พิมพ์หน้านี้ - 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Maitre ที่ 30-12-2016 22:22:04

หัวข้อ: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 30-12-2016 22:22:04
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................     
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 30-12-2016 22:44:06
บทนำ

ผมยิ้มเป็นกำลังใจให้กับเอาสะท้อนของตัวเองในกระจก...แม่งไอ้ผู้ชายคนนี้เป็นใครวะ จมูกโด่ง ตาสองชั้นสีเข้มเหมือนผมที่ตัดทรงเกาหลีอินเทรน รอยยิ้มละมุนละม่อมที่เห็นฟันขาวเรียงกันสดใส บอกได้คำเดียวเลยครับว่า...หล่อ หล่อแบบโคตรๆ หล่อแบบฉิบหายลากไส้เลย

มองไปมองมาเอ้านี่มันผมเองนี่หว่า อิอิ

ครับ...อย่าว่าผมหลงตัวเองเลยนะ ก็คนมันมีดีให้หลงอ่ะ พี่ปูนหล่อขนาดเป็นถึงรองเดือนคณะเลยนะไม่อยากจะโม้ (แล้วจะพูดทำไม -*-)  อ้อ แล้วก็อย่าคิดว่าผมบ้าเชียวนะครับที่มาชมตัวเอง คือที่พร่ำเพ้ออยู่ตรงนี้เพราะผมกำลังให้กำลังใจตัวเองอยู่ครับ อีกไม่ถึงสิบนาทีข้างหน้าผมจะได้กระทำการอันยิ่งใหญ่ล้นฟ้า ซึ่งนั่นก็คือ...

การสารภาพรัก!!

ถูกต้องแล้วคร๊าบบบ ผมกำลังจะไปสารภาพรักกับสาวงามนามว่า ‘มิ้ม’

มิ้มเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารักมากเลยครับ มองหน้ามิ้มแต่ละทีนี่ผมอย่างเคลิ้มอ่ะ ผู้หญิงอะไรไม่รู้ขโมยหัวใจผมไปอย่างง่ายดาย เธอนิสัยดีมากเลยนะ ชอบยิ้มให้ผมตลอดเลยเวลาเราเจอกัน ที่จริงจะพูดให้ถูกก็คือมิ้มก็ยิ้มไปเรื่อยตลอดเวลาแหละ ผมก็ได้รักอนิจสงค์เผื่อแผ่มาก็แค่นั้น

แต่ถึงยังไงผมก็ยั้งปริ่มใจอยู่ดี

เอาล่ะ ระหว่างรอเวลาผมจะเพ้อถึงเธอให้ฟังคร่าวๆ นะครับ อ่ะๆ อย่าอ่านข้ามกันล่ะเพราะนี่คือประเด็นสำคัญของเรื่องเลยนะทุกคน

ผมเจอมิ้มตอนเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ เลยครับ กำลังเป็นเฟรชชี่ใสๆ ตอนนั้นเป็นช่วงรับน้องใหญ่ของมหาวิทยาลัย ที่เขาเอาทุกคณะมารวมๆ กันนั่นแหละ เรียกว่าโครงการ ‘พบปะสังสรรค์ ยิ้มให้กันครั้งแรก’ หรือแรกง่ายๆ เลยว่าโครงการ ‘ยิ้มแรก’ ซึ่งโครงการนี่เขามีสโลแกนอยู่ว่า ‘เจอคนข้างๆ ก็ยิ้มให้เขาบ้างนะ’ นั่นแหละ คนข้างๆ ผมในวันนั้นก็คือ ‘มิ้ม’ นั่นเอง

ตั้งแต่ประสบพบรอยยิ้มของมิ้มครั้งนั้นผมก็ตกหลุมรักเธอทันทีเลยครับ แค่นั้นยังไม่พอนะ ด้วยความที่มิ้มเป็นคนน่ารัก เราเลยทำความรู้จักกันหลังจากนั้น ผมยังจำเสียงหวานๆ ที่ถามชื่อผมได้อยู่เลยครับ

พูดแล้วมันชื่นใจ~
หลังจากวันนั้นมิ้มก็ทักผมตลอด เวลาเจอตอนเดินสวนกันก็ยิ้มให้ ทักกันบ้างบางครั้ง นั่งใกล้ๆ กันในห้องสมุดก็ชวนคุย ผู้หญิงอาร๊ายยย อัธยาศัยดีชะมัดเลย

พอผมเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง มันก็ร่วมกันลงความเห็นว่าผมควรจะทำอะไรซักอย่างได้แล้ว อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่แค่แอบรักมิ้มอยู่แบบนี้

แล้วมันจะอะไรดีล้ะครับ นอกจาก...การขอมิ้มเป็นแฟน!

ผมค่อนข้างมั่นใจ (มั่นหน้า) เลยว่ามิ้มจะต้องตอบตกลง!! (แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเนี่ย) ก็อย่างที่บอกตั้งแต่แรก ผมมันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร เป็นถึงรองเดือนคณะเลยนะจะบอกให้ หุหุ

เอ๊ะ! พล่ามไปพล่ามมาก็ถึงเวลาที่รอคอยแล้วครับ!

ผมมานั่งรอมิ้มหน้าห้องที่เธอเรียนได้สักพักแล้วล่ะ

ร่างบางเดินออกมาจากห้องเรียนแล้ว ข้างๆ มีกลุ่มเพื่อนสนิทของเธอ ผมรีบตรงดิ่งเข้าไปหามิ้มเลยครับ หัวใจเต้นเร็วมากจนกลัวว่าจะหัวใจวายตายก่อนได้สารภาพ

ใจเย็นไอ้ปูน... เย็นไว้... เย็น...

“ปูน!”

ตู้ม!!

หัวใจผมกระเด็นออกมานอกอกแล้วครับ

“มะ มิ้ม” ยิ้มเข้าไว้ ยิ้มเข้าไว้ครับ

“มีเรียนต่อห้องนี่เหรอ ปกติไม่เห็นเจอเลย”

“เปล่าหรอก คือ...มิ้มว่างป่ะ ขอคุยด้วยหน่อยสิ” ผมลองเลียบๆ เคียงๆ ถามดูครับ ถ้ามิ้มไม่ว่างคุยก็จะสารภาพมันตรงนี้เลย ถึงจะอายเพื่อนมิ้มแต่ผมก็จะทำ

“พอมีเวลาอยู่นะ ไปสิ ตรงนี้วุ่นวายเนาะ”

มิ้มหันไปบอกลาเพื่อนก่อนที่เราสองคนก็เดินออกมาจากตรงนั้นครับ ไปยังมุมที่มันเงียบสงบกว่าหน้าห้องเรียนที่นักษึกษาเดินกันขวักไขว่ พอได้ที่ทางเหมาะๆ มิ้มก็หันมาหาพร้อมกับร้อยยิ้มพิมพ์ใจอย่างที่ชอบทำ

โอ๊ย...ละลายเลยได้หรือเปล่า

ช่วยเก็บเศษหัวใจของผมแล้วห่อให้เธอทีครับ

“มีอะไรเหรอ” เสียใสละลายใจถาม

“คือ...มิ้ม...คือ...”

วุ้ย เขินจังวะ แค่จะบอกไปว่าชอบนี้ทำไมมันช่างยากเย็น แล้วพอสบดวงตาโตใสแป๋วของมิ้มเข้ายิ่งทำให้ไม่กล้าพูดเข้าไปอีก

“อะไรอ่ะ บอกมาเถอะ หรือถ้ามีอะไรให้เราช่วยก็บอกมาเลยนะไม่ต้องเกรงใจ เรายินดี”

อ่า นี่มันนางฟ้าชัดๆ

ผมตัดสินใจสูดลมเข้าให้เต็มปอดอีกครั้ง ก่อนจะกลั้นใจพูดออกไป!!

เอาวะ ตายเป็นตาย

“เราชอบมิ้มนะ!”

“น้องมิ้มครับ!

พูดจบผมก็หลับตาปี๋เลย กลัวผลลัพธ์ที่จะตามมา (ไหนบอกแกมั่นใจไง) แต่ไม่เป็นไรจากความเชื่อมั่น (บวกหลงตัวเอง) ของผมแล้ว ทุกการกระทำที่มิ้มทำกับผมไม่ว่าจะเป็นที่มิ้มยิ้มให้ทุกครั้งหรือช่วยคุยตลอดถ้ามีโอกาส ยังไงมิ้มก็ต้องตอบตก...

“พี่เอื้อ!”

ลง...

“หนีมาอยู่นี่เอง”

ผมลืมตาโพล่งเมื่อพบว่าคนที่มิ้มพูดด้วยไม่ใช่ผม พอปรับโฟกัสได้ก็พบว่าตอนนี้ตรงหน้าผมว่างเปล่า มิ้มเดินไปหาผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อะไรวะ เกิดอะไรขึ้น?! แล้วที่ผมพูดไปเมื่อกี้...มิ้มได้ยินหรือเปล่า

“เอ่อ มิ้ม...”

“โทษทีนะปูน ธุระของปูนเอาไว้ก่อนได้ไหมอ่ะ คือ...ฟะ แฟนเรามาแล้ว”

เปรี้ยงงงงง!!!

ดั่งสายฟ้าฟาดมากลางกบาล เมื่อประโยคเมื่อครู่ถูกเอ่ยโดยร่างบอบบางที่ผมเพิ่งจะสารภาพความในใจ!!

มะ หมอนั่นเป็น...แฟนมิ้ม!

ผมเหลือกตามองหน้าคนที่ยืนเคียงข้างมิ้มอย่างเต็มตาซึ่งอีกฝ่ายก็มองผมอยู่เช่นกัน

เชี่ยแม่ง...หล่อโคตรๆ เลยว่ะ

ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอเพราะสายตาของมันที่จับจ้องมาที่ผม ก่อนที่อีกฝ่ายจะแสยะยิ้มให้แล้วก้มลงไปมิ้ม

“ไปกันเถอะ”

“ค่ะพี่เอื้อ เราไปแล้ววนะปูน”

สาวสวยโบกมือให้ผมก่อนจะหันหลังไปพร้อมกับ ‘แฟนหนุ่ม’ ของเธอ แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะหายไปจากสายตา ใบหน้าหล่อของไอ้หมอนั่นก็หันมาทางผมแล้วยิ้มให้อีกครั้ง

ยิ้มแบบ ‘เสียใจนะ แต่กูชนะว่ะ’

เชี่ย!!

นี่ผมอกหักใช่มั้ย!!!!!
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 30-12-2016 23:07:55
จิ้มไว้ก่อนเลย 5555   เปิดเรื่องมาก้ออกหักรักคุดซะแล้ว  :katai5:  :katai5:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 Intro
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 30-12-2016 23:11:17
บทที่ 1
เมื่อน้องปูนอกหักเพราะผู้ชายคนนั้น!!


ไอ้หน้าหล่อนั่นมันเป็นใครวะครับ อยู่ดีๆ ทำไมมันมาปาดหน้าเค้กผมไปเฉย

ผมยืนเอ๋อ อึน มึน อยู่ที่เดิมสักพักก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น กะว่าจะเดินให้ทันมิ้มกับไอ้หล่อนั่นแต่ที่เห็นก็แค่แผ่นหลังของมิ้มที่กำลังเข้าไปในรถคันสวยที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนขับ

เหอะๆ เจ็บใจจี๊ดๆ เลย

“อ้าว ยังอยู่อีกเหรอเนี่ย” เสียแป๋นๆ ดังขึ้นเรียกให้ผมหันไปมอง ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ เพื่อนของมิ้มเอง เอาตรงๆ นะผมมีความรู้สึกว่าเพื่อนมิ้มดูไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมไม่เคยไปทำอะไรให้พวกเธอเลยสักครั้ง

“อือ เราว่าจะกลับแล้วอ่ะ”

“ดี ไปได้ซะก็ดี แล้วอย่ากลับมายุ่งกับมิ้มอีกนะ”

เอ้า กูจะยุ่งแล้วมันทำไม

ในใจผมคิดหาเรื่องคนพูดเต็มทีเลยครับ แต่สิ่งที่ทำได้คือ

“ทำไมอ่า”

ถามออกไปด้วยหน้าตาใสซื่อ -*- เอิ่ม... ก็เธอเป็นผู้หญิงนี่ครับ จะให้ผมไปหาเรื่องเธอได้ไง ผมเป็นสุภาพบุรุษพอนะ

“นี่ คิดว่าคนอื่นเขาดูไม่ออกหรือไงว่านายคิดอะไรกับมิ้ม” สาวเจ้ากอดอกนิ่ง “นายน่ะชอบมิ้มใช่มะ”

“รู้ได้ไง?!”

แอบช็อก ผมคิดว่าผมไม่บอกใครแล้วเชียว ขนาดเพื่อนๆ ผมมันยังเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี่เอง

“ไม่ได้โง่จนมองไม่ออกนะ”

เหมือนโดนหลอกด่าเลย แต่ช่างเถอะ

“แล้วไงอ่ะ เราชอบมิ้มแล้วทำไมต้องให้เราเลิกยุ่งด้วย”

“ไม่เห็นหรือไงว่ามิ้มมีแฟนแล้ว”

“มีแล้วก็เลิกได้ป่ะ” ผมเถียงกลับอย่างดื้อด้าน มีแฟนแล้วก็เลิกกันได้ครับ ผมนี่จะแช่งให้มันเลิกกันทุกวันเลย!

“เขาไม่เลิกกันหรอกย่ะ”

“อะไร ยังไม่ได้แต่งงานเป็นสามีภรรยากันสักหน่อย”

พี่ปูนใสๆ ครับ *-* ยังไม่ได้แต่งงานก็เลิกกันได้ แต่งงานแล้วก็ยังเลิกกันมีถมไป นับประสาอะไรกับคนที่เพิ่งเป็นแฟนกัน

“โอ๊ย...สองคนนั้นอ่ะไปเกินเลยว่าแต่งงานแล้ว”

“หมายความว่ายังไง”

“วุ้ย! นี่ใสหรือเซ่อ!”

อ้าวอีนี่ อุ้ยๆ ไม่เอาๆ พี่ปูนไม่หยาบคายใส่ผู้หญิงครับ

“นี่อย่าบอกนะว่า...”

“เอ้อ จะต้องให้พูดเหรอว่ามิ้มกับพี่เอื้อมันได้กันแล้ว!”

เห็ดสดลดราคา!! นี่มันอะไรกันครับ มิ้มของผมไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้ว เธอกลายเป็นมิ้มของไอ้...

“ได้กับใครนะ”

“พี่เอื้อย่ะ พี่เอื้อเภสัชน่ะรู้จักหรือเปล่า!”

มันเป็นใคร! (เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ควรเสียใจ) อ๋อ เอื้อ

เอ่อะ ไม่ใช่ล่ะครับ

เมื่อเห็นหน้าเอ๋อๆ ของผมเพื่อนมิ้มคงจะทนไม่ได้เลยขยายความต่อ “พี่เอื้อ เภสัชปีสอง หรือเดือนมหาลัยปีที่แล้วไงยะ ทั้งรูปหล่อ บ้านก็ร๊วยรวย เรื่องเก่งอีกต่างหาก นายเทียบไม่ติดเลยล่ะ นิสัยดีมากด้วย เป็นผู้ใหญ่ ดูแลเทคแคร์มิ้มเป็นอย่างดีอีกด้วย”

ดูจากหน้าตาของเพื่อนมิ้มแล้วผมมีความรู้สึกว่าเธอแอบอยากตีท้ายครัวมิ้มนะ

“ขอย้ำเลยว่านายไม่มีอะไรเทียบเขาได้ ตัดใจจาดมิ้มซะ”

“แต่เรารักมิ้มจากใจจริงนะ”

“โอ๊ย รักอย่างเดียวมันจะไปสู้อะไรได้ พี่เอื้อเขาทั้งรัก ทั้งเปย์ค่ะ”

“...”

“ตัดใจเถอะค่ะ อย่าหาว่าสวยไม่เตือน”

จ้ะ เอาที่แม่สบายใจอ่ะจ้า

ครับ...พอพูดจบเธอก็เดินเลยผมไปด้วยท่าทางเริ่ดๆ ของเธอ คิดว่าสวยมากป่ะเจ้ มิ้มของกูสวยกว่าเยอะเว้ย!

นี่สรุปว่าผมอกหักทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มอะไรเลยด้วยซ้ำเนี่ยนะ!

♣♣♣♣♣
ณ ร้านเหล้าพี่เติม เงิม เงิม

“คืนนี้พี่เป็นราชา ราชันอกหักแห่งอาณาจักรชื่อรักสลาย
ไม่มีมเหสี ไม่มีหญิงใดมีแต่เพื่อนใจชื่อว่าสุรา”

ผมตะโกนแหกปากร้องเพลง ‘ราชันย์ฝันสลาย’ บายลุงแอ๊ดคาราบาวจนคอจะแตกเลยครับ ใครวะแม่งเปิดเพลงนี้ ตรงกับความรู้สึกกูตอนนี้เลย

“รีบชงไอ้น้อง คืนนี้ไม่กองไม่มีเลิกรา
คบคนมันมีแต่ท้อ คบแอลกอฮอล์มันกว่า
คำสั่งราชายกมาอีกแบน”
ราชันย์ฝันสลาย : คาราบาว

ครับ เอามาเลยครับ พี่ปูนไม่ขอแบน แต่ขอเป็นกลมเลยครับ อาการตอนนี้เข้าขั้นวิกฤต

“เอานามึง...เป็นแฟนได้ก็เลิกได้เว้ย มึงก็แช่งให้เขาเลิกกันสิวะ” แหนะ คิดเหมือนกูเลยครับเพื่อนกล้า กูก็นั่งแช่งอยู่เนี่ย

ว่าแล้วตอนสติกำลังดีๆ ผมก็ขอแนะนำผ่องเพื่อนของผมหน่อยครับ พวกมันมีนามกันดังนี้

ไอ้คนที่ปลอบใจผมเมื่อครู่ชื่อ ‘กล้า’ ครับ มันชื่อกล้านะ แต่พอมีเรื่องแม่งวิ่งคนแรกเลยไอ้เชี่ย ไอ้นี่มันเป็นสายฮาของกลุ่มเลยครับ นอกจานั้นมันจะเป็นแหล่งข้อมูลขั้นยอดด้วย เพราะนิสัยขี้เสือกเรื่องชาวบ้านของมันล้านๆ

คนนี้สองที่กำลังชงเหล้าให้ผมมีชื่อว่า ‘โจม’ โจมเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ เข้าตำราพูดน้อยต่อยหนัก คำพูดของโจมทุกประโยคมีเหตุผลและน่าเชื่อถือ มีอยู่ครั้งหนึ่งพวกเราปีหนึ่งมีเรื่องกับรุ่นพี่ปีสาม ตกลงเรื่องแปลงเพาะปลูกไม่ลงตัว ไอ้โจมเคลียร์ให้แปบเดียวเรื่องจบเลย มันเด็ดจริงอะไรจริง

ส่วนคนสุดท้ายคือ ‘ฟ้า’ มันเป้นผู้ชายตัวเล็กของกลุ่ม เป็นคนที่ผมห่วงที่สุด มันน่ารักครับ ฟ้าเป็นคู่กัดกับไอ้กล้าเลยครับ อยู่ด้วยกันทีไรเถียงกันตลอด แต่โบราณเขาก็บอกไว้นะว่ายิ่งทะเลาะลูกยิ่งดก
(ไอ้สัดกูไม่ได้เป็นอะไรกับมัน! : ฟ้า)

“มึงต้องได้ยินสิ่งที่เพื่อนมิ้มพูดกับกู...แม่งรักแท้แพ้สายเปย์” ว่าแล้วก็ขอย้อมใจอีกอึกแล้วกัน

อ่า...ชื่นใจจริงๆ

“ก็มึงมันช้าเองนี่หว่า” แม่งไอ้น้องฟ้า มึงไม่เข้าข้างพี่ปูนอย่างกูเลยนะ

“เงียบไปเลยไอ้ฟ้า”

“เอ้า ก็จริงๆ อ่ะ กูบอกมึงตั้งนานแล้วว่าให้รีบไปบอกเขา”

“บอกนานห่าไร กูเพิ่งบอกพวกมึงว่าชอบมิ้มเมื่อวานนี้เอง”

“นั่นแหละ ผ่านไปตั้งหลายชั่วโมงแล้วเว้ย” มันแถหน้าด้านๆ เลยครับ ผมหมั่นไส้เลยหยิบกับแกล้มปาแม่งเข้าให้ที่หน้ามันนั่นแหละ

“เชี่ยปูน สกปรกชิบหายเลย”

“งั้นน้องฟ้ามาหาพี่กล้าสิซะ เดี๋ยวพี่ทำความสะอาดให้ทั้งตัวเลย รับรองสะอาดเอี่ยมจ้า”

“พ่อง” ด่าพ่อไม่พอครับ มันยังยกนิ้วกลางให้ไอ้กล้าอีก คิดเหรอว่าไอ้กล้าจะสลด

“แหมๆ อยากได้เหรอครับน้องฟ้าคนงาม ของพี่กล้าใหญ่กว่านิ้วกลางหลายเท่าเลยนะจ๊ะสุดสวย”

“ไอ้-เวร-กล้า”

“ฮ่าๆ กูไม่เล่นแล้วๆ” กล้ามันยกมือยอมแพ้ พอฟ้ามันเรียกแบบนี้ทีไรกล้ามันจะไม่หือต่อครับ เป็นอันว่ารู้กันว่าควรจะเลิกเล่น
หน้าตาแป้นเล้นของไอ้กล้ากับหน้าเอือมโลกของฟ้ามันทำให้ผมเริ่มที่จะยิ้มได้

“ไม่เป็นไรเว้ย แค่ผู้หญิงคนเดียว” โจมที่เงียบมานเอ่ยขึ้น กูก็จะไม่อะไรนะโจม ถ้าเกิดว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่มิ้ม นางฟ้าที่แสนดีของกูเนี่ย

ฮือออออ เศร้า~

“กูว่าถ้ามิ้มเป็นอย่างที่เพื่อนเธอบอก มึงก็ไม่ควรจะเศร้าต่อไปป่ะวะ”

“ทำไมวะไอ้โจม” ฟ้าที่นั่งข้างมันถามขึ้นอย่างสงสัย ผมก็สงสัยเหมือนกัน ทำไมมึงต้องห้ามกูเศร้าด้วยฮะ!

“ก็...ถ้ามิ้มเลือกพี่เอื้อห่าอะไรนั่นเพราะแม่งสามารถเปย์มิ้มได้ แสดงว่าเธอก็ไม่ได้เห็นความรู้สึกสำคัญเท่าไหร่หรอกมั้ง...คงเห็นแก่เงินมากกว่า”

อ้าวไอ้เชี่ยโจม มาว่าน้องมิ้มกูเดี๋ยวก็โบกซะ

ไม่ใช่หรอกครับ ผมว่าไม่ใช่อย่างที่โจมพูดหรอก บ้านมิ้มมีฐานะพอตัว แต่สิ่งที่ทำให้ผมไม่ได้มิ้มมาครองก็คงเป็นที่ตัวเองเองที่ปอดแหก...ถ้าผมกล้าจีบมิ้มไปตั้งนานโอกาสก็ไม่หลุดลอยไป

ผมมันช้าไปเอง...

“ไม่หรอกมึง เพราะกูไม่ได้จีบมิ้มเองด้วยแหละ” ผมบอกเสียงแผ่วด้วยความสลดใจหัวใจดวงน้อยๆ ดวงนี้ ถ้าผมกล้ามากกว่านี้มิ้ม
ก็คงไม่ตกในมือไอ้หน้าหล่อคนนั้น!!

ว่าแต่...ผมยังไม่รู้จักมันเลย โบราณเขากล่าวว่า ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะล้านครั้ง!’

เอ่อะ ไม่ใช่ครับๆ

“ว่าแต่พวกมึงรู้จักไอ้พี่เอื้อที่เรียนเภสัชอะไรนั่นหรือเปล่าวะ” ผมถามขึ้นกลางวง

“อ่อ...พี่เอื้อเดือนมอปีที่แล้วป่ะ รู้ๆ พี่ฝนโคตรปลื้มแม่งอ่ะ” พอเห็นสีหน้าสงสัยใคร่รู้ของพวกผม ฟ้ามันก็อธิบายต่อ “ไอ้พี่เอื้ออะไรเนี่ยแม่งป๊อปมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว กูอยู่โรงเรียนเดียวกันมัน”

อืม ก็พอเดาได้อ่ะนะ หน้าตาแม่งหล่อไง แต่เดี๋ยวนะ ฟ้ามันบอกว่ามันอยู่โรงเรียนเดียวกับไอ้พี่เอื้อเนี่ย คือแม่งมึงไม่ได้ครึ่งมันเลยนะ

“บ้านมันเป็นหมอยกบ้านเลยมึง ทั้งหมอคน หมอหมา หมอยา หมอฟัน” อื้อหือ ตระกูลอัจฉริยะหรือเปล่าเนี่ย “มันเป็นลูกคนสุดท้อง บ้านเลยโคตรจะตามใจ อยากได้อะไรก็ประเคนให้มัน มันก็แม่งเหมือนเทวดาส่งมาเกิด หน้าตาดี เรียนดี แถมยังกิจกรรม
เด่นอีก เอาตรงๆ ว่ะไอ้ปูน…”

“ทำไมวะ”ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ฟ้ามากขึ้น

“...ตัดใจจากมิ้มซะเถอะ กูไม่เห็นทางที่มึงจะสู้พี่เขาได้เลย”

แม่งเชี่ยฟ้า! กูก็คิดว่าจะพูดอะไร

หน้าตาผม...ก็ดีแต่สู้มันไม่ได้

เรื่องหญิง...ไม่เคยมีเฉียดมาใกล้

เรื่องเรียน...อย่าได้พูดถึง

เรื่องเงินทอง...เฮ้ออออ

กิจกรรม...ไม่เอาอะไรสักอย่าง นี่ถ้าพี่เขาไม่บังคับให้ประกวดเดือนคณะผมก็ไม่ทำอ่ะจริงๆ

หึย!! นี่ผมกับมันต่างกันขนาดนี้เลยเหรอวะ เครียดเลยแม่ง

จน เครียด กินเหล้า!!

เอามาอีกเลยมึง เอามามอมกูให้เมา กูจะได้ลืมมมม

แต่กูไม่มีเงินจ่ายหรอกนะ อิอิ

ไอ้เอื้อนะไอ้เอื้อ ไอ้มารหัวใจ ไอ้ผู้ชายเพอร์เฟค ไอ้คนไม่มีที่ติ ไอ้ ไอ้… นี่ตกลงกูจะด่าหรือชมมันวะ

ในใจของผมร้อนลุ่มดั่งไฟ ทำไมแม่งเป็นอย่างนี้ทุกทีเลยวะ เวลาผมคิดจะชอบใครหมาแม่งชอบคาบไปกินเรื่อยเลย ตั้งแต่อนุบาลแล้ว (นี่มึงแก่แดดไปมะ) ยังไม่ทันสารภาพรักกับจุ๊บจิ๊บเลย อีกวันเดินจูงมือกับไอ้บอลห้องข้างๆ แม่งไปได้กันตอนไหนวะ (เดี๋ยวนะ เพิ่งอนุบาลมั้ย) ทั้งที่น้องจุ๊บจิ๊บนอนหัวชนกับผมทุกครั้งตอนกลางวัน
มึงมาจากไหนไอ้บอล!!

ไอ้เชี่ยเอื้อ (อัพเวลให้เลยครับ) นี่ก็เหมือนกัน กูมองของกูอยู่ตั้งนานนะมึง ตั้งเทมอกว่าๆ มึงมันเป็นครายยยย

ตัดพ้อชีวิตโชคชะตามันก็ไม่ทำให้มิ้มหันมาสนใจผมหรอกครับ งั้นขอกินเหล้าย้อมใจ (ได้ข่าวว่ามันก็ไม่ช่วย) ให้มันลืมๆ ไปเลยครับ

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป…

“เห้ยไอ้บูน ยืนไหวป่ะวะเนี่ย”

หึหึหึ พี่ปูนซะอย่างแค่นี้เองไหวๆๆ

“แม่งแดกจนเมาเลยนะมึง ปล่อยไว้ตรงนี้เลยดีป่ะวะ”

อาร๊าย พี่ปูนไม่เมาครับน้องฟ้า นี่พี่ปูนนะ...น้องฟ้าจะทิ้งพี่ได้ลงคอเหรอ

“ไอ้นี่เมาแล้วแม่งขรึมว่ะ ไม่พูดไม่จาสักคำ”

จะให้พี่ปูนพูดอะไรเหรอกล้าเพื่อนรัก พี่ปูนยังไม่อยากจะลืมตาเลย

“งื้อออ ง่วงงงงง”

นั่นแหละสิ่งที่ผมสามารถถ่ายทอดออกมาได้

พวกเพื่อนที่น่ารักทั้งหลายพยุงผมออกมาจากร้านที่เติม เงิม เงิม ก่อนจะจับผมยัดใส่รถไอ้โจมแล้วพาไปสิ่งที่หอพัก แต่ไม่รู้ว่าเพราะไอ้โจมมันขับรถเร็วไปหรือยังไง อาการพะอืดพะอมมันเลยตีขึ้นมาทำให้ผมอยากจะคลายของเก่า

“อุ๊บ…”

“เชี่ย!!! อย่าอ้วกออกมานะมึง รถกู!!” เพราะไอ้โจมแม่งรักรถยิ่งชีพ มันเลยแทบจะปล่อยพวงมาลัยรถแล้วพุ่งมาหาผมเลย

“กลืนเข้าไปเลยไอ้ห่าปูน ไอ้โจมขับเร็วๆ ดิวะ อยากให้มันอ้วกหรือไง” นี่ยังไวไม่พอเหรอครับพี่กล้า แค่นี้พี่ปูนก็อยากจะเวียนหัวจะตายอยู่แล้วนะ

คงเพราะโจมมันกลัวผมจะอวกใส่รถมันมันเลยขับมาส่งผมภายในห้านาทีเลย นี่มึง fast and furious มากอ่ะ ตอนตาจะปิดแอบเห็นว่ามันปาดซ้าย ปาดขวารถคันอื่นแบบไม่กลัวจะตายเลย บอกเลยตอนนี้กูสร่างแล้วสัด!

“มึงไหวแน่นะ” แหนะ ยังจะมาถามกูด้วยความเป็นห่วงครับ มึงทำกูเกือบตายเมื่อกี้ไงเพื่อนโจม จำไม่ได้เหรอ แล้วนี่คืออะไร หน้ามึงดีใจมากที่กูลงจากรถได้

“เออๆ พวกมึงไปเถอะ”

“ให้กูไปส่งที่ห้องป่ะวะปูน” ไอ้กล้าครับ มันเปิดประตูมาส่งผม เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ

“ไม่เป็นไรๆ ดึกแล้วแค่นี้กูไปได้มึงกลับไปนอนเถอะ พรุ่งนี้เจอกัน” พี่ปูนคนเก่งไปไหวอยู่แล้วครับ

หลังจากร่ำลาพวกมันเสร็จผมก็พยุงตัวเองเข้าไปในตึก เมื่อกี้ไอ้กล้ามันเอาน้ำมาให้ดื่มตอนก่อนจะลงจากรถ เลยสดชื่นพอจะประคองสติตัวเองได้บ้างครับ ถึงแม้ภาพตรงหน้ามันจะเอียงๆ หน่อยแต่ไม่เป็นไร พี่ปูนเก่ง พี่ปูนเดินได้

ผมพาตัวเองเข้าไปในลิฟต์แล้วกดชั้นที่อาศัยอยู่ ผมอยู่ชั้นสามครับ ตอนแรกอยากได้ชั้นหนึ่งด้วยซ้ำขี้เกียจเดินมากๆ แต่ห้องมันไม่ว่างซะเนี่ย

ติ๊ง!

พอลิตฟ์เปิดออกผมก็ไต่ตัวเองตามผนังห้อง เดินไปจนถึงห้องก็หยิบกุญแจออกมาไข

กึกๆ

เอ๋? นี่ผมลืมล็อกห้องเหรอ

ช่างมัน ตอนนี้ตาจะปิดอยู่แล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาดูแล้วกันว่าอะไรหายไปบ้าง (ก็ชิวไปนะบางที)

ผมตรงดิ่งไปที่เตียงกว้างก่อนเลยครับ แล้วทิ้งตัวลงนอนดังตุ้บ!! อ่า...ทำไมกลิ่นมันแปลกๆ วะ หรือป้าที่ร้านซักรีดจะเปลี่ยนน้ำยาปรับผ้านุ่มใหม่ หอมแปลกๆ ว่ะ แต่ช่างเหอะ ยังไงก็หอมอยู่ดี

เอาล่ะครับ...ผมไม่ไหวแล้ว ขอนอนก่อนแล้วกันนะ ฝันดีผีรอบเตียงครับทุกคน

คร่อก!
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 31-12-2016 01:06:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 31-12-2016 08:42:03
เข้าห้องผิดชัวร์ เรื่องบังเกิด อิอิ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-12-2016 09:34:53
 :3123:  :3123: :3123:

เข้าถูกห้องไหมล่ะน่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 31-12-2016 18:50:29
เมาไม่ยังแบบนี้
เชื่อเถอะเรื่องเกิดทุกราย
แต่จะเกิดอะไรแบบไหน รอลุ้นดีกว่า
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 Ep.2
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 01-01-2017 19:22:07
บทที่ 2
เมื่อพี่ปูนเจอมารหัวใจ


“แจ๊บๆๆ แง่มๆๆ”

โอ๊ยยยย ปวดหัวฉิบหายเลย สงสัยแฮงค์แหงๆ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมขอบายแล้วกันครับ ไอ้ประโยค ‘เจอกันพรุ่งนี้’ ที่บอกไปมันไม่มีจริงครับ พี่ปูนตอแหล

คิดได้ดังนั้นผมก็ซุกตัวเข้ากับหมอนใบโต อื้อ...กลิ่นมันแปลกไปจริงๆ นะครับ แต่ไม่เป็นไรช่างเถอะ หอมดีครับ

“ตื่นแล้วก็ลุกแล้วออกไปจากห้องกูซะ”

เอ๊ะ? เสียใครวะ

“ตื่นล้วก็ลุกออกไป”

แล้วมึงมาไล่กูทำไมนี่มันห้องกู ไม่สนครับ พี่ปูนจะนอน!

“กูบอกให้ลุกไงเว้ย!!”

พรึบ!!!

“ว๊ากกกก ใครกระชากผ้าห่มกูวะ!!” ผีเหรอ อย่านะกูกลัววว

“กูเอง!!”

ตุบ!!

“อ๊อก...เจ็บ…” ผมตื่นเต็มตาเลย เมื่อกี้เหมือนกูโดนถีบลงจากเตียง และก็ใช่จริงๆ ครับ พอผมลืมตาก็พบกับร่างสูงใหญ่ของใครบางคนกำลังง้างเท้าขึ้น แม่งเตรียมจะถีบผมอีกครั้งแล้ว ดีครับที่ผมกลิ้งหลบมันทัน

“เชี่ยมึงมาถีบกูทำไมวะ”

ถามกลับพร้อมกับลุกขึ้นยืนมือก็คลำก้นตัวเองไปพลาง เจ็บฉิบหายเลย ถีบกูมาได้นะไอ้หอก

“มึงไม่ตื่น”

“ก็กูง่วงไง! แล้วมึงเป็นใครเนี่ย มาทำไรที่ห้องกู!” ผมมองคนตรงหน้าเต็มๆ ตา ก่อนจะเบิกตากว้างจนแทบจะถล่น

หน้าตาแบบนี้ สายตาแบบนี้ ยิ้มแสยะๆ แบบนี้
ใช่เลย

“ไอ้เอื้อ!!!”

“เออ กูเนี่ยแหละ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ห้องมึงครับ นี่มันห้องกู!”

หะ? มันพูดอะไรพี่ปูนไม่เข้าใจ นี่มันห้องพี่… เชี่ย! ห้องใครวะ นี่กูมานอนห้องใคร

อ๋อ ห้องไอ้เอื้อไง มันก็บอกอยู่

ฉิบหายยยยยย กูมานอนห้องไอ้เอื้อ!!!!

“ไง รู้แล้วสินะว่าไม่ใช่ห้องมึง” มันมองผมด้วยสายตาแบบ ‘ไงล่ะมึง’ ก่อนจะเดินชนผมที่ยืนเอ๋อแดกกลางห้องตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ เพิ่งจะสังเกตว่ามันอาบน้ำเสร็จแล้ว คงเตรียมแต่งตัวไปเรียน แม่งขนาดนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวยังดูดีอ่ะ หุ่นมันดีจริงๆ อิจฉาครับอิจฉา

ทำไมกูไม่มีแบบนี้บ้างงงง

พอเห็นผมไม่ขยับไปไหนมันก็ปรายตามองเลยครับ

“เอ้า รู้แล้วก็ออกไปสักที จะยืนเซ่ออยู่อีก”

แหม กูอยากจะอยู่ตายล่ะ

ผมแลบลิ้นใส่มัน จากตรงนี้คิดว่ามันคงไม่รู้หรอกเพราะอยู่ข้างหลัง แต่ที่ไหนได้…

“ยังไม่หยุดเดี๋ยวกูตัดลิ้นแม่งเลย” เชรด พูดอย่างเดียวพอมะ ทำไมต้องถือมีด พี่ปูนกลัว

“เออ ไปแล้ว”

“เดี๋ยว…”

“อะไรอีกล่ะ” ผมท้าวเอวถาม

“เก็บเสื้อผ้ามึงไปด้วย แล้วก็ซักชุดมาคืนกูพรุ่งนี้”

ไอ้หน้าหล่อพยักหน้าไปที่ห้องน้ำ กองผ้ากองหนึ่งกองอยู่ข้างตะกร้าใส่ผ้าหน้าประตูเสื้อผ้าผมกองอยู่ตรงนั้นจริงๆ แล้วชุดที่ผมใส่นี่...ผมรีบก้มมองตัวเองก่อนจะพบว่าบนร่างกายผมมันไม่ใช่เสื้อผ้าของผมจริงๆ อย่าที่มันบอก

เชี่ยยย นี่ผมเมามากขนาดไหนเนี่ย โดนเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่รู้ตัวเลย

“เออๆๆ” พยักหน้ารับไปส่งๆ ก่อนจะเดินไปก้มเก็บชุดตัวเองที่พื้น อื้อหือ กลิ่นนี่หึ่งเลยทีเดียว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมื่อคืนผมคงคายของเก่าออกมาชัวร์ๆ ผมจะขอบคุณมันดีป่ะวะ แต่ถ้าเทียบกับที่มันทำผมอกหักอย่าดีกว่าเนาะ อกผมยังกลัดหนองอยู่เลย

ผมหอบเสื้อผ้าออกมาจากห้องมัน มองดูเลขห้องก็พบว่ามันเป็นเลขเดียวกับห้องผมเพียงแต่อยู่คนละชั้น ผมอยู่ชั้นสาม ไอ้เอื้ออยู่ชั้นห้า คงเพราะปุ่มกดที่ลิฟต์มันใกล้กันเลยกดผิด แต่จะดีกว่านี้ถ้ามันกลายเป็นห้องคนอื่นที่ไม่ใช่ห้องมันนะ

แอ๊ด~

“ยังไม่ไป?”

เฮือก ไอ้สัด โพล่มาทำไม!

“กำลังจะไปเว้ย”

ผมเดินตรงไปที่ลิฟต์ ไม่ต้องเดาผมก็รู้ว่าหน้าตัวเองคงไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง และพอเข้าลิฟต์ได้ผมก็ระดมกดปิดลิฟต์ ไม่อยากจะอยู่กับมันในนี้สองต่อสองครับ แต่พระเจ้าคงไม่เข้าใจดันให้มันวิ่งเข้ามาทัน

“เดี๋ยวเถอะมึง” มันชี้หน้าคาดโทษผมครับ หน้าตาแม่งเอาเรื่องสุดไรสุด ผมเลยได้แต่สงบคำ...

แล้วทำไมกูต้องยอมไม่เถียงมันด้วยวะ!

ผมใช้เวลาอันน้อยนิดในลิฟต์สาปแช่งมันในใจครับ ขอให้รถมึงยางแตกเลยไอ้สัด หมั่นไส้ ทำเป็นขับรถไปรับมิ้มเย้ยกู

หึหึหึหึ!

ติ๊ง!

อ๊ะ ถึงชั้นแล้ว ยังไม่ทันที่ประตูลิฟต์จะเปิดออกจนสุด ผมก็รีบแทรกตัวผ่านไปเลยครับ ไม่อยากจะอยู่ร่วมกับมันสักวินาทีเดียว!

ซวยโคตรๆ เลยว่ะ เข้าห้องใครไม่เข้า ดันไปเข้าห้องศัตรูหัวใจ พี่ปูนช้ำชอก T^T

ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งเดียวที่ผมได้ยุ่งเกี่ยวกับมันแล้วกัน

เฮ้อออ

♣♣♣♣♣

จากตอนแรกที่ผมว่าจะโดดเรียนก็พลันเปลี่ยนใจครับ ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว ขอทำตัวเป็นหลานที่ดีของยาย ตั้งใจเรียนหน่อยเถอะ ยายจะได้ไม่เสียใจที่คอยส่งเสียผมมา

ยายกับตาเป็นคนส่งเสียผมเอง ส่วนพ่อกับแม่ผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็กแล้ว เป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ครับ ผมก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนัก พ่อกับแม่กลัวว่าผมจะรอนานเลยขับรถฝ่าฝนไปรับผมที่โรงเรียน พอรับผมเสร็จเราก็กลับบ้านกัน แต่ใครจะรู้ว่าเราจะไม่ถึงบ้าน...

รถที่เรานั่งเสียหลักเพราะความลื่นของถนนไปชนต้นไม้ครับ พ่อผมเสียชีวิตคาที่ ส่วนแม่ผมสิ้นใจที่โรงพยาบาล ผมยังจำภาพวันนั้นได้ดีเลย และเพราะด้วยเหตุนี้วันฝนตกผมจึงไม่ออกจากห้องไปไหน หรือถ้าต้องออกไปข้างนอกผมก็ขอเลือกที่จะเดินมากกว่าจะนั่งรถครับ

ผมกลัวว่าเหตุการณ์นั้นมันจะเกิดขึ้นอีก

ตอนพ่อกับแม่เสียแรกๆ ตากับยายของผมเสียใจมากแต่ตาบอกว่าพอมองหน้าผมแล้วก็คิดขึ้นได้ว่าต้องเลี้ยงดูผมแทนคนที่จากไป ตาจึงมีกำลังใจกลับมาทำมาหากินอีกครั้ง โชคดีครับที่พ่อกับแม่มีเงินเก็บอยู่หนึ่งก้อน และเงินประกันอีก มันเพียงพอที่จะทำให้ผมเรียนจบได้สบาย แต่ผมก็ต้องประหยัดช่วยที่บ้านด้วยเหมือนกัน

ยายมีไร่ดอกไม้ที่เป็นมรดกตั้งแต่รุ่นทวดของผม ไร่ไม่ใหญ่ แต่ก็เพียงพอที่จะเลี้ยงชีวิตพวกเรา ผมเลยเลือกที่จะเรียนคณะเกษตรศาสตร์เพื่อกลับไปช่วยงานที่ไร่ ผมรักไร่นี้มาก ตอนนี้ให้ตากับยายดูแลไปก่อน ถ้าเรียนจบเมื่อไหร่ผมจะไปดูแลแทนเอง

ปังๆๆๆๆๆ!

ผมสะดุ้งสุดตัวเลยครับ ใครวะแม่งมาเคาะประตูห้องกูอย่างกับจะหาเรื่อง ขอเดินไปดูหน้าหน่อยเถอะ

“เห้ย!!”

แทบช็อกอีกรอบ ไอ้เอื้อมันมาเคาะประตูห้องผมครับ! หน้ามันอย่างกับจะไปฆ่าใครอย่างนั้นแหละ ช่วยตอบกูทีว่าที่คนเขาพูดกันว่ามึงเรียนเภสัชคือใช่ ถ้าเจอกันที่อื่นกูคงนึกว่ามึงเรียนช่างกล หน้าแม่งโหดสัด

“มึงมีเรียนกี่โมงวันนี้”

“เอ่อะ...กะ เก้าโมง” แล้วกูไปตอบมันทำไมเนี่ย

“นี่จะเก้าโมงแล้ว มึงรีบไปแต่งตัวเลย”

“ฮะ?” อะไร แต่งตัวอะไรมายุ่งอะไรด้วย

“เร็วดิ อยากไปเรียนสายหรือไง” มันพูดย้ำอีกครั้ง

ร่างสูงแทรกตัวเข้ามาในห้องผมในขณะที่ผมกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูก คือกูไปสายมันเกี่ยวอะไรกับมึงครับ

“ห้องมึงนี่รกว่ะ”

มันก็เรื่องของห้องกูมะ

“เอ้า ยังไม่ไปแต่งตัวอีกนะมึง”

“เออๆๆ ไปแล้ว” แล้วกูจะเชื่อฟังมันอีกทำไม!! เพลียกับตัวเอง

ผมเดินไปแต่งตัวอย่างเร่งรีบครับ ตอนแรกก็กะว่าจะเดินไปแบบมึนๆ แหละ แต่มึนไม่ออกเลย เจอหน้าโหดๆ ของเอื้อกับเสียงเข้มๆ ที่คอยเร่งผมทุกฝีก้าว ถามจริง ถ้ามึงรีบขนาดนั้นทำไมไม่ไปเองวะ มีรอกูทำด๋อยอะไร

ครับ ได้แต่บ่นในใจแหละ พี่ปูนยังไม่อยากมีเรื่องแต่เช้า นี่พี่ปูนก็ยิ่งปวดหัวอยู่ด้วย เหล้าเมื่อคืนทำพิษครับ มันเลยตึงๆ ที่ระหว่างคิ้ว อยากล้มตัวลงนอนใจแทบขาด แต่หน้าที่มันค้ำคอ (ได้ข่าวตอนแรกจะโดดเรียน)

พอลงมาข้างล่างผมก็รู้เลยครับว่าทำไมไอ้เอื้อมันขึ้นไปเร่งผม คือรถมันยางรั่วครับ ล้อหน้าสองล้อแบนติดพื้นถนนเลย เชี่ย!! ที่ผมแช่งมันในลิฟต์ได้ผล ถึงจะไม่ใช่ยางแตกแต่มันก็ใกล้เคียงครับ คำแช่งพี่ปูนนี่ความคิดศักดิ์สิทธิ์จริงๆ แล้วทำไมมันถึงขึ้นไปเร่งผมน่ะเหรอ

นั่นก็เพราะ...

มันจะไปมอพร้อมกับผมครับ T_____T ทำไมพระเจ้าไม่สนใจคำขอร้องของผมเลย บอกแล้วไงว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับมันแล้ว!

“ทำหน้ามึนอีกนะมึง ได้ยินที่กูบอกป่ะ”

เออ ได้ยินเว้ย แต่กูกำลังเซ็งไง ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำ

“ทำไมมึงไม่นั่งรถแท็กซี่ไปเองวะ”

“โง่ป่ะ มออยู่ห่างไปแค่นี้ กูจะนั่งแท็กซี่ให้เปลืองเงินทำไม” ไหนใครบอกมึงรวยไงวะ ค่าแท็กซี่แค่นี้ยังไม่อยากจ่ายเลยไอ้นี่

“ขี้งก”

“กูได้ยินนะ”

แล้วมาทำเสียงโหดกับกูทำไม กูทำอะไรผิดอ่ะ!

“เร็วดิมึง เดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก” มันเร่งครับ แหมะเอาเรื่องเรียนกูมาอ้าง มึงเองสิที่กลัวสายน่ะ

“ทำไมกูต้องไปด้วย” ผมกอดอกเชิดหน้า นี่รถก็รถกูเว้ย กู-ไม่-ไป

“หึ ทำไมเหรอ...เมื่อคืนแม่งมีหมาตัวไหนไม่รู้เมาแล้วเข้ามานอนห้องกู เท่านั้นไม่พอแม่งเสือกอ้วกซะเลอะเทอะอีก” มันก้าวเข้ามาหาผมแล้วครับ ไอ้เชี่ยสายตาแม่งน่ากลัวสุด “ด้วยความที่กูเป็นคนดี...”

จ้า มึงดีมากเลย

“กูเลยต้องมานั่งเช็ดอ้วกมึงจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน สำนึกด้วย!”

เฮือก!

ตะคอกทำไมพี่ปูนตกใจ

“เออๆ ไปส่งก็ได้” ที่ยอมนี่ผมไม่ได้กลัวมันนะครับ แค่ไม่อยากมีเรื่องไง (_ _Y)

“งั้นมึงก็รีบไปได้แล้วเดี๋ยวสาย”

“กูก็กะจะไปสายอยู่แล้วเว้ย และกูไม่ไปตอนนี้ด้วย เพราะกูหิว ถ้ามึงไม่พอใจก็เดินไปเองครับ ไม่ก็ให้เพื่อนมารับมึงโน่น”
 ผมหันหลังให้มันเลยครับ อิอิ พี่ปูนแม่งโคตรเท่อ่ะ เมื่อกี้ไอ้เอื้อมันทำหน้าเอ๋อด้วยครับตอนที่ผมบอกจะยังไม่ไป โคตรจะฮา

“ถ้ากูมีทางเลือกจะขอให้มึงช่วยเหรอ”

นี่ไม่ใช่การขอเว้ย แถวบ้านกูเรียกว่าบังคับ!

ผมไม่สนใจมันอ่ะ ผมหิวจริงๆ ตอนนี้ ท้องร้องปานจะขาดใจแล้วครับ อยากหาอะไรร้อนๆ กินจัง ตาจะได้สว่างด้วย อ่า ตัดสินใจได้แล้ว โจ๊กร้านนี้แล้วกัน

ผมก้มลงมองนาฬิกาที่บอกเวลาแปดโมงสี่สิบห้านาที โอเคยังทัน ผมกะว่าจะสายสักสิบนาทีครับ วิชานี้สายได้อาจารย์ไม่ซีเรียสเท่าไหร่ สบายพี่ปูนล่ะงานนี้

ตุบ!

ทันทีที่ผมนั่งลงที่เก้าอี้ได้กระเป๋าใบใหญ่ก็ถูกวางตามมาติดๆ ไม่ใช่ของผมหรอกครับ มันเป็นของไอ้หน้าโหดที่กำลังจะแดกหัวผมอยู่ตอนนี้

“จะแดกก็แดกเร็วๆ เลยกูรีบ”

รีบแล้วทำไมไม่ไปสักทีละวะ

คิดได้ในใจครับ ไม่อยากจะเถียงกับมัน ขอกินก่อนดีกว่า

“รับอะไรจ๊ะ”

“ขอขะ...” ผมกำลังจะบอกป้าคนขายไปว่า ‘ข้าวเปล่ากับต้มเลือดหมูครับ’ แต่ไอ้คนที่นั่งตรงข้ามดันสั่งขัดมาเสียก่อน

“โจ๊กหมูสองครับป้า”

อะไรของมึงงงงง

“ป้าครับ เอา...”

“เร็วๆ นะป้า ผมรีบไปเรียนอ่ะ แต่อยากกินฝีมือป้าเลยมาอุดหนุน” มันบอกเสร็จก็ยิ้มหวานให้ป้าคนขายเลยครับ ผมแอบเห็นว่าป้าหน้าแดงด้วยอ่ะ ไม่พอ ผู้หญิงโต๊ะข้างๆ มองเอื้อตาเยิ้มเลย มีการส่งเสียงออกมาเบาๆ ด้วย

“อร๊ายย พี่เอื้อน่ารักจัง”

“บุญกูสุดๆ ที่โดดเรียนมากินโจ๊ก” นี่แหละอนาคตที่ดีของชาติ

“ได้จ้ะ รอแปบเดียวเดี๋ยวได้เลย” รับคำเสียงหวานเลยนะป้า!!

ผมยังไม่ทันได้ท้วงอะไรป้าก็เดินไปแล้วครับ พอผมจะตะโกนสั่งไอ้เอื้อมันก็ดักทางอีก

“แดกไปเถอะมึงอย่าเรื่องมาก”

บังคับกูอีกแล้ว!!

แม่งงงง แล้วมื้อนั้นผมก็นั่งกินโจ๊กด้วยความเซ็ง กินไปได้ไม่ถึงครึ่งก็วางช้อนเลยครับ ผมไม่ชอบโจ๊กเท่าไหร่ แต่ไอ้คนที่มันไม่ได้ตั้งใจจะกินนี่สิซัดซะเกลี้ยงเลย ผมว่าถ้ามีเวลาอีกนิดมันคงจะต่อชามที่สองด้วยซ้ำ พอกินเสร็จมันก็เดินไปจ่ายเงินของมัน ไอ้เอื้อออกให้ผมด้วยนะ บอกเป็นค่าน้ำมัน อยากจะขอบคุณเหลือเกิน แต่ไม่ครับ ผมไม่ขอบคุณมันง่ายๆ หรอก

เสร็จแล้วผมก็ตกลงปลงใจไปส่งมัน ตอนมันเห็นสภาพยานพาหนะคู่ใจของผมครั้งแรกมันถึงเบ้หน้า

“นี่รถหรือเศษเหล็ก”

“เออน่าจะไปไม่ไป” อารมณ์เสียใส่แม่งเลย บังคับกูไปส่งแล้วยังมาเรื่องมากกับรถกูอีก ดูสายตามึงดิ “ไม่ต้องมองมาก จะไปมั้ย!”

“ไปๆๆๆ” พูดจบมันก็ตวัดขายาวๆ ซ้อนทันทีครับ “แม่งจะไม่เสียกลางทางใช่ปะ”

“ไม่เสียเว้ย”

แล้วมันก็ต้องไปอย่างช่วยไม่ได้ สมน้ำหน้ามึง ฮาๆๆๆ ตอนแรกผมกะจะส่งแค่หน้าประตูแล้วให้มันขึ้นรถของมอไปเรียนเอง แต่เอื้อก็คือเอื้อครับ มันบังคับให้ผมไปส่งมันที่หน้าตึกเรียนจนได้

ไม่มีบอกขอบใจผมสักคำเลยนะครับ!

บอกกหน่อยสิว่ามึงคือศัตรูหัวใจกู ทำไมกูต้องยอมมึงตลอดทุกอย่างวะ!

ไอ้เผด็จการเอ้ย!!


============================================
====================================
สวัสดีค่าาา ทักทายกันหน่อยย
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แต่งค่ะ ผิดพลาดอย่างไรก็ขอโทษด้วยนะคะ
:)
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 1.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-01-2017 19:41:01
เอื้อคือพระเอกสินะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 1.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-01-2017 20:10:04
คุณพี่เอื้อนี่อะไรยังไงกับปูนไหม ทำไมต้องรอให้ปูนไปส่งโทรเรียกเพื่อนมารับก็น่าจะได้นะ :hao3: :hao3: :hao3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 1.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 01-01-2017 20:32:17
 :pig4: :pig4:
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 1.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 01-01-2017 21:43:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 1.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-01-2017 22:40:30
ศัตรูหัวใจ แต่ก็ไปนอนเตียงเขา ใส่เสื้อผ้าเขาอีก อิอิ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 1.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 02-01-2017 12:55:26
พี่เอื้อคือพระเอกสินะ มาเข้าใกล้น้องแบบนี้คิดอะไรเปล่า  :-[
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 1.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 02-01-2017 20:42:30
บทที่ 3
เมื่อน้องปูนรู้สึกผิด


วันนี้ทั้งวันผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยสักนิด

ก็มันจะไปรู้เรื่องได้ไง! เมื่อคืนผมดื่มไปตั้งเยอะ อาการปวดหัวตึบๆ หรือที่เรียกว่าแฮงค์เลยมาเยือน แล้วยังต้องตื่นมาเรียน แถมยังไม่ได้กินข้าวเช้าอีก (เกี่ยวเหรอวะ) นั่นแหละๆ ด้วยเหตุผลนานับประการทำให้ผมเรียนไม่รู้เรื่อง

โทษไอ้เอื้อเลยครับ มันเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

ไอ้เอื้อ! กูขอให้มึงสอบตกเลยไป๊!

ผมแช่งไปงั้นแหละ รู้ว่ามันไม่มีทางที่มันจะสอบตกหรอกครับ เพราะไอ้ฟ้าก็บอกอยู่ว่ามันเรียนเก่ง แต่แค้นไง ขอระบายซะหน่อยเถอะ

ฉับ! ฉับ! ฉับ!

“มันไปโกรธใครมาวะ หน้าอย่างกับยักษ์” นี่สาบานว่ามึงกระซิบไอ้กล้า กูได้ยินนะเว้ย!

“สงสัยโกรธพี่เอื้อมั้ง มันอกหักเพราะพี่เขานี่”

“ห้ามพูดชื่อนั้นนะไอ้ฟ้า กูไม่อยากฟัง!” ผมเงยหน้าขึ้นมาบอกมันหลังจากจัดจากตัดวัชพืชทั้งหลายที่มารุกรานลูกรักของผมในแปลงครับ ไอ้พวกนี้แม่งก็ขึ้นจังเลย นี่กูว่ากูให้ปุ๋ยต้นไม้ที่กูปลูกนะ หรือกูให้ปุ๋ยพวกมึงกันแน่เนี่ย ทำไมต้นไม้กูมันไม่โตเลยวะ

สงสัยหรือเปล่าครับว่าทำไมผมถึงต้องมานั่งปลูกพืชแบบนี้ (ไม่เว้ย!) เอาล่ะๆ ผมจะเฉลยให้ครับ (บอกไม่สงสัยไง) ที่ผมต้องมาปลูกต้นไม้ทำลายต้นหญ้าแบบนี้เพราะมันเป็นงานของวิชาหนึ่งที่เรียนครับ พอเราเรียนภาพทฤษฎีแล้วเราก็ต้องมาปฏิบัติจริง ก่อนจะลงมือทำแปลงอาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า

‘จะไม่ทำก็ได้นะครับไม่ได้บังคับนะ แต่ทำแปลงนี้มีห้าเปอร์จากหนึ่งร้อยนะครับ ใครมั่นใจว่าตัวเองทำข้อสอบได้ก็ไม่ต้องทำแปลงหรอกเนาะ’
 
เหยดดด แค่เรียนยังไม่รอดเลยครับ เอาอะไรมามั่นใจตอนทำข้อสอบ

และเพราะแบบนั้นผมก็เลยต้องลงมานั่งทำแปลงด้วยประการนี้นี่เอง เพื่อนในสาขาก็ทำหมดทุกคนครับ แม้อาจารย์จะให้แค่สองคะแนนผมก็เชื่อว่าทุกคนทำ

“ไม่ให้พูดถึงมัน แต่เมื่อเช้ามึงเข้ามอมากับมันเนี่ยนะ”

พรึบ

ผมตวัดสายตาไปมองคนพูดเลยครับ ไอ้โจมนั่นเอง มันรู้ได้ไงวะว่าผมเข้ามากับไอ้เอื้อ กูว่ากูอุตส่าห์ดึงหมวกมาปิดหน้าแล้วก็เลือกมาสายเพราะไม่ค่อยมีคนแล้วนะ

“หึหึหึหึ”

กูเกลียดเสียงหัวเราะมึงไอ้โจม!

“เฮ้ยๆๆ อะไรยังไงวะ ไหนเมื่อวานแม่งเกลียดมันหนักหนา ทำไมตอนเช้าถึงมาเรียนด้วยกันครับ” ไอ้กล้าจอมเสือกยื่นหน้าเข้ามาถาม นี่ถ้าไม่มีแปลงเกษตรขวางอยู่มันคงกระโจนเข้ามาหาผมอ่ะ หน้ามึงอยากเสือกมากเพื่อน =_=

“กูยังเกลียดมันอยู่เว้ย” ผมบอกพร้อมกับหันมาตัดหญ้าต่อ ปากก็ตอบคำถามมันไป “แต่เมื่อเช้ารถมันยางรั่ว เลยขอติดรถมาด้วย”

“แล้วทำไมมันต้องขอติดรถมึงมาด้วยวะ” มันยังถามต่อ

“ก็เมื่อคืนกูเมาแล้วกดชั้นผิดเลยไปนอนห้องมัน ไม่อยากจะติดค้างที่ทำให้มันต้องเดือดร้อนเลยให้มันติดรถมาด้วย”

“อ๋อ...ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง...ฮะ!! มึงไปนอนห้องไอ้พี่เอื้อ!!!”

“มึงจะเสียดังทำไมเนี่ยไอ้กล้า!” ผมตวาดมันกลับ เชี่ย เพื่อนทั้งรุ่นหันมามองกูเลยเนี่ย สายตาทุกคนแบบอยากจะเสือกมาก

“เหย อะไรยังไงครับไอ้ปูน เมื่อคืนมึงไปนอนห้องใครนะ อ้อ เอื้อน อะไรวะ” เสียงจากเพื่อนในรุ่นคนหนึ่งถามขึ้น มันคือไอ้บอยครับ จอมปากหมาเบอร์สองรองจากไอ้กล้า

นั่นไง เพราะมึงเลยไอ้กล้า…

“อีบอย มึงไม่รู้จักพี่เอื้อเหรอคะ เดือนมหา’ลัยปีที่แล้วไง” ไม่ต้องรอให้ผมตอบก็มีคนตอบให้แล้วครับ น้องหนูนาดาวสาขา หน้าสวยแต่นิสัยโคตรสถุล เพราะมันห่ามๆ นี่แหละเลยไม่ได้รับเลือกเป็นดาวคณะ นอกนั้นยังขี้มโนอีก มันชอบคิดว่าตัวเองคือหนูนาในละครตามรักคืนใจ

“พี่เอื้อเนี่ยแหละคือนายสิงห์ของกู” เดี๋ยวนะ ไอ้เอื้อมันไม่ได้ทำไร่เว้ย

“ขี้มโนนะมึง อย่างมึงนี่นะหนูนา”

“ทำไม กูเป็นไม่ได้เหรอ!” หนูนาท้าวเอวเถียงเลยครับหน้ามันพร้อมจะตีหัวไอ้บอยมาก “แต่เดี๋ยวนะไอ้ปูน มึงไปนอนห้องพี่เอื้อเหรอวะ!”

“เออไง” ผมตอบส่งๆ ไปครับ

“อร๊ายยยยย มึงแม่งโคตรโชคดีเลยเนี่ย”

โชคดีอย่างกับผีดิ มันเป็นศัตรูหัวใจกูครับเพื่อนหนูนา

“เออๆๆ เมื่อเช้ามันมาด้วยกันได้นะมึง”

“ไอ้เชี่ยกล้า!!!” ปากมึงนี่เนาะ กล้ารู้โลกรู้เหรอครับแม่ง

“แหล่วๆๆๆ อะไรยังไงวะมึง” คราวนี้คนถามคือไอ้บอยเจ้าเดิม “มึงกิ๊กกัน?”

“ไม่ใช่เว้ย! ไม่ใช่! พวกมึงแม่งขี้มโนว่ะ มันเป็นอุบัติเหตุเฉยๆ กูเลยมาด้วยกัน” ผมอธิบายครับรู้แหละว่ามันแค่แกล้งกวนตีนเล่น ทว่าถ้าเงียบไปเลยเดี๋ยวมันจะหาว่าผมหงอ

สิ่งที่ไอ้พวกนี้ทำคือ…

“เขินเหรอจ๊ะน้องปูน”

กูเปล่าเขินเว้ย!

“แหมๆๆๆ หน้าแดงเลยนะมึง”

กูร้อนไง! มึงดูแดดด้วย

“ไม่เป็นไรน่ามึง เดี๋ยวนี้ผู้ชายหล่อๆ เขาก็ได้กันหมดแล้ว ลองบ้างก็ไม่เสียหายหรอก”

ไอ้พวกเวร!!!

♣♣♣♣♣
หลังจากพอใจพวกมันแล้วมันก็เลือกล้อกันไปครับ แต่เพราะมันล้อกันนั่นแหละเพื่อนทั้งรุ่นเลยรู้เรื่องผมกับไอ้เอื้อกับหมดเลย ต้องโทษไอ้กล้าคนเดียว

“เออออ กูขอโทษแล้วไง หายโกรธกูเถอะนะๆๆๆ”

รู้สึกเหมือนมีหมามาสะกิดแขน อ๊ะไม่ใช่ มันคือไอ้กล้าต่างหาก มันนั่งทำแบบนี้มาหลายนาทีแล้วครับ นั่น มีส่งสายตาออดอ้อนมาให้กูอีก คิดว่าน่ารักมากหรือไง

บอกเลยกูจะอ้วกกกกก

“เชี่ยกล้าเลิกทำเถอะกูจะอ้วกว่ะ” คิดเหมือนกูเลยฟ้า
“แหม...ที่จะอ้วกนี่เเพ้ท้องหรือเปล่าจ๊ะน้องฟ้า นี่แค่มองตากันเองนะท้องแล้วเหรอ”

“พ่อง!”

“เดี๋ยวพาไปเจอเย็นนี้เลยเนี่ย จะได้ฝากตัวเป็นสะใภ้”

“อย่างกูต้องลูกเขยเว้ย”

เอ่อะ มันใช่เหรอวะฟ้า?

“หิวว่ะ กินอะไรดีวะ” พอเต๊าะฟ้าจนพอใจแล้วมันก็หันมาถามถึงเรื่องสำคัญในชีวิตครับ

อืมม...กินอะไรเหรอ ไม่รู้ว่ะ

ตอนนี้เราอยู่กันที่โรงอาการกลางของมหา’ลัย ถามว่าทำไมต้องถ่อมากินไกลถึงนี่อ่ะเหรอ นั่นเป็นความต้องการของผมล้วนๆ เลยครับ

เพราะมันจะทำให้ผมได้เจอมิ้มไง…

คิดไม่ทันขาดตอนสายตาผมก็เห็นมิ้มเดินเข้ามา เธอยังคงน่ารักและมีรอยยิ้มสดใสดังเช่นทุกครั้งที่ผมได้เจอ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือข้างกายเธอไม่ได้มีแต่ผองเพื่อนเธอแล้ว กลับมีร่างสูงของไอ้เอื้อแทน หน้าแม่งจะโหดไปไหนเนี่ย อย่างไปกับแดกรังแตนมาทั้งรังอย่างนั้นแหละ

จี๊ดดดดด

เสียงความเจ็บปวดในหัวใจผมเองครับไม่ต้องสนใจ

กระซิกกก

“ไงล่ะ...เจ็บมั้ยมึง เหอะๆ” ไม่ต้องตอกย้ำกูก็ได้นะครับเพื่อน

“เงียบไปเลยว่ะ คดีเก่ากูยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะ”

“โทษกูคนเดียวไม่ไว้นะเว้ย ไอ้โจมมันเปิดประเด็นมาก่อน”

“แต่มึงเป็นคนเสียงดังไง เพื่อนเลยรู้กันทั้งรุ่นเลยเนี่ย”

“เอาน่าๆ ถือว่าเป็นการทำบุญครับ เพื่อนคนอื่นเขาจะได้มีเรื่องเม้าท์”

แบบนี้ก็ได้เหรอวะ

ขี้เกียจจะเถียงกับแม่งแล้วครับ ผมวางกระเป๋าสัมภาระใบเล็กลงบนโต๊ะ “กูจะแดกก๋วยเตี๋ยว”

“กูไปด้วยๆๆ โจมมึงนั่งเฝ้าโต๊ะไป เดี๋ยวกูซื้อมาให้” ฟ้ามันเออออเองเสร็จสรรพ ก่อนจะตบไหล่ผมให้เดินไปกับมัน

“มึงรู้เหรอวะว่าโจมมันจะกินไร” ผมถาม

“ไม่รู้อ่ะ กูอยากกินไรก็ซื้ออันนั้นแล้วไปเก็บตังค์มัน ถ้ามันไม่กินก็เรื่องของมัน”

เลวมากมึงไอ้ฟ้า -*-
ผมให้ไอ้ฟ้าต่อเเถวก่อนแล้วตัวเองจึงตามไปต่อมันอีกทีแ มองดูแถวแล้วก็ถอนใจ แถวนี่จะยาวไปไหนวะครับ ไปกินร้านอื่นกันบ้างสิพวกมึง ผมมองซ้ายมองขวาไปด้วย เผื่อว่าเห็นร้านไหนว่างๆ ก็จะไปต่อแถว แต่พอหันไปข้างหลังกลับเป็นคนที่ผมอยากเจอที่สุด
“มิ้ม…”

“อ้าวปูน” เธอทักพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจเหมือนเดิม แอบเห็นว่าไอ้ฟ้ามันเหลือบตามามองก่อนจะก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อ “กินก๋วยเดี๋ยวเหรอ”
“ก็ยืนต่อร้านก๋วยเดี๋ยวจะให้กินกระเพราไงวะ”

ไม่ใช่ผมครับ ผมไม่มีทางพูดแบบนี้กับนางฟ้าแน่

“ไอ้ฟ้า!”

โชคดีนะที่ตอนมันพูดมิ้มเหมือนจะสนใจอย่างอื่นเลยไม่ทันได้ยิน

“เอ้อ แล้วเมื่อวานจะบอกอะไรกับเราเหรอ” เธอถามขึ้นหลังจากนั้น เป็นคำถามที่เล่นเอาผมสตั้นไปเลยครับ

“อะ เอ่อ...จะบอกว่า...ว่า…”

“ว่า…”

ว่าอะไรดีวะ จะแถอะไรดี! อ๋อ คิดออกแล้ว

“จะถึงเกษตรแฟร์แล้ว อย่าลืมมาเดินงานนะ” โอ้ยย สีข้างถลอก

“อ๋อ เรื่องนี้เองเราก็นึกว่าอะไร” มิ้มยิ้มอีกแล้ว

โอ๊ยยย ละลายยยย

ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆ กับรอยยิ้มของมิ้มอยู่นั่นเอง ร่างของไอ้คนที่ผมเกลียดสุดติ่ง ณ เวลานี้ก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเธอ ไอ้เอื้อมันตวัดสายตามองผมแวบหนึ่งก่อนจะสะกิดมิ้มเบาๆ ที่ไหล่

เอามือสกปรกของมึงออกไป!!

“พี่ไปก่อนนะมิ้น” เสียงทุ้มบอก และโดยไม่รอให้มิ้มพูดอะไร มันก็เดินจากไป

อะไรของมันวะ!

“คะ? พี่เอื้อ… พี่เอื้อรอมิ้มก่อนค่ะ!” มิ้มกำลังจะเดินตามันไป แต่ผมคว้ามือเธอไว้ได้ทัน “มีอะไรป่ะปูน เรารีบอ่ะ”

“ไม่ต้องตามไปหรอก”

“ทำไมอ่ะ”
ทำไมอ่ะเหรอ ก็เพราะไม่อยากให้ไปไง อยากอยู่กับมิ้มนานๆ ไม่อยากให้มิ้มต้องอยู่แต่กับมัน

“เหมือนแฟนมิ้มอารมณ์ไม่ค่อยดี ถ้ามิ้มไปตอนนี้เดี๋ยวจะทะเลาะกันเปล่าๆ”

จะมีใครตอแหลกว่ากูมั้ย

มิ้มดูจะฟังผมครับ เธอถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะบอก “นั่นสินะ พี่เอื้อก็อารมณ์ไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ”

“เพราะมิ้มหรือเปล่า” ถ้ามันอารมณ์เสียเพราะมิ้มไม่ว่าจะเรื่องอะไรผมจะไปด่ามันให้ มิ้มของกูแสนดีขนาดนี้มาอารมณ์เสียใส่ได้ยังไง

“เปล่าหรอก คือเมื่อเช้ารถพี่เอื้อยางรั่วเลยมาสาย พี่เอื้อมีเรียนใช่มั้ย อาจารย์คนที่สอนก็เข้มเรื่องเวลามากด้วย ถึงเวลาแล้วแกจะล็อกห้อง พี่เอื้อเลยไม่ได้เรียน”
“ระ เหรอ แย่เลยเนาะ --;”

“ใช่ แย่มากๆ แล้วอาจารย์แกดันมีควิซอีก พี่เขาเลยอารมณ์เสียแบบนี้แหละ” มิ้มเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าราวกับเป็นไอ้เอื้อซะเอง “นี่เราก็พยายามปลอบแล้วแต่พี่เอื้อก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นเลยอ่ะ”

“ปะ ปล่อยไปก็คงดีขึ้นเองแหละ” ผมส่งยิ้มแห้งๆ ให้เธอ

ฉิบหายยยยยยย เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี่เพราะผมเลยนี่หว่า เมื่อเช้าผมดันอยากแกล้งมันเลยแวะกินข้าวเช้าก่อน ทำให้มันมาไม่ทันเช้าเรียน แถมยังไปแช่งให้มันสอบตกอีกแม้มันจะไม่ได้ตกก็เถอะ แต่การไม่ได้สอบมันแย่กว่าเยอะ

ถึงผมจะสะใจมากถึงมากที่สุด แต่ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้แฮะ

แต่...จะมาเป็นคนดีอะไรเนี่ยไอ้ปูน นึกถึงสิ่งที่มันทำกับมึงเเซ่ คิดถึงตอนนี้มันถีบมึงลงจากเตียงเมื่อเช้า คิดถึงตอนที่มันบังคับให้มึงมาส่ง คิดถึงตอนนี้มันสั่งโจ๊กให้มึงกินสิวะ!

ผมจะต้องไม่รู้สึกผิด!

“วิชานี้สำคัญน่ะสิ หน่วยกิตเยอะด้วย”

ได้ข่าวว่าเรียนคนละคณะกับมันไม่ใช่เหรอมิ้ม ทำไมรู้เรื่องวิชาเรียนมันได้

“แค่นิดเดียวคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง”

“หนึ่งเปอร์จากร้อยเลยนะ”

“อย่างนั้นก็ยะ...แย่เลยเนาะ”

“พี่เอื้อถึงได้เครียดไง พี่เขาอุตส่าห์อยู่อ่านหนังสือดึกดื่นเพื่อควิซนี้เลยด้วย”

ทำไมมิ้มยิ่งพูดผมยิ่งรู้สึกผิดวะ งั้นเมื่อคืนผมก็ไปกวนการอ่านหนังสือมันอ่ะดิ แถมยังไปสร้างเรื่องเดือดร้อนให้มันเพิ่มด้วย

“เป็นไรปะวะไอ้ปูน หน้ามึงซีดมากอ่ะ”

“กะ กูสบายดี” ผมหันไปตอบไอ้ฟ้าแล้วส่งยิ้มให้มิ้มก่อนจะปล่อยมือที่จับแขนเธอไว้ (แอบเสียดาย -..-) หน้ามิ้มไม่ได้ดีขึ้นเลย ประหนึ่งมิ้มเป็นคนที่ไม่ได้สอบควิซเมื่อเช้าแทนอย่างไรอย่างนั้น เห็นแบบนี้แล้วพี่ปูนสงสารเลยครับ…

สงสารตัวเองเนี่ย ทำไมกูต้องรู้สึกผิดขนาดนี้ด้วย!!!
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 2.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 02-01-2017 22:13:02
 :katai5: :katai5:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 2.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-01-2017 22:23:57
รู้สึกผิดแล้วต้องทำยังไง...
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 2.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-01-2017 07:10:29
ปูนน่ารักดีอ่ะ
ปากร้ายนิดๆใจดีเยอะๆซินะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 2.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 03-01-2017 08:38:14
รู้สึกผิดก็ไปขอโทษพี่เขาสิลูก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 2.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: wwss2220 ที่ 03-01-2017 11:57:21
 :katai2-1:สนุกคะ แล้วน้องปูนจะปลอบพี่เอ้อไหม
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 2.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 03-01-2017 14:14:08
 :hao7: สนุกจังเลย เอาน้องปูนมาเสริฟอีกนะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 2.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 03-01-2017 19:56:35
บทที่ 4
เมื่อน้องปูนกลายเป็นคนขับรถ


“เป็นอะไรของมึงเนี่ยปูน กูเห็นหงอมาตั้งแต่กลางวันแล้ว”

ให้ทายครับว่าเสียงใคร ใบ้ให้ว่าเป็นคนที่พูดมากที่สุดในกลุ่ม

ถะ ถะ ถะ ถะ ถูกต้องนะครับบ ไอ้กล้านั่นเอง

“กูเห็นนะว่ามึงแอบแต๊ะอั๋งนางฟ้าของมึงด้วย ทำไม...รู้สึกผิดที่ทำลงไปหรือไง”

เออ รู้สึกผิดน่ะใช่ แต่ไม่ใช่เรื่องที่กูจับแขนมิ้มหรอก เรื่องนั้นกูตั้งใจ อิอิ

“คงสงสารศัตรูหัวใจม้างง เมื่อเช้าไปส่งเขาไม่ทันหรือไงวะ”

ไอ้-เชี่ย-ฟ้าาาาา!

“เหมือนควาย เอ้ย หมายความว่าอย่างไรครับน้องฟ้าของพี่กล้า” นั่นไง ต่อมเสือกมันกำเริบเลย

“ก็เหมือนควาย เอ้ย หมายความตามที่พูดนั่นแหละครับ” ไอ้ฟ้าหันมายักคิ้วให้ผม เหมือนในหัวจะได้ยินเสียงมันหัวเราะ ‘หึหึหึ’ เยาะเย้ยด้วย “ถ้าสงสารมากก็รีบไปปลอบนะครับเพื่อนปูน จะได้ไม่รู้สึกผิดมากนัก”

“ทำไมกูต้องไปปลอบมันด้วย ประสาทป่ะมึงเนี่ย”

“เออ ประสาทป่ะไอ้ฟ้า ทำไมปูนมันจะต้องไปปลอบไอ้พี่เอื้ออะไรนั่นด้วย เขามีแฟนแล้วก็ให้แฟนเขาไปปลอบดิวะ” มึงอยู่ข้างกูนะกล้า แต่กูรู้สึกเจ็บลึกๆ ตอนมึงพูดถึงแฟนเขาว่ะ

“กูก็พูดไปเรื่อยแหละมึง อย่าใส่ใจกูเลย”

ไม่นะเพื่อนฟ้า สายตามึงไม่ได้บอกแบบนั้นเลย มันมีประกายบางอย่างที่กำลังบอกว่ามึงสนุกกับเรื่องนี้ว่ะเพื่อน

ป๊าปปป!

ระหว่างที่ผมกำลังเล่นจ้องตากับไอ้ฟ้าอยู่นั้นเอง ฝ่ามือพิฆาตจากสวรรค์ก็ประทับที่แผ่นหลังผมอย่างแรง

“อูยยย” เจ็บฉิบหายเลย

“ทำเป็นสำออยนะมึง”

“สำออยบ้านพี่ดิ เล่นฟาดเข้ามาได้”

“เถียง...เถียง เดี๋ยวกูสั่งซ่อมเลยนี่”

ผมหุบปากฉับในบัดดล แล้วคนที่เป็นเจ้าของฝ่ามือพิฆาตเมื่อกี้ไม่ใช่ใครอื่น พี่บุ๊คพี่รหัสปีสามผมเองครับ แล้วดู...ดูมึงทำตัวนะไอ้พี่บุ๊ค หนวดนี่คิดจะโกนบ้างมั้ย ที่จริงพี่มันหล่อมากนะครับ สาวๆ นี่กรี๊ดพี่มันตรึม แต่ติดที่มันชอบทำตัวเถื่อนๆ แล้วก็เสียงดังผู้หญิงเลยหายหมด พี่มันเป็นพี่วินัยด้วย เป็นไปได้อย่าขัดใจมันเดี๋ยวมันสั่งซ่อม

“ขอโทษครับพี่ ก็พี่เล่นฟาดมาแบบนี้อ่ะ”

“เขาเรียกว่าทักทายเว้ย” พูดจบพี่มันก็นั่งลงข้างไอ้ฟ้า เยื้องกับผม ตรงข้ามกับไอ้โจม

ทักบ้านมึงดิ หลังกูแดงชัวร์เลย
“มึง! มึง! มึง! แล้วก็มึง!” พี่มันเล่นชี้เรียงตัวเริ่มจากไอ้ฟ้า ไอ้กล้า ผมและปิดท้ายด้วยไอ้โจม และด้วยเสียงอันแฝงไปด้วยอำนาจ ของพี่มันเล่นเอาผมสะดุ้งกันยกโต๊ะ

“มะ มีอะไรครับ” ผมเป็นหน่วยกล้าตาย

“พรุ่งนี้ร้านพี่เติม เงิม เงิม สามทุ่มห้ามเลท”

“เอ๋???” ประสานสามเสียง (ไอ้โจมไม่เล่น)

“ทำหน้าอย่างนี้พวกมึงลืมวันเกิดกูกันหรือไง!!”

“เฮือก!”

ฉิบหายกูลืม!

“โดยเฉพาะมึงไอ้ปูนไอ้น้องเวร มึงลืมวันเกิดกูเหรอวะ!” พี่มันตะคอกเสียงดันจนคนที่นั่งอยู่รอบๆ หันมามองเป็นตาเดียว เดือนร้อนผมต้องหันไปขอโทษขอโพยพวกเขา

“มะ ไม่ได้ลืมพี่ คือช่วงนี้มันยุ่งๆ ไงก็เลยลืมว่าพี่จะเลี้ยง แต่ไม่ได้ลืมวันเกิดนะ ผมเตรียมของขวัญไว้ให้แล้วด้วย”

ผมตอแหลครับ ของขวัญเชี่ยไรไม่มีเลยสักอย่าง เอาจริงๆ ก็ลืมไปด้วยแหละว่าพรุ่งนี้วันเกิดพี่มัน

“ดีมาก!!”

จะเสียงดังทำไมคร๊าบ สงสารหูผมบ้างเถอะ

“กูมาบอกแค่นี้แหละ...ไปล่ะ”

“เจอกันพรุ่งนี้ครับพี่” ผมส่งยิ้มแล้วโบกมือให้พี่บุ๊ค ไปก็ดีแล้วครับ สงสารหูตัวเองชะมัด

“มึงเตรียมของขวัญแล้วจริงดิวะ กูหุ้นด้วยได้ป่ะมึง” ไอ้กล้าถามด้วยประกายความหวังในตา

“หึ กูยังไม่ได้เตรียมห่าอะไรทั้งนั้นแหละ”

“อ้าว!”

“ก็กูลืมนี่หว่า มึงช่วยคิดหน่อยดิว่าจะซื้ออะไรให้พี่เขาดี” ได้โอกาสผมก็ถามมันเลยครับ

“ยาอมดีป่ะวะ พี่บุ๊คแม่งชอบเสียงดัง” มึงคิดเหมือนกูเลยเพื่อนหูกูจะแตกล่ะ แต่ของขวัญมึงนี่ก็คิดได้เนาะ

“เอาให้เขามาปาหัวมึงไงไอ้สัด” น้องฟ้าของพี่ปูนไม่เห็นด้วยเหรอครับ งั้นเสนอมาเลย “กูว่าน้ำผึ้งกับมะนาวดีกว่าอีก”


“ถุยยย” ผมกับไอ้กล้าประสานเสียง

“ทำไมไม่ซื้ออะไรที่พี่มันชอบวะ” แล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นในบัดดล

“กูก็คิดแบบนั้นแหละโจม”

“หราา”
“เออ กูคิดแบบนี้จริงๆ” ผมหันไปด่าไอ้กล้ากับไอ้ฟ้าทางสายตา “แต่กูคิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรเท่านั้นแหละเว้ย”

ไอ้พี่บุ๊คมันชอบอะไรนอกจากส่งเสียดังบ้างวะ…

“แคคตัส”

“หะ?”

“แคคตัสไง พี่บุ๊คมันกำลังอยากได้”

ผม ไอ้กล้า ไอ้ฟ้ามองหน้ากัน พลางส่งสายตาถามกันอย่างไม่ต้องเอ่ยปากว่าไอ้โจมมันรู้ได้ยังไง

“มึงรู้ได้ยังไงวะโจม” ไอ้กล้าเป็นคนถาม ถึงมันจะปอดแหกเรื่องชกต่อยแต่เรื่องเสือกของให้วางใจมันได้เลย

“พี่เขาโพสต์ในเฟซบุ๊คไง มึงไม่อ่านกันเหรอ”

จริงเหรอวะ กูไม่เห็นรู้เลย

“มึงเข้าโลกโซเชียลกี่ครั้งในชีวิตวะปูน”

“อย่างน้อยกูกูกช่นไลน์นะเว้ย” ผมเถียง พูดเหมือนผมเป็นมนุษย์หลังเขาอย่างนั้นแหละ ถึงผมจะไม่ค่อยชอบเล่นก็เถอะ แต่ผมก็มีไอดีไลน์นะ “แล้วจะซื้ออะไรดีวะ แคคตัสมีตั้งหลายพันธ์ุ”

“อะไรก็ได้ พี่มันเพิ่งเลี้ยงได้ไม่กี่วันนี่เอง” หืม ขนาดเลี้ยงไม่กี่วันมึงก็รู้ว่าเขาอยากได้แล้วเหรอโจม “พี่เขาโพสต์เฟซเมื่อสองวันก่อน”

โอเค กูไม่ใส่ใจเอง อย่าให้พี่บุ๊ครู้นะ มึนสั่งซ่อมแน่นอน

“งั้นเอาแคคตัสนี่แหละ พรุ่งนี้ไปซื้อกันเลย” ไอ้กล้าพูดอย่างมุ่งมั่น

ดังนั้นเมื่อสรุปกันได้แล้วเราเลยตกลงที่จะไปซื้อเย็นนี้พรุ่งนี้ที่เลิกเรียนตั้งแต่บ่ายสาม งานนี้ต้องขอบคุณข้อมูลลึกลับจากเพื่อนโจมจริงๆ ที่ทำให้เราได้พบทางสว่าง

♣♣♣♣♣

เย็นวันถัดมา

16.05 น. ณ ร้านขายพืชอวบน้ำโดยเฉพาะ

ไอ้พวกเวรรรรรรร

ไหนบอกจะไปซื้อด้วยกัน แล้วทำไมมึงปล่อยกูมาคนเดียววะไอ้พวกเพื่อนๆ สุดที่ร๊ากก!

“แม่ง พวกมึงนะพวกมึง ทิ้งกู”

ปากผมบ่น ในใจผมด่า เซ็งโคตรๆ ฝากกูซื้อให้แต่ไม่ให้ตังค์มาคืออะไร! (นี่แค้นเรื่องนี้ใช่มะ) แดดนี่แม่งก็ร้อนไปไหนวะ อีกนิดเดียวกูจะเป็นลมแล้วเนี่ย ดีนะที่ร้านติดแอร์

“สงสัยอะไรถามพี่ได้นะน้อง” พี่เข้าของร้านตัวใหญ่บอกพร้อมส่งยิ้มใจดีมาให้ แต่เพราะหมวดที่เฟิ้มของพี่แกทำให้ดูเหมือนการแสยะยิ้มมากกว่า บรึย ขนลุก

“ขอบคุณครับ”


ผมเดินดูของในร้านพี่แกไปเรื่อยๆ ร้านนี้มีแคคตัสเต็มไปหมดเลย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอ ผมอดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ ชื่ชรูปร่างแปลกตาที่สูงไม่มาก แลดูน่ารักน่าถนอม นอกจากต้นแล้ว พี่เขาก็ยังมีพวกอุปกรณ์ที่ใช้ปลูกด้วยนะครับ พวกกรวดหิน ปุ๋ย ช้อนตัก บัวรถน้ำ เรียกว่าครบเครื่องจริงๆ

“ต้นนี้สวยดีแฮะ”

ตัดสินใจล่ะ เอาต้นนี้แหละ

“เอ่อ...”

อีกนิดเดียวเองครับ ผมก็จะได้ต้นไม้ที่ต้องการ แต่ว่าดันมีใครอีกคนเข้ามาคว้ามันไว้ตัดหน้าผมไปเพียงเสี้ยวนาที!

แบบนี้อีกแล้วเหรอวะ ทำไมผมจะต้องโดนคนอื่นชิงตัดหน้าไปก่อนทุกครั้ง พี่ปูนไม่เข้าใจ!

ผมปล่อยมือที่จับทับมืออีกฝ่ายออกก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้ “ขอโทษครับ”

“อยากได้ต้นนี้จะเอาก็ได้นะครับ”

“ไม่เป็นอะไรครับ ผมดูอย่างอื่นก็ได้” ก้มหัวขอโทษไปอีกครั้งก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง

“คุณครับ”

“หือ? ผมเหรอ”


ผมหันกลับไปถามเขาที่เดินเข้ามาใกล้ อ่า...ออร่าความหล่อแบบนี้มันอะไรกัน ทิ่มตาจนอยากจะหลับตาหลบตวามหล่อเลย เขาหน้าตาดีมาก ออกแนวเข้มๆ แมนๆ  คิ้วเข้ม จมูกโด่ง หน้าคมเข้ม หุ่นก็ดีครับ แบบผู้ชายสปอร์ต ทำนองนั้น ไม่ใช่แนวคุณชายแบบไอ้เอื้อที่เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ใช่ครับ คุณนั่นแหละ สนใจแคคตัสเหรอ”

“อ๋อ ผมซื้อไปเป็นของขวัญวันเกิดพี่น่ะครับ”

“ช่วยแนะนำมั้ย”

ผมมองฝ่ายตรงข้ามอย่างชั่งใจ คนอะไรวะอัธยาศัยดีชะมัด เพิ่งรู้จักกันแปบเดียวนี่เสนอตัวช่วยกูแล้วเหรอ ไว้ใจได้ป่ะเนี่ย

“อ้าวไอ้ว่าน มึงไปถามน้องแบบนั้นน้องเขากลัวหมดแล้ว” พี่เจ้าของร้านร่างใหญ่ทักขำๆ จากด้านหน้า พาให้คนที่เสนอตัวจะช่วยผมเมื่อครู่ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ

“เอ้อเนาะ โทษทีครับ คือผมชื่อว่านนะ”

“ปูนครับ”

“น้องๆ ไอ้ว่านมันเก่งนะ ถ้าน้องไม่รู้จะเลือกอะไรก็ให้มันช่วยเถอะ เก่งจนกูอยากจะยกร้านให้มันอยู่แล้วเนี่ย” ประโยคหลังเหมือนพี่เจ้าของร้านแกจะพูดกับตัวเองนะ แต่มันดังไปหน่อยพวกผมสองคนเลยได้ยิน

ถ้าพี่เจ้าของร้านร่างหมีพูดมาแบบนี้แล้วผมก็ขอรบกวนเลยแล้วกัน จะได้ประหยัดเวลาด้วย

“ถ้าอย่างนั้นรบกวนด้วยนะครับ คือคนที่ผมจะซื้อให้เขาเพิ่งเลี้ยงแคคตัสได้ไม่กี่วันเอง พอจะมีอะไรที่มันสวยๆ แล้วก็เลี้ยงง่ายๆ มั้ยครับ อ้อที่สำคัญราคาย่อมเยาด้วย”

“ฮาๆ โอเคตามผมมาเลย”

..
.
พี่ว่านนี่เจ๋งจริงๆ ครับ! (อ้อ พี่ว่าเขาอายุมากกว่าผมปีนึงแหละ เรียนอยู่มหา’ลัยเดียวกันด้วย) ผมได้แคคตัสเป็นของขวัญพี่บุ๊คมันหลายต้นเลย แถมมีพวกอุปกรณ์เสริมให้พี่มันด้วย ราคาร้านพี่หมี (พี่เขาชื่อหมีครับ) ก็โคตรย่อมเยาเลย เอาเป็นว่าผมถูกใจของขวัญนี้สุดๆ ครับ

พี่ว่านเป็นเทวดามาโปรดผมชัดๆ เลย

Rrrrr

“ครับพี่บุ๊ค” ผมรับโทรศัพท์ระหว่างรอลิฟต์ในหอพักไปด้วย มีคนยืนอยู่ก่อนสองสามคน ผมเลยลดเสียงที่คุยกับพี่มันลง

[“คืนนี้ห้ามเบี้ยวนะมึง ถ้าไม่เจอมึงกูสั่งซ่อมแน่”]

นี่ก็ขู่กูจัง ถ้าไม่เห็นว่าเป็นพี่นะกูจะ...จะอะไรดีวะ

“ครับ ไม่เบี้ยวแน่นอน คืนนี้สามทุ่มที่ร้านพี่เติม เงิม เงิมครับ” พูดชื่อร้านนี้ทีไรกูกระดากปากทุกทีเลย ไอ้พี่เติมนะพี่เติม จะตั้งแค่ ‘ร้านพี่เติม’ ก็ไม่ได้ ต้องเดิม ‘เงิม เงิม’ ไปด้วย แม่งมันทำเพื่ออะไรวะ

[“ดีมากไอ้น้อง แล้วอย่าลืมของขวัญกูด้วยล่ะ แค่นี้นะ”] พูดเสร็จพี่มันก็ตัดสายทิ้งเลยครับ

นี่มึง...โทร.มาทวงของขวัญกูชัดๆ เลยนี่หว่า -*-




2 ทุ่ม 45 นาที

ปังๆๆๆๆๆ!

เหตุการณ์นี้มันคุ้นๆ ว่ามั้ยครับ

ขณะที่ผมกำลังจะพรมน้ำหอมเพื่อเพิ่มเสน่ห์ในตัวเองอยู่นั้น พลันที่ประตูก็เกิดเสียงดันสนั่นซึ่งไม่ได้เกิดจากการเคาะแน่นอน นี่มันเกิดจากการทุบ

มึงจะพังประตูก็หรือไง!

ปังๆๆๆ!

“เออๆๆ เปิดแล้วโว้ย!”

ผมเดินไปเปิดประตูอย่างอารมณ์เสีย กะว่าจะด่าไอ้คนที่มาทุบห้องคนอื่นยามวิกาลแบบนี้ให้หูชา แต่พอเปิดมากลับอยากจะรีบกลับเข้าห้อง

ไอ้เชี่ยเอื้อ!

ไวเท่าความคิด ผมรีบดันประตูห้องให้ปิดลงเหมือนเดิม ทว่าร่างสูงตรงหน้าเหมือนจะเดาความคิดผมได้ มันคว้าบานประตูไว้แน่น

“ปล่อยนะเว้ย” ผมพยายามจะดันให้ประตูปิด แต่มันก็ไม่ยอมแพ้ “อะไรของมึงเนี่ย จะมาแก้แค้นที่เมื่อวานไปส่งมึงสายหรือไง”

“เรื่องนั้นกูเก็บไว้คิดบัญชีกับมึงแน่ แต่นี่เป็นเรื่องใหม่”

“จะเรื่องเก่าเรื่องใหม่ก็ไม่สน เหวอ!!”

มันเข้ามาจนได้ครับ!! แถมแรงมันดันประตูจนผมลงไปกองกับพื้น

“เจ็บ…”

“สมน้ำหน้า อยากเล่นตัวดีนัก”

อะไรคือการที่มึงบุกรุกห้องกูแล้วมาด่ากูอีกเนี่ย!

“ห้องมึงนี่ก็รกไม่เปลี่ยนเลยนะ” มันใช้สายตาเหยียดๆ มองไปรอบห้องของผม “แล้วนี่แม่งกลิ่นไรวะ ฉุนชะมัด”

“กลิ่น...ไอ้เชี่ยน้ำหอมกู!!”

ผมกระโจนเข้าหาขวดน้ำหอมที่หกรดพื้นห้อง โอ๊ยยยย หัวใจพี่ปูนแตกสลายอีกครั้ง น้ำหอมขวดนี้ผมเพิ่งใช้ได้ไม่กี่ครั้งเอง

“เพราะมึงเลยไอ้เอื้อ!”

“กลิ่นแบบนี้หกไปก็ดีแล้ว กูไม่ชอบ”

“แล้วทำไมมึงต้องมาชอบด้วย นี่น้ำหอมกูเว้ย!” ผมบอกก่อนจะรีบตั้งขวดน้ำหอมขึ้น ภาวนาให้มันเหลือบ้างสักครึ่งขวดก็ยังดี แต่คำขอผมคงไปไม่ถึงไหน เพราะมันหกจนหมดขวด

ฮือออ น้ำหอมกูววววว

“เดี๋ยวกูซื้อขวดใหม่ให้” มันบอกก่อนจะนั่งลงบนเตียงนอนผมอย่างถือวิสาสะ

“เออ มึงมันรวยนี่ กูต้องเก็บเงินกี่เดือนกว่าจะได้ขวดนี้มามึงรู้ป่ะ แม่งมึงเข้าใจมั้ย มันมีคุณค่าทางใจเว้ย” ว่าแล้วก็ค่อยๆ ประคองขวดน้ำหอมลงบนโต๊ะ ถึงไม่ได้ใช้ขอเก็บขวดไว้ก็ยังดี

“กูไม่ผิด ก็มึงไม่ยอมให้กูเข้ามาเอง”

“กูไม่อยากเห็นหน้ามึงไงไอ้บ้า!!”

“กูไปทำอะไรให้มึง...อ๋อ เรื่องมิ้มใช่มั้ย”

จึก!!

“...”

“เหอะ ถูกสินะ”

“เออกูเกลียดมึง เพราะมิ้มเนี่ยแหละ มึงคือศัตรูหัวใจกูไอ้เอื้อ!” ผมชี้หน้ามัน “รู้แบบนี้ก็ออกไปจากห้องกูเลยไป”

“มึงนี่มันเด็กจริงๆ” มันส่ายหน้าระอา “แพ้ก็หัดยอมรับดิวะ แค่กูกิ๊กับมิ้มมึงถึงกับเกลียดกูเลย”

“นั่นเพราะกูชอบมิ้มเว้ย”

“เออ งั้นก็เรื่องของมึงเถอะ แต่กูบอกให้นะว่ากูกับมิ้มไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“หมายความว่าไงวะ ก็มึงบอกอยู่ว่ากิ๊กกับมิ้ม”

“เรื่องนี้คนฉลาดเท่านั้นถึงจะเข้าใจ”

เข้าใจ = คนฉลาด
ผม = ไม่เข้าใจ = โง่

“มึงด่ากูโง่เหรอ!”

 “กูไม่ได้พูดนะ มึงคิดเองทั้งนั้น” มันบอกก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วเดินมาหาผม ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงยีน ดูธรรมดานะครับ แต่พออยู่บนตัวมันแม่งโคตรดูดีเลย

หมับ!

โดยไม่ทันตั้งตัวมือหนาก็คว้าข้อมือผมไว้แน่น

“แต่งตัวเสร็จก็ไปได้แล้ว กูรีบ”

“ไปไหน”

“แล้วมึงจะไปไหนเล่า เร็วเลยเดี๋ยวก็สายโดนพี่บุ๊คด่าไม่รู้ด้วยนะมึง”

มันรู้ได้ไงว่าผมจะไปหาพี่บุ๊ค

“มึงเลี้ยงกุมารเหรอไอ้เอื้อ!”

ผลัวะ!

“โอ๊ย ตบมาทำไมเนี่ย” ผมยกมือลูบหัวที่โดนมันตบปอยๆ

“ตบเบาๆ อย่ามาสำออย”

“กูลองตบมึงบ้างมั้ยล่ะ”

“ลามปามล่ะ กูเป็นพี่มึงนะ” มันทำท่าจะตบผมอีกรอบครับ แต่ก็ไม่ได้ลงมือจริง “มึงคุยโทรศัพท์ซะดังลั่นลิตฟ์ขนาดนั้นเป็นใครก็รู้ทั้งนั้นแหละ กูก็จะไปหาพี่บุ๊คเหมือนกัน มึงไปกับกูเนี่ย ว่าแต่มึงขับรถเป็นป่ะวะ”

“เป็น”

“ดี จะได้ไม่ต้องทิ้งรถไว้ที่ร้าน”

“นี่มึงกะไปเมา”

“กูไม่ได้อยากเมา แต่พี่มึงเล่นกูแน่”

“สรุปว่ามึงรู้จักกับพี่บุ๊ค แล้วมันกำลังจะไปงานวันเกิดพี่มัน โดยให้กูไปด้วยเพราะมึงคาดว่าตัวเองจะต้องเมาอย่างแน่นอน ตอนกลับเลยจะให้กูขับให้ถูกมะ”

“เออ ก็ไม่ได้โง่นี่หว่า”

อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกไม่ได้ด่ากูไง

“ก็แค่นี้ แล้วทำไมไม่บอกดีๆ วะ บุกเข้ามาแบบนั้นใครก็ตกใจดิ แถมมึงยังฆาตกรรมน้ำหอมกูด้วย” ผมเหลือบตาไปยังขวดน้ำหอมอย่างเสียดาย เฮ้อ เราเพิ่งจะรู้จักกันแท้ๆ ต้องมาตายจากกันแล้วหรือน้องน้ำหอม “มึงมันฆาตกร”

“มันเป็นอุบัติเหตุเว้ย ทีนี้รู้แล้วก็ไปได้แล้ว เสียเวลาจริงๆ”

“ไม่ต้องจับกูเดินเองได้!”

“อยากจะจับนักแหละแม่ง” มันปล่อยมือทันทีที่ผมบอกก่อนจะออกไปรอหน้าห้อง

เหอะ ที่แท้ก็จะชวนกูไปด้วยกัน แม่งทำไม่ไม่บอกดีๆ วะ ฟอร์มเยอะฉิบหายเลย แล้วนั่น...มึงคิดว่าท่ายืนพิงผนังของมึงเท่นั่งหรือไง มันไม่ได้แม้แต่ขี้เล็บกูด้วยซ้ำ!

“เสร็จแล้ว?”

“เออ!”

ร่างสูงเดินนำไปที่ลิฟต์ด้วยความเร็ว เชี่ยยย ไม่เกรงใจกูบ้างเลย

ไหนเมื่อกี้ใครมาขอให้กูไปด้วย

ตอบ!!

========================================
=============================
ขอบคุณนะคะที่ติดตามกัน ดีใจมากที่มีคนอ่านค่ะ
แล้วฝากติดตามต่อๆ ไปด้วยนะคะ :)
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.4 3.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-01-2017 22:16:44
รู้สึกผิดแล้วเหรอปูน รั่วได้อีก
พี่เอื้อนี่ยังไง มีอะไรในหลืบหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.4 3.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-01-2017 22:36:25
เอื้อนี่ยังไงหนอ :hao3: :hao3: :hao3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.4 3.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-01-2017 23:34:17
พี่เอื้อนี่ดูเกาะติดกับน้องปูนแปลก ๆ นะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.4 3.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-01-2017 02:20:41
ตลกดี
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.4 3.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 04-01-2017 03:48:14
พี่เอื้อนี่อะไรยังไง  :impress2:
เข้าใกล้น้องบ่อยนะเรา
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.4 3.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 04-01-2017 13:01:32
เราลืมบอกเพิ่งมาสังเกตดีๆ
 ลงกฎไม่ครบจ้า
เนื้อเรื่องน่าติดตาม
จะรอตอนต่อไป
 :katai5: :katai5:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.4 3.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-01-2017 14:16:30
 :katai5:
พี่เอื้อ ติดใจอะไรหรือเปล่า

ปูน ฮาาาาาไปไหน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.4 3.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 05-01-2017 22:13:42
บทที่ 5
เมื่อน้องปูนตัดใจ


ช่วยบอกผมที่ว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ผิดที่ผิดทาง!

“อ้าวปูน”

“หวัดดีมิ้ม” ผมส่งยิ้มแหยงๆ ให้มิ้มที่เพิ่งเข้ามานั่งในรถเมื่อครู่นี้

แม่งไอ้เอื้อนะไอ้เอื้อ มึงจะแวะมารับมิ้มก่อนมึงไม่เคยจะบอกกูเลยไอ้เวร ถ้ารู้แบบนี้กูไม่มากับมึงหรอกแม่ง! ถึงว่าตอนจอดรถที่หน้าหอไล่กูมานั่งข้างหลัง เป็นเพราะอยากให้มิ้มนั่งข้างๆ นี่เอง

แล้วมาตอแหลว่าไม่ได้เป็นไรกัน

“ปูนรู้จักกับพี่เอื้อเหรอ” สาวน้อยเอี้ยวตัวมาถาม

“อ้อ...นิดหน่อยอ่ะ บังเอิญอยู่หอเดียวกัน” ผมตอบพลางเหลือบมองไอ้เอื้อไปด้วย เผื่อว่ามันจะส่งสายตาประมาณว่าห้ามพูดมาให้ผมจะได้หุบปาก

“ดีจัง ปูนอยู่หอไหนเหรอ”

“หอ…”

“แฮ่ม!”

นี่ไง สายตาแบบนี้ไง!

มันไม่อยากให้มิ้มรู้เหรอวะ หรือมันไม่ได้เป็นไรกับมิ้มจริงๆ?

“พี่เอื้อหิวน้ำเหรอคะ เดี๋ยวมิ้มป้อน” ว่าแล้วนางฟ้าของผมก็เอื้อมมือมาหยิบขวดน้ำที่ใส่อยู่ด้านหลังก่อนจะเปิดฝาออก จับหลอดแล้วประเคนถึงปากไอ้เอื้อเลยครับ บริการทุกระดับประทับใจจริงๆ

นอกจากบาดตาแล้วมันยังบาดเข้าไปในหัวใจอีกด้วย

ชาติก่อนไอ้เอื้อมันทำบุญมาด้วยอะไรวะ ทำไมชาตินี้ถึงมีผู้หญิงที่น่ารักและนิสัยดีอย่างนี้มาคอยดูแล

“ขอบคุณครับมิ้ม”

โอ๊ยยย เสียงตอบกลับมึงนี่ก็ช่างนุ่มดีจัง ทีพูดกับกูนี่ตวาดเอาๆ แม่งอย่างนี้หรือเปล่าสาวๆ ถึงชอบ กูก็ทำได้เหอะแบบเนี่ยอ่ะ เผลอๆ เสียงจะเพราะกว่ามึงด้วย

ผมนั่งเป็นอากาศธาตุไม่ถึงยี่สิบนาทีรถก็มาจอดหน้าร้านเหล้าเจ้าประจำของพวกผมครับ วันนี้ร้านพี่เติมดูจะคึกคักเป็นพิเศษสังเกตจากปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นหน้าร้าน ไอ้เอื้อต้องวนรถถึงสองรอบกว่าจะได้ที่จอด แล้วมันจะไม่อะไรเลยถ้ามันไม่ไล่ผมให้ลงไปโบกรถให้

แม่ง! กูไม่ใช่ทาสมึงนะเว้ย

ผมเดินหน้างอถือกล่องของขวัญของพี่บุ๊คตามหลังมิ้มกับไอ้เอื้อเข้าไปในร้าน แค่ก้าวเข้ามาก็รู้เลยว่าพี่มันนั่งอยู่ตรงไหน โต๊ะโคตรยาว จากด้านในสุดจนเกือนจะถึงหน้าประตู

นี่มึงรวยมาจากไหนครับ

“มาสักทีนะไอ้เอื้อ!” เสียงพี่บุ๊คแม่งดังมาแต่ไกล ขนาดเพลงในร้านยังสู้มันไม่ได้อ่ะคิดดู “โหย พาสาวมาเย้ยกูด้วยนะมึง ร้ายนี่หว่า”

ไอ้เอื้อกับมิ้มยกมือไหว้พี่บุ๊ค

“หวัดดีพี่ ขอโทษที่มาช้านะครับ สุขสันต์วันเกิดพี่ นี่ของขวัญครับ” เอื้อมันส่งของขวัญให้พี่บุ๊คกับมือมันเอง โดยไม่ยอมให้มิ้มถือเลย มึงจะสวมบทเป็นสุภาพบุรุษไปถึงไหนเนี่ย เห็นแล้วคันตีนจริงๆ

“เห้ยไม่เป็นไรเว้ย มึงมานั่งข้างกูเนี่ย เอาเด็กมึงมาด้วย โทษฐานที่มึงเบี้ยวนัดครั้งที่แล้วครั้งนี้กูขอจัดหนักเลยแล้วกัน”

ดูท่าแล้วไอ้เอื้อนี่ก็สนิทกับพี่บุ๊คพอควรเลยครับ พี่มันเล่นให้ไอ้เอื้อไปนั่งใกล้มือใกล้ตีนขนาดนั้น แถมยังบริการชงเหล้าให้มันเองกับมืออีก กูแอบเห็นนะพี่บุ๊ค มึงเทเหล้าเกือบครึ่งแก้วเลย อย่างนี้ให้มันแดกเพรียวๆ ไปเลยเถอะ

เอาล่ะ ผมว่าได้เวลาที่พระเอกจะปรากฎตัวแล้วครับทุกคน เมื่อกี้ให้ตัวร้ายแย่งซีนไปแล้ว

“พี่บุ๊คคคคค หวัดดีพี่!” ผมทักด้วยน้ำเสียงลั้นลาถึงขึ้นสุดแล้ววิ่งเข้าไปหาพี่มัน ไอ้เชี่ยกูมาสายสุดเลยนี่หว่า พวกไอ้กล้ามานั่งรออยู่แล้ว พี่สามพี่รหัสปีสองของผมก็อยู่ด้วย

ฉิบหายแล้วกู

“ไอ้เชี่ยปูน! ทำไมมึงมาเอาป่านนี้!!”

โอ๊ยยย สองมาตรฐานมากครับไอ้พี่บุ๊ค ได้ข่าวว่ากูมาหลังไอ้เอื้อไม่กี่นาที เมื่อกี้ทำไมมึงไม่ด่ามันบ้างวะ

“โหยพี่ สายไปแปบเดียวเอง”

“อยากโดนกูสั่งซ่อมใช่มั้ย เถียงคำไม่ตกฟากเลยมึง!”

ครับ จะทำอะไรได้นอกจากสงบปากสงบคำ ไอ้เชี่ยเอื้อกูเห็นนะว่ามึงหัวเราะกูด้วย

“ไม่อยากโดนครับพี่” ผมก้มหน้าลงหงอยๆ ก่อนจะเดินแทรกๆ ไปนั่งที่ว่างระหว่างพี่สามกับไอ้กล้า

“แล้วในมือมึงน่ะอะไร”

“อ๋อ ของขวัญพี่ครับ ผมซื้อมาให้ เลือกจากใจเลยนะเนี่ย” ว่าแล้วก็ยื่นกล่องให้พี่มันเลยครับ ที่พูดว่าเลือกจากใจผมโกหก ก็ให้พี่ว่านเลือกให้ทุกต้นเลย

“อะไรวะ หนักชิบหาย กูเปิดเลยแล้วกัน”

เหยดดด ทำไมของไอ้เอื้อพี่ไม่เปิดแล้วมาเปิดของผมอ่ะ

“ไอ้ปูน!! มึงซื้ออะไรมาเนี่ย!” เสียงของพี่มันหยุดทุกการเคลื่อนไหวในร้าน เล่นเอาไอ้พวกที่นั่งดื่มเหล้ากันอยู่สะดุ้งไปกันหลายคน

โคตรโหดเลย T^T

“มะ มันไม่ถูกใจพี่เหรอครับ” เสียงผมหงอระดับสิบ

“เออ ไม่ถูกใจ...แต่ชอบมาก!! ไอ้เหี้ยเอ้ยกูกำลังอยากได้ต้นนี้อยู่พอดี” พี่บุ๊คหยิบแคคตัสต้นหนึ่งออกมาจากกล่อง “แม่งมีอุปกรณ์ให้กูด้วย มึงมันน้องรักกูจริงๆ ไอ้ปูน เชี่ยสามมึงดูไว้ เนี่ยแหละน้องรหัสที่ทุกคนคู่ควร”

ฟู่วววววว

“กูก็นึกว่าจะมีคนตายซะแล้ว”

โอโหพี่สาม ถึงขนาดมีคนตายเลยเหรอวะ พี่ครับพี่ดูรักผมมากเลยอ่ะ

ขอแนะนำพี่สามพี่รหัสสุดหล่อของผม (สายผมน่าตาดีกันหมดเลยนะเนี่ย) พี่สามแกมาแนวหนุ่มตี๋ครับ น่ารักน่าหยิกแบบที่สาวๆ ชอบ แต่นิสัยนี่ไม่ได้น่ารักเลย น่าหยิกล้วนๆ พี่มันโคตรจะกวนตีนอ่ะ จำได้ว่าตอนไปขอให้พี่มันรับเป็นสายรหัสมันให้ผมไปเต้นรูดเสาอยู่กลางโรงอาหารคณะ

โคตรเหี้ย!

อย่าให้กูมีน้องนะมึง กูจะทำให้ยิ่งกว่านี้เลยแม่ง!

“พวกมึงเอามาเลยคนละร้อย ไม่งั้นเดือนนี้กูได้แดกแกลบแน่” พอได้เวลาอันเหมาะสมผมก็ทวงเงินพวกมันซิครับจะรออะไร นี่ยังไม่ได้ด่าเรื่องที่มันปล่อยผมให้พี่ซื้อแคคตัสคนเดียวเลยเนี่ย

“วันหลังได้ป่ะวะ วันนี้กูไม่ได้พกเงินมาสักบาท”

“โกหกขอให้บ้านบึ้มไอ้กล้า”

“อ่ะๆๆ เอาไปเลย”

ไอ้กล้ามันกลัวการเเช่งของผมเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะเวลาผมแช่งอะไรผลมันจะเป็นจริงประมาณหกสิบเปอร์เซ็น พิสูจน์ได้จากเรื่องที่ผมแช่งไอ้พี่เอื้อ

“อันนี้ของกูกับไอ้โจม”

ผมรับเงินจากไอ้ฟ้า ถัดไปเป็นไอ้โจมที่แต่ส่งยิ้มมาให้ก่อนจะหันไปดื่มต่อ

“มึงเอาอะไรวะไอ้ปูน” พี่สามถาม

“ขออะไรก็ได้ครับที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ วันนี้ผมต้องขับรถกลับอ่ะ เดี๋ยวจะไปไม่ถึงหอ”

“อะไรวะ ปกติมึงก็แดกไม่ใช่เหรอ”

“วันนี้ขอบายครับ”

“น่าๆ นิดเดียวนะมึง” พี่สามตื้อจะให้ผมดื่มให้ได้ ปฏิเสธเท่าไหร่พี่มันแม่งก็ไม่ยอม

“ไอ้สาม” เสียงทุ่มที่ปกติจะตวาดผมอยู่ตลอดเอ่ยขึ้นจากฝั่งตรงข้าม

“ว่าไงครับเพื่อนเอื้อ”

“ไม่ต้องให้มันแดก เดี๋ยวขากลับมันพากูรถคว่ำตาย” คำตอบของไอ้เอื้อเล่นเอาบรรยากาศในโต๊ะเงียบสนิท อะไรกับวะพวกนี้

“มึง...ว่าไงนะ มึงให้ไอ้ปูนขับรถมึงเหรอ”

“อือ มันอยู่หอเดียวกันกู รู้งี้มึงเลิกคิดจะมอมมันเลย กูยังอยากใช้ชีวิตอยู่บนโลกต่อ”

เท่านั้นแหละครับพี่สามแม่งวางมือจากขวดเหล้าแล้วเทน้ำเปล่าให้ผมทันที มันก็ไม่ต้องถึงขั้นนี้ก็ได้ม้าง แป๊บซี่กูก็อยากกินนะพี่สาม

“มึงอธิบายมาเลยว่ามันเป็นยังไง” เรื่องเสือกไว้ใจไอ้กล้าเถอะ

ผมหันไปตอบมันแต่ก็ต้องผงะเพราะสายตาได้วพกขี้เสือกที่จับจ้องมองผมอยู่ ทำไมวะ แค่กูต้องเป็นคนขับรถให้ไอ้เอื้อมันน่าสนใจขนาดนั้นเลยเหรอ พวกคุณไม่เคยเมาแล้วให้เพื่อนขับรถแทนกันเลยหรือไง

“ก็ไม่ยังไง ไอ้เอื้อมันไปหากูที่ห้องแล้วบอกให้มากับมันแค่นี้แหละ”

“นี่มึงมากับมันทั้งที่มันมากับมิ้มอ่ะนะ”

“ก็กูไม่รู้เว้ยว่ามันจะไปรับมิ้มด้วย ถ้ารู้นะกูไม่มากับมันหรอก” ผมตอบอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะหันไปมองไอ้คนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

แม่งงงงง จะสิงกันอยู่แล้วเว้ย มิ้มครับขยับออกห่างจากมันด่วนเลย!


ผมอ้าปากค้างเมื่อไอ้เอื้อโน้มตัวลงไปใกล้มิ้ม มึงคิดจะปู้ยี่ปู้ย้ำนางฟ้าของกูในที่สาธารณะต่อหน้ากูเลยเหรอ นั่น! ไอ้เชี่ยมีเหลือบตามาแสยะยิ้มใส่กูอีก อยากเจอตีนพี่ปูนมากใช่มั้ย!!

“ไอ้เชี่ย...ได้เสียกันแล้วมั้งน่ะ”

“พี่เอื้ออย่า…” เสียงห้ามแผ่วเบาของมิ้มไม่สามารถดังไปถึงประสาทของไอ้เอื้อได้ครับ ที่จริงผมก็ไม่ได้ยินนะ อ่านปากเอา

ไอ้เวร! รังแกมิ้มเหรอมึง!

“ไอ้เอื้อมึง”

หมับ!

ผมกัดฟันกรอดเตรียมจะเดินไปหามัน แต่ก่อนที่ผมจะทันได้ลุกขึ้นไปกระชากมันออกมาจากมิ้มมือของไอ้กล้าก็เอื้อมมาจับมือผมไว้ก่อน

“ไปไหนวะ”

“ไม่เห็นเหรอว่ามิ้มโดนมันลวนลามอยู่อ่ะ กูจะไปช่วยมิ้ม”

กล้ามีสีหน้าลำบากใจ “อย่าเลยมึง เฉยๆ ไว้เหอะ”
 
“ใช่ไอ้ปูน อย่าเลยว่ะ” ฟ้าชะโงกหน้ามาห้ามผมด้วยอีกคน

“นี่พวกมึงเป็นไรกัน มิ้มโดนรังแกนะเว้ย” ผมเถียงอย่างไม่ยอมแพ้แล้วจะลุกไปอีกครั้ง แต่ไอ้กล้าก็จับมือไว้แน่นกว่าเดิม

“ปูนมึงฟังกูนะ” โจมหันมาหาผม มันมองผมด้วยสายตาจริงจัง นั่นทำให้ผมหยุดอาการขัดขืนลงได้บ้าง “ไม่มีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเขานั่งให้ผู้ชายลวนลามกลางร้านเหล้าหรอก มึงคิดดูดีๆ ถ้ามิ้มไม่อยากโดนไอ้พี่เอื้อมันทำอะไรจริงๆ จะห้ามมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่มึงดูสิ่งที่มิ้มทำเถอะ เข้าตำราปากว่าตาขยิบชัดๆ”

นานทีปีหนไอ้โจมมันจะพูดยาวๆ สักครั้ง และคำพูดของมันก็มีน้ำหนักเชื่อถือได้เสมอ

ปากว่าตาขยิบ…

ผมหันกลับไปมองฝั่งตรงข้ามอีกที คราวนี้มิ้มไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิมแล้ว...ไม่ใช่ว่าเธอเปลี่ยนที่นั่งให้ไกลจากไอ้เอื้อแต่อย่างใด

เธอกำลังนั่งตักมันครับ…

ในหน้าหล่อเหลาของไอ้เอื้อซุกซบอยู่ที่ต้นคอเนียนสวยของมิ้ม จากมุมนี้ผมไม่เห็นว่ามันทำอะไร แต่ผมรู้ว่ามันไม่ได้แค่ซบเฉยๆ แน่นอน มิ้มหัวเราะคิกคักเหมือนชอบใจในบางครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าเคลิ้มๆ แล้วเปลี่ยนกลับกลายเป็นเขินอาย เป็นแบบนี้สลับกันไปหลายหนจนคนมองชินตา

มิ้มของผม…

“ตัดใจเหอะมึง ผู้หญิงที่ดีกว่านี้ในโลกยังมีอีกเยอะนะ” ไอ้กล้าตบไหล่ผมเบาๆ

“แต่กู…”
ผมหลงรักรอยยิ้มของมิ้มจากวันนั้นจนถึงวันนี้ รอยยิ้มที่ทั้งสดใส น่ารัก และบริสุทธิ์ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งผมจะได้พบว่ามิ้มไม่ได้เป็นแบบนั้น

มีคนเคยบอกว่าถ้าเราไม่ตั้งความหวังก็จะไม่ผิดหวัง

ครับ...ตอนนี้ผมกำลังผิดหวัง ผิดหวังความรัก

แต่นอกเหนือกจากนั้นคือผมเสียใจ…

ผมคงชอบมิ้มมากจริงๆ ในใจมันถึงได้ปวดขนาดนี้…

..
.
เที่ยงคืน 30 นาที

งานเลี้ยงทั้งหลายก็ต้องมีวันเลิกรา งานวันเกิดพี่บุ๊คก็เหมือนกัน แต่กว่าจะเลือกได้เจ้าภาพวันเกิดก็เมาหัวทิ่มลงไปกองที่พื้น เดือนร้อนให้เพื่อนต้องหามกลับหอ

“เดินดีๆ สิวะไอ้บุ๊ค” พี่มิวเพื่อนสนิทพี่บุ๊คบอก

“อย่ามาสั่งโผมม คูณอยากโดนสั่งซ่อมเหรอคร๊าบบบ”

“ไอ้นี่ เมาแล้วยังบ้าอำนาจนะมึง”

“ใครมาววว โผมเปล่านะค๊าบบบ อ๊ะไอ้มิวเอาเหล้ามาอีกกก”

ผมว่าอย่าไปสนใจมันเลยครับ

“อ๊ายพี่เอื้อคะ อย่าค่ะ”

ครับ มาสนใจบุคคลตรงหน้าผมดีกว่า

ไอ้เอื้อมันโดนมอมเหล้าซะเละเลยครับ กลิ่นมันนี่อย่างกับอาบตัวด้วยเหล้า ผมก็เพิ่งรู้ว่าไอ้นี่มันสนิทกับคนในคณะผม โดยเฉพาะพวกพี่บุ๊ค พี่สาม เวลาพี่เขานัดเลี้ยงอะไรมันก็จะไปหมดเลย เรียกว่าความสัมพันธ์โคตรแน่นแฟ้น พอถามว่าสนิทกันได้ไงก็ได้ความว่าไอ้เอื้อมันเคยไปเตะบอลกับพวกพี่ๆ เขาครับ

ไอ้เรื่องเล่นกีฬาผมขอบาย ถนัดดูมากกว่า

“ปูนมาช่วยเราหน่อยสิ” มิ้มส่งเสียงเรียกผมจากหน้าร้าน

“มึง ไปช่วยกูเอาไอ้ขี้เมานี่ไปไว้ที่รถที” ผมหันไปบอกไอ้โจมหลังจากที่เก็บซากไอ้ฟ้ากับไอ้กล้าเรียบร้อยแล้ว ไอ้สองคนนี้ก็เมาแม่งตลอดเลย ลำบากไอ้โจมต้องดูแลมันอีก

โจมพยักหน้ารับก่อนที่ผมและมันจะเดินเข้าไปหามิ้มที่จะทำได้เอื้อล้มมิล้มแหล่ ไอ้เอื้อมันตัวสูงมากครับ ผมว่าผมก็สูงนะยังอยู่แค่ปลายคางมัน มิ้มยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับ อยู่แค่อกไอ้เอื้อเอง

พรึบ!!

ผมโยนร่างมันลงกับเบาะด้านหลังของรถคันสวยแล้วหันไปขอบคุณไอ้โจม

“มึงไหวแน่นะ”

“ไหวน่า” ผมโบกมือส่งมันก่อนจะหันกลับมาหาไอ้เอื้อที่นอนอืด ควานมือหากุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงมัน แม่งงงง ทำไมไม่รู้จักให้กูไว้ตั้งแต่ยังไม่เมา

“อื้อออ มึงทำไรเนี่ย”

เชี่ย!! กูตกใจหมด

“หากุญแจเว้ย” ตอบไปพลางหาไปพลาง มึงจะใส่ฟิตอะไรนักหนาครับ ล้วงลำบากโคตร

“อยู่นี่เว้ยไอ้ควาย”

อ้าวๆ ด่ากูอีกนะมึง เดี๋ยวพี่ปูนซัดเปรี้ยง ต่อยคนเมานี่ผิดป่ะวะ

ไอ้เอื้อหยิบกุญแจจากกระเป๋าหลังแล้วยื่นให้กับผม

“เอาไป ส่งกูที่หอมิ้ม แล้วขับรถกูกลับไปเลย พรุ่งนี้มารับกูด้วย”

แม้แต่เมามันยังไม่วายชอบสั่ง

ผมรับกุญแจมากำแล้วปิดประตูใส่มันดังปัง! ก่อนจะขึ้นมาประจำตำแหน่งคนขับ มิ้มนั่งกับไอ้เอื้ออยู่ข้างหลังผมครับ คงไม่ต้องบอกนะว่าสองคนนั้นเขากำลังทำอะไรกันบ้าง

“พี่เอื้อไม่เอา ปูนอยู่นะ”

“อื้อออ”

“พะ พี่...อืม…”

ผมแอบเหลือบตามองกระจกหลัก เชี่ย! ตกใจแทบขับรถตกถนน นี่ผมกำลังดูหนังสดใช่มั้ย!

ไอ้เอื้อมันไล่จูบมิ้มจนร่างบางติดประตูอีกฝั่ง มือไม้มันก็ไม่อยู่เฉย ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างบอบบางน่าถนอม ฝ่ายหญิงทำได้เพียงส่งเสียงครางผะแผ่ว และมันก็ยิ่งเร่งอารมณ์ดิบเถื่อนของฝ่ายตรงข้าม

แม่งเอ้ย! จะเอากันในรถเลยหรือไงวะ

ผมเหยียดคันเร่งจนสุด บอกเลยว่าความรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเก่ม need for speed มากอ่ะ คือกูต้องแซงมันทุกคันและเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกให้ได้

เอี๊ยด!

แล้วรถคันสวยก็จอดลงหน้าหอมิ้มในเวลาไม่ถึงสิบนาทีจากร้านเหล้า

“ถึงแล้วมิ้ม ให้เราช่วยไปส่งมั้ย”

ผมกลั้นใจหันไปถาม ภาพตรงหน้าทำเอาหัวใจผมแทบหยุดเต้น ชุดที่มิ้มใส่ยับยู่ยี่ ใบหน้าสวยเม้มแน่นคล้ายกำลังสะกัดกลั้นอารมณ์อยู่ มือของไอ้เอื้อยังคาที่หน้าอกของมิ้มในขณะที่อีกมือสอดเข้าไปใต้กระโปรงของหญิงสาว  เสื้อเชิ้ตสีเข้มของมันถูกปลดกระดุมออกเกือบหมด ใบหน้าหล่อนั่นซุกอยู่ที่ลำคอสวยพร้อมดูดเม้มจนเกิดเสียง

แม่งเอ้ย! กูคงไม่ต้องช่วยแล้วล่ะ

ผมหาที่ดีๆ ขับรถไอ้เอื้อไปจอดไว้ไม่ลืมที่จะดับเครื่องแล้วแง้มกระจกให้มันด้วย ผมยังไม่อยากเห็นข่าวหน้าหนึ่งว่านักศึกษามอดังมีเซ็กกันในรถแล้วโดนรมควันตายหรอกนะ บอกามตรงเลยว่าตอนนี้ผมไม่คิดจะช่วยพามันขึ้นไปข้างบนเลย ดูก็รู้ว่ามันไม่อดทนถึงขนาดนั้นแน่

 “ขอให้มีความสุขนะ”

“อ๊ะ!”

ปัง!!

ลาก่อนมิ้ม

ลาก่อนคนที่ผมแอบชอบมานาน

ลาก่อนความรู้สึกที่ผมมีให้มิ้มตลอดมา

ลาก่อนความรักครั้งนี้ของผม...

=================================================
=========================================

ตอนนี้ห้ามโกรธพี่เอื้อน้าาา พี่เขาเมาค่ะ 55555
ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ อยากให้ติดตามกันต่อๆ ไปค่ะ
ขอบคุณคุณ Babelilong มากๆ ค่าาา ที่บอกเรื่องกฏเล้า อิอิ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.5 5.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-01-2017 22:29:07
 :เฮ้อ:

ปูนเอ้ยยย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.5 5.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 05-01-2017 23:19:37
 :ling3: ถ้าอีพี่เอื้อมันมาจีบ อย่าไปยอมให้มันจีบนะปูน ฮึ่ยหมั่นไส้อีพี่เอื้อว่ะ. #ทีมปูน.  :katai1: :fire: :m31:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.5 5.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 05-01-2017 23:37:43
ถ้าอีพี่เอื้อมาจีบ ปูนเชิ่ดใส่มันไปนะ. อย่าไปยอมมัน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.5 5.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-01-2017 01:17:25
ลาก่อนทั้งคู่
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.5 5.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-01-2017 09:06:20
ลาแม่งทั้งคู่นั่นแหละ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.5 5.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-01-2017 09:57:18
หืม ขนาดนี้เลยเหรอ
แรดทั้งคู่เลยนะนั่น
ถ้าพี่เอื้อคือพระเอกตัวจริง
ขอให้ปูนอย่ายอมง่ายๆนะ เชอะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.5 5.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 06-01-2017 12:06:44
ทำดีแล้ว ปูนเลิกชอบนังมิ้มแล้ว
มาสอยพี่เอื้อดีกว่า
 :katai5: :katai5:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.5 5.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 06-01-2017 12:17:23
เอาให้ดูกันต่อหน้าได้คงทำไปแล้วสินะ  :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.5 5.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-01-2017 12:46:05
เห็นด้วยกับคำพูดของโจมเลยค่ะ ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งถึงจะชื่นชมผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติ์ผู้หญิงแค่ไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการวางตัวของเราก็สำคัญ นี่อาจจะเป็นสิ่งที่บางคนใช้ตัดสินว่าควรจะให้เกียรติ์ผู้หญิงคนนี้หรือไม่ ซึ่งพฤติกรรมของมิ้มก็แสดงออกมาให้เห็นชัดเจนแล้ว เราว่านี่เป็นโชคดีของปูนนะ ที่ไอ้พี่เอื้อกับมิ้มลงเอยกันไปก่อน ปูนเลยได้เห็นอะไรแบบนี้ ดีกว่าเป็นแฟนกันแล้ว จะเลิกกันหรืออะไรก็คงลำบาก
ส่วนไอ้พี่เอื้อ ก็ปล่อยไปค่ะปูน อยู่ของเราดีๆ ดีกว่า แต่ถ้าที่ทำก่อนหน้านี้คือจีบปูนนี่น่าถีบมากนะที่มาทำอะไรแบบนี้ (แต่คิดว่าคงยังไม่ได้จีบ น่าจะเป็นนิสัยชอบอ่อยชอบหยอดส่วนตัวมากกว่า)
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.5 5.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 07-01-2017 00:21:01
บทที่ 6
เมื่อน้องปูนสารภาพ

ผมเดินไปเรื่อยอย่างไม่มีจุดหมาย ผมแค่ยังไม่อยากกลับหอตอนนี้ กลับไปก็คงนอนไม่หลับ ในหัวมีแต่ความว่างเปล่า

สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอหยิบมาดูผมก็กดรับ

“ว่าไงไอ้โจม”

[“มึงยังไม่ถึงหอเหรอ กูได้ยินเสียงรถวิ่ง”] แม่งฉลาดขนาดนี้คงกินเพ็ดดีดรีประจำ

“เออ ยังไม่อยากกลับหอว่ะ”

[“อยู่ไหน”]

ผมอ่านป้ายที่ใกล้ที่สุดให้ โจมมันก็บอกว่าให้ผมเดินตรงมาอีกสักพัก มันจะรออยู่หน้าทางเข้าหอ ผมอดแปลกใจไม่ได้ นี่ผมเดินมาไกลถึงหอโจมมันเลยเหรอวะ

“ไงมึง” หน้ามันยังคงสดชื่นแม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆ ตีสองแล้ว “เดินเล่นอะไนดึกป่านนี้วะ”

“มึงไปส่งไอ้พวกนั้นแล้วเหรอ”

“เปล่าหรอก มันนอนอยู่ที่ห้องกูนี่แหละ”

“งั้นกูนอนด้วยคนดิ นอนกับเพื่อนสนุกดี”

โจมจ้องผมสักพัก สายตาที่มองมาเหมือนกับกำลังสแกนหาความผิดปกติอะไรสักอย่าง ซึ่งผมมีเต็มๆ เลยครับ แล้วมันก็พยักหน้าก่อนจะพาผมขึ้นไปบนด้านบน หอของโจมกว้างมาก มีห้องนอนสองห้อง ห้องนั่นเล่นอีกห้องหนึ่ง ห้องที่มันอยู่สามารถอาศัยได้หลายคนเลย

“ว่าจะถามนานแล้ว ทำไมมึงต้องเช่าห้องใหญ่ขนาดนี้วะ”

โจมยังไม่ตอบในทันที มันเดินไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบกระป๋องเบียร์ออกมา เชี่ย ที่ร้านพี่เติมก็แดกมาขนาดนั้นแล้วยังมาแดกต่ออีกเหรอวะ

มึงจะไม่ใช่คนแล้ว

“มึงเอาป่ะ”

“เอา” ก็แหม มันเครียดๆ นี่ครับ อีกอย่างอย่าลืมนะว่าอยู่ที่ร้านผมดื่มแต่น้ำเปล่า

ผมรับเบียร์ที่มันส่งมาให้ โจมนั่งลงบนพื้นข้างๆ โซฟา อ้าว แล้วมึงไม่นั่งที่โซฟานุ่มๆ วะ เชี่ย กูเลยต้องนั่งพื้นกับมึงเลย

“ที่กูเช่าห้องนี้เพราะ…” มันเริ่มตอบคำถามผมพร้อมกับจิบเบียร์ไปด้วย กูลืมไปแล้วนะว่าถามอะไรไป กว่าจะตอบได้แม่งลีลาฉิบหาย รู้แล้วครับว่ามึงหล่อ ขนาดนั่งกินเบียร์ยังหล่ออ่ะ

แต่ขอย้ำครับว่าน้อยกว่าผม อิอิ

“บอกมาสักทีดิวะ” อยากรู้นะ บอกเลยเรื่องความอยากรู้อยากเห็นนี่ผมไม่แพ้ไอ้กล้าหรอก แต่แค่ไม่แสดงออกเฉยๆ

“เพราะกูรอเขาอยู่”

“ใคร?”

“ไม่ต้องรู้สักเรื่องก็ได้” โอเค เหมือนโดนด่าว่าเสือกกลายๆ “มึงนั่นแหละ ทำไมไม่กลับหอ”

“ไม่ต้องรู้สักเรื่องก็ได้”

“หึ...งั้นมึงกลับไปเลย”  กูขอโทษครับ ไม่เห็นต้องไล่กูเลย นี่กูปูนเพื่อนมึงนะเว้ย ลืมแล้วเหรอ

“กูล้อเล่น แค่ไม่อยากพูดถึง”

“เรื่องมิ้มกับพี่เอื้อ? ทำไม มันเอากันให้มึงเห็นเหรอ” ผมอมองมันอย่างประหลาดใจ นี่มึงอ่านความคิดกูออกใช่ป่ะบอกมาที กลัวแล้วนะเนี่ย “เดาง่ายจะตาย ขึ้นรถไปก็นัวเนียกัน”

“เออ ก็อะไรประมาณนั้น” ผมไหวไหล่

“แล้วมึง...ยังโอเค”

“โอเคเหี้ยไรล่ะ กูเจ็บอยู่นี่” รสชาติขมปร่าของเครื่องดื่มทำให้ผมขมวดคิ้ว “ต้องไห้กูร้องไห้ฟูมฟายเหรอ ไม่เอาหรอก น่าอายจะตาย”

“หึ...งั้นแสดงว่ามึงยังไม่รักเขาจริงๆ เพราะถ้ามึงรักเขา...ร้องไห้มันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย” โจมเหม่อมองไปไกลเหมือนตอนนี้มันไม่ได้อยู่กับผม “ที่มึงเจ็บแบบนี้เพราะมึงอาจจะผิดหวังก็ได้”

“กูจะผิดหวังอะไร”

“ไม่รู้ดิ มึงหวังอะไรไว้ล่ะ”

ผมหวังอะไร...หวังแค่อยากเห็นรอยยิ้มมิ้มต่อไปเรื่อยๆ อยากให้เธอยิ้มให้ผมคนเดียวตลอดไป แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้ว รอยยิ้มของมิ้มเป็นของคนอื่นไปแล้ว

“กูจะตัดใจ”

“หึ...นั่นแหละคือสิ่งที่มึงควรทำ” โจมยกเบียร์ขึ้นมาดื่มจนหมด มันกำกระป๋องแน่นจนบี้เข้าหากัน “มึงทำได้สบายอยู่แล้วปูน เพราะมึงยังไม่ได้รักเขา”

“...”

“ถ้ามึงเกิดรักใครสักคนขึ้นมา...แค่ห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงเขา...ยังยากเลยว่ะ”

ผมมองโจม แต่ก็ไม่อยาถามอะไร คนอย่างมันถ้าไม่พูดก็คือไม่พูด ต่อให้เค้นแทบตายมันก็ไม่บอกอะไรสักคำ ปัญหาของใครก็ของมันครับ แค่เรื่องของผมก็ปวดหัวจะแย่แล้ว

แต่ผมว่า...ผมโอเคขึ้นแล้วนะ ถูกของโจม ถึงผมจะชอบมิ้มแต่ก็ยังไม่ได้รักเธอเสียหน่อย เรื่องตัดใจแค่นี้ผมทำได้สบายอยู่แล้ว

ก็พี่ปูนเก่งเสียอย่าง

“มึงว่า...กูจะเกลียดไอ้เอื้อดีป่ะวะ” ว่าพลางถอนหายใจ ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกก้ำกึ่งนี้ยังไง ผมไม่อยากโกรธหรือเกลียดใคร แต่เอื้อก็ทำเกินไป

“มึงเกลียดเขาแล้วมึงจะสบายใจเหรอ”

“ก็...ไม่”

“แล้วมึงจะเกลียดเขาไปทำไม” มันยิ้มมุมปาก ถ้าสาวๆ เห็นคงกรี๊ดลั่น “เท่าที่กูรู้จักมึงนะปูน...ในใจมึงมีคำตอบแล้ว”

ผมมีอยู่แล้ว...มีอะไรล่ะ ในหัวผมมันว่างเปล่าขนาดนี้ “กูว่ากูไม่มีนะ”

“งั้นมึงคงต้องหาคำตอบเอาเอง” โจมลุกขึ้นยืน มันชูแขนทั้งสองข้างขึ้นแล้วบิดตัวไปมา มันมีซิกแพ็กด้วยครับเมื่อกี้ผมแอบเห็น “ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้เรียนบ่าย”

เออ รู้แล้ว ไม่ต้องย้ำหรอก

♣♣♣♣♣

ผมกลับจากห้องโจมประมาณสิบโมงกว่าๆ ไอ้กล้ากับไอ้ฟ้าก็เช่นกัน เมื่อคืนผมว่าจะเข้าไปนอนกับมันสองคนในห้องแต่ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมต้องเสียสละนอนโซฟาแทน พวกมันนอนกอดกันครับ โคตรฮาอ่ะ กอดกายกันเป็นก้อนเดียวเลย โจมมันแอบถ่ายรูปไว้ด้วย (มึงมันร้าย) มันบอกเอาไว้แบล็คเมล์ตอนจำเป็น

เมื่อกี้ผมเห็นเงาสะท้อนตัวเองในลิฟต์แล้วสะพรึงมาก คนอะไรหน้าโทรมได้ขนาดนั้น แม้ว่าหลังคุยกับโจมแล้วผมจะสบายใจจนนอนหลับได้ก็เถอะ แต่ตาก็โคตรคล้ำ แถมหน้ายังไม่สดชื่นอีก สาวๆ ครับ มีมาร์กหรือครีมบำรุงยี้ห้อไหนแนะนำผมหรือเปล่า ผมจะไปเหมามาเดี๋ยวนี้

อกหักแล้วก็ขอหล่อหน่อยเถอะ

ผมหยุดเดินพลางมองคนที่นั่งก้มหน้าข้างประตูห้องผมอย่างสงสัย มันใช่คนหรือเปล่าวะ แต่นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่แนวสยองขวัญ เพราะงั้นก็ตัดเรื่องที่มันเป็นผีทิ้งไปได้เลย

แล้วมึงเป็นใคร

พอได้ยินเสียงฝีเท้าของผมเดินเข้าไปใกล้มันก็เงยหน้าขึ้นมา

“...เอื้อ?” ไม่แน่ใจครับ เพราะหน้าอีกฝ่ายก็โทรมไม่แพ้ผม แต่ยังคงเห็นเคล้าโครงความหล่อชัดเจน แม่งไม่ยุดิธรรมอ่ะ

อีกฝ่ายขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้นยืน หน้ามันคล้ายคนปวดหนักที่ไม่ได้ถ่ายมาสามวัน มองผมอย่างกับจะเข้ามาหักคอแล้วจิ้มน้ำพริกกิน

กูไปทำอะไรให้มึงวะ ทำไมต้องมองโหดๆ แบบนี้ด้วย

“มึงมีอะไร” ผมถามออกมาเมื่อมันไม่พูดอะไรสักที เอาแต่จ้องผมอยู่ได้ จ้องไปกูก็ไม่ท้องหรอกนะ

“มึงไปไหนมา”

“เกี่ยวอะไรกับมึงอ่ะ” ผมเดินเลี่ยงมันแล้วหยิบกุญแจขึ้นมาไขห้อง แต่อีกฝ่ายคว้ามือผมเอาไว้ “อะไรของมึงเนี่ยเอื้อ”

“กูถามว่ามึงไปไหนมา ไม่ได้ยินหรือไงวะ!” มันขึ้นเสียงใส่ เฮ้ยยยย อะไรของมึง มาขึ้นเสียงใส่กูทำไม

“แล้วมึงมายุ่งอะไร เรื่องของกูมันเกี่ยวอะไรกับมึง”

“มันก็ไม่เกี่ยวกับกูหรอก แต่กูเป็นหะ…” แล้วมันก็เงียบไปไม่พูดต่อ “ช่างเหอะ”

“อะไร เป็นห่วงเหรอ มาเป็นห่วงกูทำไม ในเมื่อเมื่อคืนมึงทำกับกูถึงขนาดนั้น ถามจริงเถอะ มึงทำได้ไงวะเอื้อ มึงก็น่าจะรู้ป่ะว่ากูชอบมิ้ม ทำไมมึงถึงทำแบบนั้น”

“กูเมา”

หน้ามันโคตรกวนตีนอ่ะ ตอบหน้าตายมาก ‘กูเมา’ แหมอยากจะถามหน่อย พอมึงเมาแล้วจะไปเอากับใครที่ไหนก็ได้หรือไง อย่างนี้ถ้าพี่บุ๊คอยู่ใกล้มึงตอนนั้นก็คือมึงจะนัวเนียกับพี่มันเรอะ

ทำไมคิดแล้วกูอยากจะอ้วกวะ =_=

ผมคิดไปตั้งมากมาย แต่ที่พูดออกมามีเพียง

“เหรอ!”

“อีกอย่าง ไม่ว่ามึงจะเชื่อหรือเปล่า แต่กูไม่ได้มีอะไรกับมิ้มนะ”

“คิดว่ากูโง่เหรอครับ ถ้าอยู่ดูต่ออีกนิดเดียวมึงได้กันต่อหน้ากูแน่ ยังมาทำเป็นพูดว่าไม่ได้มีอะไรกันนะแม่ง มือมึงนี่ล้วงไปถึงไหนต่อไหน ต้องให้กูบรรยายให้ฟังมั้ยวะไอ้เชี่ย!”

เดือดครับ เดือดมากด้วย แดกหัวคนได้สบายๆ และคนแรกที่จะแดกก็หัวไอ้เชี่ยเอื้อนี่แหละ

“กูก็ไม่ได้โรคจิตขนาดนั้น” มันกวนตีนอีกแล้วครับ ผมว่ามันกำลังพยายามเบี่ยงประเด็นอยู่ “มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลยว่าไปไหนมา”

“ทำไมต้องตอบ” กวนตีนมากวนตีนกลับ ไม่โกง

“งั้นก็ตอบมาว่าเมื่อคืนมึงทิ้งรถกูไว้แบบนั้นแล้วมึงไปยังไงต่อ”

“ก็แล้วทำไมต้องตอบ”

“อย่ากวนตีนปูน” มันเรียกชื่อผมครั้งแรกเลย แถมเป็นเสียงดุๆ เหมือนที่คุณครูใช้กับนักเรียนที่กำลังดื้อด้วย แต่ผมไม่ใช่นักเรียนของมันสักหน่อย “มึงเดินกลับใช่มั้ย”

“ถ้าใช่แล้วจะทำไม”

อีกฝ่ายเหมือนพยายามสะกัดกลั้นอารมณ์โมโหเอาไว้ มันกำมือแล้วปล่อย สูดลมหายใจ แล้วผ่อนออก ฝีมือเรื่องกวนตีนผมไม่แพ้ใครครับ ตอนเด็กๆ เคยโดนต่อยด้วย (โธ่กู) โตขึ้นผมเลยสงบปากสงบคำขึ้นเยอะ จะกวนตีนก็จำเป็นจริงๆ

“มึงขัดคำสั่งกู ทำไมไม่เอารถกูกลับ”

ผมกระพริบตาปริบๆ ให้เอารถมันกลับอ่ะนะ จะบ้าเหรอ ผมว่าผมเลิกเถียงกับมันดีกว่า เสียเวลาจริงๆ แล้วนี่เมื่อไหร่ผมจะได้เข้าห้องวะ

“ปูน ถามอะไรก็ตอบหน่อยเถอะ ให้ความร่วมมือสักนิดจะตายมั้ย” มันหัวเสียแล้วครับ และด้วยความที่รำคาญอีกฝ่ายสุดๆ ผมเลยให้ความร่วมมืออย่างช่วยไม่ได้

อยากรู้ก็จะตอบให้หมดเลย

“ก็เดินกลับ ตอนแรกก็ว่าจะกลับหอ แต่มันไม่อยากอยู่คนเดียว ก็เลยไปค้างหอเพื่อนแล้วก็เพิ่งกลับมาห้องเพราะมีเรียนตอนบ่าย แล้วที่ไม่เอารถมึงไปก็เพราะมึงกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับแฟนมึงอยู่ไง” ผมตอบเร็วๆ แบบไม่อยากจะพูดถึง ก็ไม่อยากจริงๆ นั่นแหละ

“กูกับมิ้มไม่ได้เป็นแฟนกัน”

“มึงคิดว่ากูโง่เหรอ”

“เออ เรื่องนี้มึงก็โง่จริงๆ”

มันด่าผมมมม มันด่าผมว่าโง่มาสองครั้งแล้วนะ!

“กูไม่ได้โง่!”

“มึงโง่ แยกคำว่าคู่นอนกับแฟนไม่ออกหรือไง”

ผมสลัดมือที่เอื้อจับไว้ทิ้ง (นี่ผมปล่อยให้มันจับนานขนาดนี้เลยเหรอวะ) แล้วยกขึ้นกอดอก มองมันอย่างที่คิดว่ากวนตีนสุดๆ

“ไม่ออก เพราะยังไงมึงก็เอาทั้งคู่อยู่ดี แล้วมันแตกต่างตรงไหนมิทราบ”

“เอาเพราะใคร่กับเพราะรักมันก็ต่างกันแล้ว”

“งั้นมึงก็ไม่ได้รักมิ้ม แล้วมึงทำแบบเมื่อคืนทำไม” ผมผลักอกมันแรงๆ (แต่แทนที่มันจะกระเด็น มันกลับแค่ถอยหลังไปก้าวเดียว อะไรวะ! แรงผมน้อยขนาดนั้นเลยเหรอ) “ถ้าไม่รักก็เลิกกับมิ้มไปดิ ไม่สงสารมิ้มหรือไง”

“ถ้ากูเลิกแล้วมึงจะจีบเขาต่อเหรอ”

“ก็เออไง!”

ผมตอแหลครับ ผมไม่คิดจะจีบมิ้มแล้ว ไม่คิดเลยนับตั้งแต่เดินออกมาเมื่อคืน แต่ที่ตอบเพราะอยากกวนตีนมันเฉยๆ แค่อยากประชดมัน อยากทำให้มันหัวโกรธก็แค่นั้น อีกอย่างลึกๆ แล้วก็อดสงสารมิ้มไม่ได้ เธอควรจะเจอใครที่รักเธอจริง ไม่ใช่คนอย่างไอ้หน้าหล่อนี่

“เหรอ งั้นเสียใจว่ะ เพราะกู-ไม่-เลิก”

“มึงมันเหี้ย”

“กูก็ไม่เคยบอกว่ากูเป็นคนดี” เอื้อไหวไหล่ “แต่คนเหี้ยๆ อย่างกูก็ไม่เคยเอาเปรียบ กูตกลงกับมิ้มตั้งแต่ต้นแล้วว่าเราไม่ใช่แฟนกัน แล้วมิ้มก็โอเค”

เห็นหน้ามันแล้วอยากต่อยสักหมัดจริงๆ เออ มึงหล่อมาก มึงหล่อสุดๆ มึงมันหล่อเลือกได้ มึงมันหล่อจนจะสร้างเงื่อนไขอะไรก็ได้ ผู้หญิงเขายอมเป็นของมึงโดยที่ไม่ใช่แฟนได้ไงวะ พวกเธอคิดอะไรอยู่กันแน่ พี่ปูนไม่เข้าใจจริงๆ จะคบกันมันก็ต้องเป็นแฟนกันไปเลยดิ

“มึงกลับห้องไปได้แล้วไป ไม่มีเรียนหรือไง” ประโยคหลังผมบ่นเฉยๆ ไม่ต้องการคำตอบ แต่มันก็ตอบมา

“มี แต่เข้าไม่ทันแล้ว เพราะมาคอยมึง”

“แล้วมาคอยทำไม”

“ห่วงไง มึงกลับหอเองทั้งที่ดึกขนาดนั้น กูก็กลัวว่าจะเป็นอะไรไป เลยมาหาที่ห้องก็ไม่เจอ กูต้องนั่งรอมึงตั้งแต่กี่โมงรู้ป่ะ”

“กี่โมง” สาบานว่าผมไม่ได้อยากรู้ แต่ปากมันไวไปเท่านั้นเอง

“หกโมง” ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมง มันนั่งรอผมมาสี่ชั่วโมง ตอนหกโมงผมยังหลับสบายอยู่เลย

เอื้อเสมองไปทางอื่นไม่ได้มองหน้าผม รวมกับว่าสิ่งรอบตัวมันน่ามองกว่าหน้าหล่อๆ ของผมมากอย่างนั้น คำตอบและการกระทำของมันทำเอาผมรู้สึกแปลกๆ

“หมดห่วงก็กลับไปได้แล้ว” ผมไล่มันด้วยเสียงที่พยายามจะแข็งแรง แต่ทำไมเวลาพูดออกไปมันถึงได้เบาๆ ยังไงชอบกล

ทำไมพอได้ฟังที่มันบอกแล้วผมดันนึกหายโกรธมันขึ้นมาเฉยๆ เลยวะ ไม่ดิปูน มึงต้องโกรธมันดิ มึงต้องโกรธมัน!!

“ปูน”

“อะ อะไร” แล้วจะเสียงสั่นทำไมวะ

“กูไม่ได้มีอะไรกับมิ้มจริงๆ”

ผมมองสบตาอีกฝ่าย ต้องการจะหาความจริงใจจากคำพูดของมัน ซึ่งผมก็ได้รับมันทางสายตาของอีกฝ่ายอย่างเต็มเปี่ยม
“แล้ว...มาบอกกูทำไม”

“ไม่รู้ดิ...กูแค่ไม่อยากให้มึงเกลียดกูมั้ง”

พูดจบเอื้อก็หมุนตัวแล้วเดินไปทางลิฟต์ โดนไม่รอให้ผมตอบกลับอะไรออกไป ซึ่งผมก็ไม่มีวันบอกมันหรอกว่า ผมไม่คิดจะเกลียดมันเลย

..
.
ผมถึงมอตอนเที่ยงกว่าๆ แต่แทนที่ผมจะไปยังตึกเรียนซึ่งเพื่อนๆ กำลังรออยู่ ผมกลับเดินตรงไปที่คณะบริหารฯ แทน เป้าหมายคือใครบางคนที่ผมบอกว่าจะตัดใจเมื่อคืนนี้

ใช่แล้ว ผมมาหามิ้มครับ

ผมคิดว่าถ้าผมจะตัดใส่ ผมควรทำสิ่งที่ผมค้างคาใจมานาน และครั้งนี้มันก็ง่ายเสียเหลือเกิน ผมไม่มีความลังเลใจ ไม่มีความกังวลหรือตื่นเต้นอะไรอีกแล้ว

ผมเดินตรงไปหามิ้ม แล้วขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว มิ้มดูเขินอายเมื่อได้เจอผม ก็แน่นอนล่ะ เมื่อคืนเธอปล่อยเนื้อปล่อยตัวเสียขนาดนั้น

“มีอะไรเหรอปูน” มือบางถูกยกขึ้นเพื่อลูบบริเวณต้นคอ ผมเข้าใจว่าเธอคงอยากปิด แต่ยิ่งทำแบบนั้นมันก็เรียกความสนใจของคนให้มองมากขึ้น จากที่ไม่สังเกต ผมก็เห็นว่าต้นคอมิ้มมีรอยแดงเข้มประทับอยู่

“เรามีเรื่องจะบอก”

“อะไรเหรอ”

“เราชอบมิ้มนะ ชอบมานานแล้ว ตั้งแต่เราเจอกันครั้งแรก”

“จะ จริงเหรอ” มิ้มตาโต เธอทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อแต่สุดท้ายก็พูดออกมา “ขอบใจนะ แต่เรา…”

“เรารู้ มิ้มคงไม่ชอบเราหรอก ก็มิ้มมีเอื้อ” พูดแล้วก็เจ็บครับ แต่ถ้าไม่มีเอื้อ ผมก็คงไม่กล้าบอกความรู้สึกกับเธอแบบนี้ “เราไม่ได้หวังว่ามิ้มจะชอบเราหรอก ที่มาบอกเพราะเราไม่อยากให้มันค้างคา”

“ขอโทษนะปูน แต่เราเป็นเพื่อนกันได้นะ”

“ขอเวลาเราทำใจก่อนแล้วกัน” ผมไม่พร้อมจะเป็นเพื่อนกับมิ้มตอนนี้จริงๆ

“เราเข้าใจ” มิ้มพยักหน้า เธอขอตัวกลับเพราะจะเตรียมตัวไปเรียน แต่ก่อนจะแยกกัน ผมก็นึกขึ้นถึงอีกเรื่องนึงได้

“เอ้อมิ้ม ขอถามอีกอย่างสิ” เธอหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามกลับ  “คือมันอาจจะเสียมารยามหน่อยนะ แต่เมื่อคืนนี้มิ้มกับเอื้อได้...เอ่อ...คือ...นั่นแหละ...แล้วหรือยัง”

ใบหน้าสวยแดงซ่านไปถึงหู ตาโตๆ เบิกขึ้นอย่างคาดไม่ถึงว่าผมจะถามอะไรแบบนี้

“คือไม่ต้องตอบก็ได้นะ เราแค่…” ผมเกาแก้มตัวเองแก้เก้อ กูถามอะไรออกไปวะ ไม่น่าเลยยย ไม่น่าเอาสิ่งที่ไอ้บ้านั่นบอกมาคิดมากเลย

มิ้มจะมองผมยังไงเนี่ย!

และแล้วมิ้มก็ส่ายหน้า อะไร หมายความว่าไงวะ

“เปล่า...เรากับพี่เอื้อไม่ได้…”

“จริงเหรอ!”

“จริงๆ”

“เปล่าๆ เราไม่ได้หมายถึงมิ้ม”

ที่ผมถามเพราะผมไม่คิดว่าเอื้อมันจะพูดจริง คนอย่างมันอ่ะนะ เสือผู้หญิงที่ไอ้ฟ้าบอกทำไมถึงไม่ขย้ำเหยื่อที่อยู่ตรงหน้าวะ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ

ผมเดินกลับมาที่คณะ ด้วยความมึนๆ กับเรื่องที่ได้รับรู้เมื่อกี้ พอเจอพวกเพื่อนๆ ผมก็รีบเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟัง แต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่เอื้อมาหาเมื่อเช้า

“โธ่เพื่อนกู บอกชอบเขาได้ก็ต้องตัดใจแล้วเหรอวะ” ไอ้ฟ้าตบไหล่ผมดังปุๆ “แต่ดีแล้วมึง จะได้เปิดโอกาสให้คนใหม่ๆ สักที สาวๆ สวยๆ มีเยอะนะ หรือถ้ามึงหาไม่ได้จริงๆ กูจะไปบังคับให้ไอ้บอบเสียสละหนูนาให้ก็ได้”

ไม่ต้องก็ได้มึง กูโคตรเกรงใจเลย อย่าลืมนะว่าผมต้องประกวดเดือนคณะคู่กับมันอ่ะ แล้วคุณคิดว่าระหว่างที่เก็บตัวด้วยกันผมเห็นอะไรจากมันมาบ้าง

แค่คิดผมก็...บรึ๋ยย

“เนื่องในโอกาสที่มึงได้สารภาพรักและอกหักไปพร้อมๆ กัน กูว่าคืนนี้เราไปฉลองกันเหอะ” ไอ้กล้าว่า แต่เดี๋ยว มึงไม่สงสารตับกูก็สงสารตับตัวเองบ้างเหอะ เมื่อคืนก็แดกจนเมาอย่างหมา

“มึงเพิ่งกินไปเองนะ” ผมท้วง

“เขาเรียกว่าถอนไง” มันยักคิ้วจึกๆ “เอาน่า...คืนนี้กูดูแลมึงเอง”

ให้มึงดูแลนี่กูดูแลตัวเองก็ได้นะ

“มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอโจม” ไอ้กล้าหันไปถามคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อย่างเดียว “นี่เพื่อนมึงจะตัดใจแล้วนะ”

“ปูนบอกกูตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” โจมเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะก้มลงไปอีกครั้ง “แต่ไปถอนสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”

“เยส! นี่สิเพื่อนแท้” กล้ามันยิ้มกริ่มเลยครับ เห็นแล้วโคตรหมั่นไส้อ่ะ

“เอาวะ ไปก็ไป คืนนี้กูจะเมาให้เป็นหมาเลย”

ถือว่าเป็นการส่งท้ายคนเก่า ต้อนรับคนใหม่แล้วกัน

สาธุ ขอให้ความผิดหวังครั้งนี้นำพาคนดีๆ เข้ามาในชีวิตพี่ปูนด้วยเถิด

เพี้ยง!!!
=============================================
==================================

ตอนนี้เอาพี่เอื้อมาง้อนะคะ มีคะแนนความสงสารมั้ย
พี่เขามานั่งรอน้องตั้งนานเลยน้าาา  :katai2-1:

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  :pig4:

ปล. เราจะเปิดเทมอแล้วว แงงงงง

 :katai1:  :ling1: :ling2:

หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-01-2017 00:40:09
 :L2: :pig4:

อีพี่เอื้อมันไซ้ตั้งแต่ยังไม่เมาแล้ว วุ้ยยย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 07-01-2017 01:29:10
ชิชะ ไม่มีความน่าสงสารในการรอนานให้แกหรอกอีพี่เอื้อ :a14: :a14:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-01-2017 01:56:25
 :z6:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel_Custard ที่ 07-01-2017 03:04:04
พี่เอื้อชอบน้องปูนเหรอ?

ถ้าชอบแล้วทำแบบนี้ไม่ดีนะ

ระวังน้องปูนจะเกลียดเอา
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-01-2017 03:45:25
ชัดเจน พี่เอื้อชอบน้องปูนคนโง่เอ้ยคนซื่อ

อ้างถึง
“มึงว่า...กูจะเกลียดไอ้เอื้อดีป่ะวะ”
เจอประโยคนี้ไป เอ็นดูน้องปูนขึ้นโขเลย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-01-2017 09:27:02
ถ้าพี่เอื้อมันชอบน้องปูนจริง ตรรกะอะไรที่ทำให้พี่นัวเนียกับคนอื่นจนแทบจะขย่มกันต่อหน้าคนที่ชอบได้แบบนี้ :beat:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-01-2017 13:06:22
ยังไงดีน้องปูน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 07-01-2017 16:22:15
 :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 07-01-2017 17:00:03
บอกทำเพราะเมาถ้าเป็นแฟนกันเวลาเมาแฟนไม่อยู่ด้วยคงเอากับใครก็ได้เลยสินะไม่ไหวๆผู้ชายแบบนี้
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 07-01-2017 20:06:59
เดี๋ยว ๆ สรุปเอื้อมีไรกะมิ้มยังอ่ะ นัวขนาดนั้น บนรถก็แทบขย่มกัน ก่อนนี้เพื่อนมิ้มก็บอกว่าได้กันแล้วนะ  แต่บอกยังไม่มี งง

โกรธเอื้อ คืออ้างว่าเมา แต่นัวเนียขนาดนั้นต่อหน้า ไว้ใจไม่ได้ ถ้าเมาใครอยู่ใกล้ก็เลื้อยใช่ป่ะ เหตุผลทุเรศ ถ้าเอื้อชอบปูนแล้วนิสัยแบบนี้นะ ให้แห้วไปนาน ๆ นิสัย...
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 07-01-2017 23:20:06
 :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: sentpai ที่ 08-01-2017 05:27:13
#ทีมปูนครับ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-01-2017 08:39:19
ไม่ค่อยรู้สึกว่าพี่เอื้อได้คะแนนสงสารเท่าไหร่เลยนะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 08-01-2017 09:38:09
พระเอกเรื่องนี้ห่วยที่สุด เปลี่ยนพระเอกเถอะ ไม่เจอความประทับใจในตัวพระเอกเลยอีกหน่อยปูนก็จะโดนจีบเป็นแฟนกันง่ายๆล่ะมั้ง ขนาดเขาทำขนาดนี้ยังไม่เป็นอะไร ไม่เมคเซ้นโคตร
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.6 7.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 09-01-2017 16:05:45
บทที่ 7
เมื่อน้องปูนหนีเที่ยว


ทุกคนครับ ขอต้องรับเข้าสู่บ้านของผมเองงง เยสสส ในที่สุดผมก็ได้กลับบ้านเสียทีหลังจากที่ไม่ได้กลับมาเนิ่นนาน จริงๆ แล้วผมเป็นเด็กติดบ้านมากครับ ถ้าว่างจะกลับตลอด แต่พักหลังนี่ว่างทีไรต้องลงแปลงทุกที เสาร์อาทิตย์ไม่ได้หยุดหรอกครับ น่าสงสารจริงๆ

“ตาจ๋า ยายจ๋า!!” ผมตะโกนลั่นไร่ อ่า กลับมาทีไรมันสุขใจ เหมือนว่าเราได้มาอยู่ในที่ของเราจริงๆ ดูตรงนั้นสิ ยายเอากุหลาบสีเหลืองกับส้มมาปลูกตามที่ผมขอด้วย รักยายจัง

ระหว่างที่ผมกำลังเดินหิ้วข้าวของเข้าไร่อยู่นั้น ร่างที่คุ้นเคยก็วิ่งเข้ามาในกรอบสายตา พร้อมกับเสียงเรียกที่ดังไปทั่วไรไม่แพ้เสียงผมของเมื่อครู่

“ลุงคณิตของปูน”

อ๊ากกก คิดถึงชะมัดเลย

ขอแนะนำอีกคนให้คุณรู้จักครับ นี่คือลุงผมเอง ลุงคณิตเป็นเพื่อนรักของพ่อครับ ตั้งแต่พ่อกับแม่ไม่อยู่ลุงคณิตก็คอยมาดูแลตากับยายให้ตลอด อีกทั้งยังช่วยตากับยายเลี้ยงผมด้วย เห็นกันมาตั้งแต่เล็กๆ เลย ลุงหล่อยังไงก็หล่อแบบนั้นไม่เปลี่ยน ขอโฆษณาสาวๆ หน่อบครับ ลุงคณิตของผมหล่อมาก ลุงเพิ่งจะสามสิบกว่าๆ เองนะ สาวแก่แม่ม้ายติดแกตรึม แต่ลุงไม่เหลียวแลใครสักที

ต้องบอกไว้ก่อนว่าพ่อกับแม่ผมนั้นพวกเขามีผมกันเร็วมาก แม่มีผมตั้งแต่อายุสิบเจ็ด แบบว่าเจอพ่อครั้งแรกก็ปิ๊งกันแล้วก็อยู่ด้วยกันเลยตามประสาคนบ้านนอกน่ะครับ ยายเคยเล่าให้ฟังว่าตานี่โกรธควันออกหูเลยล่ะ แต่เพราะแม่มีผมให้ตาได้อุ้มตาเลยยอมให้แม่กับพ่ออยู่ด้วยกัน

ตารักผมมาก บอกว่าแค่เห็นครั้งแรกก็ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

“ไม่ได้เจอกันแปบเดียวผอมลงอีกแล้วนะ” ลุงคณิตตบไหล่ผมดังผลัก! เจ็บครับ ไหล่แทบทรุดแต่ต้องกัดฟันเอาไว้ (โอ๊ยยยย) ก่อนที่ลุงจะช่วยผมถือกระเป๋าเข้าไปในบ้าน

“ลุงมาดูน้องสมใจเหรอ”

“เออ น้าเพิ่มบอกมันเกเรอีกแล้ว” น้าเพิ่มของลุงคณิตก็คือตาของผมเอง อ้อ สมใจคือม้าประจำไร่ครับมันแก่แล้วครับ โรคภัยก็อาจจะรุมเร้ามันได้ ส่วนลุงคณิตแกเป็นสัตวแพทย์ประจำหมู่บ้านที่มีแต่ไร่แห่งนี้ “แต่มันไม่เป็นอะไรมาก แค่อาหารไม่ย่อยเฉยๆ”

“อ๋อออ นึกว่ามาตัวเก่งของตาจะเป็นอะไรไปซะอีก”

“บร๊ะ ไอ้หลานคนนี้ มาถึงก็แช่งม้าข้าเชียวเหรอวะ”

“ตา” ผมรีบวิ่งเข้าไปหาตาเลยครับ คิดถึงสุดๆ นี่ก็ไม่ได้กลับบ้านมาตั้งแต่สอบกลางภาคเลย เดือนนึงได้แล้วอ่ะ

“หลานกูผอมลงอีกแล้ว” ผมฟังคำนี้มาสองรอบแล้วนะในวันนี้ หรือผมจะผอมลงจริงๆ อ่า ทั้งสอบ ทั้งงาน แล้วไหนจะเรื่องมิ้มอีก มันทำให้ผมกินอะไรไม่ค่อยลงเลย ยกเว้นแอลกอฮอล์

“อาหารที่มอไม่ค่อยอร่อยเลยตา คิดถึงอาหารฝีมือยายมากๆ” ผมได้มีอ้อนเลยครับ แต่ลืมไปว่าอ้อนผิดคน เพราะ…

“ไอ้นี่ อย่ามาปากหวานใส่เมียกู!”

ครับ ตาชอบเป็นแบบนี้แหละ

“ฮะๆ อ้อนผิดคนแล้วปูน มาอ้อนลุงนี่เดี๋ยวลุงพากิน”

“จริงนะ”

“ไม่จริง”

“ง่ะ”

สงสัยหน้ายู่ๆ ของผมจะตลกมาก เลยเรียกเสียงหัวเราะจากทั้งตาทั้งลุงได้มากทีเดียว

“หลานยายกลับมาแล้ว”

ไม่ง้อก็ได้ครับ ผมมีพวกแล้ว อิอิอิ

“ยายจ๋าของน้องปูน”

“ไอ้นี่มันวอนหาเรื่องจริงๆ เกาะแกะเมียกูอีกแล้ว” อย่าสนใจเลยคนหวงเมียครับ เพราะเมียตาก็คือยายผมเอง เพราะงั้นผมจะอ้อนๆๆๆ ให้คุ้มกับที่คิดถึงมานาน

“ผอมลงหรือเปล่าลูก”

โอเค ผมจะเพิ่มน้ำหนักเดี๋ยวนี้แหละ

“ก็คิดถึงยายเลยกินอะไรไม่ลงเลย”

“ปากหวานจริงๆ หลานคนนี้” ยายบีบแก้มผมแล้วส่ายไปมา “เอาของขึ้นไปเก็บบนบ้านนะลูก เดี๋ยวเย็นนี้ยายทำของโปรดให้กิน พ่อคณิตก็อยู่กินด้วยกันนะ”

“แน่นอนครับ ไอ้แสบของผมมาทั้งทีก็ต้องอยู่คุยกันนานๆ หน่อย” ลุงคณิตส่งยิ้มใจดีมาให้

ผมขึ้นไปเก็บกระเป๋าบนบ้าน พอเข้ามาในห้องได้ก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหน้านุ่มทันที อ่า ห้องผมไม่มีฝุ่นเลยครับ ขนาดไม่ได้บอกก่อนนะว่าจะกลับบ้าน ยายคงให้คนทำความสะอาดไว้ตลอด

การได้กลับบ้านนี่มันดีจริงๆ เมื่อไหร่ผมจะเรียนจบนะ จะได้กลับมาอยู่ที่นี่อย่างถาวร (ได้ข่าวว่าเพิ่งปีหนึ่ง) ผมโคตรจะเบื่อความวุ่นวายของเมืองใหญ่เลย

..
.
เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็บ่ายกว่าๆ แล้ว พอลงไปทานข้าวเที่ยงลุงคณิตก็ชวนออกไปเที่ยวด้วยกัน

“วันนี้ลุงไม่มีงานเหรอ”

“จะแวะไปดูน้องหมาที่ปาริโอ เขาโทร.มาบอกว่ามันไม่ค่อยสบาย”

“โอ้โห คุณหมอดีเด่นป่ะเนี่ยใครมาตามก็ไปรักษาให้เขาตลอดเลย” ลุงคณิตเพิ่งแค่ยิ้มตอบมา

“คนเราถ้าได้ทำอะไรที่ชอบก็มีความสุขแหละ”  หล่อมากครับลุง สมแล้วที่เป็นหมอดีเด่นของบ้านเรา “ปูนไปกันลุงด้วยสิ ไปเที่ยวเล่นกัน”

“รอคำนี้อยู่เลยครับ”

ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ เราก็ถึงที่หมายกันแล้ว วันนี้ที่ปาริโอ้ก็มีนักท่องเที่ยวเยอะอย่างเคย คงเพราะเป็นวันเสาร์ด้วยแหละ

ลุงคณิตแยกไปปฏิบัติหน้าที่ ส่วนผมก็ขอเดินเที่ยวที่นี่เสียหน่อย แล้วเราค่อยมาเจอกันเมื่อลุงโทร.ตามตัว ถึงจะอยู่จังหวัดนี้ก็ไม่ได้มาเที่ยวบ่อยครับ เคยมาแค่สองสามครั้งเท่านั้นเอง ไม่ไหวกับราคาและอากาศที่ร้อนบรรลัย แล้วที่เดินเที่ยวนี่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรหรอก แค่อยากเดินดูอะไรๆ ให้มันเจริญหูเจริญตา

อย่างเช่น...สาวสวยที่ยืนกินไอศกรีมอยู่ตรงน้ำพุนั่น

เด็ดสุดไรสุดเลย!

“เห้ยๆ มึงดูผู้หญิงที่กินไอติมตรงนั้นดิวะ อย่างแจ่ม!”

อ้าว มีคนมองเหมือนผมด้วยครับ

“จริงว่ะ เชี่ย...นี่คนหรือนางฟ้าวะ” เสียงสองดังตามมาติดๆ “ไอ้เอื้อมึงดูๆๆ”

หือ? เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เขาเรียกคนชื่อเอื้อใช่ป่ะ แต่คงไม่ใช่เอื้อเดียวกับไอ้เชี่ยเอื้อหรอก ชื่อมันก็ไม่ได้มีความแปลกถึงขนาดที่ไม่มีคนตั้งตาม

“หึ เฉยๆ ว่ะ”

เชี่ย! เสียงแบบนี้ชัดเลย!

เชี่ยเอื้อจริงๆ ครับ!

“แหมๆๆ ใครมันจะไปสู้น้องเกรซของมึงได้ครับ ทั้งเผ็ด ทั้งแซ่บเลย”

เกรซ?

“กูเลิกแล้ว”

“เออว่ะ ล่าสุดก็ต้องน้องมิ้มใช่ป่ะวะ”

โอยยยย นี่ขนาดกูหนีกลับบ้านแล้วยังต้องเจอเรื่องของสองคนนี้อีกเหรอวะ ถึงแม้ว่ามันจะผ่านไปหลายวันแล้วเถอะ พอๆๆๆ ผมไม่อยู่ตรงนี้มันล่ะ ถึงผู้หญิงที่กินไอศกรีมนั่นจะสวยขนาดไหนแต่ให้ทนฟังเสียงไอ้เอื้ออีกแค่ประโยคเดียวผมก็ไม่อยากจะทนแล้วครับ!

ผมเดินออกมาโดยไม่แม้แต่หันไปมองมันเลย และก็ขอให้มันมองไม่เห็นของด้วย ไม่อยากจะเห็นหน้ามันสักนิดเลยครับ

หมับ!

“ปูน?”

ผมน่าจะรู้นะว่าถ้าเป็นเรื่องไอ้เอื้อทีไรพระเจ้าไม่เคยจะเข้าข้างผมหรอก

“ปูน?”

ผมค่อยๆ หันไปหามัน สีหน้ามันมีแววประหลาดใจที่เห็นผม ผิดกับหน้าผมที่คงแสดงออกว่าโคตรเซ็งที่เจอมันวันนี้

กูอุตส่าห์ข้ามจังหวัดมาแล้วยังเจอมึงอีกกก

“เออกูเอง”

“มึง...มาเที่ยว?”

“เออ นั่นแหละมาเที่ยว” ผมตอบปัดๆ แกะมือใหญ่ของมันออกจากไหล่ผม “บังเอิญจังเนาะ แต่กูขอตัวก่อนแล้วกัน”

“เดี๋ยว

“อะไรอ่ะ” ผมตอบรับไปแบบเซ็งๆ มีใรเข้าใจมั้ยว่าผมไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้ ไม่เลยสักนิด ถ้าเทเลพอตหายไปตอนนี้ได้จะทำเลย

“มึงหลบหน้ากูทำไม”

“อะไร๊ ใครหลบ บ้าป่าวกูจะไปทำอย่างนั้นทำไม” เสียงกูไม่สูงเกินไปใช่ป่ะวะ มันไม่มีพิรุธอะไรเลยใช่มะ พี่ปูนแสดงได้แนบเนียนใช่ป่ะครับ

เอื้อกอดอกแล้วเลิกคิ้ว วันนี้มันแต่งตัวเสียหล่อเลยครับขนาดเสื้อโปโลสีขาว กางเกงยีนส์เท่านั้นนะ แล้วดูสภาพผม...เสื้อยืดกางเกงขาสั้น อย่างกับเด็กกะโปโล นี่ยืนด้วยกันเหมือนเจ้านายกับคนใช้เลยอ่ะ อนาจจริงๆ กู ทำไมถึงกล้ามายืนเทียบรัศมีหับเดือนมหา’ลัยได้วะ อยากจะมุดลงดินมันตรงนี้เลยจริงๆ

“แต่การที่มึงเดินหนีทุกครั้งที่เจอกู ไม่สบตา ทำเมิน แถวบ้านกูเรียกว่าหลบหน้าว่ะ”

“กูทำแบบนั้นเหรอ ไม่เห็นรู้ตัวเลย” ผมทำครับ ตั้งใจด้วย ทำมันทุกอย่างนั่นแหละ ก็ผมไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับมันนี่ แล้วโลกเรานี่ก็แปลกนะ เวลาเราไม่อยากจะเจอใครก็จะทำให้เราไปอยู่ใกล้ๆ เขาตลอด วันๆ หนึ่งผมเจอเอื้ออย่างต่ำสองครั้งอ่ะคิดดู

“มึงทำไปทำไม”

“ก็พอใจ”

“แต่กูไม่พอใจ”

“นั่นมันก็เรื่องของมึง” อยากจะตบปากตัวเองให้แตก เรื่องปากไวนี่แก้ไม่หายเลยจริงๆ พี่ปูนผิดไปแล้วครับ ไม่ได้ต้องการจะทำให้ท่านเอื้อโกรธกริ้วแต่อย่างใด มิต้องทำหน้ายักษ์ขนาดนั้นก็ได้

“ปูน” มันเรียกผมด้วยเสียงเข้มๆ ไม่ชอบเลยอ่ะ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะ แค่ทำทุกอย่างที่มันบอกมาเท่านั้นเอง คิดว่าคนอย่างผมจะกลัวเหรอ ผมเนี่ยนะจะกลัวมัน เหอะ คนอย่างผมน่ะ...

“เออๆ ขอโทษก็ได้” ไม่ได้กลัวครับ เขาเรียกว่าใช้ไม้อ่อนเข้าต่อกร

เอื้อมันดูพอใจกับคำตอบของผมนะ อย่างน้อยก็ไม่ทำหน้ายักษ์แล้วด้วย “ต่อไปจะไม่ทำอีก ไม่หลบหน้า และจะยิ้มตอบด้วย”

“เรื่องอะไรอ่ะ” ผมเม้มปากอย่างขัดใจ ทำไมผมต้องทำอะไรอย่างที่มันขอด้วยวะ ผมไม่ใช่ลูกน้องมันนะเว้ย แค่นี้ผมก็…

“พูด!”

“เออ! ไม่ทำอีกแล้ว จะยิ้มให้ด้วย” ไอ้คนนิสัยไม่ดี ไอ้ขี้บังคับ ไอ้บ้าอำนาจ!!!

“ดี...อย่างนี้ค่อยว่าง่ายหน่อย” ไม่ต้องมาลูบหัวกูไม่ใช่หมาา!!!

“เอ่อไอ้เอื้อ...มึงจะไม่แนะนำเพื่อนให้กูรู้จักหน่อยเหรอ”

ระหว่างที่สถานการณ์ในฝ่ายผมกำลังเป็นรอง สิ่งมีชีวิตที่มากับไอ้เอื้อก็เอ่ยถามขึ้น (ดูมันใช้คำ =_=) มันหันไปมองเพื่อนมันก่อนจะแนะนำผมสั้นๆ อย่างกระชับ ได้ใจความว่า

“นี่ไอ้ปูน เด็กเกษตรปีหนึ่ง น้องรหัสไอ้สามกับพี่บุ๊ค”

“...”

“แค่นี้?” เพื่อนคนเดิมถาม

“ก็แค่นี้จะเอาอะไรเยอะแยะ”

“แม่ง...พี่ชื่อเดียวนะครับน้องปูน” ผู้ชายที่สูงที่สุดในกลุ่มแนะนำตัวเองกับผมด้วยรอยยิ้ม พี่เขามีลักยิ้มด้วยครับ โคตรมีเสน่ห์เลย

“พี่ชื่อฟิ้งนะครับ” คนอะไรวะชื่อโคตรแปลกเลย

พี่ฟิ้งเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดเลยครับ เทียบกับพี่เดียวกับไอ้เอื้อไม่ได้เลยอ่ะ ความสูงพี่แกอยู่ในระดับต่ำมาก สูงน้อยกว่าผมอีก (ผมร้อยเจ็ดสิบแปด ไอ้เอื้อน่าจะร้อยแปดสิบกว่าๆ ส่วนพี่ฟิ้งคงอยู่ที่ร้อยเจ็ดสิบต้นๆ) ตัวน่าจะพอๆ กับไอ้ฟ้า

“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้พี่ทั้งสองตามมารยาทอันดีงามโดยจงใจละเว้นไอ้เอื้อไว้ กับมันไม่เหลือความเคารพใดๆ เลยครับ

“ไอ้เอื้อกูเจ็บ” แม่งมันผลักหัวผมด้วยอ่ะ ไอ้ป่าเถื่อนเอ้ย! นี่กูชักสงสัยว่ามึงจะเป็นเภสัชกรที่ดีได้ไงเนี่ย

“ทีกับกูไม่พูดเพราะอย่างนี้วะ” ก็นั่นมันเพราะเป็นมึงไง

ผมส่งค้อนวงใหญ่ไปให้มันเลยครับ ทำอะไรไม่ได้ก็ขอด่าทางสายตาแม่งเลย เอ๊ะ หรือจะแช่งมันดี ผมยิ่งวาจาศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย

“ว่าแต่น้องปูนมากับใครเหรอ”

“มากับลุงครับ แต่แยกกันเดิน”

“งั้นไปเดินกับพวกพี่มั้ย” พี่ฟิ้งส่งยิ้มเจิดจ้าให้ผมครับ! พี่แกน่าตาน่ารักอย่างกับผู้หญิงเลย ไอ้ผมก็เกือบเคลิ้มแล้วเนี่ย

“ผมว่า…”

“ไปดิ” ผมกำลังจะบอกปัดไปอยู่แล้วเชียว แต่ไอ้เชี่ยเอื้อกลับคว้าคอผมไปกอดไว้แล้วลากให้เดินไปด้วยกันเฉย!

“ไอ้เชี่ยปล่อย กูไม่ปายยย”

“มึงเคยมาที่นี่ป่ะวะ” มันไม่สนใจสิ่งที่ผมกำลังพูดเลยครับ กลับเปลี่ยนเรื่องแล้วถามกลับหน้าตาเฉย นี่มึงอารมณ์ดีแล้วสินะ บังคับกูได้นี่อารมณ์ดีเลยใช่ป่ะ ไอ้เผด็จการเอ้ย!

“ก็เคยมาสองสามครั้ง” แล้วจะไปตอบมันเพื่อ?

“ดีเลยกูเพิ่งเคยมาครั้งแรก พากูเที่ยวนี่คือคำสั่ง”

“มึงสั่งแล้วกูต้องทำตาม? ไม่เอากูจะไปหาลุง” ผมพยายามที่จะยกแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของมันออกจากคอ แต่นี่แขนหรือท่อนซุงวะ ทำไมมันหนักอย่างนี้!
“มาเป็นหลานแหง่อะไรตอนนี้” เดี๋ยวๆ กูไม่เคยได้ยินนะ

“ไม่ได้เป็นสักหน่อย”
 
“มึงนี่ก็เถียงเก่งเหมือนกันนะ”

ไอ้เอื้อก้มหน้าลงมามองผมด้วยสายตาเอือมๆ ผมเนี่ยนะเถียงเก่ง ปกติผมจะเป็นคนไม่ค่อยพูดสังเกตได้จากตอนงานเลี้ยงวันเกิดพี่บุ๊คครับ ถ้าไม่มีไอ้กล้ากับพี่สามคอยชวนคุยผมก็แทบเป็นใบ้เลย

แต่อยู่กับมันผมรู้สึกว่าสรรหาคำมาพูดโต้ตอบ (เถียง) ได้เรื่อยๆ

“เออ เรื่องของกูเถอะ”

“หึๆ”

แม่งเกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้ว่ะ

“ปล่อยกูได้แล้ว กูเดินเองได้” พอผมบอกไปแบบนั้นไอ้เอื้อมันก็ยิ่งกระชับมือเข้ามาอีก มันกำลังกวนตีนผมแน่ๆ “ไอ้เอื้อ!”

โอ๊ย อะไรมือมึงจะเหนียวประหนึ่งเป็นตุ๊กแกกลับชาติมาเกิดครับ ดูดิ ผมก็อุตส่าห์ทำหน้าดุๆ ไม่มีหรอกที่จะปล่อย

“ไม่ปล่อย” มันก้มหน้ามาใกล้ ออกไปห่างๆ เว้ยกูร้อน! “ปล่อยไปเกิดมึงหายไปทำไงอ่ะ ไม่มีสายจูงด้วย”

“กูไม่ใช่หมาเว้ย!!”

“กูหมายถึงควาย”

ได้เชี่ยเอื้อออออ อย่าอยู่เลยมึงงงงงงงงงงง!
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.7 9.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-01-2017 17:46:51
หลงหรือยัง
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.7 9.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 09-01-2017 18:53:23
ไม่เชียร์เอื้อค่ะ ไม่ชอบคนไม่ชัดเจน เบื่ออออ ส่วนปูน สรุปชอบมิ้มจริงปะเนี่ยย ตอนนั้นเค้าแทบจะเอากันแล้วลูกกก ทำไมต้องไปฟังไอคำพูดของไอพี่เอื้อมันด้วยยย ไม่เข้าใจจจ  :katai1: :katai1:  /อินแรงง 5555
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.7 9.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 09-01-2017 18:58:13
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.7 9.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 09-01-2017 19:09:10
อยากได้ความชัดเจนจากพี่เอื้อมากกว่านี้อะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.7 9.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-01-2017 19:11:26
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.7 9.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 09-01-2017 19:28:45
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.7 9.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-01-2017 19:29:56
แผนป่ะเนี่ยพี่เอื้อ อิอิ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.7 9.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-01-2017 20:41:03
เกรซ ก็เลิกแล้ว
มิ้ม ก็เลิกแล้ว
แล้วเมื่อไหร่พี่เอื้อจะเลิกทำตัวไม่ชัดเจนซะที

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.7 9.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-01-2017 20:59:05
พี่เอื้อนี่ยังไงกับน้องปูนครับ จะทำอะไรยังไงกับน้องก็บอกน้องไปหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.7 9.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 10-01-2017 18:48:43
อร้ายย สนุกอะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.7 9.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 12-01-2017 13:04:36
บทที่ 8
เมื่อน้องปูนหกล้ม


สุดท้ายผมก็โดนมันลากไปด้วยกันจนได้ครับ โอ๊ยพี่ปูนล่ะปวดหัวกับตัวเอง ทำไมผมไม่เคยชนะอะไรเอื้อมันเลยอ่ะ อะไรก็เหมือนจะแพ้ทางมันตลอดเลย แค่มันทำหน้าดุๆ เสียงเข้มๆ ผมก็ยอมมันหมดแล้ว พี่ปูนไม่เข้าจายยยยยยย

แต่การมาเดินเที่ยว (แบบไม่เต็มใจ) กับมันก็ทำให้ผมรู้ว่า...เอื้อมันเป็นผู้ชายประหลาด...สิ่งที่มันชอบแต่ละอย่างแม่งก็ประหลาดๆ ทั้งนั้น ไม่เข้ากับหน้าหล่อๆ ของมึงเลยสักนิด!

“มึงจะซื้อจริงเหรอไอ้เอื้อ”

“เออดิ ออกจะน่ารัก”

“ตรงไหนวะ”

“ก็ตรงที่มันมีเสียงไง”

แอบบบ แอบบบ แอบบบบบบ

ไอ้เอื้อมันลูบไม้ท่อนเล็กๆ ไปตามตัวของกบไม้พลางทำหน้าเคลิ้มๆ ไปด้วย

“เสียงแม่งเพราะว่ะ”

ตรงไหนเนี่ย!!

แล้วไม่ว่าใครจะพูดอะไร มันก็ซื้อมาอยู่ในครอบครองเป็นที่เรียบร้อบแล้วครับ

“นี่มึงหมดเงินไปกับอะไรแบบนี้เท่าไหร่แล้วเนี่ย”

“แคร์ทำไม บ้านกูรวยมาก” ผมอดจะเบ้ปากไม่ได้จริงๆ เชื่อเถอะ พี่ปูนพยายามที่จะไม่หมั่นไส้มันแล้ว เชิญมึงดูของต่อไปอย่างมีความสุขเถอะครับ

“รวยมากทำไมไม่ไปเที่ยวต่างประเทศอะไรแบบนี้อ่ะ มาเที่ยวที่นี่ทำไม”

“จังหวัดนี้เป็นของมึงเหรอ” มันมองผมกวนๆ “อีกอย่างมึงไม่คิดหรือไงว่าที่เราเจอกันอาจจะเป็นพรหมลิขิต”

“ไม่!” อย่างผมกับมันก็ต้องกรรมลิขิตเท่านั้นแหละ!

“ได้ไกด์พาเที่ยวแล้วลืมพวกกูเลยนะไอ้เอื้อ”

ถ้าเปรียบพี่ฟิ้งเหมือนไอ้ฟ้า (ชื่อแม่งคล้ายกันจังวะ) พี่เดียวก็คงเปรียบเป็นไอ้กล้านั่นแหละครับ อะไรคือการที่พี่มันแซะไอ้เอื้อกับผมได้ทุกเวลาทุกนาที

“ก็พวกมึงมันไม่ได้เรื่อง แค่บอกทางให้กูยังหลงเลย” ไอ้เอื้อตอบทั้งที่ดวงตาคู่สวยของมันก็กำลังมองสอดส่องหาของแปลกๆ ต่อไป “ไอ้ตัวนี้น่ารักดีวะ”

ผมมองตามนิ้มเรียวยาวที่ชี้ไปยังตุ๊กตาไม้ตัวหนึ่ง มันคล้ายๆ พีนอคคีโอ้เลยครับแต่หัวมันกลมๆ แล้ววาดเครื่องหน้าเอา น่ารักดี ตัวเล็กเท่าฝ่ามือนี่เอง

“มีเป็นครอบครัวเลย”  จากการที่เดินกับมันมานะ ผมว่าไอ้เอื้อนอกจากจะชอบของแปลกๆ แล้ว มันยังชอบของเก่า และของทำมืออีกด้วย

“มึงดูหน้าพ่อดิ แม่งอย่างฮาอ่ะ” ผมชี้หน้าหุ่นไม้ตัวที่สูงที่สุด มีหนวดและอ้าปากกว้าง

“เออ หน้าเหมือนมึงเลย” อ้าวไอ้เชี่ยนี่ จะบอกว่าหน้ากูตลกเหรอ

นิ้วใหญ่ๆ ของมันจิ้มไปที่ตุ๊กตา ดวงตาสวยเป็นประกายระยิบระยับเมื่อเจอสิ่งของที่เจ้าตัวถูกใจ ดูมันจะชอบตุ๊กตาไม้เซ็ตนี้เอามาก

“พี่ครับ เอาเซ็ตนี้”

หือ นี่มึงจะซื้อแบบไม่คิดเลยเหรอ

ผมกำลังเอ่ยปากจะถามมันอยู่แล้ว แต่ถึงได้ว่า ‘มันรวยมากกก’ งั้นมึงก็ซื้อไปเหอะ ซื้อให้เงินมึงหมดกระเป๋าไปเลย

“ไปไหนต่อดี” มันหันไปถามเพื่อนอีกสองคน

ผมโคตรสงสารพี่ฟิ้งกับพี่เดียวเลย พี่เขาสองคนเดินตามความต้องการของไอ้เอื้อตลอดเลยครับ แดดก็ร้อน ของตัวเองก็ไม่ได้ซื้อ ยังต้องคอยมาตามใจไอ้ผู้ชายบ้าอำนาจนี่อีก

จะว่าไปผมก็เหมือนกันนี่หว่า -*-

“มึงซื้อของพอใจยังไอ้เอื้อ”

“เออ พอแล้ว”

มึง ‘ควร’ พอได้แล้วถึงจะถูกนะ มือมึงไม่มีที่จะถือแล้วเว้ย

“ของได้แล้วค่ะ”

“ไอ้ปูนมึงถือดิ มือกูเต็มแล้วเนี่ย ประคองลูกๆ กูดีๆ นะอย่าให้ตก”

ลำบากกูอีกนะมึง!!

ผมรับกล่องที่ภายในบรรจุ ‘ลูกๆ ของไอ้เอื้อ’ (กระกาดปากว่ะ พาลคิดไปถึงอย่างอื่นเลย) เอาไว้อย่างระมัดระวัง เมื่อกี้ผมบอกว่ามันน่ารักดี แต่ตอนนี้เริ่มจะเกลียดมันแล้วครับ

“ต่อไปกูขอไปร้านช็อกโกแลตนะมึง กูจะเหมามันให้หมดเลย!!” หน้าตาพี่ฟิ้งมุ่งมันมากเลยครับ “น้องปูนนำไปเลยครับ”

ผมอยากจะหันไปบอกว่าผมก็ไม่รู้ทางหรอกนะ แต่พี่ฟิ้งแม่งเดินเข้ามากอดคอผมแล้วลากไปเลย แบบเดียวกับที่ไอ้เอื้อมันทำกับผมเป๊ะ
รู้แล้วทำไมพวกมึงถึงเป็นเพื่อนกันได้!

“เฮ้ยไอ้ฟิ้งเบาๆ หน่อย เดี๋ยวลูกกูตก!”

นี่มึงไม่ห่วงกูเลยใช่ม้ายยย!!

ปึก!!

“โอ๊ะ!/ขอโทษครับ”

สามเสียงข้างต้นเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน เมื่อพี่ฟิ้งดันเดินไม่ดูทาง ทำให้เราชนกับนักท่องเที่ยวที่เดินสวนมาจนเซไปทางด้านหลัง แรงปะทะทำให้กล่องตุ๊กตาไม้ของไอ้เอื้อที่ผมถืออยู่กระเด็นออกจากมือลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ

“อ๊ะ! ตุ๊กตา!”

ร่างกายของผมไปเร็วกว่าความคิด ผมกระโจนออกไปข้างหน้าเพื่อรองรับกล่องที่มันกำลังร่วงลงมา และในจังหวะที่มันจะตกถึงพื้นนั้น…

เซฟ!!!

ผมรับได้ครับ!

ตุ้บ!! ปึก!!

“โอ๊ย!!”

โอยยย หัวกู กระแทกขอบน้ำพุเต็มๆ เลย ฮือออ พี่ปูนเจ็บบบ

“ไอ้ปูน!! / น้องปูน /ปูน!”

เอื้อและเพื่อนๆ ร้องเรียกชื่อผมอย่างพร้อมเพียงก่อนที่พี่ฟิ้งซึ่งอยู่ใกล้สุดจะถึงตัวผมเป็นคนแรก

“เป็นไงบ้างปูน” มือนิ่มๆ ของพี่ฟิ้งจับไปทั่วตัวของผม “อ่า...แขนถลอกเป็นทางเลย หัวก็โนด้วย”

จริงดิ หัวโนน่ะคาดไว้อยู่แล้วแต่ไม่คิดว่าแขนมันจะถลอก สงสัยตอนที่พุ่งตัวไปรับกล่องตุ๊กตาเมื่อกี้แน่ๆ เลย ซี๊ดดด พอพูดแล้วก็แสบขึ้นมาทันควัน เข่าถลอกด้วยนี่หว่า นี่จะไม่เหลือส่วนไหนให้กูปกติเลยใช่ป่ะ

แต่ก็ช่างมันเถอะ ลูกผู้ชายต้องคลุกฝุ่นกันบ้าง

“ไม่เจ็บมากหรอกครับ”

ผมโกหก ที่จริงตอนนี้เจ็บหัวที่โขกกับน้ำพุสุดๆ เลยอ่ะ น้ำตาจะไหลแล้วเนี่ย ส่วนเรื่องหัวเขากับแขนก็ถือเป็นโชคร้ายของผมแล้วกัน เพราะผมดันใส่กาเกงขาสั้นกับเสื้อแขนสั้นมา ถ้าใส่ให้ยาวๆ ก็คงไม่เป็นแบบนี้

“ลุกไหวมั้ยปูน” พี่เดียวเดินเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่งที่ขอบน้ำพุ ไม่นานไอ้เอื้อก็เดินเข้ามาครับ หน้ามันบอกบุญไม่รับเลย สงสัยมันคงโกรธที่ผมเกือบทำของมันพัง

ผมยื่นกล่องตุ๊กตาให้มัน

“เอาไปเลยมึง กูไม่ถือแล้ว เดี๋ยวทำตกอีก”

ไอ้เอื้อเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มันก็เงียบปากไปก่อนจะยื่นมือมารับกล่อองตุ๊กตาที่ผมยื่นให้

“ฝากดูมันด้วย” พูดจบมันก็เดินออกไปเลย

มัน...โกรธผมขนาดนั้นเลยเหรอ

ผมลุกขึ้นยืน อ่า...ตึงเข่าชะมัด แต่ไม่เป็นอะไรครับ ตอนนี้ผมอยากตามไปขอโทษไอ้เอื้อก่อน มันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยครับ มันด่ามาสักคำก็ยังดี ดีกว่าเงียบแล้วเดินหนีแบบนี้

“จะไปไหนน้องปูน”

“เดี๋ยวผมมา”

ผมเดินกระหย่องกระแหย่งตามมันไป ไอ้เอื้อนี่ก็เดินไวจัง ขายาวแล้วยังเสือกเดินไวอีกนะมึง สงสารคนตามมึงบ้างเถอะเว้ย แล้วนี่มึงจะเดินไปถึงไหนวะ กูเจ็บขาเว้ย!

ทุกครั้งที่ผมจะตะโกนเรียกมัน มันก็เดินเลยระยะได้ยินตลอด ไม่ก็เดินเลี้ยวไปอีกทางทำให้ผมไม่สามารถจะเรียกให้มันหยุดได้

อ่า...มันหยุดเดินแล้วครับ มันหยุดอยู่หน้าถังขยะใหญ่ๆ แต่มันกำลังทำอะไรอ่ะ หรือว่า…

“หยุดนะไอ้เอื้อ!”

ร่างสูงที่กำลังจะทิ้งหล่อตุ๊กตาลงถังขยะชะงักก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดเข้านากันแล้วหันมามองผมที่ฝืนตัวเองวิ่งเข้าไปแย่งกล่องตุ๊กตานั่นมาถือไว้

“มึงจะทิ้งเหรอ! ไม่ได้นะเว้ย!”  ผมอุตส่าห์สละตัวเองเพื่อปกป้องมันเลยนะ!!

“เอาคืนมา!”

“ไม่ให้ แม่งมึงบ้าเปล่าเนี่ย จะทิ้งทำไมเพิ่งซื้อมา”

“กูไม่อยากได้มันแล้ว”

“ทำไมเล่า มึงก็ชอบมันไม่ใช่หรือไง อีกอย่างกูอุตส่าห์ปกป้องมันเลยนะ ดูสภาพกูนี่ กูทุ่มเทขนาดไหน” ผมกอดกล่องตุ๊กตาแน่นขึ้นไปอีกเท่าตัว อื้อหือ ร้านนี้บรรจุภัณฒ์เขามีคุณภาพจริงๆ ครับ ขนาดกอดแรงแบบนี้กล่องยังไม่ยุบบุบสลายเลย

“เอามาไอ้ปูน”

“ไม่ให้!”

“เอามา!!”

“ไม่ให้!! มึงจะทิ้งมันทำไมเล่า! แม่งไม่มีเหตุผลเลย”

“ที่กูทิ้งก็เพราะมันทำมึงเจ็บไง!”

“...”

“มึงนี่แม่ง บ้าหรือเปล่าวะ ห่วงแต่ตุ๊กตาแทนที่จะห่วงตัวเอง ตุ๊กตาน่ะพังมันก็ซื้อใหม่ได้ แต่ถ้ามึงเป็นอะไรไปจะทำยังไง”

“...ก็กู…”

“อะไร!” เสียงแม่งโคตรโหดเลย อย่ามองแบบนั้นพี่ปูนกลัววว

ผมหลุบตาลงมองกล่องตุ๊กตาในอ้อมแขน

“กูไม่ได้ห่วงตุ๊กตาหรอก...แค่เห็นว่ามึงชอบมันมากก็เลยไม่อยากให้มันพังก็เท่านั้นเอง”

ถ้าคุณได้เห็นสายตาของเอื้อตอนมองตุ๊กตานะ คุณจะต้องทำแบบผมแน่ๆ เชื่อผมเถอะ

“กูแม่ง...หมดคำพูดเลย มานี่ดิ” เอื้อมองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก มันถอนหายใจ มองไปทางอื่น แล้วกลับมามองผมอีกครั้ง พร้อมกวกมือเรียก

“ไม่ให้ทิ้งนะ”

“ไม่ได้จะทิ้ง แต่จะพาไปทำแผลที่รถ”

เอื้อไม่ได้รอให้ผมเข้าไปหาอย่างที่ปากมันพูดหรอก มันเข้ามาคว้าแขนผมแล้วดึงให้เดินตามมันไปเลย อ่า...หน้ามันแดงๆ นะ เมาแดดหรือเปล่าวะ

“เบาๆ เอื้อ กูเจ็บ”

“นี่มึงเดินตามกูมาเลยเหรอ”

“ก็เออสิวะ จะให้กูบินมาหรือไง” ผมเถียงกลับ ตอนเดินมามันยังไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่พอหยุดเดินเท่านั้นแหละ โคตรแสบแผลเลย

“...” เอื้อเงียบครับ หน้ามันเพิ่มดีกรีความโหดขึ้นอีกสิบแปดเปอร์เซ็นต์ เง้อออ ผมต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ก่อนที่มันจะพาผมไปฆ่าปาดคอ

งั้นเอางี้แล้วกัน ใช้กับตาทีไรได้ผลทุกที

“กูกลัวว่ามึงจะโกรธที่กูเกือบทำตุ๊กตามึงพังเลยตามมาขอโทษ”

“มึงว่าไงนะ”

“กูขอโทษที่เกือบทำมันพังนะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

“...”

“ไม่โกรธกูนะเอื้อ” ผมส่งยิ้มอ้อนๆ ให้มัน พร้อมกับมือที่กระตุกชายเสื้อมันไปด้วย “นะๆๆๆ ไม่โกรธนะ”

มุกนี้แหละครับ อ้อนตาร้อยครั้งก็สำเร็จร้อยครั้ง แต่ทำไมไอ้เอื้อแม่งนิ่งไปเลยวะ หรือว่ามันจะไม่ได้ผล แล้วผมจะทำยังไง

“นะๆๆๆ หายโกรธกูเถอะนะ”

เอื้อเงียบไปนานจนผมเริ่มใจเสีย แล้วสุดท้ายมันก็พูดออกมาจนได้

“...ใครจะไปโกรธลงวะ”

ผมจะถือว่าได้ผลก็แล้วกันนะ อิอิ

..
.
“โอ๊ยเอื้อ บอกว่าเบาๆ ไง!”

“ทนหน่อย นี่ก็เบาไม่รู้จะเบายังไงแล้ว”

นี่เบาของมึงแล้วใช่มั้ย แม่งแรงคนหรือแรงควายวะ

เอื้อมันกำลังทำความสะอาดแผลให้ผมอยู่ครับ มันลงทุนใช้ผ้าเช็ดหน้าของมันซับน้ำเปล่าแล้วค่อยๆ เช็ดแผลผมเลย ตอนแรกผมก็ไม่ยอมหรอก ผ้าเช็ดหน้ามันก็ไม่ใช่ถูกๆ ด้วย แถมยังเป็นสีขาวอีก มาเปื้อนเลือดแบบนี้ก็ต้องทิ้งอย่างเดียว

แต่ก็นั่นแหละ คิดว่าคนอย่างมันจะยอมหรือเปล่าล่ะ

“เสร็จล่ะ เอาแขนมึงมา”

ผมยื่นแขนไปให้มันทำความสะอาดต่อ แผลผมมีแต่ฝุ่นดินทั้งนั้นเลย เลอะเต็มผ้าเช็ดหน้าของอีกฝ่ายจากสีขาวกลายเป็นน้ำตาลเลย

“เดี๋ยวกูซื้อผ้าใช้ให้นะ”

“ไม่ต้องอ่ะ”

“เห้ย ไม่ได้ๆ เดี๋ยวกูซื้อให้”

“บอกว่าไม่ต้องไง” มันหันมาดุผมทางสายตาด้วยอ่ะ “เฮ้อ เอาเป็นว่าเป็นค่าน้ำหอมที่กูทำของมึงหกแล้วกัน”

“ได้ไง มันคนละเรื่องกันเว้ย” ไม่ครับผมจะไม่ยอมเรื่องน้ำหอมเด็ดขาด เพราะถือว่ามันได้พรากหัวใจอีกเสี่ยวหนึ่งของผมตั้งแต่มันทำน้ำหอมผมร่วงพื้น

“งั้นกูซื้อให้ใหม่ แต่ขอเลือกกลิ่นให้ได้มั้ย กลิ่นเก่ามันไม่เข้ากับมึงเท่าไหร่”

“ยังไงก็ได้ แล้วแต่มึงเลย” ผมพยักหน้าเออออไป “แต่ผ้าเช็ดหน้ามึงก็ต้องให้กูซื้อด้วยนะ”

“มึงนี่มันดื้อจริงๆ” ร่างสูงส่ายหน้าไปมา ก่อนจะบรรจงเช็ดแผลผมอย่างตั้งอกตั้งใจ คราวนี้ผมไม่เจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้ว่าเพราะแผลมันไม่ได้ใหญ่โต หรือเพราะเอื้อทำเบาๆ อบ่างที่ผมบอกไปแต่ต้นกันแน่

“เรียบร้อย เพี้ยง...หายเร็วๆ นะครับน้องปูน”

พูดจบมันก็ก้มหน้าเป่าลมที่แผลผมเบาๆ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ผม ยิ้มแบบที่ไม่ใช่การแสยะยิ้มแบบที่มันชอบทำ แต่เป็นยิ้มที่ยิ้มจริงๆ ยิ้มที่ทำให้ใบหน้าหล่อๆ นั่นอ่อนโยนลงหลายเท่าตัว

“เป็นอะไรหน้าแดงๆ”

“มันร้อนไงมึง” ผมยกมืออีกข้างที่ไม่ได้เป็นแผลถลอกมาพัดๆ ที่หน้า แม่งอยู่ๆ ก็ร้อนขึ้นมาเองเฉย

“เดี๋ยวกูมานะ รออยู่นี้อย่าหายไปไหน กูไปทิ้งขยะแปบ”

“เออ ไม่หายไปไหนหรอกเดี้ยงขนาดนี้”

“เถียงกูตลอด” มันวางมือลงบนหัวผมก่อนจะขยี้เบาๆ

โอยยย ผมกูเสียทรงแล้ว

ผมโบกมือไล่เอื้อให้ไปๆ สักที หน้ามันที่มองผมเมื่อกี้มันเจ้าเล่ห์ยังไงก็ไม่รู้ เอ้อ ผมจะบอกว่าต่อไปนี้ผมจะพยายามไม่เรียกมันว่า ‘ไอ้เอื้อ’ แล้วนะ เพราะไหนๆ ผมก็ไม่อยากจะเกลียดมันแล้ว ยกเว้ยถ้ามันกวนตีนผม (ซึ่งมันทำเป็นบ่อยๆ)

Rrrrr

ผมล้วงหยิบโทรศัพท์ที่แผดเสียงดังลั่นขึ้นมาดู ก่อนจะกดรับ “นึกว่าลืมผมไปแล้วซะอีก”

ลุงคณิตเองครับ หายไปนานพอสมควรเลย

[“พอดีต้องฉีดยาเจ้าหมาน่ะ แล้วมันก็เกเรมาก ไม่ยอมให้จับเลยนานไปหน่อย”] ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ [“อยู่ไหนล่ะเรา เดี๋ยวลุงไปหา”]

“อยู่ตรงที่จอดรถครับ ลุงเดินมาก็เห็นเลย”

[“โอเค รอลุงแปบนะเดี๋ยวไป”]

“ครับลุง”

ผมวางสายจากลุงสักพักเดียวร่างสูงที่เริ่มจะคุ้นตาบ้างแล้วในตอนนี้ก็โผล่เข้ามา ข้างหลังมีพี่เดียวที่เดินคู่กับพี่ฟิ้งผู้ซึ่งสองมือเต็มไปด้วยช้อกโกแลต

เชื่อแล้วว่าพี่มาเพื่อช็อกโกแลตจริงๆ

“น้องปูน เป็นไงบ้างเนี่ยเด็กน้อย” พี่ฟิ้งเห็นผมก็รีบวิ่งเข้ามาหา ผมเสียวว่าพี่แกจะหกล้มจริงๆ

“ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกครับ”

“เป็นเด็กหัดโกหกผู้ใหญ่เหรอมึง”

“ไม่ได้โกหกเว้ย ก็มันไม่เจ็บแล้วอ่ะ” ผมหันไปเถียงไอ้เอื้อ

“พี่ตกใจแทบแย่ตอนเราวิ่งตามไอ้เอื้อออกมา พอจะตามเราไปก็คลาดกันแล้ว ไม่รู้ว่าปูนไปทางไหน”

“ขอโทษครับพี่” ผมส่งยิ้มแห้งๆ ให้พี่ฟิ้ง พี่แกก็ยิ้มกลับมาด้วยรอยยิ้มน่ารักๆ

ผมเป็นคนแพ้รอยยิ้มครับ ถ้าใครส่งยิ้มจริงใจมาให้ผมก็จะชอบคนนั้นเป็นพิเศษ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับไอ้เอื้อเลย

“ปูน ไปโดนอะไรมา!”

พวกเราทั้งหมดหันไปทางต้นเสียง ลุงคณิตตาโตวิ่งมาหาผมก่อนจะหยุดลงข้างหน้าแล้วยกมือจับตัวผมหันไปมาเพื่อสำรวจบาดแผล

“หกล้มครับ”

“ทำไมไม่ระวัง! ไอ้แสบนี่คลาดสายตาไม่ได้เลย” ลุงส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะหันไปหาบุคคลทั้งสามที่ยืนอยู่ด้านหลัง “แล้วนี่…”
“อ๋อ รุ่นพี่ที่มหา’ลัยครับลุง นี่พี่เดียว พี่ฟิ้ง แล้วก็เอื้อ พี่ๆ นี่ลุงของผม ลุงคณิต”

พวกพี่ๆ ยกมือไหว้ลุงของผมอย่างนอบน้อม

“น้องปูนโกหกหรือเปล่าครับ นี่ลุงแน่เหรอทำไมยังไม่แก่เลย พี่ก็นึกว่าพี่ชายน้องปูนนะเนี่ย” แหมะ ปากหวานมากครับพี่เดียว

“ไอ้นี่พูดเข้าหูดีว่ะ” ลุงยิ้มขำแล้วตบไหล่พี่เดียวดัง ปาบ! สองครั้งติดๆ เห็นเลยว่าพี่มันแทบทรุด “แล้วนี่มาเที่ยวเหรอ”

“ครับ ว่าจะอยู่ที่นี่สักคืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับ” พี่ฟิ้งเป็นคนตอบ

“แล้วพักที่ไหนกันล่ะเนี่ย”

“ยังไม่มีที่พักเลยครับ”

ผมเริ่มเห็นเคล้ารางของความเลวร้ายอะไรบางอย่างล่ะครับ…

“ดีเลยงั้นไปนอนบ้านปูนสิ”

นั่นไง! ผมเดาไม่ผิดจริงๆ ด้วย

ลุงนะลุง ทำกับผมได้!! คือถ้าเป็นพี่เดียวกับพี่ฟิ้งก็ไม่อะไรมากหรอก แต่นี่มีไอ้เอื้อไง ถึงผมจะพยายามไม่เกลียดมันแต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดว่าจะหายเกลียดภายในชั่วโมงกว่าๆ นะ

“ไงปูน ให้พี่เขาไปค้างที่ไร่ด้วยสิ จำได้พาพี่ๆ เขาเที่ยวด้วย”

“ปูนมีไร่ด้วยเหรอ!” หน้าพี่เดียวตื่นตาตื่นใจมาก

“ไร่ดอกไม้เล็กๆ น่ะครับ ไม่ใหญ่หรอก ไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยวด้วย” ผมพูดเสียงอ่อยๆ กำลังเซ็งชีวิตอยู่ครับ ไม่เอาไอ้เอื้อไปได้ป่ะวะ

“ใหญ่ไม่ใหญ่เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองแหละ” ลุงคณิตบอกยิ้มๆ ก่อนจะหันมาหาผม “ปูนพาพี่ๆ เขาไปก่อนเลยนะ ลุงต้องไปดูวัวที่ฟาร์มเสี่ยกิต เดี๋ยวตอนเย็นลุงเข้าไป วันนี้ลุงจะเตรียมของดีไว้แล้วกัน”

‘ของดี’ ของลุงคณิตไม่ใช่อะไรอย่างอื่นครับ มันเป็นเหล้าเถื่อนที่คนในหมู่บ้านหมักไว้กินกันเอง ดีกรีแรงเลย ผมเคยกินไปแค่สามแก้วก็จอดล่ะครับ

“เอ่อ…”

“ไปล่ะปูน ไปแล้วนะเด็กๆ”

ลุงอ่ะ ไม่ฟังปูนเลย!

“เราก็ไปกันเถอะเนาะ” พี่ฟิ้งส่งยิ้มมาให้ผม ก่อนที่พวกเราทั้งหมดจะขึ้นรถ แต่มันก็เกิดปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ครับ…

“เฮ้ยๆๆๆ ทำอะไร!!!”  ผมโวยวายเสียงดังเมื่ออยู่ๆ ตัวเองก็ถูกอุ้มจนตัวลอย “เอื้อปล่อย! กูเดินเองได้”

“มึงเดินไม่ไหวหรอก เข่ามึงจะตึงขยับขาลำบาก”

“แต่…”

“เงียบ!!”

ทำไมจ้องดุด้วยเล่า!!

ผมเกร็งไปทั้งตัว คิดว่าไม่น่าไปนั่งฝั่งคนขับเลย รู้งี้เลือกนั่งที่นั่งข้างๆ เสียก็ดี จะได้ไม่โดยมันอุ้มแบบนี้ เกิดเป็นชาติชาย แต่โดยผู้ชายอุ้มท่าเจ้าหญิงมันไม่คูลเลย! พี่ปูนปวดร้าว!!

“ก็แค่นี้” มันค่อยๆ ว่างผมลงที่เบาะ ตอนแรกคิดว่ามันคงโยนแบบแรงๆ ซะแล้ว “มึงนี่เบากว่าที่คิดนะ ตัวมีแต่กระดูก”

“กูผอมจริงดิ มีคนพูดแบบนี้หลายคนแล้ว”

“เออ กระดูกมึงทิ่มกูแล้วเนี่ย แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูขุนเอง” มันยิ้มมุมปากแบบกวนๆ

“ไม่ต้อง กูขุนตัวกูเองได้เว้ย”

“หึหึหึ”

บทเรียนทั้งหลายสอนไว้ว่าอย่าอยู่ใกล้มันมากดีที่สุด!

===============================================
=====================================
ซาหวัดดีค่าาาาาา
ทักทายคนอ่านอีกครั้งและอย่าเกลียดพี่เอื้อเลยนะะะ
ต่อไปนี้พี่เขาจะเป็นคนดีแย้วว (หราา) จะไม่ทำให้ปูนเสียใจ (แน่นะ?)
ให้โอกาสหนุ่มเภสัชคนนี้สักครั้งเถอะค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.8 13.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 12-01-2017 14:22:01
พี่เอื้อเอาไงดี ชัดเจนหน่อยจ้า
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.8 13.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-01-2017 14:24:30
ปล.ทิ้งท้ายได้แบบ สมควรเกลียดพี่เอื้อต่อไป

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.8 13.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-01-2017 14:43:15
 :L2: :pig4:
ไอ้พี่เอื้ออออออออ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.8 13.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-01-2017 15:29:13
หึหึหึ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.8 13.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 12-01-2017 15:53:26
ตอนหน้าจะเสียตัวเพราะเหล้าเถื่อนไหมนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.8 13.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 12-01-2017 17:50:46
พอไปบ้านก็เข้าทางตากับยายเลยใช่ไหมล่ะพี่เอื้อออ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.9 14.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 14-01-2017 00:06:18
บทที่ 9
เมื่อน้องปูนผ่อนคลาย


“เลี้ยวซ้ายข้างหน้าแล้วตรงไปอีกนิดก็ถึงแล้ว”

“แถวนี้มีแต่ไร่ทั้งนั้นเลยเนาะ” พี่ฟิ้งเกาะกระจกแน่นเลย สงสัยจะชอบอะไรแบบนี้ “ไร่โน้นมีม้าด้วยๆ มึงดูๆ ไอ้เดียว”

“เออว่ะ แม่งอยากขี่เลย กูจะเท่เหมือนในหนังหรือเปล่าวะ”

“หน้ามึงไม่หล่อมึงก็ไม่เท่นะ”

“เดี๋ยวเถอะมึงๆ”

ฮาๆ สองคนนี้เหมือนไอ้กล้ากับไอ้ฟ้าจริงๆ ครับ แต่ผิดกันที่พี่ฟิ้งดูจะทันคนมากกว่า แล้วสองคนนี้ก็ไม่ได้ชอบยิงมุกจีบกันเหมือนคู่นั้นด้วย

“ถึงแล้วๆ” ผมบอกเมื่อเห็นป้าย ‘ไร่มะลิวัลย์’ ไร่นี้ตั้งตามชื่อของย่าทวดผมเอง ตาทวดตั้งใจสร้างไร่นี้เพื่อเป็นของสู่ขอของยายทวด

“โห ไหนบอกไร่เล็กๆ ไงปูน”

“ก็เล็กกว่าไร่เมื่อกี้ตั้งเยอะ”

“นี่มันไม่เล็กแล้วครับน้อง อย่างใหญ่อ่ะ เฮ้ย นั่นมีคอกม้าด้วย! ไอ้ฟิ้งไปขี่ม้ากับกูนะๆ น้องปูนพี่ขอขี่ได้มั้ย”

“ได้ครับ เดี๋ยวเย็นๆ พาไปดูรอบๆ ไร่นะ” ผมหันไปยิ้มให้พี่ๆ ทั้งสอง

“หึ บ้านก็รวยนี่หว่า น้ำหอมขวดเดียวทำมาเป็นงกกับกูนะ”

“เขาเรียกว่าคนรู้คุณค่าเงินเว้ย”

ก็ทำไมอ่ะ น้ำหอมขวดนั้นผมอุตส่าห์เก็บตังค์ซื้อเองเลยนะ แล้วอีกอย่างผมก็คิดเสมอว่าผมไม่ได้รวยอะไร เพราะทั้งหมดนี่มันไม่ใช่ของผม มันคือของตากับยาย ผมเลยไม่อยากจะใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย

“จอดตรงโรงรถเลย” ผมชี้ไปด้านซ้ายมือของตัวเองที่เป็นโรงรถขนาดใหญ่ ไว้ใช้เก็บยานพาหนะทุกชนิดที่ต้องใช้ในไร่

“มีรถกอล์ฟด้วยเหรอวะ”

“อื้อ ยายบ่นว่าเดินแล้วเมื่อยตาก็เลยซื้อไว้ให้อ่ะ จอดที่นี่แหละมึง”

ไอ้เอื้อดับเครื่องยนต์ ก่อนที่พวกเราทั้งหมดจะเปิดประตูออกมา ไอร้อนด้านนอกปะทะเต็มๆ กับผิวกายทำให้ผมต้องยู่หน้า

“แดดร้อนว่ะ แต่ที่นี่ต้นไม่ใหญ่เยอะนะ” พี่เดียวกับพี่ฟิ้งบอกแล้วพากันเดินไปดูไร่ข้างนอก

“หยุดเลยครับพวกมึง” เสียงโหดๆ ดังขึ้นไล่หลัง ให้ทายว่าเสียงใคร..ไอ้เอื้อไงจะใครล่ะ นี่มันชอบทำเสียงดุๆ เป็นชีวิตจิตใจเลยใช่ป่ะวะ “มาเอากระเป๋าภาระของพวกมึงไปด้วยเว้ย”

“เขาเรียกว่า ‘สัมภาระ’ ครับเพื่อน ตกภาษาไทยเหรอ ไอ้เดียวมึงไปเอาดิ”

“เอ้า ทำไมต้องกู”

“ก็กูขี้เกียจ”

“มึงนี่เเม่ง” แล้วพี่เดียวก็ต้องเป็นคนเดินมาเอากระเป๋าเป้ทั้งของพี่มันและของพี่ฟิ้งอย่างช่วยไม่ได้

“มึงเอาของกูไปด้วยไอ้เดียว”

“เอ้า ทำไมอ่ะ”

“กูมี ‘ภาระ’ ต้องดูแล” พูดจบมันก็ปรายตามามองผม อะไร มันหมายถึงผมเหรอ เอื้อเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผม “มึงจะขี่หลังกูหรือให้กูอุ้ม”

“กูจะเดิน”

“โอเคงั้นอุ้ม” มันทำท่าจะช้อนผมขึ้นจริงๆ ด้วย แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว!

“ไม่ๆๆๆ โอเค ขี่หลังมึงก็ได้”

“แต่กูเลือกอุ้มไปแล้วว่ะ”

“ไอ้เอื้อออออ”

แม่ง มันอุ้มผมจริงๆ ด้วย!! อุ้มได้ก็ใช้เท้าปิดประตูรถ คิดว่าเท่ไงวะ จากนั้นมันก็เดินออกมาหาพี่ๆ ที่ยืนรออยู่ พี่เดียวหันมายิ้มแซวๆ สายตาพี่มันเจ้าเล่ห์มาก

“อ๋อ นี่เหรอ ‘ภาระ’ มึง อือออ เป็น ‘ภาระ’ ที่หนักเอาการนะ”

“เออ...หนัก” ร่างสูงตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่ดูเจ้าเล่ห์ไม่แพ้เพื่อนมันเลย

เอ้า ไหนว่าเมื่อกี้ตัวกูเบาไง

“หนักก็วางเลยมึง กูเดินเอง”

“ไม่เป็นไร กูไหว” พูดจบมันก็เดินนำเพื่อนๆ ไปที่ตัวบ้าน ระยะทางจากโรงจอดรถถึงบ้านก็ไม่ได้ไกลนักหรอก แต่ถ้าให้เดินเองผมว่าผมคงใช้เวลานานมากแน่ๆ

“มึงเดินช้าๆ กูจะตก”

“ไม่อยากตกก็กอดคอกูไว้ดิ”

“ไม่เอาอ่ะ แค่นี้กูก็...เหวอ!! กอดแล้วๆๆ”

รู้มั้ยมันทำอะไร มันบังคับให้ผมกอดคอมันโดยการทำเหมือนจะโยนผมลงที่พื้น! ไอ้เอื้อไอ้เลว นี่กูหลานเจ้าของไร่นะ เดี๋ยวแม่งให้ตาเอาปืนมาไล่ยืนเลย

“มึงก็ไปแกล้งน้องมัน” ใช่เลยพี่ฟิ้ง ต่อว่ามันเยอะๆ ครับ

“ก็ไอ้นี่มันดื้อ”

“กูเปล่า!”

“มึงอ่ะแม่งโคตรดื้อเลย ดื้อตาใส” มันก้มลงมาพูดกับผม และเพราะมันทำแบบนี้ ใบหน้าของมันเลยห่างจากผมแค่คืบเดียว


เอื้อหล่อจริงๆ ครับ… หน้าใสไร้สิว รูขุมขนกระชับ ผิวเนียนสวยแบบที่ผู้หญิงยังต้องอาย มันมีตาที่คมสวยเหมือนเหยี่ยวเลย ถึงจะเป็นตาชั้นเดียว แต่ผมว่ามันดูดีมาก คิ้วก็รับกับรูปตาอย่างเหมาะเจาะ แต่มันชอบทำผมปรกหน้าเลยไม่ค่อยเห็นใบหน้าเต็มๆ ของมัน

อยากเห็นจัง…

ผมปล่อยมือที่กอดคอมันออกข้างหนึ่งก่อนจะค่อยๆ เลื่อนไปเสยผมที่ปรกหน้าเอื้อขึ้น

หล่อทุกมุมเลย…

“ทำอะไร”

“กะ กูแค่สงสัยว่ามึงจะไม่มีคิ้ว” ผมตอบกลับแบบแถๆ ให้สีข้างถลอกอีกครั้ง

เมื่อกี้กู-ทำ-อะไร-ลงปายยยยย

คราวหน้ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ผมจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก นี่ผมเป็นอารายยยย

“ประสาทว่ะ อยากมองก็ขอดีๆ ดิ อยู่ๆ มาเปิดเหม่งแบบนี้กูตกใจ”

“ไม่เห็นเหม่งเลย หน้าผากมึงออกจะสวย”

เหี้ยยย นี่ผมไปชมมันเพื่ออะไร!

“มะ มึงเขินเหรอ” ผมถามเบาๆ เมื่อเห็นแก้มของไอ้เอื้อมันขึ้นสีจางๆ

“แล้วมึงไม่เขินเลยมั้ง หน้าแดงเป็นลูกตำลึง”

“กูไม่ได้เขิน แดดมันร้อนเว้ย เดินไวๆ ดิจะไหม้อยู่แล้ว”

“เหรออออ”

สรุปว่าเอื้อมันเขินที่ผมชมเมื่อกี้หรือเปล่าวะ แต่ช่างเถอะ ผมก็ไม่ได้อยากรู้อยู่แล้ว

“ไอ้ฟิ้ง”

“ว่าไงครับเพื่อนเดียว”

“มึงว่าเพราะเราอยู่ในทุ่งดอกไม้หรือเพราะไอ้สองคนนั้นกันแน่วะ ทำไมกูรู้สึกถึงบรรยากาศมุ้งมิ้งๆ ยังไงไม่รู้”

เพราะพี่อยู่ในทุ่งดอกไม้ไงครับไม่ต้องสงสัย!!

♣♣♣♣♣

ตอนเย็นนิดๆ (อะไรของมัน)

เมื่อกลางวันพอหมดช่วงประสาทแดกของผมแล้วพวกเราก็เข้าไปในบ้านกันอย่างรวดเร็วเพราะไม่ไหวจะเคลียร์กับแดดที่แผดเผาผมเหลือเกิน ผมแนะนำพวกไอ้เอื้อกับตาและยาย ยายนี่ดีใจใหญ่เลยที่มีเพื่อนจากมหา’ลัยของผมมาที่บ้าน ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นพี่ก็เถอะ ผมยังไม่เคยพาเพื่อนมาบ้าน เอื้อกับเพื่อนๆ นี่ถือว่าเปิดซิงเลย และที่ยายดีใจมากไม่ใช่เหตุผลอื่นใด แต่เพราะยายจะได้แสดงฝีไม้ลายมือในการทำอาหาร ตอนเย็นกับข้าวเลยจะเยอะเป็นพิเศษ แล้ววันนี้ยายก็ได้ลูกมีเพิ่มด้วยนะ ทายสิว่าใคร…

พี่เดียวครับ พี่เดียวทำอาหารได้ แล้วก็โคตรเก่งเลย!


บุคลิคพี่เขาไม่น่าจะทำอาหารเป็นอ่ะ (เอาจริงๆ ไม่คิดด้วยว่าจะเรียนเภสัชฯ) ถ้าเป็นพี่ฟิ้งก็ว่าไปอย่าง แต่กลับกัน พี่ฟิ้งทำอะไรไม่เป็นเลยครับ แค่เจียวไข่ยังไม่อร่อย (อันนี้เอื้อกับพี่เดียวคอนเฟิร์ม)

แต่ข่าวร้ายมันก็เกิดขึ้นกับผมอีกจนได้ เรื่องนั้นก็คือ…

เรื่องที่นอนครับ

บ้านผมนั้นไม่ใหญ่มาก มีห้องนอนสามห้องบนบ้าน คือห้องของตากับยาย ห้องผม และห้องนอนแขก และอีกหนึ่งห้องข้างล่างที่เป็นของลุงคณิต แล้วปัญหาก็คือว่า…

แขกมีกันสามคน

ดูเหมือนจะง่ายใช่มั้ย ก็ให้มันนอนรวมกันไปเลยสิ

แต่นั่นไม่ใช่กับยายครับ ยายของผมอยากจะดูแลแขกของไร่ทุกคนให้ได้รับความสะดวกสบายและรู้สึกประทับใจมากที่สุด

‘เอาอย่างนี้สิลูก คนนึงก็ไปนอนกับเจ้าปูน จะได้ไม่เบียดกันไง ดูสิตัวใหญ่ๆ กันทั้งนั้น’

‘เดี๋ยวพวกผมนอนพื้นกันก็ได้ครับยาย’ พี่เดียวผู้ที่ตัวสูงที่สุดเอ่ยขึ้น

‘ได้ยังไงกัน ปูนลูกให้พี่เขานอนด้วยนะ แค่คืนเดียวเอง’

‘ได้ครับยาย’ ผมยิ้มตอบยาย ถ้าเป็นพี่เดียวหรือพี่ฟิ้งผมยอมครับ ยังไงก็ได้ สบายๆ อยู่แล้ว
‘กูนอนกับปูนเอง’ พี่ฟิ้งยกมือ เยส เทวดาของผมม
 
‘ไม่ต้องเลยมึงไอ้ฟิ้ง มึงนอนกับกูเนี่ยแหละ มึงดูตัวกูกับไอ้เอื้อดิ นอนทับกับตายแน่’

ไอ้พี่เดียวกูเกลียดมึงงงงง

นั่นแหละ สุดท้ายผมก็ต้องนอนกับไอ้เอื้อไง บอกแล้วพระเจ้าไม่เคยเข้าข้างผมถ้าเป็นเรื่องมัน แล้วรู้ป่ะว่าพอมันเข้าไปในห้องผมมันพูดว่าไร

‘เออ ค่อยดูเป็นเหมือนห้องคนหน่อย ไม่เหมือนรังหนูที่หอมึง’

ไอ้เชี่ยยยยย กวนตีนกูตลอดอ่ะแม่ง!

ช่างเรื่องนั้นไปเถอะ เดี๋ยวผมจะหาทางไล่มันออกไปนอนนอกห้องเอง

พอแดดเริ่มร่ม พวกผมสี่คนก็ออกมานอกบ้าน พี่เดียวมันอยากขี่ม้าชมไร่มาก ถ้าไม่ได้ขี่วันนี้พี่มันคงนอนไม่หลับ อ้อ อาการเข่าถลอกของผมดีขึ้นนิดๆ แล้วนะ ถึงแม้เวลาเดินมันจะตึงๆ แต่ผม็พยายามไม่ลงน้ำหนักมาก

ผมพาพวกพี่ๆ มาที่คอกม้าของไร่ ตอนเดินออกจากบ้านไอ้บ้าเอื้อมันจะอุ้มผมด้วยแต่มันไม่ได้ทำหรอก มันแค่กวนตีนผมครับ มันเป็นคนทำแผลที่เข่าให้ผมเอง แล้วก็บอกด้วยว่าผมเดินเองได้แล้ว

“ม้าปูนโคตรเท่อ่ะ” พี่เดียวชมด้วยสายตาแวววาว “พี่จองตัวสีดำนะ เหมาะกับคนเท่ๆ อย่างพี่ดี”

“มันชื่อสมปองครับ พี่ขี่ตัวนี้ได้ มันเชื่องไม่ค่อยตื่นคน” ผมเดินเข้าไปลูบหัวสมปอง

ม้าทั้งคอกนี้ผมเป็นคนตั้งชื่อเอง มีสมใจม้าตัวเก่งของตา สมปอง สมหวัง และสมคิดม้าที่เด็กที่สุด ปกติแล้วผมชอบขี่สมปองเพราะมันเชื่อง แต่ถ้าพี่เดียวไม่เคยขี่มาก่อนก็ต้องให้พี่แกขี่ตัวนี้ ขืนให้ขี่สมหวังคงตกม้าแน่ๆ

“พี่เดียวมาลองจับมันสิ”

“ไหนๆ มาๆๆ” ฮ่าๆ พี่มันเหมือนเด็กได้ของเล่นเลยครับ “ไอ้ฟิ้งมาเล่นกับสมปองมึง มันเชื่องจริงๆ ว่ะ”

“แล้วตัวนี้อ่ะชื่ออะไร” ไอ้เอื้อถามถึงม้าสีน้ำตาลปนขาว

“สมหวัง มันหยิ่งหน่อยนะมึง ไม่ค่อยชอบให้ใครขี่เท่าไหร่” ผมหยิบถั่วแล้วเดินไปป้อนมัน สมหวังถ้าไม่มีของกินมาล่อมันจะไม่มีทางแลตามอง

“แล้วตัวที่อยู่เดี่ยวๆ นั่นอ่ะ”

“นั่นสมใจ ม้าของตา สวยป่ะ”

“สวย...รูปร่างดีเลย กูขี่ได้ป่ะวะ”

“ไม่ได้ สมใจป่วยอยู่ อีกอย่างตาหวง”

“งั้นกูขี่ไอ้ตัวเล็กก็ได้”

“ฮ่าๆ สมคิดยังเด็กอยู่เลยมึง”

หน้าเอื้อมันผิดหวังมากครับ ผมว่าที่จริงมันอยากจะขี่ม้าแหละ แต่ฟอร์มมันเยอะไง เลยไม่ได้พวกผมบอกเหมือนอย่างที่พี่เดียวทำ

“ถ้าอยากขี่เดี๋ยวขี่สมหวังก็ได้”

“อะไร กูไม่ได้อยากขี่สักหน่อย”

“เหรอออ”

“แม่ง...เออก็อยากนิดๆ แหละ ที่บ้านไม่มีม้านี่หว่า” มันเกาแก้มเองแก้เก้อด้วยครับ ตลกดี เพิ่งเคยเห็นมันอายก็ตอนนี้

“พี่จุ้มๆ เดี๋ยวเอาสมปองกับสมหวังออกมานะ ผมจะพามันไปเดินเล่น พี่จุ้มสอนพวกพี่ๆ เขาหน่อยนะครับ พาเดินไปก่อนสักพักก็ได้ค่อยปล่อย”

“ไม่ต้องหรอก ไอ้ฟิ้งมันขี่เป็น”

หือ พี่ฟิ้งอ่ะเหรอ พี่ฟิ้งขี่ม้าเป็นในขณะที่พี่เดียวทำอาหารได้ สองคนนี้สลับกันแบบแปลกๆ ป่ะวะ
“งั้นไม่ต้องแล้วครับ แค่ปล่อยให้พี่ๆ เขาเอาไปขี่พอ”

“ครับน้องปูน” พี่จุ้มพยักหน้าก่อนจะเดินไปพาสมปองส่งให้ถึงมือพี่ฟื้ง

“แหม...เป็นน้องปูนซะะด้วย”

ผมมองค้อนไอ้เชี่ยเอื้อ (อัพเวลอีกแล้ว) มันจะมีสักนาทีมั้ยที่มึงจะไม่กวนตีนกูเนี่ย

ผมรับเชือกสมหวังมาจากพี่จุ้มแล้วพามันออกเดินมาด้านนอก ในมืออีกข้างผมมีของกินเล่นให้มันด้วย เผื่อเกิดมันดื้อขั้นมาจะได้เอาไว้ล่อมัน พอเดินมาได้สักพักก็หันไปหาไอ้เอื้อที่ตามมาติดๆ

“มึงขึ้นม้าเลย เห็นแบบที่พี่ฟิ้งทำมั้ย” ผมชี้ไปยังพี่ฟิ้งกับพี่เดียว พี่ฟิ้งยกตัวแล้วตวัดขาขึ้นไปนั่งบนม้าแล้ว ท่าสวยมาก ดูก็รู้ว่าขี่เป็น “มึงเอาเท้าเหยียบตรงนี้นะ จับตรงนั้นแน่นๆ แล้วก็ขึ้นไปเลย โน่นดูพี่เดียวทำ”

พี่เดียวขึ้นไปนั่งซ้อนหลังพี่ฟิ้ง พี่มันขึ้นม้าอย่างเก้ๆ กังๆ แต่ก็สามารถไปนั่งข้างบนได้ พอเห็นว่าเพื่อนพร้อม พี่ฟิ้งก็เริ่มควบให้ม้าเดินออกไปอย่างช้าๆ

“แล้วมึงไม่ขี่เหรอวะ”

“ไม่อ่ะ กูอยู่ข้างล่างเนี่ยแหละ เดี๋ยวคอยดูให้” ผมก็อ้างไปงั้นแหละ จริงๆ ผมแคาไม่อยากมีโมเม้นต์แบบในละครอย่างพี่เดียวพี่ฟื้ง กับไอ้เอื้อ

ไอ้เอื้อสอดขาเข้ากับที่วางเท้า มือมันก็จับตำแหน่งที่ผมบอกไว้แน่น แล้วยกตัว ก่อนตวัดขายาวๆ ของมันขึ้นไปนั่งด้านบน

“ฮี่~!”

นั่นไง เอาเลยนะมึงไอ้สมหวัง

ผมตบๆ ไอ้สมหวังเป็นการบอกให้มันใจเย็นก่อนจะป้อนถั่วให้มันไป พอม้าเริ่มสงบผมก็เงยหน้ามองไอ้เอื้อ หน้ามันเสียเลยครับ ซีดเผือดไร้สีเลือด มืองี้กำเชือกไว้แน่น คงกลัวจะตก

“กูขี่มันได้จริงๆ นะ”

“เออน่า เริ่มเดินเถอะ แต่ค่อยๆ นะ”

“ทำไมวะ มันจะพยศอีกเหรอ”

“เปล่าอ่ะ ขากูเจ็บ”

“ไอ้เวร”

ฮาๆๆ ได้กวนตีนมันคืนแค่นี้ผมก็สบายใจล่ะ

ผมกับไอ้เอื้อเดินเลาะไร่ตามทางไปเรื่อยๆ ส่วนพี่ฟิ้งกับพี่เดียวเขาไปกันไกลแล้วครับ พากันเดินไปอีกฝากของไร่เป็นที่เรียบร้อย พี่เดียวดูชอบการขี่ม้ามาก สีหน้าพี่มันเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาเลย

“กูว่า...มันน่าจะสลับกันป่ะวะ มึงควรขึ้นมานั่งข้างบน แล้วกูต้องเป็นคนจูง”

“เอาตรรกกะอะไรมาคิด” ผมเดินดูดอกไม้ไปพลาง คุยกับมันไปพลาง ตาให้คงหาดอกไม้แปลกๆ มาลองปลูกหลายชนิดเลย บ้างก็ตาย บ้างก็เป็น

“ก็ในละครพระเอกเขาก็จูงม้าให้นางเองนั่งนี่”

“กูไม่ใช่นางเอกเว้ย!”

“ฮี่~!” สงสัยสมหวังจะตกใจเสียงผมครับ แฮะๆ

“ไอ้เชี่ยปูน มึงจะฆ่ากันเหรอ”

“ก็มึงอยากกวนตีนกูทำไมล่ะ อย่านะมึง...มีอีกครั้งกูให้สมหวังจัดการเลย”

เท่านั้นแหละ มันก็ไม่กวนผมอีกเลย ฮ่าๆ กูหาวิธีเอาชนะมึได้ล่ะแม้มันจะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตามที โธ่ชีวิตกู T_T

“กูไม่เห็นพ่อแม่มึงเลย”  เอื้อถามหลังจากที่เราเงียบกันมานาน ตอนนี้ผมชักเริ่มเมื่อยล่ะ เจ็บเข่าด้วย เลยบอกให้มันหยุดม้าใต้ต้นไม้ก่อน

“พ่อกับแม่กูตายไปนานแล้ว”

ผมนั่งลงที่พื้นหญ้า เอื้อลงจากม้ามานั่งข้างๆ กัน ผมก็ปล่อยให้สมหวังเล็มหญ้าไป แต่ผูกมันไว้กับต้นไม้แล้ว ม้าตัวนี้มันดื้อครับ ถ้าหลุดไปนี่แย่เลย

“ขอโทษว่ะ กูไม่รู้”

“ถ้ารู้มึงก็เทพไปล่ะ”

“กวนตีน”

“ก็เหมือนที่มึงชอบทำไง” ผมยักคิ้วให้มันสองจึก เอื้อเลยตอบแทนด้วยการวางมือลงบนหัวผมแล้วขยี้แรงๆ “ไอ้เอื้อ ผมกูเสียทรง”

“ต่อให้มันเป็นทรงมึงก็หล่อสู้กูไม่ได้หรอก”

แหวะ มึงหล่อตายล่ะไอ้เวร

แล้วร่างสูงก็เอนหลังลงนอนกับพื้นหญ้าทั้งตัว ผมแอบทึ่งนะ นึกว่ามันจะสำอางกว่านี้เสียอีก ดูดิ นั่นเสื้อโปโลของไอ้เข้ตัวเขียวนะครับ มันไม่กลัวเปื้อนเลย

“อากาศโคตรดี เหมือนได้ฟอกปอดเลย” ใบหน้าหล่อที่มีรอยยิ้มประดับอยู่หันมาหาผม มันเป็นยิ้มจางๆ ให้ความรู้สึกสบายๆ “กูนอนสักแปบได้ป่ะวะ”

“เอาดิ เดี๋ยวกูทิ้งมึงไว้ตรงนี้เอง”

“มึงนี่แม่ง”

“เฮ้ยทำอะไร!” ผมตาโตเลยครับ อยู่ๆ ไอ้เอื้อมันก็เอาหัวมาไว้บนตักผม พอผมจะพลักหัวมันออกมือใหญ่เท่าใบลาน (เวอร์ไป) ของมันก็คว้ามือผมไว้เสียงทั้งสองข้าง “ไอ้เอื้อลุกกก”

“ไม่อ่ะ เมื่อกี้มึงบอกจะทิ้งกู ถ้าทำแบบนี้มึงก็ทิ้งกูไว้คนเดียวไม่ได้”

“แต่มัน…” ผมมองซ้ายมองขวา ไม่อยากให้ใครมาเห็นภาพนี้เลยโดยเฉพาะตา

“ไม่มีใครมองหรอกน่า เรามาไกลตั้งขนาดนี้ กูนอนแปบเดียวเดี๋ยวก็ตื่น”

“ไม่เอา! ไอ้เอื้อลืมตามาก่อน” มันไม่ยอมลืมตาอ่ะครับ มันกวนตีนผมมม แล้วดูนั่น มึงหลับประสาอะไรหน้ามึงยังยิ้มอยู่เลยเนี่ย!

ว่าแต่...ปล่อยมือกูก่อนสิวะ!!
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.9 14.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-01-2017 00:43:06
ฟอร์มพ่อพระเอก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.9 14.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 14-01-2017 01:19:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.9 14.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 14-01-2017 01:52:53
น่าจะแอบรักมานาน
กับมิ้มนี่ก็น่าจะจีบตัดหน้า แหม่รักเค้าไม่บอกเค้า  :katai3:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.9 14.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-01-2017 09:47:50
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.9 14.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 14-01-2017 10:07:38
ดูท่าจะมีอะไร ๆ ในใจมานานนะ มาเร็วเคลมเร็ว ดีไม่ดีแอบสืบว่าเขาอยู่ที่นี่เลยแอบตามมาแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.9 14.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-01-2017 13:28:45
 :ling1: พี่เอื้อคนกวนนนนนน

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.9 14.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-01-2017 14:50:30
ไร่นี้ตั้งตามชื่อของย่าทวด (ยายทวด)ผมเอง ตาทวดตั้งใจสร้างไร่นี้เพื่อเป็นของสู่ขอของยายทวด
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.9 14.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 14-01-2017 16:40:19
เพลินๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.9 14.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 17-01-2017 18:46:01
บทที่ 10
เมื่อน้องปูนนับดาว

“เมื่อหลวงควันและฝุ่นมากมาย
พี่สูดดมเข้าไป ร่างกายก็เป็นภูมิแพ้
ผู้หญิงที่กรุงเทพก็อันตราย
เพราะพวกเธอหลายใจหัวใจพี่เองก็แพ้
ตั้งแต่มาเจอเธอเท่านั้นช่างสุขใจเหลือเกิน
ขอร้องเธออย่าเมินช่วยรักษาใจ”

พี่ฟิ้งร้องจบก็ส่งไมค์ต่อให้พี่เดียวร้องในท่อนถัดไป

“พี่จ๋าถ้าพูดจริงน้องก็คงรักได้
พี่ไม่ได้มาหลอกน้องก็เต็มใจจะรักกัน”

อะไรคือการที่พี่เดียวทำท่าเอียงอายตอนพี่ฟิ้งเดินเข้ามาเชยคางวะ ฮาๆๆๆ

“พี่ไม่ได้มาหลอก  รักของเราจะคงอยู่แสนนาน~”

ภูมิแพ้กรุงเทพ : ป้าง

ฮาๆๆๆ พี่ฟิ้งแม่งเล่นโอบพี่เดียวทั้งตัวเลย ติดที่ว่าที่เดียวตัวใหญ่กว่าพี่ฟิ้งเลยโอบไม่มิด แต่พี่แกก็ยังพยายามส่งสายตาหวานๆ ให้พี่เดียว แล้วนั่น...แล้วนั่น...พี่เดียวครับมึงจะเขินทำไม!

สองคนนี้จะว่าไปก็รั่วๆ ดีเหมือนกัน

“กูจะอ้วก” ไอ้เอื้อมันบ่นพึมพำระหว่างที่พี่สองคนนั้นกำลังร้องท่อนต่อไป


หลังจากพวกเรากินข้าวเย็นกันเสร็จ ลุงคณิตก็พากันตั้งวง นอกจากพวกผมแล้วยังมีลุงๆ น้าๆ ในไร่อีกด้วยครับ ลุงบอกถือเป็นการผ่อนคลายให้คนงานภายในไร่ ซึ่งตาก็อนุญาต แล้วเมื่อกี้ตาก็เพิ่งจะขึ้นไปนอนเอง

เรื่องกับแกล้มอะไรก็พร้อม (ฝีมือพี่เดียวแหละ บอกแล้วพี่แกเก่งจริง) และที่ขาดไม่ได้ก็คือเครื่องดื่ม แต่เครื่องดื่มของลุงคณิตไม่ธรรมดาครับ ผมบอกแล้วไงว่ามันคือเหล้าเถื่อนที่ดีกรีแรงไม่แพ้เหล้าขาว พอพี่ฟิ้งกับพี่เดียวกินไปได้ไม่กี่แก้ว พี่มันก็ออกอาการรั่วกันแล้ว เอื้อก็กินนะ แต่มันไม่ยักเป็นอะไร สงสัยจะคอแข็ง

ส่วนผมอ่ะเหรอ...หึ ถูกไอ้เอื้อสั่งห้ามครับ!!

มึงเป็นพ่อกูหรือไงวะ!

ไม่ได้ครับ ผมจะต้องกินให้ได้วันนี้ เพราะลุงไม่ได้เอามาให้ลองบ่อยๆ

“หยุดเลยนะมึง!” เสียงเข้มดังขึ้นเมื่อผมพยายามจะเอื้อมหยิบแก้วหน้าที่อยู่ข้างๆ ของใครก็ไม่รู้แหละมันถูกวางทิ้งไว้

“อะไรเล่า กูจะกินอ่ะ”

“มึงเป็นแผลกินไม่ได้”

“นิดเดียวเอง จิบเดียวพอเลย” ผมคว้าหมับเข้าที่แก้วเลยครับ แล้วทำไมผมต้องไปต่อรองมันด้วย ผมนี่หลานเจ้าของไร่เลยนะ ใครๆ ก็ฟังผม!

“เอาแก้วคืนกูมาเลย”

นี่แก้วเอื้อเหรอ ถึงว่ามันไม่ยอมให้ดื่ม งั้นผมไปหาแก้วอื่นก็ได้

“ไอ้ขี้งก” ผมพูดเสร็จก็เตรียมจะลุกออกไปหาเป้าหมายใหม่ครับ แต่ติดอยู่ที่แขนท่อนซุงของเอื้อพาดลงมาแล้วล็อกคอผมเอาไว้ก่อน “ไอ้เอื้อปล่อย!”

ผมดิ้นๆๆๆ มันก็กดแรงลงผมแล้วลากผมเข้าไปใกล้ ตอนนี้ไม่มีใครสนใจผมเลยสักคน ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาหัวเราะกับดูโอ้คู่ใหม่ของเมืองไทยที่กำลังแสดงอยู่ตรงลานกว้าง

ใครก็ได้ช่วยผมด้วยยย

“แล้วมึงจะไปไหนล่ะ”

“ก็มึงไม่ให้กูกินเหล้าแก้วมึง กูจะไปหาของคนอื่นกิน”

“แก้วใครก็ไม่ให้เว้ย นี่กูพูดอะไรมึงฟังบ้างป่ะ มึงเป็นแผลอยู่ห้ามกิน”

“นิดเดียวเอง...”

“นิดเดียวก็ไม่ได้!”

โอเค ต่อไปจะเรียกมันว่าพ่อแล้ว!

“ทำไมมึงชอบบังคับกูจังเลยวะ” ผมเลิกดิ้นแล้ว มันอยากจะกอดก็ตามใจมึงเลย เอาให้พอแล้วก็ไม่ต้องมากอดกูอีก!

“ก็มึงมันดื้อ พูดไม่ค่อยฟังก็ต้องบังคับดิ”

“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย อยู่บ้านกูเป็นเด็กดีจะตาย”

“เหรอออ งั้นเป็นให้กูเห็นหน่อยดิ เริ่มจากห้ามดื่มเหล้าวันนี้อ่ะ ทำได้มั้ยคุณน้องปูน”

“มันไม่เกี่ยวกันเว้ย”

“หึหึหึ กินอย่างอื่นไปมึง อ่ะนี่กูป้อน” มันพูดจนก็ตักยำวุ้นเส้นมาจ่อที่ปาก พอผมหันหน้าหนีมันก็ยื่นช้อนตามมาจนต้องกินที่มันตักให้อย่างเสียไม่ได้ “ว่าง่ายอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย”

“อย่างกูนี่ต้องหล่อ” ใช่ ผมอ่ะมันระดับรองเดือนคณะเลยนะ

“เออออ หล่อมากครับ” มันขยี้หัวผมอีกแล้ว แล้วเมื่อกี้มือมันเพิ่งจับแก้วมายังเปียกอยู่เลยอ่ะ!

“โสโครกว่ะไอ้เอื้อ นี่มึงเรียนเภสัชฯ ได้ไงวะสกปกจริงๆ” ผมปัดๆ หัวตัวเอง “อย่างนี้ใครจะกล้ากินยาที่มึงทำ”

“ตอนทำกูก็สะอาดไง อีกอย่างถ้าไม่มีใครกล้ากินเดี๋ยวกูจับกรอกปากมึงเอง” มันยิ้มร้ายๆ ส่งมาให้ หน้าเหมือนวางแผนจะฆาตกรรมผมยังไงอย่างนั้น

“ไม่เอาอ่ะ กลัวตาย”

“ไม่ตายหรอก ไอ้ฟิ้งกับไอ้เดียวลองชิมแล้ว”

“มึงทำยาแล้วจริงดิ เป็นไงๆ สนุกมั้ย” ผมเงยหน้าถามไอ้เอื้อที่ก็ก้มหน้าลงมามองผมอยู่เหมือนกัน มันยังไม่ยอมปล่อยแขนที่ล็อกคอผมอยู่ออกครับ

“อือ ก็...ไม่ว่ะ วุ่นวายฉิยหายเลยอาจารย์ก็โคตรโหด ทำผิดไปนิดเดียวก็เดินมาด่าซะกูเสียคน อย่างอาทิตย์ที่แล้วกูทำพาราน้ำของเด็กป่ะ โคตรวุ่นวาย แม่งทำยังไงก็ไม่ใสสักที กูเลยเลิกทำแม่ง แล้วให้ไอ้ฟิ้งทำแทน สรุปว่ากูลืมใส่สารไปตัวนึง โคตรเวรอ่ะ เลิกแลปเลทเลย”

เอื้อมันเล่าด้วยความเซ็งจริงๆ ครับ ตอนนี้มันไม่ได้มองหน้าผมแล้ว ตามันกวาดมองไปรอบๆ ไร่ มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ยกแก้วหน้าขึ้นมาจิบ

“อ่า...ของแม่งแรงจริงๆ”

เอื้อมันดีอย่างคือมันไม่สูบบุหรี่ แม้ว่ามันจะเป็นพวกคอทองแดง (จิบไปเยอะแล้วแม่งยังไม่เมาเลย) แต่ไม่แตะบุหรี่เลย ปากมันจึงดูอมชมพูแลดูสุขภาพดี

ปากนี้ไงที่ใช้จูบมิ้ม แม่งหมั่นไส้!

ไม่รอช้าผมยื่นมือไปบีบปากมันอย่างแรง นี่แน่ะๆๆๆ ปากนี้ใช่มั้ยที่ซุกคอมิ้ม ปากนี้ใช่มั้ยที่ใช้จีบมิ้ม มึงเสร็จกูแน่!

“อื้อๆๆๆๆ” เอื้อมันโวยวายแล้วดิ้นไปดิ้นมา

หึหึหึ อย่าคิดว่ากูจะปล่อยง่ายๆ นะมึง...อ๊ะ! มันบีบจมูกผม!!

“กูหายใจไม่ออก” เสียงผมตอนนี้แม่งโคตรตลกอ่ะ แต่ไม่มีเวลามานั่งขำหรอก ผมต้องเอาคืน!!

หมับ!

“เลิกเล่นไร้สาระได้แล้วมึง”

เอื้อมันอาศัยจังหวะทีเผลอปล่อยคอผมแล้วรวบมือที่บีบปากมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ผมก็ยิ่งดิ้นๆ ให้หลุดสิครับ ใครมันอยากจะไปถูกจับไว้แบบนี้ล่ะ

“ปล่อยนะเว้ย”

“ไม่ เอ้ย!”

ตุบ!!

ผลสุดท้ายเราก็ตกจากแคร่ไม้ที่นั่งอยู่ลงมากองบนพื้นหญ้า แต่ผมไม่เจ็บเลยสักนิด เพราะร่างสูงใหญ่ของอีกคนกลายเป็นเบาะรับแรงกระแทกของผม กลายเป็นว่าตอนนี้เหมือนผมนอนนิ่งๆ ให้มันกอด

โมเม้นต์นิยายแบบนี้มันอะไรกัน! แล้วนี่จะไม่มีใครสนผมจริงๆ ใช่มั้ย!

ไล่ออก! อย่างนี้ต้องให้ตากับยายไล่ออก!!

ผมล้อเล่นครับ ไม่ทำหรอก แหะๆ

“ไงล่ะ เล่นจนได้เรื่องเลยนะมึง” เสียงจากไอ้คนข้างใต้ตัวผมครับ ดูมันนอนหงายหลังสบายใจเฉิบเลย มันไม่ได้กักตัวผมไว้แล้ว กลับเอามือทั้งสองข้างไปหนุนหัว

“เพราะมึงแหละแม่ง”

ผมลงจากตัวเอื้อแล้วเตรียมจะลุกขึ้น แต่ถ้ามันยอมให้ผมลุกไปได้ง่ายๆ ก็ไม่ใช่ไอ้เอื้อใช่ป่ะ มันดึงผมให้ลงมานอนด้วยกันข้างๆ ครับ

แม่ง ขี้บังคับสุดๆ

“อะไรของมึงเนี่ย”

“มึงดูดาวดิ โคตรสวยเลย ที่บ้านกูไม่มีแบบนี้นะ” ว่าแล้วมันก็ชี้ไปที่ดวงดาวนับแสนล้านดวงบนท้องฟ้า มันก็สวยจริงนะ แต่ผมชินแล้ว ผมเห็นมาตั้งแต่เล็กๆ

“มึงก็ย้ายบ้านมาอยู่นี่ดิ” ผมพูดขำๆ ไม่ได้จะให้มันมาจริง แต่…

“เออ มาอยู่กับมึงเนี่ยแหละ” อีกคนดันตอบรับเสียอย่างนั้น

“เอาดิ จะให้ไปนอนกับไอ้สมหวังเลย”

“มันคงกระทืบกูตาย”

“ไม่หรอก ถ้ามึงไม่ไปยุ่งกับสมปองของมันนะ”

แล้วผมกับมันก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนที่เราทั้งคู่จะเงียบเสียงตัวเองลง ฟังเสียงเพลงที่ถูกเปลี่ยนเป็นเพลงเบาๆ สบายๆ ขับร้องโดยพี่จุ้ม พร้อมกับนอนนับดวงดาวบนท้องฟ้าไปด้วย

ผมนะที่นับ ไม่รู้ว่าไอ้เอื้อมันคิดอะไรของมัน

คุณเคยมีความคิดที่อยากจะนับดวงดาวบนท้องฟ้าให้ครบมั้ย ผมมีนะ แล้วเวลานอนดูดาวเนี่ยผมก็นับมันตลอดเลย แต่พอนับไปสักพักก็รู้เริ่มงงๆ ว่าผมนับซ้ำหรือเปล่า แล้วก็กลับมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ ประสาทดีนะว่ามั้ยที่ผมมาทำอะไรไร้สาระแบบนี้

“เอ๊ะ กูนับดวงนี้ไปหรือยังวะ” เสียงบ่นพึมพำดังมาจากคนข้างๆ

มันก็นับดาวเหมือนผมเหรอ

“มึงนับได้กี่ดวงแล้ว” มันหันมาถามด้วยเสียงทุ้มๆ พร้อมรอยยิ้มจางๆ วันนี้มึงยิ้มบ่อยจังวะ ไอ้เอื้อหน้าโหดเมื่อตอนก่อนๆ หายไปไหนแล้ว ทำไมเหลือแต่ไอ้เอื้อที่กวนตีน แล้วก็ยิ้มง่าย

“ยี่สิบหก มึงอ่ะ”

“สามสิบเอ็ด”

เชี่ยยย ขนาดนับดาวมันยังนับได้มากกว่าผมอ่ะ ไม่ยอมๆ ผมจะไม่เเพ้มัน!

“มึงนับผิดเปล่า อาจจะนับซ้ำก็ได้ จริงๆ แล้วได้แค่สิบกว่าดวง”

“ขนาดเรื่องแค่นี้ยังไม่ยอมกูนะมึง” มันพูดจบก็ผลักหัวผมเบาๆ ด้วย หึย! เห็นว่าอายุมากกว่าหรอกเลยไม่อยากทำคืน ผมเป็นคนมีมารยาทครับ “ปูน…”

“อะไร”

“ทำไมมึงถึงชอบมิ้มวะ”

คำถามของมันทำให้ผมนิ่งเงียบ ตอนนี้อยู่ในช่วงตัดใจไง ถ้าทำได้อย่าเอ่ยชื่อนี้ครับ ถึงมันจะไม่ได้เจ็บปวดแต่พอนึกถึงทีไรก็ไม่ค่อยปกติ แต่น่าขำตรงที่คนถามผมดันเป็นศัตรูหัวใจ แล้วก็มันไม่ใช่เหรอเป็นคนที่ทำให้ผมต้องตัดใจจากมิ้ม

“กูชอบรอยยิ้มของมิ้ม…” ผมพูดพร้อมนึกถึงรอยยิ้มของเธอไปด้วย ก่อนมันจะแทนที่ด้วยภาพเธอเดินไปกับคนอื่นซึ่งไม่ใช่ผม

ไอ้คนที่นอนข้างๆ ผมอยู่ตอนนี้อย่างไรล่ะ

“มึงอาจจะแค่ประทับใจเขาเฉยๆ ไม่ได้ชอบก็ได้” มันเสนอความเห็นที่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ ผมแยกไม่ออกว่าประทับใจกับชอบมันแตกต่างกันอย่างไร เพราะสุดท้ายมิ้มก็เป็นคนทำให้ผมมองหาอยู่เรื่อยไป “แล้วที่มึงไม่จีบมิ้มสักทีนี่เพราะกูเหรอ”

“เปล่าหรอก จริงๆ กูตัดใจจากมิ้มแล้ว”

“ง่ายขนาดนั้น”

“ก็นะ ถ้ามึงรู้ตัวว่าต่อให้ทำยังไงเขาก็ไม่มีทางเลือกมึงอ่ะ มึงก็ต้องตัดใจง่ายๆ อยู่แล้ว”

“มึงลองแล้วหรือไง”

“ที่พูดนี่คือจะให้กูไปจีบมิ้ม?” ผมว่าความรู้สึกของผมมันเลยจุดนั้นมาแล้ว ให้กลับไปอะไรๆ กับเธออีกคงไม่ ในเมื่ออย่างไรเธอก็มองผมแค่เพื่อนคนหนึ่ง

ถ้าผมยังรู้สึกกับมิ้มแบบนั้นอยู่ผมไม่มานอนคุยกับเอื้อมันแบบนี้หรอกครับ แค่เหยียบในไร่ผมก็ไม่มีทาง

“เปล่า มึงตัดใจน่ะดีแล้วล่ะ...ดีแล้ว”

“ที่มึงบอกว่าดี เพราะต่อไปกูจะได้ไม่ต้องไปกวนใจมึงใช่ป่ะ”

“กูจะได้เลิกกับเขาเสียที” เสียงเอื้อแผ่วเบา แต่ผมก็ยังได้ยินชัดเจน

“ทำไม...เอ๊ะ?”

อีกคนไม่ตอบคำถามของผม เอื้อกันหน้ามาหา ก่อนที่มือใหญ่จะเลื่อนเข้ามาใกล้หน้าผมแล้ววางทับบนดวงตาทั้งสองข้าง ทำให้ด้านหน้าของผมมืดสนิท ไม่นานนักผมก็รู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่บริเวณข้างแก้ม ตัวผมเกร็งโดยอัตโนมัติ

“กูไม่อยากมองตาเศร้าๆ ของมึงเลยว่ะ”

“...”  มันใกล้มาก...เสียงของไอ้เอื้อทุ้มต่ำ ชิดกับใบหูของผม ความรู้สึกประหลาดก่อนตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

“หน้ามึงเหมือนคนจะร้องไห้” ไม่เห็นรู้ตัวเลย ผมว่าผมก็ปกตินะ “อย่าเสียใจเพราะมิ้มเลย ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่มึงคิดถึงเขาได้หรือเปล่า”

“...”

“อย่าไปนึกถึง อย่าไปคิด อย่าไปเสียใจ”

ผม...

“สักวันก็ต้องเจอคนของมึง”

“...”

“คนที่มึงรักเขา และเขาก็รักมึง…”

น่าแปลกที่พอเอื้อพูดแบบนั้น ผมกลับรู้สึกว่าผมจะทำได้ ผมจะไม่คิดถึงมิ้ม ไม่เสียใจ และลบความรู้สึกที่มีต่อเธอได้ในทันที

♣♣♣♣♣
สายๆ ของวันถัดมา

วันนี้ผมต้องกลับแล้ว ไม่อยากไปเลย

ฮืออออออ

“ปูนทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยลูก” ยายลูบหัวผมเบาๆ

“ก็ไม่อยากกลับ อยากอยู่กับยาย”

“แหมะไอ้นี่ อ้อนเมียกูอีกล่ะ!”

“ตาจะไปเข้าใจอะไรเล่า ตาได้อยู่กับยายทุกวันตาจะรู้สึกเหมือนปูนได้ไง” ผมหันไปตอบตาก่อนจะซุกตัวกอดยายแน่น “ยายจ๋า ทิ้งตาแล้วไปอยู่กับปูนที่หอเถอะ”

“บร๊ะไอ้นี่! ชวนเมียข้าหนีตามเหรอฮะ” ตาท้าวเอวตวาดลั่นบ้าน เรื่องปกติครับไม่ต้องตกใจ แต่แขนที่มาเยื่อนอาจจะไม่ค่อยชินเท่าไหร่ เพราะ…

“ใครมันจะช่วยแฟนพี่เพิ่มหนีตามครับ!!” พี่เดียวรีบวิ่งลงบันไดมาเลยครับ หัวนี่ยังฟูๆ อยู่เลย โคตรฮา พวกพี่เดียวก็ช่างเอาใจคนแก่นะ เรียกตาผมว่า ‘พี่เพิ่ม’ ทุกคำเลยอ่ะตานี่ยิ้มหน้าบานเลย

“ก็ไอ้หลานตัวดีนี่สิวะ! จะเอาเมียข้าไปอยู่ด้วย” ตาชี้นิ้วมาทางผม

“โธ่ ผมก็นึกว่าใคร” พี่มันทำหน้าโล่งใจแล้วเดินลงมาข้างล่าง ในมือถือกระเป๋าเป้ใส่ของมาด้วย พี่เดียวหยุดยืนอยู่ข้างผมแล้วตบไหล่ “ถ้าเหงามาหาพี่ก็ได้นะ คืนพี่กลิ่นให้พี่เพิ่มเถอะ”

พี่กลิ่นของพี่เดียวก็คือยายผมเองครับ

“ไอ้นี่พูดดีๆ คืนเมียข้ามาเลยเว้ย!”

“ไม่ให้ ยายเป็นของปูนนับจากตอนนี้จนกว่าปูนจะกลับ นะๆๆ ตานะๆๆ”

“เออ ข้าเห็นแก่ไอ้สมใจหรอกนะเว้ย” ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยตา

เอ้อ มีอะไรจะบอกกกก เมื่อคืนผมได้นอนคนเดียวด้วยล่ะ เย้ๆ ต้องขอกราบขอบพระคุณคุณลุงคณิตที่น่ารักของผม อยู่ๆ ลุงก็เข้ามาบอกกับเอื้อว่าให้ไปนอนกับแกเมื่อคืน เอื้อมันก็งงๆ นะครับแต่มันก็ยอมไม่ไปนอนกับลุงคณิตที่ห้องข้างล่าง ผมก็เลยได้นอนสบายบนเตียงกว้างงงง แต่มันก็ต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าห้องผมอยู่ดี เพราะกระเป๋ามันอยู่ที่นั่น

นั่นไง นึกถึงก็ลงมาพอดี ตายยากชะมัด

เอื้อเดินลงบันไดมาพร้อมพี่ฟิ้งที่สภาพย่ำแย่มากไม่ต่างจากพี่เดียว หน้าพวกพี่ๆ โคตรโทรม เมื่อคืนนักร้องดูโอ้ของเราเป็นขวัญใจคนในไร่ ก็เลยโดนมอมไปเยอะเหมือนกัน ตื่นมาได้ผมนี่แอบทึ่งนะ พวกพี่มันเก่งจริงๆ คนที่ดูดีที่สุดก็คือเอื้อครับ มันดื่มไปหลายแก้วแต่ก็ไม่เมาสักมี ผมเลยถามว่าทำไมเมื่องานวันเกิดพี่บุ๊คถึงได้เมาขนาดนั้น มันบอกพี่บุ๊คแกล้งให้มันกินเหล้ากับเบียร์สลับกัน นั่นแหละ เป็นใครก็น็อค

“ลงกันมาแล้วหนุ่มๆ มากินข้าวเช้ากันก่อนมาเร็ว จะได้สร่างเมา”

ยายลุกไปเตรียมอาหารเช้าให้ทั้งสามคนรวมทั้งผมด้วย มื้อเช้าเป็นข้าวต้มร้อนๆ ครับ พี่ฟิ้งเป็นคนเดินไปช่วยยายตักแล้วทยอยเอาออกมาเสิร์ฟ ของพี่เดียวกับไอ้เอื้อนี่เยอะพอๆ กัน

“จะกินหมดเหรอมึง” ผมถามเอื้อที่นั่งฝั่งตรงข้าม

“มันจะลุกไปเติมด้วยซ้ำปูนดูไว้เถอะ” พี่ฟิ้งที่นั่งข้างมันเป็นคนตอบ ส่วนข้างผมเป็นพี่เดียว “เอื้อมึงเอากาแฟมั้ย”

“เออ ก็ดีว่ะ”

“มึงขับรถกลับไหวป่ะวะ”

“สบาย ไม่ไหวก็ให้ไอ้ปูนขับให้ มึงไม่ต้องห่วงหรอก”

พี่ฟิ้งเหมือนจะไม่เห็นด้วย สุดท้ายพยักหน้ารับก่อนจะหันไปกินของตัวเองต่อ แต่ก็คอยถามโน่นถามนี่ไอ้เอื้ออยู่เรื่อยว่าจะเอาอะไรมั้ย เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ บริการดีมาก ถ้าพี่ฟิ้งดูแลเอื้อแล้วผมต้องดูแลพี่เดียวบ้าง ผมชอบพี่เดียวนะ ฮาดี อยู่กับไอ้กล้าคงไอ้ขำกันทั้งวัน

“พี่เดียวเพิ่มข้าวต้มมั้ยพี่”

“เออเอาดิ แต่เดี๋ยวพี่ไปตักเองก็ได้”

“ไม่เป็นไรๆ ผมตักให้เอง” ขืนปล่อยให้พี่มันตักข้าวต้มคงหกรดตัวพี่มันอ่ะครับ หน้าพี่เดียวยังไม่ค่อยตื่นดีเลย

“เอื้อมึงเอาเพิ่มมั้ย”

“เดี๋ยวกูไปตักเองฟิ้ง”

เสียงแว่วๆ จากทางด้านหลังดังได้ไม่กี่นาทีร่างสูงก็มายืนข้างผมที่หน้าหม้อข้าวต้ม มันยื่นชามข้าวต้มมาให้ แล้วออกเสียงสั่ง

“เอาข้าวเยอะๆ น้ำน้อยๆ”

สั่ง...สั่งกูตลอดอ่ะ

“แปบนึง ตักให้พี่เดียวก่อน”

“ให้กูก่อนดิ กูยังหิว”

“อะไร กินไปตั้งเยอะแล้วนะ”

“ไม่ได้ครึ่งกระเพาะกูอ่ะ” ถ้าจะจริงครับ เพราะมื้อเย็นเมื่อวานมันกินเยอะมากกกก มันกับพี่เดียวแทบเปิดงานแข่งกินจุกันเลยทีเดียว

“อ่ะ อยากได้แค่ไหนยังไงมึงตักเองเลย กูไปล่ะ” ผมส่งทัพพีให้มันแล้วเดินกลับเอาข้ามต้มมาให้พี่เดียวที่โต๊ะ

“ขอบใจครับปูน”

“ไม่เป็นไร พี่เดียวเอาน้ำส้มมั้ย”

“เอาๆๆ อะไรก็เอาหมด พี่เป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย” พี่มันยิ้มแป้นให้ผม เหมือนไอ้กล้าจริงๆ

ในขณะที่ทำกำลังเทน้ำส้มให้พี่เดียว ไอ้หน้าโหดก็เดินออกมาจากครัว มันออกเสียงสั่งทันที

“ขอกูด้วย” อะไร เป็นอะไรของมันอีกอ่ะ

“เออๆๆๆ” เอาใจมันหน่อยครับ วันนี้มันเป็นคนขับรถ รถก็รถมันด้วย เดี๋ยวเกิดมันไล่ผมลงจากรถกลางทางนี่แย่เลย

“หึ ไอ้เอื้อไอ้เด็กขี้อิจฉา”

“เรื่องของกูเว้ย”

======================================================
============================================
ฮัลโหลลลลค่ะทุกคนนนน
ตอนนี้ก็เรื่อยๆ เนอะะ ไม่มีไรมากก แค่เขากำลังเริ่มๆ จะจีบกันหรือเปล่า  :z2:
ขอบคุณที่ตรวจคำผิดให้นะคะ เดี๋ยวจะตามไปแก้ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ร๊ากกกกก ทุกคนนะคะ :)
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 17-01-2017 19:21:52
แสดงว่า พี่เอื้อน่าจะชอบน้องปูนมานานแล้วนะ
ที่คบกับมิ้มนี่เพื่อกันท่าปูนใช่ไหม
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-01-2017 19:56:49
ขี้อิจฉานะพี่เอื้อ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-01-2017 20:33:18
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 17-01-2017 21:11:09
น้องปูน น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-01-2017 21:29:05
ยังไงครับพี่เอื้อ บอกน้องปูนไปได้แล้ว
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-01-2017 22:12:54
เอะ ยังไงๆอยู่นะเอื้อ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 18-01-2017 00:36:13
ปูนน่ารัก คือ พี่เอื้อนี่ดูท่าจะชอบน้องปูนมานานแล้วสินะ

ส่วนลุง ไปเห็นฉากมะวานเข้าหรือเปล่า เลยให้ไปนอนกะลุง

แล้วเขาจะจีบกันยังไง มิ้ม นี่จะไม่ตามมาตบหรอ ถ้าพี่เอื้อ มาคบกับปูน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 18-01-2017 05:54:27
น่ารัก
อ่านแล้วอยากไปเที่ยวแถวบ้านน้องปูนเลย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 18-01-2017 10:41:41
เข้าใจนะว่าเอื้อน่าจะชอบปูนมานานแล้ว แต่ยังไม่เคลียร์ประเด็นซุกมิ้มต่อหน้าปูนที่ร้านเหล้านะ แถมพอขึ้นรถมายังซุกไซร์ต่ออีก ชอบปูนไม่ชอบมิ้มแล้วที่ทำนี่คือไร
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-01-2017 18:38:06
ว้าวววว แสดงว่าพี่เอื้อคงแอบชอบปูนมานานแล้วล่ะซิ
การเริ่มต้นลงมือก็คือกันคนที่ปูนสนใจออกไปก่อน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 18-01-2017 20:46:56
พี่เอื้อ เป็นเอามาก  :hao7:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 18-01-2017 23:34:37
 :mew1: 
สนุก ปักๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 19-01-2017 00:00:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 19-01-2017 00:25:40
แกมันร้ายเอื้อ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 19-01-2017 00:55:45
เหอ ๆ แค่นี้ก็เอาบาทสองบาทเอื้อเอย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.10 17.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 19-01-2017 21:24:57
บทที่ 11
เมื่อน้องปูนรู้สึกสงสัย?


ไอ้เอื้อนี่มันปัญหามากจริงๆ ครับ ขนาดจะกลับกันอยู่แล้วมันยังไม่วายเรื่องมากเลย มันมีปัญหาเรื่องอะไรอีกอ่ะเหรอ เรื่องงี่เง่ามากครับ เรื่องที่ว่าคือ…

มันไม่ยอมให้พี่ฟิ้งนั่งข้างมัน

ไอ้ประสาท!!

“มึงก็มานั่งกับกูเนี่ยฟิ้งจะอะไรมากมาย” พี่เดียวที่ทนมานานกับปัญหาซึ่งตกลงกันไม่ได้สักที ตอนนี้เราก็เลยยังไม่ได้ออกรถไปไหน ติดอยู่ที่ปั๊มน้ำมันในจังหวัด ทั้งๆ ที่ตอนออกมาจากไร่ก็ไม่เห็นมีปัญหา เอื้อขับ พี่ฟิ้งนั่งด้วย ผมกับพี่เดียวนั่งข้างหลัง (พี่เดียวหลับมาซบผมด้วยครับ น้ำลายเกือบยืดลงเสื้อผมแน่ะ) แต่จู่ๆ มันก็ไม่ยอมขึ้นมาซะงั้น

“ไม่เอา กูไม่อยากนั่งข้างหลัง ตอนมากูนั่งแล้วอ่ะ” พี่ฟิ้งก็ไม่ยอมท่าเดียวเลยครับ

“เอื้อ มึงก็ขับๆ ไปเถอะแปบเดียวก็ถึงมอแล้ว” คราวนี้พี่เดียวหันไปเจรจากันคนขับแทน ซึ่งคนอย่างมันน่ะเหรอจะยอมง่ายๆ แต่มันไม่ตอบครับ แม่งเดินหนีไปเลย

ขับรถกลับแล้วทิ้งมันไว้เลยดีป่ะวะ มันว่าผมว่าดื้อกับมัน มันก็ดื้อไม่แพ้ใครเหมือนกัน

“เอ้าไอ้นี่ เดินหนีกูเฉย”

“เดี๋ยวผมไปคุยเองครับพี่เดียว”

“ไม่ต้อง พี่ไปเองปูน” พี่ฟิ้งเสนอตัว

“มึงอยู่นี่เลยไอ้ฟิ้ง” พี่เดียวดันตัวพี่ฟิ้งให้กลับเข้าไปนั่งในรถตามเดิม

ผมเดินตามร่างสูงที่ตรงไปยังร้านกาแฟชื่อดัง อ่า แอร์เย็นจริงๆ ข้างนอกอากาศร้อนจนตับแตกเลยครับ เพราะแบบนี้หรือเปล่าเมื่อกี้เอื้อเลยดูอารมณ์เสียนิดๆ

“คาปูชิโน่สองแก้ว ลาเต้แก้วนึงครับ”

“แล้วก็ช็อกโกแลตเย็นด้วยครับ” ผมสั่งตามหลัง ให้ไอ้คนขี้เก็กหันมาเหลือบตามองแล้วหันกลับไปไม่สนใจผม

อะไรวะ

“เป็นไรอ่ะมึง ไม่พอใจอะไรอีก”

“...” เงียบครับ มันไม่ตอบแต่หันไปจ่ายเงิน

“เดี๋ยวกูจ่ายคืนนะ” ผมพยายามยิ้มให้กับไอ้คนที่ทำหน้าบึ้งราวกับไปกินรังแตนมา อะไรวะ แค่นี้ต้องโกรธกันด้วยเหรอ “เอื้อ”

“อะไร” เสียงห้วนสุดอะไรสุด

“มึงก็ยอมๆ พี่ฟิ้งหน่อยดิ พี่เขาก็อยากนั่งหน้าบ้างไง ตอนมาพี่เดียวได้นั่งไม่ใช่เหรอ สลับกันงี้”

“ตอนมามันก็นั่งหลังได้ ทำไมตอนกลับมันจะนั่งไม่ได้ล่ะ” มันตอบกลับด้วยเสียงนิ่งๆ

“ไม่สงสารพี่เขาเหรอ”

“สงสารคนขับอย่างกูป่ะ กูต้องขับนะ ตามใจกูบ้างดิ มึงอ่ะอะไรๆ ก็ตามใจไอ้เดียวหมดเลย ” อ้าว ไหงกลายมาเป็นเรื่องนี้ได้

“กูไม่ได้ตามใจพี่เขา”

“เมื่อกี้ตอนเดินเซเว่นมึงก็ถามมันว่าจะเอาอะไรมั้ย ตอนเช้าก็ยังไปตักข้าวต้มให้มันอีก ไม่เห็นถามกูเลย” เอื้อมันเป็นเด็กหรือไงวะ ทำไมขี้น้อยใจจัง

“มึงดูหน้าพี่มันดิ ปล่อยให้เดินไปเองอาจจะเกิดอุบัติเหตุก็ได้ นี่กูช่วยเพื่อนมึงอยู่นะ”

“นั่นแหละตามใจมัน” มันหันไปถือกาแฟ ก่อนจะยื่นคาปูชิโน่แก้วหนึ่งมาให้ผม “เอาไปให้ไอ้เดียวด้วยเลย”

อ้าว! หนีกูอีกล่ะ

“เอื้อๆ มึงก็กินคาปูชิโน่ป่ะวะ”

“เออ”

“งั้น…”

สูดดดดด

ผมจัดการดูดกาแฟในแก้วเข้าไปเต็มๆ จนมันพร่องไปจนเห็นได้ชัด

“มึงทำอะไรเนี่ยไอ้ปูน ของไอ้เดียวนะเว้ย”

“มึงก็เอาแก้วนั้นไปให้พี่เดียวแล้วกัน เดี๋ยวกูถือแก้วของมึงให้เอง” ผมยิ้มให้มัน “แค่นี้ก็กลายเป็นกูมึงถือกาแฟให้มึงแล้วนะ นี่กุอุตส่าห์ถือให้มึงเลยนะ ตามใจมึงสุดๆ (เกี่ยวเหรอวะ) เลิกน้อยใจได้แล้ว”

“กูไม่ได้น้อยใจเว้ย แล้วแม่ง...แดกกาแฟกูไปอีก” มันบ่นหงุงหงิงอะไรอีกก็ไม่รู้ครับ ก่อนจะเดินนำไปที่รถ

“อ้าว พี่เดียวขับเหรอ” ผมถามพี่เดียวซึ่งตอนนี้นั่งประจำที่หลังพวงมาลัยรถเรียบร้อยแล้ว ส่วนพี่ฟิ้งก็นั่งข้างๆ

“อือ ก็ไอ้เอื้อมันจะไม่ขับถ้าไอ้ฟิ้งไม่นั่งหลัง พี่ก็จะขับแทน”

แล้วกูจะฝากชีวิตไว้ได้มั้ยเนี่ย

“อ่ะ กาแฟของพวกมึง” ไอ้เอื้อมันส่งกาแฟทั้งสองแก้วให้กับพี่ฟิ้งถือไว้ ก่อนจะขึ้นรถไปนั่งข้างหลังด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “มึงจะยืนอีกนานป่ะวะ”

อะไรของมันวะ!

“เออๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”

แล้วผมก็ขึ้นไปนั่งกับมันที่เบาะหลัง รถเอื้อไม่ใช่แนวที่พระเอกนิยายชอบใช้กันครับ ไอ้ที่แบบนั่งได้แค่สองคนอะไรนั่นอ่ะ รถมันเป็นแนวรถครอบครัว ที่นั่งได้มากกว่าสี่คน กว้างขวาง นั่งสบาย แถมนอนได้ด้วย

ตุบ

เชี่ยยยย!

ไอ้เอื้อมันเอาอีกแล้วอ่ะ มันทำเรื่องอีกแล้วครับ!

“อยู่เฉยๆ” นั่น มาดุกูอีก ก็มึงกำลังนอนหนุหตักกูจะให้กูอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรได้ไงวะ

“ยกหัวหล่อๆ ของมึงออกไปเลย” ผมขยับหนี มันก็ขยับตามมาหนุน

“กูขอนอนแปบเดียว”

มึงจะมาหลับตาใส่กูแบบครั้งที่แล้วไม่ได้นะ กูจะไม่…

“ให้มันนอนไปเถอะปูน เมื่อวานมันก็ต้องนอนดึกเพราะเก็บซากพวกพี่สองคนแล้วยังตื่นเช้าเพราะพี่คณิตต้องรีบออกไปทำงานอีก สงสารมันหน่อยนะ”

สิ่งที่พี่เดียวพูดทำเอาผมไม่กล้าจะเถียงต่อเลยครับ ถึงมันจะไม่แสดงออกว่ามันง่วงมากเท่าพี่เดียวแต่มันก็เป็นคนที่นอนดึกที่สุดแล้วตื่นเช้าที่สุดในพวกผมจริงๆ

งั้นเห็นแก่พี่เดียว ผมยอมก็ได้ครับ…

“เออ อยากนอนก็นอนไปเลย”

“หึ เชื่อฟังไอ้เดียวจังนะ”

“มึงว่าไงนะเอื้อ” เมื่อกี้ฟังไม่ชัดครับ มันพูดเสียงเบามาก แล้วพอถามอีกครั้งมันก็ไม่ตอบ นี่มึงกวนตีนกูอยู่ป่ะวะ!

พี่เดียวขับไปสักพักไอ้คนที่นอนตักผมอยู่ก็หลับไปจริงๆ ครับ มันกรนเบาๆ ด้วยอ่ะ อยากถ่ายเก็บไว้ชะมัด แล้วเอาไปประจานมันในโซเชียลมีเดียให้มันได้อายเล่น ฮ่าๆ แค่คิดผมก็อารมณ์ดีแล้วครับ

“ไอ้เดียว มึงไปส่งไอ้เอื้อที่ไหนวะ หอมันหรือหอเด็กมัน” พี่ฟิ้งถามเพื่อนตัวเองขณะที่ผมกำลังถ่ายรูปไอ้เอื้ออยู่ ผมว่ารูปมันเบาไป เอาเป็นวีดิโอเลยแล้วกัน มีเสียงมันกรนด้วยตลกดี

“อะไรของมึงเนี่ย ก็ต้องหอมันดิวะ”

“เหมือน แต่เมื่อเช้ากูได้ยินมันคุยโทรศัพท์ว่าจะไปหอมิ้มอะไรเนี่ยแหละ”

ผมชะงักมือที่กำลังกดชัตเตอร์โทรศัพท์ ไอ้เอื้อมันจะไปหอมิ้มอีกแล้วเหรอ ก็ไหนว่าจะเลิกยุ่ง…

“จริงดิ รอมันตื่นมาแล้วถามมันแล้วกันยังไงนี่ก็รถมันอยู่แล้ว” พี่เดียวสรุปเองเสร็จสรรพ

“มึงว่ากับมิ้ม ไอ้เอื้อมันจะคบนานป่ะวะ คนก่อนๆ เดือนเดียวเอง” พี่ฟิ้งก็ยังชวนพี่เดียวคุยเรื่องไอ้เอื้อต่อไป “เห็นว่านอกจากมิ้มแล้วมันคุยกันคนอื่นด้วยนี่”

“มึงจะมาพูดกับกูทำไม ก็ถ้ามันตื่นมึงก็ถามมันเลยครับ”

“ถามก็ไม่ยอมบอกหรอก ไอ้นี่มันเป็นเสือซุ่ม”

ผมก้มลงมอง ‘เสือซุ่ม’ ที่ตอนนี้หลายเป็น ‘เสือหลับ’ ไปเรียบร้อยแล้ว หน้าตามันก็ไม่ได้ดูเจ้าชู้เลยนะเอาจริงๆ แสดงว่าผมคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่ให้มันเลิกยุ่งกับมิ้ม แต่มันกลับ…

เอาไว้ถ้ามันตื่นผมจะถามมันอีกทีแล้วกันว่าจะเอายังไงกันแน่

“มันเจ้าชู้มากเลยเหรอพี่ฟิ้ง”

“อ้าวปูน ฟังอยู่เหรอ”

“แหะๆ ก็นิดๆ ครับ” ผมส่งยิ้มแห้งๆ ให้พี่ฟิ้งที่หันหลังมาคุยด้วย

“มากครับ มันไม่เคยหรอกคบใครทีละคน ไอ้นี่มันชอบหลายๆ คนในครั้งเดียว”

ผมอดรู้สึกสงสารมิ้มขึ้นมาไม่ได้ มิ้มชอบมันมากมองผมก็รู้แล้ว สายตาเวลาที่มิ้มมองไอ้เอื้อแต่ละครั้งก็เต็มไปด้วยประกายแห่งความชื่นชม ถึงไอ้เอื้อมันจะคอยบอกผมเสมอจนผมเริ่มเชื่อว่ามันไม่ได้เป็นอะไรกับมิ้มจริงๆ แต่ความรู้สึกของมิ้มที่ให้มันคงเกินกว่า ‘ไม่ได้เป็นอะไรกัน’

มิ้มจะรู้เรื่องนี้หรือเปล่าวะ…

พอเลยไอ้ปูน มิ้มจะรู้หรือเปล่าก็ไม่ใช่เรื่องของมึงเว้ย! มึงขอร้องไอ้เอื้อไปแล้วและมันก็บอกจะทำตาม มึงต้องเชื่อคำพูดมันดิวะ แค่มันเลิกยุ่งกับมิ้มก็พอ แล้วจบ! เลิก!

อย่าๆ อย่าสับสน อย่าไขว้เขวด้วย!

“มึงก็พูดไปฟิ้ง มึงตัวติดกับมันหรือไงถึงได้รู้ว่ามันทำอะไรแบบนั้น” พี่เดียวขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วหันมามองผมแปบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองถนน “ปูนอย่าไปเชื่อมันอยากรู้อะไรถามกับไอ้เอื้อเอา”

“มึงนี่ยังไง กูเป็นเพื่อนมันนะ กูก็ต้องรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับมันดิวะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวแค่ไหน มึงมาทีหลังอย่ามาทำเป็นพูดได้เดียว”

“เออ กูมาทีหลัง แต่กูก็รู้ว่าสิ่งที่มึงพูดอ่ะคือการใส่ร้ายมันทั้งที่มันไม่ได้อธิบายอะไร”

อ้าว...ทำไมกลายเป็นพี่สองคนจะทะเลาะกันแล้วล่ะ

“กูไม่ได้ใส่ร้าย! กูพูดความจริง!”

“มึงใส่ร้าย” พี่เดียวพูดอย่างไม่ยอมแพ้ ซึ่งพี่ฟิ้งก็เช่นกัน ผมละกลัวเสียงของพี่เขาจะปลุกเอื้อให้มันตื่นขึ้นมาจริงๆ

“กูเปล่า ความจริงทั้งนั้น!”

เอื้อมันตื่นแล้วครับ! มันลืมตามองผมพลางขมวดคิ้ว คงไม่ชอบใจที่มีคนส่งเสียงดังรบกวนการนอนของมัน ตอนแรกมันคงอยากลุกขึ้นมาด่า (หน้ามันเอาเรื่องมาก) แต่แล้วมันก็นอนเฉยๆ ผมใช้มือทั้งสองข้างผิดหูเอื้อไว้ ไม่รู้ว่ามันจะช่วยได้มากหรือเปล่า แต่ผมไม่อยากให้มันได้ยินสิ่งที่เพื่อนๆ มันกำลังจะพูดกันต่อไป

“มึงจะมารู้อะไรเรื่องมันไอ้เดียว มึงมาทีหลัง เมื่อก่อนมันก็เป็นแบบนี้ มันเป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วกูรู้!”

“แม่งอ้างเรื่องมาทีหลังอีกแล้ว มาก่อนแล้วไง มาทีหลังแล้วไง ก็เพื่อนเหมือนกันนั่นแหละ!”

เอื้อยกมือขึ้นมาแนบกับมือผมที่หูมันแล้วหลับตาลงด้วยแววตาเศร้าๆ มันก็คงไม่อยากได้ยินเรื่องที่เพื่อนสองคนของมันทะเลาะกันอีกแล้ว

“ไม่เหมือน มึงผูกพันธ์กับไอ้เอื้อเท่ากูหรือเปล่าล่ะ มึงหวังดีกับไอ้เอื้อได้เท่ากูมั้ย ไม่! มึงมันก็แค่เพื่อนมหา’ลัย กูเพื่อนมันมาทั้งชีวิต!”

“มึงแม่ง...ใจแคบกว่าที่กูคิดอีกว่ะฟิ้ง” พี่เดียวลดเสียงลงในที่สุด “ไอ้เอื้อคงดีใจนะ ที่มีเพื่อนดีๆ แบบมึง”

“แน่นอน กูอยู่กับไอ้เอื้อมานาน กูรู้ว่ามันเป็นยังไง มึงอยู่เฉยๆ เหอะ ทุกเรื่องเลยเดียว เรื่องไอ้เอื้อกูจัดการเอง”

และหลังจากการทะเลาะกันครั้งยิ่งใหญ่ของพี่ฟิ้งและพี่เดียว รถทั้งคันก็เงียบสนิท ได้ยินแต่เสียงเครื่องยนต์จนพี่เดียวทนไม่ได้ต้องเอื้อมือไปกดเปิดเพลง พี่เขาเหลือบมามองกระจกหลัง

“ไอ้เอื้อยังหลับอยู่หรือเปล่าปูน”

“คะ ครับ ยังหลับครับ หลับสนิทเลย” ผมตอบกลับยิ้มๆ แล้วดึงมือออกจากหูคนที่นอนอยู่ แต่มันกลับจับมือข้างหนึ่งที่มันแนบมือตัวเองก่อนหน้านี้เอาไว้ บีบเบาๆ แล้วคลายออก ก่อนเปลี่ยนเป็นกุมไว้แทน

ผมจะเข้าใจว่ามันต้องการกำลังใจก็แล้วกันครับ

“ขอโทษนะ ที่ต้องให้มานั่งฟังอะไรไร้สาระ”

ผมแอบรู้สึกกลัวพี่เดียวแล้วสิ เมื่อกี้ตอนทะเลาะกับพี่ฟิ้งหน้าตาพี่เดียวน่ากลัวมาก มันทั้งดุ ทั้งเครียด แล้วเสียงพี่เดียวก็ดังด้วย ขึ้นเสียงทีผมเผลอสะดุ้งไปหลายครั้งเลย ตอนนี้ก็ยังโหดอยู่ครับ แม้ว่าพี่มันจะพยายามผ่อนคลายเวลาคุยกับผมแล้วก็เถอะ

ส่วนพี่ฟิ้งก็ใช่ย่อย หน้าพี่ฟิ้งดูอารมณ์เสียสุดๆ แต่ผมเห็นไม่ถนัดหรอกครับ เพราะผมนั่งอยู่ข้างหลังพี่ฟิ้ง สังเกตเอาจากเอาสะท้อนของกระจก

“แล้วพี่ขอย้ำ มีอะไรถามไอ้เอื้อเอา ไม่ต้องฟังใคร”

“มึงจะไม่จบเหรอเดียว”

“กูจบแล้วฟิ้ง จบทุกอย่าง...แม้แต่กับมึงด้วย”

“ผมว่าพวกพี่ใจเย็นๆ นะครับ” ผมรีบบอก เห็นใจไอ้เอื้อเลยครับ มันต้องเป็นคนกลางระหว่างสองคนนี้ และถ้าพวกพี่เขาคบกันอยู่สามคนนี่ไอ้เอื้อวางตัวลำบากมากอ่ะ จะเข้าข้างใครก็ต้องทิ้งอีกคนไว้ข้างหลัง

เสียงของผมเหมือนจะลอยผ่านพวกพี่สองคนเขาไปเลย เพราะหลังจากนั้น พี่เดียวกับพี่ฟิ้งก็ไม่พูดกันไปตลอดทาง…

♣♣♣♣♣

ถึงมอล่ะครับ

ไชโยยยยยยยยย!!! ต้องขอขอบพระคุณพี่เดียวเอ็นอย่างมากที่ควบคุมอารมณ์และความง่วงจนเฃพวกเรากลับถึงมองอย่างปลอดภัย

พี่เดียวสุดยอด!!

ที่ผมบอกพี่แกเหมือนไอ้กล้าขอถอนคำพูดครับ พี่เดียวไม่ได้ไร้สาระเหมือนไอ้กล้า พี่แกเป็นส่วนผสมอันลงตัวระหว่างไอ้โจมกับไอ้กล้าต่างหาก มีความเป็นผู้ใหญ่บวกขี้เล่นนิดๆ พี่ปูนปลื้ม~

ตอนนี้เรากำลังอยู่กับหน้าหอพี่ฟิ้งกับพี่เดียว สองคนนี้ไม่ได้อยู่หอเดียวกันครับ แต่อยู่ตรงข้ามกัน หลังจากเหตุการณ์ทะเลาะกันในรถพี่มันก็ยังไม่พูดกันเลยอ่ะ พาผมรู้สึกไม่ดีไปด้วยเลย นั่งรถกลับมาด้วยความอึดอัดภายใต้บรรยากาศอึมครึม แต่ไอ้คนที่เป็นตัวต้นเหตุนี่ดิ ดันหลับไปเฉย เนี่ยมันเพิ่งตื่น

แล้วอะไรไม่เท่ามันนอนหนุนตักผมทั้งทาง บอกเลยว่าชา!

ขากูไร้ความรู้สึกแล้วแม่ง T^T

“ปูนอยู่หอไหนอ่ะ ถ้าแถวนี้พี่เอามอ’ไซค์ไปส่งให้เปล่า ไวดี” พี่เดียวคนดีเอ่ยขึ้นอย่างมีน้ำใจตอนที่พี่แกอยู่หน้าหอเรียบร้อยแล้ว ผมนี่ปลื้มปริ่ม ถ้ามีพี่ชายก็อยากมีอย่างพี่เดียวนี่แหละครับ

“ไม่เป็นไรพี่ ผม…”

“ปูนอยู่หอเดียวกับกู” มนุษย์ชอบขัดพูดขึ้นก่อนผมจะพูดจบครับ

“อ้อ...อย่างนี้นี่เอง” หน้ามึงแลดูเจ้าเล่ห์มากครับพี่เดียว จะไม่ชอบพี่มันก็ตรงนี้แหละ “งั้นพวกมึงไปเถอะ ขอบใจมากที่มาส่งถึงกูจะขับมาเองก็เถอะ ขอบใจมากนะปูนทริปนี้พี่ชอบมาก ได้ขี่ม้าด้วย”

“ไม่เป็นอะไรครับ หวัดดีครับพี่” ผมส่งยิ้มให้พี่เดียวแล้วยกมือไหว้ พี่มันก็พยักหน้ารับแล้วเดินขึ้นหอไป

เหลือก็แต่พี่ฟิ้ง

“อ้าวมึงยังอยู่เหรอฟิ้ง”

ไอ้เชี่ยเอื้อ!! มึงนี่พูดไม่ดูหน้าพี่ฟิ้งเลยนะ เขาจะแดกหัวมึงอยู่แล้วเว้ย!

“เออ!”

อย่างเสียงดังพี่ปูนกลัว~

“แล้วมึงอยู่ทำไมอ่ะ”

“ก็อยู่ขอบใจมึงเนี่ย! ขอบใจที่มาส่ง แล้วก็ปูนด้วย”

“ครับพี่ หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ แต่พี่ฟิ้งคงไม่เห็น เพราะพี่แกไม่แม้แต่พยักหน้ารับเลย

“ฟิ้งน้องมันไหว้” มึงจะปล่อยๆ ไปก็ได้นะเอื้อ

“โทษทีพี่ไม่เห็นอ่ะ ไปแล้วนะมึง”

“อือๆ” ไอ้เอื้อพยักหน้าหรับ ก่อนที่มันจะเดินกลับมาขึ้นรถ ในขณะที่พี่ฟิ้งข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม “ขึ้นมาสิครับมึง จะยืนอีกนานป่ะ”

ไอ้นี่แม่ง...พูดดีๆ ก็ได้หรอก

ผมเดินขึ้นรถไปนั่งข้างมัน พอนั่งแล้วมันก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษตรงไหน ทำไมพี่ฟิ้งกับพี่เดียวถึงแย่งกันนั่งจังวะ

แทนที่เอื้อมันจะตรงไปที่หอ มันกลับขับพาผมไปยังร้านอาหารใกล้ๆ มอ ตอนนี้เวลาเกือบๆ จะบ่ายแล้ว คนกำลังเยอะเลย

“มึงหิวข้าว?”

“เออสิวะ มึงคิดว่าข้าวต้มจะอยู่ท้องตลอดวันหรือไง”

“มึงอารมณ์เสียอะไรอีกเนี่ย” หน้าตามันหาเรื่องผมมากๆ อ่ะ สงสัยจังว่าผมไปทำอะไรให้มัน

“เปล่า กูแค่...เซ็งๆ เรื่องเดียวกับฟิ้ง”

โอเคพอเข้าใจได้ เป็นผมก็คงเซ็งครับ เพื่อนสนิททั้งคู่มาทะเลาะกันเอง

“ไม่เป็นอะไรน่ามึง เดี๋ยวเขาก็ดีกัน”

“นี่มึงปลอบกู?”

“เปล่า กูแค่พูดให้กำลังใจเฉยๆ”

“มันก็เหมือนกันแหละน่า” ว่าเสร็จมันก็คว้าคอผมเข้าไปกอดแล้วลากให้เดินเข้าไปในร้านด้วยกัน ทำไมมันชอบถึงเนื้อถึงตัวนักวะ ผมก็โวยวายมากไม่ได้ด้วย อายคนในร้าน แค่เดินเข้ามาเขาก็มองกันเกือบทุกโต๊ะแล้ว

อ้อ ลืมไป...ผมมากับไอ้เอื้อนี่นา

“พี่เอื้ออออ คนอะไรหล่อวัวตายความล้ม”
“อ๊าย พี่เอื้อจริงๆ ด้วยอ่ะ มึงๆ โทร.ตามอียุ้ย อีย้อย อีเย็นเลย”
ชื่อเพื่อนแต่ละคนนี่แบบ...
“พี่เอื้อมากับใครอ่ะ หน้าตาน่าเอ็นดูเชียว”

หมายถึงผมใช่มั้ย อิอิ

“น้องปูนเกษตรไงมึงงง ไปอยู่ไหนมาเนี่ย น้องน่ารักกว่าเดือนคณะอีกนะ”

อ้าว รู้จักพี่ปูนด้วยเหรอครับสาวๆ

“แล้วทำไมเขามาด้วยกันวะ กอดคอกันด้วย ”
“นั่นสิ ทำไมนะ เขาสนิทกันเหรอ”

พี่ปูนก็สงสัยครับ

“หาที่นั่งเหอะมึง กูเมื่อย” ไอ้เอื้อกระซิบอยู่ข้างหูผม

ไอ้เชี่ยใกล้ไป!!!

“เขาหอมแก้มกันด้วยมึง!”
“หรือเขากิ๊กกัน!!”

ไม่ใช่ครับ!! ไม่ได้หอมแก้มครับแค่กระซิบ! แล้วก็ไม่ได้กิ๊กกันด้วยครับ!

ผมอยากจะอธิบายสาวๆ แทบขาดใจ แต่ไอ้คนต้นเรื่องมันไม่ยอมปล่อยให้ทำอย่างนั้นได้ มันลากผมไปยั่งโต๊ะหนึ่งซึ่งอยู่มุมสุดของร้าน พอนั่งได้ไม่นานพนักงานก็มารับออร์เดอร์

“อ้าวพี่เอื้อหวัดดีพี่” เขายกมือไหว้ไอ้เอื้อที่พยักหน้าตอบรับ “วันนี่เอาแบบเดิมป่ะ”

สงสัยเอื้อมันจะเป็นลูกค้าประจำนะ ดูคุ้นเคยกับพนักงานและร้านนี้ดีเหลือเกิน

“ไม่อ่ะ วันนี้เป็นกับข้าวดีกว่า” มันบอกก่อนจะเปิดเมนูอาหาร “เอาไข่เจียวหมูสับ ต้มยำกุ้ง แล้วก็ผัดผัก มึงเอาอะไรป่ะปูน”

ขอบคุณครับที่ถาม นึกว่าจะลืมไปแล้วว่ามีกูมาด้วย

“กูเอา… เอา… เอาข้าวเปล่าอ่ะ”

“...”

“อะไร ก็ข้าวเปล่าไง”

“กูหมายถึงกับข้าว”

“อ๋อออ แล้วก็ไม่บอก กูไม่เอาอะไรอ่ะ แค่ที่มึงสั่งเนี่ยแหละ” เอื้อถอนหายใจแล้วทำหน้าแบบเอือมโลก อะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น พี่ปูนทำอะไรผิด!

“ฮ่าๆ เพื่อนพี่ฮาดีอ่ะ” ขนาดพนักงานยังหัวเราะเลยครับ “ผมชื่อใหม่นะ ปีหนึ่ง วิทยาศาสตร์”

“ผมปูนครับ ปีหนึ่ง เกษตร”

“อ้าวเราเพื่อนกันเหรอ นึกว่าเป็นเพื่อนพี่เอื้อซะอีก เห็นพูดกูมึงกัน” ใหม่ทำหน้าแบบอึ้งๆ ใส่ผมด้วย ทำไมวะ พูดกูมึงกับไอ้เอื้อมันแปลกตรงไหน

“อ๋อ มันกวนตีนอ่ะ เลยไม่อยากนับถือเท่าไหร่” สิ่งที่ผมตอบเล่นเอาใหม่ทำหน้าช็อกโลกไปอีกเท่าตัว  มันเหลือบมองไปยังไอ้เอื้อด้วยสีหน้าแบบเดียวกับที่มองผม

“กะ กวนตีน…?”

“เออ โคตรกวนตีนเลย”

“เงียบไปเลยไอ้ปูน” ไอ้เอื้อทำหน้าโหดอีกแล้วครับ คิดว่าพี่ปูนจะกลัวเหรอ

จริงๆ ไม่ได้กลัวนะครับ แค่พี่ปูนไม่อยากมีเรื่อง ไม่ได้กลัวจริงๆ...

“เอ่อ สั่งอาหารเรียบร้อยแล้วนะครับ รอสักครู่นะครับ” อยู่ๆ ใหม่ก็พูดขึ้นแล้วเดินไปทางเคาท์เตอร์ทันที เห็นมั้ย ใหม่เขากลัวเลย

ผมละสายตาจากหน้าโหดๆ ของไอ้เอื้อ ไปมองร้านที่ตกแต่งอย่างน่ารักลงตัวแล้วก็ต้องชะงักกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างเท่าตัว เมื่อกี้คนก็เยอะอยู่แล้วนะ นี่แทบจะขี่คอกันแล้วมั้ง! พ่อแก้วแม่แก้ว คนทำไมเยอะขึ้นผิดหูผิดตาอย่างงี้วะ

หรือเพราะ…

“พี่เอื้อตัวเป็นๆ จริงๆ ด้วย แม่จ๋าหนูรักเขา!”
“เป็นบุญสุดๆ ที่ได้เกิดมา”
“จะเอา จะเอา จะเอาผู้ชายคนนี้!”

เหอะ เพราะไอ้หน้าหล่อตรงหน้าผมจริงๆ ด้วย

หมั่นไส้ครับ ดูมัน...นั่งไขว่ห้างเล่นโทรศัพท์มือถือ แม่งคิดว่าตัวเองเท่นักไง คิดว่าดูดีเหรอ… เออ! โคตรดูดีเลยแม่ง ผมทำแบบนี้จะดูดีบ้างป่ะวะ หรือผมจะกลับไปใช้วิธีแช่งมันดี แบบ...ขอให้หน้ามึงหมดหล่อ ไม่เอาๆๆ ไม่ปูนจะไม่ทำปาบ พี่ปูนจะไม่แช่งมัน

“อะไร...หน้ากูมีอะไรติดเหรอจ้องขนาดนั้น” มันเหลือบตาขึ้นมามองผมก่อนจะเก็บเครื่องมือสือสารลงประเป๋าแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “อ่อ...หรือว่ามึงอยากมองหน้าหล่อๆ ของกู อ่ะ...เอาเลยเต็มที่”

อี๋~ ไอ้หลงตัวเอง! อะไรทำให้มึงเป็นคนมั่นหน้าแบบนี้วะ

“กูไม่ได้อยากมองเว้ย แค่สงสัยเฉยๆ”

“สงสัยว่า…?

“มึง...ทำจมูกมาหรือเปล่า ทำไมมันโด่งจัง” ผมควรลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากร้านตอนนี้เลยครับ นี่ผมทำอะไรลงไปปปป ผมพูดอะไรออกไป!! สงสัยว่าทำจมูกหรือเปล่าเหรอ โอ๊ยยยยย โคตรไม่เมคเซ้นท์เลย!

“หึหึหึ”

ห้ามหัวเราอย่างนั้นนะไอ้เอื้อออออ

เอื้อหยุดหัวเราะแล้วยืดตัวขึ้นตั้งตรง ผมมองมันด้วยความหวาดระแวงว่ามันจะทำอะไรของมันอีก อย่านะมึง...คราวนี้กูกรี๊ดจริงๆ นะเว้ย

เอ่อะ ไม่ใช่ล่ะ

“ถ้าสงสัยมากก็เอามือข้างนึงมาวางไว้บนโต๊ะ” เอามือข้างนึงวางบนโต๊ะ? ทำแค่นี้มันจะรู้เลยเหรอครับว่าจมูกนั่นเป็นของจริงหรือเปล่า อะไรของมันวะ จะเล่นอะไรเนี่ย “เร็วดิ ไม่อยากรู้เหรอ”

ก็ไม่ได้อยากรู้แต่ต้นแล้วไง

ผมยื่นมือข้างหนึ่งไปวางบนโต๊ะอน่างที่เอื้อบอก ผมไม่ได้อยากรู้นะว่าจมูกมันของจริงหรือปลอม แต่แค่อยากรู้ว่ามันจะทำอะไรแค่นั้น

“ดี...งั้น…” 

แล้วผมก็ได้รู้ว่าการทำตามที่มันบอกเป็นสิ่งที่พลาดที่สุด!!

ไอ้เวรเอื้อ (อัพเวล) มันยื่นหน้าใกล้เข้ามาแล้วคว้ามือผมที่วางอยู่ไว้ ก่อนจะดึงแรงๆ ให้ตั้งผมทั้งตัวเข้าไปใกล้มัน จนอกผมนี่ชิดกับโต๊ะเลยครับ กระแทกเบาๆ ด้วย จุกอ่ะ

“เล่นไรของมึงเนี่ย แขนกูจะหลุด!!!”

ผมถามอย่างอารมณ์เสีย ซึ่งหน้าอย่างมันก็ไม่มีสลดอ่ะ กลับยิ้มระรื่นอีก

“วิธีที่จะรู้ได้ก็คือ มึงต้องจับเองเลยครับ” ว่าแล้วมันก็จับมือของผมวางลงบนจมูกมัน “เอาเลย จะบีบ จะบี้ จะโยก จะลูบ จะคลำก็ตามสบาย”

สาบานนะว่ามันพูดถึงจมูก ทำไมผมถึงคิดว่าเป็นอย่างอื่นไปได้เล่า!!

ต่อไปผมจะไม่สงสัยอะไรเกี่ยวกับหน้ามันอีกแล้ว!!!!!
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 19-01-2017 21:54:32
ฟิ้งนางชอบเอื้อหรอ น่ารำคาญมากเลยมีเพื่อนแบบนี้ รู้จักมาทั้งชีวิตนี่หมายความว่า รู้แม้แต่เพื่อนคิดยังไงหรอฟิ้ง เอาจริงนะ พ่อแม่บางที ยังไม่รู้จักลูกตัวเองทั้งหมดเลย ตัวเองก็ยังไม่รุ้จักตัวเองดีเลย ฟิ้งน่ารำคาญ

เดา เอื้อชบอปูนมานานแล้วแหง๋ เดียวต้องรู้ชัวร์
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 19-01-2017 21:56:48
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Gapompom ที่ 19-01-2017 22:02:33
ฟิ้งนางชอบเอื้อหรอ น่ารำคาญมากเลยมีเพื่อนแบบนี้ รู้จักมาทั้งชีวิตนี่หมายความว่า รู้แม้แต่เพื่อนคิดยังไงหรอฟิ้ง เอาจริงนะ พ่อแม่บางที ยังไม่รู้จักลูกตัวเองทั้งหมดเลย ตัวเองก็ยังไม่รุ้จักตัวเองดีเลย ฟิ้งน่ารำคาญ

เดา เอื้อชบอปูนมานานแล้วแหง๋ เดียวต้องรู้ชัวร์


เห็นด้วยทุกประการ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 19-01-2017 22:27:31
ฟิ้งนี่ยังไงวะ ใส่ร้ายเพื่อน เถียงข้างๆคูๆ มาก่อนมาหลังน่ารำคาญมาก คือพูดซะเอื้อเสียเลย เดียวพูดถูกมีไรควรถามเจ้าตัว หรือจะกั๊กไว้กินเอง แต่ว่าก็ว่าเถอะ เป็นเราตบหัวคว่ำแล้วไม่เสียเวลาเถียงหรอก รำคาญ!!
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 19-01-2017 23:40:49
ฟิ้งนี่ยังไง นิสัยไม่ดีเลยบอกว่ารู้จักเพื่อนมาทั้งชีวิตแต่พูดจาใส่ร้ายเพื่อนหน้าตาเฉย :m16:
ฟิ้งจะมารู้จักพี่เอื้อดีไปกว่าตัวพี่เอื้อเองได้ยังไง หรือว่านางชอบพี่เอื้อ
แล้วเหมือนรู้ว่าพี่เอื้อชอบน้องปูนเลยพูดเรื่องแย่ๆของพี่เอื้อให้น้องปูนเกลียดพี่เอื้อ
ตอนท้ายยังมาทำนิสัยไม่ดีใส่ปูนอีกนะ เพื่อนอย่างนี้เลิกคบเถอะ
สงสารพี่เดียว
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-01-2017 23:51:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-01-2017 23:53:09
ทำไมเพื่อนเอื้อแปลกๆหว่าาาาา  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 20-01-2017 00:44:37
ฟิ้งชอบเอื้อ เดียวชอบฟิ้ง แน่ ๆ เลย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 20-01-2017 02:23:05
รักกี่เศร้าละเนี่ย =_= เออะ.... พี่เอื้อร้อยเมียกะหน่องปูนคนดี 55555
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-01-2017 08:52:25
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: yangpah ที่ 20-01-2017 12:32:18
ฟิ้งชอบเอื้อแน่ๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 20-01-2017 12:40:45
เดียวปูนดีกว่า
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 20-01-2017 13:43:43
ฟิ้งชอบเอื้อแน่นอน  และรู้ว่าเอื้อชอบปูน หึงปูนเลยพยายามพูดให้เอื้อไม่ดีในสายตาปูน  ดูท่าเดียวจะชอบฟิ้งด้วยแ แต่เดียวนิสัยดี ไม่เหมือนฟิ้งที่เห็นแก่ตัวสุด ๆ ใจแคบ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-01-2017 08:02:08
ถ้าฟริ้งรู้จักเอื้อดี
แล้วไม่รู้เหรอว่าเอื้อน่าจะสนใจปูน
เรื่องนี้ถ้าฟริ้งจะทำเป็นมองไม่เห็น
เพราะฟริ้งชอบเอื้อก็ไม่เป็นไรหรอก
แต่ที่คิดว่าเดียวเรื่องมาคบเป็นเพื่อนกันทีหลัง
มันใช่เรื่องที่สมควรพูด สมควรคิดเหรอ
เครียดแทนเอื้อ แทนเดียว
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 21-01-2017 19:12:06
 :mew1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: MeWeaw ที่ 22-01-2017 10:56:02
จริงๆแล้วฟริ้งไม่ได้ชอบเอื้อหรอกใช่ไหมฟริ้งก็แค่อารมณ์หวงเพื่อนเพราะเป็นเพื่อนกันมานานแล้วทีนี้เอื้อให้ความสำคัญกับน้องปูนคนดีมากกว่าเลยเกิดความน้อยใจและหวงเพื่อน
คนอ่านเคยเป็นคนอ่านเข้าใจความรู้สึกฟริ้งดี :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 23-01-2017 22:04:49
บทที่ 12
เมื่อน้องปูนห่างหาย


“อยากให้รักคืนมาหา จะตามรักคืนมาสู่หัวใจ
แต่ไม่รู้จะได้เจอเมื่อไหร่ เธอเคยรู้บ้างไหม
ไม่มีวันไหนที่คนนี้ จะไม่คิดถึงเธออออ”

หลังจากเสียงเหมือนควายออกลูกของหนูนาจบลง กองเชียร์ที่นั่งอยู่ก็พากันส่งเสียงให้กำลังใจมันดังกึกก้อง ฟังแล้วผมรู้สึกปลื้มจริงๆ ครับ

“โอ๊ยอีหนูนา เมื่อไหร่มึงจะเลิกร้อง!”

“อีนี่ เสียงก็ไม่ได้ดี มึงคิดว่ามึงเป็นหนูนา หนึ่งธิดาหรือไง”

บอกแล้วว่ามีแต่คนให้กำลังใจ ฮาๆ

“ไม่เว้ย กูคือหนูนาแห่งตามรักคืนใจ มีใครสนใจจะเป็นนายสิงห์ของกูมั้ย เพื่อนโจมว่าไง สนใจหรือเปล่าจ๊ะ” หนูนาหันมาส่งสายตาปิ๊งๆๆ ให้เพื่อนโจมของพวกเรา

โอ๊ยยย โคตรฮาา

“ขอบาย แต่กูว่าไอ้บอยน่าจะอยาก” ว่าแล้วมันก็ยิ้มมุมปากมองไปยังไอ้บอกที่ตอกไม้อยู่

“โอ๊ยยย อย่างไอ้หนูนาเนี่ยนะ กูก็ขอบาย”

“กูก็ไม่เอามึงหรอกโว้ยอีบอยย!”

ฮาๆๆ นี่แหละสีสันในชีวิตครับ การมีเพื่อนเพี้ยนๆ มันก็สนุกดีนะ

สงสัยหรือเปล่าวว่าทำไมเราถึงมารวมตัวกันอยู่ที่นี่

ตอนนี้ผมกำลังเตรียมงานแฟร์กันอยู่ที่คณะ สาขาพวกผมได้รับมองหมายจากพี่ปีสูงว่าให้ออกบูธขายพืชผลทางการเกษตรที่คณะปลูก ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกผักสวนครัวออร์แกนิก ไร้สารพิษ ไร้สารปนเปื้อน พวกเราส่วนหนึ่งแบ่งกันไปดูแลผัก อีกส่วนก็มาทำบูธขายของกัน ส่วนสาขาอื่นๆ ก็แยกไปขายของๆ แต่ละสาขาไปครับ อย่างสัตวิทยาก็ขายพวกไข่ไก่ นมวัว นมแพะ ประมาณนี้

แต่ความพินาศมันไม่ได้อยู่แค่นั้น…

ทางมหา’ลัยคิดอะไรอยู่ก็ไม่ทราบครับ งานแฟร์นั้นจะจัดในอีกหนึ่งวันข้างหน้า...ใช่แล้วครับ พรุ่งนี้นั่นเอง (คนที่คณะเต็มเลย) เต็มๆ หนึ่งอาทิตย์ แล้วระหว่างนั้น (ในสองวันสุดท้ายของงานแฟร์) ก็จะเป็นการแข่งขันกีฬาภายในมหาวิทยาลัย พวกคนที่ไม่ได้เป็นนักกีฬานี่ไม่เท่าไหร่ครับ แต่พวกนักกีฬาเนี่ยสิหัวหมุนเลย ไหนจะต้องเตรียมงาน ไหนจะไปซ้อม ที่ผมส่งสารที่สุดก็ไอ้พี่บุ๊คนั่นแหละครับ พี่มันเป็นโต้โผงาน แล้วยังต้องไปคุมทีมฟุตบอลคณะอีก ล่าสุดเดินสวนกับพี่บุ๊คผมแทบจำพี่มันไม่ได้อ่ะ หน้าโทรมไปอีก

ที่จริงเพื่อนผมก็เป็นนักกีฬาเหมือนกันนะ ไอ้โจมกับไอ้กล้าครับ มันลงแข่งฟุตบอลแล้วก็บาสเก็ตบอลกันทั้งคู่เลย แต่บาสเก็ตบอลมันเป็นแค่ตัวสำรอง ส่วนผมกับไอ้ฟ้าอ่ะเหรอ...ขอบายครับ บอกแล้วเรื่องกีฬาผมไม่ถนัด ไอ้ฟ้าก็เช่นกัน เพราะงั้นขอเป็นแค่กองเชียร์ก็พอ

แน่ะ ผมได้ยินใครถามถึงไอ้เอื้อเหรอครับ

ช่วงนี้ไม่ได้เจอหรอก จริงๆ ก็ตั้งแต่ที่มันไปบ้านผมนั่นแหละ มันก็ผ่านไปหลายวันแล้วเหมือนกัน ชุดที่ยืมใส่วันนั้นก็ยังไม่ได้คืนเลยครับ ล่าสุดที่เจอนี่ก็...โรงอาหารกลางนะ เดินสวนกันมั้งถ้าจำไม่ผิด อ้อ มันไม่ได้ยุ่งกับมิ้มแล้วนะครับ ทุกครั้งที่ผมเจอมิ้ม (ซึ่งช่วงนี้เจอบ่อย) ผมก็ไม่เห็นเอื้ออยู่ข้างๆ เธออีกแล้ว ซึ่ง...ขอบใจที่มันรักษาคำพูด แล้ววันนั้นที่พี่ฟิ้งบอกว่าเอื้อมันจะไปหามิ้มมันก็ไม่ได้ไปหานะ พอกินข้าวเสร็จ (เป็นมื้อที่ผมอับอายที่สุด) มันก็ตรงกลับหอ แล้วเราก็แยกกันเลย

ส่วนเรื่องพี่ฟิ้งกับพี่เดียวนั้น...พี่เขาทะเลาะกันจริงจัง เวลาผมเห็นเอื้ออยู่กับพี่ฟิ้งก็ไม่มีพี่เดียว เวลามันอยู่กับพี่เดียวพี่ฟิ้งก็จะหายไป มันคงตัดใจเลือกใครไม่ได้ เพราะก็เพื่อนมันทั้งคู่ เลยเลือกทั้งสองคนแล้วแต่โอกาส แต่ส่วนใหญ่เอื้อจะอยู่กับพี่เดียวมากกว่า พี่ฟิ้งเขาก็มีเพื่อนในคณะของเขาด้วยแหละ ผมเคยเห็นเขาไปกับเพื่อนคนอื่นนอกจากไอ้เอื้อเหมือนกัน

ทว่าพี่เดียวนี่สิ… ผมไม่ได้ว่าพี่มันไม่มีคนคบนะครับ ฮ่าๆๆ (อย่าไปบอกพี่มันนะโอเค?)

ล้อเล่นครับ

“ไอ้ปูนส่งคัตเตอร์ให้กูดิ” ผมส่งคัตเตอร์ให้ไอ้กล้าตามคำที่มันขอ มันเลือบมองผมแบหนึ่งก่อนหันไปทำงานต่อ “เออ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมึงคร่ำครวญเรื่องมิ้มนะ”

“อ้าว พวกมึงบอกให้กูปล่อยมิ้มไปไม่ใช่เหรอ” ผมมองพวกมัน “กูก็ปล่อยมิ้มไปแล้วนี่ไง ให้มิ้มไปตามทางของเขา”

“ก็จริงว่ากูบอก แต่ไม่คิดว่ามึงจะยอมง่ายๆ นี่หว่า” ฟ้าขมวดคิ้วสงสัย “แล้วช่วงนี้ไอ้พี่เอื้อมันควงหญิงใหม่ป่ะวะ ทำไมกูเห็นมิ้มเดินคนเดียวบ่อยจัง”

“ใช่ๆ วันนั้นกูเห็นพี่เอื้อเดินกับพี่น้ำปีสอง” แล้วไอ้กล้าขี้เสือกก็ยกมือขึ้นขอตอบทันที

“พี่น้ำดาวคณะเราอ่ะนะ” ไอ้ฟ้าถามย้ำ

“เยสสสสส”

เหอะๆ นี่เขาเรียกกันว่าไงนะ เสือไม่ทิ้งลายหรือเปล่า ห่างจากมิ้มได้ไม่นานก็มีหญิงคนใหม่เสียแล้ว แถมยังเป็นดาวคณะผมอีกด้วย พี่น้ำนี่สวยมากเลยนะ ถึงจะไม่สวยเท่าหนูนา (บอกแล้วหนูนามันสวยครับ แต่เพราะความสถุลของมันไง) แต่ก็จัดว่ามีสเน่ห์เลยล่ะ

ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเหมือนมีคนจ้องอยู่ ซึ่งก็มีจริงๆ ครับ...ไอ้โจมนั่นเอง

“มึงมีอะไรป่ะวะโจม”

“เปล่า…” แล้วมันก็หันกลับไป อะไรของมึงวะครับ

ช่างมันแล้วกัน ทำงานของผมดีกว่า

ระหว่างที่ทำงานอยู่โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ใครมันโทร.หาผมตอนนี้วะ คนที่บ้านนี่ไม่น่าใช่เพราะเพิ่งคุยกันไปตอนหัวค่ำ อ้อ ตอนนี้ประมาณเกือบๆ สี่ทุ่มแล้วครับ

‘พี่สาม’

“ครับพี่สาม”

[“ปูนนนน มึงว่างป่ะวะ”] พี่สามถามด้วยน้ำเสียงระโหยโรยแรง

“ว่างครับพี่”

[“แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน”] ปลายสายถามมาอีกครั้ง

“อยู่คณะพี่ พี่มีอะไรป่ะครับ”

[“ดีเลยยย มึงมาหากูหน่อยดิ ซื้อของกินมาให้พวกกูด้วยนะมีกันหลายคนเลย ตอนนี้กูอยู่ที่ตึกกลาง เร็วๆ นะเว้ย อีกนิดกูจะไส้กิ่วตายแล้ว เออ ไอ้พี่บุ๊คก็อยู่ด้วยนะ รีบมาเดี๋ยวพี่มันสั่งซ่อม”]

อะไรของพี่มันวะครับ แล้วมีมาขู่กันอีก คิดว่าพี่ปูนจะยอมมั้ยครับ คิดว่าคนอย่างผมจะยอมเหรอ!

“แล้วพี่ๆ อยากกินอะไรกันอ่ะครับ” เอ้อ ยอมก็ได้เห็นเป็นพี่หรอกนะ T-T

[“อยากกินหูฉลามอ่ะ หาให้ได้ป่ะ”]

กวนตีนแล้วครับพี่ =_=

“งั้นเอาของเซเว่นแล้วกันนะครับ ซื้ออะไรพี่ๆ ก็กินไปนะ”

[“เอ้า ไม่เล่นกับกูอีก เออๆ อะไรก็ได้เอามาเลยกูหิวสุดๆ แค่นี้แหละ บาย”]

หลังจากพี่สามวางสายไปผมก็ลุกขึ้นยืน มองหาเหยื่อที่จะไปหาพี่มันเป็นเพื่อนผม นั่นไง ไอ้โจมกำลังนั่งว่างๆ อยู่พอดีครับ

เสร็จพี่ปูนล่ะ!!

“โจมมมม มึงไปกับกูหน่อยดิ พี่สามบอกให้ไปหาที่หน้าตึกกลางอ่ะ” ผมเดินเข้าไปเกาะแขนมันแล้วเขย่าๆ ทำท่าอ้อน แบบที่ใช้ทีไรก็ได้ผล “นะๆๆๆๆ ไปกับกูหน่อยนะๆๆๆ”

“มึงคิดว่าน่ารัก?” เสียงนิ่งๆ กับหน้านิ่งๆ ถามกลับมา

น่ารักเหรอ ไม่เคยคิดอ่ะ แต่คิดว่าใช้ไม้นี้แล้วได้ผลทุกครับ

“ไม่รู้ แต่รู้ว่าอยากให้ไปด้วยกัน นะๆๆๆๆ”

“โอ๊ยยยยย ไอ้ปูน มึงไปฝึกท่าทางแบบนั้นมาจากไหนตอบกู!!” หนูหาสุดสวยถามผมจากอีกฝากนึงของลานหน้าคณะ เสียงมันดังมากครับ ดังพอจะทำให้คนอื่นหันมามอง

“ทำไมอ่ะ มันน่าเกลียดมากเหรอมึง”

“ไหนมึงลองทำอีกทีดิ”

ผมมองมันอย่างลังเล ถ้าทำแล้วน่าเกลียดจริงๆ กูจะโคตรอายเลย เพราะเพื่อนๆ นี่หยุดมือมองผมกันทุกคน ไม่ใช่แค่ในสาขานะ เกือบทั้งคณะ

“เร็วดิวะ!!!” โอ๊ย มึงจะโหดไปไหน

“ทำดิเดี๋ยวกูไปด้วยเลย” เอ๊ะ ไอ้โจมนี่ก็อีกคน

เออๆๆ ทำก็ได้วะ

“โจมมม ไปหาพี่สามเป็นเพื่อนกูหน่อยนะ นะๆๆๆๆๆ”

“เหยดด ไอ้ปูนกู”

“มึงทำไมมันน่ารักอ่ะ”

“เหี้ยเล่นเอากูเคลิ้ม!”

ไอ้บอยมึงจะมาเคลิ้มอะไร!!!

“เนี่ย!! มึงไปหัดมาจากไหนมาสอนกูเลย เวลากูมีผัวกูจะเอาไว้อ้อนผัวกูบ้าง แม่งร้อยทั้งร้อยก็ต้องยอมมึงเชื่อกู” หนูนามันบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงซึ่งเล่นเอาหน้าผมร้อนผ่าว

“อ๋อออ ผัวมึงนี่หมายถึงไอ้บอยอ่ะเหรอ แต่กูว่าทำยังไงมึงก็สู้ไอ้ปูนไม่ได้หรอกครับ ฮ่าๆๆ”

“อ๊ายไอ้กล้า ปากมึงเหรอที่พูด!!”

เอ่อะ นี่ผมจะภูมิใจดีมั้ยเนี่ย!!!

“ไงเนี่ยมึง ให้กูทำอะไรน่าเกลียดๆ แล้วจะไปได้ยัง” อารมณ์เสียครับ ล้อกันอยู่ได้

“ไม่เห็นน่าเกลียดเลย ได้พวกนี้ก็บอกอยู่ว่าน่ารัก” ไอ้โจมยิ้มมุมปากก่อนจะลุกขึ้น เหอะ ผมเชื่อปากไอ้พวกนี้ตายล่ะ ปากมันอยากกับเพาะหมาไว้ข้างในเป็นฟาร์ม “ไปๆ ไม่ต้องหน้างอหรอก”

“ก็มันล้อกูนี่”

โจมมันทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมา ผมก็เลยไม่สนใจ เดินนำมันตรงไปที่ลานจอดรถของคณะ

“เอารถมึงไปนะโจม แวะเซ่เว่นด้วย ไอ้พี่สามมันบอกให้ซื้อของกินไปให้”

“มึงอาจจะต้องเหมานะ”

กูก็ว่างั้นครับเพื่อน

..
.
หลังจากที่พวกผมสองคนทำการเหมาเซเว่นกันเรียบร้อยแล้วนั้น ผมล้อเล่นครับ ไม่ได้เหมาหรอก แค่หยิบอะไรที่กินได้มาเกือบหมดเท่านั้นเอง ตอนแรกก็คิดว่ามันเยอะไป คงอาจจะต้องแบ่งกับไอ้โจมเอากลับหอ แต่พอมาเห็นคนที่ทำงานกันอยู่ตรงนี้ถึงได้รู้ว่าที่ซื้อมามันไม่น่าจะพอ

บอกคำเดียวว่า...สะพรึง!!

พวกพี่จะเยอะไปไหนครับ แล้วดูท่าทางแต่ละคนหิวโซทั้งนั้น มองที่ถุงอาหารตาเป็นประกายเลย

“เห้ย ของกินมาแล้วโว้ยยยย!!!” พี่ปีสองคนนึงตะโกนบอกทำให้คนที่เหลือวิ่งกรูกันเข้ามาหาพวกผม ผมกับไอ้โจมยกถุงขนมนั้นให้พวกพี่มันเลยครับ แต่ผมเก็บใบเสร็จไว้ล่ะ เอาไว้เบิกกับพี่บุ๊คอีกที ฮาๆ

ผมเดินไปหาพี่บุ๊คกับพี่สามที่นั่งอยู่หน้าเวที โอโหพวกพี่มันโคตรเก่งอ่ะ จากลานว่างๆ ที่ไม่มีอะไรเลยตอนนี้กลายเป็นเวทีขนาดย่อมๆ เอาไว้ใช้เปิดงานแล้วทำพิธีอะไรต่างๆ มากมายแล้วครับ

“พี่บุ๊ค พี่สาม พี่มิว พี่อ้น (เพื่อนอีกคนของพี่บุ๊ค) พี่โก้ (เพื่อนพี่สาม) หวัดดีครับพี่”

ผมกับโจมยกมือไหว้พี่ๆ แต่ละคนเรียงตัว ก่อนจะส่งถุงของกินที่ผมแยกจากถุงใหญ่ให้พี่มันสำหรับพี่ๆ พวกนี้ผมให้เป็นข้าวกล่องเลยครับ รู้ว่าขนมเอาพวกพี่มันไม่อยู่ท้องหรอก

“อ้าวพี่วันไม่อยู่เหรอ อย่างนี้ก็ซื้อข้าวมาเกินดิ”

พี่วันหรือพี่วันนา เป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มพี่บุ๊ค และเป็นแฟนพี่โก้ (พี่เขากินเด็ก) พี่วันนี่ไม่ใช่ผู้หญิงห้าวเป้งแบบไอ้หนูนานะครับ พี่แกโคตรเรียบร้อยเลย ผมสงสัยมากอ่ะว่าแกมาอยู่กับพี่บุ๊คได้ไง แต่ที่สงสัยมากกว่าคือเหตุไฉนพี่เขาเลือกพี่โก้เป็นแฟน (ผมว่าพี่โก้ทำของใส่พี่วันแน่เลยอ่ะ)

“วันไปดูแลเรื่องสาวๆ ที่จะรำเปิดงานพรุ่งนี้อ่ะ โน่นซ้อมกันอยู่ด้านในนั่นน่ะ” พี่โก้เป็นคนตอบ

“เดี๋ยวเถอะมึงปีนเกลียวนะไอ้โก้ เรียกรุ่นพี่แบบนั้นได้ไง” พี่อ้นแกล้งทำขรึมครับ คือพี่มันอ่ะเต๊าะพี่วันมานานแล้ว แต่สุดท้ายก็เสร็จพี่โก้ มันเลนเขม่นกับพี่โก้นิดๆ แต่ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่โตนะ ตอนนี้พี่เขาก็คบกับสาวบริหารอยู่ พี่อ้นก็แค่หมั่นไส้พี่โก้เฉยๆ

“เรียกได้สิครับ ถ้ารุ่นพี่คนนั้นดันเป็นคนเดียวกับแฟนผม”

อูย พี่โก้วินครับ ปรบมือ!

“ไม่ซื้อมาเสียเปล่าหรอกปูน มีเพื่อนอีกคนแต่มันไปเข้าห้องน้ำอ่ะ นั่นไงมาแล้ว”

ผมหันไปตามมือพี่สามที่ชี้ไปยังทางเดิน ตอนแรกก็ดูไม่ออกหรอกว่าใครเพราะแสงมันมืดๆ แต่พอเห็นหน้าชัดๆ เท่านั้นแหละ…

มาอยู่ที่นี่ได้ไงวะครับ

แน่ะ คิดว่าไอ้เอื้ออ่ะดิ

ถ้าคุณคิดว่าเป็นมันคุณคิด…

ถะ ถะ ถะ...ผิดครับ!!!!

ไม่ใช่มันหรอกมันจะมาอยู่ที่นี่ได้ไง ฮ่าๆๆ

“ไอ้ว่านนี่ปูนน้องกู แล้วไอ้นี่ก็ไอ้โจม ไอ้ปูนไอ้โจมนี่ไอ้ว่านเพื่อนกูเอง”

“หวัดดีครับพี่ว่าน” ผมกับไอ้โจมก้มหัวไหว้กันอีกครั้ง

บังเอิญมากครับ ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่ว่านที่นี่เลยจริงๆ นะ รู้ว่าเราอยู่มหา.ลัยเดียวกัน แต่ไม่นึกว่าพี่ว่านจะเป็นเพื่อนของพี่สามพี่รหัสผม

“หวัดดีครับโจม...หวัดดีครับปูน เจอกันจนได้นะ” พี่ว่านส่งยิ้มให้ผม

“อะไรของมึง รู้จักกันเหรอ” พี่สามถาม

“อือ เคยเจอกันที่ร้านพี่หมีอ่ะ น้องเขาไปซื้อแคคตัส แล้วกูก็เลยไปช่วยน้องเขาเลือก”

ขอบคุณพี่ว่านที่บอกว่า ‘ช่วยผมเลือก’ แคำว่า ‘เลือกให้ผม’ ครับ มิเช่นนั้นผมคงโดนพี่บุ๊คเชือดคอโทษฐานหลอกพี่มันว่าผมเป็นคนเลือดเอง แหะๆ

“ถึงว่าไอ้ปูนถึงเลือกได้ถูกใจกู เพราะมึงช่วยมันนี่เอง”

“ปูนเลือกไปให้พี่เหรอ ถ้ารู้ว่าเป็นพี่ผมคงตั้งใจเลือกมากกว่านี้แล้ว”

“แค่นี้ก็คงตั้งใจจนไม่รู้จะตั้งใจยังไงแล้วม้างงงง” อะไรของพี่ครับพี่โก้ ทำเสียงแบบนั้นรวมกับท่าทางแบบนี้มันหมายความว่าไง

“กูว่าข้าวกล่องนี่คงหวานน่าดูเลยนะ” พี่สามพูดพร้อมส่งข้าวให้พี่ว่าน “อ่ะ น้องมันซื้อมาให้”

“หยุดครับพี่สาม ผมไม่ได้ซื้อมาให้นะ ผมมีใบเสร็จมาเบิกพี่ด้วย” ว่าแล้วผมก็หยิบใบเสร็จขึ้นมา “แล้วผมจะเบิกกับใครได้ครับ”

“โน้น พี่บุ๊คเลยน้องพี่”

ผมหันไปมองพี่บุ๊ค พี่มันโคตรกวนตีนอ่ะ ลอยหน้าลอยตาใส่ผมเฉย

“พี่บุ๊คครับของเงินด้วยครับ” ไม่ต้องมาหลบหรือเลี่ยงครับพี่ ส่งเงินมาซะดีๆ เรื่องแบบนี้ถึงเป็นพี่ผมก็ไม่ยอม!

“มิวมึงจ่ายไปดิ ถือว่าเลี้ยงน้องมัน” ทีอย่างนี้นี่เสียงเบาเลยนะครับ

พี่มิวผู้แสนดีควักแบงค์สีม่วงออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ผมโดยไม่ดูใบเสร็จ พี่แม่งโคตรป๋าอ่ะ เท่มากเลยครับ  แต่มันติดอยู่ตรงที่…

“พี่มิวครับ มันไม่พออ่ะ”

เพล้งงง ได้ยินเสียงอะไรแตกป่ะครับ ก็หน้าพี่มิวไง ฮาๆๆๆ

“เอ่อ...มันเท่าไหร่เหรอปูน”

“ทั้งหมดเจ็ดร้อยห้าสิบแปดบาทยี่สิบห้าสตางค์ครับ แต่คนกันเองเจ็ดร้อบหกสิบแล้วกันเนาะเลขกลมจะได้จ่ายง่ายๆ”

“อ่ะๆ เอาไปเลยไม่ต้องทอน” พี่มิวส่งแบงค์ร้อยให้ผมอีกสามใบเลย เสร็จพี่ปูนล่ะ “ไอ้บุ๊คไอ้อ้น หารกับกูด้วยนะพวกมึง”

“เออๆ ติดไว้ก่อน” รู้ล่ะว่าเรื่องอะไรจะทำให้พี่บุ๊คมันเสียงเบาได้

“งั้นพวกผมกลับก่อนนะครับ”

“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งดิ อยู่ด้วยกันก่อนเว้ย” พอผมพูดจบพี่สามมันก็โพล่งขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมหันไปมองไอ้โจม (มึงยังอยู่เหรอวะ) มันก็เลยพูดตอบพี่เขาไป

“เดี๋ยวเพื่อนว่าครับพี่”

“ถ้าใครว่าให้มาบอกพี่บุ๊คเลย เดี๋ยวพี่บุ๊คเคลียร์ให้” โห แมนมากพี่สาม ให้พี่บุ๊คเคลียร์ด้วย

“เกี่ยวอะไรกับกูวะไอ้สาม!” นั่นไง พี่มันกลับมาเสียงดังอีกแล้ว สบายหูได้แปบเดียวจริงๆ

“เอาน่าพี่ ถือว่าช่วยน้องนุ่ง”

พี่สามมันมีปัญหาอะไรกับตาหรือเปล่า ทำไมมองพี่บุ๊คแล้วต้องกระพริบถี่ปานนั้นอ่ะ หรือว่าลืมหยอดน้ำตาเทียมตอนใส่คอนเทคเลนส์

“อ่อ เอ้อ อยู่ก่อนดิมึง ถ้าเพื่อนมึงว่าให้มาบอกกู” วันนี้มาแนวใจดีเหรอพี่บุ๊ค

“แต่…”

“อยู่ก่อนก็ได้มึง กูจะไปหาพี่รหัส” ไหนเมื่อกี้บอกกลัวเพื่อนว่าไงโจม ทำไมตอนนี้ถึงอยากไปหาพี่รหัสได้วะ

“เอางั้นเหรอ”

“อือ เอางี้แหละ”

ไอ้โจมก็เดินไปหาพี่รหัสของมัน ทิ้งผมไว้กับพวกพี่ๆ ที่น่ารักน่าหยิก แล้วดูแต่ละคน ให้ผมอยู่แต่หันไปคุยกันเองหมดเลย แล้วพวกพี่ๆ จะให้ผมอยู่ตรงนี้ทำไมวะครับ แต่มีอยู่สองคนที่ไม่ได้คุย คือพี่มิวที่นั่งเงียบก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวกับพี่ว่านที่กำลังหาที่นั่ง

“นั่นด้วยกันดิปูน”

โอเคครับ พี่ปูนเด็กดีอยู่แล้ว เชื่อฟังผู้ใหญ่

ผมเดินไปนั่งที่ว่างข้างๆ พี่ว่าน ปกติผมไม่ค่อยคุยอยู่แล้ว ยิ่งกับคนเพิ่งรู้จักยิ่งไม่ค่อยมีอะไรจะพูดใหญ่ ผมก็รู้แหละว่าแบบนี้มันทำให้คนที่อยู่ข้างๆ อึดอัด แต่ช่วยไม่ได้ครับ ผมแก้ไขอะไรไม่ได้ด้วย

แต่ทำไมตอนอยู่กับไอ้เอื้อแล้วผมกลายเป็นคนพูดมากไปซะได้ ทั้งที่ก็เพิ่งรู้จักมันได้ไม่เท่าไหร่เอง หรือเพราะมันชอบกวนตีนผม?

อือ ก็เป็นไปได้

“ปูนเรียนสาขาเดียวกับไอ้สามป่ะ” และท้ายสุดพี่ว่านคงทนความเงียบไม่ไหวเลยถามผมก่อน

“ครับ แล้วพี่ว่านอ่ะเรียนอะไร ผมไม่เคยเห็นพี่ที่คณะเลย”

“พี่เรียนวิศวะน่ะ ไม่ได้เรียนคณะเดียวกับปูน”

“อ้าว แล้วมาช่วยได้ไงอ่ะครับ”

“อ๋อ พี่เป็นรูมเมทไอ้สามมัน มันเห็นพี่อยู่ว่างๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยลากมาช่วยมันที่นี่” พี่สามนี่เป็นเพื่อนที่เลวมากครับ ไปลากเพื่อนมาเดือดร้อนทั้งที่ไม่ใช่ธุระของพี่ว่านเลย

“เอ้า ก็มึงบอกว่าเบื่อๆ อ่ะ กูเลยพามาหาไรทำ” มีการเถียงครับๆ ทีเมื่อกี้หันไปคุยกับเพื่อนอย่างเดียวเลยนะ

“เออ เล่นเอากูหายเบื่อเลยไอ้เวร” พี่ว่านยิ้มมุมปากขำๆ พี่มันมีเสน่ห์มากเลยนะ สาวๆ น่าจะชอบ

จะว่าไปรอบตัวผมมีแต่คนหน้าตาดีนะ แต่ดีที่สุดคงเป็นผม อิอิ

“แล้วปูนขายของหรือเปล่า”

“ขายครับขายบูธผมอยู่หน้าคณะเลยนะ ขายพวกผักออร์แกนิก พี่ว่านอ่านลืมไปอุดหนุนผมนะครับ”

“มีแถมมั้ย ถ้าไม่แถมพี่ไม่ซื้อนะ”

“แถมไม่ได้หรอกครับ เพราะเงินเข้าสโมฯ คณะ ขาดทุนพี่บุ๊คเอาผมตายเลย” ท้ายประโยคนี่ผมต้องก้มลงไปกระซิกพี่ว่าน ถ้าพี่บุ๊คได้ยินพี่มันเล่นผมแน่

“ฮ่าๆ งั้นก็ไม่ซื้อล่ะ พี่ชอบของแถม”

“โห่~ พี่ว่านใจร้าย”

“โอ๋ๆ พี่ล้อเล่น เดี๋ยวพี่ช่วยปูนอุดหนุนนะ”

“พี่ว่าสัญญาแล้วนะครับ ผมเฝ้าบูธงานวันที่สามกับวันสุดท้ายนะ มาได้ทั้งสองวัน วันอื่นก็ซื้อได้แต่ถ้าซื้อวันที่ผมเฝ้าร้านก็ดี ของจะได้ขายหมดแล้วผมจะได้กลับหอไวๆ”

เป็นไง แผนของผมเจ๋งมั้ยล่ะ

“โอเคครับ วันที่สามกับวันสุดท้าย พี่จะไปนะ”

นี่แหละครับเทวดามาโปรดของผม!!

“ไวนะมึงได้ลูกค้าเลย” ที่จริงถ้าพี่สามไม่พูดก็ไม่มีใครว่าอะไรนะเนี่ย แต่ช่างพี่สามครับ ตอนนี้ผมอารมณ์ดีอยู่ ใครจะว่าอะไรพี่ปูนไม่โกรธ

ผมนั่งคุยกับพี่ว่านไป รอเวลาที่ไอ้โจมมันจะชวนกลับแต่ไร้วี่แววโดยสิ้นเชิงครับ ตอนนี้มันไปช่วยพี่เขาขึ้นฉากหลังของเวทีอยู่ ทีงานชั้นปีตัวเองมันนั่งอู้นะ สมน้ำหน้าโดนพี่ๆ เขาใช้เลย

ส่วนพวกพี่บุ๊คกับพี่สามเขาก็กลับไปทำงานกันแล้ว พี่ว่านก็เหมือนกัน แต่เนื่องด้วยโครงสร้างเวทีเสร็จเกือบหมดแล้วงานที่เหลือเลยเหลือแค่เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างพวกจัดตกแต่งหน้าเวที วางของโน้นนี่ให้เข้าที่ ขนเก้าอี้สำหรับให้แขกนั่งชมการเเสดงและร่วมกิจกรรมเปิดงานแฟร์

ตอนนี้ผมกำลังช่วยพี่ว่านขนกระถางต้นไม้ตามคำสั่งพี่อ้นอยู่ครับ พี่อ้นมันจัดสวนสวยมาก ไอเดียร์บรรเจิดสุดๆ มีน้ำตกเล็กๆ ด้วยอ่ะ

“ไหวหรือเปล่าปูน”

ผมพยักหน้าพร้อมยิ้มให้กับพี่ว่าน พี่เขาก็มีน้ำใจมาถามผมนะ ขนาดตัวเองยกของหนักกว่าผมตั้งหลายเท่า พอผมจะยกบ้างก็ห้ามไว้ซะหมด ผมเลยต้องมานั่งยกกระถางเล็กๆ แล้วก็วางรั้วไม้ที่ใช้กั้นบริเวณสวน

“อ้าววัน เลิกซ้อมแล้วเหรอ”

ผมเหลือบมองไปตามเสียงของพี่โก้ พี่วันนำทีมบรรดานักแสดงและนางรำทั้งหลายเดินออกมาจากด้านในดึก แต่ละคนนี่สวยๆ ทั้งนั้นเลยครับ แต่ห่างได้เป็นดีพวกนนี้เอาเรื่องทั้งนั้น

“อือ ทุกคนกลับกันได้เลยนะคะกลับกันดีๆ พรุ่งนี้แสตนบายสี่โมงเย็นนะลูก สามโมงต้องถึงคณะแล้วนะคะ ห้ามสายนะคะ”

โอ้โห งานเริ่มหกโมง นัดก่อนตั้งสามชั่วโมงแน่ะ โหดจริงๆ

“เหนื่อยป่ะวัน”

“อื้อ นิดหน่อยอ่ะ”

“อ่ะนี่ชาเขียวที่วันชอบอ่ะ โก้เก็บไว้ให้” อ้อ ถึงว่าพี่สามจะกินพี่โก้ไม่ให้ เพราะแบบนี้นี่เอง

“ขอบใจนะ” พี่วันรับชาเขียวไปถือพร้อมยิ้มหวานให้พี่โก้ โอ๊ย แสงสีชมพูนี่มันอะไร ไฟมันก็สีขาวธรรมดานี่ครับ

“มดครับมด มีมดมาขายเป็นรังเลยใครสนใจจะซื้อมั้ยครับ!!”

พี่อ้น มึงอิจฉาเขาสองคนใช่มั้ยตอบ!!

“อ้าวน้ำ ไม่กลับเหรอ” พี่วันที่ยืนหน้าแดงกับคำแซวของเพื่อนหันไปถามพี่น้ำที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงโต๊ะใกล้ๆ

“รอเพื่อนมารับค่ะ”

“แอ่ะ ใช่คนที่มาส่งหรือเปล่า เพื่อนแน่เหรอ”

“พี่วันก็…”

ผมไม่ได้ตั้งใจฟังหรอกครับ มันแค่ผ่านเข้ามาในหูเฉยๆ ตอนนี้ต้องรีบกลับไปทำงานเพราะพี่อ้นมันพาลคู่รักสองคนนั้น หันมาทำตาเขียวใส่พวกผมใหญ่เลย และสวนของพวกเราก็เสร็จในยี่สิบนาทีตอนมา

เยส!!!

“โคตรเหนื่อย!”

พี่ว่านทิ้งตังลงนั่งข้างผมที่ฟุตบาทหน้าตึกกลาง หน้าพี่มันมีแต่เหงื่อ แถมยังเปื้อนดินเต็มไปหมดเลย ส่วนผมดีหน่อยไม่ค่อยเปื้อนเท่าไหร่ ก็บอกแล้วว่าพี่ว่านไม่ค่อยให้ผมขนของ

“พี่ว่านหน้าเปื้อนครับ”

“จริงดิ ตรงไหน พี่ว่าพี่ล้างหมดแล้วนะ…”

“อย่าๆๆ พี่ เดี๋ยวเสื้อเปื้อน” ร้องห้ามพี่ว่านแทบไม่ทัน พี่มันยกแขนขึ้นมาเตรียมจะใช้เช็ดหน้าอยู่แล้วครับ โอ๊ย ไม่เสียดายเสื้อเลยพ่อคุณ

“พี่ไม่มีผ้าเช็ดหน้า”

“ของผมก็ได้ครับ” ผมส่งผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าให้พี่ว่าน “ยังไม่ได้ใช้เลย ไม่ต้องกลัวสกปรก”

“ถึงใช้แล้วก็ไม่เป็นไรหรอก” ว่าแล้วพี่ว่านก็ลงมือเช็ดหน้าตัวเอง แต่เช็ดยังไงก็ไม่โดยตรงที่เปื้อนสักที ขัดใจครับ เฉียดไปเฉียดมาอยู่นั่นแหละ

“ผมเช็ดให้ดีกว่าพี่”

“อ้อ เอาสิ”

ผมหยิบผ้าเข็ดหน้าคืนมาจากพี่ว่าน ตรงที่เปื้อนดินมันคือช่วงหว่างคิ้วทั้งสองข้าง กับแก้มซ้าย แต่ทุกครั้งที่พี่ว่านเช็ดก็จะเลยจุดนี้ไปทุกที ผมเช็ดให้พี่ว่านอย่างตั้งใจโดยไม่รู้เลยว่าอยู่ใกล้พี่ว่านมากแค่ไหน

และไม่รู้เลยว่าใกล้กันนั้น มีใครบางคนยืนมองพวกผมอยู่จากทางด้านหลัง



===============================================
=====================================
ฮัลโหลลลล ทุกคนนนน มาพบกันอีกแล้ววว  :mew1:
ขอเปิดตัว 'พี่ว่าน' ค่าาาา
ว่าที่พระรองแสนดีแต่ไม่ค่อยมีบท
พี่เขาดูละมุนเนาะ
ส่วนพี่เอื้อของเราน้านน มีสาวใหม่ด้วย น่าตบจริงๆ
ก็ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ  :pig4:
ปล.ตอนหน้าเรามาเจอกับพี่เอื้อกันบ้างเนาะ  :z2:


หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 23-01-2017 22:30:40
ตบนังเอื้อ ปูนอย่าหวั่นไหวกับนางง่ายๆนะคะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-01-2017 22:53:58

ใกล้กันแล้วไงอะ มีสิทธิ์โกรธด้วยหรือคนที่เห็น
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.11 19.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: MeWeaw ที่ 23-01-2017 23:10:40
ตอนหน้าเจอเอื้อแกไม่ต้องมาบอกฉันนะว่าแกนะแอบชอบน้องปูนคนดีที่ทำกับน้องนางฟ้าของปูนแบบนั้นก็เพราะเป็นแผนเพื่อให้น้องปูนคนดีตัดใจเพราะตอนนี้แกก็ควงสาวใหม่อีกแล้วฉันทีมพี่ว่าน #ทีมว่าน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.12 23.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 24-01-2017 21:32:42
มาหญิงก็ไปกับหญิง มายืนดูอะไรคนเค้าจะจีบกันอีพี่เอื้อ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.12 23.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-01-2017 21:44:13
 :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:
พี่เอื้อแม่ง จะด่าว่าอะไรดีเนี่ย
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.12 23.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-01-2017 01:31:26
 :katai1:

เปลี่ยนพระเอกได้ไหม ไม่ไหวว่ะ
เรื่องนี้ดีทุกอย่าง ยกเว้นพระเอก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.12 23.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 25-01-2017 02:46:39
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.12 23.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 25-01-2017 08:53:53
แกมีใหม่ได้ น้องปูนก็มีคนมาจีบได้ หึ ๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.12 23.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 25-01-2017 15:45:29
คิดว่าเรื่องแอบรักน่ารักๆ ไหงเป็นพระเอกเหี้ยๆได้ละ
ขอบายละกันเรื่องนี้
เหตุและผลของการแอบชอบของพระเอกไม่พอ
ชอบน้องแต่มีคนอื่น จะอ้วก ระวังโรค
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.12 23.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: hpimmc ที่ 25-01-2017 19:48:11
พี่เอื้อเป็นไร
ชอบเขาก็จีบเขา ไม่ใช่มาคั่วหญิงใหม่ไปเรื่อยๆ อิผี
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.12 23.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 27-01-2017 19:40:47
บทที่ 13
เมื่อพี่เอื้ออยากพูด (1)

หวัดดีครับ ผมชื่อเอื้อนะ เชื่อว่าทุกคนอาจจะอยากรู้จักผมกันใช่มั้ย งั้นเรามารู้จักผมให้มากขึ้นไปกว่าเดิมเถอะครับ (ยิ้มละลายใจ)

ผมเรียนเภสัชฯ ตอนนนี้อยู่ปีสองแล้ว ตอนเรียนผมก็เฝ้าถามตัวเองตลอดเลยว่าทำไมผมต้องมาเรียนอะไรที่มันยากเย็นและลำบากกับชีวิตแบบนี้ด้วย เภสัชไม่ใช่ง่ายๆ นะคุณ เห็นว่านั่งจ่ายยาอย่างเดียวนั้นผมต้องเรียนอะไรมากมายกว่านั้นเยอะครับ

แล้วผมก็ได้คำตอบว่า เพราะพ่ออยากให้เรียน โอเค งั้นจงก้มหน้าก้มตาเรียนต่อไป

“ไอ้เอื้อ เย็นนี้มีนัดยังครับเพื่อน” เดียวเพื่อนอีกคนถาม เราเพิ่งรู้จักกันตอนเข้าปีหนึ่ง แต่เดียวมันมีอะไรหลายๆ อย่างที่เข้ากันได้เราเลยสนิทกัน

“เสียใจ กูจะไปรับมิ้ม”

“เปลี่ยนคนอีกแล้วเหรอวะ” คราวนี้เป็นฟิ้งที่ถาม

“มึงก็รู้จักกูนะฟิ้ง หึหึ”


ผมเป็นพวกขี้เบื่อนิดๆ การเปลี่ยนสาวใหม่ตลอดจึงถือเป็นเรื่องธรรมดา โดยปกติแล้วผมควงใครคนไม่เกินหนึ่งเดือนก็เปลี่ยนคนใหม่ แต่ถ้าใครถูกใจผมมาก ผมก็ต่อเวลาให้ พวกเธอผมมีสิทธิ์รู้เท่าที่อยากรู้ แต่เธอไม่มีโอกาสรู้เรื่องของผมถ้าผมไม่อยากบอก ถ้าใครทำได้ก็มีสิทธิ์ควงผมได้

ส่วน ‘มิ้ม’ สาวคนใหม่ของผมนั้นผมสังเกตมานานแล้วว่าเธอชอบแอบมองผมประจำ วันนั้นผมเลยหันไปส่งยิ้มกลับให้เธอบ้าง เพื่อนๆ เธอแตกตื่นกันใหญ่ ส่วนเธอก็หน้าแดงแปร๊ด เท่านั้นแหละ ผมก็รู้เลยว่าเธอชอบผม เขาบอกว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก ผมเลยเข้าทำความรู้จักซะเลย

และหลังจากนั้นมิ้มก็กลายเป็นคนของผม

เธอน่ารักดีครับ เรียบร้อยด้วย ออกเเนวใสๆ วัยรุ่นชอบเลย ผมที่เบื่อจากพวกเจนจัดก็เลยตื่นเต้นกับเธอ แต่ใสไปบางทีก็น่าเบื่อ

“กูไปแล้วนะ”

“เชิญ” เดียวผายมือให้ผม ไอ้นี่มันกวนตีนจริงๆ

ผมขับรถตรงไปรับมิ้มที่หน้าตึกเรียน พอลงมาก็เห็นแต่เพื่อนๆ เธอที่ยืนอยู่

“พี่เอื้อสวัสดีค่ะ” หนึ่งในนั้นทักผม ก่อนที่ทุกคนจะหันมาไหว้เหมือนกัน

“หวัดดีครับสาวๆ แล้วมิ้มล่ะ”

“โดนฉกไปค่ะ”

หือ? โดนฉก?

“อธิบายด้วยครับ” ผมเริ่มขมวดคิ้ว สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบเลยคือการมีคนมายุ่งกับคนของผม ห้าม! โดยเด็ดขาด

“พี่ไปดูเองเถอะค่ะ เนี่ยๆ เดินไปทางนั้น” หนึ่งในนั้นชี้ทางให้

“ขอบใจนะ” ว่าแล้วก็เดินตามไป เมื่อกี้ผมเห็นหลังมิ้มไวๆ ว่าเดินไปกับผู้ชายอีกคนด้วย

อ่า นั่นไง เจอแล้ว

ไอ้คนที่อยู่กับมิ้มผมไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยครับ มันตัวสูงโปร่ง แต่ไม่เท่าผม หน้าตาดีนะ ออกแนวหนุ่มน่ารักแบบที่คงถูกใจพวกแม่ยกทั้งหลาย

แต่เสียใจว่ะ มิ้มเขาชอบกู

แล้วมันก็สารภาพรักกับมิ้ม! มึงกล้ามากครับน้อง ผมไม่ปล่อยให้มันทำคะแนนได้หรอก จังหวะที่มันบอกชอบมิ้มเสร็จผมก็เดินเข้าไปหาแล้วพามิ้มออกมาเลย หน้ามันอย่างเอ๋อครับ โคตรฮาอ่ะ แต่พอผมหันไปแสยะยิ้มให้เท่านั้นแหละ หน้ามันก็เปลี่ยนไปอีกอารมณ์เลย

เหมือนกิ้งก่า ตลกดี

แล้วใครจะคิดว่าคืนนั้นผมก็ได้เจอมันอีกครั้ง

..
.
“เชี่ย!! เข้ามาในห้องกูได้ไงวะ”

ผมที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำก็ต้องตกใจเมื่อมีร่างของใครคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ที่เตียง กลิ่นเหล้านี่ไม่ต้องพูดถึง อบอวนอยู่เต็มห้องไปหมด

“มึง...มึง!!”

“อื้อออ อย่ามายุ่ง!”

อ้าวมึงครับ นี่มันห้องกูนะเว้ย

ผมโคตรเดือด พรุ่งนี้เช้าผมมีควิซด้วย และผมต้องการอ่านหนังสืออย่างมีสมาธิ แต่ไอ้ขี้เมาที่ไหนมานอนที่เตียงผมก็ไม่รู้ ขอดูหน้าหน่อยเถอะ

พรึบ!

“ไอ้…” มันชื่ออะไรนะ ช่างเถอะครับ มันคือคนที่สารภาพรักกับมิ้มเมื่อตอนเย็น! เสร็จกูล่ะ กูจะโยนมึงออกไปนอกห้องเลย

ผมจัดการดึงตัวมันขึ้นมา ตอนแรกคิดว่าตัวมันจะหนักแต่ผิดคาดครับ มันเบามากแทบจะปลิวตามแรงดึง จนผมอดสงสัยว่ามันกินข้าวบ้างหรือเปล่า

“อื้อ!!” มันครางประท้วงอย่างไม่รู้ตัวแล้วลืมตาขึ้นมานิดๆ ก่อนจะ…

อ้วกกกก

ไอ้เชี่ยมันอ้วกกก!!! มันอ้วกรดตัวผม!! กูเพิ่งอาบน้ำมานะมึง!!!!

“ไอ้เหี้ยมึงตาย!!”

“อื้อ อย่าฆ่ากันเลย แค่นี้ก็เจ็บเหมือนจะตายแล้ว…”

ผมหยุดยั้งความคิดตัวเองไว้เท่านั้นเมื่อพบกับดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ของมัน แล้วผมก็เป็นบ้าบออะไรไม่รู้ เสือกเห็นใจมันอีกครับ

โอเค ครั้งนี้กูจะปล่อยไปก่อนแล้วกัน และคืนนั้นผมก็ต้องมานั่งดูแลมันทั้งคืน

เวรกรรมของผมจริงๆ

พอเช้ามาผมก็บังคับให้มันไปส่งผมที่มอ รถผมยางรั่ว ส่วนเพื่อนๆ ก็เข้าห้องกันไปหมดแล้ว ไอ้นี่มันก็ยอมไปส่งผมด้วยนะ ผมชอบเวลาที่มันทำท่าเหมือนจะเถียงแต่สุดท้ายก็หุบปากเงียบมากอ่ะ มันตลกดีครับ แต่ไม่ตลกตรงที่แม่งโอ้เอ้ส่งผมช้า ทำให้วิชานั้นผมไม่ได้เข้าและไม่ได้ควิซ

ผมไม่ได้โกรธมันหรอก ก็เข้าใจว่าผมต่างหากที่ไปรบกวนมัน แค่มันไปส่งก็ดีแล้ว

แต่ทำไมมันไม่ยอมกินโจ๊กเลยวะ ไหนบอกว่าหิว?

“มึงรู้จักคนนั้นเหรอ”

ผมหันไปมองฟิ้งที่อยู่ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นระหว่างที่เรากำลังกินข้าวเย็นกัน แล้วหันมองตามสายตาของมันได้านนอก  ตรงนั้นมีคนที่ทำให้วันนี้ผมหงุดหงิดมาตลอดทั้งวันนั่งอยู่

“เปล่านี่”

“เห็นมึงมองเขาตลอดเลย”

ผมขมวดคิ้ว มองรอยยิ้มสดใสของไอ้เด็กหน้าจืดปากร้ายแต่ก็ใจดีก่อนตอบ “กูเปล่า”

“มึงมอง”

“กูเปล่า…” ผมเถียง ผมไม่ได้มองมันจริงๆ นี่ แค่หันไปมองอะไรอย่างอื่มแถวที่มันยืนเท่านั้น

“ตอนนี้มึงก็ยังมองเขา”

ผมเปล่าสักหน่อย แค่สายตามันโฟกัสไปที่เด็กนั่นเอง!!

..
.
เรื่องของผมกับมันก็ไม่จบแค่นั้นเมื่อเราต้องไปงานวันเกิดพี่บุ๊คด้วยกัน พี่บุ๊คเป็นพี่เตะบอลกันบ่อย เราสนิทกับพอสมควร ครั้งนี้ผมรู้ตัวเลยว่าโดนพี่มันเล่นแน่ เพราะครั้งที่แล้วผมพลาดนัด แต่ผมไม่อยากโดนใครก็ไม่รู้หามกลับ เลยลากมันไปด้วยอย่างที่มันไม่เต็มใจ แล้วผมก็กลายเป็นฆาตกรครับ มันบอกผมแบบนั้นเมื่อผมได้ทำน้ำหอมมันตกพื้น กับอีแค่น้ำหอมขวดเดียวมันทำเป็นคร่ำครวญหนักหนา แล้วกลิ่นนี่ก็ไม่ได้เหมาะกับมันเลย กลิ่นแบบผู้ชายแมนๆ อ่ะครับ ไม่เข้ากันมันอย่างแรง

อย่างมันต้องกลิ่น...แล้วผมจะมาคิดทำไมเนี่ย

วันนั้นผมก็เลยได้รู้ว่ามันชื่อ ‘ปูน’

คืนนั้น ผมก็โดนมอมจนเมาจริงๆ ครับ ทั้งเบียร์ ทั้งเหล้า พี่บุ๊คมันส่งให้ผมไม่ได้ยั้งเลย

เกลียดพี่มันว่ะ

ผมควบคุมสติไม่ได้ พอเมาแล้วความต้องการผมจะสูงขึ้น ขนาดสั่งให้ปูนส่งผมที่หอมิ้ม ผมรู้ว่ามันคิดยังไงกับมิ้ม แต่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ มันไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดีเท่าไหร่ แต่คืนนั้นสติผมจมดิ่ง รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นว่าตัวเองอยู่บนรถกับมิ้มและกำลังจะทำอะไรๆ กัน แต่ติดที่ว่าไม่มีอุปกรณ์สำคัญสำหรับคุมกำเนิด ผมค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้มาก และไม่มีทางพลาดเด็ดขาด

ปูนหายไป

มันหายไปไหน…

“พี่เอื้อคะ”

“ขอโทษนะมิ้ม...พี่เมามาก ขอตัวกลับก่อนนะ” และคืนนั้นผมก็ไม่ได้ทำอะไรมิ้ม ไม่ได้ทำอะไรสักอย่างจริงๆ

มันกลับยังไง… ดึกป่านนี้แท็กซี่ก็หายาก

อย่าบอกนะว่ามันเดินกลับ?

..
.
ผมลงมาหาปูนทันทีที่ตื่น เมื่อคืนผมมาเคาะเรียกมันรอบหนึ่งแล้วครับ แต่คิดว่ามันคงหลับแล้วเลยไม่ตอบ เช้านี้เลยลงมาหาใหม่ แต่ไม่ว่าจะเคาะเท่าไหร่มันก็ไม่ตอบเหมือนเดิม หรือว่ามันจะไม่อยู่ห้องวะ แล้วมันไปไหน ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่กลับสักที หรือว่ามันจะเป็นอะไรไป

แม่งงงง มึงไปไหนวะปูน

ตอนนี้ผมโคตรรู้สึกแย่เลย ถ้าเมื่อคืนผมควบคุมตัวเองให้ได้มากกว่านั้นปูนก็คงไม่ต้องหายไปหรอก ต่อไปนี้ผมขอสัญญาว่าจะไม่ดื่มจนเมามายอีกแล้ว

ผมบอกไม่ได้ว่าทำไมผมต้องแคร์มันขนาดนี้ แค่ผมนึกถึงแววตาแสนเศร้าของมันเมื่อคืนตอนที่มองมาที่ผมและมิ้ม ผมก็…

ช่างเถอะ ผมแค่เมาค้างแล้วไม่อยากไปเรียนแค่นั้นแหละ

กว่ามันจะโผล่มาก็สิบโมงกว่าแล้ว หน้ามันโคตรโทรมอ่ะ เราทะเลาะกัน จะเรียกแบบนั้นได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ เลยคือปูนแม่งโคตรกวนตีนอ่ะ ผมเป็นคนค่อนข้างใจเย็นนะ แต่ครั้งนี้ผมหัวเสียอ่ะคิดดู หน้าจับมาตีปากให้หายดื้อจริงๆ แต่ผมก็กวนตีนมันกลับไปเยอะเหมือนกันผมรู้ตัว

โดยเฉพาะเรื่องที่ผมบอกว่าจะไม่เลิกยุ่งกับมิ้ม

แต่ที่ผมไม่เข้าใจตัวเองคือ...ทำไมผมต้องมานั่งคอยมันด้วยวะ ทำไมต้องเป็นห่วงมัน

กูเพี้ยนไปแล้วแน่นอน

“เอื้อ ช่วงนี้มึงแปลกๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า” เดียวตั้งข้อสังเกต ผมว่าผมปกตินะ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่ช่วงนี้หงุดหงิดบ่อยๆ เท่านั้น “แล้วนี่มึงเลิกกับน้องมิ้มอะไรนั่นแล้วเหรอ”

“ยังอ่ะ”

“มึงไม่เห็นไปมาหาสู่กับน้องมิ้มเลย ก่อนหน้านี้นี่ต้องรีบไปหา ทำไมวะ นี่ยังไม่ถึงเดือนเลยนะ”

ผมก้มมองโทรศัพท์ที่มิ้มไลน์มาหาเป็นหลายสิบข้อความแต่ผมไม่เคยกดเข้าไปอ่านและได้ตั้งปิดการแจ้งเตือนไว้ มิ้มมีโทร.มาบ้าง แต่ผมก็ไม่เคยรับเลย

ปูนมันบอกไว้ว่ามันจะจีบมิ้ม ไม่รู้ว่าที่มันพูดนี่มันจริงจังมากแค่ไหน และพอมันบอกมาแบบนั้น ผมดันสวนกลับไปว่าจะไม่เลิกกับมิ้มเสียอีก กลัวครับ...กลัวว่ามันจะกลับไปหามิ้มอีก ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกลัวเหมือกัน แต่รู้ตัวอีกทีผมก็แก้ไขคำพูดอะไรไม่ได้แล้ว

“กูแค่...เบื่อๆ” เบื่อตัวเองเนี่ยะแหละ กูเป็นอะไรไป ทำไมต้องคอยคิดถึงหน้าตากวนๆ ของปูนมันด้วยวะ

“มึงมองน้องคนนั้นอีกแล้ว” ฟิ้งพูดกับผมตอนที่เดียวไม่อยู่ “คราวนี้จะไม่เถียงกูหน่อยเหรอ”

“เถียงทำไม ขี้เกียจ”

ครับ ก็ในเมื่อผมมองหามันจริงๆ นี่”

ไอ้เด็กกวนตีนมันหลบหน้าผมด้วยครับ ประสาทอะไรของมัน ผมก็ไม่ได้จะทำอะไรมันสักหน่อยทำไมต้องหลบหน้าวะ มองก็ทำเมิน ยิ้มให้ก็ทำเฉย เหฮ้ย นี่กูเดือนมอเลยนะ กล้าเมินกูได้ไงวะ แม่ง...อย่างนี้ถ้าเจอจังๆ ต้องสั่งสอนเสียหน่อย

แล้วกูนี่เป็นอะไรมากป่ะวะ ทำไมต้องคอยมองหาแต่มันด้วย มึงเป็นใครวะ ทำไมเข้ามาในความคิดกูอยู่ได้

สารภาพเลยครับ ช่วงนี้ที่ผมเจอปูนบ่อยไม่ใช่เรื่องเอิญหรืออะไรหรอก มันเป็นที่ผมเองชอบเอาตัวไปใกล้มัน ปกติแล้วปีหนึ่งจะเรียนท่ตึกเรียนรวม ซึ่งผมก็ไปกินข้าวที่นั่นตลอด แล้วก็จะพยายามออกจากหอเวลาไล่เลี่ยกับมัน ก็หวังให้มันทักนั่นแหละ แต่แม่ง...มันไม่ทำเลย

แล้วผมก็ได้เจอมันจังๆ จนได้ โคตรบังเอิญเลย ขอบใจฟิ้งที่เสือกอยากจะมาเที่ยวโคราช ไม่รู้หรอกนะว่านึกคึกอะไรถึงเลือกมาเดินปาริโอ้ทั้งที่มันร้อนจนตับจะแตกแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ทำให้ผมเจอปูนจนได้

ผมบอกแล้วว่าปูนมันดื้อ บอกอะไรไม่ค่อยจะฟังหรอก ผมเลยต้องตีบทโหดใส่มันทั้งที่จริงๆ แล้วผมออกจะน่ารักมุ้งมิ้งจะตาย มันถึงได้ยอมเชื่อฟังอะไรผมบ้าง พอพูดง่ายๆ แล้วก็น่ารักดีนะ

ฮะ? อะไร ใครชมมันว่าน่ารัก...อ้าว ผมเองเหรอ ก็...มันน่ารักจริงๆ นี่ครับ ผมเพิ่งรู้ว่ามันได้เป็นเดือนสาขาด้วย คงเพราะบุคลิคเฟรนลี่ของมันนั่นแหละ อีกอย่างใครเห็นมันก็ต้องเอ็นดูมันทุกคน อะไรนะ ผมชมมันอีกแล้วเหรอ ก็แหม มันน่าเอ็นดูจริงๆ นี่

ปูนมันไหว้เดียวกับฟิ้งด้วยครับ! แล้วพูดเพราะด้วย ทีกับกูนะมึง!!

เห็นแล้วต่อมอยากแกล้งผมมันเต้นตุบๆ เลย ผมเดินเข้าไปกอดคอมันและชักชวนแกมบังคับกลายๆ ให้มันเดินเที่ยวกับผม มันทำหน้าเหมือนโลกทั้งใบล่มสลาย ซึ่งฮาดี ผมชอบ ผมอยากจะเห็นว่าปูนจะแสดงอะไรออกมาทางสีหน้าอีกเรื่อยๆ

..
.
ผมลากมันไปซื้อโน้นซื้อนี่หลายที่มาก มันเห็นของที่ผมซื้อแต่ละอย่างหน้ามันดูไม่อยากเชื่อ ผมก็ไม่อยากเชื่อหรอกครับว่าตัวเองจะชอบอะไรแบบนี้ มันไม่เข้ากับลุคเท่ๆ ของผมเลย แต่ผมก็หลงรักไปแล้วนี่นา อย่างกบไม้ตัวนี้ เวลาที่มันส่งเสียง ‘แอบบบ แอบบบ’ ออกมาช่างไพเราะจริงๆ

แล้วเรื่องไม่เป็นเรื่องก็เกิดขึ้น เมื่อฟิ้งมันลากคอปูนไปโดยไม่ดูเลยว่ามีคนเดินสวนมา

ตอนแรกมันทั้งคู่ปลอดภัยดีไม่มีใครบาดเจ็บ แต่แล้วปูนมันก็ทำเรื่องที่ผมไม่คาดคิด มันกระโจนตัวเข้าไปรับกล่องใส่ตุ๊กตาที่ผมเพิ่งซื้อมาเมื่อกี้โดยไม่ห่วงตัวเองเลย!

ผลปรากฏว่าหัวมันโน แขนกับเข่าก็ถลอก!

ผมเดินเข้าไปจะดูอาการมัน แต่มันกลับยื่นกล่องตุ๊กตามาให้

เพื่อ?

“เอาไปเลยมึง กูไม่ถือแล้ว เดี๋ยวทำตกอีก”

ผมล่ะเชื่อมันเลย แทนที่มันจะต่อว่าที่ผมดันบังคับให้มันถือทั้งที่ไม่เต็มใจ แล้วยังทำให้มันเจ็บตัวอีก หมดคำพูดครับ

ผมรับกล่องมาถือแล้วเดินออกมาเลย เห็นสภาพมันแล้วโกรธตัวเอง โกรธไอ้ตุ๊กตาพวกนี้ด้วย อ้อ โกรธมันด้วยที่ไม่ห่วงตัวเอง

นั่นไง ผมเจอถังขยะแล้ว แม่งอยู่ไกลจังวะ เล่นเอากูแทบหอบ

“หยุดนะไอ้เอื้อ!”

มือผมที่กำลังจะทิ้งตุ๊กต่ชะงักค้าง เสียงนี้มันไอ้ปูนนี่หว่า แล้วมันมาอยู่ตรงนี้ได้ไง พอหันไปมองก็พบว่าเป็นมันจริงๆ ด้วยครับ เลือกที่เข่ามันไหลมากกว่าเดิมเพราะมันฝืนเดินตามผมมา แล้วมันก็เดินมาแย่งตุ๊กตาผมไปถือ

มันทำอะไรของมันอีกเนี่ย!

“มึงจะทิ้งเหรอ! ไม่ได้นะเว้ย!”

“เอาคืนมา!” ผมแบมือขอตุ๊กตาจากมัน

“ไม่ให้ แม่งมึงบ้าเปล่าเนี่ย จะทิ้งทำไมเพิ่งซื้อมา”

“กูไม่อยากได้มันแล้ว”

“ทำไมเล่า มึงก็ชอบมันไม่ใช่หรือไง อีกอย่างกูอุตส่าห์ปกป้องมันเลยนะ ดูสภาพกูนี่ กูทุ่มเทขนาดไหน” ปูนมันกอดกล่องใส่ตุ๊กตาแน่นเข้าไปอีก ราวกับว่าปูนมันรักตุ๊กตานั่นมากมาย

“เอามาไอ้ปูน”

“ไม่ให้!”

“เอามา!!”

“ไม่ให้!! มึงจะทิ้งมันทำไมเล่า! แม่งไม่มีเหตุผลเลย”

เหตุผลน่ะผมมีอยู่แล้ว แต่ไม่อยากจะบอก ทว่าถ้ามันอยากรู้มากนัก...

“ที่กูทิ้งก็เพราะมันทำมึงเจ็บไง!”

“...”

“มึงนี่แม่ง บ้าหรือเปล่าวะ ห่วงแต่ตุ๊กตาแทนที่จะห่วงตัวเอง ตุ๊กตาน่ะพังมันก็ซื้อใหม่ได้ แต่ถ้ามึงเป็นอะไรไปจะทำยังไง”

“...ก็กู…” มันเหมือนจะพูดอะไร แต่ไม่ทันผมหรอกครับ ตอนนี้ผมเหืมอนได้ระบายความโกรธเลย

“อะไร!”

ปูนหลุบตาลงมองกล่องตุ๊กตาในอ้อมแขน ก่อนที่มันจะพูดสิ่งที่ทำให้ผมอึ้ง และอยากเก็บตุ๊กตาเหล่านั้นไว้อย่างดี

“กูไม่ได้ห่วงตุ๊กตาหรอก...แค่เห็นว่ามึงชอบมันมากก็เลยไม่อยากให้มันพัง...เท่านั้นเอง”

โอเค รอบนี้มันวิน

ผมสงบอารมณ์ตัวเอง แล้วพามันไปทำแผล เห็นแผลมันความโกรธที่หายไปเมื่อกี้ก็กลับมาอีกครั้ง

“นี่มึงเดินตามกูมาเลยเหรอ” เข่ามันเยินมากอ่ะ ผมต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเช็ดให้มัน กลัวเชื้อโรคจะเข้าแผล

“ก็เออสิวะ จะให้กูบินมาหรือไง” กวนตีนครับ เถียงครับ มันนี่ไม่สลดเลยนะ ผมเงียบ ขี้เกียจจะตีบทโหดใส่มันแล้ว แค่นี้มันก็เจ็บตัวเพราะผมพอล่ะ แล้วเสียงแผ่วเบาของมันก็ดังขึ้นอีกครั้ง เสียงที่ทำให้หัวใจผมแกว่ง

“กูกลัวว่ามึงจะโกรธที่กูเกือบทำตุ๊กตามึงพังเลยตามมาขอโทษ”

อะไรนะ?

“มึง...ว่าไงนะ”

“กูขอโทษที่เกือบทำมันพังนะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

“...” มองมองปูนที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วส่งยิ้มอ้อนๆ มาให้ผม

อ้อน?

“ไม่โกรธกูนะเอื้อ นะๆๆๆ ไม่โกรธนะ” มันกระตุกชายเสื้อผมถี่ๆ พร้อมกับพูดประโยคนั้นไปด้วย

“นะๆๆๆ หายโกรธกูเถอะนะ”

มันจะรู้ตัวป่ะวะว่าที่มันทำนั้นโคตร...น่ารักเลย เชี่ย...หัวใจผมแกว่งเลย  นี่มันกำลังอ้อนให้ผมหายโกรธใช่มั้ย

แล้วคิดว่าผมจะยอม?

“...ใครจะไปโกรธลงวะ”

ครับ ผมยอม

ผมยอมแล้ว ผมยอมแพ้ ยอมมันหมดจริงๆ

..
.
เรื่องไม่คาดคิดด็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อพวกผมทั้งสามคนได้ไปค้างที่บ้านปูน ตอนแรกผมก็คิดว่าบ้านมันคงจะเล็ก หรือไม่ก็ลำบาก เห็นว่ามันออกจะเคี่ยวเรื่องเงินทองหน่อยๆ (ดูจากเรื่องน้ำหอมนั่นอ่ะนะ) แต่ที่จริงแล้วบ้านมันทำไร่ดอกไม้ครับ ไม่ใหญ่มาก แต่ท้าเทียบกับบ้านผมก็มีเนื้อที่กว้างกว่า และที่สำคัญมีม้าตั้งสี่ตัว!

นี่มึงไม่ได้จนเลยนี่หว่า แล้วมางกอะไรกับเรื่องน้ำหอมวะ

อ้อ ลืมบอกไป ไร่ของปูนชื่อว่า ‘ไร่มะลิวัลย์’ ชื่อเพราะดี ผมชอบ

บ้านปูนสวยมาก ไม้สักทองทั้งหลัง (มันรวยครับมันรวย) แต่ตัวบ้านไม่ใหญ่เท่าไหร่นะ พออยู่กันได้หนึ่งครอบครัวแบบพอดี ซึ่งผมชอบมากๆ บ้านผมอยู่กันไม่กี่คนแต่ตัวบ้านกินอาณาบริเวณไปเยอะ มีห้องโน้นห้องนี่หลายห้องมาก บ้านเก่าบ้านแก่ก็แบบนั้นแหละ สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ทวดย่าทวดแล้ว

ผมชอบที่นี่ ที่ไร่แห่งนี้ ผมอยู่กับเมืองใหญ่มาทั้งชีวิต เบื่อเต็มทนกันชีวิตวุ่นวายเร่งรีบ ต้องแข่งขันอะไรในเรื่องที่ไร้สาระและไม่จำเป็นอย่างการขึ้นรถประจำทาง หรือต่อแถวซื้อของ

ถ้าผมได้มาอยู่ที่นี่ก็คงดีไม่น้อย ผมจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้ ที่มันเป็นของผมเอง พอเราไปถึงไร่แล้วก็เอารถเข้าไปจอดข้างใน ถึงตอนนั้นผมก็คิดเรื่องสนุกๆ มาแกล้งปูนอีกจนได้

“มึงจะขี่หลังกูหรือให้กูอุ้ม” ผมถามเมื่อเดินมาหยุดตรงหน้ามันที่กำลังจะลงจากรถ

“กูจะเดิน” นั่น ดื้ออีกนะครับมึง

“โอเคงั้นอุ้ม” ว่าแล้วผมก็ก้มตัวเตรียมจะช้อนตัวมันไว้ในอ้อมแขน

“ไม่ๆๆๆ โอเค ขี่หลังมึงก็ได้”

“แต่กูเลือกอุ้มไปแล้วว่ะ” หน้ามันโคตรตลกเลย ราวกับจะเป็นจะตายเสียให้ได้ถ้าผมอุ้มมัน แต่พออุ้มแล้วก็ไม่เห็นจะตายเลยนี่

“ไอ้เอื้อออออ” มันเรียกผมด้วยเสียงยาวๆ แล้วก็ดิ้นไปดิ้นมา ตัวมันเบามากจริงๆ ให้อุ้มแล้วเดินรอบไร่ผมยังไม่เบื่อเลย (ล้อเล่นครับ อย่าให้ทำจริงนะ)

ปูนไม่ยอมกอดคอผมเลย ผมเลยแกล้งเดินไวขึ้นแล้วทำเหมือนว่ามันจะตกมันถึงได้ยอมกอดคอผม หึๆ อยากให้ทุกคนมาเห็นหน้ามันตอนนี้จังเลยครับ

“มึงก็ไปแกล้งน้องมัน” เสียงฟิ้งดังมาจากทางด้านหน้า

“ก็ไอ้นี่มันดื้อ”

“กูเปล่า!”

“มึงอ่ะแม่งโคตรดื้อเลย ดื้อตาใส”

ผมก้มหน้าลงไปพูดกับคนในอ้อมแขน แต่เหมือนว่าผมจะกะระยะผิด ทำให้หน้าของผมกับปูนอยู่ใกล้กันมากเกินไป ทว่าแทนที่ผมจะเงยหน้าขึ้นมาเพื่อเดินต่อไป ผมกลับหยุดตัวเองอยู่ตรงนั้น

ดวงตาแวววาวสดใสของปูนดึงดูดผมไว้

นัยน์ตาปูนเหมือนตากวาง มันสวย สดใส และเหมือนมีมนต์สะกด มนต์ที่ทำให้ผู้ใดได้เห็นเงาสะท้อนของตัวเองในดวงตานี้ ก็จะไม่อาจละสายตาไปได้ ซึ่งเหมือนที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ อีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบในตาของปูนคือมันจะสะท้อนอารมณ์ทุกอย่างที่เจ้าตัวรู้สึกออกมาหมด

เช่นตอนนี้...แววตาปูนสะท้อนความซุกซนปนสงสัยขณะที่กำลังกวาดมองไปทั่วใบหน้าผม ราวกับเด็กที่กำลังอยากรู้และสำรวจสิ่งที่ตัวเองสนใจ และปูนก็ทำให้ผมต้องตกใจ เมื่อจู่ๆ มันก็ยกมือขึ้นมาเสยผมที่ปรกหน้าผม

ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับผมมาก่อนในชีวิต เพื่อนๆ จะรู้ดีว่าผมไม่ชอบให้ใครมาเล่นหัว หรือยุ่งกับทรงผม หรือทำอะไรกับใบหน้าผม แต่กับปูนแล้วผมกลับไม่รู้สึกโกรธเลย ผมกลับ...รู้สึกดีที่มือเย็นๆ คู่นั้นแตะลงบนหน้าผาก

“ทำอะไร”

เสียงของผมที่เอ่ยออกไปกลับอ่อนโยนกว่าปกติโดยไม่ได้ตั้งใจ

ผมเป็นอะไรไป

“กะ กูแค่สงสัยว่ามึงจะไม่มีคิ้ว” หึๆ นี่คือคำตอบที่ดีที่สุดของมึงแล้วใช่หรือเปล่าปูน

“ประสาทว่ะ ถ้าอยากมองก็ขอดีๆ ดิ อยู่ๆ มาเปิดเหม่งแบบนี้กูตกใจ”

“ไม่เห็นเหม่งเลย หน้าผากมึงออกจะสวย”

ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงทำเรื่องให้ผมแปลกใจได้อยู่เรื่อยเลยนะ อยู่ๆ หน้าผมก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปากก็แทบจะฉีกยิ้มจนถึงหูแต่ผมก็ต้องกลั้นเอาไว้ จะให้มันรู้ไม่ได้ว่าผมดีใจกับคำพูดของมันเมื่อกี้นี้

รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าผม...ใจสั่นเพราะมัน และผมก็ต้องกลับมาถามตัวเองซ้ำๆ ว่าผมเป็นอะไรกันแน่
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.12 23.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 27-01-2017 19:46:15
บทที่ 14
เมื่อพี่เอื้ออยากพูด (2)

ตอนเย็นพวกเราก็รวมตัวไปขี่ม้าชมไร่ ไอ้เดียวไปกับฟิ้ง ส่วนผมไปกับปูน บอกตรงๆ ไม่ฟอร์มเลยนะ ผมโคตรอยากขี่ม้าอ่ะ เกิดมายังไม่เคยลองเลย เคยขอแม่ครั้งนึงตอนเด็กๆ แต่พ่อไม่ให้ หลังจากนั้นก็เลยไม่สนใจอีกเลย ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้าผมแล้วครับ

และผมไม่อยากพลาด!!

ปูนมันดูแลพวกเราดีมาก ส่วนใหญ่แล้วมันจะต้องคอยรับมือกับผมเพราะผมชอบเอาตัวเข้าไปยุ่งกับมันเรื่อยๆ ไม่รู้สิ ผมว่าอยู่กับมันแล้วผมสนุกดี ชอบเห็นมันทำหน้าแปลกๆ อีกอย่างอยู่กับมันแล้วผมรู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองที่สุด

ปกติผมเป็นคนกวนๆ นะ พูดมากด้วย ไปถามเดียวกับฟิ้งได้ว่าผมพูดเยอะขนาดไหน แต่ผมจะพูดกับคนที่อยากพูดเท่านั้น ซึ่งก็มีไม่มากนักหรอก นับคนเอาได้เลย ส่วนสิ่งที่ผมทำกับคนทั่วๆ ไป (เหมือนกับที่ผมทำกับมันตอนเจอกันครั้งแรกๆ) คือผมต้องดูหล่อ เนี้ยบ ไม่ค่อยพูดกับใคร ไม่ใช่หยิ่งนะ ก็ผมไม่อยากจะพูดนี่ ขี้เกียจฟังเวลาคนอื่นพูดด้วย

กลับมาเรื่องปูนดีกว่า จากที่ผมสัมผัสได้ ปูนเอาใจใส่คนอื่นมากครับ ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ มันแคร์ความรู้สึกคนอื่นเสมอ อย่าเรื่องที่เดียวอยากขี่ม้า ทั้งที่ร่างกายมันก็ไม่สมบูรณ์แต่ก็พาพวกเรามาที่คอกม้าจนได้ และเพราะผมอยากขี่ มันเลยยอมจูงม้าที่แสนพยศตัวนี้ให้ผม

คุณน้องปูนนี่ปากร้ายแต่ใจดีเหมือนกันนะ

พอขี่ม้าชมรอบไร่ไปสักพักปูนคงเริ่มเหนื่อย อยู่ๆ มันก็จูงม้าไปผูกกับต้นไม้แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นไม่ปรึกษาความเห็นผมเลยสักนิด ผมจะทำไงได้ครับ นอกจากลงจากม้าแล้วเดินไปนั่งลงข้างมัน เสียดายว่ะ เพิ่งได้ขี่แท้ๆ ครั้งเดียวปมติดใจเลยนะเนี่ย ถึงน้องสงหวังจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควรก็เถอะ

ผมเอนหลังนอนลงบนพื้นหญ้า แล้วสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ย้ำกันอีกสักรอบว่าผมชอบที่นี่จริงๆ ลมเย็นสบายที่พัดผ่านเบาๆ ทำให้หนังตาผมหนังอึ้งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พอผมบอกไปแบบนั้น ไอ้คนที่นั่งข้างกันกลับกวนผมด้วยการบอกว่าจะทิ้งผมไว้ที่นี่

ผมเลยจัดการนอนตักมันเสียเลย ตักมันไม่นุ่มเลยครับ แต่นอนแล้วสบายดี ปกติผมก็ชอบนอนหมอนแข็งๆ เสียด้วยสิ แน่นอนว่าปูนมันโวยวายใหญ่ แต่คิดว่าผมจะฟังหรือไง

ไม่ครับ เมื่อกลางวันผมยอมมันมาแล้ว ตอนนี้มันก็ต้องยอมผมบ้างแหละเนาะ

..
.
“มึงดูดาวดิ โคตรสวยเลย ที่บ้านกูทำไมไม่มีแบบนี้บ้างวะ”

ผมพูดขึ้นหลังจากที่เราสองคนตกลงมาจากแคร่ไม้เพราะความดื้อของปูนัมนเรียบร้อยแล้ว ปูนมันเป็นคนดื้อเงียบครับ บอกอะไรไปไม่ค่อยจะฟังหรอก แต่ไม่ทำท่าทางขัดขืนเท่านั้นเอง อย่างเรื่องห้ามดื่มเหล้าบอกไปมันก็รับฟังดีนะ แต่กลับจะแอบกินเสียได้  นอกจากดื้อแล้วมันยังเถียงเก่งด้วยนะ กับคนอื่นล่ะก้มหน้าอย่างเดียว แต่ทำไมอยู่กับผมแล้วมันไม่ยอมตลอดเลยก็ไม่รู้

“มึงก็ย้ายบ้านมาอยู่นี่ดิ”

ย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอ… เข้าท่านะ แต่คงเป็นไปไม่ได้…

“เออ มาอยู่กับมึงเนี่ยแหละ”

“เอาดิ จะให้ไปนอนกับไอ้สมหวังเลย”

“มันคงกระทืบกูตาย”

“ไม่หรอก ถ้ามึงไม่ไปยุ่งกับสมปองของมันนะ”

ผมหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะเงียบลง มองดูดาวที่แข่งกันส่องแสงอยู่บนท้องนภาสีหมึก

สวย… จนผมไม่อยากให้เวลาผ่านไปเลย

ผมหลงรักที่นี่เข้าแล้วเต็มเปา

ผมทำการไล่นับดวงดาวไปทีละดวง ผมตั้งเป้าหมายว่าในชีวิตนี้ผมจะต้องนับดวงดาวให้หมดฟ้าให้ได้ครับ บ้าเนาะว่ามั้ย ไปบอกใครก็คงว่าแบบนั้นแหละ

แต่ก็มีคนบ้าเหมือนผมครับ บ้าขนาดที่มันอยากจะเอาชนะผมด้วยเรื่องบ้าๆ แบบนี้

ปูนไงครับ ไม่ใช่ใครอื่น

“ปูน…”

“อะไร”

“ทำไมมึงถึงชอบมิ้มวะ”

ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ถึงถามมันออกมาแบบนี้ แต่ในเมื่อผมหลุดปากถามไปแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบกับคำตอบของปูนที่ตอบผมมา

“กูหลงรักรอยยิ้มแรกของมิ้ม… แต่มึงก็ทำมันพังว่ะเอื้อ” จากตรงนี้ผมไม่เห็นว่ามันทำหน้ายังไง แต่น้ำเสียงของมันเศร้า แม้จะแผ่วเบาแต่ผมก็สัมผัสได้

“กูหลงรักรอยยิ้มแรกของมิ้ม…”

ผมขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเสนอความคิดของตัวเองออกมาบ้าง “มึงอาจจะแค่ประทับใจเขาเฉยๆ ไม่ได้ชอบก็ได้” ปูนไม่ตอบ ผมเลยต้องถามต่อ “แล้วที่มึงไม่จีบมิ้มสักทีนี่เพราะกูเหรอ”

“เปล่าหรอก จริงๆ กูตัดใจจากมิ้มแล้ว”

ผมโคตรดีใจเลยที่ได้ยินแบบนั้น หัวใจผมเต้นรัวด้วยความรื่นเริง ปูนตัดใจจากมิ้มแล้ว มันจะไม่จีบมิ้มอีกแล้ว มันจะเลิกยุ่งกับมิ้มแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผมต้องเลิกกับเธอเสียที แต่ทำไม...ตามึงเศร้าอย่างนั้นวะปูน มึงไม่ควรจะเศร้าหรือเสียใจอะไรทั้งนั้น กูไม่อยากเห็น...

ปูนน่ะเหมาะกับรอยยิ้มเท่านั้น

เพราะไม่อยากเห็น ผมเลยตัดสินใจเข้าใกล้ปูนไปอีกขั้น

สักวันหนึ่งปูนจะได้รู้ว่าการรักคนที่เขาก็รักตัวเองนั้นมันมีความสุขขนาดไหน

อ้อ คืนนั้นผมไม่ได้นอนกับปูนหรอกนะ อยู่ๆ ลุงคณิตก็เรียกผมเข้าไปนอนที่ห้องแก ตอนแรกผมก็งงๆ แหละ แต่พอแกพูดออกมาเท่านั้นผมถึงบางอ้อเลย

..
.
“เอื้อ ขอคุยอะไรด้วยหน่อยดิ” เดียวมันเข้ามาหาผม ตอนที่ฟิ้งกำลังเข้าไปอาบน้ำอยู่

ผมหันไปเลิกคิ้วใส่มันอย่างสงสัย “มีอะไรหรือเปล่ามึง”

“มึงรู้สึกอย่างที่กูรู้สึกป่ะเอื้อ...เรื่องฟิ้ง”

“...” ผมเลือกจะเงียบ ฟังมันพูดต่อ

“อุบัติเหตุเมื่อวาน...กูไม่แน่ใจว่ากูคิดถูกมั้ย แต่...ฟิ้งตั้งใจนะ”

“...อือ” ปกติแล้วฟิ้งมันเป็นคนรอบคอบจะตาย ไม่มีทางที่อยู่ๆ มันจะพาปูนไปชนคนอื่นจนเจ็บตัวแบบนั้นแน่นอน

“มันเริ่มเป็นแบบนี้อีกแล้วนะเอื้อ กูสงสารปูนว่ะ” เดียวขมวดคิ้วแน่น ก่อนพูดต่อ “กูไม่อยากให้ปูนโดนแบบที่กูกับคนอื่นโดน แล้วกูก็คิดว่าปูนคงหนักกว่ากูแน่”

ใช่...ผมก็ไม่อยากให้ฟิ้งกลับเป็นคนแบบนั้นอีก และก็ไม่อยากให้ปูนต้องเจ็บตัวเพราะผมด้วย

“มึงต้องทำอะไรสักอย่างนะเอื้อ”

“อือ ขอบใจนะที่เตือน กูจะไม่ให้ปูนเจ็บตัวเพราะฟิ้งอีกแน่”

ผมรับปาก ทั้งที่ก็ยังไม่มั่นใจตัวเองว่าจะทำได้หรือเปล่า

และแล้วเดียวกับฟิ้งทะเลาะกันครับ… ผมน่าจะคิดอยู่แล้วว่าเดียวมันคงไม่อยู่เฉยๆ ให้ฟิ้งมันพูดอยู่คนเดียวแน่ เรื่องของเดียวกับฟิ้งมันเคยแย่มาครั้งหนึ่งแล้วก็กลับมาเป็นดี ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นแย่ลงอีกครั้ง

ผมไม่ได้อยากจะเข้าข้างเดียวนะ แต่เรื่องนี้เป็นเพราะฟิ้งล้วนๆ

มันหวงผมเกินไป นิสัยที่แก้ยังไงก็ไม่หายสักที

ฟิ้งจะตั้งป้อมกับคนที่เข้ามาทำความรู้จักกับผมทุกคน และถ้าใครก้าวข้ามเส้นที่ฟิ้งมันขีดไว้ในใจฟิ้งจะไม่ปล่อยให้คนๆ นั้นใกล้ชิดผมต่อไป อย่างที่ปูนมันกำลังโดน ที่จริงมันออกอาการตั้งแต่เราไปบ้านปูนแล้ว แต่เพราะเดียวสัญญาว่าจะกันฟิ้งออกห่างจากปูนให้เรื่องมันเลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มันกันท่าฟิ้งจนสุดท้ายก็ต้องทะเลาะกับฟิ้งเสียงเอง

ในระหว่างที่ความรู้สึกของผมกำลังพังเพราะเพื่อนสนิททั้งสอง กลับมีมือคู่หนึ่งเข้ามาช่วยปลอบโยน มือที่วางแนบลงบนหูของผมทั้งสองข้างเพื่อหวังว่าจะช่วยไม่ให้ผมได้ยินสิ่งที่เพื่อนๆ กำลังพูดกัน และเป็นมือคู่เดียวกับที่ผมกุมไว้ก่อนจะหลับลงไปอีกครั้ง

ตอนที่ตาจะปิดลง ผมเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและเห็นใจ ปกติผมไม่ชอบให้คนอื่นมามองว่าอ่อนแอ แต่ตอนนี้ผมกลับอยากจะอ่อนแอถ้าคนที่ให้ผมกุมมือต่อไปคือปูน

แค่มันเท่านั้น…

แต่คงจะไม่ได้หรอก ให้ปูนห่างจากผมน่ะดีที่สุดแล้ว เพื่อความปลอดภัยของตัวปูนเอง

หลังจากวันนั้น ผมก็เลือกที่จะห่างจากฟิ้งออกมาอยู่กับเดียวมากขึ้น ฟิ้งมันเพื่อนเยอะครับ ถ้าไม่มีเรื่องผมฟิ้งมันก็เป็นคนเฟรนลี่คนหนึ่งเลยล่ะ เพื่อนๆ ในคณะ (ที่ยังไม่เจอฤทธิ์มันนะ) ก็ชอบมันหมด ทุกคนอยากจะเป็นเพื่อนกับฟิ้งจะตาย มันเรียนเก่ง และถ่อมตัว นิสัยก็น่าคบ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ผิดกับผมและไอ้เดียวที่ถ้าคนอื่นไม่มาขอร้องเหมือนจวนจะตายผมก็ไม่อยากเข้าไปเสนอหน้าหรอก

อ้อ บอกไว้ก่อนว่าผมไม่ใช่พวกชอบทำกิจกรรมอะไรนะครับ แต่ที่เห็นเข้าทุกกิจกรรมนั่นน่ะโดนบังคับ (เผื่อคุณไปฟังข้อมูลผิดๆ มา) หรือไม่ก็อาจารย์ขอร้องให้ทำ

“เนี่ยอ่ะนะวิธีแก้ปัญหาของมึง” เดียวมันถามขึ้นตอนที่เรากำลังนั่งกินข้าวกลางวันกันอยู่ในโรงอาหาร

“เออ ก็กูคิดได้แค่นี้นี่หว่า มึงก็รู้ว่าฟิ้งร้ายขนาดไหน”

วิธีแก้ปัญหาเรื่องปูนกับฟิ้งของผมมันปัญญาอ่อนมากๆ อ่ะ ผมใช้ตรรกะที่ว่าถ้าผมไม่เข้าใกล้ปูน ฟิ้งก็จะเลือกยุ่งกับปูนไปเอง ซึ่งก็ถูกต้อง ฟิ้งไม่ได้ยุ่งกับปูนแล้ว แต่แม่งโคตรฝืนความรู้สึกผมเลย ไอ้ตัวต้นเหตุมันจะรู้ป่ะวะว่าระหว่างที่มันกำลังนั่งคุยหรือยิ้มกับเพื่อนอยู่นั้น ผมกำลังควบคุมตัวเองไม่ให้เข้าไปทักมันแค่ไหน หรือระหว่างที่เราสวนกัน ผมต้องห้ามใจแค่ไหนที่จะทำเพียงยิ้มให้มัน

ดูดิ...มีความสุขจริงๆ นะมึง -*-

“เอาเหอะ ถ้ามึงทนได้มึงก็ทนต่อไป กูบอกอะไรอย่างเอาป่ะวะมึง”

“อะไร”

“มึงเห็นนี้ป่ะครับ” มันยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู ที่หน้าจอแสดงเลขสิบหลัก

“เบอร์มึง?”

“เบอร์ปูนต่างหาก” มึงมีเบอร์ปูนได้ไงวะ! นี่ไปขอเบอร์กันตอนไหนเนี่ย แล้วมึงโทร.ไปหาน้องมันกี่ครั้งกันแล้ววะ แล้วปูนมันยอมให้ได้ไง อ้อ ลืมไปไม่ว่าพี่เดียวกับพูดอะไรน้องปูนก็ไม่เคยขัดนี่!

อารมณ์เสีย!!

คำถามมากมายอยู่ในหัวผมเต็มไปหมด แต่สิ่งที่ผมแสดงออกมาคือ

“เอามาให้กู”

“โนครับ! อยากได้ก็ต้องกล้าเข้าไปขอเองนะ แต่กูอยากบอกไว้อย่างนะเว้ย…เสียงปูนเวลาง่วงนอนอ่ะโคตรน่ารักเลย”

ไอ้เพื่อนเวร!

อย่าครับ ผมต้องไม่แสดงอาการอะไรทั้งนั้น ผมต้องไม่ตกหลุมพรางมันเด็ดขาด ผมจะต้อง…

“ฮัลโหลน้องปูนว่างคุยป่ะครับ”

ไอ้เชี่ย!!!

..
.
กลับมา ณ ปัจจุบัน

ผมกำลังเดินไปที่ตึกกลางของมหาวิทยาลัยเพื่อนไปรับเด็กใหม่ของผมหลังจากที่ผมบอกเลิกมิ้มไปตามที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว  ส่วนคนที่ผมกำลังควงอยู่ตอนนี้เธอชื่อน้ำ เป็นดาวคณะเกษตรปีสอง น้ำก็ดีนะ แต่ติดที่เธอเจ้ากี้เจ้าการ ซึ่งผมไม่ชอบเลย

เธอเข้ามาในตอนที่ผมกับลังสับสนกับความรู้สึกตัวเอง ผมมองหาปูน อยากเข้าไปทัก แต่ก็ไม่อยากเจอมัน ไม่อยากทำให้มันเจ็บตัว ผมคิดถึงมัน แต่ก็อยากลบมันออกไปจากความคิด ผมเลยคิดว่าถ้าผมเลือกสนใจที่ใครสักคนผมคงจะดึงความรู้สึกออกจากมันได้มากขึ้น

แต่เปล่าเลย การกระทำอันโง่งมของผมทำให้เกิดเรื่องต่างๆ ตามมา...

เมื่อยี่สิบนาทีที่แล้วผมได้รับข้อความรัวๆ ว่าให้มารับที่ตึกกลางด้วย พอผมเห็นข้อความผมก็ต้องร้องกับตัวเองในใจเบาๆ ว่า ‘ฉิบหายแล้ว’ ผมลืมไปเสียสนิทว่าน้ำบอกให้ไปรับหลังซ้อมรำอะไรสักอย่างเสร็จ

ผมเห็นแล้วว่าน้ำนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน แต่สายตาของผมกลับโฟกัสไปยังพื้นที่มีคนสองคนนั่งอยู่ คนหนึ่งผมเดาไม่ออกว่าใคร แต่อีกคน...แค่มองข้างหลังผมก็รู้

ปูน…

“ผมเช็ดให้ดีกว่าพี่” เสียงที่ผมไม่ได้ฟังมานานพูดขึ้น

“อ้อ เอาสิ”

ปูนหยิบผ้าเช็ดหน้าของมันออกมาจากมือของอีกฝ่าย ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปเช็ดหน้าให้คนๆ นั้น ตอนแรกมันก็เข้าใกล้เข้าแค่นิดหน่อย แต่คงเพราะเช็ดไม่ถนัดหรือเพราะอะไรสักอย่างทำให้มันต้องเข้าใกล้ไอ้หมอนั้นไปอีก ในขณะที่มันกำลังเช็ดคราบอะไรสักอย่างด้วยความตั้งใจ คนที่ถูกเช็ดกลับลอบมองหน้ามันอย่างตั้งใจไม่แพ้กัน

ร่างโปร่งขยับเข้าใกล้อีกคนไปอีกขั้น จนปลายจมูกของหมอนั่นแตะโดนข้างแก้มของปูนอย่งแผ่วเบาโดนที่เจ้าตัวไม่รู้สึก

รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏที่หน้าของหมอนั่น และแน่นอนว่าปูนไม่รู้ตัว

ผมอยากจะเข้าไปแล้วดึงปูนออกมา แต่เรื่องบ้าๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อขาผมมันไม่ยอมขยับไปไหนเหมือนกับถูกตรึงไว้กับที

ผมมีสิทธิ์อะไรที่จะไปดึงปูนออกมาล่ะ มีสิทธิ์อะไรที่จะไม่พอใจ มีสิทธิ์อะไรที่จะหวงปูน

ผมมันก็แค่ไอ้มารหัวใจที่ไปแย่งคนที่เขาชอบมา เป็นแค่คนเอาแต่ใจที่มันไม่อยากจะยุ่งด้วย เป็นแค่คนที่ทำให้มันเดือดร้อน เป็นแค่คนที่รู้จักมัน

ผมไม่มีสิทธิ์อะไรเลยสักอย่างเดียว…

..
.
ผมมันบ้า… ประสาทแล้วชัดๆ ที่ทำอะไรแบบนี้

ทั้งที่ตัวเองก็ตกลงกับตัวเองแล้วว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ยุ่ง ไม่มองหา ไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันอีก… ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้จริงๆ แม้จะรู้ว่ามันไม่ดี แม้เราจะต้องกลืนน้ำเลยตัวเองมากแค่ไหน เราก็ฝืนความต้องการลึกๆ ในหัวใจไม่ได้อยู่ดี

ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนรถที่จอดไว้หน้าหอ เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วผมส่งข้อความไปบอกน้ำว่าผมไปรับไม่ได้ ให้น้ำกลับเองเลย แน่นอนว่าเธอพยายามโทร.หาผมเป็นสิบสาย แต่ผมเลือกที่จะปิดเสียงและปล่อยมันไว้อย่างนั้น ก่อนที่จะพาตัวเองมารอปูนที่หน้าหอ

ครับ รอปูนไง

ซึ่งตอนนี้มันก็เดินออกมาอยู่ข้างหน้าผมแล้ว

ผมเปิดประตูรถและปิดอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเดินเข้าไปอยู่ข้างหลังมัน ตัวมันมีแต่เหงื่อ ดูจากเสื้อที่ใส่นั้นเปียกชุ่มไปทั้งแผ่นหลัง

“ปูน” ผมกระซิบเรียกให้เจ้าตัวหันมาหา ปูนตกใจกับการปรากฏตัวของผมอย่างไม่ต้องสงสัย

“เอื้อ? มึง...เพิ่งกลับ?”

‘เปล่าหรอก กลับนานแล้วแต่มานั่งรอมึง’

แต่ผมพยักหน้าให้มันแทนคำตอบจริงๆ

“พรุ่งนี้ตอนเย็นๆ มึงว่างป่ะวะ”

“หะ? พรุ่งนี้เย็น?...” มันขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย ก่อนเงียบไปแล้วมองผมแวบหนึ่ง “เปิดงานแฟร์ไง มึงก็ต้องมาดูพี่น้ำไม่ใช่เหรอ แฟนใหม่มึงอ่ะ”

มันรู้เรื่องน้ำ?

“เขาไม่ใช่แฟนกู”

“อีกล่ะ มิ้มก็ไม่ใช่ พี่น้ำก็ไม่ใช่ คนอย่างมึงนี่จะจริงจังกับใครบ้างป่ะวะ” มันทำหน้าเซ็งๆ เหมือนบ่นไปเรื่อยไม่ใส่ใจ

“กับมึง”

เชี่ยยย ปากไวฉิบหายเลยกู ดีนะที่มันไม่ได้ยิน!

“หะ?”

“เปล่าๆ พรุ่งนี้เย็นมึงว่างมั้ย ต้องไปทำกิจกรรมอะไรหรือเปล่า”

“มึงจะทำไมอ่ะ” แหนะ มีมาถามย้อนอีกครับ มันเคยจะเชื่อฟังแล้วตอบคำถามผมดีๆ บ้างไหมหลังจากเราสนิทกันมากขึ้น (ผมมโนเองนะว่าเราสนิทกัน)

“กูจะไปซื้อของ มึงไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ” ก็ไปซื้อน้ำหอมให้มันนั่นแหละไม่ใช่ของตัวเองหรอก แต่ถ้าบอกไปแบบนั้นก็เสียฟอร์มแย่ดิ แล้วแค่ชวนมันไปซื้อน้ำหอมแค่นี้ทำไมผมต้องเขินด้วยวะ

“คนอื่นก็ได้ป่ะ ทำไมต้องกู”

“ก็…” เอาไงดีวะ ผมไม่ได้คิดคำตอบเผื่อไว้กับคำถามมันด้วย แค่มานั่งรอแบบนี้ตัวเองยังคิดไม่ถึงเลยว่าจะทำ “ก็...ไม่ได้เจอนานแล้ว”

สีหน้าปูนเต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะหลุดขำออกมาเบาๆ

“ที่จริงก็...ไม่ค่อยว่างนะ เพราะกูต้องไปช่วยที่บูธ แล้วก็ต้องไปนั่งปรบมือหน้าเวทีด้วย เดี๋ยวงานกร่อย”

“เหรอ… ไม่เป็นไร งั้นเอาไว้…ครั้งหน้าก็ได้” ผมยิ้มให้มันจางๆ ครั้งนี้ไม่สำเร็จ ค่อยมาชวนมันใหม่พรุ่งนี้แล้วหันครับ

ในขณะที่ผมถอดใจสำหรับวันนี้แล้วเตรียมจะเดินไปขึ้นรถที่จอดไว้ไม่ไกล เสียงห้าวๆ ของอีกคนก็ดังขึ้นจากข้างหลัง

“แต่กูไปเป็นเพื่อนมึงก็ได้ กูก็อยากไปซื้อของเหมือนกัน”

ว่าไงนะ?

ผมหันไปหาไอ้คนที่ยืนมองเสาไฟฟ้าเหมือนกับว่ามันมีอะไรน่าสนใจมากมาย ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี ทำไมพูดกับกูแล้วไม่มองหน้ากูวะ

“พรุ่งนี้หกโมงเจอกันที่ห้าง AA แล้วกัน ห้ามเลทนะมึงเพราะตอนนั้นกูจะต้องหิวมากๆ ถ้ามึงมาช้ากูกินไม่รอจริงๆ ด้วย” มันน่ารักจริงๆ ครับ ผมจะคิดว่าที่มันพูดแบบนี้เพราะกำลังชวนผมกินข้าวเย็นด้วยแล้วกัน

อือ ไม่เลทหรอก

“ได้ มึงก็ห้ามสายนะ ถ้าไปไม่เจอมึงกูจะ…”

“จะทำไม” คราวนี้มันหันมามองหน้าผมแล้ว ผมเลยส่งยิ้มให้มัน

“ก็จะรอจนกว่านะเจอ”

เฮ้ยยยย ทำไมผมต้องเขินขนาดนี้ด้วยวะ! เวลาพูดกับสาวๆ คนอื่นไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย!

“อือ เจอกัน”

“ปูน…”

“อะไรอีกอ่ะ” มาทำอารมณ์เสียใส่พี่อีกนะครับน้องปูน

“ฝันดีนะมึง”

“บ้าป่ะวะ อยู่ๆ ก็มาบอกฝันดีกูแบบนี้” มันยกมือขึ้นมาถูๆ จมูกด้วยความเขิน แล้วมันจะไม่อะไรเลยครับ ถ้ามันไม่น่ารักขนาดนี้

เออ กูจะบ้าก็เพราะมึงเนี่ยแหละ

“แต่ก็...ฝันดีเหมือนกัน”

ผมรู้สึกว่าคืนนี้ผมต้องนอนหลับฝันดีอย่างที่ปูนบอกแน่นอน


======================================================
==============================================
ณ จุด นี้ให้พี่เอื้อเขาสองตอนไปเลยยย
เหตุผลของพี่เอื้อไม่ใช่เหตุผลที่ดีและน่าตบมากค่ะ แต่พี่เขาก็เป็นแบบนี้เนาะ
ได้แต่หวังว่าสักวันพี่เอื้อของเราจะเป็นคนดีขึ้นเพื่อน้องปูน
ซึ่งรับรองว่าเป็นได้แน่นอนค่ะ มาเอาใจช่วยน้องปูนคนดีกันเถอะ
 :ling2:
สำหรับวันนี้ก็ สวัสดีวันปีใหม่จีนค่ะทุกคน
อั่งเปาตั่วตั่วไก๋นะคะ  :mc4:
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-01-2017 20:17:25
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-01-2017 20:30:08
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 27-01-2017 20:34:41
ฟิ้งดูท่าจะไม่ใช่แค่หวงเพื่อนหรอกนะ...เชียร์ให้เดียวกดแม่มเลย

เอื้อ หึ ๆ แกมีคู่แข่งแล้วล่ะ มาตอนนี้น่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 27-01-2017 20:44:41
เพื่อนแบบฟิ้งนี่ - -* จะว่าไงดีละ เฮ้ออ ส่วนพี่เอื้อก็ ผู้ชายงี่เง่าที่แก้ปัญหาเองไม่เป็น อืมมมๆ สงสารน้องปูนจริงจริ๊งงงง
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 27-01-2017 22:30:04
ขอเปลี่ยนพระเอกๆ 55
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 27-01-2017 23:47:11
เป็นนิยายเรื่องแรกเลยที่อ่านพาร์ทพระเอกแล้วยังไม่เข้าข้างหรือเห็นใจพระเอกเหมือนเดิม  ปูนอย่าพึ่งรักเอื้ิอนะ  นิสัยแบบนี้ แก้ปัญหาแบบนี้ คบไปก็เสียใจอ่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-01-2017 09:48:13
รำเอื้อมากกกกกกกกกกกก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: hpimmc ที่ 28-01-2017 10:38:51
เชียร์พี่เดียวค่ะ !!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-01-2017 11:25:27
บอกน้องไปสักทีเถอะพี่เอื้อ แบบนี้น้องปูนจะได้ไม่คิดมาก //ส่วนพี่ฟิ้งนี่ ให้พี่เดียวจับปล้ำซะก็ดี หวงเพื่อนเกินไปนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-01-2017 15:43:41
คือพี่เอื้อ พี่จะเอาไงแน่เนี่ยะ เดวพอฟิ่งรู้ก็จะตีตีวออกห่างอีก แมนมากอิพี่เอื้อ ยกน้องให้พี่ว่านไปเหอะ
ทำตัวน่าหมั่นไส้ใครอยากยกคนน่ารักๆให้กันล่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-01-2017 18:55:27
อยากจะเชียร์คณพี่อีกคนอะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-01-2017 20:10:59
เอาน่าคนเราก็ต้องลองบ้าง
วิธีนี้ไม่ดีไม่สุขก็ลองวิธีใหม่
ฟริ้งก็เพื่อนตั้งแต่เด็ก
ปูนก็คนที่ตัวเองสนใจ
ถ้าเลือกได้คงไม่อยากให้ใครเจ็บเพราะใครหรอก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 28-01-2017 22:38:51
ฟิ้ง โรคจิตหรอคะ หล่อนควรไปพบแพทย์ ควรแจ้งทสงบ้านนะคะ ถ้าถึงขนาดจะทำร้ายร่างกายกันขนาดนี้ หรืออยากได้พี่เอื้อจนตัวสั่นคะ ??? เบะปาก อิพี่เอื้อ เสียดายนะ เสียดาย อุตส่าห์ชมชอบ แต่สุดท้าย พอเถอะคะ พี่ว่านมาวิน นี่ไม่อยากเชียร์ อิพี่เอื้อเลยให้ดิ้นตาย กรอกตาอีกรอบ

ว่าแต่นุ้งโจม ชอบพี่บุ๊คหรอ หรือยังไงอะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.14 27.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 31-01-2017 21:53:27
บทที่ 15
เมื่อน้องปูนไม่กินปลาหมึก


“กูรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ว่ะ มึงรู้สึกเหมือนกูมั้ยฟ้า” ไอ้กล้าเหลือบตามองไปทางฟ้า

“อืม… กูก็รู้สึกนะ มึงว่าไงโจม” ไอ้ฟ้าเหลือบตามองโจม...

“หึ...รู้สึก”

และพวกมันก็หันมามองผม

พวกมึงรู้สึกอะไรกันวะครับ!! ช่วยบอกกูที

“แปลกอะไรของพวกมึงวะ” ในที่สุดผมก็ทนความสงสัยของตัวเองไม่ได้ จนต้องถามออกมา “กูว่ามันก็ปกตินะ”

“กูว่าวันนี้บรรยากาศมันดูสดใส” ก็ใช่ไงไอ้กล้า สดใสมาด มึงดูแดดด้วยครับเพื่อน

“กูว่ามันดูมีชีวิตชีวา” แน่นอนครับเพื่อนฟ้า ตอนนี้ยิ่งกว่า ‘มีชีวิตชีวาอีก’ เพราะมันโคตรวุ่นวายเลยเว้ย คนเตรียมงานเดินกันยั้วเยี้ยไปหมด (นี่คนหรือแมลง)

“กูว่า…” พวกผมสามคนตั้งหน้าตั้งตารอว่าไอ้โจมมันจะพูดอะไร “มันดู…”

“ดู…?”

“คิดไม่ออกว่ะ”

แป่ววววว

พวกกูก็อุตส่าห์ตั้งใจรอคอยมึงนะครับแม่ง

“โธ่ไอ้โจม มึงทำพวกกูผิดหวังจริงๆ” ไอ้กล้าส่ายหน้าประหนึ่งโจมมันทำผิดความผิดมหันต์

“แต่สิ่งที่ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปนั่นก็คือมึงนะไอ้ปูน”

“กู?” ผมชี้ที่ตัวเองพลางมองหน้าไอ้โจมไปด้วย ผมไปทำอะไร นี่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างนะ

“มึงคิดเหมือนพวกกูเลยโจม!” ฟ้าตะโกนเสียงดังก่อนจะกระโดดไปเกาะแขนไอ้โจม ข้างมันมีไอ้กล้าด้วย พวกมันปล่อยให้พี่ปูนยืนโดดเดียวอ่ะครับคุณๆ

“กูไปทำอะไร!”

“ไม่รู้ดิ กูว่าวันนี้มึงดูอารมณ์ดีนะ เมื่อคืนมีอะไรดีๆ หรือไง”

ดีอย่างกับผีน่ะสิ! มึงไม่ไปโดนพี่อ้นพาลใส่แบบกูบ้างมึงไม่รู้หรอกกล้า ชีวิตที่ต้องทนรับอารมณ์ของคนอกหักจากความรักมันลำบาก T^T

“ไม่มีเว้ย! กูกับไอ้โจมโดนพี่ๆ เขาใช้งานมันดีตรงไหนไม่ทราบ”

“มึงคิดดีๆ มึงนัดกับสาวที่ไหนออกเดทไว้หรือเปล่าวะ มึงดูดี้ด้าผิดปกติ” มันยังไม่จบครับ

“กูโสดครับ หัวใจก็ว่าง จะมีใครบางจับจอง ติดประกาศ...”

“พอๆๆๆ พอเถอะกูว่ามันจะเพ้อเจอไปใหญ่”

หลังจากพยายามลบมิ้มออกไปมันก็เกือบสำเร็จแล้ว เย้!! ทุกคนปรบมือให้ผมด้วยครับ เมื่อหลายวันก่อนเจอมิ้มยิ้มให้ใจผมไม่เจ็บแล้ว แถมมันยังนิ่งสงบด้วยแหละ การันตีว่าผมตัดใจกับมิ้มได้เป็นที่เรียบร้อย หรือเรื่องนี้หรือเปล่าวะที่ทำให้ผมดูแปลกๆ ในสายตาพวกมัน

“คงเป็นเพราะกูค้นพบว่ากูตัดใจจากมิ้มได้จริงๆ นั่นแหละ”

“จริงเหรอวะ” ครวานี้เป็นฟ้าที่ถาม

“อือ เมื่อเช้าคุยกับมิ้มแล้วกูเฉยๆ ว่ะ แบบไม่รู้สึกเจ็บ หรือดีใจเหมือนแต่ก่อน”

“อย่างนี้ต้องฉลอง!!” กล้ามันยิ้มก่อนเดินมากอดคอผม “เย็นนี้เลยเป็นไงครับเพื่อน หมูกระทะ ชาบู หรือสุกี้ มึงจัดมาเลยครับ”

“เย็นนี้กูมีนัดแล้วว่ะ วันอื่นได้ป่ะ”

“มึงนัดกับใคร! ไหนบอกว่าไม่ได้นัดสาวไว้ไง” แล้วทำไมมึงต้องเสียงดังด้วยเนี่ยกล้า เจอหน้าไอ้พี่บุ๊คบ่อยเลยติดนิสัยพี่มันมาหรือไง

“ก็ไม่ได้นัดสาว”

“แล้วใคร...ไอ้บอย? หรือหนูนา?” เดี๋ยวๆ กูบอกว่าไม่ได้นัดสาวแล้วทำไมมีชื่อหนูนาด้วยวะครับ

ผมเป็นคนเพื่อนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่รู้จักผมแต่ผมไม่รู้จักพวกเขา ไม่ใช่อะไร ผมจำชื่อพวกเขาไม่ได้เท่านั้นเอง

“พี่ว่านเหรอ” โจมเอ่ยขึ้นแล้วจ้องหน้าผมไปด้วย

“เปล่าไม่ใช่พี่ว่าน”

“เดี๋ยวๆ พี่ว่านนี่เป็นใครวะ” ต่อมขี้เสือกของไอ้กล้าทำงานเลยครับ มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมจริงๆ ขอประมือให้เลย

“พี่ว่านเป็นเพื่อนพี่สาม เมื่อคืนเขามาช่วยงานเลยได้คุยกัน” ผมอธิบายแบบรวบรัด

“พี่ว่านวิศวะป่ะวะ ที่หล่อๆ หน่อย ลุคแมนๆ หน้าคมๆ ป่ะวะ” นี่ไอ้ฟ้าหรือ google ทำไมมันรู้เรื่องคนในมหา’ลัย เยอะจัง

“ไม่รู้ว่าคนเดียวกันมั้ย แต่พี่เขาก็หน้าคมๆ หล่อๆ แบบที่มึงว่าแหละ”

“ถ้าไม่ใช่พี่ว่านงั้น...พี่เอื้อ?” ไอ้โจมมันรู้ได้ไงวะ มันมีญาณทิพย์เหรอ แบบโจมรู้โจมเห็นอะไรแบบนี้

ผมพยักหน้ารับ ไม่อยากโกหกเพื่อนครับ เพื่อนกันก็ต้องจริงใจต่อกัน อีกอย่างไปซื้อของกับไอ้เอื้อก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถึงขนาดบอกใครไม่ได้

“หวายๆ ยังไงเนี่ยพี่ปูน ไหนบอกไม่ชอบมันแล้วทำไมนัดกับมันได้ล่ะครับ” เกลียดเสียงและสีหน้าของไอ้กล้าจริงๆ ให้ตายเถอะ มันก็ไม่จำเป็นต้องมากระแซะกูแบบนี้ก็ได้มะ

“ก็มันเลิกยุ่งกับมิ้มแล้ว ไม่เห็นต้องไปเกลียดมันนี่” ผมพยายามตอบแบบเต็มเสียงแล้วนะสาบาน แต่ทำไมเสียงที่บอกมันไปถึงได้เบาขนาดนี้วะ

ไม่ได้ พี่ปูนลูกผู้ชาย ต้องเสียงดังเข้าไว้!

“อื้อหือ เพื่อนกูนอกจากจะเป็นพระรองแสนดีแล้วยังเป็นพ่อพระด้วยเหรอวะ” สีหน้ามึงนี่ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยว่ะกล้า

หมับ!

“เล่าเรื่องของมึงกับไอ้พี่เอื้อมาให้หมด”

เย้ย มาล็อกคอกูทำไม ปล่อยกูกูไม่เล่า!!

“มันไม่มีอะไรเว้ย”

“ไม่ได้มึงต้อ…”

“พวกมึงสามตัวกับอีกหนึ่งคน!!! ถ้ามึงยังยืนอู้ไม่ช่วยคนอื่นเขาอีกสักนาทีเดียว กูจะเข้าไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละ!” เสียงแหลมๆ ดังมาจากคนที่ขึ้นไปยืนบนที่นั่งแล้วชี้นิ้วมาทางพวกผม และด้วยเสียงของมันนั้นทำให้คนทั้งคณะหันมามองผมเป็นตาเดียว

ไหนมึงบอกมึงเป็นหนูนาตามรักคืนใจไง นี่มันนางพันธุรัตน์ชัดๆ!

“หนูนา ทำไมต้องสามตัวกับหนึ่งคนด้วยวะ” นั่นสิไอ้บอย กูก็สงสัย

“เรื่องนั้นไม่ยากค่ะมึง ก็เพราะโจมคือว่าที่สามีกู และกูไม่ด่าสามีตัวเอง” ยินดีกับมึงด้วยโจม อยู่ดีๆ ก็มีเมียเป็นตัวเป็นตน อย่างไม่ได้ตั้งตัว

“หนูนาพูดแบบนี้บอยก็น้อยใจแย่ล่ะ”

พูดน้อยต่อยหนักของจริงต้องพี่โจมเลยครับ หมัดเดียวจอด! เล่นเอาหนูนามันหาเสียงตัวเองไม่เจอไปพักหนึ่งเลย หน้าเอ๋อๆ ขอหนูนาทำให้ผมนี่หลุดขำออกมาเลย

ฮ่าๆ อยู่กับพวกมันแล้วตลกจริงๆ

♣♣♣♣♣

6 โมง 20 นาที

ณ ห้าง AA

ผมมาสายเต็มๆ ยี่สิบนาทีถ้วน และคนที่นดเอาไว้ก็ทำลังยืนทำหน้ายักษ์อยู่หน้าห้างครับ

“ขอโทษนนะมึงงงง” ผมยกมือไหว้อย่างสำนึกผิด เอื้อมันทำแค่เหลือบตามองก่อนจะหันไปทางอื่น “เฮ้ยย อย่าโกรธนะๆๆ ไม่ได้ตั้งใจสายจริงๆ”

“แล้วทำไมสาย”

“ก็ต้องช่วยงานที่คณะก่อน มันยุ่งๆ อะไรหลายๆ อย่างกว่าจะปีกตัวออกมาได้แทบแย่” นึกย้อนไปเมื่อสองชั่วโมงทีแล้ว ทันทีที่ผมเลิกเรียนก็ถูกกวาดต้อน (นี่คนหรือหมู) ให้ไปรวมกันตรงสถานที่จัดงาน ช่วยกันจัดโต๊ะ เก้าอี้ ขนของอีกมากมายก่ายกอง เหนื่อยจนอยากจะคลานแทนเดินเลยทีเดียว “ดูดิ เหงื่อเต็มหลังเลย”

ผมหันหลังให้ดูว่าเสื้อสีขาวตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อขนาดไหน ถ้าเป็นไปได้อยากกลับไปอาบน้ำก่อนมากครับ รู้สึกว่าตัวเองเหม็นๆ ยังไงไม่รู้

“ขอกลับไปอาบน้ำก่อนได้ป่ะ”

“ไม่ต้องหรอก ในรถกูมีเสื้อผ้าอีกชุด เดี๋ยวไปหยิบมาให้เปลี่ยน” เออ ดีเลย จะได้ไม่ต้องทนใส่เสื้อที่เลอะเหงื่อแบบนี้ด้วย

เอื้อและผมเดินเข้ามาในห้างหลังจากที่อีกฝ่ายกลับไปเอาเสื้อผ้าที่รถ ชุดที่ผมได้มาเป็นเสื้อยืดธรรมดาๆ กับกางเกงยางยืดขาสั้น ที่ใส่แล้วมันยาวเลยเข่าผมมาคืบหนึ่ง พอเดินออกมาจากห้องน้ำ เอื้อมันก็ไล่ผมให้ไปเปลี่ยนทันที

“ไปเปลี่ยนเป็นกางเกงนักศึกษาเดี๋ยวนี้”

“ทำไมอ่ะ กางเกงนี้ใส่สบายดี”

“มันสั้นไป”

“สั้นไป? นี่กูไม่ใช่ผู้หญิงนะเว้ยไม่ต้องห่วง ไม่มีใครเขามาแอบดูหรอก” ผมตอบกลับอย่างขำๆ กางเกงตัวนี้เป็นของมันนะ ถ้าผมใส่แล้วสั้นไป เอื้อมันใส่ไม่เสมอหูเลยเหรอ

“จะเปลี่ยนไม่เปลี่ยน” แน่ะ ทำเสียงโหดใส่อีก ลุงคณิตยังไม่เคยดุผมเท่ามันเลย

ผมก้มลงมองกางเกงที่ตัวเองใส่อีกครั้งกอนจะส่ายหน้า “ไม่เปลี่ยน มันไม่มีใครมองหรอกน่า”

“อย่างน้อยก็กูคนนึงไง”

“อะไรนะ” ไม่ได้ยินจริงๆ ครับ อีกฝ่ายพูดเบามากๆ เลย แต่เอื้อก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ ผมเลยไม่ใส่ใจอะไร และสุดท้ายแล้วผมก็ไม่ต้องเปลี่ยนกางเกงคืนครับ ก่อนจะไปเลือกซื้อของกันตามความประสงค์ของอีกฝ่าย

ไชโยยยยย อีกเรื่องแล้วที่ผมชนะมัน ดีใจน้ำตาใจไหล (หารู้ไม่ว่าที่มันไม่ให้ผมเปลี่ยนกางเกงนั้นมีจุดประสงค์แอบแฝง)

“จะไปซื้ออะไรอ่ะ” ผมถามระหว่างเดินตามมันไปเรื่อยๆ เอื้อขายาวกว่าผม บางครั้งมันก็เดินนำผมไปเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายก็จะชะลอฝีเท้าเพื่อให้เราสองคนเดินไปพร้อมๆ กัน

“กูไปทำของคนๆ นึงพังเลยจะไปซื้อให้เขา”

“ไปทำอะไรของเขาพังล่ะ”

“น้ำหอม…”

หือ?

ผมตวัดสายตามองคนพูดก่อนจะยิ้มกว้าง “มึงจะซื้อน้ำหอมให้กูเหรอ!!”

“เบาๆ ดิ เป็นเด็กสามขวบหรือไงเสียงดังไปได้”

ผมเกาหัวเขินๆ ก็แหม คนมันดีใจนี่ครับ คิดว่าจะเสียเงินค่าน้ำหอมที่ซื้อมาไปเปล่าๆ เสียแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่น้ำหอมราคาแพงก็เถอะ แต่ขอย้ำว่ามันมีคุณค่าทางจิตในกับผมมากเลยนะ

แต่พอไปถึงเคาน์เตอร์น้ำหอมผมก็เริ่มไม่อยากได้แล้วครับ ราคาก็แพง แถมต้องมานั่งเถียงเรื่องกลิ่นกับคนที่มันออกตังค์ให้ผมด้วย!

“กูบอกว่าไม่ชอบ กูจะเอาแบบแมนๆ อ่ะ หอมแบบหวานๆ หน่อย ใส่แล้วสาวๆ หลง แบบกลิ่นเดิมที่กูใช้!” ผมถลึงตาใส่คนตรงหน้าแล้วเลื่อนขวดน้ำหอมไปทางมัน

“กูก็ไม่ชอบแบบที่มึงชอบ กลิ่นนั้นไม่เหมาะกับมึงหรอก กลิ่นนี้นี่” มันยื่นน้ำห้องขวดสีดำสวยมาให้ ผมว่ากลิ่นมันก็หอมดีนะครับ กลิ่นน้ำหอมให้ความรู้สึกนุ่มๆ สบายๆ สดชื่น แต่คล้ายๆ กลิ่นที่ผู้หญิงชอบใช้ไปหน่อยครับ แล้วก็ให้ความรู้สึกเด็กไป…

พี่ปูนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พี่ปูนอยากใช้กลิ่นที่มันโตกว่านี้!

“นี่น้ำหอมกู กูใช้!”

“แต่กูเป็นคนดม!”

“คะ คุณลูกค้าอย่าเถียงกันค่ะ” พี่สาวพนักงานขายห้ามด้วยเสียงแผ่วๆ หน้าพี่เขาแดงๆ ด้วยครับ สงสัยจะร้อน แต่แอร์ก็เย็นดีนะ

“เอากลิ่นนี้ครับ” มันเลื่อนขวดน้ำหอมที่มันเลือกตามด้วยบัตรเครดิตให้กับพี่พนักงาน พอผมตั้งท่าจะเถียงมันก็ใช้นิ้วชี้หน้าผมให้หยุด “ถ้ามึงไม่เอาขวดนี้ก็ซื้อเอง!”

ไอ้เผด็จการ!!

เหอะ อยากซื้อก็ซื้อไปเลย ถ้ากูไม่ใช้ซะอย่างมันก็ไม่มีทางรู้หรอกครับ

“และถ้ามึงไม่ใช้นะปูน…” มันอ่านความคิดผมได้เหรอ!!

“มึงจะทำไม” ปากมันอดไม่ได้จริงๆ ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้นะ พี่ปูนเรียบร้อย พูดน้อย น่าถนอมครับ

ร่างสูงยื่นใบหน้าหล่อๆ ของมันเข้ามาใกล้ ก่อนจะจุดยิ้มตรงมุมปาก ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยคำที่ชวนสยิวขึ้น

“ถ้ามึงไม่ใช้...กูก็จะเป็นคนฉีดน้ำ...หอมให้เอง...”

เห็ดสด!! การแบ่งวรรคของประโยคมึงส่อมาก!!

ผมหน้าร้อนผ่าว พอๆ กับพี่สาวพนักงานขายที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ พี่เขาส่งยิ้มอายๆ มาให้พวกผม แล้วยื่นถุงใส่น้ำหอมมาให้ ตอนนี้พี่คงจินตนาการไปไกลแล้วใช้หรือเปล่าครับ เอาความคิดทั้งหมดกลับมาเถอะ ผมกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างนั้นซักหน่อย!

“นะ น้ำหอมได้แล้วค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

เอื้อหันไปยิ้มให้คนขายก่อนจะหยิบถุงน้ำหอมมาถือ มึงก็ขยันโปรยสเน่ห์จังนะครับ ตั้งแต่แม่ค้าขายโจ๊กยันพนักงานขายในห้าง กูรู้ว่าเวลามึงยิ้มแล้วหล่อ แต่จำเป็นต้องยิ้มพร่ำเพื่อป่ะ

เอ๊ะ ผมไม่ได้หวงรอยยิ้มมันนะครับ

“ไปกินข้าวกัน”  ว่าแล้วมันจะคว้าคอผมเข้าไปกอดแล้วเดินลากผมให้ตามไปโดยไม่ถามความเห็นผมแม้แต่น้อย ทว่ากระเพาะผมมันก็เริ่มร้องประท้วงด้วยแล้วด้วยครับ ดูเวลาตอนนี้ก็ประมาณทุ่มกว่าๆ แล้ว

ผมหันมองมือที่พาดอยู่ตรงไหล่ เรื่องถึงเนื้อถึงตัวนี่อาจจะแก้ไม่หายแล้วก็เป็นได้ เอะอะก็แตะ เอะอะก็จับ เอะอะก็กอดคอกันตลอด บ่นหรือปัดทิ้งก็ไม่ได้ผลอะไรในเมื่อในเอื้อมันอาจจะจับ ปกติผมไม่ค่อยชอบให้ใครถึงเนื้อถึงตัวมากครับ แต่เอื้อนี่แม่งเป็นข้อยกเว้นของอะไรหลายๆ อย่างเลยก็ว่าได้

แล้วความขี้บังคับของมันก็ไม่หมดแค่นั้น คนอย่างเอื้อมันไม่เปิดโอกาสให้ผมเลือกร้านอาหารหรอก ใจมันอยากจะกินอะไรมันก็เดินเข้าไปในร้านโดยไม่ถามความเห็นเลย เหมือนกับที่มันพาผมไปที่เคาน์เตอร์ขายน้ำหอมเมื่อกี้ มันไม่ถามครับว่าผมอยากใช้กลิ่นอะไร มันแค่เลือกกลิ่นนี้มาให้ผม แล้วบังคับให้ผมใช้

เอาแต่ใจขั้นสุด! แล้วผมก็ต้องยอมมันจนได้!

“มึงอยากกินไรสั่งเลย” มันบอกพร้อมกับส่งเมนูมาให้ ตอนนี้เราอยู่กันในร้ายสุกี้ชื่อดังที่ขึ้นต้นด้วยตัว M ลงท้ายด้วยตัว K

ถูกต้อง! สุกี้ Hot Pot นั่นเอง!

ถุยยยยย ล้อเล่นครับ เราอยู่ร้านสุกี้ MK

“กูอยากกินไก่ KFC อ่ะ สั่งได้มั้ย” ผมยักหน้าให้มันจึกๆ

“อย่ากวนตีนครับ”  เออ ไม่เล่นก็ได้ ไม่เห็นต้องทำเสียงดุเลย

ผมกับเอื้อสั่งอาหารคนละสองสามอย่างก่อนจะส่งเมนูคืนให้พนักงาน มันสิ่งยิ้มโปรยสเน่ห์ให้เขาอีกล่ะครับ ไอ้นี่มันขี้อ่อยจริงๆ ให้ตายเหอะ ผู้หญิงคนไหนโดนเข้านี่คงหลงมันหัวปักหัวปำอ่ะ ทั้งหล่อ พูดเพราะ ยิ้มเก่ง สุภาพ…บางมุมก็ดูนิ่งสุขุม ดูเข้าถึงยาก

ซึ่งสิ่งเหล่านั้น…

จอมปลอม! ไม่มีอะไรจริงเลยสักนิดเดียว!

เอื้อที่อยู่กับผมมันทั้งกวนตีน พูดมาก เอาแต่ใจ ชอบบังคับ แถมยังหลงตัวเองขึ้นสุดอีกด้วย!

“เออ กูยังไม่มีเบอร์โทรศัพท์มึงเลย” มันเหลือบตาขึ้นมามองผมขณะที่กำลังเล่นโทร.ศัพท์อยู่ ก่อนจะส่งมือใหญ่ยื่นมาตรงหน้าผมแล้วแบออก “เอามือถือมึงมา”

ผมที่ไม่คิดอะไรก็ส่งมือถือให้มันไปครับ มันเอาไปกดๆ อะไรสักอย่าง ก็คงจะเมมเบอร์นั่นแหละอย่าไปสนใจเลย แต่ทำไมนานจังวะ…

“มึงทำอะไรอ่ะเอื้อ” อดถามไม่ได้ เพราะมันเอาไปนานเกินล่ะ

“ก็ดูอะไรไปเรื่อย”

“ดูอะไร ไม่มีอะไรหรอกน่า”

“เอาเหอะน่า...มึงไม่มีเบอร์ไอ้เดียวเหรอวะ” คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากัน

“จะมีได้ไง ก็ไม่ได้ขอไว้อ่ะ”

“แล้วมึงได้ให้เบอร์มันไปป่ะ”

“บ้า ไม่ได้ให้ นี่ยังไม่ได้คุยตั้งแต่กลับจากโคราช”

เอื้อทำหน้าอึ้งๆ แต่สักพักก็เปลี่ยนโหมด มันกำโทรศัพท์ในมือแน่น หน้ามันดูเหมือนตัวโกงในละครเวลาเสียเหลี่ยมให้พระเอกเลยอ่ะ หน้ามันโคตรไม่น่าไว้ใจ

“หน้ามึงเลวมากเอื้อ คิดอะไรอยู่เนี่ย”

“คิดวิธีเอาคืนไง”

“หะ?”

“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ได้ข่าวว่ามึงแก่กว่ากูปีเดียวเองนะเฮ้ย!

ระหว่างที่เรากำลังนั่งคุยกันอยู่อาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ ว้าวววว เห็นบรรดาของกินตรงหน้าแล้วพยาธิในท้องผมวิ่งกันให้วุ่นเลยครับ จ้าๆ รู้แล้วนะว่าหนูหิว พี่ปูนก็เตรียมจะให้อาหารหนูแล้วนี่ไง

“มันเยอะไปป่ะว่าเอื้อ” ผมถามขณะที่จัดการเอาของทุกอย่างลงหม้อ

“กูบอกไว้เมื่อครั้งนั้นไงว่าจะขุนมึงให้อ้วนอ่ะ เมื่อคืนลองอุ้มดูตัวมึงเหมือนจะเบาลงด้วย นี่มึงกินข้าวบ้างป่ะ หรือกินหญ้าอย่างเดียว”

กวนตีนกูอีกนะครับ =_=

“กูคนนะไม่ใช่กระต่าย”

“กูหมายถึงควายอ่ะ”

“ไอ้เอื้อ!” ปาผักบุ้งใส่เลยแม่ง กวนตีนกูดีนัก

“เฮ้ยๆ ของกินนะอย่าเล่นดิ”

“ก็มึงกวนตีนกูอ่ะ เลิกกวนตีนกูดิ” ผมหน้างอใส่ กูไม่บริการมึงล่ะ แม่งไม่ทำอะไรเลยครับ นั่งดูผมจัดการทุกอย่างเองอย่างเดียวไม่ขยับ กูเป็นคนใช้มึงหรือไงไอ้หล่อ!

“หึไม่เอาอ่ะ เวลากวนตีนมึงแล้วสนุกดี...กูชอบ”

“แต่กูไม่ชอบ”

“เรื่องของมึง กูสุขใจก็พอ แล้วก็ใส่ของต่อได้แล้วอย่าอู้” ว่าแล้วมันก็ชี้ๆ ไปที่ของซึ่งว่างอยู่บนโต๊ะ อะไรวะ ไม่คิดจะทำบ้างหรือไง! “เร็วๆ ดิบอกว่าหิว”

แหนะ มีมาเร่งกูอีก หิวก็ทำเองสิครับรอกูทำไม!

“เออๆๆๆ” ยอมก็ได้ พี่ปูนเป็นคนดีมีน้ำใจหรอกนะถึงไม่เถียง

ขณะที่กำลังรอของกินในหม้อเดือดอยู่นั้นเสียงเคาะกระจกก็ดังขึ้นข้างๆ เรียกความสนใจ เรียกของผมคนเดียวนะ เอื้อมันก้มหน้าก้มตาดูแต่ของในหม้อ หน้ามึงมุ่งมั่นมากอ่ะ เอ๊ะ มันคีบสาหร่ายทรงเครื่องของผมแล้ว!

ก๊อกๆๆ

พี่น้ำ?

พี่น้ำไม่ได้มาคนเดียวด้วยครับ เขายังมีเพื่อนอีกสองคน ใบหน้าสวยยังถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางพอประมาณ เธอรับไหว้ผม ก่อนจะชี้มือไปทางเอื้อที่กำลังจะคีบหมูสไลค์ขึ้นมา อย่านะมึง เมื่อกี้ก็สาหร่ายทรงเครื่องแล้วชิ้นนึง แล้วหมูชิ้นนั้นกูเป็นคนใส่นะ

แต่ที่จริงผมก็ใส่มันทั้งหม้อ =_=

ผมหันไปเรียกเอื้อให้ “มึง...พี่น้ำอ่ะ”

คนตรงข้ามผมขมวดคิ้วก่อนเงยหน้าขึ้นมองผมก่อนจะหันไปมองที่กระจกร้าน คิ้วได้รูปขมวดเข้ากันก่อนเอ่ยชื่อคนที่รออยู่เบาๆ “น้ำ…?”

พวกเขาทั้งสามคนจะเดินเข้ามาข้างในและหยุดอยู่หน้าโต๊ะพวกเรา พี่น้ำส่งยิ้มให้ผมหนึ่งครั้ง ก่อนจะหันไปพูดกับเอื้อด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ทำไมไม่ไปดูน้ำรำคะ” เสียงพี่น้ำสั้นและห้วน ทั้งๆ ที่ก็มีหางเสียงในประโยค “เอื้อคะ น้ำถามไม่ได้ยินเหรอ”

“ได้ยิน”

“งั้นทำไมไม่ตอบล่ะคะ ทำไมไม่ไปดูน้ำรำ”

“ผมมีธุระ” เอื้อตอบพร้อมกับกินสุกี้ไปด้วยอย่างสบายๆ เหมือนไม่สนใจพี่น้ำที่กำลังไม่พอใจ

“มีธุระอะไร มันสำคัญมากเลยหรือไง ทั้งๆ ที่น้ำก็นัดเอื้อไว้แล้วนะ” เสียงพี่น้ำดังขึ้นเล็กน้อย

เอื้อเหลือบตามองผมก่อนจะหันไปตอบพี่น้ำ “สำคัญมาก และผมก็ไม่อยากผิดนัดครั้งนี้ด้วย”

จะผิดหรือเปล่าที่ผมดันไปรู้สึกดีกับคำตอบที่ได้ยิน คำตอบที่เอื้อตอบมานั้นทำให้ผมเผลอคิดไปว่าตัวเองสำคัญ แต่ก็ได้เพียงชั่วคราว เมื่อหันไปมองพี่น้ำและค้นพบว่าพี่น้ำต่างหากที่เอื้อควรจะให้ความสำคัญกับเธอ

ผมก็เป็นเพียง...เพื่อน? รุ่นน้องต่างคณะ? คนรู้จัก?

ผมเป็นใครสำหรับเอื้อกันนะ…

ผมวางตะเกียบลง อยู่ๆ ก็กินไม่ลงแล้ว ทั้งที่เพิ่งกินไปได้แค่นิดเดียว

“เอื้อ…”

“ขอโทษนะน้ำ ผมกินข้าวอยู่”

พี่น้ำพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เธอเสยผมขึ้นช้าๆ หันไปมองทางอีก ทำราวกับกำลังระงับอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม แล้วพี่น้ำก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างเอื้อ มือเรียวกอดแขนมันไว้หลวมๆ

“งั้นดีเลยค่ะ น้ำก็กำลังหิวอยู่พอดี ขอนั่งด้วยได้หรือเปล่าคะ”

“ถามปูนสิ ถ้าปูนตกลงก็ตามสบาย”

เฮ้ย! เกี่ยวอะไรกับผมด้วยล่ะ

ผมเริ่มนั่งไม่ติดที่เพราะสายตาที่พี่น้ำจ้องมา เหมือนว่าเธอจะเพิ่งเห็นว่าตัวผมนั่งอยู่ตรงนี้ คิ้วบางได้รูปขมวดเข้าหากัน เธอหันมองเอื้อที ก่อนจะกลับมามองผมอีกที

“หรือว่าธุระของเอื้อ…”

“พี่น้ำจะสั่งอะไรกินเลยมั้ยครับ ผมเรียกพนักงานให้” ผมแกล้งทำเป็นโบกไม้โบกมือเรียกพนักงานที่เดินผ่านไปมา ก่อนจะยื่นเมนูให้พี่น้ำ

“อืม...น้ำอยากกินปลาหมึก เอาปลาหมึก…”

“ไม่ได้ ปูนมันไม่กิน”

ผมชะงักมือที่กำลังคีบลูกชิ้นกุ้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพี่น้ำแล้วส่งยิ้มแห้งๆ ให้ “พี่สั่งมาก็ได้ครับ”

“สั่งอย่างอื่น ปูนไม่กิน”

“ไม่กินก็สั่งมาได้ กูไม่ได้แพ้อะไร แค่ไม่ชอบเฉยๆ” ผมพยายามอธิบาย “ก็เหมือนที่มึงไม่กินผักนั่นแหละ”

“กูกินเถอะ”

“อ้อเหรอ…” ผมเหล่มองในชามมัน มีแต่เนื้อสัตว์เต็มไปหมดเลยครับ ผักนี่ลายเต็มหม้ออ่ะ นี่นะคนที่บอกว่าตัวเองกินผัก

“เดี๋ยวเถอะมึง…”

“งั้นเอาปลาหมึกค่ะ เอามาสองถาดเลย น้ำชอบ”


===========================================================
================================================
พี่เอื้อนี่นาตีจริงๆ ค่ะ คิดว่าตัวเองหล่อเลือกได้หรือไงนะ  :ruready
ต้องสารภาพก่อนเลยว่าตอนแรกกะให้มันเป็นรักใสๆ นะ แบบจีบกันมุ้งมิ้งไรงี้
ไม่คิดไม่ฝันว่าพระเอกของเรานั้นจะหลายเป็นที่เกลียดชังของทุกคน 5555
ขอโทษ ณ จุดนี้จริงๆ คง (สงสัยเราดาร์กเกินไปพี่เอื้อเลยออกมาเป็นงี้)  :mew5:
เรื่องหน้าสัญญาว่าจะเอาพระเอกแสนดีมากฝากค่ะ  :katai2-1:
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.15 31.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-01-2017 22:16:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.15 31.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 31-01-2017 22:29:27
นี้แหละนะ ผูกเรื่องเองแล้วน้องปูนจะซวยไปด้วยไหม ถามใจแกดูเอื้อ

ปล. กางเกงสั้นหรือยาวครับ ถ้ายาวเกินเข่ามันก็ไม่สั้นนะ แต่ถ้าเหนือเข่ามันก็สั้นนะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.15 31.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 31-01-2017 22:41:31
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.15 31.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 31-01-2017 22:44:25
รำเอื้อ รำหญิงในสต๊อคของเอื้อ  :o211:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.15 31.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 31-01-2017 23:18:42
ยังไม่เอาเอื้อค่ะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.15 31.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-01-2017 23:47:02
เคลียตัวเองก่อนไหมเอื้อ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.15 31.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 01-02-2017 08:55:43
ถ้าเอื้อยังเคลียร์ตัวเองไม่ได้ ยังไม่อยากให้ปูนชอบเอื้ออ่ะ แต่ดูท่าจะไม่ทันละ  งั้นให้ปูนห่าง ๆ เอื้อละกัน ไม่งั้นดูท่าจะไม่ได้อยู่อย่างมีความสุข ดูท่าน้ำจะร้ายซะด้วย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.15 31.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-02-2017 18:30:48
เอาแล่วๆๆๆๆๆ
เอื้อจะทำยังไงๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.15 31.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-02-2017 20:17:10
พี่เอื้อจะทำอะไรครับ ถามน้องปูนด้วย ตกลงแล้วคิดอะไรยังไงกับน้อง
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.15 31.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 01-02-2017 22:27:46
มาไวๆๆๆๆรอๆๆๆ :katai2-1: :hao4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.15 31.01.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 02-02-2017 21:14:43
บทที่ 16
เมื่อน้องปูนกลัว


บรรยากาศในโต๊ะดำเนินไปด้วยความอึมครึมขั้นสุด พี่น้ำกับเอื้อสนทนากันบ้างเป็นบางประโยค ส่วนใหญ่พี่น้ำจะเป็นคนถาม ในขณะที่เอื้อตอบบ้างไม่ตอบบ้างเป็น เห็นได้ชัดว่าพี่น้ำไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยต้องหันไปคุยกับเพื่อนเธอแทน ส่วนผมผู้ซึ่งไร้ความสำคัญใดๆ ก็นั่งกินไปเงียบๆ

“โอ๊ย!”

ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ น้ำซุปที่กำลังเดือดฟุดๆ ในหม้อกระเด็นมาโดนผมหลังจากที่พี่น้ำเพิ่งคีบลูกชิ้นใส่เข้าไป

“พี่ขอโทษนะ”

“ไม่เป็นอะไรครับ”

อ่า...แสบฉิบหายเลย

“โอ๊ยยยย”

คราวนี้มาเป็นถ้วยเลยครับ! จังหวะที่พี่น้ำกำลังจะเอื้อมไปหยิบทิชชู่อยู่แขนพี่แกปัดมาโดนถ้วยที่ใส่น้ำซุปของผม มันเลยหกราดแขน แถมยังไหลลงขาอีกด้วย

“ระวังหน่อยน้ำ!” เอื้อทำท่าจะลุกขึ้นมาดูผม แต่ติดที่พี่น้ำกับเพื่อนนั่งอยู่ “น้ำผมขอทาง…”

“ไม่เป็นอะไรมึง พี่ครับ ผมขอไปเข้าห้องน้ำแปบ”

ผมส่งยิ้มให้เพื่อนพี่น้ำแล้วเดินออกจากโต๊ะมาเข้าห้องน้ำ รู้สึกโคตรโล่งเลยครับ ผมไม่อยากอยู่ที่โต๊ะนาน  แต่ถึงไม่เป็นอะไรมากแขนผมแดงเป็นแถบเลย แถมพอยกขึ้นมาดมยังมีกลิ่นสุกี้อ่อนๆ ด้วย

“อะไร นี่จะกินแขนตัวเองเหรอ”

“เอื้อ?” ผมเลิกคิ้วมองคนที่เข้ามาใหม่อย่างสงสัย “มาทำไมอ่ะ”

“ก็มาดูมึงไง”

“ก็บอกว่าไม่เป็นอะไรๆ ยังจะตามมา”

ร่างสูงไม่สนใจสิ่งที่ผมพูด มันเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะดึงแขนผมไปพลิกดูความเสียหาย มือใหญ่จับแขนผมให้อยู่ในอ่าง เปิดน้ำเบาๆ ใช้มืออีกข้างรองน้ำแล้วค่อยๆ ล้างแขนผม มันทำทุกอย่างช้าๆ และระมัดระวัง สีหน้าที่แสดงความตั้งใจฉายชัด ซ้อนทับกับครั้งก่อนที่มันเคยทำแผลให้ผม

“ไปหายาทากัน”

“แค่นี้เอง ไม่เป็นอะไรหรอก”

“ดื้อที่หนึ่ง อย่าให้ต้องอารมณ์เสียเพิ่ม” มันขมวดคิ้วทำหน้าโหดใส่

“อารมณ์เสียอะไรอีกอ่ะ ใครทำอะไรให้”

“มึงไง กูอารมณ์เสียทุกครั้งแหละที่เห็นมึงเจ็บตัว”

ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ผมจนสายตาเราอยู่ระดับเดียวกัน นิ้วเรียวถูกยกขึ้นและแตะลงที่หน้าผากผม ก่อนมันจะจิ้มลงมาเบาๆ

“รู้แล้วครั้งหน้าก็ช่วยระวังตัวด้วย”

“ก็...ใครจะไปรู้ล่ะว่า...จะเจ็บตัว” ผมต้องเถียงมันออกไปอย่างเต็มเสียงสิ! ทำไมเสียงที่ออกมามันถึงได้อ่อยขนาดนี้ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ!

“ถึงได้บอกว่าให้ระวังไง ไป...ไปหายาทากัน” พูดแล้วมันก็ลากแขนผมเดินออกมาจากห้องน้ำเลยครับ ไม่ถามความสมัครใจสักคำ จะดื้อก็ไม่ได้เดี๋ยวมันหันมาดุอีก

ผมไม่ได้กลัวมันนะ อย่าเข้าใจผิด

พอได้ยาแล้วเราก็หาที่นั่งใกล้ๆ ตรงนั้น ก่อนที่คนขี้บังคับจะจัดการทายาที่แขนให้ผมเบาๆ ด้วยความตั้งใจ คนที่ผ่านไปผ่านมาต่างหันมามองทางเราสองคน ที่จริงผมโดนมองตั้งแต่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วครับ ตอนแรกก็สงสัย แต่ก็ถึงบางอ้อเมื่อลองก้มมองมือตัวเอง เอื้อมันเปลี่ยนจากจับแขนมาเป็นจับมือตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ขนาดตอนทายาให้ผม มือข้างหนึ่งมันยังคงจับที่มือผมไม่ปล่อย ที่จริงผมอยากท้วงนะ แต่ไม่รู้สิ...ปล่อยไว้อย่างนี้มันรู้สึกดีแปลกๆ

“กลับเลยป่ะ” ร่างสูงถามหลังจากทายาเสร็จ

“หือ? ไม่ไปหาพวกพี่ๆ เขาเหรอ”

“ไม่เอา ไม่มีอารมณ์กินล่ะ” จ้าพ่อคุณ กินข้าวก็ต้องมีอารม์เนาะ

“แล้วค่าอาหารอ่ะทำไง”

“กูรวย ก่อนออกมากูเดินไปจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว” มันน่าหมั่นไส้มั้ยครับ เหอะ พ่อเจ้าประคุณ เป็นสายเปย์นี่ลืมไป เรื่องค่าอาหารแค่นี้เสี่ยเอื้อสบายอยู่แล้ว

“ครับๆ รู้แล้วว่ารวยมากกกก” ผมแกล้งลากเสียงยาวๆ ให้อีกคนยกมือขึ้นมาผลักหัวผมเบาๆ มันบอกว่าไม่อยากเห็นผมเจ็บตัวแล้วนี่อะไร ทำร้ายร่างกายกันเฉยเลย “แต่แล้วพี่น้ำอ่ะ…”

“กูจะเลิกแล้ว”

“อะไรวะ เลิกง่ายขนาดนั้นเลย?” โอโห้พ่อขุนแผน พ่อพระอภัยมณี สเน่ห์เหลือล้นจริงๆ คิดอยากจะเลิกก็เลิกเลยไม่สนใจความรู้สึกผู้หญิงเขาหน่อยเหรอ

“เออ ง่ายๆ แบบนี้แหละ อีกอย่างกูมีเป้าหมายใหม่แล้ว...”

“มึงแม่งโคตรของโคตรเลยว่ะ เลิกคนนี้ไปคบคนนั้น พอจะเลิกก็มีคนใหม่” ผมใช้ลิ้นดักระพุ้งแก้ม รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาเฉยๆ “แล้วคนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ”

“ยังลูกผีลูกคนว่ะ ไม่รู้จะเอาไงกันแน่” ว่าแล้วมันก็ถอนหายใจออกมายาวๆ ด้วยความหนักใจ “กูกับเขารู้จักกันไม่นาน มันก็เริ่มกันไม่ค่อยดีด้วย”

“มึงรู้จักเขาแค่แปบเดียว จะแน่ใจความรู้สึกตัวเองได้ไง”

“ถึงตอนแรกกูยังไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกตัวเองเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ก็แน่ใจแล้ว แต่เขาอ่ะดิ…” มันจ้องหน้าผม ตลอดเวลาที่พูดแต่ละประโยคออกมา “กูไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง ในใจแล้วเขารู้สึกแบบไหนกับกู จะเกลียดที่กูเป็นคนแบบนี้ไปแล้วหรือยังก็ไม่รู้…”

ทำไมผมรู้สึกแปลกๆ วะ

“...เขาคงไม่เกลียดมึงหรอก” ไม่รู้ว่าผมเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหนกัน แต่พอผมพูดจบ เอื้อก็ส่งยิ้มมาให้

“นั่นสินะ เขาใจดีใจตาย” เอื้อส่งยิ้มมุมปากตอนที่เราสบตากัน “มึงว่ากูควรทำยังไงกับเขาดีวะปูน”

จะมาถามทำไม คนไม่เคยมีแฟน ไม่เคยจีบใคร พอคิดจะจีบก็แห้วแดกทุกคนอย่างผมจะไปแนะนำอะไรได้

“ลองถามเขาว่าเขาคิดยังไง” ผมตอบปัดๆ แล้วเสสายตาไปมองทางอื่น ไม่กล้าสบตาเอื้อที่มองมาเลยครับ มันเขินแบบแปลกๆ

“เขาไม่บอกกูหรอก ขนาดคนที่เขาชอบมานานกว่าเขาจะบอกรักก็โดนคนอื่นตัดหน้าไปแล้ว” 

“แล้วมึงชอบเขาป่ะวะ”

เอื้อมันเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะหันมามองผม สายตาที่จ้องมาทำเอาผมเผลอกลั้นหายใจชั่วคราว มันให้ความรู้สึก...หวิวๆ ในใจยังไงชอบกล

“กูต้องตอบมึงป่ะ”

“ก็...เรื่องของมึงดิ”

“ชอบดิ...อยู่กับเขาแล้วกูมีความสุขจะตาย”

เชี่ยยยยยยยย ใจเต้นรัวเลยครับ ผมเป็นอะไรไปปป ปูนมึงฟังนะ เอื้อกำลังพูดถึงคนอื่นอยู่โว้ยยยย ถึงมันจะมองมึง ถึงมันจะยิ้มให้มึงแต่คนที่พูดอ่ะไม่ใช่มึงงง สติมึงอยู่ไหนเอากลับมาด่วน

“บอกหน่อยดิว่ากูจะต้องทำไง” มันกำลังส่งยิ้มให้ผมครับ ผมโคตรเกลียดหน้ามันตอนนี้เลย โคตรเจ้าเล่ห์อ่ะ “บอกเร็วดิครับ กูควรทำไงกับเขาดี”

“ถ้ามึงชอบเขามาก...ก็ไปบอกเขาสิ”

“จะดีเหรอ ถ้าบอกไปแล้วเขาไม่ชอบ กูจะทำไงล่ะ” อีกฝ่ายยกมือขึ้นเกาหัวเบาๆ แก้เขิน

“คนอย่างมึงนี่ยังจะกลัวอีกเหรอ มีใครเขาจะไม่ชอบมึงบ้าง หน้าตาก็ดี เรียนเก่ง แถมยังรวยอีก…”

“แต่นี่มันเรื่องของความรู้สึก ไม่เกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นสักหน่อย” เอื้อเอ่ยขึ้นทั้งที่ผมยังพูดไม่จบ “สำหรับเขากูแม่งไม่มีความมั่นใจอะไรทั้งนั้น”

“...เขาคงเป็นข้อยกเว้นของทุกอย่างสำหรับมึงสินะ”

“ก็คงใช่...ปูน คือกู…”

ครืน!!!

ผมสะดุ้งสุดตัวก่อนจะมองไปรอบๆ “เมื่อกี้เสียงฟ้าร้องป่ะวะ”

“น่าจะใช่อ่ะ มีอะไรเหรอ”

“กูว่าเขารีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวฝนตก” ผมลุกขึ้นยืนแล้วดึงแขนเอื้อ มันก็เดินตามผมมาอย่างงงๆ แต่ไม่ได้ท้วงอะไร ต้องรีบครับก่อนที่ฝนจะเทลงมา ผมไม่อยากนั่งรถท่ามกลางสายฝน

“ปูน…” ร่างสูงเรียกชื่อผมก่อนที่ตัวมันจะหยุดเดิน แล้วหมุนตัวกลับมา “กูมีอะไรจะบอก”

หน้ามันเครียดมากครับ พาลเอาผมต้องตั้งใจฟังเสียงที่กำลังหลุดออกจากริมฝีปากสีสวยที่ค่อยเปิดทีละนิด

“อะไรอ่ะ รีบๆ บอกได้ป่ะวะ”

โอ๊ย เร็วๆ มัวแต่อ้ำอึ้งแบบนี้เดี๋ยวฝนก็ตกกันพอดีหรอก

“กูคิดว่าต่อให้มีน้ำสักสิบคน มิ้มอีกร้อยคน หรือผู้หญิงคนอื่นอีกหมื่นคนกูก็ไม่สนใจ เพราะกูชอบ...เวลาที่ได้อยู่กับมึง”

“..หะ?!”

มะ มันพูดเรื่องอะไร

“ไปเหอะ เดี๋ยวฝนตก”

เดี๋ยวดิ อย่าเนียนเปลี่ยนเรื่องสิวะ! เคลียร์สิ่งที่มึงพูดเมื่อกี้มาก่อนเว้ยยยยย!!

..
.
ผมหนีฝนไม่ทันครับ พอขึ้นรถออกมาได้สักสิบนาทีฝนก็เทลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว เราสองคนต้องติดอยู่บนถนนเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงหอ ทั้งที่ระยะทางแค่ไม่กี่กิโลเมตร พอรถจอดลงผมก็รีบเปิดประตูแล้ววิ่งเข้ามาในตึกทันที หัวใจของผมเต้นกระหน่ำด้วยความกลัว ลืมทุกสิ่งแม้กระทั่งคนที่นั่งรถมาด้วยกัน

ผมจัดการเข้าไปอาบน้ำอาบท่าเสียให้เรียบร้อยกันตัวเองจะเป็นหวัด ฝนยังคงตกมาไม่ยอมหยุด และไม่มีท่าทีว่าจะเบาลง อีกทั้งยังมีฟ้าคะนอง กลุ่มเมฆสีดำลอยอยู่เหนือเมืองทั้งเมือง ผมล่ะสงสารคนที่ขายของอยู่งานแฟร์จริงๆ เพื่อนที่เป็นเวรเฝ้าบูธวันนี้เจองานหนักแน่นครับ

กึกๆๆๆ

เสียงลมตีกับกระจกระเบียงดังเป็นจังหวะ ฝนแรงขนาดนี้ต้องมีฟ้าร้องฟ้าฝ่าตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย

ผมไม่ชอบฝนเอาเสียเลย

ในคืนที่ผมเสียพ่อกับแม่ไปก็เป็นอย่างเช่นคืนนี้

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เตรียมจะกดโทร.ออกหาตากับยายที่อยู่ห่างกันออกไปหลายร้อยกิโลเมตรด้วยความคิดถึง แต่ขณะนั้นประตูห้องกลับถูกเคาะเบาๆ

ก๊อกๆๆ

“มึงเป็นอะไรวะ อยู่ดีๆ ก็วิ่งขึ้นมาบนห้องซะอย่างนั้น” ร่างสูงบอกก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในห้องผม มันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ในมือใหญ่มีถุงของที่ซื้อมาวันนี้ด้วย มันวางถุงลงบนโต๊ะ ก่อนจะนั่งลงที่เตียงอย่างถือวิสาสะ “ห้องนี่คิดจะเก็บบ้างป่ะ”

“เรื่องของกูน่า” ผมเก็บโทรศัพท์ไว้ที่หัวเตียง เดินไปนั่งข้างมัน “มึงแหละ ห้องตัวเองก็มีทำไมไม่ไปอยู่”

“แล้วใครล่ะที่วิ่งหนีฝนจนลืมของไปเสียทุกอย่างน่ะ คนดีอย่างกูเลยต้องลงเอามาให้” มันชี้มือไปที่ถุงกระดาษบนโต๊ะผม “ว่าแต่มึงกลัวฝนเหรอปูน พอฝนตกมึงดูจิตหลุดแปลกๆ”

“ไม่ได้กลัว แต่แค่ไม่ชอบเฉยๆ”

“อือ กูก็ไม่ชอบ พอฝนตกแล้วมันเปียก” กวนตีนแล้วครับ ถ้าเหตุผลของผมแค่นั้นก็ดีอ่ะดิ แต่นี่ไม่ใช่สักหน่อย “บอกกูไม่ได้เหรอว่าทำไมถึงกลัว”

“บอกว่าไม่ได้กลัวไง”

“อ่ะๆ งั้นบอกได้ป่ะว่าทำไมไม่ชอบ”

ผมนึกย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีต พร้อมกับมองเม็ดฝนที่ตกกระหน่ำอยู่นอกกระจกไปด้วย “พ่อกับแม่กูตายตอนฝนตก”

“...”

ผมยกเข่าขึ้นมากอดไว้แน่นๆ “วันนั้นฝนก็ตบหนักแบบนี้แหละ พายุฝนฟ้าคะนองกระจายเป็นหย่อมๆ” ผมหัวเราะขืนๆ “แล้วพ่อกับแม่ก็ไปรับกูที่โรงเรียน ตอนกลัวบ้านสงสัยพ่อรีบไปหน่อยเลยเกิดอุบัติเหตุเข้า…”

“กูขอโทษนะ”

“เคยบอกไปแล้วไงว่าไม่เป็นอะไร เรื่องมันก็นานมาแล้วด้วย” แต่ส่วนหนึ่งในความทรงจำของผมไม่ลืม

“กูเคยเรียน สมองเรามันฉลาดมากเลยนะ มันจำสิ่งที่มึงไม่อยากจำได้ นั่นก็เพราะว่ามึงเอาแต่คิดถึงแต่สิ่งนั้น เฝ้าบอกตัวเองว่าให้ลืมๆ สุดท้ายเลยกลายเป็นการตอกย้ำตัวเองแล้วมึงก็จะไม่ลืมสิ่งเหล่านั้น”

“ถ้าอยากลืมจริงๆ ล่ะต้องทำยังไง”

เอื้อหันมาสบตา “มึงก็ต้องไม่คิด ไม่ใช่ว่าคอยบอกตัวเองว่าไม่คิด แต่มึงต้องทำเหมือนว่าเรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

“ฟังดูยากนะ”

“ไม่ยากหรอก มันก็เหมือนตอนที่มึงลืมความรู้สึกที่มีต่อมิ้มนั่นแหละ”

ผมขมวดคิ้ว “มันเกี่ยวอะไรกัน”

“มึงไม่ได้พยายามจะลืมมิ้นให้ได้ มึงแค่บอกกันตัวเองว่าจะตัดใจ แล้วมึงก็ไม่คิดถึงเรื่องของมิ้มอีก สมองมึงเลยค่อยๆ ลบความรู้สึกนั้นออกไป ตอนนี้มึงเลยไม่รู้สึกอะไรแล้ว”

“รู้ได้ไงว่ากูไม่รู้สึก…”

“รู้สิ เพราะถ้ามึงรู้สึก…”

ครืน!!!

เสียงฟ้าร้องดังสนั่นทำให้ผมต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างแล้วคู้ตัวลง แม่งเอ้ย คิดว่าวันนี้จะไม่มีฟ้าร้องแล้วเสียอีก

ผมเกลียดวันฝนตก ผมเกลียดเสียงฟ้าร้อง และผมเกลียดฟ้าฝ่า!

ครืน!!

เปรี้ยง!!!

ใครไปสาบานอะไรไว้หรือเปล่าวะเนี่ย!! สารภาพมาซะดีๆ เดี๋ยวพี่ปูนยกโทษให้

หัวใจผมเต้นกระหน่ำด้วยความกลัว ภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งในอดีตไหลเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ คืนนั้นเสียงฟ้าก็ดังก้องเช่นเดียวกัน ไม่ๆ ผมต้องไม่คิดถึงมัน

ไม่คิด...ไม่คิด…ไม่...

พรึบ!

อ๊ะ!

ไม่นานไฟก็ดับลง ตอนนี้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดและเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงเม็ดฝนที่กระทบกับกระจกหน้าต่าง และเสียงดัง กึกๆๆ เนื่องจากแรงของลม

“ปูน...มึงโอเคป่ะวะ”

“...” ใครมันจะไปโอเคได้ลงวะ

“ไม่ต้องกลัวนะ”

เสียงทุ่มดังขึ้นข้างหู ก่อนที่ผมจะถูกสวมกอดไว้ด้วยอ้อมแขนเเข็งแรง… ตัวตัวชิดกับแผ่นอกอันอุ่นจัดของอีกฝ่าย ความกลัวทำให้ผมยกมือขึ้นกำเสื้อเปียกๆ ของเอื้อไว้แน่น นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายกระชับอ้อมกอดให้แนบสนิทยิ่งกว่าเดิม มือใหญ่แต่เย็นเฉียบกดหัวผมลงกับหน้าอกหนา หน้าผมแนบลงไปกับเสื้อยืดของอีกฝ่าย หูผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะของอีกคนอย่างชัดเจน

“ไม่ต้องกลัวนะ” เสี้ยงทุ้มคอยปลอบโยนผมไว้ “จำที่กูบอกได้หรือเปล่า ไม่ใช่ว่าต้องพยายามไม่คิด แต่มึงแต่ไม่คิด…”

“พูดเหมือนง่าย ใครมันจะทำได้”

“มึงเคยทำมาแล้วปูน”

“กู…”

ครืน!!

เง้อออออ ผมทำไม่ได้ครับ มันเริ่มจากความกลัว จนกลายเป็นความฝังใจที่แก้ไม่หายแล้ว

“กะ กูทำไม่ได้!” ผมซุกตัวเข้าสู้อ้อมกอดของอีกฝ่ายมากขึ้น

“งั้นไม่เป็นอะไร ถ้ามึงกลัวก็แค่กอดกูไว้…”

“แล้วถ้าวันที่มึงไม่อยู่ล่ะ”

“สัญญาว่าจะพยายามอยู่ด้วยตลอดเวลา ไม่ปล่อยให้มึงกลัวคนเดียว…”

ในใจผมตั้งคำถามขึ้นมาว่าผมจะเชื่อคำพูดนี้ได้มากขนาดไหนกัน…

สักพักใหญ่ๆ ที่เอื้อกอดผมไว้ ข้างนอกฝนยังคงตกหนักอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด และยังคงมีเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ ทุกครั้งที่ผมสั่นเพราะความกลัว เอื้อจะกอดผมให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

“มึงเมื่อยหรือยัง” ผมถามมันเสียงเบา ผมชอบนะ...อยู่ใกล้กันแค่นี้ไม่ต้องตะโกนให้เจ็บคอ แค่นี้มันก็ได้ยินชัดเจน

“นิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไร กอดกูได้ตามสบายเลย”

ผมเบ้ปาก แต่อยู่อย่างนี้ย่อมดีกว่าอยู่คนเดียวในห้องที่มืดมิด ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องและเสียงหยาดฝนที่ตกลงมาไม่หยุด

หัวใจผมสงบลงอย่างน่าประหลาด เสียงหัวใจของเอื้อคล้ายกับเสียงขับกล่อมที่ทำให้ผมเคลิบเคลิ้ม และดวงตาทั้งสองข้างก็พาลจะปิดลง

“ถ้ากูหลับไป มึงจะกลับไปเลยก็ได้นะ”

“ไม่เป็นอะไร กูจะอยู่ข้างมึงอย่างนี้ทั้งคืน จนกว่ามึงจะตื่น”

“...”

“ฝันดีนะปูน ฝันถึงกูด้วยล่ะ”

ผมไม่รับปาก และถึงผมจะฝันถึงมันจริงๆ ผมก็ไม่มีทางบอกมันหรอกครับ

ไม่นาน สติของผมก็เริ่มบินจากไป…

..
.
อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน เช้านี้เป็นเช้าที่สดใสนะว่ามั้ย ฟ้าหลังฝนก็งี้แหละ รู้สึกเลยว่าวันนี้ผมจะต้องเจอเรื่องดีๆ อย่างแน่นอน แต่ก่อนอื่นนั้น…

ผมจะจัดการกับคนที่มันมายึดเตียงอีกครึ่งหนึ่งของผมยังไงดีครับ ช่วยตอบผมที

เอื้อมันนอนหันหน้ามาทางผม สองครั้งแล้วที่ผมได้มองอีกฝ่ายยามหลับ ครั้งแรกตอนกลับจากบ้านผม แต่ครั้งนั้นผมไม่ได้มองมันเต็มๆ ตา

เมื่อคืนผมหลับไปคาอกมันเลย น่าอายชะมัด ผู้ชายสองคนกอดกันแล้วคนหนึ่งก็หลับไป ถึงจะไม่มีใครรู้เห็นก็เถอะ แต่พอนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นผมก็อดหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้ เอื้อไม่ได้กอดผมอย่างตอนก่อนที่ผมจะหลับ มือของเราไม่ได้กุมกันไว้ มันทำเพียงแค่นอนอยู่ข้างๆ ผมเท่านั้น แต่แค่นี้ก็เท่ากับว่ามันรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผมแแล้ว

อ้อ ส่วนเมื่อคืนผมฝันถึงมันหรือเปล่า...นั่นเป็นความลับทางราชการครับ ห้ามเปิดเผย

ผมเหลือบตามองนาฬิกาที่บอกเวลาแปดโมงกว่าๆ วันนี้ผมมีเรียนตอนเก้าโมง ตื่นตอนนี้ทันอยู่นะ เวลามีเหลือเฟือ ปกติผมตื่นไปเรียนแปดโมงครึ่งครับ แต่อีกคนนี่สิ...ปลุกมันเลยแล้วกัน ถ้ามันไม่มีเรียนจะได้ให้หลับไปนอนสบายๆ ที่ห้องมันเลย

“เอื้อ...เอื้อ” ผมเขย่าตัวอีกฝ่ายเบาๆ เพียงแค่นี้ดวงตาสีเข้มก็ลืมขึ้นแล้ว

หมับ

เอื้อจับมือข้างที่เขย่าตัวมันเอาไว้ครับ อยากจะกรอกตามองบนสักสิบรอบ เรื่องถึงเนื้อถึงตัวนี่ถนัดนักนะ

“ว่าไงครับ”

ละลาย!

บอกเลยว่าสาวๆ คนไหนมาเห็นหน้ามันตอนเพิ่งตื่นพร้อมรอยยิ้มหวานๆ ที่ส่งมาให้ กับเสียงนุ่มเพราะๆ เมื่อกี้ ใครไม่ละลายผมกราบเลย!

“ไม่ต้องมาพูดเพราะเลย กูไม่ใช่สาวๆ ของมึง” ผมพยายามดึงมือตัวเองออก แต่ไม่สำเร็จ ผมเลยสั่งมันด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเซ็งขั้นสุด “เอื้อปล่อย”

“ปกติแล้วกูไม่นอนค้างคืนที่ไหนนะ มึงเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้เห็นกูตอนตื่น” เปลี่ยนเรื่องใส่กูอีก นี่มึงกะเนียนจับมือกูถูกมั้ย

“เหรอ กูควรภูมิใจป่ะ”

“ควรดิ มีคนหล่อขนาดนี้มานอนให้มองเพลินๆ ไม่ชอบเหรอ”

“ไม่อ่ะ กูไปส่องกระจกก็เจอคนหล่อแล้ว หล่อกว่ามึงอีก” ว่าแล้วก็ยืดอกขึ้นอย่างภูมิใจ เรื่องความหล่อพี่ปูนไม่แพ้ใคร

“อื้อหือ อะไรทำให้มึงมั่นใจขนาดนั้นครับ” มันใช้มือข้างหนึ่งเท้าหัวตัวเองขึ้นมา ทำให้หน้าอยู่ใกล้กับผมมากขึ้น “งั้น...ถ้าน้องปูนหล่อขนาดนี้...ทำไมยังไม่มีแฟนสักคนนะ”

“มึงก็ไม่มีเหมือนกันแหละ” ผมบ่นอุบอิบ ทำไมมันนิสัยเสียงี้วะ เอาปมด้อยคนอื่นมาล้อ พี่ปูนก็ไม่เข้าใจไงว่าทำไมถคงยังไม่มี

“ถ้าน้องปูนก็ยังโสด พี่เอื้อก็ยังว่าง… งั้นเราสองคนมาลองๆ คบกัน…”

“ตลกเหรอคุณ ลืมอะไรไปหรือเปล่าครับว่าเราเป็นผู้ชายทั้งคู่นะ”

“ผู้ชายแล้วไง ถ้ามันชอบซะอย่างก็ไม่เห็นเสียหาย”

ผมว่าเราเริ่มจะออกทะเลไปไกลแล้วครับ กลับเข้าเรื่องเถอะ

“มึงมีเรียนกี่โมง”

เอื้อเหล่ตามองผม มันเหมือนไม่อยากตอบ แต่สุดท้ายก็บอกมาจนได้ “เก้าโมง”

“งั้นก็เชิญเสด็จกลับห้องไปได้แล้วครับ ตอนนี้แปดโมงกว่าแล้ว กูก็จะอาบน้ำไปเรียนแล้วเหมือนกัน”

เอื้อหันไปมองนาฬิกาก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง มันทำหน้าเสียดาย “อยากนอนต่อว่ะ เมื่อคืนเด็กที่ไหนไม่รู้ละเมอกอดกูทั้งคืนเลย เพิ่งจะได้นอนเต็มที่ก็ช่วงเช้ามืดเอง”

“ไม่จริงอ่ะ อย่ามาโมเมพาเพลินกูไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก”

หน้าเอื้อมันโคตรเจ้าเล่ห์!!

“หึๆ ‘หนาว...กอดแน่นๆ เอื้อ...หนาว...กอด...’”

“ไม่จริง!”

“จริง! ทำเอากูไม่ได้นอนทั้งคืน ถ้าอยากจะพังกูรีเพลย์ให้อีกรอบได้นะ…”

“พอแล้ว!!”

หน้าผมร้อนฉ่าทันทีเมื่อเอื้อพูดจบ มะ มะ มันรู้ได้ไงว่าผมฝันว่าอะไร!!

ตาย! ตาย! ตาย!

ชีวิตผมหมดสิ้นแล้ว!!

ขอย้ำว่าผมไม่ได้ฝันถึงมัน ผมฝันถึงพ่อกับแม่ผมอยู่ดีๆ แต่ไอ้หน้าหล่อนี่มันเข้ามาจากตรงไหนก็ไม่รู้! แล้วกลายเป็นว่าในฝันของผมมีแต่หน้ามันเต็มไปหมด! ผมไม่ได้อยากให้มันมากอดสักหน่อย!

เย้ย! ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ฝันถึงมัน!

“หน้ามึงแดงนะปูน” มันยิ้มล้อๆ ส่งมาให้ผม

“ไอ้…มึงอย่าอยู่เลย!”

ผมคว้าหมอนที่อยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นมาแล้วระดมฟาดมันจนเกิดเสียงดัง ‘ตุบ’ ติดกันถี่ๆ แรงของหมอนเพิ่มขึ้นตามระดับความร้อนบนใบหน้า ผมไม่น่าให้มันมานอนที่ห้องเมื่อคืนเลย!

“โอ๊ยเบาๆ กูเจ็บ” ดี! เอาให้กระอักเลือกตายไปเลยไอ้บ้า!

ตุบๆๆๆๆ

“ปูนหยุด...พี่เจ็บ” อย่าคิดมาใช้ไม้นี้กับกู ไม่หลงกลหรอกเว้ย!

“ไม่หยุดเว้ย!”

“ปูนเบาๆ พี่เอื้อเจ็บนะครับ”

ผมชะงักมือที่เตรียมจะฟาดมันอีกครั้ง มะ เมื่อกี้มันแทนตัวเองว่าอะไรนะ…

พะ..พี่เอื้อ?

หมับ!

“ทำไมมือหนักแบบนี้วะ ฟาดมาแต่ละครั้งเล่นเอามึนเลย” ไอ้คนมือไวฉวยโอกาสคว้าแขนทั้งสองข้างผมของเอาไว้อย่างแน่นหนา ทำให้ผมไม่อาจจะทำร้ายมันต่อไปได้

“สมน้ำหน้า!”

“ปูนไม่สงสารกันบ้างเหรอครับ พี่เจ็บจริงๆ นะ” มันแทนตัวเองด้วยชื่ออีกแล้ว! และผมก็เขินมัน!

กูจะไปเขินมันทำไม!!!

“งื้อออ ห้ามพูดแบบนั้นอีกนะ!”

“ทำไมอ่ะ ไม่ชอบเหรอ”

“เออ โคตรไม่ชอบเลย ห้ามพูด ห้ามๆๆๆ ห้ามเข็ดขาด” ผมสั่งด้วยเสียงที่ดังฟังชัด...ที่ไหนเล่า เสียงผมโคตรสั่นเลยครับ สั่นเหมือนใจผมเนี่ยแหละ

นี่ผมเป็นอารายยยย

==========================================================
============================================
สวัสดีค่ะทุกคนนน ช่วงนี้เจอกันบ่อยแต่ต่อไปไม่รู้ 5555
เราจะสอบมิดเทมอแล้วค่ะ มันหนักหนามาก
เรียนคณะเดียวกับพี่เอื้อไม่ง่ายจริงๆ :katai5:
มาบ่นเฉยๆ ค่ะ อยากระบาย 55555
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ อาจไม่ถูกใจบ้างแต่อยากให้ติดตามกันต่อไปนะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.16 02.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-02-2017 21:43:52
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.16 02.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-02-2017 22:20:25
น้องปูนเริ่มหวั่นไหว พี่เอื้อก็รีบบอกน้องได้แล้วครับ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.16 02.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-02-2017 22:32:53
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.16 02.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 02-02-2017 22:48:40
อร้ายยยยย เขินแรงอะ

คนเขียนสู้ ๆ ตั้งใจสอบนะครับ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.16 02.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 02-02-2017 23:20:20
 :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.16 02.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-02-2017 00:58:09
อีพี่เอื้อเริ่มรุกน้องละ อิอิ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.16 02.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 03-02-2017 09:04:39
อั๊ยยยย ชอบง่ะะะ แปะป้ายิดตามโลยยย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.16 02.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-02-2017 09:19:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.16 02.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-02-2017 09:51:58
งื้ออออ น่ารัก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.16 02.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 06-02-2017 00:03:01
บทที่ 17
เมื่อน้องปูนทำไม่ได้


ผมรอดผ่านช่วงเวลาวิกฤติในชีวิตได้แล้วครับ ดีใจกับผมหน่อยทุกคน T^T

“ตอนเย็นกูมารับ ห้ามเบี้ยว ห้ามลืม ห้ามหนีกลับก่อน สี่โมงครึ่งกูต้องเห็นมึง”

ทำไมไอ้เอื้อเวอร์ชั่นนี้มันกลับมาอีกแล้ววะ ไอ้เสียงดุๆ หน้าโหดๆ แล้วก็ชอบบังคับเนี่ยผมขอซื้อเก็บไว้เลยได้ป่ะ มันจะได้ไม่ทำอีก

เอื้อมันบังคับให้ผมมากับมันเมื่อเช้า ปรบมือให้กับความทุ่มทุนของมันหน่อยครับ ผมว่าผมอาบน้ำเร็วระดับจรวดแล้วนะ แต่พอเปิดประตูออกมากลับเจอมันยืนพิงกำแพงอยู่ข้างๆ เฉยเลย

บอกทีเถอะว่ามึงอาบน้ำมาจริงๆ ไม่ได้ซักแห้ง

“เข้าใจที่กูพูดป่ะเนี่ย”

“เออๆ เข้าใจแล้ว ห้ามลืม ห้ามเบี้ยว ห้ามสาย ว่าแต่จะพาไปไหนอ่ะ”  หึๆ ผมไม่ปล่อยให้โอกาสแบบนี้หลุดมือไปหรอก โอกาสที่จะได้เอาคืนแบบที่มันเถียงกลับไม่ได้

“ดินเนอร์มั้ง”

“หะ?”

“รับกลับหอเนี่ยแหละ ทางเดียวกับไปด้วยกัรประหยัดน้ำมันจะตาย ไปเรียนได้แล้วไป ชิ่วๆ”

จะบอกว่ารวยไง จะมาประหยัดอะไรตอนนี้

ผมโบกมือไล่มันแล้วเตรียมจะลงจากรถ แต่ติดที่อีกคนเอื้อมแขนมาดึงประตูให้ปิดลงเสียงก่อน และพอผมจะหันกลับไปต่อว่ามัน ผมก็ต้องเงียบปากทันที หน้ามันห่างจากผมแค่ปลายจมูกเอง

บางทีพี่ปูนก็สงสัยว่ามันจำเป็นต้องใกล้ขนาดนี้มั้ย ห่างกันหน่อยก็ได้ป่ะวะ แล้วนั่น...จะยิ้มแบบนั้นทำไม

“ตั้งใจเรียนนะครับปูน พี่เอื้อเป็นกำลังใจให้”

แล้วปุ้งงง เกิดเป็นปีโป้ครั้น!

เอ่อะ ไม่ใช่แหละ

ผมดันตัวมันให้ออกห่างก่อนจะเปิดประตูลงมาจากรถคันสวยด้วยความเร็วแสง แล้วเดินเข้าคณะโดยไม่หันหลังกลับไปมองมันอีก

เหอะ พอรู้ว่าทำให้กูเขินแล้วเล่นงานกูใหญ่เลยนะ มึงมันนิสัยเสียไอ้เอื้อ! (ได้ข่าวว่าตัวเองก็ทำ) ไอ้ก้อนเนื้อในอกนี่ก็ยังไง บอกให้อยู่เฉยๆ ก็ไม่ฟัง ดันไปสั่นตามคำพูดมันอีก

โว้ยยยยย นี่พี่ปูนเป็นอะไรไป!

“อ่ะแฮ่มๆ”

ผมสะดุ้งโหย่งก่อนจะหันไปหาต้นเสียง พวกเพื่อนๆ ผมนั่นเองครับ แหม...อยู่กับครบแก๊งเลยนะ

“มะ มาเช้ากันจังวะ”

“นี่บีหนึ่ง นายเห็นเหมือนฉันมั้ย” มึงจะเล่นอะไรของมึงอีกเนี่ยกล้า

“เห็นสิบีสอง นายล่ะบีสาม เห็นเหมือนกันหรือเปล่า” เดี๋ยวนะไอ้ฟ้า กล้วยหอมจอมซนมันมีแค่บีหนึ่งกีบบีสองไม่ใช่เหรอวะ มึงเอาบีสามมาจากไหน

“หึ...เห็นสิ...แล้วมึงล่ะปูน เห็นเหมือนที่พวกกูเห็นมั้ย”

บอกไว้ ณ ตรงนี้เลยนะฟ้า มึงไม่ควรส่งมุกต่อให้ไอ้โจมว่ะ ถึงมันทีไรเสียเรื่องทุกที คิดว่าตัวเองเป็นกล้วยหรือไง

อ้าว งงอ่ะดิครับงง

ก็กล้วยหักมุกงายยยยยย

ตึ่งโป๊ะ!

“กู...ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ” พูดจนผมก็เดินหนีเลยครับ ขืนอยู่ต่อคงโดนล้อหรือแซวอะไรแน่

“เดี๋ยวก่อนสิครับเพื่อนปูน จะรีบไปไหนล่ะ” มึงปล่อยกูไปเถอะกล้า แล้วก็ไม่ต้องมากอดคอกูด้วย กูเดินไม่ถนัด

“ไปเรียนไง”

“ขยันขึ้นมาเลยนะ” เสียงมึงเจ้าเล่ห์มากฟ้า

“ปกติของกูน่า”

“อ้อเหรอ” มึงก็เอาด้วยใช่มั้ยโจม

นี่จะไม่มีใครอยู่ข้างกูเลยใช่มั้ยวะ!

“บอกกูมาซะดีๆ ว่าเมื่อกี้ใครมาส่งมึง” เสียงไอ้กล้าเข้มขึ้นราวกับมันเป็นคุณครูที่กำลังจับผิดนักเรียนลอกข้อสอบ

“เพื่อน”

“ใคร!” จำเป็นต้องดุขนาดนี้ป่ะวะ T_T

“อะ เอื้อ”

“ใครนะ พูดให้มันดังๆ!”

ผมว่าผมพูดดังแล้วนะ หูมึงตึงกันเหรอครับเพื่อน แล้วไอ้โจมไอ้ฟ้า มึงไม่คิดจะช่วยกูเลยหรือไง!

“เอื้อมาส่ง”

“แหมะ เดี๋ยวนี้คำว่า ‘ไอ้’ หายไปเลยนะ” แค่นี้มึงก็เอามาเป็นประเด็นเหรอกล้า

“เออน่าก็กูไม่ได้เกลียดมันแล้วอ่ะ” ผมตอบเลี่ยงๆ แล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องเรียน อ่า แอร์เย็นดีจริงๆ พี่ปูนชอบ

“ปูน เมื่อวานกูเห็นพี่เอื้อของมึงไปเดินงานกับพี่น้ำ ตกลงมึงได้นัดเขาจริงหรือเปล่าวะ” โจมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตามันที่มองมาก็จริงจังไม่แพ้กัน

แต่เดี๋ยวนะ ‘พี่เอื้อของมึง’? เอื้อมันเป็นของผมตั้งแต่เมื่อไหร่

“ไม่ใช่พี่เอื้อของกูเว้ย” ผมต้องแก้ตัวประเด็นนี้ครับ ไม่งั้นมันจะไม่จบง่ายๆ “กูนัดกับมันจริง แต่มันไม่ได้มา ก็นั่นแหละ มันไปเดินงานกับพี่น้ำ”

“มันเบี้ยวมึง?” ทำไมรู้สึกว่าน้ำเสียงโจมมันดูไม่ค่อยพอใจวะ

“อือ แต่เคลียร์กันแล้ว เอื้อมันไม่ได้ตั้งใจจะผิดนัดหรอก”

“แหนะ มีปกป้องกันด้วย”

“เปล่าปกป้องสักหน่อย มึงอย่ามาหาเรื่องว่ะกล้า”

“เขาเรียกว่าแซวครับเพื่อน” กูรู้แล้วน่าไอ้ฟ้า!

พวกผมเงียบเสียงลงเมื่ออาจารย์หน้าห้องเดินเข้ามา หน้าอาจารย์ดูเครียดๆ ยังไงบอกไม่ถูก

“ทุกคนครับ เนื่องจากเมื่อวานมีพายุเข้า ฝนตกหนักมาก เลยทำให้ต้นไม้บางต้นล้มทับแปลกผักที่คุณปลูกไว้บางส่วน”

อ่าฮะ แล้วไงต่อครับอาจารย์

“แปลงผักเหล่านั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักมาก ผมจึงคิดว่าจะให้พวกคุณทำแปลงใหม่...แต่ดูเวลาแล้วก็คงไม่ทัน เฮ้อออออ”

อาจารย์อย่าลีลาสิครับ พูดให้จบ!

“และเพื่อความยุติธรรมกับคนที่แปลงเสียหาย ผมขอสั่งยกเลิกงานนี้ครับ”

“เยส!!”

“ไชโย!”

“กูรอดแล้วโว้ย!!”

“ไม่ต้องดีใจขนาดนั้นครับทุกคน!” อาจารย์เสียงเข้มขึ้นในทันที ทำให้พวกเราทั้งหลายเก็บความดีใจไว้ลึกๆ ข้างใจ “ผมมีงานใหม่ครับ ไปปลูกต้นอะไรก็ได้มาส่งผมหนึ่งต้นครับ จะอะไรเป็นดอกไม้ หรือไม้ประดับ หรือใครจะปลูกหอมปลูกกระเทียมก็เชิญ แต่ถั่วงอกห้ามนะ...”

“โห่ววววว”

นี่พวกมึงคิดจะปลูกกันจริงๆ เหรอ

“เอาว่าให้มันสมกับคะแนนห้าเปอร์เซ็นต์จากหนึ่งร้อยนะครับ แล้วเอามาส่งผมในวันสอบไฟนอลพร้อมรายงานหนึ่งเล่มเกี่ยวกับต้นไม้ของคุณ ในรายงานคุณต้องบอกถึงการเจริญเติบโตของต้นไม้คุณทุกๆ สามวัน ถ่ายรูปพร้อมระบุวันที่ด้วยนะครับ ส่วนอย่างอื่นจะใส่อะไรมาก็ตามแต่คุณเลย จะใส่รูปแฟนมาก็ได้ หนูนาคุณจะใส่รูปบอยผมก็ไม่ว่านะ”

“ฮิ้ววววววว”

“หนูนากับนุ้งบอยยย”

“ไม่ใช่นะคะอาจารย์ สามีหนูคือโจมค่ะ! นายสิงห์ของหนูคือโจมคุงงง”

มึงก็ไม่ต้องประกาศให้โลกรู้ขนาดนั้นป่ะล่ะหนูนา

“ครับๆ เข้าใจงานที่ผมสั่งกันใช่มั้ย ส่วนแปลงผักพวกคุณไปเคลียร์ให้เรียบร้อยนะ พรุ่งนี้ผมต้องไม่เห็นว่ามีผักหลงเหลือในแปลง ไม่อย่างนั้นผมจะหักคะแนนรายงานพวกคุณทุกคนครับ”

“แล้วจะให้เอาผักที่ปลูกไปไว้ไหนคะ” ถามได้ดีมากครับหนูนาคนสวย

“เอาไปไว้ที่คอกสัตว์ของคณะได้เลยครับ ผมบอกคนดูแลไว้แล้ว เอาล่ะ เรามาเข้าสู่บทเรียนของเราดีกว่า ครั้งที่แล้วเราเรียนถึงเรื่องการขยายพันธ์ุแบบตอนกิ่งใช่ การขยายพันธุ์แบบนี้…”

ตัดเข้าช่วงโฆษณาครับ เนื้อหาต่อไปนี้ควรค่าแก่การหลับมาก อย่าสนใจเลยครับคุณๆ ให้ผมทรมานคนเดียวเป็นพอ

..
.
4 โมง 41 นาที

สายๆๆๆ ผมสายแล้วครับ!

นั่นไง ยักษ์ขมูขีเตรียมหักคอผมจิ้มน้ำพริกกินอยู่ตรงนั้นแล้ว!

ผมวิ่งเข้าไปหาเอื้อที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้หน้าคณะ หน้ามันโคตรบอกบุญไม่รับเลย แถมพอเห็นผมมันยังลุกขึ้นยืนท้าวเอวทำหน้าโหดกว่าเดิมสิบเท่า

“มาสายอีกแล้ว!”

โอ๊ย กูสายแค่สิบเอ็ดนาทีเองครับ

“ขอโทษๆ” ผมส่งยิ้มประจบให้  ก่อนจะใช้ท่าไม้ตาย เพื่อหวังว่าหน้ามันจะคลายความโหดลง “ไม่โกรธนะๆๆๆ”

ได้ผล มันเริ่มยิ้มแล้วครับ

“ไม่ต้องมาอ้อนกูเลย แล้วนี่ไปทำอะไรมา เนื้อตัวมอมแมมไปหมด”

เอื้อเอื้อมมือมาปัดเศษใบไม้ใบหญ้าบนตัวผม ผมรีบมากอ่ะ แค่ล้างมือแล้ววิ่งมาหามันเลย ไม่ได้ดูว่ามีอะไรติดอยู่ตรงอื่นหรือเปล่า

“ไปเคลียร์แปลงที่ปลูกมา เมื่อคืนที่ฝนตกต้นไม้มันล้มทับแปลงอ่ะ แปลงกูโดนไปเกือบครึ่งเลย เสียดายว่ะ ผักในแปลงกำลังงามๆ” ผมบ่นให้มันฟังระหว่างนั่นก็รอมันทำความสะอาดให้ผมไปด้วย โอ้โห ขนาดบนหัวผมยังมีขี้ดินติด “กูเดินกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนดีป่ะวะ กลัวเลอะรถอ่ะ”

“ไม่ต้องหรอก อยู่เฉยๆ สิ”

ผมทำตามคำสั่งของโดยการยืนเฉยๆ ก่อนที่ตาทั้งสองข้างจะเบิกกว้างเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ พอผมจะขยับหนีมันก็ดุเสียงเข้ม

“บอกให้อยู่เฉยๆ ไง”

มือใหญ่ของอีกคนถูกยกขึ้นมา ก่อนปลายนิ้วเรียวสวยจะปาดลงที่ข้างแก้มผมเบาๆ เพื่อเช็ดคราบดินให้หลุดออกไป

“อย่าไปอยู่ใกล้คนอื่นแบบนี้อีก เข้าใจมั้ย”

“กูยังไม่ได้…”

“เมื่อคืนนั้นไง มึงจะจูบกับไอ้หมอนั่นอยู่แล้ว มันแอบหอมแก้มมึงด้วย”

“คืนไหน?” มีหลายคืนที่ผ่านมาครับ

“ก็คืนที่กูนัดมึงอ่ะ ตอนที่มึงกำลังเช็ดหน้าให้ไอ้วิดวะคนนั้น แล้วมันก็แอบหอมมึง”

“พี่ว่านแอบหอมแก้มกูจริงดิ!” ตอนไหนวะไม่เห็นรู้เรื่องเลย จำได้ว่าเช็ดหน้าให้พี่ว่านอย่างเดียว ไม่รู้สึกว่าถูกขโมยหอมแก้มสักนิด เอื้อมันมั่วป่ะเนี่ย “แล้วมึง...รู้ได้...ไง”

เสียงผมแผ่วลงทันทีเมื่อได้สบตากับอีกฝ่าย ดวงตาสีเข้มทำเอาผมลืมไปเสียสนิทว่าควรจะทำอะไรต่อไป ลืมไปว่าควรจะผลักมันออก ลืมไปเลยว่าเรายืนอยู่หน้าคณะ

“ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือมึงจะไม่ทำแบบนั้นกับใครอีก...เข้าใจหรือเปล่า” ทำไมผมต้องทำตามที่มันสั่งด้วยวะ

ในใจผมมีคำถามนะ แต่สิ่งที่ผมแสดงออกมาคือการพยักหน้ารับ นั่นทำให้อีกฝ่ายดูอารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง เอื้อส่งยิ้มมาให้ ใช้นิ้วชี้ของมืออีกข้างเคาะเบาๆ ที่ปลายจมูกผม

“เก่งมากเด็กดี เดี๋ยววันนี้พาไปเดินเล่น”

“ไม่ใช่หมาเว้ย”  เท่านั้นแหละ ผมก็ได้สติแล้วดันมันออกในทันที แล้วพอมองไปรอบๆ ผมก็ต้องใจหายวาบ

เชี่ย...คนเต็มเลย แล้วสายตาทุกคู่ก็จ้องมาทางนี้ด้วย! มองอะไรกับครับทุกคน ไม่เคยเห็นคนหล่อสองคนยืนคุนกันเหรอ (พยายามปลอบใจตัวเอง)

“เขาคบกันเหรอมึง”
“ชัดขนาดนั้นแล้วมึงยังจะถามอีกเนาะ”

ไม่นะครับ ผมไม่ได้คบกับมัน!

“เมื่อกี้มีเคาะจมูกกันด้วยอ่ะ โคตรละมุน”

ไม่เห็นจะละมุนสักนิด นี่ผู้ชายแมนๆ คุยกันครับ

“น้องเอื้อก็น่ารัก น้องปูนยิ่งน่าหยิก ฟินมากเจ้บอกเลย”

แต่ผมไม่ฟินด้วยครับเจ้

“กูว่ารีบไปเถอะ”

“ทำไมเขินหรือไง”

ผมถลึงตาใส่มันก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำไปที่รถ หวังว่ามันจะเดินมาแล้วเรื่องจะจบลงแค่นี้ แต่เปล่าครับ… ระหว่างที่ผมกำลังจะเปิดประตูรถ ร่างสูงใหญ่ของเอื้อก็เดินมาซ้อนข้างหลัง แล้วหน้าหล่อๆ จะก้มลงมาใกล้ใบหู มันส่งยิ้มให้ผมผ่านเงาสะท้อนในกระจก ก่อนจะกระซิกเบาๆ ที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงทุ่มนุ่มของมัน

“อย่าเขินมากนะครับน้องปูน เห็นแก้มแดงๆ แล้วพี่เอื้อหวั่นไหว”

อะ อะ อะ...ไอ้บ้า! ไอ้คนนิสัยไม่ดี! ไอ้ ไอ้…

โว้ย! มึงก็อย่ามาทำให้กูรู้สึกแปลกๆ สิวะ!!

♣♣♣♣♣

โธ่ ไอ้เราก็นึกว่ามีธุระอะไรสำคัญหนักหนาถึงได้ทำหน้าไม่พอใจตอนที่ผมมาสายไปสิบเอ็ดนาที จริงๆ แล้วเอื้อมันไม่ได้อะไรหรอกครับ มันหิวมากๆ แค่นั้นเอง พอไปถึงร้านอาหารมันก็เอาแต่สั่งๆๆๆๆ จนแทบจะกินไม่หมด ลำบากผมต้องพยายามนั่งยัดกับข้าวที่ทำท่าจะเหลือลงท้อง

ผมกำลังนั่งทำการบ้านอยู่ที่ห้องเอื้อครับ มันบอกว่าเมื่อวานมันไปนอนที่ห้องผมมาแล้ว วันนี้ผมก็ควรจะได้นอนห้องมันบ้าง อีกอย่างมันบอกมันเหงาครับ

ถุยยยยย ทำอย่างกูจะเชื่ออ่ะ

แต่ช่างเถอะ ยังไงผมก็หอบข้าวของตามมันขึ้นมาข้างบนแล้ว (ใจง่ายว่ะ) ก็ดีกว่าทนมันวิจารณ์ห้องผมเสียๆ หายๆ ครับ เท่านั้นยังไม่พอ มันยังไปแกล้งน้องเดหลีของผมด้วย!

อ้อ แนะนำน้องเดหลีก่อน น้องเดกลีก็คือต้นไม้ที่ผมปลูกเอาไว้ในห้อง เพิ่งซึ่งมาเองครับ ผมไปขอซื้อที่ร้านมากอเล็กๆ เพื่อจะเลี้ยงให้มันเติบใหญ่ เลยกะว่าจะเอาเป็นต้นไม้ส่งงานที่อาจารย์สั่งวันนี้เสียเลย เอื้อมันมือบอนมากอ่ะ พอเห็นน้องเดหลีของผมมันก็เข้าไปเขี่ยเล่นทันที ผมนี่ร้องห้ามเสียงหลง กลัวน้องเดหลีของผมเฉามือใหญ่ๆ ของมันตาย

ปล่อยเรื่องน้องเดหลีไว้ก่อนดีกว่าครับ ตอนนี้ผมเจอปัญหาหนักหนาไม่แพ้กันเลย นั่นคือ...การบ้านวิชาเคมีเชิงประยุกต์ของผมนี่แหละ...ทำไมมันยากขนาดนี้วะ! แล้วตอนสอบผมจะรอดได้ยังไง!

ฮือออออ พี่ปูนตายแน่ๆ T_T

“เอื้อมึงเบาเสียงหน่อยดิ กูไม่มีสมาธิ” พอทำการบ้านไม่ได้ก็พาลคนข้างๆ มันครับ เหอะ นั่งดูหนังสบายใจเลยนะมึง

“นี่ก็เบาจนเป็นหนังกระซิบล่ะ” เอื้อหันมาทำหน้าเซ็งใส่ ก่อนชะโงกหน้าเข้ามาหา “มึงเรียนอันนี้ด้วยเหรอวะ”

“อือ มึงก็เรียนเหรอ”

“เรียนไปตอนปีหนึ่ง ไหนมาดูดิ” ว่าแล้วมือใหญ่ก็ฉวยเอาการบ้านผมไปดู “มึงทำอะไรของมึงเนี่ยปูน”

“ก็...ทำตามหนังสือไง ผิดเหรอ”

“มึงถามว่าตรงไหนถูกบ้างดีกว่า”

ง่ะ!! ทำไมพูดทำร้ายใจกันอย่างนั้นล่ะเอื้อ

จริงๆ มันก็ไม่ต้องพูดขนาดนั้นป่ะล่ะ กูไม่เก่งเหมือนมึงไง อะไรคือการให้ผมไปเรียนเหมือนเภสัชฯ ครับ ผมเรียนเกษตรนะเฮ้ยยยแต่ผมว่าผมมองเห็นทางรอดของวิชานี้แล้วครับ… ไม่ขออะไรมาก ผ่านเอฟเป็นพอ

“เอื้อออออ ช่วยสอนหน่อยดิ”  ผมตกลงกับตัวเองแล้วจัดการกับเป้าหมายทันที! เอื้อมันดูจะแพ้ลูกอ้อนของผมนะ หึๆๆ เสร็จกูแน่!!  ผมขยับตัวเองเข้าใก้มันแล้วเขย่าชายเสื้ออีกผฝ่าย  “พี่เอื้อสุดหล่อสอนน้องปูนหน่อยนะครับ นะๆๆๆ”

“เออๆ กูสอนก็ได้ แต่ต้องตั้งใจเรียนนะ”

เยสสสสสสสส!!

“น้องปูนจะไม่ดื้อ ไม่ซน แล้วก็ไม่เถียงด้วย” ว่าแล้วก็ส่งยิ้มประจบให้มันไปอีก “สัญญาเลยครับ!”

เอื้อวางมือลงบนหัวผมแล้วขยี้เบาๆ ตอนแรกผมก็ไม่ชอบหรอก เหมือนว่าผมเป็นเด็กเล็กๆ แต่พอมันทำบ่อยครั้งเข้าก็เริ่มชิน

มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่…

“หึๆ เข้าใจพูดนะ ขยับเข้ามาใกล้ๆ แล้วบอกเอื้อสิครับว่าปูนไม่เข้าใจตรงไหน” อย่ามาใช้เสียงสองกันกูครับ ไอ้เสียงนุ่มทุ้ม แบบนี้เอาไปคุยกันสาวๆ ไป๊

“เปลี่ยนคำถามเป็นเข้าใจตรงไหนผมจะตอบง่ายกว่านะ”

“แล้วเข้าใจตรงไหนอ่ะ”

“ก็...ไม่เข้าใจเลยสักตรง แหะๆ”

“นี่มึงเรียนหรือมึงหลับกันแน่วะ” นั่น เมื่อกี้ยังใช้เสียงสองกับผมอยู่เลย ทำไมเปลี่ยนโทนเร็วนักอ่ะ

“ก็เรียนบ้าง...บางครั้งก็หลับบ้างอ่ะ มันไม่เข้าใจนี่ มึงช่วยสอนตั้งแต่แรกเลยได้ป่ะ”

ทำหน้าเซ็งใส่กันทำไม ก็คนมันไม่เก่งอ่ะ T^T

“เออๆ กูจะทำไงได้อ่ะ ก็ตกลงกับมึงไปแล้วป่ะ” มันกดปิดทีวีแล้วเริ่มทำการสอน

โอ้โห พี่เอื้อของเราใจดีสุดๆ เลยครับ งั้นผมขอไปตั้งใจเรียนกับติวเตอร์พิเศษเฉพาะกิจก่อนนะทุกคน

อิอิ

..
.
เวลาล่วงเลยไปชั่วโมงกับอีกสิบเจ็ดนาทีที่ผมนั่งฟังเอื้อพูดอย่างเดียว มีถามบ้างบางข้อที่ผมยังงงๆ จะว่าไปเอื้อมันเก่งจริงๆ ครับ ขนาดไม่ได้เตรียมตัวมามันยังทำข้อสอบให้ผมดูได้ แถมมันพูดอธิบายเข้าใจกว่าอาจารย์ประจำวิชาอีก ถ้ามีคนมาทาบทามมันให้เป็นติวเตอร์ผมก็ไม่สงสัยเลย ผมว่าผมคงพอทำข้อสอบได้บ้างแล้วล่ะ อยากอัดเสียงมันไว้ฟังตอนก่อนสอบจัง

แต่ตอนนี้ผมจะอ้วกล่ะครับ…

“เอื้อ...พอก่อนได้ป่ะวะ กูไม่ไหวแล้วอ่ะ”

ผมถอนหายใจ ดันหนังสือให้ห่างจากตัวแล้วเอนหลังไปพิงเอื้อที่นั่งซ้อนหลังผมอยู่ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่มันมาขยับเข้ามาใกล้ผมขนาดนี้ ท่าทางเหมือนมันกำลังโอบผมไว้  มือข้างหนึ่งของมันวางไว้ที่เอวผม พาดมาตรงหน้าขา  มียกไปจับกระดาษบ้างตอนเขียน แต่นอกนั้นมันก็อยู่ตกแหน่งเดิมตลอด

ตอนแรกๆ ผมก็รู้สึกแปลกๆ นะ แต่มันอุ่นดี ร่างที่ใหญ่กว่าผมบังลมจากแอร์ที่เปิดไว้พอดิบพอดี อีกอย่างนั่งพิงอกมันแบบนี้ก็โคตรสบายเลย ผมชอบ

“พักอีกล่ะ เมื่อกี้ก็เพิ่งพักไป” มันวางปากกาลง

“ยี่สิบนาทีแล้ว ไม่ไหวแล้วจริงๆ”

“...” มันทำหน้าไม่เชื่อครับ

“นี่จะอ้วกเลยอ่ะ ในหัวมีแต่สูตรไรไม่รู้เต็มไปหมดเลย”

“เฮ้อ เอาเหอะ พักก็พัก มึงลุกไปเอาน้ำมาดิ”

“ไม่เอาขี้เกียจ มึงก็ห้ามไปไหนด้วย กูกำลังสบาย” ผมยึดแขนแกร่งเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน ส่วนตัวเองก็เบียดกระแซะเข้าหามันอีกนิด

อืม...สบายจริงๆ ครับ งั้นผมขอพักสายตาสักแปบนะ

“นี่กูกลายเป็นโซฟาของมึงไปแล้ว?”

“ก็อะไรประมาณนั้น”

ได้ยินเสียงทุ้มๆ ของอีกฝ่ายหัวเราะก่อนที่สัมผัสหนักๆ จากมือใหญ่จะวางลงบนหัวผมแล้วโยกไปมาเบาๆ ผมรู้สึกได้ว่าเอวของผมถูกกอดแน่นขึ้นไปอีก และตอนนี้ตัวผมทั้งตัวก็อยู่บนตักของอีกคนไปแล้ว

เนียนอีกล่ะครับ...แต่ไม่เป็นไร

ตักของเอื้อมันไม่นุ่มเลยสักนิด เทียบกับโซฟาที่ห้องผมไม่ได้แม้แต่น้อย แต่มันกลับนั่งได้พอดีและสบายกว่าโซฟาตัวไหนๆ ความรู้สึกในวันที่ผมหลับลงในอ้อมกอดของมันหวนกลับมาอีกครั้ง ถึงในครั้งนี้เสื้อผ้าที่เอื้อใส่แห้งสนิทไม่เปียกชื้นอย่างวันที่มันตากฝนมา ทว่า...มันกลับให้ความรู้สึกปลอดภัยไม่ต่างกัน

เพราะแบบนั้นผมจะยอมหลับหูหลับตาไม่รับรู้ก็ได้ว่าตอนนี้เราสองคนใกล้กันมากเกินไป...

ผมคิด...แล้วไม่นานหลังจากนั้น ผมก็หลับไปในอ้อมแขนอุ่นๆ นั่น

..
.
ใบหน้าหล่อของผู้ที่ได้ผันตัวเองเป็นโซฟาแสนสบายยกยิ้มขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกรนเบาๆ จากอีกคน บ่งบอกว่าเจ้าตัวแสบได้หลับไปแล้ว เขาลดมือข้างที่วางอยู่บนโต๊ะลงมากอดคนในอ้อมแขนให้แน่นเข้าไปอีก

แต่เดี๋ยวนะ… ไอ้สถานการณ์แบบนี้มันไม่ใช่ว่าหากันได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่

คิดได้ดังนั้นมือใหญ่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา เข้าแอปพลิเคชั่นถ่ายภาพ แล้วเสียง ‘แชะ’ ก็ดังขึ้นถัดมาหลายๆ ครั้ง เขามองดูผลงานตัวเอง ก่อนจะกดที่ไอคอนสีเขียวๆ แล้วเลือกห้องแชทของเพื่อนสนิท

‘เดียว’

ร่างสูงจัดการส่งภาพที่เพิ่งถ่ายหมาดไปให้เพื่อนรักดู เขาถ่ายไว้ครบทุกมุมไม่ว่าจนมุมตรง ก้ม หรือเงย และไม่ถึงสองนาทีภาพที่เขาส่งไปก็ขึ้น ‘Read’ เป็นที่เรียบร้อย

เดียว : ไอ้ขี้อวด

เอื้อ : เรื่องแบบนี้กูต้องแบ่งปัน

เดียว : กูอยากรู้มากครับ
เดียว : เมื่อยมั้ยมึง พาน้องเขามานอนห้องกูได้นะ
เดียว : กูยินดี

เอื้อ : วอนล่ะครับมึง
เอื้อ : นี่กูยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องที่มึงโกหกว่าได้เบอร์ปูนเลยนะ

เดียว : หายโง่แล้วเหรอ
เดียว : แม่งไม่สนุกเลย
เดียว : ปูนแม่งน่ารักว่ะ เหมือนหนูแฮมสเตอร์เลยอ่ะ
เดียว : อยากเลี้ยง

เอื้อ : พ่องงงงงง
สติกเกอร์หมีตีเข่า
เอื้อ : ไม่ต้องเสือกครับ กูเองเลี้ยงได้

เดียว : ฮ่าๆ แล้วน้องหลับเหรอวะ ปลุกมาคุยดิ
เดียว : บอกด้วยว่าพี่เดียวโคตรคิดถึง
สติ๊กเกอร์มูนส่งจูบ

เอื้อ : ฝันไปเหอะครับไอ้เหี้ย!

เรื่องอะไรเขาจะต้องบอกไอ้ตัวแสบของเขาล่ะว่ามีชายอื่นคิดถึง

ไม่มีทางครับ! บอกไว้เลยว่าคนนี้…

หวงมาก!!


หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.17 05.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-02-2017 00:23:19
เนียนนะครับพี่เอื้อ หวังว่าน้องปูนตื่นมาจะไม่โวยวายนะ ^^
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.17 05.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-02-2017 01:36:55
จัดการกับสาวๆหมดหรือยัง
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.17 05.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 06-02-2017 03:59:21
พี่เอื้อ เนียนเวอร์ ส่วนน้องปูน น่ารักชะมัด อยากกอดบ้าง 5555 จะโดนพี่เอื้อเตะไหม เพราะคนนี้หวงมาก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.17 05.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 06-02-2017 10:00:27
ก่อนมาเนียนไปจัดการสาว ๆ ให้หมดก่อนไป
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.17 05.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-02-2017 10:59:33
ตราบใดที่เอื้อยังไม่เคีลยร์เรื่องสาวๆ เราก็ไม่อยากได้พระเอกที่ชื่อเอื้อให้น้องปูนอ่ะ :m16: :m16:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.17 05.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-02-2017 12:38:19
ไกล้กันวันล่ะนิด  เสพติดกันวันล่ะหน่อย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.17 05.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 06-02-2017 14:46:13
ปูนอย่าเผลอใจง่ายๆนะลูก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.17 05.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 07-02-2017 00:36:27
จะจีบน้อง เคลียร์สาวรึยังพี่เอื้อ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.17 05.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 07-02-2017 13:40:07
 :mew1:    :mew1:

 o13    o13    o13
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.17 05.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 10-02-2017 20:06:19
บทที่ 18
เมื่อน้องปูนไม่รู้สึก


ฮัลโหลทุกคนนนน ขอเชิญต้องรับเข้าสู่บูธขายผักออร์แกนิกของพวกเราคณะเกษตรค๊าบบบ

อาฮะ อย่างที่คุณๆ คิด ผมกำลังปฏิบัติหน้าที่สำคัญอยู่

ก็เป็นพ่อค้ารูปหล่อไง ฮิ้วววววว

“ผักสลัดน่ากินจังเลยนะ”

“ครับ นี่เก็บสดๆ เลยนะครับ ยังชุ่มฉ่ำอยู่เลย แถมเป็นผักปลอดสารพิษด้วย ดีต่อสุขภาพสุดๆ ครับ”

เปล่าครับ นั่นไม่ใช่ผมหรอก อยู่กันมานานขนาดนี้คุณคงจะรู้ว่าผมไม่ใช่คนที่พูดอะไรแบบนี้ได้แน่นอน นั่นมันพ่อค้ากล้าครับ ถึงรูปจะไม่งามเท่าพี่ปูนแต่ปากมันหวาน ขายเก่ง ป้าๆ น้าๆ นี่หลงฝีปากมันกันทุกคน

หึๆ เสร็จล่ะงานนี้ ผมได้กลับหอไวแน่นอน! คืนวันศุกร์แบบนี้ผมจะดูการ์ตูนให้ตาแฉะเลย เอ๊ะ แต่ไม่ได้นี่หว่า ถ้าเลิกเร็วแล้วต้องรีบโทร.บอกเอื้อมันครับ มันชวนไปเดินงานต่อรู้นะว่าคุณๆ คิดอะไรอยู่ ห้ามแซวผมครับ แค่นี้ผมก็เขินตัวเองจะแย่แล้ว

“งั้นเอาห่อนึงจ้ะ” นั่นไง ป้าเสร็จมันแล้วครับ

“ได้ครับคุณพี่” มึงกล้าเรียกป้าเขาว่า ‘พี่’ เลยเหรอ ดูหน้าป้าก่อนสิ เหี่ยวกว่ายายกูอีก!

“ต๊ายย พ่อค้านอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังปากหวานอีกนะ งั้นพี่เอาสองห่อเลยจ้า”

“ได้เลยครับ คนสวยๆ ก็ต้องกินอะไรที่มีประโยชน์ จะได้สวยนานๆ”

“เอามาอีกห่อจ้ะ ใส่เข้าไปเลย นั่นแหละๆ”

“ขอบคุณครับ”

เชรด! ไอ้กล้าโคตรเจ๋งครับ คนเดียวขายไปสามห่อ มึงเอามงกุฎเพชรประจำบูธไปเลย!!

“โอ้โหพี่กล้าของเรา เลิกเรียนดีกว่ามั้งครับ”

“เหอะๆ ถ้าพี่กล้าเรียนไม่จบแล้วจะเอาอะไรไปเลี้ยงน้องฟ้าล่ะจ๊ะ” มันกลับมาอีกแล้วครับ ไอ้การเกี้ยวพาราศีน้องฟ้าของพี่กล้าเนี่ย

“ตลกล่ะมึง ต่อให้มึงเรียนจบกูก็ไม่เอาเว้ย!” ฟ้าผลักหน้าทะเล้นๆ ที่ยื่นเข้าไปหามันของไอ้กล้าออกห่างแล้วหยิบเงินจากมึงมันไปเก็บลงกล่อง

“เนี่ยแหละ สามีที่ดีต้องให้เมียเป็นคนเก็บเงิน พวกมึงจำไว้เลยนะครับ” เหอะๆ ไม่สลดนะมึง

“ไอ้-เวร-กล้า”

“จ้า เลิกเล่นแล้ว นี่แซวขำๆ ไงไม่ชอบเหรอ”

“เออ ไม่ชอบเว้ย!”

ผมว่าปล่อยพวกมันไปเถอะครับ

ตอนนี้ผมอยู่ที่บูธขายผักซึ่งพวกคุณก็คงรู้กนอยู่แล้วจากสถานการณ์ข้างต้น คนที่ประชำบูธวันนี้ประกอบด้วยสุภาพบุตรจุฑาเทพทั้งห้า คือ ผม ฟ้า โจม กล้า และตัวแถมที่เพิ่งรับเข้าวงอย่างบอย กับหนึ่งสาวงามประจำสาขา...หนูนา และจี๊ดเพื่อนสนิทมัน จี๊ดเป็นคนเงียบๆ ครับ ไม่มีปากเสียงอะไรเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าสนิทกับคนขี้โวยวายอย่างหนูนาได้ยังไง

จะว่าไป...นี่ผมเริ่มสงสัยหนูนากับไอ้บอยแล้วครับ ทำไมเวลาเจอพวกมันแต่ละทีก็ต้องเจอคู่กันตลอดเลยวะ พวกมึงอะไรยังไงกันป่ะเนี่ย

งานแฟร์วันนี้ก็คึกคักดีครับ  เอ้อ พายุถล่มวันนั้นทำเอาข้าวของในงานแฟร์เสียหายไปเยอะเลย บูธผมนี่...ย่อยยับอ่ะ เมื่อวานเพื่อนๆ ก็มาช่วยกันซ่อมในขณะที่อีกกลุ่มแบ่งไปเคลียร์แปลงผัก ผมเห็นสภาพจากที่เพื่อนถ่ายรูปส่งมาให้ดูแล้วสงสารคนซ่อมเลย

บูธผมอยู่ตรงทางเข้า ถัดไปเป็นบูธของพี่ๆ ปีสอง พี่เขาได้รับมอบหมายให้ขายผลิตภัฒน์จากสัตว์จำได้มั้ย ที่ผมเคยบอกไปวันนั้น พี่เขาขายดีไม่แพ้กันเลย ช่างคิดจริงๆ เอาพี่น้ำมานั่งขายนม หนุ่มๆ เดินผ่านแล้วไม่หยุดซื้อก็ไม่รู้จะว่าไง

เห็นหน้าพี่น้ำก็นึกถึงเรื่องเมื่อวานขึ้นมาทันทีเลยครับ แล้วหน้าผมมันก็ร้อนขึ้นมาเสียดื้อๆ

“มึง...คิดเรื่องลามกกับพี่น้ำอยู่เหรอวะ” ผมละสายตาจากพี่น้ำแล้วหันไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถามใส่ไอ้บอย “ก็มึงมองพี่เขาแล้วหน้าแดงอ่ะ ต้องคิดเรื่องพี่เขาแน่ๆ เลย”

ผิดแล้ว...ผมมองพี่น้ำก็จริงแต่ไม่ได้คิดถึงพี่เขาเลยสักนิด เพราะในหัวมันมีแต่หน้าหล่อๆ กับเสียงนุ่มๆ ที่พูดอะไรก็ไม่รู้เมื่อวานต่างหาก!

โอ๊ยย ออกไปจากหัวผมสักทีเถอะเว้ยไอ้เอื้อ!

“กูแค่ร้อนเฉยๆ”

“อ้อเหรอออ” เกลียดมันว่ะ ไม่อยากพูดด้วยแล้ว

“ปูน”

หืม? ใครมาเรียกพี่ปูนสุดหล่อครับ

ผมหันไปตามเสียงเรียก คนที่เรีกยผมเป็นพี่ว่านเองครับ ส่งยิ้มหล่อมาให้เชียว รู้แล้วว่าหล่อไม่ต้องยิ้มมากก็ได้ พี่สาวที่เดินผ่านมองตาไม่กระพริบเลย อ้อ วันนี้พี่ว่าไม่ได้มาคนเดียวด้วยนะ พกเพื่อนๆ มาเป็นโขยง แต่ละคนหน้าตาดีๆ ทั้งนั้น หนึ่งในนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งด้วย น่ารักเชียว ตัวเล็กๆ แต่เธอคงไม่โสดครับ เจ้าของน่าจะเป็นหนุ่มหน้าหล่อผิวเข้มที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน

“หวัดดีครับ” ผมรีบยกมือไหว้พี่ว่านแล้วหันไปไหว้พี่ๆ ทุกคน เพื่อนๆ ผมก็เลยต้องไหว้ตาม “พี่ว่านนี่เพื่อนผม โจมพี่รู้จักแล้ว นี่ก็บอย ฟ้า กล้า หนูนา แล้วก็จี๊ดครับ”

“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”

“หวัดดีครับน้องๆ นี่โอมเพื่อนพี่” พี่เขาแนะนำคนที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด “ส่วนคนอื่นไม่ต้องรู้จักหรอก มันไม่ได้เรียนที่นี่น่ะ”

อ่า โอเคตามแต่ใจพี่เลยครับ

“มึง กูพาไอติมไปเดินเล่นก่อนนะ” พี่คนที่ผิวเข้มสะกิดบอกพี่ว่าน ก่อนจะจูงมือผู้หญิงคนนั้นที่ต้องเป็นแฟนพี่เขาแน่ๆ แล้วเดินต่อไป พี่ผู้ชายอีกสี่คนเลย ก็เลยตามไปด้วย แต่พี่ๆ ทั้งสี่เดินได้ไม่ไกลหรอก หยุดดูนม เอ้ย กินนมอยู่บูธข้างๆ กันนี่เอง ตรงนี้เลยเหลือแค่พี่ว่านกับพี่โอมสองคน

“พี่ว่านช่วยซื้อหน่อย” โอกาสมาก็อย่าปล่อยให้หลุดมือ วันนี้ผมยังไม่ได้ขายผักเลยสักห่อ มานั่งเฝ้าอย่างเดียว

“เหลือแค่นี้เหรอ” ว่าแล้วพี่เขาก็หยิบห่อผักกาดขึ้นมาดู

“ครับ เหลือแค่นี้แหละ พี่ว่านมาช้าไป”

“มึงเอาป่ะโอม”

“เอาไปทำห่าไรล่ะ” พี่โอมกรอกตาใส่

“พี่เหมาหมดเลย…”

“จริงเหรอครับ!” ผมตาโต ถ้าพี่ว่านเหมาไปจริงๆ ดูหน้าอันมีความหวังของเพื่อนผมแต่ละคนสิ

“มึงเอาไปทำมะเขืออะไรเนี่ย” พี่โอมบ่น แต่มะเขือผมมีขายอยู่แล้วนะครับ ไม่ต้องเอาไปทำหรอก

“เออน่า”

แล้วพี่ว่านก็เถียงกลับ แต่ผมไม่สนใจครับ รู้แค่จะขายหมดก็พอแล้ว ในขณะนั้นผมก็รีบส่งไลน์ไปหาเอื้อเลยครับ มันสั่งไว้ว่าขายหมดเมื่อไหร่ก็บอกให้มันด้วย จะเลื่อนฐานะให้เป็นพ่ออยู่แล้ว

“พี่ว่านจะเหมาจริงเหรอ” ผมถามอีกครั้ง ถ้าไม่ทำจริงผมโกรธนะ โทษฐานทำพวกผมฝันสลาย ฮ่าๆ

“ครับ แต่มีข้อแม้นะ”

“ข้อแม้อะไรครับพี่!” พวกมึงนี่รีบเสนอหน้ามาเลยนะไอ้กล้าไอ้บอย

“วันอังคารพี่มีแข่งฟุตบอล มาดูด้วยนะ” พี่ว่านพูดพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าปูนตกลง พี่ซื้อหมดนี่เลย”

“...” ผมเงียบด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมพี่ว่านต้องให้ผมไปดูพี่เขาแข่งฟุตบอลด้วย

หรือว่าพี่เขา…

“แหมไอ้ว่าน จะจีบน้องกูทีนี่มึงต้องถึงกับเหมาผักทั้งร้านเลยเหรอครับ”
“โหวววว”
“จีบน้องปูนเลยเหรอวะครับ”
“ใจกล้าใช่เล่นนะมึง”
“สู้ๆ นะเว้ยพวกกูเป็นกำลังใจให้”
“ฮิ้วววววววว”

ไอ้คนพูดคือพี่สามครับไม่ใช่ใครที่ไหน ไม่รู้พี่มันโผล่มาตอนไหน เมื่อกี้ยังไม่เห็นเลย แล้วไอ้ลูกคู่โหฮิ้วนี่คืออะไร =_=

ว่าแต่...จีบ?

“ว่าไงครับ...ตกลงมั้ย”

ผมหันไปหาเพื่อนๆ อย่างขอความเห็น แหนะ หลบตากูกันทุกคนเลยนะพวกมึง ทีอย่างนี้ล่ะหาคนช่วยไม่ได้เลยนะครับ!

“เอ่อ...คือ…”

“ถ้าปูนลำบากใจก็ไม่เป็นอะไรนะ ไม่ต้องไปดูก็ได้” หน้าพี่ว่านเศร้าๆ ครับ ถึงจะยิ้มอยู่ก็เถออะ พวกเพื่อนๆ พี่ๆ บูธข้างๆ ก็พลอยลุ้นคำตอบผมไปด้วย

“ขอโทษจริงๆ ครับวันนั้นผมต้องเฝ้าบูธ”

“งันพี่เอาผัดกาดห่อหนึ่งแล้วกัน” พี่ว่านนน ทำไมพี่ทำแบบนี้ครับบบ

พอพี่เขาพูดจบเท่านั้นแหละครับ เพื่อนผมเสนอหน้าออกมาเลย

“ไม่เป็นอะไรมึง พวกกูเฝ้าให้ได้ ดูพี่เขาแข่งเสร็จมึงก็ค่อยมาขายต่อไง” หือ? ทำไมเพื่อนบอยใจดีผิดปกติอ่ะครับ ตามจริงแล้วมึงต้องไม่ยอมให้กูอู้ป่ะวะ

“ไอ้ปูนมึงก็ไปดูพี่เขาแข่งหน่อยเหอะ”

“นั่นสิ นิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอกมึง”

รีบเลยนะไอ้บอยไอ้กล้า กลัวไม่ได้กลับหอเร็วหรือไงพวกมึง! แล้วมาจ้องกูด้วยสายตาเป็นประกายแบบนั้นมันหมายความว่าไงครับ จะให้กูเซย์เยสอย่างเดียวเลยถูกมะ

ที่จริงผมไม่ได้อะไรหรอกที่พี่เขาจะให้ไปดูแข่งฟุตบอลวันอังคารหน้าน่ะ อย่าลืมสิว่าผมเจอคนขี้บังคับขั้นสุดมาแล้วนะครับ พี่ว่านนี่ดีกว่าร้อยเท่า พี่เขายังมีการถามความเห็นก่อน แถมมีของตอบแทนให้อีกด้วย แต่ที่ผมไม่อยากไปเพราะคำว่า ‘จีบ’ นี่แหละ

เอาตรงๆ นะ ผมไม่ใช่คนที่ไม่มีคนเข้าหาหรอกครับ คนเข้ามาจีบผมก็มีนะ พวกสาวๆ ที่มีความกล้าสูง (ย้ำอีกครั้งว่าผมหล่อมากครับ (ถุยยย!!)) แต่ผมไม่ชอบแนวมาเร็วเคลมเร็ว อย่างเจอกันวันแรกก็บอกว่าชอบ หรือขอเบอร์เลยอะไรทำนองนั้น มันทำตัวไม่ค่อยถูกครับ

“ก็ได้ครับ วันนั้นผมจะไปดูพี่แข่ง แต่ขอพาเพื่อนไปด้วยนะ”

“ได้สิแต่ต้องอยู่ดูจนจบเลยนะ”

“ครับพี่” ผมส่งยิ้มตอบกลับพี่ว่านไป

“งั้นผักนี่พี่เหมาหมดเลย”

“ไม่ต้องก็ได้พี่ว่าน ผมเกรงใจ”

“ไม่เป็นอะไร เฮ้ยพวกมึงๆ อ่ะ มาช่วยกูขนดิ” พี่ว่านกวักมือเรียกพวกพี่ๆ ปีสอง ซึ่งผู้นำทีมคือไอ้พี่สามคนปากมากไงไม่ใช่ใครอื่น

ทำไมรอบๆ ตัวผมต้องเจอแต่กับคนแบบนี้ด้วยวะ -*-

“ไม่คิดจะไปเหมาของกูบ้างเหรอครับ” ไอ้พี่สาม เงียบบ้างก็ไม่มีใครว่าป่ะครับ

“ไม่อ่ะ กูไม่ได้จะจีบมึงนี่”

เหอะๆๆๆ

“มึงจะเอาไปทำอะไรหมดเนี่ย” พี่โอมที่ยืนนิ่งๆ มานานถามขึ้น ผมลืมไปแล้วนะว่าพี่ยืนอยู่ด้วยอ่ะ

“เอาไปไว้บ้านมังกรก็ได้ ให้คุณลุงคุณป้าเอาไปทำอาหาร” พี่ว่านตอบก่อนจะหันมายิ้มให้ผม แล้วถามราคา พอบอกไปพี่แกก็จ่ายเงินมาให้

“ขอบคุณคร้าบบบบ” เรื่องเก็บเงินนี่ไวจริงๆ นะไอ้ฟ้า เมื่อกี้ไม่เห็นหัวมึงเลยอ่ะ

ระหว่างที่พวกผมกำลังช่วยพี่ว่านขนของ คนที่ไม่น่าจะมาปรากฏตัวตอนนี้ก็โผล่มาครับ ผมไม่นึกเลยว่ามันจะมาไวขนาดนี้ เมื่อกี้เพิ่งไลน์ไปบอกมันเอง

จะใครล่ะนอกจากเอื้อ

แล้วที่บอกว่ามันไม่น่าโผล่มานั่นก็เพราะ… พี่ว่านยังไม่ไปไหนครับ

“ขายหมดแล้วเหรอ” เอื้อมายืนล้วงกระเป๋าอยู่ตรงหน้าในตอนที่ผมกำลังจัดผักใส่ถุง มันยืนข้างพี่ว่านเลยอ่ะ ห่างกันนิดเดียวเอง มันเหลือบมองพี่ว่านด้วยความกวนตีนไปหนึ่งครั้ง พี่ว่านก็มองตอบด้วย ผมล่ะเสียวจะวางมวยกันจริงๆ

“อือ กำลังขนอ่ะ” ผมพยักหนัา ก่อนหันไปเรียกพวกเพื่อนๆ ข้างหลัง “เฮ้ยมึงๆๆ นี่เอื้อนะ”

พวกเพื่อนๆ ที่รักของผมเหมือนรู้สถานการณ์เลยครับ มันถอยหลังไปประมาณสามก้าวจากตัวผม ขอบใจนะที่รักกูกันขนาดนี้อ่ะ

“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ”

“พี่เอื้อตัวจริงโคตรหล่อเลยเนาะ” หนูนากระซิบกับจี๊ด ซึ่งเธอก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่สาบานเถอะว่ามึงกระซิบกัน ได้ยินมาถึงนี่

“เฮ้ยไอ้เอื้อ มาซื้อผักไปต้มมาม่าเหรอวะ” ไอ้พี่สาม มึงได้ดูสถานการณ์อะไรบ้างป่ะวะครับ มาถึงก็กอดคอเอื้อข้างหนึ่ง กอดขอพี่ว่านอีกข้างหนึ่ง มึงเสี่ยงตายมาก “แต่เสียใจว่ะ เพื่อนกุเหมาไปแล้ว”

โอเคพี่ ถ้าเป็นอะไรมาผมไม่ช่วยนะครับ

“ใครเหมานะ” เสียงโคตรเย็นเลยครับ พี่ปูนกลัวแล้ว

“ไอ้นี่ไง” พี่สามยิ้มแป้น “นี่ไว้ว่านเพื่อนวิดวะของกู มึงก็น่าจะรู้จักนี่หว่าเอื้อ”

“หึ...รู้”

เอื้อกับพี่ว่านประสานสายตากัน แล้วตอนนั้นพี่สามถึงรู้ว่าไม่ควรอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งมองคนอีกต่อไป พี่สามค่อยๆ หลบเลี่ยงมาทางผม

“ถะ ถ้ามึงอยากจะซื้อผักก็มาพรุ่งนี้ได้นะ” พี่สามมึงยังจะขายของอีกเนาะ “หรือว่าวันนี้อยากกินนมก่อนวะ นี่น้ำอยู่ด้วยนะ กูไปเรียกให้ป่ะ”

“ไม่ต้อง กูไม่ได้มาหาน้ำ แต่กูมารับปูน” เอื้อยิ้มเป็นต่อให้พี่ว่าน “ว่าจะไปเดินเล่นในงานด้วยกัน แล้วกลับหอพร้อมกันเลย”

“แล่ว แล่ว แล่ววว สึกชิงนายป่ะวะ”
“เชี่ย อย่าต่อยกันนะมึง”
“น้องปูนกูนี่สเน่ห์แรงจริงๆ”

กูไปเป็นของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับพี่! แล้วเขาก็ไม่ได้จะชิงกูเว้ยยย

แต่เรื่องมันก็ยุ่งยากเพิ่มไปอีกนิด เพราะพี่น้ำที่มาจากไหนไม่รู้ (ผมไม่ได้มองครับ มัวแต่ลุ้นว่าไม่ให้สองคนนี้ตีกัน) ก็เข้ามาควงแขนเอื้อต่อหน้าต่อตาผม พี่น้ำทำให้ไม่พอใจ พร้อมกับถามเอื้อด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด

“เอื้อ ทำไมเมื่อวานหนีกลับก่อนอ่ะ”

อูยยยยยย

ผมเบือนหน้าหนีทันที ก็ใครล่ะที่ทำให้เอื้อมันทิ้งพี่น้ำกับเพื่อนๆ มาแบบนั้น วันนี้พี่เขาไม่เข้ามาหาเรื่องผมก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว

“ดูท่าว่าคงมีธุระต้องเคลียร์ยาวนะเอื้อ” เป็นทีพี่ว่านบ้างที่ยิ้มอย่างผู้มีชัย ก่อนที่พี่เขาจะหันมาหาผม “พี่ว่าเอื้อคงไม่ว่างไปเดินกับปูนแล้วล่ะ ไปเดินกับพี่แทนก็ได้นะ พี่เอาของไปเก็บที่รถแปบเดียวเดี๋ยวมารับ”

“ไม่ต้องเสือก! ปูนต้องไปกับกู!”

เอื้อคว้ามือผมไว้ก่อนจะออกแรงดึงจนตัวผมเกือบจะปลิวไปหามัน แต่ติดว่ามืออีกข้างถูกยึดไว้โดนพี่ว่าน คราวนี้คนที่อยู่แถวนี้ก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะล้อมเข้ามาคุมเชิง พวกเพื่อนๆ ผมขยับเข้ามาใกล้แล้วครับ เผื่อว่าถ้ามีเรื่องอะไรจะได้ห้ามทัน

ขอบใจมากนะที่เริ่มรักกูขึ้นมาบ้าง

“ตลกป่ะวะ มือข้างนั้นยังจับกับน้ำอยู่เลย แล้วมึงก็เอามืออีกข้างมาคว้าปูนไว้แบบนี้เหรอ” พี่ว่านยิ้มเยาะใส่เอื้อ “แถวบ้านกูเรียกจับปลาสองมือว่ะ”

คำพูดพี่ว่านทำให้ผมหน้าชา พอๆ กับแขนที่เริ่มชาจากการบีบของเอื้อ

“หุบปากมึงไป”

“ทำไม แทงใจดำมึงอ่ะดิ”

“ไอ้เหี้ยกูบอกให้หุปปาก!”

“ไม่! พูดแทงใจดำเข้าหน่อยทำเป็นรับไม่ได้แล้วขึ้นเสียงใส่เหรอวะ” พี่ว่านยังคงไม่ยอม ถ้าพี่เขาพูดอะไรอีกนิดผมว่าได้วางมวยกันจริงๆ

เอื้อไม่ใช่คนใจเย็นเท่าไหร่หรอก เห็นมันนิ่งๆ แบบนี้ที่จริงแล้วข้างในร้อนเป็นไฟ แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้อยากให้พี่ว่านพูดต่อ

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมึงว่าน”

“ทำไมจะไม่เกี่ยว ถ้ามึงไม่รู้กูจะบอกให้นะ...กูจีบปูนอยู่”

แรงที่บีบมือผมแน่นขึ้น จนผมนิ่วหน้า แต่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากว่าเจ็บ

“ไปปูน” ผมก็อยากจะไปกับมันนะ แต่พอมองไปอีกฝั่งหนึ่งที่มีพี่น้ำจับมือมันอยู่แล้วผมก็จำเป็นต้องถอยออกมา “ปูน!”

“มึงยังจับมือพี่น้ำอยู่เลย แล้วจะให้กูไปกับมึงเหรอเอื้อ” ผมถามพร้อมกับพยายามดึงแขนตัวเองออกจากมืออีกฝ่ายแต่มันก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น “ปล่อยเอื้อ…”

“ไม่!”

“ก็เห็นอยู่ว่าปูนไม่อยากไปด้วย มึงก็ควรปล่อยนะเอื้อ” พี่ว่านออกแรงดึงผมให้เข้าไปหา

“มันไม่ใช่เรื่องของ...”

“เอื้อปล่อยน้องไปเถอะ” พี่น้ำพูดขึ้น

“กูจะไปกับพี่ว่าน” และสุดท้ายผมก็พูดออกมาจนได้ ทั้งที่ตอนนี้ผมไม่มีกระจิตกระใจจะไปไหนทั้งนั้น พี่ว่านส่งยิ้มให้เอื้อ ก่อนที่เขาจะออกแรงเพียงน้อยนิดผมก็หลุดออกจากกำมือของเอื้ออย่างง่ายดาย

แค่พี่น้ำพูด...แค่เท่านี้มันก็ปล่อยผมแล้ว

แทนที่ผมจะดีใจที่เป็นอิสระ...ทำไมผมถึง…

“เราสัญญากันแล้วนะปูน”

“มันจะไปมีความหมายอะไร...ในเมื่อมึงก็ต้องไปกับพี่น้ำอยู่ดี” ผมกระซิบตอบเอื้อ “กูจะไปกับพี่ว่าน”

เราสองคนสบตากันราวกับว่าใครหลบตาก่อนหรือพูดอะไรออกมาสักคำจะเป็นคนที่แพ้ในการแข่งขันครั้งนี้ และคนที่ชนะเป็น...ผม

“ถ้าอยากจะไปกับมันนัก...ก็เชิญ”

เปล่าหรอก...ผมไม่อยากไปกับใครทั้งนั้น และผมไม่ได้อยากเป็นคนผิดสัญญา แต่จะให้ผมดึงเอื้อมาจากพี่น้ำ...ผมก็ไม่กล้าพอ พี่น้ำมาก่อน เขาขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงของเอื้อ แล้วผมล่ะเป็นอะไร

เพื่อน? รุ่นน้องคนสนิท? คนรู้จัก?

หรือคนที่ไม่มีสถานะอะไรเลย

เรื่องของเรามีแต่ความไม่แน่นอน ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมเป็นอะไร ที่เอื้อเข้ามาวุ่นวายในชีวิต ที่ในบางครั้งอีกฝ่ายก็เข้าใกล้ผมมากเกินไป มันเป็นเพราะอะไรกันแน่

“เอื้อ! ไปไหนน่ะเอื้อ!”  พี่น้ำส่งเสียงตะโกนเรียกคนที่กำลังเดินห่างและกลืนหายไปกับผู้คนในงานแฟร์

ก่อนที่เอื้อจะเดินไปเราได้สบตากัน และสายตาคู่นั้นบ่งบอกถึงความผิดหวังและเสียใจ สายตาคู่นั้นทำให้ผมอดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่า คนที่จะเสียใจ...ควรเป็นใครกันแน่

“ปูน” เสียงพี่ว่านดึงสติของผมกลับมาสู่ปัจจุบัน ตอนนี้พี่เขาปล่อยมือผมให้เป็นอิสระแล้ว รอยยิ้มที่พี่ว่านส่งมาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย “พี่เอาของไปเก็บที่รถก่อนนะ รอพี่แปบเดียวเดี๋ยวพี่มา”

ผมได้แต่พยักหน้ารับแล้วยืนรอพี่ว่านอยู่ที่เดิน แม้ภายในใจจะอยากหายไปจากตรงนี้ก็ตาม

..
.
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทั้งที่ผมกับพี่ว่าใช้เวลาเดินในงานได้เพียงไม่นานเท่านั้น ถ้าวันนี้ไม่เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน บอกเลยว่าเวลาที่อยู่กับพี่ว่านก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ครับ ผมคงสนุกกว่านี้มากขึ้นอีกเท่าตัว

“ปูนอยู่หอแถวนี้ดีเลยนะ ใกล้กับมหา’ลัย” พี่ว่านมาสิ่งผมด้วยรถของพี่โอม พี่สองคนสนิทกันมาก เห็นว่าเป็นเพื่อนกับตั้งแต่มัธยม เห็นแล้วนึกถึงพี่บุ๊คกับพี่มิวเลย

“แต่ผมก็ยังไปสายตลอดเลยครับ”

“งั้นให้พี่มารับมั้ย พี่ตื่นเช้านะ รับรองว่ามารับทันปูนเข้าเรียนทุกวัน”

ผมหัวเราะกับคำพูดและรอยยิ้มของพี่ว่านมากกว่าจะเขิน ไม่รู้สิ มันไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าพี่เขากำลังจีบเลยสักนิดแม้ว่าพี่เขาจะส่งสายตาหวานๆ มาก็ตาม มันเหมือน...โดนเพื่อนแซวมากกว่า

“อย่าเลยครับ เกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก พี่เต็มใจ”

“จะมารับน้องเขานี่มึงมีรถเหรอ ทุกวันก็ติดรถกูตลอด” พี่โอมขัดขึ้น คงทนเพื่อนตัวเองไม่ไหว

“ไอ้โอม แทนที่จะช่วยกูทำมาหากิน”

“ผมไปนะครับ”

ผมบอกลาพี่ๆ แล้วเดินลงมาจากรถ ก่อนจะเข้ามาในดึก พออยู่คนเดียวแล้วสมองมันก็อดคิดไปถึงเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำไม่ได้ มาคิดๆ ดูอีกทีแล้วผมสงสารเอื้อครับ ผมอาจจะทำเกินไป อย่างน้อยผมก็ควรเลือกใช้คำพูดที่ดีกว่านั้น

ผมมัน...หือ? คนที่ยืนอยู่หน้าห้องผมนั่นมัน…

“กลับมาแล้วเหรอ” เอื้อส่งยิ้มมาให้ผมจากพื้นห้อง มันค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้ามาหา ภาพครั้งนี้ซ้อนทับกับเรื่องราวในวันเก่าที่เคยผ่านมาแล้ว  “ให้รอซะนานเลย”

“แล้วใครใช้ให้มารอล่ะ” ผมอยากจะตีปากตัวเองที่เผลอปากไวประชดออกไปแบบนั้นจริงๆ จะแก้ยังไงดีกับนิสัยพูดก่อนแล้วค่อยมาคิดทีหลัง

“ไม่มีใครใช้ อยากมารอเอง”

“กวนตีน” อดด่ามันไม่ได้ครับ “แล้วมารอทำไม ไม่ไปกับพี่น้ำก็สิ้นเรื่อง”

โอ๊ยย กูเอาอีกแล้ววว ปากหนอปาก ทำไมไม่ปรึกษากันก่อนบ้างวะก่อนที่จะพูดออกไป

“ที่พูดนี่...แค่พูดไปเฉยๆ หรือรู้สึกอะไรถึงพูดออกมา”

เอาล่ะ ครั้งนี้พี่ปูนจะไม่ปากไวอีกแล้ว คราวนี้พี่ปูนของเลือกที่จะเงียบไม่โต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น ผมล้วงกุญแจในกระเป๋าขึ้นมาไขห้องราวกับว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตน แต่ยังไม่ทันที่จะสอดกุญแจเข้ารู มือใหญ่ก็เอื้อมาดึงบานระตูเอาไว้ ร่างสูงหญ่ซ้อนทับแผ่นหลังของผมเอาไว้ ลมหายใจร้อนเป่ารถต้นคอเป็นระยะๆ

“จะ จะทำอะไร”

“คุยกันให้รู้เรื่องก่อนดิ” เอื้อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเดิม ผมไม่ชอบเลยที่เราใกล้กันขนาดนี้ มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เอื้อขยับเข้ามาใกล้ขึ้นจนผมต้องเกร็งตัว จะหนีไปไหนก็ไม่ได้ เพราะมันยกมืออีกข้างมากั้นเอาไว้

“ถอยไปก่อน ตรงนี้มันที่สาธารณะ”

“ไม่ถอย ตอนนี้ไม่มีใครหรอก เขาคงเข้าห้องไปกันหมดแล้ว” ผมอยากจะเถียง แต่คิดว่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมอยู่ดีเลยเลือกที่จะเงียบเอาไว้

“...งั้นก็รีบๆ คุย”

“วันนี้มึงใจร้ายมากนะปูน เลือกที่จะไปกับมันแทนที่จะเป็นกูได้ยังไง” ผมหลับตาลงเมื่อลมหายใจของเอื้อเป่ารดต้นคอ มันอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เหมือนล้มหายใจของผมกำลังสะดุด

“มึงมีพี่น้ำ”

“กูไม่ได้อยากมีเขา เคยบอกไปแล้วนี่ว่าสำหรับกูตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่า…”

“หยุด” ผมสั่งด้วยน้ำเสียงที่บางเบา แต่เพราะเราใกล้กันมันเลยได้ยินชัดเจน พอแล้ว ผมไม่อยากได้ยินอะไรที่ทำให้หัวใจของผมหวั่นไหวอีกแล้ว มันมากเกินไปในวันนี้

ถ้าเอื้อไม่คิดอะไร ก็ควรพอเสียที

“ถ้าไม่คิดอะไร มึงอย่าพูดแบบนี้ดีกว่า ไม่รู้หรือไงว่าคนฟังเขาจะรู้สึกยังไง”

“แล้วมึงรู้สึกยังไง” มือผมสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่หลังจากฟังคำถามนั้น อีกฝ่ายค่อยๆ เลื่อนมือที่กำลูกบิดมาจับมือผมเอาไว้หลวมๆ เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู “พูดมาสิว่ารู้สึกยังไง”

“ไม่...” ทำไมผมต้องเป็นคนพูดก่อนด้วย คนที่เริ่มเรื่องทั้งหมดควรจะเป็นคนที่บอกความรู้สึกของตัวเองก่อนสิไม่ใช่ผม “กูไม่พูด…”

“ถ้าอย่างนั้น...มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่คิด…”

“...”

“ที่ผ่านมาทั้งหมด...กูคิด”

ผมค่อยๆ ดึงมือออกจากมืออันอุ่นจนกระทั่งกลายเป็นร้อน แล้วเอ่ยคำโกหกออกไปด้วยความง่ายดาย เพียงเพื่อหวังให้คนฟังเข้าใจ และเลิกทำอะไรแบบนี้เสียที

“ถ้าอย่างนั้นมึงคงคิดไม่มากพอ...ที่จะทำให้กูรู้สึก”

“แล้วอะไรที่จะทำให้มึงรู้สึก…”

“ถามตัวเองสิเอื้อ...ที่มึงให้กูวันนี้มันชัดเจนพอหรือยัง…”

“...”

“ถ้ามันชัดเจนแล้ว วันนั้นกูคงจะรู้สึกเอง…”
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.18 10.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-02-2017 20:21:39
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.18 10.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-02-2017 20:39:55
คนแบบเอื้อก็เหมาะกับนำ้ดี ไม้เลื้อย กับปลิง :เฮ้อ:


สงสารพี่ปูน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.18 10.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 10-02-2017 21:13:23
เรื่องน้ำ ปัญหามันเกิดจากเอื้อ ไปคบแล้วทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไม่จัดการให้เรียบร้อย ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ชัดเจน ปูนหาใหม่ดีไหมลูก คบเอื้ออาจน้ำตาเช็ดหัวเข่านะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.18 10.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-02-2017 21:16:23
มันไม่มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกเลยว่าเอื้อจริงจังกับปูน นอกจากคำพูดปากเปล่า ตัวเองยังเคลียร์ไม่รอดเลยยังจะไปเอาเรื่องเขาอีก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.18 10.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-02-2017 21:36:23
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
ปลดเอื้อจากพระเอกเป็นแค่รักษาการณ์แทนได้ไหม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.18 10.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 10-02-2017 23:00:06
ไม่เอาเอื้อเป็นพระเอกได้ไหมคะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.18 10.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 10-02-2017 23:25:43
 :a14: :a14:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.18 10.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-02-2017 05:23:20
เฮ้ออออออ
สุภาพบุรุษต้องใช้ให้ถูกคนถูกเวลา
ที่ไม่กล้าปัดน้ำออกไป เพราะยังไม่เคลีร์ยกันล่ะซิ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.18 10.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 11-02-2017 06:26:29
ปกติ ก็ไม่ไรนะ กับการได้ตัวเอี้ยเป็นพระเอก แบบพวกหล่อเลว หล่อ เหี้ย หรือหลายใจยังเงี้ย แต่คือ พวกนั้นมันก้ยังมีจุดยืน คือ รู้ตัวว่าชอบ ไใแคร์ อิพวกตัวควงชั่วคราว แต่เอื้อเนี่ย มัน ชั่วมากเลยอะ

อีกมือยังจับผญอีกคน แต่มาบังคับอีกคน คือคนแบบนี้นี่แม่งเกินจะบรรยายออกมา ปูนอะคงชอบไปแล้ว พอรู้สึกแล้วมันตัดยาก ก็เหลือแค่เมื่อไหร่เอื้อมันจะชัดเจนจนเรากล้าเชียร์และเอาใจช่วย มันไม่มีไรให้น่าช่วยเลย

พอมานึกอีก เอื้อเคยคั่วผญที่ปูนชอบ แล้วนึกดิ ถ้าผญคนนั้นรุ้ว่าเอื้อคบปูน แบบ โห บรรลัยเอี้ย ๆ อะ ปูนจะโดนอะไรอีก โดนชะนีด่าไหม แล้วพี่น้ำอีก ละ ยังไง ผชด่าผญ สังคมก็มองว่าผิดอยู่แล้วปะวะวุ้ยทั้งนี้ทั้งปวงเกลียดเอื้อ ฉิบบอกตรง เราอินนะ เลยเม้นแบบนี้ คนเขียน เรารอวันที่เอื้อมันจะชัดเจนจะได้เชียร์บ้าง ขี้เกียจด่าอะ 55
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.18 10.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 11-02-2017 07:41:27
ว่านได้ใจอ่ะ ปูนลองมองหน่อยดีไหม ส่วนเอื้อเราไม่ชอบคนที่ประเภท หน้าก็ได้หลังก็ดี แก้ขัด ถ้าไม่เลือกจริงจังอะไรซักอย่างก็ไม่น่าคบ คนแบบนี้เล่นด้วยได้ แต่จะให้เอาจริงๆ ไม่เอา
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.18 10.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 11-02-2017 09:52:00
เห็นแก่ตัวทางนั้นก็ยังไม่จบทางนี้ก็จะเอาทุเรศ :fire:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.18 10.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 11-02-2017 11:01:27
ไปเคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อยก่อนไหม ก่อนที่จะมาหาปูนน่ะ ลองคิดสภาพปูนโดนหาว่าเป็นมือที่สามสิ ไม่ใช่ปะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.18 10.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 12-02-2017 22:05:05
บทที่ 19
เมื่อน้องปูนมาดูบอล


“วิดวะ! วิดวะ! วิดวะ!”

“เฮ้!!!!”

“วิดวะน่ารัก คึกคักเวลาลงเล่น วิดวะใจเย็นๆ เวลาลงเล่นคึกคักๆ เฮ้!”

อื้อหือ เสียงเชียร์ฮึกเหิมประหนึ่งว่าเป็นนัดชิงแชมป์ แต่ไม่ใช่หรอกครับ นี่ยังอยู่ในรอบแรกอยู่เลย ขอต้อนรับเข้าสู่การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยของเราครับ

ช่วงนี้ต้อนรับอะไรกันเยอะแยะก็ไม่รู้เนาะ บอกแล้วว่ากิจกรรมเยอะจริงๆ

ผมกับฟ้าเดินเข้ามาในบริเวณสนามที่ซึ่งการแข่งขันฟุตบอลกำลังจะเกิดในอีกยี่สิบนาทีต่อจากที ขอขอบใจมันที่อุตส่าห์โดดงานมาเป็นเพื่อน ทันทีที่เข้ามาถึงก็ต้องสะพรึงกับจำนวนคนที่มากมายมหาศาล

“เชี่ย คนเยอะอย่างกับแข่งฟุตบอลพรีเมียลีก” คิดเหมือนกูเลยเพื่อน

“หาที่นั่งเหอะ”

แสตนด์เชียร์แบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ฝั่งหนึ่งเหล่าวิศวะยึดครองไปหมด พวกเขาเกณฑ์เด็กๆ ปีหนึ่งขึ้นมานั่งเชียร์ พร้อมกับพี่ๆ สันทนาการ และพวกรุ่นพี่ที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด เสียงกลองดังไปทั่วทั้งบริเวณสนามพอๆ กับเสียงร้องเพลง ส่วนอีกฝั่งเต็มไปด้วยสาวๆ ผมพูดไม่ผิด สาวๆ เยอะจริงๆ แต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้นเลย อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวของสาวสวยทั้งมหาวิทยาลัยก็ว่าได้

แบบนี้คงไม่ต้องถามเนาะ ว่าผมจะไปนั่งฝั่งไหน อิอิ

“ปูน!”

ใครวะมาขัดจังหวะกู!

ผมหันไปถามเสียงเรียก พี่ว่านเองครับ (ขอโทษที่แอบไม่พอใจพี่เมื่อกี้นะ) พี่เขาเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ ถืออะไรติดมือมาด้วยก็ไม่รู้ ด้วยความหล่อระดับสิบสาวๆ นี่เหลียวมองกันทั้งแถบ

“หวัดดีครับ” พี่ปูนมารยาทดีอยู่แล้ว

“มาดูแข่งจริงๆ ด้วย พี่นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว” พี่ว่านยิ้ม อยากจะไม่มาเหมือนกันครับ แต่พี่ปูนเป็นคนดีมาก ต้องรักษาสัญาแน่นอน “แล้วจะอยู่จนจบเลยใช่มั้ย”

“ครับ จนจบเลยครับ” ก็สัญญาไว้แล้วนี่

“แล้วนี่มีที่นั่งหรือยัง ไปนั่งนั่นก็ได้นะ” พี่เขาชี้ไปยังแสตนด์ฝั่งวิศวะ อื้อหือ...อย่าเลยครับผมไม่อยากเป็นเป้าสายตาขนาดนั้น

“ผมว่าอย่าเลยครับ ผมนั่งแถวนี้ดีกว่า”

นั่นไง ขั้นที่สามจากข้างล่างยังว่างครับ ผมไม่รอช้า เดินนำเพื่อนตัวเองกับพี่เขาลงไปแล้วทิ้งตัวลงนั่งทันที ที่นั่งตรงนี้เป็นที่นั่งกลางๆ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แม้ว่าใจผมอยากจะไปนั่งแถบที่สาวเยอะๆ ก็ตาม หันไปมองหน้าไอ้ฟ้าก็รู้ว่ามันเสียดายไม่แพ้กัน

“งั้นพี่ฝากของหน่อยนะ” ว่าแล้วพี่ว่านก็ว่างของทั้งหมดลงบนตักผมอย่างที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว เฮ้ย นี่มันของมีค่าทั้งนั้นเลยนะ กระเป๋าเงินเอย โทรศัพท์เอย

“แหมมม มันพาเด็กมันมาดูด้วยครับ ร้ายจริงๆ ไอ้ว่าน!!”

“เอ้า เด็กๆ โห่รับคนของพี่ว่านหน่อยเร็วพวกเรา!!”

“ฮิ้ววววว”

“ฮู้วววววววว”

“ฮั่นหน่อวววววววว”

หน่อวบ้านพวกคุณๆ เถอะครับ!!

ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ว่านโว้ย!

ผมนี่ไม่มีความเขินอะไรเลย ออกเซ็งๆ ด้วยซ้ำครับ ดูดิ สาวๆ ทั้งแสตนด์มองมาแล้ว อย่าเข้าใจผิดนะทุกคน ตอนนี้พี่ปูนยังโสดครับ แล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ว่านด้วย อย่ามองพี่ปูนด้วยสายตามาดร้ายอย่างกับผมไปแย่งแฟนพวกคุณมาอย่างนั้น~

พี่ว่านคงเห็นว่าผมหน้าไม่ค่อยจอยแล้วเลยหันไปบอกให้พวกข้างหลังหยุดแซว

“ขอโทษแทนเพื่อนๆ ด้วยนะ”

“ไม่เป็นอะไรครับ ว่าแต่พี่มาฝากผมไว้แบบนี้จะดีเหรอ”

“อือ ฝากปูนไว้อ่ะดีแล้ว อย่าสืมเชียร์นะ พี่ไปก่อนเพื่อนเรียกแล้ว” แล้วพี่เขาก็วิ่งลงบันไดไปในสนาม

อะไรวะ มาไวเคลมไว ไปไวจริงๆ

แล้วของนี่ผมก็คงจะเลี่ยงไม่ได้ ไม่เป็นอะไรครับ เขากล้าฝากผมก็จะดูแลให้เอง และในจังหวะที่ผมหันกลับมา ไอ้ฟ้ามันก็จ้องหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว

ไอ้ห่า ตกใจหมด

“พี่เขาน่าจะชอบมึงจริงๆ ว่ะปูน”

“แต่กูไม่ได้ชอบพี่เขาอ่ะ” ผมหันไปหาไอ้ฟ้า แล้วทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ “อีกอย่างกูกับพี่เขาก็ผู้ชายทั้งคู่นะเว้ย”

“มึง...บางทีเรื่องแบบนี้เพศก็ไม่เกี่ยวว่ะ ถ้าชอบก็คือชอบ เป็นผู้ชายไม่เห็นจะเป็นไรเลย”

“แล้วทีมึงยังไม่เอาไอ้กล้าเลย”

“ไอ้นี่! มันคนละอย่างกัน กูกับไอ้กล้าเล่นกันขำๆ แต่พี่ว่านเขาชอบมึงจริงๆ” มันโบกหัวผมเบาๆ เป็นการปิดท้ายคำพูด เดี๋ยวเถอะมึงไอ้น้องฟ้า เดี๋ยวกูโบกกลับมึงได้ร้อง

“ที่จริงกูก็ไม่ได้รังเกียจเรื่องแบบนี้นะ”

“เรื่องชายรักชาย?”

“เรื่องมึงกับไอ้กล้าอ่ะ ไม่ต้องปากแข่งก็ได้ กูรับได้”

“พ่องงงง”

เท่านั้นแหละ ฟ้ามันไม่คุยกับผมเลย ฮะๆ

ผมไม่ได้รังเกียจเรื่องชายรักชายหรอกครับ แค่ทั้งชีวิตผมชอบแต่ผู้หญิง อยู่ๆ มีผู้ชายมาจีบมันก็อดรู้สึกแปลกไม่ได้ ที่จริงที่ว่านเขาก็ไม่ได้แย่อะไรนะ ถ้าพี่เขาไม่ได้ประกาศหรือแสดงออกว่าจีบผมชัดเจนแบบนี้ ผมก็ว่าพี่เขานิสัยน่าคบอยู่

ไม่น่ามาจีบผมเลยจริงๆ ต้องขอโทษพี่ว่านด้วยครับ

“จะว่าไป...เพื่อนก็บทจะเสน่ห์แรงก็แรงซะจนมีคนมาแย่งกันเลย ทีตอนอดหักนี่อย่างกับหมาหัวเน่า ไปหาใครเขาก็ไม่รัก นั่น...พูดถึงก็มาพอดี”

“อ๊ายยยยยย!!!”
“สุดหล่อมาแล้ววววววว”
“ผัวกู เขาคือผัวกูวววววววว”
“กรี๊ด!! กูจะเอา!!”

ไม่ต้องบอกก็รู้กันใช่มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น มาทายกันดีกว่าครับว่าหูผมจะสามารถทนเสียงกรีดร้องพวกนี้ได้ขนาดไหน จะว่าไปมันแข่งวันนี้เหรอ ใช่จริงๆ ด้วยครับ ที่บอร์ดคะแนนเขียนไว้ว่าเภสัชฯ-วิศวะ

ผลการแข่งขันก็รู้ว่าใครจะได้ชัย

“พี่เอื้อนี่ป๊อปไม่สร่างซาเลยว่ะ”

สรุปสาวๆ ทั้งแสตนด์มาดูมันกันทุกคนเลยครับ การันตีจากเสียงกรี๊ดและท่าทางดี้ด้าของพวกเธอตอนที่มันเดินเข้ามาในสนาม มองจากตรงนี้ผมสามารถเห็นร่างสูงในชุดนักบอลของเอื้อได้อย่างชัดเจน ตัวมันขาวออร่ามาก เป็นประกายอย่างกับแวมไพร์ต้องแสงอาทิตย์ (ผมโม้ครับ แค่ขาวเฉยๆ) หน้ามันนิ่งๆ นี่คือมึงกำลังฟอร์มใส่สาวๆ ให้ดูเท่อยู่ใช่มะ มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งแหละที่อยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ ต้องมีมาดตลอด แต่เวลาอยู่ด้วยกันนี่คนละคนเลย

แต่ว่าไม่ได้ครับ...เอื้อมันโดดเด่นจริงๆ แม้จะอยู่ในที่ไกลออกไป และอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก

มันมองมาทางนี้ด้วย

“อ๊ายยยย พี่เอื้อมองฉัน!!!”
“ไม่ใช่ย่ะ เขามองฉัน ส่งยิ้มให้ฉันด้วย!”
“แกนี่เพ้อเจ้อนะ เขามองน้องน้ำดาวเกษตรปีสองโน้น”

หือ? พี่น้ำก็มาด้วยเหรครับ

ผมหันหลังมองหาพี่น้ำ นั่นไง พี่เขานั่งถัดจากผมขึ้นไปข้างบนสองแถว เธอส่งยิ้มแล้วโบกมือลงไปในสนามด้วยท่าทางอย่างกับนางงามจักรวาล

“ใครบอก เขามองน้องปูนเว้ย”
“เนี่ยๆ เขากำลังขึ้นมา ถ้าเขามาหาใครก็แสดงว่ามองคนนั้น”

เอื้อมันเดินขึ้นบันไดแสตนด์มาจริงๆ ครับ พอเท้ามันก้าวขึ้นมาอยู่ข้างบนนี้เท่านั้นแหละ ทั้งแสตนด์ก็ส่งเสียงกันทั่ว ผมแอบเห็นสาวๆ วิศวะกรี๊ดให้มันด้วยนะ นี่พวกคุณเชียร์คณะไหนกันแน่ครับตอบที

“มึงว่าพี่เขามาหามึงป่ะ” ฟ้ากระซิบถาม คือกูก็ไม่รู้ว่ะ อาจจะเดินไปหาพี่น้ำข้างบนก็ได้

“ไม่หรอก…” ผมตอบกลับ พี่น้ำก็อยู่ เอื้อก็ต้องมาหาคนของมันอยู่แล้ว และคนๆ นั้นก็ไม่ใช่ผม

ตั้งแต่เรื่องนั้นเราก็คุยกันน้อยลง เอื้ออยากจะคุย แต่ผมไม่… เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ว่าที่ผมบอกออกไปว่า ‘ไม่รู้สึก’ ในวันนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง ผมไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะไม่รู้ว่าสิ่งที่เอื้อทำมันหมายถึงอะไร แต่ในเมื่อเอื้อไม่ทำอะไรให้มันชัดเจน ผมก็ไม่ใครจะปล่อยให้มันทำให้ผมหวั่นไหวไปมากกว่านี้

“กรี๊ดดดด ละลายยยขอละลายมันตรงนี้เลย”
“คนอะไรยิ้มแล้วโคตรดูดี”
“สามีคะ เมียอยู่นี่แล้วค่ะ มาหาเร็ววว”

ผู้หญิงเดี๋ยวนี้นี่กล้าแสดงออกกันจริงๆ ครับ ยอมใจเลย

ขณะที่ผมกำลังเปิดหูรับฟังเสียงกรี๊ดอยู่นั้น เงาร่างสูงใหญ่ของเดือนมหา’ลัยปีที่แล้วก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า เสียงกรี๊ดที่ดังอยู่ค่อยๆ เบาลงทันที พอๆ กับหน้าของเอื้อที่นิ่งจนกลายเป็นบึ้ง

“มาด้วยเหรอ” ผมเหลือบตามองมัน ก่อนจะหันลงไปมองในสนาม ทำราวกับว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตน “ปูน”

“ขอโทษ นึกว่าไม่ได้พูดด้วย” เปล่าหรอก ยืนตรงหน้าผมขนาดนี้ก็รู้แล้วว่ามันคุยกับผม แต่ ณ ตอนนี้ ตอนที่มีพี่น้ำอยู่ใกล้ๆ ผมก็ไม่อยากจะแสดงออกอะไรให้มันมากไป

จะว่าไป มันไม่ได้มาหาพี่น้ำเหรอ

“ช่วงนี้เป็นอะไรไป ทำไมไม่เหมือนเดิม”

เหมือนเดิม? จะให้อะไรเหมือนเดิมล่ะ ความรู้สึกกูเหรอ

ผมได้แต่เถียงในใจ แต่สิ่งที่ปากพูดออกไปคือ “กูปกติดี”

เอื้อดูขัดใจแต่มันก็ทำเป็นมองข้ามเรื่องนี้ไป อีกฝ่ายนั่งลงใกล้ๆ กัน ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะหันไปมองของๆ พี่ว่านที่วางอยู่บนตักผม

“นี่ของใคร!” เสียงจะโหดไปไหนวะ ไม่รักษามาดผู้ชายสุภาพอ่อนโยนหรือไง

“ของพี่ว่าน พี่เขาฝากไว้”

“แล้วมึงก็รับฝากของไอ้วิดวะหน้าเถื่อนนั่นง่ายๆ?” มันถาม แต่คุณมึงครับ ถึงคุณจะหล่อก็ใช่ว่าจะรอดตีนของกองเชียร์วิศวะที่มาทั้งสาขาได้นะครับ แม่ง ผมล่ะเสียวโดนลูกหลงจริงๆ ดูดิ เขาเหล่ๆ มาทางนี้แล้ว พี่ปูนไม่เกี่ยวนะเว้ย

“ก็พี่เขาฝากไว้”

“มึงจะเล่นแบบนี้ใช่ป่ะปูน”

“กูเล่นอะไร” ผมไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายมันกำลังตีความการกระทำของผมไปในทางไหน นี่หน้าของผมเหมือนคนกำลังเล่นกับความรู้สึกคนอื่นอยู่งั้นเหรอ ผมไม่ใช่มันนะ

“มึงกำลังประชดกูเรื่องน้ำใช่มั้ย"

“กูจะทำแบบนั้นไปทำไม” เอื้อเข้าใจผิดไปมากจนผมขี้เกียจอธิบาย

“แล้วที่มึงทำตอนนี้มันคืออะไร มึงเมินกู เดินหนีกู ทิ้งกูไปกับไอ้ว่าน แล้ววันนี้มึงก็มาเชียร์มัน มึงคิดอะไรกับมันหรือไง”

“มึงเห็นว่ากูใจง่าย ใครทำดีด้วยหน่อยก็คิดกับเขาไปทั่วเหรอวะ”
จากที่อารมณ์ดีๆ จะกลายเป็นโมโหเอาเสียแล้วครับ เอื้อความสามารถสูงจริงๆ และเพราะอารมณ์ร้อนของผมทำให้เผลอประชดประชันออกไป

“กูไม่ใช่มึงนะที่ยุ่งกับคนอื่นเขาไปหมด มึงถามตัวเองเถอะว่ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่”

“กู…”

“ไอ้เอื้อ!! ลงมาแข่งได้แล้ว!!” พี่เดียวตะโกนเรียกมาจากในสนาม ทำให้เอื้อที่กำลังจะตอบโต้ผมหุบปากลง มันกำหมัดแน่ คล้ายกำลังระงับอารมณ์ ก่อนจะลุกขึ้นยืน

“เมื่อก่อนกูอาจจะเป็นแบบนั้น...แต่ตอนนี้กูก็ยุ่งกับมึงแค่คนเดียว”

เอื้อจากไปแล้ว แต่ความรู้สึกของผมยังคงหนักอึ้งเหมือนเดิม ผมจะเชื่อได้แค่ไหนกันล่ะ ในเมื่อผู้หญิงคนเก่าของมันก็ยังนั่งอยู่ใกล้ๆ นี่เอง

“เกมจะเริ่มแล้ว” เสียงไอ้ฟ้าทำให้ผมดึงความสนใจตัวเองกลับมาอยู่ในสถานการณ์ตรงหน้า

ผมมองลงไปในสนามซึ่งการแข่งขันกำลังเริ่ม ตอนนี้นักกีฬาอยู่กันครบแล้วครับ กำลังโยนหัวก้อยดูว่าใครจะได้เขี่ยเปิดบอลอยู่ อ่า...เภสัชฯ ได้เปิดบอลครับ ดวงดีจริงๆ เอื้อมันลงเป็นกองหน้าอย่างที่คิดเลยพี่เดียวก็เหมือนกันครับ ดูเอื้อมันตั้งใจแข่งมากเลยนะ อ้อ ส่วนพี่ว่านเป็นกองหลังของวิศวะ พี่โอมก็ลงนะ เป็นกองหน้าล่ะ

เกมเริ่มมาด้วยเภสัชฯ ได้บุกก่อน คนที่เลี้ยงบอลไปคือพี่เดียว พี่เขาเท่จริงๆ ขอยกนิ้วให้ เวลาพี่เขาเตะลูกกลมๆ ไปข้างหน้าแต่ละครั้งดูมีสเน่ห์มาครับ เอื้อก็ไม่แพ้กัน มันเล่นด้วยความสนุก และมีชีวิตชีวา ดูสาวๆ บนสแตนด์แต่ละคนสิ ดูบอลไปยิ้มไป กรี๊ดไป

เมื่อกี้ผมได้ยินสาวๆ วิศวะโห่ตอนเอื้อมันโดนสกัดด้วยนะ สงสัยพวกเธอจะเชียร์เภสัชฯ กันจริงๆ แล้ว

“พวกคุณต้องดีใจสิครับที่ฝ่ายเราได้บอล ทำไมทำหน้าเสียดายกันขนาดนั้น!”

พี่ไม่ต้องไปดุหรอกครับ ที่เขาเสียใจเพราะเขาเชียร์เอื้อไง ฮ่าๆๆๆ

ตอนเห็นนักเตะของเภสัชฯ ครั้งแรกว่าสงสารแล้ว ตอนลงเล่นสงสารกว่าอีก แต่ละคนราวกับจะขาดใจตายให้ได้ เกมเปิดมาไม่ถึงยี่สิบนาทีบางคนนี่ลงไปหอบแล้ว แล้วนาทีที่เหลือจนจบเกมจะไหวกันเหรอครับ ถึงเรื่องเรียนนี่ไม่แพ้ใคร แต่เรื่องกีฬาว่ากันอีกทีใช่มั้ย

พรึบ!

เอ๋ ใครมานั่งข้างๆ กันล่ะเนี่ย

ผมเลิกคิ้วก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งลงข้างผมระหว่างที่กำลังดูบอลในสนามอยู่ เธอคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น เธอคือผู้หญิงที่นั่งถัดจากผมไปสองขั้น

พี่น้ำ… พี่เขาหันมามองผมเลย จังหวะพอดีกับที่ผมหันไป

“หวัดดีครับพี่น้ำ” ผมยกมือไหว้อีกฝ่าย อย่างน้อยก็พี่คณะ เป็นปีหนึ่งต้องมารยาทงามไว้ก่อน พี่เขาจะได้ดูเอ็น เอ้ย เอ็นดู

แหม เผลอกับความสวยของพี่เขาครับ โทษที (ยังจะมีอารมณ์มาเล่น)

“หวัดดีจ้ะ” พี่น้ำมองพร้อมกับกรีดยิ้มหวาน

“ครับ” ผมยิ้มแล้วหันกลับมา แต่รู้สึกได้ว่าสายตาอีกคู่ยังคงมองมาอยู่จึงอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปถาม “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ปูนนี่ดูสนิทกับเอื้อจังเนาะ” คำถามที่ทำเอาผมหุบยิ้ม

“ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ”

ผมตอบแบบกึ่งรับกึ่งสู้ ก่อนจะขยับตัวออกห่างจากพี่น้ำเมื่อรู้สึกได้ว่าโดนคุกคามเล็กๆ พี่เขายิ้มให้ก็จริง แต่ดวงตาไม่ยิ้มแม้แต่น้อย

“เหรอ แต่เมื่อวันก่อนก็มารับมาส่งกันถึงหน้าคณะ” พี่น้ำกำลังทำให้ผมอึดอัด พี่เขาแต่ละประโยคออกมาอย่างเนิบๆ น้ำเสียงไม่แสดงออกว่ารู้สึกอย่างไร “แล้วเมื่อกี้...เอื้อยังมาหาอีก”

“เราอยู่หอเดียวกันครับ”

“แต่ก็เห็นไปไหนด้วยกันบ่อยๆ”

“ไม่บ่อยหรอกครับ ส่วนใหญ่เราบังเอิญเจอกัน” ผมตอบพลางละสายตาไปที่สนามเมื่อได้ยินเสียงนกหวีด

หมับ!

“พูดกับพี่ก็มองหน้าพี่สิปูน”

พี่น้ำคว้าเข้าที่คางของผมแล้วจับให้หันไปหา แรงที่พี่น้ำใช้ทำให้ผมต้องเบ้ปากด้วยความเจ็บ รู้สึกว่าเล็บพี่น้ำจะจิกเข้าไปในเนื้อผมด้วย

“ดูๆ ไปปูนก็น่ารักดีเนาะ ไม่เสียแรงที่พี่เชียร์เราตอนประกวดเดือนคณะ”

“ขะ ขอบคุณครับ”

จะ เจ็บ...พี่น้ำเพิ่มแรงบีบมากขึ้น มือพี่น้ำไม่ได้ใหญ่กว่ามือผมเท่าไหร่เลย แต่ทำไมแรงเยอะชะมัด กรามผมจะร้าวอยู่แล้ว

“พี่ครับ ปล่อยเพื่อนผมเถอะ” ฟ้าร้องบอก แต่พี่น้ำก็ไม่สนใจ

“อย่ามายุ่ง ไม่ใช่เรื่องของน้องเลยนะ”

“แต่…” พอฟ้ามันตั้งท่าจะเถียง พี่น้ำก็หันมาพูดกับผมแทน

“เจ็บเหรอปูน ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้” มาลองโดนเองมั้ยล่ะ!

“...”

“ไม่ชอบใช่มั้ยเวลาเจ็บแบบนี้” ใครจะไปชอบวะ!

“...”

“พี่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน...มันเจ็บนะเวลาพี่โดนเมิน!” พี่น้ำเพิ่มแรงบีบ ผมเจ็บแต่ร้องไม่ออก

หน้าผมสะบัดไปตามแรงผลักของพี่น้ำ พอโดนปล่อยแล้วหายใจโล่งขึ้นเลยครับ เมื่อครู่ผมเผลอกลั้นหายใจตอนที่พี่น้ำเพิ่มแรงบีบ ผมยังคงรู้สึกถึงความเจ็บจากแรงจิกของพี่น้ำเมื่อครู ถ้าส่องกระจกดูคงเห็นว่ามันขึ้นรอยไม่ต้องสงสัย

“ปูนรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้เอื้อกำลังคบกับใครอยู่” พี่น้ำไม่ปล่อยผมไปง่ายๆ พี่เขาขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะถามประโยคเมื่อครู่ขึ้น ตอนนี้หน้าพี่น้ำไม่ได้ยิ้มเหมือนเมื่อกี้แล้ว สีหน้าเธอบึ้งตึง ดวงตาก็จ้องมาอย่างไม่พอใจ

ผมเพิ่งจะสังเกตว่าตอนนี้นอกจากเสียงเพลงเชียร์ของฝั่งวิศวะที่ดังอยู่แล้วที่เหลือก็เงียบกันหมด ผมอยากจะเข้าใจว่าพวกเขาเหล่านั้นสนใจการแข่งขันตรงหน้า แต่ไม่ใช่...พวกเขามองมาทางผม

“ไม่ใช่พี่เหรอครับ”

“หึ...ไม่ใช่หรอก เอื้อบอกเลิกพี่ไปเกือบอาทิตย์แล้วล่ะ” พี่น้ำด้วยน้ำเสียงร่าวกับกำลังเยาะเย้ยตัวเอง เอื้อบอกเลิกพี่น้ำแล้ว...ผมไม่ควรดีใจ แต่ลึกๆ หัวใจที่แห้งแล้งกับกำลังค่อยๆ ขยาย...

“งั้นผมก็...ไม่รู้ครับ”

“แต่พี่ว่าพี่รู้นะ” พี่น้ำกรีดยิ้มอีกครั้ง คราวนี้ผมรู้สึกไม่ไว้ใจมันเลยครับ สายตาที่พี่น้ำมองมาไม่เป็นมิตร อย่างกับจะฉีกอกผม “ก็ปูนไง! คนที่เอื้อกำลังคบอยู่ตอนนี้ก็ปูนไม่ใช่เหรอ! ภูมิใจนักไหมล่ะ ที่ได้แย่งของคนอื่น...ภูมิใจหรือเปล่าที่ได้แย่งผู้ชายจากผู้หญิงคนหนึ่งไป!”

“ผมเปล่า”

คราวนี้ทั้งแสตนด์เงียบของจริง ไม่มีแม้แต่เสียงเพลงเชียร์ของท่างฝั่งวิศวะ

“เหอะ! ยังจะกล้าพูดอีกนะ ไปอี๋อ๋อกันถึงหน้าคณะ คิดว่าคนอื่นเขาไม่เห็นหรือไง” พี่น้ำลุกขึ้นยืนแล้วกอดอก ตอนนี้เสียงพี่น้ำดังทั่วไปทั้งแสตนด์ “เดี๋ยวก็เด็กวิศวะ เดี๋ยวก็เด็กเภสัช อ่อยไปทั่วแบบนี้ไม่อายบ้างเหรอ”

“...ผมไม่ได้ทำ”

“หน้าด้าน! ทุเรศ! ทำก็ยอมรับมาซะสิ!!”

“พี่น้ำนี่จะเกินไปแล้วนะ มันก็อยู่ของมันดีๆ ไม่ได้ไปอ่อยใครอย่างที่พี่กล่าวหาสักหน่อย!” ฟ้าลุกขึ้นเถียงก่อนจะพาตัวเองมาบังผมไว้จากพี่น้ำ “พี่ดูคนของพี่ไม่ดีเอง แล้วก็สู้เพื่อนผมไม่ได้แล้วอย่าพาลดิครับ!”

“นี่แกกล้า…?”

“ก็พี่มาว่าเพื่อนผมก่อนทำไม! แล้วบอกไว้เลยนะว่าถ้าพี่ว่ามันอีก พี่ก็พี่เหอะ ผมจะไม่ไว้หน้าแล้วเหมือนกัน!”

พี่น้ำจ้องหน้าไอ้ฟ้าอย่างอาฆาตแค้น ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะตวัดมามองผมไม่ต่างกัน

“เหอะ! ปกป้องกันดีนักนะ ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ!” ร่างเพียวบางสะบัดหันไปอีกทางก่อนจะก้าวขาขึ้นไปนั่งที่เดิม

“มึงกลับเหอะ ไม่ต้องอยู่แม่งล่ะ” ฟ้าจับแขนผมพลางดึงให้ลุกขึ้น

“ไม่เป็นไรมึง พี่ว่านฝากของไว้ อีกอย่างกูบอกแล้วว่าจะดูจนจบเกม”

“แม่งไม่ต้องสนใจหรอก ไปเหอะ”

“ไม่เป็นอะไรจริงๆ นั่งเหอะฟ้า” เป็นผมที่เปลี่ยนเป็นดึงมันให้นั่งลงที่เดิม

ที่ผมไม่ลุกไปไหนไม่ใช่ผมอยากอยู่ต่อนะครับ ผมแค่...ไม่มีแรงจะลุกขึ้นยืนก็เท่านั้น

ตอนนี้ผมโคตรรู้สึกแย่...คงไม่มีใครชอบหรอกที่ถูกตราหน้าว่าแย่งไปแย่งแผนเขามา ยิ่งเป็นการโดนหาว่าไปแย่งผู้ชายคนหนึ่งมาจากผู้หญิงอีกคน

ใช่ ผมก็เหมือนกัน

ตอนนี้ผมไม่กล้าเงยหน้ามองลงไปในสนาม ไม่กล้าแม้แต่จะมองไปรอบๆ และต่อจากนั้น ผมกลัวที่จะเห็นว่าสายตาทุกคู่มองมาที่ผมอย่างสมเพชและรังเกียจ ผมไม่ได้อ่อยใครอย่างที่พี่น้ำพูด และผมไม่ได้ไปแย่งเอื้อมาจากใคร...แต่เรื่องนี้ผมพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะในใจก็รู้ดีกว่าระหว่างผมกับมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ผมกลั้นใจมองลงไปในสนาม จากตรงนี้ผมเห็นว่าอีกฝ่ายก็จ้องมาทางผมเช่นกัน เราสบตากันนาน จนเอื้อต้องลงสนามอีกครั้ง

ขอทีเถอะเอื้อ ช่วยบอกมาทีว่ามึงคิดอะไรกับกูกันแน่

ช่วยทำให้มันเคลียร์สักทีว่ามึงรู้สึกยังไง


======================================================
====================================
พี่เอื้อน่าตีอีกแล้ว แต่ยังไงคนนี้ก็พระเอกนะคะ
ขอบคุณพี่ติดตามค่ะ
รักทุกคนน  :mew1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 12-02-2017 22:29:31
เห็นไหมล่ะ ผลสุดท้ายมันก็มาตกที่ปูนอยู่ดี เวรกรรมจริง ๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: เล็กต้มยำ ที่ 12-02-2017 22:38:24
เกลียดพระเอกจัง สงสารน้องปูน
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-02-2017 22:45:21
 :fire:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 12-02-2017 22:54:23
อยากแจกทรีนให้พระเอกจังเลยค่ะ ไอคิวดีเรียนเภสัช
ส่วนอีคิวติดลบฉิบ เห็นป่ะว่าปูนโดนอะไรบ้าง กับการกระทำที่ไร้สมองของแกห๊ะเอื้อ เหอะ !!!  :z6:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-02-2017 23:31:53
 :L2: :pig4:
เพราะมันเลือกรักคนที่ควรจะรักไม่ได้นิสิ

เดี๋ยวก็เพื่อนเอื้ออีก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 13-02-2017 00:12:42
เอื้อนายมาเคียบันดาเด็กๆของนายให้หมดก่อนดีมั้ยค่ะ จะไดเไม่ต้องทำให้ปูนต้องเป็นแบบนี้ ไม่ชอบเอื้อทำนิสัยแบบนี้เลยขอสักทีเถอะ :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: ส่วนปูนไปหาพี่ว่านเถอะอิอิอิอยากให้เอื้อหืงดูบ้างจะได้รู้สืกกลับเขาเหมือนกัน :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 13-02-2017 00:14:28
แด่อีพี่เอื้อและนังน้ำเน่า :z6:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 13-02-2017 00:34:52
เพลียกับพระเอก  :m16: แนะนำว่าเปลี่ยนพระเอกดีไหม ?
คือไม่เคลียร์สักเรื่อง เรื่องน้ำ และผู้หญิงอีกมากมายของเอื้อ
รู้สึกยังไงกับปูนก็ไม่บอกไปตรงๆ พอจะเคลียร์เรื่องนี้ได้ เดี๋ยวเรื่องฟิ้งก็ตามมาอีก ไม่จบไม่สิ้นสักที  :m31:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 13-02-2017 01:14:30
เอาตรง ๆ เบื่อพระเอกแรงมากอ่ะ เห็นมะว่าปัญหาที่เอื้อก่อ สรุปว่าคนที่ได้รับผลกระทบกลายเป็นปูนซะงั้น อยากให้เอื้อโดนปูนเทแล้วอ่ะ คือสร้างปัญหา แถมไม่ชัดเจนกับปูนด้วย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 13-02-2017 01:52:19
เห้อออ สงสารน้องปูนมากๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 13-02-2017 03:03:34
เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่โดนตราหน้าว่าแย่งผู้ชายมาจากผู้หญิงมันไม่สนุกเลยนะ อันนี้รู้ซึ้ง :m16:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 13-02-2017 15:34:20
เพลียกับพระเอก ปกป้องไรไม่ได้สีกอย่าง ไม่ชัดเจนอีก
นางร้าย นายร้ายก็เพียบ
นายเอกเราจะไม่สู้คนด้วยไหม...จะได้ครบพล๊อตเรื่องจากช่องหลากสี :katai1:
เป็นกำลังใจให้น้องปูนอย่างไปยอม ทั้งพระเอก ทั้งนางร้าย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 13-02-2017 17:17:13
บางทีไม่ได้เอือมพระเอกนะ แต่เอือมคนเขียนนี้ละ
เขียนคนเป็นพระเอกได้ไหม
จะเขียนให้เหี้ยเป็นพระเอกเพื่อ?
เลิกตามม
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.19 12.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 13-02-2017 20:29:13
บทที่ 20
เมื่อน้องปูนตัดสิน


จบเกม เภสัชฯ แพ้วิศะไปด้วยคะแนน 1-3 ก็ถือว่าไม่ได้กินไข่ล่ะนะ

นักบอลเภสัชฯ ทุกคนทำได้ดีมากครับ เกินคาดเลย ผมคิดว่าวิศวะจะนำโด่งแล้ว เพราะครึ่งแรกเภสัชฯ ก็เสียไปถึงสองประตู มาได้ประตูแรกในสิบนาทีแรกของครึ่งหลัง

นักบอลฝั่งเภสัชทุกคนตั้งใจเล่นอย่างเต็มที่ เมื่อจบเกมก็เลยลงไปนอนแผ่อยู่กลางสนาม พวกเขาคงเหนื่อยกันมาก ดูอย่างพี่เดียวกับเอื้อสิ สองคนนั้นก็ยังลงไปกองกับพื้นเลย

“เอาของไปคืนพี่ว่านกันเหอะมึง” ฟ้าสะกิดผมให้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่เขาจะเดินลงบันไดไปคืนของให้พี่ว่าน พี่ว่านเก่งมากครับ เซฟบอลไว้ได้หลายลูก ต้องบอกว่าที่เภสัชฯ ไม่สามารถทำประตูได้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพี่เขา

“พี่ว่านครับ” ผมเรียกร่างสูงที่กำลังดื่มน้ำอยู่ อีกคนเลยหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ก่อนจะลงขวดน้ำลงแล้วส่งยิ้มมาให้ “ผมเอาของมาคืนครับ ผมกลับก่อนนะพี่”

ผมวางของทั้งหมดไว้บนเก้าอี้ข้างสนามก่อนจะยกมือไหว้ลาพี่เขา พี่ว่านเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เพื่อนในทีมกลับคว้าคอพี่ว่านไปกอดเสียก่อนแล้วก็ลากกับเข้าไปบูม ผมเลยเดินออกมาจากตรงนั้นพร้อมไอ้ฟ้า ไม่ได้กะจะเดินไปหาเอื้อหรอกครับ ผมจะยังกล้าไปหามันได้ยังไงล่ะจริงมั้ย

“ปูนระวัง!” เสียงฟ้าดังขึ้นร้อมกับตัวผมที่ถูกผลักออกให้พ้นทางน้ำที่กำลังไหลลงมาจากด้านบน “เฮ้ย! ใครวะ!!...พี่น้ำ?!”

พอมองขึ้นไปข้างบนก็พบกับพี่น้ำ ในมือพี่เขาถือน้ำขวดใหญ่อยู่ แถมพี่เขายังค้างมือคว่ำปากขวดที่เปิดแล้วลงมา ตำแหน่งของมันอยู่เหนือหัวผมพอดิบพอดี

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเมื่อกี้ใครเป็นคนทำ

“หาเรื่องเหรอพี่!!” ไม่ใช่ผมหรอกครับที่เป็นคนตะโกน ไอ้ฟ้าต่างหาก

“อย่ามากล่าวหานะ ฉันแค่ไม่เห็นว่ามีคนยืนอยู่ก็เท่านั้นเอง” ไม่เห็นบ้านพี่สิครับ ราดน้ำมาเกือบโดนผมเสียขนาดนี้ ไม่พลาดเป้าแม้แต่น้อย

“โกหกหน้าด้านๆ เลยนะครับ เด็กอนุบาลยังรู้เลยว่าพี่ตั้งใจทำ”

“ตั้งใจแล้วไง...ทำไม? จะให้เพื่อนนายขึ้นมาตบฉันเหรอ แค่แย่งผู้ชายของฉันไปยังไม่พออีกหรือไง” ใบหน้าสวยลอยหน้าลอยตาพูด ให้ความรู้สึกหมั่นไส้แก่คนฟังมาก ผมว่าถ้ามีหนามทุเรียนตรงนี้หลายๆ คนคงอยากจะเอามาขว้างพี่เขา

“ตกลงพี่จะเอายังไงครับ” ผมถามขึ้นในที่สุด ตอนแรกก็นึกว่าเรื่องมันจะจบแค่ผมโดนด่าต่อหน้าคนทั้งแสตนด์ แค่นั้นก็มากเกินพอแล้วนะ มันทำให้ผมรู้สึกแย่ที่สุดในชีวิตเลย

แต่เทียบไม่ได้กับตอนนี้...

“เอายังไงเหรอ...ก็เอาอย่างนี้ไง”

พี่น้ำเปิดฝาขวดน้ำอีกขวดในมือ เขายื่นมันมาก่อนจะเทในทันที ผมเตรียมจะหลบแม้ไม่ว่ายังไงก็คงไม่พ้น คงต้องเปียกบ้าง ทว่าก่อนที่น้ำจะถึงตัวผม ร่างสูงของใครบางคนก็เข้ามาโอบผมเอาไว้

โจกกกกกกก

“ไม่โดนตรงไหนนะ” เสียงคุ้นเคยถามขึ้นที่ข้างหู ก่อนที่ตัวผมจะเป็นอิสระ

เอื้อปาดหยดน้ำออกจากใบหน้า เงยหน้าขึ้นมองพี่น้ำจากทางด้านล่าง สีหน้าคนทำบ่งบอกว่าตกใจแค่ไหนที่ผู้รับเคราะห์ไม่ใช่ผม

“เอื้อ!?”

“น้ำพอใจหรือยัง ถ้าพอใจแล้ว เลิกยุ่งกับปูนได้มั้ย” มันถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ปูนไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ผมบอกเลิกน้ำเลย”

“กล้าพูดนะ! ถ้าไม่ใช่เพราะมันเอื้อก็คงไม่ทำกับเราแบบนี้”

“มันไม่ใช่เพราะปูนหรอก”

“แล้วเพราะอะไร”

“ผมไม่ได้ชอบน้ำตั้งแต่แรกแล้ว ขอโทษนะที่ให้ความหวังไป ผมผิดเองทุกอย่าง”

ผมอึ้ง พอๆ กับทุกคนที่อยู่ ณ ตรงนี้ ไม่คิดว่าเอื้อมันจะกล้าพูดกับพี่น้ำแบบนี้ คงไม่ต้องบอกถึงสีหน้าของพี่น้ำใช่มั้ยว่าจะช็อกหนักขนาดไหน พี่เขาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เอื้อพูด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ถะ ถ้าไม่คิดอะไรตั้งแต่แรก แล้วเอื้อทำแบบนี้ทำไม” แล้วพี่น้ำก็รวบรวมสติถามขึ้นมาได้ในที่สุด “บอกสิว่าทำแบบนี้กับเราทำไม!!”

เอื้อเหลือบมองผมครู่หนึ่งก่อนจะหันไปตอบพี่น้ำ “ขอโทษนะน้ำ”

“เอื้อออ!!”

“ลาก่อนครับ”

ร่างสูงคว้ามือผมไว้ก่อนจะพาให้เดินตามมันไป ผมที่กำลังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้แม้แต่จะขัดขืน รู้ตัวอีกทีตัวเองก็เดินออกมาไกลจากสนามตรงนั้นแล้ว พอหันกลับไปมองก็พบว่าทุกสายตามองมาที่เราสองคนเป็นทางเดียว แค่มาดูแข่งฟุตบอลนัดเดียวกลับกลายเป็นทำให้ผมเป็นที่รู้จักของคนทั้งมหา’ลัย เชื่อเถอะว่าพรุ่งนี้เรื่องของผมคงเป็น ทอล็ค ออฟ เดอะ ยู (University)

คนตรงหน้าหยุดเท้าเมื่อเราเดินถึงรถคันสวยคุ้นตาที่จอดไว้ในลานกว้าง ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าถือแล้วหยิบกุญแจจออกมาปลดล็อก

“กูต้องไปช่วยงานที่บูธ” ผมรีบบอกเมื่อมันทำท่าจะดันผมให้ขึ้นไปนั่งข้างใน

“ช่วยอะไรอีก ตัวมึงเปียกไปทั้งตัวขนาดนี้กลับหอไปอาบน้ำซะ!”

“ไม่เป็นไร กูไปได้”

“ปูนอย่าดื้อ!”

“กูไม่เป็นอะไรจริงๆ มึงกลับไปเหอะ” ผมบิดข้อมือตัวเองออกจากมือใหญ่ คราวนี้มันหลุดออกอย่างง่ายดายไม่ต้องเปลืองแรงเยอะ

ตอนนี้ผมไม่กล้าเงยหน้ามองมันเลยให้ตาย ผมไม่อยากเห็นสีหน้าของมัน ไม่อยากเห็นว่ามันจะสงสารผมขนาดไหน ผมไม่อยากดูสมเพชในสายตามัน

อีกอย่างผมก็แค่รู้สึก...แย่ที่ต้องเจอเอื้อเท่านั้น

“ปูน...อย่าเป็นแบบนี้ดิวะ”

“มึงใจร้ายว่ะเอื้อ นั่นคนที่ชอบมึงนะ มึงทำแบบนั้นได้ยังไง”  ผมถามด้วยน้ำเสียงที่เบาโหวง สายตาผิดหวังและความเสียใจของพี่น้ำทำให้ผมนึกน้อยไปครั้งก่อน ผมก็เคยผิดหวังเช่นเธอเหมือนกัน ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดี

“กูว่ากูบอกชัดเจนแล้ว ว่ากูไม่ได้ชอบเขา”

“แล้วมึงไปให้ความหวังเขาทำไม” ผมสบตากับร่างสูงตรงหน้า “มึงทำแบบนั้นทำไมเอื้อ มึงจะเลวก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยได้หรือเปล่าวะ มึงจะทำร้ายคนอื่นไปเรื่อยๆ แบบนี้ได้ยังไง”

“กูไม่ได้อยากจะให้ความหวังใคร...อาจจะฟังเหมือนคำแก้ตัว เหตุผลที่กูคบน้ำ...เพราะกูอยากเอาสายตาไปไว้ที่อื่นนอกจากมึงบ้าง...”

“นี่เหรอเหตุผลของมึงน่ะ”

 “ใช่...ตอนนั้นกูมันโง่ กูไม่รู้ว่าต้องทำยังไง คิดแต่ว่าอยากจะเลิกยุ่งกับมึง แต่แม่ง...ทำไม่ได้ว่ะ”

“มึงมันเหี้ยจริงๆ นั่นแหละ”

หน้ามันผมยังไม่อยากจะมองเลยครับ ที่ผ่านมาทำไมผมต้องหวั่นไหวกับมันด้วย ทำไมผมต้องเขินกับคำหวาน ทำไมผมต้องดีใจที่มันทำดีต่อกัน

“มึงเลิกทำแบบนี้ได้หรือเปล่าวะ ที่มึงทำกับพี่น้ำมันเกินไป มึงอยากจะได้เขา ก็แค่ให้ความหวัง รอวันเบื่อแล้วก็เขี่ยเขาทิ้ง”

“...”

“มึงยังมีหัวใจป่ะวะเอื้อ สนุกหรือเปล่าที่เห็นคนอื่นเขาหัวปั่นเพราะมึง เจ็บเพราะมึงน่ะ!”

ผมอยากจะเกลียดมัน อยากจะโกรธมันให้มากกว่านี้ แต่ทำไมพอมองหน้าเอื้อที่ไรหัวใจของผมกลับปฏิเสธทุกอย่างที่สมองคิด คำที่ด่ามันไป คำที่ผมตะโกนใส่อีกฝ่ายแทบไม่มีความหมายอะไรเลยด้วยซ้ำ

“...แต่กูก็ไม่เคยทำแบบนั้นกับมึง”

“มันแค่ยังไม่ถึงเวลาหรือเปล่าเอื้อ”  ผมไม่ชอบความรู้สึกที่เหมือนตัวเองกำลังจะร้องไห้ออกมาได้ตลอดเวลาอย่างตอนนี้เลย ผมควรจะเข้มแข็งกว่านี้ “มันอาจจะแค่...ยังไม่ถึงเวลาขอกูก็ได้ ตอนนี้มึงอาจจะกำลังสนุก เหมือนได้ของเล่นชิ้นใหม่…”

“พอ!”

“แต่สักพักมึงก็จะเบื่อ แล้วทิ้งไปเหมือนที่มึงเคยๆ ทำ…”

“กูบอกให้พอไง!!”

“แล้วความรู้สึกของกูอ่ะเอื้อ ความรู้สึกของกู มึงจะรับผิดชอบยังไง” แม่ง...เสียงนี่ก็สั่นอยู่ได้ แต่ละคำที่พูดออกไปแทบฟังไม่ออกเลยสักนิด เข้มแข็งหน่อยโวยไอ้ปูน มึงต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ “ถ้าวันหนึ่งมึงเบื่อแล้วทิ้งกูไปเหมือนที่ทำกับทุกคน กูจะทำยังไงวะ”

“...”

“บอกกูหน่อยดิ ถ้ามึงพบว่าตัวเองไม่รู้สึกอะไรกับกู ทั้งที่สุดท้ายกูอาจจะ…”

ผมหยุดคำพูดไว้แค่นั้น ไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์ที่มันยังไม่เกิดขึ้น

“...”

“บอกตรงๆ กูคงรับไม่ได้ว่ะ” เอาล่ะ โอเคแล้ว น้ำตาผมหยุดไหลจนได้ “เพราะงั้น...เราพอเถอะ ถือว่ากูขอร้อง อะไรที่มันเกินๆ มาในความรู้สึก ก็ปล่อยให้มันหายไป แล้วกลับมาเริ่มใหม่...กลับมาเป็นคนที่ไม่รู้จักกันได้หรือเปล่า”

“...”

“...”

ผมรอฟังคำตอบอย่างใจจดจ่อ แต่เอื้อก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เราเงียบกันไปหลายนาที น่าแปลกที่สถานการณ์ตอนนี้ราวกับเ็นใจให้เราทั้งคู่ ลานจอดรถตอนนี้เงียบสงบ ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด ไม่มีใครเดินเข้าออก แม้แต่ยามที่ประจำอยู่ก็ไม่เห็น

“ถ้ามึงทำไม่ได้...กูทำให้เอง”

เอื้อเงยหน้ามองผมด้วยความตกใจ “มึงคงไม่ได้…”

“ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกัน…”

“ไม่!!”

“พอทีเถอะเอื้อ”

ผมพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกมา โชคดีที่ในตอนนั้นฟ้ามันขับรถมาจอดตรงหน้าผมพอดี ผมเลยขึ้นซ้อนท้ายมันอย่างรวดเร็ว

“คุยกันก่อนดิปูน” เอื้อเดินมาจับมือของผมไว้แต่มันก็ไม่แน่นมากจนผมสามารถสะบัดออกได้อย่างง่ายดาย “เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ”

“เอาไง” ฟ้าถามพร้อมกับส่งหมวกกันน็อคมาให้

“ไปเลย”

“ปูน!!”

“ไปฟ้า!”

ฟ้าทำตามคำสั่งของผม มันบิดคันเร่งก่อนรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของผมจะพุ่งออกไปข้างหน้า เสียงท่อดังกลบเสียงตะโกนจากคนที่อยู่ข้างหลัง แต่ถึงแบบนั้น เสียงของเอื้อก็แว่วมาเข้าหูของผมอยู่ดี

“ปูน!! กูจะรอมึงนะ!!”

..
.
“กูว่าวันนี้บรรยากาศมันหม่นแปลกๆ ว่ะ” เสือกหมายเลขหนึ่งเอ่ยขึ้นกลางบูธขายผักออร์แกนิค วันนี้เป็นวันสุดท้าย คนมาเดินงานค่อนข้างจะน้อยกว่าทุกวัน แต่คนในบูธเราเยอะกว่าปกติ เพื่อนๆ ในสาขามากันเกือบครบเลยครับ เพราะถ้างานเลิก จะได้ทยอยกันเก็บของให้เสร็จในวันนี้ไปเลย

“นั่นดิ ฟ้ามันครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก” ไอ้บอยเอ่ยเห็นด้วย อ่า...ใช่เลยครับ นี่เพิ่งหกโมงกว่าๆ เองนะ ฟ้ามึดไปหมดเลย

ผมเกลียดฝน และดูเหมือนวันนี้มันกำลังจะมาเยือนอีกครั้ง

“เฮ้อออออ คนก็ไม่รู้หายไปไหนหมด” กล้าตอบกลับ ก่อนมันจะหันมาหาผมกับฟ้า “แล้วมึงอ่ะ ทำไมตับเปียกแบบนี้วะ ไปดูบอลหรือไปเล่นสงกรานต์”

เลือกได้กูก็ไม่อยากจะเปียกหรอกเว้ย

“มึงว่าวันนี้จะเสร็จกี่โมงวะ กูไม่อยากเปียกฝน” ผมขี้เกียจอธิบายเลยเลือกที่จะไม่ตอบคำถามมัน ต้องขอบคุณโชคชะตาที่ไม่ใจร้ายกับผมขนาดให้พี่น้ำกลับมาขายนมที่บูธข้างๆ ต่อ ไม่อย่างนั้นบีียากาศมันคงหม่ยหมอง อึมครึม และขมุกขมัวกว่านี้อีกร้อยเท่า

“ไม่รู้ดิ คนมาซื้อน้อยฉิบหาย คงจะต้องอยู่จนงานเลิกแหละ แต่ถ้ามึงอยากกลับเร็วๆ ก็หาคนมาเหมาเหมือนเมื่อครั้งก่อนสิ”

เหอะๆ ดูท่ามึงคงชอบเรื่องละทึกใจสินะไอ้กล้า

“ไร้สาระน่า”

“แล้วไปดูบอลสนุกมั้ย” ผมอุตส่าห์ข้ามเรื่องนี้ไปแล้วไอ้โจมมันยังขุดมาถามอีกครับ พอหันไปมองก็พบว่ามันก้มมองหน้าจอมือถืออยู่ไม่ได้สนใจผม

“ก็สนุกดีนะ”

“อือ...ก็ดูเป็นคู่ที่มีสีสันดี” ว่าแล้วมันก็หันหน้าจอโทรศัพท์มาให้ผมดู ภาพที่เห็นเล่นเอาผมหน้าซีด

“เฮ้ย! เชี่ยปูนนี่มันอะไร!” ไอ้กล้าคว้ามือถือเครื่องสวยไว้ในมือ เสียงของมันทำเอาไอ้บอย หนูนา และจี๊ดที่อยู่ใกล้ๆ กันมาให้ความสนใจ

“นี่มันมึง...พี่น้ำ พี่เอื้อ?”

ครับ นั่นมันพวกผมเอง ภาพในจอนั่นก็คือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นภาพที่พี่น้ำเทน้ำลงมาแล้วเอื้อก็เป็นคนรับน้ำไว้ทั้งหมด คนถ่ายภาพนี่เก่งจริงๆ ครับ สามารถจับภาพช็อตเด็ดคนดังไว้ได้ ต้องขอปรบมือให้ (มันใช่เรื่องเหรอ)

“เชี่ย...พี่น้ำแม่งร้ายว่ะ”

“ผู้หญิงสวยๆ พิษเยอะตาย” หนูนาเอ่ยขึ้นหลังจากล้าส่งโทรศัพท์คืนให้โจมเป็นที่เรียบร้อย “แล้วนี่นอกจากนี้มึงไม่โดนพี่เขาทำอะไรใช่ป่ะ”

“น้อยไปดิ ปูนมันโดนพี่มันด่าต่อหน้าคนทั้งสแตนด์เลย”

“ฟ้าเงียบ” ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้ฟ้า กูก็กะว่าจะให้เรื่องนี้มันเงียบๆ ไปไม่ให้เพื่อนคนอื่นรู้ มึงยังจะจุดประเด็นขึ้นมาอีกทำไม

“มึงไม่ต้องไปห้ามฟ้าหรอก” โจมสั่งผม มันจ้องมาทางผมที ฟ้าที สลับกัน “ใครจะเป็นคนเล่า”

“กูเอง ปูนมันคงไม่อยากพูดหรอก”

จากนั้นฟ้าก็เล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่เอื้อมาหาผม เล่าประหนึ่งว่ามันเป็นคนสนทนากับเอื้อเอง ก่อนจะเลยไปถึงเรื่องที่พี่น้ำมาหาเรื่องผม สมแล้วที่ผมให้มันเป็นแหล่งข้อมูลประจำกลุ่มของเรา เห็นมันนั่งเงียบๆ ข้อมูลมันเพียบเชียวครับ จำได้ทุกฉากทุกตอน บางทีผมให้ผมเล่าเองคงไม่ละเอียดเท่ามัน

ทุกคนเงียบหลังจากฟังเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว…

“เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ โคตรไร้สาระเลยเนาะว่าป่ะ ฮะๆ” เสียงหัวเราะของผมแม่งโคตรฝืนเต็มที แต่ผมไม่อยากให้บรรยากาศมันแย่ไปกว่านี้

“มึงเจ็บมากป่ะวะปูน” คำถามของหนูนาทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้

“เจ็บ? เจ็บอะไร กูไม่ได้โดนทำร้ายอะไรสักหน่อย”

“หมายถึงหัวใจมึงอ่ะ” บอยเป็นคนตอบ “มึงเจ็บบ้างป่ะวะที่ต้องเจออะไรแบบนี้ ถ้าเป็นกู...คงโคตรเจ็บเลยว่ะ”

“เฮ้ย กูโอเค”

“มึงไม่โอเค”

“จะไม่โอเคเพราะพวกมึงบิ้วกูนี่ล่ะ” ผมยิ้ม ทั้งที่มันยากเหลือเกิน “กูไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย พวกมึงห่วงกูเวอร์เกินไปแล้ว”

ปัง!

“เอางี้!” พวกผมสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ไอ้กล้ามันก็ตบโต๊ะเสียงดังลั่น จนไอ้ฟ้าหันไปด่า

“เชี่ยอะไรของมึงเนี่ย เพื่อนเขายิ่งเครียดๆ กันอยู่มาทำให้ตกใจหาป้ามึงเหรอ”

“กูคิดอะไรดีๆ ออกต่างหาก” มันหันไปดุฟ้า “เพื่อเป็นการปลอบใจเพื่อนปูนกับเรื่องวันนี้ กูว่าเราควรพามันไประบาย...แดกเหล้ากันเถอะมึง ตื่นเช้ามาจะได้ลืมๆ มันไป”

กูว่ามึงอยากหาเรื่องแดกเองหรือเปล่าวะ ก็งี้แหละครับพวกผม ดีใจ เสียใจ เศร้า เหงา อกหัก หรือไม่ว่าจะเกิดเกตุการณ์เชี่ยไรในชีวิตก็เอาไปลงขวดหมด มันไม่ใช่การแก้ปัญหาหรอก แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งแค่นั้น

“ไม่เอาร้านพี่เติมนะ วันนี้เหมือนฝนจะตก”

“งั้น...ห้องไอ้โจมดีป่ะ แดกเมาแล้วก็ค้างห้องมันไปเลย”

“มาเป็นภาระกูอีก”

“เพื่อเพื่อนไงมึงงงงงง แค่นี้เองทำไม่ได้อ๋อออ” หน้ามึงกวนตีนมากไอ้กล้า แบบนี้ถ้าไอ้โจมมันไม่ยอมกูไม่สงสัยเลย

แต่เพื่อนผมใจดีครับ เพราะพอไอ้กล้าพูดแบบนั้น มันก็ตอบกลับมาว่า

“เออ ก็ได้ เพื่อความสบายใจ (ชั่วคราว) ของเพื่อน”

ครับ เตรียมตัวเมาหัวราน้ำกันได้เลย

♣♣♣♣♣

“แต่ละคำที่เธอพูดมามันคล้ายว่าห่วงใย
เธอคงพูดไปแบบนั้น แต่ว่าฉันจำขึ้นใจ…”


เสียงใสๆ ของหนูนาร้องเพลงคลอไปกับเสียงกีตาร์ที่บอยกำลังดีดอยู่ ตอนนี้พวกเราทั้งหมดมานั่งรวมหัวกันที่หอโจม บอยมันหวังจะสร้างบรรยากาศให้เหมือนร้านเหล้าเลยขอยืมกีตาร์เพื่อนที่คณะติดมือมาด้วย จนกลายมาเป็นการเปิดคอนเสิร์ตเล็กๆ ของมันกับหนูนาในที่สุด และขอบอกว่าแต่ละเพลงที่พวกมันร้องเล่นกันอยู่นั้นช่างบาดลึกไปถึงขั้วหัวใจ

อย่างเพลงนี้...ที่ผมเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง แต่ไม่ได้ลองตั้งใจฟังสักครั้ง จนกระทั่งครั้งนี้


“รู้บ้างไหมว่าใครบางคนสับสนและไม่แน่ใจ
เธอทำให้ฉันต้องหวั่นไหว เธอทำให้ใครต้องคิดมากเพราะเธอ
รู้บ้างไหมที่เธอทำไปฉันหลงเอาไปละเมอ
“ได้โปรดอย่าทำให้รักเธอ ถ้าเธอไม่เคยสักนิดที่คิดจะจริงจัง”


ผมดื่มไปไม่น้อยแต่ก็ไม่เยอะ ตอนนี้กำลังตึงๆ เลยครับ ถ้ามากกว่านี้คงได้เมาพอดี ผมจึงเลือกที่จะหยุดแล้วหันมานั่งฟังเพลงของบอยกับหนูนาชิวๆ ดีกว่า ส่วนคนที่กำลังคลองขวดอยู่ตอนนี้เป็นไอ้กล้ากับฟ้า ไม่สงสัยเลยทำไมมันเมาเป็นหมาทุกครั้ง

หนูนาสบตาผมก่อนจะร้องท่อนสุดท้ายของเพลง


“ได้โปรดอย่าทำให้รักเธอถ้าเธอไม่เคยสักนิดที่คิดจะรักกัน”
ได้โปรด : แพรว คณิตกุล


โอ๊ยยยยยยย เอามีดมาแทงกูเลยดีกว่าาาาา

กูว่าจะไม่แดกต่อแหละ เปลี่ยนใจเลยแล้วกัน

ครืดดดดด ครืดดดดด

ผมหันไปมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่กำลังสั่งอย่างบ้าคลั่ง หน้าจอโชว์เบอร์ของคนที่ผมไม่อยากคุยด้วยมากที่สุด


“หน้าจอมือถือ โชว์เบอร์แต่ไม่โชว์ใจ
คนโทรเขาคิดยังไง มือถือรุ่นใดบอกได้จะซื้อ”
โชว์เบอร์ไม่โชว์ใจ : ดวงจันทร์ สุวรรณี

ผมถลึงตาใส่หนูนาที่แอบมองโทรศัพท์ของผม ก่อนที่ผมจะหยิบเครื่องมือสือสารขึ้นมาแล้วกดปิดเครื่อง

“แค่นี้ก็ไม่โชว์แล้ว”

ใช่ แค่นี้ผมก็ไม่รู้แล้วว่าใครบางคนกำลังรอผมอยู่

ตั้งแต่ที่งานเลิก ผมก็พาตัวเองมาห้องโจมทันที ประมาณสามถึงสี่ทุ่มเห็นจะได้ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆ ตีหนึ่งแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเอื้อก็ยังไม่เลิกโทร.และส่งข้อความมาหาผมเสียที

‘อยู่ไหนปูน ดึกแล้วนะ’

‘เมื่อไหร่จะกลับ กูรออยู่นะ’

‘ปูนบอกมาสักที เป็นห่วงนะ’

และข้อความอีกมากมายทำนองนี้ สายเข้ากับข้อความรวมกันเกือบห้าสิบแจ้งเตือนภายในเวลาสามชั่วโมง จนในที่สุดความอดทนของผมก็หมดลงและเลือกที่จะไม่รับรู้มันอีกต่อไป

ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง หยาดน้ำฝนกระทบกระจกไม่หยุดตั้งแต่เมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้ว โชคดีของผมเหลือเกินที่แม้วันนี้จะไม่มีอ้อมกอดอันอบอุ่นเหมือนครั้งที่แล้วแต่ผมก็ไม่ได้อยู่คนเดียวในวันที่น่ากลัวอย่างนี้

‘ฝนตกแล้วนะ เหมือนจะมีฟ้า กลัวไม่ใช่เหรอ รีบกลับมาเถอะ’

จะมาใส่ใจกันทำไม...แค่นี้ยังทำร้ายกันไม่พออีกเหรอ

‘เป็นห่วงนะ…’

“เมื่อไหร่ฝนจะหยุดตกวะ” พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะกระจกเย็นเฉียบ

“ดูท่าคืนนี้คงไม่หยุด” จี๊ดตอบกลับมา “ดีนะที่ไม่ตกตอนงานยังไม่เลิก ไม่อย่างนั้นพวกเราคงแย่ ตกหนักอย่างกับฟ้ารั่ว…”

“นั่นสิ…”

ฝนตกหนักขนาดนี้แล้ว ยังจะรออีกเหรอ กลับเข้าห้องไปนอนได้แล้วล่ะ

ไม่ต้องรอหรอก…

อย่ารอเลย

ถ้าขืนยังรอต่อไป...คงทนไม่ไหวแน่ๆ

หมายถึง...หัวใจผมเอง…



======================================================
============================================
ฮาโหยววววววววววว
(ตอนนี้แนะนำให้เปิดเพลงฟังไปด้วยนะคะ)
รู้สึกว่าทุกคนจะเกลียดพี่เอื้อของเรามากเหลือเกิน ซึ่งถ้าเป็นเราๆ ก็เกลียดแหละ  :mew3:
ทุกอย่างที่ทุกคนด่ามา เราให้น้องปูนด่าให้แล้วค่ะ
แต่เราชอบนะ ถือว่าตรงกับจุดประสงค์ของเราค่ะ
คือเราอยากให้ความสัมพันธ์มันคลุมเคลือไม่ชัดเจน แบบที่พี่เอื้อให้ปูนนี่แหละ
พี่เอื้อเขาเลวเนาะ แต่เราว่ามันโคตรปกติของคนสมัยนี้เลยอ่ะ
แบบยังไม่คบก็คุยกันคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย (อันนนี้เรื่องใกล้ตัวเราเลย :เฮ้อ:)
แต่ทุกคนคะะะ (นี่คือการสปอยเนื้อหา) เขาเลิกกับพี่น้ำแล้วนะคะะะะ
ตอนนี้เป็นดราม่า (หรือเปล่า) ตอนสุดท้ายแล้วค่ะ :)
ต่อไปนี้พี่เอื้อของเราจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้วววววว
ใครที่ติดตามไปถึงตอนนั้นก็มาพบกัวความน่ารักละมุนของพี่เอื้อกันเนาะ
ส่วนใครที่ไม่ตามต่อแล้วก็ต้องขอขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาเกือบครึ่งเรื่องค่ะ
ส่วนใครที่จะตามต่อก็ขอบคุณไว้ล่วงหน้าเลย
เราแต่งไว้จบแล้ว รับรองไม่ค้างค่ะ (แต่อาจมาช้าหน่อยก็ขออภัย)
รักทุกคนนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.20 13.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-02-2017 21:20:19
รอลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.20 13.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: MeWeaw ที่ 13-02-2017 21:23:53
เบื่อตัวเองที่มีใจให้พี่ว่าน ทั้งๆที่ก็รู้ว่าน้องปูนมีใจให้ใคร จะรอดูความจริงใจและความพยายามของเอื้้อ
ขอบททดสอบโหดๆ
 :mc4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.20 13.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 13-02-2017 21:30:33
รออ่านอยู่จ้ะ พี่เอื้อกำลังปรับปรุงตัว รอดูความคืบหน้า
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.20 13.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-02-2017 22:05:48
เศร้า อึน รับวันแห่งความรักเลย พี่ปูน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.20 13.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-02-2017 22:23:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.20 13.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-02-2017 22:35:04
รอดูว่าพี่เอื้อแม่งจะเรียกคะแนนความเป็นพระเอกคืนยังไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.20 13.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-02-2017 23:26:20
สม น้ำ หน้า
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.20 13.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 14-02-2017 01:10:35
สงสารน้องปูน:katai1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.20 13.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 14-02-2017 10:48:16
เอื้อแม่ง ก็น่าสงสารอยู่
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.20 13.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 14-02-2017 11:50:38
เราลืมเรื่องของฟิ้งกันไปรึเปล่า จากนี้ไปนางจะทำอะไรลูกเรามั้ยล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.20 13.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 14-02-2017 12:11:21
โอ่ยยย รอบตัวอิพี่เอื้อรวมถึงพี่เอื้อมีแต่ปัญหา
เห้อมมม คบพี่ว่านไหมปูนลูกก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.20 13.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 17-02-2017 22:50:34
บทที่ 21
เมื่อน้องปูนยอมแพ้


“แน่ใจนะว่าจะไปตอนนี้” โจมถามขณะที่ผมกำลังหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย ตอนนี้เป็นเวลาตีสามกว่าๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะสว่างแล้ว เพื่อนๆ แยกไปนอนกันตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว มีเพียงแค่ผมกับเจ้าของห้องเท่านั้นที่ยังคงตาสว่างกันอยู่

เรานอนไม่หลับกันทั้งคู่ แม้จะดื่มไปมากขนาดไหน แม้พวกผมจะง่วงเท่าไหร่ แต่พอหลับตาลงแล้วในสมองมันกลับวิ่งไม่หยุดจนผมไม่สามารถหลับลงได้ ผมกะว่าจะแอบออกไปเงียบๆ แต่ก็เจอโจมเสียก่อน

“อือ กลับไปที่ห้องกูอาจจะหลับก็ได้” ว่าแล้วก็เดินมาใส่รองเท้าที่หน้าประตู พยายามทำให้เงียบเสียงที่สุดเพื่อนไม่ให้กวนกล้ากับบอกที่นอนอยู่บนโซฟา “มึงไม่ต้องไปส่งกูหรอก กูกลับเองได้”

“ไม่ล่ะ กูอยากไปขับรถเล่นด้วย” อยากจะรู้จริงๆ ว่ามันจะได้ขับรถเล่นสักกี่นาที ในเมื่อหอเราสองคนถ้าขับรถไปเวลาแบบนี้คงไม่ถึงสิบนาทีหรอก

ผมสองคนออกมาจากห้องกันอย่างเงียบๆ แล้วลงมาอยู่ข้างล่างหอในอีกไม่กี่นาทีต่อมา โจมบอกในผมรอในร่มก่อนมันจะเดินแยกไปที่รถ ตอนนี้ฝนยังคงตกปอยๆ คาดว่าอีกไม่นานก็คงหยุด น้ำบนถนนเจิ่งนองเฉอะแฉะไปหมด ทุกย่างก้าวที่เดินทำให้เกิดเสียง

แฉะ...แฉะ…

เสียงแบบนี้เลย…

“ปูน…”

ผมสะดุ้งสุดตัวก่อนจะตวัดสายตาไปมองยังต้นเสียงที่คุ้นเคย แล้วก็ต้องเบิกตากว้างกับร่างสูงที่เปียกปอนไปทั้งตัว เสื้อนักศึกษาสีขาวแนบไปกับเนื้อ ผมสีเข้มลู่ลงไม่เป็นทรง ริมฝีปากของอีกฝ่ายสั่นระริกและซีดเผือด มือทั้งสองข้างกอดตัวเองเอาไว้แน่น ผิวขาวที่สะท้อนกับแสงไฟทำให้ดูเหมือนกระดาษ

ผมคงเมาแล้วแน่ๆ ที่เห็นว่าเอื้อยืนตัวสั่นอยู่ตรงนี้

“ปูน…”

ไม่ ผมไม่ได้เมา

ผมกลืนก้อนน้ำลายที่จุดลงคอ แล้วเอ่ยออกมาอย่างยากเย็น…

“มึงมา...ทำอะไร”

“มารอ…” น้ำเสียงอีกฝ่ายช่างแผ่วเบาเหรอเกิน

นี่ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย รอ...รอผมน่ะเหรอ รอจนป่านนี้?

“ดึกแล้ว...กลับกัน…” เอื้อเอื้อมมือมาจับแขนผมไว้ มันเย็นจัดจนผมสะดุ้ง “โทษที...กู…”

“หยุดพูดได้แล้ว! มึงบ้าหรือไง ประสาทแล้วเหรอ มาตากฝนรอกูทำไม!” ผมสงสารเอื้อ ทั้งที่ผมควรจะใจแข็ง ไม่ต้องสนใจว่ามันจะทำอะไร จะรอผมนานขนาดไหน

“แค่นี้เอง...เล็กน้อยน่า”

“แค่นี้บ้าอะไรเล่า!”  เอื้อทำให้ผมเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวได้อย่างง่ายดาย เหมือนกับในตอนนี้ที่ผมโกรธการกระทำโง่ๆ ของมัน

เอื้อยิ้ม ก่อนจะเดินเข้ามาหาผมช้าๆ “เคยบอกไว้แล้วนี่ว่าจะรอจนกว่าจะเจอ…”

“...”

หมับ…

ตัวผมถูกดึงเข้าไปกอดไว้หลวมๆ “ตอนนี้ได้เจอแล้ว…”

“...”

“...”

“...เอื้อ…”

“...”

“เอื้อ! ตื่นสิ” ผมเขย่าร่างของอีกคนเบาๆ ก่อนจะเพิ่งแรงเมื่อมันไม่ตอบสนอง ตัวผมแทบล้มเพราะตอนนี้เอื้อหมดสติ น้ำหนักทั้งหมดจึงทิ้งมาทีผม ดีที่ว่าโจมมันเข้ามาช่วยพยุงไว้ทันเวลา

“ไปโรงพยาบาลกันเถอะ ตัวเย็นขนาดนี้อาจจะช็อคก็ได้”

เราสองคนช่วยพยุงเอื้อไปขึ้นรถของโจมที่จอดเทียบฟุตบาทไม่ไกล ดีที่เอื้อไม่ใช่คนตัวใหญ่มาก โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเป็นโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยที่ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึง เอื้อถูกพาเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที และไม่นานพยาบาลก็เดินมาบอกว่าไม่ต้องห่วง เอื้อไม่เป็นอะไรมาก รอให้น้ำเกลือเสร็จก็กลับได้เลย

ในเวลาตีสามครึ่ง ผมกับโจมจึงมานั่งรอเอื้อที่โรงพยาบาล ระหว่างที่นั่งรอผมก็ควานหามือถือขึ้นมาเปิดเครื่อง ข้อความแจ้งคนโทร.เข้าเตือนไม่หยุด เอื้อเพียรโทร.หาผมตั้งแต่ที่ผมปิดเครื่องจนถึงเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว อีกทั้งยังมีข้อความในแอปพลิเคชั่นไลน์ และข้อความโทรศัพท์อีกเป็นสิบๆ

‘อยู่หน้าหอเพื่อนปูนนะ’ ข้อความนี้ถูกส่งมาตั้งแต่ตอนเที่ยงคืน ซึ่งเป็นข้อความที่ผมไม่ได้สนใจจะดู

‘ลงมาหาหน่อย แค่แปบเดียวก็ได้’

‘ปูนครับ ลงมาหาหน่อยครับ’

‘พี่จะรอนะ จนกว่าจะเจอปูน…’

นี่ไง...ได้เจอแล้ว

ผมกำโทรศัพท์แน่น โกรธตัวเองที่ทิฐิมากเกินไปจนไม่ยอมรับรู้อะไรเลย ถ้าผมอ่านข้อความที่เอื้อส่งมาทุกข้อความเอื้อ ไม่ก็รับสายอีกฝ่ายสักห้านาที เอื้อคงไม่ต้องรอจนต้องตากฝนนานขนาดนี้ แค่ลงมาไล่มันก็คงยอมกลับหอไปดีๆ แล้ว โชคดีที่เอื้อไม่เป็นอะไรมาก ไม่อย่างนั้นผมต้องรู้สึกผิดกว่านี้อีกหลายเท่า

“พี่เอื้อของมึงไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก” โจมพูดราวกับอ่านใจได้ว่าผมกำลังคิดอะไร “ถึงตอนนี้มึงยังกล้าบอกกูอีกหรือเปล่าว่ามึงยังโอเค”

ผมเม้มปากแน่ พร้อมส่ายหัวเป็นคำตอบ

ไม่ ผมไม่เคยโอเค ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือก่อนหน้านี้ มันทำให้ผมสงสัยในตัวเองว่าผมยอมให้คนเพียงคนเดียวมามีอิธิพลต่อผมได้อย่างไรตั้งมากมายขนาดนี้ ไม่ว่ามันจะทำอะไร ก็มีผลต่อความรู้สึกของผมทั้งสิ้น ทั้งในทางที่ดีและไม่

“กูถามมึงตรงๆ นะปูน...มึงชอบเขาแล้วใช่มั้ย”

ผมส่ายหน้าอีกครั้ง “กูยังไม่ได้ชอบหรอก”

“แต่มึงหวั่นไหวแล้วสินะ”

“...กูไม่อยากยอมรับ แต่ก็ใช่…กูคงหวั่นไหวจริงๆ ทั้งที่กูก็รู้อยู่ว่ามันเป็นใคร” ผมยกมือลูบหน้าตัวเอง จนป่านนี้ผมยังรู้สึกถึงความเย็นจากเอื้ออยู่เหมือนเดิม “ตอนที่มันใจดีด้วย ตอนที่มันเข้ามาใกล้ กูก็เผลอใจเต้นทุกครั้งทั้งที่รู้ว่ามันไม่ควร”

“อะไรคือไม่ควรวะปูน”

“ไม่รู้สิ… ไม่ควรเพราะเป็นมันมั้ง มันเคยเป็นคนที่ทำให้กูต้องอกหัก มันเลว มันทำเรื่องเหี้ยๆ มาเยอะ จนสุดท้ายมันก็ทำให้กูเดือดร้อน” ผมบีบมือทั้งสองข้าเข้าหากัน อะไรที่อยู่ในใจก็พลั่งพลูออกมาหมด ปกติผมเป็นคนที่ได้แต่เก็บทุกอย่างเอาไว้ แต่ในตอนนี้ผมคิดว่าควรจะให้บางคนได้รับรู้มันบ้าง “กูอยากจะใจร้ายกว่านี้ อยากจะโกรธมัน อยากจะเกลียด ไม่อยากมานั่งสนใจมัน กูไม่อยากรู้สึกผิดหรือสงสารมัน แต่กูก็ทำไม่ได้”

“มึงไม่ใช่คนใจร้ายปูน...ไม่ว่ายังไงมึงก็เกลียดเขาไม่ลงหรอกแม้ว่าเขาจะทำร้ายมึงกี่ครั้ง...อีกอย่าง...ตั้งแต่ตอนนี้ไปมึงคงไม่มีวันเกลียดเขาได้แล้ว”

“...”

“มึงแพ้เขาตั้งแต่ที่เขาทำมึงใจเต้นแรงแล้วปูน...”

ก็คงจะเป็นอย่างที่โจมบอก ผมแพ้เอื้อเสมอ แพ้มันตลอด และแพ้มันทุกอย่างจริงๆ…

..
.
เอื้อถูกพาออกมาจากห้องฉุกเฉินตอนเกือบๆ ตีสี่ สีหน้าของอีกฝ่ายดีขึ้นมาก ตอนนี้มันมีสติแล้วแต่ยังคงเบลอเพราะฤทธิ์ยาและอาการอ่อนเพลีย หมอบอกแค่ว่าช่วงนี้ให้พักผ่อนมากๆ และคืนนี้อย่าลืมทำให้ร่างกายอุ่นเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นอุณหภูมิอาจจะลดต่ำลงจนช็อคก็เป็นได้

“ขอบใจมึงมากนะโจม” ผมเดินออกมาคุยกับโจมหน้าห้องของเอื้อ ตอนนี้มันกำลังนอนอยู่บนเตียงหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย “ถ้าไม่มีมึงคงแย่กว่านี้”

“หมายถึงพี่เอื้อ หรือหมายถึงมึง”

ผมยิ้ม แน่นอนว่าต้องหมายถึงผมอยู่แล้ว

โจมกลับหอไปแล้ว เหลือแต่ผมที่ยังคงยืนลังเลไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อกับชีวิตดี ผมควรจะหนีกลับห้องไปเลยโดยปล่อยคนป่วยที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเอาไว้ตามลำพัง หรือจะกลับเข้าไปอยู่เฝ้าอาการของมันดี ผมมองประตูห้องของเอื้อ สลับกับประตูลิฟต์ซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยความลังเล พรุ่งนี้ตอนสิบโมงผมมีเรียน ตอนนี้ก็ตีสี่ครึ่ง ทางที่ดีผมควรกลับไปนอนได้แล้ว

ผมตัดสินใจล่ะครับ…

ในสิบนาทีต่อมา ผมก็เปิดประตูเข้าไปในห้องของเอื้อ ร่างสูงที่นอนอยู่ยนเตียงยังไม่หลับแม้ว่าสภาพร่างกายจะดูอิดโรยก็ตามที มันส่งยิ้มอ่อนแรงมาให้เมื่อเห็นว่าผมปรากฏอยู่ในห้องอีกครั้ง

“ทำไมยังไม่นอนอีก” ผมถามพร้อมเดินไปที่เตียงแล้วนั่งลงข้างๆ เอื้อ ก่อนจะยกมือขึ้นทาบหน้าผากอีกฝ่ายเพื่อวัดอุณหภูมิ “ตัวยังเย็นอยู่เลย…”

“มือปูนอุ่นดี…” พูดพร้อมแนบหน้าลงกับฝ่ามือของผม “อยู่แบบนี้สักพักนะ อย่าเพิ่งไปเลย อยู่ด้วยกันก่อน…”

“...ไม่ได้…”

“นะปูน...ขอร้อง”

และผมก็ต้องมานั่งถามตัวเองอีกครั้งว่าเพราะอะไรผมถึงใจอ่อนให้ผู้ชายคนนี้อยู่เรื่อยไป…

..
.
ผมสามารถลากสังขารตัวเองมาเรียนได้ในตอนสิบโมงของเช้าวันใหม่ และสามารถกลับห้องด้วยสภาพสมบูรณ์ในตอนบ่ายของวัน แต่คนที่เก่งและแกร่งกว่าผมมากนัดเป็นไอ้กล้า ไอ้บอย และโจม ไอ้กล้ามันเมาหัวราน้ำ โจมก็นอนเช้าไม่ต่างจากผม แต่มันก็ไปเรียนและตอนเย็นยังไปลงแข่งกีฬากันได้อย่างสบายๆ โดยมีกองเชียร์เป็นสองสาวกับอีกหนึ่งชายที่เหลือ

แล้วทำไมผมถึงไม่ไปเชียร์มันน่ะเหรอ...เพราะผมมีคนป่วยให้ต้องดูแลไงล่ะ

เมื่อเช้าเอื้อไข้ขึ้นครับ วันนี้ทั้งวันมันเลยไม่ได้ไปเรียน ผมต้องโทร.ไปหาพี่เดียวแต่เช้า (ไม่กล้าโทร.หาพี่ฟิ้งครับ) เพื่อรายงานอาการของเอื้อให้เพื่อนมันรู้ เผื่อมีสอบหรืออะไรจะได้ลาป่วยได้ พี่เดียวก็บอกมาว่าวันนี้เอื้อมีเรียนแค่เลคเชอร์อย่างเดียวไม่ต้องเป็นห่วงอะไร และยังบอกว่าเดี๋ยวตอนกลางวันจะแวะมาดูมันให้

ผมเปลี่ยนชุดก่อนจะขึ้นไปหาเอื้อที่ห้อง แต่พอเปิดประตูออกไปก็พบว่ามันยืนรออยู่ข้างหน้า “ลงมาทำไม จะขึ้นไปอยู่แล้ว”

“ก็คิดว่าจะไม่ไปหา เลยลงมารอ” ว่าพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม “ขอเข้าไปได้มั้ย”

ผมถอนหายใจ ก่อนจะเบี่ยงตัวให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาอย่างง่ายดาย ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเตียงนอนของผมเหมือนกับเป็นเจ้าของห้อง มันตวัดขาทั้งสองข้างขึ้นบนเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอน

“เดี๋ยวๆ ไม่ได้บอกว่าจะให้นอนในนี้นะ”

“ขอนอนด้วยไม่ได้เหรอ”

“ห้องตัวเองก็มี…”

“แต่ไม่มีปูน” สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความขอร้องและอ้อนวอน เอื้อยื่นมือมาตรงหน้าผม ก่อนจะเอ่ยเรียกให้เข้าไปหา ซึ่งผมก็ทำตัวเป็นเด็กว่าง่าย เดินไปนั่งข้างมันช้าๆ

“ไข้ลดลงบ้างหรือเปล่า”

“ดีขึ้นแล้ว” เสียงที่ตอบกลับมาราวกับกำลังกระซิบ นั่นคงเป็นเพราะเราไม่ได้อยู่ห่างกับเท่าไหร่ พูดเบาๆ ก็ได้ยิน

“ทีหลังห้ามทำแบบนั้นอีก ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”

“ไม่คิดว่าฝนมันจะตกนี่”

“แล้วพอฝนตกแล้วทำไมไม่กลับ โง่หรือเปล่าตากฝนรออยู่แบบนั้น ดีเท่าไหร่แล้วที่แค่เป็นลมแล้วไข้ขึ้นน่ะ” ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่พอใจ ยิ่งไม่พอใจมันผมก็ยิ่งสงสาร ยิ่งสงสารก็ยิ่งรู้สึกผิด “ทีหลังอย่าทำอีกนะ…”

“ไม่ได้หรอก ถ้ากูไม่รอก็คงไม่ได้เจอมึงอีก เรื่องของเราอาจจะต้องจบ เหมือนอย่างที่มึงบอกไว้” แล้วมือของผมก็ถูกกุมไว้ช้าๆ “ซึ่งกูยอมให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ปูน”

“แล้วจะให้มันเป็นยังไง”

“เมื่อวานมึงเป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียว วันนี้กูขอพูดส่วนของกูบ้างได้หรือเปล่า” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยการของร้อง มันสั่นเครือและแหบพร่าราวกับอีกคนกำลังจะร้องไห้

“...” ผมไม่ตอบ แต่นั่นก็แปลได้ว่าตกลง

“รู้มั้ยว่ากูเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องทนฟังมึงบอกว่าให้เราหยุดทุกอย่าง… มึงให้เราสองคนพอแค่นั้นแล้วกลับมาเป็นแค่คนที่ไม่รู้จักกัน…”

“...”

“รู้มั้ยปูนว่ากูทำไม่ได้ กูจะทำแบบนั้นได้ยังไงใจเมื่อหัวใจของกูมันเอาแต่บอกว่าต้องมีมึง มันต้องการแค่มึงคนเดียว”

ผมพยายามหาความโลเล หรืออะไรที่บ่งบอกว่าสิ่งที่เอื้อพูดเป็นเรื่องโกหก ทว่าให้หายังไงผมก็หาไม่เจอ “ทำไมต้องเป็นกูด้วย”

“เพราะกูชอบมึง”

วะ ว่าไงนะ...

“กูชอบมึงว่ะ...ชอบมึงตอนไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีกูก็คอยมองหาแต่มึงไปแล้ว…"

"..."

"กูมีความสุขที่ได้อยู่กับมึงนะปูน ไม่เคยมีใครที่ทำให้กูรู้สึกเท่ามึงมาก่อน”

เอื้อหยุดแล้วสูดลมหายใจ ร่างสูงก้าวขึ้นมาใกล้ผมมากขึ้น และผมก็ไม่ได้ขยับหนีอย่างที่ควรทำ

“มึงเป็นคนแรก...ที่กูรู้สึกว่าอยากจะให้เป็นเจ้าหัวใจ”

“...”

“กูอาจจะเหี้ย แต่กูไม่เคยเสียใจที่เมื่อก่อนกูทำอะไรไว้ เพราะความเหี้ยของกู มันเลยทำให้กูรู้จักมึง ได้ใกล้มึง”

“...”

“แต่ถ้าเลือกได้ กูอยากให้เรารู้จักกันใหม่ คราวนี้กูจะไม่ทำพลาดเหมือนครั้งแรกอีกแล้ว”

“มันเป็นไปไม่ได้หรอกเอื้อ เราย้อนเวลาไม่ได้” เวลาคือหนึ่งสิ่งที่ไม่อาจจะย้อนคืน แม้ว่าเราอยากจะให้เวลาเดินหมุนกลับไปแค่ไหนก็ไม่มีทางทำได้ เช่นเดียวกับความรู้สึกของผมที่ก็ไม่อาจจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมกับเอื้อได้อีกแล้ว

ผมมันก็คนที่เก่งแต่ปาก บอกให้กลับไปเป็นคนไม่รู้จักกัน ทั้งที่ใจผมก็ไม่ได้ต้องการแบบนั้นเลย

“กูรู้...”

หัวใจของผมเต้นแรงกว่าเดิมเมื่อได้รับฟังสิ่งที่อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยออกมา แววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจที่ถูกส่งมาให้ทำให้ตัวผมไม่สามารถหลบสายตาไปไหนได้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เอื้อขยับเข้ามาใกล้ผมขนาดนี้ และแทนที่ผมจะขัดขืน ผมกลับนั่งเฉย

“กูขอโทษ...ที่ทำให้มึงต้องเสียใจ”

“...”

“กูเคยบอกหรือเปล่าว่ากูไม่ชอบเลยเวลามึงเศร้า...กูชอบรอยยิ้มของมึงนะ”

“...” ผมก็ไม่ชอบเลยเวลาที่ตัวเองเศร้า ไม่มีใครชอบทั้งนั้น...แต่ใครกันที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้

“สักวันกูจะทำให้มึงมีความสุขนะปูน”

“...”

“ให้โอกาสกูได้หรือเปล่า”

“กู…”

“ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ ถ้ามึงยังไม่แน่ใจ กูรอมึงได้เสมอ แค่มึงเว้นที่ตรงนี้...ข้างๆ มึงเอาไว้ แล้วอย่างเพิ่งให้ใครเข้ามา” มืออันอบอุ่นยกขึ้นลูบใบหน้าของอย่างแผ่วเบา “แล้วกูจะทำให้มึงเป็นว่ากูคู่ควรจะได้ยืนข้างมึงหรือเปล่า”

“...”

“พอถึงตอนนั้น ค่อยมาบอกว่ากูมีโอกาสทำให้มึงมีความสุขมั้ย”

“...”

“แต่ขอร้องเถอะ อย่าให้กูเลิกยุ่งกับมึงเลย”

เอื้อขี้โกง...มันเป็นคนที่เจ้าเล่ห์และขี้โกงที่สุด มันก็รู้ว่าผมเป็นคนใจอ่อนขนาดไหน มันก็ยังมาขอร้องผม นี่ไม่ต่างจากการบังคับผมเลยสักนิด

“เมื่อวานที่กูพูดไปตั้งมากมาย มึงไม่เข้าใจเลยเหรอ” ผมปัดมืออีกฝ่ายทิ้ง

“เข้าใจ...เข้าใจว่ามึงกลัว เข้าใจว่ามึงไม่แน่ใจในตัวกู และก็เข้าใจว่าตอนนี้...มึงก็คงจะเริ่มชอบกูบ้างแล้ว”

“หลงตัวเอง”

“...แต่ต่อไปคงหลงแต่มึง”

“เหอะ คนอย่างมึงก็ดีแต่พูด ป้อนคำหวานๆ ให้คนอื่นมีความหวังลมๆ แล้งๆ”

“จากนี้มึงจะได้รู้ว่าคนอย่างกูดีแต่พูดจริงๆ หรือเปล่า” เอื้อเอื้อมมือมากุมมือผมไว้หลวมๆ อีกครั้งหนึ่ง “เรามาเริ่มกันใหม่ นับหนึ่งกันใหม่ แต่ความรู้สึกที่กูให้มึงไปยังจะเท่าเดิม”

“...”

“มึงจะเริ่มนับหนึ่งกับกูได้หรือเปล่า”

“...”

“ปูนครับ…”

“กูไม่ได้ใจดีอย่างที่มึงคิดนะเอื้อ” ผมดึงมือออกมา เอื้อมีสีหน้าแย่ลงในทันตา ซึ่งผมไม่อยากเห็นมัน “แต่...กูก็ไม่ใจร้ายขนาดนั้น”

ผมไม่ได้อธิบายอะไรต่อ และนั่นก็ทำให้เอื้อเข้าใจแล้วว่าผมหมายความว่าอย่างไร

“...ขอบใจปูน ขอบใจ...ขอบใจ”

เอื้อส่งยิ้มให้ผมพอดีกับที่ผมหันกลับมา เป็นยิ้มที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายดีใจขนาดไหนที่ได้รับโอกาส ไม่สิ...ที่ได้รับ เอื้อยังไม่ได้รับโอกาศนั้น แค่ผมตกลงว่าเราจะมาเริ่มกันใหม่ แบบที่ตรงข้างๆ ผมจะไม่ให้ใครเข้ามาได้ก็แค่นั้น

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเอื้อแล้วว่าจะพิสูจน์ให้ผมเห็นได้หรือเปล่าว่ามันสมควรได้รับโอกาสจากผม

อย่าหาว่าผมใจง่ายเลย...ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาผมไม่ได้รู้สึกอะไรเสียหน่อย ผมก็หวั่นไหวกับเอื้อเหมือนกันนั่นแหละ จะให้ผมตัดใจหันหลังเลย ผมก็ไม่อยากทำร้ายตัวเองขนาดไหน ทว่าใครจะรู้ล่ะ ครั้งนี้ผมอาจจะตัดสินใจพลาดก็ได้ใช่มั้ย

แต่ถึงมันจะพลาดพลั้งมากมายขนาดไหน นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมได้เลือกแล้ว

เลือกที่จะเชื่อผู้ชายคนนี้ คนที่เคยเลวร้ายกับใครต่อใครมามากมาย ผมเลือกที่จะเชื่อว่าเขาจะไม่เลวร้ายกับผม เมื่อเขาทำไม่ได้อย่างที่พูด ผมคงเจ็บอีกครั้ง

มันก็แค่เจ็บล่ะนะ

ก็ชอบพูดกันนักนี่...อกหักดีกว่ารักไม่เป็น

ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าสุดท้ายผมจะอกหักก่อนที่จะได้รักเป็นหรือเปล่า

♣♣♣♣♣
[/size]

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป

การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยกำลังดำเนินเข้าสู่โค้งสุดท้ายเรียบร้อย ตอนนี้ผมอยู่ทามกลางบรรยากาศอันคึกคักของเหล่ากองเชียร์คณะเกษตรศาสตร์ที่ขนคนมาเกือบทั้งคณะ เพื่อมาให้กำลังใจนักบาสเก็ตบอลที่กำลังลงแข่งอยู่ในสนาม ในศึกชิงชนะเลิศกับคณะบริหารฯ

เกมดำเนินมาถึงควอเตอร์ที่สี่นักกีฬาทุกคนจดจ่อกับการแข่งขัน ขณะนี้คณะของผมทำคะแนนนำอีกฝ่ายอยู่สี่แต้ม แค่รักษาระยะห่างไว้ได้อย่างนี้จนจบเกมพวกเราก็จะเป็นฝ่ายได้รับชัย

ฟึบ!

แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ

“ไอ้เชี่ยเอ้ย! เบอร์สามมันทำแต้มอีกแล้ว!!!” ฟ้าที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมร้องลั่น

“โอ๊ยยยย หัวใจกูจะวาย ผัวโจมขาสู้ๆ นะคะ!!!” เอ่อะหนูนา มึงนี่ไม่คิดจะอายใครจริงเหรอวะ คนที่นี่ไม่ใช่น้อยๆ นะมึง

“ไอ้กล้าอย่าน้อยหน้าเขานะเว้ย!!!!” บอย...กล้าไม่ได้ลงว่ะ มันเพิ่งถูกเปลี่ยนมานั่งพักเมื่อกี้เอง

บอกแล้วว่าเราขนคนมาทั้งคณะ รอบตัวผมเลยมีแต่เพื่อนๆ คนสนิท ผมเองก็ลุ้นจนตัวเกร็งไปหมดแล้ว ถ้าเราได้ชนะการแข่งขันนี้ เราจะได้เป็นเจ้าเหรียญทอง แต่ถ้าเราแพ้ ตำแหน่งจะตกเป็นของวิศวะทันที

อย่าแพ้นะทุกคน!!!

“อย่าแพ้เขานะ นะ นะ เพราะฉันเชียร์อยู่ เชียร์อยู่ เชียร์อยู่!”

ว้าววววว ความเด็ดดวงนั่นมันคืออะไรกัน ทำไมสาวๆ บริหารฯ ที่สนามฝั่งตรงข้ามถึงได้น่ารักแบบนี้! เสียงก็เพราะ ท่าเต้นก็ฟุ้งฟิ้ง!

“ไอ้บอย! ไอ้ฟ้า! ไอ้ปูน! พวกมึงอย่ามัวแต่มองชะนีฝั่งนั้น หันกลับมาเชียร์เพื่อนเราก่อนเว้ย!!!”

“หนูนา มึงจะด่าผัวมึงก็ไม่ต้องลากกูกับไอ้ปูนเข้าไปเกี่ยวสิวะ!”

ฮาๆๆๆ กูเห็นด้วยเลยไอ้ฟ้า

“ผัวกูแข่งอยู่โน่น”

“ใช่สิ กูมันก็แค่ชู้มึงนี่!” เดี๋ยวนะบอย เมื่อกี้มึงว่าไงนะ แล้วไอ้ท่าทางกอดอกสะบัดหน้าเชิดลดๆ นั่นมันคืออะไร แม่งงงง อย่างฮาครับ

“โอ๊ยอีห่าเป็นชู้ก็เงียบๆ ไป เดี๋ยวผัวกูในสนามเข้าใจผิดหมด อ๊ายผัวขา ชู๊ตเลยค่ะอย่าช้า!!”

ฟึบ!

เยสสสส คะแนนห่างเท่าเดิมแล้วครับ โจมนี่มันเก่งจริงๆ ขนาดเป็นตัวสำรองนะ

“กรี๊ดดดดดดดด”
“น้องโจมมมมม”
“เท่สุดๆ เลยค่าาาาาา”

ไม่ต้องเดาเลยว่าหลังจากแมทช์นี้ความนิยมของมันจะเพิ่มขึ้นขนาดไหน

“แหมชะนีพวกนี้ เห็นผู้ชายหล่อหน่อยไม่ได้เลยนะ”

“มึงด้วยแหละ!!!” ทั้งบอยทั้งฟ้าต่างพูดขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

เกมดำเนินต่อไปเรื่อยๆ บริหารฯ ก็ทุ่มกำลังเพื่อจะทำแต้มกันอย่างเต็มที่ ทางฝั่งพวกผมก็ไม่น้อยหน้า นอกจากการป้องกันที่ดีเยี่ยมแล้วยังทำแต้มทิ้งระยะห่างอย่างเรื่อยๆ และในที่สุดเสียงนกหวีดก็ดังขึ้น

ปรี๊ดดดดดด!

จบเกม!!! คณะผมได้เป็นเจ้าเหรียญทอง!!!

“กรี๊ดดดดดดดดดดด”
“วู้วววววววววววว”
“เกษตร! เกษตร! เกษตร!”
“โว้วววววววววว”

เสียงโห่ร้องดีใจดังไปทั่ว ก่อนที่พวกเราบางส่วนจะกรูกันลงไปในสนามเพื่อแสดงความยินดีกับนักกีฬา ผมสี่คนก็เป็นหนึ่งในนั้น ก็แหม เพื่อนสนิทลงเล่นตั้งสองคนนะ

“อ๊ากกกกกกก ไอ้กล้าโคตรเจ๋งงงง”

หมับ!!!

ผม บอย หนูนามองไอ้ฟ้าที่วิ่งเข้าไปกระโดดกอดไอ้กล้าอย่างอึ้งๆ หน้าไอ้กล้าก็เหวอพอกันครับ มันดูเบลอๆ แต่ก็กอดตอบกลับ

“เออออ ฮาๆ เป็นไงพี่กล้าเก่งใช่มั้ยจ๊ะ” แหนะ ได้ที่ก็เต๊าะเลยนะมึง

“มากๆๆๆๆ มึงเก่งที่สุดอ่ะ” สงสัยฟ้ามันลืมตัวครับ ปกติมันเป็นอย่างนี้เสียเมื่อไหร่

“กูเอามั่งดีกว่า”

หือ มึงว่าไงนะหนูนา

“อ๊ายยยยยยย โจมโคตรเท่เลยยยยย”

แปะ!!

“เอ๊ะ ทำไมกูไม่ได้กอดเหมือนไอ้ฟ้าอ่ะ!”

หนูนาร้องโวยวายเมื่อมันถูกดันหน้าผากไว้ไม่ให้เข้าไปกอดไอ้โจมได้ ผมกับไอ้บอยนี่แทบลงไปขำกับพื้น หน้าไอโจมโคตรฮาอ่ะ หน้ามันแบบ ‘มึงอย่าเข้ามานะ กูกลัว’

“หนูนา ผัวไม่รักก็ไปหาชู้มึงโน่น!” เสียงไอ้กล้าของเราเองครับ หลังจากกอดไอ้ฟ้าเสร็จมันก็หันมาแซวหนูนาที่ยังไม่เลิกพยายามจะเข้าให้ถึงตัวโจม

“ไม่เอาๆ จะกอดผัววววว”

“อย่า ตัวมีแต่เหงื่อ”

“งั้นเรากลับไปอาบน้ำแล้วกอดกันบนเตียงเถอะ”  สาบานสิว่ามึงเป็นผู้หญิง พูดมาแต่ละอย่างนี่กูอายแทน

“โอ๊ยยย ใครก็ได้เรียกคนมาดึงนอมันออกทีเถอะ กูอนาจใจ”

“มึงหึงเหรอบอย” โจมตอบกลับมาด้วยประโยคเด็ดพร้อมรอยยิ้มขำๆ ที่มุมปาก

“เออ!”

อุ๊ยยยย หมายความว่ายังไงนะ พี่ปูนสงสัยจังเลย

“ไอ้โจมไอ้กล้า มาถ่ายรูปรวมเร็วๆ! พวกมึงก็ด้วยนะเว้ย มาๆๆ มาให้หมดทุกคนเลย!”

พี่บุ๊คผู้ห่างหายจากสายตาผมไปนานเรียกพวกเราไปถ่ายภาพรวม หน้าพี่มันเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ ยินดีด้วยครับพี่ ที่พยายามมาตลอดไม่สูญเปล่า

ผมถูกเรียกให้เดินไปถ่ายรูปกับสายรหัสต่อจากนั้น อ้อ ยังไม่แนะนำพี่ปีสี่ให้รู้จักเลยสินะ งั้นก็ขอแนะนำสาวสวยหนึ่งเดียวในสายเราครับ พี่จิ๊บ พี่รหัสสุดสวยของผม

เอ้า ปรบมือออออ

เฮ้!!!

“คิดถึงพี่จิ๊บที่สุดอ่ะ” ผมรีบเข้าไปอ้อนเลยครับ พี่บุ๊คกับพี่สามอ้อนไม่ค่อยได้เรื่องหรอก ได้แต่ตีนพวกพี่มันมากกว่า

“พี่ก็คิดถึงปูน บุ๊คกับสามมันดูแลปูนดีมั้ย”

ผมเหลือบตามองพี่บุ๊คกับพี่สาม พี่มันสองคนส่งสายตามาให้ประมาณ ‘ตอบดีๆ นะมึง’

“ดีครับ แต่พี่จิ๊บเลี้ยงดีกว่าเยอะ”

“เดี๋ยวเหอะมึง! วันนั้นกูก็เพิ่งเลี้ยงไป เดะๆ” วันนั้นของพี่บุ๊คมันผ่านมาเกือบๆ เดือนแล้วเหอะ พี่สามนี่ก็ไม่เลี้ยงผมเลยตั้งแต่ต้นเทมอ

“บุ๊คเดี๋ยวเถอะมึง จะทำอะไรน้องกูหะ” อ้อ ลืมบอกไปว่าพี่จิ๊บเป็นผู้หญิงห้าวไม่ต่างจากหนูนา ผิดกันตรงที่พี่จิ๊บคอแข็งกว่าเพื่อนผมเยอะ “งั้นวันพรุ่งนี้ไปเลี้ยงกันเลยมั้ย ร้านเติมนะ วันนี้พวกมึงคงไปฉลองแชมป์กันใช่ป่ะ”

“ใช่เลยย พรุ่งนี้เจอกันนะครับพี่” ทีอย่างนี้ล่ะไวเลยนะพี่สาม

“ห้ามหายนะ พี่จะบอกกอล์ฟด้วยไปเลี้ยงพร้อมกันเลย” พี่กอล์ฟเป็นแฟนพี่จิ๊บ แล้วสายพวกเราก็โคกันด้วย ถ้าพี่จิ๊บเลี้ยงทีไรพี่กอล์ฟก็จะไปด้วยกันตลอด “เอาล่ะเด็กๆ พี่ไปทำโปรเจคต่อล่ะ แยกย้ายๆ”

“คร๊าบบบบบบ”

=====================================================
======================================
คิดถึงจังเลยยยย เหมือนหายไปนานมาก
ต่อไปนี้พี่เอื้อจะเป็นคนดีแล้วนะคะ
น้องปูนของเราน่าเอ็นดูจริงๆ เลย ใจดีอะไรเบอร์นี้นะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
รักทุกคนนะ :)

หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.21 17.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 17-02-2017 23:20:03
พิสูจน์ตัวเองซะ พี่เอืื้อ :L2:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.21 17.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-02-2017 23:48:14
 :เฮ้อ: :L2: :L1: :pig4:

คิดถึงปูน
อิเอื้อ ดีสักทีเถอะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.21 17.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-02-2017 00:02:00
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.21 17.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-02-2017 01:36:01
ได้เวลาพิสูจน์ตัว
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.21 17.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-02-2017 03:34:28
โอกาสมาแล้วก็ทำเต็มที่
ทุ่มสุดตัวสุดใจนะเอื้อ
เพราะน้องปูนน่ารัก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.21 17.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 18-02-2017 04:36:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.21 17.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 18-02-2017 13:00:31
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่านค่ะ
บอกเลย อิพี่เอื้อคะ ความร้ายกาจของพี่ เราเขียนใส่เอสี่ห้าแผ่นยังไม่พอ
จากนี้ไปช้วยชัดเจนและเร่งทำคะแนนจีบน้องปูนด่วนๆค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.21 17.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 18-02-2017 13:40:03
โอกาสมาแล้วก็ทำให้มันดี ๆ ล่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.21 17.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 19-02-2017 14:08:06
ถึงจะหมั่นไส้เอื้อไปบ้าง แต่ก็ยังแอบเอาใจช่วย แบบรุ้ว่าเลวก็ยังรักอะไรแบบนี้
ดีใจนะที่ปูนให้โอกาส แม้บางทีจะอยากยกปูนให้พี่ว่านไปบ้างก็เถอะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.21 17.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 24-02-2017 22:10:47
เอื่อนี่สมเป็นพ่อปลาไหล จัดการอะไรไม่เด็ดขาด ไม่ชัดเจนเอาซะเล๊ยยยยยยยย
เด๋วก้อมีเรื่องของ 'ฟิ้ง' อีก ไม่รู้เอื้อจะจัดการอะไรได้ไหม #พระเอกกาก =_=
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.21 17.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 25-02-2017 04:04:02
บทที่ 22
เมื่อน้องปูนอยากขอโทษ


4 โมง 49 นาที

ไอ้พี่บุ๊คนะไอ้พี่บุ๊ค ไอ้พี่บ้าอำนาจ ไอ้พี่เผด็จการ ไอ้คนใจร้าย!!

สงสัยมั้ยว่าทำไมผมต้องมานั่งด่ามันอย่างนี้

ก็จะไม่ให้ผมด่ามันในใจได้ยังไงครับ! มันใช้อำนาจสั่งให้ผมอยู่เฝ้ากระติ๊กน้ำแข็งให้ แล้วมันก็หายไปเลย! เหอะ ยังมีหน้าโทร.มาถามผมด้วยว่าผมยังรออยู่มั้ย พอผมบอกไปว่ารอ พี่มันก็บอกว่าลืมไปว่าต้องกลับมา แล้วให้ผมเดินกลับคณะพร้อมกระติกน้ำไปเลย

สลัดผัก!!

พรุ่งนี้ผมจะเอาไปฟ้องพี่จิ๊บให้เข็ดเลย!

ล้อเล่นครับ ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก ขืนฟ้องไปพี่บุ๊คมันตามมาเล่นผมทีหลังแน่ ไว้ใจพี่มันไม่ได้หรอกครับ

แม่งงง แล้วคณะกับสนามแข่งนี่มันใกล้กันมากเลยอ่ะ ผมต้องเดินฝ่าแดดร้อนๆ เป็นระยะทางเกือบๆ หนึ่งกิโลเมตร! อย่างนี้ไม่ให้ผมเคืองพี่มันได้ไงครับ

ผมยกกระติกขึ้นทั้งสองมึง (มึงนะมึงไอพี่บุ๊ค!) กระติกก็อย่างหนัก แล้วกูต้องถือคนเดียว เมื่อกี้ผมเพิ่งไล่โจมมันกลับไปด่อนด้วยครับ เพราะคิดว่าพี่บุ๊คมันจะมาแต่มันก็หักหลังผม

ขอด่าอีกทีเถอะ ไอ้พี่บุ๊ค ไอ้คนชั่วร้าย ไอ้…

“ปูน”

ผมหันไปตามเสียงเรียก ไม่ใช่ใครอื่นครับ เอื้อยืนอยู่ข้างหน้าในสภาพเหงื่อโทรมกาย พร้อมกับชุดกีฬาที่อีกฝ่ายเพิ่งแข่งมา ไม่ใช่ฟุตบอลหรอก อันนั้นมันตกรอบไปนานล่ะครับ (โธ่ น่าสงสาร) แต่ที่มันแข่งวันนี้เป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่เล่นเดียวก็ได้ คู่ก็ได้ มีคำว่าเทนนิสอยู่ในชื่อ

อ่าฮะ ปิงปองครับ

ก็เทเบิ้ลเทนนิสไง

(ฮิ้วววววว มึงไปเล่นที่อื่นไป)

ผมก็เพิ่งรู้ว่านอกจากฟุตบอลที่รู้ว่ามันชอบแล้วมันยังลงปิงปองอีกหนึ่งอย่าง แต่ผมไม่ได้ไปดูหรอกครับ มันบอกว่าไม่อยากให้เห็นตอนมันแพ้เหมือนฟุตบอลที่แข่งกับวิศวะ แต่สุดท้ายเอื้อก็มาถึงรอบชิงชนะเลิศจนได้ ส่วนผลเป็นยังไงผมก็ไม่รู้ครับ มันแข่งตรงกับเพื่อนๆ ผมแช่งบาสฯ พอดี ผมก็ต้องเลือกเชียร์เพื่อนๆ ดิ

“แข่งเสร็จนานแล้วเหรอ”

“สักพักแล้ว เอามาเดี๋ยวช่วยถือ” นักกีฬาที่เนื้อตัวยังเต็มไปด้วยเหงื่อเข้ามาแย่งกระติกน้ำในมือผมไป อย่าคิดว่าผมจะแล้งน้ำใจปล่อยให้คนที่กำลังเหนื่อยถือนะครับ ผมก็ยังเป็นคนดีอยู่นะเออ

“ไม่ต้องถือเอง” แต่พอผมยื้อกลับมา เอื้อก็ไม่ยอมปล่อยเลย “โอเค งั้นถือคนละครึ่ง”

กลายเป็นว่าเราสองคนถือกระติกเดียวกันไปแล้ว

แม้จะผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว แต่เราสองคนก็ยังไม่ก้าวไปไหน เราเจอกันน้อยลงไปมาก เอื้อยุ่งกับงานกีฬาของมัน ผมก็ยุ่งกับงานคณะผมและยังจะต้องสรุปผลงานแฟร์ที่เพิ่งจัดไป เรียกว่าเป็นช่วงที่เราหัวหมุนพอสมควร การไม่ได้เจอหันหนึ่งอาทิตย์ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกโหยหาอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ผมอยู่ได้ ใช้ชีวิตปกติ แต่สิ่งที่ผมว่ามันแปลกไปคือ ความรู้สึกโหวงๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง

หรือที่โจมบอกว่า ‘ผมดูเหงาๆ’

ลองคิดถึงว่าถ้าเรามีสัตว์เลี้ยงสักตัวแล้วบังเอิญว่ามันออกไปเล่นนอกบ้านนานหน่อย เราก็คงต้องเหงาเป็นธรรมดา

ส่วนเอื้อ...บอกไม่ได้เต็มปากว่าอีกฝ่ายเหมือนเดิม แต่ก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันเปลี่ยนไป เอื้อก็ยังคงเป็นเอื้อ เป็นคนที่โด่งดัง เป็นคนที่ถูกพูดถึง เป็นเดือนมหาวิทยาลัยที่ต้องดูดีในสายตาใครๆ เป็นที่หลงไหลของสาวๆ หลายคน

‘ช่วงนี้พี่เอื้อไม่ค่อยยิ้มเลยนะ’ ฟ้าตั้งคำถามกับผม ตอนแรกผมก็ไม่สังเกตหรอก อยู่กับผมมันก็ปกติ ยิ้มละมุนส่งให้เป็นประจำ และยังคงกวนตีนบ้างบางครั้ง

‘มึงว่างั้นเหรอวะ’

‘เออดิ ตั้งแต่วันนั้น…’ วันที่เรามีเรื่องกับพี่น้ำ ‘พี่เอื้อก็ไม่ค่อยยิ้มเลย ยกเว้นตอนอยู่กับมึงอ่ะ’

นั่นทำให้ผมรู้ว่าเอื้อเปลี่ยนไป รอยยิ้มที่มักจะใช้บ่อยๆ ถูกสงวนเอาไว้เพื่อให้ผมเพียงคนเดียว ถ้าถามว่าผมดีใจหรือเปล่า...บอกเลยครับว่าเฉยๆ

โอเค ยอมรับก็ได้ว่าดีใจลึกๆ แต่ผมตกลงกบตัวเองเอาไว้ว่าผมไม่ควรจะหวั่นไหวกับการกระทำของอีกฝ่ายง่ายๆ เพราะถ้าเสียใจขึ้นมามันไม่คุ้มกับความใจง่ายของผมเลย

นี่เพิ่งผ่านไปแค่หนึ่งอาทิตย์ ยังบอกอะไรไม่ได้หรอกครับ

“สรุปว่าผลการแข่งเป็นยังไงบ้างอ่ะ ไม่เห็นบอกเลย” ผมถามระหว่างที่เดินมาเรื่อยๆ เอื้อมันเงียบมาตลอดเลยครับ ผมเดาเอาไว้ว่ามันคงชนะ แต่ท่าทางจ๋อยๆ แบบนี้อาจจะไม่ก็ได้

“เพิ่งนึกได้เหรอว่าต้องถาม”

“อ้าว ก็คิดว่าอยากจะบอกเอง” เห็นป่ะว่ามันกวนตีนเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด แต่ก็ดี ผมชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติ

“พี่ก็รอให้ปูนถามอยู่” แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอีกอย่างคือตั้งแต่วันนั้นเอื้อไม่เคยพูดคำหยาบกับผมเลยครับ

“ที่จริงกลับไปพูดแบบเดิมก็ได้นะ”

“อะไร แบบพูด มึง-กู เหรอ” มันเลิกคิ้ว ก่อนส่ายหน้า “ไม่อ่ะ พี่กำลังจีบปูนอยู่นะ ต้องสร้างความประทับใจกันหน่อย แต่ถ้าปูนไม่ชินจะพูดแบบเดิมพี่ก็โอเคนะ”

ใครจะไปทำได้ลงล่ะ ถ้าเอื้อไม่พูดได้ ผมก็ทำได้เหมือนกัน แต่ให้เรียก ‘พี่เอื้อ’ เลยก็ไม่ไหวครับ กระดากปากจริงๆ

“แล้วสรุปผลเป็นไง” ผมว่าเรานอกเรียกกันไปพอควรเลยนะ อยู่กับมันแล้วผมก็แบบนี้ทุกที ชอบออกทะเลไปเรื่อยเฉื่อย

“ลองเดา” ไม่เคยหรอกจะบอกเลย

“ดูจากสภาพแล้ว…” ผมแกล้งทำเป็นมองมันขึ้นๆ ลงๆ อยากกวนตีนมันบ้างครับ “แพ้แบบผ้าไม่ได้รีด”

“อะไร”

“แพ้ยับ”

เอาล่ะ ถือว่าเมื่อกี้ผมไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน ไม่ต้องทำหน้าเอือมกันขนาดนั้นก็ได้ โดยเฉพาะมึงไอ้เอื้อ! ไม่ขำก็ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นได้ป่ะวะ กูเสียเซลฟ์นะเว้ย

“พี่จะถือว่าไม่ได้ยิน” อยากจะกราบขอบพระคุณงามๆ “อะไรทำให้คิดว่าพี่แพ้”

“ก็...หน้าตาดูไม่สดชื่น ไม่ค่อยดีใจ แล้วก็ไม่ค่อยพูดด้วย” ผมตอบไปถามที่เห็นให้อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปาก เหอะ คิดว่าทำแบบนี้แล้วเหรอมากเหรอ ไม่ได้ขี้เล็บพี่ปูนเลยสักนิด “ก็ตอบมาสักทีดิ”

“ที่หน้าตาดูไม่สดชื่น ไม่ค่อยดีใจ แล้วก็ไม่ค่อยพูดเพราะพี่กำลังเสียใจอยู่...”

อ่า...แพ้จริงๆ สินะ

ผมกำลังเตรียมสรรหาคำพูดมาปลอบใจอีกฝ่าย เอายังไงดีล่ะ เป็นประโยคเบสิคแบบ ‘ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวปีหน้าเอาใหม่’ หรือ ‘ช่างมันเถอะน่า ไม่ต้องคิดมากหรอก’ หรือจะเป็น...

“ไม่ได้เสียใจที่แพ้ แต่เสียใจที่ปูนไม่ได้เห็นตอนพี่ชนะ” รอยยิ้มดีใจถูกส่งมาให้จากอีกคน เป็นยิ้มที่ทำให้ผมอยากจะเผลอยิ้มตาม “พี่ชนะนะครับปูน”

ไม่น่าเชื่อ...ที่มีคนเคยบอกว่าเอื้อเก่งทุกอย่างไม่คิดว่าจะเป็นจริง

“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ หรือว่าช็อกตายไปแล้ว”

ที่ชมไปเมื่อกี้กูขอเอาคืน!

“ดีใจด้วย”

“ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องพูดหรอก” แหมะ ทำเสียงและท่าทีน้อยใจเราอีก ก็ใครล่ะที่มันพูกจากวนประสาทเมื่อกี้อ่ะ

“ขอโทษๆ ก็เมื่อกี้กวนตีนใส่ทำไมล่ะ”

อ้าว งอนกูไปแล้วครับ พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย แถมยังมองไปทางอื่นอีก แล้วคิดว่าคนอย่างผมจะง้อ? ไม่มีทางหรอกครับ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย เรื่องอะไรจะต้องไปง้อมันล่ะ

“เอื้อ”

“...” เงียบ

“เอื้อ” ลองเรียกให้ดังกว่าเก่า แต่ก็ยังเงียบ “เออ ไม่อยากหันมาก็ไม่ต้องหัน”

“...”

“แค่อยากจะให้ฟังว่า...ยินดีด้วยนะครับพี่เอื้อ”

“เหอะ อย่างนี้ค่อยหน้ารักหน่อย” ไม่ต้องมายิ้มแล้วลูบหัวเลยเว้ย บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ใช่หมา

แล้วทำไมสุดท้ายผมต้องไปง้อมันด้วยวะ!

♣♣♣♣♣

วันถัดมา

ร้านพี่เติม

3 ทุ่ม 30 นาที

ผมมาสายเข้าเต็มๆ เลยครับ พี่ๆ นัดกันสามทุ่มแต่ผมดันมาเลทไปครึ่งชั่วโมง นั่นไม่ใช่เพราะอะไรอื่น...รถผมมันเกเร คาดว่าครั้งนี้มันคงไม่รอดแล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปดูมันอีกที แต่ก็เป็นบุญของผมที่ได้นั่งรถคันใหญ่แอร์เย็นฉ่ำ

ครับ ถูกต้องแล้ว เอื้อเป็นคนมาส่งผมครับ

“ถ้าเลิกแล้วก็โทร.มาหาพี่นะ อย่าดื่มจนเมาไม่ได้สติ ระวังตัว แยู่ให้ไอ้สามกับพี่บุ๊คเอาไว้ แล้วก็…”

“พอแล้ว ผมไม่ใช่เด็กสามขวบนะครับคุณ”

“ถ้าสามขวบจริงๆ จะอุ้มกลับห้องเลย” มันยักคิ้วมาให้ กวนตีนแล้วครับ หลานเขามีตามียายนะจะมาอุ้มกลับห้องเลยได้ไง ต้องไปขอก่อนดิ

เอ่อะๆ ไม่ใช่ประเด็นแล้ว

“กลับไปเลย แล้วไม่ต้องรอก็ได้ เดี๋ยวให้พี่สามไปส่ง”

“บอกว่าให้โทร.ก็โทร.ดิครับ ทำไมชอบดื้อจังวะ เดี๋ยวจับจูบเลย”

“ทะลึ่ง” ผมถลึงตาใส่มัน ก่อนจะบอกลาอีกครั้งแล้วหันหลังเดินออกมาเลย คุยกับมันนานเดี๋ยวได้พาผมกลับห้องจนได้ มันไม่ค่อยอยากให้ผมมาเท่าไหร่ แต่เพราะเห็นว่าพี่ๆ สายรหัสเป็นคนเลี้ยงจะไม่ไปก็น่าเกลียด

ผมเดินเข้าข้างใน ร้านพี่เติมยังคงครึกครื้นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง โต๊ะที่พี่ๆ นั่งอยู่ด้านในสุดเลยครับ ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงชอบจังนั่งมุมๆ ห้องเนี่ย ผมเข้าไปสวัสดีพี่ๆ ทีละคน ก่อนจะเดินไปนั่งข้างพี่สาม ในที่นี้ผมมาสายสุดอ่ะ พี่บุ๊คมันมองมาตาเขียวเลยครับ อย่าโหดใส่น้องดิ น้องก็ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ

“ไร้มารยาทจริงๆ ให้คนอื่นเขารอ” ผมชะงักมือแล้วเงยหน้าขึ้นมอคนพูด

เชี่ยยยย กูลืมไปได้ไงว่าพี่น้ำเป็นน้องรหัสพี่กอล์ฟ!!

“ทำไมไปว่าน้องอย่างนั้นล่ะ” พี่กอล์ฟแฟนพี่จิ๊บต่อว่าพี่น้ำ แต่เธอหาได้สนใจไม่ กลับหันมองไปทางอื่น

ผมพลาด! พลาดมากๆ พลาดโคตรๆ เลยที่ไม่ได้เอะใจเรื่องพี่น้ำแม้แต่นิดเดียว ถ้าผมเปลี่ยนใจกลับหอตอนนี้ทันมั้ยครับ ผมไม่อยากนั่งให้พี่น้ำจิกกันทางสายตา วาจา และท่าทางแบบนี้! แค่เรื่องวันนั้นเราก็ไม่อยากจะมองหน้ากันแล้ว แต่ดูเหมือนพี่ๆ แต่ละคนยังไม่รู้เรื่องผมกับพี่น้ำนะ หรือว่ารู้แล้วแต่ทำเป็นเงียบไม่สนใจวะ

“ขอโทษครับ รถเสีย”

“อ้าว แล้วมึงมาไงอ่ะ” พี่สามถามขึ้นขณะที่ผมกำลังนั่งลงข้างๆ

“นั่งเพื่อนมาส่งครับ”

“ไม่โทร.หากูวะจะได้ไปรับมา กูก็เพิ่งมาเมื่อกี้นี้เหมือนกัน”

“ใครมันจะไปรู้อ่ะ ผมไม่ได้มีญาณหยั่งรู้ไปทุกเรื่องนะ”

“กวนตีนไอ้ปูน” อูยยย เสียงเข้มมาเชียว

ผมส่งยิ้มแห้งๆ ให้ พี่สามมันถลึงตาใส่ผมใหญ่ แต่ไม่กล้าทำอะไรเพราะพีจิ๊บคุมเชิงอยู่ สักพักก็มีคนส่งแก้วมาให้ หือ? ทำไมแก้วผมเป็นน้ำส้มอ่ะ

“พี่บุ๊คส่งให้ผิดแก้วป่ะ”

“ไม่ผิด มึงแดกๆ ไปไม่ต้องถามมาก แล้วมานั่งชงให้พวกกูด้วยโทษฐานมาช้า”

ผมรับแก้วมาอย่างงงๆ อะไรทำไมผมถึงได้น้ำส้มคนเดียวอ่ะ ทีพี่น้ำ พี่จี๊บ และไอ้มาร์ค (ปีหนึ่งสายพี่กอล์ฟ) ยังได้ดื่มแอลกอฮอล์เลย แต่ไม่เป็นอะไรครับ ไอ้พี่บุ๊คมันให้ผมเป็นคนชง ถ้าอย่างนั้นผมก็มีโอกาสที่จะแอบเติมเหล้าได้

“แต่กูคิดอีกทีไอ้สามมึงชงไปดีกว่าว่ะ เดี่ยวเชี่ยปูนมันแอบแดกเหล้า”

น้องเหล้าจ๋า อย่าเพิ่งจากพี่ไปปปป แล้วแม่งจะไม่อะไรเลยถ้าไม่ใช่แบล็ค นั่นแบล็คนะเว้ยย แบล็คที่ต่อให้อยากเหล้าแค่ไหนผมก็ไม่มีทางสั่งแน่นอน

“พี่บุ๊ค! ทำไมทำกับน้องแบบนี้อ่ะ ผมทำอะไรผิด”

พี่บุ๊คไม่ใช่คนตอบครับ เป็นไอ้พี่สามที่เข้ามาคว้าคอผมไว้แล้วลากให้ไปนั่งตรงกลางระหว่างมันกับพี่บุ๊ค ทำไมกูต้องโดนพวกมึงประกบด้วยวะพี่ แล้วทำไมต้องใกล้กูขนาดนั้น กูอึดอัดนะเว้ย

“ความผิดของมึงยิ่งใหญ่นัก” พี่มันพูด เล่นเอาผมงงเป็นไก่ตาแตกเลย กูไปทำอะไรผิดไว้วะ เท่าที่จำได้ผมก็เป็นน้องที่น่ารักมาตลอด

“ความผิดอะไรอ่ะพี่”

“ความผิดโทษฐานที่มึงมีความลับกับพวกกู” ความลับ? ความลับอะไร ผมไม่เคยมี “แนะ...แนะ ทำเอ๋ออีก”

“แล้วผมทำไรอ่ะ ผมปิดบังไร”

“ก็เรื่องมึงกับไอ้เอื้อไง ปล่อยให้กูโง่เชียร์ไอ้ว่านอยู่ตั้งนาน” พี่มันผลักหัวผมซ้ำไปซ้ำมา พอเถอะครับพี่กูมึน “ทำไรไม่ปรึกษากูเลยนะ แล้วไหนจะเรื่องน้ำอีก ดูมองมึงดีอย่างกับจะเข้ามาแหกอก”

ผมเหล่มองพี่น้ำ เธอมองผมจริงๆ ด้วยอย่างที่พี่สามบอกด้วยครับ ถึงว่าพี่มันลากผมมานั่งตรงนี้ เพราะที่ว่างอีกทีคือข้างพี่น้ำแล้ว

ไม่เอาอ่ะ ผมยังไม่อยากตาย

“แล้วมันถึงขนาดต้องให้ผมกินน้ำส้มเลยเหรอครับพี่”

“เปล่าหรอก ไม่เกี่ยวอะไร” อ้าว

“แล้วทำไม…”

“มึงก็พูดอ้อมโลกไปอยู่ได้ไอ้สาม บอกมันไปเลยดิว่าว่าที่ผัวสั่งมา”

ว่าที่ผัว? กูไปมีว่าที่ผัวตอนไหน!!

“ทำหน้าเอ๋อกว่าเดิมอีก ก็ไอ้เอื้อไงเป็นคนสั่งอ่ะ”

หน้าผมร้อนขึ้นมาทันที โชคดีที่ร้านพี่เติมไม่ได้สว่างมากนักเลยไม่มีใครเห็นว่าตอนนี้ผมหน้าแดงขนาดไหน “ไม่ใช่พี่ มั่วแล้ว”

“มั่วเชี่ยไร หรือจะบอกว่ามึงเป็นผัวไอ้เอื้อ” ไอ้พี่บุ๊ค มึงพูดได้หน้าตาเฉยมาก

“นั่นก็ไม่ใช่เว้ยพี่ เรายังไม่ได้เป็นไรกัน”

“เดี๋ยวก็เป็นเองแหละ เอื้อมันอ่อยเก่งจะได้ ไม่นานมึงจะตกหลุมรักมันแน่”

มึงบอกมาเลยไอ้พี่บุ๊ค มันจ่ายมึงเท่าไหร่ มึงถึงเชียร์มันออกนอกหน้าขนาดนี้!!

“ไงมึง”

ผมหันไปมองตามเสียงเรียกจากน้องเล็กสุดของสายพี่กอล์ฟ มันชื่อมาร์คครับ อยู่สาขาสัตวศาตร์ เลยไม่ได้เจอกันเท่าไหร่ มันไม่ค่อยถูกกับไอ้กล้าด้วยแหละ เคยไปเหล่หญิงคนเดียวกันไว้ สุดท้ายก็แห้วทั้งคู่ เพราะสาวเจ้าสนใจหนุ่มวิศวะรูปงาม

“เออ” ไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะ

“ยังหยิ่งเหมือนเดิมนะ”

“กูไม่ได้หยิ่งเว้ย” แต่กูไม่รู้จะคุยอะไรไง มึงกับกูก็ไม่ได้สนิทกันป่ะ

“เฮ้ยไอ้มาร์คครับ อย่ามาหาเรื่องน้องกูนะ เดี๋ยวให้พี่บุ๊คสั่งซ่อม” นี่ก็ขู่ป็นอยู่อย่างเดียวเลยหรือไงครับพี่สาม

“ไม่เป็นอะไรไอ้มาร์ค ถ้าบุ๊คสั่งซ่อมจริงๆ เดี๋ยวกูจัดการมันให้” คนที่พูดคือพี่ปีสาม ชื่อพี่ตั๋ง พี่เขาสนิทกับพี่บุ๊คเพราะอยู่ชมรมกีฬาคณะเหมือนกัน แถมยังออกกินเหล้าด้วยกันบ่อย

“โอ้โหกูกลัวมึงมากครับ”

“ลองมั้ยล่ะ”

“เอาล่ะๆ พวกมึงๆ ทั้งหลายนี่นะ ไม่เถียงกันสักครั้งมันจะตายมั้ย!”

แม่ก็คือแม่ครับ ถ้าแม่ขึ้นแล้วห้ามขัด เดี๋ยวแม่จะไม่ลง

พวกเรานั่งคุยกันไปเรื่อยๆ เป็นเรื่องส่นวตัวบ้าง เรื่องเรียนบ้าง เรื่องงานบ้าง เม้าอาจารย์ ไม่ก็พูดถึงเรื่องที่กำลังเป็นที่สนใจกันอยู่ตอนนี้ ไม่เว้ยแม้แต่เรื่องเหตุการณ์บ้านเมือง เวลาจะเข้าเรื่องเครียดๆ พี่ๆ เขาก็จะดึงไปสายฮาอีกตามเคย เอาเป็นว่าสาระอะไรไม่ต้องพูดถึงเน้นมันอย่างเดียว

นั่งไปสักพักผมก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ร้านพี่เติมนี่ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะจริงๆ ครับ ยิ่งเป็นคืนวันศุกร์แบบนี้ด้วย นักท่องราตรีทั้งหลายก็ต่างออกมาหาสีสันให้ชีวิต ร้านนี้ถือเป็นร้านดังประจำมอ พี่เจ้าของร้านเป็นกันเอง เครื่องดื่มราคาย่อมเยา อาหารก็รสชาติดี ดนตรีไพเราะ

ด้วยคนที่เยอะจนอัดแน่นเป็นปลากระป๋องทำให้ผมไม่ได้ขยับไปไหนสักที โอ๊ย! แล้วคืนนี้ผมจะได้ไปเข้าห้องน้ำกับเขาป่ะวะ

ปึก!

“เอ๊ะ ขอโทษครับๆ” ผมรีบขอโทษคนที่ตัวเองเพิ่งเดินชนไปทันที อึดอัดโคตรๆ หายใจไม่ออกแล้วเว้ย!

“ไม่เป็นอะไรครับ” อีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้ ผมก็เลยยิ้มตอบกลับไป แต่รออยู่นานเขาก็ยังไม่เดินไปทางไหนสักที

“ขอทางด้วยครับ”

“ไปไหนอ่ะ” กูไปไหนแล้วเกี่ยวอะไรกับมึงวะครับ

“เอ่อ ไปห้องน้ำครับ”

“ให้ไปส่งมั้ย ดูเหมือนเดินไม่ค่อยไหวนะ เมาแล้วหรือเปล่า” กูไม่ได้เมาเว้ย! ยังไม่ได้แตะเหล้าสักหยดเลย

“เปล่าครับ ผมไม่ได้เมา”

“คนเมาชอบบอกว่าตัวเองไม่ได้เมานะ” ก็กูไม่ได้เมาจริงๆ เนี่ย มึงจะเอายังไง

“ขอทางด้วยครับ” ผมย้ำอีกครั้งแล้วเป็นฝ่ายเดินเลี่ยงมันออกมาเองเลย ไอ้หน้าม่อเอ้ย

หมับ!

“ถ้าไม่ให้ไปล่ะ”

ว๊ากกก อย่ามายุ่งกับกูววววววว

ผมพยายามสลัดมือที่จับให้หลุด แต่มือมันคงอาบด้วยกาวตาช้าง ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ยอมปล่อยเลยครับ

“ปล่อยเหอะครับ!”

“อย่าดุสิ พี่แค่อยากรู้จักเฉยๆ”

“แต่ผมไม่อยากรู้จักพี่ครับ” บอกออกไปตรงๆ เนี่ยแหละจะได้เลิกยุ่งกันสักที แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะดื้อด้านไม่เบา

“หยิ่งซะด้วย” ไม่ตอบแม่งล่ะ ขี้เกียจจะพูดด้วยแล้ว “แค่ไปนั่งคุยกับพี่แปบเดียวเอง”

“พี่ครับผมไม่ได้ชอบผู้ชาย” ผมบอกพี่เขาด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้อารมณ์โมโหกูมาล่ะ ถ้ามึงยังเซ้าซี้ไม่เลิกกูต่อยจริงๆ อ่ะ

“แล้วทีกับไอ้เอื้ออ่ะ น้องกิ๊กกับมันไม่ใช่เหรอ” มาเสือกเรื่องอะไรของกูวะ

“พี่ปล่อย!”

“ไปกับพี่เถอะครับ เร็วๆ”

ได้!!! ไม่ฟังกูใช่มั้ย อย่าหาว่ากูโหดนะเว้ย!

พลั่ก!

เปล่านะ นั่นไม่ใช่ผม!

“ก็เขาบอกอยู่ว่าไม่ไปยังจะเซ้าซี้อยู่ได้นะมึงอ่ะ” ผมลดมือที่กำลังจะง้างขึ้นเพื่อจะต่อยไอ้หมอนั่นลงแล้วหันไปข้างหลัง แต่ทว่ามือที่พาดที่ตรงไหนทำให้ผมไม่สามารถทำได้ “แล้วก็รู้นี่ว่าเขากิ๊กกับใคร ยังจะยุ่งกับเขาอีกหรือไง”

พี่ว่าน...โคตรบังเอิญเลย

“มึงเสือกอะไรวะ!” มันลุกขึ้นมาก่อนจะเดินเข้ามาหา แต่พี่ว่านก็เข้ามาบังผมไว้จากผู้ชายคนนั้น เขาขยับเข้าไปใกล้มัน ก่อนจะตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ “เชี่ยไรของมึงเนี่ย!”

“มึงเห็นนั่นป่ะ” พี่ว่านชี้นิ้วไปที่โต๊ะใหญ่สุดทางด้านซ้าย คนในโต๊ะนั้นก็มองมาทางนี้เช่นกัน “ถ้าไม่อยากโดนตีนเด็กวิดวะก็อย่ามายุ่งกับพวกกู”

“คิดว่ากูกลัว?”

“ลองหรือเปล่าล่ะ” พี่ว่านยิ้มร้ายๆ แบบที่ผมไม่เคยเห็น ทำหน้าหน้าพี่เขาโหดขึ้นอีกเท่าตัว ผมแอบเห็นว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นตัวสั่นขึ้นมาเลยครับ

“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” มันปัดมือพี่ว่านออกแล้วลุกขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน ก่อนจะเดินแทรกฝูงชนหายไป

พี่ว่านหันกลับมาส่งยิ้มให้ผม “ไปห้องน้ำใช่มั้ย งั้นไปด้วยกันเลย”

เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ผมเลยพยักหน้ารับ แล้วเดินตามพี่ว่านไป

..
.
ผมออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เห็นพี่ว่านแล้วครับ แต่พอเดินออกไปอีกหน่อยซึ่งเป็นประตูเปิดสู่ทางหลังร้านก็เห็นพี่ว่านยืนสูบบุหรี่อยู่

“ขอบคุณนะครับพี่ว่านที่ช่วยผมไว้” ผมเดินเข้าไปบอก พี่ว่านรีบหันไปดับบุหรี่ทันที

“ไม่เป็นอะไรๆ แล้วนี่มากับเพื่อนเหรอ”

“เปล่าครับ มากับสายรหัส แล้วพี่ว่านล่ะครับ”

“พี่มาเลี้ยงทีมฟุตบอลอ่ะ ก็โต๊ะนั้นแหละ” เป็นโชคของไอ้ผู้ชายคนนั้นจริงๆ ที่เลือกจะเดินหนีไป “คราวหลังระวังตัวหน่อยนะปูน ปูนคงยังไม่รู้ตัวว่าตั้งแต่มีเรื่องปูนกับเอื้อแล้วพวกเก้งกวางมันเล็งปูนเยอะขึ้นขนาดไหน”

ผมพยักหน้ารับแล้วพึมพำบอกขอบคุณพี่ว่านไปอีกครั้ง ผมก้ไม่รู้ตัวจริงๆ นั่นแหละ ผมก็ใช้ชีวิตปกติของผมไปเรื่อย ไม่ได้สังเกตอะไรทั้งนั้น

“ปูน”

“ครับ?”

“ปูนกับเอื้อ...เป็นอะไรกันแน่” พี่ว่านเงยหน้าสบตาผม ก่อนจะถามคำถามที่เจาะจงความสัมพันธ์ไปอีกขั้น “เป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ย”

“...เปล่าครับ…”

“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้พี่ก็ยังมีความหวังใช่หรือเปล่า”

“...” ผมไม่ได้ชอบพี่ว่านแบบนั้น สำหรับผมพี่ว่านให้ความรู้สึกคล้ายพี่สาม เป็นเพียงพี่ชายอีกคนของผม แต่แววตาที่เป็นประกายของพี่ว่านทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก

“พี่ยังจีบปูนได้หรือเปล่า พี่ยังมีความหวังอยู่ใช่มั้ย”

“...”

“อย่าเงียบสิปูน บอกพี่มาเถอะ” ดวงตาที่เคยเป็นประกายได้เพียงแค่ครู่หม่นแสงลง “พี่อยากได้ยินจากปากปูนว่าตอนนี้พี่ควรทำยังไง”

“...ขอโทษนะครับพี่ว่าน”

“ปูนจะ...ขอโทษพี่ทำไม” พี่ว่าเลิกคิ้วถาม แต่ดวงตาเศร้า “ก็ไหนว่ายังไม่ได้เป็นแฟนมัน?”

“ถึงผมจะไม่ได้เป็นแฟนเอื้อ แต่ผมก็ไม่ได้คิดกับพี่ว่านแบบนั้นครับ” ผมสบตาพี่เขา เพื่อถ่ายทอดว่าสิ่งที่ผมบอกคือความจริงทั้งหมด “สำหรับผมพี่ว่านเป็นเหมือนพี่สาม พี่บุ๊ค เป็นเหมือนพี่ชายอีกคน…”

“แต่พี่ไม่ได้อยากเป็นพี่ชายปูน…”

“ขอโทษครับ แต่ไม่ว่า…”

“ลองดูก่อนได้หรือเปล่าปูน แค่ลองดู…” พี่ว่านเดินเข้าใกล้ผมเรื่อยๆ และเรื่อยๆ จนเราสองคนอยู่ห่างกันไม่เท่าไหร่ “รู้สึกอะไรหรือเปล่าปูน ตื่นเต้นแบบที่พี่รู้สึกมั้ย”

ไม่เลยสักนิด...ผมไม่รู้สึกอะไรเลยแม้ว่าเราจะใกล้กันมาก กลับกัน ถ้าคนข้างหน้าผมเป็นเอื้อก็คงไม่เป็นแบบนี้ นั่นเพียงพอแล้วที่จะบ่งบอกว่าผมไม่ได้คิดกับพี่ว่านในทำนองนั้น

“ไม่ครับ…”

“ถ้าเราเจอกันเร็วกว่านี้...พี่คงเป็นคนที่โชคดีที่สุด”

ไม่เกี่ยวเลยว่าเราจะเจอกันตอนไหน เมื่อเราตัดสินใจจะชอบใครสักคน มันมีอะไรอีกหลายอย่างที่สำคัญกว่าเรื่องเวลา…

อย่างเช่น หัวใจของเรา...

ผมเหลือบตามองมืออุ่นจัดที่ค่อยๆ วางลงบนแก้มของผมอย่างบรรจง มีพี่ว่านหยาบกร้านเหมือนคนทำงานหนัก ต่างจากือที่แสนจะนุ่มและเรียบเนียนของใครบางคน

“ให้พี่พยายามก่อนได้หรือเปล่าปูน อย่าเพิ่งรีบปิดกั้นตัวเองได้มั้ย”

ผมว่าผมปล่อยให้ตัวเองอยู่ใกล้พี่ว่านเกินไปแล้ว แต่ผมก็ไม่กล้าพอที่จะดันตัวออกห่าง แววตาของพี่ว่านสะท้อนแต่ความเศร้าเสียใจ ผมเห็นมันราวกับเป็นเพียงลูกแก้วบางเบาที่เมื่อโดนกระทบเพียงนิดหน่อยจะแตกสลาย

“ถึงพี่จะรู้ว่าอาจจะไม่ได้ผลเหรอครับ”

“ไม่แน่หรอก...โลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอน วันหนึ่งปูนอาจจะหันมามองพี่ก็ได้ใครจะรู้”

“หรือวันหนึ่งพี่ว่านจะพบว่าคนนั้นของพี่ว่านไม่ใช่ผมก็ได้ใช่มั้ยครับ”

“นี่จะบอกให้เลิกหวังมันทุกทางเลยใช่มั้ย”

“ผมแค่อยากให้พี่ว่านต้องเสียเวลาเปล่า”

พี่ว่านลดมือลงแล้วก้าวถอนยหลังไปสองก้าว ก่อนที่ร่างสูงจะส่งยิ้มจริงใจให้ผม “พี่เชื่อวว่าการที่เรารอใครสักคนมันไม่ใช่การเสียเวลาเปล่าหรอก”

“แต่…”

“อย่าเพิ่งบอกให้พี่ยอมแพ้ตอนนี้เลยนะปูน”

“...”

“และคำขอโทษของปูนพี่ก็ไม่อยากได้ยิน”

พี่ว่านจากไปแล้ว เหลือแต่ผมที่ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี สายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของพี่ว่านยังลอยวนเวียนอยู่ในหัวโดยที่ผมไม่อาจจะลบมันออกไปได้ เป็นครั้งแรกที่ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าผมเจอพี่ว่านก่อนมันจะเป็นอย่างไร ถ้าคนที่เข้าใกล้ผมตั้งแต่ตอนแรกคือพี่ว่านเรื่องราวมันจะไปทางไหน ผมยังจะหวั่นไหวกับเอื้ออยู่หรือไม่

ผมไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ทำได้เพียงแค่ยอมรับในสิ่งที่มันเป็นไป

ผมทำได้แค่ยอมรับว่าวันนี้ผมได้ใจร้ายต่อผู้ชายคนหนึ่งไป

และถึงอยากจะขอโทษเขาเท่าไหร่ เขาก็คงไม่อยากจะรับฟัง


===============================================================
===============================================
พี่ว่านนนนนน คนดีของน้องงง
คิดถึงทุกคนมากค่ะ ช่วงนี้ห่างหายไปขอให้รู้ว่ากำลังเจอมรสุมชีวิต
มิดเทมอนั่นเองงงงง  :hao5:
นี่มาอัพตอนตีสี่แบบนี้ไม่ใช่ตื่นเช้านะคะ ยังไม่ได้นอนเลย 5555
 :sad4: :o12:
ขอบคุณนะคะที่ติดตาม รักทุกคนเลยน้าา
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: MeWeaw ที่ 25-02-2017 07:34:49
 :o12:  พี่ว่าน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 25-02-2017 08:21:47
พระรองที่แสนดี พี่ว่านนนน  :sad4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-02-2017 08:55:14
เรื่องหัวใจไม่เกี่ยวว่าจะเจอก่อนเจอหลัง
สำหรับคนที่ไม่โลเลเผื่อเลือกอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 25-02-2017 09:19:13
ฟีโรโมนออกสินะ ตัวผู้เริ่มมาตอม เอื้ออกแตกตายแน่ เวรกรรมจะตามทันแล้ว
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-02-2017 11:56:49
พี่ว่านของบ่าว น่าสงสารเหลือเกิน  :hao5: :hao5: :hao5: อีเอื้อดีกับ้องปูนเยอะๆนะ ถ้าทำน้องเสียใจพี่ว่านรอเสียบแน่ๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-02-2017 12:12:53
มีพี่ว่านเข้ามาแล้วสมน้ำหน้าเอื้อเบาๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: fyfh34 ที่ 25-02-2017 13:25:35
พึ่งมาอ่านค่ะ สนุกมากเลย จะคอยติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-02-2017 15:50:33
 :L2: :L1: :pig4:

รักพี่ว่าน สงสารด้วย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 25-02-2017 16:34:37
จริงๆก็สงสารพี่ว่านนะ พี่แกเปิดตัวเป็นคนดีหนุ่มอบอุ่นซะขนาดนั้น
แต่คนดีมักเป็นแค่พระรองไง เสียใจนิดนุง แอบเชียร์นะแต่ก็ชอบเอื้อมากเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 25-02-2017 17:29:59
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 26-02-2017 03:34:58
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-02-2017 09:49:33
พระรองก็คือพระรอง ทำดีแค่ไหน เขาก็รักไม่ได้ //หาคู่ให้พี่ว่านหน่อยครับ ^^
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 03-03-2017 18:25:43
บทที่ 23
เมื่อพี่เอื้อหวั่นใจ


ตลอดมาผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าสิ่งที่ผมทำมันเลวร้ายขนาดไหน เดียวมันชอบด่าว่าผมเหี้ย เพื่อนคนอื่นๆ ก็บอกว่าผมเลว แต่ผมไม่เคยสนใจ ผมจะเลวหรือจะเหี้ยแล้วมันยังไงล่ะ นั่นคือความสุขของผม และมันก็ไม่ได้หนักหัวใคร

ครับ ไม่ได้หนักหัวใคร แต่กลับทำให้คนบางคนต้องเจ็บปวดกับการกระทำของผม และผมก็ยังไม่ใส่ใอยู่ดี เพราะคนที่เจ็บมันไม่ใช่ผม

เหี้ยไม่มีใครเกินผมหรอก

แต่ตอนนี้ผมก็ไม่รับรู้แล้วว่าสิ่งที่ผมทำมาทั้งหมดนั้นมันส่งผลยังไงเมื่อผมได้มาเจอกับปูน

เวลาผมมองปูนทีไร ผมก็คิดว่าอยากจะย้อนเวลากลับไปตอนที่เราเจอกันครั้งแรกอีกหน ถ้าผมรู้ว่าตอนนี้ปูนจะกลายมาเป็นคนที่สำคัญ ผมก็อยากจะทำความรู้จักกับปูนใหม่

มิ้มเป็นเรื่องที่ผมพลาด แต่น้ำเป็นเรื่องที่ผมพลาดที่สุดในชีวิต

ทว่าในเมื่อผมย้อนเวลากลับไม่ได้สิ่งที่ผมทำได้ก็คือการทำตอนนี้ให้ดีที่สุด

ผมอยากจะขอบคุณปูนอีกหลายร้อยครั้งสำหรับสิ่งที่ปูนให้กับผม มันเคยบอกว่ามันไม่ใช่คนใจดี แต่เปล่าเลย ปูนใจดีกับผมเสมอ ไม่ว่าผมจะทำผิดต่อมันกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เอาแต่ใจกับมันกี่หน ปูนก็ไม่เคยโกรธและมีรอยยิ้มให้เสมอ

ปูนคงไม่รู้ตัวหรอกว่ามันความใจดีครั้งแล้วครั้งเล่าของมันทำให้ผมรู้สึกผิดมาก จนบางครั้งผมก็อยากจะปล่อยปูนให้ไปเจอคนที่ดีกว่าผม อย่างไอ้ว่านนั่นก็ได้ มันดีกว่าผมเป็นร้อยเท่า ทั้งที่ผมไม่คู่ควรกับปูนเลยสักนิด แต่ผมไม่อาจจะปล่อยปูนไป

ผมรักปูน

คนที่ดีที่สุดของผม

..
.
“ไหนบอกว่าจะดูมันให้ไง ทำไมมันเมาขนาดนี้” ผมขมวดคิ้วถามพี่บุ๊คและไอ้สามหลังจากที่จับปูนใส่รถไปเรียบร้อยแล้ว

“กูก็ว่ากูดูแล้วนะ แต่แม่งจู่ๆ เสือกยกขวดมาแดกซะงั้น” รุ่นพี่เป็นคนตอบ “มึงอ่ะแหละไอ้เอื้อ ไปทำอะไรมันไว้หรือเปล่า”

ทำไว้เยอะพี่ แต่กูเคลียร์กันมันแล้ว

“เปล่า”

“แล้วทำไมมันทำงั้นวะ เล่นเอาพวกกูตกใจเลยนึกว่ามันกำลังอกหัก แต่ติดที่ว่ามึงเพิ่งบอกจะจีบมันไปเมื่อเช้า”

ผมหันกลับไปมองปูนที่คอพับคออ่อนออยู่ในรถ บอกลาพี่บุ๊คและไอ้สามก่อนเตรียมจะกลับหอ ทว่าพอกำลังปิดประตู มือบางก็ยื่นเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อน

“ไงเอื้อ…” เสียงหวานพอๆ กับรอยยิ้มส่งมาให้ผม แต่มันไม่ได้ทำให้ผมเคลิ้มเลยสักนิด ผมไม่สนใจ ทำท่าจะปิดประตูใส่หน้าแต่อีกฝ่ายออกแรงรั้งไว้ก่อน “เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหนล่ะ”

“...”

“นี่ใจคอจะไม่พูดกับเราเลยเหรอ”

“ผมว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกันนะ”

“เย็นชาจังเลยนะ ไอ้เราก็กะว่าจะให้ดูอะไรดีๆ เสียหน่อย จะได้ตาสว่างมากขึ้น…” น้ำยิ้มมุมปากพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา การลากเสียงยาวๆ ท้ายประโยคของเธอเป็นการกระตุ้นความอยากรู้ของผมได้อย่างดี “อยากเห็นอะไรดีๆ หรือเปล่าล่ะ”

“ไม่”

“ทั้งๆ ที่มันเกี่ยวกับไอ้เด็กนั่นน่ะเหรอ”

“จะให้ดูอะไร” ทุกอย่างที่เกี่ยวกับปูนกระตุ้นการอยากรู้ของผมทั้งสิ้น แม้มันจะเป็นเพียงเรื่องโกหกของน้ำก็ตาม

“เอาโทรศัพท์มาสิ”

“ไม่ เอาของน้ำมาให้ผม” เธอกรอกตาแต่ก็ยอมยื่นโทรศัทพ์มาให้ผมจนได้โดยไม่ลืมบอกว่าให้เข้าไปดูในคลังภาพ พอผมกดเข้าไปก็พบภาพที่น้ำเพิ่งถ่ายไว้ไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง

เป็นภาพที่ทำให้ผมต้องกำโทรศัพท์เครื่องสวยแน่นขึ้น

รูปปูนกับไอ้วิศวะหน้าโหดนั่นกำลังยืนอยู่ด้วยกัน ทั้งสองใกล้กันมาก และมือว่านก็ว่างอยู่บนใบหน้าด้านข้างของปูน ผมแกล้งทำเป็นดูรูปด้วยความสนใจแต่จริงๆ แล้วกำลังจัดการลบรูปทั้งหมดและฟอร์แมตที่ไฟล์ขยะ ก่อนจะยื่นมือถือคืนให้น้ำ

“เป็นไง หายโง่ขึ้นมาบ้างหรือยังล่ะ”

“ไร้สาระ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่านะน้ำ” ผมดันน้ำออกห่างก่อนจะปิดประตูรถใส่หน้าเธออย่างจังแล้วขับออกไปในที่สุด

ไม่...มันไม่ไร้สาระเลยสักนิด

ผมอยากระรู้ใจแทบขาดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมปูนถึงปล่อยให้ไอ้ว่านมันอยู่ใกล้ปูนได้ขนาดนั้น ทั้งคู่กำลังทำอะไรกันอยู่ คุยกันเรื่องอะไร แล้วต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้น

แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้...

ผมตั้งสติ ปัดเรื่องที่มันรกสมองออกไปให้หมด หันมาแบกปูนขึ้นหลังพากลับห้องของตัวเอง กลิ่นเหล้าจากตัวมันทำให้ผมต้องเบ้หน้า ท่าทางที่ไอ้พี่บุ๊คบอกว่ามันดื่มจากขวดคงเป็นเรื่องจริง

“ปูน...ได้ยินพี่หรือเปล่า” เรียกเบาๆ “ปูนครับ…”

“อื้อ…” อีกฝ่ายครางท้วงการขัดขวางการนอนหลับ นั่นทำให้ผมเลิกล้มความคิดที่จะปลุกมัน แล้วลุกขึ้นไปเตรียมน้ำอุ่นและผ้าจะอาดเพื่อจะได้ก็จัดการทำความสะอาดร่างกายให้คนไม่ได้สติ เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมได้ดูแลปูนตอนเมา แต่ผิดกันที่ครั้งนี้ผมเต็มใจ

ถ้าได้ดูแลมันตลอดไปก็คงดี

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ปูนจะตกลงให้โอกาสผม และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ปูนจะเลิกเชื่อในตัวผม เพราะแบบนั้นผมจึงต้องทำทุกวินาทีให้คุ้มค่าที่สุด

ปูนยังคงหลับตาพริ้ม แม้ว่าจะมีบางครั้งที่ขมวดคิ้วไม่ชอบใจในความเปียกชื้นที่เกิดขึ้น พอเช็ดแขนขาเสร็จผมก็จัดถอดเสื้อกับกางเกงยีนส์สีอ่อนของมันออก  ตัวของปูนขาวเนียน แม้จะไม่เท่าผมแต่ก็ถือว่าขาวอยู่ดี (ผมว่าผมจะต้องไปอาบแดดให้ผิวมันเข้มขึ้นเสียหน่อยจะได้ดูแมนๆ กว่านี้) ตอนนี้ขึ้นสีแดงงระเรื่อจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์

ร่างกายอันเย้ายวนเบื้องหน้าทำให้ผมต้องพยายามอย่างหนักที่จะหักห้ามหัวใจ

ผมมองตั้งแต่ใบหน้าน่ารักที่ใคนเห็นก็ต้องเอ็นดู ดวงตาสีเข้มที่เวลายิ้มจะปิดสนิททั้งที่เป็นคนตาสองชั้น แก้มที่ชอบขั้นสีระเรื่อเวลาผมเอ่ยคำหวาน ปากที่เถียงผมไม่หยุดแต่ก็ไม่ทำให้ผมโกรธเลย ลำคอขาว...ไหล่ราด หน้าอกขาวเนียน หน้าท้องแบนราบ ไล่ลงมาจนถึงแอ่งสะดือสวย

และ…

พอเถอะ ผมว่าผมควรไปหาเสื้อผ้าให้ปูนใส่ก่อนที่มันจะหนาวจนเป็นหวัดเอา

พอจัดการปูนเรียบร้อยแล้วผมก็เข้ามาอาบน้ำ ภาพจิตนาการของร่างบางบนเตียงทำให้ผมร้อนรุ่มขึ้นจนต้องปลดปล่อยตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ กว่าจะออกมาจากห้องน้ำผมก็เสียเวลาไปหลายนาที

ผมสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับปูน มองหน้าที่ซุกกับหมอนของมันแล้วอมยิ้ม ชะโงกหน้าเข้าไปจูบเบาๆ ตรงหน้าฝากมน ก่อนจะผละออกมาอย่างเสียดาย อยากจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้ แต่ตอนนี้ยังก่อน…

แค่ให้ได้ตื่นมาแล้วเห็นมันอยู่ใกล้ๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วครับ

วันนี้เป็นวันที่ผมรู้สึกท้อที่สุดเท่าที่เป็นมา เมื่อนึกถึงความใกล้ชิดของปูนกับผู้ชายคนอื่นที่ไร กำลังใจของผมก็แทบไม่เหลือ

“ไม่รู้ว่าคืนนี้ปูนจะฝันถึงใคร แต่ขอให้ในนั้นมีพี่ด้วยนะปูน…”

..
.
ในเช้าวันถัดมาที่อากาศค่อนข้างเย็นกว่าปกติ ผมลงไปซื้ออาหารที่ร้านป้าหน้าหอให้ปูน เพื่อรอให้คนขี้เมาตื่นมากิน ปูนไม่ใช่คนตื่นสาย แม้ว่าจะนอนดึกขนาดไหนมันก็ไม่เคยตื่นเกินเก้าโมง วันนี้ก็เช่นกัน ถึงปูนจะไม่มีเรียนมันก็ตื่นตอนแปดโมงกว่าๆ โดยที่ผมไม่ทันปลุก

ร่างโปร่งค่อยๆ ลุกจากเตียงพร้อมกับขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นกุมหัวทั้งสองข้าง ผมเดาว่ามันคงปวดหัวจากอาการเมาค้าง

“เชี่ย...กูแดกไปขนาดไหนเนี่ย” มันพึมพำ ยังไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ห้องตัวเอง แม้กระทั่งอีกฝ่ายจะมองเห็นผมแล้วก็ตาม “เอื้อ…?”

“เรียกทำไม กลัวจำชื่อไม่ได้?” อดกวนมันไม่ได้จริงๆ ครับ

มันเบ้ปาก “เปล่าสักหน่อย แค่สงสัยว่าทำไมมาอยู่ในห้องผมได้”

ผมขมวดคิ้ว ไม่ชอบให้ปูนแทนตัวเองว่า ‘ผม’ เท่าไหร่ มันดูห่างเหินยังไงไม่รู้ สู้กลับไปพูดกูมึงเหมือนเดิมยังดีกว่า

“ปูน”

“อะไร”

“อย่าแทนตัวเองว่า ‘ผม’ ได้ป่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นจะให้แทนตัวเองว่าไงอ่ะ ถ้าไม่ใช่ ‘ผม’ ก็คิดไม่ออกแล้ว ไม่ชินเหมือนกันแหละ”

“ไม่รู้ดิ เค้ากับตัวเองดีมั้ย” ผมอมยิ้ม

“ประสาท” มันคว้าหมอนใกล้ๆ ขว้างมาหาผม เรื่องกลบเกลื่อนความเขินแบบนี้มันถนัดครับ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแนวโวยวายมากกว่า ไม่ค่อยใช้กำลัง

“งั้นก็กลับไปใช้กูมึงได้ พี่ไม่ถือหรอก”

“ไม่เอา” มันส่ายหน้าไปมา สักพักก็หยุดแล้วนิ่วหน้า สงสัยจะปวดหัว “นึกออกล่ะ...จะแทนตัวเองด้วยชื่อให้ก็แล้วกัน”

หึ...นั่นแหละที่ผมต้องการ ผมอยากจะยิ้มนะ แต่เดี๋ยวมันรู้ทันว่าผมคิดเอาไว้แบบนี้แล้ว

“ก็ได้นะ ฟังดูดีกว่าผมเยอะ”

“อ่า...งั้นจะตอบได้หรือยังว่ามาทำอะไรที่ห้องปูน” ฟังแล้วมันชื่นใจจริงๆ ใคร เวลาแทนตัวมันด้วยชื่อแล้วน่ารักกว่าเดิมอีกเท่าตัว

“ปูนดูดีๆ ว่านี่ห้องใคร”

ปูนกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะอ้าปากค้าง “นี่กูเมาแล้วมานอนห้องมึงอีกแล้ว! เอ่อะ...โทษที ลืมตัวอ่ะ”

ไม่ถือสาหรอก เพราะมันก็ดูเป็นปูนดี

“พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีแล้ว...ทำไมเมื่อคืนเมาเละขนาดนั้น” ผมแสร้งตีหน้าตึง เผื่อเด็กดื้อมันจะกลัวขึ้นมาบ้าง และก็คงได้ผล ปูนเสหลบสายตาไปทางอื่น

“ไม่มีไรหรอก เผลอกินเฉยๆ”

“พี่บุ๊คกับสามบอกว่าปูนดื่มจากขวดเลย มีเรื่องอะไรให้กลุ้มใจขนาดนั้นเหรอ” ปูนยังคงเงียบเหมือนเดิม ผมจึงต้องเข้าไปกดดันมันใกล้ๆ โดยการนั่งลงบนเตียงข้างอีกฝ่าย “ปูนครับ...ที่ปูนกลุ้มใจเกี่ยวกับเรื่องของพี่หรือเปล่า”

“เปล่า...ที่จริงไม่ได้กลุ้มใจอะไรทั้งนั้น แค่…”

“แค่?”

“ไม่มีอะไรหรอก”

ร่างโปร่งถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วหันมามองผม แต่ปูนคงไม่รู้สึกตัวว่าเราใกล้กันขนาดไหน เลยไม่ทันระวัง และใบหน้าของเราทั้งคู่ก็ห่างกันไม่ถึงไม้บรรทัด ดวงตาลูกกวางแวววาวเบิกกว้าง คนตรงหน้าตกใจแต่ก็ไม่ยอมถอยหนีเหมือนแต่ก่อน

“ไม่ต้องใกล้ขนาดนั้นก็ได้”

“โกหกไม่เนียนนะ” ผมจ้องเข้าไปในดวงตาของปูน “เรื่องเมื่อคืนบอกพี่ไม่ได้เหลยเหรอ”

“เรื่องอะไร”

“ปูนกับว่าน…” ปูนเงียบไป เหมือนกำลังตกใจว่าผมรู้เรื่องเมื่อคืนได้อย่างไร แต่ก็ไม่ยอมเป็นถามออกมา “พี่เห็นปูนกับว่าอยู่ด้วยกัน”

ผมเลี่ยงที่จะบอกว่าน้ำเป็นคนเอารูปมาให้ผมดู ปูนคงไม่ชอบที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีก

“มันไม่มีอะไร” ตอบพร้อมกับหลบตา นั่นก็พอแล้วที่จะบอกว่าสิ่งที่ปูนพูดออกมามันคือเรื่องโกหก

“แล้วทำไมต้องใกล้กันขนาดนั้น อีกนิดเดียวก็จะจูบกันแล้วมั้ง” ด้วยความน้อยใจที่อีกฝ่ายโกหก ผมเลยเผลอประชดประชันออกไป กว่าจะรู้ตัวอีกที่ก็ทำให้ปูนไม่พอใจแล้ว

นิสัยเอาแต่ใจแย่ๆ แบบนี้คงต้องใช้เวลากว่าจะปรับให้ดีขึ้นได้

“ถ้าจะพูดแบบนี้ก็ถอยไปเลยไป” ปูนผลักอกผมออกแรงๆ

“พี่ขอโทษ พี่แค่อยากรู้แค่เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น ว่านมันทำอะไรปูนหรือเปล่า แล้วทำไมปูนต้องเมาขนาดนั้น”

“...”

“ไม่พูดก็ไม่เป็นอะไร” ผมเข้าใจและยอมรับว่าตอนนี้ผมยังไม่มีสิทธิ์ใจตัวปูน เรายังเป็นคนแค่ที่กำลังศึกษากัน ผมไม่กล้าทำอะไรให้ปูนเบื่อหรือรำคาญ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับปูนเพียงคนเดียว

ปูนจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าผมยอมปูนแล้วทุกอย่าง

ผมกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง รู้สึกว่าปล่อยให้ปูนอยู่คนเดียวตอนนี้คงดีที่สุด แต่ทว่ามือของอีกฝ่ายกลับรั้งเสื้อชายเสื้อของผมเอาไว้

“เวลาที่หักอกคนอื่น...รู้สึกยังไงเหรอ”

คำถามของปูนทำให้ผมเข้าใจว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ว่านคงบอกชอบปูนหรืออะไรสักอย่าง หึ รู้มาตลอดว่าตัวเองมีคู่แข่ง แต่ไม่เคยไม่มั่นใจอะไรขนาดนี้ ต้องยอมรับว่าว่านเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวคนหนึ่ง พูดกันตามตรงแล้วผมไม่มีอะไรสู้ผู้ชายคนนั้นได้สักอย่าง

มีเพียงความรู้สึกของผมเท่านั้นที่ผมมั่นใจว่าผมให้ปูนได้ไม่แพ้ใคร

“ว่านใช่มั้ย”

“อือ” สุดท้ายมันก็พยักหน้า คนตัวเล็กกว่าซบหน้ากับไหล่ของผม ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงดีใจที่ปูนเผลอตัว ปล่อยให้เราได้ใกล้กันมากกว่าเดิม แต่ครั้งนี้ไม่เลย “พี่ว่านมาบอกว่าชอบ แล้วก็ขอโอกาส”

เชี่ยเหอะ...ทำไมมือผมมันสั่นแบบนี้วะ ผมค่อยๆ วางมือลงบนแผ่นหลังของคนที่ซบผมอยู่

ผมกลัว...จะทำยังไงถ้าปูนเกิดสงสารว่านแล้วให้มันเข้ามามีบทบาทในชีวิตปูนมากขึ้น ผมจะทำยังไงดีถ้าวันหนึ่งปูนรู้ว่าผมสู้อะไรว่านไม่ได้เลยสักอย่าง ผมมันโคตรเหี้ย ประวัติเสียๆ ก็เยอะ และเท่าที่ผมรู้มาว่านมันไม่มีอะไรแย่สักอย่าง

ทุกคนต่างเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง และถ้าปูนต้องเลือก...ผมกลัวว่าปูนจะไม่เลือกผม


“ทำไมแม่งมีแต่คนเข้ามาตอนนี้วะ ทีว่างๆ ล่ะหายเงียบไปเลย” มันพึมพำกับตัวเอง ออกแนวหัวเสียเล็กๆ ด้วย ปกติผมคงจะตลก แต่ตอนนี้ตลกไม่ออกครับ

กูเครียด

“แล้วปูนตอบมันไปว่าไง ได้ให้โอกาสมันหรือเปล่า”

“...เปล่าสักหน่อย ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” คนเด็กกว่าเงยหน้าขึ้นจากไหล่ (แอบเสียดายที่ปูนไม่ซบต่อ) คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากัน “อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นดิ ไม่ได้ตกลงคบกับพี่ว่านสักหน่อย”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่พอปูนพูดแบบนั้นแล้วมันทำให้ผมใจชื้นขึ้นกว่าเดิม

“ไม่ได้ตกลงเมื่อคืนต่อไปก็ห้ามตกลงเด็ดขาด เลิกชอบคนของพี่ได้แล้ว” มีกำลังใจดำเนินชีวิตต่อล่ะครับ ช่วงดราม่าเมื่อกี้นี้ถือว่าเปลืองบรรทัดเล่นๆ

“อะไรคือ ‘คนของพี่’ ครับ ไม่ทราบว่าผมไปเป็นคนของคุณตอนไหน”

“ก็ทุกตอนแหละ ตอนนี้ปูนเป็นคนของพี่แล้ว เหลือแต่เมื่อไหร่พี่จะได้เป็นคนของปูน” เนื้อเพลงท่อนฮุคของกะลาแวบเข้ามาในหัวผมทันที

‘เธอเป็นแฟนฉันแล้ว รู้ตัวบ้างไหม แล้วเมื่อไหร่หนอฉันจะได้เป็นแฟนของเธอ’

“ไปบอกกับไอ้ว่านให้ตัดใจจากปูนเลย บอกไปว่าชาตินี้ทั้งชาติปูนก็ไม่มีทางชอบมันหรอก เพราะปูนเป็นของพี่”

ปูนเบ้ปากไม่เห็นด้วยครับ อะไร ผมพูดความจริงนะ เห็นไหมว่าน้องไม่เถียงผมสักคำ

“บอกไปแล้ว แต่พี่เขาไม่ยอม…” ปูนดูหนักใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ มันแสดงออกทางสีหน้าและแววตอย่างชัดเจน “อีกอย่างใครมันจะไปบอกพี่ว่านยังไง ผมไม่ได้เข้าไปในความคิดใครแล้วบังคับเขาได้เหมือนโปรเฟสเซอร์เอ็กซ์นะครับ”

ผมหลุดหัวเราะ เด็กดื้อประชดกลับ ให้กวนตีนได้นี่ผมยอมปูนคนเดียว ช่างหาคำมาเปรียบเปรยเหลือเกิน โปรเฟสเซอร์เอ็กเหรอ เจอแม็กนีโต้เข้าไปจะหนาว เดี๋ยวรู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร

“ครับๆ เข้าใจแล้วครับโปรเฟสเซอร์”

“ก็บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า” ว่าแล้วก็ถลึงตาใส่ผม “แล้วการที่คุณเสียใจ…” แนะยังไม่จบครับ มีการเอานิ้วมาจิ้มที่ไหล่ของผมหนักๆ หลายครั้ง “...มันเกี่ยวอะไรกับผมคนนี้เหรอครับ ดีเสียอีกจะได้รู้ไงว่าเวลาคนอื่นเขาโดนคุณทิ้งมันรู้สึกยังไง”

หน่อยแน่ ยอมให้หน่อยทำเก่งเลยนะครับ ผมจัดการรวบมืออีกฝ่ายไว้ แล้วดึงปูนให้เข้ามาใกล้จนหน้าเราห่างกันน้อยกว่าหนึ่งไม้บรรทัด

“จะใจร้ายกับผมขนาดนั้นเลย?”

“ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่คนใจดี” ดวงตาลูกกวางแวววาวทอประกายซุกซน คงสนุกที่ได้แกล้งผม

“งั้น…”

“จะทำอะไรอ่ะ!!” อีกฝ่ายโวยลั่นตาโตกว่าเดิมในตอนที่ผมก้มเข้าไปหา คราวนี้หล้าเราห่างกันน้อยลงจนเหลือแค่ฝ่ายมือกัน อีกนิดเดียวปากนุ่มๆ นั่นก็จะโดนผมสัมผัสแล้ว “ทะลึ่งแล้ว ถอยออกไปเลย”

ทะลึ่งตรงไหน นี่ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรนอกจากจับมือปูนเฉยๆ เลยนะ น้องปูนของคุณๆ คงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ

“ไม่ได้จะทำอะไร กำลัง...อ้อนคนใจร้ายอยู่...”

ปูนหน้าแดงแปร๊ดเมื่อผมเบี่ยงหน้าจนริมฝีปากเราได้องศาที่จะประกบเข้าหากัน มันไม่กล้าโวยวายหรือพูดอะไร เพราะขยับแค่นิดเดียวปากเราก็สัมผัสกันแล้ว และนั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ

“เผื่อว่าเร็วๆ นี้…” เป็นผมเสียเองที่ขยับ และผมฝีปากเราก็กระทบกันเบาๆ “...ปูนจะใจดีกับพี่...มากกว่านี้หน่อย”

แล้วผมก็เลื่อนหน้าให้สูงขึ้น ก่อนจะแตะจูบแผ่วเบาลงบนแก้มนวลที่เปล่งสีแดงสด

“ฝากไว้แค่นี้ก่อนนะ วันหลังจะมาทวงคืน…”

“...!!”

“หวังว่าจะรออีกไม่นาน”

“ฝะ ฝันไปเถอะ!!!”

เดี๋ยวก็รู้ว่าได้ฝันอย่างเดียวหรือเปล่า

ผมหัวเราะกับท่าทางของปูน มันยกมือขึ้นปิดปากแน่น ถลึงตาขู่ผมเสียยกใหญ่ คงคิดว่าน่ากลัวมากมายทั้งที่จริงๆ แล้วไม่เลยสักนิด กลับตลกเสียมากกว่า พาให้ผมต้องวางมือบนหัวอีกฝ่ายแล้วขยี้ด้วยความเอ็นดู

ปูนเป็นคนพิเศษ เดี๋ยวก็ทำให้ผมกังวล เดี๋ยวก็ทำให้ผมกลัว เดี๋ยวก็ทำให้ผมยิ้ม แต่ทุกอย่างมันทำให้ผมมีความสุขในทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ

♣♣♣♣♣

ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.22 25.02.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 03-03-2017 18:28:29
ผมกำลังนั่งระดมสมองเพื่อทำ conference หรรษาอยู่ครับ สงสัยเหรอว่ามันคืออะไร...อธิบายง่ายๆ ก็คือ พวกเราเป็นกลุ่มๆ จะได้รับโจทย์ซึ่งในที่นี้ก็คือเคสฯ ของผู้ป่วย ส่วนใหญ่ก็เป็นอาการผิดปกติต่างๆ ของระบบร่างกาย ที่เราต้องมาประชุมกันว่าไอ้คนนี้มันเป็นโรคอะไร และส่งผลยังไงต่อต่อระบบการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย มีวิธีรักษาหรือบรรเทาอย่างไร แล้วไปนำเสนอกับอาจารย์และเพื่อนๆ ให้เข้าใจ

ฟังดูเหมือนยากใช่เปล่าครับ จริงๆ แล้วยากกว่านั้นเยอะ ไม่ได้ยากตรงเคสหรอก ยากตรงคำถามจากอาจารย์และเพื่อนที่เกี่ยวกับเคสเราเท่านั้นเอง

เป็นยังไงครับ หรรษาหรือเปล่า บอกเลยว่าสนุกสนานมาก อยากให้คุณมาเจอะเจอกัน (ยิ้มละมุน)

“มึงดูนาฬิกาหลายรอบแล้วนะเอื้อ มีธุระอะไรหรือเปล่า” ผมเหลือบตามองฟิ้ง มันอยู่กลุ่มเดียวกับผมครับ แล้วนอกนั้นก็มีเพื่อนอีกสามคน ซึ่งตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งตั้งใจทำงานอยู่

“เปล่า กูแค่เผลอไปเท่านั้น” ผมไหวไหล่แล้วก้มลงทำงานต่อ อ่า...เชี่ยอะไรเนี่ย คนไข้มีอาการตาพร่า เหงื่อไม่ออกและรู้สึกชาๆ ที่หน้าด้านขวา รวมถึงมือและเท้าทางด้านซ้าย…? อ้อ ลืมบอกไปว่าเคสของเราเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดครับ เมื่อกี้ผมแปลให้เรียบร้อยแล้ว “มึงว่ามันเป็นโรคอะไรเนี่ยแก้ว”

“รู้แล้วจะมานั่งตบยุงแบบนี้เหรอคะคุณเอื้อ” ไม่มีเสียหรอกที่แก้วมันจะพูดกับผมดีๆ พวกมันอาจจะลืมไปว่าผมนี่ระดับเดือนมอนะครับ คำพูดคำจาควรจะให้เกียรติ (เกลียด) หน้าหล่อๆ ของผมหน่อยเถอะ

“กูว่าเราพักก่อนดีมั้ย จะอ้วกออกมาเป็น Textbook แล้ว” แชมป์สมาชิกอีกคนในกลุ่มถาม

แก้ว แชมป์ และฝันเดินออกไปหาอะไรกินที่ร้านสะดวกซื้อข้างๆ คณะ ในขณะที่ผมกับฟิ้งเลือกจะนั่งรออยู่ที่โต๊ะ ผมถอนแว่นสายตาที่ใส่อยู่ออก ผมสายตาสั้นครับ แต่ไม่มากเท่าไหร่ ถ้าปกติก็มองเห็นอยู่ (ไม่งั้นผมจะมองเห็นความน่ารักของปูนได้ไง ฮิ้ววววว) จะใส่ก็ต่อเมื่อต้องทำงานกับคอมพ์ฯ ไม่ก็อ่านหนังสือตัวเล็กๆ เท่านั้น

“น่ะ มึงมองนาฬิกาอีกแล้ว มีอะไรก็ไปทำก่อนได้นะ กูว่าวันนี้แม่งก็ไม่รู้หรอกว่าอีคุณนายคนนี้เป็นโรคอะไร” ฟิ้งหยิบโทรศัพท์มาเล่น

“กูเผลอเฉยๆ” ผมตอบแบบเดิม ปกติแล้วตอนนี้ผมต้องไปรับปูนที่คณะ ไม่รู้ว่าป่านนี้มันจะกลับหอหรือยัง แล้วมันจะกลับยังไง มอ’ไซต์มันดับอนาจไปแล้วครับ ขายเป็นเศษเหล็กอย่างเดียวเท่านั้น “เออฟิ้ง มึงได้ถ่ายรูปตอนกูแข่งปิงปองครั้งสุดท้ายไว้ป่ะวะ”

“ถ่ายๆ แปบนะเดี๋ยวเอาให้ดู” มันพลิกโทร.ศัพท์ให้ผมดู ฟิ้งถ่ายได้ทุกซ็อตเลยครับ บางรู้หน้าผมโคตรแย่อ่ะ เบี้ยวไปมาเหมือนกับโดนต่อย

รูปนี้หล่อว่ะ ผมกำลังกำหมัดสะใจที่ได้คะแนนจากไอ้ก้างฝั่งตรงข้าม

“ถ่ายขนาดนี้ไม่อัดวิดีโอไว้เลยวะ”

“กูอัดไว้เหมือนกัน นี่บางรูปก็ตัดมาจากวิดีโอ” กูถามประชดเสือกทำจริงครับ นับถือใจมึงเลยฟิ้ง สมล้วที่เป็นเพื่อนกูตั้งแต่มัธยม เสียดายที่ฟิ้งกับเดียวดันมาทะเลาะกัน ผมคนกลางเลือกใครไม่ได้เลย “มึงจะเอาเหรอ ปกติแข่งอะไรก็ไม่ค่อยสนใจอยากได้ไปเก็บไว้นี่”

“กูไม่ได้จะเก็บ แต่จะเอาไปให้คนอื่นดู”

“ใคร?” เสียงฟิ้งห้วนกว่าปกติจนต้องเงยหน้าขึ้นมามอง มันจ้องผมนิ่ง แต่ผมก็เป็นฝ่ายหลุบตาลงมองจอโทรศัพท์ที่กำลังทักไปถามเด็กดื้อว่ากลับหอหรือยัง “เอื้อกูถามว่าใคร”

“ไอ้เดียว”

“โกหก มันจะเอารูปมึงไปทำไม วันนั้นมันก็ดูมึงแข่งด้วย”

“ไม่รู้ดิ เอาไปบูชามั้ง จะได้หล่อเหมือนกู” ผมเล่นมุก แต่อีกฝ่ายไม่ขำ เลยต้องบอกความจริงไปในที่สุด “จะเอาไปให้ปูนดู วันนั้นมันไม่ได้มาดูกูแข่งเพราะเพื่อนมันก็ชิงบาสฯ เหมือนกัน”

หน้าฟิ้งนิ่งเรียบกว่าเดิมแต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ ปูนยังไม่อ่านข้อความของผมเลยครับ

“มึงกับน้องปูนนี่สนิทกันนะ กูนึกว่าจะจบตั้งแต่ตอนไปบ้านน้องเขาแล้ว”

“ตอนแรกก็นึกไว้แบบนั้นเหมือนกันแหละ” ผมตอบฟิ้งส่งๆ ไป “มึงส่งรูปมาสักทีดิฟิ้ง เอาทุกรูปเลยนะ วิดีโอด้วยก็ดี”

ผมอยากให้ปูนเห็นตอนผมชนะครับ เหรียญรางวัลยังไม่ได้ต้องรอสโมสรนักศึกษาส่งมาให้ก่อน ถ้าได้แล้วจะให้ปูนเก็บไว้ ถือว่าเป็นของขวัญจากความพยายามของผม และผมก็จะพยายามเพื่อนชนะใจมันให้ได้เหมือนกัน (ใครจะอ้วกเชิญเลยครับ มีเวลาว่างอยู่)

“แล้วทำไมต้องเอาไปให้น้องมันดูด้วย”

“เรื่องของกู” ผมยักคิ้วกวนมัน หวังว่าจะเปลี่ยนเรื่องไปได้ ไม่อยากให้ฟิ้งมันซักไซ้อะไรมาก ไม่อยากปิดมันเหมือนกัน ที่จริงผมอยากบอกมันทุกเรื่องนะ แต่ติดที่มันไม่หวงผมมากเกินไป ถ้าไม่เพราะเรื่องนี้ผมคงสนิทใจกับมันเหมือนกับไอ้เดียว

“แล้วสรุปมึงเป็นอะไรกับน้อง” แต่ดูเหมือนฟิ้งมันจะรู้ความตั้งใจของผม มันไม่ยอมเบี่ยงไปประเด็นอื่นเลย “มึงชอบน้องมันเหรอ”

“เมื่อไหร่จะส่งรูปวะฟิ้ง ถามอยู่นั่นแหละ”

“มึงก็ตอบคำถามกูมาสักข้อดิ” ฟิ้งไม่ได้พูดด้วยอารมณ์ไม่พอใจที่แสดงออกมาทางสีหน้า น้ำเสียงของฟิ้งออกแนวนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความกดดัน “มันจะเลี่ยงไปถึงเมื่อไหร่วะเอื้อ ยังไงมึงกูก็ต้องรู้อยู่ดีถ้ามึงกับน้องคบกัน กูเพื่อนรักมึงนะ ไม่มีเรื่องอะไรของมึงที่กูไม่รู้”

“ถ้าไม่มี แล้วเรื่องที่มึงถามๆ กูมาอ่ะ มึงจะถามทำไม”

“หน้ากูดูให้มึงกวนตีนได้เหรอ” ฟิ้งเริ่มจะใส่อารมณ์ในน้ำเสียงบ้างแล้วเมื่อผมยียวนไม่ยอมตอบคำถามมันเสียที “ตอบมาสักทีสิเอื้อ มึงชอบน้องเหรอ”

“เออ ชอบ”

“แล้วน้องมันชอบมึงมั้ย”

“ชอบมั้ง”

“สรุปว่าเป็นคบกัน?”

“กูต้องตอบขนาดนั้นเหรอ” เอ๊ะ ปูนอ่านไลน์แล้วครับ แถมตอบมาแล้วด้วย มันยังไม่เลิกแฮะ อาจารย์ขอสอนต่ออีกสิบนาที

“มึงต้องตอบ มึงกับปูนเป็นอะไรกันแน่”

“เป็น...คนที่กำลังดูๆ ใจกันมั้ง ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร มันยังไม่มีสถานะระบุชัดเจน รู้แค่ว่ากูกับปูนมีกันก็พอ” ผมคิดไปเองครับ โคตรแถเก่งอ่ะ ที่จริงแล้วเรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยเถอะ ปูนไม่แม้แต่จะบอกมาสักครั้งว่าคิดยังไงกับผม

“แล้วเมื่อไหร่จะเบื่อ นี่มันก็เกินเดือนมานานแล้วนะที่มึงดูอะไรๆ กับน้อง ปกติมึงต้องจบเรื่องได้แล้ว”

ผมขมวดคิ้วมุ่น ไม่ค่อยชอบใจกันคำถามของฟิ้งมันเท่าไหร่ “ทำไมกูต้องเบื่อวะ”

“อ้าว...นี่มึงยังไม่ได้กับน้องมันเหรอ กูก็นึกว่าจะเสร็จมึงไปนานแล้ว”

“ฟิ้ง มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นสักหน่อย แล้วกูก็ชอบปูนแบบที่รู้สึกดีๆ ด้วย ไม่ได้หวังฟัน อีกอย่างปูนไม่ใช่คนใจง่ายแบบนั้น มึงคิดอะไรของมึงเนี่ย”

“จะบอกว่าคนนี้มึงจริงจัง?”

“เออ กูจริงจัง”

“แบบที่เป็นแฟนมึงได้”

“กูรอปูนตกลงอยู่”

ฟิ้งเงียบไปแล้ว มันดูเหมือนกำลังตกใจ และไม่เชื่อในทุกสิ่งที่ผมตอบไป ถึงมันไม่พูดออกมา แต่สายตามันดันฟ้องว่าฟิ้งกำลังประท้วงเรื่องนี้อยู่ในใจ

“น้องมัน...เป็นผู้ชายนะเอื้อ ปกติมึงก็ไม่ได้มีแววว่าจะเบี่ยงเบนไปจากผู้หญิง”

“กูว่ามันเป็นเรื่องของความรู้สึกว่ะฟิ้ง ตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันที่ต้องมาชอบผู้ชาย แต่กูไม่ใช่พวกชอบโกหกความรู้สึกตัวเอง” ผมเกือบพลาดที่ทำเป็นไม่สนใจปูนไปครั้งหนึ่งแล้ว และมันก็ทำให้ผมรู้ว่าเราควรยอมรับหัวใจของเรา “ปูนเป็นผู้ชายแล้วยังไง กูสบายใจและมีความสุขที่ได้อยู่กับปูนก็พอแล้ว”

“...”

“มึงมีอะไรจะถามอีกหรือเปล่าฟิ้ง”

“ไม่มี” ฟิ้งก้มลงมองโทรศัพท์ในมือตัวเองอีกครั้ง มันจิ้มหน้าจอรัวๆ ผมว่าผมต้องเคลียร์กับฟิ้งให้รู้เรื่องก่อนที่เรื่องมันจะแย่ไปมากกว่านี้

“ฟิ้ง”

“อะไร กำลังเลือกรูปอยู่รอก่อน”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วถาม ผมเลยพูดต่อ “ฟิ้ง กูอยากบอกมึงว่าถึงกูจะมีปูนแต่ความสำคัญของมึงยังเหมือนเดิมนะ มึงยังเป็นเพื่อนคนสำคัญของกู ”

“...”

“สัญญากับกูได้หรือเปล่าว่ามึงจะไม่ทำแบบที่แล้วๆ มา กูไม่อยากเสียปูนไป แล้วกูก็ไม่อยากเลิกเป็นเพื่อนกับมึง” ให้ผมเลือกใครสักคนบอกเลยว่าผมทำไม่ได้จริงๆ “มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับกูนะฟิ้ง”

“มึงคงชอบน้องมันมาก...ปกติกูจะทำอะไรยังไงมึงก็ไม่เคยเข้ามาพูดกับกูแบบนี้”

“อือ” คำว่าเพื่อนไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้ และเพื่อนอย่างฟิ้งก็มีคนเดียวในโลก “แต่มึงก็เพื่อนรักกู”

“ย้ำจังนะคำนี้”

“ก็เพื่อนกัน” ผมยักคิ้วให้มันอย่างกวนๆ ซึ้งมันก็ยกนิ้วกลางให้ผมเป็นคำตอบ

ฟิ้งกดที่หน้าจอ ก่อนจะชะงัก แล้วหงายโทรศัพท์ให้ผมดูอีกครั้ง “ขอโทษว่ะ เมื่อกี้กดผิดเลยเผลอลบไปแล้ว”

“จริงดิ กูว่าจะเอาไปให้ปูนดูสักหน่อย”

“ถ้ากูกลับหอแล้วเดี๋ยวส่งให้อีกที”

ผมพนักหน้ารับ เป็นจังหวะเดียวกับเพื่อนๆ ที่หายไปนานกลับมาพอดี มันสามคนนั่งลงประจำที่เดิน แล้วเราก็เริ่มทำงานกันต่อ มันดูไม่ค่อยคืบหน้า ทว่าเราก็ขอหาโรคที่ผู้หญิงคนนี้เป็นได้คร่าวๆ แล้ว งานเราเดินไปเยอะพอควรเมื่อเพื่อนๆ เลิกจะโอเอ้กันเหมือนครั้งแรก

ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของผมก็สั่นด้วยข้อความทางไลน์ ปูนส่งมาว่าเลิกได้สักพักแล้ว แต่กำลังเดินไปวินมอ’ไซต์กลับหอเพราะเพื่อนคนอื่นต้องไปธุระกันต่อ พออ่านแล้วผมก็รวบของทุกอย่างลงประเป๋า ฟิ้งมองผมทุกการกระทำ แต่มันไม่ถามอะไร แล้วก้มจับดินสอเขียนงานต่อ

“มึงมีอะไรอีกป่ะวะ กูขอตัวกลับก่อนได้มั้ย” ผมถามแก้ว มันหันไปมองเพื่อนที่เหลือ

“ได้ๆ แปลเปเปอร์ตั้งหลายอัน กลับก่อนเลยพวกกูจัดการที่เหลือเอง” แชมป์เป็นคนตอบ ผมเลยไม่ลังเลยที่จะสะพายกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน

ผมเดินออกมาพร้อมยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทร.ออกหาปูน มันก็รับสายในการเตือนครั้งแรก “ปูน…”

เป๊าะ!!

“ฟิ้ง จะรุนแรงอะไรขนาดนั้นวะแก”

“โหดมากฟิ้ง ดินสอหักคามือเลย”

ผมหันหลังกลับไปมองแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วคุยกับปูนต่อด้วความเบิกบาน ผมเชื่อใจฟิ้ง ตั้งแต่แรกที่เราเป็นเพื่อนกันมาฟิ้งไม่เคยทำให้ผมรู้สึกแย่ที่ได้เป็นเพื่อนกับมัน

และหวังว่าครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน



==========================================================
=======================================
พี่เอื้อมาทีนี่ยาวๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ นางมีเรื่องจะพูดเยอะ  :laugh:
พี่ฟิ้งจะกลับใจแล้วค่ะ ต่อไปนางจะเป็นคนดีตามเพื่อนนางไป  :hao3:
คิดถึงทุกคนมากกกกกก
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
เลิฟๆ เยยย  :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 03-03-2017 19:18:04
ฟิ้งแอบชอบเอื้อปะเนี้ย แลดูแปลก ๆ นะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 03-03-2017 19:50:19
ไอ้ฟิ้งกิ้งก๊องนี่ต้องชอบ แลดูมันจิตๆ ต้องมีอาการทางประสาทชัวร์เลย
น้องปูนจะเจ็บตัวอีกไหมเนี่ย.
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 03-03-2017 20:00:45
ฟิ้งคงนอยด์ชอบเอื้อมานานแต่เอื้อไม่สนผู้ชายงัยเลยได้แต่แอบรัก ที่ไหนได้เอื้อดันชอบปูน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-03-2017 20:58:08
คู่นี้นี่นะมีแต่เรื่องเข้ามาตลอด
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-03-2017 21:03:20
ฟิ้งแค่ติดเพื่อน ห่วงเพื่อนมากไปใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-03-2017 21:06:51
 :L2: :pig4:

ฟิ้งคือคนที่น่ากลัว
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-03-2017 21:07:12
เอื้อ เชื่อใจเพื่อนมันก้อดีอ่ะนะ
แต่ว่าเรื่องรักๆ หรือแอบรักเนี่ย.......อะไรก้อเกิดขึ้นได้!!
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 03-03-2017 21:40:31
ฟิ้ง นางคือเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-03-2017 22:10:03
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 04-03-2017 02:13:15
ติดตามจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 04-03-2017 14:38:42
จำเป็นต้องหวงเพื่อนเว่อร์ขนาดนั้นเลยหรอฟิ้ง  :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 05-03-2017 11:35:19
ดูสิ เอื้อจะปกป้องน้องได้ไหม :hao4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 05-03-2017 12:26:07
พี่เอื้อคะ ทำให้น้องปูนใจอ่อน ยอมเป็นแฟนให้ได้นะคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-03-2017 15:35:03
ฟิ้งน่ากลัวอ่ะ เป็นบิ๊กบอสของเรื่องนี้เลยป่ะ อย่าทำอะไรพี่ปูนของเรานะ o9
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 10-03-2017 16:17:41
บทที่ 24
เมื่อน้องปูนโดนถาม

ผมมาเรียนด้วยยานพาหนะคันสวยของเดือนมหา’ลัยสุดหล่อ ข่าวร้ายคือรถของผมมันนอนตายสนิท สตาร์ทไม่ติดเป็นที่เรียบร้อย เอื้อพูดคำเดียวเลยตอนเห็นสภาพ

‘ขายเป็นเศษเหล็กจะได้กี่บาท’

มันแช่งรถผมมมม เหอะ เดี๋ยวเอากลับไปซ่อมที่บ้านก็เอากลับมาใช้ใหม่ได้แล้วโว้ย แต่ช่วงนี้ผมคงต้องหาทางไปเรียนด้วยวิธีอื่น ซึ่งเอื้อมันก็เสนอมาว่า

‘ก็ไปกับกูเลยดิ เดี๋ยวเช้ากูไปส่ง ตอนเย็นกูไปรับ’

แหม เข้าทางเลยนะครับ

ผมเดินตรงไปหาเพื่อนรักทั้งสามคนที่นั่งหน้าสลอนมองมาทางผมอยู่ตรงเก้าอี้หน้าคณะ มองหน้าผมแล้วยิ้มกับอย่างนี้พวกมันต้องเล่นอะไรอีกแน่

และไอ้กล้าก็ไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง...

“ชะอุ้ย นายเห็นเหมือนเรามั้ยโพล”

โพล? โพลอะไร โพลดำโพลแดง?

“เห็นสิดิบซี่ แล้วนายล่ะทิงกี้วิงกี้” หืม คราวนี้มาในธีมเทเลทับบี้เหรอ ให้ไอ้โจมเป็นทิงกี้วิงกี้ด้วย?

“เห็น แล้วมึงอ่ะลาล่า เห็นป่ะ”

ป๊าดดดดด คราวนี้ไอ้โจมของเราไม่หักมุกแล้วครับ!! น้ำตากูจะไหลแทนเพื่อนๆ เลยเนี่ย

มึงเก่งมาก! ว่าแต่ทำไมผมต้องเป็นลาล่าด้วยล่ะ! อย่างผมต้องดิบซี่สิ!

“กูไม่ใช่ลาล่าว่ะ กูเลยไม่เห็น”

“ถุยยยยยย!” มึงไม่ต้องถุยพร้อมกับสามคนก็ได้นะ

เอ๊ะ เดี๋ยวนี้ไอ้โจมก็เอาด้วยเหรอวะ

“จะอธิบายมาเองหรือจะให้กูบังคับ” กล้ามันถามก่อนจะเอื้อมมือมาลากผมให้นั่งลงที่เก้าอี้ ต้องใช้คำว่าเอื้อมเลยครับ มันนั่งอยู่อีกฝั่งแต่สามารถึงตัวผมได้ ในขณะที่ฟ้าซึ่งนั่งอยู่ฝั่งเดียวกับผมไม่สามารถยื่นมือมาถึง

ไว้อาลัยแก่ความสั้นของแขนเพื่อนผมหน่อยครับ (_ _)

“อธิบายอะไร”

“เรื่องมึงกับคนที่มาส่งมึงไง ตกลงอะไรยังไงกันแน่ เห็นมาหลายวันล่ะ คันปากอยากเสือกยิบๆ แต่โจมมันห้ามเอาไว้”

แล้วทำไมมึงไม่ห้ามมันไว้ให้ตลอดลอดฝั่งวะโจม ปล่อยให้มันมาถามกูทำไม

“ที่มันห้ามเพราะยังไม่เห็นกับตา แต่วันนี้เห็นพร้อมกันทั้งสามคนเลยจะถามมึงให้หายข้องใจ” อ๋ออออ มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง คือพวกมึงอยากจับให้มันคั้นให้ตายเลยว่างั้น เอาแบบปฏิเสธไม่ได้เลยสินะ

“ก็ไม่มีอะไรนี่ รถกูเสียมาหลายวันแล้ว เลยติดรถมากับเอื้อ” ผมตอบตามจริงไม่มีบิดเบือนแต่อย่างใด แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนๆ จะไม่ค่อยชอบใจครับ

“ไม่ต้องมาทำมึนเลยมึง มึงรู้ว่ากูหมายถึงอะไร” ไอ้กล้ายื่นหน้าเข้ามา ไอ้ห่าตกใจหมด คิดว่าหน้าตัวเองหล่อเหมือน ต่อ ธนภพ หรือไงวะ

“กูไม่รู้จริงๆ ว่าพวกมึงหมายถึงเรื่องอะไร” กระพริบตาปริบๆ พี่ปูนใสๆ ครับ ไม่รู้ความหมายที่เพื่อนแฝงเอาไว้ในประโยค

“ตามึงนี่น่าจิ้มให้บอดมาก ที่กูจะถามคือ…”

“มึงได้ไอ้พี่เอื้อเป็นผัวหรือยัง”

ผม กล้า และฟ้า อ้าปากค้าง ไอ้เชี่ยโจมมมมมมมมม มึงพูดอะไรออกมาหาาา เมื่อกี้ที่บอกว่ามึงแสนดีกูขอถอนคำพูดไอ้เวร!!

“เลอะเทอะแล้วมึงอ่ะ! ถามเชี่ยไรเนี่ย!”

“ทำไม มันเป็นเมียมึงเหรอ กูว่าไม่น่าใช่นะ” กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้นเว้ย! แล้วทำไมต้องมองกูด้วยสายตาเหยียดหยามด้วย!

“เชี่ยโจม!!”

“ที่หน้าแดงเพราะมึงโกรธใช่มั้ยไม่ใช่เขิน”

ไอ้ ไอ้…!!

ผมพยายามยับยั้งและสกัดกลั้นอารมณ์ทั้งหลายในจิตใจเอาไว้ให้มั่นคง ผมต้องไม่หวั่นไหวกับหน้านิ่งๆ และคำถามส้นตีนๆ ของมันเด็ดขาด

“แต่กูว่าน่าจะเขินมากกว่านะ แค่ถามถึงผัวก็หน้าแดงแล้วเหรอ”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยย ผมเกลียดมัน ผมเกลียดมัน!!!

“ไอ้ปูนมึงใจเย็นนนนน!!” ฟ้ารีบคว้าคอผมที่กำลังจะโจนเข้าไปหาไอ้โจมเอาไว้แน่นๆ

“กูไม่เย็นแล้ว มันกวนตีน!!” ผมดิ้นๆ กล้ามันคงรู้ว่าฟ้าคนเดียวไม่อาจต้านทานผมได้เลยมาช่วยจับผมอีกแรง “พวกมึงปล่อยกู!”

“มึงอายคนอื่นบ้างได้มั้ยไอ้ปูน ไอ้เชี่ยโจมนี่ก็แม่งไปแกล้งมันอยู่ได้ แล้วใครเดือดร้อน! พวกกูไง!! โอ๊ย...มึงเบาๆ หน่อยปูน” กล้าใช้แรงอันมหาศาลกดตัวผมลงกับเก้าอี้เหมือนเดิม ส่วนตัวผมได้แต่หายใจฟึดฟัดอย่างกับกระทิงหนุ่มที่กำลังโมโห ถ้าเป็นประทิงผมจะขวิดไอ้คนที่มันนั่งอมยิ้มคนแรกเลย!

“แล้ววันนี้กูจะได้เสือกเรื่องมันป่ะเนี่ย มึงทำเสียเรื่องเลยโจม คนมองเต็มแล้ว” ฟ้ามันก้มหน้า พยายามใช้มือปิดๆ ไว้แต่อยากจะบอกว่าไม่ได้ผลหรอก คนทั้งคณะมองมาทางนี้กันหมดแล้ว

“มึงจะเสือกอะไรอีก แค่นี้ยังไม่ชัดหรือไง”

“ไอ้โจม!”

“เอาล่ะๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้” โจมไหวไหล่ “พวกมันก็แค่อยากรู้เรื่องมึงกับไอ้พี่เอื้อเท่านั้นแหละ”

“แล้วทำไมไม่ถามดีๆ วะ” ผมมองค้อน ทำให้กูต้องออกกำลังแต่เช้าเลย

“แหมะ ทำอย่างกับมึงจะตอบนครับ เล่นลิ้นอยู่ได้” ไอ้กล้ากระแนะกระแหน “ไหนๆ ก็ขนาดนี้แล้ว ช่วยบอกเพื่อนๆ อย่างพวกกูหน่อยเถอะว่ามึงกับพี่เอื้อของมึงเป็นยังไงกันแน่”

“มันไม่ใช่ของกู”

“เออๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แล้วมึงกับมัน…”

“เดี๋ยว!! รอกูด้วย!!” เสียงตะโกนดังลั่นเรียกให้พวกเราเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็พบกันไอ้ตัวเสือกเบอร์สองอย่างไอ้บอยกำลังก้าวขาเร็วๆ มาทางเรา มันนั่งลงแล้วส่งยิ้ม “โอเค เริ่มใหม่ได้”

“อ่าฮะ” กล้าพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยปากถามอีกครั้ง “คราวนี้ก็ตอบได้แล้วนะ…”

“หยุดค่ะ! รอสวยก่อน!”

“ไอ้ผัวเมียคู่นี้นี่!” ฟ้ากรอกตาก่อนจะขยับที่ให้หนูนาที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับมัน “ที่มีตั้งเยอะแยะนะ มึงก็มาเบียดกูเนี่ย!”

“ก็ต้องการใกล้ชิดกับเพื่อนปูนนี่นา” มึงก็พูดเลยครับว่าอยากเสือกแบบใกล้ๆ เข้าใจง่ายกว่าเยอะ

พอหนูนามาจี๊ดก็มาครับ จำจี๊ดสาวเงียบไร้บทบาทของเราได้หรือเปล่า เธอเป็นน้องสาวแท้ๆ ของพี่จิ๊บด้วยล่ะ ผมก็เพิ่งรู้วันไปเลี้ยงสายครับ แต่นิสัยนี่ต่างกันราวฟ้ากับเหว ถึงว่าเป็นเพื่อนกับหนูนาได้ แต่คราวนี้จี๊ดของเราไม่เฉยเหมือนแต่ก่อน เธอก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ให้กับสนใจกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ

“ต่อเลยมึง”

“โอเค มีใครจะเสือกอะไรอีกมั้ยครับผมจะได้รอ” กล้ามันพูดขึ้นเสียงดังๆ พลางหันไปมองรอบๆ มึงนี่ก็ไม่มียางอายใดๆ เลยนะ เขาหันมามองทางนี้กับหมดแล้วเว้ย! แล้วคุณๆ ครับ ไม่ต้องกางหูตั้งในฟังขนาดนั้นก็ได้ครับ!

“กูจะถามแล้วนะ” มันว่าพลางสอดสายตามองไปรอบๆ “มึงกับไอ้พี่เอื้อเป็นยังไงกันแน่”

“ก็...รู้จักกันไง”

“ไอ้รู้จักกูก็รู้จักเว้ย มึงรีบตอบๆ มาสักทีเถอะ อย่ามาตอแหลใส่พวกกู” ด่าอะไรไว้หน้ากูนิดนึงฟ้า

“งั้น...พี่น้องคนสนิท”

“มึงคิดว่ามึงเป็นดาราเหรอ ตอบให้มันเหมือนคนทั่วไปหน่อย” แล้วดาราไม่ใช่คนทั่วไปเหรอหนูนา

“ก็กูไม่รู้จะตอบยังไงนี่ เราไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ”

“แล้วที่ไปมาส่งมึงทุกเช้า มารับมึงทุกเย็น มาหากันที่คณะบ้าง ไปกินข้าวด้วยกันเกือบทุกวันนี่คืออะไรวะ” มึงไม่ต้องละเอียดมากมั้ยล่ะไอ้กล้า ก็ไม่ได้ทุกวันขนาดนั้น บางวันก็ไปกับพวกมึงไงทำไมไม่นับวะ

“ก็…” ผมกำลังจะคิดหาคำตอบที่มันครอบคลุมสถานะของเราสองคนได้ดีที่สุด

“พี่มันจีบมึง?”

“คงประมาณนั้น” ผมตอบไอ้บอย

“นี่ยังจีบกันอีกเหรอ ทำอย่างกับเป็นแฟนกันแล้วเลย” กูไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้นไหมล่ะไอ้บอย

“มันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้นเถอะ พวกมึงไม่ต้องรู้ก็ได้”

“หรือแปลง่ายๆ คือไม่ต้องเสือก” ขอบใจมากเพื่อนโจม มันเป็นคนที่ไม่สนใจอะไรแล้วนั่งเล่นมือถืออย่างเดียวครับ ก็แน่นอนสิ แกล้งกูไปตั้งเท่าไหร่แล้ว “เอาเป็นว่าพวกมันดูๆ กันอยู่ เพราะเพื่อนเราแม่งเสือกเล่นตัว”

“มันไมใช่อย่างนั้นเว้ย!”

โจมเงยหน้าขึ้นมองผม แล้วยิ้มมุมปาก แบบ ‘กูรู้น่า’ อ้อ มันกำลังจะพยายามจะช่วยผมจากไอ้พวกนี้สินะ ต้องกราบขอบใจมันหรือเปล่าครับบอกผมที!

“กรี๊ดดดดด!”

พวกผมสะดุ้งก่อนจะหันไปมองต้นเสียง ไม่ใช่หนู่นาแต่เป็นจี๊ดครับ เสียงกรี๊ดนี่จี๊ดสมชื่อจริงๆ ในขณะที่พวกผมกำลังมองจี๊ดอย่างอึ้งๆ หนูหนากลับหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า

“จี๊ดมันเป็นสาววายน่ะ ชอบเรื่องชายรักชายเป็นพิเศษ”

“ใช่ๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นปูนกับพี่เอื้อเราอ่ะโคตรฟินเลย ตอนแรกก็ว่าว่านปูนฟินแล้วนะ เอื้อปูนนี่กินขาด!”

พระเจ้า! ผมไม่คิดเลยว่ามนุษย์เงียบจะมีมุมแบบนี้ด้วย หน้าเธอบ่งบอกหมดเลยครับว่าตอนนี้ฟินขนาดไหน

“แล้วเรื่องพี่น้ำอ่ะ” ฟ้าถามขึ้นพร้อมเหล่ตาไปมองโต๊ะที่กลุ่มพี่น้ำนั่งอยู่ “พี่เอื้อเคลียร์แล้วเหรอ”

“อือ พี่เขาคงไม่มายุ่งแล้วอ่ะ” บอกตามตรงว่าก็ยังไม่มั่นใจ เพราะตั้งแต่วันนั้นผมยังไม่ได้เจอกับพี่น้ำเลย แต่การที่พี่เขาไม่เข้ามาหาเรื่องก็ถือว่าเรียบร้อยดีแล้ว

“โอเคสรุปว่าเพื่อนเราเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วสินะ” กล้ามันยกมือขึ้น ทำท่าเช็ดน้ำตาที่ไม่ได้ไหลสักหยด “กูดีใจด้วยนะปูน มีแฟนทั้งทีก็ได้สามีเลย”

“นั่นสิ น้องปูนของกูมีผัวเป็นเดือนมหา’ลัยเลยนะ ภูมิใจจริงๆ”

มึงยังไม่เลิกใช่มั้ยไอ้โจม ไอ้เพื่อนทรยศ!!

..
.
วันนี้ผมทำตัวประหนึ่งเซเลปฯ ชื่อดัง (ครับ เซเลปฯ ไม่ใช่เศษเล็บแต่อย่างใด) นั่งตอบคำถามพี่ๆ นักข่าว (หรือนักเสือก) ซึ่งก็คือไอ้เพื่อนๆ ตัวดี เท่านั้นยังไม่พอ ทำอะไรแต่ละครั้งจะเป็นกระแสให้พวกมันแซวเสมอ แค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมามันก็ชะโชกหน้ามาเสือกไม่ได้หยุดพัก พอพบว่าผมเล่นเกมแม่งก็ไม่สนใจ ถามจริงๆ พวกมึงอยากให้กูทำอะไรกันเหรอ (กระพริบตาถาม)

เย็นนี้เป็นเย็นที่ดีเหมาะสำหรับการเดินเล่นเป็นอย่างยิ่ง ถามว่าเอาอะไรมาตัดสิน...ก็ต้องบอกว่าเอาความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ครับ ตอนแรกผมกะว่าจะมาเดินคนเดียว แต่ก็นั่นแหละ ยังไงก็ต้องมีตัวแถมมาด้วยอยู่แล้ว

สาบานว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกัน สาบานว่าผมยังไม่ตอบตกลงอะไรกับอีกฝ่าย ทำไมต้องทำตัวประหนึ่งเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันแบบนี้ด้วยวะ

พี่ปูนงงจริงๆ

“เฮ้อ!” นี่ไม่ใช่เสียงถอนหายใจแบบคนปลงๆ แต่อย่างไร แต่มันเป็นเสียงถอนหายใจแรงๆ ของคนที่อารมณ์ไม่ดี เอื้อเป็นคุณชายอย่างไรก็เป็นคุณชายอย่างนั้น แค่อากาศร้อยก็ทำให้เขาอารมณ์เสียแล้ว ยิ่งมาเจอคนแออัดเบียดเสียดคุณชายยิ่งไม่เอาเลยครับ

ถามว่าผมสงสารมั้ย...ตอบเลยว่าไม่ ก็บอกแล้วว่ามาเดินคนเดียวได้ ไม่ต้องตามมา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอม

‘ปล่อยไปคนเดียวได้ไง เดี๋ยวใครฉุดไปพี่จะทำยังไง แบบนี้ยิ่งหายากๆ อยู่’

เดี๋ยวๆ ตกลงนี่ยังเป็นคนอยู่ใช่มั้ย

“ปูนจะหาซื้ออะไรเดี๋ยวพี่ช่วยหา”

“ไม่ได้จะมาหาอะไร มาเดินเล่นเฉยๆ” เข้าใจอารมณ์คนอยากเดินเล่นหรือเปล่าครับ อยากเดินดูโน้นนี่ไปเรื่อย อะไรน่าสนใจก็ซื้อ อะไรน่าดูก็หยุด

“งั้นไปเดินเล่นที่อื่นมั้ย ห้างก็ได้”

“มันไม่เหมือนกัน” ผมตอบโดยไม่หันไปมองอีกฝ่าย สงสัยว่าเอื้อจะทนไม่ให้ฟิวส์ขาดได้นานขนาดไหน บอกถามตรงว่าผมเป็นลูกชาวไร่ ไม่ค่อยชอบเดินห้างเท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมานัดกันทีไรก็จะไปแต่ห้างตลอดเพราะผมเกรงใจเอื้อ ไม่อยากให้อีกฝ่ายลำบากหรือหงุดหงิด ครั้งนี้ผมก็แค่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตามใจผมได้แค่ไหน

“ไม่เหมือนกันตรงไหน ของกินก็มี ของใช้ก็มี”

ผมหยุดเดินแล้วหลบเข้าไปในซอกหลืบหนึ่งที่ไม่ขวางทางคนอื่น ก่อนจะหันไปหาเอื้อ อื้อหือ...ถ้าไม่มาเดินตลาดด้วยกันผมจะคิดว่ามันไปวิ่งห้าร้อยเมตรมานะ เหงื่อเต็มตัวเลย

“กลับไปก่อนได้นะ” ไม่อยากให้มาลำบากด้วยกับ แม้ว่าลึกๆ แล้วจะเสียใจนิดหน่อยถ้าอีกฝ่ายกลับไปก่อนจริงๆ

“ทำไมชอบไล่พี่อยู่เรื่อยเลยวะ” ผมตกใจ อยู่ๆ เอื้อก็ขึ้นเสียงใส่ครับ ได้แต่กระพริบตาปริบๆ ใส่ คือกูไม่ได้ไล่ไง แค่เห็นว่าไม่ชอบก็เลยอยากให้กลับก่อน

เอื้อขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจแรงๆ อีกรอบก่อนจะหมุนตัวเดินหนีผมไปกับสวนกันทางที่เราเดินมาเมื่อครู่ ทิ้งผมไว้ให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ มองตามอีกฝ่ายที่หายไปพร้อมกับผู้คนแล้วคิดกับตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้

เฮ้ยยยยยยยยยย ไอ้เชี่ยยยยย มันอะไรวะ มันทิ้งผมเหรอ!!

อย่างนี้ก็ได้!?

แล้วกูจะเอาไงต่อวะชีวิต คือที่ไปนี่ไปเฉยๆ กลับไปรอที่รถ หรือกลับหอไปเลย แล้วผมต้องตามไปมั้ยหรือจะปล่อยมันไป แต่ผมมากับมันไง ถ้าปล่อยมันไปแล้วผมจะกลับยังไงล่ะ ตลาดนัดกับหอก็ไม่ได้ใกล้กันขนาดนั้นนะ ถึงเดินไปได้แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยอยู่ดี

ผมยืนรออยู่สักพักเผื่อว่าเอื้อจะคิดได้แล้วย้อนกลับมา แต่นั่งมองคนก็แล้ว นั่งตบยุงก็แล้วเอื้อก็ไม่กลับมาสักที นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกไปแล้วไปลับ

กล้าทิ้งผมได้ยังไง ทิ้งผมไว้ได้ยังไง ไหนใครมันบอกว่ากลัวผมโดนฉุดไง ไหนใครมันอ้อนขอโอกาส แค่นี้ยังทิ้งผมเลย!

ถึงจะเสียใจและน้อยใจเล็กน้อยแต่ผมก็ต้องก้าวเดินต่อไป ไม่มีอารมณ์จะดูอะไรแล้วครับ ตอนนี้อะไรต่างกูรกตาสำหรับผมไปหมด จากตอนแรกที่ผมยังรู้สึกสบายๆ กลายเป็นหงุดหงิดกับทุกสิ่ง อากาศที่ร้อนและอบอ้าวชวนอารมณ์เสีย คนที่เดินกันไปมาก็พาลให้ผมเวียนหัวคลื่นไส้อย่างช่วยไม่ได้ และที่สำคัญ...ทั้งที่บอกไปว่ามาเดินคนเดียวได้แท้ๆ แต่ทำไมพอมาเดินคนเดียวจริงๆ แล้วมัน...โหวงๆ อย่างบอกไม่ถูก

ไม่น่าปากดีบอกให้เอื้อกลับไปเลย

หมับ!

ไหล่ผมถูกกระชากจากด้านหลังพร้อมๆ กับถูกดึงให้ตามแรงใครคนหนึ่งไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนที่ผมจะได้โวยวายอะไร ตัวของผมก็หลุดออกจากผู้คนที่วุ่นมามาอยู่ตรงที่โล่งว่างเล็กๆ ในซอกอีกครั้ง

กำลังจะหันไปมองว่าใครกันที่มันอาจหาญทำกับผมถึงขนาดนี้ แต่ก็ได้เสียงดุเข้มๆ คุ้นหูกลับมาก่อน

“ทำไมไม่รออยู่ที่เดิม!”

“อะ...เอื้อ?”

“เดินออกมาทำไม พี่ตกใจแทบแย่ที่กลับมาแล้วไม่เจอ” โอ้โหพี่ปูนขึ้นเลย พูดแบบนี้หัวร้อนเลยครับ

“แล้วจะไปรู้เหรอว่าจะกลับมา! เห็นเดินออกไปเลยขนาดนั้นก็คิดว่าจะทิ้งแล้วกลับไปก่อนดิวะ!”

“จะทิ้งได้ไงเล่า สำคัญขนาดนี้ทิ้งไม่ลงหรอก ไม่มีวัน!”

“...”

ทำไมผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกๆ ไปวะ อสำหรับเอื้ออ่ะไม่แปลกหรอก เพราะเจ้าตัวยังคงคอนเซปต์อารมณ์เสียอย่างต่อเนื่อง ส่นวคนที่แปลกไปน่ะคือผม ทั้งที่เมื่อกี้ผมกำลังหงุดหงิดอยู่แท้ๆ มองอะไรก็เป็นสีแดงเพลิงไปหมด ทว่าตอนนี้มันเริ่มปรับให้อ่อนลงจนกลายเป็นสี…

ชมพูอมม่วง?

อาลัยให้ความแมนของกูด้วย
 
“ก็แล้ว...เดินหนีไปทำไมเล่า” ผมปรับเสียงตัวเองให้ซอล์ฟลง คือไม่ได้กลัวเอื้อโมโหนะ แต่แบบอารมณ์ตอนนี้มันไม่ได้จริงๆ ให้ตะโกนโวยวายแบบเมื่อกี้ไม่เอาแล้ว

“เห็นว่าร้อนก็เลยไปซื้อน้ำมาให้กิน” ผมก็เพิ่งสังเกตว่ามืออีกฝ่ายไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนตอนแรกแต่มีถุงน้ำอัดลมที่น้ำแข็งอัดแน่นแค่เห็นก็รู้สึกว่ามันแผ่ความเย็นออกมา กับอีกมือที่มีลูกชิ้นอยู่หลายไม้

ใครจะไปรู้วะว่าจะไปซื้อมาให้ ไม่บอกสักคำ ผมผิดหรือไงเล่า

“มากินก่อน จะเดินอีกนานไม่ใช่เหรอ” ผมยังนิ่ง คือไม่ใช้อะไรแค่รู้สึกผิดอยู่ เมื่อกี้ด่ามันในใจไปเยอะ “เร็วๆ ครับ หรือว่าจะรอให้ป้อน”

โอเค เลิกรู้สึกผิดก็ได้

เอื้อส่งลูกชิ้นพร้อมกับน้ำมาให้ และความที่คุณชายเขาเป็นคนเก็บรายละเอียดจึงไม่ได้มีแค่น้ำอัดลมเท่านั้นแต่ยังมีขวดน้ำเปล่าติดตาด้วย แล้วคนรักสุขภาพอย่างผมก็ต้องเลือกกินน้ำอัดลมสิครับ

อ่า…หวาน...ชื่นใจ

“อารมณ์ดีขึ้นแล้วดิ”

“อะไร ไม่ได้อารมณ์เสียสักหน่อย” บอกเลยกูตอแหล เมื่อกี้เหวี่ยงชนิดที่แบบอารมณ์ล้วนๆ แต่เอื้อก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำแต่เพียงยิ้มๆ แต่เหงื่อนี่ไหลย้อยมายันคาง

เออ...สงสารแล้วครับ พี่ปูนไม่อยากเป็นคนใจร้ายแล้ว

“กลับกันเลยเถอะ ไม่เดินต่อแล้ว”

“เดี๋ยวโบกเลยครับ” อะไรจะมาโบกอะไร โบกมือทักทายเซย์ไฮเหรอ “อุตส่าห์เดินมาขนาดนี้แล้ว เดินต่อได้พี่โอเค”

“แต่…”

“ไม่มีแต่ ของมันก็เยอะดี ดูเพลินๆ ไม่คิดอะไรมาก”

ถามเอื้อพูดแบนั้นผมก็จะไปเถียงอะไรได้ มันเป็นความต้องการของอีกฝ่าย เพียงแต่…

“เอื้อ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องฝืนหรอกนะ”

เอื้อนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มละมุนที่ทำให้ผมใจเต้นแรงอีกครั้ง

“ไม่ฝืนหรอก อยู่กับปูนพี่ไม่เคยฝืน แล้วก็ชอบมากๆ ด้วย”

ตายไปอย่างสงบเลยครับทุกคน...แอ่ก!

ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.23 3.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 10-03-2017 16:19:13
♣♣♣♣♣

โรงอาหารกลางไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยครับ คนเยอะอย่างไรก็คนเยอะอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง นี่เดินมาหลายก้าวแล้วยังหาที่นิ่งไม่เจอเลย

“มึง...เดินย้อนไปกินที่คณะดีมั้ย” ผมถามเพื่อนอีกสามชีวิตที่เหลือ ซึ่งคนแรกที่ตอบผมเป็นไอ้กล้า

“ไม่เอาเว้ย กูขี้เกียจกลับไปแล้ว ต้องเรียนที่นี่ต่อจะเดินไปให้เหนื่อยเพื่อ?” ก็มันไม่มีที่นั่งไงมึงงง มึงจะนั่งพื้นเลยมั้ยล่ะ

“งั้นมึงก็ไปหาที่นั่งมากล้า” โจมมันสั่งเสียงเข้ม เพราะคนเยอะตอนนี้มันเลยหงุดหงิดแล้วด้วย กล้าต้องวิ่งแจ้นไปหาที่ว่าตามคำสั่งมัน

ระหว่างที่ผมกำลังสอดส่ายสายตาหาที่นั่งให้ตัวเองและเดอะแก๊งอยู่นั่นสัมผัสหนักๆ ที่ไหล่ก็เกิดขึ้น พอหันไปมองก็พบว่าเป็นคนที่เพิ่งแยกกันไปเมื่อเช้าและเพื่อนของเขา…

เอื้อ พี่เดียว และ...พี่ฟิ้ง

เฮ้ยยยยย เฮ้ยยยย พี่ฟิ้งจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย ตัวเป็นๆ ที่ส่งยิ้มมาให้ผมใช่มั้ย

“พี่เดียว พี่ฟิ้งหวัดดีครับ”

“ทำไมไม่หวัดดีพี่มั่งอ่ะ” เอาเลยครับ ความกวนตีนนี่ไม่มีใครเทียบกับพ่อเดือนมหา’ลัยคนนี้ได้ ที่เอื้อมันได้ตำแหน่งนี้คงเพราะน่าตาดีอย่างเดียวแน่นอนครับ ถ้าเขาพิจรณานิสัยมันคงตกรอบแรกเลย ฮาาา (อย่าเอาไปบอกมันนะ)

“อยากเป็นแค่พี่เหรอ” พอตอบกลับไปแบบนี้คนถามยิ้มแป้นเลยครับ

“ไม่อยากเป็นพี่ อยากเป็นอย่างอื่นอ่ะ เมื่อไหร่จะได้เป็น” เสี่ยวไม่ดูเวล่ำเวลาเลยนะพ่อคุณ

ผมเลือกที่จะไม่ตอบมันก่อนจะสะกิดโจมกับฟ้าให้หันมาทำความรู้จักกับรุ่นพี่ทั้งสองคนที่ยืนหล่ออยู่ข้างหลัง โจมมันเลิกคิ้ว จ้องหน้าเอื้ออยู่เกือบนาทีจนผมคิดว่ามันจะไม่ไหว้เอื้อแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ยกมือขึ้นมาสวัสดีจนได้ (นึกว่ามันจะมีเรื่องกันเสียอีก)

“พวกมึง กูได้ที่แล้ว...อ้าว” ไอ้กล้าที่หันมาเรียกชะงัก ตามันเบิกกว้างกว่าปกติเล็กน้อย ก่อนที่จะยกมือขึ้นไหว้ “หวัดดีครับพี่”

เอื้อไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ ผิดกับพี่เดียวที่ส่งยิ้มคืนมาให้ แหม อยู่กับคนอื่นนี่มาดเข้มตลอดเลยนะครับ นี่คนหรือกาแฟดำ เข้มได้ใจจริงๆ

ผมแนะนำพี่เดียวกับพี่ฟิ้งให้เพื่อนๆ รู้จัก ไอ้กล้านี่มองพี่ฟิ้งตาค้างไปเลยครับ เหอะๆ ระวังโดนฟ้าโบกหัวนะมึง “ไหนอ่ะโต๊ะที่มึงบอก เอื้อกับพี่ๆ เขาจะนั่งด้วยนะ” ผมถามไอ้กล้า มันทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย

“ตรงนั้นอ่ะมึง” แน่ะ ยังมีการส่งสารตาให้พี่ฟิ้งด้วยครับ เดี๋ยวฟ้าได้โบกหัวมึงเข้าให้จริงๆ หรอก

ไอ้กล้ากับไอ้ฟ้าเดินนำคนอื่นไปที่โต๊ะที่มันชี้บอกเมื่อกี้ ผมกับเอื้อเดินรั้งท้ายของกลุ่ม ตามหลังพี่เดียวกับพี่ฟิ้ง ตอนนี้ต่อมเสือกทำงานแล้วครับ

“เอื้อๆ พี่เดียวกับพี่ฟิ้งเขาดีกันแล้วเหรอ” อยากรู้มาก จำได้ว่าสองคนนี้ทะเลาะกันแรงอยู่ ถ้าผมเป็นพี่เดียวคงงอนพี่ฟิ้งอีกนาน

“อือ ฟิ้งมันไปขอโทษเดียว ตอนนี้เลยกลับมาเป็นดรีมธีมเหมือนเดิมแล้ว” พูดแล้วก็ยักคิ้วกวนๆ มาให้ แต่ผมรู้ว่าจริงๆ เอื้อดีใจมากขนาดไหนที่เพื่อนกลับมารวมตัวได้แบบนี้

พอเดินมาถึงโต๊ะ วางกระเป๋าได้ผมก็นั่งลง ฟ้านั่งข้างโจม ไอ้กล้าสะเออะนั่งข้างพี่ฟิ้งคนน่ารัก ผมกับเอื้อนั่งข้างกันและอีกข้างหนึ่งของผมเป็นพี่เดียว

“ไอ้เดียวมึงไปนั่งฝั่งโน้นเลย” ปัญหาเยอะจริงนะ

“กูจะนั่งตรงนี้...มีปัญหาป่ะ” พี่เดียวนี่ก้ขยันกวนเอื้อใช่ย่อยเหมือนกันนะครับ

“งั้นปูนเปลี่ยนที่กับพี่”

“อย่าเยอะดิเอื้อ” ผมฉุดมือมันที่กำลังจะลุกให้นั่งลง “พี่เดียวก็อย่าแกล้งเอื้อสิครับ”

“เดี๋ยวนี้ดุพี่เหรอปูน...ใช่สิ พี่มันไม่สำคัญแล้วนี่” อะไรคือการที่พี่ตีหน้าเศร้าครับ เชิญพี่ไปอยู่กับไอ้กล้าเลย มีไอ้บอยอีกคนคงตั้งทีมนักแสดงได้ล่ะ เจ้าบทบาทกันเหลือเกินแต่ละคน

“มึงไม่สำคัญตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก” ได้ทีเอื้อมันล่ะครับ

“พวกมึงเลิกเถียงกันเถอะ ไม่อายน้องหรือไง” นั่นไงล่ะโดนพี่ฟิ้งดุเข้าให้ พี่เดินเลยสะบัดหน้าไปนั่งอีกฝั่งกับไอ้กล้าแทน ผมก็อยากจะตามไปง้อนะ แต่ติดว่าขี้เกียจครับ

ทุกคนทะยอยกันไปซื้อข้าวและไม่นานก็กลับมารวมตัวกันใหม่ พวกเราพยายามเลือกอาหารที่รวดเร็ว และไม่เรื่องมาก หิวมากครับตอนนี้ กินวัวได้ทั้งตัวแล้ว

พี่ฟิ้งสาละวนอยู่กับการเปิดชวดน้ำอยู่นานสองนานจนเอื้อทนไม่ไหว “กูเปิดให้มั้ยฟิ้ง”

“เออเอาดิ” พี่ฟิ้งส่งขวดน้ำมาให้ พี่เขามือเล็กกว่าเอื้อมากครับถึงแม้จะเป็นผู้ชายด้วยกัน และด้วยความแข็งแรงเกินคน มันก็เปิดขวดน้ำได้อย่างง่ายดายในการบิดครั้งแรก

“มึงแม่ง ไม่เคยเปิดได้เลย”

“ก็มีมึงเปิดให้แล้ว” ผมรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้กับบทสนทนาเมื่อกี้ ไม่ได้แปลกกับเอื้อแต่แปลกกับพี่ฟิ้ง แปลกแบบหาคำอธิบายไม่ได้ สายตาที่มองเอื้อเหมือนมีอะไรแอบแฝง

“มองแบบนี้อยากให้พี่เปิดให้บ้างเหรอ”

“ไม่ต้องหรอก เปิดเองได้” แต่ไม่ทันครับ เอื้อเอาขวดของผมไปถือแล้วเปิดออกพร้อมใส่หลอดมาให้เรียบร้อยแล้ว

ไอ้กล้าจ้องมองอยู่นานแล้วเบ้ปากเลยครับ มันคงคันปากอยากจะแซวเต็มทนแต่ไม่กล้า

“ทีกูไม่เคยเห็นดูแลแบบนี้บ้างเลย” ไม่ต้องถึงมึงหรอกกล้า พี่เดียวเขาจัดให้แล้ว

เอื้อมันลอยหน้าลอยตาไม่สนใจอะไรแล้วตักข้าวกิน ผมเลยไม่สนใจแล้วกินข้าวบ้าง ผมกลัวว่าเพื่อนๆ ผมจะเกร็งที่อยู่ๆ เอื้อกับพี่เดียวมานั่งด้วย แต่ผ่านไปห้านาทีเท่านั้นแหละ…

“พี่บอกไม่เอาคะน้าไง” เอื้อมันเขี่ยผักในจานไปมา เด็กน้อยมากครับ เลือกกินยิ่งกว่าผมอีก

“ก็ลืมบอกอ่ะ เอามาให้ก็ได้เดี๋ยวกินเอง” ทำไงล่ะของผมก็โคตรเยอะเลย ถ้าเอามาอีกได้กลายเป็นข้าวผัดผักคะน้าแทนไก่แน่นอน

“เอามาให้กูก็ได้เอื้อ ของน้องผักเยอะแล้ว” ผมชะงัก เอื้อก็ชะงักมือที่กำลังจะตักผักส่งมาให้ผมแล้วเปลี่ยนไปให้พี่ฟิ้งแทน ดีเลย ผมขี้เกียจเคี้ยวผักเหมือนกัน เส้นใยอาหารผมได้รับพอแล้ว

“ขอบคุณครับพี่ฟิ้ง นี่ถ้ากินอีกนิดจะกลายเป็นสัตว์กินพืชไปแล้ว”

“งั้นปูนเอาไก่ไปด้วยแล้วกัน กินเยอะๆ จะได้โตๆ สักที”

“ไม่เอา...แค่นี้ก็จะล้นจานแล้ว” ทั้งที่ในจานตัวเองก็มีไม่กี่ชิ้นแท้ๆ ยังตักมาให้ผม มันต้องไม่อิ่มแน่ ปกติกินจุอย่างกับหมู

และแล้วเสียงนกเสียงกาก็ดังขึ้น...

“พี่เดียวครับ เอาเส้นก๋วยเตี๋ยวของผมไปกินมั้ยครับ พี่จะได้โตไวๆ” เหอะๆ จ้าเอาเลยจ้า

“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวกล้ากินไม่อิ่ม”

“ไม่เป็นอะไรครับ ผมอยากดูแลพี่ให้ดีๆ มากกว่า”

“งั้นมึงเอามาให้กูทั้งชามเลย หิวฉิบหาย”

“เฮ้ยๆๆๆ ไม่ใช่แล้วครับพี่ มันต้องไม่เป็นแบบนี้ดิ!” ไอ้กล้าแย่งชามก๋วยเตี๋ยวที่พี่เดียวดึงไปกลับมา สองคนนี้เหมือนกันจริงๆ นะให้ตาย เรื่องที่พวกนี้เข้ากันได้ดีที่สุดคงเป็นการแซวผมกับเอื้อมันแหละครับ

“เอ้า ก็กูหิวนี่หว่า” พี่เดียวพูดขึ้นขำๆ “แต่ปูนก็ผอมไปจริงๆ นะ กินเยอะๆ นะครับ เอาหมูของพี่เพิ่มมั้ย”

ผมกรอกตา พี่เดียวนี่ก็ขยันแกล้งเอื้อจังเลยครับ เพื่อนพี่ก็มีอยู่แค่มันนะ ถ้ามันไม่คบพี่แล้วพี่จะทำยังไงครับ

“เชี่ยเดียว หลายครั้งแล้วนะมึง”

“ล้อเล่นขำๆ” พี่เดียวยิ้มแป้นจนผมอดขำไม่ได้

“พี่เอื้อนี่ก็ขี้หวงเหมือนกันนะครับ อย่างนี้แหละเขาถึงว่าผู้ชายเจ้าชู้ถ้ามีแฟนจะขี้หวงมากกก” ฟ้าพยักหน้าเออออกับตัวเองเสร็จสรรพ มึงกล้าวิจารณ์คุณชายเอื้ออย่างไม่กลัวตายเลยนะ!

มึงดูหน้าไอ้เอื้อด้วยครับฟ้า...แม่งจะแดกหัวมึงอยู่ล่ะ

“แหะๆ ผมล้อเล่นครับพี่ ยังไม่ได้เป็นแฟนกันนี่นา”

“...” เดดแอร์เลยครับ หน้าพวกผมอย่างอึ้งอ่ะ ฟ้ามึงก็กล้าพูดเกินไป เอื้อมันหักคอมึงกูไม่รู้ไม่เห็นนะ

“หึๆ พูดได้ดีนะฟ้า” พี่ฟิ้งหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะตามด้วยพี่เดียว

“ฮาาา น้องฟ้าแม่งตรงดีว่ะกูชอบ แม่งน่ารักด้วยอ่ะ ไม่ทราบว่ามีแฟนหรือยังครับ พี่ชื่อเดียวนะ เรียนเภสัชฯ พี่ไม่มีเวลาแต่มีอนาคตให้นะครับ” อะไรพี่เดียว พี่จะเปิดศึกกับไอ้กล้าอีกรอบเหรอ

“หยุดเลยครับพี่เดียว ไอ้ฟ้ามันเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น” ว่าแล้วเจ้าของตัวจริงก็ตวัดแขนโอบไอ้ฟ้าเข้าหาตัวเอง แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มึงยังมองพี่ฟิ้งอยู่เลย “เมียจ๋า มึงก็ปฏิเสธเขาหน่อยสิ เขาอ่อยมึงอยู่นะ!”

“กูไม่ใช่เมียมึง!”

“ไม่ต้องอายหรอก เขารู้กันหมดแล้วแหละว่ามึงเป็นเมียกูเนี่ย...ปูน ถ้าอยากศึกษาว่าหน้าที่เมียทำยังไงถามไอ้ฟ้าได้นะ มันรู้งานดี”

ไอ้เชี่ยกล้า!

“หุบปาก!” ผมกับไอ้ฟ้าพูดพร้อมกัน

“แหมๆ พูดแค่นี้หน้าแดงเลยนะครับ” เชี่ยกล้า กูเกลียดมึง!

“เรียนรู้ไว้บ้างก็ดีนะปูน...หน้าที่ ‘เมีย’ เนี่ย” เอื้อมันพูดพร้อมกับยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์ที่ผมคิดว่ามันโคตรมีเสน่ห์ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้!

ว่าแต่ ‘หน้าที่เมีย’ บ้านมึงสิครับ!!

“ดีใจด้วยนะปูน เจ็บหนักแน่มึง” ถ้ามึงจะไม่พูดอะไรก็ไม่ต้องพูดเลยไอ้โจม ไม่ต้องอยากมามีส่วนรวมเลยไม่เห็ดสด!

“ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ พี่จะอ่อนโยนที่สุด ปูนไม่เจ็บมากหรอกครับ”

“ฮั่นหน่อวววววววววว นี่เพื่อนผมครับเพื่อนผมมม” รู้แล้วว่าเพื่อนมึงอ่ะพี่เดียว จะตะโกนทำซากเหรอ!

“เหอะ เป็นแฟนให้ได้ก่อนเถอะครับ เรื่องอื่นอย่าเพิ่งหวังเลย…” ผมส่งยิ้มให้เอื้อ ยกมือขึ้นตบคางมันเบาๆ เป็นการหยอกล้อ “ระวังจะผิดหวังนะครับ”

“หูยยยยยยยย”

“เพื่อนผมครับพี่เพื่อนผม”

“ไอ้เอื้ออย่าจ๋อยดิวะ มึงต้องสู้เขา!”

“สู้เหี้ยไรล่ะ เดี๋ยวเขาก็ให้กูหวังเก้อหรอกมึง”

หึหึ อย่ามาแหยมกับพี่ปูนครับบอกเลย!!

=======================================================
=========================================
อย่ามาแหมยกับสุดหน่อยของเดี๊ยนค่ะ เพราะพี่ปูนน่ากลัวมากก 5555  :hao3:
ขอบคุณนะคะที่ติดตาม จูบบบบบ  :L2:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 10-03-2017 17:03:17
ก็ยังคิดว่าฟิ้งชอบเอื้อ แอบรักสินะ แต่เป็นเพราะเอื้อชอบผู้หญิงเลยไม่บอก รึเปล่านะ?
แต่อย่ามาทำร้ายน้องปูนของอิฉันนะคะ เดี๋ยวจับกระทืบ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 10-03-2017 17:32:49
เอ๊ พี่ฟิ้งนี่แปลกๆ ...
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-03-2017 20:37:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-03-2017 21:13:55
 :sad4:

รู้สึกกลัวฟิ้ง ดูจิตๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-03-2017 22:02:26
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 10-03-2017 22:15:51
หยอดเข้าเอื้อๆๆๆ ปูนใจอ่อนแระ อิอิอิ
แต่ว่าฟิ้งดูน่ากลัวอ่ะ ><
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 10-03-2017 22:56:01
แหมๆๆ พี่ฟิ้ง มาแบบนิ่งๆ ประกาศเบาๆว่าตัวเองกับเอื้อ...เราใส่ใจกันสินะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-03-2017 11:28:15
พี่ฟิ้งมีอะไรแอบแฝงมะ เราก็ขี้ระแวงเกิน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 11-03-2017 11:58:49
แอบรู้สึกไม่ชอบฟิ้ง
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-03-2017 15:17:15
ฟิ้งวางมือหรือทำเนียน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 11-03-2017 16:59:41
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 11-03-2017 21:48:08
พี่ฟิ้งมาแปลกๆอีกละ ตัดใจสักทีเห้อะ ถ้าเอื้อจะชอบๆไปนานแล้ว
มาตอนนี้ปล่อยให้น้องปูนเค้าได้ไปกะแล้วกัน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 11-03-2017 22:39:52
ฟิ้งแอบชอบเอื้ออยู่แหงๆเลย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.24 10.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 17-03-2017 20:34:42
บทที่ 25
เมื่อน้องปูนโดนอำ

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก แปบๆ อีกเพียงสองอาทิตย์ก็เข้าสู่ช่วงสอบปลายภาพแล้ว ผมรู้สึกเหมือนว่าพี่บุ๊คมันขึ้นไปรับถ้วยรวมกีฬามาเมื่อวานนีนี่เองครับ แต่จริงๆ ผ่านมานานเป็นเดือนแล้ว และผมก็ผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมายอีกด้วย ตอนนี้มหา’ลัยเราเงียบเป็นพิเศษ ไม่มีการมีตีกลองซ้อมสันทนาการหรือกิจกรรมของคณะที่ไหนอีก เนื่องจากนโยบายของมอที่ห้ามทำกิจกรรมใดๆ ทั้งสิ้นสองสัปดาห์ก่อนสอบเวลานี้สถานที่ๆ ครึกครื่นที่สุดคงเป็นหอสมุดกลาง เพื่อนๆ คณะผมไปอ่านที่นั่นกันเยอะเลยครับ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใฝ่เรียนอะไรหนักหนาหรอก มันไปส่องสาวกัน

ส่วนตัวผมนั้นไม่นิยมครับ ไม่ใช่ไม่นิยมส่องสาวนะ ไม่นิยมอ่านหนังสือ

ก๊ากกกก

ทำไมชีวิตกูมันร่อแร่ขนาดนี้วะ T^T

ไม่ได้ๆ เทอมนี้ต้องไม่เป็นเหมือนเทอมที่ผ่านมา มันจะต้องดีขึ้น พี่ปูนจะต้องกู้เกรดคืนมาให้ได้ เพราะงั้นช่วงนี้ก็ต้องติดต่อติวเตอร์ไว้ก่อนครับ หลักๆ มีจี๊ดกับหนูนาล่ะ สองคนนี้ช่วยพวกเราได้เยอะสุด สมควรได้มงกุฏนางงามเลย เลคเชอร์ของพวกมันพอทำให้ผมได้ลืมตาอ้าปากได้บ้าง

รองลงมาเป็นโจมกับฟ้าครับ แต่ไอ้โจมมันพูดไม่ค่อยเก่งเลยอธิบายอะไรไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ ส่วนฟ้ามันก็ติดเล่นเกินไป พูดไร้สาระนี่มันถนัด แต่พอให้มาอธิบายวิชาเรียนฟังไม่รู้เรื่องเลย

ส่วนผม ไอ้กล้า และไอ้บอย...เราอยู่ในระดับโคม่าเหมือนกัน ไม่สามารถพึ่งพิงอะไรกันได้ทั้งนั้น แต่อย่าได้กลัวไป ผมยังมีติวเตอร์พิเศษเป็นเด็กเภสัชตัวท็อปของรุ่นอย่างเอื้ออยู่ มันคงช่วยผมได้ไม่มากก็น้อยล่ะ

ทำไมมันยังร่อแร่เหมือนเดิม พี่ปูนไม่เข้าใจ T_T

ตอนนี้ผมกำลังเดินไปที่ตึกคณะเภสัชศาสตร์อยู่ครับ เอื้อโทร.หาตอนสี่โมงกว่าๆ ว่าวันนี้มีทำคอนเฟอร์เรนซ์กับเพื่อน ต้องอยู่ที่คณะอีกนาน ตอนแรกเอื้อบอกว่าจะไปส่งผมที่หอก่อน มันไม่อยากให้ผมอยู่รอเพราะไม่รู้จะเลิกกี่โมง แต่ผมยังไม่อยากกลับตอนนี้ กลับไปก็ต้องอ่านแค่หนังสือเลยเป็นฝ่ายไปหาอีกฝ่ายที่คณะแทน

ระหว่างทางผมก็แวะร้านสะดวกซื้อเพื่อนื้อขนมติดไปด้วย ของเอื้ออ่ะไม่ยากหรอก มันชอบกินนมหวานกับมินิบันไส้กรอก แต่เพื่อนมันนี่สิ ผมไม่รู้จะหยิบอะไรไปเผื่อดีเลย ถึงเอื้อจะไม่ได้สั่งให้ซื้อไป แต่ผมก็อยากจะเอาไปเผื่อพวกพี่ๆ เขาด้วย

“พะ พี่ว่าน…” ผมหยุดยืนอยู่กับที่เเมื่อตรงหน้าเป็นพี่ว่าน จะหลบไปไหนก็ไม่ทันแล้วครับ พอเห็นหน้าพี่ว่านความรู้สึกผิดที่ลืมไปนานก็โผล่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “สวัสดีครับ”

“ยังไม่กลับเหรอปูน” พี่ว่านยังคงส่งยิ้มมาให้ผมเหมือนเดิม คำว่าพระรองแสนดีที่พี่เขาเคยพูดไม่ได้ต่างไปจากความจริงตอนนี้เลย

“ครับ” พี่ว่านเหมือนยังไม่พอใจในคำตอบ คิ้วทั้งสองข้างเลิกขึ้นราวกับจะถามย้ำว่าตกลงผมจะไปไหนกันแน่ “ผมจะไปหาเอื้อที่คณะครับ”

“อ้อ...พี่ก็ไม่น่าสงสัยต่อเลยนะ”

ผมยิ้มแหยๆ ไปให้ไม่ได้พูดอะไรแล้วหันไปเลือกขนมต่อ ในขณะที่พี่ว่านกำลังโกยของทุกอย่างลงใoตะกร้า โอ้โห อะไรจะกินเยอะขนาดนั้น

สงสัยเห็นหน้าอื้งๆ ของผมล่ะมั้ง พี่เขาเลยส่งยิ้มขำๆ มาให้ “หึๆ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น พี่ไม่ได้กินเองหรอก นี่ก็ของเพื่อนๆ ทั้งนั้น”

“อ่อ...ครับ” คือไม่รู้จะพูดอะไร คิดอย่างเดียวว่าตอนนี้ควรจะอยู่ให้ห่างจากพี่ว่านมากที่สุด ที่เขาจะได้ตัดใจได้ง่าย

“พี่คงทำให้ปูนอึดอัด ขอโทษนะ”

“ไม่ใช่แบบนั้นครับ” เกลียดความใจอ่อนและขี้สงสารของตัวเองมากถึงมากที่สุด แค่พี่ว่านทำเสียงเศร้าผมก็โคตรรู้สึกผิดจนต้องชวนคุยต่อ “แล้วเย็นขนาดนี้แล้วยังต้องทำงานอยู่เหรอครับ ใกล้จะสอบแล้วนะ”

“ใช่ ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วเนี่ยแหละอาจารย์ชอบสั่งงาน พี่กับเพื่อนก็เลยอยู่ทำที่คณะๆ ว่างๆ ก็แวะไปให้กำลังใจได้นะ” พี่ว่านยิ้ม...ยิ้มที่ทำเอาพนักงานซึ่งกำลังเช็คของอยู่ข้างๆ หน้าแดงไปเลย

ถ้าเทียบความหล่อกับเอื้อเลยก็สูสีครับ แต่ถ้าให้โหวตเอื้อน่าจะชนะ (ผมไม่ได้เข้าข้างมันนะ) เพราะมันมีทรงหน้าพิมพ์นิยมมากกว่าพี่ว่านที่ออกแนวเข้มๆ

ก็แล้วแต่ครับว่าใครจะชอบแบบไหน สำหรับตัวผมไม่ชอบเลยสักแบบแหละ ถ้าเลือกได้ก็อยากได้ขาวๆ ตัวเล็กๆ น่ารักๆ ยิ้มทีแล้วโลกสดใสมากกว่า

ใครจะรู้ว่ารอบๆ ตัวจะมีแต่...แบบนี้อ่ะ =__=

“ฮ่าๆ พี่ล้อเล่น ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นก็ได้” พี่ว่านยิ้มอีกแล้วครับ ถึงจะเป็นยิ้มขืนๆ ก็ตาม “พี่รู้ว่ายังไงปูนก็คงไม่ไปอยู่แล้วล่ะ…ก็กำลังจะไปคณะเภสัชฯ นี่”

เสียงพี่ว่านแผ่วเบาราวกับสายลมที่กำลังพัดไป แต่ผมก็ได้ยินชัดเจน มือที่กำลังจะหยิบขนมก็ชะงักค้าง คำพูดที่ว่านทำเอาผมรู้สึกผิดอีกครั้งที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของเขาได้ แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาในหัว

เสียงของคนที่กำลังรอโอกาสจากผมอยู่

ถ้าผมรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ก็จะไม่ดีกับตัวผมและเอื้อด้วย

“ขอโทษนะครับพี่ว่าน”

“ไม่เป็นไรหรอก อย่าเพิ่งรีบขอโทษดิ พี่ยังไม่อยากหมดหวังตอนนี้” พี่ว่านแกล้งทำเป็นเลือกขนมแล้วเปลี่ยนเรื่องไปเลย “นี่ซื้อของเสร็จหรือยัง”

“ครับ เสร็จแล้ว”

“งั้นไป เดี๋ยวพี่ไปส่งที่คณะเภสัชฯ เอง”

“ผมว่า…”

“เมื่อกี้พี่เห็นว่าปูนเดินมา ถ้าจะเดินไปถึงคณะคงอีกนาน พี่ไปส่งสะดวกกว่าเยอะ”

“ผม…”

“ไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก”

“ก็ได้ครับ” ผมพยักหน้ารับอย่างจำยอม ก่อนที่เราจะเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ ตอนแรกพี่ว่านจะจ่ายให้ผมด้วย (สายเปย์อีกแล้วครับ หล่ออย่างเดียวก็ได้ทำไมต้องเปย์ด้วย) แต่ผมรีบบอกว่ามีเจ้ามือเลี้ยงแล้ว และขนมพวกนี้ไม่ใช่ของผมคนเดียวพี่ว่านเลยยอมไม่จ่ายให้

“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่ว่าน นึกว่าจะได้นั่งรถยนต์แต่เปล่าเลย จักรยานครับ แถวเป็นจักรยานของมอที่ยืมมาอีก นี่แหละสายเปย์ตัวจริง ผมโคตรโล่งใจเลยที่เมื่อกี้พี่เขาไม่ได้จ่ายค่าขนมให้ ไม่อย่างนั้นคงรู้สึกผิดแน่นอน

“ไม่เป็นไรครับ เต็มใจอยู่แล้ว” พี่ว่านนี่ขยันยิ้มจริงๆ ถ้าเปิดแข่งแจกยิ้มผมว่าน่าจะได้ที่หนึ่งร่วมกับเอื้อแน่นอน แต่คงไม่ใช่ตอนนี้หรอกครับ นั่น...ยืนหน้ายักษ์อยู่หน้าคณะขนาดนั้น

“พี่ไปนะ” พี่ว่านเอื้อมือมาโยกหัวผมสองสามครั้ง พอเห็นว่าเอื้อมันกำลังเดินเข้ามาหาด้วยหน้าตาบึ่้งตึงพี่เขาก็หัวเราะชอบใจ แล้วขยิบตาให้ผม ก่อนจะจากไปโดยที่ผมยังไม่เอ่ยคำลาเลยสักคำ

ขี้แกล้งจริงๆ ครับ แต่เห็นเอื้อเป็นแบบนี้เป็นผมก็อยากแกล้งมันนะ ตลกดี

“ปูน”

ผมอมยิ้ม ก่อนจะหุบยิ้มแล้วหันไปหามัน ประหนึ่งว่าแปบกใจที่เพิ่งเจอ “อ้าว มาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตั้งแต่แรก”

“เหรอ…”

“ตั้งแต่ยังซ้อนจักรยานกันมาไม่ถึงอ่ะ” มันพูดแล้วกระชากถุงขนมไปจากมือผม แล้วทำท่าจะเดินกลับคณะไป แต่เหมือนนึกขึ้นได้ว่าลืมผมไว้ตรงนี้คงไม่ดี เลยกลับมาคว้าแขนผมไปจับแล้วเดินเข้าคณะไปด้วยกัน “เผลอนิดเผลอหน่อยนี่ไม่ได้เลยนะ”

เหมือนมันจะบ่นกับตัวเองแต่ผมดันได้ยิน

“อะไร ก็ยังไม่ได้อะไรเลย” เอื้อหันมาเลิกคิ้วประมาณว่า ผมได้ยินเหรอ “ได้ยินหมดล่ะ ใกล้กันแค่นี้เอง”

“อยากใกล้มากกว่านี้ แบบที่ซ้อนจักรยานเมื่อกี้เลย” ดูท่าจะไม่จบง่ายๆ ครับ “แล้วไปทำอีท่าไหร่ถึงได้ซ้อนจักรยานมันมาได้”

“ก็ท่าปกตินะ ไม่ได้พิศดารเสียหน่อย”

“กวนตีนล่ะครับ” มันหันมาทำหน้าตึงใส่ แต่ผมกลับหลุดยิ้ม เอื้อหยุดเดินเลยครับ “ไม่ขำ พี่กำลังไม่พอใจอยู่เข้าใจมั้ย

“มันไม่มีอะไรเสียหน่อย พี่ว่านเขาแค่อาสามาส่งให้เฉยๆ”

“ไปเจอได้ไง” นี่ถ้าไม่บอกว่าที่บ้านเป็นหมดจะนึกว่าเ็นตำรวจแล้วนะครับ ถามเสียยิบย่อยเลย แต่เอ...หมอเขาก็ต้องซักประวัติกับแบบนี้นี่เนาะ

“ที่ร้านสะดวกซื้อ”

“คราวหลังใครชวนไปไหนก็อย่าไปง่ายๆ ดิ เขาอาจจะพาไปทำมิดีมิร้ายก็ได้ ปูนไว้ใจคนง่ายไป” แทนที่จะไม่พอใจที่อีกฝ่ายเจ้ากี้เจ้าการมากไป ผมกลับขำเสียอย่างนั้น เอื้อเหมือนพ่อที่กำลังดุลูกชายอย่างไรอย่างนั้น

“เข้าใจแล้วครับพ่อ”

“ยังทำเป็นเล่น นี่พี่จริงจังนะ ดีว่าว่านมันเป็นคนเชื่อถือได้ ถ้า…”

“พอๆๆ ขี้บ่นเป็นตาแกจริงๆ อายุก็ไม่ได้เยอะเสียหน่อย”

“ที่บ่นก็เพราะห่วง แล้วนี่ทำไมไม่มีเพื่อนมาส่งไม่ยอมบอกกัน พี่จะได้ไปรับ”

“นี่ก็มาแล้วไง ถึงแล้ว อยู่ตรงหน้าแล้วด้วย”

เอื้อคล้ายจะยังไม่พอใจ หน้ายังบูดเป็นตูดเป็ดอยู่เลยครับ มันยกมือขึ้นมาวางผมหัวผมตรงตำแหน่งเดียวกับพี่ว่านแล้วโยกไปมาหลายๆ ครั้งจนผมเริ่มมึน

“ชอบทำให้หึงตลอดเลย” ผมไม่ได้ชอบทำให้มันหึงเสียหน่อย วันๆ ก็ไม่ได้ไปไหนกับใครเลยด้วยซ้ำ นอกจากเพื่อนๆ แล้วก็มีแค่เอื้อนี่แหละที่เจอกันตลอด “รู้ตัวบ้างมั้ยว่าตัวเองเสน่ห์แรงแค่ไหน พี่ต้องคอยกับท่าใครต่อใครมากเท่าไหร่แล้วครับ”

พี่ว่านก็พูดแบบนี้มาคนหนึ่งแล้ว แต่ผมไม่เห็นรู้ตัวเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนมอง ไม่รู้ว่ามีคนมาชอบ และไม่เคยรู้เลยว่าทำให้อีกฝ่ายต้องคอยกันท่าให้ผม

“เหนื่อยป่ะที่ต้องมาคอยหึง”

“หึ...เหนื่อยดิ…แต่โคตรเต็มใจเลย…”

“...”

“อยากจะอยู่หึงปูนตลอดไปเลยนะครับ”

ผมอยากจะยิ้มนะ แต่ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเอื้อมันได้ใจ ให้รู้อยู่ลึกๆ ว่าผมคิดอะไรก็พอ

..
.
คณะเภสัชเป็นตึกทรงสูงถูกจัดว่างอย่างไม่เป็นระเบียนแต่ก็ลงตัว ตรงกลางมีสวนเล็กๆ เอาไว้ให้ผ่อนคลายสายตา เอื้อบอกว่าให้เดินเข้ามาแล้วเลี้ยวขวา จะมีโถงใต้คณะสำหรับนั่งทำงานตรงข้ามกับสวนกลางคณะ ซึ่งเป็นที่ๆ เอื้อกับเพื่อนนัดกันทำงานอยู่

ส่วนผมน่ะเหรอ กำลังเป็น...เรียกว่าอะไรดี ‘คนอำนวยความสะดวก’ มั้ง ผมไม่อยากเรียกตัวเองว่าคนรับใช้ครับ ถึงมันจะใกล้เคียงก็ตาม

ผมต้องคอยป้อนขนมกับนมและน้ำให้กับคุณชายเอื้อที่กำลังนั่งอยู่หน้าแม็คบุ๊คพิมพ์งามที่มีแต่ภาษาอังกฤษอย่างเคร่งเครียด ซึ่งเพื่อนคนอื่นของมันก็เช่นกัน ตรงนี้มีพี่ฟิ้งกับพี่เดียวด้วยครับ ผมดีใจนะที่พี่เดียวก็อยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นคงเกร็งแย่ พี่ฟิ้งที่ตอนแรกเหมือนจะใจดีแต่มาวันนี้ไม่ค่อยคุยกับผมเลยครับ ไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรให้พี่เขาไม่พอใจหรือเปล่า

“แหมคุณเอื้อ มึงจะไม่กินเองเลยเหรอ “ คนพูดเป็นพี่แก้ว ผู้หญิงตัวเล็กใส่แว่น แต่กินจุที่สุด  ผมว่าผมซื้อขนมมาเยอะแล้วนะ แต่พี่แก้วคนเดียวกินหมดไปสองสามถึง

นั่นสิ ผมก็สงสัยเหมือนกันครับว่ามันจะไม่กินเองเลยหรืออย่างไร

“นั่นดิเป็นง่อยเหรอมึงถึงให้คนอื่นป้อน” พี่เดียวครับไม่ใช่ใครอื่น ถึงพี่มันไม่มีส่วนร่วมในการทำงานครั้งนี้แต่ก็มานั่งเสมอหน้าหล่อๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากเจอผม เหอะๆ

“ไม่มีก็ไม่ต้องมาอิจฉา แดกเองไปทั้งชาตินั่นแหละมึงอ่ะ” เอื้อยักคิ้วใส่เพื่อนตัวเอง โคตรน่าหมั่นไส้อ่ะ

“ไอ้เชี่ยอย่าแช่ง!” พี่มันตาโต ก่อนจะปาเศษขนมใส่ไอ้เอื้อ ง่ะ ขนมติดผมเอื้อมันเลยครับ ไม่ได้ๆ สกปรกหมดแล้ว

ผมยื่นมือไปปัดเศษขนมให้เอื้อเบาๆ พี่เดียวนี่เล่นไม่รู้เรื่องเลยอ่ะ ของกินเอามาเล่นอย่างนี้ได้ยังไง

“พี่เดียวอย่าเล่นของกินดิ” ผมว่าไปพลางชะโงกหน้าดูหน้าเอื้อว่ามีอะไรติดอยู่อีกหรือเปล่า โอเคเรียบร้อย หล่อเหมือนเดิมล่ะครับ

“ง่ะ ขอโทษๆ”

“โอ๊ย~ ทำไมดูแลมันดีจังน้องปูน” พี่ฝัน ผู้หญิงอีกหนึ่งคนเอ่ยขึ้น เธอเท้าคางมองมาทางผม ก่อนจะเหลือบตามองไอ้คนหน้าหล่อที่กำลังอมยิ้มได้ใจ “แกทำบุญด้วยอะไรวะ”

“นั่นดิวะ ชั่วๆ อย่างมึงได้แฟนดีๆ อย่าปูนได้ไง”

“มึงหุบปากไปเลยไอ้เดียว ไม่ต้องพูดก็ได้ ช่วงนี้กูทำคะแนนอยู่”

“นี่ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเหรอ” พี่แก้วตาโต “ไอ้เราก็นึกว่าเป็นแฟนกันแล้วเสียอีก หวานกันจนมดจะขึ้นอยู่แล้ว”

“นั่นสิ นี่ไม่เห็นเอื้อมันควงใครมานานแล้วนะ พี่ก็นึกว่าเป็นแฟนกัน” พี่แชมป์หนุ่มเสียงนุ่มเห็นด้วยกับความคิดพี่แก้ว

“ก็…” เอื้อหันมายิ้มละมุนให้ผม เล่นเอาผมหน้าร้อนผาว ต่อหน้าเพื่อนๆ มันยังกล้าส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้อีกนะ “กูก็รอเขาตกลงอยู่เนี่ย ไม่รู้เมื่อไหร่จะยอมสัก...แค่กๆ ยัดมาทำไมเนี่ย แค่กๆๆๆ”

ผมหัวเราะในลำคอ เพราะความหมั่นไส้ผมเลยป้อนมินิบันเข้าปากมันทั้งที่มันกำลังพูดอยู่นั่นแหละครับ เอื้อมันสำลักเลยอ่ะ เพื่อนมันแต่ละคนนี่ก็ไม่ได้สงสารเลย แถมยังหัวเราะเยาะอีก

สมน้ำหน้าครับ ฮาาา

“จะไปไหน” เอื้อกระซิบถาม เสียงเบา ตอนที่ผมกำลังจะลุกไปอีกฝั่งเพราะหมดหน้าที่ตัวเองแล้ว มินิบันหมดแล้วครับไม่ใช่อะไร

“ไปหาพี่เดียว จะไปนั่งตรงนั้น พวกพี่เขาจะได้ทำงานกันสะดวก”

“ไม่ต้อง อยู่นี่กับพี่” ว่าแล้วก็เอื้อมมือข้างซ้ายมาจับมือผมเอาไว้ใต้โต๊ะ เหมือนกลับว่าผมจะหนีไปหาพี่เดียว เอื้อกันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนจะป้อนคำหวานที่ทำเอาผมต้องรีบปัดมดทิ้ง

“อยู่เป็นกำลังใจให้พี่ใกล้ๆ แบบนี้แหละ ไม่ต้องไปไหนหรอก”

 พี่ๆ ทุกคนเริ่มเข้าสู่โหมดจริงจังกับการทำงานอีกครั้งรวมถึงเอื้อด้วย พวกเขาพูดภาษาอะไรกันก็ไม่รู้ครับ ผมไม่เข้าใจสักอย่าง หนังสือที่ใช้ก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด พี่ๆ เขาเก่งมากเลยนะ อ่านแล้วแปลออกมาอย่างรวดเร็วแทบไม่ต้องใช้ดิกชันนารีเลย ยิ่งพี่แก้วยิ่งเก่ง อ่านเสร็จก็แปลมาเป็นภาษาไทยทันที

จริงๆ พี่เขาก็พูดภาษาไทยนะ แต่ทำไมผมฟังไม่เข้าใจสักประโยค…

นี่ผมโง่หรือโง่กันแน่เนี่ย

เวลาผ่านไปสักพักงานก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จ ตอนนี้ห้าโมงครึ่งครับ ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว ผมที่นั่งรอก็หยิบการ์ตูนในกระเป๋ามาอ่าน เอื้อมันเหลือบตามามองด้วย พอผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรมันก็ส่ายหน้า แต่ผมรู้หรอกว่ามันไม่อยากให้ผมอ่านการ์ตูนและอยากจะให้ผมหยิบชีทที่เรียนมาอ่านแทนเพราะช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว เอื้อมันให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากครับ

“ไปห้องน้ำแปบนะ” ผมกระซิบบอกมันหลังจากที่นั่งอ่านหนังสือไปได้สักพัก ก่อนจะลุกขึ้นยืน เอื้อมันทำท่าจะตามมาด้วยแต่ผมกดไหล่มันไว้ก่อน “ไม่ต้องๆ ไปเองได้”

“เดินไปแล้วเลี้ยงซ้ายอ่ะ จะมีป้ายบอกอยู่”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปตามที่มันบอก คณะเภสัชฯ ไม่ใหญ่มากครับ ไม่ต้องกลัวหลง ผมว่าเดินรอบเดียวยังไม่ได้เหงื่อเลยเนี่ย...หลอกครับ ห้องน้ำแม่งอยู่ไหนวะ มาไกลแล้วนะยังไม่เจอสักที

อ่า...มาหลบอยู่ซอกนี้นี่เอง เงียบและวังเวงมาก ถ้าหมาหอนขึ้นมากูวิ่งจริงๆ ด้วย ขอล้างมือก่อนครับ เมื่อกี้ป้อนขนมเอื้อมือมันไปหมด  พอทำธุระเสร็จจะเดินผมเดินมาที่ประตู เมื่อกี้จำได้ว่ามันยังไม่ปิดนะ แต่ทำไม...

แก็ก...แก็กๆๆๆ

เชี่ย! ล็อก!!

แก๊กๆๆๆๆ

ปังๆๆๆๆ

“มีใครอยู่ข้างนอกหรือเปล่าครับ” ผมเคาะประตูรัวๆ ก่อนจะตะโกนถาม “มีใครอยู่ข้างนอกมั้ยครับ มีคนติดอยู่ข้างใน!”

ปังๆๆๆๆ

“ผมติดอยู่ในนี้ครับ มีใครอยู่ข้างนอกมั้ย!” ดวงซวยจริงๆ กู วันนี้ราหูเข้าหรือเปล่าเนี่ย รู้วี้พกเอื้อมาด้วยก็ดีหรอก โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาติดมาด้วย

โอ๊ยยยย ชีวิตพี่ปูน

ปังๆๆๆๆ

“ช่วยด้วยครับมีคนติดยู่ข้างใน!!”

ผมเคาะและตะโกนเรียกอยู่หลายนาทีจนแสบมือไปหมด เสียงก็แหบแห้งแต่ก็ยังไร้วี่แววคนมาเปิด ลองเอาตัวเองกระแทกแล้วก็ไม่เป็นผล เจ็บตัวเปล่าๆ สงสัยแรงผมจะน้อยไป คงต้องเพิ่มน้ำหนักอย่างที่เอื้อบอก

ฟ้าข้างนอกมืดลงทุกขณะ แสงสว่างก็น้อยลงไปเช่นกัน ในห้องน้ำไม่มีสวิตซ์เปิดไฟครับ บรรยากาศโคตรน่ากลัวอ่ะ ทำไมผมถึงได้ดวงซวยแบบนี้เนี่ย รู้งี้พกเอื้อมาก็ดีหรอก

ผมนั่งกอดเข่าบนเคาน์เตอร์พลางคิดไปว่าถ้าไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ในนี้จะทำยังไง ผมคงได้นอนให้ห้องน้ำแน่ๆ แต่คิดไปคิดมา จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อเอื้อมันยังอยู่ที่คณะ มันต้องออกมาตามแน่ถ้าผมยังไม่กลับไป

แต่ทำไมมันยังไม่รู้ตัวสักทีวะ นี่ก็นานแล้วนะ

กึกๆๆ

ผมสะดุ้งโหยงก่อนหันไปมองต้นเสียง แมวตัวหนึ่งไม่รู้มาจากไหนเดินชนประตูครับ โคตรหลอนอ่ะ มันมองสบตาผม ก่อนจะกระโดนขึ้นมาหาผมบนเคาน์เตอร์

“เมี้ยวววว” อย่างน้อยก็มีมันเป็นเพื่อนแหละครับ

แต่แล้วมันก็ทรยศผม! ระหว่างที่กำลังลูบหัวมันอยู่มันก็เดินหนีผม กระโดดขึ้นไปบนขอบประตูก่อนจะเดินไปหาช่องระบายอากาศที่กระจกแตกจนเป็นช่อง

“เฮ้ย อย่าทิ้งกันดิ”

มันไม่สนครับ มีหันมามองแล้วสะบัดหางก่อนจะกระโดดออกไป

ขนาดแมวยังทิ้งกู ชีวิตพี่ปูนโคตรเศร้า!

แต่ขนาดแมวยังออกไปได้ ผมก็ต้องออกไปได้สิ

เอาวะ ลองเคาะอีกสักที

ปังๆๆๆๆ

“ช่วยด้วยครับมีคนติดอยู่ในนี้!”

ปังๆๆๆ

“ได้ยินหรือเปล่าครับ”

ปังๆๆ

“ข้างนอกมี…”

“ปูน!”

เอื้อ?! ใช่เสียงมันหรือผมแค่หูฝาด

“ปูนอยู่ไหน!!” ใช่มันจริงๆ ด้วยครับ ผมรอดแล้ว!

ปังๆๆๆๆ

“อยู่ตรงนี้!!” ผมเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น มือก็เคาะประตูไม่หยุด “เอื้อ!! ตรงนี้ๆๆๆ ในห้องน้ำ!!”

บานประตูสั่นด้วยแรงจากอีกฝั่ง ผมรู้สึกเหมือนว่าเอื้อมันกำลังยืนอยู่ตรงหน้าแค่เอื้อม

“เชี่ยล็อกอ่ะ” ก็เออไง ไม่ล็อกกูจะติดอยู่ในนี้เหรอ “ปูนรอแปบนะ พี่ไปตามยามก่อน”

“ครับ!” ผมตะโกนตอบรับอีกฝ่ายไป เอื้อหายไปสักพักก่อนจะกลับมาอีกครั้ง

“ยามแม่งไม่อยู่ว่ะ ไปไหนของมันวะ!!” น้ำเสียงของอีกฝ่ายดูอารมณ์เสีย “ปูนถอยไป เดี๋ยวพี่พังเข้าไปเอง”

“รออีกนิดก็ได้...ยามคงกำลังมา”

“ไม่ต้องรอแล้ว ถอยให้ห่างจากประตูเลยปูน”

ผมถอยห่างจากประตูตามที่อีกบอก ถึงจะบอกให้รอยามด้วยกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมไม่อยากติดอยู่ในนี้แม้แต่วินาทีเดียว

บึง!!!

ประตูสั่นสะเทือนแต่ก็ยังไม่ยอมเปิดออก

บึง!! บึง!! บึง!!

พรวด!!

และแล้วประตูเปิดออกจนได้!!

พี่ปูนรอดแล้วครับทุกคน!!

ผมไม่เคยดีใจที่เห็นหน้าเอื้อเท่านี้มาก่อนเลย ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว อีกฝ่ายก็เข้ามากดึงผมไม่กอดอย่างรวดเร็ว เอื้อหอบหายใจแรง ตัวเต็มไปด้วยเหงื่อจนเปียกชุ่มไปทั้งแผ่นหลัง แต่ผมไม่รังเกียจเลย กลับเป็นฝ่ายยกมือกอดตอบอีกคนให้แน่นกว่าเดิม

“พี่ขอโทษ นะที่มาช้า” อีกฝ่ายบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือใหญ่ถูกยกขึ้นมาลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา “กลัวหรือเปล่า ปูนตัวสั่นเลย”

“ตอนแรกกลัว แต่ตอนนี้ไม่แล้ว” พออยู่กับเอื้อแล้วรู้สึกปลอดภัยจริงๆ นะครับ ขอบคุณอะไรก็ตามที่นำพามันมาหาผม

“พี่ขอโทษนะที่มาช้า…”

“ไม่เป็นอะไร แค่มาก็ดีแล้ว นึกว่าจะได้อยู่ในนี้ตลอดทั้งคืนเสียอีก” เอื้อดันผมออกห่าง มันเหมือนจะอยากพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็เงียบไป

“มีอะไรเหรอ”

“ปูนเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนมั้ย” อีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นหนุมตัวผมสำรวจบาดแผลไปมา ก่อนจะทำหน้าโล่งใจเมื่อไม่พบ “ดีจริงๆ ที่ไม่เจ็บตัวอีก” ผมก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบหาเรื่องเจ็บตัวขนาดนั้นสักหน่อย

“แล้วนี่ทำงานกันเสร็จแล้วเหรอ”

“ยังจะห่วงอะไรพวกนั้นอีก” อารมณ์เอื้อยังคงไม่คงที่เท่าไหร่ อีกฝ่ายต้องถอนหายใจซ้ำๆ “พี่หาปูนนานมาก ทำไมมาเข้าห้องน้ำไกลขนาดนี้”

“ก็...มาตามที่บอกเลย” จริงๆ นะผมมาตามที่เอื้อบอก

“ตามที่บอกตรงไหน รู้หรือเปล่าว่า…”

“อะวู้วววววววววววววววว”

เอื้อหน้าซีดลงถนัดตาหลังจากที่เสียงหมาหอนจบลงแล้ว ร่างสูงกุมมือผมแน่นแล้วพากันออกมาจากห้องน้ำโดยไม่พูดอะไรสักคำ ระหว่างทางที่มาผมก็สังเกตเห็นว่ามันมีห้องน้ำที่ใกล้กว่านี้จริงๆ ด้วย ทำไมเมื่อกี้กูไปเข้าไกลจังวะ

“เอื้อๆ เดินเบาๆ หน่อย” นี่ก็จ้ำเอาอยู่นั่นแหละ ขาจะขวิดอยู่แล้วนะ

ร่างสูงไม่พูดอะไรสักคำเลยครับเอาแต่เดินอย่างเดียว สุดท้ายเราก็มาโพล่ที่โถงคณะกันจนได้ ตอนนี้เหลือแค่พี่ฟิ้งกับพี่เดียวเท่านั้นที่นั่งรอพวกเราอยู่

“ฟิ้ง มึงได้แกล้งปูนอีกหรือเปล่า” เอื้อเปิดคำถามขึ้นมาทันควัน

“เจอน้องแล้วเหรอ!” พี่เดียวถามพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ผม “ปูนไม่เป็นอะไรใช่มั้ย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า มึงไปเจอน้องที่ไหนวะ”

“ในห้องน้ำ” เอื้อพูดเสียงเรียบก่อนจะหันไปจ้องพี่ฟิ้งพร้อมๆ กับพี่เดียว “ฟิ้ง มึงได้แกล้งปูนอีกหรือเปล่า” เอื้อเปิดคำถามขึ้นมาทันควัน

พี่ฟิ้งขมวดคิ้ว “กูเปล่า”

““แต่มึงตามน้องไปนะ”

“กูไม่ได้ตามน้องไป ก็บอกแล้วไงว่าไปโทรศัพท์ไม่ได้ไปกับปูน” พี่ฟิ้งหันมาหาผมเพื่อต้องการการยืนยัน “พี่พูดถูกหรือเปล่าปูน..”

“พี่ฟิ้งไม่ได้ตามไปจริงๆ ตอนนั้นไปเองคนเดียว”

“กูไปคุยโทรศัพท์จริงๆ ไม่เชื่อดูได้” พี่ฟิ้งหยิบโทรศัพท์ส่งให้เอื้อดู แต่มันก็ส่ายหน้า

“ถ้ามึงบอกว่าไม่ได้แกล้งปูนกูจะเชื่อมึง” สายตาเอื้อจริงจังมาก ทั้งคู่สบตากับแบบที่ผมไม่เข้าใจความหมายทั้งที่มันเป็นเรื่องของผมแท้ๆ

“แล้วนี่มึงไปเจอน้องที่ห้องน้ำตรงไหนวะ ไปซะนานเลยห้องน้ำก็อยู่แค่นี้” พี่เดียวถามซึ่งมันดึงความสนใจของเอื้อกับพี่ฟิ้งได้เป็นอย่างดี คงอยากเปลี่ยนเรื่องล่ะครับ

“ห้องน้ำข้างลิตฟ์ตัวเก่า”

“...”

“...”

“ลิตฟ์อันนั้นอ่ะนะ”

“อือ อันนั้นแหละ”

“...”

“...”

เชี่ยยยย ทำไมเงียบกันขนาดนี้ล่ะครับ หน้าพี่เดียวแม่งอึ้งไปเลยอ่ะ พี่ฟิ้งก็ไม่ต่างกัน พี่เขาไม่พูดอะไรแล้วลงมือเก็บของที่วางกระจายอยู่บนโต๊ะอย่างเงียบๆ

อะไร! พวกคุณมีอะไรปิดบังพวกผมเหรอครับช่วยไขให้กระจ่างที!

“กูว่าพวกเรากลับกันเลยดีป่ะวะ มืดแล้วเนี่ย” พี่ฟิ้งเก็บของเสร็จแล้วก็ชวนกลับเลยครับ

“อะวู้วววววววววววววว”

“กลับเลย กลับด่วนๆ เลย กลับเดี๋ยวนี้เลย!” อะไรจะรีบขนาดนั้นพี่เดียว

“กูไปล่ะ” อ้าว ไม่รอกันเหรอครับพี่ฟิ้ง

“ปูนเก็บของเร็วดิ” ก็กำลังเก็บอยู่ไงทำไมต้องเร่ง

สรุป นี่มันเรื่องอะไรกันวะ พี่ปูนไม่เข้าใจจริงๆ

ผมกับเอื้อเราแวะหาอะไรกินกันแถวมอ ก่อนกลับหอ และระหว่างที่กำลังรอรถติดกับระยะทางไม่กี่กิโลเมตรก็จะถึงหอผมอยู่แล้ว ผมก็เลยถามคำถามที่ค้างคาใจออกมา

“เอื้อ ห้องน้ำตรงนั้นมันทำไมเหรอ”

“...”

“เอื้อ ได้ยินที่ถามหรือเปล่า”

“ได้ยินแล้วครับ” ร่างสูงตอบแค่นั้นแล้วก็เงียบไปเลย จนผมต้องถามซ้ำอีกรอบ “ปูนอยากรู้จริงๆ เหรอ”

“บอกมาเถอะน่า ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งอยากรู้นะ”

ร่างสูงเหลือบตามามองผม ถอนหายใจออกมาแล้วถามกลับ “ปูนเห็นลิตฟ์ข้างๆ ห้องน้ำหรือเปล่า ที่เก่าๆ ใหญ่ๆ ล็อคกุญแจไว้”

“ตอนแรกไม่เห็น แต่พูดมาแบบนี้เหมือนจะนึกออกแล้ว ทำไมเหรอ มันเป็นลิฟต์ขนของไม่ใช่เหรอ”

“อือ...ใช่ เอาไว้ขนของแต่ไม่ได้ใช้แล้ว” ผมว่ามันไม่ได้มีแค่นี้หรอก ต้องมีอะไรต่อไปจากนี้แน่นอนที่ทำให้พวกพี่ๆ เขามีท่าทางไม่ปกติกัน

“แล้วไงต่อ บอกมาให้หมด เลิกอมพะนำสักที”

“เมื่อก่อนเวลาที่เรียนอนาโตมี่กันเขาจะมาเรียนที่คณะพี่”

“แล้ว…”

“เรียนกันชั้นสาม”

“อ่าฮะ…”

“แล้วก็ใช้ลิตฟ์ตัวนั้นแหละที่ขนขึ้นไป” วะ ว่าไงนะ!! “แต่หลังๆ ไปเรียนที่คณะแพทย์แทนแล้วเลยไม่ได้ใช้อีก” อ่า…

เมี้ยว!

ผมสะดุ้ง อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแมวเหมียวตัวน้อยขึ้นมาเลยครับ!

“คนในคณะที่รู้ก็ไม่ค่อยไปใช้ห้องน้ำตรงนั้นกันหรอก เรื่องวันนี้คงเป็นอุบัติเหตุแหละ ไม่ต้องกลัวไปนะ” เหอะๆ ไม่กลัวเลย…

ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยยย! นี่กูติดอยู่ตรงนั้น กูติดอยู่ในห้องน้ำนั้น ติดอยู่ในห้องน้ำข้างลิฟต์ตัวนั้น!!

แล้วคืนนี้จะนอนหลับมั้ย ถามใจดูครับ

ฮือออออออออ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.25 17.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-03-2017 20:59:02
พี่ฟิ้งน่าสงสัยมากกกกกกกกกกกกก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.25 17.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-03-2017 22:04:28
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.25 17.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 17-03-2017 22:12:45
เปิดตอนมาดูเหมือนเครียด ตอนจบหักมุมซะงั้น :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.25 17.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 17-03-2017 22:35:08
ยังไงฟิ้งก็ยังน่าสงสัยอยู่ดี
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.25 17.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-03-2017 01:33:57
ทั้งหลอนทั้งฮา
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.25 17.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-03-2017 08:34:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.25 17.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-03-2017 11:59:04
มันน่ากลัวน่าสยองก็จริงนะ
แต่กุญแจจะล็อคโดยสิ่งที่มองไม่เห็นได้ยังไง
คนชัดๆ ไม่ใช่แค่โดนอำแล้วมั้ง แบบนี้เรียกกลั่นแกล้ง
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.25 17.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-03-2017 14:35:36
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.25 17.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 18-03-2017 14:37:51
พี่ฟิ้งรึเปล่า.... ไม่ไว้ใจอ่ะ ตามไปแต่ไม่ได้ไปล็อกแกล้งปูนจริงๆเร้อออออ สงสัยยยยย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.25 17.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 18-03-2017 22:38:40
หลอนตอนท้ายมาก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.25 17.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 26-03-2017 02:00:42
บทที่ 26
เมื่อน้องปูนหลอน

หลังจากนั้นบรรยากาศระหว่างเราสองคนก็อยู่ในความเงียบ คือสำหรับเอื้อไม่รู้หรอกว่ามันเงียบทำไม แต่สำหรับผม...ผมกำลังสติแตกครับ เหมือนวิญญาณกำลังออกจากร่าง อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงแมวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

บอกได้เลยว่าเข็ดมาก ไม่เอาอีกแล้ว ฮืออออ

“ไหวป่ะเนี่ย” อีกคนถามตอนที่เรามายืนอยู่หน้าห้องแล้ว “ไม่ต้องกลัวหรอก ไม่มีอะไร”

แหม พูดมาได้นะ ใครกันที่หน้าซีดคนแรกแล้วรีบพาเดินออกมาขาแทบจะพันกัน คุณไม่ใช่เหรอครับคุณเอื้ออารีย์

“อือ รู้”

“งั้นพี่ไปนะ”

หมับ!

มือคว้าชายเสื้อเอื้อไว้อย่างรวดเร็ว มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ ตอนนี้ไม่อยากอยู่คนเดียวครับ ยอมรับแมนๆ ว่ายังคงกลัวและหลอนอยู่มาก ไม่น่าอยากรู้ขึ้นมาเลยจริงๆ แต่พอเอื้อมองหน้าแล้วถามว่ามีอะไร ปากมันก็หนักเกินไปพูดไม่ออก แต่มองหน้ากันมันก็น่าจะรู้แล้ว

“โอเค...อยู่ด้วยกันก่อนใช่มั้ย” ผมพยักหน้ารับ มือหนาวางไว้ผมหัวผมแล้วโยกไปมาอย่างเอ็นดู ก่อนที่เราสองคนจะเข้ามาในห้อง เอื้อก็ยังคงบ่นถึงความรกของห้องผมเหมือนเคย “ไปอาบน้ำก่อนไป”

“อย่าหนีไปไหนนะ”

“จะกลัวอะไรขนาดนั้น เขาไม่ตามมาหรอก”

“จะพูดทำไม!!” อยากจะเอามือตีปากมันเหลือเกิน เรื่องปากเป็นมงคลนี่ไม่เคยเกินใคร ไหนบอกไม่มีอะไร ไหนบอกอุบัติเหตุไงวะ

“โอเคๆ ไม่พูดแล้ว” แน่ะ ยังมีหน้ามายิ้มอีก นอกจากตีปากแล้วขอจิ้มตาด้วยได้ป่ะ “ไปอาบน้ำเตรียมนอนได้ล่ะ คืนนี้เดี๋ยวพี่กล่อมน้องเอง”

เหอะๆ

ผมไม่พูดอะไร เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว กลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีกลับห้องก่อน ผมก็น่าจะคิดได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ปล่อยโอกาสอยู่กับผมสองต่อสองในห้องไปง่ายๆ หรอก เอื้อคงเต็มใจด้วยซ้ำ

ออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งก็พบว่าเอื้อขนเสื้อผ้าลงมาเรียบร้อยแล้วครับ


“นี่กะมาอยู่เลยเหรอ”

“อยู่ได้ก็จะอยู่ อยากอยู่ตลอดไป” ถ้าเป็นปกติก็คงมีหน้าแดงบ้าง แต่ตอนนี้บอกเลยพี่ปูนไร้ซึ่งอารมณ์ซึ้งใดๆ ทั้งนั้น ความกลัวยังตามหลอกหลอนไม่จางหาย

ผมไล่เอื้อไปอาบน้ำ ส่วนตัวเองก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วหยิบหนังสือ...การ์ตูนมาอ่าน ระหว่างนี้ผมก็เปิดเพลงคลอไปด้วยเพื่อลดความกลัว จนกระทั่งตัวหนักๆ ของเย็นชื้นของเอื้อทาบทับลงมาบนร่างของผม

“กล้ามากนะที่นอนคว่ำหน้าอ่านการ์ตูนไม่สนใจอะไรเลย ทั้งที่มีพี่อยู่ในห้องแท้ๆ”

“หนัก ลุกไปเลย” อะไรของกู แทนที่จะดีดดิ้นมากกว่านี้กลับทำแค่เอ่ยปากไล่เบาๆ

คงเป็นเพราะสัมผัสของอีกฝ่ายยังคงอุ่นเหมือนเมื่อครั้งนั้นที่ผมกลัวสุดขีด อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้ง ความหนักแน่นของสัมผัสที่ทำให้ผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะไม่ไปไหนในตอนที่ผมกลัวอย่างที่สุด

แต่แล้วความคิดของผมก็สะดุดลง

“ถามอะไรหน่อยสิเอื้อ”

“ยังจะถามอีกเหรอ ความจริงเมื่อกี้ทำให้กลัวไม่พอหรือไง” ปากนะครับปาก ความกวนตีนนี้นี่แหละบ่งบอกว่ามันคือเอื้อคนนี้แน่นอน

“ไม่ได้ถามเรื่องนั้นสักหน่อย ปล่อยก่อนได้หรือเปล่า ทะลึ่งใหญ่ล่ะ”

“ปากบอกให้ปล่อยแต่ก็ยอมนอนให้กอดนะคนเรา นี่ถ้าเป็นพี่เมื่อก่อนเสร็จไปนานแล้ว”

“ครับๆ รู้แล้วว่าเก่ง เคยเป็นเสือมาก่อนนี่” ประชดกลับด้วยความหมั่นไส้

“ตอนนี้สิ้นลายแล้ว กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ ของปูนคนเดียว” โอ๊ยย อะไรคือการมากระพริบตาปริบๆ ทำท่าทางออดอ้อน คิดว่าตัวเองน่ารักมากกกกก?

เออ ก็น่ารักจริงๆ นั่นแหละ ฮาาา

“ตกลงจะถามอะไร” ในที่สุดเอื้อก็ยอมปล่อยครับ แต่แค่พลิกตัวลงไปนอนข้างๆ โดยที่แขนยังพาดกับลำตัวผมอยู่

“ทำไมตอนแรกถึงสงสัยพี่ฟิ้งเหรอ” นี่เป็นเรื่องที่คาใจผมเหมือนกัน ท่าทางที่เดินตรงมาหาพี่ฟิ้งแล้วถามเสียเข้มมันกวนใจผมไม่น้อย

“ก็ตอนนี้ฟิ้งเป็นคนเดียวที่ออกไปหลังจากที่ปูนไปเข้าห้องน้ำ” เอื้อหลบตาผมทำเป็นมองหนังสือการ์ตูนแทน มีพิรุธที่สุด โคตรไม่เนียนเลย

“มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปสงสัยพี่เขานี่ มีอะไรกันแน่ เกี่ยวกับปูนใช่หรือเปล่า”

“พี่ว่าการ์ตูนเรื่องนี้ภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่”

“เอื้อ…”

“ช่วงนี้จะสอบแล้วปูนก็น่าจะอ่านหนังสือมากกว่านะ”

“ถ้าไม่ตอบก็กลับห้องไปเลยไป”

“อยู่คนเดียวได้?”

“เดี๋ยวเรียกให้เพื่อนมาอยู่ด้วย” ไม่ง้อหรอกโว้ย คนอย่างพี่ปูนก็มีศักดิ์ศรีบอกแล้ว ถึงแม้มันจะกินไม่ได้แค่เอาไว้ค้ำคอได้ก็พอ

“ก็มันไม่มีอะไรไง” ผมเงียบ จ้องหน้าเอื้ออย่างกดดัน และพออีกฝ่ายไม่พูดสักทีผมก็เลยใช้มาตรการเด็ดขาด เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียง “จะโทร.ไปไหน”

“โทร.หาโจม คืนนี้จะไปนอนกันมัน”

“โอเคๆ บอกแล้วครับบอกแล้ว” แล้วที่สุดเอื้อก็ยอมแพ้ มันรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของผมไปวางที่ฝั่งตัวเอง แล้วบอกเหตุผลที่แท้จริงให้ผมรู้

เรื่องของเรื่องก็คือพี่ฟิ้งค่อนข้างหวงเอื้อ ในระดับที่เรียกได้ว่ามากกว่าปกติ พี่ฟิ้งไม่ชอบที่เห็นเอื้อสนิทกับคนอื่นเกินไป ถ้าใครคนไหนล้ำเส้นเข้ามา พี่ฟิ้งจะต่อต้านด้วยการทำตัวเหมือนเด็กๆ (เอื้อว่าแบบนั้น) ประชดด้วยการหาเรื่องมาแกล้ง พี่เดียวก็เคยโดยมาแล้วเหมือนกัน

“พี่รู้ว่าเรื่องของปูนอาจจะทำให้ฟิ้งไม่พอใจ เลยขอมันไว้ว่าอย่าทำอะไรปูน เพราะพี่คงเลือกไม่ได้ถ้าหากว่าจะต้องเลือกระหว่างมันกับปูน”

ผมว่าผมเข้าใจ เข้าใจทั้งพี่ฟิ้งและเข้าใจทั้งเอื้อ เรื่องหวงเพื่อนใครก็เป็นกันทั้งนั้น โดยเฉพาะถ้าเราให้ความสำคัญกับเพื่อนคนนั้นมากอย่างพี่ฟิ้ง ไม่มีใครหรอกที่อยากถูกแย่งเพื่อนสนิท

“ต่อไปต้องให้ความสำคัญกับพี่ฟิ้งมากกว่านนี้นะ พี่เขาอุตส่าห์ทำเพื่อเอื้อแล้ว เอื้อก็ต้องทำอะไรเพื่อพี่ฟิ้งบ้าง”

รอยยิ้มละมุนถูกส่งมาให้ผม ก่อนที่มือหนาจะยื่นมาลูบหัวผมเบาๆ “ใจดีเสมอเลยคนนี้”

“เพราะเข้าใจหรอก ไม่มีใครอยากเสียเพื่อนไป”

“แล้วเข้าใจหรือเปล่าว่าพี่ก็ไม่อยากเสียปูนไปเหมือนกัน” ผมไม่ได้ตอบรับหรือส่ายหน้าปฏิเสธ กำลังงงอยู่ว่าทำไมวกมาเรื่องนี้ได้ “เพราะงั้นรีบให้โอกาสพี่เร็วๆ นะครับ”

“มันเกี่ยวกันเหรอ”

“ไม่เกี่ยวแต่อยากเสียวกับปูน”

“กลับห้องไปเลยไป” ทะลึ่งหน้าตายจริงๆ นี่หรือคุณชายเอื้อที่สุภาพออ่อนโยนของผู้หญิงหลายๆ คน โคตรปลอม โคตรเปลือก ตัวจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด

“อะไร หมายถึงไปเล่นรถไฟเหาะหรอก”

“งั้นพรุ่งนี้ไปสวนสนุกเลย เสียวครั้งเดียวจะได้จบๆ กันไปสักที”

“ใจร้ายจริงๆ ว่าที่แฟนใครนี่”

เรื่องขี้มโนคงต้องยกให้เขาล่ะครับคนนี้

เราสองคนนอนเล่นกันบนเตียงไปสักพัก ผมอ่านการ์ตูนส่วนเอื้อก็ขลุกอยู่กับโทรศัพท์สุดที่รัก มันเป็นคนติดโซเชียลพอสมควร ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบมาเช็คข่าวสารในโลกออนไลน์ ผิดกับผมที่ไม่ค่อยสันทัดเรื่องนี้เท่าไหร่นัก

“ปูนเล่นเฟซบุ๊คบ้างหรือเปล่า”

“ไม่ค่อยอ่ะ” ผมสมัครไว้เผื่ออาจารย์สร้างกลุ่มแล้วสั่งงานเท่านั้น ที่จริงไม่ชอบอะไรแบบนี้ แต่จะไม่มีเลยก็คงไม่ดี

“ก็ว่าทำไมไม่รับแอดพี่สักที”

“จำเป็นต้องรับด้วยเหรอ” พอผมถามไปแบบนั้นเอื้อก็เหล่ตามามองมาแล้วหันพลิกตัวไปอีกฝั่ง

“พี่มันไม่สำคัญนี่” เดี๋ยวๆ มันต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นเลยหรือไง แล้วไอ้ที่เบ้ปากคืออะไร ตัวก็ใหญ่ทำไมน้อยใจเป็นเด็กป.สี่แบบนี้ล่ะ “จะไม่ง้อหน่อยเหรอ!”

คือสรุปนี่ไม่ได้น้อยใจแต่งอนใช่มั้ย โอ๊ยยยย ให้ตายเถอะคุณชาย อายุเท่าไหร่แล้วฮะ?

“จำเป็น?” ขอแกล้งหน่อยเถอะครับ หมั่นไส้อย่างร้ายกาจ

ร่างสูงพลิกตัวกลับมามองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง และภายในเสี้ยววินาทีเอื้อก็พาตัวเองขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้!  ก่อน ใบหน้าหล่อส่งยิ้มละมุมที่ทำเอาใครหลายต่อหลายคนใจละลายมาให้ผม

ไอ้ท่าทางล่อแหลมนี่มันอะไรกัน!

“พอยอมหน่อยดื้อใหญ่เลยนะ” เงียบครับ ผมว่าตอนนี้ความเงียบคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ “บอกทีสิว่าพี่ควรจะทำยังไงกับเด็กดื้อดี”

“ก็…” ผมพยายามคิดหาทางรอด ก่อนอื่นเลยต้องเคลียร์เรื่องที่เจ้าตัวน้อยใจก่อน “ก็ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เล่นเฟซบุ๊คไง ไม่ได้ล็อกอินเลยไม่รู้ว่าเอื้อแอดเฟรนด์มา แล้ว…”

“แล้วอะไรครับ”

“แล้ว...ตัวจริงก็อยู่นี่แล้ว จะต้องแอดเฟรนด์ไปทำไมล่ะ…”

“...”

“ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนสักหน่อยนี่”

“แล้วอยากเป็นอะไร…” เอื้อโน้มหน้าลงมาใกล้ผมมากกว่าเก่า ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงฝ่ามือด้วยซ้ำ และผมก็เพิ่งตระหนักว่าผมปล่อยให้อีกคนอยู่ใกล้เกินไปแล้ว มันใกล้จนได้ยินเสียงสงหายใจของกันและกัน ได้ยินกระทั่งเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำของตัวเอง “พี่อยากเป็นของปูนนะ”

“หมายถึงเป็นเมีย?”

“กำลังจะซึ้งก็ขัดอารมณ์ตลอด” หน้าเอื้อบ่งบอกว่าเจ้าตัวเซ็งสุดขีด ก่อนที่จะผละออกไป

พี่ปูนรอดแล้วครับบบบบ แผนตีหน้ามึนแล้วกวนตีนเป็นอันได้ผล ใช้ได้กับทุกสถานณ์ไหมไม่รู้ แต่ที่รู้คือตอนนี้ผมรอดแล้ว อิอิ แต่ให้ตายเถอะ ผมรู้เลยว่าตัวเองต้องหน้าแดงมากแน่ๆ ยอมรับว่าเมื่อกี้ผมลังเลขึ้นมาชั่วครู่ ใจหนึ่งก็อยากผลักใส แต่อีกใจกลับ...รู้สึกตื่นเต้นอย่างไรไม่รู้

“ปูน!”

“ครับ...อุ๊บ!”

เอื้อยื่นหน้าเขามาใกล้ก่อนจะประกบจูบผมอย่างรวดเร็ว ตาผมเบิกกว้างค้างนานหลายนาทีจนอีกคนบดจูบลงมาหนักกว่าเดิม สัมผัสที่อุ่นจัดทำให้ผมได้สติและพยายามผลักไสมันออกไป ทว่ามือทั้งสองข้างก็ถูกรวบเอาไว้ในนาทีต่อมา เอื้อตั้งใจบรรจงจูบจนในที่สุดผมก็หลับตาลงช้าๆ เต็มใจรับสัมผัสอุ่นจัดที่ริมฝีปากของตัวเองจนได้

พอปล่อยทุกอย่างไปตามอารมณ์ก็พบว่าหัวใจของผมเต้นรัวแรงเหมือนกลองชุดที่กำลังตีให้จังหวะเพลงร็อคหนักๆ อีกครั้ง ทว่าก็ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว ในห้องที่เงียบสงัดมีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศ ผมกลับได้ยินเสียงหัวใจของเอื้อที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกับผม

เอื้อกำลังตื่นเต้น...ไม่ต่างจากผม…

เวลาผ่านไปเนิ่นนานในความคิด ก่อนที่อีกฝ่ายจะถอนริมสีปากออก ผมกดปากตัวเองโดยอัตโนมมัติ ก่อนจะหลุบตามองริมฝีปากที่ฉ่ำวาวของอีกฝ่าย มันเหมือนมีแรงดึงดูดเบาๆ ให้ผมอยากประกบปากลงไปอีกครั้ง...

“อย่าทำหน้าแบบนั้น…” อีกฝ่ายกระซิบ “มันทำให้พี่อยากทำมากกว่านี้”

ผมระเบิดตัวหายไปเป็นอากาศเลยได้หรือเปล่าเนี่ย!!!

พี่ปูนจะทำยังไงดี!!

ผมหยิบหมอนที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาแล้วซบหน้าลงไปกับมัน งื้อๆๆๆๆ เมื่อกี้ผมทำอะไรลงไป ผมจูบกับเอื้อ แถมยังอยากจะจูบอีกครั้งด้วย

โอยยยย ทำไมกูแรดแบบนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

“เงยหน้าหน่อยสิปูน”

“ไม่!” ผมตอบเสียงอู้อี้ 

“เดี๋ยวขาดอากาศหายใจนะ” เอื้อหัวเราะขำ ยิ่งทำให้ผมเขินหันกเข้าไปใหญ่ วันนี้ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมเงยหน้าหรอกครับ “เหอะน่า...อยากเห็นหน้า”

“ไม่!”

“อย่าดื้อดิปูน...เงยหน้าให้พี่เอื้อเห็นหน่อยสิครับ”

“ก็บอกว่า…”

“นะครับ...พี่อยากเห็นหน้าปูนจริงๆ” ไม่มีทางหรอก ให้ตายยังไงพี่ปูนคนนี้ก็ไม่มีทางใจอ่อนเด็ดขาด คืนนี้จะนอนมันอย่างนี้แหละ “ไม่เงยหน้าพี่จะกลับห้องล่ะ ใครจะมานอนด้วยก็ไม่รู้นะ”

เท่านั้นแหละครับ ผมก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาแล้วหันไปหามันทันที (ไอ้) เอื้อ (ไอ้) คนใจปาบหยาบช้า กล้าเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นทำไมวะ! คนยิ่งกลัวๆ อยู่ นี่อุตส่าห์เลิกคิดไปได้แล้วนะยังจะมาทำให้หลอนอีกทำไม แล้วอะไรคือการที่คุณชายเขาส่งยิ้มมาให้พร้อมกับหน้าแดงระเรื่อวะ ผมหรือเปล่าที่ต้องเป็นคนเขินไม่ใช่มัน แถมยังมีสายตาพราวระยับบ่งบอกว่ามันรู้สึกดีใจมากแค่ไหน

“หยุดยิ้มเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ผมสั่งด้วยเสียง (ที่พยายาม) แข็ง “บอกให้หยุดไง ยิ้มอะไรเยอะแยะ บ้านแจกยิ้มเหรอ”

“แล้วอยากได้… ‘ยิ้ม’ ป่ะล่ะ”

“ทะลึ่งใหญ่ล่ะ” ไม่ได้เลยครับคนนี้ เปิดช่องให้ทีไรโยงเข้าเรื่องใต้สะดือทุกที เอาเอื้อคนเก่าคนก่อนคืนมาได้มั้ย เกรงว่าเป็นเอื้อคนนี้แล้วผมจะรับมือไม่ไหวตกลงปลงใจกับมันก่อนเวลาอันควร

“ปูนคิดเองทั้งนั้นแหละ พี่ยังไม่ได้พูดอะไรทำนองนั้นเลย” อยากจะเถียงแต่ต้องเก็บปากเอาไว้ ถ้ามันหนีกลับห้องไปผมคงต้องนอนผวาทั้งคืน ตอนนี้ก็ดึกพอควร รบกวนคุณเพื่อนคงไม่เหมาะเท่าไหร่

ยอมก็ได้ครับ บอกเลยว่าแค่วันนี้วันเดียว...จริงๆ นะ

“เลิกคุยๆ นอนได้แล้วดึกแล้ว ปิดไฟเลย”

“ถ้าปิดไฟแล้วจะทำอะไรกันต่ออ่ะ” ดูมันทำครับ มีการเอานิ้วชี้มาจิ้มกันแล้วช้อนตามองผมอายๆ ด้วย คิดว่ามึงน่ารักมากเหรอฮะ?!

เออ! ก็น่ารักไงเล่า! หน้าตาดีอยู่แล้วทำอะไรก็น่ารักไปหมดแหละครับ ยิ่งสายตาอ้อนๆ แบบนั้นบอกเลยผู้หญิงร้อยทั้งร้อยยอมปิดไฟแล้วทำ ‘อะไร’ ต่อกับมันแน่

“นอนไง! จะนอนมั้ยหรืออยากนอนที่พื้น”

“โหดอ่ะ พี่ต้องสมัครสมาคมพ่อบ้านใจกล้าไว้ก่อนป่ะ” อะไรคือพ่อบ้านใจกล้าพี่ปูนไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือไม่ไหวกับความกวนประสาทมันจริงๆ ครับ

“แล้วอยากสมัครสมาคมศาลาคนเศร้าไว้คอยมั้ย”

“โห สมัยไหนเนี่ยศาลาคนเศร้า มันเอาท์แล้วครับน้อง” เอื้อกลับมาแล้ว เอื้อที่ทุกคนรู้จักคัมแบ็คแล้วพร้อมกับดีกรีความกวนบาทาและหื่นกามอีกสิบแปดเท่า!

ว่าแต่ศาลาคนเศร้านี่มันเอาท์แล้วจริงเหรอ

ขี้เกียจเถียงด้วยครับ ปิดไฟแล้วนอนเลยแล้วกัน แต่ไม่ลืมเอาหมอนข้างมากันกลางระหว่างเราเอาไว้ รู้หรอกว่ามันไม่ช่วยอะไร แต่ก็ไม่อยากจะเปิดโอกาสให้มันไปมากกว่าไปนัก แค่นี้ก็เปลืองตัวไม่รู้จะเปลืองยังไงล่ะ -_-

ผมนอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะว่ามีเพื่อนร่วมเตียงไม่ได้รับเชิญ แต่เพราะยังคงตื่นเต้นกับจูบเมื่อกี้อยู่ ความอุ่นหนักๆ ยังคงค้างอยู่ที่ปาก คิดทีไรใจก็เต้นแรงตลอด พาลให้หลับไม่ลงไปด้วย จะพลิกตัวไปมาก็เกรงใจเผื่อว่าเอื้อหลับไปแล้วจะกวนมันเปล่าๆ

“หลับหรือยัง” เสียงทุ่มกระซิบถามภายใต้ความมืด ทำให้รู้ว่าอีกคนก็ตาสว่างไม่แพ้กัน ผมยังคงนิ่งกับคำถามนั้น แสร้งเป็นว่าหลับไปแล้ว “ปูนครับ…”

“...” มือของผมถูกกุมไว้ในวินาทีถัดมา นิ้วทั้งห้าสอดประสานเข้ากันและแน่นขึ้นจนผมคิดว่าคงดึงออกไม่ได้ง่ายๆ

“พี่รู้ว่าพี่ยังไม่ดีเท่าใคร แต่พี่จะพยายามเพื่อให้คู่ควรกับปูนนะครับ”

ความในใจของผู้ชายคนนี้ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยประโยคสั้นๆ ผมอยากจะหัวเราะ ใครกันแน่ที่ไม่คู่ควรกับอีกฝ่าย ต้องเป็นผมหรือเปล่าที่รู้สึกแบบนั้น คนพูดเป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัยที่ใครต่างก็อยากครอบครอง

เอื้อต้องมารอโอกาสจากคนอย่างผมมันไม่สมควรเลยด้วยซ้ำ มันมีสิทธิ์ที่จะได้เจอคนที่ดีและเพียบพร้อมกว่าผมอีกมากมาย ทว่าอีกฝ่ายก็เลือกผม

เอื้อจะเลือกผมได้นานขนาดไหนกัน ถ้าวันหนึ่งมันเจอคนที่ใช่กว่าหรือรู้สึกกับผมน้อยลง...มันคงไม่อยากได้โอกาสจากผมอีกแล้ว ในขณะที่ตอนนี้และต่อไป...ผมกลับรู้สึกกับอีกฝ่ายมากขึ้นทุกที

แต่ในตอนนี้ มือนี้ที่กุมมือผมเอาไว้ทำให้ผมมั่นใจขึ้นมาได้ว่าเอื้อยังคงไม่ไปไหน และจะรอโอกาสจากผม อยู่ข้างๆ ตรงนี้ไม่ไปไหน

“ฝันดีนะ…”

คอยบอกฝันดีในทุกคืน

“ฝันถึงพี่บ้างนะ”

และรอโอกาสจากในผมทุกวัน

♣♣♣♣♣

“พวกมึงสามคนช่วยตั้งใจฟังกันหน่อยได้มั้ย!” เสียงแหลมๆ ของหนูนาดังขึ้น “ให้กูมาช่วยติวแล้วก็นั่งหลับกันนี่หมายความว่ายังไง ไอ้ปูน ไอ้บอย ไอ้กล้า!”

“โอ๊ยยยยย ก็กูไม่ไหวแล้วอ่ะ สมองกูไม่รับอะไรแล้ว” ว่าแล้วไอ้บอยก็ยกมือขึ้นกุมหัวแล้วขยี้แรงๆ ไอ้เชี่ย...รังแคร่วงเต็มเลย สกปรกจริงๆ

“นั่นดิ พักบ้างไม่ได้เหรอวะ กูเริ่มหิวแล้วเนี่ย” ไอ้กล้าท้วงอีกคน

“มึงเพิ่งแดกมาไอ้สัด!” หนูนา! มึงลืมหรือเปล่าว่ามึงเป็นผู้หญิง พูดมาแต่ละคำกูอยากตีปากจริงๆ

“พักก่อนก็ได้หนูนา พวกมันคงแย่แล้วจริงๆ” โจมที่นั่งอ่านหนังสือกับไอ้ฟ้าอยู่ข้างๆ พูดขึ้น

“โจมคิดว่าอย่างนั้นเหรอ...ก็ได้ๆ พักกันเถอะทุกคน”

“แหม มึงนี่มันสองมาตรฐานชัดๆ เลยนะอีหนูบ้าน!” ที่พูดคือมึงหึงใช่มั้ยบอย

“ไม่ใช่ผัวกูก็อย่ามาอิจฉาสิ”

“กูก็ไม่ใช่ผัวมึงนะหนูนา”

ฮาาาาา ทำไมเวลาไอ้โจมตอบกลับหนูนาแล้วมันฮาทุกทีเลยวะ ฮะๆ หน้านิ่งๆ ของมันทำให้หนูนาไม่กล้าจะเถียงเลย

อ้อ เกือบลืมบอกครับ ตอนนี้เราอยู่กันที่บ้านของจี๊ด และกำลังติวหนังสือกันอยู่ (ผมตั้งใจเรียนแล้วนะ อิอิ) แต่ความคิดเหล่านี้ไม่ใช่ความคิดของผมเลย คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ วันนั้นเอื้อมันคิดยังไงก็ไม่รู้บอกให้ผมเปิดคะแนนสอบมิดเทมอให้ดู พอเห็นเศษเลขในหน้าจอคอมพ์ฯ มันเลยเสนอแกมบังคับให้ผมไปติวกับเพื่อนๆ ที่เรียนรู้เรื่อง มันยอมลงทุนตีสนิทกับเพื่อนผมทุกคนเลยนะ พยายามจริงๆ ไม่ใช่ขอร้องแค่ไอ้ฟ้ากับไอ้โจมนะครับ มันเดินไปคุยกันหนูนาและจี๊ดด้วย

‘เห็นแก่พี่เอื้อ พวกหนูสองคนจะติวให้มันเองค่ะ’ หนูนาว่าแล้วส่งสายตาปิ้งๆ มาให้

‘ขอบคุณครับ’ แล้วทำไมมึงต้องไปยิ้มอ่อยเขาด้วยวะ!

นั่นแหละ...แต่จะให้ติวให้ผมคนเดียวมันก็ยังไงอยู่ ผมเลยหานักเรียนที่ชีวิตร่อแร่อีกสองคนมานั่งเรียนด้วยกัน และเปิดคอสติวกันอย่างจริงจัง

“มึงก็ด้วยนะปูน ว่าที่ผัวมึงอุตส่าห์มาขอให้กูสอนมึงก็ตั้งใจเรียนหน่อยดิวะ” หนูนามันผลักหัวผมเบาๆ “ถ้าคะแนนมึงไม่ดีขึ้นพี่เอื้อจะเสียใจนะเว้ย”

“ไม่ใช่ผัวเว้ย” ผมแก้ต่าง และก็ได้ปฏิกิริยาตอบปลับเป็นการเบ้ปากชนิดรุนแรงกลับมาให้

“พี่เขาดูแลปูนดีจังเลยนะ” จี๊ดเองครับ ไม่ต้องทำหน้าฟินขนาดนั้นก็ได้ “ปูนโชคดีมากเลยรู้ตัวหรือเปล่า” ถ้าจี๊ดรู้ว่าผมต้องรับมือกับความกวนตีนของเอื้อมากแค่ไหนยังจะบอกว่าผมโชคดีอยู่หรือมั้ยนะ

“นั่นดิ มึงทำไงถึงมัดใจพี่เขาได้อ่ะ กูเห็นเมื่อก่อนพี่เขาเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่นเลยนะ ผู้หญิงสวยๆ ที่กูรู้จักเกินครึ่งเสร็จพี่เอื้อหมดแล้ว”

แล้วทำไมมันถึงได้มาเป็นเรื่องผมแทนเรื่องเรียนได้ล่ะ

“พี่เขาผู้หญิงเยอะมากเลยเหรอวะหนูนา” มึงก็ไม่ต้องเสือกรู้ได้ไหมล่ะกล้า กูยังไม่ถามเลย

“ที่เห็นนี่ยังน้อยนะ พี่เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่มัธยมล่ะมึง แค่ม.สองก็ผู้หญิงในโรงเรียนก็กรี๊ดจะตายห่า” คราวนี้ไอ้ฟ้าบอกบ้าง “แต่พี่เขาก็ไม่เคยจริงจังกับใคร...กูว่ากับมึงอ่ะที่สุดแล้วปูน”

อันนั้นพี่ปูนก็ไม่ทราบเหมือนกัน

“หมั่นไส้ว่ะ หน้าแดงเป็นแก้มลิงเลยไอ้สัด” โจมยิ้มๆ แล้วผลักหัวผมเบาๆ ปกติมันไม่ค่อยทำแบบนี้หรอก แถมยังมองมาด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ถ้ามันทำให้มึงเสียใจกูจไม่ปล่อยไว้แน่”

“ใช่...ถึงจะเป็นพี่เอื้อพวกกูก็ไม่เอาไว้หรอกเว้ย”

“ถูก! ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาทำเพื่อนกูเสียใจทั้งนั้น!” ไอ้ฟ้ากับไอ้กล้าหันไปแท็กมือกัน ความห่วงใยที่พวกมันมีให้ทำให้ผมยิ้มออกมากว้างๆ ถึงเราจะเป็นเพื่อนกันได้ไม่ถึงปีแต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองโคตรโชคดีที่มีพวกมันอยู่ด้วย

“อย่าลืมพวกกูอีกสามชีวิตสิครับ” ไอ้บอยยื่นมือมาขยี้หัวผม “พี่บอยก็เป็นห่วงน้องปูนนะเว้ย”

“กูกับจี๊ดด้วย”

“เออ ขอบใจพวกมึงเหมือนกันนะ”

ผมได้แต่บอกขอบคุณและยิ้มให้ทุกคน และบอกกับตัวเองว่าการมีเพื่อนที่ดีก็เป็นความสุขอีกอย่างของชีวิตเหมือนกัน…

ครืด~

ผมละสายตาาจากเพื่อนๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เอื้อมันโทร.เข้ามาครับ ตายยากจริงๆ เพิ่งนินทาไปเมื่อกี้เอง

“พอว่าที่ผัวโทร.มาก็รีบลุกเลยนะ” ไอ้กล้านี่นอจากจะขี้เสือกแล้วยังตาดีด้วยนะ ผมว่าผมวางโทรศัพท์ไว้ไกลมือมันแล้วนะแต่มันยังสามารถอ่านได้ว่าใครโทร.มา ส่วนไอ้คำที่พวกมันใช่เรียกเอื้อนี่ผมเบื่อจะแก้แล้วครับ อยากเรียกอะไรก็เชิญเลย

“มึงรู้ได้ไงวะกล้า กูนั่งข้างมันยังไม่รู้เลย” บอยถาม

“กูเดา”

ถุยยยยยยย

เลิกสนใจมันแล้วไปคุยโทรศัพท์ดีกว่าครับ น่าจะได้สาระกว่า อีกอย่างเอื้อมันรอสายนานเดี๋ยวมันหงุดหงิด ผมเดินออกมาคุยที่สวนหน้าบ้านของจี๊ด ในขณะที่คนอื่นนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

“ฮัลโหล” ผมกดรับแล้วกรอกเสียงใสๆ ลงไป

[“ทำไมรับช้านัก”] นั่นไง บอกแล้วว่ามันจะต้องหงุดหงิด เสียงที่ถามมานี่อย่างเข้มเลยครับ

“มัวแต่ฟังมุกควายของไอ้กล้าอ่ะ”

[“เพื่อนปูนยังไม่เลิกเล่นมุกควายอีกเหรอ ยิ่งเวลามันอยู่กับไอ้เดียวพี่โคตรเพลีย”] ผมก็ไม่ต่างจากมันเท่าไหร่หรอก ทางที่ดีพยายามแยกสองคนนี้ออกจากกันดีที่สุด

ผมนั่งลงที่พื้นหน้าบ้าน “ติวเสร็จแล้วเหรอ”

ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นที่ต้องอ่านหนังสืออย่างหนักในช่วงนี้ ทางฝั่งเอื้อก็ต้องพยายามมากเช่นกัน พี่เดียวกับพี่ปุ่นชอบบ่นว่าเรียนก็ยาก งานก็เยอะ พวกพี่ๆ เขาเลยไปรวมกลุ่มติวกันที่บ้านพี่เดียว มีเพื่อนๆ คนอื่นที่ผมพอเห็นหน้าบ้างตอนไปรอเอื้อที่คณะ และก็พี่ฟิ้งร่วมด้วย

[“ยังอ่ะ แล้วปูนล่ะเสร็จยัง”]

“ยังเหมือนกัน แต่รับไม่ไหวแล้วเลยให้หนูนาหยุดก่อน”

[“ตั้งใจเรียนนะปูน”] ปลายสายย้ำเสียงเข้ม [“ถ้าเสร็จแล้วโทร.บอกพี่เดี๋ยวพี่ออกไปรับ”]

“ไม่ต้องหรอก ปูนไปกับโจมก็ได้”

[“บอกว่าจะไปรับก็ไปรับดิ ทำไมชอบดื้อจังวะ”]

“ก็บ้านพี่เดียวกับบ้านจี๊ดมันคนละโยชน์เลยนะ ถ้าเลิกช้าเอื้อก็ต้องวนมารับดึกๆ อีก” ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าๆ แล้วเนื้อหาที่จะติวกันยังมีอีกตั้งหลายบท “เดี๋ยวปูนกลับกับโจมนะ ถ้าถึงแล้วจะรีบโทร.บอกเลย”

[“...”] สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบ ผมรู้ได้เลยว่าเอื้อกำลังไม่พอใจ

“เอื้อ...ให้ปูนกลับกับโจมนะ”

[“หอโจมก็ไม่ได้ใกล้กับหอปูน แล้วปูนจะกลับหอตัวเองยังไง”]

“เดี๋ยวให้กล้าแว้นไปส่ง”

[“ดึกแล้วขี่มอ’ไซต์ไปส่งมันอันตราย”] เวลาเอื้อมันทำเสียงเข้มๆ แบบนี้แล้วผมใจฝ่อเลยอ่ะ รู้เลยว่ายังไงมันก็ไม่ยอมแน่ ถ้าผมยังดื้อคงได้มีทะเลาะ และผมก็ไม่อยากทะเลาะกันมันด้วย

“แล้วจะให้ปูนทำยังไงอ่ะครับ” พูดเพราะ กับมันหน่อยครับ เอื้อชอบให้ผมพูดเพราะๆ ด้วยตามประสาคนที่ชอบพูดเพราะกับผมเหมือนกัน แต่เวลาพูดทีไรผมเขินทุกที แค่แทนตัวเองด้วยชื่อก็มุ้งมิ้งจะแย่

[“ถ้าถึงหอโจมแล้วโทร.หาแล้วกัน เดี๋ยวไปรับ”] ก็ยังดีกว่าให้มันมารับถึงที่นี่ล่ะนะ

“อือ เอางั้นก็ได้” ผมพยักหน้ากับตัวเอง ผมยอมได้ถ้าหากว่าจะไม่ทำให้เราทะเลาะกัน

[“พี่เป็นห่วงนะปูน...เข้าใจหรือเปล่า”] ผมนึกหน้ามันออกเลย ถ้าอยู่ด้วยกันคงยื่นหน้ามาใกล้แล้วยิ้มใส่แน่นอน

“อือ เข้าใจ...แต่มันดึกแล้วต้องขับรถไกลๆ มันลำบาก”

[“เป็นห่วง?”]

“นิดหน่อย กลัวไปทำคนอื่นเดือดร้อนมากกว่า” ปากแข็งนี่ขอให้บอกเถอะ พี่ปูนไม่แพ้ใครหรอก

[“ถ้าอยู่ใกล้จะจับจูบให้ปากเปื่อยเลย”]  ผมเงียบ เรื่องแบบนี้พี่ปูนจะไม่เล่นต่อเพราะมีแต่เสียกับเสียเท่านั้น

[“เอื้อ...คุยเสร็จหรือยังวะทุกคนรออยู่นะ…”] คราวนี้เป็นเสียงพี่ฟิ้งครับผมจำได้ เสียงพี่เขาค่อนข้างมีเอกลักษณ์ จะแหบนิดๆ 

[“เออๆ กูคุยเสร็จล่ะ”]

“แค่นี้นะ วางแล้ว เพื่อนจะเริ่มติวแล้วเหมือนกัน”

[“ครับ คิดถึงนะ”]

“อือ” เขินอยู่ครับ บ้าจริงอยู่ดีๆ มาบอกคิดถึงกันแบบนี้ได้ไง ไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด เข้าโหมดหวานแบบงงๆ

[“อะไร ไม่บอกหน่อยเหรอว่าคิดถึงเหมือนกัน”] ปลายสายยังคงหยอกล้อผมเหมือนอย่างเคย คงกำลังยิ้มขำแน่นอนที่ทำให้ผมหน้าแดงได้

เหอะ คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายเขินเป็นคนเดียวหรือไง

“ถ้าอยากได้ยินก็มาให้เห็นหน้าสิ จะพูดให้ฟังจนเบื่อเลย…”

[“ว่าไงนะ…”]

“แค่นี้นะครับพี่เอื้อ ตั้งใจเรียนอย่าเถลไถลล่ะ”

[“ปูนนนน”]

ผมกดวางสาแล้วยิ้มสะใจกับตัวเอง เชื่อว่าตอนนี้อีกฝ่ายต้องร้อนรนจนไม่มีสมาธิติวแน่นอน หึๆ อย่ามาแหยมกับพี่ปูนบอกเลย

“แหม~ ไม่คุยกับถึงพรุ่งนี้เลยล่ะ” หนูนาแซวทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในห้อง

“ที่พูดนี่อิจฉาหรืออิจฉา”

“มันก็เหมือนกันแหละเว้ย!!!”

ผมหลุดหัวเราะออกมาแล้วนั่งลงที่เดิมก่อนจะเปิดสมุดแล้วเริ่มตั้งใจเรียนอีกครั้ง ภาวนาว่าขอให้ผมรอดพ้นไฟนอลนี้ไปให้ได้โดยสวัสดิภาพ

====================================================
====================================
หวานเบาๆ บ้างเนาะเพื่อความฉดใฉของชีวิตตต
คิดถึงทุกคนนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ปล.ต่อไปคงได้อัพอาทิตย์ละครั้งนะคะ เวลาว่างหายากเหลือเกิน  :katai1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.26 26.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-03-2017 02:14:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.26 26.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-03-2017 08:41:06
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.26 26.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-03-2017 09:33:04
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.26 26.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 26-03-2017 11:11:52
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.26 26.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-03-2017 21:54:53
พี่ปูนคนแมนนนนน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.26 26.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-03-2017 22:11:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.26 26.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 26-03-2017 23:25:50
ตอนนี้ก็ได้อ่าน แล้วยิ้มกับความหวานระหว่างน้องปูนกับเอื้อ

และความเป็นโรคจิตผิดปกติของฟิ้งอ่ะน่ะ  ถึงตอนนี้จะไม่มี

บทบาทออกมาเท่าไหร่ในตอนนี้ก็ตาม
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.26 26.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-03-2017 14:51:56
เมื่อน้องปูนอ่อยมากกว่ามั้งนี่
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.26 26.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 01-04-2017 17:39:14

เมื่อน้องปูนสอบเสร็จ


เขาว่ากันว่าวันเวลาจะไปผ่านไปอย่างช้าๆ เมื่อในตอนนั้นเราไม่มีความสุข… จริงครับ คอนเฟิร์มโดนพี่ปูนเองเลย สอบไฟนอลแค่หนึ่งอาทิตย์แต่ทำไมมันเหมือนนานแสนนานราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุดอย่างนี้! นี่ผมเพิ่งจะสอบได้แต่สามวิชาเองนะ มีอีกสี่วิชาที่ยังรออยู่ พี่ปูนไม่ไหวแล้วววว ฮือออ เมื่อไหร่เวลามันจะผ่านพ้นไปเสียที

อะไรนะ ใครถามถึงคนชื่อเอื้อเหรอครับ รู้หรือเปล่าว่าเขาหน้าตาเป็นยังไงบ้าง เพราะตั้งแต่วันนั้น...เมื่อห้าวันที่แล้วผมก็ไม่ค่อยได้เจอเขาอีกเลย ทั้งที่เราอยู่หอเดียวกับแท้ๆ แต่ไม่แม้จะเดินสวนกันให้ใจเต้น ชีวิตช่างเงียบเหงาเสียนี่กระไร

เฮ้อออ

เปล่าๆ ผมไม่ได้คิดถึงมันสักหน่อย แค่ขาดคนกวนตีนไปหนึ่งคนเท่านั้นเอง

โอเค ยอมรับก็ได้ว่าคิดถึงนิดๆ อยากเจอหน่อยๆ

“ถ้ามึงคิดถึงเขาก็โทร.ไป หาสิวะ” ผมตวัดตาใส่เพื่อนขี้เสือกที่เท้าคางมองผมกับโทรศัพท์สลับกัน “พี่เอื้อเขาคงไม่ว่าหรอก แค่โทร.ไปคุยนิดเดียว”

“ไม่ได้ ตอนนี้เอื้อกำลังสอบ” ดูเวลาแล้วเหลืออีกตั้งหนึ่งชั่วโมงกว่าเอื้อจะสอบเสร็จ และหลังจากนั้นผมก็เริ่มสอบวิชาถัดไปทันที

อ้อ ลืมบอกว่าตอนนี้ผมกับเดอะแก้งค์ขี้เสือกกำลังนั่งอ่านหนังสือรอเวลาอยู่ในหอสมุด สถานที่ที่เต็มไปด้วยความรู้และสาวๆ หน้าตาจิ้มลิ้ม มองตามได้เพลินๆ ไม่มีเบื่อ

“มึงนี่น่าสงสารว่ะ มีผัวทั้งทีดันได้ผัวที่ไม่ค่อยมีเวลา” เสือกเบอร์สองอย่างไอ้บอยออกความเห็นที่ผมไม่ได้ต้องการ และบอกกี่ครั้งแล้วว่าเอื้ออ่ะไม่ใช่ผัวเว้ย ยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย

“แต่พี่เอื้อเขามีอนาคตนะมึง” เสือกเบอร์หนึ่งตอบ

“แล้วแบบนี้มึงไม่คิดถึงเหรอวะ” หนูนาถามบ้าง ทุกคนเริ่มทิ้งชีทเรียนตรงหน้าแล้วสนใจเรื่องของผมแทนแล้ว “นี่ไม่ได้เจอจะเกือบอาทิตย์แล้ว มึงเอาแต่อยู่กับสามีโจมจนมันไม่มีเวลาให้กูด้วย”

หนูนามันมีงอนใส่โจมด้วยครับ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ง้อแต่อย่างใด

“ไม่อ่ะ”

“ตอแหล!” มึงไม่ต้องประสานเสียงกันดังขนาดนี้ก็ได้ ดูดิ คนเขามองกันเต็มแล้วเว้ย

“มึงไม่คิดถึงจริงๆ อ่ะ” อยู่ๆ ไอ้บอยมันก็ถามย้ำด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเจ้าเล่ห์ คือมึงต้องการจะคาดคั้นอะไรจากกูก็ไม่สำเร็จหรอกนะในจุดนี้ เรื่องปากแข็งพี่ปูนไม่ยอมแพ้ใคร

“ก็ไม่ เฉยๆ”

“สักนิดก็ไม่มีเหรอ”

“จะคาดคั้นให้ได้อะไรขึ้นมา บอกว่าไม่ก็ไม่ไงวะ” เรื่องแบบนี้จะให้มาพูดออกอากาศได้ไง มันได้ล้อผมตายเลยดิ

“ทั้งๆ ที่พี่เอื้อเขาอาจจะคิดถึงมึงมากกกกกอ่ะนะ”

“รู้ได้ไง เอื้บอกมึงเหรอ”

“ก็ถ้าพี่เขาไม่คิดถึงมึงมากๆ เขาคงไม่มาหามึงถึงที่หรอก” โจมยิ้มมุมปาก เป็นประโยคแรกที่มันพูด และเป็นประโยคที่ทำให้ผมสะพรึง

ขวับ!

ไอ้เชี่ยยยยย เอื้อจริงๆ ด้วย มันมายืนข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่วะ! ทำไมไม่มีใครบอกผม...เดี๋ยวนะ งั้นที่ไอ้บอยมันถามย้ำนั่นก็แปลว่ามันรู้อยู่แล้ว ไอ้พวกเหี้ยแกล้งกู!!

“พี่คงมากวน เดี๋ยวเจอกันวันสอบเสร็จเลยแล้วกัน” เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งขี้น้อยใจแล้วเดินจากไปแบบนี้สิ

“แล้ว แล้ว แล้วววววว”

“พี่เอื้องอนแล้วเว้ย”

“หุบปากเลยไอ้พวกเหี้ย!” โกรธจริงๆ นะ เรื่องแบบนี้ไม่ควรเอามาล้อเล่น ไม่รู้หรือไงว่าเอื้อขี้น้อยใจมากขนาดไหนอ่ะ แต่ที่โกรธที่สุดก็ตัวเองนี่แหละที่ไม่ระวัง ทั้งที่เอื้อยืนอยู่ข้างหลังแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกตัวเลย

ผมรีบวิ่งตามเอื้อออกมาจากหอสมุด คนขายาวก็เดินเร็วได้โล่ ปีหน้าไม่ต้องแข่งปิงปองล่ะ ไปลงวิ่งห้าสิบเมตรเถอะ ได้ถ้วยราวัลแน่นอนไม่ต้องเสียเวลาเดา

“เอื้อ รอก่อน!” ผมรู้ว่าเอื้อได้ยินที่ผมตะโกนออกไป แต่เจ้าตัวทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินต่อ นั่นทำให้ผมยิ่งเร่งฝีเท้ามากขึ้นจนขาแทบจะพันกัน “เอื้อ…โอ๊ะ!!”

โครม!!

โอ๊ยยย เจ็บฉิบหายเลย แม่งอายด้วย ล้มตรงไหนไม่ล้มมาล้มตรงบันไดทางขึ้นหอสมุดที่คนผ่านไปมาเยอะแยะ ฮือออออ พี่ปูนอยากจะมุดดินหนี!

“ปูน! เป็นไงบ้าง” กลับมาแล้วครับตัวต้นเหตุ เอื้อรีบนั่งลงข้างๆ ผม สำรวจบาดแผลตามร่างกายก่อนที่เราจะพากันมานั่งตรงโต๊ะม้าหินใกล้ๆ “เจ็บหนือเปล่า แขนถลอกอีกแล้ว รอยเก่ายังไม่จางเลย”

“นิดหน่อย ไม่เจ็บมากหรอก” อันนี้ไม่ได้โกหกนะ แบบว่าเจอกับความเจ็บปวดจนชิน

โธ่ ชีวิตกู

“เมื่อไหร่จะระวังตัวให้มากกว่านี้” เอื้อตีหน้ายักษ์ส่งมาให้ อยากจะบอกว่าก็ไม่ได้อยากทำให้ตัวเองเจ็บ แต่ทำไงได้มันเป็นอุบัติเหตุ “ซุ่มซ่ามที่หนึ่ง แล้วแบบนี้จะให้ห่างสายตาได้ยังไง”

“ขอโทษ” ผมได้กลายร่างเป็นหมาหงอยไปแล้วครับ ไร้ซึ่งหนทางต่อปากต่อคำใดๆ ผมผิดจริง ผิดเองด้วย ไม่เกี่ยวกับดวงซวยทั้งสิ้น

“รออยู่นี่นะ เดี๋ยวมา”

ได้แต่พยักหน้ารับแล้วปล่อยให้เอื้อเดินไป...ที่ร้านกาแฟข้างหอสมุด ก่อนที่ร่างสูงจะกลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งขวดและทิชชู่ในมือ เหตุการณ์นี้แม่งโคตรคุ้นเหมือนกับว่าเคยเกิดกับตัวผมมาก่อน -..- และก็เป็นไปตามคาดที่เอื้อสละผ้าเช็ดหน้าขาวสะอาดของตัวเองเพื่อทำความสะอาดแผลถลอกให้กับผม

เอื้อทำเผลโดยไม่พูดกับผมสักคำ แต่ความเอาใจใส่ ท่าทางที่ทะนุถนอมและสายตาบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นห่วงผมขนาดไหน

“เอื้อ...เรื่องเมื่อกี้อ่ะ ไม่ได้ตั้งใจนะ”

“ที่ล้มเหรอ ก็แหงะล่ะ ใครจะตั้งใจให้ตั้วเองเจ็บตัว”

“หมายถึงเรื่องที่บอกว่าไม่คิดถึง” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เบายิ่งกว่ากระซิบ แต่เพราะเราอยู่ใกล้กันมาก และรอบข้างก็เงียบสนิท เอื้อเลยได้ยินอย่างชัดเจน

“ไม่ได้ตั้งใจนี่หมายถึงยังไง ไม่ได้ตั้งใจให้ได้ยินเหรอ”

“เปล่า...ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นต่างหาก อย่าตีมึนดิ รู้ว่าเอื้อรู้ว่าปูนหมายถึงอะไร”

“หมายถึงปูนไม่คิดถึงพี่” ง่ะ มันใช่เสียที่ที่ไหนเล่า

“มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย แต่...แบบจะให้พูดออกไปมันก็เขิน” ผมยกมือขึ้นมาเกาแก้มแก้เก้อ “เดี๋ยวเพื่อนมันล้อเอา”

“ปูนกลัวเพื่อนล้อมากกว่ากลัวพี่เสียใจเหรอ” โอ๊ยยย ไปกันใหญ่แล้ว คุณชายคนนี้ขี้งอนยิ่งกว่าใคร ขี้น้อยใจเหมือนเด็ก แล้วก็ช่างประชดประชันด้วย เอื้อไม่มองหน้าผมเลยแม้ว่าตอนนี้มันจะขึ้นมานั่งข้างกันแล้ว “พี่แค่อยากเจอปูน ตอนนี้พี่เห็นหน้าไอ้เดียวบ่อยกว่าปูนเสียอีก”

“มันก็แน่อยู่แล้ว ปูนยังเจอหน้าโจมบ่อยกว่าเลย”

“เพราะแบบนั้นพอมีเวลาพี่ก็อยากมาหาปูน เห็นหน้าสักสิบนาทีก็ดี”

“ปูนขอโทษ...ปากปูนไม่ดีเองเหรอ อยากจะตีก็ได้นะยอมทุกอย่าง” โคตรรู้สึกผิดเลยตอนนี้ ให้ทำอะไรก็ยอมแล้ว

“ตีปูนไปจะได้อะไรล่ะ พี่ไม่ชอบเห็นปูนเจ็บตัว” เอื้อพูดจบก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะจูบลงที่มุมปากผมเบาๆ “สู้ทำให้ปูนเขินยังดีกว่าเลย”

แล้วก็...ปัง!!! หัวใจผมก็ระเบิดออกมาเป็นช็อคโกแลต

อ๊ากกกก นี่มันหน้าหอสมุดนะเว้ย นี่มันพื้นที่สาธารณะนะ แล้วมาทำประเจิดประเจ้อแบบนี้ได้ยังไง ถึงมันจะไม่ค่อยมีคนเดินผ่านตอนนี้ก็เถอะ! งื้ออออ แล้วคุณผู้หญิงกลุ่มนั้นที่มองมาด้วยความตกใจคือคุณเห็นฉากเลิฟซีนเมื่อกี้ใช่หรือเปล่าครับ! นั่น...นั่น! มีการส่งยิ้มมาให้ผมอีก

ผมพาดมือลงบนแขนหนาแรงๆ ไปหนึ่งทีโทษฐานไม่ให้เกียติสถานที่ ถ้าอยู่ในห้องแล้วทำกันสองคนจะไม่ว่าเลย

เอ่อะ ไม่ใช่ล่ะ

“หายกันแล้วนะ” งื้อออ ไม่ต้องส่งยิ้มมาให้เลย เมื่อกี้จงใจแกล้งกันชัดๆ ฟ้องครับฟ้อง น้องปูนของทุกคนกำลังโดนรังแก! “แล้วพี่ก็มาทวงสัญญา”

“สัญญาอะไรอีก” อยากจะลุกหนีนะแต่เมื่อกี้มีชะนักติดหลัง ไม่งั้นไม่เห็นพี่ปูนแล้วครับ โน้นนน มุดลงดินไปตั้งนานแล้ว

“มีคนบอกว่าถ้ามาหาจะได้ฟังคำว่าคิดถึง มาหาแล้วนะครับ เมื่อไหร่จะได้ฟัง”

อ๋อออออ ผมลืม! ตอนนั้นพูดเพราะอยากแกล้งอีกฝ่ายเล่นๆ ไม่คิดว่าเอื้อจะเป็นคนคิดจริงจังขนาดนี้ แต่น้องปูนคนจริงๆ ครับ พูดแล้วก็ต้องรักษาสัญญา ไม่มีทางกลับคำง่ายๆ

ติดอยู่ที่มันเขินจนพูดไม่ออกนี่แหละ แอร๊ยยยย

“ถ้าไม่พูดพี่จะ…”

“จะอะไร” เกลียดที่สุดก็หรหยุดไว้ให้คิดนี่แหละ!

“จะทำให้เขินมากกว่าเดิม” ผมรีบขยับตัวออกห่าง พอเลยทีเดียวก็เกินพอแล้ว ถ้ามีมากกว่านี้พี่ปูนรับไม่ไหวหรอกจะบอกให้

“พูดแล้วๆ

“ครับ รอฟังอยู่” ไม่ต้องมายิ้มแป้นแล้นเลย มันยิ่งทำให้พูดอยากขึ้นไปอีกสิบแปดเท่า

เคยเป็นหรือเปล่าครับ คำพูดบางคำก็ง่ายแสนง่าย อย่างคำว่า ‘ชอบ’ ‘รัก’ หรือ ‘คิดถึง’ ที่ปกติเราก็พูดออกมาอย่างง่ายดาย แต่พอต้องพูดกับคนที่ใจเรารู้สึกอะไรด้วยหรือพูดกับคนสำคัญทีไร มันกลับทำให้พูดไม่ออกสักที ไม่ก็พูดออกมาได้ไม่เต็มเสียง

“คิดถึง”

เขาว่ากันว่าแค่คำบางคำก็ทำให้คนฟังมีความสุขได้ เรื่องนี้คงจะจริง เพราะพอผมพูดออกไป ผู้ชายตรงหน้าก็สิ่งยิ้มสดใสมาให้ทันที

ผมชอบรอยยิ้มของเอื้อ และจะชอบมากที่สุดถ้ามันมีไว้สำหรับผมคนเดียว

♣♣♣♣♣

วันนี้ผมจะสอบวิชาสุดแล้วครับ (เย่ๆ!) ผมควรจะดีใจแต่ก็ต้องหนักใจเพราะวิชานี้เป็นวิชาที่ยากที่สุด เพราะงั้นเมื่อวานทั้งวันผมเลยไม่ออกไปไหนแล้วนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หออย่างเดียว

ผมพยายามมากในวิชานี้ เพราะอาจารย์ออกข้อสอบเป็นบรรยายทั้งหมด พี่สามมันก็ขู่มาจนผมกลัวเลยครับ มันบอกอาจารย์เคี่ยวมาก ให้คะแนนยากอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องอ่านไปเยอะๆ และตั้งใจทำข้อสอบ เพราะขนาดพี่บุ๊คซึ่งเป็นตัวเทพของชั้นปียังได้เอมาแบบฉิวเฉียด

แล้วผมจะรอดเหรอให้ทาย

สำหรับอีกวิชาที่ยากรองลงมาอย่างเคมีประยุกต์ผมเพิ่งสอบไปเมื่อวันก่อนครับ ผมว่าผมพอทำได้นะ ที่เอื้อมันติวให้ช่วยได้เยอะมาก เพื่อนๆ ของผมก็พลอยทำข้อสอบได้ไปด้วย เพราะเอื้อมันบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะติววิชานี้ให้ตอบแทนที่ทุกๆ คนช่วยติวให้ผม

ออกจากห้องสอบมาไอ้กล้ากับไอ้บอยถึงกับเปลี่ยนสรรพนามให้เอื้อเป็น ‘ท่านเทพเอื้อ’ เลยครับคิดดู

เมื่อวานเอื้อมีสอบตั้งแต่เช้าถึงเย็น แต่ก็เป็นวันสอบวันสุดท้ายของอีกฝ่ายเช่นกัน มันสอบที่หลังผมสองวันแต่เสร็จก่อนวันนึง

โคตรไม่แฟร์เลยอ่ะ

วันนี้เอื้อมันไม่อยู่ทั้งวัน มันสอบเสร็จเมื่อวานก็ต้องรีบกลับบ้านทันที ผมยังแปลกใจเลยตอนที่อีกฝ่ายโทร.มาบอกช่วงเย็น ก็มันไม่เคยกลับบ้านเลยตั้งแต่เรารู้จักกัน แล้วทำไมอยู่ๆ มันถึงอยากกลับบ้านได้

“โอมมมมมม นะโม นะโม นะโม นะโมมมมม จงออกข้อสอบง่าย จงออกข้อสอบง่าย จงออกข้อสอบง่ายยยยย เพี้ยง!!!”

เอ่อะ ผมว่ากดดันมาเกินไปก็ทำให้คนเป็นบ้าได้นะ ดูอย่างไอ้กล้ากับไอ้บอยสิ มันรวมหัวกันท่องบทสวดอะไรก็ไม่รู้ ตอนนี้เรากำลังอยู่ที่หน้าห้องสอบครับ อีกสอบนาทีถึงจะเข้าห้องได้

“พวกมึงสองคนเลิกสวดอะไรไร้สาระสักทีได้ป่ะวะ” ไอ้ฟ้าพูดขึ้นอย่างหัวเสีย มันกำลังตั้งใจอ่านทบทวนอยู่ เสียงสองได้สองตัวคงดังรบกวนสมาธิ

“มึงเงียบไปเลย พวกกูก็กำลังพยายามในแบบกูเหมือนกัน!”

“พยายามแบบนี้มันช่วยอะไร แม่ง! ตอนกูติวให้ทำไมมึงสองคนไม่ตั้งใจฟังหา?!”

“มึงจะเสียงดังทำไมเนี่ย...เดี๋ยวอาคมเสื่อมหมด” ไอ้บอยที่ตั้งหน้าตั้งใจสวดไร้สาระของมันหันมาดุไอ้ฟ้า แล้วชวนไอ้กล้าสวดต่อ “มึงจะเอาด้วยป่ะวะปูน”

“กูขอบายอ่ะ”

ผมไม่ทำอะไรน่าอายแบบนั้นแน่นอนครับ สู้ภาวนากับน้องเดหลีสุดที่รักให้ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมดีกว่า

ครืดๆๆๆ

โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นผมเลยหยิบออกมาดู มันเป็นข้อความสั้นๆ จากคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม

‘ตั้งใจทำข้อสอบนะหลานรัก ตากับยายคิดถึง’

ไม่ใช่ตากับยายหรอกครั้บที่ส่งมา ลุงคณิตต่างหาก ตากับยายไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่ ยิ่งตายิ่งเป็นสายแอนตี้โซเชียลทุกชนิด ไม่ใช่ว่าแกไม่ชอบนะ แต่แกเล่นไม่เป็น

ฮาาา ตาผมเองครับตาผมม

แค่ข้อความสองประโยคก็ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

“เข้าห้องสอบได้ครับ”

โอเค ผมพร้อมลุยแล้วววว

(เชี่ยยยย ข้อสอบจะยากไปไหนวะแม่งงงงง)

..
.
สอบเสร็จแล้วโว้ยยยยยยยยยยยย

อยากจะตะโกนให้ลั่นมอเลย! แต่ผมตะโกนไม่ทันพวกเพื่อนๆ มันหรอกครับ

“กรี๊ดดดด ต่อไปนี้กูจะแรดแล้ว!!”

“มึงก็แรดอยู่แล้วป่ะวะหนูนา ฮ่าาาาาา” เรื่องจิกกัดหนูนาไว้ใจพี่บอยของเราได้เลย

“ปากเสียอีบอยยย กูออกจะเรียบร้อยดั่งผ้า…”

“ยับที่พับไว้” โอ้โหไอ้โจม ฝีปากมึงนี่เด็ดดวงขึ้นทุกวัน อัพเลเวลแล้วใช่มะ

“ผัวคะ กูไปยับบนหัวมึงเหรอ!”  แล้วเสียงสิบแปดหลอดของมันก็ดังจนคนรอบข้างหันมามอง ดีนะเราลงจากตึกกันแล้วไม่อย่างนั้นอาจารย์ที่คุมสอบคงออกมาไล่แน่

“พวกมึงสามตัวนี่จะเถียงกันทำไมวะ” ไอ้กล้าส่ายหน้าระอา มึงก็คิดเหมือนกูใช่มั้ยกล้า “กูว่าเอาเวลามาคิดดีกว่าว่าวันนี้จะไปฉลองที่ไหนดี...กูสอบเสร็จแล้วโว้ยยยย!”

ไอ้เชี่ย!! เสียงดังกว่าพวกแม่งรวมกับอีก

“มึงนี่คิดแต่เรื่องอบายยามุกเนาะ” ใช่ๆ ฟ้า ด่ามันเยอะๆ

“หรือมึงจะไม่ไปครับน้องฟ้า”

“ไปดิ...เรื่องแบบนี้จะพลาดได้ไง”

โธ่~ เพื่อนกูแต่ละคน พี่ปูนนี่เพลียจิตเลย

“งั้นคืนนี้ร้านพี่เติมสามทุ่มระครับทุกคน” บอยสรุปให้เองเสร็จสรรพ คือพวกมึงไม่คิดจะเปลี่ยนร้านเลยใช่ป่ะ สุข เศร้า เหงา อกหักก็ร้านพี่เติม มึงเป้นญาติฝ่ายไหนของเขาครับเพื่อน

แต่นอกจากร้านพี่เติมผมก็ไม่เคยไปร้านไหนอีกเลยนะ ฮะๆ

บอยหันไปทางหนูนาและจี๊ด “พวกมึงไปป่ะ”

“ผู้หญิงเรียบร้อยๆ อย่างกูไม่อยากเข้าร้านเหล้าเท่าไหร่เลยว่ะ…”

“ถุย!!!” พวกผมที่เหลือร่วมใจประสานเสียงใส่มัน แหมะ ทำมาเป็นไม่อยากเข้าร้านเหล้ามึงอ่ะคอแข็งกว่าพวกกูอีกเว้ย! หนูนามันคอทองแดงมากครับ มันเคยบอกว่าพ่อจับเหล้ากรอกปากมันตั้งแต่เด็กๆ กันมันถูกมอม

บ้านนี้สอนกันแปลกจริงๆ

“ฟังให้จบก่อนสิวะ กูไม่อยากเข้าร้านเหล้า...ถ้าไม่มีผู้ชายหล่อไปด้วยเว้ย!”

“แล้วอย่างพวกกูนี่...หล่อพอป่ะวะ”

เชรดดดดดดดดดด ไอ้โจมแอทแทคครับท่านผู้ชมมมมม

มันถามขึ้นพร้อกับยกยิ้มมุมปากเท่ๆ บอกเลยว่าโคตรหล่อออ มึงหล่อมากโจม มึงคือดี มึงคือที่สุดดด (รองจากแฟนกูนะ)

“กรี๊ดดดดดด”
“หล่อฉิบหายเลยมึง”
“นั่นคือสามีกูในอนาคต~”

เปล่าๆ ไม่ใช่หนูนาหรอกครับ และก็ไม่ใช่จี๊ดด้วย แต่เป็นสาวๆ ที่เดินผ่านไปมาต่างหาก การันตีความหล่อของมันเพิ่มอีกเท่าตัว

“ชะนีพวกนี้เห็นผู้ชายหน้าตาดีเป็นไม่ได้” จะพูดอะไรก็เช็ดน้ำลายที่หยดตรงมุมปากตัวเองก่อนนะเพื่อน ช่วยรักษาภาพพจน์ดาวสาขานิดนึงเว้ย ไม่ใช่มองผู้ชายตาเยิ้มขนาดนั้น!

“มึงนั่นแหละหนูนาตัวดีเลย!”

“ทำไมมึงหึงมันเหรอบอย” ไอ้กล้าถาม

“เหอะ จะหึงทำไม สุดท้ายมันก็ต้องมาซบอกกูอยู่ดี”  มั่นหน้าไม่มีใครเกินเลยเพื่อนกู

อยู่กับพวกมันนอกจากจะได้เรื่องไร้สาระกลับไปแล้วยังได้เสียงหัวเราะไม่หยุดอีก ผมนี่ได้แต่ยืนขำอย่างเดียวเลยครับ ไม่ต่างจากจี๊ดเลย

“พี่เอื้อมารับแล้วปูน”

เสียงจี๊ดทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ ก่อนจะหันไปมองตามปลายนิ้วยาวที่ชี้ไปทางด้านหน้าที่มีรถคันคุ้นตาจอดรออยู่

“พวกมึง กูไปก่อนนะเว้ย”

“แหม พอผัวมานี่หาเสียงตัวเองเจอเชียวนะมึง” 

“ไม่ใช่ผัวเว้ย!” ต้องให้บอกจนปากจะฉีกถึงรูหูเลยมั้ยถึงจะเชื่อว่าเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน

“อย่าลืมนะเว้ย สามทุ่มร้านพี่เติม!”

“ได้เลยเพื่อน” โธ่~ แอลกอฮอล์จ๋าาา รอพี่ปูนก่อนนะ แค่คิดก็น้ำลายไหลไปถึงพื้นแล้ว

“หน้ามึงไม่ค่อยเงี่ยนเลยนะ”

“เขาเรียกว่าเสี้ยนเว้ย!” ผมบอกก่อนจะรีบวิ่งไปหาเอื้อ ไอ้กล้านี่ไม่ไหวเลยครับ อยู่กับมันนี่วิบัตจริงๆ ทำพี่ปูนเสียู้เสียคนหมด (หรา)

..
.
สี่ทุ่มฟ่าๆ ร้านพี่เติมเจ้าเก่าเจ้าประจำ จนอยากสมัครสมาชิก

“เอ้าชนนนนนน!” เสียงตะโกนยาวๆ ของไอ้กล้าดังขึ้นก่อนที่แกล้งพลาสติกสิบใบจะกระทบกันอีกครั้ง...อาฮะ ฟังไม่ผิดครับ แก้วพลาสติกจริงๆ นะ พวกผมไม่ได้กินแป๊บซี่อยู่หรอก แต่ร้านพี่เติมเขาเพิ่งเปลี่ยนแผนการใหม่เป็นใช้แก้วพลาสติกแทนเนื่องจากมันแตกไม่ได้นั่นเอง

“กินแก้วแบบนี้ม่ได้อารมณ์เลยว่ะ”

“ก็ดีกว่าเขาให้กินจากขวดนะพี่” ไอ้กล้าผู้กลายเป็นน้องรักของพี่เดียวไปแล้วตอบกลับมา หึๆ ผมล่ะอุตส่าห์ดีใจที่จะได้มากินเหล้าหลังสอบเสร็จ ที่ไหนได้ต้องมีพ่อ (คุณ) มาตามคุมพฤติกรรม แต่ดีหน่อยที่ไม่ได้กินแต่น้ำอัดลมเหมือนอย่างวันโน้น

พวกผมเจ็ดคน รวมกับเอื้อและผองเพื่อนอีกสามชีวิต เป็นสิบคนพอดิบพอดี พวกเราสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว อย่างที่บอกว่าพี่ฟิ้งเป็นคนเฟรนลี่มากๆ เข้ากับคนอื่นง่าย เพื่อนๆ ผมก็ชอบพี่เขากันทุกคนยกเว้นโจมที่ผมดูไม่ออกเพราะมันนิ่งตลอดไม่ว่ากับใคร ส่วนพี่เดียวรายนี้อย่าพูดถึง รวมกลุ่มกับไอ้บอยและไอ้กล้ากลายเป็นตลกค่าเฟ่ที่เล่นมุกทีไรก็มีเสียงหัวเราะตลอด ไม่ใช่ขำมุก แต่ขำให้ความแป็กของมุกต่างหาก

“พี่เอื้อคะ ชนแก้วหน่อยนะคะ”

“อ่า...ครับ”

หึๆๆๆ ชนแก้วครับชนแก้ว มานั่งไม่ถึงชั่วโมงอยากถามว่าได้ชนไปกี่แก้วแล้วครับ ฮัลโหลเห็นมั้ยว่าใครนั่งข้างมันอยู่เนี่ย เข้าใจว่ามันเป็นมารยาททางสังคม แต่คุณคนของประชาชนจะบ่อยเกินไปหน่อยล่ะ

“มึงได้นับป่ะวะไอ้กล้า”

“นี่ก็สิบสองแล้วครับ อีกแก้วก็ทุกสถิติที่ทำไว้แล้ว”

“สถิติอะไรวะ”

“เอ้า...ก็สถิติความหึงของไอ้ปูนไง พี่ดูหน้ามันดิ จะแดกหัวผู้หญิงคนเมื่อกี้อยู่แล้ว”

“กูเปล่าเว้ย!” ผมหันไปแว้ดใส่ รับส่งมุกกันดีเหลือเกินนะครับไอ้ตลกค่าเฟคณะนี้ ผมไม่ได้ไม่พอใจ ไม่ได้หึงใดๆ เลย พี่ปูนอ่ะปกติทุกอย่างอยากบอกให้รู้

“หึๆ”

“หัวเราะอะไร” ผมหันไปถลึงตาใส่เอื้อ

“เสียงเหวี่ยงไปอีกกกก” หนูนามึงเงียบไปเลย อยากเป็นตลกหนึ่งที่สวยที่สุดในคณะค่าเฟ่เหรอ (ก็คณะมีมันเป็นผู้หญิงคนเดียวครับ) “มึงนี่ปากแข็งเหมือนชื่อเลยนะ หึงก็ไม่พูด คิดถึงก็ไม่บอก”

“พี่ก็รอให้พูดบอกว่าไม่ชอบอยู่ สงสัยจะรอเก้อแล้ว”

ผมกอดอก ทำไมเข้าขากันดีนักวะ แล้วไอ้คนข้างๆ ผมนี่แหละตัวแสบเลย ทำมาเป็นพูด ใครต่อใครเข้ามาทักก็ชนแก้วเขาไปหมด แล้วยังมีหน้ามาบอกว่ารอเราบอกว่าไม่ชอบ

ชิ!

“เล่นมากระวังจะขำไม่ออกนะพี่” ถูกกกกก มึงพูดได้ถูกต้องเลยโจม อยากเล่นมากระวังน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า คะแนนที่สะสมมาอาจจะถูกหักออกจนถึงขึ้นติดลบ

ผมยังคงนั่นนิ่ง แต่หลังจากนั้นเอื้อก็คงจะรู้ว่าควรพอได้แล้ว อีกฝ่ายจึงงดชนแก้วกับสาวสวยในทุกกรณีด้วยเหตุผลที่ว่า ‘เกรงใจเมีย’ นั่งดื่มไปอีกสักพักก็พบว่าไตเริ่มจะขับทิ้งของเสียบ้างแล้ว เลยลุกมาเข้าห้องน้ำพร้อมกับเอื้อที่ติดตามไปด้วย

“พี่รอข้างนอกนะ” ร่างสูงกระซิบก่อนจะปล่อยให้ผมเข้าไปคนเดียว ตลอดทางที่เดินมาผมรู้สึกว่าตัวเองตกเป็นเบ้าสายตาไม่น้อย ยิ่งอยู่ด้วยกันกับเอื้อแล้วยิ่งถูกมองเข้าไปใหญ่ ประเด็นเก่าของผม เอื้อ และพี่น้ำไม่ถูกลืมไปง่ายๆ มันยังคงติดอยู่ในสายตาของทุกคน

ผมออกมาจากห้องน้ำก็ไม่พบเอื้อแล้ว ให้เดาคงจะอยู่หลังร้านเป็นแน่ บอกแล้วว่าตรงนี้อากาศดี ปลอดโปร่งโล่งสบาย เหมาะกับการหลีกหนีความวุ่นวายและแสงสีข้างในร้าน

“พอสักทีเถอะน้ำ เลิกยุ่งกับผมได้แล้ว” เท้าทั้งสองข้างของผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้น และเมื่อเดินออกไปอีกนิด ก็พบกับภาพที่ทำให้หัวใจผมหล่นวูบ พี่น้ำถูกกักไว้ในอ้อมแขนของเอื้อ มือบางกำเสื้อยืดสีอ่อนของร่างสูงเอาไว้แน่นราวกับอยากจะดึงทึ้งให้ขาดออก

“ทำไมน้ำจะต้องเลิกด้วย น้ำผิดอะไร ทำไมน้ำต้องยอม น้ำก็ชอบเอื้อไม่แพ้ไอ้เด็กนั่น” เสียงหวานสั่นเครือ และพูดยานคางคล้ายคนกำลังเมา “หรือว่าถ้าไม่มีมัน เอื้อจะหันมามองน้ำ”

“อย่าทำอะไรปูน ถ้าจะลงก็มาลงกับผมคนเดียว”

“หึ...มันสำคัญกับเอื้อมากสินะ…”

“แบบที่น้ำเทียบไม่ได้เลยล่ะ”

“...”

“ถ้าน้ำทำอะไรปูน ผมไม่ปล่อยน้ำไว้แน่” เอื้อกดเสียต่ำฟังดูน่ากลัวกว่าทุกครั้ง จากมุมนี้ผมไม่เห็นว่ามันทำหน้ายังไง แต่ก็คงจะดุคันไม่น้อย

“นี่เอื้อขู่น้ำ?”

“ผมไม่ได้ขู่ ผมทำจริง” เอื้อที่ปกติจะเป็นคนสุภาพและอ่อนโยนตอนนี้ได้เปลี่ยนไป กลายเป็นเอื้อที่ผมไม่เคยรู้จัก มือหนาถูกเลื่อนเข้าหาพี่น้ำก่อนจะบีบลงที่คางเรียวอย่างแรง “แต่ถ้าน้ำอยากลองดีก็เชิญ”

“น้ำไม่...โอ๊ย”

ใบหน้าสวยของพี่น้ำถูกปล่อยให้เป็นอิสระ “ผมไม่ใช่สุภาพบุรุษแบบที่น้ำคิดหรอกนะ”

เอื้อก้าวถอยออกมาจากตรงที่ยืนอยู่ และทันใดนั้นพี่น้ำก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้นแล้วสะอื้นด้วยความกลัว  ทว่าร่างสูงกลับยืนมองภาพตรงหน้าและเดินออกมาอย่างไร้เยื่อใย ผมรีบกลับเข้ามาข้างในร้าน ทำทีเป็นยืนเล่นโทรศัพท์รออีกฝ่ายอยู่หน้าห้องน้ำ และพอเอื้อเดินเข้ามาก็แกล้งตีหน้าเหรอหราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายออกไปข้างนอก

“กลับโต๊ะกันเถอะ พวกนั้นจะแย่งกินหมด” รอยยิ้มละมุมถูกส่งมาให้ผม ก่อนที่เอื้อจะเป็นฝ่ายนำไปก่อน และไม่ลืมที่จะจูงมือผมให้ตามไปด้วย

“เมื่อกี้ไปไหนมา”

คนตรงหน้าหยุดเดินก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองผมพร้อมยิ้มมุมปาก “ก็แอบฟังอยู่ไม่ใช่เหรอ” ดวงตาสีเข้มที่ทอประสายแสงสีของไฟในร้านจ้องลึกเข้ามในดวงตาของผม

“...” เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่ากลัว จนเกือบเผลอสะบัดมืออีกฝ่ายทิ้ง ทว่าเอื้อเองที่เป็นผ่ายกุมแน่นไม่ยอมให้มือของเราหลุดออกจากกันง่ายๆ

ร่างของเราสองคนโดนกลุ่มคนที่ยืนใกล้ๆ เบียดให้เข้ามาชิดจนปลายจะมูกเราแนบชิดกัน ร่างสูงเปลี่ยนจากจับมือมาโอบเอวของผมเอาไว้ ท่างกลางผู้คนมากมาย และเสียงเพลงที่ดังกึกก้อง ตอนนี้โลกของผมกลายเป็นเอื้อเพียงแค่คนเดียว และสิ่งอื่นไม่มีความหมาย

“กลัวพี่เหรอ” เอื้อกระซิบชิดริมหู “ถึงพี่จะใจร้ายกับคนอื่น แต่ปูนจะเป็นคนเดียวที่พี่จะใจดีด้วยตลอดไป”

ไม่รู้ว่าผมจะเชื่อผู้ชายคนนี้ได้มากขนาดไหน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำที่เอื้อพูดออกมาทำให้หัวใจที่เหี่ยวเฉาเปลี่ยนเป็นฟูฟ่องราวกับได้รับน้ำเย็นชื่นใจ

และได้แต่ภาวนาว่าขอให้เป็นผมคนเดียวตลอดไป…

..
.
ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.26 26.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 01-04-2017 17:41:46
เช้าถัดมา

“ของครบหมดแล้วใช่มั้ย” ลุงคณิตถามขึ้นหลังจากขนกระเป๋าใบสุดท้ายขึ้นรถ ที่จริงผมก็ไม่ได้เอาอะไรกลับบ้านมากมายหรอกครับ แค่หอบการ์ตูนที่ห้องไปเก็บบ้านหมดทุกเล่มแค่นั้นเอง

“ครับ ไม่มีอะไรแล้ว”

ลุงมองไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลัง เอื้อมาช่วยผมเก็บกระเป๋าตั้งแต่มาถึง แม้ว่าตอนเก็บจะบ่นว่าไม่อยากให้ผมกลับบ้าน (ซึ่งเป็นไปไม่ได้ครับคุณชาย) ก็ตามที

“ลุงไปเซเว่นนะ จะไปซื้อกาแฟเอาอะไรมั้ย”

“ขนมครับ เยอะๆ เลย” ผมบอกพร้อมยิ้มแป้น แฮ่ๆ จะได้มีเวลาบอกลาเอื้ออีกนิด

“โอเค...ลุงจะเลือกมาให้เยอะๆ เลย” ลุงส่งยิ้มมาให้ก่อนจะเดินข้ามเดินไปอีกทาง คือร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ ก็มี นี่ลุงกำลังเปิดโอกาสให้ผมสองคนอยู่ใช่มั้ยครับ

“กินข้าวเยอะๆ นะ อย่ามัวแต่อ่านการ์ตูน” มันจับตัวผมหันซ้ายหันขวา “ถ้ากลับมาแล้วผอมกว่านี้ล่ะน่าดู”

ผมเบ้ปากใส่อีกฝ่ายไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีความรู้สึกนี้อีกครั้ง ไอ้ความรู้สึกหวิวๆ เมื่อต้องจากลาเนี่ย รู้สึกครั้งล่าสุดคือตอนที่ตากับยายมาส่งที่หอตอนปีหนึ่ง

ก่อนผมจะกลับบ้าน ผมมีหนึ่งเรื่องที่อยากบอกกับเอื้อ...เรื่องที่ผมนอนคิดมาทั้งคืน

“เอื้อคือ…”

“แปบนะ” เอื้อยกมือขึ้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ “ฟิ้งว่าไง...อือ กำลังรอส่งปูนกลับบ้าน...เปล่าๆ ลุงปูนมารับ อือๆ ได้...โอเคเดี๋ยวกูไป”

“จะไปไหนต่อเหรอ” ผมถามหลังจากที่เอื้อวางสายได้พักครู่ “ถ้ามีธุระไปเลยก็ได้นะไม่ต้องรอหรอก”

“ได้ไงเล่า ต้องส่งปูนก่อนสิ ฟิ้งมันแค่ติดรถกลับบ้านด้วยกันเท่านั้นแหละ”

“สนิทกันมากเลยเนาะ เพื่อนแบบนี้หาโคตรยาก”

“อือ ถ้าเสียไปคงแย่” นั่นสินะ ถ้าเสียพี่ฟิ้งไปเอื้อจะทำยังไง “แล้วเมื่อกี้จะพูดอะไรเหรอ”

“อ่อ...คือ…”

บอกตามตรงว่าผมรู้สึกใจหายครับ พอจะห่างกันไปจริงๆ แล้วมันก็อดกังวลเรื่องอะไรต่างๆ นานาไม่ได้ สิ่งแรกเลยที่ผมคิดว่าเมื่อเราห่างกับไปแล้ว ความรู้สึกของเอื้อที่มีต่อผมยังจะคงเหมือนตอนที่เราอยู่ด้วยกันหรือไม่ เอื้อจะเปลี่ยนไปไหม สามเดือนจะว่าสั้นก็สั้น จะว่านานก็นานเหมือนกัน ถ้าอีกฝ่ายเจอใครที่ทำให้มันรู้สึกต่อเขามากกว่าผมจะทำยังไง

เอื้อก็ยังเป็นเอื้อ ยังเป็นคนที่มีเสน่ห์ ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องตกลงไปในหลุมที่อีกฝ่ายขุดไว้อย่างไม่ตั้งใจ พฤติกรรมที่ผ่านมาของเอื้อทำให้หัวใจของผมสั่นไหว กลัวว่าอีกฝ่ายจะเผลอไผลไปกับอะไรก็ตามที่เข้ามาหาจนหลงลืมความรู้สึกที่มีต่อผมไปชั่วขณะ

กลัวว่าสุดท้ายแล้ว คำว่า ‘ชอบ’ ที่เอื้อได้บอกกับผมไว้จะเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว

“ถ้าจะบอกว่าคิดถึงก็รีบบอกมานะ รอฟังอยู่”

“ไม่ใช่สักหน่อย…” ผมหลุบตามองพื้น “ถ้า...ภายในสามเดือนนี้มีอะไรเปลี่ยนไป...ก็บอกกันได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

ยังดีกว่าที่ให้ผมมารู้ที่หลัง และเสียใจอยู่คนเดียว

“หมายความว่าไง”

“ก็...ถ้าเกิดว่า…” มันค่อนข้างพูดยากนะครับ แต่ผมก็อยากจะพูด “ถ้าเกิดว่าเอื้อไปเจอใครคนใหม่เข้า…”

“ปูน!” อีกฝ่ายเรียกผมด้วยเสียงที่ดังและเข้มขึ้นจนผมต้องเงยหน้ามองคนพูด สีหน้าเอื้อบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“อะ อะไร”

“ปูนกำลังดูถูกความรู้สึกของพี่นะ” เอื้อหันหน้าไปมองทางอื่น “ปูนพูดมาได้ไง ถ้าพี่ไปเจอใครใหม่แล้วยังไง ต่อให้พี่จะเจอใครอีกสักกี่คนพี่ก็ไม่หวั่นไหวง่ายๆ หรอก”

“...”

“คำว่าชอบที่พี่บอกปูนไป มันไม่ได้ทำให้ปูนเชื่ออะไรเลยเหรอ” เอื้อมองผมด้วยสายตาเจ็บปวดจนผมรู้สึกแย่มาก เมื่อกี้ผมทำร้ายหัวใจอีกฝ่ายไปมากแค่ไหนกัน

“...”

“พี่ชอบปูนนะ คำนี้ไม่มีวันยกให้ใคร”

“คือ...” ผมอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ที่เอื้อพูดมาถูกทั้งหมด ผมมันแย่เองที่คิดอะไรไม่ดีขนาดนี้

เอื้อมมือมาจับมือผมไว้หลวมๆ ส่วนอีกมือก็โยกหัวผมไปมา ก่อนจะพูดปลอบผมด้วยน้ำเสียงจริงใจ และอ่อนโยน “พี่ไม่โกรธปูนหรอกนะที่ปูนคิดอย่างนั้น ที่ผ่านมามันอาจจะยังทำให้ปูนเชื่อไม่พอ แต่พี่ไม่ยอมแพ้หรอก เข้าใจมั้ย”

“...” ผมหยักหน้ารับ

“อีกสามเดือน...พี่จะขอโอกาสปูนอีกครั้ง” ผมกระพริบตามองอีกฝ่ายที่ส่งยิ้มละมุนมาให้ “แล้วครั้งนี้ช่วยตอบตกลงกับพี่ด้วยนะ”

“...”

“ไปปูน” ลุงคณิตแตะที่ไหล่ผมเบาๆ “นี่ลุงมาขัดจังหวะหรือเปล่า”

“เปล่าครับ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ในขณะที่เอื้อก็ผละออกไปจากตัวผม บอกเลยครับว่าเขินสายตาลุงมาก ลุงมองทั้งมันและผมสลับกันไปมา ก่อนจะหันไปคุยกับเอื้อ

“ขอบใจมากนะที่มาช่วย”

“ไม่เป็นอะไรครับ สวัสดีครับลุง เดินทางปลอดภัยนะครับ” เอื้อที่ยกมือไหว้ลาซึ่งลุงคณิตพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปขึ้นรถ

“ปูนไปล่ะนะ”

“เอือ เดินทางปลอดภัยนะ”

ผมพยักหน้ารับ เปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งในรถอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนตัวเตรียมจะออกถนน ผมก็หันไปมองด้านข้างแล้วโบกมือให้คนที่ยืนส่งอยู่ เอื้อยกมือขึ้นทำเป็นสัญญาลักษณ์โทรศัพท์ ซึ่งผมก็พยักหน้ารับ แม้รถจะเคลื่อนตัวออกไปได้สักพักแต่เอื้อก็ยังยืนอยู่ที่เดิม จนผมเห็นมันเป็นแค่จุดรางๆ แล้วกลืนไปกับผู้คน

สามเดือนข้างหน้า...กับโอกาศอีกครั้ง

=============================================
=====================================
พวกหนุ่มๆ ปิดเทมอกันแล้ว
อยากบอกว่าตอนหน้าเรามีเรื่องสะใภ้...เอ้อ เซอร์ไพรส์ค่ะ
จะเป็นเรื่องอะไรนั้นรอนะ
รักทุกคนนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.27 1.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-04-2017 17:51:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.27 1.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-04-2017 20:02:31
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.27 1.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 02-04-2017 09:02:35
เริ่มมีความรู้สึกหึงหวงกัน...แต่แอบรู้สึกว่ามันเนือย ๆ ไปนิดนึงอะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.27 1.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-04-2017 12:56:24
รอให้ครบสามเดือนเร็วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.27 1.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 02-04-2017 13:21:07
เอ๊ะ ทำไมเราระแวงแปลก...ๆ คิดมากไปเองม้างงงง  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.27 1.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-04-2017 13:45:20
หวิวๆ แปลกๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.27 1.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 02-04-2017 17:56:03
ห่างกันตั้งสามเดือน ก้อควรระแวงจริงๆแหละน้า โดยเฉพาะมีชื่อฟิ้งติดมาด้วยเนี่ย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.27 1.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-04-2017 19:35:20
รอ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.27 1.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-04-2017 22:00:35
น้องปูนหวั่นไหวกับพี่เอื้อแล้
จะให้ไม่คิดกังวลก็คงไม่ได้

เรื่อเซอร์ คงไม่ใช่ฟิ้งวางแผนกินเอื้อหรอกนะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.27 1.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 10-04-2017 10:35:01

บทที่ 28
side story : ตอน มองมุมใหม่


ฮัลโหลๆ เทสต์ หนึ่ง สอง สาม สี่

โอเค ไมค์พร้อม กล้องพร้อม คนอ่านพร้อม ทุกอย่างพร้อม

มีแต่ผม...ที่ไม่พร้อม

อ้อ ก่อนอื่นแนะนำตัวก่อนเลยนะครับ ผมนายกล้าหารชาญชัย (สามคำหลังเติมเอาเอง) เรียกผมสั้นๆ ว่ากล้า เรียกยาวๆ ว่า กล้าาาาาาา

(โอเคมันแป็กผมเข้าใจ)

เห็นผมเป็นคนตลก (ฝืดๆ) แบบนี้แต่จริงๆ แล้วผมกำลังเจอเรื่องเครียดครับ

เรื่องอะไรน่ะเหรอ…

คืออธิบายก่อนนะว่าเมื่อวานผมเพิ่งสอบปลายภาคเสร็จ แล้วเราก็ตกลงกันว่าจะไปฉลองกัน ซึ่งก็ไม่ใช่ที่ไหนไกลนองจากร้านพี่เติม เงิม เงิม ที่เดิมที่ประจำ  ผมจำได้ว่าพวกเราทุกคนสุดเหวี่ยงกันมาก ผมกับไอ้บอยกินเหล้าอย่างกับอาบ พวกสาวๆ รวมทั้งไอ้ฟ้าก็ไปเต้นกันแบบไม่ลืมหูลืมตา ส่วนไอ้โจมมันนิ่งๆ แต่ก็กินไปเยอะ คนที่กินน้อยทีุ่กเห็นจะเป็นไอ้ปูนน่ะครับ เพราะ (ว่าที่) ผัวมันนั่งคุมตลอด

แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหน…

ก็เพราะพวกเราทุกคนสุดเหวี่ยงกันมากนี่แหละครับ เมื่อคืนผมจำได้ลางๆ ว่าพอร้านปิดพวกเราก็เตรียมจะกลับ พวกผมทั้งหมดไม่รวมไอ้ปูน (มันมีผัวให้กลับด้วยนี่ครับ) ขึ้นรถไอ้โจมเหมือนเดิม มันไม่ได้ส่งผมที่หอแต่พามานอนที่ห้องพักมันแทน (ห้องไอ้โจมใหญ่ครับ มีห้องนอนสองห้อง ห้องนั่งเล่นอีกห้อง เรียกว่าเป็นคอนโดย่อมๆ ได้เลย)

แล้วเรื่องใหญ่ในชีวิตผมก็เกิดขึ้น

เมื่อคืนผมรู้สึกว่าตัวเอง...มีเซ็กกับใครบางคน

แต่ที่เหี้ยคือ…

ผมไม่รู้ว่าตัวเองนอนกลับใคร

ผมตื่นมาในตอนสายๆ ของวันด้วยสภาพโคตรอนาจ ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นเพราะมันกองอยู่ที่พื้น สภาพที่นอนยับย่นเหมือนกับผ่านสมรภูมิอันดุเดือด (ซึ่งผมคิดว่ามันก็ดุเดือดจริงๆ) ข้างกายไม่มีร่องรอยของคนที่ผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไปกับผมเลย สิ่งที่ตอกย้ำว่าผมไม่ได้ฝันไปเป็นคราบของเหลวแห่งความใคร่ที่เปรอะเปื้ออยู่ยนเตียง

ผมนอนกับใครวะ…

จี๊ด หนูนา หรือว่าจะเป็นผู้หญิงที่หิ้วติดมือมาด้วย

หรือจริงๆ แล้วอาจจะไม่ใช่เลย…

ผมนั่งคิดอยู่เกือบๆ สิบนาทีก็ต้องยอมแพ้ อาการปวดหัวจู่โจมเข้ามาจนต้องทิ้งตัวลงนอนหลับ ผมหลับตาลง แล้วภาพของเรื่องราวเมื่อคืนก็ถูกฉายขึ้นอีกครั้ง ลีลาอันเร่าร้อนของเรา ความสุขสมที่ได้รับ ความอิ่มเอมใจอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัส ผมจำได้ทุกอย่าง

ยกเว้นว่าใครที่มอบสิ่งเหล่านั้นให้

พักสายตาได้ไม่นานผมก็ใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกมาข้างนอก ห้องไอ้โจมเงียบมาก ผมมองไม่เห็นใครสักคนที่นี่ จนกระทั่งประตูทางเข้าเปิดออก แล้วเจ้าของห้องก็ก็เดินเข้ามา

“ตื่นไวกว่าที่คิด” มันถามพร้อมเลิกคิ้วแปลกใจ

“กูซะอย่าง เหล้าแค่สองกลมจิ๊บๆ ว่ะ” ปากดีไปงั้นครับ ที่จริงปวดหัวฉิบหาย “แล้วนี่ทำไมมีแค่กูกับมึงวะ”

“คนอื่นกลับไปหมดแล้ว”

อ่า…

ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา “เออมึง เมื่อคืนนี้ใครนอนกับกูวะ”

โจมไม่ตอบในทันที มันเหลือบมองผมก่อนจะเดินไปหยิบชามแล้วเทอาหารที่ซื้อมา กลิ่นข้าวผัดร้อนๆ เรียกน้ำย่อยในกระเพาะผมให้ทำอ่าน เจ้าของห้องผู้ใจดีซื้อมาเผื่อผมด้วยครับ ซึ่งใจน้ำตาจะไหลแล้วเนี่ย (เปล่าหรอกที่จริงคือหิว)
มันกลับมาที่โซฟาอีกครั้งแล้ววางจานข้าวสอบจานไว้ตรงหน้า  “กินซะ”

ทำไมไม่ตอบคำถามผมวะ

ไม่รอช้าครับ ปากท้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุดใจชีวิต ผมรีบกินอย่างกับว่าไม่เคยกินมาก่อน

“ช้าๆ ก็ได้”

“กูหิว”

โจมเริ่มกินบ้าง มันเปิดทีวีดูหลังที่เพิ่งเริ่มฉาย  “เมื่อคืนมึงจำอะไรได้บ้าง”

ผมชะงักมือที่ตักข้าว “จำได้ลางๆ ว่ะ” ที่มันถามแบบนี้...หรือมันจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม “มึงยังไม่ยอมกูเลยนะโจมว่าเมื่อคืนใครนอนในห้องกับกู”

“ไม่ใช่หนูนากับจี๊ด สองคนนั้นนอนในห้องกู แล้วก็ไม่ใช่กูด้วย”

งั้นก็ไอ้บอยกับไอ้ฟ้า

ผมหน้าซีด...ผมเมาจนเอาเพื่อนตัวเองเลยเหรอวะ แถมแม่งยังเป็นผู้ชายอีก!

“มึงแน่ใจนะว่าไม่ใช่จี๊ดกับหนูนาแน่”

“ไม่แน่ใจ”

“อ้าว!”

คนหล่อมองผมอีกครั้ง “ที่จริงเมื่อคืนมึงนอนข้างในคนเดียว”

“ช่วยอธิบายทีครับ ไม่ใช่ตอบสั้นๆ แบบนี้” ผมเริ่มจะเกลียดการพูดน้อยๆ ของมันก็ตอนนี้แหละ!

“พวกกูแดกเหล้ากันต่อ”

“ฮะ! แดกไปขนาดนั้นพวกมึงยังต่อกันได้เหรอวะ!!”

“ไอ้บอยมันบอกว่ามันยังไม่เมา ก็เลยลากพวกกูมาแดกด้วย ไอ้ฟ้ากับสาวๆ มันก็ไม่ได้เมาอะไร สรุปที่เมามีแค่มึง”

ผมเริ่มปวดหัว “มึง…”

“ว่า?”

“คือ...เมื่อคืนกูสงสัยว่า...กูเอาใครสักคนเข้าว่ะ”

“...”

“กูไม่ได้หิ้วใครติดมือมาด้วยใช่ป่ะ”

“หน้าอย่างมึงใครเขาจะมาด้วย” บางทีมึงก็ไม่ต้องตรงขนาดนี้ก็ได้เว้ย รู้ว่าหล่อไม่เท่ามึง แต่หน้าตากูก็พอดูได้นะเว้ย!!

“เออๆ นั่นแหละๆ กูมั่นใจโคตรๆ ว่ากูต้องเอากับใครสักคนแน่ๆ หลักฐานอยู่บนผ้าปูที่นอน”

“ขนไปทิ้งให้กูด้วย” มันใช่เรื่องเหรอวะ!

“มึงช่วยอย่าพากูออกนอกเรื่อง เมื่อคืนใครสักคนในกลุ่มต้องถูกกูเอาแน่นอน!”

“แล้วไง” มันหันมาเลิกคิ้วถาม

“อะไรคือ ‘แล้วไง’ ? ก็กูอยากรู้ว่ากูเอากันใครกันแน่” ผมเริ่มหงุดหงิด โจมดูไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย

“รู้ไปแล้วได้อะไร มึงก็เมามากถึงขนาดจำไม่ได้ว่าเอากับใคร อีกฝ่ายก็เมาเหมือนกัน แล้วที่มันไม่อยู่เจอมึงแบบนี้แปลว่ามันคงอยากจะให้เรื่องเมื่อคืนจบๆ กันไป มึงก็สนองความต้องการมันหน่อย”

เป็นประโยคยาวๆ ไม่กี่ประโยคที่ไอ้โจมพูด

ผมเงียบ ไม่พูดอะไร ก็จริงอย่างที่ไอ้โจมมันพูด ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะให้เรื่องเมื่อคืนมันจบไปโดยที่ผมไม่รู้ว่าผมเอากับใคร ผมก็ควรทำตามที่มันต้องการ

เพียงแต่…

“ถ้าสมมติว่าเป็นจี๊ดกับหนูนาแล้วเกิดมันท้องขึ้นมาล่ะวะ”

“มึงไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น”

“แสดงว่ามึงรู้ว่ากูเอากับใคร” ผมหันไปจ้องไอ้โจม มันไม่สบตผม เอาแต่มองหนังที่กำลังฉาย “โจม มึงรู้ใช่มั้ย”

“กูไม่รู้”

“กูไม่เชื่อ! มึงต้องรู้ดิวะ! บอกกูมาว่าเมื่อคืนกูเอากับใครกันแน่!!”

“...”

“โจม!!”

“ไอ้บอย”

“ฮะ?”

“มึงเอากับไอ้บอย” มันหันกลับมามองหน้าผม

ผม...กับไอ้บอย…

“มึงโกหก” ผมยังคงจ้องตามัน หาความจริงจากดวงตาคู่นี้ “ที่คนกูนอนด้วยไม่ใช่ไอ้บอย”

“เหรอ แล้วมึงรู้ได้ไง”

“ความรู้สึกกูบอก” เป็นคำตอบที่กวนตีนมาก แต่ความรู้สึกผมบอกแบบนั้นจริงๆ

“แล้วความรู้สึกมึงได้บอกอีกมั้ยว่าเป็นใคร”

“...”

“...”

“ฟ้า...กูนอนกับฟ้า”

ทั้งที่นึกไม่ออก แต่อยู่ๆ ชื่อมันก็ฝุดขึ้นมาในหัวผมเป็นชื่อแรก ถ้าเป็นใครสักคนที่ผมนอนด้วยก็ควรจะเป็นไอ้ฟ้านี่แหละ

ต้องเป็นฟ้า

ผมอยากให้เป็นฟ้า

“มึงลองไปถามมันเองแล้วกัน”

กูไปถามแน่ ไปถามแน่นอน!
♣♣♣♣♣

บ่ายสองกว่าๆ

ผมยืนอยู่หน้าห้องพักของฟ้า ที่จริงแล้วมันก็อยู่หอเดียวกับผม ห้องตรงข้ามกัน บ่อยครั้งที่ผมมาเคาะประตูห้องมัน ทุกครั้งผมทำได้อย่างง่ายดาย แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่

มือผมหนักอึ้ง

หัวใจผมก็เช่นกัน

ก๊อกๆๆๆ

ผมเคาะเรียก แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคงเป็นความเงียบ

ก๊อกๆๆๆ

ยังคงไม่มีการตอบรับ

ก๊อก…

“รอเดี๋ยวครับ กำลังไป” เสียงจากข้างในตอบกลับมาอย่างอิดโรย ก่อนที่ประตูห้องพักจะถูกเปิดออก ฟ้าอึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าคนที่มาเคาะเป็นผม “มึงเองเหรอ”

ผมมองสำรวจสภาพมัน หน้าตาฟ้ายังคงน่ารักแม้ตาที่กลมโตของมันจะโบ๋ลึกและขอบตาดำคล้ำอย่างคนไม่ได้นอน ริมฝีปากแห้งผาด หน้าซีด แต่แก้มแดงระเรื่อ

“เออ กูเอง”

“มีอะไร” ขนาดน้ำเสียงที่ได้ยินยังแหบแห้ง

ผมไม่ตอบ แต่เอื้อมมือไปวางผมหน้าผากมัน ฟ้าสะดุ้งเล็กน้อยก่อนปัดมือผมออก “อะไรของมึงเนี่ยกล้า”
 
“มึงไม่สบายเหรอ”

“นิดหน่อย สงสัยแฮงค์ไข้เลยขึ้น มึงมีอะไรป่ะวะ ไม่มีกูขอไปพักได้มั้ย”

“มี แต่เอาไว้ก่อน กูพามึงไปหาหมอก่อน”

“เฮ้ยไม่เอา!!” มันโวยวาย แต่เสียงเป็ดๆ ของมันฟังดูตลก แต่ความดื้อของมันเริ่มทำให้ผมปวดหัวเล็กน้อย

“มึงดูเป็นหนัก ไปหาหมอเหอะ”

“ไม่ไป กูไม่ได้เป็นอะไร แค่ไข้ขึ้นเฉยๆ” มันยังคงดื้อด้าน

“มึงเป็น ไปหาหมอกับกู”  ผมเอื้อมมือไปดึงมือมัน สาบานว่าผมออกแรงไปแค่สามในสิบส่วน แต่ตัวมันปลิวมาปะทะอกผมอย่างง่ายดาย

ปึก!

“เล่นอะไรเนี่ย!”

“ชู่ อย่าโวยวายสิวะ เดี๋ยวห้องอื่นก็ออกมาด่าหรอก”

“จะด่ามึงก่อนเนี่ย!” มันหน้าขึ้นสี ไม่รู้ว่าโกรธหรือเพราะพิษไข้

ผมไม่สนใจคำทัดทาน หันไปปิดประตูห้องล็อกไว้แล้วจูงมันให้เดินตาม แต่เดินได้เพียงสองสามก้าวมันก็ทรุดลงกับพื้นจนผมต้องเข้าไปรีบประคอง

มันเดินไม่ไหว…

“มึงเจ็บเหรอ”

“ปะ เปล่า...แค่ไม่มีแรง”

ผมยิ้มมุมปาก มองคนโกหกที่ก้มหน้าไม่สบตา ความมั่นใจของผมมีเต็มเปี่ยม

คนที่ผมนอนด้วยเมื่อคืนก็คือฟ้า

“ไม่มีแรงแบบนี้เดี๋ยวกูอุ้มนะ”

“ไม่ต้อ...เหวอ!! ไอ้เหี้ยมึงทำไรเนี่ย!”

ผมหัวเราะ อยากให้เห็นหน้าไอ้ฟ้าตอนนี้ครับ มันทั้งตกใจ เคืองโกรธ แล้วก็เขินอาย ก้มหน้าไม่ยอมสบตา แต่ปากมันตะโกนว่าผมไปทั้งทางอย่างไม่เกรงใจคนในหอเลย

..
.
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฟ้าก็กลับมาอยู่ในห้องผม

ถามว่าทำไมไม่พามันกลับห้องเหรอครับ จำได้หรือเปล่าว่าผมเผลอล็อกกระตูห้องมัน แต่ไม่ได้เอากุญแจออกมาด้วย พี่ที่ดูแลหอก็ไม่อยู่ ตอนนี้มันเลยต้องมานอนห้องผมไปพลางๆ

“เดี๋ยวกินข้าวแล้วกินยานะ”

“...”

“ที่พูดนี่เข้าใจหรือเปล่าครับเมีย”

“ใครเมียมึง!!”

“ก็มึงไง เอากันไปเมื่อคืนเองจำไม่ได้แล้วเหรอ หรือต้องให้กูซ้ำ”

“หุบปากไปเลยแม่ง!!” มันโวยวายพร้อมหน้าที่แดงกล่ำ แม้ว่าไม่สบายแต่มันก็มีแรงเถียง

“กินข้าวซะ จะได้กินยา นี่กูจริงจังนะฟ้า” ผมเปลี่ยนโทนเสียงให้เข้มขึ้น เพื่อบ่งบอกว่าผมจริงจังจริงๆ แม้จะเห็นผมเป็นคนขี้เสือก บ้าบอ เฮฮาไปวันๆ แต่ถ้าไม่ได้ล้อเล่นผมก็น่ากลัวเหมือนกัน เรื่องนี้ฟ้ามันรู้ดี เลยยอมตักข้าวต้มที่ซื้อมากินอย่างเงียบๆ


‘...มีไข้ขึ้นนิดนะครับ เป็นเพราะว่าแผลที่ช่องทางตรงนั้นเกิดการอักเสบ’

ผมนึกย้อยไปถึงเรื่องที่คลินิก

พอหมอพูดแบบนั้นฟ้ามันก็หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ส่วนผมยิ้มหน้าบานเลยครับ

‘หมอจะฉีดยาลดไข้ให้นะ แล้วก็ให้ยาแก้อักเสบกับยาทา ไม่ต้องเขินหรอกครับเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ  ช่องทางด้านหลังไม่ได้สร้างมาเพื่อรองรับเรื่องแบบนี้ คราวหลังใช้ตัวช่วยด้วยนะครับอย่างพวกถุงยางไม่ก็เจลหล่อลื่น…’

‘ครับ คราวหลังผมจะระวัง’ ผมยิ้มรับ แล้วพยุงมันออกมาจากห้องตรวจเพื่อรอรับยาแล้วเตรียมกลับหอ ระหว่างนั่งรอ ฟ้ามันก็กระซิบเสียงเข้ม

‘ไม่มีคราวหลังแน่’

‘มีหรือไม่มีเดี๋ยวรู้เลย’


ครับ สรุปได้เลยว่าผมนอนกับฟ้ามันจริงๆ หมอก็ยืนยันมาแล้ว แบบนีี้คนปากแข็งไม่มีทางปฏิเสธอีกแน่

ผมส่งยาให้ฟ้ากิน มันรับไปอย่างง่ายดาย พอกินเสร็จมันก็ทิ้งตัวลงนอนไม่พูดอะไร แต่พอผมจะทายาให้เท่านั้นแหละ คนตัวเล็กกว่าก็โวยวายทันที

“ทำอะไร!!!”

“ขี้โวยวายจังวะ ข้างห้องเขาด่าพ่อไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย”

“ก็แล้วมึงจะทำอะไรล่ะ”

“ทายาไง” ตอบพร้อมกับจับขอบกางเกงมันแล้วเตรียมจะดึงลง อีกฝ่ายก็รีบรั้งไว้สุดชีวิต “ยื้อทำไม จะทายาให้เนี่ย”

“ไม่ต้องกูทาเอง”

“ทาถึงเหรอ มือก็สั้นแค่นั้น” ผมดึงกางเกงมันลงอีกครั้งคราวนี้หลุดออกอย่างง่ายดาย สะโพกขาวปรากฏต่อสายตา

ฟ้าดิ้นรน มันพยายามจะหันหน้ามาด่า แต่ผมทาบตัวลงไปทันไม่ให้มันได้หันมาได้

“ปล่อย!!”

“อย่าดื้อดิวะ ทายาแปบเดียวเอง”

“บอกว่าจะทาเอง”

“ไม่ต้องเขินหรอกน่า เห็นกันมาถึงไหนต่อไหน”

“เมื่อคืนมึงเมา จำอะไรไม่ได้”

“แต่จำได้ว่าคือมึงที่กูนอนด้วย”

“...” ฟ้าเงียบ แต่ยังไม่หยุดดิ้น ผมก็ไม่สนใจครับ บีบยาก่อนจะลงมือป้ายไปยังช่องทางที่บวมแดง เมื่อคืนผมคงรุนแรงกับไอ้คนตัวเล็กมากเกินไป ช่องทางด้านหลังถึงได้เป็นแผลแถมยังอักเสบ

“อ๊ะ…” เสียงครางเบาๆ ทำให้ผมชะงักมือ จะโงกหน้าไปมองคนที่เผลอร้องออกมา “อ๊ะ...อื้อ…”

“เจ็บเหรอ” ไม่รู้ทำไมผมต้องเลืกใช้เสียงโทนต่ำแถมยังเป็นเสียกระซิบ

“มะ ไม่เจ็บ...อ๊ะ”

ให้ตายเถอะ เสียงมันเซ็กซี่ชะมัด

ร่างกายผมร้อนขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

“ฟ้า…”

“อะไร”

“เมื่อคืนมึงมีความสุขป่ะวะ”

“...” อีกฝ่ายเงียบไม่ยอมตอบ

“กูไม่ได้ขืนใจมึงใช่มั้ย”

“...เปล่า บอกแล้วว่าเมา มึงเมา กูเมา ก็เลยได้กัน” มันบอกด้วยน้ำเสียงปกติ คล้ายกับกำลังพูดถึงดินฟ้าอากาศ

“แล้วมึงมีความสุขมั้ย”

“...ไม่...อ๊ะ…”

“โกหก…” ผมก้มลงไปกระซิบข้างใบหู มือก็ยังไม่ละไปจากช่องทางแห่งห้วงความรัก “แต่ถ้ามึงไม่มีความสุขจริงๆ วันนี้กูขอแก้ตัวได้ไหม”

“จะบ้าเหรอ! ครั้งเดียวก็...อื้อ!! เอาเข้ามาทำไม!”

“กูไม่ไหวแล้วว่ะฟ้า...ขอนะครับ”

“มะ ไม่...อื้อ!! ไอ้กล้า...อ๊ะ อยะ อย่า...ตะ ตรงนั้น…!!”

“มึงแม่งโคตรเอ็กซ์เลยว่ะ”

“อ๊ะ! จะ เจ็บ...”

“กูจะทำใหมึงสุขจนลืมเจ็บเลย…”

ผมพูดไปแบบนั้น โดยไม่รู้เลยว่าคนที่มีความสุขจนลืมว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่กำลังเจ็บคือผมเอง
...
..
.
“มึงแม่งเด็ด…”

“แต่มึงมันเหี้ย!”

ครับ เหี้ยเต็มหนน้ากูเลยนะเมีย

ผมมองคนที่เอาแต่นอนคว่ำห้าซุกหมอนยิ้มๆ ฟ้ามันน่ารักเชียวครับเมื่อครู่ ถึงมันจะด่าแต่มันก็ให้ความร่วมมืออย่างดีจนเราทั้งตู่สุขสมดังใจหวัง (แม้จะเป็นของผมเพียงคนเดียว)

“ฟ้า…”

“อะไร!” เสียงเหวี่ยงโคตรๆ

“ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขึ้นนี้แล้วอ่ะ เรามาเป็นแฟ…”

“ไม่!!”

“กูยังพูดไม่ทันจบเลย” ผมเกาหัวแกรกๆ อะไรวะ ผมมันไม่น่าเป็นแฟนด้วยขนาดนั้นเลยเหรอ “แล้วจะเอาไงอ่ะ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปเหรอ”

“เออ เป็นเพื่อนกัน ทำเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”

“ทั้งที่เราเอากันไปสองรอบแล้วเนี่ยนะ”

“มึงจะย้ำทำแป๊ะไรเนี่ย!” ขี้โวยวายจริงๆ ตอนเป็นเพื่อนก็ว่ามันขี้โวยวายแล้วนะ พอมาเป็นเมียแล้วพูดแต่ละทีตะโกนทุกคำ

“เผื่อมึงลืมไง ว่ามึงเป็นเมียกู” ว่าพลางขยับตัวไปทาบทับกับแผ่นหลังขาวเนียนที่ตอนนี้มีแต่ร่องรอยสีแดงซึ่งผมเป็นคนทำเอาไว้เอง

หึๆ

“กล้า…”

“ครับ?”

ฟ้าค่อยๆ ขยับตัวเพื่อหันมาหาผม มันเบ้หน้าเล็กน้อยเพราะความเจ็บ แต่ในที่สุดเราก็มามองตากันสำเร็จ ดวงตาคู่สวยที่ผมมองสบด้วยบ่อยๆ ฉายแววจริงจังจนผมเผลอกลั้นหายใจ

“ให้เรื่องของเรามันจบแค่ตรงนี้เถอะ”

หัวใจผมหล่นวูบ แม้จะพอเดาได้ว่าฟ้ามันคงอยากให้เรื่องนี้ผ่านไป แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะพูดออกมาตรงๆ

“ไม่อ่ะ” ผมหลบตา

“กล้า กูขอเถอะ ให้เรื่องของเรามันจบลงแค่นี้”

“ไม่”

“มึงอย่าดื้อดิ”

“มึงแหละดื้อ กูบอกว่าไม่ไง!” ผมเผลอตะคอก อีกฝ่ายดูอึ้งๆ ที่ผมขึ้นเสียงใส่ “ทำไมวะ เป็นแฟนกับกูมันยากตรงไหน”

“ยากตรงที่เราไม่ได้คิดอะไรกัน” ฟ้าตอบ “มึงจะยอมเป็นแฟนกับคนที่มึงไม่คิดอะไรด้วยเหรอวะ เราไม่ได้รักกัน ไม่แม้แต่จะชอบกันเลยด้วยซ้ำ”

นั่นเป็นเรื่องจริง ที่ผ่านมาผมไม่เคยชอบฟ้า ไม่เคยคิดอะไรกับฟ้า แม้บางครั้งจะแซวเล่นแต่นั่นมันก็เพราะอยากแกล้ง

เราเป็นเพื่อนกัน และผมไม่เคยคิดเกินเลย

จนกระทั่งเมื่อกี้ที่ผมมองฟ้าเปลี่ยนไป

“งั้นกูขอโอกาสได้ไหม”

“โอกาส?”

ผมจ้องตาอีกฝ่าย มองลึกลงไปในดวงตาคู่สวยเพื่อบอกว่าสิ่งที่ผมพูดไม่ได้ล้อเล่น

“โอกาสเป็นมากกว่าเพื่อน”

“...”

“กูขอโอกาสจีบมึงได้ไหม”

“มะ…”

“อย่าเพิ่งตอบตอนนี้ ค่อยๆ คิดไป กูไม่รีบ” บอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่หัวใข้ข้างในกลับเต้นแรง

อย่าปฏิเสธกูเลยว่ะฟ้า

“...”

“ค่อยๆ คิดว่าที่มึงให้กูเอาทั้งสองรอบมันเพราะอะไร เพราะเมา...เพราะโดนกูบังคับ…”

“...”

“หรือเพราะเราต่างรู้สึกถึงกัน”

“...”

“คิดดีๆ นะครับฟ้า… หวังว่าคำตอบของฟ้าจะไม่ทำให้กล้าเสียใจนะ”

ผมจูบลงบนหน้าผากมน ก่อนจะกดหัวอีกคนเข้ามาแนบอก ฟ้าไม่ได้มีท่าทีขัดขืน มันทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลียในที่สุด

ระหว่างที่มันกำลังคิด ผมก็จะพยายามทำคะแนนไปเรื่อยๆ

เพื่อให้คำตอบของเราตรงกัน

เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับทุกคน :)

======================================================
=======================================
ก่อนอื่นต้องขอโทษนะคะที่มาช้าไปนิดนึง พอดีติดภารกิจค่ะ
เปิดตัวคู่ที่สองงง ที่แกล้งกันไปมาดันกลายเป็นจริงเสียอย่างนั้น
ปล.ขอบคุณที่อ่านนะคะ
รักทุกคนค่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 10.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-04-2017 12:30:26
มาอีกคู่ แซงคู่หลักไปแล้วด้วย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 10.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 10-04-2017 13:57:24
 :katai2-1:ค
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 10.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 15-04-2017 22:41:00
ลุ้นไปกับเอื้อออออ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 10.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 19-04-2017 17:42:28
Side story: ตอน ต่างกรรม ต่างวาระ
ครึ่งแรก
 
คุณเคยรอใครบางคนหรือเปล่า รอแบบตั้งความหวัง แล้วความหวังที่ตั้งมาทั้งหมดก็พังทลายลงในพริบตา ผมเป็นคนหนึ่งที่รอคอยมาหลายปี รอคนๆ หนึ่งที่สัญญากับผมว่าจะกลับมา ผมวาดฝันทุกอย่างไว้อย่างสวยหรู เมื่อเธอกลับมา เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกัน มีความรักที่มั่นคง และไม่มีอุปสรรคอะไรกับเรื่องราวของเรา

แต่แล้วมันก็ไม่เป็นอย่างที่ผมคิด เมื่อผมเจอเธอคนนั้นในวันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันที่ผมกำลังจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดด้วยเครื่องบิน ระหว่างที่ผมกำลังนั่งรออยู่ ผมก็บังเอิญหันไปเห็นหญิงสาวหน้าตาคุ้นเคยเดินเข้ามาในสนามบิน ผมนึกว่าตัวเองตาฝาดไปเอง แต่ไม่ว่าจะเพ่งมองกี่ทีก็ใช่เธอแน่นอน

อารมณ์ตอนนั้นมันผสมปนเปกันไปมอง ทั้งแปลกใจ ตกใจ ดีใจ โกรธ น้อยใจ แต่ที่มากที่สุดคงเป็นความดีใจที่มันเอ่อล้นออกมาจากในอก

ผมตรงไปหาเธอ จินตนาการถึงการมีเธออยู่ในอ้อมกอด อยากโอบเธอไว้ด้วยสองแขนของผม ทำให้เธอรู้ว่าผมคิดถึงเธอมากขนาดไหน

แต่แล้วทุกอย่างที่วาดฝันไว้ก็ถล่มลงมาเมื่อข้างกายเธอมีผู้ชายอีกคน เขาคนนั้นเดินเข้ามาหา โอบกอดเธอ จูบเธอ และเดินเคียงข้างเธอ

เหมือนทั้งโลกของผมพังทลาย ผมเสียศูนย์ และที่สำคัญ ผมเสียใจ

..
.
“โอ๊ยพี่โจม ทำไมมานอนอยู่อย่างนี้เล่า” แจม น้องสาวตัวดีของผมเองครับ เธอยืนเท้าเอวยืนอยู่ตรงหน้าผมที่กำลังนอนเอกเขนกบนโซฟาตัวยาว “แล้วเมื่อไหร่จะลุกมาแต่งตัว จะไปงานพี่อรหรือเปล่า”

แค่ได้ยินชื่อผมก็เจ็บในหัวใจ ‘อร’ หญิงสาวคนที่ผมรอมานานกับลังจะแต่งงานในไม่ช้า

ครับ อีกสองชั่วโมงข้างหน้านี่เอง

“...” ผมเงียบไม่ตอบ ตาจ้องโทรศัพท์ตรงหน้าไม่หันเหความสนใจไปที่อื่น

“พี่โจม!”

“อะไร”

“ตกลงพี่จะไปเป็นเพื่อนแม่หรือเปล่า หนูไม่ว่างนะวันนี้ ต้องไปเรียนพิเศษ” ก็เห็นไปเรียนทุกวันนั่นแหละ น้องสาวผมอยากเป็นหมอฯ ครับ พอเห็นผมยังนิ่งแจมก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วใช้มาตรการเด็ดขาดกับผม “แม่!! มาดูพี่โจมหน่อย พี่เขาจะบ้าตายอยู่แล้ว!”

ผมขมวดคิ้วไม่ชอบใจ เรื่องแค่นี้ทำไมต้องเอาแม่มายุ่งด้วย! “แจม!”

จะดุอะไรน้องก็ไม่ทันแล้วครับ แม่เดินเข้ามาแล้ว วันนี้แม่สวยกว่าทุกวัน ชุดที่แม่ใส่ก็เป็นชุดออกงานที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ใบหน้าก็แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างบรรจง เตรียมพร้อมจะไปงานแต่งงานที่กำลังจะเริ่ม

แม่มองสภาพผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แค่เห็นสายตาแม่ผมก็ต้องลุกขึ้นมานั่งตัวตรง ไม่กล้าดื้อด้านหรืออะไรทั้งนั้น

“ทำไมยังไม่ไปแต่งตัว” แม่ถามเสียงเรียบ แม่ไม่ใช่คนดุ เป็นคนใจดีด้วยซ้ำ ติดที่แม่เป็นคนพูดน้อย แถมยังเป็นคุณครู เลยทำให้คนอื่นค่อนข้างเกรงใจ

“ผมไม่อยากไป” บอกตรงๆ แม่ไม่ชอบคนโกหก

คราวนี้เป็นแม่ที่ถอนหายใจออกมา เขาบอกว่าถอนหายใจจะอายุสั้นลง ผมคงเป็นลูกที่ไม่ดี ทำให้แม้ต้องถอนหายใจแบบนี้

ท่านนั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกันกับผม “แม่เข้าใจนะโจม แต่วันนี้โจมต้องไปเจอหน้าเขาสิ ไปเจอเขา เพราะถ้าโจมหลบเขาตอนนี้ โจมก็ต้องหลบเขาไปตลอด การไปเจอเขามันจะทำให้โจมเข้มแข็งขึ้นนะ”

“ผมแค่ไม่อยากเจอ” กับแม่ผมเป็นเด็กเสมอ

“นั่นสิพี่โจม พี่โจมต้องไปงานแต่งพี่อรนะ พี่ต้องไปดูหน้าผู้หญิงใจดำ เหอะ! แจมล่ะอยากไปนักเชียว อยากจะเห็นนักว่าหัวใจพี่อรทำด้วยอะไร ตัวเองมีความสุขแต่ทิ้งให้คนอื่นเสียใจแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน สักวันเถอะพี่อรต้องได้รับบทเรียน!”

“แจม คิดแบบนี้ไม่ดีเลยนะลูก”

“ก็แจมโกรธแทนพี่โจมนี่ มีอย่างทีไหนมาบอกให้รอ ตัวเองกลับไปมีผะ…” แจมเกือบหลุดพูดออกมาแล้วครับแต่ตะครุบปากตัวเองไว้ได้ทัน เจ้าตัวยิ้มแห้งๆ ก่อนจะแก้ตัวใหม่ “ตัวเองกลับไปมีแฟนใหม่หน้าตาเฉย”

แม่ดุแจมทางสายตา ก่อนจะหันมาหาผม “แม่แล้วแต่โจมนะ แม่จะไปแต่งตัวรอในห้อง ถ้าอยากไปก็ไปเคาะเรียกแม่แล้วกัน”

แม่เดินเข้าห้องไปแต่งตัวขณะที่แจมไปเรียนแล้ว ทว่าผมกลับนั่งอยู่คนเดียวที่โซฟาตัวเดิมนานหลายนาที คิดทบทวนสิ่งที่แม่สอนและได้คำตอบว่า…

ผมจะไปดูหน้าผู้หญิงใจร้ายให้เห็นกับตา

..
.
อรตกใจมากที่เห็นผมในงานแต่ง เป็นไปตามที่ผมคาดการณ์ไว้ เธอดูลนลานไม่เป็นตัวของตัวเอง สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง หลายครั้งที่อรเหมือนจะเดินมาหาผม แต่ก็ทำไม่ได้

ผมแอบแปลกใจตัวเอง ผมคิดว่าเมื่อผมเจอหน้าอร ผมคงจะเจ็บจนแทบทนไม่ไหว ทว่าเปล่าเลย หัวใจของผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น จะมีก็เพียงอยู่ในช่วงที่รับได้ สิ่งที่มีมากกว่าความเจ็บปวดเสียใจคือความโกรธ และความเสียดาย แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็ไม่สามารถส่งยิ้มให้อรได้แม้แต่น้อย

เวลาหลายปีของผมหมดไปเพราะผู้หญิงใจดำคนนี้

เวลา...สิ่งมีค่าที่ไม่สามารถทวงคืนได้

ระหว่างที่ผมกำลังยืนอยู่ในมุมมืดๆ ของตัวเองที่ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจ มองคู่บ่าวสาวบนเวทีที่กำลังส่งยิ้มหน้าตาชื่นบาน และหัวเราะกับเรื่องราวตลกๆ ที่เพื่อนๆ ขนมาเล่าถึงความรักอันสวยงามของเขาทั้งคู่ ผู้ชายคนหนึ่งก็มายืนข้างกายผม ตอนแรกไม่คิดจะสนใจ ทว่าเสียงพูดของเขาสะกิดใจผมเหลือเกิน

“เจ้าสาวสวยมากเลยนะ คิดเหมือนกันมั้ย” เสียงแหบต่ำอันมีเอกลักษณ์แบบนี้ผมเคยได้ยินมาก่อน และผมก็ต้องแปลกในเมื่อหันไปมองแล้วพบว่าคนถามคือใคร เขาส่งยิ้มมาให้ผม “หน้าคุ้นๆ เหมือนจะเคยเจอกันมาก่อนนะ”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปมองเวทีเหมือนเดิม เราสองคนเคยเจอกันมาก่อนจริงครับ ที่นับได้ก็ประมาณสองสามครั้งแล้วมั้ง นี่ยังไม่นับเวลาเดินสวนกันอีกนะครับ

“ก็คิดว่าเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ไม่คิดว่าจะไม่พูดขนาดนี้”

“พี่มาได้ยังไงครับ รู้จักกับสองคนนั้นเหรอ” เพราะตำเหน็บแนมนั่นทำให้ผมเป็นฝ่ายถามเสียก่อน

“อือ รู้จักกับเจ้าบ่าว”

ผมพยักหน้ารับ ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะในใจก็ไม่อยากรู้รายละเอียดมากนัก

“แล้วเราล่ะ...ชื่อ...อะไรนะ” กะแล้วว่าเขาคงจำผมไม่ได้ ในหัวของเขาเวลาเจอผมคงมีแต่ใครอีกคนที่เขาชอบนั่นแหละ “ไม่คิดจะเฉลยหน่อยเหรอ”

“จำเป็นเหรอครับ ยังไงเราก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอยู่แล้ว พี่อกหักจากเพื่อนผมแล้วครับ”

“รู้แล้วไม่ต้องย้ำก็ได้” เสียงอีกฝ่ายดูหมดแรงขึ้นมาดื้อๆ “ไม่คิดจะทำความรู้จักไว้บ้างเหรอ connection น่ะรู้จักหรือเปล่า”

“...” รู้จักน่ะรู้ แต่ไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้อง connect กับผู้ชายคนนี้เลย ยังไงก็คนละสายอาชีพกันอยู่แล้ว แค่เป็นเพื่อนกับรุ่นพี่ในคณะหลายคนเท่านั้นเอง

“มนุษสัมพันธ์เข้าขั้นติดลบเลยนะเรา”

“คนที่ขนาดชื่อยังจำไม่ได้กล้ามาว่าคนอื่นแบบนี้ด้วยเหรอครับ”

“พูดแบบนี้แสดงว่าเราจำชื่อพี่ได้เหรอ” ผมเงียบ ไม่ตอบ รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องคุยอะไรกับเขาอีกต่อไป “โอเคๆ ที่จริงที่พี่มาทักเพราะพี่เหงานิดหน่อย”

“...” จะมาไม้ไหนวะ

“พี่มางานคนเดียว เป็นตัวแทนที่บ้านเพราะเจ้าบ่าวคนนี้เป็นคู่ค้ากับที่บ้านพี่ แต่คนอื่นไม่ว่าง แล้วพี่ก็ปิดเทมอพอดีเลยถูกส่งมา”

“ผมไม่ได้ถาม”

“แค่อยากเล่าน่ะ ปกติพี่เป็นคนเฟรนลี่ แล้วก็ talkative” ไปเอาความรู้สึกแบบนั้นมาจากไหนนะ “พอมาอยู่ในงานที่ไม่รู้จักใครเลยแบบนี้มันไม่มีคนให้พูดเลยอึดอัด”

“ผมเป็นที่ระบาย?”

“อันนี้ก็ตรงเกินไป พี่ไม่ได้อยากมาระบายอารมณ์อึดอัด แค่อยากหาเพื่อนคุยด้วย”

“แต่ผมไม่อยากคุย”

“รู้แล้วน่า เห็นท่าทางก็รู้แล้ว แต่ช่วยคุยเป็นเพื่อนพี่หน่อยไม่ได้หรือไง”

คราวนี้ผมตวัดสายตามองหน้าคนที่พูดอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียว จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มบนในหน้าหล่อเหลาแบบแมนๆ ที่เคยได้ตำแหน่งเดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์

“พี่ครับ ถึงพี่เข้าทางผมก็ไม่ได้ช่วยให้พี่จีบปูนติดหรอกครับ ยังไงปูนก็เป็นของพี่เอื้ออยู่ดี”

“...”

“อย่าทำอะไรที่มันไร้ประโยชน์เลยครับ พี่ว่าน”

ร่างที่สูงกว่าผมไปประมาณสิบกว่าเซนติเมตรนิ่งเงียบ แววตาทอประกายความโกรธชั่ววูบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ่อนแสงลง มุมปากยกยิ้มขืนๆ ขึ้น

“รู้แล้วล่ะ ไม่ต้องย้ำก็ได้ รู้ว่ายังไงก็สู้ไม่ได้อยู่ดี”

“ครับ เพราะอย่างนั้นก็กลับไปที่โต๊ะพี่ได้แล้ว คนอื่นๆ รอพี่อยู่”

ที่ผมรู้ว่าเขาต้องการอะไร เพราะผมจับโกหกเขาเรื่องนี้ได้ พี่ว่านไม่ได้มางานแต่งงานนี้คนเดียว เขามากับคนรู้จักซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร สารภาพตามตรงว่าผมเห็นอีกฝ่ายตั้งแต่เข้ามาข้างในห้องจัดเลี้ยง เพียงแต่ไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่ต้องเข้าไปทักทาย

“โอเค รู้เรื่อง พี่พลาดเองสินะ”

“...”

“แต่ก็ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนคุยแก้เซ็งให้พี่นะครับ”

แล้วผมก็กลับมาอยู่ในมุมมืดๆ คนเดียวอีกครั้ง ได้จมอยู่กับตัวเอง เฝ้ามองคนทั้งสองบนเวที ถึงผมจะไม่ยินดีกับงานแต่งงานนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งสองบ่าวสาวเหมาะสมกันขนาดไหน

ผมได้แต่อวยพรให้อรในใจ

ขอให้อรมีความสุขกับทางทีตัวเองเลือกนะ

..
.
ตอนเลิกงาน ในขณะที่ผมเตรียมจะกลับบ้านอยู่นั้น ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมคุ้นหน้าว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าสาวในงานก็วิ่งมาหาผม ก่อนจะบอกให้ตามเธอไปด้วยกัน

“โจม” ดาวเด่นของงานยืนอยู่ตรงนั้น...ข้างหน้าผม เธอยังคงสวยเหมือนเดิมอย่างในความทรงจำ และวันนี้เธอก็สวยกว่าทุกวันที่เราได้รู้จักกัน อรเดินเข้ามาหาผม ก่อนที่เธอจะสวมกอดผมเอาไว้ “อึก…”

“ปล่อยผมเถอะครับ ใครมาเห็นเข้าคงไม่ดี”

“อย่าเย็นชากับอรแบบนี้สิ” ผมอยากจะถามเธอเหลือเกินว่าถ้าไม่ให้ผมทำแบบนี้แล้วจะให้ผมทำอย่างไร ให้กลับไปปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมน่ะหรือ “อรขอโทษ…”

“ถ้าอรเลือกเขาแล้วอรก็ไม่ควรทำแบบนี้” ผมดันร่างบางให้พ้นตัว มองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย และนั่นทำให้ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอด้วยน้ำใสๆ “ตัดบัวอย่าเหลือใย”

“อรขอโทษ” เธอปล่อยโฮออกมา ก่อนจะพรั่งพรูสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ “อรไม่ได้อยากแต่งงาน แต่อรเลือกไม่ได้ อรอยากเลือกโจมนะ แต่…” อรหันมามองผม “โจมเข้าใจอรใช่หรือเปล่า”

“...” ผมเข้าใจ ระหว่างเด็กน้อยที่ยังไม่มีอานาคตอย่างผม กับเจ้าบ่าวที่ดูแลอรได้ "เข้าใจสิ เข้าใจ ระหว่างผมกับเขา อรก็ต้องเลือกเขา"

“แต่อรยังรักโจมนะ…” ผมพยายามเค้นหาความจริงในคำพูดของเธอ "ที่อรทำเพราะอรไม่มีทางเลือกจริงๆ อร...อรไม่ได้รักเขาเลยสักนิด ในหัวใจอรมีแต่โจมคนเดียว โจมต้องเชื่ออรนะ"

"..."

"นะโจม...อรรักโจม...เชื่ออร..."

“คุณโกหกคุณอร” นั่นไม่ใช่เสียงของผม แต่เป็นร่างสูงคุ้นตาที่เราได้สนทนากันไปในงานแต่ง พี่ว่านเดินล้วงกระเป๋าเข้ามาด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะหยุดยืนข้างผม อรเบิกตากว้างหันมองรอบตัว “ไม่ต้องตกใจหรอกครับ นอกจากผมก็ไม่มีใคร”

คำตอบที่ทำให้อรถอนหายใจโล่งอก ก่อนดวงตาคู่สวยจะตวัดมองพี่ว่านด้วยความไม่พอใจ “ฉันไม่ได้โกหก ฉันรักโจม”

“แต่คุณรักตัวเองมากกว่า ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่เลือกทางที่ทำให้ตัวเองมีความสุข จนทิ้งคนที่รักคุณมากเหลือเกินไว้ข้างหลังหรอก”

คำพูดของพี่ว่านจี้ใจดำผมอย่างจัง มันทำให้ผมได้สติหลังจากได้ฟังคำว่ารักจากอร สารภาพว่าเมื่อครู่ผมเกือบเอื้อมมือไปหาเธอ กอดปลอบประโลมเธอไว้ และบอกกับเธอว่าไม่เป็นอะไร

“ไม่จริง”

“คุณรู้อยู่แก่ใจคุณอร” คนข้างๆ ผมมองอรด้วยแววตาคล้ายกับว่ากำลัง...สมเพช ก่อนจะหันมาเลิกคิ้วมองหน้าผม “เอาไงล่ะเรา
 จะอยู่ฟังคำหลอกลวงของผู้หญิงคนนี้ หรือจะไปกับพี่ตอนนี้เลย”

“ทำไมผมต้องไปกับพี่”

“งั้นแสดงว่าจะอยู่”

“ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะอยู่นะ” พูดผมก็สาวท้าวเดินออกมาจากตรงนั้น ผ่านร่างบางที่พยายามจะรั้งผมไว้ด้วยสองมือและคำพูดหวานหู

“โจม...อย่าไปนะ”

“ปล่อยเถอะอร อรกำลังทำผิดซ้ำสองกับคนที่เขารักอรนะ ไม่รู้สึกผิดกับผม ก็รู้สึกผิดกับสามีที่รออรอยู่บ้างเถอะ”

“โจม…”

“ขอตัวนะครับ คุณอร”

ผมแกะมือทั้งสองข้างของอรทิ้ง แล้วเดินจากมาโดยไม่หันมองกลับไปอีกเลย

“ใจเด็ดเหมือนกันนี่ ตอนแรกนึกว่าจะเชื่อเขาแล้ว” ผมเหล่มองที่วิ่งมาจนทันกัน

“ผมไม่ได้โง่นะครับ รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ยังฝืน”

“น้องเกลียดอะไรพี่หรือเปล่า ทำไมพูดแต่ละทีมีแต่ด่ากัน” คนที่สูงกว่ายกมือขึ้นเกาหัว “ว่าแต่อย่างนี้เราก็เหมือนกันเลยเนาะ”

“ยังไงครับ”

“ก็อกหักเหมือนกันไง”

ผมหยุดเท้าลง ก่อนจะหันไปหาพี่ว่านในตอนที่เราสองคนยืนอยู่หน้าประตูโรงแรมพอดี ผมได้มองพี่ว่านเต็มๆ ตา ร่างสูงในชุดสูทสีเข้มดูดีราวกับเป็นคนละคนกับคนที่ใส่เสื้อชอปเดินไปเดินมาที่มหาวิทยาลัย ผมเผ้าที่ส่วนมากจะยุ่งราวกับไม่ได้หวีมานานก็ถูดจัดทรงให้เป็นระเบียบ แต่ยังไม่ทิ้งความเซอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

“เราสองคนไม่เหมือนกันครับ”

“ไม่เหมือนตรงไหน ก็ไม่สมหวังทั้งคู่”

“ไม่เหมือนตรงที่ผมไม่คิดจะรัก ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ มาถึงวันนี้ผมก็ไม่คิดจะรออรอีกแล้ว ไม่ว่าเธอจะกลับมาหรือเปล่าผมก็จะไม่กลับไปหาเธอ…”

“...”

“ผมไม่ใช่คนที่รอความหวังลมๆ แล้งๆ แบบพี่ครับ”

“...”

“ต่างกรรมต่างวาระ หวังว่าพี่คงเข้าใจคำนี้นะครับ"

หมายเหตุ ต่างกรรมต่างวาระ ใช้ในแง่ที่พูดถึงกรณ๊ใดกรณีหนึ่งขึ้นมาแล้วเอาไปเทียบกับกรณีอื่นๆ ที่ดูเหมือนจะใกล้เคียงกันแต่ไม่สามารถชี้ชัดว่าผลจะออกมาเหมือนกัน เพราะเหตุ ปัจจัยหลัก และเหตุ ปัจจัยประกอบ สถานการณ์ไม่เหมือนกัน ต่างกรรม ต่างวาระกัน

======================================================
=====================================
มาแล้ววววววว ครั้งนี้ช้าสุดเลยอ่ะ รู้สึกผิดจังค่ะ  :hao5:
กำลังจะสอบไฟนอลอีกแล้วววว ฮือออ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
รักทุกคนเล้ยย  :mew1: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 2.1 19.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-04-2017 18:34:10
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 2.1 19.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-04-2017 19:16:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 2.1 19.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-04-2017 20:06:08
อื้อหือ ...
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 2.1 19.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-04-2017 20:14:52
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 2.1 19.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-04-2017 21:40:42
น้องปูนพี่เอื้อ เขาแซงแล้วนะ กล้าฟ้าน่ะ
แต่ก็ไม่รีบนะ รอปูนมั่นใจในรักโน่นแหล่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 2.1 19.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-04-2017 21:58:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 2.1 19.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-04-2017 16:19:16
 o13
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 2.1 19.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-04-2017 23:25:15
อ่านรวดเดียววว เรา fc โจมมม ดาร์กเงียบ ๆ ดีชอบบบ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 2.1 19.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 23-04-2017 19:05:50
3 เดือนที่ห่างกันนนนน

กล้าฟ้า

ว่านโจม

สินะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story 2.1 19.04.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 04-05-2017 21:01:13
บทที่ 30
เมื่อน้องปูนเปิดเทมอ


ช่วงเวลาปิดเทมอของผมผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึก ผมเอาแต่นั่งดูปฏิทินว่าเมื่อไหร่กันที่จะเปิดเทมอเสียที ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากอยู่บ้าน แต่เพราะผมดันไปคิดถึงคนที่อยู่ห่างออกไปเกือบสามร้อยกว่ากิโลเมตร ทั้งที่การคุยโทรศัพท์กับใครคนนั้นกลายมาเป็นเรื่องปกติของผมไปแล้ว

ตลอดทุกวันเอื้อโทร.หาผมไม่ได้ขาด อีกฝ่ายจะมีเรื่องราวต่างๆ มาชวนผมคุยได้เสมอ และมันก็ชอบถามความเป็นอยู่ของผมเช่นกัน มันจะชอบให้ผมเล่าว่าวันนี้ไปทำอะไร ที่ไหน กับใครมา แม้ว่าเรื่องราวจะน่าเบื่อและซ้ำซากกันทุกวันแต่เอื้อก็ไม่เคยที่จะบอกให้ผมหยุด

การที่เราห่างกันแบบนี้ก็ทำให้ผมกังวลเหมือนกัน ผมไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งที่เอื้อบอกผมในแต่ละครั้งนั้นเป็นความจริงมากแค่ไหน และผมก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าเวลาเกือบสามเดือนที่ผ่านมาเอื้อจะเปลี่ยนใจจากผมไปบ้างหรือเปล่า มันจะมีใครใหม่เข้ามาในชีวิตหรือไม่ และความรู้สึกของมันที่มีต่อผมเหมือนเดิมหรือเปล่า

ส่วนความรู้สึกของผมนั้น...ไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด

ระยะทางที่ห่างไกลและระยะเวลาที่ห่างกันพิสูจน์ความรู้สึกของผมที่มีต่อเอื้อได้แล้ว และผมหวังว่ามันจะพิสูจน์ความจริงใจที่เอื้อมีต่อผมได้เช่นกัน

คำตอบสำหรับคำถามของเอื้อนั้น...ผมพร้อมจะให้มันกับอีกฝ่ายแล้ว

ผมลงจากรถขนส่งสาธารณะหลังจากที่นั่งมาเป็นเวลาราวๆ สามชั่วโมงกว่า คนที่อาสามารับผมเมื่อวานนี้ยืนรออยู่ที่บาทวิถีฝั่งตรงข้ามกับทางที่รถจอดเทียบ เอื้อส่งยิ้มเจิดจ้าก่อนจะข้ามถนนมาหาผมทันทีที่เห็นผมกำลังจะก้าวลงจากรถ และพอผมได้รับสัมภาระ อีกฝ่ายก็มียืนตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อย

เอื้อเอาแต่ยิ้ม ไม่พูดอะไร อีกฝ่ายดูลนลานอย่างไรชอบกล จนผมอดถามออกมาไม่ได้

“เป็นอะไร”

“พี่อยากจะกอดปูน แต่คิดว่าตรงนี้คงไม่เหมาะ” คำตอบที่ทำเอาผมหน้าแดง คนเยอะขนาดนี้ก็ลองมากอดสิ จะต่อยให้ตาเขียวเลย

“ไม่ว่าจะตอนไหนก็ไม่เหมาะทั้งนั้นแหละ”

“โธ่ปูนครับ อย่าใจร้ายกับพี่นักเลย”  ผมน่ะเหรอใจร้าย ใจดีกว่าผมก็พ่อพระแล้วล่ะ

เอื้อดึงกระเป๋าสัมภาระส่วนใหญ่ของผมไปถือ ก่อนจะหันมาจูงมือผมแล้วพาเดินไปขึ้นรถคันสวยที่จอดรออยู่ไม่ไกล ก่อนที่เราสองคนจะพากันกลับหอ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงห้องที่คุ้นเคยก็ปรากฏในสายตา

“ห้องไม่เห็นสกปรกเลยแฮะ” ผมวางของลงบนพื้น สำรวจห้องแล้วสะอาดกว่าที่ควร ผมไม่อยู่เกือบสามเดือนแต่ไม่มีฝุ่นเลยสักนิด “ป้าแม่บ้านเขามาทำให้เหรอ”

“ป้าแม่บ้านที่ไหน พี่ต่างหาก”

“อย่างเอื้อเนี่ยะนะ” หันไปมองอย่างสงสัย คุณชายเอื้อน่ะเหรอจะทำความสะอาดห้องให้ผมเองกับมือ

“ใช่ พี่นี่แหละที่เป็นคนพาแม่บ้านมาทำความสะอาดให้”

โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าจะทำเอง ผมคาดหวังอะไรอยู่กัน และดูสิครับ ยืดอกภูมิใจอย่างกับเป็นคนจัดไม้กวาดมาทำความสะอาดให้เสียอย่างนั้น เห็นแล้วอดเบ้ปากใส้ไม่ได้

“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไง”

“ปูนก็น่าจะรู้ว่าเอื้อไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก”

เอื้อหัวเราะแล้วก้าวเข้ามาใกล้กว่าเดิม นั่นทำให้ผมได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่ายชัดๆ ผิวสีขาวราวน้ำนมของอีกฝ่ายดูแทนขึ้นเล็กน้อย กล้ามเนื้อแขนและหน้าอกก็เพิ่มขึ้นกว่าเื่อเทมอที่แล้ว แต่ใบหน้ายังคงหล่อหมดจดราวกับคุณชายเหมือนเดิม

เหมือนเอื้อจะ...ดูแมนขึ้นหรือเปล่านะ

หมับ!

ระหว่างที่ผมกำลังสำรวจอีกฝ่ายไปพลางๆ ร่างกายของผมก็ถูกแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อตวัดโอบกอดเอาไว้ หน้าของผมแขนไปกับอกกว้างแบบที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เอื้อโยกตัวของผมไปมาราวกับผมเป็นเด็กน้อย

“ปูนตัวเล็กลงหรือเปล่า”

“ปกติ” เรื่องจริงที่น้ำหนักผมลดลงไป แต่ผมไม่มีทางบอกหรอก เดี๋ยวเอื้อก็หาเรื่องมาขุนผมเหมือนเทมอที่แล้ว

“ไม่จริง พี่กอดแล้วมันไม่เต็มไม้เต็มมือเหมือนเดิม อย่างนี้สงสัยต้องพาไปขุนแล้ว” ดูเหมือนผมก็ไม่รอดอยู่ดี

อ้อมกอดนี้ทำให้ผมรู้ว่าผมคิดถึงอีกฝ่ายมากแค่ไหน ผมแอบยิ้มกับตัวเอง หลับตาและซบหน้ากับอกของเอื้อมากขึ้นไปกว่าเดิม ที่จริงอยากจะยกมือขึ้นมากอดตอบ แต่ไม่เอาหรอก...เดี๋ยวมันได้ใจ

“พี่คิดถึงปูนนะครับ” ผมพยักหน้าตอบรับ แต่ไม่มีคำพูดอื่นใดออกมา “ไม่คิดถึงพี่บ้างเหรอ”

“...” ผมยังไม่ตอบ ยังไงก็ไม่อยากพูดออกไป มันน่าอาจจะตายที่ต้องมาบอกอะไรแบบนี้

“ถ้าปูนไม่บอกพี่ งั้นแค่ส่ายหน้าหรือพนักหน้าก็พอ…”ฟังดูเป็นข้อเสนอที่เข้าท่าดี ดูเหมือนเอื้อจะรู้วิธีจัดการกับความขี้อายและปากหนักของผมแล้ว “ถ้าคิดถึงพี่...ให้ส่ายหน้า…”

ผมหัวเราะ ก่อนจะทำตามที่เอื้อบอก แต่ทำได้ไม่มาก เพราะหน้าติดอยู่กับอกของมัน… เดี๋ยวนะ แบบนี้ก็เหมือนผมเอาหน้าถูกกับอกอีกฝ่ายอ่ะดิ

ร้ายนักนะ!!

“พอเลยไม่เล่นแล้ว” ผมดันตัวออก พยายามดิ้นรนแต่อีกคนก็ไม่ยอมแพ้ “เอื้อปล่อย”

“ไม่ปล่อย ไม่ได้เจอกันตั้งนานกอดแค่นี้มันไม่พอหรอก” เอื้อกอดผมแน่ขึ้นไปอีกเหมือนกับกำลังแกล้งกัน มันโยกตัวไปมาแรงขึ้นจนผมเริ่มเวียนหัว

อุ๊ก!

“จะ จะอ้วก...เหวอ!”

ตุบ!

อะ อะ โอยยยยย

ผมนั่งลูบก้นตัวเองอยู่บนพื้น นี่เหรอวะคนที่บอกว่ารักกันคิดถึงกันหนักหนา! พอบอกว่าจะอ้วกแค่นี้ปล่อยถึงกับปล่อยให้นั่งแหละกับพื้นห้องแข็งๆ เลยนะ!

“เป็นไรมั้ยปูน”

ก็เจ็บสิโว้ยถามได้!!

..
.
แล้ววันเปิดเทมอก็วันมาถึง แต่แม้ว่าเราจะเปิดเทมอกันวันนี้ เพื่อนส่วนใหญ่ก็กลับมาแสตนด์บายที่มอตั้งแต่หนึ่งอาทิตย์ก่อนแล้วครับ เพราะระหว่างช่วงที่น้องมารายงานตัว ทางเราก็มีกิจกรรมไว้ต้อนรับและกระชับมิตรกับน้องๆ ด้วย หนึ่งในนั้นคือกิจกรรมประชุมเชียร์ บอกเลยว่าผมโคตรเกลียดอ่ะ ตอนปีหนึ่งก็โดดบ่อยเหมือนกัน พี่บุ๊คมันมาบ่นทีหลังว่าไม่ค่อยเห็นหน้าผมตอนลงวินัยเท่าไหร่

อีกกิจกรรมหนึ่งที่ฮอตฮิตไม่แพ้กันคือเรื่องการประกวดดาวเดือนครับ เฟรชชี่ไนท์กำลังจะมีถึงในวันเสาร์นี้แล้ว ทางมหาวิทยาลัยเสื่อนกิจกรรมเข้ามาให้ไวขึ้น เนื่องจากเทมอนี้วักหยุดเยอะ กลัวว่าจะกระทบกับการเรียน ตอนนี้น้องๆ ดาวเดือนกำลังเก็บตัวซ้อมกันอย่างเต็มที่

ผมได้เห็นน้องดาวแล้วครับ โคตรสวยเลย ยิ้มทีนี่ผมละลาย (ห้ามเอาไปห้องเอื้อเด็ดขาดนะครับ!)

“แหม หน้าตาชื่นบานเชียวนะครับ ไม่ทราบว่าได้น้ำดีหรือเปล่าครับ”
 
อย่าคิดว่าเสียงที่แซวนี่จะเป็นการแซวผมแต่อย่างใด ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เป้าหมายของพวกเพื่อนๆ ดันเปลี่ยนเป็นไอ้ฟ้า และแทนที่มันจะโกรธ...กลับหน้าแดง
 
“เงียบไปเลยไอ้บอย!” แถวบ้านผมเรียกโวยวายกลบเกลื่อนครับผมทำบ่อย
 
“ก็ต้องได้น้ำดีสิวะไอ้บอย...เมื่อคืนได้ไปกี่น้ำ บอกเขาไปสิจ๊ะที่รัก” ไอ้กล้าที่นั่งข้างๆ ไอ้ฟ้ารับมุก ก่อนจะวาดแขนโอบรอบเอวคนตัวเล็กกว่าแล้วดึงให้มาแนบชิด
 
“อย่ามามั่วนะเว้ย!”
 
ผมเลิกคิ้ว มันแปลกๆ นะครับสองคนนี้ ทั้งที่ก็หยอกกับเล่นเหมือนวันวาน แต่ไม่เหมือนก่อนคือไอ้ฟ้าดันเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ในขณะที่ไอ้กล้ายิ้มแกล้มปริ
 
“โอ๊ะๆ มีโอบครับ”
 
“บอกให้เงียบไงไอ้บอย”
 
“เขินเหรอครับที่รัก” แน่ะ มีเชยคางด้วยเว้ย
 
“มึงก็เงียบนะไอ้กล้า!” มึงจะทุบจะดีมันก็ทำแรงกว่านี้หน่อยดิวะ ไม่ใช่แค่เอามือไปแตะๆ แบบนี้แถวบ้านกูเรียกหยอกกันเว้ย
 
ว่าแต่นี่ผมผมพลาดอะไรไป?
 
“ทำหน้าอย่างนั้นยังไม่รู้เรื่องสินะ” จี๊ดที่นั่งอยู่ข้างๆ กระซิบถามผม
 
“เราพลาดเรื่องใหญ่ไปสินะ”
 
“ไปซื้อขนมกับเรา เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”  ผมพยักหน้า ก่อนที่เราสองคนจะเดินไปยังร้านขายขนมที่อยู่ถัดไปไม่ไกลพอถึงร้านจี๊ดก็เริ่มเล่า “วันที่พวกเราไปฉลองสอบเสร็จแล้วปูนไม่ได้ไปด้วยอ่ะ กล้ากับฟ้ามันเมาแล้วก็ได้กัน”
 
“ฮะ?!! มะ มันสองคน...ได้กัน?”
 
“อือ พวกเราทุกคนรู้เรื่องหมดเลย เพราะวันนั้นเราไปค้างที่ห้องโจม แล้วห้องมัน...ไม่เก็บเสียงอ่ะ เข้าใจป่ะ” จี๊ดพูดไปหน้าก็แดงไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดมันมีความฟินซ่อนอยู่
 
“อ่อ…” ผมพยักหน้า รู้สึกพลาดสุดๆ ที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์สำคัญ “แล้วพวกมันคบกันเหรอ”
 
จี๊ดส่ายหน้า “เรื่องนี้เราไม่รู้อ่ะ พวกนั้นไม่ยอมบอก แต่แอบได้ยินกล้าคุยกับโจมว่ากำลังจีบๆ อยู่”
 
พอได้ฟังที่จี๊ดพูดผมก็หันไปมองที่โต๊ะ โฟกัสกล้ากับฟ้าโดยเฉพาะ ถ้าไม่สังเกตดีๆ จะไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของมันทั้งคู่เลยครับ ถึงจะเล็กน้อยแต่ก็ยังพอรู้ว่ากล้าพยามเอาใจฟ้า สักพักก็เปลี่ยนไปแกล้งกัน แล้วก็ส่งยิ้มให้กัน
 
นี่มันบรรยากาศคนเป็นแฟนกันชัดๆ
 
ไม่น่าเชื่อเลยครับ ล้อกันเล่นกลับกลายเป็นเรื่องจริงเฉย
 
ถ้าอย่างนั้นหนูนากับบอยก็มีสิทธิ์?
 
ผมเสสายตาไปยังคนทั้งคู่…ก่อนจะเห็นหนูนากำลังตบหัวไอ้บอยอย่างแรง!
 
เชี่ย ผู้หญิงสายโหด
 
“เราว่าคู่นั้นน่าจะยากกว่านะ”
 
“เราก็คิดงั้นแหละ”
 
เราสองคนเดินกลับไปที่โต๊ะ จี๊ดวางขนมที่ซื้อมากองไว้ ไม่ถึงหนึ่งนาทีมือที่มองเห็นจะๆ ของไอ้พวกตะกละก็คว้าไปหยิบแกะกิน
 
“พวกมึง นี่ของจี๊ดนะเว้ย” ผมอดไม่ได้พูดขึ้น ดูไอ้บอยดิครับ แกะยัดใส่ปากเฉยเลยอ่ะ
 
“จี๊ดยังไม่ว่า มึงจะเดือดร้อนเพื่อ? เอานี่กินๆ ไปซะ”
 
“อื้อ!!!”
 
ไอ้เห็บหมา!! ไอ้กล้ามันยัดขนมเข้าปากผมครับ ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ดีไม่หลุดเข้าไปในคอ
 
“ว่าแต่มึงกับแฟนย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วใช่ป่ะ” ไอ้กล้าถาม ด้วยเพราะขนมยังเต็มปากเต็มคำ ผมเลยพยักหน้าแทน “โหยดีว่ะ ฟ้าเมื่อไหร่มึงจะย้ายมาอยู่ห้องกูวะ”
 
“ทำไมกูต้องย้ายมาอยู่กับมึง”
 
“เอ้า ก็เราเป็นแฟ...อ๊อก!”
 
สมน้ำหน้าไอ้กล้ามันครับ โดนฟ้ายัดขนมใส่ปากเลย ไอ้แบบนี้แสดงว่ามันยังไม่คบกัน แล้วหนทางคงอีกยาวไกล แต่ไม่เป็นไรเพื่อน กูเป็นกำลังใจให้
 
“โจมขาาา ป้อนกูแบบนี้บ้างสิคะ”
 
เดี๋ยวๆ หนูนา มึงจะคะขาก็แทนตัวเองให้น่ารักๆ หน่อยสิวะ แล้วป้อนอย่างไอ้ฟ้าเนี่ยไม่จุกหลอดลมตายก็บุญแล้ว
 
“จะเอาแบบนั้นเหรอ” โอ้...ไอ้โจมมาเต็มครับ มันหยิบขนมมาเป็นกำมือ ยื่นให้หนูนาพร้อมรอยยิ้มละมุน “มาสิเดี๋ยวป้อน”
 
“เอ่อ...กูเกรงใจอ่ะโจม มึงเก็บไว้กินเองนะ”
 
ฮาาาา
 
“เขาไม่ป้อนมึง ตัวสำรองอย่างกูป้อนให้ก็ได้นะ”
 
“มึงก็เก็บไว้กินเองเถอะไอ้บอย”
 
เออ เป็นผมก็ไม่กินหรอก เปลือกขนมทั้งนั้นนน
 
โอ๊ยยย อยู่กับพวกมันแล้วเพลียใจ แต่ก็สนุกดี :)

♣♣♣♣♣

สัปดาห์ที่สองของเปิดเทมอก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ จะมีเปลี่ยนบ้างเล็กน้อยก็ตอนนี้ไม่ค่อยมีเด็กปีหนึ่งมาทำอะไรแปลกๆ กันแล้วครับ ที่คณะของผมเริ่มมีพี่วินัยลงจริงจังแล้ว อ้อ ไอ้พี่สามได้รับเลือกเป็นหนึ่งในพี่วินัยด้วยนะ พี่บุ๊คนั่นแหละที่เลือกพี่มันเป็นทายาทอสูรคนต่อไป ถามว่าผมกลัวหรือเปล่าที่ทั้งสายเป็นพี่วินัยหมดเลย…

ตอบว่าไม่ครับ เชื่อว่าพี่สามมันไม่คิดสั้นเลือกผมเป็นหรอก คิดดูสิ มีพี่วินัยอย่างผมน้องคงไม่เชื่อฟังอะไรแล้วล่ะ

“ปีหนึ่งปีนี้หน้าตาดีว่ะ น้องผู้หญิงก็เยอะขึ้นด้วย แต่ทำไมน้องรหัสกูเสือกเป็นผู้ชายวะ” ไอ้กล้ามันนั่งท้าวคางทำหน้าเซ็งๆ กล้าพูดนะมึง เห็นหน้าคนที่นั่งข้างมึงป่ะครับ

“เออ น้องกูก็เป็นผู้ชาย” อ้าว มึงไม่ห้ามมันหน่อยเหรอฟ้า

“ใคร!?” ผมกับไอ้โจมสะดุ้งขึ้นมาพร้อมกัน ไอ้ผมน่ะสะดุ้งนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร โดยปกติเป็นคนขวัญอ่อนอยู่แล้ว แต่ไอ้โจมเนี่ยนะจะตกใจ มึงเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ

“มึงจะเสียงดังทำไมเนี่ยกล้า”

“ก็บอกมาดิว่าใครเป็นน้องมึง หน้าตาเป็นยังไง นิสัยเป็นยังไง หล่อมั้ย หรือว่า…”

“แล้วมึงจะรู้ไปทำไม”

“กูเป็นแฟนมึงไง กูก็ต้องรู้เรื่องทุกอย่างของมึงนะ!” เท่านั้นแหละครับ ไอ้คนขี้เขินอย่างฟ้าก็หน้าแดงเป็นดอกเบญมาศ...เอ่อ...เปลี่ยนๆ มันจะสยองไปนิด เอาเป็นว่าหน้าแดงก็แล้วกัน

“กูยังไม่ได้ตกลง”

“งั้นเปลี่ยนเป็นว่ามึงเป็นเมียกูก็ได้ ปฏิเสธไม่ได้หรอกมึงอ่ะ หลักฐานคาห้อง”

“อะไรวะ” ผิดหรือเปล่าที่ผมสงสัย ก็งงนี่ครับหลักฐานคาห้องมันคืออะไร

“ก็ซากถุงยางของกูไง ใช้เมื่อคืนยังไม่ได้ทิ้งเลย”

“ไอ้กล้าาาา!!!”

โอเค ไว้อาลัยให้กับชีวิตไอ้กล้าด้วยครับ เอาเรื่องอะไรมาพูดก็ไม่รู้ บ้าบอจริงๆ เลย

“มึงไม่ต้องเขินหรอกปูน ยังไงสักวันมึงก็ต้องเจอ” ไอ้โจม ไอ้เลวไอ้เพื่อนนิสัยแย่ เหอะ กูขอแช่ง ขอให้มึงได้ผัวไม่ใช่เมีย!!

ระหว่างที่ผมกำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่นั้นก็มีมือที่ผมไม่เห็นมาสะกิดข้างหลังยิกๆ พอหันไปก็พบกับสาวสวยที่พ่วงตำแหน่งเดือนสาขาของผมเอง

ก็หนูนาไงครับ ทุกคนลืมเหรอว่ามันเป็นเดือนสาขาอ่ะ ว้ายๆ หนูนามันไม่สวยแล้วใช่มั้ยครับ (ผัวะ!! โดนหนูนาตบหัวทิ่ม)
 
“ปูนๆ ไปกับกูหน่อยดิ อาจารย์เพชรเรียกไปเอารายงานคืนอ่ะ”

“รายงานไรวะ” ฟ้าที่เลิกทำการฆาตกรรมไอ้กล้าแล้วถามขึ้น บอกทีว่ามึงไม่ได้ติดนิสัยขี้เสือกจากผัวตัวเองมา

“รายงานที่ส่งไปเมื่อไฟนอลครั้งที่แล้วอ่ะ อาจารย์เขาจะคืนให้ เมื่อกี้เจอเขาที่ทางเดินเขาเลยบอกให้เอาเพื่อนไปช่วยขน”

“แล้วทำไมต้องเป็นไอ้ปูนวะ” นั่นสิฟ้า กูก็คิดเหมือนมึง

“ก็แหม จะให้กูเอาพวกมึงสองคนไปหรือไง” มองไปทางฟ้ากับกล้าที่นั่งใกล้กัน “กูไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอนะ ไอ้บอยก็ไม่อยู่ จี๊ดก็ไปซื้อขนม (อีกแล้ว?)”

“อ้าว แล้วไอ้โจมล่ะ” นั่นสิ แล้วไอ้โจมล่ะ

“กูไม่อยากให้ผัวกูลำบากไง”

ถุยยยยยย

จ้าาาา แม่คุณหนูนา กระผมทราบแล้วครับ สุดท้ายมันก็ต้องเป็นกูใช่มั้ยล่ะ เหอะ!

“มึงแหละปูน ไปกับกูเลย” ได้ฟังเหตุผลของหนูนาแล้วก็ต้องยอมลุกไปกับมันครับ ถึงแม้เหตุผลข้อสุดท้ายจะทำให้รู้สึกหมั่นไส้มากก็ตามที

เราสองคนเดินไปหาอาจารย์เพชรที่ห้องพัก รายงานการเพาะปลูกที่เราทำวางกองอยู่ตรงพื้น ผมกับหนูนาหยิบมาคนละกอง หนักเอาเรื่อง ถ้าให้จี๊ดมากับหนูนาสองคนก็ไม่ไหวครับ สงสารเพื่อน

ว่าแต่ให้มาแต่รายงาน แล้วต้นไม้ล่ะ

“ต้นไม้พวกคุณผมเอาไปให้คนสวนจัดการที่สวนคณะแล้วครับ ว่างๆ ก็ไปเดินเล่นเยี่ยมมันได้นะ” อ๋อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ถ้าจะแอบขโมยต้นไม่ของผมกลับห้องก็คงได้สินะ “อือ...จะเอากลับไปก็ได้นะ ยังไงผมก็ทวงคะแนนคืนไม่ได้อยู่ดี”

เชรดดดด อาจารย์อ่านความคิดผมออกป่ะเนี่ย หรือเป็นเอ็ดเวิร์ค คัลไลน์ ปลอมตัวมา!

เหอะๆ บ้าบอได้อีกกู

ผมกับหนูนาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะไหว้ลาอาจารย์แล้วเดินออกจากห้องมา เราก็อาศัยความระมัดระวังขึ้นสุดเพื่อไม่ให้สะดุดล้มไประหว่างทาง

ทว่า…

ปึก!

ตุบ!!

กองหนังสือให้มือผมหล่นกระจายเต็มพื้น ส่วนตัวผมก็ล้มลงไปนั่งอยู่บนปูนแข็งๆ ก้นกระแทกไปเต็มๆ

อูย…เจ็บตัวอีกแล้วกู

“ปูนมึงเป็นไรบ้างวะ” เจ็บดิวะถามได้ ทำไมต้องเป็นกูตลอดที่ซวย ทำไมต้องเป็นกูตลอดที่เจ็บตัวหรือมีแผล โอ๊ยยยย ชีวิตหนอชีวิต งงตัวเองว่าอยู่มาจนอายุเท่านี้ได้อย่างไรโดยที่ไม่ตายเสียก่อน “ไม่ระวังเลยวะมึง เย็นนี้กูฟ้องพี่เอื้อแน่”

“ห้ามมึงบอกเอื้อเด็ดขาด” คุณว่าที่เภสัชกรเขาจะค่อนข้างซเรียสกับอาการบาดเจ็บของผมครับ มดกัดนิดเดียวพ่อคุณเล่นใหญ่ยิ่งกว่าละครเวทีของค่ายดังอีก

“มึงว่าพี่เขาไม่รู้เหรอ ตัวมึงมีรอยถลอกอีกแล้ว” หนูนามันจับแขนผมพลิกไปมา โธ่รอยเท่าเข็มทิ่มแบบนี้ปิดลาสเตอร์ก็ไม่เห็นแล้ว แล้ววันนี้กูก็ช่างดวงดีที่สุด เสือกใส่เสื้อแขนสั้นมาด้วยนะ

“เอาเป็นว่าห้ามบอกเอื้อเด็ดขาด” ถึงจะเจ็บแค่ไหนต้องข่มใจขู่มันไว้ครับ ผมกันหนูนาช่วยกันเก็บรายงาน (ที่ผมทำ) หล่นกระจายอยู่เต็มพื้น

“เฮ้ยเล่มนั้นนี่รายงานเราป่ะ”  หนูนาชี้นิ้วไปยังหนังสือที่กางแผ่อยู่บนพื้นเยื้องๆ ไปทางซ้าย ผมเลยเอื้อมมือไปหยิบมา เป็นรายงานของพวกผมเองครับ

เห? ชื่อไอ้บอย

“อยากรู้ป่ะว่ามันปลูกอะไร” ผมถาม

“มึงนี่ก็ขี้เสือกนะปูน แต่กูก็อยากรู้ว่ะ คนอย่างมันจะปลูกอะไร”

ผมเสียมารยาท (แต่จริงๆ ไอ้เจ้าของมันก็ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่แล้วครับ เรื่องนี้มันไม่ถือหรอกครับ) เปิดดูภาพในรายงานของไอ้บอย มันทำงานเรียบร้อยกว่าที่ผมคิดไว้ครับ ตัวหนังสือเรียงเป็นระเบียบ ส่วนต้นไม้ที่มันเลือกปลูกก็ผิดกับที่ผมคิดไว้ ผมเดาว่ามันจะปลูกอะไรง่ายๆ อย่างคุณนายตื่นสาย ไม่ก็พลูด่าง แต่ที่มันเลือกปลูกจริงๆ กลับเป็น…

“กุหลาบแดง?”

ผมค่อยๆ เปิดหน้ากระดาษอย่างระมัดระวัง บอยดูแลกุหลาบอย่างดีเชียวครับ ออกดอกออกใบสวยงาม สมกับคะแนนที่เขียนไว้ที่หน้าปก

“หือ? ‘อยากรู้เหตุผลที่ผมปลูกหรือเปล่าครับ ถ้าอยากรู้พลิกหน้าต่อไปเลย’ มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ” ว่าแล้วผมก็จับกระดาษแผ่นนี้ไว้ เตรียมจะพลิกมือ แต่หนูนากลับยื่นมือมาจับมือผมไว้

“ดะ เดี๋ยว…”

“อะไร ไม่อยากรู้เหตุผลเหรอ” ผมถาม ใบหน้าสวยที่อยู่ใกล้กันดูตื่นเต้น จนผมอดขมวดคิ้วสงสัยไม่ได้ “มึงโอเคป่ะเนี่ย”

“ปูน…”

“ว่า?”

“กะ กูชอบดอกกุหลาบ…”

“...”

“โดยเฉพาะสีแดง”

อย่าบอกนะว่า…

ผมพลิกไปอีกหน้า ภาพในกระดาษแผ่นสุดท้ายคือหนูนาที่กำลังก้มลงดอกกุหลาบแดงบนแปลงดอกไม้ของคณะ เป็นภาพถ่ายตอนที่เจ้าตัวเผลอ ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กๆ แต้มตรงมุมปาก แลดูละมุนละไมจนอดยิ้มตามไม่ได้

บอยชอบหนูนา

“บอยชอบมึง…”

ใบหน้าหนูนาขึ้นสีแดงจัด มันรีบหยิบรายงานในมือผมไปถือแล้วแทรกไว้กับเล่มอื่นในกอง ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนพร้อมถือรายงานไว้อย่างเดิม ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“มึงอย่าบอกใครนะ”

หึๆ...หึๆๆๆๆๆ มึงเสร็จกูแน่นอนหนูนาเอ๋ยยยยยย

“กูจะไม่บอกใคร ถ้ามึงไม่บอกเอื้อเรื่องวันนี้”

หนูนามันถลึงตาใส่ผมก่อนจะกระแทกเสียงตอบ “เออ!!”

“แล้วช่วงนี้มึงก็ต้องมาเป็นเบ้ให้กูด้วย” หึๆๆๆ

“มากไปแล้วมึง”

“หรือจะให้กูบอก ได้นะ เรื่องขยายข่าวนี่กู…”

ผัวะ!! ไอ้หนูนามันเอารายงานตึหัวผมมมม ผมจะฟ้องตากับยายคอยดู!!

“ถ้าเรื่องนี้หลุดไป มึงได้กลายเป็นซากให้หมาแทะแน่” ไอ้เชี่ยยย บอยมึงชอกนางแม่ดอย่างหนูนาเข้าไปได้ยังไงวะ!

“แล้วมึงจะเอายังไงวะ”

หนูนาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบ “ถ้ามันชอบกูจริงๆ มันต้องกล้าบอก”

“แล้วไงต่อ ถ้ามันบอกมึงแล้วมึงจะทำไง”

“แล้ววันนี้กูจะบอกมันเอง”

 ถึงจะยังตกใจแต่ก็อดยินดีกับเพื่อนไม่ได้ (ไม่นับเรื่องที่มันตีหัวผมเมื่อกี้นะ) แล้วดูจากท่าทางของหนูนาตอนนี้ ผมคิดว่าถ้าบอยมันมีความกล้าอีกสักนิด รับรองมันได้ฟังข่าวดีแน่

อ่า...นี่เพื่อนๆ ผมกำลังจะมีความรักกันทุกคนแล้วใช่หรือเปล่าครับเหลืออีกสองคนสินะ...จี๊ดกับโจม

เดาไม่ออกจริงๆ ว่าใครจะเป็นรายต่อไป

สาวที่ชอบให้ผู้ชายได้กัน

กับหนุ่มที่มนุษยสัมพันธ์เข้าขั้นน่าเป็นห่วงที่เหมือนยังไม่ลืมคนเท่า

..
.
======================================================
========================================
ฮัลโหลทุกคนนนนน พาน้องปูนมาส่งค่ะ และในส่วนของโจมนั้นนน ขอติดไว้ก่อนเนาะ
เรากำลังสอบค่ะ (สอบอีกแล้ว สอบอะไรนักหนา) และถ้าสอบเสร็จคราวนี้เราจะปิดเทมอแล้วนะ
ขอโทษค่ะที่หายไปนานมากก
รักทุกคนนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 30 4.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-05-2017 22:04:53
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 30 4.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 04-05-2017 22:37:08
 :pig4: :pig4:
เทอมเขียนแบบนี้จ้า
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 30 4.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-05-2017 23:47:21
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 30 4.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-05-2017 23:48:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 30 4.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-05-2017 23:58:53
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 30 4.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-05-2017 06:07:55
 :pig4: ชอบหนูนาโหดดี
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 30 4.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 13-05-2017 20:12:00
บทที่ 31
เมื่อน้องปูนน้อยใจ


ตอนเย็นของวันนี้ผมต้องมานั่งเฝ้าเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายนัดเตะฟุตบอลกระชับสัมพันธ์เกษตรฯ-เภสัชฯ แม้ว่าจะมีมนุษย์ที่เรียนเภสัชฯ สองคนในสนามก็ตามที

อ้อ แล้วทำไมพวกเขาเหล่านี้ถึงนึกคึกลงสนามกันได้น่ะเหรอ… เรื่องมันเริ่มจากเมื่อสองคืนก่อนที่ไอ้บอยกับไอ้กล้ามันอยากจะกินหมูกระทะขึ้นมากระทันหัน พวกผมเลยเฮโลไปตามมัน แล้วบังเอิญว่าวันนั้นมีบอลฯ ลีกสำคัญที่พวกเราชื่นชอบ ทว่าพี่เดียวกับน้องชายสุดที่รักหรือก็คือไอ้กล้าและเมียมันดันเชียร์คนละฝั่ง ไปๆ มาๆ ก็เลยทาดวลเข้งกันเสียอย่างนั้น โจมกับเอื้อก็เอากับเขาด้วย มันบอกว่าเรื่องพวกนี้เป็นศักดิ์ศรีของชีวิต

กู และอีกสามชีวิตผู้ซึ่งไม่มีส่วนข้องเกี่ยวอะไรเลยก็ต้องมานั่งเป็นงกองเชียร์โง่ๆ ให้พวกมัน กลางแดดอ่อนๆ ของเวลาประมาณห้าโมงเย็น

กลับหอไปหาอะไรทำอย่างอื่นไป!!

จากการแข่งขันเล็กๆ ระดับเด็กประถมที่มีผู้ร่วมเล่นฝั่งละสามคน (มึงก็ยังเลือกจะแข่งกันนะ) ตอนนี้เร่งขยายใหญ่ขึ้นเป็นฝั่งละห้าคน (ยังห่างไกลจากของจริง) ไม่ใช่ใครอื่นครับ พี่บุ๊ค พี่มิว พี่สาม พี่โก้ เจ้าเก่าเจ้าประจำของเราเอง วันนี้พวกพี่ๆ มันไม่ได้ลงวินัยน้อง ก็เหมือนเป็นดังพรหมลิขิตที่ขีดเขี่ยให้...คนหล่อทั้งหลายมารวมตัวกัน

“ช่วงนี้เรียนหนักหรือเปล่าคะพี่ฟิ้ง ว่ากันว่าปีสามนี่ปีนรกเลยใช่มั้ย” จี๊ดที่นั่งข้างพี่ฟิ้งชวนคุย ปกติจี๊ดมันเป็นคนไม่ค่อยพูดหรอกครับ แต่แม่นางถูกใจในความ ‘เคะ’ ของพี่ฟิ้งเป็นอย่างมาก ผมก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้ ‘เคะ’ นี่มันแปลกว่าอะไร แต่คงไม่ปลอดภัยกับชีวิตพี่ฟิ้งแน่นอน

“ก็หนักอยู่นะ เพิ่งสองอาทิตย์งานก็ล้มมือแล้ว” พี่ฟิ้งเป็นคนยิ้มสวยมาก หน้าตาหน้ารักเหมือนกับตุ๊กตา เสียอย่างเดียวมาเป็นเพื่อนกับเอื้อและพี่เดียวนี่แหละ คนดีๆ อย่างนี้น่าจะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับสองคนนั้น (ผมล้อเล่นครับ แหะๆ)

“เรียนหนักขนาดนี้พี่ฟิ้งมีคนดูแลหรือยังคะ หนูช่วยหาให้เอาหรือเปล่า” น้ำเสียงกระตือรือล้นนี่คืออะไรกันจี๊ด บอกตามตรงแอบกลัวแทนพี่ฟิ้งนะ

พี่ฟิ้งหัวเราะ “ยังหรอก อีกนานกว่าจะมี ตอนนี้ก็ต้องดูแลตัวเองไปก่อน”

“โธ่...แล้วพี่ฟิ้งไม่เหงาเหรอคะ”

“ไม่หรอก พี่มีเพื่อนดีน่ะ อยู่กับพวกมันพี่ก็ไม่เหงาแล้ว” ตอบได้พระเอกมากๆ ครับพี่ฟิ้ง “ถ้าไม่ติดว่ามันมีแฟนแล้วทิ้งพี่ไปกันหมดนะ”

ประโยคสุดท้ายของพี่ฟิ้งทำให้ผมสะอึก อยากจะหันไปมองว่าคนพูดยังมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเหมือนเคยหรือเปล่า หรือตอนนี้เขาทำให้แบบไหนกัน ประโยคเมื่อกี้มันไม่ได้หมายถึงผมใช่มั้ย…

‘ฟิ้งมันหวงพี่มาก…’

“แฮ่กๆๆๆๆ” ผมหลุดจากความคิดบ้าๆ เมื่อฟ้ามันวิ่งหอบออกมาจากในสนามแล้วนั่งแปะอยู่ที่พื้นหญ้าตรงหน้าผม สภาพโคตรน่าสงสารครับ ลิ้นห้อยเป็นหมาเลย “ไอ้เชี่ยโคตรเหนื่อยยย”

“ฟ้า!! เป็นอะไรหรือเปล่า” ผัวมันตามมาหาถึงที่ครับ ก่อนจะส่งขวดน้ำเย็นเฉียบที่พวกผมเพิ่งเดินไปซึ่งมาให้กรอกปากล้างหน้าล้างตามัน แล้วใช้ชีทเรียนของวันนี้พัดให้ความเย็น

“เหนื่อยดิไอ้เชี่ยถามมากได้” ปากมถึงยังร้ายเหมือนเดิม “กูไม่ไหวแล้ว ให้เล่นต่อกูต้องเป็นลมแน่”

ก็ดีดิ พวกกูจะได้เย็น ตะลึงตึงโป๊ะ!

ขอโทษครับ ผมจะไม่เล่นอะไรแบบนี้อีกแล้ว (_ _)

“ก็สมควร เมื่อคืนพวกมึงก็หนักไม่ใช่เหรอ”

พอฟ้ามันจะเป็นลม พวกที่เหลือก็ได้โอกาสเข้ามาพัก แต่ละคนนี่สภาพไม่ไหวครับ ตัวเปียกชุ่มเหงื่อมาก แต่ความหล่อลากยังคงระดับพระเอก ยิ่งเอื้อนี่ออร่ายิ่งพุ่ง มันไปตัดผมมาใหม่ด้วยครับ ทำให้ดูลุกคุณชายเพิ่มมากอีกแปดเท่า บวกกับความล่ำและผิวที่เข้มขึ้นเล็กน้อยยิ่งทำให้ดูมาดแมนแบบที่สาวๆ ต้องเหลียวหลังกันตาค้าง

คนที่ผมนินทาอยู่ในใจทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ผมโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่ใช่อะไรครับ มันกำลังหอบอยู่ พอผมส่งน้ำไปให้ก็รีบเอาไปราดหัวทันที แถมยังสะบัดขน เอ้ย ผมใส่อีกแน่ะ สกปรกกกก

“เงียบปากไปเลยไอ้บอย”

“อะไร นี่พวกมึงได้กันแล้วหรอกเหรอ!” พี่บุ๊คแม่งไม่เจอกันสามเดือนเสียงยังคงเป็นโทรโข่งเหมือนเดิม “ไม่บอกพวกกูบ้างวะ”

“มึงคิดว่าเรื่องแบบนี้มันอยากป่าวประกาศหรือไง” พี่มิวคนเดิมเพิ่มเติมคือผมสีใหม่ ปกติพี่มิวเขาทำสีผมตลอดครับ เป็นสีโทนอ่อนทำให้พี่เขาดูเป็นคนละมุม แต่ครั้งนี้พี่มิวเปลี่ยนสีผมเป็นสีน้ำตาลเข้ม ยิ่งทำให้หน้าพี่เขาขาวขึ้นกว่าเดิม เป็นผู้เป็นคนขึ้นมากต่างกับพี่รหัสของผมโดยสิ้นเชิง

“แค่นี้ฟ้ามันจะก็งับหัวผมทุกวันอยู่แล้ว” นี่ก็เอารางวัลผัวดีเด่นไปเลย ประคบประหงมจนมันจะนอนตักอยู่แล้ว

“แล้วพวกมึงอ่ะเมื่อไหร่จะได้กันวะ เชี่ยกล้าแม่งแซงหน้าไปไกลแล้วนะ” พี่สาม มึงปล่อยกูไว้เฉยๆ ได้หรือเปล่าล่ะ ไม่ต้องดึงกูเข้าไปเกี่ยวหรอกเว้ย

“มึงเคยได้ยินป่ะสาม ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามอ่ะ” อ้าว นึกว่าจะไม่พูดแล้วนะเนี่ย “กูยังไม่รีบเว้ย พวกกูเน้นความรู้สึก ไม่ได้เน้นความหื่นเหมือนไอ้กล้า”

“อ้าวพี่เอื้อ ผมก็รู้สึกนะครับ”

“รู้สึกหื่นสิมึงอ่ะ อยากไม่พักเลย ” ไอ้ฟ้ามันด่าผัวมันครับ แต่มันคงลืมไปว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคน

“...”

เชี่ยยยยยยย ทำไมผมต้องหน้าแดงด้วยวะ แล้วไม่ใช่แค่ผม แต่จี๊ดกับหนูนาก็เช่นกัน ส่นวไอ้คนพูดนี่เหมือนจะรู้ตัวแล้วครับ

“ไอ้ฟ้าร้ายนะมึง” พี่โก้แซวเลยครับ ก่อนพี่มันจะบ่นพึมพำกับตัวเองว่า “เมื่อไหร่วันจะยอมบ้างวะ”

ผัวะ!!

“เดี๋ยวกูฟ้องวันเลยไอ้สัด!” เห็นแบบนี้พี่บุ๊คมันก็ห่วงเพื่อนมันเหมือนกันครับ ใครมารังแกพี่วันมันไม่ยอมหรอก แต่ถ้ามันแกล้งเองก็อีกเรื่อง

“คือผมหมายถึง…”

“เอาน่าน้องฟ้า เรื่องแบบนี้มันเรื่องธรรมชาติครับใครก็เป็น” พี่เดียว สายตาและรอยยิ้มมึงหน้าถีบยอดหน้ามากอ่ะ “กล้ามันทำเยอะๆ ก็ดีแล้ว น้องฟ้าจะได้ชินไง”

“พี่เดียว!!”

“ไปๆ เล่นต่อเลยพวกมึง จะได้รู้ผลไปสักที” มึงจะรีบไปไหนเนี่ยไอ้พี่บุ๊ค

“ฟ้ามันไม่ไหวแล้วพี่”

“มึงอ่ะไอ้ปูน ลงแข่งแทนเพื่อนเลย” อ้าว...เกี่ยวอะไรกับผมวะครับ ผมก็นั่งของผมอยู่เฉยๆ “ถ้ามึงไม่เล่นกูตัดมึงออกจากสาย!”

“เกี่ยวไรอ่ะ!”

“เกี่ยวดิ ตอนนี้กูเป็นพี่ใหญ่ กูจะทำอะไรก็ได้เรื่องของกู”

ผมอยากจะไปกรี๊ดใส่กหน้า (มันใช่เหรอกู) แต่ที่ทำได้คือเงียบไว้ครับ บอกเลยสภาพผมตอนนี้พร้อมลงสนามมาก รองเท้าผละเก่าๆ กับชุดนักศึกษา ใบคณะที่คนอื่นแม่งจัดเต็มด้วยกางเกงบอลและรองเท้าสตั้น

ขอบคุณกูเองที่เตรียมตัวมาดี แต่ไม่เป็นอะไรครับ ทักษะการเตะบอลของผมไม่แพ้ใครหรอก…

“ไอ้เชี่ยปูน มึงวิ่งตามบอลสิวะไม่ใช่วิ่งหนี!!” ก็วิ่งตามแล้วมันตามไม่ทันนี่หว่า

“ไอ้ปูนเอ้ย!! มึงเคยเล่นบอลป่ะวะ” ตอนกูอีกป.สองกูยังเล่นอยู่นะ ก่อนจะพบว่ามันไม่ใช่ทางเว้ย

“โอ๊ยไอ้นี่ ไปเป็นโกลว์ไปมึงอ่ะ!” โอเค กูไปเป็นผู้รักษาประตูก็ได้ แต่ว่านะ...มึงเล่นกับฝั่งเดียวไม่ใช่เหรอวะ แล้วจะมีกูไปเพื่อน

“ปูนๆ บอลไปแล้ว”

เอ๊ะ!?

ตุบ!

แล้วลูกบอลมันก็มาอยู่ใต้ส้นเท้าของสุดหล่อจนได้ แต่ว่ากูได้ลูกแล้วต้องทำไงต่อวะ จะเตะไปข้างหน้า หรือจะส่งไปข้างๆ ดีกว่า

ติ๊ก...ต่อก…

“มึงจะยืนให้ลากงอกเลยเหรอวะ! ส่งบอลต่อสิโว้ย!!” พี่บุ๊คมึงจะจริงจังห่าไรนักหนาเนี่ย กูชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ!!

ผมเลือกที่จะเลี้ยงลูกบอลไปข้างหน้าเพื่อประเคนให้ถึงฝ่าตีนท่านพี่บุ๊ค แต่ก้าวได้เพียงสองก้าวร่างสูงที่คุ้นเคยก็เข้ามาขวางเอาไว้

“ขอบอลให้พี่ได้มั้ย” เอื้อส่งยิ้มมาให้ แต่บอกเลยระหว่างเอื้อกับไอ้พี่บุ๊คกูเลือกผมก็ต้องพี่บุ๊คป่ะวะ แม้จะอยากส่งบอลให้เอื้อใจจะขาด

“ไม่ได้ ถอยไปเลย” โอ้โห อย่างกับว่าพูดไปแล้วเอื้อจะยอมถอยให้อย่างนั้นแหละกู

“น่านะ...ถ้ายอมให้ดีๆ วันนี้จะพาไปกินข้าว”

“เลี้ยงเปล่า”

“ขี้งก” มือหนายื่นมาบีบจมูกผมเบาๆ ก่อนผละออก “ยังไงก็ต้องเลี้ยงอยู่แล้วล่ะครับ”

“งั้นไปกินอาหารทะเลกัน อยากกิน” น้องปูตัวโตๆ น้องกุ้งตัวใหญ่ๆ และน้องหอย...ตัวอวบๆ หึๆๆๆ

“โว๊ย!! พวกมึงจะจีบกันก็ไปจีบกันนอกสนามโน้น!!” ไอ้พี่บุ๊คไอ้คนใจบาปหยาบช้า! ไม่เห็นเหรอว่าคนเขาคุยกันอบู่ เสียมารยาทจริงๆ เลย เอื้อมันอาศัยจังหวะที่ผมกำลังหันไปหาพี่บุ๊คแย่งลูกไปเฉยเลยครับ! ใจปาบกว่าพี่รหัสผมก็มันเนี่ยแหละ!! “เฮ้ออออ กูไม่น่าบังคับมึงมาเล่นเลยจริงๆ”

เห็นมั้ยล่ะ สมควรปล่อยผมไว้ข้างสนามน่ะดีแล้ว

จบเกม ฝ่ายผม อันประกอบไปด้วย พี่บุ๊ค พี่โก้ ไอ้กล้า ไอ้บอย และไอ้ฟ้า แพ้ยับยู่ยี้เหมือนกระดาษในถังขยะ และฝ่ายที่แพ้ต้องเป็นคนออกเงินค่าเหล้าคืนนี้ด้วย...กูว่าล่ะว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง และแม่งมีจริงๆ ด้วย เพราะว่าพอผมลงสนามไปก็ทำให้แต้มนั้นถอยหลังลงคลอง เพื่อนๆ ในทีมเลยมารุมบอกรักผม

“มึงนะมึง เพราะมึงเลยเนี่ย”

“โทษผมไม่ได้นะพี่บุ๊ค พี่บังคับผมเองอ่ะ”

“กูก็นึกว่ามึนจะพอเล่นได้ ที่ไหนล่ะ...ถามจริง ตอนเด็กๆ มึงเล่นอะไรวะ” พี่มันเหล่กอดอกมอง “เคยเล่นบอลฯ บ้างป่ะ หรือโดดแต่หนังยาง เล่นแต่หมากเก็บ”

“ก็ไม่ขนาดนั้นพี่ พอดีบ้านผมรวยอ่ะ เลยต่อหุ่นยนต์ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว อิอิ”

ผัวะ!!

ผมยกมืมอกุมหัวตัวเอง อิเชี่ยยย เจ็บบบบ

ก่อนที่พี่รหัสสุดที่รักจะได้ทำร้ายผมไปมากกว่านี้ เทพบุตรคนดีของผมก็วางแขนพาดไว้ที่ไหล่ก่อนจะดึงตัวผมให้เข้าไปหา

“วันนี้ดุปูนหลายครั้งแล้วนะพี่” ใช่ๆ ตั้งแต่ลงสนามไปกูโดนมึงตวาดมากี่ครั้งแล้วเนี่ยพี่บุ๊ค พวกมึงด้วยเลยไอ้กล้าไอ้บอย พี่ปูนไม่ยอมมมม

“แตะนิดแตะหน่อยนี่ไม่ได้เลย?” พี่มันกวนตีนครับ

“สงสารน้องเถอะ บอกแล้วว่าเล่นไม่เก่งจริงๆ” แกล้งตีหน้าเศร้าเข้าไว้พี่บุ๊คมันจะได้สงสาร

“เออๆ วันหลังกูไม่ให้มึงแข่งกีฬาห่าอะไรอีกเด็ดขาด”

เท่านี้พี่ปูนก็พอใจแล้วล่ะ

พวกเราแต่ละคนทยอยกันกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอ ก่อนจะร่วมตัวอีกครั้งที่บ้านพี่เดียว (เปลี่ยนที่บ้างก็ดี ผมเบื่อร้านพี่เติมกับห้องไอ้โจมจะตายแล้ว) พี่บุ๊คมันให้เหตุผลว่าอยากฉลองที่ได้เปิดเทมอ สาบานว่าพวกคุณๆ แต่ละคนดีใจกันจริงๆ แต่ผมว่าไม่ใช่หรอก แค่หาเรื่องแดกเหล้ากันมากกว่า ค่าเหล้าไม่เสีย (ผมไม่ต้องออกแหละ ไชไย!) แถมมีเจ้ามือกับบแกล้มเป็นพี่บุ๊คกับพี่มิว (เพราะพี่มันแก่สุดครับ) อีกด้วย บอกเลยว่าโคตรคุ้ม ไปกินฟรีอย่างเดียว ทว่าความผิดที่ทำให้ทีมแพ้ก็ต้องชดใช้ด้วยการเป็นคนซื้อของทุกอย่างในเย็นวันนี้ บอกเลยว่าผมมีผู้ช่วยมือดีอย่างคุณชายเอื้ออารีย์อยู่แล้วครับ เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ

“ไหนบอกจะพาไปกินอาหารทะเล” แกล้งงอแงไปงั้นแหละ รู้ว่าถ้ากินอาหารทะเลจริงๆ พี่บุ๊คพี่มิวหมดตัวแน่ เลยเปลี่ยนจากของทะเลสดๆ เป็นหมูกระทะกับสุกี้แทน

“เอาไว้ไปกินกันสองคนนะ” ร่างสูงส่งยิ้มให้ผมขณะหยิบลูกชิ้นใส่รถเข็น เอื้อทำให้ผมแปลกใจ เห็นคุณชายแบบนี้แต่มันเป็นคนจัดการของทั้งหมดในรถเข็นคนเดียว ทั้งเลือกเนื้อ เลือกผัก พี่เอื้อของคุณๆ เหมาหมดเลย พอถามก็ได้ความว่างตอนปิดเทมอมันว่างครับ เลยเข้าครัวช่วยแม่ทำอาหารบ่อยๆ

‘ฝึกไว้ทำให้ปูนกินนั่นแหละ’ โอ๊ยยยย ชาติที่แล้วขายขนมครกเหรอ หยอดกันอยู่นั่นแหละ นี่ใจอ่อนจนจะขอเป็นแฟนเองแล้วนะ

“ปูนเอาอะไรอีกมั้ย”

“ไม่แล้วอ่ะ”

“แล้วมึงล่ะฟิ้ง เอาอะไรอีกหรือเปล่า” ครับ เราไม่ได้มากันสองคนหรอก เอื้อแวะพี่รับพี่ฟิ้งมาด้วยแต่เพราะพี่ฟิ้งไม่มีความสามารถในการทำอาหารใดๆ ทั้งสิ้น ผมกับพี่ฟิ้งจึงไร้ประโยชน์พอๆ กัน

“ไม่เห็นมีปลาหมึกเลย” พี่ฟิ้งชะโงกหน้ามาดูในรถเข็น “ของโปรดกูนะ ลืมได้ไง”

“ไม่ได้ลืม แต่ปูนไม่กินกูเลยไม่ได้หยิบ” หูย จำได้ด้วยอ่ะว่าผมไม่กินอะไร ขนาดผมยังไม่ได้นึกถึงเลย “แต่เดี๋ยวกูไปหยิบให้ รอนี่แหละ” แล้วเอื้อก็เดินออกไปหาซื้อปลาหมึกตามที่ได้บอกไว้ ทิ้งผมไว้กับพี่ฟิ้งสองคน

คุณเคยมีความรู้สึกอึดอัดเวลาต้องอยู่กับใครบางคนตามลำพังบ้างหรือเปล่า แบบว่าคุณแอบภาวนาในใจตลอดว่าขออย่าให้ได้อยู่กับเขาเลย ไม่อยากอยู่กับเขาแค่สองคน มันไม่รู้จะคุยอะไร เหมือนมีกำแพงเล็กๆ ก่อขึ้นอยู่ในหัวใจ สารภาพเลยว่าผมรู้สึกแบบนี้กับพี่ฟิ้ง เวลาอยู่กับพี่เขาผมจะทำตัวไม่ถูก และไม่รู้จะคุยอะไรด้วยทุกครั้ง พี่ฟิ้งเองก็ไม่ค่อยชวนผมคุยเท่าไหร่ ทั้งที่พี่เขาเป็นคนคุยเก่งและอัธยาสัยดีคนหนึ่ง

พี่ฟิ้งกับพี่เดียวต่างเป็นเพื่อนสนิทเอื้อ แต่บรรยากาศของทั้งสองคนสำหรับผมมันต่างกัน บอกเลยว่าผมชอบพี่เดียวมากกว่า ถึงพี่เขาจะเป็นคนโผงผางขี้แกล้ง ทว่ากลับเข้าถึงได้ง่าย ผิดกับพี่ฟิ้งที่เหมือนพี่เขามีอะไรในหัวใจตลอดเวลา

“ปูนกับเอื้อคบกันหรือยัง” ผมสะดุ้งที่พี่ฟิ้งถามขึ้นตอนผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ เห็นหน้าเอ๋อๆ ของผมแล้วพี่ฟิ้งคงรู้ว่าเมื่อกี้ผมไม่ได้ฟัง เลยถามใหม่อีกรอบ “พี่ถามว่าปูนกับเอื้อเป็นแฟนกันหรือยัง”

“...ยังไม่ได้เป็นแฟนกันครับ” เอื้อยังไม่เคยเอ่ยปากเรื่องนี้เลสักครั้ง ตอนแรกผมคิดว่ามันจะขอทันทีที่ผมกลับมามอ เสียอีก แต่ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร ดูกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ดี มันแน่นอนดี

“ก็แปลกดีนะ ไม่คิดว่าเอื้อจะรอได้นานขนาดนี้” พี่ฟิ้งส่งยิ้มมาให้ แต่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีเลยในเมื่อดวงตาของพี่เขายังคงเรียบเฉย “ถ้าเป็นเอื้อเมื่อก่อนคงไม่สนใจไปนานแล้ว มันเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรยุ่งยาก เอื้อมันเป็นคนขี้เบื่อมาตั้งแต่ไหนแต่ไร” ผมยังคงเงียบและฟังว่าพี่ฟิ้งจะพูดอะไรต่อ ตอนนี้รอยยิ้มที่พี่ฟิ้งมีให้ผมมันได้เลือนหายไปแล้ว “ปูนเป็นคนโชคดีมากเลยนะ...โชคดีมากจริงๆ”

ผมกำลังจะตอบขอบคุณพี่ฟิ้งไปอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าเสียงพูดของผู้หญิงกลุ่มข้างๆ เราดังขึ้นมาเสียก่อน

“มึงจะยอมโดนแย่งเหรอ”

“กูจะยอมได้ยังไง” อีกคนตอบกลับมาด้วยเสียงหนักแน่น “กูไม่มีทางยอม กูรักของกู ยังไงเขาก็ต้องกลับมาเป็นของกูให้ได้”

อือ ช่างเป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวดีแท้

“อย่างนี้สิวะ ของๆ ใคร ใครก็รัก ไม่มีทางยอมให้คนอื่นเอาไปหรอก” เพื่อนเธอตอบกลับมา ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากรัศมีการได้ยินของเรา

“ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวนะครับ หมดยุคนางเอกแสนดีแล้ว” ผมหันไปส่งยิ้มให้พี่ฟิ้งแต่สายตาที่มองกลับมาทำให้ผมชะงัก

“มันก็ถูกของเขาแล้วไม่ใช่เหรอ ใครจะยอมปล่อยให้ของๆ เราไปเป็นของคนอื่นได้”

“...นะ นั่นสินะครับ”

“ของๆ ใคร ใครก็หวง...อะไรที่มันเป็นของเรา เราก็ต้องได้คืน”

ในหัวของผมว่างเปล่าไปชั่วขณะ ประมวลผลในสิ่งที่พี่ฟิ้งพูดและการแสดงออกทางสายตาของเขา รอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากบ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้ต้องคิดอะไรไม่ดีอยู่อย่างแน่นอน แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรกลับไป เอื้อก็เดินกลับมาพร้อมกับปลาหมึกถุงใหญ่ที่รู้ว่าต้องซื้อมาเอาใจพี่ฟิ้งแน่นอน

“มึงซื้ออันนี้มาเลยเหรอวะ แพงนะ พี่บุ๊คได้ด่ามึงแน่”

“ไม่เป็นไร อันนี้กูออกให้ก็ได้ เพื่อมึงโดยเฉพาะ”

“กูต้องดีใจมั้ยเนี่ย”

“หึๆ ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว”

วันนี้ผมเพิ่งได้รู้ว่าการหาเสียงตัวเองไม่เจอชั่วขณะมันเป็นยังไง

..
.
บ้านพี่เดียวจัดว่ากว้างขวางเลยทีเดียว ทั้งที่อยู่ในกลางเมืองแต่อาณาบริเวณที่มีก็มากพอให้เราจัดปาร์ตี้คนเซี่ยนเหล้าได้ แถมพ่อกับแม่พี่เดียวก็ใจดีมากๆ เลยครับ ต้องรับพวกผมดีมาก แถมทะขนมให้พวกผมกินเล่นอีกต่างหาก พวกท่านบอกดีใจที่พี่เดียวมีเพื่อนสักที (โธ่ พี่เดียว) พี่เขาเป็นลูกคนเล็ก มีพี่สาวหนึ่งคนที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ ด้วยความที่พ่อกับแม่กลัวเหงาเลยไม่ให้พี่เดียวไปเช่าหออยู่เอง

พวกเรานั่งเล่นกันที่สวน บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และเสียงดนตรีจากกีตาร์โปร่งตัวเก่งของโจมซึ่งบรรเลงโดยไอ้บอย และขับร้องโดยหนูนา เพลงที่บอยเลือกจะเล่นเป็นเพราะของนักร้องสาวที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าใครฟังก็ต้องจำได้ และเนื้อหาของเพลงก็เป็นเนื้อหาของการแอบรักเพื่อน

ครับ...เพลง ‘เพื่อนสนิท ของ endrophine’ นั่นเอง

ทำไมรู้สึกว่ามึงร้องเพลงจีบกันเลยวะ

“...ปิดบังอยู่ตั้งนาน แหละมันอัดอั้นใจ
ยิ่งเราใกล้ชิดกัน ยิ่งหวั่นไหว
เธอสบตา กลับหลบตาเธออยู่เรื่อยไป

ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันก็แสนไกล
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป (ว่ารักเธอ)”

มองพวกมันสองคนก็ได้แต่อมยิ้มครับ สายตาที่บอยมองหนูนามันหวานซึ่งเสียอย่างกับว่าในโลกนี้มีแค่พวกมันอยู่สองคน บอกตามตรงว่าทนดูนานๆ มันก็เลี่ยนพอสมควร คิดได้อย่างนั้นผมเลยหันมองไปทางอื่น และก็ต้องหยุดสายตาไว้ที่ใครคนหนึ่งที่มองตามร่างของใครอีกคนอยู่ตลอดเวลา

“ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันก็แสนไกล
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท
ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป ว่ารักเธอ”

เพื่อนสนิท : Endrophine

สายตาที่สื่อความหมายไม่ต่างอะไรจากบอยเลยสักนิด สายตาที่เต็มไปด้วยความรักและชื่นชม สายตาที่เป็นประกายสุกใสระยับยามเมื่อได้มองเขาคนนั้น แต่ก็หม่นแสงในบางครั้ง และหลบสายตาไปมองทางอื่นเมื่อเขาหันมามอง

สายตาของคนแอบรัก…

หมับ…

สัมผัสหนักๆ เกิดขึ้นที่หัวของผมก่อนที่เจ้าของสัมผัสจะลูบหัวผมเบาๆ แล้วนั่งลงข้างกันที่เดิม เป็นจังหวะเดียวกับที่สายตาของ ‘ใครคนนั้น’ มองมาทางผม

ซึ่งนั่นหมายความว่า…

“นั่งเหม่ออะไร แอบคิดถึงใครหรือไง” เสียงทุ้มคุ้นหูถามขึ้น ผมหันไปมองเอื้อก่อนจะส่ายหน้า “ดีมากที่ไม่ได้คิดถึงใคร”

“ที่ส่ายหน้าหมายถึงไม่ได้แอบคิด แต่คิดถึงเลยต่างหาก

“คิดถึงใคร” เปลี่ยนเสียงเป็นเข้มขึ้นทันที ผมอมยิ้มแล้วส่ายหน้าอีกครั้ง อยากแกล้งคนขี้หึงขึ้นมา แต่มันยิ่งทำให้เอื้อคุกคามผมมากขึ้น ใบหน้หล่อเหลาโน้มมาหา จ้องมองไม่วางตา “บอกมาว่าคิดถึงใคร”

“ไม่บอก”

“ให้โอกาสอีกครั้ง จะบอกไม่บอก…”

“ไม่...บอก...!” และผมก็พบว่าการแกล้งให้เอื้อหึงเป็นอะไรที่โคตรไม่ควรกระทำเลย โดยเฉพาะตอนที่เราอยู่กันในที่สาธารณะแบบนี้

จุ๊บ…

เอื้อจุ๊บปากผม!! ผมรีบหันไปมองรอบด้านทั้ง โชคดีเหลือเกินที่ไม่มีใครสนใจเราสองคน คนอื่นเอาแต่ไปรวมกลุ่มกันนั่งฟังพี่บุ๊คแหกปากร้องเพลงต่อจากไอ้บอยอยู่

“ทำอะไรเนี่ย!” ผมกระซิบดุ คิดว่าตอนนี้หน้าต้องแดงมากๆ แน่นอน “ไม่ได้อยู่กันแค่สองคนนะ”

“แสดงว่าถ้าอยู่สองคนก็ทำได้เหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วอย่ามายิ้มสิ ทำไมเวลาทำผิดชอบยิ้มกลบเกลื่อนอยู่เรื่อย” ใช้มือดันหน้าที่ประดับรอยยิ้มล้อเลียนของอีกฝ่ายออกไปห่างๆ ไม่อยากเห็นครับ มันเขินไม่ไหวแล้ว แต่คุณชายเขาไม่ยอม กลับแกล้งจูบฝ่ามือของผมที่แปะอยู่ตรงปากของมันซ้ำๆ “เอื้อ!”

จะหื่นใหญ่แล้วนะ! โคตรอันตรายเลย นี่เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันนะลืมแล้วเหรอ

“เสียงดังทำไม เดี๋ยวคนอื่นก็หันมามองหรอก” อยากจะเถียงเหลือเกินว่าคนอื่นจะมองก็เพราะท่าทางล่อแหลมของคุณนั่นแหละครับ! “ตกลงจะบอกหรือยังว่ามัวแต่คิดถึงใครอยู่ หรืออยากโดนลงโทษอีก”

“นี่ ไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นโหดเลยนะ ก็รู้นี่ว่าเมื่อกี้ปูนแกล้ง”

คนถูกจับได้แจกยิ้มกว้าง “ยอมรับว่าแกล้งกันแบบนี้คงต้องโดนลงโทษแล้วล่ะ”

ผมตาโตรีบลุกขึ้นเตรียมจะเดินหนี แต่ติดที่หันไปเห็นใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังเอื้อเสียก่อน “พะ พี่ฟิ้ง…” เมื่อกี้เห็นป่ะวะ เห็นฉากที่เอื้อมันแอบจุ๊บผมหรือเปล่า

“หือ?” เอื้อครางในลำคอก่อนจะหันไปมองบุคคลที่สาม “มีอะไรหรือเปล่า”

“กูอยากกลับแล้วอ่ะ รู้สึกมึนๆ ยังไงไม่รู้” พี่ฟิ้งบอกพร้อมยกมือขึ้นกุมหัว

“เมาเหรอ”  ร่างเล็กกว่าพยักหน้าแบบขอไปที ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ จะผิดหรือเปล่าถ้าในใจผมประท้วงไม่อยากให้พี่ฟิ้งเข้ามาภายในบริเวณที่เป็นของเราสองคน

ความหวาดระแวงในใจมันก่อตัวมากขึ้นทุกที ผมไม่เคยอยากเป็นคนขี้ระแวง และไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนแบบนี้ด้วย ปกติถึงผมจะเป็นคนคิดอะไรเยอะ แต่ก็ไม่เคยคิดใส่ร้ายใคร แต่กับพี่ฟิ้งมันมีอะไรบางอย่างที่ต้องทำให้ผมรู้สึกว่าพี่เขาคิดไม่ซื่อ

 เอื้อหันมาส่งยิ้มละมุนให้ผม ถ้าเป็นปกติผมคงเขินอายหรือเคลิ้มไปกับมัน แต่ตอนนี้ไม่เลยสักนิด “กลับกันเถอะ”

“...” ผมนิ่ง ไม่ยอมขยับไปไหน บอกตามตรงว่าไม่อยากให้เอื้อไปจากตรงนี้เลย ผมไม่เข้าใจ ทำไมเอื้อจะต้องยอมพี่ฟิ้งตลอด ถ้าผมขอไม่กลับ เอื้อจะทำหรือเปล่า

“เป็นอะไร ยังไม่อยากกลับเหรอ”

“อือ” ผมพยักหน้ารับ อยากลองเอาแต่ใจดูบ้าง อยากรู้ว่าระหว่างผมกับพี่ฟิ้งนั้น เอื้อจะเลือกใครก่อนกัน

“งั้นเดี๋ยวกูกลับเอง”

เอื้อลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลับมาว่า “เอางี้ เดี๋ยวพี่ไปส่งฟิ้งก่อนแล้วกลับมาหาปูน”

เอื้อก็คงจะต้องเลือกพี่ฟิ้งก่อนอยู่แล้ว… ผมน่าจะเดาได้ เขาเป็นเพื่อนรักกัน มิตรภาพที่เหนียวแน่นจนไม่มีใครสามารถแยกได้

“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวปูนกลับกับโจม จะได้ไม่ต้องวนไปวนมา เสียเวลา”

“ไม่เอาดิ เดี๋ยวพี่กลับมาหา ที่จริงก็ยังอยากสนุกกับเพื่อนอยู่ด้วย”

แล้วทำไมไม่ให้พี่ฟิ้งกลับเองล่ะ… ผมได้แต่ถามอยู่ในใจ ไม่กล้าพูดออกไปเพราะรู้ว่ามันงี่เง่าสิ้นดีแ ล้วสุดท้ายก็ได้แต่ส่งยิ้มให้เอื้อและพยักหน้ารับแบบขอไปที

ผมเดินมาส่งทั้งคู่ที่รถ ได้แต่ยืนมองพี่ฟิ้งขึ้นไปนั่งตรงตำแหน่งประจำที่เป็นของผม นั่งตรงที่ๆ ได้ใกล้กับเอื้อมากที่สุด แม้ว่าเอื้อจะหันมาส่งยิ้มให้ มันก็ไม่ได้ทำให้หัวใจผมรู้สึกสงบลงเลย เมื่อเอื้อเปิดประตูรถ ในใจก็ประท้วงให้ห้ามเอาไว้ ทว่าขาทั้งสองข้างกลับไม่ขยับไปไหน ผมเหมือนโดนสะกดให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ล้วมองสองคนจากไปจนสุดสายตา

แย่…

ผมโคตรรู้สึกแย่ จนอยากจะร้องไห้ออกมา

“มึง…” เสียงเรียกนั้นไม่ได้ทำให้ผมหันไปมอง ฟังจากเสียงก็รู้ว่าเป็นโจม “โอเคหรือเปล่า”

“โอเคกูก็เก่งเกินไปแล้ว” เป็นครั้งแรกที่ผมยอมรับออกมาง่ายดาย เพราะข้างในมันรู้สึกแย่จริงๆ “กูแม่งโคตรงี่เง่าเลยว่ะ เขาเป็นเพื่อนกันแท้ๆ กูยังคิดบ้าบออะไรก็ไม่รู้”

“...”

“กูคิดว่าพี่ฟิ้งชอบเอื้อ” แค่คิดถึงตรงนี้ ขาผมก็ไม่มีแรงแล้วได้แต่ทรุดตัวลงนั่งที่ฟุตบาท “กูเห็นสายตาที่เขามองเอื้อ  ทุกสิ่งที่เขาทำมันบอกทั้งหมดว่าเขาคิดยังไง สำหรับพี่ฟิ้งเอื้อไม่ใช่แค่เพื่อน...และกูว่าไม่ใช่มาตั้งนานแล้ว”

“แต่สำหรับพี่เอื้อแล้วพี่ฟิ้งก็เป็นแค่เพื่อน”

ผมเค้นยิ้มกับสิ่งที่โจมพูด “ทำไมกูไม่คิดอย่างนั้นเลยวะโจม”

ตอนนี้ใจในของผมมันสับสน มันแบ่งออกเป็นสองข้าง ข้างหนึ่งคือเชื่อว่าเอื้อไม่คิดอะไรกับพี่ฟิ้ง อีกข้างมันกลับไม่แน่ใจ และคิดว่าจริงๆ เอื้ออาจจะยังไม่รู้ใจตัวเอง

“วันนี้พี่ฟิ้งเขาบอกกับกูว่า ‘อะไรที่มันเป็นของเรา เราก็ต้องได้คืน’ มึงว่าพี่เขาหมายถึงอะไรวะโจม”

“...”

“ถ้าพี่ฟิ้งทวงเอื้อคืนไป...” แค่คิดถึงตรงนี้ผมก็ใจหาย แค่คิดว่าจะต้องคืนเอื้อไป แค่คิดว่าตัวเองจะไม่มีเอื้อหัวใจก็ปวดขึ้นมาเสียอย่างนั้น

นี่ผมตกหลุมรักที่ผู้ชายคนนี้ขุดไว้เรียบร้อยแล้วจริงๆ สินะ ข้างในมันถึงได้เจ็บจนต้องร้องไห้ออกมา

ตอนที่ผมรู้สึกรักอีกฝ่ายไปแล้ว และผมรู้สึกว่าสุดท้ายผมจะต้องเสียงเอื้อไป…

“กูไม่รู้จะทำยังไงให้มึงดีขึ้น” เพื่อนของผมสารภาพออกมา “แต่กูจะนั่งตรงนี้เป็นเพื่อนมึงจนกว่ามึงจะโอเคแล้วกัน”

..
.
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP 30 4.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 13-05-2017 20:13:40
ผมมันเป็นพวกชอบหนีปัญหา ชอบหนีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และเป็นพวกชอบพึ่งพาคนอื่นอยู่เรื่อยไป

ปังๆๆๆๆ!!

ประตูห้องนอนถูกเคาะเสียงดังลั่น มันไม่ใช่ฝีมือเจ้าของห้องอย่างโจมแน่นอน

“ปูนอยู่ในนั้นใช่มั้ย!!” เอื้อจริงๆ ด้วย ผมคิดไว้แล้วไม่มีผิด “ปูน!!!”

“มันคงหลับไปแล้วล่ะพี่” เสียงโจมดังแทรกขึ้นมา

“หลับแล้วก็ต้องออกมาคุยให้รู้เรื่อง!” เอื้อตะคอกกลับ “โจมมีกุญแจหรือเปล่า เอามาเปิดให้พี่เดี๋ยวนี้!”

“...ถ้าปูนมันไม่ออกมาเจอพี่ แปลว่ามันคงไม่อยากคุยอะไรกับพี่”

“แต่พี่ต้องคุย...โจม พี่ต้องคุยกับปูน”

เสียงของโจมเงียบไปสักพัก ผมได้แค่ภาวนาขอให้โจมเดินเข้าห้องแล้วปิดประตูนอนไปเลย ไม่ต้องสนใจเอื้อที่กำลังบ้าคลั่งในตอนนี้ แต่แล้วโจมก็ทำให้ผมผิดหวังเมื่อประตูห้องเปิดออกในที่สุด

ผมซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม จิกมือเอาไว้แน่น แม้แต่หายใจยังไม่กล้า

“คุยกันดีๆ แล้วอย่าลงมือกับเพื่อนผม”

“พี่ไม่มีทางทำร้ายปูน” เสียงทุ้มตอบกลับ ตามมาด้วยเสียงบานประตูที่ปิดลง

พรึบ!!

ผ้าห่มผืนหนาถูกกระชากออกจากตัวอย่างรวดเร็ว ร่างสูงก้าวมาหาผมอย่างรวดเร็วก่อนจะกระโจนลงมาบนเตียง ขึ้นคร่อมผมเอาไว้ มือหนาตรึงมือผมไว้เหนือหัวทั้งสองข้าง อีกมือหนึ่งยกขึ้นมาปิดปากไม่ให้ผมส่งเสียอะไรออกมาได้ ผมรู้สึกกลัวเอื้อ สีหน้าดุดันและสายตาโกรธจัดของอีกฝ่ายทำให้ผมไม่กล้าต่อต้านหรือขัดขืน กลิ่นแฮลกอฮอล์ที่สัมผัสได้ดูฉุกกว่าเก่า

ที่บอกว่าจะไม่ใจร้ายด้วย...ลืมไปแล้วหรือเปล่านะ

“ทำแบบนี้ทำไมปูน” ถึงจะถามผม แต่มือ็ยังปิดปากผมไว้เหมือนเดิม “ไม่พอใจอะไรพี่ถึงได้หนีมาแบบนี้”

“...”

“สนุกมากหรือเปล่าที่ได้ปั่นหัวกันน่ะหา!!” ผมสะดุ้ง เอื้อไม่เคยตวาดผมแบบนี้ ไม่เคยเสียงดังใส่ ไม่เคยดูเลยแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งที่เอื้อทำ มันเรียกน้ำตาที่แห้งหายไปของผมให้ไหลออกมาอีกครั้ง ร่างสูงชะงัก ดูจะแปลกใจไม่น้อยที่ผมร้องไห้ง่ายๆ ทั้งที่ปกติไม่เคยมีน้ำตาให้เห็น “ปูน พี่…”

“ออกไป!” เอ่ยปากไล่ ความน้อยใจผสมปนเปกับความโกรธจนรู้สึกไม่อยากเห็นหน้าอีกฝ่าย ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการจากมือทั้งสองข้างแต่ก็ยากเหลือเกิน ยิ่งมาดิ้นมาเท่าไหร่ เอื้อก็ยิ่งกดแขนทั้งสองข้างของผมไว้แน่เท่านั้น “ปล่อย…!”

“ใจเย็นก่อนปูน” กลายเป็นว่าตอนนี้ผมเป็นฝ่ายที่โกรธแทนเอื้อ “ปูน!!”

“บอกให้ออก...อื้อออ!!”

บ้าที่สุด!! แบบนี้ผมก็ไม่มีทางชนะเอื้อเลยน่ะสิ ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายประทำอยู่ฝ่ายเดียวด้วย แบบนี้มันเกินไปแล้วนะ ทำไมต้องมาจูบกันด้วย รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่สามารถต้านทานสัมผัสเหล่านี้ได้เลย น้ำตาผมยังคงไหล แม้ว่าจะตอบรับจูบจากเอื้อแล้วก็ตาม จากที่ขัดขืนในตอนแรกก็กลายมาเป็นโอนอ่อนตามจังหวะการชักนำของอีกฝ่ายจนได้

ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ เกลียดที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ห้ามใจกับเอื้อไม่ได้เลย ยิ่งเอื้อให้ผมมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งต้องการมันมากเท่านั้น แล้วผมจะทำอย่างไรหากวันนี้จะไม่มีเอื้ออีกต่อไป…

เสียงแลกน้ำลายดังก้องไปทั่วห้อง เรียกความเขินอายให้กับผมได้เป็นอย่างดี แต่คงไม่ใช่สำหรับเอื้อ เพราะยิ่งได้เสียงเสียงครางมากเท่าไหร่ ความร้อนแรงให้รสจูบก็ยิ่งเพิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

“อือ...อ่า…” ร่างสูงเปลี่ยนเป็นจู่โจมที่หลังใบหู ก่อนจะจูบซับเรื่อยมาถึงต้นคอ ผมนิ่วหน้าเมื่อเอื้อกััดลงไปรอบๆ บริเวณนั้นเบาๆ ความเจ็บที่ได้รับยิ่งทำให้ผมตื่นเต้นมากกว่าเก่า

ผมมีสติอีกครั้งตอนที่มือหนาเลื่อนเข้ามาในเสื้อ และสัมผัสที่หน้าท้องอย่างจงใจ

“ยะ อย่า…”  แม้ปากจะห้าม แต่ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงในการขัดขืน ไม่ว่าตัวเองจะโดนอีกฝ่ายสัมผัสที่ใด มันก็อ่อนระทวยไปเสียทุกครั้งจนไม่อาจจะห้ามความต้องการที่มีอยู่ลึกลงไปในหัวใจได้

ส่วนเอื้อก็เหมือนจมลงในความลุ่มหลง และยากที่จะถอนตัว… แต่แล้วทุกอย่างก็เหมือนหยุดนิ่งเมื่อผมดันไปนึกถึงคำพูดของตัวเองที่บอกกับโจมเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา

‘พี่ฟิ้งชอบเอื้อ’

ถ้าเป็นคนอื่นผมจะไม่มีทางยอมเสียเอื้อไปเลย เป็นใครผมก็จะสู้ แต่ถ้าเป็นพี่ฟิ้ง ผมไม่รู้จะสู้อย่างไร

“อึก...ฮือ…”

เอื้อหยุดทุกการกระทำแล้วเงยหน้าขึ้นมองผมที่สะอื้นไห้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างสูงโยนเสื้อที่แขนทิ้งลงข้างเตียงแล้วพุ่งตัวขึ้นมาปลอบประโลมผมไว้ด้วยอ้อมกอดอบอุ่น

“เป็นอะไรปูน กลัวเหรอ…”

“...” ส่ายหน้าแต่ก็พยักหน้าในตอนสุดท้าย ผมไม่ได้กลัวที่เอื้อจะทำอะไร แต่ผมกลัวว่าถ้าเกิดเรื่องในคืนนี้มันเกิดขึ้นแล้วผมต้องเสียเอื้อไปต่างหาก

“ชู่...ไม่ร้องนะ ทำไมวันนี้ขี้แยจังเลย”

ผมอยากจะถามกลับว่ามันเป็นเพราะใครกันเล่าที่ทำให้ผมต้องเป็นคนขี้แยแบบนี้ แต่ส่งที่ทำได้กลับเป็นคำพูดสั้นๆ เพื่อขอร้องอีกฝ่ายว่า “อย่าโกรธปูนนะ”

“ไม่โกรธหรอก พี่เคยโกรธปูนลงที่ไหน” ว่าแล้วก็บรรจงจูบหน้าผาก

“ไม่...อึก...ไม่จริง เมื่อกี้เอื้อดุ…”

“ที่พี่ดุเพราะพี่เป็นห่วงปูนต่างหาก พอรู้ว่าปูนหายไปพี่ก็กังวล กลัวว่าปูนจะเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงเอื้อเหมือนกำลังเล่านิทานกล่อมเด็กน้อยซึ่งก็คือผม “พอเจอหน้าปูนก็เบาใจ แต่ยอมรับว่าตอนนั้นมันโมโหมาก ทำได้ยังไงปล่อยให้พี่ตามหาปูนแทบบ้า ตัวเองมานอนห่มผ้าสบายใจ”

“ไม่ได้สบายใจสักหน่อย” ผมเถียง แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรปากดีออกไปเลย

“หือ? ไม่สบายใจเรื่องอะไร” เอื้อรอฟังคำตอบจากปากผม แต่รอนานขนาดไหนผมก็ไม่ยอมพูดออกมาสักทีอีกฝ่ายเลยไม่คาดคั้นอะไรต่อ “โอเค วันนี้จะยอมปล่อยไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเด็กขี้แยร้องไห้อีก”

ผมเม้มปากแน่น คำก็ขี้แย สองคำก็ขี้แย ผมเพิ่งร้องไห้ให้เอื้อเห็นแค่ครั้งเดียวเองเถอะ

“เสียดายจัง ทั้งที่เกือบจะ ‘ได้’ แล้วเชียว” แกล้งกระซิบข้างหูแล้วเป่าลมร้อนๆ ใส่ ให้ผมได้อายเล่น “สัญญาว่าคราวหน้าจะไม่พลาดแบบนี้อีก”

งื้ออออ มันจะไม่มีครั้งหน้าอีก ผมจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเผลอใจง่ายๆ อีกแล้ว!

เอื้อขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่จะติดรถไว้ทุกครั้ง วันนี้เราสองคนตกลงกันว่าจะนอนค้างที่ห้องโจม หนึ่งคือมันดึกมากแล้ว สองคืนเอื้อขับรถไม่ไหว (และผมก็ขี้เกียจด้วย) ผมอดรู้สึกผิดไม่ได้ ทั้งที่เอื้อก็บอกอยู่แล้วว่าตัวเองมึนๆ (และเหมือนว่าจะเมาด้วยครับ) แต่เอื้อก็ยังอุตส่าห์ขับรถออกมาหาผมถึงหอโจม ระหว่างนั้นก็โทร.หาผมเป็นหลายสิบสาย แต่ผมจงใจที่จะไม่รับเลยสักสาย

พรุ่งนี้ผมต้องตาบวมแน่ๆ วันนี้ร้องไห้ไปกี่รอบแล้ววะ ตุ๊ดฉิบหาย ดีนะคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบคือไอ้โจม ถ้าเป็นไอ้กล้าล่ะก็ผมโดนล้อยันแก่เลยล่ะ

“บอกให้นอนไปก่อนไง” เอื้อแทรกผ้าห่มเข้ามานอนข้างกันแล้ว เหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเอื้อเข้าห้องน้ำไปกว่าครึ่งชั่วโมง!

“เข้าไปทำอะไรนาน” ด้วยความสงสัยก็เลยหลุดปากถามไปอย่างรวดเร็ว

“ยังจะถามอีก ไม่รู้สึกๆ เหรอว่าพี่เข้าไปทำอะไร” อะไรวะ ใครมันจะรู้ ไม่ได้เข้าไปช่วยอาบเสียเมื่อไหร่ พอเห็นว่าผมคงคิดไม่ออกแน่ๆ เอื้อก็เลยเฉลย “เล่นยั่วพี่ให้อยากแล้วก็มาจากไปขนาดนั้น...คิดว่าพี่จะต้องทำยังไงถึงได้กลับมานอนข้างปูนใหม่ได้ล่ะ”

ทำยังไง…

อย่าบอกนะว่า…!!

“ทะลึ่ง!” ผมต่อว่าทั้งที่หน้าร้อนผ่าว เรื่องแบบนี้ยังจะเอามาบอกกันอีกนะ (ได้ข่าวว่าเป็นคนถามเขาเอง)

“ก็ถึงบอกไงว่าคราวนี้พี่ไม่พลาดแน่ รับรองเลยว่าพี่จะไม่ไปทำเองแบบนี้เด็ดขาด”

ผมส่งค้อนวงใหญ่ๆ ใส่หน้าที่กำลังยิ้มทะเล้นของอีกฝ่ายแล้วพลิกตัวหันหน้าไปอีกฝั่ง ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมทั้งตัว เหลือแค่จมูกไว้ใช้หายใจ

หมับ

แรงกอดรัดถูกส่งมาจากด้านหลัง ก่อนที่ตัวผมจะถูกดึงให้ไปติดกับอกกว้างและอุ่นของอีกคน และเพราะผมหนาวหรืออะไรก็ไม่รู้ ทำให้ผมไม่ขยับตัวหนี กลับเป็นฝ่ายที่เบียดเข้าหาแทน

“พี่อยากกอดปูนแบบนี้ทุกคืนเลย”

“...” ผมปิดตาลงรับสัมผัส พลางคิดไปว่าตัวเองก็อยากรู้สึกอบอุ่นแบบนี้ทุกคืนเหมือนกัน

“ฝันดีนะครับ เด็กขี้แยของพี่”

ผมหลับตาลง ทั้งที่ภายในใจยังไม่สงบเท่าที่ควร

=============================================================
============================================
สอบเสร็จแล้วค่าาาาาาาา เยยย้!!
มาบอกแค่นี้แหละค่ะ ฮ่าๆๆ
ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ
รักทุกคนเลยนะะะ :)
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 30 13.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-05-2017 20:50:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 30 13.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-05-2017 21:03:23
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 30 13.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 13-05-2017 22:14:07
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 30 13.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-05-2017 22:28:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 30 13.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 13-05-2017 22:46:08
ว่าละว่าไม่ใช่อาการหวงเพื่อนธรรมดา  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 30 13.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-05-2017 01:52:32
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 30 13.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-05-2017 09:50:09
เจอแบบปูนไม่อึดอัดให้รู้ไป :katai1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 30 13.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-05-2017 14:47:57
สุดท้ายฟิ้งทำไปทั้งหมดก็เพราะแอบรักเพื่อนอย่างเอื้อ
แล้วเอื้อล่ะรู้ สงสัย หรือแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้
จะว่าไปการกระทำของเอื้อต่อฟิ้ง ก็ชวนให้คิด
ชวนให้เข้าข้างตัวเองอยู่นะ และที่แน่ๆ
ให้ฟิ้งคิดว่าที่ผ่านมาเอื้อเป็นของตัวเอง
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 30 13.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-05-2017 16:00:54
เอื้อไม่ใช่สิ่งของค่ะฟิ้ง

คน ไม่ใช่ ทำยังไงก็ ไม่ใช่

หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 30 13.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 20-05-2017 22:28:24
Side story: ตอน ต่างกรรม ต่างวาระ

ครึ่งหลัง

สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือความบังเอิญ

“โจม นี่พี่ว่านนะ หลานชายลุงชู” สายวันหนึ่งขณะที่ผมกำลังทำงานอยู่ในสวนหลังบ้าน แม่ก็ให้แจมมาเรียก ก่อนจะพาชายหนุ่มคุ้นหน้า แต่ไม่คุ้นเคยมาแนะนำ “เห็นว่าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เคยเจอกันบ้างหรือเปล่า”

“ไม่ครับ/เคยครับ” คำตอบแรกเป็นของผม บ่งชี้ชัดเจนว่าไม่อยากสานต่อความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายไม่ว่าจะกรณีใดๆ ทั้งสิ้น

“เอายังไงหนุ่มๆ เคยหรือไม่เคยเจอ”

“...” พี่ว่านเงียบ ผมก็เงียบ

“ยังไงกันนี่สองคนนี้” แม่มองเราสองคนสลับกันด้วยความสงสัย ก่อนจะกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา “สวัสดีพี่เขาเสียโจม”

ผมเก็บสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะยกมือไหว้และก้มหัวสวัสดีตามมารยาทไทยที่แม่ได้อบรมมาตั้งแต่เด็ก ยังไงเสียผมก็อายุน้อยกว่าพี่ว่าน ตามธรรมเนียมไทยแล้วต้องไหวัทักทายพี่เขา

“สวัสดีครับ”

“อ่า...สวัดดีครับ” พี่ว่านยกมือไหว้รับ ก้มหัวลงมาด้วย ท่าทางงกๆ เงิ่นๆ ทำให้ผมหลุดยิ้ม “ออ แหะๆ บังเอิญว่าผมไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้น่ะครับ” ว่าแล้วก็ยกมือเกาหัวพร้อมกับส่งรอยยิ้มแห้งแล้งมาให้

“ไม่เป็นอะไรจ้ะ ค่อยๆ เรียนรู้กันไปนะ ให้โจมช่วยสอนก็ได้” แม่ยิ้มพยักหน้ารับ แล้วหันมาหาผม “ว่านเขามางานแต่งงานของอรน่ะ เลยแวะมาเยี่ยมคุณลุง แล้วว่าจะอยู่เที่ยวที่ี่นี่ช่วงปิดเทมอ ยังไงก็รู้จักกันแล้ว พาพี่เขาไปเที่ยวด้วยแล้วกันนะ”

ในใจผมประท้วงเลยว่าไม่เชื่อเรื่องที่แม่บอก ยิ่งมองหน้าพี่ว่านที่ส่งยิ้มมาให้ก็ยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่ แต่สิ่งที่ทำได้คือตอบตกลงไปก่อน

“เย็นนี่ว่านกับลุงชูก็มาทานข้าวกับที่บ้านเราเลยนะ” พูดไว้แค่นั้นก่อนที่แม่จะเดินหายเข้าไปในบ้าน ทิ้งผมไว้กับพี่ว่านสองคน

“บอกความจริงมา” ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายเพื่อเค้นหาความจริงทั้งหมด

“ความจริงอะไร” อีกฝ่ายตีหน้าซื่อตาใส ยิ่งทำให้ผมหมั่นไส้เข้าไปใหญ่

พี่ว่านยกมือทั้งสองข้างขึ้นทำท่ายอมแพ้ “โอเคๆ จริงๆ แล้วพี่กับลุงชูไม่ได้เป็นญาติกันหรอก ลุงชูเคยทำงานให้ที่บ้านพี่ สนิทกันมาก พี่มางานแต่งก็เลยแวะเยี่ยมแก บังเอิญว่าบ้านลุงชูอยู่ข้างบ้านโจมพอดีพี่เลยเดินมาทักทาย”

“...”

“นี่เรื่องจริงแล้ว ทุกอย่างเลยจริงๆ เมื่อคืนก่อนที่งานแต่งพี่ก็ไปกับลุงชูนี่แหละ พ่อส่งพี่มาจริงๆ นะ”

“ครับ รู้แล้วครับ”

“โจมกำลังทำอะไรอยู่เหรอ ให้พี่ช่วยหรือเปล่า เรื่องใช้แรงงานพี่ถนัดนะ”

ตอนแรกผมกำลังจะปฏิเสธ แต่อะไรความคิดบางอย่างกลับผุดขึ้นมาเสียก่อน “จะดีเหรอครับ พี่ว่านอาจจะทำไม่ไหว”

“ไม่จริงน่า พี่เรียนวิศวะฯ เรื่องใช้แรงงานมันงานถนัดพี่อยู่แล้ว”

“งั้นดีเลยครับ ผมจะจัดสวนหลังบ้านใหม่ รบกวนพี่ด้วยนะ”

“แน่นอนอยู่แล้ว…”

หึ...เสร็จผมล่ะ

..
.
เวลาผ่านไพอสมควร คนปากเก่งก็นั่งหอบลิ้นห้อยอยู่ที่พื้น ผมที่โดนแม่ดุทางสายตาจึงจำเป็นต้องเดินไปหยิบน้ำเปล่าที่ใส่น้ำแข็งไว้เย็นฉ่ำมาให้พี่ว่าน พอนั่งลงข้างๆ ก็รินน้ำส่งให้ พี่ว่านรับไปดื่นทันทีจนผมต้องรินให้อีกแก้ว

“เหนื่อยแล้วหรือครับ” ผมลองถาม อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับอย่างไม่มีฟอร์มใดๆ “อย่างนั้นก็พอ กลับบ้านพี่ไปซะ ที่เหลือผมทำต่อเอง”

“ให้นั่งพักสักหน่อยพี่ก็หายเหนื่อยแล้ว”

“ถ้าพี่ทำต่อไม่ไหวก็ไม่เป็นอะไรนะครับ ผมก็ไม่คิดว่าจะทำให้เสร็จวันนี้” สวนไม่ใช่เล็กๆ ให้ผมทำเองคงไม่เสร็จในวันเดียวแน่นอน ดีที่พี่ว่านมาช่วย งานเลยเดินไปมากกว่าครึ่ง

“พูดแบบนี้หมายถึงให้พี่มาช่วยวันอื่น?”

“ผมหมายความว่าพี่ไม่ต้องช่วยแล้วต่างหาก”

พี่ว่านส่งแก้วน้ำคืนมาให้ เขาจ้องเข้ามาในดวงตาของผมแล้วเอ่ยปากถาม “ทำไมชอบไล่พี่นัก ถามจริงๆ โจมไม่ชอบพี่เหรอ”

“ผมบอกพี่ไปแล้ว”

“แล้วถ้าพี่บอกว่าพี่อยากรู้จักโจมเพราะว่าโจมคือโจม ไม่ได้อยากรู้จักเพราะว่าโจมเป็นเพื่อนปูน...จะยอมทำความรู้จับกับพี่ได้หรือเปล่า”

ความเงียบคือคำตอบสำหรับพี่ว่าน...ทว่าถึงแม้ผมจะไม่พูดแะไร แต่ในใจกลับกำลังหวั่นไหวกับคำถามของเขาว่าเราจะรู้จักกันใหม่ได้หรือเปล่า

พี่ว่านไม่ใช่คนเลวร้าย...พูดตามที่เห็นเขาคือเขานิสัยดี มีน้ำใจ และพึ่งพาได้ เขาเพียงแค่ไปหลงรักคนมีเจ้าของแล้ว แต่นั่นก็ทำให้รู้ว่าพี่ว่านเป็นคนไม่ชอบยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ รวมทั้งเป็นคนดื้อรั้นพอสมควร

“อ่า...โจมมีอะไรให้พี่ช่วยอีกหรือเปล่า พี่ว่าถ้าช่วยๆ กันวันนี้น่าจะเสร็จแล้วนะ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้น โดยไม่ลืมส่งมือมาให้ผมจับเพื่อช่วยดึงให้ยืนขึ้น ผมมองมือที่ยื่นมานิ่งๆ จนพี่ว่านเกือบจะชักมือกลับ แต่ในที่สุดแล้วผมก็จับมันเอาไว้ พี่ว่านออกแรงเพียงนิดเดียว ตัวผมก็ยืนขึ้นได้อย่างสบายๆ

“ผมชื่อโจม เรียนคณะเกษตรฯ กำลังจะขึ้นปีสอง ยินดีที่ได้รู้จักกันใหม่นะครับ”

“หึ…เล่นอย่างนี้เลยเหรอ” พี่ว่านอมยิ้มมุมปาก ก่อนจะแนะนำตัวเองกลับ “พี่ชื่อว่าน วิศวะฯ เครื่องกล ปีสอง...กำลังจะขึ้นปีสาม ยินดีที่ได้รู้จักน้องโจมนะครับ”

กำลังจะดีอยู่แล้ว ติดอยู่ที่ได้คำว่า ‘น้องโจม’ เนี่ยแหละ

========================================================
===================================================
มาต่อของนุ้งโจมค่ะ แต่ทั้งคู่ไม่ได้มีแค่นี้แน่นอน
มาดูกันว่าหนุ่มมนุษยสัมพันธ์เข้าขั้นติดลบคนนี้จะมีความรับแบบไหนกัน
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
รักทุกคนเลยนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 30 13.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 20-05-2017 22:32:22
บทที่ 32
เมื่อน้องปูน...ก็เหมือนกัน


แม้ผมกับเอื้อจะปรับความเข้าใจกันได้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของผมเหมือนเก่าเลย กลับกัน...ระยะห่างระหว่างเราสองคนกลับยิ่งเพิ่มขึ้น

ผมกำลังยืนมองเอื้อเดินเคียงคู่ไปกับพี่ฟิ้ง ในขณะที่ตัวเองยืนอยู่กับโจม

วันนี้เอื้อกับผมตกลงกันว่าจะมาทานข้าวกันหลังจากที่เราไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันมานาน ชีวิตปีสามของเอื้อมันยุ่งมาก เรียกหนัก งานเยอะ อีกฝ่ายมีเวลาให้ผมน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ตอนไหนที่พอมีเวลาว่างตรงกัน เอื้อจะชวนผมไปไหนมาไหนด้วยเสมอ เหมือนครั้งนี้ที่อีกฝ่ายชวนและผมก็ผมดีใจมากจนตอนตกลงทันที โดยลืมคิดไปว่าอาจจะไม่ได้มีเราแค่สองคน

เดี๋ยวนี้เวลาเอื้อไปไหน พี่ฟิ้งก็ต้องไปด้วย และผมก็ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวแถม เลยชวนโจมให้มาเป็นเพื่อน ผมว่าผมไม่ควรจะมีความรู้สึกที่ว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน คนที่เขาคบกันมันไม่ควรจะให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขาต้องเดินคนเดียวอย่างที่เอื้อทำ

“ปูนอยากกินอะไร” เอื้อหันมาถาม ยังดีที่ไม่ลืมว่าผมกับโจมมาด้วย

ผมกำลังจะตอบ ทว่าพี่ฟิ้งกับพูดแทรกขึ้นมา

“บุฟเฟ่ต์ร้านนี่น่ากินว่ะ กำลังมีโปรฯ พอดีเลย” มือเล็กกว่าจับแขนเสื้อของคนตัวใหญ่เขย่าไปมา “ไปกินกันป่ะ กูว่าคุ้มนะเอื้อ”

“กูถามปูนอยู่ฟิ้ง” เอื้อต่อว่าแต่ไม่ได้โกรธ พลางหันกลับมาหาผมอีกครั้ง “ปูนอยากกินอะไร”

“กินบุฟเฟ่ต์ที่พี่ฟิ้งบอกก็ได้ คิดไม่ออกเหมือนกัน”

เราทั้งสี่คนมานั่งในร้านบุตเฟ่ต์ตามที่ที่พี่ฟิ้งเรียกร้อง ตำแหน่งการนั่งเป็นไปตามคาด พี่ฟิ้งเลือกนั่งข้างเอื้อ ในขณะที่ข้างผมเป็นโจม บอกตรงๆ ว่าผมสงสารโจมเหมือนกันที่ต้องมานั่งปล่อยเวลาทิ้งไปหลายชั่วโมงกับความเห็นแก่ตัวของผม แต่ให้ผมมากับสองคนนี้ผมก็ไม่อยากเหมือนกัน

“กินอะไร เดี๋ยวพี่ไปตักให้”

“ไปด้วยกันดีกว่า”

“ไม่ต้องหรอก พี่กับเอื้อไปเอง ปูนนั่งอยู่นี่แหละ” ผมหยุดตัวเองที่กำลังจะลุกขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ฟิ้งบอก ก่อนจะกลับลงมานั่งที่เดิม “ไปเถอะเอื้อ”

“...อือ เดี๋ยวพี่ตักมาให้นะ”

ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปด้วยกัน เสี้ยวนาทีหนึ่งพี่ฟิ้งหันมาสบตา ก่อนจะยิ้มมุมปากให้ มันเหมือนเป็นการประกาศว่าเขากำลังตั้งใจจะทำอะไรบางอย่าง

ผมไม่เคยรู้สึกเป็นส่วนเกินเท่านี้มาก่อนเลย ถ้าทำได้ผมอยากจะหายไปจากตรงนี้เลย เพิ่งเข้าใจประโยคที่ว่า ‘คนเดียวไม่เหงา เท่าสามคน’  ทุกครั้งที่เอื้อมองมาที่ผม สายตาคู่นั้นจะต้องหันกลับไปหาพี่ฟิ้งเสมอ มันทำให้ผมสงสัยขึ้นมาว่าผมเป็นอะไรกันแน่ นี่คือคนที่บอกว่าชอบผมอย่างนั้นหรือ คนที่บอกว่าต้องเป็นผมเท่านั้นที่เขาต้องการ แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่ใส่ใจกันเลย

“กลับมั้ย” ผมส่ายหน้าสำหรับคำถามของโจม ตอนนี้ยังก่อน ผมยังคงทนได้ อย่างน้อยเอื้อก็ยังคงหันมาส่งยิ้มให้ผมเป็นระยะ

มื้ออาหารดำเนินไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของผม หลายครั้งที่ต้องทนดูทั้งสองคนสิ่งยิ้มให้กัน ผมนั่งฟังประโยคที่เขาทั้งคู่คุยกัน มีแต่เรื่องที่ผมไม่รู้และไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้

“ไม่อร่อยเหรอ กินนิดเดียวเอง ไม่คุ้มเลยนะปูน” เสียงแหบห้าวของพี่ฟิ้งเรียกความสนใจของผม พอเห็นรอยยิ้มใสซื่อของอีกฝ่าย มันทำให้ผมอยากจะเอามือตะกุยใบหน้าน่ารักนั่นเสียตอนนี้

“อยากกินอะไรอีกหรือเปล่า เดี๋ยวพี่ไปตักให้ได้นะ”

“ปูนกินน้อยจัง ปกติกินน้อยแบบนี้หรือเปล่าเอื้อ” พี่ฟิ้งหันไปส่งยิ้มถามเอื้อ

“อือ ปกติก็กินน้อยนะ ดูตัวดิเล็กนิดเดียวเอง กอดทีไรมีแต่กระดูก” เอื้อส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมเขินเหมือนปกติ

เอื้อขมวดคิ้ว แล้ววางตะเกียบลง “เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ”

“...เปล่า”

“พี่ไม่รู้เหรอว่าปูนมันไม่ชอบกินอะไรแบบนี้” โจมที่เงียบมานานเปิดปากพูด มันเงยหน้าขึ้นจากชามที่มีอาหารอยู่เต็มไปหมด (เออ สงสัยมึงคงจะหิวจริงๆ)

“จริงเหรอปูน” พี่ฟิ้งถามกลับมา

“ปูนมันไม่ชอบอาหารแบบบุฟเฟ่ต์เท่าไหร่ มันเป็นคนกินน้อย” จริงอย่างที่โจมพูด ผมไม่ชอบกินอาหารที่เป็นบุฟเฟ่ต์เพราะคิดทุกครั้งว่าตัวเองกินไม่คุ้มกันราคาที่เสียไป แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ผมไม่อยากอาหารในวันนี้

“...”
 
“แปลกเนาะ คนที่สมควรจะใส่ใจปูนมากที่สุดควรเป็นพี่แท้ๆ พี่เอื้อ แต่พี่ก็ยังปลอยผ่านอย่างกับไม่ได้สนใจ”

โจมพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะก้มลงกินอาหารในชามต่อราวกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าคำพูดของมันทำให้อีกสองชีวิตบนโต๊ะอย่างผมและเอื้อกินอะไรไม่ลงอีกต่อไป

เอื้อที่นั่งตรงข้ามกับผมหันมาสบตากัน แววตาบ่งบอกว่าขอโทษและรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ใจหนึ่งผมก็สงสาร แต่สิ่งที่โจมพูดเมื่อกี้มันทำให้ผมต้องห้ามตัวเองเอาไว้ว่าจะไม่ใจอ่อนกับเขาอีกแล้ว

“เอื้อ ถอยหน่อยดิกูจะไปตักอาหารเพิ่ม” พี่ฟิ้งดูไม่สนใจเรื่องอะไรเลยสักนิด

“ไม่เป็นอะไร กูไปตักให้ มึงจะเอาอะไร” คนตัวเล็กกว่าร่ายยาวถึงสิ่งที่ตัวเองอยากได้ ผมคิดว่าคงไม่มีใครจำได้แน่ แต่แปลกที่เอื้อหยิบมาให้พี่ฟิ้งได้ทุกอย่าง “ปูนอยากกินอะไรหรือเปล่า”

หึ...นึกว่าจะไม่ถามกันเสียแล้ว ผมต้องเป็นที่สองสำหรับเขาทั้งคู่เสมอเลยหรืออย่างไรนะ

“อย่าเลย ดูแลพี่ฟิ้งไปเถอะ”

เอื้อชะงัก “พูดอะไรอย่างนั้น ฟิ้งมันดูแลตัวเองได้”

แต่ก็เห็นดูแลกันตลอด ไม่เคยปล่อยให้คาดสายตาสักนิด… “เหรอ”

“ปูนเป็นอะไร ไม่พอใจอะไรหรือเปล่า”

ผมเงยหน้ามองเอื้อ ในใจถามว่าไม่รู้จริงๆ เหรอว่าผมไม่พอใจอะไร ทั้งที่เรื่องทุกอย่างมันออกจะชัดเจนขนาดนี้

“บอกพี่มาสิว่าปูนเป็นอะไรไป เราสองคนเป็น…” เอื้อหยุดคำพูดไว้แค่นั้น เหมือนกำลังจะหาสถานะที่ชัดเจนของเราสองคน “เราเป็น…”

“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมโคตรอยากตบปากตัวเองเลยที่เป็นคนทำให้บรรยากาศมันแย่ขึ้นกว่าเดิม ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มของพี่ฟิ้ง ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองพลาดไปแล้ว

“ปูน!” เอื้อขึ้นเสียง มันดูโกรธมาก

“เอาน่า อย่าโกรธน้องสิวะ น้องอาจจะมีเรื่องกลุ้มใจอะไรก็ได้ ช่วงนี้ปูนก็ดูแปลกๆ ไปนะ” ผมกำตะเกียบในมือแน่น อยากจะตะโกนใส่หน้าพี่ฟิ้งว่ามันเป็นเพราะพี่นั่นแหละ! “กินต่อเถอะ”

เอื้อเชื่อพี่ฟิ้ง มันพยักหน้ารับแล้วเลิกสนใจผมไปเลย นี่เหรอวะคนที่บอกว่าแคร์ผมหนักหนา นี่เหรอคนที่ขอโอกาสจากผม แล้วตอนนี้มันเห็นผมเป็นตัวอะไรวะ!

ผมเปิดประเป๋า หยิบเงินออกมาแล้ววางมันไว้บนโต๊ะ พอหันไปมองโจมก็เห็นว่ามันหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้ววางเงินไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ผมกับมันพยักหน้าให้กันแล้วลุกขึ้นยืน

“ไปมึง กูอิ่มแล้ว” เออ ก็มึงแดกไปเยอะขนาดนั้น แดกอยู่คนเดียวด้วย มึงคุ้มสุดแล้วโจม

เราสองคนเดินออกมาจากร้านทันที ผมได้ยินเสียงเอื้อตะโกนเรียกอยู่ทางด้านหลังแต่ไม่คิดจะสนใจหันไปมอง แล้วสาวเท้าเดินให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะพ้นไปจากตรงนี้เสียที ตอนที่เดินออกมาได้ระยะหนึ่ง ใจของผมมันเรียกร้องให้ผมหันกลับไปมองทางด้านหลัง

และก็พบกับความว่างเปล่า… ตรงนั้นไม่มีใครเดินตามผมมาเลย

“ถ้าเลือกที่จะเดินออกมาแล้วก็อย่าหันกลับไปดิ”

ในคืนนั้นผมกลับมานอนที่ห้องตัวเอง ไม่ได้ไปค้างกับโจมตามคำชวนของอีกฝ่าย ผมจำได้ว่าตัวเองเข้านอนตอนเกือบจะเช้า หนึ่งคือผมนอนไม่หลับ พอหลับตาลงแล้วในหัวมันก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยทุกครั้ง และสอง...ผมตั้งใจรอให้เอื้อมาหา แต่นานแค่ไหน ก็ยังไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเคาะประตู

ตลอดช่วงที่รอเอื้อนั้น ผมได้แต่ถามกับตัวเองว่าตัวผมนั้นยังสำคัญกับเอื้ออยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า

..
.
หลายวันถัดมา

คนที่ผมรออยู่เงียบหายไปเลย ผมไม่รู้ว่าเอื้อกำลังทำอะไรอยู่ด้วยซ้ำ ไม่มีสายเรียกเข้า ไม่มีข้อความ ไม่มีแม้กระทั่งการติดต่ออะไรผ่านทางโซเชียลมีเดีย

พออารมณ์โกรธมันทุเลาลงและได้กลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งแล้วมันก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ ประโยคที่ผมบอกไปว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันคงทำให้เอื้อเสียความรู้สึกไม่น้อย แม้จะบอกกับตัวเองแล้วว่าอย่าใจอ่อนให้เขา แต่เอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้สักที วันนี้ผมจึงมาหาเอื้อถึงคณะด้วยความสำนึกในสิ่งที่ทำไป อย่างน้อยได้พูดขอโทษอีกฝ่ายก็เพียงพอ

พอจะเห็นเอื้อแล้วครับ ร่างสูงยังคงโดดเด่นเหมือนอย่างเคย แม้ว่าช่วงก่อนหน้านี้เอื้อจะบ่นบ่อยๆ ว่าตัวเองเรียนหนัก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เอื้อดูโทรมหรือหล่อน้อยลงเลย

ผมรีบเดินเข้าไปใกล้ เตรียมจะทักเหมือนอย่างที่ซ้อมกับตัวเองมาทั้งคืน แต่ก็ต้องเงียบเอาไว้ก่อนจะซ่อนตัวไม่ให้อีกฝ่ายเห็น ไม่รู้ว่าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ทั้งที่ก็ตั้งใจจะมาหา แต่พอเอาเข้าจริงแล้วมันเกิดอาการปอดแหกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

เอาวะไอ้ปูน มึงต้องทำได้ดิ เรื่องแค่นี้เองนะเว้ย!!

“เอื้อๆ รอกูด้วย”

แต่ก่อนที่ผมจะทันได้โผล่หน้าไปหา เสียงหนึ่งก็ร้องเรียกเอื้อเอาไว้จากทางด้านหลัง แค่ได้ยินผมก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร

พี่ฟิ้งอีกแล้ว ทำไมต้องเป็นพี่ฟิ้งทุกที!!

ขาผมมันก้าวไม่ออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น พอๆ กับความหนักอึ้งในใจ เหมือนมีหินก้อนใหญ่มาถ่วงเอาไว้

“เย็นนี้มึงว่างป่ะวะเอื้อ”

เอื้อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “มึงมีอะไร”

“กูต้องไปงานวันเกิดเพื่อนคณะอื่นอ่ะ มึงไปกับกูหน่อยได้สิ”

“ช่วงนี้กูไม่ค่อยอยากออกไปไหน” อีกฝ่ายปฏิเสธอย่างเย็นชา

“ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยเถอะ ถือว่าเป็นการผ่อนคลาย”

“บอกว่าไม่ก็ไม่สิวะ” เอื้อเสียงดังขึ้น และดูหงุดหิงดขั้นกว่าเก่า แม้จะซ่อนตัวอยู่แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้เอื้อคงต้องชักสีหน้าใส่พี่ฟิ้งแน่นอน “ปล่อยให้กูอยู่คนเดียวได้มั้ย”

“มึงเป็นเพื่อนกูนะ กูจะปล่อยให้มึงอยู่คนเดียวได้ไงตอนมึงเจอปัญหาแบบนี้ หรือว่ามึงไม่เห็นกูเป็นเพื่อน”

“ฟิ้ง แค่เรื่องปูนกูก็ปวดหัวเกินพอแล้วนะ อย่ามาทำให้กูต้องปวดหัวเพิ่มได้ป่ะวะ”

“กูแค่อยากให้มึงไม่เครียดเท่านั้นเอง” เสียงพี่ฟิ้งสลดลง “ขอโทษที่วุ่นวายแล้วกัน”

“ไม่ใช่อย่างนั้น กูแค่…” เอื้อหยดประโยคไว้แค่นั้นก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ “กูคงเครียดอย่างที่มึงบอกจริงๆ นั่นแหละ เอาเป็นว่ากูไปเป็นเพื่อนมึงแล้วกัน แต่ไม่นานนะ”

“ขอบใจว่ะ”

ผมหลับตาลง เลิกล้มความคิดที่จะเจอหน้าอีกฝ่ายในทันที

♣♣♣♣♣

บ้า...ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ตามเอื้อมาถึงที่นี่

ผมกับโจม (มันคนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง) เดินเข้ามาในร้านเปล้าต่างถิ่น เป็นสถานที่ที่เอื้อกับพี่ฟิ้งจะต้องมาร่วมงานวันเกิดของใครสักคน (ผมบังเอิญได้ยินสองคนนั้นคุยกัน) พอเข้ามาข้างใน โจมก็บอกให้ผมไปนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ มันไม่เป็นเป้าสายตาและยังเห็นกลุ่มคนที่คาดว่าน่าจะมาร่วมงานวันเกิดที่ถูกจัดขึ้นได้ถนัด

เครื่องดื่มง่ายๆ ถูกสั่งเป็นอย่างแรก ผมกวาดสายตามองสำรวจไปทั่วบริเวณ ก่อนจะหยุดลงที่ร่างคุ้นเคยในชุดลำลองสบายตาแค่ดูดี

“ไหนมึงบอกเขาอาการปกติไง แต่ที่กูเห็นมันไม่ใช่นะ” โจมตั้งข้อสังเกตหลังจากเรานั่งมองเอื้อมาได้สักพัก ผมเล่าให้โจมฟังทุกอย่างที่ได้ยินมาเมื่อตอนเย็น

“ไม่ปกติตรงไหน เอื้อก็ยังเป็นเอื้อ”

“มึงไปนั่งในใจเขาเหรอถึงได้รู้ว่าเขาคิดอะไรน่ะ” จริงอยู่ที่ผมไม่ได้ไปนั่งในใจเอื้อ แต่มันก็เห็นๆ กันอยู่นี่ครับว่าเอื้อดูไม่เป็นอะไรเลย “พี่เขาไม่ปกติ มึงอยู่กับพี่เขามาตั้งนานแล้วยังไม่รู้อีกเหรอ”

“ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกไปตรงไหน”

“ปูน มึงหันไปมองพี่เขาดีๆ สิว่าแปลกไปตรงไหน”

ผมยอมหันไปมองเอื้อ ‘ดีๆ’ ตามที่โจมบอก จ้องมองอยู่นาน พยายามสิ่งที่แปลกไปที่ควรจะพบเจอ “ก็ไม่เห็น…”

“มึงว่าพี่เอื้อเขาเป็นคนที่นั่งเงียบๆ คนเดียวแบบนี้เหรอวะ”

“ก็ไม่เห็นจะแปลก” ผมเถียง แม้ในใจผมจะเริ่มคิดตามที่โจมพูดบ้างแล้ว เป็นความจริงที่เอื้อไม่ควรจะเป็นฝ่ายนั่งเงียบๆ อยู่ในมุมของตัวเองแบบนี้ เอื้อที่ผมรู้จะเป็นมิตรกับทุกคน สิ่งที่เป็นอาวุธประจำตัวของอีกฝ่ายคือรอยยิ้มพิมพ์ใจ แต่วันนี้ผมไม่เห็นมันเลย

“เริ่มรู้สึกแล้วสิ”

“อะไร กูไม่…”

“สิ่งที่มึงควรลด ละ เลิกอย่างแรกคือเรื่องปากแข็งของมึงเนี่ยแหละปูน” ก็ไม่ได้อยากเป็นคนปากแข็งสักหน่อย แต่มันเป็นของมันไปเอง

“อะไรวะโจม เดี๋ยวมึงก็เข้าข้างกู เดี๋ยวมึงก็เข้าข้างเอื้อ ตกลงมึงจะอยู่ตรงไหน” ชักไม่แน่ใจแล้ว ย้อนไปเมื่อวันนั้นมันเป็นคนบอกให้ผมเดินออกมาเอง แต่ตอนนี้กลับพูดเหมือนอยากให้ผมใจอ่อนกับเอื้อ

“กูก็ต้องอยู่ข้างมึงดิวะ” มันตอบ ผมเตรียมจะเถียง ทว่าไม่ทันที่อีกฝ่ายพูด “อยู่ข้างที่คิดว่าทำให้เพื่อนกูมีความสุขที่สุด”

“...”

“อย่างที่กูเข้าข้างมึงตอนนั้น เพราะถ้าปล่อยไว้มึงก็จะรู้สึกแย่ แต่ตอนนี้กูเข้าข้างพี่เอื้อ เพราะอยากเห็นมึงลงเอยกับพี่เขาสักที” มันแกว่งแก้วเหล้าในมือไปมา “กูว่าพี่เขาก็ไม่ใช่คนเหี้ยหรือเลวร้ายอะไรนะ ตั้งแต่พี่เขาเริ่มจีบมึง กูว่าเขาเปลี่ยนไปมาก ถ้าไม่ติดเรื่องพี่ฟิ้ง...มึงกับพี่เขาคงคบกันไปแล้วล่ะ”

“ก็มันติดเรื่องพี่ฟิ้งอยู่นี่ไงล่ะ”

“มึงไม่ลองถามเขาไปตรงๆ เลยล่ะว่าจะเอายังไง”

“จะบ้าเหรอ จะให้กูถามว่าอะไร ‘ระหว่างเพื่อนกับแฟนจะเลือกใคร’ แบบนี้เหรอ งี่เง่าฉิบหาย”

โจมไหวไหล่ “ก็แล้วแต่มึงแล้วกันปูน เพราะคนที่ต้องเสียใจคือมึงไม่ใช่กู”

“ไหนบอกอยากเห็นกูมีความสุขไง” ผมประท้วง และก็ได้รอยยิ้มกวนบาทาสุดๆ กลับมา

“นั่นก็ใช่ แต่เวลาเห็นมึงเสียใจกูว่าสนุกก็สนุกดี”

ไอ้เชี่ยยยยยย ไอ้โจมไอ้เพื่อนแล้วว ไอ้เวร!!

ผมเลิกสนใจมันแล้วหันไปเฝ้ามองเอื้อ ยอมรับว่ารู้สึกดีนิดๆ ที่เห็นว่าเห็นได้ชัดว่าผมก็มีผลกับความรู้สึกของเอื้อไม่น้อย เอื้อแปลกไปจริงอย่างที่โจมว่า ไม่สุงสิงกับใคร ใครมาชนแก้มก็ปฏิเสธหมด เอาแต่นั่งดื่มเงียบๆ คนเดียว หลายหนที่ผู้หญิงหลายคนพยายามแทรกกายเข้ามานั่งข้างคนของผม ทว่าก็ต้องเดินออกมาด้วยท่าทางผิดหวังทุกครั้ง ในตอนที่ลอบมองอีกฝ่ายอยู่เพลินๆ สายตาของคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ตวัดขึ้นมาสบกัน เอื้อชะงักไปชั่วครู่ที่เห็นผม

“มึงๆ เอื้อเห็นกูแล้ว” ไม่รู้ว่าจะรีบแอบทำไมเหมือนกันครับ “จะทำยังไงดีวะ กลับเลยดีมั้ย”

“มึงอยากคืนดีกับพี่เขาหรือเปล่า ถ้าไม่อยากจะกลับเลยก็ได้นะ” โจมให้คำตอบแบบเซ็งๆ มันคงจะรำคาญผมมากเอาการ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องพึ่งมันไปเสียทุกเรื่อง

“อยากคืนดีดิวะ แต่กูยังไม่พร้อม”

“ไม่พร้อม?”

“อือ สถานการณ์ไม่ได้ สถานที่ไม่ได้”

“ทำไม มึงต้องรอคุยกันบนเตียงเหรอ”

“ไอ้โจม!” ถึงจะทำเป็นตะคอกมัน แต่ทุกครั้งที่ทำความเข้าใจกันเอื้อก็คือบนเตียงจริงอย่างที่มันว่า เพราะงั้นบนเตียงน่าจะเป็นสถานที่ดีที่สุด!

เย้ย ไม่ใช่แล้วครับ

“พี่เขาเดินมาทางนี้แล้วนะ กำลังจะถึงแล้ว”

ผมรีบหันไปมองตามที่โจมบอก จริงๆ ด้วย เอื้อเดินมากำลังจะถึงผมแล้วครับ ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาเรื่อยๆ พยายามฝ่าฝูงชนที่ยืนเบียดกันราวกับจะรวมร่าง

“ถ้ามึงหนีอีก กูจะไม่ช่วยมึงแล้วนะ” คำขู่ของเพื่อนได้ผม ถ้าขาดโจมไปผมจะทำยังไงล่ะ ใครจะให้ลอกการบ้านล่ะครับ (มันเกี่ยวเหรอวะ)

เอื้อก็ใกล้เข้ามาแล้ว อีกไม่เท่าไหร่ก็จะถึงตัวผมแล้วครับ นับถอยหลังได้เลย

ห้า…สี่...สาม...สอง…หนึ่ง…

“เชี่ย!”

อีกแค่นิดเดียวเอื้อก็จะเดินมาถึงแล้ว แต่กลับมีร่างเล็กๆ ของคนที่คุณก็รู้ว่าใครมาขวางไว้ก่อน พี่ฟิ้งที่ดูเมาได้ที่เขาเดินเข้ามาเกี่ยวคอเอื้อเอาไว้ จากตรงนี้ผมไม่รู้หรอกว่าเขาทั้งคู่คุยอะไรกันบ้าง แต่ท่าทางที่ใกล้ชิดกันมากเหลือเกินเล่นเอาภายในของผมร้อนรุ่มอยู่ไม่น้อย เอื้อเหลือบตามองผมสลับกับพี่ฟิ้งหลายครั้ง ทว่ามือคู่นั้นก็ยังไม่ปล่อยจากการประคองเพื่อนตัวเองสักที ผมนั่งนับหนึ่งถึงร้อยในใจ รอที่จะให้เอื้อเดินมาหาผม

แต่ทว่าตัวเลขที่นับเลยไปถึงสองร้อยแล้วเอื้อก็ยังไม่ยอมเดินมา

“กลับเถอะโจม” เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมเลือกจะยอมแพ้ ผมคงสำคัญไม่พอกับเอื้อจริงๆ

“เดี๋ยวปูน” ตอนที่เราสองคนเดินมาถึงหน้าร้าน โจมก็เอ่ยเรียกผมเอาไว้ ก่อนที่มันจะเดินอ้อมมาดักด้านหน้า “มึงจะหนีอีกแล้วเหรอวะ ครั้งที่แล้วมึงก็หนี ก่อนหน้านั้นมึงก็หนีมาตลอด มึงคิดว่าคนๆ หนึ่งจะอดทนตามมึงได้นานขนาดไหนกัน”

“...” ผมไม่รู้หรอก ตอบไม่ได้ว่าเอื้อจะทนตามผมไปได้อีกนานแค่ไหน

ผมไม่อยากจะเสียเอื้อไป พอแล้วกับความสูญเสีย ผมอยากจะมีเอื้ออยู่ในทุกๆ วัน แต่ถ้าเอื้อยังมีใครคนนั้น เอื้อก็ไม่มีทางเป็นของผม และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เอื้อจะจากไปเช่นกัน

“กลับไปหาพี่เอื้อซะปูน กลับไปทวงคนของมึงกลับมาซะ”

“...” ผมยังคงลังเล

“เร็วๆ สิ หรือมึงอยากจะเสียเขาไปจริงๆ”

ไม่เอาหรอก! ผมไม่อยากจะเสียเอื้อไปให้ใครทั้งนั้น

ผมหมุนตัวแล้ววิ่งกลับเข้าไปข้างในร้าน กวาดสายตามองหาร่างสูงที่โดดเด่นแม้จะอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก เดินหาในทุกทีที่สามารถแทรกตัวผ่านเข้าไปได้ แม้แต่ในโซนที่เขาจัดงานวันเกิดกัน ผมก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

อยู่ไหนวะ ไม่ใช่ว่าออกไปกับพี่ฟิ้งแล้วหรอกนะ

เดินออกมาหาโจมที่ยืนรออยู่แล้วส่ายหน้า “กูหาเอื้อไม่เจอว่ะ”

“มึงช้าไปว่ะปูน พี่เอื้อเพิ่งขึ้นรถไปกับพี่ฟิ้งเมื่อกี้เอง” คำตอบของโจมเหมือนจะดึงเรี่ยวแรงของผมไปจนหมด พี่ฟิ้งอีกแล้ว...ทำไมอะไรๆ ก็ต้องเป็นพี่ฟิ้งด้วย

“งั้นกูว่าเรา…”

“ไปหอพี่ฟิ้งกัน มึงรู้จักทางไปหรือเปล่า” ผมขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า โจมเลยลากผมไปที่รถมันทันที และก่อนที่เราจะออกรถ มันก็หันมาพูดกับผมว่า “ถ้าคืนนี้มึงกับพี่เอื้อยังไม่ลงเอยกัน อย่ามาเรียกกูว่าโจม”

..
.

หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 30 13.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 20-05-2017 22:35:06
รถของเอื้อจอดอยู่ใกล้กับหอพี่ฟิ้ง แสดงว่าเอื้อมาที่นี่จริงๆ

“มึงรู้จักห้องพี่เขาหรือเปล่า” ผมส่ายหน้า ถึงจะเคยมาสิ่งพี่ฟิ้งพร้อมกับเอื้อที่นี่แต่ก็ไม่เคยขึ้นไปข้างบนนั้นสักที และคงไม่สามารถตามหาห้องพี่ฟิ้งทีละห้องได้ จะเข้าหอพี่ฟิ้งได้ต้องมีคีย์การ์ด “งั้นเราคงต้องพอจนกว่าพี่เอื้อจะลงมา”

มันต้องมีวิธีสิวะ ผมไม่อยากปล่อยเอื้อให้ขึ้นไปอยู่กับพี่ฟิ้งสองต่อสองแบบนั้นหรอกนะเว้ย! คนหนึ่งกำลังเมา อีกคนก็เสี่ยงที่จะรู้สึกหวั่นไหว ถ้าผมปล่อยไป...เหตุการณ์ไม่คาดคิดอาจจะเกิดขึ้นก็ได้

จะทำยังไง โทรหาพี่เดียวดีมั้ย แต่มันก็ดึกขนาดนี้แล้ว พี่เดียวอาจจะหลับไปแล้วก็ได้ โทร.ไปคงรบกวนพี่เขาเปล่าๆ แต่พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ไม่แน่พี่เดียวอาจจะนอนดึก...แต่ถ้าพี่เขาทำงานอยู่ล่ะ มันจะขัดจังหวะเขาหรือเปล่า

โทร...หรือไม่โทรดีวะ

“ปูน” ระหว่างที่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดีเสียงเรียกจากด้านหลังก็ดังขึ้น คนที่ไม่นึกว่าจะได้เจอปรากฏตรงหน้า “แล้วก็...น้องโจม”

เห? น้องโจม?

ผมมองหน้าพี่ว่านกับโจมสลับกันไปมา แต่คงจะมีเพียงพี่ว่านคนเดียวที่สนใจอยากจะทักทาย เพราะโจมมันเอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อย่างเดียว

“มาส่งฟิ้งเหรอ เมื่อกี้เห็นเอื้อเดินสวนขึ้นไป”

“พี่อยู่หอนี้เหรอครับ”

“เปล่าหรอก แต่เพื่อนพี่อยู่หอนี้น่ะ จะเข้าไปข้างในเหรอ”

“ครับ” ผมถามอย่างมีหวัง “พี่มีคีย์การ์ดใช่มั้ย แล้วรู้หรือเปล่าว่าพี่ฟิ้งอยู่ห้องไหน”

“ห้องไหนไม่รู้หรอก รู้แค่ชั้นไหน”

“แค่นั้นก็พอแล้วครับ” ผมยิ้มกว้าง รู้สึกขอบคุณพี่ว่านที่มาทันเวลาพอดี “พี่ช่วยผมอีกแล้ว ขอบคุณจริงๆ น”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก” ร่างสูงยกมือขึ้นเก้าหัวแก้เก้อ “แต่ถ้าอยากตอบแทนพี่จริงๆ ช่วยยิ้มแบบเมื่อกี้อีกนะ ปูนน่ะเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าอะไรทั้งนั้น”

“เอ่อ…”

“จะไปกันได้หรือยัง” เสียงเข้มๆ ของโจมดึงความสนใจของผม แอบเห็นพี่ว่านอมยิ้มชอบใจก็ได้แต่สงสัยว่ามีอะไรน่าดีใจที่โดนโจมดุ โขมชวนเราทั้งหมดเข้าไปข้างในด้วยกัน ทว่ายังไม่ทันที่พี่ว่าจะเปิดประตู คนที่ผมต้องการพบก็เดินลงมาเสียก่อน

เอื้อหยุดเท้าลง มองตรงมาที่ผม ระหว่างเรามีเพียงประตูกระจกหนึ่งบานคั่นเท่านั้น ผมสำรวจอีกฝ่าย เสื้อผ้ายับยู่ยี่ พอๆ กับผมที่ยุ่งไม่เป็นทรง กระดุมเสื้อที่ถูกปลดออกบ่งบอกได้ว่าบนห้องนั้นเกิดอะไรขึ้น

นั่นน่ะพี่ฟิ้งนะ เอื้อไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก ในใจของผมประท้วง ทว่าร่างบางที่วิ่งตามลงมาข้างหลังกลับทำให้ความเชื่อใจทั้งหมดของผมพังทลาย

“เอื้อ! รอก่อนสิ” พี่ฟิ้งมีสภาพไม่ต่าง ผิดกันตรงที่ดวงตาคู่สวยนั้นช้ำและคลอไปด้วยน้ำใสๆ พี่ฟิ้งคงยังไม่สังเกตว่าพวกผมยืนอยู่ “เอื้อ กู…”

“ปล่อย”

“กูขอโทษ เมื่อกี้กูไม่ได้ตั้งใจ อย่าโกรธกูนะเอื้อ” พี่ฟิ้งขอร้องก่อนที่มือเล็กๆ นั่นจะโอบกอดเอื้อเอาไว้ “กูจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว กู…”

“ปล่อยกูได้แล้วฟิ้ง ปูนรอกูอยู่”

พี่ฟิ้งชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม ดวงตาคู่สวยฉายแววเจ็บปวดมากกว่าเดิม ร่างสูงค่อยๆ ปลดมือพี่ฟิ้งออกอย่างยากลำบากแต่สุดท้ายแล้วก็เป็นอิสระจนได้ เอื้อก้าวออกมาหาผม โดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังแม้สักนิด มือใหญ่คว้าต้นแขนผมไปจับไว้ แล้วออกแรงดึงให้ไปด้วยกันโดยที่ผมไม่ทันได้แย้งใดๆ

“เอื้อ เดี๋ยวก่อนสิ”

“เงียบ!”

ผมสะดุ้ง เอื้อดุผมอีกแล้ว ผมจึงต้องหุบปาก ไม่เปล่งเสียงอะไรออกมาในตอนที่กำลังเดินไปขึ้นรถ

“เรากำลังจะไปไหน” ถามเมื่อเอื้อขับรถมาได้สักพัก ทางที่เอื้อพามาไม่ใช่ทางกลับหออย่างแน่นอน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมตอบอะไร มันเงียบมาก ในรถก็พาลเงียบไปด้วย ขนาดจะหายใจดังๆ ผมยังกลัวรบกวนสมาธิมันเลยคิดดู และแล้วไม่นานรถคันสวยก็จอดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ เอื้อขับรถเข้าไปด้านในอย่างคุ้นเคย พอรถจอดสนิทก็บอกให้ผมลงไปด้วยกัน

“ที่นี่ที่ไหน”

“บ้านพี่”

“หะ?!!” ก็พอจะเดาออก แต่อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี พามาบ้านนี่กะจะเปิดตัวกับพ่อแม่เลยใช่มะ

“จะเสียดังทำไม คนอื่นเขานอนกันหมดแล้ว” ผมตะครุบปากตัวเองเอาไว้ทันที พลางเอ่ยขอโทษคนที่นอนอยู่ในใจ “คืนนี้เราจะนอนกันที่นี่” ก็แน่อยู่แล้วป่ะวะ จะให้กลับหอคนเดียวตอนนี้ผมไม่เอาด้วยคนหรอก อยู่ตรงไหนของประเทศไทยก็ไม่รู้ (เวอร์จริงๆ)

ภายในบ้านของเอื้ออย่างกับบ้านในละครเลยครับ มันทั้งใหญ่ ทั้งสวย หรูหราและอลังการมาก ที่เคยได้ยินมาว่าบ้านเอื้อเป็นผู้ดีเก่านี่ท่าจะจริง ร่างสูงพาผมเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าประตูบานสวยที่คาดว่าจะเป็นห้องของเจ้าตัวแหละ ห้องเอื้อที่บ้านไม่ต่างจากที่หอเท่าไหร่ เรียบง่าย เป็นระเบียบ และสะอาดสะอ้านสมกับเป็นคุณชายเอื้ออารีย์

เจ้าของห้องเดินไปค้นตู้ก่อนจะส่งเสื้อผ้าให้ผมมาหนึ่งชุดแล้วไล่ให้ไปอาบน้ำอย่างรวดเร็วด้วยเหตุผลที่ว่าเหม็นกลิ่นเหล้า โธ่พ่อคุณ ตัวเองนั่นแหละที่ดื่มเยอะกว่า แถมที่ตัวยังมีกลิ่นบุหรี่ติดมาอีกด้วย ระหว่างนั่งรถมาผมภาวนาตลอดทางว่าขออย่าให้เจอด่านเลย ไม่อย่างนั้นคืนนี้คงต้องนอนกับตำรวจแล้วล่ะ

เข้าไปอาบน้ำประมาณยี่สิบนาทีก็กลับออกมา ใจจริงอย่างจะอยู่นานๆ ด้วยซ้ำครับห้องน้ำทั้งกว้างและสบายแทบจะนอนหลับได้เลย ถ้าไม่ติดว่าเอื้อมาเคาะประตูเสียก่อนผมว่าวันนี้ผมได้นอนในนั้นแน่ๆ

“มานั่งนี่” เสียงทุ้มสั่งจากบนเตียง เอื้อก็อาบน้ำเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ผมอยากดื้อไม่ทำตาม แต่สุดท้ายก็เดินไปนั่งตามคำสั่ง ดูเอื้ออารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่อยากขัดมันมากครับ พอนั่งลงเรียบร้อยแล้วคนข้างหลังก็เริ่มเช็ดผมให้อย่างนุ่มนวล “อย่าเพิ่งหลับนะ”

“ง่วงจะตายอยู่แล้ว”

“อย่าเพิ่งหลับ คืนนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”

“เอาไว้คุยพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ คืนนี้ตาจะปิดแล้วจริงๆ” ยิ่งเอื้อเช็ดผมให้เพลินๆ ผมยิ่งอยากจะนอนมันเดี๋ยวนี้เลย

“พี่ไม่อยากรอแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่รอมามากพอแล้ว ไม่สงสารพี่บ้างเหรอ” เอื้อเลิกเช็ด และเปลี่ยนมาโอบกอดผมเอาไว้แทน ริมฝีปากร้อนแตะจูบเบาๆ ที่ข้างหู “พี่คิดถึงปูนนะ”

“โกหก” แม้ว่าสัมผัสจากอีกฝ่ายจะกวนใจ แต่ผมต้องประคงสติตัวเองเอาไว้ “คิดถึงแล้วหายไปไหนมาตั้งนาน”

“พี่สิต้องถามปูน หายไปไหนมา ทำไมไม่มาหาพี่”

“เพราะ…”

“เพราะอะไรครับ อย่างเงียบสิ”  ผมอยากจะตะโกนว่าเลิกจูบก่อนได้หรือเปล่ามันจั๊กกจี้นะ

“ข้างตัวเอื้อก็มีพี่ฟิ้งอยู่แล้ว จะมีปูนอีกทำไมล่ะ” พูดจบอีกฝ่ายก็กอดผมแน่นกว่าเดิม

“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ...พี่อยากมีปูนนะ เคยบอกไปแล้วว่าอยากอยู่ข้างๆ ปูนแค่ไหน…” ริมฝีปากร้อนจูบผมเบาๆ “ลืมไปแล้วเหรอว่าพี่ชอบปูน”

หน้าผมร้อนผ่าว ไม่ชอนกับคำชอบรักของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย รวมทั้งการแสดงออกความรักที่พาให้ใจเต้นแรง...เดี๋ยวกอด เดี๋ยวจูบ จะลวนลามกับไปถึงไหนก็ไม่รู้

“อื้อ...พอแล้ว ไหนจะคุยไงล่ะ”

เอื้อหัวเราะในลำคอ แต่ก็ยอมหยุด “เลิกกังวลเรื่องฟิ้งเถอะ ฟิ้งคือเพื่อน”

“แต่พี่ฟิ้งไม่ได้คิดกับเอื้อแค่เพื่อน เอื้อไม่รู้หรือไง”

“...รู้สิ พี่รู้มาตลอดแหละ” อีกฝ่ายตอบรับเสียงเบา ยิ่งทำให้ผมหวั่นใจ เอื้อรู้มาตลอดแต่ไม่เคยพูดอะไรแบบนี้มันหมายถึงยังไงกันแน่ “ไม่ว่าฟิ้งจะคิดกับพี่ยังไง สำหรับพี่ฟิ้งก็เป็นได้แค่เพื่อน ไม่ว่าจะเมื่อก่อน ตอนนี้ หรือในอีกหลายปีข้างหน้า ฟิ้งก็ยังคงเป็นเพื่อนของพี่เท่านั้น”

“...”

“พี่รู้ว่าปูนคงรู้สึกแย่กับเรื่องของฟิ้ง พี่สัญญาว่าต่อจากนี้มันจะไม่มีอีก”

“หมายความว่า เอื้อกับพี่ฟิ้ง…”

ร่างสูงซบหน้าลงกับบ่าของผม ก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ “เปล่าหรอก สำหรับพี่แล้วฟิ้งก็ยังเป็นเพื่อน แต่สำหรับฟิ้ง...คงต้องใช้เวลา”

“ปูนขอโทษนะ ถ้าเอื้อจะเลือกพี่ฟิ้งก็ได้ ปูนยอมแล้ว ดีกว่าต้องมาเห็นเอื้อเสียใจแบบนี้” ผมพูดจริงๆ นะ ผมยอมทุกยอ่าง ขอแค่เอื้อไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจที่ต้องเสียพี่ฟิ้งไปก็พอ ที่ผ่านมาผมมันเห็นแก่ตัว ผมมันแย่ รู้ทั้งรู้ว่าเอื้อลำบากใจแต่ก็ยังบีบอีกฝ่ายให้ต้องเลือก “ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ”

ผมยกหลังผมขึ้นปาดน้ำตา พยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ แต่มันก็ทำไม่ได้ง่ายๆ “ฮึก…”

“ร้องไห้ทำไม ชู่...ไม่ร้องสิปูน ไม่ต้องขอโทษ เรื่องนี้ปูนไม่ผิด เรื่องของพี่กับฟิ้งมันถึงเวลาแล้ว ขืนปล่อยไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น”

ผมขยับตัวเบาๆ เพื่อหันไปมองหน้าเอื้อ “ถึงยังไงก็ต้องขอโทษ…” ว่าแล้วก็วางฝ่ามือแนบไปกับใบหน้าหล่อของคนที่ขโมยใจผมไปทั้งใจ แล้วโน้มหน้าไปกดจูบอีกฝ่ายชั่วครู่แล้วผละออก “ปูนมันเป็นคนเห็นแก่ตัว...อยากเป็นคนสำคัญที่สุดของเอื้อ ไม่อยากให้เอื้อมองใคร...อยากเป็นคนเดียวที่เอื้อรัก”

ผมหน้าร้อนวาบ หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อได้สารภาพความรู้สึกข้างในออกไปแล้ว ร่างสูงส่งยิ้มละมุนที่คุ้นเคย ก่อนจะเอื้อมือมาเช็ดน้ำตาให้ผม

“หึ...เขินทั้งที่กำลังร้องไห้...น่ารักจริงๆ เลย อ้าว...หัวเราะอีก ยังสติดีอยู่หรือเปล่าครับน้องปูน” เรื่องกวนตีนต้องยกให้เอื้อจริงๆ กวนได้ทุกสถานการณ์

“เป็นบ้าไปแล้ว”

“เป็นบ้า? บ้าอะไร...บ้ารักพี่เหรอ”

ผมหัวเราะหนักเลย เอื้อหลงตัวเองชะมัด แต่ว่าไม่ได้ครับ...ก็มันเรื่องจริงนี่

“อือ คงอย่างนั้นแหละ”

เอื้อดูจะตกใจไม่น้อยที่ผมยอมรับออกมาอย่างง่ายดาย นัยน์ตาสีเข้มฉายแววดีใจชัดเจน ก่อนที่อีกฝ่ายจะหอมแก้มผมแรงๆ

“เมื่อกี้พูดว่าไงนะ”

“พูดอะไร จำไม่เห็นได้เลย” เสไปมองทางอื่น แอ๊บเป็นนางเอกหนังไทยที่ปากไม่ตรงกับใจตัวเอง “วู้ววว ดึกแล้วนอนเถอะ ง่วงอ่ะ”

“ไม่เอาดิอย่าเปลี่ยนเรื่อง พูดมาก่อน”

“อะไรเล่า ทีตัวเองยังไม่เห็นจะเคยบอกเลย” ผมโวยวายพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนประหนึ่งครีมเหล็ก ต้องเล่นตัวหน่อยครับแม้จะดีใจที่อีกฝ่ายกลับมากอดผม “ปล่อย…”

“พี่รักปูนนะ”

“เดี๋ยวดิ ยังไม่ทันตั้งตัวเลย” เอื้อกับเราะทันทีที่ผมพูดจบ บ้าจริง เป็นคนปากดีก่อนแท้ๆ แต่พอเขาพูดแล้วร่างกายเหมือนจะไม่มีแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ แถมหัวใจยังเต้นกระหน่ำยิ่งกว่าเดิมอีกเท่าตัว

“พี่เอื้อรักปูนนะครับ” พูดแล้วก็จูบแก้มผมไปอีกรอบ “จะไม่ตอบอะไรหน่อยเหรอ” จะให้ตอบอะไรเล่า หัวสมองมันขาวโพลนไปหมดแล้วเนี่ย “ปูน…”

“มะ เหมือนกัน”

“เหมือนกันอะไร”

“ก็รักเหมือนกันไงเล่า!”

คนมันอายนะครับ ไม่เข้าใจหรือไง!!

=============================================================
=======================================================
มาลงให้อ่านกันสองตอนเลย ชดเชยที่หลังๆ หายไปนานเหลือเกิน ขอโทษนะคะ
ตอนหน้ามาดูมุมพี่เอื้อกับเนาะว่าที่ผ่านมาเขาคิดอะไรอยู่
ไม่รู้ว่าเหตุผลของพี่เอื้อจะยังน่าตบเหมือนเดิมหรือเปล่า
ตอนหน้าจบแล้วนะคะ (เยยยยย้)
รักทุกคน (ย้ำอีกครั้ง)
ขอบคุณมากๆ ที่ติดตามค่ะ (ย้ำอีกที)
คืนนี้ฝันดีน้าาาา :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 31+ Side story : ครึ่งหลัง 20.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-05-2017 00:07:02
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 31+ Side story : ครึ่งหลัง 20.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-05-2017 03:09:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 31+ Side story : ครึ่งหลัง 20.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-05-2017 04:24:10
ดีนะที่ยังคิดได้ทั้งคู่
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 31+ Side story : ครึ่งหลัง 20.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-05-2017 04:59:16
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 31+ Side story : ครึ่งหลัง 20.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-05-2017 08:32:20
เข้าใจกันซะที พี่เอื้อทำอะไรให้ปูนมั่นใจหน่อย ตอนหน้าจบแล้วหรา เร็วจัง :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 31+ Side story : ครึ่งหลัง 20.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 21-05-2017 09:03:26
ดีที่เข้าใจกันได้

ส่วนฟิ้ง ก็อย่างที่บอก คนไม่ใช่ทำไงมันก็ไม่ใช่

หาคนใหม่ค่ะ สู้ ๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 31+ Side story : ครึ่งหลัง 20.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 21-05-2017 09:28:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 31+ Side story : ครึ่งหลัง 20.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-05-2017 11:09:25
หวังว่าพี่ฟิ้งจะยอมจบง่ายๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP. 31+ Side story : ครึ่งหลัง 20.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 29-05-2017 20:15:36
บทส่งท้าย
เมื่อพี่เอื้อ...รักน้องปูน

 
ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่...เช้ากว่าทุกวัน และเช้ากว่าคนที่ตื่นเช้าเป็นประจำอย่างปูนด้วย สารภาพตามตรงว่าจริงๆ ผมนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ ไม่ใช่ว่ามีเรื่องกลุ้มใจอะไรหรอก แต่มันดีใจจนหลับไม่ลงต่างหาก
 
คำว่ารักจากปูน มันทำให้ผมเหมือล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าก็ไม่ปาน
 
แต่ก่อนอื่น ผมมีเรื่องสารภาพผิดกันทุกคนก่อนครับ ผมได้ทำเรื่องแย่ลงไปอย่างไม่น่าให้อภัย นั่นคือทำให้น้องปูนของทุกคนร้องไห้และเสียใจมาหลายวัน ผมขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ แต่ถ้าผมไม่ทำแบบนั้น ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ยินคำว่ารักจากคนปากแข็งเสียที
 
ครับ...เรื่องทั้งหมดคือเรื่องที่ผมคิดไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว
 
มันเริ่มจากวันที่เรามีปาร์ตี้บ้านไอ้เดียวนั่นแหละ ตอนที่ผมไปส่งฟิ้งที่หอ
 
“ตกลงมึงกับปูนนี่เป็นยังไงกันแน่วะ”
 
“...ก็กำลังจีบ”
 
“ยังไม่ใจอ่อนอีกเหรอ” นั่นสิ ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าเมื่อไหร่คนดีของผมจะใจอ่อนเสียที ใจดีกับทุกคนแต่ใจร้ายกับผมอยู่แค่คนเดียว “หรือว่าจริงๆ แล้วน้องอาจจะไม่ได้คิดกับมึงเหมือนที่มึงคิดกับน้องวะ”
 
ผมเหลือบตามองฟิ้ง เรื่องนี้ผมมั่นใจว่าไม่ใช่แน่นอน ถ้าผมกับปูนไม่ได้คิดตรงกัน ไม่มีทางที่ปูนจะยอมผมมากมายขนาดนี้ อย่างน้อยๆ ตอนนี้ปูนก็น่าจะเริ่มชอบผมบ้างล่ะ
 
“กูไม่อยากให้มึงเสียเวลานะเอื้อ มึงควรจะเผื่อใจไว้บ้าง ถ้ามันไม่ใช่ขึ้นมา…”
 
“ขอบใจนะฟิ้ง แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก กูว่ากูจัดการได้” ปากเก่งไปงั้นแหละ แต่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วควรจะจัดการอย่างไรกับเด็กดื้อจอมปากแข็งนั่นเสียที
 
พอไปส่งฟิ้งถึงหอผมก็รีบกลับมาหาปูนที่บ้านไอ้เดียว ปรากฏว่าเด็กดื้อหายไปแล้ว ไปสอบถามเจ้าของบ้านก็ได้ความว่ากลับไปกับเพื่อนรักอย่างโจมเรียบร้อย และถ้าให้ผมเดา...คืนนี้ปูนคงไปนอนค้างกับโจมแน่นอน
 
“มึงมีปัญหากันเหรอวะ”
 
“กูไม่มีปัญหาอะไรกับปูนหรอก แต่ดูเหมือนปูนจะมีปัญหากับกู” ผมตอบไอ้เดียวไป ที่จริงแล้วผมอยากจะไปหาปูนเดี๋ยวนี้เลยแต่เดียวมันรั้งให้อยู่ก่อน ตอนนี้เราสองคนแยกออกมาคุยกันต่างหาก ส่วนคนที่เหลือกำลังร้องรำทำเพลงกันไปด้วยความสุขสันต์ (ไม่เกรงใจคนเครียดบ้างเลย)
 
“ปัญหา?”
 
“เออ เหมือนปูนมีอะไรในใจแต่ไม่ยอมพูดออกมา ปกติก็ปากแข็งจะแย่อยู่แล้ว มึงเห็นเหมือนว่าปูนไม่ได้คิดอะไร แต่จริงๆ แล้วเก็บทุกเรื่องมาคิด” ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะว่าปูนเป็นยังไง คนที่ใส่ใจคนอื่นแบบปูนน่ะเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเป็นคนไม่สนใจอะไร เพียงแต่จะพูดหรือเปล่าแค่นั้นเอง
 
“อย่าว่ากูอคติเลยนะเว้ย แต่อาจจะเป็นเพราะฟิ้งก็ได้” ไอ้เดียวส่งแก้วเครื่องดื่มให้ผมเป็นแก้วที่สองแล้ว นี่มึงกะมอมกูถูกมั้ย
 
“...” ผมไม่ตอบ ในใจก็คิดว่ามันคงเป็นเพราะฟิ้งนั่นแหละ แต่ลึกๆ แล้วไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลยจงใจข้ามประเด็นนี้ไป “วันนี้ฟิ้งถามกูว่ากูกับปูนเป็นอะไรกัน แม่งตลกฉิบหายที่กูเกือบตอบฟิ้งไม่ได้ เพราะตอนนี้กูไม่รู้ว่ากูกับปูนเป็นอะไรกันแน่”
 
“มึงเป็นคนรักกัน อย่าบอกว่ามึงโง่มองไม่ออกว่าปูนก็รักมึง”
 
“กูดูออก แต่มันจะมีความหมายอะไรถ้าปูนไม่ยอมพูดออกมาสักที ไม่ใช่แค่ปูนหรอกทราอยากได้ความชัดเจนจากกู...กูเองก็อยากได้จากปูนเหมือนกัน”
 
และเพราะแบบนั้น มันเลยเป็นที่มาของเรื่องที่ผมอยากสารภพาผิดกับทุกคนวันนี้ ทั้งที่ผมได้เห็นน้ำตาของปูนในคืนนั้นแล้วแท้ๆ แต่คำที่ผมอยากได้ยินกลับไม่หลุดรอดออกมาเลย
 
เรื่องมันเริ่มบานปลายเมื่อผมอยากลองใจปูนมากไปกว่าเดิม ฟิ้งรู้เรื่องนี้โดยบังเอิญและฟิ้งก็ยินดีจะช่วย… ผมรู้ว่าฟิ้งมีอะไรแอบแฝงอยู่ในใจ ถึงฟิ้งจะยิ้มให้ปูนและผม แต่ในรอยยิ้มนั้นไม่มีความยินดีอยู่เลยสักนิด
 
ในเย็นวันหนึ่งที่ผมนัดกับปูนว่าเราจะไปหาอะไรทานด้วยกัน ฟิ้งก็ขอตามไปด้วย ปูนเลยขอพาโจมไปด้วยเช่นกัน แทนที่เราจะได้ไปกันสองคนหลังจากที่ไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยกันนาน กลับกลายเป็นว่าผมต้องอยู่แต่กับฟิ้ง และปูนก็อยู่แต่กับโจม ผมรู้ว่าปูนพาโจมมาด้วยทำไม ปูนรู้สึกเสมอว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของผมและฟิ้ง แต่บอกไว้ตรงนี้เลยว่ามันไม่ใช่ สำหรับผม...ในสายตาผมนั้นผมมีแต่ปูนเสมอ มันยากนะที่ต้องทำเหมือนไม่สนใจทั้งๆ ที่ผมไม่เคยมองไปที่อื่นได้สักครั้ง
 
ไม่มีวันไหนที่ผมจะละสายตาจากปูน
 
อย่างเรื่องที่ปูนไม่ชอบกินบุฟเฟ่ต์นั่นก็เหมือนกัน อยู่กับปูนมาขนาดนี้แล้วทำไมจะไม่รู้ว่าปูนเป็นคนยังไง ชอบแบบไหน หรือไม่ชอบอะไร เพียงแต่ผมอยากให้ปูนพูดออกมา...เพียงบอกมาว่าไม่ชอบ ไม่อยากกินแล้ว ผมก็พร้อมจะพาปูนกลับไปเสียเดี๋ยวนั้น อยากบอกให้ปูนรู้ว่าปูนไม่ได้สำคัญน้อยกว่าใคร เพียงแค่พูดออกมาผมก็พร้อมจะทำให้ปูนได้ทุกอย่างจริงๆ
 
ทว่าปูนคงเป็นคนดีเกินไป ทุกอย่างที่ทำเลยเป็นการรักษาน้ำใจของทุกคน...ยกเว้นผม ถึงพูดออกอะไรแบบนั้นออกมา...
 
ปูนจะรู้หรือเปล่าว่าผมรู้สึกแย่มากที่ปูนบอกให้ผมไปดูแลคนอื่น
 
ปูนจะรู้หรือเปล่าว่าผมเสียใจขนาดไหนที่วันนั้นปูนพูดว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน
 
ปูนจะรู้หรือเปล่าว่าหัวใจของผมเหมือนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อได้ฟังคำพูดที่แสนใจร้ายจากริมฝีปากที่ผมคุ้นเคย
 
“ชัดเจนแล้วนะมึง” ฟิ้งบอกผมแบบนั้นก่อนที่มันจะหันไปสนใจอาหารตรงหน้า เหลือเชื่อที่มันยังมีอารมณ์กินอีก ทั้งๆ ที่เพื่อนตัวเองเจ็บหนักขนาดนี้ “กูเตือนมึงแล้ว”
 
แม้ว่าฟิ้งจะบอกแบบนั้น แต่ในใจของผมไม่เชื่อหรอกว่าปูนจะรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ ที่บอกออกมาแบบนั้นก็เพราะปูนอารมณ์ไม่ดี ปูแค่รู้สึกอยากปกป้องตัวเองจากสถานการณ์นี้ ไม่ก็อยากจะประชดผมเท่านั้น
 
ในระหว่างนั้นผมก็รอปูนเสมอมา รอว่าเมื่อไหร่ปูนจะรู้นะว่าตัวเองทำผมเสียใจมากมายเท่าไหร่ ผมต้องห้ามตัวเองไว้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อไม่ให้เป็นฝ่ายไปง้อปูนก่อน ผมรู้ว่าผมก็มีส่วนผิดที่ทำให้ปูนพูดแบบนั้นออกมา แต่ในใจลึกๆ ผมก็หวังว่าจะได้ฟังคำขอโทษจากปูน
 
ผมกลับไปอยู่บ้าน สร้างความแปลกใจให้แม่ไม่น้อย หน้าเศร้าๆ ของผมทำให้แม่ไม่สบายใจ ผมเลยเปิดปากเล่าทุกอย่างออกมา ในตอนแรกผมกลัวว่าแม้จะรับไม่ได้ที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่แม่เพียงพูดว่า
 
“จะชายหรือหญิงไม่สำคัญหรอก เพียงแค่สอนให้ลูกแม่รู้จักคำว่ารักได้เสียทีก็พอแล้วล่ะ”
 
และพอเล่าว่าว่าที่ลูกสะใภ้แม่ทำเอาผมเสียใจขนาดไหน แม่กลับหัวเราะท้องแข็ง
 
“สมน้ำหน้า ทำคนอื่นเขาไว้เยอะนี่เราตอนนี้เจอกับตัวเองเสียบ้างก็ดี...เขาเรียกว่าอะไรนะ เวรกรรมตามสนองเหรอ”
 
โอเค ถึงว่าเคราะห์กรรมของผมยังไม่จบสิ้นแล้วกัน
 
เรื่องราวดำเนินมาถึงเมื่อวานตอนเย็นตอนที่ผมกำลังจะกลับบ้านเพื่อนเตรียมตัวไปงานวันเกิดใครสักคนเป็นเพื่อนฟิ้งคืนนี้ แต่ความจริงลึกๆ แล้วผมก็อยากดื่มเพื่อผ่อนคลายบ้างเหมือนกัน เผื่อจะได้คิดออกว่าจะทำยังไงกับเด็กดื้อที่ยังเงียบหายไปดี
 
“เอื้อ...มึงดีกับน้องแล้วเหรอวะ” ไอ้เดียวทักตอนกำลังจะขึ้นรถของมันที่จอดอยู่ข้างๆ กัน ผมได้แต่หันไปเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าทำไมมันถึงถามมาแบบนั้น “เมื่อกี้กูเห็นน้อง...นึกว่ามาหามึงซะอีก สรุปยังไม่ดีกันสินะ” มันดูรู้นสึกผิดโคตรๆ ที่ทักผมด้วยเรื่องของปูน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ตัวผมสนใจ
 
“มึงเห็นปูนที่ไหน”
 
“ที่คณะนี่ล่ะ...ตอนแรกกูนึกว่ามาหามึง แต่...กูอาจจะตาฝาดก็ได้” ไม่มีทางที่ไอ้เดียวจะตาฝาด ดูท่าทางของมันก็รู้ว่ามันเจอปูนจริงๆ แต่ทำไมเด็กดื้อไม่เข้ามาทักผมล่ะ
 
ในคืนนั้น...ผมก็ได้เจอปูนอีกครั้ง ยอมรับว่าแปลกใจไม่น้อยที่เห็นปูนที่นี่ และผมก็พร้อมที่จะคิดเข้าข้างตัวเองด้วยว่าปูนมาที่นี่เพราะผม และเมื่อสายตาของเราประสานกันนั่นแหละ ความอดทนของผมจึงสิ้นสุด
 
ผมลุกขึ้นยืน เดินไปหาปูนช้าๆ แต่ตอนที่กำลังจะถึงตัวปูน ฟิ้งก็เข้ามาขวางไว้ กลิ่นลมหายใจของมันและท่าทางโอนเอนบ่งบอกให้ผมรู้ว่ามันเมามากแค่ไหน ในใจผมคิดว่าขอจัดการเพื่อนตัวเองก่อนแล้วกัน เพราะยังไงก็เป็นคนพามันมานี่นะ แล้วเรื่องของปูนค่อยไปตามเค้นกับคนปากแข็งทีหลังว่าตามผมมาทำไม
 
ผมไปส่งฟิ้งที่ห้องของมัน เหวี่ยงมันลงเตียงแล้วกำลังจะผละออก ทว่าแขนเล็กๆ ของมันกลับตวัดเกี่ยวรอบคอผมเอาไว้เสียก่อน แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมันออกแรงดึงผมลงไปหาก่อนจะประกบปากเข้าหากัน ฟิ้งจูบผม พยายามที่จะสอดลิ้นเข้ามาด้านในโพรงปาก และสุดท้ายมันก็ทำสำเร็จอย่างทุลักทุเล ไม่ใช่ว่าผมไม่ขัดขืน แต่ฟิ้งก็เกาะหนึบยิ่งกว่าปลาหมึกในทะเลลึก
 
ร่างบางกว่าผลักผมให้นอนหงายบนเตียงก่อนจะขึ้นคร่อม มือเล็กปลดกระดุมเสื้อผมอย่างรีบร้อน แต่เพราะมันลนลานเกินไปจึงเปลี่ยนเป็นดึงทึ้งเสื้อผ้าผมแทน ในตอนนั้นผมได้แต่นอนนิ่งๆ มองการกระทำของมันด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะถามออกไปว่า
 
“มึงกำลังจะทำอะไรฟิ้ง”
 
“...”
 
“กูรู้ว่ามึงไม่ได้เมา”
 
“...”
 
“และถ้ามึงยังทำต่อไป คำว่าเพื่อนกูก็จะไม่ให้มึง” นั่นแหละ ฟิ้งถึงได้หยุดทุกอย่าง มันลืมตามองผม ใบหน้าแดงกล่ำไม่ต่างจากดวงตาคู่สวยที่คลอไปด้วยหยาดน้ำ ถ้าไมใช่ตอนนี้ผมคงสงสารมันจับใจ
 
ผมผลักฟิ้งออกก่อนจะลุกขึ้นมานั่งคนละฟากเตียงกันมัน เราสองคนเงียบไปสักครู่หนึ่ง แล้วฟิ้งมันก็ขยับมากอดผมไว้จากทางด้านหลัง น้ำตาของอีกฝ่ายทำให้แผ่นหลังของผมเปียกชื้น
 
“กูชอบมึงนะเอื้อ…” เสียงแหบห้าวสะอื้น “กูชอบมึง...อึก...จริงๆ นะเอื้อ”
 
“แต่กูคิดกับมึงแค่เพื่อน”
 
“กูรู้...กูถึงพยายามเป็นเพื่อนที่ดีกับมึงมาตลอด แต่ตอนนี้กูทำไม่ได้… เพราะกูรู้สึกเหมือนว่ากูกำลังจะเสียมึงไปให้ปูน...อึก...เอื้อ...ขอร้องเถอะ เลิกกับเด็กนั่นเถอะนะ กูไม่อยากเสียมึงไป…”
 
“กูคงทำให้มึงไม่ได้” ผมวางมือทาบกับมือเล็กกว่า “กูรักปูน”
 
ฟิ้งร้องไห้ออกมาเสียดังลั่นราวกับจะขาดใจ “ทำไมวะ...ทำไมไม่เป็นกู...อึก…”
 
“เพราะว่ามึงเป็นเพื่อนกูไงฟิ้ง”
 
“แต่กูไม่อยากเป็นแค่เพื่อนมึง!”
 
“...”
 
“ถ้ากูเลือกได้...วันนั้นกูคงไม่เข้าไปทักมึง…” ฟิ้งเหมือนปูนอยู่อย่างหนึ่งคือเจ้าตัวไม่รู้เลยว่าคำพูดที่เปล่งออกมานั้นทำให้คนฟังเสียใจมากแค่ไหน “ถ้าเลือกได้กูไม่อยากจะเป็นเพื่อนกับมึงเลย…”
 
เป็นคุณจะรู้สึกยังไงถ้าหากว่าเพื่อนที่คุณรักมากบอกว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณอีกต่อไป
 
ผมปลดมือของฟิ้งออกด้วยหัวใจที่เหนื่อยล้า ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
 
“กูไม่โกรธที่มึงพูดแบบนี้หรอกฟิ้ง...แต่รู้ไว้นะว่าถ้ากูเลือกได้...กูก็ยังอยากจะเป็นเพื่อนมึงเหมือนเดิม”
 
“...อึก…”
 
“ขอบคุณนะที่ทนเป็นเพื่อนกับคนอย่างกู...ขอบคุณจริงๆ ว่ะฟิ้ง”
 
ผมเดินจากมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ของฟิ้ง และในตอนที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดลงผมก็เห็นว่าฟิ้งวิ่งมาหาผม แต่ก็ไม่ทันเมื่อประตูลิตฟ์ปิดลงเสียก่อน พอลงมาถึงชั้นล่างผมก็พบกับคนที่ผมอยากเจอมากที่สุด
 
ปูนอยู่ข้างหน้าผมแล้ว…
 
ฟิ้งตามมาทันจนได้ แต่ความเสียใจทำให้ผมยังไม่อยากคุยกับมันตอนนี้ ผมเลือกที่จะปล่อยมันเอาไว้แล้วไปกับปูน ผมพาปูนมาที่บ้าน เราปรับความเข้าใจกัน...แล้วผมก็ทำปูนร้องไห้อีกแล้ว ปกติเด็กดื้อของผมไม่ใช่คนขี้แย แต่เรื่องราวที่ผ่านมาคงทำให้เด็กดื้อของผมอ่อนแอลง
 
“ปูนขอโทษนะ ถ้าเอื้อจะเลือกพี่ฟิ้งก็ได้ ปูนยอมแล้ว ดีกว่าต้องมาเห็นเอื้อเสียใจแบบนี้ ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ” ระหว่างที่พูดปูนก็พยายามกลั้นเสียงสะอื้นไปด้วย มันยิ่งทำให้ผมสงสารอีกฝ่ายจับใจ
 
“ร้องไห้ทำไม ชู่...ไม่ร้องสิปูน ไม่ต้องขอโทษ เรื่องนี้ปูนไม่ผิด เรื่องของพี่กับฟิ้งมันถึงเวลาแล้ว ขืนปล่อยไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น”
 
“ถึงยังไงก็ต้องขอโทษ…” เด็กดื้อวางมือลงบนหน้าของผม ปูนจะรู้หรือเปล่าว่าแววตาของปูนตอนนี้มันทำให้ผมหัวใจเต้นแรงขนาดไหน ดวงตาหวานราวกับตากวางที่มีหยาดน้ำใสๆ คลออยู่ ยิ่งชวนให้หลงไหล “ปูนมันเป็นคนเห็นแก่ตัว...อยากเป็นคนสำคัญที่สุดของเอื้อ ไม่อยากให้เอื้อมองใคร...อยากเป็นคนเดียวที่เอื้อรัก”
 
เด็กดื้อ...ในที่สุดก็ยอมพูดออกมาจนได้
 
“หึ...เขินทั้งที่กำลังร้องไห้...น่ารักจริงๆ เลย อ้าว...หัวเราะอีก ยังสติดีอยู่หรือเปล่าครับน้องปูน”
 
“เป็นบ้าไปแล้ว”
 
“เป็นบ้า? บ้าอะไร...บ้ารักพี่เหรอ”เ ห็นแก้มแดงๆ แล้วมันอดแกล้งไม่ได้จริงๆ ครับ ผมคงเป็นโรคจิตแล้วล่ะ
 
“อือ คงอย่างนั้นแหละ” เล่นโจมตีกันโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ ร้ายกาจจริงๆ ที่ทำให้ผมหลงไหลได้ขนาดนี้ แต่ผมถามกลับอย่างจริงจังกลับทำเป้นโมเมเปลี่ยนไปเรื่องอื่น
 
อย่างนี้ต้องบอกรักคืนกันหน่อยแล้ว
 
“พี่รักปูนนะ”
 
“เดี๋ยวดิ ยังไม่ทันตั้งตัวเลย”
 
“พี่เอื้อรักปูนนะครับ” ผมจูบแก้มแดงงที่ล่อสายตา อ่า...ชื่นใจจริงๆ “จะไม่ตอบอะไรหน่อยเหรอ...ปูน…”
 
“มะ เหมือนกัน”
 
“เหมือนกันอะไร”
 
“ก็รักเหมือนกันไงเล่า!”
 
หึๆ ในที่สุดคืนนี้ผมก็ได้ฟังคำที่ผมอยากได้ยินมาตลอดเสียที เท่านี้ผมก็สุดใจไปทั้งคืนแล้วครับ

..
.
ผมนอนมองหน้าปูนอยู่อย่างนี้มาเป็นสิบนาทีเห็นจะได้ เมื่อคืนจำได้ว่ากอดกันอยู่ดีๆ แต่เด็กดื้อกลับรอรดิ้นเสียจนกอดต่อไม่ไหวเลยได้แต่นอนจับมือเอาไว้แบบนี้ และแล้วดวงตากลมก็ค่อยๆ ลืมขึ้น คนตรงหน้าสะดุ้งเบาๆ ที่เจอผมส่งยิ้มให้แต่เช้า
 
“สยองอ่ะ มานอนมองแล้วยิ้ม บ้าหรือเปล่า” ปากดีจริงๆ ครับ ทั้งที่หน้าแดงแจ๋ขนาดนี้ยังไม่วายกวนประสาทกันอีกนะ
 
“อรุณสวัสดิ์”
 
ปูนกระพริบตาก่อนจะพลิกตัวนอนหงาย “กี่โมงแล้วอ่ะ” ว่าพลางก้มลงมองมือที่จับกันไว้ “โห นี่จับไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเลยเหรอ”
 
“ที่จริงกอดต่างหาก แต่ปูนดิ้นเลยกอดไม่ไหว” นี่เรื่องจริงนะ ไม่ได้ใส่ร้ายเลย วันหลังคงต้องกอดไว้แน่นๆ จะได้ไม่ดิ้นแล้วทำร้ายผมแบบนี้อีก
 
“ไม่จริงอ่ะ โตแล้วไม่ดิ้นแล้ว” ทำหน้าไม่อยากเชื่อ “ว่าแต่ตื่นเช้านะเนี่ย ไม่สบายหรือเปล่า”
 
“นิดหน่อย เหมือนว่าจะเป็นไข้”
 
“จริงดิ” ร่างบางตาโตแล้วพุ่งตัวมาหาผมพร้อมกับแนบหลังมือลงกับหน้าผาก “ไม่เห็นร้อนเลยอ่ะ ปวดหัวมั้ย หรือเจ็บคอ รู้สึกหนาวๆ หรือเปล่า หรือว่า…”
 
“พอแล้วๆ”  เห็นแล้วอดขำไม่ไหวครับ แบบนี้น่าจะให้มาเรียนเภสัชฯ ด้วยกันกันนะ ซักประวัติคนไข้เสียละเอียดเลย “พี่เป็นไข้ที่ชน…”
 
“ไข้ที่ชน?”
 
“ก็คนที่ใช่สำหรับปูนไง” ว่าแล้วก็ยิ้มแป้น โอ๊ยยย เขินมุกเสี่ยวตัวเองฉิบหาย ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้นะ สงสัยอยู่กับไอ้เดียวมากเกินไป
 
“สรุปไม่ได้ป่วยใช่ป่ะ จะได้ไม่ต้องสนใจ”
 
ผมรีบกอดปูนเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายเตรียมจะลุกจากเตียง “พี่ล้อเล่น...พี่แค่ดีใจที่มีปูนมานอนข้างๆ เท่านั้นเอง”
 
“ปากหวาน”
 
“ก็หวานไม่เท่าปูนหรอกครับ…” เข้าทางผมสิ พูดจบก็ขอชิมปากบางที่เผยอเหมือนเป็นการเชิญชวนโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว ริมฝีปากนุ่มนิ่นหวานฉ่ำ ลิ้นเล็กที่กระหวัดเกี่ยวกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงครางหวานๆ ที่เจ้าตัวเปล่งออกมาโดยไม่ร้ตัว ทุกอย่างกระตุ้นให้ผมเคลิ้บเคลิ้มและหลงไหลจนยากจะถอนใจ
 
“อือ…หยุด...หยุดก่อนๆ” เด็กดื้อยกมือขึ้นมากลั้นกลางระหว่างริมฝีปากของเราทั้งคู่ ทำให้ผมได้แต่จูบซับที่ผ่านมือบางแทน “เฉยๆ ก่อนสิ”
 
“มีอะไรครับ”
 
“เพิ่งนึกขึ้นได้…” ปูนเว้ยวรรค แต่สายตาจ้องผมไม่วางตาจนรู้สึกเกรงๆ ที่ว่านึกขึ้นได้นี่นึกอะไรได้วะ ไม่ใช่ว่านึกถึงคดีเก่าๆ ผมได้แล้วพาลโกรธกันหรอกนะ “เมื่อคืนกันพี่ฟิ้ง...ได้ทำอะไรกันหรือเปล่า”
 
“อ่อ…” ผมส่งยิ้มให้ปูน อยู่ๆ ก็รู้สึกหัวใจพองโต นานๆ ทีเด็กปากแข็งจะแสดงออกว่าหึงผมนะครับ “ไม่มีอะไรหรอก ไม่ได้ทำอะไรกันทั้งนั้น”
 
“แล้วทำไมเสื้อผ้าถึงหยุดทั้งคู่เลย” โอ้โห สังเกตขนาดนี้เลยเหรอ บอกแล้วว่าปูนน่ะเป็นคนคิดมาก แถมไม่ค่อยพูดออกมาเสียด้วย
 
“ที่จริงก็มีนิดหน่อย…”
 
“อะไร!” ดุชะมัด นี่ผมเตรียมยื่นใบสมัครสมาคมพ่อบ้านใจกล้าไว้เลยดีมั้ย
 
“แค่จูบ...จูบเดียวเลย จูบเดียวจริงๆ ไม่มีอย่างอื่น”
 
“แลกลิ้นหรือเปล่า” ถามทั้งๆ ที่หน้าแดง อยากจะแซวนะครับแต่เห็นหน้าคนถามแล้วไม่กล้าแซวเท่าไหร่ มองผมไม่วางตาทีเดียว
 
“ก็...นิดหน่อย”
 
ผัวะ!!
 
หมอนใบใหญ่พสดเข้าที่หน้าผมเต็มๆ จนหงายหลังลงไปนอน (ตัวเล็กๆ แค่นี้ทำไมแรงเยอะจังวะ) “โอ๊ยยย ฟาดมาทำไมเนี่ย”
 
“แลกลิ้นเลยเหรอ! อยากตายมากใช้มั้ย!”
 
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นดิ...เรื่องมันผ่านไปแล้วนะ อีกอย่างพี่ไม่ได้เต็มใจสักหน่อย” ผมคว้าตัวปูนเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะฟาดหมอนลงมาอีก
 
“พี่ฟิ้งตัวเล็กนิดเดียว ทำไมไม่ขัดขืน”
 
“ก็เหมือนเราแหละ ตัวเล็กนิดเดียว...แต่หึงทีก็แรงเยอะจนพี่จับไม่อยู่แล้วเนี่ย” ผมรัดตัวปูนให้แน่นขึ้นไปอีก ก่อนจะฝังจมูกลงบนแก้มเนียน
 
ฟอด!
 
“ไม่หึงนะครับ เมื่อคืนไม่มีอะไรเลยจริงๆ”
 
“...จริงนะ” เริ่มนิ่งแล้วครับ
 
“จริงสิ จะมีอะไรได้ไง ก็พี่คิดถึงแต่ปูนคนเดียวนี่นา” ผมย้ำ ก่อนจะกดจูบอีกฝ่ายซ้ำไปซ้ำมา ช่วงชิงทุกลมหายใจของปูนไว้และมอบลมหายใจของตัวเองให้แทน “ปูนครับ...พี่รักปูนนะ”
 
ผมสัญญา...ไม่สิ ต่อไปนี้ไม่จะไม่มีวันคิดนอกลู่นอกทางเด็กดื้ออีกเลย

..
.
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงสายๆ ผมถึงได้พาปูนลงมาข้างล่างเสียที อาหารมื้อแรกของวันดูเป็นที่ชอบใจของเด็กดื้อมากเพราะเจ้าตัวเล่นทานข้าวไปตั้งสองจานทั้งที่ปกติจานเดียวก็ยังทานไม่ค่อยจะหมด พอถามว่าทำไมวันนี้ทานอาหารได้เยอะกว่าปกติก็ได้คำตอบว่าเพราะช่วงที่ผ่านมาทานอะไรไม่ค่อยลง
 
อือ...เล่นเอาผมรู้สึกผิดเลยครับ
 
“จอใหญ่อย่างกับโรงหนัง” ปูนตาโต รีบวิ่งเ้าหาโซฟาตัวใหญ่แล้วกระโดดลงไปจนเกือบจะตกลงมา
 
“อย่าซนสิ เดี๋ยวเจ็บตัวขึ้นมาจะว่าไง”
 
“อย่างนี้ดูการ์ตูนอย่างมัน” ยังไม่สลดครับ ปูนน่ะไม่กลัวผมหรอก แต่ที่ยอมมเสียส่วนใหญ่คงเป็นเพราะขี้เกียจทะเลาะด้วยมากกว่า “รีบเปิดเลยๆ เอาโคนันเดอะมูฟวี่นะ”
 
“อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย จะดูการ์ตูน”
 
“ก็น้อยกว่าคุณแล้วกัน” เด็กดื้อยักคิ้วใส่ผมครับ มันน่าแกล้งนักเชียว ผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ก่อนจะคว้าคอปูนเข้ามาใกล้แล้วกระซิบบอกเสียงแผ่ว
 
“เดี๋ยวคืนนี้ได้รู้เลยว่าคนแก่กว่าน่ะลีลาเด็ดขนาดไหน”
 
“ทะลึ่ง” แค่นี้ก็หน้าแดงแล้วครับ เฮ้อ ถ้าถึงเวลาจริงๆ ไม่อายจนตัวแตกเลยหรือไง “แล้วก็ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
 
ใครจะมาเห็นล่ะ ในบ้านน่ะมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นแหละ พ่อกับแม่และพี่ชายไปทำงาน ส่วนหลานๆ ก็ไปเรียบพิเศษกันหมด พี่สะใภ้ของผมก็คงตามไปเฝ้่ลูกด้วยนั่นแหละ
 
“ปูน”
 
“อะไร จะแกล้งอะไรอีก” ถามพลางเหล่มองด้วยความไม่ไว้ใจ ผมก็ได้แต่มองหน้าน้องแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ ปูนเป็นคนปากเก่งที่น่ารักที่สุดเท่าที่ผมเจอมา
 
“เป็นแฟนกันนะ”
 
ปูนไม่ตอบ เอาแต่จ้องหน้าผมอึ้งๆ แล้วกระพริบตาถี่ๆ ท่าทางน่ารักแบบนี้ทำให้ผมอดใจไม่ไหวต้องโน้มหน้าลงไปจูบปากอีกฝ่ายเบาๆ
 
จุ๊บ
 
“เมื่อกี้ได้ยินที่พี่พูดหรือเปล่าครับ”
 
หน้าแดงอีกแล้ว “ดะ ได้ยิน และ แล้วก็รู้ด้วยว่าถูกขโมยจูบไป”
 
“โอ๋ๆ ให้จูบคืนเลยอ่ะ” ผมยื่นหน้าไปให้ แต่ปูนก็ผลักหน้าผมให้ออกห่าง “ถ้าได้ยินบอกมาสิว่าเมื่อกี้พี่พูดอะไร”
 
“ก็...เป็นแฟนกันนะ”
 
“ตกลงครับ”
 
“เฮ้ย!”
 
“ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะ”
 
“เดี๋ยวดิ อย่ามาตีเนียนนะ”
 
“ไม่เดี๋ยวแล้ว” ผมยักคิ้วให้ คิดว่าตัวเองในตอนนี้คงกวนบาทาไม่น้อย ดูจากหน้าปูนที่มองมาทางผมก็เดาได้ แต่ก็นั่นแหละ การได้แกล้งปูนเป็นความสุขของผมครับ “พี่ไม่อยากเป็นแค่คนที่กำลังคุยๆ กับปูนอีกแล้ว”
 
“...”
 
“ให้พี่ได้เป็นคนที่ยืนข้างปูนนะครับ”
 
“...ก็...เป็นมาตลอดนั่นแหละ ไม่เห็นต้องขอเลย” คำตอบของปูนทำให้ผมยิ้มกว้าง ไม่ว่าเมื่อไหร่ เด็กดื้อคนนี้ก็ทำให้ผมมีความสุขได้เสมอ “เลิกยิ้มได้แล้วน่า เดี๋ยวก็จิ้มให้ตา...อื้ออออ”
 
และสุดท้ายเด็กปากเก่งก็โดนผมจูบปิดปากในที่สุด จูบได้ไม่ถึงนาทีผมก็ผละออกมา หอมแก้มแฟนคนแรกของผมอีกครั้ง มองสบดวงตาคู่สวยที่ผมหลงไหลด้วยความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจ ก่อนจะก้มลงกระซิบคำว่ารักที่ข้างหูพร้อมกับโอบกอดปูนเอาไว้
 
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่เอื้อมหัวใจลงมาให้พี่รักนะ”
 
“...อือ...เหวอ!! จะ จะทำอะไรอ่ะ!!”
 
ผมหัวเราะพร้อมกับแบกปูนขึ้นหลัง ตัวเล็กขนาดนี้ก็ดีไปอย่าง พกไปไหนมาไหนง่ายดี (เดี๋ยวๆ คนนะไม่ใช่หมา!)
 
“เป็นแฟนกันแล้ว ก็ต้องไปทำกิจกรรมที่แฟนเขาทำกันสิ”
 
“เฮ้ย! จะดูการ์ตูนนน!”
 
“เอาไว้ลงมาดูทีหลังก็ได้”
 
“ไม่เอาโว้ยยยยยย!”
 
“ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธครับ”
 
“เอื้ออออ ปล่อยยยยยยย”
 
“ร้องไปเถอะ ยังไงวันนี้ก็ไม่รรอดอยู่ดีครับ...ที่รัก”

..
.
“ใครก็ได้ช่วยพี่ปูนด้วยยยยยยยยยยยย!!”

END

=======================================================
=============================================
ซาหวัดดีค่าาาาาาาาาาาาา มาอีกทีก็ตอนจบเลยเนาะ
  เราตั้งใจแต่งเรื่องนี้มากๆ เลยนะ
อาจจะสนุกบ้างไม่สนุกบ้างยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยที่ตัดสินใจลง นั่นเพราะเพื่อนยุค่ะ ขอบคุณนางด้วยนะที่ยุยงให้มาลง 5555
ก็ขอฝากพี่เอื้อและน้องปูนเอาไว้ในใจด้วยนะคะ  :mew1:
เราจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ นะคะ
ก็อยากขอบคุณทุกคนที่อ่านกันมาตั้งแต่ต้น ขอบคุณจริงๆ ค่ะ :o8: :-[
รักทุกคนเลยน้าาาา
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.33 29.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-05-2017 21:40:02
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.33 29.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-05-2017 21:56:43
ขอบคุณคนเขียนค่า ยังไงส่งตอนพิเศษมาแก้ความคิดถึงน้องปูนบ้างนะค๊า
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.33 29.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-05-2017 06:44:46
ลุ้นฉากที่ทำให้ฟิ้งยอมเปิดเผยตัวตน
และเอื้อได้เลิกเสมือนให้ความหวังฟิ้งสักที

พี่เอื้อกับน้องปูนไปทำอะไรกันบนห้องคะ อิอิ
รอตอนพิเศษนะคะ

ขอบคุณคนแต่งด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.33 29.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-05-2017 08:10:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.33 29.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 30-05-2017 13:31:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.33 29.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-05-2017 15:13:27
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.33 29.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 30-05-2017 21:12:03
ไม่มีใครช่วยพี่ปูนหรอกจ้า เค้าอยากให้ลงเอยกันจะตาย :laugh: ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.33 29.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 31-05-2017 10:01:39
 :o8:  โห้ยยย เรื่องนี้น่ารักอ่า

ขอบคุณน้าา

 :L1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.33 29.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 03-06-2017 22:21:13
เรื่องราวของฟ้า
ตอน ในที่สุด

 
เขาว่ากันว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูนจ์ใจคน ยอมรับว่าตอนแรกผมค่อนข้างที่จะไม่เห็นด้วย แต่ผมก็ต้องเชื่อในที่สุดเมื่อเห็นความรักของพี่เอื้อที่มีต่อปูน ทั้งที่พี่เอื้อเป็นผู้ชายแบบนั้น...นั่นแหละ มันเป็นอดีตผมไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่ แต่สุดท้ายแล้วพี่เขาก็ทำให้พวกเราทุกคนเห็นว่าเขาจริงใจและจริงจังกับปูนขนาดไหน ผมดีใจกับเพื่อน เพราะในที่สุดปูนมันก็มีความสุขสักที เห็นมันยิ้มบ่อยๆ แบบนี้ก็พาเอาคนพวกผมพลอยยินดีไปด้วย มันไม่รู้หรอกว่าพวกผมห่วงมันขนาดไหน มันชอบคิดว่าตัวเองโตแล้ว และออกอาการเป็นห่วงผมเหมือนเป็นน้องเล็กของกลุ่ม แต่บอกไว้ตรงนี้เลยว่า...ผม กล้า และโจมนั้นลงความเห็นกันว่าคนที่น่าเป็นห่วงและเด็กที่สุดก็คืปูน
 
ตอนนี้เห็นว่ามีคนดูแลมันแทนพวกผมก็เบาใจครับ ถึงปูนมันจะดื้อผมก็มั่นใจว่าพี่เอื้อจัดการได้ แม้ว่าพี่เอื้ออาจจะทำให้มันเสียนิสัยเพิ่มก็ตาม เพราะตั้งแต่เป็นแฟนกันมา พี่เอื้อเหมือนจะดุ แต่เอาจริงๆ แล้วยอมปูนทุกอย่างเลย
 
“อีกแล้วเหรอ เมื่อสองวันก่อนก็ซื้อไปแล้วนะปูน” นั่นไงครับ กำลังเริ่มเลย มาดูกันเลยว่าจริงๆ แล้วพี่เอื้อยอมปูนขนาดไหน “พอแล้ว ค่าขนมเดือนนี้หมดไปกับเรื่องไร้สาระเท่าไหร่แล้ว ทั้งฟิกเกอร์ ทั้งโมเดล ไหนจะเกมอีก จะล้นห้องอยู่แล้ว”
 
“บ่นเป็นตาลุงเลย เอื้อไม่เข้าใจความสุขของปูนหรอก” เหมือนมันจะงอนพี่เอื้อนะครับ แต่พอหลังจากประโยคนั้นก็เกาะแขนพี่เอื้อเป็นลูกลิงเลย “นะๆๆ ขออีกเล่มเดียวจะพอเลย เดือนนี้ไม่มีอีกแล้ว”มันส่งยิ้มกว้างๆ ให้พี่เอื้อ ซึ่งผมพนันเลยว่ายังไงพี่เขาก็ต้องแพ้รอยยิ้มแบบนี้ บอกตามตรงผมมองเองผมยังใจอ่อนเลย “นะเอื้อนะ นะๆๆ เล่มเดียวเอง แล้วจะพอเลย”
 
“แต่เงินเดือนนี้จะหมดแล้วนี่” อะไรวะปูน นี่เพิ่งจะกลางเดือนเองนะเว้ย มึงจะช็อตแล้วเหรอวะ
 
“ก็...ยืมเอื้อใช้ก่อนไง เดี๋ยวเดือนหน้าคืน”
 
ผมเหมือนเห็นหูกับหางปีศาจของพี่เอื้อมันงอกออกมายังไงก็ไม่รู้ เพราะรอยยิ้มพี่แกมันโคตรไม่น่าไว้ใจเอามากๆ “ให้ยืมก็ได้…”
 
“เย้! เอามาเลยขอยืมก่อนสองร้อยบาท เดี๋ยวคืนให้เดือนหน้านะ”
 
พี่เอื้อเปิดประเป๋าเงินก่อนจะหยิบธนบัตรใยสีม่วงสวยงามส่งให้กับแฟนตัวเอง ผมบอกแล้วว่าพี่เขาตามใจมัน ถึงแม้จะไม่ค่อยบริสุทธ์ใจก็ตาม “เอาไปเลย พี่ไม่มีแบงค์ย่อย” ปูนตาวาวเลยครับ คว้าหมับ! แล้วรีบยัดใส่กระเป๋าตัวเองทันที “แต่พี่คิดดอกแพงนะ”
 
“ง่ะ งั้นเอาคืนไปเลย”
 
“ให้ยืมแล้วไม่รับคืน...เอาน่า ดอกพี่น่ะปูนจ่ายได้สบายมาก” คราวนี้ปูนมันรู้สึกถึงสายตาของพี่เอื้อแล้วครับ มันขยับตัวออกห่างอีกฝ่ายช้าๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะพี่เอื้อวางมือลงบนบ่าแล้วรั้งมันเข้ามาใกล้ๆ “อย่าเลย...ยังไงปูนก็หนีพี่ไม่พ้นหรอก”
 
“...” ได้ยินเสียงกลืนน้ำลาย
 
“เดี๋ยวเย็นนี้พี่พาไปซื้อการ์ตูน แล้วก็ไปกินของอร่อยๆ กันนะ”
 
“จริงอ่ะ! พูดแล้วนะ ห้ามคืนคำด้วย!” อะไรวะ แค่เอาของกินมาล่อมึงก็ติดกับเขาแล้วเหรอ บอกแล้วมันน่ะน่าเป็นห่วงที่สุด และคนอย่างมันไม่มีทางทันเล่ห์เหลี่ยงของพี่เอื้อหรอกจะบอกให้!!
 
นั่นแหละครับ มองคู่มันแล้วก็ต้องอิจฉาปนระอากับความใสซื่อของน้องปูน ถ้าผมเป็นมันนะ ไม่ยอมเสียเปรียบพี่เอื้อแบบนี้หรอก แต่จะว่ามันมากไม่ได้ครับ เพราะคนที่เซ่อและโง่กว่ามันคือผมนี่แหละ ก็ดันไปเสียท่าไอ้กล้าเอาซะได้
 
มันเป็นความผิดพลาดก็จริง คืนนั้นผมกับมันก็เมากับทั้งคู่ เลยเกิดอะไรเลยเถิดขึ้น...แต่สารภาพตามตรงว่าจริงๆ แล้วนั้นผมยังพอมีสติอยู่เล็กน้อย...มีสติขนาดที่รู้ว่าคนตรงหน้าของผมคือใคร และเรากำลังทำอะไรกัน ทว่าตอนนั้นผมควบคุมอะไรไม่ได้
 
ต้องยอมรับตรงนี้เลยว่าเอาเข้าจริงแล้วผมแพ้ทางไอ้กล้ามัน แพ้รอยยิ้มซื่อๆ แพ้ความขี้เสือกของมันที่เข้ามาวุ่นวายกับผมได้ทุกเรื่อง แพ้ปากหมาๆ ที่เอาแต่ป้อนคำหวานจนผมเอียนแต่ก็แอบมายิ้มอยู่คนเดียว แพ้ความใส่ใจที่มันมีให้เสมอมา
 
แต่ถึงจะแพ้มันยังไง...ผมก็ยังไม่อยากยอมรับอยู่ดีว่าผมชอบมัน
 
บอกแล้วว่าเรื่องของเรามันเกิดจากความผิดพลาด ถ้าวันนั้นเราไม่ได้เผลอมีอะไรกัน กล้ากับผมคงจะไม่ได้มีสถานะแบบนี้ เราก็คงเป็นเพื่อนกับธรรมดาไม่มีอะไรเกินเลย
 
ผมไม่แน่ใจว่าที่กล้าทำอยู่ตอนนี้เพราะมันรู้สึกผิดต่อผม หรือว่ามันอยากเป็นแฟนผมจริงๆ
 
“เย็นนี้กินอะไรดีวะฟ้า” นึกในหัวอยู่ดีๆ ไอ้ตัวเป็นๆ ที่นั่งข้างกันก็ถามขึ้น ทำเอาผมที่คิดอะไรเพลินๆ ถึงกับสะดุ้ง “เป็นอะไรเนี่ย เหม่ออะไร”
 
ก็กำลังเหม่อถึงมันนั่นแหละ แต่ให้ตายยังไงผมก็ไม่บอกมันหรอก ว่าแต่เมื่อกี้มันถามอะไรนะ
 
“เปล่า มึงว่าไงนะ”
 
“กูถามว่าเย็นนี้กินอะไรกันดี แต่กูอยากกินชาบูว่ะ” คิดไว้อยู่แล้วจะมาถามทำไมวะกล้าเป็นแบบนี้เสมอ แสดงออกมาอย่างง่ายดายว่าตัวเองต้องการอะไร “มึงว่าไงฟ้า”
 
“มึงอยากกินก็ไปกินดิ เกี่ยวอะไรกับกูอ่ะ ท้องไม่ได้ติดกันสักหน่อย”
 
“ทำไมพูดแบบนั้นว้า ตอนนี้เราเป็นผะ…” ผมรีบตีปากมันก่อนที่จะหลุดคำหน้าอายออกมา เราไม่ได้อยู่กันแค่สองคนนะเว้ย แม้ว่าจะได้กันมาหลายครั้งแล้วแต่ผมก็ยังไม่ชอบอยู่ดีนั่นแหละ “เจ็บนะฟ้า อะไรวะ ดีมาเฉยเลย”
 
“ก็มึงจะเพ้อเจ้ออะไรเล่า” บอกตามตรงเลยเห็นแบบนี้ผมก็หน้าบางเหมือนกันนะครับ “ตกลงกินชาบูแล้วกัน”
 
ทำไมต้องยอมมันตลอดเลยวะกูเนี่ย

..
.
สุดท้ายเราก็ยกพวกกันมากินชาบู ที่ต้องบอกว่ายกพวกเพราะเรามากันหมดทั้งกลุ่มจริงๆ มีตัวแถมอย่างพี่เอื้อและพี่เดียวด้วย ครั้งล่าสุดที่เราได้รวมกลุ่มเฮฮากันแบบนี้ก็คงเป็นต้นเทมอตอนไปบ้านพี่เดียว ครั้งนั้นมันสนุกมาก เสียดายที่ปูน พี่เอื้อ และโจมกลับไปก่อน ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นฉากเด็ดระหว่างหนูนาและบอยที่เอาแต่ร้องเพลงส่งสายตาหวานซึ้งให้กัน ถ้าไม่ตาบอดหรือโง่จริงๆ ก็ต้องรู้ว่าสองคนนี้มีอะไรในกอไผ่อย่างแน่นอน
 
“เมื่อไหร่มึงจะเป็นแฟนกันวะ อุตส่าห์นำหน้าไอ้คู่นั้นไปตั้งไกล ทำไมสถานะยังไม่แน่นอน” พี่เดียวว่าพลางพยักหน้าไปทางพี่เอื้อกับปูน พี่เอื้อดูแลเพื่อนผมดีจริงๆ ครับ คอยตักของในหม้อให้ตลอดเลย แล้วเห็นว่าพอทานเสร็จจะพาปูนไปซื้อหลังสือการ์ตูนด้วย อะไรจะตามใจขนาดนั้น
 
“พูดแบบนี้ผมเจ็บเลย” กล้ามันยกมือขึ้นกุมตรงอกข้างซ้าย เรื่องเล่นใหญ่ขอให้บอกครับ “รอฟ้ามันตกลงอยู่นี่ล่ะครับ เมื่อไหร่จะยอมก็ไม่รู้ เอากันทุกวันแท้ๆ”
 
กูจะไม่ยอมก็เพราะมึงมันนิสัยอย่างนี้ไงเล่า! ไม่ได้อยากจะเขินนะ แต่ก็อดหน้าแดงไม่ได้เมื่อมันพูดออกมาอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ แม่งเคยอายบ้างป่ะถามจริงๆ เลย
 
“แล้วทำไมมึงไม่ยอมสักทีวะฟ้า” นั่น เรื่องกูกลายเป็นจุดสนใจเสียอย่างนั้น
 
ผมหันไปมองไอ้บอย ก่อนจะตอบไปว่า “เรื่องของกู” เพื่อเป็นการปิดบทสนทนา
 
และระหว่างที่เรากำลังทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยนั้น เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
 
“นั่นพี่กล้านี่!!” เสียงแหลมสูงของใครบางคนดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยร่างบาง เห็นแค่โบว์สีขาวก็จำได้แล้วว่าใคร ผมวางตะเกียบลง ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม หมดแล้วความอยากอาหาร “พี่กล้าสวัสดีค่ะ”
 
เธอคนนี้คือเด็กปีหนึ่ง ชื่อพลอยใส พลอยใสน่ารักครับ ใครเห็นต้องต้องเอ็นดูเธอทั้งนั้น เธอสูงเท่าผมเองครับ ตัวเล็กๆ บางๆ แต่หน้าอกหน้าใจเหลือล้น แถมมีรอยยิ้มสดใสเสมอ มองๆ ไปก็ให้อารมณ์เหมือนกับมิ้ม ผู้หญิงที่ทำให้ปูนกับพี่เอื้อได้รู้จักกัน และที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาเธอยิ่งนักเพราะว่าเธอคือน้องรหัสไอ้กล้า
 
น้องรหัสที่มองก็รู้ว่าไม่ได้อยากเป็นแค่น้อง…
 
“น้องพลอยขา...พวกพี่นั่งอยู่กันทั้งโต๊ะแต่สวัสดีไอ้กล้าคนเดียวเหรอคะ” ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ไม่ค่อยถูกชะตากับเด็กพลอยใส หนูนาก็ด้วย มันบอกว่าพลอยใสเป็นผู้หญิงจำพวกที่ผู้หญิงด้วยกันเห็นหน้าก็ไม่ชอบแล้ว
 
“อุ๊ยขอโทษค่ะ สวัสดีค่ะพี่ๆ ทุกคน...สวัสดีค่ะพี่ฟ้า” ไม่ได้คิดไปเองหรอกใช่มั้ยว่าเด็กนี่ต้องมีเรื่องอะไรในใจกับผม “พี่เอื้อก็อยู่ด้วยเหรอคะ เพื่อนหนูชอบพี่มากๆ เลยนะ...แกๆ!! นี่ไงพี่เอื้อของแกอ่ะ!”
 
น้องพลอยใสกวักมือเรียกเพื่อนของตัวเอง ผมจำไม่ได้ว่าเคยเห็นเพื่อนของเธอในคณะมาก่อน และก็ถึงบ้างอ้อเมื่อเธอแนะนำว่าเพื่อนเธอคนนี้มาจากคณะสังคมศาสตร์ และการปรากฏตัวของเพื่อนพลอยใสก็ทำเอาปูนหมดความอยากอาหารพอๆ กับผม เห็นปูนมันเหมือนจะไม่ค่อยคิดอะไรมาก แต่ความจริงแล้วคิดเยอะและขี้หึงอย่าบอกใครครับ
 
“ไม่รู้เลยนะ ว่าเอื้อเป็นของน้องเขาด้วย” ปูนส่งยิ้มให้พี่เอื้อที่นั่งถอนหายใจ เกิดมาหล่อมันก็ลำบากแบบนี้ล่ะครับพี่ สู้ๆ นะผมเป็นกำลังใจให้
 
“บังเอิญมากเลยนะคะ หนูกับเพื่อนว่าจะมากินร้านนี้พอดี เรามากันสองคนเอง นั่งด้วยได้หรือเปล่าคะ” ถามด้วยรอยยิ้มใสซื่อ ผมมองหน้าไอ้โง่กล้า… ครับ ต้องเรียกแบบนี้จริงๆ เพราะมันทั้งโง่ ทั้งเซ่อ เชื่อหรือเปล่าว่ามันไม่รู้ตัวเลยว่าเด็กพลอยใสนี่คิดอย่างไรกับมัน มันเอาแต่คิดว่าตัวเองหน้าตาไม่ดี คงไม่มีใครสนใจ
 
แต่ขอโทษเถอะ...เด็กนี่มันสนโว้ย!!
 
“เอาสิ มาเลย กินกันเยอะๆ สนุกดี”
 
ไอ้ควายยยยยยยยยยยยยยยย
 
ผม หนูนา และไอ้ปูนร่วมด่าไอ้กล้าทางสายตา มันก็เหมือนจะรู้ตัวครับ มองพวกผมสลับกันไปมาก่อนจะเกาหัวงงๆ
 
“มึงตายแน่ไอ้กล้า” โจมพูดไว้แบบนั้น และผมคิดว่าถ้าเด็กพลอยนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเรา ไอ้กล้าตายจริงอย่างที่โจมพูดแน่นอน...ด้วยน้ำมือของผมนี่ล่ะ!
 
“อย่างนั้นพลอยไม่เกรงใจล่ะนะคะ” เกรงใจกูบ้างเถอะ ทั้งโต๊ะนี่พี่คุณนะปีหนึ่ง คุณไม่กลัวโดดพวกผมทำโทษหรือไง “แกๆ นั่งเลย”
 
“รบกวนด้วยนะคะ” และพอน้องสองคนนั่งลง พี่เอื้อผู้ฉลาดและเจ้าเล่ห์ก็ขอตัวลากปูนกลับไปก่อนโดยอ้างว่ามีธุระด้วย ทั้งยังแสดงสีหน้าเสียดายออกมาอย่างชัดเจน (และเสแสร้งสุดๆ) ที่ไม่ได้ร่วมโต๊ะกับน้องทั้งสองคน แต่ผมรู้ว่าในใจพี่น่ะร้องลั่นขนาดไหนที่พี่รอดตัวแล้ว!
 
สักพักโจม พี่เดียว และจี๊ดก็ขอตัวกลับ ผมรีบส่งสายตาให้หนูนาทันที ขอให้มันอย่าทิ้งผมไว้กลางทาง ช่วยผมอยู่ต่อกรกับเด็กพลอยใสนี่ก่อนอย่าเพิ่งไปไหน
 
“นี่พลอยทำให้พวกพี่ๆ หมดสนุกหรือเปล่าคะ” เออออ น้องทำเลยยยย น้องกับเพื่อนน้องสองคนอ่ะแหละ
 
“ไม่หรอก...พวกเพื่อนพี่มีธุระน่ะ” มึงแม่งก็ไม่ทันมารยาหญิงใดๆ ทั้งสิ้นไอ้กล้า ไอ้ควาย ไอ้โง่ ไอ้งั่น ไอ้...โอ๊ยยย หมดคำจะพูดแล้ว
 
“เขาไม่ได้ไม่ชอบพลอยใช่หรือเปล่าคะ” เออ พี่ไม่ชอบ น้องคิดถูกแล้วครับ “พลอยไม่อยากให้เพื่อนพี่กล้าไม่ชอบพลอยเลย พลอยอยากสนิทกับเพื่อนพี่ๆ เอาไว้”
 
“อยากมาสนิทกับพวกพี่ทำไมอ่ะคะ น้องไม่มีเพื่อนคบเหรอ” เอาไปเลยสิบแต้มสำหรับคำถามมึงหนูนา ใช่  อยากมาสนิทกับพวกพี่ทำไมครับน้อง เพื่อนในชั้นปีไม่มีเหรอ
 
“พี่หนูนานี่หยอกแรงจังเลยนะคะ” พลอยใสยิ้มเจื่อนๆ แต่สายตาที่มองหนูนาท้าทายพอดู “พลอยมีเพื่อนค่ะ แต่พี่พลอยอยากสนิทกับพวกพี่ๆ ก็เพราะพี่กล้า”
 
“หือ? เพราะพี่เหรอ...ทำไมอ่ะ”
 
“ก็เพราะ…”
 
พลอยใสวางตะเกียบลง เธอยกมือขึ้นจับผมที่ทิ้งตัวลงมาข้างหน้าทัดหูด้วยท่าทางเขินอาย มองหน้าควายๆ ของไอ้กล้าแล้วยิ้มหบลตา ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่ผมเดาได้อยู่ก่อนแล้ว
 
“เพราะพลอยชอบ…”
 
“พี่ครับ! มารับออร์เดอร์โต๊ะนี้หน่อย” ก่อนที่พลอยใสจะได้พูดอะไรผมก็ตะโกนเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ห่างๆ “พลอยกับเพื่อนสั่งเลย”
 
ทั้งที่รู้มาก่อน ทั้งที่พอจะเดาได้ ทั้งที่คิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ทำไมในหัวใจมันยังรู้สึก...โหว่งๆ อย่างไรไม่รู้

..
.
พอกลับมาถึงหอผมก็รีบแยกตัวเข้าห้องตัวเอง แต่ช้ากว่ากล้า มันตามเข้ามาในห้องกับผมติดๆ พอผมเอ่ยปากจะด่ามันก็เข้ามาประกบจูบอย่างรวดเร็ว โคตรไม่โรแมนติกเลย กลิ่นชาบูและรสชาติของน้ำจิ้มลอยอบอวลเต็มห้อง แต่เราสองคนก็ไม่เคยมีความโรแมนติกอยู่แล้ว
 
“ถ้าจะทำขออาบน้ำก่อนได้หรือเปล่า ตัวเหม็นไปหมดแล้ว” ผมถามคนที่ซุกหน้าอยู่ตรงลำคอ ทำให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นแล้วยื่นมาจุมพิตเบาๆ
 
“งั้นอาบด้วยกันเลยดีกว่า”
 
ครับ แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากยอม
 
สายน้ำที่ไหลผ่านร่างกายไม่สามมารถทำให้อารมณ์ที่ร้อนแรงของเราทั้งคู่ลดน้อยลงได้เลย เสียงครวญครางของผมดังก้องไปทั่วทั้งห้องน้ำพอๆ กับเสียงครางในลำคอที่เต็มไปด้วยความสุขสมของกล้า เราเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อถึงแม้ผมไม่เต็มใจ...แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดช่วงหนึ่ง
 
ทุกครั้งที่เราทำมัน...กล้าจะโอบกอดผมไว้ คอยกระซิบเรียกชื่อผมข้างหูเสมอ และมองหน้าผมเป็นระยะ ส่งยิ้มมาให้ จูบที่ริมฝีปาก และกอดผมไว้เหมือนเดิม ราวกับตั้งใจจะบอกผมทุกครั้งที่กล้าทำ...มันตั้งใจไม่ใช่ว่าพลาดพลั้งไปอย่างเช่นครั้งแรกของเรา
 
“กล้า…”
 
“อยู่นี่…” ผมชอบเสมอที่มันตอบรับผม “กล้าอยู่กับฟ้านะครับ กล้าระ...”
 
ผมได้ยินเพียงเท่านั้น ก่อนที่สมองจะขาวโพลนไปหมด รู้ตัวอีกตัวเองก็มานอนอยู่บนเตียงในอ้อมแขนของมันเรียบร้อยแล้ว
 
“กล้า”
 
“ว่าไง อยากอีกรอบเหรอ”
 
“บ้านมึงดิ แค่เมื่อกี้ก็โคตรจุกแล้ว คนยิ่งอิ่มๆ อยู่ด้วย”
 
“กินน้อยแบบนั้นจะอิ่มแน่เหรอ” บอกแล้วว่ามันเป็นคนขี้เสือก เรื่องแต่นี้มันต้องสังเกตเห็นอยู่แล้ว “ถ้าหิวอีกบอกนะ เดี๋ยวลงไปซื้ออะไรให้กิน”
 
“ไม่ต้องหรอก ไม่หิว”
 
“เป็นอะไร วันนี้เงียบๆ นะ ไม่สบายหรือเปล่า” ฝ่ามือใหญ่ทาบทับลงมาที่หน้าผาก “ตัวก็ไม่ร้อนนี่”
 
“กูสบายดี” ปัดมือมันออก ก่อนจะเรียกมันอีกครั้ง “กล้า”
 
“วันนี้เรียกบ่อยว่ะ” มันอมยิ้ม ถึงบ่นแต่ดูก็รู้ว่าชอบให้เรียก “ไหนมีอะไรบอกพี่กล้าสิครับน้องฟ้า พี่กล้าคนนี้ยินดีรับฟังทุกอย่าง”
 
“...”
 
“เร็วสิ อยากขออะไรว่ามาเลย พี่จัดให้ทุกอย่าง”
 
“มึงรู้ตัวหรือเปล่าวว่ามีคนชอบมึงอยู่”
 
“อะไร จะแอบสารภาพรักกูเหรอ” มันยักคิ้วหลิ่วตา ซึ่งหน้าเอานิ้วจิ้มให้ตาบอดมากครับ
 
“ไม่ใช่กูหรอก...พลอยใสต่างหาก”
 
“บ้า! พลอยเขาไม่ได้ชอบกูสักหน่อย มึงคิดมากไปแล้ว คนอย่างกูเนี่ยนะ...ไม่มีทางหรอก” บอกแล้วว่ามันโง่ เขาอ่อยขนาดนั้นมันยังไม่รู้เลยครับ
 
“แล้วถ้าน้องเขาชอบมึงจริงๆ ล่ะ”
 
“กูมีมึงแล้ว”
 
ผมมองหน้าอีกฝ่าย ยอมรับว่าหัวใจเต้นแรงกับคำที่มันบอก จริงๆ ก็ดีใจนิดๆ ด้วยล่ะ
 
“นั่นแหละที่กูอยากจะพูดกับมึง...กล้า ถ้าเกิดว่ามึงชอบพลอยใสก็ไม่ต้องห่วงเรื่องกูนะ มึงไปได้เลยไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรู้สึกผิด กูอยากให้มึงทำตามสิ่งที่มึงต้องการ”
 
ที่ผมเรียกเชื่อกล้าบ่อยๆ วันนี้เพราะผมอยากได้ความกล้าหาญบ้างที่จะพูดประโยคเมื่อครู่ออกไป มันไม่ง่ายเลยที่จะเอ่ยทุกอย่างที่คิดออกมาได้จบประโยคเมื่อเสียงของคุณสั่นเครื่ออยู่ตลอดเวลา และน้ำตาของผมก็ไหลมาอย่างช้าๆ เมื่อพูดจบ กล้าไม่พูดอะไร เพียงแค่ดึงตัวผมซบกับอ้อมอกของมัน
 
กล้าเงียบไปสักพักจนผมนึกว่ามันจะเปลี่ยนเรื่องแล้ว ทว่าสุดท้ายเสียงทุ้มที่คุ้นหูก็ดังขึ้น
 
“ไม่ใช่กูหรอกที่ต้องตัดสินใจ...เป็นมึงต่างหากฟ้า”
 
ผมไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ถาม เพราะตอนนี้ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ผมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ นอนฟังเสียงเครื่องปรับอากาศ ถึงแม้อุรภูมิในห้องจำต่ำเกินกว่าที่ผมชอบ แต่เพราะตัวอุ่นๆ ของคนที่กอดผมไว้ก็ทำให้ผมรู้สึกสายจนเผลอหลับไปในที่สุด
 

..
.
“เมื่อคืนมึงอดนอนเหรอวะ”
 
“เออ กูนอนไม่หลับ เป็นมาหลายคืนล่ะ มึงถามพี่เอื้อให้หน่อยดิว่าเป็นเพราะอะไร” ผมตอบไอ้ปูนที่นั่งกินไอติมกะทิถั่วดำอยู่ข้างๆ กัน เดี๋ยวนี้ไอ้ปูนกินเก่งขึ้นเยอะ แถมดูมีน้ำมีนวล...เอ ใช้คำนี้มันแปลกๆ หรือเปล่าวะ แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ได้ดูผอมแห้งแรงน้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว “พี่เอื้อเขาขุนมึงจนได้นะ”
 
“เออนั่นดิ ชอบพากูไปกินโน่นกินนี่ตลอด น้ำหนักกูขึ้นมาตั้งเยอะ... ก็เหมือนมึงกับไอ้กล้านั้นแหละ มันก็ขุนมึงทุกวัน”
 
“ไม่เหมือน”
 
“ไม่เหมือนอะไร ดูแลกันอย่างกันดีขนาดนั้น”
 
“กูกับมันไม่ได้เป็นอะไรกัน”
 
“แต่มึงได้กันแล้วนะ” ปูนกัดไอติมเข้าปากไปหนึ่งคำ ส่วนผมได้แต่ปล่อยให้มันละลาย
 
“ที่กูได้กันเพราะพวกกูเมาต่างหาก”
 
“มึงเมาทุกครั้งเลยเหรอวะ จะเอากันนี่ต้องแดกเหล้าก่อนงี้เหรอ” ผมหันไปมองหน้ามัน ไอ้ปูนใสๆ ของกูหายไปไหนวะ พี่เอื้อทำอะไรกับมึงบอกกูมานะ “ครั้งแรกอาจจะเมาจริงๆ แต่ครั้งต่อๆ มามึงก็ไม่ได้เมานี่ มันก็ต้องรู้สึกอะไรๆ บ้างแหละ”
 
“รู้สึกอะไรล่ะ”
 
“ไม่รู้ดิ...รู้สึกชอบไอ้กล้ามั้ง”
 
“...”
 
“พูดเรื่องจริงเข้าหน่อยล่ะเงียบ ไอ้ฟ้าของกูหายไปไหนแล้ววะ คนที่พูดเก่งๆ รู้ไปเสียทุกเรื่อง…” ผมเอาแต่มองไอติมที่หยดลงบนพื้นทีละหยด “แต่ไม่รู้อย่างเดียว...เรื่องหัวใจตัวเอง”
 
ทำไมกูจะไม่รู้ล่ะปูน กูรู้ทุกอย่างแหละ แค่ไม่อยากจะยอมรับเท่านั้น
 
“มึงกินอิ่มยังวะ กลับไปที่โต๊ะเหอะ” ผมชวนหลังจากเห็นว่าไอติมของปูนเหลือแต่ไม้เปล่าๆ มันทำหน้าเซ็งๆ ครับ แต่ก็ยอมลุกขึ้นเดินกลับไปหาเพื่อนที่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ใต้คณะ
 
ที่ปูนไม่อยากกลับก็คงเป็นเหตุผลเดียวกับผม โต๊ะที่กลุ่มเพื่อนๆ นั่งอยู่มีสมาชิกเพิ่มมาอีกสองคน คือน้องพลอยใส หลังจากวันที่กินชาบูกัน ผมก็เห็นหน้าเธอบ่อยขึ้น ในหนึ่งอาทิตย์เธอโพล่มาบ่อยกว่าพี่เอื้อเสียอีก ถึงไม่ชอบหน้าแต่จะทำอะไรในเมื่อหนึ่งใน ‘เพื่อน’ ของผมเป็นพี่รหัสของเธอ
 
“ไปนานว่ะฟ้า” กล้าถามพร้อมกับขยับตัวเพื่อให้ผมนั่งลงข้างๆ มัน ผมได้แต่มองที่ว่างเล็กๆ แล้วนึกขำอยู่ในใจ...หึ เห็นกูเป็นแมวหรือไงถึงคิดว่าจะยัดตัวเองเข้าไปในช่องนั้นได้
 
“รอปูนกินไอติม” ผมเดินไปนั่งข้างโจม อีกฝั่งหนึ่งของไอ้กล้า มันมองมาด้วยความไม่ชอบใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
 
“ไม่ซื้อมาเผื่อบ้างวะ อยากกินเหมือนกันนะ”
 
“เดี๋ยวพลอยไปซื้อให้มั้ยคะพี่กล้า” สมาชิกใหม่เสนอตัวทันที ผมกับหนูนาได้แต่มองหน้ากันแล้วลอบเบ้ปากมองบน อะไรจะทุ่มเทขนาดนั้นวะ แค่นี้พี่กล้าของน้องก็ไปไหนไม่ได้แล้ว
 
เกาะเป็นปลิงเสียขนาดนี้นี่
 
“ไม่เป็นอะไรครับ”
 
“น้องพลอยใสไม่มีเรียนเหรอคะ ปีหนึ่งนี่ตารางว่างเยอะเหลือเกินเลยนะ จำได้ว่าตอนพี่เรียนนี่วิ่งกันหัวหมุนเลย” ไม่ใช่หนูนาครับ คราวนี้เป็นจี๊ด เธอเงยหน้าขึ้นถามยิ้มๆ พร้อมขยับแว่นไปด้วย “ระวังนะ...ปีหนึ่งเหมือนจะง่ายๆ แต่ดรอปไปหลายคนเลยล่ะ”
 
“พี่จี๊ดแช่งพลอยเหรอคะ”
 
“พี่แค่เป็นห่วงพลอยนะคะ” สาวแว่นส่งยิ้มด้วยแววตาใสซื่อ
 
“ขอบคุณค่ะพี่จี๊ด...พี่กล้าคะ พลอยอยากทานขนม ไปเป็นเพื่อนพลอยหน่อยนะคะ”
 
“ไปซื้อเองก็ได้มั้ง” โจมเหลือบตาถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
 
“พลอยอยากไปกับพี่กล้าค่ะ พี่กล้าไปกับพลอยหน่อยนะ”
 
“อ่า...เอาสิ พวกมึงเอาอะไรป่ะวะ” ไอ้กล้า ไอ้โง่ ไอ้ควายยยยย กูไม่รู้จะด่ามึงยังไงแล้วโว้ย ไอ้…!!!! แค่ผู้หญิงเขาทำตาออดอ้อนแค่นี้มึงก็ไปกับเขาแล้วเหรอวะ ไอ้เซ่อ!!
 
พวกผมทั้งหมดพร้อมใจกันเงียบ ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นและทำเหมือนไอ้กล้าไม่มีตัวตน แต่พอมนุษย์ทั้งสองลุกออกไปจากโต๊ะ เพื่อนผู้แสนดีก็เริ่มออกความเห็นกันทันที
 
“กูไม่ชอบอิเด็กนี่” เริ่มด้วยหนูนา มันตบโต๊ะเสียงดังปัง!! “โอ๊ยยยย เจ็บ…”
 
“เจ็บมากหรือเปล่า ระวังหน่อยสิ” ผัว...เอ่อ หมายถึงไอ้บอยก็รีบเข้ามาดูอาการ
 
“ตั้งแต่เปิดตัวนี่แสดงออกใหญ่เลยนะ” จี๊ดอดแซวเพื่อนสาวตัวเองไม่ได้ “แต่เราเห็นด้วยกับหนูนา เราไม่ชอบพลอยใสเลย”
 
“กูด้วยๆ” ไอ้ปูนยกมือเสริม “กูไม่ชอบทั้งน้องพลอย ทั้งเพื่อนของน้องเขาเลย”
 
“นั่นเพราะเขาชอบพี่เอื้อของมึงหรือเปล่า” บอยย้อนถาม ซึ่งผมเห็นด้วยกับมัน
 
“ก็...เออนั่นแหละ กูไม่ใช่ไอ้ฟ้านะเว้ยยังไม่ทุกข์ไม่ร้อนทั้งๆ ที่กำลังมีคนจะงาบแฟนตัวเองไปแล้วน่ะ” อ้าวๆ แล้วเกี่ยวอะไรกับกูวะครับ
 
“นั่นดิไอ้ฟ้า มึงยอมได้ยังไงวะ เด็กนั่นแสดงออกชัดเลยนะว่าชอบผัวมึงอ่ะ” หนูนาถาม
 
“กูทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นเพราะกูกับไอ้กล้าไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมย้ำกับพวกมันอีกครั้งถึงสถานะของผมและกล้า
 
“นี่ถ้าไอ้กล้าเกิดชอบพลอยใสขึ้นมามึงจะทำไง”
 
“กูจะทำอะไรได้ล่ะ มันเลือกของมันเองนี่”
 
“แล้วถ้าเรื่องนี้ไอ้กล้าไม่ได้เป็นคนเลือกแต่เป็นมึงล่ะฟ้า” คำถามของโจมทำให้ผมชะงัก มันพูดเหมือนไอ้กล้าเลย และผมไม่เข้าใจที่มันพูดสักนิด ทำไมถึงบอกว่าเป็นผมที่เป็นคนเลือก ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นไอ้กล้า “ตลอดมากล้ามันก็แสดงออกชัดเจนว่าคิดยังไงกับมึง มีแต่มึงเท่านั้นแหละที่ไม่ยอมพูดความรู้สึกตัวเองออกมา”
 
“มึงคิดว่าไอ้กล้าชอบกูเหรอโจม…”
 
“เปล่า…”
 
“...” หึ เห็นหรือเปล่าว่าขนาดเพื่อนกันยังคิดแบบนี้เลย
 
“แต่กูคิดว่ามันรักมึง”
 
สายตาที่โจมมองมาทำเอาใจของผมสั่น ผมไม่เคยเชื่อเลยว่ากล้ามันคิดกับผมเกินเพื่อน คิดเพียงแค่ว่าที่มันทำทั้งหมดเพราะว่ามันรู้สึกผิดต่อผมเท่านั้น
 
“แล้วทำไมมันไม่เคยบอกกู”
 
“แล้วตอนมันบอกมึงเคยตั้งใจฟังมันหรือเปล่าวะ”
 
“...” ผมเงียบ ไม่มีอะไรจะเถียง หลายครั้งที่กล้าพยายามบอกความรู้สึกของตัวเองกับผม แต่ผมก็ไม่เคยตั้งใจฟังเลยสักครั้ง หาเรื่องบ่ายเบี่ยงทุกครั้งไป
 
“กล้ามาแล้ว” เสียงของจี๊ดดึงสติผมกลับคืนมา พวกเรากลับไปนั่งตามปกติ เหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
“พวกมึงไม่ได้แอบนินทาอะไรกูลับหลังใช่ป่ะ” ไอ้ควายกล้า (ผมยังไม่หายโกรธมันหรอกนะ) ถาม
 
“พวกกูจะนินทาอะไรมึงล่ะ แล้วนี่น้องพลอยใสไปไหนอ่ะ” หนูนาเป็นคนตอบ
 
“เห็นว่าเพื่อนตามไปเรียนเลยกลับไปแล้ว” มันนั่งลงก่อนจะยื่นขนมเยลลี่แช่เย็นมาให้ “ไปเจอมา กินซะ เผื่อมึงจะอารมณ์ดีขึ้น”
 
ผมรับมางงๆ แต่ก็แกะแล้วตักเข้าปาก ก็แหม...ของโปรดนี่ครับ “กูไม่ได้อารมณ์ไม่ดี” อือ...อร่อยเหมือนเดิมเลย รู้งี้เอาเงินที่ซื้อไอติมกินกับไอ้ปูนเมื่อกี้ไปซื้อเยลลี่นี่เสียก็ดี
 
“มึงอยู่ในสายตากูตลอดแหละฟ้า ไม่มีเรื่องไหนของมึงที่กูไม่รู้”
 
“...” เชี่ย...ทำไมต้องใจเต้นด้วยวะ แถมรู้สึกว่าหน้าร้อนๆ อีกต่างหาก ไม่ได้นะไอ้ฟ้า มึงจะเขินต่อหน้าไอ้พวกเวรนี่ไม่ได้เด็ดขาดนะเว้ย!
 
ผมมองรอยยิ้มของกล้าแล้วก็ต้องรีบก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มของตัวเองไว้ แต่ไม่ทันคนขี้เสือกอย่างมันหรอกครับ
 
“แน่ะ...มียิ้มๆ ชอบใจอ่ะดิ”
 
ผมเงยหน้ามองมัน พยายามสบตานิ่งๆ ก่อนจะตอบไปว่า “เออ! ชอบ”
 
“หวายยยยยยยย”
 
“วู้วววววววววว”
 
“อ๊ายยยยยยยยยย”
 
“ไอ้เชี่ยกล้าหน้าแดง!!”
 
ผมหัวเราะชอบใจ เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่สามารถหัวเราะได้เสียงดังขนาดนี้ ต้องยกความดีความชอบให้หน้าเอ๋อๆ ของไอ้กล้าตอนนี้เลยครับ
 
“กูหมายถึงชอบเยลลี่ต่างหากเล่า”

..
.
ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP EP.33 29.05.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 03-06-2017 22:22:17
เหมือวันนี้จะผ่านไปด้วยดีแล้วแท้ๆ แต่เสือกมาตกม้าตายตอนจบเสียได้
 
“กูอยากจะตบปากตัวเองสักสิบครั้ง ไม่น่าพูดเสียงดังให้เด็กนั่นได้ยินเลย” ผมเหลือบตามองหนูนา “อะไร มองกูแบบนั้นจะช่วยกูตบปากตัวเองเหรอ”
 
“ทำได้หรือเปล่าล่ะ”
 
“แหมไอ้ฟ้า ตั้งแต่มีผัวนี่ริอ่านจะทำร้านผู้หญิงเหรอมึง”
 
“แล้วทำได้หรือเปล่าล่ะ”
 
“อย่าเลย กูกลัวเจ็บ”
 
หนูนาบอกด้วยน้ำเสียงน่าสงสารก่อนจะยกอาหารไปตั้งกลางวงเหล้าเฉพาะกิจที่มีสมาชิกใหม่แต่หน้าเดิม เพิ่งเติมด้วยเพื่อนสาวจากคณะสังคมศาสตร์ที่พร้อมจะงาบพี่เอื้อของไอ้ปูน
 
เหตุการณ์คุ้นๆ นะครับ
 
“นึกยังไงถึงตั้งวงกันล่ะ”
 
“ก็เห็นว่าพรุ่งนี้วันหยุดหนูเลยอยากฉลองก่อนจะสอบมิดเทมออ่ะพี่ เดี๋ยวคงต้องอ่านหนังสือกันจะไม่มีเวลา” หนูนาตอบคำถามพี่เดียวพร้อมกับนั่งลงข้างบอย ส่วนผมก็ต้องนั้นข้างกล้าเพราะมันเหลือที่ว่างเพียงที่เดียว ในขณะที่อีกข้างของมันเป็นเด็กพลอยใส
 
ไม่รู้ว่าเด็กนี่เลี้ยงกุมารทองหรือไงถึงได้มาถูกจังหวะตลอด ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เด็กพลอยใสโผล่มาตอนหนูนากำลังเอ่ยปากชวนตั้งวงกันที่ห้องโจมพอดี จึงขอตามมาด้วย พวกผมก็ไม่รู้จะไล่ยังไงเลยปล่อยเลยตามเลย เธอกับเพื่อนของเธอถึงมานั่งร่วงวงกับเราได้
 
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่อยากจะดื่มเหล้า แต่อยากทำอย่างอื่นมากกว่า อย่าเช่น...เอาเหล้าสาดใส่เด็กพลอยใสนี่ เผื่อว่าจะเลิกอ่อยกล้าได้แล้ว เพราะตั้งแต่มาถึงสองคนนี้ใกล้กันไม่ห่างเลย  ทำเอาผมที่นั่งอีกข้างหนึ่งของมันกลายเป็นตัวแถมเสียอย่างนั้น
 
ฮัลโหล ไหนใครเขินกูเมื่อตอนกลางวันยกมือหน่อยสิ
 
แม่ง!! หงุดหงิดเว้ย!
 
“ดื่มน้อยๆ หน่อยก็ได้ฟ้า จะรีบมอมตัวเองไปไหน” หลังจากแก้วที่...ที่เท่าไหร่แล้ววะ...อ่าไม่รู้ตัวเลย รู้แค่มันร้อนๆ ในอกก็เลยอยากหาอะไรเย็นๆ ไปดับร้อนเท่านั้น
 
“อย่ามายุ่งน่า”
 
“ไม่ให้ยุ่งได้ไงมึงกินอย่ากับอาบ” กล้าดึงแก้วในมือผมไปถือไว้ อ้อ เลิกสนใจเด็กพลอยใสได้แล้วเหรอ “เดี๋ยวก็เมาหรอก”
 
“เมาสิดี” คนเมาทำอะไรก็ไม่ผิด เมาแล้วผมจะทำอะไรก็ได้ จะอาละวาดแล้วสาดเหล้าใส่เด็กตาแบ้วนั้นก็ไม่มีใครว่าผม ติดอยู่ที่ว่าเหล้าแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้เท่านั้นเอง
 
หรือจะแกล้งเมาดีวะ
 
“ดียังไง กูต้องหามมึงกลับน่ะสิ อีกอย่างเวลามึงเมาแล้วมัน…” อยู่ๆ กล้ามันก็หยุดพูดแล้วหันไปทางอื่น
 
“ทำไม เวลากูเมาแล้วทำไม น่ารำคาญใช่มั้ย” ใครๆ ก็ไม่ชอบดูแลคนเมาทั้งนั้นแหละ
 
“เปล่า แค่ไม่อยากให้เมาที่นี่”
 
ไม่อยากให้เมาที่นี่? ผมเหลือบไปมองพลอยใสก็เข้าใจว่าทำไมกล้ามันพูดแบบนั้น
 
“ถ้าเกิดว่ากูเมาจริงๆ ไม่ต้องมาห่วงกูหรอก ดูแลน้องพลอยใสของมึงไปเถอะกูไม่ได้ว่าอะไร” พอพูดจบกล้ามันก็ผลักหัวผมเบาๆ พร้อมกับอมยิ้ม ยิ้มอะไรของมันวะ ประสาทหรือเปล่า นี่กูจริงจังนะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
 
“หึงกูอ่ะดิ”
 
“ใครบอก” ผมหันหน้าหนีเมื่อกล้าขยับเข้ามาใกล้ มันลืมไปแล้วเหรอวะว่าเราไม่ได้อยู่กันแค่สองคน
 
“พี่กล้าคะ!”
 
เชี่ย...เล่นเอากูสะดุ้งเลยนะน้องพลอยใส และไม่ใช่แค่ผม ไอ้กล้าก็ตกใจกับเสียงเรียกของน้องไม่แพ้กัน มันถอนหายใจแล้วหันไปขานรับ
 
“ครับพลอย”
 
“เมื่อกี้เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ พี่กล้าอย่าลืมพลอยสิ” ไม่พูดเปล่า เด็กพลอยใสใช้แขนทั้งสองข้างกอดแขนกล้าเอาไว้อีกด้วย เฮ้ยๆ จะมากเกินไปแล้วนะ เมีย (โดยพฤตินัย) ของมันนั่งอยู่นี่นะเว้ย
 
ผมชอบกล้าครับ
 
ไม่คิดจะปากแข็งหรืออะไรอีกแล้วล่ะ มาคิดๆ ดูที่ไอ้โจมพูดมันก็จริงทุกประการ และถ้าผมยังคงลังเลกับความรู้สึกตัวเองอยู่ล่ะก็วันนี้ไอ้กล้าตกเป็นของเด็กพลอยใสนี่แน่ จะยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
 
“มึงจะไม่ทำอะไรหน่อยเหรอวะ” หนูนาคลานจากอีกฝั่งของวงเหล้าเพื่อมากระซิบข้างหูผม บางครั้งมึงก็พยายามมากเกินไปนะเพื่อน “ถ้ามึงปล่อยไว้วันนี้ไอ้กล้าจะไม่ได้เป็นไอ้กล้าของมึงอีกต่อไปแล้วนะ”
 
“กูก็คิดอยู่เนี่ย...เอาเหล้ามาอีกสิ”
 
“แดกจนเมาผัวโดนงาบไม่รู้นะเว้ย”
 
“เออน่า กูมีแผน แต่ต้องเอาเหล้ามาให้กูก่อน เข้มๆ เลยนะมึง…”
 
แผนของผมไม่มีอะไรมากหรอก แค่ทำตัวเองให้เมา...ที่เหลือก็ให้ความรู้สึกมันจัดการไปเอง
 
เวลาผ่านไปสักพัก...ผมก็เริ่มกรึ่มๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว เสียงที่พูดออกมาเริ่มยานคางเต็มที สมองประมวลผลอย่างเชื่องช้า และขาดสติยั้งคิดในหลายๆ เรื่อง
 
เอาล่ะ มาเริ่มแผนกันเถอะ
 
“ฟ้าเมาหรือยังเนี่ย บอกแล้วว่าอย่ารีบมอมตัวเอง ทำไมไม่ฟังกันเลยวะ” ได้ยินเสียงกล้าแต่เหมือนมันอยู่ห่างไกล ทั้งที่ความจริงแล้วก็นั่งอยู่ข้างๆ กัน “ฟ้า ได้ยินที่พูดหรือเปล่า”
 
“อือ...ได้ยิน” ผมวาดแขนขึ้นโอบรอบตัวกล้าเอาไว้เพื่อจะได้มองหน้ามันชัดๆ “ไอ้กล้า...ไอ้ควาย”
 
“เอ้า มาด่ากูทำไม”
 
“ก็มึงมันควายจริงๆ นี่...เขางอกแล้วด้วย” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นวางลงบนกลุ่มผมนุ่มของอีกคนลูบไปมาหาเขาน้อยๆ ที่กำลังงอก “มึงมันโง่ โง่ฉิบหายเลย”
 
“ด่าอีกครั้งจูบแล้วนะ”
 
“แน่จริงก็จูบมาเลยดิ”
 
จุ๊บ!
 
มันจูบผมจริงๆ ด้วยครับ ถึงจะเขินยังไงก็ต้องกดเอาไว้เพราะตอนนี้ตัวเองกำลังเมา (กรี๊ดดดดดดด สำเร็จ!!)
 
“ยังจะด่าอีกมั้ย” หึ...คิดว่ากูจะหยุดแค่นี้เหรอวะ
 
“ไอ้กล้า ไอ้ควาย ไอ้โง่ ไม่รู้หรือไงว่ากูหึงมึงจะตายแล้วเนี่ย ยังจะให้เด็กนั่นเข้ามาใกล้อีก...อยากให้กูอกแตกตายเลยใช่มั้ย” ทุกคำที่พูดไปไม่ได้มาจากสมองแต่อย่างใด มันมาจากหัวใจของผมล้วนๆ ความรู้สึกทั้งหมดที่อัดอั้นในหัวใจตลอดกำลังจะพรั่งพรูออกมาให้อีกคนได้รับรู้
 
“กูไม่ได้คิดอะไรกับพลอย”
 
“มึงไม่คิดแต่เด็กพลอยใสนั่นคิด เด็กนั่นจ้องจะกินมึงทั้งตัวแล้วไม่รู้หรือไง...เหอะ หล่อก็ไม่หล่อเสือกเสน่ห์แรงอีกนะ” ว่าแล้วก็ตบแก้มมันสองสามครั้ง “หน้าโง่ๆ แบบนี้มีไว้ให้กูหลงคนเดียวก็พอแล้ว”
 
“...ว่าไงนะ พูดอีกทีสิ”
 
“กูหลงมึง...โคตรหลงเลย หลงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว” ผมไม่ได้โกหก นายกล้าหาญนั้นน่าหลงไหลเสมอสำหรับผม โดยเฉพาะริมฝีปากของมันที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ “จูบมึงได้ป่ะวะ”
 
“ถ้าไม่อายก็จูบเลย”
 
พอได้ฟังคำอนุญาติจากกล้าผมก็ประกบปากลงไปและทันทีที่ริมฝีปากเราสัมผัสกันก็เหมือนมีกระแสไฟแล่นผ่านไปทั่วร่างกาย ผมประโคมจูบกล้าอย่างหนักหน่วงราวกับว่าเราไม่เคยจูบกันมาก่อน
 
“กูชอบมึงนะ” กล้าส่งยิ้มให้ หน้ามันดีใจอย่างกับจะร้องไห้ออกมาเสียอย่างนั้น ผมหัวเราะ “อย่าร้องนะ บอกชอบไม่ได้บอกเลิก”
 
“ยังไม่ทันคบเลย ปากเสียใส่กูแล้ว”
 
“งั้นคบเลยมั้ย...แต่ไม่เลิกนะ...ไม่มีวัน”
 
“ครับ คบครับ เป็นแฟนกันนะ”
 
“เฮ!!!!!!”
 
“ฮิ้วววววววววว”
 
“ผัวเมียจะได้กันแล้วเว้ยยย!!”
 
ผมหัวเราะอีกครั้งกับเสียงเชียร์ที่เพื่อนๆ ส่งมาให้ ก่อนจะรับจูบที่เร่าร้อนจากคนตรงหน้า มันดึงผมให้ลุกขึ้นยืน แต่พอเท้าแตะพื้นก็เหมือนว่าโลกกำลังหมุนและตัวผมกำลังจะล้มลง ทว่ากล้าเร็วพอที่จะช้อนตัวรับผมเอาไว้ได้ทันเวลา
 
“โจมกูขอยืมห้องมึงหน่อยแล้วกัน”
 
“ตามสบายเลย เช้ามาเก็บกวาดให้ด้วย”
 
“ไอ้กล้า มึงจะไม่เกรงใจพวกกูหน่อยเหรอวะ”
 
“ถ้าไม่อยากรับรู้ก็พากันกลับไปได้แล้ว ผัวเมียเขาจะจู๋จี๋กัน” พูดจบมันก็พาผมเดินเข้าห้อง แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลงผมไม่ลืมที่จะส่งสายตาและรอยยิ้มให้กับน้องพลอยใสที่นั่งนิ่งประหนึ่งช็อกตายไปแล้ว
 
หึ...ให้มันรู้ซะบ้างว่าผู้ชายคนนี้น่ะของใคร!!

..
.
“ดะ เดี๋ยวนะคะ นี่พี่กล้ากับพี่ฟ้า…” พลอยใสถามเสียงสั่น เสียงครางประเส่าของคนทั้งคู่รอดออกมาให้ได้ยินทันทีที่ประตูปิดลง อะไรจะรีบปานนั้น!
 
“อ้าว...น้องเพิ่งรู้เหรอจ๊ะ” หนูนาถามพร้อมกันส่งยิ้มหวานเจี๊ยบ...ที่ใครเห็นก็ต้องสยอง
 
“นะ นี่…”
 
“โธ่ น่าสงสารจังนะชะนีน้อย อย่าหาว่าพี่สอนเลยนะคะ แต่วันหลังจะอ่อยใครก็ดูด้วยนะลูกว่าเขามีเมียหรือเปล่า”
 
“มะ ไม่จริงอ่ะ”
 
“ไม่จริงอะไรคะคุณน้อง หรือน้องตาบอดไม่เห็นฉากเลิฟซีนเมื่อครู่”
 
“กรี๊ดดดดดดด!!” พลอยใสลุกขึ้นยืน กระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะพาเพื่อนตัวเองกลับไปอย่างรวดเร็ว
 
“บาย...อย่าได้เจอกันอีกเลยนะคะชาตินี้” หนูนาโบกมือลาด้วยรอยยิ้มและความยินดี “ส่วนพวกที่เหลือก็กลับกันได้แล้วค่ะ ก่อนที่อารมณ์จะเตลิดไปหมด”
 
พอหนูนาพูดจบ ทุกคนก็รีบเก็บข้าวของตัวเองและพากันกลับทันที...จะเหลือก็แต่เจ้าของห้องที่ได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่รู้ว่าจะไปไหนดี แต่ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น และพอก้มลงมองหน้าจอก็ถึงกับต้องยิ้มออกมา
 
หึ...มาได้จังหวะพอดี...และเป็นแบบนี้เสมอ

..
.
“อ๊ะ...กล้าเบาๆ”
 
“เวลามึงเมาแล้วยั่วฉิบหาย...ไม่สงสัยเลยว่าทำไมวันนั้นกูถึงเอามึงได้” พูดทั้งๆ ที่กำลังซุกไซ้ไปทั่วร่างกายของผม
 
“อ๊าส์!”
 
“มารำลึกความหลังครั้งแรกของเรากันหน่อยดีกว่า...แต่บอกเลยนะว่าคราวนี้กูไม่จบแค่รอบเดียวแน่”
 
“...ตะ ตรงนั้น!”
 
แล้วสมองผมก็ว่างเปล่า ไม่รับรู้อะไรอีกแล้วนอกจากความสุขที่กล้ามอบให้ตอนนั้นรับรู้เพียงอย่างเดียว
 
“กูรักมึงนะกล้า”
 
คือถ้อยคำที่อีกฝ่ายพร่ำบอกผมว่ารัก
 
 
END

=======================================================
==============================================
เอากล้ากับฟ้ามาฝากค่าาาา ในที่สุดก็ลงเอยกันแล้วนะ (ปาดน้ำตา)
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
รักทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของฟ้า 03.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-06-2017 23:42:58
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของฟ้า 03.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-06-2017 23:45:48
 :L2: :pig4: :-[

ปากแข็ง แต่ก็หื่นนะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของฟ้า 03.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-06-2017 09:19:44
ชะนีน้อยอ่อยผัวคนอื่นไม่ดูตาม้าตาเรือ เจ็บดีมะ :laugh: แฮปปี้ไปคู่นึงแร่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของฟ้า 03.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-06-2017 09:32:24
ลุ้นเหนื่อยเลย 5555
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของฟ้า 03.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 04-06-2017 10:48:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของฟ้า 03.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 04-06-2017 12:32:13
มันต้องอย่างงี้ ชะนี อ่อยผู้ ดูสถานการณ์ก่อนนะคะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของฟ้า 03.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: anga ที่ 04-06-2017 22:43:00
เนื้อเรื่องดี ชอบๆๆตลกบ้างอะไรบ้าง ขำๆกันไป แต่ขอตินิดนึงตรงคำผิดเยอะนะ เหมือนรีบๆลง ทวนก่อนลงนิดนึงนะคะแล้วก็ "เทอม" สะกดแบบนี้นะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของฟ้า 03.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-06-2017 23:08:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของฟ้า 03.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 08-06-2017 22:37:22
เรื่องราวของว่าน
side story : ตอน ค่อยๆ ไปเรื่อยๆ
 

 
“ไม่ดีเลย”
 
“อือ…”
 
“แย่ชะมัด”
 
“นั่นสินะ…”
 
“แบบนั้นมันไม่โอเคโคตรๆ”
 
“พูดคำหยาบเดี๋ยวคุณแม่ก็ดุเอาหรอก”
 
“พี่ว่านก็อย่าไปบอกแม่สิ ความลับของเราสองคนไง” แจมส่งยิ้มข่มขู่ให้กับผมก่อนจะหันไปมองผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเพิ่งหักอกเขาไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
 
ครับ...คุณคิดถูกแล้วล่ะ นั่นโจมกับคุณอรไง
 
อย่าถามว่าทำไมสองคนนั้นถึงมานั่งคุยกันอย่างใกล้ชิด อ่า...ก็ไม่เชิงหรอก ทั้งคู่ถูกกลั้นด้วยโต๊ะตัวหนึ่ง แต่ระยะมันก็ใกล้อยู่ดี เด็กนั่นลืมไปแล้วหรือไงว่าคนที่กำลังคุยด้วยน่ะเป็นเจ้าสาวป้ายแดง เดี๋ยวเจ้าบ่าวของเธอก็ตามมาหัดคอเอาหรอก
 
ผมเพิ่งมาถึงบ้านโจมเมื่อครู่นี่เอง ทันทีที่ก้าวเข้ามาข้างในบ้าน น้องแจม...น้องสาวที่ไม่เหมือนพี่ชายเลยก็เข้ามาลากผมให้ไปที่สวนหลังบ้านด้วยกันเพื่อสังเกตการณ์คนทั้งคู่
 
“ถ้าแจมเป็นพี่ว่านแจมจะไม่ยอมหรอกนะ”
 
“หือ?” เดี๋ยวๆ ทำไมพี่ต้องไม่ยอมล่ะครับน้องแจม พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับสองคนนั้นสักหน่อย
 
“เอ้า! ก็สวนนั่นพี่ว่านไปคนลงแรงจัดเลยนะ นี่ก็เท่ากับว่าพี่จัดสวนเพื่อนให้สองคนนั้นมานั่งจู๋จี๋กันสิ” ผมได้แต่เกาหัวกับความคิดล้ำโลกของคุณน้องสาว เชื่อแล้วว่าคนบ้านนี่มีความคิดที่ไม่เหมือนใครจริงด้วย
 
“พี่โอเค”
 
“แต่หนูไม่โอเค! ทำไมอ่ะ...เป็นฝ่ายทิ้งเขาไปแท้ๆ แต่เส…” แจมรีบหยุดคำว่า ‘เสือก’ ไว้เท่านั้นแล้วตบปากตัวเองสองครั้ง “เอาใหม่ๆ เป็นฝ่ายทิ้งเขาไปแท้ๆ แต่กลับมานั่งคุยกับเขาได้หน้าตาเฉย คนอะไรไร้หัวใจจริงๆ”
 
บ้านโจมมีกฏเหล็กอยู่หลายข้อครับ หนึ่งในนั้นคือห้ามพูดคำหยาบคายในบ้านเด็ดขาด คุณแม่ของพี่น้องจอจานท่านดุมาก ก็เป็นคุณครูนั่นล่ะ ต้องเข้มงวดเรื่องมารยาทของลูกๆ เป็นธรรมดา
 
“นั่นสินะ ไร้หัวใจจริงๆ” ผมไม่ได้หมายถึงคุณอรหรอกที่ไร้หัวใจ แต่หมายถึงโจมต่างหาก...คุยกับคุณอรได้หน้าตาเฉยขนาดนั้น...ไม่รู้ว่าภายในใจจะยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดอยู่หรือเปล่า
 
“ไม่ได้การล่ะ ต้องทำอะไรสักอย่างเสียแล้ว”
 
“อะไรล่ะครับน้องแจม”
 
“พี่ว่านไปกับหนูเดี๋ยวนี้เลย” พูดจบเธอก็ออกแรงลากผมอีกครั้ง ผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ ครับ ขนาดว่าผมตัวใหญ่ว่าแจมยังขัดขืนเธอไม่ได้เลย “พี่โจม!!”
 
คุณอรสะดุ้งก่อนจะหันมาหาผมกับแจม ส่วนโจมก็แค่มองมานิ่งๆ เหมือนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าพวกผมคงต้องโพล่มา
 
คุณอรจะฉีกยิ้ม “อ้าวน้องแจม ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย สวยขึ้นเยอะเลยนะคะ”
 
“ค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งแต่พี่ทิ้งพี่ชายของหนูไปนั่นแหละ”
 
“เอ่อ...น้องแจม” สะกิดน้องสาวที่เกิดอาการหวงพี่ชายขึ้นมา พูดแบบนี้นอกจากจะทำให้คุณอรเสียหน้าแล้ว อาจจะทำให้พี่ชายของน้องเสียใจก็ได้นะ
 
ผมเหลือบตาไปมองโจม ก่อนจะพบว่าผมคงกังวลมากเกินไปว่าโจมจะรู้สึกเสียใจหรืออะไรทำนองนั้น เพราะเจ้าตัวได้แต่นั่งดื่มน้ำด้วยใบหน้าเรียบเฉยแบบที่ชอบทำ เฮ้! น้องครับ พี่ว่าอกหักมันไม่น่าจะหายเร็วขนาดนั้นนะ นี่พี่อกหักจากเพื่อนน้องมาตั้งนานแผลยังไม่สมานกันเลย
 
“แล้วพี่อรคะ...พี่ทิ้งพี่ชายหนูไปแล้วจะมาหาอีกทำไมคะ” แจมยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น
 
“ถึงเราจะเลิกกันแล้วแต่เราสองคนก็ยังเป็นเพื่อน...เป็นอย่างอื่นกันได้นี่...ใช่หรือเปล่าโจม” คุณอรเป็นคนสวย...เพียงเธอยิ้มก็เหมือนกับเรากำลังได้ชิมน้ำหวานจากดอกไม้งาม เพียงแค่มันเคลือบไปด้วยพิษร้ายเท่านั้่นเอง
 
“อย่างอื่นนี่หมายถึงอะไรคะ” เป็นคนน้องที่ถามแทน
 
“ก็...พี่น้องไงจ๊ะ”
 
แจมกำแขนเสื้อผมแน่น บ่งบอกว่าตอนนี้เธอกำลังโกรธแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ “อ๋อ...เหรอคะ แต่หนูว่าคงไม่ดีหรอกค่ะ เพราะพี่อรกำลังทำให้ใครบางคนไม่พอใจเอามากๆ”
 
“พี่รู้จ้ะว่าพี่ทำให้แจมไม่พอใจ…”
 
“ไม่ใช่แค่หนูคนเดียวค่ะ!” เอ๋? ไม่ใช่น้องแจมคนเดียวหรอกเหรอ ก็เห็นว่าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่นี่นา
 
“เอ...โจมก็โกรธอรเหรอ”
 
“พี่โจมน่ะไม่โกรธพี่อรหรอก...แต่คนที่โกรธนะคือพี่ว่านต่างหาก!”
 
“หะ?!” ละ แล้วกูเกี่ยวอะไรด้วยวะครับ ผมรีบหันไปหาน้องแจม ซึ่งเธอก็ทำเพียงแค่พูดกับคุณอรต่อไปต่อไปไม่สนใจผมเลย
 
“ว่าน?...คุณคนนี้น่ะเหรอคะ”
 
“ใช่ค่ะ คนนี้ล่ะค่ะ...พี่ว่านแฟนใหม่พี่โจม!!”
 
เอาล่ะ...ผมว่าเราคงต้องเคลียร์กัน...ยาว

..
.
“แฟนใหม่พี่...คิดอะไรอยู่ถึงพูดออกไปแบบนั้นกัน”
 
ตอนนี้เรากำลังนั่งสอบปากคำจำเลยคดีโป้ปดมดเท็จ...เริ่มโดยผู้เสียหายคนที่หนึ่งหรือก็คือพี่ชายของจำเลยนั่นเอง
 
“หนูไม่อยากให้พี่อรมายุ่งกับพี่โจมนี่ ผู้หญิงใจดำแบบนั้นน่ะไปไกลๆ เสียได้ก็ดีแล้ว” จำเลยตอบคำถาม ในน้ำเสียงมีความไม่พอใจแทรกอยู่ “พี่โจมนั่นแหละ มาโกรธหนูแบบนี้ทำไม ไม่ใช่ว่าพี่ยังรักพี่อรอยู่หรอกนะ”
 
ก็ถูกของแจมนะ โจมยังรักคุณอรอยู่ใช่หรือเปล่า
 
“เป็นใครก็ต้องโกรธทั้งนั้น อยู่ๆ ก็ถูกยัดเยียดแฟนพี่เราไม่ได้ชอบให้...จริงหรือเปล่าพี่ว่าน”
 
“หะ?” อะไรนะเมื่อกี้ไม่ได้ฟังเลย
 
“พี่โกรธหรือเปล่าครับ” โจมมองผมนิ่งๆ เป็นสายตาที่ไม่ว่ามองใครคนนั้นก็คงต้องรู้สึกหวั่นเกรงกันบ้าง...แต่ไม่ใช่กับผม
 
“พี่เฉยๆ นะ แค่ตกใจนิดหน่อย” ส่งยิ้มแถมกลับไปด้วยเลยเป็นไงล่ะ
 
“เห็นมั้ย พี่ว่านยังไม่โกรธเลย แล้วพี่โจมมาโกรธอะไรหนูล่ะ” แจมยืนขึ้นท้าวเอวต่อหน้าพี่ชายของเธอ...ได้ทีเอาใหญ่เลยนะน้องแจม ที่พี่ไม่โกรธเพราะส่วนหนึ่งแล้วพี่กำลังสนุกกับการได้แกล้งพี่ชายน้องต่างหาก แต่ถ้าเป็นคนอื่น...พี่คงต่อยให้สลบหลังจากจบประโยคเลยล่ะ
 
เก่งจังเลยกู
 
“ไม่รู้ล่ะ ต่อไปนี้แจมขอประกาศให้พี่สองคนเป็นแฟนกัน”
 
“ไม่!” เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นว่าโจมเสียงดัง นั่นทำให้น้องแจมดูหวาดกลัวอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่ได้กลัวมากมายขนาดที่จะยอมเลิกล้มความตั้งใจของตัวเอง
 
“งั้น...ไม่ต้องเป็นแฟนกันตลอดก็ได้ แค่ต่อหน้าพี่อรก็พอแล้ว...พี่ว่านตกลงหรือเปล่าคะ”
 
อ้าว มาเกี่ยวอะไรกับพี่ล่ะครับน้อง พี่อยู่ของพี่ดีๆ นะ
 
“เอ...พี่…”
 
“พี่ว่านตกลงหรือเปล่าคะ” เฮ้ๆ อย่าใช้น้ำเสียงและสายตาข่มขู่กันแบบนั้นสิ...ทั้งพี่ทั้งน้องเลย
 
“พี่ว่านไม่ตกลง”
 
“พี่ว่านยังไม่พูดอะไรเลยต่างหาก”
 
“แต่พี่ไม่ตกลง”
 
“ก็เรื่องของพี่โจมสิ แค่พี่ว่านตกลงก็พอแล้ว”
 
“เอ่อ...น้องแจมครับ การเป็นแฟนกันนี่มันต้องสมัครใจทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอ” ผมยกมือขึ้นออกความเห็น น้องแจมนี่ดื้อใช่เล่นเลยนะ โจมก็เหมือนกัน...แต่พี่ชายคงจะหนักกว่า เพราะดูท่าทางเป็นจะไม่ยอมใครอยู่แล้ว
 
“นี่เป็นกรณียกเว้น ถ้าพี่ว่านตกลงก็เป็นแฟนกันได้เลย” แบบนี้ก็ได้เหรอครับน้อง
 
“ไร้สาระ!” พูดจบก็หันหลังเตรียมจะออกจากห้องไป
 
“ถ้าพี่โจมก้าวออกจากห้องนี้ไป หนูจะถือว่าพี่สองคนเป็นแฟนกันแล้วนะ”
 
“อยากจะทำอะไรก็เชิญ” และแล้วโจมก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจอะไรอีกเลย
 
“ได้! ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้หนูขอประกาศว่าพี่สองคนเป็นแฟนกัน!!” นอกจากน้องแจมจะเป็นนักเรียนม.ปลายแล้วน้องยังมีอาชีพเสริมเป็นบาทหลวงด้วยเหรอครับ
 
แต่เดี๋ยวก่อนนะ...ถามความสมัครใจพี่หรือยังเฮ้ย!!

..
.
เย็นวันนั้น
 
เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมมาฝากท้องกับบ้านของโจม เพราะคำคะยั้นคะยอของน้องแจม และในระหว่างที่เรากำลังรับประทานอาหารด้วยความเพลิดเพลินนั้นน้องแจมก็พูดขึ้นมาว่า
 
“แม่คะ พี่ว่านกับพี่โจมเป็นแฟนกันนะคะ”
 
พรวด!!!
 
“แค่กๆ…”
 
ข้าวที่เคี้ยวอยู่ในปากถึงกับพุ่งออกมาด้านนอกเลยดีเดียว และไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น...คนที่ปกติจะนิ่งอยู่ตลอดเวลาอย่างโจมก็เช่นกัน (เป็นภาพที่หาดูยากนะ อยากจะถ่ายรูปเก็บไว้จัง) ผมเช็ดปากให้เรียบร้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคุณป้าอย่างช้าๆ บอกแล้วใช่หรือเปล่าครับว่าคุณป้าท่านเป็นคุณครู...และท่านค่อนข้างหัวโบราณ เรื่องที่ลูกชายของท่านจะไปรักไปชอบกันผู้ชายนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ
 
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ” เหมือนมาก! แม่กับลูกถอดแบบกันมาเลยครับ ทั้งน้ำเสียง ท่าทาง สายตาที่นิ่งเรียบ
 
“เอ่อ ที่จริงแล้ว…”
 
“พี่ว่านบอกไปเลยค่ะว่าคบกันมาตั้งแต่ที่มหาวิทยาลัยแล้ว”
 
ยัยน้องแจม!!! เป็นครั้งแรกเลยที่ผมอยากจะใช้เล็บตะกุยหน้าของน้อง น้องแจมช่วยดูหน้าคุณแม่ของน้องนิดหนึ่งนะครับ จะขย้ำหัวพี่อยู่แล้วครับ!
 
“จริงเหรอ ไม่เห็นเราสองคนเคยบอกแม่เลย”
 
“พี่เขาอายอ่ะแม่ นี่หนูก็เพิ่งรู้...พี่ว่านหลุดหึงพี่โจมกับพี่อรด้วย” เป็นเด็กที่แต่งเรื่องเก่งและน่าเชื่อมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย แถมยังพูดได้ลื่นไหลไม่มีสะดุดอีดต่างหาก ผิดกับพี่ชายที่ไม่ค่อยพูดอะไร...เอาแต่ทานข้าวอย่างเดียว
 
เฮ้ๆ น้องครับ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับน้องด้วยนะครับ ทำไมน้องเฉยได้ขนาดนี้ล่ะ ตอนแรกค้านหัวชนฝาเลยไม่ใช่เหรอ
 
“อรมาที่บ้านเหรอโจม”
 
“ครับ” นั่นคือคำแรกที่ผมเพิ่งได้ยืนจากปากโจมตั้งแค่เริ่มทานข้าวมา
 
“ว่าน...ป้าไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าเราจะคบกับลูกชายป้า” คุณแม่โจมมองมาที่ผมด้วยสายตาจริงจัง ว่าแต่ว่าเมื่อครู่คุณป้าพูดว่าอะไรนะครับ
 
“คุณป้าไม่ได้...จะว่าเรื่องที่ผมกับโจมคบกันเหรอ”
 
คุณป้าส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ไม่ต้องกลัว ป้าไม่ได้เป็นคนหัวโบราณขนาดนั้น เรื่องผู้ชายจะรักจะชอบกันที่โรงเรียนป้ามีให้เห็นเยอะ…”
 
“แม่สอนโรงเรียนชายล้วนน่ะ” น้องแจมกระซิบบอก
 
อ๋อออ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
 
“เอาเป็นว่าถ้าเราจะคบกันก็ให้มันอยู่ในลู่ในทางที่ควรแล้วกัน ฝากดูแลลูกชายป้าด้วยนะว่าน… ส่วนโจมก็หัดเชื่อฟังพี่เขาบ้างนะ เรื่องดื้อน่ะให้มันน้อยๆ หน่อย ทำตัวดีๆ กับพี่เขาด้วยเข้าใจหรือเปล่า” ไปกันใหญ่แล้ว นี่มันเหมือนกับอวยพรบ่าวสาวเลยนี่
 
“...”
 
“โจม!”
 
“เข้าใจแล้วครับ”
 
ผมมองโจมด้วยความสงสัย นี่โจมไม่คิดจะท้วงอะไรบ้างเลยหรือไง ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าคุณป้าเข้าใจผิด
 
แต่ว่าถ้าโจมไม่ท้วง ผมก็ไม่ท้วงครับ ไม่รู้สิ ผมคิดว่าหลังจากนี้คงมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้างล่ะ
 
และวันนั้นผมก็ได้แฟนใหม่อย่างงงๆ แถมแฟนคนนี้ยังเป็นเพื่อนสนิทกับคนที่ผมเคยชอบเสียด้วย
 
♣♣♣♣♣

วันนี้ผมต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำบุญกับครอบครัวของโจม ไม่กี่ครั้งหรอกครับที่ผมได้มาทำอะไรแบบนี้ อย่างว่าแหละ ชีวิตเด็กมหาวิทยาลัยก็มีแค่เรียน เที่ยว เที่ยว สอบ เที่ยว แล้วก็เพื่อน (ทำไมเที่ยวมันเยอะวะ) น้อยมากที่จะได้เข้าวัดเข้าวา ต้องกราบขอบพระคุณคุณป้าอย่างมากที่กรุณาพาคนบาปคนนี้มาทำเรื่องดีๆ กับเขาได้
 
หลังจากทำบุญถวายภัตตาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยญาติโยมทั้งหลายก็ค่อยๆ ถยอยเดินออกมาจากศาลา และในตอนนั้นก็มีหญิงสาวคุ้นหน้าเดินเข้ามาทักทาย
 
“สวัสดีค่ะคุณแม่” คุณอรยกมือไหว้อย่างมีมารยาท ทั้งอ่อนหวานและนอบน้อม วันนี้เธอไม่ได้มาคนเดียวครับ ข้างกายเธอมีสามีเคียงข้างมาด้วย
 
โห...ต้องใจกล้าขนาดไหนถึงพาแฟนใหม่มาทักทายแฟนเก่าได้
 
ผมหันไปหาโจม อยากรู้ว่าเขาจะทำหน้าอย่างไร ถ้าข้างหน้าเราเปลี่ยนเป็นไอ้เอื้อที่เดินเคียงคู่มากับปูนผมคงไม่สามารถปกปิดความเสียใจของตัวเองเอาไว้ได้ ทว่าโจมกลับตีหน้าเรียบ และนิ่งเฉย ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาเลยแม้กระทั่งสายตา
 
นี่เขายังมีหัวใจอยู่หรือเปล่า
 
“เรียกใหม่ดีกว่านะจ๊ะหนูอร แค่คุณป้าก็พอ” คุณป้าบอกพร้อมกับรับไหว้ ผมแอบเห็นแจมกำมือด้วยความสะใจด้วยครับ เด็กคนนี้ร้ายจริงๆ ไม่ควรจะมีเรื่องกับเธออย่างยิ่ง
 
“บังเอิญมากเลยนะคะ ไม่คิดว่าจะได้มาเจอคุณป้ากับโจมที่นี่เลยค่ะ” คุณอรส่งสายตาให้กับโจม...และผม “อ้าว คุณว่านก็อยู่ด้วยเหรอคะ นี่มาทำบุญกับพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะคะ หรือว่าเป็นการทำบุญต้อนรับว่าที่ลูกเขยหรือเปล่าคะ”
 
“คุณว่านเป็นแฟนกับน้องเขาหรือครับ เหมาะสมกันดีจริงๆ” สามีคุณอรมองมาที่ผมกับแจมสลับกัน บอกตามตรงเลยว่าผมจำชื่อผู้ชายคนนี้ไม่ได้ รู้แค่ว่าเราทำธุรกิจร่วมกันอยู่ เพราะเหตุนี้พ่อเลยส่งผมเป็นตัวแทนมางานแต่งของเขากับคุณอร
 
“ไม่ใช่หรอกค่ะคุณ แต่เป็นคุณว่านกับโจมต่างหาก”
 
“อะไรนะครับ! คุณว่านกับโจมเป็นแฟนกันเหรอ!” ผมขมวดคิ้ว ไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่เขาตะโกนเสียงดัง มันทำให้พวกเราเป็นจุดสนใจ แต่ทที่ไม่ชอบใจที่สุดก็คุณอรเนี่ยแหละ
 
“ก็ใช่น่ะสิคะ ตอนอรได้ยินก็ตกใจมากๆ เลยค่ะ...เดี๋ยวนี้โลกมันหมุนเร็วจนเราตามไม่ทันเลย...ใช่หรือเปล่าคะคุณป้า”
 
อ่า...ผมไม่ได้อยากจะใส่ร้ายผู้หญิงหรอกนะ สุภาพบุรุษเขาไม่ทำแบบนั้นกัน แต่ผมเดาว่าที่คุณอรเข้ามาทักเรื่องผมกับโจมคงอยากจะให้คุณป้ารับรู้ และอรคงคิดเหมือนผมในตอนแรกว่าคุณป้าจะรับเรื่องของเราสองคนไม่ได้
 
ซึ่งคุณคิด...ผิดครับ!!
 
“ก็ถูกอย่างที่อรว่านั่นล่ะ แต่คนเราก็ควรปรับตัวให้ทันกับโลก เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ไม่มัวแต่ยึดติดกับเรื่องเก่าๆ เดิมๆ ที่มันพาให้ชีวิตของเราไม่ก้าวไปไหนเสียที”
 
จุกครับ...จุกแทนคุณอรเลยทีเดียว คุรป้าตอบกลับได้ดี เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เธอกำลังไม่พอใจเอามากๆ แต่ก็ยังต้องฝืนยิ้มต่อไป
 
“นั่นสินะคะ อรก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน...เราก็ต้องเปิดรับอะไรที่มันดีกว่าเดิมอยู่แล้ว แล้วก็ต้องปล่อยมือจากสิ่งเก่าๆ ที่มันไม่ช่วยให้เราก้าวไปไหนเสียที”
 
เหมือนคำพูดจะไม่มีอะไร แต่มันกระทบหัวใจใครบางคนไปเต็มๆ
 
ผมหันไปมองโจมอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ได้พบกับความสั่นไหวในดวงตาคู่สวย ผมรู้สึกแย่กับผู้หญิงคนนี้ คุณอรใจร้ายมากถึงมากที่สุด แต่งงานกับคนอื่นเพื่อให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น แต่ก็ยังมาบอกว่ารักโจม ตอนนี้ก็ยังพาแฟนตัวเองมาหาโจม แล้วพูดให้โจมเสียใจ เป็นครั้งแรกที่ผมอยากจะถามเธอว่าเธอยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่า หรือจริงๆ แล้วมันก็เป็นเพียงแค่ก้อนเนื้อที่มีไว้เพื่อให้มีชีวิตอยู่เท่านั้น
 
“จ้ะ คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ แล้วหวังว่าอรจะไม่กลับมาหาสิ่งที่อรปล่อยมือแล้วหรอกนะ เพราะถึงแม้มันไม่มีค่าสำหรับอร แต่มันก็มีค่ามากสำหรับคนอื่น...ใครหรือเปล่าจ้ะว่าน”
 
ผมจ้องหน้าคุณอร ก่อนจะตอบกัลบด้วยเสียงที่หนักแน่ และจริงจัง ในหัวผมคิดอะไรไม่รู้ผมถึงได้คว้ามือโจมมาจับ บีบเอาไว้แน่นๆ และได้แต่หวังว่าความรู้สึกของผมจะส่งไปให้คนที่ผมกำลังจับมืออยู่ได้
 
“ครับ ใช่ครับ...มีค่ามาก...มากที่สุดเลยครับ และขอบอกไว้ก่อนเลยว่าถ้าคุณมานั่งเสียใจที่หลังก็คงไม่มีประเยชน์อะไรอีกต่อไป เพราะไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่ได้มันคืน”
 
สู้เขานะโจม เราต้องผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันให้ได้
 
“ก็ตามนั้นล่ะอร ป้าก็ขอให้อรโชคดีกับทางที่อรเลือก ป้าขอตัวก่อนนะ ดูสิคุยเพลินจนคนออกไปกันหมดแล้ว” พอคุณป้าพูดจบก็ชวนพวกเราเดินลงมาจากศาลาโดยไม่ให้คุณอรได้ยกมือไหว้ลาแม้แต่นิดเดียว
 
ผมเดินเคียงคู่ไปกับโจมตามหลังคุณป้าและน้องแจม มือที่ผมจับมือของโจมเอาไว้ยังไม่ปล่อยออก ซ้ำยังจับแน่นกว่าเดิม
 
“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเบาๆ ข้างหู โจมไม่ใช่คนตัวเล็กเลย รูปร่างเราพอๆ กันเพียงแต่ผมมีกล้ามเนื้อมากกว่า และสูงกว่าอีกฝ่าย ทว่าถ้าเอาไปเทียบกับปูนแล้วก็ไม่ถือว่าเป็นคนร่างบาง
 
“ขอบคุณเรื่องอะไร”
 
“ก็ที่พูดเมื่อกี้น่ะ...ขอบคุณนะครับที่สงสารผม”
 
ผมส่ายหน้า “พี่ไม่ได้สงสารสักหน่อย คนเข้มแข็งอย่างโจมมีอะไรให้ต้องสงสารล่ะ ที่พูดเมื่อกี้เพราะอยากให้กำลังใจ ไม่อยากให้โจมเอาคำพูดของคุณอรมาคิดมาก ถึงแม้เราจะไม่มีความหมายกับบางคน แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีความหมายกับใครเลย”
 
ผมร่ายยาวกว่าทุกครั้ง หวังว่าจะให้โจมเอาคำพูดของผมไปคิดสักนิดว่าเขาไม่ได้ไร้ค่าอย่างที่คุณอรบอก และผมเชื่อว่าคนฉลาดอย่างโจมคิดได้แน่นอน
 
“หึ...นี่กำลังหมายถึงตัวเองด้วยหรือเปล่า”
 
“โจมคนเดิมกลับมาแล้วสินะ” ว่าพลางหันไปส่งยิ้มให้อีกคน สีหน้าโจมดูดีกว่าเมื่อครู่มาก
 
“ผมก็เป็นผมออย่างนี้ตั้งนานแล้ว”
 
“นั่นสิ โจมก็เป็นโจม พี่ก็เป็นพี่ ถึงแม้เราจะเจ็บกับความรักที่ไม่สมหวังแต่เราก็ยังเป็นเราเสมอ”
 
โจมพยักหน้าเห็นด้วย “คำพูดเมื่อกี้เหมาะกับตำแหน่งพระรองแสนดีจริงๆ”
 
“นี่จะเลิกแขวะพี่สักวันได้หรือเปล่า” ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ บางครั้งโจมก็พูดให้กำลังใจ แต่บางครั้ง (หรือหลายๆ ครั้ง) คำพูดนั้นก็ทำเอาคนฟังเจ็บแสบไม่น้อย
 
“ปล่อยมือได้แล้วครับ”
 
“อ้อ…” ผมหัวเราะก่อนจะปล่อยมือโจม นึกว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วเสียอีก ก็เห็นว่าให้เดินจับมือมาได้ตั้งนาน “ว่าแต่เพราะอะไรถึงไม่บอกคุณป้าไปล่ะว่าความจริงแล้วเราไม่ได้คบกัน”
 
“เรื่องนั้นแม่รู้ตั้งนานแล้ว” ผมหันไปเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย รู้ตั้งนานแล้วทำไมยังทำเหมือนผมกับโจมเป็นแฟนกันเหมือนเดิม “เมื่อกี้พี่ก็เห็นแล้วนี่ว่าแม่ไม่ชอบอร คงอยากให้พี่มาเป็นไม้กันหมาให้ล่ะมั้ง”
 
“เป็นคู่แม่ลูกที่เหมือนกันน่าดูเลยนะ คนลูกก็อยากให้เราเป็นไม้กันหมาเหมือนกัน”
 
“ก็ฉลาดดีนะครับ”
 
วันนี้ผมโดนคนหน้านิ่งแขวะไปกี่รอบแล้วนะครับ นับๆ ดูนี่ก็สามแล้วเห็นจะได้ และเชื่อว่าไม่จบแค่นี้หรอกสำหรับเขา
 
“โจม”
 
“ครับ?”
 
แหมะ!
 
ผมวางมือข้างหนึ่งลงบนศีรษะของอีกฝ่ายทันทีที่เขาหันมามอง ก่อนจะขยี้กลุ่มผมสีเข้มด้วยความหมั่นเขี้ยว โจมแสดงสีหน้าว่าไม่ชอบใจอย่างชัดเจน แต่ไม่ได้ขัดขืน
 
“จะไม่โวยวายหน่อยเหรอ” มาแปลกนะ เขาไม่น่าจะเป็นคนที่ชอบให้คนอื่นทำแบบนี้ด้วย
 
“ถือว่าเป็นการขอบคุณเรื่องเมื่อกี้แล้วกัน”
 
อะไรกัน...เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพราะผมน่ะ...เต็มใจทำให้อยู่แล้ว
 
“โจม”
 
“คราวนี้จะแกล้งอะไรอีกล่ะ”
 
“เปล่าสักหน่อย แค่จะชวนไปเที่ยวน่ะ” ผมหันไปฉีกยิ้มให้กับคนหน้านิ่ง “พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า”
 
เขาหันมามองหน้าผมเหมือนผมช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย “ไม่เห็นต้องถามเลย...ก็รู้อยู่ว่าผมว่างทุกวัน”
 
หึๆ เด็กนี่น่ะถึงจะปากร้าย เดาอารมณ์ยาก แต่ที่จริงแล้วเป็นคนใจดีคนหนึ่งเลยล่ะ
 
“เป็นเด็กดีว่าง่ายแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย”
 
“ถ้าพูดว่าน่ารักอีกคำเดียวตายแน่”
 
ผมไม่นึกโกรธเลย เพราะถึงเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ และใบหน้าเฉยชา แต่หูที่พ้นกลุ่มผมมากลับแดงระเรื่อเสียอย่างนั้น
 
น่ารักจริงๆ ครับ

ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของฟ้า 03.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 08-06-2017 23:03:37
“พี่ว่าน ช่วยผมหน่อยสิ” เสียงโจมร้องเรียกมาจากอีกฝั่งหนึ่งของสวน สมแล้วที่เขาเลือกเรียนเกษตรฯ ดูท่าโจมจะชอบ...ไม่ดิ รักต้นไม้เอามากๆ เลยครับ นี่เอาต้นใหม่มาลงอีกแล้ว
 
ผมเดินไปหาคนที่กำลังก้มๆ เงยๆ เหมือนจะเจอปัญหาใหญ่เลยล่ะ “มีอะไรโจม”
 
“ถ้าบอกไปพี่จะโกรธป่ะ”
 
“บอกมาสิ”
 
“ผมว่าเราต้องจัดสวนใหม่อีกรอบ”
 
อะไรนะ รอบนี้รอบที่สามแล้วนะครับโจม แล้วสวนที่บ้านน้องนี่ไม่ใช่เล็กๆ นะครับ อีกนิดเดียวก็เปิดร้านขายต้นไม้ไปเลยเถอะ
 
“ทำหน้าอย่างนั้นกำลังด่าผมใจในเหรอ”
 
“เปล่า” ผมยังไม่ได้หลุดคำหยาบคายออกมาสักคำไม่ถือว่าด่านะครับ เรียกว่าบ่นด้วยความอัดอั้นตันใจถึงจะถูกกว่า “แต่โจมจะต้องจัดสวนใหม่ทุกครั้งที่เอาต้นไม้มาลงเพิ่มเหรอ”
 
“ก็มันไม่มีที่ให้ลง” เขาหันหน้ามามองผม “จะไม่ช่วยก็ได้นะ”
 
“ช่วยสิช่วย จะทิ้งให้โจมทำคนเดียวได้ยังไงครับ”
 
อีกคนยิ้มพอใจ ก่อนที่ผมจะลงมือช่วยเขาจัดสวนใหม่อีกครั้ง ก็งานเดิมๆ ครับ ย้ายต้นนี้ไปไว้ทางโน้น ย้ายต้นโน้นไปไว้ทางนั้น ย้ายไปย้ายมาเหมือนมันกลับมาอยู่ที่เดิมในตอนแรกเลย
 
“แล้วตรงนี้จะวางอะไร”
 
“เอาไว้แบบนั้นแหละ” โจมตอบหลังจากที่ผมถามถึงบริเวณว่างๆ ส่วนหนึ่งของสวน “พี่จะเอาแคคตัสของพี่มาไว้บ้านผมก็ได้นะ ไม่มีแมวมากวนหรอก”
 
ผมชอบแคคตัสครับ นี่ก็ไปตระเวนหามาปลูกได้มาสิบกว่าต้นแล้ว แต่เลี้ยงที่บ้านลุงชูแล้วแมวมันชอบกระโดดข้าม จนทำให้บางต้นมันหล่นลงมา
 
เมื่อครู่โจมพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบๆ เหมือนเคย แต่ผมรู้สึกว่าสำหรับเรามีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป แต่ยังคงบอกไม่ได้ว่าอะไรมันเปลี่ยนไปกันแน่
 
“ก็ดีนะ”
 
“พรุ่งนี้ขนมาเลยแล้วกัน”
 
“อยู่เฉยๆ นะโจม”
 
ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเพื่อเช็ดคราบดินที่เปื้อนใบหน้าเนียนออก ผิวของโจมมันลื่นมือมากเหมือนกับผิวเด็กเลยครับ (มันจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีรอบแผลเป็นจางๆ สองสามรอย) พาเอาเพลินจนอยากจะสัมผัสอีกครั้ง และพอผมกวาดสายตาเพื่อที่จะจะมองว่าหน้าเขาจะเลอะที่ไหนอีกมั้ย เราก็ได้สบตากัน
 
ผมอาจจะพูดเวอร์ไปนะ แต่คุณเชื่อหรือเปล่าว่ามันเหมือนเวลาหยุดนิ่งจริงๆ สายตาของโจมทำให้ผมตรึงอยู่กับเขาไม่อยากจะผละออกไปไหน เขาเป็นคนที่มีดวงตาที่สวย...มันคมเข้ม ชวนมอง คล้ายว่าข้างในมีอะไรให้ค้นหา
 
ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้ผมค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้เขา ซึ่งโจมเองก็เช่นกัน แล้วเราสองคนค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ ก่อนที่จะ…
 
“โจม! ว่าน! ออกไปซื้อของให้แม่หน่อย”
 
ผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว…
 
ผมเสสายตามองไปทางอื่น อยู่ดีๆ ก็หน้าร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น และไม่ใช่ผมคนเดียวครับ อีกฝ่ายก็หน้าแดงไม่แพ้กัน
 
“เอ่อ...พี่ไปเตรียมตัวก่อนนะ แล้วเจอกัน”
 
“อือ...ครับ”
 
 
เรานั่งรถมาซื้อของให้คุณแม่ในตลาด ระหว่างทางมันให้ความรู้สึกตะขิดตะขวงชอบกล ผมไม่กล้ามองหน้าโจมตรงๆ เลยครับ พอเห็นเขาก็ต้องเสหน้ามองไปทางอื่นเสมอ มันคอยจะนึกถึงดวงตาเขาที่มองจ้องผมมา และก็ฉากที่เรากำลังจะจูบกัน
 
คุณป้าให้ผมกับโจมมาซื้อแป้งทำขนม พรุ่งนี้วันพระ ท่านจะทำบัวลอยน้ำกะทิไปทำบุญที่วัด ครอบครัวนี้เข้าวัดบ่อยมาก ทำเอาผมที่ติดสอยห้อยตามไปด้วยกลายเป็นคนชอบทำบุญไปเลย
 
“พี่ว่านอยากกินอะไรหรือเปล่าจะได้ซื้อไปทีเดียว”
 
“อือ...เมื่อเช้าดูทีวีแล้วเห็นเขาทำกล้วยบวชชี อยากกินเหมือนกัน”
 
“งั้นคงต้องแวะตรงสี่แยกซื้อกล้วย แม่ชอบซื้อร้านนั้นแหละ”
 
“ได้ เดี๋ยวแวะให้”
 
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เราสองคนคุยกันมากขึ้น โจมไม่ใช่คนที่ถามคำตอบคำสำหรับผมอีกต่อไป จริงๆ แล้วเขาพูดเก่งนะครับ แต่ที่พูดน้อยคงเพราะโดนแจมแย่งพูดไปหมด เลยติดนิสัยไปใช้กับคนอื่นๆ
 
“โจม!” เสียงคุ้นหูร้องทักจากด้านหลัง ผมล่ะอยากจะรู้เหลือเกินว่าเมื่อไหร่ชีวิตของโจมจะหลุดพ้นจากผู้หญิงคนนี้
 
จากตอนแรกเฉยๆ...ผมกลายเป็นไม่ชอบหน้าคุณอรเหมือนแจมไปเสียแล้ว
 
โจมทำหน้าเซ็งอารมณ์ก่อนจะหันกลับไปหาคุณอร “มีอะไร”
 
“นี่โจมทักอรแบบนี้แล้วเหรอ” คุณอรหายไปเป็นอาทิตย์ ก่อนจะกลับมาอีกครั้งในวันนี้ ผมนึกว่าเรื่องมันจะจบไปตั้งแต่วันนั้นที่วัดแล้วเสียอีก
 
“แล้วจะให้ทักแบบไหน”
 
“ก็แบบเป็นยังไงบ้างอร สบายดีหรือเปล่า…”
 
“อรก็ดูสบายดี” โจมคงรำคาญเลยตัดบทคุณอร “แล้วอรมีอะไร”
 
คุณอรมองผมกับโจมสลับกันไปมา ก่อนจะถาม “ทำไมมาด้วยกัน”
 
“คนเป็นแฟนกันก็ต้องมาด้วยกันสิครับ” อันนี้ผมเป็นคนตอบ เพราะถ้าให้โจมพูดอยู่ฝ่ายเดียวมันคงดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ “คุณอรทักแฟนผม มีอะไรกับแฟนผมหรือเปล่า”
 
ทำไมพูดคำว่า ‘แฟน’ แล้วมันเขินๆ ยังไงชอบกล
 
“อย่ามาโกหกกันเลย อรไม่เชื่อหรอกนะ...โจม โจมบอกอรมาสิว่ามันไม่จริง”
 
“อะไรที่อรไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าผมกับพี่ว่านเป็นแฟนกัน หรือไม่เชื่อว่าผมเลิกรักอรแล้ว”
 
“ก็ทั้งสองอย่าง อรไม่เชื่ออะไรเลย โจมจะเลิกรักอรได้ยังไง อรยังเลิกรักโจมไม่ได้เลย”
 
ผมถอนหายใจ ชีวิตผมเจอผู้หญิงมาก็มาก แต่ไม่เคยเจอสักคนที่เซ้าซี้แบบคุณอร (ชักจะไม่อยากเติมคุณให้แล้วครับ ถ้าไม่ติดว่าเขาอายุมากกว่าผม)
 
“ผมขอถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่าครับคุณอร”
 
“อะไร” เธอตวัดสายตามองมาที่ผม ถามกลับด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น
 
“คุณจะเอาอะไรจากโจมอีก ตอนนี้คุณมีทุกอย่างแล้ว คุณมีสามีที่ดี มีอนาคตที่ดี คุณเลิกยุ่งกับโจมสักทีเถอะครับ” ผมก้าวออกมาหนึ่งก้าวเพื่อกันโจมไว้จากผู้หญิงคนนี้ “ผมบอกคุณไปแล้วไงว่าไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่มีทางได้โจมคืน”
 
“ฉันจะทวงเขาคืน”
 
“ในฐานะอะไรครับ...กิ๊กเหรอ หรือชู้”
 
“...อะไรก็ได้ขอแค่ให้มีเขาในชีวิต”
 
“งั้นเป็นเพื่อนมั้ยครับ ง่ายดีนะ...คนรู้จักก็ได้”
 
“ไม่! โจมจะต้องรักฉันเหมือนเดิม” ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่พูดยากและน่าเบื่อน่ารำคาญที่สุดในโลกที่ผมเจอ จากตอนแรกผมไม่เฉยๆ ตอนนี้เริ่มจะคิ้วกระตุกล่ะครับ
 
“อ้อ...ยังไงก็จะเอาให้ได้”
 
“ใช่!”
 
“งั้น...ถามสามีคุณอรดูเลยครับว่าเขาจะยอมหรือเปล่า”
 
“อะไรนะ!” คุณอรตาโตก่อนจะหันไปมองด้านหลังตามที่นิ้วของผมชี้ไป ที่จริงสามีคุณอรมายืนอยู่ข้างหลังเธอนานแล้วล่ะ รับรองว่าได้ยินประโยคเด็ดๆ ไปเพียบ “คุณทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ ไหนบอกจะเข้าห้องน้ำไง”
 
“...ผมลืมของจะมาเอา แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะได้ฟังอะไรดีๆ”
 
“มะ มันไม่ใช่นะคะ อรก็แค่…”
 
“พอเถอะอร วันนี้อรต้องพอได้แล้ว ไม่สงสารคุณโจมกับคุณว่าน ก็สงสารผมที่รักอรบ้างเถอะ”
 
ผมกับโจมปล่อยให้คนทั้งคู่ไว้อย่างนั้น ผมรู้เลยว่าเรื่องของโจมและคุณอรมันจะจบลงเพียงเท่านี้ ต่อจากนี้ไม่มีทางที่เธอจะมายุ่งกับโจมอีกเป็นแน่
 
ไม่อย่างนั้นเธอนั่นแหละที่จะเป็นคนไม่เหลืออะไรเลย
 
“ถามหน่อยสิ…” ผมพูดขึ้นตอนที่เรากำลังขนของจากในรถมาที่ครัว “โจมรักคุณอรมากหรือเปล่า”
 
“เคยรักมากจะถูกกว่า อรเป็นแฟนคนแรกและเป็นคนเดียว”
 
“แล้วทำไมโจมดูไม่เสียใจเลยที่อรแต่งงาน”
 
โจมวางถุงแป้งลงที่โต๊ะพร้อมๆ กับที่ผมวางอย่างอื่น
 
“ผมเสียใจจนเบื่อที่จะเสียใจแล้ว ตอนที่เราคบกันแล้วอรต้องไปเรียนต่อ ผมร้องไห้คิดถึงอรตลอด ผมรักเขามากแต่สุดท้ายก็รั้งเขาไว้ไม่ได้ เพราะมันคือทางที่ดีที่สุดสำหรับเขา...เหมือนคนมีประสบการณ์มั้ง พออรจะแต่งงานกับคนอื่นมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกัน มันเสียใจ...แต่ไม่มีหรอกน้ำตา ผมไม่อยากร้องไห้เพราะอรอีกแล้ว”
 
ผมไม่พูดอะไร เพียงแค่เดินไปยืนข้างโจมแล้วคว้าตัวเขาแล้วดึงเข้ามาโอบเอาไว้ อีกคนทิ้งหัวลงที่ไหล่ของผมเหมือนคนหมดแรง
 
“แล้วพี่ล่ะ เมื่อไหร่จะลืมปูนมันสักที”
 
“ลืมไม่ได้หรอก แต่ไม่รู้สึกอะไรแล้ว” จะให้ลืมใครสักคนไปจากความทรงจำมันทำยากนะครับ ผมว่าพวกคุณก็ไม่เคยลืมแฟนเก่าหรือรักแรกหรอก ที่เราทำได้ก็แค่ลืมความรู้สึกที่มีต่อเขา
 
“อือ ดีแล้วล่ะ”
 
“เราลองมาคบกันจริงๆ ดีมั้ย” ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมถามออกไปแบบนั้น แค่รู้สึกว่าอยากจะพูดมันออกมาเท่านั้น “เผื่อว่ามันจะทำให้โจมลืมความรู้สึกที่มีต่อคุณอรได้บ้าง”
 
“ไม่ล่ะ ผมไม่อยากคบใครเพื่อไม่ให้นึกถึงใคร พี่ก็ไม่ควรทำแบบนั้นเหมือนกันนะ”
 
“...”
 
“ถ้าเรื่องของเรามันจะไปต่อ ผมก็อยากให้มันเป็นเพราะเราสองคน ไม่อยากให้มันเป็นเพราะคนอื่น”
 
“...”
 
“ปล่อยให้มันเรื่อยๆ ไปอย่างนี้ ไม่ต้องเร่งรัดมันหรอก ผมไม่รีบ”
 
ผมคงรู้สึกแย่กับความรู้สึกที่เหมือนอกหักครั้งนี้แล้วล่ะ ถ้าไม่หันไปเจอรอยยิ้มกว้างๆ ของโจมเข้า ผมเลยทำได้แค่ใจเต้นแรง และยิ้มกลับ
 
“อือ...พี่ก็ไม่รีบ”
 
ไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ดีครับ ไม่เหนื่อยดี ผมก็ชอบ

..
.
ครืด...ครืด...
 
ผมหยิบโทรศัทพ์ที่กำลังสั่นขึ้นมากดรับสาย โดยไม่ได้ดูชื่อคนที่โทร.เข้ามา “ครับ ว่านพูดครับ”
 
[“หายไปเลยนะมึง!!”] เสียงจากปลายสายทำให้ผมต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูเล็กน้อย
 
“มึงไม่ต้องตะโกนก็ได้ไอ้โอม หูกูจะแตก” โอมเป็นเพื่อนสนิทของผมเองครับ ซี้กันมาตั้งแต่มัธยมยันมหา’ ลัยเลยทีเดียว “ว่าแต่มึงโทร.มามีเรื่องอะไรเหรอ”
 
[“มีสิ เรื่องใหญ่ด้วย บังเอิญว่าเพื่อนกูหายไปไม่เห็นหน้าเห็นตาเลยตั้งแต่ปิดเทมอ”] ผมหลุดขำ เพื่อนคนที่ว่านั่นต้องหน้าตาดีมากๆ แถมยังเป็นคนดีอีกด้วย
 
“เหรอ”
 
[“ไม่ต้องมา ‘เหรอ’ เลยนะไอ้ว่าน นี่มึงอยู่ไหนวะ ลืมไปแล้วหรือเปล่าวว่ามึงมีนัดอะไรกับพวกกูอยู่”] คำว่า ‘พวกกู’ นั้นหมายถึงเพื่อนมัธยมที่ทุกปิดเทมอเราจะมารวมตัวกันเสมอ
 
“กูมาทำธุระให้ที่บ้าน”
 
[“ธุระมึงนี่กินเวลานานจะเป็นเดือนเลยนะ”] ปลายสายประชด เสียงวุ่นวายที่เล็ดลอดเข้ามาทำให้ผมเดาได้ว่าตอนนี้ไอ้โอมไม่ได้อยู่คนเดียวแน่นอน เพื่อนๆ คงที่เหลือน่าจะอยู่ด้วย [“รีบกลับมาได้แล้ว นี่มังกรมันจะไม่อยู่แล้วนะเว้ย เดี๋ยวก็เที่ยวไม่ครบทีมหรอก”]
 
“มันจะไปไหนเหรอ”
 
[“พาแฟนไปเที่ยวกับที่บ้าน”] คำตอบของโอมทำเอาผมถึงกันเบ้ปาก มังกรเป็นเพื่อนอีกคน เรียกได้ว่าเป็นหัวโจกของกลุ่ม เมื่อก่อนอาจจะเป็นมังกร ทว่าตั้งแต่มีแฟนก็กลายเป็นเพื่อนแค่หนอนตัวเล็กๆ เท่านั้น [“มึงรีบกลับมาได้แล้วเดี๋ยวมันไม่อยู่แล้วแผนของเราจะล่ม พวกกูรอมึงอยู่คนเดียวเลยเนี่ย”]
 
“มึงจะไปกันวันไหนวะ”
 
[“มะรืนนี้ พรุ่งนี้มึงต้องกลับมาแล้วนะไอ้ว่าน นี่กูไปบอกเตี่ยมึงแล้ว เขาจะให้คนไปรับมึงแต่เช้า”]
 
“เฮ้ย! เดี๋ยวสิวะ มันไม่เร็วเกินไปเหรอมึง”
 
“ไม่เร็วไปหรอก มึงต้องกลับมา ไปทำธุระนานแล้วนะเว้ย ถามจริง...มีอะไรน่าสนใจหรือไงถึงไม่อยากกลับ” คำพูดของไอ้โอมไม่ได้เข้าหูผมแม้แต่น้อย
 
ให้กลับไปตอนนี้เลยน่ะเหรอ…
 
ผมชะโงกหน้าจากหน้าต่างในห้องนอนเพื่อมองไปยังสวนด้านหลังของบ้านข้างๆ...ในสวน ร่างสมส่วนของคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาในช่วงนี้กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่โดยไม่รู้เลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตา
 
ยังไม่อยากกลับ
 
[“ว่าน ฟังอยู่หรือเปล่าวะ”]
 
“ฟังอยู่...ได้ กลับพรุ่งนี้เช้าเลย”
 
[“เยี่ยม! อย่างนี้สิวะเพื่อน แค่นี้นะกูไปบอกไอ้พวกนั้นก่อน”]
 
ผมวางโทรศัพท์ไว้ก่อนจะเดินลงมาจากห้องเพื่อไปบอกลุงชูว่าผมจะกลับบ้านแล้ว ลุงเหมือนตกใจ แต่ก็โล่งใจในเวลาเดียวกัน ก่อนจะสารภาพว่า
 
‘เมื่อวันก่อนเถ้าแก่ (เตี่ยของผมเอง) โทร.มาถามว่าทำไมคุณว่านยังไงกลับบ้านเสียที ที่นี่ทีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นหรือเปล่า’
 
ลุงบอกว่าลุงไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เพราะวันๆ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากไปเที่ยวหาบ้านข้างๆ
 
ก็เรื่องที่น่าสนใจน่ะมันก็เรื่องของบ้านข้างๆ นั่นแหละ
 
ผมเดินไปบ้านโจมอย่างคุ้นเคย พอผมไปบอกว่าผมกำลังจะกลับ น้องแจม น้องสาวคนเล็กของผมก็โวยวายใหญ่
 
“ทำไมเร็วนักล่ะพี่ว่าน! เมื่อเช้าไม่เห็นพูดอะไรเลยสักคำนะ” ผมได้แต่ยิ้มด้วยความลำบากใจ จะให้บอกยังไงล่ะว่าที่กลับไปก็เพราะว่าต้องไปหาเพื่อนน่ะ “แล้วแบบนี้พี่โจมจะทำยังไงล่ะ”
 
“พี่ว่าเรื่องคุณอรโจมคงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” นึกไปถึงเรื่องที่เจอคุณอรครั้งล่าสุด หลังจากนั้นก็ไม่เคยมายุ่งกันอีกเลย
 
“ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย”
 
“ถ้าว่านไม่อยู่...โจมคงเหงาน่าดูเลย” คุณป้าเหลือบตามองมา ก่อนจะก้มลงตรวจการบ้านเด็กต่อ
 
“ใช่ๆ หนูคิดเหมือนแม่เลย ถ้าพี่ว่านกลับไปพี่โจมต้องเหงาแน่นอน”
 
“ไม่...หรอก...แจม” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงขาดห้วง เพราะรู้ดีว่าไม่ใช่เพียงโจมหรอกที่จะเหงา ผมนั่นแหละที่จะคิดถึงเขาจนแทบบ้า
 
ผมไม่อยากลับ ไม่อยากไปไหนทั้งนั้น ผมยังอยากอยู่ที่นี่
 
“ว่าน...เย็นนี้เดี๋ยวป้าทำของโปรดว่านไว้ให้แล้วกัน อย่าลืมมาทานนะลูก” ผมมองรอยยิ้มของคุณป้าที่ส่งมาให้แล้วจึงตอบรับกลับไปด้วยความเต็มใจ ก่อนจะเดินออกมาหาโจมที่ยังอยู่ในสวนหลังบ้าน
 
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในสวน น้ำจากสายยางที่โจมถือก็พุ่งมาที่ผม ในขณะที่คนถือสายยางก็ได้แต่ทำหน้านิ่งเรียบตามแบบฉบับของตัวเอง
 
“ขอโทษที ไม่เห็นว่าอยู่ตรงนี้” โกหก จงใจแกล้งกันชัดๆ เล่นเอาผมเปียกไปทั้งตัว “เป็นอะไร ทำหน้าแบบนั้นทำไม”
 
ผมไม่รู้หรอกว่าสีหน้าของผมเป็นยังไง แต่ถ้าให้เดามันคงเศร้ามากจนโจมสังเกตได้ เพราะความรู้สึกผมก็เป็นแบบนั้น
 
“พรุ่งนี้พี่จะกลับบ้านแล้วนะ”
 
“...”
 
“โจมครับ”
 
“แล้วจะกลับมาที่นี่บ้างหรือเปล่า ถ้าไม่มาลุงชูคงเหงาแย่” ผมเดินเข้าไปใกล้โจม ก่อนจะโอบเขาจะทางด้านหลัง “เล่นอะไร ตัวเปียกไปหมด”
 
“ขอโทษ แต่ขออยู่แบบนี้สักพักนะ”
 
“นานหรือเปล่า…”
 
“พักเดียว”
 
“ไม่ใช่...อีกนานหรือเปล่ากว่าจะมาหา” น้ำเสียงขอโจมสั่นไหวราวกับระลอกคลื่น ผมรู้ว่าสำหรับโจมการรอคอยมันทรมานเพียงใด
 
ผมฝังจมูกกับซอกคอขาว “ไม่รู้สิ อาจจะไม่ได้กลับมาหาที่นี่แล้วก็ได้”
 
“...อือ”
 
“จะคิดถึงกันบ้างมั้ย”
 
“...”
 
“คิดถึงกันบ้างนะโจม สักนิดก็ยังดี”
 
ผมเสียใจมาก มันไม่เหมือนกับความรู้สึกที่รู้ว่าปูนกำลังจะเป็นแฟนเอื้อ มันยิ่งกว่านั้น เหมือนโลกทั้งใบของผมมันกำลังกำลังย้อมไปด้วยสีดำ
 
“โจมครับ…”
 
“คิดสิ ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวเปิดเทอมก็ได้เจอกัน”
 
คำพูดของเขาทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมา นั่นสิวะ ผมจะมากังวลอะไร เดี๋ยวเดียวเราก็ได้เจอกันแล้ว แต่...
 
“แล้วมันจะเหมือนเดิมใช่หรือเปล่า”
 
อีกคนเลื่อนมือข้างหนึ่งมาจับมือของผมที่กอดเขาเอาไว้ “ผมสิต้องถามแบบนั้น พี่ก็รู้ว่าผมเป็นยังไง กับอรผมก็ไม่เคยเปลี่ยนใจ ความรู้สึกผมมั่นคงกว่าที่พี่คิด”
 
ผมเปลี่ยนเป็นซ้อนมือเข้ากับมือของโจม แล้วกระชับมันเอาไว้แน่นๆ “พี่ก็เหมือนกัน สัญญาว่ามันจะเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไป”
 
ถึงเวลาของผมกับโจมที่มีร่วมกันจะน้อยกว่าใครหลายคน แต่ผมเชื่อว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อเขานั้นไม่ได้น้อยกว่าใครเลย
 
แล้วเราจะเจอกันใหม่ วันนั้น...ผมสัญญาว่าผมจะทำให้โจมมาเป็นของผมให้ได้ ไม่ใช่ในฐานะแฟนเฉพาะกิจแบบนี้
 
เตรียมใจไว้ได้เลยโจม

=====================================================
=========================================
ตอนนี้ยาวมากกกกก เพราะมันเป็นความรู้สึกของพี่ว่าน (เราเอฟซีพี่ว่านนะ)
แต่ยังไม่จบนะคะ มิชชั้นยังไม่คอมพลีทเลย ต้องมาต่อกันตอนหน้าแล้วล่ะ
ขอคุณนะคะที่ติดตาม
รักกกกกทุกคนจริง นะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของว่าน 08.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-06-2017 23:40:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของว่าน 08.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-06-2017 23:49:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของว่าน 08.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-06-2017 06:16:22
เอือมกับชะนีอร ไปๆซะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของว่าน 08.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-06-2017 10:23:58
ดีใจ

เราจะเรื่อยๆไปด้วยด้วย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของว่าน 08.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 10-06-2017 19:46:38
เรื่องราวของโจม
Side Story : ตอน เหมือนกัน

 
“โจม มึงกับจี๊ดใครจะขายออกก่อนกันวะ” ผมเงยหน้ามองไอ้ปูนที่อยู่ๆ ก็เปิดประเด็นไร้สาระขึ้นมา แต่ก็เหมาะกับมันแล้วล่ะ คนไร้สาระกับเรื่องไร้สาระ “ไม่ต้องมามองกูอย่างนั้นหรอก กูแต่สงสัยเฉยๆ”
 
“มึงรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้พวกกูไม่ได้คบใคร”
 
“พูดแบบนี้แสดงว่ามึงมีแฟนแล้วเหรอ!” ทำไมต้องเสียงดังด้วยวะ เชื่อเลย...ไม่รู้ว่าพี่เอื้อทนคนไร้สาระ ขี้โวยวาย แถมปากไม่ตรงกับใจอย่างมันไปได้ยังไง “ทำไมไม่บอกกูเลยอ่ะ”
 
อ่า...น่าจะเป็นเพราะมันน่ารักล่ะมั้ง ยิ่งเห็นมันทำหน้าหงอยๆ แบบนี้พี่เอื้อคงยอมถวายหัวให้มันทุกอย่าง
 
“ยังไม่มี”
 
“จริงเหรอ กูไม่เชื่ออ่ะ”
 
“ไม่เชื่อแล้วจะถามทำไม” ปูนทำปากจู๋ หึๆ เป็นคนที่เปลี่ยนสีหน้าได้เร็วจริงๆ เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวหน้าบึ้ง ตลกดีครับ มองไปเพลินๆ ก็คลายเครียดได้บ้าง
 
“กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย อีกอย่างย้อนไปตอนโน้นที่มึงบอกว่ามึงกำลังรอใครบางคนอยู่อ่ะ ตอนนี้ยังเหมือนเดิมหรือเปล่าวะ” ไม่คิดเลยว่าคนไร้สาระอย่างมันจะจำเรื่องพวกนี้ได้ด้วย วันนั้นที่ผมพูดไปก็เพราะสงสารมัน ไม่อยากให้มันรู้สึกว่าตัวเองกำลังเศร้าอยู่คนเดียว และในตอนนี้มันก็กำลังมีความสุข ในขณะที่ผมไม่ต้องเศร้ากับเรื่องเก่าๆ แล้ว
 
แต่ต้องทนคิดถึงใครบางคนแทน
 
“ไม่ได้รอแล้ว”
 
“เขากลับมาแล้วเหรอวะ!” เสียงดังอีกแล้ว หรือว่าจะติดเชื้อจากลุงรหัสอย่างพี่บุ๊คมาวะ
 
“เปล่า เขาทิ้งกูไปต่างหาก”
 
“เฮ้ยจริงดิ ใครวะกล้าถึงเพื่อนกู บอกมาเลยเดี๋ยวพี่ปูนเคลียร์ให้”
 
“ไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้กูโอเค”
 
ผมนึกย้อนกลับไป ตอนนั้นผมเจ็บมาก ถึงภายนอกจะแสดงออกมาว่าผมไม่เป็นอะไร ไม่ร้องไห้ก็ใช่ว่าจะไม่เสียใจครับ เคยได้ยินคำว่าร้องไห้จนไม่มีน้ำตาไหม นั่นล่ะที่ผมเป็น แต่แล้วความรู้สึกเหล่านั้นมันก็เริ่มจางหายไปเมื่อผมได้เจอกับใครบางคน ความคิดถึงที่มีให้อร ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในหัวใจก็เริ่มทุเลาลง จนในที่สุดมันก็เหลือเพียงสะเก็ดจางๆ ที่ถ้าไม่ไปสะกิดโดนก็จะไม่รู้สึกอะไรเลย
 
ใครคนนั้นจับมือผมเอาไว้ตอนที่ผมกำลังเสียใจและผิดหวังกับผู้หญิงที่ผมเคยรัก และบอกผมว่าผมนั้นมีความหมาย เขาเข้ามาในชีวิตซึ่งผมไม่ได้ต้องการ ทว่าในระยะเวลาไม่นานเท่าไหร่เขาก็แทรกซึมในทุกๆ วันของผมจนกลายเป็นเรื่องปกติ ก่อนจะจากไปโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
 
ตอนที่พี่ว่านมาบอกลา...ผมใจหาย มันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเรื่องราวของอร วันนั้นอรก็มาบอกลาผมแบบนี้ ก่อนที่เธอจะไม่กลับมาหาผมอีกเลยทั้งตัวและหัวใจ ผมกลัวว่าพี่ว่านจะเป็นแบบนั้น พี่เขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับผมมากพอที่จะไม่เปลี่ยนไป
 
เราสองคนไม่ได้เริ่มจากความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ผมยอมรับว่าตอนแรกก็ไม่ได้อยากจะยุ่งกับเขาเท่าไหร่ ทว่าความเป็นคนดีและเอาใจใส่ของเขาทำให้ผมลดกำแพงของตัวเองลง และสุดท้าย...ก็นั่นแหละ อย่างที่รู้ๆ กัน…
 
“หน้ามึงไม่เห็นเหมือนคนอกหักเลยว่ะ” ว่าแล้วมันก็ท้าวคางจ้องมองผม จะเหมือนได้ไง ก็มันหายแล้ว “เอาจริงๆ นะโจม พวกกูมีความสุขกันหมดแล้ว กูก็อยากให้มึงมีความสุขบ้าง”
 
“อือ” ตอนนี้ปูนกับพี่เอื้อคบกันอย่างเป็นทางการ ฟ้ากับโจมก็เหมือนกัน หนูนาและบอยก็ด้วย อย่างที่ปูนบอกเลย เหลือแค่ผมกับจี๊ด
 
“มึงช่วยพวกกูมากเยอะแล้ว ให้กูช่วยมึงบ้างเอาป่ะ”
 
“หยุดความคิดของมึงไว้เท่านั้นแหละ” ผมรีบบอก ไม่อยากให้คนที่ขนาดชีวิตของตัวเองยังสับสนมาช่วยผมหรอกครับ จะเหนื่อยเพิ่มเปล่าๆ
 
“แต่กู…”
 
“พี่เอื้อมานั่นแล้ว”
 
เท่านั้นแหละครับ คนที่บ่นงุ้งงิ้งๆ เมื่อกี้ก็รีบคว้ากระเป๋าตัวเองที่วางเอาไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนรอแฟนที่กำลังเดินหล่อเข้ามารับ พี่เอื้อหล่อมากเหมือนเดิม รูปร่างสูงโปร่ง บุคลิคดี แถมยังดูเป็นมิตร สาวๆ ที่เดินผ่านเหลียวหลังมองตามกันเป็นแถว
 
“เป็นไรอ่ะ ขมวดคิ้วอีกล่ะ” ปูนทักแฟนตัวเองที่เดินหน้าบึ้งแ (ต่ก็ดูดี) เข้ามา
 
“เมื่อกี้เหมือนเห็นไอ้ว่านอ่ะดิ มันเข้ามายุ่งกับปูนหรือเปล่า” ขี้หวงอีกต่างหาก
 
“เปล่า...นี่ปูนก็อยู่กับโจมตลอด ไม่มีใครเลย คิดมากว่ะ”
 
“ก็ดีแล้ว...พี่ฝากปูนด้วยนะโจม วังหลังถ้าใครมายุ่งไล่ไปไกลๆ เลย”
 
“ครับ” ผมพยักหน้ารับแล้วเริ่มเก็บของที่วางบนโต๊ะไปด้วย
 
“มาห่วงทำไม ตัวเองนั่นแหละน่าห่วง นี่พี่เดียวมาฟ้อง…” แล้วคู่รักเขาก็เริ่มต้นบทสนทนา (ที่พี่เอื้อจะเป็นคนเดือดร้อน) จากตอนแรกที่พี่เอื้อเหมือนจะเป็นฝ่ายหงุดหงิด ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนผมแทนแล้วครับ เดือนร้อนให้พี่เอื้อต้องมาง้อมันอีก
 
ไอ้ขี้หวงเอ้ย ขี้หวงพอกันเลยทั้งคู่
 
“กูไปก่อนนะ” บอกปูนที่ยังเหมือนงอนพี่เอื้ออยู่ มีแฟนอย่างพี่เอื้อก็ต้องทำใจล่ะนะ หน้าตาดีแถมยังเคยเจ้าชู้มากๆ ถึงตอนนี้จะเลิกแล้วแต่สาวๆ ส่วนใหญ่เขาก็ยังติดภาพพี่เอื้อคนเดิมอยู่ดี
 
ผมเดินออกมาจากคณะได้สักนิดก็เห็นใครบางคนกำลังทำเท่อยู่บนรถคู่ใจ...ไม่ใช่รถสปอร์ตคันหรูหรืออะไรแบบนั้นหรอกครับ มันก็เป็นเพียงจักรยานสีขาวสะอาดตาที่ดูไม่เข้ากับบุคลิคของคนขี่เลยสักนิด อย่างพี่ว่านควรจะเป็นบิ๊กไบค์คันโตๆ มากกว่า
 
“เมื่อกี้เห็นไอ้เอื้อเดินเข้าไปด้วย” เขาส่งโทรศัพท์มือถือมาให้ผมที่กำลังขึ้นซ้อนจักรยาน “เชื่อได้เลยว่ามันต้องไปหาเรื่องปูนแน่”
 
“อือ แต่ตอนนี้ปูนเป็นคนหาเรื่องแล้ว… ถามทำไม อยากรู้เรื่องเขามาก?”
 
“ใจเย็นสิครับ พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ” พี่ว่านอมยิ้ม ท่าทางจะชอบใจที่ผมแสดงอาการหวงออกมา (ไปว่าเขา ตัวเองก็ขี้หวงเหมือนกันแหละ) ก่อนที่เขาจะเริ่มปั่นจักรยานเพื่อพาผมไปที่คณะวิศวะ ผมจอดรถเอาไว้ที่นั่นครับ แถวคณะผมไม่ค่อยมีที่จอดเท่าไหร่
 
 
ย้อนกลับไปวันนั้น (วันที่เราพบกันครั้งแรกในรอบหลายเดือน)
 
ผมกับพี่ว่านเจอกันครั้งแรกในรอบหลายเดือนภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ วันนั้นเป็นวันที่ผมและปูนตามพี่เอื้อไปที่หอของพี่ฟิ้ง แล้วผมก็ได้บังเอิญเจอพี่ว่านเดินลงมาข้างล่างพอดี ครั้งแรกที่เห็นหน้าพี่ว่าน ผมดีใจมาก มันคิดถึงจริงๆ ถึงแม้เราจะติดต่อกันตลอดแต่ก็ไม่เคยเจอกันเลยสักครั้ง ผมก็ยุ่งกับเรื่องงของปูน พี่ว่านก็ยุ่งกับเรื่องเรียน
 
วันนั้นถ้าไม่ติดว่าเราไม่ได้อยู่กับสองคน ผมคงจะเดินไปหาและสวมกอดเขาเอาไว้แล้ว แต่ปูนมันก็อยู่ ผมอยากจะให้เรื่องของเพื่อนมันจบๆ ไปก่อน แล้วค่อยมาจัดการเรื่องของตัวเอง เลยกลายเป็นว่าพอพี่เอื้อกับปูนไปเคลียร์กัน ผมกับพี่ว่านก็ต้องมานั่งปลอบพี่ฟิ้งเสียยกใหญ่ คืนนั้นกลัวมากครับ กลัวว่าพี่ฟิ้งจะคิดบ้าๆ ถึงเขาจะเป็นคนที่ทำให้เพื่อนของผมเสียใจ แต่ผมก็ไม่ใจดำพอที่จะทิ้งเขาเอาไว้หรอก
 
เพราะผมรู้ว่าเวลาเจ็บกับความรักมันเป็นยังไง
 
นั่งปลอบกันจนเกือบจะเช้า (ในขณะที่ไอ้คู่พระเอกนายเอกกำลังนอนหลับอย่างมีความสุข) พี่ฟิ้งก็ดีขึ้นแล้วหลับไปในที่สุด พี่ฟิ้งเป็นคนฉลาดและมีความคิด เขาโตแล้ว รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ก็แค่เรื่องความรัก มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมด เราไม่ควรจะเอาชีวิตที่เหลือนั้นทิ้งไปกับแค่เพราะเราไม่สมหวัง
 
ผมกับพี่ว่านเดินออกมาจากห้องพี่ฟิ้งฟ้าก็เกือบสว่างแล้วครับ ตาจะปิดเต็มที พี่ว่านเลยชวนให้ผมไปนอนค้างที่ห้องเพื่อนเขาก่อน
 
“พวกมึงนอนไปเลยนะ ออกไปตอนไหนก็โทร.บอกกูด้วยแล้วกัน กูไปหาแฟนก่อน” แล้วเพื่อนพี่ว่านก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งผมไว้กับเขาแค่สองคน
 
พี่ว่านเดินไปค้นตู้เสื้อผ้าก่อนจะส่งเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาให้ “ของพี่เองเอาไปเปลี่ยนก่อนนะจะได้นอนสบายๆ”
 
เนี่ยนะประโยคแรกที่เราได้คุยกัน โคตรคุ้มกับความคิดถึงเลยว่ะ
 
“ผมแค่กะจะงีบ”
 
“เอาเถอะ ไปเปลี่ยนก่อน”
 
ผมทำตามที่เขาบอก เสื้อผ้าผมมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์และบุหรี่ จะให้นอนไปแบบนี้ก็กลัวทำเตียงของเพื่อนพี่ว่านเหม็นเหมือนกันล่ะ พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็พบว่าพี่ว่านลงไปนอนที่เตียงเรียบร้อยแล้ว อีกคนพอเห็นผมก็ตบที่ว่างข้างๆ
 
ตลกล่ะ ให้ผู้ชายตัวเท่าควายสองคนมานอนด้วยกัน
 
“ผมนอนพื้นได้”
 
“ไม่ดื้อดิ”
 
ผมไม่ชอบเลยที่เขาพูดเหมือนผมเป็นเด็กๆ ‘น้องโจม’ บ้างล่ะ ‘ไม่ดื้อ’ บางล่ะ ‘น่ารัก’ บ้างล่ะ คำพวกนี้มันเข้ากับหน้าอย่างผมตรงไหนไม่ทราบ ไปพูดกับฟ้าหรือปูนจะเข้าท่ากว่าเยอะ
 
“โจมครับ…” ผมเกลียดเวลาที่เขาเรียกชื่อของผมแบบนี้ “เร็ว...พี่ง่วง” และเกลียดเสียงอ้อนๆ ของเขาด้วย
 
ด้วยความง่วงเหมือนกัน และขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง ผมเลยทิ้งตัวลงนอนลงตรงที่ว่างนั่น แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ แต่จะบอกว่ามันสบายเลยก็คงไม่ใช่
 
พอนอนไปได้สักพักกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็เหมือนตัวเองกำลังโดนกอดเอาไว้ ผมไม่คิดว่าเป็นผีอำหรอกครับ ก็เห็นๆ อยู่ว่าต้องเป็นคนที่นอนข้างผมนั่นแหละ
 
ผมไม่ได้ท้วงอะไร และปล่อยให้เขากอดจนกระทั่งผมตื่นขึ้นมาในที่สุด พอลืมตาเต็มที่ก็พบว่าใบหน้าของพี่ว่านอยู่ใกล้มาก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่ผมนอนพลิกตัวมาทางเขา ทั้งที่ก่อนจะหลับผมหันไปอีกข้างแท้ๆ
 
“ตื่นนานแล้วเหรอครับ” ผมถามอีกคน ซึ่งเขาก็พยักหน้าตอบกลับมา “ทำไมไม่ปลุกผม”
 
“นอนมองหน้าโจมแล้วมันเพลินดี”
 
“...” พี่ว่านชอบมองผม จ้องเข้ามาในดวงตาอยู่นานเป็นนาที แต่แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัด เพราะผมก็ชอบที่จะมองหน้าเขา
 
“โจม…”
 
“ครับ?”
 
“พี่คิดถึงโจมนะ” เขาบอกแบบนั้น ก่อนที่จะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ผมจนกระทั่งริมฝีปากของเราแตะลงอย่างช้าๆ
 
ทันทีที่ริมฝีปากร้อนผ่าวของอีกคนก็แตะลงมาที่ปากของผม ความอุ่นของมันทำให้หัวใจของผมเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนด้อยประสบการณ์แท้ๆ แต่ทำไมกับแค่จูบแบบเด็กๆ อย่างนี้กลับทำให้สมองของผมขาวโพลน คิดอะไรไม่ออกสักอย่าง แถมมือไม้ยังดูเกะกะเก้งก้างไปหมด
 
หลังจากนั้นไม่นาน มันก็แปลเปลี่ยนเป็นจูบที่ร้อนแรงตามอารมณ์ที่หนักหน่วงของเราทั้งคู่ ผมอยากจะส่งผ่านความคิดถึงของผมทั้งหมดที่มีต่อเขาผ่านจูบนี้และคิดว่าเขาก็คงไม่ต่างกัน
 
เสียงแลกลิ้นดังก้องไปทั่วห้อง อุณหภูมิในร่างกายของผมสูงขึ้นทุกครั้งที่เราสัมผัสกันมากกว่าเก่า ผมสอดมือเข้าที่กลุ่มผมนุ่มของอีกคนก่อนจะดึงทึ้งมันเบาๆ เพื่อระบายอารมณ์วาบหวามในหัวใจ
 
พี่ว่านพลิกขึ้นมาอยู่ด้านบน แล้วตะโบมโลมไล้ร่างกายของผม พร้อมมอบจูบราวกับจะช่วงชิงลมหายใจ
 
“ดะ เดี๋ยวก่อน…” ผมร้องห้ามเมื่อเขาผละออกเล็กน้อยแล้วทำท่าจะก้มลงมาใหม่ “นี่ผมต้องอยู่ข้างล่างเหรอ”
 
“หรือโจมอยากจะออนท็อป” คนข้างบนอมยิ้มกวน
 
“อยู่ข้างบนไม่ได้?”
 
“สงสัยอยากจะออนท็อปจริงๆ” แล้วพี่ว่านก็พลิกตัวผมให้ขึ้นมานั่งคร่อมร่างของเขาด้วยความรวดเร็ว พอได้มามองเขาในมุมนี้มันยิ่งทำให้ใจเต้นเร็วกว่าเดิมด้วยความตื่นเต้น
 
ผู้ชายที่อยู่ใต้ร่างของผมราวกับกำลังเชิญชวนกันอยู่ก็ไม่ปาน
 
“จะต่อเลยมั้ย” ยังจะมาถามอีก
 
“ผมว่าพอเถอะ ห้องเพื่อนพี่คงไม่เหมาะเท่าไหร่”
 
“งั้นไปห้องพี่กัน...หรือห้องโจมดี” อยากจะตีปากที่ช่างกล้าถามออกมาได้ ผมไม่ได้อายอะไรหรอกครับ แต่มันก็อดเขินๆ ไม่ได้ นี่เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกในรอบหลายเดือนนะ
 
“ไม่ว่าจะห้องใครก็ไม่ครับ ไม่ใช่ตอนนี้”
 
“อ้อ...เรื่อยๆ ไม่เร่งรัด” ก็จำได้นี่ “แต่เมื่อกี้มันห้ามไม่อยู่จริงๆ เพราะพี่คิดถึงโจมมากเกินไป”
 
“...อือ ผมเข้าใจ”
 
ผมลงจากตัวพี่ว่านพร้อมกับที่เขาลุกมานั่งข้างกัน เมื่อหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าผมเพิ่งนอนไปได้ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้นเอง พี่ว่านตื่นก่อนผมอีก แสดงว่าได้นอน้อยกว่าผม
 
“พี่ไม่ง่วงเหรอ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนเหมือนกัน”
 
“ตอนแรกมันก็ง่วง...ง่วงมาก แต่เอาจริงๆ แล้วมันนอนไม่หลับ ไม่เหมือนใครบางคนที่หลับสบาย”
 
“ช่วยไม่ได้”
 
“เพราะเรานั้นแหละ...รู้หรือเปล่าว่าพี่คิดถึงโจมขนาดนั้น พี่คิดเอาไว้ตั้งมากมายว่าพอเจอโจมแล้วจะพูดอะไรบ้าง แต่ที่ไม่คิดเลยคือการได้มานอนกอดโจมแบบนี้…”
 
“...”
 
“พี่ดีใจนะที่เราได้เจอกันอีกครั้ง แล้วก็ดีใจ...ที่โจมยังเหมือนเดิม” แววตาของพี่ว่านบ่งบอกว่าเขาก็กลัวความเปลี่ยนแปลงเหมือนผม แต่ในนั้นก็แฝงไปด้วยความมั่นคงและเชื่อใจ
 
“ครับ...เหมือนกัน”

ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของว่าน 08.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 10-06-2017 19:47:19
กลับมาที่ปัจจุบัน
 
พอนึกถึงวันนั้นแล้วมันก็รู้สึกว่าริมฝีปากของพี่ว่านมันยังตราตรึงอยู่กับปากของผมอยู่เลยครับ จะลบก็ลบไม่ออก พาให้หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอีก
 
“โจม วันนี้ไปดูหนังกันมั้ย”
 
“เอาสิ เรื่องอะไรล่ะ” วันนี้ผมว่างแล้วครับ ก็ไม่ต้องไปวุ่นวายกับเรื่องเพื่อนๆ แล้ว เพราะทุกคนดุมีความสุขดีกับคนรัก
 
“พี่อยากดูหนังญี่ปุ่น…” คำตอบผมพี่ว่านทำให้ผมคิ้วกระตุก
 
“เก็บไว้ดูคนดียวเถอะ”
 
“เดี๋ยวดิ ไม่ใช่หนังอย่างนั้น ทะลึ่งนะเราอ่ะ” คนที่เข้าใจสิ่งที่ผมพูดก็ทะลึ่งไม่แพ้กันหรอกน่า “แต่โจมตกลงแล้วนะ อย่ากลับคำ”
 
“รู้แล้วน่า...ผมผิดเองแหละที่ควรจะถามก่อนว่าหลังอะไร”
 
พี่ว่านหัวเราะชอบใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ในที่สุดเราสองคนก็มาถึงคณะวิศวะฯ ที่พี่ว่านเรียนอยู่ ผมมาที่นี่ไม่บ่อยหรอก วันไหนตื่นสายหรือที่จอดรถแถวคณะไม่ว่างเลยถึงจะมาใช้บริการที่จอดรถคณะนี้บ้าง และวันนี้ผมก็ดื่นสายครับ ต้องรบกวนพี่ว่านปั่นจักรยานไปรับ
 
“รอพี่ก่อนนะ พี่ทำงานกลุ่มค้างอยู่” เขาบอกก่อนจะพาผมเดินเข้าไปภายใน แล้วขึ้นไปยังชั้นสองของอาคารก่อนจะพบเพื่อนๆ ของเขานั่งรวมกลุ่มกันอยู่
 
“มาสักทีนะไอ้ว่าน พวกกูรอมึงอยู่เนี่ย”
 
“เออๆ แปบน่า”
 
“อ้าว...นั่นโจมนี่”
 
“หวัดดีครับ” คนที่ทักผมคือพี่โอมครับ (ชื่อเราแอบคล้ายกันนะพี่) เขาเป็นเพื่อนสนิทของพี่ว่าน ผมเคยเจออยู่อยู่สองสามครั้ง แต่เหมือนพี่โอมยังคิดว่าผมเป็นเพียงแค่รุ่นน้องที่สนิทกับพี่ว่านเฉยๆ
 
ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นแบบนั้น...ถูกหรือเปล่าครับ
 
“ไม่เจอกันตั้งหลายวันยังหล่อเหมือนเดิมนะ”
 
ผมยิ้มขอบคุณ แล้วก็เห็นพี่ว่านที่เหลือบมองมาด้วยสายตาไม่ชอบใจ “ทำงานได้แล้วมึง ไหนบอกว่ารอกูไง”
 
“อะไรวะ กูก็อยากจะคุยกับน้องมันบ้าง เห็นว่าอยู่คณะเดียวกับน้องปูนใช่มั้ย ป่านนี้เป็นไงบ้างล่ะ มึงก็อยากรู้นี่ไอ้ว่าน”
 
พี่ว่านตาโต “กูไม่ได้อยากรู้”
 
“อย่ามาหลอกกู เมื่อวานมึงยังพูดถึงน้องเขาอยู่เลย”
 
“ไอ้เชี่ยโอมมมมมม” เพิ่งเคยเห็นพี่ว่านร้อนรนขนาดนี้นะครับ ตลกดีเหมือนกัน เขารีบวิ่งไปปิดปากเพื่อนตัวเองใหญ่ ตาก็คอยมองผมไปด้วย
 
“ปูนสบายดีครับ ยังน่ารักเหมือนเดิม” ผมไม่ได้ตั้งใจจะตอบประชดประชันใครทั้งนั้นนะครับ อย่าเข้าใจผิดล่ะ “แต่ถ้าพี่ว่านอยากรู้มากกว่านี้ ต้องไปถามเจ้าตัวเองนะครับ พูดถึงเขาไปก็ไม่มีทางรู้หรอก”
 
“โธ่โจม...ก็รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”
 
“ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไร” ว่าพลางยิ้มมุมปากเล็กน้อย ผมรู้หรอกน่าว่าพี่ว่านไม่ได้คิดอะไรกับปูนมันแล้ว ก็คงพูดถึงบ้างตามประสานั่นแหละ แต่อดแกล้งเขาไม่ได้ครับ
 
ถือว่าเอาคืนที่เขาเคยทำให้ผมใจเต้นบ่อยๆ แล้วกัน
 
“พวกมึงสองคนนี่แปลกๆ นะ อย่างกับผัวเมียกับลังจะตีกัน”
 
โป๊ก!!
 
คราวนี้พี่โอมโดนพี่ว่านใช้ม้วนกระดาษพิมพ์เขียวที่วางอยู่แถวนั้นฟาดไปที่หัวเต็มแรง
 
“มึงเงียบไปเลย!”
 
แล้วความวุ่นวายก็จบลงเมื่อทุกคนเริ่มทำงานกันอีกครั้ง ระหว่างพี่พวกพี่ว่านกำลังทำงานกับไปได้สักพัก ผมก็ขอตัวออกไปขยับรถให้มาจอดใกล้ๆ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวออกจากคณะ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
 
“เอ...เด็กเกษตรฯ มาทำอะไรแถวนี้วะเนี่ย”
 
เขาว่ากันว่าวิศวะฯ มักไม่ถูกกับสถาปัตย์ฯ แต่อีกคณะที่มีเรื่องกันบ่อยๆ ก็พวกเกษตรฯ นี่ล่ะ ผมเดาว่าเพราะคณะของพวกเราผู้ชายมันเยอะ ก็เลยเกิดเรื่องกระทบกระทั่งกันง่ายๆ
 
ผมเลือกที่จะไม่สนใจและเดินหนี แต่ก็นั่นล่ะ...คุณคิดว่าเขาจะยอมหรือเปล่าล่ะ ผมผิดเองที่ดันใส่เสื้อชอปฯ มาวันนี้
 
“เฮ้ย! กูพูดกับมึงนะ”
 
“...”
 
“หนูหนวกหรือไงวะ!” อีกฝ่ายบอกพร้อมกับเดินตรงมากระชากไหล่ผม มันมากันสามคนครับ และผมว่ามันพร้อมที่จะเรียกกำลังเสริมตลอดเวลา “กูถามว่ามึงมาทำอะไรที่คณะกู!”
 
“ไม่มีป้ายห้ามเข้าสักหน่อย”
 
“กวนตีนเหรอ”
 
“มึงนั่นแหละที่กวนตีน กูอยู่ของกูดีๆ เสือกมาหาเรื่องทำไม”
 
“อ้าว...พูดอย่างนี้ก็วอนนี่หว่า ไม่รู้หรือไงว่านี่ถิ่นใคร อยากมีเรื่องใช่มั้ย!”
 
หมับ!!
 
มันคว้าคอเสื้อของผมเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงให้เข้าใกล้อย่างรวดเร็ว ส่วนอีกมือหนึ่งก็ง้างขึ้นเตรียมจะปล่อยหมัดลงมา
 
“ถ้ามึงต่อยกู วันนี้มึงได้หยอดน้ำข้าวต้มแน่”
 
“หึ...ปากดีว่ะ ไม่ได้ดูเลยว่าตอนนี้มึงกำลังอยู่ที่ไหน” พูดจบมันก็ซัดหมัดลงมาที่ใบหน้าผมเต็มๆ แรง
 
กูเตือนมึงแล้วนะ
 
ผัวะ!!
 
ผมยกเท้าขึ้นถีบมันสุดแรงเกิดจนอีกฝ่ายเซถลาไปไกล ก่อนจะยกเข่ายันเพื่อน (ให้เเป็นไอ้หมายเลขสอง) ของมันที่ทำท่าจะเข้ามาเล่นงานเอาไว้ แล้วปล่อยหมัดใส่จนมันลงไปกองที่พื้น แต่เพื่อนมันไม่มีมีแค่คนเดียว ไอ้หมายเลขสามอาศัยจังหวะที่ผมเผลอเตะเข้าที่หน้าท้องก่อนจะปล่อยหมัดใส่หน้าผมเต็มแรง
 
ถุย!
 
เชี่ยเอ้ย...เล่นเอาเลือดกูออกเลยเหรอ
 
ในตอนที่ไอ้หมายเลขสองไม่ทันตั้งแต่ผมก็วาดขาเตะที่ข้อพับอีกฝ่ายให้มันล้มลงมากองที่พื้น แล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เข้าไปกระทืบซ้ำที่ช่วงกลางลำตัวของมัน
 
“อุก!!” คงจุกน่าดู กูขอโทษนะ มึงเข้ามาเอง
 
ผมหันไปรับหมัดของไอ้หมายเลขสอง และตอนนั้นไอ้หมายเลยหนึ่งก็ถีบซ้ำที่ท้อง ทว่าผมก็เบี่ยงตัวหลบได้ทันท่วงที ทำให้มันพลาดเป้า กลายเป็นคนที่ต้องลงไปนั่งแหมะแทน
 
“แน่จริงก็อย่าหลบดิวะ!”
 
โง่หรือเปล่า ไม่หลบกูก็เจ็บตัวดิ
 
พลั่ก! ผัวะ! อัก!
 
เสียงต่อสู่กันดังไปทั่ว ผมไม่ใช่จะได้เปรียบอยู่ฝ่ายเดียวครับ มันก็มีพลาดท่ากันบ้าง อีกฝ่ายมีกันตั้งสามคน ต่อให้ผมฝีมือดีกว่าแต่สู้ไปสักพักมันก็เริ่มล้า และในตอนที่ผมพลาดพลั้ง โดนมันกระชากคอเสื้อแล้วเตรียมปล่อยหมัดหนักๆ ใส่นั้นเอง
 
“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นก่อนที่ตัวพี่ว่านจะวิ่งเข้ามาทางพวกผมอย่างเร่งรีบ ร่างสูงเข้ามากระชากมือที่กำลังจับคอเสื้อของผมออกอย่างแรง แล้วตวาดถามเสียงดังกว่าเก่า “พวกมึงทำอะไรวะ!!!”
“...”
 
“กูถามว่าพวกมึงทำอะไร!!”
 
“พี่ว่านสวัสดีครับ” เออ ขนาดนี้แล้วยังมามีมารยาทกันอีกเนาะ ทีกับกูล่ะหาเรื่องกันอย่างเดียว “มันกวนตีนผมก่อน เลยสั่งสอนนิดๆ หน่อยๆ”
 
หน้าแม่งไม่สำนึกอ่ะ กูเหรอที่กวนตีนมึงก่อน มีแต่มึงนั่นแหละที่เข้ามาหาเรื่องกูทั้งนั้น “พูดความจริงหน่อยดิวะ เอาให้เหมือนที่มึงปากดีเมื่อกี้น่ะ”
 
“เสือก!”
 
“มึงนั่นแหละหยุด!” พี่ว่านตะคอกใส่มัน “แค่กวนตีนมึงต้องทำขนาดนี้เลยเหรอวะ สามต่อหนึ่งนี่พวกมึงเก่งมากเลยนะ”
 
“...ผม…”
 
“เงียบ! กูไม่ได้สั่งให้มึงพูด!!” พี่ว่านดูน่ากลัวมากเลยครับ ถ้าผมไม่รู้จักเขามาก่อนก็คงเกรงๆ อยู่บ้าง
 
ไอ้สามคนนั้นนิ่งเงียบ ขณะนั้นก็มีเพื่อนพี่ว่านวิ่งมาทางนี้เป็นกลุ่มใหญ่ ไม่ได้มีแค่เพื่อนพี่ว่านเท่านั้น แต่คนอื่นที่ยังอยู่ในตึกก็มาด้วย พวกเขาได้แต่มองมานิ่งๆ ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งพี่โอมมาถึงนั่นแหละ
 
“มีอะไรกันวะไอ้ว่าน”
 
พี่ว่าไม่ตอบ แต่กันไปถามไอ้สามคนนั้นแทน “มึงเล่ามาสิ...ใครก็ได้ในพวกมึงสามคนพูดมา...เอาความจริงนะ กูไม่อยากฟังคำโกหก”
 
พวกมันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ไอ้หมายเลขสาม ซึ่งดูเป็นคนเหี้ยน้อยที่สุดในที่นี่แล้วจะเอ่ยขึ้น “คือ...ผมเห็นมันเดินอยู่ในคณะเลยเข้าไปทัก…”
 
“กูบอกให้พูดความจริง!”
 
“เข้าไปหาเรื่องครับ! พวกผมเข้าไปหาเรื่องมัน ตอนแรกมันก็จะไปดีๆ แต่พวกผมไม่ยอม ก็เลยมีเรื่องกัน” มันพูดรัวๆ เร็วๆ คงกลัวพี่ว่านมากเลยครับ
 
“ปีสองทั้งหมด จัดแถว!!”
 
“เฮ้!!” เสียงเฮ้ดังลั่นก่อนที่ปีสองจะแยกออกมาจากกลุ่มคนพวกนั้นและเร่งกันจัดแถว ต้องยอมรับเลยว่าคณะนี้มีระเบียบวินัยกว่าคณะของผมมากครับ แปบเดียวก็จัดกันเสร็จแล้ว
 
“บอกผมสิครับว่าผมควรทำยังไงกับเพื่อนพวกคุณดี”
 
“...”
 
“ไม่ตอบ...งั้นผมว่าผมส่งเรื่องไปที่คณะเลยดีมั้ย ให้พวกเขาจัดการเลยเป็นไง” ทุกคนยังคงเงียบ เริ่มมองหน้ากันเลิกลั่ก “บอกผมหน่อยได้หรือเปล่าครับว่าพวกผมเคยสอนให้พวกคุณเป็นอันธพาลระรานคนอื่นไปทั่วหรือเปล่า”
 
“ไม่ครับ! / ไม่ค่ะ!”
 
“แล้วทำไมบางคนยังทำอยู่ครับ...พวกผมบอกเสมอว่าอย่าไปมีเรื่อง หรือที่พวกผมบอกพวกคุณไปมันเข้าหูซ้ายแล้วทะลุหูขวาครับ!!”
 
“...”
 
“ผ่านมาปีเดียวก็ลืมกันแล้วหรือไง แล้วถ้าคุณเป็นแบบนี้รุ่นน้องจะไปเชื่อฟังอะไรครับ! ทำตัวให้มันสมกับที่เป็นพี่หน่อยสิครับ!”
 
“...”
 
“พวกมึงสามคน!! รู้สึกยังไงที่ทำให้เพื่อนต้องมาโดนด่าเพราะการกระทำไม่คิด บอกหน่อยสิว่ากูต้องทำยังไงกับพวกมึงหะ!!”
 
“...”
 
ผมเชื่อว่าไม่มีใครในที่นี้ไม่กลัวพี่ว่าน ทั้งสีหน้า แววตา และน้ำเสียง มันไม่ใช่พี่ว่านในเวอร์ชั่นปกติเลย เขาว่ากันว่าคนใจเย็นเวลาโกรธจะน่ากลัวคงจริงครับ ขนาดเพื่อนของเขายังไม่กล้าที่จะเข้ามาห้ามสักคน
 
ถ้าปล่อยไว้ต่อไปคงไม่ดีหรอก ผมว่าพอแค่นี้ดีว่า
 
ผมเอื้อมมือไปแตะแขนพี่ว่านเอาไว้เบาๆ ให้เขาหันมามอง “พอแล้ว ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
 
“ตอนนี้ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าพี่มาช้ากว่านี้โจมจะเป็นยังไงบ้าง นี่พี่ยังไม่ได้ทำโทษอะไรมันสักอย่างเลยนะ” ว่าแล้วก็หันไปมองมันสามคน
 
“ไม่ต้องหรอก ผมไม่ได้ติดใจอะไร”
 
“ไม่ได้ มันจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับคนอื่น นี่ในคณะยังกล้าทำขนาดนี้ อยู่ข้างนอกไม่ไล่ฟันเขาเลยหรือไง”
 
“ว่าน...กูว่าเอาอย่างนี้ดีป่ะ” พี่โอมเสนอความคิด “ตอนนี้อาจารย์โกวิทย์บอกให้คนในคณะช่วยกันจัดห้องสโมฯ ใหม่ ก็ให้ไอ้พวกนี้ไปจัดแล้วกัน”
 
พี่ว่านพยักหน้าเห็นด้วย “...พวกมึงว่าไง จะทำมั้ย”
 
“ทะ ทำครับ”
 
“ดี...มึงไปทำงานของมึงซะ แล้วห้ามให้ใครช่วยพวกมันเด็ดขาด และถ้ามึงตุกติกหรือยังคิดจะแก้แค้น เรื่องนี้ถึงคณบดีฯ แน่ เข้าใจมั้ย”
 
“ขะ เข้าใจครับ”
 
“กูถามว่าเข้าใจมั้ย!!”
 
“เข้าใจครับ!!”
 
“แล้วจะบอกไว้นะ ต่อไปพวกคุณห้ามยุ่งกับผู้ชายคนนี้อีก ไม่ว่าใครก็ห้ามทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นเจอดีกับผมแน่!!”
 
พี่ว่านกอดเอวผมเอาไว้ ก่อนจะพาเดินออกจากคณะไปต่อหน้าทุกคน เอาจริงๆ นะครับ ถึงมันจะไม่ควรแต่ผมก็อดรู้สึกเขินขึ้นมาไม่ได้ ที่บอกว่าไม่ให้ยุ่งน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้กอดเอวนี่...มันสมควรแล้วเหรอวะ
 
“เดี๋ยวๆ ไอ้ว่าน” พี่โอมวิ่งตามมาตอนที่เรากำลังจะเข้าไปในรถ “คือกูสงสัยมานานแล้ว แบบว่า...ตกลงว่าพวกมึงนี่ยังไงวะ”
 
“...”
 
“อย่าทำหน้าดุใส่ดิ กูไม่ใช่พวกนั้นนะเว้ย กูถามเพราะต่อไปกูจะได้ทำตัวถูกเวลาอยู่ต่อหน้าพวกมึง...หมายถึง จะได้ไม่หลุดปากพูดอะไรออกไปอีก”
 
“ถามมาก็ดี จะได้ไม่ทำให้กูเดือดร้อนอีก”
 
“นี่แสดงว่าพวกมึงสองคน…”
 
“เออ พวกกูสองคนไม่ใช่แค่พี่น้องที่สนิทกันอย่างที่มึงคิด...แค่นี้เข้าใจหรือเปล่า”
 
“เออ แล้วไม่บอกตั้งแต่แรกวะ ขอโทษนะโจม ที่ผ่านมาพี่เผลอปากพล่อยไปซะเยอะเลย”
 
“ไม่เป็นอะไรครับ”
 
“แต่เรื่องที่ว่านมันพูดถึงปูนอ่ะ...เรื่องจริงนะน้อง”
 
“ไอ้เชี่ย!!” ไม่ทันแล้วครับ พูดจบพี่โอมก็วิ่งจู๊ดเข้าคณะไปเลย ปล่อยให้พี่ว่านหัวเสียอยู่คนเดียว แล้วเขาก็หันมาหาผม “โจมอย่าไปฟังมันนะ มันแค่กวนตีนเฉยๆ”
 
“...”
 
“เอ่อ...พี่ว่าเรากลับกันดีกว่า”
 
หึ...พี่ว่านที่ว่าน่ากลัว...ก็ไม่เท่าไหร่หรอก จริงมั้ย

..
.
“เบาๆ หน่อยครับ” ผมร้องบอกอีกคนที่กำลังทำแผลบนใบหน้าให้ผมอยู่ ตอนมีเรื่องมันไม่เจ็บเลยสักนิด จะโดนต่อ โดนถีบครู่เดียวมันก็หาย แต่พอมานั่งทำแผลแบบนี้แล้วอมร้องขึ้นมาไม่ได้
 
“ขอโทษๆ” สีหน้าพี่ว่านดูรู้สึกผิดมากครับ ทั้งที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลยสักนิด “คุณป้ารู้หรือเปล่าเนี่ยว่ามีลูกชายเลือดร้อนขนาดนี้ แต่ดูท่าจะไม่รู้สินะ”
 
ก็แน่ล่ะ ใครจะบอกให้แม่รู้กัน
 
“ห้ามบอกแม่นะ”
 
“ถ้ามีครั้งหน้าเรื่องถึงแม่โจมแน่” ผมรู้เลยว่าพี่ว่านไม่ใช่แค่ขู่ แต่เขาจะบอกจริงๆ “คราวหน้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะ ดูดิ...หมดหล่อเลย”
 
เขาก็พูดเกินไปครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย แค่มุมปากช้ำ คิ้วแตก แต่รับรองว่าสภาพดีกว่าไอ้สามคนนั้นแน่นอน
 
อีกคนเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่องแล้วเดินไปเก็บในตู้ ก่อนจะกลับมานั่งข้างผมที่โซฟาในห้องเหมือนเก่า เขาหันมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจห้องของผม
 
“ห้องโจมใหญ่ดีนะ อยู่คนเดียวแบบนี้ไม่รู้สึกโหวงๆ บ้างเหรอ”
 
“ก็ปกติ เพื่อนชอบมาหาบ่อยๆ” นี่ก็เพิ่งเลี้ยงฉลองกันไป แล้วก็มีเรื่องเด็ดๆ เกิดขึ้นคือฉากเลิฟซีนร้อนฉ่าของไอ้กล้ากับฟ้า เล่นเอาผมอยู่ห้องไม่ได้เลยครับ ดีนะที่วันนั้นพี่ว่านโทร.มาชวนให้ออกไปข้างนอกด้วยกันก่อน
 
“แล้วทำไมมีห้องนอนสองห้องล่ะ”
 
“อรเคยนอนห้องนั้น” พี่ว่านตวัดสายตามามองทันทีที่ผมตอบคำถามจบ “อะไร มองแบบนั้นหมายความว่าไง”
 
“ทำไมไม่ย้ายออก”
 
ผมเลิกคิ้ว ไม่ได้อยากจะคิดไปหรอกนะว่าเขากำลังหึงผมกับคนที่เลิกกันไปแล้ว “ก็จะย้ายทำไมล่ะ หอทำเลดีแบบนี้ ห้องก็กว้าง เสียดายแย่”
 
“พี่หาใหม่ให้มั้ย ดีกว่านี้อีก”
 
“ไม่ต้องหรอก ผมไม่อยากย้าย”
 
“ทำไม” เสียงห้วนที่สุดครับ เห็นว่าผมเป็นรุ่นน้องคณะหรือไง
 
ผมยกมือขึ้นประคองหน้าอีกฝ่ายไว้เบาๆ “นี่...กลัวอะไร ก็รู้อยู่นี่ว่าเรื่องมันจบไปแล้ว”
 
“พี่ไม่อยากให้โจมอยู่ในห้องที่มีแต่ความทรงจำของโจมกับเขา”
 
“หึงเหรอ”
 
“ยังจะถามอีก” ชอบตรงที่เขาเป็นคนยอมรับอะไรออกมาตรงๆ นี่ล่ะ มันง่ายดีครับ ชีวิตของผมเจอแต่คนปากแข็ง อย่างเพื่อนสนิทของผมเองเลย เวลาปากไม่ตรงกับใจมันจะทำให้อะไรๆ ยากขึ้นนะ ดูแต่ละคู่ดิ กว่าจะลงเอยกันก็เล่นเอาเหนื่อย
 
“ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว อยู่ห้องนี้ไปมันก็ไม่ได้ทำให้ผมกลับไปรักอรหรอก ไม่เหมือนบางคนแถวนี้...ที่ยังพูดถึงเขาอยู่เลย”
 
“โธ่โจมครับ…” พี่ว่านโหมดอ้อนนี่น่ารักดีนะครับ เล่นเอาผมต้องกลั้นยิ้มเลยล่ะ ยิ่งตอนที่เขาซุกหน้าลงกับมือผมยิ่งแล้วใหญ่ “มันไม่ใช่อย่างที่โจมคิดนะ พี่ก็แค่บอกให้โอมมันฟังเฉยๆ ว่าปูนกับเอื้อน่าจะคบกันจริงๆ แล้ว”
 
“เหรอครับ”
 
“จริงๆ นะ พี่ก็เหมือนโจมนั่นล่ะ ไม่ได้คิดอะไรแล้วจริงๆ เชื่อพี่เถอะครับ”
 
“...”
 
ผมไม่ตอบ เขาเลยยึดมือผมไว้แล้วดึงให้เข้าไปใกล้ “ถ้าไม่เชื่อ...พี่พิสูจน์มั้ย”
 
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมเชื่อ เพราะงั้นพี่ก็ต้องเชื่อผมด้วยเหมือนกัน”
 
อีกคนยิ้มกว้าง หันหน้าเข้าแล้วจูบลงกลางมือของผม “มัดจำไว้ก่อน โจมหายดีเมื่อไหร่ขอเป็นปากแทนนะ”
 
“ถึงตอนนั้นแล้วมาถามอีกทีแล้วกันครับ”
 
ปังๆๆๆ
 
“ไอ้โจมมมม ไอ้โจมเว้ยยย อยู่หรือเปล่าเนี่ยยย”
 
ผมกับพี่ว่านหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน “สงสัยจะเป็นเพื่อนๆ ผมครับ”
 
“งั้นพี่ต้องไปซ่อนหรือเปล่า”
 
ผมหัวเราะ “ไม่จำเป็นหรอก ผมไม่ได้คิดจะปิดใครอยู่แล้ว”
 
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปเปิดประตูให้แล้วกัน คนเจ็บนั่งอยู่นี่ล่ะนะ” คำตอบของผมคงถูกใจพี่ว่าไม่น้อย เขาเลยฉวยโอกาสตอนที่ผมเผลอจูบลงมาที่ฝ่ามืออีกครั้งแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
 
“ไอ้โจมมมม มึงอยู่ข้างในใช่มั้ย มาเปิดเลย โจม...อะ อ้าว พี่ว่าน?”
 
“มาหาโจมใช่มั้ย เข้ามาสิ...”
ไม่นานพี่ว่านก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับเพื่อนทุกคน...ขอย้ำว่าทุกคน มันมองพี่ว่านที สลับกับผมที รู้ครับว่าพวกมันต้องคันปากอยากจะถามอะไรเป็นแน่ พี่เอื้อก็มาด้วยนะครับ ยืนจ้องหน้าพี่ว่านอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้วางมวยกันหรอก เพราะพี่ว่านแสดงออกชัดเจนว่าเขาอยู่ที่นี่เพราะใคร
 
“มีเพื่อนวิศวะฯ บอกกูมาว่าเหมือนเห็นมึงจะโดนยำตีนที่คณะมัน เรื่องจริงเหรอวะเนี่ย” บอยเป็นคนแรกที่เปิดประเด็น คนอื่นๆ เลยกรูกันเข้ามาหาผม
 
“ไม่เป็นอะไรมากนะโจม” จี๊ดถาม ผมก็พยักหน้ากลับไป “ดีแล้วล่ะ”
 
“โธ่อดีตผัวว ใครหนอช่างใจร้ายแบบนี้” ไอ้บอยมีเหล่มองแฟนมันด้วยครับ แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรที่หนูนาจะเข้ามานั่งข้างผม พลางจับหน้าให้หันซ้ายหันขวา “หน้าหล่อๆ เป็นแผลหมดเลย ถ้าแม่เจอคนทำนะ จะตบให้ฟันหลุดออกจากปากเลยคอยดู”
 
“มันทำมึงถึงขนาดนี้เลยพวกกูแก้แค้นให้มั้ย” เก่งมากไอ้กล้า มึงนั่นแหละจะหนีก่อนเถ้ามีเรื่องกันจริงๆ
 
“นั่นดิ ทำเพื่อนกูแบบนี้ได้ไงวะ” ไอ้ฟ้าก็เอากับเขาด้วยครับ ตัวแค่นี้แต่เลือดร้อนอย่าบอกใคร
 
“เอื้อ...ขอไปแก้แค้นให้โจมมันด้วยได้เปล่าอ่ะ” นี่ก็ต้องถามความเห็นผัวตลอด
 
“ไม่ได้ ทั้งหมดนั่นล่ะ จะแก้แค้นให้มันได้อะไรขึ้นมา เดี๋ยวฝั่งนั้นก็แค้นอีก มีเรื่องกันไม่จบไม่สิ้นสักที” พี่เอื้อพูดได้ดีครับ แต่จริงๆ แล้วก็เป็นห่วงแฟนตัวเองนั่นแหละ คงไม่อยากให้ปูนมันเจ็บตัว
 
“ไม่ต้องหรอก กูไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกอย่างพี่ว่านก็เคลียร์กับพวกนั้นให้แล้วด้วย”
 
ชื่อของบุคคลที่ไม่ควรจะอยู่ที่นี่ทำเอาเพื่อนของผมชะงัก ก่อนที่สายตาทุกคู่จะมองไปยังร่างสูงที่ยืนกอดอกทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
 
“พี่มาอยู่ที่นี่ได้ไงครับพี่ว่าน” ในฐานะที่ปูนมันน่าจะรู้จักกับพี่เขามากที่สุดในนี้ มันเลยเป็นฝ่ายถามให้
 
“พี่ว่านเขามาส่งกู” ผมเป็นคนตอบคำถามแทน
 
“นั่งเงียบๆ ไปก่อนนะโจม เจ็บปากก็อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย เดี๋ยวพวกเราถามจากพี่ว่านเอาเอง” หนูนายิ้มหวานส่งมาให้ผมก่อนจะหันไปหาพี่ว่านเหมือนเดิม ผมคงช่วยอะไรพี่มากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ “แล้วทำไมพี่มาส่งโจมได้คะพี่ว่าน จริงอยู่ที่โจมมันไปมีเรื่องอยู่คณะพี่ แต่ต้องมาส่งกันเลยเหรอคะ”
 
“นั่นสิครับ ถ้าเป็นผมถึงจะเคยเห็นหน้าอยู่บ้างแต่ก็คงไม่ลงทุนมาส่งถึงห้องแบบนี้หรอก โจมมันก็ดูไม่เป็นอะไรมากด้วย แค่พาไปทำแผลก็พอแล้วแท้ๆ” ฟ้าตั้งขอสังเกต
 
“นี่ญาติพวกน้องเป็นนักสืบกันหรือเปล่าครับ”
 
“มึงก็พูดให้เคลียร์ๆ เลยว่าน แบบที่คนแมนๆ เขาทำกันอ่ะ” พี่เอื้อยักคิ้วส่งให้คนที่โดนกดดัน มันกวนตีนสุดๆ จนไอ้ปูนต้องยื่นมือไปตีแฟนตัวเองเบาๆ
 
ผมมองสบตากับพี่ว่าน บอกเขาผ่านสายตาและรอยยิ้มว่าไม่ว่าเขาจะตอบคำถามเพื่อนผมยังไงก็ตามแต่เขาเลย ผมรับได้ทั้งหมด
 
“พี่ชอบโจม...ตอนนี้กำลังจีบเขาอยู่ หวังว่ามันคงตอบข้อสงสัยของน้องทุกคนได้หมดนะ”
 
“ฮะ?!”
 
“เหยดดดด”
 
“ไม่น่าเชื่อเลย”
 
“มึงไม่เห็นบอกกูเลยวะโจม!!”
 
“ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย”
 
พี่ว่านหัวเราะ “ถ้ารายละเอียดคงต้องให้ถามโจมเองนั่นแหละ”
 
“ทำอย่างมันจะบอกอย่างนั้นล่ะ” ปูนท้วง พวกมันรู้ดีว่าผมเป็นคนยังไง “พี่ว่านเล่ามาเถอะครับ ผมอยากรู้”
 
“บางเรื่องก็ให้มันเป็นความลับระหว่างกูกับพี่ว่านบ้างเถอะ” พอผมพูดไปแบบนั้นพวกมันทุกคนก็เงียบไปด้วยความเสียดาย
 
“เอาล่ะทุกคน จี๊ดว่าโจมก็ดูไม่เป็นอะไรแล้วเนาะ แล้วเขาก็มีคนดูแลอย่างดีแล้วด้วย พวกเรากลับกันเถอะ” ดีมากเลยจี๊ด ต้องอย่างนี้สิ ผมอยากพักผ่อนเต็มที่แล้ว
 
เพื่อนๆ ของผมถูกจี๊ดต้องออกจากห้องด้วยความไม่พอใจ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะปิดประตู ผมได้ยินเสียงของเพื่อนสาวคนนี้ลอยเข้ามา
 
“ฝากเพื่อนของพวกหนูด้วยนะคะพี่ว่าน”
 
“ครับ...พี่จะดูแลอย่างดีเลย”
 
ไม่แปลกใช่หรือเปล่าที่ผมจะนั่งยิ้มคนเดียวกับคนตอบรักของพี่ว่าน
 
อีกคนเดินเข้ามาหลังจากที่ส่งเพื่อนๆ ของผมเรียบร้อยแล้ว ผมรู้ว่าพวกมันมีคำถามในหัวกันอีกเยอะ ผมไม่ได้อยากปิดบังหรอกนะ แต่ก็นั่นแหละ...บางเรื่องก็ควรเป็นความลับของเราสองคนบ้าง
 
ผมขี้เกียจเล่าครับ เรื่องมันยาว ถ้าเล่าก็คงอีกนาน
 
“เพื่อนหวงโจมน่าดูเลยนะ เล่นเอาพี่ไปไม่เป็นเลย”
 
“พวกมันก็หวงเพื่อนทุกคนนั่นแหละ” ผมบอกพร้อมทิ้งตัวลงนอนตักพี่ว่าน “แต่พี่ก็ตอบได้ดีนะ”
 
“ถูกใจล่ะสิ”
 
“...ครับ” ตอบพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ ตั้งแต่เจอพี่ว่าผมเป็นคนยิ้มง่ายขึ้นมาก เพราะอยากให้เขาเห็นรอยยิ้มของผมเยอะๆ
 
พี่ว่านจับมือของผมขึ้นก่อนจะจรดริมฝีปากลง “พี่ชอบโจมนะครับ...ชอบมาก”
 
“อือ...รู้แล้ว”
 
“ไม่คิดจะบอกพี่บ้างเหรอ”
 
ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกตัวเองขึ้นแล้วกดจูบที่ริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆ แค่นี้ไม่เจ็บหรอกครับ ผมทนได้
 
“ชอบเหมือนกันครับ”
 
“เฮ้อออออออ”
 
“เป็นอะไร”
 
“หนักใจน่ะ...แบบนี้พี่คงไปไหนไม่รอด เป็นลูกไก่ในกำมือของโจมแล้วแน่ๆ”
 
“...อาฮะ”
 
“แต่ก็ยอมนะครับ จะเป็นลูกไก่ในกำมือโจมตลอดไป ไม่หนีไปไหนแน่นอน”
 
“ครับ...เหมือนกัน”
 
END
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story : เรื่องราวของว่าน 08.06.17
เริ่มหัวข้อโดย: Maitre ที่ 10-06-2017 19:49:48
จบแล้วค่ะ จบจริงๆ แล้วว สมหวังกันทุกคู่เลยเนาะ แอร๊ยยยยย ดีใจที่เหล่าผู้ชายรักกัน
ส่วนจี๊ดนั้น...ให้เธออยู่ในโลกสีม่วงที่แสนสดใสไปนั่นล่ะค่ะ  :o8: :-[ เธอน่าจะพอใจที่สุดแล้ว
มาขอบคุณอีกครั้บนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาตั้งแต่ต้น ขอบคุณจริงๆ ค่ะ  :pig4:
ว่างๆ เราจะมาลงตอนพิเศษนะคะ  :impress2:
วันนี้ไปก่อนน้า เจอกันเรื่องหน้าค่ะ
รักทุกคนเลยยย   :กอด1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-06-2017 20:51:22
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-06-2017 20:53:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-06-2017 23:36:43
พี่ว่านหล่อมาก แมนๆคุยกันเปิดเผย รักเพื่อนเค้าต้องกล้าบอก :กอด1: ขอบคุณค่ะ สนุกมาก :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 11-06-2017 03:58:00
โอ้ยยยยย อยากอ่านว่านโจมอีก น่ารักเกิ้นนนน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-06-2017 16:03:23
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 12-06-2017 00:46:32
 :-[
เรื่องโจมนี่เกินคาดเรานิดหน่อย
 ทั้งเรื่องนี่ fc พี่ฟ้าเลยคร้าาาาา
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 12-06-2017 22:53:37
ชอบค่ะ
อ่านตอนแรกๆรู้สึกเหมือนคนเพิ่งรู้จัก คุยกัน กัดกัน ไม่ถูกกันจริงๆ
แมนๆ โอย มันเหมือนชีวิตจริงๆ

อ่านไปแรกๆ เลวมาก อีพี่เอื้อ
แต่ปูนเป็นคนน่ารัก และจิตใจดีมาก ไม่แปลกที่พี่เอื้อจะหลง
ชอบทุกคู่เลย จะ ติดตามต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 13-06-2017 07:13:41
 :katai5: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 13-06-2017 22:01:48
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 15-06-2017 17:21:14
น่ารักทุกคู่เลยยยยย  :m1:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 16-06-2017 08:36:58
อยากบอกว่าชอบคู่สุดท้ายมากสุดอะ

แต่ก็รักทุกคู่สนุกมากค่าาาา
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-06-2017 11:21:13
แฮปปี้มากเลย อ่านแล้วซึ้งใจ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 18-06-2017 21:31:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 21-06-2017 17:35:04
สนุกดีครับ อ่านเพลินเลย ตอนแรกพี่เอื้อทำตัวไม่ดีจริง แต่หลังๆก็ปรับปรุงตัวดีขึ้น
สนุกดีครับ
ชอบความสนิทสนมของกลุ่มเพื่อนของปูนมาก เป็นกลุ่มที่ลงตัวสุดๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะครับ
จะรอผลงานต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 25-06-2017 22:22:42
ดีต่อใจมาก   นี่ fc โจมเลย น่ารักมีความคิดคุยง่าย ดีหมดอ่ะ  โอยหลงๆเหมาะกับว่านมาก ทั้งคู่ศีลเสมอกัน คนดีทั้งคู่ คู่อื่นก็ชอบนะ ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนี้นะคนเขียน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 23-01-2018 00:41:09
พี่เอื้อปูนวิ่งมานานคงจะล้า..ปล่อยให้คู่กล้าฟ้ากับพี่ว่านโจมวิ่งทำคะแนนนำเฉยเลย  :z13:

ตามมาคิด ๆ ก็คู่บอยหนูนา..จะครบแก๊งค์แล้วนะ  :ruready

ช้ากว่ากระต่ายกับเต่าก็คู่พี่เอื้อกับปูนนี่แหละ  :z10:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 25-02-2020 03:46:07
อ่านจบบทที่15แล้ว เออ เราก็ยังไม่ชอบพระเอกเท่าไหร่นะ เหมือนคห.อื่นที่ว่าเอื้อแก้ปัญหาแปลกๆ งงๆ จริงๆเอื้อขึ้นทางด่วนได้แต่นางอ้อมไปเกิ๊น งงใจ





Edit//อ่านจบแล้วว สนุกมากค่า เราชอบทุกอย่างของเรื่องนี้ ยกเว้นพระเอกค่ะ ยันจบก็รู้สึกว่าไม่โอเคอะ แต่ก็ช่างเถอะ ขอบคุณคนเขียนนะคะ เลิ้บบ❤️
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 28-02-2020 04:06:21
อ่านครั้งเดียวจบเลย สนุกและน่าติดตามมากกก
ชอบทุกคู่  มีความน่ารัก และ เอกลักษณ์เฉพาะ ทั้งหมด
แต่ที่ยังค้างคา  กลับ ข้อคิดและวิธีแก้ปัญหาของพี่เอื้อมาก  (เรื่องของฟิ้ง)
โดยรวมแล้วถือว่า ดี เพราะมีคู่อื่นๆ ที่น่ารัก สนุกสนาม มีเพิ่มสีสันได้ดี
ขอบคุณนักเขียน  ที่มีเรื่องที่ถูกใจ 80% มาให้อ่าน
จะเป็นกำลังใจและติดตามผลงานต่อไปน้าาาาา
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 28-02-2020 11:29:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: MezoSone9 ที่ 01-03-2020 20:22:46

สนุกมากๆ อ่านเพลินจนจบเลย น่ารักแฮปปี้ทุกคู่  ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆสนุกแบบนี้นะคะ ^^ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 02-08-2020 03:14:04
 :-[