน)


ผมร้อนรนไปหมด เพราะหันไปเห็นสายตาไนล์ยามที่มองมาหลังลมพูดจบ มันดูไม่ไว้ใจและหวาดกลัวว่าผมจะทำแบบที่ลมพูดจริงๆ

“ไม่ใช่นะไนล์ ไม่ใช่แบบนั้น พี่ไม่ได้จะมาแย่งลูกหรือไม่ได้จะมาพรากเขาไปจากไนล์ พี่อยากดูแลทั้งไนล์ทั้งลูกของเรา ไนล์อย่าไปฟังคนอื่นนะครับ พี่ขอร้อง”

ไนล์กอดท้องตัวเองแน่น พร้อมกับขยับตัวเข้าหาไอ้เทมส์และไม่ยอมมองหน้าผมอีก และพอผมจะเข้าไปหาไปพูดกับน้องใกล้ๆ ลมก็พาตัวเองมาขวางไว้ จนผมกับเด็กนั่นตั้งท่าจะพุ่งเข้าใส่กันอีกรอบ แต่น้ำเสียงทุ้มน่าเกรงขามก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! อย่ามาทะเลาะกันที่นี่ ถ้าจะทะเลาะกันให้ออกไปทะเลาะข้างนอก อย่ามาทำตัวเป็นอันธพาลกันแถวนี้!!”

ผมกับไอ้เด็กลมเลยต้องถอยออกจากกัน ทั้งที่จ้องหน้ากันแทบจะกินเลือดกินเนื้อ และทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มีเพียงแต่เสียงไนล์นั่งสะอื้นเบาๆ ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงคุณแม่ของน้องร้องเรียกน้องอย่างอ่อนโยน หลังจากที่ท่านปรึกษากับคุณพ่อด้วยสายตาแล้ว

“น้องไนล์ มาหาแม่มาลูกมา” คุณแม่ของน้องอ้าแขนกว้าง รอรับให้น้องเข้าไปหา และไนล์ก็ไม่ใช้เวลาในการคิดนานเลย น้องถลาเข้าไปในอ้อมกอดของแม่ทั้งที่ยังสะอึกสะอื้นไม่หยุด โดยมีคุณแม่น้องกอดปลอบแน่นทั้งที่ท่านเองก็น้ำตาไหลไม่ต่าง

“ฮึก.. แม่ครับ ไนล์ขอโทษ ไนล์ขอโทษครับ” น้องพึมพำคำว่าขอโทษไม่หยุด จนผมสงสารจับใจ

“ไม่เป็นไรนะลูก .. ไม่เป็นไร ฮึก ไนล์ทุกข์ใจมากเลยใช่ไหม แม่เองก็ขอโทษเหมือนกันนะลูกนะ” คุณแม่น้องกอดปลอบน้อง ทั้งที่ท่านเองก็ร้องไห้ โดยมีคุณพ่อนั่งลูบหัวทุยๆ ของน้องไม่ห่าง

“เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปนะลูกนะ ตอนนี้ที่ไนล์ต้องคิดและต้องทำก็คือรับมือในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น” พ่อของน้องพูดกับน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “การที่ไนล์กำลังจะมีหลานให้พ่อไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรเลย มันเป็นเรื่องที่เราควรจะยินดีด้วยซ้ำ อาจจะต้องจัดการอะไรมากหน่อย แต่มันก็จะทำให้ไนล์โตขึ้นนะลูกนะ”

ไนล์ผละออกมาจากคุณแม่ และมองคุณพ่อทั้งที่น้ำตากลบนัยน์ตา ก่อนที่จะถูกคุณพ่อดึงไปกอดบ้าง และในตอนนั้นไอ้เทมส์ก็ยิ้มบางๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาพ่อแม่และน้องชายของตัวเอง

“แต่ไนล์.. ไนล์ทำให้ พ่อกับ ฮึก กับแม่แล้วก็พี่เทมส์ผิดหวัง” ไนล์ยังคงร้องไห้กับอกคุณพ่อ “ทุกคนเลี้ยงดูไนล์มาอย่างดี แต่ไนล์กลับ ฮืออ กลับไม่ดูแลตัวเอง จนสุดท้ายก็พลาดแล้วกลับมาให้คนในครอบครัวดูแล”

ผมเตรียมจะแย้งเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่คุณแม่ของผมรั้งมือไว้ก่อน ท่านส่งสัญญาณเป็นเชิงว่าให้คนในครอบครัวน้องได้คุยกันเองก่อน ที่ผมต้องทำคือรอจังหวะและเวลา

“พ่อกับแม่บอกน้องไนล์ตอนไหนว่าผิดหวัง หื้ม?” ไนล์เงยหน้ามองคุณพ่อทั้งที่น้ำตากลบ “น้องไนล์เป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่ เป็นน้องที่ดีของพี่เทมส์ ไนล์ตั้งใจเรียนจนจบแล้วกลับมาช่วยงานครอบครัว”

“พ่อครับ..” คุณพ่อน้องยังคงยิ้มบาง พร้อมกับพูดต่อ

“แถมตอนนี้น้องไนล์ยังกำลังจะเป็นแม่ที่ดีของเจ้าตัวน้อยที่กำลังจะเกิดมาอีก แล้วจะให้พ่อกับแม่ผิดหวังในตัวไนล์เรื่องอะไรลูก .. ไนล์มีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองนะ”

“ฮึก...ไนล์ ..ไนล์” น้องพูดไม่ออก ได้แต่สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น

“ความจริงเป็นพ่อกับแม่ต่างหากที่ผิดเอง พ่อกับแม่มองแต่ในมุมของตัวเอง เป็นห่วงไนล์จนลืมคิดไปว่าเรื่องของความรักและเรื่องของหัวใจไม่ใช่เรื่องที่จะบังคับกันได้ และถ้าพ่อกับแม่ไม่เร่งรัดจะให้ไนล์เอาแต่แต่งงาน บางทีไนล์อาจจะไม่ตัดสินใจแบบนี้ก็ได้” คุณพ่อของน้องพูดอย่างอ่อนโยน ท่านไม่กล่าวโทษน้องสักนิด

“ไม่จริงเลยครับ พ่อกับแม่ไม่ผิดเลย .. ฮึก ไนล์ ไนล์ดื้อเอง”

คุณพ่อหัวเราะเสียงเบา ก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้กอดไนล์แน่นขึ้น

“เอ้า งั้นเราผิดกันคนละครึ่งดีไหม ครอบครัวเราผิดหมดเลยนี่แหละ ดีไหมลูก”

... แล้วผมก็ได้เห็นรอยยิ้มของน้องเป็นครั้งแรกตั้งแต่เราเริ่มคุยกันมา ซึ่งนั่นทำให้ใจผมชื้นขึ้นเป็นกอง และหวังว่าการพูดคุยในครั้งนี้จะง่ายขึ้น เพราะผมไม่ได้เตรียมใจมาผิดหวังเลยสักนิด ถ้าจะให้พูดกันตามตรง

“ฮึก.. พ่อครับ แม่ครับ” น้องโผเข้ากอดบุพการีทั้งสองของตัวเองอีกครั้ง โดยมีเทมส์คอยลูบหัวปลอบใจเบาๆ

“ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว น้องไนล์ก็ต้องเผชิญหน้ากับมันนะลูก...” คุณพ่อเริ่มพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นไนล์สงบลง “ถ้าถามความเห็นพ่อ พ่อคิดว่าควรให้พี่ภูเขารับผิดชอบ ยังไงเสียลูกของไนล์ก็เป็นลูกของเขาครึ่งนึง พ่อคิดว่า...”

“ฮึก.. ไม่ต้องครับ ไม่ต้องให้เขามารับผิดชอบก็ได้ ลูกไนล์ ไนล์เลี้ยงเอง... เขาไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำ เขาไม่เคยจะตั้งใจ ไม่ต้องให้เขามาดูแลอะไรไนล์หรอก”

ผมทำท่าจะตรงเข้าไปหาไนล์ แต่กลับถูกคุณพ่อห้ามไว้ด้วยสายตาก่อน ราวกับท่านรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่จังหวะที่จะเหมาะให้ผมเข้าไปเท่าไหร่นัก

“แล้วไนล์จะเลี้ยงเองได้ยังไง? ลูกไนล์ต้องการพ่อนะลูก” คุณพ่อพูดอย่างใจเย็น ก่อนจะหันไปทางไอ้เด็กลมที่ตอนนี้หน้าเศร้าเมื่อได้ยินคุณพ่อถามไนล์แบบนั้น แต่แล้วมันก็ยิ้มออกมาพอคุณพ่อถามประโยคถัดไป “หรือไนล์จะให้ลมมาช่วยดูแล ลมรอไนล์มาตลอด และลมก็ยินดีที่จะรับผิดชอบให้ ไนล์จะเอาแบบนั้นไหมลูก?”

“แต่ผม...” ผมเตรียมจะแย้ง แต่ถูกคุณพ่อของไนล์ปรามด้วยสายตาอีกครั้ง ผมเลยได้แต่จำยอมต้องนั่งเงียบๆ ทั้งที่ใจร้อนรน


ใครจะยอมให้ลูกกับเมียของตัวเองไปเป็นของคนอื่นได้กัน? .. ไม่ใช่ผมคนนึงล่ะที่จะยอม


ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณพ่อถึงให้ทางเลือกไนล์แบบนั้น และดูเหมือนไอ้เด็กลมก็ดูจะมีความหวังบ้างขึ้นมาไม่น้อย เพราะไนล์ไม่ตอบคำถามของคุณพ่อสักที น้องเอาแต่ก้มหน้านิ่งและดูครุ่นคิด

“ฮึก.. ไนล์ ไนล์...” ไนล์อึกอัก น้องดูพูดไม่ออกยิ่งทำให้ผมใจไม่ดี

“พ่อให้น้องไนล์เลือก ถ้าไนล์ไม่อยากเลือกตาภู ไนล์จะเลือกลมก็ได้ ให้ลมมารับผิดชอบดูแลไนล์ ดูแลลูกไนล์ที่เกิดจากตาภู พ่อรู้ว่าลมไม่มีปัญหาเรื่องนี้หรอก ลมรักไนล์มาก เขาพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อไนล์ทั้งนั้นถ้าไนล์ต้องการ.. น้องไนล์ต้องการแบบนั้นรึป่าวลูก?”

ผมลอบยิ้มในใจ พอได้ยินคุณพ่อจี้ถามน้องแบบนั้น ในขณะที่ลมเองก็ดูอึ้งไป เพราะถ้าเราทุกคนรู้จักนิสัยไนล์ดี ไนล์จะไม่มีทางเลือกลมให้มารับผิดชอบตัวเองทั้งที่ลมไม่ได้เป็นสาเหตุแน่ๆ .. น้องไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะเห็นแก่ตัวจนต้องทำลายชีวิตคนอื่น เพราะถ้าไนล์เลือกลม นั่นเท่ากับว่าลมต้องมาดูแลไนล์ทั้งชีวิตโดยปัญหาที่ลมไม่ได้เป็นคนเริ่ม

ไนล์เงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนสนิทที่อยู่ไม่ไกล สีหน้าและแววตาของน้องเศร้าสร้อย และผมก็ได้รู้ในนาทีนั้นว่าที่ไนล์อึกอักไม่ใช่เพราะไนล์คิดหนักว่าจะเลือกทางไหน แต่ที่ไนล์อึกอักเป็นเพราะไนล์ไม่รู้จะปฏิเสธลมยังไงไม่ให้ลมเสียใจมากกว่า

... ยอมรับว่าหึงนิดๆ ที่ไนล์ดูแคร์ไอ้เด็กนั่นมากขนาดนั้น แต่พอคิดว่าไนล์ก็แค่แคร์เพื่อน ห่วงความรู้สึกเพื่อน ไอ้ความหึงหวงก็ลอดน้อยลงไป และเป็นครั้งแรกที่ผมเพิ่งตระหนักได้ว่า ผมควรมองอะไรให้กว้างมากขึ้น ผมควรเข้าใจและควรเปลี่ยนความคิดใหม่หากผมอยากเริ่มต้นใหม่กับน้อง ขืนผมยังเป็นผมคนเดิมที่เอาแต่งี่เง่า หึงหวง ไม่รู้จักฟัง ชีวิตครอบครัวของผมต้องพังแน่ๆ

ตัวอย่างที่ผ่านมาก็มีให้เห็น ถ้าผมไม่คิดจะปรับปรุงตัวเลย ผมก็คงโง่เง่าและไม่สมควรได้รับโอกาสใดๆ จากไนล์ทั้งสิ้น

“ไม่ได้ ฮึก.. ไนล์ทำแบบนั้นกับลมไม่ได้ครับ” สุดท้ายไนล์ก็ตัดสินใจพูด “ไนล์ให้ลมมารับผิดชอบดูแลไนล์กับลูกไม่ได้ ลมไม่ผิดอะไรเลย ลมสมควรได้เจอคนที่ดีและเหมาะสมกับลมมากกว่าไนล์”

น้องพูดทั้งน้ำตานองหน้า สายตาที่มองไปยังเพื่อนสนิทที่แอบรักตัวเองมากว่าสิบปีมีแต่คำว่าขอโทษและเสียใจลอยวนอยู่เต็มไปหมด แม้ผมจะดีใจที่ตัวเองมีหวัง แต่สุดท้ายพอเห็นน้องเศร้าไอ้ความดีใจที่ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีใดๆ เลย หนำซ้ำลึกๆ ผมเองก็รู้ดีด้วยว่าถึงไนล์จะไม่เลือกลม ก็ใช่ว่าไนล์จะเลือกผม

ก็อย่างที่เทมส์เคยบอกว่าบทไนล์จะดื้อ ไนล์ก็ดื้อเสียจนไม่มีใครเอาอยู่ .. ผมเองก็กังวลตรงนี้ไม่น้อยเหมือนกัน

“แต่ลมเคยบอกไนล์ไปแล้วไงว่าลมยินดีจะดูแลไนล์ ลมไม่ได้คิดมากเรื่องลูกเลยนะไนล์ ลูกไนล์ก็เป็นลูกของลมเหมือนกัน ลมอยากให้...”

“ลมอยากให้เราอยู่กับความรู้สึกผิดไปทั้งชีวิตหรอ? นอกจากจะต้องมาดูแลเรา มารักเรา เราตอบแทนอะไรลมได้บ้างนอกจากความเป็นเพื่อนที่ดี .. ฮึก เราไม่ได้อยากพูดแบบนี้เลยลม แต่เรารู้ว่าถ้าเราจะรักลม เราคงรักลมไปนานแล้ว แต่นี่เราคิดกับลมได้แค่เพื่อน แล้วเราจะเห็นแก่ตัวให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนโดยที่ลมต้องมาติดแหง็กกับเราดูแลเราและลูกชั่วชีวิต ลมคิดว่าเราจะรู้สึกดีที่มันเป็นแบบนั้นหรอ?”

ไนล์ไม่รอให้ลมพูดจบด้วยซ้ำ น้องโพล่งความรู้สึกของตัวเองออกมาทั้งหมด ทำเอาคนที่เป็นได้แค่เพื่อนสนิทอย่างลมถึงกับนิ่งไป ผมรู้ว่ามันดูใจร้ายที่ไนล์พูดตรงๆ แบบนั้น แต่มันก็ชัดเจนและเห็นภาพมากที่สุดที่จะอธิบายถึงสิ่งที่ไนล์รู้สึกได้ตอนนี้

ในขณะที่ไอ้เด็กลมเองก็มองหน้าไนล์นิ่ง ต่างฝ่ายต่างเต็มไปด้วยความเสียใจคนละแบบ ตัวผมเองก็เสียใจที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เรื่องมันแย่ลง แค่เพียงถ้าผมรู้ใจตัวเองเร็วกว่านี้ ถ้าเพียงแค่ผมมีสติไม่ทำแบบนั้นกับไนล์ ถ้าเพียงแต่ผมไม่หูเบา..

ความสัมพันธ์ของผมกับไนล์อาจจะเป็นไปอย่างราบรื่น และอย่างน้อยไนล์ก็จะไม่ต้องมาปฏิเสธลมซึ่งหน้า และทำให้ทุกฝ่ายเจ็บกันไปหมดแบบนี้

“ลมเข้าใจแล้ว.. เข้าใจทุกอย่างเลย”

ลมพูดแค่นั้น แต่แค่นั้นก็ทำให้ไนล์ร้องไห้จนผมสงสาร ผมอยากจะลุกไปกอด ไปปลอบและไปบอกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ผมก็รู้ดีว่าผมคงทำแบบนั้นไม่ได้ตราบเท่าที่ไนล์ยังไม่ยอมรับ

และลมเองก็คงคิดไม่ต่างจากผม เด็กนั่นเดินเข้าไปหาไนล์ก่อนจะสวมกอดร่างเล็กๆ ที่ตอนนี้ดูบอบบางเหลือเกิน ผมเห็นริมฝีปากลมขยับพึมพำบอกคนในอ้อมแขนที่กำลังร้องไห้ว่า ‘ไม่เป็นไรๆ’ ซ้ำๆ

ทุกคนปล่อยให้ไนล์ร้องไห้อยู่แบบนั้นโดยที่มีลมเป็นคนปลอบ ตอนนี้ผมโคตรรู้สึกแย่ รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง และที่ยิ่งไปกว่าความรู้สึกแย่คือความรู้สึกร้อนรน เพราะเท่ากับตอนนี้ทางเลือกของไนล์ที่คุณพ่อให้ไว้เหลือแค่ทางเดียว แต่ไม่มีอะไรการันตรีเลยว่าน้องจะเลือกทางที่ว่า

“แม่ครับ ภู...ภูอยากคุยกับน้อง ภูกลัวครับแม่ กลัวน้องไม่ให้โอกาสภู” ผมหันไปหาแม่และร้องขอท่านอย่างคนหมดหนทาง ผมวิตกไปหมด เพราะรู้ตัวดีว่าถ้าน้องปฏิเสธผมต้องอยู่ไม่ได้แน่ๆ

“ใจเย็นๆ นะพี่ภู รอฟังน้องก่อน ตอนนี้น้องกำลังสับสน” แม่ลูบศรีษะผมพร้อมกับพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมตั้งสติ “น้องเจออะไรมามาก พี่ภูต้องไม่กดดันน้องนะลูก ถ้ายิ่งพี่ภูกดดันน้อง น้องจะยิ่งต่อต้าน.. แม่เชื่อว่าคุณอธิปัตย์จะพูดกับน้องจนน้องยอมใจอ่อน พี่ภูรอก่อนนะลูกนะ”

แม่พูดปลอบผม ซึ่งผมเองก็พยายามตั้งสติและใจเย็นให้ได้อย่างที่แม่บอก แม้มันจะทำได้ยากเหลือเกิน

“ว่าไงตัวเล็ก ตัวเล็กพร้อมจะคุยกับพ่อต่อรึยังลูก?”

ประธานของบ้านเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เสียงสะอื้นของไนล์เงียบลง ตอนนี้ลมลุกขึ้นมานั่งโซฟาตัวถัดจากผมแล้ว และถึงแม้ใบหน้าเขาจะดูเศร้าแต่แววตาที่เขาเหลือบมองมาทางผมก็ยังไคงไม่เป็นมิตร และบ่งบอกถึงการไม่ยอมรับ แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะตอนนี้สิ่งที่ผมสนใจมีแค่ไนล์คนเดียวเท่านั้น

“ครับคุณพ่อ” ไนล์เอ่ยตอบโดยมีคุณแม่นั่งกอดน้องอยู่ข้างๆ

“ในเมื่อไนล์ไม่เลือกลม... ถ้าถามตามที่พ่อเข้าใจก็คือไนล์เลือกตาภูถูกไหม? เลือกคนที่เป็นพ่อของลูกไนล์?”

“ไม่ครับ ไนล์ไม่เลือก.. คำตอบของไนล์คือไม่เลือกใครเลยครับพ่อ” ผมใจหายวาบ เพราะน้องตอบเสียงดัง ชัดเจน ไม่มีความลังเลใดๆ ทั้งสิ้น “ไนล์มีพ่อ มีแม่ มีพี่เทมส์ มีลม .. ไนล์รู้ว่าทุกคนจะช่วยไนล์ดูแลลูกของไนล์ได้ ไนล์ไม่จำเป็นต้องมีคนอื่น ไนล์มีแค่ทุกคนกับลูกก็พอแล้วครับ”

ผมขยับตัวอย่างอึดอัด อยากจะพูดโพล่งออกไปเพื่อขอความเห็นใจจากน้อง แต่พอเห็นว่าคุณพ่อยังนิ่งและแม่ผมเองก็ห้ามไว้ ผมเลยได้นั่งทำหน้าเศร้าหาทางออกไม่ได้อยู่กับที่

“ใช่ ทุกคนดูแลไนล์ได้ แต่ถ้าลูกไนล์ถามไนล์ว่าใครเป็นพ่อ ไนล์จะตอบลูกว่ายังไงไหนบอกพ่อซิ... ไนล์จะตอบลูกว่าไนล์โกรธพ่อของลูกจนไล่เขาไปไกลๆ ไม่ให้เขามาเจอลูกแบบนี้หรอ? นี่พ่อยังไม่นับเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเลยนะ”

“....” ไนล์เงียบไปเมื่อเจอคุณพ่อพูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมา

“พ่อรู้ว่าไนล์ยังโกรธพี่เขาอยู่ พ่อเองพ่อก็โกรธ” ผมสะดุ้งแต่ก็ยังพยายามทำนิ่งไว้ “แต่ตอนนี้ไนล์จะคิดถึงแต่ความโกรธของตัวเองไม่ได้นะ ไนล์มีลูกแล้ว ไนล์ต้องคิดถึงเจ้าตัวน้อยในท้องด้วย... ทุกการตัดสินใจของไนล์จะส่งผลต่อลูกของไนล์ทั้งสิ้น ไนล์จะอยู่คนเดียว จะเลี้ยงลูกคนเดียวก็ได้ แต่ไนล์อาจจะต้องคอยตอบคำถามลูกไปตลอดชีวิตนะว่าพ่อเขาไปไหน แบบนั้นไนล์จะทำใจได้ไหม พ่ออยากให้ไนล์คิดไปไกลๆ ถึงตรงนั้นด้วย”

“...” น้องเริ่มร้องไห้อีกครั้ง โดยที่มีคุณแม่คอยกอดไว้แน่นไม่ยอมปล่อยก่อนที่ท่านจะพูดเสริมสามีของตัวเอง

“ไม่เป็นไรนะลูกนะ น้องไนล์ค่อยๆ คิดก็ได้ แม่ พ่อ พี่เทมส์ ไม่ว่าอะไรน้องไนล์เลย แต่ที่พ่อเขาพูดแบบนั้นเขาก็แค่อยากให้น้องไนล์คิดให้ดี ตัดสินใจให้ถี่ถ้วน... พ่อเขาไม่อยากให้น้องไนล์ใช้ความโกรธมาเป็นตัวแปร น้องไนล์เข้าใจพ่อนะลูกนะ”

“ฮึก.. ไนล์เข้าใจครับ แต่ไนล์...” ไนล์ยังคงดูครุ่นคิด และผมเองก็ได้แต่นั่งลุ้นเงียบๆ โดยที่ทำอะไรไม่ได้มากนัก

บอกตามตรงผมไม่ได้คาดหวังหรอกว่าจะให้น้องยกโทษให้เดี๋ยวนี้ ที่ผมต้องการจริงๆ มีแค่โอกาส โอกาสให้ผมได้ดูแลไนล์ ดูแลลูก ให้ผมได้ทำเพื่อไนล์.. ไนล์จะได้รู้ว่าผมรักเขามากขนาดไหน เพราะสำหรับผมแล้วการที่ผมพูดออกไปแค่ว่าผมรักไนล์นั้นไม่น่าจะเพียงพอ ผมแค่อยากแสดงออก อยากให้เขาได้มั่นใจว่าผมรักเขาจริงๆ ไม่ใช่เพราะอยากได้เขาอยากได้ลูกมาไว้กับตัวแค่นั้น

และหลังจากคุณแม่พูดจบ ไอ้เทมส์ที่อยู่ไกลจากน้องมันเท่าไหร่ก็ขยับมานั่งคุกเข่าตรงหน้าไนล์ มันส่งยิ้มอบอุ่นให้ไนล์ ยิ้มในแบบที่ผมคิดว่ามันคงไม่เคยยิ้มให้ใครทั้งนั้นนอกจากน้องมันคนเดียว

“ไนล์ครับ ไนล์จำที่พี่เคยบอกได้ไหม?” ไนล์เงยหน้าขึ้นสบตาเทมส์ก่อนจะพยักหน้ารับ


‘ไม่ว่าไนล์จะเป็นเพศไหน เป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง แต่พี่อยากไนล์รู้ไว้ว่าไนล์จะเป็นน้องของพี่เสมอ และความจริงข้อนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง พี่จะอยู่ข้างๆ ไนล์ ดูแลไนล์จนกว่านายจะดูแลตัวเองได้หรือมีใครคนที่ไนล์อยากจะให้เขาช่วยดูแล’


ผมไม่รู้ว่าไอ้เทมส์มันหมายถึงเรื่องไหนที่มันเคยพูดกับน้อง แต่ดูเหมือนไนล์จะรู้และเข้าใจในสิ่งที่เทมส์จะสื่อเป็นอย่างดี

“ตอนนี้ก็เหมือนกัน พี่จะยังยืนยันในสิ่งที่พี่เคยพูดกับไนล์ไว้” เทมส์ยิ้มพร้อมกับลูบศรีษะน้องเบาๆ “ไม่ว่าไนล์จะตัดสินใจยังไง หรืออยากให้มันเป็นแบบไหน พี่จะยินดีและยอมรับการตัดสินใจของไนล์ทุกอย่าง ไนล์จะยังเป็นน้องชายที่พี่รักและจะดูแลไปตลอดชีวิตไม่เปลี่ยนแปลง รู้ใช่ไหมครับ?”

ไนล์โผเข้ากอดเทมส์แน่น พร้อมกับร้องไห้สะอึกอื้น “ครับ ไนล์รู้ครับ... ขอบคุณนะครับพี่เทมส์”

ผมมองสองพี่น้องกอดกัน ในใจลึกๆ ผมก็รู้สึกดีที่รู้ว่าต่อให้ไนล์ไม่มีผมหรือไม่เลือกผม ไนล์ก็จะมีเทมส์คอยดูแล แต่อีกใจผมก็ไม่อยากจะปล่อยมือน้องไป ผมอยากจะอยู่ข้างๆ น้อง อยู่ดูแลและเป็นคนที่น้องพึ่งพิงได้ในฐานะสามีและคู่ชีวิต

ทุกคนรอให้เทมส์กับไนล์กอดปลอบกันอยู่แบบนั้น จนไนล์สงบลงและในตอนนั้นก็ดูเหมือนทุกการรอคอยของผมจะสิ้นสุดลง เมื่อไนล์ดันตัวออกจากอ้อมกอดของเทมส์ ปาดน้ำหูน้ำตาออกจนเรียบร้อยพร้อมกับหันไปบอกคุณพ่ออย่างหนักแน่นและชัดเจน บ่งบอกว่าน้องตัดสินใจมาดีแล้ว

“ไนล์เลือกได้แล้วครับพ่อ” คุณพ่อยิ้มบางๆ ท่านไม่ได้กดดันหรือเร่งเร้าให้น้องตอบ มีแต่ผมนี่แหละที่นั่งไม่ติด “เพื่อเห็นแก่ลูก ไนล์ยอมให้เขาเข้ามารับผิดชอบลูกที่กำลังจะเกิดมาก็ได้ครับ”

ผมยิ้มกว้าง หันไปกอดแม่ตัวเองด้วยความดีใจอย่างที่สุดเมื่อได้ยินน้องบอกแบบนั้น แม่ผมเองก็ดีใจ ท่านกอดตอบผมแน่นเพราะโดยพื้นฐานแม่เองก็รักและเอ็นดูไนล์ไม่น้อย ท่านอยากได้น้องมาเป็นลูกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และตอนนี้ก็คงสมใจท่าน

ผมวาดวิมานกลางอากาศไว้หลายอย่างกับเรื่องอนาคตของเราสองคน แม้จะได้ยินน้องบอกมาแค่นั้น แต่แล้วทุกความฝันก็ดับลงเหมือนลูกโป่งที่พองลมด้วยความสุขแล้วถูกเจาะให้แตก เมื่อผมได้ยินไนล์พูดประโยคต่อมา

“แต่ไนล์ยอมให้เขาได้แค่เรื่องลูก กับไนล์เขาไม่ต้องมายุ่งอะไรด้วย” น้องพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและเด็ดขาดเหมือนประโยคข้างต้น แต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างสำหรับผมเหลือเกิน “ถ้าเขาอยากมาหา มาดูแลลูกก็มา ไนล์ยอมให้เขาได้แค่นั้น”

“ไนล์... พี่ไม่ได้อยากดูแลแค่ลูกของเรานะ พี่อยากดูแลไนล์ด้วย ไนล์ให้โอกาสพี่ได้ไหมนะ... พี่ขอร้อง”

ผมพูดอ้อนวอนน้องด้วยน้ำเสียงที่ขอร้องและขอให้น้องเห็นใจมากที่สุด มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าได้หัวใจมาแค่ครึ่งดวง ผมไม่ได้ต้องการแค่ลูก ไม่ได้ต้องการแค่จะรับผิดชอบ แต่ผมต้องการน้องด้วย ต้องการให้เราอยู่กันแบบครอบครัว

“ไม่ต้องมาดูแลผม ผมดูแลตัวเองได้” ไนล์ยังคงดึงดัน.. ก็บอกแล้วว่าเวลาไนล์ดื้อ ไนล์ก็ดื้อตาใสไม่เอาใครทั้งนั้น

“แต่ลูกของเราอยู่ในท้องไนล์นะ ถ้าไม่ให้พี่ดูแลไนล์ด้วยแล้วพี่จะดูแลลูกของเราได้ยังไงครับ.. พี่ขอร้องนะไนล์ ขอให้พี่ได้ลองก่อนได้ไหม ไนล์อย่าเพิ่งตัดรอนพี่แบบนี้เลยนะ” ผมพยายามต่อรอง แต่ไนล์ก็ใจแข็งมากกว่าที่คิด

เพราะจนถึงตอนนี้นอกจากน้องจะไม่ยอมรับปากตามที่ผมขอ แม้แต่มองน้องยังไม่ยอมมองหน้าผมเลย

และคุณพ่อเองก็คงจะทนไม่ไหว และคิดว่าเราน่าทุ่มถียงกันแบบนี้ไม่เลิก ในขณะที่ไนล์ดื้อ ผมก็เอาแต่ตื๊อ จนไม่น่าจะได้ข้อสรุปของเรื่องราวในวันนี้แน่

“งั้นเอางี้ดีไหมลูก พ่อตัดสินใจให้”

ผมกับไนล์และทุกคนหันไปมองประมุขของบ้านนรดิษฐ์โยธินเป็นตาเดียว และก็เป็นครั้งแรกที่ผมแทบจะบ้าตายให้ได้ เพราะรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของคุณพ่อจะเป็นการตัดสินใจที่ผมกับไนล์ไม่น่าจะแย้งได้ และถ้าคุณพ่อตัดสินให้ผมใกล้ได้แค่ลูกไม่ให้ยุ่งกับน้อง ผมต้องตายแน่ๆ ... ต้องขาดใจตายแน่ๆ


“พ่อคิดว่าให้ภูย้ายมาอยู่ที่นี่สักระยะแล้วกัน ไหนๆ ไนล์ก็จะให้เขามาดูแลลูก มารับผิดชอบลูกอยู่แล้วนี่”


“ไม่เอาครับ!/ได้ครับ!”

ผมกับไนล์ตอบออกมาแทบจะพร้อมกัน ด้วยสภาพอารมณ์ที่ต่างกัน.. ในขณะที่ผมยิ้มร่าหน้าบาน ไนล์กลับตวัดสายตามองผมด้วยสายตาโกรธเคืองและไม่พอใจ

“พ่อครับ.. ไหนพ่อบอกว่าจะตามใจที่ไนล์เลือกไนล์ตัดสินใจไงครับ” น้องโอดครวญ ส่วนผมนั่งนิ่ง เพราะตอนนี้คำตัดสินของคุณพ่อเข้าทางผมสุดๆ

“นี่พ่อก็ทำตามที่เราเลือกและตัดสินใจไง” คุณพ่อพูดกับน้องพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ไม่เอา ไม่งอแงสิลูก น้องไนล์เลือกเองนะว่าจะให้พี่เขามีสิทธิ์ในความเป็นพ่อ และหน้าที่ที่สำคัญของพ่อคือการดูแลลูก ตอนนี้ไนล์ท้องอยู่ ทางที่เขาจะได้ใกล้และดูแลลูกได้มากที่สุดก็คือการอยู่กับไนล์ พ่อเลยให้เขามาอยู่ที่นี่”

“แต่พ่อครับ ไนล์ไม่อยาก...”

“ไม่อยากให้พี่เขามายุ่งหรือมาดูแลอะไรไนล์ถูกไหม?” คุณพ่อถามสวนกลับและน้องก็พยักหน้ารับแบบไม่พอใจ “ไนล์ก็บอกเขาไปสิลูกถ้าตอนไหนรู้สึกว่าพี่เขาล้ำเส้นมายุ่งวุ่นวายกับไนล์ ไนล์ตัดสินใจได้เองทุกอย่างเลย จะอยากหรือไม่อยากให้เขาดูแล พ่อพูดถูกไหม? หรือไนล์กลัวจะใจอ่อน?”

ผมลอบยิ้ม นึกอยากจะตะโกนขอบคุณคุณพ่อสักพันครั้ง คุณพ่อเอาการตัดสินใจของไนล์มาผูกมัดไนล์ไว้โดยที่ไนล์ปฏิเสธอะไรไม่ได้เลย


“ไนล์ไม่ใจอ่อนหรอกครับ คุณพ่อจะให้เขามาอยู่ก็มา มาดูแลแค่ลูกแล้วกัน อย่ามายุ่งกับไนล์”


น้องเชิดหน้าขึ้นอย่างแสนงอน ซึ่งแทนที่จะทำให้ผมโมโหผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด ผมคิดว่าน้องน่ารักมากๆ ในตอนนี้ น่ารักจนอยากจะจับมากอดซ้ำๆ... และน้องก็ไม่รอให้ผมได้ฟุ้งซ่านอะไรมาก เพราะจู่ๆ เจ้าตัวเล็กของผมก็ลุกขึ้นพรวดพราดยืนทำเอาผมใจหาย

“แม่ครับ ขึ้นห้องกัน ไนล์ง่วงอยากนอนแล้ว.. แม่ขึ้นไปนอนกับไนล์นะครับ” คุณแม่ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนตามลูกชายคนเล็กแล้วประคองไนล์ไว้

“ไปจ้ะไป น้องไนล์อยากให้แม่นอนด้วยไหมคืนนี้” คุณแม่ถามพลางลูบหัวลูบหลังน้องด้วยความรัก

“ให้นอนครับ” น้องพูดอ้อนๆ ก่อนจะหันไปหาคุณพ่องอนๆ “วันนี้ให้พ่อนอนคนเดียว เพราะแม่จะนอนกับไนล์”

“เอ้า! ลูกคนนี้นี่” คุณพ่อพูดออกมาพร้อมกลั้วหัวเราะติดจะเอ็นดูลูกตัวเองมากกว่าโกรธด้วยซ้ำ

ผมเองพอเห็นว่าน้องจะไปก็พยายามมองน้องเผื่อน้องจะหันกลับมาแต่น้องก็ไม่ยอมมองผมสักนิด แต่กลับไล่สายตาไปหาแม่ผมแทน

“คุณป้าครับ ไนล์ขอโทษที่เสียมารยาท” น้องพุ่มมือขึ้นไหว้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด “ไว้ไนล์คุยกับคุณป้าวันหลังนะครับ วันนี้มันหลายเรื่องเหลือเกิน ไนล์..”

“ไม่เป็นไรลูกไม่เป็นไร” แม่ผมลุกเดินไปหาน้องพร้อมกับกอดเอาไว้และลูบหัวน้องเบาๆ “ให้แม่พาน้องไนล์ไปพักผ่อนด้วยคนนะลูก แม่จะได้อยู่เป็นเพื่อนคุณนีราภาด้วย”

น้องยิ้มบางพร้อมกับพยักหน้ารับแม่ผมด้วยท่าทางอ้อนๆ แม่ผมที่แพ้ไนล์ในมุมแบบนี้เป็นทุนก็พากันจูงมือน้องคนละข้างเดินออกไปพร้อมกันสามคนแม่ลูก โดยที่ทิ้งผมไว้ข้างหลังและไม่คิดจะสนใจอีก… จากที่แม่ผมรักไนล์มากอยู่แล้วก็ยิ่งรักไนล์มากขึ้นไปอีกพอรู้ว่าน้องจะมีหลาน ผมเลยกลายเป็นหมาหัวเน่าที่แท้จริง

และพอทั้งสามเดินไปออก ผมก็ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มคนที่รักไนล์อีกสามคน ซึ่งเป็นสามคนที่น่ากลัวมากขึ้นประมาณล้านเท่า

“ภู.. ที่พ่อให้เราย้ายมาอยู่ ไม่ใช้ว่าจะเข้าข้างหรือสนับสนุนเราหรอกนะ” ผมนิ่งตั้งใจฟัง เพราะคุณพ่อดูจะเป็นทางการอยู่ไม่น้อย “แต่ที่พ่อให้ย้ายมาเพราะพ่อจะดูพฤติกรรมเรา ดูว่าเราจะแก้ไขตัวเอง และดูแลไนล์ยังไง มันคือโอกาสที่พ่อยอมหยิบยื่นให้เพราะเห็นแก่หลาน แต่ภูจะทำได้หรือไม่ เอาชนะใจไนล์ได้หรือเปล่าอันนั้นมันอีกเรื่อง และพ่อก็จะเคารพการตัดสินใจของไนล์ด้วย”

ผมพุ่มมือยกขึ้นไหว้คุณพ่อ “แค่นี้ผมก็ขอบคุณคุณพ่อมากๆ แล้วครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลน้องให้ดีที่สุด และจะทำให้น้องยกโทษให้ผมให้ได้”

คุณพ่อมองผมนิ่งๆ ผมเองก็สบตาท่านตอบ ผมไม่ได้จะทำตัวก้างร้าว แต่แค่อยากให้ท่านเห็นว่าผมจริงจังและจริงใจในคำตอบของตังเอง และสุดท้ายท่านก็พยักรับคำพูดของผมก่อนที่จะเดินออกไป และสุดท้ายก็เหลือแค่ผม ไอ้เทมส์ และเด็กลม

ไอ้เทมส์จ้องหน้าผมนิ่ง ก่อนที่จะเดินเข้ามาหาผมแล้วตบไหล่เบาๆ “ส่วนกูน่ะยังยืนยันคำเดิมนะภูว่ากู… หวงน้องมาก และก็จะยิ่งหวงมากว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายคือมึง”

มันแสยะยิ้มก่อนจะถอยฉากออกไปให้ไอ้เด็กลมเข้ามาหาผม พร้อมกับทำท่าขึงขัง “ผมเอาไนล์คืนมาแน่ ถ้าคุณทำไนล์เสียใจหรือร้องไห้ ผมบอกแค่นี้แหละ”

มันสองคนจ้องหน้าผมนิ่ง ผมเองก็จ้องตอบ ก่อนจะที่พูดในสิ่งที่ตัวเองคิดจะถามตั้งแต่ได้ยินการตัดสินของคุณพ่อ


“ว่าแต่...ฉันย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่พรุ่งนี้เลยได้ใช่ไหม?”


อือ.. ผมอยากรู้แค่นี้จริงๆ เรื่องอื่นที่พวกมันอยากบอกน่ะ ผมไม่เห็นจะอยากฟัง เลยสักนิดบอกตามตรง

.

.

.

To Be Continue

------------------------------------------------

แจ้งข่าวจ้า คิดว่าไม่เกิน 40 ตอนน่าจะจบ ฮืออออ เขียนไปเขียนมาละยาวมากขนาดนี้ได้ไงไม่รู้ ยาวกว่าทุกเรื่องที่เคยเขียนมาเลยด้วยซ้ำ .. แง้ 55555555

ก็เขียนใกล้จบแล้วค่า คิดว่าน่าจะมีตอนพิเศษลงเว็บสักตอน อาจจะเป็นตอนของเบ่บี๋เต็มๆ ทีนี้เลยมีเรื่องจะสอบถามค่ะ มีใครอยากได้เล่มมั้ยคะ เพราะถ้าเรามี เราจะเขียนตอนพิเศษต่อยาวเลยไม่ต้องหยุด เพราะถ้าหยุดหรือพักแล้วอารมณ์มันไม่ต่อเนื่อง อาจจะเขียนต่อไม่ออก เลยต้องมาถามตั้งแต่ตอนนี้เลย 55555555

ซึ่งถ้ามีคนต้องการเล่มแค่สัก 30 เล่ม เราก็อาจจะทำ แต่ถ้าน้อยกว่าก็นั้นคงต้องพับโครงการ แต่ตอนพิเศษมีลงให้อ่านแน่ค่ะ ไม่ว่าจะมีเล่มหรือไม่มีเล่มก็ตาม ยังไงคอมเม้นท์ทิ้งไว้ได้นะคะว่าอยากได้หรือไม่อยากได้เล่ม เดี๋ยวเราลองนับจำนวนเอา ... ก็ตามนี้ค่ะ ไม่มีอะไรแน้วววว อาทิตย์หน้าอาจมาได้เร็วนิดอาจจะประมาณวันอังคาร

แล้วเจอกันค้าบบบ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และทุกกำลังใจมากนะคะ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาถึงตรงนี้ ขอบคุณมากๆ เลยค่าา .. รัก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-20 : Universe 34th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 20-08-2020 21:07:27
หึหึหึ 55555555 ว่าแหละ เข้าอีหรอบนี้ ก็นึกว่าพ่อแม่จะคิดได้บ้างว่าลูกเจอไรมา นึกว่าจะปกป้องลูกกว่านี้ ป่าวเลย เพื่อคำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์ จำต้องมีพ่อต้องมีแม่ ถึงจะครบองค์สินะ จนต้องให้มารับผิดชอบ หรือนี่คือการปกป้องลูกของครอบครัวนี้ คงใช่สินะ หึหึ *ยิ้มมุมปาก* อะไรนะ จะให้ดูแลแค่ลูก จะไม่ใจอ่อนง่ายๆ โถๆๆ ดูหน้าตัวเองด้วยไนล์ 55555 เข้ามาอ่านให้หมั่นไส้ตัวละครเล่นๆ แต่ละคนนี่แบบ 555555 แต่งเก่งๆ   :katai2-1:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-20 : Universe 34th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-08-2020 21:10:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-20 : Universe 34th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 20-08-2020 21:31:25
ง้อน้องให้ได้ละกันนะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-20 : Universe 34th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-08-2020 23:09:38
หึหึ ให้รอดนะ อยากเห็นหลานละ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-20 : Universe 34th)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 21-08-2020 00:00:31
 :z3: :z2: :z10: :z13:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-20 : Universe 34th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-08-2020 15:30:37
พ่อแม่ยอมได้ไง ให้คนที่ทำร้ายลูกตัวเองมาอยู่ใกล้ ๆ ไม่ว่าจะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนา อย่าหวังแค่อยากให้ครอบครัวสมบูรณ์เลย เดี๋ยวนี้แม่เลี้ยงเดี่ยวก็มีกันให้เยอะแยะ ให้อิพี่ภูมาอยู่ดูแลด้วยแบบนี้ไม่นานหรอก ขี้คล้านจะกลืนน้ำลายตัวเองไนล์
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-27 : Universe 35th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 27-08-2020 20:18:18
Universe 35th : นับหนึ่ง


[Kirin’s Part]

ผมถือกระเป๋าย้ายเข้าไปอยู่บ้านไนล์หน้าตาเฉย ทุกคนต้อนรับผมเป็นอย่างดีในฐานะเจ้าของบ้าน ยกเว้นคุณหนูคนเล็ก เขาไม่ยอมแม้แต่จะลงมาให้ผมเห็นหน้าด้วยซ้ำ จะมีก็แต่คุณพ่อ คุณแม่และไอ้เทมส์ ที่แม้จะไม่ได้จะถึงกับยิ้มแย้มต้อนรับ อาจจะเพราะยังเคืองๆ กับสิ่งที่ผมทำลงไป แต่พวกท่านก็ไม่ได้จะกีดกันหรือตัดโอกาส อย่างน้อยการที่ท่านทั้งสองยอมให้โอกาสผม ผมก็ดีใจมากแล้ว แม้รายหลังสุดอย่างไอ้เทมส์จะไม่ได้ถึงกับเห็นด้วยกับพ่อแม่มันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันก็รู้จักแสดงออก ผมรู้ว่าถึงมันจะทำเป็นนิ่งๆ ไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมคงไม่ได้เข้าถึงตัวไนล์ง่ายแน่ๆ ถ้ามันอยู่ด้วย

“เดี๋ยวพี่ภู อยู่ห้องนอนแขกแล้วกันนะ เป็นห้องตรงข้ามของน้องไนล์ แม่ให้คนเตรียมห้องไว้ให้แล้ว”

ผมพยักหน้ารับทราบพร้อมกับยกมือขึ้นพุ่มไหว้เพื่อขอบคุณคุณแม่ แม้มันจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคาดหวังสักเท่าไหร่ เพราะใจจริงผมอยากจะนอนห้องเดียวกับไนล์มากกว่า คือไม่ใช่ว่าผมคิดอะไรแต่เรื่องแบบนั้นนะ ผมยอมรับว่ามันอาจจะมีบ้างเรื่องที่อยากจะใกล้ชิดไนล์ แต่ที่มากไปกว่านั้นคือความเป็นห่วง ถ้าน้องต้องลุกเข้าห้องน้ำดึกๆ กลางคืน แล้วไม่มีคนคอยดูแล หากเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาแล้วจะเรื่องใหญ่

แต่ด้วยความที่ผมเพิ่งจะมาถึงที่นี่วันแรก ผมเลยคิดว่ามันคงไม่เป็นการสมควรเท่าไหร่นักถ้าจะร้องขอนั่นนี่จนเกินตัว ให้ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เอาไว้ให้อะไรลงตัวมากกว่านี้และให้พฤติกรรมของผมเข้าตาคุณพ่อคุณแม่น้องสักหน่อยแล้วค่อยหาทางขอขยับเข้าไปนอนในห้องของน้องอีกที

“ขอบคุณครับคุณแม่ ผมขออนุญาตรบกวนนะครับ .. ผมสัญญาว่าจะดูแลน้องให้เต็มที่ คุณพ่อคุณแม่ไว้ใจผมได้ครับ”

คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้พูดอะไร ท่านแค่ยิ้มบางๆ ก่อนจะใช้คำพูดเรียบๆ พูดดักทางให้ผมรู้ว่าตอนนี้ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกท่าน แต่ขึ้นอยู่กับเจ้าของหัวใจของผม .. แม่ของลูกผมเท่านั้น

“พ่อกับแม่คงแล้วแต่น้องไนล์ เขาจะตัดสินใจยังไงกับเรื่องพี่ภู ก็อยู่เขานั่นล่ะ.. พิสูจน์ตัวเองให้น้องไนล์เชื่อให้ได้ก็พอ พ่อกับแม่น่ะไม่ซีเรียสอะไรหรอก”

“ครับ ผมจะทำให้น้องยกโทษให้ผมให้ได้”

ผมพยักหน้ารับทราบ .. ก็อย่างที่ผมบอกนั่นล่ะ ยินดีต้อนรับแต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมรับ ทุกอย่างคงต้องให้ไนล์ตัดสินใจและผมก็คงต้องพยายามทำให้ไนล์ใจอ่อนให้ได้

“มาค่ะคุณภู เดี๋ยวบัวช่วยถือไปค่ะ” แม่บ้านที่ดูมีอายุหน่อยอาสาจะเข้ามาช่วยผมด้วยท่าทางเอื้อเฟื้อใจดี แต่ผมคิดว่าผมควรยกไปเองมากกว่าเลยจะเอ่ยห้าม แต่ไอ้เพื่อนสนิทหัวแก้วหัวแหวนดันพูดขึ้นมาก่อน

“ป้าบัว ให้มันถือไปเองแหละครับ มันถือได้” ไอ้เทมส์ว่าพร้อมกับรอยยิ้มกวนประสาทมุมปาก

“ได้ยังไงกันคะคุณเทมส์ คุณภูเป็นคนรักของคุณหนู เป็นคนที่จะมาดูแลคุณหนู บัวไม่ได้ดูแลไม่ได้หรอกค่ะ”

คุณป้าแม่บ้านว่าพร้อมกับหันมายิ้มใจดีให้ผม ส่วนไอ้เทมส์เองก็ทำหน้าเมื่อยๆ ใส่ มันไม่เถียงอะไร ผมเลยเดาว่าคุณป้าบัวคนนี้ต้องเป็นแม่นมที่ดูแลมันมาตั้งแต่เด็กๆ แน่ๆ จากที่มันเคยเล่า และก็คงไม่พ้นดูแลไนล์ด้วย

“ไม่เป็นไรครับป้า ผมถือไหว ป้าแค่นำทางผมไปก็พอครับ” ผมยิ้มกลับให้ป้าบัวที่ดูจะเอ็นดูผมไม่น้อย

เอาล่ะ… อย่างน้อยผมก็มีแม่นมของไนล์เป็นพวกแล้วหนึ่งคน

.

.

.

“ผมไม่ทาน เอาไปเก็บเถอะครับ” ไนล์ที่ตอนนี้นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ไม่ยอมแตะต้องอาหารที่ผมทำให้สักอย่าง ผมตั้งใจเต็มที่กับอาหารมื้อกลางวันมื้อแรกที่ผมเข้ามาอยู่ในบ้านของน้อง แต่กลับถูกไนล์ปฏิเสธไม่ยอมกินอะไรเลย

“ทำไมล่ะครับ นี่ของโปรดไนล์ทั้งนั้นเลยนะ พี่ถามป้าบัวว่าไนล์ชอบกินอะไร เมนูไหนที่พี่ทำไม่เป็นก็ให้ป้าบัวสอน…”

“เอาไปเก็บครับป้า ไนล์อยากกินโจ๊ก ป้าบัวทำให้ไนล์กินหน่อยนะครับ”

น้องพูดสวนออกมาทั้งที่ผมยังพูดไม่จบ ผมยืนนิ่งทั้งที่ในใจเจ็บไปหมด ไนล์ไม่สนใจไยดีในสิ่งที่ผมพยายามทำเพื่อเขาเลย ผมใช้เวลาเกือบตลอดช่วงสายทำ แต่น้องกลับไม่เหลือบแลสักนิด

และผมก็ได้เข้าใจเมื่อมองย้อนกลับไป ผมเองก็เคยทำแบบนี้กับไนล์เหมือนกัน ไนล์ที่พยายามทำกับข้าวให้ผมกินทุกมื้อ ทั้งที่ผมสนใจบ้างไม่สนใจบ้าง โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ที่ผมไม่สนใจไนล์เลย ผมไม่กินอาหารที่ไนล์ทำให้ไนล์ต้องเททิ้งอยู่บ่อยๆ

มันเจ็บแบบนี้เอง และผมก็ได้รู้ว่า.. บางทีเวรกรรมมันก็ตามทันเร็วกว่าที่เราคิด

“น้องไนล์ พี่ภูเขาอุตส่าห์ทำให้ทาน ทำไม่ไม่ลองทานสักหน่อยล่ะลูก” คุณแม่พยายามช่วยพูด แต่น้องก็ทำเฉยไม่สนใจ และพอเห็นท่านจะพูดต่อ ผมก็ยิ้มให้ท่านน้อยๆ และส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

ผมไม่อยากให้คุณแม่กดดันน้อง ถ้าน้องจะยกโทษให้ ผมก็อยากให้มันเป็นเพราะไนล์หายโกรธผมจริงๆ ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่น

“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ น้องอาจจะอยากทานอะไรเบาๆ อาหารที่ผมทำมาอาจจะหนักไปหน่อย” ผมยิ้ม ก่อนจะหันไปพูดกับน้องอย่างอ่อนโยน “ไว้คราวหน้าพี่จะทำอาหารไว้หลายๆ อย่าง ไนล์จะได้เลือกได้ว่าไนล์อยากกินอะไร ดีไหมครับ?”

น้องไม่ตอบอะไร แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว

“พี่กิ่งครับ ไนล์รบกวนบอกป้าบัวให้ทีครับว่าไนล์อยากกินน้ำส้มด้วย ช่วยคั้นให้ไนล์ที เอาสดๆ เลยนะครับ ไม่ต้องใส่น้ำเชื่อม เปรี้ยวๆ เลยยิ่งดี” ดวงตากลมโตเป็นประกายตอนที่น้องบอกคนรับใช้แบบนั้น ผมเลยนึกรู้ว่าน้องคงอยากกินจริงๆ

ผมเลี่ยงเดินออกไปที่ครัวตอนที่คุณแม่กำลังถามถึงอาการแพ้ของน้อง พอได้ยินน้องตอบว่ามีอาเจียนบ้างแต่ไม่มาก ผมก็เลยเบาใจ และตัดสินใจไปหาป้าบัวในครัวแทน โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

โชคดีที่ไอ้เทมส์ไม่อยู่ ไม่งั้นมันคงรู้แน่ๆ ว่าผมคิดจะทำอะไร

“อ้าวคุณภู จะเอาอะไรคะ? ทำไมไม่บอกเด็กให้มาเอาให้ จะได้ไม่ต้องเดินมาเอง” ป้าบัวร้องทักเมื่อเห็นผมเดินเข้ามา ผมเลยยิ้มร่าเดินเข้าไปหาแกและบอกสิ่งที่ตัวเองอยากทำทันที

“ป้าบัวคั้นน้ำส้มให้ไนล์รึยังครับ ถ้ายังขอผมทำนะครับป้า ผมอยากทำให้น้องกับลูกกิน” ป้ามลยิ้มให้ผมอย่างใจดีตอนที่บอกผมแบบนั้น ก่อนที่แกจะยกตะกร้าใส่ผลส้มที่ล้างแล้วมาวางตรงหน้าผม

“คุณภูหั่นครึ่งลูกตามแนวขวางนะคะ เสร็จแล้วเอาไปบีบกับเครื่องคั้น ง่ายๆ ค่ะ ไม่ยาก เพราะคุณไนล์ทานรสธรรมชาติไม่ต้องเพิ่มหวานด้วยน้ำเชื่อม”

“ได้ครับ” ผมคว้ามีดกับตะกร้าส้มมาวางใกล้มือ ก่อนจะลงมือหั่นและคั้นอย่างคล่องแคล่ว

อย่างน้อย.. ผมก็ได้ทำอะไรให้ไนล์กินสักอย่างหนึ่งก็ยังดี

“คุณไนล์เธอชอบทานน้ำส้มคั้นค่ะ ปกติบัวก็ทำแช่เย็นไว้ให้ทานตลอด แต่ช่วงนี้น่าจะแพ้ท้องอยู่เลยไม่ชอบให้บัวทำหวานๆ ให้ ถ้ายังไงคุณภูจะคั้นแล้วแช่ไว้ให้คุณไนล์ก็ได้นะคะ รับรองทานหมดแน่”

ผมพยักหน้ารับและพยายามจดจำไว้อีกอย่างว่าไนล์ชอบอะไรไม่ชอบอะไร เพื่อที่คราวหลังผมจะได้ทำอะไรที่น้องชอบให้น้องกินได้ นี่ผมก็กำลังคิดว่าจะลองไปหาอ่านหรือศึกษาเกี่ยวกับเรื่องอาหารที่เหมาะกับคนท้องมาเพิ่ม น้องจะได้ทานทั้งของที่ชอบ ของมีประโยชน์ และอร่อยแบบที่น้องต้องการ

“ถ้ายังไงป้าบัวแนะนำผมได้ทุกอย่างเลยนะครับ ไนล์ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ผมจะจำและทำให้ไนล์ทาน เพื่ออย่างน้อยผมก็จะได้ทำะไรเพื่อน้องบ้างสักนิดก็ยังดี"

“ได้ค่ะ ป้าจะคอยช่วยคุณภูเองค่ะ”

“ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ อย่างน้อยผมก็มีป้าคนนึงละเป็นพวก” ผมว่าพลางหัวเราะชอบใจ ให้คุณป้าบัวได้หัวเราะตาม

และหลังจากที่ป้าบัวทำกับข้าวเสร็จและผมเองก็คั้นน้ำส้มเสร็จแล้วเช่นกัน ผมเลยจัดแจงยกชามโจ๊กร้อนๆ ไปให้ไนล์ด้วยตัวเองพร้อมน้ำส้มคั้น น้องดูแปลกใจและตั้งท่าจะถามแต่พอดีเหลือบไปเห็นแก้วน้ำส้มก่อน

เจ้าเด็กน่ารักของผมเบิกตากว้างราวกับเจอของที่ชอบ ไนล์คว้าแก้วน้ำส้มไปและดื่มรวดเดียวหมด ทำเอาผมยิ้มแก้มเกือบแตก… ความรู้สึกของไนล์เป็นแบบนี้นี่เองที่ผ่านมา

“อร่อยมากเลยครับป้าบัว อมเปรี้ยวนิดๆ ด้วยไนล์ชอบ” น้องยิ้มจนตาปิดก่อนจะได้ยินเฉลยจากป้าบัว

“บัวไม่ได้เป็นคนคั้นให้คุณหนูหรอกค่ะ คุณภูต่างหากที่ทำให้คุณหนู”

ไนล์หน้าหงิกทันทีที่ได้ยินแบบนั้น พร้อมกับบ่นพึมพำว่า ‘ไม่เห็นต้องมายุ่ง’

ผมเองจากที่ยิ้มหน้าบานก็ค่อยๆ หน้าเจื่อนลง เพราะไม่ได้คาดคิดว่าน้องจะไม่อยากข้องเกี่ยวกับผมขนาดนี้ แต่ก็อย่างว่าผมทำกับน้องไว้มาก ที่โดนแค่นี้ยังไม่ได้ครึ่งที่ผมทำกับไนล์ไว้เลย และเพื่อไม่ให้น้องลำบากใจผมเลยตัดสินใจพูดออกไปกลางๆ เพราะหวังว่าจะไม่ทำให้น้องหลบเลี่ยงผมมากไปกว่านี้

“งั้นไนล์คิดเสียว่าพี่คั้นลูกกินก็ได้ครับ ไนล์ได้กินลูกก็ได้กินด้วย... แบบนั้นไนล์จะได้สบายใจดีไหม”

น้องตวัดสายตามามองผมทันทีที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น น้องผลักชามโจ๊กออกห่างจากตัว ก่อนจะลุกขึ้นยืนพรวดพราด ทำเอาคุณพ่อที่กำลังอ่านอะไรสักอย่างอยู่ในไอแพดถึงกับละสายตาขึ้นมองน้องที่จู่ๆ ก็ยืนขึ้น ส่วนคุณแม่กำลังทำสีหน้าลำบากใจใส่ผม

ไนล์ยกมือขึ้นปากดน้ำตาลวกๆ ผมตกใจมากที่จู่ๆ น้องก็ร้องไห้ ก่อนที่เจ้าตัวจะผลุนผลันเดินออกไปจากโต๊ะกินข้าว พร้อมกับพูดขอตัวเสียงสั่นเสียงเครือ

“ไนล์ขอไปนอนพัก.. ฮึก ไปนอนพักก่อนนะครับ ไม่อยากทานอะไรแล้ว”

พอพูดจบน้องก็เดินเร็วๆ ออกไปทันที ผมเห็นคุณแม่จะลุกตามน้องออกไปก็เลยรั้งท่านไว้เนื่องจากเห็นท่านกำลังทานข้าวอยู่ ก่อนจะอาสาตามน้องออกไปเอง ท่าทางการเดินเร็วๆ แบบนั้นของไนล์ทำเอาผมเป็นกังวล เพราะเดี๋ยวเดินขึ้นบันไดเกิดหกล้มหรือเป็นอะไรขึ้นมาผมต้องขาดใจแน่ๆ

“ไนล์ .. ไนล์เดินช้าๆ ครับ เดี๋ยวหกล้มนะ”

ผมวิ่งไปจนทันน้องเลยต้องเดินรั้งประกบอยู่ข้างหลังคนตัวเล็กกว่าอยู่ห่างๆ ทั้งที่ใจจริงอยากจะเข้าไปประคองน้องเอาไว้เพื่ออยากให้แน่ใจว่าน้องจะปลอดภัยหากอยู่ในอ้อมแขนของผม แต่ก็กลัวว่าการผลีผลามเข้าใกล้น้องแบบนั้นอาจจะทำให้น้องอึดอัดได้ สุดท้ายเลยได้แต่เดินตามหลังอยู่ห่างๆ แทน

ผมเดินตามน้องมาจนถึงหน้าประตูห้องนอน ผมเห็นไนล์จับลูกบิดแน่น มือเล็กสั่นเทาจนผมสังเกตได้ ก่อนที่จู่ๆ ใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเต็มสองแก้มจะหันหน้ามา น้องใช้มือเล็กๆ ผลักอกผมอย่างแรง แต่ด้วยความที่ผมตัวใหญ่และไนล์ก็มีแรงอยู่แค่นั้นเลยไม่ได้ทำให้ผมสะดุ้งสะเทือนเท่าไหร่ ในทางตรงกันข้ามผมกลับเป็นห่วงด้วยซ้ำ กลัวว่าน้องจะเจ็บมือ แต่ที่เหนือไปกว่านั้นก็คือความกังวลใจที่เห็นไนล์ร้องไห้ ผมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรให้น้องโกรธอีก หรือเป็นเพราะเรื่องน้ำส้มที่ผมคั้น .. แต่ผมก็บอกไปแล้วนี่ว่าให้ถือว่าผมทำให้เจ้าตัวเล็กทาน แล้วทำไมไนล์ถึงยังโกรธผมอยู่


อันนี้ผมนึกไม่ออกเลยจริงๆ


“ฮึก.. ตามมาทำไม? ไม่ต้องตามมาเลยนะ” น้องตวาดใส่ผมหน้าดำหน้าแดง เหมือนกับทั้งโกรธทั้งเสียใจ โดยที่ผมไม่รู้เลยว่ามีสาเหตุมาจากอะไร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ใจเย็นมากพอที่จะไม่เอาความโกรธของน้องมาเก็บเป็นอารมณ์ของตัวเอง

“พี่กลัวไนล์หกล้ม ไนล์เดินเร็วมากเลยนะเมื่อกี้” ผมว่าพลางจับข้อมือเล็กไว้หลวมๆ พยายามแสดงออกทางภาษากายให้มากที่สุดเพื่อให้น้องรู้ว่าผมเป็นห่วงเขามากแค่ไหน

“อ๋อ ใช่สิ.. ฮึก ผมลืมไปว่าผมอุ้มท้องลูกของคุณอยู่ คุณคงจะเป็นห่วงลูกคุณมาก คงกลัวว่าผมจะซุ่มซ่าม กลัวผมจะไม่ระวัง ไม่ใส่ใจจนพลาดทำให้ลูกคุณได้รับอันตรายสินะ!” น้องมองผมด้วยสายตาเจ็บปวดและตัดพ้อ “ถ้าคุณเป็นห่วงเรื่องนั้นก็ไม่ต้องกังวลไป อย่าลืมสิว่าเด็กคนนี้ก็ลูกของผมเหมือนกัน! เขาไม่ใช่ลูกของคุณคนเดียวสักหน่อย!”

ไนล์พยายามสะบัดข้อมือที่ผมกุมไว้แรงๆ ราวกับอยากให้ผมปล่อย แต่ผมไม่ยอมปล่อย ยิ่งได้ยินถ้อยคำที่น้องพูดตัดพ้อมาผมยิ่งไม่อยากปล่อย ผมนึกรู้ในตอนนั้นว่าน้องเป็นอะไร

น้องกำลังน้อยใจที่ผมทำเหมือนกับว่าผมเป็นห่วงลูกมากกว่าน้อง ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ผมเป็นห่วงทั้งลูกทั้งน้องนั่นแหละ ไม่ว่าใครเจ็บผมก็คงจะขาดใจตายไม่ต่างกัน

“โถ่ เด็กดี.. ไนล์เข้าใจผิดแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะครับ” ผมออกแรงเบาๆ ดึงน้องเข้ามาใกล้ๆ แม้น้องจะทำแข็งขืนใส่ แต่ก็สู้แรงผมไม่ได้ น้องเลยเหมือนถูกผมกอดไว้หลวมๆ

ผมก้มลงตรงซอกคอและบ่าของคนตัวเล็กกว่า สูดดมกลิ่นหอมประจำตัวของไนล์เข้าปอดเบาๆ กลิ่นหอมคล้ายแป้งเด็กทำให้ผมหายเหนื่อยและรู้สึกดีทุกครั้ง มันเหมือนกับว่าผมได้น้องคืนมาอยู่ใกล้ๆ เหมือนครั้งที่เราอยู่ที่คอนโดด้วยกัน

ผมไม่รู้ว่ามันคือกลิ่นอะไร ไม่เชิงว่าเป็นกลิ่นน้ำหอม แต่น่าจะเป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ไนล์ชอบใช้ ทั้งเขาและผมมีเสื้อผ้ากลิ่นเดียวกัน นั่นทำให้ผมรู้สึกสบายใจทุกครั้งเมื่อได้กลิ่นแบบนี้

“ฮึก.. เข้าใจไม่ผิด! อย่ามาโกหก คนนิสัยไม่ดี.. ชอบ ฮืออ ชอบทำตัวนิสัยไม่ดี”

น้องพยายามขืนตัวออกแต่ผมไม่ปล่อย มือเล็กที่ดันอยู่ตรงอกเลยเปลี่ยนเป็นทุบตีผมแทน แต่ผมก็ไม่เจ็บหรอก อย่างที่บอกน้องมีแรงแค่นั้นไม่ทำให้ผมสะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด

ผมปล่อยให้น้องตีไปไม่ได้ปัดป้อง เผื่อจะทำให้น้องรู้สึกดีและหายโมโหผมเร็วขึ้น

“ครับๆ พี่นิสัยไม่ดี... พี่ผิดเอง พี่ภูขอโทษหนูนะครับ ขอโทษทุกอย่างเลย ขอโทษที่ทำตัวไม่น่ารัก ขอโทษที่พูดจาไม่ดี ขอโทษนะครับที่ทำให้หนูโกรธแล้วก็เสียใจ หนูยกโทษให้พี่ได้ไหมครับคนดี”

ผมตัดสินใจเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ไนล์ยังคงสะอื้นเบาๆ แต่ไม่ดิ้นรนต่อต้านเท่าในครั้งแรกแล้ว น้องร้องไห้เงียบๆ อยู่กับอกผม ผมเองก็กอดไนล์ไว้แบบนั้น และค่อยๆ กอดไนล์แน่นขึ้นเมื่อเห็นว่าไนล์โอนอ่อนลงมากกว่าเดิม

และผ่านไปสักพักผมก็รู้สึกได้ถึงแรงพิงที่น้องโน้มลงมาหาผมทั้งตัว พอผมก้มลงมองคนในอ้อมกอด ผมก็เลยได้เห็น... ไนล์หลับ น้องร้องไห้จนหลับคาอกผมไปเลย

ผมหลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นว่าจู่ๆ เด็กน้อยของผมที่เมื่อกี้ยังร้องไห้โวยวายอยู่เผลอหลับไป ซึ่งผมก็พอรู้มาอยู่บ้างจากที่อาหมอบอก และจากที่ไปหาอ่านมาเพิ่มเติมเลยพอที่จะทำให้ผมเข้าใจว่าไนล์จะเพลียมากเป็นพิเศษในช่วงสองถึงสามเดือนแรกของอายุครรภ์ แต่ไม่คิดว่าน้องจะหลับกลางอากาศแบบนี้

ผมค่อยๆ ดันตัวไนล์ออกช้าๆ และเบาๆ ระวังไม่ให้คนขี้น้อยใจตื่น ก่อนจะค่อยๆ ช้อนตัวไนล์ขึ้นแนบอก โชคดีที่น้องบิดประตูเปิดไว้แง้มๆ แล้ว ผมเลยใช้ไหล่ดันเปิดเข้าไปได้เลย ผมอุ้มพาไนล์ที่หลับปุ๋ยไปวางเบาๆ ลงบนเตียง น้องพลิกตัวอืออานิดหน่อย ราวกับกำลังหาท่าทางที่ตัวเองหลับสบายอยู่ ซึ่งไนล์ก็พลิกตัวไม่กี่ทีก็นอนตะแคงเอามือเท้าแก้มตัวเองแล้วนิ่งไป


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-27 : Universe 35th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 27-08-2020 20:22:43
(อ่านต่อจากด้านบน)

ผมมองน้องที่นอนหลับใหลเหมือนเด็กน้อยแล้วก็ต้องหลุดยิ้ม ไนล์ในเวลานี้น่ารักมากๆ เขาเหมือนเทวดาตัวน้อยที่ผมอยากดูแลให้เขาได้พักผ่อนโดยไม่มีใครมากวน และกว่าที่ผมจะรู้ตัวอีกที ผมก็ทรุดลงนั่งข้างเตียงของน้อง ใช้มือค่อยๆ ปัดและเกลี่ยผมน้องที่ตกลงมาเกะกะให้พ้นทาง ไม่ให้ทิ่มหูทิ่มตา เพื่อที่ไนล์จะได้หลับสบายมากที่สุด

“ฝันดีนะครับ .. ฝันถึงพี่บ้าง ใจอ่อนให้พี่เร็วๆ นะครับ”

ผมก้มลงจูบแก้มน้องเบาๆ พยายามไม่ให้รบกวนหรือเสียงดังจนอาจจะทำให้น้องตื่น จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ผมอยากจะถ่วงเวลาไว้ตรงนี้ให้นานเท่านาน ขอให้ผมได้นั่งมอง ได้ดูแล ผมขอแค่นี้ขอไม่ให้น้องผลักไสผมไปไกลๆ ก็พอ

ผมนั่งมองไนล์อยู่แบบนั้น ใช้สายตาไล่สำรวจไปตามดวงหน้าใสที่ถึงแม้จะดูอิดโรยแต่ก็ยังคงน่ารักและสดใส ไม่รู้ว่าเป็นไนล์กำลังตั้งท้องหรือเปล่า ไนล์เลยดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น น้องไม่ผอมเหมือนช่วงแรกที่เรารู้จักกัน เมื่อกี้ตอนที่ได้กอดน้องผมก็รู้ว่าน้องตัวนิ่มขึ้น กอดเต็มไม้เต็มมือมากขึ้น นี่ถ้าไนล์ไม่งอแง ผมก็ไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้เข้าใกล้ไนล์แบบนี้อีกเมื่อไหร่

ผมอยากกอดเขาทุกวัน หอมแก้มนิ่มๆ ของเขาทุกวัน จูบปากเล็กๆ สีแดงระเรื่อบ่อยๆ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะความโง่งี่เง่าของผม ป่านนี้ผมคงได้ทำทุกอย่างอย่างที่ใจผมอยากจะทำแล้ว แต่เพราะผมไม่รู้จักคิด ขาดสติ และควบคุมตัวเองไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องโดนลงโทษให้ได้แต่นั่งมองน้องอยู่ห่างๆ แบบนี้ แตะต้องได้เฉพาะตอนน้องหลับ เพราะถ้าเป็นตอนรู้สึกตัวปกติน้องคงไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้ง่ายๆ แน่ๆ

ผมไล่สายตามองน้องไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้องที่ตอนนี้ยังคงแบนราบ เมื่อวานผมโทรไปถามอาหมอเกี่ยวกับวิธีการดูแลไนล์มา และแอบถามด้วยว่าท้องของน้องจะเริ่มโตมากขึ้นตอนไหน ผมจะได้วางแผนการดูแลน้องและการทำงานของตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ

อาหมอบอกว่าโชคดีที่ไนล์ตัวเล็ก ท้องเลยอาจจะไม่ใหญ่มาก ไนล์อาจจะพอใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่ลำบากเท่าไหร่ ซึ่งอายุครรภ์ประมาณสามสี่เดือนก็คงจะโตขึ้นมาให้มองเห็นได้บ้าง เพราะตอนนั้นพัฒนาการของเด็กก็น่าจะเริ่มมีมากขึ้นแล้ว

ผมตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ และมาพอมาเห็นท้องของน้องวันนี้ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ... อีกไม่นานลูกของเราก็จะเริ่มมีรูปร่าง เริ่มมีแขนขาให้เห็นได้ชัด ผมแทบจะรอให้ถึงวันนั้นแทบไม่ไหวจริงๆ

ผมจ้องมองหน้าท้องของน้องอยู่แบบนั้น และพอเห็นว่าไนล์ยังคงหลับสนิทไม่มีท่าทีว่าจะตื่นง่ายๆ ผมเลยตัดสินใจวางมือลงบนหน้าท้องแบนราบของน้องเบาๆ ผมแค่แตะลงไปเท่านั้น และหวังว่าก้อนเลือดเล็กๆ ที่อยู่ในท้องของไนล์จะสื่อสารและรู้สึกถึงผมได้โดยสัญชาตญาณความเป็นพ่อเป็นลูกของเรา

“ตัวเล็กครับ .. ตัวเล็กต้องไม่ดื้อกับหม่าม้านะลูก ตัวเล็กต้องไม่กวนหม่าม้า ต้องให้หม่าม้าทานให้ได้ นอนให้หลับ เป็นเด็กของพ่อกับของหม่าม้านะครับ หม่าม้าจะได้ไม่เหนื่อยมาก.. ที่สำคัญตัวเล็กต้องดลใจให้หม่าม้าหายโกรธพ่อไวๆ เราสามคนพ่อแม่ลูกจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเนาะ”

ผมก้มลงไปกระซิบเบาๆ ชิดกับหน้าท้องของน้อง พยายามให้เงียบเสียงที่สุดเพราะเห็นว่าไนล์กำลังหลับสบาย แต่ก็ไม่วายลูบเบาๆ ที่หน้าท้องแบนราบ ที่ซึ่งลูกตัวน้อยของผมกับน้องกำลังเจริญเติบโตอยู่

“อื้ออ...” น้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกรบกวนการนอน ผมเลยต้องชักมือออก แล้วเปลี่ยนมาเป็นลูบศรีษะทุยของน้องเบาๆ แทน พร้อมกับกระซิบบอกอย่างอ่อนโยน

กระซิบด้วยน้ำเสียงในแบบที่ไนล์ชอบฟัง น้ำเสียงของพี่ภูเมื่อสิบปีที่แล้ว พี่ภูที่เป็นเด็กชายในร้านไอศครีมคนนั้น

“ชู่วว... นอนต่อครับนอนต่อ ไม่มีใครกวนแล้ว ไนล์นอนต่อนะครับ”

น้องพลิกตัวอีกนิด และเหมือนจะสะลึมสะลือนิดหน่อยผมเลยต้องลูบศีรษะน้องเรื่อยๆ จนในที่สุดเปลือกตาสีอ่อนก็ถูกปิดลงไปอีกครั้ง แต่ผมก็ยังไงไม่วางใจคอยลูบหัวไนล์อยู่แบบนั้น จนกระทั่งลมหายใจของน้องสม่ำเสมอขึ้นบ่งบอกว่าตอนนี้ไนล์น่าจะหลับลึกไปแล้ว

ผมก้มลงหอมแก้มน้องเบาๆ อีกครั้งก่อนจะผละออก ผมดึงผ้าห่มที่กองอยู่ปลายเท้ามาห่มให้น้อง ปรับอุณภูมิแอร์ให้เหมาะสมไม่ร้อนไปหรือหนาวไป ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจดูห้องของไนล์ ก่อนที่จะตระหนักได้ว่านี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าห้องน้องจริงจัง และนั่นทำให้ผมต้องมองรอบๆ อย่างสนใจ

ห้องที่ไนล์อยู่มาตั้งแต่เกิด เรื่องราวมากมายที่อยู่ภายในห้องนี้ที่บอกความเป็นไนล์ได้อย่างดี

สีครีมนวลในห้องทำให้บรรยากาศและอารมณ์ในห้องดูอบอุ่นและสดใสในคราวเดียวกัน สีในห้องทำให้นึกถึงรอยยิ้มของน้อง ข้าวของในห้องถูกจัดเป็นระเบียบ ของกระจุ๊กกระจิ๊กในห้องไนล์มีไม่เยอะแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ผมมองไปรอบๆ ก่อนจะไปสะดุดตาที่กรอบรูปอันหนึ่งที่วางอยู่ตรงโต๊ะหัวเตียงอีกด้าน

กรอบรูปที่มีผมกับไนล์ .. กรอบรูปที่ผมซื้อให้น้องตอนที่เราไปหัวหินด้วยกัน

ผมเดินอ้อมเตียงน้องไปก่อนจะหยิบกรอบรูปดังกล่าวขึ้นมาดู นี่คงเป็นของชิ้นเดียวที่ไนล์หยิบติดกลับมา จะว่าไปมันก็ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ผมกับน้องมีร่วมกัน เพราะนอกนั้นก็มีแต่ผมที่ขยันทำให้น้องเสียใจ ในขณะที่น้องหวังดีกับผมทุกอย่าง

ผมวางกรอบรูปกลับไว้ตามเดิม และเดินอ้อมกลับมาฝั่งที่ไนล์นอนตะแคงหันมา ผมนั่งลงข้างเตียงอีกครั้งก่อนจะดึงมือน้องมากุมไว้ พร้อมกับกระซิบบอกคำที่หวังว่ามันจะมีปาฏิหารย์ให้ไนล์ได้ยินและรับรู้

“พี่สัญญาว่าพี่จะทำให้ทุกอย่าง... ให้เราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

ผมกุมมือน้องพร้อมกับนั่งมองหน้าน้องอยู่แบบนั้น จะกระทั่งเผลอหลับไป โดยที่มือยังไม่ได้ปล่อยออกจากมือน้องเลยแม้แต่วินาทีเดียว

.

.

.

Nateetouch’s Part


ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็บ่ายคล้อย เหมือนจะสดชื่นขึ้นนิดหน่อยเมื่อร่างกายได้นอนพัก ผมยอมรับเลยว่าตั้งแต่เริ่มตั้งท้อง ผมก็นอนเก่งมาก เหมือนง่วงอยู่ตลอดเวลา แถมยังขี้น้อยใจแล้วก็ชอบทำตัวงอแงด้วย ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ตัว ผมรู้ตัวดีทุกอย่างแต่ไม่รู้จะควบคุมตัวเองยังไง พอถามอาหมอ อาหมอก็บอกว่าเป็นปกติของคนท้อง และยิ่งผมเป็นผู้ชายความแปรปรวนของฮอร์โมนและอารมณ์เลยยิ่งมีมากกว่าผู้หญิงปกติทั่วไป นั่นเลยทำให้ผมอ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษ


...โดยเฉพาะกับพี่ภู


ผมรู้นะว่าเขาพยายามจะเอาใจผม พยายามทำเรื่องระหว่างเราให้ดีขึ้น แต่ผมยอมรับว่าอดคิดไม่ได้ว่าที่เขากลับเข้ามานั้นเป็นเพราะลูกที่อยู่ในท้องหรือเปล่า แล้วถ้าผมไม่ท้องเขาจะกลับมาหาผมไหม เขายังอยากจะง้อขอผมคืนดี ยังอยากกลับให้เราไปเป็นเหมือนเดิมรึป่าว ผมไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง เขาเอาแต่พูดว่าอยากดูแล


แต่เขาไม่เคยพูดว่าเขารัก...


นั่นเลยทำให้ผมยิ่งคิดมาก และก็จะคิดมากมากขึ้นเมื่อเขามีท่าทางห่วงใยอยากดูแลลูก จนบางครั้งผมก็นึกเกลียดตัวเองที่อิจฉาลูก แต่มันก็แค่ชั่วแวบเดียว มันเหมือนกับผมคิดมากไปเสียทุกเรื่องและผมก็ไม่ชอบเลยที่ตัวเองเป็นแบบนี้

ผมพลิกตัวเบาๆ เพื่อเตรียมจะลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะรู้สึกถึงมือใหญ่ที่รั้งมือผมไว้ พอหันมองข้างเตียง ผมก็เห็นพี่ภูฟุบหลับอยู่โดยกุมมือผมไว้แน่น ความรู้สึกต่างๆ ตีรวนขึ้นมาอีก ผมยอมรับว่าผมดีใจที่เขาอ่อนโยนกับผม แต่อีกใจผมก็ไม่แน่ใจเลยว่าความอ่อนโยนนี้เขามีให้ผม หรือมีให้ลูกของเรากันแน่

ผมตัดสินใจค่อยๆ ชักมือออกจากการเกาะกุมช้าๆ เบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้พี่ภูรู้สึกตัวตื่นอยู่ดี

เขางัวเงีย แต่ก็ร้องทักผมทันทีที่ลืมตา เขามองผมอย่างอบอุ่น ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน แต่ใจผมกลับเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ

“ไนล์ตื่นแล้วหรอ? ปวดหัวไหม? คลื่นไส้หรือเปล่า?”

ผมไม่ตอบอะไร แค่ส่ายหน้าเบาๆ และเตรียมพลิกตัวหนี เพราะอยากเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา แต่พี่ภูกลับไม่ยอมให้ผมไปง่ายๆ

“ไนล์.. ไนล์เป็นอะไรครับ ไนล์โกรธอะไรพี่หรือเปล่า?” พี่ภูถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน ซึ่งบางทีที่เขาเป็นแบบนี้ผมเองก็อดแอบรู้สึกแย่กับตัวเองไม่ได้ ผมเคยจะใจอ่อนให้เขาหลายต่อหลายครั้ง แต่พอหวนนึกไปถึงสิ่งที่เขาทำกับผม ก็บอกตามตรงว่าผมหายโกรธเขาง่ายๆ ไม่ลง เพราะไม่อยากกลับให้ทุกอย่างไปเป็นเหมือนเดิมอีก


ให้อภัยเขาง่ายๆ ยอมเขาง่ายๆ และรักเขาง่ายๆ


สุดท้ายเขาก็ไม่เห็นค่าความรักของผม และเลือกที่จะเชื่อคำพูดของคนอื่นมากกว่า เพราะถ้าจะให้พูดตามตรงผมอาจจะโกรธแต่ผมเลิกรักเขาไม่ได้ง่ายๆ ขนาดนั้นหรอก ยิ่งมีลูกด้วยกันความผูกพันต่างๆ ที่ถูกส่งผ่านลูกก็ยิ่งมีมากขึ้นไปด้วย

แต่ถ้าจะให้ผมหายโกรธเขา กลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมผมก็ทำไม่ได้อีก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะลูกอีกเช่นกัน ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าพี่ภูจะไม่เป็นแบบเดิม จะไม่เอาแต่ฟังคนอื่นและละเลยความรู้สึกผมเหมือนที่ผ่านๆ มาอีก ยิ่งมีลูกผมยิ่งต้องคิดเยอะ อย่างน้อยพี่ภูก็ต้องพิสูจน์ให้ผมเห็นว่าเขาจะไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน อย่างน้อยแม้ผมกับเขาจะไม่ได้ลงเอยกัน แต่ในฐานะพ่อของลูก ผมก็อยากให้เขาทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี

“เปล่าครับ ผมอยากเข้าห้องน้ำ” ผมบอก พี่ภูก็เลยรีบจัดการลุกขึ้นยืน เขาก้มลงมาทำท่าจะช้อนอุ้มผม แต่ผมห้ามไว้ “เดี๋ยวๆ คุณจะทำอะไร ผมเดินเองได้ ไม่ต้องถึงขนาดนี้.. แค่ท้อง ผมไม่ได้พิการนะ”

พี่ภูยิ้มอายๆ ตอนที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น เขาเกาคอไปมาแก้เก้อ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ

“พี่ลืมตัวน่ะ เพิ่งตื่นด้วยเลยงงๆ กลัวไนล์จะเดินไปห้องน้ำไม่สะดวก เลยจะอุ้มพาไป... พี่อยากดูแล”

ผมหน้าร้อนทันทีที่ได้ยินแบบนั้น พยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และพยายามไม่ให้พี่ภูเห็นด้วยว่าผมกำลังเขินและหวั่นไหวกับการแสดงออกของเขา

“ผมเดินเองได้... คุณรออยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องตามไปหรอก” ผมรีบบอกเพราะเห็นพี่ภูทำท่าจะเดินตามมา พี่ภูเลยชะงักเท้าไว้ ที่เขาทำมีเพียงมองตามผมไม่ละสายตา ถึงผมไม่หันไปผมก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังมองผมอยู่

ผมยกมือขึ้นกุมหน้าอกซ้ายตัวเองโดยไม่ให้เขาเห็น นี่เขาเพิ่งจะเข้ามาอยู่บ้านผมวันแรก ก็เขย่าหัวใจผมจนไม่มีชิ้นดี แล้วแบบนี้ผมจะทนใจแข็งกับเขาไปได้นานสักเท่าไหร่กัน

.

.

.

“คุณหนูคะ คุณลมมาหาค่ะ” ผมที่นั่งเล่นเอกเขนกอยู่ที่สวนหลังบ้าน โดยมีพี่ภูนั่งเฝ้าอยู่ห่างๆ หันไปมองพี่กิ่งที่เข้ามาบอกด้วยใบหน้าติดจะมีรอยยิ้ม ทุกคนในบ้านรู้ดีว่าผมกับลมเป็นเพื่อนสนิทกัน และเขามักจะเข้านอกออกในบ้านผมบ่อยมาก

แต่ดูเหมือนจะมีคนนึงที่ไม่รู้ ... ไม่รู้แล้วก็มานั่งทำหน้าหงุดหงิดงุ่นง่านไม่พอใจอยู่ข้างๆ ผม

“ถ้าคุณหาเรื่องทะเลาะกับลม.. ผมสาบานเลยว่าผมจะไม่ยอมให้คุณเข้าใกล้อีกตลอดชีวิต”

ผมพูดขึ้นลอยๆ เมื่อเห็นท่าทีของพี่ภู แหงล่ะ ฟังดูก็รู้ว่าผมแค่ขู่ แต่พี่ภูในเวลานี้ยอมผมเสียยิ่งกว่ายอม เขายอมผมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งตกปากรับคำทั้งที่ไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่

“พี่ไม่หาเรื่องหรอก หนูก็บอกเพื่อนหนูด้วยแล้วกันว่าอย่ามาหาเรื่องพี่”

แก้มผมขึ้นสีทันทีที่ได้ยินสรรพนามที่พี่ภูใช้เรียก แต่ก็แสร้งทำหน้านิ่วทวนสรรพนามนั้นด้วยความไม่เข้าใจ “หนู?”

“ก็หนูนั่นแหละ พี่เรียกหนู... อยากเรียก” พี่ภูขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ ผม ในขณะที่ผมต้องรีบเบือนหน้าหนี

ผมอดยอมรับไม่ได้เลยว่าตัวเองใจเต้นแรงมาก สามเดือนที่อยู่ด้วยกันมาไม่ใช่ว่าพี่ภูจะไม่รู้ว่าต้องเข้าหาผมยังไง หรือใช้วิธีไหนในการเรียกร้องความสนใจจากผม แต่เพราะที่ผ่านมาเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เพราะผมพร้อมที่จะดูแลและเอาใจใส่เขา แต่ในตอนนี้เวลานี้สถานการณ์มันกลับกัน ซึ่งนั่นก็ทำให้พี่ภูเรียนรู้ว่าเขาควรทำยังไง

“เขยิบออกไปครับ ผมจะลุกออกไปหาลม” ผมรีบพูด และเพราะคำพูดของผมก็ทำให้พี่ภูดูไม่ชอบใจไม่น้อย

“พี่ไปด้วย ไนล์ไปไหนพี่ไปด้วย” ผมหันไปมองหน้าเขาด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ “ไม่ทะเลาะ ไม่หาเรื่อง.. พี่สัญญากับไนล์แล้วไงครับ ให้พี่ไปด้วยนะ”

พี่ภูขยับเข้ามาหาผมอีกรอบ แถมยังใช้น้ำเสียงอ้อนๆ พูดกับผม จนผมต้องรีบเบือหน้าหนี

“จะไปไหนทำอะไรก็เรื่องของคุณเถอะ อย่าหาเรื่องทะเลาะกับเพื่อนผมแล้วกัน ไม่งั้นผมจะทำแบบที่พูดไว้แน่ๆ” ผมย้ำ เพื่อป้องกันแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าขืนพี่ภูกับลมทะเลาะกันต่อหน้าผมอีกมีหวังวันนี้ผมได้หงุดหงิดอาละวาดใส่ทั้งคู่แน่ๆ ช่วงนี้ผมยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยปกติอยู่ด้วย

“ครับ ครับ.. ไม่หาเรื่องครับ” พี่ภูรับคำเสียงค่อยดูเชื่อฟังผมอย่างไม่น่าเชื่อ

แต่จะว่าไป เขาก็ทำอะไรไม่น่าเชื่อมาหลายอย่างแล้วล่ะ เริ่มตั้งแต่การพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ มาง้อผม มาขอคืนดี .. ตอนนี้ถ้าจะมีอะไรที่เขายอมทำอีกผมก็ว่าไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่แล้วล่ะ

ผมเดินทะลุจากสวนหลังบ้านเข้ามาในส่วนของห้องนั่งเล่นก็เห็นลมนั่งรออยู่ เขากำลังกดดูข้อมูลอะไรบางอย่างอยู่ในโทรศัพท์ พอผมเดินเข้าไปเขาก็ละความสนใจจากมือถือตรงหน้า แล้วหันมาหาผมแทน

“ไนล์” เขายิ้มกว้างตอนเดินเข้ามาหาผม แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นพี่ภูเดินตามมาติดๆ “ตามมาทำไมวะ ใครอยากเจอ”

ลมบ่นพึมพำ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ได้ยิน แน่นอนว่าพี่ภูเองก็ได้ยิน ผมเห็นเขาเม้มปากแน่นและพยายามเบือนหน้าไปทางอื่นท่าทางอดกลั้นน่าดู .. แต่ผมก็ไม่ได้บอกให้เขาตามมาสักหน่อยนะที่จริง

“ว่าไงลม? มาหาเรามีอะไรรึเปล่า?” ลมเดินเข้ามาจูงมือผมไปนั่ง ในขณะที่พี่ภูทำอะไรไม่ได้มากเนื่องจากสัญญากับผมไว้ เขาเลยได้แต่มองตาขวางไปเรื่อย

“ไม่มีอะไรหรอก ลมแค่คิดถึง แล้วก็ซื้อมะม่วงมาฝากด้วย เห็นพี่เทมส์บอกว่าพักนี้ไนล์กินอะไรไม่ค่อยได้ ชอบกินแต่ผลไม้เปรี้ยวๆ” ลมพูดพลางส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม

“อืม.. มีแพ้ท้องบ้างอยู่ แต่ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว จะหนักหน่อยก็ช่วงเช้าหลังตื่นนอน จะอาเจียนหนักๆ ก็ช่วงนั้นแหละ” ผมเล่าอาการให้ลมฟัง โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่ามีอีกคนเงี่ยหูฟังอยู่ใกล้ๆ

“แล้วลุกเข้าห้องน้ำห้องท่าไม่อันตรายหรอ? เช้าๆ เกิดเวียนหัวขึ้นมาจะทำยังไง?” ลมถามด้วยสีหน้ากังวล “งั้นช่วงนี้ให้ลมมานอนค้างเป็นเพื่อนดีไหม พอไนล์ดีขึ้นแล้วค่อย..”

“ไม่ต้อง!” ผมสะดุ้ง เพราะกำลังตั้งใจฟังลมพูดอยู่ แต่จู่ๆ พี่ภูก็โพล่งออกมาอย่างไม่พอใจ ทั้งที่ลมยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ “ไม่ใช่หน้าที่ของนาย! ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อดูแลไนล์ ดูแลลูก และทำหน้าที่นี้ นายมีสิทธิ์อะไรกันที่จะมาก้าวก่ายเรื่องของเราสองคนผัวเมีย”

“คุณคีริน!” ผมเรียกชื่อพี่ภูออกมาด้วยความไม่พอใจ

.. อีกแล้ว เอาอีกแล้ว พอเวลาเขาหงุดหงิดและขาดสติทีไร เขาชอบเป็นแบบนี้ทุกที

และผมก็ไม่ชอบเลย.. มันทำให้ผมหวนนึกถึงคืนนั้น ที่โรงแรมนั่น มันค่อนข้างที่จะเป็นความทรงจำที่เลวร้าย เป็นวันที่ผมได้เจอและรู้จักกับพี่ภูที่ผมไม่รู้จักเลยสักนิด

พี่ภูดูจะตั้งสติขึ้นมาได้หลังจากที่เจอผมเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าไม่พอใจ

“พี่ขอโทษครับ พี่แค่อยากบอกให้เพื่อนของไนล์รู้ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของเขา ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะอาสามาขอทำแทนพี่ พี่ไม่อยากให้เขาเข้ามาก้าวก่าย..”

“แต่ลมเป็นเพี่อนผม และคุณก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายความเป็นเพื่อนของเราสองคนเหมือนกัน... ผมว่าผมบอกคุณเรื่องนี้ไปแล้วนะ”

ผมพูดสวนพี่ภูทันทีโดยไม่รอให้เขาพูดจบ ที่ผมพูดปกป้องลมไม่ใช่เพราะผมจะเอาคืน หรืออยากจะแค่ทำให้เขารู้สึกแย่ แต่ผมไม่อยากให้เขาพูดจางี่เง่าไม่ดีใส่เพื่อนผม ทั้งๆ ที่ลมก็แค่หวังดี มันมีวิธีปฏิเสธตั้งเยอะแยะ เขาไม่จำเป็นต้องพูดแบบนี้ก็ได้ เพราะถึงแม้ว่าพี่ภูจะไม่ออกตัว ยังไงผมก็ไม่กล้ารับความหวังดีของลมอยู่แล้ว

แต่การที่พี่ภูพูดออกมาแบบนั้นมันคือความไม่ไว้หน้าใคร มันคือความไม่ทันยั้งคิด และเขาก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่โมโห

ถ้าเขาคิดจะปรับตัว ก็ต้องปรับเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะถ้าพี่ภูทำไม่ได้ ผมก็ไม่กล้าที่จะฝากลูกตัวเองไว้ในมือของเขาเหมือนกัน ก็อย่างที่บอกแหละ แม้ว่าสุดท้ายแล้วเขากับผมจะไปด้วยกันไม่ได้ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม แต่ผมจะไม่กีดกันเรื่องของเขากับลูก เพราะยังไงเขาก็เป็นพ่อ

ซึ่งมันก็ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่าเขาปรับตัวแล้ว และพร้อมมากพอที่จะดูแลเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังจะลืมตาดูโลก

“พี่ขอโทษครับ.. งั้นพี่ไปรอข้างนอกแล้วกัน ไนล์คุยกับเพื่อนไนล์เถอะ”

พี่ภูพูดบอกผมเสียงเบา ก่อนที่เขาจะเดินออกไปเงียบๆ ผมเองก็เหลียวหันไปมอง ยอมรับว่าใจวูบโหวงไม่น้อย ผมรู้ว่าเขาน้อยใจที่ผมพูดแบบนั้นใส่เขาต่อหน้าลม มันอาจจะดูเสียศักดิ์ศรีและทนไม่ได้ ทั้งที่ความจริงแล้วผมไม่ได้มีเจตนาอื่นใดเลยนอกจากจะเตือนสติเขาเท่านั้น

ผมทรุดตัวลงนั่ง นึกหนักใจปนๆ รู้สึกผิด จนลมเดินมานั่งข้างๆ และโอบผมไว้หลวมๆ .. เขามักจะทำอย่างนี้เสมอเวลาที่ผมไม่สบายใจ

“เป็นเพราะลมรึป่าวที่ทำให้เขากับไนล์ทะเลาะกัน” ลมถามผม ผมเองที่เหนื่อยใจเหลือเกินก็ยังไม่ตอบอะไรนอกจากเอนตัวพิงเพื่อนสนิทเหมือนเป็นปฏิกริยาที่เป็นไปตามธรรมชาติของเราสองคน

“ไม่หรอก” ผมตอบพร้อมกับถอนหายใจ “ถ้าเขาจะอยากเป็นพ่อที่ดี เขาต้องปรับตัวและต้องใจเย็นมากกว่านี้ให้ได้”

เราสองคนนั่งเงียบ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร เหมือนกับมันเป็นบรรยากาศของความผ่อนคลายที่จะช่วยเยียวยาทั้งผมและเขา

“ลมถามจริงๆ เลยนะ.. ถามแบบ ถามจริงๆ” ลมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จากที่มองตรงไปข้างหน้า ตอนนี้เขาเบือนสายตาหันกลับมาหาผม “นอกจากความเป็นพ่อที่ดีที่ไนล์อยากให้เขาเป็นแล้ว มันมีอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้ไหมที่ไนล์อยากให้เขาเป็น.. อะไรที่ไนล์รอมาเป็นสิบปีน่ะ?”

ผมเงียบ ไม่ตอบ ใช้เวลาครุ่นคิดกับคำถามนี้นานกว่าที่คิด ก่อนจะเอ่ยปากตอบเมื่อค้นหาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่ามันน่าจะใช่ความรู้สึกนี้

“เราไม่รู้หรอกลม .. เราไม่รู้”

... ใช่ ผมไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

.

.

.

To Be Continue

----------------------------------------------

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และกำลังใจนะคะ ช่วงนี้.. เหนื่อยๆ นิดหน่อย ต้องขอโทษด้วยที่มาช้า

แล้วไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ .. รัก ^^
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-27 : Universe 35th)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 27-08-2020 20:42:02
 :man1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-27 : Universe 35th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-08-2020 22:27:58
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-27 : Universe 35th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 27-08-2020 22:33:46
หึหึหึ 55555  อ่านละขำอ่ะ ไปๆโอ๊ยยคืนดีกันรักกันให้จบๆเถอะ 555 ให้อภัยเขาง่ายๆ ยอมเขาง่ายๆ และรักเขาง่ายๆ ก็นี้ละมันตัวเธอที่สุด .... แล้วยังไงหรอ 55555 เขามาจิกกัดตัวละคร ไม่สามารถหยุดตามได้เลย 55555  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-27 : Universe 35th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-08-2020 00:51:01
สู้ๆน้า
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-27 : Universe 35th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-08-2020 13:12:21
หึหึหึ 55555  อ่านละขำอ่ะ ไปๆโอ๊ยยคืนดีกันรักกันให้จบๆเถอะ 555 ให้อภัยเขาง่ายๆ ยอมเขาง่ายๆ และรักเขาง่ายๆ ก็นี้ละมันตัวเธอที่สุด .... แล้วยังไงหรอ 55555 เขามาจิกกัดตัวละคร ไม่สามารถหยุดตามได้เลย 55555  :pig4: :pig4:

เราก็รู้สึกเหมือนกันเลยค่ะ คืนดีกันไปเถอะไม่ต้องไปงอนหรือเคืองอะไรมันแล้ว แบบอ่านแล้วหมั่นไส้อิพี่ภูมันจริง ๆ อยากบอกว่าเป็นพระเอกที่เขียนได้น่าหมั่นไส้และทำให้เรารู้สึกรำคาญและเกลียดตัวละครนี่ได้มากเลยค่ะ ยอมรับเลย รออ่านตอนต่อไปนะคะอยากรู้ว่าจะใจอ่อนไปได้อีกนานแค่ไหนกัน
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-27 : Universe 35th)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 01-09-2020 14:45:51
^_^
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-03 : Universe 36th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 03-09-2020 21:32:13
Universe 36th : อีกก้าว


พักหลังมานี้ผมรู้สึกว่าไม่ชอบตัวเองเลย อารมณ์ผมแปรปรวนมากขึ้นเมื่ออายุครรภ์ของผมย่างเข้าสู่เดือนที่สาม ผมมักจะหงุดหงิดง่าย น้อยใจ และวิตกอะไรเกินเหตุอยู่บ่อยๆ และที่เป็นมากจนผมกังวลก็คืออาการเวียนหัว บางครั้งผมมักจะหน้ามืดโดยไม่มีสาเหตุ ลุกเร็วๆ ก็วูบ ตื่นนอนตอนเช้าก็วูบ

ซึ่งก็ดูเหมือนว่าพี่ภูเองจะสังเกตเห็นอาการนี้ของผมอยู่เหมือนกัน เขาคอยดูแลผมไม่ห่าง โดนผมตวาดใส่ อารมณ์เสียใส่ไปก็บ่อย แต่เขาก็ใจเย็นมากขึ้น บางทีผมพูดไม่ดีใส่เขา เขาก็นิ่ง ถ้าไม่ยิ้มใส่ก็จะถอยฉากออกไปเพื่อไม่ให้ผมหงุดหงิด อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน ผมเผลอพูดจาไม่ดีใส่พี่ภูและเผลอไล่เขาไปโดยที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจ

“ไนล์ วันนี้ไนล์หน้าซีดๆ ไนล์จะไปทำงานไหวหรอครับ?”

“ไหวครับ” ผมบอกปัด พยายามจะเดินเลี่ยงหนีพี่ภูที่ขวางอยู่ตรงประตูทางออกบ้าน เขาทำท่าเหมือนจะไม่ยอมให้ผมไปทำงานตั้งแต่วันก่อนแล้วแต่ผมไม่ยอม

“ไนล์ ไม่ดื้อได้ไหมครับ พี่เป็นห่วงไนล์จริงๆ นะ”

พี่ภูยึดข้อมือผมไว้ไม่ให้ผมเดินหนี แต่ผมก็ไม่ฟัง “ปล่อยครับ ผมจะไปทำงาน วันนี้มีประชุม คุณกำลังทำให้ผมเสียเวลานะ”

“ไนล์ พี่ขอร้อง ไนล์พักผ่อนอยู่บ้านได้ไหม เรื่องทำงานปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่เถอะนะ พี่ดูแลไนล์กับลูกได้ ต่อให้ไนล์ไม่ทำอะไรเลยทั้งชีวิตพี่ก็ดูแลไนล์ได้”

ความโกรธที่มาจากไหนไม่รู้จู่ๆ ก็พุ่งปรี๊ด ผมสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของพี่ภูทันที พร้อมกับพูดใส่อีกฝ่ายอย่างโมโห

“หึ! คุณมาบอกให้ผมทำแบบนั้น แล้วอีกหน่อยก็มาดูถูกกันไล่หลังน่ะหรอ? ฝันไปเถอะ! ลูกผม ชีวิตผม ผมดูแลเองได้ คุณไม่ต้องมายุ่งกับผมหรอก!”

“ไนล์ พี่…” พี่ภูพยายามพูดอะไรสักอย่าง แต่ตอนนั้นผมหงุดหงิดมาก เลยไม่อยากจะฟังอะไรจากเขาสักนิด

“เลิกยุ่งกับผมสักทีได้ไหม! จะไปไหนก็ไป! อย่ามาขวางทางกัน!”

ผมปัดมือพี่ภูที่กำลังจะยื่นมายึดข้อมือผม พร้อมกับออกแรงผลักอกคนที่กำลังยืนขวางไปให้พ้นทาง และดูเหมือนว่าปฏิกริยาแบบนี้ของผมจะไม่ใช่สิ่งที่พี่ภูคาดไว้ เขาเลยไม่ทันตั้งตัว เซถลาไปชนกับขอบประตูด้านหลังเสียงดัง

ผมผละออกมาแต่ก็หันไปมองพี่ภูนิดหน่อย เลยทันได้เห็นสายตาที่แสดงความเสียใจและตัดพ้อส่งมายังผมแบบปิดไม่มิด แต่เพราะความแปรปรวนของอารมณ์ทำให้ผมตัดสินใจเดินออกมา ก่อนจะทำอะไรที่แย่ไปยิ่งกว่าเดิม

“ไปกันเลยไหมครับคุณหนู” ลุงชัยถามผมเมื่อเห็นผมเดินตรงไปที่รถ ก่อนที่แกจะกวาดตามองรอบๆ เพื่อมองหาพี่ภู เพราะพักหลังมานี้เขาแทบจะตามติดผมเป็นเงา “แล้วคุณภูล่ะครับ?”

“ออกรถเถอะครับลุง เช้านี้ไนล์มีประชุม”

ผมตัดบทไม่ตอบอะไรลุงชัย ซึ่งแกก็ไม่เซ้าซี้ถามแม้แกจะสงสัยไม่น้อยก็ตาม เพราะตั้งแต่ที่ผมตั้งท้องที่บ้านก็อยากให้ผมพัก แต่เป็นผมเองที่ดื้อดึง เพราะตอนนี้ท้องผมยังไม่โตมาก มันยังพอไปไหนมาไหนได้ ยังพอทำงานได้ ผมก็ยังอยากจะทำก่อน เพราะแค่ที่ผมหายไปสามเดือนไม่ได้ช่วยพี่เทมส์ทำอะไรเลย ผมก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว นี่ผมยังจะมาตั้งท้องแล้วโยนภาระงานทุกอย่างให้พี่เทมส์รับผิดชอบอีก ทั้งที่มันเป็นธุรกิจของที่บ้านเรา อีกอย่างตอนนี้พี่เทมส์เองก็ยุ่งๆ กับโปรเจคมิกซ์ยูสพอตัว ผมทำใจให้เห็นแก่ตัวไม่ลง ในเมื่อผมยังพอทำงานไหวผมก็อยากที่จะทำ

ลุงชัยขับรถออกจากบ้านโดยมีผมโดยสารไปแค่คนเดียว ทั้งที่ปกติจะมีพี่ภูไปด้วย ที่จริงเขาเองก็ขันอาสาจะเป็นคนรับส่งผมนั่นแหละ แต่ผมไม่ยอม ไม่อยากให้เขามายุ่ง เลยบอกว่าจะขับรถไปเอง แต่ที่บ้านไม่ยอม สุดท้ายเลยกลายเป็นเจอกันตรงกลางโดยให้ลุงชัยเป็นคนขับรถรับส่ง พี่ภูก็เลยมาขออาศัยรถลุงชัยไปด้วยทุกวัน ผมเองก็ตั้งท่าไม่ยอม ผมบอกว่าอยากนั่งเบาะหลังคนเดียวสบายๆ ไม่อยากอึดอัด พี่ภูก็บอกว่านั่งหน้าได้ เขาไม่ถือสาอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้ไปทำงานพร้อมผม ได้เห็นว่าผมไปถึงที่ทำงานอย่างปลอดภัยพร้อมกันกับเขา ซึ่งพ่อและแม่ก็เห็นดีด้วย

มีแต่พี่เทมส์ที่ไม่ยอม เขายืนยันจะเป็นคนดูแลไปรับไปส่งเอง แต่ด้วยเพราะพี่เทมส์งานยุ่งไปทำงานและเลิกงานไม่เป็นเวลา เลยทำให้ผลสรุปสุดท้ายต้องกลายเป็นลุงชัยขับรถรับส่งผม โดยมีพี่ภูตามไปด้วยตลอด

เพิ่งจะมีวันนี้ที่ผมไล่เขา และเขาก็ยอมไปตามที่ผมไล่จริงๆ

ผมนั่งน้ำตาไหลเงียบๆ ยิ้มให้ตัวเองขื่นๆ ไม่ใช่ผมไม่เสียใจหรือรู้สึกผิด แต่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ สุดท้ายใครจะอยากมาทนอยู่กับคนประหลาดแบบผม เป็นผู้ชายแถมยังตั้งท้องได้ยังไม่พอ แล้วไหนจะอารมณ์แปรปรวนขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้อีก ที่พี่ภูฝืนทนอยู่ด้วยมาจนถึงทุกวันนี้ก็นานมากพอแล้ว เผลอๆ ถ้าผมไม่ได้อุ้มท้องลูกของเขาอยู่ เขาอาจจะไม่คิดอยากกลับเข้ามาในชีวิตผมก็ได้

และสุดท้ายเขาก็ไปจากชีวิตผมจริงๆ สมใจ .. แต่ทำไมมันถึงได้เจ็บมากมายเหลือเกิน

.

.

.

ผมเพลียและปวดหัวมาก อาการคลื่นเหียนและแพ้ท้องวนกลับมาทำร้ายผมอีกครั้ง ผมพยายามฝืนอยู่ประชุมช่วงเข้าจนเสร็จ ตาก็คอยเหลือบมองตลอดว่าพี่ภูจะเปิดประตูเข้ามาหาเมื่อไหร่ แต่สุดท้ายมันก็เป็นได้แค่ความหวังลมๆ แล้งๆ เพราะจนแล้วจนรอด ผมประชุมเสร็จก็ไม่เห็นวี่แววว่าพี่ภูจะปรากฎตัว

ผมโทรบอกลุงชัยให้เอารถวนมารับเพราะอยากกลับไปนอนพักที่บ้านแล้ว ระหว่างทางที่เดินกลับห้องทำงานผมก็ส่งข้อความบอกพี่เทมส์ด้วยว่าผมขอกลับบ้านก่อนเพราะเริ่มมีอาการแพ้ท้องอีกแล้ว พี่เทมส์ไม่ว่าอะไร ผมเลยจัดการเก็บของกลับบ้านก่อนที่จะวูบไปก่อนได้ถึงรถ

ผมมองไปที่โต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของห้อง ปกติพี่ภูจะนั่งจ้องมองผมอยู่ตรงนั้นไม่ให้คลาดสายตา เขาขอพี่เทมส์ทำงานที่ออฟฟิศ เลี่ยงการออกไปไหนเพราะไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียว โดยที่พี่ภูแทบจะเหมางานออกแบบแปลนทั้งตึกมาทำด้วยตัวเอง และปล่อยให้พี่เทมส์ทำหน้าที่ประสานงาน ติดต่อกับภายนอกไป ซึ่งงานของทั้งคู่ก็ไม่ใช่ว่าจะน้อย แต่พี่ภูเองก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาโดยตลอด ไม่ขาดตกบกพร่องอะไรเลย

ทั้งหน้าที่ในงานของเขา และหน้าที่ในการดูแลผม เขาแทบจะไม่เคยปล่ยให้ผมคลาดสายตา

จนกระทั่งวันนี้ตอนนี้ไมามีเขาอีกแล้ว เขาคงถอดใจจากผมแล้งฝวล่ะ ใครจะอยากมาทนกับคนงี่เง่าแบบผมกัน

ผมเก็บของไปน้ำตาไหลไป ถึงแม้จะอยากให้มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ทีแรก แต่พอถึงเวลาผมก็อดยอมรับไม่ได้ว่าผมเสียใจ เพราะสุดท้ายแล้วพี่ภูก็ทำไม่ได้จริงๆ อย่างที่เคยบอกไว้ ก็เหมือนทุกครั้ง... เหมือนที่ผ่านมาตลอดนั่นล่ะ

ผมนั่งพักหลับตามาในรถตลอดทางจนกลับถึงบ้าน ผมตะกายขึ้นห้องนอนอย่างยอมแพ้ ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้นผมยิ่งง่วงยิ่งเพลีย โชคดีหน่อยที่ไม่ค่อยแพ้ท้องเหมือนช่วงแรกๆ เพิ่งจะมีวันนี้แหละที่จู่ๆ อาการก็กำเริบ

ผมล้มตัวลงนอนช้าๆ พร้อมกับลูบท้องตัวเองแผ่วเบา

“ตัวเล็กของหม่าม้า ใจดีกับหม่าม้าหน่อยสิครับ ต่อไปก็เหลือแค่เราสองคนแล้วนะลูก... หม่าม้ารักตัวเล็กนะครับ”

ผมลูบท้องตัวเองอย่างเศร้าสร้อย เมื่อคิดว่าจะต้องผ่านเรื่องทุกอย่างไปคนเดียว.. แต่ก็เอาเถอะเพราะยังไงมันก็ควรจะต้องเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกแล้ว

และสุดท้ายผมก็ผล็อบหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน ซึ่งก็ได้แค่หวังว่าตื่นขึ้นมาแล้วผมจะเป็นผมที่เข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม

.

.

.

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบจะเย็นเพราะรู้สึกเวียนหัว ลุกขึ้นนั่งก็ยังคงเวียนหัว ผมนึกอยากได้น้ำสักแก้วแต่ก็ลุกไม่ไหว ตั้งใจจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วแต่ก็ไม่ถึง สุดท้ายเลยพยายามจะลุกขึ้นพยุงตัวช่วย แต่ผมก็ลุกไม่ไหวเลยตัดสินใจจะโทรบอกให้คนที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาช่วย แต่เสียงทุ้มคุ้นหูกลับดังขึ้นเสียก่อน พร้อมๆ กับการปรากฎตัวของคนที่ผมคิดถึงมาทั้งวัน

“ไนล์หิวน้ำหรอครับ มาพี่รินให้”

ผมมองพี่ภูที่เดินเข้ามาอย่างตกใจ เพราะคิดว่าเขาไปแล้ว ไม่คิดว่าจะกลับมาอีก และเพราะอย่างนั้นผมถึงได้แต่จ้องเขาตาไม่กะพริบ

“อะ ดื่มน้ำก่อนนะครับ ลุกไหวไหม ปวดหัวหรือเปล่า หรือจะให้พี่ช่วยประคองดี"

พี่ภูไม่พูดเปล่า เขานั่งลงตรงหัวเตียงและช้อนตัวผมขึ้นมาพิงแนบอกโดยที่ผมไม่ได้ต่อต้านหรือดื้อดึง เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกับเขาอีกครั้งและแทนที่จะได้ดื่มน้ำ ผมกลับร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ฮึก.. ฮืออ” น้ำตาผมไหลไม่หยุด ในขณะที่พี่ภูดูทำตัวไม่ถูกที่จู่ๆ ก็เห็นผมปล่อยโฮ

เขากอดผมแน่น พร้อมกับพรมจูบบนหน้าผากผม เขาเอาแต่กระซิบข้างหูผมซ้ำๆ ราวกับอยากจะปลอบโยน

“ชู่ว ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ป็นไรนะ.. พี่อยู่นี่กับไนล์แล้ว ไนล์ไม่ร้องไห้นะ” และดูเหมือนว่ายิ่งถูกปลอบผมก็ยิ่งร้องไห้ ความรู้สึกของผมตอนนี้มันทั้งดีใจ ทั้งโกรธที่จู่ๆ เขานึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป ไหนว่าจะอยู่ดูแลผมกับลูก แต่แค่ผมไล่เขาก็หายไปแบบไม่คิดจะบอก

“ฮึก.. บอกว่าจะดูแล แต่ไม่ ฮืออ ไม่ทำตามที่พูด! นึกจะไปก็.. ฮึก! ก็ทิ้งกันไปใช่ไหม” ผมร้องไห้งอแงโวยวาย ทำตัวงี่เง่า ทำนิสัยไม่ต่างจากเด็กเลยสักนิด และผมก็ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย

“โอ๋ๆ ไม่ร้องไห้นะครับไม่ร้อง” พี่ภูกอดผมแน่นขึ้น ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึป่าวว่าน้ำเสียงเค้าดูดีใจแปลกๆ “พี่ไม่ได้ไปไหนเลยนะ พี่แค่ไปหาอาหมอมา ไปเอายาให้ไนล์ไง แล้วก็ไปปรึกษาอาหมอเรื่องอาการของไนล์ด้วย”

“…” ผมหยุดร้องไห้ เมื่อได้รับฟังสิ่งที่พี่ภูพูด

“พี่สัญญาแล้วไงครับว่าจะดูแลไนล์ ดูแลลูกของเรา พี่จะไม่ทิ้งไนล์ไปไหนทั้งนั้น ต่อให้ไนล์ไล่พี่ก็จะไม่ไป” พี่ภูจูบลงมาหนักๆ ที่ขมับผม “โอเคไหมครับ?”

“…” ผมสะอื้นเบาๆ และเลือกที่จะไม่ตอบอะไร ใจก็อยากจะต่อต้านปฏิเสธสัมผัสอบอุ่นและสายใยบางๆ ที่พี่ภูกำลังถักทอให้ก่อตัวออกไป แต่อีกใจผมก็โหยหา และอยากจะซึมซับมันเอาไว้ให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย

สุดท้ายใจฝ่ายอ่อนแอก็ชนะ ผมเลยปล่อยให้พี่ภูกอดอยู่แบบนั้น จะว่าไปมันก็อุ่นและสบายดี

“วันนี้พี่ไปซื้อของที่เหมาะกับคนท้องมาเยอะเลย มีทั้งที่นวดเท้า หมอนรองหลัง แล้วก็ชุดเพลงกล่อมนอน เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นหลังเลิกงานเรามานวดเท้ากันนะ พี่จะทำให้ ไนล์จะได้หลับสบายตอนกลาง ดีไหมครับ”

ผมฟังพี่ภูพูดเล่าด้วยดวงตาที่ปรือปรอยลงเรื่อยๆ อาการปวดหัวทุเลาลง และผมก็เหมือนจะกลับมาง่วงอีก เพราะก่อนหน้านี้หลับไม่สบายตัวเลย เพราะใจเอาแต่คิดและกังวลที่พี่ภูหายไป

“ง่วงอีกแล้วหรอ? นอนแบบนี้ไนล์จะเมื่อยไหม หื้ม?” ผมไม่ตอบแต่ขยับตัวซุกอกพี่ภูมากกว่าเดิม “โอเคๆ งั้นนอนแบบนี้ก็ได้ ถ้าไนล์เมื่อยไนล์บอกพี่นะ”

“อืออ..” ผมครางเบาๆ ก่อนจะเริ่มจมดิ่งเข้าห้วงนิทรา แต่หูก็ยังได้ยินสิ่งที่พี่ภูเล่าไม่หยุด

“อาหมอบอกพี่ว่าช่วงนี้ไนล์จะเพลียมากขึ้น และท้องที่เริ่มใหญ่ก็อาจจะทำให้ไนล์ปวดหลังและปวดขา วันนี้พี่เลยไปซื้อพวกของที่ว่ามาเตรียมไว้” ผมรับฟังพร้อมรอยยิ้มบางๆ นึกอิ่มใจที่เขาไม่ได้หายไปเพราะผมไล่อย่างที่ผมกลัว “ส่วนเรื่องหงุดหงิดหรืออารมณ์เสีย ไนล์ไม่ต้องคิดมากนะ.. พี่เข้าใจ พี่รู้ว่ามันเป็นเพราะฮอร์โมนอารมณ์ไนล์ก็เลยแปรปรวน เพราะฉะนั้นถ้าไม่สบายใจหรือรู้สึกไม่ดีไนล์บอกพี่ได้ พี่จะอยู่ข้างๆ ไนล์เอง”

เสียงพี่ภูที่พร่ำบอกเหมือนจะไกลออกไปเรื่อยๆ ผมฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะกำลังจะผล็อยหลับอีกครั้ง แต่ที่แน่ๆ เลยคือผมรู้สึกดี และรับรู้ได้ว่าเขาจะอยู่ข้างๆ และไม่ทิ้งผมไปไหนแน่ๆ ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใดก็ตาม

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-08-27 : Universe 35th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 03-09-2020 21:34:47
(อ่านต่อจากด้านบน)


Kirin’s Part


ช่วงสองสามวันมานี้ไนล์อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ น้องไม่ค่อยแพ้แต่อาการเวียนหัวและหน้ามืดกลับดูรุนแรงมากขึ้น มากจนคุณพ่อคุณแม่และเทมส์ต้องเอ่ยปากร้องขอ แน่นอนว่าผมเองก็ลองขอร้องน้องดูเหมือนกัน แต่น้องไม่ยอม น้องดื้อแพ่งใส่ผม เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียว หนักหน่อยก็เอ่ยปากผลักไสผม

ผมรู้ว่าน้องไม่ได้ตั้งใจ แต่พอได้ยินทีไรใจผมมันก็เจ็บไม่น้อยทุกที


‘ไนล์ครับ เชื่อพี่นะ พักอยู่ที่บ้านเถอะนะ อาการไนล์ช่วงนี้ไม่ค่อยดีเลย พี่เป็นห่วงลูก…’

‘คุณไม่ต้องมายุ่งกับผม! นี่มันเรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ!



ก็แน่ล่ะ ผมทำกับน้องไว้เยอะ โดนแค่นี้มันอาจจะยังน้อยไปด้วยซ้ำ และต่อให้ไม่ว่าน้องจะผลักไสผมมากแค่ไหน ผมก็จะทำตามสัญญาที่ให้กับน้องไว้ ผมจะไม่มีวันไปจากไนล์และลูกเด็ดขาด

ที่จริงผมก็แอบหวังว่าเรื่องระหว่างผมกับน้องจะดีขึ้นมาบ้างหลังจากที่เมื่อสองวันก่อนไนล์ดูจะเปิดใจให้ผมมากขึ้น แต่ที่จริงแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ฮอร์โมนและอารมณ์ที่ค่อนข้างจะควบคุมได้ยากของน้อง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผมมีความสุขมากๆ

ไนล์ยอมให้ผมกอด ให้ผมหอม น้องอ้อนผม ตัดพ้อบอกไม่ให้ผมไป ผมไม่รู้ว่ามันเป็นความต้องการลึกๆ ของน้องหรือมันเป็นแค่อารมณ์อ่อนไหว แต่แค่นั้นก็มากพอที่จะต่อลมหายใจให้ผมได้สู้ต่อ ได้พยายามกับความสัมพันธ์ของผมครั้งนี้เพื่อให้ได้น้องกลับคืนมา

และตอนนี้ก็โชคดีมากที่ไนล์ยอมหยุดพักทำงานอย่างน้อยก็สองสามวันตามคำขอของคุณพ่อคุณแม่และไอ้เทมส์ ผมก็เลยขอลางานเพื่อดูแลน้องอยู่ที่บ้าน ตอนแรกไอ้เทมส์ก็ไม่ยอม แต่เพราะสุดท้ายแล้วต้องมีคนดูแลไนล์ มันเลยต้องตกลงอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็อย่าหวังว่ามันจะยอมโดยไม่มีเงื่อนไขอะไร เพราะมันให้ผู้ช่วยมันขนงานเอกสารมาให้ผมทำถึงที่บ้านในช่วงที่ต้องดูแลไนล์

แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมหรอก ขอแค่ได้เห็นไนล์ในสายตาผมก็จะคลายกังวล ดังนั้นต่อให้งานเยอะแค่ไหนผมก็สามารถทำควบคู่ไปได้โดยไม่ติดขัด

“ไนล์ กลางวันกินอะไรดีครับ เดี๋ยวพี่ทำให้” ผมถามน้องที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โซฟาตัวใหม่ที่ผมซื้อมาให้ ผมคิดว่ามันน่าจะเหมาะและนั่งสบายสำหรับคนท้อง ซึ่งน้องก็ดูชอบมันจริงๆ

“อยากกินสัปปะรดครับ ผมบอกป้าบัวไปแล้ว คุณไม่ต้องทำหรอก” น้องตอบ ตายังไม่ละออกจากเอกสารพัฒนาที่ดินที่อ่านอยู่

“แล้วข้าวล่ะครับ กินข้าวด้วยสักหน่อยดีไหม” ผมถาม และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ไนล์ไม่ยอมให้ผมเข้าถึงแล้ว เพราะน้องเงียบ ไม่ยอมตอบ

สุดท้ายผมเลยต้องเดินเข้าครัวไปเพื่อดูว่าจะสามารถทำอะไรให้ไนล์กินได้บ้าง และพอเห็นวัตถุดิบที่มีผมเลยตัดสินใจทำซุปปลาแซลมอนให้น้องกิน อย่างน้อยจะได้พออยู่ท้องบ้าง และก็จะได้ประโยชน์มากกว่ากินสัปปะรดอย่างเดียว เพราะดูท่าแล้วน้องคงจะไม่ยอมกินข้าวแน่ๆ

ผมเคี่ยวซุปอยู่นาน ซึ่งตอนนี้ผมก็เริ่มทำกับข้าวเป็นหลายอย่าง ผมพยายามสรรหานั่นนี่มาทำให้น้องกินเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เนียนๆ ฝากป้าบัวให้เอาไปให้ พอน้องเห็นว่าเป็นป้าบัวถือมาให้ก็ยอมกินเพราะคิดว่าป้าบัวเป็นคนทำ ผมเองก็ยังไม่เคยลองเอาอาหารเข้าไปให้น้องด้วยตัวเองอีกเลยหลังจากน้ำส้มคั้นตอนนั้น

เพราะน้องดูไม่อยากจะกินอะไรจากฝีมือผมเท่าไหร่ แม้ผมจะตั้งใจทำก็ซื้อใจน้องให้อ่อนลงไม่ได้ เลยสักนิด

และวันนี้เพราะซุปมันใช้เวลาเคี่ยวนานเกินไป ผมเลยต้องเป็นคนยกออกไปเอง เพราะไนล์ร้องอยากจะกินสัปปะรดไวๆ ผมเห็นน้องกินสัปปะรดไปเกือบหมดจาน ก็กลัวจะไม่อยู่ท้อง เลยตัดสินใจยกซุปออกมาเอง เพื่อให้น้องได้กินเพิ่ม

“ไนล์ พี่ทำซุปปลาแซลม่อนมาให้ กินหน่อยดีไหมครับ” น้องเหลือบมองนิดหน่อยก่อนจะไสถ้วยให้ถอยห่างออกไป

“ไม่กินครับ กินสัปปะรดอิ่มแล้ว” น้องบอกปัดและไม่ยอมหันไปมองซุปในถ้วยเลยสักนิดทำเอาผมใจแป้ว

ผมพยายามเลื่อนถ้วยกลับไปและพูดต่ออย่างใจเย็น “แต่ว่าพี่ลองทำ…”

“ไม่กินครับ” น้องพูดสวนโดยไม่รอให้ผมพูดจบประโยคเลยด้วยซ้ำ “ผมไม่อยากกิน”

น้องเอามือดันถ้วยออก ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น ทิ้งผมไว้กับความรู้สึกวูบโหวงเมื่อถูกปฏิเสธ และเหตุการณ์ต่างๆ ก็ผุดขึ้นในใจราวกับจะตอกย้ำเรื่องในอดีต

มันไม่ต่างอะไรกับตอนที่ผมไม่แยแสอาหารที่น้องเคยทำสักนิด ผมเมินกับข้าวที่น้องทำให้ ผมไม่สนใจจะถามด้วยซ้ำว่าน้องทำอะไรให้ผมกิน โดนแค่นี้ไม่ได้ครึ่งกับที่น้องเคยเจ็บหรอก

.

.

.

และเพราะอาการวิงเวียนและหน้ามืดของไนล์ที่ดูจะดีบ้างแย่บ้างก็ทำให้เกิดเรื่องขึ้นจนได้ โชคดีที่ผมได้ทันเห็น ไม่อย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้นผมก็ไม่อยากจะคิดเลย

เช้าวันนี้เป็นเช้าวันหยุด ผมที่เพิ่งออกจากห้องของตัวเองที่อยู่ตรงข้ามห้องไนล์ ตั้งใจตื่นแต่เช้าเพื่อลงไปทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน และผมเห็นว่ายังเช้ามากเลยคิดว่าไนล์คงยังไม่ตื่น เพราะพักหลังไนล์ค่อนข้างจะนอนเยอะ แต่พอได้ยินเสียงวิ่งตึงตังพร้อมกับเสียงเหมือนคนกำลังจะอาเจียน ผมเลยเปลี่ยนใจตัดสินใจเข้าไปดูไนล์ในห้องแทนก่อนจะลงไปข้างล่าง เพราะคิดว่าน้องน่าจะกำลังแพ้ท้องตอนช่วงเช้าๆ แบบที่เคยเป็นปกติ

ผมเปิดประตูห้องของไนล์ที่ไม่ได้ล็อคตามคำสั่งของไอ้เทมส์ ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปที่ห้องน้ำที่ได้ยินเสียงอาเจียนของน้องที่เพิ่งเงียบไป ผมไปถึงพอดีกับจังหวะที่ไนล์กำลังจะหันหลังเพื่อเดินออกมาจากห้องน้ำแต่เกิดอาการหน้ามืดขึ้นเสียก่อน เลยทำท่าจะล้มลง ดีที่ผมเห็นและเข้าถึงตัวไนล์ได้ทันพอดี ไนล์เลยล้มตัวเข้าสู่อ้อมกอดผมแทนที่จะเป็นพื้นห้องน้ำ


ผมใจหายวาบ ตอนนั้นทั้งตกใจทั้งโล่งใจ ผมไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำว่าถ้าผมตื่นสายกว่านี้สักนิดหรือไม่ได้เดินเข้ามาดูไนล์ในห้องแล้วอะไรจะเกิดขึ้น


แค่คิดในใจผมก็วูบโหวงไปหมด น้ำตาพาลจะไหลให้ได้

ผมอุ้มพาไนล์กลับไปนอนที่เตียงตามเดิม ก่อนจะพูดกับน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง บ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้ผมเอาจริง


"พี่ว่าเราต้องคุยเรื่องห้องนอนแล้วล่ะไนล์ พี่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบเมื่อกี้เกิดขึ้นอีกไม่ได้’"


แน่นอนว่าไนล์ไม่ยอม แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเกินกว่าที่จะให้ไนล์ตัดสินใจคนเดียวได้ สุดท้ายทุกคนในครอบครัว รวมถึงคุณแม่ของผมที่มาเยี่ยมน้องพอดั เลยต้องมานั่งรวมตัวกันในห้องนั่งเล่น เพื่อคุยเรื่องนี้

“ผมปล่อยให้น้องนอนคนเดียวไม่ได้ครับ จากเหตุการณ์เมื่อเช้าก็เห็นได้แล้วว่าน้องยังดูแลตัวเองไม่ได้ และผมก็คงยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกไม่ได้” ผมเริ่มเปิดประเด็นเมื่อเห็นทุกคนยังนิ่ง

“งั้นแล้วภูอยากจะให้ทำยังไง เอาจริงพ่อกับแม่ก็ห่วงน้องกับหลานอยู่เหมือนกัน เกิดหน้ามืดขึ้นมาอีกจะแย่”

พอได้ยินคุณพ่อพูดแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนท่านเปิดทาง ทั้งที่จริงท่านอาจจะแค่ถามหาทางออกเฉยๆ ก็ได้

“ผมอยากจะขอนอนห้องเดียวกับน้องครับ ให้ผมได้ดูแลน้อง ได้เห็นน้องในสายตาตลอดดีกว่าครับผมจะได้ไม่กังวล "

ผมพูดเสียงดังฟังชัดเน้นย้ำทั้งประโยคเพื่อบอกว้าเอาจริง ถึงน้องจะไม่ยอม ผมก็จะทำให้น้องยอมให้ได้ เพราะผมยอมปล่อยให้เหตุการณ์แบบเมื่อเช้าเกิดขึ้นไม่ได้อีก ซึ่งคนอื่นก็ดูท่าจะคิดไม่ต่างจากผมเท่าไหร่นัก

“ไม่ครับ ไนล์ไม่ให้เค้ามานอนห้องเดียวกับไนล์ ไนล์ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้มีใครมาดูแลใกล้ชิดขนาดนั้ยหรอก ไนล์อึดอัด”

ผมยอมรับว่าสะะอึกไปเหมือกันพอได้ยินไนล์บอกแบบยั้น แต่ถึงอย่างยั้นผมก็ไม่ยอมแพ้ โชคดีที่ครั้งนี้คุณพ่อกับคุณแม่น้องก็แอบเห็นด้วยท่านเลยช่วยผมพูดเต็มที่

“แต่พ่อก็เห็นด้วยกับพี่เค้านะน้องไนล์ พ่อรู้ว่าน้องไนล์ดูแลตัวเองได้ แต่บางครั้งมันก็เป็นเรื่องของอุบัติเหตุ มีคนช่วยดูแลพ่อแม่ก็จะได้เบาใจขึ้นด้วย”

น้องหน้างอทันทีที่ได้ยินคุณพ่อพูดแบบนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่เห็นอาการของไนล์ คนหวงน้องอย่างไอ้เทมส์เองก็เห็น มันเลยจัดการรีบเอ่ยปากบอกทุกคนทันที

“งั้นให้ไนล์มานอนห้องผมก็ได้ครับ เพราะยังไงปกติผมกับน้องก็นอนด้วยกันบ่อยๆ อยู่แล้ว ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร เดี๋ยวผมจะเป็นคนดูแลไนล์กับหลานเอง”

พอไอ้เทมส์พูดจบมันก็หันมายกยิ้มน้อยๆ ใส่ผม .. หึ! มันก็ทำอย่างที่มันบอกจริงๆ นั่นแหละ ไม่ขวางผมกับน้อง แต่ก็ไม่ยอมให้เข้าใกล้ง่ายๆ

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องยอมมันง่ายๆ สักหน่อยนี่…

“ปกติกลางคืนมึงทำงานดึกทุกคืนไม่ใช่หรอเทมส์” ผมเริ่มเปิดประเด็นอีกครั้ง “แล้วตอนนี้ไนล์เองก็เพลียง่าย อยากจะหลับตลอดเวลา ถ้าให้ไปน้องไปนอนห้องมึงที่ทำงานดึกๆ ดื่นๆ ทุกคืน ไนล์จะนอนหลับเต็มอิ่มได้ยัง ทรมานน้องเปล่าๆ ให้น้องนอนที่ห้องตัวเองสบายๆ นั่นล่ะ ดีแล้ว”

ผมฟาดเพื่อนสริทกลับนิ่มๆ เป็นผลให้ไอ้เทมส์มองผมตาขวาง เพราะสิ่งที่ผมพูดไม่ได้เกินจริงสักนิด ผมพูดตามสิ่งที่ไอ้เทมส์มันทำทั้งนั้น มันเป็นประเภทบ้างาน มันทำงานหามรุ่งหามค่ำตบอดแหละ ยิ่งช่วงนี้น้องยังอยู่ในช่วงแพ้ท้องไปช่วยงานมันไม่ไหว มันก็เลยต้องพยายามทำงานหนักมาขึ้นเพื่อไม่ให้ไนล์รู้สึกไม่ดีที่ช่วยงานมันไม่ได้

และเพราะผมเอาข้อเท็จจริงมาพูด มันเลยเถียงไม่ออก อีกอย่างมันก็คงเพิ่งจะนึกขึ้นได้ด้วยว่าช่วงนี้ไนล์ต้องการการพักผ่อนจริงๆ จังๆ มากๆ ซึ่งสิ่งที่ผมพูดนั้นก็ไม่ผิดสักนิก มันคงคิดถึงน้องเป็นหลักด้วยแหละเลยเงียบไปไม่พยายามเอาชนะอะไรผมอีก

“งั้นก็ให้ไนล์นอนห้องไนล์ไป กูนอนดึก เดี๋ยวกูเข้าไปดูน้องที่ห้องเป็นระยะๆ เอง”

แต่ก็ใช่ว่าบบจะยอมผมง่ายๆ เมื่อไหร่ แล้วยิ่งมีไนล์เป็นลูกคู่พยักหน้าเห็นด้วยหงึกหงักกับมันผมยิ่งไม่อยากจะยอมแพ้

“แล้วมึงคิดว่าการเปิดประตูเข้าๆ ออกๆ ทั้งคืนจะไม่รบกวนไนล์หรอ? อยากให้น้องสะดุ้งตื่นกลางดึกหรือไง? อยากให้น้องนอนไม่เต็มอิ่มหรอ?”

ผมแกล้งถาม และเที่ยวนี้ก็ไม่ใช่แค่ไอ้เทมส์แล้วที่จ้องผมตาขวาง เพราะมีไนล์เพิ่มอีกคนที่มองผมเขม็งสุดๆ แต่ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วแอบสะกิดแม่ที่นั่งข้างๆ กันให้ช่วยพูด

“ให้ตาภูไปนอนเฝ้าไนล์แหละค่ะดีแล้ว” แม่ผมพูดก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งข้างน้อง พร้อมกับกอดน้องเอาไว้ ซึ่งไนล์เองก็กอดตอบแม่ผมทันที แถมยังขยับตัวเข้าหาแม่ผมอ้อนๆ อีก .. แต่กับผมไม่เคยมีเลยอะไรแบบนี้ นอกจากไล่กับอารมณ์เสียใส่แล้ว ไม่ต้องถึงกับอ้อนหรอก แค่น้องยอมพูดดีๆ ด้วย ผมก็ยิ้มเป็นคนบ้าได้ทั้งวี่ทั้งวันแล้ว

“แต่คุณป้าครับ…” ไนล์พยายามจะแย้ง แต่ยังไม่ทันจะได้พูดแม่ผมก็ส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม

“ไม่คุณป้าค่ะ น้องไนล์ต้องเรียกแม่ว่าคุณแม่นะ” แม่ผมยิ้มก้อนจะพูดต่อ “จริงๆ นะน้องไนล์ ให้พี่ภูเขาไปนอนเฝ้า ไปดูแลเถอะนะ ให้เขาได้ทำหน้าที่ของตัวเอง เขามาที่นี่เพื่อทำสิ่งนี้นะคะ น้องไนล์จำได้ใช่ไหมลูก”

“แม่ว่าก็ดีนะ ที่จะให้พี่เขาไปนอนเฝ้า” ผมแอบยิ้ม เมื่อคุณแม่ของน้องเองก็เห็นดีเห็นงาม “ที่จริงแม่ก็ไม่ได้เกี่ยงหรอกว่าจะเป็นพี่ภูหรือพี่เทมส์ แต่ก็อย่างที่พี่ภูบอก พี่เทมส์ชอบทำงานดึก แทนที่จะได้ดูแลน้องไนล์ แม่ก็กลัวว่าจะไปกวนแทนเสียมากกว่า”

“แม่ครับ..” น้องลากเสียงยาวโอดครวญ เหมือนอยากจะดื้อใส่แต่ทำไม่ได้

“ที่จริงแม่กับพ่อก็อยากจะผลัดกันไปนอนเป็นเพื่อนน้องไนล์เอง แต่พ่อกับแม่อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับน้องไนล์กับหลาน เราสองคนช่วยน้องไนล์ไม่ไหวแน่ๆ .. แม่เป็นห่วงน้องไนล์จริงๆ นะลูกที่พูดมาทั้งหมด”

ผมแอบมองหน้าน้อง ไนล์เม้มริมฝีปากแน่นราวกับกำลังตัดสินใจ แต่พอน้องมองหน้ากับคุณพ่อและคุณแม่ที่ดูกังวลกับเรื่องนี้จริงๆ น้องก็ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะยอมรับปากออกมาในที่สุด

“เฮ้ออ ก็ได้ครับ ให้เขามานอนด้วยก็ได้” ผมยิ้มร่า แอบตะโกนเสียงดังในใจด้วยความยินดี “แต่!.. ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไนล์บอกนะครับ ไม่งั้นต่อให้ทุกคนช่วยกันพูดช่วยกันขอมากแค่ไหน ไนล์ก็ไม่ยอมแน่”

ทั้งคุณพ่อคุณแม่น้องและแม่ของผมต่างจ้องมองผมเป็นตาเดียว ราวกับรอให้ผมตัดสินใจและเป็นคนตอบน้องเอง

“ได้ครับ พี่ตามใจไนล์ ไนล์อยากให้พี่ทำอะไรแบบไหน พี่ยอมให้หมด ขอให้พี่ได้ดูแลไนล์กับลูกก็พอ”

ทุกคนยิ้มออกมาอย่างยินดี รวมถึงผมเองด้วย เพราะอันที่จริงผมไม่กล้าคาดหวังด้วยซ้ำว่าน้องจะยอม แม้ตอนนี้เจ้าลูกแมวของผมจะทำหน้าหงิกหน้างอนเหมือนไม่ค่อนจะโอเคเท่าไหร่ที่ผมไปรุกล้ำอาณาเขต แต่อย่างน้อยแค่น้องยอมให้ผมเข้าใกล้ก็โอเคแล้ว มีเงื่อนไขเรื่องอะไร ผมก็ยอมได้ทั้งนั้นแหละ

.

.

.

เอ่อ.. ผมถอนคำพูดที่ว่าอะไรก็ยอมได้ตอนนี้ทันไหมนะ

หลังจากที่เราทานข้าวกลางวันด้วยกันและแม่ผมกลับบ้ายนไปหลังจากร่ำลาลูกสะใภ้กับหลานเต็มที่แล้ว .. แน่นอนว่าไม่รวมผมเข้าไปด้วย เพราะแม่แทบจะเดินผ่านผมไปเลยด้วยซ้ำหลังจากได้กอดได้หอมไนล์จนพอใจ

ก็เข้าใจได้แหละ เพราะขนาดผมยังทั้งรักทั้งหลงจนไปไหนไม่อด เลยต้องมาตามง้อต้อยๆ ทั้งที่ไม่เคยยอมใครขนาดนี้

ผมกลับมาที่ห้องตัวเองและเก็บของใช้จำเป็นรวมถึงเสื้อผ้าจำพวกชุดนอนกับชุดทำงานบางชุดเพื่อจะเอาไปไว้ห้องน้อง โดยทิ้งไว้ที่นี่บางส่วนเพราะไม่อยากให้เกะกะห้องน้อง

แต่พอมาถึงห้องไนล์ผมก็ต้องอึ้ง คิดไม่ถึงว่าไนล์จะใช้ไม้นี้

ผมเอาเสื้อผ้าที่ถือติดมือมาแขวนในตู้ที่อยู่ในส่วนของบิ้ลอินที่ไนล์แยกไว้เป็นห้องแต่งตัว ก่อนจะหันมองฟูกที่วางปูบนพื้นถัดมาจากเตียงไนล์ที่อยู่กลางห้องงงๆ ปนๆ ความที่พอจะเดาได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงเลือกที่จะถามออกไปอยู่ดี

“ฟูกนี่คือ..?”

“ที่นอนคุณไง คุณอยากนอนที่นี่ไม่ใช่หรอ? ผมเลยให้คนเอาฟูกมาปูเตรียมไว้ให้” ไนล์พูดยิ้มๆ สีหน้าดูภูมิอกภูมิใจน่าดูที่เอาคืนผมได้

ผมถอนใจ นึกอยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก เพราะที่จริงผมก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าจะได้นอนร่วมเตียงกับน้อง อาจจะเป็นโซฟาแข็งๆ ที่ยืดแขนยืดขาไม่สะดวกสักตัว แต่ฟูกปูบนพื้นนี่เกินคาดไปพอสมควรเหมือนกัน

“พี่คิดว่าไนล์จะให้พี่นอนบนโซฟาเสียอีก” ผมพยักเพยิดไปที่โซฟาที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงไนล์เท่าไหร่นัก ถ้ากะด้วยสายตา เมื่อล้มตัวลงนอนน่าจะมองเห็นไนล์ที่อยู่บนเตียงพอดี

และน้องเองก็คงคิดได้แบบผมเหมือนกัน ไม่งั้นฟูกนอนคงไม่ถูกปูหราต้อนรับผมแบบนี้หรอก

“ไม่ครับ แบบนั้นผมเห็นคุณชัดไป มันอึดอัดแล้วจะพาลให้ผมนอนไม่หลับเปล่าๆ” ผมเสียดในอกวูบตอนที่ได้ยินน้องพูดแบบนั้น ทั้งที่เมื่อก่อนตอนผมนอนกอดไนล์บนเตียง ไนล์มักจะขยับตัวมาซุกอกผมเสมอถึงจะหลับ

แต่ตอนนี้แค่เห็นกันในสาตาก็อึดอัดแล้วหรอ? เราสองคนมาถึงจุดนี้ได้ยังไง

ผมเข้าใจนะว่าไนล์ยังโกรธ แต่ที่ผ่านมาเป็นเดือนๆ ที่เราอยู่ด้วยกัน ที่ผมพยายามทำทุกอย่าง ยังไม่ทำให้ไนล์ใจอ่อนลงได้บ้างเลยหรือไง

“บนโซฟาก็ไม่ได้สินะ” ผมพึมพำเสียงเบา นึกเข้าใจแต่ลึกๆ มันก็อดเสียใจไม่ได้

“แต่ถ้าคุณไม่สะดวกใจจะนอนที่ฟูกข้างล่างก็ได้นะครับ ผมไม่ซีเรียสอะไร คุณจะกลับไปนอนห้องตัวเองก็ได้ เดี๋ยวผมบอกพี่กิ่งให้” น้องพูดตอบโต้ สีหน้าท่าทางเฉยชา เพื่อย้ำให้ผมได้เห็นว่าน้องไม้ได้แคร์อะไรเรื่องนี้จริงๆ “อย่างที่บอกแหละ ผมดูแลตัวเองได้”

ผมระบายลมหายใจออกมาช้าๆ “พี่นอนได้ครับ ไนล์ให้พี่นอนตรงไหน หรือต่อให้นอนบนพื้นไม่มีฟูกพี่ก็นอนได้”

น้องไม่ได้พูดอะไร ผมเลยเป็นคนพูดในสิ่งที่ตั้งใจจะพูดเอง ผมเดินไปคุกเข่าลงตรงหน้าน้องที่นั่งอยู่บนเตียง ก่อนจะฉวยโอกาสตอนที่ไนล์กำลังงงๆ รวบข้อมือเล็กมาจับไว้

“พี่ยินดีทำตามที่ไนล์บอกทุกอย่าง นอนตรงไหน ให้ทำอะไรก็ได้ภายใต้เงื่อนไขที่ไนล์ตั้ง พี่ขอแค่ตอนกลางคืน... ถ้าไนล์อยากจะลุกเข้าห้องน้ำ หรือตอนไหนที่ไนล์รู้สึกไม่สบายตัว พี่อยากให้ไนล์รีบบอกพี่ พี่ขอแค่เรืองนี้ได้ไหมครับ”

น้องทองผมด้วยสายตาอ่านลำบาก แต่ผมเองก็ส่งความจริงใจและห่วงใยที่ตัวเองมีทั้งหมดกลับไปให้น้อง และหวังว่าน้องจะรับรู้ได้ทั้งหมดด้วยตัวเอง

เราสองคนไม่ได้พูดอะไร แต่ก็มองกันอยู่แบบนั้นราวกับกำลังวัดใจกันและกัน และสุดท้ายก็เป็นไนล์ที่ยอมหลบตาไปก่อน

น้องดึงมือออกจากการเกาะกุมขแองผมช้าๆ ก่อนที่จพเบี่ยงตัวหนีขึ้นเตียงแล้วล้มตัวลงนอน .. ปฏิกริยาของน้องที่ผมเห็นทำเอาใจผมแป้วไปหมด ลึกๆ นึกท้อที่ทำดีเท่าไหร่ ก็เหมือนซื้อใจของไนล์คืนไม่ได้สักที


น้องไม่ตอบ ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่แม้แต่จะรับความห่วงใยที่ผมมีให้ไป


ผมถอนหายใจเบาๆ เตรียมจะลุกขึ้นไปจัดของและเสื้อผ้าในตู้ต่อ แต่เพราะเสียงอู้อี้ที่ดังมาจากคนที่กำลังนอนหันหลังให้ดังขึ้น ผมจึงชะงักฝีเท้าเสียก่อน

และสิ่งที่ผมได้ยินก็ทำให้ใจลิงโลด ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเต็มปาก

“เรียกก็ให้ตื่นแล้วกัน ถ้าไม่ตื่นก็ไม่เรียกซ้ำหรอกนะ”

ผมยิ้มก่อนจะหันหลังกลับไปเกาะขอบเตียงน้องอีกครั้ง พลางชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะกระซิบเสียงหนักแน่นให้น้องได้ยิน

“พี่ตื่นแน่ครับ ขอแค่ไนล์เรียกพี่ พี่สัญญา”

ใจที่แห้งเหี่ยวเหมือนได้รับความชุ่มชื้นอีกครั้ง แม้มันจะไม่ได้ง่ายนักแต่ก็ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะสู้และเดินหน้าต่อไปมากโข

… แค่ได้เริ่มต้นด้วยอะไรดีๆ ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ผมก็ถือว่าผมได้ขยับเข้าใกล้ไนล์กับลูกอีกก้าวแล้ว

.

.

.

To Be Continue

---------------------------------------------

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ตอนต่อไปน่าจะมาวันจันทร์ .. ใกล้จะจบแล้วล่ะค่ะ เนื้อกาอาจจะน่ารำคาญไปบ้าง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย

เราก็พยายามเต็มที่แล้ว เขียนเต็มที่แล้ว แม้จะมีอะไรบั่นทอนแต่เราก็พยายามเต็มที่มากๆ แล้วจริงๆ ค่ะ ระยะหลังมานี้เราเขียนนิยายไม่มีความสุขเลย เราต้องขอโทษด้วยที่นิยายเรื่องนี้มันอาจจะยังไม่ดีพอสำหรับหลายๆ คน แต่เราก็.. ทำเต็มที่แล้วจริงๆ ค่ะ

สำหรับใครที่คอยให้กำลังใจเราเสมอ เราขอบคุณมากๆ นะคะที่อยู่มาด้วยกันจนถึงตอนนี้ ขอบคุณที่เป็นเหมือนโอเอซิสเล็กๆ ให้เราได้หยุดพักก่อนจะออกเดินตาอ ขอบคุณมากๆ มากจริงๆ :)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-03 : Universe 36th)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-09-2020 22:07:17
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-03 : Universe 36th)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 03-09-2020 22:11:13
 :-[
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-03 : Universe 36th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-09-2020 22:50:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-03 : Universe 36th)
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 04-09-2020 01:49:27
คูมนักเขียนสู้ๆๆค้าบบบ :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-03 : Universe 36th)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 04-09-2020 15:59:39
สู้ๆนะคะ เขียนเอาตามที่ใจอยากเขียนเลยค่ะ เราคงทำตามใจให้ถูกใจทุกคนไม่ได้ เขียนให้มีความสุขดีกว่าค่ะ จะติดตามต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-03 : Universe 36th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 05-09-2020 00:20:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

แต่งเก่งแล้ว แม้จะน้ำเน่าแต่เราก็ตามอ่านทุกตอน นั่นคือมันน่าติดตามยังไงละ หมายความว่าคุณแต่งดีแล้วค่ะ ถึงอินกับตัวละครได้ เชื่อและมั่นใจในพล็อตตัวเองนะคะ  :L1:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-03 : Universe 36th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-09-2020 00:31:02
เอาให้สุด
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-03 : Universe 36th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-09-2020 11:30:11
เป็นกำลังใจให้ค่ะ เพราะอินในนิยายถึงได้รำคาญและหมั่นไส้ตัวละครไงค่ะ ไม่ใช่ว่าแต่งไม่ดีนะคะ แต่งดีค่ะถึงได้หมั่นไส้ตัวละคร
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-03 : Universe 36th)
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 08-09-2020 19:15:30
เอาเข้าไปนายเอกงอลมากก็ไม่งามนะคัฟ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-08 : Universe 37th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 08-09-2020 22:00:35
**Warning: เนื้อหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ที่กล่าวถึงในนิยายเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่ได้อ้างอิงจากหลักการทางการแพทย์แต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ**



Universe 37th : เหม็นสามี


“อ๊อก...”

เช้านี้ผมไปทำงานไม่ไหว โก่งคออาเจียนจนแทบหมดไส้หมดพุง อาหมอบอกว่าที่จริงถ้าอายุครรภ์ย่างเข้าเดือนที่สี่แล้วโดยปกติจะแพ้ท้องน้อยลง แต่ด้วยความที่ผมเป็นผู้ชายและมีฮอร์โมนที่ค่อนข้างแตกต่างจากเพศหญิงที่ตั้งท้องเลยทำให้ผมยังคงมีการแพ้อยู่ แต่ที่หนักกว่าอาการแพ้ก็คือ..

“ช่วยไปยืนห่างๆ ผมได้ไหม คุณใส่น้ำหอมฉุนขนาดนี้ ผมเวียนหัว”

“พี่ไม่ได้ใส่น้ำหอมเลยนะไนล์ หลังจากวันนั้นที่ไนล์บอกว่าเหม็น ไม่ชอบ พี่ก็ไม่ได้ฉีดน้ำหอมอีกเลย”

ผมมีอาการแปลกๆ และมักจะไล่พี่ภูทุกครั้งที่เขาเข้ามาใกล้ ซึ่งเขาก็ขยันเข้าใกล้ผมมากเหลือเกิน เข้าใจแหละว่าอยากจะดูแล เข้าใจแหละว่าเป็นห่วง สมองส่วนที่เป็นเหตุเป็นผลของผมพยายามจะบอกให้ตัวเองตระหนักถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ แต่ร่างกายกลับไม่ยอมฟัง มันเอาแต่ขับไล่และบอกว่าผมไม่อยากให้เขาเข้ามาใกล้ ซึ่งผมห้ามตัวเองไม่ได้เลยสักครั้ง ผมไล่พี่ภูตลอด ไล่เขาแรงๆ หลายครั้งเลยก็มี บางทีเห็นเขาทำหน้าเสียผมก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ แต่พอเขาเข้ามาใกล้อีกผมก็ผะอืดผะอม เวียนหัว อยากจะอาเจียนอยู่ร่ำไป ซึ่งนั่นทำให้ผมยิ่งหงุดหงิด และท้ายที่สุดมันก็ลงโดยการที่ผมก็เอ่ยปากไล่เขาอยู่ดี


แม่กับพ่อบอกผมว่านี่เป็นอาการเหม็นสามีตัวเอง


มันไม่ใช่เรื่องแปลกของคนท้อง แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกันระหว่างสามีภรรยา .. ซึ่งผมกับเขา ไม่ง่ายหรอกที่จะมานั่งปรับความเข้าใจอะไรกัน เพราะผมไม่ได้ขอให้เขามาดูแล และถ้าเขาทนไม่ไหวกับอารมณ์ที่แปรปรวนของผม สักวันหนึ่งเขาก็คงถอยและกลับไปเอง

ถือว่าเป็นบททดสอบความอดทนอีกอย่างของเขาก็แล้วกัน

ถ้าเขาอดทนได้มากพอ ผมอาจจะใจอ่อนและยอมให้เขาได้มีส่วนในการเป็นพ่อของเจ้าตัวเล็กในท้องผมก็ได้ เพราะยังไงพี่ภูก็เป็นพ่อ ผมไม่อยากกีดกันอะไร แต่อย่างน้อยผมก็อยากให้พี่ภูได้แสดงออกให้ผมเห็นว่าเขามีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นพ่อของลูกผม ได้

“แต่ผมเหม็น! ถ้าคุณไม่ออกไปยืนห่างๆ ผมจะเข้าไปอยู่ในห้องแล้วไม่ยอมออกมาจริงๆ ด้วย!!”

ผมตวาดพี่ภูเสียงดัง พูดออกไปแล้วก็ตกใจตัวเองไม่น้อยไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้เกรี้ยวกราดขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าการทำแบบนี้มันไม่ดี แต่ผมห้ามตัวเองไม่ได้เลย ผมหงุดหงิด ผมเวียนหัว แล้วผมก็รู้สึกเหมือนเหม็นพี่ภูตลอดเวลา ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะไม่ได้เข้ามาใกล้ แค่ยืนอยู่ไกลๆ ผมก็เหมือนได้กลิ่นลอยมาแตะจมูกแล้ว

พี่ภูเองก็รู้ตัวเพราะช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเองก็พยายามจะอยู่ห่างผมเท่าที่ทำได้ เว้นแต่บางครั้งที่ผมทำท่าเหมือนจะวูบหรือจะหน้ามืดเขาถึงจะเข้ามาหา มาประคอง

และผลลัพธ์สุดท้ายก็จะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง นั่นก็คือผมไล่ตะเพิดเขา ซึ่งเขาก็จะถอยไปอยู่ในมุมตัวเองเงียบๆ

ที่เขาทำได้โดยจะไม่ถูกผมดุหรืออารมณ์เสียใส่นั่นก็คือ นั่งแอบมองผมไม่ให้ผมเห็น เพราะไม่อย่างนั้นผมก็จะมีอาการอีก แต่ด้วยความที่เขาอยากจะดูแลผมมันเลยเลี่ยงอะไรแบบนี้ได้ไม่มากนัก สุดท้ายเขาเลยยอมที่จะถูกผมดุ ผมไล่ โดยไม่เคยอารมณ์เสียหรือหงุดหงิดใส่ผมคืนสักครั้ง

เอาจริงก็ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกผิดนะ แต่จะให้ผมทำยังไง ที่ทำได้ก็คงต้องภาวนาให้อาการเหม็นสามีนี้หายไปไวๆ ก็พอ

“ก็ได้ครับ ก็ได้ พี่ออกไปนั่งรอไนล์หน้าห้องครัวนะ ถ้าไนล์อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรไนล์ตะโกนบอกพี่ เดี๋ยวพี่ยกมาให้กิน ไนล์จะได้ไม่ต้องเดิน”

“ผมอยากกินน้ำมะม่วงเบาปั่น” พี่ภูยิ้มดีใจตอนที่ผมบอก เพราะอาการเหม็นมันดีขึ้นหลังจากที่เขายอมถอยห่างออกไปจากผมเกือบจะคนละฝั่งของห้องนั่งเล่น ซึ่งพอมองตรงไปจะเห็นห้องครัว “แต่คุณไม่ต้องเอามาให้ ให้พี่กิ่งยกมา ไม่งั้นพอผมเห็นคุณผมก็พาลจะกินไม่ได้อีก”

พี่ภูหน้าเสีย ผมเองก็ตกใจเพราะพอพูดไปแล้วมาลองฟังความหมายดู... มันก็ค่อนข้างจะแย่ แต่ผมไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายจิตใจเขา เพียงแค่พูดออกไปตามที่คิด เหมือนกินไม่ได้ในแง่ที่ว่าผมคงอาเจียนออกมาเพราะอาการเหม็นสามีตัวเองอีกแน่ๆ แต่เพราะคิดน้อย พอพูดออกไปแล้วก็เลยเหมือนการตอกย้ำว่า การมีเขาอยู่ใกล้ๆ ทำให้ผมกินอะไรไม่ลง แต่ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อยนี่

“แล้วข้าวล่ะครับ ไนล์อยากกินอะไร ข้าวต้มไหม กินข้าวก่อนค่อยกินน้ำปั่น เดี๋ยวพี่ทำให้”

ผมเฉย ไม่ได้ตอบอะไรเพราะไม่หิว พี่ภูเลยถอยหลังเดินเข้าครัวไปเงียบๆ เดาว่าคงไปทำอะไรให้ผมกินนั่นแหละ แต่ผมไม่อยากเท่าไหร่ เลยเรียกให้เด็กในบ้านเข้าไปบอกพี่ภูในครัวว่าไม่ต้องทำอะไรมาให้ ผมยังไม่หิวและไม่อยากกิน เดี๋ยวกินน้ำมะม่วงเบาปั่นเสร็จแล้วผมอยากจะนอนสักงีบมากกว่า เหมือนผมติดนิสัยที่จะต้องนอนตอนกลางวันไปเสียแล้ว เพราะตั้งแต่มีเจ้าตัวน้อย ผมก็เอาแต่นอนมากขึ้น

พอคิดได้แบบนั้น ผมเลยตั้งใจจะกลับขึ้นไปบนห้อง แต่ยังไม่ทันจะได้ลุกไปไหนเจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ที่หายไปเข้าครัวก่อนหน้าก็กลับมาพร้อมถ้วยข้าวต้มร้อนๆ ในมือ

แล้วผมก็รู้สึกคลื่นไส้ทันที ทั้งกลิ่นซุป ทั้งกลิ่นพี่ภู ทุกอย่างตีรวนอยู่ในอกพาลให้ทั้งหงุดหงิดทั้งอยากอาเจียน

“กินข้าวต้มร้อนๆ ก่อนนะไนล์ แล้วเดี๋ยวพี่ให้พี่กิ่งยกน้ำปั่นมาให้”

พี่ภูวางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะ พร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ แต่ตอนนั้นผมเหม็นจนรู้สึกแย่ไปหมด แถมจู่ๆ ยังเกิดนึกโมโหที่พี่ภูทำข้าวต้มถ้วยนี้มาให้กิน ทั้งที่ผมบอกแล้วไงว่าไม่กิน แล้วทำไม่ยังทำออกมาให้ผมอีก ทำไมเขาพูดไม่ฟังเลยสักนิด

“อ็อก..”

“ไนล์ พี่..”

พี่ภูยื่นมือมาจะจับผมเมื่อเห็นผมอาการไม่ดี ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมยื่นมืออกไปจะผลักเขาออก ซึ่งจริงๆ แล้วผมแค่อยากบอกให้เขาออกไป เพราะผมเหม็นมากจนทนไม่ไหว แต่พูดไม่ได้เพราะเหมือนจะอาเจียน เลยกลายเป็นว่าผมดันไปปัดมือพี่ภูออกแทน และมือพี่ภูที่ถูกผมปัดออกก็เหวี่ยงไปกระแทกกับถ้วยข้าวต้มที่วางอยู่บนโต๊ะ ถ้วยหล่นแตกกระจายแถมข้าวต้มยังกระฉอกหกเลอะเต็มพื้น

แน่นอนว่าข้าวต้มร้อนๆ ที่ว่ากระเด็นโดนมือพี่ภูด้วยเต็มๆ

เขาสะบัดมือที่โดนลวกด้วยข้าวต้มร้อนๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหันมาถามผมยังห่วงใย

“ไนล์ ข้าวต้มกระเด็นโดนไนล์ไหม มีตรงไหนเจ็บรึป่าว?” พี่ภูยื่นมือข้างที่ไม่เจ็บมาลูบตามเนื้อตามตัวด้วยความเป็นห่วง “ถ้าเจ็บตรงไหนต้องบอกพี่นะ รู้ไหมครับ?”

พี่ภูเตรียมจะสำรวจผมอีกรอบ แต่ผมทนไม่ไหวแล้วเพราะมันรู้สึกอยากจะอาเจียน ผมเลยผลักพี่ภูออก แล้ววิ่งตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ เพื่อเอาไอ้ที่คลื่นไส้ออกมาให้หมด โดยไม่ได้รู้เลยว่าสิ่งที่ผมทำนั้นทำให้อีกคนเสียใจแค่ไหน

.

.

.

ผมเดินกลับมาหลังจากอาเจียนออกหมด อาการเวียนหัวเริ่มกลับมา ผมเห็นพี่ภูยังคงนั่งที่เดิม เขากุมมือตัวเองข้างที่โดนข้าวต้มลวกไว้ ไม่ยอมไปทำแผลเหมือนกับว่าเขายังรอผมอยู่

และภาพวันนั้นมันก็ฉายชัดเข้ามาในหัว วันที่ผมถูกน้ำชาลวกมือโดยฝีมือคุณรัน

ผมนึกหงุดหงิดรู้สึกเหมือนภาพพี่ในวันวานมันถูกปล่อยเข้ามาในหัว และยิ่งพี่ภูไม่ยอมไปทำแผลให้เรียบร้อย ผมยิ่งหงุดหงิดเพราะนึกถึงภาพตัวเองตอนที่โดนกระทำไม่ต่างจากนี้

หรืออีกนัยลึกๆ ผมอาจจะรู้ดีก็ได้ว่ามันคือความรู้สึกผิด ปนๆ กับการทำตัวไม่ถูก ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำกับเขาแบบนั้น แต่เพราะไม่รู้จะแสดงออกยังไงบวกกับความหงุดหงิดต่างๆ ผมเลยเผลอโพล่งใส่อีกฝ่ายที่กำลังเจ็บอย่างลืมตัวและทำร้ายความรู้สึกของพี่ภูอีกครั้ง

“ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่หรอว่าไม่กินๆๆ ไม่กินแล้วคุณจะทำมาทำไม” ผมพูดทั้งที่น้ำตาไหลฟูมฟาย แต่พี่ภูก็ยังอดทน เขาตอบผมเสียงนุ่ม แถมยังพยายามใช้มือข้างที่ไม่เจ็บมาปลอบโยน แต่ผมไม่ยอมอีกทั้งยังถอยหลังหนี

“พี่ขอโทษ พี่แค่อยากให้ไนล์กินอะไรรองท้องก่อน พี่ไม่ได้ตั้งใจจะ…”

“ไม่ต้องทำอะไรมาให้กิน! ผมไม่อยากกิน!” ผมส่งเสียงสะบัดอย่างดื้อดึงและเอาแต่ใจ เอาแต่ใจชนิดที่ว่าถ้าพี่เทมส์มาเห็นผมต้องถูกดุแน่ๆ “เรื่องที่บอกให้ทำไม่ยอมทำ ดันไปทำในเรื่องที่ไม่ได้บอก”

“ไนล์.. พี่..” พี่ภูทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมที่หลุดจากการควบคุมตัวเองไปแล้วกลับไม่อยากฟัง

“ผมบอกให้คุณไปไกลๆ ทำไมไม่ไป! มันเหม็น มันเวียนหัว มันทำให้ผมรู้สึกแย่ รู้สึกไม่ดี! คุณไม่เข้าใจรึไง!”

ผมตวาดพี่ภูเสียงดัง เสียงดังชนิดที่ว่าป้าบัวถึงกับวิ่งมาดูในขณะที่พี่ภูยืนนิ่งค้าง เขามองหน้าผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจ แต่แทนที่เขาจะตอบกลับผมด้วยคำพูดเจ็บแสบไม่ต่าง เขากลับยิ้มเศร้าๆ ส่งมาให้ก่อนจะตอบผมอย่างอ่อนโยนทั้งที่ไม่จำเป็น

“ครับ พี่เข้าใจแล้ว พี่ขอโทษนะที่ขวางหูขวางตาทำให้ไนล์กินอะไรไม่ได้ ยังไงพี่จะเข้าไปอยู่ในครัวแล้วกัน.. เดี๋ยวพี่ให้พี่กิ่งยกน้ำปั่นที่ไนล์อยากกินมาให้ไนล์นะ”

พี่ภูยิ้มเศร้าก่อนจะกุมมือข้างที่เจ็บของตัวเองไว้หลวมๆ แล้วหันหลังเดินออกไปจากห้อง ผมใจเสีย อยากจะแก้ตัวแต่ก็พูดไม่ออก มันหงุดหงิดไปหมด จนพาลอยากจะร้องไห้ออกมาดื้อๆ

“ฮึก.. คะ คุณ อึก! เดี๋ยวสิ! ฮึก.. คุณอย่า อย่าเพิ่งไป”

ผมปล่อยให้น้ำตาตัวเองไหลออกมาอย่างไม่คิดจะห้าม ผมที่ในเวลานี้ทั้งแปรปรวน ทั้งเจ้าอารมณ์ ทั้งขี้น้อยใจ มันดูงี่เง่ามากๆ งี่เง่าจนอาจจะทำให้พี่ภูทนไม่ไหวและหันหลังให้ผมจริงๆ ก็ได้.. หันหลังให้เราสองคนแม่ลูก เพราะความเป็นบ้าเป็นบอของผม

ผมหัวเราะขื่นๆ ในใจให้ตัวเองอย่างสมเพช ปากบอกว่าจะทดสอบความอดทนของเขา ปากบอกว่าจะกระตุ้นให้เขาปรับตัวเพื่อลูก แต่สุดท้ายผมมันก็แค่คนที่เก่งแต่ปาก เพราะพอถึงเวลาที่เขาทำท่าจะไปจากผมจริงๆ ผมก็ฟูมฟายกลายเป็นเด็ก .. น่าไม่อายชะมัด ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าที่พี่ภูอยู่ตรงนี้นั้น ...


เขาอยู่เพราะผม หรือเขาอยู่เพราะลูกในท้อง


ผมปล่อยตัวเองทรุดลงนั่งแล้วสะอื้นฮักออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ นึกรังเกียจตัวเองอยู่บ่อยๆ ที่อิจฉาแม้กระทั่งลูก ผมแค่อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าผมไม่ท้อง ถ้าผมไม่มีลูกให้เขา เขาจะยังมาตามดูแล มาตามเอาใจใส่ผมอย่างนี้ไหม

หรือก็คงไม่ เพราะที่เขาทำทุกวันนี้ก็เพราะลูกทั้งนั้น

“ไนล์ .. ไนล์ร้องไห้ทำไมครับ” พี่ภูหันหลังกลับเข้ามา ผมมองเขาที่หน้าตาตื่นทั้งที่น้ำตากลบหน้า จะเดินเข้ามาก็ไม่กล้า จะถอยออกไปก็ไม่ได้ เขาเลยทำได้แค่ละล้าละลังอยู่ตรงนั้น

จนกระทั่งในที่สุดเขาก็เดินมาทรุดตัวคุกเข่าลงตรงหน้าผมที่นั่งอยู่บนโซฟา พร้อมกับยื่นมือมาเกลี่ยน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน อีกทั้งยังเอ่ยถามเสียงอ่อนให้ผมได้ร้องไห้หนักกว่าเดิม

“เด็กดี ไหนบอกพี่หน่อยครับ ไนล์ร้องไห้เรื่องอะไร? ไนล์ปวดหัวหรอ? หรือปวดท้อง? หรือเป็นอะไรไหนบอกพี่หน่อยได้ไหมครับ?”

“ฮึก… คุณจะไป จะไปไหน?” ผมสะอื้นถาม พลางยกมือขึ้นยึดชายเสื้อพี่ภูไว้อย่างลืมตัว

พี่ภูดูงุนงงแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังส่งเสียงตอบผมอย่างอ่อนโยน อีกทั้งยังยกมือข้างที่ไม่เจ็บขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างเบามือ

“พี่จะไปทำแผลแล้วก็ไปอยู่ในครัวครับ ไม่ได้จะไปไหนไกล ไนล์จะเอาอะไรก็ให้คนไปเรียกพี่ได้ พี่แค่อยากให้ไนล์ได้กินอะไรสักหน่อย วันนี้ไนล์กินไปนิดเดียวเองนะ”

ผมมองพี่ภูตอบทั้งที่ยังสะอื้น ซึ่งเขาก็ยังคงส่งยิ้มให้ผมอยู่อย่างนั้น เพื่อย้ำว่าเขาพูดจริง

“จะ ..ฮึก จริงนะ คุณพูดจริงนะ?” ผมเผลออ้อน “ไม่ได้จะไปไหนจริงๆ ใช่ไหม?”

“ครับ พี่ไม่ได้จะไปไหน” พี่ภูยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ “ไนล์กินข้าวนะ หรือกินน้ำปั่นก็ได้ เดี๋ยวพี่ให้พี่กิ่งเอาออกมาให้ ถ้าอยากได้อะไรอีกก็บอกพี่ เดี๋ยวพี่นั่งรอในครัว”

“ครับ”

ผมสงบได้ในที่สุด ซึ่งหลังจากที่ผมได้กินน้ำปั่นที่อยากกินอิ่ม แถมยังกินได้มากกว่าปกติ และพอทุกอย่างผ่านพ้นไป ผมก็ตั้งสติได้และคิดว่าตัวเองพูดและทำแรงไป แต่ผมก็ไม่รู้จะแก้ไขยังไง อารมณ์ผมแปรปรวนเหมือนคนเป็นไบโพล่าร์ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าพี่ภูจะทนผมได้นานอีกสักแค่ไหน ถ้าวันนึงเขาจะไปผมก็ไม่แปลกใจหรอก ใครจะทนอยู่กับคนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ได้กัน นานๆ เข้าเขาก็คงเบื่อสักวัน

พอคิดมาถึงตรงนี้ผมก็อดจะน้ำตาไหลไม่ได้ ผมกลายเป็นคนขี้กังวล โวยวาย และคิดมาก ผมเป็นตัวเองในแบบที่ผมไม่ชอบสักอย่าง ซึ่งขนาดตัวผมยังไม่ชอบตัวเองเลย แล้วจะมาคาดหวังให้พี่ภูรักผมได้ยังไงกัน


ทุกวันที่เขาอยู่ตรงนี้ก็เพราะลูกทั้งนั้นแหละ


ผมล้มตัวลงนอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่น จากที่ตั้งใจจะขึ้นไปเอนหลังบนห้อง เพราะเริ่มรู้สึกเพลียแต่พอได้เริ่มคิดมาก เรี่ยวแรงที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วก็หดหายลงไปด้วย สุดท้ายจากที่ตั้งใจจะขึ้นไปบนห้อง ผมก็เลยนอนที่โซฟาแทน คิดแต่จะพักสายตา แต่ทำไปทำมาดันหลับจริงๆ เสียอย่างนั้น

ผมผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว มารู้อีกทีก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่คุ้นเคย จนอดไม่ได้ที่ผมจะซุกตัวเข้าหา สัมผัสที่ผมโหยหามาตลอดแม้จะหลอกว่าตัวเองไม่ต้องการ แต่พอได้รู้สึกถึงอีกครั้งผมก็ปฏิเสธหัวใจตัวเองไม่ลง

สัมผัสที่มาพร้อมกับประโยคที่ผมไม่ได้ยิน…


“ฝันดีนะครับเด็กดีของพี่ พี่รักไนล์นะ”

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-08 : Universe 37th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 08-09-2020 22:06:52
(อ่านต่อจากด้านบน)


Kirin’s Part


พักนี้ไนล์ค่อนข้างจะหงุดหงิดและอารมณ์แปรปรวน ซึ่งไม่ทำให้ผมหนักใจเท่ากับอาการเหม็นสามีที่ไนล์เป็น เพราะเขาไล่ผมทุกครั้งที่เห็นหน้า ขนาดว่าปกติก็ไม่อยากจะให้เข้าใกล้อยู่แล้ว ตอนนี้หนักกว่าเดิมอีก เพราะไม่ใช่แค่ไนล์ไม่อยากเห็นหน้าผม แต่กลับมีอาการเหม็นผมควบคู่ไปด้วย

ตอนแรกผมก็ตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีอาการแพ้ท้องแบบนี่ด้วย แต่พอทั้งแม่ของผมและคุณแม่ของน้องยืนยันว่ามันมีและสามารถเกิดขึ้นได้จริง ผมก็ต้องคอตกรับชะตากรรมยอมถูกไนล์ไล่บ้าง หงุดหงิดใส่บ้าง ในขณะที่คนทั้งบ้านสงสารและคอยช่วยผม ก็มีแต่ไอ้เทมส์แหละที่ดูจะชอบอกชอบใจที่น้องเหม็นผมทุกครั้งที่เข้าใกล้ ซึ่งผมเองก็เข้าใจน้องนะ ไม่ได้จะโกรธเคืองหรืออะไรที่บางครั้งถูกน้องไล่หรือหงุดหงิดใส่ แต่ลึกๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าผมอดน้อยใจน้องไม่ได้ แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ผมจะไปไหนได้ในเมื่อผมรักน้องกับลูกมากขนาดนี้

แต่จะว่าไปอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของน้องนี่ก็มีแง่ดีอยู่บ้าง เพราะมันจะมีบางครั้งที่น้องเผลอแสดงความรู้สึกอีกด้านของตัวเองออกมา อย่างเมื่อวันก่อนก็ร้องไห้ยกใหญ่ เดาว่าคงรู้สึกผิดที่ทำข้าวต้มลวกมือผม และยังเผลอออกปากไล่ผมอีก ซึ่งพอผมทำท่าจะไปน้องก็ร้องไห้แล้วเรียกหา ไม่ยอมให้ผมไป ทั้งที่จริงผมก็แค่จะไปทำแผล แล้วก็จะไปหาอะไรให้เจ้าตัวกินใหม่นั่นแหละ

บอกตามตรงว่าตอนนั้นผมอดใจฟูไม่ได้ ไนล์ทั้งอ้อนทั้งขอร้องผ่านสายตาและท่าทางขอให้ผมไม่ไป ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมมีหวังขึ้นมาอีกครั้ง หวังว่าผมจะสามารถทำเรื่องของเราให้ดีขึ้นได้ หวังว่าน้องจะให้อภัย และกลับมาอยู่กับผม ยอมให้โอกาสผมได้กลับมาใช้ชีวิตครอบครัวกับน้องอีกครั้ง และผมหวังว่ามันคงจะเกิดขึ้นจริงได้ในสักวัน สักวันที่เป็นวันของผมจริงๆ

.

.

.

หลายวันต่อมาอาการแพ้ท้องของไนล์เริ่มดีขึ้น น้องไม่ค่อยเหม็นผมแล้ว ยกเว้นแค่บางวันเท่านั้น และพอมาวันนี้เป็นวันที่ไม่มีใครอยู่บ้าน คุณพ่อกับคุณแม่ไปพบคู่ค้าที่ต่างจังหวัด ส่วนไอ้เทมส์เข้าไปเคลียร์งานด่วน ผมเองที่ยังไม่ได้ยุ่งอะไรกับมิกซ์ยูสมากเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงก่อสร้าง เลยอาสาดูแลไนล์แทนทุกคน ซึ่งเพราะอาการเหม็นสามีตัวเองของน้องดีขึ้น ทุกคนเลยยอมวางใจ แต่ถึงอย่างนั้นแม่ผมก็บอกว่าจะแวะมาหาช่วงบ่าย คงจะคิดถึงน้องนั่นแหละ ซึ่งก็น่าจะดีให้แม่เแวะมาคุยน้องจะได้ไม่เหงา เพราะผมเองก็คงทำได้แค่นั่งเฝ้านั่งมองไปตามมีตามเกิด

ได้แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว

“คุณไนล์ เป็นอะไรรึป่าวคะ ทำไมเดินมาแบบนั้น” ผมที่กำลังทำอาหารอยู่ต้องหันไปตามเสียงของป้าบัวที่ร้องทักไนล์ ตอนที่น้องกำลังเดินมาที่ห้องครัว เลยทันได้เห็นว่าน้องเดินช้าๆ แปลกๆ

“ไนล์เมื่อยขาเมื่อยเท้านิดหน่อยครับป้า สงสัยจะนอนมากไปน่ะครับ” น้องพูดกลั้วเสียงหัวเราะ แต่ท่าทางแล้วจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ น้องดูปวดเมื่อยมากจริงๆ

“ไนล์นั่งก่อนไหม ยืนนานๆ เดี๋ยวจะวูบเอา” ผมตัดสินใจพูดเพราะกลัวน้องจะล้ม ไนล์ยู่หน้านิดหน่อย แต่ก็ยอมหาเก้าอี้แถวนั้นนั่งลง

“ว่าแต่คุณหนูของบัวอยากได้อะไรคะ ถึงได้เดินมาถึงห้องครัวแบบนี้” ป้าบัวเดินเข้าไปหาน้องพร้อมกับกอดน้องไว้หลวมๆ ซึ่งไนล์เองก็กอดป้าบัวตอบ แถมยังอ้อนป้าบัวจนผมใจเหลวไปหมด

“ไนล์หิวครับป้า ไนล์อยากกินโจ๊ก ป้าทำให้ไนล์กินหน่อยได้ไหมครับ” น้องช้อนตามองป้าบัวอย่างออดอ้อน จนผมต้องแอบยิ้ม “เนี่ย ตัวเล็กก็อยากกิน ป้าทำให้ไนล์กินนะครับนะ”

ป้าบัวหัวเราะเบาๆ ตอนได้ยินไนล์พูดแบบนั้น ผมเองยังแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่ มีอย่างที่ไหนตัวเองอยากกินเองแต่เอาลูกมาอ้าง ผมฟังไนล์งุ๊งๆ งิ๊งๆ ใส่ป้าบัวแต่มือก็ยังไม่หยุดเคี่ยวโจ๊กในหม้อ

ไม่รู้ว่าบังเอิญโชคดีหรือผมใจตรงกับน้อง ผมได้ถึงเลือกทำโจ๊กวันนี้ แล้วไนล์ก็อยากกินพอดีอีก

“ไม่ต้องรอให้ป้าทำหรอกค่ะ” ป้าบัวตอบน้องพร้อมกับบุ้ยใบ้มาทางผม “คุณภูกำลังทำโจ๊กให้คุณไนล์กับคุณหนูน้อยทานพอดีเลย .. สงสัยจะใจตรงกัน”

ป้าบัวพูดแซวยิ้มๆ ในขณะที่น้องทำหน้ายึ้งหน้างอน ผมกลับยิ้มกว้างแก้มแทบแตก

“เหอะ แค่บังเอิญเท่านั้นแหละครับ ไม่ใช่ว่าใจตรงเติงกันอะไรสักหน่อย”

น้องว่างอนๆ แต่ผมก็ไม่ได้เก็บเอามาคิดมากอะไร เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน หากมีใครพูดแบบนี้ขึ้นมาไนล์โวยวายต่อว่าแล้ว แต่ตอนนี้ถือว่าดีขึ้นมากน้องแค่พูดแก้เฉยๆ แต่ก็ไม่ได้ลุกหนีไปไหน นั่นทำให้ผมมีกำลังใจมากขึ้นอีกเท่าตัว

“ว่าแต่พูดแบบนี้คุณไนล์จะไม่ทาน…”

“กินครับ ไนล์กิน” ป้าบัวหลุดขำที่เห็นน้องโพล่งออกมา ผมเองยังแทบจะหุบยิ้มไม่ได้เลย ส่วนคนที่กำลังโป๊ะแตกกลับแกล้งทำเฉไฉไม่รู้ไม่ชี้ “ตัวเล็กในท้องอยากกินต่างหาก ไนล์กินเผื่อลูกหรอก”

“เอาค่ะๆ ทานเพื่อคุณหนูน้อยก็เพื่อคุณหนูน้อย” ป้าบัวพูดไปลูบหัวน้องไปอย่างเอ็นดู “ว่าแต่ทานไหวใช่ไหม จะไม่แพ้แล้วใช่ไหมคะ?”

“น่าจะไหวนะครับ สองสามวันมานี้ไนล์กินได้เยอะขึ้นเยอะเลย ไม่ค่อยอาเจียนแล้ว” เสียงหวานๆ ตอบอย่างสดใสทำเอาผมใจฟูตามไปด้วย เพราะที่ไนล์กินได้เยอะขึ้นก็อาหารฝีมือผมทั้งนั้น และทุกเมนูก็ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อคนท้องทั้งสิ้น

“ดีจังเลยค่ะ” ป้าบัวพูดชม ก่อนจะเริ่มแซว “สงสัยอาหารจะอร่อยถูกปากแน่ๆ เลย”

“ไม่ใช่สักหน่อย ไนล์กินได้เพราะก่อนนี้ไนล์ไม่ค่อยได้กินต่างหาก” ไนล์งอแงไม่จริงจัง “ป้าบัวอย่าล้อสิครับ”

“ค่ะๆ ป้าไม่ล้อก็ไม่ล้อ” ป้าบัวพูดขำๆ ก่อนจะหันมาทางผม “ว่าแต่คุณภูทำเสร็จรึยังคะ ป้าจะได้ไปเตรียมให้ ให้คุณภูมานั่งทานเป็นเพื่อนคุณไนล์”

ผมยิ้มบาง พลางแอบมองน้องที่ตอนนี้ทำเฉไฉไม่ยอมมองหน้าผม “ไม่เป็นไรครับป้า ป้าเตรียมให้ไนล์กินเถอะครับ เดี๋ยวผมออกไปนั่งรอข้างนอก พอน้องอิ่มแล้วผมค่อยกินก็ได้”

“แต่ป้าว่า…” ป้าบัวทำท่าจะแย้ง แต่เพราะผมไม่อยากให้ไนล์อึดอัดอารมณ์เสียและอาจจะเลยเถิดเป็นอาการแพ้จนกินอะไรไม่ได้อีก ผมเลยต้องรีบบอก

“ให้ไนล์กินเถอะครับ ผมกินทีหลังน่าจะดีกว่า”

“เขาไม่อยากกินกับไนล์ก็ไม่ต้องไปบังคับเขาหรอกครับป้า ไนล์กินคนเดียวก็ได้” น้องพูดเสียงสั่นจนผมรู้สึกได้ และพอหันไปมองก็เห็นเจ้าตัวกลั้นน้ำตาจนตาแดงก่ำ ผมเลยถึงกับต้องวางมือปิดแก๊สแล้วรีบเดินเข้าไปหาน้องที่นั่งทำหน้าจะร้องไห้แหล่ไม่ร้องไห้แหล่ด้วยความร้อนรน

“ไนล์ ไม่ใช่แบบนั้นนะ ไม่ใช่พี่ไม่อยากกินข้าวกับไนล์ แต่พี่กลัวไนล์จะเหม็นพี่ พี่ไม่อยากให้ไนล์กินอะไรไม่ลงเพราะพี่อีก พี่ไม่ได้ไม่อยากกินข้าวกับไนล์เลย ไนล์ไม่คิดแบบสิครับ”

และสิ่งที่ออกมาจากปากน้องก็ทำเอาผมอยากจะยิ้มออกมากว้างๆ เสียให้ได้ เพราะไม่คาดคิดว่าจะเป็นประโยคที่น้องจะพูด

“ก็ถ้าผมไม่ได้บอกให้คุณไป คุณไม่ต้องไปก็ได้ ตอนนี้ผมไม่ค่อยได้เหม็นคุณแล้วสักหน่อย เมื่อกี้ก็บอกอยู่” น้องอ้อมแอ้มพูดด้วยท่าทางที่ทำให้ผมอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปลูบแก้มนุ่มเบาๆ แก้มนุ่มๆ ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะยุ้ยมากขึ้นกว่าเดิมเพราะการตั้งท้อง

และผมก็ต้องประหลาดใจอีกรอบที่น้องไม่ผละหนีหรือปัดมือผมออก ตรงกันข้ามเจ้าตัวกลับเอียงหน้าซบมือผมอย่างอ้อนๆ อีกต่างหาก.. แล้วแบบนี้ผมจะไปไหนรอดกัน

“งั้นพี่ขอกินข้าวด้วยคนนะครับ” ผมขออนุญาตน้อง เพราะอยากจะให้แน่ใจว่าน้องยอมให้ผมนั่งอยู่ด้วยจริงๆ

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย อยากกินก็กินสิ”

ผมต้องหันไปแอบยิ้มกับป้าบัว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าป้าจะดีใจยิ่งกว่าผมเสียอีก

“ผมรบกวนป้าบัวจัดโจ๊กให้ผมอีกชามด้วยนะครับ ผมจะนั่งกินกับน้อง”

“ได้ค่ะ” ป้าบัวรับคำด้วยรอยยิ้มกว้าง “ป้าจะจัดให้ทั้งของคุณไนล์และของคุณภูเลย คุณๆ รอป้าสักครู่นะคะ”

ป้าบัวเดินออกไปทิ้งให้ผมนั่งอยู่กับไนล์สองคน ซึ่งเราก็นั่งเงียบๆ ไม่ได้คุยอะไรกัน แต่แค่นั้นก็ทำให้ผมมีความสุขมากเหลือเกิน ขอแค่ไนล์ไม่ไล่ ไม่หงุดหงิด ไม่อารมณ์เสีย หรือไม่กินอะไรไม่ได้เพราะผม แค่นี้ผมก็ดีใจมากพอแล้ว เพราะต่อให้ต้องนั่งเงียบและทำได้แค่มองหน้าน้องโดยที่น้องไม่ว่าอะไร แค่นี้ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกที่ดีมากๆ สำหรับเราสองคนแล้ว

.

.

.

คืนนั้นก่อนเข้านอน ผมที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเตรียมจะล้มตัวลงนอนบนฟูกที่ประจำของตัวเอง ก็ได้เห็นว่าไนล์ของผมนอนพลิกไปพลิกมาโดยที่ไม่มีวี่แววว่าจะหลับสักนิด ทั้งที่ปกติไนล์หลับง่ายมากตั้งแต่เริ่มตั้งท้อง

น้องดูหงุดหงิดนิดหน่อย ใบหน้าหวานงอง้ำเพราะเหมือนยังหาท่าทางที่จะนอนให้สบายไม่ได้สักที ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ ทุดตัวนั่งลงบนเตียงอย่างถือวิสาสะหลังจากดมสำรวจตัวเองแล้วว่าไม่น่าจะเหม็นอะไร เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ อีกอย่าอาการแพ้ท้องแบบเหม็นสามีของน้องก็ดีขึ้นมากด้วย ดูจากการที่วันนี้น้องร่วมโต๊ะอาหารกับผมได้โดยไม่มีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนให้เห็น

“เป็นอะไรรึป่าวไนล์ ทำไมยังไม่นอนล่ะ? นอนไม่หลับหรอครับ?”

น้องมองหน้าผมอย่างชั่งใจ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นว่าพยายามไปยังไงก็คงนอนไม่หลับ และในขณะที่ผมกำลังลุ้นว่าน้องจะตอบคำถามผมไหม ริมฝีปากบางๆ ก็เผยอออกให้เสียงหวานๆ ที่ผมชอบฟังหลุดออกมาในที่สุด

“นอนไม่หลับครับ.. ผมปวดขา ปวดเท้า มันแบบไม่สบายตัวเลย”

ปลายเสียงของน้องแผ่วลงและดูงอแงเล็กน้อย ผมเลยรู้ทันทีว่าอาการที่ไนล์เป็นมาตั้งแต่เมื่อเช้าตอนที่ป้าบัวทักคงยังไม่ดีขึ้น และอาจมีวี่แววและแนวโน้มที่จะเป็นหนักกว่าเดิม ถ้าให้เดาผมก็คิดว่ามันคงเป็นหนึ่งในอาการของคนที่กำลังตั้งท้อง แต่เพื่อความแน่นอน ผมเลยคิดว่าควรจะหาตัวช่วยมากกว่ามาเดาสุ่มแบบนี้ สุดท้ายผมเลยตัดสินใจว่าควรไปหยิบหนังสือคู่มือคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ซื้อมาคราวก่อนตามคำแนะนำของอาหมอ เพราะเป็นคู่มือที่ครบถ้วนและเชื่อถือได้ทางด้านเนื้อหาซึ่งจะเริ่มตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ จนถึงหลังจากคุณแม่คลอดลูกแล้วในระยะเดือนแรกๆ ผมอ่านไปได้ครึ่งเล่มแล้ว ก็คุ้นๆ ว่ามีเรื่องอาการปวดเมื่อยของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์อยู่ด้วย เลยคิดว่าเอามาช่วยอ้างอิงหรือแนะนำก็น่าจะดี

“งั้นไนล์รอพี่แปปนึงนะครับ พี่ขอไปหยิบคู่มือมาก่อน แล้วมาดูว่าเราจะทำยังไงกับอาการปวดขาปวดเท้าของไนล์ได้บ้าง” ผมยิ้มบางพร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะน้องเบาๆ ตอนเห็นน้องทำหน้าหงอยๆ ท่าทางจะปวดมากพอตัวอยู่ถึงได้สิ้นฤทธิ์ เผลออ้อนผมขนาดนี้

ผมเดินกลับมาพร้อมกับหนังสือคู่มือในมือ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างน้องที่กำลังนั่งมองผมตาแป๋ว ... น่ารักจนใจผมเจ็บไปหมด

“อ่านสิครับ จะได้รู้ว่าต้องทำยังไง ไม่งั้นคืนนี้ผมไม่ได้นอนแน่ๆ .. เมื่อยไปหมดเลยเนี่ย” น้องบ่นพึมพำให้ผมต้องหลุดยิ้มอย่างเอ็นดู

“ครับๆ” ผมรับคำก่อนจะพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ เพื่อหาหัวข้อที่ผมจะอ่าน “อ่า.. เจอแล้ว ในหนังสือเขาบอกว่าปกติอาการปวดขาจะเกิดกับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ในไตรมาสที่สาม วิธีการก็คือให้นวดได้เบาๆ แต่อย่าใช้ยานวดหรือให้ใช้การประคบร้อนควบคู่ไปด้วยได้ ซึ่งถ้าพักผ่อนเยอะๆ ไม่ทำงานหนัก อาการปวดก็จะดีขึ้นเอง”

ผมอ่านจบก่อนจะเงยหน้ามองไนล์ น้องทำหน้าสงสัยก่อนจะถามออกมา “เขาบอกว่าอายุครรภ์ช่วงประมาณไตรมาสที่สาม แต่ของไนล์เพิ่งจะไตรมาสที่สองเองทำไมปวดแล้วล่ะ”

ผมกลั้นยิ้มจนปวดแก้มตอนที่ได้ยินน้องเผลอแทนตัวเองว่าไนล์ นี่คงจะลืมตัวจริงๆ เลยถามผมออกมาแบบนั้น ผมพยายามวางท่านิ่งๆ ไม่กระโตกกระตาก เพราะไม่อยากให้ช่วงเวลาที่มีค่าแบบนี้หายไป

“อาหมอเคยบอกไว้ไงครับว่าอาจจะเป็นเพราะสรีระของไนล์ไม่ได้รองรับกับการตั้งครรภ์เท่ากับผู้หญิง อาการต่างๆ เลยปรากฎให้เห็นเร็วมากขึ้น... แต่ไนล์ไม่ต้องกังวลนะครับ พี่ถามอาหมอมาไว้หมดแล้ว อาหมอว่ามันเกิดขึ้นได้ ไม่มีอะไรผิดปกติ”

“แต่มันปวดนี่ครับ แล้วจะทำยัไงให้หายปวด ไนล์นอนไม่หลับ” น้องเริ่มงอแง ผมเลยหาทางออกให้

“งั้นเดี๋ยวพี่นวดให้ครับ ไนล์รอแปปนึงพี่ขอลงไปเอาน้ำอุ่นกับผ้าขนหนูมาประคบร้อนให้ เลือดมันจะได้หมุนเวียนได้ดีขึ้น พี่ว่ามันน่าจะพอช่วยได้”

ผมไม่รอให้น้องตอบอะไร รีบผละออกไปเอาอุปกรณ์ต่างๆ ที่ว่าด้านล่างของบ้าน เพราะไม่อยากให้ไนล์รอนานและตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว จากที่สังเกตน้องตาปรอยมาก ถ้าให้เดาก็คงง่วงนั่นแหละแต่นอนไม่หลับเพราะปวดขา

ผมกลับขึ้นมาบนห้องพร้อมกับกะละมังใบเล็กที่มีน้ำอุ่นอยู่เกือบเต็มพร้อมกับผ้าขนหนูสะอาด ก่อนจะเดินไปหาน้องที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง

“มาครับ พี่มาแล้ว ไนล์หย่อนเท้าลงมาในกะละมังมา น้ำไม่ร้อนหรอกพี่เอามือวัดอุณหภูมิให้แล้วเมื่อกี้”

ผมตรงเข้าประชิดตัวน้องก่อนจะจับน้องนั่งหย่อนขาลงมาข้างเตียง ส่วนตัวเองก็นั่งขัดสมาธิกับพื้น เพราะตั้งใจว่าหลังจากน้องแช่เท้าแล้วสักพักผมจะนวดเบาๆ ให้ น้องจะได้หลับสบาย ผมเลยจัดการจับเท้าทั้งสองข้างของน้องแช่ลงไปในกะละมังแต่ไนล์กลับขืนเท้าตัวเองไว้พร้อมกับทำหน้าแตกตื่น

“มะ ไม่ต้องครับ.. คือ คือผมทำเองได้ คุณไม่ต้องหรอก”

ผมยิ้มก่อนจะบอกปัด “ไม่เป็นไรนะ พี่ทำให้ พอแช่ลงไปแล้วเดี๋ยวพี่จะได้นวดเบาๆ ให้ ไนล์จะได้สบายตัวมากขึ้น”

แต่น้องก็ยังดื้อดึง พร้อมกับชักเท้าตัวเองออกจากมือของผมที่จับไว้อย่างตกใจ .. และการกระทำดังกล่าวของน้องก็ทำให้ใจผมเจ็บวูบ ผมลืมไปได้ยังไงกันว่าน้องไม่อยากให้ผมเข้าใกล้ ไม่อยากให้ผมแตะตัว กับการที่น้องยอมใจดีกับผม ไม่ได้หมายความว่าน้องจะยอมให้อภัย หรือให้ผมทำอะไรตามอำเภอใจได้แบบนี้ แม้ว่าผมจะหวังดีกับน้องก็ตาม

“พี่.. พี่ขอโทษครับ พี่ลืมไปว่าไนล์ไม่อยากให้พี่เข้าใกล้หรือแตะตัว... เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ไปเรียกเทมส์มาให้นะ ไนล์จะได้สบายใจถ้าต้องมีใครนวดให้สักคน”

ผมพูดเสียงอ่อย และแน่นอนว่าผมไม่ได้โกรธแต่ก็แค่น้อยใจเหมือนทุกครั้ง ... ความหวังดีของผม ไม่เคยมีค่าเลยไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม แต่จะโทษใครได้ ในเมื่อตอนนั้นผมเองก็ทำแบบนี้กับไนล์ ...


เหยียบย่ำความหวังดีของน้อง ตอนนี้น้องจะทำแบบนี้กับผมบ้างก็ไม่แปลก


แต่แล้วความผิดหวังที่กำลังกัดกินหัวใจก็เหมือนได้รับการปัดเป่าด้วยเพียงคำพูดประโยคเดียวของไนล์ที่ดังขึ้นหลังจากที่ผมเตรียมจะหันหลังเดินออกจากห้องไปตามไอ้เทมส์ที่อยู่ห้องข้างๆ

“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย!” ผมชะงัก ก่อนจะกลับหันไปมองน้องอย่างมีความหวัง “ผมแค่.. แค่ แค่เกรงใจ คือ คือ.. เท้ามันเป็นของต่ำ แล้วคุณก็อายุมากกว่าผม ผมจะ..”

ผมถลาลงไปนั่งข้างกะละมังอีกครั้งโดยไม่รอให้น้องพูดจบ พร้อมกับยิ้มเต็มแก้มเหมือนคนสติไม่ดี


“ไม่ต้องคิดมากนะ พี่เต็มใจทำให้ไนล์ เรื่องแค่นี้เองพี่ไม่คิดมากหรอก.. ไนล์อุ้มท้องลูกของเรา ลำบากกว่าพี่ตั้งเยอะ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไนล์ให้พี่ช่วยเถอนะ ให้พี่ได้ดูแลไนล์ ได้ดูแลลูกของเรา.. นะครับ”


ผมหยอดเสียงอ้อนลงไปปลายประโยค ซึ่งไนล์ก็ดูอ่อนลงเยอะเพราะไม่ชักเท้าหนีหรือขืนเท้าตัวเองไว้ไม่ให้ผมจับในตอนแรก


“พี่ยินดีทำให้ ยิ่งกว่านวดเท้าพี่ก็ทำให้ได้ ไม่ลำบากอะไรเลย.. ขอให้ไนล์บอก เพื่อไนล์ เพื่อลูกพี่ทำได้ทุกอย่าง”


น้องเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาหลังจากผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ให้ผมต้องลอบยิ้มเมื่อเห็นแก้มยุ้ยๆ ของน้องขึ้นสีแดงเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น และก็อย่างที่บอกว่าผมเองไม่อยากจะทำลายช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ ผมเลยเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันไป เพราะสิ่งที่ผมอยากบอกให้น้องฟัง ผมก็บอกน้องไปหมดแล้ว แค่น้องไม่ปฏิเสธที่จะฟังเหมือนตอนแรกๆ ผมก็ดีใจมากแล้ว

ผมจัดการแช่เท้าและนวดเท้าให้น้องเบาๆ ไนล์ดูผ่อนคลายมากขึ้น และพอผมเห็นว่าแช่เท้าได้สักระยะแล้ว ผมก็ยกเท้าน้องขึ้นจากน้ำมาวางบนตัก ก่อนจะใช้ผ้าชนหนูเช็ดให้อย่างเบามือ น้องดูเกร็งๆ นิดหน่อยตอนที่วางเท้าลงบนตักของผม แต่ผมก็ใช้ความอ่อนโยนและจริงใจเข้าสู้

ผมแสดงออกให้น้องเห็นว่าผมเต็มใจทำและอยากทำให้ น้องเลยเลิกที่จะดื้อดึงและปล่อยให้ผมนวดเท้าเบาๆ ให้อย่างผ่อนคลาย ผ่านไปสักระยะผมก็ต้องหลุดยิ้มเมื่อได้ยินเสียงกรนเบาๆ ของเจ้าของเท้า ซึ่งพอผมเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นว่าคนที่บ่นว่าปวดเมื่อยจนนอนไม่ได้ ตอนนี้ล้มตัวหลับไปแล้วหลับไปทั้งๆ ที่ขาหย่อนอยู่ข้างเตียงและเท้าวางพาดอยู่บนตักผม.. ท่าทางคงจะง่วงมากจริงๆ

ผมเลยเลิกนวดและจับขาน้องทั้งสองข้างของไนล์ขึ้นไปวางบนเตียง ก่อนจะจัดท่าทางการนอนของน้องให้อยู่ในสภาพที่ปกติและนอนสบายที่สุด ซึ่งน้องเองก็พลิกตัวอยู่สองสามที ก่อนลมหายใจจะสม่ำเสมอและจมดิ่งสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว

ผมเลยถือโอกาสอาศัยจังหวะที่น้องหลับขอรางวัลเล็กๆ น้อยๆ โดยการก้มลงจูบหน้าผากมน กับริมฝีปากเล็กๆ สีแดงเรื่อที่ผมคิดถึงนักหนา เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมเดินหน้าต่อไปสู่จุดหมายที่อาจจะไม่ได้ไกลเหมือนตอนแรกๆ ที่ผมออกเดิน

“ฝันดีนะครับคุณหม่าม๊า.. เจ้าตัวเล็ก พ่อรักทั้งสองคนมากนะรู้ไหม”

ผมไม่ได้คาดหวังคำตอบ ไม่คาดหวังว่าน้องจะได้ยิน ผมแค่อยากบอกออกไปโดยที่หวังลึกๆ ว่า .. วันหนึ่งผมจะมีโอกาสได้บอกคำนี้กับน้องต่อหน้าด้วยตัวเอง ไม่ใช่เป็นการบอกผ่านลมผ่านฟ้าเหมือนที่เคย

.

.

.

เช้านี้ไนล์ยังคงพักอยู่บ้านเพราะยังปวดๆ ตึงๆ ที่ขาอยู่ ส่วนผมมีเอกสารที่ต้องเข้ามาเคลียร์และคุยกับวิศวกรก่อสร้างเกี่ยวกับมิกซ์ยูสที่ตอนนี้คืบหน้าไปแล้วพอสมควร

ผมบอกน้องว่าจะรีบไปรีบกลับไม่ให้เกินเที่ยงน้องดูงอแงนิดหน่อย แต่ก็พยายามแสดงออกว่าไม่ได้สนใจ ทำให้ผมที่พยายามเก็บอาการแทบจะระงับความดีใจไม่ไหว เพราะช่วงนี้ไนล์ค่อนข้างติดผมมากพอสมควร .. ติดจนไอ้เทมส์มองเขม่นผมบ่อยๆ แต่มันก็ไม่อยากจะว่าอะไร เพราะไม่อยากให้น้องคิดมาก ซึ่งความรักน้องของมันเนี่ยทำให้ผมได้ผลประโยชน์เต็มๆ และผมก็ชอบเหลือเกิน

ผมใช้เวลาคุยงานและเคลียร์เอกสารไม่นาน ซึ่งงานก็เสร็จเร็วกว่าที่คาดจริงๆ ผมเลยเก็บของเพื่อจะรีบกลับไปหาลูกกับเมียที่บ้าน และในขณะที่ผมเดินลงมาที่ล็อบบี้เพื่อตรงไปยังรถที่จอดตรงลานด้านหน้า เนื่องจากว่าวันนี้ผมรีบ และผมก็คิดว่าตัวเองน่าจะไม่อยู่ที่ออฟฟิศนานเลยไม่ได้ไปใช้ที่จอดรถเฉพาะของผู้บริหาร ซึ่งผมก็ไม่คาดคิดเลยว่าความรีบของผม จะทำให้ผมเจอกับผู้หญิงรูปร่างคุ้นตา ที่ผมจำได้ว่าพยายามบอกกับเธอหลายครั้งต่อหลายครั้งแล้วว่าให้ออกไปจากชีวิตผม


... เธอกำลังเดินผ่านหน้าผมไปพร้อมกับผู้หญิงอีกคนที่ผมจำได้ว่าเป็นเลขาฯ ของไอ้เทมส์


ผมขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ชอบใจ เพราะคิดว่าเมื่ออะไรๆ กำลังจะลงตัว ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงต้องกลับเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิต หรือเข้ามาใกล้กับคนรอบตัวผมทุกครั้ง?

ผมยอมรับว่าผมไม่สบายใจ ไม่เข้าใจว่าเธอมาหาไอ้เทมส์ทำไม? หรือจะมาสร้างเรื่องอะไรให้ผมกับคนใกล้ตัวของผมเข้าใจผิดกันอีก โดยเฉพาะกับไนล์ ซึ่งผมจะไม่มีวันยอมให้มันเป็นอย่างนั้นเด็ดขาด

... จีน คุณกำลังทำอะไรกันแน่?

.

.

.

To Be Continue

--------------------------------------------

คอมเม้นท์ทุกคอมเม้นท์ กำลังใจทุกกำลังใจที่ส่งมาให้กันเมื่อแช็ปเตอร์ที่แล้ว ... เราขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณมากที่สุดในโลกกก เราได้รับทั้งหมด และเราก็ดีใจมากที่ยังมีทุกๆ คนอยู่ข้างๆ มาจนถึงตอนนี้

ตอนที่เราแต่งเรื่องนี้จบแน้ววว เย่ๆ ^^

เบ็ดเสร็จ 41 ตอนจบ ถือว่ายาวมากกก 5555555 ไม่เคยเขียนยาวขนาดนี้มาก่อนเลย ตินต่อไปมาวันพฤหัสนะคะ ขอปั่นตอนพิเศษต่ออีกหน่อย เดี๋ยวจะมาลงให้แบบวันเว้นวันเรยยยย อิอิ

แล้วเจอกันค้าบบบ รักทุกคนนะฮะ >3<
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-08 : Universe 37th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-09-2020 23:55:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-08 : Universe 37th)
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 09-09-2020 02:00:16
เรื่องเก่ายังไม่วายยยเรื่องใหม่จะมาอีกแล้วหรออออออคะะ :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-08 : Universe 37th)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 09-09-2020 03:29:39
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-08 : Universe 37th)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 09-09-2020 09:58:32
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-08 : Universe 37th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-09-2020 14:56:22
จะมีเรื่องอะไรอีกล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-08 : Universe 37th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-09-2020 22:19:45
อะไม่จบ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-08 : Universe 37th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 10-09-2020 23:29:18
หึ! นี่คงจะใช้เป็นโอกาสที่จะเรียกความเป็นพระเอกคืนกลับมาสินะ ดูออกหมดแล้ว อิพี่ภูเอ้ย แกคิดจะทำอะไรยังไงต่อไป ฉันรู้ ถถถ เรียกความเห็นใจมาได้แน่นอน ไม่ต้องออกแรงมากก็ได้ เพราะลำพังตอนนี้ก็แทบจะดีหมดละ งึงึ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-11 : Universe 38th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 11-09-2020 20:45:48
Universe 38th : บททดสอบ


Kirin’s Part

ผมกลับมาอยู่เป็นเพื่อนไนล์ที่บ้าน แต่ในใจกลับรู้สึกไม่โอเคเลยสักนิด ผมมั่นใจว่าผมตาไม่ฝาด ผู้หญิงที่เดินไปกับเลขาฯ ของไอ้เทมส์วันนี้ต้องเป็นจีนแน่ๆ

มันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าจีนไม่ใช่สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ผมกับไนล์ต้องเข้าใจผิดกันมากมายขนาดนี้ ดังนั้นการที่อีกฝ่ายเข้ามาป้วนเปี้ยนกับคนใกล้ตัวผมและน้องนั่นน่าจะไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่นัก

และเพื่อไม่ต้องให้ตัวเองทรมานกับความอยากรู้และความไม่สบายใจทั้งหมดทั้งมวล ผมเลยตัดสินใจว่าจะถามเพื่อนสนิทของตัวเองให้แน่ว่าผู้หญิงคนนั้นใช่หรือไม่ใช่จีน ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป แต่ถ้าใช่เธอมาทำอะไรที่ออฟฟิศของทีเอ็น พร็อพเพอร์ตี้กัน แน่

ในที่สุดการรอคอยของผมก็สิ้นสุดลงเมื่อไอ้เทมส์กลับมาถึงบ้าน โชคดีที่วันนี้ไนล์เข้านอนเร็ว เพราะเห็นบ่นง่วงตั้งแต่เย็น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องรีบคุยกับไอ้เทมส์ให้เสร็จเร็วๆ อยู่ดี เพราะไม่รู้ว่าไนล์จะตื่นขึ้นมาตอนไหน เกิดน้องตื่นมาแล้วอยากเข้าห้องน้ำ ผมก็เป็นห่วงกลัวจะหกล้มหกลุกหากผมไม่อยู่ดูแลหรืออยู่เป็นเพื่อน

“เทมส์” ผมเรียกไอ้เทมส์ไว้ตอนที่มันกำลังจะเดินเข้าห้อง มันหันมามองนิดๆ ก่อนจะเริ่มพูด

“นึกว่ามึงนอนแล้ว” มันหันกลับมาทั้งตัวและออกเดินไปที่บันได “ตอนแรกไม่กล้าไปเรียก กลัวไนล์ตื่น แต่ไหนๆ มึงก็ยังไม่นอน ไปคุยกันหน่อยดิ มีเรื่องจะคุยด้วย”

ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ นึกรู้ขึ้นมาทันทีว่าเรื่องที่มันจะคุยด้วยคือเรื่องอะไร แทบจะไม่ต้องเดาและไม่ต้องคิด ..


ผู้หญิงที่ผมเห็นเมื่อกลางวันต้องเป็นจีนแน่ๆ


เราสองคนเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเงียบๆ พอนั่งที่โซฟาได้ ผมก็เริ่มเปิดประเด็นทันทีเพราะไม่อยากให้เสียเวลา

“วันนี้จีนมาหามึงที่ออฟฟิศใช่ไหม?”

ไอ้เทมส์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มันดูสงสัยแต่ก็แค่ชั่วเวลาแปปเดียว “มึงเจอจีนหรอ?”

“เปล่า ไม่ได้เจอ แค่เห็นเดินผ่านไปกับเลขาฯ มึง” ผมตอบเสียงเครียด นึกไม่ชอบใจที่จีนเข้ามาใกล้และป้วนเปี้ยนอยู่กับคนรอบตัวของผมแบบนี้ “ตอนแรกไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้มั่นใจละว่าใช่แน่”

ไอ้เทมส์จ้องหน้าผมนิ่งเหมือนกับกำลังจะค้นหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่มันจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

“จีนมาถามหามึงจากกู” ผมส่ายหัวทันทีที่ได้ยินแบบนั้น “จีนมั่นใจมากว่ากูรู้ว่ามึงอยู่ไหน เห็นว่าอยากปรับความเข้าใจ อยากคุยกับมึงให้รู้เรื่อง เพราะมึงกับจีนมีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อย”

“มึงเชื่อ?” ผมถามไอ้เทมส์เสียงหลงเพราะเห็นมันเล่าเนิบนาบ เหมือนกับว่าคล้อยตามไปกับสิ่งที่จีนบอก ทั้งที่คำพูดเหล่านั้นไม่ได้น่าเชื่อเลยสักประโยค

“มึงถามใคร? ถามกูหรอ? หรือถามตัวเอง?” มันยิ้มเยาะใส่ผม “กูไม่ใช่มึงนะภู ถึงได้จะต้องเชื่อในสิ่งที่จีนบอกทุกเรื่องน่ะ”

“กัดกูนะ มึงเป็นหมาหรอ?” ผมสวนมันทันทีที่ถูกด่า ปกติผมกับมันก็ปากอย่างนี้ใส่กันอยู่แล้ว เพิ่งจะมามีช่วงหลังนี่แหละที่มีแต่เรื่องเครียดๆ ให้ได้ห่างๆ กันไป ไอ้เทมส์เองมันก็ตึงกับผมเรื่องไนล์ด้วย

แต่พอได้มานั่งเถียงกันเป็นเด็กๆ แบบนี้อีกครั้ง ผมก็รู้สึกได้เพื่อนเก่าคนเดิมของผมกลับมา... ได้บรรยากาศดีๆ ของเราทั้งคู่กลับมาอีกครั้ง

“ถึงเป็นหมาก็คงจะเป็นหมาที่ดีกว่ามึง เพราะอย่างน้อยหัวกูก็ไม่ได้เน่า ไม่ได้ถูกไนล์เหม็นสามเวลาเช้าเย็นเหมือนมึงแน่ๆ ฮ่าๆ”

ไอ้เทมส์สวนกลับผมมาอีกประโยคก่อนจะหัวเราะดังลั่นกับคำพูดของตัวเอง ก่อนที่ผมจะหลุดหัวเราะออกมาบ้างหลังจากที่กลั้นอยู่นาน .. นึกๆ ไปก็ขำดี เพราะผมรู้ดีว่าในตอนนี้เราสองคนไม่ได้โกรธอะไรกันมากขนาดช่วงแรกๆ แล้ว แต่ในฐานะพี่ชายของไนล์มันอาจจะยังเคืองๆ ผมอยู่บ้าง แต่ผมก็มองออกว่าระยะหลังมานี้มันเปิดโอกาสให้ผมดูแลไนล์มากขึ้น ซึ่งอันที่เห็นได้ชัดเลยก็คือโปรเจ็คมิกซ์ยูส เทมส์ดึงเอาหลายเรื่องไปรับผิดชอบ นอกจากบางเรื่องที่มันไม่ถนัดจริง เรื่องนั้นถึงจะเหลือตกมาถึงผม ซึ่งก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ ทำให้ผมมีเวลาให้ไนล์กับเจ้าตัวน้อยในท้องมากขึ้น

ผมรู้มันอาจจะไม่ได้เห็นแก่ผมเสียทีเดียว แต่มันคงเห็นแก่น้อง เห็นแก่หลานที่จะเกิดมาในอนาคต และถ้าผมพิสูจน์ตัวเองให้มันวางใจได้ ผมก็ว่ามันคงพร้อมจะปล่อยไนล์ให้ผมได้มาดูแล

“เออๆ มัวแต่กัดกันไปมาเนี่ย ว่าแต่มึงจะเล่าต่อได้รึยัง ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง” ผมถามพยายามวกกลับมาเข้าประเด็นอีกครั้ง

“ก็ไม่ยังไง จีนคงเซฟเบอร์กูไว้ตั้งแต่ตอนที่กูเสนอตัวให้ยืมเงินนั่นล่ะ” ไอ้เทมส์เล่าเนือยๆ เหมือนเรื่องจีนไม่ใช่เรื่องที่มันใส่ใจอะไรมากนัก “ก็โทรมาหาอยู่หลายรอบ กูก็พยายามไม่รับ จนตอนหลังคงเห็นข่าวกูกับมึงเปิดตัวมิกซ์ยูสด้วยกัน เลยบุกมาหากูถึงออฟฟิศ ส่งข้อความมากดดันกูเสร็จสรรพว่าจะนั่งรอเจอจนกว่ากูจะว่าง สุดท้ายกูรำคาญเพราะจะทำงาน เลยให้เลขาฯ ลงไปรับ จะได้คุยให้จบๆ ไป”

“แล้วไงต่อ?” ผมกระตุ้นถามย้ำ

“ก็ไม่แล้วไง จีนมานั่งร้องไห้ให้กูดูอยู่สิบนาที กูก็เฉยๆ ไม่ได้โต้ตอบอะไร พอหลังสิบนาทีจีนก็เลยหยุดร้อง เปลี่ยนเป็นพรรณาถึงความเข้าใจผิดที่มึงมีให้ โดยมีน้องชายกูเป็นตัวร้ายสร้างเรื่องให้มึงกับจีนเข้าใจผิดกัน”

ผมขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ชอบใจ ปนตกใจนิดๆ ไม่อยากจะคิดว่าตอนนั้นไอ้เทมส์จะหัวร้อนแค่ไหนตอนได้ยินว่าไนล์ถูกใส่ร้ายทั้งที่คนที่ถูกกระทำเต็มๆ ในครั้งนี้คือน้องชายมัน

“นี่จีนพูดถึงขนาดนั้นเลยหรอวะ?”

“ก็ไม่ใช่แบบนี้ซะทีเดียว” ผมถอนหายใจโล่งอก แต่ก็โล่งได้แปปเดียว เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของไอ้เทมส์ “เพราะที่จีนพูดเต็มๆ น่ะ แรงกว่านี้เยอะ แรงจนกูนึกว่าไนล์มีร่างแยกเป็นฝาแฝดอีกคน ที่ร้ายจนถึงขั้นใจกล้าจะทำร้ายจีนให้บาดเจ็บได้”

“ห๊ะ? มึงว่าอะไรนะ?” ผมตกใจอีกรอบที่จีนปั้นน้ำเป็นตัวขนาดนี้

“ไม่ต้องห๊ะ มึงได้ยินไม่ผิดหรอก” เสียงไอ้เทมส์เข้มขึ้นในจังหวะหนึ่ง ผมว่าผมฟังไม่ผิด “แต่กูก็ไม่ได้สนใจฟังอะไรมาก เพราะรู้ว่าไม่จริง น้องกู กูเลี้ยงมากับมือขนาดตียุงตายตัวเดียวซึมไปเป็นอาทิตย์ แล้วนี่อะไร.. เหอะ ไร้สาระ”

ไอ้เทมส์โบกมือปัดแบบไม่สนใจ แต่ลึกๆ ผมก็รู้ดีว่ามันคงโมโหไม่น้อยที่มีคนมาว่าไนล์แบบนั้น เพราะขนาดผมไม่ได้ยินเองผมยังโมโหเลย ทั้งที่ไนล์ดีกับจีนขนาดนั้น จีนยังสร้างเรื่องใส่ร้ายมากมายไม่จบไม่สิ้น ทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน

“กูขอโทษแทนจีนด้วยนะ ที่พูดจาให้ไนล์เสียหาย เป็นเพราะกูจีนเลยทำตัวแบบนี้.. กูขอโทษนะเทมส์”

“ช่างแม่งเหอะ กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ใส่ใจ” ไอ้เทมส์หันมามองผมจริงจังก่อนบอก “อีกอย่าง.. กูก็บอกจีนไปแล้วด้วยว่าไม่รู้ว่ามึงอยู่ไหน ให้จีนไปตามหาเอาเอง”

“เออ กูขอบใจมาก” ผมตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆ ที่อย่างน้อยมันก็ไม่ผลักจีนให้เข้ามาทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับไนล์แย่ลงกว่าเดิมอีก

“ไม่ต้องขอบใจกูหรอก เพราะที่กูเรียกมึงลงมาคุยก็เพื่อจะบอกว่า.. มึงควรไปจัดการเรื่องจีนให้เรียบร้อยซะ ถ้ามึงคิดจะใช้ชีวิตครอบครัวจริงจังกับไนล์กับลูก กูบอกตามตรงว่ากูไม่อยากให้น้องกูกับหลานกูมาเจออะไรแบบนี้นะภู”

“...” ผมมองหน้าไอ้เทมส์นิ่ง สัมผัสได้จากดวงตาคู่นั้นว่ามันพูดจริง

“กูไม่รู้หรอกว่ามึงจะทำยังไงให้จีนหยุด แต่มึงต้องทำให้จีนหยุดให้ได้จริงๆ มึงต้องเด็ดขาด ต้องเอาจริง เพราะถ้ามึงทำไม่ได้ กูคงปล่อยให้มึงมาดูแลไนล์ไม่ได้เหมือนกัน กูไม่อยากฝากน้องกูไว้ในมือมึงทั้งที่จีนยังมาป้วนเปี้ยนแบบนี้ ..

“...” ผมนิ่งไม่ได้ตอบอะไรแต่แค่รอฟังไอ้เทมส์พูดให้จบ

“บอกตามตรงว่ากูไม่ไว้ใจ แค่เรื่องที่ผ่านมาที่จีนสร้างไว้ แค่นั้นกูก็โมโหจะตายแล้ว กูเลี้ยงน้องของกูมาดีๆ จะทำให้ร้องไห้สักครั้งยังไม่เคย เพิ่งจะมีพวกมึงนี่แหละที่ทำให้ไนล์เสียใจมากขนาดนี้”

“เทมส์.. กู...”

“พี่สูจน์ตัวเองให้กูเห็นหน่อยภู ทำให้กูวางใจว่าจะฝากน้องกูกับหลานกูไว้กับมึงได้ ... ทำให้สมกับคำว่า ‘หัวหน้าครอบครัว’ มึงทำได้ไหมวะ?”

“กูทำได้ กูจะไม่พูดซ้ำๆ ว่ากูทำได้ แต่กูจะพิสูจน์ให้มึง ให้คนในครอบครัวมึงเห็น.. และที่สำคัญกูจะทำให้น้องรับรู้ว่ากูทำได้จริงๆ ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละเพื่อไนล์ เพื่อลูก”

ไอ้เทมส์ไม่ได้พูดอะไร มันมองหน้าผมนิ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าจะเดินผ่านผมออกไปที่ทางออกห้องรับแขก แต่แล้วผมก็ต้องยิ้ม เพราะตอนที่มันกำลังจะเดินผ่านผมไป มันตบลงบนไหล่ผมเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจและให้โอกาส

“ทำให้ได้ภู ให้สมกับที่กูเป็นเพื่อนสนิทกับมึงมาเป็นสิบปี”

ผมหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร ทั้งที่ในใจรู้ดีว่านี่แหละ... คือสิ่งที่ผมต้องการจากมัน มันที่เป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่ผมรักและไว้ใจมาเป็นสิบๆ ปี

.

.

.

หลังจากวันที่เจอจีนที่ออฟฟิศ ผมก็ตัวติดกับไนล์เป็นตังเม ประกอบกับช่วงนี้ไนล์อาการดีขึ้น เลยงอแงจะกลับไปทำงานให้ได้ ทั้งผมทั้งไอ้เทมส์พยายามทัดทานแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายเลยต้องตามใจให้ไนล์กลับมาทำงาน

แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าผมต้องได้ดูแลไนล์ใกล้ชิด และไนล์เองก็ต้องห้ามดื้อ ถ้ารู้สึกไม่ไหวหรือเวียนหัว ต้องรีบพักหรือไม่ก็ต้องให้รีบบอกผม เพราะคนที่ออฟิฟิศไม่มีใครรู้เรื่องไนล์ตั้งท้อง โชคดีที่ไนล์ตัวเล็ก ท้องก็เลยไม่ได้ใหญ่มาก ประกอบกับไนล์เป็นคนชอบใส่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ๆสบายๆ มาทำงาน คนเลยไม่ค่อยได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องดูแลระมัดระวังเป็นพิเศษ

เอาเข้าจริงผมเองก็ไม่คิดปิดบังใคร ตรงกันข้ามผมกลับภูมิใจมากด้วยซ้ำจนอยากจะอวดให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าเมียผมน่ารักขนาดไหน แต่เพราะไม่อยากให้ไนล์ถูกนินทาหรือถูกพูดถึงลับหลังในทางเสียหาย ทุกอย่างเลยต้องเก็บไว้เป็นความลับ ซึ่งก็ดีแล้วแหละเพราะผมไม่ค่อยชอบให้ใครมายุ่มย่ามกับไนล์เท่าไหร่ ต้องยอมรับเลยว่ายิ่งท้อง ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้น ไนล์ยิ่งดูน่ารัก มีน้ำมีนวล จะจับจะแตะตรงไหนก็นิ่มไปหมด แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนแป้งเด็กตลอดเวลาอีกต่างหาก

... อย่าไปบอกไนล์ล่ะ ว่าผมแอบหอมแก้ม แอบจุ๊บปาก แอบหอมพุงไนล์ทุกคืนหลังจากไนล์หลับสนิทไปแล้ว

สำหรับผมแล้วตอนนี้ไนล์ดีไปหมดทุกอย่าง น้องไม่ค่อยตั้งแง่กับผมเท่าไหร่ แต่สิ่งที่มาแทนที่นั้น ก็ไม่ได้ลดน้อยไปกว่าการตั้งแง่หรอก เผลอๆ หนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ

“วันนี้ผมอยากกินก๋วยเตี๋ยวที่นครปฐม คุณพาผมไปหน่อยได้ไหม”

“ท.. ที่ไหนนะครับ? นครปฐมหรอ?”

ใช่ครับ เรื่องกิน!! จากที่กินไม่ค่อยได้ก็เปลี่ยนเป็นกินได้มากขึ้น แรกๆ ผมก็ดีใจอยู่หรอกที่ไนล์กินได้มากขึ้น น้องอยากจะกินอะไรผมสรรหามาให้ได้หมด จนหลังๆ ที่น้องเริ่มขออะไรที่หาซื้อ หากินได้ยากขึ้น บางทีก็ออกนอกกรุงเทพ ไปไกลถึงต่างจังหวัด ไอ้จากดีใจที่ไนล์กินได้ ผมก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความกังวลแทน เพราะบางครั้งผมก็ไม่สามารถพาไนล์นั่งรถไปกินอะไรไกลขนาดนั้นได้ แต่ครั้นจะให้ขัดใจน้องผมก็ทำไม่ได้อีก เพราะนอกจากทำไม่ลงแล้ว เหตุผลสำคัญที่เหนือกว่าเลยก็คือกลัวน้องโกรธ สุดท้ายก็พากันปุเลงๆ ไปทุกที่ที่ไนล์อยากจะไปอยู่ดี

“ใช่ นครปฐม” น้องพูดหน้าตาเฉย บ่งบอกว่าไม่ได้อำผมแต่เอาจริง “ผมเห็นคนรีทวีตเข้ามาในหน้าไทม์ไลน์อะ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟที่ศาลายา น่ากินมาก”

ผมอมยิ้มน้อยๆ ตอนเห็นน้องพูดถึงของกินด้วยตาเป็นประกาย แล้วแบบนี้ผมจะขัดใจได้ยังไงกัน

“งั้นไปตอนเลิกงานได้ไหมครับ ขอพี่เคลียร์เอกสารตรงนี้อีกหน่อย กลางวันนี้กินอย่างอื่นแทนก่อน แล้วเดี๋ยวมื้อเย็นพี่พาไปกินก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟที่ไนล์อยากกินกัน”

“เจ้าตัวเล็กหิว.. เจ้าตัวเล็กอยากกินเลย” ไนล์มองผมตาแป๋วตอนพูดประโยคนั้น ทำเอาผมใจเต้นรัวเร็วด้วยความดีใจ


... น้องไม่เคยพูดแบบนี้กับผมเลยสักครั้งตั้งแต่ผมกลับมาหา นี่แทบจะเป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำที่ไนล์เปิดใจให้ผมขนาดนี้


“คะ ครับ? ไนล์.. ไนล์ว่าไงนะ?” ผมถามย้ำตะกุกตะกัก แทบจะกวาดเอกสารทุกอย่างทิ้งแล้วพาน้องไปกินก๋วยเตี๋ยวเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย .. ใครจะว่าผมยอมเมีย เป็นทาสเมียตัวเองผมก็ไม่สนหรอก เพราะผมอาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ได้

“ลูกหิว... อยากกินกลางวันนี้เลย รอถึงตอนเย็นไม่ไหวครับ” น้องพูดตอบ เสียงเริ่มสะบัดนิดๆ เป็นการส่งสัญญาณเตือนให้ผมได้รู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกงอน ผมเลยต้องรีบกลับตัว

“โอเคครับ ไปกลางวันนี้เลย พาไปกินทั้งแม่ทั้งลูกนี่ล่ะ กินกี่ชามก็ได้ สิบชามก็ยังได้ .. ไม่สิ ไนล์อยากกินทั้งร้านเลยก็ไม่มีปัญหา พี่ซื้อให้กินครับ”

น้องยิ้มหวาน ก่อนจะพยักหน้ารับพร้อมกับฮัมเพลงเบาๆ อย่างอารมณ์ดีแล้วก็หันไปอ่านเอกสารของตัวเองต่อ ปล่อยให้ผมนั่งใจเต้นแรงเพราะความสุขมันล้นไปอก นี่ขนาดแค่ว่าน้องยอมพูดดีๆ กับผม อะ.. โอเคอาจจะมีอ้อนผมนิดหน่อย แต่แค่นี้ก็มากพอแล้ว ขอแค่น้องให้โอกาส ขอแค่น้องยอมให้ผมได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตน้อง ให้ผมได้รู้สึกว่าความพยายามของผมไม่สูญเปล่า คล้ายกับว่าตรงปลายอุโมงค์นั้นมีแสงสว่างรออยู่

และสุดท้ายงานที่ผมแพลนไว้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาทำทั้งวันก็เสร็จลงอย่างรวดเร็วใตอนสาย ก่อนที่ผมกับไนล์จะพากันออกไปกินก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟที่นครปฐม ... ความจริงมันก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่หรอก ถ้าได้พาคนที่ผมรักไป ที่ไหนก็ใกล้เหมือนหน้าปากซอยบ้านทั้งนั้นแหละ

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-11 : Universe 38th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 11-09-2020 20:54:16
(โดนปาดนิดนึง อ่านต่อจากด้านบนค่ะ)


Nateetouch’s Part

พักหลังมานี้ผมใจอ่อนลงให้พี่ภูเยอะเลย เยออะมากๆ เยอะจนผมเองก็เริ่มอ่อนใจกับตัวเอง...

แค่เขาทำดีด้วยเข้าหน่อย เอาใจเข้าหน่อย พูดเพราะกับผม ดูแลผมเข้าหน่อย ความหนักแน่นที่จะไม่ให้อภัยเขาก็เริ่มเบาบางลง แต่ก็ใช่ว่าผมจะยอมยกโทษให้เขาได้ในทันที เพราะก็อย่างที่บอก จนถึงตอนนี้ตอนที่ผมท้องจนจะย่างเข้าเดือนที่ห้า พี่ภูก็ยังไม่เคยได้พูดคำว่ารักกับผม และเหตุผลสำคัญเลยก็คือผมยังไม่วางใจในตัวเขาร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม

ไม่ว่าจะเป็นไอ้ความอารมณ์ร้อน ความหึงหวง หรือแม้กระทั่งความไม่ฟังเหตุผลใดๆ ยังมีผลทำให้ผมวางใจในตัวเขาไม่ได้ทั้งหมด ... ก็เหมือนที่ผมเคยพูดไปนั่นแหละ เพราะว่าเขาเป็นพ่อของลูกผม เป็นคนที่ลูกผมจะต้องพึ่งพาอาศัย ไม่ว่าผลลัพธ์ในความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาจะเป็นยังไง ผมก็อยากให้เขาเป็นพ่อที่ดีของลูกผมได้ เป็นคนที่ลูกผมสามารถหันไปหาและขอให้ช่วยเหลือได้ ซึ่งพี่ภูจะต้องทำให้ผมมั่นใจได้จริงๆ ว่าไอ้นิสัยผีเข้าผีออกตอนสมัยผมกับเขาอยู่ด้วยกันมันหมดไปแล้ว หรืออย่างน้อยก็ดีขึ้นให้ผมได้ฝากฝังลูกบ้างก็ยังดี

“ไนล์ วันนี้ไนล์จะเข้าออฟฟิศไหมครับ หรือจะอยู่บ้านดี” พี่ภูที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จและกำลังเก็บฟูกที่ตัวเองใช้ปูนอนหันมาถามผมที่กำลังดูความเรียบร้อยของตัวเองอยู่ตรงหน้ากระจก

“เข้าออฟฟิศครับ วันนี้ผมมีประชุมกับทีมการตลาด”

ผมเหลือบมองพี่ภูที่กำลังคร่ำเคร่งกับการเก็บฟูก และพยายามกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ เพราะนี่ก็สองเดือนได้แล้วที่ผมอนุญาตให้เขาเข้ามานอนในห้อง แต่ต้องนอนบนฟูกที่ปูไว้ข้างเตียง ผมไม่อนุญาตให้เขานอนบนโซฟาด้วยซ้ำ ซึ่งเขาก็ยอมและไม่เคยต่อรองใดๆ แม้ผมจะใจอ่อนลงมากแล้ว ซึ่งเดี๋ยวนี้ผมก็ไม่ได้แพ้ท้องหรือเวียนหัวหนักเหมือนเมื่อก่อน ผมเองก็บอกเขาไปตั้งหลายทีแล้วว่าให้กลับไปนอนห้องตัวเอง ไม่ต้องมาเฝ้า มานอนลำบากๆ ในห้องผมแล้วก็ได้ แต่พี่ภูก็ไม่ยอม เขายังคงยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ลำบากอะไร นอนกับฟูกก็สบายดี

ผมคิดว่าเขาพูดจริงและไม่ได้ลำบากลำบนอะไรกับการนอนฟูกมาตลอด จนกระทั่งวันนั้นที่ผมแอบไปได้ยินเขาคุยกับพี่เทมส์ ไอ้จากที่ใจอ่อนลงมากแล้ว ก็ยิ่งทำให้ใจผมยวบลงไปอีก เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วการนอนฟูกนั้นไม่ได้สะดวกสบายสำหรับพี่ภูเลย ตรงกันข้าม มันค่อนข้างที่จะทำให้เขาทรมานพอตัว เพราะฟูกที่ปูนอนมันไม่พอดีกับขนาดร่างกายที่ใหญ่โตของเขา แต่เพราะเขาห่วงผม เขาเลยบอกพี่เทมส์ว่าเขาทนได้ ไม่ได้ลำบากอะไร


‘มียานวด หรือยาคลายกล้ามเนื้อไหมวะเทมส์ ขอหน่อยดิ กูปวดหลังว่ะ’

‘มึงไปทำไรมา ถึงปวดหลัง?’


‘เมื่อคืนหลับเพลินไปหน่อย แต่สงสัยจะนอนผิดท่า เช้ามามันเลยเคล็ดๆ หลัง ฟูกที่นอนมันไม่ค่อยพอดีตัว นี่ป้าบัวก็หาซื้อแบบใหญ่สุดมาให้แล้ว แต่นอนยังไงไม่ขาก็ไหล่เลยออกไปนอกฟูกตลอด’

‘หึ! มึงก็กลับไปนอนห้องมึงดิ เตียงก็มี หรือมึงจะกลับไปนอนบ้านไปนอนคอนโดมึงเลยก็ได้ มึงจะมาลำบากมาทรมานตัวเองนอนฟูกแข็งๆ ในห้องไนล์ทำไม เป็นซาดิสม์หรอ? ถึงชอบอะไรเจ็บๆ ปวดๆ น่ะ’

‘ไม่! กูนอนได้ กูไม่ไปไหนทั้งนั้น ไม่ไปจากห้องน้องมึงด้วย ไม่ต้องมาหาทางไล่หรือกีดกันกู.. ได้เข้าครั้งหนึ่งคืออยู่ตลอดไป’

‘กูไม่ได้ไล่ แต่แค่เห็นมึงทรมานตัวเอง ก็เลยงงว่ามึงจะมาทนทำไม?’

‘กูห่วงน้องมึงไง ทั้งห่วงทั้งกังวล... ท้องไนล์ก็ใหญ่ขึ้นทุกวัน ทั้งที่ตัวน้องก็เล็กนิดเดียว แค่คิดสภาพว่าน้องต้องทนอุ้มท้องใหญ่ๆ หนักๆ ทั้งวันทุกวัน กูก็รู้สึกแย่จะตายละที่ช่วยทำไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นขอให้กูได้ดูแลน้องก็ยังดี อย่างน้อยจะลุกเดินไปไหน หรือลุกเข้าห้องน้ำดึกๆ ให้กูได้ช่วย ให้กูทำอะไรเพื่อน้องบ้าง.. เอาจริงถ้าอุ้มท้องแทนไนล์ได้ กูก็อยากจะทำอยู่นะเทมส์’


ผมที่แอบฟังอยู่นอกห้องนั่งเล่นถึงกับใจเต้นแรงกับความใส่ใจที่พี่ภูมีให้ผม ตัวพี่เทมส์เองก็แอบอมยิ้มบางๆ ตอนที่พี่ภูไม่ได้มอง ผมรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ได้มีแค่ผมหรอกที่กำลังแอบสังเกตพฤติกรรมของพี่ภู พี่เทมส์เองก็คอยมองอยู่เงียบๆ ยิ่งพ่อกับแม่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมเห็นว่ามีคนรายงานตลอด ถ้าเป็นที่ที่ทำงานก็จะเป็นเลขาฯ พี่เทมส์ แต่ถ้าเป็นที่บ้านก็จะเป็นป้าบัว

เราทุกคนในบ้านล้วนคอยติดตามพฤติกรรมของพี่ภู และก็ดูเหมือนว่าพี่ภูกำลังซื้อใจคนทั้งบ้านได้ด้วยความสม่ำเสมอ ความอดทน และความเอาใจใส่ที่มีให้ผมและทุกคนในบ้าน


และผมก็ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์วัดใจพี่ภูจะเดินทางมาถึงเร็วกว่าที่ผมคิด มาถึง.. โดยที่ผมไม่ได้ร้องขอหรือเป็นคนสร้างสถานการณ์เลยสักนิด


“แต่วันนี้พี่ต้องเข้าบริษัทไปหาคุณแม่ กว่าจะกลับมาหาไนล์ได้ก็เย็นเลย... ไนล์อยู่บ้านดีไหมครับ ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนตอนกลางวัน พี่เป็นห่วง ตอนนี้ท้องไนล์ก็โตขึ้นมากแล้วด้วย พี่ว่า..”

ผมหันไปมองเขาดุๆ และแค่นั้นก็เพียงพอให้พี่ภูหยุดพูดและยอมฟังผมแต่โดยดี

“ผมอยู่ได้ครับ อยู่คนเดียวก็อยู่ได้” ผมบอกพี่ภูเสียงเรียบ พอเห็นเขาทำหน้าหงอยแต่สายตาดูยังไม่คลายความกังวลและห่วงใย ก็ทำเอาผมใจอ่อน ต้องระบายลมหายใจออกมาน้อยๆ “คุณไปหาคุณป้าเถอะ ผมอยู่ได้จริงๆ มีแค่ประชุมกับทีมการตลาดในห้องนั่นแหละ ไม่ได้ต้องเดินไปไหนหรอก มีคนอยู่ด้วยเป็นเพื่อนเยอะแยะ ไม่มีอะไรให้คุณต้องห่วงเลย”

ผมลดความราบเรียบในน้ำเสียงลง และใส่ลูกอ้อนลงไปนิดหน่อย แค่นั้นพี่ภูก็ถอนหายใจอย่างปลงตกแล้ว

เขาห้ามผมไม่เคยได้ และที่หนักเลยคือ... เขามักจะแพ้ เวลาผมอ้อน

“งั้นพี่ให้เลขาฯ ของเทมส์เอาข้าวกลางวันไปให้ในห้องนะครับ ไนล์จะได้ไม่ต้องเดินออกมา”

ผมทำท่าจะเถียงและบอกว่าไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ แต่แล้วพอผมหันไปมองพี่ภูไอ้คำพูดต่างๆ ก็ต้องถูกกลืนลงคอเมื่อผมมองดวงตาคมปราบคู่นั้นแล้วเห็นว่าเขาเป็นห่วงผมจริงๆ .. และผมก็แพ้ใจตัวเองเหลือเกินเวลาพี่ภูแสดงออกแบบนี้

“เฮ้อ... ก็ได้ครับก็ได้ เอาไงก็เอา แล้วแต่คุณเลย”

พี่ภูยิ้มกว้างกับประโยครับปากของผม และนั่นก็ทำให้ใจผมอดเต้นแรงขึ้นมาไม่ได้ .. รอยยิ้มของเขามักจะสั่นหัวใจผมเสมอ และมันก็เป็นแบบนั้นมาตลอดสิบปี ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

พี่ภูเก็บฟูกนอนเสร็จพอดี ก่อนที่จะลุกขึ้นมาจูงมือผม ตอนแรกเขาก็ชะงักเหมือนลืมตัว แต่พอเห็นผมไม่ว่าอะไร เขาก็เนียนจูงมือผมพาเดินลงไปข้างล่าง

“ป่ะ ไปกินข้าวเช้ากัน เสร็จแล้วเดี๋ยวพี่พาไปส่งที่ออฟฟิศไนล์ก่อนแล้วพี่ค่อยไปหาแม่” พี่ภูบอกอย่างอารมณ์ดีทำเอาผมถึงกับต้องแอบยิ้มตาม

“ผมไปกับพี่เทมส์ก็ได้ คุณจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา”

“ไนล์ก็รู้ว่าคำตอบจะเป็นยังไง .. ไปเถอะ กินข้าวกัน เมื่อวานพี่ไปเจอเมนูใหม่มาเป็นตับผัดพริกหวาน พี่ยังไม่เคยทำให้ไนล์กินเลย ลองดูนะ เดี๋ยวถ้าชอบครั้งหน้าพี่ทำให้กินอีก”

พี่ภูพูดถึงเมนูอาหารไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่ประคองผมลงบันได ตอนนี้หัวใจผมพองฟูจนคับอก พี่ภูที่ผมเคยคิดถึง พี่ภูที่ผมเคยเจอสมัยเด็กกำลังกลับมาทีละน้อยๆ ละค่อยๆ เติมเต็มรูโหว่ที่เขาเคยทำไว้ให้มันเพิ่มขึ้นทีละน้อย

ผมหวังให้เราสองคนเก็บเกี่ยวช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ไปด้วยกันเรื่อยๆ เพื่อที่ว่ามันจะได้ซ่อมแซมทั้งความรู้สึกเสียใจของผมและซ่อมแซมข้อผิดพลาดของพี่ภูให้ดีขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่าบททดสอบบทใหม่จะมาถึงเราสองคนเร็วมากกว่าที่ผมคิด

และมันก็คงจะเป็นบททดสอบที่ชี้ชะตาความสัมพันธ์ของเราสองคน ว่าจะสามารถไปต่อในฐานะครอบครัวเดียวกันได้ หรือจะต้องพอแค่นี้แล้วเป็นได้แค่คนแปลกหน้าของกันและกัน

.

.

.

พี่ภูมาส่งผมที่ออฟฟิศเรียบร้อยก่อนที่จะออกไปที่ออฟฟิศตัวเอง แล้วผมก็ต้องแปลกใจเมื่อเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป แล้วได้เจอกับคนที่พักนี้หายหน้าหายตาไปไม่ค่อยได้มาให้ผมเจอ

ผมไม่รู้ว่าเขาแค่ไปพักใจ หรือว่าไม่ว่างมาเจอผมจริงๆ แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุไหน ผมก็เคารพการตัดสินใจของเขาทั้งสิ้น... เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ผมแคร์และห่วงใย

“ว่าไงคนอ้วน? นึกว่าวันนี้จะไม่เข้าออฟฟิศเสียแล้ว”

ลมเอ่ยทักปนๆ แซวผมด้วยรอยยิ้มกว้าง พร้อมกับลุกมาหาตรงเข้ามาประคองทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งจะแซวผมว่าเป็นคนอ้วนแท้ๆ

“เดี๋ยวเถอะ! มาล้อเรา เดี๋ยวเราให้เจ้าตัวเล็กจัดการเลยนิ... ที่เห็นอ้วนๆ นี่ก็เจ้าตัวเล็กทั้งนั้นแหละ”

ผมตอบเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มไม่ต่าง ยอมรับเลยว่าตั้งแต่ผมปฏิเสธลมไปจริงจังคราวนั้น ผมก็สะดวกใจกับลมมากขึ้น เปิดรับเขามากขึ้นและวางใจให้เขาได้อย่างสนิทใจมากที่สุดในรอบสิบปีที่ผ่านมา

“ไงครับตัวเล็ก? หนูดื้อกับแม่ไหมนี่? ลุงไม่ได้มาเจอเรานานเลย พากันกินกับแม่ไม่หยุดเลยสินะ..” ลมพาผมไปนั่ง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งยองๆ แล้วคุยกับเจ้าหนูในท้องผมเป็นวรรคเป็นเวร ทั้งที่ริมฝีปากยังคงประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง

ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ผมที่สนิทใจกับลมมากขึ้น ลมเองก็คงไม่ต่าง เขาดู.. ทำใจได้มากขึ้น ปลงในความสัมพันธ์ของเราได้มากขึ้น และถ้าผมไม่คิดไปเอง ผมว่าเขายอมรับได้แล้วว่าระหว่างเราคงไม่มีทางเป็นได้มากกว่าเพื่อน

“ไม่ดื้อหรอก.. พักนี้ไม่แพ้ท้องแล้ว แถมยังกินได้มากขึ้นด้วย.. พากันกินอย่างที่ลมว่าแหละ.. ดูดิ เนี่ยแก้มเราเป็นก้อนเลย เหนียงใต้คางก็ออกอีกต่างหาก”

ผมเล่า ทำหน้าทำตาตัดพ้อในขณะที่ลมเอาแต่ยิ้มขำตอนที่ผมพยายามจะหนีบเนื้อส่วนที่เกินออกมาตรงแก้มของตัวเองให้ลมดู

“กินได้ก็ดีแล้ว ดีกว่าตอนนั้นที่แพ้เยอะๆ ลมน่ะเป็นห่วงมากเลยนะ โชคดีที่ไนล์ดีขึ้นเร็ว ลมเลยโล่งใจพอจะบินไปทำงานได้.. นี่ก็เพิ่งกลับมาเนี่ย”

“อ่าว ลมไปไหนมา เราไม่เห็นรู้เลย” ผมถาม ไม่ได้รู้เลยว่าที่ลมหายไป คือหายไปทำงานที่ต่างประเทศมา

“ไปดูสาขาที่ญี่ปุ่นน่ะ มันมีปัญหานิดหน่อยต้องอยู่แก้เป็นอาทิตย์เลย .. พักหลังมานี้ลมถึงไม่ได้มาหาไนล์กับตัวเล็กเลยไง ทำได้แค่ส่งข้อความมาถาม .. ขอโทษนะที่หายไปไม่บอก”

“หื้ออ.. ไม่เป็นไรเลย คิดมากน่า ลมไปทำงาน เราเข้าใจ เราไม่งอแงหรอก... แค่วันนี้มาหาก็ดีใจแล้ว เนี่ยตัวเล็กก็ดีใจนะ” ผมแอ่นท้องอวดให้ลมต้องหัวเราะออกมาเบาๆ

“สี่เดือนกว่าจะเข้าห้าเดือนแล้วใช่ไหม” ลมยื่นมือมาลูบหน้าท้องที่ยื่นออกมานิดหน่อยของผมเบาๆ “เร็วจัง แป๊ปๆ ก็คลอดแล้ว”

“อื้อ” ผมยิ้ม ก้มลงมองท้องตัวเอง “อีกไม่นานก็จะได้เห็นหน้าแล้ว จะว่าไปก็ตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน ตอนคลอดจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”

ผมพูดไปเรื่อย ยอมรับเลยว่าทั้งตื่นเต้นทั้งกังวล แต่ผมเชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี จนกระทั่งได้ยินคำถามของลม

“แล้วกับพี่ภูล่ะ? เป็นยังไงบ้างตอนนี้”

ผมชะงัก แต่ก็ทำเป็นเฉไฉ “ก็ไม่เป็นไง เขาอยู่ของเขา เราอยู่ของเรา คุยกันแค่เฉพาะเรื่องลูก”

“ไนล์.. ไม่ใจอ่อนลงบ้างเลยหรอ? พี่เทมส์เล่าให้ลมฟังว่าพี่ภูยอมไนล์ทุกอย่าง ไนล์ไม่ลองคิดดูใหม่หน่อยหรอ ยังไงลูกในท้องก็ต้องการพ่อนะ”

ผมปิดปากเงียบ ไม่ใช่แค่เพราะหาคำตอบให้ลมไม่ได้ แต่ผมหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ด้วย ว่าจะเอายังไงต่อดีกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ เพราะตอนนี้มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่จะให้คำตอบได้ว่าจะให้มันไปทิศทางใด


แต่ผมยังคิดไม่ตกเลย


“ไม่รู้สิลม.. เราไม่รู้เลย” ผมถอนหายใจ “หลายครั้งเราก็เหมือนจะใจอ่อนให้เขา แต่ลึกๆ ในใจเราก็ยังไม่พร้อมจะให้อภัย มันยังมีอีกหลายอย่างในตัวเขาที่เรายังไม่มั่นใจ เราเลยยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอายังไงกับเรื่องพี่ภูดี”

ลมยิ้มพร้อมกับกุมมือผมไว้หลวมๆ “งั้นก็ไม่เป็นไร ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ดูเขาไปก่อนก็ได้ ลมว่าพี่ภูเขารอไนล์ได้ทั้งชีวิตนั่นแหละ ทั้งรักทั้งตามใจขนาดนี้”

“รักหรอ?.. หึ!” ผมยิ้มฝืนๆ พร้อมกับพูดออกมาเบาๆ “จะพูดสักครั้งเขายังไม่เคยพูดเลย”

“หือ? ไนล์ว่าไงนะ? เมื่อกี้พูดอะไรกับลมรึเปล่า” ลมถามผม เพราะคงได้ยินอะไรแว่วๆ แต่ไม่ชัด ผมเลยเลือกที่จะบอกปัด

“เปล่า ไม่ได้พูดอะไร แค่สงสัยเฉยๆ ว่าลมจะอยู่ถึงกินข้าวกลางวันกับเราไหม หรือต้องรีบกลับไปเคลียร์งาน”

“อยู่สิ ลมตั้งใจจะมากินข้าวกลางวันกับไนล์เลยนะ คิดถึงจะแย่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน จะให้รีบกลับได้ไง” ลมพูดก่อนจะก้มลงไปคุยกระหนุงกระหนิงกับเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องผม “ตัวเล็ก เดี๋ยววันนี้ลุงจะพาหนูกับแม่ไปกินของอร่อย ดีไหมครับ หื้ม?”

“เนี่ย แล้วก็มาว่าว่าเราอ้วน ทั้งที่ตัวเองกำลังจะสปอยล์เราด้วยการพาไปกินของอร่อย.. ย้อนแย้งจริงๆ เลยปราณนต์”

ลมหัวเราะ ก่อนที่จะถอยไปนั่งรอผมที่โซฟารับแขก “ว่าแต่พี่ภูหายไปไหนล่ะ เห็นพี่เทมส์บอกว่าปดติตัวติดกับไนล์เป็นปาท่องโก๋เลยไม่ใช่หรอ”

“ไปเคลียร์งานที่ออฟฟิศน่ะ บ่ายๆ คงกลับมั้ง” ผมตอบ “แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ไม่อยู่ ถ้าอยู่แล้วเดี๋ยวมาเจอลม ก็มานั่งทำตาขวางใส่ลมอีก…ไม่รู้จักปล่อยวางสักที”

“เอาน่า เข้าใจเขาหน่อย ถ้าไม่รักเขาก็คงไม่หวงไนล์ขนาดนี้หรอก” ลมแก้ตัวแทนพี่ภู แต่ผมยิ่งได้ยินยิ่งรู้สึกไม่ดี เพราะเรื่องนี้เนี่แหละที่เป็ยปัญหาใหญ่ของผม

คำว่ารักที่ไม่เคยได้ยินเลยจากพี่ภู

“เอาเถอะ ช่างเรื่องนี้เถอะ คิดเมนูดีกว่าว่ากลางวันนี้จะกินอไร ต้องอร่อยสมคำโฆษณานะ ไม่งั้นเจ้าตัวเล็กงอนแน่ๆ”

“รับรองเลย ถูกใจทั้งแม่ทั้งลูกแน่นอน”

ลมพูดเคล้าเสียงหัวเราะ ให้ผมได้ยิ้มกว้าง ซึ่งทำให้ผมพอจะเนียนทำเป็นไม่พูดเรื่องภูต่อไปได้ ก็ได่แต่หวังว่าลมจะไม่ขุดหัวข้อนี้ขึ้นมาพูดอีก

.

.

.

ลมอยู่รอผมจนถึงตอยพักกลางวันตามที่เขาได้บอกไว้ว่าจะพาผมไปกินข้าว ตอนแรกเราสองคนชวนพี่เทมส์แล้วแต่พี่เทมส์ไม่ว่างมาเพราะติดประชุม เราสองคนบวกหนึ่งตัวจิ๋วในท้องเลยตัดสินใจไปกันเอง

โชคดีที่ก่อนหน้านี้พี่ภูโทรมาบอกว่างานยังเคลียร์ไม่เสร็จและคงจะกลับเข้ามารับผมได้อีกทีก็เลิกงานเลย ผมเองก็ไม่อยากจะปิดบังหรือทำอะไรที่ถ้าพี่ภูมารู้ทีหลังแล้วจะว่าได้ เลยตัดสินใจบอกเขาไปตรงๆ ว่าจะออกไปกินข้าวกับลม


‘กลางวันนี้ผมจะออกไปกินข้าวกับลมนะครับ ลมแวะมาหา’

‘ไปกันแค่สองคนหรอครับ เทมส์ไปด้วยไหม?’ ผมสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา แต่พี่ภูก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอะไรชัดเจนขนาดนั้น

‘สามครับ.. ตัวเล็กในท้องไปด้วย ลมบอกว่าจะพาผมกับลูกไปกินของอร่อย’

‘พี่ก็พาไปได้..’ พี่ภูพูดเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังได้ยิน


‘ผมแค่ไปทานข้าวกับเพื่อนเฉยๆ ครับ ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง’ ผมพูดอธิบายเรียบๆ และพี่ภูก็ดูจะตั้งใจฟัง ‘ที่จริงผมจะไม่บอกก็ได้ แต่ที่ผมบอกคุณเพราะไม่อยากให้คุณมารู้ทีหลัง’

‘ขอโทษครับ ขอโทษที่พี่ทำตัวงี่เง่าแล้วก็หวงไนล์มากไปหน่อย’

‘ช่างเถอะครับ คุณเสร็จงานแล้วก็รีบกลับมาแล้วกัน เดี๋ยวผมทำงานรอที่ออฟิศ’

‘ครับ งั้นเดี๋ยวพี่รีบกลับไปหานะ’



ผมถอนหายใจหลังจากที่คุยกับพี่ภูจบ ก่อนจะหันมาหาลมที่ยืนรออยู่ไม่ไกล

“เรียบร้อยแล้วไปกันเถอะ” ผมหันไปบอกลมก่อนที่จะออกเดิน

“ว่าแต่พูดยังไงล่ะ ทำไมพี่ภูมันยอมง่ายจัง”

ผมออกเดินตามทางมาเรื่อยๆ โดยมีลมเดินตามออกมาไม่ห่าง และจู่ๆ ลมก็ถามประโยคข้างต้นออกมา

“ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่บอกไปตรงๆ ว่าจะไปต่อ ไม่อยากให้มารู้แล้วมามีปัญหากันทีหลัง" ซึ่งลมเองก็เห็นด้วย

“ดีแล้ว พี่ภูจะได้ไม่ตามมาแหกอกลมทีหลัง ฮ่าๆ”

เราสองคนเดินคุยกันมาตามทางเรื่อยๆ เพื่อจะไปที่รถที่ลมจอดไว้ด้านหน้า เราลงมาจนถึงล็อบบี้ด้านล่าง และจู่ๆ ผมก็เกิดยกเท้าไม่พ้นและเหมือนจะก้าวผิดจังหวะ เลยทำให้ผมเกือบจะสะดุดล้มดีที่ลมตรงเข้ามาโอบและประคองไว้ได้ทัน

“โอ๊ะ!”

“เฮ้ย!” ลมร้องเสียงหลง แต่ก็ไวมากพอที่จะเข้ามาโอบประคองผมได้ทัน “ระวังหน่อยสิไนล์ เกือบล้มแล้วเห็นไหม”

ผมหันไปยิ้มแห้งๆ ให้เพื่อนสนิททั้งที่ยังตกใจไม่หาย “ขอบใจนะลม ถ้าลมเข้ามาไม่ทัน เราล้มแน่ๆ เลย”

ลมยังคงกอดผมไว้ เหมือนเขาจะยังไม่กล้วางใจ คงกลัวผมล้มอีก “ไม่ได้นะไนล์ เวลาเดินต้องระวังมากกว่านี้ ตอนนี้ไนล์ไม่ได้ตังคนเดียวแล้ว รู้ใช่ไหม”

“อื้อ.. รู้” ผมยิ้มกว้างอ้อนเพือน เพราะไม่อยากถูกดุ “ขอบคุณลมมากนะ ต่อไปเราจะเดินระวังๆ มากกว่านี้”

“โอเค” ลมประคองผมให้ยืนดีๆ “ไปกันเถอะ เดี๋ยวเราพาเดินไป”

ลมประคองผมหลวมๆ ก่อนจะออกเดิน ผมเองก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะเมื่อกี้ก็ยังตกใจอยู่มากจริงๆ คือถ้าล้มลงไปคงแย่แน่ ผมเลยปล่อยให้ลมดูแลแบะประครองผมอยู่แบบนั้น

เราเดินคุยกันไป ประคองกันไป ยิ้มให้กันไป จนออกจากประตูบริษัทไปโดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่ามีใครบางคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด โดยเฉพาะตอนที่ลมประคองผมไว้

.

.

.

“นั่นมันเด็กรับใช้ของภูนี่ .. ไม่ผิดแน่! มันมาทำอะไรที่นี่นะ”

แม้จีรณาจะพึมพำด้วยความสงสัย แต่เธอก็ไวมากพอที่จะยกมือถือขึ้นมาถ่ายทุกย่างไว้ อย่างน้อยมันก็เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าคีรินคนที่เธอตามหาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเด็กคนนี้แล้ว

แต่ถ้ายังเกี่ยวกันอยู่ เธอก็จะเอาคลิปเอารูปที่ถ่ายไว้ ยืนยันกับเขาเอง

ว่าเด็กไนล์นั่นมันไม่ได้ใสๆ หรือดีอย่างที่ใครๆ คิดสักนิด.. และพอถึงเวลานั้นเธอจะเอาคีรินกลับคืนมาเอง!

.

.

.

To Be Continue

-------------------------------------

อ่านให้สนุกนะคะ ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกกำลังใจและทุกคอมเม้นท์เลยยย อ่านละใจฟูมากๆ ... ขอบคุณนะคะ

ตอนต่อไปมาจันทร์ไม่ก็อังคารค่ะ รออีกนิดนะคะ ใกล้จบแน้ววว มาลุ้นๆ กัน

แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ .. รัก <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-11 : Universe 38th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-09-2020 22:36:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-11 : Universe 38th)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 11-09-2020 22:47:30
 :hao3:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-11 : Universe 38th)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-09-2020 23:15:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

อีนังบอสใหญ่จีน  เมื่อไรเมิงจะไปผุดไปเกิดสักที?
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-11 : Universe 38th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 13-09-2020 10:15:40
ก็รู้ล่ะว่าเดี๋ยวไนล์ก็ใจอ่อน ที่ยังไม่ยอมคืนดีทั้ง ๆ ที่ใจอ่อนแล้วแบบนี้ก็เพราะอิตาภูมันไม่ยอมสารภาพรักหรือบอกรักออกมาก่อนใช่ไหมล่ะ เฮ้อออออ ความจริงอยากบอกว่าเดี๋ยวนี้ซิงเกิ้ลมัมก็มีเยอะแยะจะไปแคร์ทำไมเลี้ยงเดี่ยวไปเลยก็ได้ ให้รับเป็นแค่พ่อก็ดีแค่ไหนแล้ว
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-11 : Universe 38th)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 13-09-2020 16:17:30
ลำนัััังจีนมากแม่ :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-15 : Universe 39th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 15-09-2020 19:55:49
Universe 39th : ลูกของเรา


พี่ภูกลับมาที่ออฟฟิศตอนเกือบจะเลิกงาน ซึ่งลมเองก็กลับไปพักใหญ่แล้ว พอมาถึงเขาก็ปรี่เข้ามาหาผมทันที ใบหน้าหล่อเหลาดูอึกอักเหมือนมีเรื่องอยากถามซึ่งก็เดาได้ไม่ยากหรอกว่าเรื่องอะไร ผมถอนหายใจนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจเอ่ย

“ผมแค่ไปกินข้าวกับลมเฉยๆ ครับ ถ้าคุณอยากจะถามเรื่องนี้น่ะนะ”

พี่ภูหันเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่เข้าหาตัวเอง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งยองๆ ให้เสมอกับผม “ไม่ใช่ว่าพี่จะจับผิดหรือไม่ไว้ใจอะไรไนล์นะ ไนล์อย่าเข้าใจพี่ผิด พี่รู้ว่าไนล์ไม่ได้คิดอะไรกับเด็กนั่น..”

“ลมครับ เพื่อนผมชื่อลม” ผมแก้ ไม่อยากให้พี่ภูทำตัวตั้งแง่กับเพื่อนของผม เพราะตอนนี้ดูเหมือนลมจะยอมถอยออกไปก้าวหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นพี่ภูเองก็ต้องเริ่มถอยบ้างเหมือนกัน

เพราะถึงยังไงผมกับลมก็คงเลิกเป็นเพื่อนกันไม่ได้ ถ้าเขายังมัวหึงหวงหรือไม่เข้าใจเรื่องนี้ ผมก็นึกไม่ออกเลยว่าเรื่องของเราจะลงเอยยังไง ทั้งที่ทุกวันนี้มันก็ทั้งยุ่งยาก ทั้งซับซ้อนอยู่แล้ว

“ครับ พี่ขอโทษ” พี่ภูพูดหงอยๆ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร “พี่รู้ว่าไนล์ไม่ได้คิดอะไรกับลม.. เพื่อนไนล์ แต่พี่ก็แค่อดหวงไม่ได้ พี่หวงทั้งไนล์ทั้งลูกเลย พี่รู้ว่ามันเป็นความคิดที่งี่เง่า ซึ่งพี่ก็พยายามปรับปรุงตัวเองอยู่ ไนล์ให้เวลาพี่หน่อยนะ”

ผมมองพี่ภูที่จ้องหน้าผมอย่างจริงจังราวกับกำลังให้สัญญาผ่านทางสายตา ใจผมอ่อนยวบเมื่อสัมผัสความจริงใจที่เขาส่งมาให้อย่างมุ่งมั่น ผมตัดสินใจเสมองไปทางอื่น ก่อนที่หัวใจผมจะทรยศความตั้งใจของตัวเอง ความตั้งใจที่อยากจะพิสูจน์ว่า ตกลงแล้วพี่ภูจะเอายังไงต่อกันแน่กับความสัมพันธ์ของเรา

“กลับบ้านกันเถอะครับ เย็นแล้วเดี๋ยวรถติด” ผมเปลี่ยนเรื่อง “นั่งแช่อยู่ในรถนานๆ แล้วผมปวดหลัง ปวดขา”

ผมลุกขึ้นยืนโดยมีพี่ภูกระวีกระวาดคอยช่วงประคอง เขาฉวยกระเป๋าของผมไปถือให้ พร้อมกับโอบผมไว้เหมือนกับกลัวว่าผมอาจจะล้มได้ทุกเมื่อ

“งั้นคืนนี้พี่นวดให้ไหมครับ นวดเบาๆ” พี่ภูยิ้ม พร้อมเสนอ “หรือไนล์จะเอาเท้าแช่น้ำอุ่นก็ได้ เดี๋ยวพี่ทำให้ ไนล์จะได้สบายตัวขึ้น”

“ไหนคุณบอกว่าคุณรีบกลับมาหาผมทั้งที่งานยังไม่เสร็จ เลยต้องเอางานจากที่ออฟฟิศกลับมาทำที่บ้านไง แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมานวดให้ผม” ผมเตือนความจำเขา เพราะก่อนที่พี่ภูจะกลับมาถึงที่นี่เขาโทรมาบอกผมว่างานยังไม่เสร็จ แต่ไม่อยากให้ผมรอนาน เลยตัดสินใจเอางานจากที่ออฟฟิศกลับมาทำที่บ้าน

“ก็เดี๋ยวพี่นวดให้ไนล์ก่อนแล้วค่อยทำงานก็ได้” พี่ภูพูดพลางพาประคองผมออกเดิน “ไนล์นอนเร็ว เดี๋ยวพี่ค่อยทำงานดึกๆ”

“คุณจะทำงานดึกๆ แล้วจะได้นอนกี่โมง” ผมแย้ง “ไม่ต้องนวดให้ผมหรอก คุณทำงานเถอะ ถ้างานเสร็จไวจะได้พักผ่อนเร็วขึ้น”

“พี่ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่มีสมาธิตอนดึก ตอนหัวค่ำพี่ดูแลไนล์ก่อนได้” พี่ภูหันมายิ้มกว้างให้ผม ตาเป็นประกายวิบวับอย่างน่าสงสัย ผมไม่รู้ว่าเขากำลังดีใจเรื่องอะไรอยู่ “แค่รู้ไนล์เป็นห่วงพี่ พี่ก็มีเรี่ยวแรงกำลังใจเหลือเฟือแล้ว.. ขอบคุณนะครับ”

พี่ภูยื่นหน้ามากระซิบข้างหูผม ตอนที่เราเดินมาถึงล็อบบี้ด้านล่างแล้ว เพราะพี่ภูจอดรถที่ด้านหน้า เนื่องจากเห็นว่าเย็นแล้ว และอีกอย่างเขาขึ้นมารับผมแล้วก็จะกลับบ้านเลย เพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่เอารถไปจอดที่ลานจอดรถ เพราะมันเดินค่อนข้างไกล

หน้าผมร้อนไปหมด อีกทั้งยังใจเต้นแรงจนเจ็บ แต่ก็ยังพยายามตีหน้านิ่งเฉยไว้ ทั้งที่รู้ตัวดีกว่าแก้มของผมตอนนี้ต้องแดงก่ำแน่ๆ

“ใครบอกคุณว่าผมห่วง ผมยังไม่ได้พูดสักคำ อย่ามาคิดไปเองหน่อยเลย” ผมดันหน้าพี่ภูให้ถอยออกไปห่างๆ ในขณะที่เจ้าตัวกลับหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี

“อะๆ ครับๆ ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง ถือเสียว่าพี่ขี้ตู่เองก็ได้” พี่ภูยังคงยิ้มแย้มอารมณ์ดี ในขณะที่ผมทั้งเขิน ทั้งหงุดหงิดตัวเองที่เผลอแสดงความในใจออกไป

“รีบเดินเลยอย่ามัวพูดมาก ผมอยากกลับบ้านแล้ว” ผมพูดเสียงสะบัดไม่ยอมสบนัยน์ตาวิบวับของพี่ภูเลยสักนิด เพราะรู้ดีว่าผมจะต้องเขินหรือเผลอแสดงความรู้สึกให้เขาเห็นอีกแน่ๆ ถ้าหาทำแบบนั้น

“คร้าบ ครับ กลับบ้านเรากันครับ ป่ะ”

พี่ภูพูดเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะพาผมเดินออกไปขึ้นรถ โดยที่เราสองคนไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองตามไปด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรง

.

.

.

ช่วงหัวค่ำของคืนนั้นก่อนที่จะเข้านอน พี่ภูก็นวดเท้านวดขาให้ผมตามที่เขาได้บอกไว้ ทุกอย่างไม่ได้มีอะไรต่างจากครั้งที่ผ่านๆ มา ยกเว้น...

“เอ๊ะ” ผมร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบท้องตัวเองเบาๆ

พี่ภูเงยหน้าขึ้นมองผมที่นั่งอยู่ทันที ก่อนจะถามออกมาด้วยความตกใจเพราะเขาเห็นผมกำลังยกมือขึ้นลูบท้องตัวเองอยู่

“เป็นอะไรครับไนล์ มีอะไรรึป่าว? เจ็บตรงไหนไหม? ไนล์บอกพี่สิครับ” พี่ภูถามรัว ในขณะที่ผมยังคงนิ่ง ความรู้สึกเต็มตื้นตีขึ้นมาจนน้ำตาคลอ

“พี่.. พี่ภู ลูก.. ลูกดิ้น..” ผมทั้งยิ้ม ทั้งพูด ทั้งน้ำตาคลอ ตอนแรกไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรตอดๆ ในท้องนี่มันคืออะไร แต่เหมือนเจ้าตัวเล็กของผมจะแสบน่าดู เพราะขยับตอดไม่ยอมหยุด จนผมนึกรู้ว่าเจ้าตัวจิ๋วของผมกำลังดิ้น

ผมน้ำตาไหลแต่ไม่ใช่ไหลเพราะความเสียใจตรงกันข้าม มันเป็นความดีใจจนผมไม่รู้จะบรรยายยังไงมากกว่า มันเหมือนกับว่าผมได้รับรู้และสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเจ้าตัวน้อยจริงๆ เขามีชีวิต และกำลังเติบโตอยู่ภายในตัวของผม เพื่อรอเวลาที่จะออกมาเจอกัน

พี่ภูเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยความตกใจหลังจากที่ผมพูดจบ เขาดูอึ้งๆ และละล้าละลัง มือใหญ่ถูกยื่นมือออกมาและชักมือกลับไปเหมือนลังเลที่จะแตะท้องผม เขาอยากสัมผัสแต่ไม่กล้ามากพอ ผมเห็นเขาตาแดงก่ำพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล


และไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศเพราะอารมณ์อ่อนไหว หรือเพราะความเป็นพ่อเป็นแม่ของลูกในท้อง ที่ทำให้ผมตัดสินใจยื่นมือออกไปจับมือพี่ภูไว้ แล้ววางมือของเขาลงบนหน้าท้องของตัวเอง


และก็เป็นอีกหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผมเห็นพี่ภูร้องไห้

“ลูก ลูกพ่อ.. เด็กดีของพ่อ” เขาพึมพำเบาๆ สลับกับน้ำตาไหลไม่หยุด ดูเหมือนว่าจะไม่มีคำพูดไหนหลุดออกมาจากปากเราสองคนมากนัก แต่ในความเงียบงันนั้นกลับท่วมท้นไปด้วยบรรยากาศที่เรารู้สึกกันได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้มันเต็มอิ่มและตื้นตันแค่ไหน


เป็นความรู้สึกของการเป็น ‘ครอบครัว’ ครั้งแรกที่ผมและพี่ภูรับรู้ได้ถึงมันจริงๆ


เจ้าตัวน้อยในท้องขยับตัวยกใหญ่เหมือนชอบใจที่ได้ยินเสียงของพี่ภู อาจจะด้วยเพราะท้องผมบางเราสองคนถึงได้รู้สึกถึงการดิ้นของลูกได้ชัดเจนมากขึ้น ผมหัวเราะทั้งน้ำตา พี่ภูเองก็เหมือนกัน


ความรู้สึกของการเป็นพ่อเป็นแม่มันวิเศษแบบนี้นี่เอง


พี่ภูผละมือออกจากท้องผมหลังจากที่เจ้าตัวจิ๋วสงบไปแล้ว เขาเขย่งตัวขึ้นพร้อมกับสวมกอดผม ผมเองก็ไม่ได้ดิ้นรนหรือขัดขืนไม่ให้เขากอดเหมือนที่ผ่านๆ มา อาจจะเพราะบรรยากาศมันเป็นใจ อาจจะเพราะผมใจอ่อน หรือ...


...อาจจะเพราะผมเองก็อยากให้เขากอดไม่ต่างกัน


ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน แต่ตอนนี้ผมอยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ ไม่อยากให้เวลาขยับเดินหน้าไปไหนเลย

“ขอบคุณนะไนล์ พี่ขอบคุณมากๆ ขอบคุณที่มีเขา และขอบคุณที่ให้พี่ได้อยู่ตรงนี้ ได้อยู่ข้างๆ ไนล์และลูกแบบนี้ ฮึก.. พี่ พี่มีความสุขมากๆ เลยครับ”

ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่น้ำตาไหลไปพร้อมๆ กับพี่ภู ผมรู้ ผมเข้าใจว่าเขารู้สึกยังไง ก่อนหน้านี้ผมอาจจะโกรธ ผมอาจจะไม่พอใจ แต่พอผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกของการเป็นแม่ ของการเป็นผู้ให้กำเนิด ผมกลับคิดว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้อุ้มท้องและกำลังจะให้กำเนิดเจ้าตัวน้อยที่แสนจะวิเศษที่สุดในชีวิต ผมก็มีความสุขมากๆ จนไม่รู้จะบรรยายเป็นคำพูดยังไง

และเพื่อแทนคำพูดทั้งหมดที่ผมมี ผมเลยตัดสินใจแขนขึ้นกอดตอบพี่ภูแทน พี่ภูชะงักไปนิดหนึ่งก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงแรงกระชับจากอ้อมกอดของเขาที่แน่นขึ้น .. แน่นขึ้นจนผมเกือบจะอึดอัดแต่ก็ยังคงนิ่งให้พี่ภูกอดอยู่แบบนั้น ไม่ได้ทัดทานอะไร

เรากอดกันอยู่แบบนั้นถ่ายทอดความรู้สึกที่มีให้กันและกัน ผมปล่อยให้ตัวเองใจอ่อนจนถึงที่สุด แม้จะยังไม่แน่ใจหรือวางใจในตัวพี่ภู แต่ตอนนี้มันอดยอมรับไม่ได้ เขาคือความรักและความผูกพันที่ผมมีโดยมีเจ้าตัวน้อยในท้องเชื่อมเราเอาไว้

พี่ภูผละออกจากผมหลังจากที่เขารู้สึกว่ากอดผมนานเกินไป เขายกมือขึ้นเช็ดหน้าปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อครู่ ก่อนจะเริ่มพูดทั้งที่เสียงเริ่มสั่นเครือ

“พี่ขอโทษนะครับ เมื่อกี้น่าจะกอดแรงไป ไนล์เจ็บรึป่าว?”

ผมส่ายหน้า และก็ไม่รู้อะไรดลใจให้ยกหัวนิ้วโป้งขึ้นไปปาดน้ำตาที่ค้างอยู่ตรงหางตาให้พี่ภูอย่างเบามือ ... พี่ภูชะงักไปนิดหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา พร้อมกับยกมือของตัวเองขึ้นมาจับมือผมไว้หลวมๆ ก่อนจะดึงมือผมไปจูบอย่างอ่อนโยน

“พรุ่งนี้เราไปหาอาหมอกันนะ ไปเช็คสุขภาพของลูกกัน” พี่ภูพูดขึ้น สีหน้าและประกายนัยน์ตาของเขาเป็นประกายอย่างมีความสุข “ไม่รู้จะรู้เพศเลยหรือป่าว อาจจะต้องลองอัลตร้าซาวด์ดู...”

พี่ภูพูดพึมพำนั่นนี่อย่างตื่นเต้น ผมนั่งมองเขาเงียบๆ และสุดท้ายผมก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป พูดไปโดยที่พี่ภูยังพูดประโยคของตัวเองไม่จบเลยด้วยซ้ำ


“คืนนี้พี่ภูขึ้นมานอนบนเตียงกับไนล์ไหมครับ ไนล์อยากกอดพี่ภู”


“...” คราวนี้ไม่ใช่แค่ชะงัก แต่พี่ภูถึงกับอึ้งไปเลยเมื่อผมถามออกไปแบบนั้น เขาหยุดพูด หยุดพึมพำ สีหน้าตื่นเต้นมีความสุขแปรเปลี่ยนเป็นตกใจแทน ให้ผมต้องถามย้ำอีก

“จะนอนไหมครับ? ถ้าไม่อยากก็..”

“นอนครับนอน” พี่ภูรีบตอบรับเมื่อได้สติ ทำเอาผมต้องกลั้นขำแทบแย่เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นเกินเหตุของเขา “พี่ขอนอนด้วยนะครับ”

“ไปหยิบหมอมาสิครับ หรือพี่จะนั่งตะลึงตรงนี้ทั้งคืนก็ได้ ไนล์ไม่ว่า”

พี่ภูไม่รอให้ผมพูดซ้ำ เขารีบกระโจนไปหยิบหมอนตัวเองที่วางอยู่บนฟูกข้างเตียงผมอย่างว่องไว แล้วเอาหมอนตัวเองมาวางข้างหมอนผมไว้ราวกับว่าถ้าเขาช้ากว่านี้ผมอาจจะเปลี่ยนใจได้

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปเก็บกะละมังกับผ้าขนหนูก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวพี่จะรีบกลับมาพาไนล์กับลูกเข้านอน”

ผมพยักหน้าและพี่ภูก็ไม่รอช้าให้ผมต้องพูดอะไรซ้ำ เขายกอุปกรณ์ที่ใช้ในการนวดเท้านวดขาผมออกไปเก็บด้านนอก โดยที่ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ ผมลอบยิ้มในขณะที่ล้มตัวนอนบนเตียงตรงฝั่งที่หมอนตัวเองวางอยู่ และไม่ถึงอึดใจ ไฟในห้องก็ดับลงพร้อมๆ กับที่พี่ภูสอดตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกับผม แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ ผมที่ตะแคงหันหลังให้เขา

พี่ภูเขยิบเข้ามาใกล้ เขาชะโงกหน้าเข้ามากระซิบข้างหูผมพร้อมกับถามแผ่วเบา

“พี่กอดได้ไหมครับ? พี่ขอกอดไนล์กับลูกได้รึป่าว?” ผมไม่ตอบแต่เลือกที่จะพลิกตัวกลับมาแล้วขยับซุกอกพี่ภูอย่างออดอ้อน แทนคำตอบของคำถามก่อนหน้า และนั่นก็ทำให้พี่ภูล้มตัวลงนอนกอดผมไว้ทันที

“ฝันดีนะครับเด็กดีของพี่” พี่ภูประทับริมฝีปากลงมาบนหน้าผากผมอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน แต่ทำเอาใจผมเต้นเป็นส่ำไม่หยุด “ฝันดีนะครับลูกรักของพ่อ”

ผมปิดเปลือกตาลงอย่างมีความสุขพร้อมกับตัดทุกความกังวล ทุกความไม่สบายใจ และทุกปัญหาออกไปพร้อมกับคิดว่าถ้าคืนนี้ผมจะเห็นแก่ตัวสักนิด.. คงไม่น่าจะเป็นอะไร

ขอแค่ยืดเวลาของความสุขนี้ไปอีกนิด ใครจะว่าผมโง่เง่าหรืออ่อนแอผมก็ไม่อยากจะแคร์หรือสนอะไรทั้งนั้น นอกจากความรู้สึกของตัวเอง

และพอผมตัดสินใจแบบนั้น ผมก็ขยับซุกอกพี่ภูให้ใกล้ขึ้นโดยมีอ้อมแขนอันอบอุ่นโอบกอดผมไว้ .. และคำว่าฝันดีของพี่ภูก็ไม่ได้ไกลเกินจริงเลย เมื่อเราสองคนได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-15 : Universe 39th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 15-09-2020 19:59:00
(อ่านต่อจากด้านบน)


Kirin’s Part


คืนที่ผ่านมาเหมือนความฝัน ผมมีความสุขจนแทบจะสำลัก คิดว่าถ้าตื่นมาแล้วไม่เป็นความจริง ผมก็จะไม่เสียดายอะไรสักนิด

แต่นี่มันกลับตรงกันข้าม เมื่อผมตื่นมาและพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นความจริง ไนล์ยังคงหลับไหลและคุดคู้ตัวอยู่ในอ้อมกอดผมอย่างมีความสุข ริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อที่ผมมักจะแอบจูบอยู่บ่อยครั้งติดจะมีรอยยิ้มน้อยๆ นั่นยิ่งทำให้ผมมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีก

เพราะภาพที่เห็นนั้นมันทำให้ผมได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่ผมที่มีความสุข แต่ไนล์เองก็กำลังมีความสุขไม่ต่างกัน

ซึ่งนั่นทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่ามีอีกคนที่ผมต้องขอบคุณ อีกคนที่ทำให้ผมกับไนล์ได้ใกล้กันขึ้นมาอีกก้าว อีกคนที่เป็นเหมือนโซ่เล็กๆ ที่คล้องใจและผูกพันเราเอาไว้ด้วยสายใยบางๆ

“ตัวเล็ก... ตื่นรึยังครับ?” ผมลดตัวลงไปตรงหน้าท้องของไนล์พร้อมกับกระซิบแผ่วเบา “อรุณสวัสดิ์นะครับลูก วันนี้หนูเป็นเด็กดีนะครับ พ่อจะพาหนูกับแม่ไปหาหมอ เราไปตรวจสุขภาพกันเนาะ ไปกันสามคนพ่อแม่ลูกดีไหมครับ?”

เมื่อก่อนเวลาผมเห็นคนทำแบบนี้ ผมจะคิดว่ามันไร้สาระมาก แต่พอมาเป็นตัวเองทำ ผมกลับคิดว่ามันก็ดูน่ารักดีไม่หยอก และก่อนที่จะต้องลุกขึ้นตื่นอย่างเป็นทางการ ผมก็ยื่นหน้าไปจูบหน้าท้องของน้องอย่างแผ่วเบา

“ขอบคุณนะครับตัวเล็ก.. พ่อรักหนูนะ”

ไนล์ขยับตัวนิดหน่อย เมื่อถูกผมรบกวนตอนกำลังนอนคิ้วเล็กๆ ขมวดมุ่นเป็นปมคล้ายกับกำลังหงุดหงิด ภาพที่เห็นทำเอาผมต้องหลุดยิ้ม .. ไนล์ดูน่ารักมากๆ น่ารักจนผมอดใจไม่ไหว ยื่นหน้าลงไปประทับจูบแผ่วเบาบนริมฝีปากเล็กๆ สีแดงสดตรงหน้า


จุ๊บ ~


“อื้อ...” ผมรีบถอยออกห่าง เมื่อเปลือกตาสีอ่อนขยับคล้ายกับเป็นสัญญาณว่าเด็กน้อยตรงหน้าของผมกำลังจะตื่น

“เป็นไงบ้างครับ หลับสบายไหม? ปวดเมื่อยตรงไหนหรือเปล่า?”

น้องกะพริบตาปริบๆ เมื่อลืมตาตื่นมาเห็นผมตรงหน้า ตากลมกลอกไปมารวาวกับครุ่นคิด และก็ใช้เวลาเพียงไม่นานเมื่อแก้มยุ้ยๆ ที่เพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ไนล์เริ่มตั้งท้องขึ้นริ้วสีแดงจางๆ .. เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าไนล์จำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ทั้งหมด

“เอ่อ.. ไม่ครับ” ไนล์ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับจัดแต่งเสื้อผ้าและขยับมือไปมาอย่างเก้อเขิน “ผม.. ไนล์ เอ๊ย ไม่สิ.. ผม ผมจะไปอาบน้ำ วะ..วันนี้คุณจะพาผมไปหาอาหมอไม่ใช่หรอ?”

ผมกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถเมื่อเห็นท่าทางเลิ่กลั่ก ตะกุกตะกัก และพยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติของไนล์เพราะไม่อยากให้น้องอาย .. และถึงแม้ว่าผมจะอยากรำลึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนแค่ไหน แต่ผมก็ต้องยั้งใจไว้ เมื่อไนล์ยังไม่พร้อมและผมก็อยากจะค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า

ไม่ว่าเมื่อคืนมันจะเป็นเพราะอะไร เพราะบรรยากาศพาไป เพราะลูก หรือเพราะไนล์ใจอ่อนให้ผมแล้ว ผมไม่สนใจหรอก ขอเพียงแค่เราได้ขยับเข้าใกล้กันอีกนิด ผมก็ถือว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ดีทั้งนั้น

“ครับ วันนี้พี่จะพาไนล์กับลูกไปหาหมอ” ผมพูดพร้อมรอยยิ้ม ไม่รุกเร้า แต่อ่อนโยนและค่อยเป็นค่อยไป “เมื่อคืนลูกเราดิ้น พี่เลยคิดว่าไปให้อาหมอเช็คดูสักหน่อยดีกว่า เผื่อเราจะต้องเตรียมตัวอะไรเพิ่ม จะได้ตั้งหลักกันได้ทัน”

น้องแก้มแดงหนักยิ่งกว่าเดิมตอนผมพูดว่าลูกดิ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไนล์กำลังนึกถึงตอนไหน คงจะต้องเป็นตอนที่ชวนผมนอนด้วยแน่ๆ

ผมว่าตอนนั้นน้องคงไม่ได้ทันคิดอะไร แต่พอมานึกย้อนเอาตอนนี้คงกำลังอายมากแน่ๆ และผมเองก็ไม่อยากเร่งรัด เลยอยากให้เวลาน้องได้อยู่กับตัวเอง และทบทวนสิ่งต่างๆ ลำพังสักนิด

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำห้องตัวเองนะครับ ไนล์อาบเสร็จแล้วจะได้ไม่รอพี่นาน”

“อื้อ.. เอ๊ย ครับ” ผมลุกขึ้นยืนข้างเตียงแต่ก็ยังคงปักหลักไม่ไปไหน จนไนล์ต้องเงยหน้าขึ้นมาถาม “ทำไมไม่ไปล่ะครับ คุณรออะไร”

ผมชี้นิ้วไปที่น้องก่อนที่จะยิ้มบาง “รอไนล์ไงครับ” ไนล์ทำหน้าแปลกใจผมเลยเฉลย “พี่รอไปส่งไนล์ที่ห้องน้ำครับ ไนล์เพิ่งตื่น เดี๋ยวงัวเงียแล้วจะสะดุดล้ม”

ผมเห็นน้องเม้มปากก้มหน้าไม่ตอบอะไร ผมเองก็เลยพยายามนิ่งทั้งที่ใจเต้นแรงแทบแย่ อีกใจก็กลัวไนล์ปฏิเสธทั้งๆ ที่ผมรู้สึกว่าเรื่องของเรากำลังดีขึ้น แต่อีกใจก็คาดหวังเพราะคิดว่าน้องน่าจะใจอ่อนลงบ้างแล้วหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน

“กะ.. ก็อ้อมมาฝั่งนี้สิครับ ผม ผมจะได้ลุก” ไนล์อ้อมแอ้มพูดเสียงเบา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ได้ยินชัดเจนทุกประโยค และตัดสินใจเดินกึ่งวิ่งอ้อมเตียงไปยืนข้างน้องทันที

ไนล์ลุกขึ้นยืนโดยมีผมประคอง น้องไม่ขัดขืนแถมยังเหมือนเต็มใจด้วยซ้ำที่ผมดูแลแบบนี้

“อาบคนเดียวได้ใช่ไหม หรือจะให้พี่นั่งเฝ้าตรงนี้ก่อน แล้วเดี๋ยวพอไนล์อาบเสร็จละพี่ค่อยไปอาบ” ผมถาม เพราะลึกๆ ผมเองก็ยังคงห่วง ยิ่งตอนนี้ไนล์ท้องโตมากขึ้นด้วย

“อาบได้ครับ คุณไปอาบเถอะ ถ้ามัวมารอกันมันจะช้า ออกจากบ้านสายเดี๋ยวรถก็ติดอีก” ไนล์ว่าพร้อมกับพยักเพยิดไปที่ประตู แต่ผมก็ยังคงยืนนิ่ง ลังเลใจไม่น้อย จนไนล์ระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะปรับโทนเสียงให้อ่อนลง และดู... อ้อนมากขึ้น “ไปเถอะครับ ผมสัญญาว่าจะค่อยๆ เดิน และดูแลตัวเองดีๆ”

ผมยอมล่าถอยออกมาในที่สุดเมื่อเห็นน้องรับปาก เอาเข้าจริงก็ไม่อยากไปเซ้าซี้อะไรน้องมากในเมื่อทุกอย่างมันกำลังไปได้ด้วยดี

“งั้นเดี๋ยวพี่จะรีบอาบแล้วรีบมานะ” ผมปล่อยน้องให้เดินเข้าห้องน้ำไปเมื่อน้องพยักหน้ารับก่อนที่ตัวเองจะเดินออกไปจากห้องน้อง เพื่อไปจัดการตัวเองบ้าง

.. จะว่าไปเช้านี้ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะ ไม่สิ! ดีกว่าที่คิดเยอะเลยแหละ

.

.

.

ผมกับน้องเดินทางมาถึงโรงพยาบาลตอนช่วงสายๆ ของวัน ผมให้ลุงชัยเป็นคนขับรถพามา ไม่อยากขับเองเพราะอยากจะดูแลไนล์มากกว่า .. จะว่าผมเห่อก็ได้ แต่ก็นะ... ลูกดิ้นครั้งแรก แถมยังเป็นลูกคนแรกของผมอีกตะหาก ถ้าไม่เห่อสิถึงจะแปลก

ผมนัดแนะกับลุงชัยก่อนจะประคองพาไนล์ลงมาจากรถ ตอนนี้ท้องไนล์เริ่มใหญ่มากขึ้น แต่ด้วยความที่เป็นผู้ชายมันเลยมองไม่ออกมากนัก ถ้าไนล์ใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ ก็แทบไม่สังเกตเห็น แต่ที่จะเห็นชัดก็คงมีเรื่องการเคลื่อนไหวนี่ล่ะ ไนล์เดินได้ช้าลง เพราะด้วยความที่ตัวเล็กเลยทำให้ต้องรับน้ำหนักมากขึ้น เพราะอย่างนั้นผมเลยต้องเอาใจใส่เรื่องเดินเหินของไนล์เป็นพิเศษ

“ไนล์เดินไหวไหม หรือจะเอารถเข็นดี เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้ ไนล์นั่งรอตรงนี้ก่อน” ผมเสนอเมื่อเห็นว่าน้องเดินช้าลงกว่าเดิม

ไนล์ส่ายหน้าก่อนจะยิ้มเขินๆ ให้ผม แล้วอ้อมแอ้มตอบ “ไม่เป็นไรครับ ผมเดินไหว มันแค่..”

“แค่..?” จู่ๆ น้องก็หยุดพูดไป ดูอายๆ ไม่ยอมพูดต่อ ผมเลยต้องถามซ้ำ เพราะกลัวน้องไม่สบายตัวแต่ไม่ยอมบอก

“แค่กลัวเจ้าตัวเล็กจะตกใจ ถ้าเดินเร็วเกินไป” น้องพึมพำตอบเบาๆ ทำเอาผมแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่ “ห้ามหัวเราะนะ”

ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ผมล่ะมั้งที่เห่อลูก ไนล์เองก็ไม่ต่าง ว่าแต่.. จะน่ารักอะไรขนาดนี้กันนะ เวลาไนล์เขินไปพูดไปเนี่ย ผมเห็นทีไรอยากฟัดให้แก้มช้ำทุกที ยิ่งช่วงนี้แก้มไนล์เยอะขึ้นด้วย ถ้ากดจมูกลงไปคงนิ่มน่าดู ที่ผมรู้เพราะผมเคยขโมยหอมน้องหลายครั้งแล้วตอนน้องหลับ

“ไม่หัวเราะครับ ไม่หัวเราะ” ผมพูดพลางลูบศีรษะทุยเบาๆ “งั้นเราค่อยๆ เดินก็ได้ ป่ะ.. ครับ พี่ประคองไป”

ไนล์เขยิบเบียดเข้ามาใกล้ผมอีกนิด ราวกับจะตอบรับคำพูดของผม ทำเอาผมต้องลอบยิ้มกับตัวเองอย่างใจชื้น... เพราะเหมือนเรื่องระหว่างเราจะดีขึ้นเรื่อยๆ เลย

ผมพาน้องเดินตัดผ่านล็อบบี้ของโรงพยาบาลเข้าไปด้านในตรงแผนกสูตินรีเวชที่อาหมอรออยู่ และในขณะที่กำลังจะเดินเข้าห้องตรวจของอาหมอนั้น ผมก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครกำลังมองอยู่ไกลๆ ... แต่พอหันหลังกลับไปก็ไม่เห็นใครทั้งนั้น

“มีอะไรรึป่าวครับ คุณมองหาใครหรอ?” น้องหันมาถาม ตอนเห็นผมหันไปยังทางที่ว่า ผมเลยต้องรีบหันกลับมาหาน้องแล้วส่ายศีรษะเบาๆ เป็นคำตอบ

“ไม่ได้มองหาใครครับ” ผมโอบน้องเข้าในอ้อมแขนอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูพาน้องเข้าไป “เราเข้าไปหาอาหมอกันเถอะ พี่ตื่นเต้นจะแย่แล้ว”

“อื้อ..” น้องพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องโดยทีมีผมตามไปติดๆ ตามไปทั้งที่ยังนึกตะหงิดในใจเพราะรู้สึกเหมือนถูกใครแอบมองอยู่จริงๆ

ผมสลัดศีรษะขับไล่ความฟุ้งซ่าน คิดว่าตัวเองคงคิดมากไป โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า.. คนที่ผมไม่อยากเจอ และไม่อยากให้เข้าใกล้ไนล์ กำลังรุกคืบเข้ามาใกล้มากกว่าที่คิด

.

.

.

“เป็นยังไงบ้างไนล์ ทำไมถึงมาหาอาก่อนวันนัดล่ะ หื้ม?” อาหมอเอ่ยถาม ในขณะที่ไนล์เองก็ดูกระวีกระวาดที่จะตอบ

“อาหมอครับ.. เมื่อคืนลูกดิ้น” ไนล์บอกอาหมออย่างยินดี แววตากลมเป็นประกาย แถมริมฝีปากบางยังยิ้มกว้างอย่างน่ารัก “เมื่อคืนไนล์รู้สึกหมือนมันมีลมอยู่ในท้อง คือยังไงดีล่ะครับ ไนล์ก็อธิบายไม่ถูก มันเป็นตอดๆ แล้วสักพักก็รู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อกระตุก พอนึกถึงหนังสือที่พี่ภู.. เอ่อ คุณภูซื้อให้อ่านเลยนึกรู้ว่าลูกดิ้น”

น้องเล่าไปยิ้มไป แต่คนที่ยิ้มกว้างกว่าน้องคือผม ตอนนี้ไนล์เริ่มหลุดกลับไปเรียกผมว่าพี่ภูเหมือนเดิมแล้ว ผมพยายามไม่ทักท้วงหรือทำดีอกดีใจเกินหน้า เพราะไม่อยากให้น้องหมั่นไส้แล้วเปลี่ยนใจกลับไปเรียกผมคุณๆๆ เหมือนแต่ก่อน ซึ่งผมไม่ชอบเอาเสียเลย

“จริงหรอ? เจ้าตัวเล็กดิ้นแล้วหรอเนี่ย?” อาหมอถามด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “อืม.. แสดงว่าก็อัลตร้าซาวด์ดูเพศได้แล้วสิเนี่ย”

“ได้แล้วจริงหรอครับอาหมอ?” เป็นผมเองที่ถามออกมาอย่างตื่นเต้น ในขณะที่ไนล์แอบอมยิ้มตอนได้ยินผมโพล่งถามออกมา

“ที่จริงก็ได้สักพักแล้วล่ะ แต่อาอยากให้เจ้าตัวเล็กดิ้นก่อน จะได้ซาวด์ดูการเจริญเติบโต พัฒนาการ การเต้นของหัวใจและเพศเลยทีเดียว ... เราสองคนอยากดูไหมล่ะ?”

อาหมอถาม ไนล์หันมามองผมเหมือนอยากขอคำปรึกษา ซึ่งถ้าถามผมบอกตามตรงเลยว่าไม่ต้องคิด ผมอยากดูมาก อยากรู้มากว่าลูกของเราจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่ใช่ว่าผมจะเลือกเพศลูกหรืออะไร เพียงแต่ผมอยากจะซื้อของใช้ ของเล่น และแต่งห้องให้เหมาะกับลูก ผมไม่ได้มีปัญหาเลยว่าจะได้ลูกชายหรือลูกหญิง เพราะผมรักทั้งนั้น.. รักเพราะเขาเป็นลูกผมกับไนล์

แต่ถึงแม้ผมอยากจะตอบตกลงดูการอัลตร้าซาวด์ของอาหมอแค่ไหน ผมก็ต้องเคารพการตัดสินใจของไนล์เป็นหลักในฐานะแม่ ไนล์เป็นคนอุ้มท้อง และผมก็ยินดีจะตามใจเขามากกว่าตามใจตัวเอง .. ผมจะไม่มีวันทำตัวเอาแต่ใจเหมือนตอนแรกๆ ที่เราอยู่ด้วยกันอีก

“พี่แล้วแต่ไนล์ครับ” ผมว่าพลางลูบศรีษะน้องเบาๆ “ถ้าไนล์อยากดู เราก็ดูกัน หรือถ้าไนล์อยากจะเอาไว้ลุ้นตอนคลอด พี่ก็จะไม่ว่า พี่ตามใจไนล์ได้หมด”

ผมบอกน้องตามตรงอย่างบริสุทธิ์ใจ อย่างที่ผมบอกแม้ผมอยากจะเห็นหน้าลูกแค่ไหน แต่ผมก็จะเอาไนล์เป็นที่ตั้ง

“คุณอยากรู้เพศลูกไม่ใช่หรอ? เห็นบ่นว่าจะไปซื้อเสื้อผ้ากับของใช้ให้ลูก แล้วทำไมถึงมาตามใจผมล่ะ” ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามไนล์อย่างสงสัยก่อนจะถามออกไป

“ไนล์รู้ได้ยังไงครับ พี่จำได้ว่าพี่ไม่เคยบอกไนล์เรื่องนี้เลยนะ .. พี่เกรงใจ ไม่อยากกดดันหรือเอาแต่ใจกับไนล์”

ไนล์ทำหน้าตาเลิ่กลั่กอย่างมีพิรุธ และผมก็ฉลาดพอที่จะกดดันน้องเนียนๆ โดยการทำหน้าสงสัยแบบอยู่แบบนั้นไม่ยอมเลิก และสุดท้ายความพยายามของผมก็สัมฤทธิ์ผล

“ก็... วันนั้นผมได้ยินคุณกับพี่เทมส์คุยกันเลยรู้” ไนล์อ้อมแอ้มสารภาพ ก่อนจะโวยวายขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อน “ก็ถ้าคุณอยากดูเพศลูกก็ดูสิ ไม่เห็นต้องมาอ้างผมเลย ชิ!”

ผมหันไปลูบศรีษะน้องเบาๆ พร้อมกับกับหัวเราะเมื่อเห็นท่าทีกระเง้ากระงอดแสนงอนของว่าที่คุณแม่ลูกหนึ่ง

“พี่ไม่ได้เอาไนล์มาอ้างครับ พี่ตามใจไนล์เพราะไนล์เป็นคนอุ้มท้อง เป็นคนลำบาก พี่เลยอยากให้เรื่องนี้ได้เป็นสิทธิ์ของไนล์ในการตัดสินใจ.. แค่นั้นเองครับ”

และพอน้องได้ฟังเหตุผลของผม ท่าทีกระเง้ากระงอดของน้องก็ลดลงแต่เปลี่ยนมาเป็นแก้มแดงเพราะเขินแทน และสุดท้ายก็อ้อมแอ้มตอบ

“งั้นดูเลยก็ได้ ไนล์อยากรู้ครับอาหมอว่าเจ้าตัวเล็กเป็นผู้ชายหรือว่าผู้หญิง”

และพอน้องตัดสินใจได้ อาหมอก็พาไนล์เคลื่อนย้ายไปนอนตรงเตียงนอนด้านข้างที่มีอุปกณ์ตรวจอัลตร้าซาวด์ตั้งอยู่ และหลังจากเตรียมอุปกรณ์และเตรียมความพร้อมให้ไนล์เสร็จสิ้นเรียบร้อย อาหมอก็ใช้เครื่องตรวจกลิ้งลงไปบนหน้าท้องน้องที่มีเจลทาแปะไว้บางๆ และภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้ผมต้องน้ำตาไหลอีกครั้ง

ผมเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กว่าเม็ดถั่วที่เริ่มมีพัฒนาการของรูปร่างให้เห็นบ้างขึ้นมาแล้วไม่ว่าจะเป็นแขนขาหรือศีรษะ ...


ลูกของผมช่างสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก


“เจ้าตัวเล็กแข็งแรงดี แขน ขา เติบโตตามพัฒนาการ หัวใจก็เต้นเป็นจังหวะปกติ แต่ท่าทางจะแสบน่าดู ดูสิ ไขว้ขาแน่นเชียวไม่ยอมให้ดูว่ามีจุ๊ดจู๋หรือเปล่า”

ไนล์สะอื้นเบาๆ ตอนได้ยินอาหมอบรรยาย แต่เสียงสะอื้นนั้นก็มาพร้อมกับรอยยิ้มยินดีในแบบที่ผมเองเข้าใจดี…

มันทั้งตื้นตันทั้งมีความสุข กับการได้เห็นว่ามีอีกชีวิตกำลังเติบโต ชีวิตที่เป็นเลืดเนื้อเชื้อไขของเราทั้งสองคน

และในขณะที่ผมกำลังจ้องมองเจ้าตัวน้อยขยับตัวไปมาอย่างขี้เล่นอยู่นั้น อาหมอก็หัวเราะขึ้นบาๆ ก่อนจะชี้ไปตรงกึ่งกลางจอ

“เจ้าตัวแสบยอมอ้าขาแล้ว” ผมกับไนล์จ้องไปตรงจุดที่อาหมอชี้ “เห็นแหลมๆ นี่ไหม จุ๊ดจู๋น้อยล่ะ… เด็กผู้ชายนะ ลูกเราสองคนน่ะเป็นเด็กผู้ชาย”

ไนล์หันมามองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มกว้าง ผมเองก็ยิ้มตอบน้องอย่างยินดี ความรู้สึกของการเป็นพ่อเป็นแม่มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

“ฮึก..” ไนล์สะอื้น ผมเลยก้มลงไปจูบหน้าผากน้องเบาๆ พร้อมกับลูบหัวปลอบ

“ไม่ร้องนะครับ.. เห็นลูกแล้วต้องดีใจเนาะ” ไนล์หันมามองผม พอผมยิ้มให้น้องก็พยักหน้ารับ ก่อนที่ผมจะค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้น้องอย่างเบามือ

“ลูกของเรา..” ไนลผ์พึมพำแผ่วเบา แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน

“ครับ.. ลูกของเรา”

… ใช่ ลูกของเราสองคน ลูกที่ทำให้ผมกับไนล์ขยับเข้ามาใกล้กันอีกก้าว

.

.

.

ผมปล่อยให้ไนล์อยู่กับอาหมอในห้องตรวจเพราะเห็นน้องมีเรื่องถามอาหมอเต็มไปหมด ส่วนผมเองก็ออกมาเอายาให้น้อง ไนล์จะได้ไม่ต้องออกมารอนาน เผื่อว่าน้องคุยกับอาหมอเสร็จแล้วจะได้กลับเลย

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินถึงห้องจ่ายยา จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนนึงเดินมาขวางผมไว้ และพอผมเงยหน้าขึ้นมองเธอเต็มตา ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นใคร

“จีน..”

“ภู.. ภูหายไปไหนมาคะ? จีนตามหาภูตั้งนาน เราต้องคุยกันนะภู” จีตรงเข้ามายึดแขนผม ในขณะที่ผมถอยหนีเธออย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมาเจอกันที่นี่ งั้นก็แสดงว่าเมื่อกี้ผมไม่ได้คิดไปเองสินะที่รู้สึกว่ามีคนมองอยู่น่ะ

“จีน ผมว่าผมบอกคุณไปชัดเจนแล้วนะว่าเราสองคนไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก จีนเลิกยุ่งกับผมเถอะนะ ผมขอร้อง เราต่างคนต่างอยู่ได้ไหม” ผมตัดสินใจพูดออกไปตามตรง แต่จีนกลับไม่ยอม

“ภูคะ จีนรู้ว่าภูกำลังโกรธ ภูกำลังเข้าใจผิด ภูฟังจีนก่อนนะคะ” จีนพยายามขอร้อง แต่ผมเองก็ยืนกรานจะปฏิเสธ

“พอเถอะจีน คุณจะให้ผมย้ำอีกกี่ครั้งว่าผมไม่ได้รักคุณแล้ว” ผมพูดออกมาในที่สุด เพราะไม่เห็นประโยชน์ที่จะยืดเยื้อต่อไป “ผมมีคนที่ผมรักแล้ว และผมก็กำลังจะสร้างครอบครัวกับคนที่ผมรัก”

ใช่.. ผมกำลังจะสร้างครอบคร้วกับไนล์ เรากำลังไปกันด้วยดี ผมควรทำอย่างที่เทมส์บอก ผมควรตัดจีนให้ขาดเพื่อที่ในอนาคตผมจะได้ไม่มีปัญหาอะไรกับไนล์อีก

“ใครคะ คนที่ภูรัก?” จีนถามเสียงแหลม ท่าทางไม่พอใจมาก “ภูกมายถึงไอ้เด็กไนล์นั่นน่ะหรอ? ทำไมภูถึงไม่เลิกยุ่งกับมันสักที มันมีอะไรดี มันหลอกลวงภูนะคะ”

จีนยังคงพยายามพูดทำให้ผมนึกโมโห นี่เธอกำลังพูดถึงไนล์ในทางเสียหายอีกแล้ว ทำไมจีนถึงยังไม่เลิกนิสัยแบบนี้สักที

“หยุดเดี๋ยวนี้นะจีน! หยุดพูดถึงไนล์ในทางเสียๆ หายๆ เดี๋ยวนี้นะ .. ถ้าจีนยังไมืหยุดผมจะไม่เกรงใจแล้วนะ”

ผมตัดสินใจขู่ออกไป แต่แทนที่จีนจะหยุด มันกลับให้ผลตรงกันข้ามเพราะดูเหมือนเธอจะยิ่งโกรธกว่าเดิมด้วยซ้ำ

“ทำไมจีนจะพูดถึงมันแบบนี้ไม่ได้ ก็ในเมื่อมันทำแบบนี้จริงๆ นี่คะ!” จีนทำเสียงหยันขึ้นจมูก ก่อนจะทำเหมือนคนที่ถือไพ่เหนือกว่าผม “มันหลอกลวงภูอยู่นะคะ ภูอย่าไปเชื่อมัน อย่าไปยอมให้มันหลอกแบบนี้สิ! "

ผมส่ายศีรษะและพยายามจะเดินหนี เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด และนึกรำคาญที่จีนไม่ยอมฟังผมสักที เอาไว้ใจเย็นกว่านี้แล้วค่อยคุยกันดีกว่า

แต่จีนกลับไม่ยอมเธอเดินมาขวางหน้าผมไว้อีกครั้ง พลางหยิบโทรศัพท์มือออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะกดเปิดหน้าจอที่มีรูปๆ หนึ่งอยู่ แล้วยื่นโทรศัพท์นั้นมาจ่อตรงหน้าผม

ผมชะงักไปเมื่อเห็นภาพนั้นเต็มๆ

จีนยิ้มเยาะเมื่อเห็นอาการของผม ก่อนที่เธอจะพูดย้ำ เพื่อสุมไฟให้ร้อนยิ่งขึ้น

“วันนั้นจีนไปหาคุณเทมส์ที่ออฟฟิศเพื่อตามหาภู แต่กลับเจอไอ้เด็กนั่น ยืนให้ผู้ชายที่ไหนไม่รู้กอด” จีนทำเสียงเยาะเย้บ “หึ! สงสัยพอชวดจากภูมันก็เลยไปหาเหยื่อรายใหม่ ก็คงเป็นคนรู้จักกับคุณเทมส์นั่นแหะ .. แล้วคนแบบนี้น่ะหรอที่ภูจะเอาชีวิตไปทิ้ง เอาเวลาไปเสียด้วย คนที่อ่อยไปทั่วแบบนี้น่ะหรอภู?”

ผมไม่ได้พูดอะไร แต่จ้องรูปนั้นนิ่งทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยคำถามหลายหลาก

ซึ่งอาการและท่าทางของผมยิ่งทำให้จีนกระหน่ำใส่ไม่หยุด “ทั้งยืนกอด ยืนประคองแบบนี้ ภูคิดว่ามันเป็นแค่เพื่อนกันหรอ? หึ! ไม่มีทางอยู่แล้ว ถ้าภูยังติดต่อกับมันอยู่หรือกำลังจะเอามันมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต จีนก็อยากให้ภูรู้ไว้นะ ว่ามันไม่ได้จริงใจกับภูหรอก.. มาอิหรอบนี้ก็คงคบซ้อนชัดๆ”

ผมไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับกำลังประมวลผลอย่างหนัก ก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมา

“ช่วยหลีกทางด้วย แล้วอย่ามายุ่งกับผมอีก” ผมกล่าวเสียงเย็น ก่อนจะสำทับ “เพราะถึงไม่มีไนล์ก็ใช่ว่าผมจะกลับไปหาคุณ”

จีนทำท่าจะกรีดร้องออกมา แต่ผมตัดสินใจเดินหนีออกมาก่อย เพร่ะไม่อยากให้ทุกอย่างยืดเยื้อ

“ภู ภู! ภูจะหนีไปไหน??!” ผมเดินจ้ำอ้าวออกมาเพราะขี้เกียจฟังอะไรที่จีนพูดอีก แม้ลึกๆ ในใจจะกำลังลำบากใจกับรูปที่เพิ่งได้เห็นไป

รูปของไนล์กับไอ้เด็กลมกำลังกอดกัน แถมยังเป็นรูปเมื่อไม่นานนี้ด้วย

จีนมีรูปนี้ได้ยังไง ไม่สำคัญเท่ากับคำถามต่างๆ ที่เกิดขึ้นในใจผมตอนนี้หรอก

.

.

.

To Be Continue

------------------------------------------------

อีกสองตอนจบงับบบบบ ตอนต่อไปมาไม่เกินวันศุกร์ค่ะ

ขอบคุณทุกๆ กำลังใจและทุกคอมเม้นท์ที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงวันนี้ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณจริงๆ .. แล้วเจอกันตอนต่อไปค่ะ

รัก <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-15 : Universe 39th)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-09-2020 20:20:31
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิภู....แกจะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรือไม่? 

หากแกไม่ถามไนล์ไปตรง ๆ ไม่ฟังไนล์  และเชื่ออิแพศยาจีนอย่างเดียวแล้วหล่ะก็นะ

แสดงว่าแกนี่มันเกินเยียวยาจริง ๆ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-15 : Universe 39th)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 15-09-2020 21:02:51
 :sad4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-15 : Universe 39th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-09-2020 23:34:26
ยังนะๆ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-15 : Universe 39th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-09-2020 23:35:23
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: ใจเย็นๆนะพี่ภู
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-15 : Universe 39th)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 15-09-2020 23:51:01
จะจบแล้วววววว :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-15 : Universe 39th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 16-09-2020 00:40:44
ร้อยทั้งร้อยกับขี้หมาแห้งอีพี่ภูมันไม่ยอมโง่อีกหร๊อก เพราะกะจะใช้ความฉลาดเรียกให้เราเห็นใจในบั้นท้ายของความเป็นพระเอกไง โถๆๆๆๆๆ อะจ๊ะ 5555
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-15 : Universe 39th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-09-2020 17:36:40
ไนล์ก็บอกอยู่ว่าลมเป็นเพื่อน แล้วเพื่อนกันมันจะกอดกันไม่ได้เลยเหรอไง อย่ามาบ้าระแวงไนล์อีกนะตาภู เดี๋ยวประวัติศาสตร์จะได้ซ้ำรอยอีกหรอก
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-18 : Universe 40th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 18-09-2020 20:16:11
Universe 40th : สิ่งที่ไนล์มี


พี่ภูนิ่งไป... นิ่งไปจนผิดสังเกต

หลังจากที่เรากลับมาจากโรงพยาบาลผมก็เห็นพี่ภูนิ่งไป ซึ่งมันก็เดาได้ไม่ยากเท่าไหร่ว่าเขาเป็นอะไร สาเหตุก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน ... คงจะเป็นคุณจีนที่พี่ภูบังเอิญเจอที่โรงพยาบาล เจอตอนที่ออกไปเอายาให้ผมนั่นแหละ

และใช่... ผมเห็น ผมเห็นเขาสองคนยืนคุยกัน เพราะมันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมเดินตามพี่ภูออกมาพอดี

ผมไม่ได้หึงหวง ไม่ได้โกรธ และไม่ได้ระแวงไม่ไว้ใจ เพราะผมเห็นทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมได้ยินเกือบจะทุกอย่างเลยด้วยซ้ำในสิ่งที่คุณจีนพูดและพี่ภูรับฟัง เธอเอารูปตอนที่ลมกอดผมให้พี่ภูดู เธอพูดจาถากถางเยาะเย้ยว่าพี่ภูถูกผมหักหลังเพื่อกระตุ้นให้พี่ภูโกรธ

ตอนแรกผมยอมรับเลยว่าผมค่อนข้างรู้สึกดีที่พี่ภูเก็บอารมณ์ได้ แต่พอมาตอนหลังผมกลับรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดถนัด เพราะการนิ่งเงียบของพี่ภูนั้นทำให้ผมไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และตอนนี้ผมกำลังรอเวลา…


... รอเวลาให้พี่ภูถาม เพื่อที่ผมจะได้อธิบาย


แต่แล้วผมก็ต้องผิดหวัง เมื่อจนแล้วจนรอดพี่ภูก็ไม่ถามออกมาสักที ในเมื่อเขามีโอกาสที่จะถามผมตั้งหลายต่อหลายครั้งแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ถาม เขาปล่อยให้ความสงสัยกัดกินหัวใจ และก็คงหนีไม่พ้นการระแวงกัน การไม่เชื่อใจกัน การฟังคนอื่นมากกว่าที่จะฟังคำพูดของผม

และสุดท้ายมันก็กลับเข้าสู่ลูปเดิมๆ... วังวนที่เราหนีไม่พ้น และมันก็อาจจะเป็นอีกข้อพิสูจน์หนึ่งว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้


ผมไม่เข้าใจ... ช่วงเวลาที่ผ่านมา พี่ภูไม่เรียนรู้อะไรเลยหรือยังไงกัน


พี่ภูประคองผมลงจากรถเมื่อเราถึงบ้าน ระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกัน ไม่มีเลยสักนิดที่พี่ภูจะคิดถามผม เอาเข้าจริงถ้าเขาถามผมก็จะตอบ ผมไม่ได้ปิดบังอะไรเขา วันนั้นที่ผมออกไปกับลมผมก็บอกให้เขารับรู้ และรูปที่เห็นที่เป็นอย่างนั้นผมก็สามารถให้เหตุผลและอธิบายได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมจะบอกเขาว่าทั้งหมดมันเป็นเพราะผมจะล้มลมเลยเข้ามาประคองไว้ ก็แค่นั้น

แต่... ก็อย่างที่เห็นพี่ภูเลือกที่จะเงียบ ผมก็เลยคิดว่าตัวเองคงไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายอะไร เขาจะเลือกเข้าใจแบบไหนก็เรื่องของเขา


และถ้าสุดท้ายแล้วเรื่องของเรามันจะไปไม่รอด ผมก็คงต้องปล่อยไป


ทั้งๆ ที่ผมคาดหวังไว้แท้ๆ คาดหวังไว้... ว่ามันจะดีขึ้น ผมเปิดใจให้พี่ภูได้มากขึ้น พี่ภูเองก็พยายามปรับปรุงตัว จนผมเกือบจะเชื่อแล้วว่าระหว่างเราน่าจะกลับมาเหมือนได้

แต่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ทำให้ผมต้องถอยกลับไปตั้งหลักอีกครั้ง ... ไม่น่าเชื่อเลยว่าบทพิสูจน์ความสัมพันธ์ของเราจะเดินทางมาเร็วกว่าที่คิด และมันก็มาจากคนเดิมๆ คนที่เคยทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่ผมมีต่อพี่ภู คนที่ทำให้พี่ภูหูเบาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผมชักจะปักใจเชื่อแล้วว่าบางทีที่เป็นแบบนี้มันอาจะไม่ใช่เพราะคุณจีนก็ได้ แต่มันอาจจะเป็นเพราะพี่ภูยังรักเธอ และไม่ได้รักผมเหมือนที่ผมรักเขา

เราสองคนเดินลงจากรถจนขึ้นมาถึงห้องนอนด้านบน ผมเลยตัดสินใจเอ่ยขึ้น

“ผมอยากนอน รู้สึกเพลียๆ นิดหน่อย คุณจะไปทำอะไรก็ไปเถอะครับ” ผมดันตัวเองออกจากอ้อมกอดพี่ภูเมื่อเขาเดินมาส่งผมถึงหน้าห้อง และคำตอบของพี่ภูก็ทำให้ผมต้องยิ้มหยันในใจ

“งั้นพี่ไปเคลียร์งานก่อนนะ มีงานค้างจากออฟฟิศที่พี่เอากลับมาทำที่บ้าน ไนล์พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักพี่...”

ผมเดินหนีเข้าห้องทันทีโดยที่ไม่รอให้พี่ภูพูดจบประโยค ไม่ใช่ว่าโกรธหรืออะไรเพียงแต่ผมไม่อยากให้เขาเห็นว่าน้ำตาของผมกำลังจะไหลอยู่รอมร่อ... ไหลทั้งๆ ที่ผมไม่ได้อยากจะอ่อนแอหรือร้องไห้เลยสักนิด

แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าทุกมันผิดปกติและไม่เหมือนเดิม

ทั้งที่ปกติแล้วเขาแทบไม่อยากอยู่ห่างผมด้วยซ้ำ แม้ว่าเขาจะมีงาน พี่ภูก็จะเอางานมานั่งทำข้างๆ พร้อมกับดูแลผมไปด้วย แต่วันนี้เขากลับปฏิเสธกลายๆ ที่จะทำแบบนั้น เขาเลือกที่จะตีตัวออกห่างหลังจากฟังคำพูดของคุณจีน แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมเสียใจหรือน้อยใจได้ยังไงกัน

... ความหวังของการเป็นครอบครัว ความหวังของการอยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก ทำไมมันถึงได้ยากมากขนาดนี้ก็ไม่รู้

หรือว่าผมควรจะพอ เลิกเดินต่อ และเลิกดันทุรังเสียที

.

.

.

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็บ่ายคล้อย พอรู้สึกตัวก็ลุกขึ้นนั่งและกวาดตามองไปรอบๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจอีกครั้ง

พี่ภูไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไม่ได้ปรากฎวี่แววว่าเขาเคยอยู่หรือเข้ามาหา ก็แปลความได้ไม่ยากหรอกว่าเขาคงไม่ได้เข้ามา ไม่ได้มาอยู่ข้างๆ ผม ข้างๆ ลูกแบบที่เขาเคยทำหรือสัญญาไว้ว่าจะทำ

ผมนั่งลูบท้องตัวเองเบาๆ นึกขอโทษเจ้าตัวเล็กเป็นร้อยเป็นพันครั้งที่ไม่อาจจะรักษาครอบครัวของตัวเองไว้ได้ ก็อย่างที่ผมบอกไป ว่าถึงผมจะรักเขาแต่ผมก็ทนอยู่แบบหวาดระแวงหรือไม่ไว้ใจกันไม่ได้จริงๆ เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วที่ผมจะให้พี่ภูได้ก็คงเป็นเพียงฐานะพ่อของลูก แต่ถ้าในฐานะสามีหรือคู่ชีวิต มันคงเป็นไปได้ยากหรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลย

ผมปาดน้ำตาที่ไหลออกลวกๆ ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา แต่ในจังหวะที่ผมกำลังจะลุกนั้นผมก็ต้องชะงัก เมื่อรู้สึกถึงแรงเตะเบาๆ จากในห้อง...

เจ้าตัวน้อยของผมกำลังดิ้น เขากำลังแสดงออกว่าเขารับรู้ รับรู้ถึงความรู้สึกทุกอย่างของผม นั่นทำให้ผมที่พยายามจะทำตัวเข้มแข็ง พังทลายลงอย่างไม่เป็นท่า

ผมนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นพร้อมกับกอดท้องตัวเองไว้แน่น ปากก็พร่ำขอโทษลูกน้อยที่อยู่ในท้องไม่หยุด โดยที่ผมสัญญากับตัวเองและลูกว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะร้องไห้ให้กับพี่ภูและความรักครั้งนี้ .. ผมควรต้องพอเสียที ถ้าหากคิดจะมีชีวิตอยู่เพื่อลูกชายของตัวเอง

.

.

.

หลังจากที่ผมร้องไห้จนหนำใจ ผมก็ล้างหน้าล้างตาทำตัวให้เป็นปกติที่สุดแล้วลงมาที่ห้องรับแขก และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ผมต้องอึ้งและรู้สึกไม่พอใจ


พี่ภูกำลังนั่งคุยอยู่กับลม


ทั้งสองคนนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดในขณะที่กำลังพูดคุยกัน และหัวข้อในการสนทนาครั้งนี้ก็คงเดาไม่ยาก ผมคิดว่าก็คงไม่พ้นเรื่องผม

และจู่ๆ ผมก็ตัดสินใจถลาเข้าไปทันทีเมื่อผมเห็นว่าจู่ๆ พี่ภูก็ลุกยืนขึ้นค้ำศีรษะลม

“คุณ! คุณจะทำอะไรน่ะ?” ผมตรงเข้าไปขวางกลางคนทั้งสองและใช้สองแขนเกาะเอวพี่ภูไว้แน่น โดยมีลมนั่งอยู่ ในขณะที่พี่ภูยืนจังก้าท่าทางไม่ยอม

“ไนล์!” พี่ภูดันตัวผมออกจากอ้อมกอด ทำเอาผมใจสะท้านวูบ “วิ่งมาได้ยังไง? ถ้าเกิดหกล้มขึ้นมาไม่แย่หรอ?!”

และเสียงพูดดุๆ ของพี่ภูก็ทำเอาน้ำตาที่ปริ่มจะไหล มันพรากลงมาอย่างกับทำนบแตก ...เขาดุผมทำไม ผมทำอะไรผิดอีก หรือเพียงเพราะเขาฟังสิ่งที่คุณจีนพูดมา เขาเลยเป็นแบบนี้กับผม พูดแบบนี้กับผม มันเป็นแบบนั้นใช่ไหม

“ฮึก..” ผมไม่ตอบอะไรและเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด จนพี่ภูดึงผมเข้าไปกอด

“ชู่วว เด็กดี.. ไม่ร้องนะครับ พี่ขอโทษครับพี่ขอโทษ ไหนหนูบอกพี่หน่อยได้ไหมว่าหนูร้องไห้ทำไม? พี่ทำอะไรผิดอีกแล้วหรือเปล่า หนูบอกพี่ได้นะ บอกให้พี่รู้ พี่จะได้ปรับปรุงตัวเอง” พี่ภูพูดและถามผมยาวเหยีดด้วยประโยคเดิมๆ ประโยคของคนเห็นแก่ตัว

ทำไมทุกครั้งที่เราทะลาะกันพี่ภูจะต้องพูดแบบนี้ตลอด?


‘พี่ผิดอะไร ไนล์บอกพี่ให้พี่รู้นะครับ พี่จะได้ปรับปรุงตัว’ … แล้วกับผมล่ะ เขาคิดจะถามอะไรผมบ้างไหม


เรียกร้องให้ผมเอาแต่บอก แต่ตัวเขาเองกลับไม่คิดจะถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นสักคำ

“แล้วคุณล่ะ? คุณเคยคิดจะบอกหรือเคยคิดจะถามอะไรผมบ้างไหม?” ผมตะโกนใส่พี่ภูทั้งน้ำตา ความอัดอั้นที่มาพร้อมกับความผิดหวังเสียใจระเบิดออกมาโดยที่ผมแทบจะไม่ทันได้ควบคุมอารมณ์ตัวเอง “คุณเอาแต่ให้ผมบอก ให้ผมถาม โดยที่คุณแทบจะไม่บอกอะไรผมเลย แบบนี้ไม่ให้เรียกว่าเอาเปรียบแล้วจะให้เรียกว่าอะไรกัน?”

พี่ภูทำหน้างง เหมือนเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด นั่นยิ่งทำให้ผมโมโห

“นี่มันอะไรกันไนล์ พี่งงไปหมดแล้ว” พี่ภูพยายามจะเข้ามากอดผม แต่ผมขืนตัวออก

“งงหรอ?” ผมทำเสียงหยันขึ้นจมูก “งั้นบอกผมหน่อยสิว่าคุณเรียกลมให้มาที่นี่ทำไม คุณที่ไม่ค่อยจะถูกกับลม ทำไมจู่ๆ ถึงมานั่งคุยกัน.. ไม่ใช่ว่ากำลังคุยกันเรื่องที่ผมกอดกับลมอยู่งั้นหรอ?”

พี่ภูตาเหลือกโตทันทีที่ได้ยินผมถามแบบนั้น เขาดูตกใจมากที่ผมรู้ ซึ่งนั่นก็เท่ากับยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่ผมสงสัยทั้งหมดเป็นเรื่องจริง


พี่ภูไม่ไว้ใจผม เขาเลือกที่จะเคลียร์กับลมลับหลังผม แต่ไม่ยอมมาถามผมด้วยตัวเอง


เขาทำแบบนี้ได้ยังไงกัน?

“ไนล์.. พี่..”

“หึ! สงสัยใช่ไหมว่าผมรู้ได้ยังไง” ผมหัวเราะขื่นๆ “ผมเห็นและผมก็ได้ยินทั้งหมดแหละที่คุณคุยกับคุณจีนน่ะ ผมเดินตามออกมาเลยได้เห็นและได้รับรู้ว่าคุณจีนพูดถึงผมว่ายังไงและเอาอะไรให้คุณดู”

“...” พี่ภูนิ่งเงียบไปเพราะตกใจ ในขณะที่ผมเองก็ปาดน้ำตาออกแล้วพูดต่อ

“ตอนแรกผมก็ดีใจที่คุณไม่โวยวาย ไม่ใส่อารมณ์กับผม แต่แล้วผมก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดผิด เพราะการนิ่งเงียบของคุณมันหมายถึงว่าคุณกำลังเชื่อในสิ่งที่คุณจีนพูดอยู่... แล้วมันก็เหมือนเดิม เหมือนตอนก่อนหน้าที่เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้นนั่นแหละ.. ฮึก”

ผมจ้องหน้าพี่ภูอย่างผิดหวังและเสียใจ นัยน์ตากลบไปด้วยน้ำใสเต็มไปหมด จนผมแทบมองหน้าพี่ภูไม่เห็นเลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้ายังไงอยู่

“สุดท้ายคุณก็เลือกที่จะเชื่อ...”

พี่ภูดึงผมเข้าไปกอด โดยที่ไม่รอให้ผมพูดจบประโยค เขากอดผมแน่น ส่วนปากก็แต่พึมพำว่า...


‘ไม่ใช่นะไนล์ ไนล์กำลังเข้าใจผิด’


หึ! เข้าใจผิดอะไรในเมื่อก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าสิ่งที่ผมคิดมันเป็นความจริง

“พี่ไม่ได้เชื่อใคร พี่ไม่ได้เชื่อที่จีนพูดนะไนล์ ไนล์ฟังที่พี่อธิบายก่อน”

พี่ภูละล่ำละลักพูดในขณะที่ผมเอาแต่ส่ายหน้า เพราะไม่อยากฟังคำโกหกของเขาอีก เอาจริงถ้าผมไม่ถามเขาคิดที่จะพูดไหม เขาก็ไม่พูดหรอก คงปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังไปแบบนี้นี่แหละ... ผมรู้นิสัยพี่ภูดี

“ผมไม่อยากฟัง.. ฮึก” ผมสะอื้นและพยายามจะขืนตัวออก “เพราะถ้าคุณคิดจะพูดคิดจะถามคุณก็คงพูดก็คงถามนานแล้วล่ะ ไม่ใช่รอให้ผมมาจี้แบบนี้ก่อนหรอก .. สุดท้ายคุณก็ไม่เคยจะไว้ใจผม ไม่เคยเลย เพราะถ้าคุณไว้ใจคุณจะไม่เรียกลมมาคุยลับหลังผมแบบนี้แน่”

“ไนล์ใจเย็นๆ เด็กดี.. ชู่วว ใจเย็นๆ พี่ขอร้องนะ ไนล์ฟังพี่ก่อน” ผมพยายามดิ้น แต่พี่ภูก็กอดผมแน่นขึ้น “พี่เรียกลมมาคุยด้วยจริง แต่พี่ไม่ได้คุยเรื่องนี้นะไนล์ พี่ถามลมเรื่องอื่น ส่วนเรื่องที่ไนล์ว่า พี่ตั้งใจว่าจะคุยกับไนล์อยู่แล้วหลังจากนี้ พี่ไม่ได้ไม่เชื่อใจไนล์นะ .. พี่ขอร้องนะไนล์ ฟังพี่สักนิดเถอะนะ อย่าเพิ่งโกรธพี่เลย พี่ขอร้อง”

“ตอนนี้จะพูดอะไรก็ได้ คุณหวังจะให้ผมเชื่ออะไร ก็เพราะที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะความไม่เชื่อใจ ความไม่คิดจะถาม หรือการเลือกเชื่อคนอื่นมากกว่าผมหรอกหรอ? เรื่องของเราถึงได้เป็นแบบนี้... ฮึก”

ผมส่ายหน้าแถมยังพยายามจะขืนตัวออกแต่ก็สู้แรงพี่ภูไม่ได้เลย ผมคิดแต่ว่าเขาโกหก เขาพูดไม่จริง เขาจะอ้างอะไรก็ได้ ในเมื่อตอนนี้ผมจับได้แล้วนี่ การที่เขาจะพูดเอาตัวรอดไปอย่างนั้นมันจะไปยากอะไร


และทั้งๆ ที่เขาเองก็รู้ว่าปัญหาที่ผ่านมาของเรามันคืออะไร มันคือความไม่เชื่อใจ มันคือความที่เขาไม่เคยคิดจะถามนี่แหละ ที่ทำลายความสัมพันธ์เราแบบนี้


ผมแค่หวัง.. หวังว่าเขาจะปรับปรุงตัวและดีขึ้น หวังว่าเขาจะไม่หูเบาเหมือนเมื่อก่อน ผมหวังมากไปหรือไง.. ทำไมมันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยล่ะ เรื่องระหว่างเราสองคน...

แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงัก เมื่อเสียงทุ้มคุ้นหูของเพื่อนสนิทผมดังขึ้น เสียงของลมที่นั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว แต่เพิ่งจะพูดประโยคๆ หนึ่งประโยคออกมา และเป็นประโยคที่ผมไม่ได้คาดคิดคิอไว้ว่าจะได้ยินจากเขา


“ไนล์.. ฟังพี่ภูก่อนเถอะ ให้เขาได้อธิบายนะไนล์ .. เพราะสิ่งที่เขาบอกไนล์ ลมยืนยันได้ทั้งหมดว่าเป็นเรื่องจริง”
 

“....” ผมหยุดดิ้น ก่อนจะหันไปมองลมช้าๆ เพื่อยืนยันด้วยสายตาตัวเองว่าลมพูดออกมาจริงๆ ไม่ใช่เพราะจะโกหกเพื่อให้ผมยอมฟังพี่ภูอธิบาย และสายตาของลมที่มองมายังผมนั้นก็ดูเหมือนจะย้ำในสิ่งที่ตัวเองพูด

“เชื่อลมนะไนล์ ไนล์ก็รู้ว่าลมเกลียดขี้หน้าพี่ภูจะตาย ลมไม่โกหกเพื่อช่วยเขาหรอก... ลมยืนยันนะว่าสิ่งที่พี่ภูบอกกับไนล์เป็นความจริงทั้งหมด”

ผมละสายตาจากลม หันมามองคนที่กำลังกอดผมอยู่ แววนัยน์ตาของพี่ภูดูร้อนรน เขาพยายามขอร้องผ่านดวงตาคมคู่นั้น น้ำเสียงที่สั่นเครือและท่าทางที่แสดงออกของเขาทำให้ผมสัมผัสได้ว่าเขากำลังกังวลจริงๆ

“พี่ขอร้องนะไนล์ ฟังพี่สักนิดนะ” เขาใช้นิ้วปาดน้ำตาออกจากหางตาของผมอย่างอ่อนโยน “พอไนล์ฟังจบแล้วไนล์ค่อยตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อพี่ก็ได้ แต่ตอนนี้พี่ขอร้องไนล์ ... ฟังพี่ก่อนนะครับนะ”

ผมชั่งใจอย่างลังเล แต่แล้วก็ต้องหลุดปากตอบตกลง เมื่อรับรู้ได้ถึงแรงเตะเบาๆ ที่หน้าท้องจนผมต้องเผลอยกมือขึ้นลูบเบาๆ

“...ฮึก ก็.. ก็ได้”

.

.

.

(อ่านต่อข้างล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-18 : Universe 40th)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 18-09-2020 20:26:38
(อ่านต่อจากด้านบน)


Kirin’ s Part


ผมโทรหาเพื่อนสนิทของไนล์ลังจากได้เห็นรูปนั้น ผมนั่งคิดมาอย่างถี่ถ้วนตลอดทางที่นั่งรถกลับบ้าน ตอนแรกผมตั้งใจจะกลับมาคุยกับไนล์ที่บ้าน แต่พอเห็นไนล์เงียบๆ และก็ดูเหนื่อยๆ ผมเลยตัดสินใจว่าจะโทรหาลมและถามในเรื่องที่ผมสงสัยก่อนแล้วค่อยไปคุยกับไนล์ทีหลัง

ดังนั้นพอไนล์บอกว่าจะขึ้นไปนอน ผมเลยเห็นว่าได้โอกาสพอดีที่จะใช้เวลาช่วงนี้คุยกับลมในเรื่องที่ผมสงสัย โดยที่ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าการกระทำที่มีพิรุธของผมยิ่งทำให่ไนล์สงสัย และปักใจเชื่อว่าผมระแวงและไม่ไว้ใจเขา เพราะผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าไนล์เห็นและได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล ผมไม่รู้เลยว่าไนล์รับรู้ทุกอย่าง และพอยิ่งผมไม่ถามเลยยิ่งทำให้ทุกอย่างบานปลาย เพราะไนล์คิดว่าผมปักใจเชื่อคำพูดจีนไม่ต่างจากคราวที่แล้ว


ทั้งที่ความจริงแล้วผมไม่ได้เชื่อคำพูดจีนเลยสักนิด ให้ผมสาบานก็ได้... ผมไม่ได้เชื่อเลย แต่ผมคิดแหละว่ายังไงก็ต้องกลับมาถามไนล์ ถึงจะเชื่อหรือไม่เชื่อเราก็ควรเปิดใจคุยเรื่องนี้กัน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่ออนาคตหรือความสัมพันธ์ระยะยาวของเราสองคน


แต่ผมกลับชะล่าใจมากเกินไป เพียงเพราะคิดไปเองว่าไนล์เหนื่อยและอยากพัก และสุดท้ายมันก็บานปลายเพราะความเข้าใจผิดไปกันใหญ่ทั้งของผมและไนล์ แต่โชคดีที่ได้ลมช่วยไว้

ครั้งนี้ผมก็คงต้องให้เครดิตให้เด็กนั่นจริงๆ น่ะแหละ เพราะถ้าลมไม่เอ่ยปากช่วย ผมก็ไม่รู้ว่าไนล์จะยอมฟังไหม และคำพูดของลมก็มีน้ำหนักมากพอให้ไนล์ยอมฟังจริงๆ

ทำไงได้ล่ะ เพื่อนสนิทสิบปีที่รักและหวังดีไม่เคยทำร้าย กับผมผู้ซึ่งทำร้ายไนล์ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวมาตลอด ถ้าให้ไนล์ต้องเลือกเชื่อคำพูด ไนล์จะเชื่อคำพูดลมก็ไม่แปลกหรอก ... เอาจริงผมไม่ได้น้อยใจอะไรขนาดนั้นนะ ผมมั่นใจว่าตัวเองสามารถเรียกความไว้ใจจากไนล์กลับคืนมาได้แน่ เพียงต้องใช้เวลาและความพยายาม

จะว่าไปมันก็ดูสมน้ำสมเนื้อดีกับสิ่งที่ผมเคยทำกับไนล์ ผมไม่ควรได้อะไรมาง่ายๆ อย่างน้อยผมก็ควรจะได้พยายามและได้เรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็ยังดี

เพื่อที่ผมจะได้เห็นค่าของไนล์และลูกให้มากๆ ต่อไปจะทำอะไรผมจะได้คิดถึงใจของคนที่ผมรักเป็นหลัก และเพราะความอดทน ความพยายาม และการปรับปรุงตัวที่ผ่านมาของผมก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อในวันนี้ผมสามารถพิสูจน์ อย่างน้อยก็ให้ตัวผมเองได้เห็นแล้วว่าผมโตมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และสามารถที่จะดูแลไนล์และลูกให้สมกับการเป็นหัวครอบครัวที่ดีได้

“ไนล์นั่งลงก่อนนะ” ผมประคองไนล์ลงนั่ง โดยที่ตัวเองตามลงไปนั่งด้วยติดๆ ผมกุมมือไนล์ไว้แน่นก่อนจะเริ่มพูด “พี่ขอโทษนะที่ไม่รีบถามไนล์ให้เร็วกว่านี้ พี่แค่คิดว่าไนล์คงจะอยากพักผ่อนพี่เลยให้ไนล์พัก พี่ไม่รู้เลยว่าไนล์โกรธพี่เพราะได้ยินเรื่องที่พี่คุยกับจีนทั้งหมด”

“...” น้องนั่งฟังผมนิ่ง ไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร แต่ก็ไม่ได้ดูต่อต้านเท่าทีแรก ผมเลยตัดสินใจพูดต่อ

“ให้พี่สาบานก็ได้ พี่ตั้งใจว่าถ้าไนล์ตื่นขึ้นมา พี่จะคุยเรื่องนี้กับไนล์ ไม่เคยคิดจะหลบเลี่ยงหรือปล่อยผ่านอะไรเลยนะ” ไนล์หันมามองหน้าผมให้ผมได้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะเอ่ยถามเสียงเบา

“แล้วคุณโทรตามลมมาทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะสงสัยเรื่องผมกับลม” น้องถาม แววนัยน์ตาดูไม่ไว้ใจและสับสน ซึ่งผมก็ไม่โทษน้องเลย เพราะเหตุการณ์มันชวนให้เข้าใจผิดจริงๆ

“พี่โทรตามลมมาเพราะจะถาม ว่าทำไมวันนั้นไนล์ถึงจะล้ม แล้วไนล์มีอาการอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่า แล้วจากรูปที่พี่เห็นน่ะมันวันไหน พี่สงสัยเรื่องพวกนี้ และที่พี่ต้องเรียกลมมาถามก็เพราะรู้ว่าถ้าพี่ถามไนล์ ไนล์ก็คงไม่ยอมตอบ”

“...” ผมร่ายยาวแทบไม่หายใจ ในขณะที่น้องก็ดูอึ้งไปจนพูดไม่ออก

“พี่เป็นห่วงไนล์มากนะ พี่จำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนี้ เพราะถ้าเกิดไนล์มีอาการผิดปกติอะไร พี่จะรู้ว่ามันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นและได้เอาไปบอกกับอาหมอถูก เพียงแต่พี่ไม่กล้าถามจากไนล์โดยตรง เพราะกลัวไนล์จะรำคาญหรือหงุดหงิดใจ พี่ขี้ขลาดเองแหละเลยทำให้ไนล์เข้าใจผิดไปกันใหญ่ .. พี่ขอโทษนะครับ”

ผมบีบมือน้องแน่นเพราะกลัวว่าน้องจะไม่ให้อภัย แต่แล้วก็พอจะระบายลมหายใจออกมาได้บ้าง เมื่อเจ้าเด็กยักษ์ที่นั่งถัดไปจากไนล์เริ่มพูด

“เป็นอย่างที่พี่ภูบอกจริงๆ นั่นแหละไนล์ เพราะตั้งแต่ลมมา เขาก็ถามแต่เรื่องที่ไนล์จะล้มและอาการทั่วไปที่ไนล์มีในวันนั้น เขาไม่ได้ถามลมเลยด้วยซ้ำว่าทำไมลมถึงกอดไนล์ จนลมนี่แหละต้องเป็นคนที่ตั้งคำถามนี้กลับไปให้เขา”

“ถาม? ... ถามเรื่องอะไรหรอลม?" ไนล์หันไปถามลมอย่างสงสัย ผมเลยปล่อยให้ลมเป็นคนตอบคำถามนี้แทน

“เรื่องรูปที่พี่ภูเห็นไง” ไนล์จ้องหน้าลมตาแป๋ว ทำเอาทั้งผมและลมต้องเผลออมยิ้ม “เพราะตอนแรก ตอนที่พี่ภูเริ่มเกริ่นน่ะ ลมยังคิดเลยว่าเขาต้องเรียกลมมาถามเรื่องนี้แน่ๆ ลมเลยตั้งใจว่าถ้าเขาหาเรื่องลมหรือต่อยลมก่อนเมื่อไหร่ ลมต่อยกลับแน่”

“....” ไอ้เด็กลมยังพูดต่อ ส่วนไนล์ก็ดูตั้งใจฟังมากยิ่งขึ้น

“แต่ตรงกันข้าม นอกจากเขาจะไม่ต่อยลมแล้ว เขายังบอกอีกว่าเรื่องนี้เขาจะไปคุยกับไนล์เอง แถมยังบอกอีกว่าไม่ต้องกังวล เขาไม่ได้เชื่ออะไร แต่ยังไงก็ต้องถามไนล์อีกที จะได้ไม่มีปัญหากันทีหลัง”

น้องหันมามองผมทันทีที่ลมพูดจบ ทำเอาผมต้องรีบพยักหน้ารับคอแทบหัก

“ลมไม่รู้หรอกนะว่าไนล์กับเขาตกลงอะไรกันไว้ยังไง.. แต่พี่ภูสำหรับลมในวันนี้ เขาดีขึ้นมากๆ แล้วนะไนล์ เขาทั้งคอยปกป้อง ดูแล และเชื่อใจ" ลมยิ้มบาง สายตาที่เขาส่งมาให้ผมดูจริงจังและจริงใจจนผมรับรู้ได้ "ที่สำคัญเขาพยายามปรับปรุงตัวเพื่อไนล์มากๆ... ลมคิดว่าถ้าบางทีไนล์จะยอมให้โอกาสเขาบ้าง มันก็น่าจะดีกับทั้งตัวไนล์เองและก็ลูกไนล์นะ”

น้องมองผมที ลมที ก่อนจะถอนหายใจ แล้วหันกลับมาถามผมเสียงเบา

“คุณแน่ใจหรอว่าไม่ได้สงสัยเรื่องนั้นจริงๆ” ไนล์ถามย้ำ แต่ไม่ได้ดูไม่ไว้ใจเท่าตอนแรก

“ไม่ได้สงสัยครับ” ผมเองก็ย้ำคำตอบเดิม “ก็ไนล์บอกพี่ไปแล้วนี่ว่าวันนั้นไนล์อยู่กับลม แล้วพี่จะสงสัยอะไรไปทำไม”

ไนล์ขมวดคิ้วทันทีพอได้ยินผมบอกแบบนั้น ซึ่งผมเองก็ไม่แปลกใจหรอกที่น้องจะจำไม่ได้ เพราะน้องอาจจะเห็นว่ามันไม่สำคัญอะไร แต่ผมน่ะเห็นเรื่องของไนล์สำคัญทุกเรื่อง ผมเลยจำได้

หรือถ้าจะให้ยอมรับตามตรงก็คือ วันนั้นผมออกจะหวงน้องหน่อยๆ แต่เพราะทำอะไรไม่ได้เลยต้องยอม แถมยังเป็นการยอมที่ผมไม่ค่อยจะเต็มใจอีกต่างหาก แต่เพราะวันนั้นผมติดงานจริงๆ และถ้าจะว่ากันตามตรงก็ถือว่าโชคดีมากเลยด้วยซ้ำที่วันนั้นลมอยู่กับไนล์ด้วย เพราะถ้าขืนไนล์อยู่คนเดียว แล้วทำท่าจะล้มหน้าคว่ำไปแบบนั้น ทั้งน้องทั้งลูกต้องได้รับอันตรายแน่ๆ

“วันนั้น? ผมบอกคุณ? วันไหนกันครับ?” ไนล์ยังคงสงสัย ผมเลยต้องท้าวความให้ฟัง


‘กลางวันนี้ผมจะออกไปกินข้าวกับลมนะครับ ลมแวะมาหา’

‘ไปกันแค่สองคนหรอครับ เทมส์ไปด้วยไหม?’

‘สามครับ.. ตัวเล็กในท้องไปด้วย ลมบอกว่าจะพาผมกับลูกไปกินของอร่อย’

‘พี่ก็พาไปได้..’

‘ผมแค่ไปทานข้าวกับเพื่อนเฉยๆ ครับ ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง ... ที่จริงผมจะไม่บอกก็ได้ แต่ที่ผมบอกคุณเพราะไม่อยากให้คุณมารู้ทีหลัง’

‘ขอโทษครับ ขอโทษที่พี่ทำตัวงี่เง่าแล้วก็หวงไนล์มากไปหน่อย’

‘ช่างเถอะครับ คุณเสร็จงานแล้วก็รีบกลับมาแล้วกัน เดี๋ยวผมทำงานรอที่ออฟฟิศ’

‘ครับ งั้นเดี๋ยวพี่รีบกลับไปหานะ’


“วันนั้นที่ลมแวะไปหาไนล์ที่ออฟฟิศ แล้วไนล์กับลมก็ออกไปกินข้าวด้วยกันไง.. ไนล์ยังโทรมาบอกพี่อยู่เลย เพราะไนล์ไม่อยากให้พี่ไปรู้เองทีหลัง พี่จำได้”

“อ๋อ.. วันนั้นเองน่ะหรอ” ไนล์พึมพำเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ และผมก็เห็นว่าแก้มของน้องขึ้นริ้วสีแดงมากขึ้น เพราะพอหลังจากเรียบเรียงเรื่องราวตามที่ผมพูดได้แล้ว ไนล์ก็คงนึกเขินไม่น้อยที่ทึกทักไปคนเดียวและเผลอโมโหใส่ผมเต็มที่

“พอพี่เห็นรูปที่จีนยื่นมาให้ดู พี่ก็จำชุดที่ไนล์ใส่ได้ทันทีว่ามันเป็นวันเดียวกันกับที่พี่ไม่อยู่ แต่ที่พี่เงียบไปนั่นก็เพราะพี่ตกใจ และลึกๆ พี่ก็คิดว่ามันเป็นความผิดของพี่ที่พี่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นและทำหน้าที่ดูแลไนล์กับลูกให้ดี .. ส่วนเรื่องอื่น พี่ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ”

“ก็คุณต้องทำงาน จะไปคิดมากทำไม.. อีกอย่าง ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากด้วย” น้องอ้อมแอ้มพูดแก้ตัวแทนผม ให้ผมได้ยิ้มออกมาได้บ้าง

“ตกลงตอนนี้.. เราเข้าใจกันแล้วใช่ไหมครับ?” ผมรีบถาม เพราะดูจากท่าทางแล้วน้องอ่อนลงให้ผมเยอะมาก

“ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรคุณนี่” ไนล์พึมพำเฉไฉ “หิวแล้ว อยากกินกุ้งเผาตัวใหญ่ๆ ที่อยุธยา”

ผมยิ้มเอ็นดู เมื่อเห็นน้องเปลี่ยนเรื่อง และพยายามยกเอาเมนูที่อยากกินมาบังหน้าความเข้าใจผิดของตัวเอง และพอได้ชื่อเมนูที่น้องบอกอยากกิน ผมก็ต้องหยิกแก้มนิ่มเบาๆ ที่ตอนนี้แดงระเรื่อเพราะความเขินอายที่คิดอะไรไปเองด้วยความมันเขี้ยว .. กลับมาแล้วสินะ อาหารชื่อดังของแต่ละจังหวัดเนี่ย

“งั้นไปครับ เดี๋ยวพี่เอารถออก... ไปอยุธยา ไปกินกุ้งเผากัน” ผมรีบพูดเอาใจน้องแม้เราจะคืนดีกันแบบงงๆ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงบุคคลที่สามที่นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย บุคคลที่ทำให้ผมคืนดีกับไนล์ได้ด้วยเพียงการพูดไม่กี่ประโยค

และนั่นก็ทำให้ผมได้รู้ว่าลมเป็นเพื่อนสนิทที่มีอิทธิพลมากกับไนล์มากแค่ไหน และที่สุดของที่สุดที่ถึงแม้ผมจะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็ค่อนข้างจะเห็นได้ชัดในวันนี้


นั่นก็คือ... ลมรักและหวังดีกับไนล์มากๆ


ทั้งที่ความจริงแล้วลมจะฉวยโอกาสนี้ทำให้ไนล์เข้าใจผิดหรือทำให้ไนล์โกรธผมมากกว่าเดิมก็ได้ แต่ลมกลับเลือกที่จะพูดไกล่เกลี่ยและช่วยผมปรับความเข้าใจกับไนล์ .. เขาเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับน้อง และเขาก็เป็นลูกผู้ชายมากพอที่จะยอมรับและทำในสิ่งที่ควรทำ

“ลมคงไม่ไปด้วยนะไนล์ เพราะเดี๋ยวต้องกลับไปทำงานต่อ” เด็กยักษ์ยื่นมือไปลูบศีรษะทุยๆ ของไนล์เบาๆ ด้วยท่าทางเคยชิน ซึ่งนั่นก็ทำเอาคิ้วผมกระตุกไม่น้อย

“ไม่ไปกินหรอ? ให้คุณภูจ่ายเงิน โทษฐานทำให้ลมตกใจ” ไนล์พูดเสียงใสตาแป๋ว แต่แทนที่จะทำให้ผมโกรธผมกลับนึกเอ็นดูและคิดว่าน้องน่ารักมากๆ .. ชั่วโมงนี้ให้จ่ายหมดตัว ผมก็ยอม

“ฮ่าๆ ไนล์ไปเถอะ ฝากกินเผื่อลมด้วยนะ” ไนล์พยักหน้าพร้อมกับยิ้มรับด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนที่เด็กลมจะพูดต่อ “แล้วต่อไป.. ถ้ามีอะไรสงสัยให้ถามพี่ภูเขาไปเลยตรงๆ ห้ามเก็บไปคิดมากอีกรู้ไหม? มันไม่ดีต่อสุขภาพไนล์เอง แล้วก็ไม่ดีต่อเจ้าตัวเล็กในท้องด้วย”

“อื้อ.. เรารู้แล้ว ต่อไปเราจะไม่คิดมากอีก... ถ้าใครบางคนไม่ทำให้เราคิดมากน่ะนะ” ไนล์ตอบลมเสียงใส ก่อนจะปรายตามาทางผมเล็กน้อย ให้ผมได้สะดุ้งเล่น.. ไม่มีอีกแล้วว่าที่คุณแม่ที่ร้องไห้น้ำตานองเมื่อกี้ ฮอร์โมนคนท้องนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ

“ครับๆ ต่อไปพี่จะระวังมากกว่านี้ พี่สัญญา” ผมรีบรับปากเหมือนคนร้อนตัว แต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าไนล์ก็ดูดีขึ้นมาก ไม่บึ้งตึงโกรธเคืองเหมือนตอนแรกแค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว

“ส่วนคุณ...” แต่แล้วขณะที่ทุกอย่างจะจบลง จู่ๆ เด็กลมก็หันมาทางผมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไปจัดการปัญหาของคุณให้เรียบร้อยน่าจะดีกว่าปล่อยไว้แบบนี้ .. เพราะเท่าที่ผมรู้มาก็คือแฟนเก่าคุณตามติดราวีไปถึงออฟฟิศพี่เทมส์แล้ว ผมว่าไม่วันไหนก็สักวันเธอต้องได้เจอกับไนล์ตรงๆ แน่ๆ และผมก็ไม่อยากให้มันมีปัญหา หรือทางที่ดีไม่มีวันนั้นเลยจะดีมาก .. ผมห่วงไนล์กับหลานไม่อยากให้เจอเรื่องแย่ๆ อะไรอีก”

ลมพูดและมองหน้าผมไม่ละสายตา เพื่อบ่งบอกว่าเขาจริงจังมากแค่ไหนกับเรื่องนี้ แต่ถึงลมไม่บอกผมก็คิดว่าผมจะจัดการเรื่องจีนแน่ๆ อยู่แล้ว

“ผมสัญญาว่าจะไม่ให้ไนล์เจอเรื่องอะไรแบบนั้นอีกแน่”

“อีกอย่าง..” ดูเหมือนลมจะยังไม่หมดเรื่องคุยกับผมง่ายๆ “คงไม่ต้องให้ผมบอกคุณใช่ไหม ว่าปัญหาหลักที่ผ่านมาของคุณกับไนล์คืออะไร เพราะผมคิดว่าคุณน่าจะรู้..." ลมถอนหายใจก่อนจะพูดจริงจัง "หนักแน่นให้มากๆ หน่อย หรือถ้ามีอะไรที่คุณเจอมาแล้วไม่สบายใจคุณต้องถามต้องคุย เพราะก็อย่างที่เห็น พอไม่คุยก็ต่างฝ่ายต่างเข้าใจไปคนละทาง แล้วสุดท้ายก็มานั่งทะเลาะกันให้เสียใจอีก”

“....” ผมเงียบเพราะรู้ดีว่ามันเป็นอย่างที่ลมพูดทุกอย่าง เพราะความหูเบาและเพราะความไม่เชื่อใจไนล์ของผมถึงทำให้เรื่องแย่ขนาดนี้

“ครั้งหน้าผมไม่เตือนและไม่ใจดีกับคุณแล้วนะ เพราะถ้าคุณทำให้ไนล์เสียใจอีก ผมแย่งไนล์กับเจ้าตัวเล็กมาแน่.. แล้วผมก็ไม่เกี่ยงวิธีด้วย”

ลมขู่ผมเสียงเย็น ให้คิ้วผมกระตุกเพราะรู้สึกไม่พอใจขึนมาลึกๆ ... คิดว่าผมจะยอมให้ใครแย่งไนล์ไปง่ายๆ หรือไง ไม่มีทางหรอก

“อืม.. ผมรู้” ผมตอบรับเรียบๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เพราะอยากจะกวนอารมณ์ฝ่ายตรงข้ามกลับบ้าง “แต่คงไม่มีวันนั้นหรอก คุณตัดใจเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ดี”

เด็กลมกัดฟันกรอดจนสันกรามนูน และไนล์คงเห็นท่าไม่ดีเลยพยายามจะจับเราสองแยก เมื่อเราเริ่มจะฮึ่มๆ ใส่กัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังญาติดีกันอยู่แท้ๆ

“คุณไปเอารถออกได้แล้ว” ไนล์ดันผมให้ออกเดิน “ส่วนลม เดี๋ยวเราเดินไปส่งที่รถ .. ป่ะ!”

ผมกับลมมองหน้ากันนิดหน่อยก่อนจะแยกกันไปคนละทาง... เอาเถอะ อย่างน้อยผมก็รู้สึกดีกับไอ้เด็กนั่นมากขึ้นกว่าเมื่อวานนิดนึง อย่างน้อยลมก็ยอมที่จะยอมที่จะถอยเพื่อความสุขของคนที่เรารักทั้งคู่อย่างไนล์

.

.

.

แล้วก็ดูเหมือนว่าเวลาที่ผมจะได้เคลียร์กับจีนเดินทางมาเร็วกว่าที่คิด ทั้งที่ผมเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่ทัน...

วันนี้ผมพาไนล์มาทำงานปกติ แต่เพราะพักหลังมานี้ท้องไนล์ใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังคงดื้อดึงอยากจะเข้าออฟฟิศ ผมที่ขัดใจน้องไม่เคยจะได้ก็เลยต้องยอมตามใจ และเพื่อความปลอดภัยผมเลยไม่ขับรถเองแล้วปล่อยให้ไนล์นั่งคนเดียวข้างหลัง แต่เลือกที่จะให้ลุงชัยเป็นคนขับรถมาส่งเราสองคนทุกเช้า ดังนั้นเราเลยมักจะเข้าออฟฟิศจากทางเข้าหลัก ไม่ค่อยได้เข้าจากทางลานจอดรถเหมือนเมื่อก่อน

และเพราะอย่างนั้นวันที่ผมไม่อยากจะให้เกิดก็มาถึง เมื่อเราสองคนได้เจอกับจีนที่กำลังมาดักรอเจอเทมส์ที่ล็อบบี้ ทั้งที่ผมตั้งใจว่าจะนัดเจอจีนแล้วจบเรื่องนี้ แต่ก็ดูเหมือนจะช้าเกินไป

และด้วยสัญชาตญาณของการที่ต้องปกป้องคนที่ตัวเองรัก ผมเลยดันไนล์ให้หลบไปข้างหลังตัวเองทันทีเมื่อเกิดการเผชิญหน้า

“ภู! ทำไมภูยังอยู่กับมันอีกคะ? ที่จีนให้ภูดูไปคราวที่แล้ว ไม่ได้ทำให้ภูตาสว่างขึ้นเลยหรือไง?” จีนถามผมเสียงสะบัด โชคดีที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ตรงล็อบบี้เลยมีแค่เราสามคนเท่านั้นไม่ได้มีพนักงานคนอื่นมาร่วมเห็นเหตุการณ์ด้วย

“จีน! หลีก! ผมจะพาไนล์ขึ้นข้างบน” ผมพยายามจะพาไนล์เลี่ยง ตั้งใจว่าหลังจากที่พาไนล์ไปถึงห้องทำงานแล้วผมจะลงมาเคลียร์กับจีนอีกรอบแล้วจบเรื่องนี้สักที แต่จีนกลับไม่ยอม

“ไม่! จีนไม่หลีก! ทำไมจีนต้องหลีกด้วยในเมื่อจีนมาก่อน! .. มาก่อนในที่นี้จีนหมายรวมถึงเรื่องที่จีนคบกับภูก่อนมันด้วย! มันนั่นแหละที่ต้องหลีกไป มาทีหลังแล้วยังหน้าด้านแย่งของคนอื่น.. หน้าไม่อายเป็นผู้ชายแท้ๆ”

จีนว่าไนล์สาดเสียเทเสีย ในขณะที่ผมกำมือแน่น นึกโกรธที่จีนพูดจาไม่ดีกับไนล์ ผมสาบานเลยว่าถ้าจีนไม่ใช่ผู้หญิง ผมไม่ยืนเฉยแบบนี้แน่

“หยุดเดี๋ยวนี้นะจีน! ถ้าคุณไม่หยุด ผมจะไม่เกรงใจคุณแล้วนะ” ผมเดินตรงเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่าย พร้อมกับใช้สายตาจ้องมองอย่างไม่พอใจ “ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ยุ่งกับไนล์.. ไม่ให้ยุ่งกับเมียผม และผมก็จะไม่พูดเป็นครั้งที่สาม ผมสาบานว่าครั้งนี้มันจะไม่ใช่แค่คำเตือนแน่.. คุณรู้นิสัยผมดีนะจีนว่าผมพูดจริงทำจริงแค่ไหน”

“ภู! แต่มันกำลังหลอกคุณนะคะ มันกำลังสวมเขาหลอกคุณ ทำไมคุณยังโง่งมหลงเชื่อมารยามันอยู่อีก มันมีอะไรดีห๊ะภู? ไอ้เด็กนั่นมันมีอะไรดี?” จีนหวีดร้องกระทืบเท้าและเต้นเร่าเมื่อถูกผมต่อว่าแบบไม่ไว้หน้า แถมยังเข้าข้างไนล์จนไม่เห็นหัวเธออีก

ผมรู้ดีว่าเธอไม่ได้รักอะไรผมขนาดนั้นแล้ว แต่ที่เธอยังดึงดันไม่ยอมเลิกยุ่งกับผมนั่นเพราะเธอไม่เหลือที่พึ่งและเธอไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนแพ้แล้วเสียผมไปให้กับไนล์ที่เธอมองว่าด้อยกว่าเธอทุกอย่าง แต่ผมไม่แคร์และไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้นหรอก เพราะสำหรับผมๆ ไม่เคยคิดเรื่องว่าใครดีใครด้อยกว่าผมสนแค่ว่าใครคือคนที่ผมรัก


และคนที่ผมรักในตอนนี้คือไนล์ ไม่ใช่จีน


“ผมไม่ได้โง่งมเพราะหลงเชื่ออะไรไนล์ทั้งนั้น แต่ความโง่งมและงี่เง่าเดียวที่ผมเคยมีมันเกิดจากการที่เคยหลงเชื่อคำโกหกของคุณต่างหาก .. และในวันนี้คำพูดคำโกหกเหล่านั้นก็ทำอะไรผมไม่ได้แล้ว... ขอโทษด้วยนะจีน”

“กรี๊ดดด ไม่! จีนไม่ให้ภูขอโทษ!” จีนกรีดร้องดังลั่น จน รปภ.ที่ยืนอยู่ไม่ไกลเริ่มได้ยินและกำลังออกเดินมายังต้นเสียง ซึ่งก็คือที่ที่ผมกับไนล์ยืนอยู่

ซึ่งจีนก็เริ่มตรงเข้ามาประชิดตัวผม เธอพูดทั้งน้ำตานองหน้า แถมยังใช้สองแขนกอดเอวผมไว้แน่นให้ผมต้องรีบดันไนล์ที่อยู่ด้านหลังของตัวเองให้ถอยห่างออกไป ห่างจนเกือบจะถึงกำแพงอีกด้าน

“ไนล์ถอยไปครับ..” ผมกระซิบบอกน้องเสียงเบา แต่ถึงอย่างนั้นจีนก็ยังได้ยิน

“ฮึก.. ภู ภูมองจีน..” จีนพยายามใช้มือทั้งสองจับหน้าผมให้หันไปมอง แต่ผมขืนไว้และหันกลับไปมองไนล์ที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปแทน “จีนทั้งสาว ทั้งสวย แถมจีนยังเป็นผู้หญิง.. จีนเป็นคนที่ภูเคยรักมากกว่าใคร แล้วทำไมภูถึงเปลี่ยนใจไปหามันล่ะคะ? ภูกลับมาหาจีนเถอะนะ.. จีนขอร้อง”

ผมถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย และผมก็คิดว่ามันยื้อมานานเกินไปแล้วถึงเวลาที่ทุกอย่างควรจะจบเสียที .. ถึงเวลาที่ผมควรจะพูดตรงๆ ให้จีนตัดใจและเลิกคาดหวัง เพราะผมไม่ใช่คีรินคนเดิม คนที่เคยอยู่อเมริกากับเธอในตอนนั้นแล้ว


ตอนนี้ผมเป็นแค่พี่ภู พี่ภูของไนล์ พี่ภูของเด็กผู้ชายในร้านไอศครีมเมื่อสิบปีก่อน .. ตอนนี้ผมเป็นเด็กผู้ชายคนนั้นที่กำลังย้อนเวลากลับมาเพื่อตามหาของสำคัญและคนสำคัญของตัวเอง


ซึ่งตอนนี้ผมก็เจอเขาคนนั้น เขาที่มีผมเป็นรักแรก เขาที่รอคอยผมมาตลอด เขาที่หวังดีกับผมมากกว่าใคร เขาที่ผมรักและเป็นแม่ของลูกของผม เป็นคนที่ผมอยากจะใช้ชีวิตที่เหลือไปด้วยจนแก่จนเฒ่า


“ไนล์อาจจะไม่ได้สาว ไม่ได้สวย ไม่ได้มีอะไรอย่างที่จีนมี แต่สิ่งเดียวที่ไนล์มีและจีนไม่มีก็คือความรักของผม.. เมื่อก่อนความรักของผมอาจจะเป็นของคุณนะจีน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ... ผมรักไนล์ นั่นคือสิ่งที่ไนล์มีและผมไม่คิดจะเอาคืน”


ผมหันไปมองน้องที่ยืนอยู่ไม่ห่าง เด็กน้อยของผมยิ้มทั้งน้ำตา และก็เป็นตอนนั้นเองที่ผมได้รู้ว่า... ผมกำลังจะได้หัวใจของน้องกลับคืน

.

.

.

To Be Continue

-----------------------------------------------------------

ตอนหน้าจบแล้วจ้าาาาา ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะที่อยู่มาด้วยกันจนถึงตอนนี้ ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นท์ ทุกๆ กำลังใจ... แล้วตอนหน้าเรามาดูบทสรุปของเรื่องนี้กัน

รักทุกคนมากๆ คับบบ <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-18 : Universe 40th)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 18-09-2020 21:50:46
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-18 : Universe 40th)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-09-2020 21:57:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-18 : Universe 40th)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 19-09-2020 00:23:38
หึหึหึ ตามนั้น อะจ๊ะ 55555555
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-18 : Universe 40th)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 19-09-2020 02:47:31
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-18 : Universe 40th)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-09-2020 18:59:04
แพ้ท้องแน่นะ 555 ยัยจีนเป็นบ้าไปแล้ว
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-18 : Universe 40th)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-09-2020 11:07:01
 :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-18 : Universe 40th)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-09-2020 00:21:04
ด้ายยยจ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-24 : Universe; Epilogue-US)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 24-09-2020 20:46:50
Epilogue ☆ US ☆


Kirin's Part


“ไม่จริง! ภูไม่ได้รักมัน! ภูหลอกจีน! ภูกำลังหลอกตัวเอง! จีนรู้.. รู้ว่าภูแค่กำลังโกรธจีนอยู่ ภูเลยพูดแบบนั้นออกมา ฮืออ ภูรักจีน คนที่ภูรักคือจีน จีน...”

“พอ! จีนพอ! หยุดได้แล้ว!! คนที่กำลังหลอกตัวเองคือจีนต่างหาก!” ผมตวาดลั่นเมื่อเห็นจีนเอาแต่โวยวายและไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้น จีนในเวลานี้ช่างดู.. น่าสงสารมากกว่าน่าโกรธเคือง


แต่ผมก็ได้แค่สงสาร วันนี้ทุกอย่างมันควรจบลงเสียที.. ผมอยากเริ่มต้นใหม่กับไนล์ กับลูก กับครอบครัวของเรา


“พอเถอะนะจีน พอเถอะ... จีนก็รู้ว่าผมไม่เหมือนเดิมแล้ว ผมไม่เหมือนเดิมนานแล้วนะจีน ไม่เหมือนเดิมตั้งแต่ได้รู้จักกับไนล์ เรื่องของเรามันจบแล้วจริงๆ จีน .. พอเถอะนะ เลิกยื้อเถอะนะ ผมขอร้อง”

“ภู... จีน ฮึกก จีน..”


“ปล่อยผมไปเถอะจีน ผมไม่ได้รักจีนแล้ว ตอนนี้คนที่ผมรักคือไนล์ ผมรักเขา อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับเขา ... จีนเลิกยื้อผมไว้เถอะนะ ระหว่างเราสองคนมันไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้วจริงๆ”


ผมพูดกับจีนแต่สายตามองตรงไปยังไนล์ที่ยืนยิ้มบางๆ น้ำตาคลออยู่ตรงกำแพงด้านหลังของจีนอีกที โดยที่ผมไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่ผิดมหันต์ ผมกำลังทำให้จีนที่กำลังโกรธ ผิดหวัง เสียใจ ทวีความรุนแรงของอารมณ์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะเมื่อเธอเห็นว่าผมวางสายตาไว้ที่ใคร

“ฮึก.. ฮืออ เพราะมัน! เพราะมันที่ทำให้ภูทิ้งจีนไป เพราะมันคนเดียว!!”

จีนถลาเข้าไปหาไนล์ด้วยความโกรธแค้น เธอเงื้อมือขึ้นสูงก่อนที่จะจับลงบนไหล่ไนล์พร้อมกับบีบอย่างแรงจนไนล์หลุดร้อง และที่ทำให้ผมใจหายก็คือจีนผลักไนล์เต็มแรง ในขณะที่ผมก็พุ่งตัวสุดฝีเท้าก่อนที่หลังไนล์และทั้งตัวด้านข้างของไนล์จะกระแทกเข้ากับกำแพง

ตุบ!!

ผมพาตัวเองไปซ้อนหลังไนล์ไว้ได้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นแรงกระแทกที่ไนล์กระแทกเข้ามาหาตัวผมก็แรงมากพอที่จะทำให้ผมปะทะเข้ากับกำแพงเต็มๆ ซึ่งผมเองที่มัวแต่ระวังไนล์ก็รีบเอาแขนโอบน้องไว้แน่นทำให้แขนและศรีษะของผมต้องรับกระแทกไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

“พี่ภู!!!!”

ไนล์ร้องเรียกผมเสียงหลงหลังจากที่ทุกอย่างสงบลง ผมสะบัดศรีษะเบาๆ รู้สึกมึนงงในคราวแรก แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าตื่นตระหนกของคนในอ้อมกอด สติของผมก็กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว

ผมรีบสัมผัสตามตัวน้องพร้อมกับละล่ำละลักถามอย่างห่วงใย “นะ ไนล์... ไนล์เจ็บตรงไหนบ้างรึป่าว”

“มะ.. ไม่เจ็บครับ แต่.. ฮึก แต่..” น้องเริ่มร้องไห้ และนั่นทำให้ผมใจเสียมากขึ้น

“แต่อะไรไนล์? บอกพี่ เจ็บตรงไหน ร้องไห้ทำไม? เจ็บท้องหรอ? หรือตอน...” ผมถามเสียงสั่น มือยังคงลูบและแตะตามตัวน้องไม่หยุด เพื่อที่ว่าจะหารอยบาดแผลหรืออะไรเจอ

“ไนล์.. ฮึก ไนล์ไม่เป็นไร แต่พี่ภูเลือดออก เลือดออกที่หัวเต็มเลย ฮือออ” ไนล์ปล่อยโฮพร้อมกับเอามือลูบตรงศีรษะผมเบาๆ และเป็นตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกเจ็บซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ รปภ. วิ่งมาถึงทันที

“คุณนทีธัชช์ครับ เกิดอะไรขึ้นครับ?” รปภ. ถามหน้าตาตื่นก่อนจะหันไปมองจีนที่ตอนนี้ทรุดตัวนั่งลงกับพื้น เธอดูช็อคและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก


ผมรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมให้อภัยกับการกระทำของเธอไม่ได้จริงๆ


“เรียกรถพยาบาล.. ฮึก เรียกรถพยาบาลให้ทีครับ พี่ภูหัวแตก แล้วก็ๆ ฮือออ.. เรียกพี่เทมส์ เรียกพี่เทมส์ให้ไนล์ด้วย” น้องร้องไห้ไปสั่งร รปภ. ไปด้วยเสียงสั่นเทา ซึ่งรปภ.คนหนึ่งก็รีบวิ่งออกไปทำตามที่ไนล์สั่งเต็มที่ ส่วนรปภ.อีกคนก็ยืนประกบจีนที่กำลังนั่งร้องไห้ไว้ไม่ห่าง

ผมรู้ว่าน้องทั้งตกใจทั้งกลัว แต่น้องก็พยายามจะคุมสติตัวเองให้ได้เพราะเห็นผมบาดเจ็บ และเพราะอย่างนั้นผมเลยต้องดึงไนล์เข้ามากอด เพราะน้องในตอนนี้แทบจะสั่นไปแล้วทั้งตัว

“ชู่วว เด็กดี” ผมกระชับอ้อมกอดของตัวเอง กอดน้องแน่นเพราะน้องเริ่มร้องไห้หนักกว่าเดิม “พี่ไม่เป็นอะไรนะ ไม่ต้องร้องครับไม่ต้องร้อง”

“แต่พี่ภูเลือดออก ฮึก.. หัวแตกด้วย ไนล์ไม่ชอบแบบนี้ไนล์กลัว” น้องกอดตอบผม และผมก็ต้องสารภาพตรงนี้ตอนนี้เลยว่าต่อให้เลือดต้องไหลออกมาหมดตัว ผมก็ว่าโคตรคุ้ม

“นิดหน่อยครับ นิดเดียวเอง แปปเดียวเดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว ไนล์ไม่ร้องไห้นะครับ เพราะถ้ายิ่งไนล์ร้องไห้ พี่จะยิ่งเจ็บแผลนะ .. พี่เป็นห่วงไนล์กับลูกมาก ไนล์ก็รู้นี่ครับ”

“แต่ไนล์กลัว” น้องยังคงสะอื้น แต่ก็ดูเหมือนว่าพยายามจะหยุดร้องไห้ด้วย ซึ่งก็ทำให้ผมต้องยิ้มออกมาบางๆ เมื่อรู้สึกได้ว่าไนล์กำลังขยับซุกอกผมทั้งที่กำลังร้องไห้

“ไม่ต้องกลัวนะครับเด็กดี เพราะถ้าไนล์ตกใจเจ้าตัวเล็กก็จะตกใจตาม ลูกไม่รู้ว่าหม่าม้าเป็นอะไร ลูกจะเป็นห่วงหม่าม้าเหมือนที่พี่เป็นห่วงไนล์นะ” ผมพยายามพูดปลอบและนั่นก็ทำให้เสียงสะอื้นของไนล์ค่อยๆ เงียบลง

“พี่ภูเจ็บไหมครับ พี่ภูอดทนอีกนิดนะ รถพยาบาลจะมาแล้ว” น้องดันตัวออกจากอ้อมกอดผม ใบหน้าน่ารักดูซีดเซียวและไม่สบายใจ ในขณะที่เมือเล็กๆ ของน้องก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาอุดแผลที่กำลังเลือดออกของผมไว้อย่างเบามือ

“พี่ไม่เจ็บครับ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” ผมโยกตัวน้องเบาๆ เพื่อปลอบใจ และเป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้เทมส์วิ่งหน้าตื่นมาถึงพอดี

“ไอ้ภู!!! ไนล์!!” มันทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าผมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด พอเห็นแผลที่แตกตรงหางคิ้วข้างที่กระแทกกับกำแพง มันก็รีบหันไปหาน้องมันพร้อมกับลูบเนื้อลูบตัวสำรวจทันที

ก็เข้าใจอยู่นะว่ามันต้องเป็นห่วงไนล์มากกว่าอยู่แล้ว แต่ผมหัวแตกเลือดอาบเลยนะ ใจคอมันไม่คิดจะถามผมสักนิดจริงๆ หรอ

“ไนล์ ไนล์เจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ท้องล่ะ กระแทกไหม? หรือว่า...”

“พี่เทมส์ ไนล์ไม่เป็นอะไรครับ แต่พี่ภู.. ฮึก พี่ภูหัวแตก พี่เทมส์ช่วยพี่ภูหน่อย” ไนล์พูดตัดบทสวนก่อนที่เทมส์จะพูดจบประโยค ไอ้เทมส์เลยต้องประคองผมลุกขึ้นยืน โดยมีไนล์เข้ามาช่วยพยุงอีกข้าง

“มึงไหวไหมภู?” มันถามผมหน้าเครียด ก่อนจะหันไปทางจีนเหมือนอยากจะสื่อให้ผมเข้าใจว่ามันจะทำอะไร

“กูไหว มึงไปเหอะ.. ฝากจัดการด้วย จะจัดการยังไงก็แล้วแต่ กูถือว่ากูพูดและให้โอกาสจีนมามากพอแล้ว”

ผมตอบเพื่อนสนิท และผมก็หมายความตามนั้นจริงๆ เพราะผมเชื่อใจว่าเทมส์จะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม มันไม่ใช่คนใจร้าย แต่มันเป็นคนเด็ดขาดและเอาจริงเอาจัง

“ท่านรองประธานครับ รถพยาบาลมาถึงแล้วครับ” และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ รปภ.คนเดิมวิ่งกลับมาพอดี

“ผมฝากเพื่อนผมด้วย” เทมส์หันไปบอกรปภ. ก่อนจะหันมาหาน้องชายตัวเอง “ไนล์จะ...”

“ไนล์จะไปกับพี่ภูครับ ไนล์ไม่ได้เป็นอะไร พี่เทมส์ให้ไนล์ไปกับพี่ภูนะ” น้องบอกไอ้เทมส์เสียงสั่นซึ่งมันก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากถอนหายใจเบาๆ

“ครับๆ พี่ให้ไป แต่พี่จะให้ผู้ช่วยพี่ขับรถตามไปด้วย” เทมส์หันไปมองตรงประตูทางออก “น่ะ รออยู่ตรงนั้นแล้ว.. เสร็จธุระจากตรงนี้แล้วพี่จะรีบตามไป แต่ไนล์ต้องสัญญากับพี่มาก่อนว่าจะไม่ร้องไห้อีก ถ้าไนล์ทำไม่ได้พี่ไม่ให้ไปนะ”

เทมส์พูดเสียงเรียบ แววตาจริงจังมองที่หน้าท้องของน้องนิ่ง แม้มันจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ เพราะตรงนี้มีทั้งจีนและ รปภ. แต่เราทั้งคู่ก็เข้าใจดีในสิ่งที่เทมส์จะสื่อ

“ครับ ไนล์ไม่ร้องไห้แล้ว พี่เทมส์ไม่ต้องเป็นห่วง” น้องรับคำจริงจัง แม้ดวงตาจะแดงก่ำเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ ก็ตาม

“โอเคครับ งั้นให้รถโรงพยาบาลพาไปโรงพยาบาลที่อาหมออยู่ เพราะใกล้ที่สุดแล้ว... เดี๋ยวพี่ตามไปครับ”

เทมส์ว่าก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้ รปภ. เข้ามาประคองผมแล้วพาออกเดินไปยังหน้าประตูที่รถพยาบาลรออยู่ โดยมีไนล์จูงมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ภูคะ.. ภู!!” ผมได้ยินเสียงจีนแว่วมา ดูเหมือนว่าเธอจะเพิ่งได้สติและหายตกใจเลยพยายามจะวิ่งเข้ามาหาผม แต่น่าจะมีไอ้เทมส์ขวางไว้ เธอเลยทำในสิ่งที่ต้องการไม่ได้

“จีน!! คุณกับผม มีเรื่องต้องคุยกัน”

ผมได้ยินเสียงเทมส์พูดประโยคนี้เป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะเดินออกมา ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจด้วยว่าเทมส์จะจัดการกับจีนยังไง เพราะผมถือว่าผมเตือนและให้โอกาสจีนจนถึงที่สุดแล้ว

อีกอย่างผมเองก็ไม่มีแก่ใจจะสนใจใครอีกแล้ว นอกจากคนข้างกายที่กุมมือผมแน่น พร้อมกับมองมาที่ผมอย่างเป็นห่วง... คนที่รักผมมากที่สุดและผมเองก็รักเขาไม่แพ้ที่เขารักผมเลย

...ไนล์

.

.

.

“พี่ไม่เป็นอะไรมากแล้ว ไม่ร้องไห้นะครับคนดี”

ผมที่นอนพักฟื้นอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลเพื่อรอฟังผลเอ็กซ์เรย์หลังทำแผลที่หางคิ้วเสร็จ มองเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนที่ยังไงก็งอแงจะขอขึ้นมานอนข้างๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม.. ไนล์เกาะแขนและขยับใบหน้ามาเบียดซุกอยู่กับไหล่ผมแน่น ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้เป็นอะไรมากแท้ๆ แค่หางคิ้วแตกเพราะแรงกระแทกนิดหน่อย แต่ไนล์ก็ยังห่วงผมไม่เลิก

“พี่ภูรู้ได้ยังไง ผลเอ็กซ์เรย์ยังไม่ออกสักหน่อย.. ฮึก พี่ภูไม่ใช่หมอนะ” น้องต่อว่าเสียงกระเง้ากระงอด แต่ถึงอย่างนั้นประโยคและสรรพนามที่ใช้เรียกผมที่น้องกล่าวออกมานั้นทำยิ้มได้มากกว่าที่จะโกรธเคือง

“พี่ภูไม่รู้หรอกครับ แต่แค่ไนล์เป็นห่วง พี่ภูก็หายดีแล้ว ไม่เป็นอะไรมากหรอก”

ไนล์ส่งเสียง “ชิ” ออกมาเบาๆ หลังจากได้ยินผมพูดแบบนั้น แต่ถึงแม้จะหมั่นไส้ผมแค่ไหน ไนล์ก็ไม่ยอมปล่อยแขนผมอยู่ดี สุดท้ายผมเลยต้องปล่อยให้ไนล์กอดแขนอยู่แบบนั้น จนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไป ความเงียบที่โอบล้อมเราสองคนอยู่ไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามบรรยากาศแบบนี้มันดีมากจนผมไม่อยากให้ผ่านไปด้วยซ้ำ

แต่ถึงยังไงเสียผมก็คิดว่าช่วงเวลาตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ผมจะได้ปรับความเข้าใจกับไนล์ เลยตัดสินใจเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น

“ไนล์ครับ พี่...”


“ที่พี่ภูอยากคืนดีกับไนล์ เป็นเพราะพี่ภูรักไนล์หรือเป็นเพราะไนล์ท้องลูกของพี่ภูครับ?”


ผมตกใจที่จู่ๆ ไนล์ก็ถามขึ้นไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ดูเหมือนว่าน้องเองก็ชั่งใจอยู่นานพอควร เขาคงจะเดาได้ว่าผมจะพูดอะไร เลยตัดสินใจชิงถามขึ้นมาเสียก่อน


“พี่ไม่เลือกครับ” ผมตอบออกไปในที่สุด และแน่นอนว่าสร้างความตกใจให้ไนล์ไม่น้อย เจ้าตัวดันตัวออกจากอกของผม ก่อนจะมองหน้าผมอย่างสับสนและไม่เข้าใจ ซึ่งผมก็ไม่ปล่อยให้ช่วงเวลาแบบนั้นเกิดขึ้นนาน ผมเลยรีบพูดต่อ “พี่ไม่เลือก เพราะพี่เลือกไม่ได้.. พี่รักไนล์ พี่รักลูกของเรา พี่ไม่ได้อยากได้แค่เขาหรือไนล์มา แต่พี่อยากได้ครอบครัวของเรากลับคืนมาเหมือนเมื่อก่อน เมื่อตอนที่เราอยู่ด้วยกัน"


“พี่ภู...” ไนล์น้ำตาไหล แต่ครั้งนี้มันเป็นน้ำตาที่มาพร้อมกับรอยยิ้ม ไม่ใช่ความเศร้าสร้อย เป็นน้ำตาแห่งความยินดี ไม่ใช่ความเสียใจ

“พี่ทำผิดมามาก ที่ผ่านมาพี่ทำให้ไนล์เสียใจมาตลอด พอพี่คิดได้ ทุกอย่างก็เกือบสายไปหมด” ผมกระชับคนในอ้อมกอดแน่นขึ้นเพื่อทดแทนกับช่วงเวลาที่ผ่านมา “พี่สาบานกับตัวเองว่าพี่จะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ไนล์คืนมา พี่ย้ำกับตัวเองแบบนั้นก่อนที่จะรู้ว่าไนล์ตั้งท้องด้วยซ้ำ.. พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้ไนล์คิดมากว่าพี่จะมาพรากเจ้าตัวเล็กไป”

“ไนล์.. ไนล์ยอมรับว่าไนล์สับสน ไนล์สับสนมาก พี่ภูชอบย้ำว่าทำเพื่อลูก ย้ำจนไนล์น้อยใจว่าที่พี่ภูกำลังทำอยู่ ที่กำลังดูแล ที่กำลังเอาใจใส่ ก็เป็นเพราะลูกไม่ใช่เพราะไนล์.. ไนล์เลยไม่รู้ว่าตกลงแล้วพี่ภูกลับมาหาไนล์เพราะอะไรกันแน่... พี่ภูไม่เคยบอกเลยสักครั้งว่ารักไนล์”

ผมสบถด่าตัวเองด้วยความรู้สึกผิดที่เผลอทำร้ายน้องไปโดยไม่ตั้งใจอีกแล้ว ผมแค่อยากจะให้การกระทำของตัวเองเป็นเสียงที่ดังที่สุดที่จะบอกรักไนล์ แต่ผมกลับลืมไปว่า การกระทำที่ถึงแม้จะดีและทุ่มเทขนาดไหน แต่ถ้าไม่พูดออกไปตรงๆ น้องก็คงไม่ไม่มีทางรู้ได้อยู่ดี

“โถ่.. ไนล์ พี่ขอโทษ พี่ไม่คิดว่าพี่จะทำให้ไนล์คิดมากแบบนี้” ผมจูขมับน้องย้ำๆ “พี่ขอโทษที่คิดไปเองว่าถ้าพี่พิสูจน์ตัวเองให้ไนล์เห็น ทำทุกอย่างให้ไนล์เชื่อว่าพี่พร้อมจะดูแลไนล์กับลูก และทำทุกอย่างเพื่อไนล์ ไนล์ก็จะรับรู้ได้เองว่าพี่รักไนล์”

“....” ไนล์เงยหน้ามองผมนิ่งราวกับกำลังรอฟังทุกอย่าง

“พี่บอกตามตรงว่าพี่ละอายใจ พี่ไม่กล้าแม้แต่จะบอกว่ารักไนล์ด้วยซ้ำ พี่คิดว่าความรักของพี่มันน้อยนิดมากเมื่อเทียบกับทุกอย่างที่ไนล์ทำให้พี่ พี่เลยคิดโง่ๆ ว่าการพิสูจน์ตัวเองจะทำให้ไนล์เห็นและรับรู้ได้ในที่สุด แต่พี่คิดน้อยไปเพราะถึงยังไงคำพูดก็สำคัญไม่แพ้การกระทำอยู่ดี”

“พี่ภู...” ผมยิ้มพร้อมกับยื่นนิ้วไปเกลี่ยน้ำตาที่กำลังไหลช้าๆ ให้น้อง

และผมก็คิดว่ามันควรถึงเวลาสักทีที่เราสองคนจะเปิดใจคุยกันตรงๆ เพราะเราปล่อยให้เวลามันผ่านล่วงเลยมานเกินไปแล้ว


“เพราะฉะนั้น ไนล์ฟังพี่ให้ดีนะครับ.. พี่รักไนล์นะครับ รักมากๆ รักและอยากจะดูแลไนล์กับลูกให้ดีที่สุด” ผมก้มลงไปจูบริมฝีปากสีระเรื่อของน้องเบาๆ ในขณะที่ไนล์เองก็หลับตาพริ้ม ไม่ได้มีท่าทางขัดขืนหรือไม่ต้องการเหมือนที่ผ่านมา “ไนล์ให้โอกาสพี่อีกสักครั้งได้ไหม? เรากลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนเดิมนะครับ .. สัญญาเมื่อสิบปีที่แล้วพี่ขอสานต่อและทำมันไปตลอดชีวิตของเราสองคนเลยได้ไหมครับ?”


ผมถามอย่างคาดหวัง ในขณะที่น้องเองก็มองผมนิ่งและน้ำตาก็ไหลไม่หยุด ก่อนที่ร่างเล็กจะกางแขนออกแล้วโผเข้ากอดผมแน่น.. ไนล์ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนผมแทบจะขาดใจตาม

“ฮึก.. ไนล์ ไนล์รอมานานมาก ฮืออ.. ไนล์ฝันมาตลอดว่าจะได้ยินพี่บอกรักไนล์สักครั้ง สำหรับคนที่แอบรักพี่มาสิบปีอย่างไนล์ ไนล์ไม่ได้ต้องการอะไรเลย .. ฮึก ขอแค่ให้พี่.. ให้พี่ภูหันมองไนล์บ้าง ให้ไนล์ได้อยู่ในสายตาพี่บ้าง.. ฮืออ”

“ไนล์..” ผมน้ำตาไหลเงียบๆ ไม่เคยนึกรู้เลยว่าน้องต้องทุกข์ทรมานใจแค่ไหนกับสิบปีที่ผ่านมา สิบปีที่มองเห็นผมรักคนอื่น สิบปีที่รอคอยอย่างไม่มีหวัง

“แต่พอได้ไปอยู่ด้วยกัน.. ฮึก ไนล์ก็เหมือนคนโลภ ไนล์ต้องการนั่นนี่ไม่สิ้นสุด ไนล์อยากให้พี่ภูรัก ยิ่งพี่ภูดีกับไนล์.. ไนล์ก็ยิ่งอยากได้ความรักจากพี่.. ฮืออ แต่พอถูกพี่ทำร้ายเพียงเพราะเชื่อคำพูดของคนอื่น โลกของไนล์ก็...”

“ชู่วว พี่ขอโทษครับ พี่ผิดเอง ไม่คิดถึงเรื่องนั้นแล้ว.. ไม่คิดแล้ว” ผมจูบหน้าผากน้องราวกับต้องการปลอบประโลม “เราเริ่มกันใหม่นะไนล์ พี่สัญญาว่าต่อไปนี้มีอะไรเราจะคุยกัน เคลียร์กันให้เข้าใจ จะไม่มีการเข้าใจผิดและคิดไปเองอีกแล้ว โอเคไหมครับ?”

“ฮึกกก.. ครับ” น้องรับคำตาแดงก่ำจนน่าสงสาร ผมเลยต้องก้มลงไปจูบเปลือกตาน้องเบาๆ ในขณะที่ตัวไนล์เองก็หลับตาพริ้มให้ผมจูบ

“พี่จะชื่อใจไนล์ให้มากๆ ไว้ใจและให้เกียรติไนล์ให้มากๆ มีอะไรที่เป็นปัญหาหรือมีอะไรที่เราสงสัยเราจะเปิดใจคุยกัน.. แบบนี้ ตกลงไหมครับ”

“ครับ .. ตก ฮึก ตกลงครับ”

“งั้นคนเก่งของพี่ไม่ร้องไห้แล้วเนาะ” ผมลูบเบาๆ ที่หน้าท้องน้อง “วันนี้เจ้าตัวจิ๋วตกใจแย่แล้ว หม่าม้าเป็นอะไรไม่รู้ร้องไห้ทั้งวันเลย” ผมแกล้งเย้าจนในที่สุดไนล์ก็ยิ้มออก

“ก็ไนล์เป็นห่วงพี่ภูนี่ ตกใจก็ตกใจ” ผมหัวเราะก่อนจะตาเบิกโต ในขณะที่น้องเองกลับหัวเราะชอบใจ “รู้สึกใช่ไหมครับ?” ไนล์ถามผมด้วยรอยยิ้มกว้าง

“เจ้าตัวเล็กเตะมือพี่ใช่ไหมนี่” ผมพูดเคล้าเสียงหัวเราะ ในใจนึกตื้นตันขึ้นเป็นเท่าตัว มันเหมือนกับว่าเจ้าตัวน้อยในท้องรับรู้ว่าผมคือพ่อของเขา “ตัวแค่นี้ก็เข้าข้างแม่แล้วหรอเนี่ย เรานี่มันนกรู้จริงๆ เลยนะ”

“ลูกไนล์ก็งี้แหละ” ผมแกล้งพูดแหย่เป็นผลให้เจ้าตัวจิ๋วรัวเท้าทักทายผมใหญ่ เล่นเอาไนล์ทั้งหัวเราะทั้งบ่นโอดโอยว่าเจ็บไม่หยุด

“ไม่เอาแล้วครับตัวเล็ก เดี๋ยวหม่าม้าเจ็บนะลูก” และก็เหมือนจะได้ผลทันตา เพราะพอผมบอกแค่นั้นเจ้าจิ๋วก็หยุดถีบท้องไนล์ทันที แบบนี้จะไม่ให้เรียกว่าตัวแสบแล้วจะเรียกว่าอะไร

ไนล์กับผมหัวเราะและพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับลูกอยู่พักใหญ่ จนดูเหมือนว่าไนล์จะเริ่มเหนื่อยและเริ่มอยากจะนอน แต่ใจก็ยังคงพะวงอยู่กับผลเอ็กซ์เรย์ที่ยังไม่ออกของผม

“เหนื่อยก็พักก่อนครับ ไม่ต้องห่วงพี่ เดี๋ยวพอผลมาพี่สัญญาว่าจะปลุก หนูเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ” ผมพยายามพูดกล่อมแต่ไนล์ก็ยังคงดึงดันไม่ยอม

“ไม่เอา ไนล์จะรอ พี่ภูห้ามห้าม ไนล์เป็นห่วงนี่” น้องเถียงแต่ตากลับจะปิด ก่อนจะออกคำสั่งกับผมอย่างน่ารัก “ชวนไนล์คุยหน่อย ไนล์ไม่อยากหลับ”

ผมยิ้มก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าอยากคุยอะไรกับน้อง และเวลานี้ก็เหมาะที่สุดแล้วที่จะทำให้เรื่องระหว่างเราชัดเจนเสียที

“ไนล์ครับ.. กลับไปอยู่กับพี่นะ กลับไปอยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก ให้พี่ได้ทำหน้าที่ของพ่อของสามี ให้พี่ภูได้ดูแลไนล์ ได้เลี้ยงลูกของเราไปด้วยกัน... พี่ภูรักไนล์นะครับ”

ไนล์ยิ้มทั้งที่ตาโรยใกล้จะปิดเต็มที แต่ถึงอย่างนั้นคนในอ้อมเขนผมก็มีสติมากพอจะตอบ และคำตอบนั้นก็ทำเอาผมยิ้มกว้างจนแทบจะหุบไม่ได้

“ครับ กลับไปอยู่ด้วยกันเราสามคน.. พ่อ แม่ ลูก” น้องขยับซุกอกผมกอนจะปิดเปลือกตาลงพร้อมขยับร้อยยิ้มบาง “ไนล์ก็รักพี่ภูครับ”

ตอนนี้ผมว่าไม่ต้องรอผลเอ็กซ์เรย์แล้วล่ะ ดูเหมือนผมจะหายป่วยได้เพียงเพราะคำๆ เดียวจากน้องที่ผมได้ยิน


ไนล์ก็รักพี่ภูครับ

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-24 : Universe; Epilogue-US)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 24-09-2020 20:55:58
(อ่านต่อจากด้านบน)

.

.

.

“กูไม่คิดว่ามึงจะเตรียมทุกอย่างไว้ ไม่คิดว่ามึงจะจัดการจีนได้ถ้ากูไม่ลงไปช่วย”

ไอ้เทมส์พูดขึ้นในขณะที่เราสองคนยืนคุยกันอยู่หน้าบ้านไนล์ วันนี้เราสองครอบครัวนัดกันกินข้าวเย็นร่วมกัน ที่จริงก็เหมือนกับการสู่ขอไนล์อย่างไม่เป็นทางการนั่นแหละ .. ผมตั้งใจอยากจะขอน้องกับคุณพ่อและคุณแม่อย่างจริงๆ จังๆ สักที เลยให้ไอ้เทมส์ช่วยจัดดินเนอร์ให้เราสองครอบครัวบังหน้า

“กูก็กะจะให้คนของกูเข้าไปคุยอยู่ แต่จีนดันเข้ามาหาเรื่องไนล์ก่อน” ผมพูดพร้อมกับถอนหายใจ “นี่ขนาดเตรียมไว้แล้วก็แทบจะไม่ทัน โชคดีที่ไนล์ไม่เป็นอะไร นึกแล้วยังโมโหตัวเองไม่หายเลยแม่ง”

“แต่ก็เอาเหอะ ทุกอย่างเรียบร้อยก็ดีแล้ว” ไอ้เทมส์ว่า ก่อนจะพูดติดตลก “แต่จะว่าไปทนายมึงก็เก่งนะ ไล่ดักจีนทุกทางเลย จากที่ไม่ยอมก็เลยยอมจนได้”

“กูได้ยินมาว่าจีนโคตรตื๊อ ตอนแรกทำท่าจะไม่ยอมด้วยซ้ำ” ผมถอนหายใจ ลึกๆ อดรู้สึกผิดไม่น้อย แต่ถ้าไม่เอาจริง จีนก็ไม่เลิกยุ่งกับลูกกับเมียผมสักที

“มึงเลยใช้ไม้ตาย แจ้งความเลยว่างั้น” ไอ้เทมส์แซวขำๆ “ข้อหาทำร้ายร่างกาย เอาเรื่องว่ะ ฮ่าๆ”

“มึงยังจะขำ” ผมหันไปด่ามันแบบไม่มีเสียง ก่อนจะแซวกลับบ้าง “มึงก็ใช่ย่อยนิ เพราะตอนแรกเห็นทนายกูบอกว่าจีนเหมือนจะไม่ค่อยเกรงกูเท่าไหร่ เพราะคิดว่ากูจะไม่ทำจริง แต่พอมึงเข้าไปพูดอะไรไม่รู้ จู่ๆ จีนก็ยอมทำตามข้อตกลงเฉย.. มึงไปพูดอะไรวะ ทำไมจีนถึงยอมกลับอเมริกาแต่โดยดี”

“มึงจะอยากรู้ทำไม กูจัดการให้แล้วก็คือจัดการให้แล้วดิ” มันหันมามองหน้าผมอย่างกวนประสาท “จะตามไปง้อกลับมาหรือไง หรือคิดถึง? ทำไมถามบ่อยจังวะ?”

“ง้อหน้ามึงสิ!” ผมทำหน้าเข็ดขยาด “แค่นี้กูก็เข็ดจะตายห่า ไปตามกลับมาทำบ้าอะไรล่ะ กว่าไนล์จะยอมยกโทษให้ กูไม่กล้าหาเหาใส่หัวอีกหรอก” ผมส่ายศีรษะเป็นตุ๊กตาเสียกบาล ยอมรับเลยว่าไม่อยากให้วนลูปกลับไปเป็นแบบเดิมอีก

“พ่อบ้านใจกล้าเลยดิ” ไอ้เทมส์พูดเคล้าเสียงหัวเราะจนงอหาย “ทั้งรัก ทั้งหลง ทั้งกลัว ทั้งอยู่ในโอวาทน้องกูเลยว่างั้น.. มึงแม่งเปลี่ยนจากหลังตีนเป็นหน้ามือเลยว่ะไอ้ภู”

ผมยักไหล่ ทำท่าไม่ยี่หระใส่มัน ก่อนจะยืดอกแล้วตอบเพื่อนที่มีศักดิ์เป็นพี่เขยอย่างเต็มภาคภูมิ

“เออ กูรักน้องมึงชิบหาย ทั้งรักทั้งหลงทั้งเกรงใจ น้องมึงสั่งให้กูทำอะไร กูยอมทำตามทั้งนั้นอะ”

ไอ้เทมส์ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นเมื่อเห็นผมยอมรับว่าทั้งหงอทั้งกลัวเมียอย่างที่มันล้อ ซึ่งผมเองก็ไม่ไดติดใจจะโกรธเคืองมันหรืออะไร เพราะผมก็เป็นจริงอย่างที่มันว่านั่นแหละ

ผมยอมให้ไอ้เทมส์ล้อว่ากลัวเมียจนตาย ดีกว่ายอมให้ไนล์กลับไปโกรธอีกครั้ง

และหลังจากมันหัวเราะจนหนำใจ เราสองคนก็นั่งลงตรงเก้าอี้ในสวนใกล้ๆ ก่อนจะเริ่มคุยกันอย่างจริงจังอีกครั้ง

“กูถามอย่างนึง ถ้าสมมติจีนไม่ยอมทำตามที่ตกลง มึงจะทำอย่างที่ขู่จริงไหมวะ เรื่องแจ้งความน่ะ” ไอ้เทมส์ถามเสียงเรียบ บ่งบอกถึงความจริงจัง

“ใครบอกมึงว่ากูขู่ กูไม่ได้ขู่ เอาจริงคือกูให้คนไปลงบันทึกประจำวันแล้ว ตั้งใจว่าถ้าจีนไม่ทำตามที่ขอดีๆ กูก็จะแจ้งความเอาเรื่อง ..มันอาจจะดูใจร้าย แต่ถ้ากูไม่เอาจริง ชีวิตครอบครัวกูก็ไม่สงบสุขสักที”

ไอ้เทมส์ยิ้มขำ ก่อนจะกันมามองหน้าผม แล้ววกกลับมาตอบคำถามที่ผมถามไว้ก่อนหน้า

“กูก็เหมือนกัน.. กูก็ทำแบบมึง ทำให้แน่ใจว่าจีนจะกลับอเมริกาไปแล้วไม่กลับมาอีก” ผมตั้งใจฟังไอ้เทมส์เล่าอย่างสงบนิ่ง ยอมรับว่าไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะถ้าสนิทกับมันจะรู้นิสัยมันดี.. อย่างที่ผมบอก เทมส์ไม่ใช่คนใจร้าย แต่มันเป็นนักธุรกิจ มันเป็นคนเด็ดขาดและรู้จักการต่อรองและการต่อรองของมันจะต้องจบลงที่มันคือฝ่ายได้ประโยชน์ไม่ใช่เสียประโยชน์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าฝั่งตรงข้ามคือคนที่ทำร้ายน้องชายที่เป็นเหมือนยอดดวงใจของมัน

“มึงพูดยังไงจีนถึงยอม” ผมตัดสินใจเอ่ยถาม เพราะอยากรู้เหตุผลที่ทำให้จีนยอมไปว่ามันหนักแน่นและผูกมัดมากพอที่จะทำให้จีนไม่กล้ากลับมาไหม

“กูไม่ได้พูดอะไรมาก กูแค่บอกไปว่า ‘ถ้าภายในวันพรุ่งนี้จีนไม่กลับไปอเมริกา ผมจะแจ้งตำรวจจับจีนด้วยข้อเดียวกับที่ไอ้ภูแจ้ง.. นั่นก็คือข้อหาทำร้ายน้องชายผมให้บาดเจ็บ’ .. กูก็บอกไปแค่นี้”

ผมทำหน้าประหลาดใจก่อนจะถามมันให้หายข้องใจ “จีนไม่ตกใจต่ายห่าเลยวะที่รู้ว่าไนล์เป็นน้องมึง เพราะก่อนหน้านี้จีนต่อว่าไนล์ให้มึงฟังอยู่ไม่ใช่หรอ?”

“ตกใจดิ” ไอ้เทมส์เฉลยก่อนจะยักไหล่ “และเพราะตกใจนั่นแหละ มันเลยยิ่งง่าย เพราะเท่ากับว่าจีนจะรู้ตัวแล้วว่าเรื่องที่โกหกกูไว้นั้น กูรู้ทันทั้งหมด เพราะฉะนั้นทางเลือกของจีนเลยจะเหลือไม่มากนักนอกจากยอมตกลง”

“มิน่า จีนถึงยอมรับเงิน รับข้อเสนอ รับทุกอย่างที่กูยื่นให้ ไม่ต่อรองอะไรสักนิด” ผมเปรยเบาๆ นึกแปลกใจว่าผมคบจีนมาเป็นสิบปีได้ยังไง ทำไมผมถึงไม่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของเธอเลยสักนิด

“จีนเป็นคนฉลาด แล้วข้อต่อรองของมึงก็ไม่แย่ ขอแค่จีนไม่กลับมา เงินก้อนที่มึงให้จีนใช้ได้สบายๆ ทั้งชาติก็ไม่หมด แต่ถ้าจีนโง่กลับมาก็มีแต่ต้องติดคุกกับต้องใช้หนี้ ... มึงจับเซ็นสัญญาไว้แล้วนี่”

ไอ้เทมส์ร่ายยาว เพราะมันรู้ข้อตกลงที่ผมให้ทนายไปทำไว้กับจีนเป็นอย่างดี… เงินหนึ่งก้อน แลกกับการไม่กลับมาที่นี่อีก เพราะถ้ากลับมาที่นี่เมื่อไหร่ จีนจะต้องชดใช้หนี้เป็นเงินก้อนนั้นคูณสิบเท่า และข้อหาทำร้ายร่างกายก็จะยังคงอยู่ ซึ่งทุกอย่างผมจับจีนเซ็นเป็นสัญญาไว้หมดแล้ว นั่นเท่ากับว่าถ้าจีนกลับมา จีนจะหมดอนาคตทันที

ผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้ใจร้าย ผมแค่ป้องกันและทำให้ครอบครัวผมได้อยู่อย่างมีความสุขก็แค่นั้น

“กูรู้ว่าจีนจะเลือกอะไร.. จีนไม่กลับมาหรอก เพราะถ้าจะให้กูพูดตรงๆ กูคิดว่าจีนน่าจะรักเงินมากกว่ามึง” ไอ้เทมส์สรุปติดตลกให้ผมต้องหัวเราะดังลั่น

“แต่ถึงอย่างนั้นกูก็ต้องขอบคุณมึงมากอยู่ดี” ผมตบไหล่เพื่อนสนิทเบาๆ “ขอบคุณและขอโทษสำหรับทุกอย่างนะเทมส์”

ไอ้เทมส์มองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะยิ้ม “กูไม่ขออะไรมึงมากหรอกนะภู ขอแค่ให้มึงดูแลน้องกับหลานกูให้ดี รักทั้งสองคนให้มากๆ ให้สมกับที่มึงกับไนล์ต้องผ่านอะไรกันมาตั้งหลายอย่าง อย่าให้ความรักของทั้งมึงและไนล์ต้องสูญเปล่า.. มึงทำให้กูได้ไหมวะ”

“ได้ดิเทมส์ กูทำได้... กูไม่ขอสัญญา แต่กูจะทำให้มึงดู มึงรอดูได้เลย” ผมยิ้มให้มัน พร้อมกับมองหน้ามันด้วยสายตามั่นคง “กูจะทำให้น้องมึงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก และกูจะทำให้มึงภูมิใจที่มึงเลือกไว้ใจคนไม่ผิด”

“เออ กูจะรอดู” ไอ้เทมส์พูดยิ้มๆ ด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ ก่อนจะตบไหล่ผมเบาๆ “ขอบใจมากภู ถึงมึงจะกลับมาช้าไปหน่อย แต่ก็ขอบใจมากที่มึงกลับมา”

ผมยิ้ม พร้อมกับคิดในว่า .. ผมเองก็ดีใจที่ได้กลับมา

.

.

.

Nateetouch’ s Part


การกินข้าวเย็นในครอบครัวเต็มไปด้วยความเรียบง่ายเพราะรายล้อมไปด้วยคนที่ผมรักและรักผม รวมไปถึงลม เพื่อนสนิทคนเดียวที่ผมมี

“ลมไม่เป็นลุงนะ ลมจะเป็นอา” ผมกับลมนั่งเถียงกันเรื่องสรรพนามที่จะให้ลูกชายผมเรียก ผมยืนยันว่าจะให้ลมเป็นลุงเพราะลมอายุมากกว่าผม แต่ลมก็ดึงดันจะเป็นอาเพราะไม่อยากแก่

“แต่ลมอายุมากกว่าเรา ลมจะเป็นอาได้ยังไง ลุงนั่นแหละถูกแล้ว” ผมเถียงหน้าดำหน้าแดง และยิ่งพอหันไปเห็นทุกคนหัวเราะมากกว่าที่จะเข้าข้าง ผมก็เลยหันไปหาพี่ภูที่นั่งอยู่ข้างกัน “พี่ภูครับ...”

ผมกดเสียงต่ำ จ้องหน้าคนเป็นสามีอย่างเอาจริงเอาจัง ยังไงผมก็จะไม่ยอมแพ้ลมแน่

“ครับๆ เดี๋ยวพี่จัดการให้นะ” พี่ภูพูดพร้อมกับยิ้มให้ผมอย่างเอาใจ ก่อนที่จะหันไปหาลม “นายก็เป็นลุงไปนั่นแหละ หน้าแก่ขนาดนี้จะมาเป็นอาได้ยังไง”

ผมหลุดยิ้มตอนที่ได้ยินพี่ภูพูดอย่างนั้น ก่อนที่จะได้ยินลมเถียงอย่างไม่ยอม “ถ้าผมสอนให้หลานเรียกอา ยังไงหลานก็เรียก พี่ไม่ต้องมาบังคับ”

“เอาน่าๆ เป็นลุงไปแหละ” พี่ภูเหลือบมองผม ก่อนจะหันไปขยิบตาให้ลมแล้วลดเสียงลง พยายามไม่ให้ผมได้ยินแต่ผมก็ได้ยินอยู่ดี “เดี๋ยวเลี้ยงเหล้า ยอมไนล์ไปเถอะ”

ลมยิ้มพร้อมกับต่อรอง “ร้านที่ผมเลือก ถ้าพี่ยอมผมก็ดีล”

“เออๆ ยอมๆ” พี่ภูพยักหน้ารับ ในขณะที่ผมเงื้อมือฟาดแขนคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีดังเพี๊ยะ

“พี่ภู!! ให้ไปเถียงสู้ ไม่ใช่ให้ไปเลี้ยงเหล้าติดสินบน พี่นี่!!” พี่ภูยิ้มแห้ง ในขณะที่คนทั้งโต๊ะอาหารหัวเราะกันยกใหญ่

“หนู.. แต่พี่ก็ทำให้ลมยอมเป็นลุงให้หนูได้แล้วไง ไม่ตีพี่นะครับ” พี่ภูพยายามต่อรอง ทำหน้าตาน่าสงสารเสียโอเวอร์ ทำเอาผมที่พยายามเก็กหน้าขรึม ถึงกับหลุดขำ “นี่ไง หนูหัวเราะแล้ว.. ไม่อารมณ์เสียนะครับ เดี๋ยวคืนนี้ฝันร้าย”

ผมหัวเราะ ในขณะที่พี่เทมส์ทำหน้าเหม็นเบื่อก่อนจะขัด “เอามาจากไหนวะไอ้ภู มึงกลัวน้องกูอารมณ์เสียแล้วไม่ยอมให้มึงเข้าห้องมากกว่า”

พี่ภูหันมาถลึงตาใส่พี่เทมส์ทันทีหลังจากพูดจบก่อนจะซุบซิบเสียงเบา “มึงนี่.. ปากไม่ดี เดี๋ยวกูด่า” ก่อนจะหันมาหาผม “อย่าไปฟังคนอื่นนะครับ ฟังพี่คนเดียวพอ”

ผมที่อยากจะดึงหน้าโกรธอีกสักหน่อยแต่ก็กลั้นไม่ไหว พี่ภูในวันนี้ต่างจากพี่ภูที่เจอกันหลังกลับมาจากอเมริกาใหม่ๆ มาก เพราะตอนนี้เขาเหมือนลูกหมาตัวโตๆ ที่ชอบอ้อน ชอบทำตัวน่ารักใส่ให้ผมได้หลุดยิ้มตอลด

“พี่ภูพอเลย.. เลิกอ้อนไนล์สักที” ผมทำเป็นบ่น แต่ก็ยิ้ม “ถอยไปหน่อยครับ ขยับเก้าอี้มาทำไมเนี่ย”

ผมมองเก้าอี้ที่ขยับมาจนชิดแล้วหลุดยิ้ม.. และใช่ เดี๋ยวนี้เขาชอบเข้ามาคลอเคลียผมด้วย ถ้าไม่ได้ไปไหนทำอะไร เขาจะชอบมาวนๆ เวียนๆ อยู่ใกล้ๆ ผม ซึ่งตัวผมเองก็ชอบให้เขาอยู่ใกล้ๆ เหมือนกัน

“ทำไมล่ะครับ ไนล์ไม่ชอบหรอ? แต่พี่ชอบ พี่ชอบอยู่ใกล้ๆ ไนล์กับลูก” พี่ภูว่าก่อนจะเอื้อมมือมาลูบท้องผมเบาๆ เล่นเอาได้ยินคำด่าทอปนหมั่นไส้จากพี่เทมส์มาเป็นชุด ในขณะที่ทั้งพ่อแม่ผมและแม่พี่ภูหัวเราะไม่หยุด

และภาพที่เห็นนั้นทำเอาผมอดระบายยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้

ผมมองทุกคนที่พูดคุยกันด้วยเสียงหัวเราะพลางเอามือลูบหน้าท้องตัวเองที่ยื่นออกมาเบาๆ และเจ้าตัวจิ๋วในท้องผมก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย .. เด็กน้อยของผมกำลังขยับตัวไปมา ราวกับรับรู้ว่าตอนนี้ผมมีความสุขมากแค่ไหน


และใช่ ผมกำลังมีความสุขมากเหลือเกิน


ผมมีความสุขที่ทุกคนมีความสุข และผมก็มีความสุขที่ผมกับพี่ภูเข้าใจกันด้วยดี แม้เราจะต้องผ่านเรื่องราวอะไรด้วยกันมามากมาย แต่มันก็ทำให้ผมมั่นใจได้ว่า ต่อจากนี้ไปเราสองคนจะเข้มแข็งขึ้น เชื่อใจกันมากขึ้น และประคับประคองชีวิตคู่ให้ดีขึ้นได้โดยมีลูกน้อยของเราเป็นสื่อกลาง

และที่ทำให้ผมมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีกก็คือเมื่อผมมองไปยังเพื่อนสนิทของผม เพื่อนที่ผมยกให้เป็นอีกคนสำคัญของชีวิตนอกเหนือจากครอบครัว เพื่อนที่ก่อนหน้านี้ผมกังวลเหลือเกินว่าความสัมพันธ์ของเราคงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก หรือมันอาจจะต้องใช้เวลาแต่ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขาจะทำใจได้

แต่ลมกลับทำได้ดีกว่านั้น

ลมที่ตอนนี้กำลังนั่งหัวเราะกับมุกตลกที่เทมส์เล่น ลมที่ตอนนี้พูดคุยกับพี่ภูได้อย่างสนิทใจ และมีบางวันสองคนก็นั่งดื่มกันเงียบๆ โดยที่ไม่ได้ทะเลาะหรือมีเรื่องให้เขม่นอะไรกันเหมือนแต่ก่อน ลมที่ยอมรับเรื่องผมกับพี่ภูได้มากขึ้น เขาถึงขั้นกับบอกว่าเขายินดีที่จะเป็นพ่อทูนหัวให้ลูกชายของผม พ่อทูนหัวที่จะยินดีรักลูกของผมเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเอง ลม.. ที่บอกว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีของผมตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

ลม.. ที่กำลังส่งยิ้มให้ผม โดยที่นัยน์ตาของเขาไม่ได้เศร้าศร้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาทำให้ผมเชื่อได้จริงๆ ว่าเขาตัดใจจากผมได้ เขาพร้อมที่จะเริ่มใหม่ในฐานะเพื่อน ซึ่งแรกๆ ผมเองก็กังวล เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดใจจากการรักข้างเดียวมาเป็นสิบปี ผมเองก็เคยแอบรัก ผมเลยรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ลมก็พิสูจน์ให้ผมเห็นแล้วว่าเขาทำได้

ผมเองก็ถามลมนะว่าทำไมลมถึงตัดใจได้ และยินดีกลับไปเป็นเพื่อนกับผมตามเดิม ซึ่งคำตอบที่ลมตอบผมมาก็ทำให้ผมยิ้มออก ... คำตอบของลมทำให้ผมรู้ว่าความรักของเขานั้นยิ่งใหญ่แค่ไหนต่อให้ความสัมพันธ์ของเราเหลือแค่เพื่อน มันก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย


‘ลมตัดใจได้เพราะลมเห็นและเชื่อแล้ววว่าพี่ภูจะดูแลไนล์และลูกได้ ลมวางใจว่าลมจะสามารถฝากเขาให้ดูแลไนล์กับลูกได้ และที่สำคัญลมชื่อว่าเขารักไนล์ไม่แพ้ที่ลมรัก ลมเลยยินดีที่จะปล่อยมือจากไนล์โดยที่ไม่ต้องห่วงอะไรอีก'


และในขณะที่ผมคิดว่าผมมีความสุขมากๆ จนล้นอกแล้วนั้น ผมก็มีความสุขมากยิ่งขึ้นไปได้อีก เมื่อจู่ๆ พี่ภูก็กระแอม แล้วพูดขึ้นมากลางโต๊ะอาหาร หลังจากที่เราจัดการทุกอย่างจนอิ่มท้องแล้ว

“อะแฮ่มๆ เอ่อ.. ในเมื่อวันนี้เราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ผมเลยอยากจะขออนุญาตทุกคน ไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อคุณแม่ของไนล์ ไอ้.. เอ่อ เทมส์ในฐานะพี่ชาย และลมในฐานะเพื่อนสนิทของไนล์”

“...” ทุกคนเงียบ เพราะกำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่ภูจะพูดในขณะที่ผมใจเต้นรัวเร็วจนเจ็บอก เพราะพอจะเดาได้ว่าพี่ภูจะพูดอะไร

และถึงแม้ผมจะรู้แต่ผมก็อดตื่นเต้นและตื้นตันไม่ได้ ผมไม่เคยคิดเคยฝันจริงๆ ว่าจะมีวันนี้... จากวันที่เป็นคนแอบรัก จนพี่ภูรักกลับ และตอนนี้เขาก็กำลังจะพูดในสิ่งที่ผมอยากได้ยินมาตลอด แต่ไม่เคยกล้าหวังว่ามันจะเกิดขึ้นจริง


“ผมอยากจะขอน้องจากทุกคน.. ทุกคนที่ไนล์ให้ความสำคัญ” พี่ภูสูดลมหายใจเข้าลึก แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจริงใจ “ผมขออนุญาตดูแลน้องกับลูกตลอดไปนะครับ ดูแลน้องในฐานะสามีของน้องและพ่อของลูกที่กำลังจะเกิด ผมสัญญาว่าจะดูแลน้องให้ดีที่สุดเท่าที่คนอย่างผมจะทำได้.. ให้อนุญาตผมได้ไหมครับทุกคน”


ผมยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อเห็นว่าทุกคนพยักหน้า โดยมีพ่อกับแม่เป็นตัวแทนของทุกคนเอ่ยขึ้น

“พ่อกับแม่อนุญาต .. ฝากน้องกับหลานด้วยนะพี่ภู” พ่อผมกับพี่เทมส์ยิ้ม ในขณะที่แม่เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความยินดีไม่ใช่ความเสียใจ

ส่วนลม.. เขาหันมาพยักหน้าให้ผม พร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

แค่นั้นหัวใจผมก็เต็มตื้นด้วยความยินดี และมันก็ยินดีมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อพี่ภูหันมาทางผม เขาคุกเข่าลง ดึงมือผมไปกุมไว้ สบตาผมอย่างอบอุ่นอ่อนโยน เป็นสายตาเดียวกับพี่ภูเด็กชายในร้านไอศครีมเคยใช้มองผม แววตาแบบเดียวกับที่ทำให้ผมตกหลุมรักมายาวนานถึงสิบปี


“สุดท้ายพี่อยากจะขอไนล์... ขอให้พี่ได้ดูแลไนล์กับลูกไปตลอดชีวิต ขอเราได้อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า ใช้ชีวิตที่เหลือไปด้วยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน เฝ้าดูลูกของเราเติบโตไปด้วยกัน... ไนล์แต่งงานกับพี่นะครับ”


“ฮึก...” ผมพยักหน้าทั้งน้ำตา ก่อนจะตอบรับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นเพราะกำลังร้องไห้ แต่ก็ชัดเจนมากพอที่จะทำให้พี่ยิ้มกว้างก่อนจะจูบเบาๆ ที่หน้าท้องผมอย่างยินดีและเต็มไปด้วยความขอบคุณ “แต่งครับ ไนล์..จะฮึก ไนล์จะแต่งงานกับพี่ภู”

“ขอบคุณนะครับคนดีของพี่.. ขอบคุณครับ”

พี่ภูลุกขึ้นยืนก่อนจะสวมกอดผมอย่างแนบแน่น กอดผมด้วยอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรักจนผมสัมผัสได้ กอดผมโดยที่มีลูกน้อยของผมและเขาอยู่ระหว่างกลางความรักความอบอุ่นที่ผมและเขาส่งผ่านให้กันและกันอย่างเต็มที่ กอดผมเพื่อแทนคำสัญญาว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยผมไปหรือทำให้ผมเสียใจอีก

“ขอบคุณที่รอพี่ ... พี่รักไนล์นะครับ” คำกระซิบแผ่วเบาแต่หนักแน่นในความรู้สึกทำให้ผมต้องตอบกลับไปด้วยประโยคเดียวกัน

“ไนล์ก็รักพี่ภู... ขอบคุณนะครับที่กลับมานะ”

และสิบปีที่ยาวนานของผมสิ้นสุดลงเสียที... พี่ภูของไนล์

.

.

.

THE END

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Last Talk

ก่อนอื่นเลย ถ้านักอ่านท่านไหน อ่านจนมาถึงตรงนี้ สิ่งที่เราอยากจะบอกก็คือ... ขอบคุณมากๆ ขอบคุณมากนะคะ ที่อยู่กับเรามาจนถึงตอนสุดท้าย เดินทางด้วยกันมายาวนานถึง 7 เดือน เรารู้สึกซาบซึ้งใจมากที่พวกคุณเปิดใจให้นินยายเรื่องนี้จนถึงตอนจบ .. ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ

กับเรื่อง YOUniverse #พี่ภูของผม เป็นเรื่องที่เขียนยาวมาก ยาวที่สุดเลยนับตั้งแต่เขียนมา 5-6 เรื่อง ด้วยความที่รายละเอียดมันเยอะ ละมีจั๊มไทม์ตั้งแต่พระเอกนายเอกเป็นนักเรียนจนเรียนจบมีงานทำ มันเลยอาจจะดูน่าเบื่อไปบ้าง ยืดเยื้อไปนิด ออกทะเลไปหน่อย 555555555 แต่ยังไงเราก็ดีใจมากๆ ที่ปั้นนิยายเรื่องนี้จนจบได้

ซึ่งมันก็มีบ้างที่ท้อ เหนื่อย เสียใจหรือหมดหวัง แต่เราก็ผ่านมันมาได้ทุกครั้งเพราะจากกำลังใจและจากคอมเม้นท์ของทุกคน พวกคุณเปรียบเสมือนโอเอซิสหรือแหล่งน้ำเล็กๆ ให้เราได้หยุดพักหายใจเพื่อให้เดินต่อไปได้ เพราะฉะนั้นที่นิยายเรื่องนี้จบลงอย่างสมบูรณ์ได้ เรายกเครดิตให้พวกคุณหมดเลย เป็นเพราะพวกคุณทั้งนั้น เราถึงผ่านมันมาได้ และเขียนนิยายเรื่องนี้ให้จบลงด้วยดี

ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณอีกครั้ง ถ้ามีคำไหนที่ยิ่งใหญ่มากกว่าคำว่าขอบคุณเราก็อยากจะยกให้ พวกคุณเป็นทั้งแรงผลักดันและแรงใจ การที่ยูนิเวิร์สขึ้นคำว่า "The END" ได้ ก็มาจากพวกคุณทั้งนั้น ไม่ใช่ใครเลย

ก็.. สำหรับเราในวันนี้ตอนนี้ นิยายเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่เราก็หวังว่าจะทำให้คนที่เข้ามาอ่านทุกคนได้มีความสุขบ้างไม่มากก็น้อย เราตั้งใจและจริงใจมากในการคิดเขียนและพิมพ์ออกมาในทุกๆ ตัวอักษร และหวังใจว่าเราจะได้รับการสนับสนุนจากพวกคุณอีกในนิยายเรื่องถัดๆ ไปนะคะ

รักพวกคุณมากๆ .. ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

ป.ล.ตอนพิเศษลงให้วันจันทร์นะคะ แล้วเรามาเจอกับแขกรับเชิญพิเศษวัยสี่ขวบกันค่าาา เจอกันค้าบบ <3
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-24 : Universe; Epilogue-US)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 24-09-2020 21:10:35
 o13
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-24 : Universe; Epilogue-US)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 24-09-2020 21:34:45
 :katai2-1: จบลงอย่างสวยงาม
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-24 : Universe; Epilogue-US)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-09-2020 21:36:06
ตื้นตันในที่สุดก้อขอน้องแต่งงาน
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-24 : Universe; Epilogue-US)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-09-2020 21:50:50
 :L2: :L1: :3123: :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-24 : Universe; Epilogue-US)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 24-09-2020 21:58:57
จบแล้ว ขอบคุณคนเขียนนะคะ :mew2:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-24 : Universe; Epilogue-US)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-09-2020 22:56:01
งุ้ยยย อยากอ่านตอนพิเศษแล้วววว เด็กน้อยจะโตไปมีเรื่องของเค้ามั้ย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-24 : Universe; Epilogue-US)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-09-2020 22:56:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-24 : Universe; Epilogue-US)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 25-09-2020 03:00:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-24 : Universe; Epilogue-US)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-09-2020 10:07:05
ขอแต่งซักทีนะพี่ภู ดีใจกับน้องด้วย
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-24 : Universe; Epilogue-US)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 25-09-2020 23:08:45
ตื้นตัน​ อบอุ่น
เหนือสิ่งอื่นใดคือยินดีกับไนล์จริิงๆ
การรอคอยของไนล์สิ้นสุดลงสักที
อ่านมาตั้งแต่เเรกเลย​ จนวันนี้​ยอมรับว่า
ผูกพัน

รออ่าานพาร์ทเจ้าตัวน้อยอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 28-09-2020 18:37:48
Special Chapter : ไม้เบื่อไม้เมา


Kirin's Part


น้องสกาย หรือ เด็กชายนคินทร์ อคิระไพบูลย์ เกิดมาพร้อมกับความรักที่ได้รับท่วมท้นจากทั้งพ่อแม่ คุณตาคุณยาย คุณย่า และคุณลุง หรือแม้กระทั่งจากคนต่างสายเลือดอย่างน้าลม ก็หลงเด็กคนนี้จนแทบจะประเคนทุกอย่างให้ ซึ่งเจ้าตัวน้อยเองก็เผื่อแผ่ความรักมากมายกลับไปให้แก่ทุกคน ยกเว้นก็แต่...

“หม่ะม้าๆๆ แง้!!” เด็กน้อยร้องไห้จ้าเมื่อคนเป็นแม่ส่งให้คนเป็นพ่ออุ้ม

ส่วนคนที่ถูกลูกเมินอย่างผมก็ถึงกับถอนหอยใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะพูดตัดพ้อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างจนใจ

“ทำไมล่ะครับสกาย หนูโกรธอะไรพ่อล่ะลูก ร้องไห้ทุกครั้งเลยเวลาพ่ออุ้มเนี่ย”

“ฮึก.. หม่ะม้า ฮึกกกก แงงงง้”

ลูกชายวัยสิบเดือนของผมไม่ตอบ แต่กลับร้องไห้จ้ายิ่งกว่าเดิม ตากลมที่กลมไปด้วยน้ำใสเอาแต่มองหาคนที่ตัวเองร้องเรียกว่า 'หม่ะม้า' ตาไม่กะพริบ ให้คนที่ถูกเรียกแทบจะวิ่งแจ้นออกมาจากครัวเมื่อได้ยินเสียงลูกร้อง

“โอ๋.. มาหาหม่าม้ามาครับ ไม่ร้องนะเด็กดี คุณท้องฟ้าคนดีของหม่าม้า.. ไม่ร้องนะครับ โอ๋ๆ”

และเสียงร้องก็เหมือนถูกปิดสวิชต์ เจ้าลูกชายตัวแสบของผมซุกหน้าลงบนบ่าเล็กๆ ของไนล์อย่างออดอ้อน ริมฝีปากเล็กแย้มยิ้มกว้างที่เห็นแต่เหงือก เหมือนการร้องไห้เมื่อกี้เป็นเพียงละครฉากใหญ่ที่เรียกให้แม่กลับมาอุ้มก็เท่านั้น

และนั่นก็ทำให้ผมต้องส่ายหัวอย่างปลงตก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สกายทำแบบนี้...

ตอนแรกผมก็คิดว่าสกายแค่ติดไนล์ตามปกติของเด็กอ่อนที่มักจะชอบอยู่กับแม่ แต่แล้วผมก็พบว่ามันไม่ใช่ เพราะต่อให้ไม่ว่าจะเป็นใครอุ้ม หรือแม้แต่ลม สกายก็ไม่ร้องไห้สักแอะ หนำซ้ำยังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจเวลาที่ลมเล่นด้วย


แต่พอเป็นผม ลูกกลับร้องไห้ มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่ถูกสกายเมิน!!


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยซ้ำที่ผมถูกเจ้าลูกชายตัวแสบเมินขนาดนี้ สกายไม่เอาผมตั้งแต่เด็กแล้ว และเพราะเหตุนี้แหละ ไอ้เทมส์มันเลยล้อผมบ่อยๆ ว่าลูกไม่รัก


เคยแกล้งแม่เขาไว้ สุดท้ายเขาเลยมาเอาคืน


จากที่คิดว่าไร้สาระ พอบ่อยครั้งเข้า ผมก็ชักจะเชื่อแล้วนะ...

จะไม่ให้ผมเชื่อได้ยังไง เพราะตั้งแต่ตอนท้องแล้วที่ไนล์เหม็นผมอยู่เป็นเดือนๆ แล้วไหนจะตอนที่เจ้าตัวแสบแกล้งไม่ดิ้นตอนได้ยินเสียงผมอยู่ใกล้ๆ อีก และที่สุดของที่สุดคือพอเกิดมาได้สองเดือนสกายจะร้องไห้จ้าทุกครั้งเวลาที่ไนล์เปลี่ยนมือให้ผมอุ้ม ยกเว้นตอนที่ไนล์บ่นออกเสียงว่าอุ้มไม่ไหวแล้วหรือเหนื่อยอยากพักผ่อน ตอนนั้นสกายจะอยู่นิ่ง ไม่ต่อต้าน เชื่อฟังและไม่ร้องไห้เลยสักนิด แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่กลับสู่สภาวะปกติ เมื่อนั้นแหละ สกายจะไม่ค่อยยอมให้ผมแตะตัวง่ายๆ นอกจากจะได้อะไรจากผม สกายถึงจะทำตัวเป็นลูกที่น่ารัก เจ้าเล่ห์จนผมหลงหัวปัก ยอมตามใจทุกอย่าง

ผ่านไปนานนับปีจนสกายสามขวบกว่าย่างเข้าสี่ขวบ ลูกก็ยังเป็นแบบเดิม แม้จะยังพูดไม่ชัดก็ตาม

“สกาย มาหาพ่อมาลูกมา ให้หม่าม้าทำงานก่อน” ผมร้องเรียกลูกที่กำลังเดินพันแข้งพันขาอยู่ข้างๆ ไนล์ ที่ตอนนี้กำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมเอกสารเพื่อไปคุยกับลูกค้าคนสำคัญวันพรุ่งนี้

“...” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผมยังคงเงียบ และยังพัวพันพันพัวกับไนล์ไม่ยอมห่าง จนไนล์กลัวลูกจะล้มนั่นล่ะ ถึงได้ยอมหยุดเดินไปเดินมา แล้วทรุดตัวลงนั่งยองๆ ให้เสมอกับลูกแล้วพูดกับลูกอย่างอ่อนโยน

“คุณท้องฟ้าครับ หนูไปหาปะป๊าก่อนนะ ขอหม่าม้าเตรียมเอกสารแปปเดียว เดี๋ยวหม่าม้าไปเล่นด้วยนะครับเด็กดี” ตากลมที่ถอดมาจากไนล์กะพริบปริบๆ ก่อนจะพูดในสิ่งที่ไนล์ต้องอมยิ้ม ในขณะที่ผมหน้าหงิกยิ่งกว่าเดิม

“ฉกายจะอยู่กับหม่าม้า ฉกายจานั่งยอตงนี้ อยู่กับหม่าม้า ไม่เอาปะป๊าหยอก”

“ทำไมหื้ม? อยู่กับพ่อแล้วมันยังไงสกาย?” ผมแกล้งร้องถาม ไม่ได้โกรธอะไรจริงจังหรอก ผมรู้ดีว่าสกายเป็นเด็กยังไง เขาค่อนข้างที่จะติดแม่มาก และไม่ค่อยจะถูกกับผมเท่าไหร่ ไม่รู้จำฝังใจมาจากในท้องหรือเปล่า


นิสัยเหมือนผมไม่มีผิด


“ไม่เอาปะป๊า พูดฉองยอบแย้ว” เจ้าเด็กหน้ามึนหันมาตอบผมนิ่งๆ ติดจะรำคาญหน่อยๆ ด้วยที่ต้องพูดซ้ำสองรอบ ดูเอาก็แล้วกันว่ากวนประสาทได้ใคร

ก็ได้ผมอีกนั่นแหละ... โขลกผมมาอย่างกับแกะ แล้วผมจะไปโกรธลงได้ยังไง

“ก็หม่าม้าเขาจะทำงาน ลูกไปขวางแล้วเมื่อไหร่หม่าม้าจะทำเสร็จ” ผมแกล้งเปรย “แล้วเดี๋ยวถ้าเสร็จช้า หม่าม้าก็อดมาเล่นกับสกาย พ่อไม่รู้ด้วยแล้วนะ”

เจ้าตัวแสบของผมเม้มปากแน่นตอนได้ยินแบบนั้น ท่าทางครุ่นคิดที่เห็นนั่นน่าหยิกไม่น้อย ทำเอาไนล์กับผมต้องแอบมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม และการตัดสินใจอันยาวนานของเด็กวัยสามขวบกว่าก็สิ้นสุดลง เมื่อสกายยอมลุกขึ้นแล้วเดินเตาะแตะปีนขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างผม พร้อมกับกอดอกแน่น

“ฉกายรอหม่าม้า ปะป๊าห้ามพูด” ผมยิ้ม ไนล์ก็แอบยิ้ม แล้วปฏิบัติการแหย่ลูกก็เริ่มขึ้น

“อ้าว สกายไม่ให้พ่อพูด แล้วสกายจะให้พ่อทำอะไรครับ?”

ผมแกล้งถาม พร้อมกับอุ้มลูกขึ้นมานั่งตัก แล้วก็ตามคาดที่เจ้าตัวเล็กทำขัดขืนนิดหน่อย แต่พอได้นั่งแล้วสบายแถมยังมีที่พิง เจ้าตัวแสบของผมก็เลิกทำเป็นฮึดฮัด ก่อนจะนั่งพิงผมอย่างสบายอารมณ์ แต่ความไม้เบื่อไม้เบายังคงอยู่

“นั่งเฉยๆ คับ ปะป๊านั่งเฉยๆ ไม่พูดอะไยเยย”

ผมหลุดหัวเราะ ในขณะที่ไนล์ก็เตรียมเอกสารเสร็จพอดีเลยเดินมานั่งข้างๆ ผม เจ้าตัวเล็กเองพอเห็นหม่าม้าก็ยิ้มกว้าง พร้อมกับตะกายลงจากตักผมแล้วโผเข้าหาให้ไนล์อุ้มทันที ทำเอาผมอดหมั่นไส้ไม่ได้

ดังนั้นเมื่อไนล์นั่งได้เรียบร้อยพอดี ผมก็เลยแกล้งแหย่ ด้วยการยกแขนโอบไหล่ภรรยาแน่น พร้อมกับก้มลงไปหอมแก้มนิ่มๆ ของน้องฟอดใหญ่ พร้อมกับกดจมูกแช่ไว้แบบนั้น จนกระทั่ง...

“ปะป๊า!!!” เสียงลูกชายผมแหวลั่น พร้อมกับใช้มือเล็กๆ ดันหน้าผมออกจ้าละหวั่น “อย่าหอม อย่าหอม ไม่หอมมม”

ผมยอมผละออกในขณะที่ไนล์กลั้นขำแทบไม่อยู่ เพราะนี่ก็เหมือนจะเป็นนิสัยอีกอย่างที่สกายเหมือนผมอย่างกับแกะ

สกายหวงแม่ สกายหวงไนล์มาก ยิ่งกับผมสกายยิ่งหวง วันไหนเห็นผมกับไนล์หวานใส่กันพิเศษเมื่อไหร่ เจ้าตัวเล็กจะตามติดไนล์เป็นเงาทันที คล้ายกับว่าผมเป็นศัตรูหัวใจอันดับหนึ่งก็ไม่ปาน

“ทำไมล่ะ ปะป๊ารักหม่าม้า ปะป๊าก็หอมหม่าม้าไง สกายไม่ให้ปะป๊าหอมหม่าม้าแล้วสกายจะให้ปะป๊าหอมใครครับ” ผมถามไปกลั้นขำไป เพราะเจ้าลูกชายตัวดีของผมโกรธจนแก้มแดง

หวงแม่ไม่มีใครเกิน

“หอมคุณย่า ปะป๊าไปหอมคุณย่า หม่าม้าให้ฉกายหอมคนเดียว” เจ้าตัวแสบว่าพลางปีนขึ้นเอาแขนป้อมๆ คล้องคอไนล์แน่น พร้อมกับใช้ปากกับจมูกเล็กๆ ระดมหอมคนเป็นแม่ จนไนล์หัวเราะคิกคักไม่หยุด


เมียผมก็ชอบให้ลูกอ้อน ลูกหวง .. พอกันทั้งแม่ทั้งลูกนั่นล่ะ


“แล้วหม่าม้าหอมสกายบ้างได้ไหมครับ.. ไหนจุ๊บๆ หน่อย”

ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผมยิ้มปากบาน พร้อมกับทำปากจู๋ใส่เมียผมทันที ไนล์เองก็ชอบใจ จูบย้ำๆ รัวๆ ลงไปบนปากเล็กๆ ของลูกชาย ให้เจ้าตัวแสบหัวเราะเอิ๊กอ๊ากด้วยความชอบใจ

“หม่าม๊ายักฉกาย ฉกายก็ยักหม่าม๊า” ผมแอบกลอกตาตอนได้ยินสกายออ้อนไนล์ เพราะกับผมน่ะไม่มีหรอกมีแต่...


‘ปะป๊าห้ามหอม’

‘ปะป๊าไป ไม่อุ้ม’


‘ปะป๊าอย่ากอดหม่าม๊า’

‘ปะป๊าอย่ามาจุ๊บ’



ห้ามผมทุกอย่าง กว่าจะจู๋จี๋กันได้แต่ละทีต้องรอสกายนอน แถมบางวันสกายยังมานอนกั้นกลางผมกับไนล์อีก เล่นเอาผมนี่คิดมากไปอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด ลูกถึงไม่รักขนาดนี้

ผมเคยคิดมากจนถึงขั้นที่ว่าล้มป่วยเพราะความเครียด ปวดท้องกินอะไรไม่ได้อยู่หลายวัน เป็นหลายวันที่ผมสงสารไนล์มาก เพราะไนล์ต้องคอยดูแลทั้งผมและก็ลูก แต่ถึงอย่างนั้นไนล์ก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีจนทุกอย่างผ่านพ้นมาได้ และก็เพราะผมไม่สบายตอนนั้นแหละผมถึงได้รู้ทุกอย่าง

.

.

.

มันน่าจะเป็นช่วงปลายปีที่แล้วตอนสกายอายุครบสามขวบเต็ม เป็นเด็กชายแข็งแรงน่ารัก สกายรูปร่างและหน้าตาแทบจะถอดผมทั้งด้าม เว้นก็แต่ดวงตาที่กลมโตเหมือนไนล์ แต่ถึงอย่างนั้นคนที่สกายติดมากกว่ามักจะเป็นไนล์ ลูกจะชอบงอแงเวลาอยู่กับผม หรือบางครั้งเราสองคนพ่อลูกก็ชอบแย่งกันที่อยู่ใกล้ไนล์ ทำไปทำมาก็โดนดุทั้งพ่อทั้งลูกแต่ก็ไม่เข็ด

ตอนแรกก็ขำๆ ดี แต่ทำไปทำมาก็เริ่มจะขำไม่ออก เพราะผมเกิดกลัวขึ้นมาจริงๆ ว่าลูกจะไม่รัก ส่วนหนึ่งอาจมาจากเจอทั้งไอ้เทมส์และลมล้ออยู่บ่อยๆ จากที่ไม่คิดก็เริ่มคิด จากที่ไม่สังเกตก็เริ่มสังเกต และมันก็แปรเปลี่ยนเป็นความวิตกตั้งแต่ตอนไหนผมก็แทบจะจำไม่ได้เหมือนกัน

“สกาย อยู่กับปะป๊านะลูกวันนี้หม่าม้าต้องไปทำงาน”

ผมพยายามพูดบอกลูกที่กอดไนล์แน่นไม่ยอมปล่อย เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดที่เราสามคนพ่อแม่ลูกพักผ่อนอยู่บ้าน แต่จู่ๆ เลขาฯ ของเทมส์กลับโทรมาแจ้งว่าให้ไนล์ไปพบลูกค้าด่วนแทนเทมส์เพราะเทมส์ติดประชุมอยู่กับลูกค้าอีกคน ไนล์เลยต้องรีบแต่งตัวและกระวีกระวาดเตรียมออกจากบ้าน แต่ลูกชายตัวดีกลับเห็นเสียก่อน เลยกระจองงอแงไม่ยอมให้ไนล์ไป

“ไม่เอา ฉกายจะอยู่กะหม่าม้า ไม่อยู่กะปะป๊า ไม่อยู่ๆๆๆ” ทำเด็กน้อยหน้ายู่ งอแงแต่ไม่ร้องไห้ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยไนล์ด้วยเช่นกัน

“ไม่ได้ครับสกาย ปะป๊าบอกแล้วไงว่าหม่าม๊าต้องไปทำงาน ไม่ดื้อสิลูก” ผมพูดเสียงเข้มให้สกายรู้ว่าผมกำลังดุ ในขณะที่ไนล์เองก็เงียบ เพราะเราเคยตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่โอ๋ลูกถ้าหากใครคนใดคนนึงกำลังดุลูกอยู่

“ฮะ.. ฮึก ฉกายไม่ให้ไป หม่าม้าคับ” จากที่แค่งอแง ตอนนี้น้ำตาร่วงแผละ และสุดท้ายไนล์ก็ใจอ่อน

“ไม่เป็นไรครับพี่ภู ยังพอมีเวลา .. ไนล์อยู่กับลูกก่อนอีกสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ค่อยไป วันนี้รถไม่น่าจะติด” น้องหน้าเสีย พร้อมกับทำท่าจะก้มลงไปอุ้มลูกขึ้นมาโอ๋ แต่ผมไวกว่าเพราะคว้าตัวสกายขึ้นมาอุ้มก่อนได้

“ไม่ได้ครับ ถ้าไนล์ออกสายไนล์ก็จะรีบและต้องขับรถเร็ว พี่ไม่อยากให้ไนล์ขับรถเร็ว ไนล์ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ดูแลลูกเอง”

“หม่าม้า ฮึกกก หมะ.. หม่าม้า แงงง้” สกายร้องไห้เสียงดังและทำท่าจะโผหาแต่แม่ แต่ผมขืนตัวลูกไว้เพราะไม่อยากตามใจไปเสียทุกเรื่อง และยิ่งพอเป็นแบบนั้นยิ่งทำให้ไนล์ละล้าละลัง ผมเลยต้องย้ำ

“ไปเถอะไนล์ อย่าให้ลูกค้าต้องรอ เดี๋ยวพี่ดูแลสกายเองไม่ต้องห่วง”

ไนล์เดินออกไปด้วยความไม่สบายใจ ส่วนผมเองก็อุ้มลูกและกอดสกายไว้แน่นแม้สกายพยายามจะดื้นรนและผลักไสผมก็ตาม ลูกทั้งเตะทั้งดิ้นใส่ตัวผมโดยที่ไม่ตั้งใจ แต่ทั้งหมดก็ยังไม่เจ็บเท่าประโยคเดียวที่ลูกพูดออกมาและผมก็ได้ยินเต็มสองหู

“ฉกายไม่ยักปะป๊า ไม่ยักแล้ว!! ฮือออ ฉกายจะหาหม่าม้า จะหาหม่าม้า แงงง้”

ผมไม่โต้ตอบอะไรลูกและเอาแต่กอดแกเอาไว้แนบอก ผมปล่อยให้สกายร้องไห้จนเหนื่อย ให้ลูกได้รู้ว่าผมจะไม่มีวันตามใจลูกเด็ดขาดถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะโอบกอดเขาไว้ด้วย ไม่ให้เขาคิดว่าผมทอดทิ้งหรือไม่ใส่ใจแม้เขาจะไม่ต้องการผมก็ตาม

สกายร้องไห้จนหลับคาไหล่ผม ผมก็กล่อมลูกจนลูกหลับสนิท แม้จะเสียใจกับสิ่งที่ลูกพูดแค่ไหน แต่ผมก็พยายามจะทำหน้าที่ของพ่อให้ดีที่สุด ตอนที่ได้ยินลูกโพล่งออกมาแบบนั้นผมเสียใจมาก ผมรู้ว่าแกอาจจะพูดออกมาเพราะโกรธที่ผมขัดใจ


แต่.. ไม่รู้สิ การที่ลูกบอกว่าลูกไม่รักเรา มันเป็นอะไรที่ผมไม่เคยคาดคิดเลยว่าผมจะได้ยิน


และหลังจากวันนั้นผมก็ล้มป่วย ผมเครียดและวิตกกังวลจนปวดท้อง กินอะไรเข้าไปก็อาเจียนจนน็อค สุดท้ายไนล์เลยต้องจับส่งโรงพยาบาล

“พี่ภูครับ เป็นยังไงบ้างครับ ไหวไหม” ไนล์ที่นั่งเฝ้าผมอยู่ที่โรงพยาบาลถามผมขึ้นหลังจากที่ผมลืมตาตื่นขึ้นมา บนตักของน้องมีสกายนั่งมองผมตาแป๋วมองอยู่ แต่ด้วยความมึนๆ เบลอๆ เพราะเพิ่งฟื้นผมเลยไม่ได้สังเกตเห็นว่า..

ในแววตากลมโตของลูกชายผมแดงช้ำ เหมือนกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มา

“พะ.. พี่ไหว พี่ไม่เป็นอะไร ที่จริงไนล์ไม่ต้องพาพี่มาโรงพยาบาลก็ได้” ผมว่าแม้ร่างกายจะไม่ค่อยไหวเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากให้ไนล์เป็นห่วง

“พี่จะไหวได้ยังไงครับ พี่ภูรู้ไหมตอนที่ ฮึก.. ตอนที่พี่ล้มลงไปไนล์ตกใจแค่ไหน” น้องพยายามกลั้นน้ำตา และรีบปาดออกเร็วๆ เพราะไม่อยากให้ลูกเห็นว่าตัวเองร้องไห้ “ทำไมพี่เป็นอะไรแล้วพี่ไม่บอกไนล์ครับ พี่ทรมานตัวเองทำไม”

น้องถามเสียงสั่น ทำเอาผมรู้สึกผิดไปทั้งใจ... แต่จะให้ผมบอกน้องได้ยังไงว่าผมป่วย เพราะผมคิดมาก คิดกังวลว่าลูกจะไม่รัก

ผมไม่ได้อาย แต่ผมแค่ไม่อยากให้น้องมองว่าผมจุกจิกกับลูกทั้งที่แกยังเด็ก .. ผมไม่อยากให้ใครมองว่ามันงี่เง่าเลย แต่มันก็งี่เง่าจริงๆ นั่นแหละ ผมห้ามความคิดตัวเองไม่ได้เลย ผมกลัวและกังวลว่าลูกจะไม่รักจริงๆ

“คือพี่..” ผมอึกอัก ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน

“พี่ภู.. เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ” ไนล์เลื่อนมือมาจับมือผมไว้ พร้อมกับบีบเบาๆ “ไนล์รักพี่ สกายก็รักพี่.. อาหมอบอกว่าพี่เครียดจนลงกระเพาะ พี่มีอะไรไม่สบายใจ พี่ภูบอกไนล์ได้ไหมครับ?”

น้องถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำเอาผมพูดไม่ออก ยิ่งเห็นลูกมองผมตาแป๋วทั้งที่ตาแดงก่ำผมยิ่งพูดไม่ออก และทำนบของความเข้มแข็งของผมก็ทลายลง เมื่อสกายตะกายจากตักไนล์แล้วปีนขึ้นมาบนเตียงโรงพยาบาลที่ผมนอนอยู่ ลูกนั่งลงบนเตียงข้างตัวผมก่อนจะทิ้งศีรษะหนุนบนอกผม ก่อนจะใช้แขนเล็กๆ ของตัวเองกอดผมไว้แน่น

“ปะป๊าไม่ฉะบาย หายไวๆ ฮึก.. หายๆ เพี้ยง” ลูกเงยหน้าขึ้นมาจากอกผม พร้อมกับมองผมนิ่ง น้ำใสไหลกลบในดวงตา แต่เจ้าตัวน้อยก็พยายามฮึบไว้ไม่ให้ไหลออกมา “ฉะกายรักปะป๊า ไม่ป่วยนะคับ ไม่ป่วย”

ผมน้ำตาไหลทันทีตอนได้ยินลูกบอกแบบนั้น พร้อมกับดึงลูกมากอดแนบอก สกายเองก็กอดผมแน่นและตอนนั้นผมก็นึกโกรธตัวเองที่งี่เง่าและคิดมากเกินไป ลูกยังเด็ก อาจจะดื้อดึงและติดแม่มากกว่าพ่อตามประสา อะไรดลใจให้ผมคิดไปแบบนั้นจนเก็บเอามาเครียดได้กัน

และสุดท้ายผมก็ตัดสินใจได้ว่าควรบอกไนล์ ผมควรให้น้องได้รับรู้และบางทีถ้าได้ระบายออกไป ผมอาจจะสบายใจขึ้นบ้างก็ได้

“คือพี่.. พี่คิดว่าลูกไม่รัก” ไนล์เลิกคิ้ว ดูงงๆ และแปลกใจกับคำบอกเล่าของผมไม่น้อย “พี่คิดว่าสกายไม่รักพี่ ลูกชอบร้องไห้เวลาพี่เข้าไปใกล้ๆ หรือบางทีลูกก็ดูไม่อยากจะอยู่กับพี่เท่าไหร่ แถมวันนั้น...”

“วันนั้น...?”

“วันนั้นที่ไนล์ไปหาลูกค้า แล้วพี่ขืนไว้ไม่ให้ลูกร้องตามไนล์ ลูกก็พูดออกมาว่าไม่รักพี่ พี่ก็เลย..” ผมอึกอัก นึกอายขึ้นมานิดหน่อยที่คิดเป็นตุเป็นตะไปเอง

“พี่เลย..?”

“พี่ก็เลยเครียด คิดมาก แล้วสุดท้ายพี่ก็ป่วยอย่างที่ไนล์เห็นนี่ล่ะ” ผมยิ้มแห้งๆ ส่งให้น้อง พลางก้มลงมองดูสกายที่ตอนนี้หลับคาอกผมไปแล้ว

ไนล์ถอนหายใจ ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ให้ผมต้องนึกโล่งอก เพราะคิดไว้ว่าน้องน่าจะต้องหัวเราะเยาะผมแน่ๆ แต่ไนล์ก็ไม่ได้ทำแบบนั้น

“โถ่พี่ภู..” ไนล์คราง ก่อนจะบีบมือผมแน่นขึ้น แล้วขยับเข้ามาใกล้ “วันหลังพี่มีอะไรพี่ต้องบอกไนล์นะครับ พี่จะได้ไม่เก็บเอาไปคิดมากแบบนี้”

“คือ.. พี่คิว่ามันค่อนข้างที่จะงี่เง่า พี่ก็เลยไม่ได้บอก” ผมอึกอัก รู้สึกผิดน้อยๆ ที่ทำให้น้องเป็นห่วง

“แล้วพี่ก็เก็บเอาไปเครียดจนปวดท้องแบบนี้น่ะหรอ?” น้องดุผมนิดหน่อย ก่อนจะลดเสียงให้อ่อนโยนลง “ทีหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะครับ เราครอบครัวเดียวกันมีอะไรต้องคุยกันสิ .. ไหนเราสัญญากันแล้วไงครับว่ามีอะไรเราจะคุยกันทุกเรื่อง”

“พี่ขอโทษครับ” ผมบอกน้องเสียงจ๋อย นึกรู้สึกผิดเต็มๆ

“ช่างเถอะครับ” ไนล์บอกปัดพร้อมกับยิ้มกว้าง น้องเหลือบมองลูกที่หลับไปแล้วนิดหน่อย ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าพี่ถามไนล์ ไนล์ก็จะได้ย้ำและบอกกับพี่ได้ว่าเรื่องที่พี่เป็นกังวลไม่จริงเลยสักนิด”

“...” ผมเงียบพลางมองไนล์ที่ยื่นมือไปลูบศีรษะกลมของลูกชาย สายตาที่มองไปยังเจ้าตัวน้อยเต็มไปด้วยความรักจนเก็บไม่มิด

“ไนล์จะบอกให้พี่มั่นใจได้เลยว่าสกายรักพี่ สกายรักเราสองคนมาก ลูกอาจจะติดไนล์มากกว่าพี่เพราะสกายติดสกินชิพแล้วก็ชอบให้กอด แต่กับเรื่องอื่นไนล์กล้าบอกได้เต็มปากเลยว่าสกายรักพี่ไม่แพ้ไนล์เลยสักนิด... ไนล์เป็นแม่ ไนล์รู้ดี”

“...” เป็นอีกครั้งที่ผมเงียบ และก็เป็นอีกครั้งที่ผมรับรู้ได้ว่าสิ่งที่ไนล์พูดไม่ผิดจากความจริงเลยแม้แต่น้อย

“วันนั้นสกายคงจะโมโหที่ถูกขัดใจเลยพูดไปแบบนั้น แต่สกายไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ พี่รู้ใช่ไหมครับ”

ผมยิ้มบางส่งให้น้องพร้อมกับพยักหน้า “รู้ครับ พี่รู้แล้ว”

“สกายร้องไห้จ้าเลยนะตอนที่เห็นพี่ล้มลงไปน่ะ คงจะทั้งตกใจด้วย ทั้งกลัวด้วย” ผมกระชับแขนกอดลูกให้แน่นขึ้นเมื่อได้ยิน “นี่ก็คงง่วงนานแล้วแต่ไม่ยอมหลับ ลูกรอให้พี่ตื่น ลูกรอให้มั่นใจก่อนว่าพี่ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ถึงหลับได้... ไม่คิดแล้วนะครับว่าลูกไม่รัก โอเคไหม?”

“ครับ.. ไม่คิดแล้ว พี่ขอโทษนะไนล์ พี่ขอโทษที่ทำให้ไนล์กับลูกต้องเป็นห่วง” ผมพูดอย่างรู้สึกผิด ในขณะที่ไนล์ส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้ผม

“ไม่ต้องขอโทษแล้วครับ” น้องก้มลงมาจูบแก้มผมเบาๆ “ขอแค่ให้พี่หายป่วยแล้วก็แข็งแรงเร็วๆ ก็พอ.. ไนล์กับลูกขอแค่นี้แหละ”

ผมยกมือน้องขึ้นมาจรดที่ริมฝีปากแล้วจูบ “ครับ.. พี่จะหายเร็วๆ แล้วก็จะไม่ป่วยอีกแล้ว”

“ไนล์รักพี่ภูนะครับ”

“พี่ก็รักไนล์ครับ”

ไนล์ก้มลงมานอนทับแขนผมพร้อมยกแขนโอบสกายที่นอนอยู่บนอกผมอีกที เราสามคนกอดกันแน่น.. กอดกันด้วยความรักและความเข้าใจ

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: Up! [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: Gade_ka ที่ 28-09-2020 18:42:58
(อ่านต่อจากด้านบน)


Nateetouch’ s Part


ผมมองดูสองคนพ่อลูกเถียงกันด้วยรอยยิ้ม พี่ภูชอบแหย่ลูก ในขณะที่สกายก็ชอบเอาชนะพ่อ นอกจากจะหน้าตาจะเหมือนกันแล้ว นิสัยยังโขลกกันมาอย่างกับแกะ... เหมือนกันขนาดนี้จะมาบอกว่าลูกไม่รักได้ยังไงกันพี่ภู

จะว่าไปก็นึกถึงเมื่อช่วงปีที่แล้วที่ภูเครียดหนักเรื่องลูกจนล้มป่วย ตอนนั้นผมตกใจมากเพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร เพราะปกติพี่ภูเป็นคนแข็งแรง พอจู่ๆ มาล้มลงผมก็ตื่นตระหนกไปกันใหญ่ จำได้ว่าสกายร้องไห้จ้าที่เห็นพี่ภูน็อคไปต่อหน้า หลังจากที่เขาฟื้นก็ต้องคุยต้องเคลียร์กันยกใหญ่ แต่ก็เพราะพี่ภูป่วยนี่แหละเลยได้เข้าใจและรู้ว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่ลูกไม่รักพี่ภูเลย เพียงแต่สกายยังเด็กและก็เป็นเด็กที่นิสัยเหมือนพ่อค่อนข้างจะมาก


โดยเฉพาะเรื่องติดผมและหวงผม .. สกายถอดพี่ภูมาไม่มีผิดเพี้ยน


ดังนั้นเรื่องที่จะไม่ค่อยกินเส้นกับพี่ภูนั้นเลยไม่น่าแปลกใจสักนิด

“ปะป๊า ให้ฉกายเย่นอันนิ ฉกายจะเย่นให้ปะป๊าดู”

“ไหน หนูสอนปะป๊าเล่นหน่อยลูก ปะป๊าเล่นไม่เป็นเลย”

ผมหลุดขำเมื่อเห็นสองพ่อลูกนอนคว่ำกันอยู่กลางพื้นบ้านในห้องนั่งเล่น เมื่อกี้ยังเถียงกันฉอดๆ แต่เผลอแป๊ปเดียวไปนั่งเล่นของเล่นด้วยกันแล้ว ซึ่งก็เป็นอย่างนี้ประจำ

และก็มีอีกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน เป็นเหตุการณ์ที่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าพี่ภูสังเกตหรือรับรู้รึป่าว แต่ผมในฐานะที่เป็นทั้งแม่และภรรยา เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ผมสังเกตเห็นได้เป็นเรื่องแรกๆ มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ และเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าสกายรักพี่ภู แม้จะไม่มีเหตุการณ์ตอนป่วยของพี่ภูเกิดขึ้นก็ตาม

“ปะป๊าเย่นอันนิ ต่อแบบนิ ฉกายจะทำแย้วเอาไปให้หม่าม๊า” สกายพูดไป ต่อเลโก้ไป ยิ้มปากบานด้วยความมั่นใจและตั้งใจว่าจะเอามาให้ผม

“ให้ปะป๊าให้หม่าม้าบ้างไม่ได้หรอ? แบ่งกันสิ เราพ่อลูกกันนะ” ในขณะที่พี่ภูเองก็แหย่ลูก พูดไปกลั้นหัวเราะไป เชื่อได้เลยว่าเดี๋ยวสกายต้องโวยวายไปไม่ยอมแน่

“ม่ายด้ายยย หม่าม้ารักฉกายมากกว่า รักปะป๊าน้อย จิ๊ดเดียว”

ตามคาด สกายไม่ยอมพี่ภูอย่างที่ผมคิดและหนำซ้ำเจ้าเด็กแสบยังกวนคนเป็นพ่อด้วยการหาว่าผมรักพี่ภูน้อยกว่า แถมยังทำมือเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นว่าผมรักพี่ภูน้อยแค่ไหน

“จิ๊ดเดียวหรอตัวแสบ หื้ม เรานี่มันน่ามันเขี้ยวจริงๆ”

พี่ภูว่าพลางหัวเราะก่อนจะจับลูกมาฟัดจนเสียงเอิ๊กอ๊ากของลูกดังไปทั่วห้องนั่งเล่น สองคนพ่อลูกเล่นแบบนี้กันตลอด เถียงๆ กัน ดีๆ กันแล้วเดี๋ยวแป๊ปเดียวพี่ภูจับลูกฟัดจนลูกหัวเราะปากบาน

และเสียงหัวเราะของสองพ่อลูกที่ดังกังวานก็เรียกแขกคนที่เพิ่งกลับมาจากทำงานให้ต้องโผล่หน้าเข้ามาดู

“อ่าว พี่เทมส์ กลับมาแล้วหรอครับ” ผมร้องทักพี่ชายที่ยืนพิงทางเข้าห้องนั่งเล่นแล้วมองเพื่อนสนิทตัวเองเล่นกับหลานชายด้วยสายตาติดจะปลงๆ ปนเอ็นดู

“กลับมาแล้ว ได้ยินเสียงหัวเราะของสกายเลยเดินมาดู.. ว่าแล้วว่าต้องเล่นกับไอ้ภูอยู่แน่ๆ”

ผมเดินไปหาพี่ชายที่ยังคงยิ้ม ก่อนจะเข้าไปช่วยถือเอกสารที่พี่เทมส์หิ้วกลับมาทำที่บ้าน “มาครับไนล์ช่วยถือ”

พี่เทมส์ส่ายหน้าพลางพยักเพยิดไปที่พี่ภูกับสกายที่ตอนนี้เริ่มเถียงกันอีกแล้ว “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ถือขึ้นไปเอง เราไปดูพ่อลูกนั่นเถอะ จะทะเลาะกันอีกแล้วมั้งนั่น เฮ้ออ.. บางทีพี่ก็สงสัยนะว่าสกายกับไอ้ภูน่ะมันยังไง ไนล์อยู่ด้วยกับสองคนตลอด ไม่คิดหรอว่าปล่อยให้เถียงกันแบบนี้อีกหน่อยจะมีปัญหาเอา”

พี่เทมส์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังให้ผมได้รับรู้ว่าเขาเป็นห่วงจริงๆ แต่ผมเลือกที่จไม่ตอบอะไร แต่กลับยิ้มบางๆ แล้วบอกกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงสบายๆ แทน

“งั้นคืนนี้พี่เทมส์ว่างไหมครับ.. สักสองทุ่ม” ผมหันไปมองสองคนพ่อลูกที่ยังเถียงกันเรื่องเลโก้อยู่ “ไนล์อยากให้พี่เทมส์ไปหาไนล์ที่ห้องสกายสักหน่อย ไนล์มีอะไรให้พี่เทมส์ดู”

พี่เทมส์มองหน้าผมด้วยสายตาสงสัยน้อยๆ แต่ผมเลือกที่จะไม่ตอบอะไรแต่ส่งยิ้มกลับไปให้พี่ชายแทน

.

.

.

อีกครึ่งชั่วโมงก็จะได้เวลาเข้านอนของสกายแล้ว เจ้าตัวแสบอาบน้ำอาบท่าหยิบนิทานเรื่องโปรดมาให้ผมที่นอนอยู่เคียงข้างอ่าน และหลังจากล้มตัวนอนเสร็จสรรพ ผมก็เริ่มอ่านนิทานให้ลูกชายฟัง สกายนอนตะแคงข้างหันมากอดผม ดวงตาเริ่มปรือปรอยลงเรื่อยๆ ผมเลยลดเสียงการอ่านลง พร้อมกับที่พี่ภูเดินเข้ามาเงียบๆ เหมือนรู้เวลา

ผมหันมองสามีที่ทอดสายตามองลูกชายที่กำลังจะหลับอย่างอบอุ่น และก่อนที่จะได้ทันพูดอะไรกับพี่ภู สกายที่กำลังจะหลับก็สะลึมสะลือพูดขึ้น

“ปะป๊า ปะป๊า.. กอดหน่อยคับ”

ผมยิ้มก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วสละที่ของตัวเองให้สามีลงไปนอนแทน ผมถอยมายืนพิงกรอบประตูมองสองคนพ่อลูก และพอพี่ภูล้มลงนอนตะแคงแทนที่ผม สกายที่พอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่คุ้นเคยก็โผตัวเข้าซุกทันที ก่อนจะกอดพี่ภูไว้แน่น

“ปะป๊า...กอด”

“ครับ พ่อเอง สกายนอนนะครับ .. พ่อกอดแน่นๆ เลย”

พี่ภูกอดลูกไว้แนบอก ไม่ได้แน่นหรือหลวมจนเกินไป พี่ภูรู้ดีว่าต้องกอดลูกประมาณไหน ลูกถึงจะนอนสบายเพราะตั้งแต่สกายเกิดจนถึงตอนนี้ หน้าที่พาสกายเข้านอนเป็นของพี่ภู ถ้าหากคืนไหนไม่มีพี่ภูคอยนอนกอดสกาย สกายจะนอนไม่หลับและร้องไห้งอแงทั้งคืน

นั่นคือเหตุผลที่ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าสกายรักพี่ภู .. ช่วงกลางวันลูกอาจจะติดผม แต่ช่วงกลางคืนสกายไม่แลผมเลยสักนิด มีแค่พี่ภูเท่านั้นที่ลูกจะร้องหา

ก็บอกแล้วว่าสองคนนี้น่ะรักกัน แต่ไม่ค่อยจะรู้ตัวว่ารักกัน โดยเฉพาะพี่ภู.. ถ้าเขาสังเกตสักนิดเขาจะรู้ได้ไม่ยากเลยว่าสกายรักเขามากแค่ไหน

“อื้ออ” สกายขยับตัวเข้าหาพี่ภูจนแทบจะนอนเกยขึ้นไปบนอก ในขณะที่ภูก็ทั้งกอดทั้งลูบหัวลูกเบาๆ จนลูกเคลิ้มและหลับไปในที่สุด

พี่ภูมองสกายที่เริ่มหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าเด็กน้อยของเราทั้งคู่หลับไปเรียบร้อยแล้ว

“ฝันดีนะครับตัวแสบของพ่อ” พี่ภูพูดพลางก้มลงจูบขมับเล็กๆ ของลูกชายอย่างรักใคร่ ก่อนที่จะค่อยๆ ขยับตัวออกแล้วจัดท่าทางให้สกายนอนดีๆ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมได้ยินเสียงของพี่เทมส์ที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่หลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ดังขึ้น

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง... หึ” พี่เทมส์ยิ้มขำตอนมองพี่ภูลูบหัวลูบหลังลูกที่กำลังหลับอย่างรักใคร่ เขาแทบจะไม่รู้สึกถึงการมาของพี่เทมส์เลยด้วยซำ เพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับลูก “ทุกวันเลยหรอ?”

ผมยิ้มก่อนจะตอบบพี่ชายเสียงเบา เพราะไม่อยากรบกวนช่วงเวลาของสองพ่อลูก “ครับ ทุกวันเลย ตั้งแต่สกายแบเบาะแล้ว.. ตอนกลางวันสกายอาจจะติดไนล์ แต่กลางคืนนี่ลูกไม่เอาใครเลยนอกจากพี่ภู”

“หึๆ นิสัยเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก พี่ไม่แปลกใจเลยสักนิด” ผมหันไปมองพี่เทมส์ก่อนะจเห็นว่าพี่ชายส่งยิ้มอ่อนโยนให้ “ไปๆ ไปอยู่กับครอบครัวไป พี่ไม่กวนแล้ว”

ผมพยักหน้า พี่เทมส์เลยเดินออกไปจากห้องสกายเมื่อได้รับคำตอบของคำถามเมื่อเย็น ในขณะที่ผมเองก็เดินไปกอดพี่ภูไว้หลวมๆ จากด้านหลัง

“หืม? ว่าไงครับ” พี่ภูยิ้มก่อนจะหันกลับมาหาผม แล้วกอดผมตอบ

“คืนนี้นอนห้องลูกกันดีไหมครับ ไนล์อยากให้เรานอนด้วยกันกับลูก” ผมชวนอ้อนๆ และแน่นอนว่าพี่ภูที่ไม่เคยขัดใจผมเลยตั้งแต่เราแต่งงานกันย่อมไม่ปฏิเสธ

“เอาสิ.. แต่ก่อนอื่นเราต้องไปอาบน้ำกันก่อนที่จะมานอนกับลูก” พี่ภูกอดผมแน่นขึ้น ก่อนจะส่งสายตาวิบวับเป็นประกายมาให้ผม เดาได้ไม่ยากเลยว่าเขาต้องการอะไร “อาบน้ำพร้อมพี่ไหมครับ พี่ไม่ได้อาบกับหนูนานแล้วนะ”

ผมเม้มปากแน่น เขินจนใจเต้นแรง แต่ก็ไม่ยอมหลบตาคนป็นสามี และพอยิ่งเห็นว่าเขาจ้องผมด้วยสายตาแบบไหน ใจผมยิ่งสั่นแรงกว่าเดิม

“กะ.. ก็ได้ครับ แต่แค่อาบน้ำอย่างเดียวนะ” ผมต่อรองทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าไม่ได้ผลหรอก ลองพี่ภูบอกแบบนี้ไม่มีทางแค่อาบน้ำกับผมเฉยๆ แน่

“ไนล์ก็รู้ว่ามันไม่มีทางแค่อาบเฉยๆ หรอก” พี่ภูกระซิบก่อนจะกดปากลงมาแรงๆ บนปากผมแล้วผละออก จากนั้นเขาก็ตวัดตัวผมขึ้นอุ้มแนบอกทันที โชคดีที่ผมยกแขนคล้องคว้าคอเขาไว้ได้ทัน

“พี่ภู!!” ผมดุเขาเสียงเขียวที่จู่โจมผมไม่ให้โอกาสผมตั้งตัว แต่เสียงดุแค่นี้ก็ทำอะไรพี่ภูไม่ได้หรอก เจ้าเล่ห์จะตายไปคนๆ นี้

“ชู่... เดี๋ยวลูกตื่นนะ” เขามองผมตาเป็นประกาย ก่อนจะกระซิบเสียงกระเส่า “ป่ะ.. ไปอาบน้ำกัน”

พี่ภูอุ้มผมจากห้องในขณะที่ผมได้แต่ส่งเสียงห้ามเบาๆ ไม่กล้าโวยวายเพราะกลัวลูกตื่น และแน่นอนเขาเคยฟังอะไรผมที่ไหนล่ะกับเรื่องแบบนี้ ผมสาบายเลยว่าครั้งหน้าจะไม่ชวนเขานอนห้องลูกอีกแล้ว.. สาบาน!!

.

.

.

THE END

------------------------------------------------------------------------------------

จบแน้ววววว จบแน้วจริงๆ จ้าาาาาาาาา จริงๆ เราชอบเขียนนิยายที่มีเด็กๆ ในเรื่องมากเลยนะ มันน่ารักดี 555555555 ถือโอกาสขายนิยายอีกเรื่องด้วยแล้วกันนะคะ เรื่อง เกิดเป็นรักข้ามรั้ว เขียนจบไปแล้วก่อนหน้าเรื่องนี้ เรื่องนั้นจะเป็นฟีลกู๊ดน่ารักๆ มีเด็กๆ ในเรื่องด้วย

ซึ่งสาเหตุที่ขายเรื่องโน้นก็ไม่ใช่อะไร คือแอบมีแพลนเล็กๆ (เล็กมาก และไม่รู้ว่าจะเขียนเสร็จเมื่อไหร่ด้วย 5555555) แอบมีแพลนค่ะว่าจะเขียนภาคต่อของเรื่องโน้น โดยมีเด็กน้อยของเรื่องนี้ไปเป็นตัวละครหลักร่วม เอาไว้ถ้าลงมือเขียนเมื่อไหร่ อาจจะมาลงตอนพิเศษในเรื่องนี้อีกสักตอน แล้วแจ้งอัพเดทให้ทุกคนทราบบบ ขอบคุณไว้ล่วงหน้าเลย หากทุกคนจะสนับสนุน 55555555

เอาล่ะค่ะ จบแล้วล่ะ จบจริงๆ แต่ถ้าไม่ติดอะไร อาจจะมีตอนพิเศษของเรื่องนี้มาฝากอีกสักตอนสองตอน แต่ยังไงเสีย ตอนนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนก่อน ขอขอบคุณทุกคนมากๆ ที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนพิเศษสุดท้ายนี้ มันยาวนานมากๆ เลย 7 เดือนกับ 42 ตอน (ที่เขียนไปได้ยังไงไม่รู้ 5555555) แต่ก็ต้องขอขบคุณมากๆ ที่เดินทางมากับเราจนจบ ขอบคุณทุกคลิก ทุกวิว ทุกไลค์ ทุกคอมเม้นท์ และทุกยอดโดเนท ที่คอยเป็นแรงผลักดันให้นิยายเรื่องนี้เดินทางมากจนสุดทาง... ขอบคุณมากๆ นะคะ

เราก็คงไม่มีอะไรจะให้มากกว่าคำว่าขอบคุณ แล้วยังไงถ้ามีโอกาส เราหวังใจว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกคนอีกครั้ง หากเราเขียนนิยายในเรื่องถัดๆ ไป ขอแค่มีคนอ่าน ขอแค่มีคนให้การสนับสนุน เราสัญญาว่าจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เพื่อให้สมกับที่ทุกคนคอยให้กำลังใจและติดตามผลงานของเรา

ขอบคุณมากๆ นะคะ แล้วไว้พบกันใหม่เมื่อถึงเวลาที่สมควร.. รักพวกคุณม๊าก มาก ^^
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 28-09-2020 20:22:25
 :-[
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-09-2020 22:20:34
น่ารักที่สุดๆ
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 30-09-2020 03:00:29

น่ารัก น่ารัก มากๆๆๆๆ เลย

ฟิวกู๊ด ดีต่อใจ แอบหลงรัก พี่ภู และน้องไนล์คนดี แถมตอนท้าย รักน้องสกาย เพิ่มอีกคน

พี่เทมส์ ที่แสนดีก็มา พระเอกในดวงใจเลยคนนี้ พี่ชายแสนดีที่หนึ่ง

หมั่นไส้ นางจีน รู้สึกจะไม่ได้รับเวรกรรม ตามทันอะไรเลย  (วัยรุ่นเซ็ง)

โดยรวมเนื่้อเรื่อง มีครบทุกรส สุข เศร้า น้ำตา หวานชื่น โรแมนติก นักเขียนเก่ง

ขอขอบคุณในเรื่องราวดีๆ ขอส่งแรงใจให้นักเขียน ต่อไป

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 01-10-2020 13:12:26
จบแล้ววววววว
ตอนพิเศษน่ารักมากกกก
ครอบครัวอบอุ่น
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 02-10-2020 03:21:14
พระเอกก็บื้อ  นายเอกขี้งอนคิดมาก
แต่สุดท้าย คือโคตรน่ารักเลยครับ
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 04-10-2020 10:56:43
อ่านไปแล้วช่วงกลางๆสงสารน้องไนล์จับใจบีบหัวใจเหลือเกิน กว่าพี่ภูจะตาสว่างเห็นถึงความจริงใจของน้อง กว่าจะลงเอยกันได้ก็ได้น้ำตากันไป สรุปจบที่ได้ครอบครัวที่น่ารักกลับมา สนุกมากค่ะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 04-10-2020 12:58:30
น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-10-2020 13:41:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 09-10-2020 03:28:35
 :-[
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 09-10-2020 17:53:29
พ่อลูกน่าร้ากกกกกก เป็นครอบครัวที่มีสีสรร  :mew1:
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 11-10-2020 07:54:02
น้องไนล์คือเมียคือแม่แห่งชาติ..พี่ภูเกือบปล่อยน้องหลุดมือไปแล้วนะเนี่ย คนดีที่รักเราขนาดนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ ดีที่ตาสว่างแม้เกือบช้าไปเพียงเสี้ยว..นังจีนน่าจะโดน ๆ ๆ มากกว่านี้ไม่สะใจเลยทำเรื่องไว้มันน่านัก  นิยายดีสนึกมาก :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 15-10-2020 13:36:01
 :pig4: :pig4: :pig4: น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวยุ่ง ที่ 16-10-2020 00:12:34
อ่านแล้วอินมากกกกค่า นี่ถ้าได้ตามอ่านแบบเรียลไทม์ คงได้เม้นด่าอิตาพระเอกไม่มีเหลือ 555555 อ่านไปก็หงุดหงิดไป แต่ก็อยากอ่านต่อรัวๆ เอาจริงนี่โมโหพ่อแม่น้องไนล์มากกว่าค่ะ ความคิดแปลกๆ ตอนบังคับให้แต่งกับน้องลมก็ทีนึงแล้ว มาตอนพูดให้น้องไนล์ยอมอิตาพระเอกให้มาดูแล โดยอ้างลูกต้องมีพ่อนี่แบบ ไม่ค่าาาา ไม่จำเปนเลย

แต่ใดๆ คืออยากฟาดอิตาพระเอกมาก ผู้หญิงแต่ละนางที่เข้าหาก็แบบ โหยยย อยากจะทะลุหน้าจอไปจัดการให้เลย 55555

ส่วนน้องลมช่วงแรกนี่แอบหงุดหงิดกับความดื้อดึง รู้ทั้งรู้ก็ยังดื้อ จะรัก จะรอ เหมือนกดดันน้องอย่ตลอด ไม่ชอบเลยจริงๆ แต่มาตอนท้าย ยอมรับได้นี่ก็แบบ หนูน่าจะยอมรับได้มาตั้งนานแล้วนะ หนูเองก็จะได้ไม่ทุกข์ด้วย

ใดๆ ในเรื่องนี้คือชอบพี่เทมส์กับคุณแม่ของอิตาพระเอก และชอบเจ้าหนูสกายที่สุด  จะรอตอนพิเศษที่จะตามมาอีกนะคะ

เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนค่ะ

ขอคู่ให้พี่เทมส์กับน้องลมหน่อยค่าาา อิอิ :mew1:
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 27-10-2020 23:22:57
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ อยากเปลี่ยนพระเอกตั้งแต่ตอนแรกจนเกือบจบ555 สุดท้ายก็ร้องไห้เหมียนหมาอิน อินมากกก
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 03-12-2020 19:16:22
 :o8:
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 19-12-2020 21:02:14
 :z13:
หัวข้อ: Re: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 26-12-2020 20:21:06
น้องไนล์น่ารักกกกก