พิมพ์หน้านี้ - (จบแล้วค่ะ) รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 30 | 03/07/2020

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: YiiM ที่ 30-01-2020 12:21:31

หัวข้อ: (จบแล้วค่ะ) รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 30 | 03/07/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 30-01-2020 12:21:31
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 1 30/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 30-01-2020 12:32:08

ตอนที่ 1

"พี่ลาวา แพรว่า เราเลิกกันเถอะ" นี่คือประโยคที่น้องแพรบอกกับผมเมื่อ 3 ชั่วโมงที่แล้ว เหตุผลเหรอ ไม่ต้องมีหรอกผมพอจะรู้ตัว ใครจะอยากคบกับผม หน้าตาดี มีเงินใช้ แต่ผมดัน 'อ้วน' ไง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือคนแรกที่มาขอบอกเลิกผม แต่มันหลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้วต่างหาก แล้วผมก็เริ่มชินแล้วล่ะ ถ้าถามว่าเสียใจไหม ผมตอบได้ทันทีเลยว่ามาก กับแพรผมว่าผมจริงจังมากนะ เธอเป็นคนที่ผมคบด้วยนานอย่างน้อยก็ตั้ง 6 เดือนนะครับ ตอนแรกเข้าหาผมเพราะผมมีเงินไง ผมก็รู้ตัวนะ เพื่อนๆผมมันก็บอก ถึงผมจะไม่ฉลาดแต่ผมก็ไม่ได้โง่ เพียงแต่ผมก็แอบหวังนิดนึงแหละว่าแต่ละคนที่คบกับผม อาจจะจริงจังกับผมบ้างก็ได้ ผมทั้งตามใจ ซื้อของให้ ผมป๋ามากนะครับ คบใครผมก็จริงใจ จริงจัง แต่ทำไมทุกคนไม่เห็นจริงจังกับผมบ้าง ผู้หญิงแต่ละคนเข้ามาในชีวิตผม ช่วงเเรกๆก็ดีอยู่หรอก แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ทำไมพวกเธอถึงเปลี่ยนไปได้มากนักนะ กลายเป็นบงการชีวิตผม บอกให้ผมลดน้ำหนัก ว่าผมอ้วนอย่างนั้นอย่างนี้ อ้วนแล้วทำไม ผิดมากนักเหรอ ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ทั้งๆที่ตอนแรกที่เข้ามา ผมก็อ้วนของผมแบบนี้ ทำไมรับได้ พอเวลาผ่านไปก็มาบ่นๆ บางคนคบกับผม จะบอกเลิกเหตุผลเพราะอายเพื่อน ถ้าอายมากแล้วตอนแรกจะมาขอคบทำไมวะ มาทำให้รู้สึกดีด้วยแล้วมาทิ้งกันง่ายๆ ผมก็มีหัวใจนะ เจ็บเป็น เสียใจเป็น พูดแล้วแม่ง อยากร้องไห้ว่ะ

Thu...Thu...Thu...

ผมกดโทรออกหาไอ้ไฟ ฝาแฝดของผม

(ว่าไง ไอ้วา)

"มึงว่างไหม ออกมากินเหล้ากับกูหน่อย"

(ไม่ว่าง มึงโทรหาไอ้แม็กสิ แค่นี้นะ) ตู๊ดๆๆ

ไอ้เหี้ย กดตัดสายกันได้ไร้เยื่อขาดใยสัส ไม่แม้จะถามผมเลยด้วยซ้ำว่ากูเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงอยากแดกเหล้า งอนแม่งว่ะ โทรหาไอ้แม็กแทนก็ได้วะ

(ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก.....) เออ ไอ้เหี้ย มีแฝดแต่ละคน พึ่งพาได้ดีจริงๆ

ก่อนเริ่มเรื่องอย่างจริงจัง ผมขอแนะนำตัวเองก่อนเลย ผมชื่อลาวา มีแฝดอีกสองคน คือไอ้แม็กม่า(แม็ก)กับอัคนี(ไฟ) ผมเคยคิดนะ ว่าพวกมันให้ความสำคัญกับผม แต่ตอนนี้คงต้องคิดใหม่ละ พวกผมมีหน้าตาหล่อเหลาเหมือนกัน ชนิดที่ว่าถ้าไม่สนิทจริงๆจะแยกพวกผมไม่ออกเลยทีเดียว แต่ก็มีจุดที่แยกออกคือ ถ้ายืนเทียบกันแล้ว ไอ้เเม็กจะสูงกว่าผมกับไอ้ไฟ ส่วนผมจะอ้วนกว่าทุกคน เอาจริงๆ ผมว่าผมก็แค่อวบๆ แบบมีเนื้อหนังมากกว่าหุ่นปกติเเค่นิดเดียวเองนะ จริงจริ๊งงง พวกผมเรียนกันคนละคณะ ไอ้เเม็กเรียนวิศวะ ไอ้ไฟเรียนสถาปัตย์ ส่วนผมเรียนนิติศาสตร์มหาลัยเดียวกันแหละครับ

แต่ตอนนี้ช่างพวกมันก่อนเถอะ พึ่งไม่ได้สักคน ผมอยากจะโทรตามเพื่อนนะ แต่พวกมันอินดี้กันฉิบหาย ผมเลยตัดสินใจไปนั่งร้านประจำคนเดียวเลย

ที่นี่คนค่อนข้างเยอะทีเดียว เพราะเป็นผับดังขึ้นชื่อของเด็กมหาลัยแถวนี้ แถมเจ้าของก็หล่อมากด้วย ถ้าถามว่าทำไมผมถึงรู้ เพราะมันเป็นเพื่อนเก่าตอนมัธยมของผมไง หน้าตาโคตรจะดี สูง ผอม หล่อ รวย เป็นที่ต้องการของสาวๆ เลยแหละครับ

ผมเดินเข้ามานั่งตรงบาร์ที่เดิมที่ประจำ เวลาเครียดๆก็มักจะมานั่งคนเดียวแล้วสั่งมาร์ตินี่มานั่งดื่ม ฟังเพลงชิลๆไปด้วย ที่นี่ระบบรักษาความปลอดภัยดีมาก ทำให้มีนักท่องราตรีค่อนข้างเยอะ

"มาคนเดียวเหรอครับ" เสียงมาจากคนที่นั่งถัดจากผมไปสองที่นั่ง ทำให้ผมหันไปมอง ผมไม่แน่ใจว่าเขาถามผมหรือเปล่า เลยไม่ได้ตอบกลับไป

"ผมคุยกับคุณนั่นแหละ" มันบอกแล้วขยับมานั่งเก้าอี้ข้างผม

"ครับ" ผมตอบรับไปสั้นๆ ถึงผมจะไม่ได้อยากมานั่งเมาคนเดียว แต่ผมก็ไม่ได้อยากมาเพื่อมาหาเพื่อนเพิ่ม ยิ่งอารมณ์ตอนนี้ ผมอยากนั่งดื่มคนเดียวมากกว่า ผมบอกแล้วว่าผมไม่ฉลาด แต่ก็ไม่ได้โง่จนเดาจุดประสงค์ของมันไม่ออกว่าต้องการอะไร

"ผมก็มาคนเดียว กำลังเหงาพอดี ไม่ทราบว่าคุณ..."

"เหงาแล้วมึงจะมาคนเดียวทำเหี้ยไร ไมไม่เอาเพื่อนมาด้วยวะ ประสาทหรือเปล่า" ผมพูดออกไป ใช่ว่าจะอยากโมโหใส่หรอกนะ แต่มันน่ารำคาญก็เท่านั้น

"เอ้า กูพูดกับมึงดีๆนะ คิดว่าหน้าตาดีหรือไง โธ่ ไอ้อ้วนเอ้ย!"

เพล้ง...ตุ๊บ...

ไอ้สัส ผมเหลืออดแล้ว มันเป็นคนเดินเข้ามาคุยกับผมก่อนเองนะ ผมไม่อยากคุยด้วยเสือกมาด่าจี้จุดผมอีก ผมเลยหยิบขวดเบียร์(ของใครไม่รู้) ฝาดหัวแม่ง แล้วถีบมันตกเก้าอี้ไปเลย อยากปากดีวอนตีนเองอันนี้ก็ช่วยไม่ได้

"มีเรื่องอะไรกัน" ไอ้ลิเคียวรีบวิ่งลงมาจากชั้นสอง ตอนนี้พวกการ์ด ยืนล้อมผมกับไอ้นั่นอยู่ ผมไม่ใช่คนหาเรื่องนะ มันเริ่มก่อนเห็นๆ

"โทษทีว่ะ กูพลั้งมือไปหน่อย เดี๋ยวค่าเสียหายกูชดใช้ให้เอง" ผมบอกไอ้ลิเคียว มันทำท่าเอือมๆ แต่สั่งให้การ์ด พาไอ้นั่นไปหาหมอ

"มึงขึ้นไปข้างบนกับกูเลย ไอ้เหี้ย มีปัญหาตลอดนะมึง ตัวก็แค่นี้" มันบอกแล้วเดินนำผมขึ้นไป ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตาม ในเมื่อผมก็ผิด ทำให้ร้านมันเสียหายอีกต่างหาก

"มีปัญหาอะไรอีกวะ ช่วงนี้มาอุดหนุนร้านกูบ่อยนะ" พอมาถึงโต๊ะประจำตรงชั้นสอง ผมยังไม่ทันได้นั่งเลย มันก็ถามขึ้น

"เรื่องเดิมๆ กูเบื่อว่ะ ไม่เข้าใจผู้หญิงเลยแม่ง จะอะไรกะกูนักหนา"

"เรื่องเดิมๆ เรื่องผู้หญิงอะนะ?"

"เออดิ จะเรื่องอะไรอ่ะ เหี้ย! ตอนเเรกที่คบไม่เห็นจะว่าอะไรเลย พอสักพักจากเมียกูนึกว่าแม่ อยากให้กูผอม ให้กูอดข้าว นู่น นั่น นี่ ถ้าชอบผอมๆ ทำไมไม่ไปคบกับไอ้แม็กหรือไอ้ไฟวะ มาคบกับกูทำไม"

"เออ ใจเย็นๆมึง คิดมากทำไมวะ ผู้หญิงเยอะแยะ หาใหม่ได้" มันก็พูดง่ายสิครับ ก็เล่นหน้าตาดีขนาดนี้ ไม่ใช่แค่มันนี้ พวกพี่น้องของมันก็หน้าตาดีหมดเลย

"เออ กูเบื่อละ ขี้เกียจเสียใจซ้ำๆ"

"แล้วมึงจะเอาไง อยู่โสดจนตัวตายหรือไง" ไอ้ลิเคียวพูดออกมากวนๆ แม่งก็คิดได้เนอะ ผมลองคิดๆดูแล้ว ถ้าคบกับผู้หญิงมันไปไม่รอด ผมจะคบผู้ชายมันไปเลย ให้รู้แล้วรู้รอด จากเหตุการณ์ เมื่อกี้ ไม่ใช่ครั้งเเรกนะครับที่มีผู้ชายมาจีบ มันเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วมั้ง แรกๆผมก็ไล่เตะคนที่เข้ามาจีบเรียงตัวเลย หลังๆผมก็เริ่มชิน โลกมันหมุนเร็วเราควรตามให้ทัน

"กูว่า..กูจะลองคบกับผู้ชายดูว่ะ"

"เฮ้ย! เอาจริงๆ คิดดีๆนะมึง ไปแล้วกู้กลับยากนะ ได้ข่าว!"

"เออ กูคิดดีแล้ว แต่ปัญหามันติดอยู่นิดเดียว"

"อะไร"

"กู..จะรู้ได้ไงวะ ว่าเขาเป็น?"

ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ผมเอาจริง ที่ถามไอ้ลิเคียวเพราะมันเป็นไบไง มันน่าจะรู้จักคนเยอะเผื่อมันจะแนะนำผู้ชายดีๆให้ผมได้บ้าง

หาเมียดีๆหายาก หาผัวไปเลยดีกว่า ผมว่า..

พูดไปก็ดื่มเหล้าไป ชีวิตไอ้ลาวาคนนี้ช่างน่าเศร้า หาเมียได้แม่ตลอด

"มึงแน่ใจนะ ว่าคิดดีแล้ว"

"เออ ไอ้สัส บอกวิธีกูหน่อย อย่าลีลาท่ามาก"

"งั้นมึงคบกับกูไหมล่ะ"

"..." เงียบ...เงียบกริบทั้งผมทั้งมัน ตอนนี้เสียงรอบข้างค่อนข้างดังมาก จริงๆผมอาจหูฝาดไปก็ได้

"มึง..มึงว่าไงนะ พูดอีกทีดิ"

"คบกับกูไหมล่ะ" นั่นไง ชัดเจน ผมไม่ได้หูฝาด ไอ้ลิเคียวพูดเน้นๆ ทำเอาผมอึ้งไปเลย

มันก็จ้องหน้าผมเหมือนรอว่าผมจะตอบอะไร ส่วนผมก็มองท่าทางของมัน คือเรารู้จักกันมานานครับ เป็นเพื่อนในห้องเดียวกัน ที่จริงมันสนิทกับไอ้ไฟมากกว่าผมอีก ผมก็นิ่งคิด ถ้าคบกับมันก็ดีนะ หล่อ รวย ที่สำคัญมันเป็นคนตลกด้วย เสียอย่างเดียว เจ้าชู้โคตร

"กูอยากได้แฟน มึงเข้าใจคำว่าแฟนไหม คนที่ดูแลห่วงใย ใส่ใจ รักกันนะครับไอ้สัส ไม่ใช่ที่ระบายแก้เงี่ยน"

"เอ้า คบๆกันไป เดี๋ยวก็รักกันเอง แต่ถ้าไม่รักก็เลิก จะไปยากอะไร ไหนมึงบอกอยากลองคบผู้ชายไง กูก็ผู้ชาย ที่สำคัญกูหล่อ กูรวย กูโสด! อย่าทำอะไรให้ยุ่งยากสิวะ"

ก็จริงของมันนะ กับผู้ชายผมไม่เคยคบด้วยหรอกแต่เพราะเป็นมันไง ไอ้ลิเคียว เจ้าชู้ตัวพ่อ เปลี่ยนคนควงเป็นว่าเล่น มันจะจริงจังแค่ไหนเชียว

"มึงบ้าป่ะเนี่ย กูไม่ใช่ของเล่นมึงนะ ไอ้สัส มึงกำลังเล่นกับความรู้สึกกูป่ะเนี่ย ไม่ตลกนะขอบอก"

"เออ กูก็ไม่ตลก มึงเห็นกูขำไหมล่ะ แล้วแต่มึงไงคบก็คบไม่คบก็ถือว่ากูไม่ได้พูดแล้วนั่งแดกเหล้าต่อ" ไอ้ลิเคียวพูดออกมาหน้าตาเฉย ไอ้เหี้ย พูดง่ายไปไหมวะ คือตอนนี้ความรู้สึกผมมันตีวนกันไปมาอยู่ในหัว ท่าทางของไอ้ลิเคียวก็เหมือนจะเฉยๆ แต่สีหน้าของมันก็เหมือนจะจริงจังจนผมเดาไม่ออกแล้วเนี่ย

"มึงเมา?" ผมถามออกไป

"กูเปล่า"

"แล้วมึงมีอะไรมายืนยันเป็นหลักฐานได้ไหมล่ะ ว่ามึงไม่ได้พูดเล่น" พอผมพูดจบ ไอ้ลิเคียวก็กระตุกยิ้มทันที ใจผมนี่หายว๊าบเลยครับ หน้าแบบนี้ มันเอาจริงแน่

แล้วไม่ได้เอาจริงธรรมดานะ หน้าตามันบงบอกว่า...มันจะเอาผมจริงๆ -0-;

"นี่มึงลังเลเพราะอะไรกันแน่ ถ้ากูยืนยันได้ มึงจะคบกับกูเลยใช่ไหม" เออจริง ผมลังเลอะไรวะ คือถ้าไม่ก็ควรจะตอบมันไปเลยว่าไม่ คำพูดของผมเมื่อกี้เหมือนอยากคบกับมันเลยว่ะ

"งั้นได้ รอกูแป๊บ" มันบอกมาอีก แล้วลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงด้านหลังออกมา นั่งจิ้มๆอะไรของมันไม่รู้ ทำเอาผมขนลุกซู่ ฉิบหายแล้วฉิบหายแน่ๆ

ตึ่ง!

ตึ่งๆๆๆๆๆๆๆ

อยู่ๆเสียงเฟซในโทรศัพท์ของผมก็แจ้งเตือน เตือนมาแบบถี่ยิบเลยครับ ผมเลยหยิบขึ้นมาดูจนอยากจะร้องดังๆ ไอ้เหี้ยยยยยยยยย! โคตรเหี้ยเลยเพราะเฟซผมแจ้งเตือนแท็ก ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากมันนั่นแหละครับ

Liqueurแฟนผม เรารักกัน -3- กับ Lava

3 นาที

1.1   ถูกใจ 98 แสดงความคิดเห็น 39 แชร์

"ไอ้เหี้ย รักกันตอนไหน กูยังไม่ได้ตกลงเลยนะ"

"เอ้า มึงถามหาหลักฐาน นี่ไงพยานเป็นหมื่น กูจริงจังนะเนี่ย"

เอาไงดีวะ คำพูดของผมเหมือนขุดหลุมฝังตัวเอง คือกะอยากได้แฟนผู้ชายก็จริงแต่เหมือนผมก็แค่พลั้งปากประชดชีวิตปะวะ ไม่คิดว่าจะได้เร็วขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้มือผมสั่นเพราะโกรธ โมโหไอ้ลิเคียวหรือเพราะโทรศัพท์กันแน่ เพราะมันสั่นไม่หยุดเลย ผมก้มมาดูทั้งไลค์ทั้งคอมเม้นท์ไหนจะส่งแชทมาถามกันอีก เฟซผมไม่เท่าไหร่เฟซไอ้ลิเคียวนี่สิคนติดตามเป็นหมื่น ไอ้ไฟก็แชทมาถามผม ไหนจะเพื่อนๆอีก ผมรำคาญเลยตัดปัญหาปิดเครื่องแม่งเลย

ผมไม่ได้พูดอะไรกับไอ้ลิเคียวอีกเอาแต่นั่งดื่มไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ได้ถามอีกเพียงแต่นั่งดื่มของมันไป มีบ้างที่ผมกับมันหันมามองหน้ากัน ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนะ แต่พอตอนนี้ผมว่าผมรู้สึกแปลกๆว่ะ ผมเลยเลือกที่จะนั่งหันไปทางระเบียงแทน จะได้มองลงไปข้างล่าง

"กูว่ามึงดื่มเยอะไปละ" ไอ้ลิเคียวบอก แล้วก็แย่งแก้วจากมือผมไป มันนั่งลงข้างๆ แล้วก็กระดกดื่มแก้วของผมจนเกลี้ยงเลย

"ม่ายดีหรือง่าย ฉลองห้ายกูกาบมึงง่ายย" ผมรู้สึกมึนหัวมาก แต่ก็อยากดื่มต่อ

"เรื่อง?"

"คบกันง่ายยย ไอ้สาส ไม่ถึงชั่วโมง มึงลืมหรืองายวะ!" ผมด่ามันออกไป ค่อนข้างเสียงดังเลยทีเดียว มันมองมาที่ผมยิ้มๆ

ตอนนี้เรานั่งอยู่ข้างๆกัน แต่หันคนละทิศ มันนั่งหลังพิงกับระเบียงชั้นบน ส่วนผมนั่งหันหน้าเข้าหาระเบียง

"มึงจาทามให้กูเสียจายไหมวะ" หลังจากที่นั่งกันอยู่ ต่างคนก็ต่างเงียบ ผมเลยถามมันออกไป บรรยากาศรอบๆไม่ได้เงียบ มีเสียงดีเจพูดขึ้นมาเป็นทีๆ ข้างล่างก็เปิดเพลงเเดนซ์กันกระจาย

"ก็ไม่แน่ว่ะ มันคงมีบ้าง" ผมหันไปมองหน้ามันทันที มันก็มองหน้าผมเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าผมทำหน้ายังไง แต่หน้าไอ้ลิเคียวตอนนี้ แม่งโคตรหล่อเลยครับ ผมรับประกัน

เราจ้องตากันสักพัก ไอ้ลิเคียวก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ ไม่รู้ว่าเพราะความมึนของเหล้าหรือเพราะหน้าหล่อๆของมันกันแน่ที่ทำให้ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆ ก่อนที่จะ...

ปึก!

หน้าของผมกระทบกับหน้าอกของมันอย่างจัง ผมรู้สึกว่ามึนมากจนเงยศีรษะไม่ขึ้นแล้วด้วยซ้ำ ให้ตาย ไม่น่าดื่มมากเลย ง่วงก็ง่วง แด่วันที่เลวร้าย ฝันดีครับ...

 :hao3:


หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 1 | 30/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 30-01-2020 20:09:40
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 2 | 31/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 31-01-2020 08:50:25


ตอนที่ 2

เช้า

ผมลืมตาตื่นขึ้นมา ไม่รู้กี่โมงแล้ว รู้สึกมึนหัวชะมัด แถมยังอยากอ้วกด้วย มันพะอืดพะอมมาจากอาการเมาค้างเมื่อคืนแน่ๆ อึก! อะ.. ผมเอามือป้องปาก หันมองรอบๆ เพื่อหาห้องน้ำ คำถามแรกที่เข้ามาในหัวคือ...

ที่นี่ที่ไหนวะ ??

แต่เอาเหอะ จะที่ไหนก็ช่าง ผมพยายามรีบลุกเพื่อจะได้ตรงไปหาห้องน้ำ แต่พอลุกเท่านั้นแหละ

พรึ่บ!

ขาผมทรุดทันที อยู่ๆก็เจ็บแถวๆก้นลงไปถึงข้อเท้าซ้าย ผมเป็นอะไรวะเนี่ย

"อ้าว ตื่นแล้วเหรอ นั่งทำไรตรงนั้นวะ" ไอ้ลิเคียวเปิดประตูเข้ามา แสดงว่านี่ห้องมันสินะ

"เจ็บหรือไง" มันถามผมอีก ผมยังไม่ตอบ คือมันมึนๆงงๆ จำได้ว่าเมื่อคืนมากินเหล้าที่ผับมัน แล้วก็เกิดเรื่อง แล้วก็...!

"มึงทำอะไรกู!" ผมถามมันเสียงแข็ง

"ทำอะไรวะ?" มันทำหน้ามึนใส่ผม แล้วดันถามผมกลับ

"กูเจ็บ...เจ็บก้น" คำหลังผมพูดเสียงเบา อยู่ๆก็รู้สึกอายว่ะ

"ก็สมควร"

"อะไรที่เรียกว่าสมควร"

"ก็เมื่อคืนกว่ากูจะพามึงขึ้นมาได้ แทบกลิ้งตกบันไดตายคู่ มึงลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้า ไม่เจ็บสิแปลก" ค่อยยังชั่ว ผมนึกว่าเสียประตูหลังให้มันไปแล้วซะอีก

"เออ งั้นก็แล้วไป"

"แล้วไปอะไร มึงคิดว่ากูทำไรมึงใช่ไหม"

"จะไปรู้เหรอ คลำไม่มีหางมึงก็เอาหมดแหละ เหอะ" ผมบอก มันทำท่าถอนหายใจเหมือนไม่อยากเถียงกับผมต่อ

"มึง พากูเข้าห้องน้ำทีดิวะ"

"พูดกับกูดีๆดิ เดี๋ยวกูอุ้มเลย"

"กวนตีน กูจะอ้วกแล้วเนี่ย!" ผมบอกแต่มันยังยืนนิ่ง ทำเป็นไม่สนใจ เออ ไอ้เหี้ย ยอม! ผมยังไม่อยากนั่งอ้วกตรงที่นอนหรอกนะ มันไม่ใช่นิสัย

"มึงงงง พากูไปเข้าห้องน้ำหน่อยสิ น้าาาา นะนะ" ผมบอกพร้อมทำตาปริบๆ มันก็หันมากระตุกยิ้มให้ผมแล้วเดินมา ถามว่าเขินไหมก็นิดนึงนะครับ เพราะปกติผมไม่ทำตัวอ้อนกับคนอื่น จะมีก็แต่ไอ้เเม็กกับไอ้ไฟเท่านั้น ทำจนพวกมันชินแล้วล่ะ

"ก็แค่เนี้ย" มันทำท่าจะอุ้มผม มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ผมหนักจะตาย

"ไม่ต้องอุ้มเลยมึง แค่พยุงก็พอ กูรู้ตัวกูหนัก"

"เออน่า กูไหว"

"ไหวเหี้ยไรครับ เดี๋ยวกูตก ยิ่งเจ็บก้นอยู่นะโว้ย"

"ดื้อว่ะ มึงก็อยู่เฉยๆดิ เมื่อคืนถ้ามึงไม่ดิ้นก็ไม่ตกหรอก กูรู้ตัวว่ากูอุ้มมึงไหว" แล้วทำไมต้องดุด้วยเล่า เหี้ยโกรธ อยากอุ้มมึงเชิญอุ้มเลย เอาให้แขนหักไปเลย

"เออ" ผมตอบมันแค่นั้น มันก็อุ้มผมพาไปเข้าห้องน้ำ อยู่ไม่ไกลครับ แค่เปิดห้องนอนออกมาก็เจอห้องน้ำแล้ว อยู่ทางขวามือของห้องนอนนั่นแหละ

กว่าจะได้เข้าห้องน้ำก็อ้วกแทบพุ้ง มัวแต่เถียงกับมันนั่นแหละ พออ้วกเสร็จ ผมก็จัดการตัวเองอาบน้ำ สระผมเรียบร้อยเลย พอเดินออกมาเห็นมันนั่งอยู่ตรงขอบเตียงอยู่ก่อนแล้ว

"จะใส่ชุดไหนมึงเลือกเลยอยู่ในตู้" ไอ้ลิเคียวบอกพร้อมกับชี้นิ้วไปทางตู้เสื้อผ้า เพราะผมเดินใส่แต่บ็อกเซอร์ออกมา

"มึง กูหิวว่ะ" ผมบอกออกไป

"เออ เดี๋ยวพาไปกิน กูลงไปรอข้างล่างนะ"




ลิเคียว พาร์ท

ผมตัดสินใจลงมานั่งรอไอ้วาที่ข้างล่าง ใครบอกมันอ้วน เอาตามจริงที่ผมเห็นกับตาเมื่อกี้ ผมว่ามันไม่ได้อ้วนนะ มันก็ผู้ชายธรรมดาที่มีเนื้อมีหนังไม่ได้มีพุง ออกไปทางอวบๆ แต่เสือกเอวคอดไงครับ แถมยังโคตรขาวด้วย ในบรรดาแฝดๆของมัน ผมว่ามันขาวสุดเลยมั้งครับ

ส่วนผู้หญิงที่ว่ามันอ้วน ผมว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก ในเมื่อแต่ละคนเล่นหัวสูงขนาดนั้น ระดับดารา นางแบบเลยด้วยซ้ำเท่าที่ผมได้ยินมาจากไอ้ไฟ ถ้าเอาตามความจริงคือ หน้าตาพวกมันจัดว่าดีเลยทีเดียว คนอื่นๆจะแยกหน้าพวกมันไม่ออกหรอก แต่ผมรู้จักกันมาตั้งแต่มัธยม แถมไอ้ไฟก็อยู่กลุ่มเดียวกับผมด้วย ผมเลยมองออกว่าใครเป็นใคร

ปกติผมไม่ค่อยพาใครกลับมาบ้านเท่าไหร่ ส่วนมากจะให้นอนก็นอนที่ร้านไปเลย แต่เมื่อคืนดันปัญหาเยอะ ผมเลยกลับมานอนที่บ้าน แถมยังต้องพามันมานอนด้วย จะทิ้งไว้ก็ยังไงๆ เดี๋ยวไอ้ไฟด่าผมตายเลย แค่เมื่อคืนหลังจากที่ผมตั้งสเตตัส ไอ้ไฟก็โทรมาด่าแทบแดกหัวผมด้วยซ้ำ หาว่าผมเล่นไรกันเป็นเด็กๆ แต่ผมบอกว่าไม่ได้เล่น แล้วชิ้งวางสายก่อน ไอ้วานี่ไข่ในหินเลยนะครับ ไอ้แม็กไอ้ไฟโอ๋มาก ถึงจะอายุเท่ากันก็เถอะ แต่มันมองว่าไอ้วาเป็นน้องคนเล็ก ต่อหน้าพวกมันก็เฉยๆไม่สนใจ แต่ลับหลังใครว่าอะไรไอ้วาพวกแม่งกระทืบจนกระอักอ่ะ ผมเคยเห็นมาแล้วกับตา แต่เพราะไอ้วาเองก็ด้วยแหละ กับเพื่อนมันก็แมนๆ แต่กับไอ้ไฟไอ้แม็กมันจะอ้อนตลอด ไม่ค่อยมีคนรู้ครับ แต่ผมสนิทกับไอ้ไฟไง เลยเห็นบ่อย

"มีเข็มขัดป่ะ กูหาไม่เจอ" มันเดินลงมาถาม มือก็จับกางเกงที่ตัวเองใส่มาด้วย เสื้อผ้าของผมที่มันใส่แลท่าจะดูตัวใหญ่กว่าตัวมันพอสมควร

"เดี๋ยวขึ้นไปดูให้" ผมบอกแล้วขึ้นมาบนห้อง กำลังจะเปิดตู้หยิบเข็มขัด หันไปเห็นที่เตียง จะพูดว่าไงดี คือมันพับผ้าไว้เรียบร้อยมาก คือพับผ้าห่มอย่างดี แถมเสื้อผ้าที่วางไว้เกลื่อนแถวปลายเตียงของผมมันก็เก็บใส่ตะกร้าให้ด้วย ผมพึ่งรู้นะ ว่ามันเป็นคนที่เจ้าระเบียบแถมยังเรียบร้อยด้วย

"อยากกินอะไร" ผมถามหลังจากเดินลงมา ยื่นเข็มขัดให้มันด้วย

"อยากกินราเมงอ่ะ แต่ก็อยากกินข้าวด้วยว่ะ"

"เอาสักอย่าง แล้วมึงก็ชอบบ่นว่าตัวเองอ้วน" พอผมพูดเสร็จ เสือกหน้างอเลยครับ คงจะจี้ใจดำมันสินะ

"ชิส์ ก็คนมันอยากกินนิหว่า!" มันขึ้นเสียง แถมยังทำหน้าไม่พอใจใส่ผมอีก

"แล้วมึงจะเสียงดังทำไม กูแค่พูดให้ฟัง ยังไม่ได้ว่ามึงเลย" ผมบอกแล้วหยิบกระเป๋าเงินกับกุญแจรถเดินออกมา ไอ้วาก็เดินตามผมออกมาด้วย

"งั้นกินอาหารญี่ปุ่นกัน" มันเดินมาข้างๆแล้วเอียงคอพูด เพราะผมสูงกว่ามันเยอะ

"เออ ขึ้นไปนั่งเลย" ผมบอก ขับรถออกมาที่ห้าง วันนี้วันหยุดคนค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว พอมาถึง มันก็เดินนำผมไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านนี้เมื่อก่อนผมมาบ่อย เพราะคิสมันชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน

"จะกินอะไรก็สั่ง เยอะได้แต่ต้องแดกให้หมด" ผมบอกเห็นมันหยิบเมนูมาพลิกดูรายการ มองๆเหมือนอยากจะสั่งแต่ก็ไม่สั่งสักที

"เลี้ยงเหรอ" มันถามแถมยังทำหน้ากวนๆใส่ผม

"เออ" เท่านั้นแหละครับ ยิ้มแก้มปริ่ ผมไม่ซีเรียสเรื่องจะเลี้ยงหรอกครับ แฟนคนเดียวผมเลี้ยงได้ มันก็สั่งมาค่อนข้างเยอะ แต่ก็สำหรับสองคนนั่นแหละ พอสั่งเสร็จมันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะเล่น แค่เปิดเครื่องเท่านั้นแหละครับ เสียงเตือนข้อความมันดังตลอด เชื่อเถอะ ถ้าผมเปิดโทรศัพท์ ข้อความ สายเรียกเข้าไม่ต่ำกว่าร้อยเหมือนกัน

"มึงยังไม่ลบข้อความอีกเหรอวะ" มันเงยหน้ามาถาม

"ข้อความ?"

"เมื่อคืนไง ที่แท็กมา ไอ้ไฟไลน์มาด่ากูยาวเป็นหางว่าวเลย ไอ้สัส นึกว่าสั่งเสียพินัยกรรม"

"แล้วทำไมกูต้องลบ"

"เอ้า ไอ้เหี้ย เลิกเล่นสิครับ เดี๋ยวบรรดาเมียมึงมาแหกอกกูตายพอดี"

"หึ ไม่ต้องกลัว แฟนคนเดียวกูดูแลได้" ผมบอก มันทำหน้าช็อกไปแล้วครับ เหวอเลยแต่ก็ตลกดี

"แฟนเหี้ยไร ไม่เอา มึงทำกูระแวงนะไอ้สัส ไอ้แม็กไอ้ไฟด่ากูตายเลย"

"ไม่เป็นไรกูบอกไอ้ไฟแล้ว" ผมบอกไอ้วาตามตรง แต่มันเสือกทำตาโตกว่าเดิม ตกใจอะไรนักหนา

"เหี้ยยยย" ด่ากูอีก เมื่อวานมันยังค่ำควรอยากมีแฟนเป็นผู้ชายอยู่เลย พอผมเสนอตัวเสือกไม่เอา มีแฟนเป็นผมไม่ดีตรงไหน หล่อ รวย แถมใหญ่มาก ลีลาก็ดีไม่ได้โม้นะครับ สาวๆคอนเฟิร์มมาแล้ว

"ไม่ต้อง ห้ามปฏิเสธ มื้อนี้กูเลี้ยงฉลองเป็นแฟนกัน" พูดเสร็จเขาก็ทยอยเอาอาหารมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ

"งั้นกูไม่แดก"

"ก่อนหน้านี้กูพูดว่าไง สั่งมาซะเยอะ ไม่แดกวันนี้ก็ไม่ต้องแดก ไม่ต้องกลับบ้านมึงด้วย" ผมเริ่มขึ้นเสียงบ้าง หน้าง้อเป็นส้นตีนเลยครับ

"ไม่! กูจะกลับ...แค่แดกให้หมดก็พอใช่ไหม" ประโยคแรกๆเหมือนมันจะตะคอกมา ผมเลยทำหน้าดุๆ ประโยคหลังๆเสียงมันเลยเบาลง

"หึ ก็แค่นั้น" ต้องให้ดุ กับไอ้แม็กไอ้ไฟมันหือนะครับ กลัวบ้างแต่เถียงกลับตลอด แต่กลับผม พอดุทีไรแม่งหงอเป็นหมาเลย ไม่รู้กลัวอะไรแต่มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่มัธยมแล้วล่ะครับ

เอาจริงๆผมก็ไม่รู้หรอกว่าจริงจังกับมันแค่ไหน รู้แค่ว่าตอนนี้ก็ไม่ได้เล่นๆกับมันแล้วกัน!

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 3 | 01/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 01-02-2020 08:56:44

ตอนที่ 3

ไอ้ลิเคียวแม่งบ้า กะยังไงคงจะให้ผมยอมเป็นแฟนมันให้ได้เลย ผมไม่กล้าเถียงมันหรอก มันหล่อนะเเต่ดุเหี้ยๆ ตอนมอปลาย ผมมีเรื่องกับรุ่นพี่ เรื่องแย่งสนามแข่งบอล ต่อยกันไปยกนึง ไม่รู้ใครตะโกนว่าอาจารย์มา เท่านั้นแหละวงแตกเลยครับ ตกเย็นกำลังจะกลับบ้าน ผมเดินผ่านหลังโรงเรียน เห็นกลุ่มรุ่นพี่ที่ต่อยกันตอนกลางวันยืนล้อมไอ้ไฟกับไอ้ลิเคียวอยู่ ไม่แน่ใจว่ามันจะมาเอาคืนผมหรือเปล่า คือคิดว่าไอ้ไฟเป็นผมไง ผมกะไงถ้ารุมกันผมจะเข้าไปช่วย เพราะพวกนั้นมีกัน 4-5 คนได้ รอจังหวะสักพัก ไม่รู้คุยไรกันพวกนั้นมันวิ่งเข้าใส่ไอ้ลิเคียว แต่โชคดีมันหลบได้ปล่อยหมัดสวนกลับไปที่หน้า ปังเดียวจอด แบบจอดสนิทจริงๆนะครับ พวกเพื่อนๆไอ้รุ่นพี่ชะงักเลย พอตั้งสติได้ก็ช่วยกันอุ้มไอ้คนที่หมดสติไปโรงพยาบาล รุ่งเช้าได้ข่าวว่าไอ้นั้นฟันหัก 2 ซีก จมูกเบี้ยวด้วย ดีนะผมอยู่ไกล มองไม่เห็น ไม่งั้นคงสยองน่าดู

ตอนแรกมันบอกว่าถ้ากินไม่หมดจะไม่ยอมพาผมมาส่งบ้าน ดีนะที่หิวเลยซัดซะเกลี้ยง ถ้าให้อยู่กับมันอีกคืนมีหวังไม่รอดแน่ ไม่รอดจากมันก็จากไอ้ไฟแหละ เล่นโทรตามนึกว่าใครตาย พอมาถึงบ้านเสือกไม่มีคนอยู่สักคน

ผมขึ้นมานอนเล่นบนห้อง วันหยุดก็ไม่รู้จะไปไหน ไอ้ไฟจากตอนแรกบ่นๆ พอรู้ว่าผมอยู่บ้านก็เงียบหายไปเลย ไอ้แม็กก็ติดต่อไม่ได้ เบื่อโว้ยยย!

นอนกลิ้งไปกลิ้งมา ไม่รู้จะทำอะไร พอดีไอ้วินเพื่อนในกลุ่มผมก็โทรเข้ามา

RRRRRR

"เออ ว่าไง"

(เต่า)

"ไปเอง ไอ้สัส กูไม่ใช่สารถีมึงนะ"

(รายงาน เรื่องกฎหมายและ...)

"พอ มึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูไปรับ"

แค่นี้ต้องเอารายงานกลุ่มมาขู่ด้วย งงไหมครับว่าคุยอะไร แต่ผมชินแล้วล่ะ ตอนเจอกันแรกๆผมโคตรเกลียดมันเลย ผมคิดว่ามันกวนตีนแต่เอาจริงๆ มันเป็นคนแบบนี้แหละครับ พูดน้อย อินดี้สัสๆ แถมโคตรจะเก่งอีกต่างหาก เข้าขั้นอัจฉริยะเลยก็ว่าได้ ตัวมันเป็นแหล่งรวมความสุดยอดของสุดยอดไว้เลยก็ว่าได้ ไอคิว 210 คนบ้าอะไรจะฉลาดขนาดนั้น ตอนแรกก็ไม่เชื่อหรอกครับ แต่เผอิญไปเห็นใบประกาศนียบัตรของมันที่ตั้งไว้ที่บ้าน เขียนไว้ว่า ศาสตราจารย์ นายแพทย์ มาวิน รัตนสุธิดากุล ผมนี่เงิบเลย เคยถามมันนะ จบตั้งแต่เมื่อไหร่ มันบอกตอนอายุ 16 คือเทพไปแล้ว ผมเลยถามอีกว่าจบแพทย์แล้วจะมาเรียนทนายทำไม คำตอบที่ได้คือ แพทย์เรียนตามใจพ่อแม่ ส่วนทนาย มันเท่ดีเลยขอพ่อแม่มาเรียน เอาจริงๆมันอายุอ่อนกว่าผมตั้ง 2 ปี มันพึ่ง 18 เองนะครับ แถมยังเปิดคลีนิคเป็นของตัวเองด้วย มันบอกไหนๆก็เรียนมาแล้ว ต้องเอาความรู้มาใช้บ้าง

ผมขับรถของไอ้แม็กออกมา คือยังงงๆอยู่ รถอยู่แต่ตัวมันหายไปไหน ติดต่อก็ไม่ได้ แต่ช่างมันเถอะ สิ่งที่ผมต้องทำตอนนี้คือ ไปรับไอ้วิน เพื่อเอามันไปส่งที่บ้านไอ้โซ่เพื่อนอีกคนในกลุ่มของผม ที่ไปก็ไม่ได้ไปหาเจ้าของบ้านนะครับ ไปขโมยเต่า(?) ที่ไอ้โซ่มันเลี้ยงไว้ ไม่รู้ว่าถูกใจอะไรนักหนา

ตอนนี้ผมขับมาถึงหน้าบ้านไอ้วินแล้ว เห็นมันนั่งอยู่ตรงข้างบ้าน ที่มีปลาตัวละหลายหมื่นว่ายไปว่ายมา ผมคิดว่ามันรู้นะว่าผมมาถึงแล้วเลยจอดรถรอ ตอนนี้ก็ปาไป 10 นาทีแล้ว มันยังไม่ขยับตัวไปไหนเลย ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหามัน ตาก็มองมันอยู่ด้วย

(...)

"..."

ตู๊ดๆๆๆ

ตัดสายครับ ไอ้เหี้ย พอรับสายเเล้วผมไม่พูด มันก็เสือกไม่พูด แถมนั่งที่เดิมไม่ลุกไม่ขยับอะไรเลย ผมหายใจเข้าลึกๆ อยากจะด่ามันเหลือเกิน แต่ลืมไป มันเป็นคนแบบนี้ -.- ผมเลยโทรไปใหม่ ในเมื่อมันไม่พูด ผมคงเป็นคนพูดก่อนสินะ

(...)

"เงียบแบบนี้ ไม่ต้องไปหาแล้วมั้ง ไอ้รถถัง(ชื่อเต่า)อ่ะ" หันแล้วครับ มันหันมาทางหน้าบ้าน

(รายงาน เรื่องกฎ...)

"พอ ไอ้สัส วิ่งมาเลย กูไม่เข้าไป" แม่งขู่ตลอด เออ...ไม่ฉลาดแบบมันก็ต้องยอมแหละ อยู่กลุ่มรายงานกับมันทีไร ถ้ามีเกรดเอบวก ก็ได้เอบวกแหละ

ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในรถ มองไอ้วินผ่านกระจกว่ามันจะลุกมาหรือยัง เพื่อนของผมแต่ละคนไม่เหมือนคนเลยสักนิด ความอินดี้แทบจะมีตามสายเลือด แต่ต่างคนต่างสไตล์ก็เท่านั้น ใครที่เคยมีเพื่อนที่แบบ...เวลาจะรบกวนเราแล้วมันจะรีบๆนั้น คุณจะไม่พบหรือรู้สึกถึงความเป็นแบบนั้นในตัวไอ้วินเลยครับ มันไม่ได้กวนตีนแบบที่ว่า บอกให้เร็วๆจะยิ่งทำอะไรช้าๆ แตถ้าเราบอกให้มันเร็วๆ มันก็จะเร็วในแบบของมัน ซึ่งไม่ใช่วิ่งมาหา แต่อย่างน้อยก็จะไม่เดินไปหยุดไปเหมือนปกติที่มันชอบทำ ตอนนี้ไอ้วินก็ลุกขึ้นยืนเดินมาหาผมแล้ว ไม่ได้เดินธรรมดานะครับ เดินเอื่อยๆเฉยๆ ช้าแบบนี้แถวบ้านเรียกคลาน บางทีชีวิตมันก็สโลว์ไลฟ์ไปละ ไอ้สัส

"ไปเลย" ขึ้นรถนั่งได้ที่แล้วเสือกมีสั่งกูด้วยไง ดีจริงๆนั่งเป็นคุณนายไปเลย

"กูต้องรอรับมึงกลับด้วยไหม"

"หิว" เออดี ตอบตรงคำถามมาก ถุย

"กูต้องซื้อของมาถวายมึงไหมครับ ไอ้มาวิน"

"หิว.." มองผมตาแป๋วเลย นี่มีเพื่อนหรือมีลูกวะ ปัญหาเยอะฉิบ

"เออ จะกินอะไร" ผมถาม พ่อแม่มันก็ตั้งชื่อเหมือนรู้อนาคต 'มาวิน' มึงเกิดมาเพื่อชนะทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ -_-

"ร้านเดิม ^^" ผมขับรถมาที่ร้านข้าวมันไก่ที่ชอบกิน เป็นทางผ่านพอดี ที่นี่บรรยายกาศดีครับ ทำสะอาดด้วย มากินกันบ่อยจนสนิทกับลุงเจ้าของร้านแล้ว ลุงแกใจดีแถมให้เยอะด้วย

"วันนี้เอาอะไรล่ะ" ลุงแกถามหันมายิ้มให้ พอดีลูกค้าไม่เยอะ มาถึงก็สั่งได้เลย

"ข้าวมันไก่ ขอตับเยอะๆของไอ้วิน ส่วนผมไม่เอาครับ พอดีทานข้าวมาแล้ว" ผมสั่ง ส่วนไอ้วินไปตักน้ำ โชคดีที่อากาศไม่ร้อนมาก ผมนั่งรอเบื่อๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น แจ้งเตือนเฟซเยอะเป็นประวัติการเลย ส่วนมากเป็นข้อความแชทส่งมาบอกให้รับเพื่อน ผมก็นั่งเลือกรับบ้างไม่รับบ้าง ส่วนที่ไอ้ลิเคียวแท็กมาผมไม่ได้เข้าไปดูหรอก สองพันกว่าคอมเม้นแล้วด้วย

"ป่ะ" ผมเงยหน้าขึ้นมา ไอ้วินมันกินเสร็จแล้วก็ชวนผมไปเลย มันลุกไปจ่ายเงินแล้วตามผมมาขึ้นรถ ไม่รู้จะประหยัดคำพูดไปไหน พูดน้อย เดินช้า เฉื่อยได้อีก พวกอัจฉริยะเป็นแบบนี้ทุกคนเลยหรือเปล่าวะ?

"ตกลงให้กูรอไหม" ผมถาม เพราะมันเข้าไปไม่ถึง 5 นาทีหรอก เดี๋ยวก็โดนจับโยนออกมา ไอ้โซ่เล่นตั้งระบบรักษานิรภัยไว้เเน่นหนาขนาดนั้น ไม่ได้มีไว้ดักโจรนะ แต่มีไว้กันไอ้วินโดยเฉพาะเลย หลังจากครั้งหนึ่งไอ้วินแอบมาขโมยเต่าไอ้โซ่ไปกกกะจะฝักให้ออกลูกเป็นไก่เลยมั้ง ไม่รู้ติดใจอะไรนักหนา เจอกันทีผมเห็นมันไม่ทำอะไร นั่งมองเต่าอย่างเดียว

"ไม่ต้อง" มันบอกแค่นั้นแล้วเดินลงจากรถไปเลย ผมล่ะเบื่อ ชอบเรียกมาเป็นสารถี เเถมข้ออ้างขู่ผมร้อยแปด ไม่ยอมก็ต้องยอมมันล่ะครับ

ในเมื่อมันบอกไม่ต้องรอ ผมเลยออกรถขับกลับมาที่บ้านเลย กว่าจะถึงบ้านก็เย็นมากแล้ว ไม่เห็นใครกลับมาสักคน แม่งน่าเบื่อ เหงาด้วย

RRRRRR

ผมขึ้นมานอนพัก กำลังเคลิ้มๆจะหลับ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ใครโทรมาวะ

"เออ"

(กูรออยู่หน้าบ้าน) กู...กูไหนของมันวะ

"ใครเนี่ย!"

(ไม่เจอกันแป๊บเดียว มึงลืมแฟนมึงแล้วหรอ รีบลงมาเลยอย่าลีลา) แฟน? ไอ้ลิเคียวอะหรอ ปกติผมไม่เมมชื่อมันหรอก ไม่มีอะไรจะสุงสิง ไม่เหมือนไอ้ไฟ ไม่เมมก็คงจำเลข10หลักได้ พวกมันสนิทกันจะตาย ไปไหนไปกันตลอด

"กูไม่อยู่บ้าน" ผมโกหกออกไป ให้ตายเถอะ ใครจะออกไปกับมันกัน

(แล้วมึงอยู่ไหน) ไอ้ลิเคียวถาม เออ...แล้วกูจะอยู่ไหนดีวะเนี่ย

"กะ..กู กูอยู่กับไอ้แม็ก ช่วยมันทำงานอยู่" ผมโกหกออกไป

(หึ ตอแหลกูละ ไอ้แม็กไปไต้หวันตั้งแต่เมื่อวาน มึงไม่รู้หรอ) อ้าว เหี้ย!! ถึงว่าโทรหาไม่ติด แล้วไปซะไกลไม่บงไม่บอกกูสักคำ

"เอ่อ...กู"

(จะออกมาดีๆหรือให้กูเข้าไปลาก)

"ถ้าไม่ออกมึงจะทำไม ถ้าเข้ามากูฟ้องไอ้ไฟแน่" ผมขู่ ขู่จริงๆ ยังไงมันก็ต้องเกรงใจไอ้ไฟบ้างแหละวะ

(กูบอกมันแล้ว ลงมาเร็วๆ เดี๋ยวได้เจ็บนะมึง)

"มึงจะพากูไปไหน" ผมถาม ตอนนี้หลบอยู่หน้าประตูบ้าน อุตส่าห์คลานลงมาล็อกประตูเลยนะ กลัวมันเห็น

"ช้า ไอ้สัส ถามมากอยู่ได้" แล้วมันก็ลงจากรถเดินริ่วๆมาที่หน้าประตูบ้านผมเลยครับ หน้าตามันซีเรียสมากจนผมไม่อยากออกไปพบมันเลย แถมจะพาผมไปไหนมันก็ไม่ยอมบอกอีกด้วย

(กูจะถามอีกครั้ง ออกมาเปิดประตูเดี๋ยวนี้ไม่งั้นกูเข้าไปลากมึงเองนะ) มันบอกผ่านทางโทรศัพท์ เสียงแม่งโคตรดุ แล้วมันก็เป็นส้นตีนอะไรไม่รู้ชอบดุกูจัง กับไอ้แม็กไอ้ไฟไม่เห็นเป็น ตั้งแต่มอปลายแล้ว พอผมอ้อนขออะไรไอ้ไฟทีไร ถ้าไอ้ลิเคียวไม่พอใจแม่งดุกูตลอด พี่กูก็ไม่ใช่

"เอ่อ กำลังจะเปิด รอกูแป๊บนึง" ผมบอกก่อนจะลุกขึ้น เมื่อกี้นั่งหลบมันเเถวๆหลังตู้ใกล้ประตูนั่นแหละ

พอผมเปิดประตูออก มันไม่พูดอะไรเลย กระชากแขนผมออก ปิดล็อกประตูบ้านให้เสร็จสรรพ ลากผมไปขึ้นรถมัน ทั้งๆที่มันเดินแต่ผมนี่แทบวิ่งตามเลย ไม่รู้จะรีบไปไหน มันเดินอ้อมไปทางฝั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถขับออกไปอย่างเร็ว

"มึงจะรีบไปไหนของมึง"

"ไอ้ตัวเเสบอยากรู้จักมึง"

"ตัวเเสบไหน"

"น้องกูเอง"

ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี มันจะมาวุ่นวายอะไรเกี่ยวกับผมนักหนา จะหันไปถามมันก็ต้องแปลกใจ ตอนแรกไม่ได้สังเกต ที่หน้ามันมีรอยช้ำๆเหมือนโดนชกมา เขียวๆม่วงๆ เป็นวงค่อนข้างใหญ่แต่ผมมันปิดอยู่ ถ้าไม่มองใกล้ๆก็คงไม่เห็น

"หน้ามึงไปโดนอะไรมาวะ" ผมกำลังจะยกมือขึ้นไปแตะ แต่มันปัดออก

"เป็นห่วงกูหรอ" มันหันมาถามยิ้มๆ

"ช่างเรื่องของหน้ามึงละกัน" ผมตอบ ไม่ได้เป็นห่วงสักหน่อย ผมแค่แปลกใจ เมื่อก่อนมันก็มีเรื่องบ่อย แต่ไม่เคยเห็นเป็นแผลช้ำแบบนี้เลย

ผมนั่งมองทางไปเรื่อย พอรู้แล้วว่ามันจะพาผมไปที่ร้านมัน เลยไม่ถามอะไรอีกจนมันหักรถเลี้ยวเข้าไปจอดหลังร้าน ผมเห็นรถไอ้ไฟอยู่ด้วย คือไม่กล้าลงไปเลยว่ะ เท่าที่ฟังมันบ่นไปแล้ว ถ้าเจอตัวจริงๆมันไม่บีบคอผมเลยหรอวะ

"ไม่ลงหรือไง"

"ไม่ลงได้ไหม ไอ้ไฟมันอยู่ด้วย"

"ทำไม? กลัวหรอวะ"

"เออดิ กูไม่ลงนะ รอตรงนี้เเหละ"

ผมบอกเสียงหนักแน่น ยังไงก็ไม่ลงเดี๋ยวมันถามเรื่องผมกับไอ้ลิเคียวมีหวัง ตายหมู่เเน่ หมัดไอ้ไฟยิ่งหนักๆอยู่ ถ้าต่อยมาได้ระบมไปหลายวันเเน่

"ลงเถอะ ไอ้ไฟไม่ว่ามึงหรอก"

"มึงเเน่ใจได้ไง งั้นมึงบอกมันสิว่าที่ขึ้นสเตตัสเพราะเล่นๆกัน" ผมต่อลอง

ไอ้ลิเคียวขมวดคิ้วเข้าหากันทันที เเถมทำหน้าดุใส่มาอีก ผมก็กลัวมันนะแต่กลัวไอ้ไฟมากกว่า โตมาด้วยกันทำไมผมจะไม่รู้ ถึงไอ้ลิเคียวจะสู้ไอ้ไฟได้ เเต่ผมบอกเลยว่าผมสู้ไม่ได้ เวลาผมทำอะไรผิดเเล้วจะเถียงไอ้ไฟทีไรต้องมีไอ้เเม็กอยู่ด้วยตลอด เพราะต้องให้มันช่วยกันให้

"ลง ถ้าไม่ลงกูปล้ำนะ" ไอ้ลิเคียวพูด ผมหันไปทางมัน สายตาเจ้าเล่ห์บ่งบอกว่า มันไม่ได้เล่น เเต่ทำจริงๆแน่ เออ มีทางเลือกให้ดีจริงๆ ผมเลยตัดสินใจลงไป ยังไงก็ดีกว่าโดนมันปล้ำแหละวะ อย่างน้อยถ้าบอกไอ้ไฟไปมันคงไม่ทำอะไรผมหรอก...มั้ง

พอลงจากรถผมก็เดินตรงเข้าไปในร้านไอ้ลิเคียวเลย ส่วนมากจะมีเเต่พนักงานที่มาทำงานเช็ดๆถูๆ แล้วก็เเบกลังขวดเหล้าเข้าไปในโกดังหลังร้าน ส่วนคนเที่ยวยังมีไม่มาก จะมากันเยอะจริงๆก็ตอน 2 ทุ่มโน่น ผมมองซ้ายมองขวา ไม่รู้จะเดินไปทางไหน ปกติจะเข้าเเต่หน้าร้าน ไม่เคยมาทางหลังร้านเลย

"ทางนี้" ไอ้ลิเคียวที่เดินมาจากด้านหลังบอกขึ้น เเล้วจับแขนผมลากไป เน้นนะว่าลาก เพราะตัวมันสูง ขาก็ยาว ไม่เห็นใจผมเลยที่เเทบจะกลายเป็นวิ่งตามอยู่เเล้ว

"ช้าๆดิวะ" ผมบอกเสียงดัง จนมันพาผมทะลุมาถึงตรงด้านหน้า ไอ้ไฟมันนั่งอยู่ตรงชั้น 2 ที่ประจำอยู่เเล้ว มีเด็กผู้หญิงกับผู้ชายนั่งอยู่ด้วย ท่าทางเเลดูโต เเต่พอมามองใกล้ๆแล้ว อายุน่าจะ 15-16 กันเอง

"มาถึงเเล้วหรือไง" ไอ้ไฟพูดเสียงเรียบ แต่ผมคิดว่าน่ากลัว ทำไมมันไม่อะไรเลยวะ ถ้าเป็นปกตินี่คงฟาดงวงฟาดงามาบ้างเเล้ว

"นั่งลง" ไอ้ไฟสั่งผมให้นั่งลงข้างๆมัน ส่วนไอ้ลิเคียวเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามที่มีเด็ก 2 คนนั่งอยู่

"ยูชื่อ ลาวา ใช่ไหม" เสียงของเด็กผู้หญิงถามขึ้น ผมเลยได้เเต่พยักหน้า อยากจะตอบอยู่หรอกแต่เสียงมันหายไปแล้ว เอาเข้าจริงๆผมนี่โคตรกลัวไอ้ไฟเลยนะ มันดุผมยิ่งกว่าพ่ออีก

"ผมชื่อไวน์ ส่วนนี่พี่วิสกี้ เราเป็นน้องของพี่ลิเคียว" เด็กผู้ชายเป็นคนพูดออกมา ทั้งๆที่ท่าทางเเลดูเอาแต่ใจเเต่ทำไมคำพูดเเลนอบน้อมจัง ผมเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าไอ้ลิเคียวมีน้องต่างเเม่ แต่ไม่เคยเจอหรอกเพราะเรียนอยู่ต่างประเทศ

แต่ไอ้ไฟน่าจะรู้เพราะเคยไปเที่ยวต่างประเทศกับไอ้ลิเคียวบ่อย ทางด้านพ่อเเม่ของไอ้ลิเคียวผมก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ รู้เเค่พวกเขาทำธุระกิจเกี่ยวกับส่งออกเหล้า แล้วก็ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเพราะต้องบินไปบินมาหลายที่ด้วย ไม่เเปลกใจชื่อพี่น้องมันเเต่ละคนเลย เพราะเป็นชื่อเหล้าทั้งนั้น

"เอาล่ะเข้าเรื่อง พี่ไอข่มขืนหรือข่มขู่อะไรยูหรือเปล่าถึงได้คบกัน" วิสกี้เป็นคนถามออกมา

"เปล่านะ" ผมตอบ

"งั้นคบกันนานหรอกยัง ที่พึ่งเปิดตัวเนี่ย ทำเอาแม่ไอช็อคเลยนะ" -0- อะไรจะขนาดนั้น แค่ไอ้ลิเคียวตั้งสเตตัสเเล้วเเท็กมานี่ทำให้เรื่องถึงผู้ใหญ่เลยหรอ แล้วที่ผมบอกว่าเปล่าเมื่อกี้น่ะ ไม่ใช่ตอบคำถามนะ แต่จะบอกว่า เปล่า...ไม่ได้คบกันต่างหาก

"ก็ดูใจกันสักพักแต่พึ่งคบเมื่อวานไง จะถามอะไรนักหนากี้ พี่ก็พามาทำความรู้จักแล้ว บอกแม่ไปด้วย" ไอ้ลิเคียวพูดตัดบท แค่นั้นแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม แต่มันจะรู้ไหมสิ่งที่มันพูดเมื่อกี้ทำให้ไอ้ไฟที่นั่งอยู่ข้างๆผม ยกมือขึ้นมาจับคอกูเลยนะครับ เเถมยังบีบเบาๆที่หลังคอด้วย

"ที่ไอ้ลิเคียวพูดจริงหรอ" ไอ้ไฟถาม แล้วผมควรพูดว่าอะไร

"คะ...คือ" ผมอ้ำๆอึ้งๆ คือมันกดดันอ่ะ อยากจะตอบปฏิเสธเเต่เห็นสายตาไอ้ลิเคียวก็รู้สึกแปลกๆ แต่พอจะบอกว่าใช่ มันก็ขัดใจอยู่ดี

"ถ้าไอ้ลิเคียวมันพูดไม่จริง กูจะจัดการมันเอง" ไอ้ไฟพูดอย่างเดียวไม่พอเล่นบีบต้นคอผมซะเจ็บอีกด้วย

"แล้วมึงจะบีบคอมันทำไมวะ มึงก็รู้ว่ามันกลัวมึงจะตายเเล้วเนี่ย มานี่!" ไอ้ลิเคียวลุกแล้วก้าวขามากระชากเเขนผมทีเดียว ตัวผมถึงกับลุกขึ้นยืนเซไปหามันเลย แล้วมันก็นั่งลงเหมือนเดิมกระดุกแขนผมให้นั่งลงบนตักมันด้วย

"ไอ้ลิเคียว มึงปล่อยไอ้วาเลย!!" ไอ้ไฟลุกขึ้นยืน ท่าทางมันโมโหมาก

"ไอ้ไฟ กูคุยกับมึงไปแล้วนะ ไหนบอกว่าจะไม่ห้ามไง" ไอ้ลิเคียวบอก

"แต่ไอ้วายังไม่ได้พูดว่ามันคบกับมึง กูเป็นเพื่อนมึงมานานทำไมกูจะไม่รู้" ไอ้ไฟบอก เดินมาจับมือผมแล้วบีบเเรงๆด้วย

"เเล้วมึงจะรู้ได้ไง ตอนมันมากินเหล้าช่วงหลังๆมึงก็ไม่ได้มากับมันด้วย เมื่อคือไอ้วาก็นอนบ้านกูไปแล้วด้วย" ไอ้ลิเคียวบอก ไอ้ไฟก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบที่มือทำให้ผมเจ็บเข้าไปอีก

"มึงว่าอะไรนะ จริงหรอไอ้วา" ไอ้ไฟหันมาถาม เหี้ยเอ้ย กูกลัวพวกเเ่งฉิบหายละเนี่ย ไอ้ลิเคียวก็กอดเอวผมแน่นไม่ปล่อย ไอ้ไฟก็บีบมือผมมาเเรงๆ

"โอเค ถ้าเรื่องมันขนาดนั้น ไอจะบอกเเม่เองว่ายูมีเเฟนแล้วจริงๆ เรื่องงานหมั้นกับผู้หญิงคนนั้นปล่อยให้ไอจัดการเอง" อยู่ๆวิสกี้ก็พูดขึ้นมา

"งั้นไอกลับก่อนนะ ไวน์ ยูกลับพร้อมไอเลยหรือเปล่า" วิสกี้หันไปถามไวน์

"อืม กลับเลยก็ดี" ไวน์บอก เเล้วทั้งคู่ก็เดินออกไป


"เรื่องหมั้นอะไร" ผมถามขึ้นมา เพราะยังงงอยู่

"ก็เพราะแม่ไอ้ลิเคียวจะจับมันหมั่นกับลูกสาวเพื่อนเขานะสิ มันถึงได้ใช้มึงมาอ้าง มันไม่ได้รักมึงหรอกเพราะฉะนั้น...มากับกู" ไอ้ไฟบอกพยายามดึงผมให้ลุกขึ้นจากตักไอ้ลิเคียวด้วย

'ช่วยกูหน่อยนะ วา' ไอ้ลิเคียวเอาหน้ามาแนบกับหลังของผมแล้วพูดขึ้นมาเบาๆให้ได้ยินกันเเค่สองคน

'แค่ทำเหมือนคบกับกูเอง' ไอ้ลิเคียวบอกต่อ

'แล้วกูจะได้อะไร' ผมก้มลงถามกลับเบาๆ ไอ้ไฟก็ยังโวยวายกระชากแขนผมต่อ

'อะไรก็ได้ช่วยกูก่อนสิ ไม่งั้นนอกจากกูจะได้หมั้นกับคนที่กูไม่ได้รักแล้ว ไอ้ไฟเอากูตายเเน่' ไอ้ลิเคียวบอกเสียงอู้อี้ เพราะพยายามพูดให้เบาที่สุด

'มึงจำคำพูดมึงไว้นะ มึงติดหนีกู' ผมบอกแค่นั้น มันก็พยักหน้าหงึกๆ

"มึงลุกขึ้นมาเลยไอ้วา กระซิบห่าอะไรกัน มึงอย่าไปหลงกลมันนะ เชื่อกูสิ กูพี่มึงนะโว้ย" ไอ้ไฟยังโวยวายไม่เลิก
"ไอ้ไฟ หยุด! กูคบกับไอ้ลิเคียวจริงๆ" ผมบอกออกไป ยังไงก็ไม่เสียหายอยู่เเล้ว ถึงมันจะเจ้าชู้ กวนตีนไปหน่อย แต่ผมอาจจะเอาประโยชน์จากตรงนี้ไปใช้ทำอะไรได้ ก็ช่วยมันไปก่อนละกัน

"มึงเเน่ใจในสิที่พูดออกมานะ" ไอ้ไฟถาม หลี่ตาอย่างจับผิด

"เออ แน่สิ" ผมตอบ เงยหน้าขึ้นสบตากับมัน ไม่บ่อยนักหรอกที่ผมจะพูดโกหกแต่กล้าสบใจกับไอ้ไฟ ทั้งๆที่ใจผมกลัวจะตายห่าแล้ว

"ได้ รับผิดชอบคำพูดตัวเองนะ ไอ้วา เดี๋ยวป๊ากับไอ้แม็กกลับมากูจะพูดเรื่องนี้" มันบอกแล้วปล่อยมือผมออก เอาเเล้วไง นี่แค่ผมกับไอ้ลิเคียวคบกันต้องเรื่องใหญ่หรือประกาศบอกใครต่อใครขนาดนี้ไหม

"มึงโอเคง่ายๆแบบนี้เลยหรอ" ผมถามเพราะเเปลกใจ ถ้าตามนิสัยไอ้ไฟแล้ว มันน่าจะชกหน้าไอ้ลิเคียวสิ ถึงมันจะดุจะด่าผม แต่ผมรู้ว่ามันทั้งห่วงแล้วก็หวงผมจะตาย

"แล้วมึงจะให้ยากแบบไหนล่ะ" ไอ้ไฟถาม เดินกลับไปนั่งที่เดิม แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

"กูคิดว่ามึงจะชกไอ้ลิเคียวซะอีก" ผมบอกออกไปตรงๆ ไอ้ลิเคียวมันคงหมั่นไส้เพิ่มแรงกอดจนผมอึดอัด

"อื่ออ~ มึงกอดกูแรงไปละ" ผมบอก หยิกแขนให้มันปล่อยตัวผมด้วย ที่ยอมนั่งตักตอนแรกเพราะฝั่งไอ้ลิเคียวมันเต็มหรอกนะ ไม่งั้นก็ต้องโดนไอ้ไฟบีบคออยู่อย่างนั้น แต่ตอนนี้น้องมันออกไปเเล้วเลยเหลือที่ว่าง

"กูชกไปแล้ว" ไอ้ไฟบอก หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบด้วย แสดงว่าไอ้รอยช้ำๆเขียวๆก็ฝีมือมันสินะ

"กูว่าน่าจะชกอีกที ชกให้มันปล่อยกูตอนนี้อ่ะ" ผมบอก เพราะขยับยังไงมันก็ไม่ยอมปล่อยตัวผมออก

"มึงก็ช่างสะดีดสะดิ้ง กูไม่คิดเลยนะว่ามึงจะยอมไปนอนกับมันง่ายๆ" ไอ้ไฟว่าออกมา จนไอ้ลิเคียวหัวเราะ หึๆ ผมเปล่าสักหน่อย อะไรคือสะดีดสะดิ้ง แล้วถึงผมจะไปนอนบ้านมันแต่ก็ใช่ว่ะจะทำไรกันปะวะ

"กูปละ..." ผมกำลังจะเถียง เเต่อยู่ๆไอ้ลิเคียวก็จับหน้าผมแล้วหันไปทางมันเฉยเลย ก่อนจะใช้มืออีกข้างจับท้ายทอยของผมไว้แน่น แล้วกดผมให้เข้าไปหาแล้วมันก็บดเบียดริมฝีปากขึ้นมา ผมตกใจมากไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้เลยเม้มปากไว้เเน่น มันก็ไล่เลียตามริมฝีฝากของผมจนรู้สึกถึงความเปียกๆของน้ำลายมัน ผมไม่กล้าขยับปากด่ามันเลยด้วยซ้ำ

"อ๊ะ!.." ผมรู้ว่ามันกำลังแกล้ง พอผมร้องออกมา ไอ้ลิเคียวก็สอดลิ้นร้อนๆเข้ามาเลย เพราะมันขยับขาเล็กน้อย ทำให้ผมที่นั่งอยู่บนตักมันเหมือนจะตก เก้าอี้ก็สูง ผมเลยต้องใช้มือทั้งสองข้างยกขึ้นไปกอดคอมันไว้ พอจะดิ้นมันก็ขยับขาอีก ทำให้กลายเป็นว่าผมกอดมันเอาไว้เเน่น เเถมรับจูบมันอีกต่างหาก จะหันหน้าหนีมือมันก็ล็อกท้ายทอยกับหน้าผมเอาไว้อยู่ ผมที่มองหน้าไอ้ลิเคียวอยู่ต้องหลับตาเลย สายตาแม่งอันตรายฉิบหาย เออ...จูบก็จูบวะ


 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 4 | 02/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 02-02-2020 08:03:29
ตอนที่ 4

ถึงจะไม่เคยจูบกับผู้ชายเเต่ผมก็จูบกับผู้หญิงมานับไม่ถ้วน หลังจากที่ไอ้ลิเคียวผละจูบออกไป ผมก็รู้สึกเขินเเปลกๆ ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอย่างที่คิด ถ้าเป็นปกติผมคงยกเเก้วเหล้าขึ้นมาตีหัวมันแตกไปแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้ทำ ได้แต่นั่งจ้องหน้ามันอยู่อย่างนั้น

"เยอะ ไอ้สัส มึงจะเอาน้องกูต่อหน้ากูเลยหรือไง" ไอ้ไฟที่นั่งเงียบอยู่นานถามขึ้น แหม่ทีนี้ล่ะทำเป็นพูด ตอนไอ้ลิเคียวจูบกูเสือกเงียบกริบ

"ได้ไหมล่ะ กูพร้อมอยู่นะ" ไอ้ลิเคียวตอบ มันทำท่ากวนตีนใส่ไอ้ไฟ แต่ไอ้ไฟมันก็เเค่มองกลับมาดุๆ

ผมชอบตอนที่ไอ้ไฟมันดุหรือด่ามากกว่า ถ้ามันไม่พูดแล้วทำหน้าโหดทีไร ผมใจไม่ดีทุกที ไอ้ลิเคียวก็คงรู้ว่าถ้าพูดแม้แต่อีกนิด ร้านมันได้พังแน่ๆ เลยยักไหล่เหมือนบอกเป็นกลายๆ ว่ายอม ผมได้ทีเลยลุกขึ้นยืนเต็มตัว เเล้วเดินไปนั่งข้างๆ ไอ้ไฟแทน ไม่อยากนั่งกับไอ้ลิเคียวเลย ผมก็ไม่ใช่ผู้หญิง แต่ทำไมมือของมันถึงได้ชอบลูบไล้ผมซะเหลือเกิน

เรานั่งกันสักพักลูกน้องไอ้ลิเคียวก็มาตามมันให้ไปดูบัญชี มันเลยลุกออกไปทิ้งให้ผมนั่งอยู่กับไอ้ไฟสองคน เราเลยนั่งกินเหล้ากันไปฟังเพลงกันไป น่าจะ 2-3 ทุ่มแล้วด้วยซ้ำเพราะมีคนเข้ามาเยอะพอสมควร

ผมนั่งมองไปรอบๆ ปกติมาจะอยู่เเต่ข้างล่างตรงบาร์มากกว่าเพราะชอบกินเหล้า เเล้วก็มักจะได้มาคนเดียวตลอด ผมพยายามมองไปที่อื่น คือที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ที่ไอ้ไฟมันนั่งอยู่เนี่ย โอ้ย! อึดอัด ตั้งเเต่ไอ้ลิเคียวมันเดินออกไปไอ้ไฟมันไม่ยอมพูดกับผมเลย โกรธอะไรผมหรือเปล่าวะ ผมจะหันไปถาม ไอ้ไฟก็ยกมือขึ้นสูง อย่าบอกนะว่ามันจะต่อยผม ><

"หลับตาปี๋ทำไม" ไอ้ไฟถาม เเล้วเอามือข้างที่ยกขึ้นเมื่อกี้มากอดคอผมไว้ด้วย โถ่ นึกว่าจะโดนต่อยซะอีก ใจผมนี่ร่วงไปอยู่ตาตุ่มเลย

"เปล่า" ผมบอก เมื่อกี้นอกจากจะหลับตาปี๋เเล้วยังหดคอหนีมันอีกด้วย

"ถึงเราจะเป็นแฝดกัน แต่มึงก็เป็นน้องกูนะ" อยู่ๆ ไอ้ไฟพูดขึ้นมา อย่าบอกนะว่าจะทำดราม่า

"ก็ใช่ไง หรืออย่าให้กูเป็นพี่ล่ะ มึงออกมาก่อนกูเเค่ 10 วิเองนะ" ผมบอกกวนๆ มันยกยิ้มขึ้นนิดๆ

"มีผัวเเล้วปากดีนะ" ไอ้ไฟบอก ผมนี่แทบพ่นเหล้าออกมาเลย

"เหี้ย มึงอย่าพูดอะไรแปลกๆ ได้ไหม ผัวส้นตีนกูสิ กูอาจจะเป็นผัวไอ้ลิเคียวก็ได้" ผมบอกออกมาแบบไม่ยอม ถึงผมจะเตี้ยกว่า หน้าหวานกว่า ไม่ได้เเปลว่าผมจะรับให้มันปะวะ

"หึ ตัวอย่างกะลูกหมู มึงคิดว่ามึงจะสู้เเรงไอ้ลิเคียวได้หรือไง" ไอ้ไฟมันว่าผมอ้วนทางอ้อมหรือเปล่า?

"พูดแบบนี้ กูงอน" ผมบอก เชิดหน้าขึ้นด้วย

"เพราะมึงเป็นแบบนี้ไง กูถึงเป็นห่วง" ไอ้ไฟพูด เเล้วลูบหัวผมด้วย

"ห่วงอะไรเล่า อย่าพาเศร้านะมึง" ผมบอก

ผมรู้ว่าทุกคนมักจะเป็นห่วงผมตลอดทั้งๆ ที่เราอายุเท่ากันแท้ๆ อาจจะเพราะพวกผมเสียแม่ไปตั้งเเต่เด็กๆ ด้วยแหละมั้ง เหลือเเค่พ่อที่คอยดูเเลพวกผมตลอด แต่ก็ใช่ว่าท่านจะว่าง ไอ้แม็ก ไอ้ไฟที่เกิดมาก่อนผมไม่กี่วินาทีเลยชอบทำหน้าที่เหมือนผมเป็นลูกหลงที่ห่างจากพวกมันเป็น 10 ปี อาจจะเพราะผมหน้าหวานเหมือนเเม่ที่สุดด้วยแหละมั้ง

ถ้าพูดถึงความเหมือนพวกผมเหมือนกันนะ เเต่การทำผม รูปร่างภายนอก ทำให้ทุกคนเเยกแยะออก ไอ้แม็กมันก็ไว้ทรงผมเเบบผมนี่แหละเเต่เเค่มันผมสีดำธรรมชาติ ส่วนไอ้ไฟตัดสั้นเเละชอบทำไฮไลท์ผมสี เเล้วก็เปลี่ยนอยู่บ่อยๆ ส่วนผมแค่ย้อมสีผมให้เป็นสีน้ำตาลจะได้ไม่เหมือนไอ้เเม็กก็เท่านั้นเอง

"ไอ้ลิเคียว ถึงมันจะเจ้าชู้ แต่มันคงดูเเลมึงได้ดี" ไอ้ไฟพูดต่อ

"มึงอย่าทำเหมือนกูจะเเต่งงานเเล้วย้ายออกจากบ้านเพื่อไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวได้ไหม" ผมบอก

"มึงก็อย่าเอาแต่ใจมากแล้วกัน" ให้ตายเถอะ มันฟังผมอยู่หรือเปล่าวะ หรือว่ามันเมาไปแล้ว พอบอกเสร็จก็ยกเหล้าขึ้นดื่มอีก หันหน้าลงไปมองข้างล่าง ผมรู้ว่ามันเป็นห่วง ผมก็เเค่ผู้ชายธรรมดา ไม่ได้เก่งเหมือนไอ้เเม็กไอ้ไฟ มหาลัยนี้กว่าจะเข้าได้พวกมันก็ช่วยติวให้ผมจนแทบไม่ได้หลับได้นอน เข้ามาได้ก็ใช่ว่าผมจะเรียนรู้เรื่อง ผมแค่พยายามเข้าใจเเล้วก็โชคดีที่มีเพื่อนดีและโคตรเก่งเท่านั้นเอง

หรืออาจจะเพราะว่าพวกมันเห็นว่า ไม่ค่อยมีใครจริงใจกับผมแน่ๆ เวลาคบใครก็ได้ไม่นานอีกด้วย แต่ถ้าพูดถึงเรื่องขี้อ้อนกับเอาแต่ใจ ผมจะทำกับแค่คนในครอบครัวเท่านั้นแหละ ก็พวกมันชอบตามใจจนผมเสียนิสัยไปแล้วนี่ เรื่องนี้จะโทษใครก็คงไม่ได้

ผมนั่งกินกับไอ้ไฟอยู่พังใหญ่ นึกขึ้นได้ว่าไอ้แม็กไม่อยู่เลยถามมัน มันก็บอกไม่รู้ รู้แค่ว่าพ่อใช้ให้ไปทำงานเท่านั้น

"แล้วพ่อจะมาวันไหน" ผมถามเพราะพ่อก็อยู่ไต้หวันเหมือนกัน

"เห็นว่าจะไปที่อื่นต่อกูไม่แน่ใจ" ไอ้ไฟบอก ยกเหล้าขึ้นดื่มอย่างกับน้ำเปล่าแน่ะ

"ไปกับอาหมิงหรือเปล่า" ผมถาม

"เออ เห็นพ่อบอกว่าจะพาอาไปเที่ยวหลังจากทำงานเสร็จ" ไอ้ไฟบอก

อาหมิงคือคนไต้หวันที่พ่อทำธุรกิจด้วย ครอบครัวเราสนิทกันมาก ท่านมีลูกชาย 3 คน ลูกสาวอีก 2 คน อายุก็ไล่เรี่ยกันนี่แหละ ตอนเด็กๆ พ่อมักจะพาพวกผมไปไต้หวันบ่อยๆ เพราะไม่อยากทิ้งไว้ทางนี้เนื่องจากไม่มีคนดูแล ถึงบ้านเราจะมีฐานะแต่พ่อของผมเขาก็ไม่อยากจ้างให้ใครมาดูแลพวกผมเพราะกลัวจะดูแลได้ไม่ดี ตอนเด็กๆ เลยได้เดินทางบ่อยๆ

จนพวกผมอายุ 15 นั่นแหละ พ่อถึงได้ปล่อยๆ บ้าง พ่อมักจะพูดเสมอๆ ว่าให้เราดูแลกันและกัน ไม่ให้ทะเลาะกัน มีอะไรก็แบ่งๆ กัน ตั้งแต่เล็กจนโตพวกผมนี่ทะเลาะกันนับครั้งได้เลยนะ เพราะส่วนมากมักจะเป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นแหละ

"ไอ้วา มึงนั่งเงียบนี่คิดอะไรอยู่วะ" ไอ้ไฟถามขึ้นหลังจากผมนั่งเงียบไปพักใหญ่ๆ

"ก็เปล่า มึงว่าผู้หญิงคนนั้นเขาส่งยิ้มให้กูปะวะ" ผมถามพรางชี้มือไปที่โต๊ะข้างๆ ที่มีสาวสวยนั่งยิ้มหวานส่งมาให้อยู่

"เหอะๆ เขามองกูหรือเปล่า ไอ้ลูกหมูเอ้ย" ไอ้ไฟไม่ว่าเปล่า ยกแก้วเหล้าขึ้นกลางอากาศส่งไปทางผู้หญิงคนนั้นด้วย เขาก็ยกขึ้นทักทายแล้วส่งยิ้มหวานกว่าเดิมมาให้ แต่ผมนี่มองค้อนขวับเลย แม่งชอบว่าผมเหมือนหมู แถมผู้หญิงคนนั้นกูนั่งเล็งของกูอยู่ตั้งนานแค่ไอ้ไฟหันไปยิ้มทักให้หน่อยนี่ยิ้มกลับจนปากจะฉีก

"กูก็หน้าเหมือนมึงป่ะ! " ผมบอกเสียงแข็ง

"หึ ชั้นเชิงมันต่างกัน" ไอ้ไฟบอกแล้วลุกขึ้นยืน

"มึงจะไปไหน" ผมถาม

"ครึ่งชั่วโมงรอกูตรงนี้ เดี๋ยวกูกลับมาแล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน" ไอ้ไฟบอก ไม่สิ มันสั่งเลยต่างหาก ออกแนวว่าผมต้องรอเพื่อกลับบ้านพร้อมมัน ก่อนที่ผมจะถามว่าทำไมมันก็เดินตรงดิ่งไปหาผู้หญิงคนที่ผมเล็งเอาไว้เฉยเลย แถมพูดคุยอะไรกันไม่รู้ ไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำผู้หญิงคนนั้นก็ลุกเดินตามไอ้ไฟไปทางห้องน้ำเลย เหอะ ให้มันได้อย่างนี้สิ

ผมไม่ได้โกรธไอ้ไฟหรอกนะที่มันตัดหน้าไปกับผู้หญิงคนนั้น เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อก่อนก็โกรธๆ อยู่แหละครับ เดี๋ยวนี้ก็ใช่ว่าชินนะ แต่เพราะสุดท้ายแล้วยังไงๆ ไอ้ไฟมันก็หวังดีกับผมเสมอ มีหลายครั้งกับคนที่ผมคบด้วยแล้วก็ชอบมาก มันถึงกับไปแก้แค้นให้ผมเลยนะ ถึงมันจะไม่ได้ทำผู้หญิงโดยตรงแต่มันก็ไม่ใช่ผู้ชายที่แมนพอจะไม่ทำเลย ผมไม่รู้วิธีหรอกว่ามันทำอะไร จะมารู้ทีหลังก็ตอนที่ผู้หญิงพวกนั้นมาขอโทษผมแล้วนั่นแหละ ผมไม่ได้อยากจะฟ้องไอ้ไฟหรือไอ้แม็กด้วย ผมแค่หาคนระบายความรู้สึกไม่สบายใจก็เท่านั้นเอง

"ไอ้ไฟอ่ะ" ไอ้ลิเคียวเดินมาถามขึ้นหลังจากหายไปเป็นชาติ

"..."

"ถามไม่ตอบเดี๋ยวกูจูบนะ" ไม่พูดเปล่า ไอ้ลิเคียวเสือกขยับหน้าเข้ามาด้วยไง ผมถึงกับผงะเลยทีเดียว

"จูบตีนกูสิ ห่า" ผมด่ามันไป มันก็ไม่สะทกสะท้านหรอกครับ แถมยังหัวเราะกลับมาด้วย

"แน่ใจหรอมึง ตีนกูก็จูบนะ แต่ก็ไม่ได้จูบอย่างเดียว กูดูดด้วยนะมึง" ไอ้ลิเคียวพูดออกมาหน้าตาเฉย ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี คือมันชอบกวนตีนเป็นนิสัยอยู่แล้วไงพอมันมาพูดแบบนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าแม่งทีเล่นหรือทีจริงกันแน่

"ก็เหี้ยละ ไปไกลๆ ตีนกูเลย" ผมบอก อยากจะด่ามันเหมือนกัน แต่ด่าไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า เพราะไอ้ลิเคียวมันกะล่อนจะตาย สายตามันนี่แพรวพราวตลอด

ตอนนี้เริ่มดึกมากแล้ว ผมกำลังตัดสินใจว่าจะรอไอ้ไฟดีไหม เพราะถ้าไม่รอก็ต้องนั่งแท็กซี่กลับเอง ตอนมาก็มากับไอ้ลิเคียว ส่วนตัวผมไม่ชอบนั่งรถแท็กซี่อยู่แล้วหรือจะให้ไอ้ลิเคียวมันไปส่งดีวะ

"นั่งคิดอะไรของมึงอยู่ คิ้วขมวดเป็นโบแล้ว" ไอ้ลิเคียวพูดแถมขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ ด้วย ผมตกใจเลยผงะออกมานิดหน่อย มันเลยหัวเราะขำๆ กับอาการตกใจของผม

ผมไม่ได้ตอบ แต่ยกเหล้าขึ้นมาดื่มแทน ทำให้เราต่างคนต่างเงียบใส่กัน ผมมองไปรอบๆ เผื่อเจอคนรู้จัก แต่ก็ดันไม่เห็นเลย พอจะนั่งรอจนไอ้ไฟมาก็เสือกนานไปอีก ผมยกนาฬิกาดู นี่ก็ผ่านไปจะชั่วโมงแล้ว

"ไปนั่งรถเล่นกับกูไหม" ไอ้ลิเคียวชวน ทำเอาผมแปลกใจมากๆ เลย คือไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหนไง อยู่ๆ ก็ชวนผมออกไปนั่งรถเล่นทั้งๆ ที่ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วด้วย

"ไม่เอา" ผมตอบเสียงดัง

"หึ กลัวกูพาไปทำอะไรหรือไง"

"เปล๊า...ใครกลัว ไม่มี๊ มึงอย่ามามโนไปเองสิวะ" ผมตอบ แต่ท่าทางกับน้ำเสียงของผมไม่ได้ให้ความร่วมมือด้วยเลย

"กลัวก็บอกว่ากลัวสิวะ กูไม่พามึงไปฆ่าหรอก ไปเถอะ"

"กูต้องรอไอ้ไฟ" ผมบอกออกไป

"เออน่า มึงไปกับกู มันไม่ว่าอะไรหรอก" ไอ้ลิเคียวไม่พูดเปล่า ยื่นมือมาจับที่ข้อมือของผมแล้วออกแรงลากไปด้วยเลย ผมที่อยากจะปฏิเสธก็ดันไม่มีแรงจะต้านพอ นี่คือผลจากการไม่ค่อยออกกำลังกายสินะ

ลากได้ลากดี ตอนแรกๆ ก็ขืนนั่นแหละ แต่พอไปๆ มาๆ ผมก็เดินตามมันเลย จนมาถึงรถที่จอดเอาไว้ด้านหลังเท่านั้นแหละ

"กูต้องจุดธูปอันเชิญมึงขึ้นรถไหม" ไอ้ลิเคียวถาม

"จิ๊" ผมส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกไป คนไม่เต็มใจมาด้วยก็ลากมาจัง

พอมันจับผมยัดใส่รถได้ ไอ้ลิเคียวก็เดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับแล้วรีบขับรถทะยานออกไป มันคิดว่าตัวเองขับจรวดอยู่หรือไง เร็วเกินไปแล้วนะผมว่า

"ช้าๆ ก็ได้มั้ง มึงจะรีบไปไหนเนี่ย" ผมถาม แต่มันเสือกไม่ตอบ ผมเลยมองออกไปข้างทางแทน

วิวตอนกลางคืนนี่ก็ดีเหมือนกันนะ ถนนเวลานี้ค่อนข้างโล่ง ไม่ติดเหมือนช่วงเช้าๆ ผมเลยลดกระจกลงแล้วเอามือออกไปอังกับสายลม แสงไฟสีส้มสลัวๆ ข้างทางกับบรรยายกาศร้านขายของตอนกลางคืน ผมมองไปเรื่อยๆ มันก็ผ่อนคลายดี วิวตอนกลางคืนบนถนนเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรเมื่อขับไปเรื่อยๆ จนผมพึ่งสังเกตุว่าไอ้ลิเคียวพาขึ้นทางด่วนมา

"มึงจะพากูไปไหนเนี่ย" ผมถาม

"เออน่า ถ้าง่วงก็นอนเลย ไว้ถึงกูจะปลุกเอง" ไอ้ลิเคียวบอก มันไม่ได้หันมามองผมเลยสักนิด สายตาเอาแต่จ้องไปที่ถนนลูกเดียวเลย

ผมเลยเลิกจะสนใจ จะพาไปไหนก็ไป ในเมื่อถามแล้วไม่ตอบผมก็ขี้เกียจจะถามแล้ว เดี๋ยวถึงก็รู้เองนั่นแหละ ตอนแรกว่าจะไม่หลับนะ แต่ก็ไม่ถึงสักทีนั่งรับลมไปเพลินๆ ผมก็เผลอหลับไปจริงๆ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้ลิเคียวมันเอามือลูบหน้าผมนี่แหละ

ตุ๊บ...อั้ก

ผมตกใจผลักไอ้ลิเคียวไปติดประตูรถเลย ไม่รู้ว่ามันจะแกล้งอะไรผมหรือเปล่า ลืมตาตื่นขึ้นมา หน้าของมันห่างจากหน้าของผมไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ

"มึงจะทำอะไรกู! " ผมถามออกไป

"กูแค่จะปลุกมึงเท่านั้นเอง" มันบอกใช้มือบีบไหล่ของตัวเองข้างที่ผมผลักมันเมื่อกี้

"เออ งั้นโทษที" ผมบอกไปส่งๆ จริงๆ คือไม่ได้อยากขอโทษหรอก แต่มันทำท่าแลเหมือนจะเจ็บไง ผมเลิกสนใจมันแล้วมองออกไปรอบๆ แทน อยากจะอุทานออกมาดังๆ ว่า 'เหี้ย!!! '

"มึงพากูมาไหนเนี่ย!! " ผมถามเสียงดัง

"ระยอง"

"ระยอง? ตอนนี้เนี่ยนะ" ผมถลึงตาใส่มัน เพราะตอนนี้มันดึกมากแล้ว ก้มดูนาฬิกาตัวเอง นี่มันจะตี1แล้วนะ ไหนบอกว่าจะพามานั่งรถเล่นไกลไปไหมวะเนี่ย

"แล้วจำเป็นต้องมาไกลขนาดนี้ไหม ถ้าอยากมาทะเล กูว่าบางแสนน่าจะใกล้กว่าอีก" ผมบ่นมันยาวๆ มองไปรอบๆ นี่คือโคตรมืดเลย ข้างหน้าของผมคือทะเล ไอ้ลิเคียวมันจอดรถไว้ข้างทาง ถ้าถามว่าบรรยากาศดีไหม คงต้องตอบว่ามาก

แสงไฟสีส้มจากข้างทาง ถนนที่ตอนนี้แทบไม่มีรถวิ่งแล้ว ลมโชยตลอด เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่ง ถ้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าจะเห็นดาวเพียบเลย เปล่งประกายระยิบระยับสวยสุดๆ บอกตามตรงว่าไม่บ่อยนักที่ผมจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ถ้าเป็นตอนเช้าตรู่คงรู้สึกสดชื่นน่าดูเลย

"ชอบไหม" เสียงไอ้ลิเคียวถามหลังจากที่นั่งเงียบมาสักพัก

"เออ คิดยังไงพากูมา"

"กูก็ไม่รู้ว่าคิดอะไร เผลอๆ ก็คงไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ" ไอ้ลิเคียวตอบ ในมุมนี้ผมเห็นมันยิ้มอยู่นะ เป็นรอยยิ้มบางๆ แต่ทำไมผมรู้สึกว่ามันกำลังเศร้าอยู่นะ

"ใจสั่งมาว่างั้น" ผมพูด กะจะแซวมันเล่นนะ แต่ผมเห็นมันผงะไปเลยล่ะ

"ใจสั่งหรอ...คงงั้นมั้ง" มันตอบแล้วเงียบไปเลย อะไรของมันวะ อยู่ๆ เหมือนจะเข้าโหมดดราม่าเฉยเลย

"เป็นอะไรของมึง" ผมถาม เพราะเห็นมันเงียบๆ อยู่นาน

"มึง...เคยรักใครมากๆ ไหม" ไอ้ลิเคียวหันมาถาม แต่สายตาของมันเหมือนไม่ได้มองผมเลย แล้วมันก็หันไปมองที่ทะเลต่อ

"..."

"รักด้วยใจจริงๆ พร้อมจะหยุดถ้าเขาต้องการ พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้โดยไม่หวังอะไร รัก...ถึงแม้จะรู้ว่าเขาไม่มีวันรักตอบ" ทั้งๆ ที่มันตั้งคำถามเพื่อจะถามผม แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันอยากระบายออกมามากกว่า

"รักจนไม่รู้จะทำยังไง ทั้งเป็นห่วง ทั้งอยากดูแล แต่เสือกทำอะไรไม่ได้เลย ขนาดเห็นเขาร้องไห้เจ็บช้ำเพราะคนอื่น กูยังเข้าไปปลอบเขาไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่เราเจอกันก่อน รักกันก่อน แล้วทำไมเขาถึงไม่เลือกกูวะ" ไอ้ลิเคียวถาม ผมไม่รู้ว่ามันต้องการคำตอบแบบไหน ในเมื่อต่างคนก็ต้องต่างความคิด เราห้ามไม่ให้ใครรักใครไม่ได้หรอก ขนาดใจเรา เรายังห้ามไม่ได้เลย

"กู...ไม่รู้สิ ที่ถามว่ากูเคยรักใครมากๆ ไหม คำตอบของกูก็ต้องเคยอยู่แล้ว กูคบใครกูก็รักเขาหมดนั่นแหละ แต่กูไม่เหมือนมึงหรอกนะ ความรักของกูมันเห็นแก่ตัว กูหวังทั้งหมดนั่นแหละ หวังว่าเขาจะเป็นคนสุดท้าย หวังว่าเขาจะรักเราตอบ หวังว่าเขาจะมีเราคนเดียว ถึงมันจะไม่เป็นอย่างที่กูหวังก็เถอะ" ผมบอกออกไป ท้ังๆ ที่ไอ้ลิเคียวมันดราม่าอยู่คนเดียว แต่ทำไมต้องชวนกูดราม่าไปด้วยวะ

"ส่วนเรื่องที่เขาไม่เลือกมึงน่ะนะ กูก็ไม่รู้หรอก กับบางคนต่อให้ดีเป็นเทวดาแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ แต่กับบางคนร้ายแสนร้าย ทำร้ายจิตใจกันฉิบหาย ต่อให้อยากเกลียดแค่ไหน แต่ถ้ามันรักไปแล้ว เลือกไปแล้ว ก็เกลียดไม่ลงจริงๆ หรอก ในส่วนลึกของจิตใจมันก็พร้อมจะให้อภัยตลอดแหละ ถึงใครจะบอกว่าไม่ใช่ยังไงมันก็ดันทุรังให้ใช่อยู่ดี" ผมพูดออกมายืดยาว พึ่งรู้ว่าตัวเองมีหลักการก็วันนี้นี่แหละ สงสัยผมจะอกหักมาเยอะ พูดปลอบใจตัวเองก็บ่อย แต่พึ่งมาพูดปลอบใจคนอื่นนี่แหละ แลเป็นคนดีสุดๆ ไปเลย

ผมอวยตัวเองไปก็ยิ้มไปจนลืมดูหน้าไอ้ลิเคียวไปเลย พอหันไปเห็นหน้ามันแลไม่ดีเลยด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่เลย รู้แค่ว่าคนที่มันพูดถึงคงไม่ใช่ผมแน่ๆ หรือว่าจะเป็นคนรักเก่ามันวะ เอ๊ะ! หรือคนรักคนปัจจุบัน พอเอาเข้าจริงๆ แล้ว ผมแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมันเลยด้วยซ้ำ ช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ถ้าผมไม่ได้อยากเมาเราก็แทบจะไม่เจอหรือไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ รู้แค่ว่ามันป็อปขึ้นมาก ทั้งๆ ที่ปกติมันก็ป็อปมากอยู่แล้ว

"เป็นไปได้ไหมที่เราจะทำให้คนที่ไม่รัก รักเรา" ไอ้ลิเคียวหันมาถาม หน้าเศร้าๆ ของมัน สายตาที่สั่นไหวเหมือนรอความหวังจากคำตอบของผม ท่าทางของมันทำให้ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่าคนที่มันพูดออกมาเนี่ย หมายถึงใคร

"มึงอย่าเอาคำถามยากๆ มาถามกูได้ไหม มึงคิดว่ากูฉลาดนักหรอ ในบรรดาพี่น้อง มึงก็น่าจะรู้นะว่ากูโง่สุด กูก็มีแค่คำตอบในแบบของกูให้มึงฟังเท่านั้นแหละ" ผมพูดออกไป อยู่ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาเฉยๆ

"กูอยากฟังความเห็นจากคนโง่ๆ บ้าง ไม่งั้นกูคงไม่ถามมึงหรอก" ไอ้ลิเคียวพูดออกมา มันไม่ได้หันมามองผม มันไม่ได้ทำหน้าดุหรือกวนอะไร จริงๆ คือไม่ได้ทำหน้าส้นตีนอะไรทั้งนั้น แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนโดนด่าเลยวะ

"มึงด่ากูหรือเปล่า" ผมถาม

"เปล่า กูแค่อยากได้ความเห็นจากมึงเฉยๆ "

"ถ้าเขาไม่รักมึง มึงก็แค่พยายามทำให้เขารักสิ ลูกตื้อน่ะรู้จักไหม! แต่ถ้าพยายามแล้วเขาไม่รับรักมึงซะที มึงก็ต้องหยุด คนไม่รักต่อให้มึงล่ามโซ่เขาไว้ เขาก็ไม่รักมึงหรอก!! ต่อให้มึงทำดีกับเขามากมายเลยด้วย เขาก็จะมีแต่ความสงสารหรือเห็นใจมึงเท่านั้นแหละ ความรู้สึกของคนเรามันไม่เปลี่ยนกันง่ายๆ หรอก ถ้ามึงเดินหน้าแล้วมันไปต่อไม่ไหว มึงก็แค่ถอยออกมา ยิ่งดันทุรังไม่ใช่แค่มึงที่หนักใจนะ คนที่มึงทำดีกับเขาก็ต้องหนักใจด้วย!!! "

"..."

"ทำไม จ้องหน้ากูแบบนี้ กูพูดอะไรผิดหรือไงเล่า" ผมถาม คือจริงๆ ก็อยากจะพูดอะไรต่อไปเรื่อยๆ นั่นแหละ ถึงจะรู้สึกเหมือนตัวเองเพ้อเจ้ออยู่ก็เถอะ

"วันนี้มึงพูดดีนะ แต่จะตะคอกทำไม" มันบอก แล้วส่งยิ้มหล่อๆ มาให้ ถ้าเป็นสาวๆ คงใจละลายพร้อมจะพลีกายให้มันแล้ว แต่ขอโทษที กูคือไอ้ลาวาผู้ที่จะไม่ยอมพลีตูดให้มึงแน่ๆ

"เหอะๆ กูก็จำเขามาทั้งนั้นแหละ" ผมบอกออกไป หันหน้ามองไปทางหน้าต่างด้วย ถ้าลองให้ผมพูดใหม่อีกครั้งรับรองได้เลย ว่าไม่เหมือนเดิมชัวร์ ไม่รู้ว่าอารมณ์ตอนที่พูดมาจากไหน แล้วกูจะกระแทกเสียงใส่มันทำไมวะ ไม่เข้าใจตัวเอง หรือผมจะอินเกินไปกันแน่นะ

จ๊อกกก~~

เสียงท้องผมร้องออกมา ลืมไปเลยว่าตัวเองยังไม่ได้กินอะไรเลย แต่นี่มันใช่เวลาไหม ผมกำลังพูดจาดูดีอยู่แท้ๆ ไอ้ลิเคียวนี่หันขวับมามองเลย ผมจะกล้าบอกได้ไงว่าท้องตัวเองร้อง เห็นแบบนี้หน้าผมก็บางพอๆ กับแป้งโรตีนั่นแหละ

"หิวหรือไง" ไอ้ลิเคียวเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามผม

"เปล๊า" ผมตอบออกไป

จ๊อกกกกกก~~~

ถึงผมจะตอบปฏิเสธแต่ท้องของผมดันสวนทางกับคำตอบโดยสิ้นเชิง บางทีพญาธิในท้องควรจะเกรงใจผมบ้างอยู่ฟรีกินฟรียังทำผมขายหน้าซะได้

"หึ หิวก็บอกว่าหิวสิ อยากกินอะไรล่ะ" ไอ้ลิเคียวถาม สตาร์ทรถ ถอยหลังแล้วขับออกมาทันที

"กูอยากกินบะหมี่เกี้ยว" ผมบอก

"เพราะกินดึกอย่างนี้ไง มึงถึงอ้วน"

"จิ๊ ปากดี เพราะมึงถามหรอก กูไม่อยากกงอยากกินมันแล้ว" ผมบอกออกมาอย่างหงุดหงิด เอนเบาะรถนอนลงเลย ไม่สนแล้วว่ามันจะขับไปไหน ดึกขนาดนี้แล้ว นอกจากเซ่เว่นผมก็ไม่รู้ว่าจะมีที่ไหนเปิดอีกหรือเปล่า

"โอ๋ๆ แดกๆ ไปเถอะ มึงคงไม่อ้วนมากกว่านี้แล้ว เพราะวันนี้มึงพูดดีหลายอย่างเลย เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง" ไอ้ลิเคียวบอก แต่มันไม่ได้ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาเลย

"เหอะ" ผมส่งเสียงออกไป

"โถ่หมู! น้อยใจเป็นตุ๊ดเลยนะ" ไอ้ลิเคียวยังพูดต่อออกมา ผมรู้สึกจากน้ำเสียงของมันได้เลย แม่งกำลังยิ้มหรือหัวเราะผมอยู่แน่ๆ ผีเข้าผีออกจริงๆ ปรับอารมณ์ตามมันไม่ทันแล้วเนี่ย

"มึงเรียกใครหมู กูไม่ใช่เหอะ" ผมเถียงออกไป

"เออๆ ๆ มึงมันไม่หมูๆ ตอนนี้แค่ลูกหมูเท่านั้น"

"จิ๊" ผมเถียงมันไม่ออก ก็พอรู้แหละว่าตัวเองอ้วน มันไม่อ้วนบ้างก็ให้รู้ไปสิ

"หึๆ ไม่ต้องนอนเลย กูขับมาถึงแล้ว อยากกินก็ลงไป ร้านนี้ร้านดังเลยนะ ถ้าไม่แดกแล้วจะเสียดาย" ไอ้ลิเคียวบอก มันจอดรถแล้วเอามือมาสะกิดผม

"มองค้อนอดแดกนะ" ไอ้ลิเคียวพูดออกมา แถมทำหน้ากวนๆ ด้วย

"มุ่ยหน้าก็อด เพราะฉะนั้นลงไปเลย" ไอ้ลิเคียวพูดต่อ เหมือนมันจะหัวเราะชอบใจที่แกล้งผมได้

"เอ้า ลื้อหายไปนานเลยนะ หล่อขึ้นจนอั้วจำแทบไม่ล่ายเลย" เจ้าของร้านร้องทักไอ้ลิเคียว

"ผมไม่ค่อยได้มาน่ะครับ ช่วงนี้เรียนเยอะ ผมเอาเหมือนเดิมนะ" ไอ้ลิเคียวบอก ยื่นกระดาษมาให้ผมจดด้วยว่าจะสั่งอะไร ผมก็จดยิกๆ ทั้งๆ ที่สั่งจานเดียวแต่ยาวเกือบ 3 บรรทัดแน่ะ

"อีกถ้วยเอา..." ไอ้ลิเคียวกำลังจะสั่ง แต่ทันทีที่มันอ่าน มันก็หันมามองหน้าของผมเลย

"^^" ยิ้มครับ ยิ้มอย่างเดียว ก็ผมชอบกินแบบนี้อ่ะ

"เอ่อ บะหมี่เกี้ยวน้ำหมูสับต้มยำ ไม่เอากวางตุ้งขอเป็นถั่วงอกแทน ไม่ใส่กระเทียมกับผงชูรส ขอน้ำซุปกับกระดูกหมูเยอะๆ ครับ" ไอ้ลิเคียวมันร่างยาวออกมา ปกติผมก็สั่งของผมแบบนี้แหละ อะไรที่ผมไม่กินผมก็ไม่อยากให้ใส่ ขี้เกียจมาเขี่ยออกทีหลัง

"ฮ่าๆ ๆ ล่ายๆ ๆ ไปนั่งรอเลย อาตี๋! เสริฟน้ำให้แขกล่วย" เจ้าของร้านบอกออกมา เฮียแกหัวเราะกับรายการก๋วยเตี๋ยวที่ไอ้ลิเคียวสั่งเมื่อกี้ด้วย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

"เรื่องเยอะนะมึง แดกสปีชีส์เดียวกัน เดี๋ยวก็เป็นพ่อหมูหรอก" ไอ้ลิเคียวแขวะหลังจากเรามานั่งกันแล้ว

"จิ๊" ผมส่งเสียงออกไปหันหน้าไปทางอื่นด้วย ไม่อยากคุยกับมันเลย ว่าผมเป็นหมูอยู่ได้ ผมเลยหันมาสนใจรอบๆ แทน จริงๆ ไม่น่าจะมีร้านมาเปิดแล้วเพราะตอนนี้จะตี2 อยู่แล้ว แต่ป้ายเขาติดไว้ว่าเปิดถึงตี4 แถมคนยังมีมาเรื่อยๆ เลยด้วย ท่าทางจะขายดี น้ำก๋วยเตี๋ยวก็หอมฉุยเลย

"หึ ทำหน้าอย่างนี้แสดงว่างอนกูอยู่ว่างั้น"

"..." ผมไม่ตอบ อยากกวนตีนผมดีนัก ให้มันบ้าพูดคนเดียวไปเลย ไอ้ลิเคียวเลยได้แต่หัวเราะออกมา

"มึงดูนั่นสิ...จำเป็นไหมวะที่เรากินก๋วยเตี๋ยวแล้วต้องเลือกตะเกียบที่มันเท่ากันด้วย กูเห็นแม่งนั่งเลือกมาหลายคู่ละ" ไอ้ลิเคียวพูดพลางชีมือไปที่โต๊ะข้างๆ ที่กำลังเลือกตะเกียบให้เข้าคู่กันอยู่

"ไม่จำเป็น...ไม่จำเป็นต้องไปเสือกกับเรื่องของเขา เขาจะใช้ตะเกียบยาวหรือสั้นหรือเท่ากัน มึงมีหน้าที่แดกก็แดกของมึงไปเถอะ นอกจากเขาจะมาเอาตะเกียบมึงไปแดกนั่นแหละ มึงค่อยมาโวย" ได้ทีผมก็ด่าแม่งเลย ทำเอาไอ้ลิเคียวหน้าเหวอไปเลย จริงๆ มันคงอยากจะชวนผมคุยเล่นๆ นั่นแหละ แต่วันนี้มันเสือกแหวะผมเยอะไง พอเจอผมสวนกลับนี่ทำหน้าไม่ถูกเลยครับ แต่มันก็ไม่ได้โกรธหรอก กวนตีนผมเยอะ พอเจอผมกวนกลับทำเป็นไปต่อไม่ถูก

ไอ้ลิเคียวมันก็นั่งหัวเราะในสิ่งที่ผมตอบเมื่อกี้ ทำให้กลายเป็นเรานั่งเถียงเรื่องนู้นเรื่องนี้กันไปมา จนก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟนั่นแหละครับ ทั้งความหอมทั้งรสชาติ อร่อยสุดๆ ไปเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดึกขนาดนี้แล้วถึงยังมีคนมาซื้ออยู่อีก ผมนั่งกินไปจนหมดชามเลย ส่วนไอ้ลิเคียวเบิ้ลสอง พออิ่มจัดเราก็มานั่งซดเบียร์ที่ชายหาดต่อ ไม่รู้ว่าไอ้ลิเคียวมันพกมาด้วย คงสั่งให้ลูกน้องมันเตรียมไว้ให้ตั้งแต่ที่ร้านแน่ๆ เล่นแช่กระติกที่มีน้ำแข็งเอาไว้เลยด้วยซ้ำ เบียร์เย็นๆ กับทะเลยามค่ำคืน ท้องฟ้าที่มีดวงดาวเยอะแยะ ลมทะเลที่พัดอยู่ตลอด เสียงคลื่นที่ซัดเข้าฟังตลอดเวลา ที่แบบนี้มันดีสุดๆ ไปเลยแหละครับ


:hao3: :hao3: ลงทุกวัน วันละตอน 30 วัน 30 ตอนนะคะ :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 5 | 03/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 03-02-2020 09:21:38
ตอนที่ 5

ปังๆ ๆ ๆ ๆ

เสียงทุบประตูดังขึ้นมา แรกๆ ก็เคาะนั่นแหละครับ แต่ผมไม่ลุกไปเปิดไง จากเสียงเคาะเลยกลายเป็นเสียงทุบแทน ง่วงก็ง่วง เมื่อคืนกว่าผมจะได้นอนก็ปาไปตี2 กว่าแล้วเพราะมัวแต่ท้าแข่งเกมอยู่ กับใครผมไม่รู้หรอกเผลอๆ ก็ไม่ใช่คนไทยด้วยเพราะชื่อไอดีที่มันตั้งคือภาษาจีน

หลังจากวันที่ผมไปทะเลกับไอ้ลิเคียว นี่ก็ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งได้แล้ว ไม่รู้แม่งเป็นห่าอะไร ทุกๆ เช้าต้องมาที่บ้านของผม เมื่อก่อนผมมั่นใจมากว่าถ้าได้ยินเสียงรถของมัน คือมันต้องมาหาไอ้ไฟแน่ๆ แต่เดี๋ยวนี้แม่งตรงดิ่งมาที่ห้องของผมก่อนทุกทีเลย

"อ้วนนนน ตื่นนนนนนนนน" เสียงไอ้ลิเคียวตะโกน

"..."

"อ้วนนนนน ตื่นสักที ถ้ากูไขประตูเข้าไปแล้วมึงยังไม่ลุก มึงอาจจะไม่ได้ลุกไปไหนทั้งวันเลยก็ได้นะ"

เสียงไอ้ลิเคียวขู่ แรกๆ ผมคิดว่ามันคงขู่ไปอย่างงั้นแหละ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย ไอ้ลิเคียวมันไม่ได้ขู่ มันทำจริงแน่ๆ วันก่อนมันบอกว่าถ้าผมไม่ตื่นมาจะเอาน้ำมาสาด แล้วแม่บ้านของผมก็เสือกใจดีให้กุญแจกับมันมาไง พอไขเข้ามาได้เท่านั้นแหละ ไม่พูดห่าอะไรเลยมันก็สาดน้ำใส่ผมจริงๆ แถมยังเป็นน้ำเย็นที่มีน้ำแข็งอยู่เป็นก้อนๆ เลยด้วย ทำให้ทั้งที่นอนทั้งพรมทั้งผ้าห่มรวมถึงผมด้วย เปียกไปตามๆ กัน

แถมคำขู่ของมันแต่ละวันทำเอาผมต้องรีบเปิดประตูเลย เพราะไม่ซ้ำกันสักอย่าง มีวันหนึ่งที่ผมล็อกประตูจากด้านใน แถมให้ช่างมาเพิ่มกรประตูอีกชั้น ทั้งๆ ที่มั่นใจแล้วนะ ว่ามันไม่สามารถเข้ามาได้ แต่มันก็ดันหาวิธีเข้ามาในห้องของผมจนได้ ด้วยการปีนหน้าต่างเข้ามา ใครจะไปคิดล่ะว่ามันจะปีนเข้ามาได้ เพราะผมอยู่ตั้งชั้น2 ถึงจะแค่สองชั้นแต่ก็ใช่ว่าจะไม่สูงที่ไหน ดีเท่าไหร่ที่มันไม่คอหักลงมาตาย ผมไม่ได้เป็นห่วงมันนะ แต่ถ้าจะมาตายที่บ้านผม ผมก็ไม่โอเคเหมือนกัน

"มึงจะมาทำอะไรทุกวันเนี่ย" ผมบอกออกไปอย่างหงุดหงิด ยกมือขยี้หัวตัวเองด้วย

"เหมือนเดิม ออกไปวิ่งกัน" ไอ้ลิเคียวบอก ถึงผมจะรู้ว่ามันมาเพื่อพาผมไปวิ่งตอนเช้าๆ ก็เถอะ แต่จำเป็นต้องทุกวันแบบนี้ไหม

"ไม่เอา กูจะนอน วันนี้ขอนอนวันนึงไม่ได้เหรอวะ" ผมบอก นี่ผมยังงงกับตัวเองเลยนะ แค่จะนอนต่อโดยไม่ออกไปวิ่งกับมันตอนเช้า ทำไมต้องคอยขออนุญาตมันด้วย

"ไม่ได้ มึงอยากผอมไม่ใช่เหรอ นี่ไงวิ่งตอนเช้าๆ อากาศดีนะมึง" ไอ้ลิเคียวบอก ปกติแม่งตื่นเช้าแบบนี้หรือเปล่าวะ ไม่น่าเลย...ผมไม่น่าพลั้งปากพูดออกไปเลย เพราะคืนนั้นแหละ ผมแค่บ่นๆ ให้มันฟังว่าผมอยากผอม อยากหุ่นดี มันเลยรับปากว่าจะช่วย ผมก็ดันตกลงให้มันช่วยด้วยไง ใครจะไปคิดว่ามันจะให้ผมออกมาวิ่งทุกเช้าแบบนี้กัน

"งืม กูง่วงอ่า" ผมร้องออกมา นี่ถ้าหน้าหนากว่านี้อีกหน่อยผมลงไปนั่งชักเป็นเด็กๆ แล้วนะ แต่แค่ใส่ชุดนอนออกไปวิ่งผมก็เขินจะแย่แล้ว ถ้าจะต้องมาทำอะไรน่าอายต่อหน้าไอ้ลิเคียวเพิ่มอีกคงไม่ไหวแน่

"วันนี้จะเปลี่ยนชุดหรือไปชุดนี้" ไอ้ลิเคียวถาม

"ไปชุดนี้ กูขี้เกียจเปลี่ยนแล้ว" ผมบอกอย่างกระฟัดกระเฟียด เดินไปฟึดฟัดไป คือใครมองมาที่ผมก็คงจะรับรู้ได้นั่นแหละว่าขัดใจเต็มที่

"เดินลืมตาสิวะ เดี๋ยวก็ตกบันไดตายห่าพอดี" ไอ้ลิเคียวบอกออกมา แต่จะให้ทำไงได้ในเมื่อผมยังไม่อยากตื่นเลยนี่

"จิ๊ สั่งอยู่ได้...อ่ะ" ผมพูดออกไปตาก็ยังไม่ลืม ก้าวต่อไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ถึงสามก้าวเลยก็ต้องตกใจร้องออกมา ผมจำได้นะว่าบันไดมีกี่คัน ถึงจะไม่เป๊ะแต่มันยังไม่ถึงขั้นสุดท้ายแน่ๆ แล้วกูเดินชนอะไรวะ แถมยังนุ่มๆ มีกลิ่นหอมๆ ด้วย ถึงจะไม่เจ็บมากแต่ผมเกือบกัดปากตัวเองไปแล้ว

"หึ" ผมลืมตาตื่นขึ้นมา เหมือนได้ยินไอ้ลิเคียวออกเสียงแบบไม่พอใจออกมา แต่ก็ต้องทำเอาผมชะงักไปเลย เพราะตรงหน้าของผมไม่ใช่เสาอะไรทั้งนั้น มันคือไอ้ลิเคียวที่ยืนหันหน้ามาทางผม แถมยังทำสายตาดุๆ อีก แสดงว่าเมื่อกี้หน้าผมคงชนมันสินะ

"กูพูดไม่เคยฟังหรือมึงอยากจะหอมหน้าผากกูกันแน่ บอกกูตรงๆ ก็ได้นะ" ไอ้ลิเคียวพูดออกมา ถึงมันจะทำหน้าดุแต่มันก็ไม่ได้จริงจังอะไร แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอีก ผมว่ามันอยากจะกวนตีนผมมากกว่า

"เออๆ ๆ ลืมตาแล้วนี่ไง บ่นเป็นคนแก่เลยมึง" ผมบอกออกมา พึ่งรู้ว่าเมื่อกี้ปากผมไปชนหน้าผากมัน แสดงว่ามันพึ่งสระผมมาสินะ หอมเชียว

"ยืนคิดอะไรอยู่ รีบตามมาสิ" ไอ้ลิเคียวสั่ง มันเดินนำหน้าผมไปไกลแล้วหันมาควักมือเรียก

แฮ่กๆ ๆ ๆ

เสียงหอบของผมดังขึ้น ไอ้ลิเคียวเล่นวิ่งไม่หยุดพักเลยตั้งแต่พ้นหน้าประตูบ้าน ถึงเราจะไม่ได้วิ่งเร็วกันมากนัก แต่มันก็ไกลพอสมควรเลย พอผมหยุดจะทิ้งช่วงห่าง มันก็หันมาตะโกนเรียกผมว่าอ้วน ทำให้ผมต้องรีบวิ่งตามมันไป ไม่งั้นมันก็จะเรียกอยู่อย่างงั้นแหละ ผมบอกแล้วว่าผมหน้าบาง เรียกครั้งเดียวคนไม่มองหรอก แต่เสือกเรียกเป็นสิบๆ รอบ ไม่แปลกเลยที่เขาจะมองผมเป็นตาเดียวกัน

ผมไม่ได้อยากจะตามใจมันนะ แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าขัดมันไม่ได้สักเรื่องก็ไม่รู้ ไอ้ลิเคียวพาผมมาวิ่งที่สวนสาธารณะแถวบ้าน ตอนเช้าๆ แบบนี้ก็ร่มรื่นณ์ดีอยู่หรอก แต่ถ้าสายๆ นี่แดดแรงสุดๆ ไปเลย คนแถวนี้ก็มีอยู่กันเยอะ ส่วนมากจะเป็นพวกอากงอาม่ามาวิ่งซะมากกว่า บางคนก็ขี่จักรยานบ้าง บางคนพาหมามาเดินเล่นก็มี

"พักก่อนไม่ได้เหรอ" ผมถาม นี่วิ่งออกมาไกลแล้วนะ แถมตื่นเช้าๆ แบบนี้ทำให้ผมหิวเร็วกว่าเดิมอีก

"ไปให้ถึงตรงนั้นก่อน" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วชี้มือไปที่โต๊ะไม้หินอ่อนสีขาวที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ

"ไกลอ่ะ" ผมบอกออกไป นี่เหนื่อยจนอยากจะกลิ้งไปแทนแล้วนะ

"..."

"ไกลอ่า~" ผมบอกอีกครั้งเผื่อมันไม่ได้ยิน

"ทำเสียงอ้อนใส่กูยังไงก็ไม่ได้ผลหรอกนะ" ไอ้ลิเคียวหันมาบอกยิ้มๆ

"เสียงอ้อนอะไร กูเปล่าสักหน่อย" ผมบอกออกไป ผมไม่ได้ทำเสียงอ้อนสักหน่อย ทำตอนไหนกัน ไม่มีนะ...เอ๊ะ! หรือมี

"หึ ไม่รู้ตัวเลยว่างั้น"

"มึงอ่ะมั่ว กูเปล่าทำเหอะ" ผมเถียงออกไป ไอ้ลิเคียวก็ได้แต่ยิ้มอะไรของมันไม่รู้ แต่ไม่ได้ตอบผมกลับมา แถมยังวิ่งไปเรื่อยๆ อีกต่างหาก

"โอ๊ย เหนื่อยแทบขาดใจ" ผมบ่นออกมา เมื่อวิ่งมาถึงที่โต๊ะ ทำเอาผมนอนแผ่หลาลงไปเลย

"ออกกำลังซะบ้าง หน้ามึงกลมเป็นซาลาเปาแล้ว" ไอ้ลิเคียวไม่พูดเปล่า เอานิ้วมาจิ้มๆ ที่หน้าผมด้วย เออสิ กูมันอ้วนเป็นหมู หน้ากลมเป็นซาลาเปา ใครจะไปหล่อหุ่นดีเหมือนมึงกันล่ะ ผมมองค้อนมันแล้วได้แต่ด่าในใจ อยากจะพูดออกไปอยู่หรอกนะ แต่รู้สึกเหมือนด่าตัวเองเลยขอไม่พูดดีกว่า

"ทำหน้าแบบนั้น ด่ากูอยู่หรือไง" ไอ้ลิเคียวถาม มันนั่งอยู่เหนือหัวของผม

"แล้วกูควรชมมึงไหมล่ะ"

"ควรสิ กูหล่อ กูรวย หุ่นดี มึงมีแฟนเพอร์เฟ็คขนาดนี้เลยนะ" ไอ้ลิเคียวพูดออกมาหน้าตาเฉย นี่ถ้ามันไม่พูดผมก็ลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าเราตกลงเป็นแฟนกัน

"แล้วเมื่อไหร่เราจะเลิกกันล่ะ" ผมถามออกไปได้ไม่ถึงวินาทีเลย ไอ้ลิเคียวก็เอามือมาบีบปากผมซะงั้น

"โอ๊ย เอ็บ อ่อยเอยอะ" ผมบอกออกไป แต่พูดไม่ได้ไง เสียงของผมเลยอู้อี้ๆ แปลกๆ

"หึ บีบไว้นี่แหละดีแล้ว มึงปากเสีย" ไอ้ลิเคียวบอก

"งืมมมม" ผมร้องออกไปเพราะมันไม่ปล่อยมือออกจริงๆ พยายามมองค้อนมันไป แต่ก็เท่านั้นแหละ เพราะสายตาของมันตอนนี้ไม่ได้มองมาที่ผม แต่มองตรงออกไปที่ด้านหน้าแทน

ผมนอนนิ่งๆ มองไปที่ไอ้ลิเคียว ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่เพราะมันไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย ทั้งๆ ที่ผมมองจากมุมนี้ แต่มันก็ยังดูหล่ออยู่ดี ขนาดไม่ได้เก๊กท่าหรือแต่งหน้าทำผมนะ อยากจะอิจฉาในความหล่อของมันอยู่หรอก แต่พอคิดไปคิดมาไม่ดีกว่า หล่ออย่างมันน่ะแดกได้ แต่ทำพันธุ์ไม่ได้หรอก กะล่อนฉิบหาย สับรางเก่งเป็นที่หนึ่ง ถ้าอยากมีแฟนที่คบกันไปนานๆ นะ ยังไงๆ ก็ไม่ใช่มันแน่ๆ

แต่คนอย่างผมก็ด่าอะไรมากไม่ได้ เพราะผมก็พึ่งอกหักมาหมาดๆ นี่เอง ผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จากแรกๆ ที่มันใช้มือบีบปากผมไว้ ตอนนี้มันปล่อยแล้วแต่เอามือวางพลาดไว้แถวไหล่ผมแทน ผมไม่ได้ปัดออกหรอก ก็ปล่อยให้มันพลาดไว้อย่างนั้นแหละ เพราะเดี๋ยวถ้ามันรู้ตัวกลัวจะมาบีบปากผมต่ออีก ผมนอนหัวหน้าไปทางริมแม่น้ำ บรรยากาศตอนนี้กำลังดีเลย ใต้ร่มไม้ มีลมเย็นๆ โชยมาตลอด จนผมเผลอหลับไปเฉยเลย ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่แสงแดดกำลังแยงตานั่นแหละ

"หลับไปนานเลยนะมึง" ประโยคแรกที่ไอ้ลิเคียวทักผมหลังจากที่ผมขยี้ตาตัวเอง

"แม่ง แทนที่จะมีน้ำใจเอามือบังแสงให้กูบ้าง แสบตาเลยเนี่ย" ผมบอก มือก็ขยี้ตาไปด้วย

"หยุดขยี้แล้วลองลืมตาขึ้นมาดูสิ คนอย่างกูไม่มีน้ำใจตรงไหน" ไอ้ลิเคียวบอกเสียงนิ่ง ผมเลยเงยหน้าขึ้นไปมอง องศาของผมเปลี่ยนไปนิดหน่อย เอ๊ะ หรือว่ามากกันวะ เพราะก่อนหน้านี้มันนั่งอยู่เหนือหัวของผม แต่ตอนนี้ผมกลับเห็นหน้ามันชัดเจนเลยโดยไม่ต้องแหงนมอง

"ตื่นแล้วก็ลุก" ไอ้ลิเคียวสั่ง ผมมองสำรวจดู นี่ผมนอนหนุนตักมันอยู่เหรอวะ แถมมือมันก็คอยจับตัวผมอยู่ด้วยเพราะเนื้อที่ที่จำกัด ถ้าผมขยับนิดเดียวก็คงตกเก้าอี้แล้ว ทำเอาผมทำตัวไม่ถูกเลย คือมันรู้สึกแปลกๆ เมื่อก่อนมันไม่ทำตัวแบบนี้กับผมนะ กวนตีนเป็นเรื่องปกติ ส่วนมากจะดุมากกว่า อยู่ๆ มาใจดีแบบนี้ ผมก็ไปไม่เป็นน่ะสิ ผมมองหน้ามันแบบงงๆ แต่กลับเจอสายตาที่เหมือนจะล้อๆ ผมซะงั้น ให้ทำไงได้ ปกติก็เจอแต่ความกวนตีนของมันไง แถมปากผมก็ไปไวเสมอๆ เลยด้วย

"กูหลับไปนานแล้วเหรอ" ผมถาม

"ชั่วโมงกว่าๆ " ไอ้ลิเคียวบอก

"กูหิวแล้ว กลับกันเถอะ" ผมบอก

ป๊อก!

"โอ๊ย มึงจะดีดหน้าผากกูทำไมวะ มันเจ็บนะ"

"ตื่นมาก็หิวเลยนะ อ้วนเอ๊ย" ไอ้ลิเคียวพูด ผมใช้มือกดหน้าผากตัวเองไว้ แม่งดีดมาได้ไม่รู้มือหรือตีน เผลอๆ หน้าผากผมคงแดงแล้วมั้ง

"ก็กูหิว"

"เออๆ ไปกันเลยละกัน" ไอ้ลิเคียวบอกก่อนจะเดินนำไป

ผมเดินตามมันจากด้านหลัง คือมองจากมุมนี้ มันยังดูดีเลยอ่ะคิดดู นี่ขนาดไม่เห็นหน้านะ ผมสีดำซอยๆ สูงไม่ต่ำกว่า 180 เซนติเมตร ไหล่ก็กว้าง ขาก็ยาว แม่งเอ๊ย กูโคตรอิจฉามึงเลยว่ะ

"หน้าหรืออะไร บูดเชียวมึง" ไอ้ลิเคียวหันมาถาม

"เรื่องของกู" ผมบอกแล้วเดินแซงหน้ามันไปเลย

กว่าจะกลับมาถึงบ้าง ก็ใช้เวลาเยอะแล้ว ตอนนี้ไอ้ลิเคียวมันรออยู่ข้างล่าง ไม่แน่ใจว่าทำอะไร เพราะผมปล่อยมันไว้แล้วเดินขึ้นมาอาบน้ำบนห้องเลย เหนียวตัวจะแย่

พออาบเสร็จผมก็เดินไปแปรงฟันที่อ่างล้างหน้า ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมว่าผมผอมลงนะ ถึงจะไม่มากก็เถอะ

"กว่าจะลงมาได้นะมึง" ไอ้ลิเคียวพูดขึ้นหลังจากที่ผมเดินลงมา

"เอ้า ก็กูอาบน้ำ...แล้วไอ้ไฟล่ะ"

"ออกไปแล้ว"

"แล้วทำไมมึงยังไม่กลับ ไม่มีเรียนหรือไง" ผมถาม เพราะมันไม่ได้แต่งชุดนักศึกษา

"ไม่มี วันนี้มึงมีเรียนเหรอ"

"ก็ใช่น่ะสิ ช่วงบ่ายเนี่ย" ผมตอบแล้วเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับมัน ตอนนี้มีกับข้าวเต็มโต๊ะเลย คงจะเป็นป้าแม่บ้านนั่นแหละที่เตรียมเอาไว้ให้

"กินซะ เดี๋ยวกูไปส่ง"

"แล้วมึงไม่กินเหรอ" ผมถาม เพราะมีจานข้าวแค่ตรงหน้าผมเท่านั้น

"ทำไม อยากกินพร้อมกูหรือไง" ดูมันถาม

"เอ้า กูจะชวนเป็นมารยาท พูดมากไม่ต้องแดก" ผมบอกแล้วตักข้าวเข้าปาก ไม่สนใจมันอีก ถ้าให้เดาคงจะกินพร้อมไอ้ไฟไปแล้ว หรือไม่ก็คงจะยังไม่หิวนั่นแหละ

ผมใช้เวลากินไม่นานก็อิ่ม เอาเข้าจริงคือเรื่องกินผมถนัดเลยล่ะ ความอ้วนที่สะสมอยู่ก็ไม่ใช่ว่าพึ่งมี เพราะมันติดตัวผมมานานแล้ว อยากกินอะไรก็ได้กิน ถ้าไม่มีทุกคนก็จะสรรหามาให้

"อิ่มแล้วใช่ไหม ไปเตรียมของมา กูจะรอที่รถ" ไอ้ลิเคียวมันบอก แต่สำหรับผม นั่นคือคำสั่ง

"กูไปเองก็ได้นะ มึงไม่มีเรียนแล้วไม่ไปทำการทำงานหรือไง"

"งานกูยังไม่ถึงเวลา เอาไว้ก่อนก็ได้"

"แต่วันนี้กูอยากขับรถ"

"ไอ้วา กูจะนับ 1-3 ถ้ามึงยังไม่ไปหยิบของที่จะใช้ มึงก็ไม่ต้องหยิบอะไรเลย แล้วหยุดขัดกูสักที" ไอ้ลิเคียวสั่ง ทำหน้าดุมาอีก

"มึงเพื่อนหรือพ่อกูเนี่ย ทำไมกูขัดอะไรมึงไม่ได้เลยนะ" ผมพูดเหน็บ ไอ้ลิเคียวนี่มองค้อนเลยครับ

"เดี๋ยวก็เป็นผัว"

"อะ...ไอ้เหี้ย มึงพูดอะไรเนี่ย" ผมร้องออกมาอย่างตกใจ นี่เสียวสันหลังยันรูตูดเลยนะโว้ย

"หึ 1"

"มึงแม่ง..."

"2"

"จิ๊ เออๆ ไม่ต้องนับแล้ว" ผมโวยวาย พอได้ยินมันนับเท่านั้นแหละ ผมนี่พูดอะไรไม่ออกเลยต้องรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องเพื่อเอาชีทที่ต้องใช้

พอลงมาข้างล่าง ไอ้ลิเคียวมันสตาร์ทรถรออยู่ก่อนแล้ว ผมมองสำรวจในกระเป๋า โทรศัพท์เอามา กระเป๋าเงินเอามา ชีทก็ครบ มองไปรอบๆ บ้าน โอเคไม่ลืมอะไร ผมก็ล็อกประตูใหญ่เลย เดี๋ยวเย็นๆ ป้าแม่บ้านถึงจะมาอีกที ตอนนี้บ้านเลยไม่มีคนอยู่

"เอ้า มึงมานั่งตรงนี้ทำไม" ผมถาม เมื่อเปิดประตูฝั่งข้างๆ คนขับออกมาแล้วเห็นไอ้ลิเคียวนั่งอยู่

"ไหนมึงบอกอยากขับ ไปสิ กูสตาร์ทไว้แล้ว" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วหยิบแว่นดำมาใส่ ผมนี่หูตั้งหางกระดิกเลย มองรอบรถของมันไปด้วย ถึงบ้านผมจะรวยแต่ก็ไม่ได้ซื้อรถมาใช้ทิ้งใช้กว้างหรอกนะ รถที่ไอ้ลิเคียวขับอยู่ก็สุดยอด ราคานี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ปกติได้แต่นั่งข้างๆ วันนี้แหละครับ ไอ้ลาวาจะซิ่งโชว์เลย

"ตาเยิ้มเชียวมึง ยิ้มอะไรขนาดนั้น" ไอ้ลิเคียวแซวหลังจากผมขึ้นมานั่งตรงคนขับ แล้วเอาแต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

"วันนี้มึงใจดีอ่ะ" ผมบอก

"อะไร ปกติกูก็ใจดีเถอะ"

"เหรอ! " ผมพูดออกไป ไอ้ลิเคียวทำหน้าดุอีกละ เบื่อแม่ง

ผมหยุดสนใจแล้วหันมาจับพวงมาลัย เอาจริงๆ นี่ตื่นเต้นนะครับ ครั้งแรกในชีวิตที่ได้จับรถแบบนี้ รถที่มีไม่กี่สิบคันบนโลก ได้ยินเสียงไอ้ลิเคียวบ่นๆ อะไรสักอย่างแต่ผมขี้เกียจจะฟัง ตั้งใจขับรถดีกว่า

"สนใจกูบ้างก็ได้"

"..."

"อ้วน คุยกับกูบ้างสิ" หูผึ่งเลยครับ ไอ้ลิเคียว ไอ้ปากหมาหาเรื่องกวนตีนผมอีกละ

"กูขับรถอยู่ไม่เห็นหรือไง"

"มึงตั้งใจขับมากไปป่ะ"

"เอ้า! " ผมไม่รู้จะพูดกับไอ้บ้าข้างๆ ผมยังไงดีแล้ว ผมว่ามันหาเรื่องผมมากกว่านะเนี่ย

"มึงว่ากู..."

RRRRRR

เสียงไอ้ลิเคียวกำลังพูดแต่มันยังพูดไม่ทันจบเลย เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นแทรกซะแล้ว

"เห้ย ทำไร" ผมถามไอ้ลิเคียว เพราะมันยื่นมือมาล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าผมไปรับแทน

"มึงตั้งใจขับไปสิ เดี๋ยวกูรับให้"

"แต่..."

"ฮัลโหล!! " ไอ้ลิเคียวรับสายแล้วทักทันที

"ห๊ะ...อะไรนะ...มันขับรถอยู่...ฮัลโหลๆ " เอาแล้วไง คำพูดที่ไอ้ลิเคียวพูดออกมา ผมจับใจความไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายพูดอะไร

"ใคร" ผมถาม

"กูจะรู้ไหม"

"เอ้า ก็มึงรับสาย ไม่ได้ดูชื่อเหรอ"

"ไม่ มันขึ้นแต่รูป" แล้วมันก็โชว์ให้ดู รายชื่อส่วนมากผมไม่ค่อยเมมเป็นชื่อหรอกครับ ส่วนมากจะเมมเป็นรูปมากกว่า อย่างไอ้ไฟก็จะเป็นอีโมรูปไฟ ถ้าเป็นไอ้แม็กจะขึ้นเป็นรูปภูเขาไฟ อะไรประมาณนี้ คนอื่นๆ ชอบบอกว่างง แต่ผมไม่งงด้วยนิ พิมพ์เองเข้าใจเองคนเดียวนี่แหละดี

"มันว่าไงบ้าง" ผมถาม เพราะรูปที่โชว์อยู่คือรูปเข็มฉีดยา ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ไอ้วินนั่นเอง

"เปล่านิ" ไอ้ลิเคียวบอกออกมา เชื่อตายแหละ ถ้าไม่มีอะไรไอ้วินน่ะเหรอจะโทรมา

"มึงตอแหลกูละ มันจะเอาอะไรบอกกูมา" ผมถามเสียงเข้ม

"...ให้ไปหามั้ง กูฟังไม่เข้าใจ" ผมจ้องหน้ากดดันมันอยู่พักหนึ่ง จนมันยอมบอกออกมา งานประจำของผมแน่ๆ เลยครับ...คนขับรถส่วนตัว

"อืม งั้นขอไปหามันนะ" ผมตอบรับอืม เพราะเข้าใจว่าทำไมมันคุยกับไอ้วินไม่รู้เรื่อง ขนาดผมเรียนด้วยกันมาเป็นปีล่ะ เรายังคุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย

"ขอกู? "

"ก็เออ ถ้าขับไปเลยเดี๋ยวมึงดุกู" ผมบอก นี่แอบเกรงใจนิดๆ นะเนี่ย

"หึ ไปสิ ไปหาเพื่อนมึงนิ" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ผมใหญ่เลย ผมก็ไม่รู้จะว่าอะไรมัน เลยขับรถไปรับไอ้วินที่คลินิกของมัน ช่วงสายๆ แบบนี้ไอ้วินต้องอยู่คลินิกแน่ๆ เมื่อก่อนล่องไปลอยมา นานๆ เข้าไปดูที แต่ช่วงหลังๆ มานี้เข้าไปเกือบทุกวัน

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่าเห็นจะได้ คนในคลินิกเลยไม่เยอะ ผมเลี้ยวเอารถไปจอดซอยข้างๆ เพราะคลินิกไม่ได้ใหญ่ขนาดมีที่จอดรถให้

"มึงกลับไปเลยก็ได้นะ เดี๋ยวกูเดินเข้าไปในคณะเอง" ผมบอก เพราะคลินิกอยู่ไม่ไกลจากทางเข้ามหาลัยมาก แถมยังใกล้กับคณะของผมอีกด้วย

"เออ เรียนเสร็จโทรมาล่ะ เดี๋ยวกูมารับ" ไอ้ลิเคียวบอก ทำไมยอมง่ายจังวะ ถ้าปกติมันควรจะตื้อไปส่งผมถึงคณะสิถึงจะถูก

"ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวกูกลับเอง" ผมบอก คว้าโทรศัพท์ของผมที่อยู่ในมือมันกลับมาพร้อมกับหยิบกระเป๋าตัวเอง

"พูดให้รู้เรื่อง บอกให้โทรก็โทรสิ" ไอ้ลิเคียวพูดเสียงดุ เก่งจังนะกับกูเนี่ย

"เออๆ ไปละ" ผมตอบรับส่งๆ เดี๋ยวมันหาเรื่องผมอีก ขี้เกียจเถียง

ผมเดินลงมาจากรถแล้วเข้าคลินิกเลย ได้ยินเสียงรถไอ้ลิเคียวอยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้หันกลับไปดู คนห่าไรไม่รู้เดี๋ยวสั่งเดี๋ยวขู่ ไอ้ผมก็กลัวจริงจังซะด้วย เหอะ

"น้องลาวา มาหาคุณหมอวินใช่ไหมคะ" เสียงพี่พยาบาลทักถามผม

"ครับ มันบอกให้มา"

"ในห้องตรวจเลยค่ะ" พี่พยาบาลบอก ตอนนี้อยู่ในห้องตรวจแสดงว่าพึ่งหมดคนไข้ไปสินะ

พรึ่บ!

...ผมยืนอ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูกหลังจากเปิดประตูบานเลื่อนเพื่อจะเข้าห้องตรวจไปหาไอ้วิน ภาพตรงหน้าคือคุณหมอชุดกาวกำลังขึ้นคร่อมนักเลง เอ๊ะ! ไม่ใช่สิ ถึงจะมีรอยสักและเจาะหูเจาะคิ้วสารพัดแต่ก็ใส่ชุดนักศึกษาแถมใส่เสื้อกราวด์หมออีกตั้งหาก คนที่ขึ้นคร่อมนั่นเพื่อนผมเองครับ ส่วนอีกคนผมไม่รู้ แถมพวกมันกำลังจูบกันอย่างดุเดือดด้วย มันเรียกผมมาดูหนังสดหรือผมมาผิดจังหวะวะเนี่ย

"ถ้าจะดูก็เข้ามาครับ แต่อย่าเสียงดังหรือไม่ก็รบกวนออกไปรอข้างนอกสักครู่" เสียงของคนตัวสูงพูดขึ้น ทำเอาผมหน้าเหวอรอบสอง ส่วนไอ้วินตอนนี้ ถึงเส้นผมจะปิดใบหน้ามันอยู่ แต่หูมันแดงมาก อย่าบอกนะว่าคนอย่างมันกำลังเขิน -0-

พรึ่บ!

เสียงผมปิดประตู ตอนแรกตกใจก้าวขาไม่ออกเลยนะ แต่พอได้สติแล้วขาแขนของผมขยับไปเองเลย คือศีลธรรมสั่งให้กายหยาบของผมขยับออกมา แต่สมองกับตาของผมมีแต่คำถามและจ้องไปที่ทั้งคู่ อยากรู้ก็อยาก แต่ความเกรงใจมีอยู่เยอะ แถมจิตสำนึกแปลกๆ ยังสั่งให้ผม อย่าเข้าไปเสือกอีกด้วย จากน้ำเสียงที่ไอ้คนตัวสูงพูดกับผม มันช่างต่างกับสีหน้าและแววตาของมันมาก เมื่อกี้ผมแอบขนลุกไปชั่วขณะเลยนะ น้ำเสียงเหมือนพูดเล่น แต่ถ้าผมไม่เดินออกมา มันคงจะหามีดแถวนั้นจ้วงผมเอาก็ได้

ผมออกมานั่งรออยู่หน้าห้อง จะเดินไปรอตรงอื่นก็กลัวจะมีใครเผลอเข้าไปแบบผมเมื่อกี้ ถ้าเข้าไปตอนนี้ ผมว่าหนังสดแน่ๆ นี่ผมเป็นคนดีนะจะบอก แอบเป็นห่วง (ปนอยากเสือก) เลยนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องให้เลย

พรึ่บ!

นั่นไง มาอีกพรึ่บแล้ว เสียงเปิดประตูออกมานั่นเอง นี่ลุ้นตัวเกร็งเลยนะว่าจะเป็นใคร โชคดีที่เห็นเป็นหน้าไอ้วิน ไม่งั้นผมคงโดนไอ้คนตัวสูงนั่นมองแรงมาแน่ๆ ถ้าทำท่าชะโงกหัวมองเข้าไปจะแลเสือกไปไหมนะ ทางที่ดี ผมทำตัวธรรมดาดีกว่า...ถึงอยากจะเสือกเต็มที

"อะไร" ประโยคแรกที่ไอ้วินทักหลังจากเดินออกมาจากห้อง ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นประโยคได้ไหม เพราะมันมีเพียงแค่สองคำ แถมไม่มีประทาน ไม่มีกรรมอะไรเลย

"เอ่อ...จะไปเรียนเลยไหม" อยากจะตบปากตัวเอง ผมอยากจะถามเรื่องคนที่นอนอยู่บนเตียงนู่น แต่มารยาทงามเลยไม่เสือกดีกว่า

"รถ...เอามาไหม" ไอ้วินถาม

"เปล่า" ผมตอบออกไป เพราะปกติจะขับมาบ้าง หรือให้ไอ้ไฟมาส่งบ้าง

"นี่...จอดอยู่ข้างๆ ไปขับมา" ไอ้วินบอกแล้วยืนกุญแจรถมาให้ผม นี่กะเรียกผมมาเป็นสารถีจริงๆ สินะ เรื่องนี้ผมไม่แปลกใจหรอก แต่ที่แปลกคือมันมีรถเนี่ยสิ

"ไปก่อน ค่อยเล่า" พอผมเหมือนจะอ้าปากถาม ไอ้วินกลับไล่ผมให้ไปขับรถมา ส่วนตัวมันเดิน...เอิ่ม จะว่ากะเผลกก็ไม่เชิง แต่แปลกๆ ไปนิด อย่าบอกนะที่ผมนั่งรอมัน 10 กว่านาทีเนี่ย พวกมันจุ๊กกรู๊กัน -0- โอ๊ย ไอ้วาอยากถามอยากเสือกโว้ย แต่ก็ต้องจำใจเดินไปที่รถ เพราะไอ้ห่าวินเนี่ย ปากหนักสัส ปกติก็ไม่พูดอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเรื่องไหนมันไม่อยากบอกคือใครก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ได้เลย เอาอะไรมาง้างมันก็ไม่มีทางพูดเด็ดขาด

"เชรดดดด" ผมถึงกับร้องเสียงหลง เพื่อนผมแม่ง พอจะมีรถทั้งทีแลมโบกินี่เลยเนี่ยนะ ผมหันซ้ายหันขวา มันก็มีอยู่คันเดียวเนี่ย พอลองกดปุ่มปลดล็อกเท่านั้นแหละ ใช่เลยว่ะ คันนี้นี่แหละ วันนี้เป็นวันอะไรของผมวะเนี่ย ได้ขับแต่รถดีๆ ทั้งนั้นเลย

ผมยืนชื่นชมได้ไปกี่นาที ไอ้วินก็มายืนกดดันผมอยู่หน้าคลินิก แหมขอเฉยชมอีกสักนิดก็ไม่ได้ ผมจำต้องเดินขึ้นไปขับถอยออกมา ขับนิ่มดีฉิบหาย ชักอยากได้มาสักคันแล้วนิ นี่ถ้าขอพ่อผมคงไม่ให้แน่ๆ เขาไม่ชอบให้ผมขับรถเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าขอไอ้ไฟก็เสี่ยงจะโดนด่าอีก แม่งพูดมาก งานนี้ไอ้แม็กเป็นตัวเลือกที่ดีของผมเลยล่ะ หึ อีกไม่นานเจอกันนะลูกรัก งานเสี่ยงแบบนี้ถ้าไม่ได้แลมโบกินี่มาสักคันก็คงได้ตีนไอ้แม็กมาสักข้างล่ะวะ

ผมได้แต่นั่งคิดและยิ้ม ขับออกมาจอดแล้วรับไอ้วินขึ้นมา พากันไปที่คณะเลย ผมกับมันไม่มีใครเอ่ยปากคุยอะไรสักคำ อยากรู้ใจจะขาด แต่ปากผมหนัก ไม่กล้าถาม ผมว่ามันก็คงอยากเล่านั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่บอกว่าค่อยเล่าหรอก เพียงแต่ต้องรอเวลาที่มันอยากจะพูดออกมาเองก็เท่านั้น...

:z2: :z2: :z2:
[/size][/color]
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 6 | 04/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 04-02-2020 08:50:34

ตอนที่ 6


"จะกลับเลยไหม" เสียงของไอ้โซ่เป็นคนถามหลังจากอาจารย์ปล่อย วันนี้มันเอาไอ้รถถังใส่กล่องมาเรียนด้วย

"ยังก่อนได้ไหม ไปส่งกูซื้อของหน่อยสิ" ทั้งๆ ที่ทุกคนพร้อมใจกันพยักหน้าตอบว่าจะกลับเลย มีเพียงหญิงสาวนามว่า สวย ซึ่งก็สวยสมชื่อนั่นแหละ แต่การพูดการจาไม่ได้สวยเหมือนหน้าเลยครับ

"ไปกะกูก็ได้ วันนี้กูว่าง" ไอ้ธันบอก

ว่าด้วยเรื่องเพื่อนในกลุ่มของผม เรามีด้วยกัน 5 คนซึ่งรวมผมด้วยอะนะ แต่ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันหรอก อย่างไอ้มาวิน ที่พวกผมเรียกกันสั้นๆ ว่า วิน มันก็อินดี้อย่างที่ผมเคยพูดไปนั่นแหละ เป็นคนอัจฉริยะแบบที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอหรือได้อยู่ใกล้ แต่นี่แม่งเสือกได้เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ที่สำคัญผมดันสนิทกับมันที่สุดด้วยเนี่ยสิ คนต่อมาคือไอ้โซ่ ไอ้นี้บ้านมันรวยครับ ผมไม่ค่อยสนิทกับมันเท่าไหร่หรอก เพราะมันเป็นพวกบ้าสัตว์ ผมเคยเข้าไปในบ้านมันครั้งหนึ่งและสาบานเลยว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเคยเกือบโดนสัตว์เลื้อยคลานที่ผมไม่รู้จักสายพันธุ์กัดเข้าให้ ปกติมันก็เลี้ยงไว้อยู่ในกรงนะครับ แต่สัตว์มันเลือกวันหนีตรงกับวันที่ผมไปบ้านไอ้โซ่พอดีไง แจ็คพ็อตเลยมาลงที่ผม ทั้งๆ ที่ไอ้วินมันเข้าไปที่บ้านไอ้โซ่อย่างกับเข้าบ้านตัวเอง ยังไม่เคยเจอสัตว์ตัวไหนหลุดออกมาจากกรงเหมือนผมเลย ส่วนเรื่องนิสัยของมัน ถ้าไม่นับเรื่องการที่ชอบเลี้ยงสัตว์ ก็ธรรมดาเหมือนคนปกติทั่วไปแหละครับ ต่อมาคงเป็นไอ้สวยผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่ม จริงๆ มันชื่อข้าวสวยครับ แต่มันบอกว่าชื่อข้าวมีคนตั้งเยอะ ผมยังจำคำพูดที่เธอพูดวันนั้นได้เลย 'พวกมึงน่ะ เรียกกูว่าสวยเฉยๆ พอนะ ไม่ต้องกลัวกูเขินหรอก กูพอรู้ตัว' นี่ถ้าไม่รู้จักผมจะไม่อยากเรียกคนสวยๆ ด้วยไอ้เลย แต่ยศนำหน้านี้ผมยกให้กับเธอคนเดียว ผู้หญิงที่สวยแต่นิสัยห่ามต่างจากหน้าตาไกลโข คนต่อมาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้ธัน ไอ้นี้มีความเป็นมนุษย์ที่สุดแล้วครับ หน้าตาหล่อ รุ่นน้องรุ่นพี่เลยมักจิ้นมันกับไอ้สวยบ่อยๆ จนบางทีผมก็คิดนะว่าพวกมันคงจะมีซัมติงรองอะไรกันบ้างแหละ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ไอ้สวยมักมีเรื่องชวนไปซื้อนู่นนี่นั่น ไอ้ธันก็ขยันเป็นคนหิ้วของให้ตลอด

"กลับ" เสียงไอ้วินดังขึ้น ไม่ต้องพูดอะไรยาวเหยียด สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความตามสเต็ปมันนั่นแหละครับ แล้วเดินแยกออกไปเลย ไอ้โซ่นี่หันมามองหน้าผมอย่างแปลกใจ เพราะปกติเวลาเอาไอ้รถถังมาด้วย ไอ้วินจะติดรถไอ้โซ่กลับไปด้วย

"กูขอบายนะ จะกลับกับไอ้วิน" ผมบอกแล้วแยกตัววิ่งตามไอ้วินออกมา นี่ถ้าก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่ามันโดนอะไรมานะ ผมก็คงไม่รู้ต่อไปแน่ๆ ก่อนหน้านี้แม่งเดินอย่างกะคนเสียหลัก แต่พอหลังเรียนเสร็จกลับเดินป๋อเลย หรือมันเก๊กอยู่วะ

"มึงจะให้กูไปส่งไหน" ผมถามขณะที่เราขึ้นมานั่งบนรถ

"วนรอบเมือง" ไอ้วินบอกแล้วเอนเบาะลงนอนเลย ผมหันไปมองเกน้ำมันรถ ยังเต็มถังอยู่ ผมเลยถอยรถออกมาแล้วเริ่มขับตรงไปตามท้องถนน

มองออกไปรอบๆ มันก็เพลินดีนะครับ ถึงจะมีบางช่วงที่รถติดเพราะเป็นเวลาเลิกงานของหลายๆ คน แต่ผมขับวนรอบนอกเมืองแทนเลยไม่ติดนานมากในแต่ละไฟแดง

ผมไม่รู้ต้องขับไปนานแค่ไหนเลยจอดแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อหาอะไรกิน ยอมรับว่าผมเป็นคนกินจุกจิก ก็ปากมันว่างนี่ครับ ผมซื้อขนมมา 3-4 ห่อ พร้อมกับนมและน้ำเปล่า ก่อนลงไปไอ้วินมันหลับอยู่ แต่พอเข้ามาในรถ มันกลับหายไปไหนแล้วไม่รู้

Thu...Thu...Thu...

ก๊อกๆ ๆ

เสียงแรกคือเสียงที่ผมโทรออกหาไอ้วิน ส่วนเสียงที่สองคือเสียงคนเคาะกระจก

ผมเลื่อนกระจกลงปรากฏว่าเป็นไอ้วินนั่นแหละ มันไม่พูดอะไรแต่ชูโทรศัพท์เป็นสายที่ผมกำลังโทรเข้าหามันให้ดูแทน ผมเลยกดตัดสายทิ้ง

"ไปไหนมา"

"ห้องน้ำ" มันตอบ แต่เสียงมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่

"กลับบ้านเลยไหมวะ" ผมถาม

"ไม่"

"แล้วมึงจะไปไหนต่อ" ผมจ้องหน้าถามมันอีก ปกติมันจะไม่อะไรกับใคร แต่ครั้งนี้มันดูเหมือนมีเรื่องกังวลอะไรสักอย่าง

"ลงมา" อยู่ๆ ไอ้วินก็บอกให้ผมลงจากรถ

"ทำไม"

"เดี๋ยวกูขับเอง" -0- มันเป็นประโยคที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยิน ไอ้วินขับรถเป็น...ด้วยหรอ? ตั้งแต่รู้จักกับมันมา ผมไม่เคยเห็นมันขับรถเองเลยสักครั้ง มีแต่ใช้ผมไปรับไปส่งนั่นแหละ บางทีมันก็นั่งรถเมล์ไปไหนมาไหนหรือมันไปเรียนมาแล้ววะ

"มึงขับได้เหรอ" ผมถาม เรื่องรถรามันน่ากลัวมากนะผมว่า ถ้าขับไม่ดีนอกจากเราแล้ว คนอื่นอาจจะได้รับอันตรายไปด้วยอีก

ไอ้วินไม่ตอบผมแต่ดันตัวผมให้ออกห่างประตูแล้วแทรกตัวเข้าไปนั่งที่คนขับพร้อมกับสตาร์ทรถทันที ไอ้ผมกลัวก็กลัวนะถ้าต้องมานั่งรถกับคนที่ขับไม่เป็น แต่ถ้าไม่ขึ้นก็กลัวมันจะทิ้งไว้ที่นี่ซะมากกว่า

"เหี้ยยยยย~~...ช้าก่อนดิวะ" ทันทีที่ขามันเหยียบคันเร่ง รถก็ทะยานสู่ท้องถนนที่มีรถอยู่ค่อนข้างมากทันทีเลย แถมยังปาดซ้ายปาดขวาอีก นี่ไม่ใช่เกมตู้นะที่ขับชนแล้วไม่เป็นเหี้ยอะไร ขับคว่ำแล้วเริ่มใหม่ได้ ถ้าตายนี้กูตายแล้วตายเลยนะแม่ง ผมต้องรีบคาดเข็มขัดโดยด่วน มือก็ยกขึ้นจับที่จับแน่น ผมพยายามพูดบอกอะไรมันไปตั้งเยอะ แต่เหมือนมันไม่รับฟังเลย ขับอย่างกับจะไปตายยังไงยังงั้นเลยล่ะ ไอ้เหี้ยวิน กูยังมีสิ่งที่อยากทำอีกเยอะนะ แม่งเอ๊ย!!

ตอนนี้ผมทั้งยกแขนเกาะที่จับ ยกขาขึ้นเป็นช่วงๆ บอกตามตรงว่าเสียวฉิบหาย ไอ้วินแม่งเล่นปาดทุกคันที่ขวางหน้าเลย ห้ามหรือพูดอะไรมันก็ไม่ฟังด้วยสิ ขนาดบอกให้มันจอด ผมจะขอลง มันยังไม่ให้เลย รถด้านหลังก็บีบแตรไล่มันตลอดทาง ทำเอาสมาธิ สติผมกระเจิงไปหมดแล้วเนี่ย

เอี๊ยดดดด~~กึก

เสียงล้อลากยาวไปกับท้องถนนบวกกับแรงหมุนของล้อรถ ทำเอาผมหัวใจเกือบวาย มองไปรอบๆ คือสนามแห่งหนึ่งซึ่งผมไม่รู้จัก แต่มันกว้างพอๆ กับสนามฟุตบอลเลยหรือเผลอๆ อาจจะกว้างกว่าด้วย

ปื้น..ปื้น..ปื้นน~~

ทั้งๆ ที่ยังจอดได้ไม่ถึงนาที มือไม้ผมนี่สั่นไปหมด ยังไม่ทันได้อ้าปากถามเลยว่ามันมาจอดทำไม ไอ้วินก็ดันเร่งเครื่องขึ้นมาอีก มันเหยียบคันเร่งอยู่หลายที แต่ไม่ได้ปล่อยให้รถพุ่งออกไป อารมณ์ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในหนังโตเกียวดริฟเลยครับ

ผมอยากจะบอกให้มันจอดจริงๆ คือกูอยากลงมาก ไม่อยากเอาชีวิตมาเสี่ยง ตอนนี้ผมก็ยังคิดอยู่นะ ว่าตัวเองโชคดีหรือเพราะไอ้วินมันขับรถเป็นจริงๆ เพราะถ้ามันขับเป็น มันก็คงจะขับเก่งมากพอๆ กับขับได้เหี้ยมากด้วย

"มึง...กูขอลงได้ไหม"

"..." ไม่มีเสียงตอบรับส้นตีนอะไรทั้งสิ้น

ผมได้แต่ท่องนโมในใจและภาวนาขอให้ไม่เกิดอันตราย ถึงในนี้จะไม่มีคนเลยก็ตาม แต่การขับและความเร็วของไอ้วินก็ไม่ได้ตกลงเลย มันขับวนรอบๆ อยู่อย่างงั้น ไม่ฟัง ไม่สนอะไรเลย สายตามองตรงอย่างเดียว แน่วแน่มากจนผมต้องยอมนั่งเสียวอยู่เงียบๆ มันวนนานจนพอใจถึงได้ขับออกถนนใหญ่อีกครั้ง

"มึง...โอเคไหม" ผมถามออกไปแต่คือกูโคตรไม่โอเคเลย อยากจะอ้วกออกมาซะให้ได้ ตอนนี้ไอ้วินมันลดความเร็วลงแล้ว ทั้งการตบเกียร์ แตะเบรกและเหยียบคันเร่ง ผมว่าไอ้ห่าวินเนี่ย มันขับรถเป็นชัวร์ แต่เสือกหรอกกูเป็นสารถีมาเป็นปีๆ

"อืม โทรหาสวยกับคนอื่น ไปเจอกันที่ LQ" ไอ้วินบอกแล้วเงียบไป ผมว่าอาการมันคงหนักอ่ะ ปกติมันก็กินเหล้านะ แต่จะกินตอนที่เราจะฉลองอะไรสักอย่างมากกว่า อย่างพวกวันเกิด ปีใหม่ หรือสอบเสร็จ แต่ก็อย่างที่ผมเคยพูดไปว่าเพื่อนทุกคนของผมอินดี้นี่ถ้าชวนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะว่างกันไหม

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาว่าจะกดโทรหาเพื่อนทีละคน แต่ก็ต้องตกใจกับสายโทรเข้าที่มากเกินผิดปกติ แม่ง! มีใครเป็นอะไรหรือเปล่าวะ แต่พอเช็กสายเท่านั้นแหละ ผมถึงรู้เลย จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้ลิเคียว เล่นโทรมาคนเดียว 18 สาย มีไอ้ไฟ 2 แล้วก็ป้าแม่บ้าน 1 ผมก้มดูนาฬิกาบ่งบอกว่าตอนนี้เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว นี่ผมวนรอบตัวเมืองจนลืมดูเวลาไปเลยสินะ

ผมไม่ได้สนใจจะโทรกลับ แต่เลือกจะค้นหารายชื่อเพื่อนแทน แต่เรื่องที่ต้องแปลกใจยังไม่หมด เพราะเบอร์ที่เมมไว้เกือบ 100 เบอร์ ตอนนี้เหลือแค่เกือบ 20 เบอร์เท่านั้น เหี้ยยย...แล้วหายไปไหนหมดวะ?

Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นอีก ไม่ต้องดูชื่อเลยผมก็รู้ว่าเป็นใคร

"เออ ว่าไง"

(ว่าไงส้นตีนสิ กูบอกมึงว่าไงห๊ะ!!) ไอ้ลิเคียวถามออกมาเสียงดัง มันไม่รู้หรือไงว่าโทรศัพท์เขาใช้แนบหูกัน เสียงดังอย่างกับผมยืนห่างจากโทรศัพท์สัก 20 หลาเถอะ

"กูออกมาทำธุระกับเพื่อน! " ผมบอกออกไปเสียงดังไม่แพ้กัน

(แล้วทำไมไม่บอก โทรศัพท์ก็ไม่รู้จักรับ) มันบ่นออกมาแต่ไม่ได้ใช้น้ำเสียงหาเรื่องแบบเมื่อกี้แล้ว

"แล้วหมาตัวไหนมันปิดเสียงล่ะ แถมลบเบอร์ในเครื่องกูออกอีก"

(ก็มึงเมมเยอะ หายาก เหลือไว้แค่เบอร์ที่จำเป็นก็พอ) มันบอกเสียงเบาลงไปอีก คงจะกลัวผมวีนล่ะมั้ง แต่มันก็น่าโมโหจริงๆ นั่นแหละ ผมให้มันเล่นโทรศัพท์ได้แต่ก็ใช่ว่าจะให้มันทำอะไรกับโทรศัพท์ของผมตามสิ่งที่มันต้องการได้สักหน่อย แถมบางเบอร์ที่มันลบไป ผมก็ใช้ติดต่อธุระสำคัญเสียด้วย

"เออช่างเถอะ แต่มึงต้องให้กูดื่มเหล้าที่ร้านมึงฟรี 1 วัน" ผมบอกแล้วยื่นข้อเสนอไป ถ้ามันตกลงนะ จะพาไปแดกให้เจ๊งเลย

(อ้วน! มึงหาเรื่องแดกได้ตลอดเลยนะ) ไอ้ลิเคียวว่า ไม่ได้ทำเสียงดุหรือจริงจังอะไรมาก

"เออน่า เรื่องของกู แล้วมึงอยู่ไหน"

(กู...อยู่ร้านน่ะสิ) เสียงไอ้ลิเคียวตอบกลับมา กว่าจะตอบได้ว่าอยู่ไหน ทำไมทำเหมือนต้องคิดนานด้วยวะ?

"ดีเลย เดี๋ยวกูเข้าไป มึงจองโต๊ะให้กูที่หนึ่งสิ แค่นี้นะ ติ๊ด! " ผมบอกเร็วๆ แล้ววางสายไปเลย เดี๋ยวแม่งพูดมากอีก

หลังจากคุยกับไอ้ลิเคียว ผมก็โทรหาไอ้ธันต่อ ดีนะที่มันยังเหลือเบอร์ไอ้ธันไว้ ส่วนเบอร์ไอ้โซ่กับไอ้สวยโดนลบไปเรียบร้อยแล้ว

Thu...Thu...Thu...

(ว่า?) รอสายไม่นาน ไอ้ธันก็รับทันที

"มึงว่างเปล่า เจอกันที่ LQ หน่อย"

(เออได้ กูมีเรื่องจะเซอร์ไพรส์เหมือนกัน)

"เค เจอกัน" ผมบอกแล้วว่าง วันนี้วันอะไรวะ มีแต่เรื่องที่น่าแปลกใจแถมไอ้ธันยังมีเรื่องจะเซอร์ไพรส์อีก

"เอาโทรศัพท์มึงมา" ผมบอกไอ้วิน มันก็ยื่นมาให้ โทรศัพท์รุ่นเก่า มีปุ่มกดที่ไม่ใช่แบบทัชและที่สำคัญคือไม่รองรับ 3G ด้วยซ้ำ บ้านมันก็ไม่ได้ลำบากนะครับ ถึงจะไม่ได้รวยมากมาย เงินใช้เรียนก็เป็นเงินทุนเกี่ยวกับการศึกษาอะไรสักอย่างที่ผมไม่เข้าใจ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตมาก็ไม่เคยได้ทุนกับเขาสักครั้ง

ผมได้แต่เลื่อนดูรายชื่อที่มีอยู่น้อยนิด แล้วแม่งเสือกกระแดะพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษด้วยไง ทำเอาผมมึนตึบไปเลย ผมพึ่งรู้นะ ว่ามันพิมพ์ชื่อทุกคนไว้เป็นชื่อจริงหมด หลายคนมันก็ลงนามสกุลไปด้วย เท่าที่ดูเหมือนจะมีแต่ชื่อต่างชาติทั้งนั้น

เลื่อนอ่านไปทีละรายชื่อ ถึงผมจะไม่เก่งมากมายแต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดไม่เข้าใจเลย พอเห็นเป็นชื่อไอ้โซ่ก็โทรออกเดี๋ยวนั้นเลย

Thu...Thu...Thu...

(ว่าไง)

"มึงว่างไหม ไอ้วินชวนแดกเหล้า" ผมถาม

(เหี้ยยยย...จริงดิ)

"โกหกมั้ง ตกลงว่างไหม"

(เออว่าง ที่LQ ใช่ไหม?)

"เออ เจอกัน" ผมบอกแล้วกดวาง

สายต่อไปคือไอ้สวย พอโทรไปมันบอกกำลังแต่งตัวเพราะไอ้ธันโทรไปบอกก่อนแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้ทุกคนว่างและจะมาหมด ผมส่งโทรศัพท์คืนให้ไอ้วิน เราสองคนไม่ได้คุยอะไรกันต่อได้แต่นั่งเงียบตลอดทาง

พวกเรายังไม่ได้ตรงไปที่ LQ เลย ไอ้วินมันมาส่งผมที่บ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เพราะตอนนี้ยังใส่ชุดนักศึกษากันอยู่เลย ส่วนไอ้วินมันมีชุดอยู่ในรถแล้ว ผมใช้เวลาอยู่ไม่นานก็เปลี่ยนเสร็จ ออกมาจากห้องก็เห็นไอ้วินเปลี่ยนเสร็จเหมือนกัน

ครั้งนี้ผมเป็นคนขับแทน เพราะอยู่ๆ ไอ้วินก็เกิดอินดี้ขึ้นไปนั่งฝั่งข้างคนขับเฉย ผมนี้ตามอารมณ์มันไม่ทันแล้วเนี่ย

ใช้เวลา 10 กว่านาทีก็มาถึง เพราะช่วงเวลานี้ถนนค่อนข้างโล่งแล้ว แวะส่งไอ้วินหน้าประตูทางเข้าร้านก่อน ส่วนผมขับรถมาจอดที่ลานจอดรถด้านหน้า

วันนี้คนก็เยอะอีกเช่นเคย ดีนะที่จองโต๊ะไว้ก่อน ไม่งั้นคงเต็มแล้วแน่ๆ ผมเดินลงจากรถตรงไปหาไอ้วินที่ยืนรออยู่หน้าประตู ก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมกัน

"นั่งไหน" ไอ้วินถาม ผมได้แต่สาดส่องมองหาไอ้ลิเคียวแต่ก็ไม่เจอ เลยเรียกบริกรคนหนึ่งมาถาม

"พี่ครับ ผมจองโต๊ะไว้กับไอ้ลิเคียวอ่ะแต่ไม่ทราบว่าตรงไหน"

"อ่อ คุณวาใช่ไหมครับ" เขาถาม

"ครับๆ " ผมตอบ แล้วเขาก็ชี้มือไปทางด้านบน

พอผมเดินขึ้นมาก็เจอแต่โต๊ะที่มีคนนั่ง ต้องเดินหาสักพักถึงเจอโต๊ะก็มีป้ายจองวางไว้ ผมคิดว่าจะได้นั่งด้านในซะอีก แต่มุมนี้ก็ดี มองเห็นด้านล่างด้วย

ผมนั่งลงที่โต๊ะเลย คนอื่นๆ คงทยอยตามมา สั่งเครื่องดื่มไปนิดหน่อย ไอ้วินแม่งก็นิ่งได้อีก เอาจริงๆ ผมรอที่มันจะพูดเรื่องเมื่อกลางวันอยู่นะ แต่ก็ไม่กล้าถาม ยังไงมันก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวอะนะ

"มึง เคยมีแฟนเก่าไหม" คำถามแรกหลังจากนั่งมาได้เกือบ 10 นาที

"เคยสิ มึงเห็นความหล่อบนหน้ากูไหม ไม่น่าถามอะไรแปลกๆ นะ" ผมตอบกลับไป แฟนเก่าผมอ่ะเยอะแยะ เห็นแบบนี้ ผมคบสาวมาไม่ต่ำกว่า 5 คนแล้วนะครับ

"ไม่ใช่ กูหมายถึงแฟนเก่าที่รักมากๆ มากจนไม่คิดที่จะมีใหม่น่ะ" มันถามออกมา รอบนี้หน้าตามันจริงจังมากขึ้น ทำเอาตัวผมไปไม่เป็นเลย

ทำไมคนรอบตัวผมช่วงนี้ต้องมาพูดเรื่องคนรักเก่ากับผมด้วยนะ ครั้งก่อนก็ไอ้ลิเคียว ครั้งนี้ก็ไอ้วิน พวกมันคิดว่าผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรักหรือไงกัน

"กูไม่เข้าใจ ปกติมึงคบใครแล้วคิดจะมีคนใหม่ตลอดหรือไง? ตอนกูคบใครกูก็ไม่คิดจะมีคนใหม่ตลอดแหละ" ผมตอบออกไป ไอ้วินทำหน้างงออกมาทันที

"เออ กูถามผิดเอง" มันบอก ผมว่ามันเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดและพยายามจะสื่อบางสิ่งออกมา เพียงแต่ไม่รู้จะพูดยังไงมากกว่า

"มึงโอเคหรือยังเนี่ย" ผมถามอย่างเป็นห่วง ถึงมองหน้ามันแล้วรู้สึกว่าเหมือนไม่มีอะไรก็เถอะ แต่ความคิดตอนนี้มันแลตีรวนเอามากๆ

"กูไม่รู้" ไอ้วินบอกแล้วยกแก้วเหล้าดื่ม

มันจ้องหน้าผมเหมือนอยากจะเล่าหรือพูดระบายอะไรสักอย่างออกมา แต่มันก็เสือกไม่พูดไง ผมเข้าใจนะว่ามันพูดไม่เก่ง แถมเรื่องอธิบายเข้าขั้นติดลบด้วย เคยอยากให้มันอธิบายเรื่องที่จะสอบให้อยู่เหมือนกัน แต่เจอไปครั้งเดียว เข็ดเลยครับ ร่างมาซะยืดยาวจำยากกว่าอ่านเองอีก ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจนะ แต่ผมว่ามันยาวไปจนจำไม่หมดมากกว่า

"กูว่ากูถามมึงดีกว่าให้มึงเล่านะ" ผมเสนอออกมา ไอ้วินเพียงแค่พยักหน้ารับ

"รู้จักกันนานหรือยัง"

"สักพัก"

"มึงรักเชาหรือเปล่า"

"กูไม่รู้"

"เหี้ย แล้วมึงเป็นแฟนกันหรือเปล่าเนี่ย"

"เปล่า"

"เอ้า!! " ผมร้องออกมา ทั้งๆ ที่พึ่งรู้จัก แถมยังไม่แน่ใจตัวเอง แต่ดันเอากันเนี่ยนะ ผมหมดคำถามที่จะเสือกเลย หน้าไอ้วินที่แสดงออกมาก็ใช่ว่าจะดีนัก

"กูอยากเล่านะ แต่กูไม่รู้จะเริ่มยังไง" ไอ้วินบอก

"มึงไปทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตัวเองก่อนเถอะ กูพร้อมจะฟังเสมอแหละ" ผมบอก สีหน้าหม่นๆ ของมันทำเอาผมแซวไม่ออก ไอ้วินเลยได้แต่พยักหน้าแล้วกระดกเหล้าอย่างกับน้ำเปล่า

ผมก็ดื่มรอไอ้พวกนั้นด้วย ที่นัดมาไม่ใช่ว่าไอ้วินจะเล่าให้พวกมันฟังนะครับ นัดมาเพราะอยากมีเพื่อนกินเยอะๆ สำหรับผู้ชายอย่างเราๆ เพื่อนมีไว้ให้ปรึกษาก็จริงแต่ก็ไม่จำเป็นต้องทุกเรื่องอะนะ

รอไม่นานไอ้โซ่ก็มา พอถึงแล้วมันก็นั่งข้างไอ้วินเลย ทีนี้แหละครับ ดื่มยาวๆ กันไป พวกมันไม่ได้คอแข็งนะ ในกลุ่มของผมจะมีแค่ไอ้ธันคนเดียวที่ดื่มได้เยอะ แต่ถ้าเดินก็เซพอกัน พอพูดถึงไอ้ธัน มันเดินมาพอดีเลยครับพ่วงด้วยไอ้สวยที่เดินเริศๆ ตามหลังมา คงจะไปรับกันมาเหมือนปกตินั่นแหละ

"สวย มึงมานั่งนี่" ผมบอกแล้วชี้ข้างๆ ตัวเอง เพราะมันจะได้นั่งตรงกลาง ปิดท้ายด้วยไอ้ธัน การแต่งตัวของทุกคนจัดว่าดูดีครับ ยิ่งไอ้สวย หน้าตากับท่าทางมั่นใจของมัน ทำให้ดูสวยมากๆ เลย

'มึง กูมีไรจะบอกด้วยแหละ' ไอ้สวยกระซิบที่ข้างหูผม

'อะไร'

'กูว่า..กูชอบธันวะ' ไอ้สวยพูดออกมายิ้มๆ มันทำหน้าตาเขินๆ ด้วยอ่ะ ผมไม่ค่อยเห็นกิริยาแบบนี้นัก ปกติความสวยที่มันมีเท่าไหร่ ความมั่นใจจะบวกเพิ่มเป็นเท่าตัว

'มึงพึ่งคิดได้หรอ' ผมถาม เอาจริงๆ ผมคิดว่ามันแอบคบกันแล้วซะอีก เวลาไอ้สวยไปไหนมาไหน ไอ้ธันนี่ว่างไปด้วยตลอดเลย

'เอ้า! กูก็ต้องดูท่าทีมันก่อนเปล่าวะ แต่กูว่ากูมั่นใจละว่ามันก็ชอบกูว่ะ' ไอ้สวยกระซิบบอกอย่างเขินๆ หรือเรื่องที่ไอ้ธันบอกจะมีเซอร์ไพรส์คือบอกรักไอ้สวยเหมือนกันวะ

'เออ แล้วมึงจะเอาไง' ผมถาม

'กูว่ากูจะสารภาพรักคืนนี้แหละ'

'มึงจะเป็นคนพูดก่อน? '

'เออดิ เรื่องแบบนี้รอได้ที่ไหน เสียเวลาเอากัน' ไอ้สวยบอกติดตลอด เห็นไหมครับ นี่ถ้าไม่สนิทผมจะคิดว่ามันเป็นนางฟ้าเลยนะ

'เป็นผู้หญิงก็พูดให้มันดีหน่อย อย่าพูดจนเกินงาม' ผมบอกเพราะเป็นห่วง ที่เตือนก็เพราะมันเป็นเพื่อนเนี่ยแหละ ถ้าคุยกันเล่นๆ ผมโอเคนะ แต่กลัวมันจะเผลอชินปาก แค่มันมาอยู่กับพวกผม เดินกับคนนู้นทีคนนี้ที ก็มีคนเม้าส์เยอะล่ะ ยิ่งสังคมสมัยนี้ด้วย บอกเลยอยู่ยากครับ

'ค้าๆ ๆ คุณพ่อ บ่นหนักเลยนะ' ไอ้สวยพูด

หลังจากนั้นเราก็นั่งดื่มกันไปร้องเพลงกันไป ไอ้วินมีท่าทีออกละ ว่ามันเมาแล้วแน่ๆ แต่แม่งก็ยังนิ่งได้อยู่ ผมแอบเห็นไอ้ลิเคียวด้วย ผมเดินผ่านไปผ่านมาเป็นระยะ แต่ไม่ได้เดินเข้ามาทักผม ซึ่งผมเองก็ไม่คิดจะเดินไปทักมันตอนนี้เช่นกัน

'วาๆ มึงว่ากูควรจะบอกตอนนี้เลยดีไหม' ไอ้สวยกระซิบถาม ผมหันไปมองหน้าไอ้ธันที่ตอนนี้กำลังคุยโทรศัพท์อยู่

'เอ้า! จะไปรู้เหรอ แต่กูว่านะ รอก่อนสิ' ผมบอก อยากจะรู้เรื่องที่ไอ้ธันมันจะเซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกัน เพราะถ้าเกิดไอ้ธันจะพูดเรื่องนี้ด้วยเหมือนกันจริงๆ ให้ไอ้ธันเป็นคนพูดออกมาก่อนคงจะดีกว่า

'รออะไรล่ะวะ'

'แล้วมึงจะรีบทำไม ไอ้ธันมันไม่หนีมึงไปไหนหรอก' ผมบอกเสียงดุ ไอ้สวยนี่มุ่ยหน้าไปเลย

"พวกมึง เดี๋ยวกูมานะ" เสียงไอ้ธันพูดแล้วเดินออกไป

"นั่นไง หนีกูไปล่ะ" ไอ้สวยบอก มองผมตาจะถลึงออกมาซะให้ได้

"พวกมึง...ถ้าธันกลับมา กูจะบอกรักมันนะ" ไอ้สวยพูดขึ้นเสียงดังพร้อมกับยกเครื่องดื่มกระดกหมดแก้ว ทำเอาไอ้สองตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถึงกับเหวอไปเลย

ผมได้แต่ส่ายหัวแล้วมองไปรอบๆ แทน อาจจะเพราะเมาแล้วก็ได้ มันถึงได้กล้าพูดขนาดนี้ ผมมองลงไปด้านล่างเห็นคนเต้นกันเต็มไปหมดอย่างกับหนอน เสียงเพลงดังมากๆ แต่ก็กระตุ้นอารมณ์มากเช่นกัน ส่วนด้านบนส่วนมากจะเป็นโต๊ะนั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนชิวๆ มากกว่า จะมีเต้นบ้างแต่ไม่มากเท่าด้านล่าง

ผมกวาดตามองไปรอบๆ สุดท้ายสายตาของผมมักจะไปหยุดที่ไอ้ลิเคียวตลอด ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ไม่ได้อยากรู้สักหน่อยว่ามันกำลังทำอะไรอยู่ตรงไหน กับใคร อะไรยังไงสักหน่อย ไม่อยากรู้จริงๆ นะ...

"พวกมึง...กูมีอะไรจะบอก" หลังจากไอ้ธันหายไปไหนไม่รู้สักพัก มันก็เดินกลับมาอย่างหน้าชื่นตาบาน พวกผมหันหน้ามามองกันเองอย่างงงๆ ปนลุ้นๆ เพราะในมือของไอ้ธันมีดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ถืออยู่

"ตอนแรกกะว่าจะพูดพรุ่งนี้นะ แต่กูอยากเซอร์ไพรส์พวกมึงเร็วๆ " ไอ้ธันพูดไปยิ้มไป หน้านี่บานแล้วบานอีก

"..." ไอ้ธันยังทำท่าทางปริ่มกับสิ่งที่มันจะพูด แต่พวกผมนี่ลุ้นตัวเกร็งเลยครับ ยิ่งไอ้สวยที่นั่งข้างๆ ผมด้วยแล้ว ผมรับรู้ได้เลยว่าตัวมันสั่นมาก

"กูอยากแนะนำแฟนให้พวกมึงรู้จัก" มันบอกแล้วเงียบไป คืออารมณ์มันนั่งยิ้มเขินเหมือนคนบ้าเลยครับ ต่างกับคนที่นั่นข้างๆ ผมลิบลับเลย

"มึงไปมีแฟนตอนไหน" ผมถาม นี่อำเล่นเปล่าวะ

"สักพักแล้ว แต่ดูๆ กันอยู่ กูพึ่งแน่ใจตัวเองเนี่ยเลยอยากพามาแนะนำ" ไอ้ธันบอก พวกผมนี่มองไปที่ไอ้สวยทันทีเลย เซอร์ไพรส์ฉิบหาย อันนี้คือฉิบหายจริงๆ นะครับ ไอ้สวยมันเหมือนสติหลุดไปแป๊บจนผมเขย่าตัวมันนั่นแหละ

'มึงโอเคไหม' ผมกระซิบถาม แต่ไอ้สวยไม่ตอบ ได้แต่จับมือผมแล้วบีบไว้แน่น แสดงว่าไม่โอเคสินะ

"มึงพูดจริงหรือเปล่า กูนึกว่ามึงชอบไอ้สวยซะอีก" ไอ้โซ่พูดออกไป แต่คำตอบของไอ้ธันเหมือนไอ้โซ่เอาน้ำมันดับไฟแทนที่จะเป็นน้ำเปล่าเลยครับ

"บ้าหรือไงมึง เพื่อนกันทั้งนั้น" ไอ้ธันพูดแล้วยืนมือมากอดคอไอ้สวยเหมือนไม่มีอะไร แต่คำตอบของมันยิ่งย้ำชัดเจนยิ่งขึ้น

"อ่ะสวย" ไอ้ธันส่งดอกไม้ให้ไอ้สวย

"มองแบบนั้นหมายความว่าไง กูฝากถือหน่อยเขามาถึงแล้ว กูออกไปรับแป๊บ" ไอ้ธันว่า บันเทิงไหมล่ะงานนี้ พวกผมทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมอง เอาตรงๆ ก็จุกแทนไอ้สวยมันเลย

"..." พวกผมได้แต่นั่งมองปริบๆ ส่งสารก็ส่งสาร เผลอๆ ก็ช็อกไปแล้วมั่งเนี่ย นั่งเงียบเชียว

"ฮื่ออออ ฮึกๆ ฮื่ออออ" เชรดดด ไอ้สวยปล่อยโฮออกมาแล้วครับ ทำเอาพวกผมงานเข้าเลย คือได้แต่มองหน้ากันไปมา เอาจริงๆ คือไม่เคยเห็นไอ้สวยมันร้องไห้สักครั้ง ไม่ว่าจะตอนที่มันโดนคนนินทา กระเป๋าสุดหรูหาย หรือแม้แต่สอบตก

"มึงปลอบมันสิ" ไอ้วินว่า ผมเลยได้แต่กอดแล้วโอ๋ๆ มันเท่านั้น แต่แม่งสะอื้นหนักเลยเนี่ยสิ

"พะ...พากูไป ฮึก ไปเข้าห้องน้ำ..ฮื่อ..ทีสิ" ไอ้สวยพูดไปสะอื้นไป ผมเลยพยักหน้าแล้วพยุงมันเดิน

ระหว่างทางผมเดินผ่านไอ้ลิเคียวด้วย ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันมานั่งโต๊ะที่ถัดจากผมมา 2 ที่ แถมไม่ได้นั่งคนเดียวอีกด้วย มันก็มองมาทางผมนะ เหมือนจะอยากถามอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมเลี้ยวตัวไปทางห้องน้ำซะก่อน ผมไม่ได้สนใจมันนะ ไม่สนหรอกว่ามันจะนั่งกับใคร นั่งทำอะไร ดื่มเหล้าหรือเปล่า ผมไม่ได้สนใจมันจริงๆ ...



:mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 7 | 05/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 05-02-2020 08:13:29
ตอนที่ 7

"ทำไมมันทำแบบนี้กับกูวะ ฮื่อออ"

"..."

"แล้วที่ ผะ..ผ่านมาล่ะ ฮึก มันมาทำดีกับกูทำไม ฮื่อออ"

ผมได้แต่ยืนกอดปลอบไอ้สวยหน้าห้องน้ำ คนเดินผ่านไปผ่านมาก็มองนะครับ แต่ไม่มีใครสนเท่าไหร่ ไอ้สวยคนรู้จักมันเยอะ แต่หน้าตาตอนนี้ดูไม่ได้เลย ทั้งน้ำตากับที่กรีดตาไหลเลอะเป็นทาง ความสวยที่มีมากับตัว หายแวบไปเลยครับ

"ที่มึงไม่ให้กูสารภาพเพราะมึงรู้ใช่ไหมว่ามันมีแฟนแล้ว" ไอ้สวยตีโพยตีพาย พลานด่าผมไปด้วย

แต่หลังจากร้องไห้อยู่นานสองนาน ไอ้สวยมันก็เข้าไปล้างหน้าล้างตา ทำให้ตอนนี้หน้ามันสดมาก ถึงจะดูไม่เปรี้ยวจี๊ดเหมือนตอนมาก แต่ความสวยที่มีมาแต่เกิดของมันยังคงทนอยู่

"เรื่องที่มันพูดเมื่อกี้ กูก็พึ่งรู้เหมือนกัน" ผมบอก ผู้หญิงนี่พลานเก่งทุกคนเลยไหมครับเนี่ย

"มึงกูเสียใจว่ะ" มันหันมาเผชิญหน้ากับผมแล้วบอกออกมา แถมยังเบะหน้าเบะตาเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีก

"ไอ้เหี้ย! มึงหยุดร้องเลยนะ" ผมบอกก่อนที่ไอ้สวยจะมีอีกก๊อกหนึ่ง

"ก็กูเสียใจอ่ะ แม่ง ถ้าอีนั่นไม่สวยกว่ากูนะ จะแย่งแม่งเลย" ไอ้สวยพูดออกมา ไม่รู้ว่าจะทำจริงไหมหรือแค่อารมณ์โมโหตอนนี้มันพาไป

"ไม่ต้องพูดถึงละ หยุดฟุ้งซ่านแล้วตั้งสติ" ผมบอก เอาเข้าจริงผมยังไม่รู้เลยว่ามันจะรักจะชอบไอ้ธันจริง เพราะถ้าพวกมันจะคบกัน ผมว่าคงจะคบกันตั้งนานนมล่ะ แล้วที่อยู่ๆ ไอ้สวยมาพูดแบบนี้ อาจเพราะแรงเชียร์จากหลายๆ ฝ่ายก็ได้ ไหนจะเจอกันทุกวันไปไหนไปกันด้วย มันเลยคิดเตลิดไป

ผมไม่อยากเข้าข้างใครนะ ใจคนมันห้ามไม่ได้ แต่เห็นอย่างนี้ ผมว่าไอ้สวยก็ไม่ผิดนะ เพราะการดูแลเทคแคร์ของไอ้ธันด้วยแหละมั้ง ไม่งั้นไอ้สวยคงไม่อาการหนักแบบนี้แน่

"เออๆ กูโอเคละ ไปกันเถอะ เราออกมานานแล้ว" ไอ้สวยบอกแล้วเชิดหน้าขึ้นก่อนจะเดินนำผมออกไป

"อ๊ะ! " ผมร้องเสียงหลง เดินตามไอ้สวยได้ไม่ถึงสองก้าว ก็มีแรงจากด้านข้างมากระชากข้อมือของผมเฉย

"ไปด้วยกันหน่อย" เสียงผู้ชายหน้าสวยพูดขึ้น ไม่ใช่สวยธรรมดานะครับ สวยมาก -0-

"มึงเป็นใครเนี่ย แล้วมาจับกูทำไม ปล่อยดิเฮ้ย" ผมโวยวายใส่ แม่งก็แรงควายชัดๆ ตัวก็สูง ผมนี่แทบจะกลิ้งตามแรงไปเลย

"พามาดีๆ สิครับ พี่จะลากเขาทำไมเนี่ย" เสียงผู้ชายอีกคนดังขึ้น ไอ้นี่หน้าตาหล่อเหลา ผมว่าผมเคยเห็นมันในนิตยสารวัยรุ่นด้วยนะ

ไอ้คนหน้าตาสวยเมื่อกี้ลากผมมาหยุดอยู่ที่โต๊ะที่ไอ้ลิเคียวนั่ง โต๊ะนี่ค่อนข้างกลุ่มใหญ่เลยครับ ทั้งๆ ที่ก่อนผมเดินไป มีนั่งอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่ดูตอนนี้สิ 7-8 คนได้มั้งเนี่ย

"นั่งก่อนสิ" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วขยับไปติดผู้ชายตัวเล็ก ที่หน้าตาสวยอีกคนแต่ท่าทางดูแรงๆ

"ไม่ล่ะ กูมากับเพื่อนมึงก็น่าจะเห็น" ผมบอกปฏิเสธแล้วทำท่าจะเดินหนีกลับโต๊ะ

"นั่งก่อน" เสียงไอ้ลิเคียวพูด ผมจะไม่นั่งเลยนะ ถ้าสายตาของมันไม่ส่งมาแล้วน่าสงสารแบบนี้ เป็นส้นตีนอะไรอีกวะ

ผมตัดสินใจนั่งลงข้างๆ ไอ้ลิเคียว แล้วมันก็แนะนำทุกคนให้ผมรู้จัก เอาเข้าจริงผมจำใครไม่ได้เลยนอกจากไอ้คนหน้าสวยที่ลากผมมาเมื่อกี้ ชื่อแคนดี้ ชื่อแท่งหวานพอๆ กับหน้าตาเลย แล้วอีกคนก็รุ่นน้องผู้หญิงของมันที่หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ชื่อว่าพลอย

"ส่วนนี่...แฟนกู" ไอ้ลิเคียวแนะนำเพื่อนมันเสร็จก็หันมาแนะนำผมต่อ มันเว้นช่วงพักหนึ่งแล้วหันมามองหน้าผมก่อนจะพูดออกไปว่าผมเป็นแฟน

"จริงเหรอพี่" รุ่นน้องผู้ชายถาม มันก็หน้าตาหล่อนะ แต่ผมจำชื่อไม่ได้ถึงจะพึ่งแนะนำไปก็เถอะ

"ถ้าคนสวยไม่บอก ผมนึกว่าพี่คือพี่ไฟนะเนี่ย หน้าเหมือนกันมากเลย" ไอ้เด็กหน้าตาหล่อๆ พูดขึ้น ก็ต้องเหมือนสิ กูแฝดมันนิ จะต่างก็ตรงที่ผมดูอวบกว่าไอ้ไฟเท่านั้นแหละ

"พี่ชื่ออะไรเหรอคะ" น้องพลอยถาม

"ลาวาครับ ^^" ผมตอบแล้วส่งยิ้มให้ จนผู้ชายที่นั่งข้างๆ มันคว้าตัวน้องพลอยเข้าไปกอดนั่นแหละ เก็ตเลยครับว่าแฟนกัน

ผมหันไปมองที่โต๊ะตัวเอง ไอ้สวยกับไอ้วินทำเหมือนดวลเหล้ากันยังไงอย่างงั้น โดยมีไอ้โซ่คอยห้าม ผมมองจากท่าทีเอาอะนะ ส่วนไอ้ธันยังไม่มาเลย ไม่รู้เดินไปไหนของมัน

อยากรู้จริงๆ ว่าไอ้ลิเคียวให้ผมมานั่งทำห่าอะไร แนะนำกูเสร็จก็หันไปคุยแต่กับเพื่อนมันที่นั่งอยู่อีกข้าง ตรงนี้ผมก็ไม่รู้จักใคร และดูเหมือนจะมากันเป็นคู่ๆ ด้วย นอกจากน้องผู้หญิงที่นั่งติดน้องพลอย แต่เธอก็นั่งอยู่ไกลเกินกว่าผมจะชวนคุยด้วยอีกนั่นแหละ

"เดี๋ยวกูมานะ เดินไปรับเลิฟตรงทางเข้าก่อน" เพื่อนที่นั่งข้างไอ้ลิเคียวบอกแล้วลุกเดินไป ตอนเดินผ่านผมนี่เขาหันมามองด้วยนะ หน้าตาดีมากเลยถ้าไม่ติดว่าดูหยิ่งไปหน่อย

"นั่งกับกูนี่ทำหน้าเป็นส้นตีนเลยนะ"ไอ้ลิเคียวหันมาแขวะ

"ก็กูไม่รู้จักใครอ่ะ จะให้มานั่งทำไมก็ไม่รู้" ผมบอก

"เออน่า เดี๋ยวก็สนิทเอง" ไอ้ลิเคียวบอก แล้วมันก็ชวนผมคุยและพูดถึงเพื่อนในกลุ่มของมัน ผมพึ่งรู้ว่าเพื่อนในกลุ่มมันมี 4 คนแถมยังมีแต่ผู้ชายหน้าตาสวยๆ ทั้งนั้น คนแรกก็แคนดี้นั่นแหละครับ รายนั้นหน้าตาสวยจริง ผมว่ารุ่นน้องคนข้างๆ ต้องผัวมันแน่ๆ เล่นนั่งชิดกันไม่สนสายตาใครเลย คนต่อมาก็คือคนที่ลุกไปนั่นแหละครับ หน้าตาดีแต่งตัวจัดจ้าน แต่ท่าทางจะหยิ่งๆ หน่อย เห็นบอกว่าชื่อคิส และเรียนเก่งมาก ส่วนอีกคนคือคนที่คิสไปรับนั่นแหละครับ พอพูดถึงก็เดินมาเลย ผู้ชายตัวเล็กๆ ขาวๆ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มใช้ได้เลย ถ้ามีแฟนผู้ชายผมก็อยากได้แบบนี้นะ เหมือนลูกคุณหนูแถมไม่พูดคำหยาบอีกด้วย ถ้าได้ยินไม่ผิดเหมือนจะชื่อเลิฟหรือไงนี้แหละครับ

"นั่งนี่สิครับ" ผมชวนคนชื่อเลิฟให้นั่งข้างๆ เพราะทางฝั่งแคนดี้เต็มแล้ว ส่วนฝั่งผมมีแค่ไอ้ลิเคียวกับคิส ถึงแม้ว่าเลิฟทำท่าจะเดินไปนั่งกับคิสก็เถอะ แต่ผมอยากลองชวนดูก่อน

"อ่า ได้ครับ" เลิฟบอกยิ้มๆ ทำไมน่ารักจังนะ

หลังจากนั้นก็เหมือนครบคู่เลยครับ ไอ้ลิเคียวแม่งก็หันไปคุยแต่กับเพื่อนมันที่ชื่อคิสไม่สนใจผม ผมเองก็คุยกับเลิฟอย่างเดียวเหมือนกัน เขินนะครับ พึ่งเคยคุยกับผู้ชายน่ารักครั้งแรก ถึงจะไม่ถึงกับใจเต้น แต่ผมก็สามารถพูดเต็มปากเต็มคำได้ว่าเขาน่ารักมาก

"ไอ้ลิเคียว นี่แฟนมึงจริงเหรอ" เสียงแคนดี้ถาม

"เออดิไอ้สวย ทำไมล่ะ" ไอ้ลิเคียวตอบ ทำหน้าสงสัยกับคำถามด้วย ผมสังเกตมาหลายครั้งละ ทุกคนจะเรียกแคนดี้ว่าคนสวยหรือถ้าสนิมหน่อยก็จะไอ้สวยกันหมดเลย

"เปล่า แต่ดูท่าทางเมียมึงแลอยากจะเป็นผัวไอ้เลิฟมากเลยนะ" แคนดี้พูด ทำเอาไอ้ลิเคียวเลิกคิวแล้วหันมามอง แต่ผมก็ไม่สนใจมัน ทีมันเอาผมมานั่งยังไม่คุยกับผมสักคำ

"อย่าตีรวนไอ้สวย พวกมันก็แค่คุยกัน" ไอ้ลิเคียวบอก แล้วหันไปคุยกับเพื่อนของมันต่อ จิ๊ จะคุยส้นตีนอะไรนักหนา คุยเหมือนไม่เคยเจอหน้า ไม่เคยคุยกันงั้นแหละ

"กรี๊ดดดดด แก นังสารเลว" อยู่ๆ ก็มีเสียงร้องของผู้หญิงดังขึ้น ทำเอาผมต้องรีบหันไปดูเลย

เพี๊ย

"เหี้ยยย" ตามด้วยเสียงตบหน้า ผมนี่อุทานด้วยความตกใจเลย เพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เห็นเพียงแต่ผู้หญิงคนหนึ่งทั้งตบทั้งด่าไอ้สวยอยู่ตอนนี้

"เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย" ผมรีบวิ่งกลับมาที่โต๊ะ ไอ้ธันกำลังจับเอวของคนที่ตบไอ้สวย ส่วนไอ้โซ่ยืนปลอบไอ้สวยที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ไอ้วินผมไม่อยากพูดถึง เมาหลับไปแล้วเรียบร้อย

"โทษทีนะ กูพาจีกลับก่อน" ไอ้ธันพูดบอก แสดงว่านี่คือแฟนมันสินะ แล้วเมื่อกี้เกิดเรื่องเหี้ยไรวะ

"เกิดอะไรขึ้น" ผมถามไอ้โซ่ที่ยืนประคองไอ้สวนอยู่ ทั้งๆ ที่มันก็โซเซพอกัน

"กูไม่ผิดนะ ฮื่อออ แม่งสวยก็ไม่สวย หน้าดูก็รู้ว่าทำมา" ไอ้สวยบ่นไปร้องไห้ไป ไอ้โซ่นี่ส่ายหัวเลย

"พวกมึงนั่งเลย ห่า จะล้มทั้งยืนอยู่แล้ว" ผมบอกแล้วนั่งลงข้างๆ ไอ้วิน

"เกิดอะไรขึ้น" ไอ้ลิเคียวเดินมาถาม ผมก็อยากจะบอกนะ แต่คือกูก็ยังไม่รู้เรื่องเลยไง คนที่อยู่โต๊ะรอบๆ ก็จ้องมองมาที่โต๊ะของผมนะ ผมเลยได้แต่พูดขอโทษออกไป

"เพื่อนกูเมา" ผมบอก แล้วมันก็พยักหน้าแล้วเดินกลับโต๊ะไป เออดี สนใจกูฉิบหาย ผมก็เป็นส้นตีนอะไรไม่รู้ มองจนมันเดินกลับไปถึงโต๊ะแล้วนั่งคุยกับเพื่อนของมันต่อถึงจะหันกลับมา

"ตกลงแล้วเขาตบมึงทำไม" ผมถามไอ้สวย

"กูจะไปรู้เหรอ ตกมันมั้ง" ไอ้สวยบอกแล้วลอยหน้าลอยตา

"ทำไมไอ้ธันถึงคบคนแบบนั้นวะ มาถึงไม่ทักทายใครเลย เล่นคุยกับไอ้ธันคนเดียว แล้วอยู่ๆ แม่งก็อาละวาดทั้งด่าทั้งตบไอ้สวยเฉย"

"ด่าโดยไม่มีสาเหตุอะนะ"

"เออดิ" ไอ้โซ่เล่า ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก ว่าทำไมไอ้ธันถึงเลือกคนนั้นมาเป็นแฟน เท่าที่เห็นวันนี้ ผมว่าไม่น่าไปกันรอด แฟนที่ทะเลาะกับเพื่อนแฟน อยู่ยากครับบอกเลย ผมไม่ได้อยากจะเปรียบเทียบนะ แต่เท่าที่เห็น ไอ้สวยดีกว่าชัดๆ มันสวยกว่า ถึงจะนิสัยห่ามๆ หน่อย แต่มันก็ไม่กรี๊ดกร๊าดลุกขึ้นตบใครเหมือนแฟนไอ้ธันแน่

ผมมองหน้าไอ้สวยที่ตอนนี้หน้าขึ้นสีเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์รวมทั้งรอยตบ ท่าทางเศร้าของมันทำเอาเพื่อนๆ ไปไม่เป็นเลย ไอ้สวยมันมีตัวเลือกเยอะนะครับ คนหล่อ คนรวยหรือแม้แต่สาวสวยสาวหล่อก็ต่อคิวมาซื้อขนมจีบมันทั้งนั้น ยิ่งพูดถึงไอ้ธัน ผมว่าพวกมันก็เหมาะกันดี แถมจิ้นกันมาตั้งแต่ปี1 ด้วย งงจริงๆ ทำไมออกมาเป็นแบบนี้

"วันนี้ไม่เมาเละ พวกมึงห้ามกลับนะ ใครกลับก่อนกูจับทำผัวหมดเลยแม่ง" ไอ้สวยยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วพูด มือมันก็เซไปเซมา กลัวว่าจะหกใส่หัวไอ้โซ่ก่อนเข้าปากมันจริงๆ

"ดื่มสิวา มึงจะรอกูจุดธูปหรือไง" ไอ้สวยสั่ง ผมเลยยกแก้วขึ้นมาชน

"แด่วันเหี้ยๆ " ไอ้สวยพูดแล้วทุกคนก็ดื่ม เมายาวๆ ไปแหละครับงานนี้ ไม่รู้ว่าใครจะเป็นรายต่อไปเพราะไอ้วินสลบไปก่อนแล้วคนแรก ถ้าดื่มหนักมากๆ คืนนี้คงต้องโทรหาไอ้ไฟให้มารับแน่ๆ และก็ต้องโดนด่าแน่ๆ เช่นกัน แต่ก็ช่างเถอะครับ มาถึงขนาดนี้แล้วนิ จะกลัวอะไร...

ลิเคียว พาร์ท

"มึงแน่ใจ? " ผมถามไอ้คิสเสียงดัง

ไอ้คิสเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมไม่ได้อยากเป็นเพื่อนด้วยเลยสักนิด ทั้งๆ ที่ตอนนั้นทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดีแท้ๆ แต่เพราะผมพลาดเอง ผมดันรู้ใจตัวเองช้าไป ถ้าไม่มัวแต่คิดเล่นๆ อยู่ตอนนั้น เราอาจจะเป็นคู่รักที่รักกันที่สุดก็เป็นได้

ไม่บ่อยนักที่ผมจะรักชอบใครจริง ยิ่งกับผู้ชายแล้วด้วย ไอ้คิสคงเป็นคนแรกเลย แต่ถ้าเอาเล่นๆ ต่างคนต่างมันส์นั้น...อย่าพูดเลยครับ ยิ่งถ้าต้องนับยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ก่อนหน้าที่จะเจอไอ้คิสผมก็คบกับผู้หญิงมาก่อน ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เลิกกันนะครับ เพราะความสัมพันธ์ตอนนั้น มันเป็นแบบไม่มีการผูกมัด ไม่ได้มีคำว่าคนรัก ไม่มีการหึงหวง มีเพียงรอยยิ้ม การดูแลเอาใจใส่ ทำสิ่งดีๆ ให้กัน แต่เวลาใครถาม เราก็จะบอกว่าเป็นแฟนกันครับ จะเรียกว่ารักแรกหรือป๊อปปี้เลิฟก็ไม่ผิด เป็นช่วงเวลาที่เรายังเด็ก กำลังลองผิดลองถูกและเริ่มเรียนรู้คำว่ารัก ทุกๆ อย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดี ผมมีความสุขและเธอคนนั้นก็เช่นกัน แต่เพราะวัยที่โตขึ้น ทำให้ต่างคนต่างต้องแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง เลยทำให้เราต้องจากกันไกล เธอต้องไปเรียนต่อต่างประเทศตามครอบครัวเธอที่ย้ายไปทำงาน สถานการณ์ตอนนั้นบังคับให้ผมต้องเข้าใจและเสียใจ เจ็บปวดแต่ไม่มีน้ำตา ผมยังจำได้ดีวันที่ไปส่งเธอที่สนามบิน ถึงจะอยากบอกให้อยู่ต่อแต่ก็พูดได้เพียงคำยินดีเท่านั้น ภาพสุดท้ายมีเพียงแค่เรายืนยิ้มให้กัน ก่อนที่เธอจะขึ้นเครื่องไป

"แน่ยิ่งกว่าแน่ กูเห็นมึงเป็นแค่เพื่อน" ไอ้คิสบอก ดวงตาของมันแดงก่ำ ผมรู้ว่ามันก็คงรู้สึกไม่ดีพอกัน หลายครั้งแล้วที่ผมพยายามยัดเยียดความรู้สึกตัวเองให้กับมันทั้งๆ ที่ไอ้คิสไม่ได้ต้องการเลยสักนิด

"อืม กูคงจะไม่ตื๊อมึงแล้วล่ะ" ผมบอกออกไปเสียงแผ่ว คงเป็นอีกครั้งที่ผมคงต้องยอมแพ้ ในเมื่อผมลองพยายามแล้วนิ

ตลอด 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมทั้งดูแล เอาใจใส่ไอ้คิส เทกแคร์มันยิ่งกว่าลูกอีก คงเพราะคำแนะนำของไอ้วาด้วยแฮะมั้งครับ ผมถึงได้ลองพยายามถึงขนาดนี้

"มึง...โอเคไหม" ไอ้คิสถาม ถ้าผมบอกว่าไม่โอเคมันจะกลับมาคบกับผมไหมนะ

"ไม่เท่าไหร่ มึงจะทำหน้าเศร้าทำไมเนี่ย" ผมถามมัน อยากจะกวนเหมือนเวลาปกติอยู่หรอกนะ แต่ในเวลานี้ผมก็พูดเยอะไม่ออกเหมือนกัน

"กูขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ที่รับความรู้สึกมึงไว้ไม่ได้" ไอ้คิสบอก ผมรู้ว่ามันเสียใจจริงๆ ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ผิดอะไรเลย

ถ้าพูดถึงมันในฐานะคนรัก ไอ้คิสสามารถทำหน้าที่นี้ได้ดี ดีจนผมหลงรักมันจนหมดหัวใจ ในฐานะเพื่อน มันก็ทำได้ดีเสียยิ่งกว่าดี ไอ้คิสมันเป็นพวกขี้วีนขี้เหวี่ยง แถมภายนอกดูหยิ่งมากๆ เอาด้วย ทำให้มีเพื่อนน้อยมาก มากขนาดที่ว่าคงจะมีเลิฟคนเดียวที่ยอมคบเป็นเพื่อนก่อนหน้านี้

"ช่างเถอะ มึงบอกกูบ่อยแล้ว ผิดที่กูเองนั่นแหละ...ที่ตื้อมึงอยู่ได้" ผมบอก ไอ้คิสมันนิสัยดีครับ ลองได้เป็นคนที่มันแคร์สิ ถ้ามีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อย ไม่ว่าใครจะเริ่มก่อน จะผิดจะถูกมากน้อยแค่ไหน มันยอมที่จะพูดขอโทษออกมาก่อนเองเลย ไม่ต้องมีชั้นเชิงเหี้ยอะไรทั้งนั้น เรื่องทำอาหารก็เก่ง เรื่องเรียนก็สุดยอด กับเลิฟหรือผมหรือไอ้สวย มันจะดูแลทุกอย่างเป็นอย่างดี ใส่ใจในทุกรายละเอียดยิ่งกว่าแม่อีกนะครับ

"เราจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมใช่ไหม" ไอ้คิสถามเสียงเบา สายตามันสั่นๆ เหมือนกลัวคำตอบของผม

"แน่สิ เพื่อนมึงก็มีน้อยอยู่แล้ว กูจะทิ้งมึงลงได้ไง" ผมตอบออกไป ไอ้คิสแลโล่งใจในคำตอบของผมมาก นอกจากผมก็คงมีไอ้สวยกับเลิฟนี่แหละที่มันคบเป็นเพื่อนด้วย ไม่ใช่ว่าคนอื่นไม่คบมันนะ แต่ไอ้คิสเลือกที่จะไม่คบเพื่อนคนอื่นสักคนซะมากกว่า ก่อนกลับมันส่งยิ้มให้ผมทั้งน้ำตาก่อนจะโผล่เข้ากอดผมแล้วสะอื้นยกใหญ่ ผมได้แต่กอดปลอดแล้วลูบหัวมันอยู่นาน

"พอได้แล้ว เสื้อกูเลอะน้ำมูกมึงหมดละ" ผมบอก ผลักหัวไอ้คิสออกด้วย มันเลยได้แต่มองค้อนแล้วบอกลาก่อนจะขึ้นห้องไป

ผมขับรถกลับมาที่ร้านของตัวเอง แล้วคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ความจริงผมก็ทำใจมาสักพักแล้วว่าคงเป็นไปไม่ได้...ต่อให้ผมบอกรักหรือทำดีกับไอ้คิสมันมากมายแค่ไหน ก็คงเข้าไปไม่ถึงใจมันอยู่ดี

ตอนปี1 ที่เริ่มจีบมัน ผมก็แค่คิดว่าน่าสนุกดี แวบแรกที่เห็นคือผู้ชายหน้าตาสวย ตัวเล็กๆ ขาวๆ รวมๆ แล้วไอ้คิสจัดว่าหน้าตาดีมากๆ เลยล่ะครับ อาจเพราะมันเป็นลูกครึ่งด้วยล่ะมั้ง เลยแลน่าสนใจ แถมตอนนั้นยังเพิ่มความตื่นเต้นจากไอ้สวยด้วย มันเข้ามาจีบไอ้คิสพร้อมกับผมนี่แหละ แต่คุยไปคุยมาไอ้คิสดันเลือกผมไง แต่ก็คบกันได้ไม่นานหรอกครับ ไอ้คิสมันก็ขอเลิกกับผม เราเลยกลายมาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตั้งแต่นั้นมา

แต่อะไรหลายๆ อย่าง มันบ่งบอกและชี้ชัดว่าจริงๆ แล้วผมไม่ได้อยากเลิก ผมยังอยากคบกับมัน ผมเลยเริ่มง้อไอ้คิสอีกครั้ง แต่มันก็ไม่เป็นผลอย่างที่เห็นนั่นแหละและหลังจากนี้ผมคงจะตัดใจจากมันแล้วด้วย

ก๊อกๆ ๆ

เสียงเคาะกระจกจากลูกน้องของผม เพราะผมขับกลับมาถึงที่ร้านแล้ว ก่อนหน้านี้ทั้งเพื่อนทั้งรุ่นน้องก็มาถล่มร้านของผมเละเลยครับ สั่งเหล้าดื่มอย่างกับน้ำเปล่า แดกกับแก้มซะผมยอมเลย ไม่รู้ไปอดยากจากไหนกันมา แต่รอบนี้ผมก็ทำตัวป๋าแหละครับ เลี้ยงทุกคนไปเพราะนานๆ ทีไอ้สวยกับแฟนมันจะอัญเชิญตัวเองออกจากบ้าน แถมไอ้คิสมันยังมีเรื่องกลุ้มใจอีกเลยนัดรวมตัวกันซะเลย ทุกคนเมากันหมดยกเว้นเลิฟกับฟลาวแฟนไอ้สวย ครั้งนี้งงมาก ไม่รู้ว่าคุยกันยังไงโดนแฟนมันมอมซะเดินไม่ตรงเลย ปกติไอ้สวยมันจะไม่เมาขนาดนี้นะครับ เพราะต้องคอยดูแลแฟนจากทุกเพศทุกวัย เพราะเสือกได้เมียหล่อ

ตอนจะกลับผมเลยแบ่งกับฟลาวเพื่อไปส่ง ฟลาวเลือกไปส่งเพื่อนๆ ของมันเองพร้อมไอ้สวย ส่วนผมเลยเหลือไปส่งแค่เลิฟกับไอ้คิสสองคน ทั้งๆ ที่ผมตัดสินใจว่าจะตื๊อไอ้คิสให้ถึงที่สุด แต่ก็ต้องหยุดความคิดเอาไว้แค่นี้ เพราะใจของไอ้คิสมันมีคนอื่นเข้ามาแทนที่แล้ว และคงไม่เหลือไว้ให้ผมแน่ๆ

ก่อนหน้านี้ที่นั่งดื่มกันมันก็เล่าเรื่องพี่กับครอบครัวให้ฟัง รวมถึงเรื่องคนรักของมันด้วย จริงๆ ก็พอรู้มาบ้างแล้วกับคนที่มันคบด้วย หล่อแต่นิสัยเหี้ยมาก แต่เรื่องครอบครัวอันนี้ผมพึ่งจะรู้ และก็คงไม่รู้ทุกเรื่องด้วย ไอ้คิสมันเล่าแค่บางเรื่องที่อยากให้รู้เท่านั้น แถมที่ฟังๆ มาก็แอบสงสารเหมือนกันนะครับ ไม่คิดว่าพี่น้องท้องเดียวกันจะมีเรื่องให้อิจฉากันได้ขนาดนี้ แต่ผมก็เท่าได้เพียงรับฟังและให้กำลังใจมันเท่านั้น

"คุณลิเคียวครับ ยังเหลือแขกอีกโต๊ะหนึ่งที่ยังอยู่ ผมพยายามไล่และขอเคลียร์บิลแล้ว แต่เขาบอกให้มาเก็บที่คุณลิเคียวเอง" การ์ดคนหนึ่งเดินมาบอกพร้อมทำสีหน้าลำบากใจ ไม่ต้องเดาให้ยากเลยผมก็รู้ว่าโต๊ะไหน

"เละ" ผมพูดออกมาเพียงคำเดียว นี่เดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะมันเลยนะครับ ไอ้ลาวามันนอนจมอยู่กับขวดเหล้า มือมันยังถือแก้วค้างไว้อยู่เลย เพื่อนมันอีกสามคนก็ด้วย สภาพแบบนี้ไม่น่าจะตื่นได้ง่ายๆ แน่ กลับมาผมว่าจะเคลียร์บิลซะหน่อยเพราะดึกแล้ว อยากให้จบเป็นวันๆ ไป ไม่งั้นบิลค้างแล้วผมจะตามยาก แต่เท่าที่ดูแล้ว ผมคงต้องเคลียร์ซากศพแถวนี้ก่อน

ยอมรับว่าช่วงนี้ผมบ้าคลุกคลีกับไอ้วามาก ตั้งแต่วันที่พามันไปนั่งรถเล่นนั่นแหละครับ เพราะคำพูดที่ปรึกษากับมันทำให้ผมคิดได้ ผมอยากจะลองตื๊อไอ้คิสแบบจริงจังดูสักครั้งและเพื่อเป็นการตอบแทนไอ้วา ผมเลยว่าจะช่วงมันลดหุ่นอันตุ้ยนุ้ยสักหน่อย

ผมไปวนเวียนก่อกวนไอ้วา ในทุกๆ ครั้งที่ผมรู้สึกเหนื่อยล้าจิตใจจากการตามตื๊อไอ้คิส แกล้งมันก็สนุกดีนะครับ ถึงจะปากไวและขี้โวยวายไปหน่อย แต่อยู่ด้วยแล้วสนุกดีไม่มีเบื่อ

วันนี้ผมก็กะว่าจะไปรับมันที่คณะสักหน่อย แต่ปรากฏว่าแม่งหายตัวไปไหนไม่รู้ โทรหาก็เสือกไม่รับ ผมเลยได้แต่นั่งรอ กระวนกระวายฉิบหาย งงกับตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆ ที่มันก็โตแล้วแต่ผมก็รู้สึกเป็นห่วงมันขึ้นมา รอแม่งอยู่อย่างนั้นจนมันรับโทรศัพท์นั่นแหละ จะโทษมันก็ไม่ได้เพราะผมเป็นคนปิดเสียงโทรศัพท์ของมันเอง แถมดันเผลอตัวนั่งลบเบอร์ในเครื่องมันอีก

"อื่อ~ ปล่อย จะนอนนน" เสียงไอ้วาโวยวาย เพราะผมจะอุ้มมันขึ้นไปนอนในห้องพักของร้าน แต่แม่งก็เสือกดิ้นอีก

"อย่าดิ้นดิวะ เดี๋ยวตก" ผมบ่นมันดุๆ ช้อนตัวมันให้ลุกขึ้น ว่าจะอุ้มนะครับ แต่คิดว่าไม่ไหว ผมเองก็ดื่มไปเยอะ ไอ้วามันก็ผู้ชาย น้ำหนักไม่น้อยเลยล่ะครับ ถึงตัวมันจะแลดีขึ้นมานิดจากการที่ผมพามันวิ่งทุกเช้าก็เถอะ ผมให้ลูกน้องจับตัวมันไว้ก่อนจะแบกขึ้นหลังตัวเอง ส่วนเพื่อนมันอีก 3 คนยังสลบคาโต๊ะอยู่เลย

"เอาไปไว้ที่ห้องรับแขกนะ ผมฝากด้วย" ผมหันไปบอกลูกน้องตัวเอง ให้หามเพื่อนมันไปไว้ห้องรับแขกชั้นบน ซึ่งติดกับห้องพักผมนั่นแหละ รู้สึกเกรงใจอยู่เหมือนกัน เพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว ใกล้ได้เวลาออกงานของทุกคนแล้วด้วย ผมหันไปมองซากที่พวกมันแดกกันไว้ แดกเก่งดีฉิบหายกะเอาร้านผมเจ๊งเลยหรือไงกันนะ แถมจะมีเรื่องห่าไรไม่รู้ช่วงดึกอีกด้วย ดีที่พวกผู้หญิงไม่ตบกันตายซะก่อน ไม่งั้นร้านผมคงมีปัญหาแน่

"ไอ้ลิเคียว~" เสียงไอ้วาเรียกผม ขนาดเมาอ้อแอ้ขนาดนี้มันยังเรียกชื่อผมซะชัดเลย

"อะไร" ผมถาม หันไปมองหน้ามันที่ตอนนี้เกยอยู่ที่ไหล่ของผม

"ไอ้บ้า"

"...? " อยู่ๆ มันก็ด่าผมเฉยเลย ควรจะโยนมันลงจากชั้นสองดีไหมนะ

"ฮ่าๆ ๆ มึงทำหน้าตลก" ไอ้วาบอกแล้วหัวเราะเสียงดัง ผมว่ามันไม่ควรเมานะ ถ้าจะเลื้อนขนาดนี้

"โยนลงซะดีไหม" ผมถาม ทำเอามันหน้าตาตื่นเลย แขนที่ห้อยโต่งเต่งอยู่ในตอนแรก กลายมาโอบรอบคอของผมซะแน่น

"มึงแม่ง ชอบทำกูเจ็บ...แล้วไปไหนมา ปล่อยให้กูรอตั้งนาน...ไม่สนใจกูเลยนะ...เลิกซะเลยดีไหม...ไอ้คนนิสัยไม่ดี" ไอ้วาบ่นเสียงแผ่ว ซุกหน้าลงกับไหล่ของผมแล้วถูกไปมา ผมก็ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้างแหละครับ เล่นเมาแอ๋ขนาดนั้น แต่ว่าท่าทางแบบนี้มันก็แลน่ารักไปอีกแบบ ทำไมเดี๋ยวนี้ผมรู้สึกว่ามันทำตัวน่ารักจังวะ?

"หึ เปิดประตู" ผมบอก เพราะเดินมาถึงทางเข้าแล้ว

แก๊ก

"ปิดด้วย" ผมบอกอีกครั้ง มันก็ทำตามอย่างว่าง่าย

ผมค่อยๆ นั่งลงบนที่นอน ทำให้ไอ้วามันต้องนั่งลงด้วย ผมจะหันไปมองมันก็ทำไม่ถนัด เพราะมันยังกอดคอของผมอยู่เลยหรือว่ามันจะหลับไปแล้ววะ

"อ้วน มึงปล่อยกูก่อน" ผมบอก พยายามจะหันไปมองมันนะ แต่ก็เห็นแค่หัวมันที่เอาหน้าพิงหลังผมอยู่

"..." ไม่มีสัญญาณตอบรับ ผมเลยค่อยๆ แกะมือมันออก แล้วเอนตัวมันลงไปนอนกับหมอน ไม่รู้ว่าไอ้วามันเป็นอะไร อยู่ๆ ก็ดิ้นกุกกักแล้วทำหน้ามุ่ยลืมตามองผมเฉย ไม่อยากคิดไปเองนะ แต่แม่งเหมือนให้ท่าผมอยู่เลย ตัวมันยิ่งแดงๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ สายตาก็เยิ้มๆ ร่วมอีกด้วย

"ลิเคียว" ไอ้วาเรียกผมเสียงเบา

"อะไร"

"..." มันเอาแต่มองผมแต่ไม่ยอมพูดออกมา ผมก็จ้องมองมันกลับ แล้วอยู่ๆ มันก็ยิ้มหวานก่อนจะควักมือเรียกให้ผมก้มลงไป

จุ๊บ -3-

"ขอบใจ" -0- ผมนึกว่ามันจะกระซิบพูดอะไร แต่แม่งเสือกจุ๊บมาที่ปลายคางของผมแล้วบอกขอบใจก่อนจะชิ่งหลับไปเลย ใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้วะ ผมมองมันอย่างแปลกใจ รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว คือมันทั้งตกใจและแปลกใจในเวลาเดียวกัน ปกติจะมีแต่ผมที่ทำมัน (เวลามันเขี้ยวแล้วผมก็เผลอฟัดมันไปอย่างลืมตัว) ผมต้องเตือนสติตัวเองไว้ นี่ถ้าไม่ใช่น้องไอ้ไฟ ต่อให้มันไม่ยอม ผมก็ปล้ำไปแล้วนะครับ ทำไงได้ ผมก็ไม่ใช่คนดีขนาดพระเอกนิยายสักหน่อย

ผมนั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองสักพัก ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ จะได้ไม่รู้สึกอะไร พอรู้สึกดีขึ้นผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำเลย พวกเพื่อนมันผมก็ไม่ได้สนใจเพราะปล่อยให้ลูกน้องจัดการไปแล้ว ตัวผมเองก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวแล้วตัดสินใจลงไปทำบิลร้านที่ห้องบัญชีปล่อยให้ไอ้วาหลับไปทั้งอย่างนั้น ดีเท่าไหร่แล้วที่หักห้ามใจได้ ไม่งั้นไอ้ไฟเอาผมตายแน่ ผมรู้ใจตัวเองอยู่นะ ถึงจะอ้างคนอื่นว่าไอ้วาเป็นแฟน แต่ยังไงผมก็ยังรักชอบไอ้คิสมันอยู่ดี...ถึงในใจตอนนี้ไอ้คิสจะมีคนอื่นอยู่แล้วก็เถอะ

กว่าจะเคลียร์บิลเสร็จก็ปาไปตี3 กว่า ทั้งปวดตาปวดหัวฉิบหาย ไม่รู้ว่าทำตรงไหนผิดไปบ้างหรือเปล่าเพราะไม่ได้เช็ก เดี๋ยวรอให้ฝ่ายบัญชีมาเช็กอีกทีตอนพรุ่งนี้เช้าทีเดียว ผมเดินตรวจรอบๆ ร้านอีกครั้งเพื่อดูความเรียบร้อย จะมีการ์ดนั่งเฝ้าอยู่เพียง 2 คนในแต่ละคืน เพราะแถวนี้มีขโมยเยอะ ผมเลยต้องกันเอาไว้ก่อน พอเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ก็ขึ้นไปนอนพัก เปิดห้องมานี่แอร์เย็นฉ่ำเลยครับ ไอ้วาก็ขดตัวอยู่ในผ้านวมของผมนั่นแหละ ผมเลยหยิบผ้าคลุมผืนเล็กมาอีกผืน ตอนดึกจะได้ไม่แย่งกัน

ผมนอนมองไอ้วาผ่านความมืด ก่อนหน้านี้ผมก็คิดจะจริงจังกับมันนะ แต่แค่รู้สึกว่าตัวเองยังชอบไอ้คิสอยู่เลยไม่อยากอะไรมาก แต่ตอนนี้ผมต้องตัดใจจากไอ้คิสจริงๆ แล้วล่ะ ผมรู้สึกว่าควรจะเปิดโอกาสตัวเองกับเรื่องนี้ ไม่ได้คิดจะรีบร้อน กับไอ้วามันก็ไม่ใช่ตัวเลือกนะครับ แต่มันคือคนที่ผมจะเลือกในเมื่ออยู่กับมันแล้วผมเองก็รู้สึกสบายใจ วันนี้ผมถึงบอกกับเพื่อนๆ ไปว่าคบกับมันอยู่ ตอนแรกก็กลัวมันจะปฏิเสธแล้วโวยวายนะครับ แต่เท่าที่ดูแล้วมันก็แลโอเคดี อาจจะรู้สึกดีมากกับเลิฟด้วยซ้ำ ถ้าพูดถึงความเป็นจริงแล้ว ผมจะเป็นเพื่อนกับมันมาก่อน แต่ผมก็พึ่งรู้สึกดีกับไอ้วา มุมมองของมันถึงจะแปลกๆ ตลกๆ แต่ก็ทำให้เรารู้สึกดีเวลาได้รับฟัง แล้วจะผิดอะไรถ้าผมจะลองคบกับมันดูสักตั้ง ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว มันก็ไม่มีใคร ผมเองก็ด้วย ช่วงแรกอาจจะรู้สึกแปลกๆ เพราะว่าเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ในอนาคตใครจะไปรู้ เราอาจจะเป็นคู่ที่ดีเยี่ยมคู่หนึ่งก็ได้ อะไรที่ทำแล้วมันไม่เดือดร้อนคนอื่น ผมว่าเราก็ควรจะลองทำมันนะ ^_^




:mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 7 | 05/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 06-02-2020 12:56:17
ถึงลาวา จะอ่อนด๋อยมาก




แต่ ลิเคียวเอ๋ย



นายจะหาคนที่เหมาะกับนาย



อย่างลาวาไม่มีอีกแล้ว



คนสำส่อนเจ้าชู้งูดิน



แบบนายน่ะต้องเจอคนอึนๆ



อึดๆแบบลาวานี่แหละ
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 8 | 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 06-02-2020 16:46:43
ตอนที่ 8


ลาวา พาร์ท

ผมลืมตาตื่นในช่วงสายของอีกวัน แต่ก็ยังไม่ลุกขึ้นไปไหนเพราะยังรู้สึกหนักหัวอยู่ ดีนะที่มีเรียนแต่ช่วงบ่ายไม่งั้นผมคงขาดเรียนไปแน่ๆ ยิ่งโง่ๆ อยู่ด้วย ทุกวันนี้เกรดเฉลี่ยผมผ่านเกณฑ์มาได้แทบต้องยกมือไหว้ไอ้วิน

ผมไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่บ้านในห้องนอนได้ยังไง แต่ถ้าให้เดาก็คงเพราะไอ้ไฟแน่ๆ เพราะไม่ว่าผมจะไปไหน ทำอะไร ถ้าไม่ได้บอกมันไว้ก่อนหรือมีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องค้าง ต่อให้อยู่ต่างจังหวัด มันก็พร้อมที่จะไปรับผมกลับมานอนบ้านเสมอ จนบางที่ผมก็สงสัยนะ ว่าผมเป็นแฝดคนเล็กหรือลูกของมันกันแน่

"ตื่นแล้วก็ลงมาแดกข้าว จะนอนให้ตัวมึงอืดตายเลยหรือไง" แค่นึกถึงยังไม่ทันไร เปิดประตูมาก็เห่าใส่ผมซะละ อยากจะด่าว่าปากหมาอยู่หรอกนะ แต่ก็กลัวโดนเตะก้านคอ

"เดี๋ยวอาบน้ำก่อนได้ไหมล่ะ" ผมพูดออกไป แต่ก็ยังไม่ขยับ รู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจัง

"รีบละกัน กับข้าวจะเย็นหมด" ไอ้ไฟบอกแล้วปิดประตูเดินออกไป

ผมนอนบิดขี้เกียจอยู่บนเตียง 2-3 ที ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ ไม่รู้ว่าพวกที่เหลือจากเมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง แต่ก็เมาเละทุกคนแน่ๆ ผมมั่นใจ เมื่อคืนเรากินกันไปเยอะมาก ดื่มจนอ้วก อ้วกแล้วก็ดื่มอีกเหมือนคนบ้าเลยครับ ขนาดไอ้วินสลบไปรอบหนึ่งแล้ว ยังตื่นมากินต่อเลยอ่ะคิดดู

"เป็นไง เลิกกับไอ้ลิเคียวแล้วใช่ไหม ดื่มไปขนาดนั้นน่ะ" เสียงไอ้ไฟทักขณะที่ผมเดินลงมาชั้นล่าง เดี๋ยวนี้ทำไมปากมันดีจังวะ

"มีอะไรกินบ้าง" ผมไม่ตอบสิ่งที่มันถาม แต่เปลี่ยนไปถามเรื่องของกินแทน

"หึ กูบอกแล้วว่ามันไม่จริงใจหรอก" ไอ้ไฟยังคงย้ำ นี่เพื่อนรักกันหรือศัตรูวะ ดูไอ้ไฟจะเกลียดไอ้ลิเคียวจัง

"ยังไม่เลิก ไม่คิดจะเลิกแล้วกูก็ไม่ยอมเลิกด้วย" ผมบอกมันเสียงดังฟังชัด รำคาญฉิบหาย ถามอยู่ได้ ไอ้ไฟก็ทำท่าโมโหใส่ผมเลย บ่นส้นตีนอะไรต่อไม่รู้ ผมไม่สนใจขี้เกียจฟังมันละ ไร้สาระ

"แล้วเพื่อนกูอ่ะ" ผมถาม

"ไม่รู้ กูไปรับแค่มึงกลับมา" ไอ้ไฟบอก ผมค่อยโล่งใจหน่อย เพราะฝันว่าไอ้ลิเคียวมันพาผมเข้าไปนอนในห้องมัน แถมให้ผมขี่หลังอีกตั้งหาก นี่ถ้าเป็นความจริง ผมคงอายมันตายเลย เผลอทำตัวบ้าๆ ใส่มันไปด้วย

"อาจจะกลับบ้านไปก่อนแล้วก็ได้" ไอ้ไฟพูดต่อ

"ไม่มีทาง เพราะพวกมันเมากันทุกคน มึงไปรับกูยังไงไม่เห็นเพื่อนกูห๊ะ" ผมถาม ในเมื่อไอ้พวกนั้นก็นั่งอยู่ข้างๆ ผมนี่เอง

"กูไปรับมึงตอนเช้า กูจะรู้ได้ไงว่าไอ้ลิเคียวพาเพื่อนมึงไปนอนไหนหรือพวกเพื่อนมึงอาจจะกลับบ้านไปก่อนเองก็ได้" ไอ้ไฟว่าออกมา

"มึงไปรับตอนเช้า แล้วก่อนหน้านั้นกูนอนไหน" ผมถามออกไป

"ก็ห้องพักไอ้ลิเคียวไง" ไอ้ไฟพูดออกมาหน้าตาเฉย

เอาแล้วไง ตกลงกูฝันหรือเรื่องจริงวะเนี่ย เมื่อคืนผมไม่ได้ตั้งใจจะจุ๊บมันหรอกนะ อยากจะด่ามันด้วยซ้ำ ก็เห็นอยู่ว่าเมื่อคืนผมเมามาก เห็นมันก็หันมามองผมเป็นพักๆ แต่แม่งก็เสือกหายไปข้างนอกกับเพื่อนมันไง คือลุกกันไปทั้งโต๊ะเลย ไม่สนใจผมสักนิด ผมก็เพื่อนมันปะวะ แถวพวกสิทธิ์แฟนมันอีกด้วย ไม่เห็นเป็นห่วงผมสักนิด แต่ทีเพื่อนกลุ่มใหม่มันนะ แทบจะอุ้มกันออกไป ชิส์

"ทำหน้าเป็นส้นตีนเลย น้อยใจอะไรกูหรือเปล่า" ไอ้ไฟถาม

"เปล่า แดกไปสิ เดี๋ยวกับข้าวก็เย็นหมดหรอก" ผมบอกไป อยู่ๆ อารมณ์ผมก็ขึ้นเฉยเลย

"แล้ววันนี้ไอ้ลิเคียวไม่มาเหรอ" ผมถาม

"กูจะรู้เหรอ ผัวมึงนิ"

"แล้วมันเพื่อนมึงไหมล่ะ! " ผมย้อนกลับไป นี่ยังงงอยู่เลยว่าผมโมโหอะไรไอ้ไฟหรือเปล่า ทำไมวันนี้มันถึงพูดอะไรก็ขัดหูขัดใจผมตลอด ทั้งๆ ที่ปกติมันก็ปากหมาใส่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

"ไอ้วา! เป็นอะไรของมึงเนี่ย!! " ไอ้ไฟเริ่มขึ้นเสียง สายตาแบบนี้ เสียงแบบนี้ ผมว่ามันเอาจริงละ นี่ถ้าผมยอกย้อนมันอีกทีล่ะก็ อาจจะโดนเท้าอันสวยงามของมันประเคนให้ก็ได้ แม่ง ยอมก็ได้วะ

"เปล่า กูปวดหัว กูเมาค้างอ่ะ โทษที" ผมบอกเสียงอ่อย

"กินข้าวแล้วกินยาซะ ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องไปเรียน เดี๋ยวกูไปให้เอง" ไอ้ไฟบอก เห็นไหมว่าอ้อนนิดมันก็ทำดีกับผมละ แถมการที่เรามีแฝดมันก็ดีแบบนี้นี่เองครับ เราเรียนที่เดียวกันแต่คนละคณะ เวลาเรียนจึงมีตรงกันบ้าง ไม่ตรงบ้าง ช่วงไหนที่ไอ้แม็กติดไปธุระกับพ่อนานๆ ก็จะมีผมกับไอ้ไฟนี่แหละที่ไปนั่งเรียนแทน ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็จดแล้วก็เช็กชื่อให้ได้ พอกลับมาเพื่อนมันก็ช่วยติวให้อีกที แต่ถ้าเวลาเรียนตรงกันหมดก็ต้องยอมขาดแล้วนับวันเอา เฉลี่ยๆ กันไปล่ะครับ เพราะบางวิชาจะขาดแค่ไหนก็ได้ แต่บางวิชาจะขาดได้ไม่เกิน 3 ครั้ง

"อืม ไม่ไหวอ่ะ มึงไปเรียนให้กูทีสิ" ผมบอก ไอ้ไฟก็พยักหน้ารับ แล้วเราก็ไม่ได้คุยกันอีก แค่นั่งกินข้าวกันไปเงียบๆ

พูดถึงไอ้แม็ก ช่วงนี้มันหายไปนานมากเลยครับ ปกติก็บินไปต่างประเทศกับพ่อบ่อยๆ นะ แต่ไม่นานเท่าครั้งนี้เลย ติดต่อก็ไม่ได้ ถามไอ้ไฟมันก็บอกแค่ว่าไปทำงานกับพ่อเท่านั้น ถ้ากลับมานะ ผมว่าจะขอรถจากมันสักคันเถอะ ถึงจะอยากได้หรูหน่อย แต่เอาเข้าจริงแบบไหนก็ได้ครับ แล้วแต่มันจะเสกมาให้เลย ถึงบ้านผมจะมีเงินเยอะ แต่ก็ใช่ว่าผมอยากจะใช้ฟุ่มเฟือยนัก งานก็ไม่ค่อยได้ช่วยทางบ้านสักเท่าไหร่ ถ้าจะให้ผานเงินอย่างเดียวผมก็รู้สึกไม่ดี ทุกวันนี้ก็ใช้รถไอ้แม็กมันอยู่ ส่วนไอ้ไฟใช้รถพ่อเพราะมันพึ่งเอารถตัวเองเข้าอู่ไป

"คุณหนูขึ้นไปนอนบนห้องเลยนะคะ เดี๋ยวป้าเอายาแก้ปวดกับน้ำขึ้นไปให้" ป้าแม่บ้านบอก ผมก็พยักหน้ารับ ส่วนไอ้ไฟกินเสร็จก็ออกไปเลย

ผมเดินเข้ามาในห้อง พอเปิดแอร์ได้ก็ล้มตัวนอนหลับไปเลยครับ ปกติก็ดื่มเยอะนะ แต่ไม่เคยเมาหนักขนาดนี้เลย พอเริ่มจะเคลิ้มหลับป้าแม่บ้านก็ดันมาเคาะประตู ทำเอาผมหัวเสียนิดๆ

"ทานเลยนะคะ"

"ครับ" ผมบอกแต่ไม่มีแรงจะลุกขึ้นแล้วด้วยซ้ำ ป้าก็เข้ามาช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้น

"ขอบคุณครับ" ผมบอกป้าก่อนที่แกจะเดินออกไป

"อือออ" ผมร้องออกมาจากในลำคอ ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหนแล้วและก็ขี้เกียจลุกขึ้นมาดูเวลาด้วย แต่ไอ้แรงรัดตัวแบบนี้ มันทำให้ผมอึดอัดจนอยากจะสะบัดผ้าออก

"งื้ออออ" ผมร้องออกมาอีก สะบัดตัวแรงๆ อย่างหงุดหงิด คนยิ่งปวดเนื้อปวดตัวอยู่ แม่งงูหรือห่าอะไรวะ ผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ

ตุ๊บ!!

"โอ้ย! อ้วน! มึงจะถีบทำไมเนี่ย" เสียงแบบนี้ ไอ้ลิเคียวแน่ๆ ทำไมชอบเรียกอ้วนจังวะ กลัวผมไม่รู้ตัวหรือไง

"แล้วมึงเป็นบ้าอะไรถึงรัดกูแน่นขนาดนั้นหรือมึงคิดจะฆ่ากูหรือไงห๊ะ" ผมบอกออกไป รู้สึกเจ็บคอจังแฮะ

"ก็มึงบ่นหนาวๆ กูก็หาผ้ามาห่มให้สิวะ" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วลุกขึ้นยืนเดินมานั่งที่ข้างเตียง หลังจากที่ผมถีบมันตกลงไป

"อ่อนว่ะ ดื่มได้แต่เสือกไปเรียนไม่ได้" ไอ้ลิเคียวบอก ผมนี่หันไปมองค้อนแม่งเลย

"เรื่องของกู มึงออกไปเลยปะ ถ้าจะมาหาเรื่องกูเนี่ย ยิ่งเจ็บๆ คออยู่" ผมบอกเสร็จก็ล้มตัวลงนอนต่อ เอาผ้าห่มคลุมขึ้นมาถึงหัวด้วย เดี๋ยวแม่งต้องหาเรื่องมาบ่นจนผมรำคาญแน่ๆ

"..." ผ่านมาห้านาทีแล้ว แต่สถานการณ์ยังปกติ ไอ้ลิเคียวไม่ได้พูดหรือกวนอะไรผม เงียบมากเหมือนมันไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้วด้วยซ้ำ

ผมค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากผ้า ปรากฏว่าไม่เห็นมันแล้วครับ มองซ้ายมองขวาคือไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในห้องนี้เลยนอกจากผม อะไรวะ ปกติไล่แค่ไหนก็ยังหน้าด้านอยู่ เมื่อกี้ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปแรงๆ เลยนะ หรือพูดวะแม่งลืมอ่ะ

ผมนั่งมองไปรอบๆ อีกครั้ง เอ่อแม่ง ทีผมป่วยนะ ไม่มีใครอยู่ด้วยสักคน ตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อก็ชอบติดงานตลอด ไม่เคยมีเวลามาดูหรอก ได้แต่นั่งน้อยใจอยู่อย่างนั้น อยู่ดีๆ น้ำตาก็ไหลลงมาเองเลย ถ้าผมมีแม่เหมือนคนอื่นๆ ก็ดีสิ ผมไม่ได้อยากให้ไอ้ลิเคียวมันมาอยู่ดูแลผมหรอกนะ มันน่ะคนนอก ไม่ต้องมาดูแลผมก็ได้ ผมก็แค่ป่วยเองแถมไม่ได้ใกล้ตายสักหน่อยใช่ไหมล่ะ จะมาดูแลทำไม แฟนก็เป็นแค่ในนาม ความเป็นเพื่อนของเราก็ไม่ได้สนิทกันมากซะหน่อย

"มึง...ร้องไห้เหรอวะ" อยู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงไอ้ลิเคียวพูดมาจากทางด้านหน้าประตู

"ฮึก...เปล่า" ผมบอกออกไป

"ทำไม ปวดหัวมากเลยเหรอหรือเจ็บคอมาก" ไอ้ลิเคียวถามเหมือนเป็นห่วง หรือจริงๆ มันก็เป็นห่วงนั่นแหละมั้ง

"มึง...ออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ" ผมถามออกไป

"เออ เสียงมึงอยากกับเป็ด กูเลยออกไปเอาน้ำอุ่นมาให้" ให้ลิเคียวบอกแล้วยื่นแก้วน้ำในมือมาให้

ผมก้มลงมองแก้วแล้วในมือของมันแล้วรับมาถือไว้ เป็นน้ำอุ่นกำลังดีก่อนจะยกขึ้นดื่ม รู้สึกชุ่มคอขึ้นมาหน่อย

"เอาอีกไหม" ไอ้ลิเคียวถาม ผมเอาแต่ส่ายหน้า หันไปดูทางนาฬิกาปรากฏว่าทุ่มกว่าแล้ว

"มึงไม่ไปร้านเหรอ" ผมถาม

"มาดูมึงก่อน เห็นไอ้ไฟบอกว่ามึงไม่สบาย" ไอ้ลิเคียวบอก แสดงว่าหลังจากมันกลับแล้วผมต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย

"ทำไมทำหน้าอย่างนั้นวะ"

"เปล่า"

"ไม่อยากให้กูกลับหรือไง" มันถามออกมา ผมไม่ได้ตอบแต่ล้มตัวลงนอน ผมแค่อยากมีใครอยู่ด้วยในเวลาที่ป่วยเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นมันก็ได้ แบบว่านะ...จะเป็นใครก็ได้สักคนอ่ะ

"เลิกเอาผ้าคลุมหัวสักที เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก" ไอ้ลิเคียวว่าแล้วดึงผ้าออก

"งอแงอะไรวะ ถ้าอยากให้กูอยู่ด้วยก็บอกสิ"

"เออ อยากให้อยู่ด้วย" ผมตัดสินใจพูดออกไปตรงๆ ไอ้ลิเคียวมันก็ทำหน้าอึ้งๆ นะครับ แถมสิ่งที่มันตอบกลับมาทำเอาผมอยากจะบีบคอมันให้ตายฉิบหาย

"แต่กูทิ้งร้านไปไม่ได้...เฮ้ย...อย่าพึ่งค้อนใส่ดิวะ กูทิ้งร้านไม่ได้เพราะเป็นร้านที่กูกำลังจะเปิดใหม่อีกสาขาหนึ่ง ถ้าพ่อกูรู้ว่ากูไม่ไปดู เขาเอากูตายแน่"

"แล้วมึงจะให้กูพูดหาสวรรค์วิมานอะไรล่ะเมื่อนี้ แค่กๆ " ผมไอออกมาเพราะตะเบ็งเสียงดังไปหน่อย

"พูดเบาๆ ก็ได้ กูก็นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้หนีไปไหน"

"เดี๋ยวมึงก็ไปอ่ะ"

"ก็พามึงไปด้วยไง" ไอ้ลิเคียวบอก ผมเลยเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามัน แล้วไม่บอกตั้งแต่แรกวะ ให้กูโวยวายอยู่ได้แม่ง

"หึ เช็ดตัวไหม เดี๋ยวกูช่วย"

"ไม่ต้องเลย กูไม่ได้ป่วย แค่แฮงค์" ผมบอกออกไปแล้วลุกขึ้นเดินไปทางห้องน้ำ เผลอตัวปิดประตูซะแรงด้วย ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่แววตามันแปลกไป ทำเอาผมรู้สึกแปลกๆ ด้วยเลย

"เอ่อ...มึง~" ผมแง้มประตูห้องน้ำออกแล้วโผล่หัวออกไปเรียกไอ้ลิเคียวเสียงยาน

"อะไร? " เหมือนมันเดินสำรวจห้องผมอยู่ แต่ก็หันมาตอบ

"รอกูด้วยนะ เราค่อยลงไปพร้อมกัน" ผมบอกเสียงเบา

ไอ้ลิเคียวแค่ยิ้มและก็พยักหน้ารับ ทำไมวันนี้ผมมองมันแล้วรู้สึกดีจังวะ แถมยังพูดดี ทำตัวดีกับผมอีก ถ้าเป็นปกตินะ คงกวนตีนผมไปแล้วแน่ๆ!

"เราจะไปไหนกัน" ผมหันไปถามไอ้ลิเคียวที่กำลังขับรถอยู่

"ก็อย่างที่บอกว่าพ่อของกูเขาจะเปิดร้านใหม่ คล้ายๆ กับ LQ นั่นแหละ เห็นว่าทำเลมันดีแถมอยู่ในเมืองด้วย แถวนั้นจะมีบริษัทเยอะ อาจจะปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับอายุวัยคนทำงานหน่อย"

"อืม" ผมตอบสั้นๆ เพราะรู้สึกเจ็บคออยู่ รู้สึกเหมือนตัวจะร้อนๆ ด้วย หรือเพราะนอนนานไปก็ไม่รู้

ผมนอนฟังไอ้ลิเคียวอธิบายนู่นนี่ไปเรื่อยๆ มองวิวรอบๆ ข้าง เพลินดีเหมือนกันครับ จนผมเผลอหลับไปอีกครั้ง

"ตื่นได้แล้ว อ้วน! " เสียงเหมือนไอ้ลิเคียวเรียก ผมเลยลืมตาตื่นขึ้นมา

"หิวหรือเปล่า ดื่มน้ำก่อนสิ" ไอ้ลิเคียวบอก ส่งน้ำมาให้ด้วย

"หิวอ่ะ ที่นี่ที่ไหนวะ" ผมถาม

"ร้านกูอยู่ตรงนั้น" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วชี้ไป

ผมมองไปรอบๆ ถือว่าทำเลดีมากจริงๆ ด้านนอกมีร้านขายอาหารมากมาย ผู้คนก็พลุกพล่าน ผมเห็นคนเดินเข้าเดินออกร้านมัน คงจะเป็นการจัดและตกแต่งภายในนั่นแหละมั้ง มองแบบนี้แล้วรู้สึกว่าจะมีหลายชั้นเลยวุ้ย

"มีชั้น 2 ด้วยเหรอ" ผมถาม

"เออ จริงๆ มี 4 ชั้น ชั้น 2 พ่อกู เขาจะเอาไว้เก็บเหล้าต่างๆ มีไวน์ด้วยนะ ส่วนบนๆ จะเอาไว้ให้พนักงานประจำนอน" ไอ้ลิเคียวบอก

"อ่อ ไปหาอะไรกินกันก่อนนะ กูหิว" ผมบอก นี่หิวจริงๆ เลยนะ นอนไปตั้งหลายชั่วโมง ตื่นมาก็ดื่มไปแค่น้ำ

"อืม อยากกินอะไรล่ะ"

"กูเหรอ...หอยทอด" ผมบอกออกไปหลังจากมองซ้ายมองขวา แถวนี้มีร้านเยอะเลยครับ ชั่งใจอยู่หลายอย่าง แต่หอยทอดผมไม่ได้กินมานานแล้ว เลยรู้สึกอยากกินเป็นพิเศษ

"ไปกินโจ๊กดีกว่า"

"เอ้า! แล้วจะถามกูเพื่อ? แค่กๆ " ผมถามออกไปเสียงดังอีกครั้ง แม่งทำผมโมโหอีกละ คนบ้าอะไรเดี๋ยวตามใจ เดี๋ยวขัดใจ ชอบกวนประสาทผมอยู่นั่นแหละ

"กูไม่อยากให้มึงกินของทอด แถมแป้งยังเยอะอีก ตัวมึงก็ลุ่มๆ เหมือนจะไม่สบายไม่ใช่หรือไง แล้วก็พูดให้มันเบาๆ หน่อย ไม่เจ็บคอบ้างไงวะ" ไอ้ลิเคียวหันมาดุ บ่นเป็นไอ้ไฟเลย (ไอ้ไฟบ่นผมมากกว่าพ่ออีก -.- แถมบ่นเยอะบ่นยาว อีกนิดก็คงมีลูกไฟออกมาจากปากตามชื่อมันนั่นแหละ) แล้วยังถามมาได้ว่าเจ็บคอไหม มันก็ต้องเจ็บสิวะ

"ทำไม? เป็นห่วงกูหรือไง! " ผมลอยหน้าลอยตาถาม แต่คำตอบของมันทำเอาผมทำตัวไม่ถูกเลย

"เออ" สั้นๆ ง่ายๆ ทำเอาผมยอมเดินตามมันเข้าร้านโจ๊กเลยครับ ไม่รู้จะเถียงมันทำไม ในเมื่อคำตอบของมันก็ชัดเจนอยู่แล้วนิว่าเป็นห่วง...มั้ง

"ไม่เอาขิงนะ" ผมบอก

"อย่าเลือกกินสิวะ" ดุอีกละ ชาติที่แล้วเป็นหมาหรือไงแม่งดุกูจัง

"นินทากูในใจหรือเปล่า" -0- นี่ผมอุตส่าห์พูดในใจแล้วนะ

"เรื่องในใจกู ไม่เสือกสักนิดได้ไหม" ผมบอกอย่างกวนมันไป

"เหรอ? แต่กูอยากรู้ใจมึงนะ" -0- เป็นอีกครั้งที่มันทำผมอึ้ง พูดเหี้ยอะไรของมันเนี่ย

"เสือก! " เสียงดังฟังชัดเลยครับ ผมพูดแค่คำนั้นคำเดียวแล้วก้มหน้าก้มตาดูดน้ำ ไม่มองหน้ามันอีกเลย พูดห่าไรเสี่ยวฉิบหาย แถมพูดท่ามกลางร้านโจ๊กอีก ไม่อายหมาที่รอจะแดกเศษกระดูกหมูมั่งเลย

"มึงเขินได้เสียงดังดี" แน่ะ ยังจะพูดต่ออีก

"เอ๊ะ! จิ๊! " ผมทำหน้าตาเหี้ยมส่งให้มันขงเขินอะไร ผมเปล่าสักหน่อย พอมันยิ้มล้อ ผมเลยส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกไป แบบให้มันรับรู้ว่าผมอารมณ์ไม่ดีจริงๆ นะ อย่าแซว!!

"กินให้หมด แล้วแดกยาด้วย" ไอ้ลิเคียวบอกแล้ววางยาลงข้างๆ ผม

"เอามาจากไหน? " ผมถาม

"เสกมามั้ง"

"จิ๊" กวนตีน ไม่ถามแม่งละ

ผมนั่งรอโจ๊กไม่นานเขาก็เอามาเสิร์ฟ น่ากินมาเลยครับ ของผมเป็นโจ๊กหม้อดินใส่เห็ดกับกระดูกหมู ส่วนของไอ้ลิเคียวใส่ไข่เยี่ยวม้ากับหมูนุ่ม

"จ้องขนาดนั้น จะกินหรือไง" ไอ้ลิเคียวถามผมตอนที่ผมกำลังจ้องไข่มัน (หมายถึงไข่เยี่ยวม้าในชามของมันอะนะ)

"เปล๊า! ...อะ...อะไรอ่ะ" ผมตอบปฏิเสธ แต่มันก็ตักไข่ใส่ช้อนทำท่าจะป้อนผม

"กินสิ"

"ไม่เอา" ผมบอกเสียงเบา เอาจริงๆ แค่มานั่งกับมันคนก็มองเยอะละ หน้าตาใช่ว่าขี้ๆ เสือกมาทำอะไรแบบนี้อีก คิดว่าผมจะอายไหมล่ะ

"เร็วๆ เดี๋ยวหกอดแดกพอดี" ไอ้ลิเคียวเร่ง ผมก็ทำท่าจะไม่กิน แม่งก็จ่อมาถึงปาก จี้ๆ อยู่นั่นจนผมต้องงับช้อนมัน สุดท้ายก็ยอมกินจนได้ เพราะผมเสียดายเฉยๆ หรอกนะ

"เอาอีกไหม"

"ไม่เอาแล้ว ไม่ต้องเลย" ผมบอก มันก็ยิ้มขำๆ พอกินเสร็จก็บังคับให้ผมกินยา แล้วไอ้วาคนนี้จะกล้าปฏิเสธเหรอครับ ดีที่ผมเป็นคนกินยาง่าย ไม่เรื่องมากเพราะส่วนตัวก็ไม่ชอบเป็นโรคอะไรนานๆ อยู่แล้ว

หลังจากกินเสร็จ ไอ้ลิเคียวก็เดินไปตรวจงานต่อ ผมนั่งรอมันในรถเพราะไม่อยากเกะกะ เลื่อนเบาะให้เอนลงจะได้นอนเล่น ดีที่อาการค่อนข้างเย็นทำให้ผมไม่ร้อนมากถึงจะปิดประตูรถอยู่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาว่าจะดูอะไรเล่นๆ ก็เห็นไอ้ไฟโทรมาไม่ได้รับสองสาย คงจะเป็นช่วงที่ผมหลับนั่นแหละ ไม่รู้ว่าโทรมาทำไม พอลองโทรกลับไปก็ไม่ยอมรับสายนะครับ ทักไลน์ไปก็ไม่ตอบ คงต้องรอให้มันโทรกลับมาอย่างเดียว

มีต่อค่ะ :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 8 | 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 06-02-2020 16:50:46
ต่อค่ะ




ผมเปิดดูแอปยอดฮิตอย่าง Facebook ไม่รู้ว่าหลายวันนี้มีอะไรเคลื่อนไหวบ้างไหม เพราะไม่ได้เข้ามาเช็กเลย เปิดผ่านๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ หน้าฟีดส่วนมากก็จะขึ้นแค่เพื่อนและสาวๆ ที่ผมกดไลค์บ่อยๆ เท่านั้นแหละ พอเลื่อนลงมาเยอะเข้า ผมก็กดรีฟีดใหม่

Zoh Sorzoh

3 นาที

ไอ้ลูกชายตัวโปรด #ไมเคิ้ล #กุ้งเครฟิช

90 ถูกใจ 4 แสดงความคิดเห็น

ข้าวสวย แดกได้ม่ะ

Zoh Sorzoh แดกพ่อง นี่ลูกกู

ข้าวสวย ถ้าลูกมึงตาย แดกได้ม่ะ

Zoh Sorzoh กวนตีน!

ไอ้โซ่มันอัปรูปครับ วันนี้มันอัปรูปคู่กับกุ้งของมัน ตัวใหญ่กำลังน่ากินเลย แม่บ้านมันยังเคยเกือบเอาไปทำต้มยำแล้วด้วย ถ้ามันไม่มาเห็นซะก่อน เห็นช่วงนี้เห่อไอ้ตัวนี้เป็นพิเศษ เป็นกุ้งห่าอะไรไม่รู้เหมือนกัน ได้ข่าวว่าแพงอยู่ ถึงจะไม่มากเหมือนตัวอื่นๆ แต่ไอ้โซ่แม่งโคตรรักมากเลย มันยอมสั่งทำตู้กระจกแบบพิเศษเพื่อกุ้งตัวนี้ของมันตัวเดียวด้วย ซึ่งตอนนี้ไอ้สวยมันหาวิทีจะฆาตกรรมไมเคิ้ล (ชื่อกุ้งเครฟิช) ของไอ้โซ่อยู่ ผมล่ะไม่เข้าใจมันจริงๆ สันหาอะไรมาเลี้ยงเหลือเกิน แถมยังตั้งชื่อให้ทุกตัวเลยนะครับ

ธันวา อภิสันทรานนท์

1 นาที

❤️

กำลังคบกับ จีจี อาร์ตตัวแม่

"เหี้ยยยยยย" ผมร้องออกมา กำลังเพลินกับการดูไอ้ไมเคิ้ลเลยครับ แต่เหมือนมันสิ้นสุดรูป พอกดออกเท่านั้นแหละ สถานะของไอ้ธันแม่งขึ้นมาเลย เหมือนเมื่อกี้ผมจะเห็นไอ้สวยออนไลน์อยู่ด้วย ไม่รู้ว่ามันจะเห็นหรือยัง แถมวันนี้ผมไม่ได้ไปเรียนอีกต่างหาก มัวแต่นอนทำให้ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย

ตึ่ง

สวยสังหาร ส่งข้อความถึงคุณ

แจ้งเตือนผมดังถึง เกลียดชื่อไลน์ไอ้สวยฉิบหาย แต่พอดีว่าแม่งสวยจริงเลยด่าไม่ออก ผมนี่ไม่อยากเข้าไปดูเลยครับ เหมือนจะตะหงิกๆ ว่ารู้ว่ามันจะคุยเรื่องอะไรยังไงก็ไม่รู้...

สวยสังหาร มึงเห็นหรือยัง?

นั่งไง ถามแบบนี้แสดงว่าแม่งเห็นแล้วแน่ๆ เลย แล้วผมจะตอบมันยังไงดีวะเนี่ย ถ้าตอบว่ายังไม่เห็นเดี๋ยวมันก็ต้องให้ผมเข้าไปดูอยู่ดี

ลาวาไหลเยิ้ม เออ เห็นแล้ว

ผมตอบกลับไป แต่ไอ้สวยยังไม่ได้อ่าน ไม่รู้ว่ามันจะโอเคไหม เพราะถ้าเป็นผม ผมก็คงไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน ยิ่งเมื่อวานที่มันเมามากๆ ผมยิ่งคิดนะ ว่ามันคงชอบไอ้ธันมากแน่ๆ เพราะมันแลจะไม่โอเคเลย เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ดูแลเทคแคร์กันตลอด พอจะบอกชอบ ไอ้ธันก็เสือกมาเปิดตัวแฟน แถมไอ้สวยดันประกาศออกไปแล้วด้วยว่าจะบอกรักต่อหน้าทุกคน ดีนะที่มันยังไม่พูดออกไปต่อหน้าไอ้ธัน ไม่งั้นคงมองหน้ากันไม่ติดแน่ๆ

ระหว่างรอไอ้สวยตอบ ผมก็กดเข้าไปดูเฟสของแฟนไอ้ธัน นี่ไม่ค่อยอยากจะเสือกเท่าไหร่เลยนะ ถ้าจำไม่ผิดวันนั้นมันน่าจะเรียกชื่อแฟนของมันว่า 'จี' หรือไงนี่แหละ พอเห็นชื่อเฟสกับสถานะแล้ว แม่งไม่ต้องสืบเลย ไอ้ธันเอาจริงแน่ ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา คนมาชอบมันเยอะนะครับ สูงยาวเข่าดี หน้าตาดีมากถึงจะไม่ได้เป็นเดือนคณะก็เถอะ หรือจริงๆ อาจจะได้เป็นแต่ช่วงที่เขาคัดเลือกมันเสือกไม่มาเรียนหรือไงนี่แหละ ผมบอกแล้วว่าเพื่อนผมมันอินดี้ทุกคน..เชื่อสิ

เมื่อวานที่ผมเห็นเธอ หน้าตาสวยมากครับ พอมาดูรูปในเฟสก็ยังถือว่าสวยอยู่แถมอึ๋มด้วย พูดตามตรงเลยนะครับ ตา หู จมูก ปาก ทำมาแน่ๆ แถมท่าทางยังดูแรงๆ อีกด้วย ผมไม่ได้จะว่าร้ายเธอนะ แต่ถึงยังไงไอ้สวยมันก็เป็นเพื่อนของผม รู้จักกันมาเป็นปี รู้นิสัยหมดไส้หมดพุง ยังไงผมก็เอียงข้างเชียร์ไอ้สวยมันนิดหนึ่งล่ะครับ หน้าตาไอ้สวยนี่บิดได้ลูบได้ ของจริงแน่นอน แต่มันอาจจะกระทืบเอาได้เหมือนกัน เห็นไอ้สวยมันน่ารักๆ แบบนั้น พ่อแม่ให้มันมาดีจริง อันนี้ผมรับประกัน

ลาวาไหลเยิ้ม
มึงโอเคไหม

ผมลองส่งข้อความไปอีกครั้ง ครั้งนี้มันอ่านครับ แต่ยังไม่ตอบ รอประมาณ 2 นาที มันก็พิมพ์กลับมาบอกว่าจะไปหาไอ้โซ่

ลาวาไหลเยิ้ม เออ ถ้าไม่โอเคก็ไปนอนกับไอ้โซ่ก็ได้ อย่าไปแดกไอ้ไมเคิ้ลล่ะ เดี๋ยวมันจะไล่ออกจากบ้านเอา

ผมบอกติดตลก คือไม่อยากให้มันคิดมากครับ ไอ้สวยมันก็ตอบกลับมาแค่ไอ้บ้าแล้วก็เงียบไป คงจะขับรถแล้วล่ะ คนเราถ้าลองได้รักไปแล้ว มันก็ยากที่จะทำใจ แถมยังอกหักตั้งแต่ยังไม่สารภาพรักเลย ท่าทางจะอาการหนัก ถ้าผมอยู่ใกล้ๆ หรืออยู่บ้านก็อยากจะไปอยู่เป็นเพื่อนมันอยู่หรอก แต่นี่ผมออกมาอยู่ที่ไหนตัวผมยังไม่รู้เลย ให้ไอ้สวยไปหาไอ้โซ่นั่นแหละดีแล้ว ถึงพวกผมเป็นผู้ชายแต่ก็ไว้ใจได้ ดีกว่าให้มันไปเมาที่ไหน มันยิ่งสวยๆ อยู่ด้วย รับรองมีคนหิ้วไปแน่ๆ

"เป็นอะไร หน้าตาเคร่งเครียดเชียว" ไอ้ลิเคียว อยู่ๆ ก็เปิดประตูรถเข้ามาถาม

"เหี้ย กูตกใจหมด" ผมร้องออกไป สะดุ้งสุดตัวเลยครับ แถมทำโทรศัพท์ตกใส่หน้าด้วย ผมคิดว่าตัวเองล็อกประตูเรียบร้อยแล้วนะ แต่ดันลืมซะได้สินะ

"เจ็บไหมนั่น" ไอ้ลิเคียวถามแล้วเอามือมาคลึงๆ รอบหน้าผากของผม

"เย็น" ผมบอกออกไปจะสะบัดหน้าหนี แม่งก็เอามือตามมาอยู่ได้

"แล้วทำไมไม่ล็อกประตู"

"กูลืม" ผมบอกออกไป

"อืม คราวหลังอย่าลืมอีกล่ะ ถึงมึงจะเป็นผู้ชายแต่มันก็อันตราย" ไอ้ลิเคียวบอกเสียงเรียบ ผมไม่ชินเอาซะเลย คือมันก็ดุอยู่นั่นแหละครับ แต่มันไม่ได้ดุเสียงดังเหมือนที่เคยเป็น ทำเอาผมทำตัวไม่ถูกเลย อยู่ๆ มันก็ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ขึ้นมา แถมยังค่อยดูแลผมอีกด้วย

"อืม" ผมตอบกลับไปแค่นั้นแล้วก้มหน้าลง ไอ้ลิเคียวยังคลึงหน้าผากของผมอยู่เลยครับ การที่มันทำแบบนี้ทำเอาท้องไส้ผมปั่นป่วนแปลกๆ มันรู้สึกหวิวๆ ใจก็เต้นตึกตักๆ ไม่รู้ว่ามือของมันเย็นขึ้นหรือเป็นหน้าผมเองนี่แหละที่ร้อนผ่าวกันแน่

"กลับกันเลยได้ไหม" ผมเงยหน้าถามเพราะผมเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่กล้าจ้องหน้ามันด้วย แต่รู้สึกได้เลยว่าไอ้ลิเคียวมันกำลังจ้องมองหน้าของผมอยู่

"อ๊ะ...อืมมม" ผมร้องออกมา ไม่คิดว่ามันจะจูบ อยู่ดีๆ มันก็ก้มหน้าลงมาจูบผมเฉยเลย ถึงเราจะเคยจูบกันมามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ชินอยู่ดี ไม่ใช่ว่าจะเล่นตัวหรอกนะ แต่สถานะคลุมเครือแบบนี้ อยู่ๆ จะมาจูบมันไม่แปลกเหรอ? จะบอกว่าเป็นแฟนกัน...ก็ไม่ใช่ ถ้าบอกว่าไม่ใช่แฟน...ก็เสือกไม่ใช่อีก เพราะว่าเป็น (ถึงจะแค่ในนามก็เถอะ)

ผมยกมือขึ้นจับไหล่ของไอ้ลิเคียวไว้พยายามจะดันมันออก จากที่มันยืนก้มตัวอยู่นอกประตูรถ แต่ตอนนี้แม่งเข้ามาในตัวรถจะครึ่งตัวมันละ แถมรสจูบของมัน ทำให้ผมรู้ได้เลยทันทีว่าแม่งต้องดื่มเหล้ามาแน่ๆ

"อืมมม~~" ผมยังคงร้องประท้วงออกไป ไอ้ลิเคียวมันไม่ได้จูบอย่างเดียว มันดูดลิ้นผมแรงๆ ด้วย เพราะผมไม่ให้ความร่วมมือ ไอ้ลิเคียวมันไม่ได้ใช้มือแกะมือผมออกนะ แต่มันใช่มือจับไหล่ของผมข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างที่ตอนแรกคลึงหน้าผากของผมอยู่ก็เลื่อนลงมาประคองใบหน้าของผมแทน แรงมันเยอะมากครับ พอผมเปลี่ยนจะเป็นฝ่ายถอยหลังผละออกมาเอง ไอ้ลิเคียวก็ดันตามเข้ามาในตัวรถไม่หยุด ทำให้ตอนนี้กลายเป็นผมที่นอนราบไปกับเบาะโดยมีไอ้ลิเคียวมันอยู่ด้านบน

ดีที่ตอนนี้มืดมากแล้ว แถมตรงนี้ยังเป็นที่จอดรถด้วย ทำให้ไม่มีผู้คนเดินผ่านมากนัก แต่มันก็ไม่ใช่ที่ที่ ผู้ชายตัวควายๆ สองคนจะมาจูบกันหรือเปล่าวะ

"พอ...พอแล้ว -///-" ผมรีบพูดออกไปหลังจากที่มันผละออก พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ด้วย เพราะมันนั่นแหละ จูบอยู่ได้ จนผมหายใจไม่ทันละ

"อ้วน~ ขออีกทีสิ" ไอ้ลิเคียวพูดเสียงแหบพร่า ถึงจะผละออกไปแล้วแต่ปากกับจมูกของมันยังคอเคลียแถวแก้มของผมอยู่ แถมมีการขออนุญาตด้วย ทีนี้ทำมาเป็นขอ เมื่อกี้เสือกจูบเอาๆ แถมยังเรียกผมแบบนี้อีก ผมอยากจะถีบมันให้กระเด็นจริงๆ

"กูบอกว่าพอแล้ว" ผมบอกเสียงเบา พยายามหาจุดโฟกัดด้วย เพราะยิ่งมันซุกไซร้แถวแก้มและต้นคอ สติของผมยิ่งเตลิด แต่พอผมมองไปตรงๆ ก็เจอแต่สายคาดเบลท์แล้วผมควรจะจ้องมันแล้วคิดอะไรดีล่ะเพื่อดึงสติตัวเองไม่ให้คล้อยตายไอ้ลิเคียวเนี่ย

"ใจร้ายจังวะ" ไอ้ลิเคียวบอกและยังไม่ลดละความพยายามในการลวนลามผม นี่ผมใช้คำถูกหรือเปล่านะ ทั้งๆ ที่ผมก็เป็นผู้ชาย แต่ทำไมไอ้ลิเคียวถึงมีแรงเยอะกว่าผมมากนักนะ

"หันมามองกูหน่อยสิ" ไอ้ลิเคียวบอก แล้วหยุดไซร้แก้มของผม ถึงจะไม่หันไปมองแต่ผมรู้ได้เลยว่ามันจ้องผมอยู่เหมือนก่อนหน้านี้แน่ๆ

"ไม่" ผมตอบปฏิเสธพร้อมกับหลับตาปี๋เพราะไอ้ลิเคียวพยายามจับหน้าของผมให้หันไปสบตากับมัน ผมไม่ยอมเด็ดขาด ถึงไอ้ลิเคียวจะเป็นผู้ชายแต่สายตามันก็ร้อนแรงกับทุกเพศทุกวัย อันตรายเกินไป ผมคิดว่าควรจะหลับตาตัวเองเอาไว้ดีกว่า

"หึ กลัวหรือไง" ไอ้ลิเคียวถามเหมือนท้าทาย

"กลัวอะไร" ผมลืมตาขึ้นแล้วถามกลับ ทำให้ตอนนี้เห็นทั้งสีหน้าและแววตามันชัดแจ๋วเลยครับ ไม่บ่อยนักที่จะเห็นมันหน้าใกล้ขนาดนี้

ถึงเราจะสนิทกัน แต่เห็นแบบนี้ไอ้ลิเคียวมันเป็นผู้ชายร่างสูง แต่ตากลมโตนะครับ ขนาดตาของผมยังเล็กกว่าของมันเลย ปกติมันชอบเอาผมสั้นๆ ของผมลงมาปิดหน้าปิดตาตลอด แต่ทำไมไม่เสือกบังความหล่อของมันไปด้วยเลยก็ไม่รู้

"อะ...เอ่อ" ผมอยากจะโวยวายนะ แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกเขินๆ ยังไงบอกไม่ถูกแฮะมองสำรวจรอบๆ ใบหน้าของมันไปทั่วเหมือนโดนสะกดเลยครับ ความหล่อระดับพระกาฬ ผมยอมแล้วจริงๆ ปกติก็มั่นใจในความหล่อของตัวเองนะ แต่กับไอ้ลิเคียว ถ้าบอกว่าไม่อิจฉาก็คงจะโกหก ผมเลื่อนสายตาหลบมันอีกรอบ แต่ครั้งนี้ตาของผมมันไปหยุดอยู่ที่ปะ..ปากของมัน สีชมพูออกไปทางคล้ำนิดหน่อย คงเพราะสูบบุหรี่จัดแน่ๆ

"อ้วน! " ไอ้ลิเคียวเรียก ผมเลยเลื่อนสายตาตัวเองไปสบตากับมันอีกรอบจนได้

จุ๊บ

"อืมมม~" ทำให้เป็นอีกครั้งที่มันก้มลงมาจูบปากของผม แต่แปลกที่ครั้งนี้ผมไม่ได้ขัดขืนหรือพยายามหลีกหนี แถมยังจูบตอบมันแต่โดยดี จิตใต้สำนึกของผมมันอาจจะบอกอยู่ก็ได้ว่า ถึงหนีไปก็ไม่รอดอยู่ดี ยอมๆ มันไม่เถอะ หรือไม่...ก็คงเป็นผมเองนั่นล่ะที่ชอบรสจูบของมันจนไม่อยากหนีไปไหน มือของผมที่จับไหล่ของมันอยู่ จากตอนแรกที่พยายามผลักไสให้มันออก ตอนนี้กลับกลายเป็นขย้ำเสื้อของมันจนยับ และถ้ามันยังจูบผมต่อ มือของผมเองอาจจะเปลี่ยนจากจับไหล่เป็นคล้องคอของมันแทนก็เป็นได้...


:mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 8 | 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 06-02-2020 18:28:36
อ้วนเอ๊ยเสร็จแน่ๆ


สวยหนูเลิกชอบไอ้ธันวา


ได้แล้วนะ หันไปชอบไอ้โซ่


หรือเพื่อนแก๊งส์ลิเคียวก็ได้


ปล่อยไอ้ธันมันไป


ไอ้ธันมันเป็นเพื่อนที่ดี


แต่เชื่อเหอะมันต้อวเป็นสามีที่แย่มากๆ


มันแยกผูหญิงกับกระซู่


ไม่ออกหรอก
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 9 | 07/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 07-02-2020 08:05:50
ตอนที่ 9

09.30 นาที

ตอนนี้ผมกำลังอาบน้ำอยู่ครับ วันนี้มีเรียน 10 โมงเช้า ทำให้ตอนนี้ผมต้องรีบสุดๆ เพราะตัวเองกำลังจะสาย ถึงจะไม่ค่อยอยากจะนึกถึงเรื่องเมื่อคืนสักเท่าไหร่ เพราะยังงงกับตัวเองอยู่ ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวผมเองจะยอมให้ไอ้ลิเคียวจูบอยู่แบบนั้น มันนานมากหลายนาทีจริงๆ นะครับ ที่ผมยอมนอนให้ไอ้ลิเคียวมันจูบจนพอใจแถมยังจูบตอบมันอีก แต่หลังจากนั้น ผมกับมันก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่าจูบเลย แค่พอมันผละออกไปแล้วเราต่างก็จ้องมองกันและกัน ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไร แต่สำหรับผม...รู้สึกว่าหัวตัวเองโล่งๆ โปร่งๆ อาจจะรวมมึนๆ งงๆ ไปด้วย ระหว่างนั้นเราก็ต่างคนต่างเงียบ สุดท้ายมันก็แค่มาส่งผมที่บ้านแล้วก็ขับรถกลับไปโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย

"เสร็จหรือยัง มึงสายแล้วนะอ้วน!! " เสียงของคนที่ผมยังไม่อยากจะคุยด้วยดังขึ้นมา

ไม่ต้องแปลกใจเลยครับ ไอ้ห่าลิเคียวเนี่ยแหละ มันมาหาผมตั้งแต่เช้าแล้วและที่สำคัญคือมันทำตัวเป็นปกติมาก มากถึงขั้นเข้ามาในห้องนอนของผมแล้วลากผมลงจากเตียง เพื่อให้ผมไปวิ่งกับมันในตอนเช้าตรู่อ่ะคิดดู

"มึงจะมานั่งเฝ้ากูทำห่าอะไร ไปเรียนก่อนเลยสิวะ" ผมตะโกนออกไป นี่ก็รีบอาบน้ำ รีบแต่งตัวสุดๆ ละ ยังจะเร่งอีก ถ้าไม่ติดว่ามันมาลากให้ผมไปวิ่งนะ ผมคงไม่สายแบบนี้หรอก ตอนแดกข้าวก็จะติดคอตายห่า แม่งเร่งอยู่ได้

"ก็มึงเป็นแฟนกูก็ต้องไปส่งสิวะ" เอาอีกละ ชอบเอามาอ้างเรื่อยเลย

"แฟนเหี้ยไร มึงไม่รู้แม้แต่ตารางเรียนกูเลยนะ" ผมพูดประชดออกไป ในเมื่อเถียงมันเรื่องนี้ไม่ได้ก็ยอมไปเถอะ เดี๋ยวมันเบื่อจะอ้าง มันก็คงหยุดพูดไปเอง

"รู้แล้วน่า"

"รู้อะไร"

"ต่อไปนี้ กูจะรู้แล้ว เพราะฉะนั้นเร็วๆ เถอะครับ" ไอ้ลิเคียวพูด

"ครับเคิบเหี้ยไร ทำมาเป็นพูดเพราะ" ผมบอก นี่ขนลุกเลยนะครับ

ผมเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว แต่งตัวก็เสร็จแล้ว เห็นไอ้ลิเคียวนั่งยิ้มอยู่ปลายเตียงของผม แหม นั่งไขว่ห้างสบายเชียว ไม่รู้ว่ามีเรียนด้วยหรือเปล่าเพราะมันยังใส่ชุดธรรมดาอยู่เลย

"ไม่มีเรียนหรือไง" ผมถาม

"มีตอนบ่าย เดี๋ยวกูไปส่งมึงก่อนค่อยกลับไปอาบน้ำ" ไอ้ลิเคียวตอบ

"แล้วจะวนไปวนมาทำไม กูไปเรียนเองได้"

"กูพอใจ" ไอ้ลิเคียวตอบหน้าเฉย เออก็ดีเหมือนกัน ปกติเป็นแต่สารถีให้เพื่อน ตอนนี้มีคนขับรถให้บ้างละ จะได้นั่งสบายๆ บ้าง

ผมไม่ได้ตอบอะไรมัน แต่เดินออกจากห้องนอนมาเลย ไอ้ลิเคียวก็เดินตามนะครับ แถมถือกระเป๋าให้ด้วย ช่วงนี้มันทำตัวเหมือนผีบ้า ตามติดชีวิตผมแจเลย

"ไม่ลืมอะไรใช่ไหม" ไอ้ลิเคียวถาม ผมก้มมองดูของในกระเป๋าที่มันถือมาให้ ทุกอย่างก็ครบเรียบร้อยดีแล้ว

"เออ มึงถอยรถไปรอเลย กูปิดบ้านแป๊บ" ผมบอกแล้วมองสำรวจดู แม่บ้านกลับไปตั้งแต่ 9 โมงเช้าแล้วล่ะครับ จะมาอีกทีก็ตอนที่ต้องทำอาหารมื้อเย็น หรือถ้าเสาร์อาทิตย์ก็จะอยู่ทำความสะอาดทั้งวัน แล้วแต่ป้าแกเลย แค่บ้านสะอาดตาไม่รกเหมือนรังหนู พวกผมก็โอเคแล้ว

ผมขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ประตูยังไม่ทันปิดดีเลย ไอ้ลิเคียวก็ออกรถละ ดูความกวนตีนของมันสิ นี่กะจะฆ่าผมทางอ้อมหรือเปล่าก็ไม่รู้

"มึงเลิกเรียนกี่โมง" ไอ้ลิเคียวถาม

"4 โมงเย็นมั้ง" ผมตอบ

"แล้วมีธุระต้องไปไหนไหม"

"ก็ไม่นะ"

"งั้นมานั่งรอกูที่ตึกทีสิ"

"ไม่! ทำไมกูต้องไปนั่งรอมึง"

"ก็กูเลิกช้ากว่ามึงครึ่งชั่วโมง"

"ก็เรื่องของมึงสิ" ผมบอก

"แล้วมึงจะกลับยังไง"

"เพื่อนกูก็มีป่ะ รถเมล์ แท็กซี่ก็เยอะแยะ"

"นั่นแหละ มึงมานั่งรอกูที่ตึกละกัน"

"เพื่อนกูก็มีป่ะ รถเมล์ แท็กซี่ก็เยอะแยะ"

"ตรงไม้หินอ่อนข้างซุ้มนะ" ไอ้ลิเคียวหันมาพูดหน้าตาเฉย

"เอ้า ไอ้นี่นิ ทำไมกูต้องไปนั่งรอมึงด้วย? " ผมหันไปถามอย่างหาเรื่อง

"เพราะกูอยากกลับพร้อมมึงไง" ไอ้ลิเคียวตอบพร้อมกับเหยียบเบรกเพราะติดไฟแดงพอดี

"อะ...ไอ้..." เออไอ้เหี้ย ยอม! ด่าไม่ออกครับ เพราะมันทำสายตาจริงจัง แถมยังจ้องหน้าผมกลับมาแบบจริงจังมากด้วย ปกติก็ด่ากันตรงๆ นะ แต่มาพูดอะไรทำนองนี้ตรงๆ ผมไม่ชินเอาซะเลย แถมต้องเป็นผมทุกครั้งด้วยที่ยอมมัน

"หึ อย่าหนีกลับนะมึง กูตามยันห้องนอนแน่"

"กลัวตายห่าล่ะ" ผมบอก ทุกวันนี้แม่งก็เข้าออกห้องนอนผมเป็นว่าเล่น

"เชื่อสิ ว่ามึงไม่ควรท้าทายกู" ไอ้ลิเคียวยิ้มบอก มันหันไปมองถนนตรงหน้า แถมเหยียบคันเร่งไปด้วย ทำอย่างกะรถแข่งที่รอเวลาขับออกไปจากจุดสตาร์ทโดยที่ไม่หันมามองผมเลย ยิ้มเหมือนมีอะไรแอบแฝง ยิ้มแบบ...เออ กูยอมก็ได้

"ถ้าครึ่งชั่วโมงมึงไม่ลงมา กูจะกลับเอง"

"รับทราบครับผม" มันบอกแล้วหันมายิ้มหล่อ บางทีผมก็คิดนะว่ามันเดาทางผมออกแน่ๆ ถึงผมจะขี้โวยวาย ท่ามาก แต่ถ้าใครพูดดีๆ หน่อย ผมก็ยอมหมดแหละ อย่างไอ้วินเพื่อนของผมเนี่ย เพราะมันเป็นคนที่ไม่ขี้โวยวายเหมือนผม ออกจะไม่พูดเลยด้วยซ้ำ แต่หากแม่งเปล่งเสียงออกมาแค่ไม่กี่พยางค์ ผมก็พร้อมจะทำตามละ ผมชอบคนที่พูดดีด้วยถึงไอ้วินจะพูดเหมือนสั่งก็เถอะ แต่มันก็ไม่โวยวาย คงเพราะผมอยู่กับไอ้แม็กไอ้ไฟมาทั้งชีวิตด้วยล่ะมั้ง ห้ามนู่นห้ามนี่ บ่นไฟแล่บ ผมก็ต้องดื้อใส่พวกมันบ้างแหละ เป็นใครๆ ก็ไม่ชอบใช่ไหมล่ะ

ไอ้ลิเคียวมาส่งผมที่หน้าตึก เคว้งมากครับ เพราะเพื่อนผมไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย โทรหาไอ้วินก็ไม่ติด พอโทรหาไอ้สวย ไอ้โซ่ก็เป็นคนรับ บอกคุณนาย (ไอ้สวย) ตื่นสาย กำลังแต่งตัวรอเวลาเสด็จอยู่ ฟังจากน้ำเสียงแล้วมันคงรอนานมาก ทีนี้ก็เหลือแต่ไอ้ธันซึ่งผมกำลังจะโทรเลยครับ ถ้าไม่ติดว่ามีรถเปิดประทุนสีแดงมาจอดตรงหน้าซะก่อน

"อะ...เอ่อ" ผมไม่รู้จะพูดอะไร เพราะคนขับคือผู้หญิงที่ชื่อ จี ที่เป็นแฟนไอ้ธันมันนั่นแหละครับ ส่วนไอ้ธันมันกำลังหันไปรื้อๆ ค้นๆ อะไรที่เบาะหลังอยู่

"...^-^" เงียบแล้วก็ยิ้มครับ ไม่รู้จะพูดอะไร ตอนแรกที่ขับมาจอดตรงหน้า พอเธอเบรกปุ๊บ เธอก็ถอดแว่นตาแบรนด์ดังออกพร้อมกับผมยาวที่สลวยสวยเก๋ ทำเหมือนโฆษณายาสระผมเลยครับ สะบัดผมไปมา 2-3 ที ก่อนจะเอาแว่นไปคาดไว้บนหัว ผมไม่คิดว่าผู้หญิงที่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดวันนั้นจะแต่งชุดนักศึกษาได้ดีแบบนี้ มันไม่ใช่ว่าถูกระเบียบนะครับ แต่ชุดนักศึกษาที่เธอแต่งกลับไม่รัดรูปหรือสั้นจนทุกอย่างต้องปริ เธอไม่ใช่นักศึกษาสถาปัตย์ที่ต้องแต่งตัวแนวๆ เธอไม่ใช่สาวบริหารที่ต้องนุ่งสั้นใส่สูทสวยเก๋ แต่เธอกลับใส่เสื้อนักศึกษาชายตัวใหญ่ๆ กับกระโปรงที่แลไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป อาจเพราะเธอตัวสูงเพรียวอยู่แล้วเลยใส่รองเท้าผ้าใบก็เป็นได้ การที่เธอแต่งหน้าจัดๆ ก็ไม่ได้ทำให้เธอดูแก่กว่าวัยเลย ถึงมันแลจะดูจัดจ้านไปสักนิดก็เถอะ ดูรวมๆ แล้ว...สวยครับ

"เอ่อ...ดีค่ะ" เธอเอ่ยทักผมก่อน หน้าตาหยิ่งๆ เมื่อสักครู่นี้แลอ่อนลงนิดหน่อย ถึงแม้จะยังแลเชิดๆ อยู่ ผมจะคิดซะว่าเพราะผมยืนอยู่หรอกนะ ส่วนเธอก็นั่งอยู่ในรถ เลยทำให้ต้องเชิดหน้านิดหนึ่งล่ะมั้ง

"ครับ ผมลาวา เพื่อนไอ้ธัน" ผมบอกอย่างสุภาพ เธอก็ยิ้มรับแล้วแนะนำตัวออกมา

"จีค่ะ แฟนธัน" สั้นๆ ง่ายๆ ไม่ต้องพูดยาว เอาเป็นว่ารับทราบ ผมตาฝาดไปหรือเปล่านะ เหมือนจะเห็นเธอเขินๆ ตอนคุยกับผมด้วย ไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่ผมก็หล่อมากเหมือนกัน อยากจะโม้สรรพคุณตัวเองอยู่หรอก แต่เธอก็พูดเพียงแค่นั้นแล้วหันไปพูดคุยกับไอ้ธันต่อโดยไม่สนใจผมเลย

"ฮ่าๆ ๆ ๆ โอเคๆ โอ๊ย! จี้อ่ะเธอ ขับรถดีๆ นะ" ไอ้ธันพูดคุยกับแฟน หัวเราะคิกคัก ไม่รู้กระซิบกระซาบอะไรกันแต่มันก็หัวเราะออกมายกใหญ่เป็นช่วงๆ นินทาอะไรผมอยู่หรือเปล่านะ ผมเก็บความสงสัยไว้แล้วรอไอ้ธันล่ำลากับแฟน มันลงจากรถแล้วพูดจาหวานใส่กัน ผมไม่ค่อยเห็นไอ้ธันโหมดนี้เท่าไหร่เลยแฮะ

"มึงหัวเราะอะไรกันวะ" ผมถาม

"ก็เปล่านิ" ไอ้ธันเฉไฉที่จะตอบ แถมหลบหน้าหลบตา พิรุธชัดๆ เลยเนี่ย

"ไม่จริง! ถ้ามึงไม่ได้นินทา ตอนมึงหัวเราะขำมึงจะหันมาหัวเราะใส่กู"

"ถ้าหัวเราะใส่มึงก็แปลว่ากูนินทามึงสิ"

"สำหรับคนอื่นน่ะใช่ แต่นิสัยเสียๆ ของมึงอ่ะ...ไม่ใช่! เวลามึงนินทาใคร มึงจะไม่หันไปมองหน้าคนนั้นเลยแม้แต่นิด เพราะฉะนั้นบอกมาเดี๋ยวนี้" ผมถามแกลมขู่ นี่กล้าพูดเสียงดังเพราะแฟนไอ้ธันขับรถออกไปแล้วล่ะนะ

"ก็ไม่มีอะไรนิ" ไอ้ธันบอก ทั้งๆ ที่มันหัวเราะจนน้ำตาเล็ดขนาดนั้นอะนะ

"ตอแหลกูละ" ผมบอก นี่รอเสือกจนเดินเข้าตึกมาจะถึงห้องละนะ ไม่เล่าสักที

"จีก็แค่บอกว่ามึงตลก"

"ตลก? ตลกยังไง" ผมถาม ไอ้ธันมันก็หยุดเดิน ยืนอยู่หน้าประตูห้องเพราะเราเดินกันมาถึงพอดี

"เขาบอกกูว่า...ไม่เคยเห็นใครกล้ายืนรอเพื่อนหน้าคณะทั้งๆ ที่...ฮ่าๆ ๆ ๆ " แล้วมันก็หัวเราะออกมา แล้วกูจะรู้เรื่องไหมวะเนี่ย ทำเอาต่อมความอยากเสือกของผมฝ่อหมดละ

"ที่เหี้ยไรล่ะ" ผมถาม

"ฮ่าๆ ๆ ที่ใส่เสื้อกลับด้านแถมไม่ได้รูดซิปอีก มึงรีบอะไรของมึงเนี่ย เพี้ยนขึ้นทุกวันเลยนะ" ไอ้ธันบอก ผมนี่รีบมองสำรวจตัวเองเลย เหี้ยยยย ถึงว่าวันนี้กระดุมเสื้อของผมมันแปลกๆ เพราะป้าแม่บ้านรีดเอาไว้ให้ ผมก็จับพับแขนเสื้อเลยโดยไม่ได้ดู ตอนใส่จะได้ไม่เสียเวลา

"ก็เหี้ยละ แม่งแกล้งกูนิ ไอ้ห่า" ผมด่ามัน แทนที่มันจะบอกผมตั้งแต่แรก เสือกให้เดินผ่านคนมาเป็นฝูง ผมนี่รีบรูดซิปกางเกงก่อนเลยครับ ถึงว่าทำไมแฟนไอ้ธันมันเชิดหน้าขึ้นนิดหนึ่ง ส่วนเสื้อผมก็รีบเดินตรงไปยังห้องน้ำ ระหว่างทางก็แกะกระดุมไปด้วย อับอายฉิบหาย ดีที่เพื่อนในห้องยังมาไม่มาก แถมเพื่อนในกลุ่มนอกจากไอ้ธันยังไม่มีใครมาเลย ไม่งั้นโดนล้อยังลูกบวชแน่ๆ

ผมยืนดูตัวเองในกระจกอย่างหัวเสีย ที่ไอ้ลิเคียวถามว่าลืมอะไรหรือเปล่า อาจจะเพราะว่าเรื่องนี้ก็ได้สินะ ไอ้ห่านั่นก็กวนตีนพอกัน แทนที่จะเตือนผม เสือกทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่แม่งจะนั่งอมยิ้มถึงจะไม่ได้หันมาทางผมก็เถอะ

พอใส่เสื้อเสร็จผมก็เดินกลับมายังห้องเรียน อาจารย์ยังไม่มาครับ แต่เพื่อนของผมมากันครบแล้ว บรรยากาศแม่งแย่กว่าตอนที่ผมมาสายแล้วอาจารย์เช็กชื่อไปแล้วอีก ทั้งๆ ที่มีเสียงดังโหวกเหวกโวยวายของเพื่อนร่วมห้อง แต่ตรงกระจุกที่ผมนั่งกลับเงียบวิเวกวังเวงอย่างกับป่าช้า มาคุฉิบหาย หนีไปนั่งตรงอื่นทันไหมเนี่ย ความอึดอัดแบบนี้ผมไม่ชินเอาซะเลย

"มาก็ดีละ มึงดูไอ้โซ่กับไอ้สวยสิ มาถึงก็ไม่คุยกับกูเลย ทำตัวเป็นไอ้วินกันไปได้" ไอ้ธันผู้ไม่รู้ห่าอะไรเลยพูดขึ้น ปกติผมจะนั่งกับไอ้วินสองคนนะครับ แต่วันนี้กลับกลายเป็นไอ้วิน ไอ้สวย ไอ้โซ่นั่งด้วยกันเฉยเลย

"เออ มึงก็ไม่ต้องไปสนหรอก เดี๋ยวพวกมันอยากคุยก็คุยเองนั่นแหละ" ผมบอกแล้วไปนั่งข้างๆ ไปธัน ซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังพวกมันสามคน ถ้าให้เดานะ ไอ้โซ่คงเอาไอ้รถถังไปล่อไอ้วินนั่นแหละครับ มันถึงไปนั่งข้างๆ ไอ้โซ่ เรื่องไม่พูดไม่จา ไอ้วินมันเป็นอยู่แล้ว ยิ่งมีไอ้รถถังพ่วงด้วย ทีนี้แหละครับ นั่งจ้องจนกว่าไอ้รถถังจะท้องแหละ (ถ้าท้องได้อะนะเพราะไอ้รถถังเป็นเต่าตัวผู้) โลกส่วนตัวสูงฉิบหาย ไม่งั้นไม่มีทางไปนั่งข้างไอ้โซ่ง่ายๆ แน่ ไอ้วินไม่ชอบความอินดี้ของไอ้โซ่เท่าไหร่ เพราะไอ้โซ่ไม่ชอบให้ไอ้วินเข้าใกล้ไอ้รถถัง จริงๆ ก็ไม่ชอบให้เข้าบ้านมันเลยล่ะ

ครืด...ครืด...ครืด...เสียงโทรศัพท์ผมสั่น

ซอโซ่ล่ามตี มึงอยู่ข้างใคร

ลาวาไหลเยิ้ม ข้างอะไรของมึง

ซอโซ่ล่ามตี
ก็มึงคุยกับไอ้ธัน

ลาวาไหลเยิ้ม เอ้า! ก็กูนั่งข้างมันปะวะ

ซอโซ่ล่ามตี แต่มันหักอกไอ้สวยนะโว้ย แถมมีคนอื่นอีก

ลาวาไหลเยิ้ม แล้วมันความผิดไอ้ธันไหมล่ะ

ซอโซ่ล่ามตี ไม่รู้ กูอยู่ทีมไอ้สวยอ่ะ

ลาวาไหลเยิ้ม แล้วไอ้ธันมันเพื่อนไหม มึงอย่ามาไร้สาระ เรื่องของความรัก หัวใจใครหัวใจมันโว้ย ถ้ามึงมีแฟน แล้วเพื่อนมึงไม่ชอบแฟนมึง มึงจะรู้สึกยังไง

ซอโซ่ล่ามตี เออว่ะ เมื่อคืนกูโดนไอ้สวยกรอกหูจนเบลอละ แล้วมึงชอบแฟนไอ้ธันมันไหม

ลาวาไหลเยิ้ม กูเฉยๆ นะ มึงคนนอก กูคนนอก อย่าเสือกดิวะ

ผมพิมพ์กลับไป ไอ้โซ่มันอ่านแต่ไม่ส่งกลับมาแล้วครับ มันแค่หันมาทางผมแล้วด่าออกมาแบบไม่ออกเสียงแทน 'ไอ้เหี้ย' เต็มหน้าเลยครับ แต่ผมพูดจริงนิ ถ้ามีแฟนก็อยากให้สนิทกับเพื่อนของเราด้วยเหมือนกันหรือเปล่าวะ เพื่อนไปทาง แฟนไปทาง คนตรงกลางก็ทุกข์ใจพอดี

นั่งไม่นานอาจารย์ก็เข้าสอน ไอ้ธันแม่งก็แกล้งแหย่ไอ้สวยเล่นตามประสามันนั่นแหละครับ จั๊กจี้บ้าง ดึงผมบ้าง ไอ้สวยก็จิ๊จ๊ะทำเหมือนรำคาญไปเรื่อย สุดท้ายก็หันมาคุยเล่นกับไอ้ธันเหมือนเดิมอยู่ดี ก็ยังดีนะครับ ผมนึกว่าไอ้สวยจะใจแข็งไม่คุยกับไอ้ธันนานกว่านี้ซะอีก แต่ก็นะ มันนิสัยห่ามๆ ไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงอยู่แล้ว เรื่องจู้จี้จุกจิกเลยไม่ค่อยเป็นนาน

ผมนั่งเรียนไปแบบไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ ไอ้ธันกับไอ้สวยมันงุ้งงิ้งๆ ฉิบหาย ปกตินั่งข้างกันเป็นแบบนี้ตลอดเลยหรือไงนะ ผมไม่เคยสังเกตเลยเพราะปกติจะนั่งด้านหน้าตลอด พอผมไม่มีสมาธิจะเรียนเลยก้มหน้าหลับแทน วันนี้ยิ่งเรียนยาวอยู่ด้วย เขาให้ออกไปซื้อของมากินในห้องได้ครับ เป็นคลาสเรียนยาวๆ แบบไม่มีเบรก ยากฉิบหายแต่ก็เอาสมองอันน้อยนิดพยายามเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็ต้องหาอะไรล่อไอ้วินเพื่อให้มันสอนหรือบางทีมันใจดีมันก็สอนผมเองนั่นแหละ

"ไอ้วาตื่น"

"..."

"ตื่นโว้ยยยยยยย" พลัก! ตุ๊บ!

"โอ๊ย" ผมร้องออกมา หลับๆ อยู่รู้สึกเหมือนตกเหวเลยครับ แต่พอลืมตาขึ้นมา กูไม่ได้ตกเหวเหี้ยไรทั้งนั้น ไอ้สวยเนี่ยแหละ ใช้ตีนถีบผมลงมาจากเก้าอี้เลย พวกเพื่อนคนอื่นๆ ก็ยืนหัวเราะกันฉิบหาย เออสนุกกันมากนะไอ้สัสนิ

"ถีบทำเหี้ยไร กูเจ็บนะโว้ย" ผมบอก

"กูจะห้ามละนะ แต่ห้ามไม่ทันจริงๆ ว่ะ" ไอ้ธันบอก มันหัวเราะเสียงดังกว่าเพื่อนเลย

"กูเรียกแล้ว มึงไม่ตื่นเองนะ" ไอ้โซ่ว่า

"แล้วมึงจะเรียกกูทำไม"

"เลิกเรียนแล้ว" ไอ้วินพูดออกมาบ้าง ตั้งแต่มานั่งผมก็พึ่งได้ยินเสียงมันนั่นแหละ เล่นแต่กับไอ้รถถัง ตอนนี้มันก็ยังถือไอ้รถถังเอาไว้ในมืออยู่เลย

ผมก้มหน้าลงมองนาฬิกาข้อมือ เอ้า นี่เลิกก่อนเวลานี่หว่า ถึงว่าทำไมมันแลเร็วๆ จัง ผมรีบเก็บชีทเข้ากระเป๋าเพราะพวกมันก็ทำท่าเหมือนจะไม่รอ เก็บเสร็จก็วิ่งตามพวกมันออกมา ไอ้วินมันแยกออกไปแล้วล่ะครับ ต้องไปดูแลคลินิกของมัน ส่วนไอ้โซ่ก็ขับรถตามไอ้วินไปเพราะเผลอแป๊บเดียว ไอ้วินแม่งเอาไอ้รถถังติดมือขึ้นรถไปเลย

"มึงจะกลับยังไง" ไอ้ธันถาม

"เดี๋ยวกูจะไปหาอะไรกินแถวนี้แหละ ว่าแต่มึงสองคนเถอะ กลับยังไง" ผมถามเพราะพวกมันไม่มีรถทั้งคู่ ไอ้สวยน่าจะมากับไอ้โซ่เมื่อเช้า ส่วนไอ้ธันแฟนมันก็เป็นคนมาส่ง

"เดี๋ยวกูเดินไปส่งไอ้สวยที่ป้ายรถเมล์ เสร็จแล้วกูจะโทรให้จีมารับ"

"ไม่ต้องไปส่งกูก็ได้ มึงไปกับแฟนเถอะ" ไอ้สวยบอก น้ำเสียงแม่งโคตรตัดพ้อเลย

"เฮ้ย ไม่ได้ดิ เดี๋ยวกูก็ไปส่งมึงเหมือนเดิมแหละ"

"แต่มันไม่เหมือนเดิม" ไอ้สวยพูดเสียงเบา

"ห๊ะ มึงพูดว่าไรนะ" ไอ้ธันถาม แต่ผมได้ยินเต็มสองรูหูเลย

"เปล่า แล้วแต่มึงแล้วกัน" ไอ้สวยว่าออกมา ผมก็แอบเห็นใจมันนะ แววตามันเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

"ไปๆ เดินเลยหรือจะให้อุ้ม" ไอ้ธันว่าทีเล่นทีจริง เพราะอย่างงี้แหละน้า ไอ้สวยถึงคิดไปไกล

พอพวกมันสองคนเดินไปแล้ว ผมถึงเดินอ้อมตึกเพื่อจะไปคณะของไอ้ลิเคียว จากตอนแรกต้องไปรอมันครึ่งชั่วโมง ตอนนี้กลับต้องไปนั่งรอมันเกือบสองชั่วโมงแทน ไม่น่าเลย ไม่น่าไปรับปากแม่งเลย แทนที่ผมจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน แต่ก็ช่างเถอะ สาวๆ นิเทศก็สวยดี ผมเคยไป 2-3 ครั้งกับไอ้ไฟ ถิ่นกำเนิดเนื้อนมไข่เลยครับ ทั้งสาวแท้สาวเทียม เดินกันให้ควัก

...เก็บพระอาทิตย์ได้ไหม

พึ่งจะมารู้สึกว่าไม่น่าเกิดมาอ้วนก็ตอนนี้แหละ ยิ่งวันที่แดดแรงๆ ด้วยแล้ว เหงื่อของผมไหลออกมาเป็นลิตรได้ ถึงตามทางจะมีต้นไม้อยู่แต่ก็ไม่ค่อยช่วยสักเท่าไหร่เลย แถมตึกมันก็ไกลพอควรด้วย

"ป้าครับ ขอผ้าเย็นแล้วก็โค้กใส่น้ำแข็งกับมาม่าคัพ 1 ถ้วย" ผมบอก เดินมาหยุดที่ซุ้ม เล่นเอาหอบไปเหมือนกัน โดยปกติไม่ค่อยได้กินอาหารที่ซุ้มเท่าไหร่ ผมเลยเลือกที่จะกินมาม่าแทน ช่วงเวลานี้ผมเห็นเด็กนิเทศปี 1 ออกมาถ่ายรูปกันเต็มเลย สะพายสายกล้องกับที่จัดแสงหรืออะไรสักอย่างที่ผมก็ไม่รู้จัก มันมีลักษณะเหมือนกระดาษฟรอยด์สีเงินกับสีทองเป็นแผ่นๆ

ผมหาโต๊ะนั่งแล้วจัดการมาม่าตรงหน้า นั่งดูเด็กๆ ไปด้วย ผมว่ามันก็แลลำบากนะ ต้องตากแดดตากลมกว่าจะได้รูปสวยๆ ผมเห็นเด็กคนหนึ่งถ่ายรูปที่เดิมๆ มาจะครึ่งชั่วโมงละ เหงื่อก็ไหลออกมาเป็นทางแต่ดูเหมือนจะยังไม่ได้รูปที่ถูกใจเลย

"อ้าว พี่ลาวาปะคะ? " เสียงของผู้หญิงดังขึ้น

"ใช่ครับ น้องพลอยไม่มีเรียนเหรอ" ผมถามกลับ หันไปยิ้มให้ด้วย ไม่ต้องใช้เวลาคิดนานเลย ผู้หญิงสวยอ่ะ ผมจำได้หมดแหละ คืนนั้นก็สวยนะถึงจะเห็นในที่มืดๆ ตอนนี้ก็ยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ สวยแบบใสๆ สไตล์เกาหลีเลย หน้าสดๆ สวยมาก หน้างี้ใสกิ้งเลยครับ

"มีค่ะ พลอยแอบเดินออกมา หิวๆ เลยว่าจะซื้อลูกชิ้นกิน" น้องพลอยบอก เราคุยกันอีกนิดหน่อย น้องก็ขอตัวเดินไปทางซุ้ม ขากลับมาถือลูกชิ้นมาเพียบเลยครับ นี่น่ะเหรอนิดหน่อย ผมว่าคงเอาไปฝากเพื่อนกับแฟนน้องมันด้วยล่ะ ตอนเดินกลับน้องพลอยก็ส่งยิ้มให้ แค่นี้ก็แทบละลายแล้วครับ

นั่งรอนอนรอจนเบื่อแต่ก็ไม่เห็นไอ้ลิเคียวสักที อาจารย์ไม่คิดจะเลิกสอนก่อนเวลาบ้างหรือไง อยากจะเดินดูรอบๆ อยู่หรอกนะแต่ผมไม่ชิดทาง ตึกคณะนี้มีแค่ 4 ชั้นเท่านั้นเอง แต่เห็นว่ามีโรงหนังกับห้องวิทยุด้วย กลัวหลงไปตอนที่เขากำลังถ่ายหรือกำลังเรียนอยู่เนี่ยสิ คงยุ่งเลย เบื่อๆ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นครับ แอบเห็นไอ้โซ่โพสต์ด่าไอ้วินด้วย ตลกดีเหมือนกัน เลื่อนเปิดไปเรื่อยๆ เข้าเพจนี้ออกเพจนั้น แล้วรีฟีดรอบที่ 10 ไม่มีอะไรเลย พอกดออกเท่านั้นแหละ เหมือนจะเห็นว่าไอ้สวยขึ้นสเตตัสแวบๆ เลยกดเข้าไปดูใหม่ ปรากฏว่ามันไม่ได้ขึ้นอย่างเดียวครับ มันแท็กไอ้ธันด้วย

มีต่อค่ะ  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 9 | 07/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 07-02-2020 08:07:51
ต่อค่ะ  :katai4: :katai4: :katai4:



ข้าวสวย กับ ธันวา อภิสันทรานนท์

3 นาที

ขอบใจที่มาส่งถึงบ้านนะ สุดหล่อ -3-

238 ถูกใจ 15 ความคิดเห็น 1 แชร์

ลูกพีช สีส้ม กรี๊ด หนูเชียร์คู่นี้ ชอบพี่ทั้งคู่มากค่ะ ติดตามมานานแล้ว ><

ป๊อกแป๊ก คบกันแล้วหรอ

Fah maboy จิ้นหรือจริงค่ะ คบก็บอกคบสิ

Bee Sarangoppa
ยังไงๆ?

Junjira'NM แล้วคนนั้นล่ะ..?

ใจ๋ใจ๋ คนจริง เหมาะสมกันมากเลย คบกันสักทีสิค้าาา

เอาล่ะครับ ประเด็นมาแน่ ไหนบอกจะไปส่งที่ป้ายรถเมล์ไงวะ ไหงไปส่งไอ้สวยยันบ้าน แถมไม่ใช่ใกล้ๆ นะครับ ผมนั่งๆ นอนๆ ตรงนี้เกือบชั่วโมงแล้ว ไอ้สวยพึ่งถึงอ่ะคิดเอา นานแค่ไหนล่ะ แถมปกติไอ้สวยไม่ขึ้นสเตตัสแบบนี้นะ พออัปแท็กที รุ่นพี่รุ่นน้องที่เชียร์พวกมันอยู่ก็แห่กันมาสิครับ นี่แค่ 3 นาทีเองนะ

ถ้าเป็นปกติผมก็คงไปเขียนแซวนั่นแหละ แต่รอบนี้พิมพ์ไม่ออกจริงๆ ไอ้ธันมันก็คงยังไม่เห็น ผมเลยกดปิดแอปไปดีกว่า นั่งเฉยๆ ก็เปิดเพลงใส่หูฟังเอา ยังต้องรอมันอีกนานเลยครับ

"ใช่เปล่าอ่ะ"

"ไม่รู้สิ"

"หน้าเหมือนกันมากเลยนะ"

"แต่ไอ้นี่อ้วนกว่า"

"ปลุกไหม"

ผมได้ยินเสียงพูดดังอู้อี้ผ่านหูฟังมาครับ ผมรอไอ้ลิเคียวนานอ่ะ เลยกะว่าจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ไม่ได้จะหลับนะ แค่หลับตาฟังเพลงไปเพลินๆ เท่านั้น แถวนี้ต้นไม้เยอะครับ ลมก็เย็นดี

"เหี้ยยยยย" ผมอุทานร้องออกมา พอลืมตามาเท่านั้นแหละ หน้าสวยๆ ของใครสักคนโผล่เข้ามาในจุดโฟกัสของผมเลยครับ บอกเลยว่าใกล้มาก ความสวยใสของหน้านี่เด่นมากเลย

ผมก็กำลังเคลิ้มๆ ไม่คิดว่าจะมีใครเอาหน้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วย พอมองดีๆ แล้วผมจำได้ทันทีเลย เพื่อนไอ้ลิเคียวนั่นเอง ทั้งเลิฟทั้งแคนดี้เลยครับ พอจะมองหาไอ้คนที่ให้ผมมานั่งรอแต่กลับไม่เห็นมันเลย

"มองหาลิเคียวเหรอ" เลิฟถาม

"อ่าอืม เลิกเรียนแล้วเหรอ" ผมถาม

"ใช่ อาจารย์พึ่งปล่อยเมื่อกี้ เราหิวเลยลากแคนดี้ลงมาก่อน"

"อ่อ กินเยอะเนอะ" ผมบอก เพราะไม่รู้จะคุยอะไร พอมองไปในมือของเลิฟมีแต่ขนมกับลูกชิ้นเพียบเลยครับ

"นี่ยังไม่ครึ่งกะเพราเราเลย หิวจะแย่...งั้นขอนั่งด้วยนะ" เลิฟบอกแล้วนั่งลงข้างๆ ผม แคนดี้ก็ด้วย ผมนี่อึ้งเลย คือลูกชิ้นมันเยอะจริงๆ นะครับ ไม่ต่ำกว่า 10 ไม้แน่ๆ ขนาดผมว่าตัวเองกินเยอะแล้ว ยังไม่กล้าสู้เลย เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้กินเก่งจังแฮะแถมกินน่าอร่อยด้วย

"กินไหม" เลิฟชวน

"ไม่เป็นไร กินเลย เดี๋ยวเลิฟไม่อิ่ม" ผมตอบแล้วมองคนตัวเล็กนั่งกินอย่างมีความสุข น่ารักจัง วันนี้เขามัดจุกเล็กๆ ที่หน้าผากด้วย ตัวก็ขาวจั๊วะ ถ้าลองจีบจะติดไหมนะ ผมชักจะชอบเลิฟขึ้นมานิดนึงแล้วสิ ><

ผมได้แต่นั่งคิดแล้วก็มองเลิฟไปด้วย เขาก็ชวนคุยนะครับ แต่การพูดคุยของเขาแปลกๆ เหมือนจะคุยแบบสนิทแต่ก็เหมือนมีช่วงที่เว้นระยะห่าง ทำเอาผมตามไม่ทันเลย แต่ก็ไม่เป็นไร ดีกว่านั่งกร่อยอยู่คนเดียว ผมหันไปมองคนหน้าสวย รายนั้นไม่สนใจผมเลยครับ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาพิมพ์โทรศัพท์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ปกติว่าสวยแล้วนะ แต่พอยิ้มออกมาเท่านั้นแหละ ใจผมแทบละลายเลย นี่ถ้ามันไม่ทำตัวโหดนะ ผมว่ามันคงจะฮอตน่าดู แต่ก็นะ ผมจำได้ว่าผัวมันหล่อ เพราะฉะนั้น...ไม่ยุ่งดีกว่า

นั่งชะเง้อคอรอไอ้ลิเคียว ไม่โผล่หัวมาสักที ไม่อยากนั่งกับสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับผมนี่นานเลย มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองแม่งจะกลายเป็นเกย์ให้ได้ ไม่ได้ว่ารังเกียจหรอกนะครับ เพื่อนผมที่เป็นเกย์ก็มีเยอะแยะ แต่เกย์นี่คือจะไม่ชอบผู้หญิงเลยใช่ไหม ถ้าผมเข้าใจถูกอะนะ เพราะสำหรับผมถึงจะชอบผู้ชายบ้างแต่ก็ไม่ได้คบนะครับ ผมก็ยังชอบมองผู้หญิงปกติทั่วไปอยู่ แต่คือออร่าทั้งสองคนมันพุ่งและดึงดูดมาก เวลาแคนดี้ยิ้มให้โทรศัพท์หรือเวลาเลิฟมีความสุขกับการกิน คนนั่งมองไม่มีอะไรทำอย่างผมนี่ละสายตาไม่ได้เลย ใจมันหวิวครับ อารมณ์เหมือนมองผู้หญิงสวยกับผู้หญิงน่ารักเลยอ่ะ

"โอ๊ย นี่แกไม่เข้าใจหรือฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเนี่ย" เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาไม่ใกล้ไม่ไกล

"อย่ามาหวีดร้องอะไรแถวนี้ เกรงใจเจ้าที่เจ้าทางบ้างนะครับ ถ้าจะขอส่วนบุญเดี๋ยวให้ไอ้ลิเคียวกรวดน้ำไปให้"

"นี่แกด่าฉันงั้นเหรอ อีตุ๊ด เป็นผู้ชายปากดีแบบนี้ มาตบกันเลยไหม"

"จะทำอะไรน่ะ เรียนก็ตั้งสูง การศึกษาไม่ช่วยอะไรเลยเหรอ มาส่งเสียงแหลมคลองแขนเพื่อนผมแบบนี้ เดี๋ยวเขาก็หาว่าเป็นชะนีหรอกครับ...เก็บมือที่จะตบเพื่อนผมเอาไว้จับลิเคียวให้อยู่ไม่ดีกว่าเหรอ" อันนี้เสียงเลิฟครับ พอเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นยกมือขึ้น ทำท่าจะตบคิส เลิฟก็รีบเดินไปว่าเลย ผมว่าผู้หญิงคนนั้นที่ด่ากับคนที่ชื่อคิส (เพื่อนไอ้ลิเคียวที่ว่าแลหยิ่งๆ อะครับ) ด่ากันมันส์แล้วนะ แต่พอเจอเลิฟไป ผมนี่อึ้งเลย คือไม่คิดว่าเลิฟที่พูดจาเพราะมาดคุณหนูขนาดนั้นจะพูดอะไรแบบนี้ด้วย ถึงจะไม่แรงเหมือนคิสแต่ก็เบรกจนจุกเหมือนกัน

"แก แกมันก็ตุ๊ดเหมือนเพื่อนแกนั่นแหละ" ผู้หญิงคนนั้นว่ากลับ ท่าทางเธอจะโมโหจนตัวสั่นเลยนะครับ ยืนกำมือตัวเองแน่น แขนก็ยกคล้องไอ้ลิเคียวข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างคือคิสเพื่อนของมันที่คล้องแขนอยู่

"พอสักทีได้ไหม" ไอ้ลิเคียวพูดขึ้นบ้าง เหตุการณ์เหมือนศึกชิงนางเลยครับ แต่ไอ้ลิเคียวเป็นผู้ชาย คงต้องเรียกว่า ศึกชิงนายถึงจะถูกสินะ

"ลิเคียวก็ดูมันพูดสิคะ มันด่าดาด้าก่อนนะ"

"คนเขาไม่เอาก็ยังดันทุรัง" คิสพูดขึ้น

"รู้ได้ไง ฉันเป็นคู่หมั้นเขา แกนั่นแหละคนนอก" เสียวผู้หญิงพูดขึ้น คนนี้เองสินะคู่หมั้นไอ้ลิเคียว แลจะแรงน่าดู ถึงว่ามันเคยบ่นๆ ว่าไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

ผมก็นั่งมองเฉยๆ นะครับ ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย เหมือนอย่างกับในละครเลยครับ นักศึกษาคนอื่นๆ ต่างก็มองนะ แถมหันไปซุบซิบนินทาด้วย ผมไม่ได้อะไรนะ แต่การที่ผู้หญิงมาหวีดว้ายแบบนี้ น่าจะหมดสมัยไปได้ตั้งนานแล้ว การมาโชว์มาอวดว่าตัวเองเป็นคู่หมั้นแล้วด่ากราดทุกคนแบบนี้ มันทั้งลดศักดิ์ศรีและคุณค่าในตัวเองทั้งนั้น ถ้าดีจริง รักจริง แค่คุณยืนเฉยๆ ฝ่ายชายก็หนีไปไหนไม่พ้นแล้ว

"ผมก็เมียมันไง จะคนนอกได้ไง แถมยังเป็นคนที่มันรักมากอีกด้วย" คิสพูดขึ้น ทั้งๆ ทีก่อนหน้านี้ผมยังสนุกอยู่เลย แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกแปลกๆ แล้วสิ

"ฉันก็เมียเขาเหมือนกัน แถมยังเป็นคู่หมั้นอีกด้วย" ผู้หญิงคนนั้นบอกอย่างท่าทีเชิดๆ เธอปล่อยแขนที่คล้องไอ้ลิเคียวออกแล้วเดินเข้าไปหาคิสอย่างท้าทาย ไม่แปลกใจเลยที่เธอไม่กลัวคิสที่เป็นผู้ชายสักเท่าไหร่ เพราะพอเธอยืนคู่กับคิสแล้ว เหมือนจะเท่าๆ กัน แต่บวกส้นสูงที่เธอใส่ เลยทำให้ตอนนี้สูงกว่าคิสเกือบคืบ

"แกมันก็แค่ของเล่นของลิเคียวเท่านั้น อย่ามั่นหน้าไปหน่อยเลย ตอนนี้เขาตาสว่างแล้ว ถึงเอาแกมาเป็นเพื่อนไง นี่ยังได้รับสิทธิ์การเป็นเพื่อนของเขาอยู่ก็บุญหัวแกแค่ไหนแล้ว ช่วยสำเหนียกตัวเองไว้ด้วยนะ"

"หยุด ทำไมคุณพูดกับคิสแบบนั้น" ไอ้ลิเคียวพูดขึ้น

"ก็ด้าพูดจริงนิค่ะ"

"หยุดเพ้อเจ้อแล้วก็ขอโทษไอ้คิสเดียวนี้"

"ไม่ค่ะ ทำไมด้าต้องขอโทษด้วย ด้าไม่ผิดนิค่ะ เพื่อนคุณนั่นแหละที่เป็นฝ่ายด่าด้าก่อน"

"แต่คุณพูดจาไม่ดี"

"มันก็พูดจาไม่ดีเหมือนกัน ทำไมค่ะ คุณจะเข้าข้างมันเหรอ คิดดีแล้วเหรอ" ผมนั่งฟังทั้ง 3 คนพูดกัน เอาจริงๆ คือรู้สึกตัวชาตั้งแต่คิสบอกว่าเป็นเมียของไอ้ลิเคียวแล้วล่ะครับ ผมไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นพูดจริงไหม แต่ไม่มีเสียงตอบปฏิเสธจากใครเลย ภาพที่นึกย้อนกลับไปวันที่เจอกลุ่มเพื่อนมันครั้งแรก สายตา ท่าทางการคุย มันช่วยยืนยันได้เยอะเลยครับ แถมตอนจะกลับวันนั้นก็แทบอุ้มกันออกไป อยู่ๆ ผมก็รู้สึกแปลกๆ ในใจ เหมือนมีก้อนอะไรมาขวางไว้จนยากที่จะกลืนน้ำลายลงคอ คำถามมากมายไหลเข้ามาในหัว ใครกันคือคนที่ไอ้ลิเคียวรักมาก ใครกันคือคนที่ไอ้ลิเคียวเคยพูดถึงวันนั้น วันที่ขับรถนั่งเล่นจนไปถึงระยอง ผมหันไปมองและสังเกตคิสดีๆ อ่า ไม่แปลกใจเลย ผมไม่มีข้อสงสัยเลยจริงๆ ครับ ผอมบาง ผิวขาวตัวเล็ก ท่าทางจะเป็นลูกครึ่งด้วย คืนนั้นผมมองเห็นไม่ชัดเพราะมันค่อนข้างมืด ตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย รวมๆ แล้วสวยมากเลย คิสเป็นผู้ชายอีกคนที่ผมยอมรับและกล้าพูดได้เต็มปากว่าเขามีเสน่ห์ นี่กลุ่มมันรวมผู้ชายหน้าตาดีเอาไว้หรือไงกัน แถมมีเสน่ห์ดึงดูดเพศเดียวกันอีก

"พอได้ไหมด้า คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณ"

"แต่ด้าก็เป็นเมียคุณเหมือนกันนะ คิดว่าได้ด้าแล้วจะทิ้งง่ายๆ หรอ เราคบกันมานานเท่าไหร่ ทำไมด้าจะไม่รู้นิสัยคุณ"

"ก็คิดว่าได้ง่ายไง เลยเบื่อง่าย" เสียงคิสพูดแทรก

"เสือก ฉันรู้ว่าลิเคียว เขาไม่ได้คิดอะไรกับแกแล้ว"

"รู้ได้ยังไง เธอก็อย่ามั่นให้มากนักเลย"

"แววตาไง ถึงช่วงหนึ่งลิเคียวเขาแลจะให้ความสนใจแกเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ฉันอยู่กับเขามานาน คบกันมาก่อน ถึงเขาจะนอกลู่นอกทาง เผลอใจไปกับใครบ้าง สุดท้ายเขาก็จะกลับมาหาฉัน ฉันเป็นคนเดียวที่รอเขาและรักเขามานานที่สุด"

"ผู้หญิงอะไรมั่นใจในตัวเองจัง ถามผู้ชายเขาหรือยังก็ไม่รู้ หน้าด้านจริงๆ "

"นี่แก! ตกลงจะไม่จบใช่ไหม...ได้!! " เพียะ เสียงฝ่ามือกระทบเข้ากับหน้าของคนตัวสูงอย่างจัง ถึงรัศมีตอนแรกเธอจะพุ่งเข้าไปหาคิสก็เถอะ แต่ดูเหมือนไอ้ลิเคียวจะเร็วกว่าเพราะเอาตัวและหน้าหล่อๆ ของมันมาขวางไว้ได้ทัน

"อ่ะ ด้าขอโทษค่ะ ด้าไม่ได้ตั้งใจ"

"ออกไป"

"ว่าอะไรนะ"

"ผมบอกให้คุณออกไปไง! มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก!! " ไอ้ลิเคียวตะโกนขึ้นเสียงดัง มันดังมากจนแลดูน่ากลัว แถมสีหน้าของมันยังดูดุและโกรธมากอีกด้วย

"ไม่ค่ะ ทำไมด้าต้องเป็นคนไป ครั้งนี้ด้าจะไม่ยอมแน่" ไอ้ลิเคียวยกมือลูบหน้าของตัวเองเหมือนหงุดหงิด

"ทำไมพูดยากพูดเย็นแบบนี้วะ ไม่เข้าใจหรือไง ผมรักผมชอบไอ้คิสมากและยังชอบอยู่ ถ้าคุณยังจะเอามือสกปรกๆ นั่นมาแตะต้องคนของผมอีกแม้แต่นิดเดียว ผมเอาคุณตายแน่!! " ไอ้ลิเคียวบอก ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้จะอยากมองนะ แต่สายตาของผมก็แอบเหลือบไปเห็นเอง มือของไอ้ลิเคียวจับมือของคนตัวเล็กที่อยู่ด้านหลังไว้แน่

"ไม่จริง คุณไม่ได้รักมันแล้ว อย่ามาหรอกด้าซะให้ยาก"

"แล้วไง ต้องให้ผมจูบมันให้ดูเลยหรือไง หรือผมต้องแสดงท่าทางว่ารักมันมากคุณถึงจะเชื่อแล้วหยุดมาวุ่นวายกับผมสักที" อ่า จูบกับใครก็ได้สินะ ถ้ามันคิดอยากจะจูบ จูบของมันคงไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไรเป็นพิเศษ เหมือนกับเวลาที่มันเงี้ยน มันก็คงจะเอากับใครก็ได้งั้นสิ...

เจ็บจัง...ผมเป็นอะไรไปนะ อยู่ๆ ก็รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาเฉยๆ เหมือนจะหายใจไม่ออกเลยแฮะ

ยิ่งมองทั้งสองคนตรงหน้าก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองหายใจเร็วขึ้นมากะทันหัน...ผมยกมือของมาทาบกับหน้าอก ปวดหนึบๆ ตรงหัวใจ เพราะอย่างนี้หรือเปล่า สมองผมเลยหยุดสั่งการชั่วคราว รู้สึกมึนตึบๆ แถมตัวยังชาๆ อีก ไม่มีแรงที่จะขยับเลยด้วยซ้ำ

นี่ผมเป็นโรคอะไรร้ายแรงหรือเปล่านะ!?

"จำคำพูดของคุณไว้นะลิเคียว คุณจะต้องชดใช้" ผู้หญิงคนนั้นพูดทิ้งท้ายไว้แล้วเดินจากไปในที่สุด ผมหันไปทางไอ้ลิเคียวอีกครั้ง อาการที่บอกเมื่อกี้นี้รวมอาการหูอื้อเพิ่มข้าไปอีกด้วย ผมเห็นมันกำลังพูดอะไรกับคิสสักอย่าง แต่กลับไม่ได้ยิน เห็นแค่ท่าทางที่แลเป็นห่วงเป็นใยกันมากเท่านั้น

ผมละสายตาจากทั้งคู่เพราะไม่อยากมอง ไกลสุดทางเดินที่ผู้หญิงคนนั้นเดินไป มีรถสีแดงเปิดประทุนรอรับอยู่ แถมคนขับยังเป็นผู้หญิงสวยอีกด้วย ถึงจะไกลแค่ไหน แต่ลักษณะท่าทางแบบนั้น ไม่ผิดแน่ๆ จีแฟนไอ้ธันชัวร์ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น คงจะเป็นเพื่อนกันสินะ...

"อ้าวอ้วน มานั่งรอนานแล้วเหรอ" เสียงไอ้ลิเคียวร้องทักเหมือนตกใจที่เห็นผม จะว่าไงดีล่ะ กูอยู่เห็นตั้งแต่แรกจนจบเลยก็ว่าได้ เห็นหมดแหละว่ามึงรักเพื่อนมึงขนาดไหน ได้ยินทุกคำพูด ทุกการกระทำเลย แต่ก็ยังดีนะ ที่มันยังเห็นหัวผมอยู่บ้าง

"อืม..." ผมตอบแค่เสียงอืมออกไป เพราะไม่รู้จะพูดอะไร

"งั้น...ไปกันเถอะป่ะ" ไอ้ลิเคียวบอก มันปล่อยมือออกจากคิสแล้ว

"งั้นกูไปก่อนนะ" ไอ้ลิเคียวหันไปบอกคนอื่นๆ ส่วนผมไม่มีกะจิตกะใจจะล่ำลาใครทั้งนั้น เดินจ้ำอ้าวๆ ออกมาเลย

"เฮ้ยอ้วน ไปไหนของมึงเนี่ย" ไอ้ลิเคียววิ่งมาดักหน้าแล้วถามขึ้น

"ก็...รถมึงไง"

"รถกูจอดทางโน้นโว้ย"

"อ้าวเหรอ มึงก็นำไปสิ" ผมบอก แล้วอยู่ๆ ไอ้ลิเคียวมันก็ก้มหน้าลงมาหา ทำให้ตอนนี้หน้ามันอยู่ห่างจากหน้าผมเพียงนิดเดียว

"เป็นอะไรเนี่ย เสียงมึงหงอยๆ นะ"

"เปล่า...กูแค่พึ่งตื่น เพราะรอมึงนาน"

"อ้าว รอนานเลยเหรอ งั้นไปเถอะ เดี๋ยวป๋าพาไปเลี้ยงอะไรอร่อยๆ ทาน" ไอ้ลิเคียวมันบอกแล้วแทนตัวเองว่าป๋า ยกมือตบอกตัวเองด้วย

"อืม เอาสิ แต่ไม่ต้องเลี้ยงกูหรอก" ผมบอก

"ไม่เลี้ยงแฟนแล้วจะเลี้ยงใครล่ะ"

"ตามใจ"

"วะ! ทำไมวันนี้พูดง่ายจัง"

"วันนี้มึงก็พูดเยอะจัง" ผมบอกเสียงเอื่อย รู้สึกไม่อยากได้ยินเสียงมันแล้ว ไม่อยากเห็นหน้ามันแล้วด้วยซ้ำ

...แต่ก็ต้องเดินตามมันขึ้นรถไปอยู่ดี

"เถียงเหรออ้วน เดี๋ยวเถอะ" ไอ้ลิเคียวบอก ท่าทีมันก็ยิ้มกะล่อนเหมือนปกติ ผมไม่ได้ตอบอะไรมันจนเราเดินมาถึงรถ

"อยากขับไหม" ไอ้ลิเคียวถาม

"ไม่ล่ะ กูอยากนั่งมากกว่า"

"งั้นโอเค เชิญเลยครับ" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วเดินไปฝั่งคนขับ ผมก็เปิดประตูเข้าไปนั่งฝั่งข้างคนขับนั่นแหละ นั่งเงียบๆ หันมองแต่ข้างทาง

นี่ผมกำลังเป็นอะไรอยู่นะ ทำไมถึงรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย หันไปมองหน้าไอ้ลิเคียว พอสบตากันมันก็ส่งยิ้มกวนๆ มาให้ แล้วหันกลับไปขับรถต่อแถมเปิดเพลง อำเพลงสบายใจเฉิบ

“เออมึง กูมีอะไรจะบอก”

“พูดออกมาเลย”

“เรา…เลิกกันเถอะ”

“…อืม” ผมตอบมันไปสั้นๆ ทั้งๆ ที่ผมก็รู้อยู่แล้วว่าที่เราคบกัน มันก็แค่เล่นๆ ตั้งแต่แรก ไม่มีใครจริงจัง แถมผมคอยปฏิเสธมันตลอด ผมไม่ชอบที่มันชอบเอาคำว่าแฟนมาอ้าง ผมไม่ชอบที่มันพูดเหมือนทีเล่นทีจริง

…คราวนี้ก็จะไม่มีแล้วสิ ทั้งคำอ้าง ทั้งคำสั่งต่างๆ ผมไม่ต้องคอยห้ามไม่ให้มันพูดแล้ว ผมจะหลับเต็มอิ่มโดยไม่มีมันมาปลุกให้รำคาญใจ ผมจะไม่ต้องคอยฟังไอ้ไฟแช่งให้เลิกกับมันแล้วบ่นข้อเสียร้อยแปดของไอ้ลิเคียวให้ฟัง ผมไม่ต้องคอยโวยวายอะไรใส่มันแล้ว

ทั้งๆ ที่ผมควรจะดีใจ…แต่ทำไมน้ำตาของผมถึงไหลลงมากันนะ ทำไมใจของผมถึงได้ปวดแบบนี้ มันทั้งบีบอัดและแน่นในอกไปหมด แย่แน่ๆ ผมอาจจะเป็นโรคร้ายอะไรสักอย่างจริงๆ ก็ได้...


:mew1: :mew1: :mew1:
[/size][/color]
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 10 | 08/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 08-02-2020 09:38:35
ตอนที่ 10


ฮ่าๆ ๆ ผมอยากจะหัวเราะให้กับความบ้าของตัวเอง วันนี้เป็นวันที่ 3 แล้วครับ หลังจากที่ไอ้ห่าลิเคียวบอกเลิกผม หลังจากที่มันมาส่งผมวันนั้น มันก็เงียบหายไปเลย หายเหมือนแม่งไม่เคยมาวนเวียนรอบๆ ตัวผมมาก่อนยังไงอย่างงั้น

ทั้งๆ ที่ผมควรจะนอนตื่นสายๆ ทำตัวเหมือนปกติ เหมือนแต่ก่อนที่ผ่านมา แต่เปล่าเลย ผมกลับตื่นเช้าออกมาวิ่งออกกำลังกาย เผลอๆ จะเช้ากว่าเดิมด้วย

ผมก็ไม่ได้อยากนึกถึงมันหรอกนะ แต่ผมก็มักจะตื่นมาในตอนเช้าและมองไปที่ประตูอยู่เสมอ เหมือนรอคอยการมาของใครสักคนที่ไม่มีทางเป็นไปได้และวันนี้ก็เช่นกัน

ผมลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อเตรียมตัวออกไปวิ่ง บ้านนี้ไม่มีคนอยู่นอกจากผมกับแม่บ้านที่คอยมาทำความสะอาดหลายวันแล้ว ไอ้ไฟหายหัวไปตั้งแต่ก่อนผมกลับมาวันนั้นแล้วครับ ติดต่อไม่ได้เลยแต่ก็ดีเหมือนกัน มันจะได้ไม่มาบ่นผมเรื่องไอ้ลิเคียวอีก แม่งยิ่งชอบซ้ำเติมผมอยู่ด้วย

การออกกำลังกายตอนเช้าๆ มันก็ดีนะครับ แต่ใครจะไปคิดว่าการวิ่งคนเดียวมันจะน่าเบื่อกว่ามีเพื่อนมาด้วยขนาดนี้ แต่ผมก็ยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ อยู่ดี สองหูของผมเปิดเสียงเพลงดังกระหึ่ม ในมือถือน้ำขวดหนึ่งกับผ้าเล็กสีขาวเอาไว้ซับเหงื่อผืนหนึ่ง

"อ่าา มาวิ่งทุกวันเลยนะ" คุณลุงที่ชอบมารำไทเก๊กทักขึ้น ผมวิ่งผ่านแกทุกวันเลยครับ แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาทักผม

"ครับ" ผมตอบกลับไป เพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไร

"แล้วเพื่อนไม่มาด้วยเหรอ คนที่หล่อๆ " คุณลุงแกถามขึ้นมาอีกขณะที่ผมหยุดเดินแล้วใช้ผ้าเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาไม่หยุด

"...คงไม่มาแล้วล่ะครับ" ผมเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับไป

"ทะเลาะกันเหรอ" คุณลุงยังคงถาม ให้ตายสิ ผมไม่ได้ไม่อยากคุยกับลุงแกนะ แต่ผมไม่อยากพูดถึงมันก็เท่านั้น เพราะมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ รู้สึกเหมือนกับว่า...ผมชอบมันไปแล้วเลย

"ผมขอตัวก่อนดีกว่า" ผมไม่ตอบแต่ขอตัวแล้ววิ่งออกมา ผมวนอยู่แถวสวนแค่รอบสองรอบเล็กๆ แล้วก็กลับครับ ใครที่มีไขมันส่วนเกินจะรู้ดีเลย เวลาเราออกกำลังกายเสร็จ มันจะคันยุบยิบๆ เลย ซึ่งตอนนี้ผมกำลังเป็นอยู่และต้องการจะอาบน้ำเป็นอย่างมาก

"เห้ยยยย" ผมร้องออกมาเสียงดังพอจะปลุกข้างบ้านให้ลุกขึ้นตื่นมาด่าด้วยซ้ำ ตกใจมากเพราะกลับมาถึงบ้านแล้วเห็นไอ้แม็กนั่งอยู่กับไอ้ไฟ

"กลับมาแล้วเหรอวะ"

"ยังมั้ง...ผอมลงหรือเปล่า" ไอ้แม็กทัก ยังจะมีความกวนตีนครับ แต่พอมันชมแบบนี้แล้วผมรู้สึกดีใจกว่าทุกครั้งที่เจอมันเลยแฮะ

"ก็เหมือนเดิมแหละ มึงอย่าพึ่งไปไหนนะ เดี๋ยวกูมีเรื่องจะมาคุยด้วย" ผมบอกแล้ววิ่งขึ้นห้องเพื่อมาอาบน้ำ เหนียวตัวจะแย่ เห็นไอ้แม็กกลับมาแบบนี้ แสดงว่าพ่อก็ต้องกลับมาแล้วแน่ๆ เลย

ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวเลยครับ ยังไม่ลืมที่จะขอรถมันสักคัน ถ้าไม่ได้จริงๆ อาจจะต้องไปขอพ่อนั่นแหละ ยิ่งไอ้แม็กกลับมาแล้วด้วย มันก็ต้องใช้รถขับไปไหนมาไหนเองแหงๆ

"กินอะไรกัน ไม่รอกูเลย" ผมบอกเสียงดัง ทั้งๆ ทีตัวผมยังลงมาไม่ถึงบันไดขั้นสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ

"เสียงดัง! " ไอ้แม็กดุ ผมนี่มุ่ยหน้าเลย ไอ้ไฟอ่ะขี้บ่น แต่ไอ้แม็กอ่ะชอบดุผมแบบนี้แหละถึงหาเมียไม่ได้ ผมได้แต่คิดในใจ หน้าตาหล่อๆ หุ่นดีๆ แต่ดุฉิบหาย แบบมันเหมาะสำหรับเฝ้าบ้านครับ ให้อาหาร 3 มื้อพาไปแปรงขนบ้าง รับรองมันจะดูแลบ้านให้อย่างดี

"แม็ก~" ผมเรียกไอ้คนหน้าเหมือนเสียงยานคาง มันกำลังกินข้าวอยู่พอดี ไอ้คนที่ถูกเรียกนี่เลิกคิ้วขึ้นเลยครับ ข้าวที่กำลังจะตักเข้าปากนี่ค้างอยู่กลางอากาศ ผมทำหน้าตา (ที่คิดว่าแบ๊วสุดฤทธิ์) เพื่ออ้อนมัน ส่งสายตาปริบๆ ด้วยเอ้า!

"จะเอาอะไร" มันถามก่อนที่มันจะวางช้อนไว้บนจาน นั่งกอดอกไขว่ห้าง แล้วมองผม แม่งไม่แดกเข้าไปก่อนล่ะ ตักค้างไว้ขนาดนั้น

"กู...อยากได้รถอ่ะ" ผมบอกเสียงแผ่ว รถคันหนึ่งไม่ใช่ราคาถูกๆ นี่ครับ ถึงจะมีเงินก็ใช่ว่าจะซื้ออะไรตามใจแค่ไหนก็ได้ บางเรื่องก็ต้องรอคำอนุมัติจากผู้ถือเงินก่อน หันไปมองไอ้ไฟ มันไม่สนใจครับ แทนที่จะช่วยพูดสักนิดก็ไม่มี

"ก็เอาของกูไปใช้สิ ของไอ้ไฟอีก" ไอ้แม็กบอก

"ก็มึงก็ต้องใช้ป่ะล่ะ ก่อนหน้านี้ไอ้ไฟก็หายหัวไปตั้ง 3-4 วัน ไม่ยอมกลับมานอนบ้าน มันเอารถไปด้วยอ่ะ แล้วกูจะใช้อะไรล่ะ ถ้ามันหายไปอีก" ผมบอก ฟ้องไอ้แม็กแม่งเลย อยากหายไปดีนัก

"เอ้า กูก็ไปทำธุระป่ะ" ไอ้ไฟพูด ทีนี้แหละครับ มหากาฬตั้งแต่อดีตชาติของผมกับไอ้ไฟก็หลั่งไหลมาเรื่อยๆ โดยมีผมกับมันผลัดกันขุดคุ้ยเรื่องของอีกฝ่าย

"โทรศัพท์มึงก็ได้ก่อนกูนะไอ้ไฟ"

"พ่อก็ซื้อโน้ตบุ๊กให้มึงก่อนเหมือนกัน"

"แต่หลังจากนั้นมึงได้จักรยานคันใหม่จากไอ้แม็ก"

"ก็มึงเอา PSP แทน"

"วันถัดมามึงได้ตั๋วไปกลับต่างประเทศ เพื่อไปเที่ยวกับเพื่อนมึงปะวะ" ผมเถียงอย่างเอาเป็นเอาตาย คือกูอยากได้รถเข้าใจไหมไอ้ไฟ

"แต่มึง..."

"พอ! ไม่ต้องเถียง เดี๋ยวกูคุยกับพ่อก่อน" ไอ้แม็กบอก ทำให้สงครามน้ำลายระหว่างผมกับไอ้ไฟได้ยุติลงครับ

"มึงชอบตามใจมัน" ไอ้ไฟบ่น ถ้าลองไอ้แม็กรับปากว่าจะคุยกับพ่อ ยังไงๆ ความเป็นไปได้ถือว่าสูงมากครับ

"มึงก็ตามใจมันเหมือนกัน" ไอ้แม็กย้อน ทีนี้แหละเงียบเลยครับ ไอ้ไฟพูดมาจริงแต่กับไอ้แม็กมันไม่ต่อล้อต่อเถียงเหมือนผมหรอก

เรานั่งกินข้าวกันต่ออย่างสงบ คุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ตามประสาพี่น้อง ไอ้แม็กมันก็เล่าเกี่ยวกับที่มันไปทำงานครับ ครั้งนี้ที่ไปนานเพราะติดปัญหาเยอะ แต่ก็โชคดีหลายๆ อย่าง เอาจริงๆ ผมก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับงานของมันเท่าไหร่ เลยได้แต่อืมๆ ไป

"มือมึงไปโดนอะไรมาอ่ะ" ผมถามไอ้ไฟ พึ่งสังเกตเห็นครับ ตอนมันเอื้อมมือมาจะตักต้มจืดตรงหน้าของผม มือของมันเขียวๆ ช้ำม่วงมากๆ เลย

"..." ไอ้ไฟไม่ตอบแต่มองมาที่ผมเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง

...แต่ไอ้อะไรสักอย่างที่ผมว่า คือมันไม่พูดออกมาไงครับ

"แดกๆ ไป ช่างมือกูเถอะ...แล้ววันนี้จะไปไหนไหม" ไอ้ไฟไม่ตอบแต่เปลี่ยนมาถามผมแทน

"ว่าจะไม่ไปอ่ะ ไม่มีรถ" ผมบอก นี่กึ่งประชดด้วยนะ ไอ้แม็กนี่ตวัดหางตาจากจานอาหารขึ้นมามองเลย มันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เวลาผมพูดประชดอะไรที่มันรับปากไว้แล้ว ผมเลยได้แต่เสมองไปทางอื่นแทน

หลังจากทานอาหารเสร็จผมก็เข้ามานอนเล่นห้องตัวเองครับ วันหยุดก็ไม่รู้จะไปไหน มองไปรอบๆ ก็มีแต่อะไรเดิมๆ น่าเบื่อชะมัด!

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น เห็นไอ้ธันเช็กอินไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแฟนครับ ช่วงนี้สวีตกันน่าดู แต่เมื่อวานได้ข่าวว่า ตกเย็นแฟนมันไปตบกับใครไม่รู้เพราะเข้ามาอ่อยไอ้ธันมันนี่แหละ คนพูดถึงกันเยอะเลยครับ ไม่รู้ว่าเรื่องจริงไหม เพราะผมไม่กล้าถามไอ้ธันมันด้วย (ทั้งๆ ที่ความจริงรอเสือกเต็มที่)

กดเลื่อนไปมาอยู่อย่างงั้น ไม่รู้จะทำอะไรก็เปิดเกมเล่น สีสันในชีวิตไอ้ลาวาคนนี้มันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

ผมนอนหงุดหงิดอยู่บนเตียง มันน่าเบื่อมากนะครับ ก่อนหน้านี้ผมมัวแต่ทำอะไรอยู่วะถึงมีอะไรทำตลอดเวลา คิดไปคิดมาก็มีคำตอบอยู่อย่างเดียว คือคำตามคำสั่งไอ้ลิเคียวไง ยิ่งคิดผมยิ่งหงุดหงิด

อยู่ๆ มันก็เข้ามาในชีวิตของผม ทำให้ผมปั่นป่วน แล้วอยู่ๆ แม่งก็หายไปแบบนี้เนี่ยนะ

"แม่ง มารับผิดชอบความรู้สึกกูเลยนะ!! " ผมตะโกนออกมาเสียงดัง อยากจะตะโกนเสียงดังๆ อีกนะครับ แต่กลัวไอ้แม็กด่า เพราะห้องมันติดกับห้องผม

ผมพยายามสูดลมหายใจเข้า-ออกช้าๆ เพราะความโมโหและเสียงที่ตะเบงออกไปเมื่อกี้ ทำเอาเลือดผมสูบฉีดดีฉิบหาย รู้สึกหัวใจพองโตด้วย นี่ผมพึ่งยอมรับไปใช่ไหมว่าตัวเอง...ชอบมันเข้าให้แล้วจริงๆ ...

นอนหลับตาลง ไม่อยากรับรู้อะไรมันละ นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ ผมรู้สึกเหมือนมีเทวดากับเดวิลมายืนเถียงกันใกล้ๆ หูเลยครับ

"กูไม่ได้ชอบมัน! กูไม่ได้ชอบมัน!! กูไม่ได้ชอบมัน!!! " ผมนอนท่องอยู่อย่างนั้น พยายามจะปฏิเสธทุกความคิดและความรู้สึก

"อ๊ากกกกกก" ผมร้องออกมาเสียงดัง ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

"แม่ง ปวดหัวเลยโว้ย" ผมบ่นๆ กับตัวเอง ลุกขึ้นไปหยิบยาและดื่มน้ำที่หัวเตียง ก่อนจะกลับมาล้มตัวนอน ครั้งนี้ผมหลับตาและพยายามข่มตาให้หลับ และมันก็ได้ผล ดีที่เมื่อเช้าตื่นเช้ามากๆ ด้วย เลยทำให้ผมหลับง่ายกว่าปกติ

ถ้าต้องคิดเยอะแบบนี้...สู้หลับๆ ไปจะได้ไม่ต้องคิดอะไรดีกว่า

RRRRRR

"งืมมมมม"

RRRRRR

"โว้ยยยยยยย~~" ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่ากี่โมงกี่ยามแล้ว แต่คือกูกำลังสบายๆ เสียงโทรศัพท์แม่งก็ดังขัดจังหวะฉิบเลย

"เออแม่ง รับแล้วๆ เนี่ย...ฮาโหล! " ผมลุกขึ้นนั่ง ขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด พอคว้าโทรศัพท์มาได้ก็กดรับแล้วพูดออกไปทันที คือใครโทรมาก็ไม่รู้ล่ะ แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญกูจะโวยแม่งให้จำทางกลับบ้านไม่ถูกเลย

(หงุดหงิดอะไรของมึงเนี่ย)

"เข้าเรื่อง! " ผมพูดออกไป เสียงแหบๆ แตกสาวแบบนี้จะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจากไอ้สวย

(โว๊ะ ไอ้นี่ก็อีกคน ผัวไม่เอาหรือไง) ไอ้สวยโวยออกมา

"เข้าเรื่อง!! ไม่งั้นกูวาง"

(แดกเหล้ากัน)

"ที่ไหนว่ามา" ร่างกายต้องการแอลกอฮอล์อยู่พอดี

(เยี่ยม ที่เดิม 2 ทุ่ม โต๊ะในสุดชั้นล่าง) ติ๊ด แล้วไอ้สวยก็วางไป

ที่เดิมของพวกผมหรือแม้แต่เด็กแถวนี้ก็มีอยู่ที่เดียวนั่นแหละครับ โค้งละลายทรัพย์หรือที่เรียกว่า ผับ LQ ที่มีเจ้าของร้านหล่อๆ นั่นแหละ ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปร้านอื่นนะ แต่ผับไอ้ลิเคียวแม่ง อยู่ยงคงกระพันจริงๆ ทำเอาร้านอื่นๆ ต้องพ่ายไปนักต่อนักแล้ว

จริงๆ ก็มีมาเปิดเป็นคู่แข่งอยู่เรื่อยๆ นะครับ แต่ไม่เห็นว่าจะอยู่ได้นานเหมือนร้านของไอ้ลิเคียวเลย นอกจากจะใช้ชื่อว่า LQ แล้ว นักศึกษาที่อยู่ชั้นปี2 ขึ้นไปจะรู้จักกันอีกชื่อหรือฉายาที่ตั้งให้ร้านว่า โค้งละลายทรัพย์

เพราะด้วยทำเลที่ดีอยู่ตรงหัวมุมแล้วยังมีที่จอดรถด้านหน้าอีกกว้าง ถัดไป 2 ซอยจะมีคลินิกรักษาคน ซึ่งถ้าแม่งตีกันแถวร้านหรือในร้านนะ ส่งตัวไปคลินิกนี้แม่งสะดวกมาก ฝั่งตรงข้ามที่อยู่เยื้องๆ ก็เป็นร้านโจ๊กเจ้าอร่อยกับร้านอาหารเจ้าอื่นๆ ให้เลือกเพียบ แถมการ์ดรักษาความปลอดภัยแน่นหนาดี ข้อดีคือไม่ใกล้ไม่ไกลมหาลัยด้วย นักศึกษาจึงมาใช้บริการกันเยอะ ที่สาธยายมายืดยาวก็ไม่ใช่เพราะอะไร อยากจะบอกแค่ว่า ผมไม่ได้อยากไปร้านมันนักหรอก แทบจะไม่อยากเจอหน้ามันด้วยซ้ำ แต่ที่ไปเพราะการบริการที่ดีเท่านั้นเอง

ผมลุกขึ้นแต่งตัว จากเมื่อก่อนที่ต้องไปรับส่งไอ้วิน ท่าทางวันนี้ผมคงต้องให้ไอ้วินมารับแทนซะแล้ว ตั้งแต่แม่งมีรถ (ท่าทางจะเป็นรถของผู้ชายคนนั้นอ่ะ ไม่น่าใช่รถมันจริงๆ หรอก) ผมเห็นผู้ชายคนนั้นขับมาส่งมันตลอด ถึงจะมีบางครั้งที่แม่งขับมาเองบ้างก็เถอะ

ผมมองดูนาฬิกาถึงได้รู้ว่าตัวเองหลับไปนานพอสมควร หาเสื้อผ้าแบบหยิบใส่ๆ เพราะผมไม่ค่อยเรื่องมากเท่าไหร่กับการแต่งตัวอยู่แล้ว ไม่ลืมที่จะโทรไปหาไอ้วินด้วย แล้วมันก็โอเคที่จะมารับผม

ปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่าการหารถออกไปคือการที่จะบอกไอ้แม็กยังไงดี เดี๋ยวมันบ่นอีกว่าพ่อกลับมาแทนที่จะไปหาพ่อก่อนแต่ดันหาเรื่องออกไปเที่ยวซะได้

ผมค่อยๆ ย่องออกจากห้อง ไม่รู้ว่าพวกมันอยู่ส่วนไหนของบ้าน แอบออกไปแบบนี้ยังดีกว่าให้ไอ้พวกนั้นรู้เลย ไอ้แม็กชอบดุ ไอ้ไฟก็ขี้บ่นจนน่ารำคาญ

ผมเดินลงมาจนบันไดขั้นสุดท้ายก็ไม่พบเจอสิ่งมีชีวิตอันใดเลย จะบอกว่าไม่มีคนอยู่ก็เป็นไปไม่ได้เพราะไฟในบ้านเปิดสว่างโล่ขนาดนี้

"คุณหนูทำอะไรคะ" เสียงป้าแม่บ้านดังขึ้นข้างหลังผม

"ไอ้แม็กกับไอ้ไฟอ่ะ"

"คุณแม็กม่าออกไปพบคุณท่านตั้งแต่ช่วงบ่าย ส่วนคุณอัคนีออกไปเมื่อช่วงหัวค่ำค่ะ...แต่งตัวซะหล่อ ป้าก็ไม่แน่ใจว่าไปไหน" ป้าแม่บ้านบอก จริงๆ เธอมีชื่อเรียกนะครับ 'ป้าชื่น' แต่ชื่อแกไปตรงกับลุงคนขับ 'ลุงชื่น' ที่คอยขับรถให้พ่อของผม (หรือก็คือสามีป้าเขานั่นแหละ) ส่วนมากผมเลยเรียกป้าว่าป้าแม่บ้านซะมากกว่า

"โอเคครับ งั้นถ้าพวกมันกลับมาฝากบอกว่าผมหลับไปแล้วนะ" ผมบอกเพราะถ้าไม่พูดงี้ เดี๋ยวไอ้ไฟกลับมามันต้องไปตามตัวผมแน่ๆ บางทีถ้าติดลมก็ยังไม่อยากกลับปะวะ

ผมเดินออกมารอที่หน้าประตูใหญ่ ช่วงนี้อากาศเย็นทำให้มืดเร็วมาก ผมไม่ชอบอากาศหนาวๆ สักเท่าไหร่ โอ๊ย! ตอนนี้ก็อยากให้ไอ้วินมารับเร็วๆ ด้วย เพราะยุงเริ่มเยอะละ

เอี้ยดดดด!!

เสียงเบรกจากรถที่วิ่งเลยผ่านหน้าผมไป ทำเอาผมตกใจเข่าแทบทรุด คือเสียงดังมาก แถมรถหรูมากอีกด้วย เป็นผมถ้าขับแล้วไปชนกับอะไรเข้าให้นะ ผมคงได้แต่ยืนกรี๊ดแน่ๆ

"ขึ้นมาสิครับ" เสียงทะเล้นๆ ดังออกมาจากรถ กระจกที่ค่อยๆ ลดลงทำให้ผมเห็นใบหน้าคนขับชัดเจนขึ้น

"เอ๊ะ! ...มึง! ...เอ๊ย! ...คุณ! " กูจะแทนชื่อมันด้วยอะไรดีวะ เคยเจอแม่งครั้งเดียวเอง ตอนที่มันกำลังจะเอาเพื่อนผมอ่ะ นอกนั้นคือขับรถมาส่งไอ้วินเฉยๆ ไม่เคยได้ทักทายอะไรเลยด้วยซ้ำ ไอ้ห่าวินก็ไม่เคยปริปากพูดถึงด้วยสิ

"เรียกชุนก็ได้นะ" มันบอก

"แล้ว..."

"วินให้มารับอ่ะ" ไอ้คนที่ชื่อชุนบอกออกมา ทำให้หน้าของผมที่คงมีแต่เครื่องหมายคำถามนี่คลีออกมาเลย

ไม่รอช้า ผมรีบกระโดดขึ้นนั่งรถคันงามอย่างไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว ให้ตายเถอะ บุญตูดผมแท้ๆ ต้องเกิดกี่ชาติถึงจะได้รถแบบนี้มาครอบครองเนี่ย ราคาอย่าได้ถาม หลายหลักนะครับเนี่ย เป็นรถที่แบบนอกจากจะพื้นที่น้อยแล้วยังนั่งได้แค่สองคนอีกต่างหาก แต่ราคาเสือกไม่ธรรมดาเลย

"พี่...นั่งดีๆ ดิ"

"กูแก่กว่าหรอ" ในเมื่อมันแทนตัวผมด้วยพี่ ผมเลยแทนตัวเองด้วยกูซะเลย

"ก็ถ้าเป็นเพื่อนวินอะนะ" ไอ้ชุนบอกออกมา นี่แสดงว่าเพื่อนผมได้ผัวเด็กเหรอวะ แถมยังรวยอีกต่างหาก..แต่จะว่าไปไอ้วินมันก็เด็กกว่าผมนะ อายุมันไม่เท่าไหร่เอง..แต่กับไอ้เด็กตรงหน้า มันแลโตกว่ามาก ถึงท่าทางจะไม่ให้เท่าไหร่ก็เถอะ

ระหว่างทางไอ้ชุนมันชวนผมคุยตลอดเลยครับ ต่างจากวันที่เจอกันวันนั้นสุดๆ คือตอนนี้แม่งแลกวนตีนๆ บวกกับตลก แต่วันนั้นคือหน้าโคตรโหดเลยไง

"มึงเนี่ยนะเรียนหมอ!! " ผมถามออกไปด้วยความตกใจ หลังจากที่มันบอกออกมาเองว่าตัวเองเรียนแพทย์อยู่มหาลัยเดียวกันกับผม

"อืม" มันตอบออกมา ผมนี่โคตรจะไม่อยากเชื่อ

"หมอเหี้ยไรสักขนาดนี้วะ"

"เอ้า แล้วมีใครบอกว่าหมอห้ามสักอะพี่" เออวะ ถูกของมัน

"แต่แม่งไม่เยอะไปหน่อยเหรอวะ ทั้งขาทั้งแขนเลยนะ เท่าที่กูเห็นเนี่ย" ผมถามออกไป มันเป็นที่แจ้งเลยนะ แล้วรอยสักของมันเนี่ย...ไม่ใช่ว่าเล็กๆ แล้วมองผ่านๆ จะไม่เห็นนะครับ ขนาดไม่ตั้งใจมองก็ยังต้องเห็นเลย

"ผมมีเหตุผลของผมน่า"

"แล้วคนไข้ที่ไหนเขาจะมานับถือวะ"

"แล้วพี่เคยเห็นหมอใส่ขาสั้น แขนสั้นไปตรวจคนไข้หรือไง ของแบบนี้เขาวัดกันที่ฝีมือหรอก" ไอ้เด็กชุนพูดออกมา ผมเหมือนกลายเป็นคนโง่ที่พูดอะไรโง่ๆ ทั้งที่ตัวเองก็โง่อยู่แล้วเลย

"เออ กูไม่ถามอะไรมึงละ" ผมตัดบทขณะที่รถได้เลี้ยวมาถึงร้าน เห็นไอ้วินยืนรออยู่ตรงมุมมืดๆ ข้างประตู คงจะรอผม..หรือไม่ก็ผัวมันอยู่สินะ

ผมลงจากรถแล้วเดินตรงไปหาไอ้วิน ทันที ไอ้ชุนมันจอดรถอยู่ครับ แต่ผมไม่สนใจมันละ

ขณะที่เดิน ทั้งๆ ที่ผมโคตรจะโฟกัสไปที่ไอ้ห่าวินเลยนะ แต่หางตาของผมก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ผมไม่อยากเห็นเอาซะเลย มันทำเอาผมชะงักไปทันทีและแทบไม่อยากจะก้าวเดินต่อ ก็คิดดูสิครับ มันพึ่งบอกเลิกผมไปได้เพียงสามวัน (ถึงจะเป็นการคบกันที่ต่างคนต่างรู้อยู่แล้วว่ามันไม่จริงก็เถอะ ทั้งๆ ที่รู้แบบนั้น แต่ผมกลับปล่อยใจไปได้ไงวะ งงกับตัวเองฉิบ) แล้วพอมาวันนี้มันกลับควงผู้ชายตัวเล็กหน้าตาน่ารัก ดีกรีเพื่อนรัก พ่วงตำแหน่งคนพิเศษเข้าไปด้วย มาให้ผมเห็นซะละ แต่ที่น่าช้ำใจกว่าการที่มันมีคนควงใหม่คืออะไรรู้ไหมครับ

...คือคนที่เดินคู่กับมันเสือกดูดีและดูเข้ากับมันจนผมหมดปัญญาที่จะเอาอะไรมาติอีกฝ่ายให้ตัวเองได้รู้สึกดีขึ้นเนี่ยสิ...

หึ คิดแล้วน่าน้อยใจในตัวเองนะครับ ผมมีอะไรดีพอจะสู้คนอื่นเข้าบ้างปะวะ...ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูก ตัวผมมีอะไรดีพอที่จะหาแฟนแล้วทำให้เขาอยู่กับผมนานๆ มั่งวะ น่าจะถูกกว่า!

:mew3: :mew3: :mew3:
[/color]
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 11 | 09/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 09-02-2020 08:03:04
ตอนที่ 11

ด้วยความที่ไม่อยากจะทักหรือเห็นหน้าไอ้ลิเคียว ผมเลยชะลอเดินช้าลง กว่าเมื่อกี้ที่แทบจะพุ่งตรงไปหาไอ้วินมันเลย

"เอ้า พี่ลาวา! ทำไมเดินช้าล่ะ" เสียงไอ้ชุนดังขึ้น ทำเอาไอ้ลิเคียวหันมามองเลย แต่โชคดีที่แม่งไม่เห็นผม เพราะคนเดินผ่านหน้าประตูทางเข้ากันอย่างพลุกพล่าน ไอ้อ้วนอย่างผมนี่รีบทำตัวลีบเลยครับ ถึงจะไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่ก็เถอะ ผมยิ่งอยากเดินเงียบๆ อยู่ พอไอ้ชุนมันเห็นผมนิ่งหยุดเดินแหละครับ แม่งก็เอามือมาคล้องคอผมแล้วลากไปหาไอ้วินเลย จะขืนก็แรงน้อยกว่าอีก ทั้งๆ ที่แม่งตัวผอมบาง ถึงมันจะสูงมากก็เถอะ (น่าจะ 190 กว่าได้) ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหนนัก

"ช้า" ผมอยากจะพูดว่า 'ดูประโยคแรกที่ไอ้วินมันพูดสิ' จะเอ่ยทักผมสักคำก็ไม่มี แต่มันแม่งเสือกพูดมาเพียงคำเดียวไง ไม่ใช่ประโยคอะไรทั้งสิ้น ไม่มีประธานหรือกริยาเลย มีแต่ไอ้ชุนนั่นแหละที่เป็นกรรม (เป็นเวร) ต้องมาฟังแม่งด่าในใจ เพราะมองทางสายตาแบบนี้ ไอ้วินไม่พูดออกมาแต่หางตามันบ่งบอกว่ากำลังตำหนิเต็มที่เลยครับ

"ก็บ้านพี่ลาวาหายากนิครับ" ไอ้ชุนบอกออกมา มันไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำว่าไอ้วินจะทำหน้ายังไง แค่เดินเข้าไปหา ไม่มีบทหวาน ไม่มีบทฮาร์ดคอร์ แค่เดินเข้าไปเฉยๆ แล้วใช้มือของมันจับไปที่ปลายเสื้อไอ้วินแค่นั้น

"เข้าด้านในกันเถอะ" ผมบอก กลัวว่าสองผัวเมียแถวนี้จะตีกันทางจิตจริงๆ

อื้อฮือ แค่เดินผ่านประตูเข้ามาเท่านั้นแหละ หูผมแทบดับเลยครับ เสียงดนตรีมันส์ๆ ปลุกเร้าอารมณ์ให้คนหนุ่มสาวลุกขึ้นมาเต้น เสียงเพลงดังตุบๆ ก้องอยู่ในหัว ความดังกับจังหวะเร้าใจทำเอาหัวใจของผมเต้นตามตุบๆ เลย

ผมเดินตรงไปยังโต๊ะประจำชั้นล่าง ทุกครั้งที่สอบเสร็จหรือมีอะไรให้นัดมาดื่ม พวกผมก็จะนั่งมุมนี้แหละครับ จะมีแต่ก็วันนั้นที่ไอ้ลิเคียวจองให้นั่นแหละ ถึงขึ้นไปนั่งชั้นบน ไม่ใช่ไม่ชอบนะ แต่ไอ้สวยมันบอกว่าไม่ใช่แนวมันเท่าไหร่ มาดื่มทั้งที ก็ต้องมาเต้นด้วย ซึ่งมันก็จริงอย่างที่ไอ้สวยบอกนั่นแหละ เราเลยได้ที่ประจำกันตรงนี้ เป็นที่ประจำมาโคตรจะนานแสนนานที่นานน๊านนานครั้งมาทีน่ะครับ

"นั่งเลยๆ " เสียงไอ้สวยพูดขึ้นเป็นคนแรก ผมมองไปที่โต๊ะด้านหน้าตัวเอง รู้สึกถึงความฉิบหายก็คราวนี้

ทั้งๆ ที่ผมว่าผมหนักใจกับการไม่มีคนรักนะ แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมามากเลย

"นะ...นั่งสิมึง" รอบนี้ไอ้ธันเป็นคนบอก เสียงมันค่อนไปทางติดอ่างนิดๆ แต่ถ้าเป็นผม ผมก็คงเกร็งเหมือนกันแหละวะ สงสัยแต่ไม่ถามต่อดีกว่า รีบผลักให้ไอ้ชุนเด็กที่อ่อนที่สุดเข้าไปนั่งด้านใน ตามด้วยไอ้วินและผมปิดท้าย ฝั่งผมสาม ฝั่งไอ้ธันสาม ฝั่งผมที่พึ่งมาใหม่คงจะรู้อยู่แล้วใช่ไหมครับว่ามีใคร แต่ฝั่งไอ้ธันนี่สิ สาวๆ นี่นาบข้างเลย

'ไอ้โซ่อ่ะ' ผมกระซิบถามไอ้วิน

'ไม่มา'

'เอ้า ไมวะ'

'หาเมียให้ไมเคิ้ล'

'ไมเคิ้ล? ไมเคิ้ลไหนวะ' ผมทำท่างงออกไป ถึงจะรู้สึกคุ้นๆ ชื่ออยู่บ้างแต่ก็นึกไม่ออก ขนาดไอ้โซ่ที่ว่าดูดีๆ แต่ตัวมันเองยังหาแฟนไม่ได้เลย แล้วนี่จะหาเมียให้คนอื่นเนี่ยนะ เป็นไปได้เหรอ?

'กุ้งมันอ่ะ ไอ้ไมเคิ้ล' กระจ่างถึงบางอ้อเลยครับ ที่แท้ก็อาหารชั้นโปรดของไอ้สวยนั่นเอง

"พวกมึงกระซิบไรกันวะ" ไอ้สวยถาม

"เปล่าๆ ๆ แล้วมึงมากันนานยัง"

"โคตรนานเลยเหอะ" อันนี้ไอ้ธันแย่งตอบ

ผมก็พยักหน้าเป็นการรับรู้แล้วเรียกบริกรมาสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม ช่วงนี้เพลงกำลังมันส์ดีครับ ไอ้วินที่ว่าเป็นคนเงียบๆ ยังโยกหัวไปด้วยเลย ต่างจากแฟนมันที่แทบจะลุกขึ้นเต้น ตลอดช่วงเวลาครึ่งชั่วโมงที่นั่งมา บรรยากาศดีมาตลอดเลยนะครับ จนกระทั่ง...

"ธัน จีอยากเข้าห้องน้ำ"

"เดี๋ยวผมไปส่ง"

"ห้องน้ำมีสับประหลาดหรือไง ถึงไปคนเดียวไม่ได้" ไอ้สวยแขวะครับ ทำเอาไอ้ธันหน้าตึงไปเลย ส่วนจีก็มองไอ้สวยแบบเอาเรื่อง ก่อนจะพูดขึ้น

"แกสิสับประหลาด"

"ไม่เอาน่าเธอ ไปเถอะ" ไอ้ธันมันก็แลไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะครับ แต่ก็พยายามไม่อะไรแล้วลากจีไป

"มึงว่าไอ้ธันชอบยัยนั่นจริงไหมวะ"

"ไม่รู้สิ แต่มึงไม่ควรไปแขวะเขาแบบนั้นนะ" ผมตอบ

"ก็กูไม่ชอบ"

"จะชอบไม่ชอบก็ไม่ควร" ครั้งนี้เป็นไอ้วินพูดครับ ทำเอาไอ้สวยเงียบไปเลย มันกลอกตาบนนิดหน่อยแต่ก็ยอมเงียบแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

...แต่ปัญหาไม่ได้จบแค่นั้นนะครับ พอจีกับไอ้ธันกลับมา ทั้งสองคนก็กัดกันแขวะกันเรื่อยๆ จนไอ้ธันแทบจะเอาเท้าตัวเองก่ายหน้าผาก ไอ้ชุนที่ตอนแรกเฮฮากว่าเพื่อนยังนั่งตัวลีบแข่งกับผมเลย ใครบอกว่าผู้หญิงสวยๆ จะใสๆ ไม่จริงนะครับ อย่างน้อยก็สองคนตรงหน้าผมนี่แหละ น่ากลัวฉิบเลย

"ธัน จีว่าจีจะไม่ทำละ ถ้าธันไม่ชอบ"

"ก็ดีแล้ว ทำเยอะไปมันก็ไม่ดีหรอก"

"ก็ทำมาซะขนาดนั้น ถ้าทำอีกก็คงต้องทำลูกนัยน์ตาแล้วล่ะ"

"สวย มึงเงียบไปเลย"

"ทำไม มึงเคยบอกว่าไม่ชอบคนทำศัลยกรรมนิ" ไอ้สวยบอก ไอ้ธันก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกไป ได้แต่นั่งทำหน้าเครียด แต่ผมเห็นนะ จีนั่งตัวสั่นเลยล่ะครับ คงจะทั้งโมโห ทั้งโกรธเลยด้วย แต่ยังดีที่ไอ้ธันคอยบีบมือเหมือนส่งซิกเป็นในๆ ให้ใจเย็นๆ

"เออ ธัน วันก่อนที่มึงไปส่งกูที่บ้านอ่ะ แม่กูเขาถามถึงมึงด้วยนะ"

"เหรอวะ กูนึกว่าแม่ไม่อยู่ รีบๆ ด้วยเลยไม่ได้เข้าไปไหว้เลย"

"เออดิ ช่วงหลังเขาไม่ค่อยเห็นมึงไง เลยจะชวนมึงไปกินข้าวเหมือนเมื่อก่อน แต่กูบอกไปแล้วนะว่ามึงไม่ว่าง"

"เออ ไว้ว่างๆ กูจะเข้าไปหาแม่มึงละกัน"

"ก็ได้ กูจะได้ให้แม่ทำกับข้าวที่มึงชอบให้"

"อืม" ไอ้ธันตอบแค่นั้นก่อนจะเอามือที่บีบมือจีอยู่ออกแล้วเปลี่ยนเป็นโอบแทน จีที่นั่งเงียบอยู่นานไม่มีบทบาทอะไรก็ได้แต่ยกเหล้าดื่มเข้าปาก

เมื่อก่อนไอ้ธันมันไปส่งไอ้สวยบ่อยครับ เดี๋ยวนี่ก็ยังไปไง แต่คงไม่เท่าเดิม กับแม่ของไอ้สวยพวกผมก็สนิทนะ ท่านอยากได้ลูกชายเลยเอ็นดูพวกผมมาก แต่กับไอ้ธันจะพิเศษหน่อย เพราะมันชอบเข้าไปช่วยแม่ไอ้สวยทำนู่นทำนี่น่ะครับ

เพล้ง!

ขณะที่ดื่มๆ กันอยู่ เสียงขวดเหล้าแตกก็ดังขึ้น ไม่นานก็มีเสียงโวยวายตามมา ทำเอานักศึกษาแถวนั้นแหวกออกเป็นวงกลมวงใหญ่เลยครับ

"เอาอีกแล้ว" เสียงจีพูดขึ้น

"วันนี้ก็อีกเหรอวะ" ไอ้ธันเสริม

"ทำไมเหรอ" ผมถาม

"ก็ช่วง 2-3 วันมานี่ ร้านนี้มีแต่คนมาก่อปัญหาอะดิ เมื่อวานกูก็มานะ นั่งกับพวกเพื่อนจีนี่แหละ ดูที่แขนกูดิเนี่ย! " ผมก็ชะโงกหน้าไปดูแขนไอ้ธัน มีรอยบาดบางๆ อยู่ด้วย

"โดนลูกหลงเหรอวะ"

"เออ แต่คนอื่นโดนเยอะกว่าอีกนะ" ไอ้ธันบอก ผมที่กำลังจะหันไปดู กลับโดนกระชากให้หมอบตัวลงโดยใครไม่รู้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นไวมาก ผมได้ยินเสียงจีกับไอ้สวยกรี๊ดขึ้นมาครั้งหนึ่งและยังคงมีออกมาเรื่อยๆ แต่ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง

ก้มหน้าลงมองที่แขนตัวเอง ผมก็รู้ตัวคนที่กระชากแขนผมแล้ว ไอ้เด็กชุนนั่นเอง ตัวมันตอนนี้คือบังไอ้วินอยู่ครับ แต่แขนมันก็คอยป้องตัวผมด้วย ผมได้ยินเสียงทั้งขวดทั้งแก้วแตก เพลงตอนแรกที่เปิดกระหึ่มเงียบลงไปแล้ว จะมีก็เสียงโวยวายของเด็กวัยรุ่นที่ตีกันเท่านั้น

"จับออกไปให้หมด แล้วเอาไปรวมไว้ในโกดัง จะลูกเต้าเหล่าใคร หรือใครจ้างมากูไม่รู้ แต่ครั้งนี้กูไม่ให้มึงหนีไปแน่" ไอ้ลิเคียวบอกออกมาเสียงดัง การ์ดนับสิบวิ่งกรูเข้ามายืนล้อมอย่างไว โชคดีที่ไม่มีใครพกมีดหรือปืนมาด้วย ไม่งั้นคงแย่แน่

"ใครที่รู้ตัวว่าบาดเจ็บจากลูกหลงครั้งนี้ผมของให้ไปยืนรวมกันตรงทางออก ส่วนใครที่ไม่เป็นอะไร แล้วอยากอยู่ต่อรบกวนขึ้นไปทางชั้นสองก่อน" เสียงไอ้ลิเคียวพูดขึ้นอีก หลายคนเดินออกไปรอด้านนอกเพราะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ได้โดนอะไรแต่รีบออกไปคงจะกลับบ้านหรือกลับหอกันเลย พวกที่อยู่ชั้นสองก็ยังคงอยู่ต่อ อาจจะมีเขยิบหนีบ้าง เพราะคนจากด้านล่างก็ขึ้นไปเยอะอยู่เหมือนกัน

จากเท่าที่ผมดูสภาพร้าน ก็เละพอสมควร ข้าวของเสียหายไปก็เยอะ ทั้งโต๊ะทั้งเก้าอี้หัก พังไปกว่าครึ่งเลยด้วยซ้ำ

"วินเป็นไรไหม" เสียงไอ้ชุนถามเพื่อนผม

"ไม่"

"แล้วพี่อ่ะ โอเคไหมเนี่ย"

"เออ โอเค" ผมตอบ

"เธอ เราพาสวยไปทำแผลก่อนนะ" อันนี้เสียงไอ้ธันครับ ทำเอาผมกับไอ้วินที่หมอบอยู่ใต้โต๊ะรีบชะโงกไปมองเลย

"อืม รีบมานะ" ไอ้ธันพยักหน้าแล้วประคองไอ้สวยเดินออกไป ผมเห็นแล้วครับ รอยเศษแก้วบาด แต่ไม่มากหรอก

"ผมว่าเรากลับกันเถอะ"

"อืม"

"งั้นวินไปรอตรงที่เดิมนะ เดี๋ยวผมไปส่งพี่ลาวาก่อนแล้วจะรีบขับกลับมารับ" เสียงสนทนาของทั้งสองคนด้านข้างผมพูดดังขึ้น

"เดี๋ยวๆ พวกมึงกลับกันเลย" ผมรีบบอกออกไปเพราะไอ้ชุนนี่แทบหิ้วผมติดมือมันไปด้วยเหมือนผมเป็นถุงอะไรสักอย่าง

"อ้าว ทำไมล่ะครับ"

"เดี๋ยวกูกลับเองได้ พวกมึงกลับกันเถอะ" ผมบอกแล้วหันไปมองทางด้านจีที่นั่งอยู่คนเดียว

ผมไม่ได้ชอบเธอหรอกนะ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร เราก็นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันจะปล่อยให้เธอนั่งรอไอ้ธันคนเดียวได้ไง ถึงไงก็เป็นผู้หญิง ที่สำคัญคือแฟนเพื่อนด้วย

"เออ มีไรก็โทรมา" ไอ้วินพูดแค่นั้นแล้วเดินออกไปกับไอ้เด็กชุน มันไม่ได้ใจร้ายขนาดไม่สนใจใครหรอกครับ แต่มันก็ไม่ได้ใจดีขนาดใส่ใจทุกคน มันเป็นพวกถ้ามีปัญหาให้บอกจะรีบช่วย แต่ถ้าเราสามารถแก้ไขเองได้ มันก็จะยืนดูอยู่ห่างๆ โดยที่ไม่ช่วยทำห่าอะไรเลยเหมือนกัน

"ไปนั่งตรงนู้นเถอะ" ผมบอกจีก่อนจะเดินนำไป

"โอ๊ย! "

"เป็นอะไร" เสียงจีดังมาจากด้านหลัง ผมรีบหันกลับมาดูเลย

"สงสัยข้อเท้าแพลงมั้ง คงตกส้นสูงตอนหมอบลงเมื่อกี้" จีบอกแล้วทำหน้าเหยเก

"งั้นก็มา" ผมบอกแต่ยังไม่ได้ทำให้เธอตั้งตัว ผมก็อุ้มจีขึ้นเลยครับ ดูเหมือนเธอจะตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยอมยกแขนคล้องคอผมเพราะกลัวตก

ผมอุ้มเธอมานั่งตรงบาร์ครับ ตรงนี้จะเป็นมุมมืดนิดหน่อย แต่ก็ห่างจากตรงที่มีเรื่องเมื่อกี้อยู่ เลยไม่มีปัญหาถ้าผมจะอยู่เพราะมันสามารถสั่งเหล้าหรือคอกเทลมาดื่มต่อได้ ตอนนี้พนักงานเอาโต๊ะมาเติมแล้ว ส่วนที่มีเรื่องเมื่อกี้เขาก็กำลังจัดการทำความสะอาดเสียใหม่

"ฮะ..ฮึก"

"..." เพราะบาร์ตรงนี้เป็นที่นั่งแบบเดียวๆ พอผมจะวางเธอลงที่เก้าอี้กลับกลายเป็นเธอที่กระชับอ้อมแขนแล้วเอาหน้าซุกผมหนักขึ้น ถ้าหูผมไม่ฝาดไป ผมว่าเธอต้องร้องไห้อยู่แน่ๆ หรือเธอจะอ่อยผมอยู่วะ

ผมนั่งนิ่งๆ ไม่ได้พูด ไม่ได้ปลอบ ก็แค่กอดแบบไม่ให้เธอตกลงไป ผมเป็นคนนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีจีนั่งอยู่บนตัก ในที่นี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าเราจะนั่งกันแบบนี้ แต่มันจะดูไม่ดีก็เพราะว่าเธอเป็นแฟนเพื่อนสนิทผมนี่สิ ถึงตรงนี้จะมืดมากก็เถอะ

"โทษทีนะ ฉันคงตัวหนัก" เธอบอกออกมาหลังจากร้องไห้และเช็ดน้ำตาออกไปแล้ว

"ก็ไม่นิ ผมว่าจีตัวเบาไปด้วยซ้ำ" ผมพูดออกไปตรงๆ

"ไม่ดีใจหรอกนะ" เธอบอกพลางยกมือมาเช็ดน้ำตาที่ยังคงไหล ถึงเธอจะบอกว่าไม่ดีใจ แต่ผมก็แอบเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ

"...หน้าเหมือนไฟจังเลยนะ" หลังจากที่เธอลงจากตักของผมไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ เราก็นั่งเงียบๆ กันไป จนกระทั่งเธอพูดออกมาเมื่อกี้แหละครับ

"รู้จักมันเหรอ"

"อืม เคยคบอยู่ช่วงหนึ่ง"

"อ่อ...เมื่อกี้ที่ร้องไห้ เอ่อ..ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า" ผมถาม ถึงจะเห็นน้ำตาเธอจริงๆ ก็เถอะ

"อืม"

"เจ็บมากเหรอ ที่ข้อเท้าน่ะ"

"เท้า? ที่แพลงน่ะเหรอ...ก็เจ็บนะ" เธอตอบออกมา เหมือนไม่ค่อยสนใจที่ข้อเท้ามากนัก ผมอยากจะพาไปหาหมออยู่หรอกนะ แต่ก็ไม่มีรถ คลินิกก็คงจะเต็มไปด้วยคนที่โดนลูกหลงเมื่อกี้แล้วด้วย จะก้มลงไปดูเองก็ไม่มีความสามารถมากพอ ผมไม่ใช่หมอนิ กลัวว่าจะทำเธอเจ็บกว่าเดิม

"แล้วทำไมถึงเลิกกับไอ้ไฟล่ะ" ผมถามเพราะไม่มีอะไรจะพูด

"จะเอาคำตอบสวยๆ หรือตามตรงล่ะ"

"ตรงๆ "

"ก็คบไปงั้นๆ แหละ หล่อดี อีโก้สูง แต่ขี้บ่นไปหน่อยน่ะ"

"ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ " ผมหัวเราะออกมา แม่งจี้สุดตรงที่ไอ้เหี้ยไฟขี้บ่นนี่แหละ

"ถามอะไรหน่อยสิ"

"หืม"

"กับข้าวสวย ธันเขาสนิทมากเลยเหรอ" จีถามออกมาด้วยแววตาจริงจัง ทำเอาผมทำนั่งขำเมื่อกี้ขำไม่ออกเลยครับ

"ก็สนิทแหละ แต่ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากเลย" ผมบอก ไม่แปลกที่เธอจะไม่สบายใจเรื่องนี้ แถมไอ้สวยยังแสดงออกชัดมากด้วย จะมีก็ไอ้ห่าธันเนี่ยแหละ ที่ดูไม่ออก

"ไม่มีอะไรเหรอ...ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ดีสิ"

"ไม่มีจริงๆ " ผมบอก ถึงจะไม่รู้ว่าไอ้ธันคิดอะไรอยู่ แต่กับจีผู้หญิงตรงหน้านี้ ผมว่ามันเปิดตัวสุดๆ เลยนะ

"เราเคยเห็นเขาจูบกันด้วย...เพื่อน...จูบกันได้ด้วยเหรอ" จีบอกออกมาหน้าเศร้า แต่ทำเอาผมใจแป่วไปเลย คือหมดปัญญาจะพูด จะตอบอะไรแล้วครับ ทุกครั้งที่มีปัญหาหรือทะเลาะกันหรือแม้กระทั่งไอ้สวยที่เริ่มแขวะจีก่อน สุดท้ายก็จะเป็นไอ้ธันเองที่เงียบ มันไม่ได้ดุหรือด่าว่าไอ้สวยเลย ถึงจะมีห้ามปรามบ้างก็เถอะ เป็นผมก็คงน้อยใจอยู่บ้างแหละ

"จีนี่...สวยดีเนอะ" ผมพูดชมออกไปตรงๆ เพราะเรานั่งเงียบอยู่นาน ไอ้ธันไม่มีทีท่าว่าจะมาถึงเร็วๆ นี้เลยครับ จีก็สั่งคอกเทลมาดื่มเพิ่มหมดไปหลายแก้วแล้วด้วย

"ก็ทำมาทั้งนั้นแหละ" เธอบอกออกมาตามตรง

"ถามได้ไหม...ทำไมถึงทำเหรอ" เกลียดความเสือกของตัวเองจังครับ แต่ไม่มีเรื่องจะคุย หรือผมควรหุบปากเงียบๆ ดี

"โทษนะ แต่เราถามเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะว่าหรือคิดอะไรไม่ดีเลย" ผมบอกออกไป

"ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ฉันไม่ถือหรอกถามมาได้"

"เหรอ...แหะๆ "

"แต่ก็ไม่น่าถามนะ เพราะคำตอบก็มีอยู่แล้ว ทำมาเพราะอยากสวยไง อยากดูดี อยากให้คนที่ชอบสนใจ" เธอบอกออกมา เป็นคนตอบที่ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรจะเสือกเรื่องของคนอื่นตลอดชีวิต ความเสือกของผมไม่เคยปราณีใคร พอๆ กับความโง่ของผมที่ไม่เคยหายไปไหนหลังจากได้รับคำตอบแต่ละทีนั่นแหละครับ

"นั่นสิเนอะ เหอๆ " ผมยิ้มแหยๆ กลับไป ผมเข้าใจนะ ณ จุดจุดนี้ใครๆ ก็อยากดูดีต่อหน้าคนที่ชอบกันทั้งนั้นแหละ ผมเชื่อสนิทใจเลย ไอ้พวกที่บอกว่า ไม่ได้ชอบคนที่หน้าตา ชอบที่จิตใจ มันไม่มีในโลกหรอกครับ ยังไงๆ รูปลักษณ์ภายนอกก็ต้องสำคัญอยู่แล้ว จะมีใครที่เข้าไปจีบคนที่ตัวเองเห็นแล้วไม่ชอบบ้าง ไอ้นิสัยดีไม่ดีมันคือผลพลอยได้ที่ตามมาทีหลัง ไม่งั้นจะมีคำพูดที่ว่า 'ผู้หญิงชอบคนเลว' หรอ

จริงๆ ผมคิดว่าประโยคนี่มันก็ไม่ถูกนะครับ มันเป็นเหมือนคำพูดให้กำลังใจตัวเองว่าชอบคนเลวมากกว่า ฉันถึงอยากจะเลิก เพราะจริงๆ แล้ว ผู้หญิงชอบคนหล่อครับ ถ้าไม่ใช่คนหล่อก็ต้องคนมีเงิน ผมไม่ได้มโนไปเองนะ จากประสบการณ์จริงอันเลวร้ายเลยล่ะครับ

เอาจริงๆ นะ คนเลวจะมีใครไปชอบ ถ้าไม่ใช่ว่าชอบไปเพราะรูปลักษณ์ภายนอก แล้วพึ่งมารู้ทีหลังว่าแม่งเลวอ่ะ แต่จะมีคนยอมรับไหมล่ะครับ ว่าตัวเองชอบคนหล่อ สู้พูดให้ตัวเองดูดีไม่ดีกว่าเหรอ อย่างน้อยๆ เวลาใครถามว่าเลิกกับแฟนเก่าทำไม เขาหน้าตาหล่อจะตาย ไม่เสียดายเหรอ คำแก้ตัวง่ายๆ ที่ดีที่สุด และตัวเองจะไม่เสียหน้าคือ ผู้ชายมันเลวไงครับ

"ศัลยกรรมอ่ะ แรกๆ ก็ไม่อยากทำหรอกนะ ทั้งเจ็บตัว ทั้งเสียเงิน ไหนจะต้องควบคุมอะไรตั้งหลายอย่าง อาหารที่อยากกินตั้งอยู่ตรงหน้า ยังทำได้แค่มองแล้วกลืนน้ำลายเลย" เธอบ่นๆ ออกมา

"แต่ก็คงไม่ทำแล้วล่ะ ธันเขาไม่ชอบเท่าไหร่ แต่ส่วนที่ทำมาแล้ว ก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้" อ่าาา ผมว่าผมโคตรจะเข้าใจเธอเลย อยากจะให้กำลังใจจีเหมือนกันนะ แต่ผมยังหายแฟนไม่ได้เลยครับ คบกับผู้หญิงกี่คน เขาก็บอกเลิกผมหมด เหตุผลเหรอ ผมคงไม่ต้องพูดย้ำหลายๆ ครั้งให้ตัวเองช้ำใจก็ได้มั้ง ขนาดผมจะลองคบผู้ชายดู ทั้งๆ ที่มันเป็นคนเริ่มก่อน สุดท้ายก็เป็นผมนี่แหละวะ ที่โดนบอกเลิกอีกตามเคย ไม่ใช่ว่าคนไม่สวยผิดเสมอนะครับ คนไม่หล่อ ไม่ดูดี แม่งก็ผิดเหมือนกัน

ผมอยากจะบอกเธอเหมือนกันนะ ที่ไอ้ธันไม่อยากให้จีทำไม่ใช่ว่าอะไรนะครับ มันเคยบ่นๆ กับผมเหมือนกันว่าไม่อยากให้จีเจ็บตัวไปทำอะไรอีก เรื่องสวยไม่สวยมันรับได้อยู่แล้ว (ก็ตอนนี้จีเขาสวยอยู่นิครับ) ตัวมันเองก็ผ่านคนสวยๆ มาเยอะ แต่ดูท่าจีจะไม่ได้คิดถึงจุดนี้ล่ะมั้ง

คนเคยมีปม ถึงปมนั้นจะหายไปแล้ว แต่มันก็ยังจะฝักลึกอยู่ในจิตใจอยู่ดี ผมก็คิดเสมอนะ หลอกตัวเองอยู่บ่อยๆ ผมว่าตัวเองหล่อ มีเงิน แต่พอจะคบใครแล้ว ผมก็กลัวเขารับไม่ได้อยู่ดี เพราะเหตุผลที่โดนบอกเลิกซ้ำๆ มันยังคงค่อยย้ำอยู่ลึกๆ ว่าผมอ้วน ผมดูไม่ดี และสุดท้ายก็จะคิดว่าตัวเองไม่คู่ควร ผมไม่อยากให้จีเป็นแบบนี้เลย ยิ่งจีมีคู่แข่งเป็นไอ้สวยด้วยแล้ว พูดยากเลยครับ

"นาย...ลาวาใช่ไหม"

"ใช่"

"พยุงหน่อยได้ไหม อยากไปเข้าห้องน้ำอ่ะ" เธอบอก ผมเลยยื่นมือไปช่วยพยุง แต่เสื้อผ้าที่เธอใส่มาโคตรจะไม่อำนวยเลย มันโป๊เกินไป ขาเธอก็เจ็บ ไหนจะเริ่มเมาแล้วด้วย

"เดี๋ยวก่อน" ผมบอกแล้วให้เธอเกาะที่เค้าน์เตอร์บาร์ ถอดเสื้อตัวนอกออกไปคลุมตัวเธอให้

"โอเค ไปได้" ผมบอก แล้วเธอก็เลยเอาแขนมาโอบคอผม จริงๆ จีตัวเล็กนะครับ ถึงผมจะไม่สูงมากถ้าเทียบกับผู้ชาย แต่กับผู้หญิงผมก็ไม่ถือว่าเตี้ย ตอนนี้เลยทำให้ผมกับจีสูงพอๆ กัน ผลมาจากรองเท้าคู่สูงปี๊ดที่เธอใส่อยู่

"เดินดีๆ " ผมบอก เพราะด้วยความเมาทำให้เธอเซจนจะล้มทับผมหลายรอบแล้ว

"เจ็บอ่ะ" เธอบอกออกมาแถมเบ๊ะปากด้วย ทำเอาผมอึ้งไปเลย บางทีผู้หญิงคนนี้ก็มีมุมน่ารักๆ เหมือนกันแฮะ

"ให้อุ้มไหม" ผมถาม แต่เธอไม่ตอบอะไร เราเลยต้องเดินโซเซไปกว่าครึ่งทาง คนก็เริ่มเยอะแล้วด้วย

ฟึ่บ

มือของใครไม่รู้ครับ ตีเข้ามาที่ไหล่ผมอย่างแรง ก่อนจะบีบจนผมเจ็บไปหมด

"เหี้ยยยยยยยย" ผมหันไปด่าทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นหน้ามันเลย แม่งเจ็บนะโว้ย บีบมาได้ไงวะ

"มึงจะพาเขาไปไหน" ฉิบหายยยยย นี่คือความฉิบหายของแท้ ผู้ชายตัวสูงใหญ่ 3 คนยืนทำหน้าทะมึนใส่ผมอยู่

เอาแล้วไงทีนี้ ไอ้ลาวาอยากจะหายตัวไปซะตอนนี้จริงๆ เลยครับ

:katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 12 | 10/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 10-02-2020 09:57:30
ตอนที่ 12

ทั้งๆ ที่ผมไม่คิดว่าจะเจอพวกมันที่นี่ คืออย่างน้อยก็ไอ้แม็กนั่นแหละหนึ่งคน ที่ผมคิดว่าจะไม่เจอแน่ๆ แต่มันเสือกเป็นคนที่เอามือมาจับไหล่ผมเนี่ยสิ ส่วนคนถามคือไอ้ไฟ พ่วงท้ายมาด้วยไอ้ห่าลิเคียวที่ยืนทำหน้านิ่งดุๆ อยู่ด้านหลัง

"กูไม่ได้จะพาไปไหน เขาอยากเข้าห้องน้ำ" ผมบอกออกไป

"แล้วมึงมาทำอะไรที่นี่" ไอ้แม็กถาม หน้าพ่อลอยมาเลยครับ แต่ไอ้นี่ดุกว่าพ่ออีกไง

"กู...กูก็ต้องมาเที่ยวมาดื่มน่ะสิ" ผมบอกออกไป ไม่ชอบเวลาพวกมันรุมถามเลย ถ้าไม่ได้มาเที่ยว จะมาทำอะไรล่ะ ไอ้สัส ไอ้โง่ ผมอยากจะตอบมันไปยาวๆ แบบนี้ฉิบหาย แต่ถ้าตอบไป ผมนี่แหละจะฉิบหาย ไม่ใช่ว่าโตเป็นควายแล้วพวกมันจะห้ามไม่ให้ผมเที่ยวนะครับ แต่พวกมันไม่ค่อยชอบให้ผมมาแล้วคั่วผู้หญิงน่ะสิ แต่นี่หลักฐานมัดตัวเกิน จีก็เมาจนพูดไม่รู้เรื่องแล้วด้วย เพื่อนก็กลับกันหมด เมื่อไหร่ไอ้ธันจะกลับมาเอาแฟนมันไปวะ

"ผู้หญิงคนนี้ใคร" ไอ้แม็กเริ่มถามออกมา

"ถามกูเหรอ ถามไอ้ไฟสิมันรู้จักนิ" ผมบอกโยนขี้ให้แม่งเลย ยิ่งตอนนี้จีแทบจะยืนสิงผมอยู่แล้ว ทั้งยืนเซ ทั้งพูดไม่รู้เรื่อง จะลากผมไปห้องน้ำอย่างเดียว

ไอ้แม็กไม่ได้ถาม แต่ส่งสายตาดุๆ ไปแทน ไอ้ไฟนี่หน้าเสียเลยครับ

พรึบ!

"เห้ย! " ผมร้องออกมาอย่างตกใจ เพราะจีเหมือนจะฟุบลงพื้นไป แต่ไอ้ธันที่มาจากไหนไม่รู้คว้าตัวไว้ทัน แหม ไอ้พ่อพระเอก มาช้าสัสเลยนะ

"มึงช้า! " ผมบอกออกไปอย่างหงุดหงิด

"เออ โทษที...ขอบใจนะมึง" ไอ้ธันพูดขอโทษออกมาก่อนจะอุ้มจีขึ้นแล้วบอกขอบใจ

"ช่างเถอะ มึงพาเขามา มึงช่วยดูแลเขาดีกว่านี้หน่อยก็ดีนะ อ่อ เขาขาแพลงด้วย หาอะไรประคบทีหรือไม่ก็พาไปหาหมอ เพราะมันเริ่มบวมแล้ว ที่สำคัญ...เขาอยากเข้าห้องน้ำ" ผมพูดออกไปยืดยาว จีแทบไม่ได้สติแล้วครับ ตอนแรกเธอก็ยังไหวนะ แต่พอเริ่มลุกเดิน ไหนเสียงเพลงจะดัง ไหนจะต้องเดินโซซัดโซเซไปมาอีก เหล้าก็ดื่มไปเยอะ ไม่เมานี่ก็แปลกแล้วครับ

"ขอบใจมากจริงๆ กูไปก่อนนะ" ไอ้ธันว่าแล้วอุ้มแฟนตัวเองเดินจากไป

"เดี๋ยว! มึงจะไปไหน" เสียงไอ้แม็กว่า มันไม่ได้หมายถึงไอ้ธันครับ แต่มันหมายถึงผมนี่แหละ นี่อุตส่าห์ย่องเนียนๆ แล้วนะ แม่งยังจะเรียกผมอีก

"กูก็จะกลับไง เพื่อนกูกลับหมดแล้ว"

"ค่อยกลับพร้อมกู" ไอ้แม็กว่าแล้วเดินนำขึ้นไปชั้นสอง พอผมจะเดินตามขึ้นไปไอ้ลิเคียวก็คว้าข้อมือผมไว้

"อะ...อะไร" ผมถามมันไปแบบไม่เต็มเสียงนัก เอาเข้าจริงตอนนี้ผมก็ไม่อยากมองหน้ามันนัก เลยจ้องไปที่มือที่มันจับแขนผมไว้แทน

"กูมีเรื่องจะคุย"

"กูไม่มี! " ผมรีบบอกไป ไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากรับรู้เรื่องของมันอ่ะ อย่างน้อยก็ตอนนี้แหละ ผมยังรู้สึกแปลกๆ กับมันยังไงๆ ไม่รู้ แถมผมก็ไม่อยากจะยอมรับด้วยว่าผมชอบมันจริงๆ

"ปล่อย! กูบอกให้ปล่อยมือมัน"

"ไอ้ไฟ มึงไม่เกี่ยว"

"มึงนั่นแหละไม่เกี่ยว มึงไม่ได้เป็นอะไรกับมันแล้ว" ไอ้ไฟพูดออกมา ทำเอาผมตาโตเลยครับ คือตลอดเวลาที่ผมเลิกกับไอ้ลิเคียว ผมไม่ได้บอกมันเลยนะ หน้าไอ้ไฟยังไม่เห็นเลยสักวันด้วยซ้ำแล้วแม่งรู้ได้ไงวะ

"แต่มึง..."

"ไปกับกู! " ไอ้ไฟไม่สนใจจะฟังอะไร สะบัดมือไอ้ลิเคียวออกไปจากแขนของผม แล้วลากผมตามไอ้แม็กขึ้นไปเลย นี่มันเรื่องอะไรกันวะ

ทันทีที่ผมเดินขึ้นมา ไอ้แม็กมันนั่งไขว่ห้างรออยู่ก่อนแล้ว ในมือถือแก้วไวน์เอาไว้ด้วย ทั้งๆ ที่หน้าตาเราสามคนเหมือนกัน แต่บุคลิกของพวกผมช่างแตกต่างกันซะเหลือเกิน

"มานั่งนี่" ไอ้แม็กเรียกผมเหมือนตัวมันเป็นเสี่ย แล้วผมเป็นเด็กเสี่ยยังไงอย่างงั้น ผมจะไม่ทำตามก็ไม่ได้ ไอ้แม็กมันเหมือนมีพลังงานบางอย่างที่สามารถสั่งให้คนทำตามที่มันอยากจะทำได้ ชี้นกก็ต้องว่านก ชี้ไม้จะให้เป็นหมา ยังได้เลยครับ ไม่งั้น...มันคงไม่รุ่งและประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยหรอก

ผมนั่งตัวลีบอยู่ข้างๆ ไอ้แม็ก บรรยากาศโคตรจะแปลกเลย ตอนนี้เสียงเพลงที่มันส์ๆ ในช่วงแรกที่มา เปลี่ยนเป็นเพลงฟังสบายๆ ไปแล้วหลังจากพวกเด็กที่ตีกัน ไอ้ไฟตอนนี้มันนั่งทางฝั่งด้านซ้ายของผม ส่วนไอ้ลิเคียวนั่งฝั่งด้านขวา ไม่มีใครสบตาใครเลย นี่พวกมันมีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าวะ

"กูไม่อยู่แป๊บเดียว พวกมึงทะเลาะกันขนาดนี้เลย! " เสียงไอ้แม็กถามหลังจากที่ต่างคนต่างเงียบ

"กูเปล่านะ" ผมตอบออกไป คือกูร้อนตัวไว้ก่อน

"มึงเงียบ! " ชัดเลย

"..." ไม่เสือกครับ นั่งเงียบต่อไป งานนี้ผมรอด

"จะเอาไง เลิกคบกันไปเลยไหม โตเป็นควายละ ต่อยกันทำส้นตีนอะไร ห๊ะ!! " ไอ้แม็กเริ่มขึ้นเสียงมานิดหน่อย ประเด็นคือมันไม่ใช่พวกเสียงดังตะโกนโหวกเหวกไง แต่เสียงมันจะดุๆ แบบ...แบบเหี้ยไรไม่รู้ รู้แต่ว่าถ้าใครโดนมันดุก็จะรู้สึกไม่ดีเอามากๆ และตอนนี้ผมก็รู้สึกอยู่ ทั้งๆ ที่ไม่ได้โดนมันดุ

ผมมองบรรยากาศรอบๆ รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย อุตส่าห์จะมานั่งเมาๆ ชิวๆ ซะหน่อย ไหงต้องมานั่งตัวลีบฟังไอ้แม็กดุไอ้สองตัวด้านหน้าด้วยวะ เรื่องของผมก็ไม่ใช่

"ตกลงมึงจะบอกได้ยัง หรือต้องให้กูกระทืบก่อนถึงจะบอก"

"-0-" ผมขอหลบหนีจากเหตุการณ์ตรงนี้ได้ไหม เหี้ยแม่ง เสือกให้ผมมานั่งข้างๆ ด้วย ผมเคยบอกไหมว่าไอ้แม็กมันเรียนไอกิโดแถมยังได้ขั้นสูงอีกด้วย ผมไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ แต่มันเรียนมานานแล้วครับ ผมเคยถามมันว่าจะใช้ได้ในชีวิตจริงหรอ หรือเรียนเพราะท่าสวย เรียนเพราะมันเท่กันแน่ แต่มันไม่บอกผมครับ มันแสดงให้ดูเลย ผมยังจำท่าที่มันทำผมตอนนั้นได้อยู่เลย หลักจากนั้นก็เข็ดไปอีกนาน

"กูขอเวลานอก" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วลุกขึ้นยืน ทุกคนก็จ้องไปทางมันนะครับ รวมถึงผมด้วย

"เห้ยยย" ผมร้องออกมา เพราะไอ้ลิเคียวมันฉุดมือผมออกมาด้วย ไอ้ไฟที่ทำท่าจะตามมาก็ต้องหยุดชะงักเพราะไอ้แม็กมันห้ามไว้ ผมที่ยังงงๆ อยู่กว่าจะรู้ตัวอีกทีไอ้ลิเคียวก็ลากเข้ามาในห้องทำงานมันแล้ว

"เป็นเหี้ยไรเนี่ย" ผมถามมันออกไป

"มึงนั่นแหละเป็นเหี้ยไร"

"กู...กูเนี่ยนะ" ผมถามแล้วใช้มือชี้นิ้วมาที่ตัวเอง

"เนี่ย มึงหลบสายตากูอยู่"

"กูเปล่า เห้ย!! ..หน้ามึง...ไปโดนอะไรมาวะนั่น! " ผมถามออกไปแบบตกใจ คือพึ่งสังเกตมันชัดๆ ก็ตอนนี้แหละ ตรงโหนกแก้มมีรอยช้ำม่วงๆ กับตรงมุมปากข้างเดียวกัน

"เห็นไหม ขนาดหน้ากูช้ำขนาดนี้มึงยังพึ่งเห็นเลย" ไอ้ลิเคียวบอก ทำให้ผมคิดได้เลย

...ก็คนมันไม่อยากมองหน้านี่หว่า

"แล้วตกลงมึงลากกูมาทำไม"

"กูมีเรื่องจะถามมึง"

"อะไร"

"มึงชอบกูหรือเปล่า"

"-0- เป็นบ้าเหรอ" ถามอะไรของมันวะ

"มึงตอบไม่ตรงคำถาม"

"กูไม่ได้ตอบ กูถามมึงเนี่ย เป็นบ้าหรือไง ถามเหี้ยไรออกมาเนี่ย"

"มึงตอบคำถามกูก่อนสิ" ไอ้ลิเคียวถามมาอีก

"..."

"มึงชอบกูหรือเปล่า"

"กูเปล่า! "

"แต่กูชอบมึง"

"เหี้ยยย~~ กูไม่เชื่อ!! " ทุกคำพูดที่มันถามออกมา ทำเอาผมมึนไปหมด ปฏิกิริยาในการตอบคำถามของผมอยู่ที่ 0.01 วินาที บ้าไปแล้วไอ้ลิเคียวมันคงโดนชกจนสตงสติไปหมดแล้วแน่ๆ

คนอย่างมัน หล่อ รวย ถึงจะเลวไปหน่อย เจ้าชู้เหี้ยๆ แต่จะมาชอบผมได้ยังไง อย่างผมไม่จัดอยู่ในสเปกมันเลยด้วยซ้ำ นมไม่ใหญ่ เอวไม่คอด ขาไม่เล็ก แถมอ้วน ผมรู้ตัวว่าไม่ฉลาด แถมไม่มีอะไรเทียบเท่าคนเก่ามันได้เลย แล้วอย่างมันอะนะ คนที่มีผู้หญิงมาต่อคิวยาวตั้งแต่ปลายเตียงยันปากซอยหน้าบ้านโน้นเนี่ยนะ จะมาชอบคนอย่างผม แถมผมเห็นมันยังเดินกับคนชื่อคิสอยู่เลย ท่าทางที่แสดงออกก็ไม่ธรรมดาอีกด้วย แต่เสือกมาตอแหลบอกชอบผม นี่มันกำลังเล่นตลกอะไรอยู่หรือเปล่า

"กูชอบมึงจริงๆ "

"ไม่จริง"

"จริงๆ ๆ เลยเนี่ย"

"ไม่อ่ะ ไม่จริงเด็ดขาด" ผมบอกแล้วยกมือขึ้นปิดหู ส่ายหน้าเป็นพัลวัน

"เอามือออก อ้วน มึงจะมาดื้ออะไรตอนนี้เนี่ย!! " ไอ้ลิเคียวว่าออกมา แถมยังพยายามเอามือที่ผมยกขึ้นปิดหูออกด้วย ถึงใจผมจะเต้นตึกตักๆ กับคำบอกชอบบ้าๆ ของมันก็เถอะ แต่ผมไม่เชื่อเด็ดขาด ไม่มีทางเป็นไปได้เลย มันกำลังแสดงละคร มันตอแหล มันโกหกผมอยู่แน่ๆ

"ไม่อ่ะ ไม่จริง มึงขยับออกไปเลยนะ" ผมบอกแล้วขยับตัวหนีออกจากมือของมัน

"อ้วน มึงฟังนะ กู-ชอบ-มึง กูชอบมึงจริงๆ นะโว้ย" ไอ้ลิเคียวพูดย้ำช้าๆ ชัดๆ สีหน้ามันจริงจังมาก ทำเอาผมแทบจะเชื่อเลยว่ามันพูดจริง แต่มันจะพูดจริงได้ยังไง ในเมื่อสามวันก่อนมันเป็นคนบอกเลิกผมก่อนเองแท้ๆ แถมยังหายหน้าหายตาไปเลยอีกด้วย

"มึงโกหก" ผมพูดออกไปเสียงเบา ยังไงๆ ผมก็ไม่เชื่อคำพูดของมันหรอก มันอาจจะหวังให้ผมช่วยอะไรมันอยู่ก็ได้ เหมือนครั้งที่แล้วไง มันยังเอาผมไปอ้างเลย ผมจำที่ไอ้ไฟพูดได้ ว่าไอ้ลิเคียวเอาผมมาอ้างเพื่อจะได้ไม่ต้องจัดงานหมั้น แล้วคนที่มันจะหมั้นด้วยก็คงหนีไม่พ้นผู้หญิงสวยคนนั้นแน่ๆ

ผมเลยไม่แปลกใจเรื่องที่เธอพูดว่าเธอเป็นคู่หมั้น แต่ไม่คิดว่าไอ้ห่าลิเคียวจะเลวขนาดเคยมีอะไรกับเขาแล้ว แถมยังมีมานานแล้วด้วย (เท่าที่ฟังวันนั้นอะนะ)

"ลาวา กูไม่รู้หรอกนะ ว่าอะไรทำให้มึงคิดว่ากูโกหก ทำให้มึงไม่เชื่อในตัวกูขนาดนี้ ถึงกูจะเจ้าชู้ มักมาก แต่มึงก็ควรจะฟังและให้โอกาสกูบ้างดิวะ" ไอ้ลิเคียวว่าออกมา สีหน้าของมันเหมือนกับกำลังอ้อนให้ผมเห็นใจและยอมเปิดใจรับฟังมันเลย

"ทั้งๆ ที่กูมั่นใจ อย่างน้อยก็เกิน 50 % ว่ามึงอาจจะชอบกูบ้าง แต่กูอาจจะเข้าใจผิดไปเอง ซึ่งข้อนี้กูโอเค เพราะกูคิดจะจีบมึงอยู่แล้ว"

"ห๊ะ!! จีบ...จีบใคร! " ผมถามออกไป ตอนนี้ไอ้ลิเคียวทำผมงงไปหมดแล้ว

"โว้ย จะพูดยังไงดีวะ" ไอ้ลิเคียวมันเริ่มลนลานและหัวเสียออกมาอย่างเห็นได้ชัด

"งั้นก็ไม่ต้องพูด"

"เห้ย ไม่ดิ มึงก็ต้องเข้าใจบ้าง มึงคิดว่าหน้าตาอย่างกูเคยจีบใครเหรอวะ" ผมยอมรับว่าไอ้ลิเคียวมันหล่อครับ แต่ตอนนี้มันก็มีความมั่นหน้ามาก

"ทำไมมองแบบนั้น...เออๆ ๆ ...กูก็เคยจีบนั่นแหละ แต่กูหมายถึงจีบใครแบบจริงจัง ขนาดไอ้คิสที่กูว่าชอบๆ มันแล้วกูยังไม่จริงจังเท่ามึงเลยเนี่ย" ไอ้ลิเคียวพูดออกมา ทำเอาผมทำหน้างงไปเลย มันจีบผมตอนไหนวะ

"ไม่ต้องงง สีหน้ามึงนี่กูอ่านออกหมดเลยนะ คือกูก็กำลังจะจีบมึงอย่างจริงจังเนี่ยแหละ แต่หลายๆ อย่างมันยังคาราคาซังอยู่ โว้ย! เอาไงดีวะ" ไอ้ลิเคียวขยี้หัวตัวเองอย่างกับคนคิดหนัก ผมไม่เข้าใจว่ามันเครียดอะไรอยู่ แต่มันก็ดูจะเร่งรีบซะเหลือเกิน นี่มันร้อนรนอะไรของมันอยู่วะ

"มึง เอาตามตรง ไม่ต้องตอแหล บอกกูมาตรงๆ เลยว่าอยากให้กูช่วยอะไรมึงหรือเปล่า" ผมกลั้นใจถามออกไป ทั้งๆ ที่เป็นคำถามที่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีนัก

"...มี" นั่นไง กูว่าละ ดีที่ผมไม่ร้อนตัวบอกชอบมันออกไป

"อะไรล่ะ ว่ามาสิ ถ้าช่วยได้กูจะช่วย" ผมบอกออกไป คิดว่าถ้าช่วยมันครั้งนี้ ก็คงไม่มีอะไรติดค้างกัน ไม่ต้องเจอหน้ากันอีก ให้มันจบที่ครั้งนี้ดีกว่า เพราะผมเองก็ไม่อยากสนิทกับมันมากไปกว่านี้แล้ว

"มึงช่วยรักกูก่อนได้ไหมวะ" อยู่ๆ มันก็ทำสายตาอ้อนวอนแล้วพูดออกมาเฉยเลย ให้ผมรักมันก่อน...ก่อนหน้านี้ก็บอกจะจีบผมแต่ตอนนี้มาบอกให้ผมรักมันก่อนเนี่ยนะ อย่างนี้ก็ได้เหรอ?

"ทำไมกูต้องรักมึงก่อนด้วย? "

"เพราะถ้ามึงรักกูก่อน อะไรๆ มันจะได้ง่าย เดี๋ยวกูจีบมึงทีหลังก็ได้ ยังไงผลสุดท้ายมันก็ออกมาเหมือนกันอยู่แล้ว"

"ยังไง"

"มึงก็เป็นเมียกูไง"

"ห๊ะ! " ตรรกะเหี้ยอะไรของไอ้ลิเคียววะ มันทำเอาผมอย่างจะถีบมันให้หน้าหงาย แล้วตามไปกระทืบซ้ำฉิบเลย

"นะอ้วนนะ ตอนนี้ไอ้ไฟมันรู้แล้วว่าเราเลิกกัน ถ้าไอ้แม็กรู้อีกคน กูจะไม่มีโอกาสแม้แต่เห็นหน้ามึงก่อนที่จะจีบมึงด้วยซ้ำ"

"อะ...ไอ้ไฟรู้ได้ไง" ผมถามเสียงตะกุกตะกัก เดี๋ยวแม่งต้องพูดซ้ำเติมผมแน่ๆ เลย

"ก็วันที่กูบอกเลิกมึงอ่ะ มึงจำได้ไหมว่าที่หน้าคณะกูมีปัญหากับไอ้คิสกับด้า" ไอ้ลิเคียวถามออกมา

"จำได้" ผมบอกออกไป

"กูไม่รู้ว่ามึงเห็นตั้งแต่ตอนไหน แต่กูไม่ได้ชอบไอ้คิสแล้วจริงๆ นะ ไอ้คิสแค่ช่วยกูกันท่าดาด้าออกไป"

"แล้วที่มึงคบกับกูไม่ใช่เพราะว่าอยากให้กูกันเขาออกไปหรอกเหรอ"

"มันก็ใช่ แต่ตอนนั้นกูไม่ได้จริงจังกับมึงนี่หว่า"

"แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน" ผมถาม เพราะว่าจะจริงจังหรือไม่จริงจังผลมันก็สรุปออกมาแล้วว่าผมคบกับไอ้ลิเคียวอยู่ดีไม่ใช่เหรอ

"เพราะดาด้าร้าย มึงจะพลอยโดนลูกหลงไปด้วย"

"แล้วมึงไม่คิดว่าคิสจะโดนไปด้วยหรือไง" ผมถามออกไปอย่างจริงจัง ไหนว่ารักนักรักหนาไง ยังไงคนที่ชื่อคิสก็ถือว่าเป็นทั้งเพื่อนและคนรักเก่าที่แม่งรักมากไม่ใช่ไงวะ

"คิด แต่ไอ้คิสมันร้ายกว่า" ไอ้ลิเคียวว่าออกมา ทำเอาผมนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันพูดความจริง เพราะคิสก็ถือว่าเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ ถึงจะดูแรงๆ บ้างก็เถอะ แต่การตอบครั้งนี้ก็ถือว่าทำเอาข้อสงสัยของผมทั้งหมดหายเป็นปริทิ้งเลย

"อ้วน~~" ไอ้ลิเคียวเรียกเสียงอ้อน

แต่ตอนนี้ผมก็ยังสับสนเกินกว่าจะรับได้ ที่ไอ้ลิเคียวมาบอกชอบผมแบบนี้ ทำเอาผมรู้สึกเหมือนตัวเองฝันไปเลย ผมกำลังทำความเข้าใจและเรียบเรียงความคิดของตัวเองซะใหม่

...ถ้าผมตกลงกับมันตอนนี้ ก็จะถือว่าผมก็ชอบมันอะดิ

...แต่ผมจะแน่ใจได้ไงว่าตัวมันเองชอบผมจริงๆ แล้วถ้าวันหนึ่งมันรู้ใจตัวเองว่าชอบผู้หญิงหรือคนอื่นล่ะ

...ที่สำคัญ ถ้าผมยอมคบกับมัน ผมก็ต้องเป็นเมียมันแน่ๆ

...แถมการที่ผมถูกบอกเลิกซ้ำๆ บ่อยๆ มันทำให้ผมรู้สึกแย่ก็จริง ยิ่งถ้าโดนกับคนเดิมๆ ผมยิ่งไม่แย่ใหญ่เลยเหรอวะเนี่ย

ความคิดเหล่านี้ตีรวนกวนใจผมอยู่ในหัว มันทำให้ผมสับสน ไม่มั่นใจเกินกว่าจะยอมรับได้

"ไม่อ่ะ ไม่จริง" ผมปฏิเสธออกมาเสียงเบา เหมือนแค่ต้องการพูดกับตัวเองมากกว่า

"กูชอบมึงจริงๆ นะอ้วน" เสียงไอ้ลิเคียวตอบกลับมาอย่างโอนโยน แถมยังขยับเข้ามาเหมือนจะกอดผมอีกด้วย

"มะ...ไม่เชื่อ กูไม่เชื่อมึงหรอก"

จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บๆ ๆ ๆ ไอ้ลิเคียวเอาปากมาแตะแทบจะทั่วใบหน้าของผมเบาๆ โดยมีมือของมันจับแก้มทั้งสองข้างของผมเอาไว้เพื่อไม่ให้หันหน้าหนีไปไหน

"จริงๆ นะ อ้วน จริงที่สุดแล้วเนี่ย"

"ฮึก มะ..มึง มึงบอกมาเลยนะว่ามึงโกหกกูอยู่อ่ะ"

"เห้ย ร้องทำเหี้ยไรเนี่ย"

"มึงตอ..ฮึก..ตอแหล มึงไม่ดะ...ได้ชอบกูจริงหรอก"

"กูชอบมึง"

"มึงเปล่า กะ...กูบอกว่ามึงเปล่ายังไงล่ะ!! ฮือออออ~~" ผมโวยวายเสียงดัง

"โอ๋ๆ เออๆ กูเปล่าชอบมึงก็ได้"

"ฮึก ฮะ ฮะ ฮื่ออออออออ~~"

"อย่าร้องนะอ้วน กูคงกดดันมึงมากไป กูขอโทษ" ไอ้ลิเคียวว่าออกมาอย่างอ่อนโยน มันใช้แขนอันแข็งแรงโอบกอดผมเอาไว้ ไม่ว่าผมจะดิ้นมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ยังคอยโอ๋ผมอยู่

"ใจเย็นนะอ้วนนะ" ไอ้ลิเคียวบอก ตอนนี้กลายเป็นผมที่กอดมันและซุกหน้าลงไปกับอกมันแทน

จะหาว่าผมบ้าก็ได้ แต่ผมมักจะเป็นแบบนี้เสมอๆ เวลาที่ผมจะต้องคิดอะไรยากๆ แล้วคิดไม่ออก ผมมักจะร้องไห้ออกมาก่อนเสมอๆ อาจเพราะมีคนคอยตามใจ ให้คำปรึกษา และเป็นที่ระบายอยู่รอบด้านก็ได้ ผมเลยชอบทำตัวขี้แยออกมา ถึงจะแก้ยังไงก็ไม่หายสักที

ไอ้แม็กมักดุผมเสมอๆ ว่าลูกผู้ชายไม่ควรร้องไห้บ่อยๆ แต่คนมันน้ำตาไหลลงมาเองนี่หว่า จะสั่งให้หยุดได้ยังไงในเมื่อน้ำตามันไม่ฟัง แถมยิ่งดุก็ยิ่งไหล พอไหลเยอะเข้าก็กลายเป็นไอ้แม็กนั่นแหละ ที่มานั่งโอ๋และให้คำปรึกษาผม

แต่ปกติคนที่ผมจะร้องไห้ด้วยไม่ใช่เพื่อนหรือคนอื่นคนไกลหรอกนะ จะมีก็กับไอ้แม็กหรือไอ้ไฟเท่านั้นนั่นแหละ และจะมีบ้างนานๆ ครั้งที่ไอ้ลิเคียวจะอยู่ในเหตุการณ์ด้วย อย่างตอนที่ผมเลิกกับแฟนคนแรกไป ผมคิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้เธออยู่ต่อ แต่มันก็ไม่เป็นผล ผมก็จะไปร้องไห้ขอคำปรึกษาจากพวกมัน ไม่เว้นแม้แต่ตอนสมัครเข้าเรียนมหาลัย ผมยอมรับว่าเป็นเรื่องยากและผมคิดไม่ออก ใครมันจะไปรู้ได้ด้วยตัวเองตั้งแต่อายุ 17-18 วะ ว่าอยากเรียนอะไร การที่ผมจะต้องเรียนอะไรแล้วจบมาเพื่อเป็นอย่างที่เรียนมา มันยากนะครับ เพราะไอ้วิชาชีพนั่นมันจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต ทำเอาผมร้องไห้กับพวกมันอยู่หลายวันเลยด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะไม่รู้ใจตัวเองแล้ว ยังมีสิ่งที่ผมรู้ดีที่สุดด้วยคือ ตัวผมโง่เกินกว่าจะทำมันได้นั่นเอง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมเห็นหน้าคนเคาะชัดเจนเลยครับ ผู้ชายตัวเล็กที่โคตรจะดูดี ถึงจะมองดูแล้วติดว่าแลหยิ่งๆ สักหน่อย กำลังยืนหน้าบึ้งอยู่หน้าประตูพร้อมกับเสียงเคาะประตูรั่วๆ ที่พร้อมจะพังเข้ามาทุกเมื่อ

"เปิดสิวะ"

"โอ๊ย ใช่เวลาไหมวะแม่ง" ไอ้ลิเคียวสบถอย่างหัวเสีย มันชะงักมือทันทีที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น

...นี่ไง...ตัวจริงของมึงมาแล้ว

ผมพูดประชด (ในใจ) ออกไป ไอ้ลิเคียวยังลังเลอยู่ว่าจะเปิดหรือไม่เปิดประตูดี แต่สุดท้ายก็คงทนเสียงเคาะไม่ไหว มันเลยเดินไปกระชากประตูออก

"มีอะไร"

"กูจัดการยัยดาด้าไปแล้ว ผู้หญิงห่าไรวะ แย่ฉิบหาย" เสียงของคิสตำหนิผู้หญิงคนนั้นอย่างแรง และบางคำก็มีคำหยาบออกมาด้วย

"แล้วไงต่อ" ไอ้ลิเคียวถาม ตัวมันยืนบังผมอยู่

"ไอ้เด็กที่มาตีร้านมึง ยัยนั่นก็ส่งมา กูจะถามว่ามึงจะเอาเรื่องไหม ถ้าเอากูจะแจ้งความเลย เพราะไอ้เด็กพวกนั้นก็ซัดทอดไปถึงยัยนั่นอยู่ดี"

"จะทำอะไรก็ทำ กูฝากเรื่องนี้ด้วย"

"โว้ย ร้านกูก็ไม่ใช่ ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนนะมึง!! "

"เออน่า กูมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ"

"เรื่องอะไรของมึงอีก"

"เมีย" ไอ้ลิเคียวว่าออกมา แล้วดึงผมที่อยู่ด้านหลังของมันให้ขยับไปอยู่ด้านข้าง แล้วใช้แขนใหญ่โอบกอดผมเอาไว้

"อ้าว อยู่ด้วยเหรอ" จริงๆ ไอ้ลิเคียวแค่ยืนบัง แต่ก็ไม่ได้บังมิดขนาดนั้นเหรอเปล่าวะ

"ร้องไห้ด้วย มึงแกล้งอะไรเขาหรือเปล่าเนี่ย"

"เปล่า มันดื้อ"

'ถ้าดื้อมากระวังไอ้ลิเคียวมันลงโทษเอานะ' คิสเขย่งเท้าขึ้นมากระซิบบอกที่ข้างหูของผมตอนเดินผ่าน ทำเอาผมรู้สึกแปลกๆ เลย เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เขาคุยกับผม ถึงเราจะไม่ได้สนิทกัน แต่ผมคิดนะ ว่าคิสแม่งโคตรจะดูดีเลย

"กูไปก่อนล่ะ ไอ้สวยรออยู่" คิสว่าแล้วเดินออกจากห้องไป

"เมื่อกี้มันว่าอะไร"

"เปล่า" ผมตอบแล้วมองหน้ามัน ไอ้ลิเคียวก็จ้องหน้าผมกลับ แล้วยกมือของมันขึ้นมาเพื่อเกลี่ยน้ำตาที่ไหลของผมออก ผมเลิกสะอื้นแล้วก็เลิกร้องตั้งแต่คิสเดินเข้ามาแล้วล่ะครับ แต่ก็ยังมีน้ำตาที่ยังไหลอยู่นิดหน่อย

"อ้วน~" ไอ้ลิเคียวเรียก ใช้มือที่เกลี่ยน้ำตาของผมออกเปลี่ยนมาเป็นจับปลายคางผมแทน

"อะไร" ผมถาม ด้วยความที่ยืนอยู่ใกล้กัน แถมมันยังตัวสูงกว่า ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้น

จุ๊บ

"อ๊ะ! ...อื้อออออ~~" ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ไอ้ลิเคียวก็ก้มหน้าลงมาจุ๊บที่ริมฝีปากของผมเลยครับ ทำเอาผมตกใจร้องออกมา พอกำลังจะโวยวายมันก็สอดลิ้นร้อนๆ เข้ามากวาดตอนกับลิ้นเล็กของผม ยอมรับว่าเรื่องนี้มันเก่ง แม่งเชี่ยวจริงๆ ผมไม่สามารถปฏิเสธรสจูบอันเร่าร้อนของมันได้เลย ไม่ว่าจะครั้งไหนๆ แถมครั้งนี้ผมยังยกมือขึ้นไปคล้องคอมันอย่างอัตโนมัติอีกด้วย

ผัวะ!

เสียงประตูห้องเปิดเข้ามาโดยไม่มีเสียงเคาะห้องใดๆ ทั้งสิ้น ผมเลยรีบสะบัดตัวออกจากไอ้ลิเคียวเร็วๆ แล้วหันไปมอง

ผมได้บอกไหมครับว่าตัวเองอ้วน อ้วนมากกว่าคนปกติมาก แต่ทำไมวันนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองตัวลีบและค่อยๆ ลีบลงจนอยากมลายหายไปซะตอนนี้ด้วยซ้ำ ในเมื่อคนที่เปิดประตูเข้ามาไม่ใช่ใครไหนเลยนอกจากฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนผมเด๊ะๆ แถมมีถึงสองคนที่ทำหน้าเหมือนยักษ์กำลังจ้องมองมาที่ผมกับไอ้ลิเคียวอยู่ ณ ขณะนี้...



:hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 12 | 10/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 10-02-2020 22:16:22
 :ling1:  :ling1:  :ling1:  มานิดเดียวเอง รออยู่นะ
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 13 | 11/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 11-02-2020 09:53:26
ตอนที่ 13


พาร์ท ลิเคียว

ผัวะ!

ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!

"โอ๊ย แม่งเอ๊ย" ผมสบถออกมาเสียงดัง แถมยังร้องอวดครวญออกมาอย่างไม่อายเลย ในเมื่อไอ้สองแฝดที่โคตรจะหวงลูก (ผมพูดไม่ผิดนะ ในเมื่อพวกมันหวงไอ้วาอย่างกับไอ้วาเป็นลูกสาว) พวกมันเดินเข้ามาต่อยหน้าผมโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งสิ้น

หมัดแรกเป็นของไอ้ไฟครับ มันเดินมาทันทีที่ประตูเปิดออก ทั้งๆ ที่ผมกำลังจูบกับไอ้วาอยู่ ถึงตอนแรกๆ ไอ้วาจะดิ้นหนี แต่สุดท้ายมันก็คล้อยตามผมอย่างว่าง่าย

ส่วนสามหมัดหลังเป็นของไอ้แม็กเลย เพราะหลังจากไอ้ไฟต่อยเสร็จเพียงหมัดแรก มัดที่สองกำลังจะตามมา แต่ไอ้แม็กเร็วกว่า มันสวนหมัดมาอีกทางเลย แถมยังต่อยติดกันอีกด้วย ก่อนจะใช้ท่าที่มันถนัดทุ่มผมลงพื้นอย่างง่ายดาย

"ไอ้เหี้ย กูบอกแล้วว่าอย่ายุ่งกับไอ้วา" ไอ้ไฟตะโกนด่าผมออกมาเสียงดัง

เพล้ง!

"แม่งเอ๊ย" ไอ้ไฟยังคงโวยวายแล้วหันไปเตะแจกันของผมแตก

"มึงมันใจง่าย! " ไอ้ไฟยังคงพาลแล้วหันไปด่าไอ้วา

"อึก! " ทันทีที่โดนไอ้ไฟตะคอกใส่ ไอ้วาถึงกับสะดุ้งเฮือก จากตอนแรกที่มันร้องไห้แล้วหยุดไปแล้ว แต่ตอนนี้น้ำตาของมันกำลังรื้นขึ้นมาใหม่ ขอบตาแดงๆ ลูกนัยน์ตาที่สั่นระริก กับสีหน้าที่กำลังตัดพ้อคำพูดของไอ้ไฟ ทำเอาใจผมไม่ดีเลย

"ไอ้วาไม่เกี่ยว มึงไม่ควรจะว่ามัน" ผมบอกออกไป

ถ้าจะผิดก็เป็นผม เป็นผมเองตั้งแต่แรกเลย นิสัยที่ชอบทำทีเล่นทีจริง ตัดสินใจไม่เด็ดขาด และชอบทำตัวเจ้าชู้ จนแม้แต่เพื่อนๆ ยังมองผมไม่ดี

"อ๊ะ! "

"ไอ้แม็กปล่อยมัน" ผมร้องบอกออกไป เพราะตอนนี้ไอ้แม็กใช้มือบีบไปที่ไหล่ของไอ้วา ดูจากท่าทางคงจะแรงมากด้วย

"อื้ออออ กูเจ็บนะ" ไอ้วาร้องออกมา มันไม่ได้สะอื้นครับ แต่น้ำตาไหลออกมาเป็นสายเลย

"มึงปล่อยมันสิวะ มึงจะทำมันทำไม" ผมรีบบอกออกไป ยิ่งเห็นสายตาของไอ้วาที่เจ็บปวดด้วยแล้ว ผมยิ่งรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย

"เงียบ! " เสียงไอ้แม็กดุ ทำเอาผมพูดไม่ออกเลย แถมไอ้วามันก็เงียบนะครับ แต่น้ำตายังคงไหลออกมาอยู่

"มึงเป็นอะไรกัน" ไอ้แม็กถามไอ้วาเสียงเรียบ แต่ไอ้วาไม่ตอบ มันหันมามองหน้าผมแต่ก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม

...ใจไม่ดีเลย ผมรู้สึกได้แค่นั้น ไม่ใช่ว่ากลัวคำตอบของไอ้วานะครับ แต่กลัวการกระทำของไอ้แม็กมากกว่า บทมันจะบ้า ใครก็ห้ามไม่อยู่ ถึงผมจะเป็นเพื่อนกับพวกมัน แต่ไอ้แม็กเป็นคนเดียวที่เข้าหาด้วยยากสุด ทั้งๆ ที่ดูเหมือนมันเป็นคนไม่อะไรเลยนะครับ แต่ภายใต้สายตาคมๆ นั้น มันแฝงไปด้วยความน่ากลัวหลายอย่างที่ผมบอกไม่ถูกเลย

"กูชอบมัน...กูชอบมันเองฝ่ายเดียว" ผมบอกออกไป ยังไงอันนี้ก็คือเรื่องจริง ผมไม่รู้ว่าไอ้ไฟพูดอะไรออกไปบ้าง แต่ทุกๆ อย่างก็น่ากลัวทั้งนั้นถ้าเรื่องถึงไอ้แม็ก มันเป็นเพื่อนที่ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ เป็นทั้งพี่และเพื่อนให้ไอ้ไฟและไอ้วามาตลอด ทั้งๆ ที่อายุเท่ากัน แต่ความสามารถของมันล้ำไปไกลมาก มันไม่ใช่คนอัจฉริยะที่เกิดมาเก่ง แต่มันเป็นคนที่มีความคิดก้าวไกลและมีความเป็นผู้นำสูงมาก มันเป็นคนเดียวที่เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยตั้งแต่อยู่เพียงมอปลาย

ความสามารถของไอ้แม็กทำเอาผู้ใหญ่หลายคนหงายเงิบไปเยอะแล้วครับ อันนี้ไม่ได้พูดเกินจริงเลยนะครับ หลายๆ ครั้งพวกผมยังชอบพูดเล่นกันเลยว่ามันเอามันสมองของไอ้วาไปหมด เลยทำให้ฉลาดหลักแหล่มเป็นกรดขนาดนี้ เวลาที่มันบินไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศแต่ละที ผลของงานมันจะประสบผลสำเร็จมากกว่า 90 % ด้วยซ้ำ

"กูถามมึงเหรอ" ไอ้แม็กตอบกลับมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ต่างจากมือของมันที่บีบไหล่ของไอ้วาไม่หยุด จนตอนนี้ผมเห็นร่องรอยความเจ็บปวดของคนตรงหน้าแล้ว

"เปล่า แต่มึงปล่อยมันก่อนได้ไหม" ผมร้องบอกออกมา ไอ้วาก็กลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้วด้วย

เห็นแบบนี้มันโคตรกลัวไปแม็กเลยนะครับ เผลอๆ ก็กลัวยิ่งกว่าพ่ออีก

"ไอ้แม็ก มึงทำไอ้วาแรงเกินไป" เสียงไอ้ไฟดุพร้อมกับแววตาแข็งกร้าว

"กูถามว่ามึงเป็นอะไรกัน!! " ไอ้แม็กถามออกมาอีกครั้ง มันไม่ฟังที่ผมหรือไอ้ไฟพูดเลยด้วยซ้ำ

"คะ...คือกู...คือ" ไอ้วายังคงอ้ำอึ้งเหมือนไม่รู้จะพูดยังไง จนผมแอบเห็นมันกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่

"ดี! ไม่ต้องตอบ กลับบ้าน! " เมื่อเห็นไอ้วาไม่พูด ไอ้แม็กเลยจัดการลากไอ้วาออกไป

"เดี๋ยวดิวะ" ผมบอกแล้วกำลังจะตามไป แต่ไอ้ไฟดันจับผมเอาไว้แล้วเหวี่ยงตัวผมเข้ากับโต๊ะทำงานก่อนจะซัดหมัดหนักๆ เข้ามาที่หน้าของผมอีกสองทีแรงๆ เล่นเอาผมมึนไปเลย

"กูเตือนมึงแล้วว่าอย่าทำมันเสียใจ" ไอ้ไฟพูดทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเดินออกจากห้องผมไป ผมที่พยายามจะลุกตามไปก็ทำไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหว มันมึนหัวเกินไปแถมยังรู้สึกเหมือนเลือดกำเดาจะไหลไม่หยุดอีกต่างหาก ผมทำได้เพียงนอนหมอบอยู่แบบนั้นจนมีลูกน้องเดินผ่านเข้ามาช่วย เห็นทุกเหตุการณ์ รับรู้ทุกความเคลื่อนไหว แต่ไม่สามารถขยับตัวได้ จนกระทั่งไอ้สวยกับไอ้คิสเดินผ่านเข้ามานั่นแหละครับ สมองของผมที่เคยสั่งการถึงกับหยุดสนิทก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดไป

เช้า

"อ๊ะ! ...โอ๊ยยย~...ซี๊ดดด~" ผมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดใบหน้าสุดฤทธิ์ ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตั้งแต่ตอนไหน คือตื่นมาตอนนี้โคตรจะมึนงงเลย

"ฟื้นแล้วสิมึง" เสียงไอ้สวยถาม ผมพยายามปรับโฟกัสแต่ก็ยังไม่ชัดมากนัก

"เป็นไง อยากได้เมียจนหัวแตก หน้าพังไปเลยสิมึง อ่อนฉิบหาย" ไอ้สวยพูดทับถมผมทันทีที่ลืมตาตื่น แม่งก็บ่นได้สิวะ ได้เมียดีฉิบหาย นอกจากจะรูปหล่อแล้วยังโคตรรักมันอีก

"เปลี่ยนคนเฝ้าได้ไหม ไม่เอาหมา" ผมบอกออกไป พอจะเดาได้ว่าพวกมันส่งผมมาอยู่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

"มึงได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้" ไอ้สวยบอกแล้วลากเก้าอี้ถอยออกไป ก่อนจะลุกไปนั่งที่โซฟา มันไม่ได้พูดอะไรต่อครับ นอกจากนอนดูโทรทัศน์ ไม่ถึง 3 นาทีผมได้ยินเสียงกดชักโครกแล้วเมียคนหล่อของมันก็เดินออกมา

"เอ้า ไปนอนตรงนั้นทำไม นอนตรงเตียงสิครับ" ฟลาวพูดออกมาเสียงเรียบ แต่ทำให้ไอ้สวยทำตามอย่างง่ายดาย

"พี่ลิเคียวฟื้นแล้วเหรอ ทานอะไรหน่อยไหมครับ" ฟลาวถาม

"ไม่ล่ะ กี่โมงแล้ววะ"

"9 โมงกว่าแล้วครับ" ฟลาวบอก ทำเอาผมที่อยากจะขยับตัวลุก ถึงกับล้มตัวลงไปนอนตามเดิมเลย

ใช่ว่าจะไม่ร้อนรนนะครับ แต่ตอนนี้ผมยังทำอะไรมากไม่ได้ เรื่องที่ร้านก็ยังคาราคาซัง ไหนจะเรื่องไอ้แสบสองตัวที่ทำเรื่องจะย้ายที่เรียนอีก (หมายถึงน้องชายกับน้องสาวของผมอะนะ) รวมไปถึงเรื่องดาด้าด้วยเนี่ย

กับไอ้วา ผมบอกแล้วว่าผมจะลองจริงจังๆ กับมันดู ถ้าถามว่ารักไหม มันอาจจะยังไม่ถึงขั้นนั้นในตอนนี้ แต่ผมสามารถพูดได้เลยว่าผมชอบมัน แบบชอบมันไปแล้วจริงๆ

ตลอดหลายวันที่ไม่เจอไอ้วา ผมโคตรจะคิดถึงมันเลย อยากเห็น อยากเจอหน้า อยากกอด อยากแกล้ง อยากแม่งทุกอย่างเลยครับ ผมไม่รู้ตัวหรอกว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะมันไม่เหมือนกับที่ผ่านๆ มา

ปกติเจอใครที่รักที่ชอบ ไม่นานผมก็จะได้ เราจะใช้เวลาอยู่ร่วมกันจนผมไม่เคยรับรู้ถึงคำว่าคิดถึงเลย

คิดถึง...ผมสามารถใช้คำนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตกับมันเลยนะ ตลอดเวลาที่มีคนคบด้วย ไม่ว่าจะเรียกว่าแฟน กิ๊ก หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมแทบจะไม่จำเป็นต้องคิดถึงเลย ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นยังไง

เป็นห่วง...นอกจากไอ้คิสแล้ว ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ผมพอจะแยกออกนะครับ ว่าห่วงแบบเพื่อนกับแบบแฟนมันเป็นยังไง ซึ่งมันก็ต่างกันออกไป กับไอ้คิส มันเป็นคนแรกที่ทำให้ผมมีความรู้สึกแบบนี้ในฐานะแฟนและขอยอมรับตามตรงว่าทุกวันนี้ ทุกเวลานี้ ผมก็ยังเป็นห่วงมันอยู่ ผมไม่ได้โลเล ไม่ได้หลายใจ แต่กับไอ้คิส...ถึงมันจะแรง ถึงมันจะร้าย แต่มันเป็นคนที่น่าสงสารมากคนหนึ่ง แถมยังเป็นคนที่ผมเคยรักมากด้วย

หึงหวง...ความรู้สึกนี้กับไอ้คิสผมก็เคยเป็น แต่กลับไม่มากเท่ากับเห็นไอ้วามันควงผู้หญิงที่เมาอยู่เมื่อคืนเลยครับ ตอนแรกที่เห็นนะ ผมแทบอยากจะพุ่งตัวไปกระชากผู้หญิงออกจากมันเลย แต่ก็ต้องยั้งตัวเองไว้แล้วยืนดูอยู่เฉยๆ แล้วปล่อยให้แฝดมันจัดการเอง

"เป็นคนป่วยก็นอนเฉยๆ ก่อนไหมครับ ผมไม่รู้ว่าพี่เครียดเรื่องอะไร แต่ลองพักสมองแล้วคิดทบทวนจัดการไปทีละปัญหา ผมว่าน่าจะดีกว่านะ"

"ทำมาเป็นรู้ดีนะมึง" ผมบอกฟลาว

"ไม่รู้หรอกครับ แต่สีหน้าพี่ไม่ว่าจะนอนหลับหรือตื่นขึ้นมา คิ้วของพี่มันขมวดอยู่ตลอดเลยนี่นา" ฟลาวบอกแล้วใช้นิ้วจิ้มๆ มาที่หน้าผากของผม

"ลามปามละ เอามือมึงออกไปก่อนที่ไอ้สวยจะฆ่ากู" ผมพูดติดตลกทั้งๆ ที่อาจจะเป็นความจริง ใครจะรู้ว่าใบหน้าสวยๆ ของผู้ชายที่ชื่อหวานดั่งขนมซึ่งไม่ต่างจากใบหน้าสวย จะมีความโหดที่คุณก็คาดไม่ถึงกันละครับ สายตาดุดันทุกครั้งที่มีคนเข้าใกล้เมียมัน ไม่รู้จะหวงอะไรกันนักกันหนา ต่อหน้าเมียเนี่ย จิกสุดฤทธิ์ ลูกอ่อยสุดยอดจนผมงงกับบทบาทมันละ แต่ลับหลังเมียเนี่ยสิ ผมแทบจะเรียกว่าไอ้โหดแทนไอ้สวยอยู่แล้ว

"นอนเถอะครับ ผมว่าพี่ยังต้องการการพักผ่อน" ฟลาวว่าออกมาแล้วปรับสายน้ำเกลือให้กับผม

มันก็แน่ล่ะ ในเมื่อหลายวันนี้ผมแทบไม่ได้นอนเลย ปกติก็มีเรื่องวุ่นๆ ที่ร้านอยู่แล้ว พ่อของผมยังเพิ่มภาระมาให้โดยการสร้างร้านเพิ่มอีก โดยให้ผมจัดการเองทุกอย่าง แถมช่วงนี้ดาด้ายังทำตัวโรคจิตติดตามผมไปทุกๆ ที่จนต้องให้ไอ้คิสช่วยจัดการ

ผมหลับตาลงเพื่อพักสมองอีกครั้ง ถึงอยากจะรีบจัดการหลายๆ อย่างให้เสร็จแต่มันก็ไม่เสร็จสักที อยากจะเททุกอย่างแล้วไปหาไอ้อ้วนของผมก็ทำไม่ได้ โตแล้วความรับผิดชอบต้องมากขึ้น ผมยังมีไอ้สองตัวยุ่งให้จัดการ ถึงจะไม่ใช่แม่เดียวกัน แต่น้องของผมก็คือน้อง ยังไงๆ ก็ต้องช่วยเรื่องย้ายโรงเรียนก่อนที่เขาจะเปิดเทอมกัน

ขนาดหลับตาตอนนี้ ผมยังห่วงไอ้วาอยู่เลย ใจมันรู้สึกว้าวุ่นแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่รู้ว่าเมื่อคืนแม่งโดนว่าอะไรบ้าง มันยิ่งชอบโวยวาย ร้องไห้ง่ายๆ อยู่ด้วย ผมล่ะเป็นห่วงมันชะมัด!

19.30 น.

"เมื่อไหร่มึงจะตื่นวะ"

"..."

"ถ้ามึงตื่นช้า กูอาจจะต้องกลับก่อนนะ"

"..."

"แต่มึงอย่าตื่นขึ้นมาเลยก็ดี กูจะได้นั่งแบบนี้อีกสักพัก"

เสียงพูดหรือบ่นอะไรสักอย่างงุ้งงิ้งๆ อยู่ข้างหู

"ตัวอย่างกับควาย ทำไมอ่อนแอจังวะ หมอให้ออกตั้งแต่เย็นละ เสือกไม่ตื่นเนี่ย"

เสียงบ่นยังคงดังอยู่ ไม่รู้ว่านอนนานเกินไปหรืออะไร เพราะผมรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมาก ถึงผมจะเป็นพระเอกของเรื่อง แต่การโดนต่อยไปหลายหมัดก็ใช่ว่าผมจะไม่เจ็บไม่ล้มนะครับ ผมก็คนธรรมดา ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้สวนกลับไปบ้างก็เถอะ

"บ่นอะไร เดี๋ยวปากเจ่อหรอกมึง" ผมพูดออกไปทั้งๆ ที่ยังหลับตา รับรู้ได้ถึงแรงสะดุ้งของอีกคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงเลยครับ

"ทำไม...มึงจะต่อยกูหรือไง" ไอ้อ้วนพูด ลอยหน้าลอยตามาเชียว

ลืมตามาก็รู้สึกแปลกใจมากที่เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของไอ้วา เพราะไม่คิดว่าไอ้แม็กจะปล่อยให้มาอยู่ใกล้ผมเร็วขนาดนี้

"มึงมาได้ไง"

"นั่งรถมาน่ะสิ"

"แล้วเมื่อคืนไอ้แม็กทำอะไรมึงหรือเปล่า" ผมถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับยื่นมือออกไปลูบแก้มกลมใสของมันด้วย ดีที่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้เบี่ยงหน้าหลบไปไหน นอกจากสายตาที่ปรับทิศทางต่ำลงไปมองที่ฝ่ามือตัวเอง

ไอ้วาไม่ได้ตอบเอาแต่นั่งเงียบ มันทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่พูดออกมา ผมที่ไม่อยากเห็นมันร้องไห้เหมือนเมื่อวานอีกเลยไม่อยากคาดคั้นอะไรมันมาก

ผมเข้าใจว่ามันคงสับสนอยู่ มันไม่เคยคบหรือชอบผู้ชายมาก่อน แต่อยู่ๆ ผมกลับยัดเยียดความรู้สึกของตัวเองให้มันไป ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงร้องไห้ออกมาเยอะขนาดนั้น

แต่ผมก็จะลองตื๊อมันต่อไป ไม่เคยชอบผู้ชายก็ไม่ได้แปลว่าอนาคตจะไม่ชอบ ก่อนหน้านี้ที่ผมจูบมัน มันก็ไม่เคยปฏิเสธอะไร ถึงอาจจะมีขัดขืนบ้างก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้รังเกียจอะไรผมนิ ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองเอาแล้วกัน ว่ามันคงมีใจให้ผมบ้าง ถึงมันจะเล็กน้อยก็เถอะ

ครืด...ครืด...ครืด...

"โทรศัพท์มึงสั่น" ผมบอก

"อืม"

"ไม่รับเหรอ"

"มึงอยากเจอไอ้แม็ก? " ไอ้วาถามกลับมาอย่างกวนๆ ตกลงว่ามันยังไงกันแน่วะ

"ไอ้ลิเคียว..." หลังจากที่ผมเงียบไม่ตอบ ไอ้วามันเลยเงียบบ้าง เราไม่ได้พูดอะไรกันนานพอสมควร แต่ผมใช้มือลูบแก้มใสของมันไม่หยุด มันเขี้ยวหน่อยก็ดึงเล่นเลยครับ ตาโตๆ แก้มป่องๆ ก็เหมาะกับมันดีนะ

"อยากพูดอะไรก็พูดมา" ผมบอก ไอ้วามันไม่ยอมสบตากับผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร แค่มันโผล่มาให้เห็นหน้าแค่นี้ก็ดีกับใจผมมากละ

"มึงชอบกูจริงๆ เหรอ" คำถามที่ผมไม่คิดว่ามันจะถามหลุดออกมาจากปากไอ้วา

"อืม...ชอบจริงๆ " ผมบอก นี่ไม่เคยใช้คำว่าชอบใครเปลืองเท่ามันเลยนะ

"ทำไม? "

"ทำไมอะไร"

"จิ๊...ทำไมถึงชอบกูอ่ะ" ไอ้วาเริ่มขึ้นเสียง ดูสิครับ คนอะไรอารมณ์เสียง่ายจัง แต่ก็เอาเถอะ ผมชินแล้ว

"ก็ไม่รู้สิ รู้แค่ว่ากูชอบ" ผมตอบ ถ้าถามหาเหตุผลในตอนนี้ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายกับมันยังไง ในเมื่อพูดไปมันก็เอาแต่บอกว่าไม่เชื่อ จะว่าเพราะผูกพันมันก็ยังเร็วไป แต่ก็อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนิดหน่อย เพราะช่วงนี้ผมติดมันเป็นพิเศษ แต่ถ้าจะเอาที่มั่นใจเลย ผมว่าเพราะความสบายใจมากกว่า อยู่กับมันแล้วผมรู้สึกสบายใจ ไม่กังวล ไม่คิดมาก มันเป็นความรู้สึกดีที่ไม่ต้องไปหาที่ไหน บางครั้งมีเรื่องเครียดๆ อยู่ แค่นึกถึงหน้าบวมๆ แก้มป่องๆ ตาโตๆ ปากแดงๆ เล็กๆ นี่ ก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้แล้ว นี่แหละมั้งที่ทำให้ผมสามารถกล้าพูดออกไปได้ ว่าผมชอบมัน

"มึงอาจจะไม่ได้ชอบกูจริงๆ ก็ได้"

"อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้น" ผมถาม ดูเหมือนมันจะกังวลใจซะเหลือเกิน

"ไม่รู้...เพราะกู...ดูไม่ดีมั้ง" ไอ้วาพูดเสียงเบา

คำว่าดูไม่ดีหลุดออกมาแล้ว อย่าบอกนะว่านี่คือความกังวลใจของมัน

"ดูไม่ดี? ...ยังไง"

"กูอ้วน...กูไม่ได้...แบบ...เหมือนสเปกมึงอ่ะ" ไอ้วาพูดออกมา จากที่เอาแต่มองมือตัวเอง ตอนนี้กลับกลายเป็นจ้องเลยครับ ผมขำกับท่าทางตลกๆ ของมันชะมัด

"แล้วสเปกกูเป็นแบบไหน" ผมถามออกไปอีก เรารู้จักกันมานาน มันก็คงรู้นั่นแหละครับ ปกติผมก็คบแต่สาวๆ สวยๆ หรือแม้แต่ผู้ชายตัวเล็กๆ น่ารักๆ ถึงไอ้วาจะห่างไกลจากคำว่าเด็กผู้ชายตัวเล็ก แต่หน้าตามันน่ารักนะครับ ถึงมันจะอ้วนๆ หน่อย แต่มันไม่ใช่คนยุ่มย่าม มันก็แค่มีเนื้อมีหนังนุ่มนิ่ม ผิวก็ออกไปทางขาวจัด แถมยังชอบทำหน้าแบ๊วๆ ด้วย แรกๆ ผมก็ไม่ชอบหรอก มันเหมือนนั่งมองไอ้ไฟทำแก้มป่องๆ เห็นแล้วขนลุก แต่พออยู่ด้วยนานๆ ก็จะเห็นความต่างในความเหมือนไปเองนั่นแหละครับ

"ขาวๆ สวยๆ อกใหญ่ๆ เออ! นั่นแหละ! ไม่เหมือนกูก็แล้วกัน! " อารมณ์มาแล้วครับ ถามแค่นี้หงุดหงิดเชียว

"มึงอาจจะแค่หลงผิดก็ได้ จริงๆ มึงไม่ได้ชอบกูหรอกดิ" ดูไอ้อ้วนมันพูด ผมอยากจะเรียกไอ้วานะ แต่หมั่นไส้มากๆ พูดไม่รู้เรื่อง ผมก็จะเรียกมันว่าไอ้อ้วนแบบนี้แหละ

"ชอบดิ มึงจะมารู้ใจกูมากกว่าตัวกูได้ไง"

"แล้วถ้าวันใดวันหนึ่งมึงมารู้ตัวทีหลังว่าไม่ได้ชอบอ่ะ"

"เฮ้ย!! อ้วน! ในเมื่อใจมันชอบไปแล้ว มันจะไม่ชอบได้ด้วยหรอวะ" ผมถอนหายใจแล้วเรียกมันว่าอ้วนออกไป ผมว่าผมโคตรจะจริงใจและชัดเจนสุดแล้วนะ

"..." เงียบไปเลยครับ หรือผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

"กูต้องกลับแล้ว"

"เอ้า! " หลังจากที่ไอ้อ้วนเงียบไปพักใหญ่ๆ อยู่ๆ มันก็พูดว่าจะกลับแล้วลุกขึ้นเดินหนีไปเลยครับ จะคว้าตัวไว้ก็ไม่ทัน เพราะผมมัวแต่นอนนิ่งงงกับมันอยู่เนี่ย

แต่ก็เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันอีกทีละกัน การที่มันมาถามอะไรแบบนี้ แปลว่ามันก็คงเก็บเรื่องของผมไปคิดอยู่นิดๆ ใช่ไหมนะ หรืออาจจะแปลว่ามันก็ชอบผมอยู่บ้างหรือเปล่า ชักสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วแฮะแต่ไม่ว่ายังไงก็เสร็จแน่ ไอ้อ้วนต้องเสร็จผมแน่ๆ อันนี้ผมมั่นใจ



:mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 13 | 11/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 12-02-2020 16:45:02
ลิเคียวปากเสียว่ะ


เรียกอยู่ได้ อ้วนๆ


อ้วนพ่อง


น้องฟลาววววววคนดี


พี่สวยเตะ 555555
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 14 | 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 13-02-2020 09:08:21
ตอนที่ 14

ลาวา พาร์ท

ผมรีบลุกจากที่นั่งหลังจากที่แอบเข้ามาเยี่ยมไอ้ลิเคียวที่โรงพยาบาล

Thu...Thu...Thu...

(ตรงไหน)

"หลังตึก ถัดมาสี่ช่อง"

ผมบอกจุดนัดเจอไอ้วินที่หลังตึก กลัวว่าไปด้านหน้าแล้วจะเจอไอ้แม็กหรือไอ้ไฟดักรออยู่ เมื่อคืนพวกมันรุมด่าผมหนักมาก ทำเอาผมไม่สามารถพูดหรือแย้งอะไรแม่งได้เลย

ผมรู้ตัวเองว่าหน้าตาพอใช้ ถึงหุ่นจะไม่ได้ดีอะไร อาจจะไม่ฉลาด ไม่เก่งเหมือนใครๆ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายปะวะ ทำไมพวกมันต้องว่าผมมากมายขนาดนั้นด้วย เพียงเพราะไม่อยากให้ผมเสียใจจากไอ้ลิเคียวเท่านั้นอะนะ เพราะถ้าผมคบกับไอ้ลิเคียวจริง พวกมันบอกเลยว่าไปไม่รอด ไอ้ลิเคียวมันเจ้าชู้และไม่คิดที่จะหยุดอยู่ที่ใคร

ซึ่งข้อนี้ผมก็รู้ตัวดี ผมเห็นเองมากับตา สัมผัสมากับตัว แต่เรื่องของหัวใจ ยังไงผมก็ต้องตัดสินใจเองหรือเปล่า ไม่ใช่ให้ใครมาตัดสินใจแทน ผมก็แค่อยากลองเสี่ยงทำตามใจตัวเองดูอีกสักครั้ง ถึงผมไม่รู้ว่ามันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว แต่เรื่องของหัวใจ ยังไงๆ ตัวเราเองก็ต้องเป็นผู้กำหนด ถึงผลลัพธ์มันอาจจะไม่ได้ออกมาดีแบบที่คิด แต่ผมก็พอใจและยอมรับมันทุกครั้งนะ แม้ว่าจะลงเอยด้วยการถูกบอกเลิกทุกครั้งก็เถอะ...และครั้งนี้ผมก็จะตัดสินใจด้วยตัวเอง

"มีรถตามมาไหม" ผมถาม จริงๆ มีตามมาตั้งแต่ผมออกจากคณะแล้วครับ แต่ไอ้วินมันขับเก่ง? เลยหลุดจากการตามมาได้ ถ้าให้เดาก็คงเป็นไอ้ไฟนั่นแหละ

มันเป็นคนเดียวที่สนิทกับไอ้ลิเคียวที่สุดในบรรดาพวกเราทั้งสามคน อาจเพราะเหตุนี้ก็ได้ทำให้มันรู้ไส้รู้พุงกันดี เลยไม่อยากให้ผมคบกับไอ้ลิเคียวแบบจริงจัง ถึงมันจะคอยแขวะทุกครั้งที่เจอหน้า หลายคนอาจจะคิดว่ามันพูดเล่นๆ แต่ความจริงแล้ว ไอ้ไฟมันอยากให้ผมเลิกจริงๆ นั่นแหละ

"ไม่มีรถตามมา แต่กูเห็นไอ้ไฟขึ้นไปตามมึงอยู่" นั่นไง ผมกะแล้วไม่มีผิด

"เออ ช่างเถอะ ไปส่งกูที่บ้านไอ้โซ่นะ" ผมบอกไอ้วิน จริงๆ ก็อยากไปค้างกับไอ้วินแหละ แต่ช่วงนี้มันขยันเข้าคลินิกเป็นพิเศษ เห็นว่าแถวนั้นนักศึกษาตีกันบ่อย จะส่งตัวไปโรงพยาบาลก็ช้า คลินิกไอ้วินมันก็เปิดช่วงเย็นถึงดึกให้เลยนะครับ เพราะเวลาปกติมันใช้เข้าเรียน นอกจากเสาร์-อาทิตย์นั่นแหละ ถึงเปิดเที่ยงถึงดึกให้ บริการดี ค่อนข้างใหญ่กว่าคลินิกทั่วไป แถมยังส่วนตัวอีกต่างหาก เวลาปิดร้านก็รอผับปิดมันถึงปิดนั่นแหละครับ

เอี๊ยดดดดดดด~~!

เสียงเบรกล้อรถกับถนน ทำเอาผมขนลุกตั้งแต่หัวยันปลายตีนเลย ผมว่าผมก็ไม่ได้รีบนะ แต่ไอ้วินคงไม่คิดแบบนั้นด้วย เพราะมันแซงทุกคัน แถมยังขับแบบแทบไม่เหยียดเบรกเลยด้วยซ้ำ

"ตกลงมึงขับรถเป็นแน่ใช่ไหมเนี่ย" ผมถามออกไป จริงๆ ถ้าไม่ติดว่ากลัวจนขาสั่นอยู่ ผมจะรีบเปิดประตูลงไปโดยไม่พูดกับมันเลยครับ

"ก็พอได้" ไอ้วินบอกแล้วมองผมนิ่งๆ คำว่าก็พอได้ของมันกับฝีมือการขับของมัน สามารถทำให้ผมแปลได้เลยนะครับ ว่ามันขับรถเป็นและเก่งมากพอๆ กับขับเหี้ยมากๆ ด้วย รถก็ไม่ใช่ของตัวเอง ทำไมแม่งต้องขับขนาดนี้ด้วยวะ...หรือมันคิดว่ากำลังขี่จรวดอยู่ก็ไม่รู้

"จะลงไปด้วยไหม" ผมถามขณะก้าวเท้าลงจากรถ

"ไม่...มันรออยู่" มันที่ว่าก็ไม่ใช่ใครไหนหรอกครับ ผัวมันนั่นแหละ

"อ่อ เดี๋ยวนี้ติดผัวนะมึง" ผมบอกออกไป ทำเอาไอ้วินหันมามองเลยครับ

"...ติดผัว...แต่กูไม่ได้ใจแตกถึงขนาดหนีออกจากบ้าน"

"-0-" (เหี้ยยยยยย) อุทานในใจยาวๆ สามวิ ไม่รู้ว่าจะตกใจที่ไอ้วินพูดประโยคยาวๆ เกินสามคำหรือจะตกใจกับประโยคที่มันด่าผมก่อนดี รู้สึกเจ็บจี๊ดๆ เลยครับ ผมไม่ได้หนีออกจากบ้านสักหน่อย แค่เบื่อๆ พวกมันแขวะเลยออกจากบ้านมานอนบ้านเพื่อนเท่านั้นเอ๊งงง

หลังจากโดนไอ้วินด่า ผมนี่รีบลุกเลยครับ ถ้ามันพูดออกมาอีก ผมว่าผมคงไปไม่เป็น อันที่จริงก็ไม่น่าไปแซวมันก่อน เข้าตัวเองอย่างแรงเลย

"เอ้า! ไอ้สวยมาทำไรเนี่ย" ผมถามหลังจากเปิดประตูเข้ามา ปกติมันเป็นคนที่ไม่น่ามาสนิทกับไอ้โซ่ที่สุดนะ

"กูเบื่อๆ อ่ะ เลยมานั่งเล่นกับไอ้รถถัง ดีละที่มึงมา งั้นวันนี้กูค้างด้วยเลยแล้วกัน" ไอ้สวยบอกแล้วสรุปเอง ผมกับไอ้โซ่ยืนงงมองหน้ากันเลยครับ เพราะก่อนหน้านี้ผมโทรมาบอกไอ้โซ่ก่อนแล้วว่าจะมาค้าง มันยังบอกอยู่เลยว่ามันอยู่คนเดียว

'มันมานานแล้วเหรอวะ' ผมแอบกระซิบถามไอ้โซ่

'ก่อนหน้ามึงไม่ถึงห้านาทีอ่ะ'

'เหรอ งั้นมึงขังลูกๆ มึงดีๆละกัน ถ้าตัวไหนหลุดออกมากูจะให้ไอ้สวยต้มกิน' ผมบอกออกไป ไอ้โซ่หันมามองหน้าผมแล้วรีบลุกไปหาพวกลูกๆ ของมันเลยครับ ในบ้านหลังนี้มีตั้งแต่สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์น้ำ สัตว์บกยันสัตว์ปีกเลยครับ

ไอ้โซ่มันบ้าเลี้ยง แต่มันก็ใส่ใจดูแลอย่างดีตลอดนะ ถึงช่วงนี้จะเห่อไอ้ไมเคิ้ลเป็นพิเศษก็เถอะ นี่ถ้าไอ้ไมเคิ้ลพกไปไหนมาไหนได้เหมือนไอ้รถถังนะ มันคงพกไปด้วยแล้ว ไม่รู้จะชอบอะไรนักหนา

"แล้วมึงคิดไงมานอนบ้านไอ้โซ่เนี่ย ปกติมึงขยาดบ้านมันจะตาย แถมแฝดมึงไม่ค่อยปล่อยด้วยนิ" ไอ้สวยหันมาถามขณะถือผักบุ้งป้อนไอ้รถถังอยู่

ก็จริงนั่นแหละครับ แต่ผมไม่สนหรอก ไม่อยากอยู่บ้านอ่ะ ถึงพวกมันไม่ชอบให้ออกไปนอนนอกบ้านเท่าไหร่ แต่ผมโตแล้ว จะมาห้ามเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้ พวกมันเห็นบ่นๆ แต่ก็ยอมให้มาล่ะครับ อย่างน้อยๆ ถ้าไอ้แม็กบอกผ่าน ไอ้ไฟก็โวยวายอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังเสือกแอบตามอยู่ดี

"กูก็เบื่อๆ อ่ะ" ผมบอกออกไป นอกจากไอ้วินแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องผมกับไอ้ลิเคียวเลย พอๆ กับไม่มีใครสนใจเรื่องไอ้เด็กชุนผัวไอ้วินนั่นแหละ เพราะถึงรู้พวกมันก็ไม่สนใจเท่าไหร่ จนกว่าจะมีใครบอกเปิดตัวออกไปนั่นแหละ

"เหรอ ก็ดี กูจะได้มีเพื่อนนอนด้วย ตอนแรกกะว่าจะมานั่งเล่นอย่างเดียวนะเนี่ย" ไอ้สวยบอกแล้วหันกลับไปเล่นกับไอ้รถถังต่อ ถึงจะพูดว่านอนด้วยกัน แต่พวกเราก็นอนแยกห้องกันอยู่ดี แต่คงหาอะไรทำระหว่างนั้น ปกติถ้าไม่เล่นไพ่ ดื่มเหล้า ก็ดูหนังกันล่ะครับ นอนจากวันดีคืนดีจะมีตัวอะไรคานออกมาจากตู้หรือจากกรงให้ต้องวิ่งออกกำลังกันตอนดึกอะนะ

"มึงเห็นลิลลี่หรือยัง" ถ้าจำไม่ผิดคงจะเป็นชื่อเมียไอ้ไมเคิ้ลหรือเปล่าวะ ผมล่ะมึนๆ กับการเลี้ยงสัตว์แถมยังต้องตั้งชื่อให้อีก

"ยัง...ใช่กุ้งตัวเมียที่ไอ้วินเอามาเป็นคู่ไอ้ไมเคิ้ลหรือเปล่า"

"เออดิ มึงรอดูคืนนี้นะ สนุกแน่" ไอ้สวยพูดออกมาแล้วยิ้มสยอง แม่งต้องหาเรื่องอะไรให้ไอ้โซ่แน่ๆ ผมล่ะปวดใจแทนจริงๆ

23.48 น.

"มึงงง~...พวกมึงงงงง~~"

"อะไร" ผมถาม ตอนนี้เรากำลังดูหนังกันอยู่ครับ เรื่องที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่แม่งโคตรสันส์เลย

"กูหิวอ่ะ" ไอ้สวยบอก จริงๆ มันบ่นหิวมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ทั้งๆ ที่จริง เราพึ่งกินข้าวกันไปไม่ถึงสองชั่วโมงดีด้วยซ้ำ

"จะกินอะไรนักหนา มึงกินข้าวไปสองจานแถมขนมพวกนี้อีกนะ" ผมบอกแล้วชี้ไปยังเศษขนมที่วางอยู่เกลื่อนห้อง

"ก็กูหิวอ่ะ ลงไปทำอะไรกินกัน" ไอ้สวยเสนอ เพราะตอนนี้แม่บ้านไอ้โซ่คงนอนหมดแล้ว จะทำอะไรก็คงต้องลงไปทำเองแล้วล่ะครับ

"บ้านกูมีมาม่า ลงไปต้มเอง" ไอ้โซ่บอกแล้วหันไปดูหนังต่อ ผมก็เลยพยักหน้าไปทางประตูเป็นเชิงให้มันออกไปจากห้องนั่งเล่น แล้วไปทำกินเองเลย มีการเหลือกตาบนกับทำหน้ามุ่ยมาด้วยนะ แต่ก็ยอมเดินกระทืบเท้าออกไป ผมขี้เกียจสนใจเลยหันมาดูหนังต่อ

RRRRRR

เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ตอนแรกคิดว่าจะเป็นไอ้แม็กซะอีก เพราะวันนี้มันยังไม่ได้โทรมาเลย ผิดจากไอ้ไฟที่โทรมาหาผมไม่ต่ำกว่า 10 รอบแล้วและก็คงรายงานเรื่องผมไปแล้วด้วย

ผมค่อนข้างจะหงุดหงิดเวลาไอ้ไฟเป็นแบบนี้นะ แต่ก็พยายามเข้าใจว่ามันเป็นห่วง

"รับสักทีสิ โทรศัพท์มึงน่ะ" ไอ้โซ่หันมาบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

"เออๆ " ผมบอกแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาที่ระเบียงจะได้คุยสะดวก ในห้องที่ใช้ดูหนังมันเสียงดังเกิน แต่ก็ใช้ดูมันส์ดีครับ เหมือนโรงหนังขนาดย่อมเลย แถมเก็บเสียงอีกต่างหาก โทรทัศน์ก็เครื่องใหญ่อีกด้วย

"...ว่าไง" ผมเห็นชื่อปลายสายที่โทรเข้ามา ทำเอาชั่งใจอยู่อีกพักหนึ่งถึงกดรับ

(กูนึกว่ามึงจะไม่รับสายซะอีก)

"ทำไมต้องไม่รับสายด้วยล่ะ"

(ไม่รู้สิ ไอ้แม็กอาจจะยึดโทรศัพท์มึงหรือมึงอาจจะไม่อยากคุยกับกูก็ได้)

"กูว่ามึงดูหนังมากไปป่ะ" ผมบอก เสียงไอ้ลิเคียวตอนแรกจากหงอยๆ ตอนนี้กลายเป็นเหมือนจะกวนตีนนิดๆ ถึงไอ้แม็กจะไม่อยากให้ผมคบกับไอ้ลิเคียว แต่จะมากักขังหรือยึดโทรศัพท์ผมไป ก็แลจะในหนังเกินไปหรือเปล่า

ผมโตเกินกว่าจะมาโดนอะไรแบบนั้นแล้ว ถึงจะยังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ แต่เรื่องความรัก...ก็ห้ามกันไม่ได้เหมือนกัน

(ทำอะไรอยู่) ไอ้ลิเคียวถามเสียงเนือยๆ

"ดูหนัง"

(แล้วกินอะไรหรือยัง)

"จะถามอะไรมึงดูเวลาด้วย จะเที่ยงคืนอยู่ละ ยังไม่กินมั้ง" ผมบอกออกไป

(เหรอ แสดงว่ากินแล้วสิ กูยังไม่ได้กินอะไรเลยเนี่ย)

"แล้วไม่หาล่ะ โทรมาบอกกูแบบนี้จะได้แดกไหม"

(...อ้วน)

"อะไร!? "

(คิดถึงว่ะ)

"..." ผมไม่รู้จะตอบมันยังไงดี เอาจริงๆ คือแปลกใจตั้งแต่มันโทรมาแล้ว วันนี้ผมก็พยายามจะไม่คิดถึงเรื่องของมัน แต่สมองกับหัวใจเสือกไม่รับฟังอะไรเลย ยิ่งพอมาได้ยินมันพูดแบบนี้ หัวใจของผมที่เต้นแรงอยู่แล้ว ตอนนี้เหมือนจะหลุดออกมาให้ได้เลย

(เงียบไปเลยเหรอ ยังอยู่ในสายหรือเปล่าเนี่ย...อ้วน!)

"กูจะกดวางเพราะมึงเรียกกูแบบนี้เนี่ยแหละ" ผมบอกออกไป ทำไมชอบเรียกจัง ผมยิ่งคิดหนักอยู่ ทั้งๆ ที่จริงโคตรจะลงล็อกเลย มันชอบผม ผมเองก็ชอบมัน ผมรู้ตัว ถึงจะคอยปฏิเสธหัวใจและก็เถียงกับตัวเองตลอดก็เถอะ แต่การที่ผมชอบมันไปแล้วคือเรื่องจริง

(ฮ่าๆ ๆ น่ารักดีออก)

"กูไม่น่ารักด้วยหรอกนะ" ผมบอก คำว่าอ้วนนี่โคตรจะเป็นปมด้อยของผมเลยนะ ไม่ว่าจะทำอะไร คบกับใคร ผลสุดท้ายทุกคนก็จะมาลงมติของปัญหานั้นๆ ว่าผมผิด

มันคือเรื่องจริงที่น่าตลกแต่ผมกลับไม่ตลกด้วยเลยจริงๆ หลายๆ คนชอบมองคนที่ภายนอก แถมยังชอบกล่าวหาคนอื่นก่อนที่จะมองตัวเอง ผมเกลียดมากเวลาเจอปัญหาอะไรแล้วทุกๆ คนก็จะมาลงปัญหานั้นกับผม

ตอนมอปลาย ไม่ว่าจะลงเล่นกีฬาอะไร ถ้าเกิดผมอยู่ในทีมด้วย แล้วผลสรุปออกมาว่าทีมเราแพ้ ผมก็จะกลายมาเป็นประเด็นทันที อย่างตอนวิ่งผลัด ทั้งๆ ที่ไม่มีใครยอมลง พอผมวิ่งไม้สุดท้ายแพ้ ทุกคนต่างก็มาโทษและลงที่ผม หาว่าผมวิ่งช้าทั้งๆ ที่ผมวิ่งสุดกำลัง ชอบว่าผมไม่ออกกำลังตัวเลยอ้วน ทำอะไรก็เลยต้วมเตี้ยม ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย แต่ผมก็ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ จะเถียงก็เถียงไม่ได้ มันน่าเจ็บใจนะครับ แค่รู้ว่าตัวเองแพ้ก็แย่อยู่แล้ว ยังมีแต่คนมาโทษอีก ทำเอาผมหมดกำลังใจไปหลายวันเลย

(เห้ยอ้วน...เงียบไปเลย ได้ยินที่กูพูดไหมเนี่ย)

"ได้ยิน"

(มึงก็รู้ว่ากูพูดเล่นน่า)

"เออช่างเถอะ อยากเรียกอะไรก็เรียก"

"ไอ้วา ไอ้สวยถามว่าจะกินมาม่าไหม" เสียงไอ้โซ่ดังแทรกเข้ามา

"ไม่อ่ะ กินไปเลยมึง" ผมตอบกลับไป ไอ้โซ่ก็แค่พยักหน้ารับ

(เพื่อนมาบ้านเหรอ)

"เปล่า กูมานอนบ้านเพื่อน"

(บ้านใคร!!)

"มึงจะเสียงดังทำบ้าอะไรเนี่ย! " ผมบอกออกไป คุยอยู่ดีๆ มาตะโกนใส่เฉยเลย

(มึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูไปรับ)

"มารับเพื่อ? "

(เพื่อ...คิดถึง)

"กูว่ามึงบ้าละ พึ่งเจอกันไปเองป่ะ ไปเช็กสมองแล้วรับยาด่วนเลยแม่ง -///-" ผมพูดโวยวายออกไป นี่เป็นคำบอกคิดถึงครั้งที่สองของวันแล้วนะ

(ก็มันคิดถึงจริงๆ มานอนกับกูเถอะ นะๆ ๆ เดี๋ยวกูไปรับ)

"มึงจะบ้าเหรอ ไม่ต้องมารับเลย"

(ทำไม มานอนเฉยๆ เอง) ไอ้ลิเคียวทำเสียงเหมือนจะอ้อนเลยครับ แต่ก็เป็นน้ำเสียงธรรมดานั่นแหละ

"มะ...ไม่ ไม่เอา" ผมตอบปฏิเสธ จะผิดไหมถ้าผมอยากจะบอกว่าใจผมหวั่นไหวไปกับคำขอของมันมาก อยากไปแต่ใจก็กลัว กลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวทำผิด กลัวเลือกพลาด กลัวไอ้แม็กไอ้ไฟด่า มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนเราจะทำผิดอะไรสักอย่าง รู้ว่ามันอาจจะไม่ดี แต่ก็อยากทำ...ผมอยากจะไป ไปนอนกับไอ้ลิเคียว (ผมหมายถึงว่านอนเฉยๆ จริงๆ อ่ะ)

(ปักหมุดมาเลย กูหยิบกุญแจรถแล้ว) ตู๊ดๆ ๆ ๆ

สาบานว่ามันฟังคำพูดของผมอยู่ ผมก็บอกว่าไม่เอาๆ ยังจะมาพูดมึนๆ อีก ผมล่ะเกลียดมัน พอๆ กับที่ชอบมันที่เป็นแบบนี้จริงๆ เพราะผมก็ดันส่งที่อยู่บ้านไอ้โซ่ไปหามันเนี่ย ไม่รู้ว่าเพราะเคยชินกับสิ่งที่มันสั่งแล้วต้องทำตาม หรือเพราะผมอาจจะใจแตกอย่างไอ้วินว่าก็ได้

10 นาทีผ่านไป...

ผมว่าผมอาจจะบ้าไปแล้วก็ได้ครับ ตั้งแต่กดวางสายจากไอ้ลิเคียวไป ผมก็นั่งเล่นโทรศัพท์แล้วคอยชะเง้อคอมองหารถมันอย่างเดียวเลย แถมยังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกด้วย เงยๆ มองหารถไอ้ลิเคียว ก็ยังไม่เห็นวี่แววก็เลยก้มหน้าส่องเฟซคนนู้นคนนี้ไปเรื่อย พอเห็นสเตตัสจีก็เข้าใจเลยว่าทำไมไอ้สวยถึงมานอนบ้านไอ้โซ่ อันนี้แค่เดาเอานะครับ เพราะเห็นสเตตัสที่แท็กไอ้ธันไป คือทั้งสองไปเที่ยวกันครับ ลงรูปโคตรสวีทเลย ผมเลยคิดว่าไอ้สวยคงอยากจะมาหาเพื่อน จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน

ข้าวสวย

3 นาที

อร่อยง่ายๆ กับสัตว์เลี้ยงเพื่อน...ด้วยความที่เพื่อนซื้อลิลลี่มาเพื่อให้เป็นเมียไมเคิ้ล สุดท้ายไมเคิ้ลแม่งฆ่าลิลลี่เฉย ด้วยความหวังดีเลยสานต่อเจตนารมณ์ไมเคิ้ล...เอามาแดกแม่ง! มาม่าชามละ 656 บาท #สบายท้องไปอีกมื้อ

1.8k ถูกใจ 2 แสดงความคิดเห็น

หลังจากผมรีฟีดหน้าเฟซครั้งที่ 3 สเตตัสไอ้สวยก็โผล่ขึ้นมาพร้อมรูปชามมาม่าที่มีกุ้งเครฟิชตัวโตแช่อยู่ ตอนแรกผมก็มองข้ามไปแล้วนะครับ แต่ติดตรงที่กุ้งตัวใหญ่แถมมีควันลอยอยู่ในรูปเนี่ย ทำเอาผมกดเลื่อนกลับมาดูเร็วๆ เลย ฉิบหายไอ้สวย ไม่รู้มันไปสังหารกุ้งไอ้โซ่ตอนไหน แต่ที่แน่ๆ คือแม่งคงจะแดกหมดไปแล้ว

"โอ๊ย...อิ่มฉิบเลยมึง" เสียงไอ้สวยดังขึ้นมาจากในห้อง ผมไม่ได้ปิดระเบียงครับ แค่แง้มๆ ไว้เฉยๆ บ้านไอ้โซ่มันรวย เปิดให้แอร์ออกมาบ้างคงไม่เป็นไร

"มึง...กูมีไรจะบอก"

"อะไร"

"สัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธ"

"กูว่ากูจะโกรธเพราะมึงพูดแบบนี้แหละ"

"มันเป็นเรื่องน่าเศร้าหน่อยนะ"

"จะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ"

"กูว่า...ไอ้ไมเคิ้ลมันเป็นเกย์ว่ะ" เดี๋ยวนะ ผมว่ามันกำลังจะสารภาพผิดประเด็นหรือเปล่า

"มึงรู้ได้ไง"

"ก็มันฆ่าลิลลี่อ่ะ แต่มึงไม่ต้องเสียใจนะ กูสานต่อเจตนารมณ์ไอ้ไมเคิ้ลแล้ว"

"ยะ...ยังไง" ไอ้โซ่ถามเสียงสั่นนิดๆ แต่หน้ามันทั้งงงๆ ทั้งตกใจ ผมว่ามันคงอึ้งไปเหมือนกันล่ะครับ

"กูจับลิลลี่ใส่มาม่าไปแล้ว..มึงหาตัวผู้มาเป็นเมียมันเถอะ อยู่ด้วยกันไม่ถึงวันโดนฆ่าละ..ไอ้โซ่...ไอ้โซ่!! ...เห้ย" ช็อกไปแล้วล่ะครับ จริงๆ ไอ้สวยมันก็ผิดนะที่มันไม่บอกก่อน ไม่รู้ว่าไอ้โซ่จะโกรธไหม แต่กุ้งที่ไอ้สวยมันกินคือลิลลี่ไง ไอ้โซ่มันไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงจริงๆ มันกะเอามาเป็นเมียเฉยๆ แถมกุ้งเครฟิชคนปกติเขาก็เลี้ยงเอาไว้กินอีกด้วย ไม่ใช่เลี้ยงไว้ดูเล่น แต่คงเป็นอารมณ์อย่างลองเลี้ยงของไอ้โซ่นั่นแหละครับ งานนี้ผมว่าผมอยากให้ไอ้ลิเคียวรีบมารับจัง อยู่ๆ ก็เสียวสันหลังวาบ ไม่รู้จะเป็นห่วงใครดี เฮ้ยยย~

ปี๊บๆ ๆ ๆ

รอไม่นานเสียงแตรรถไอ้ลิเคียวก็ดังขึ้น โชคดีที่ไอ้โซ่ไม่ได้โกรธอะไรไอ้สวยมาก ติดจะตกใจที่กุ้งที่พึ่งซื้อมาโดนกินไปซะมากกว่า แต่ผมคิดว่าถ้าเป็นไอ้ไมเคิ้ลโดนกินก็ไม่แน่นะครับ เพราะตัวนั้นมันเลี้ยงมาตั้งแต่ตัวขนาดกลางๆ ไอ้โซ่ก็คงผูกพันของมันนั่นแหละ

"ตกลงไม่นอนแล้ว? " ไอ้โซ่ถาม

"เออ"

"มึงอ่ะ ไม่บอกกู เกิดไอ้โซ่เปลี่ยวใจข่มขืนกูขึ้นมาทำไง" ไอ้สวยพูดออกมาพร้อมท่าทางเชิดๆ ไม่ได้แลกลัวเหมือนกับที่พูดเลยสักนิด

"มึงก็ยอมๆ มันไปเถอะ มึงสวยได้ ก็โสดไปยังแก่ได้" ผมบอกตามตรง โดนมองค้อนมาหนึ่งทีครับ แต่ไม่สน รีบขนกระเป๋าเป้ขึ้นรถไอ้ลิเคียวมันเลย อยากจะอิดออดอยู่หรอกนะ แต่ไม่รู้จะเล่นตัวให้มันได้อะไร

"..." หลังจากขึ้นรถมาแล้ว ไม่มีใครคุยกับใครเลยครับ มันก็เงียบ ผมก็เงียบ แอบชำเลืองมองหน้ามันนิดหนึ่งด้วย แต่ไม่รู้ว่ามันทำสายตายังไง ขับรถก็ตอนดึก ยังจะใส่แว่นดำอีก ทำเอาผมรู้สึกอึดอัดแปลกๆ

"อ้วน! "

เฮือก! หลังจากนั่งเงียบๆ มานาน อยู่ๆ ไอ้ลิเคียวมันก็เรียกชื่อผมเสียงดังเลยครับ ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัวเลยด้วยซ้ำ

"ฮ่าๆ ๆ ตกใจอะไรขนาดนั้นวะ"

"ก็มึงอ่ะ อยู่ๆ ก็เรียกกูเสียงดังแถมยังทำเสียงเข้มอีก" ผมบอกออกไปพร้อมกับลูบอกตัวเองไปด้วย ไม่รู้ว่าที่ใจเต้นแรงตอนนี้เพราะตกใจมากจริงๆ หรือตื่นเต้นที่ได้เจอตัวมันหลังจากได้ยินเสียงมันบอกคิดถึงกันแน่

"คราวหลังมึงก็อย่าแต่งตัวแบบนี้สิ"

"แบบไหน"

"ชุดนอนแบบนี้เนี่ย"

"เอ้า! ก็กูอาบน้ำแล้ว กูก็ต้องแต่งแบบนี้ป่ะ" ผมบอกออกไป ปกติผมก็ใส่ออกบ่อย มันก็เห็นทุกเช้าที่เคยมาปลุกผมนะ จะต่างกันก็ตรงเป็นกางเกงขาสั้นบ้างยาบ้างก็เท่านั้น

"ถ้ามานอนบ้านเพื่อนมึงห้ามแต่ง"

"เกี่ยวอะไรกันวะ"

"เสื้อมันบาง ขากางเกงก็บานด้วย เห็นไปถึงไส้มึงแล้วเนี่ย" ไอ้ลิเคียวว่าออกมา

"มึงจะบ้าเหรอ มันก็ชุดนอนปกตินั่นแหละ"

"นั่นแหละ เอาเป็นว่าไม่ได้ละกัน"

"อะ...ไอ้...ฮึ่ย...เป็นเอามากนะมึงอ่ะ" ผมอยากจะด่ามันนะ แต่เห็นแล้วด่าไม่ออก ผมเดาสายตาไอ้ลิเคียวผ่านแว่นดำๆ นั่นไม่ออก แต่ความรู้สึกที่ว่า...อยู่ๆ ก็รู้สึกเขินขึ้นมาเหมือนถูกจ้องมาจากหลังเลนส์นั่น มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

หลังจากถกเถียงเรื่องไร้สาระไปแล้ว ผมก็คุยเรื่อยเปื่อยกับมัน เอาจริงๆ เลยคือมันก็ถามนู่นถามนี่ไปเรื่อย เป็นคำถามที่เบสิคสุดๆ แต่ผมกลับแปลกประหลาดมาก บางคำถามเหมือนจะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่กลับไม่ใช่อย่างที่คิด รวมทั้งการที่มันเล่าเรื่องตัวเองให้ผมฟังอีกด้วย

"มึงเข้าไปก่อน เดี๋ยวกูตามไป" ไอ้ลิเคียวบอกขณะที่จอดรถหน้าบ้าน ผมเคยมาที่บ้านมันแล้ว แต่ไม่บ่อยมากนัก เลยรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องเดินเข้าไป

"ให้อุ้มไหม" เสียงไอ้ลิเคียวพูดออกมา ทำเอาผมรีบเดินเข้าบ้านมันมาเลย

เอาจริงๆ ก่อนมาก็คิดว่ากลัวๆ นะ แต่พอได้มาแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด ไอ้ลิเคียวก็ทำตัวปกติ จะผิดแปลกไปหน่อยก็ตรงที่ดุน้อยลงและพูดมากขึ้นนั่นแหละ

"ถ้าง่วงก็ขึ้นไปนอนก่อนเลย กูอาบน้ำก่อน" ไอ้ลิเคียวบอกพร้อมกับโยนกุญแจรถไว้บนโซฟา ผมที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ ไม่รู้ต้องทำตัวยังไงก็เลยเดินขึ้นมาบนห้องของมันแล้วล้มตัวลงนอนเลย หันไปมองนาฬิกาตรงหัวนอนก็บอกเวลาจะตี 1 อยู่แล้ว ทำไมผมถึงยังไม่ง่วงนะ

ซู่~~

เสียงน้ำจากในห้องน้ำที่ไอ้ลิเคียวเข้าไปอาบเปิดขึ้น อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าตัวเองกำมือกับผ้าห่มแน่น พยายามข่มตาให้หลับแต่กลับไม่ได้ผล จะหยิบโทรศัพท์มาเล่นก็แบตหมดไปตอนไหนก็ไม่รู้ ผมเลยได้แต่พลิกตัวนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง

แกร๊ก

ได้ยินเสียงปลดล็อกห้องน้ำดังขึ้นผมเลยชะโงกหน้าไปดู แต่เป็นอะไรที่คิดผิดถนัด เพราะไอ้ลิเคียวออกมาพร้อมกับตัวเปียกๆ มีผ้าขนหนูสองผืนคือที่มันพันเอวไว้ กับผืนเล็กที่คล้องคออยู่

ผมที่เปียกหมาดๆ กับน้ำที่เกาะอยู่ตามตัวไอ้ลิเคียว ทำเอาผมกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก ปกติก็เห็นไอ้แฝดของผมแก้ผ้าอยู่บ่อยๆ หุ่นพวกมันก็ดีไม่ผิดไปจากไอ้ลิเคียวหรอกนะครับ แต่กับไอ้ลิเคียวนี่ผมไม่ชินเอาซะเลย มันเดินผ่านหน้าผมไปแล้วยืนเช็ดศีรษะที่หน้ากระจก เหมือนจะรู้ว่าผมชำเลืองมองมันอยู่เลยหันมาขยิบตาให้จนผมต้องหยิบหมอนอีกใบขึ้นมาปิดหน้า

ทั้งๆ ที่คนที่ยืนโป๊อยู่คือมัน แต่ทำไมผมดันรู้สึกเขินขึ้นมาแทนได้วะ หัวใจที่เต้นแรงมาทั้งวันแล้ว ณ ตอนนี้ก็ยังคงทำงานไม่หยุด กลัวใจตัวเองจะเต้นแรงจนกระเด็นออกมาจากร่างจริงๆ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยรักชอบกับผู้ชายมาก่อน ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาเจอสถานการณ์แบบนี้แล้วใจจะเต้นแรงด้วยซ้ำ

มันเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ จะบอกว่ากลัว มันก็ไม่รู้ว่าความกลัวที่ผมรู้สึกคืออะไรกันแน่ จะบอกว่าตื่นเต้น ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองตื่นเต้นทำไมกันในเมื่อไอ้ลิเคียวมันก็ผู้ชายเหมือนกัน

ความรู้สึกของผมตอนนี้ ถ้าเหมารวมกันแล้ว มันแปลว่าชอบไอ้ผู้ชายตรงหน้ามากๆ เลยหรือเปล่าวะ...

:hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 15 | 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 14-02-2020 10:16:07
ตอนที่ 15


ทันทีที่ไอ้ลิเคียวแต่งตัวเสร็จ มันก็ปิดไฟแล้วกระโดดขึ้นมาบนเตียงเลยครับ ผมที่นอนตัวตรงอยู่ถึงกลับหันหลังให้มันเลย ทำให้ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันกำลังทำอะไรอยู่

"..." เงียบ! นอกจากเสียงแอร์แล้วผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย จะบอกว่าไอ้ลิเคียวหลับไปแล้วก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะผมยังรู้สึกถึงแรงยวบของเตียงอยู่เลย เหมือนมันขยับตัวบ่อยๆ หรือทำอะไรสักอย่าง

"อ้วน! หลับยัง" เสียงไอ้ลิเคียวดังขึ้นมาใกล้ๆ

"ยัง"

"ขอจับมือได้ไหม" ไอ้ลิเคียวถาม

ตอนนี้มือของผมยังขยำผ้าห่มแน่นอยู่เลยครับ แต่ก็ค่อยๆ ผ่อนแรงลง ไม่เกร็งเหมือนตอนแรกแล้ว แถมยังรู้สึกแปลกใจกับคำพูดของไอ้ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังอีกด้วย ปกติทำอะไรเคยขอที่ไหน อยากสั่งก็สั่ง อยากทำก็ทำเลย อยู่ๆ มาขอแบบนี้ ผมต้องทำยังไงล่ะ?

"ไม่ได้เหรอ" ไอ้ลิเคียวยังคงถามต่อ เสียงมันไม่ได้อ้อนหรืออ่อนหวานอะไรเลย แต่ทำไมถึงทำให้ผมรู้สึกใจหวิวๆ ก่อนจะเป็นคนยื่นมือไปให้มันก่อน

ถึงผมจะหันหลังอยู่ก็เถอะ แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงการจ้องมองจากคนด้านหลัง มือที่ตอนนี้มันเอาไปกุมอยู่ก็เสือกบีบเล่นอยู่นั่นแหละ จะหลับก็ไม่ได้หลับ แถมยังรู้สึกแปลกๆ อีกด้วย

"อ้วน~" หลังจากเงียบไปห้านาทีได้ ไอ้ลิเคียวก็เรียกผมขึ้นมาอีก

"อะไรของมึงอีกล่ะ" ผมถามออกไป ไม่ใช่อารมณ์หงุดหงิด แต่ผมกำลังประหม่ากับการเรียกของมันครั้งนี้ เพราะน้ำเสียงที่ใช้เรียกมันเปลี่ยนไปนิดหน่อย

"ขอกอดได้ไหม" ผมอยากจะกรีดร้องออกไปดังๆ นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกกันว่าได้คืบจะเอาศอก เรื่องแบบนี้เขาขอกันด้วยเหรอวะ แล้วไอ้ที่ว่ากอดนี่ คือกอดอย่างเดียวใช่ไหม ผมไม่ได้อยากจะเปรียบเทียบนะ แต่เราเลยขั้นที่จะมาขอจับมือขอกอดกันแล้วปะวะ ถึงจะยังไม่ถึงขั้นนั้น ผมไม่ได้หมายถึงอยากจะให้มันทำอะไรตามอำเภอใจนะ แต่ผมหมายถึงแบบ...เวลาแม่งจะจูบ มันก็จูบผมเลย กับอีแค่การกอด ดันมาขอกันแบบนี้ ทำเอาผมรู้สึกแปลกจริงๆ นะเนี่ย

"ทำไมถึงขอล่ะวะ ปกติจะทำอะไร กูเห็นมึงไม่เคยถามความสมัครใจกูสักคำ" ผมพูดออกไป ที่จริงก็แอบประชดนิดหน่อยนั่นแหละ

"ก็ต้องขอก่อนสิ กูกำลังจีบมึงแบบจริงจังแล้วนะ" ไอ้ลิเคียวบอก ทำเอาผมอยากจะหันไปมองหน้าแม่งเลย

"แล้วถ้ากูไม่อนุญาตล่ะ"

"กูก็กอดมึงเลยไง ไม่ต้องหันมา นอนไปแบบนั้นนั่นแหละ" ไอ้ลิเคียวบอก ผมกำลังจะหันไปมองหน้ามัน คือรู้สึกว่าความกวนตีนของมันยังอยู่เท่าเดิม ไอ้ลิเคียวมันดันตัวผมให้นอนตะแคงตามเดิม ก่อนจะขยับตัวเพียงนิดหน่อยแล้วเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลังเลย

"ลิเคียว" หลังจากมันสวมกอดผมอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็ร้องทักมันออกไป

"หืม"

"ตกลงมึงชอบกูจริงๆ เหรอวะ" ผมถามคำถามที่อยากรู้ออกไป ครั้งนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คงเป็นการถามมันครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ มันอาจจะฟังดูบ้าๆ ไปหน่อย แต่ผมก็อยากได้ยินและยืนยันความรู้สึกของมันและของตัวเองด้วย

"มึงยังไม่เคลียร์อีกเหรออ้วน นี่กูว่ากูพูดออกไปเยอะมากเลยนะโว้ย"

"กู...กูไม่รู้ มันแทบไม่มีเหตุผลอะไรที่ลงตัวเลย อะไรดลใจให้มึงมาชอบคนแบบกู...แบบกูเนี่ยนะ! คนที่ไม่ได้มีอะไรดีเลยสักอย่าง รูปร่างหน้าตากูก็ธรรมดา ทำอะไรก็ไม่เอาไหน ขี้หงุดหงิดโวยวาย คนแบบกูเนี่ยนะที่มึงจะชอบจริงๆ " ผมพูดออกไป จะบอกว่าผมเป็นคนคิดมากก็ได้ ผมกลัวว่าทั้งตัวมันเองและตัวผมจะตัดสินใจผิด ผมกลัวว่าวันใดวันหนึ่งเราทั้งสองจะรู้ตัวว่ามันไม่ใช่ แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกลับรักอีกฝ่ายโดยถอนตัวไม่ขึ้นไปซะแล้ว แบบนั้นมันจะเจ็บ เจ็บกันทั้งสองฝ่าย ผมเคยเจ็บปวดมาก่อน แต่ผลของความเจ็บปวดนั้นมันต่างออกไป เพราะเราเป็นผู้ชายด้วยกัน อนาคตข้างหน้ามันเสี่ยงมากถ้าเราจะเลือกเส้นทางนี้ พ่อของผม ไอ้แม็กไอ้ไฟ รวมถึงพ่อแม่ของไอ้ลิเคียว ทุกคนเป็นคนที่มีชื่อเสียงและมีหน้ามีตาในสังคม ไม่ใช่แค่ในประเทศ มันรวมถึงนอกประเทศด้วย แถมพวกเขายังรู้จักและสนิทกันดี ข้อนี้ด้วยมั้งที่ทำให้ผมเป็นกังวล กลัวว่าพวกท่านจะรับไม่ได้ กลัวว่าถ้าเรารักกันไปแล้ว เราอาจจะต้องแยกจากกัน

"อ้วน คิดให้มันน้อยๆ หน่อย เพราะมึงเป็นแบบนี้ไง ไอ้แม็กไอ้ไฟเลยเป็นห่วงมึงมากเป็นพิเศษ แล้วก็เรื่องรูปร่างหน้าตาก็เหมือนกัน มันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตคู่หรอกนะ มันก็แค่ส่วนหนึ่งของแรงดึงดูดที่ทำให้เราอยากเข้าไปทำความรู้จักอีกฝ่ายตอนแรกเจอก็เท่านั้น อนาคตข้างหน้า กูอาจจะเป็นตาแก่หัวล้าน มีรอยย่นตีนกามากกว่ามึงก็ได้ มึงจะคิดมากทำไมวะ" ไอ้ลิเคียวพูดออกมายืดยาว แถมยังกระชับอ้อมกอดของมันให้แน่นขึ้นอีกด้วย เหมือนมันกำลังยืนยังเลยว่า สิ่งที่มันพูด มันพูดออกมาจากใจจริงๆ

จุ๊บ

"อ่ะ! ...อื้ออออ~" อยู่ๆ มันก็เอาปากของมันจูบลงมาที่ต้นคอด้านหลังของผม ทำเอาผมลืมตัวยกมือขึ้นไปบีบแขนกำยำของมันที่กอดผมอยู่ แถมยังรู้สึกจั๊กจี้จนต้องย่นคอหนี คือไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่ามันทำแล้วผมจะรู้สึกไม่ดีนะ ตรงกันข้ามไปเลยต่างหาก เพียงแค่ริมฝีปากของมันแตะลงมา ก็ทำให้ผมขนลุกซู่แล้ว ไหนจะใช้ปลายจมูกโด่งของมันล่างไปมาแถวบริเวณต้นคอด้านหลังของผมอีก ผมชักเริ่มกลัวมันแล้วจริงๆ นะ

"ไหนมึงบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง"

"กูก็ไม่ได้ทำอะไรนิ" ไอ้ลิเคียวเถียงกลับมา แต่ปากและจมูกของมันไม่ได้อยู่ห่างจากต้นคอของผมเลย

"มึงนี่...ตัวนุ่มนิ่มดีเนอะ"

"จะหาว่ากูอ้วนงั้นสิ" ผมถามออกไป ตอนนี้มือของมันเริ่มซุกซนเกินไปแล้ว เพราะผมใส่ชุดนอนแบบติดกระดุม ทั้งๆ ที่ตอนแรกมันทำเพียงแค่กอดผมเฉยๆ แต่นั่นนี้มือของมันกลับเคลื่อนย้ายเข้าไปภายใต้ฉาบเสื้อและช่องว่างระหว่างกระดุมของผมแล้ว

"กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ก็แค่จะบอกว่า...กูชอบ"

"..."

"ยิ่งนุ่มยิ่งน่ากอด"

"พะ...พูดบ้าอะไรของมึงเนี่ย"

"หึ กูพูดเรื่องจริง"

"มึงมันบ้า" ผมว่ามันไปเสียงเบา ถ้าถามว่าดีใจไหม ผมจะตอบเลยทันทีว่ามาก ในโลกนี้จะมีใครคิดแบบมันอีกไหม...ไม่สิ ผมว่าจริงๆ ก็คงมีคนคิดแบบมันอีกเยอะแหละ แต่ผมเนี่ย จะเจอคนที่คิดแบบมันอีกไหม หรือจะมีผู้หญิงคนไหนคิดแบบมันบ้าง เป็นครั้งแรกเลยในชีวิตที่มีคนมาพูดอะไรแบบนี้ อย่างน้อยก็ให้ความมั่นใจกับผมได้ว่ามันยอมรับผมที่เป็นผมแบบนี้ ไม่ต้องสูงส่งดูดีเหมือนไอ้ไฟ ไม่ต้องเก่งฉลาดเหมือนไอ้แม็ก ไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบ ไม่ต้องทำตัวเองให้เหมือนกับใคร แค่เป็นแบบนี้ ผู้ชายธรรมดาตัวอ้วนกลม มันก็รับผมได้

"เริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม สัญญาจะดูแลอย่างดี" ไอ้ลิเคียวกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า อะไรดลใจให้มันพูดแบบนี้ออกมากันนะ

"..."

"อ้วน อย่าเงียบดิ"

"มึงแน่ใจแล้วใช่ไหม เป็นกูจะดีแน่ๆ แล้วเหรอ" ผมพูดสิ่งที่ติดอยู่ในใจออกไป

"มั่นใจในตัวเองหน่อย มึงไม่ได้แย่ขนาดนั้น กูบอกตามตรงเลยว่ากูก็ไม่รู้หรอก ว่าอนาคตจะเป็นยังไง มึงอาจจะเป็นคนที่เจอคนที่ดีกว่าแล้วทิ้งกูไปก็ได้ ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง ณ ตอนนี้ จุดจุดนี้ กูรู้เพียงแต่ว่า การที่กูได้อยู่กับมึง ได้แกล้งมึง ได้นึกถึงมึง มันทำให้กูยิ้มได้ ทำให้กูมีความสุข ยิ่งเวลากูได้อยู่ใกล้ๆ มึง กูรู้สึกว่ากูสบายใจ แค่นี้แหละที่กูบอกมึงได้ตอนนี้" ไอ้ลิเคียวบอก ผมขยับตัวเพื่อพลิกหันไปมองหน้ามัน เราสบตากัน ผมอยากจะโทษกฎเคมี ฟิสิกส์หรืออะไรสักอย่างที่เคยเรียนมาแต่ไม่เข้าหัว ในเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก ที่ทำให้หน้าเรา ขยับไปใกล้กัน แล้วจูบที่ดูดดื่มก็เกิดขึ้น เพียงแต่ผมโทษกฎข้อนี้ไม่ได้ ถึงผมจะโง่ แต่ผมก็รู้ว่ามันไม่ใช่ เนื่องจากเราต่างคนต่างนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากันอยู่ ความจริงอาจจะเป็นเพราะแรงพิศวาสมากกว่าถึงจะถูก ที่ทำให้เราจูบกันดูดดื่มและยาวนาน

เรื่องบนเตียงผมไม่ได้เก่ง แต่ก็ใช่ว่าไม่เคย ยิ่งการจูบกับไอ้ลิเคียวด้วยแล้ว ผมว่าผมควรจะชินเกินกว่าจะอิดออดเล่นตัว ผมทำไปตามสัญชาตญาณของตัวเอง ไอ้ลิเคียวก็มีลูกเล่นของมัน ผมก็มีลูกเล่นของผม เสียงจูบของเราที่ดังจ๊วบจ๊าบอย่างน่าเกลียด มีทั้งอ่อนหวานและรุนแรงในบางช่วง เจ็บบ้าง รู้สึกดีบ้าง แต่ใครจะไปสนกัน ในเมื่อตอนนี้ ผมก็แฮปปี้และรู้สึกดีสุดๆ ไปเลย

"อ่ะ! ...อ๊าาา~...มึงจะทำอะไร...อืมมมม~" ผมส่งเสียงร้องแปลกๆ ออกไป หลังจากมันผละจูบออก ก่อนจะพลิกตัวขึ้นคล่อมตัวของผมไว้ ไอ้ลิเคียวไม่รอช้ามันก้มหน้าก้มตาลงไปเล่นแถวบริเวณต้นคอของผม มือของมันยังคงทำงานประสานกันอย่างต่อเนื่อง จนผมมารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อกระดุมทุกเม็ดถูกปลดออกไปหมดแล้ว

"มึงจะทำอะไร" ผมถามออกไป รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกหนังเลยว่ะ รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังถาม

"ถ้ามึงสั่งให้กูหยุด กูจะหยุดทันที" ไอ้ลิเคียวเงยหน้าขึ้นมาบอกด้วยสีหน้าจริงจัง ทำเอาผมเม้นปากเข้าหากันแน่น ผมอยู่ในช่วงตัดสินใจและคิดหนัก เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ถึงมันจะยืนยันหนักแน่นว่าชอบผมจริงๆ แถมคำตอบของผมก็เอนเอียงไปทางมันมากกว่าครึ่ง แต่ผมก็ยังชั่งใจอยู่ ตอนนี้ผมเริ่มคิดหนักจนเผลอกัดปากล่างของตัวเองแล้วด้วย

"อ้วน! อย่าทำหน้าแบบนั้น แล้วก็อย่ากัดปากตัวเองด้วย คนที่มีสิทธิ์กัดปากมึงได้ มีแค่กูคนเดียว" ไอ้ลิเคียวบอก แล้วขยับตัวขึ้นมาจูบปากของผมอีกครั้ง คำพูดของมันฟังแล้วโคตรจะดูดีแถมยังทำให้ผมเขินมากๆ อีกด้วย ไม่รู้ว่ามันเคยพูดแบบนี้กับใครมาบ้างหรือเปล่า แต่ผมไม่อยากจะสนอดีตของมันเท่าไหร่ ยิ่งเมื่อเจอรสจูบที่มันกำลังมอบให้ในขณะนี้

ครั้งนี้ไอ้ลิเคียวมันทั้งอ่อนหวานและนุ่มนวลเกินกว่าจะห้ามใจอยู่ ลิ้นร้อนๆ ของมันแทรกผ่านเข้ามาในโพรงปากของผม ก่อนจะกวาดต้อนไปทั่วและหยอกล้อกับลิ้นเล็กๆ ของผม ก่อนที่มันจะผละออกไปก็ไม่ลืมที่จะแกล้งโดยการดูดปากของผมให้เจ็บและเสียวเล่นๆ ไปด้วย

"อย่ากังวลได้ไหมอ้วน ที่กูทำขนาดนี้ไม่ใช่เพราะกูมีความมั่นใจเต็มร้อยว่ามึงก็ชอบกูมากเหมือนกันหรอกนะ กูยอมรับเลยว่าตอนนี้กูมีแต่ความหน้าด้านและลูกตื๊อเท่านั้น"

"กูรู้ กูกำลังคิดและตัดสินใจอยู่" ผมบอกมันและยกมือขึ้นทาบอกของตัวเอง ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ผมก็ยังใจเต้นไปกับมัน ไม่ว่าจะคำพูดหรือการกระทำก็ตาม

"เชื่อสิ มึงก็ชอบกู ถ้ามึงไม่ชอบ คนอยากมึงคงโวยวายแหลกไปแล้ว"

"..." ผมไม่ได้ตอบ บางทีมันก็เหมือนรู้ทางผม ทั้งความคิดและการกระทำ แถมยังเข้าใจในตัวผมมากเกินกว่าตัวผมเองซะอีก

"มึงกำลังตัดสินใจหรือมึงกำลังจะตัดใจกันแน่ ดูทำหน้าเข้าสิ" ไอ้ลิเคียวถามพร้อมกับยกมือขึ้นมาแตะที่แก้มของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาวของมันจิ้มมาตรงหว่างคิ้วที่แทบจะผูกเป็นโบของผมอย่างเบามือ

"ไม่ใช่แบบนั้น"

"ใช้ใจมึงตัดสิน ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบกูจะหยุดการกระทำทุกอย่าง กูไม่อยากบีบบังคับมึงนะอ้วน" ไอ้ลิเคียวบอกออกมา น้ำเสียงของมันดูอ่อนโยนกว่าปกติมาก ทำไมมันถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ มันที่เคยบังคับผม มันที่ไม่เคยจะยอมฟัง มันที่เอาแต่สั่งๆ ผมทุกครั้ง ถ้าผมบอกว่าให้หยุด มันจะหยุดจริงๆ ใช่ไหม

"ถ้ากูบอกว่าชอบ แต่ขอให้หยุด มึงจะหยุดไหม"

"..." ไอ้ลิเคียวเงียบ ผมไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากคำถามนี้ แปลว่าจะไม่หยุดจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย

"กูไม่อยากโกหกมึง เพราะคำตอบของกูคือไม่" ตึกตักๆ ๆ ๆ เสียงหัวใจของผมเต้นโคตรจะแรงเลยครับ ผมว่ามันต้องได้ยินแน่ๆ มือของผมที่ทาบอกของตัวเองอยู่แทบจะกลายเป็นกดเอาไว้เพราะกลัวมันได้ยินหรือรู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจของผม รู้สึกว่าเต้นแรงมากกว่าตอนเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวอีกอ่ะ

"อ๊ะ! "

"รู้สึกใช่ไหม กูก็เป็นเหมือนกัน" เสียงของผมร้องออกไปอย่างตกใจ เพราะอยู่ๆ ไอ้ลิเคียวก็จับมือข้างหนึ่งของผมไปทาบที่หน้าอกของมัน คำพูดของมันบ่งบอกถึงหัวใจของมันเองก็เต้นแรงไม่ผิดไปจากของผม แล้วก็จริงอย่างที่มันพูด เพราะผมสัมผัสได้ หัวใจของเราเต้นแรงพอๆ กันเลย

"...ชอบ"

"หืม? "

"กูว่า...กูก็คงชอบมึงเหมือนกัน" ผมตัดสินใจบอกมันออกไป ตอนนี้สมองของผมแม่งขาวโพลนสุดๆ คิดอะไรไม่ออกแล้ว ในเมื่อให้ใช้ใจ ใจผมก็คงบอกออกมาแบบนี้ ผมเบื่อที่จะคิดอีกแล้ว ในเมื่อคำตอบของมันกับของผมก็ชัดเจนจนไม่รู้จะชัดยังไงแล้ว ว่าคือชอบ

"ยะ...อย่าพึ่ง" ผมบอกออกไปเสียงหลง ทันทีที่ผมบอกชอบ ไอ้ลิเคียวก็เอาแต่ก้มลงมาจุ๊บๆ ๆ ที่ใบหน้าของผม มันทั้งจักจี้ ทั้งเขินอายจนผมต้องยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าของตัวเอง แค่ก่อนหน้านี้หัวใจของผมก็เต้นแรงมาอยู่แล้ว มันกำลังจะทำให้หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นไปอีก โอ้ย ไอ้เหี้ยลิเคียว มันทำผมหัวใจจะวายแล้วครับ

"เหี้ยยยยย แม่งอย่าพึ่งดิวะ" ผมบอกออกไป พอผมยกมือขึ้นปิดใบหน้า ไอ้ลิเคียวมันก็ก้มลงไปถอดกางเกงพร้อมด้วยชั้นในของผมออกเลยครับ ไม่รู้จะเร็วหรือรีบไปไหน

"รออะไรล่ะ ไม่ต้องอาย อย่าทำเหมือนไม่เคยดิ" ไอ้ลิเคียวพูดด้วยน้ำเสียงล้อๆ

"แล้วกูเคยกับผู้ชายซะที่ไหนล่ะ"

"ปล่อยไปตามธรรมชาติดิ สัญชาตญาณจะบอกมึงเอง หรือไม่งั้น...เดี๋ยวกูนำเอง" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วก้มลงมามองตรงนั้นของผม ก่อนจะชันขาของผมขึ้น

"อ้าขากว้างอีก" ไอ้ลิเคียวบอก ทำไมผมต้องมาทำท่าน่าอายแบบนี้ด้วยวะ

"ก็ใหญ่เหมือนกันนิ" พอผมยอมทำตามที่มันบอก แล้วดูมันพูดสิ จะให้เตรียมใจอะไรก่อนไม่มีหรอก แถมยังต้องมาฟังคำพูดน่าอายแบบนี้อีก ผมจะทนรับไหวไหมวะเนี่ย

"อะ...ไอ้เหี้ยยยย -///-" เพราะมันจ้องนานไป ผมทำอะไรไม่ถูกก็เลยด่าแม่งเลย ผมไม่ได้ดีใจกับคำชมของมันหรอกนะ แต่ก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของผมสูบฉีดเลือดได้ดีชะมัด อยู่ๆ ก็ตื่นเต้นจนอยากจะเป็นลมขึ้นมาเลยครับ

"เขินกูหรือไง ตัวมึงแดงไปหมดแล้ว" มันบอกแล้วขยับตัวขึ้นมาไซ้ที่ซอกคอของผมอีกครั้ง การบิลอารมณ์แบบนี้ของมัน ทำให้ผมอารมณ์ขึ้นดีชะมัด จะมาหดตัวก็ตรงที่มันเอามือตัวเองมาจับมือของผมแล้วชักนำไปให้ผมจับตรงนั้นของมันนั่นแหละ สาบานว่าตื่นเต็มตัวแล้ว ไม่ใช่ว่าไอ้ลิเคียวน้อยพึ่งตื่น เพราะขนาดแม่งไม่ใช่เล่นๆ เลย

"มะ...มึง หยุดก่อนได้ไหม" ผมบอกออกไปเสียงสั่น เพราะไอ้ลิเคียวมันเริ่มรุกหนักมากแล้ว เสื้อผ้าของผมตอนนี้ก็ไม่เหลือแล้วด้วย

"ถ้าจะห้าม ก็ห้ามให้มันเด็ดขาดหน่อย" ไอ้ลิเคียวบอกด้วยเสียงแหบต่ำ

"มึงอย่ากดดันกูดิวะ"

"มึงก็รู้ ว่ามึงห้ามกูก็คงหยุดตอนนี้ไม่ได้แล้ว"

"ก็ใช่ แต่กูรู้สึกแปลกๆ "

"แปลก? ยังไง" ดูมันถาม แล้วผมจะอธิบายมันยังไง ในเมื่อความรู้สึกมันตีรวนกันไปหมด ไอ้อยากมันก็อยากเหมือนกันไง แต่มันเสือกมีความกลัวด้วยอ่ะ นี่มันพรหมจรรย์รูตูดกูเลยนะ ของมันก็ใช่ว่าเล็กที่ไหน จะใส่เข้ามายังไงอีก ผมเคยได้ยินมาบ้างว่าครั้งแรกมันจะเจ็บมาก จะระแวงก็ไม่แปลกปะวะ แถมผมยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก อยู่ๆ จะมาถูกมันแทงเอาๆ ผมก็รู้สึกเสียศักดิ์ศรีนิดๆ อ่ะ

"มึง~~" ผมเรียกมันเสียงอ้อนแถมซุกหน้าเข้าไปที่อกของมันด้วย ถ้าผมยอมอ้อนมันดู มันจะยอมหยุดไหมวะ ผมยอมรับเลยว่าตอนนี้กลัวมาก กลัวจนน้ำตาจะไหลแล้วเนี่ย

"ลิเคียว...อ๊ะ...กะ...กูกลัวเจ็บอะมึง...อ๊าาาา~" ผมพยายามร้องบอก แต่มือของมันก็ล้วงเข้ามาเล่นกับตรงนั้นของผมเช่นกัน เสียวนะครับ ไม่ใช่ว่าไม่เสียว มือของมันจับนู่นจับนี้ตามตัวผมไม่หยุด รู้แล้วว่าเก่ง รู้แล่วว่าชำนาญ แต่ต้องขนาดนี้ไหม

"ไม่เจ็บหรอก" ไอ้ลิเคียวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่พร่าเกินกว่าจะหยุดได้ รู้แล้วว่าเครื่องแม่งติดสุดๆ มือของผมก็กำลังชักนำสิ่งนั้นของมันอยู่ ถึงจะติดสั่นๆ ไปบ้างก็เถอะ

"เจ็บสิ กูเคยได้ยินมา"

"เจ็บแป๊บเดียว" ไอ้ลิเคียวยังคงบอก แต่หน้าของมันนี่ไม่เงยขึ้นมามองผมเลยสักนิด นี่กูกำลังทำสายตาอ้อนวอนมึงอยู่นะ

"แต่มันก็เจ็บปะวะ" ผมพูดเสียงอ่อย ทำไมผมถึงเป็นคนขี้กลัวขนาดนี้วะ เสียงของผมสั่นมากจนเดาไม่ถูกแล้วว่าสั่นเพราะกลัวจริงๆ หรืออารมณ์ของตัวเองมันมามากกันแน่ เพราะไอ้ห่าลิเคียวนี่กระตุ้นอารมณ์ของผมดีฉิบเลย

"เออน่า เดี๋ยวก็เสียว เชื่อกู ^^" ครั้งนี้ไอ้ลิเคียวมันเงยหน้าขึ้นมาบอกครับ ส่งยิ้มหล่อๆ ของมันมาให้ด้วย ชอบรอยยิ้มของมันนะ แต่การกระทำตอนนี้ ผมควรจะทำยังไงดี

"เห้ย! ...เหี้ยยยย" ผมร้องออกมาอย่างตกใจ อยู่ๆ มันก็จับผมพลิกเปลี่ยนท่าเฉย ไอ้ลิเคียวมันคิดว่าผมเป็นตุ๊กตายางหรือไง ตกใจนะเนี่ย

"กูจะช่วยมึงก่อน ผ่อนคลายหน่อย อย่าไปคิดอะไรมาก" ไอ้ลิเคียวบอก จากตอนแรกที่มันชันขาผมขึ้นทั้งสองข้าง ตอนนี้มันลากผมไปอยู่แถวปลายเตียงแล้ว ก่อนจะก้มหน้าก้มตาลงไปจัดการกับส่วนนั้นของผม ถึงไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาออรัลให้ แต่มันก็เป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ ยอมรับเลยครับว่าเสียวฉิบหาย ไอ้ลิเคียวเล่นเลียตั้งแต่ปลายหัวบานลงไปยันโคลน แถมยังใช้มือของมันช่วยขยับให้ผมไปด้วย

"ซี๊ดดด~...อ๊าาาา~~" ผมยกมือขึ้นไปจับศีรษะของไอ้ลิเคียวแทบจะเรียกได้ว่าขยำก้อนผมของมันเลยก็ว่าได้ ปลายเท้าของผมก็จิกเกร็งไปหมด เสียงดังจ๊วบจ๊าบจากการดูดที่โคตรเทพของมัน รวมทั้งสายตาที่คอยแหงนมองผมเรื่อยๆ เป็นพักๆ เสน่ห์ที่หล่อเหลือร้าย แววตาที่คมกริบ คนอย่างมันที่ผมไม่คิดว่าจะเป็นคนเริ่มทำอะไรแบบนี้ให้ก่อน แต่มันก็ทำโดยไม่รังเกียจเลยสักนิด

"อึก! ...อ่ะ! ... อ่ะ! ...อ๊าาาาา~" ไอ้ลิเคียวขยับศีรษะเข้าออกเป็นจังหวะ ยิ่งเสียงของผมร้องครางบ่งบอกว่าเสียวมากเพียงใด มันก็ยิ่งเร่งจังหวะเร็วขึ้นเท่านั้น

"ดูดระ...แรงๆ ...อืมมมม~" ผมสั่งมันขณะที่ไอ้ลิเคียวใช้ลิ้นร้อนๆ วนอยู่ตรงปลายหัวบาน มีน้ำเยิ้มๆ ไหลตรงส่วนหัวออกมา มันเป็นความเสียวที่ผมอยากจะปลดปล่อยแต่ผมก็ยังกลั้นไว้อยู่ ยอมรับตามตรงว่าแค่ปากไอ้ลิเคียวก็ทำเอาผมเสียวจนขนลุกแล้วครับ

"อ๊ะ! ...มึง! ...อื้ออออ~~" อยู่ๆ ไอ้ลิเคียวก็ใช้นิ้วของมันที่มีคราบน้ำลายและคราบน้ำของผมที่ไหลไปตามซอกนิ้ว เขี่ยไปตรงช่องทางรักของผมก่อนจะใช้แรงกดเบาๆ เข้าไป

"แฮ่กๆ " เสียงของผมหายใจออกมา ตรงช่องรักของผมมีแรงบีบตอดนิ้วของไอ้ลิเคียวจนผมรู้สึกได้ถึงความเกร็งแน่น

"หายใจเข้าลึกๆ อย่าเกร็งนะอ้วน" ไอ้ลิเคียวบอกหลังจากถอนริมฝีปากออก แต่มือทั้งสองข้างของมันทำงานประสานกันอย่างดีระหว่างด้านหน้ากับด้านหลังของผม

"เจ็บหรือเปล่า" หลังจากดันเข้ามาแล้วนิ้วหนึ่ง ไอ้ลิเคียวก็ถามผมขึ้นมา

"ไม่ แค่รู้สึกแน่นๆ " ผมบอกออกไปตามตรง ไม่ได้เจ็บแค่เสียดๆ แน่นๆ เท่านั้นเอง

ไอ้ลิเคียวพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วขยับแท่งร้อนของผมเร็วๆ ส่วนด้านหลังของผมมันก็แช่ไว้อย่างนั้นแต่ผมอยากจะบอกว่าเสียวฉิบหายเลยครับ

"อ่ะ! ...อ่ะ! ...อื้มมมม~...สะ...เสียวว่ะแม่ง อื้มมมมม~~" ผมร้องบอก ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ทำอะไรที่ด้านหลัง ถึงอาจจะมีขยับเข้าออกบ้างเป็นบางที แต่จุดสนใจของผมอยู่ตรงที่ด้านหน้า บอกตามตรงว่าเสียวโคตรๆ

"กลั้นไว้ก่อนอย่าพึ่งแตกนะมึง" ไอ้ลิเคียวสั่ง ถึงไม่สั่งผมก็ยังไม่อยากแตกอยู่แล้ว

"ซี๊ดดดด~...อ๊าาาา~...ลิเคียวอื้มมมม~~...อ๊าาาาา~~" เสียงของผมครางออกมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะใช้มือของมันแล้ว รอบนี้ไอ้ลิเคียวยังก้มลงใช้ปากของมันต่ออีกด้วย ด้านหลังของผมมันก็ไม่ใช่แค่ขยับเข้าออกเฉยๆ แล้ว มีทั้งคว้านทั้งวนจนผมแทบจะหดขาเข้าหากัน แต่ก็ติดที่ไอ้ลิเคียวแทรกกลางอยู่

"มะ...ไม่ไหว...อืมมม~...จะออกแล้ว" ผมบอกออกมา พยายามใช้มือดันศีรษะไอ้ลิเคียวออก แต่มันกลับทำเพียงแค่ช้อนตาขึ้นมามองผมเท่านั้น เพียงแค่เราสบตากัน ความอดกลั้นของผมตั้งแต่เมื่อกี้ก็แตกกระจายเข้าไปในโพรงปากของไอ้ลิเคียวจนแทบหมด ตัวของผมกระตุกอยู่หลายที ไอ้ลิเคียวทั้งดูด ทั้งเลียให้จนความเสียวของผมแล่นมาถึงท้องน้อยนั่นแหละครับ ยอมรับเลยความเป็นการมีเซ็กส์ที่แค่ออรัลให้ แต่เสียวมากๆ อ่ะ

"อืมมม อึดอัดอ่ะ" ผมร้องบอกออกไป นิ้วของไอ้ลิเคียวมันหยุดขยับแล้ว แต่ก็ยังแช่อยู่ที่ช่องทางด้านหลังของผม รู้สึกว่ามันแน่นขึ้นมาก แถมยังรู้สึกเหมือนจะเจ็บๆ ด้วย

"ตากูแล้วนะอ้วน" ไอ้ลิเคียวบอก มันจัดการเองเลยครับ ผมได้แต่นอนหอบหายใจอยู่บนเตียง ความเสียวจากเมื่อกี้ยังมีอยู่เลยด้วยซ้ำ พอผมชำเลืองไปดู ไอ้เหี้ยลิเคียวมันสอดเข้ามาตั้งสามนิ้วเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ครับ แต่สิ่งที่รับรู้ตอนนี้คือมันแน่นมากแล้วก็อึดอัดมากด้วย

"อ่ะ! ...อืมมมม~...เจ็บอ่ะ" ผมบอก เพราะตอนนี้มันทั้งเสียดทั้งเจ็บเลยครับ ไอ้ลิเคียวขยับนิ้วเข้าออกเล็กน้อย แถมยังกดจุดด้านในของผมอีกต่างหาก ผมไม่รู้ว่ามันทำอะไร ทำยังไงหรือทำไปเพื่ออะไร แต่อยู่ๆ ผมก็เกิดรู้สึกถึงความเสียวแป๊บที่แล่นเข้ามา

"ตรงนี้สินะ" ไอ้ลิเคียวพูดในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจก่อนจะกดเน้นๆ ย้ำๆ

"อึก! ...อ๊ะ! ...อ๊ะ! ...อ๊ะ! ...อ๊าาาาา~~" ผมบิดตัวไปมา ไม่รู้ว่าความเสียวแบบนี้มันคืออะไร แต่คือมันเสียวมากๆ แบบโคตรๆ เลยอ่ะ

บ๊วบ!

อยู่ๆ ไอ้ลิเคียวก็ถอนนิ้วออก ผมผวายกแขนขึ้นไปกอดมันแทบจะทันที รู้สึกถึงความโล่งจากทางด้านหลังด้วย จะทำเหี้ยไรไม่เคยบอกผมก่อนเหรอแม่ง

"ปล่อยกูก่อน อ้วน" ไอ้ลิเคียวบอก แต่ผมก็ยังกอดมันไว้แน่น รู้สึกถึงความสั่นเทาได้เลย ไม่ใช่ความกลัว แต่เกิดจากความเสียวที่มันทำแปลกๆ เมื่อกี้ ตอนนี้ไอ้ลิเคียวทำเพียงแค่ลูบหลังผมเบาๆ ไม่นานผมก็ผละออกจากตัวมัน แล้วเงยหน้าขึ้นไปสบตากับมัน ไอ้ลิเคียวทำเพียงยิ้มๆ แล้วก้มลงมาจุ๊บที่ปากของผมเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่หัวเตียงเพื่อหยิบอะไรสักอย่าง

"ขยับขึ้นไปบนเตียงที" ไอ้ลิเคียวบอก ผมก็ทำตามที่มันพูด สิ่งที่มันถืออยู่คือถุงยางครับ กับหลอดอะไรสักอย่างที่ผมเห็นเพียงเงาๆ เท่านั้น

"นอนลงไปเลย ไม่ต้องกลัวนะอ้วน" ไอ้ลิเคียวบอก มันตามขึ้นมาพร้อมกับแทรกตัวเข้ามาตรงหว่างขาของผมตามเดิม ผมทำเพียงแค่มองการกระทำของมันอยู่เงียบๆ พร้อมกับหัวใจที่เต้นตึกตักๆ ลุ้นนะครับ ว่าต่อไปมันจะทำอะไร ผมก็พอจะรู้บ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่พอต้องมาเจอกับตัวเองแล้ว ตื่นเต้นฉิบหายเลยอ่ะ

"มันจะโอเคใช่ไหม" ผมถาม

จุ๊บ

ไอ้ลิเคียวก้มลงมาจุ๊บที่หน้าผากของผมหลังจากที่มันสวมถุงยางเสร็จ

"มึงอาจจะเจ็บและกูคงจะไม่หยุด มึงรู้ใช่ไหม" ไอ้ลิเคียวบอก ตอนนี้มันกำลังบีบเจลจากหลอดที่หยิบมาแล้วชโลมไปทั่วทั้งแท่งร้อน อะไรมันจะใหญ่ขนาดนั้น ใหญ่ซะจนผมยังคิดอยู่เลยว่าจะเอาเข้ามาได้ยังไง

"มองหน้ากู" ไอ้ลิเคียวบอกพร้อมกับใช้มือของมันช้อนใบหน้าของผมให้เงยขึ้น

"เชื่อใจกูนะอ้วน" ไอ้ลิเคียวพูดทิ้งท้ายอีกครั้ง ผมทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ถึงจะรับรู้ถึงความสั่นกลัวของตัวเองก็เถอะ เราสบตากันก่อนที่ไอ้ลิเคียวจะก้มลงมาจูบผมอย่างดูดดื่มอีกครั้ง ในเมื่อผมเลือกแล้ว เลือกที่จะลองเสี่ยงกับมัน เลือกที่จะยอมเป็นของมัน หลังจากนี้อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดนั่นแหละวะ

:haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 16 | 16/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 16-02-2020 07:57:59
ตอนที่ 16


ลิเคียว พาร์ท

"เชื่อใจกูนะอ้วน" ผมบอกประโยคที่คิดว่าน่าจะทำให้มันสบายใจขึ้นมา ผมไม่กล้ารับประกันว่ามันจะไม่เจ็บ เพราะเพียงแค่นิ้ว ไอ้อ้วนของผมยังบ่นร้องเจ็บๆ อยู่เลย แล้วถ้ามันเจอสิ่งที่ใหญ่กว่าเข้าไป มันก็คงจะต้องเจ็บน่าดูอยู่แล้ว แถมนี่ยังเป็นครั้งแรกของมันด้วย ผมพยายามแล้ว พยายามห้ามใจตัวเอง แต่มันก็ยากเกินกว่าจะห้ามได้ ในเมื่อคนที่เรารู้สึกดีด้วยมาอยู่ใกล้ขนาดนี้ ผมก็ต้องอยากจะร่วมรักกับมันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

"อืมมมม~" เสียงไอ้อ้วนร้องออกมาจากในลำคอ เพราะผมใช้นิ้วที่ชุ่มไปด้วยเจลเปิดทางให้มันก่อนอีกรอบ แถมยังกดโดนจุดกระสันของมันอีกด้วย

"ซี๊ดดดดด~...เสียวว่ะ" อ้วนร้องบอก หน้าตาที่ดูดีของมันตอนนี้เริ่มเหยเกมากขึ้นเรื่อยๆ ผมกำลังทำให้มันเคยชินกับความรู้สึกนี้อยู่ ก่อนที่จะแทนที่เข้าไปด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่า

"อ๊าาาา~...เบามึง...ฮึ่ม! ...ช้าหน่อย" ไอ้อ้วนร้องบอกแล้วพยายามใช้มือดันที่หน้าท้องของผม

"ช้าสุดแล้วครับ" ผมบอก ไม่ได้ตอแหลพูดจาน่ารักให้มันฟังเพียงเพราะอยากจะแอ้มมัน บอกตามตรงว่ามีไม่กี่คนหรอกที่ผมจะพูดเพราะๆ ด้วย แต่เป็นเพราะคนตรงหน้า คนที่เหมือนจะร่าเริงอยู่ตลอด แต่กลับขี้แยจนน่าตกใจ คนที่พูดจาดูดีสวยงามเหมือนมีประสบการณ์มาเยอะ แต่กลับขี้กลัวในเรื่องของตัวเอง คนที่หน้าตาไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากมาย แต่กลับชอบบ่นว่าตัวเองไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้

ผมยอมรับว่าตัวเองก็ชอบคนที่หน้าตาดี มีใครบ้างจะไม่ชอบล่ะครับ ถ้าเดินผ่าน ผมก็มองหมดแหละ ไม่ใช่แค่ผมด้วยมั้ง ผู้ชายทุกคนนั่นแหละที่มอง รวมทั้งไอ้อ้วนที่อยู่ตรงหน้าผมด้วย มันเนี่ยตัวดีเลยครับ ชอบว่าผมเจ้าชู้อย่างงั้นอย่างงี้ ตัวมันเองเวลาคบกับสาวแต่ละคนนะ ไม่นางแบบก็แทบจะประกวดนางสาวไทยได้เลย

สำหรับผมแล้ว สเปคที่ตั้งไว้กับชีวิตจริงมันต่างกันนะครับ ผมเองก็หน้าตาดี มีฐานะและกล้าพูดได้เลยว่าเป็นคนที่มีตัวเลือกเยอะ ผมจะเลือกใครก็ได้ที่หน้าตาดีๆ มีฐานะพอๆ กับผม จะสวย จะเซ็กซี่ หุ่นดีนางแบบ หรือผู้ชายตัวเล็กๆ ขาวๆ แต่มันก็เท่านั้น ผมเบื่อที่จะคบกับคนอื่นๆ ไปเรื่อยๆ แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่ามันใช่แบบที่คนอื่นเขาเรียกกันไหม 'จุดอิ่มตัว' ผมเที่ยวมาเยอะ คบกับใครมาก็เยอะ แต่ตอนนี้ผมแค่อยากมีใครสักคน คนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจก็เท่านั้น

"อ๊าาาา~...ช้าดิวะ แม่ง" อ้วนยังคงบอกผมย้ำๆ อยู่แบบนั้น แท่งร้อนของผมค่อยๆ ผุบหายเข้าไปในตัวของมันอย่างช้าๆ มันทั้งรัดทั้งตอดกลับมาอย่างดี

"ซี๊ดดดดด~...อ้วน! มึงตอดมากไปแล้ว" ผมบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เสียวจนอยากจะกระแทกแรงๆ อยู่แล้วเนี่ย

"โอ้ยยย! ~~...หมดหรือยัง" ไอ้อ้วนร้องถาม นี่ผมพึ่งเข้ามาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นเองนะ แถมผมยังรู้สึกว่าตัวเองช้าเกินไปแล้วด้วย บทจะให้ผมใจดี ก็เล่นซะผมเสียสมดุล ผมไม่ใช่คนใจดีขนาดนั้น การแกล้งอ้วนคือสิ่งที่ผมชอบ แต่ผมก็แค่ไม่อยากทำให้มันเจ็บ ประเด็นสำคัญคือไม่อยากให้เลือดออกด้วย แต่อารมณ์ตอนนี้ ผมว่ามาไกลเกินกว่านั้นมากแล้ว

"ถ้าเจ็บ จะข่วนหรือจิกก็ได้ ตามใจมึงเลย" ผมพูดบอก ทำเอาอ้วนทำหน้างงออกมา

"อ๊ะ! ...อื้ออออ~ จ๊วบ..." ผมตัดสินใจก้มลงไปจูบปิดปากคนใต้ร่างก่อนที่จะค่อยๆ ดันตัวเองเข้าไปในช่องทางรัดแน่นนั่น มันไม่ง่ายเลยสำหรับครั้งแรก ผมเลยจำเป็นต้องยอมให้ไอ้อ้วนคล้องแขนขึ้นมาแล้วข่วนหลังผมได้ตามสบาย ความเจ็บของมัน ส่งผ่านมายังแผ่นหลังของผมจนรู้สึกได้ เล็บที่ไม่ได้ยาวเหมือนของผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้สั้นขนาดว่าไม่มีเลย ตอนนี้มันกำลังทำร่องรอยจารึกเอาไว้ที่หลังของผม แสบนะครับ แต่ก็ทนได้

ทั้งขีด...ทั้งข่วน...ทั้งจิก...ผมรับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดจากช่องทางด้านล่าง น้ำเสียงอื้ออึงที่ดังมาจากในลำคอ รวมทั้งเสียงครางหวานหูที่เล็ดลอดออกมาอย่างไม่ขาดสาย

"ซี๊ดดดด...โคตรเสียวเลยวุ้ย" ผมผละจูบออกมาแล้วพูดขึ้น

"แฮ่กๆ ๆ " เสียงของอ้วนหอบหายใจเข้าปอดลึกๆ ผมมองคนตรงหน้าทั่วทั้งเรือนร่าง มันไม่ได้ดูเซ็กซี่แต่ก็น่าเย้ายวนจนอยากจะขยำ หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ตัวขาวๆ ที่แทบจะไม่เคยโดนแดดตอนนี้กลายเป็นสีชมพูไปแล้ว

"เก่งมาก" ผมเอ่ยชม เพราะแกนกลางของผมเข้ามาจนสุดแล้ว เป็นครั้งแรกที่ผมใช้เวลานานขนาดนี้ อาจเป็นเพราะผมไม่เคยใส่ใจใครเท่านี้มาก่อน

"อะ...อึดอัด...ขยับที" เสียงของไอ้อ้วนบอกออกมาอย่างแผ่วเบา สายตาของมันไม่ได้มองมาที่ผมเลยสักนิด มันเขินผมรับรู้ได้ ผมจึงเอื้อมมือไปจับที่แก้มของมันเบาๆ จนทำให้เราสบตากัน

"ทนอีกนิดนะ จุ๊บ" ผมบอกแล้วก้มลงไปจูบที่หน้าผากเนียนใส ก่อนจะค่อยๆ สอบสะโพกเข้าออกช้าๆ เพื่อวอมตรงนั้นให้มันก่อน

สวบ สวบ สวบ สวบ สวบ

"อ๊ะ! ...อ๊ะ! ...อ๊ะ! " เสียงครางดังขึ้นตามจังหวะสอดใส่ของผม

ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ

"ฮึ่ก! ...อ๊ะ! ...อื้อออออ~...อ๊าาาาา~" พอปรับจังหวะได้และดูเหมือนมันจะไม่เจ็บแล้ว ผมจึงสอดใส่เข้าไปเต็มที่และเกมมันส์ๆ ครั้งนี้กำลังจะเริ่มต้นหลังจากนี้แหละครับ

"โอ้ยยย...อื้อออ เบาหน่อย" ไอ้อ้วนร้องบอก แต่อารมณ์ของผมมาขนาดนี้ จะให้เบายังไงได้

ปึ่ก ปึ่ก ปึ่ก ปึ่ก ปึ่ก

"ซี๊ดดดด เสียวดีฉิบหายเลยว่ะ" ผมพูดออกไป แรงตอดจากในตัวไอ้อ้วนทำเอาผมเสียววูบมาถึงท้องน้อยของตัวเอง ในตัวของมันทั้งร้อนทั้งเต้นตุบๆ จนผมอดที่จะสอบสะโพกเข้าออกเร็วๆ แรงๆ ไม่ได้

"อั่ก...อึก...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊าาาาา~" เสียงหวานหูของคนใต้ร่างร้องออกมา ไอ้อ้วนไม่ได้มีท่าทางจะห้ามผมแล้วด้วยซ้ำ ตอนนี้นอกจากจะนอนแล้ว มันจะส่ายสะโพกตอบรับกับแรงกระแทกของผมได้ดีอีกด้วย

"อืมมมม~ ดีไหมอ้วน...หายเจ็บแล้วใช่ไหม" ผมร้องถาม ด้านล่างก็ขยับเข้าออกไม่หยุด บางครั้งบางทีผมก็เผลอตัวแกล้งคว้านควงด้านในตัวของมันด้วย ผมไม่ได้โรคจิตนะครับ แต่ก็ชอบเวลาไอ้อ้วนมันเสียวจนกระสัน เสียงร้องของมันหวานหูจนทำเอาผมแทบคลั่งอย่างไม่น่าเชื่อ

"โอ้ยยย...ซี๊ดดด~...อย่าแกล้งดิวะ อืมมมม~...เสียวนะโว้ยย...อ๊าาาา~" ยิ่งได้ยิน ผมก็ยิ่งทำ ยิ่งไอ้อ้วนมันเสียว แรงตอดก็ยิ่งเยอะ ผมได้ทีก็ใส่เต็มแรงเลยครับ ซอยเข้าออกถี่ๆ จนมันต้องเอามือมาลูบท้องน้อยตัวเองไว้ บางครั้งผมก็แกล้งมันขยับช้าบ้าง ความเสียวมากๆ ในตอนแรก เหมือนกับความรู้สึกที่ร่วงตกเหวเลยครับ แต่เพราะผมยังไม่อยากเสร็จเร็ว ช้าบ้างอะไรบ้าง ไอ้อ้วนคงไม่ว่ากันหรอกนะ

"อืมมมม~...มึงแม่ง...ฮึก! ...อื้อออ~" เพราะผมแกล้งทำช้าๆ อยู่แบบนั้น ไอ้อ้วนมันเลยทำหน้าบึ้งก่อนจะคว้าตัวของผมให้ก้มลงไปรับจูบแสนหวานของมันเลย ระหว่างนั้น ใครจะไปคิดกันล่ะครับ ว่าอยู่ๆ มันจะพลิกให้ผมนอนลงแล้วตัวมันเองก็กลายมาเป็นอยู่ด้านบนของผมแทน ก่อนจะเป็นคนเริ่มขยับขึ้นลงเองเลย

"อืมมม~...โอ้ววววว~...โคตรดีเลยอ้วน" ผมบอกพร้อมกับหายใจเข้าทางปาก

เย้ายวนเป็นบ้า หน้าของมันโคตรเอ็กซ์สำหรับผมเลยด้วยซ้ำ ยิ่งเวลามันขยับลงมากลืนกินแกนกลางของผมจนหมด ความลึกที่ได้เข้าไปจนสุดทาง ทำให้อีกคนด้านบนมีใบหน้าเหยเกเชิดขึ้นเล็กน้อย แถมท่าทางการกัดริมฝีปากล่างโดยที่มันไม่ได้ตั้งใจจะทำ แต่เกิดขึ้นจากความเสียวที่ได้รับจากการสอดใส่

ปึ่ก ปึ่ก ปึ่ก ปึ่ก ปึ่ก

ไม่ต้องรอให้คนด้านบนขยับขึ้นลงอย่างเดียว ผมที่กลายเป็นคนอยู่ด้านล่างก็ช่วยขยับขึ้นลงไปด้วย สองมือประคองเพื่อให้อีกคนขยับได้สะดวกขึ้น เอวของผมเด้งขึ้นสวนรับสะโพกของอีกฝ่ายที่ขยับลงมา เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นพร้อมกับฝ่ามือของผมที่จับไปที่ก้นของมันพร้อมกับเคล้าคลึงไปทั่ว

"อ๊ะ! ...อ๊ะ! ...อ๊ะ! ...อ๊าาาาา~"

"ซู๊ดดดด~...โอ้ววววว~"

"จูบ...จูบหน่อย" ไอ้อ้วนร้องขอออกมา ผมก็คว้าคอมันให้ก้มลงมาเลย ลิ้นร้อนๆ ของคนด้านบนแทรกเข้ามาในโพรงปากของผมก่อนด้วยซ้ำ เราจูบกันอย่างดูดดื่ม จนผมรู้สึกไม่อยากหยุดจูบมันเลยด้วยซ้ำ

ปึกๆ ๆ

"แฮ่กๆ ๆ ...อ๊ะ...อ๊าาาาา" เสียงไอ้อ้วนทุบอกผมหลังจากที่ผมไม่ยอมผละจูบออกจากมัน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะกลัวอีกคนจะขาดใจซะก่อน พอถอนริมฝีปากของตัวเองออกมาได้ ไอ้อ้วนก็หายใจเข้าปอดลึกๆ เลยครับ

ครั้งนี้มันเสร็จออกมาก่อน ไม่ยอมบอกผมสักคำ หรืออาจจะอยากบอกแต่ผมจูบปิดปากมันอยู่ก็ได้

สวบ สวบ สวบ สวบ สวบ

ผมยังคงกระแทกเข้าออกเร็วและแรงจนอีกคนสะดุ้งตัวสุดแรง ก่อนหน้านี้มันก็ตัวกระตุกไปแล้วหลายที แต่ผมยังไม่เสร็จไง เลยยังไม่ยอมถอยง่ายๆ ตัวมันเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ถึงจะทำเหมือนอยากลุกหนีบ้างในบางครั้ง แต่ก็ยอมรับแรงกระแทกอยู่ดี

"ซู๊ดดดด~...อ่าาาา~" ผมร้องออกมากับความเสียวที่โคตรจะฟิน ผมเสร็จหลังไอ้อ้วนไม่นานนัก แต่ก็ทำเอาอีกฝ่ายเสียวแทบขาดใจอีกครั้ง มือทั้งสองข้างของมันจิกมาที่หัวไหล่ของผมจนเนื้อแทบติดมือไปด้วย เผลอๆ คงมีรอยถลอกแล้วแน่ๆ พอเรามากันสุดทาง ไอ้อ้วนก็ล้มตัวลงมานอนทับผมเลยครับ

ตอนนี้อุณหภูมิของผมกับมันโคตรจะแตกต่างกับแอร์ที่กำลังทำงานอยู่เลย เหงื่อที่ไหลออกมาตามทางกับอุณหภูมิร่างกายของเราทั้งสองช่างเร่าร้อนไม่ต่างกับเซ็กส์ที่มีร่วมกันเมื่อกี้นี้

"มึงเป็นคนของกูแล้วนะอ้วน จุ๊บ" ผมบอกออกไปแล้วก้มตัวไปจุ๊บที่หน้าผากเนียนใส ไอ้อ้วนจากที่นอนทับมองหน้าผมอยู่ก่อนหน้า ตอนนี้กลับหลับตาลงพริ้มเลยครับ ผมเห็นรอยยิ้มบางๆ จากมุมปากของมันด้วย ทำเอาใจเต้นไปสุดๆ ไปเลย

"อื่มมม~...งืมมมม~" ไอ้อ้วนร้องออกมา หลังจากหลับตาแล้วอยู่ท่านี้กันอยู่นาน ตอนนี้มันเหมือนจะเคลิ้มๆ หลับไปแล้วครับ ผมเลยค่อยๆ ถอนตัวเองออกมาจากตัวของมันช้าๆ เสียงงึมงำๆ ได้ออกมาจากลำคอของมัน แถมคิ้วยังขมวดเข้าหากันพร้อมกับทำหน้าเหมือนคนกำลังไม่พอใจอีกด้วย จนผมต้องคอยลูบหลังเป็นการปลอบแล้วค่อยๆ ถอนตัวเองออกมาจนสุดความยาวนั่นแหละ

ผมขยับให้ไอ้อ้วนไปนอนด้านข้างดีๆ ถึงจะใส่ถุงยางแต่ผมก็กลัวว่ามันจะไม่สบายตัว เลยเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ด้วย ผมไม่ใช่คนที่ใส่ใจดูแลคนอื่นขนาดนี้ แต่กับไอ้อ้วน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ถ้ามันตื่นขึ้นมา ผมก็ไม่อยากให้มันรู้สึกแย่มากนัก กว่าจะเช็ดตัวเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบตี3 ผมถึงจะได้นอนจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมนอนมองหน้าอีกคนอย่างจริงจัง มันหน้าตาดีนะครับ แต่แค่สูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปหน่อยเท่านั้นเอง

ผมจ้องมองมันผ่านความมืดสักพักใหญ่ เสียงหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าอีกฝ่ายหลับไปนานแล้ว เนื้อตัวที่เคยว่างเปล่าในตอนแรก ตอนนี้ผมก็ใส่บ็อกเซอร์ให้แล้วด้วย กลัวว่ามันจะไม่สบายไปซะก่อน นี่ถ้าไอ้ไฟหรือไอ้แม็กรู้เข้า ผมคงจะโดนพวกมันอีกหลายหมัดแน่ๆ แต่ก็เอาเถอะ ผมเลือกที่จะคบกับไอ้อ้วนแล้วนิ ที่เหลือคือการทำให้ดีที่สุดเท่านั้นแหละนะ

08.45 น.

ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อแหละครับ คนอย่างผมตื่นเช้าขึ้นมาเพราะรู้สึกเป็นห่วงไอ้อ้วนมาก เมื่อคืนมันแทบนอนหงายไม่ได้เลย จนผมต้องพลิกตัวมันนอนคว่ำไว้ ถึงมันจะไม่ได้ลุกตัวขึ้นหรือตื่นขึ้นมาพูด แต่เสียงร้องหงิกๆ อย่างกับลูกหมาของมันก็ทำเอาผมใจไม่ดีเลย

เช้านี้ผมตื่นขึ้นแล้วขับรถวนหาร้านขายยาเพื่อซื้อยากินและยาทาให้มันตั้งแต่หกโมงเช้าแล้ว ไม่ลืมที่จะซื้อโจ๊กกับของกินเล่นเข้าไปเผื่อไว้ด้วย เพราะกลัวมันจะตื่นมาแล้วหิว พอคิดว่าทำอะไรเสร็จแล้วจะกลับไปนอนต่อแต่ก็นอนไม่หลับแล้ว ผมเลยอาบน้ำแต่งตัวรอไอ้อ้วนมันตื่นแทน ตอนนี้ก็กำลังอุ่นโจ๊กให้มันอยู่นะครับ เพราะว่าสายแล้ว ถ้ามันยังไม่ตื่นผมก็คงต้องปลุก ยังไงก็ต้องตื่นมากินข้าวกินยาซะก่อน แล้วถ้ามันอยากหลับต่อผมก็คงไม่ว่าอะไร

"อ้วน ตื่นก่อน" ผมปลุกอีกคนที่กำลังหลับสบาย แต่กลับไม่มีสัญญาณตอบรับอะไรเลยนอกจากคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเป็นปม

"อ้วน ลุกขึ้นมากินข้าวก่อน" ผมร้องเรียกอีกครั้ง ครั้งนี้เหมือนมันจะรู้สึกตัวมากขึ้น จากที่นอนนิ่งๆ อยู่ ตอนนี้มันเริ่มดิ้นเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วมองมาที่ผม

ปริบๆ ปริบๆ การกะพริบตาที่มันส่งผ่านมา ผมก็มองมันกลับไป แล้วอยู่ๆ มันก็หลับตาปี๋ลงไปเลยครับ

"ตื่นแล้วก็ลุกดิวะ" ผมพูดอีกครั้งและเริ่มส่งเสียงดุเล็กน้อย

"มึงไปกินก่อนเลย"

"ถ้ากูอยากกินก่อน กูจะขึ้นมาปลุกมึงเพื่อ? ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้" ผมบอกเสียงดุ เพราะไอ้อ้วนดูเหมือนจะเริ่มดื้อกับผมแต่เช้าเลย

"ไม่เอา! กูปวดตัวเนี่ย ง่วงด้วย" ไอ้อ้วนโวยออกมาพร้อมกับหันหน้าหนี ทำแบบนี้น่าตีให้ก้นลายไหมล่ะครับ

"อย่ามาดื้อกับกูนะอ้วน กินข้าวกินยาแล้วค่อยมานอน" ผมพูดเสียงเข้มจนอีกฝ่ายยอมลุกขึ้น สีหน้าของมันบ่งบอกชัดเลยครับว่าเจ็บมาก ยิ่งดูจากท่าทางการยืนและเดินอีกด้วยแล้ว ไอ้อ้วนมันไม่ใช่คนสำออยอะไร แต่ถ้าเจ็บ มันก็จะบอกออกมาเลย

"งืมมมม" ไอ้อ้วนส่งเสียงร้องออกมา ก่อนจะหันมาทำหน้าเหมือนไม่พอใจผมที่เดินตามมันจากด้านหลัง

"อะไร"

"เหอะ" ไอ้อ้วนมันไม่พูดครับ แต่มันส่งเสียงออกมาและสะบัดหน้าหนีกลับไปเลย แล้วการที่มันทำแบบนี้ หมายความว่ายังไงล่ะครับ ผมจะรู้กับมันไหม

"มึงนั่งตรงนั้นเลย กูวางโจ๊กกับยาไว้ให้แล้ว" ผมบอกพร้อมกับชี้ไปที่เก้าอี้ตัวที่ผมจัดเอาไว้ ไอ้อ้วนมันก็ทำตามอย่างว่าง่าย ผมเห็นมันลงมือกินโจ๊กทีละคำๆ เลยหยุดสนใจแล้วเข้าไปในครัว กะว่าจะอุ่นนมร้อนๆ มาให้มันด้วย เพราะช่วงนี้ผมอยากให้มันกินอะไรเบาๆ ไปก่อน

"อ้วน วันนี้มึงนอนบ้านกูอีกวันนะ"

"..."

"อ้วน มึงได้ยินที่กูพูดไหม" ผมถามเสียงดังอีกครั้ง เพราะผมตะโกนออกไปจากห้องครัว ซึ่งความจริงแล้วโคตรจะไม่ไกลกันเลยด้วยซ้ำ แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับมาเลยสักนิด

"..." ไม่มีคำตอบอะไรจากคนด้านนอก ผมเลยเดินออกไปดูพร้อมกับถือแก้วนมออกมาด้วย กับข้าวของตัวเองยันอุ่นอยู่บนเตาอยู่เลยครับ ถึงจะหิวแค่ไหน แต่ตอนนี้ผมก็ไม่สนใจแล้ว

"เหี้ยยย หายไปไหนของมันวะ" ผมร้องอุทานออกมา นอกจากชามโจ๊กกับยาที่วางอยู่บนโต๊ะแล้ว ผมกลับไม่เห็นไอ้อ้วนเลยสักนิด

ตึก! ตึก! ตึก!

เสียงฝีเท้าผมวิ่งขึ้นไปบนห้อง พยายามมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่เจอ พอวิ่งลงมาดูด้านล่าง ทั้งข้างบ้าน หน้าบ้าน ผมก็ไม่เจอมันเลยแม้แต่เงา มีเพียงประตูเลื่อนด้านนอกเท่านั้นที่ถูกเปิดอ้าทิ้งไว้...อย่าบอกนะว่ามันหนีผมออกไปแล้ว?

ผมรีบวิ่งกลับเข้าบ้านอีกครั้งเพื่อหยิบโทรศัพท์ โทรออกหามัน

(หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้....)

"เวรฉิบ" ผมบ่นออกมา ทั้งๆ ที่คุยกันดีแล้วแท้ๆ อะไรๆ ก็เหมือนกำลังเป็นไปในทางที่ดี แล้วทำไมไอ้อ้วนมันถึงหนีผมกลับก่อนได้ล่ะวะ

ปู๊นนนนน~ ฟูววววว~

"เชี่ยเอ้ย" ผมสบถออกมาอีกครั้ง หลังจากได้ยินเสียงน้ำเดือดจากเตาที่ตั้งเอาไว้ จนต้องรีบวิ่งเข้าไปปิดแก๊สในห้องครัว ต้มจืดที่ตั้งใจอุ่นเอาไว้ ตอนนี้น้ำแห้งเหือดแทบจะไหม้หม้อเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกหิวมาก แต่ตอนนี้ผมกลับจ้องมองของตรงหน้าอย่างหัวเสีย ทั้งมึนทั้งงง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรผิดไป ไอ้อ้วนถึงได้หนีกลับก่อน ไม่พูดไม่จาไม่ลากันเลยด้วยซ้ำ ตกลงมันจะฟันผมแล้วหนีง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอวะ

มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 16 | 16/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 16-02-2020 07:58:43
ต่อค่ะ




RRRRRR

เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น เป็นเบอร์แปลกที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมมองเบอร์ที่โชว์บนหน้าจออยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะกดรับสาย

(พี่ลิเคียว กว่ายูจะรับสายไอได้นะ!) เสียงน้องสาวตัวแสบของผมดังมาตามสาย

"โทรมามีอะไรหรือเปล่า"

"นี่อย่าบอกนะ ว่ายูลืมไปแล้วว่าต้องมารับไอกับไวน์ที่สนามบินวันนี้" จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ไหมครับ ผมลืมไปสนิทเลยว่าต้องไปรับน้องสาวกับน้องชายที่สนามบินวันนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เรานัดกันไว้อย่างดิบดี

ถึงทั้งคู่จะเป็นน้องคนละแม่กับผม แต่ผมก็รักและดูแลพวกเขามาตั้งแต่เล็กๆ ความจริงเราสนิทกันมากนะครับ ถึงพวกเขาจะโตที่ต่างประเทศก็เถอะ แต่ทุกๆ ปิดเทอมก็จะผลัดกันบินกลับมาเที่ยวที่ไทยอยู่เสมอ

"ตอนนี้อยู่ไหน"

(ไอพึ่งลงเครื่องมากำลังจะไปเอากระเป๋า)

"โอเค รออยู่ที่เดิม ไม่เกิน 30 นาที พี่จะไปรับ" ผมบอกแล้วกดตัดสายไป รีบสตาร์ทรถออกเพื่อขับไปรับน้องของผม ถึงเรื่องไอ้อ้วนจะสำคัญ แต่น้องของผมก็สำคัญ พวกเขายังเด็ก อย่างน้อยก็เด็กกว่าผมล่ะนะ พวกเขายังไม่บรรลุนิติภาวะเลยด้วยซ้ำ พ่อกับแม่เลยมักกำชับให้ผมไปรับน้องด้วยตัวเองเสมอๆ ไม่อยากให้ขึ้นแท็กซี่เพราะว่ามันอันตราย

"กว่ายูจะมาได้ ไอรอจนรากจะงอกแล้ว" เสียงยัยกี้บ่นออกมา

"ถ้าพี่มาช้ากว่านี้ ผมจะให้พี่แคนดี้มารับแทน" ไวน์ น้องชายของผมบอกออกมาด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจ

"ถ้าไอ้สวยยอมมาอะนะ" ผมบอกออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ทำเอาไวน์ทำหน้าไม่พอใจผมยกใหญ่ เพื่อนของผมก็มีอยู่หลายคน แต่ทำไมต้องไปชอบไอ้สวยด้วยนะ เรื่องรักเรื่องชอบ ไวน์ไม่สามารถบังคับไอ้สวยได้ พอๆ กับผมที่ไม่สามารถบังคับไวน์ได้ ว่าไม่ให้ชอบไอ้สวยนั่นแหละ ในเมื่อน้องของผมก็ชอบไอ้สวยมาตั้งเป็นปี แถมไอ้สวยยังทำดีด้วย ยิ่งทำให้น้องของผมเตลิดไปใหญ่ แต่ผมไม่โทษมันหรอกนะ เพราะมันก็แค่พี่ชายที่เอ็นดูน้องชายเพื่อนธรรมดาๆ จะมีก็แต่น้องผมนี่แหละ ที่ไปชอบไอ้สวยมันเอง

"อีกสองอาทิตย์ยูต้องไปจัดการเรื่องเรียนให้ไอกับไวน์นะ" เสียงเตือนของกี้บอกผม

"โอเค ระหว่างนี้ก็อย่าก่อเรื่องแล้วกัน" ผมบอกด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่รู้ว่าต้องย้ำอีกกี่หนถึงจะฟัง กับไวน์ที่ไปวุ่นวายกับไอ้สวยน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก แต่กับกี้ที่เข้าไปวุ่นวายกับแฟนไอ้สวยนี่สิ ผมล่ะกลัวจริงๆ

ผมขับรถไปส่งตัวแสบทั้งสองที่บ้านแล้วทิ้งไว้แบบนั้น เรื่องรถพวกเขายังขับไม่ได้ แต่ถ้าจะไปไหนผมจะให้การ์ดที่ร้านคอยขับรถให้แทนเลยไม่ต้องห่วง ตอนนี้ที่ผมควรจะกังวลจริงๆ คงเป็นเรื่องของไอ้อ้วนนี่แหละ หายไปไหนก็ไม่บอก โทรหาก็ดันไม่ติดซะด้วยสิ หรือผมควรจะไปหามันที่บ้านดีนะ

(หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้....)

ผมลองโทรหาไอ้อ้วนอีกสักครั้ง หวังว่ามันจะเปิดเครื่องแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ใช่เลย มันยังคงปิดเครื่องอยู่เหมือนเดิม ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ที่อยู่ๆ ก็หนีผมกลับไปในช่วงเช้าแบบนั้น โจ๊กที่อุ่นให้ยังกินไม่ถึงครึ่งถ้วยเลยด้วยซ้ำ ยาที่ซื้อให้ก็ไม่ได้เอาไป ผมพยายามนึกและคิด แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป ได้แต่นั่งเครียดมาตลอดทาง

(หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้....)

"โธ่โว้ย...มึงได้กูแล้วจะทิ้งๆ ขว้างๆ แบบนี้ไม่ได้นะ อ้วน! "

ลาวา พาร์ท

"งืมมมมมมม...อ้ากกกกก..."

"-_-"

"โว้ยยยยยยย...หึ่ยยยยยย..."

"หยุด! มึงเลิกทำเสียงบ้าๆ แบบนั้นสักทีได้ไหมเนี่ย" เสียงด่าของไอ้สวยโวยลั่น แต่ผมก็ยังไม่สนอยู่ดี เพราะคนมันกำลังหงุดหงิด...หงุดหงิดมากๆ เลยด้วย!

พอผมมาถึงบ้านไอ้โซ่ ก็เอาแต่หมกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ได้แต่นอนดิ้นแล้วร้องออกมา เพราะในใจของผมมันว้าวุ่นไปหมด ทั้งสับสน ทั้งตีรวน เหมือนสมองของผมแยกออกมาเป็นสองฝ่ายแล้วเถียงกันไปมาไม่หยุด

"โอ้ย ก็มันหงุดหงิดใจนี่หว่า" ผมบอกออกไป อยากจะดิ้นแรงๆ แต่ก็รู้สึกเจ็บที่ช่องทางด้านหลังเป็นอย่างมาก ผมเคยได้ยินว่าครั้งแรกมันจะเจ็บมากและมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เจ็บจนไม่อยากเดินเลยด้วยซ้ำ ทั้งรู้สึกขัดๆ แสบๆ จนกลัวว่าช่องทางด้านหลังจะเป็นแผลซะให้ได้

เมื่อเช้าที่ตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ผมเห็นคือหน้าหล่อๆ ของไอ้ลิเคียวกำลังมองมาทางผม ผมจะไม่อะไรเลยนะถ้ามันไม่กลับมาดุหรือขัดใจผมในเช้าวันแรกที่ผมเป็นของมัน แถมยังนึกขึ้นได้อีกด้วยว่าเมื่อคืนตัวเองทำสิ่งที่น่าอายออกไป จะมีใครเป็นแบบผมบ้างไหม ที่มีอะไรกันครั้งแรกก็ออกตัวแรงเป็นฝ่ายขย่มมันซะละ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนั้น มันเขินอายจนพูดไม่ออกเลย แถมอยู่ๆ ก็อยากงี่เง่าขึ้นมาซะงั้น ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ความรู้สึกข้างในผมบอกออกมาว่าผมกำลังกลัว

กลัว...ว่ามันจะว่าผมง่าย

กลัว...ว่ามันได้ผมแล้วจะทิ้งผมไป

กลัว...คำพูดที่มันเคยบอกชอบจะเปลี่ยนไป

กลัว...ใจของมันจะไม่เหมือนเดิม

ผมกลัว...กลัวไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง กลัวจนต้องแอบโทรหาไอ้โซ่ เพื่อให้มันมารับ ผมยังไม่อยากสู้หน้าไอ้ลิเคียวตอนนี้ ยอมรับเลยว่าตัวเองกำลังหนี

"หายไปคืนหนึ่ง มึงกลับมาหงุดหงิดอะไรของมึงเนี่ย"

"กูไม่รู้" ผมตอบออกไป

"มึงจะไม่รู้ได้ไง นี่ตัวมึงเองนะ"

"ก็กูไม่รู้"

"มึงท้องหรืออยู่ในช่วงวัยทองเนี่ย เมื่อคืนมึงยังดีๆ อยู่เลยนะ" ไอ้สวยว่าออกมา ทำเอาผมสะบัดผ้าห่มออกแล้วจ้องมองมันอย่างเคืองๆ เลย ผมจะท้องได้ไง ผมเป็นผู้ชายนะ แถมยังอายุเท่ามันอีกต่างหากจะไว้ทองได้ยังไง ไอ้สวยแม่งบ้า

"มองกูแบบนั้นทำไม กูก็แค่พูดไปตามเรื่องตามราว"

"มึงมันเพ้อเจ้อ" ผมว่าออกไป ไอ้สวยเลยปาหมอนใส่หน้าผมมาทีหนึ่ง ดีที่ไม่แรงมากผมเลยไม่ได้เขวี้ยงกลับไป เราสงบศึกกันด้วยการนั่งดูหนังในห้องนอนของไอ้โซ่เงียบๆ โดยที่เจ้าของห้องตอนนี้หายไปไหนแล้วไม่รู้

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนหนังจบไปแล้วหลายเรื่อง พวกผมสองคนก็ยังนอนดูต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีใครลุกไปไหน จนกระทั่งไอ้โซ่เปิดประตูเข้ามานั่นแหละครับ ผมถึงหันไปมอง

"พวกมึงจะกินข้าวเย็นกันไหม"

"กิน! " ไอ้สวยตอบกลับไปแทบจะทันที ส่วนผมได้แต่พยักหน้าเพราะขี้เกียจตอบ

"เออ งั้นเดี๋ยวกูจะสั่งมาเผื่อ" ไอ้โซ่บอกแล้วกดโทรศัพท์ออก ผมเลยหันกลับมาดูโทรทัศน์ต่อ

ถึงตอนนี้ผมจะทำตัวนิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ใครจะไปรู้ว่าในใจของผมตอนนี้ร้อนรุ่มแค่ไหน ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วด้วยซ้ำว่าจะเอายังไงดี ถ้าเจอหน้าไอ้ลิเคียวหลังจากนี้

ได้แต่นั่งถอนหายใจแล้วเปิดโทรทัศน์ดู ไอ้สวยก็นั่งอยู่ด้วยข้างๆ บ่นๆ เรื่องของไอ้ธันออกมาบ้างเหมือนกันตามเรื่องตามราว แต่ผมไม่คิดจะรับฟังมันตอนนี้หรอก ในเมื่อตัวผมก็มีเรื่องเครียดๆ อยู่เหมือนกัน

"ไอ้วา มีคนมาหา" เจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามาแล้วร้องบอก หลังจากไอ้โซ่หายเงียบไปสักพักเพื่อสั่งข้าวมาให้พวกผมกิน

"ใคร" ผมรีบถามกลับไป

"ไอ้ไฟ"

แอบใจกระตุกนิดหนึ่งตอนที่ไอ้โซ่บอกว่ามีคนมาหา กลัวว่าจะเป็นไอ้ลิเคียวเหลือเกิน แต่พอรู้ว่าเป็นไอ้ไฟ ผมเลยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งๆ ถ้าให้ผมเดานะ มันก็คงอย่างจะมารับผมกลับบ้านแน่ๆ

"รีบลงไปเลย มันบอกมีเรื่องด่วนจะพูดด้วย"

"เออๆ " ผมตอบรับแล้วเดินออกจากห้องเพื่อไปหาไอ้ไฟ ระหว่างทางก็มองสัตว์เลี้ยงของไอ้โซ่ไปด้วย มีหลายชนิดเลยที่มันเลี้ยง สัตว์บกกับสัตว์ปีกยังพอทน แต่ว่าถ้าเป็นสัตว์เลื้อยคลานนี่ขอบายเลยครับ รีบเดินผ่านเร็วๆ เลย นอกจากจะน่ากลัวแล้ว บางตัวยังมีพิษอีกด้วย

"กว่าจะเสด็จมานะมึง"

"เอ้า ไอ้โซ่ไปบอกกูเมื่อกี้ กูก็เดินมาเลยป่ะวะ"

"นั่นแหละ...ช้า ไปขึ้นรถเลย มึงต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้" ไอ้ไฟบอก ผมคิดแล้วไม่มีผิด นี่ที่มันปล่อยให้ผมมานอนบ้านไอ้โซ่ได้ตั้งหนึ่งคืนก็ดีเท่าไหร่แล้ว ผมเลยเดินตามไอ้ไฟขึ้นรถอย่างว่าง่าย

ระหว่างทางผมกับไอ้ไฟก็ไม่ได้คุยอะไรกัน มีแต่มันนั่นแหละ ที่คอรอบมองผมบ่อยๆ เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา

RRRRRR

เสียงโทรศัพท์ไอ้ไฟดังขึ้น มันก็หยิบขึ้นมาจ้องที่หน้าจอก่อนจะยื่นมาให้ผม

"อะไร"

"เพื่อนมึง" ไอ้ไฟว่า ผมเลยมองไปที่ชื่อสายที่โทรเข้า เป็นไอ้โซ่นั่นเองที่โทรมา

"เออ ว่าไง"

(กูสวยนะ)

"มึงโทรมาชมตัวเองเหรอ"

(กวนตีน แล้วมึงปิดเครื่องทำบ้าอะไรห๊ะ แถมจะกลับก็ไม่บอกกูอีก) ไอ้สวยบ่นชุดใหญ่เลยครับ

"เออ มีไรก็โทรมาเบอร์ไอ้ไฟนี่แหละ มึงมีอะไรหรือเปล่า"

(กูว่าจะติดรถกลับด้วยน่ะสิ แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวให้ไอ้โซ่ไปส่งก็ได้)

"เออๆ โทษทีที่ไม่ได้บอก ไอ้ไฟมันรีบๆ " ผมบอก ไอ้สวยก็เข้าใจ เราคุยกันอีกนิดหน่อย ไอ้สวยก็วางสายไป

ผมยื่นโทรศัพท์กลับไปให้ไอ้ไฟ มันก็รับคืนกลับไป แถมยังจ้องหน้าผมเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา บอกตามตรงเลยว่า โคตรจะอึดอัด ปกติมันเป็นคนพูดมาแถมยังจู้จี้จะตาย แต่พอมันมาแบบเงียบๆ ไม่พูดไม่จาเอาแต่มองหน้าแบบนี้ อึดอัดโว้ยยยย

"มึงอยากจะพูดหรือบอกอะไรกูหรือเปล่า" ผมถามออกไปอย่างเซ็งๆ

"เสาร์นี้มึงต้องไปดูตัว"

"ห๊ะ! " ผมว่าผมหูฝาดไปแน่ๆ ไอ้ไฟมันคงพูดเร็วเกินไป ผมเลยจับใจความได้เพี้ยนๆ แน่ๆ เลย

"เสาร์นี้มึงต้องไปดูตัว! " ไอ้ไฟพูดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เป็นประโยคเดิมเลยทุกคำ จะต่างกันก็ตรงที่มัน เสียงดังและเน้นมากขึ้นก็เท่านั้น

"มึงบ้าหรือเปล่า! ดูตัวเนี่ยนะ! นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว! " ผมถามออกไปแทบจะเป็นเสียงตะคอก

"ไม่รู้ เรื่องนี้ไอ้แม็กเป็นคนจัดการ" ไอ้ไฟบอกออกมา ทำเอาผมใจตกไปเลย ถ้าไอ้แม็กเป็นคนจัดการเองจริง งั้นผมก็ต้องไป เพราะขนาดพ่อ ยังขัดมันไม่ได้เลย

ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องทำตามคำสั่งของไอ้แม็ก เพียงแต่การตัดสินใจของไอ้แม็กเหมือนเป็นคำขาด การที่มันบอกหรือพูดอะไรออกมา แปลว่าสิ่งนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว มันได้คิดและไตร่ตรองมาดีแล้ว

ตั้งแต่เด็กจนโต ผมไม่เคยขัดใจอะไรไอ้แม็กหรือไอ้ไฟเลย เพราะผมรู้ว่าพวกมันทำเพื่อผม พวกมันมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ผมเสมอ บางครั้งผมก็แค่ทำตามที่พวกมันบอก บางครั้งผมก็แค่อ้อนพวกมันนิดหน่อย หรือบางครั้ง ผมก็ไม่ต้องพูดอะไรออกมาเลย สิ่งที่ผมอยากได้ ผมก็จะได้ และพวกมันจะเลือกชิ้นที่ดีที่สุดมาให้ผมด้วย

"กูไม่ยะ..."

"กูรู้! " ไอ้ไฟรีบสวนกลับมาทันที ทั้งๆ ที่ผมยังพูดไม่จบ ผมไม่อยากไปดูตัว อะไรที่ทำให้พวกมันคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผม ผมโหยหาความรักก็จริง แต่ผมก็อยากได้คนที่จริงใจ ใส่ใจ ยอมรับผมที่เป็นผมได้ ที่สำคัญ ผมเจอคนคนนั้นแล้วด้วย ถึงผมจะหนีมันอยู่ แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่กลับไปหามันสักหน่อย ผมแค่อยากกลับมาตั้งหลักก่อนเท่านั้นเอง

ผมรู้ว่าไอ้แม็ก ไอ้ไฟ รวมทั้งพ่อ ทุกคนรักผม รักมาก และดูแลผมอย่างดี แต่มันจะมีค่าอะไร ในเมื่อตอนนี้ทุกคนโตขึ้น ไอ้แม็กก็เอาแต่เดินทางไปทำงานกับพ่อที่ต่างประเทศ ไอ้ไฟที่เป็นห่วงผมนักหนา แต่พอถึงเวลาจริง มันก็ไม่ได้มาอยู่กับผมทุกครั้ง ผมรู้ว่ามันแอบมีแฟน แต่เพียงแค่ยังไม่ได้บอกใคร เป็นสาวสวยคณะอะไรสักอย่างที่ผมไม่แน่ใจ เพราะอยู่คนละมหาลัย

"มึงรู้แล้วทำไมมึงไม่ห้าม"

"ไอ้แม็กอยากให้มึงชอบผู้หญิงมากกว่า"

"แล้วชอบผู้ชายมันผิดตรงไหน"

"ไม่ผิด แต่มึงคิดเหรอว่าไอ้ลิเคียวจะจริงใจกับมึง"

"แล้วมึงคิดว่ามันไม่จริงใจกับกูตรงไหน! "

"ก็มันเป็นคนเจ้าชู้"

"แค่มันเคยเป็นคนเจ้าชู้ มึงจะมาเหมารวมว่ามันไม่จริงใจกับกูไม่ได้หรอกนะ"

"กูไม่อยากให้มึงคบกับมัน มึงจะรู้สึกเสียเวลาและเสียใจ"

"การที่มึงพูดแบบนี้ ทำแบบนี้มันก็ทำให้กูเสียใจเหมือนกัน ถ้ากูห้ามไม่ให้มึงคบกับแฟนมึงบ้าง เอาไหมล่ะ" ผมพูดออกไปอย่างเดือด ทำเอาไอ้ไฟเงียบไปเลย ตอนนี้มันแทบไม่มองหน้าผมแล้วด้วยซ้ำ

"..."

"เพราะเหตุผลของกูก็ไม่ต่างกับมึงเหรอ เพราะมึงมันเจ้าชู้ หลายใจ ชอบคบใครเล่นๆ มึงก็เลิกกับแฟนมึงไปเลยสิ กูก็ไม่อยากให้เขาเสียเวลาและเสียใจเหมือนกัน"

"แต่กู..."

"ไม่ต้องพูด จะพูดแก้ตัวสนตีนอะไรของมึง ก็เอาไปพูดกับคนอื่น ไม่ต้องมาพูดกับกู กูไม่อยากฟัง" ผมบอกแล้วพลิกตัวหนีไอ้ไฟมันเลย โมโห โกรธ โกรธมากจนรู้สึกหัวร้อนไปหมดแล้ว ตัวของผมสั่นจนรู้สึกได้ พยายามหายใจเข้าออกแรงๆ เพื่อระบายอารมณ์ที่พุ้งสูงจนแทบถึงจุดเดือด ผมรู้ว่ามันเป็นห่วงและพยายามบอกตัวเองเอาไว้แบบนั้นเหมือนกัน

:hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 17 | 21/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 21-02-2020 09:09:55
ตอนที่ 17


ผมนั่งหน้าบึ้งอยู่ในห้อง ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน ผมคิดว่าจะเจอไอ้แม็กนั่งหน้าเป็นตูดอยู่ในบ้าน แต่เปล่าเลย มีเพียงแผ่นกระดาษเล็กๆ ทับด้วยกุญแจรถของมันแล้วเขียนข้อความสั้นๆ วางไว้บนโต๊ะเท่านั้น แต่ตัวมันดันบินไปทำงานที่ประเทศแทนซะได้





"เลิกทำหน้าเหมือนอมขี้ไว้ซะทีได้ไหม" ไอ้ไฟว่า





"เสือก ไม่ต้องมาพูดกับกูเลย" ผมบอกแล้วกำกุญแจรถกับกระดาษแน่น แสดงว่ามันคงไม่ซื้อรถให้ผมแน่ๆ ได้แต่กระฟัดกระเฟียดแล้วเดินจ้ำอ้าวเข้าห้องของตัวเองไป ได้ยินเสียงไอ้ไฟว่าตามหลังอยู่เหมือนกัน แต่ใครจะแคร์ล่ะ





เข้าห้องตัวเองได้ก็กดล็อกประตูแล้วกระโดดขึ้นเตียงตัวเองเลย พอจะกดเปิดโทรศัพท์ก็แบตหมดไปอีก โมโหโว้ย มีแต่เรื่องชวนให้หงุดหงิด เรื่องไอ้ลิเคียวก็ยังไม่ชัวร์ ดันมีเรื่องเพิ่มเข้ามาอีกจนได้ ดูตงดูตัวอะไรกัน นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ





นอนดิ้นอย่างโมโหอยู่บนเตียงเป็นชั่วโมง พยายามจะหลับ จะไม่คิดอะไร แต่อารมณ์ของผมไม่ได้ดีขึ้นเลย นอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงออกสักพักแล้วดีดตัวเองขึ้น เอาโทรศัพท์ไปชาร์จแล้วตรงเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำซะเลย เผื่ออะไรๆ จะเย็นลงบ้าง ยิ่งผมไม่คิดมันก็ยิ่งฟุ้งซ่าน





ก๊อก ก๊อก ก๊อก





"ไอ้วา...ไอ้วาโว้ย"





"..." เสียงไอ้ไฟตะโกนเรียก แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป





"ไอ้วา มึงอย่าทำเป็นเงียบนะ กูได้ยินเสียงน้ำ เสร็จแล้วก็ลงมากินข้าว อย่าประชดตัวเองเหมือนละครน้ำเน่า"





"แล้วที่ไอ้แม็กกำลังทำอยู่ มันไม่น้ำเน่าเหรอวะ มึงอ่ะตัวดี ไม่ต้องมายุ่งกับกูเลย"





"แต่มึงต้องกินข้าว"





"ไม่หิว! ไม่แดกอะไรทั้งนั้น! ไม่ต้องมาเรียกกู" ผมตะโกนกลับไปเสียงดังอย่างเน้นชัดๆ นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆ ผมคงไม่กล้าขึ้นเสียงขนาดนี้หรอก มือตีนมันหนัก ผมไม่อยากเสี่ยง





"เออ แล้วแต่มึง รอให้อารมณ์มึงเย็นลงเราค่อยมาคุยกัน" ไอ้ไฟพูดทิ้งท้ายแล้วเดินจากไป





จากหัวที่เริ่มเย็นลงตอนนี้กลับร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เศร้าใจ อึดอัด จนตอนนี้ผมรู้สึกรำคาญตัวเองไปเลย เกิดมาไม่เคยเจอใครที่รักจริง เจ็บมามาก เสียใจมาก็มาก พอจะให้ใจใครอีกสักครั้ง แม่งดันเป็นผู้ชายอีก แถมยังเจ้าชู้สุดๆ ผมคิดว่าผมย้ำถามตัวไอ้ลิเคียวกับตัวเองมาก็นาน นานจนผมแน่ใจกับการจะเริ่มรักครั้งใหม่นี้ แต่ทำไมอุปสรรคมันถึงยังไม่หมดไปอีก รู้นะ...ว่าตัวเองยังเด็ก ยังอายุน้อย อาจจะเจอใครอีกหลากหลายคน แต่แล้วไงล่ะ อันนั้นมันเรื่องของอนาคต ตอนนี้ผมก็เจอไอ้ลิเคียวแล้ว หวังว่ามันคงจะรักผมมากพอที่จะไม่ทิ้งผมไปด้วยเหตุผลที่ผมเคยเจอมาละกัน





RRRRRR





เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากผมเปิดประตูห้องน้ำออกมา ใจหนึ่งก็ตื่นเต้น อยากจะให้เป็นคนที่ผมหวัง ใจหนึ่งก็กลัว ถ้าเป็นมัน ผมจะอธิบายยังไงวะที่หนีมันมาเมื่อเช้า ทั้งๆ ที่สมองของผมยังคิดอยู่ จิตใจก็ยังลังเล แต่ขาของผมกลับเดินพาตัวเองมาจนถึงหน้าโทรศัพท์ และสายที่โทรเข้าดันเป็นไอ้แม็กเสียด้วย





ติ๊ด





"เออว่าไง" ผมพูดออกไปทันทีที่กดรับ





(อยู่ไหน)





"อยู่ไหนแล้วไง ทำไมกูต้องรายงานมึงด้วย"





(อย่ากวนตีนกูนะไอ้วา)





"ทำไมกูจะกวนมึงไม่ได้ ห๊ะ! มึงจะมาบงการชีวิตอะไรกูอีก" ผมบอกออกไปอย่างอารมณ์เสีย ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห นี่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้กล้าต่อล้อต่อเถียงกับไอ้แม็กมัน





(แสดงว่าไอ้ไฟบอกมึงแล้ว)





"..."





(ทำตามที่กูบอกซะ ไม่มีใครหวังดีกับมึงเท่าพวกกูอีกแล้ว)





"นี่มึงกล้าพูดว่าหวังดีเหรอ มึงถามความต้องการของกูหรือยัง มึงสนใจความรู้สึกของกูบ้างหรือเปล่า"





(เพราะกูปล่อยให้มึงอยู่กับไอ้ไฟมากใช่ไหม มึงถึงปีกกล้าขาแข็งแบบนี้)





"ไม่ใช่ กูจะอยู่กับใคร กูก็เป็นของกูแบบนี้ เมื่อก่อนที่กูต้องคอยให้พวกมึงคอยช่วยคอยสอน เพราะกูไม่มั่นใจในตัวเอง กูไม่ฉลาด กูไม่ได้ดูดีเหมือนพวกมึง ทั้งๆ ที่หน้าตาเราคล้ายกันอย่างกับคนคนเดียวกัน แต่กับเรื่องนี้ หรือเรื่องอื่นบางเรื่องมันไม่ใช่"





(ผู้หญิงดีๆ มีเยอะแยะ โตขึ้นเดี๋ยวมึงจะต้องไปเจอคนที่ทำงาน มึงจะเจอสังคมใหม่ๆ มึงอาจจะเจอคนที่คู่ควรกับมึงมากกว่า)





"มึงคิดว่ากูจะอยู่ได้อีกสักเท่าไหร่ พรุ่งนี้ มะรืนนี้กูอาจจะตายก่อนก็ได้ คนเราเจอกันมันก็ต้องศึกษากันและกัน ต้องเรียนรู้ รับข้อดีและข้อเสียของกันและกัน มันต้องใช้เวลานะโว้ย ทำไมกูหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า รอคนในอนาคตที่ไม่รู้จะมีไหมด้วยล่ะ และถ้าถึงมีนะ กูก็ต้องคบหาดูใจกันไปอีกเท่าไหร่ก็ไม่รู้ กูขอล่ะ...แฟนกู ชีวิตกู กูรู้ว่ากูอยู่กับใครแล้วมีความสุข...ให้กูอยู่กับเขาไม่ได้เหรอ ไม่ใช่คนที่อยู่กับกูแล้วพูดว่าเขาจะทำให้กูมีความสุข คำพูด...ใครๆ ก็พูดได้ สู้ให้กูเลือกคนที่กูรู้สึกมีความสุขไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ กูไม่อยากคิดได้ตอนแก่นะว่า อยากย้อนเวลากลับมาแก้ไขช่วงนี้อีกครั้ง





(งั้นมึงก็แค่ลองไปดูตัวครั้งนี้ก่อนสิ...)





"แม่ง มึงมันพูดไม่รู้เรื่อง" ติ๊ด ผมโมโหรีบวางสายจากไอ้แม็กทันที โกรธนะเนี่ย อุตส่าห์พูดอธิบายยืดยาว แต่กลับไม่เข้าใจอะไรเลย





มองสายที่โทรเข้ามาอีกครั้งแล้วกดตัดสาย จากนั้นก็บล็อกเบอร์แม่งเลย วางโทรศัพท์ไว้ตรงหัวเตียงแล้วหลับตาลงอีกครั้ง พึ่งเคยรู้สึกอึดอัดใจมากๆ ก็คราวนี้ ไม่เคย! ผมไม่เคยขัดใจไอ้แม็กเลย อะไรที่มันว่าดี ก็คือดี แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้





ผมนอนหลับตาลง ตัดสินใจอยู่พักใหญ่ว่าจะโทรหาไอ้ลิเคียวดีไหม ตอนเปิดเครื่องมาก็เห็นสายที่ไม่ได้รับจากมันเยอะอยู่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง จะโทรดีไหมนะ





Thu...Thu...Thu...





ร่างกายผมมักไปเร็วว่าสมองเสมอ ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะโทรไปดีไหม แต่นิ้วก็กดเบอร์โทรของไอ้ลิเคียวแล้วกดโทรออกไปซะแล้ว





ติ๊ด





(มึงอยู่ไหน!)





"จะตะโกนทำไมเล่า"





(อยู่ๆ มึงก็หายไป กูโทรหามึงก็ไม่ติด ไหนจะออกตามหามึงไม่ให้หยุดอีก มึงคิดว่ากูควรใจเย็นไหม)





"เออ กูขอโทษ"





(แล้วตกลงมึงอยู่ไหน)





"บ้าน"





(แล้ว...มึงโอเคไหม)





"ไม่"





(ยังเจ็บอยู่เหรอ)





"นี่มึงพูดเรื่องอะไร"





(ก็ก้นมึงไง ยังเจ็บอยู่เหรอ)





"-///-"





(ที่เงียบเนี่ย เจ็บมากเลยเหรอวะ)





จะให้พูดว่าไงดี เอาตามจริงก็ยังเจ็บอยู่ แต่ก่อนหน้านี้โมโหจนลืมความเจ็บไปเลย





"เปล่า มันก็ยังเจ็บอยู่นิดนึงอ่ะ" ผมบอกเสียงเบา ทำไมต้องมาคุยเรื่องแบบนี้ด้วยวะ





(ดีแล้วที่ไม่เจ็บมาก พอดีของกูมันใหญ่) ไอ้ลิเคียวพูดเสียงติดตลก





"ไม่ขำ...เออมึง"





(หืม)





"คืนนี้มารับกูทีสิ"





(ให้ไปตอนนี้เลยก็ได้)





"ไม่! คืนนี้มึงค่อยมา"





(ทำไมล่ะ)





"เออน่า สักตี 1 ก็แล้วกัน"





(ดึกไปไหม)





"แล้วจะมาไหมล่ะ" ผมถาม นี่ถ้าไม่มา ผมจะให้ไอ้วินมารับแทนแล้วเนี่ย





(เออ ไปสิ แฟนบอกให้ไป จะไม่ไปได้ไง)





"-///- นั้นแค่นี้แหละ"





(ก็ได้ เจอกันคืนนี้นะ) ติ๊ด





ผมกดวางสายแล้วเข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะเปลี่ยนชุดนอนออกมา คิดว่าไอ้ไฟคงขึ้นมาดูผมอีกแน่





ผมนอนเล่นเฟซและเปิดเพลงในโทรศัพท์ฟังไปเรื่อย ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อัพเฟซบุ้คเท่าไหร่ นอกจากเข้ามาส่องดูคนอื่นๆ เท่านั้น





ธันวา อภิสันทรานนท์

45 นาที

ยังไงก็รักเธอ :)

1.3 ถูกใจ 8 แสดงความคิดเห็น





ผมเห็นไอ้ธันขึ้นสเตตัส แต่ไม่ได้แท็กใคร มีแต่รุ่นพี่มาโพสต์ถามทั้งนั้นเลย





ธันวา อภิสันทรานนท์

45 นาที

ยังไงก็รักเธอ :)

1.3 ถูกใจ 9 แสดงความคิดเห็น

Lavaa รักใครวะ พูดมาให้ชัดๆ ดิ





ผมเข้าไปเม้นต์แล้วเลื่อนดูเม้นต์อื่น ไม่รู้ว่ามันจะมาตอบไหม เพราะรุ่นพี่คนอื่นๆ ถาม แต่ไม่ยังจะเห็นมันตอบ ทั้งๆ ที่ออนไลน์อยู่ด้วยแท้ๆ





ข้าวสวย

5 นาที

เดินออกนอกบ้านก็สงสัยว่ามองอะไรกันพอส่งกระจกเท่านั้นแหละ...อ๋อ สวย!

3.4 ถูกใจ 90 แสดงความคิดเห็น 56 แชร์

Zoh Sorzoh มั่นใจไปอีก

ข้าวสวย กวนตีน กูเผลอแป๊บเดียวเองนะ @Zoh Sorzoh





ปกติไอ้สวยก็มั่นใจตัวเองนะ แต่พอมันขึ้นสเตตัสแบบนี้ก็แปลกไปอีกแบบ นี่ถ้าไม่เห็นที่ไอ้โซ่มาเม้นต์ ผมก็คงคิดว่ามันขึ้นสเตตัสเองนะเนี่ย ไอ้สวยคนชอบมันเยอะ มาอวยก็เยอะ แต่คนเกลียดมันก็ใช่ว่าไม่มี บางเม้นต์เลยมีมาแขวะบ้างอะไรบ้าง





ก๊อก ก๊อก ก๊อก





"นอนหรือยัง" เสียงไอ้ไฟพูดผ่านประตู





"..."





"ไอ้วา ถ้ามึงนอนแล้วกูเปิดประตูเข้าไปนะ"





"ไม่ต้อง จะมาเสือกอะไรในห้องกูอีก นี่ขอพื้นที่อยู่คนเดียวเงียบๆ บ้างไม่ได้หรือไง" พูดไปก็หงุดหงิดไป





"เออ แล้วแต่เลย แต่มึงต้องปลดบล็อกเบอร์ไอ้แม็กด้วยนะ มันโทรมาโวยวายใหญ่แล้ว"





"โวยวายก็เรื่องของมึงสิ แล้วก็เงียบๆ ได้แล้ว กูจะนอน" ผมบอก ได้ยินเสียงไอ้ไฟมันกระฟัดกระเฟียดนิดหน่อย คงจะอารมณ์เสียจากการโดนไอ้แม็กบ่นด้วยล่ะมั้ง แต่ผมไม่สนหรอก ยังไงมันก็เข้าข้างไอ้แม็กมากกว่าผมอยู่ดี





นอนเล่นเพลินๆ ก็รู้สึกหนังตาหนักๆ กลัวตัวเองจะหลับลงไปจริงๆ มองดูเวลาก็ยังไม่ตี 1 สักที แถมเพลงที่เปิดก็กล่อมให้หลับดีเหลือเกิน ผมขยับตัวพลิกไปมาก็แล้ว พยายามหาเกมเล่นก็แล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่เลย หนังตาของผมก็ยังคงหนักจนสุดท้ายผมก็สู้แรงที่จะลืมตาขึ้นมาไม่ไหว สายตาของผมที่เหลือบไปเห็นภาพสุดท้ายบนหน้าปัดนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาว่าตอนนี้ 5 ทุ่มกว่าๆ แล้ว





ปุ้ง





"..."





RRRRRR





"หืม"





RRRRRR





รู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดัง และมันน่ารำคาญมากๆ พยายามควานหาแล้ว แต่ก็ไม่ยักจะเจอ นี่ผมต้องลืมตามาเพื่อหาโทรศัพท์จริงๆ เหรอ ถ้าไม่ใช่สายสำคัญนะ พ่อจะด่าให้โทรออกไม่เป็นเลย ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน รู้เพียงว่าตอนนี้มันยังไม่เช้าแน่ๆ





RRRRRR





"โอ๊ย เออๆ ลืมตาแล้วเนี่ย จะโทรทำห่าไรเหลือเกินวะแม่ง" ผมลุกขึ้นมาขยี้หัวตัวเอง หงุดหงิดโว้ย เข้าใจไหมเนี่ย กว่าจะข่มตาหลับ กว่าจะหยุดคิดถึงเรื่องแย่ๆ นี่ไม่ง่ายเลยนะเนี่ย





ปุ้ง





ขณะที่ผมลืมตามาควานหาโทรศัพท์ ก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรกระทบกับหน้าต่างเสียงดัง พอมองไปก็เห็นรางๆ เหมือนมีคนโบกไม้โบกมือให้ ขยี้ตาตัวเองอีกทีเพื่อให้มองชัดๆ แล้วลุกขึ้นไปดู





แกร๊ก





เสียงผมเปิดหน้าตา พอมองดีๆ แล้ว เป็นไอ้ลิเคียวนั่นเอง มันปีนอยู่บนต้นไม้ข้างหน้าต่างของผม แถมในมือมันยังมีก้อนหินเล็กๆ เป็นกำมืออีกด้วย





"มึงจะเขวี้ยงมาทำไมเนี่ย! " ผมว่าออกไปเสียงดัง





"ชู่ววว"





"อะไร"





"เบาๆ ดิวะ เดี๋ยวไอ้ไฟมันได้ยิน"





"ทำไม"





"เออน่า มึงถอยไปหน่อยสิ"





"ถอยไปไหน"





"ถอยไปข้างหลังมึงเลยอ่ะ...เออถอยไปอีก" ไอ้ลิเคียวบอก ผมก็ขยับถอยหลังไปตามที่มันบอก พอมันโอเคแล้วก็ส่งยิ้มมาให้ผม ก่อนที่จะทำอะไรที่ทำเอาผมหัวใจจะวายซะให้ได้





"เหี้ยยยย" ผมอุทานออกมา





"กูเจ๋งใช่ไหมล่ะ"





"เจ๋งเหี้ยอะไร ถ้าตกลงไปตายจะทำยังไงห๊ะ ทำอะไรทำไมไม่คิดบ้าง แล้วนี่เจ็บตรงไหนหรือเปล่า คราวหลังจะทำอะไรก็คิดให้ดีก่อนสิวะ มันอันตรายมากมึงไม่รู้หรือไง" ผมว่ามันยาวเลยครับ แต่อีกฝ่ายกลับไม่สลบ ยืนยิ้มเหมือนมีความสุข





"เป็นบ้าไปแล้วหรือไง กูว่ามึงอยู่นะ" ผมบอก





"เป็นห่วงกูเหรอ ^^"





"ห๊ะ"





"ที่ว่าเนี่ย ห่วงกูใช่ไหมล่ะ"





"หะ..ห่วงเหรอ...เปล๊า กูจะห่วงมึงทำไม๊ กูกลัวมึงมาตายที่บ้านกูต่างหาก อย่างมันอ่ะ มันเฮี้ยน! "





"หึ ไม่ห่วงก็ตามใจ" ไอ้ลิเคียวบอกอย่างไม่สนใจแต่ตัวมันกลับยื่นมือมาดึงผมเข้าไปกอด





"ทำ...ทำอะไรของมึงเนี่ย -///-"





"กอดมึงไง" ไอ้ลิเคียวพูดเหมือนอ้อน แถมยังก้มลงมาบอกข้างหูผมอีกด้วย นี่ขนลุกจริงจังนะเนี่ย กับเพื่อนผมรู้ว่ามันเป็นคนทะลึ่งตึงตัง แถมยังออกแนวกวนๆ แบบตลกๆ อีก แต่ถ้ามันอยู่กับผมจริงๆ แม่งก็เก๊กบ้าง ดุบ้าง แถมชอบทำขึงขังอีกด้วย





"เป็นบ้าหรือไง -///-" ผมบอก แต่ก็กอดตอบ คงต้องเลิกอายมันแล้วล่ะมั้ง





"หึ อยากให้กูบ้าจริงๆ หรือไง วันนี้ว่ากูบ้าหลายรอบแล้วนะ"





"ก็มึงมาแปลก"





"ก็เพราะมึงไม่ใช่หรือไง อยู่ๆ ก็หายไป รู้ไหมว่าเป็นห่วง มึงไม่รู้หรอกว่ากูตกใจแค่ไหน"





"แค่ไหนล่ะ" ผมช้อนตาขึ้นถาม ไอ้ลิเคียวก็จะตัวสูงไปไหนเนี่ย





"ก็เหมือนถูกหลอกเอาแล้วทิ้งอ่ะ มากไหมล่ะ"





"บะ...บ้า มึงแม่งบ้า" ผมได้แต่ว่ามันอยู่แบบนั้น ไม่กล้าเงยหน้าสบตากับไอ้ลิเคียวเลย เลยได้แต่ก้มหน้าซบกับไหล่ของมันแทน พอได้ยินแล้วก็รู้สึกใจเต้นแปลกๆ เหมือนจะทะลุออกมาให้ได้ จะว่าทะลึ่งก็ใช่ แต่ผมก็ดันเขินและหัวใจเต้นไปกับคำพูดบ้าๆ ของมันเนี่ย





"เป็นเมียกูแล้ว อย่าหายไปแบบนี้อีกนะ"





"อืม"





"เป็นเมียกูแล้ว อย่าคิดมากอีกนะ"





"อืม"





"เป็นเมียกูแล้ว รักกูให้มากๆ นะ"





"อะ...อืม" แอบชะงักไปนิดนึง แต่ก็ตอบตกลง ไม่คิดว่ามันจะพูดแบบนี้ รักมันให้มากๆ หรอ ต้องรักมากแค่ไหนล่ะ ไอ้ที่ว่ามากๆ ของมันน่ะ เพราะผมก็รู้สึกว่ามากที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมาแล้วล่ะ และคิดว่าคงไม่มีมากกว่านี้แล้ว กับมันผมก็ให้ไปทั้งใจ ถึงมันจะเกิดจากเวลาอันสั้นๆ แต่ผมไม่เคยมั่นใจกับอะไรได้มากเท่านี้มาก่อนเลย





ดีใจจังเลยนะ เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกคิดถูกกับการเลือกอะไรด้วยตัวเอง ถึงจะต้องดูมันไปอีกนานก็เถอะ แต่ก็ขอให้ทุกอย่าง ไม่เปลี่ยนแปลงไปละกัน



:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 18 | 24/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 24-02-2020 10:15:35
ตอนที่ 18




ผมตื่นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อคืนผมบอกให้ไอ้ลิเคียวพาผมไปด้วย แต่มันไม่ยอม แถมยังบ่นผมอีกด้วย ทำเอาผมเซ็งสุดๆ ไปเลย มันบอกเพียงแต่ให้เชื่อใจมัน อาจจะยากสักหน่อย แต่มันจะจัดการเอง ซึ่งตอนนี้ผมเลยทำได้เพียงแต่รอ





"ถ้ามึงไม่ลงมากินข้าวเช้าอีก กูจะเอากุญแจมาล็อกแล้วไม่ต้องลงมาจากห้องอีกเลย" ไอ้ไฟตะโกนผ่านประตูหน้า แต่ไม่ได้เปิดเข้ามา มันทำให้ผมหงุดหงิด ยิ่งได้ยินเสียงก็ยิ่งหงุดหงิด อยากจะกระโดดถีบยอดอกมันสักทีสองที





ผมไม่ได้ตอบมันกลับไป พลิกตัวบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ อยากจะไม่คิดอะไรเหมือนอย่างที่ไอ้ลิเคียวบอกเอาไว้ แต่สมองของผมก็ทำไม่ได้ ผมอยากได้ความชัดเจน แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย ผมไม่เคยรู้สึกอึดอัดเท่านี่มาก่อน





09.45 น.





"ลงมาได้สักทีนะ"





"..."





"จะกินอะไรเดี๋ยวกูทำให้" เสียงไอ้ไฟพูดอย่างเอาใจ ผมไม่ชอบเลย มันเหมือนผีบ้าที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ชอบขัดใจผม แต่ก็มันจะจบลงด้วยการยอมผมเช่นกัน





"..."





"อย่ามากวนตีนไม่ตอบกูนะ" เสียงไอ้ไฟพูดตามมา ผมไม่สนใจหรอก ไม่อยากคุยด้วย แค่ส่องกระจกแล้วต้องเห็นหน้าพวกมันในกระจกก็อยากจะบ้าพอแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อพวกเราเป็นแฝดกันนิ





ผมเปิดดูของกินที่ถูกตั้งเอาไว้ มันคงจะนานมากพอดู เพราะทุกจานเย็นชื่นหมดแล้ว อยากจะอุ่นอยู่หรอกนะ แต่ก็ขี้เกียจเกิน เดินไปตักข้าวแล้วมานั่งกินเลย





"มานี่ กูเอาไปอุ่นให้"





"ไม่ต้อง" ผมบอกออกไป ยื่นมือออกไปบังจานกับข้าวตรงหน้าด้วย ไม่อยากได้ความช่วยเหลือจากมัน ดูเหมือนอีกคนชะงักนิดหน่อย มันยอมดึงมือตัวเองกลับไปแต่โดยดี





"อย่าเป็นแบบนี้ดิวะ"





"เพราะมึงไม่ใช่เหรอ ที่ทำให้กูเป็นแบบนี้"





"ไอ้วา มึงต่างหากที่ทำตัวเอง เลิกโทษคนอื่นสักทีเถอะ ก็แค่มึงเลิกคบ เลิกติดต่อกับไอ้ลิเคียว เรื่องมันจะได้ไม่วุ่นวายไปมากกว่านี้"





เคร้ง





ผมวางช้อนเสียงดัง ผมเหรอ เพราะผมเหรอที่ทำให้เรื่องวุ่นวาย ผมเหรอที่เป็นคนผิด นี่มันชีวิตผม มันมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับผมแบบนี้





"ไอ้วา มึงยังไม่ได้กินเลยนะ" เสียงไอ้ไฟตะโกนตามหลัง ใช่สิ กูยังไม่ได้กิน ข้าวยังไม่แตะถึงท้องของผมตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว





"มึงไม่หิวหรือไง" หิวสิ กูหิวไส้จะขาด แต่ถ้าไอ้ไฟยังอยู่ตรงนั้น ผมก็คงกระเดือกอะไรไม่ลงหรอก พูดจาแต่ละอย่าง นอกจากจะไม่สร้างสรรค์แล้ว ยังทำลายอีก ผมไม่ชอบเลย ไม่ชอบให้มันมาว่า ถ้าผมมันวุ่นวายมาก ก็แค่ไม่ต้องมาสนใจผมสิ





ปัง





เดินขึ้นห้องตัวเองอีกครั้ง ไปไหนไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ จะแดกข้าวยังไม่ได้เลย กระโดดขึ้นเตียงแล้วมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม เสียใจ แต่ไม่ได้ร้องไห้ออกมา ถ้าจะร้อง มันคงเป็นเพราะผมหิวมากกว่าล่ะนะ





เพราะว่าหิว เลยไม่อยากจะขยับร่างกายมาก พยายามข่มตาให้หลับ มันยากมากที่ผมจะไม่กินอะไร ไม่รู้ว่าตัวเองจะอดได้สักเท่าไหร่ เพราะผมไม่เคยอดข้าว ผมไม่เคยทนหิว อยากกินก็กินเลย ไม่หิวก็ยังกินเลย เพราะผมไม่ชอบทรมานตัวเอง













ผมหลับและตื่น และหลับ และตื่น ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงค่อยๆ หมดไปทุกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมา คุยกับไอ้ลิเคียวบ้าง แล้วแต่มันจะสะดวกโทรมา เพราะมันกำลังวุ่นๆ กับร้านใหม่ของมัน





ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหนแล้ว อาจจะหนึ่งหรือสองวัน แต่ผมรู้สึกเหมือนเป็นอาทิตย์เลย มันไม่ง่ายที่ผมจะไม่ออกไปหาอะไรกินเลย แต่มันก็เป็นไปแล้ว ผมนอนจมอยู่กับเตียงของตัวเอง ไม่ลุกขึ้น ไม่อาบน้ำ ไม่กิน ไม่สนใจอะไร แต่ที่ทำไม่ได้คือไม่คิด





เมื่อเช้าหรือเมื่อคืน ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะปิดผ้าม่านหน้าตาของตัวเอง จนห้องมืดสนิททำให้ไม่อาจรู้เวลาได้ ไอ้ไฟมันมาเรียกผม จริงๆ มันก็เรียกผมทุกๆ 3-5 ชั่วโมง แต่ผมไม่ออกไป มันก็ไม่กล้าเข้ามา เพราะถ้าเข้ามาโดยที่ผมไม่อนุญาต ผมจะโกรธ





ไอ้ไฟมันมาเรียกผมพร้อมกับที่มันคุยกับไอ้แม็ก ทำให้ไอ้แม็กบ่นผมหนักกว่าเก่า ตัวมันเองยังไม่มีเวลามาตามดูผมเลย แต่ก็ยังจะมาบ่นผมอีก ทำเอาผมไม่อยากออกจากห้องหรือขยับตัวไปไหนเลย





RRRRRR





โทรศัพท์ของผมดังขึ้น เป็นไอ้ลิเคียวนั่นเองที่โทรมา





"เออ ว่าไง" ผมกรอกเสียงของตัวเองลงไป





(มึงเป็นบ้าอะไรห๊ะ!)





"มึงสิบ้า โทรมาก็เสียงดังแล้วก็ว่ากูเฉยเลย" ผมบอกออกไป ไม่ใช่น้ำเสียงที่ดังพอควร





(ไอ้ไฟโทรมาบอกว่า มึงไม่ได้กินข้าวมา 3 วันแล้ว)





"อ่า ที่แท้ก็ 3 วันสินะ"





(ที่แท้อะไร มึงพูดให้มันดังๆ สิ)





"เปล่าๆ แล้วมึงทำอะไรอยู่" ผมไม่ตอบคำถามมัน แต่ถามคำถามมันไปแทน





(อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ)





"กูเปล่า กูก็แค่ อยากลดน้ำหนัก" ผมบอกออกไป





(อ้วน ลดน้ำหนักกับไม่แดกข้าว มันใช่ไหมวะเนี่ย!) ไอ้ลิเคียวมันดูเหมือนจะโมโหมาก ในเมื่อผมไม่ได้กินข้าวจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้ข้ออ้างอะไรนอกจากนี้แล้ว





"โมโหกูเหรอ"





(เออสิ มึงกำลังทำให้กูเป็นห่วงนะ) คำตอบของมันทำเอาผมยิ้มขึ้นมาเลย ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้มันเป็นห่วง แต่ด้วยความที่มีคนเอาใจมาตั้งแต่เล็ก ผมเลยมักจะดื้อและเอาแต่ใจสุดๆ ไปบ้าง





(อ้วน มึงอยากกินอะไรไหม) ไอ้ลิเคียวถามขึ้นมา





"จะซื้อมาให้หรือไง"





(เออสิ อยากกินอะไรก็บอก)





"ไอ้ไฟก็อยู่ด้วยนะ เดี๋ยวมันต้องฟ้องไอ้แม็กแน่"





(ถ้ามันจะบอกไอ้แม็กจริง มันคงไม่โทรมาบอกกูเรื่องนี้หรอก แล้วกูก็ไม่สนไอ้แม็กหรอก กูแคร์แค่มึงเท่านั้นนะ)





"ทำไมมึงพูดดีจังวะ" ผมบอกออกไป รู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของมัน ไอ้ลิเคียวไม่ได้พูดหวานๆ คำหยาบๆ ก็มี แต่พอได้ฟังก็รู้สึกดีจนหยุดยิ้มไม่ได้เฉยเลย





(กับเมียกูก็พูดแบบนี้แหละครับ)





"อะ...ไอ้บ้า เมียเหี้ยไรของมึง" ผมบอกออกไป ถึงจะโดนมันเอาไปแล้ว แต่โดนเรียกว่าเมียแบบนี้ ผมก็ไม่ทันตั้งตัวปะวะ





(ก็มึงเป็นของกูไง ถึงได้พูด ตกลงว่าจะกินอะไร) ไอ้ลิเคียวเปลี่ยนเรื่อง ผมเลยบอกสิ่งที่อยากกินกับมันไป เราคุยกันอีกนิดหน่อยแล้วมันก็วางไป





ผมข่มตาหลับลงอีกครั้ง เพราะไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรมากไปกว่านี้ รู้สึกเลยว่ามือตัวเองสั่นมากแค่ไหน ก่อนหน้านี้ผมก็หิวมากจนอ้วกไปหลายรอบแล้ว อ้วกทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรออกมา





ก๊อก ก๊อก ก๊อก





เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่จะเปิดออก คนที่ก้าวเท้าเข้ามาคือไอ้ลิเคียว ด้านหลังก็มีไอ้ไฟยืนอยู่ด้วย แต่มันไม่ได้เดินเข้ามา





"อ้วน ทำไมสภาพมึงเป็นแบบนี้วะ"





"ทำไม แย่มากเลยเหรอวะ"





"มึงทำให้กูโกรธนะอ้วน ไม่เจอกัน 3 วัน ทำไมเป็นแบบนี้วะ ลุกขึ้นไหวไหมเนี่ย"





"ไม่อ่ะ ช่วยทีสิ" ผมบอกออกไป จริงๆ ก็เริ่มอยากจะโมโหกลับเหมือนกันนะ แต่ไม่มีแรงมากพอ ขี้เกียจเถียงกับมันด้วย





"ทำไมมาเร็วจัง"





"บางอย่างกูซื้อมาก่อนแล้ว ตอนที่คุยกับมึงก็ขับออกมาแล้วด้วย" ไอ้ลิเคียวบอก แล้วก็บ่นๆ เห็นอะไรก็บ่นไปหมด แต่มือของมันก็จัดกับข้าวและของใส่จานให้ พับผ้าห่มให้ด้วย ถึงจะไม่ได้ดูดีไปกว่าเดิมก็เถอะ





ผมเหลือบตามองออกไปด้านนอก เห็นไอ้ไฟยืนรู้สึกผิดอยู่ ถ้าสภาพผมไม่เป็นแบบนี้ มันคงจะบ่นผมแน่ๆ หรือไม่ก็คงเบื่อที่จะบ่นแล้ว ในเมื่อมันก็มายืนบ่นผมแทบทุกวันทุกเวลาอยู่แล้ว





มีอาหารหลายอย่างที่ไอ้ลิเคียวซื้อมา มันเยอะจนลายตาไปหมด ส่วนมากก็เป็นอาหารที่ผมบอกและที่ผมชอบเกือบทั้งหมด ชิมไปอย่างละนิด มันก็อร่อยนะ แต่รู้สึกว่ามันกินได้ไม่มากไปกว่านี้แล้วล่ะ





"อะไร มึงอิ่มแล้วหรือไง" ไอ้ลิเคียวถาม กับข้าวผมตักไปนิดหน่อย ส่วนข้าวไม่ต้องพูดถึง 5 ช้อนเห็นจะได้





"ก็ยัง แต่มันกินไม่ลง" ผมบอก หิวนะ แต่พอได้กินเข้าไปหน่อยกระเพาะก็เหมือนจะไม่รับเฉย





"แล้วทำไมทำแบบนี้ แทนที่จะกินอาหารดีๆ หรือมึงประชดไอ้ไฟ" ไอ้ลิเคียวถาม คนที่ยืนอยู่ด้านนอก พอได้ยินชื่อตัวเองก็หูผึ่งยื่นเข้ามาเหมือนอยากจะฟังด้วย





"ไปปิดประตูสิ มึงจะเปิดไว้ทำไม" ผมสั่งไอ้ลิเคียว มันหันไปมองไอ้ไฟนิดหน่อย ก่อนจะถอนหายใจแล้วลุกขึ้นไปปิด อีกคนนี่ยืนหน้าหง่อยเลย แต่ผมไม่สนหรอก ปากไม่ดี ผมก็ไม่อยากคุยด้วย





"ตกลงว่าไง ประชดมัน หรือกู หรือไอ้แม็ก"





"กูเปล่า มันก็แค่กินไม่ลง" ผมบอก จริงๆ ก็เพราะคำพูดของไอ้ไฟด้วยล่ะ ที่ทำให้ผมไม่อยากอาหาร





"อย่าเป็นแบบนี้นะอ้วน กินน้อยกับไม่กินเลยมันต่างกัน ถ้าไอ้ไฟไม่โทรไปบอกกู มึงไม่ตายห่าก่อนหรือไง" ไอ้ลิเคียวพูดออกมา ไม่ได้ดุ แต่ก็ไม่ยอมมองหน้าผม เอาแต่ขยับจานอาหาร





"โกรธกูมากเลยเหรอ"





"มากสิ กูนึกว่ามึงประชดที่กูไม่พามึงไปด้วยวันนั้น แต่ถ้ามึงโกรธกู เราจะคุยกันทุกวันเหมือนปกติได้ยังไง ยิ่งคิด กูก็ยิ่งโมโห กูไม่เข้าใจมึงเลยอ้วน"





"อืม" ผมตอบรับ เพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง เดินไปนั่งพิงบนเตียง ไอ้ลิเคียวก็เดินตามมาด้วย





"ขอโทษนะ แต่ก็ยังคุยกับไอ้แม็กไม่รู้เรื่องเลย มันไม่ยอมท่าเดียว"





"อยากพากูหนีไหม"





โป๊ก





"โอ้ย เขกทำไมเนี่ย" ผมร้องออกมา อยู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาเขกหัวผมเฉย เจ็บนะเนี่ย





"พูดอะไรก็คิดก่อน ชีวิตจริงนะ ไม่ใช่ละครหลังข่าว กูพามึงหนีไม่ได้หรอก ถึงกูจะดูเหมือนคนไม่จริงจัง แต่ก็จริงใจนะโว้ย" ไอ้ลิเคียวพูดแล้วหันมายักคิ้วให้ เท่ตายล่ะ -///-





"แหวะ" ผมย่นจมูกใส่มันแล้วหันหน้าหนี ยอมรับว่ากำลังแอบยิ้มกับคำพูดบ้าๆ ของมัน รับรู้ได้เลยว่าทั้งคำพูดและการปฏิบัติของมันเปลี่ยนไปหลังจากเราเป็นแฟนกัน





"ขยับไปดิ กูจะนั่งด้วย" เป็นประโยคคำสั่งที่ไม่รอห่าอะไรเลย มันนั่งลงและเบียดผมทันทีทั้งที่ยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ





"งืม จะนั่งบนตัวกูหรือไง" ผมบ่นออกมา ไอ้ลิเคียวเลยยกมือมาขยี้หัวผมแบบไม่มีเหตุผล





"ไม่เจอกันแป๊บเดียว มึงผอมลงนะ"





"เหรอ แล้วดูดีป่ะ"





"หน้ามึงซูบตอบแบบนี้ คิดว่าตัวเองดูดีไหมล่ะ"





"จิ๊ ไม่เจอกันแป๊บเดียว หมาในปากมึงก็เยอะขึ้นเหมือนกันแหละ" ผมบ่นพึมพำ ไม่ได้พูดเสียงดังออกไป พอทำท่าจะนอนลง ไอ้ลิเคียวก็ขวางเอาไว้แล้วดันผมให้ลุกขึ้นนั่งตามเดิม





"อย่าพึ่งนอน ถึงมึงจะกินไม่เยอะ แต่มันไม่ดี"





"อืม" ผมยอมทำตามอย่างว่าง่าย จริงๆ ก็เพราะว่าตัวเองไม่มีแรงนั่นแหละ





เราต่างคนต่างเงียบ ผมไม่รู้จะพูดอะไร ไอ้ลิเคียวก็ดูเหมือนจะเหนื่อยๆ มันเอนตัวพิงกับหมอนแล้วหลับตาลง มือข้างหนึ่งก็เอื้อมมากุมมือของผมไว้ด้วย





"ไปเที่ยวกันไหม"





"ห๊ะ"





"ไปเที่ยวกัน น้ำตก ทะเล ภูเขา ที่ไหนก็ได้"





"จริงเหรอ มึงพูดจริงนะ"





"เออ ไปกับกู แล้วก็เพื่อนกู" มันบอกออกมา จากที่รู้สึกดีตอนแรก ตอนนี้กลับไม่ได้ดีใจมากนัก ผมไม่ได้แย่ถ้าต้องไปกันหลายๆ คน แต่กับเพื่อนไอ้ลิเคียว ผมไม่ค่อยสนิทด้วยนัก





"ทำไมทำหน้าอย่างนั้นวะ"





"ก็...ถ้าจะไปกับเพื่อนมึง กูไม่ใช่ว่าไม่อยากไปนะ แต่กูยังไม่สนิทกับใคร"





"ก็ไปครั้งนี้จะได้สนิทกันไว้ไงหรืออยากจะไปกันสองคน" ไอ้ลิเคียวถาม การไปเที่ยวกันสองคน มันก็ดีนะ แต่ผมอยากไปหลายๆ คนมากกว่า มันน่าจะสนุกกว่า





"เป็นเพื่อนกูไม่ได้เหรอ"





"งั้นก็ลองโทรชวนดู"





"ว่าแต่...ไปที่ไหนอ่ะ กูจะได้โทรบอกเพื่อนกูถูก"





"ทะเลไหม ไปสูดอากาศซะหน่อย"





"แต่กูอยากไปน้ำตกมากกว่า" หลังจากไอ้ลิเคียวบอกมา ผมก็พูดขัดกลับไป เพราะผมอยากไปน้ำตกมากกว่าจริงๆ นิ ไม่ได้ไปตั้งนานแล้วด้วย





"แล้วจะถามกูเพื่อ" ไอ้ลิเคียวลืมตาขึ้นมาแล้วมองผม นี่จะดุกูหรือเปล่าเนี่ย





"แล้วได้ไหมล่ะ"





"กูแล้วแต่มึง" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วหลับตาลงต่อ





"เย้" ผมร้องออกมา นี่จะชูมือขึ้นเป็นท่าประกอบด้วยนะ แต่ทำได้เพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างไอ้ลิเคียวจับเอาไว้แน่นเลย





"ถ้าจะโทรใช้มือข้างนั้น พูดเบาๆ ด้วย กูจะนอน" ไอ้ลิเคียวบอกออกมา มันค่อยๆ ขยับตัวลงนอนกับหมอน ผมก็ต้องขยับตัวเข้าด้านในด้าน ไอ้ลิเคียวจะได้นอนสบายๆ





ผมเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา คนแรกที่โทรหาคือไอ้วิน ดีที่มันตอบตกลง ผมเลยโทรหาคนอื่นๆ ต่อ และดูเหมือนทุกคนจะตกลงหมดเลยด้วย





(กูพาจีไปด้วยนะ)





"ได้หมดอ่ะ"





(แล้วช่วงนี้เป็นไงบ้าง ทำไมมึงหายไปเลย)





"เออ มีปัญหานิดหน่อยว่ะ"





(มีอะไรก็บอกกันได้นะ เห็นเงียบๆ ไปพวกกูเป็นเพื่อนก็เป็นห่วง)





"ขอบใจมาก ไว้เจอกันมึง"





ผมบอกแล้วกดวางสาย ไอ้ธันเป็นคนสุดท้ายที่ผมโทรหา พวกมันพูดแบบนี้กับผมแทบจะเหมือนๆ กัน ผมคงจะห่างหาไปหลายวันจริงๆ สินะ





เรื่องวันเวลา ยังไม่ได้กำหนด แต่คงอีกไม่กี่วันนี้แน่ๆ วางโทรศัพท์แล้วหันไปมองอีกคนที่เงียบอยู่ตลอด ผมรู้ว่ามันทำงานหนักจนดึกจนดื่น พอเสร็จจากที่ร้านของผมแล้ว ยังต้องไปอีกทีด้วย เห็นมันบ่นๆ อยู่ว่าอะไรๆ ยังไม่ลงตัว น้องสองคนตัวแสบก็ยังมาทำให้มันปวดหัวเพิ่มด้วย เพราะแบบนี้ ผมถึงไม่อยากกวนมันมากนักและไม่พูดเรื่องตัวเองให้มันรู้





เรื่องวันเวลา ยังไม่ได้กำหนด แต่คงอีกไม่กี่วันนี้แน่ๆ วางโทรศัพท์แล้วหันไปมองอีกคนที่เงียบอยู่ตลอด ผมรู้ว่ามันทำงานหนักจนดึกจนดื่น พอเสร็จจากที่ร้านของผมแล้ว ยังต้องไปอีกทีด้วย เห็นมันบ่นๆ อยู่ว่าอะไรๆ ยังไม่ลงตัว น้องสองคนตัวแสบก็ยังมาทำให้มันปวดหัวเพิ่มด้วย เพราะแบบนี้ ผมถึงไม่อยากกวนมันมากนักและไม่พูดเรื่องตัวเองให้มันรู้





ช่วงนี้ผมก็แอบกลัวเหมือนกันนะ เพราะผมไม่สามารถไปเจอและอยู่ดูพฤติกรรมมันได้ กลัวมันจะมองผู้หญิงอื่น กลัวมันจะเบื่อผม แต่ใครจะไปคิดกันล่ะว่า ไอ้ลิเคียวจะบ้าถึงขนาดโทรมาหาผมเองอยู่บ่อยๆ ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้ว่างมาก





ผมอมยิ้มกับความคิดของตัวเอง ไอ้ลิเคียวไม่ได้น่ารัก มันไม่ได้ทำตัวน่ารักด้วย แต่ทำไมผมถึงได้รักมันขนาดนี้นะ


:katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 19 | 28/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 28-02-2020 16:10:26
ตอนที่ 19


วันนี้เป็นวันที่ไอ้ลิเคียวจะพาผมและเพื่อนๆ ไปเที่ยว มันบอกว่าจองที่พักเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นที่พักที่ใกล้ๆ กับน้ำตกที่เราจะไปเล่นนั่นแหละ





เพื่อนๆ นัดรวมตัวกันที่บ้านของผม ซึ่งตอนนี้ก็มากันครบแล้ว เราจะเอารถกันไป 2 คัน จากตอนแรกที่ผมจะนั่งไปกับไอ้วินและไอ้ชุนแฟนของมัน จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะไอ้สวยจะตีกับจีตายก่อนถึงที่พักแน่ๆ





รถคันแรกจึงเป็นผมที่นั่งที่คนขับ และไอ้ลิเคียวนั่งข้างๆ ถึงรถจะเป็นรถไอ้ลิเคียวก็เถอะ แต่ผมอยากจะขับมากกว่าและมันก็ตามใจผมด้วย ด้านหลังเป็นไอ้ธันและจีทำนั่งหน้าบึ้งสุดฤทธิ์ ส่วนรถคันที่สองไอ้ชุนแฟนไอ้วินเป็นคนขับ เพราะเอารถของมันไปเอง นี่ถ้าไม่ติดเรื่องจีกับไอ้สวยนะ รถคันนั้นผมคงได้ขับแล้ว คนเหี้ยไรวะ มีแต่รถเจ๋งๆ ขับตลอดเลย แถมยังเปลี่ยนไปเรื่อยอีกต่างหาก





"เมื่อเช้ากินอะไรหรือยัง"





"ยังอ่ะ" ผมบอกออกไป เพราะมัวแต่ยุ่งๆ กับการเก็บของอยู่ ผมเลยไม่ได้ลงมาทานข้าวเลย แต่ก็ไม่ค่อยกินเป็นปกติอยู่แล้ว ดูเหมือนเดี๋ยวนี้ไอ้ไฟจะไม่ค่อยมาอะไรกับผมมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้วด้วย อยากรู้นะ ว่าไอ้ลิเคียวมันไปคุยอะไรกับไอ้ไฟ หรือว่าจริงๆ แล้ว ไอ้ไฟจะรู้สึกผิดกับผมกันแน่ มันถึงหายเงียบไปแบบนี้ ไม่มาบ่น ไม่ว่า ไม่วุ่นวาย มันเหมือนอยากจะคุยกับผมนะ แต่ผมไม่เปิดโอกาส เอาจริงๆ ผมโคตรเสียความรู้สึกกับไอ้ไฟมันมากๆ เลย ผมถึงยังไม่อยากคุยกับมันตอนนี้





"กูซื้อน้ำเต้าหู้มาสองถุง มึงก็แบ่งกับเพื่อนเอาแล้วกัน"





"มึงกินแล้วเหรอ"





"เออ เมื่อเช้าไอ้คิสทำกับข้าว" ไอ้ลิเคียวพูดออกมา ซึ่งมันเป็นเหมือนประโยคธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับผม มันไม่ใช่ ผมรู้มาว่าคนที่ชื่อคิสคือคนรักเก่าของมัน ซึ่งตอนนี้คือเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ผมยังรู้มาว่าคนที่ชื่อคิสมีคนที่รักอยู่แล้วด้วย แต่นั่น ก็เป็นเพียงสิ่งที่รู้มา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและเมื่อเช้า ผมไม่อาจรับรู้ได้เลย





"ทำไมคิสถึงทำกับข้าวไว้ให้มึงได้ล่ะ" ผมไม่ใช่คนดีที่จะเก็บความสงสัยของตัวเองเอาไว้แล้วระเบิดออกมาทีเดียว ผมเป็นคนขี้สงสัย และถ้าผมต้องการที่จะรู้ มันก็ต้องอธิบาย





"ไอ้เหี้ยวา ขับช้าดี จีกลัวนะโว้ย" เสียงโวยดังมาจากข้างหลัง ทำเอาสติของผมกลับมาเลย นี่ผมเหยียดคันเร่งขนาดนี้เลยเหรอ ดีนะที่ไม่จนใครเข้าสักคัน





"ขอโทษที" ผมบอกจีแล้วลดความเร็วลง มือที่บีบพวงมาลัยแน่นก็คลายออกด้วย





"ขับดีๆ " เสียงไอ้ลิเคียวบอกออกมา แต่สิ่งที่ผมอยากได้ยินไม่ใช่ประโยคนี้ ผมอยากได้ยินคำตอบที่ผมถามมันไปมากกว่า





"จิ๊"





"เมื่อคืนไอ้คิสมันมาทำบัญชีให้กู กูเลยให้มันนอนที่ร้านเลย"





"แล้วมึงไปนอนไหน! " ผมถามมันอย่างหาเรื่อง





"พูดดีๆ สิ" ยิ่งมันตอบผมช้า ผมก็ยิ่งหงุดหงิด ถึงจะบอกว่าเป็นแค่เพื่อน แต่ก็คงไม่มีแฟนใหม่คนไหนชอบให้แฟนของตัวเองอยู่กับแฟนคนเก่าหรอก ผมไม่ชอบและกำลังไม่พอใจอย่างมาก





"มึงก็ตอบกูมาสิ"





"อย่าหาเรื่องได้ไหม"





"กูหาเรื่องอะไร มึงก็แค่ตอบกูมาเนี่ย"





"เฮ้ย กูก็กลับไปนอนบ้านน่ะสิ" ไอ้ลิเคียวถอนหายใจออกมาก่อนที่จะตอบ





"มึงก็ตอบกูมาแค่เนี้ย! " ผมตะคอกมันกลับไป ดูเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียวเลย แต่ไม่สนหรอก ก็คนมันสงสัยนิ นี่ก็ยังโมโหอยู่นะ ยิ่งตอนที่เห็นมันถอนหายใจนะ เหมือนกับมันรำคาญที่จะตอบผมเลย





ผมยังคงขับรถต่อไป ไม่มีการพูดคุยอะไรกันทั้งนั้น จนกระทั่งถึงโรงแรมที่จองเอาไว้เลย ไอ้ลิเคียวเป็นคนเดินไปเช็กอินห้องพัก ส่วนที่เหลือก็ขนของลงจากรถ ไม่นานไอ้ลิเคียวก็ถือกุญแจมา มีทั้งหมด 2 ห้องใหญ่ ผมยังไม่เห็นห้องด้านใน เลยยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนอนห้องไหนกันดี





"กูถือให้"





"ไม่ต้อง กูถือเองได้"





"ตามใจ" เออแม่ง ดีฉิบหาย ผมไม่เคยอยากจะกระโดดเตะก้านคอใครเลยจนถึงตอนนี้ ไอ้เหี้ยลิเคียวแม่งเป็นคนแรกเลยเนี่ย





"เป็นอะไร" ไอ้วินเดินมาถามผม





"นั่นดิพี่ ทำหน้าเหมือนผัวไม่รักเลย"





"พอดีกูกำลังอยากให้เพื่อนเลิกกับผัวเด็กของมันอยู่ เลยหน้าเครียดนิดหน่อย" ผมตอบกลับไอ้ชุนไป จนมันหน้าเหวอเลย ผมไม่ได้เกลียดมัน ไม่ได้ถือสาอะไรที่มันพูดแบบนี้ด้วย แค่อยากจะกวนตีนมันกลับไปก็เท่านั้นเอง





"โหพี่ แรงอ่ะ แค่นี้เพื่อนพี่ก็รักผมน้อยอยู่แล้ว ถ้าพี่ยุเนี่ย เขาเลิกกับผมจริงจังแน่" ไอ้ชุนบอกแล้วเดินมาคล้องแขนไอ้วินไว้ ท่าทางหน้าตาของมันก็แลดูเด็กอยู่นะ แต่รอยสักกับความสูงของมันเนี่ย ทำให้มันดูเหมือนเด็กโข่งมากกว่า





"กวนมันทำไม"





"ก็ไม่อยากให้พี่วาเครียดนิครับ"





"อย่ากวนมัน"





"โอเค" ทำไมพวกมันเป็นคู่ที่ง่ายๆ กันจังวะ คนหนึ่งพูดออกมาเนือยๆ อีกคนรับฟังคนสั่งอย่างร่าเริง เท่าที่ดู ไอ้วินก็คงรักไอ้เด็กชุนมากกว่าที่ไอ้ชุนมันพูดเมื่อกี้แหละนะ เพราะคนอย่างไอ้วิน ถ้าไม่ชอบ ไม่รัก ก็คงไม่ยุ่งด้วยแต่แรกอยู่แล้ว





เราเข้ามาดูกันที่ห้องแรกก่อน ซึ่งมันเป็นห้องที่ใหญ่พอสมควร มีห้องนอนแยกในตัวอีก 3 ห้อง และห้องนั่งเล่นที่กว้างพอควร แน่นอนว่าการเลือกห้องครั้งนี้ เอาจีและข้าวสวยเป็นตัวหลักให้การแบ่ง จริงๆ พวกผมเป็นผู้ชาย นอนง่ายๆ ยังไงก็ได้อยู่แล้ว ตัวกับผู้หญิงนี่สิ ผมล่ะกลัวใจพวกเธอจริงๆ





"จริงๆ เรานอนด้วยกันก็ได้นะ กู ไอ้โซ่ ไอ้ธัน แล้วชายหมู่อย่างพวกมึงนอนด้วยกัน" ไอ้ข้าวสวยเสนอ





"อย่าดีกว่า กูมีเรื่องจะคุยกับไอ้วิน" ไอ้โซ่รีบแย้ง





"มีเรื่องก็มาคุยกันด้านนอกได้นิ ยังไงก็อยู่ด้านนอกมากกว่าในห้องอยู่แล้ว" ข้าวสวยบอก เอาจริงๆ มันก็เป็นแบบนี้ก็ได้ แต่ถ้าก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ไม่ใช่ว่ากระโจนใส่กันท่าเดียวอะนะ ถึงไอ้สวยจะไม่ได้เริ่มก่อน แต่มันก็มีบ้างบางครั้งแหละนะ ที่มันจะทนไม่ไหว





"มึงก็อย่างเรื่องมากสิ"





"กูเรื่องมากอะไร กูก็แค่เสนอ พวกมึงนั่นแหละ เป็นห่าอะไรกันนักหนา"





"เป็นผู้หญิง พูดดีๆ ดิวะ" ผมเตือน ไม่ได้ว่าอะไร เพราะผมก็ไม่ใช่คนพูดจาดีอะไร แต่ไอ้สวยมันกำลังใส่อารมณ์เข้าไปด้วย





"เออๆ แล้วแต่พวกมึงแล้วกัน กูจะนอนห้องนี้แหละ" ปัง แล้วไอ้สวยมันก็เดินเข้าห้องเล็กไปเลย มันคงจะอารมณ์เสียไม่น้อย





"กูพูดมากไปหรือเปล่าวะ" ไอ้โซ่ที่ยืนหน้าเสียอยู่บ่นออกมา





"ไม่หรอก ดีกว่ามาตีกันทีหลัง" ไอ้วินบอกพร้อมกับเดินไปตบบ่าไอ้โซ่เบาๆ





"จะนอนห้องไหน" ไอ้ลิเคียวเป็นคนถามผม ผมเลยมองหน้าพวกมัน จริงๆ มันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอก เพราะห้องไหนๆ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ





"งั้นกูไปนอนห้องโน้นนะ" ไอ้ธันว่า มันขอกุญแจจากไอ้ลิเคียวแล้วเดินนำไปก่อน ทีนี้ก็เหลือผม ไอ้ลิเคียว ไอ้โซ่ ไอ้วิน แล้วก็ไอ้ชุน ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าไอ้วินกับไอ้ชุนต้องนอนด้วยกัน





"งั้นก็นอนห้องนี้ละกัน" ไอ้โซ่เลือกห้องที่อยู่ติดกับไอ้สวย ไอ้วินก็เดินเข้าห้องฝั่งตรงข้ามไปโดยไม่พูดอะไร ไม่แม้จะบอกไอ้ชุนเลยด้วยซ้ำ





"เฮ้ยพี่รอด้วย" ไอ้ชุนร้องบอกแล้ววิ่งตามไปดันประตูไว้ก่อนที่ไอ้วินจะปิดได้ทัน มันทำเหมือนกันลืมเลยว่ามาด้วยกัน ผมมองพวกมันแล้วตลกดี ทีนี้ก็เหลือแค่พวกผมแล้วสินะ





ไม่สนใจอีกคนหรอก ผมยังโกรธมันอยู่ ก็แค่ถาม เป็นใคร ใครก็ถามใช่ไหมล่ะ มีเรื่องสงสัย จะให้เก็บไปคิดเองเออเองหรือไง ผมเชื่อที่มันบอกนะ แต่ไม่พอใจในกิริยาการตอบของมันเท่านั้นเอง





"อ้าว พวกมันนอนห้องโน้นกันหมดเลยเหรอ"





"เออ แล้วมึงจะไปไหน"





"ลงไปดูข้างล่าง จีหิวน้ำด้วย เลยจะเดินไปสำรวจสักหน่อย"





"โอเค มึงนอนห้องนี้ใช่ไหม" ผมถามแล้วชี้ไปที่ห้องฝั่งซ้าย





"เออ มึงก็เลือกแล้วกัน ว่าจะนอนกันห้องไหน" ไอ้ธันว่าแล้วจับมือจีเดินออกไป ผมสงสารไอ้ธันมันนะ มันเป็นคนกลางที่ดูลำบากใจ ไอ้สวยก็เพื่อน จีก็แฟน หลายครั้งที่มันดูแล เทคแคร์จี แต่ก็ยังคงห่วงไอ้สวยอยู่ ผมไม่ได้อยากว่ามัน เพราะไอ้ธันมันก็ชัดเจนในระดับหนึ่ง และแสดงออกให้เห็นชัดๆ เลยว่ารักจี





ตัวผมเองก็ไม่ได้ไม่ชอบเธอ ถึงแม้จีจะพร้อมที่จะตบไอ้สวยอยู่ตลอดเวลาก้เถอะ ผมอยากจะให้เธอเบาๆ ลงหน่อย เพราะคนห้ามอย่างพวกผมก็หนักใจทุกครั้ง แถมตอนนี้ ที่ผมอยู่กับไอ้ลิเคียวนะ ยิ่งแล้วใหญ่เลย ดูเหมือนทั้งคู่จะเข้าหน้ากันไม่ติดสักเท่าไหร่ เหตุคงมาจากเพื่อนสาวคนสวยของเธอ ที่ดันเป็นอดีตคู่หมั้นของไอ้ลิเคียวซะได้นี่สิ





ผมยืนมาห้องว่างสองห้องไปมา อีกคนก็ยืนรออยู่ด้านหลัง จริงๆ ห้องมันก็เหมือนกันนั่นล่ะนะ ไหนๆ ก็เหลือสองห้องละ นอนมันคนละห้องเลยแล้วกัน





ผมเดินเร็วเพื่อไปเข้าห้องที่อยู่ไกลกว่า นี่เสียสละเลยนะ พอเปิดประตูได้ปุบก็รีบปิดประตูลงกรปรับ อีกคนที่เดินตามมาทำได้เพียงหยุดอยู่หน้าประตู





"อ้วน มึงจะล็อกประตูทำไมเนี่ย"





ปัง ปัง ปัง





"เฮ้ย อ้วน" เรียกให้คอแหกไปเลย ยังไงผมก็ไม่เปิดหรอก





ผมเดินสำรวจห้องนี้ มันไม่ได้กว้างมากนัก มีที่สำหรับว่างเตียงขนาดคิงไซต์ กับโคมไฟเท่านั้นเอง ปลายเตียงมีโทรทัศน์กับเครื่องเล่นดีวีดี ก็ไม่ได้แย่นักถ้าเทียบกับการที่มีถึงสามห้องเล็ก





เสียงเคาะประตูเงียบไปแล้ว มันคงยอมแพ้แล้วที่จะเรียกผมต่อ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ มันจะฟังดูบ้าไหม หรือจะเรียกว่าโรคจิตดี ผมไม่ใช่พวกชอบทรมานคนอื่น แต่กับไอ้ลิเคียว ผมแค่อยากเอาแต่ใจ อยากให้มันง้อ เพราะถ้ามันทำแบบนั้น ผมจะรู้สึกว่ามันแคร์ผมมากก็เท่านั้นเอง





ผมล้มตัวลงนอน การขับรถเป็นเวลานานทำให้ผมล้ามากเหมือนกัน เราไม่ได้นัดกันจะไปไหน ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาของการพักผ่อน ผมนอนมองดูเพดาน เพียงเวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์ แต่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว มันกลับมีมากยิ่งนัก





ผมยกมือขึ้นแล้วมองปลายนิ้วของตัวเอง เวลาสามวันที่ไม่ได้กินอะไร มันทำให้ผมซูบลงก็จริง แต่หลังจากที่ไอ้ลิเคียวมาหาผมวันนั้น ผมก็เริ่มกลับมากินอย่างบ้าคลั่งเลยล่ะ ดูเหมือนว่าผมจะอ้วนขึ้นกว่าแต่เก่าด้วยซ้ำ จากที่ไอ้ลิเคียวบอกว่าผมผอมลง แต่เมื่อเช้า ไม่มีใครทักผมแบบนั้นเลย เหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น แถมจียังทักว่าผมอ้วนขึ้นอีก เพราะจากตอนที่ผมเจอเธอครั้งนั้น มันก็หลายอาทิตย์มาแล้ว





ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเปิดเพลงฟัง มาพักผ่อนทั้งที ผมก็อยากผ่อนคลายให้มากๆ หลับตาลงจากความเหนื่อยล้า พักสมองและหยุดคิดทุกเรื่อง ปล่อยตัวเองอยู่กับปัจจุบันและไม่นึกถึงอนาคต ดีจังเลยนะ ถ้าอยู่แบบนี้ตลอดไปได้ ผมได้แต่คิดแบบนี้จนเคลิ้มหลับไป

















ปัง ปัง ปัง





เสียงเคาะประตูทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว คงเพราะผมหลับไปนาน อารมณ์เสียนะ ผมไม่ชอบเวลาใครมาปลุกแบบนี้เลย อยากนอนต่ออีกสักนิดแล้วลุกขึ้นตื่นเองมากกว่า แต่คนด้านนอกคงจะไม่คิดและไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้น เพราะมันเล่นเคาะไม่หยุด แถมยังตะโกนเสียงดังโหวงเหวงอีกด้วย





"ไอ้วาโว้ย ทำห่าอะไรอยู่วะ"





ปัง ปัง ปัง





ผมถึงกับเหลือกตาบนขึ้น ถอนหายใจยาวๆ เคาะเรียกซะนึกว่ามีแผ่นดินไหวเถอะ ผมลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูแทบจะทันที ดีที่มันไม่บ้าทุบประตูไม่หยุด ไม่งั้นมันคงเคาะหัวผมด้วยแน่ๆ





"อะไรของมึงเนี่ย" ผมถามออกไปทันที





"มึงนั่นแหละ อะไรของมึง" ไม่พูดเปล่า ชี้นิ้วไปที่ข้างประตูด้วย





"เหี้ยยยย"





"เออเหี้ย มึงโคตรเหี้ยเลย ไอ้ให้เขามานอนรอมึงแบบนี้ได้ไง ตอนแรกกูก็ไม่อะไรนะ แต่ตอนนี้กูว่า มึงจะงอนเขานานไปละ"





"มันนอนตรงนี้ตลอดเลยเหรอ"





"ก็ก่อนที่กูจะเข้ามาอ่ะ"





"แล้วนี่กี่โมงแล้ววะ"





"จะหกโมงแล้ว" ไอ้ธันวา ผมมาถึงที่นี่ตอน 11 โมงกว่า กว่าจะเข้ามาได้ก็เกือบๆ เที่ยง แสดงว่าไอ้ลิเคียวมันนอนรอผมตรงนี้ตั้ง 5-6 ชั่วโมงเลยเหรอวะ





"ตกใจเหี้ยไร ตั้งใจทิ้งเขาไว้แบบนี้เองไม่ใช่หรือไง"





"กูนึกว่ามันจะไปนอนอีกห้องนี่หว่า"





"มาด้วยกัน แฟนก็แฟนมึง ทำไมต้องนึกด้วย นี่มึงมาเที่ยวหรือมาทะเลาะ กูเห็นตั้งแต่บนรถแล้วนะ" ไอ้ธันว่าผมออกมา มันก็จริงหรอก แต่เพราะไอ้ลิเคียวไม่ใช่หรือไงเล่า





"ธัน อย่าไปว่าลาวาสิ" จีเป็นคนบอกแล้วเดินมาลากไอ้ธันเข้าห้องไป





ผมยืนมองอีกคนที่นั่งหลับอยู่ข้างประตู ไม่แปลกหรอกที่มันจะไม่ได้ยินเสียงไอ้ธัน มันเล่นใส่หูฟังเอาไว้อย่างนี้นิ แล้วทำไมต้องทำให้ผมรู้สึกผิดด้วยวะ แทนที่จะไปนอนในห้องดีๆ หรือไปนอนที่โซฟาตรงห้องนั่งเล่นก็ได้





"ลิเคียว...ไอ้ลิเคียว" ผมยื่นมือออกไปถอดหูฟังของมันออกแล้วเขย่ามือของมันเบาๆ อีกคนค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา มันมองผมนิดหน่อยก่อนจะสะบัดหัวเล็กน้อย





"หายงอนกูแล้วเหรอ"





"เออ เข้าไปนอนในห้องดิวะ" ผมบอกแล้วลุกขึ้นยืน ไอ้ลิเคียวมันเลยยกยิ้มขึ้น ก่อนจะยื่นมือมาทางผม





"อะไร"





"ช่วยหน่อย"





"ลุกเองดิ"





"ก็นั่งนาน ขาชาไปหมดแล้ว"





"แล้วใครบอกให้มานั่งแบบนี้เล่า" ผมบ่นมัน แต่ก็ยื่นมือตัวเองออกไปช่วยมันอยู่ดี ตัวก็หนัก ดึงแทบจะไม่ขึ้นอยู่แล้วเนี่ย





"ยิ้มอะไร เดินเข้าไปสิ"





"อย่าอารมณ์เสียสิ หยุดขมวดคิ้วได้แล้ว" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วจิ้มมาที่หน้าของผม





"ก็มึงอ่ะ...อ๊ากกกก" ผมยังพูดไม่ทันจบ ไอ้ลิเคียวก็อุ้มผมขึ้นซะสูงเลย





"ฮ่าๆ ๆ "





"ไม่เอา ไม่ขำนะโว้ย วางกูลงเลย เห้ย...เดี๋ยวกูตก" ผมแทบจะตะเบงสุดเสียง กลัวจริงๆ นะ ทุกครั้งที่มันอุ้มผม นี่ถ้าตัวเล็กๆ เบาๆ จะไม่บ่นเลย แต่ผมตัวหนักจะตาย





"ทำไมต้องกลัวด้วย กูเคยทำมึงตกหรือไง"





"ถึงไม่เคยก็กลัวอยู่ดีนั่นแหละ" ผมบอกแล้วเกาะไอ้ลิเคียวแน่นเพราะมันไม่ยอมปล่อยผมลง แถมยังพาเดินมาถึงเตียงอีกด้วย





"นั่งรอก่อนนะ หิวหรือเปล่า"





"อืม" ผมตอบรับ เพราะหิวจริงๆ นั่นแหละ ไอ้ลิเคียววางกระเป๋าไว้ปลายเตียงแล้วเอาของออกมาจัด





ก๊อก ก๊อก ก๊อก





เสียงเคาะประตูดังขึ้น จีเป็นคนเปิดประตูเข้ามา





"เอ่อ หิวกันหรือยัง"





"จะไปแล้วเหรอ"





"เปล่าๆ ก็รอไปพร้อมกันนั่นแหละ" จีรีบปฏิเสธ ดูเหมือนเธอจะหิวมากล่ะมั้ง ถึงเดินมาบอกขนาดนี้





"งั้นไปเลยก็ได้นะ" ไอ้ลิเคียวบอก มันเดินมาตรงผมแล้วแตะที่ใบหน้าเบาๆ





"อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า" ผมส่ายศีรษะเป็นคำตอบ อยู่ๆ ก็ทำตัวแบบนี้ ผมไปไม่เป็นเหมือนกันนะ





"งั้นเราไปรอด้านนอกนะ" จีพูดเบาๆ แล้วปิดประตูให้





"งั้นไปกินร้านใกล้ๆ นี่ก็ได้"





"ทำไมมึงดูรู้ทางจัง"





"กูก็ต้องศึกษามาก่อนป่ะละ จะเดินทางสุ่มสี่สุ่มแปดได้ไง"





"เออๆ เสร็จยังเนี่ย กูหิวละ"





"งั้นไปกัน" ไอ้ลิเคียวหยุดจัดของแล้วเดินมาหาผม นี่อย่าบอกนะว่าจะอุ้มผมอีกน่ะ





"กอดอกทำไม"





"แล้วมึงเดินมาทำไมเล่า"





"กูแค่อยากจับมือเองนะอ้วน" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วยิ้มกับท่าทีของผม จิ๊ ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ





ผมลุกขึ้นแล้วเป็นคนยื่นมือไปจับมันเอง นี่ก็เดินหน้าเชิดนำมันออกมาก่อน ถ้ามีสายคล้องอีกนิด ผมก็คิดว่าตัวเองจูงหมาแล้วนะ พอเปิดประตูออกมาก็เห็นจีกับไอ้ธันยืนรอคุยกันกะหนุงกะหนิงอยู่ก่อนแล้ว





"กว่าจะออกมาได้นะมึง"





"ก็จัดของอยู่ แล้วพวกนั่นแหละ"





"ลงไปรอข้างล่างแล้วมั้ง" แสดงว่าคุยกันก่อนแล้วสินะ





พวกผมเดินมาถึงด้านล่างก็เจอคนอื่นๆ ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ดูเหมือนทุกคนจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันหมดแล้วด้วย คงมีแต่ผมกับไอ้ลิเคียวนี่แหละ ที่ยังใส่ชุดเดิมอยู่





ครั้งนี้เราใช้รถของไอ้ชุนขับออกมาคันเดียว ถ้าไม่รวมกระเป๋าเดินทาง พวกเราก็สามารถนั่งกันได้แบบพอดี ไอ้ลิเคียวทีที่รู้ร้านแต่ไม่รู้ทางเป็นคนขับ ผมที่นั่งด้านข้างจึงต้องเปิดจีพีเอสเพื่อดูและคอยบอกทาง ดีที่ร้านไม่ได้อยู่ไกลมาก ทำให้ใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีในการขับรถเท่านั้นเอง





ร้านอาหารที่ไอ้ลิเคียวบอก บรรยากาศดีใช้ได้เลย ดูเหมือนเพื่อนๆ ของผมจะชอบมากด้วย มีเพลงเปิดคลอเบาๆ ที่หน้าร้านติดป้ายบอกเวลาเอาไว้ แถมยังกำกับเอาไว้ด้วย ว่าตอนหนึ่งทุ่ม จะมีดนตรีสดมาเล่น





"ไปนั่งตรงนั้นกัน" ไอ้สวยชี้ไปที่ระเบียงด้านนอก เป็นที่นั่งแบบปูพื้น





ด้วยความที่มากันหลายคน พวกเราเลยต้องต่อโต๊ะกัน เพราะไม่อยากนั่งแยก มันเป็นเหมือนโต๊ะญี่ปุ่นขนาดเล็กๆ มีเบาะลองสำหรับนั่งให้แต่ละคนด้วย ร้านอาหารด้านในจะเป็นแอร์ครับ เราสามารถมองเข้าไปได้ เพราะมันเป็นกระจก แต่เลือกด้านนอกเพราะดนตรีสดกับบรรยากาศนี่แหละ





"อ้วน จะกินสเต๊กหรือสลัด"





"อยากกินสปาเกตตี"





"แล้วน้ำล่ะ"





"ช็อกโกแลต เฟรปเป้" ผมบอกไอ้ลิเคียว แล้วไอลิเคียวก็หันไปสั่งพนักงานอีกที คนอื่นๆ ก็ต่างคนต่างสั่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะส่วนมากก็เป็นอาหารจานเดียว





"ลองกินไหม อร่อยนะ" ไอ้ลิเคียวถาม หลังจากอาหารมาเสิร์ฟ พวกเราก็กินกันอย่างดุเดือดเลยครับ อันนี้คือหิวจริงจัง ข้าวเที้ยงก็ไม่ได้กิน หรืออาจจะมีบางคนที่กินก็ได้ เพราะพอแยกห้องนอนแล้ว ก็ต่างคนต่างอยู่ ผมก็หลับอย่างเดียวเลย





"ไม่เอามะเขือเทศ" ผมบอกแล้วไอ้ลิเคียวก็ตักมาให้ หรือจะพูดให้ถูกก็ป้อนนั่นแหละ





"หวานแหวว...อ้าม" ไอ้สวยแซว แล้วทำท่าล้อผม แต่การที่มันล้อ มันดันตักแล้วยื่นไปทางไอ้ธันนี่สิ ทุกสายตาเลยหันไปมองที่จีแทบจะหมดทุกคนเลย





"ไม่เอาน่า มึงก็กินไปสิ" ไอ้ธันบอกปฏิเสธ ผมคิดว่าจีคงไม่พอใจมากอยู่เหมือนกันนั่นแหละ แต่ครั้งนี้เธอทำเหมือนกับไม่สนใจและเสมองไปทางอื่นแทน





"ชิส์" ไอ้สวยส่งเสียงจิ๊จ๊ะไปตามภาษา ถ้าพูดแบบไม่เข้าข้างใครเลยนะ ไอ้สวยมันก็เป็นของมันแบบนี้ คือมันเล่นกับไอ้ธันเป็นปกติอยู่แล้ว เลยอาจจะเป็นนิสัยก็ได้ แต่ถ้าพูดถึงความเหมาะสม ผมว่ามันไม่ควรเลย





มีหลายครั้งที่ไอ้สวยแหวะจี จนพวกผมหายใจหายคอกันไม่ทั่วท้อง แต่น่าแปลกที่จีกลับทำไม่สนใจ เพราะถ้าเป็นปกติคงได้ตบกันคนละฉาดสองฉาดไปแล้ว





"พี่ๆ เขาจะเริ่มเล่นดนตรีสดกันแล้ว" เสียงไอ้ชุนบอกแล้วชี้ไม้ชี้มือไปตรงที่เขาจัดที่ไว้สำหรับแสดง





"พี่ดูดิ มือกลองเป็นผู้หญิงด้วย โคตรเท่เลย" ผมหันมองไปตามที่ไอ้ชุนพูด





"โอ้ย อะไรเนี่ย" ผมร้องออกมาเพราะไอ้ลิเคียวดันล็อกคอผมไว้





"รีบหันเชียวนะ"





"หรือมึงไม่มอง"





"แล้วเห็นกูมองหรือไง"





"แล้วกูจะรู้กับมึงไหมล่ะ" ผมเถียงกลับไป เพราะไม่รู้ว่ามันมองหรือเปล่า พอจ้องหน้ามันอย่างเอาเรื่องมากๆ กลายเป็นมันจับตัวผมให้เอนตัวพิงไปกับตัวมันเฉยเลย





"ไม่อยากทะเลาะ อยากดูก็ดูไป" ไอ้ลิเคียวบอก ทำไมช่วงนี้มันถึงยอมผมตลอดเลยวะ แถมผมยังรู้สึกผิดอีกด้วย หลายๆ ครั้งที่มันพูดกับผมด้วยน้ำเสียงปกติ แต่จะมีก็แต่ผมนี่แหละ ที่ชอบเสียงดังใส่มัน





"ทำไมเดี๋ยวนี้ดีกับกูจัง"





"ที่ถามแบบนี้เพราะอยากโดนกูตีใช่ไหม"





"อะไรของมึงเล่า ผีเข้าแล้วไง"





"อ้วน! "





"เออๆ กูก็แค่อยากรู้นิ เมื่อก่อนมึงทั้งออกคำสั่ง ทั้งดุกู พอมึงมาเป็นแบบนี้ กูก็แปลกใจนิ"





"ก็มึงเป็นแฟนกูนิ"





"แค่เพราะเป็นแฟนอะนะ" ผมถามแล้วเงยหน้าไปสบตากับมันถ้ามันดีกับแฟนแบบนี้ แสดงว่ากับคนก่อนๆ ก็คงทำดีแบบนี้สินะ

"กูไม่จำเป็นต้องเทกแคร์เพื่อนขนาดนี้ ยังไงกับคนที่เป็นแฟน มันก็ต้องพิเศษกว่าอยู่แล้ว"





"งั้นกับแฟนคนเก่าๆ มึงก็ดีกับเขามากสินะ"





"...ก็...ไม่นะ"





"อ้าว" อะไรของมันวะ ไม่รู้ว่าผมงงหรือมันงงกันแน่





"กูหมายถึง...กูดีเฉพาะกับคนที่กูรักต่างหาก" คำตอบของไอ้ลิเคียวทำให้ผมหมดความสงสัยไปเลยครับ การที่ผมมาเป็นแฟนกับมัน ทำให้ผมเห็นมุมที่ผมไม่เคยได้เห็นขนาดนี้เลยเหรอ กับคนเก่าๆ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นไง แต่กับผม ผมว่ามันก็ชัดเจนพอดูเลยนะ



:katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 20 | 01/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 01-03-2020 09:23:52
ตอนที่ 20

หลังจากทานอาหารไป เราก็สั่งเครื่องดื่มมาดื่มกันต่อเลย ไม่ได้กะจะเมา แต่นั่งกินบรรยากาศซะมากกว่า พอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกว่านานมากแล้วเหมือนกันนะ ที่ไม่ได้ออกมาเที่ยว


"มึง ปล่อยก่อน"


"จะไปไหน"


"ห้องน้ำ" ผมบอกแล้วลุกขึ้นเดินแยกมา ดนตรีสดที่นี่เล่นเพราะใช้ได้เลย เราสามารถรีเควสเพลงที่อยากฟังได้ด้วย ขนาดไอ้ชุนยังขอเพลงให้ไอ้วินเลย แต่ดูเหมือนไอ้วินจะไม่ได้ซาบซึ่งไปด้วยสักเท่าไหร่


"ทำไม เสียดายเหรอ"


"แล้วอยากรู้ไหมล่ะ ว่าธันจะเลือกใคร"


"ทำไมต้องอยากรู้ ในเมื่อตอนนี้ธันเขาคบอยู่กับชั้น"


"แค่คบประชด อย่าถือตัวไปหน่อยเลยน่า"


"แก! "


เพียะ! เสียงตบหน้าฉาดใหญ่ดังขึ้น


"หึ แกก็เก่งแต่ใช้กำลังนั่นแหละ ไม่รู้หรือไงว่าทั้งธันแล้วก็คนอื่นๆ เขาเอือมกับนิสัยนี้ของแกมากแค่ไหน"


"แล้วไง แกมันก็แค่หมาหวงก้างเท่านั้นแหละ"


เพียะ!


"อย่าคิดว่าชั้นจะให้แกตบคนเดียวนะ"


"หยุด เป็นบ้าอะไรกันเนี่ย" ผมรีบเดินเข้าไปแทรกระหว่างทั้งสองคน ไม่วายโดนดึงผมไปด้วย ด้านหลังของผมเป็นไอ้สวย ส่วนด้านหน้า ผมกำลังจับจีเอาไว้


"จะเอายังไงก็ว่ามาเลย เข้ามาสิ ห๊ะ"


"ไม่เอาน่าจี พอได้แล้ว"


"ทำไม พอพูดความจริงหน่อยก็รับไม่ได้หรือไง" เสียงไอ้สวยดังมาจากด้านหลัง ดีที่มันไม่กระโจนใส่ ไม่งั้นผมคงไม่รู้ว่าจะจับแยกยังไงเลย


"ไอ้สวย มึงก็หยุดพูดดิวะ" พูดไปก็ดันตัวจีให้ออกห่าง พอดีกับไอ้ธันที่เดินออกมาจากห้องน้ำ


"มีอะไรกันอีกเนี่ย"


"ก็แฟนมึงตบกู"


"แต่มันพูดจาไม่ดีกับจีก่อน" ทั้งสองคนเถียงกันจนไม่มีใครยอมใคร


"พอเลยๆ " ไอ้ธันบอก มันกำลังจะเดินมาดูจี แต่ไอ้สวยจับเอาไว้ก่อน


"พอเหี้ยไร มึงเห็นรอยที่หน้ากูไหม" ไอ้สวยพูดอย่างไม่ยอม ผมที่ไม่เห็นเหตุตั้งแต่ต้นก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะทั้งไอ้สวยและจี ใครก็มีสิทธิ์เริ่มก่อนทั้งนั้น


"..." ไอ้ธันเอาแต่เงียบ จากตอนแรกที่ผมจับจีเอาไว้ ตอนนี้กลับเป็นจีที่กุมแขนผมแน่น


'พาเรากลับที' เสียงจีกระซิบบอกผม


"แต่..."


'นะ'


เสียงของเธอน่าสงสารมาก ไอ้ธันก็ไม่ยอมขยับตัวไปไหน ไม่แม้แต่จะปริปากพูด ผมเลยประคองจีแล้วเดินกลับโต๊ะแทน ระหว่างทางเธอก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุดเลย ก่อนจะถึงโต๊ะที่เรานั่ง ผมก็ให้เธอยืนเช็ดน้ำตาอยู่พักใหญ่ ด้านหลังของเรา ไม่มีแม้แต่เงาไอ้เหี้ยธันตามมา


"โอเคไหมเนี่ย"


"อืม ขอโทษนะ ทั้งๆ ที่มาเที่ยวกันแท้ๆ "


"ไม่หรอก อย่าคิดมากสิ" ผมบอกแล้วพาจีเดินกลับมานั่ง ทุกคนก็มองมานะ แต่ไม่มีใครถามอะไร


"มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า"


"นิดหน่อยว่ะ"


"กูจะถามหลายครั้งละ เห็นผู้หญิงสองคนในกลุ่มมึงแลจะไม่ลงรอยกันเลยนะ"


"เออดิ" ผมบอกไอ้ลิเคียว แล้วก็เล่าให้มันฟัง บอกตามตรงว่าถ้าจะโทษใครสักคน ผมว่าผมคงโทษไอ้ธันนั่นแหละ มันบอกว่ามันรักจี แต่มันก็แคร์ไอ้สวยยิ่งกว่า ผมรู้นะว่าเพื่อนสำคัญ แต่แฟนคือคนที่มันรักไม่ใช่เหรอ คือคนที่จะใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันตลอดไป มันก็ควรจะสนใจแฟนสักหน่อย ผมไม่ได้อยากให้มันสนใจแฟนมากกว่าเพื่อนมากนัก แต่ก็น่าจะให้ความสำคัญมากกว่านี้


ระหว่างที่นั่งฟังเพลงอยู่ ผมก็รู้สึกอึดอัดนะ ไม่ได้อินไปกับเพลงเลยสักนิด เพราะตั้งแต่กลับมานั่ง จีเอาแต่เงียบแล้วก็ดื่มอย่างเดียวเลย ส่วนไอ้ธันกับไอ้สวยนี่หายเงียบไปเลย


"มีอะไรหรือเปล่า" ผมถามจีเสียงเบา เพราะอยู่ๆ เธอก็เดินมาหยุดตรงหน้าผม


"พากลับทีสิ เราอยากกลับแล้ว" จีบอก ผมเลยหันไปหาไอ้ลิเคียวเพื่อจะเอากุญแจรถ


"กุญแจรถอยู่ที่มึงใช่ป่ะ "ผมยังไม่อยากให้คนอื่นหมดสนุก เพราะพวกมันยังดื่มกันอยู่เลย เดี๋ยวผมไปส่งจีเองก็ได้ เพราะยังไงก็นอนห้องเดียวกันอยู่แล้ว


"ทำไม"


"กูจะไปส่งจีกลับห้อง" ผมบอกออกไป ไอ้ลิเคียวเลยหันไปมองหน้าจีนิดหน่อย


"เดี๋ยวกูไปด้วย"


"ไม่ต้อง มึงก็อยู่นี่แหละ กูไปแป๊บเดียวเอง" ผมบอกแล้วยื่นมือไปขอกุญแจ ไอ้ลิเคียวก็ยื่นมาให้


ผมอยากไปส่งจีเอง เพราะถ้าคนอื่นเห็นเดี๋ยวก็สงสัยแล้วหมดสนุกกันพอดี ผมสาดสายตามองไปรอบๆ ร้าน เผื่อว่าจะเห็นไอ้ธันบ้างตรงจุดไหนสักแห่ง และผมก็เจอมันจริงๆ เห็นมันกำลังกอดไอ้สวยที่ร้องไห้ออกมาหนัก เห็นแววตาความเป็นห่วงของมัน พอเห็นแบบนี้แล้ว ผมล่ะสงสารจีขึ้นมาเลย ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง เห็นว่าเพื่อนสองคนกำลังทำผิด แต่ผมจะเข้าไปเตือนตอนนี้ได้ยังไงล่ะ ในเมื่อแค่นี้ จีก็เสียใจจะแย่แล้ว ผมรู้ว่าบางทีไอ้สวยก็ทำไม่ถูก คอยบอกคอยเตือนมันก็บ่อย แต่พอเป็นเรื่องของความรักมันก็พูดออกมายากจริงๆ ผมห้ามให้ไอ้สวยเลิกพูดจาแย่ๆ ได้ แต่ผมห้ามให้ไอ้สวยเลิกชอบไอ้ธันไม่ได้จริงๆ


หลังจากขับรถมาเพียงไม่นาน ก็ถึงโรงแรมที่พวกเราพัก ผมประคองจีเดินอย่างระวัง เพราะเธอเริ่มเดินไม่ตรงแล้ว


"ไม่ต้องขึ้นไปส่งก็ได้นะ"


"บ้าเหรอ นี่ถ้าปล่อยก็ลงไปนั่งกับพื้นแล้วเนี่ยนะ ยังจะไม่ให้ไปส่งอีก"


"ขอโทษนะ ทำให้นายลำบากตลอดเลย"


"ไม่เป็นไร" ผมบอก เมื่อเดินเข้ามาถึงตัวโรงแรม ผมบอกให้เธอถอดรองเท้าออก ไม่งั้นเราได้ล้มลงไปกองกับพื้นทั้งคู่แน่


"เอามาสิ เดี๋ยวถือให้"


"บ้า นี่มันรองเท้านะ"


"ไม่เป็นไรหรอก" ผมบอกแล้วแย่งรองเท้าของเธอมาถือ กว่าจะส่งเธอถึงห้องได้ก็ทำเอาแย่เหมือนกัน ถึงจีจะไม่ได้อ้วน แต่เธอก็สูงพอควร


ผมจัดท่านอนให้เธอดีๆ เพราะกลัวว่าจะตกลงไปซะก่อน พอคิดดูแล้ว มันคงดีแล้วล่ะที่เธอเมาแล้วหลับไปแบบนี้ ผมนั่งพักหายใจอยู่พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์


"เสียงโทรศัพท์ไอ้ลิเคียวนี่หว่า" ผมบอกกับตัวเองแล้วเดินเข้าห้องตัวเองทันที นี่มันลืมเอาโทรศัพท์ไปนิ จริงๆ ผมไม่ชอบดูโทรศัพท์คนอื่นหรอกนะ แต่ไอ้ลิเคียวคงถือว่าไม่ใช่คนอื่นไกลสำหรับผม งั้นขอดูหน่อยแล้วกัน


...Whiskey...



เบอร์ที่โทรมาโชว์ชื่อที่เมมไว้ 'วิสกี้' ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นน้องสาวของไอ้ลิเคียวนะ ผมไม่รู้ว่าควรจะกดรับดีไหม ถึงเราจะเคยเจอกันครั้งหนึ่ง แต่เราก็ไม่ได้สนิทกันนิ


RRRRRR


หลังจากที่สิ้นสุดสาย ผมก็เห็นว่าเธอโทรมาแล้วเกือบ 20 สาย ถ้าเป็นธุระสำคัญ มันคงจะไม่ผิดใช่ไหมที่ผมจะรับเนี่ย


"ฮัล..."


(พี่ลิเคียว ทำไมยูทำกับไอแบบนี้ กล้าดียังไงทิ้งไอกับไวน์นอนที่ร้านตั้งแต่เมื่อคืน แล้วตัวเองกลับไปนอนที่บ้านกับพี่คิสใช่ไหม)


"คือ..."


(ถ้ายูยังไม่มารับไอที่ร้านเดี๋ยวนี้ ไอจะฟ้องแฟนยูนะ) ผมยังพูดฮัลโหลไม่จบประโยคด้วยซ้ำ น้องสาวไอ้ลิเคียวก็ใส่เอาๆ พอผมจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่ไอ้ลิเคียว ก็ดันพูดไม่ออกซะแล้ว เหมือนคำพูดมันจุกอยู่ที่อก ขนาดจะกลืนน้ำลาย ยังยากสำหรับผมตอนนี้เลย


(นี่! ยูฟังไออยู่หรือเปล่า)


"เอ่อ เดี๋ยวผมจะบอกลิเคียวให้อีกทีนะครับ" ผมบอกออกไปก่อนจะกดวางสาย สมองผมกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ก่อนหน้า ไอ้ลิเคียวมันบอกว่า มันกินข้าวเช้าฝีมือของคิสเพื่อนมัน พอผมถามว่านอนด้วยกันหรือเปล่า มันบอกว่าตัวเองกลับมานอนบ้าน ส่วนคิสนอนที่ร้าน มันนอนคนละที่แล้วจะกินข้าวเช้ากันได้ยังไงวะ


ผมไม่เคยเอะใจเรื่องนี้เลย แค่มันบอกว่านอนคนละที่ ผมก็เชื่อมันแล้ว เพราะผมเป็นแบบนี้ใช่ไหม ไอ้แม็กกับไอ้ไฟถึงได้เป็นห่วง พวกมันคิดว่าผมตามคนอย่างไอ้ลิเคียวไม่ทัน พวกมันคิดว่าคนอย่างไอ้ลิเคียวไว้ใจไม่ได้ พวกมันคิดว่าผมกับไอ้ลิเคียวคงคบกันได้ไม่นาน ผมไม่คิดจะเชื่อพวกมันเลยจนกระทั่งตอนนี้


ผมไปเอาความมั่นใจมาจากไหน มั่นใจว่ามันรักผมมาก มั่นใจว่ามันจะไม่โกหกผม ทั้งๆ ที่ผมกับมัน ไม่น่าจะเป็นไปได้ตั้งแต่แรก ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย ส่วนไอ้ลิเคียว ถึงจะมีคบผู้ชายอยู่บ้าง แต่มันก็ชอบแบบตัวเล็กๆ ขาวๆ น่ารักๆ ซึ่งผมโคตรจะต่างจากสเปกมันเลย


...หรือมันกำลังเล่นตลกกับความรู้สึกของผมอยู่


ผมจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เมื่อชาติก่อน ผมทำบาปกับความรักมากไปเหรอ ทำไมชาตินี้ผมถึงไม่สมหวังกับเรื่องนี้เลย มันแย่นะ ทั้งความรู้สึก จิตใจและร่างกาย ผมดูเหมือนจมปรักอยู่กับความรัก กับคนที่ผมรัก ทั้งๆ ที่ผมแค่อยากมีคนรักที่เขาก็รักผมเหมือนกัน ผมขอมากไปเหรอ ใครๆ ก็อยากมีคนรักที่เชื่อใจได้อยู่ข้างกายไม่ใช่หรือไง แล้วทำไม ทุกคนที่ผมรัก จะต้องหักหลังความเชื่อใจของผมด้วย


RRRRRR


ครั้งนี้เป็นเสียงโทรศัพท์ของผม ไอ้วินเป็นคนโทรเข้ามา ผมหายใจเข้าลึกๆ อยู่ 2-3 ทีก่อนจะกดรับสาย


"เออ ว่าไง"


(พี่กลับมาได้หรือยัง เพื่อนๆ พี่เมากันหมดแล้วนะ)


"เหรอ งั้นเดี๋ยวกูไป" ผมบอกแล้วกดวางสาย


การขับรถในที่ที่ไม่คุ้นเคยในเวลากลางคืนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมเลย พอถึงที่หมายผมก็เดินลงแล้วตรงไปยังที่นั่งแทบจะทันที ทั้งๆ ที่ความรู้สึกของผมมันกำลังแย่อยู่ แต่สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้า มันแย่ยิ่งกว่าซะอีก


นอกจากไอ้ชุนแล้ว ทุกคนเมากันเละเทะ ขนาดไอ้วินยังคอตกเลย ผมไล่มองไปทีละคน แม่งหมดสภาพกันหมดอ่ะ ไม่เว้นแม้แต่คนที่ผมไม่อยากมองที่สุด แต่สายตาผมก็ต้องไปหยุดที่มันอยู่ดี


"โทษทีพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมอมเหล้าแฟนพี่นะ แต่เขาดื่มแพ้ผมเอง"


"มึงทำดีละ" ผมบอกออกไป เพราะผมเองก็ยังไม่อยากจะคุยกับมันตอนนี้เหมือนกัน


ผมว่าตัวเองเป็นคนตรงๆ สุดละนะ อะไรที่สงสัย ผมจะถามไปตรงๆ ผมไม่ชอบอะไรที่มันค้างคา แต่พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ มันทำให้ผมกลัวขึ้นมา เพราะมันโกหกผมไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าผมถามมันอีก ถึงมันจะตอบ ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะยังเชื่อคำตอบนั้นของมันได้อยู่อีกหรือเปล่า


ไอ้ชุนแบกไอ้ลิเคียวเอาไว้ โดยมือข้างหนึ่งก็จับไอ้วินไว้ด้วย ดูท่าแล้ว ไอ้วินมันแค่มึนๆ ก็เท่านั้น มันยังเดินเองได้ไหวอยู่ แต่ก็ต้องมีจูงกันบ้าง ผมหันไปมองอีกฝั่ง ที่มีไอ้ธัน ไอ้สวย และไอ้โซ่ พวกมันนอนกันแบบหมดสภาพสุดๆ


"เอาไอ้สวยไปก่อนละกัน พวกมึงก็ดูแลตัวเองไปนะ" ผมบอกสองหนุ่มที่เมาไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวกลับมารับอีกรอบ รอบนี้ผมแบกไอ้สวยไปก่อน เพราะมันเบาสุด แถมถ้าทิ้งเอามัน ก็น่าจะอันตรายสุดด้วย









"โอ้ย เพื่อนพี่แต่ละคน ทำไมเมาง่ายอย่างนี้วะ" ไอ้ชุนบ่นหลังจากที่เราแบกทุกคนขึ้นมาบนห้องแล้ว ต้องบอกว่าทุลักทุเลกันสุดๆ ไปเลย


ดีที่กุญแจห้องอยู่ที่ผม และของอีกห้องอยู่ที่ไอ้วิน ไม่งั้นคงหากันตาเหลือกแน่ เล่นเมาจนยืนแทบไม่อยู่สักคน


"ก็เล่นดื่มทั้งเหล้า ทั้งเบียร์เลยนิ ยังไงก็ขอบใจมาก" ผมบอก เพราะไอ้ชุนช่วยผมแบกไอ้ลิเคียวมาส่งที่ห้อง


"ไม่เป็นไรพี่ ผมไปก่อนละ" ไอ้ชุนบอกลา ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง มันก็ล็อกประตูให้ผมด้วย


ผมหันไปมองอีกคนที่หลับไม่รู้เรื่องแล้วถอนหายใจออกมา งงกับชีวิตมาก ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ต้องมองหน้าของมัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ผมชอบหน้าหล่อๆ ของมันมากแท้ๆ


ผมเลือกที่จะไปนอนด้านนอก ไม่ใช่ในอีกห้องหนึ่ง แต่เป็นโซฟาห้องนั่งเล่น นอนทั้งๆ ที่ไม่ได้ง่วงอะไร ผมคิดว่าตัวเองเสียใจนะ แต่น้ำตามันไม่ไหลออกมาเลย คำพูดของพวกไอ้แม็กไอ้ไฟเข้ามาอยู่ในหัวผมตลอดเวลา ผมดื้อกับพวกมันไปเยอะ ทั้งเถียง ทั้งไม่ทำตาม ผมคิดว่าทางที่ผมเลือก มันถูกต้องและดีสำหรับผมแล้ว แต่พอมาเจอเรื่องแบบนี้ ผมคิดว่า ผมควรจะทำตามที่พวกมันบอกจริงๆ นั่นแหละ


ผมพยายามแล้ว พยายามที่จะไม่คิด พยายามที่จะข่มตาหลับ แต่มันยากสำหรับผมเหลือเกิน ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกของคนที่บอกเลิกแฟนเป็นยังไง เพราะผมเป็นฝ่ายถูกบอกเลิกมาตลอด และทุกครั้งจะเป็นผมเอง ที่เสียใจมากจนไม่เป็นอันทำอะไร พอมาถึงความรักครั้งต่อไป ผมจึงมักจะถามอีกฝ่ายให้แน่ใจ ว่าเขารักผมมากจริงๆ ใช่ไหม รักมาก...เหมือนกันกับผม ผมจะได้รักเขา แบบไม่ต้องเผื่อใจให้ใคร


06.45 น.


"ฮึก...อะ...อ้วกกก~"


เป็นเวลาเกือบเช้าแล้ว แต่ผมยังนอนไม่หลับเลย ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงถ้าเกิดมันตื่นขึ้นมา ผมอาจจะถามมันไม่ตามตรงเหมือนกันนะ แต่ก็กลัวว่ามันจะหาเรื่องมาโกหกอีก ผมไม่คิดว่าตัวเองจะไว้ใจมันได้แล้ว


"อ้วกกกก~" เสียงอ้วกยังดังคงดังต่อไป ดูเหมือนจะเป็นของไอ้ธัน เพราะประตูเปิดมาจากทางด้านซ้าย ดูเหมือนจะหนังหน่วงอยู่เหมือนกัน


พรึบ


"ใครมานอนอยู่ตรงนี้วะ" ไอ้ธันนั่งลงข้างๆ ผมแล้วถามขึ้น


"กูเอง เอาน้ำไหม"


"เออ ขอบใจ" ผมส่งน้ำให้ไอ้ธัน จริงๆ เอามาตั้งไว้กะจะดื่มเองตอนคอแห้ง แต่ก็ยังไม่ได้เปิดขวดเลยสักนิด ไอ้ธันพอได้น้ำไปก็ยกดื่มไปเกินกว่าครึ่งขวดเลยทีเดียว


"..." เรานั่งเงียบกันอยู่พักใหญ่ ไอ้ธันมันยังคงอึนอยู่ ฟังจากเสียงกลืนน้ำลายแล้ว มันยังคงอยากจะอ้วกอยู่แน่ๆ ส่วนผมที่เงียบ เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไร ถึงถ้าพูดออกไป ก็ไม่รู้ว่ามันจะรู้เรื่องหรือเปล่าด้วย


"ไอ้วา"


"อะไร"


"เมื่อคืน มึงเป็นคนมาส่งจีใช่ไหม"


"ก็ส่งมึงด้วยป่ะ"


"ขอบใจว่ะ"


"..." ไอ้ธันบอกแค่นั้นแล้วเงียบไป ผมไม่ได้อยากเสือกเรื่องมันนะ แต่ผมว่าผมต้องคุยกับมันเรื่องนี้แล้วล่ะ



"ไอ้ธัน กูถามอะไรมึงหน่อยสิ"


"เรื่องข้าวสวยหรือจี" ไอ้ธันตอบกลับมาเลย แสดงว่ามันก็รู้ตัวอยู่บ้างสินะ


"ก็ทั้งสองอ่ะ กูว่ามึงก็รู้ตัวอยู่นะ ถึงได้รู้ว่ากูจะถามอะไร ตกลงมึงรักใครกันแน่ มึงไม่คิดว่ามันคาราคาซังไปเหรอวะ"


"มึงว่ากูเหมือนคนหลายใจไหม"


"มึงยังจะถามอีกเหรอ"


"บอกตามตรง กูเคยชอบไอ้สวยนะ ชอบมาก ชอบจนยอมเป็นหนึ่งในตัวเลือกของมัน กูไปบ้านมันบ่อยกว่ามามหาลัยอีก กูพยายามทำตัวให้หล่อขึ้น เป็นเวลากว่าหนึ่งปีที่กูไม่สนใจใครเลย กูไม่เคยมองหรือเปลี่ยนใจจากมันเลยสักนิด กูต้องตื่นเช้ามาเซ็ตผมให้ดูเท่ตลอด เพราะกูจะได้แลดูเหมาะสมกับมัน แต่มึงเชื่อไหม"


"..."


"กาลเวลาทำให้กูรู้ว่า คนไม่ใช่ให้ทำยังไงเขาก็ไม่รัก ไม่ว่ากูจะทำดีแค่ไหน ดูดีแค่ไหน ไอ้สวยก็ไม่มีวันมองกูหรือเลือกกูอยู่ดี แต่กับจี...ถึงกูเจอกับเขาได้ไม่นาน แต่เขาทำให้กูมีความสุขได้โดยไม่ต้องนึกถึงไอ้สวยเลย"


"ยังไงวะ กูเห็นมึงยังอาลัยอาวรณ์ไอ้สวยอยู่เลย แล้วการที่มึงอยู่กับไอ้สวย มึงไม่มีความสุขหรือไง" ผมถามออกไป ไม่ได้อยากจะให้ไอ้ธันมันเลิกกับจีแล้วมาคบกับไอ้สวยนะ แต่ผมก็อยากรู้ถึงความแตกต่าง ผมบอกตามตรงว่าสงสารจีมากที่ไอ้ธันโลเลแบบนี้


"ก็มีความสุข แต่มันต่างกันว่ะ กับไอ้สวย กูต้องพยายาม ต้องระวัง ต้องคิดก่อนจะพูดจะทำเสมอ เวลาอยู่กับมันนะ กูโคตรมีความสุขเลย แต่กับจี กูมีความสุขโดยไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องระวัง ไม่ต้องแม้แต่ระแวงเลยด้วยซ้ำ"


"ระแวง? มึงระแวงเรื่อง"


"เพราะกูเคยอยู่ในตัวเลือกของมัน กูถึงรับรู้ตลอดว่ามันคบกับใคร ทำอะไร ที่ไหน มันมักเลือกคนอื่นก่อนกูเสมอ แต่กับจี มึงเชื่อไหมว่าจีไม่เคยมองใครอื่นเลย ตั้งแต่คบกับกู จีไม่เคยนอกใจกูเลย ถึงเธอจะดูแรง ดูร้าย แต่ทุกอย่างก็เพราะจีรักกู มันอาจจะยากไปสักหน่อยที่กูจะคุมจีเรื่องนี้ แต่สักวันหนึ่งจีจะเปลี่ยน"


"จะเปลี่ยนได้หรือวะ"


"ได้สิ เพราะกูจะไม่โลเลอีกแล้ว ต้นเหตุที่จีเป็นแบบนี้ สวยมากก็เพราะกูเอง ถ้ากูหนักแน่นจนทำให้จีเชื่อได้ว่ากูก็รักเขา จีก็จะไม่ดูร้ายแบบนี้แล้วล่ะ จีไม่ใช่คนที่ตบไม่เลือกนะโว้ย แต่เพราะผู้หญิงที่มาชอบกูแล้วพูดจาไม่ดีกับเธอก่อนนั่นแหละ ส่วนไอ้สวย เมื่อวานจะเป็นวันสุดท้ายที่กูจะเข้าข้างมัน กูคุยและเคลียร์กับมันเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้กูคงทำให้จี คนที่กูจะรักและใช้ชีวิตด้วยต่อจากนี้ เสียใจเพราะกูมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว" ไอ้ธันพูดออกมา ผมไม่แน่ใจว่ามันจะทำแบบที่พูดได้ไหม แต่ถ้าได้จริงๆ ก็คงดี เพราะคนที่เจ็บเพราะมันจะได้น้อยลง อย่างน้อย...ผมก็รู้แล้วล่ะนะว่าไอ้ธันเลือกใคร แล้วผม...ควรที่จะไปปลอบใคร


"ก็ดีแล้ว จีน่าสงสารจริงๆ นั่นแหละ" ผมบอกพรางตบบ่าไอ้ธันมันด้วย ไอ้สวยกับจี ไม่มีใครเป็นคนไม่ดี เพียงแต่เลือกที่จะปฏิบัติดีกับบางคนก็เท่านั้น


ผมคุยกับไอ้ธันต่ออีกเป็นชั่วโมง พอฟ้าสว่างก็รู้สึกง่วงขึ้นมาเฉยเลย ต่างคนเลยต่างแยกย้ายกันไปนอน จะว่าไปผมก็พึ่งเข้าใจจีจริงๆ นี่แหละ เพราะปกติเห็นบู๊กับไอ้สวยตลอด เลยคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอชอบตบตีกับคนอื่น พอมาคิดดูอีกที ใครจะบ้าอยากมีเรื่องอยู่ตลอดล่ะ ไอ้ธันก็บอกเองว่าเพราะจีหึง ถึงได้แสดงออกไปแบบนั้น ถึงจะดูแรงไปสักหน่อย แต่มันก็แปลว่าเธอรักไอ้ธันมันมากล่ะนะ


ผมล้มตัวนอนลงบนโซฟา ชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะมีใครอยากตื่นไปเล่นน้ำตกกันหรือเปล่า เพราะขนาดผม ยังง่วงมากๆ เลย ไม่รู้ว่าจะตื่นมาอีกทีเมื่อไหร่ ยิ่งต้องตื่นมาเจอไอ้ลิเคียวแล้วด้วย ผมไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง จะนิ่งเฉยเป็นปกติได้หรือเปล่า หรือผมควรจะวีนให้เรื่องมันจบๆ ไปสักทีดีนะ


:t3: :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 20 | 01/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-05-2020 22:12:38
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 21 | 22/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 22-06-2020 15:10:27
ตอนที่ 21



"จะไปกี่โมง"





"ขอสักชั่วโมงได้ไหม ใครหิวลงไปกินก่อนเลย เดี๋ยวกูต้องปลุกไอ้อ้วนก่อน"





"งั้นก็ได้ กูจะได้พาจีไปหาข้าวกินก่อน"





"อืม อ้อเดี๋ยว...มึงรู้ไหม ทำไมไอ้อ้วนมันออกไปนอนข้างนอก"





"กูจะไปรู้เหรอ เมื่อเช้ามืดกูตื่นมาอ้วกก็เห็นมันนอนอยู่ก่อนแล้ว อาจจะออกไปอ้วกแล้วนอนที่โซฟาเลยมั้ง"





"งั้นเหรอ"





เสียงพูดคุยกันทำผมขัดใจมาก คนยิ่งง่วงๆ อยู่ แสงไฟในห้องถูกเปิดขึ้น ถึงแม้ผมจะหลับตาอยู่แต่ก็รับรู้ได้ ผมเลยพลิกตัวหนีแล้วใช้ผ้าห่มปิดหน้าเพื่อจะนอนต่อ แต่ดูเหมือนใครอีกคนจะไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น เพราะนอกจากเสียงปลุกของมันแล้ว ยังมีตัวหนักๆ ของมันพาดอยู่บนตัวผมด้วย





"อ้วนนน~ ตื่นได้แล้ววว~"





"..."





"ฮึบ! อยากไปเล่นน้ำไม่ใช่หรือไง ตื่นเร็วเลย" ไม่พูดอย่างเดียว ไอ้ลิเคียวยังดึงผ้าห่มอีกด้วย ทั้งผมและมัน เลยยื้อยุดฉุดกระชากไปมา จนสุดท้ายผมก็ต้องยอมแพ้แรงของมันไป





"มึงจะอะไรนักหนา"





"เอ้า ทำไมพูดอย่างนี้วะ อย่าพึ่งหงุดหงิดแต่เช้าดิ เรื่องที่มึงออกไปนอนนอกห้องยังไม่เคลียร์เลยนะอ้วน" ไอ้ลิเคียวยืนพูด ส่วนผมก็บิดขี้เกียจ ไม่อยากจะฟังมันพูดสักเท่าไหร่ เลยทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินหนีเข้าห้องน้ำ





ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไงดี จะไม่คุยกับมันตอนนี้ เดี๋ยวก็หมดสนุกอีก แต่ถ้าจะคุยกับมันแบบปกติ ผมก็ทำใจไม่ได้อ่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดตัวเองฉิบหาย ทำไมผมถึงโง่แบบนี้วะ





"อ้วน มึงเข้าไปนอนต่อหรือไง ทำไมช้าจังวะ"





"เออ" ผมตอบกลับไปแค่นั้น ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำออกไป ไอ้ลิเคียวมันก็หันมามองนะ เพราะผมพันแค่ผ้าเช็ดตัวออกมา





"อ่อยกูหรือเปล่าเนี่ย" ไอลิเคียวพูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้





"ตัวหอมจังวะ"





"อย่าคลอเคลียน่า" ผมบอกแล้วปัดมือมันออก ไอ้ลิเคียวก็ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจที่ผมพูดมากนัก เพราะมันยังจับนู่นจับนี่บนตัวของผมอยู่





ยิ่งมันโดนตัวของผม ผมก็ยิ่งรู้สึกแย่ คำว่าขยะแขยงในตอนนี้ ไม่ได้เกินไปเลยถ้าผมจะใช้พูดออกมา ความคิดในหัวของผมที่มันย้อนแย้งกันอยู่ตลอดเวลา ถ้าจะให้พูดจริงๆ ผมก็รักมันมากในระดับที่จะรักแฟนสักคนได้ พยายามหาข้อกังขาอยู่ในหัว แต่คนเราก็มักจะมีความคิดที่ชั่วร้ายคอยขัดขว้างอยู่





ผมพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าพวกมันไม่ได้นอนด้วยกันหรอก พวกมันคงจะนอนแยกกัน เผลอๆ ก็นอนคนละห้องด้วยซ้ำ คิสก็เป็นเพียงแค่แฟนเก่า ที่กลายมาเป็นเพื่อนของมันแล้วก็เท่านั้นเอง





แต่อีกใจของผม มันก็กลัวเหลือเกิน กลัวความคิดด้านร้ายๆ ของตัวเองจะเป็นจริง จะมีแฟนเก่าที่ไหน ที่ตื่นเช้ามาทำอาหารรอไว้ให้กับอีกคน ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ก็แค่เพื่อน ที่สำคัญ ไอ้ลิเคียวก็โกหกผมซะด้วย ถ้าไม่มีอะไร ก็ควรจะพูดความจริงสิ

"ลิเคียว"





"หืม ว่าไง"





"มึงมีอะไรอยากบอกกูหรือเปล่า" ผมถาม ทั้งๆ ที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่ไอ้ลิเคียวก็ยังพันแข้งพันขาผมอย่างกับมือมันเป็นหนวดปลาหมึกไปได้





"อ้วน มีอะไรสงสัยก็ถามมาเลยสิ มึงจะอ้อมค้อมเพื่อ? " จะไม่ให้อ้อมค้อมได้ยังไง ในเมื่อผมถามมันไปในตอนแรกแล้ว มันนั่นแหละ ที่เป็นคนไม่พูดความจริง





"ช่างเถอะ กูว่าเราออกไปเถอะ เพื่อนๆ รออยู่" ผมบอกปัดๆ ตอนจะเดินออกจากห้อง ไอ้ลิเคียวก็คว้ามือของผมไว้ ทำให้ตัวของผม ต้องหันหน้าไปเผชิญกับมัน เราทั้งสองต่างจองหน้ากันและกัน ในเมื่อคนผิดยังไม่เห็นจะกลัวเลย ผมจึงไม่จำเป็นต้องหลบหน้ามันเหมือนกัน





"กูรักมึง"





ตึก ตึก ตึก





เพียงเพราะคำพูดของมัน เพียงแค่คำบอกรักสั้นๆ มันก็ทำให้ใจของผมเต้นแรงแล้ว





"อืม" ผมตอบรับมันได้เท่านี้ก่อนจะเดินหนีออกมาจากห้องก่อน





ดูเหมือนทุกคนจะเตรียมตัวกันเสร็จแล้ว เราเลยไปขึ้นรถเพื่อเดินทางกันเลย ระหว่างทางก็แวะหาซื้อของกินไปด้วย





"อยากกินอะไรวะอ้วน"





"อะไรก็ได้"





"ลงไปดูด้วยกันสิ"





"มึงลงไปเถอะ กูอยากนั่งรอบนรถ"





"ก็ลงไปด้วยกันดิวะ มึงจะได้เลือกของที่อยากกินด้วย" ไม่พูดเปล่า มันยังใช้แรงดึงแขนของผมอีกด้วย ทำตัวของผมแทบจะลุกเดินตามมันไปอยู่แล้ว





พรึ่บ





"มึงก็เดินไปเองสิวะ! " ผมสะบัดแขนแล้วตะโกนใส่มันเสียงดัง ทำเอาเพื่อนๆ ที่ลงไปก่อนหน้านี้หันมามองเป็นตาเดียวกัน





ปัง





"มึงเป็นอะไร" ไอ้ลิเคียวปิดประตูรถเสียงดังก่อนจะถามผม





"เปล่า"





"เปล่า? แล้วที่มึงกำลังทำตัวงี่เง่าอยู่แบบนี้มันคืออะไร"





"เออ กูมันงี่เง่า"





"ไอ้วา พูดให้มันรู้เรื่องสิวะ"





"แล้วกูพูดไม่รู้เรื่องตกไหน ฮึก กูก็บอกแล้วไงว่าไม่ลงไป ฮะ...ฮึก มึงนั่นแหละที่เอาแต่จะลากกู" ผมบอกกลับไปเสียงดัง ทำไมต้องน้ำตาไหลลงมาด้วยวะ





หมั่บ





"เออๆ ไม่ต้องร้อง กูผิดเอง"





"เออ มึงนั่นแหละผิด มึงคนเดียวเลย ฮื่อออ~"





ในที่สุด ผมก็ร้องไห้ออกมา โดยมีไอ้ลิเคียวนี่แหละที่นั่งปลอบอยู่ข้างๆ ผมที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นก็นั่งทุบมันไปด้วย จริงๆ อยากทำมากกว่านี้อีก อยากต่อยหน้ามันให้แหกเลยด้วยซ้ำ





"หยุดร้องได้แล้ว ไม่ลงก็ไม่ลง เดี๋ยวกูลงไปซื้อเอง" ไอ้ลิเคียวว่าแบบนั้น ผมเลยเอนเบาะรถลงนอน คนอื่นๆ ก็คงจะกำลังซื้อของกันอยู่ ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ถ้าทำเลอะกับไอ้ลิเคียว คนอื่นๆ ก็คงหมดสนุกได้ด้วย





"ทะเลาะกันเหรอ"





"ไอ้วินเป็นคนแรกที่กลับมานั่งที่รถ"





"กูว่า...กูจะเลิกกับมันว่ะ"





"ทำไม"





"มันปิดบังกู"





"เรื่องสำคัญ? "





"กูคิดว่าสำคัญ"





"เลิกก็ดีแล้ว มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง"





"อืม"





เราจบสนทนากันแค่นี้ เพราะคนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับมากันแล้วรวมทั้งไอ้ลิเคียวก็ด้วย ผมรู้ว่าผมกำลังทำนิสัยที่น่ารำคาญโดยการแกล้งหลับและไม่พูดเรื่องที่ตัวเองสงสัย ผมไม่ใช่คนแบบนี้ ทำให้ผมรำคาญตัวเองเช่นกัน





"อ้วน ตื่นได้แล้ว"





"อืม" พอไอ้ลิเคียวเรียก ผมก็ลืมตาขึ้นมาเลย เรามาถึงน้ำตกกันแล้ว





ทุกคนช่วยกันขนของลงจากรถ ส่วนมากก็คงเป็นอาหารที่ซื้อกันมา เพราะดูจะเยอะเป็นพิเศษ ตัวผมที่ไม่ได้ลงไปซื้ออะไรในตอนแรกก็ช่วยถือพวกกระติกน้ำแข็ง และเสื่อเพื่อเอาไปลองนั่ง





"นั่งตรงนี่ไหม" จีออกความเห็น





"เอาสิ งั้นปูเสื่อตรงนี้เลยนะ" ผมบอกแล้ววางกระติกไว้ ก่อนจะปูเสื่อพวกให้ทุกคนเอาของมาวาง





จีกับไอ้ธันวิ่งไปเช่าห่วงยางก่อนเป็นอันดับแรก ไอ้สวยที่ตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่ค่อยยิ้มสักเท่าไหร่ก็มัวแต่เล่นโทรศัพท์ ไอ้โซ่ที่เอาไอ้รถถังมาด้วยก็มัวแต่กันไม่ให้ไอ้วินเข้าใกล้ แต่ดูเหมือนไอ้เด็กชุนจะมีฝีมือในการแย่งไอ้รถถังมาให้ไอ้วินตลอด





"เพื่อนมึงนี่วุ่นวายดีเนอะ"





"อืม"





"หิวหรือยัง อยากกินอะไรก่อนหรือเปล่า"





"ไม่"





"อยากลงไปเล่นน้ำไหม"





"ยังก่อน"





"ลาวา" เสียงไอ้ลิเคียวเรียกชื่อของผม เป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลชวนให้ผมต้องหันไปตามเสียงที่เรียก





"..."





"มึงเป็นอะไรหรือเปล่า"





"ก็ไม่"





"แต่วันนี้มึงหงุดหงิดใสกูทั้งวันเลยนะ"





"ก็ไม่มีอะไรนิ"





"เหรอ...ไม่มีก็ไม่มีเนอะ" ไอ้ลิเคียวพูดเสียงนุ่มก่อนจะใช้นิ้วของมันเกลี่ยหน้าม้าที่ลงมาปิดตาของผมออกให้





"กูอยากไปเล่นน้ำแล้ว"





"เอาสิ มึงลงไปก่อน เดี๋ยวกูตามลงไปทีหลัง" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วหยิบกระเป๋าเงิน โทรศัพท์และขอต่างๆ ไปฝากไว้ที่ไอ้สวย





ผมที่เดินนำมาก่อนก็ไปเล่นน้ำกับจีที่มีห่วงยางคอยพยุงตัวของเธออยู่ ดูเหมือนน้ำที่นี่จะใสและลึกมาทีเดียว ผมที่พอว่ายน้ำได้แต่ไม่แข็งก็เริ่มรู้สึกเกร็งๆ เหมือนกันแฮะ ยิ่งเวลาที่ขาจุ่มลงไปในน้ำด้วยแล้ว เย็นจนขนลุกเกียวเลยล่ะ





"เธอว่ายน้ำแข็งก็ปล่อยสิ ให้ลาวาจับแทน"





"แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าไอ้วามันว่ายน้ำไม่แข็ง"





"รู้แล้วกัน ลาวามานี่สิ" จีว่าแล้วตีไปที่ห่วงยางของเธอ





ผมรีบว่ายไปหาทั้งคู่ที่ลอยห่างออกไป ทั้งๆ ที่ดูเหมือนจะไม่ไกล แต่ก็ทำให้ผมเหนื่อยหอบมากพอดูเหมือนกัน กว่าจะถึงที่หมายก็เล่นเอาปวดแขนเลยทีเดียว





"มึงต้องออกกำลังกายบ้างนะ"





"เออน่า"





"ดูดิ ว่ายมาแค่นี้ หน้าดำหน้าแดงไปหมดละ" ไอ้ธันมาแล้วยกมือขึ้นมาลูบหน้าของผม ทำเอาผมมองตาขวางเลย





"ลาวานี่น่ารักเนอะ"





"หืม ตรงไหน"





"ก็ตาโตๆ แก้มป่องๆ ไง แถมผิวก็ขาวอีกต่างหาก"





"เราอยากดูหล่อมากกว่าอีกนะ"





"เหมือนไฟอะเหรอ"





"ไม่ เราไม่อยากปากหมา"





"ฮ่าๆ ๆ นั่นสินะ" จีพูดพร้อมกับหัวเราะชอบใจ ไอ้ธันที่อยู่ห่างออกไปรีบว่ายน้ำเข้ามาหาแล้วพาเราไปที่ลึกกว่าเดิม





เท่าที่ดูแล้ว ผมจะเข้ากับจีได้มากกว่าที่คิด จริงๆ เธอก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่เรื่องมาก ไม่ค่อยพูดหยาบ แค่ห่วงสวยตามภาษาผู้หญิงทั่วไป ส่วนเรื่องเสียงดัง ผมว่าก็เป็นกันทุกคนนั่นแหละ ส่วนเรื่องศัลยกรรม ผมว่าผู้หญิงเกินกว่าครึ่งโลกก็อยากทำทั้งนั้นแหละ ถ้าทำแล้วสวยขึ้น ทำโดยที่ไม่ได้ใช้เงินคนอื่น ผมว่ามันก็โอเคนะ ถึงผมจะไม่ได้ต้องการทำอะไร แต่ถ้าคนรู้จักทำแล้วสวยขึ้น ชีวิตเขาดีขึ้น ผมก็คงไม่ไปติเขาหรอก ชีวิตเขา ความสบายใจของเขา เราไม่ควรเอาตัวเองไปเป็นที่ตั้งในชีวิตคนอื่นอยู่แล้วนิ





"ไอ้ธันๆ "





"อะไร"





"มึงพามาลึกไปหรือเปล่า ขากูเหยียบไม่ถึงแล้วเนี่ย"





"ก็มึงเตี้ย"





"เออยอมรับ แต่พาเข้าฝั่งหน่อยดิวะ"





"มึงกลัวก็ว่ายน้ำกลับไปสิ"





"เธอ อย่าไปแกล้งลาวาสิ ดูเหมือนจะกลัวจริงๆ แล้วนะ"





"ก็ล้อเล่นนิเดียวป่ะ" ไอ้ธันว่าแล้วลากพวกผมวนไปวนมา กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็มีคนโผล่เข้ามากอดผมจากด้านหลังเสียแล้ว





"ทำอะไร"





"กลัวจมอ่ะ ขอเกาะหน่อย"





"จมห่าอะไร แค่หน้าอกมึงเองนะ"





"ก็นั่นแหละ เดี๋ยวเพื่อนมึงก็ลากมึงไปที่ลึกๆ "





"ไม่อยากไปมึงก็ปล่อยกูสิ"





"ไม่อ่ะ กูว่ามึงปล่อยห่วงยางแล้วมาเกาะกูดีกว่า" ไม่พูดเปล่า แกะมือของผมที่เกาะห่วงยางอยู่ออกด้วย ทำเอาผมตะเกียกตะกายจนสุดท้าย ต้องหันไปเกาะคอของอีกคน ไม่ใช่ว่าผมยืนไม่ได้นะ เพราะน้ำสูงแค่หน้าอกไอ้ลิเคียว ก็เท่ากับน้ำสูงประมาณปากของผม ซึ่งมันปริ่มๆ อยู่ตรงจมูก ถ้าจะให้หายใจสะดวกๆ ก็ต้องเขย่งนั่นแหละ ซึ่งมันก็ดูลำบากเกินไป ไหนจะหินลื่นๆ ที่เหยียบอยู่อีก เกาะไอ้ลิเคียวไว้นี่แหละ ง่ายสุดแล้ว





"กูจะไปที่ลึกๆ นะ"





"มึงจะแกล้งกูเหรอ" ผมถามแล้วตะเกียกตะกายไปที่ด้านหลังของมัน เพื่อจะได้ขี่หลัง แทนที่จะกอดจากด้านหน้าที่ดูเหมือนลูกลิงแทน





"มึงจะได้เกาะกูเอาไว้ตลอดไง มึงจะได้รู้ว่ากูเป็นที่พึ่งของมึงได้" ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ผมคงจะดีใจกับคำพูดของมันมาก ผมคงจะเขินอาย หน้าแดง และใจเต้นแรก แต่เมื่อเทียบกับความรู้สึกตอนนี้แล้ว เปล่าเลย ถึงใจของผมจะเต้นแรงกว่าจังหวะปกติ แต่ผมไม่ได้เขินอาย ไม่ได้ดีใจ ไม่มีแม้แต่ความสุขที่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ





ในสมองของผม จดจำเพียงแต่ คนโกหก คนปิดบัง คนหลอกลวง คนนิสัยไม่ดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจับได้ แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ บางวันที่มันหายไป บางครั้งที่ผมไม่สามารถติดต่อมันได้ ผมยังจะเชื่อใจมันได้อีกเหรอ





"อ้วน"





"..."





"อ้วน! "





"หะ" ผมร้องเสียงหลง ตกใจที่มันเรียกผมซะเสียงดัง





"กูเรียกมึงต้องนาน ที่เงียบนี่หลับหรือไง"





"เปล่า" ผมบอกแล้วใช้เท้าเกี่ยวที่เอวของอีกคน ส่วนมือของผมก็ทำท่าแหวกว่ายไปเลย ในเมื่อมือของไอ้ลิเคียวมันก็จับให้ผมรั้งเข้าหาตัวอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าจะหลุดออกจากตัวของมันเลย





ไอ้ลิเคียวพาผมเดินวนไปรอบๆ ผมก็เกาะอยู่บนหลังของมันแบบนั้นแหละ บางครั้งก็ลากไปหาเพื่อน บางครั้งก็พาแยกตัวออกมา จนไอ้โซ่ลงมาเล่นน้ำนั่นแหละ ไม่รู้ว่ามันหายไปไหนมา เพราะมันลงน้ำมาเป็นคนสุดท้าย แถมยังมีลูกบอลสีๆ มาด้วย พวกเราเลยตัดสินใจเล่นลิงชิงบอลกัน





"หิวแล้วอ่ะ"





"งั้นขึ้นเลยไหม"





"กูก็อยากขึ้นแล้ว"





"ดีแล้ว มึงเล่นจนตัวเปื่อยหมดแล้ว" พอลงความเห็นกันว่าให้ขึ้นมานั่งพักและทานอาหารก่อน ทุกคนก็ทยอยกันขึ้นมาจากน้ำ และรวมตัวกันที่ขอบเสื่อ





"มึงเล่นเก่งนี่หา"





"ผมไม่ได้เล่นเก่งหรอก แต่พวกพี่ออกตัวช้ากันเอง"





"ชุนนี่ออกกำลังกายบ่อยใช่ไหม"





"ครับ ผมออกกำลังกายทุกวันนั่นแหละ"





"ถึงว่า....กล้ามเป็นมัดๆ เลย" จีว่าแล้วหัวเราะคิกคัก ไอ้ธันที่ได้ยินอย่างนั้นเลยลงโทษจีด้วยการดีดหน้าผาเบาๆ ไปหนึ่งที แต่จะว่าไป ไอ้เด็กชุนมันก็หุ่นดีจริงๆ นั่นแหละ ถึงจะใสเสื้อยืดธรรมดา แต่พอโดนน้ำจนเสื้อแนบเนื้อ ก็สามารถเห็นได้ชัดเลย กล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนๆ ถึงลายสักของมันจะไม่เหมาะกับที่ผมเรียกมันว่าเด็กชุนสักเท่าไหร่ แต่หน้าตามันละอ่อนครับ หน้าตาออกแนวจีนๆ แต่ตาโตกว่านิดหน่อย แถมหน้างี้ใสปิ้งเลย แต่ก็เป็นเด็กโข่งที่ตัวโตมากๆ ดูเหมือนจะสูงกว่าไอ้ลิเคียวซะอีก





เรานั่งกินกันอยู่นาน ดูเหมือนจะมีเพียงผมกับไอ้สวยเท่านั้น ที่ไม่ค่อยร่าเริงสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหรือปัญหา เพราะทุกคนยังหัวเราะและมีความสุขกับการมาเที่ยวครั้งนี้





RRRRRR





"ครับ...เมื่อไหร่...แล้วคุณหมอรัตน์ล่ะ...แล้วเธอไม่รู้เลยหรือไงว่ามีเคสผ่าตัด...ยังไม่มีก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเคสด่วน พวกคุณทำงานกันยังไง อยากให้คนไข้ตายหรือไงหะ...ผมจะรีบกลับไป ยังไงช่วยเตรียมกันให้พร้อมด้วย" ติ๊ด ไอ้วินกดว่างสายไปก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือก





"กูว่ากูคงต้องกลับก่อนว่ะ". ดีนะที่พวกเราเล่นน้ำกันไปแล้ว อาบน้ำแต่งตัวให้กันแล้วด้วย จะเหลือก็แต่พวกผู้หญิงนั่นแหละ ที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จกัน





"ได้ยินล่ะ มึงขับกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวพวกกูเก็บเสื้อผ้าให้" ไอ้ธันเสนอ





"งั้นกูกลับรถไอ้วินเลยละกัน จะได้นั่งสะดวกๆ "





"ได้ เสื้อผ้าเดี๋ยวกูส่งไปให้ละกัน"





"เออ ขอบใจ" ผมบอกแล้วส่งกุญแจให้ไปให้ไอ้ธัน ก่อนจะเดินนำไปขึ้นรถก่อนใครเพื่อน ไอ้ลิเคียวที่ได้ยินอย่างนั้นก็เดินตามผมมาติดๆ ทั้งของทั้งอาหารก็ไม่ได้เก็บกันหรอก ปล่อยให้พวกที่เหลือจัดการ เป็นไอ้วินก็รีบพอสมควร





"ผมขับเอง"





"อืม" โล่งอกไปทีที่ไอ้เด็กชุนเป็นคนขับ เพราะหลังจากที่เคยนั่งรถโดยมีไอ้วินขับไปครั้งหนึ่งแล้ว ผมก็ไม่ต้องการให้มีเป็นครั้งที่สองอีก ผมยังไม่พร้อมที่จะตายหรือพิการตอนนี้หรอกนะ





"คาดเข็มขัดด้วยนะครับ" ไอ้เด็กชุนบอก ผมที่ไม่ได้ทำตามในตอนแรก ไอ้ลิเคียวเลยจัดการแทนให้ มันเอื้อมตัวมาดึงสายคาดจากที่ด้านข้างของผม เพื่อจะได้นำไปล็อก

ผมที่ไม่อยากหงุดหงิดใส่มันอีกเลยทำได้แต่นั่งเฉยๆ แทน





ตลอดทางมีเพียงเสียงโทรศัพท์ของไอ้วินที่ดัง มันก็รับสายจากพยาบาลแล้วถามอาการของคนไข้ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ เพราะมันพูดภาษาทางการแพทย์ จะมีก็ไอ้เด็กชุนนี่แหละ ที่ดูเหมือนจะเข้าใจ คอยแย้ง คอยถามอยู่ตลอด





"พี่จะผ่าตัดให้เขาไหม"





"กูต้องไปดูอาการของเขาก่อน"





"ให้ผมเป็นผู้ช่วยได้ไหม"





"ไม่ได้"





"แต่ผมช่วยพี่ได้นะ"





"กฎ ยังไงก็ต้องเป็นกฎ มึงจะเก่งแค่ไหน แต่ก็เป็นเพียงนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่1 จะมาเข้าผ่าตัดจริงไม่ได้"





"ครับ" เป็นคนที่รับฟังดีจังเลยนะ





ผมมองทั้งคู่อย่างเพลินๆ ถึงไอ้วินจะไม่อนุญาตให้ไอ้เด็กชุนเข้าห้องผ่าตัด แต่ก็รับฟังคำแนะนำจากอีกฝ่ายอย่างดี ปกติแล้ว คนเก่งๆ อย่างไอ้วิน ไม่จำเป็นต้องมาฟังคำพูดของนักศึกษาปี1 อย่างนี้ก็ได้นะ ถึงอีกคนจะขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนก็เถอะ แต่ดูเหมือนไอ้เด็กชุนนี่คงจะเก่งเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เห็นพูดว่า เคยผ่าตัดจริงๆ มาแล้วด้วย





"ชุน เร่งหน่อย"





"ครับ"





"เหี้ย / เหี้ย" เสียงอุทานของผมและไอ้ลิเคียวดังขึ้น ขนาดไอ้วินที่เป็นคนบอกให้เร่งเครื่อง ผมยังเห็นมันแอบหายใจเข้าลึกๆ ด้วยเลย คงจะตกใจไม่ต่างกัน ไม่คิดว่ามันจะขับเร็วขนาดนี้ เร็วเท่าๆ กับไอ้วินตอนนั้นเลย เพียงแต่แลดูน่ากลัวน้อยกว่าก็เท่านั้น





ผมนั่งเกร็งมาตลอดทาง เข้าใจว่าไอ้วินมันรีบแค่ไหน แต่ไม่เข้าใจว่าไอ้เด็กชุนมันสามารถขับเร็วได้แค่ไหนเนี่ยสิ เพราะมันเล่นขับอย่างกับนักแข่ง เข้าใจว่ารีบนะ แต่ขับปาดซ้ายปาดขวาแบบนี้ เหมือนกับหนีตายซะมากกว่าอีก





"เดี๋ยวผมกลับมารับ"





"อืม"





กว่าจะถึงโรงพยาบาลก็ทำเอาผมเกือบเยี้ยวเล็ด ขานี่สั่นจนรู้สึกได้ จริงๆ ก็รู้สึกพะอืดพะอมด้วยนะ เหมือนกับไส้ไหลไปรวมกันตรงก้นยังไงไม่รู้ ส่วนเรื่องของไอ้วิน ผมรู้นะ ว่ามันมีคลินิกเป็นของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่มันทำงานในโรงพยาบาลด้วย เพราะเมื่อก่อนมีหลายโรงพยาบาลเชิญให้มันไปเป็นหมอประจำตั้งเยอะแยะ แต่ไม่เห็นมันจะสนสักนิด





"ให้ผมไปส่งใครก่อน"





"ส่งมึงละกัน" ผมบอกแล้วลงไปนั่งด้านหน้า ไอ้ลิเคียวที่เหมือนจะขัดในตอนแรกก็ต้องเงียบปากไป เพราะผมไม่สนใจจะฟังมันจริงๆ แล้ว ตลอดทางไอ้ลิเคียวก็เป็นคนบอกทางไอ้เด็กชุน จะมีก็ผมนี่แหละ ที่นั่งเงียบกริบอยู่คนเดียว





"ถึงแล้ว จอดตรงนี้แหละ"





"ครับ" ไอ้เด็กชุนตอบรับแล้วเลี้ยวรถไปจอดตรงหน้าบ้านของไอ้ลิเคียว ด้วยความที่กลับมาตัวเปล่า เลยสามารถลงไปได้เลย





"รอกูแป๊บนะ" ผมหันไปบอกไอ้เด็กชุน ก่อนจะเดินลงจากลงตามไอ้ลิเคียวไป





"ลิเคียว"





"หืม ว่าไง"





"กูตัดสินใจแล้ว"





"ว่า? "





"เราเลิกกันเถอะ"





"...พูดเล่นเหรอ ตลกไหมเนี่ยอ้วน กูต้องขำกับมุกมึงไหน"





"ไม่ กูพูดจริง" ผมพูดเสียงเบาลง ทั้งๆ ที่รวบรวมความกล้ามาตลอดทาง แต่ดูเหมือนผมจะไม่เข้มแข็งเอาซะเลย





"ทำหน้าจะร้องไห้แบบนั้นหมายความว่ายังไง กูนี่สิควรจะร้องไห้ ไม่ใช่มึง"





"..."





"แม่ง มีอะไรก็พูดมาดิวะ กูผิดตรงไหน กูทำอะไรไม่ดี มึงเล่นเป็นแบบนี้ แล้วก็จะไปรู้กับมึงไหม"





3...2...1...





ปัง เสียงถังขยะกระเด็น ทุกสิ่งทุกอย่างในนั้นกระจัดกระจายเต็มพื้น





"โธ่โว้ย มึงตลกมากไหมไอ้เหี้ยวาที่ปั่นหัวกูได้ขนาดนี้เนี่ย เป็นเหี้ยอะไรทำไมไม่พูดวะ วันนี้ทั้งวันกูก็เป็นห่วงมึงจะตาย กูเอาใจมึงตลอด แล้วดูที่มึงพูดกับกูสิ อยากเลิกเหรอ มึงอยากให้กูเป็นบ้าขึ้นมาจริงๆ หรือไง! " เสียงเกรี้ยวกราดของไอ้ลิเคียวดังไม่หยุด มันใช้มือลูบหน้าตัวเองแรงๆ





เสียใจเหรอ





หงุดหงิดใช่ไหมล่ะ





แต่ผมอยากจะให้มันรับรู้...ว่าตัวผมเอง ทั้งเสียใจ ทั้งหงุดหงิดยิ่งกว่ามันอีก

หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 21 | 22/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-06-2020 19:59:40
 :pig4:0.
 :3123:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 22 | 23/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 23-06-2020 11:53:45
ตอนที่ 22


"มึงต่างหาก มีอะไรปิดบังกูหรือเปล่า"





"ปิดบังห่าอะไรอีกล่ะ มึงพูดออกมาตรงๆ เลยดีกว่า"





"กูต้องพูดอะไรล่ะ ขนาดมึงยังไม่พูดกับกูตรงๆ เลย"





"แล้วมึงจะอ้อมทำเหี้ยอะไรวะไอ้วา กูกำลังจะบ้าเพราะมึงเนี่ย เป็นห่าอะไรทำไมไม่พูด"





"เพราะมึงไม่พูดกับกูแบบตรงๆ ก่อนนะสิ ทำไมกูต้องเป็นคนบอกมึงก่อนด้วย"





"แล้วกูไม่พูดอะไรกับมึงตรงๆ "





"ทำไม มันมีหลายเรื่องที่มึงปิดบังกูหรือไง มึงถึงไม่กล้าพูดความจริงออกมาน่ะ"





"อ้วน มึงหาเรื่องกูจริงๆ ใช่ไหม" ไอ้ลิเคียวกดเสียงต่ำ แถมยังบีบที่แขนผมแรงๆ ด้วย





"โอ้ว ใจเย็นๆ กันสิพี่" ไอ้เด็กชุนที่ลงมาจากรถรีบเข้ามาห้าม





"กูใจเย็นมาทั้งวันแล้ว แต่มึงดูมันสิ หาเรื่องแต่กูนี่แหละ เป็นเหี้ยไรก็ไม่ยอมพูดออกมา"





"ทำไม! มึงจำไม่ได้เหรอ ว่าก่อนที่มึงจะมารับกูไปเที่ยว มึงไปนอนกับใครมา"





"นอนกับใคร? "





"เพื่อนมึงไง เมียเก่ามึงน่ะ" ผมตะโกนใส่หน้าของไอ้ลิเคียวเสียงดัง ดูเหมือนมันจะตกใจไม่ใช่น้อย แรงที่บีบแขนผมในตอนแรก อ่อนลงจนเห็นได้ชัด





"กูไม่ได้อยากรับรู้หรอกนะ แต่กูก็รู้ไปแล้ว ถ้ามึงอยากจะปิดบังกู มึงก็ทำได้ แต่ช่วยทำให้กูไม่รู้ได้ไหมล่ะ" ผมบอกออกไป ไอ้ลิเคียวต้องทำให้เนียนแล้วดีกว่านี้สิ มารู้ทีหลังแบบนี้...มันเจ็บนะโว้ย มันเหมือนผมเป็นไอ้โง่คนหนึ่งที่มันจะบอก จะพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ตัวผมแม่งโคตรโง่เลย





"มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะอ้วน"





"มึงรู้เหรอ ว่ากูคิดอะไร"





"เพราะกูรู้น่ะสิ กูถึงบอกว่าไม่ใช่อย่างที่มึงคิดไง"





"พอเถอะ มึงจะแก้ตัวอะไร มันก็ฟังไม่ขึ้นสำหรับกูแล้ว"





"แก้ตัวอะไร สิ่งที่กูจะบอก มันก็ความจริงทั้งนั้นแหละ"





"เหรอ...มึงกล้าพูดได้ไง ว่ามึงจะพูดความจริง"





"ก็กูกำลังจะบอกความจริงมึงยังไงล่ะ"





"มึงคิดว่า คนโง่ๆ อย่างกู ควรจะเชื่อคำพูดหลอกลวงของคนขี้โกหก คนกะล่อนปลิ้นปล้อนอย่างมึงอีกใช่ไหม"





"นี่ไง ถ้ากูพูดความจริงออกไปในตอนนั้น มึงก็คงไม่เชื่อกูหรอก"





"มึงถึงเลือกที่จะโกหกน่ะเหรอ"





"...กูขอโทษ"





"เก็บคำขอโทษของมึงไปเถอะ มันสายไปแล้ว" ผมบอกออกไป วันนี้ทั้งวัน ผมคิดตลอดเวลา แล้วผลสรุปก็คือ ผมคงให้อภัยมันไม่ได้ ผมคงจะอยู่กับคนที่โกหกผมไม่ได้ ผมไม่อยากระแวงไปตลอดชีวิต ถึงตอนนี้ผมจะเสียใจมาก แต่มันก็คงเหมือนกับทุกครั้ง พอเวลาผ่านไป เดี๋ยวความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ นี้ก็หายไป แล้วอีกหน่อย ผมก็คงเจอคนใหม่ ใครสักคนที่อาจจะดีจนผมคาดไม่ถึงเลยก็ได้





"ไม่ๆ ไม่นะอ้วน กูรักมึง" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วโผล่เข้ามากอดผมแน่น





"มึงเก็บความรักของมึงไว้...ฮึก! ...แล้วไปให้คนอื่นเถอะ คนที่มึงจะรัก จะดูแล ฮะ...ฮึก! ที่มึงจะไม่โกหกเขาน่ะ" ผมบอกแล้วสะบัดตัวเอง แต่ทำยังไงก็ไม่หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย





"ชุน ช่วยกูที" ผมบอกแล้วไอ้เด็กชุนก็เข้ามาช่วยแกะไอ้ลิเคียวออก ดูเหมือนอีกคนจะเสียใจร้องไห้ออกมาเช่นกัน ก็ดีที่มันยังร้องไห้ อย่างน้อยก็คงมีแค่มันคนเดียวนี่แหละ ที่เลิกกับผมแล้วรู้สึกเสียใจ





พอผมขยับถอยห่าง ดูเหมือนอีกคนก็จะขยับเข้ามาหา สายตาที่อ้อนวอนของมัน ทำเอาผมเกือบใจอ่อน ผมตัดสินใจเดินกลับมาที่รถของไอ้ชุน ก่อนจะปิดประตูโดยไม่หันกลับไปมองอีกฝ่าย ได้ยินเสียงตะโกนเรียกตามหลังนะ เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือไอ้ลิเคียวตะโกนบอกว่ารักผม แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ



กลับมาถึงบ้าน ดูเหมือนไอ้ไอ้ไฟที่อยู่ในบ้านจะวิ่งออกมาบ่น แต่ผมหรือจะฟัง เข้าบ้านได้ก็รีบวิ่งเข้าห้องอย่างเดียวเลย





"ฮึก...ฮึก...ฮื่อออ~" พอเข้าห้องมาได้ ดูเหมือนกำแพงความเข้มแข็งที่ตั้งไว้ในตอนแรก ได้ถล่มลงมาซะแล้ว อยู่ๆ ร่างกายของผมก็หมดแรงขึ้นมาดื้อๆ ล้มตัวลงนั่งหน้าประตู ปึกๆ ๆ ผมทุบเข้าที่หน้าอกของตัวเอง ทำไมมันเจ็บแบบนี้นะ รู้สึกเหมือนหัวใจจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เลย





"ฮื่อออ~...ฮึก! ...ฮึก! " ผมรวบรวมแรงทั้งหมดเพื่อเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ น้ำตาที่ยังคงไหลลงมาไม่ขาดสาย ดูเหมือนทุกอย่าง จะผิดเพี้ยงไปจากความคิดของผม ก้มลงดูสภาพของตัวเอง แล้วมองเงาสะท้อนในกระจก





"มึงแม่งโคตรน่าสมเพชเลยว่ะ" ผมพูดบอกกับเงาสะท้อนของตัวเอง ก่อนจะลงไปนั่งในอ่างอาบน้ำ เอนตัวลงเพื่อนพิงกับขอบอ่าง ก่อนจะหลับตาลงในที่สุด





ผมพยายามปลดปล่อยสมองจากความคิดทั้งหมด นานหลายนาทีที่ผมนอนอยู่นิ่งๆ หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ลืมตาอันบอบช้ำขึ้นเพื่อมองไปยังด้านบน เพดานสีขาว ลวดลายด้านบนที่ถูกตกแต่งเมื่อไม่นานมานี้โดยฝีมือไอ้ไฟ ถึงมันจะพูดมากไปสักหน่อย แต่ฝีมือที่มันมี ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ นะ





ไม่คิดก็แล้ว คิดเรื่องอื่นก็แล้ว แต่สุดท้ายความคิดของผม ก็มาจบลงที่มันคนเดียว ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตา ในสมองของผม ก็ยังนึกถึงมันอยู่ตลอดเวลา





"เฮ้ย" ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะค่อยๆ ลดตัวลงเรื่อยๆ จนศีรษะของผมลงมาอยู่ใต้นะแล้ว





ปัง พรึ่บ





"แค่กๆ ๆ "





"มึงทำบ้าอะไรของมึงเนี่ย"





"แฮ่กๆ ๆ "





"กูบอกมึงแล้วใช่ไหม ว่าอย่ารักมัน อย่าคบมัน แล้วเห็นไหม มึงเป็นยังไง คิดจะฆ่าตัวตายเพื่อคนคนเดียวเนี่ยนะ"





"มึงน่ะสิบ้า กูรู้ตัวว่ากูผิดที่ไม่ฟังมึง ไม่เชื่อที่มึงบอกกับกู แต่กูก็ไม่ได้บ้าพอที่จะตายเพราะคนคนเดียวหรอกนะ" หลังจากฟังไอ้ไฟบ่นซะเหยียดยาว ผมก็บอกมันคืนบ้า ผมแค่อยากจะทำให้จิตใจของตัวเองสงบลงก็เท่านั้น ไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายสักหน่อย ถ้าจะตาย ก็คงเป็นเพราะมันเมื่อกี้นี้แหละ





อยู่ๆ ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ ดึงตัวผมขึ้นจากอ่าง ทั้งๆ ที่ผมลงไปได้ไม่ถึง 3 วิเลยด้วยซ้ำ ตกใจจนสำลักน้ำไปหลายอึกเลยเนี่ย





"แล้วมึงทำอะไร"





"กู...คือกู...ยังไงก็ชั่งเถอะ กูไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายแล้วกัน" ผมบอกแล้วสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของไอ้ไฟ





"เออ ไม่คิดแล้วก็ห้ามคิดล่ะ กูออกไปก่อนละ"





"ขอบใจ" ผมบอกแล้วหันหน้าไปทางอื่น จากตอนแรกที่ไอ้ไฟกำลังจะก้าวขาออกไป ก็ต้องชะงักค้าง ใช่ ผมพึ่งพูดขอบใจมันไป





"เรื่อง"





"ไม่รู้" ผมไม่รู้ว่าขอบใจมันเรื่องอะไรจริงๆ ขอบใจที่คอยบอกคอยเตือน ของใจที่อยู่เคียงข้าง ขอบใจที่ไม่ทิ้งกันไปไหน หรือขอบใจที่ช่วยผมเมื่อกี้ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องเข้าใจผิดก็เถอะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าผมขอบใจมันเรื่องไหน หรืออาจจะทุกๆ เรื่องเลยก็ได้ รู้เพียงแต่ว่า ตัวเองควรจะพูดคำนี้ออกไปก็เท่านั้น









หลังจากอาบน้ำนอนไปหนึ่งตื่น ผมก็ลุกขึ้นมานั่งกลางดึก มองไปรอบๆ ห้องที่เงียบสงัด ความมืดที่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องนี้ ยิ่งทำให้ผมยิ่งเหงากว่าเดิมอีก





ดีดตัวลุกขึ้น เพื่อเดินลงไปหาอะไรกินด้านล่าง ไม่รู้ว่าป้าชุมจะทำอะไรทิ้งไว้หรือเปล่า ไอ้ไฟกูดูเหมือนจะหลับไปแล้วด้วย





เดินเข้ามายังห้องครัว มึนนิดหน่อย เพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรเริ่มจากไหนก่อน เพราะผมแทบจะไม่ค่อยได้เข้ามาในนี้เลย ปกติมีอะไรก็สั่งป้าชุมอย่างเดียว เปิดตู้กับข้าวดู ก็เป็นอย่างที่คิด ไม่มีอะไรเหลือไว้เลย ก้มๆ มองๆ เจอมาม่าอยู่ในตู้ น่าจะเป็นของลุงคนสวนนั่นแหละนะ





"ยืมก่อนนะลุง" ผมพูดลอยๆ ออกไป หยิบออกมาสองซอง เดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบไข่ออกมา ดีที่มีผักอยู่ในนี้ด้วย ผมเลยหยิบออกมาหั่นด้วยซะเลย





"ทำอะไร"





เฮือก





"ทำไมมาเงียบๆ วะ"





"ก็ได้ยินเสียงกึกกัก ก็นึกว่าโจรเข้าบ้านน่ะสิ ใครจะไปคิดว่าหมูอย่างมึงจะมาหิวกลางดึกแบบนี้ล่ะ"





"จิ๊" ผมจิกตาใส่ไอ้ไฟ ปากแบบนี้ไง น่าเอาปังตอที่ถืออยู่สับให้แหลก เริ่มจากสับหมาในปากก่อน แล้วค่อยสับปากมันทีหลัง





"ไม่เจ็บโว้ย"





"เจ็บก็เหี้ยล่ะ" ผมบอกออกไป อย่างกับมันได้ยินสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่





"นินทาอะไรกูก็พูดออกมาสิ มึงคิดในใจกูไม่ได้ยินหรอกนะ" ไม่ได้พูดเฉยๆ แต่ทำลอยหน้าลอยตาพูดด้วยไง ดูความกวนตีนของมันสิครับ





"กลับไปนอนไป" ผมบอกแล้วหันมาสนใจกับผักตรงหน้าต่อ





"ทำอะไรกินล่ะ มากูช่วย" ไอ้ไฟบอกแล้ววางไม้เบสบอลที่มันถือมาด้วยลง





"มาม่า"





"มาสิ เดี๋ยวกูหันเอง หันหน้าแบบนี้เมื่อไหร่ผักจะสุกล่ะ" ไอ้ไฟเดินมาแย่งมีดกับเขียงไปจากผม ก่อนที่จะลงมือทำเอง ถึงมันจะไม่ได้ดูเป็นมือโปร แต่มันก็ดีกว่าผมล่ะนะ ที่ยืนหันแบบเก้ๆ กังๆ





"มีมาม่าอีกไหม"





"มี อยู่ในตู้"





"หยิบมาดิ"





"จะกินด้วย? "





"เออสิ ไม่งั้นกูจะพูดเพื่อ"





"จิ๊" ผมได้แต่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะ แต่ก็เดินไปหยิบให้มัน ก่อนที่จะคอยเป็นลูกมือช่วย ถึงจะเป็นลูกมือที่ไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่ก็เถอะ เพราะส่วนมากก็ช่วยยืนเกะกะซะมากกว่า





ยืนนานๆ ก็รู้สึกเมื่อย ในเมื่อไม่ได้ช่วยอะไรไอ้ไฟ ผมก็เลยนั่งลง มองไอ้ไฟหันนู่นล้างนี่ไปเรื่อย





"ไม่ใช่ว่านั่งหลับซะล่ะ"





"เออ ไม่หลับหรอกน่า หิวจะแย่แล้วเนี่ย เสร็จยัง"





"จะเสร็จแล้ว นั่งรอเฉยๆ ยังจะบ่นอีกนะมึง" ได้แต่ทำหน้าบึ้งหน้าบูดอยู่ด้านหลังไอ้ไฟ





รอจนเรียกได้ว่านาน ทั้งๆ ที่ก็แค่ต้มมาม่าเท่านั้น ดูเหมือนไอ้ไฟจะใส่อะไรลงไปหลายอย่างเลย ที่เห็นชัดๆ ก็กุ้งกับหมึก ไหนจะผักจะไข่อีก





"เสร็จแล้วๆ " ไอ้ไฟว่า แล้วยกหม้อมาตั้งที่โต๊ะ ผมเลยเดินไปหยิบถ้วยแบ่งมา 4 ห่อที่ไอ้ไฟทำ ดูเหมือนจะเยอะไปหรือเปล่านะ





"น่ากินว่ะ"





"เขาเรียกว่าฝีมือโว้ย"





"ขี้อวด" ผมพูดออกไปอย่างไม่น้อยหน้า





"หึ กินๆ เข้าไป" ไอ้ไฟบอกแล้วขยี้หัวผม ผมก็เบี่ยงตัวหลบแล้วตักมาม่าใส่ถ้วย รู้ตัวเลย ว่ากำลังอมยิ้มอยู่ คิดถึงไอ้แม็กเหมือนกันนะ ตั้งแต่มันไปผมก็ไม่ได้คุยกับมันอีกเลย เพราะถ้ามันอยู่ มันก็จะเป็นคนห้ามทัพระหว่างผมกับไอ้ไฟนี่แหละ





พอพูดถึงไอ้แม็กแล้วก็นึกถึงพ่อ ทำไมท่านถึงหายไปเลยนะ ไม่โทรมา ไม่ติดต่ออะไรมาเลย





"ไฟ"





"อะไร"





"พ่อติดต่อมึงมาบ้างไหม"





"ก็...นานๆ ทีกูก็โทรหาเขาบ้าง ทำไม"





"ปกติพ่อไม่หายไปนานแบบนี้นะ งานมีปัญหาอะไรหรือเปล่า"





"คงงั้นมั้ง ไม่งั้นไอ้แม็กคงไม่รีบกลับไปดูหรอก"





"เหรอ เอาไว้กูจะโทรหาดูละกัน" ผมบอก





"อืม"





ผมหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะไอ้ไฟทำอร่อยหรือผมหิวกันแน่ ถึงได้กินเอาๆ





"ไม่เหมือนคนพึ่งเลิกกับแฟนเลยเนอะ"





"ทำไม คนที่พึ่งเลิกกับแฟน เขาต้องเป็นยังไงหะ"





"อย่างน้อยก็ไม่น่าอยากอาหารเหมือนมึงอ่ะ"





"กูไม่ได้เลิกกับแฟนครั้งแรกสักหน่อย"





"แต่มันก็ผัวคนแรกของมึงนิ"





"เอ๊ะ พูดให้ได้เหี้ยไรขึ้นมาเนี่ย"





"ให้มึงอยากอาหารน้อยลงไง อ้วนจนกูนึกว่ามีน้องเป็นหมูมากกว่าคนละ"





"กูก็นึกว่ามีพี่เป็นหมาเหมือนกัน ชอบเห่ากว่าพูดซะอีก! " ผมพูดแล้วรีบเก็บจาน อยู่กับไอ้ไฟดีๆ ได้ไม่ถึง 5 นาทีจริงๆ เป็นห่าอะไรไม่รู้ ชอบชวนทะเลาะตลอด





"ล้างจานเสร็จแล้วขึ้นห้องไป มึงอย่าพึ่งนอนล่ะ เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อน"





"เออ รู้แล้วน่า"





"รู้ก็ดี เถียงแบบนี้คงไม่เป็นอะไรมากสินะ"





"กูจะเป็นอะไรล่ะ กลับห้องมึงไปได้แล้ว" ผมบอก เพราะถ้าล้างจานเสร็จ ผมก็คงจะขึ้นห้องของตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้ก็แอบยิ้มนิดๆ มันเป็นความดีใจเล็กๆ ที่มีคนเป็นห่วง การมีมันเป็นครอบครัว ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งล่ะนะ
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 22 | 23/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-06-2020 12:29:05
 :3123: :3123: :3123:
ติดตามค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 23 | 24/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 24-06-2020 11:33:40

ผมตื่นมาในรุ่งเช้า ความจริงอยากจะนอนต่อด้วยซ้ำ แต่ไอ้ไฟนี่สิ เล่นปลุกซะผมไม่อยากนอนต่อเลย มีอย่างที่ไหน มายืนตะโกนโวยวายเสียงดัง จากที่นอนคว่ำอยู่แล้ว รีบมุดลงใต้หมอนเลยครับ ไอ้ไฟก็เสือกมายื้อยุดฉุดกระชากหมอนผมออกไปอีก เลยมุดตัวลงใต้ผ้าห่ม เสียงของไอ้ไฟเงียบลงไปได้เพียง 3 วินาที แล้วแม่งก็นั่งทับลงมาบนตัวของผมเลย จุกจนต้องลุกขึ้นเลยล่ะครับ





"มึงมีเรียนกี่โมง"





"10 โมง แต่ไม่ใช่วิชาสำคัญอะไร"





"ไม่สำคัญยังไงมึงก็ต้องไปเรียน"





"กูยังไม่อยากไปเลย"





"ทำไม"





"ก็กูไม่อยากเจอหน้ามัน"





"มึงไม่ได้ฉลาดพอที่จะหยุดยาวได้หรอกนะ แล้วที่สำคัญ แค่มึงไม่ไปมหาลัย ไม่ได้แปลว่า มันจะมาเจอมึงที่นี่ไม่ได้ เพราะฉะนั้น มึงไปเรียนนั่นแหละดีแล้ว"





"งั้นกูขอกุญแจรถไอ้แม็กละกัน"





"ไม่ต้อง กูก็มีเรียนเหมือนกัน มึงก็ไปกับกูนี่แหละ แล้วตอนกลับเดี๋ยวกูรอ"





"จิ๊" ไอ้ไฟนี่ก็ขัดใจผมซะทุกเรื่อง ทำเอาผมหงุดหงิดกินข้าวไม่อร่อยแล้วเนี่ย





นั่งอารมณ์เสียเขี่ยข้าวไปมาแทน อาจเพราะพึ่งกินไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วก็ได้ เลยรู้สึกไม่อยากอาหาร ไอ้ไฟแม่งก็บ้า เห็นๆ อยู่ว่าผมไม่ค่อยกิน ก็ตักนู่นตักนี่ให้จนพูนจาก จนตอนนี้เหมือนอาหารหมูมากกว่าอาหารคนอีก





"กินๆ เข้าไปสิ เขี่ยไปมาแบบนี้ มึงจะอิ่มไหม"





"แล้วมึงจะตักอะไรให้นักหนา แดกไม่ลงเพราะมึงตักให้เนี่ย ตักเยอะจนเป็นอาหารหมูละ"





"มึงเป็นหมู กินแบบนี้ก็ถูกแล้วนิ" มองแรงไปที่ไอ้ไฟหนึ่งที กับคนอื่น ไม่เห็นมันจะพูดแรงแบบนี้ กับผมนี่แทบไม่พูดดีด้วยเลย แม่งผมก็น้อยใจเป็นนะ





"เบะหน้าทำเหี้ยอะไร ไม่กินก็ไม่ต้องกิน จะได้ไปเรียนกันปะ" พอเห็นผมเริ่มไม่พอใจ ก็มาพูดอีกแบบ มันน่าตบให้คว่ำดีไหมเนี่ย





สรุปแล้ว ข้าวเช้าผมก็ไม่ได้กิน รถผมก็ไม่ได้ขับ ไอ้ไฟที่ขับมาส่งผม ก็มาส่งถึงหน้าตึกเลย หน้าตึกแบบ...พอเปิดประตูออก ก้าวที่สองก็เป็นบันไดขึ้นตึกขั้นแรกอะครับ





"เลิกเรียนแล้วโทรมา วันนี้กูจะพามึงไปทำธุระ"





"ธุระของกูหรือของมึง ถ้าของมึงกูไม่ไปไม่ได้เหรอ"





"ของมึงนั่นแหละ"





"ของกู! อะไรอ่ะ"





"ยังไม่บอก อยากรู้เลิกเรียนมึงก็โทรหากูเร็วๆ ละกัน" ไอ้อยากรู้ก็อยากนะ แต่ก็ไม่อยากด้วย รู้สึกมีลางสังหรณ์แปลกๆ ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่พยักหน้าเข้าใจแล้วปิดประตูรถ ก่อนจะเดินขึ้นตึกมา





"พี่วา" เสียงเรียกชื่อผมจากด้านหลัง พอหันไปดูก็เป็นไอ้เด็กชุนนั่นเอง กำลังเดินมาพร้อมไอ้วินเลย ท่าทางร่าเริงแจ่มใสของไอ้เด็กนั่น ชั่งตรงข้ามกับเพื่อนของผมยิ่งนัก วันๆ มันไม่ค่อยแสดงสีหน้าอะไรหรอกครับ นอกจากนิ่งๆ แล้วก็ผมที่ชอบมาบังหน้าบังตา บังความหล่อของมัน





"มาส่งไอ้วินเหรอ"





"ครับ"





"เรียนหมอนี่ว่างมากเลยสินะ"





"อย่าอิจฉาดิพี่"





"เออ อิจฉา เพราะฉะนั้นมึงกลับไปได้ละ"





"อ้าว ผมว่าจะเดินไปส่งที่ห้อง"





"ไม่ต้อง ไอ้วินมันมีกูแล้ว เดี๋ยวกูเดินไปกับมันเอง มึงกลับไปได้แล้ว"





"โธ่พี่~"





"กลับไปเรียนเถอะ เดี๋ยวกูโทรหา"





"จริงนะ พี่จะโทรหาผมจริงๆ นะ"





"อืม"





"งั้นผมไปเรียนก่อนก็ได้" เชอะ ทีผมไล่ตั้งนาน ไม่ยอมไป พอไอ้วินบอกนิดเดียว ทำตามอย่างกับเป็นลูก อิจฉานะเนี่ย





"ไอ้วิน มึงบอกเคล็ดลับกูหน่อยสิ อะไรที่ทำให้ไอ้เด็กนั่นแลรักและเชื่อฟังมึงมากขนาดนี้" ผมถามออกไป เวลาไอ้วินพูดอะไรนิดหน่อย มันก็เชื่อฟังอย่างว่าง่าย ไม่หือไม่อือ ไม่เถียงหรือแย้งสักคำ





"คงเพราะ...เคยสูญเสียคนที่รักมากไปมั้ง"





"กูก็เคย แต่ไม่เห็นเป็นแบบมันเลยวะ" ผมบอกออกไป





"มึงไม่เข้าใจ สูญเสียของมึงคือเลิกกับเขาไป แต่สูญเสียของชุน คืออีกคนตายจากไป"





"ห๊ะ" แค่ได้ฟังเพียงเท่านี้ ผมก็รู้สึกใจกระตุกวูบแล้ว





"มึงไม่เข้าใจหรอก เพราะมึงยังไม่เคยสูญเสียคนสำคัญไป คนที่เป็นดั่งชีวิต จิตวิญญาณ เป็นทุกสิ่งอย่าง เป็นเหมือนกับอวัยวะชิ้นที่ 33 ของร่างกาย...เพราะขนาดตัวกู ยังไม่เข้าใจมันเลย" อาจเป็นเพราะน้ำเสียงของไอ้วินด้วยล่ะมั้ง น้ำเสียงเศร้าๆ ทำเอาผมขนลุกเกรียวเลย





"แล้วมึงรู้ได้ยังไง"





"มันเป็นคนพูดประโยคนี้กับกูเอง"





"เพราะมันเคยสูญเสีย มันเลยเชื่อฟังมึงมากเหรอ" ผมถามออกไป เพราะเกือบจะเข้าใจละ แต่มันก็ยังไม่เมคเซ้นส์กันอยู่ดี เพราะเคยสูญเสีย เลยทำให้รักมากอ่ะ เข้าใจ แต่เชื่อฟังแทบจะทุกคำพูดแบบนี้ ผมยังไม่เข้าใจ





"มันก็มีหลายปัจจัย เพราะเรื่องที่กูเจอกับมันมาก็ด้วย จริงๆ มันก็ไม่ใช่คนร่าเริงแบบนี้หรอก"





"นั่นสินะ เพราะมึงยังเปลี่ยนไปเลย ทำไมไอ้เด็กชุนถึงจะมีหลายมุมบ้างไม่ได้" คำพูดของผม ทำเอาไอ้วินขมวดคิ้วเข้าหากันเลย





"ไม่เคยสังเกตเลยสินะ ปกติทุกคนก็รู้อยู่แล้ว ว่ามึงเป็นคนพูดน้อย แต่พอมึงพูดเรื่องไอ้เด็กชุนนั่น มึงอธิบายซะยืดยาวเลย ถึงจะไม่ได้พูดมากเหมือนกู แต่ก็พูดยาวกว่าปกติอ่ะ"





"เหรอ" ผมเกลียดมันตรงนี้แหละ มันไม่ได้มีสีหน้าต่างไปจากเดิน เพียงแต่กลับมาเป็นคนเดิมที่พูดน้อยและกวนตีนก็แค่นั้น





หลังจากชวนคุยเรื่องอื่นอีกยาวเหยียด ผมก็ได้รับคำตอบมาไม่ถึง 10 คำด้วยซ้ำ คำถามที่ผมจ่อถามไปตั้งหลายประโยค ถูกตอบรับด้วยคำตอบเพียงคำเดียว ไม่ว่าจะเป็น เหรอ หืม อืม ก็แค่นี้





พอเข้าห้องเรียนมาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จากที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจอยู่แล้ว ผมกลับถูกแย่งความสนใจจากไอ้วินไปเพราะเต่าตัวเดียว ไอ้รถถังถูกเชิญให้ไปตั้งบนโต๊ะของไอ้วินทันทีที่มาถึง ผมเลยต้องหันมาสนใจอาจารย์กับกระดานตรงหน้าแทน





"โอ้ยหิว ถ้าปล่อยช้ากว่านี้ กูว่าจะย่างเต่าไอ้โซ่กินแล้วเนี่ย"





"อย่าแม้แต่จะคิดนะไอ้สวย"





"งั้นรีบไปกินข้าวกันเถอะ" เสียงดังของไอ้สวยและไอ้โซ่โต้เถียงกัน เพราะอาจารย์ที่สอนคาบนี้เข้าช้า ทำให้กินเวลาพักจากที่ควรจะเป็นไปมากกว่าชั่วโมงครึ่ง ผมยังมีเรียนต่ออีกคาบ ทั้งๆ ที่ปกติจะได้พักตั้ง 2 ชั่วโมง สามารถแวบออกไปกินอาหารนอกมหาลัยยังได้เลย





"กินใต้ตึกนี่แหละ เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน"





"มันก็แน่อยู่แล้ว รีบเดินดิ" ไอ้สวยว่าแล้วดันหลังผมให้เดินนำไป





ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ผมกลับมา เพราะไอ้สวยต้องนั่งรถกลับมากับจี ผมไม่กล้าถามว่ามีเรื่องหรือปัญหาอะไรกันหรือเปล่า เพราะบรรยากาศที่มาคุตอนนี้ มันก็บ่งบอกได้ว่า ทั้งสองคน ไม่ค่อยจะโอเคกันสักเท่าไหร่ ตั้งแต่เจอหน้ากันตอนเข้าเรียนจนถึงตอนนี้ ก็ไม่เห็นว่าทั้งสองคนจะคุยอะไรกันเลย





"มึงกินอะไรวะ"





"กูกินมาม่าดีกว่า"





"เอาด้วยๆ "





"งั้นกูกินข้าวกล่องนี่แหละ เดี๋ยวจะไปนั่งจองโต๊ะให้" ผมบอกเพราะขี้เกียจรอ หยิบข้างกล่องกับน้ำหนึ่งขวด จ่ายเงินแล้วออกมาเลย โต๊ะนั่งที่มีอยู่ แต่ไม่ได้มากสำหรับนักศึกษาพอนั้น ทำให้ผมต้องเดินหาโต๊ะว่างที่เราสามารถนั่งได้ 5 คน ซึ่งมันก็อยู่ไกลจากซุ้มพอสมควร





นั่งแกะข้าวกล่องตรงหน้าแล้วลงมือกินเลย จริงๆ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะเป็นอาหารที่ทำมาแต่เช้าแล้ว แต่จะให้ยืนรอต่อคิวทำมาม่าเหมือนพวกนั้นก็คงจะนานเกินไป เมื่อเช้าก็ไม่ได้กินข้าวมาด้วย ทำให้ตอนนี้ผมรู้สึกหิวมากเป็นพิเศษ





หมับ





ผมรับรู้ถึงแรงบีบที่ไหล่ของตัวเอง เลยต้องหันไปมองด้านหลัง เพียงแค่เห็นหน้าของอีกคน ก็ทำเอาผมกินข้าวไม่ลงแล้ว ถึงจะพึ่งกินไปได้คำเดียวก็เถอะ





"อ้วน กูว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน"





"แต่กูว่าไม่นะ" ผมบอกแล้วหันกลับมาสนใจข้าวกล่องตรงหน้า ถึงความคิดของผมจะบอกว่าไม่อยากคุย ไม่อยากเห็นหน้ามัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าหัวใจของผม กำลังเรียกหา เพราะแค่ผมหันไปมองใบหน้าที่หล่อเหลา หัวใจของผมก็ซื่อสัตย์โดยการเต้นแรงจนผมกังวลว่าอีกคนจะได้ยิน





"ขอโทษ กูขอโทษนะ กูขอโอกาสสักครั้งไม่ได้เหรอ" ผมได้ยิน แต่ทำเป็นไม่สนใจ ผมยังจำความรู้สึกตอนที่รู้เรื่องได้ มันเจ็บนะ เจ็บปวดไปทั้งหัวใจ แถมเรื่องที่เกิดขึ้นมันยังผ่านไปแล้ว ผ่านไปโดยที่ผมไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ จะโวยวายหนักแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถลืมไปได้ ว่ามันนอนรวมบ้านกับแฟนเก่ามัน ทั้งๆ ที่พึ่งคบกับผมไปเอง





"กูไม่อยากเจ็บไปมากกว่านี้แล้ว มึงกลับไปเถอะ"





"โธ่อ้วน กูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มึงฟังกูนะ คืนนั้นน่ะ ไอ้คิสไปนอนบ้านกูก็จริง แต่มันนอนห้องน้องกู เพราะมันไปช่วยกูทำบัญชีที่ร้าน มึงก็รู้นิ ว่ากูกำลังทำร้านใหม่ แถมน้องกูยังมาป่วนจนหัวหมุนไปหมด แล้วที่กูไม่บอกมึง เพราะว่ากูไม่อยากให้มึงคิดมาก คืนนั้นมันไม่มีอะไรจริงๆ นะโว้ย กูกับไอ้คิสเป็นเพื่อนกันจริงๆ "





"เหรอ ฟังแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยว่ะ มันก็เหมือนเมื่อคืนสินะ ที่แพรมานอนบ้านกู"





"แพร? แพรไหน"





"เพื่อนกูเอง แต่เคยเป็นเมียเก่ากูเหมือนกัน"





"แล้วมึงให้มานอนทำเหี้ยอะไร! "





"มึงถามตัวเองสิ มาถามกูทำไม" ผมบอกออกไป ทีอย่างนี้มาขึ้นเสียงใส่ผม มันยังโมโหเลยถ้าผมทำแบบนั้น แล้วที่มันปิดบังผม จะไม่ให้ผมโมโหมันได้ยังไง





"อ้วน มึงอย่าเป็นแบบนี้สิ"





"มึงเลิกเรียกกูแบบนี้สักที เลิกก็คือเลิก เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว" ผมบอกแล้วกำช้อนในมือแน่น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ที่จะพูดประโยคแบบนี้ออกมาในแต่ละครั้ง การเลิกกันของเรา ไม่ใช่แค่มันสักหน่อยที่เสียใจ ตัวผมเองก็เสียใจไม่แพ้มันเหมือนกันนั่นแหละ





"อ้าวลิเคียว คุณมาทำอะไรที่นี่"





"ด้า"





"ใช่ค่ะ ด้าเอง ด้าพึ่งพูดถึงคุณกับจีอยู่เลย"





"ปล่อยผมนะ คุณไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมาแสดงความเป็นเจ้าของผมได้แล้ว"





"แหม อย่าพูดแบบไร้เยื่อใยแบบนั้นสิคะ ด้าก็บอกแล้วว่าเรื่องที่ด้าจ้างคนไปพังร้านคุณ ด้าแค่ล้อเล่น ถ้าคุณไม่ทำให้ด้าเสียหน้าก่อน ด้าก็คงไม่ทำแบบนั้นหรอก"





"ด้า คุณจะทำอะไรก็ได้ แต่จะมาทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมไม่ได้"





"ทำไมคะ แอบด้ามาหาผู้หญิงอื่นอีกแล้วเหรอ" เธอตอบกลับมาเหมือนไม่สนใจมากนัก ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหน หน้ามึนได้ขนาดนี้มาก่อน





"ด้าพอเถอะ ฉันว่าเรากลับกันดีกว่า" จีที่เห็นว่า ทั้งผม ทั้งไอ้ลิเคียวเริ่มมีสีหน้าไม่ดีแล้ว เธอเลยพยายามที่จะลากเพื่อนของเธอกลับ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล





"โทษทีนะลาวา" จีหันมาบอกผม ผมเลยทำได้เพียงแต่พยักหน้าเข้าใจ





"จะไปไหน"





"ปล่อยกู"





"นี่มันอะไรกันคะ" ทั้งๆ ที่ผมจะเป็นคนเดินออกไปจากสถานการณ์ตรงนี้เอง ไอ้ลิเคียวก็ยังจะมาห้าม





"ด้า กลับเถอะ" จีที่เห็นท่าไม่ดี เลยรีบชวนเพื่อนตัวเองกลับ





"นี่อย่าบอกนะ ว่าแกเป็นคู่นอนอีกคนของลิเคียวน่ะ"





"ไม่ใช่! " ผมบอกออกไปเสียงดังฟังชัด สะบัดมือที่ไอ้ลิเคียวจับเอาไว้แน่นออก จะได้เดินออกไปจากตรงนี้สักที





"ด้าก็คิดแล้วล่ะค่ะ ว่าลิเคียวคงไม่เอาคนแบบนี้มานอนด้วยหรอก" สิ่งที่เธอพูด ทำเอาผมไม่สามารถโต้เถียงได้เลย สายตาที่ดูถูกกำลังจดจ้องมาที่ผม ผมทำได้แต่เพียงกัดปากล่างของตัวเองแน่นเพื่อข่มอารมณ์โกรธ ‘คนแบบนี้เหรอ’ เธอกล้าดียังไงมาใช้คำพูดแบบนี้กับผม เกลียด...ผมเกลียดมากเลย คนที่ไม่รู้จักกัน แต่ดันมาประเมินกันด้วยรูปลักษณ์หน้าตาภายนอก จิตใจคนแบบนี้ ทำมาด้วยอะไรกันนะ





"ด้า ถ้าเธอไม่กลับ ฉันกลับแล้วนะ" เสียงแหลมสูงของจีแทรกเข้ามาก่อนใคร ดูเหมือนเธอจะโกรธกับคำพูดของเพื่อนสาวไม่ต่างจากผม





"เป็นอะไรของเธอน่ะจี"





"ฉันบอกแล้วไง ว่าไม่ชอบที่เธอพูดดูถูกคนอื่น"





"โอเค ฉันขอโทษ แล้วจะไม่รอเจอแฟนสุดหล่อของเธอก่อนเหรอ"





"ช่างเถอะ" ว่าแล้วจีก็เดินกลับไปก่อน โดยมีเพื่อนสาวที่ยืนร่ำลาผู้ชายตรงหน้าผมอยู่นานสองนาน ก่อนจะเดินตามไป





"ด้าไปก่อนนะคะ จะทำอะไรก็อย่าลืมใส่ถุงล่ะ อย่าลืมว่าไม่มีใครคู่ควรแล้วก็ใจกว้างได้เท่าด้าอีกแล้ว แล้วเจอกันนะคะ" ให้ตายเถอะ ทำไมผมต้องมาได้ยินประโยคแบบนี้ด้วย





"เฮ้ย" ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ คนต่อไปที่ต้องเดินกลับไปก็คือไอ้ลิเคียว





"มึงก็ควรจะกลับไปได้แล้ว"





"อ้วน กูบอกความจริงมึงไปหมดแล้ว กลับมาดีกันเถอะนะ"





"ลิเคียว...มึงหล่อนะ มึงสูง หุ่นดี รวย มึงไม่ควรมาตามง้อคนแบบกูเลย มีคนอีกหลายพันคนรอให้มึงรักอยู่ ไปหาคนเหล่านั้นเถอะ"





"มึงแม่งไม่ยอมฟังกูเลย กูรักมึงมาก รักไปแล้ว จะให้ไปรักคนอื่นได้ด้วยเหรอวะ!" เสียงของไอ้ลิเคียวดังจนทำให้คนรอบๆ ข้างหันมามอง ผมได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ มองผู้ชายตัวสูงตรงหน้าค่อยๆ ทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าของผม





"มึงทำบ้าอะไรเนี่ย"





"กูขอโทษนะอ้วน มึงอย่าไล่ให้กูไปรักคนอื่นเลย" เหี้ยยย คนอย่างไอ้ลิเคียวเนี่ยนะ คนอย่างมันมานั่งคุกเข่าแบบนี้ คิดอะไรของมันอยู่วะ





"ไปกับกู" เสียงเรียบนิ่งที่ดังขึ้นมาข้างตัวผม ก่อนจะคว้าข้อมือของผมให้เดินออกไปจากเหตุการณ์ตรงนี้





"อย่าหันกลับไป" ไอ้วินพูดอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะลากผมขึ้นมายังห้องเรียน





ผมทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ผมรู้สึกตั้งตัวไม่ทัน ทำไมหัวใจของผม ถึงได้เต้นแรงขนาดนี้วะ





"โกรธไหม ที่กูพาออกมา"





"ไม่"





"แล้วอยากให้กูพากลับไปไหม"





"ไม่...ไม่ต้อง"





"อยากกลับไปคบหรือเปล่า"





"คือกู..."





"ตอบตัวเองเถอะ"





"กูไม่รู้" ผมพูดเสียงเบาลง ถ้าไอ้วินไม่เข้ามา ผมคิดว่าตัวเองคงให้อภัยมันแน่นๆ คนโง่ๆ ที่ใจง่ายอย่างผม มันจะไปใจแข็งนานได้ยังไง





"เรื่องของมึง มึงก็คิดเอา ไม่มีใครดี 100% หรอก แต่เรื่องนอกใจ มันเหี้ย 100% แน่นอน"





"อืม" มันก็จริงอย่างที่ไอ้วินพูดนั่นแหละนะ





ล้มตัวลงฟุบหน้ากับโต๊ะ ทำไมช่วงนี้ผมถึงมีแต่เรื่องแย่ๆ เข้ามานะ สงสัยว่าผมต้องไปทำบุญบ้างซะแล้วสิ


หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 24 | 25/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 25-06-2020 13:34:21
ตอนที่ 24

"กูเรียนเสร็จแล้ว มึงจะมารับเลยไหม"





(ลงมาเลย)





"เออ เร็วๆ ล่ะ" ผมโทรบอกไอ้ไฟทันทีที่เลิกเรียน ก็ไม่ได้จะคิดเข้าข้างตัวเองหรอก ว่าไอ้ลิเคียวมันจะยังรอผมอยู่ แต่เท่าที่ดูจากที่มันกล้านั่งคุกเข่าวันนี้ ผมก็คิดแล้วล่ะ ว่าไม่มีอะไรแน่นอนหรอก





"กลับยังไง"





"ไอ้ไฟมารับ มึงอ่ะ"





"ชุน"





"โอเค พวกมึง...กูลงไปก่อนนะ" ผมบอกทุกคนแล้วรีบลงจากตึกมา





ระหว่างที่เดินลงบันไดลงมา ก็มองซ้ายมองขวาด้วย กำลังจะกดเบอร์โทรหาไอ้ไฟ เพราะไม่รู้ว่าต้องเจอกันตรงไหน แต่ก็ต้องชะงักซะก่อน เพราะรถที่จอดตรงหน้ามัน...





"ทำไมมาเร็วจังวะ" เดินลงบันไดขั้นสุดท้ายแล้วก้าวเพียงก้าวเดียวก็เปิดประตูรถขึ้นได้เลย ดูมันจอดสิครับ จะให้เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขาก็ไม่ได้





"มึงโทรมาตอนกูเลี้ยวเข้าตึกมาแล้ว"





"เออๆ รีบออกรถดิ" ผมบอก เพราะคนเริ่มมองกันเยอะแล้ว จะมีใครกล้ามาจอดติดชิดริมทางขึ้นขนาดนี้บ้างไหม จอดไม่กลัวรถถลอกเลย





ไอ้ไฟขับรถออกจากมหาลัยแล้วเลี้ยวไปคนละทางกับทางกลับบ้าน ผมเกือบลืมไปเลยนะ ที่มันบอกว่าจะพาไปทำธุระน่ะ





"ถ้าทำธุระเสร็จ ไปหาอะไรกินกันนะ กูหิวว่ะ"





"ไม่ได้ หลังจากนี้ หลัง 5 โมง มึงห้ามกินอะไร"





"แต่กูหิว ปากก็ปากกู มึงจะมาห้ามอะไรเนี่ย"





"มึงอยากมีวงจรชีวิตแบบเดิมซ้ำๆ หรือไง"





"วงจรชีวิตอะไรของมึง" พูดเหมือนผมเป็นสัตว์เลยแม่ง





"เปลี่ยนตัวเองซะ"





"ทำไมกูต้องเปลี่ยน"





"มึงจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในเรื่องซ้ำๆ ซากๆ ไง"





"แต่..." ผมกำลังจะแย้ง แต่พอมาคิดอีกที มันอาจจะดีขึ้นจริงๆ ก็ได้





ตลอดทางผมเลยไม่ได้เถียงอะไรกลับไป จนกระทั่งถึงที่หมายที่ไอ้ไฟพามา เป็นยิมขนาดใหญ่ ซึ่งด้านในคงจะหรูน่าดู เริ่มตั้งแต่ทางเข้า ผมต้องกรอกใบสมัครก่อน เขาก็จับตัวผมชั่งน้ำหนัก วัดนู่นวัดนี่กับเครื่องอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะมีใบออกมา เป็นผมวัดของร่างกายของผมเอง





"มึงกินแต่อาหารไม่มีประโยชน์ ดูสิ ทั้งไขมันส่วนเกินตรงพุ่งกับขามึงเนี่ย" เถียงไม่ออกเลยครับ จริงๆ ที่มันชี้ให้ดูก็ดูไม่เป็นด้วย ได้แต่เออออตามที่มันพูด





"เดี๋ยวกูจะให้โค้ชเป็นคนแนะนำ มึงก็ฟังที่เขาบอกแล้วกัน" ไอ้ไฟบอกแบบนั้น แล้วเดินหายเข้าไปในห้องกับคนที่บอกให้ผมกรอกใบสมัคร รอไม่นานมันก็ออกมาพร้อมกับครูฝึกกล้ามโต





"ไม่ต้องให้มันมีกล้ามใหญ่โตอะไรมากหรอกครับ แต่ให้มันไม่อ้วนตัวตันแบบนี้ก็พอ" มองค้อนไปรอบหนึ่ง





"ครับคุณไฟ อยากให้ผมแนะนำส่วนไหนเป็นพิเศษในกับคุณลาวาไหมครับ"





"ผมว่าคุยกับมันเองเลยดีกว่า แล้วก็ช่วยแนะนำมันด้วยนะครับ"





"ได้เลยครับ รบกวนคุณลาวาตามผมมาด้วยครับ"





"ครับ แล้วเอ่อ...ไฟ มึงอ่ะ" ผมหันไปตอบรับจากครูฝึก แล้วหันไปถามไอ้ไฟ เพราะไม่เห็นมันตามมา





"เสร็จแล้วโทรหากูแล้วกัน กูไปธุระที่ฝั่งตรงข้ามนี่แหละ" ไอ้ไฟว่าแบบนั้นแล้วเดินออกไปเลย ปล่อยให้ผมยืนอยู่กับครูฝึกเพียงสองคน





"คุณลาวาไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมรับรองว่าไม่เกิน 1 เดือน เห็นผลแน่นอน"





"ครับ ฝากตัวด้วยนะครับ" ผมบอกแล้วเดินตามครูฝึกไป





เริ่มแรก เขาก็ถามความต้องการของผม ว่าอยากจะเน้นส่วนไหนเป็นพิเศษไหม แล้วก็แนะนำว่าส่วนไหน ควรจะเล่นกับอุปกรณ์อะไร ด้วยความที่พึ่งมาเป็นครั้งแรก แถมยังไม่ค่อยได้ออกกำลังกายด้วย เลยได้ยืดเส้นยืดสายเป็นอย่างแรก เหมือนๆ กับออกกำลังกายเรียกเหงื่อซะมากกว่า





"โอเคครับ วันนี้คุณลาวาทำดีมาก พรุ่งนี้ก็เตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยน และรบกวนทานอาหารตามที่ทางเราได้ให้ตารางไว้ด้วยนะครับ"





"ครับโค้ช ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณตลอดก็ได้นะครับ เรียกชื่อเฉยๆ ก็ได้"





"ครับ"





"วันนี้ขอบคุณมากนะครับ" ผมกล่าวลาแล้วเดินออกมาจากห้องฝึก





ไม่เคยออกกำลังกายที่เรียกเหงื่อได้มากขนาดนี้มาก่อนเลย ถ้ากลับบ้านไป มันต้องปวดเนื้อเมื่อยตัวมากแน่ๆ





ผมเดินออกมานั่งรอตรงคอฟฟี่ช็อป นั่งพักให้หายเหนื่อยสักครู่ก่อนจะโทรหาไอ้ไฟให้มารับ ทั้งๆ ที่มันบอกว่าไปแค่ตึกฝั่งตรงข้าม แต่นี่ก็นานไปหรือเปล่า ผมออกกำลังกายไปตั้ง 3 ชั่วโมง มันยังไม่กลับมาเลย





"มึงอยู่ไหน"





(เสร็จแล้วเหรอ)





"เออดิ ทำไมชอบหายวะแม่ง"





(5 นาที เดี๋ยวกูไป)





"เออ" ผมบอกแล้วเดินไปซื้อน้ำเปล่ามาดื่ม พอนั่งรอไม่ถึง 5 นาที ไอ้ไฟก็เดินเข้ามา ดูเหมือนมันจะไปซื้อของมาให้ผมด้วย จำพวกเสื้อผ้า รองเท้า และของใช้ แต่ที่ต้องตกใจก็คงเป็นตอนขึ้นรถมานี่แหละ อุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายเพียบเลยครับ พอถามก็บอกเอาไว้ใช้หลังจบคอร์สหรือเวลาว่างๆ ที่อยู่บ้าน ผมไม่คิดว่ามันจะจริงจังกับการลดน้ำหนักของผมขนาดนี้นะ





"คิดนานไหมเนี่ย เรื่องให้กูออกกำลังกายอ่ะ"





"ตั้งแต่กูอยู่ป.6 มึงว่านานไหม" ผมเหลือกตาบนกับคำตอบของมัน ที่ถามก็เพราะประชด แต่คำตอบของมันก็เสือกประชดผมกลับมาไง





"กลับได้ยัง"





"ได้ หลังจากนี่ทุกเย็น กูจะรับมึงมาที่นี่ อาหารก็กินตามตารางที่โค้ชจัดไว้ให้ล่ะ"





"..." ผมไม่ตอบ รู้สึกเพลียๆ ได้แต่นอนหายใจเข้าออกแล้วมองตรงไปด้านหน้า ถนนที่มีรถติดเป็นช่วงๆ แสงไฟข้างทางและร้านอาหารมากมาย กับความรู้สึกของขาและแขนของตัวเองที่เริ่มช้าจนรู้สึกได้ พรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมา ผมต้องปวดมากแน่ๆ คำถามแรกที่เกิดขึ้นมาในหัว คือทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ ทำไมคนเราต้องยึดติดกับรูปร่างหน้าตาขนาดนี้ จะรักจะชอบใคร ด้วยนิสัยจริงๆ ไม่ได้เลยหรือไงนะ แต่พอผมถามความรู้สึกลึกๆ ของตัวเองแล้ว ผมก็ชอบคนที่รูปร่างหน้าตาดีเหมือนกันนั่นแหละ ผมยอมรับตามตรงเลย ว่าตัวผมเองก็อิจฉาคนที่ชื่อคิสอยู่มาก หน้าตาโคตรจะดี ตัวเล็กๆ ขาวๆ ขนาดตัวผมเอง ยังอยากเป็นแบบนั้นมั่งเลย





ความรู้สึกกับความนึกคิดของคนเรา มันช่างย้อนแย้งกันตลอดเวลาจริงๆ สินะ กว่าจะถึงบ้านก็ทำเอาผมหมดแรงจะยืน ก้าวขาล้าๆ ของตัวเอง เดินตรงไปยังห้องนอน บุญเท่าไหร่แล้วที่ผมยังมีแรงยืนอาบน้ำได้ แต่พอได้ล้มตัวลงนอนเท่านั้นแหละ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คิด ค่อยๆ เลือนหายไปจากสมอง แขนขาที่ล้าจากการออกกำลังกาย พอได้พักแบบนี้แล้ว ผมแทบจะไม่อยากขยับตัวหรือกระดุกกระดิกไปไหนเลย เปลือกตาที่กะพริบในความมืดค่อยๆ หนักขึ้น และหนักขึ้น จนในที่สุด ผมก็หลับลงไปอย่างง่ายดายกว่าทุกที





เช้า





ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับร่างกายที่แทบจะขยับไม่ได้ แต่ก็ต้องฝืนตัวเองแล้วลุกขึ้นอาบน้ำ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ไอ้ไฟขับรถมาส่งผม ทั้งๆ ที่ตัวมันเองไม่มีเรียนสักวิชาด้วยซ้ำ





"เดี๋ยวตอนบ่ายกูมารับ"





"แล้วกูต้องไปยิมตอนบ่ายเลยหรือไง"





"ไม่ กูแค่บอกมึงไว้ก่อนเฉยๆ ว่าจะมารับ ส่วนจะพามึงไปไหน กูค่อยคิดอีกที"





"เออ สั่งจังนะ"





"ลงไปได้แล้ว กูง่วง" พอขับรถมาส่งถึงหน้าตึกคณะ มันก็ไล่ผมลงทันที หัวกระเซิงกับชุดนอนที่ยังไม่ได้เปลี่ยน เผลอๆ ก็ยังไม่ได้ล้างหน้าด้วยซ้ำ นี่มันอุตส่าห์ไปไหมนะ จริงๆ ให้ผมขับรถมาเองก็ได้นะ





ผมเดินขึ้นตึกเพื่อตรงไปยังห้องเรียนเลย วันนี้เป็นวันที่เรียนเช้า เพราะอาจารย์จะประกาศคะแนนสอบพร้อมกับเฉลยข้อสอบไปด้วย





"มาเช้านะ"





"มึงนั่นแหละ ทำไมสภาพเป็นแบบนี้วะ"





"ช่างเถอะ" ไอ้วินเงยหน้าขึ้นมาทักผม ก่อนจะก้มหน้าหมอบลงกับโต๊ะตามเดิม สภาพของมันเหมือนกับอดหลับอดนอนมา 3 คืนติดเถอะ ผมเลือกนั่งข้างมัน เพราะคนอื่นๆ ยังไม่มา





"อ้วน" ทั้งเสียงและคำเอ่ยทัก ทำให้ผมชะงักค้าง เหมือนกับถูกสาปให้เป็นหิน





"..."





"อ้วน ออกมาคุยกับกูหน่อยสิ" เสียงจากทางด้านข้างเอ่ยขึ้น ผมแน่ใจมากว่าตัวเองจะไม่หันไปมองทางมันเด็ดขาด





"อยากให้กูจัดการให้ไหม" ไอ้วินพูดขึ้น





"ไม่ต้อง"





"อ้วน แค่เรื่องเข้าใจผิดวันนั้น มึงถึงกับให้อภัยกูไม่ได้เลยเหรอ"





"..."





"...ลาวา กูขอล่ะ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม กูรักมึงจริงๆ นะโว้ย" หึ ผมอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง ไม่ใช่เพราะไอ้ลิเคียวนะ แต่เพราะหัวใจของผมเองนี่แหละ ที่เต้นไปกับคำพูดของมัน





"กูเคยแล้ว กูลองเปิดใจให้มึงแล้ว แต่มึงเองไม่ใช่หรือไง ที่ทำมันพัง" ผมบอกออกไป ก่อนที่จะหันหน้าไปสบตากับอีกฝ่าย ผมชะงักยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก ผมไม่เคยเห็นไอ้ลิเคียวโทรมขนาดนี้มาก่อน ตาโหลๆ หนวดเคราที่ไม่ยอมโกนออก เสื้อผ้าที่มอมแมม เป็นภาพที่ดูไม่ได้เลย





"กูขอโทษนะ กูขอโอกาสจากมึงสักครั้งไม่ได้เลยหรือไง มึงให้อภัยกูได้ไหม นะอ้วนนะ" ทั้งคำวิงวอน ทั้งสายตา ทำเอาผมแทบใจอ่อน





"หึ มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอครับ ผมว่าคำพูดของพี่คงไม่มีค่ามากเท่าไหร่แล้วล่ะตอนนี้"





"แล้วกูต้องทำยังไงล่ะ"





"ก็ลองตามง้อให้มากกว่านี้ ตื๊อให้มากกว่านี้ดูสิครับ ช่วงเวลานี้ พี่ก็ทบทวนตัวเองไปด้วย ว่าพี่จะง้ออีกคนได้มากแค่ไหน เพราะถ้าพี่วายอมให้อภัยพี่ง่ายๆ สุดท้ายมันอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้นะครับ"





"แล้วกูต้องทำยังไงล่ะ"





"จีบสิ ตามจีบพี่วาใหม่ ไหนๆ ก็เลิกกันแล้ว"





"กูยังไม่เลิก"





"ก็ไม่ต่างกันนิครับ"





"กวนตีน"





"นี่ผมแนะนำพี่อยู่นะ"





"ชุน มาทำอะไรที่นี่" ผมรีบถามไอ้เด็กชุน ก่อนที่มันจะพูดมากไปกว่านี้





"ผมเอาเอกสารที่พี่วินลืมไว้หลังรถมาให้"





"มันหลับอยู่" ผมบอกแล้วชี้ไปที่โต๊ะที่ไอ้วินหลับอยู่





"งั้นผมฝากไว้กับพี่ละกัน ผมไม่อยากปลุก เมื่อคืนยิ่งนอนน้อยๆ อยู่"





"เออ"





"งั้นผมกลับก่อนละ"





"เอามันไปด้วยสิ" ผมบอกแล้วชี้ไปที่ไอ้ลิเคียว ตัวพวกมันก็เท่าๆ กันนะครับ แต่ไอ้เด็กชุนแม่งแรงโคตรจะเยอะเลย ยังไงมันก็คงลากไอ้ลิเคียวออกไปได้





"แต่กูยังคุยกับมึงไม่จบ"





"ผมว่าพี่ไปกับผมน่ะดีแล้ว อาจารย์ที่จะเข้าสอนเดินตามหลังผมมาติดๆ เนี่ย" ไอ้เด็กชุนพูดยังไม่ทันจบ อาจารย์ก็เข้าห้องมาพอดีเลย





"ไปครับ อย่ากวนคนที่จะเรียนเลย" ไอ้เด็กชุนบอกแล้วลากไอ้ลิเคียวออกไป ถึงมันมีท่าทีขัดขืนอยู่บ้าง แต่ก็ยอมเดินออกไป ไอ้เด็กชุนก็ไม่น่าไปพูดแบบนั้นเลย ผมกลัวว่าไอ้ลิเคียวจะตามผมไม่เลิก ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา ผมอยากจะตัดใจนะ ไม่อยากให้มันมีความหวังจากผม แต่ถ้าต้องเจอมันอยู่บ่อยๆ แบบนี้ ได้ยินคำอ้อนวอนแบบนี้ แล้วผมจะลืมมันได้ยังไงกันละ













นอกจากจะเอามือก่ายหน้าผากแล้ว ผมยังอยากจะเอาเท้าขึ้นมากายด้วย หลังจากที่ไอ้เด็กชุนให้คำแนะนำไอ้ลิเคียวไว้ นี่ก็ผ่านมา 2 เดือนแล้ว เป็น 2 เดือนที่แม่งโคตรจะตามติดผมเลย ทุกครั้งที่มันมีเวลาว่าง มันก็จะมานั่งเฝ้าผมตลอด ไม่ว่าจะเวลาเรียนหรือ เวลาที่ผมมายิม มันรู้แม้กระทั่ง เวลาที่ไอ้ไฟจะมารับ มาส่งผมด้วยซ้ำ





"เมื่อไหร่มึงจะเลิกตามกูเนี่ย"





"แล้วเมื่อไหร่มึงจะใจอ่อนสักทีล่ะ"





"มึงไม่คิดว่ามันจะไม่มีวันนั้นบ้างเหรอ"





"โธ่อ้วน กูไม่เคยตามตื๊อใครขนาดนี้เลยนะ มีแค่มึงคนเดียวเท่านั้น นอกจากเวลาเรียนกับนอนแล้ว กูก็ไม่มีเวลาให้ใครอีกนอกจากมึงเลย เชื่อใจกูได้แล้ว"





"ลิเคียว! " ผมเรียกชื่อมันด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเดินลงจากลู่วิ่งที่เพิ่งขึ้นไปได้ไม่ถึง 5 นาที





"กูไม่ชอบที่มึงทำเสียงจริงจังแบบนี้เลย"





"มึงไม่เบื่อเหรอ ที่ต้องมาตามติดกูแบบนี้ทุกวัน"





"ไม่นิ ถึงมึงจะทำเป็นไม่สนใจกู แต่กูก็ไม่เคยเบื่อเลย"





"แต่กู..."





"ลาวาคะ" ผมยังพูดไม่ทันจบ เสียงของฝนก็ดังขึ้นมาจากหน้าประตู





"อ้าว มาแล้วเหรอฝน"





"ค่ะ วันนี้ฝนมาช้า เพราะต้องไปรับน้องฟ้าที่โรงเรียนประถมก่อน"





"อ่อครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลยเถอะ" ผมบอกแล้วหันไปสบตากับไอ้ลิเคียวเพื่อบอกเป็นในๆ ให้มันหลบไป





"ดีค่ะ" ฝนตอบรับด้วยรอยยิ้มที่สดใส เธอเป็นคนสวยที่หุ่นโคตรจะดีเลย ด้วยความที่เทรนเนอร์คนเก่าของผมบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ฝนที่ดูแลอีกห้องหนึ่ง ต้องมาดูแลผมแทน จากตารางที่เธอว่างตรงกับผมพอดี





"ดูเหมือนกล้ามเนื้อจะกระชับกว่าแต่ก่อนนะคะ" ฝนบอกผมพร้อมกับมองเอกสารในมือ





"คงใช่มั้งครับ เพื่อนๆ ของผมก็ทักอยู่ ว่าผมดูผอมลง แถมน้ำหนักก็ลดลงไปหลายกิโลอีกด้วย"





"งั้นวันนี้เล่นเจ้าเครื่องนี้นะคะ แล้วฝนขอตัวไปเปลี่ยนตารางอาหารของคุณให้ก่อน"





"ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับ" ผมกล่าว ทำให้ฝนหันมายิ้มให้ ผมไม่ได้อยากจะรู้สึกเข้าข้างตัวเองนะ แต่ผมจะพูดยังไงดีล่ะ มันเหมือนยังไม่ชัวร์ แต่ผมรู้สึกได้ ว่าฝนมีความรู้สึกดีๆ ให้กับผม





"มึงเปลี่ยนเทรนเนอร์ใหม่ไม่ได้เหรอ" หลังจากฝนเดินไป ยังไม่ทันผ่านประตูห้องด้วยซ้ำ ไอ้ลิเคียวก็เดินเข้ามาใกล้ผมแล้วพูดดักขึ้นมาทันทีเลย





"อะไรของมึงเนี่ย"





"กูอยากให้มึงเปลี่ยนเทรนเนอร์คนใหม่ คนนี้กูรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้"





"นั่นเทรนเนอร์กูถูกไหม"





"เออ"





"ส่วนมึงรู้สึกไม่ดี...นั่นก็เรื่องของมึง ไม่ใช่เรื่องของกู เพราะกูรู้สึกดีกับฝนเขามากๆ จบนะ" ผมบอกแล้วผลักไอ้ลิเคียวให้ถอยไป





หมับ





"อะไรของมึงอีก" ผมหันไปถามอย่างหงุดหงิด เพราะไอ้ลิเคียวคว้ามือของผมไว้ ไม่ยอมให้เดินไปไหน





"อ้วน! ถึงมึงจะยังไม่ให้อภัยกู กูก็ไม่ว่า แต่มึงจะมาพูดว่ารู้สึกดีกับคนอื่นแบบนี้ไม่ได้"





"เหี้ย…มึง! " ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก อยู่ๆ ไอ้ลิเคียวก็พูดบอกผมทั้งน้ำตา ถึงจะแค่หยดเดียวก่อนที่ไอ้ลิเคียวจะเช็ดออกก็เถอะ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย คนอย่างไอ้ลิเคียวเนี่ยนะร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้





"ช่างเถอะ กูคงบ้าไปแล้ว" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วปล่อยมือผมออก





"มึงเหนื่อยไหม" ครั้งนี้เป็นผมเอง ที่เป็นฝ่ายถามมันขึ้นมา





"อืม กูเหนื่อย แต่กูยังอยากมีมึงอยู่ข้างๆ กูเลยท้อได้ แต่กูคงจะไม่ถอย" คำพูดเหนื่อยของไอ้ลิเคียว ทำเอาหัวใจผมตกวูบไปชั่วขณะ จนได้ยินประโยคหลัง หัวใจของผม ก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง บอกตามตรง มีหลายครั้งที่ผมเผลอใจอ่อนให้กับมัน อยากจะตอบรับ อยากจะบอกว่าให้อภัย แต่ก็กลัวว่าทุกอย่างจะเป็นแบบเดิม สันดานเป็นเสือ มันก็ยังคงเป็นเสืออยู่วันยังค่ำ ผมถึงยังไม่กล้ายอมรับมันอีกครั้ง





"มึงไม่ต้องสนที่กูร้องไห้หรอก แค่มึงไม่สนคนอื่นก็พอ ดื่มน้ำไหม…อ่ะ"





"อืม ขอบใจ" ไอ้ลิเคียวเปลี่ยนเรื่องพูด ก่อนจะส่งน้ำในมือมาให้ เดี๋ยวนี้มันมักจะเทกแคร์ผม ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ผมไม่อยากจะปฏิเสธน้ำใจของมัน เพราะไม่อยากจะฝืนหัวใจตัวเองไปมากกว่านี้เหมือนกันด้วย

หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 24 | 25/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-06-2020 13:45:37
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 25 | 26/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 26-06-2020 10:05:19
ตอนที่ 25

"มึงไม่ไปกินข้าวที่คณะมึงวะ"

"ก็กูอยากกินกับมึง" คำตอบของไอ้ลิเคียว ทำเอาผมเหลือกตาขึ้นบน ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเอามากขนาดนี้ ขนาดมันมีเวลาพักแค่ครึ่งชั่วโมง มันยังอุตส่าห์ขับรถมานั่งกินข้าวกับผมเลย

"มึงมีเรียนต่ออีกไหม" ไอ้ลิเคียวหันไปถามไอ้วิน เพราะถ้ามันถามผม ผมก็ไม่ตอบมันอยู่ดี

"ไม่"

"อ้วน กินข้าวเสร็จแล้วมึงจะไปไหน รอกูสักชั่วโมงได้ป่ะ"

"เรื่องอะไร"

"น่า กูยังมารอมึงเป็นชั่วโมงๆ เลย รอกูชั่วโมงเดียวเอง นะๆ "

"มึงรอกู นั่นเรื่องของมึง กูไม่อยากรอมึง อันนี้เรื่องของกู จบนะ"

"โธ่ ใจร้ายจังวะ" ไอ้ลิเคียวบ่นอุบ ปากก็รีบซัดข้าวซะคำใหญ่ ก็รู้ว่าตัวเองมีเวลาไม่มาก ยังเสือกจะขับรถมากินที่คณะผมอีก กว่าจะไป กว่าจะกลับก็กินเวลาไปหลายสิบนาทีแล้ว

ผมนั่งกินข้าวเงียบๆ เพราะไอ้วินมันนั่งกินข้าวกับไอ้เด็กชุน เพื่อนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันกลับหมดแล้ว ถ้าผมไม่ติดว่า จะติดรถไอ้วินกลับด้วย ผมคงไม่อยู่เจอหน้าไอ้ลิเคียวเป็นแน่

นั่งอยู่ดีๆ ไอ้ลิเคียวก็ลุกพรวดพราดเดินออกไป ทำเอาผมมองตามเลย ตอนแรกนึกว่ามันจะเดินกลับไปที่รถ แต่เปล่าเลย มันเดินไปที่ซุ้มป้าเพื่อซื้ออะไรบางอย่าง ไม่ใช่ว่า มันจะกินอีกกล่องหรือไงนะ เวลาก็ไม่มีแล้วด้วย

"พี่ลิเคียวจะกินอีกกล่องหรือเปล่า ผมไม่มีเวลาแล้ว ยังไงผมไปก่อนนะ" ไอ้เด็กชุนพูดขึ้น จริงๆ มันมีเวลาพักชั่วโมงหนึ่ง แต่มันต้องไปเตรียมตัวก่อน ไอ้ชุนมันเรียนหมอ ถึงจะดูเถื่อน แต่มันก็เรียนเก่ง แถมยังตรงต่อเวลาอีกด้วย

"อ่ะ อ้วน กูไปก่อนนะ" ไอ้ลิเคียวเดินมาถึงผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เพราะผมมัวแต่มองไอ้เด็กชุนอยู่ มันส่งน้ำเปล่ามาให้ผมขวดหนึ่ง ส่วนของมันถือไว้ในมือ

"เออ" ผมตอบรับมันแค่นั้น ไอ้ลิเคียวก็รีบวิ่งไปที่รถของตัวเอง ก่อนจะสตาร์ทรถออกไป

"กลับเลยไหม" ไอ้วินถาม

"อืม"

"มึงขับนะ" ไอ้วินพูดแล้วโยนกุญแจรถมาให้ผม ผมยอมรับแต่โดยดี ยังไงขับเองก็ดีกว่าเป็นไหนๆ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ไอ้แม็กไม่ติดต่อมาเลย รวมถึงพ่อผมด้วย โทรไปหาก็รับบ้างนานๆ ที คุยกันแต่ละครั้งนับคำได้เลย

"ไฟ กูอยากคุยกับพ่อ"

"กูก็อยาก"

"เขาโทรหามึงบ้างไหม"

"ก็นานๆ ที"

"ไม่เห็นโทรหากูบ้างเลย"

"มึงอย่างอแงนะ เดี๋ยวกูกินข้าวไม่ลง"

"ก็กูคิดถึงอ่ะ" ผมบอกแล้วทำหน้ามุ่ย กับไอ้ไฟ พ่อยังโทรหามันก่อนเลย ทีกับผม โทรไปก็นานๆ ครั้งรับที

"อย่าเขี่ยข้าว"

"ขี้บ่น"

"ก็กินให้มันดีๆ " ไอ้ไฟพูดเสียงดุ ผมเลยทำหน้าบึ้งกว่าเดิม ถึงจะไม่อยากอาหารเท่าไหร่ แต่ก็สามารถกินได้เรื่อยๆ ไม่งั้นไอ้ไฟคงกินหัวผมแทน

"มึงคุยกับฝนบ้างไหม"

"ทำไม"

"เปล่า กูเห็นว่าเขาก็น่ารักดี ดูเหมือนจะชอบมึงด้วย"

"ทำไม ถ้าเขาชอบกู มึงจะให้กูคบกับเขาหรือไง"

"เมื่อก่อนสเปกมึงก็เป็นแบบนี้" ‘แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว’ คำตอบที่ผมอยากจะพูดออกไป แต่ผมไม่อยากเสี่ยงเจอตีนมัน เพราะฉะนั้นไม่พูดดีกว่า

"กูไม่ได้ชอบเขา"

"แต่ฝนก็นิสัยดีไม่ใช่เหรอ"

"อย่ายัดเยียดใครให้กู ถ้ากูจะชอบใครสักคน กูจะชอบเขาเอง"

"อย่างที่มึงชอบไอ้ลิเคียวอะนะ"

"มึงอย่ามาประชดกูนะไอ้ไฟ ถ้าฝนเขานิสัยดี น่ารัก มึงก็ชอบเขาเองสิ! " ผมพูดไปอย่างเหลืออด จะไม่ชวนทะเลาะสักวันจะได้ไหมวะ โมโหมากจนกินข้าวไม่ลง ผมเลยลุกขึ้นเพื่อจะเดินหนีเข้าห้อง

"เพราะมึงยังคุยกับไอ้ลิเคียวอยู่ใช่ไหม" ผมกำลังจะก้าวขาเดินไป แต่เพราะคำพูดของไอ้ไฟ ทำเอาผมชะงักค้าง

"เปล่า" ไอ้ลิเคียวต่างหาก ที่มาคุยกับผมเอง

"อย่าคิดว่ากูไม่รู้ไม่เห็นนะลาวา"

"มึงไม่ต้องมายุ่งเรื่องของกูได้ไหม" ผมบอกออกไปแล้ววิ่งหนีเข้าห้อง ไม่วายได้ยินเสียงตะโกนตามหลังมา

"แล้วมึงยังไม่เข็ดอีกหรือไง!! "

หึ ก็เพราะว่าเข็ดไง เพราะว่ากลัวว่าตัวเองจะแพ้ให้กับใจที่ไม่รักดี แพ้ให้คนที่ทรยศหักหลังความไว้ใจ ผมถึงต้องทรมานตัวเองอยู่แบบนี้ จะรัก…ก็ไม่ได้ จะไม่รัก…ก็ไม่ได้ ในเมื่อหัวใจมันไม่เชื่อฟังผมอีกต่อไป…ในเมื่อลึกๆ แล้ว ผมยังดีใจที่มันอยู่ข้างๆ ไม่ได้ไปมีใครใหม่ ทุกครั้งที่รู้ว่ามันจะมา ผมก็รอ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่จำเป็นต้องรอเจอมันก็ได้ แต่เพียงเพราะผมอยากเจอหน้ามันก็เท่านั้น แถมหัวใจของผม ยังเต้นแรงทุกครั้ง ทุกที่ ทุกเวลา ที่มีไอ้ลิเคียวอยู่ด้วย ในเมื่อหัวใจของผมยังเป็นของมันแบบนี้ จะให้ผมทำยังไงได้ล่ะ

ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ วันแล้ววันเล่า กับพ่อ ผมยังติดต่อไม่ได้ กับไอ้แม็ก มันก็นานๆ ติดต่อมาที กับไอ้ไฟ ทุกวันนี้ยิ่งเหมือนตาแก่ ขี้บ่นเข้าไปทุกวัน ผมกับมันก็ทะเลาะกันทุกวัน แทบจะไม่คุยดีๆ กันเลย ส่วนกับไอ้ลิเคียว จากที่ผมขับไล่ไอ้ลิเคียวบ่อยๆ จนตอนนี้กลายเป็นว่า ผมชักจะเริ่มชินกับการมีมันอยู่ข้างๆ มากกว่าแต่ก่อนซะอีก ดูเหมือนมันจะหน้าด้านหน้าทน แถมยังมึนเข้าไปทุกวัน เกาะติดผมหนึบยิ่งกว่าเงาซะอีก และดูเหมือนเพื่อนๆ ตัวดีของผม จะเข้าข้างไอ้ลิเคียวเป็นอย่างมากด้วย ไม่พ้นแม้แต่ไอ้เด็กชุน

"ยิ่งผอม พี่ยิ่งดูดีขึ้นนะ"

"ทำไม ตอนกูอ้วน กูดูไม่ดีหรือไง"

"ก็ดูดี แต่ตอนนี้แค่ดูดีกว่า ว่าแต่พี่น่ะ ผอมลงไปเยอะเลยนะ"

"ใช่ป่ะ แต่มึงดูหน้ากูดิ ทำไมมันไม่ลดลงไปด้วยวะ"

"แบบนี้ก็ดูดีแล้ว เนอะพี่วิน"

"อืม" เสียงตอบรับจากไอ้วินที่นั่งเงียบมาตลอดทาง เงียบจนผมคิดว่าตัวเองมากับไอ้เด็กชุนแค่สองคนแล้วนะเนี่ย

"ตอนนี้พี่ยังต้องกินอาหารตามตารางอยู่ไหม"

"ไม่ต้องแล้วโว้ย กูถึงชวนพวกมึงมากินชาบูไง" ผมบอก นานๆ ที กินเยอะๆ บ้างก็คงไม่เป็นไร พอออกกำลังกายแล้ว นอกจากหุ่นที่ลดลง ผมว่าตัวเองสุขภาพดีขึ้นเยอะเลยนะ

"ถึงแล้ว เชิญลงไปจองที่เลยครับ เดี๋ยวผมวนหาที่จองแป๊บ"

"รีบตามมานะ" ไอ้วินพูด

"รับทราบครับผม" ท่าทางทะเล้นๆ ของไอ้เด็กชุน กับรอยสักเต็มตัว ผมว่ามันไปกันยาก แต่พอเวลาผ่านไป ผมว่า…มันก็เป็นเอกลักษณ์ของไอ้เด็กยักษ์นี่ไปเองนะ

"กี่ท่านคะ"

"3 ครับ"

"4 ครับ"

"หืม? "

"ลิเคียวด้วย"

"มึงชวนเหรอ"

"ชุนชวน"

"อ่ออืม"

"ดีกันแล้ว? "

"เปล่า"

"อืม" ผมตอบรับ ไม่โวยวายเหมือนแต่ก่อน ไอ้วินก็ถามเพียงเท่านี้ ไม่ว่ายังไง มันก็ยังคงพูดน้อยและไม่สนเรื่องคนอื่นมากเหมือนเดิม ต่างกับไอ้ไฟ ที่ชอบถามผมในหลายๆ เรื่อง เดี๋ยวนี้มันก็ยังคงไม่ปล่อยผมมากนัก ไม่รู้ว่าจะห่วงอะไรนักหนา แต่ก็ช่างเถอะ มันห่วงผม ก็ดีกว่ามันไม่สนใจผมล่ะนะ

"มารอนานหรือยัง" ไอ้ลิเคียวถาม มันเดินมาพร้อมกับไอ้ชุนเลย

"ว่างเหรอ" ผมถาม

"อืม กูว่างก่อนไปดูร้าน" ไอ้ลิเคียวบอก ดูเหมือนช่วงนี้ น้องๆ ของมันจะช่วยดูที่ร้าน LQ อยู่ ส่วนตัวมัน ต้องไปดูร้านที่เพิ่งเปิดใหม่แทน เพราะยังมีหลายๆ อย่างไม่ลงตัว อันนี้ผมไม่ได้อยากรู้นะ ไอ้ลิเคียวมันเล่าให้ผมฟังเอง

RRRRRR

เสียงโทรศัพท์ของไอ้ลิเคียวดังขึ้น ทำให้ผมหันไปมองตามเสียง หน้าจอโชว์เป็นเบอร์ต่างประเทศซะด้วย

"ใคร" ผมถาม

"กูไม่รู้"

"งั้นก็รับสิ" ผมบอก รู้สึกคันๆ ที่ใจลามมาถึงปากเลยเนี่ย ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ๆ หรืออยู่ด้วยกัน มันจะคุย จะรับสายใคร จะอะไร ผมก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่พอต้องมาเห็น มาอยู่ใกล้ๆ มันก็อดไม่ได้

"หึ"

"ยิ้มเหี้ยไร มึงก็รับสายสิ"

"ดีใจที่มึงหึง"

"หึงอะไร มึงอย่ามาบ้าได้ป่ะ" ผมบอกแล้วหันหน้าหนี ผมแค่ถาม ไม่ได้แปลว่าหึงสักหน่อย

"ปากไม่ตรงกับใจเลยนะครับ" ไอ้เด็กชุนพูดออกมา

"เสือก" ผมพูดแล้วเชิดหน้าขึ้น ไอ้เด็กชุนเลยได้แต่นั่งเงียบ แต่ก็ยังอมยิ้มอยู่ ทำหน้าล้อผมอยู่

“ครับ…ได้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะดูแลอย่างดีครับ…ครับ สวัสดีครับ”

"ใคร" ผมถามพลางจ้องหน้าไอ้ลิเคียว

"อ้วน! "

"ตามึงมีปัญหาเหรอ กูอ้วนตรงไหนไม่ทราบ" ผมกล้าพูดได้เต็มปากและโคตรจะภูมิใจเลย หลายเดือนที่ผ่านมา หยาดเหงื่อที่ผมเสียไป มันไม่ได้เสียเปล่าหรอกนะ นี่ถ้าเล่นอีกนิด ผมต้องมีกล้ามแน่ๆ

"แก้มมึงนี่ไง อ้วน! ไม่เห็นจะลดลงเลย"

"อืมม~ เจ็บ…มึงจะบีบทำไมเนี่ย" ว่าแล้วก็ตีมือไอ้ลิเคียวที่อยู่ๆ ก็ยื่นมือตัวเองมาจับแก้มผมแล้วดึง

"ย้วยเลยมั้งเนี่ย" ผมบอกแล้วลูบแก้มตัวเอง มองค้อนไอ้คนที่ดึงด้วย

"แก้มพี่ย้วยอยู่แล้วนิครับ"

"ชุน! " ไม่ใช่ผมเรียกนะ ไอ้วินต่างหาก เรียกเสียงเข้มด้วย ดี สมน้ำหน้า โดนดุซะมั่ง ผมมองไอ้ชุนแล้วยักคิ้วใส่

"ก็ผมพูดความจริง"

"อย่าเอาเรื่องจริงมาล้อ" ไอ้วินพูดแค่นั้นก่อนจะก้มลงไปดูเมนูอาหารตรงหน้าต่อ จากที่ไอ้เด็กชุนทำหน้าหงอ แม่งยิ้มเลยครับ ดูเหมือนคำดุที่เหมือนจะว่าผมไปด้วยเลย

ก็ใช่สิ ในเมื่อทุกส่วนในร่างกายของผมมันลดลง เหลือเพียงแต่แก้มของผมนี่แหละ ทำยังไงก็ไม่ลดสักที

“ตกลงใคร”

“ไม่มีใคร คุยเรื่องงาน”

“เออ” ก็แค่นี้ ถ้าคำตอบของมันเป็นคนที่มันจะคุยด้วยหรือแฟนในอนาคต อาจจะดีกว่านี้ก็ได้ อย่างน้อย ผมจะได้เสียใจตอนนี้เลย แล้วเจ็บให้มันจบๆ ไป

"เลือกได้หรือยัง"

"ยัง กูอยากกินหลายอย่าง"

"งั้นเดี๋ยวกูสั่งให้เอง เอา…" ว่าแล้วไอ้ลิเคียวก็หันไปสั่งอาหารกับพนักงาน จริงๆ ผมต้องโวยวายไปแล้ว แต่ที่เงียบปากไว้ เพราะงงใจกับไอ้ลิเคียวจริงๆ อาหารที่มันสั่งแต่ละอย่าง เป็นของชอบของผมทั้งหมดเลย ไม่แปลกที่มันจะจำได้บ้าง แต่แปลกตรงที่มันจำได้หมดทุกเมนูเลยจริงๆ เนี่ยสิ

"มึงรู้ได้ไงว่ากูจะกิน"

"กูเก่งใช่ไหมล่ะ"

"เกลียดสีหน้ามึงตอนนี้จริงๆ " ผมบอกแล้วเบนหน้านี้ ก็เพราะมันทำแบบนี้ เป็นแบบนี้ ผมถึงตัดใจจากมันไม่ได้สักที

"กินเสร็จจะไปไหนไหมครับ"

"บ้านไอ้โซ่"

"พี่จะไปขโมยไอ้รถถังทุกเช้าเย็นแบบนี้ไม่ได้นะ" ไอ้เด็กชุนบอก นี่ไอ้วินมันยังไม่เลิกนิสัยแบบนี้อีกสินะ

"งั้นกูไปด้วย"

"ไม่ได้ มึงต้องไปกับกู"

"อะไรของมึงไอ้ลิเคียว กูมากับไอ้วิน"

"แต่มึงต้องไปกับกู นะๆ ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย"

"ไปไหน"

"ร้าน"

"ไม่เอา ครั้งที่แล้วมึงก็ให้กูไปนั่งเฉยๆ " ผมเถียง เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยบังคับชาวบ้านชาวช่องสักทีนะ ครั้งก่อนก็ให้ผมไปนั่งอยู่ในห้องมันเฉยๆ จนผมเผลอหลับไปอ่ะคิดดู ตัวมันก็ออกไปดูรายละเอียด จัดการสั่งของอะไรไม่รู้เยอะแยะ

"แล้วมึงจะไปบ้านไอ้โซ่ทำไม"

"ไปเล่นเกม"

"ที่ห้องทำงานกูก็มี"

"แล้วมันเหมือนกันที่ไหนล่ะ"

"เหมือน"

"ไม่เหมือน ที่สำคัญ มึงเอากูไปทิ้งไว้ในห้อง ส่วนตัวมึงหายไปทำแต่งาน กูไม่อยู่ตรงนั้นก็ไม่เป็นไรเลย"

"เป็น"

"ไม่เป็น"

"เป็น เพราะกูมีมึงอยู่ด้วยแล้วกูสบายใจกว่าที่มึงออกไปตะลอนๆ ที่ไหนก็ไม่รู้กับเพื่อนๆ มึง" แค่ประโยคนี้แหละ ที่สามารถทำให้ผมเดินตามไปขึ้นรถมันอย่างง่ายดาย แถมยังเปิดประตูเข้าไปนั่งเองอีกด้วย

หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 25 | 26/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 26-06-2020 18:52:21
แฟนเก่า..แค่ได้ยินเบาเบา ก็เจ็บ
ฮืออออออออออ
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 25 | 26/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-06-2020 19:35:58
อ่านแล้วสงสารสวยรู้ใจตัวเองเมื่อสาย
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 26 | 28/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 28-06-2020 10:44:02
ตอนที่ 26


คุณเคยมีเพื่อน แล้วเพื่อนยุให้อยู่ห่างๆ จากคนที่เราชอบ เพราะเขานิสัยไม่ดีไหมครับ ผมเคยมีโมเม้นท์แบบนั้นนะ แต่ไม่รู้ทำไม เดี๋ยวนี้ทุกคนถึงได้เข้าข้างไอ้ลิเคียวกันหมด ทำเหมือนผมกับไอ้ลิเคียวคืนดีกันแล้วยังไงอย่างนั้น

"อ้วน ถ้าหิวก็โทรหากูนะ"

"เออ มึงออกไปได้ละ" ผมบอกไอ้ลิเคียวแต่สายตายังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งผมกำลังเมามันกับเกมที่ไอ้ลิเคียวต่อเข้าเครื่องให้อยู่

ผมเล่นอย่างไม่รู้เวลาเลย จนลูกน้องไอ้ลิเคียวเคาะประตูเข้ามาถาม ว่าผมจะกินอะไรไหม แต่ผมตอบไปว่ายังไม่หิว ทำไมมันไม่ว่างขนาดจะขึ้นมาถามผมเองเลยหรือไงนะ เล่นเกมก็เริ่มเบื่อแล้วเนี่ย

ผมลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจก่อนจะเดินไปนอนเล่นที่โซฟาตัวยาว จริงๆ ด้านในเป็นห้องนอนด้วย แต่ผมไม่อยากจะเข้าไปนอนสักเท่าไหร่ กลัวว่าตัวเองจะเผลอหลับไปจริงๆ

เปิดเฟซดูความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆ ดูเหมือนไอ้ธันก็ไปได้สวยกับจี เพราะแท็กสเตตัสไปเที่ยวด้วยกันอยู่บ่อยๆ ไอ้โซ่ยังคงรับเลี้ยงสัตว์ประหลาดมากมายเข้ามาในบ้าน จนเดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยอยากจะไปหามันสักเท่าไหร่ ข้อความที่มันโพสต์ส่วนมาก มีแต่ด่าไอ้วินซะมากกว่า ชอบแอบเข้าบ้านไอ้โซ่มัน ยิ่งเดี๋ยวนี้มีไอ้เด็กชุน ไม่รู้ว่าไปฝึกวิชานินจามาจากไหน กล้องวงจรปิดของไอ้โซ่ยังจับภาพไม่ได้เลย ส่วนไอ้สวย มันก็ยังมั่นหน้ามั่นใจเหมือนเดิม ถึงจะโดนไอ้ธันหักอกไป แต่มันก็ไม่ได้เศร้ามากมายอย่างที่คิด แถมยังมีหนุ่มๆ มาจีบไม่ขาดอีกด้วย



Liqueur ได้เพิ่มรูปภาพใหม่

3 ชั่วโมง

เด็กอ้วนนั่งเล่นคนเดียว ไม่มีเวลาให้ ขอบใจที่ยังมาอยู่ด้วยกัน

2.5K ถูกใจ 31 แสดงความคิดเห็น

ต้นตอ ใครอ่ะ

Luv Luv ดีกันแล้ว?

Sujitra มาดูสิ@Jane Jai

Porpla นั่นใครอ่ะ แฟนลิเคียวเหรอ



รูปภาพที่ไอ้ลิเคียวถ่าย คือภาพด้านหลังของผม ที่กำลังเล่นเกมอยู่ คงจะถ่ายตอนเดินออกไป เพราะเป็นภาพที่ถ่ายผ่านช่องประตูอีกที เห็นแบบนี้คิดว่าผมดีใจเหรอ เหอะ

"มึงนอนยิ้มอะไรให้โทรศัพท์อ่ะ"

"เหี้ย! ตกใจหมด มาไม่ให้สุ้มให้เสียงวะ"

"กูเคาะประตูแล้วเหอะอ้วน แล้วทำไมไม่กินข้าว"

"ไม่หิว"

"แต่กูสั่งมาแล้ว ลุกขึ้นมากินเลย" ไอ้ลิเคียวว่า แล้วส่งจานข้าวในมือของมันมาให้ผม

"แล้วมึงล่ะ ไม่กินเหรอ"

"กูยังไม่หิว" ไอ้ลิเคียวบอกแบบนั้นแล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ

ผมลุกขึ้นนั่งก่อนจะรับจานจากมือของมัน ไม่อยากจะเล่นตัวมากนัก ยังไงก็เอามาเสิร์ฟถึงที่แล้ว ยอมกินหน่อยก็แล้วกัน

"นี่นะ ไม่หิว" ไอ้ลิเคียวมองจานข้าวว่างเปล่า ก่อนจะหรี่ตากลับมามองผมอีกครั้ง

"เออ จะให้กูกินทิ้งกินขว้างแบบมึงหรือไง"

"เปล่า กินหมดก็ดีแล้ว ยังหิวอยู่ไหม"

"ก็บอกว่าไม่หิว แต่ตอนนี้อยากดื่มน้ำ" ผมบอกเสียงเบา ไอ้ลิเคียวก็พยักหน้าเข้าใจแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะหยิบน้ำออกมาให้

"ต้องเปิดให้ไหม" ไอ้ลิเคียวถามแบบกวนๆ แต่มือของมันกลับเปิดขวดน้ำให้เลย

"ขอบใจ" ผมยู่หน้าใส่ก่อนจะรับมาดื่ม มองไปทางไอ้ลิเคียวที่เดินมานั่งข้างๆ ผม แล้วมันก็จุดบุหรี่อีกม้วนหลังจากที่บุหรี่มวนแรกเพิ่งหมดไป

"มึงจะสูบอะไรนักหนา"

"มีเรื่องเครียดนิดหน่อย"

"แล้วมึงทำอย่างอื่นแทนไม่ได้หรือไงนอกจากสูบบุหรี่เนี่ย" ผมถามออกไป จะบอกว่าตัวเองจุ้นจ้านก็ว่าได้ แต่ผมไม่ชอบกลิ่นมันจริงๆ นิ ขนาดไอ้แม็ก ไอ้ไฟ พวกมันยังสูบไกลๆ ผมเลย ไม่รู้ว่าเป็นห่วงผมหรือกลัวผมบ่นกันแน่

"ก็ไม่รู้จะทำอะไร"

"ถ้างั้น..."

"เห้ยอ้วน มึงทำอะไรเนี่ย" ผมรีบแย่งบุหรี่จากมือไอ้ลิเคียวแล้วเอามาสูบเข้าเต็มปอด

"แค่กๆ ๆ ก็ลองสูบดูไง เวลาไม่รู้จะทำอะไร กูจะได้เอามาสูบดูบ้าง" พูดเก่งไปอย่างนั้น จริงๆ ผมสูบไม่เป็นหรอก แค่นี้ก็สำลักควันแล้ว

"พอๆ อย่าประชดกูแบบนี้อีกนะ"

"กูประชดอะไรมึง ถ้ากูจะสูบมันก็เรื่องของกูป่ะ"

"เออๆ เรื่องของกูอาจจะไม่ใช่เรื่องของมึง แต่เรื่องของมึง คือเรื่องของกูจังๆ เลยล่ะ" ไอ้ลิเคียวว่าแล้วเขวี้ยงซองบุหรี่ลงถังขยะที่มุมห้อง ผมไม่ได้พูดทักอะไร แต่ก็พอใจในระดับหนึ่ง นี่ก็ไม่รู้ด้วยหรอกนะ ว่าลับหลังผม มันจะยังสูบอีกไหม แต่ต่อหน้าผม แค่ไม่เห็นมันสูบ ผมก็พอใจแล้ว

"เบื่อไหม"

"อืม"

"โทษทีนะอ้วน ทั้งๆ ที่กูควรจะง้อมึง ควรจะทำอะไรให้มึง แต่กูไม่มีเวลาเลย"

"งานหนักเหรอ" ผมถามไอ้ลิเคียว มันเลยถือโอกาสเอนตัวมาพิงผม แล้วพยักหน้าแทนคำตอบ

"มีอะไรให้กูช่วยไหม" ถึงผมจะเรียนไม่เก่ง แต่ถ้าเรื่องงาน ลองสอนผมสักหน่อย ผมก็สามารถช่วยได้นะ

"กอดกูหน่อยสิ"

"ห๊ะ"

"กอดกูหน่อยสิอ้วน" ไอ้ลิเคียวพูดอีกครั้ง ก่อนที่ตัวมันเองจะเป็นคนโอบกอดผมจากทางด้านข้าง ส่วนผมก็ขยับไปโอบมันไว้เช่นกัน

เราต่างคนต่างเงียบ มันคงจะเหนื่อยมากจริงๆ นั่นแหละ ทั้งตามตื๊อผม ทั้งเรื่องเรียน ไหนจะงานของมันอีก เทียวไปที่นู่นที ที่นี่ที ลองไม่ได้น้องมันเข้ามาช่วย ไอ้ลิเคียวคงแย่เอาการแน่ๆ

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ผมโคตรจะโกรธมันมากๆ เลย ไม่อยากคุย ไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากเห็นแม้แต่เงาด้วยซ้ำ แต่ดูตอนนี้สิ ดีกันหรือก็ยัง ผมยังไม่ให้อภัยมันเลยด้วยซ้ำ แต่ตัวผมเองกลับตามมันตะลอนๆ ใครจะไปคิดล่ะ คนอย่างไอ้ลิเคียวเนี่ย จะตามง้อผมได้เป็นเดือนๆ ทั้งซื้อของ ทั้งพาไปกินอาหารที่ชอบ ทำอะไรให้ ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เอาจริงๆ ก็คิดว่ามันจะทำได้แค่วันสองวัน ที่ผ่านมามันเป็นคนแบบนี้ซะที่ไหน ที่มันผ่านอาทิตย์แรกๆ มาได้ ผมก็ทึ่งเต็มทนแล้ว นี่มันกี่เดือนแล้วนะ นับจากวันนั้นน่ะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น แต่คนด้านข้างของผมไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหนเลย ผมได้แต่มองไปที่ประตู ลุ้นอยู่ว่าใครจะเข้ามา

"อ้าว โทษที" ปัง ผมได้แต่นั่งอึ้ง เลิฟเป็นคนที่ผลักประตูเข้ามา แล้วก็ปิดออกไป นี่ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเขาเลยนะ เพิ่งโผล่มาได้แค่หน้าเท่านั้นเอง เลิฟก็ตกใจปิดประตูหนีไปซะละ

พรึ่บ

"ไม่ได้เอากันสักหน่อย จะเกรงใจไปทำไมล่ะ" รอบนี้ประตูเปิดออกพร้อมกับคำพูดเถรตรงของคนที่ผมไม่อยากจะเจอหน้ามากนัก

คิส เพื่อนในกลุ่มของไอ้ลิเคียว คนสนิทที่เป็นรักฝังใจจนผมอิจฉา ผมไม่ได้เกลียดคิสหรอกนะ เพียงแต่...จะว่ายังไงดีล่ะ ไม่อยากเจอหน้านี่ถือว่าเกลียดไหมนะ

"มากันทำไม" ไอ้ลิเคียวพูดขึ้น ขณะที่เรายังอยู่กันในท่าเดิม

"ทำไม เดี๋ยวนี้จะเจอเพื่อนอย่างมึง กูต้องโทรมาขออนุญาตก่อนหรือไง"

"คิส! พูดดีๆ สิ" เลิฟหันไปดุ ก่อนจะยิ้มแหยๆ มาทางผม

"เราชวนมาเองแหละ ก็เห็นว่าช่วงนี้ลิเคียวยุ่งๆ เลยอยากมาช่วยน่ะ"

"ห้องบัญชีอยู่ถัดไป งานอยู่บนโต๊ะนั่นแหละ" ไอ้ลิเคียวว่าแล้วชี้นิ้วไปทางห้องข้างๆ

"งั้นกูกลับก่อนนะ" ผมที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้นอกจากนั่งโง่ๆ ยังไงมันก็มีเพื่อนมาช่วยแล้ว งั้นผมกลับบ้านไม่ดีกว่าเหรอ จะได้ไม่เกะกะพวกมันด้วย

"ไม่ต้อง" ไอ้ลิเคียวพูดแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ทำเอาผมที่ทำท่าจะลุก ก็ลุกไม่ได้

"โอเค งั้นลิเคียวพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวเรากับคิสช่วยดูบัญชีให้เอง แคนดี้กับฟลาวก็ช่วยดูงานอยู่ด้านล่างนะ ไม่ต้องห่วง" เลิฟบอกแล้วดันคิสให้ถอยกลับไปยังประตู

"ผอมลงนะ ดูหล่อขึ้นเลย" เลิฟบอกก่อนที่จะออกไป

"จริงเหรอ"

"อืม ^^" ผมดีใจนะที่มีคนชม ยิ่งพอมาได้ยินจากปากของเลิฟด้วยแล้ว ยิ่งดีใจใหญ่เลย

"ยิ้มมากไป" ไอ้ลิเคียวพูดเสียงเข้ม

"อะไรของมึง"

"มึงไม่ได้หล่อขนาดนั้นหรอก แฟนมันหล่อกว่ามึงเยอะ"

"ห๊ะ เลิฟมีแฟนเป็นผู้ชายเหรอ"

"เออ เพราะฉะนั้น มึงเลิกมองมันแบบนั้นได้ล่ะ"

"มองยังไง กูก็มองปกติเถอะ แต่ก็นะ ดีจังที่เลิฟชอบผู้ชาย อย่างนี้กูก็มีหวังน่ะสิ"

"อ้วน มึงอย่ากวนตีน"

"กวนตีนอะไรของมึง" ผมเชิดหน้าใส่ อย่างเลิฟนี่สิ ผู้ชายที่ตรงสเปกผม ทั้งสุภาพ ทั้งพูดเพราะ น่าจะเป็นแฟนที่ดีกว่าใครบางคนเยอะเลย

"เดี๋ยวมึงจะโดนตี"

"ถ้ามึงตีกู กูจะฟ้องไอ้ไฟ อุ๊บ...อืมมม" ไอ้ลิเคียวฉวยโอกาสที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว อยู่ๆ มันก็จับคางของผมแน่น ก่อนจะขยับหน้าเข้ามาแล้วจูบผมอย่างจัง ด้วยความที่ยังไม่ทันตั้งตัวและตกใจ ผมเลยทุบไหล่มันไปซะหลายที

"แฮ่กๆ " กว่ามันจะถอนจูบออกไปได้ เล่นดูดจนผมเจ็บไปหมด ความอ่อนหวานนุ่มนวล ไม่มีกับเขาหรอก

"กูมันเขี้ยวมึงจัง" ไอ้ลิเคียวบอก เสียงของมันอยู่ใกล้กับหน้าผมเพียงคืบเดียว มือที่ลื่นไหลเป็นปลาหมึก นี่มันตั้งใจใช่ไหม

"อย่าทำนะมึง" ผมบอกออกไป แล้วกำมือตัวเองแน่น ยอมรับว่าไม่กล้าจ้องหน้ากับไอ้ลิเคียวเลย กลัวตัวเองจะหวั่นไหวและเคลิบเคลิ้มไปกับสายตาของมัน

"แฮ่กๆ " กว่ามันจะถอนจูบออกไปได้ เล่นดูดจนผมเจ็บไปหมด ความอ่อนหวานนุ่มนวล ไม่มีกับเขาหรอก

"ลาวา" ไอ้ลิเคียวในตอนนี้ เหมือนกับเสือโหยที่กำลังจ้องจะกินเหยื่อ แววตาดุดันจนทำให้ผมเอนอ่อนไปได้ง่าย หัวใจเจ้ากรรมของผมก็เหมือนรู้งาน เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ จนผมเหนื่อยหอบ จากที่ไอ้ลิเคียวนั่งอยู่ข้างๆ ผม ตอนนี้มันขยับมานั่งคุกเข่าที่ด้านหน้าของผมแทน ส่วนตัวผม ก็ยังนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม กับท่าทางเดิมๆ ที่ตอนนี้เกร็งไปหมดทั้งตัว

"ลิเคียว...ฮึ่ย" ผมร้องเสียงออกมาเพียงเล็กน้อย เพราะไอ้ลิเคียวมันขยับเข้ามาหา ก่อนจะงับที่ปากล่างของผมอย่างจัง ทั้งกัด ทั้งดูดอยู่แบบนั้นเหมือนกับจงใจแกล้ง มันไม่ได้จูบหรือแม้จะสอดลิ้นเข้ามา เพียงแต่ใช้ลิ้นกับฟันของมัน เล่นกับริมฝีปากล่างของผมไม่หยุด

ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่มือของผม วางอยู่ที่ไหล่ของไอ้ลิเคียว แถมยังบีบไหล่ของมันแรงอีกด้วย

พรึ่บ…อัก!

เสียงประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับร่างสูงที่เคยนั่งอยู่ตรงหน้าหงายหลังลงไปด้วยแรงถีบจากปลายเท้าของผมเอง

"อุ๊บส์ ยังไม่เอากันอีกเหรอ"

"เข้ามาทำไมเนี่ย" เสียงไอ้ลิเคียวร้องบอก ทั้งๆ ที่ตัวมันยังนอนขดกุมท้องตัวเองอยู่

"ถ้ากูบอกว่ามาเอาของที่ลืมไว้ มึงกับเมียจะทะเลาะกันอีกไหม"

"…" ผมไม่ตอบ ไอ้ลิเคียวก็ไม่ตอบเช่นกัน มันก็ขึ้นอยู่กับว่า ของอะไร ลืมไว้ที่ไหน และทำไมถึงได้ลืม

"แต่เอาเถอะ ยังไงพวกมึงก็ช่วยมาหาสร้อยข้อเท้าเส้นสำคัญของกูทีสิ กูทำตกตอนที่มาค้างวันก่อน" เสียงคิสพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก ผมได้แต่หันไปมองคนที่นอนกุมท้องของตัวเองอยู่ด้านล่าง

"ไอ้คิส มึงก็อธิบายด้วยสิวะ ว่าทำไมมาทำตกไว้ แม่ง เดี๋ยวมันเข้าใจกูผิดอีก"

"เอ้า ก็เห็นไม่ตอบ นึกว่าเข้าใจกันดีอยู่แล้ว"

"ทำไม ยังไงมึงกับกูก็ไม่มีทางเป็นไปได้ มันไม่ได้ตั้งนานแล้ว เมียมึงไม่เข้าใจเองนิ กูทำอะไรผิดล่ะ กูมาช่วยงานมึงแค่นี้ กูต้องขอโทษพวกมึงไหม" คิสรั่วมาเป็นชุด ทำเอาผมอึ้งไปเลย ก็เข้าใจในความเป็นเขานะ ร้ายๆ แรงๆ แล้วก็พูดตรงๆ

"แล้วกูต้องอธิบายด้วยไหม ว่าที่กูทำสร้อยข้อเท้าตกเพราะมาเอากับแฟนกูที่นี่ หรือต้องบอกด้วยว่าเอากันท่าไหน"

"พอๆ มึงออกไปได้ละ เดี๋ยวกูให้คนมาทำความสะอาด ถ้าเจอแล้วจะบอกมึงอีกทีแล้วกัน" ไอ้ลิเคียวรีบไล่คิสออกไป ไม่อย่างงั้น ผมว่าคนอย่างคิส คงพูดออกมาจริงๆ นั่นแหละ

“เออ หาให้ด้วย ของสำคัญ” คิสบอกก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางประตู

ปัง

คิสปิดประตูเสียงดัง เดินหน้าตั้งออกไปเลย จากที่เมื่อกี้ที่มายืนโวยวาย ตอนนี้ห้องทั้งห้องได้เงียบลงไปแล้ว เรื่องคิสไม่คิดอะไรกับไอ้ลิเคียวอ่ะ ผมเข้าใจ แต่กับไอ้ลิเคียวเนี่ยสิ คนมันเคยรักฝังใจ จะเลิกรักกันง่ายๆ ได้เหรอ แถมยังเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน สนิทกันมาก เจอหน้าดันตลอดทุกวันอีกด้วย

"อ้วน คิดอะไรของมึงอยู่"

"อะไร"

"หน้ามึงตอนนี้ บ่งบอกชัดเจนมาก คิดอะไรก็พูดมาดิวะ"

"เปล่า"

"ไอ้อ้วน! "

"ไอ้เหี้ย! " เอาสิ ด่ามาด่ากลับ นี่ถ้าขึ้นเสียงมา จะร้องไห้กลับไปให้ดู

"ยอมๆ โอเค กูยอม" ไอ้ลิเคียวว่า แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าว่ามันยอมจริงๆ

"กูชอบมึงนะ"

"ปะ...เป็นบ้าเหรอ อยู่ๆ มาพูดอะไรของมึงไม่รู้ วู้" ทำเฉไฉไปอย่างนั้นเอง จริงๆ ในใจของผมเต้นระรั่ว รู้สึกตัวเบาๆ จนเหมือนกับว่า ตัวเองจะบินได้

"หึ เรื่องกูกับไอ้คิส ชัดเจนแล้วนะ"

"กูไม่รู้"

"ไม่รู้อะไรอีกวะ อ้วน" ไอ้ลิเคียวพูดอย่างหัวเสีย ก่อนจะเด้งตัวขึ้นมาจากพื้น เพื่อขึ้นมากอดเขาผม ก่อนจะซุกหน้าไว้ที่ตัก

"ไม่รู้ก็คือไม่รู้ แล้วนี่เป็นอะไรของมึง" ผมบอกแล้วสั่นขาเพื่อให้มันลุกขึ้น

"ไม่ชอบเหรอ"

"ไม่ชอบ" ที่ไหนกันล่ะ คนหล่อๆ ตอนอ้อนเนี่ย ใครๆ ก็ชอบทั้งนั้นแหละ แล้วนี่มันเรียกว่าอ้อนใช่ไหมวะ

"แสดงว่าไอ้สวยหลอกกูสินะ" ไอ้ลิเคียวพึมพำ มันเลิกกอดเขาผมและเลิกเอาหน้าซุกกับตักแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นมานั่งข้างๆ ผมแทน

"ไม่ไปทำงานหรือไง"

"ขี้เกียจ"

"ถ้าอย่างนั้น ส่งกูกลับได้หรือยัง"

"รีบจังวะ"

"ตี 1 เนี่ยนะ ที่มึงบอกกูรีบ"

"เออนั่นแหละ นอนที่นี่เลยแล้วกัน เนอะๆ "

"อย่ามาทำมึนนะไอ้ลิเคียว"

"มึนอะไร ก็นอนที่นี่แหละ ป่ะ" ไม่พูดเปล่า ไอ้ลิเคียวลุกขึ้นแล้วก้มลงมาช้อนตัวของผมขึ้นไปด้วย ทำเอาผมต้องรีบคล้องคอมันไว้เลย

"ไอ้เหี้ย เดี๋ยวตก"

"ไม่ตกหรอกน่า ถ้ามึงไม่ดิ้น เมื่อก่อนหนักกว่านี้กูยังอุ้มมาแล้วเลย" ไอ้ลิเคียวบอกแบบนั้น ทำให้ผมไม่กล้าดิ้นแรง กลัวตกอยู่เหมือนกัน ได้แต่มองค้อนมันแรงๆ ซึ่งไอ้ลิเคียวมันก็ไม่ได้สนใจอะไรผม นอกจากเดินผิวปากสบายๆ จนมาถึงเตียง

"ลาวา"

"อะ...อะไร" ด้วยความที่เราไม่ค่อยเรียกชื่อของกันและกันดีๆ พอมาได้ยินไอ้ลิเคียวพูดแบบนี้แล้วผมรู้สึกแปลกๆ แฮะ

"ทำได้ไหม"

"ไม่ได้"

"กูขอมึงแล้วนะ"

"มึงบังคับกูออกจะบ่อย"

"แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว" พูดเสียงอ่อยแล้วทำหน้างอเชียว

"ทำไม"

"กลัวมึงเสียใจ"

ตึกๆ ตึกๆ

ให้ตายสิ มันพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอวะ

"เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะ"

"กูขอมึงเป็นแฟนร้อยรอบได้แล้วมั้ง เป็นแฟนกับกูสักทีสิ"

"ไม่"

"ใจร้ายจังวะ ถึงมึงจะบอกว่ากูไม่ได้เป็นแฟนมึง แต่มึงยังเป็นแฟนกูอยู่นะ"

"แฟนมึงมีเยอะแยะ"

"เหลือแค่มึงตั้งนานแล้ว"

"ตอแหล" ผมบอกเสียงเบา แต่ไอ้ลิเคียวมันคงได้ยิน

"จับอะไรของมึงเนี่ย"

"ก็จับไปทั่วนั่นแหละ มันเขี้ยว"

"ไอ้บ้า"

"เมื่อไหร่มึงจะเลิกโกรธ เลิกงอนกูสักทีล่ะ"

"มึงไม่เห็นต้องแคร์กูขนาดนี้เลย"

"ก็รักไปแล้ว ไม่แคร์ได้เหรอ"

"มึงพูดแบบนี้กับทุกคนใช่ไหม"

"อ้วน ทำไมมึงรวนเก่ง"

"เปล่าสักหน่อย อย่าบีบหนักมือนักได้ไหม แดงหมดแล้วเนี่ย" ผมบอกแล้วผลักมันออก แม่งจับอยู่แต่ตรงต้นขาผมเนี่ย

"กูชอบ เวลามึงตัวแดง นี่ไงลองจับดูสิ" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วจับมือของผม ไปทาบกับหน้าอกของมัน หัวใจเต้นแรงเป็นเหมือนกันแฮะ

"ทรมานจัง มึงจะให้กูอดทนจริงๆ เหรอ"

"มึงก็ทนมาได้ตั้งหลายเดือน"

"จะฆ่ากันให้ตายจริงๆ ใช่ไหม ไม่สนใจคนที่ตัวเองรักจะดีเหรอ"

"งั้นก็ตายไปเลยไป" ผมบอกแล้วเชิดหน้าใส่

"พูดแบบนี้ กูเสียใจนะ"

"เหรอ งั้นก็ดี เสียใจเยอะๆ ล่ะ ได้ยินแบบนี้แล้วกูก็ดีใจ งืมมม ดึงทำไมเนี่ย" ผมว่าไอ้ลิเคียว เล่นดึงแก้มซะแรงเลย

"ขอกอดหน่อยนะ"

"วันนี้อาการหนักนะมึง เหนื่อยสินะ" ผมถาม เพราะเห็นมันเป็นแบบนี้มาเกือบเดือนแล้ว เดี๋ยวไปเรียน เดี๋ยวมาหา เดี๋ยววนไปร้านนู้น ร้านนี้ จากที่อยู่ๆ ก็หายไป 2-3 วัน พอกลับมาก็กลายเป็นลากผมไปทำงานด้วย ถึงผมจะไม่ได้ทำอะไรก็เถอะ

"อืม กูคงหลงมึงมากไปหน่อย"

"บ้าแล้ว"

"ถ้ายังไม่เลือกกู อย่าเลือกใคร มึงเป็นคนสำคัญสำหรับกูนะ จำไว้"

"กูไม่รู้" ผมตอบแล้วหันหน้าหนี ผมไม่ได้มองใคร ยังคงมองแต่ไอ้ลิเคียวนั่นแหละ เพียงแต่บางเวลา ผมก็ไปเที่ยว ไปกินข้าวกับฝนหรือเพื่อนใหม่บางคนบ้าง

"แค่มึงอยากเอากู มึงจะพูดดีแบบไหนก็ได้ จะชักแม่น้ำทั้ง 5 มา มึงก็ทำได้"

"อย่าพูดแบบนั้นสิ ถ้ามึงไม่อยากให้กูทำ กูไม่ทำก็ได้ แต่ขอกูกอดมึงแบบนี้สักพักก็พอ"

“ช่างเถอะ ทำสิ ถึงมึงจะหลอก กูก็เต็มใจให้หลอก เพราะกูคงไม่น่าสมเพชไปมากกว่านี้แล้วละ”

“อ้วน มึงอย่าพูดแบบนี้ดิวะ กูไม่ได้หลอกอะไรมึงเลยนะ”

“กูคงพูดว่าเชื่อมึงตอนนี้ไม่ได้” ใช่ ผมยังไม่ไว้ใจมัน แต่ก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับมันตลอด ผมก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ทำผิดซ้ำซาก หากมีวันไหนที่มันมีคนอื่นจริง ผมก็คงเป็นแค่ไอ้โง่คนหนึ่งเท่านั้นเอง

"ทำเถอะ" ผมบอกแล้วหลับตาลง หลงใหลไปกับคำพูดของอีกคนและไม่สนสิ่งอื่นใด การเป็นคนโง่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่สักเท่าไหร่หรอก ยังไงผมก็โง่มาทั้งชีวิตแล้ว ถ้าจะโง่ต่อไป ก็คงไม่ผิดใช่ไหม ในเมื่อหัวใจของผมยังคงเรียกร้องแต่มันคนเดียว

หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 26 | 28/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-06-2020 11:25:54
คืนดีกันไปเถอะ คิสก็พูดออกมาซะขนาดนั้นแล้ว แค่ไม่พูดทั้งหมดและเข้าใจผิดไปเองก็ถือว่าผิดกันคนละครึ่งไป คืนดีได้แล้วไอ้อ้วนลาวา
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 27 | 29/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 29-06-2020 08:01:03
ตอนที่ 27


ลิเคียว พาร์ท

"เจ็บ...เบาหน่อย ฮึก" ผมกระแทกตัวเข้าไปในร่างของอีกคน ลงลึกเข้าไปจนสุดความยาว ผมเป็นคนรุนแรงในบางครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตลอด สาดส่องสายตามองดูลำตัวที่แดงก่ำของคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง ยิ่งทำให้อารมณ์ของผมเดือดจนแทบปะทุ

"ซี๊ดดด...อ้วน มึงอย่ารัดแน่นนักสิ เดี๋ยวกูก็เสร็จพอดี" จากครั้งแรกที่มีอะไรกัน มันนานจนผมอยากจะทำกับมันอีกครั้งมาโดยตลอด หลายครั้งหลายคราที่ผมมักจะลวนลามไอ้วาจนอีกคนบ่นแทบพ่นไฟใส่ แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้มากกว่านั้น เพราะดูเหมือนไม่ว่าผมจะทำอะไร ก็ผิดในสายตาของมันตลอด

แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกที่มันจะไม่เชื่อในตัวผม ขนาดตอนแรกๆ ผมยังไม่เชื่อในตัวเองเลย ผมที่เคยรักเคยชอบไอ้คิสมานาน จะสามารถเปลี่ยนมารักเพื่อนที่รู้จักกันมาค่อนชีวิตแทนได้ มันน่าอัศจรรย์จริงๆ นะครับ

จะว่าไป จุดเริ่มต้นทั้งหมด ก็เป็นเพราะตัวผมเอง ที่คิดจะเล่นสนุกกับไอ้วา ทำให้ติดเหง็กไปไหนไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ อยู่กับใคร คบกับใคร ผมไม่เคยรู้สึกสบายใจขนาดนี้มาก่อน ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก ตอนแรกก็ยังไม่ได้รักมันขนาดนี้นะ ถ้าถามว่าชอบไหม ผมพูดได้เลยว่าพอใจในตัวมันมาก

หลังจากที่ไอ้วาบอกเลิกผม ผมยังไม่ช้ำใจเท่าครั้งตอนที่รู้ตัวว่าจะไม่เจอมันอีก อะไรๆ จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การจะเปลี่ยนสถานะของเพื่อนคนหนึ่ง ให้ขยับกลายมาเป็นแฟน มันไม่ง่ายเลยนะ ยิ่งกับไอ้วาแล้ว ผมคงเป็นพระเอกคนหนึ่ง ที่โดนเพื่อนต่อยบ่อยที่สุดก็ว่าได้

ผมเคยรู้สึกท้อเหมือนกันนะ ไม่เคยต้องมาง้อใครนานขนาดนี้มาก่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องเริ่มจากตรงไหน ไปถามใครก็ไม่เห็นจะได้ผลสักอย่าง แต่พอคิดว่าตัวเองจะหยุด หัวใจของผมกลับเจ็บจี๊ดขึ้นมาเลย แค่คิดว่า พรุ่งนี้จะไม่ไปหา ไม่ไปตามดูไอ้วาแล้ว สมองของผมก็ยิ่งสั่งการหนักขึ้นมาทันที

...มันจะทำอะไรอยู่นะ

...มันจะกินข้าวแล้วหรือเปล่า

...มันจะรอผมไหม

...หรือจะมีใครเข้าไปคุยกับมันบ้างไหมนะ

ยิ่งคิดได้แบบนี้ก็ยิ่งกลัว จนสุดท้ายแล้วตัวผมเองนี่แหละ ที่ต้องวิ่งแจ้นไปหามันตลอด เหนื่อยนะ ทั้งเรื่องงาน ทั้งเรื่องเรียน แต่ผมรู้สึกเพียงแค่ว่า ขอให้ได้ไปเจอหน้า ไปนั่งกินข้าวด้วย ให้ตัวผมเองอุ่นใจว่าไม่เห็นมันคุยกับใคร ก็สบายใจแล้ว

ผมรู้ว่าผมเป็นคนผิด ผิดที่ปิดบังมัน ผิดที่ไม่ได้พูดเรื่องไอ้คิสออกไป เพราะกลัวว่ามันรู้ มันจะงอนผม แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า ไอ้วามันจะมารู้ทีหลังแล้วถึงกับบอกเลิกผมเลยในครั้งเดียว แต่ก็นั่นแหละ มันทำให้ผมรู้หัวใจตัวเองมากยิ่งขึ้นเหมือนกัน

"อ๊ะ...หยุดก่อน อื่ออ...มึง...ซู๊ดดด" เสียงของไอ้วา ทำให้ผมตื่นจากภวังค์

"ฮึ่ย...โคตรเสียวเลยแม่ง" ผมแทบอย่างจะสบถคำหยาบออกมา เสียวจะเกร็งไปหมดขนาดนี้ จะมาบอกให้ผมหยุดได้ยังไงวะ

"อ๊ะ...สะ...เสียว...เสียวเกินไป...อ๊ะ...อ๊ะ...อ่าาา" คนตัวเล็กใต้ร่าง นอนบิดเร้าอย่างทรมาน เสียงร้องขอให้ผมหยุด แต่มันเองก็ตอดรัดผมจะแทบจะขาดใจ แถมยังเสร็จไปก่อนซะได้ อย่างนี้ต้องลงโทษไหมเนี่ย

"อย่าเพิ่งขยับสิ" ผมบอกแล้วจับไอ้วานอนดีๆ มันเหมือนกับจะบิดตัวหนีการรุกรานจากผม ก้มลงมองสีหน้าเหยเกพร้อมกับฟังเสียงครางหวานหูที่ผมเริ่มบรรเลงอีกครั้ง ก่อนจะก้มตัวลงไปจูบอีกฝ่ายให้หยุดทักท้วง ด้านล่างของผมก็ทำงานไม่หยุด รู้สึกดีจนอยากจะปลดปล่อยออกมาซะเลยตอนนี้ แต่ก็อยากซึมซับความรู้สึกนี้ไว้นานๆ ด้วยเช่นกัน

"จุ๊บ หันหน้ามาสิ" ผมกระซิบบอกข้างหู คลอเคลียอีกคนตั้งแต่ใบหูจนไปถึงสันกราม ถึงมันจะผอมลงแล้ว แต่ใบหน้ายังคงกลมเหมือนเดิม แก้มยุ้ยๆ ของมัน นิ่มใสจนผมอยากกัดให้จมเขี้ยว แต่ก็ทำได้เพียงกัดเบาๆ เท่านั้น

"อย่าทำเจ็บ" คงกลัวว่าผมจะกัดแก้มมันแรงเลยพูดออกมา ผมจูบเข้าไปที่ขมับของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา แล้วเลื่อนลงมายังหาตาที่มีน้ำใสๆ ไหลปริ่มอยู่

"ไม่เจ็บนะครับ" ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พอมันมานอนอยู่แบบนี้แล้ว ดูน่าทะนุถนอมเข้าไปอีก

"บ้า" อีกคนว่าแล้วหันหน้าหนีไปอีกครั้ง ผมเริ่มซอยเข้าออกด้วยจังหวะที่เบาและช้าลง ดูเหมือนอีกคนคงจะขัดใจ รีบหันมาจ้องหน้าของผมเลย และนั่นแหละเป็นการดี เพราะผมเองก็รอจังหวะนี้อยู่แล้ว

"อ๊ะ...อืมมม" ไม่ต้องอ้าปากบ่น ผมก็สอดลิ้นร้อนเข้าไปไล่วน หยอกล้อกับลิ้นเล็ก ตวัดเกี่ยวดูดไล่วนต้อนลิ้นเล็กไปทั่วทั้งปาก ลิ้มรสความหอมหวามให้นานที่สุดจนอีกคนเริ่มจะทนไม่หายถึงผละออกมา

"แฮ่กๆ จะดูดวิญญาณกูด้วยหรือไง" ไอ้วาร้องบอกออกมาก่อนจะยันตัวขึ้นนิดหน่อย หอบหายใจเข้าปอดลึกๆ หลายที แล้วทิ้งตัวลงกับเตียงอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง

"ลิเคียว กูเมื่อยแล้วนะ"

"งั้นเปลี่ยนท่า"

"มึงควรเสร็จไหม ไม่ใช่เปลี่ยนท่า"

"ก็ยังอยากอยู่"

"แล้วมึงจะทำๆ หยุดๆ ทำเหี้ยอะไร แสบนะโว้ย"

"เออ รอบสุดท้ายละ"

"ตลอดอ่ะมึงอ่ะ" ไอ้วาบ่นแล้วผลักผมให้นอนลงข้างๆ มันแทน

"มึง! "

"กูทำเอง" ไอ้วาว่าแล้ว ขยับตัวอย่างเชื่องช้า ค่อยๆ พลิกตัวขึ้นมานั่งคร่อมผม ก่อนจะนั่งลงมาเต็มน้ำหนัก

"ขยับขึ้นไปด้านบน" เป็นคำสั่งที่ผมทำตามอย่างว่าง่าย ผมค่อยๆ ขยับขึ้นไปทั้งๆ ที่ไอ้วายังคงอยู่ด้านบน มันก็ยังตัวขึ้นนิดหน่อย แล้วขยับตามมาเช่นกัน

เอ็กส์ฉิบหาย ถ้าไม่เกรงว่าพูดไปแล้วไอ้วามันหยุดนะ ผมคงหลุดคำหยาบออกไปมากมาย ปกติผมไม่นิยมผู้ชายสักเท่าไหร่ จะมีบ้างนานๆ ที ตัวเล็ก ร่างบางหน้าตาสวย ผมก็ไม่ถือ ยังไงก็ไม่เสียหายอยู่แล้ว แต่กับไอ้วา ผู้ชายแมนๆ คนหนึ่ง มันไม่ได้ตุ้งติ้งเหมือนผู้หญิง ไม่ได้อ่อนแอเลยสักนิด แต่กลับทำตัวน่ารักและน่าเอาขนาดนี้ ดูสิน้องชายผม แข็งขึ้นมาอีกแล้ว

"ทะลึ่ง" เนื่องจากอีกคนก็มองแท่งร้อนของผมอยู่เหมือนกัน ทำให้ตาโตๆ ของมัน โตขึ้นไปอีก นี่ใหญ่ได้มากกว่านี้อีกนะ

"พร้อมยัง"

"มันใหญ่ไป รอให้เล็กลงก่อน"

"มึงกวนตีนเหรออ้วน" ไอ้วาทำแก้มพองลมเหมือนเด็ก ก่อนจะยกตัวเองขึ้น ผมเลยช่วยประคองสะโพกมันไว้ด้วย

"ซี๊ดดด...ลงมา"

"ลงไม่ได้ มันแน่น"

"มึงยังไม่ทิ้งตัวลงมาเลยนะ" ผมกดเสียงต่ำ ระงับอารมณ์ถึงที่สุด

"ฮึ่ย…ฮึบ…อืมมม" ไอ้วาผ่อนลมหายใจก่อนที่จะค่อยๆ กดตัวลงมา ถึงมันจะคับแน่นอย่างที่ไอ้วาบอกจริงๆ แต่ก็เสียวสุดๆ ไปเลยเหมือนกัน

"หมดแล้ว เก่งมาก" ผมเอ่ยชมคนด้านบนที่ดูเหมือนจะหมดแรงตั้งแต่ยังไม่ได้ทำอะไร จริงๆ อยากจะกระแทกสวนขึ้นไปเองด้วยซ้ำ แต่ยังตัวเองไว้ เพราะอยากให้ไอ้วาเป็นคนจัดการเอง

"อืมมม…ซี๊ดดด…อ่าาา" ไม่รอให้ได้พักนาน คนตัวเล็กก็เป็นฝ่ายขยับขึ้นลงเอง มือข้างหนึ่งจับอยู่ที่หัวเตียง ส่วนอีกด้านกุมอยู่ที่ท้องน้อยของตัวเอง

ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ

"อื่อออ…โคตรดีเลยอ้วน" ถึงจะไม่ได้เร็วเท่ากับตอนที่ทำเอง แต่แบบนี้ทำให้ผมเร้าใจมากกว่า ได้เห็นอีกทำเต็มสองตา ทั้งท่าทางและหน้าตาที่แสนจะยั่วยวน

"อ๊ะ…อ๊ะ…อ๊ะ…" เสียงร้องตามจังหวะขึ้นลง เม็ดเหงื่อจากความร้อนของร่างกายไหลตามตัว ผมย้ายมือข้างหนึ่งจากสะโพกของไอ้วา ขึ้นไปเล่นยังจุกนมที่แข็งขืนอยู่ก่อนแล้ว ทำเอาอีกคนเชิดหน้าขึ้นสูง ร้องเสียงหลงไม่เป็นจังหวะไปเลย

ผมเอนตัวไปข้างหน้า เนื้อตัวที่เมื่อก่อนนุ่มนิ่มยังไง ตอนนี้ก็ยังนิ่มอยู่อย่างนั้น เพียงแต่พุงน้อยๆ ได้หายไปแล้ว สัดส่วนต่างๆ ก็ดูกระจับขึ้นมามากด้วย

ใบหน้าของผมอยู่ห่างจากหน้าท้องของอีกฝ่ายเพียงนิดหน่อย ก่อนจะเล็งเป้าแล้วพุ่งไปยังหน้าท้องเหนือสะดือเพียงคืบ ไล่ลิ้นเลียไปตามร่องน้อยๆ ที่อีกไม่นานอาจขึ้นซิกแพคได้ หากมันยังออกกำลังกายอยู่ ผมเลื่อนริมฝีปากไปยังริมด้านซ้ายแล้วกัดจมเขี้ยวด้วยความมันเขี้ยว

"อ้าก…อืมมม…แฮ่กๆ " ไอ้วาร้องเสียงหลง ประจวบเหมาะกับมันขยับลงมาพอดี ช่องทางด้านหลังจึงกลืนกินแกนกายของผมเข้าไปจนหมด ศีรษะของอีกคนหมอบฟุบลงมาที่ไหล่ของผม เสียงหอบหายใจบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้า

ผมกัดไปคำใหญ่ ก่อนจะผละริมฝีปากออกมาก็ดูดให้แดงห้อเลือดไว้ด้วย ทำเอาอีกคนร้องเสียงอื้ออึงในลำคอไม่หยุด

"เหนื่อยหน่อยนะ" ผมบอกแล้วเอนตัวลงน้อย เพื่อที่จะขยับส่วนล่างให้ถนัดยิ่งขึ้น อีกคนที่พิงไหล่ของผมอยู่ก็ล้มตัวเอนอ่อนลงมาทาบทับผมไว้อย่างหมดเรี่ยวแรง

ปึก ปึก ปึก ปึก ปึก

ครั้งนี้เป็นผมเองที่กระแทกสวนขึ้นไป ทั้งถี่และเร็วจนไอ้อ้วนหัวสั่นหัวคอน เสียงแหบร้องระส่ำไม่เป็นภาษาอยู่ตลอด จนผมปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา

"อึก…อึก…" คนตัวเล็กตัวกระตุกเป็นระยะ ดูผวาจนผมต้องกอดปล่อย ด้วยความที่มันอยู่ด้านบน ผมถึงรับรู้ได้ถึงแรงสั่นของขา คงจะเกิดจากการเกร็งก่อนเสร็จสม

ค่อยๆ ใช้ขาของตัวเอง ยืดขาของอีกคนออกไป เพื่อให้มันนอนราบบนตัวผมได้ถนัด มือทั้งสองข้างของมัน จิกข่วนที่ไหล่ของผมทั้งสองข้างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เพิ่งรู้สึกว่าแสบก็ตอนนี้เอง

"อืมมม"

"ชู่ววว…เสร็จแล้วครับ" ผมใช้แขนโอบรัดเพื่อปลอบอีกคนให้หายตัวสั่น เลื่อนมือขึ้นมาปัดผมเปียกๆ ที่ปรกหน้าปรกตาออกให้อีกคน จะได้ไม่รู้สึกรำคาญ

"นอนไป เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้มึงเอง" ผมพูดบอก ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือเพราะหลับลงไปจริงๆ มันถึงไม่ตอบรับคำพูดของผม นอนลูบหลังคนตัวเล็กจนอีกคนหายตัวสั่น ผมค่อยๆ พลิกตัวขึ้นและอุ้มมันขึ้นมาด้วย พาไปเช็ดตัวที่โซฟาตัวยาว เพราะเดี๋ยวต้องเปลี่ยนผ้าปู

"เหี้ยเอ้ย เลือด" ผมสบถออกมาตอนที่ตัวเองกำลังเก็บกวาด หลังจากเช็ดตัวให้ไอ้วาเสร็จ ผมก็เดินกลับมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน แต่ก็ต้องหัวเสียกับเลือดที่เลอะอยู่บนผืนผ้า

Thu…Thu…Thu…

ร้อนใจ กลัวว่าไอ้วาจะอาการไม่ดีหรือไม่สบายไปซะก่อน หาโทรศัพท์ได้ก็กดโทรออกหาไอ้สวยทันที

(ว่า…)

"มึงอยู่ไหน"

(ออกมากินโจ๊กกับฟลาว เยื้องๆ ร้านมึงนิดหนึ่งอ่ะ)

"ถ้างั้นก่อนเข้ามา กูฝากซื้อยาหน่อย กูทำไอ้อ้วนเลือดออกว่ะ"

(ทะเลาะกัน?)

"ไม่ใช่ เลือดออกตรงนั้น…"

(รุนแรงไปนะมึง)

“กูก็ไม่คิดว่าเลือดจะออก”

(เข้าใจแล้ว เดี๋ยวซื้อยาเข้าไป)

"ขอบใจ" กดวางสายแล้วหันไปมองหน้าคนที่หลับอยู่บนโซฟา

"ขอโทษนะอ้วน" พึมพำบอกคนที่หลับแล้วไปจัดการกับเตียงนอนให้เสร็จ กว่าไอ้สวยจะกลับมา ผมก็ชำระร่างกายตัวเองเสร็จพอดี

"ให้ช่วยไหม"

"ไม่ต้อง ขอบใจที่ซื้อมาให้ แล้วพวกมึงจะนอนไหนกัน"

"ห้องข้างๆ มีอะไรก็เรียก มึงน่าจะรู้ไว้นะ ตรงนั้นของผู้หญิงกับผู้ชายมันต่างกัน ถ้าไม่ใส่ถุงยาง ก็หาสารหล่อลื่นช่วย เป็นแบบนี้ คนที่แย่คือเมียมึง"

"เออ กูต้องเรียกหมอมาดูไหม" ผมถามหน้าเครียด

"ไม่ต้อง ไม่ได้เป็นเยอะขนาดนั้น แค่กินยาแล้วก็ทายาตรงนั้นก็พอ"

"อืม" ผมพยักหน้าเข้าใจ ไอ้สวยมันผ่านผู้ชายมาเยอะ หมายถึงก่อนที่จะเจอกับฟลาวอะนะ ผมถึงรู้เรื่องแบบนี้ดี

หลังจากที่ไอ้สวยเดินออกจากห้องไป ผมก็ทายาและใส่บ็อกเซอร์ให้ไอ้วา ปลุกมันขึ้นมากินยาด้วย ถึงจะงอแงไปนิด แต่ก็ยังดีที่ตื่นมากิน ไม่นานมันก็หลับไป ผมเลยอุ้มมันกลับไปนอนที่เตียงตามเดิม

ครืด…ครืด…ครืด…

เสียงโทรศัพท์ของผมสั่น มองดูหน้าจอ ว่าจะไม่รับก็ไม่ได้ เบอร์ต่างประเทศที่นานๆ จะโทรมาที

"เออ"

(หายหัว)

"ที่นี่ตี 3 แล้วนะ"

(กูโทรหามึงหลายสาย ทำห่าอะไรอยู่ล่ะ)

"เข้าเรื่องมาเลยดีกว่า ไม่ต้องสนใจเรื่องของกูหรอก"

(น้องกู กูบอกให้ดูแล ไม่ใช่เอาไปเก็บไว้กับตัว)

"ไอ้ไฟโทรไปฟ้องสินะ"

(ถึงมันไม่โทรมา สายของกูก็รายงานว่าไอ้วายังไม่ออกมาจากผับใหม่ของมึงตั้งแต่ตอนเย็น)

"มันนอนแล้ว"

(ทำอะไรมันไปใช่ไหม)

"พวกกูรักกัน"

(อย่ามั่นใจไปนัก ถ้าเมื่อไหร่ที่มันร้องไห้เพราะมึง แม้แต่เงาหัวมึงก็จะไม่มี)

"โทรมาหาเรื่องกูว่างั้น"

(แค่โทรมาเตือน แล้วก็จะบอกว่าพ่อกูอาการไม่สู้ดีนัก)

"ผ่าตัดครั้งนี้ไม่โอเคเหรอวะ"

(แย่ โอกาสน้อยที่ท่านจะฟื้น)

"แล้วจะบอกไอ้วาเมื่อไหร่ กูไม่อยากปิดบังมันเรื่องนี้"

(ยังก่อน กูไม่อยากให้มันเสียใจ)

"ถ้ารู้ทีหลัง มันจะไม่เสียใจกว่าเหรอ"

(บอกไปตอนนี้ก็ทำได้แต่ว้าวุ่นใจ ยังไม่ต้องบอกจะดีกว่า)

"เออ แล้วแต่มึง มีอะไรอีกไหม"

(ฝากดูแลมันด้วย กูไม่ได้ดูแลมันเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่ทางนี้ ไอ้ไฟก็หาเรื่องไอ้วาตลอด คงมีแต่มึงที่จะปลอบใจมันได้ ถ้าวันหนึ่งมันรู้เรื่องพ่อ)

"ไม่มีปัญหา" ผมบอกแล้ววางสายไป ตัวผมเองก็พึ่งรู้เรื่องอาการของพ่อมันได้ไม่นาน ไม่ใช่ว่าอยากจะปิดบังไอ้วานักหรอก แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของครอบครัว ในเมื่อพี่มันไม่อยากให้บอก ผมก็คงจะปากโป้งไม่ได้

และถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ผมคงถูกไอ้แม็กเก็บไปแล้ว ครั้งก่อนก็เล่นผมวะอ่วม ดีที่แฟนเก่าไอ้คิสมาช่วยไว้ทัน ผมรู้มาว่า แฟนไอ้แม็กเป็นนักธุรกิจสาว แต่มารู้ทีหลังจากโดนซ้อมนี่แหละ ว่าเป็นลูกสาวมาเฟียที่นั่นด้วย

ไอ้ไฟที่ไม่อยากยอมรับผม ก็เฝ้าจับผิดอยู่ตลอด คงเป็นเพราะคำสั่งของไอ้แม็ก มันเลยไม่เข้ามาขัดขวางผมกับไอ้วา ถึงแม้จะหาผู้หญิงมาให้ไอ้วาบ่อยๆ ก็เถอะ

เดินออกมารับลมหน้าระเบียง จะหาบุหรี่สูบก็ไม่เจอ หยิบไฟแช็กมาได้ก็นึกถึงคำพูดของไอ้วา หรือว่าผมคงต้องเลิกสูบบุหรี่แบบจริงจังซะแล้วมั้ง
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 27 | 29/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-06-2020 08:07:01
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 27 | 29/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-06-2020 09:16:49
พวกพี่ ๆ น่าจะรีบบอกวา วาจะได้ไปดูใจพ่อด้วยเผื่อเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น วาจะได้ไม่เสียใจภายหลัง
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 27 | 29/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 29-06-2020 12:00:09
รักที่ปนความหวาดระแวง
มันจะแอบแฝงความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน

อย่างนี้มันก็มีปัญหาจากความไม่ชัดเจน
รักเก่า ได้ยินเบาๆก็เจ็บ
หุหุ
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 28 | 30/06/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 30-06-2020 13:03:29
ตอนที่ 28

ผมตื่นขึ้นมาในยามเช้า โดยมีไอ้วานอนข้างกายนานว่าอาทิตย์แล้ว ด้วยความที่ช่วงนี้ผมยุ่งมาก จะปล่อยมันไว้ก็ไม่ได้ ไม่งั้นไอ้ไฟแม่งลากไอ้วาหนีผมไปแน่

"ทำไมตื่นเช้าจังล่ะครับ"

"นอนไม่ค่อยหลับ"

"เหนื่อยหน่อยนะครับ แล้วดีกับพี่วาแล้วเหรอ"

"กูก็ดีกับมันตลอดแหละ มีแต่มัน ที่ไม่ยอมดีกับกูสักที"

"แล้วเอาเขามาไว้กับตัวแบบนี้ มันจะดีเหรอพี่" ฟลาวพูดขึ้นมา ทำให้ผมจิตตกไปเหมือนกัน จะบอกว่าผมบังคับมันก็ใช่ ไม่งั้นมันจะอยากอยู่ที่นี่เหรอ

"พี่ลิเคียวจะกินข้าวไหม พี่คิสทำไว้ให้"

"ไม่ล่ะ มึงก็ยกไปให้ไอ้สวยเถอะ" ผมบอกแล้วเอนตัวพิงเก้าอี้ ฟลาวคงมาเอาข้าวไปให้ไอ เพราะเห็นตักใส่ถาดเอาไว้

เมื่อคืนผมแทบไม่ได้นอนเลย เอาแต่นอนมองไอ้วาหลับแล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้ วันที่ยอมสยบให้กับใครสักคนแต่โดยดี

"ลิเคียว มานอนอะไรตรงนี้" เสียงของเลิฟดังขึ้น ผมที่หลับตาอยู่เลยลืมตามอง

"พักสายตา"

"เมื่อคืนคิสเคลียร์บัญชีให้หมดแล้วนะ เดี๋ยวเราตรวจเช็กอีกสักหน่อยก็จะกลับแล้ว"

"กลับยังไง"

"เดี๋ยวพี่ยูมารับคิส เราก็กลับด้วย"

"อืม ขอบใจนะ ที่มาช่วย"

"ไม่เป็นไรหรอก" เลิฟบอกก่อนจะตักข้าวเดินผ่านหน้าผมไป พวกเพื่อนๆ ก็มาช่วยงานผมเหมือนกัน เนื่องจากผมเพิ่งเปิดที่นี่ได้ไม่นาน อะไรๆ มันก็เลยยังไม่ลงตัวสักที

ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ผมเองก็นอนดึกมาหลายวันแล้วเช่นกัน มองดูอาหารในหม้อ ก่อนจะตักขึ้นไปให้ไอ้วาที่ตอนนี้ยังคงหลับอยู่บนที่นอนด้านบน

"ไปไหนมา"

"กูตักข้าวมาให้"

"เอามาดิ" ไอ้วายื่นมือมารับข้าวไปแล้วนั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย ตั้งแต่ไปออกกำลังกายมา ยอมรับเลยว่ามันผอมลงไปเยอะ แถมยังดูดีขึ้นมากอีกด้วย

"วันนี้มีเรียนกี่โมง"

"ไม่มี อาจารย์ไม่อยู่อาทิตย์หนึ่ง"

"ไม่เห็นบอกกู"

"แล้วนี่กูเห่าอยู่หรือไง" ผมล่ะยอมความขี้เถียงของมันจริงๆ แต่ระหว่างที่พูด มันก็ทำหน้าตาน่ารักด้วย ผมถึงไม่เอาเรื่องหรอกนะ

"อย่าจิ้มแก้มกู"

"อร่อยหรือไง กินแบบนี้ แก้มมึงจะแตกเอานะ" ผมบอกแล้วเปลี่ยนจากจิ้มแก้มใสของไอ้วามาเป็นลูบอย่างแผ่วเบา

"ไปดูหนังกันไหมวันนี้"

"มึงไม่มีเรียนเหรอ"

"ไม่เข้าสักคาบคงไม่เป็นไร"

"นิสัยไม่ดี" ไอ้วาว่าแล้วเคี้ยวข้าวต่อตุ้ยๆ

"ตกลงไปไหม" ผมถามอีกครั้ง

"เลี้ยง? "

"กูก็ออกเงินให้ตลอดนั่นแหละ"

"เพราะมึงเลี้ยงนะ กูไปก็ได้" ไอ้วาพูดแล้วยิ้มดีใจออกมา พามาอยู่แต่ที่นี่ ผมกลัวว่ามันจะเบื่อไปซะก่อน จะไม่พามาอยู่ก็ไม่ได้ เพราะกลัวว่าไอ้ไฟจะหาคนใหม่ที่ดีจนทำให้ใจของมันเปลี่ยนไป แบบนั้นผมคงแย่แน่ๆ

"มึงเลิกทำหน้าดุได้ไหม"

"กูก็ทำหน้าปกติ"

"ปกติกับยักษ์กับผีน่ะสิมึงน่ะ" ไอ้วาบ่นว่าผมทำหน้าดุตั้งแต่ที่มันส่งยิ้มให้สาว มีการไล่ผมไปซื้อน้ำแล้วตัวเองจะเลือกที่นั่งเอง คิดว่าผมไม่เห็นไม่ได้ยินหรือไง

"กูคาดโทษมึงไว้แล้วนะ ถ้ามึงยังส่งยิ้มให้ใครอีก มึงเจ็บตัวแน่" ผมพูดขู่

พอผมบอกว่าวันนี้จะพามาดูหนัง ไอ้วาก็บอกให้ผมไปส่งมันที่บ้านเพราะอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วดูที่มันแต่งตัวสิ

"ทำไม กูเป็นคนอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มไปเรื่อยนั่นแหละ มึงน่ะคิดมาก" ถ้าคิดน้อยกว่านี้ ผู้หญิงพวกนั้นคงเข้ามาขอเบอร์มันแล้วล่ะ

"โอ๊ยย ทำไมชอบดึงแก้มจังวะ" ไอวาร้องบอกแล้วถูแก้มตัวเองเบาๆ ไปตรงที่ผมดึง

"มันเขี้ยว" สั้นๆ เลยครับ หน้านี่เหมือนปลาทองเข้าไปทุกวัน ตาก็โต แก้มก็กลม นี่ผมเลี้ยงด้วยข้าวนะ ไม่ใช่อาหารปลา

"ฮึ่ย เจ็บนะโว้ย ดึงเอาๆ เดี๋ยวกูจะคิดค่าดึง" ไอ้วาบ่นแล้วเดินนำผมไป

"แล้วมึงจะไปไหน"

"ตามมาเถอะ กูจะคิดค่าดึงแก้ม" ไอ้วาว่า ผมได้แต่เดินตามมันไปอย่างเงียบๆ จะว่าไป มันก็ดูดีจนมีหลายคนมองตามเยอะเหมือนกันนะ

"มึงว่าอันไหนสวย"

"แล้วแต่มึงเลย"

"ช่วยเลือกหน่อยสิ เสื้อสีนี้กูชอบนะ แต่สีนี้กูว่ามันเข้ากับกูมากกว่า"

"งั้นก็ตัวนี้ เลือกตัวที่มึงคิดว่าใส่แล้วดูดี"

"แต่กูชอบสีนี้มากกว่า งั้นกูเอาตัวนี้แล้วกัน" พูดเสร็จก็เดินเอาไปให้พนักงาน ก่อนที่จะเดินไปเลือกกางเกงต่อ เดินวนเดินเวียนอยู่พักใหญ่จนผมบอกให้เลือกไปลอง จะได้ง่ายต่อการตัดสินใจ มันถึงเลือกไปได้ 2-3 ตัว

"มึงว่าตัวนี้สั้นไปไหม"

"ยังจะถามอีกหรือไง"

"ขากูไม่ได้ใหญ่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แถมยังไม่ค่อยถูกแดดอีก งั้นก็ไม่เป็นไรหรอกมั้งเนอะ" พูดเองเออเองแล้วมันก็หายเข้าไปลองตัวอื่นๆ ผมไม่แน่ใจว่ามันถามผมเล่นๆ หรืออยากจะกวนตีนผมกันแน่

"อันนี้หรืออันนี้"

"อันนั้น" พอผมชี้บอก มันก็มักจะเลือกอันตรงข้ามเสมอ ผมถึงกับส่ายหัวเลย พอไม่เลือกก็บ่นว่าผมไม่ช่วย ไม่สนใจ ผมควรจะทำยังไงกับมันดี

"ร้านนี้มีแต่ของน่ารัก" ไอ้วาว่าแล้วเดินไปเลือกดู ผมมองไปรอบๆ จนไปสะดุดที่ชุดๆ หนึ่ง

"อ้วน" ผมเรียกเพื่อให้มันหันมา

"อะไร"

"อันนี้เหมาะกับมึง" ผมบอกแล้วชี้ไปที่ชุดนอนแฟนซี มีฮู้ดรูปหมูด้านบน ถึงสีจะหวานไปสักหน่อย แต่ก็เข้ากับมันดี

"ตลกไหม ไม่เอา! "

"กูซื้อให้ มึงต้องใส่นะ”

"ก็บอกว่าไม่เอา มึงเห็นไหม กูผอมขนาดนี้ ไม่เห็นจะเหมือนหมูตรงไหน" อยู่กับกูเดี๋ยวก็เหมือน เพราะเดี๋ยวผมจะขุนให้มันอ้วนกว่านี้อีกสักนิด ตัวมันนุ่มนิ่มดีจะตาย

"เอาเป็นว่ากูซื้อให้"

"งั้นมึงใส่ตัวนี้ไหมล่ะ ถ้ามึงใส่กูก็ใส่" ไอ้วาชี้ไปที่ชุดกระต่าย ผมเนี่ยนะกับชุดกระต่าย แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวมาดูกัน ว่าใครกันแน่จะได้ใส่

"เออก็ได้" ผมตอบรับ ทำเอาไอ้วาหน้าบึ้งเดินหนีไปเลือกเสื้อผ้าตัวอื่นๆ เลย

"พอแล้ว กูให้เข้าอีกร้านเดียวเท่านั้นนะอ้วน" หลังจากเข้าออกไปเกือบๆ 10 ร้าน ของติดไม้ติดมือคือทุกร้านเลย ผมจึงต้องสั่งห้ามไม่ให้มันซื้อเพิ่มจากนี้อีก

"กูยังสนุกอยู่เลย"

"เลือกเอาว่าจะไปอีกหนึ่งร้านหรือจะกลับบ้านตอนนี้" ผมทำหน้าดุ หนังเหนิงคงไม่ต้องดูกันหรอก

"เออก็ได้ งั้นไปร้านนั้น" ไอ้วาบอก มันมองซ้ายมองขวาแล้วชี้ไปที่ร้านขายกระเป๋า ก่อนที่จะพุ่งตรงไป

"มึงว่าอันไหนสวย"

"แล้วแต่มึงเลย"

"มึงก็พูดแต่แบบนี้" แล้วจะให้ผมพูดแบบไหนกัน ในเมื่อมันเลือกแต่ของที่เหมือนกัน จะต่างกันก็เป็นเพียงแค่สีเท่านั้นเอง

"กระเป๋าเงิน กูก็เพิ่งซื้อให้มึงร้านก่อนหน้านี้ มึงยังจะอยากได้อีกเหรอ"

"ไม่เห็นเป็นไรเลย ซื้อไว้ใช่ว่าของมันจะบูดเน่าซะเมื่อไหร่"

"แล้วทำไมไม่ซื้อทีละอันล่ะ เดี๋ยวแบบใหม่มา มึงก็อยากได้อีก"

"อยากได้อีก ก็ซื้ออีก ไม่เห็นยากเลย"

"รู้จักคุณค่าของเงินบ้างก็ดีนะอ้วน ของในมือกูก็แทบจะถือไม่ไหวแล้ว"

"มึงต้องเป็นคนแก่ปลอมตัวมาแน่ๆ ขี้บ่นฉิบหาย"

"งั้นมึงคงจะเป็นโจรมาก่อนสินะ ถึงปล้นกูขนาดนี้" ผมพูดบ่น ทำเอาอีกคนมองแรงใส่เลย จะไม่ให้บ่นก็ไม่ได้ ในเมื่อของที่มันซื้อก็เยอะจนบางถุงแทบจะขาดอยู่แล้ว

"เอาอันนี้ครับ" ไม่ได้ฟังที่ผมว่าเลย พอเลือกได้ก็ส่งกระเป๋าไปให้พนักงาน พร้อมกับแบมือขอบัตรจากผมไปรูด

"คืนนี้มึงโดนแน่อ้วน" ผมพูดเสียงเบาให้เราได้ยินกันสองคน ก่อนจะยื่นบัตรไปให้พนักงาน ยังมีหน้ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก

"ถ้าดึงแก้มกูอีก กูจะไปร้านนั้น" ไอ้วาว่าแล้วชี้ไปที่ร้านฝั่งตรงข้าม ผมเลยอดดึงแก้ม ได้แต่ทำตาดุใส่

"ป่ะ ได้เวลาดูหนังละ" ไอ้วาบอกแล้วเดินไปหยิบถุงที่ผมซื้อให้เกือบครึ่งไปถือเอง ก่อนจะไปหยิบถุงกระเป๋าที่เพิ่งซื้อจากพนักงานก่อนจะส่งบัตรให้ผม

"ขอบคุณครับ ^^" ยิ้มหน้าบานแล้วขอบคุณผม เชื่อมันเลยจริงๆ

"อะไร ให้กูถือเหรอ"

"เปล่า อันนี้ให้มึง"

"ให้กู? "

"เออ เห็นกระเป๋ามึงแล้วสงสารบัตรข้างในว่ะ ใช้มากี่ปีแล้วเนี่ย" ไอ้วาบ่นขณะที่ผมเก็บบัตรเข้ากระเป๋าเงิน จริงๆ ใบนี้ผมก็ใช้มานานแล้วล่ะ เพราะพ่อของผมเป็นคนซื้อให้

"ชอบใช่ไหมล่ะ"

"ดีใจฉิบหาย...ใช้เงินกู เพื่อซื้อของให้กู" ผมบอกแกมประชด

"เอ้า นี่กูเลือกให้นะ"

"ประทับใจสุดๆ " ผมบอกแล้วยื่นมือของไปรับ

"ไม่อยากได้ก็ไม่ต้องเอา"

"อยากได้ครับ อยากได้มากๆ เลย"

"ประชด? "

"อยากได้สิ มึงอุตส่าห์เลือกให้"

"ให้ก็ได้ มึงใจดีซื้อให้กูตั้งเยอะ" หลังจากยื่นให้ ไอ้วาก็หมุนตัวเดินนำไป ยืนยิ้มให้กับกระเป๋าในมือแล้วเดินไปหยิบถุงที่เหลือเดินตามมันไป

"จะกินหมดไหม"

"หมดสิ หิวจะแย่"

"จะคอยดู"

RRRRRR

"ไอ้ไฟโทรมา" ไอ้วามองหน้าจอโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นบอก

"ก็รับสิ"

"เออ...อยู่กับใครที่ไหนแล้วทำไม...เรื่องของกูน่า...ไม่เอา...เชิญฟ้องไปเลย กูก็บอกฟ้องไอ้แม็กเหมือนกัน ว่ามึงพาผู้หญิงเข้าบ้าน...ทำไม นึกว่ากูไม่รู้เหรอ...ไม่ต้องพูดให้กูดีใจ ถ้ามึงจะซื้อให้กู มึงซื้อให้ตั้งนานแล้วไหม...งั้นเออก็ได้ แค่นี้นะ" ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน เพราะไอ้วาทำหน้าโกรธได้แป๊บเดียว ก่อนจะวางสาย มันกลับยิ้มดีใจซะได้

"มันว่าไง"

"มันบอกให้กูกลับไปนอนบ้าน"

"แล้วมึงจะไป"

"เออสิ"

"ไม่ได้ มึงไปกูจะนอนกับใครล่ะ"

"แล้วแต่มึงสิ ผู้หญิงสวยๆ สักคนที่มาเที่ยวคืนนี้ไง ใครก็ได้แล้วแต่มึงอ่ะ"

"กวนตีนกูละอ้วน เดี๋ยวกูทำจริง มึงจะร้อง"

"อย่าฝัน ร้องไห้ให้กับคนอย่างมึง ครั้งเดียวก็เกินพอ"

"ไม่ให้กลับ จบนะ"

"ไม่ได้ ถ้ามึงไม่ไปส่ง กูกลับแท็กซี่เองนะ"

"บอกข้อเสนอที่ไอ้ไฟให้กับมึงมาสิ" ผมถามอย่างจับผิด ก่อนหน้านี้ไอ้ไฟโทรมาตามตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นจะร้องกลับ ทำไมวันนี้มันถึงอยากกลับขนาดนี้วะ

"พ่อซื้อรถคันใหม่ให้กู"

"มันโกหก"

"ไม่โกหกหรอก เพราะมันบอกให้กูโทรไปถามไอ้แม็กถ้ากูไม่เชื่อ แสดงว่ามันไม่โกหกกูแน่ๆ " ผมล่ะกลัวจริงๆ ไอ้ไฟคงมีแผนอะไรแน่ๆ ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาก ไม่แปลกที่มันจะรู้นิสัยผมดี แถมผมยังเคยทำไอ้วาร้องไห้มาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อจากนี้มันจะขัดขวางผมถึงที่สุดก็คงไม่แปลก

"กูซื้อให้ไหม"

"มึงจะบ้าเหรอ รถนะ ไม่ใช่เสื้อผ้า ตัวกูก็มีคนเดียว จะเอารถไว้ใช้ทำไมตั้งสองคัน"

"กูไม่อยากให้มึงกลับเลย"

"นั่นบ้านกูนะ จะไม่ให้กลับเลยก็คงไม่ได้ มึงนี่อาการหนักแล้วนะ ไปหาหมอบ้างก็ดี" นั่นสินะ ผมคงอาการหนักจริงๆ ถึงพออยู่กับมัน จะเถียงกันบ่อย ต้องง้อมันบ้าง แต่ผมกลับสุขใจที่ได้ทำอย่างบอกไม่ถูก

"มึงกลัวใช่ไหมล่ะ" ไอ้วาถาม

"…"

"อย่าว่าแต่มึงเลย กูก็กลัวเหมือนกัน" ไม่ต้องพูด ไม่ต้องอธิบาย เราก็ต่างเข้าใจกันดี ความกลัวที่เราไม่สามารถควบคุมได้

ผมสำนึกผิด ที่เคยปิดบังมันตอนนั้น จนทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้นมา ผมเองเข้าใจมันอย่างดี เพราะเมื่อก่อน ผมขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้ คงไม่แปลกที่มันจะเข็ดจนหลาบจำ ในเมื่อตอนนั้น มันเชื่อใจผมอย่างสนิทใจ

ผมอยากเห็นแก่ตัว อยากให้มันบอกว่าผมเป็นแฟน ผมอยากให้ใครๆ รู้ จะได้ไม่ยุ่งกับมัน ส่วนตัวไอ้วา มันยังไม่อยากคบกับผม มันไม่อยากใช้คำว่าแฟน มันไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเก่า ทำให้ความสัมพันธ์ของเรากลายเป็นแบบนี้ ลึกซึ้งแต่ก็ตื้นเขินในเวลาเดียวกัน เป็นความสัมพันธ์ที่เป็นเส้นบางๆ จะขาดเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ว่าผมหรือมัน เราไม่อาจรู้อนาคตได้เลย

หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมขับรถไปส่งไอ้วากลับบ้าน เป็นเรื่องจริงที่พ่อซื้อรถให้มัน ผมมองดูอยู่ไกลๆ เห็นถึงความดีใจและท่าทางร่าเริง มันบอกผมแล้วว่าจะโทรมาหา ผมเลยได้แต่ขับรถกลับมาที่ผับ เพื่อดูแลกิจการในส่วนของคืนนี้ต่อ

ด้วยความที่ผับเพิ่งจะเปิดได้ไม่นาน ทำให้อะไรๆ ยังไม่ลงร่องลงรอยมากนัก พนักงานกว่าครึ่งก็ใหม่ทั้งหมด จะมีพนักงานบางส่วนเท่านั้นที่ทำอยู่ผับเก่าแล้วผมขอให้มาช่วยที่นี่ก่อน เพราะเป็นงานอยู่แล้ว

"น้องมึงโทรมา" ไอ้สวยบอก น้องผมที่ก่อนหน้านี้แม่ส่งให้ไปเรียนที่ต่างประเทศ ตอนนี้ย้ายกลับมาอยู่ไทยแล้ว แถมย้ายกลับมาทั้งคู่ด้วย เรื่องการเรียนกับงาน ผมยอมรับเลยว่าทั้งสองคนทำได้ดี ไม่มีปัญหา แต่เรื่องป่วนชาวบ้าน อันนี้ผมก็รับมือยากจริงๆ

เมื่อก่อนที่ผมคบกับด้า น้องของผมทั้งคู่ก็ไม่ชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอรู้ว่าเธอทำตัวยังไงกับผมตอนนี้ ทั้งสองคนเลยเล่นแรงเล่นหนักเลย รวมทั้งป่วนไอ้สวยกับแฟนหนุ่มของมันหนักด้วย

"เรื่อง"

"ดาด้า"

"มีอะไรเสียหายมั่งไหม"

"คงจะเป็นจมูกใหม่เธอนั่นแหละ กี้เล่นชกเข้าให้เต็มเบ้าเลย" ไม่แปลกใจเลย

"เออ ก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะบอกไปหลายทีแล้ว ว่าแต่...น้องกูโทรเข้ามาเบอร์ฟลาวเหรอ"

"เออ" นั่นไง ผมว่าแล้ว มีน้องอยู่ 2 คน คนหนึ่งจะเอาไอ้สวย คนหนึ่งจะเอาแฟนมัน ผมล่ะปวดหัวจริงๆ

"อย่าถือสาน้องกูเลย"

"ก็ไม่ได้ว่าอะไร กูเริ่มชินแล้ว"

"ขอโทษแทนน้องกูด้วย แล้วก็ขอบใจมึงกับฟลาว"

"ช่างเถอะ ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ที่กูจะบอกมึงคือ กี้คุยกับฟลาวเรื่องที่เธอจะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น"

"ไม่แน่ใจว่ะ แต่เห็นคุยกับแม่ไว้เหมือนกัน"

"แล้วใครจะช่วยงานมึงที่นี่ ไวน์ก็ยังเด็ก"

"กูยังไม่ได้คิด มีเวลาอีกเทอมกว่าๆ ก็ภาวนาให้ที่นี่ไม่มีปัญหาอะไร กูจะได้เทียวไปเทียวมา"

"อืม มีอะไรก็บอก กูลงไปดูข้างล่างก่อน" ไอ้สวยตบบ่าผมเบาๆ ถ้าไม่ได้พวกมันที่ผมสามารถเชื่อใจได้มาช่วย ผมก็คงแย่เหมือนกัน

ผมเดินขึ้นห้องทำงานเพื่อตรวจดูบัญชี จริงๆ ไอ้คิสควรจะมาเพื่อช่วยผมทำงาน แต่ดูเหมือนติดธุระอะไรสักอย่าง ทำให้วันนี้มาช้ากว่าทุกวัน

Thu...Thu...Thu...

นั่งฟังแต่เสียงรอสายมาพักใหญ่แล้ว ปลายสายโทรติดแต่กลับไม่รับ กระวนกระวายร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก ไอ้ไฟมันยิ่งชอบดุไอ้วาอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะทะเลาะกันบ้านเดือดไปแล้วหรือเปล่า

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"ลิเคียว หิวไหม เดี๋ยวเราเอาอะไรมาให้กิน"

"ขอกาแฟสักแก้วแล้วกัน"

"บ้าเหรอ เดี๋ยวก็นอนไม่หลับหรอก กินข้าวสิ นี่มันดึกมากแล้วนะ"

"งั้นเอาอะไรก็ได้มา"

"โอเค อ่อ คิสมาแล้วนะ ตอนนี้ไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวคงจะมาที่นี่ อย่าเพิ่งปวดหัวกับตัวเลขไปซะก่อนละ เดี๋ยวเราจะไปเปลี่ยนชุดแล้วเอาข้าวมาให้" เลิฟว่า ยังคงเป็นคนที่ขยันเหมือนเดิมเลย จริงๆ เลิฟไม่ต้องช่วยอะไรผมมากก็ได้ แต่นี่เล่นแต่ตัวเป็นเด็กเสิร์ฟ แถมยังเดินไม่หยุดอีก นี่ถ้าไอ้คิสเห็นนะ มันต้องบ่นทั้งผม ทั้งเลิฟไม่หยุดแน่ ดูแลเลิฟอย่างกับไข่ในหิน จนเลิฟตัวขาวซีดเผือดไปหมด

ผั๊วะ

เปิดการเปิดประตูที่รู้เลยว่าใครเข้ามา ปกติไอ้คิสก็เป็นคนมีมารยาทนะ แต่กับเพื่อนที่สนิท มันก็ทำตัวเข้านอกออกใน ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่บางทีที่ผมอยู่กับไอ้วา ก็อยากจะให้มันใจเย็นลงหน่อย มันยิ่งชอบแกล้งไอ้วาอยู่ด้วย คำพูดคำจาก็ร้าย ทำเอาผมนั่งไม่ติดหลายต่อหลายครั้งเวลาที่ทั้งคู่เจอกัน

"ไปไหนมา"

"งานเลี้ยง"

"ไหนบอกไม่ชอบ"

"แม่บังคับ"

"ที่ไหน"

"บ้านคุณหญิงอะไรสักอย่างที่กูจำชื่อไม่ได้แล้ว" ไอ้คิสบอกอย่างไม่สนใจ มันแต่ตัวดูดีด้วยชุดออกงานที่เต็มยศ แต่ตอนนี้กระดุมเสื้อสูทถูกปลดออกจนหมด เสื้อด้านในก็ชายหลุดลุ่ย

"พี่ยูล่ะ"

"กลับไปแล้ว ต้องไปดูน้อง"

"อืม จริงๆ มึงไม่ต้องมาก็ได้นะ" ผมบอก เพราะมันคงเดินทางมาไกล คงจะไม่ได้พักแล้วตรงมาที่นี่เลย ขนาดเสื้อผ้า มันยังไม่ได้เปลี่ยนเลย

"ไม่เป็นไร กูมาช่วยมึงได้ แค่นี้เอง ปล่อยให้มึงทำคนเดียว เดี๋ยวตัวเลขก็เคลื่อน" ไอ้คิสบ่น ใช่ว่าผมจะทำผิดบ่อยสักหน่อย มันก็มีบ้าง บางทีที่เราต้องคำนวณตัวเลขเยอะๆ อะนะ

กว่าจะปิดบัญชีได้ก็ปาไปตี 2 กว่า เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ คนเลยมาเที่ยวเยอะ เลิฟที่คอยเช็กสต๊อกสินค้าให้ก็เพิ่งเช็กเสร็จ ก่อนที่ไอ้คิสจะไล่ไปอาบน้ำ ส่วนไอ้สวยกับฟลาวแฟนมัน กลับไปตั้งแต่เที่ยงคืนกว่าๆ แล้ว หลังจากผับปิด

"แฟนมึงล่ะ"

"อยู่บ้าน"

"คิดยังไงปล่อยกลับ เบื่อแล้ว? "

"มึงเบื่อพี่ยูไหมล่ะ" ผมถามกลับ ไอ้คิสเลยกลอกตาใส่ ใช่ว่าผมจะอย่างให้ไอ้วามันกลับซะที่ไหน โทรกลับมายังไม่โทรเลย มีแค่ข้อความที่ส่งมาเฉยๆ เมื่อชั่วโมงที่แล้ว ว่าจะนอนแล้ว

"อ่ะ" ไอ้คิสยื่นซองบุหรี่มาให้

"อะไร แล้วเอามาจากไหน"

"ขโมยพี่ยูมา ลืมเอาไปทิ้ง นี่กูเห็นว่ามึงชอบสูบนะ เอาไปสิ ตายเร็วๆ จะได้ไม่มีเรื่องให้เครียด"

"กูว่ากูจะเลิกสูบแล้ว"

“ทำไม”

“ไอ้วามันไม่ชอบ”

"หยุดทำไม มึงไม่รู้เหรอ ว่าตัวมึงเอง กว่าจะก่อมะเร็งมาได้ขนาดนี้ มันใช้เวลานานแค่ไหน แล้วมึงจะเลิกง่ายๆ แบบนี้ มันสมควรแล้วเหรอ"

"มึงพูดเหมือนกูไม่ควรเลิกเลย"

"กูเคยพูดแบบนั้นเหรอ"

"มึงเคยบอกให้กูเลิก"

"แล้วมึงทำไหม"

"ไม่"

"นั่นไง มึงไม่เลิก เพื่อผู้ชายคนเดียว มึงถึงกับจะเลิกบุหรี่เลยเหรอ ทั้งๆ ที่มึงสูบมานานอะนะ มึงคิดดูนะ ถ้ามึงเลิกสูบ ปากมึงจะไม่ดำ ฟันมึงจะไม่เหลือง กลิ่นตัวมึงจะไม่เหม็น มึงจะไม่เป็นมะเร็งปอด ที่สำคัญ คนรอบๆ ตัวมึงจะไม่ตายก่อนมึงด้วยนะ"

"ที่มึงพูด มันแปลว่ากูควรเลิกไม่ใช่เหรอ"

"กูพูดขนาดนี้ ถ้ามึงยังคิดไม่ได้ มึงก็โง่เกินคนแล้ว จริงๆ ไอ้ลาวามันอาจจะไม่ได้อยากให้มึงเลิกก็ได้นะ เพราะถ้ามึงตายเร็ว มันจะได้ทรัพย์สมบัติ ไหนจะได้หาผัวใหม่ที่ดีกว่ามึงอีก มีแต่ได้กับได้" ผมเกลียดความขี้ประชดของมันจริงๆ

"แต่ก็เอาเถอะ ขอให้มึงจำไว้อย่าง มึงไม่ควรเลิกสิ่งพวกนี้เพื่อใคร มึงควรเลิกเพื่อตัวมึงเอง กูไปนอนก่อนละ" ไอ้คิสพูดอย่างอารมณ์ดี แล้วเดินออกจากห้องไป ผมรู้ที่มันพูดแบบนี้ เพราะว่ามันเป็นห่วง เป็นความหวังดีเล็กๆ จากเพื่อนที่มันมอบให้กับทุกคน

หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 29 | 01/07/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 01-07-2020 17:06:01
ตอนที่ 29


ลาวา พาร์ท

ผมกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ผมชอบขับรถและผมกำลังจะมีรถคันแรกเป็นของตัวเอง ไม่ต้องคอยยืมไอ้ไฟ หรือแอบขโมยรถไอ้แม็กไปขับอีก

ไม่รู้ว่าซื้อให้เนื่องในโอกาสอะไร แต่ยังไงก็ดีใจสุดๆ ไปเลย มองดูกุญแจในมือ ก่อนจะกดถ่ายรูปอัปลงไอจี คันนี้เป็นรถรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แถมยังเป็นสีที่ผมชอบอีกด้วย คงต้องโทรไปขอบคุณพ่อสักหน่อยแล้ว

"ดีใจใหญ่เลยสินะ"

"แน่สิ มึงก็รู้ว่ากูอยากได้ตั้งนานแล้ว เอารถไปลองขับได้ป่ะ"

"คืนนี้ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว อยากลองค่อยลองพรุ่งนี้เอา เดี๋ยวมึงขับออกไป คงไม่กลับเข้าบ้านอีกแน่"

"ทำไม ไม่เจอหน้ากูอาทิตย์เดียว คิดถึงกูหรือไง"

"อย่าพูดเรื่องน่าอ้วกก่อนจะกินข้าวได้ไหม"

"ถ้ามึงตอบว่าคิดถึง กูก็อยากจะอ้วกเหมือนกันนั่นแหละ" ผมตอบแล้วก้มลงมองกุญแจในมืออีกครั้ง

"เดี๋ยวฝนจะมากินข้าวที่บ้านเราด้วย"

"มึงไม่คบกับเขาไปซะเองเลยล่ะ"

"อย่ากวนตีนกูนะไอ้วา เข้าไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวด้วย"

"กูกินมาแล้ว"

"แค่กินข้าวกับกูกับฝนสักมือ มึงจะเป็นอะไรไหม"

"เออก็ได้" ผมตอบรับ แล้วเดินเข้าห้องตัวเอง กับฝนผมไม่ได้อะไรนะ ไม่ได้รังเกียจ ไม่ได้โกรธ เพียงแต่ไม่อยากให้ความหวังก็เท่านั้นเอง เพราะถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง ผมก็พอมองออก ว่าเธอก็ชอบผมอยู่ไม่น้อย

ว่าจะโทรหาไอ้ลิเคียว แต่คิดไปคิดมา มันคงจะทำงานอยู่ ไว้หลังจากกินข้าว ผมค่อยโทรไปหามันก็แล้วกัน ไหนๆ ก็บอกมันไปแล้วว่าจะโทรหาอะนะ

"มานั่งเร็วไอ้วา" ไอ้ไฟที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารเรียกผม ด้านข้างเป็นฝนที่ส่งยิ้มหวานมาให้อยู่ก่อนแล้ว ผมก็ส่งยิ้มกลับไปด้วย

"มานานแล้วเหรอครับ" ผมว่าผมไม่ได้อาบน้ำนานนะ

"เพิ่งมาค่ะ"

"อ่อครับ" จบประโยคสนทนาเอาไว้สั้นๆ เพราะผมไม่รู้ว่าจะคุยอะไร จะมีแต่ไอ้ไฟนั่นแหละ ที่ชวนคุยตลอดๆ

"ขอบคุณที่มานะครับ ไอ้วามันไม่กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้ว พอบอกว่าฝนจะมา มันถึงกลับมากินข้าวที่บ้านได้" ไอ้ไฟตอแหลหน้าตาย ผมเนี่ยนะทำแบบนั้น

"จริงเหรอคะ แล้วลาวาไปอยู่ที่ไหนมาคะ ถึงไม่กลับมาบ้าน"

"ผมไปค้างบ้านเพื่อนน่ะครับ"

"สงสัยฝนต้องมาทานข้าวที่นี่บ่อยๆ แล้วมั้งครับ ไอ้วาจะได้อยู่ติดบ้านซะบ้าง" ไอ้ไฟยังคงโกหกคำโต ผมไม่ชอบเลยที่มันทำแบบนี้

"ทานเยอะๆ นะคะ วันนี้วาทานน้อยจัง" ฝนบอกแล้วตักกับข้าวมาใส่จานให้ผม

"ขอบคุณครับ" ผมบอกขอบคุณ จริงๆ ก็กินอะไรไม่ลงแล้วล่ะ เพราะยังอิ่มอยู่เลย

RRRRRR

"ขอตัวก่อนนะครับ" เสียงโทรศัพท์ของไอ้ไฟดังขึ้น แล้วมันก็ลุกออกไป ทิ้งความเงียบและอึดอัดไว้ที่ผมและฝน

"ฝนขอถามอะไรวาหน่อยจะได้ไหมคะ"

"ครับ"

"คือตอนนี้วา ไม่ได้คบกับใครอยู่ใช่ไหมคะ" ฝนถามออกมา

"ครับ ผมไม่ได้คบกับใครอยู่" ผมตอบกลับไป กับไอ้ลิเคียว ถึงจะเอากัน ถึงมันจะขอผมเป็นแฟน แต่ผมก็ไม่คิดจะตอบรับมันหรอก ผมไม่ได้หยิ่ง ถึงตอนนี้ผมจะต่างไปจากเดิม หลายๆ คนมองว่าผมดูดีขึ้น แต่จริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ผมผอมลง แต่เชื่อเถอะ ว่าผมไม่ได้ทำเพราะมัน ผมออกกำลังกายเพราะไอ้ไฟบังคับ และเพื่อสุขภาพที่ดีของผม การที่ผมจะทำให้ตัวเองดูดี ผมคงไม่ทำเพื่อใคร ไม่งั้นผมคงลดความอ้วนตั้งนานแล้ว

"ถ้างั้น...ฝนจีบวาได้ใช่ไหมคะ" เธอยิ้มอย่างอ่อนหวาน ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงดีใจไม่น้อย และคงตอบตกลงในทันที

"ผมขอตอบตามความจริง ถึงผมจะไม่ได้คบกับใครอยู่ แต่ตรงนี้ของผม มันมีเจ้าของแล้วล่ะครับ" ผมบอกแล้วชี้ไปที่หัวใจตัวเอง

"มีคนที่ชอบแล้วเหรอคะ"

"ครับ"

"เศร้าเลย ฝนชอบวามากนะคะเนี่ย แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่ไม่ให้ความหวังแล้วมาหักอกกันนะคะ"

"ครับ คนอย่างฝน ต้องเจอคนที่ดีและรักฝนมากแน่ๆ ครับ"

"ค่ะ ฝนขอให้วาได้คบกับคนที่เป็นเจ้าของหัวใจนี้นะคะ"

"ขอบคุณครับ" ผมจบบทสนทนาด้วยรอยยิ้ม เจ้าของหัวใจนี้เหรอ คบจนเลิกไปแล้ว แต่หัวใจของผมกลับไม่ได้คืนมาด้วย ได้แต่ฝากมันไว้ก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถูกย่ำยีอีกครั้ง คนธรรมดาโง่ๆ ที่เจ็บไม่จำอย่างผม ก็คงเหมือนกับคนอื่นทั่วไป ที่รู้ว่ามันนิสัยไม่ดี แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ

หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมอาสาไปส่งเธอที่บ้าน ซึ่งไอ้ไฟก็ไม่ขัดอะไร ฝนยังคงยิ้มและหัวเราะตามปกติ เราไม่ได้อึดอัด ถึงแม้ผมจะเพิ่งปฏิเสธเธอไป แถมเธอยังชวนผมไปทานข้าวที่บ้านเธอบ้างในฐานะเพื่อนด้วย

"ขอบคุณที่มาส่งฝนนะคะ ขับรถดีๆ ด้วยล่ะ" ฝนบอกแล้วเดินลงจากรถ ผมได้แต่พยักหน้าและมองเธอเดินเข้าบ้าน ระหว่างทางก็มีสายจากไอ้ลิเคียวโทรมา แต่ผมไม่คิดจะรับ

ผมขับรถไปตามห้องถนน ด้วยความที่ตอนนี้มันก็ดึกพอสมควร ทำให้ทางโล่งยาว แสงไฟและร้านอาหารข้างทาง ยังคงมีเปิดอยู่ ขับช้าบ้าง เร็วบ้าง จนสุดท้าย รถของผมก็มาจอดปลายทางที่ผับใหม่ไอ้ลิเคียว มา...แบบไม่ได้ตั้งใจ มองไฟหน้าประตูและผู้คนที่ทยอยหลั่งไหลออกมา นี่มันก็ได้เวลาปิดแล้วสินะ

นานนับชั่วโมงที่ผมนั่งอยู่ในรถโดยที่ไม่คิดจะเดินลงไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาทำอะไร หรือที่มา มาเพราะอะไร ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วตัดสินใจขับรถกลับบ้าน ก่อนนอนก็ส่งข้อความหามัน เพราะขี้เกียจจะโทรหรือคุยอะไรแล้ว

"ไปไหนมา ทำไมตื่นเช้า มึงไม่มีเรียนไม่ใช่หรือไง"

"ไปวิ่ง นอนไม่หลับ มึงจะสอบสวนอะไรแต่เช้า"

"คุยดีๆ กับกู มึงจะตายหรือไง"

"ก็ไม่ใช่เพราะมึงเหรอ ที่หาเรื่องกูก่อนตลอด"

"ไอ้วา มึงยังเห็นหัวกูอยู่ไหม"

"แล้วเวลามึงทำอะไร พูดอะไร เคยนึกถึงจิตใจกูบ้างไหมล่ะ กูรู้นะ ว่ามึงเป็นห่วง แต่อยู่ในขอบเขตได้ไหม"

"เพราะมึงดื้อแบบนี้ไง ทำอะไรตามใจตัวเอง แล้วสุดท้ายเป็นไง ใครกันที่ร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่ในห้องน่ะ" ผมหายใจเข้าลึกสุดปอด มันก็ใช่ที่ผมทำตัวเองทั้งหมด ผมเอาแต่ใจจนไม่สนไม่ฟังใคร พอมีปัญหาอะไร ก็กลับมาพึ่งครอบครัว แต่กับเรื่องความรัก ไม่ใช่ว่าให้ใครก็ได้มาตัดสินใจไม่ใช่เหรอ ถึงผมจะผิดจะพลาด ผมก็ยังยืนยันคำเดิม ชีวิตของผมเอง ความสุขของตัวผม ผมจะเลือกมันด้วยตัวเอง

"กูจะไม่คุยกับมึงเรื่องนี้อีก กูจะคบกับใครหรือเอากับใคร กูจะเลือกเอง" ผมบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแล้วเดินเข้าห้องของตัวเอง ได้ยินเสียงด่าตามหลัง แต่ใครจะไปสนกันล่ะ

"มึงมันโง่" ใช่ ผมโง่ และผมก็เชื่อว่า คนที่มีความรัก มันก็โง่เหมือนกันหมดนั่นแหละ ในเมื่อหัวใจมีรัก ต่อให้คนที่เรามอบใจให้ มันจะเลวแค่ไหน เราก็ยังคงรักอยู่ดี กับไอ้ไฟ ผมรักและเคารพในตัวมัน และอยากให้มันเคารพในการตัดสินใจของผมเหมือนกัน

วันนี้ทั้งวัน ผมหมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้ทำอะไร นั่งๆ นอนๆ เล่นเกมบ้าง ฟังเพลงบ้าง ถึงเวลากิน ก็ลงไปกิน แล้วก็ขึ้นมาบนห้อง ไม่ได้ติดต่อใคร และไม่มีใครติดต่อมา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"ครับ" ป้าคงจะเอาขนมมาให้ เพราะผมกินข้าวไปได้นิดเดียว

"สบายจังเนอะ ไม่ติดต่อมาเลยนะ" ไอ้ลิเคียวว่าก่อนจะเดินตรงมาทับผมที่นอนคว่ำเล่นอยู่บนเตียง

อั๊ก

"เหี้ย...หนักนะโว้ย" ผมบอก จะผลักมันออกก็ผลักไม่ได้ เล่นทับมาทั้งตัวเลยแม่ง

"ว่างทำไมไม่ไปหา"

"มึงก็ไม่ติดต่อมาเหมือนกันแหละ"

"เมื่อคืนกูนอนดึก ตื่นแล้วก็อาบน้ำมาหามึงเลยเนี่ย"

"ทำอะไรนอนดึก เพื่อนมึงไม่ได้มาช่วยหรือไง"

"มา แต่มาช้า กูต้องรอมันตรวจบัญชีให้ก่อน ถึงจะนอนได้" ให้ตายสิ เชื่อได้แค่ไหนก็ไม่รู้

"ลงไปดิวะ หนัก! "

"ไปหาอะไรกินเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ หิวว่ะ"

"กูกินแล้ว"

"อ้วน ไปนะ กูมารับเนี่ย" ไอ้ลิเคียวว่า ก่อนจะจูบมาที่หลังคอผมเบาๆ มือของมันก็ค่อยๆ สอดเข้ามาเพื่อกอดผม

"..." พอเห็นผมเงียบ มันก็ชักเอาใหญ่ จับตรงนั้นตรงนี้ไม่หยุด พรมจูบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง

"ถ้าไม่ไปกินกับกู กูจะกินมึงแทนนะ"

"ทำไม เมื่อคืนยังไม่เต็มอิ่มหรือไง"

"อ้วน มึงอย่ารวน มึงอยู่ที่นี่ กูจะไปเอาใคร"

"เพราะกูอยู่ที่นี่ไง เมื่อคืนมึงถึงจะเอาใครก็ได้" ผมบอก

"เวลากูคบใคร กูเอาทีละคน"

"มึงบอกใคร กูกับมึง เราไม่ได้คบกันซะหน่อย" ผมตอบ ไอ้ลิเคียวคงจะโมโหมากพอที่จะทำให้ไหล่ผมเจ็บ เพราะมันกำไหล่ผมแน่น ก่อนจะผ่อนแรงลง แล้วถอนหายใจออกมา

"โอเค กูไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับมึง กูมาเพราะอยากพามึงไปกินข้าวด้วย"

"งั้นก็ลุกสิ" ผมบอกเสียงเรียบ รู้ว่าตัวเองชวนมันทะเลาะ แถมยังไม่ได้สะใจเลยซะนิด พูดไปจิตใจของผมก็แย่ลงไปด้วย

ตอนออกจากบ้าน ผมไม่เจอไอ้ไฟ มันคงออกไปแล้ว ไอ้ลิเคียวเองก็พาผมมากินอาหารตามสั่งง่ายๆ ซึ่งผมเลือกจะสั่งแค่น้ำเปล่า

"ไม่หิวเหรอ"

"กูเพิ่งกินไป"

"อืม แล้วมึงยังออกกำลังกายอยู่เหรอ"

"กูออกบ้าง ทำบ่อยจนกูเริ่มชนละ"

"ไม่ต้องผอมแล้วไม่ได้เหรอ...กูหวงมึงจัง" ความคิดบ้าๆ คำพูดง่ายๆ แต่ก็ทำให้มุมปากของผมยกยิ้มขึ้นมานิดหนึ่ง

"กูออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเถอะ" ผมบอกแล้วดื่มน้ำตาม ไอ้ลิเคียวเล่นจ้องหน้าผมตาไม่กะพริบ

"เสร็จจากนี่ ไปซื้อของกับกูหน่อยนะ"

"ไปซื้ออะไร"

"ของที่ร้านหมด จริงๆ กูสั่งไปแล้วล่ะ แค่ไปเอาเฉยๆ "

"ก็ไปสิ" ยังไงก็ว่างอยู่แล้ว เสียอย่างเดียว แดดแรงไปหน่อย

หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ไอ้ลิเคียวก็พาผมมาที่ห้างขนาดเล็ก ของที่มันสั่ง ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว รอแค่ให้มันมาเช็กเท่านั้น ว่าได้ของตามที่สั่งครบหรือเปล่า

"อ่ะ มึงเอาไปเช็ก"

"ขี้ใช้"

"หรือมึงจะยก"

"ก็เอามาสิ" ผมบอกแล้วยื่นมือไปรับรายการ ก่อนจะช่วยมันเช็กของ มีทั้งเหล้า โซดา ไวน์ รวมทั้งน้ำอัดลมต่างๆ

"มึงไม่ให้คนมาช่วยวะ"

"ก็ไม่มีใครว่าง พี่ที่คอยเช็กสต๊อกเขาขอลากลับบ้าน" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วยกลังที่ผมเช็กของแล้วขึ้นรถ

RRRRRR

เสียงโทรศัพท์ของไอ้ลิเคียวดังขึ้น มันหยิบขึ้นมาดู เบอร์ที่โชว์หน้าจอเป็นเบอร์จากต่างประเทศ

"เออ…อยากให้กูบอกมันตอนนี้ไหม…อยู่ด้วยกัน…มึงแน่ใจ…เดี๋ยวกูพามันไปเอง มึงก็โทรไปบอกไอ้ไฟเถอะ…เออ เดี๋ยวกูไป"

"อะไร" ผมถาม เพราะไอ้ลิเคียวจ้องหน้าผม

"มึงตั้งใจฟังกูดีๆ นะ" อยู่ๆ ไอ้ลิเคียวก็ทำสีหน้าจริงจัง

"อะไรของมึง" ผมถาม รู้สึกไม่ไว้ใจเลย

"ตอนนี้พ่อของมึงป่วยหนัก พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล"

"..."

"อ้วน เราต้องบินด่วน มึงได้ยินกูไหม" แรงเขย่าตัวไม่ได้ทำให้ผมหามึนงงได้เลย พ่อของผมเนี่ยนะป่วย ทั้งๆ ที่ขาดการติดต่อไปนานขนาดนี้ พ่อจะได้เจอหน้ากัน ต้องมารับรู้ว่าท่านป่วยหนักเนี่ยนะ

หมับ

ไอ้ลิเคียวดึงผมเข้าไปกอด น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา ตามด้วยแรงสะอื้นที่บ่งบอกว่าผมเสียใจอย่างสุดซึ้ง

"ของที่เหลือเดี๋ยวผมให้คนมาเช็กต่อ ยังไงรบกวนฝากไว้ก่อนนะครับ วา...ไอ้วา"

"หะ"

"ตั้งสติหน่อย กูรู้ว่ามึงกำลังงง" ใช่สิ พ่อของผมแข็งแรงจะตาย แล้วมาบอกว่าป่วยหนักเนี่ยนะ

"ไม่เป็นไร แล้วทุกอย่างจะดีเอง" ไอ้ลิเคียวพูดปลอบ ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าตัวเองเดินขึ้นรถมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มือข้างหนึ่งของผม ถูกไอ้ลิเคียวกุมเอาไว้ตลอดทาง คำพูดปลอบโยนของมัน ผ่านเข้ามาในหัวของผมไม่ขาดสาย

น้ำตาที่ไหลนองหน้า ทำให้ผมไม่ได้สนใจเลยว่าเรากำลังเดินทางไปไหน พอถึงจุดมุ่งหมายปลายทาง ผมถึงได้รู้ว่า เรากำลังอยู่ที่สนามบิน

"ไฟ" ผมเรียกอีกคนเสียงอ่อย ก่อนจะเดินเข้าไปกอด มันมาถึงที่นี่ก่อนผมแล้ว ดูเหมือนจะเตรียมอะไรๆ เรียบร้อยแล้วด้วย

"เออ ไม่ต้องร้อง" ไอ้ไฟกอดปลอบผมอยู่นาน เพราะยังไม่ถึงเวลาเครื่องออก

"พ่อเป็นอะไรมากไหม"

"กูไม่รู้" ไอ้ไฟพูดตัดบท ตาที่แดงก่ำของมัน ดูก็รู้ว่า ผ่านการร้องไห้มาเหมือนกัน

"กูฝากมันหน่อย เดี๋ยวกูมา" ไอ้ไฟบอกไอ้ลิเคียวก่อนจะลุกเดินออกไป ผมก็หันไปโผล่เข้ากอดไอ้ลิเคียว

"ไม่เป็นไรนะอ้วน กูอยู่ตรงนี้" คำพูดปลอบโยน อ้อมกอดและมือที่อบอุ่น ถึงผมจะใจร้อนอยากเจอพ่อมาก แต่ก็สามารถทำให้ผมอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง

"กูเป็นห่วงพ่อ"

"กูรู้"

ระหว่างทาง ผมคุยกับไอ้ลิเคียวเพียงเล็กน้อย มันก็นั่งกุมมือผมมาตลอด บางช่วงอารมณ์ที่ผมอยากปล่อยโฮออกมา มันก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด ไอ้ไฟที่นั่งข้างๆ มันก็ลูบศีรษะผมด้วย

"เดี๋ยวก็ถึงแล้ว" ใช้เวลากว่าหลายชั่วโมง จนตอนนี้ผมมาถึงโรงพยาบาลแล้ว เดินลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ อย่างไม่รู้ทาง ไอ้แม็กยืนรออยู่ด้านหน้า พอมันเห็นพวกผมก็วิ่งเข้ามาหา

"พ่อเป็นไงบ้าง"

"หมอกำลังตรวจอยู่ ยังไม่ออกมาเลย" ไอ้แม็กบอกแล้วเดินนำพวกผมไปหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ซึ่งมีพยาบาลเดินเข้าออกไม่หยุด

"พ่อเป็นอะไร" ผมถามออกไป

"มะเร็ง" คำตอบของไอ้แม็กทำเอาผมเข่าทรุด ไอ้ลิเคียวที่ยืนอยู่ด้วย ก็พยุงผมมานั่งที่เก้าอี้

"แล้วมึงไม่คิดจะบอกกูเลยเหรอ"

"พ่อไม่ให้บอก ท่านไม่อยากให้พวกมึงเป็นห่วง”

“แล้วทำไมต้องมาบอกตอนที่อาการหนักขนาดนี้วะ”

“กูก็เพิ่งรู้ตอนที่กูบินกลับบ้านตอนนั้น คุณหมอโทรมาบอกกู ว่าอยู่ๆ ท่านก็อาการทรุดหนัก แล้วก็เพิ่งตรวจเจอมะเร็ง แต่กูคิดว่าพ่อน่าจะรู้ตั้งนานแล้ว"

"ฮึก...ฮึก..." ผมได้แต่สะอื้นหนักแล้วกอดไอ้ลิเคียวแน่น มันก็กอดปลอบผมเช่นกัน

"อย่าโทษไอ้แม็กเลย การที่มันรับรู้แต่บอกอะไรมึงไม่ได้ มันก็คงลำบากใจไม่น้อยเหมือนกัน" ผมฟังแล้วพยักหน้าตาม เสื้อของมันเต็มไปด้วยน้ำตาของผมที่ไหลออกมาไม่หยุด ผมกอดอีกคนแน่นโดยที่ซุกหน้าไปที่อก ไม่อยากรับรู้ กลัวว่าผลที่ออกมามันจะไม่เป็นอย่างที่ผมจะขอ

...ขอได้ไหม ขอให้พ่ออยู่กับผมไปนานๆ

หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 29 | 01/07/2020
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-07-2020 17:21:30
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 29 | 01/07/2020
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 01-07-2020 19:46:43
ลิเคียว..ทำตัวให้มันชัดเจนมากกว่านี้ดิว้อยยยยยยยยย
ลาวา จะได้มั่นใจจนยอมคบเป็นแฟนด้วย
โง่หรือบื้อกันแน่ฟ่ะ ลิเคียว

เชียร์อยู่เหมือนกัน
ทำตัวให้ลาวายอมรับให้ได้

รีบเลย
หัวข้อ: Re: รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 30 | 03/07/2020
เริ่มหัวข้อโดย: YiiM ที่ 03-07-2020 08:28:27
ตอนที่ 30

"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ" หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน แม้แต่คำบอกลา ผมก็ไม่ได้พูดกับพ่อด้วยซ้ำ

"ฮื่ออออ" คุณหมอเดินไปแล้ว เหลือเพียงแต่พวกผมที่ยืนอยู่ เสียงร้องไห้ของผมและคนอื่นๆ แสดงให้รู้ถึงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

ผมกอดกับไอ้ลิเคียวไม่ปล่อย ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืน ผมรู้ว่าสักวัน ยังไงเราก็ต้องจากกัน เพียงแต่ไม่คิดว่า วันนั้นจะมาถึงเร็วแบบนี้

"พ่อมึงไปสบายแล้ว" ไอ้ลิเคียวพูดบอก มันก็กอดปลอบผมแน่นเช่นกัน

ใช้เวลานานกว่าพวกผมจะใจเย็นลง พวกผมกลับมาปรึกษากันที่บ้านไอ้แม็ก มันบอกว่าพ่ออยากจะให้ฝังไว้ที่นี่ เพราะยังไงไอ้แม็กก็คงจะอาศัยอยู่ที่นี่ถาวรเลย และคงจะไม่ได้กลับไปอยู่ไทยแล้ว นอกจากกลับไปเที่ยวหรือเยี่ยมที่บ้าน

"แล้วเรื่องเรียนมึงล่ะ"

"กูคงจะกลับไปดร็อปที่นู่น แล้วมาเรียนต่อใหม่ที่นี่พร้อมกับทำงานที่ค้างไว้ต่อ"

"แล้วพวกกูล่ะ"

"กูแล้วแต่มึงนะไอ้วา กูไม่ได้อยู่กับมึงตลอด กูดูแลมึงไม่ได้ แต่กูก็ยังเป็นห่วงมึงที่สุดอยู่ดี ถ้าถามความเห็นกู กูก็อยากให้มึงมาอยู่กับกูที่นี่" ไอ้แม็กบอก ไอ้ลิเคียวที่นั่งข้างๆ ผม มันไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่จับมือผมไว้แน่น

"ส่วนไอ้ไฟ ถ้ามึงเรียนจบ มึงจะเรียนต่อหรือทำงาน มึงบอกกูทีหลังก็ได้" ไอ้แม็กหันไปพูดกับไอ้ไฟ

"เรื่องเรียน มึงจะกลับพร้อมพวกกูหรือจะตามไปทีหลัง" เพราะถ้าจบเรื่องพ่อ พวกผมก็คงกลับกันเลย

"กลับพร้อมกัน กูจะพาแฟนกูไปด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะแนะนำให้รู้จักอีกที"

"อืม"

"ไอ้วา มึงจะกลับไปคิดก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาบอกกู"

"กูจะอยู่ไทย" ผมบอกออกไป

"มึงแน่ใจ เพราะถ้าไอ้ไฟเรียนจบ ถึงมันจะไม่อยู่ที่นี่ แต่มันต้องบินไป-มา เพื่อช่วยงานกูบ้าง" ไอ้แม็กถามเสียงเข้ม ผมเริ่มลังเล ผมอยากอยู่ไทย เพราะยังไงมันก็เป็นที่ที่ผมเกิดมา ง่ายต่อการสื่อสารและชีวิตประจำวัน ผมกลัวที่ต้องมาอยู่ต่างประเทศ ต้องปรับเปลี่ยนอะไรอีกมาก ซึ่งผมไม่พร้อมกับเรื่องแบบนี้จริงๆ มองหน้าไอ้ลิเคียว มันก็ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่นิด นอกจากมือมันที่กุมมือผมไว้ไม่ปล่อย

"ฮึก...ฮึก..." อยู่ๆ น้ำตาของผมก็ไหล แรงสะอื้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมควรทำยังไง ผมอยากอยู่ไทย ผมอยากอยู่กับไอ้ลิเคียว แต่ผมก็อยากจะอยู่กับไอ้แม็ก ไอ้ไฟด้วย มันเป็นครอบครัวของผม พวกเราเกิดมาแทบจะเรียกได้ว่าพร้อมกัน โตมาด้วยกัน เรียนมาด้วยกัน ไปที่ไหนก็ด้วยกันตลอด ถึงจะมีช่วงหลังๆ ที่เราต่างคนต่างเรียน เราอาจจะมีห่างกันบ้าง แต่เราก็คุยและปรึกษากันตลอดเวลา แล้วถ้าเกิดว่า ต้องห่างกันแบบจริงจัง ผมควรจะทำยังไงดี

ผมนั่งเงียบ มีความคิดมากมายเข้ามาในหัว ผมกลัวการที่ต้องอยู่ห่างจากพวกมันนานๆ เป็นความรู้สึกกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ ผมเคยได้รับความรัก การใส่ใจ การดูแล คำแนะนำ แล้วถ้าเราต้องห่างกันขนาดนี้ ผมกลัวว่ามันจะลืมผมไป ผมได้แต่สับสน จนไอ้แม็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เดินมาถึงข้างๆ ผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มันไม่ได้มองหน้าผม เพียงแต่ลูบศีรษะของผมก็เท่านั้น ผมเลยเอนหน้าไปซบที่หน้าท้องของมัน

"ลาวา มึงฟังกูนะ มึงน่ะโตแล้ว พวกกูก็ด้วย กูรู้ว่ามันยาก ถ้าต้องตัดสินใจในเรื่องนี้ แต่มึงต้องใช้ชีวิตของตัวเอง มึงต้องเลือกทางเดินที่มึงคิดว่ามันดีกับตัวมึง พวกกูชี้แนะมึงมามากพอแล้ว หลังจากนี้ ถ้ามึงล้ม มึงต้องลุกขึ้นเอง ถ้ามึงเป็นแผล มึงต้องหายาใส่เอง ถ้ามึงป่วย มึงต้องไปหาหมอเองได้แล้ว"

"ฮึก...ฮื่อออ" ผมหันไปกอดไอ้แม็กเต็มแรง ยิ่งมันพูดออกมา ผมก็ยิ่งกลัว

"พวกกูไม่มีใครทิ้งมึงนะ ถ้ามึงเจ็บ มึงบอกกูได้ ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ มึงก็แค่โทรหากู มึงสามารถบินมาหากูได้ตลอด มึงอยากจะมาอยู่กับกูตอนไหนก็ได้ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจ สำหรับกู การที่มีมึงเป็นครอบครัว เป็นน้องที่เกิดทีหลังเพียงไม่ถึงนาที มันเป็นสิ่งที่ดี กูชอบที่ได้ดูแลมึง กูดีใจที่เห็นมึงโตมาได้แบบนี้ กูภูมิใจในตัวมึงเสมอ ถึงแม้มึงจะบอกว่าตัวเองไม่ฉลาด มึงมีดีอยู่ในตัว อย่าเอาแต่คิดมาก หลังจากนี้ ถึงเราจะอยู่ห่างกัน มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแค่กูไม่ได้ดูแลมึงได้อย่างเมื่อก่อนแล้วก็เท่านั้น แต่กูจะเฝ้ามองมึงอยู่ที่นี่ จำเอาไว้"

"กูอยากอยู่กับพวกมึง"

"กูรู้...แล้วจะมาไหมล่ะ" ไอ้แม็กถาม ถึงผมจะพูดไปแบบนั้น แต่คำตอบของผมคือการส่ายหน้า

"ไม่เป็นไร อยู่ที่ไทยก็ได้" ไอ้แม็กบอก มันยิ้มให้ผมแล้วลูบแก้มผมเบาๆ จนผมหายสะอื้น ก่อนที่จะเดินไปหาไอ้ลิเคียว

"มึง" ไอ้แม็กเรียกแค่นั้น ไอ้ลิเคียวก็ลุกขึ้น ก่อนจะโดนต่อยเข้าให้เต็มแรง

ผัวะ

"ไอ้แม็ก! " ผมร้องออกมาอย่างตกใจ ไม่แม้แต่จะพูดอะไรแม่งก็ต่อยไอ้ลิเคียวหน้าหันแล้ว เลือดออกเลยด้วย

"กูบอกมึงแล้ว อย่าเอาไอ้วา แต่มึงก็ไม่ฟังกู" ไอ้แม็กชี้หน้าไอ้ลิเคียว ดูเหมือนกับว่ามันจะไม่พอใจเอามากๆ แต่จะให้โทษไอ้ลิเคียวคนเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อตัวผมเองก็ไม่รักดีเหมือนกัน

ไอ้แม็กคงจะโมโหพอตัว เพราะตัวมันสั่นอย่างเห็นได้ชัด มันจ้องหน้าไอ้ลิเคียวอยู่นาน จนสุดท้ายมันก็ถอนหายใจออกมา

"กูฝากมันด้วย" ไอ้แม็กพูดแค่นั้น ก่อนที่จะเดินหันหลังเข้าไปในห้อง ไอ้ไฟที่เห็นแบบนั้น ก็เดินตามไป

"เจ็บไหม"

"อืม"

"ปากมึงบวม"

"ช่างเถอะ อย่างน้อยกูก็ได้มึงมา" เพราะคำพูดแบบนี้ไง ผมถึงยังตัวติดกับมันอยู่แบบนี้

"แล้วถ้าเกิดกูเลือกที่จะอยู่ที่นี่ล่ะ" ผมเชิดหน้าถาม

"ถ้าตอบตามใจมึง กูก็คงจะบอกว่า กูจะตามมึงมาอยู่ที่นี่ด้วย แต่ถ้าตอบตามจริง กูมีงานต้องทำ มีอะไรที่ต้องรับผิดชอบ มึงก็เห็น ว่าทุกวันนี้ กูยุ่งแค่ไหน น้องกูแต่ละคนก็ยังเด็ก"

"ช่างเถอะ กูเข้าใจมึง" ผมบอกแล้วนั่งดูแผลให้มัน คงจะเต็มแรงเลยสินะ ถึงได้บวมเร็วขนาดนี้ ยอมรับว่าไอ้ลิเคียวเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผมอยากอยู่ไทย แต่ก็ไม่ใช่ที่สุด ผมบอกแล้วว่าไม่อยากปรับตัว เพราะนี่คือสิ่งที่ยากสำหรับผม รู้สึกขอบคุณไอ้แม็กที่เข้าใจ ดูเหมือนไอ้ไฟก็ไม่ได้แย้งอะไร โดยส่วนตัว ไอ้ไฟมันไม่ได้เกลียดไอ้ลิเคียวขนาดนั้น เพียงแต่เพราะรู้สันดานกันมาก ทำให้ยอมรับได้ยาก ถ้าผมยังคงดื้อด้านที่จะคบ ก็คงจะมีแต่เรื่องปวดหัวในอนาคตล่ะนะ



ปิดเทอม

ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปไว้เหมือนกัน ผมยังคงคิดถึงพ่ออยู่ทุกวัน ถึงท่านจะจากไปแล้ว แต่ความรู้สึกของผม ยังคงเหมือนท่านอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง

ไอ้แม็กดร็อปเรียนจากที่นี่และไปเรียนต่อที่นู่นแล้ว นานๆ มันถึงจะโทรมาหาผมที ส่วนไอ้ไฟ มันยังคงอยู่กับผม และทำงานหน้าจอคอม เพื่อส่งให้ไอ้แม็ก นานๆ ทีก็บินไปบ้าง ผมก็บินไปด้วย แต่ไม่ค่อยได้ไปช่วยงานพวกมันเท่าไหร่หรอก ไปทีก็ช่วยงานทางฝ่ายแฟนไอ้แม็กซะมากกว่า

ณ ตอนนี้ ผมยังคงอยู่กับไอ้ลิเคียว เทียวไปเทียวมาบ้านมันบ้าง บ้านผมบ้าง ผมตามใจมัน เพราะมันก็ตามใจผมอยู่มาก เว้นก็แต่ เรื่องที่มันขอผมคบล่ะนะ ผมอาจจะบ้าเองก็ได้ เพราะผมรู้สึกว่า สถานะตอนนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร ไม่ใช่โสด ไม่ใช่ไม่มีใคร แต่ก็ไม่มีแฟน ถ้าเกิดไอ้ลิเคียวแอบไปมีใครใหม่ ผมก็คงเสียใจไม่แพ้ตอนแรก ผมเบื่อที่จะฟังคำขอโทษของมัน ผมกลัวที่จะบอกเลิกออกไป ผมคงจะทำใจไม่ได้ ถ้าต้องเลิกๆ คบๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สู้อยู่ไปแบบนี้แหละ คงจะดีกว่า ไม่ต้องคบ ไม่ต้องเลิก เสียใจมากๆ ผมจะหายไปของผมเอง

"อ้วน"

"อะไร"

"ออกไปหาอะไรกินกันไหม"

"ไม่เอา กูกินไปเยอะแล้ว"

"บิงชูไง ของหวานที่มึงชอบ ไม่เอาเหรอ" ไม่พูดเปล่า พลิกโทรศัพท์ในมือมันขึ้นมาให้ดูรูปด้วย ตอนนี้มันนอนหนุนตักผมอยู่

"มึงชอบยัดเยียดความอ้วนมาให้กู"

"ก็กูชอบอ่ะ มึงอ้วนแล้วนุ่มนิ่มดี"

"นุ่มเหี้ยไร กูจะไม่ปล่อยตัวให้อ้วนอีกแล้ว" ผมบอก เพราะทุกวันนี้ ผมยังคงออกกำลังกายอยู่

"มึงดูดี เดี๋ยวก็มีคนมาชอบ"

"มาชอบก็ดีกว่ามาเกลียด มึงจะคิดอะไรมาก คนชอบมึงตั้งเยอะตั้งแยะ กูยังไม่คิดเลย"

"คบก็ไม่คบ หึงก็ไม่หึง กูกลัวนะอ้วน"

"มึงจะกลัวอะไร"

"มึงก็รู้ว่ากูกลัวอะไร"

"กูอยู่กับมึงขนาดนี้ มึงยังจะกลัวอะไรอีก ถ้าจะไป กูไปตั้งนานแล้ว"

"ใจคนมันเปลี่ยนตลอดนั่นแหละ" ไอ้ลิเคียวบอก พลิกตัวเพื่อหันหน้ามาจุ๊บที่หน้าท้องของผม ก่อนจะถูหน้าไปมา

"มึงบอกตัวเองเถอะ แล้วก็เลิกทำตามคำแนะนำของเพื่อนมึงได้แล้ว กูขนลุก" ผมบอก เพราะมันชอบทำตามคำแนะนำของเพื่อนๆ มัน ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบนะ ใจของผมเต้นแรงทุกครั้งที่มันทำ เพียงแต่ไม่คุ้นชินก็เท่านั้น

"ไอ้สวยบอกว่ามึงจะชอบ"

"แล้วกูเคยพูดไหม"

"ไม่ แต่ใจมึงก็เต้นแรง" คงจะแรงจนอีกคนรับรู้สินะ ผมลูบศีรษะมันเล่น ด้วยความที่ปิดเทอมแล้ว น้องๆ ของมันเลยว่างมาช่วยงาน แถมร้านใหม่ก็เข้าที่เข้าทางแล้ว อะไรๆ ก็เลยง่ายขึ้น แถมยังมีเวลาว่างมากขึ้นด้วย

"มึง"

"อะไร"

"ไปเที่ยวกันไหม" ผมชวน

"อยากไปไหนล่ะ"

"ก็...ไปไหนก็ได้ แบบเที่ยวกันหลายๆ คนอ่ะ เพื่อนมึงด้วยก็ดีนะ หลายๆ คนสนุกดี เสียดายเพื่อนกูแม่งไม่ว่างสักคน"

"เอาสิ มึงก็เลือกมาแล้วกัน ว่าจะไปเที่ยวไหน แล้วเดี๋ยวกูจะไปถามพวกมันให้ แล้วค่อยแพลนวัน"

"เย้ ดีใจจัง"

"มีความสุขไหม" อยู่ๆ ไอ้ลิเคียวก็ถาม

"อะไรของมึง"

"ก็แค่อยากได้ยิน ว่ามึงมีความสุขที่ได้อยู่กับกู กูอาจจะชอบบังคับมึง พาไปนู่นไปนี่ แต่กูก็พยายามแล้วนะ กูตามใจมึงเยอะขึ้น เพราะกลัวมึงจะเบื่อ กูมีหลายสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ กูกลัวว่ามึงจะรำคาญ" ไอ้ลิเคียวพูดแล้วก็เงียบไป

"มึงอย่าคิดมาก กูยังมีความสุขดี ถ้าไม่ชอบอะไร เดี๋ยวกูก็โวยวายเองแหละ"

"จริงๆ เหรอ"

"เออ"

"รักมึงนะอ้วน"

"..."

"เหนื่อยจัง ขอนอนก่อนนะ เดี๋ยวพาไปกินบิงชู" เหนื่อยจริงหรือน้อยใจที่ผมไม่พูดกลับไปกันนะ เล่นซุกหน้าจนผมมองไม่เห็นสีหน้าหล่อๆ ของมันเลย หรือกำลังทำหน้าบึ้งอยู่กันแน่

"รักมึงเหมือนกัน" ผมบอกกลับไป และมันก็คงได้ยิน เล่นกอดรัดผมแน่นขนาดนี้

"อ้วน"

"อะไร"

"ทำกัน"

"ทำเหี้ยไร ไม่เอา" ผมบอกแล้วพยายามแกะมือปลาหมึกของมันออก

"ดีใจอ่ะ" ไม่ต้องบอกก็รู้ มันเล่นยิ้มหน้าบานขนาดนี้

"เออ ฮ่าๆ ไม่ให้ทำนะโว้ย" ไอ้ลิเคียวเล่นจั๊กจี้ที่เอวของผม จะไม่ให้หัวเราะก็ไม่ได้แม่งจั๊กจี้ฉิบหาย

"ก็อยาก"

"ไม่เอา มันเจ็บ ฮ่าๆ พอแล้วไอ้ลิเคียว" มันเล่นจี้จนผมแทบจะดิ้นลงไปนั่งกับพื้น เผลอแป๊บเดียวมันก็ขึ้นคร่อมผมละ

จุ๊บ

"เดี๋ยวก็เลยเถิด"

"ไม่ทำแล้ว"

"เชื่อได้เหรอ"

"อืม เดี๋ยวค่อยทำคืนนี้"

"ใครจะให้มึงทำกันเล่า"

"เดี๋ยวก็รู้"

"มึงมันหื่น"

"มึงมันน่ามันเขี้ยว"

"ไอ้บ้า" ผมว่ามัน ยิ้มจนหน้าบานเชียว

จุ๊บ

"พอยัง"

"ยังไม่พอ"

"พอแล้ว ไปกินบิงชูกัน"

"ไหนว่าไม่อยาก"

"อยากแล้ว"

"อยากแล้วงั้นทำนะ"

"ชอบหาว่ากูรวน มึงนั่นแหละ มึนฉิบหาย"

"ฮ่าๆ ๆ โอเคไม่ทำ งั้นก็ลุก" ไอ้ลิเคียวบอก ก่อนที่มันจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน แล้วค่อยฉุดมือผมให้ลุกขึ้นตามด้วย

"วันนี้มาแปลก แต่ไม่ทำก็ดี"

"ตามใจมึงไง เพราะรักนะเนี่ย จุ๊บ"

"อย่ากินแก้มกู"

"มึงชอบทำให้กูมันเขี้ยวตลอดเลย"

"มึงรู้สึกไปเองเถอะ" ผมบอกแล้วยู่หน้าใส่ ทุกวันนี้ มันแทบจะกินแก้มผมไปอยู่แล้ว

"รักมึงจัง ทำยังไงให้มึงมีความสุขทุกวันดี"

"กูก็มีความสุขดีอยู่ทุกวัน มึงไม่ต้องทำอะไรหรอกน่า เป็นของมึงแบบนี้แหละ"

"จริงนะ"

"งั้นจับมือ" ผมบอกแล้วยืนมือออกไปหา

"แค่นี้"

"อืม แค่นี้ก็พอแล้ว" ผมบอกแล้วใช้อีกมือกอดมันไว้ ไม่ต้องมากกว่านี้ ณ จุดๆ นี้ ผมก็มีความสุขและพอใจแล้ว อาจจะมีบางช่วงที่เศร้าบ้าง มีความสุขบ้าง เสียใจบ้าง ร้องไห้บ้าง แต่นั่นก็เป็นสีสันของชีวิตคนเรา ขอแค่มันอยู่ข้างๆ ผม ไม่ไปไหน ก็ไม่มีอะไรสุขใจไปมากกว่านี้

ความรักของผม เกิดขึ้นและจบลงแบบเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจเพราะเหตุผลที่แม่งโคตรจะไม่สมเหตุสมผลเลยก็ว่าได้ ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ มันก็ควบคู่มาด้วยความอยากทั้งนั้น อยากหล่อ อยากสวย อยากรวย อยากเก่ง ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยอยากมีแฟนสวยๆ จนสุดท้ายก็ถูกบอกเลิกเพราะเรื่องเดิมๆ ผมรู้ตัว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมรวย คนอ้วนๆอย่างผม จะมีใครมาสนมาแล และผมก็รู้ด้วยว่าในโลกนี้มีคนที่รักกันด้วยใจ เพียงแต่เราก็ต้องเข้าใจ ว่าเราอาจจะไม่ได้เจอคนแบบนั้นในทันที บางคนอาจอยู่คนละซีกโลก บางคนอาจอยู่ใกล้ตัวจนเรามองผ่าน ดูอย่างผมสิ กับไอ้ลิเคียวเนี่ยนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อน อย่าว่าแต่ให้คิดสภาพเลย แค่มองหน้าของมัน ผมก็จะอ้วกแล้ว ไม่เหมือนกับตอนนี้ ยอมรับว่าหน้าหล่อๆของมัน มีผลกับจิตใจของผมมากจริงๆ ก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าต่อไปจะเป็นยังไง ถ้าทะเลาะกัน ใครจะเป็นฝ่ายยอม ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ใครจะเป็นฝ่ายง้อ อาจจะเป็นมัน หรืออาจจะเป็นผมก็ได้ เราไม่สามารถคาดการได้เลย

"ลิเคียว"

"อะไร"

"รักกูมากไหม"

"มากๆ"

"มากแค่ไหน"

"ถ้ากูบอกว่าไม่รู้ มึงจะโกรธกูไหม"

"..."

"เพราะมันมากจนกูไม่สามารถวัดหรือเอาอะไรมาเทียบเท่าได้ มันอาจจะยากที่จะทำให้มึงเชื่อกูอย่างสนิทใจ แต่กูจะทำให้มึงรู้สึกให้ได้ ว่ากูรักมึงมากๆ...มากจนรู้สึกว่า รักกว่านี้ ไม่มีแล้ว" คนตอบของมัน สีหน้าที่จริงจัง ชอบจัง ผู้ชายแบบมันพูดแบบนี้แล้วโคตรมีเสน่ห์เลย

ก้มลงมองมือของเราที่จับประสานกันไว้ ยิ้มให้กับการเริ่มต้นใหม่ ค่อยๆรัก ค่อยๆเรียนรู้ ไม่ว่าอุปสรรคอะไรในอนาคต ขอเพียงมันไม่ปล่อยมือผม ผมก็จะไม่ปล่อยมือมันเช่นกัน...



จบแล้วจ้าาา ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงบรรทัดนี้...ขอบคุณที่เอ็นดูเด็กอ้วนของยิ้ม 
หัวข้อ: Re: (จบแล้วค่ะ) รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 30 | 03/07/2020
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-07-2020 12:03:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วค่ะ) รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 30 | 03/07/2020
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 04-07-2020 00:49:34
รักกันนานๆนะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้วค่ะ) รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 30 | 03/07/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Noonnaja ที่ 19-07-2020 21:17:21
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วค่ะ) รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 30 | 03/07/2020
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 20-07-2020 19:40:52
อ่านจบทั้ง 2 เรื่อง
คู่ลิเคียว+ลาวา และ คู่ชุน+มาวิน  นารักทั้งสองคู่เลย

ดีต่อใจ..รักนะ..จุ๊บๆ

ขอบคุณนักเขียน  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วค่ะ) รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 30 | 03/07/2020
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 20-07-2020 21:40:20
น่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้วค่ะ) รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 30 | 03/07/2020
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 21-08-2020 22:29:48
 :pig4: :serius2:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วค่ะ) รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 30 | 03/07/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 17-09-2020 14:24:51
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: