พิมพ์หน้านี้ - [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: nikkou ที่ 26-12-2014 17:35:07

หัวข้อ: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 26-12-2014 17:35:07
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************










มนต์รักข้าวมันไก่





บทนำ




เช้าวันเสาร์วันสุดท้ายของสัปดาห์ อากาศสดชื่นแจ่มใสเสียงนกร้องจอกแจกคลอไม่ขาด สายลมเย็นๆของฤดูหนาวพัดผ่านผิวกายให้รู้สึกหนาวนิดๆสมกับเป็นกลางเดือนพฤศจิกายน เด็กหนุ่มหน้าตาดีนาม’อิน’ยกมือขึ้นลูบต้นแขนขณะเดินทอดน่องไปตามพื้นขรุขระด้วยความเร็วระดับเต่าแซงได้เนื่องด้วยเมื่อคืนเขาไปตระเวนเที่ยวกลางคืนเพื่อฉลองวันเกิดเพื่อนสนิท ฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไปยังคงทำหน้าที่อย่างขันแข็ง

ใบหน้าคมได้รูปบูดบึ้งตามอารมณ์  ในใจนึกก่นด่าเหล่าสหายตัวแสบไม่หยุด

สักครู่นี้เขาเพิ่งแยกกับเพื่อนกว่าเจ็ดชีวิตที่ยัดกันมาบนแท็กซี่เพียงคันเดียวเพื่อความประหยัด เนื่องจากหอพักของเขากับเหล่าสหายที่เหลือนั้นเลี้ยวไปคนละทาง แน่นอนว่าเด็กมหาลัยวัยอดออมอย่างพวกมันไม่มีทางบอกให้คนขับอ้อมมาส่งเขา ผลที่ได้คือโดนเฉดหัวส่งให้มาเดินโซซัดโซเซคนเดียวตามรางรถไฟตอนมืดๆ...

คุณไม่ได้อ่านผิดหรอกครับ มืด ใช่มันมืดมากรายทางปราศจากแสงไฟนีออน เวลาตอนนี้น่าจะตีห้าได้แล้วถ้านี่เป็นฤดูร้อนเขาคงได้เห็นแสงตะวันอ่อนๆส่องมา น่าเสียดายที่ตอนนี้เป็นฤดูหนาว

ทางรถไฟทอดยาวเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ทั้งสองด้านเป็นที่ดินรกร้างเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปกคลุมช่างเป็นภาพที่หาได้ยากใจกลางกรุง หากได้มาเดินตอนกลางวันคงสวยไม่ใช่น้อย เสียงเหยียบใบไม้ดังขึ้นตามย่างก้าวของเด็กหนุ่มนั่นทำให้เจ้าตัวรู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างมาก แน่หละ...ถ้ามันมีเสียงฝีเท้าอื่นนอกจากของเขาดังขึ้นคงน่ากลัวไม่น้อย...

‘แกรบ’

ยังไม่ทันสุดความคิดเสียงรอยย่ำบนใบไม้จากแหล่งกำเนิดเสียงอื่นก็ดังขึ้นทันที เด็กหนุ่มผวาสุดตัวก่อนจะหันไปเห็นเงาร่างตะคุ่มๆเดินมาทางเดียวกับตนท่ามกลางความมืดทำให้เขามองเห็นอีกฝ่ายไม่ชัด

คนหรือผี? คำถามที่ผุดขึ้นในใจที่กำลังเต้นรัวตึกตัก

โดยไม่รอคำตอบเด็กหนุ่มรีบหันขวับกลับทางเดิน อาการเดินเป๋เมื่อครู่หายสนิทราวกลับกินยาแก้เมาเข้าไป ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครมาจากไหนการพบกันท่ามกลางสภาพแวดล้อมอำนวยต่อการจี้ชิงทรัพย์เช่นนี้ย่อมไม่เป็นเรื่องน่ายินดี

ความมืดที่ปกคลุมโดยรอบหรือจะสู้ความกลัวที่เข้าครอบคลุมจิตใจ ร่างโปร่งรีบจ้ำเท้าหนีอย่างไม่กลัวจะสะดุดก้อนหินล้มหัวทิ่ม ระยะทางเหลืออีกไม่กี่สิบเมตรก็จะพ้นเขตที่ดินร้างเป็นถนนใหญ่ย่านชุมชน เมื่อออกไปถึงที่นั่นได้ก็จะมีร้านขายปาท่องโก๋อยู่ซึ่งนับว่าปลอดภัยแล้ว

‘ผลัก!!’

“เฮ้ยยย! อะไรเนี่ย!?” ก่อนที่จะได้พบกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์(?) ร่างโปร่งก็เดินไปชนกับอะไรบางอย่างที่ห้อยลงมาจากกิ่งไม้ใหญ่อย่างจังจนเจ้าตัวเสียหลักเซถอยหลังไปก้าวครึ่ง

อินสะบัดใบหน้าหล่อๆสองสามทีเพื่อไล่ความมึนงง ก่อนสายตาจะปรับโฟกัสพินิจสิ่งที่ห้อยต้นไม้โตงเตงอยู่ตรงหน้าอย่างสงสัย
ขา?น่าจะเป็นขาคนนะถ้ามองไม่ผิด แม้จะยังมืดอยู่แต่ใกล้ขนาดนี้ทำให้เขาแยกแยะภาพที่เห็นได้

ตามสัญชาติญาณความอยากรู้อยากเห็น(เสือก)ของมนุษย์เนตรคมค่อยๆมองไล่ระดับขึ้นไปข้างบนเพื่อหาจุดสูงสุดของเจ้า’สิ่ง’ตรงหน้า

เริ่มจากรองเท้าแตะเก่าๆที่หล่นอยู่กับพื้น คาดว่าน่าจะหลุดออกมาจากเท้าเปลือยหยาบกร้าน ถัดมาคือขาคู่ที่เขาเห็นเมื่อครู่ ถัดขึ้นไปอีกคือช่วงตัวและแขนทั้งสองข้างที่แกว่งไปมาเนื่องจากแรงชน ถัดขึ้นไปอีกนิดก็เจอเข้ากับเชือกป่านพันรอบคอหลายทบ

สุดท้ายถัดขึ้นไปก็พบกับ...กับ...กับ...!!!

ไม่ถัดแล้วโว้ยยยยยย!!

“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!”

มองยังไงนี่มันก็คนแขวนคอฆ่าตัวตายชัดๆ!!

ขาทั้งสองข้างที่ควรจะขยับใสเกียร์หมาเผ่นออกจากที่เกิดเหตุกลับหมดเรี่ยวแรงทรุดลงไปกองแนบชิดกับรองเท้าแตะเก่าๆข้างที่เกิดเหตุเสียแทน

“แม่จ๋า...ฮือออ”ความแมนที่สะสมมาตลอดช่วงชีวิตยี่สิบปีพังทลายลงในพริบตา นักศึกษาหนุ่มเบิกตาค้างนั่งตัวสั่นร้องหาแม่อยู่กับพื้นแทนที่จะหลับหูหลับตาแล้วลุกขึ้นวิ่ง หากแม่มาเห็นคงโดนด่าว่าโง่...

‘แกรบ’ เสียงเหยียบใบไม้ปริศนาตอนแรกดังใกล้ขึ้น โอยยยย นี่มันเคราะห์ซ้ำกรรมซัด หนีเสือปะจระเข้ หนีคนมาเจอศพแท้ๆเลยไอ้อินเอ๊ยยย!! คอยดูนะถ้าเจอหน้าไอ้เพื่อนตัวดีทั้งหลายเมื่อไหร่พ่อจะเฉ่งให้หน้าแหกเลย มีอย่างที่ไหนปล่อยเพื่อนผู้น่ารัก เรียบร้อย พูดน้อยและขี้อาย(?)มาเดินต๊อกๆในที่เปลี่ยวยามวิกาลคนเดียว

หมับ! มือปริศนาคว้าเข้าที่หัวไหล่ของคนขวัญอ่อน อินผู้ขวัญกระเจิดกระเจิงไปไกลแล้วรีบหันขวับไปมองเจ้าของมืออย่างตกใจ

ก่อนจะพบเข้ากับ!

กับ!!!

กับ!!!!

ผู้ชายหล่อๆคนนึง...?

“คุณเป็นอะไร...เห้ยยยย!?”เสียงทุ้มเอ่ยถามไถ่อย่างเป็นห่วง เขาได้ยินคนตรงหน้าร้องจ๊ากลั่นเลยรีบวิ่งมาดูแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปยังจุดเดียวกับที่คนคนนี้มองเขาก็พบกับคำตอบ...เพราะเขาก็แหกปากร้องเสียงหลงเช่นกัน...

เมื่อเห็นว่าคนมาใหม่ท่าทางไม่มีพิษภัยอะไร แถมได้เพื่อนร่วมชะตากรรมมาเพิ่มอีกหนึ่งขาที่อ่อนยวบของอินก็กลับมาฟิตปั๋งอีกครั้งมิหนำซ้ำยังมีน้ำใจลากแขนของร่างสูงให้ปลิวติดมือตามไปด้วย

ทั้งคู่วิ่งออกมายืนหอบแห่กๆตั้งหลักอยู่ข้างร้านปาท่องโก๋ที่มีแต่รถเข็นไร้วี่แววคนขาย เมื่อสติเข้าที่เข้าทางดีแล้วอินจึงเงยหน้ามองอีกฝ่ายตาปริบๆ เพราะเมื่อกี้มันมืดและไม่ใช่เวลามามองหน้าใครเขาจึงไม่ทันสังเกตเครื่องหน้าของคนคนนี้ แต่ตอนนี้วินาทีที่สบเข้ากับดวงตาสีนิลดำลึกดึงดูดชวนให้มอง เขาก็อดชื่นชมในความหล่อเหลาของคนตรงหน้าอีกครั้งไม่ได้

ในชีวิตของอินพบเจอคนหน้าตาดีมามากแต่ใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาตอนนี้ผิดแปลกออกไป มันมีเสน่ห์มากกว่าใครทั้งหญิงชายที่เคยพบเจอมา

“เอ่ออ...เราปล่อยเขาไว้อย่างนั้นจะดีเหรอ?” เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกเขาให้หลุดออกจากภวังค์

อินเหลือบตามอง’เขา’ที่ยังคงห้อยอยู่ที่เดิมอย่างหวาดๆ แต่ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายพูดถึงจะน่ากลัวแต่ก็ปล่อยไว้แบบนั้นไม่ได้ ยิ่งหันซ้ายหันขวาก็ไม่มีวี่แววของร้านแผงลอยต่างๆที่มาขายเป็นประจำแล้วยิ่งตอกย้ำได้ว่าพวกเขาสองคนต้องแก้ไขสถานการณ์นี้กันเพียงลำพัง...

“เดี๋ยวผมโทรแจ้งตำรวจให้ เราไปนั่งรอตรงนั้นกันก่อนเถอะ”เมื่อเห็นว่าอินทำหน้าเหรอหรามองหาตัวช่วยเลิกลั่กร่างสูงก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนจะดึงข้อมือขาวให้เดินตามไปนั่งที่พื้นต่างระดับหน้าร้านข้าวมันไก่ที่ยังไม่เปิด เจ้าตัวเองก็ยอมเดินตามไปอย่างว่าง่าย
 
“ซวยชิบหาย”อินยกมือขึ้นยีผมจนกระเซิง คำพูดแรกท่ามกลางบรรยากาศเงียบแปลกๆทำให้อีกคนหนึ่งไม่รู้ว่าคำคำนั้นกล่าวกับตนหรือแค่บ่นกับตัวเองลอยๆ

หลังโทรแจ้งความเสร็จ ตำรวจก็บอกให้พวกเขาอยู่รอให้ปากคำก่อนเพราะเป็นผู้พบศพรายแรก

ถ้าตำรวจมาถึงภายในสามสิบนาทีก็คงดี แต่แน่นอนว่าคนในเครื่องแบบขับรถขาวดำไม่ใช่เด็กส่งพิซซ่า สามสิบนาทีอาจยาวนานถึงสามชั่วโมง...

“ผมชื่อพัด ยินดีที่ได้รู้จักนะ”ชายหนุ่มที่เขาเพิ่งทราบชื่อหยกๆเอ่ยแนะนำตัวด้วยภาษาสุภาพชวนให้คิ้วเรียวกระตุกขึ้นอย่างไม่พอใจ

“ชื่ออิน เป็นคนหยาบคาย อายุเท่าไหร่ว่ามาจะได้ใช้ภาษาถูก”คนหยาบคายพูดเสียงห้วนทำเอาคู่สนทนาชะงักไปเล็กน้อย เมื่อกี้ยังหน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่เลยทำไมถึงเปลี่ยมอารมณ์เร็วนัก?

เนื่องจากพัดเพิ่งรู้จักกับอินได้ไม่ถึงห้านาทีดีเขาจึงมองความจริงง่ายๆตรงหน้าไม่ออก คนอย่างนายอิน อัครินทร์ ไอศวรรย์ นั้นเกลียดความพ่ายแพ้ ขี้เก๊ก ปากหมา หน้าด้าน และกลัวผี แต่ที่กลัวยิ่งกว่าคือกลัวเสียฟอร์ม...

การเก็บเศษหน้าเป็นสกิลติดตัวที่นายอัครินทร์ฝึกจนเวลตัน แค่ล้มพับขาอ่อนตอนเจอศพไม่ทำให้มาดเถื่อนที่แสนภูมิใจของเจ้าตัวหายไปได้

“ตอนนี้เรียนอยู่ปี2 อายุ19” พัดตอบกลับไปนิ่งๆ หากประเมินด้วยสายตาแล้วคนปากดีตรงหน้าน่าจะอายุไล่เลี่ยกัน

“เท่ากัน คณะอะไร มหาลัยอะไรวะ?” เป็นจริงดังคาดที่พวกเขาทั้งสองคนเรียนอยู่ชั้นปีเดียวกันเป๊ะ อินจึงถามออกไปว่าอีกฝ่ายเรียนที่ไหนเพราะแถมนี้มีมหาลัยอยู่หลายแห่ง ทั้งที่มีชื่อเสียงและไม่มี ไหนๆก็ต้องนั่งตากยุงรอตำรวจแล้วก็หาเรื่องชวนคุยมันซะเลยตามประสาคนอัธยาศัย(ไม่)ดี

“เอาที่อยู่กับเบอร์โทรด้วยเลยไหม?” ถามดีๆแต่ก็โดนย้อนกลับมาซะนี่ งานนี้คงไม่ได้นั่งจิบชาชมวิวคุยกันสบายรอตำรวจกันแล้ว มันต้องมีกัดแขวะกันเสียหน่อย

“ไอ้หะ...”

เอี๊ยดดดดด...

ยังไม่ทนได้ต่อความเสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนก็ดังขึ้นสะท้านหู สองหนุ่มรีบลุกขึ้นทันทีเมื่อพบว่ารถดังกล่าวคือรถตำรวจ อินเหลือบมองนาฬิกาที่เขาจับเวลานั่งรอเอาไว้...หากเป็นพิซซ่าจริงคงได้กินฟรี...

เจ้าหน้าที่สองนายลงมาจากรถคนหนึ่งเข้ามาสอบถามรายละเอียดส่วนอีกคนลงไปเก็บร่างผู้เสียชีวิตลงมา

เรื่องราวต่างๆดำเนินไปได้ด้วยดี ตำรวจทั้งสองอนุญาตให้พวกเขากลับบ้านได้หลังจากเจ้าของร้านรวงบริเวณนั้นมาทยอยเปิดขายก็ได้ข้อมูลจำเป็นเกี่ยวกับคดีจนครบ เป็นอันสรุปได้ว่าเป็นการฆ่าตัวตายจริงๆ

ผู้ตายคือแรงงานต่างชาติที่หางานทำไม่ได้จึงลงเอยด้วยวิธีนี้ น่าเศร้า...เด็กมหาลัยทั้งสองตั้งใจไว้ว่าเช้านี้จะกลับไปตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เสียหน่อย

“งั้นไปนะ”

“อืม บาย” อินโบกมือลาพัดที่ขอตัวกลับที่กลับทางของตัวเองด้วยท่าทีเนือยๆเนื่องมาจากความง่วงที่รุมเร้าก่อนเจ้าตัวจะข้ามถนนเดินตรงไปยังหอพักที่อยู่ลึกเข้าไปในซอย เมื่อถึงที่หมายร่างโปร่งก็พุ่งตัวเข้าไปซุกอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆอย่างโหยหาราวกับพลัดพลากจากมันมาแสนนาน

ปิดตาลืมเรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้น ลืมแม้กระทั่งเรื่องที่บอกว่าจะทำบุญตอนเช้าทั้งๆที่ตอนนี้ก็คือตอนเช้าที่ว่านั่นแหละ
.

.

.
ผลัดออกไปพรุ่งนี้แล้วกัน...
.
.
.



จบบทนำแล้วค่าาา ยังไงก็ขอฝากนิยยายน้อยๆเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ #โค้งคำนับ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)........ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 26-12-2014 20:43:51
ลืมไปทำบุญแบบนี้ ผีจะมาหลอกนุ้งอินมั้ย?
 :hao4: :hao4: :hao4:

เนื้อเรื่องน่าติดตามมากเลยค่ะ
ชื่อเรื่องเกี่ยวกับข้าวมันไก่ แต่เปิดมาก็เจอศพเลย
นี่เดาไม่ออกเลยว่าจะไปทางไหน 5555 แต่ก็น่าสนใจ

รอลุ้นอีกทีตอนหน้านะคะ ^^
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)........ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: jamelovelove ที่ 26-12-2014 21:07:00
แวะมากดบวกกกไห้นะ
ตั้งหน้าตั้ง ตารอรอรอรอรอ ออออออออ่านะ
เนื้อเรื่องน่าจะสนุกอ่านะ
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)........ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-12-2014 21:16:04
หิว อยากกินข้าวมันไก่
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)........ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 26-12-2014 21:22:57
ติดตามจร้า
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)........ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 26-12-2014 22:18:03
้ข้าวมันไก่ มีความหมายแฝงเป็นพลังงานรูปหนึ่ง รึเปล่า?
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)........ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: youuue ที่ 27-12-2014 09:58:21
โอ้!!!!! o13
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)........ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 27-12-2014 10:41:04
รอติดตามจ้าาา
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)........ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 27-12-2014 11:41:45
ต้องจัดสักจานแหละ
บวกและเป็ดเป็นกำลังใจ
สวัสดีปีใหม่
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇) บทที่1 เพียงครั้งเดียวในชีวิต 50%
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 30-12-2014 17:01:59


บทที่1เพียงครั้งเดียวในชีวิต



          บอกว่าจะลืมแต่ใครที่ไหนเล่าจะลืมกันได้ง่ายๆ หลับตาลงทีไรก็เจอ ภาพของเธอลอยขึ้นมา มันช่างแจ่มชัดในความทรงจำ ทั้งใบหน้านั่น ลำตัว เรียวแขน ปลายขา และรองเท้าแตะที่ตกกองอยู่ข้างๆร่างของเธอ


          ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก


          ขณะนี้เวลาแปดนาฬิกา


          เสียงเพลงชาติดังจากเครื่องกระจายเสียงของชุมชนเล็ดรอดเข้ามาในหอพักเล็กท้ายซอย ดังกล่อมเด็กหนุ่มมหาลัยปีสองเจ้าของห้องผู้นอนคลุมโปงแน่นิ่งไม่ยอมลุกออกจากเตียงแม้ตะวันจะแยงก้น ร่างของเขานิ่งมาก นิ่งจนเหมือนกับไม่ได้หลับแค่ไม่กล้าขยับเท่านั้น...


          โอ๊ยยยย ตาย ไอ้ชิบหาย!! ออกไปจากหัวกูเดี๋ยวนี้นะ บอกแล้วไงเดี๋ยวพรุ่งนี้ทำบุญให้ ไม่ลืมหรอกน่า!! ไปได้แล้วคนจะหลับจะนอน!!


          อิน นักศึกษาคณะวิศวะปี2 กำลังพยายามต่อสู้อย่างหนักกับภาพที่ติดตาเขาอยู่ มันคงติดแน่นมากเพราะไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปเสียที รู้ถึงไหนได้อายถึงนั่น นายอัครินทร์หัวโจกคุมภาคเคมีกำลังนอนหัวหดกลัวผีตัวสั่น


          ให้ไปเดี่ยวกับเด็กช่างกลสิบยี่สิบคนนี่ไม่มีลังเล แต่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นที่เขาขอยกธงขาวยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ออกรบ สมองอันน้อยนิดพยามคิดหาทางออกจากสถานการณ์น่าสิ่วน่าขวัญ(?)นี้ เพลงชาติแสนคุ้นเคยจบไปแล้วเปลี่ยนเป็นเสียงประกาศตามสายของประธานชุมชนเรื่องที่วันพรุ่งนี้การไฟฟ้าจะดับไฟทั้งวันเพื่อเดินสายไฟใหม่อะไรสักอย่างฟังไม่ค่อยชัด...


          อ๊ะ เดี๋ยวๆๆๆ ดับไฟทั้งวันเหรอ หืม? วันนี้วันเสาร์พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์ เขาไม่มีเรียนเพื่อนเขาก็ไม่มีเรียน


          รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปาก เด็กหนุ่มรีบกระโจนไปคว้ามือถือที่เสียบชาร์ตไว้กับพื้นอย่างรวดเร็ว


          “ตื๊ดด ฮัลโหล?” เสียงรอสายดังไม่ถึงวิปลายสายก็กดรับ มันต้องอย่างงี้สิ ดีดี ของเค้าน่ารักเสมอ


          “อินมีอะไรเหรอ โทรมาแต่เช้า ฮ้าวววว”เสียงงัวเงียอื้ออึงจากอีกฝ่ายบอกให้รู้ว่ายังไม่ตื่นดี แน่หละก็ เจ้าดีดีเองก็ไปตระเวนเที่ยวด้วยกันมาเมื่อคืนเช่นกัน


          “พรุ่งนี้ที่หอเค้าจะดับไฟทั้งวันหวะ”เสียงห้าวเอ่ยอย่างไม่เกรงใจคนจะหลับจะนอน
 

          หากจะให้พูดถึงผู้ชายคณะวิศวะก็ต้องมาคู่กับความแมน ความเถื่อน รวมฝูงกันเยอะๆ ตั้งโต๊ะแซวสาวหาเรื่องตัวผู้ ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน ซึ่งทั้งหมดนั้นรวมอยู่ในตัวของอิน จนเจ้าตัวแทบจะกลายเป็นซิกเนเจอร์ของคณะเลยก็ว่าได้ แต่คุณสมบัติทั้งหมดที่ว่ามานั้นมันไม่มีอยู่ในตัวของเพื่อนในกลุ่มนามดีดีคนนี้เลยแม้แต่น้อย


           ดีดีนั้นดี๊ดีตามชื่อ ซื่อๆมีน้ำใจ มีคนโทรมาปลุกเป็นอินคงด่าเปิง มีคนบอกว่าไฟจะดับอินคงไล่ให้ไปเดินห้าง ใช่แล้ว!! ถ้าอินจะโต้กลับไปอย่างนี้หละก็ มนุษย์ตรงข้ามขั้วอย่างดีดีจะต้องอ้าแขนรับเขาอย่างอ่อนโยนเป็นแน่

 
          “อืม จะไม่มีไฟใช้ทั้งวันเลยสินะ งั้นพรุ่งนี้อินมาค้างห้องเรามั้ย?” โป๊ะเช๊ะ!! เป็นไปตามแผนของนายอินเป๊ะ


          “ไปวันนี้เลยได้มะ?”อินหน้าด้านถาม เรื่องไฟดับเป็นเพียงฉากบังหน้า ความจริงก็แค่ปอดแหกไม่กล้าอยู่ห้องคนเดียว


          “ห๊ะ เอ่อ...ก็ได้ๆ อย่าลืมเอาเสื้อมาด้วย ไม่มีกางเกงในให้ยืมนะ”


          “ตอนนี้เลยได้มะ?”คนหน้าด้านก็ยังคงหน้าด้านต่อไป


          “มาถึงแล้วก็โทรเรียกแล้วกันเดี๋ยวลงไปรับ”คนดีก็ยังเป็นคนดีต่อไป


          .


          .


          เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระป๋าวววว สองมือสองไม้ระดมค้นตู้เสื้อผ้า คล้าเสื้อได้ตัวก็ยัดๆใส่เป้ใบใหญ่โดยไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าในกระเป๋ามีอะไรแล้วบ้าง


          “เสร็จ!!” อินรูดซิปกระเป๋าเคราะห์ร้ายโดนเจ้าของยัดเสื้อใส่จนแทบปริ ก่อนจะคว้ากุญแจเดินออกจากห้องไปอย่างสบายอารมณ์


          จุดหมายของเขาตอนนี้ก็คือคอนโดหรูยี่ห้อดังพูดชื่อไปใครๆก็ร้องอ๋อของดีดีเพื่อนรักซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากหอพักของเขามากนัก


          นึกแล้วได้แต่ถอนหายใจ ที่เห็นในนิยายว่าเด็กมหาลัยนั้นจะได้อยู่คอนโดใจกลางกรุง ขับรถเก๋ง เที่ยวผับเมาหัวราน้ำยามราตรีนั้นตอแหลสิ้นดี


          ตัวเขาที่อยู่ในคณะดังของมหาลัยดังกลางเมืองหลวงยังเจอเพื่อนที่ได้อยู่คอนโดหรือมีรถขับแบบนับหัวได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเที่ยวเอาสาวตอนกลางคืนเลย แค่เอาแรงไปทำรีพอร์ตแล็ปอ่านหนังสือสอบก็แทบสำลักลมปราณแตกซ่านแล้ว จะมีก็แค่โอกาสพิเศษนอกช่วงสอบอย่างเมื่อคืนที่มีโอกาสปล่อยผีกัน


          แต่กระนั้นไอ้หนูติ๋มดีดีกลับมีทั้งรถทั้งคอนโดพร้อมสรรพด้วยหน้าตาหล่อตี๋น่ารัก ดูเป็นมิตรเข้าถึงได้ง่ายในสายตาผู้หญิง หัวกะไดไม่เคยแห้ง เปลี่ยนแฟนมาเยอะกว่าเขาเสียอีก จะใช้คำว่าเยอะกว่าก็ไม่ถูกนักเพราะนายอินคนนี้โสดสนิทนับรวมเวลาในท้องแม่ด้วยก็ยี่สิบปีพอดิบพอดี


          แม้จะน่าหมั่นไส้แต่ก็เห็นแก่ความดีของมันนายอินผู้ไม่ยอมคนจึงยอมปล่อยให้ข้ามหน้าข้ามตาไป...


         “หอบข้าวหอบของขนาดนั้น จะหนีตามสาวที่ไหนละอิน”เสียงแหบของลุงยามเอ่ยทักเมื่อเห็นร่างโปร่งเปิดประตูหอพักออกมา...ยามที่นี่ทำงานดีมาก(เกินไป) จำชื่อจำห้องของผู้เช่าได้หมด


             “ไปค้างห้องเพื่อนหนะลุง!! ผมไม่อยู่สักพักไม่ต้องคิดถึงนะ บาย!!”ทักทายประหนึ่งเพื่อนเล่น นายอินผู้หยาบคายโบกมือหยอยๆลาคนอาวุโสกว่าอย่างเด็กไม่มีมารยาท...มือแข็งไม่รู้จักว่ายผู้หลักผู้ใหญ่


          ร่างท้วมผิวเข้มโบกมือกลับอย่างไม่ถือสา อาจเพราะเคยชินกับพฤติกรรมเช่นนี้ของเด็กหนุ่มแล้วก็เป็นได้


             ปิ๊นๆ!!


             “บีบแตรหาพ่อมึงเหรอ!? ทางมันแคบแหกตาดูบ้างเซ่!! กลับไปบีบนมเมียที่บ้านไป๊!!!!”


              ท่ามกลางซอยคับแคบรถแล่นได้แบบวันเวย์ เด็กหนุ่มหน้าตาไม่รับแขกตะโกนด่าเจ้าของรถเก๋งสีแดงอย่างหงุดหงิด อินไม่ค่อยได้เดินออกมาหน้าหอในช่วงเวลาเร่งด่วนแบบนี้นัก เพราะต้องคอยซิกแซกหลบทั้งคนเดินสวนกันขวักไขว่ ทั้งรถเข็นขายอาหารตั้งขนาบสองข้างทาง ถนนที่แคบอยู่แล้วยิ่งแคบลงไปอีก ไหนจะหลุมบ่อน้ำเน่าขังบนพื้นอีก


           ... นี่ถ้ามีเหรียญให้เก็บด้วยคงคิดว่าตัวเองอยู่ในเกมส์มือถือ


              “ใจเย็นน่าๆ”ในขณะที่หัวโจกวิศวะกำลังหัวเสียกับอุปสรรคตามรายทางอยู่นั่นเอง ก็มีเสียงทุ้มนุ่มฟังดูคุ้นหูดังขึ้น อินขมวดคิ้วอย่างสงสัยพลางมองซ้ายมองขวาหาต้นเสียง จำได้ว่าแถวนี้ไม่มีคนรู้จักอยู่


          “เอาแต่ทำหน้าบึ้งตลอดเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก”เจ้าของเสียงที่ว่าคือ พัด คนที่เพิ่งรู้จักกันสดๆร้อนๆนี้เอง



______________________________50 %______________________________

มาต่อแล้วๆๆ

ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์นะคะ

ขอให้ปีใหม่ปีหน้าเป็นปีที่ดีค่าาาา #โค้งคำนับ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่1 เพียงครั้งเดียวในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 03-01-2015 10:09:05
______________________________50 %______________________________

          อินเดินไปหาร่างสูงที่นั่งจ้องจานข้าวมันไก่อยู่ในร้าน “อยู่หอแถวนี้เหรอมึง?” ทำไมไม่เคยเห็นหน้า หน้าเด่นขนาดนี้เดินสวนกันก็ต้องพอจำได้บ้างแหละ


          “พอดีเพื่อนยืมคอนโดคืนนึง กูเลยมาค้างห้องมันแทน”พัดตอบแบบไม่ละเอียดแต่อินก็พอเดาสถานการณ์ได้  เพื่อนไอ้พัดคงยืมคอนโดไปคั่วสาวส่วนเจ้าของห้องก็ต้องระเห็จออกมา อินคิดในใจพลางไปลากเก้าอี้มานั่งโดยไม่ถามสักคำว่าอีกฝ่ายอยากร่วมโต๊ะด้วยไหม


          “เหอะ! คนดีนะมึง แล้วจะนั่งจ้องข้าวอีกนานมั้ย ไม่แดกๆเข้าไป” สิ้นคำจานข้าวมันไก่ดังกล่าวก็ถูกเลื่อนมาตรงหน้าคนปากจัด


          “ให้”เจ้าของจานกล่าว


          “หา!? ให้กูทำไมวะ!? หากินเองได้ อย่าบอกนะว่ามีแมลงสาป!!!?”สีหน้าบูดบึ้งกับท่าทางหวาดระแวงตรงหน้าเรียกเสียงหัวเราะจากพัดได้เป็นอย่างดี


          “ฮะๆ ๆ ๆ “


          “หัวเราะอะไรวะ!?”


          “ไม่มีอะไรหรอกน่า เพิ่งสั่งมายังไม่ได้แตะเลย แค่กิน...ไม่ลง” ท้ายคำเสียงทุ้มดูแผ่วลงเล็กน้อย


          เห...เนตรคมไม่ปล่อยช่องโหว่เพียงเล็กน้อยที่อีกฝ่ายเผยออกนี้หลุดมือไป อินรีบเสริมคำเข้าแทงใจดำคู่สนทนาทันที


          “อ๋อออออ ช็อตเมื่อเช้ายังติดตามึงอยู่สินะ ไม่เป็นไรๆกูเข้าใจ ฮ่าๆๆๆๆ”ไม่ว่าเปล่ายกมือขึ้นตบไหล่แกร่งป้าปๆอย่างสะใจ...ไม่ได้ดูน้ำหน้าตัวเองเล้ยยย


             “แล้วนั่นขนกระเป๋าจะไปไหน?”รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าชะงักค้างแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแหยอย่างคนมีพิรุธ อินพยามปรับสีหน้าให้เป็นปกติพร้อมตอบกลับไปเสียงเรียบ


             “ว่าจะไปค้างคอนโดเพื่อนสักคืนสองคืน”อินจัดแจงยื่นจานข้าวมันกันกลับคืนสู่เจ้าของพลางพยักเพยิดเป็นเชิงว่า หุบปากแล้วก็แดกไปซะ


             “อ่อ ก็ว่าสิ เมื่อเช้าเห็นตกใจขนาดนั้น ไม่น่าทนอยู่คนเดียวได้”


             ไอ้เหี้ยยยยยย กวนตีนหน้านิ่งงงงง!!


             มีคนเคยบอกไว้ว่าคนฉลาดจะไม่แสดงตัวว่าตัวเองฉลาด คงไม่ต่างกับกรณีพวกมนุษย์ที่อันตรายจริงๆจะไม่แสดงความอันตรายออกมา มันจะซุ่มต้อนเหยื่ออย่างสงบปล่อยให้เหยื่อดิ้นจนตายไปเองอารมณ์เดียวกับพวกเสือซ่อนเล็บ นายอินผู้ซ่าไปแหย่เขาก่อนโดนคนจริงสั่งสอนกลับอย่างแนบเนียน


             ถ้าเกลียดความพ่ายแพ้นักก็อย่าท้าสู้ไปเรื่อยโดยที่ไม่รู้กำลังของอีกฝ่าย...


            ผ่านไปสักพักข้าวมันไก่ในจานก็หมดลงพร้อมร่างของเด็กมหาลัยทั้งสองที่เดินออกจากร้านไป พวกเค้าทั้งคู่ตกลงกันว่าจำแวะทำบุญที่วัดซึ่งอยู่ถัดไปจากซอยนี้แค่ไม่กี่ร้อยเมตรก่อนค่อยแยกย้ายกันไป อันที่จริงจะใช้คำว่าพวกเขาคงไม่ถูกต้องนัก ในเมื่อฝ่ายที่ชวนและฝ่ายที่เลือกสถานที่และฝ่ายที่ตกลงเอาเองมันเป็นฝ่ายเดียวนะสิ!!


             ณ วัด 


             ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ วัดเล็กๆในซอยแคบๆไม่ติดถนนใหญ่มีผู้คนบางตา และในบรรดาคนแก่คนเฒ่าที่เข้ามาถือศีลทำจิตใจให้สงบนั้นปรากฏร่างของเด็กหนุ่มมหาลัยสองคนเดินเข้ามาอย่างมาดมั่น


          คนหนึ่งมีเส้นผมสีดำ กับนัยน์ตาเบื่อโลกสีเดียวกันคอยเสริมเสน่ห์ให้ใบหน้าที่ติดจะบูดบึ้งอยู่หน่อยๆนั่น หากสังเกตดูดีๆจะพบกับเมฆดำมาคุอยู่รอบๆตัวทำให้เขามีภาพลักษณ์เป็นเด็กผู้ชายท่าทางเกเรในสายตามนุษย์ป้าและชะนีทั้งหลายที่มาทำบุญถือศีลตบะแตกกันเป็นทิวแถว ผิดกับอีกคนที่มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม รอยยิ้มบนมุมปากของเขาสร้างโลก(วัด)ให้ดูสดใส...เป็นการจับคู่ที่แสนแปลก


              ไม่ว่าใครที่เดินผ่านมาก็ต้องคิดว่าเด็กมหาลัยสองคนนี้เป็นรูมเมทสนิทสนมกันพากันเข้าวัดทำบุญแต่เช้า คนอะไรหน้าตาดีแถมจิตใจยังประเสริฐ


          แน่นอนว่าทั้งหมดมันเป็นเพียงความคิด


           ความจริงภายใต้ภาพฝันของเหล่าหญิงเล็กสาวใหญ่ สมองของเด็กหนุ่มท่าทางเกเรคนนั้นกำลังประมวลผลอย่างหนัก ดูเหมือนตอนอยู่ในร้านอาหารตนจะเผลอตบปากรับคำว่าจะไปแบ่งส่วนบุญส่วนกุศลที่วัดกับคนตรงหน้าแบบไม่รู้ตัว ประเด็นสำคัญคือแม้อินจะมีเพื่อนฝูงมากมาย แต่กว่าจะใช้เวลาสนิทซี้ปึกกันก็พอสมควรเหตุผลก็คือ...เขาเกลียดคนแปลกหน้า...ยิ่งคนแปลกหน้าที่ชวนเข้าวัดยิ่งเกลียด


           น่าหมั่นไส้ชิบหาย คนอะไรมองแค่ข้างหลังก็น่าโมโหแล้ว


            ใบหน้าหล่อๆประดับด้วยรอยยิ้มมุมปากตอนที่ชวนเขามาที่นี่ยังจำได้ติดตา ไม่รู้เป็นเพราะอะไรชั่วพริบตานั้นตนถึงรับปากตกลงตามมาง่ายๆ


           ที่น่าโมโหกว่าคนข้างหน้าก็คือตัวเอง...


           ปึก! อยู่ๆร่างสูงก็หยุดเดินกะทันหันทำเอาคนที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเที่ยวด่าคนอื่นในมโนเดินชนเข้าเต็มรัก “จะหยุดทำไมไม่บอก!”ที่ขาดไม่ได้เลยคือคำสบถที่ตามมาติดๆ


          “เรา...ต้องไปที่ไหนทำอะไรยังไงบ้างเหรอ?”รู้สึกเหมือนโดนฟ้าฝ่ากลางวันแสกๆ นายอินยืนเงิบไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าไอ้งั่งตรงหน้าตนถูก แต่ก็ต้องเก็บปากเก็บคำเอาไว้กลัวโพล่งด่าไปแล้วโดนสวนกลับให้เป็นฝ่ายนำแล้วจะเงิบหงายหนักกว่าเก่า
เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยเข้าวัด ขนาดพระยังต้องเอาสมาร์ทโฟนมาล่อให้คนเข้าวัด นับประสาอะไรกับคนถ่อยอย่างเขา สวดมนต์ครั้งสุดท้ายก็ตอนเข้าแถวหน้าเสาร์ธงม.6


          หนทางหมื่นลี้ เริ่มต้นที่ก้าวแรก คนจีนกล่าวมาว่างั้น แต่ปัญหาตอนนี้คือหนทางไม่กี่สิบเมตรแต่ไม่รู้ว่าต้องก้าวไปทางไหนฉะนั้นสุภาษิตนี้ไม่เข้ากับบริบทอย่างแรงจะยกมาทำไม


           หลงทางเสียเวลา หลงรัชดาติดเหม่งจ๋าย คำกล่าวของเกรียนไทยประโยคนี้ยังดูเข้าเค้าเสียยิ่งกว่า(?)


           “ขอโทษนะครับ คือ...”หลังจากยืนโง่กันสักพักนายพัดผู้ไม่ทราบที่มาแน่ชัดก็เดินเข้าไปถามคำถามเดียวกันกับที่หันมาถามเขาเมื่อครู่อย่างไม่มีกลัวเสียฟอร์ม คุณยายท่าทางใจดีที่ถูกเด็กหลงเข้าไปถามทางก็ระเบิดหัวเราะดังลั่นทำลายภาพลักษณ์ใจดีที่เห็นภายนอกไปหมดสิ้น...วัดกระจ่อยร่อยแค่นี้ยังหลงได้


           ความจริงที่พวกเขาไม่ได้หลงทางแต่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างเลยต่างหากถูกกลบไปด้วยความเอ็นดูของผู้เฒ่าผู้แก่
หญิงชราจัดแจงลุกขึ้นจากศาลาใต้ต้นไม่ใหญ่อาสานำทัพทำบุญเอง เดือดร้อนให้คนหนุ่มต้องรีบเข้าไปช่วยพยุงไม่ให้แกเสียหลักล้มเพราะดูท่ายายแกจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ...เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยเข้าวัด นานๆที่จะมีเหยื่อ เอ๊ยยย เด็กที่คิดได้(หลง)เข้ามาสักคนจะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้(?)


            ความคิดของคุณยายใจดีดังขึ้นเงียบๆในใจ หากเจ้าหนูเลือดร้อนผมดำข้างๆได้ยินเข้าคงได้มีระเบิดลงยกใหญ่ข้อหาโดนคนแก่ล่อลวง


           เช้าที่แสนสดใสหลังผ่านสังเวียนเหล้ามาข้ามคืนก็พบเข้ากับประสบการณ์ขนหัวลุก แถมยังได้เข้าวัดในรอบหลายปีพร้อมกับผู้ชายแปลกหน้า คุณยายขอตัวแยกไปรวมกลุ่มกับเพื่อนตัวเองหลังนำทางพวกเขาเสร็จ นายอินผู้หยาบคายยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าอย่างมีมารยาทเมื่อถูกอีกคนตีมือที่เตรียมจะยกขึ้นมาโบกบ๊ายบายยายแก


           จากนั้นทั้งเขาและพัดก็ล่ำลากันเป็นรอบที่สองภายในเช้าวันเดียว อินไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะดวงสมพงศ์เจอคนคนเดิมโดยบังเอิญถึงสองรอบ ร่างโปร่งยืนมองอีกฝ่ายขึ้นรถตุ๊กตุ๊กไปจนสุดตาก่อนจะหันหลังกลับก้าวไปตามครรลองของตน


           ...เท่าที่นึกออก...


           ...นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด...


           ...ในการส่งคนที่อาจจะเจอกันแค่เพียงครั้งเดียวตลอดชั่วชีวิตนี้...

หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่1 เพียงครั้งเดียวในชีวิต 100%
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 03-01-2015 16:53:59
รออ่านน่า
ชอบกินข้าวมันก่อน5555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่1 เพียงครั้งเดียวในชีวิต 100%
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 03-01-2015 17:09:07
โอ้ย ขำ 555555555555555
เป็นเรื่องที่น่ารักและฮามากเลยค่ะ

แหมๆ หนูอินผู้หยาบคาย เถื่อน ถ่อย และถุดถุย กลับมาตายน้ำตื้นเพราะกลัวผี
ไม่รู้ว่าจะสงสารหรืออะไรดี เอาเป็นว่าพี่เข้าใจนะคะ พี่เข้าใจ 555555
เจอแบบนั้นก็คงหลอนไปนอนหอเพื่อนเหมือนกันนั่นแหละ เอาเป็นว่านุ้งอินสู้เนอะะะ  :hao3:

ส่วนพัดนี่ให้อารมณ์ลึกลับมาเลยค่ะ
ดูเป็นคนน่าค้นหา เป็นหนุ่มยิ้มสวยอารมณ์ดีด้วย เล่นเอาหนูอินติดกับรอยยิ้มจนตามมาถึงวัดเลย 55555

อ่านแล้วรู้สึกว่าน่าติดตามมากๆ เลยค่ะ >_<
เราจะรอตอนหน้าน้าาาาาา

ปล.หนูดีดีน่ารักมากเลยลูกเอ้ยยยย ถ้าเรามีเพื่อนแบบนังอิน (เรียกด้วยความเอ็นดู 5555) นี่จะตบหัวทิ่ม ก๊ากกก
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่1 เพียงครั้งเดียวในชีวิต 100%
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 03-01-2015 18:58:02
เค้าทำบุญร่วมกันแล้ว
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่1 เพียงครั้งเดียวในชีวิต 100%
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 03-01-2015 19:28:28
มาถึงทำบุญร่วมกันเลยนะ
คงจะเจอบ่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่1 เพียงครั้งเดียวในชีวิต 100%
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 06-01-2015 10:59:47
ติดตามค่ะๆ


 o13 o13
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่1 เพียงครั้งเดียวในชีวิต 100%
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 07-01-2015 17:19:26
เข้ามาเพราะชอบกินข้าวมันไก่ค่ะ #ไม่เกี่ยว 55555

น่ารักดีค่ะ ติดตามมมมม
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่1 เพียงครั้งเดียวในชีวิต 100%
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 07-01-2015 18:56:25
รอ    ติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่2 ครั้งที่สาม
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 09-01-2015 10:50:36




บทที่2 ครั้งที่ 3




“ไปไหนมา!!ปล่อยให้รอตั้งนาน”ประดุจเมียนั่งรอสามีที่กลับบ้านดึก ร่างเล็กสูงไม่ถึง 170ซม.ยืนเท้าเอวจังก้าปั้นหน้าโหดผิดกับเวลาปกติไปโขอยู่หน้าคอนโดสูงตระหง่าน



นายอินยกมือสองข้างยอมแพ้สวมบทบาทกลัวเมียอย่างรวดเร็ว ใครเล่าจะไปตรัสรู้ว่าดีดีผู้แสนดีจะโคตรดีตามชื่อลงมายืนรอหน้าคอนโดเพราะเขาบอกว่าจะมาอยู่ด้วยเลยเดี๋ยวนี้ ซึ่งไอ้คำว่าเดี๋ยวนี้ที่ว่ามันถูกสกัดตั้งแต่หน้าร้านข้าวมั่นไก่เลยเถิดไปเป็นชั่วโมง



“ไปทำบุญมา”คนมีความผิดติดตัวรีบตอบความจริงออกไปโดยไม่ทันคิด



รู้จักกันมาได้ปีกว่ามีหรือจะไม่รู้สันดานกัน โอกาสที่พวกนอกรีต(?)อย่างนายอัครินทร์จะเข้าวัดธรรมะธรรมโมเท่ากับศูนย์จุดศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์...ไม่รู้จบ แปลเป็นภาษาพูดได้ความว่าหน้าอย่างไอ้เหี้ยนี่นะเหรอจะเข้าวัด



 “แก้ตัวน้ำขุ่นๆ”ใบหน้าน่ารักขุ่นมัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด



“เห้ย!! ไปมาจริงๆนะสาบานได้”



คนมีความผิดยกมือยกไม้โบกไปมาอย่างร้อนรน ทั้งหมดที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงแต่แค่พูดความจริงออกมาไม่หมดเท่านั้น...เมื่อรู้ตัวว่าออกนอกลู่นอกทางปล่อยให้เพื่อนรอแล้วก็ควรจะซ้อนพี่วินไม่ก็นั่งแท็กซี่มาทันทีแต่เขากลับเลือกการเดินเท้าเป็นวิธีเดินทางแทน...



ด้วยความงกในสายเลือดของเด็กวิศวะ อินจึงเลือกที่จะเดิน บังเอิญระหว่างทางเขาหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาทำให้พบกับสายที่ไม่ได้รับจำนวนมากจากคนคนเดียว รายนามที่โชว์หราบนหน้าจอคือ ‘ดีดี๊น้อยหอยสังข์’



ชื่อสุดแสลงหูของว่าที่เจ้าบ้านที่เดอะแก๊งค์ของเขาตั้งให้ด้วยความรักยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าตัวที่ฉกมือถือของอินไปเพื่อที่จะชี้ให้เห็นมิสคอลเป็นอย่างยิ่ง ดีดีสะบัดหน้าเดินติ๊ดบัตรเข้าไปภายในตัวอาคารโดยไม่มีคำพูดอะไร



...ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้การเอาบัตรหรือคีย์การ์ดไปแตะกับล็อคที่ข้างประตูให้มันดัง ติ๊ดดดด ก่อนจะเปิดเข้าไปได้มันเรียกหรือนิยามเป็นคำว่าอะไรๆ คนไม่เวิ่นเว้ออย่างอินจึงเรียกการกระทำนั้นสั้นๆว่าติ๊ดบัตร....



คอนโดแพงๆมักจะมีหลายชั้น หรือจะพูดให้ถูกก็คือคอนโดหลายชั้นมักจะแพง เพราะกฎหมายการสร้างอาคารสูงในกรุงเทพค้ำคออยู่นั่นเอง ขอกระซิบบอกในที่นี้เลยว่าคอนโดหลายแห่งนิยมใช่ระบบยิ่งสูงยิ่งแพง อยากอยู่ชั้นสูงๆต้องเสียเงินเพิ่มตารางเมตะละห้าร้อยถึงหนึ่งพันโดยประมาณ



อินเหลือบมองนิ้วเรียวขาวของเพื่อนรักกดหมายเลขลิฟท์ไปยังชั้น 24พลางกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ถึงจะรู้ว่าไอ้เจ้านี่บ้านรวยแต่ก็ไม่เคยสัมผัสความรวยของมันสักครั้ง ปกติตอนเช้าดีดีจะเดินทางมามหาลัยด้วยแท็กซี่ทั้งที่มีรถเป็นของตัวเองแต่กลับขี้เกียจขับ รถติดแถมยังหาที่จอดยากอะไรก็ไม่รู้เห็นมันเคยบ่นให้ฟังผ่านๆหูเป็นเหตุให้เดอะแก๊งค์ของเขาไม่เคยได้ยลโฉมเจ้ารถที่ว่าเลยสักครั้ง



ซื้อรถมาตากฝุ่น ไม่โง่คงทำไม่ได้ อินแอบด่าในใจ



นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เหยียบคอนโดระดับนี้จึงดูมีสีหน้าตื่นตาตื่นใจประหนึ่งบ้านนอกเข้ากรุงมองซ้ายขวาหน้าหลังสำรวจทุกซอกมุมของลิฟท์ ท่าทางเหมือนเด็กที่นานๆครั้งนายอัครินท์คนนี้จะแสดงออกมาทำให้ร่างเล็กอดใจอ่อนยอมยกโทษให้อย่างช่วยไม่ได้



ผ่านไปครู่หนึ่งพวกเขาก็มาถึงชั้นที่ยี่สิบสี่ดีดีเปิดประตูเดินนำเข้าไปก่อน ภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาผู้มาเยือนคือบิวท์อินอย่างหรูภายในตั้งโชว์ฟิกเกอร์ตัวการ์ตูนญี่ปุ่นสุดโมเอะจนเต็มชั้น คนนอกวงการอาจจะมองว่ากองทัพฟิกเกอร์พวกนนี้ทำให้เฟอร์นิเจอร์ราคาแพงดูด้อยค่าลง แต่คนในวงการจะรู้กันว่าของตั้งโชว์รวมราคาแล้วแพงกว่าเยอะ...



ถัดมาอีกคือโปสเตอร์ลายการ์ตูนโมเอะ ปฏิทินลายโมะเอ แก้วน้ำโมเอะ ผ้าขนหนูโมเอะ ถ้วยช้อนตะเกียบโมะเอะ โมเอะ โมเอะๆๆๆๆ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่โมเอะ แม้แต่เจ้าของห้องยังโมเอะเลย!!!



หมายเห็ด.โมเอะแปลว่าน่ารัก



ให้ตายเถอะโรบิ้น ห้องเหี้ยอะไรแต่งได้ตาลายชิบหาย



แขกผู้มาเยือนมีอาการสตั๊นท์หลังจากโดนคลื่นโมเอะแอดแทคเดือดร้อนเจ้าของห้องต้องมาลากไปนั่งให้เข้าที่เข้าทางบนโซฟาสีขาวตัวใหญ่ติดผนังห้องด้านใน...ลายธรรมดาไม่โมเอะ...



อินถอนหายใจพรืด นึกขอบคุณชาวญี่ปุ่นที่ไม่นึกพิมพ์ลายการ์ตูนลงบนโซฟาไม่งั้นไอ้คุณโอตาคุสติแตกนี่ต้องหาซื้อมาแหงๆ
“อินนอนห้องเดียวกะเราได้ปะ พอดีห้องนอนอีกห้องเราเอาไว้เก็บอนิเม”ร่างเล็กถามพลางจัดแจงลากกระเป๋าใบเบ้อเริ่มของตัวกาฝากที่มาขออาศัยแต่ไม่คิดจะออกแรง



“มีที่พอใช่มั้ยกูนอนโซฟาได้นะ”เสียงห้าวถามกลับก่อนจะลุกขึ้นไปดึงกระเป๋าของตัวเองออกมาถือแทนเพราะทนเห็นภาพไอ้กระหร่องลากกระเป๋าต่อไปไม่ได้ ...น่าสงสัยว่าเจ้าเป้ใบนี้มันหนักแต่คนถึกอย่างอินถือได้หน้าตาเฉย หรือว่ามันไม่หนักแต่ไอ้คุณหนูดีดีผอมแห้งแรงน้อยถือไม่ไหวกันแน่?



บาทาน้อยๆ(?)ของคนหยาบคายเขี่ยประตูห้องนอนที่แง้มอยู่ให้เปิดออกก่อนที่ดวงตาสีดำขลับจะต้องเบิกกว้างอย่างตกตะลึงเมื่อสบเข้ากับ...เตียงคู่ขนานกว้างพอสำหรับสองคนนอนและหมอนข้างลายสาวน้อยโมเอะ...
“เอาของมาวางไว้ตรงนี้ได้เลย”เจ้าของห้องดูจะไม่อายกับของสะสมพิสดารแถมยังจะดูภูมิอกภูมิใจเสียด้วยยิ้มเผล่ขณะชี้ให้เขาเอาของไปวางกองไว้หัวเตียงฝั่งติดหน้าต่าง



“ไปวัดมามีอะไรเหรอ?”ตี๋น้อยดีดีเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ แม้มันจะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อแต่เขาก็คิดว่าถ้าอินจะหาข้ออ้างในการมาสายหละก็คงหาเหตุผลที่ดีกว่านี้ได้แน่ ในเมื่อมันไม่ใช่ข้ออ้างแสดงว่าต้องมีเหตุผลที่ยิ่งใหญ่พอ



“ผีหรอกเหรอ? โดนหมอดูทักว่าถึงฆาตเหรอ? รึว่าโดนเสกหนังควายเข้าท้อง? หรือว่า...”



“พอเลยๆ อย่ามโน”เสียงห้าวเอ่ยตัดคำเพื่อนตัวเล็กที่พูดจาออกทะเล พลางคิดไปด้วยว่าจะเล่าให้คนช่างสงสัยตรงหน้านี้ฟังอย่างไรดี...ให้ตัวเองดูไม่เสียฟอร์มมากนัก



“เพราะพวกมึงอะเลว!!”เริ่มเรื่องมาก็ต้องโบ้ยความผิดออกจากตัวก่อน



“ปล่อยให้กูเดินผ่านทางรถไฟคนเดียวมืดก็มืดหนาวก็หนาวแถวยังเมาอีก กูเดินของกูไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงใครก็ไม่รู้ร้องซะดังสนั่นเลยรีบวิ่งเข้าไปดูเผื่อแม่งโดนโจรดักปล้นแทงตายห่าหน้ากู...”ตาใสแจ๋วชั้นเดียวเบิกกว้างขึ้นอย่างลุ้นระทึกไปกับเรื่องราวน่าตื่นเต้นจากปากของเพื่อนสนิท



โดยหารู้ไม่ว่าเนื้อหากว่า 88%ถูกสร้างขึ้นใหม่...บทบาทแทบทั้งหมดถูกเปลี่ยนตัวแสดง



“พอไปถึงก็เห็นผู้ชายคนนึงอายุพอๆกับเรานี่แหละล้มกลิ้งตาเหลือกหน้าซีด ขางี้สั่นผั่บๆๆอยู่กับพื้น กูเลยเงยหน้าขึ้นมองตามตำแหน่งที่ตามันมองค้างอยู่ รู้มั้ยว่ากูเจออะไร!?”ถามกลับเพื่อให้ผู้ฟังมีส่วนร่วม



“อะ...อะไรเหรอ!?”



“คนแขวนคอตายเว้ยยยยย กูงี้สะดุ้งเลย ดีที่ตั้งสติทันเลยพาไอ้คนนั้นลุกตามออกมาถนนใหญ่แล้วค่อยโทรแจ้งความ”นักแต่งนิยายยังอาย ความหน้าด้านอัดแน่นเต็มเนื้อเรื่อง ใบหน้าหล่อคมยิ้มยืดอย่างโชว์พาว



“โห น่ากลัวอะ เพราะอย่างงี้เลยไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตายก่อนมาที่นี่สินะ”เด็กน้อยโดนนิทานก่อนนอนหลอกเข้าเต็มๆชื่นชมเพื่อนไม่ขาดปาก



“ก็งั้นแหละ หึหึ”ตัวแสบยักไหล่ไม่ยี่หละ และไม่ถึงอึดใจร่างโปร่งที่หลังกระหยิ่มยิ้มในบทประพันธ์ของตนก็สะอึกค้างด้วยคำถามพาซื่อของเจ้าบ้าน



“อ๋ออออ หลังจากนั้นก็กลัวผีจนไม่กล้าอยู่หอคนเดียวเลยมาหาเราที่นี่นี่เอง มิน่าหละตอนโทรมาเมื่อเช้าอินทำเสียงแปลกๆ”สิ้นถ้อยคำนั้นความเงียบสงบได้แปรเปลี่ยนเป็นจิตสังหารของคนที่ถูกกล่าวหาว่า’กลัวผี’สดๆร้อนๆ



“ไม่ได้กลัว!! คนอย่างนายอัครินทร์เนี่ยนะกลัวผี!? ไม่! มี! ทาง!”ประหนึ่งสัญญาณเตือนว่าไม่ควรต่อความให้ยืดยาวดีดีดึงเสียงของคำต่อไปกลับเข้าคอแทบไม่ทัน



คอนโดขนาดกลางประกอบไปด้วยห้องนอนสองห้อง ห้องที่หนึ่งติดประตูทางเข้าถูกเนรมิตกลายเป็นอาณาจักรอนิเมชั่น ส่วนอีกห้องถูกบรรจุด้วยนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาเคมีสองคน ฝ่ายเจ้าบ้านนั่งรูดซิปปากจ้องอีกคนที่เหลือตาแป๋ว



มีเรื่องที่อยากจะถาม แต่ก็กลัวถามไปแล้วคำถามที่ว่าจะไปสะกิดต่อมศักดิ์ศรีที่แสนเปราะบางของอีกคนเข้า



“อินย้ายมาอยู่กับเรามั้ย?”แต่สุดท้ายก็เอ่ยออกไปด้วยความเป็นห่วงเพื่อน มีหรือที่คนช่างเอาใจใส่อย่างดีดีจะไม่รู้ว่าเพื่อนของเขาคนนี้แพ้สิ่งลี้ลับมากพอๆกับที่เกลียดความพ่ายแพ้



ที่ขึ้นเสียงเมื่อกี้ก็แค่รักษาฟอร์ม...



“หะ หา!???”นัยน์ตาสีดำขลับเบิกกว้างแทบถลน คำถามสุดประหลาดเมื่อครู่ทำเอาเจ้าตัวถึงกับลุกขึ้นจากเตียงด้วยความงงงวย



“ก็...หออินมันไกลจากมหาลัย แถมรถเมล์ที่ผ่านหน้าซอยก็ไม่มีคันไหนผ่านมหาลัยเลย เดินทางลำบากจะตาย ไหนๆเราก็ไม่มีเมทกันทั้งคู่ก็มาเป็นเมทกันเองซะเลย ค่าคอนโดไม่ต้องช่วยออกหรอก แค่หารค่าน้ำค่าไฟก็พอ”นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาเอ่ยปากชวน...



อยู่คนเดียวในห้องกว้างๆแบบนี้ก็ต้องมีเหงากันบ้าง



“จริงดิ?”อินถามย้ำอีกครั้งเพื่อความชัวร์ แม้ตัวจะยังยืนเหวออยู่ปลายเตียงแต่ใจกลับบินไปเก็บของที่หอเตรียมย้าย ออกเป็นที่เรียบร้อย



“อื้ม!”เสียงใสตอบกลับอย่างดีใจหลังเห็นท่าทีที่อ่อนลงนั่น



“ถึงขั้นชวนผู้ชายมาอยู่กินด้วย เดี๋ยวนี้ชักแรดใหญ่แล้วนะดีดี๊ เอาเถอะๆ ไม่อยากขัดศรัทธา นายอัครินทร์สุดหล่อคนนี้จะยอมสละร่างกายให้คุณหนูสักระยะก็แล้วกัน”ไม่ว่าเปล่า ค้อมหัวลงอย่างนอบน้อมประหนึ่งโฮสต์



“...”ไร้สุรเสียงจากผู้เอ่ยปากชวน



“ไปกันเลยมั้ย?”คำชวนน่าสงสัยหลุดออกจากปากนายตัวแสบ



“ไปไหนเหรอ?”



“ก็ไปเก็บของจากหอเอามาไว้นี่ไง”



อ๋อออ อย่างงี้นี่เอง...ซะที่ไหนเล่า!! เกรงใจกันบ้างก็ดีนะอิน!!



พระอาทิตย์สีส้มสลัวใกล้ลาลับขอบฟ้าเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกเวลาเย็น นับเวลาหลังทำสัญญาขออาศัยกันเรียบร้อยก็ผ่านมาหกชั่วโมงเศษ นายอินที่หลับผลอยหลับไปด้วยความง่วงลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจบนเตียงคู่ขนาดคิงไซส์ ประหนึ่งบ้านของตัวเอง
เมื่อคิดได้ว่าต้องกลับไปขนของจากหอเก่าอีกร่างโปร่งเลยรีบผุดลุกออกจากผ้าห่มหนาไปหาเจ้าของห้องที่อาสาขับรถบริการรับส่งพัสดุประหนึ่งบุรุษไปรษณีย์



ณ ลานจอดรถที่ชั้นบน รถยนต์หลากสีหลายยี่ห้อจอดเรียงรายเต็มเกือบทุกช่อง ณ มุมนอกสุดริมสุดไกลโพ้นนนนที่สุดมีรถ Peugeot RCZ สีเงินวาววับราคาเฉียดสามล้านไม่รวมค่าตกแต่งตั้งตระหง่าน...ให้ฝุ่นเกาะ...



อินรีบแซงปราดเข้าไปเกาะประตูรถคันดังกล่าวตาเป็นประกายจดจ้องไปยังรถคันเท่ห์อย่างหลงใหล สมกับคำกล่าวที่ว่า Peugeot RCZ เป็นยนตรกรรมแห่งจิตวิญญาณสัญชาติฝรั่งเศส รถสปอร์ตที่ได้รับการออกแบบมาอย่างโดดเด่น เด่นแรงกระแทกตามากครับพี่น้อง!!



“รถมึงเหรอ!! นี่รถมึงเหรอออ!!”หันไปถามเพื่อนรักอย่างไม่เชื่อสายตา รถในฝันมาจอดอยู่ตรงหน้า หัวโจกวิศวะก้มๆเงยๆสำรวจหาใยแมงมุมก่อนจะถอนหายใจโล่งอกเมื่อหาไม่พบ



“อืม”คนตัวเล็กไม่สมกับรถพยักหน้าหงึกหงักพลางล้วงกุญแจออกมาโชว์เพื่อยืนยัน



“ซื้อรถไม่ดูหนังหน้าคนขับเลยนะมึง ฮ่าๆๆ”ก็จริงอย่างที่อินว่า



รถอย่างเฟี้ยวเคลื่อนตัวสะกดสายตาหนุ่มสาวมหาลัย พอดับเครื่องจอดปุ๊บก็มีไอ้ตี๋ตัวกระเปี๊ยกก้าวลงมาจากที่นั่งคนขับ สร้างเสียงหัวเราะคิกคักอย่างพยามรักษามารยาทจากผู้พบเห็นนั้นไม่อาจซ่อนเร้นจากสายตาของตี๋น้อยคนดังกล่าวไปได้



ภาพฝันร้ายเมื่อวันปฐมนิเทศย้อนกลับมาทำร้ายอีกครั้งและอีกครั้ง...นี่คือเหตุผลที่ดีดีไม่ขับรถไปมหาลัยอีกเลย



นึกแค้นบิดาที่เคารพในใจ ไอ้ซื้อรถให้ก็น่าดีใจอยู่หรอก แต่ช่วยดูคนขับนิดนึงว่าพร้อมขับด้วยไม๊!? ถ้าเป็นมินิคูเปอร์หรืออะไรประมาณนั้นลูกจะไม่บ่นสักคำ



คนเสียเซล์ฟง่ายระบายลมหายใจออกทางจมูกดังเฮือกใหญ่ “เฮ้อออออ”



“เห้ย เป็นไรมึง จู่ๆก็ทำหน้าเป็นตูด อ๊ะ โหยยยย คอนโดมึงนี่มีแต่รถแรร์ๆทั้งนั้นเลยหวะ!!”ปลายนิ้วชี้ของคนคลั่งรถชี้พิกัดไปยังรถ mini roadster เวอร์ชั่นเปิดประทุนสองประตูสีขาวคาดดำแล่นฉิวขึ้นมา ก่อนจะมาจอดเทียบท่าข้างๆรถของดีดีประหนึ่งต้องการจะอวดโฉม



“อ๊ะ พัดนี่ พัดดดด!!”ชื่อแสนคุ้นเหมือนเคยได้ยินดังขึ้นจากดีดีที่ตอนนี้วิ่งอ้อมไปยังรถคันดังกล่าวด้วยท่าทางแบบปลากระดี่ได้น้ำ



“นั่นอินเหรอ?” เสียงที่ก้องอยู่ในหัว....  อย่างน่าประหลาด  คล้ายกับถูกดึงดูด 




.....ช่วงเวลาที่หยุดลงบนรลานจอดรถ.....




อินหันไปมองตามเสียงนั่น  แต่สิ่งแรกที่เห็นคือเสาปูนบอกหมายเลขที่จอดด้านหลัง(กำ)  เมื่อเลื่อนสายตาไปอีกหน่อยก็เห็นเจ้าของคำพูดนั้น   ชายหนุ่มในชุดลำลองดูสบายๆ  หน้าตาหล่อเหลา และมีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มซอยไล่ระดับดูกระเซิงเล็กน้อย   หน้าตาออกจะดีมากกำลังจ้องกลับมาด้วยแววตาแบบเดียวกัน ภายในกระจกใสของนัยน์ตาสะท้อนความแปลกใจออกมาแจ่มชัด.... “พัด!?”



ว่ากันว่าความบังเอิญเกิดขึ้นได้เพียงสองครั้ง หากมากกว่านั้นเราจะเรียกมันว่าพรหมลิขิต...



“ทั้งสองคนรู้จักกันหรอ!?”บุคคลที่สามโพล่งขึ้น เนตรคมกระพริบปริบๆหลุดจากภวังค์ก่อนจะตอบกรับไปเสียงแผ่วผิดนิสัย


“นิด...หน่อย...”



“เมื่อเช้าเกิดเรื่องนิดหน่อยเลยเจอกัน”ดูเหมือนมันจะเบาเกินไปจึงถูกเสียงของอีกคนกลบมิด




คีย์เวิร์ด ‘เมื่อเช้า’ สั้นๆเพียงคำเดียวถูกประมวลผลใหม่ด้วยสมองอันปราดเปรื่องของคนที่ตัวเล็กที่สุดในวงสนทนา จากคำให้การเมื่อสายของเพื่อนรัก บวกกับเวลาเกิดเหตุที่เป็นตอนเช้า บุคคลต้องสงสัยปริศนา...ถึงตัวจะเป็นเด็กแต่สมองเป็นผู้ใหญ่ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!!



“คนที่เห็นศพแล้วเป็นลมล้มพับเมื่อเช้าที่อินเล่าให้ฟังคือพัดนี่เอง!!” ยอดนักสืบจิ๋วดีดีขอฟันธง!!



ไอ้เพื่อนเวร!! ทีเรื่องตอแหลที่กูเล่าเสือกเชื่อหน้าตาเฉยแต่ทีอย่างงี้เสือกเดาแม่น!! ฉลาดผิดที่ผิดเวลานะมึง!



รู้สึกเหมือนมีสายตาพุ่งตรงมาโดยไม่ต้องสืบก็รู้ตัวการ เนตรคมของคนโดนใส่ความจ้องเขานิ่งอย่างต้องการคำขยายความ มองสบตาและต้องรีบก้มหน้าลงมองพื้น รู้สึกประหม่าขึ้นมาเสียเฉยๆ ทำความผิดมาก็มากโดนลงโทษมาก็เยอะแต่คราวนี้ไม่เหมือนทุกที



สายตาเรียบเฉยดูไม่มีพิษภัย เหมือนน้ำทะเลสีครามสวยไรพายุฝนหากแต่มีไม่กี่คนที่ตระหนักว่าแม้ทะเลจะนิ่งสงบแต่ข้างใต้นั้นเย็นเฉียบยากจะรู้ก้นบึ้ง ...เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ต้องจ้องกันประหนึ่งฆ่าฟันแบบนั้นก็ได้....



สัญชาติญาณสัตว์ป่าเตือนว่าควรหลบ...



“มึงจะยืนเอ๋อข้างรถชาวบ้านเค้าอีกนานมั้ย รีบๆไปได้แล้วเดี๋ยวก็มืดค่ำกันพอดี!!”



ว่าแล้วก็ยัดเจ้าของรถเข้าประจำตำแหน่งคนขับก่อนจะเร่งให้สตาร์ทเครื่องออกไปแบบเอ็ดตะโร ทิ้งให้ร่างสูงของคนที่เหลืออยู่ผุดยิ้มออกมาอย่างขบขัน...



ในยามค่ำคืนของเมืองใหญ่  เหล่าพนักงานบริษัทมากมายยังคงต่อสู้กับการเดินทางบนท้องถนนเพื่อกลับบ้าน  และกลับมาเจอนรกกันอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นวนเวียนไม่สิ้นสุด นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์สองคนนั่งแกร่วติ่งร่างแหตำนานกรุงเทพรถติดมรณะอยู่บนรถหรู 



เพียงแค่การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลกรางกรุงปีละครั้งสองครั้งไม่ช่วยให้รู้สำนึกว่าห้ามออกนอกบ้านเวลาเลิกงาน  บทลงโทษเล็กน้อยจากผู้ใหญ่บนท้องถนนคือการให้เด็กน้อยนั่งอยู่ในรถยนต์แคบๆบนเส้นทางที่รถติดยาวไกล....



ระหว่างไม่ถึงห้ากิโลเมตรแต่กลับใช้เวลาไปกลับร่วมชั่วโมงอัดแน่นไปด้วยบทสนทนาออกรสของสองสหาย



“พัดอยู่ห้องข้างๆเราไง ห้อง2412ที่อยู่ทางขวาอะ”



ร่างสูงโปร่งของเอนพิงเบาะพลางถอนหายใจเหนื่อยอ่อน รถเริ่มเคลื่อนตัวไปในยามเย็น   ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงพร้อมกับแสงไฟจากนีออนที่เปิดขึ้นแทนที่   



เมื่อวานนี้ยังเป็นแค่คนแปลกหน้าอยู่กันคนละส่วนมุมของโลก มาวันนี้ระยะห่างกลับลดลงเหลือไม่ถึง 10 เซนติเมตร
จะว่าไปแล้ว...ยังไม่ได้คำตอบเลยว่าอีกฝ่ายเรียนคณะไหน...



คำถามไร้สาระถูกกลืนหายไปกับความเงียบ ในรถคันสวยเหลือเพียงแค่เสียงแอร์กับเพลงจากคลื่นวิทยุดังคลอไปเท่านั้น...อีกเดี๋ยวก็คงได้รู้...









..................................................................................

ตอนนี้พระเองของเราออกมากระจ๋อยเดียว แว๊บไปแว๊บมาตามท้ายตอนประหนึ่งตัวประกอบ ฮาาาา #พัดถีบ


ตอนต่อไปพัดคลุงจะได้ออกโรงเต็มๆสักที(มั้ง)ค่ะ  :katai3: :katai3:


ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์นะคะ


 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven
 

หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่2 ครั้งที่สาม
เริ่มหัวข้อโดย: youuue ที่ 09-01-2015 12:35:04
เจอกันครั้งที่3 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่2 ครั้งที่สาม
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 09-01-2015 17:35:33
มันกวนๆ แต่แอบละมุนดีแท้เรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่2 ครั้งที่สาม
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 09-01-2015 19:35:07
โอ้ยยย นายอินนี่แสบจริงๆ กวนมากๆ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่2 ครั้งที่สาม
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 10-01-2015 10:36:32
บ้านหนูดีดีอยู่ที่ไหนค่ะ


จะไปขโมยฟิกเกอร์ 55555555


#ผิดประเด็นๆ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่2 ครั้งที่สาม
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 11-01-2015 14:59:02
วรั้ยยยยยย
เข้ามารอพระเอก
เมื่อไหร่จะจีบกันสักที :hao7:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่2 ครั้งที่สาม
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 11-01-2015 19:46:45
โลกกลมจริงๆ อิอิ

 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่2 ครั้งที่สาม
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 14-01-2015 20:16:59
ขำ 555555555555555555555555555

เป็นนิยายที่อ่านแล้วทำไมอารมณ์ดี
ทั้งที่เจอคนตายตั้งแต่ต้นเรื่อง(?) #เดี๋ยว 5555555555

นี่ขำตั้งแต่หนูดีดีผู้แสนดี๊แสนดีเป็นหนุ่มน้อยโอตาคุขับรถหรู
อู้ยยยยยยย ไม่เข้ากับหน้าเลยยยย แต่รู้แล้วว่าทำไมถึงมาเป็นเพื่อนกับนุ้งอินได้

แต่นุ้งอินนะนุ้งอิน ไปเล่าความเท็จให้ดีดีฟังแบบนั้น
นี่ไม่รู้จะขำหรือสงสารตอนเจอพัดดี แต่ฮาไปแล้ว 55555555

ถถถถถถ กรรมใดใครก่อกรรมนั่นคืนสนอง ทำบุญร่วมชาติก็เท่ากับตักบาตรร่วมขัน
เจอกันสามครั้งแล้ว มันก็ต้องมีครั้งต่อๆ ไปตามมา หึหึหึ หนีไม่พ้นหรอกน่ะ ไปใส่ความเค้าไว้อีกต่างหาก
ตลกกกกก นุ้งอินผู้หยาบคายจะโดนสยบก็คราวนี้ ก๊ากกกกกก  :mew1:

โชคดีนะอินนน โชคดีนะะะ เราเชียร์อยู่ เย้  :hao6:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่3 อย่ามโน [16/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 16-01-2015 16:10:10




บทที่ 3 อย่ามโน




คุณเคยเดินสวนกับเนื้อคู่ไหม? หืม? อะไรนะครับ แค่เดินสวนกันแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นเนื้อคู่รึป่าวงั้นเหรอครับ? ฮ่าๆๆๆ นั่นสินะ เพราะงั้นแม้แต่ตัวผมที่เป็นคนตั้งคำถามก็หาคำตอบไม่ได้เช่นกัน



ไม่แน่นะบางทีเพื่อนรวมชั้นที่นั่งหลังคุณ คนที่กำลังเตะบอลอยู่ในสนามข้างทางที่คุณเดินผ่าน หรือแม้แต่บนเตาของร้านเนื้อย่าง(?)นั่นอาจจะเป็นเนื้อคู่ของคุณก็ได้นะ



ก็แหม...วันนึงวันนึงเราพบเจอกับผู้คนสักกี่คนกัน ไม่แปลกเลยถ้าจะเป็นหนึ่งในนั้น...จริงไหม?



.



.



.



[ ทเวน ที ฟอร์ธ ฟลอร์ ] คำพูดภาษาอังกฤษปกติก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้วยิ่งเป็นเสียงจากระบบอัตโนมัตของลิฟท์ยิ่งฟังไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่...นายอัครินทร์ ไอศวรรย์ผู้ย้ายเข้ามาอาศัยในชั้นที่ 24 ได้ไม่ถึงสองวันดีก้าวออกมาจากกล่องสี่เหลี่ยมอย่างอารมณ์ดี



เช้าวันอาทิตย์ที่พระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้า ร่างโปร่งของนักศึกษาปีสองเดินผิวปากไปตามระเบียงในมือถือถุงข้าวมันไก่สองห่อที่ซื้อจากร้านล่างคอนโดเพื่อเอาไปเซ่นเจ้าของห้อง 



เนื่องจากเมื่อวานเจ้าตัวนอนหลับสนิทตั้งแต่บ่ายถึงเย็น แถมหลังจากย้ายของจากหอมาเรียบร้อยก็หลับได้อีกอย่างน่านับถือวันนี้เขาเลยตื่นเช้าเป็นพิเศษ



บรรดาห้องที่เรียงรายติดกันเริ่มมีแสงไฟสาดส่องออกมาเป็นสัญญาณว่าเจ้าของห้องเริ่มตื่นกันแล้ว



มือขวาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบกุญแจห้อง ก่อนสองเท้าจะหยุดอยู่ที่ห้องหมาเลย 2412 อย่างหมายมาด...ห้องของพัด...



เนตรคมเหลือบมองประตูห้องหมายเลข 2413ที่อยู่ถัดไปชั่วครู่ ห้องดังกล่าวยังไร้ซึ่งแสงไฟเล็ดลอดแปลความได้ว่าเจ้าของห้องนามดีดียังไม่ตื่นจากนิทรา



“ออดดดดด” ในหมู่บ้านหนึ่งๆจำเป็นต้องมีเด็กมือบอนสักคนตระเวนกดออดบ้านชาวบ้านไปทั่ว เดือดร้อนถึงบิดามารดาที่รับกรรมโดนด่าแทนลูก
 


แน่นอนว่าอินไม่พลาดที่จะรับบทบาทนี้ตั้งแต่อนุบาล1ยันม.2 ไม่คิดเลยว่าทักษะที่ฝึกปรือมาแต่น้อยจะได้นำออกมาใช้แกล้งคนข้างห้องอีกครั้ง



พอกดเสร็จก็ทำท่าจะเดินจากไป แต่คนเกเรก็รีบหันกลับมาเหมือนนึกอะไรได้...หัวโจกวิศวะไม่รู้จักโตหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป...แอพลิเคชั่น เฟสบุค ถูกเปิดขึ้นเพื่อโพสสเตตัส



[นายอิน ชื่ออินเฉยๆไม่ใช่ร้านขายหนังสือ]



ตื่นเช้าเว่ยยยย 5555555
พร้อมแนบรูปหมายเลขห้อง 2412 ที่เพิ่งถ่ายมาสดๆร้อนๆ...



ไม่รู้ว่าทำไปให้ได้อะไรขึ้นมาเหมือนกัน แต่แค่เห็นประตูห้องก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาเสียแล้ว



หลังกดออดย้ำไปอีกสองสามครั้ง เด็กหนุ่มผู้ก่อเหตุก็เดินกลับเข้าห้องไปด้วยสีหน้าที่อิ่มเอมมากกว่าเดิม



เมื่อเปิดประตูเข้าห้องดีดีซึ่งเต็มไปด้วยโปสเตอร์ตัวการ์ตูนสาวน้อยเวทย์มน เขาก็รีบโยนกระเป๋าตังค์และห่อข้าวที่ซื้อมาขึ้นไปกองบนโต๊ะอาหารที่ปูด้วยผ้าปูลายโมเอะ บนชั้นหนังสือใกล้ๆทีวีเต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูนทั้งการ์ตูนต่อสู้และการ์ตูนกีฬา



ร่างโปร่งหย่อนตูดลงบนโซฟานั่งจิ้มมือถือค่าเวลา อีกเดี๋ยวเจ้าของห้องก็คงตื่น



เปิดเข้าไปที่หน้าทวิตเตอร์อย่างคนว่างงาน  @IN_YourArms : 11 พย. ย้ายเข้าห้องไอ้ดีดี ไม่ต้องห่วงกูคนดีเดี๋ยวสิ้นเดือนกูจ่ายค่าเช่าให้สามบาท ถถถถถถถถถถ



พิมพ์ไปงั้น คนที่ฟอลอยู่ก็มีไม่ถึงร้อยแถมส่วนใหญ่ไม่ใช่คนรู้จักในชีวิตจริงด้วยซ้ำ สาเหตุหลักคือเอาไว้เป็นที่ระลึกซะมากกว่าอยากให้โลกรู้



ความจริงดีดีจะให้หารแค่ค่าน้ำค่าไฟแต่ด้วยจิตสำนึกอันน้อยนิดทำให้เขาตัดสินใจปฏิเสธข้อตกลงเอาเปรียบนั่น และออกปากว่าจะจ่ายค่าเช่าเดือนละห้าพันน้ำไฟตะหาก...



ติ๊งหน่อง ไม่ใช่เสียงออดประตูแต่เป็นเสียงแจ้งเตือนของทวิตเตอร์ เมื่อเปิดกลับไปดูอีกครั้งก็พบเข้ากับแอคเค้าท์ของไอ้ม่อนเพื่อนซี้ร่วมกลุ่มอีกคนที่ reply ข้อความกลับมาอย่างรวดเร็ว...



จำได้ว่าโพสต์รูปในเฟสก่อนทวิตข้อความ...มนุษย์ที่ไม่เล่นเฟสวันๆหมกตัวอยู่แต่ในทวิตเตอร์นั้นมีอยู่จริง...



@DIGI_MON : มึงไปอยู่ห้องดีดีไมวะ อยู่ยาวเลยอ่อ?



อินเชื่อว่าไอ้ม่อนมีคำถามที่อยากจะถามมากกว่านี้แต่ด้วยความที่แอพลิเคชั่นนกสีฟ้ามันจำกัดให้พิมพ์ได้แค่ 140ตัวอักษรเลยต้องใช้คำที่มันรวบรัด



ไอ้ควาย ไลน์เลยมีไม่ใช้ ทักแชทบ็อคเฟสบุคกูมาก็ได้



“ตื่นเช้าจัง งืมๆๆ ซื้อข้าวมาเผื่อเหรอ ขอบคุณนะรอแปปนึงขอแปรงฟันก่อน...”น้ำเสียงงัวเงียเหมือนยังไม่ตื่นดี ร่างเล็กขยี้ตาเหมือนเด็กน้อยก่อนจะเดินหายลับเข้าไปในห้องน้ำ



อินเห็นดังนั้นเลยพิมพ์ข้อความตอบม่อนไปส่งๆก่อนจะรีบลุกขึ้นมาจัดแจงหยิบจานเทข้าวเทซุปบริการเจ้าบ้านอย่างดี



อาหารมื้อแรกที่ได้ร่วมโต๊ะกับรูมเมทใหม่ ข้าวแต่ละคำที่ตักเข้าปากของอินนั้นแฝงแน่นไปด้วยความตึงเครียด รังสีกดดันถาโถม
มาจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม...หากทำข้าวแม้สักเม็ดตกลงบนผ้าปูโต๊ะลายโมเอะละก็ตนคงไม่รอด...



ถ้าหวงนักจะเอามาใช้ทำซากอะไร!?



“เออ เมื่อวานอะ”กำลังจะลุกไปหยิบน้ำก็ถูกดีดีทักขึ้นมาก่อน เรียวคิ้วเลิกขึ้นเชิงคำถาม?



“ที่บอกว่าพัดกลัวผีอะหรอกเราใช่มะ เมื่อคืนนี้เรานอนคิดไม่ตกเลย ยังไงๆก็เชื่อไม่ลงจริงๆว่าคนเท่ห์อย่างพัดอะนะจะขี้ขลาดตาขาวขนาดนั้น อินเสริมเรื่องเกินความจริงให้เราตื่นเต้นใช่มั้ย?”ใบหน้าน่ารักฉายแววร้อนรนรอความจริงจากปากเพื่อน



คำว่าเท่ห์ที่ใช้ชมคนอื่นกับคำว่าขี้ขลาดตาขาวที่เข้าตัวเต็มๆแทงเข้ากลางใจดำ...



ไม่รู้มาก่อนว่าดีดีจะรู้จักมักคุ้นกับเพื่อนข้างห้องขนาดนี้...นักศึกษาชายสองคนอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงอายุไล่เลี่ยกัน จะสนิทสนมกันคงไม่แปลกนัก...มั้ง...



พอคิดว่าเพื่อนของตัวเองยกย่องคนอื่นแล้วหาว่าตนเป็นพวกลวงโลกมันก็รู้สึกน้อยใจไม่ได้



“หาว่ากูหลอกมึงเหรอ? ไอ้พัดแม่งก็เก๊กไปงั้นแหละตัวจริงแม่งปอดจะตายมึงไม่รู้อะไร”ไวเท่าความคิดคำพูดอวดดีหลุดออกไปจนได้ อยากกัดลิ้นตัวเองเมื่อสาย



“แหงะ จริงอะ อุตส่าห์ชอบ”เด็กน้อยทำหน้าบูดเบี้ยวราวกับรู้ข่าวว่าอุลต้าแมนแพ้ก๊อตซิล่า...



ดีดีนั้นเป็นเด็กติดบ้าน แต่บ้านที่ว่าของเจ้าตัวนั้นอยู่ไกลถึงเชียงใหม่ นานทีปีหนถึงได้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ ตอนเหงาๆก็มีแต่ขบวนทัพของโมเอะที่คอยปลอบใจ...จนกระทั่งได้มารู้จักเพื่อนบ้านคนนั้น



คนที่อายุเท่ากันแท้ๆแต่กลับเป็นผู้ใหญ่จนไม่อยากจะเชื่อ น้ำไม่ไหลไฟดับอะไรขอแค่ไปเคาะห้องปันหาทุกอย่างก็คลี่คลาย สำหรับดีดีแล้วพัดเป็นเหมือนฮีโร่



แต่สำหรับอินแล้ว...คำว่าชอบที่ดีดีเอ่ยออกมานั่นทำให้เขาแปลความไปอีกนัยยะหนึ่ง...ที่ค่อนข้างจะ...เอิ่ม....



ชอบ...



ชอบบบบบบ!!!!



ดีดีชอบไอ้เหี้ยพัด!?



ม่ายยยย!!!!



ที่เขาบอกว่าพวกชอบใช้กำลังมักไม่มีสมองเห็นจะจริง...เนตรคมส่อแววตระหนก ความเงียบไม่ทราบที่มาเข้าปกคลุมรอบโต๊ะอาหาร ดีดีผู้ใส่ซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวก้มหน้ากินข้าวมันไก่หน้าจานต่อไปอย่างผิดหวัง



ออดดดดด



ที่ดังขึ้นขัดคือเสียงเตือนหน้าประตู...เวลา 8.20 น.มีผู้มาเยือน



อินอาสาเดินไปเปิดประตูเอง ก่อนที่ข่าวไม่มีมูลจะเลือนหายไปจากขี้เลื่อยใต้กะโหลกของนายอิน บุคคลต้นเหตุอีกคนก็ปรากฏตัวที่อีกฟากของประตู!! ”ตื่นรึยังมีเรื่องจะรบกวน...อะ...”พัดปรากฏตัว!!!!



“พัด!?มีอะไรเหรอ”ร่างเล็กชะโงกหน้ามาถามในขณะที่ใบหน้าคมหล่อเหลาของคุณเพื่อนซี้เริ่มเย็นชาและขุ่นเคือง..



“ย้ายมาอยู่ถาวรเลยใช่มั้ยเนี่ย?”โดยไม่สนใจคำถามของดีดีสักนิด นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหมือนเส้นผมมองใบหน้าขุ่นก่อนระบายยิ้ม ห้วงคิดของอินกำลังเดือด...


พูดถึงยังไม่ทันจะขาดปากก็มาหยามกันถึงหน้าประตู...คงจะไม่ใช่เพราะว่า.... ปลายตาคมๆ



แอบมองคนข้างหน้าสลับกับอีกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว... คงไม่ใช่...ใช่มั้ย?
 


นายอินจิ้นไปไกลโพ้นอย่างไม่น่าให้อภัย   พัดอาศัยจังหวะที่นายประตูกำลังใช้ความคิดเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าร่างเล็กอีกคน 



“วันนี้ว่างรึป่าว อยากชวนไปซื้อของด้วยกันหน่อย” ยื่นมือเข้ามาหมายจะแตะบ่า



ผัวะ!!!!
   


   มือแกร่งปัดเอามือของผู้มาเยือนซึ่งคิดเอื้อมเข้ามากล้ำกรายจับต้องร่างเล็กออกไปในพริบตานั้น... ดีดีเบิกเนตรกว้างตกใจในการกระทำนั่น... ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นพฤติกรรมก้าวร้าวแบบนั้นของเพื่อน แต่นี่ยังไม่ทันมีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ!? ผิดกับคนถูกกระทำที่หัวเราะหึอย่างชอบใจในปฏิกิริยาโต้ตอบนั้น
 


“พอดีเมื่อกี้มียุงผ่านมา ต้องขอโทษด้วย” เนตรสีนิลหรี่มองอย่างเย็นชาใส่คนไม่มีความผิดอะไร 
   


   “ไม่เป็นไรหรอก  ก็แค่เจ็บมือนิดหน่อย”   หนุ่มผมน้ำตาลโบกมือไปมาไม่ถือสา  หลังเจอการต่อต้านประกาศสงครามกลับ...ทั้งที่ไม่ได้มีความผิดอะไร...
 


   “กินข้าวต่อไปเถอะ ไม่มีอะไรหรอก” อินจับช้อนยัดเข้ามือเล็กมือเล็กก่อนจะกลับไปนั่งประจำตำแหน่งเดิม เจ้าบ้านยังคงมึนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
   


   “อ่ะ..เอ่อ... จะให้ไปไหนด้วยเหรอ?” ยังจะไปญาติดีกับมันอีก!!  ดูไม่ออกรึไงว่ามันจงใจมาตีท้ายครัว!!  ใจคนหวงเพื่อนเดือดเป็นไฟแล้ว!



ยอมไม่ได้...ยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด...!!!!



ดูจากพฤติกรรม(มโนไปเอง)แล้วฝ่ายพัดก็น่าจะมีใจให้ดีดีอยู่แน่ ไม่งั้นคงไม่มาอิ๊เอ๊าะแต่เช้าแบบนี้...ต้องหาทางกีดกันมันออกไป ดีเลยที่เขาย้ายมาอยู่กับดีดีก่อนที่ความรักผิดๆนี่มันจะเลยเถิด!!!



แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป สาววายกำลังคลองเมือง เกย์กำลังครองโลก แต่เขาจะไม่ยอมให้เพื่อนรักอ่อนต่อโลกคนนี้ต้องเผชิญกับภัยอันตรายจากข้างห้องนี้แน่นอน!!     
 


   ต้องกีดกัน...ใช่แล้ว มีแค่เราเท่านั้นที่จะปกป้องดีดีได้!!



   อย่าคิดว่ากูจำไม่ได้นะไอ้พัด เมื่อเช้าตอนเจอช็อตเด็ดมึงก็ร้องเหวอเหมือนกัน ที่สำคัญคือข้าวเช้ามึงยังแดกไม่ลงด้วยซ้ำ!!(แม้ตอนหลังจะกินจนหมดก็ตาม)



   คอยดูเถอะ!! นายอินคนนี้จะกระชากหน้ากากของแกให้หลุดออกมาเอง ภายในสามวันนี้มึงจะต้องหลุดตุ๊ดทำลายภาพพจน์ที่มึงสร้างมาหลอกเพื่อนกูแบบป่นปี้ขยี้ขยำ!!! วะฮ่ะๆๆๆๆๆ!!!!



ถ้าวันพีชมีจริงอินคงหามันเจอก่อนลูฟี่...เพราะเขาออกทะเลมาไกลแล้ว...



“ไปซื้อแอปเปิ้ลให้เมลิคที่ซุปเปอร์แถวนี้”พัดกล่าว



คำชี้แจงเรื่องสถานนั้นมีช่องโหว่...ไปแค่ซุปเปอร์ระแวกนี้แล้วไหงต้องขนกันไปหลายคน(สองคน) เลือกแอปเปิ้ลไม่เป็นรึไง!?



...มีพิรุธ...



“กูไปด้วย!!?”โดยไม่ทันคิดอินรีบตะโกนราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแย่งไปแทน...เป้าหมายคือกีดกันเพื่อนรักจากตัวอันตรายสองต่อสอง...แต่ทว่า...



“พอดีเลย! ตอนสายวันนี้นารูโกะจะฉายทางช่องเคเบิ้ล...งั้นอินก็ไปกับพัดแทนละกันเนอะ”พูดจบก็ยิ้มร่าก้มหน้าก้มตากินข้าวมันไก่ที่เหลือจนหมดจานก่อนจะลุกไปล้างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ทิ้งให้พวกพูดก่อนคิดอ้าปากค้างอยู่กับที่...



ข้าวที่เหลือไม่ถึงครึ่งคำถูกบุคคลที่สามบนโต๊ะอาหารตักใส่ช้อนแล้วนำมายื่นจ่อปากอินอย่างเป็นมิตร “เอ้า อ้ำ! รีบๆไปจะได้รีบๆกลับ”



ดูเหมือนอินจะได้รับบทให้ไปเดินช็อปปิ้งกับพัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่เจ้าตัวฝืนอ้าปากรับข้าวคำสุดท้ายอย่างช่วยไม่ได้นั้นประตูทางออกที่ชื่อว่า ‘กูไม่ไปแล้วเว้ยยย!’ก็กลืนหายไปพร้อมกับข้าวคำนั้น



“ว่าแต่เมลิคนี้ใคร กินอะไร? ทำไมถึงต้องถ่อไปซื้อให้?”เมื่อจนหนทางก็ต้องรับความจริง



“ลูกกระต่าย”



“ห๊ะ!?”อินร้องอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง




“ลูกกระต่าย”อีกคนก็ทวนคำให้อย่างหวังดี



ได้ยินดังนั้นร่างโปร่งผมดำก็ถอนหายใจเบาๆอย่างปลงตก ตอนนี้เวลา 08.35 น. เขาควรจะกลับไปที่โซฟาเพื่อนอนอืดเล่นมือถือต่อตลอดทั้งวันให้มันสมกับวันหยุด ไม่ควรผลาญเวลาไปกับเรื่องไร้สาระแบบนี้



ทั้งที่ขี้เกียจตัวเป็นขนแต่ก็กลัวพื่อนโดนหมา(ตัวผู้)คาบไปแดก นายอินผู้รักเพื่อนจะยอมพลีกายเพื่อเจ้าของห้องผู้มีพระคุณคนนี้สักครั้ง



ถ้าไม่ติดว่ามาขอเขาอาศัย ไม่กางปีกปกป้องขนาดนี้หรอกนะ...



คนหนึ่งเป็นไข่ในหินไม่ประสีประสาต่อโลก อีกคนหนึ่งทำตัวเป็นแม่ไก่กางปีกป้องป้องลูกน้อยจากหมาท่าทางหิวโซ...ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ไกลเกินคำว่าไก่อ่อนไปนัก...มิหนำซ้ำยังไม่มีหัวคิด



หมาบ้านไหนกินไข่ไก่ทั้งฟอง...



.



.



ที่เห็นก็มีแต่จ้องจะกินที่ตัวไก่...



กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว...กินไม่เหลือยันกระดูก...




...

แฮ่ๆ เป็นผู้ชายอย่าขี้มโนสิอิน 55555

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นเช่นเคยค่ะ

ตอนอ่านคอมเม้นต์แล้วรู้สึกดีมากๆเลยละ! ><


:katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่3 อย่ามโน [16/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nozzle ที่ 16-01-2015 20:33:16
โถ พ่อคนหวงเพื่อน มโนได้โล่จริง ๆ

สนุกมากค่ะ ฮาอินโคตร ๆ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่3 อย่ามโน [16/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 17-01-2015 22:13:31
ตลกกกกกกกกกกกกกกก 5555555555555555

 :laugh: :laugh: :laugh:

โอ้ยยยยย นังอินนนน 555555 (เปลี่ยนสรรพนามด้วยความเอ็นดูล้วนๆ)
ขี้มโนมากกก มโนมาเป็นเรื่องเป็นราว ถถถถถถถถถถถ
ทำแบบนี้ก็เท่ากับส่งตัวเองไปเข้าปากเสือเลยนะนี่
แหมพ่อคุณ พ่อพระ พ่อมหาจำเริญ พ่อคนที่แสนดี
สู้นะอิน ปกป้องดีดีให้ได้นะ (แล้วอย่าลืมปกป้องตัวเองด้วยล่ะ) ก๊ากกกกก

ว่าแต่พัดเลี้ยงกระต่ายหรอคะ?
ง่อวววววววว ทำไมรู้สึกว่ามันนั่ลลั่คมุ้งมิ้งงงงงง

 :-[

รับนุ้งอินไปช่วยเลี้ยงกระต่ายด้วยอีกคนมั้ยคะ? ฮาาาาาาา


รอตอนหน้าน้าาา ^^
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่3 อย่ามโน [16/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 20-01-2015 21:38:56
อินคะ ตรงกันข้ามแล้ว ตรงกันข้าม

ก่อนจะห่วงเพื่อนห่วงตัวเองก่อนดีมั้ยลูก 555
หัวข้อ: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่4 แม่งเนียน [23/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 23-01-2015 19:10:58



บทที่ 4 แม่งเนียน



การลงมือทำอะไรสักอย่างต้องมีแผนการและขั้นตอน...หากผลีผลามขาดสติจะเผลอตกลงหลุมที่ขุดขึ้นมาเอง...


แต่ที่สำคัญกว่าแผนการคือการตรวจสอบ...สิ่งที่คุณคิดได้รับการยืนยันแน่ชัดหรือยัง...ระวังให้ดีคุณอาจสะดุดอากาศล้มหัวทิ่ม...บนพื้นนั้นไม่มีอะไร แต่คุณกลับคิดว่ามีและเอาหน้าไปแตะพื้นเสียเอง...เสียเวลาแถมหน้ายังหน้าแตก...


รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เคลื่อนที่มาเทียบชานลาชาสถานีจตุจักร  ในยามเช้าหลังเวลาเข้างานของราชการ จะมีผู้โดยสารก็เพียงประปราย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้ซึ่งเป็นวันอาทิตย์(ราชการที่ไหนเขาทำงานกัน!!) มนุษย์เงินเดินและมนุษย์ไม่มีเงินเดือนทุกคนต่างพร้อมใจหมกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม


...รอให้พระอาทิตย์ทะลวงม่านเข้าไปทิ่มตูดถึงเตียงค่อยออกจากบ้านแห่แหนกันเข้าห้าง


   ตอนแรกพัดคิดจะแวะที่ซุปเปอร์แถวนั้นจริงๆ  หากแต่มันผิดแผนไปหมดเด็กหนุ่มก็เลยเปลี่ยนพิกัดระหว่างทาง...เป็นแหล่งขายของชื่อดัง หนึ่งในแลนด์มาร์คของกรุงเทพมหานคร จตุจักร!!!...โดยไม่สนคำโวยวายของคนที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับแม้แต่น้อย....


   อินกระแทกประตูปิดดังโครม รถ mini roadster คันน้อยถึงกับสั่นไหว ผิดกับเจ้าของรถที่ยิ้มรับความป่าเถื่อนที่จงใจแสดงออกอย่างไม่มีหวั่นไหว...พัดล็อครถเรียบร้อยก็รีบเดินตามร่างโปร่งที่เดินนำลิ่วไปไกล


แม้บทบรรยายก่อนหน้านี้จะกล่าวถึงรถไฟฟ้า แต่ก็ไม่มีส่วนไหนบอกว่าตัวละครเอกทั้งสองโดยสารมาด้วย...คุณโดนคนแต่งสับขาหรอกเสียแล้ว... 


“จะไปไหน นำไปดิ๊”เดินเหมือนรู้ทาง...อินที่เดินออกมาจากส่วนของ เจเจมอลล์ ตลาดนัดติดแอร์แล้วก็หันมาเร่งอีกคน
ฉากหลังเป็นแผงขายของสุดลูกหูลูกตา ด้านบนเปิดโล่งท้าแดดเมืองไทย มองซ้ายมองขวาก็ไม่พบมุมให้หลบแดด เนตรคมของอินหรี่ลงสู้แสงตะวันเหงื่อซึมตามแผ่นหลัง ผนวกกับผู้คนเดินสวนขวั่กไขว่น่าอึดอัดทวีความร้อนของร่างกายและจิตใจเป็นเท่าตัว
เสียงเซ็งแซ่ของพ่อค้าแม่ขายดังแข่งกับเสียงต่อราคาของลูกค้าหน้าเลือด...

ด้วยนิสัยเกลียดความวุ่นวายร่างโปร่งที่เดินมาไม่ถึงครึ่งทางถึงกับร้อง โอดครวญออกมาอย่างลืมมาด...”โอยยยย อีกนานมั้ย ร้อนหวะ”


อากาศร้อนและมวลมหาประชาชนดูจะไม่มีผลต่อคนข้างตัว พัดที่เดินนำอย่างชำนานทางหันมาเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ ปกติเขาต้องเข้าออกสถานที่แห่งนี้อย่างน้อยเดือนละครั้ง เนื่องด้วยกระตายเป็นสัตว์เลี้ยงที่เปราะบาง เจ้าของต้องเอาใจใส่ตั้งแต่อาหารการกิน กรงที่อยู่ ยันโรคภัยที่เป็นไม่ซ้ำแบบตามฤดูกาล


 “ไหวไหม”พัดเอ่ยถามอินที่เดินเหงื่อซ่กอยู่ด้านหลัง


“เห้ยยย สบาย!”อินสะดุ้งโหยงกับคำถามไม่คาดฝัน”แค่นี้ไม่ต่างอะไรกับเข้าแถวฟังผอ.เทศน์หน้าเสาร์ธงหรอก! มึงเถอะ ดูจากหน้าแล้วเหมือนพวกลูกคุณหนู ไหวป่าววว”


“หึหึ”ไม่มีคำตอบ มีเพียงเสียงหัวเราะในลำคอ


โซนสัตว์เลี้ยง...


พัดเดินทรงดิ่งไปยังร้านขายกระต่ายที่ดูมีอุปกรณ์เลี้ยงดูสัตว์หน้าขนครบทุกอย่าง


อินเดินทอดน่องตามเด็กหนุ่มอีกคนพลางเหลือบมองเจ้าของร่างสูงๆนั่นด้วยสายตาว่างเปล่า...ความเกเรแปรผกผันกับอากาศร้อน...นายอัครินทร์ผู้ไม่เคยยอมคนเผยจุดอ่อนประการที่สองต่อจากสิ่งลี้ลับออกมาอีกครั้ง...กับคนคนเดิม


เห็นว่าใช้เวลาเลือกของค่อนข้างนาน อินจึงเดินถัดออกไปยังโซนที่มีกรงใส่ตัวหน้าขนหลายชนิดฆ่าเวลา เวลาที่กระต่ายขนปุยหลายๆตัวกระจุกรวมกันเป็นก้อนดูฟรุ้งฟริ้งและน่ารักในสายตาสาวน้อย ตากลมใสหลายคู่จ้องมองพี่ชายหน้างอราวกับกำลังออดอ้อน


“นั่นพันธุ์เจอรี่ วู๊ดดี้”คำอธิบายจากพัดที่รอเจ้าของร้านคิดเงิน”น่ารักมั้ย”


“ไม่”น้ำเสียงเย็นชาบ่งบอกว่าไม่จริงๆนั่นเรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากคนถามได้เป็นอย่างดี


“ก็ว่างั้นเหมือนกัน”พัดบอกแล้วก็ขยายความ”ถ้าอินเห็นแล้ววิ่งเข้าไปอุ้มคงน่าสยองไม่เบา ฮ่ะๆๆ”


“ว่ากูน่าสยอง แล้วมึงอะ เลี้ยงอยู่ที่ห้องทั้งตัวแถมยังตั้งชื่อซะไฮโซ”


“ที่เลี้ยงไว้ไม่ใช่ว่าอยากเลี้ยงนี่ มันเป็นความรับผิดชอบ”คำตอบครึ่งๆกลางๆจับใจความไม่ได้ถูกตัดจบด้วยถุงใส่หญ้าชนิดที่อินไม่เคยเห็นหลายชนิดถูกยัดใส่มือเขา แต่ถึงอย่างงั้นอินก็จับสังเกตได้ว่านัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มนั้นไหววูบไปชั่วพริบตา


“โหยยย ไอ้เลว รู้จักกันไม่ถึงสองวันก็ใช้ให้มาแบกของแล้ว”อินบ่นยาวไปตลอดทางที่กลับไปเก็บของที่รถ มองขนข้างหน้าที่ถืออาหารเม็ดกับขวดน้ำกลั่นแล้วก็กรงใหม่สำหรับเจ้าเมลิค...เห็นบอกว่ากรงเก่ามดขึ้นสนิมขึ้นเยอะแยะ ขี้เกียจทำความสะอาดเลยซื้อใหม่แม่งทั้งอัน


“นี่ถ้าไม่หลอกพากูมาด้วยนี่ก็กะปล่อยให้เมลิคนอนเน่าอยู่อย่างงั้นใช่มั้ย”อินตะโกนถามไล่หลังแข่งกับเสียงจากรอบทิศ โดยไม่ทันสังเกตแววขำขันและรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าแม้แต่น้อย”ไหนว่ากระตายขี้โรคไง เลี้ยงเพราะความรับผิดชอบภาษาอะไร นี่มันขาดความรับผิดชอบชัดๆ”


พัดได้แต่กลั้นหัวเราะฟังคำบ่นของคนขี้บ่นไปตลอดทาง”เดี๋ยวพาไปหาไรกินเป็นการตอบแทนละกัน โอเคมั้ย”


“มึงเลี้ยง?”อินถาม นัยน์ตาสีดำขลับวาววับขึ้นมาทันที...ปากก็หุบสนิท


“อืม...ก็ได้”พัดทำหน้าคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบคำตอบที่คิดเอาไว้แต่แรกแล้วออกไป


“ก็ไม่ได้เป็นคนเห็นแก่กินหรอกนะ แค่ไม่ชอบให้คนมาเอาเปรียบ...คิดซะว่าเป็นค่าจ้างขนของละกัน”แรงงานค่าตัวแพงเอ่ยอ้างอย่างถือตัว


สองร่างเดินมายังร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าราชเทวี   ในช่วงเวลา 11.20 น. ภายในร้านเริ่มมีลูกค้าแน่นร้าน มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายพาครอบครัวมากินอาหารสมกับเป็นวันอาทิตย์วันแห่งครอบครัว โชคยังดีที่ที่นั้งสำหรับสองคนยังเหลือว่างอยู่   บริกรในร้านวางแก้วน้ำสแตนเลสลงบนโต๊ะที่ปูด้วยผ้าใบสีชมพู   


     อินกำลังนั่งเท้าคางและมองแก้วน้ำของตัวเอง โยนหน้าที่สั่งอาหารไปให้ชายหนุ่มตรงหน้าด้วยคำว่า’อะไรก็ได้’ในตำนาน...ทั้งสองคนเพิ่งเจอกันไม่ถึงสามสิบชั่วโมง แต่กลับมานั่งกินอาหารญี่ปุ่นด้วยกันแบบนี้ต่อให้เป็นอับดุลก็เดาใจไม่ถูกหรอกว่านายอินชอบกินอะไร   


     “อิน  จะกินอะไร?” เสียงเรียกชื่อจากน้ำเสียงที่เริ่มคุ้นหู ขับให้เด็กหนุ่มทำตัวนิ่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้


นิ้วเรียวจิ้มส่งเดชไปยังใบเมนู...สิ่งที่ชี้ได้คือซูชิหน้าปลาโตโร่ราคาน่าสยอง ขนาดไม่ใช่คนจ่ายเงินยังหนาวสันหลัง...ซูชิสวรรค์วิมานอะไรห้าหกชิ้นเป็นพัน...พนักงานที่ยืนรออยู่นั้นทำท่าจะจดเมนูดังกล่าวลงไป...


“เห้ยย!! ชี้ผิดๆ เอาอันนี้ๆๆ”อินรีบเปลี่ยนพิกัด ขยับปลายนิ้วไปยังรูปข้างๆโดยไม่ดูตาม้าตาเรืออีกเช่นกัน...


คนเป็นเจ้ามือเห็นดังนั้นจึงหันไปสั่งข้าวปั้นหน้าปูฮอกไกโดก่อนจะบอกพนักงานว่าพอเท่านี้ก่อน การกระทำนั้นสร้างความสงสัยให้คนไม่เคยมากินอย่างอินเล็กน้อย


“กินแค่นั้นจะอิ่มอ่อ?”


“ที่อินสั่งมามันสำหรับกินสองคนนิ หรือจะกินคนเดียว?”พัดถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ แค่เห็นก็รู้ว่าจิ้มไปมั่วซั่ว...


เหล่าบริกรสาวและแม่ครัวพากันซุบซิบมาจากด้านในร้าน ภาพของเด็กหนุ่มหน้าตาดีแต่งตัวด้วยเสื้อลายสก๊อตสีแดงดำกับกางเกงยีนส์พอดีตัวสีเข้ม กับอีกคนที่ใส่เสื้อยืดสีขาดกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลลากแตะช้างดาวคงจะเป็นภาพที่ดูแปลกตาไปเสียหน่อย...คนหนึ่งจัดเต็มอีกคนเหมือนออกจากบ้านมาทั้งชุดนอน


“ปกติเด็กผมน้ำตาลคนนี้จะมากับเพื่อนอีกสองคนไม่ใช่เหรอ” พวกเธอเริ่มกระซิบกระซาบกันและเหลือบมองเป็นระยะๆ ทำให้ทราบว่าที่นี่เป็นร้านประจำของพัดและกลุ่มเพื่อน


“สงสัยเพื่อนใหม่ล่ะมั้ง แต่ดูท่ายังไม่สนิทกันเลยเนอะ” แม่ครัวคนหนึ่งถึงกับวางมีดแล้วเดินมาด้อมๆองๆพิจารณาเจ้าของเป้าสายตาสองคน


“ดูสิ นั่งมองพื้นมองเพดานทำท่าเก้ๆกังๆไม่รู้จะพูดอะไร” 


 “แหม...หัวหน้าเชฟบรรยายซะยังกับคู่รักเพิ่งคบกันเลยคะ อะโฮะๆๆ” แล้วก็เริ่มหัวเราะคิกคักกันเมื่อจินตนาการไปไกล  เพื่อนกันฉันรักนาย...หรืออะไรประมาณนั้น....


    หารู้ไม่ว่าทุกประโยคนั้นมีคนได้ยินทั้งหมด....พัดส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ ถ้าจะเมาท์มอยก็ช่วยไปไกลๆหน่อย อย่าให้คนฟังได้ยิน...เดี๋ยวก็รู้ตัวกันพอดี...


    ไม่นานนักบริกรก็เลิกจับกลุ่มหันมาปฏิบัติหน้าที่การงานต่อ จานบรรจุซูซิขนาดใหญ่หลายหน้าจำนวนสิบชิ้นถูกวางลงบนโต๊ะ พอมาเห็นของจริงอินถึงรู้ว่าขนาดมันใหญ่กว่าซูชิตลาดเกือบสี่เท่า...มองในเมนูไม่รู้ว่าจะขนาดนี้...


หน้ารวมมิตรที่ว่าประกอบไปด้วย เอ็นกาวะ ปลาไหล ไข่หอยแม่น ปลาอะจิ หอยปีกนก อย่างละสองชิ้นและ คินเมะได ไข่กุ้งอีกอย่างละชิ้น...ถามว่ารู้เหรอว่าอะไรเป็นอะไร เหอะ! รู้จักแค่ไข่กุ้งนอกนั้นอ่านเอาจากใบเมนู


ยังไม่ทันได้คว้าตะเกียบ พัดก็เอื้อมมือไปหยิบมือถือในกระเป๋าเกงเกงขึ้นมา เดือดร้อนคนไม่ชอบอะไรหยุมหยิ๋มอย่างอินต้องร้องเตือน “อย่าบอกนะว่าจะถ่ายรูปลงไอจี!?”


“ป่าว ไลน์เข้า”พัดตอบสั้นๆก่อนจะก้มหน้าก้มตากดมือถือ...


ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดนั่งกอดอกรอ มองดูดีดีจะเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่าย...หรือว่ากำลังคุยกับแฟน? ข้อสันนิษฐานนี้ทำให้อินฉุกคิดเรื่องสำคัญที่ลืมไปแล้วได้


ดีดีชอบพัด พัดชอบดีดี...


“เล่นมือถือตอนกินข้าว ไม่มีมารยาท”อินว่าพลางเตะเท้าไปที่ขาเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม


เท้าที่เตะมาที่ขาเก้าอี้ดึงรอยยิ้มบนใบหน้าของพัดนั้นฉีกกว้างขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาสีน้ำตาลเงยขึ้นสบคนตรงหน้า ก่อนมือถือเจ้าปัญหาจะถูกยื่นมากลางโต๊ะ”มีไลน์มั้ย?”


อินหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวของตัวเองส่งให้แทนที่จะเป็นโทรศัพท์ที่ถูกนำมาวาง กลายเป็นพัดที่เป็นฝ่ายงุนงงกับการกระทำเหนือความคาดหมายเสียแทน ก่อนรับมาถือเอาไว้พร้อมกับมองเจ้าของ  “แอดเอาเอง จะกิน” ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง...ไม่คิดว่าจะให้ง่ายขนาดนี้


     พัดรับมือถือมาจากมือของอินก่อนสแกน QR Code ของเครื่องเขา พร้อมกับส่งกลับให้กับเจ้าตัว


    “ เรียบร้อย” บนหน้าจอชื่อเพื่อนนั้น ปรากฏชื่อ ’พัด เจนเทิลแมน’ เป็นคนแรกเพราะเพิ่งแอดมาใหม่  อินมองชื่อนั้นอย่างหมั่นไส้ก่อนจะล็อคหน้าจอและหันมาจัดการกับอาหารตรงหน้า 


     “ทักไปแล้วจะตอบไหม?” คำถามนี้ถูกถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พัดคีบซูชิเข้าปากไปพลางมองคนอีกฝั่งไปพลาง


     “อ่าน...แต่ไม่ตอบ” อินกล่าว 
 
    เมื่อกลับมาถึงคอนโดชั้น 24 อินและพัดแยกย้ายกันกลับห้อง ร่างโปร่งเปิดประตูเข้าห้องอย่างเหนื่อยอ่อน  เนตรคมกวาดตามองหาเจ้าของห้องที่บอกว่าจะอยู่ดูการ์ตูนแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา


โดยไม่ได้เอะใจแม้แต่น้อย อินเดินไปเปิดพัดลมก่อนล้มตัวลงนอนกับโซฟาเจ้าเก่า


“โอ๊ยยยยยย!!”จอมขี้เกียจสะดุ้งโหยง แผ่นหลังของเขาทับเข้ากับวัตถุแข็งแถมยังแหลมอีกตะหาก


นัยน์ตาสีดำหันขวับมามองต้นเหตุก่อนจะพบว่ามันคือ ‘ฟิกเกอร์ของอาสึนะจัง นางเอกจืดจางจากอนิเมชั่นเกมส์ออนไลน์เรื่องหนึ่งที่นอนแผ่อยู่บนโซฟาก่อนเขา


ปอลิง.ฟิกเกอร์คือหุ่นจำลองตัวละครจากการ์ตูนเรื่องต่างๆ ส่วนใหญ่มีขนาด 20-30cm.


ไอ้ดีดีหายหัวไปไหนไม่บอก แล้วยังทิ้งขว้างของไปทั่วอีก นี่ไม่ใช่สมบัติแสนล้ำค่าของมันรึไง? อินคิดอย่างสงสัยก่อนจะหยิบฟิกเกอร์อาสึนะจังไปวางไว้บนโต๊ะกระจกเตี้ยๆหน้าโซฟา


.


.


แสงตะวันสีส้มอ่อนสาดส่องเข้ามาทางประตูใสทางระเบียงเรียกสติของคนที่ผล็อยหลับไปตั้งแต่บ่ายให้ฟื้นจากนิทรา นายอัครินทร์ขยี้ตาอย่างงัวเงีย ตาปรือมองไปรอบห้องก็ยังไม่พบกับร่างของคนที่เขารออยู่...ดีดีไปไหน?


รึว่า...!?


 มือไวเท่าความคิดผู้มาขออาศัยรีบคว้ามือถือเครื่องเดิมขึ้นมาเปิดแอพลิเคชั่นสนทนายอดนิยม...เปิดรายชื่อเพื่อนที่ไม่เคยไม่การพูดคุยใดใดขึ้นมาอย่างรีบร้อน...[พัด เจนเทิลแมน]


[อิน ออน อันเดอร์]


17.44 : ดีดีอยู่กับมึงรึป่าว


สิบนาทีผ่านไป...


17.54 : ไอ้เหี้ยพัดดดดดด เอาดีดีกูคืนมา


17.55 : สติกเกอร์หมีเตะกระต่าย


ไม่มีสัญญาณตอบรับจากไอดีที่ท่านเรียก ตื๊ดดดดด...นักศึกษาวิศวะเริ่มนั่งตูดไม่ติดเก้าอี้ สมองเจ้ากรรมฉายภาพฉากที่ออกสื่อไม่ได้ของห้องข้างๆเตลิดไปไกล


สุดท้ายอินจึงตัดสินใจกระโจนออกจากห้อง...เมื่อตระหนักได้ว่าเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงกันจะรอมันตอบแชททำหอยอะไร


ออดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!ๆๆๆๆๆ


โดยไม่กลัวออดเพื่อนบ้านจะพัง นายอินจิ้มนิ้วรัวๆเดือดร้อนถึงคนที่อยู่ข้างในต้องถลามาเปิดประตูอย่างรีบร้อน...


ใบหน้าหล่อๆของพัดปรากฏสู่สายตาของอิน นัยน์ตาสีน้ำตาลกระพริบปริบๆอย่างงุนงง ผู้มาเยือนไม่พูดพร่ำทำเพลงแทรกตัวเข้าไปในห้องชาวบ้านอย่างถือวิสาสะ...


“อยู่คนเดียว?”อินเอ่ยถามหลังเดินวนรอบๆห้องนั่งเล่นแล้วไปพบคนที่กำลังตามหา เขายังไม่ได้เข้าไปค้นในห้องนอน ห้องน้ำ ระเบียง ตู้ และใต้เตียง แต่ก็ยับยั้งชั่งใจไว้อย่างรักษามารยาท(มีด้วยเหรอ!?)


“อยู่คนเดียว...กับกระต่ายอีกตัวหนึ่ง”เจ้าของห้องปิดประตูก่อนเดดินตามอินเข้ามา


“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”พัดถามอย่างใจเย็น


“ดีดีหายไปไหนไม่รู้”อินตอบเสียงเรียบ สติที่กระเจิงไปในตอนแรกเริ่มกลับเข้าร่องเข้ารอย มือเรียวยกขึ้นขยี้หัว


ดีดีที่เขารู้จักรักและเทิดทูนการ์ตูนเหนือสิ่งอื่นใดหากเจ้าตัวบอกว่าจะอยู่ดูการ์ตูนก็อยู่ดูจริงๆไม่กระดิกไปไหนแน่...อีกทั้งของสะสมแสนสำคัญอย่างฟิกเกอร์อาสึนะจังที่ปกติจะเก็บไว้บนหิ้ง(?)กลับถูกโยนทิ้งไว้บนเก้าอี้...หรือว่ามีเรื่องด่วนอะไรเกิดขึ้น?


“โทรหาไม่ติดเหรอ มีข้อความบอกมั้ยว่าจะไปไหน?”คำแนะนำจากปากพัดนั่นดูง่ายดายแต่ก็ทำให้อินชะงักค้างเหมือนโดนแช่แข็ง...สิ่งแรกที่ควรทำหลังเพื่อนหายคือลองโทรหาดูว่ามันไปไหน...ไม่ใช่บุกห้องข้างๆ


ร่างโปร่งหันมายิ้มเจื่อน นายอัครินทร์ผู้ทำก่อนคิดหันมาหาเจ้าของห้องก่อนจะกล่าวออกมาเสียงแผ่วว่า”ยืมโทรศัพท์หน่อย ขี้เกียจกลับไปเอา”


อินรับเครื่องมือสื่อสารมาก่อนจะไล่หาเบอร์เพื่อนรักนามดีดี...แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่านั้น ข้อความจากแอพลิเคชั่นแชทชื่อดังก็เด้งขึ้นมาเสียก่อนอินเลยยื่นมันกลับคืนเจ้าของ


พัดหยิบขึ้นมาอ่านอยู่ชั่วอึดใจจากนั้นก็ยื่นมาตรงหน้าอินโดยไม่ได้ปิดหน้าแชทเป็นเชิงว่าอนุญาตให้เขาอ่านได้ อินจึงไม่เกรงใจ เนตรคมไล่อ่านแต่ละตัวอักษรอย่างตั้งใจเมื่อพบว่าผู้ที่ส่งข้อความมาคือดีดีนั่นเอง


‘คืนนี้เราไปค้างบ้านญาตินะ ฝากบอกอินด้วย’


หลังจากจบข้อความดังกล่าวความเงียบก็โรยตัวปกคลุมทั่วห้อง พัดวางมือถือไว้กับโต๊ะแล้วเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อทำอะไรสักอย่างที่อินมองไม่เห็นเนื่องจากมีม่านบังอยู่...เล่นกับกระต่ายแหง อินเดาเล่นในใจ


วันนี้ตัวเขาได้ใช้เวลาอยู่กับพัดเกือบค่อนวัน โดยไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าอินได้ลอบสังเกตพฤติกรรมของนายคนนี้อย่างละเอียดยิบ...เพื่อหาข้อพิสูจน์ว่าพัดนั้นชอบดีดีที่เป็นเพศชายเหมือนกันรึไม่


ประการแรก...ตอนเดินสวนกับสาวฝรั่งที่ไม่ใส่เสื้อใน ผลลัพธ์นายพัดมองตามจนคล้อยหลัง


ประการสอง...ตอนเดินสวยกับกลุ่มเกย์ใส่เสื้อแขนกุดโชว์กล้าม ผลลัพธ์นายพัดเบือนหน้าหนีนิดๆ


ประการสาม...ตอนดื่มน้ำนิ้วก้อยไม่กระดก


หลังทดลองซ้ำสามครั้ง บันทึกผลเรียบร้อยแล้วอินจึงสรุปผลการทดลอง(?)ครั้งนี้ว่าพัดแมนชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์และเบาใจลงไปมาก ยิ่งท่าทีเฉยเมยเมื่อรู้ว่าดีดีหายตัวไปนี้ยิ่งยืนยันได้เลยว่าพัดไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนเขาเลย...แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่อาจทำให้อินนิ่งนอนใจได้


พัดไม่ชอบดีดีไม่ได้แปลว่าดีดีจะไม่ชอบพัด...ข้อความที่ส่งมาให้พัดนั่นทำไมถึงไม่ส่งมาให้อินโดยตรง ทำไมต้องฝากไปบอก? ถ้าไม่ใช่เพราะหาเรื่องชวนคุยจะมีเหตุผลอะไรอื่นได้อีก...!?


ต้องทำลาย...ทางเดียวที่จะดึงดีดีกลับสู่โลกนอมอลได้คือทำลายภาพลักษณ์น่าเชื่อถือพัดให้สิ้นซาก!!!!!!!!!!!!


ปฏิบัติการทำลายเกียรติกำลังจะเริ่มขึ้น นายอินเหลือบมองประตูระเบียงที่ปิดสนิทด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย แผนการ(ที่คิดเอาเองว่า)สุดเพอร์เฟ็คผุดขึ้นในหัว...


“พัด!! คืนนี้มึงว่างปะ”อินตะโกนถาม ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนด้วยสายตาหมายมั่นราวกับหมาป่าที่จ้องจะงาบเหยื่อ หากมีคนมาเห็นเข้าคงผวาไม่กล้าเข้าใกล้


“ว่าง ทำไมเหรอ”ร่างสูงเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับก้อนขนฟูฟ่องสีขาวบริสุทธิ์ในอ้อมแขน ลูกกระต่ายน้อยนามเมลิคขดตัวน่ารักซุกอกเจ้าของอย่างออดอ้อน


อินมองเจ้าสิ่งมีชีวิตสุดน่ารักนั่นแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับมาเข้าเรื่อง “ดูหนังกัน!!”


เรื่องไม่เป็นเรื่องที่ถูกทำให้เป็นเรื่องขึ้นมาจากฝีมือของนายจอมแสบแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ยังไม่จบลงง่ายๆ คงอีกนานกว่าเจ้าตัวจะรู้ความจริงว่าทั้งหมดที่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างนั้นมีอยู่แค่ในจินตนาการของเจ้าตัวเท่านั้น...แผนการที่ถูกวางขึ้นจะใช้ได้ผลหรือจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง...ได้รู้แน่ในอีกไม่กี่นาทีจากนี้
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่4 แม่งเนียน [23/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 24-01-2015 23:34:09
รอตอนต่อไป อย่าบอกนะจะชวนพัดดูหนังผีอ่ะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่4 แม่งเนียน [23/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 25-01-2015 01:56:19
อิน ทำไปทำมา จะเป็นการชักเรือเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านนะหนู งานนี้ไม่แคล้วมีผัวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่4 แม่งเนียน [23/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 25-01-2015 14:04:40
โธ่.. อินเอ้ยยยย

 :laugh:

ระวังเถอะว่ามันจะกลับมาเข้าตัว
นี่เจ้นั่งหัวเราะขำรอซ้ำหนูอยู่นะจ้ะ ก๊ากกก

ว่าแต่พัดอ่ะ ทำไมการเลี้ยงกระต่ายคือความรับผิดชอบล่ะ?
ต้องมีปูมหลังกับน้องเมลิคแน่นแน่ นี่มันอะไรยังไง

ให้น้องอินช่วยเลี้ยงมั้ย? ถึงจะเถื่อน(?)และหยาบคายแต่ก็ฮานะ #เดี๋ยว

รอตอนหน้าค่ะ 55555
น้องอินจะชวนพัดไปดูหนังอะไรน้อ?
ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำลายภาพพจน์ของพัดยังไง กร้ากกกก
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่4 แม่งเนียน [23/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 26-01-2015 09:19:48
อยู่ไม่สุดจริงๆนังอิน 5555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่4 แม่งเนียน [23/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 28-01-2015 15:38:20
อินน้อยน่ารักจริงๆ รอตอนต่อไปจ้า ><
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....UP! บทที่4 แม่งเนียน [23/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 29-01-2015 08:45:09
ควรจะสมน้ำหน้าอินสินะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่5 เรื่องไม่เป็น [30/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 30-01-2015 17:59:20



บทที่5 เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ทำให้มันเป็นเรื่อง



ตากลมดำใสแจ๋วตัดกับขนสีขาวสวยของเจ้าเมลิคจ้องมองบุคคลแปลกหน้าที่หอบข้างหอบของพะรุงพะรังวิ่งเข้ามาในห้องของเจ้านายตน ด้วยสัญชาติญาณของสัตว์เล็กทำให้มันสัมผัสได้ถึงจิตสังหาร(?)ที่คุกรุ่นแผ่ขยายออกมาจากร่างผู้มาเยือนคนนี้


กระตายน้อยกระโดดผล็อยเข้าไปซุกกับตักอุ่นๆของพัด ด้วยสัญชาติญาณของสัตว์เล็กอีกเช่นกันที่ทำให้มันเชื่อว่าหากอยู่ที่ตรงนี้จะปลอดภัยไร้กังวล


พัดที่นั่งอยู่กับพื้นเอนหลังพิงโซฟาแก้เมื่อยก่อนเอื้อมมือมาลูบขนสีขาวๆนั่นอย่างเอ็นดูขณะที่สายตายังไม่ละไปจากร่างของอินที่ก้มๆเงยๆอยู่หน้าโต๊ะกระจกเตี้ยหน้าโซฟาสองมือต่อปลั๊กต่อสายลำโพงเข้ากับโน๊ตบุคของเจ้าตัว...เมื่อไม่ถึงนาทีที่แล้วอินโพล่งถามขึ้นมาว่าจะดูหนังด้วยกันมั้ย นั่นเป็นการกระทำที่ทำให้เขานึกประหลาดใจครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้นับจากวินาทีแรกที่ได้พบกัน


ตอนแรกเขานึกว่าอินจะชวนออกไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ข้างนอก เกือบบอกปฏิเสธไปแล้วด้วยซ้ำแต่เป็นเจ้าตัวนี้อีกนั่นแหละที่ผลุนผลันออกจากห้องไปไม่รอฟังคำตอบสักนิด...ก่อนจะกลับมาพร้อมอุปกรณ์ดูหนังในบ้านอย่างโน๊ตบุคและสั่งให้เขาเปิดไวไฟ
นอกจากจะดูหนังจากเว็บเถื่อนไม่อุดหนุนแผ่นแท้แล้วยังใช้คนอื่นเขาหน้าตาเฉยอีก...


ภาพหน้าจอปรากฏเว็บอากู๋ในตำนาน พัดจ้องจอตาไม่กระพริบความสงสัยอีกอย่างของเขาคือ...จะดูเรื่องอะไร แม้ว่าในใจจะมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอีกมากอย่างคิดยังไงถึงจะดู แล้วดูคนเดียวไม่ได้หรือไง


ช่องสำหรับพิมพ์ค้นหาถูกป้อนชื่อหนัง ตามด้วยคีย์เวิร์ดสำคัญอย่างคำว่า master DVD HD


...แอนนาเบลล่า...


รูปโปสเตอร์ภาพยนตร์แนวสยองขวัญชื่อดังโชว์หราบนหน้าจอ เรื่องราวตุ๊กตาที่เป็นที่โจษจันไปทั่วโลก เป็นหนังผีอย่างที่ผู้คลั่งไคล้สิ่งลี้ลับต้องชอบ “ก็น่าดูนะ” พัดเอ่ย...จะว่าไปตอนหนังนี่เข้าโรงก็ไม่ได้ไปดู ถือโอกาสนี้ดูไปเสียเลย


   “นั่นสิ น่าดูออกเนอะ เห็นในกระทู้เขาว่าแต่งมาจากเรื่องจริงด้วย” อินตอบ รีบพูดไซโคความอยากของเหยื่อ(?)ให้มากขึ้นอีก


เป่าหูเพื่อบิ้วท์บรรยากาศ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งซึ่งใช้ตัวบังจากสายตาของพัดเอาไว้กดเปิดโปรแกรมอัดเสียงจากมือถือก่อนกดล็อคหน้าจอแล้วนำมันมาวางไว้ที่โซฟาด้านหลังอย่างแนบเนียน


   เดิมพันของคนกลัวผีอย่างอินครั้งนี้แลกด้วยชีวิตเลยก็ว่าได้ รายละเอียดของแผนการคืออัดเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาของนายพัดฮีโร่ขวัญใจดีดีไปเปิดให้เจ้าตัวฟังทำลายศรัทธา...แน่นอนว่าคนอย่างอินต้องไม่ยอมให้มีเสียงของตัวเองเล็กลอดเข้าเครื่องไปเป็นแน่...


วิธีป้องกันคือ...พยายามกลั้นเสียงไว้...


แผนการฆ่าตัวตายเริ่มต้นเมื่อหน้าจอฉายหนังสยองขวัญเรื่องดังกล่าว...


 “อินชอบดูหนังเหรอ” พัดเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นว่าคนข้างตัวนั่งตัวเกร็งจ้องหน้าจอเขม็งประหนึ่งกำลังกลัวจะพลาดจังหวะสำคัญอะไรสักอย่าไป


“ห๊ะ! อะไรนะ!? หนังเหรอ อ๋อออ ก็ดูเฉพาะเรื่องที่อย่างจะดูเท่านั้นแหละ”คนฟังสะดุ้งน้อยๆหลุดออกจากภวังค์


“เออน่า อย่าพูดมาก ตั้งใจดู”พูดจบก็หันไปตั้งหน้าตั้งตาจ้องหน้าจอตาไม่กระพริบ ท่าทางแบบนั้นจะให้คนถามตีความเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร


ทั้งๆที่เพิ่งพบเหตุการณ์ฆ่าตัวตายมาเมื่อวาน วันนี้กลับมานั่งดูหนังผีที่ขึ้นชื่อว่าน่ากลัวติดอันดับ...พัดมองอินด้วยสายตา
ชื่นชม...ช่างกล้าหาญชาญชัยเหลือเกิน เมื่อเห็นดังนั้นความตั้งใจที่จะดูหนังไปพลางกลัวไปพลาง(?)ต้องนำกลับมาพิจารณาใหม่


ในเมื่อคนชวนดูแข็งแกร่งขนาดนี้ตนจะแสดงด้านอ่อนแอออกมาก็ใช่ที่...พัดตัดสินใจดูหนังผีอย่างอดทน(?)...


ตามตำนานว่ากันว่าตุ๊กตาผีตัวนี้ถูกซื้อโดยคุณแม่เพื่อเป็นของขวัญให้ลูกสาว เธอซื้อมันมาจากร้านขายของเก่า เด็กน้อยเจ้าของตุ๊กตาวางมันไว้ที่หัวเตียง ชีวิตของเธอดำเนินไปตามปกติแต่แล้ววันหนึ่งเจ้าตุ๊กตาที่เธอใช้กอดนอนบนเตียงกลับปรากฏอยู่บน
โซฟาที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่างของบ้าน


‘เปรี้ยง!!’เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง ท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างเต็มไปด้วยเมฆดำทมิฬ...อีกไม่นานฝนห่าใหญ่คงเทลงมา


เนตรสีดำขลับเหลือบมองปฏิกิริยาของเป้าหมาย ดูมาได้สิบกว่านาทีเหยื่อยังไม่มีทีท่าหวาดกลัว...


เรื่องราวดำเนินต่อไป เด็กน้อยเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้าตุ๊กตาดังกล่าว เมื่อเธอไม่อยู่มันสามารถย้ายตัวเองไปยังห้องต่างๆได้ บ้างครั้งท่านั่งของมันก็ผิดแผกไปจากเดิม บ้างก็นั่งกอดอกบ้างก็นั่งขัดสมาธิ หลายๆครั้งที่เธอวางมันไว้บนเตียงและล็อคประตูห้องเธอกลับพบว่ามันลงมานั่งในห้องอื่นอย่างห้องครัวหรือโซฟานั่งเล่น


ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำผู้ชม เด็กหนุ่มผู้มีพื้นเดิมกลัวผีนำเรื่องราวที่ดูตรงหน้าไปผสานกับประสบการณ์ตรงที่เจอมาเมื่อวานเช้า
นายอัครินทร์เม้มปากแน่น เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดผลายตามไรผม แม้อุณหภูมิในห้องจะเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศและสายฝนที่โปรยปรายอยู่ข้างนอกก็ไม่ช่วยให้จิตใจอันร้อนรุ่มสงบลงได้...


ไอ้ควายอินเอ๊ยยยย อยู่ดีไม่ว่าดี กระแดะดูแอนนาเบลล่า พ่อมึงเถอะ ตอนไอ้ม่อนชวนไปดูมึงด่ามันเปิดเปิงประกาศลั่นว่าให้ตายก็ไม่ไปดู แล้วนี่มึงกำลังทำเหี้ยอะไรอยู่ ทำเหี้ยอะไร ทำเหี้ยอะไร...ทำเหี้.... “เห้ยยยยย!!!!!”


ในนาทีที่ 18ของภาพยนต์ คนที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะอดทนไม่ร้องจ๊ากก็หลุดเสียงออกมาในที่สุด


“โอ๊ยยยย กระต่ายเวร ไอ้เมลิค!!!”ต้นเหตุของการเสียฟอร์มครั้งนี้คือเจ้ากระต่ายน้อยบ้องแบ๊วนั่นเอง...


   เมลิคกระโดดผลอยจากตักพัดข้ามมาเกาะขาของอินอย่างได้จังหวะ


เนื้อเรื่องดำเนินไปถึงจุดพีคแรกพอดี...เด็กน้อยนางเอกหนังพบข้อความเขียนในกระดาษว่าช่วยด้วยหรืออะไรทำนองนี้ ด้วยลายมือที่ไม่คุ้นเคยและกระดาษที่ไม่มีในบ้าน...


ฉากดังกล่าวไม่สร้างอิมแพคใดๆแก่อิน เพราะตอนนี้ร่างโปร่งเลิกให้ความสนใจกับหนังเป็นที่เรียบร้อย นักศึกษาสูงเกือบ180cm. ลุกขึ้นวิ่งไล่ตามลูกกระต่ายตัวจิ๋วที่กระโดดหนีเอาชีวิตรอดไปทั่วห้อง...


เหตุการณ์ชุลมุนขนาดย่อมกำเนิดขึ้นเมื่อเจ้าเมลิคกระโดดเข้าซอกเล็กซอกน้อย มุดเข้าใต้โต๊ะก่อนจะกระโดดขึ้นเก้าอี้ ตามมาติดๆด้วยร่างของคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แม้แต่สัตว์กินพืชตัวกระจ้อยก็ไม่ละเว้น


เด็กหนุ่มผมน้ำตาลเจ้าของห้องและเจ้าของกระต่ายถอนหายใจ   ผู้ชายคนนี้แลดูชอบใช้ความรุนแรงนั่นคือสิ่งที่ดีดีเตือนเขาให้ระวัง  “ซนจริงๆ คนอะไร”แต่ภาพที่เขาเห็นก็แค่เด็กดื้อคนหนึ่งที่ชอบเล่นอะไรแผลงๆ


ถ้าไม่จับมัดเอาไว้คงไม่มีทางอยู่เฉย...พัดคิดก่อนจะลุกขึ้นตามหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวไปอย่างใจเย็น


“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้หน้าขน มาให้จับซะดีๆ พ่อจะเอาแบตเตอเลี่ยนไถให้โกร๋นเลน” เสียงห้าวเอ่ยไล่หลัง แม้เมลิคจะฟังไม่ออกแต่สัญชาติญาณสัตว์เล็กของมันก็ร้องเตือนประหนึ่งไซเรนรถพยาบาล...ถ้าโดนจับได้ละก็ตายแน่ วี้หว่อหวี้ว่อๆ


ทันใดนั้นเจ้ากระต่ายตัวป่วนก็กระโดดตรงไปยังทิศที่เจ้านายของตนยืนอยู่


“ขี้โกงนี่หว่า หาพวกเหรอ แน่จริงตัวๆดิ!!”ถ้าคำนี้ใช้พูดกับคู่อริหรือพวกอันตพาลจะฟังดูหล่อมากแต่เมื่อมันถูกนำมาใช้กับสิ่งมีชีวิตที่ตัวเล็กกว่าสิบเท่าเลยให้ผลตรงกันข้าม...


ท่ามกลางห้องแคบๆคนที่ลืมตัวคิดว่าวิ่งเล่นกับกระต่ายอยู่บนทุ่งหญ้า มัวแต่แหกปากจึงสะดุดขาโต๊ะอย่างแรง ด้วยความเร็วที่วิ่งมาทำให้อินล้มลงทั้งตัว!!


   หากแต่พระเอก(?)ยกแขนขึ้นมากันให้เสียก่อน  “ระวัง!” ถึงแม้จะเป็นการโอบเพื่อป้องกันเฟอร์นิเจอพัง(?) แต่วงแขนที่พาดมาก็ทำให้ระยะห่างลดเหลือเหลือเพียง 0 เซนติเมตร 


...กลิ่น...ที่ไม่เหมือนกลิ่นสบู่ที่เคยใช้....


   กลิ่นน้ำหอม?  กลิ่นหมึก? กลิ่นกระดาษ?  กลิ่นแอร์ในที่ทำงาน?   กลิ่นที่ติดตัวมาให้อารมณ์แตกต่างจากพวกเพื่อนจิ๊กโก๋(?)ของเขา เดี๋ยวสิ ทำไมเขาถึงทำตัวเหมือนกับตัวเองกลายเป็นหมาตัวน้อยๆแบบนี้ล่ะ จะไปสนใจเรื่องนี้ทำไม ตอนมีเรื่องชกต่อย ตอนเล่นกีฬาหรือตอนเรียนรด.ก็แทบจะกอดกันกลมกับคนอื่นแบบนี้...อินแน่นิ่งอย่างตกตะลึง...


   ไอ้ฉากน้ำเน่าในละครรักนี่มันอะไรกัน!!!?


ดวงตาดำขลับจ้องมองไปตรงหน้า  ถึงแม้ผู้ชายคนนี้จะอายุเท่ากันกับตน แต่บรรยากาศรอบตัวกลับเป็นผู้ใหญ่เสียจนหดให้เขาเหลืออายุแค่ 10ขวบ...พึ่งพาได้อย่างที่ดีดีเคยบอกไว้


 “จะยืนค้างอีกนานมั้ย? ” น้ำเสียงทุ้มดึงอินให้สะดุ้ง เสียงที่ดังขึ้นใกล้หูกระซิบถาม เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็สบเข้ากับดวงตาอีกดวงที่มองมาที่ตนก่อนแล้ว ระยะห่างอันน้อยนิด...


...เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อบาทางามๆยันโคลมร่างของผู้มีพระคุณให้ถอย(กระเด็น)ห่างออกไปเกือบเมตร... 
คนถูกถีบมองตามอย่างขำๆ ยักไหล่อย่างไม่ถือสาก่อนถามขึ้นว่า”แล้วยังจะดูต่อมั้ย?”


   “ไม่ดูแล้ว!!”คำตอบที่ไม่ผิดคาดไปเท่าไหร่นักดังออกจากปากของคนที่เกลียดความพ่ายแพ้อย่างอินผู้พ่ายแพ้ให้กับสิ่งลี้ลับรอบที่ล้านแปด


   คิ้วเรียวขมวดผูกกันเป็นโบว์เนื่องจากแผนพังไม่เป็นท่า นักศึกษาวิศวะก้มเก็บอุปกรณ์ดูหนังและอุปกรณ์บันทึกเสียงอย่างหัวเสีย เขาตั้งใจว่าจะกลับไปตั้งหลักคิดแผนเด็ดๆสำรองไว้อีกสักแผนสองแผน...


“ไปละบาย”อินโบกมือลาหยอยๆตามแบบฉบับ ก่อนจะปิดประตูเดินจากไป ทิ้งให้กระต่างน้อยและเจ้าของมองตามอย่างเหนื่อยใจ...คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไป ทำตัวเหมือนพายุฝนไม่มีผิด...


เมื่อพูดถึงพายุฝนแล้วพัดก็เดินไปเลิกผ้าม่านออก นัยน์ตาสีน้ำตาลทอดมองหยดน้ำที่ร่วงกระหน่ำลงสู่พื้นดินเหมือนท้องฟ้ารั่ว...คงจะไม่หยุดตกง่ายๆแน่


.


.


.


อินวางของลงบนโต๊ะกินข้าวก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาเจ้าเก่าอย่างเหนื่อยอ่อน...ดูหนังผีไม่ถึงยี่สิบนาทีก็โทรมราวกับไปออกรบ มือเรียวยกขึ้นมากระพือคอเสื้อคลายร้อน...เมื่อเจ้าของห้องไม่อยู่แบบนี้ผู้อาศัยอย่างเขาเองก็ไม่กล้าเปิดแอร์สุ่มสี่สุ่มห้า


การใช้ไฟฟ้าอย่างสิ้นเปลืองเป็นสิ่งที่ห้ามทำเมื่อเรามาขอเขาอาศัย...คือคำสอนอันน้อยนิดของมารดาที่หลงเหลืออยู่ในหยักขี้เลื่อยใต้สมองอิน


ร่างโปร่งตัดสินใจลุกขึ้นไปเปิดทีวีดูแก้เหงา...แม้ว่ามารดาจะเคยกล่าวว่าห้ามดูโทรทัศน์ตอนฝนตกไม่งั้นฟ้าจะผ่าก็ตาม...ท่ามกลางบรรยาศเหมาะสม(กับการออกโรงของสิ่งลี้ลับ)เช่นนี้อินไม่ลืมที่จะเปิดละครดูเพื่อให้พระเอกนางเอกอยู่เป็นเพื่อน(?)


ภาพที่ปรากฏบนจอคือสารคดีสัตว์โลกเกี่ยวกับงูเหลือบเขมือบกระต่าย สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาสร้างความพึงพอใจแก่คนที่มีความแค้นส่วนตัวกับสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์นี้อย่างอิน แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ไม่ใช่คนรักธรรมชาติ...ทนดูงูได้ไม่นานอินก็มองหารีโมทเพื่อเลื่อนช่อง


เนตรคมกวาดมองไปตามเบาะก็ไม่พบสิ่งที่ตามหา ระดับสายตาจึงเลื่อนไปยังโต๊ะเตี้ยๆด้านหน้าแต่บนโต๊ะกับว่างเปล่าไม่พบอะไรเลย...หายไปไหนวะ? จำได้ว่าตอนมานอนเล่นเมื่อบ่ายเห็นวางไว้บนโต๊ะ


หรือว่าเราจะเผลอหยิบไปวางทิ้งไว้ไหน เด็กหนุ่มไล่ความทรงจำลำดับความคิดในสมอง...เมื่อบ่ายเขามานอนแผ่ตรงนี้แล้วก็โดนฟิกเกอร์อาสึนะจังทิ่มหลังจากนั้นก็เอาไปวางไว้บนโต๊ะ พอตื่นมาก็ออกไปหาพัดที่ห้อง ในความทรงจำไม่กล่าวถึงการมีตัวตน
ของเจ้ารีโมทแม้แต่น้อย


ฟิกเกอร์อาสึนะจัง...!?


ทันใดนั้นอินก็ตระหนักได้ถึงสิ่งที่สำคัญกว่ารีโมท สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดทั้งนั้น!! หุ่นจำลองตัวละครหญิงที่ควรจะตั้งอยู่บนโต๊ะอันตทานหายไป!!


หรือว่า...ฉากในหนังที่เพิ่งดูจบ เอิ่ม...ดูไม่จบไปเมื่อครู่แล่นย้อนเข้ามาเป็นช็อตๆราวกับมีคนมาฉายรีรันในสมอง...จุดเชื่อมโยงบางอย่างที่คล้ายคลึงกันเล่นเอาเด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่...


เป็นไปไม่ได้หรอกอิน มึงใจเย็นๆสิ ฟิกเกอร์ตัวนี้ผลิตเมื่อ2เดือนก่อนนี้เองของใหม่ขนาดนี้จะไปมีอะไรได้ยังไง


ครืดดดด ครืดดดด...


ยังไม่ทันจะปลอบใจตัวเองเสร็จมือถือในกระเป๋าก็สั่นขึ้นมาเสียก่อน ชื่อสายที่โทรเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหนดีดีนั่นเอง


“มึงอยู่ไหนเนี่ย!! กลับห้องด่วนเลย!!อินรีบกลอกคำใส่ทันทีที่กดรับสาย


“โทษทีนะอิน ฮึก...คืนนี้เราต้องค้างบ้านลุงที่นครปฐม ฮือออ...พรุ่งนี้อาจจะเข้าสายหน่อย อึก...ฝากมึงอัดเสียงอาจารย์มาให้ด้วย”พูดคำสะอื้นคำ น้ำเสียงสั่นเครือจากปลายสายทำให้อินอดเป็นห่วงไม่ได้


“เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรให้ช่วยรึป่าว”นายอัครินทร์เอ่ยถามเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง อีกฝ่ายเองก็จับกระแสอ่อนโยนในน้ำเสียงนั้นได้เลยรู้สึกใจชื้นขึ้นเล็กน้อย


“ลูกพี่ลูกน้องเราเสีย...เกิดอุบัติเหตุรถชนเมื่อเที่ยงนี่เอง เราเลยรีบออกมาโดยไม่ได้โทรบอกอินก่อน งานศพเพิ่งเลิกเลยได้โทรมาหาเนี่ย ฮืออออ พี่คนนี้เค้าใจดีมากๆเลยนะ ตัวเองไม่ชอบดูการ์ตูนแท้ๆแต่กลับหาซื้อฟิกเกอร์ให้เราตั้งหลายตัว...”ดีดีกล่าวแค่นั้นก็เงียบหายไป ดูเหมือนจะหันไปสั่งน้ำมูก


“เนี่ย...อาสึนะจังที่อยู่บนตู้หัวนอนของเราอะ พี่เค้าก็ซื้อให้ ฮึกๆ...เป็นตัวล่าสุดเลย...ฮือออออ แค่นี้ก่อนนะอินป้ามาตามให้ขึ้นรถแล้ว บาย”พูดจบก็วางสายไป...ทิ้งให้นายอินล่องลอยไปในความเวิ้งว้างอันใกล้โพ้น...


‘เปรี้ยง!!’ เอฟเฟ็คฟ้าฝ่าดังขึ้นประกอบฉากราวกับรู้งาน


พอได้ยินสิ่งที่ดีดีเล่าจบแม้แต่น้ำลายก็ระเหยออกทางหู...ร่างโปร่งค่อยๆลุกขึ้นยืนตัวแข็งทื่อ ออกแรงยกขาที่สั่นระริกพาตัวเองขยับไปข้างหน้าทีละน้อย...ที่ละน้อย...


หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว...ก้าวที่สี่ก็มาถึงข้างตู้บรรจุหุ่นจำลองหลายสิบตัว...ตอนเห็นครั้งแรกก็ว่ามันสวยดี เห็นครั้งที่สองก็ยังว่าสวยอยู่ แต่พอมาครั้งนี้อินไม่แม้แต่จะหันไปเห็น...


‘เปรี้ยง!!’ฟ้าฝ่าออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้ต่างออกไปจากครั้งที่แล้ว มันเป็นเหมือนเสียงปืนออกสตาร์ทวิ่ง...คำว่าเผ่นป่าราบเป็นอย่างไรอินได้ลองทำด้วยตัวเองก็วันนี้...


อดดดดดดดดดด!!!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ออดเคราะห์ร้ายถูกนักศึกษาวิศวะตัวแสบคนนี้กดครั้งที่เท่าไหร่ก็นับไม่ถ้วน...ประตูห้องของเพื่อนบ้านเปิดออกอีกครั้ง เจ้าของห้องนามพัดโผล่หัวที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามนับล้านตัวออกมา ก่อนที่ร่างสูงจะได้ถามอะไรแขกยามวิกาลก็ตะโกนออกมาเสียดังลั่นว่า...


“นอนด้วยได้ปะ!!!!?”












...................................................................................

อินเอ๋ยอิน ไม่ด่าว่าโง่นี่อยู่ไม่ได้จริงๆลูก

จับฉลากเข้ามหาลัยรึป่าวคะเนี่ย 555555

แต่งเองยังเหนื่อยใจแทนคนรอบข้างจริงๆ หาเรื่องตลอด จับมาจิ้ม เอ๊ย ตีตูดซะให้เข็ด 555  :z13: :z13:

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ >< :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่5 เรื่องไม่เป็น [30/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 30-01-2015 19:28:15
กร๊ากกกกก โถ้เห็นชื่อเรื่องตอนแรกนึกว่าจะใสๆ สายนายเอกแบ๊วๆลูกแป๊ะขายข้าวมันไก่  ที่ไหนได้เหนือความคาดหมายมาก  กลั้นหัวเราะจนปวดท้อง เดี๋ยวเค้าหาว่าไม่เต็ม  คราวน่าสงสัยต้องหาที่เงียบๆอ่านล่ะ  ไม่ไหวโคตรฮาาา
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่5 เรื่องไม่เป็น [30/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 31-01-2015 02:02:08
เข้าใจอารมณ์คนกลัวผีเลย พวกตุ๊กตา ฟิกเกอร์ถ้าตัวเดียวนี้ไม่เท่าไร แต่เวลามันตั้งโชว์เป็นแผง เดินไปมืดๆก็มีหลอนนะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่5 เรื่องไม่เป็น [30/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 31-01-2015 04:01:03
อินน เค้าหลงรักตัวอะ5555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่5 เรื่องไม่เป็น [30/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 31-01-2015 21:10:20
โอ้ยยยย!! นังอินนนน!!
ดินฉันขำจนไม่รู้จะขำยังไงแล้วค่ะ !!

55555555555555555555

 :laugh: :laugh: :laugh:

นี่อ่านจบแล้วเลื่อนมาเจอคอมเม้นท์จากรีบน
ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง โอ้ยย ถึงกับก๊ากออกมาอีกรอบ 5555
น้องอินนี่นอกจากจะเป็นคนหยาบคายแล้วยังเป็นคนตลกด้วยนะคะ 5555
รู้สึกเหนื่อยใจแทนพัดกับหนูเมลิคจังเลย คนอะไรกับกระต่ายตัวน้อยน่ารักบ๊องแบ๊วก็ยังไม่เว้น
นังอินนนนนนนนนน (เรียกด้วยความเอ็นดูล้วนๆ)

โถๆๆ คนกลัวผีมันก็คือคนกลัวผีอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ
นี่ถึงขนาดไปขอนอนกับศัตรูคู่แค้นเลยสินะ แหมๆ
มันน่าให้ผีผลักจริงๆ

อยากจะบอกว่าตอนน้องอินวิ่งไล่หนูเมลิคแล้วล้มเนี่ย เราแช่งให้ผีผลักจริงๆ นะคะ กร้ากกกก
เป็นฉากที่แบบ ตามปกติมันต้องหวานๆ มุ้งมิ้งๆ สีชมพูๆ นะ แต่ทำไมเราอ่านแล้วขำอ่ะ?
ตลกมาก นี่กำลังคิดอยู่ว่าตัวเองเส้นตื้นรึเปล่า 555

จะรอดูว่าตอนหน้าอินจะไปป่วนอะไรพัดอีก
คืนนี้จะมีผีมาหลอกทั้งคู่มั้ยน้าาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่5 เรื่องไม่เป็น [30/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 31-01-2015 22:20:48
อินเป็นบุคคลที่ฮาอย่างมากมาย ฮาได้ระเบิดระเบ้อ ฮาไม่สิ้นสุด!
ตอนเห็นชื่อเรื่องไม่ค่อยสนใจ พอเปิดเข้ามาอ่านเท่านั้นแหละ หยุดไม่อยู่เลยค่าาาา กระตุ้นต่อมอยากอ่านมากกกกกกก
อยากจะบอกอิน ว่าแท้จริงแล้วพัดน่ะคงไม่ได้ชอบดีดีหรอก ควรจะบอกตัวเองให้ระวังตัวจะดีกว่านา
ไม่แน่นะ อาจจะมีสามีโดยไม่รู้ตัวก็ได้นะอิน แล้วนี่เล่นส่งตัวเองไปเข้าปากเสือเอง ระวังจะไม่รอดนะตัวเธอออออออ
#จงบ้าอย่างมีสติ 5555555555555555


หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่5 เรื่องไม่เป็น [30/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 01-02-2015 09:30:25
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะคะ

ทั้งคุณ ailime13 ที่เข้ามาให้คอมเม้นต์ดีดีทุกตอนแถมยาวอีก ดีใจที่ชอบนะคะ

แล้วก็คุณ Crazykame ที่เข้ามาประจำและคนอื่นๆด้วยค่ะ เป็นกำลังใจได้มากเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ที่เข้ามาวันนี้เพราะมีเรื่องจะถามค่ะ

ทำไมตอนอัพนิยายตอนใหม่แล้วด้านหลังเรื่อง ไม่มีแถบสีส้มคำว่า new ขึ้นต่อท้ายอ่ะคะ

คือคนแต่งอัพผิดวิธีหรืออย่างไร รบกวนผู้รู้ชี้แนะด้วยค่ะ (เป็นประเด็นเล็กๆที่คาใจมานาน)

 :katai4: :katai4: :katai4:



(http://images.forstudent.com/0/m85.jpg)
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่5 เรื่องไม่เป็น [30/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 01-02-2015 16:20:34


ที่เข้ามาวันนี้เพราะมีเรื่องจะถามค่ะ

ทำไมตอนอัพนิยายตอนใหม่แล้วด้านหลังเรื่อง ไม่มีแถบสีส้มคำว่า new ขึ้นต่อท้ายอ่ะคะ

คือคนแต่งอัพผิดวิธีหรืออย่างไร รบกวนผู้รู้ชี้แนะด้วยค่ะ (เป็นประเด็นเล็กๆที่คาใจมานาน)

 :katai4: :katai4: :katai4:



(http://images.forstudent.com/0/m85.jpg)



เอ.. อันนี้เราก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ (ไม่ได้ช่วยอะไรเลย มาทำไมเนี่ย! 5555)
รอผู้รู้มาตอบดีกว่าเนอะ นี่นึกว่าอัพตอนใหม่แล้วเลยพุ่งเข้ามา ฮาา
สู้ๆ นะคะ รอติดตามอยู่ค่า ^^
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่5 เรื่องไม่เป็น [30/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 03-02-2015 03:41:47
 :hao6: :hao6: :hao6:  หวายๆๆๆๆ นอนด้วยกันแล้ว อะจึ๋ย  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่5 เรื่องไม่เป็น [30/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: theG ที่ 03-02-2015 14:27:38
เพิ่งได้มาอ่าน ตลกมากกกก นายอินคือบ้าบอคอแตกไร้สติที่สุด 5555555555555
สุดท้ายคงได้แพ้ภัยตัวเองแน่ๆ ถถถถถถถ เป็นผู้ชายอย่าขี้มโนนะ รู้ยัง  :hao7:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่5 เรื่องไม่เป็น [30/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 04-02-2015 16:28:32
โอ๊ยยย อิน ไอ้บ้า 5555555

หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่5 เรื่องไม่เป็น [30/01/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 04-02-2015 20:37:57
 :z3:  มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่6 อยู่กิน [06/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 06-02-2015 19:15:07



บทที่6 อยู่กิน

 


วันที่ 12 พฤศจิกายน 20XX  เวลา 20.40 น.  ณ คอนโดมิเนี่ยมใจกลางเมือง แหล่งกบดานของนักศึกษาปี 2ไม่ทราบคณะนามพัดและลูกกระต่ายน้อยนามเมลิค



ตามปกติเวลานี้เจ้ากระต่ายจะต้องกลับเข้ากรงของตัวเองเพื่อนอนหลับพักผ่อนส่วนเจ้าของก็จะนั่งเล่นเกมส์ออนไลน์อย่างมีความสุข หากแต่ตารางชีวิตประจำวันของทั้งคู่ก็ต้องรวนไปหมด...ด้วยน้ำมือของคนคนนึง...คนที่ย้ายมาอยู่กับเพื่อนที่ห้องข้างๆเมื่อวาน แต่มาวันนี้กลับมานั่งหน้าสลอนอยู่ในห้องของเขาเสียแล้ว


 ในเวลานี้นั้นอินและพัดที่ได้ทำการตกลงร่วมอาศัยกันแบบฉุกเฉินเรียบร้อยแล้วก็กำลังนั่งคนละมุม...


 ‘อึดอัดหวะ...’  ร่างโปร่งเรือนผมสีดำนั่งใบหน้าอึดอัดจ้องโทรทัศน์อยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ในขณะที่เจ้าของห้องอย่างพัดกำลังอุ้มกระต่ายเดินไปเดินมาอย่างไม่รู้จะเอาตัวเองไปไว้ส่วนไหนของห้องดี


ความจริงแล้วอินก็ไม่อยากจะมารบกวนชาวบ้านชาวช่องแบบนี้หรอก แต่เมื่อวานนี้ตอนที่ไปขนของย้ายออกจากหอ เจ้าดีดีมันคะยั้นคะยอให้เขาทำเรื่องออกจากหอซะให้เรียบร้อยไปเลย ตอนนี้ป้าหอเองก็คืนเงินค่าประกันห้องมาแล้วด้วย...


แม้จะยังไม่สิ้นเดือนแต่ก็ทำตัวเหมือนไม่อยู่แล้วขนาดนั้น กลับไปก็โดนลุงยามหัวเราะเยาะกันพอดี...   


 ‘ชวนคุยอะไรดีล่ะเนี่ย...’พัดผู้เข้ากับคนเกือบง่ายหมดเรื่องจะชวนคุย ประสบการณ์การเลี้ยงกระต่ายในห้องมานานนมไม่ได้ช่วยให้หาเรื่องคุยกับคนข้างห้องได้...   


“กินอะไรรึยัง?”อินงัดยอดคำถามเบสิตในตำนานออกมาถาม


“ยัง อินหละ?”พัดตอบพร้อมถามกลับ ขณะที่เจ้าตัวตัดสินใจพาเมลิคกลับกรงและมานั่งจับเข่าคุยกับผู้ขออาศัย


“ยังเหมือนกัน”


“อ่อ อืม”


“...”


“...”


จบ...บทสนทนาที่สั้นเสียยิ่งกว่าช้างน้อยของอาจารย์สอนพละผ่านไปอย่างรวดเร็ว...
แทนที่จะถามต่อว่าไปหาอะไรกินกันมั้ยทั้งคู่กลับนั่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ราวกับกำลังเกี่ยงให้อีกฝ่ายเอ่ยปากชวนก่อน...


“เออๆ ในตู้เย็นมีอะไรมั้ย? เดี๋ยวกูทำให้กินเอง ถือเป็นคำขอบคุณที่ให้ที่ซุกหัวนอนละกัน”นานๆครั้งอินจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ เด็กหนุ่มลุกเดินไปยังห้องครัวก่อนเปิดตู้เย็นสำรวจวัตถุดิบ...


...และเขาก็ค้นพบว่า ทั้งตู้ไม่มีอะไรเลย นอกจากเครื่องดื่มกับไข่ไก่...


“โล่งไปเว้ย!! ไม่คิดจะแช่ของสดไว้เลยรึไง!?”


“ก็ทำกับข้าวไม่เป็น จะซื้อมาแช่ให้เน่าทำไม”จะว่าไปก็ใช่


“งั้นกินมาม่าผัดไข่นะ”มันไม่ใช่ประโยคคำถามแต่เป็นประโยคคำสั่ง...ถ้าเมนูนี้ยังไม่กินอีกก็เดินลงไปหาอะไรกินข้างล่างเอาเอง เพราะแม้แต่ข้าวสารมันยังไม่มีเลย


ด้วยความขี้เกียจ ระยะทางยี่สิบสี่ชั้นกับอีกห้าสิบก้าวจากคอนโดไปถึงเซเว่นทำให้พัดรีบพยักหน้าตกลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะไม่ไว้ใจฝีมือเชฟคนนี้เท่าไหร่ก็ตาม


อินหยิบกระทะที่ไม่รู้ว่าจะมีไว้ทำไมในเมื่อไม่ได้ใช้แน่ๆ พลิกดูก้นยังไม่มีแม้แต่รอยไหม้...


“ปกติมึงทำกับข้าวกินเองเหรอ?”ผ่านไปสักพักเจ้าบ้านสูดดมกลิ่นหอมแล้วน้ำลายสอ... ไม่ทันไรมาม่าผัดง่ายๆจานแรกก็มาวางอยู่ตรงหน้า


       “เปล่า ปกติแม่ทำ แต่วันที่แม่ไม่อยู่ก็ต้องทำให้น้องกิน” เสียงห้าวเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตสั้นๆให้รูมเมท ณ ปัจจุบันได้ฟัง ใบหล่อเหลาพยักหน้าหงึกๆรับฟังไป


       พัดเร่งหยิบส้อมมาตักเส้นสีเหลืองส้มเข้าปาก


“อร่อย!!” 


 “อร่อยมากเลยอิน จากนี้ขอไปฝากท้องที่ห้องบ่อยๆนะนะ”เจ้าคนหิวโซจ้วงเอาจ้วงเอา คนกำลังถือกระทะเตรียมล้างเริ่มนึกอยาก
เอากระทะไปตบ... ตอนแรกนึกว่าชมจากใจที่แท้มีอะไรแอบแฝง


ได้คืบเอาศอกชิบหาย ที่ทำให้กินนี่คือตอบแทนพระคุณที่ให้ค้างคืนนึงแต่นี่มันกะเนียนไปกินฟรีเรื่อยๆเลยนี่หว่า


 “ไปหากินเอาเองเซ่!! ไม่ทำให้แล้วเว้ย!!”อินรีบหันมาสกัดดาวรุ่งมุ่งเนียน


“ก็กูทำอาหารไม่เป็นนี่ เดี๋ยวซื้อของสดมาแช่ไว้ให้เลย”พัดตอบขณะมือก็ตักมาม่าเข้าปากไม่หยุด จนอินอดมองอย่างตกใจไม่ได้...แค่มาม่าใส่ไข่จำเป็นต้องอร่อยขนาดนั้นเลยหรือไง?


อาหารหลักของนักศึกษาที่อยู่หอพักก็คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือไม่ก็หาซื้อเอาตามข้างทาง แน่นอนว่ารสชาติส่วนใหญ่สุนัขไม่รับประทาน การมีคนทำอาหารเป็นมาอยู่ห้องข้างๆจึงเป็นเหมือนบุคคลแห่งโชคชะตาที่ท้องฟ้าส่งมา(เว่อร์)...อินผู้มองโลกในแง่ร้ายตีความไปเช่นนั้น


“หวังเกาะกินหละสิมึง ไม่เอา ไม่เนียนๆ”อินว่าขำๆขณะลงนั่งจัดการมื้อเย็นของตนบ้าง


“เปล่าซะหน่อย  ก็มึงทำอาหารอร่อยจริงๆนี่ กูชอบ”   เสียงทุ้มเปล่งอย่างเริงร่า รอยยิ้มเล็กๆประดับที่มุมปากอีกครั้ง มันเป็นรอยยิ้มที่อินไม่เคยเข้าใจ...ว่าเจ้าของรอยยิ้มนั้นต้องการจะสื่ออะไร


 นายอัครินทร์เงียบไปชั่วขณะ หากไม่สังเกตคงไม่เห็นว่าใบหน้าคมนั้นพยายามหุบยิ้มอยู่ หากไม่ปั้นหน้าบูดคงได้เห็นรอยยิ้มแบบดีๆแล้วกระมัง  “ไม่ต้องมายอเลย กูไม่หลงกลมึงหรอก”


 “เปล่าซะหน่อย~”  ในช่วงเวลาที่หยอกล้อทั้งที่ไม่ได้มองหน้ากัน... ต่างฝ่ายต่างพยายามหุบรอยยิ้มของตัวเอง.. ใกล้กันอีกนิดแล้วรึเปล่านะ?


.


.


.


พออินอาบน้ำเสร็จก็เดินเข้ามาในห้องนอนและไล่พัดไปอาบน้ำบ้างจากนั้นก็หันมาหยิบเสื้อตัวที่เสี่ยงตาย(?)กลับไปหยิบมาจากห้องของดีดี คืนนี้พัดให้แขกผู้มาเยือนนอนร่วมเตียงเดียวกับตน สาเหตุมาจากห้องอีกห้องที่ควรใช้เป็นห้องนอนเล็กนั้นถูกเปลี่ยนเป็นอาณาจักรกระต่ายไปเรียบร้อย


ตอนที่เห็นพัดอุ้มเมลิคเข้าไปเก็บในห้องที่ว่าอินนี่ถึงกับยืนขึ้นเลย วัยรุ่นสมัยนี้เป็นอะไรกันไปหมดก็ไม่รู้ คนนึงก็เนรมิตคอนโดสวยๆให้กลายเป็นอาณาจักรการ์ตูน อีกคนนี่ก็คลั่งกระต่ายเสียจนสละห้องให้ห้องนึง


กระต่ายมันบอบบาง โดนแดดโดนฝนนิดเดียวก็ป่วยตายได้ง่ายๆ จะปล่อยให้เมลิคนอนตากฝนที่ระเบียงได้ยังไง...คำกล่าวอ้างที่พัดบอกเมื่อครู่ทำเอาอินจนปัญญา


เสียงเปิดประตูเรียกให้ร่างโปร่งที่นอนคิดอะไรเพลินๆเหลือบตาไปมอง ไอ้พัดในเสื้อยืดกับกางเกงบอลเดินเข้ามาในห้อง


“เช็ดผมให้แห้งดิมึง พื้นห้องมึงเปียกหมด” หาเรื่องเหน็บไปเล่นๆงั้นแหละ พื้นจะเปียกก็เปียกไปไม่ได้สนอะไรในเมื่อไม่ใช่เจ้าของ


พัดยิ้มน้อยๆพลางเอาผ้าขนหนูเช็ดผมก่อนมันจะเดินมานั่งที่ขอบเตียง “ทำตัวเป็นเจ้าที่เลยนะ”...ดูมันเหน็บ


“มึงจะตั้งศาลเจ้าแล้วเอาน้ำแดงมาไหว้กูด้วยเลยมั้ยหละ!?”อินกวนกลับ


“มึงนอนเร็วงี้ทุกวันเลยหรอ” เจ้าที่ตัวจริง(?)เอ่ยถามอินด้วยความใคร่รู้เมื่อเห็นว่าคนข้างทำท่าจะนอนหลับจริงจังทั้งที่เวลาตอนนี้ยังไม่สี่ทุ่มดี หัวโจกวิศวะไม่แปลกใจกับคำถามนี้เท่าไหร่นัก ตอนปีหนึ่งที่นอนหอในกับพวกไอ้ม่อนก็โดยพวกมัยถามแบบนี้มาก่อน


“ที่บ้านมีเด็กเล็กกูเลยพลอยซวยโดนแม่ไล่ไปนอนตั้งแต่สามทุ่มทุกวัน นี่สี่ทุ่มแล้วยังไม่หลับถือว่าเป็นพัฒนาการของกูเลยนะ” พัดพยักหน้ารับรู้ก่อนจะปิดไฟแล้วเดินมานอนอย่างว่าง่าย


“มึงไม่ต้องนอนตามกูก็ได้นะ จะทำอะไรก็ทำไปกูนอนได้”


“เห็นบอกว่ามีน้อง เด็กเล็กที่พูดถึงใช่น้องรึป่าว? อายุเท่าไหร่เหรอ”โดยไม่สนใจคำทักท้วง เสียงทุ้มก็เอ่ยถามชวนคุยเรื่องอื่นเสียอย่างงั้น


“อืมน้อง คนนึ่งอยู่ป.5 อีกคนอยู่ป.2”อินกล่าว


“อายุต่างกันจัง ลูกหลงเหรอ?”


“คงงั้นแหละ แต่กูว่าลูกหลงคือกูนี่แหละ เสือกเกิดเร็วเอง”


บทสนทนาแสนธรรมดาเกิดขึ้นระหว่างคนแปลกหน้าสองคน เรื่องราวที่ถามไถ่คือความเป็นมาของอีกฝ่าย พื้นที่ขนาด 6ตารางฟุตถูกใช้เพื่อทำความรู้จักกันและกัน...โดยไม่รู้ตัวต่างคนต่างเผลอหลับไปพร้อมกับเสียงสายฝนที่ยังโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย
ค่ำคืนแรกที่ได้อยู่ใต้ชายคาเดียวกันก่อเกิดความสัมพันธ์ที่เรียกว่ามิตรภาพขึ้น...





...........................................................................


สั้น(มาก) 555555   :katai5: :katai5:


ส่วนเรื่องขึ้น new ไม่ขึ้น new ก็ช่างมันเถอะค่ะ (ขอบคุณ คุณaiLime13 ที่เข้ามาช่วยตอบด้วยนะคะ)

หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่6 อยู่กิน [06/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 06-02-2015 20:19:12
หลับฝันดีนะทั้งสองคน


เริ่มสนิทกันขึ้นมา(?)นิดนึงแล้วเนาะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่6 อยู่กิน [06/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 06-02-2015 22:10:40
Sweet dream
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่6 อยู่กิน [06/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 06-02-2015 23:49:46
อยากกินมาม่าผัด ฝีมือนังอินขี้อ่อย  :hao6:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่6 อยู่กิน [06/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 07-02-2015 00:29:47
 :pig4:  :pig4: สั้นจริงอะไรจริง สั้นใจอกได้ใจไปเลย เอิ๊คๆๆ  แซวแกมจริง  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่6 อยู่กิน [06/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 07-02-2015 03:34:05
ทำไมไม่มีอะไรแต่เราเขิน แอร๊ยเค้าชอบผู้ชายทำกับข้าวเป็นน


ปล.เรื่องไอคอน  newหลังชื่อเรื่องไม่ขึ้น

ปกติเวลาเรารีพลายกระทู้ไหนแล้วออกมามองหน้ารวมกระทู้ ถ้าไม่มีใครรีพลายต่อจากเราซะก่อน คำว่าnewก็จะไม่ขึ้นนะคะ คิดว่าน่าจะเพราะแบบนี้หรือเปล่าเอ่ย?


คือเวลาคนเขียนอัพเรื่องแล้วมองจากไอดีคนเขียนเองจะไม่เห็นคำว่านิวเพราะเป็นไอดีรีพลายล่าสุด แต่มองจากไอดีอื่นเช่นไอดีเราจะเห็นค่ะว่ามีรีพลายใหม่(ที่ไม่ใช่ของตัวเอง)แล้ว เราคิดว่าแบบนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่6 อยู่กิน [06/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 08-02-2015 13:56:41
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่6 อยู่กิน [06/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 09-02-2015 15:21:17
เอามาอี๊กกกกกกกกก
ืทำไมสั้นนนนนนนนนนน กรี๊ดดดดดดดด 5555


อ่านตอนนี้แล้วนั่งอมยิ้ม
เวลาอินไม่เสียสติแล้วเรารู้สึกว่ามันน่ารักมุ้งมิ้งขึ้นยังไงไม่รู้
(แต่ก็ชอบอินทั้งเวอร์ชั่นสติดีและไม่ดีค่ะ ก๊ากกกกกกก)

บรรยากาศนอนคุยกันห้อง ทำกับข้าวกินกันนี่มันน่าร๊ากกน่ารัก
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่น ความรู้สึกมันมิ้งๆ อยู่ในหัว 5555

ใกล้เข้าไปอีกนิดแล้วเนอะ
ถ้าจะให้ดีอินย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ห้องพัดเลยดีกว่า
ไหนๆ ฝ่ายนั้นก็เสนอไปฝากท้องทุกวันอยู่แล้วนี่ 55555
ปล่อยให้ดีดีอยู่ในอนาจักรโอตาคุของน้องไปเถ๊อะ ก๊ากกก
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่6 อยู่กิน [06/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 09-02-2015 21:23:18
เอาอีกๆ เอาอินเวอร์ชั่นปกติอีกเยอะๆนะ

นายเอกของเรารั่วรุ่งริ่งหมดแล้ว 5555555555555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่6 อยู่กิน [06/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 13-02-2015 15:59:08
มาอัพได้แล้ว โฮรววววๆๆ   :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่ึ7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 15-02-2015 16:59:25



บทที่7



แสงแดดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างกระจกใสปิดด้วยผ่าม่านสีเขียวอ่อน  สาดเข้ามาแยงเข้าที่เปลือกตาบางของร่างโปร่งบนเตียง


เตียงออกจะกว้างขวางเขากลับนอนกลิ้งอยู่ตรงกลางเตียงไม่หวังแบ่งพื้นที่ให้ใครมานอนด้วยกัน  ผ้าห่มกระเด็นออกไปอยู่ที่ปลายเท้า  หมอนข้างถูกรัดแน่นปานกลัวว่ามันจะโดนแย่งออกไป ปอยผมสีดำขลับอ่อนนุ่มระเรี่ยหมอนดูเหมือนจะน่ารัก ถ้าไม่มีใบหน้าบูดบึ้งกระทั่งตอนหลับและน้ำลายยืดๆนั่นน่ะ...


  “โอย แสบตาจัง”ผู้มายึดครอง(ขอพักอาศัย)ชั่วคราวพลิกตัวหลบแสงสว่างอันแสนน่ารังเกียจสำหรับคนเพิ่งตื่นนอนไปอีกทางหนึ่งอย่างเกียจคร้าน


เสียงขลุกขลักในห้องบ่งบอกว่าอีกคนตื่นแล้ว


“ตอนนี้กี่โมง?”ด้วยหน้าที่ของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ต้องไปเรียนและต้องอัดเสียงมาให้เพื่อนรักที่ไปร่วมงานศพ อินจึงต่อสู้กับความขี้เกียจและชันตัวขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย


“7โมงครึ่ง”เสียงทุ้มดังขึ้นมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของห้อง เนื่องจากเปลือกตายังไม่เปิดเต็มที่อินจึงไม่สามารถระบุพิกัดที่มาของเจ้าเสียงนั่นได้


แต่เมื่อเขาได้ยินคำบอกเวลาที่เช้าเกินความจำเป็น ร่างโปร่งก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้งอย่างไม่ลังเล...ลงเรียนไว้เก้าโมง จะรีบตื่นทำไม


“ถ้าจะออกจากห้องก็อย่าลืมล็อคประตูนะ”พัดพูดด้วยเสียงเรื่อยๆขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำ


“มึงเรียนกี่โมงวะ” แต่กลับถูกเรียดขัดไว้ก่อน


“ 9โมง”อ่าว ก็เวลาเดียวกันนิ


“มึงโง่หรือโง่วะ คอนโดมึงอยู่ใกล้มหาลัยแค่นี้ รถไฟฟ้าแทบจะเกยขึ้นมาบนหัวเมลิคของมึงอยู่แล้วจะกระแดะตื่นทำไมแต่เช้า”อินที่ห่มผ้าตั้งท่าเตรียมนอนต่อแล้วถามกลับอย่างหวังดี(?)


...หลังพูดจบถึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่คณะเดียวกันและไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเรียนที่ไหน...


“เสียใจด้วย มหาลัยกูรถไฟฟ้าไม่ผ่านหวะ”ตอบเท่านั้นก็หายลับออกจากห้องไปทิ้งให้คนปล่อยไก่แต่ไก่โห่แอ๊บเนียนทำเป็นนอนกันโดนล้อไว้คนเดียว


.


.


เวลาแห่งการนอนมักผ่านไปเร็วเสมอ นายอัครินทร์เดินหน้าเมื่อยเข้ามายังใต้ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์พลางใช้สายตาสอดส่องเหล่าสหายที่หายหัวไปจากโต๊ะประจำที่นั่งกัน


ไปไหนกันหมดวะ?


อินลองเดินวนดูแถวๆนั้นแล้วก็ไม่พบจึงตัดสินใจนั่งรอที่โต๊ะดังกล่าว ขณะนั้นเองเขาก็เริ่มจับความผิดปกติบางอย่างได้...


อาณาบริเวณตึกคณะอินไม่พบร่างของเพื่อนร่วมคลาสสักคน สมองน้อยๆเริ่มออกโรงทำงานอีกครั้ง ตามตารางสอนวิชาที่ลงเรียนเอาไว้คือฟิเคม วิชานรกแตกที่รวมเอาฟิสิกส์กับเคมีมายำรวมกับแคลคูลัสระเบิดตูมกลายเป็นหายนะ


เรื่องความเหี้ย,ของรายวิชาขอพับเก็บไว้ก่อนเวลานี้อินกำลังนึกย้อนไปว่าอาจารย์ประจำวิชาเคยสั่งงดคลาสหรืออะไรเทือกๆนั้นเอาไว้รึไม่ เขาลองกระตุ้นสมองส่วนหน้า กลาง หลัง ซีรีบัม และไฮโปทาลามันหมดทุกซอกทุกมุมดูแล้วก็พบเข้ากับความจริงที่ว่า...



มันมีแต่ขี้เลื่อย



ถุ้ย!ใช่เวลาเล่นมุกมั๊ยกู สมองไม่มีก็มีมือถือไว้โทรถามเพื่อนไม่ใช่รึไง ไม่รอช้าอินรีบยกเครื่องมือสื่อสารแสนสะดวกขึ้นมาจิ้มเบอร์โทรหาเพื่อนเวรทันที


“โหล ม่อนหรอ มึงอยู่ไหน”สหายม่อนที่ลงเรียนวิชาเดียวกันไว้รับอย่างเชื่องช้า โทรอยู่ประมาณสามรอบกว่าจะรับสาย


‘อยู่บนเตียง’


“มึงไม่มาเรียนไง๊”


‘ห๊ะ!? โอ๊ยย อย่าบอกนะว่ามึงโง่นั่งหน้าสลอนอยู่ในห้องเล็คเชอร์อะ’


“อ่าว...”


‘มึงว่าแต่กูเล่นแต่ทวิตเตอร์ปล่อยให้เฟสร้าง มึงนั่นแหละตัวดีเลยอ.เค้ามาโพสต์เมื่อคืนว่าวันนี้งดคลาสเว้ยยยยยยย พอใจแล้วใช่มั้ย วันนี้มึงลงไว้ตัวเดียวก็แสดงว่ามึงว่างทั้งวัน แต่ถ้ากลัวไม่มีอะไรทำก็ไปนั่งเรียนปรัชญาเป็นเพื่อนไอ้คิมก็ได้นะ ฮ่าๆๆๆๆ กูนอนต่อหละ บาย ฮ่าๆๆๆ แม่งโง่หวะ’


“ไอ้เลว มึงบอกกูดีดีก็ได้ไม่ต้องเยาะเย้ย”อินกล่าวอย่างเจ็บช้ำ


‘พูดถึงดีดี มันไม่เตือนมึงรึไงว่าไม่มีเรียน อยู่ด้วยกันแล้วนิ’


“มันไปงานศพญาติมันตั้งแต่เมื่อวานตอนนี้ยังไม่กลับเลย”


“สมน้ำหน้า”ม่อนกล่าว


“เวร”บอกลาก่อนวางสายด้วยคำว่าเชี่ยก่อนจะนั่งว่างอยู่ที่เดิม


“...”


“...”


ว่างครับ ว่างโคตรเลย นั่งจ๋องอยู่ที่เดิมมองซ้ายมองขวาทำหน้าโง่ๆ จะกลับห้องก่อนก็ต้องอยู่คนเดียว จะไปหาเพื่อนรึเท่าที่จำได้เวลานี้พวกเพื่อนสนิทมันลงฟิเคมตัวเดียวกับเขาไม่ก็ลงเรียนปรัชญา วิชาห่ารากสาปคนเรียนเป็นเจ้าชายนิทราให้ตายก็ไม่ขอ
เข้าไป sit in


“...”


“เห้ย!! อิน มึงว่างป่าววะกูเห็นมึงนั่งบื้ออยู่นานละ” ผ่านไปสักพักก็มีเสียงเรียกจากด้านหลัง แม้จะไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาว่าบื้อแต่ก็ยอมหันไปเพราะว่างจริงๆ


“ไอ้จ๊อบ”ไอ้หน้าปลากะโห้นี่เป็นเพื่อนร่วมคณะแต่อยู่คนละภาค ผมอยู่เคมีมันอยู่โยธา ร้อยวันพันปีจะเจอกันตีแต่ทักกันทีคนนึกว่าสนิทกันมาแต่ชาติปางก่อน ตบหัวลูบหลังกอดคอกันยิ่งกว่าผัวเมีย”จะแห่ไปไหนกันวะ”


ด้านหลังมันมีกลุ่มเพื่อนชายสองหญิงสองเดินตามาเป็นพรวน แม้จะอยู่ในชุดนักศึกษาแต่ก็แต่งหน้าเซ็ตผมกันซะเต็มยศ


“นัดบอร์ด ไปด้วยกันมะ เพื่อนอีกคนมันมาไม่ได้”จ๊อบกล่าวขณะเอามือตบหลังผมป้าบๆ คือบางทีมึงก็ดูจะสนิทกับกูมากไปนะสัด เพื่อนมึงส่งสายตามาประมาณว่าไอ้นี่ใครวะกันใหญ่แล้วมึงหันไปแนะนำเพื่อนมึงด่วน


“นัดบอด อย่างงี้ก็มองอะไรไม่เห็นเลยสิ”กำกู เล่นมุกควายเครียดให้เพื่อนไอ้จ๊อบขำกันกลิ้ง


“โอ๊ยยย กล้าเล่นนะมึง ฮ่าๆๆ ตกลงไปป่าววะ”


“เออ ไปก็ไป บอกไว้ก่อนเลยนะว่าที่กูไปก็เพราะเมตตามึง ชีวิตกูไม่ได้ขาดแคลนผู้หญิงขนาดนั้น”เชี่ยจ๊อบเบิ๊ดกะโหลกคนพูดอีกรอบอยากหมั่นไส้ก่อนจะพากันเดินออกไป


พวกเพื่อนของมันเข้ามาแนะนำตัวทีละคน แนะนำไปเถอะชื่ออะกูจำไม่ได้หรอกแค่แยกหน้าได้ก็แทบแย่แล้ว อินคิดในใจหลังฟังรายละเอียดนัดบอร์ดของพวกมันจบ ดูเหมือนคนที่พวกมันนัดไว้จะเรียนอยู่มหาลัยเดียวกันนี่แหละคณะวิทยาศาสตร์ มีมาทั้งหญิงชายเหมือนกันแต่มาแบบหญิงสี่ชายสอง


เท่าที่ได้ยินคำล่ำลือมาคณะวิทยาศาสตร์นั้นขาดแคลนทรัพยากรณ์เพศชายยิ่งกว่าไร่นาขาดแคลนน้ำฝนในฤดูแล้งเสียอีก...ถึงกับต้องมานัดบอร์ดแสดงว่าต้องสิ้นไร้หนทางแล้วจริงๆ...


“อินว่าผู้ชายสองคนที่มาจะเป็นชายแท้ชายเทียมหรือชายเหนือชายวะ”ผู้หญิงคนหนึ่งถามผมอย่างคิดหนัก เธอท่าทางทอมๆแต่หน้าตาน่ารักถ้าไว้ผมยาวนี่คงได้คัดหลีดคณะเลยผมว่า


“คณะนู้นเขาขาดผู้ชายๆพอๆกับที่คณะเราขาดผู้หญิงนั่นแหละ ดูสาวๆฝั่งเราสิว่าแมนขนาดนี้หนุ่มๆฝั่งนู้นจะแมนขนาดไหน ฮ่าๆๆๆ แอ่ก...”ปากพาซวยพูดไม่คิดโดนสาวเจ้าศอกเข้าเต็มท้อง


“ดับฝันคนอื่นดีนักสมน้ำหน้า ฮ่าๆๆๆๆ”เชี่ยจ๊อบหันมาเยาะเย้ย


ไม่นานนักพวกเราก็เดินทางมาถึงสถานที่นัดหมายซึ่งเป็นห้องคาราโอเกะของโรงหนังแห่งหนึ่งบนห้าง พวกมันหาที่นัดได้โอเคเลย ห้องมืดๆเก็บเสียงได้เหยื่อมาเมื่อไหร่ก็ลุยได้เลย...


“อยู่ห้องในสุดฝั่งซ้าย อืมๆ ครับๆ รอไม่นานครับ คนสวยจ๊อบรอได้ทั้งชีวิตหละครับ”อยากถุยแต่กลัวโดนรุมตีน นายอินนั่งหน้าเซ็งอยู่ในมุมห้อง ชีวิตประจำวันกินๆนอนๆเล่มเกมส์อ่านการ์ตูนอยู่กับเพื่อนไม่ค่อยพบปะผู้หญิงสักเท่าไหร่ทำให้เจ้าตัวไม่ถูกกับสถานการณ์แบบนี้เท่าไหร่


“มาแล้วอ่อ”เพื่อนมันถามขึ้นอย่างตื่นเต้น


“เออใกล้ละอยู่ชั้นสาม”จ๊อบตอบขณะสีหน้าลุ้นตัวโก่งตัวงอมาก พวกผู้ชายจะมีสีหน้าคึกคักผิดกับผู้หญิงอีกสองคนที่เบะปากอย่างหมั่นไส้


สงสัยสาวคณะวิทย์ที่จ๊อบนัดมาวันนี้จะสวยไม่เบา


.


.


“สวัสดีค่ะ ขอโทษที่ให้รอนานนะ”ร่างบายสวยขาวอึ๋มแต่งหน้าพอให้ดูดีไม่ถึงกับหน้ามากเดินน้ำเพื่อนเข้ามาในห้อง
เธอสวยมาก สวยสุดๆเลยถ้าจำไม่ผิดเธอคือดาวคณะ!!


“โหยยย มึงไปเก็บได้แถวไหนวะ”อินถามอย่างไม่อยากเชื่อสายตา คนอย่างเชี่ยจ๊อบเนี่ยนะมีปัญญานัดผู้หญิงระดับนี้มา พวกผู้ชายที่เหลือแย่งกันขยับที่ให้เธอนั่งกันใหญ่ เพื่อนของเธอที่มาด้วยกันก็สวยไม่หยอกแต่ละคนคุ้นหน้าคุ้นตาทั้งนั้นไม่เป็นหลีดก็เป็นดาวภาค


ผมนี่กราบเชี่ยจ๊อบเลยครับ มึงเมพมาก คราวหลังผมจะไม่พูดคำว่าพระเจ้าจอร์ชมันยอดมากละเปลี่ยนเป็นพระเจ้าจ๊อบมึงทำได้ไงวะแทน


“เก็บเชี่ยไร ระดับนี้จะตกอยู่บนพื้นได้ไงกูไปสอยมาเว้ยยย”จ๊อบหันมากระซิบแก้ต่าง


“คนรึชุดชั้นใน ไปสอยมาเนี่ย ฮ่าๆๆ”


“เชี่ยอินกวนตีนนะมึง กูหมายถึงดาวถึงเดือนเว่ย”ปลากะโห้ได้น้ำยืดอกอย่างภาคภูมิใจ เออมึงเก่งกูยอม


มันสอยมาทั้งดาวทั้งเดือนอย่างที่มันว่าจริงๆครับ ผู้หญิงสองคนเพื่อนไอ้จ๊อบที่ตอนแรกนั่งเงียบพอเห็นผู้ชายหล่อเดินเข้ามาเท่านั้นแหละรีบลุกขึ้นไปต้อนรับเลย เก็บอาการหน่อยเจ๊ เข้าใจว่าผู้ชายนั้นหายากต้องลำบากออกเรือไปแต่ก็ขอเถอะความเป็นกุลสตรีหนะ


ดูผู้ชายเข้าทำหน้าสิโดนชะนีเกาะเป็นต้นไม้ขนาดนั้น


“จะเกาะเขาอีกนานมั้ย พาเค้ามานั่งนี่สิ มาๆ”อินทนเห็นเพื่อนเพศเดียวกันยิ้มแหยยืนทำหน้าเลิกลั่กต่อไปไม่ไหวเลยตบเบาะแล้วเรียกให้มานั่งด้วย


มันทิ้งเพื่อนมันที่หน้าตาจืดชืด(คนรึน้ำซุบข้าวมันไก่)ไม่เป็นที่สนใจคนเดียวในกลุ่มเดินมานั่งข้างผมก่อนจะเอ่ยอย่างเป็นมิตร


“ขอบใจนะ”


“ไม่เป็นไร”อินตอบกลับก่อนจะเอนตัวพิงเบาะมองไอ้จ๊อบที่ทำตัวเป็นเดอะสตาร์ค้นฟ้าคว้าดาวพยามเปิดเพลงชวนคุยเทคแคร์หญิงเต็มที่


“ชื่ออะไร เราชื่อ นันนะ”พ่อเดือนคณะวิทย์กล่าว


“ห๊ะ นันนะ ชื่อแปลกๆเป็นคนญี่ปุ่นเหรอ ส่วนกูชื่ออิน”คำตอบของอินนั้นทำเอาคนฟังถึงกับกุมท้องหัวเราะลั่น


“อุ๊บ ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ โอ๊ยย โทษทีๆ มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ คือเราชื่อ ‘นัน’ ไอ้นะนั่นคำสร้อยต่อท้าย”คนหล่อยกมือขึ้นปาดน้ำตา


ขำจนน้ำตาเล็ดแล้วยังมีหน้ามาบอกว่ากลั้นแล้ว ไอ้ชิบหายควายล้วนๆไม่มีวัวผสม ปล่อยไก่ทั้งเล้าแล้วกู ต้องกลับไปเช็คดวงสักหน่อยช่วงนี้ทำไมโชว์โง่บ่อย


“อ่าวเหรอ มึงอยากพูดจาไม่รู้เรื่องทำไมหละ อ๊ะนั่นไง ชัดเลย มึงดัดฟันอยู่นี่เองมิน่าทำไมเสียงถึงอือออฟังไม่ชัด”คนหน้าด้านก็ยังคงแถต่อไป เอาตัวรอดไม่พอยังไปกล่าวหาเขาอีก คนโดนว่าถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย


พูดคุยกันอีกนิดหน่อยมันก็โดนผู้หญิงเพื่อนไอ้จ๊อบลากไปรุม โชคดีเพื่อน...


ร่างโปร่งยันตัวลุกขึ้นยืนท่ามกลายสายตาของคนในห้อง ผู้หญิงคณะวิทย์มาตามตาละห้อย หากไม่นับเดือนภาคของพวกเธอแล้วอินก็คือคนที่หล่อที่สุดในที่นั้นแต่กลับทำหน้าเป็นตูดเหมือนโดนใครบังคับพามาด้วยทำให้พวกเธอไม่กล้าเข้าใกล้


“เห้ย ไปไหนวะ”จ๊อบถาม


เนื่องจากเสียงเพลงค่อนข้างดังอินจึงยกมือทำท่าทางว่าจะออกไปคุยโทรศัพท์นะก่อนจะเดินออกจากห้องมานั่งอยู่ในโซนโบวลิ่ง หาที่นั่งเหมาะๆก่อนจะหย่อนตูดกดรับสายจากไอ้ดีดี


“โหล มึงอยู่ไหน”เสียงห้าวเอ่ยถามอย่างคิดถึง มึงรีบๆกลับมาเก็บตุ๊กตามึงเข้ามุ้งไปเลยกูจะไม่ทน


“บ้านญาติ เราจะบอกอินว่าคืนนี้เราจะค้างอีกคืน ไม่สิหกคืนที่เหลือนี้เราจะค้างยาวเลย กว่าจะสวดเสร็จก็ดึกแล้วเราไม่อยากเดินทางมืดๆ”ปลายสายตอบกลับเสียงเรียบ มันคงสะเทือนใจอยู่ไม่อยากทักท้วงอะไรมันมาก


แต่ขอเถอะ กูไปรับก็ได้ วัดไหนว่ามา...


“แล้วมึงไม่มาเรียนรึไง”


“เรียนดิ ก็ออกจากบ้านญาติตอนเช้าไง นั่งรถตู้ไปแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว บ้านญาติเราอยู่ปริมณฑลนะไม่ใช่บ้านนอกจะได้นั่งรถทัวร์เป็นวันๆ” สรุปคือมึงจะออกจากที่นู่นตอนเช้า มานั่งเรียนตอนกลางวัน เดินทางกลับไปร่วมพิธีที่นู่นตอนเย็นและค้างคืนที่นั่นสินะ


“มึงจะปล่อยให้กูอยู่ห้องมึงคนเดียวเนี่ยนะ กูกลั...เอ๊ยย เกรงใจมึง”


“ไม่เป็นไร เราตะหากที่ต้องขอโทษอินด้วย ชวนมาอยู่แล้วก็หายต๋อมไปแบบนี้ ถ้ามีปันหาอะไรอินไปหาพัดแล้วกันนะ พัดช่วยอินได้อยู่แล้ว”กล่าวชมคนข้างห้องเสร็จดีดีน้อยก็วางสายไป บอกว่าป้าเรียกไปกินข้าว


โชคดี แดกข้าวให้อร่อยนะมึง ...หมั่นไส้


พูดถึงเรื่องข้าว พวกอินและจ๊อบแวะหาอะไรกินข้างทางมาก่อนแล้วตอนนี้จึงไม่หิวและขอเดาว่าอีกกลุ่มที่นัดมาก็กินข้าวมาแล้วเรียบร้อย ดูจากการที่จ๊อบมันจองห้องยิงยาวไว้ มันคงกะว่าไม่ได้ไม่เลิกแหง...ไม่ได้ทำความรู้จักกันนะครับอย่าคิดลึก


“ไม่สนุกเหรอ”มีเสียงทักขึ้นพอหันไปก็พบกับเจ้าของดวงตาพราวระยับครองตำแหน่งเดือนคณะด้วยหน้าตาหล่อเหลาสไตล์เกาหลีที่ฉีกยิ้มมาให้


“ป่าว แค่นั่งพักหู”อินตอบ เหลือบมองอีกฝ่ายที่ทิ้งตัวนั่งข้างๆอย่างสนิทสนม ให้ตายเถอะช่วงนี้คนแปลกหน้ามาตีซี้บ่อยจังวะ ก็ว่าทำหน้าไม่รับแขกแล้วนะทำไมถึง...


“จ๊อบก็ร้องเพลงดีนี่ ไปว่ามัน”


“แค่พักหูไม่ได้บอกว่าร้องไม่ดี เออ ทั้งตัวมันก็มีแค่เสียงกับฐานะทางบ้านเท่านั้นแหละที่ดี มันร้องเพลงเก่งกูยอมรับ คอนเสิรตที่คณะมันก็ร้องนำ พวกผู้หญิงถึงกับหันหลังฟังเลยมึงรู้มั้ย กูโคตรฮาอ่ะ บางคนก็หลับเอา เห็นบอกว่าจะได้มองไม่เห็นภาพขอมโนหน้าเอาเอง ฮ่าๆๆๆ”พูดแล้วก็ขำ พอร้องเสร็จมันเดินหน้าซึมลงมาเลยเพราะคิดว่าโดนแบน มีแต่คนหันหลังให้


พอบอกความจริงไปแทนที่มันจะดีใจกลับซึมยิ่งกว่าเดิมอีก ฮ่าๆๆๆๆ


“ฮ่าๆๆ เล่าซะเห็นภาพเลย”นันหัวเราะร่า


“อินเรียนภาคอะไรเหรอ”


“เคมี มึงอ่ะ”


“เคมีเหมือนกันเลย เรียนเหมือนกันมั้ยเนี่ย ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าวิทยาศาสตร์เคมีกับวิศวะเคมีต่างกันยังไง”


“วิศวะเท่ห์กว่า” จบมั้ยหละมึง ทำหน้าอึ้งเชียว กูพูดตรงหละสิ แต่เอาเถอะเพราะเรียนวิทยามีสาวให้คลุกวงในเยอะกว่า เรียนวิศวะทำได้อยากมากก็แค่มอง


“โยนโบว์เป็นป่ะ”อินถามขึ้นเปลี่ยนเรื่อง นั่งมองมานานแล้วอยากเล่นบ้างไม่ได้เล่นมาตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง


“เป็น จะเล่นเหรอ?”


“อืม มา แข่งกัน”


“คนชนะได้อะไรหละ?”


“ห๊ะ...มีเดิมพันด้วยเหรอวะ เออดีๆ จะได้ตื่นเต้นหน่อย มึงคิดเลยเอาไร เลี้ยงข้าวมั้ย หรือว่า...”


.


.


.


“ถ้าเราชนะอินให้เบอร์เรา ถ้าเราแพ้เราให้เบอร์อินโอเคมั้ย”ไอเดียถูกเสนออกจากปากของเดือนคณะสุดหล่อนั้นทำเอาคนได้ยินถึงกับเบิกตากว้างและหันมามองหน้าคนพูดที่กำลังเลือกลูกเหมาะอยู่อย่างฉงน


.


.


.




“มันน่าเดิมพันตรงไหนว่ะ แค่แลกเบอร์ แข่งเสร็จก็แลกได้เลยนะ”แต่ดูเหมือนคำตอบของอินนั้นจะทำให้คนฟังตกใจเสียยิ่งกว่า นันแทบจะทำลูกโบวลิ่งหล่นทับเท้าตัวเอง



“อ่ะ ฮ่ะๆๆๆ งั้นคนแพ้ต้องเลี้ยงข้าวคนชนะแล้วกัน”ก่อนจะเปลี่ยนกติตาเสียงแห้ง








“ส่วนเบอร์ ขอตอนนี้เลยได้ไหม...?”







“ทำไมจะไม่ได้หละ”
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 15-02-2015 19:47:51
นันนะเนียนเนอะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 15-02-2015 21:13:54
เฮ้ยๆๆแบบๆ ให้ง๊ายง่ายย555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kutelittlepoly ที่ 15-02-2015 23:27:52
สั้นจังT___________________________________________T
มาต่อไวๆนะคะ :katai4:เขียนสนุกมากๆเลย :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 15-02-2015 23:56:07
น้องอินลูกแม่
ระวังไว้เถอะ แม่ว่านันนะคุง(?)เค้าคิดไม่ซื่อนะคะ
หนูก็อย่าไปพาซื่อขนาดนี้สิ ปั๊ดโธ่ ! 5555555555555

นี่ตอนแรกนึกว่านางจะเบ่งความแมนให้ชาวโลกได้รับรู้ตอนถูกเนียนขอเบอร์
แต่ แต่ แต่ !!

ปรากฏว่าให้เองเลยข่ะ! โอ้ยยยยยยยยยย ใสซื่อบ๊องแบ้งจริงเลยพ่อคุณ 5555
ระวังตัวไว้เถอะ ช่วงนี้มีแต่ผู้ชายหล่อๆ มารุมตองยังไม่รู้ตัวอีก

อินนี่มันเสียสติสมกับเป็นอินจริงๆ  555555555
นี่เอ็นดูนะจ้ะ ก๊ากกกกกกกกกก

สั้นอีกแล้วอ่ะ 555555
ขอตอนหน้าไวๆ ด้วยนะคะ แอร๊ยยย  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 16-02-2015 03:07:42
 :a5: ขอเบอร์  o22 แลกเบอร์  ป๊าดแรงมาแรงอ่ะ นันนะ คิคิ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-02-2015 03:56:14
อินนี่ก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขาจีบ ไอ้ซื่อบื้อ555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 16-02-2015 22:45:28
อินยังไม่รู้ตัวอีกนะนี่
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 17-02-2015 00:13:30
สนุกอ่ะ 
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 17-02-2015 00:31:15
อินมันจะโดนคาบไปแดกแล้ว
พัดหายหัวไปไหนยะ o18
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 17-02-2015 10:54:30
ชอบบบบบ  ฮามากค่ะ  อินตลกอ่ะ นายเอกนิสัยแบบอินนี่ หายากมากนะ  :laugh:
เหมาะกับพัดดีนะ นั่นก็แบบนิ่ง ๆ เป็นผู้ใหญ่ใจเย็น น่าจะเอาเจ้าแสบอินอยู่
น้องดี๊ดี ใสซื่อก็น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 18-02-2015 20:49:47
 :-[
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 18-02-2015 22:10:15
มาต่ออีกดิ  อินจะทำไงต่อ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-02-2015 22:45:41
อิน เอ๋อๆดีอะ  อิอิ ส่วนพัดก็ฉลาดมากๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 19-02-2015 18:46:53
พัดคะ ตามมาเก็บอินด่วนค่ะ... :z13:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 19-02-2015 20:27:21
อิน นายกำลังจะโดนจีบนะ รู้ตัวด่วนนนน
ต้องเก็บซิงไว้ให้พัดนะ // เอ๊ะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่7 มีคนมาจีบ [15/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 20-02-2015 19:18:10
อินซื่อไปป่ะ #หัวเราะหนักมาก
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 21-02-2015 18:13:29



บทที่ 8 พายุหมุนเดือนเมษา




พัด side



“มองไรวะ”เสียงไอ้กู๊ดส์ถามขึ้นเสียดังลั่น เมื่อมันเห็นว่าผมชะเง้อคอมองอะไรบ้างอย่างมาได้สักระยะแล้ว เบาๆหน่อยสิมึงเดี๋ยวไก่ตื่นกันพอดี



“เสือก”ผมเลยตอบกลับให้มันสบายใจ



“แค่ถาม ทำไมต้องด่า”มันสะบัดหน้าเดินกลับไปหยิบลูกโบวลิ่งสีเขียวแปร๋นอันเป็นสีโปรดของมันขึ้นมาเตรียมขว้าง



 รู้จักกันมาตั้งแต่ม.ปลายแต่จนเข้ามหาลัยมาเป็นเพื่อนร่วมคณะกันอีกก็ยังเข้าไม่ถึงรสนิยมของมันเลยจริงๆ
ใบหน้าหล่อๆไถเกรียนต่ำหูลงมาข้างบนไว้ยาว หูซ้ายที่เจาะซะพรุนใส่ต่างหูประมาณห้าอันได้แต่ข้างขวากลับสะอาดเอี่ยมไร้ร่องรอยเจาะ ส่วนสูงประมาณ180 ซม.ทำให้มันเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆในม. เวลามันอยู่ในชุดนักศึกษามันดูดีมาก อย่างในวันนี้ หลังเลิกเรียนตอนเที่ยงก็พามากับเพื่อนอีกสองคนรวมมันและผมเป็นสี่คนพอดิบพอดี เดินเรียงแผงกันยังกับบอยแบน



นับเรตติ้งจากการมีสาวเข้ามาขอไอดีแชทกันคนละคนสองคน โดยเฉพาะเชี่ยกู๊ดส์ที่มีสาวเข้ามาทักเยอะเป็นพิเศษ...เพราะมันอยู่ในชุดนักศึกษา...



หึ...รอเห็นตอนมันใส่ชุดไปเที่ยวก่อนเถอะ หึหึหึ ...แล้วจะรู้ว่าคำว่าเสร่อแท้จริงแล้วสะกดยังไง



“ล้างท่อ กากชิบ”กล่าวต้อนรับมันพอหอมปากหอคอ ไอ้กู๊ดส์เดินคอตกกลับมานั่งจ๋องดูดโค้กที่โต๊ะเหมือนเดิมหลังทำความสะอาดท่อให้เขาเสียเอี่ยมอ่อง



“ว่าแต่กู ไมวันนี้มึงไม่เล่น ปกติเรื่องแบบนี้มึงไม่มีทางพลาด หรือมึงจะมีเรื่องอะไรกับคนที่ย้ายมาอยู่ข้างบ้านมึงเมื่อวันก่อน”มันถามได้ถูกจุดมาก เล่นเอาจุกกันไปเลย ผมทำหน้าปุเลี่ยนใส่มันไม่ตอบอะไร แต่กู๊ดส์ก็พยักหน้าหงึกหงัก มันคงเข้าใจเพราะเราเป็นเพื่อนกันมานานย่อมรู้ใจกันดี



“อะไรของมึง ทำหน้าเป็นตูดกูจะไปตรัสรู้กะมึงมั้ย”อ้าวเวร แล้วมึงจะผงกหัวทำหอยอะไร



“ทำไม เพื่อนบ้านคนใหม่สันดานไม่ดีรึไง”มันถามหน้าเครียด เสียงไอ้เพื่อนสองตัวเรียกมันเมื่อถึงคิวโยนมันก็บอกปัดแบบหน้าด้านๆว่าพวกมึงโยนนำกันไปเลยกูต่อให้ แต่งตัวเสร่อแล้วยังหน้าไม่อายอีกนะมึง



“สันดานไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงกับเลว ปัญหามันอยู่ที่ตัวกูนี่แหละ...”



“ยังไง”



“ก็.....”



“เห้!!!!! กูชนะ เป็นไงหละมึง มาท้าแข่งกับกูยังเร็วไปร้อยปีไอ้น้อง ฮ่าๆๆๆๆ”เสียงไม่เบา(ดังมาก)อันแสนคุ้นเคยดังกระแทกหู ทิศทางอันเป็นแหล่งกำเนิดเสียงปรากฏร่างของเพื่อนบ้านคนใหม่เจ้าของหัวข้อสนทนา...ที่ผมมองตามมาได้สักพักแล้ว



มันเก่งจริงๆครับ คนที่เล่นแพ้มันไม่ใช่ว่าอ่อนหรืออะไรเลยแต่มันโยนเก่งมัก สไตรค์ไปตั้งหลายรอบจนผมถึงกับนั่งจ้องจนไอ้กู๊ดส์สังเกตได้



จะเข้าไปนั่งดูใกล้ๆก็ไม่กล้าเพราะยังสับสนกับสถานะที่อีกฝ่ายมอบให้ตอนนี้อยู่หน่อยๆ ในตอนแรกที่เจอกันก็ยังดีๆอยู่ พอมาเจอกันครั้งที่สองก็เข้ามาทักด้วยตัวเอง แต่พอครั้งที่สามที่โรงจอดรถกลับวิ่งหนีเหมือนเห็นผี จากนั้นก็ทำหน้าไม่พอใจใส่เหมือนเขาไปทำอะไรให้ พอมาเมื่อคืนกลับมาชวนดูหนังแถมยังขอนอนด้วยอีก



อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าพายุ...



เข้าไปทักก็ไม่รู้จะโดนเอฟเฟ็คไหนกลับมา ขอเที่ยวเล่นกับเพื่อนอย่างสงบต่อดีกว่า...เอาไว้กลับหอค่อยตีสนิทใหม่...



“เห้ยยยยย!! นั่นมันไอ้เหี้ยนันนิ!!!?”กู๊ดส์ทุบโต๊ะเสียงดัง(เบากว่าเสียงอินหน่อยนึง)ลุกขึ้นยืนชี้ไอ้หน้าหล่อที่มากับอิน ด้วยแววตาวาวโรจน์ไม่รู้ว่าด้วยความโกรธหรืออารมณ์อื่นกันแน่



“มึงรู้จักเหรอ”ผมถาม



“ไอ้เหี้ยนี่ไงที่มาแย่งเมียกู!!”มันตอบหน้าแค้น เห็นมันเล่าอยู่เหมือนกัน ปกติมันเป็นคาสโนว่าฟันแล้วทิ้งคบได้ไม่ถึงเดือนมันก็บอกเลิกเขาหมด แต่มีเด็กอยู่คนนึงเป็นฝ่ายบอกเลิกมันก่อนทั้งที่ยังคบกันได้ไม่ถึงสัปดาห์ตัวต้นเหตุคือผู้ชายชื่อนันแห่งคณะวิทยาศาสตร์มหาลัยข้างเคียง



...แต่ว่า...



“เด็กมึงคนนั้น...”เม็ดเหงื่อผุดซึมตามไรผมจนสัมผัสได้ ทั้งที่เครื่องปรับอากาศโซนนี้ก็ทำงานอย่างแข็งขันแต่ข้อมูลบางอย่างในหัวตอนนี้นำพาความไม่ชอบมาพากลจนอดเหลือบมองอินและผู้ชายเจ้าของประเด็นอีกรอบไม่ได้



“ทำไม?”



“เป็นผู้ชาย”สาบานได้เลยว่าผมพูดออกไปเต็มเสียงแล้วแต่คำพูดที่เปล่งออกจากปากนั้นกลับแผ่วเบาเสียเหลือเกิน



“อืมใช่ อะไรของมึงวันนี้ทำตัวแปลกๆ เอาไว้นอยด์ทีหลังนะตอนนี้กูขอให้ไปเคลียร์กับเหี้ยแม่งก่อน หมั่นไส้มานานแล้ว”ร่างสูงกระโจนออกไปทั้งยังไม่สิ้นคำ ผมตั้งสติได้รีบวิ่งตามมันไปทันที



ไอ้เหี้ยกู๊ดส์มึงกลับมา!!....



มึงจะไปดักกระทืบนันมันที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่ เวลานี้ ตรงนี้ ตอนที่มีอินอยู่ด้วยแบบนี้...



มึงยังไม่รู้จักเพื่อนบ้านกูดี ไอ้มั่วอินแม่งโคตรมั่วทำตัวโง่ๆเซ่อๆแต่ตีนมันหนักนะมึง ดีดีเคยเล่าให้กูฟังว่ามันเดี่ยวกับพวกช่างกลมาแล้ว ถึงกูจะไม่รู้ว่าสองคนนั้นมีความสัมพันธ์กันแบบไหนก็ตามแต่การสนทนาอันแสนสนิทสนมและบรรยากาศเป็นมิตรที่อินมอบให้นั้น...กูยังไม่เคยได้รับเลยนะ...



“กู๊ดส์ๆๆๆ หยุ๊ดดดดๆๆๆ มึงงงงง”



“!!?”



“!!?”



สองหน่อยืนหยอกล้อ(เยาะเย้ย)กันอยู่หันขวับมาตามเสียงของผมที่ตะโกนเรียกไอ้เพื่อนงั่งให้กลับมา อินเห็นผมก็ทำหน้าตกใจแบบ เห้ย มึงมาอยู่นี่ได้ไงวะ ส่วนนันพอเห็นกู๊ดส์วิ่งเข้าใส่ยังกับไล่ควายก็เบิกตากว้างอ้าปากเหวอยังไม่ทันจะทำอะไรก็โดนคว้าคอเสื้อเข้าก่อน อินมองแบบงงๆ ซ้ายทีขวาที



“ไรวะ?”มันถาม



“นั่นเพื่อนกู ส่วนนั่นคนที่ตีท้ายครัวเพื่อนกูเมื่อเดือนก่อน”ผมตอบ ไอ้นันที่ได้ยินเข้าหันมาร้องเสียงหลง



“เห้ย!! ไม่นะไม่ใช่...ฟัง...อู...อ่อน...ไอ้...เอี้ย...อึง...อะ...อิด แหยะ แหวะ “เกรียนกู๊ดส์มันเอามือปิดปากที่กำลังจะอ้าเถียงของนัน แค่นั้นไม่พอมันยังยัดมือมันเข้าไปอีก ไอ้เหี้ยเห็นแล้วสงสารแทน คือมึงพึ่งจับลูกโบว์ลิ่งที่ผ่านคนมาร้อยพันมือนะเว้ย ถ้ามันติดเชื้อโรคตายห่าไปจะทำยังไงไอ้ฆาตกร...กูจะจ้างเด็กแว่นบ้านลุงโมริมาจับมึง



“มึงแกล้งกูทำไมเนี่ย บอกไปตั้งกี่รอบแล้วไม่รู้จักฟังว่าเด็กมึงมันแรดมาหากูเองกูอยู่ของกูเฉยๆ “นันผลักร่างของอริเก่าออกจากตัว ไม่ว่าจะส่วนสูงหรือรูปร่างกู๊ดส์ก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ ไอ้เหี้ยนี่มันสูงกว่าผมอีกเรื่องแรงยิ่งไม่ต้องพูดถึง



“แล้วกูไปบอกตอนไหนว่ากูแค้นที่มึงแย่งเด็กกู”เพื่อนผมลอยหน้าลอยตาตอบกลับ มึงไม่ได้แค้นอะไรเขาแล้วตามหาเรื่องเขาทำไมวะ เห็นวันก่อนเล่าให้ฟังว่าเจอกันที่ผับก็มีปากมีเสียงกัน  ขนาดกูไม่เกี่ยวยังอยากยันตีนใส่เชี่ยนันแม่งทนได้ไงวะ



“อ้าวแล้วมึงมาตามราวีกูทำไมบ่อยๆ”กูเห็นด้วยกับนัน



“ก็ในบรรดาผู้ชายที่กูล่าแต้มมาทั้งหมดไอ้เด็กนั่นเป็นคนแรกที่ทิ้งกูก่อน แถมยังทิ้งกูไปหาไอ้หน้าขาวอย่างมึง กูรับไม่ได้ กูแพ้ไอ้ติ๋มสำอางอย่างมึง กูไม่ยอม”



โห คือผ่านมาทั้งหมดนี่คือมึงงอแงไปเองเหมือนเด็กโดนแย่งอมยิ้ม ไอ้สัด อย่าไปบอกใครนะว่ามึงเพื่อนกู



ไอ้อินกระดึ๊บตัวออกห่างจากสนามมวยปล้ำหน้าตาดูตื่นๆมายืนข้างผมที่มองมันแบบงงๆ



“นัน คือเอ่อๆ นัดนี้กูยอมให้มึงก็ได้ ข้าวที่พนันไว้มึงไม่ต้องเลี้ยงกูแล้ว มึงสะสางเรื่องของมึงไปเถอะ กูเจอเพื่อนบ้านกูแล้วกูขอกลับพร้อมมันเลยแล้วกันฝากบอกจ๊อบด้วยนะ”มันจิกหลังผมซะแสบเลยตอนกำลังจะอ้าปากถามว่าทำไมต้องกลับกับมัน



หน้าอินตอนนี้เหมือนลูกไก่กำลังวิ่งหนีแมวบ้านที่พยามจับมันกินอยู่ ผมประเมินสถานการณ์คร่าวๆแล้วก็หันไปบอกไอ้เพื่อนรักผู้มองอินแบบงงงวย



“งั้นกูกลับเลยก็ได้ ไปนะมึง”คว้าคอเสื้อของคนที่ทำหน้าพิรุธสุดๆออกมาจากโซนนั้น เดินออกมาได้สักพักมันก็บอกให้ปล่อยก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนนี้พวกเราลี้ภัยมายืนพักหายใจกันแถวชั้นเสื้อผ้าผู้หญิงแบรนเนมซึ่งมีที่นั่งสำหรับพักขาและเป็นมุมสงบ



แต่ภาพเด็กผู้ชายวัยมหาลัยสองคนเดินมานั่งแปะอยู่ในอาณาบริเวณนี้คงเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เหล่าสาวนักช็อปกระเป๋าหนักเหลือบมองอย่างสนใจ บางคนเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรก็ผละไป



“เฮ้อออ เกือบแล้วกู ว่าแล้วไงว่าท่าทีแปลกๆ”อินยกสองมือขยี้หัวไปมาซะกระเซิง เอามือยันคางเท้ากับขาหน้าหงิก



“ทำไมเหรอ”ด้วยความอยากรู้(เสือก)ผมเลยถามออกไปด้วยความสงสัยทำให้โดนสายตาเกเรๆนั่นเงยสบขึ้นมาแบบเอาเรื่อง



“แค่นี้ก็บอกไม่ได้ คนเค้าอุตส่าห์ช่วยออกมานะ”ถือโอกาสทวงบุญทวงคุณ เท่าที่รู้จักกันมาสองสามวันอินเป็นคนหัวดื้อไม่ยอมใครก็จริงแต่จะลงให้กับผู้มีพระคุณหรือเพื่อนสนิทอย่างดีดีมากเป็นพิเศษ



“ก็นันมันเหมือนจะจีบกูไง ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจหรอกแต่พอโยนโบว์ไปโปรยเสน่ห์ใส่กูไปเท่านั้นแหละ  รู้เลย เกือบหลวมตัวไปกินข้าวด้วยแล้วมั้ยหละ เห้ย!! ชิบหายหละ ให้เบอร์มันไปแล้วนิ อิน เอ๊ยยย มึงโง่จริงๆหวะ”



คนอะไรด่าตัวเองหน้าตาเฉย...



“อินรังเกียจเกย์เหรอ?”เพราะท่าทางเหมือนปลาบู่โดนน้ำมันทอดนั่นเลยอดถามไม่ได้...ตัวผมมีเพื่อนเป็นไบอย่างกู๊ดส์อยู่ทั้งคนเลยไม่รู้สึกต่อต้านเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ หลังๆมาเริ่มคล้อยตามมันด้วยซ้ำ...



“ป่าว กูเฉยๆ จะชอบผู้ชาย ชอบผู้หญิง จะชอบใครหรือจะชอบกูมันก็เรื่องของเขา แต่ที่กูดิ้นซะขนาดนั้นเพราะกูดูออกว่ามันแค่เข้ามาลองเชิงปั่นหัวกูเล่นเท่านั้น”



คำตอบร่ายยาวจากปากของเพื่อนบ้านคนใหม่ทำเอาพัดเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง...อินพูดจามีสาระ!!



“มีปันหาอะไรรึไง อ่อ กูไม่ขวางทางรักมึงแล้วไม่ต้องห่วง”



“หา?”



“ก็มึงเป็นคนดี ตอนแรกกูกีดกันมึงเพราะกลัวว่ามึงจะหลอกเพื่อนกูเท่านั้นแหละ ดีดีมันเป็นเด็กซื่อๆ ถ้ามึงยังไม่มีใครก็ขอให้รับเพื่อนกูไว้พิจารณาสักคนมันชอบมึงมากนะ ฝากดูแล้มันด้วยแล้วกัน” พูดจบอินก็ยกมือมาตบไหล่ผมแปะๆ เป็นเชิงฝากฝังให้ผมดูแล...ดีดี?



“หา?”



“อะไรหาย หาอยู่ได้ไอ้เหี้ย มึงยอมรับมาเถอะ เลิกปิดบังได้แล้ว”



“หมายถึงอะไร!?”



“ก็เรื่องที่มึงกับดีดีชอบกันอยู่ไงเล่า!! กูรู้นานแล้ว แล้วตอนนี้ก็ยอมรับได้แล้วด้วย ตอบมาชัดๆอย่างลูกผู้ชายเลยว่ามึงจะดูแลเพื่อนกูอย่างดีที่สุดรึป่าว”ไหล่ผมถูกสองมือบีบเสียแน่น ตัวการบังคับให้หันไปสบตา สมองอันปราดเปรื่องของผมพยามเรียบเรียงคำพูดเมื่อครู่ใหม่ก็โดนแรงบีบเหมือนเร่งให้ตอบได้แล้ว



“กูดูแลดีดีอย่างดีที่สุดอยู่แล้วไม่ต้องสัญญาก็ได้...แต่...”



“โอเคเท่านี้กูก็วางใจละ”



“เห้ย เดี๋ยว ฟังให้จบก่อนสิอิน!!”


“อะไรอีกวะ”



“กูไม่ได้ชอบเพื่อนมึง!! ”เหมือนจะตกใจไปหน่อยเลยเผลอพูดออกไปเสียงดัง คนรอบข้างหันมามองเล็กน้อยส่วนอินหันขวับมามองอย่างเร็วจนหัวแทบหลุดออกจากคอ”ที่สำคัญ เพื่อนมึงมีแฟนแล้ว...”



หน้ามันดูตกใจมากราวกับได้รับรู้แถลงข่าวว่าพี่เบิร์ดแยกวง เพราะพี่เบิร์ดเป็นศิลปินเดี่ยวจะแยกวงได้ยังไงวะ!?



“หา!?”



“อะไรหาย ช่วยหามั้ย”ผมแซวมันที่ยังอ้าปากค้างอยู่ คือก็ไม่รู้หรอกนะว่าไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหนแต่ถือเป็นบุญแล้วที่ได้โอกาสไขข้อเข้าใจผิดเร็วขนาดนี้



“อ้าว? เอ๋ เหรอ? เห้ย! จริงดิ ....อ้าว...”ถ้าเปรียบกับมือถือสภาพอินตอนนี้คงเป็นไอโฟนสามที่ถูกใช้งานอย่างหนัก เครื่องค้าง ใกล้ระเบิด รวนมากไม่กระดิกเลยสักแอะ ข้อมูลหลุดออกจากปากแบบจับสัญญาณไม่ได้   



“แหะๆ ลืมที่พูดเมื่อกี้ไปซะนะ”



“...”






รู้จักกันได้ไม่กี่วันก็มีเรื่องชวนปวดหัวประดังเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน อยากจะรู้นักว่ารู้จักกันครบปีจะลิสต์เหตุการณ์น่าประทับใจ(?)ได้สักกี่ฉาก...ชีวิตอีกสองปีครึ่งในรั้วมหาลัยกับเพื่อนบ้านคนใหม่คนนี้คงน่าสนุกไม่น้อย



.....เจอกันในสถานที่ที่ไม่ควรพบเจอ.....



.....รู้จักกันด้วยความบังเอิญครั้งที่สาม.....



.....นึกอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไม่เคยบอกกล่าว.....เหมือนสายลมที่พัดผ่านตามอำเภอใจ.....



.....คิดว่าโดนเกลียดแต่ก็สนิทกันแบบแปลกๆ....ระยะห่างที่เดี๋ยวสั้นเดี๋ยวยาวพาลให้วางตัวไม่ถูก.....



......ไม่ต่างอะไรกับพายุหมุนกลางเดือนเมษา.....มันทั้งแปรปรวน เหนือความคาดหมายและรุ่มร้อน.....






ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ ตอนที่แล้วมีคนเม้นต์เยอะมากเลย ดีใจ อิอิ ^^

ตอนนี้เป็นคิวพระเอก(?)ออกมาพล่ามบ้างอะไรบ้าง

เขาปรับความเข้าใจผิดกันได้หมดแล้วนะเออ 555555


แอบพิมพ์ผิดเยอะเลย ขอบคุณที่ช่วยแก้ให้นะคะ >/\<
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 21-02-2015 19:55:27
ใครเป็นแฟนดีดี๊ แล้วไปงานศพจริงๆ ใช่มั้ย

อินงงรัยมากมั้ยเนี่ย  :m20:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 21-02-2015 20:00:05
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 21-02-2015 21:05:13
เคลียร์แล้วเนาะอิน งั้นก็ยอมเป็นของพัดซะ เอ้ย! ไม่ช่ายยยยย
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 21-02-2015 21:36:11
โฮะ  ช่วยเก็บเศษหน้าไหมอิน  :laugh:
เคลียร์แล้วนะ ๆ สุดหล่อพัดยังโสดนะจ้ะ คิดเองเออเอง หน้าแตกยับเองนะอินเอ๊ย 555
พัด ท่าทางจะรู้สึกอะไร ๆ กับอินเยอะอยู่นะ เหมือนน้อยใจที่อินทำสนิทสนมกับนันมากกว่าด้วย อิอิ
จีบเลยสิ จีบเลย พรหมลิขิตให้มาเจอกันแล้วแท้ ๆ ได้แฟนแบบอิน ชีวิตไม่มีคำว่าเบื่อแน่นอน
ว่าแต่ แฟนดี๊ดี คือใครเอ๋ย อยากรู้ ๆ หวังว่าคงไม่ใช่ผู้หญิงนะ ดี๊ดีต้องมีแฟนหนุ่มเท่านั้นนะ
ชอบกู๊ดส์นันอ่ะ ลุ้นคู่นี้ได้ไหม ท่าจะมันส์ เมะชนเมะ มันเร้าใจดีจัง  :hao7:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 21-02-2015 21:53:32
อ่านไปขำไป55555 อินมีสาระ55555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 21-02-2015 22:11:43
 :hao3: ง๊อววววววว รู้ความจริงแระนะ อินอิน

 :hao6: ต่อไปคงโดนรุกหนักแล้วสินะ เจ้มจ้นๆ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-02-2015 22:59:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: pp4 ที่ 22-02-2015 02:54:49
น้องอินน่าร้ากกกกกกกก
นางมโนเก่งนะ ถ้าคบไป มีดราม่าเพราะมโนไปเองแน่ๆ 555555555555
นิยาม 'แมนๆ ตัวๆ แต่ขี้มโนนะ' 555555555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-02-2015 03:04:44
อินว่าตลกแล้ว พัดนี่ก็ตลก55555555555


แต่เค้าชอบออินมากกว่าอะ อินโคตรตลกเลย555



คำผิดค่ะ

“มีปัหาอะไรรึไง อ่อ กูไม่ขวางทางรักมึงแล้วไม่ต้องห่วง”   >>>ปัญหา นะคะ


อีกสองปีครึ่งในรั้วมหาลั  >>>> มหาลัย ค่ะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 22-02-2015 14:51:50
อินโคตรตลกเลย ฮามากจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 25-02-2015 19:54:13
 :z10: :z10:  อยากอ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 25-02-2015 22:15:40
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่า ตามมาจากกระทู้นิยายแนะนำ

ชอบมากกก สนุกมากค่ะ ฮาสุดๆ

อินนี่ เถื่อน ถ่อย สถุล และขี้มโนมาก

แอบสงสารพัดเลย ที่ต้องมารับมือกับอิน

ดีดีร่ารักน่าฟัดที่สุด แอบมีแฟนซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 26-02-2015 00:32:31
จะจีบก็รีบจีบสินายยย :ling1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 26-02-2015 17:50:23
ตั้งสตินะอิน
ิอินต้องตั้งสติ 555555555555555

หน้าแตกแบบยับเยินเชียวพ่อคุณเอ้ยยยย
แหมๆ พัดน่าจะแกล้งต่ออีกหน่อย

ว่าแต่แฟนของดีดีเป็นใคร?

แล้วนันนะคุงกับเพื่อนของพัดนี่ทำไมเราสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง
ก๊ากกกกกกก  :-[
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่8 พายุหมุนเดือนเมษา [21/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 28-02-2015 09:31:33
ต่อๆ  :katai4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 28-02-2015 19:21:48




บทที่ 9 part 1 ตกใจทำไม




   
เพราะอะไรก็ไม่ทราบ ณ คอนโดธรรมดาๆแห่งหนึ่งกลับเกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติขึ้น เวลาหกนาฬิกาของวันที่มีเรียนบ่าย นายอัครินทร์พับผ้านวมผืนเก่งที่เขาขนย้ายมาจากหอเก่าและลงหลักปักฐานอยู่ในห้องของเพื่อนสนิทนามดีดีอย่างเรียบร้อย แสงแดดอ่อนๆยามเช้าสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตาสีดำสนิทของเจ้าตัว ผ้าม่านสีครีมอ่อนถูกเลิกออกก่อนร่างโปร่งจะเลื่อนประตูกระจกพาตัวเองออกไปสูดอากาศริมระเบียง



สายลมอ่อนๆพัดผ่านมาปะทะใบหน้าเพราะห้องนี้อยู่สูงจากพื้นดินไม่น้อยช่วยให้จิตใจที่มักร้อนรุ่มเกินเหตุเย็นลง ความสงบตามธรรมชาติทำให้มีเวลานึกทบทวนสิ่งต่างๆ คำพูดของเพื่อนบ้านเมื่อวานยังคงติดตรึงอยู่ในสมอง



พัดไม่ได้ชอบดีดี.....และดีดีมีแฟนแล้ว



หลังคิดเป็นตุเป็นตะไปเสียหลายกระบวนท่าความจริงอันขาวสะอาดก็โผล่ออกมาจากกอไผ่ เขาใช้เวลาเกือบห้าวันไปกับความเข้าใจผิด...



“อินเอ๊ย!! สติมาปัญญาเกิด ทำไมมึงไม่คิดให้ดีก่อนโชว์โง่วะ”ตะโกนด่าตัวเองอย่างเจ็บใจ...เรื่องทำนองนี้ไม่ใช่ว่าเพิ่งเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก...ตอนประถมเคยคิดว่าครูประจำชั้นกับอาจารย์ใหญ่เป็นแฟนกันจนมีเพื่อนทนไม่ไหวมาบอกว่าอาจารย์ใหญ่ลูกสามแล้ว และอีกหลายๆเรื่อง



ก่อนจะเตลิดขุดความอัปยศของตัวเองออกมาแฉ อินก็เดินกลับเข้าไปในตัวห้อง เปิดตู้เย็นหยิบของสดออกมา เมนูที่ตั้งใจทำคือข้าวผัดเนื้อไข่ดาวกับต้มซุปซี่โครงไก่...หลังสืบทราบมาจากดีดีแล้วว่าคนข้างห้องชอบเมนูนี้



มีบุญคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ ก่อกวนชีวิตเขาไว้เยอะมีทั้งที่สำเร็จและล้มเหลว...ถึงส่วนใหญ่จะล้มเหลวก็เถอะ...มื้อเช้าสำหรับแทนคำขอโทษก็คงเพียงพอหักลบกลบหนี้กันไป ว่าแล้วก็เริ่มลงมือหั่นเนื้อจัดการกับเมนูข้าวผัด ส่วนน้ำซุปนั้นตื่นขึ้นมาต้มทิ้งไว้ตั้งแต่ตีสี่แล้วไปนอนต่อโดยไม่กลัวไฟจะไหม้ห้องชาวบ้านแม้แต่น้อยเพราะห้องดีดีใช้เตาไฟฟ้า...?



.



.



เสียงออดอันสุดแสนโคตรๆจะคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง พัดมองนาฬิกาบนมือถือก่อนจะขมวดคิ้วอย่างงุนงง เวลาแบบนี้ใครจะมาหาเขา? ถ้าดีดีอยู่หละก็มีโอกาสเป็นไปได้แต่ตอนนี้เจ้าตัวยังไม่กลับห้องเลยหนะสิ ที่เหลืออยู่ก็เป็นไอ้ตัวสติแตกผู้นอนก้นโด่งรอตะวันแทงเนตรถึงลืมตาได้



พัดลุกขึ้นจากเตียงอย่างอิดออดยกมือขึ้นขยี้ตาไล่ความงุนงง ความเบลอในตอนเช้าทำให้เขาเดินไปยังประตูห้องด้วยความเร็วระดับหอยทากเป็นตะคริว...



ก่อนจะเบิกตากว้างสมองแล่นปร๊าดสีหน้าเลิกงัวเงียทันทีที่เห็นร่างของผู้มาเยือนและถาดอาหารในมือของคนคนนั้น



“อิน?”ใบหน้าหล่อเหลาแสดงออกอย่างไม่ปกปิดว่าประหลาดใจ ถึงกับยกมือขึ้นขยี้ตาเพราะคิดว่าตาฝาดกันเลยทีเดียว



“เออ กูเอง มึงเห็นเป็นคนอื่นรึไง”มือที่ถือถาดอยู่เกิดอาการเกร็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แววตาที่ปกติจะจ้องเขม็งมาอย่างไม่ยอมลดละกลับหลุบมองพื้นมองผนังราวกับเขาต้องการแซะปูนจับจิ้งจกมากิน...



“ป่าวๆ ไม่ใช่อย่างงั้น อินมามีอะไรเหรอ”นัยน์ตาสีน้ำตาลหลุบมองถาดเซ็ตอาหารเช้าร้อนๆหน้าตาน่ากินในมือนั่นอีกรอบก่อนเอื้อมมือไปรับอย่างมั่นใจว่าเป็นของตน



เพราะถาดมันเล็กมือที่ยื่นไปจึงสัมผัสเข้ากับมือของคนที่ถืออยู่ก่อนแล้วเข้าเต็มๆ นายอัครินทร์ผู้ไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้ถึงกับเผลอปล่อยมือดีที่พัดจับถาดเอาไว้อยู่แล้วจึงไม่เกิดการหกตกแตกของชามข้าว แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นมือของคนสองคนซ้อนทับกันเต็มมือ ระยะห่างเพียงถาดกั้นและใบหน้าแดงๆของผู้มาเยือนยามเช้ากำลังเบิกตากว้างเป็นไข่ห่าน



ตัวปลอม!! นี่มันตัวปลอมชัดๆ!!!!!



“อินกินรึยัง มากินด้วยกันไหม”ไม่รู้ว่าพัดไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน อินยังไม่เอ่ยปากสักแอะว่าเอามาให้ก็ทึกทักว่าเป็นของตัวเองแถมมีหน้ามาชวนกินด้วยกันอีก “รึว่าไม่ใช่ของกู?”



“เออ ไม่ใช่ของมึง กูทำมาให้เมลิค”คิ้วคมเลิกขึ้นอย่างนึกขัน กระต่ายบ้านไหนกินข้าวผัด?



“เมลิคไม่ชอบเนื้อ งั้นให้เจ้าของเมลิคกินแทนได้ไหม?”อินรู้สึกเหมือนถูกล้อเลียนเจ้าตัวเลยจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะหันหลังกลับเตรียมเข้าห้องของตัวเองแต่ประตูที่กำลังจะปิดลงนั้นก็โดนแรงของใครบางคนยื้อเอาไว้ก่อนจะแทรกร่างตามเข้ามา



นัยน์ตาสีดำขลับจ้องถลึงใส่ผู้มาเยือน เขาลืมไปได้อย่างไรว่าผู้ชายข้างห้องคนนี้มีนิสัยได้คืบเอาศอก บอกจะไปซุปเปอร์ก็พาไปจตุจักร บอกให้กินข้าวมีหรือจะนั่งกินในห้องของตัวเองเงียบๆ



”มาทำไม”จะเรียกว่าเจ้าบ้านก็ไม่เต็มปาก อินมองผู้บุกรุกอย่างงงๆ ตามมาทำไมวะ?อย่าบอกนะว่ามาหัวเราะเยาะเรื่องเมื่อวาน



“ก็มากินข้าวเช้ากับอินไง”อินไล่มองผู้มาเยือนในชุดนอนสีน้ำตาลเหมือนสีผมของเขาอย่างเซ็งๆ จ้องมาตาใสไม่กระพริบเหมือนจะส่งกระแสจิตให้อนุญาตคำขอ ผมเผ้าก็กระเซอะกระเซิงแถมยังเดินตีนเปล่ามาอีก...



“ไปๆ ไปล้างตาล้างตาก่อนก็ได้กูไม่รีบแต่อย่าช้านะมึง อ่อ กูมีเรื่องจะถามด้วยด่วนเลย”



เวลาผ่านไปไม่ถึงห้านาทีคนที่ถูกไล่ให้ไปล้างหน้าแปรงฟังกลับเข้ามาในห้องของอินด้วยผมเผ้าเป็นระเบียบ ใบหน้าหล่อเหลาสดชื่นอย่างคนตื่นเต็มตา เจ้าตัวอยู่ในเสื้อนักศึกษากับกางเกงบอลขาสั้น...เปลี่ยนชุดแล้วแสดงว่าอาบน้ำแล้ว ไม่สิต้องวิ่งผ่านน้ำมาแหงๆ แค่ห้านาทีปลดกระดุมก็หมดเวลาแล้ว



อินนั่งมองผู้สร้างสถิติการอาบน้ำเร็วรายใหม่ของโลกด้วยแววตาอึ้งปนขำ พอเลิกอคติแล้วมองดูดีๆไอ้เหี้ยพัดก็มีมุมรั่วๆอยู่เหมือนกัน อย่างเช่นสีหน้ารีบร้อนกลัวไม่ได้กินข้าวเช้าตอนนี้เป็นต้น



“มาช้านะมึง ไม่มาซะพรุ่งนี้เลยหละ”ประชดไปด้วยตักข้าวไปด้วย เพราะกลัวอาหารในถาดตอนแรกจะเย็นเลยเทซุปกลับหม้อแล้วเมื่อกี้นี้เอง



“ถ้าจะอาบน้ำเร็วขนาดนี้ทำไมไม่บอก เสียเวลาเทเข้าเทออกเลย”บ่นไปหยิบจานมาเสริฟไป  กินกันสองคนเลยตักซุปใส่ถ้วยใหญ่แต่ตามมารยาทเลยต้องถามเพื่อนร่วมโต๊ะว่าต้องการช้อนกลางไหม ซึ่งแม้พัดจะตอบว่าต้องการแต่อินก็ไม่คิดจะใช้ตั้งแต่ทีแรกอยู่แรก พัดจึงได้แต่บ่นอุบอิบว่าจะถามทำไม แถมท้ายด้วยว่าตกลงเขามาช้าหรือมาเร็วกันแน่เอาสักอย่างสิ



“พูดมาก รีบๆกินแล้วก็ตอบคำถามกูมาซะดีๆ”ร่างโปร่งทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามพัดก่อนจะกอดอกมองหน้าอีกฝ่ายตาขวางราวกับจะหาเรื่องกัน พัดเลิกคิ้วมองอย่างสงสัยอินจึงกล่าวสมทบ”ดีดีเป็นแฟนกับใคร คบกันมานานรึยัง ไปถึงขั้นไหนแล้ว ทำไมดีดีไม่บอกกู เล่ารายละเอียดมาซิ”



“ว่าแล้วว่าต้องเรื่องนี้...”



“มึงรู้เรื่องนี้ใช่มั้ย รีบๆบอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”อินเร่งรัดเมื่อเห็นคนที่ควรจะตอบคำถามปรากฏรอยยิ้มมุมปากตามแบบฉบับ วางช้อนเท้าคางเหมือนกำลังลำดับความคิดก็ไม่ใช่ ทำบ่ายเบี่ยงจะไม่บอกก็ไม่เชิง....อย่างงี้มันจงใจยั่วโมโหกันชัดๆ



“อืม...จะว่าไงดีหละ...เรื่องของกูก็ไม่ใช่ ถ้าเจ้าตัวเขาไม่บอกเองจะให้กูเป็นคนพูดก็คงไม่ดี...”พัดสบตากับอินตรงๆ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนกำลังลังเลว่าจะบอกดีไม่บอกดี แต่ดวงตากลับเป็นประกายฉายชัดว่าเจ้าตัวกำลังเล่นสนุกและมีคำตอบอยู่ใน
ใจแต่แรกแล้ว



“ไอ้เหี้...”



“ถ้าขอร้องกันดีๆจะยอมช่วยก็ได้นะ”



อินไม่ทันได้ด่าออกไปพัดก็รีบสวนคำขัดขึ้นมาก่อน “หา อะไรของมึง”ซึ่งคำพูดนั้นทำให้อินงงไม่น้อย



“ก็พัดกำลังบอกให้อินพูดกับพัดแบบสุภาพ เหมือนคนกำลังขอร้องให้ช่วยคนอื่นเขาทำกันไง ไม่ใช่มาตะคอกใส่แบบนี้” ชั่วโมงดัดสันดานเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้ อาจารย์พัดมองลูกศิษย์นั่งหน้าเหวออย่างอารมณ์ดี ว่าแล้วก็ตักข้าวผัดเนื้ออาหารโปรดเข้าปากตามด้วยซดน้ำซุปร้อนๆอย่างเอร็ดอร่อย



“ไม่กินเหรอ เดี๋ยวเย็นหมดนะ เอาไว้ค่อยอ้อนวอนกูหลังกินเสร็จก็ได้ กูไม่รีบ”เหมือนมีอะไรมาตีแสกหน้า นายอินของเรากัดฟันอย่างเคียดแค้นมองคนถือไพ่เหนือกว่ากินข้าวฝีมือคัวเองหน้าชื่นตาบานแล้วมันเจ็บจี๊ดที่หัวเหมือนมีอะไรมาทุบตึกๆ อยากจะลูกไปยันตีนสักรอบแต่ก็ต้องอดทน



เรื่องของเพื่อนต้องมาก่อน



ที่ผ่านมาดีดีคุยกับใครมีใครมาจีบหรือแอบชอบใครอยู่จะต้องบอกอินเสมอ นั่นทำให้เขาแปลกใจที่คราวนี้ถึงขั้นคบกันแล้วแต่เจ้าตัวกลับปิดเงียบเอาไว้ ถ้าไม่ใช่คนแปลกๆชนิดที่บอกเพื่อนไม่ได้ก็อาจจะเป็นความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยอย่างฟันแล้วทิ้ง เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครกันคือแฟนของเพื่อนเขาคนนี้



“ได้โปรด บอกกูด้วยเถิด กูเป็นห่วงมัน”น้ำเสียงเจือด้วยความอ้อนวอนดังออกมาจากคนที่ไม่เคยยอมใครอย่างอิน นั่นทำให้พัดถึงกับวางช้อนแล้วรีบเงยหน้าขึ้นมามองคนพูดอย่างตกใจ สีหน้าของอินไม่มีแววประชดแม้แต่น้อยนั่นทำให้ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้ามาในใจพัด



“เอ่อกูขอโทษ เล่นมากไปหน่อยไม่คิดว่ามึงจะจริงจังขนาดนี้”



“ไม่เป็นไรหรอก ถูกของมึงแล้ว กูติดนิสัยพูดตะคอกเวลาจะขอร้องหรือขอโทษใครเขาคิดว่ากูไปขู่ฆ่ากลัวหัวหดกันหมด ว่าจะแก้อยู่เหมือนกัน”นายอัครินทร์ผู้สงบเสงี่ยมลงเพราะคำว่าเพื่อน ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตักข้าวที่เหลือเข้าปาก



“...”



“...”



“ถ้างั้น ไปเจอกับตัวเลยไหม”พัดกล่าวขณะล้างจานของตัวเองและอินหลังทานเสร็จและถูกใช้ให้ไปล้าง



“หืม? เจออะไร”



“แฟนดีดีไง”



“มึงรู้จักเหรอ!!!”อินที่กำลังนั่งเอกเขนกอยู่ยนโซฟาที่ประจำกระเด้งตัวขึ้นมาอย่างดีใจ ว่าแต่มันไปรู้ที่อยู่ของเขามาได้ไงวะ



“ดีดีเคยพามาที่ห้องครั้งนึงและก็บังเอิญเดินสวนกับกูพอดีเลยแนะนำให้รู้จัก”นึกถึงตอนที่เห็นดีดีเดินควงคนๆขึ้นลิฟท์มาครั้งแรกก็ยังตกใจไม่ขนาด ไม่นึกเลยว่าเพื่อนบ้านของตัวเองจะมีรสนิยมอย่างงั้น ตอนแรกเด็กเตี้ยก็ทำท่าอึกอั่กไม่ยอมตอบแต่ก็ถูกเขาคาดคั้นจนได้ข้อมูลคร่าวๆมาจนได้



“แล้วจะไปเจอเขาที่ไหนวะ”อินถามพลางลุกขึ้นเดินมาเกาะอ่างล้างจานด้วยสีหน้าระริกระรี้เหมือนเด็กๆ เรียกรอยยิ้มจากคนมองเป็นอย่างดี



“ที่มหาลัยกูนี่แหละ คณะเดียวกันปีเดียวกันแต่คนละสาขา”



“!!!”



“ว่างเมื่อไหร่?”



“ตอนนี้เลย ว่างๆ”



“จะเจอรึป่าวก็ไม่รู้นะ กูแค่รู้จักหน้าแต่ไม่มีเบอร์ติดต่อ”



“ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก”เอากล่าวก่อนทั้งสองจะล็อคห้องแล้วพากันขึ้นรถเดิทางไปตามล่าหาคนรักของเพื่อนรัก



...

สั้นๆ(อีกแล้ว) แหะๆ ช่วงนี้ใกล้สอบ เด็กมหาลัยวัยขยันต้องต้มชีทกิน อาจไม่ว่างมาแต่งต่อ อาทิตย์หน้าขอลาหยุด 1อาทิตย์นะคะ

 :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kutelittlepoly ที่ 28-02-2015 21:49:55
ค้างเลยอ่ะ แต่คงใกล้เฉลยแล้ว ว่าแฟนดีดี คือใคร อยากรู้ รอตอนหน้าค่าาา :a5:
โชค A นะคะ คนเขียน ช่วงนี้มิดเทอมเหมือนกัน :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 01-03-2015 08:06:56
รอเจอแฟนดีดี :0
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 01-03-2015 08:13:03
สนุกมากกกเลยครับ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 01-03-2015 10:40:16
อยากเจอแฟนดีดีแล้ว

อินเป็นห่วงดีดีมากเลยน่ะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 01-03-2015 10:57:41
ใครกันแฟนดีดี
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 01-03-2015 11:15:26
 :z3:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 01-03-2015 13:58:55
คู่พวกแกไม่คืบหน้าเลยนะยะ :z10:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: windel ที่ 01-03-2015 15:22:27
อินนี่ตัวโจ๊กใช่ไหม  :hao3:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 01-03-2015 19:51:45
แฟนดีดี เป็นใครน้อ ทำไมดีดี ต้องปิดเป็นความลับกับอินด้วยอ่ะ
อิน ให้อารมณ์แบบพ่อหวงลูกสาวมาก ๆ พอเป็นเรื่องของดีดี นี่ยอมอ่อนให้พัดเชียว
ชอบความสัมพันธ์แบบค่อยเป็นค่อยไปของคู่นี้จัง น่ารัก  :-[
รอไปตามล่าหาแฟนดีดีด้วยคน
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 02-03-2015 14:54:32
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 02-03-2015 19:37:29
มาต่อเหอะ ลุ้น ๆ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 02-03-2015 20:36:34
หู้ยย ค้างงอยากเจอแฟนน้องดีดี

คนเขียนรีบสอบนะคะ (เดี๋ยว 5555)
สู้ๆ ค่ะ จะรอตอนหน้า

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 02-03-2015 22:52:42
 :hao4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 02-03-2015 23:01:30
ค้างตึง :mew2:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 04-03-2015 03:05:38
อ่านละขำอินอะ จะเถื่อนก็ไม่ใช่ จะเอ๋อก็ไม่เชิง แถมขี้มโนอีก 5555 พัเปวดหัวมากไหม?
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 04-03-2015 13:44:57
ใครกันนะหวังว่าโลกคงไม่กลมนะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 04-03-2015 21:39:00
ตามล่าหาแฟนดีดี  ร่วมลุ้นๆ
อย่างน้อยก็พูดจาดี ๆ ทำดี ๆ กันได้แล้วนะ พัฒนาไปติ๊ดนึงละ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 07-03-2015 09:30:38
ขอให้สอบได้คะแนนเยอะๆ แล้วก็มาลงต่อเร็วๆนะคะ 5555

โชคเอค่าาาา  o13
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 07-03-2015 10:13:44
รอนะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 07-03-2015 10:57:18
สนุกมาก o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 12-03-2015 23:35:40
นานจัง
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 ตกใจทำไม [28/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 27-03-2015 23:47:21
:seng2ped: หายไปไหนนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....ประกาศจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 02-04-2015 18:36:53
ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษที่หายเงียบไปเลยนะคะ

ขอโทษที่ทำให้คนอ่านรอ(ไม่รู้ว่ามีคนรออยู่ไหม)จริงๆ

พอดีคนแต่งเรียนหนักมากๆ สาหัสปางตายกระอั่กเลือด(เว่อร์)

เลยมาขอลาหยุดสักพัก



ขอให้ปิดเทอมก่อนจะกลับมาอัพต่ออย่างขยันขันแข็งแน่นอน!!


เจอกันปลายเดือนพฤษภาคมนะคะ



ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....ประกาศจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 02-04-2015 18:55:39
จะรอนะคับบบ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....ประกาศจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: rori ที่ 02-04-2015 20:16:11
ปิดพร้อมกันเลยจ้า

จะรอนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....ประกาศจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 02-04-2015 21:55:42
 :ling1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....ประกาศจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 03-04-2015 16:00:01
รอได้ค่าาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....ประกาศจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 19-04-2015 19:02:52
อ๊ากกกกก  นานจุง
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....ประกาศจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: modisvip ที่ 20-04-2015 00:17:58
 :katai5:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....ประกาศจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 26-04-2015 20:42:28
ยังไงก้รอนะฮ่ะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 part2 ตกใจทำไม [24/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 24-05-2015 17:38:03

บทที่ 9 part2 ตกใจทำไม




เนื่องจากอินกับพัดนั้นเป็นเด็กต่างมหาวิทยาลัยกันและแฟนของดีดีเพื่อนรักนั้นดันเรียนอยู่ที่เดียวกับนายพัดเสียนี่ อินจึงต้องไหว้วานคนข้างห้องให้ช่วยนำทางมายังคณะของเป้าหมาย หลังจากดูตารางเรียนแล้วตกลงเวลากันเรียบร้อยพวกเขาก็ตัดสินใจออกเดินทางมายังมหาวิทยาลัยของพัดทันที



การเดินทางจากคอนโดมาถึงมหาลัยพัดนั้นใช้เวลาน้อยกว่าที่อินคิดไว้มาก เขาเดินลงจากรถปอ.สีเหลืองด้วยสีหน้าลุ้นระทึก อินล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อซ่อนฝ่ามือชื้นเหงื่อของตัวเองแบบเนียนๆ



จากคำบอกเล่าของนายพัดทำให้อินทราบว่ามหาวิทยาลัยนี้แต่ละคณะไม่ได้ตั้งอยู่ในรั้วรอบเดียวกันแต่กระจายตัวเป็นหย่อมๆ...คือเอาจริงๆมันอธิบายดูดีกว่านี้หน่อยนึงแต่ขอสรุปเลยแล้วกันว่ากระหย่อมที่อินกำลังยืนจังก้าท้าสายตายามอยู่ตอนนี้ประกอบไปด้วยสองคณะหลักๆคือคณะของพัดและหมอ...



“แฟนดีดีเรียนหมอเหรอวะ”อินหันหน้าไปถาม พัดไม่ตอบเขาแค่พยักหน้าจากนั้นก็เดินนำเข้าไปด้านใน ทั้งคู่เดินมาเรื่อยๆจนกระทั่งพบโต๊ะที่นั่งเรียงรายอยู่ใต้ตึกเรียนตึกหนึ่ง


“มหาลัยมึงบรรยากาศดีโคตร ต้นไม้รกชิบหาย”อินว่าพลาทิ้งตัวลงนั่งตามเจ้าถิ่น



“ตกลงจะชมหรือจะด่าเนี่ย หึหึ”พัดส่ายหัวเบาๆกับคำพูดย้อนแย้งกันเองของอิน



“ชมครับชม ตราบเท่าที่มึงยังกุมชะตาเรื่องชาวบ้านอยู่แบบนี้อ่ะนะ ทำอะไรมึงก็เลิศเลอหมดแหละ”



นั่งมาได้สักสิบนาทีอินก็สังเกตเห็นนักศึกษาเดินผ่านไปมาแค่ไม่กี่คนคงเป็นเพราะตอนนี้ยังอยู่ในคาบเรียน“ปกติเคยเห็นเดินผ่านแถวนี้เหรอ” จึงเอ่ยปากถามไปเพราะนั่งรอนานๆก็เมื่อยตุ้ม เอาเวลาไปเดินหายังจะคุ้มกว่า



   “ไม่เคยเห็น” พัดตอบกลับเรียบๆ แต่เล่นเอาอินหันขวับมาทันที



   “อ้าว มึงไม่เคยเห็นแล้วกระแดะมั่นหน้ามานั่งรอจิ้งหรีดอะไรแถวนี้!!”นายอินแหวขึ้นทันทีเพราะคิดว่าถูกแกล้ง แต่คนฟังกลับไม่แสดงท่าทีเดือดร้อนกับการขู่ฟ่อๆแม้แต่น้อย พัดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายตามตัวบุคคลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการตามหาคนที่สุดเท่าที่เขารู้จัก



   “กู๊ดส์ มึงถึงหรือยัง อยู่ที่ไหน มีเรื่องจะคุยด้วย” ไม่ใช่ใครกู๊ดส์นั่นเอง



   “ถึงแล้วๆ มึงแหละอยู่ไหน มีอะไรด่วนร้อยวันพันปีมึงไม่เคยโทรหากู”



   “กูอยู่ตึกกลม มึงมานี่ด่วน มีคนจะให้มึงช่วยตามหา” พัดเหล่มองอินที่พยามตะแคงหูฟังแบบขำๆ รีบไปไหนเดี๋ยวเขาก็ต้องรายงานสถานการณ์ให้รู้อยู่ดีนั่นแหละ



   หลังจากนั้นกู๊ดส์ก็วางสายไปแบบไม่มีคำล่ำลา และไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากนั้นร่างสูงพร้อมทรงผมไถข้างอย่างแนวก็ปรากฏตัวขึ้น



   “ตกลงว่ามึงมีเรื่องอะไร อ้าว นั่นเพื่อนบ้านมึงนี่ ย้ายที่เรียนแล้วเหรอครับ”กู๊ดส์ผู้ร่าเริงถลาเข้าไปทักทายอินผู้อารมณ์บ่อจอย โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ นายกู๊ดส์ผู้ได้ทั้งหญิงทั้งชายก็เอามือพาดไหล่เด็กวิศวะอย่างสนิทสนมเรียกสายตาขุ่นๆจากคนสนิทกับคนอื่นยากอย่างอินเข้าให้



   “แล้วมีเรื่องอะไร จะบอกกูได้ยัง?”แน่นอนว่ามันไม่เป็นผลกับกู๊ดส์



“หยกคณะแพทย์ ชี้ตัวด่วน”พัดสั่ง กู๊ดส์ขมวนคิ้วมึนงงกับคำถามนั้น



“ทำไม มึงจะจีบเหรอ ได้ข่าวว่าคนนี้เขามีแฟนแล้วนิ”



“กูให้มึงชี้ตัวไม่ได้ให้ชี้เป้า อย่าลีลา”



กู๊ดส์ส่งเสียงจิ๊ในลำคออย่างหมั่นไส้ไอ้คนออกคำสั่ง อินลอบได้ยินกู๊ดส์บ่นประมาณว่า พูดจาอมพนำคิดว่าหล่อนักหรือไงจนหลุดหัวเราะดังพรืด ก่อนจะหยุดขำเมื่อเสียงบาดแก้วหูของนายกู๊ดส์ผู้นั่งอยู่ด้านข้าวดังแหวขึ้นมาว่า”นั่นไง!!!!”



อินรีบหันไปตามปลายนิ้วของกูรูผู้รู้จักคนหน้าตาดีทุกคนในมหาลัยอย่างกู๊ดส์






“กูว่า C”






“ไม่นะ กูว่า D”






สิ่งที่พัดกับอินกำลังเถียงกันไม่ใช่เกรด แต่เป็นไซส์หน้าอก ร่างบอบบางของหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดี๋ยวกันเจ้าของผิวขาวนวลสะอาดตาส่วนสูงประมาณร้อยหกสิบกลางๆ ใบหน้าสวยเฉี่ยวแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางไม่หนามากแต่กลับสร้างความฉุดฉาดทรงเสน่ห์ด้วยเครื่องหน้าที่ดีอยู่เป็นทุนเดิม เด็กหนุ่มสองคนที่มาเพื่อพบปะเธอถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สายตาไม่ได้โฟกัสที่ใบหน้าอันงดงามของเจ้าหล่อนแม้แต่น้อย





ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย มันก็หื่นเหมือนกันหมดทุกคนนั่นแหละ




กู๊ดส์หัวเราะหึหึกับภาพตรงหน้าก่อนจะกล่าวเสริม”เธอไม่ได้เป็นทั้งดาวคณะและไม่ได้เป็นหลีดด้วย สาเหตุก็เพราะไม่อยากเด่นดัง แต่ขนาดเดินเฉยๆก็เด่นซะขนาดนี้แล้วนี่เนอะ หึหึ ชื่อเล่นชื่อหยก ชื่อจริงไม่จำเป็นต้องรู้ ผิวขาวๆนั้นได้มาเพราะพื้นเพเป็นสาวเหนือเมืองเชียงใหม่ไม่ใช่เพราะสารเคมีกลูตาไทโอน”



“ดีดีเพื่อนกู มาไกลขนาดนี้เลยเหรอ”อินทำหน้าเหมือนจะจับไข้ ชีวิตชายโสดยี่สิบปีของตนเป็นเชื้อเพลิงให้ไฟอิจฉาลุกโชตช่วง ไอ้ติ๋มตี๋น้อยตัวมินินั่น ทำไม!? ทำไม!?



“ทำไมเมียมันสวยจังวะ”อินครวญครางก้มหน้าฟุบกับโต๊ะอย่างพ่ายแพ้ จุดประสงค์ที่จะตามสืบประวัติสาวเจ้าถูกพับเก็บเข้ากระเป๋าไปเพราะหมดเรี่ยวแรง



“อะไรวะ แฟนใคร”กู๊ดส์ผู้ยังปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้ถามพัดแบบมึนๆ



“เพื่อนบ้านกู ชื่อดีดี เพื่อนสนิทอิน”พัดแจง



“อ่อ”



“อิน กูมีเพื่อนอยู่คณะนี้ถ้าอยากรู้จะช่วยสืบให้ได้นะ”กู๊ดส์เสนอความช่วยเหลือ พัดซึ่งเป็นเพื่อนกันมานานเหล่มองอย่างไม่ไว้ใจ เพื่อนเขาไม่ใช่คนเลวแต่ก็ไม่ใช่คนดีถึงขนาดออกตัวเป็นธุระให้ใครง่ายดายแบบนี้ ต้องมีอะไรแอบแฝง



“ถ้ามึงยอมช่วยกูเรื่องนึง”ยังไม่ทันสิ้นความคิดหางก็โผล่เสียแล้วเพื่อนรัก พัดหันไปมองท่าทีของอินที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ไว้ใจเชี่ยกู๊ดส์



“เห้ย อย่าทำหน้าแบบนั้นดิ กูพูดจริงทำจริง สืบมาให้มึงได้ตั้งแต่เวลาตกฟากเลยมึง ขอแค่มึงช่วยอะไรเล็กๆน้อยๆกูอย่างหนึ่ง เท่านั้นเอง”



“อะไร”อินถามเสียงห้วน สีหน้าบ่งชัดว่าไม่ไว้ใจ



“ได้ข่าวว่ามึงแข่งโบวลิ่งชนะนัน...”กู๊ดส์ถอนหายใจให้ความระแวดระวังตัวของอิน ตอนแรกเขากะหลอกเนียนๆไปแต่ดูเหมือนอินจะหัวแข็งกว่าที่เขาคิดไว้มาก”และสัญญาว่าจะให้นันเลี้ยงข้าว แถมยังแลกเบอร์กันไว้แล้วด้วย...”



“เห้ยๆ มึงอย่าบอกนะว่า...”พูดมาถึงตรงนี้พัดเริ่มมองเกมส์ออก



“แล้วไง”ด้านอินเองก็เช่นกัน



“เย็นนี้นัดมันมากินข้าวด้วยกันอย่างที่เดิมพันกันไว้...”กู๊ดส์เว้นจังหวะเพื่อให้คนฟังมีเวลาเตรียมใจ”แต่กูกับพัดขอตามไปด้วย ไม่ต้องห่วง พอไปถึงเดี๋ยวกูจะจัดการกับไอ้นันมันเอง”



“อืม...”อินยกมือขึ้นลูบคางอย่างใช้ความคิด ถ้าฟังตามข้อเสนอดีๆจะพบว่าเขาไม่ได้เสียประโยชน์อะไรเลยแถมยังได้กินข้าวเย็นฟรีอีกต่างหาก”ก็ได้นะ แต่มึงอย่าทำอะไรรุนแรงนักละ”



เมื่อวันก่อนดูเหมือนกู๊ดส์จะมีความแค้นกับนันอยู่ไม่น้อย ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ลงไม้ลงมือกันเพราะยังไงซะนันก็ไม่เคยทำอะไรให้อินเดือดร้อน เด็กหนุ่มตกลงกับตัวเองว่าจะคอยดูคุมเชิงให้ถ้าเริ่มวางมวยกันเมื่อไหร่ก็จะเข้าไปห้ามทัพ



“ได้เลย กูจะทำเบาๆ พอหอมปากหอมคอก่อน”



ได้ยินกู๊ดส์ตอบแบบนั้นอินก็โล่งใจ แต่ทางพัดกลับหนักใจเสียแทน...



“เชี่ยกู๊ดส์หรือว่ามึง...”



“ชู่วๆ”กู๊ดส์ยกมือขึ้นจุ๊ปากห้ามไม่ให้เพื่อนที่รู้ไส้รู้พุงกันดีแบไต๋ของตัวเองออกมา พัดได้แต่ส่ายหน้ากับพฤติกรรมประหลาดของเพื่อนกับความไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของอิน



เมื่อนัดแนะเวลาและร้านกันเรียบร้อยอินก็ถูกบังคับให้โทรไปหานันแบบไม่เต็มใจนัก รอสายอยู่ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ”โหล นันเหรอ นี่อินนะ ว่างป่ะ”



“อื้ม ว่างสิว่าง สำหรับอินนันว่างเหรอแหละ หึหึ”อินยิ้มแหยให้โทรศัพท์ ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองซะแล้วมึง



“งั้นคืนนี้ก็ว่างดิ”



“คืนนี้!! เห เร็วไปมั้ง อารมณ์ไหนเนี่ย!!...”



“ตอบมาคำเดียวว่างหรือไม่ว่าง สามทุ่มที่ผับ xxx “ชักไปกันใหญ่อินเลยรีบขัดขึ้นก่อน



“ได้สิ ให้นันไปรับมั้ย”



“ไม่ต้อง มีตีน ไปเองได้ อ่อ แล้วก็ เพื่อนกูไปด้วยนะ สองคน”อินเหลือบมอง เพื่อน ที่ว่าด้วยอารมณ์หมั่นไส้ เขาไม่รู้จะจัดการกับหน้าตาระริกระรี้กับกู๊ดส์อย่างไรดี รู้แค่อยากเอาเท้าไปนาบสักทีสองที



“รับทราบคับผม!! เจอกันคืนนี้นะ บ๊าย บาย”



เป้าหมายยังไม่รู้ตัว วางสายไปด้วยน้ำเสียงดีใจ อินได้แต่ทอดถอนหายใจอย่างนึกสงสาร



หลังจากนั้นก็คุยแผนกับกู๊ดส์อยู่สี่ห้านาทีอินก็ขอตัวไปตามทางของตนเนื่องจากคาบสายวันนี้อาจารย์ชอบเช็คชื่อ ขืนโดดอีกหละก็แย่แน่ ไหนจะต้องไปเซ็นชื่อให้เจ้าดีดีอีก



ร่างของอินหายลับตาไปแล้วเหลือเพียงสองหน่อเพื่อนซี้ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้ามีลับลมคมนัยทั้งคู่ พัดเป็นฝ่ายฉีกยิ้มแล้วก็เอ่ยแซวขึ้นก่อน



“เดี๋ยวนี้เปลี่ยนแนวเป็นแบบ รุกชนรุกเหรอมึง”




“อะไร พูดถึงใคร กูก็รุกของกูเหมือนเดิม”กู๊ดส์นั่งเท้าคางสบายใจ ความจริงตึกที่นั่งกันอยู่ตอนนี้ก็คือตึกเรียนของพวกเขานั่นแหละ แต่ยังนั่งกินลมกันอยู่เพราะค่ำคืนนี้จะกลายเป็นค่ำคืนสุดพิเศษ...



“นันก็รุก”



“มันรับเห็นๆ แค่ยังไม่รู้ตัว”



“มึงก็เลยจะช่วยเขาเบิกเนตรหรือไง”



“หึหึ เดี๋ยวก็รู้ ว่าแต่กู มึงเหอะ ที่เปลี่ยนแนว”กูดส์ย้อน



สายลมพัดมาหอบใหญ่พัดพาเอาเสียงหัวเราะในลำคอของพัดให้ลอยหายไป กู๊ดส์มองแววตาสีน้ำตาลเข้มของเพื่อนสนิทผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยปริศนา หรือเรียกตามประสาชาวบ้านก็คืออมพะนำนั่นแหละ



“อย่าคิดว่ากูจะดูไม่ออกนะ สีหน้าแววตาของมึงตอนมองเพื่อนบ้านคนใหม่ของมึงนี่มัน...หึหึ ...”



“...”







“เหมือนกับตอนที่กูมองนันไม่มีผิด”






...


แหม่ แววตาที่ว่านี่มันเป็นยังไงกันเหรอจ๊ะ 55555


ก่อนอื่นเลยคงต้องขอโทษผู้อ่านที่ห่างหายไปนายขนาดนี้นะคะ

ยังไงก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้และลูกชายที่น่ารักของคนแต่งไว้ในอ้อมอกอ้อมใจอีกสักครั้งนะคะ T/\T
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 part2 ตกใจทำไม [24/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kutelittlepoly ที่ 24-05-2015 17:42:16
นี่เราตาฝาดไปหรือเปล่า? กลับมาอัพแล้ว กรี๊ดดดดดดดด :katai4:

ตกใจหนักมาก แฟนดีๆเป็น ผญ นึกว่าเป็นผู้ชายมาตลอดเลย
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 part2 ตกใจทำไม [24/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kritcha ที่ 24-05-2015 17:59:16
กลับมาแล้ว เย้ๆ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 part2 ตกใจทำไม [24/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 24-05-2015 19:57:59
ดีใจจัง กลับมาอัพแล้วววว >.,< 
ขอย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าแปป 555 ลืมค่ะ แต่เนื้อเรื่องน่ารักดี ^^
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 part2 ตกใจทำไม [24/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 24-05-2015 23:17:12
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:   จุดประทัดฉลองเอาฤกษืเอาชัย ต้อนรับการกลับมา  พรุ่งนี้มาต่อด้วยนะ โทษฐานสอบนาน   :pig2: :pig2: :pig2:   
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 part2 ตกใจทำไม [24/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 29-05-2015 15:31:46
ดีใจที่ได้อ่านต่อ จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 part2 ตกใจทำไม [24/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 29-05-2015 19:34:48
รอมานานนนนมากกกก
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 part2 ตกใจทำไม [24/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-05-2015 19:59:16
และอินก็ซื่อบื้อต่อไป
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 part2 ตกใจทำไม [24/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 30-05-2015 14:33:46
พัดอินกลับมาแล้วววว เย้~~~~
ตกใจที่แฟนดีดีเป็นผู้หญิง 5555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 part2 ตกใจทำไม [24/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 30-05-2015 16:40:00
 :hao7:   กลับมาแล้ววววว  ได้เห็นแฟนดีดีแล้ว ว่าแต่... หาแฟนได้สวยขนาดนี้เลยหรอ  ดีดีมาไกลมากๆ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 part2 ตกใจทำไม [24/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zhangwuxie ที่ 30-05-2015 22:07:52
นี่ดีดี มีแฟนเป็นผู้หญิงหรอกรึ 555 ไอ้เราก็อุสาคิดว่าผู้ชายมาตลอด
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่9 part2 ตกใจทำไม [24/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 30-05-2015 22:28:59
 :hao6:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่10 หลอกล่อ [31/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 31-05-2015 10:46:14




บทที่ 10 หลอกล่อ




   ท่ามกลางเสียงเพลงดังกระหึ่ม ณ เก้าอี้มุมลับตาคนด้านในสุดของผับชื่อดังใจกลางกรุง เด็กหนุ่มผู้จับจองโซฟาสีแดงสดหยิบยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาติดต่อกับบุคคลที่ตนนัดหมายไว้ก่อนกรอกเสียงใส่โดยไม่สะทกสะท้านต่อเสียงเพลงระดับ 90เดซิเบลของร้านแม้แต่น้อย



“อินเหรอ นันถึงแล้วนะ ตอนนี้นันเข้ามาจองที่ในร้านให้แล้ว โต๊ะด้านในสุดฝั่งซ้ายนะ อื้มๆ ไม่เป็นไร มาถึงแล้วก็โทรมาอีกทีแล้วกัน ครับๆ รอไม่นานหรอก ไม่เป็นไรครับ”หนุ่มเจ้าชู้แห่งคณะวิทยาศาสตร์นั่งยิ้มอยู่คนเดียว เขากดมือถือวางสายก่อนจะเอนตัวพิงโซฟานุ่มๆ



ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มมีความสุข ดวงตาสีดำขลับเป็นประกายเรียกสายตาจากทั้งเพศเดียวกันและต่างเพศให้หันมาจดจ้องอย่างเผลอไผล เขากำลังวาดฝันถึงใบหน้าของคนที่จู่ๆก็นัดเจอกันวันนี้อย่างอดไม่ได้



ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นหน้าเขาก็ตกหลุมรักอินเสียแล้ว รู้ตัวอีกที่ก็นั่งมองใบหน้าคมคายได้รูปซึ่งบูดบึ้งอยู่ตลอดเวลา แม้ยามที่อารมณ์ดีคิ้วเรียวๆนั่นก็ขมวดเข้าหากัน



ราวกับเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วที่คนคนนี้จะแสดงออกว่าไม่พอใจทั้งๆที่กำลังพึงพอใจ



อยากทำให้ยิ้ม...



นั่นคือความปารถนาของนัน



อยากเห็นอินยิ้มด้วยฝีมือของตัวเองสักครั้ง...



   นั่นคือเหตุผลที่เขายอมมาที่นี่



โทษที มานานรึยัง”ฉับพลันก็มีเสียงเรียกให้เขาหลุดจากห้วงความคิด นันเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่เขากำลังรอ



“แล้วเพื่อนหละ”



“เอ่อ...กำลังตามมา”อินเสตาหลบไปอีกฝั่ง ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถมเข้ามา เพิ่งคิดได้ว่าถ้าเกิดไอ้กู๊ดส์มันเลือดขึ้นหน้าโดดเข้าใส่นันจนร้านเละเทะทั้งหมดก็เป็นความผิดของอินที่ทำให้นายนันต้องเจ็บตัว



“สั่งอะไรมากินกันก่อนเลยก็ได้นะ มื้อนี้เพื่อนกูเลี้ยง...”...เลี้ยงส่งมึง อินต่อในใจ



นันสั่งเหล้ายี่ห้อแพงกับพนักงานและกับแกล้มอีกสามสี่อย่างก่อนความเงียบจะเข้าปกคลุม นายอินผู้กำลังต่อสู้กับความยุติธรรมในจิตใจเลือกที่จะปลีกตัวหันหน้าไปอีกทางและหยิบเอาโทรศัพท์คู่ใจส่งแชทหาพัดรัวๆ



สติ๊กเกอร์หมีเตะกระต่ายถูกส่งไปแบบไม่ยั้งมือ เขาพยามถามว่าทั้งสองคนถึงไหนแล้วแต่พัดก็ไม่ตอบมาเสียที อินเลยจำใจเก็บมือถือแล้วหันมาพูดคุยกับเพื่อนร่วมโต๊ะอีกคน



“นัน...”



คนถูกเรียกหันมามองโดยไม่ขานรับใดๆ นันเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงให้อินพูดต่อ ใบหน้าซึ่งนันอยากเห็นตอนยิ้มกว้างๆสักครั้งยามนี้กลับคิ้วขมวดเป็นผมหนักกว่าเดิมเล่นเอานันทำอะไรไม่ถูก



“มีอะไรรึเปล่าอิน? ทำไมทำหน้าเครียดๆ”



“เราไม่ได้มีความแค้นต่อกัน วันนี้ที่กูนัดมึงออกมาก็เพราะมีคนอยากจะเจอมึง ขอโทษด้วยที่ต้องหลอก”ประโยคเข้าใจยากเล็ดลอดมาจากริมฝีปากของอินทำเอาคนฟังงงจนพูดตอบโต้ไม่ถูก ทันใดนั้นเองสายตาของเดือนแห่งคณะวิทยาศาสตร์ผู้ถูกล่อลวงมาแบบไม่รู้ตัวก็พบเข้ากับร่างสูงของบุคคลคุ้นหน้ากำลังย่างสามขุมเข้ามายังโต๊ะของตนด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม



นันอ้าปากค้างยามเห็นรอย(แสยะ)ยิ้มทักทายนั้นชัดๆ เขารีบหันไปมองอินซึ่งนั่งอยู่ข้างๆแต่ทว่าอินกลับนั่งคุยโทรศัพท์อยู่



“อิน มึงถือโทรศัพท์กลับหัว”นันกล่าวเสียงเรียบ คนถูกจับได้ว่ากำลังหนีความผิดหัวเราะแหะๆก่อนเก็นมือถือเข้ากระเป๋าแล้วตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ยืนขึ้นทักทายกู๊ดส์อย่างสนิทสนมราวกับเป็นเพื่อนรักกันมานานนมนับแต่ครั้งสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น



“ไงกู๊ดส์เพื่อนรัก ทำไมถึงมาช้านักล่ะ”



“โทษๆ พัดแม่งหลงทางอยู่”กู๊ดส์ตอบขณะนั่งข้างๆนันซึ่งทำท่าจะลุกหนีแถมเอาแขนพาดบ่าออกแรงกระชับไว้ไม่ให้ไปไหนพ้น คนโดนจับตัวมองอินหน้าซีด”ไม่มีใครช่วยมึงได้และมึงไม่มีทางหนีพ้น ท่านกู๊ดส์คนนี้จะไม่มีวันปล่อยมึงไปไหนทั้งนั้น”



“มึง!! ขี้โกง มึงหลอกใช้อิน เลวมาก มึงพาเพื่อนมารุมกูใช่มั้ย แน่จริงก็ตัวๆดิวะ!!”นันแหวเสียงหลงพยามแกะมือปลิงของกู๊ดส์สุดชีวิต เพราะกำลังพุ่งความสนใจไปยังวงแขนซึ่งกำลังโอบรอบไหล่นันจึงไม่ทันสังเกตรอยยิ้มมีเลศนัยของนายคู่อริซึ่งเอ่ยประโยคถัดมาด้วยนัยน์ตาพราวระยับ



“พวกกูไม่รุมมึงหลอก คืนนี้พวกกูตัวๆหว่ะ ฮ่าๆๆๆ เนอะพัดเนอะ”



พัดซึ่งเอารถไปจอดจึงเข้ามาช้ากว่าเพื่อนพยักหน้าเออออไปพอเป็นพิธีจากนั้นเขาก็ลงนั่งข้างๆอิน จังหวะเดียวกับเครื่องดื่มและกับแกล้มซึ่งสั่งไปก่อนหน้านี้มาเสิร์ฟพอดี พัดเป็นกัดจัดการเทใส่แก้วแจกจ่ายให้ทุกคนเพราะนันกับกู๊ดส์กำลังรบรากันอยู่ปลีกตัวมารินเองไม่ได้ส่วนคุณอินก็นั่งเป็นคุณชายสบายใจเฉิบ



นั่งดื่มนั่งกินไปได้พอกรึ่มๆกู๊ดส์ก็เผลอคลายแรงที่เกาะกุมนันเอาไว้ นันฉวยจังหวะลุกหนีได้ก่อนจะเดินยิ้มเข้าไปหาผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มซึ่งเจ้าตัวแอบเล็งเอาไว้นานแล้ว เข้าไปหยอกล้อกันสักพักเขาก็มีทีท่าจะเล่นด้วย



กู๊ดส์วางแก้วเหล้าและลุกตามไปหาหนุ่มคนเดียวกันไอ้นันมันก็เลยชักสีหน้าใส่หนึ่งตลบก่อนจะพูดอะไรไม่รู้เนื่องจากอินอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินแล้วก็เดินไปหาอีกคนที่เล็งไว้ไอ้กู๊ดส์ก็ตามไปอีกเป็นอย่างนี้อีกสองสามครั้งนันมันเลยโมโหเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงหายไปไหนไม่รู้         



“เพื่อนมึงแม่งส้นตีน”อินกล่าวหลังเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของกู๊ดส์มาได้ระยะหนึ่ง



“ตอนแรกกูคิดว่าจะวางมวยกันซะอีก ที่ไหนได้ อุตส่าห์เสนอข้อแลกเปลี่ยนกับกูเพื่อมาหยอกล้อกันเนี่ยนะ”



“หึหึ ฮ่าๆๆ เอาน่าๆ กู๊ดส์มันก็มีเหตุผลของมัน”



“อะไรวะ”



“เดี๋ยวก็รู้ หึหึ”



อินไม่ได้ใส่ใจการหัวเราะแปลกๆของเพื่อนบ้านเท่าไหร่นักเด็กหนุ่มหันมาจิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของตนเองต่อเงียบๆ



“หมด” อินยื่นแก้วเปล่าๆส่งให้พัดผู้ผันอาชีพไปเป็นบริกรตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ “เพียวเลยเหรอวะ”อินเห็นว่าเจ้าเด็กชงเหล้าคนนี้ทะลึ่งเทเหล้าชนิดแรงลงไปเปล่าๆไม่ผสมน้ำหรืออะไรเลยทักขึ้น แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร รับแก้วที่ว่ามากระดกกินต่อ สุราไหลรินลงคออย่างรวดเร็วอย่างกับน้ำเปล่า



ความรู้สึกร้อนผะผ่าวตามลำคอ สุราเริ่มออกฤทธิ์ ความเมามายเริ่มปรากฏบนใบหน้าคมคาย



ทั้งสองคนนั่งกินนั่งดื่มเงียบๆไม่มีคำพูดระหว่างกันหลังจากนั้นประมาณชั่วโมงเศษกู๊ดส์กับนันก็ประคองกันกลับมายังโต๊ะสภาพเมาแอ๋ทั้งคู่



ตกลงว่าสองคนนี้มันสนิทกันหรืออริกัน กันแน่วะ”อินถามพลางส่ายหน้าหน่าย



“นั่นน่ะสิ กลับกันเลยมั้ย”พัดตอบ เขาลุกขึ้นไปเขี่ยขาเพื่อนสนิทซึ่งคาดเดาได้ไม่ยากว่าทั้งสองคนคงไปแข่งดวลเหล้าหรืออะไรทำนองนี้ที่โต๊ะอื่นจนเมาคอพับกลับมาเช่นนี้”เชี่ยกูดส์ ตื่น!”



“กูไม่ได้หลับ”



“มึงหลับ”



“ไม่”



“มึงเมา”



“กูไม่ได้เมา”



เขาว่ากันว่าคนเมามักจะโกหกว่าตัวเองไม่ได้เมา แต่คราวนี้อินคิดว่ากู๊ดส์มันไม่ได้เมาหัวราน้ำขนาดนั้น แค่เมาประมาณยืนตรงไม่อยู่เท่านั้นเอง ฮ่าๆๆ



...อย่าว่าแต่คนอื่นเขาเลย อินเองก็สภาพไม่ต่างกัน...



พัดถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ตามที่ตกลงกันไว้วันนี้เขาจะต้องรับหน้าที่พาทุกคนกลับไปนอนที่คอนโดเขาจึงดื่มไปไม่มาก แต่ไอ้การจะแบกผู้ชายสามคนขึ้นรถนี่ก็หนักเอาเรื่อง เด็กหนุ่งถอนหายใจพรืดใหญ่กับแผนการที่พังไม่เป็นท่าของเพื่อน



ตามที่เชี่ยกู๊ดส์กล่าวไว้เมื่อกลางวันมันบอกว่าวันนี้มันจะจัดการรวบหัวรวบหางนันตอนเมาไม่ได้สติที่คอนโดของพัดเอง นัยน์ตาสีเข้มมองความหมดสภาพของเพื่อนแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ”ไหนมึงบอกว่าจะทำให้เขาเมาแล้วไหงมึงถึงเมาไปกับเขาด้วยวะ”



“เห้อ เสร็จสักที”พัดจับเพื่อนสนิทโยนขึ้นรถเก๋งญี่ปุ่นสี่ประตูของกู๊ดส์เองขึ้นรถเป็นรายสุดท้าย เพราะวันนี้มากันหลายคนรถยุโรปสองประตูของพัดจึงไม่ได้ออกโรง ร่างสูงๆของกู๊ดส์จัดแจงท่านั่งให้ตัวเองและนันซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังเช่นกัน ส่วนอินที่เมาไม่หนักเท่าสองคนหลังก็ใช้สติที่มีเหลืออยู่รัดเข็มขัดนิรภัยและนั่งกุมขมับตัวเอง



จากนั้นรถยนต์สีแดงแจ๋ก็เคลื่อนตัวออกจากสถานบันเทิง เด็กหนุ่มทั้งสี่คนตรงดิ่งกลับไปยังคอนโดเดียวกัน



“พัด คืนนี้กูยืมห้อมงมึงนะ”กู๊ดส์กล่าว อินลอบมองจากกระจกมองหลังก็เห็นมือแกร่งกำลังนวดขมับตัวเองเหมือนพยามตั้งสติ



“อืม”พัดตอบ



“อ้าว แล้วมึงจะไปนอนไหนอ่ะคืนนี้”อินอดถามไม่ได้เพราะจำได้ว่าเคยเจอกับพัดในร้านข้าวมันำก่ครั้งก่อนเพราะเพื่อนยืมห้องคั่วสาวตัวเองเลยต้องมานอนห้องเพื่อนแทน...



จะว่าไป กู๊ดส์มันไม่เห็นพกสาวคนไหนมาด้วยเลยนี่หว่า....นายอัครินทร์ครุ่นคิดอย่างงงวย



“นอนห้องดีดี”



“อ่อ อย่างนี้นี่เอง ถุ้ย! เอาจริงๆดิวะ”




“ก็เนี่ยพูดจริงอยู่เนี่ย เมื่อกี้ไลน์ไปขอดีดีแล้ว”



“อ่อ ถ้าเจ้าของห้องยอมกูก็ไม่ว่าอะไร”



“เปล่า มันยังไม่ได้อ่าน”อ้าวไอ้เวร พูดซะเหมือนได้สิทธิ์เข้าใช้แล้ว อินหันขวับไปมองพัดตาเขียว แต่คนโดนมองกลับยิ้มมุมปากไม่สะทดสะท้านอะไร...



เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าแล้วท้องถนนจึงปราศจากรถยนต์พวกเราสี่คนใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็กลับมาถึงคอนโดของพัด อินก้าวลงจากรถคนแรก เพราะเขาดื่มไปไม่หนักนักนั่งเปิดกระจกกินลมแค่ไม่กี่นาทีก็สร่างแล้ว กูดส์ก็เช่นกัน ผิดกับนัน ไอ้อ่อนนั่นหน้ามันบอกเลยว่าไม่ไหวแล้ว



กู๊ดส์ลากร่างโปร่งของนันออกมาก่อนจะหิ้วปีกยืนรอพัดข้างรถ พัดมันก็รู้งานยื่นกุญแจให้เพื่อนมันโดยไม่ต้องขอให้เมื่อปาก    
อินเดินขนาบข้างพัดขึ้นห้องไปด้วยสภาพเบลอๆ “ตกลงว่าสองคนนั้นมันสนิทกันแล้วเหรอวะ”คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ หรือเชี่ยกู๊ดส์จะหลอกให้ตายใจแล้วก็ลากไปกระทืบในที่ลับตาคน



หัวโจกวิศวะผู้คลุกคลีอยู่ในวงการทะเลาะวิวาทมาค่อนชีวิตไม่ได้เอะใจถึงสำเหตุอื่นแม้แต่น้อย ภาพของคนที่ยกมือลูบคางท่าทีคิดหนักเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากพัดเป็นอย่างดี



“ขำไรมึง”อินถาม



“มึงไม่เคยมีแฟนสินะ”พัดพูดคนละเรื่องแต่กลับจี้ใจดำคนโสดเข้าเต็มๆ เขาล็อครถแล้วก็ปรายตามองร่างของเพื่อนและคนของเพื่อนที่พากันหายลับเข้าตัวตึกไปแล้ว



“เห้ย! มึง! รู้ได้ยังไง ดีดีบอกมึงเหรอ!?”ภายในลานจอดรถหน้าคอนโด พัดเลือกจอดรถของกู๊ดส์ไว้ตรงนี้เพราะโรงจอดรถบนตัวตึกต้องมีสติกเกอร์ของทางคอนโดติดอยู่ถึงจะเข้าจอดได้และเดี๋ยวพรุ่งนี้เพื่อนเขาก็กลับแล้วจะได้ออกรถง่ายๆ



พัดย่างสามขุมเข้ามาหาอินด้วยสีหน้าเรียบเฉย”แค่ดูก็รู้แล้ว”เขายกมือขึ้นมาเชยคางของอินซึ่งตามการกระทำของเขาไม่ทัน ไม่รอช้า นานๆครั้งเจ้าตัวจะเผยช่องโหว่กว้างขนาดนี้ พัดก้มหน้าลงประทับริมฝีปากบนกลีบปากของอินอย่างแผ่วเบา



สัมผัสเพียงพริบตาสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนโดนจู่โจมอย่างอินไม่น้อย เด็กหนุ่มอ้าปากเหวอ ใบหน้าเริ่มเห่อร้อน ไอ้ครั้นจะโวยวายหรือถีบยอดหน้าพัดสักป้าบร่างกายกลับแข็งทื่อไปทั้งอย่างนั้น



“นี่ไงเห็นมั้ย...โดนแค่นี้ก็ยืนทำอะไรไม่ถูกแล้ว”



นายอัครินทร์ผู้เกลียดความพ่ายแพ้ได้แต่มองภาพแผ่นหลังกว้างของเพื่อนบ้านออกห่างจากตัวเองไปเรื่อยๆ กว่าอินจะได้สติและรู้ตัวว่ากุญแจสำรองที่ดีดีให้ไว้ถูกมือดีฉกชิงไปแล้วก็ตอนที่พัดเดินไปถึงทางเข้าและตะโกนถามเขาว่า “จะไม่เข้าข้างในเหรอ”พร้อมชูงพวกกุญแจในมือไปมา



“เห้ย!! ขโมยกันอย่างนี้เลยเหรอ!! เอาคืนมานะเว้ย!!”



อินวิ่งตามไปเอาของๆตัวเองคืนมาจังหวะเดียวกันกับพัดที่เดินเข้าไปข้างในและปิดประตูล็อคอัตโนมัติ อินยืนเกาะกระจกหน้า



คอนโตอย่างแค้นใจ ทุปกระจกส่งเสียงปาวๆให้คนข้างในซึ่งกำลังยืนยิ้มมีความสุขอยู่อีกฟากของกระจกเปิดประตูให้




....โดยลืมเรื่องถูกขโมยจูบแรกไปเสียสนิท...





..............................................................

อ่านคอมเม้นท์ของทุกคนแล้ว ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ >< :L1: :pig4:


ขอโทษที่ทำให้รอนานด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่10 หลอกล่อ [31/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 31-05-2015 13:16:32
ว๊าว เขาจูบกันแล้ว 5555+
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่10 หลอกล่อ [31/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 31-05-2015 14:54:56
 :m20:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่10 หลอกล่อ [31/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 31-05-2015 16:47:35
เขาจูบกันแว้ววววว >///<
ปล. ตอนนี้สั้นใจ รอนะคะ
:pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่10 หลอกล่อ [31/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 31-05-2015 21:40:36
พัดนี่เนียนได้อีกน่ะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่10 หลอกล่อ [31/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 31-05-2015 22:11:55
 :hao6:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่10 หลอกล่อ [31/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 31-05-2015 22:35:29
พัดดดด ร้ายยยยนะะ 5555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่10 หลอกล่อ [31/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 01-06-2015 03:28:54
 :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่10 หลอกล่อ [31/05/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-06-2015 06:00:59
อินคะะ อย่าลืมว่าโดนขโมยจูบสิอินน คนบ้า

เราชอบอินจังเลย ฮือ ผู้ชายบื้อตรงสเป็กเลย อยากรังแก
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่11 จิ้ม [07/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 07-06-2015 16:02:52




บทที่11 จิ้ม




   ดีดีกลับมาแล้ว...เช้าวันนี้ตอนเก้าโมง ร่างเล็กๆของเจ้าเพื่อนผู้หายสาบสูญเดินลากประเป๋าเดินทางเข้ามาในห้อง แสงแดดอ่อนๆลอดเข้ามาในหน้าต่าง ร่างโปรงได้รูปของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างนายอัครินทร์ผู้มาอาศัยห้องของเพื่อนสนิทอยู่แต่ตัวเพื่อนสนิทกลับหายตัวไปเกือบสัปดาห์ทำผ้าขนหนูหลุดมือยืนตะลึงงันอยู่หน้าห้องน้ำ



ใบหน้าหล่อคมฉายแววตกใจก็ไม่ใช่ดีใจก็ไม่เชิงยามเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นเพื่อนสนิทนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น



“ดีดี!!”อินร้องเรียก



“อิน!!”ดีดีก็ร้องเรียกเช่นกัน



ฉากการกลับมาพบกันอีกครั้งท่ามกลางแสงแดดยามเช้าซึ่งลอดเข้ามาตามรอยผ้าม่าน ดีดียืนขึ้นแล้วเดินไปหาอิน ในมือหอบถุงของกินชูขึ้นอย่างภาคภูมิใจ



“มากินข้าวเช้ากันเถอะ!!”ห่อข้าวมันไก่สี่ห่อถูกส่งต่อมาให้อินซึ่งรับไว้แบบงงๆ



“ซื้อมาทำไมเยอะแยะ”แม้ของฝากจากนครปฐมจะเป็นข้าวมันไก่ซึ่งซื้อจากร้านใต้คอนโดก็ตาม อินเดินไปหยิบจานอย่างว่าง่าย ส่วนดีดีก็เดินไปเปิดผ้าม่าน



“เผื่อพัดด้วยไง ตอนเข้ามาเห็นห้องปิดมืดเลยนึกว่านอนอยู่ไม่กล้าเข้าไปในห้องนอน”เจ้าของห้องกล่าว



“อ่อ เมื่อคืนไปกินเหล้ากับไอ้พัดมาเลยตื่นสาย”



“แล้วตกลงดีกับพัดแล้วเหรอ”ก่อนออกไปร่างเล็กยังจำได้ว่าอินแยกเขี้ยวขู่เพื่อนบ้านของตนฟ่อๆอยู่เลย




“อืม มันก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร ไปปลุกมันดิ ยังนอนขี้เซาอยู่บนเตียงอยู่เลย”อินเทข้าวมันไก่ลงจาน ข้าวมันไก่สามจาน สำหรับคนสามคน ห่อสุดท้ายเอาไว้เติม



    ห้องกินข้าวของดีดีประกอบไปด้วยร่างของผู้ชายห้าคน หนึ่งคือเจ้าของห้องอย่างดีดีกำลังนั่งกินข้าวมันไก่ในจานเงียบๆข้างอินซึ่งนั่งเท้าคางมองจานข้าวมันไก่ตรงหน้าตัวเองสลับกับใบหน้าบูดบึ้งของนันซึ่งกำลังเขี่ยข้าวมันไก่ในจานไปมา



ส่วนพัดที่ต้มน้ำร้อนสำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสร็จแล้วก็เทเครื่องปรุงและนำชามส่งให้กู๊ดส์ก่อนตัวเองจะนั่งถัดจากอินและลงมือจัดการข้าวมันไก่ในจาน



บรรยากาศเงียบกริบแปลกๆ...



เมื่อครู่ ระหว่างรอพัดอาบน้ำสองคนนี้ก็มากดออดหน้าห้องและขอร่วมโต๊ะด้วย ดีดีก็อนุญาตแบบมึนๆ มันไม่รู้จักกู๊ดส์ด้วยซ้ำ กับนันยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่เพราะความใจดีของมันก็เลยให้ที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัยโดยดี



นันนั่งหน้างอเป็นตะขอ ไอ้กู๊ดส์พยามตักข้าวมันไก่ป้อนมัน มันก็ไม่ยอมเล่นตัวอยู่นั่นแหละ ผมเลิกให้ความสนใจสองคนนั้นแล้วก็นั่งกินอาหารเช้าของตัวเองต่อไปเงียบๆ



และแล้วเวลาก็ล่วงเลยไปอีกหนึ่งสัปดาห์ ช่วงชีวิตอันสงบสุขกลับมาเงือนนายอัครินทร์อีกครั้ง กิจวัตรประจำวันอย่างตื่นเช้าไปเรียน บ่ายกลับห้องมานอนอืด วนเวียนอย่างไร้ประโยชน์ หลังจากนั้นอินก็ไม่มีโอกาสได้เจอกับสามคนนั้นอีกเลย...



ทว่า...



บ่ายวันศุกร์เวลาเลิกคลาสคลาสสิคอลเมคานิกอันเป็นคาบเรียนสุดท้ายของสัปดาห์ อินรวบข้าวของใส่กระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาล เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาช่วยให้เจ้าตัวดูเป็นผู้เป็นคนขึ้น จากยามปกติที่ใส่แค่เสื้อยืดคอย้วยและกางเกงบอลเน่าๆ



“อิน มีคนมาเรียก ยืนรออยู่หน้าห้องนู่น”เพื่อนร่วมคลาสคนหนึ่งเรียกขึ้น วิชานี้มีแค่อินคนเดียวเท่านั้นในกลุ่มที่ลงเรียนทันทำให้เขาต้องนั่งเรียนคนเดียว



   อินขมวดคิ้วสงสัย หากเป็นเพื่อนสนิทมันคงโทรมา หากเป็นคนรู้จักคงเดินเข้ามาหา การกระทำแปลกๆของแขกผู้มาเยือนทำให้อินอดสงสัยไม่ได้ เด็กหนุ่มเดินออกมาหน้าเล็คเชอร์รูมและเริ่มกวาดตามองหาคนเรียก



“อิน”โดยไม่ต้องเดินไปหาคนคนนั้นก็เข้ามาทักอินเอง ใบหน้าหล่อได้รูปของเดือนคณะวิทย์ปรากฏเข้าสู่สายตา เนื่องจากคณะวิศวะเป็นคณะที่ผู้ชายเยอะกว่าผู้หญิงการมาเยือนของคนหล่ออย่างนันจึงไม่เป็นที่สนใจนัก



อินต่อสายโทรออก ไม่นานอีกฝ่ายก็รับ



“สวัสดีครับ”เสียงทุ้มของพัดตอบกลับมาอย่างสุภาพ สงสัยเห็นเบอร์แปลก เบอร์มันผมไม่ได้ขอจากมันตรงๆหรอก แต่ดีดีมันยัดเยียดมาให้เมื่อเช้าพอดี



   “พัดเหรอ กูอินนะ ไอ้นันมันให้กูโทนัดเพื่อนมึงไปเจอกันที่เดิมคืนนี้หวะ”



“เหรอ โอเคได้ๆ เดี๋ยวบอกกู๊ดส์ให้ แล้วมึงจะไปด้วยไหม?”คำชวนของพัดทำให้ผมคิดหนักนิดหน่อย แม้วันนี้จะไม่มีแผนอะไรแต่ก็ขี้เกียจไปไหนมาไหนกับคนไม่สนิทบ่อยๆ



“อืม...ไปด้วยก็ได้วะ”สุดท้ายก็ตอบตกลงไป



พวกเราคุยกันอยู่สักพักก็ได้ข้อสรุป




“งั้นทุ่มครึ่งมึงมาเคาะห้องเรียกด้วยแล้วกันนะ”พอพัดพูดจบอินก็กดตัดสายไปมือถือก็ดังขึ้นทันที



นันที่รออยู่อย่างลุ้นระทึกสะกิดจึกๆตรงต้นแขนอิน นัยน์ตาสีดำขลับเป็นประกายเหมือนจะสื่อว่า สำเร็จใช่มั้ยๆ...



   “อืม มันไป มึงขอเบอร์กันเองเลยนะวันนี้”อินตอบเสียงเรียบ ยกมือขึ้นขยี้หัวไปมาตอนแรกเขาคิดจะชวนดีดีไปด้วยแต่ก็นึกขึ้นมาได้ก่อนว่าคืนนี้เจ้าเพื่อนยากมีคิวดูอนิเมสดจากญี่ปุ่นอะไรของมันก็ไม่รู้มันคงไม่ไปด้วยหรอก



ฉับพลันเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นอีกครั้งโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงคนใจร้อนหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาและกรอกน้ำเสียงแห้งแล้งลงไปเพราะคิดว่าคนที่โทรมาคือพัด



   “อะไรอีกวะ”คนกำลังจะไปหาไรกินรองท้องแม่งโทรกันจัง



   “อิน พูดไม่เพราะเลยลูก แม่จะถามว่าเมื่อไหร่อินจะกลับบ้านมาบ้าง” เสียงอ่อนโยนพูดมาตามสาย อ้าวฉิบหายแล้ว อินรีบเอามือถือมาดูชื่อ แม่ฉายอยู่บนหน้าจอ



เด็กหนุ่มเห็นดังนั้นจึงโบกมือไล่นันหยอยๆเจ้าตัวที่ได้ดั่งใจแล้วก็จากไปโดยดี...



“ขอโทษครับ พอดีลืมดูชื่อเลยคิดว่าเพื่อนโทรมา...อ่า...เอาไว้ผมค่อยกลับวันหลังได้ไหม”อยู่ต่อหน้าเพื่อนจะพูดจะเอ็ดตะโรอย่างไรแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแม่อินก็เป็นเพียงลูกชายคนหนึ่งเท่านั้น”ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อยน่ะครับ”



“เหรอ...”น้ำเสียงของแม่ดูผิดหวังแต่ช่วงนี้เขาก็ยุ่งจริง(แล้วคืนนี้ทำไมเอ็งถึงไปเที่ยวได้ฟร่ะ)ทั้งการบ้านทั้งสอบย่อยอีกเยอะแยะเลย อินกล่าวขอโทษอีกรอบ...แต่จริงๆถึงอินจะไม่กลับบ้านแต่แม่ก็ไม่เหงาหรอก...



เพราะแม่ยังมีน้องชายตัวดีอีกสองคนอยู่ด้วย...




คิดแล้วก็เขานี่แหละที่เหงา เป็นลูกชายคนโตที่อายุห่างกับน้องเป็นสิบปี...ตั้งแต่น้องเกิดมาอินก็ต้องเสียสละทุกอย่างให้น้องในฐานะพี่เสมอ...



“จ้าๆแม่เข้าใจ แต่ก็กลับบ้านบ้างนะ น้องๆคิดถึง” เสียงอ่อนโดยนของแม่ดังมา ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอีกสองสามนาทีก็ล่ำลากันไป



อินยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าเขาจะไปไหนต่อดีสุดท้ายก็คิดไม่ออกจึงมุ่งหน้ากลับคอนโดตามประสาคนเกียจคร้าน...ขนาดไปเดินห้างมันยังขี้เกียจ...



และแล้วก็ได้เวลานัดหมายร่างโปร่งเดินออกจากห้องของดีดีและไม่ลืมแวะกดกริ่งหน้าประตูของคนห้องข้างๆ เห็นว่าวันนี้พัดจะเอารถไปอินก็เลยได้โอกาสติดสอยห้อยตามไปด้วย...แต่ถ้าพัดมันเอารถไปเองแบบนี้ก็แสดงว่าคืนนี้กู๊ดส์จะไม่มาค้างด้วยสินะ...
รอไม่นานเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดประตู



ร่างสูงหุ่นดีอย่างคนออกกำลังกายเปิดประตูห้องออกมา พัดอยู่ในชุดเสื้อยืดแขนแค่ศอกเข้ารูปสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์สีเข้ม รองเท้าสีเหลืองตัดดำ แค่นั้นเองจริงๆ แต่ทำไมดูดี แต่ถึงยังไงก็สู้เขาไม่ได้หรอก อย่างหล่อ เสื้อยืดคอวีแขนสั้นสีดำเข้ารูปกางเกงขายาวสีดำ มีอุปกรณ์เสริมนิดหน่อยครับตรงข้อมือใส่สายหนังมีลายไขว้ๆ สรุปได้อย่างหล่อครับรองเท้าผ้าใบสีส้มดำ



“วันนี้หล่อหนิ”พัดเอ่ยชม



“กูหล่อทุกวันแหละ”อินกล่าวแย้งทำเอาฝ่ายชมหัวเราะแห้งๆ



...ปกติเขาต้องชมกลับว่ามึงก็หล่อเหมือนกันไม่ใช่หรือไง...




เวลาหนึ่งทุ่มยังเป็นช่วงปลายของชั่วโมงเร่งด่วนทำให้ทั้งสองคนติดแหง่กอยู่บนถนนเกือบชั่วโมงและในที่สุดเวลา 20นาฬิกาพวกเขาก็เดินทางมาถึงร้านจนได้



“กูบอกมึงแล้วว่าให้เลี้ยวเข้าซอยนั้นมันเป็นทางลัดก็ไม่เชื่อ!!”ผู้โดยสารรถนอกปิดประตูรถและเดินตามบ่นเจ้าของรถอย่างหัวเสียการที่พวกเขามาเลทขนาดนี้โทษใครไม่ได้เลยนอกจากพัด!



“มิน่าครั้งก่อนพวกมึงถึงได้มาช้า!!”



พอเข้าไปในร้านชะเง้อคอมองหาเดี๋ยวเดียวก็เจอไอ้นันกับกู๊ดส์นั่งรออยู่ที่เดิมแล้วเพราะทั้งสองคนใช้ใบหน้าดึงดูดสายตาของสาวๆแต่งตัววาบหวิวในผับเป็นจุดเดียว ระหว่างเบียดตัวผ่านฝูงชนซึ่งยืนกันเต็มฟลอเต้นก็เห็นว่ามีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปทักสองคนนั้น



“เดี๋ยวก่อน”อินถูกมือของพัดรั้งแขนเอาไว้และก็เพยิดหน้าให้ดูสถานการณ์น่าสนุกบางอย่าง อินมองตามแต่โดยดีเขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มเดินเข้าไปคล้องคอกู๊ดส์และนั่งลงบนตักฝ่ายชาย มองไกลๆเห็นไม่ชัดแต่ก็เดาได้ว่าหน้าอกตู้มๆของหล่อนนั้นคงเสียดสีไปมาบนร่างกำยำของไอ้เหี้ยนั่น



“พัด กูถามมึงอย่าง”



“หืม”คนถูกเรียกละสายตาจากเพื่อนหันมาหาอิน ตอนนี้ทั้งสองคนย่องเข้ามาใกล้โต๊ะที่นัดกันไว้จนระยะพอให้ได้ยินเสียงพูดคุยแว่วๆ




“มึงจะซุ่มทำเพื่อ?”



“น่าๆ เดี๋ยวมีอะไรสนุกๆให้ดู”พัดยิ้มกริ่ม เป็นรอยยิ้มที่อินเกลียดที่สุดในรอบวัน



“ปล่อยนะ!”เสียงห้าวดังแหวขึ้นกลางอากาศ ดังพอให้ขาเสือกสองคนได้ยิน  ทีแรกคิดว่าเสียงขับไล่นี้เป็นของคนถูกเกาะแกะแต่ผิดคาด นันหันมาจ้องหน้าสองคนซึ่งกำลังฟัดเขม็ง เพื่อนของสาวคนนั้นที่ยังยืนอ่อยนันอยู่ก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก



ส่วนพัด...ฟุบกับโต๊ะแล้วก็หัวเราะจนท้องแข็ง



“ทะ ทำไมเหรอคะ”หญิงสาวถาม



“คนที่คุณกำลังวอแวอยู่นั่นน่ะคือ...”



“คะ?”








“เมียผมนะ!!”






พูดจบก็ตกใจในคำพูดของตัวเอง ตั้งแต่เข้ามาในร้านนี้นันถูกกวนประสาทต่างๆนาๆทำให้เขาฟิวส์ขาด ความเงียบเข้าปกคลุมกลุ่มคนดังกล่าว คนโยนระเบิดลงกลางวงอย่างนันวิญญาณหลุดไปแล้ว คนแอบฟังอย่างอินหรือคนที่ได้ยินอย่างสาวๆกลุ่มนั้นก็ตัวแข็งเป็นหินไปแล้วเช่นกัน




“พวกคุณปะ...เป็นเกย์!! กรี๊ดดด หลอกให้จีบอยู่ตั้งนาน พวกขุดทอง!!!!!”พูดจบก็สะบัดนมจากไปทั้งกลุ่ม



“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!”ส่วนพัด...เงยหน้าขึ้นเพดานแล้วก็หัวเราะแบบไม่เกรงสายตาประชาชี ร่างสูงลุกขึ้นเดินไปหาเพื่อนสนิทซึ่งยกมือกุมขมับหลังถูกกล่าวหาสดๆร้อนๆว่าเป็นฝ่ายรับ พัดแตะบ่าของเพื่อนซึ่งถูกหญิงทิ้งทั้งกลุ่มเหมือนให้กำลังใจแต่ที่จริงกำลังเยาะเย้ย



“ตกลงคืนนั้นมึงถูกจิ้มเหรอวะ”ระหว่างที่วิญญาณของนันยังไม่เข้าร่างและอินยังตัวแข็งเดินมานั่งร่วมโต๊ะไม่ได้



”ถูกจิ้มห่าไร?กูเป็นคนจิ้ม!!”



“แล้วไมมันพูดแบบนั้นวะ”



“ก็วันนั้นอ่ะ มันเมามากใช่มะ กูก็กะเนียนๆกดมันไป แต่มันดันได้สติขึ้นมาระหว่างทาง ร้องยังกับไก่โดนตอน กูเลยหลอกมันไปว่า คืนนี้กูจิ้ม คืนหน้าให้มันจิ้ม ผลัดๆกันไป”กู๊ดส์อธิบายรายละเอียด



“อ่อ คืนนี้นันเลยนัดมึงมาจิ้ม?”



“ประมาณนั้น...ว่าแต่มึงเหอะ เมื่อไหร่จะจิ้ม?”กู๊ดส์ถามเพื่อนสนิท ถึงมันจะไม่พูดอะไรแต่บรรยากาศเวลามันอยู่กับเพื่อนบ้านของมันคนนั้นเขาก็รู้ได้ในทันที พูดแล้วก็มองหา เมื่อครู่เขาเห็นพวกมันลากโต๊ะใกล้ๆมานั่งฟังเรื่องสนุกกันแล้วแต่ไม่เห็นว่าอินจะเดินตามพัดมาเลย



“จิ้มไรกันวะ?”ฉับพลันเสียงของหัวข้อสนทนาก็ดังขึ้นในระยะเผาขน หัวใจของคนนินทาตกลงไปถึงตาตุ่ม



“...”



“...”



“จิ้มจุ่ม...”




หลังจากยืนเงิบจนอินเลิกให้ความสนใจแล้วก็เดินไปนั่งข้างๆนันแล้วพัดก็ตอบแบบอ้อมๆแอ้มๆ



“หึ...”อินกระตุกยิ้มมุมปากและทำทีเป็นไม่สนใจคำแก้ตัวโง่ๆของพัด เขาเดินมาที่โต๊ะตั้งแต่ตอนที่เจ้าพวกนั้นเริ่มคุยกันแรกๆแล้วจึงได้ยินเกือบหมดทุกอย่าง อินยกแก้วเทเหล้าเข้าปากขำๆ




ไอ้นันนะ...ไอ้นันเอ๋ย มึงมาแอ่วกูแต่โดนคนอื่นแอ่วซะเองแบบนี้น่าเศร้าไปหน่อยนะมึง



“ไม่ต้องเครียดไปมึงคนเรามันก็มีพลาดพลั้งกันได้”อินกล่าวปลอบคนโดนจิ้ม




“อา...อืม...”เพราะความช็อคทำให้อะไรๆไม่เข้ารูปเข้ารอยนัก นันนั่งหมุนแก้วเหล้าในมือไปมาเหมือนโดนไขลาน



“คืนนี้มึงต้องเป็นฝ่ายจัดการนะ กูเอาใจช่วย!”เด็กหนุ่มตบบ่าให้กำลังใจคนข้างตัว...



“โอเค!!”



นายอัครินทร์ทั้งปลอบใจและให้กำลังเขาไม่รู้หรอกว่านายนันจะทำสำเร็จไหมและไม่รู้เลยว่าตัวเองก็ตกอยู่ในสถานะไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก...





.........................................................


ตอนหน้ามาจิ้มกันเถอะ!!!!(?)

คนแต่งจะใช้พลังลมปราณทั้งหมดที่มีแต่งตอนหน้าออกมานะคะ 5555555555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่11 จิ้ม [07/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 07-06-2015 16:30:52
ใครจะจิ้มใครล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่11 จิ้ม [07/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 07-06-2015 19:09:39
จะได้จิ้มรึเปล่าน้าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่11 จิ้ม [07/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 07-06-2015 19:21:53
ดิฉันขำตอนนันประกาศความเป็นสามีมากค่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่11 จิ้ม [07/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 07-06-2015 19:46:49
เค้าจะรอจิ้มจุ่มนะ น่าจะแซ่บ  :hao6:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่11 จิ้ม [07/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 07-06-2015 22:18:13
จิ้มจิ้มจิ้ม เอิ้ว จิ้มจิ้ม  :katai5:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่11 จิ้ม [07/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 08-06-2015 00:23:44
จิ้มๆ จิ้ม  จื้มจุ่ม  :o8: :o8: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่12 ปมในใจ [13/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 13-06-2015 17:01:10




บทที่12 ปมในใจ(?)





เขาว่ากันว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น อินมองส่งรถเก๋งสีแดงแจ๋ของกู๊ดส์เคลื่อนตัวออกจากร้านไป เห็นว่าวันนี้ไอ้นันจะจัดการรวบหัวรวบหางให้ได้ก็เลยพากู๊ดส์ไปที่คอนโดของตัวเอง...ต่อสู้ชัยภูมิที่คุ้นเคยย่อมได้เปรียบในสงคราม...อะไรประมาณนั้น...



“พัด”อินยืนบิดขี้เกียจและอ้าปากหาวไม่เกรงใจใคร”เพื่อนมึงอ่ะ ฟันไอ้นันทำไมวะ”



ดูเหมือนวันนี้ทุกคนจะพร้อมใจกันกินเหล้าไม่หนัก นันกับกู๊ดส์น่ะเข้าใจเพราะเดี๋ยวต้องไปสู้รบกันอีกแต่พัดซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกลับนั่งจิบเหล้าเงียบๆ อินที่กะจะซัดเอาซัดเอาพอไม่มีเพื่อนกินก็เลยไม่มันส์



พัดยิ้ม”ก็มันชอบของมัน”



“เห้ย!! ชอบจริงเหรอวะ อ่อ งั้นที่ไปตามราวีเขาอยู่นานนี่คือตามจีบสินะ เหอๆ”ได้ยินแล้วถึงกับหัวเราะไม่ออก



“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ คนเราก็อยากอยู่กับคนที่ตัวเองชอบนานๆใช่ไหมหละ”เสียงทุ้มกล่าว พัดก้าวเดินมายืนข้างๆอิน



“เออๆ เอาเถอะ...ไม่เกี่ยวกับกู เราก็กลับกันได้ละ”



“อืม”



เมื่อไม่มีธุระอะไรทั้งสองคนก็เดินทางกลับคอนโดตัวเองเช่นกัน ระหว่างทางอินก็บ่นถึงอาจารย์ในคณะไปเรื่อยเปื่อย คงเพราะเมากึ่มๆการพูดคุยเลยดำเนินไปอย่างออกรส



“แล้วมึงรู้อะไรมั้ย...พี่แกเข้าสอนแค่คาบนั้นคาบเดียว แล้วก็หายยาวเลยเว่ย...อะ...ถึงแล้วเหรอ”น้ำเสียงเสียดายเมื่อรถเคลื่อนตัวจอดเข้าที่ พัดหัวเราะในลำคอก่อนจะดับเครื่องและเดินลงจากรถ



“ชิส์”อินขยี้หัวแบบเสียดาย เขาอุตส่าห์นินทาอาจารย์ผู้ไม่เข้าสอนเลยอย่างเมามันแท้ๆ...



“เอาไว้พรุ่งนี้มาเล่าให้ฟังต่อนะ”พัดกล่าว เขาตบไหล่อินเบาๆเหมือนปลอบใจ



“ไม่เล่าแล้วเว้ย!!”



การตอบสนองไม่ต่างจากที่คิดเท่าไหร่นัก อินที่พัดรู้จักมักจะต่อต้าน(?)บอกให้ทำอะไรมักจะทำตรงกันข้ามเสมอ...
หลายคนอาจจะมองว่าเป็นตัวปัญหา แต่สำหรับพัดซึ่งมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจนิสัยของอินจึงเป็นเรื่องดี



“งั้นฝันดีนะ”ร่างสูงซึ่งกำลังจะไขกุญแจเข้าห้องของตัวเองหันมาล่ำลาเพื่อนบ้านซึ่งเดินล้วงกระเป๋าไปทางห้องของดีดี ในทีแรกก็เหมือนเดินล้วงกระเป๋าแบบจิ๊กโก๋อยู่หรอกแต่ดูอีกทีเหมือนกำลังควานหาอะไรอยู่มากกว่า



“อะ...”



และหาไม่เจอเสียด้วย...



“กุญแจห้อง”มือเรียวดึงไส้กระเป๋าทุกอันออกมาดูและก็ไม่พบแม้แต่เงาของสิ่งที่ต้องการ เนตรคมกลอกไปมาอย่างเซ็งโลก...



“ลืมไว้ในรถหรือเปล่า”พัดปิดประตูห้องตัวเองแล้วก็ถามด้วยความหวังดี


“ไม่นะ...กูจำได้ว่าตอนนั่งในร้านมันทิ่มขากูก็เลยเอามาวางไว้บนโต๊ะ...จากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย หรือว่ากูไม่ได้หยิบมาวะ แต่ตอนออกมากูก็ไม่เห็นมันวางอยู่เลยคิดว่าเก็บมาแล้ว...หรือว่าจะมีคนหยิบผิดไป...”อินยกมือลูบคางอย่างใช้ความคิด เขาพยามเค้นความทรงจำอันเลือนราง



 “โทรให้ดีดีมาเปิดสิ”พัดเสนอ



อินส่ายหน้าแทนคำตอบ”ป่านนี้มันนอนฝันไปสามเรื่องแล้ว กูเกรงใจไม่อยากปลุก”แหงล่ะ มาอาศัยเขาอยู่แล้วยังสร้างความวุ่นวายกลางดึก ถึงเจ้าของห้องไม่ว่าอะไรแต่คนอาศัยก็ควรมีจิตสำนึกเอง...



และแล้วเด็กหนุ่มก็เหลือทางเลือกสุดท้าย



เขาหันขวับไปหาอีกคนซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง คิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังเอาชนะความกระดาก แล้วริมฝีปากบางก็เอื้อนเอ่ยคำขอร้อง...



“คืนนี้กูขอค้างห้องมึงได้ไหม?”เสตามองผนังแล้วก็เปล่งเสียงออกไป...



“อืม”ตอบเพียงสั้นๆ พัดเปิดประตูห้องและผายมือเชิญด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม



“ขอบคุณ...”อินยกมือเกาท้ายทอยแบบเก้อๆ ถึงจะเคยมาพักครั้งหนึ่งก็เถอะแต่ตอนนั้นมันกำลังหนีตาย(ผี?)อยู่ก็เลยลืมอาย...



“มึงเข้าไปอาบน้ำก่อนเลย เดี๋ยวกูหาชุดให้”เจ้าของห้องพูดพลางผลักร่างโปร่งให้เซเข้าไปในห้องน้ำแล้วก็บังคับปิดประตูดังปึง! คนถูกบังคับให้อาบน้ำก่อนขมวดคิ้วงุนงง ยืนค้างอยู่หน้าอ่างล้างมืออยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะตั้งสติได้ว่าควรอาบน้ำตามที่พัดบอก



มือเรียวถลกเสื้อออก เผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียน ต่ำลงมาเป็นหน้าท้องซึ่งมีกล้ามแบบกำลังดีตามประสาคนอยู่ไม่สุข...ก่อนจะถอดเข็มขัดละดึงกางเกงขายาวลงไปกองแทบเท้าเหลือแค่กางเกงชั้นในสีแดงเข้ม อินจัดแจงพาดเสื้อผ้าทั้งหมดไว้ที่ราวตากก่อนจะชะงักมือที่กำลังจะถอดกางเกงใน...



เดี๋ยวนะ...!



ลืมเอาผ้าขนหนูเข้ามานี่หว่า...



โชคดีที่ยังแก้ผ้าไม่เสร็จ แต่จะเดินออกไปหยิบในสภาพนี้ก็ล่อแหลมเกินไป...



“อืม...”



ด้วยสันดานขี้เกียจทำให้นายอัครินทร์ไม่อยากใส่กางเกงกลับเข้าไปใหม่



ก็อกๆ...



ไวเท่าความคิด...เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้น อินยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อแง้มประตูออกไปพบกับร่างสูงของเจ้าของห้องจึงลอดมือผ่านช่องเล็กๆออกไปและแบออกรอรับผ้าขนหนู แต่ทว่า...



“...”



ยืนรอเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่วางผ้าขนหนูลงมาบนมือเสียที



“เห้ย เร็วๆดิวะ!”ยืนค้างในสภาพเอาตัวหลบหลังประตูแล้วก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปโบกไปมาแบบนี้ก็อายเป็นใน ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ...



“จะเอาอะไรเหรอ?”



ฉับพลันบานประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก เพราะมันเป็นประตูแบบบานเลื่อนไม่ใช่แบบบานพับทำให้คนที่พิงประตูอยู่เสียหลักการทรงตัว



“เห้ย!!”



พัดซึ่งตั้งใจจะมาบอกว่าฝักบัวเสียให้อาบในอ่างไปก่อนรีบคว้าตัวเอาไว้แทบไม่ทัน



“ไอ้เหี้ยยย!! กูจะเอาผ้าขนหนู!!”



ผลั่ก!



ปัง!



อินรีบเด้งตัวออกจากวงแขนแกร่งด้วยสัญชาติญาณทำให้บาทางามๆกระตุกก่อนสมองจะสั่งการ อินใช้ตีนยันท้องของพัดจนกระเด็นแล้วก็ปิดปังตูใส่เสียงดังด้วยใบหน้าขึ้นสีแดงจัดไม่แพ้กางเกงในของเจ้าตัว



พัดซึ่งถึงกับจุกยันตัวลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก พลันหูก็แว่วได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากห้องน้ำ



“เจ็บมั้ยมึง กูขอโทษ...ตีนกูไว”



จุดรอยยิ้มที่มุมปากเช่นเดิมแล้วก็กล่าวปฏิเสธไป พัดหยิบผ้าขนหนูให้ตามคำขอ ไม่นานหลังจากนั้นอินก็อาบน้ำเสร็จ เด็กหนุ่มในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาเดินไปบอกพัดให้ไปอาบต่อจากนั้นก็ใส่เสื้อยืดกับกางเกงบอลที่พัดจัดแจงไว้ให้..



หลวมแหะ...



ดูเหมือนพัดจะใส่เสื้อไซส์ใหญ่กว่าอินหนึ่งไซส์ ทำให้คอเสื้อเจ้าปันหาเคลื่อนคล้อยลงมาเกือบหัวไหล่ เผยให้เห็นต้นคอและกระดูกให้ปลาร้าดูมีเสน่ห์...



“ไง ไอ้เมลิค ไม่เจอกันนานเลยนะมึง...”



ใช้นิ้วเรียวคีบหูเจ้าสัตว์หน้าขนไปมา อินอุ้มกระต่ายขนฟูซึ่งก่อนหน้านี้เคยเล่น(?)ด้วยกันมาแล้วครั้งหนึ่งขึ้นมาก่อเหตุปะทุสะร้าย เจ้ากระต่ายน้อยดูเหมือนจะตัวใหญ่ขึ้นตามประสาสัตว์กินพืชโตเร็ว มันออกแรงขาถีบไปมาอย่างแรง



“เห้ย! อย่าดิ้นดิ”



ด้วยความไม่ระวังเจ้าเมลิคจึงหลุดมือไป มันวิ่งหายเข้าไปใต้โซฟาหน้าทีวี ทีแรกอินก็กะจะปล่อยมันไปตามทาง แต่ทว่า...



กึกๆๆๆๆๆๆๆ



“ไอ้หน้าขน อย่าเล่น เดี๋ยวพ่อมึงหาว่ากูทำให้ของเขาพัง”ส่งเสียงเอ็ดกระต่าย หากแต่ไม่มีเสียงตอบกลับเพราะกระต่ายฟังภาษา
ไทยไม่ออก อินขยี้หัวอย่างเหลืออด”นี่! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!!”ร่างโปร่งนั่งคุกเข่าแล้วก็โน้มตัวไปใต้โซฟา แต่แล้วภาพที่เห็นก็ทำให้เขาถึงกับเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง!!



ติด...!!!



ร่างอ้วนๆของกระต่ายวัยกำลังโตไม่เจียมสังขาร ลอดเข้าไปใต้โซฟาตัวที่มันเคยผ่านได้อยู่ดีๆเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว...หากแต่ไม่ใช่กับวันนี้...



“เมลิค มานี่มา โม๊ะๆๆๆๆ”เมลิคไม่ใช่ปลาเก๋า....นายอัครินทร์ตกใจจนเสียสติ...



“เอาไงดีวะ”รำพึงกับตัวเอง ถ้าฝืนขยับโซฟามีหวังไอ้กระต่ายนี่ได้โดนลากไปด้วย ดีไม่ดีมีไส้แตกกันไปข้าง จะยกโซฟาขึ้นแล้ว
ก็ให้มันวิ่งออกมาเองก็คงไม่ไหวเพราะเจ้าหน้าขนดันติดอยู่ตรงกลางพอดี แถมไอ้โซฟานี่ก็ใหญ่เกินจะแบกคนเดียวด้วย...



“ไอ้กระต่ายสร้างแต่เรื่อง ทำใจดีๆไว้นะ จะพาออกมาเดี๋ยวนี้แหละ อื๊บบบ...”อินยื่นแขนเข้าไปคว้าตัวเมลิคไว้ได้สำเร็จก่อนจะออกแรงดึงออกมา เจ้าสัตว์ฟันแทะผู้อยู่ในภาวะตื่นตูมถูกจับแบบไม่ทันตั้งตัวมันเลยออกแรงขัดขืน



“โอ๊ย”ทำให้มือของอินไปครูดโดนอะไรบางอย่างเข้า...



“ทำอะไรอยู่เหรอ” พัดมองสภาพร่างสูงโปร่งกำลังงมอะไรสักอย่างอยู่ด้วยแววตาประหลาด อินเลยรีบออกแรงดึงรวดเดียวร่างเล็กๆก็หลุดติดมาออกมา เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วก็ยื่นเมลิคให้พ่อของมันแล้วก็ผิวปากเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...



“รอดตัวไป”เสียงห้าวเอ่ยกับตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงอย่างถือวิสาสะ ทันใดนั้นเองก็ถูกเปิดของ



เจ้าของห้องเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องยาเรียกสีหน้าสงสัยจากอินได้เป็นอย่างดี...หรือว่า



“กระต่ายมึงบาดเจ็บเหรอ!? กูขอโทษ กูไม่ได้ทำนะ มึงอ่ะแหละ ซื้อเครื่องเรือนไม่ดูสัตว์เลี้ยง!”คนมีความผิดรีบผุดลุกขึ้นนั่งแล้วก็โบกไม้โบกมือให้เจ้าของสีหน้าเรียบเฉยซึ่งกำลังย่างสามขุมเข้ามาใกล้ตนเรื่อยๆไม่โมโหจนไลตะเพิดให้ไปนอนสะพานลอย
พัดคว้าเอามือของอินที่โบกไปมาเอาไว้



“จะทำ...อะไร...”



แล้วก็ค่อยๆดึงเข้ามาใกล้ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่ขอบเตียง อินมองเลือดสีแดงสดซึ่งไหลออกมาจากหลังมือของตนอย่างแปลกใจ”คงได้มาตอนจับเมลิค...”แต่ไม่รู้สึกเจ็บเลยจนกระทั่งเมื่อกี้แฮะ



“อยู่เฉยๆได้สักทีนะ นั่งดีๆสิเดี๋ยวทำแผลให้”



“กูไม่ใช่ลูกมึง”อินเถียงพลางยื่นมือไปให้แต่โดยดี



“เย็นชาจังนะ”พัดว่าขณะนำสำลีชุบน้ำยาฆ่าเช้าทาเบาๆหลังมือของอิน ฝ่ายคนโดยว่าก็มองกรรมวิธีนั้นอย่างชั่งใจ...แผลแค่นี้ต้องรักษากันขนาดนี้เหรอ? คงเพราะเรียนวิศวะไม่ได้เรียนหมอ...เชื้อโรคมีอยู่ทุกทีถ้าปล่อยให้มันเข้าสู่ร่างกายได้ต่อให้หัวแข็งขนาดไหน(?)ก็ต้องป่วย



“ใครจะอ่อนโยน รักสัตว์เหมือนมึงล่ะ”ยังไม่วายเถียงกลับ...



“หมายถึงกับเมลิคหรือกับมึงล่ะ”ร่างสูงกลั้วหัวเราะในลำคอแล้วก็เหลือบมองใบหน้าของอิน



“กับเมลิคสิ....เห้ย! มึงว่ากูเป็นสัตว์เหรอ!?”



“อะ ฮ่ะๆๆๆ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอกนะ โอ๊ย เจ็บๆๆ”ปากบอกปฏิเสธแต่กลับหัวเราะร่วนคนได้ยื่นมืออีกข้างไปดึงแก้มอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้



“พอแล้ว พอ!...เห้อ ชอบใช้ความรุนแรงจริงเลยให้ตายสิ...ที่กูจะพูดก็คือ เวลาปกติกูไม่ใช่คนรักสัตว์อะไร แต่กับเมลิคนี่เป็นกรณีพิเศษ”เสียงทุ้มกล่าว ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ฉายแววเศร้ามอง...อินที่ปรับอารมณ์ตามไม่ทันเลยได้แต่นั่งแน่นิ่งรอคำพูดต่อไป



“มึงรู้จักสวนสาธารณะที่อยู่เลยแยกตรงนั้นไปไหม”พัดเว้นจังหวะ สูดลมหายใจลึก”กูชอบไปขี่จักรยานเล่นที่นั่นตอนเย็นๆ...แล้วอยู่มาวันหนึ่ง...กูก็ได้พบกับผู้หญิงคนนั้น...”



สิ้นคำอินก็เบิกตากว้างตกใจ เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวบางอย่างได้...



เมื่อปีที่แล้วม่อนเพื่อนรักเคยซื้อลูกหมาให้แฟน...อย่าบอกนะว่า...เมลิคนี่ก็...



“เธอเป็นคนสวยมากๆเลย ผมสีน้ำตาลทองยาวถึงกลางหลังสะท้อนแสงอาทิตย์อัศดงดึงดูดให้กูละสายตาไปจากเธอไม่ได้เลย...รอยยิ้มที่มอบให้กูตอนคุยกันมันอบอุ่นไปถึงหัวใจเลยล่ะ...”



อา...ชัดเลย ไอ้พัดมันต้องจีบหญิงด้วยกระต่ายแล้วก็โดนหักอกเลยต้องนั่งเลี้ยงเองเหมือนพ่อลูกติดอย่างไรอย่างนั้น



“อยู่มาวันหนึ่ง...เธอก็ชวนกูแข่งกันขี่จักรยาน...เราแข่งกันไปเรื่อยๆจนกูนำเธอมาได้สักพักก็เลยผ่อนแรงให้ แต่ตอนที่กำลังชะลอรถแล้วก็หันไปมองหาเธอนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงดังและรถของเธอก็เสียหลัก กูถามไปว่าเกิดอะไรขึ้นเธอก็บอกว่าไม่มีอะไร เหมือนไปชนอะไรสักอย่างเข้าแต่ก็ช่างมันเถอะ...”



“...”



“กูก็เลยไม่ได้ใส่ใจ แต่พอแข่งกันเสร็จแล้วขับรถย้อนมาอีกทีนึง...”



พัดถอนหายใจเฮือกใหญ่ วางกล่องยาลงบนพื้นแล้วก็ล้มตัวลงนอน คนฟังอย่างอินก็เลยทิ้งตัวลงข้างๆกัน ทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากัน คนหนึ่งเป็นคนเล่าเรื่อง...ส่วนอีกคนก็รับฟังอย่างตั้งใจ...ด้วยระยะห่างแค่สิบเซนติเมตร...



“กูก็เห็นแม่กระต่ายนอนเลือดท่วมตัวส่วนข้างๆมันก็มีลูกตัวเล็กๆนั่งอยู่...แค่เห็นกูก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นชนคืออะไร ดูเหมือนเธอก็เพิ่งรู้เหมือนกัน แต่พอกูมองไปที่เธอ เธอกลับสะดุ้งแล้วก็ขอตัวไปทำธุระก่อน...”



“เอ๋....!?”เรื่องที่ได้ยินมันเหนือความคาดหมายเสียจนนายอัครินทร์ต้องอ้าปากค้าง



“กูก็เลยรับลูกกระต่ายตัวนั้นมาเลี้ยง...มันเป็นพันธุ์หายาก กูคิดว่าเจ้าของเก่าคงเอาพวกมันมาปล่อยไว้เหมือนกัน...มนุษย์เราใจร้ายนะ...”



“อืม...คนเราดูกันที่เปลือกนอกไม่ได้สินะ”อินหันหน้ามองเพดาน เรื่องที่พัดเล่าช่วยเตือนใจหลายๆอย่าง



“ผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนขนาดนั้นแต่ข้างในกลับไม่ใช่....อินก็เหมือนกันนะ...”



“!?”



“ดูแข็งกระด้างขนาดนั้นแท้ๆ...แต่ข้างในกลับอบอุ่นมากๆเลยล่ะ...”



“หะ...กูไม่ได้...”เป็นครั้งแรกที่ถูกชมเช่นนี้ อินรีบหันหน้ากลับมาหาพัดหมายจะปฏิเสธแต่กลับถูกปิดปากเอาไว้เสียก่อน....
ด้วยคำพูด...และการกระทำถัดมา...



“ขอจูบนะ...”



เปลือกตาค่อยเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อกรอบใบหน้าของอีกฝ่ายเคลื่อนเข้าใกล้ ไอ้ครั้นจะปฏิเสธคงไม่ทัน...จะให้ถีบออกมาในสถานการณ์ที่หัวใจกำลังเต้นรัวราวกับกลองศึกเช่นนี้ก็คง...



ยังไม่ทันสิ้นความคิด สัมผัสอุ่นวาบก็แตะตรงกลีบปาก ร่างโปร่งพลิกตัวตะแคงข้างตามแรงดึงจากวงแขนของอีกฝ่าย...ก่อนจะค่อยๆปรือตาลงตามท่วงทำนองที่เรียวลิ้นนั้นควบคุม...



มันร้อน...ร้อนเสียจนพล่าเลือนไปหมด...



รสสัมผัสแรกนั้นทำให้เกิดความรู้สึกประหลาด...



เกิดแรงดึงดูดที่ทรงพลัง... ดึงดูดเขาไม่ให้ถอนตัว..




............................................................................

ใกล้แล้วค่ะ(ใกล้อะไร) 555555+
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่12 ปมในใจ [13/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 13-06-2015 19:12:50
 :-[
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่12 ปมในใจ [13/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 13-06-2015 20:48:01
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่12 ปมในใจ [13/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 13-06-2015 21:04:24
เชร๊ดดดดดด เค้าจูบกันแล้วล่ะ เลิศมากค้าาาาา
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่12 ปมในใจ [13/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 13-06-2015 21:18:13
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่12 ปมในใจ [13/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 13-06-2015 21:36:10
พัดเนียนมากเล่าไปเล่ามาขอจูบเฉยเลย

อินก็น่ะยอมให้เค้าจูบง่ายๆเลยคิดอะไรป่าวเนี่ย

หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่12 ปมในใจ [13/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 13-06-2015 21:51:52
 :o12: เสียจูบ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่12 ปมในใจ [13/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 14-06-2015 00:07:28
ได้กันได้กันได้กัน :katai4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่12 ปมในใจ [13/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-06-2015 04:59:06
พัด หล่อนเนียนเกินไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่12 ปมในใจ [13/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 14-06-2015 11:40:05
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่12 ปมในใจ [13/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 14-06-2015 12:27:02
แถลงข่าวหน่อย พัดไม่ได้แต่งเรื่องเพื่อให้อินเคลิ้มใช่มั้ย หรือว่าใช่ บอกมานะ 555 แผนสูงอะ กุญแจห้องอินก็อยู่กะพัด ใช่มั้ย 5555  มันน่านัก
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่13 ผู้ชาย [19/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 19-06-2015 17:54:57



บทที่ 13 ผู้ชาย



ถอนริมฝีปากออกจากกัน...อินที่รู้สึกตัวเอาทีหลังเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปเบิกตากว้างแล้วก็รีบผลุดลุกขึ้นอย่างตื่นตระหนก!!!



“มึง!! มึงทำอะไร”ชี้นิ้วถามขณะกระเถิบตัวถอยหลัง...ไม่คิดว่าจะถูกจู่โจมกะทันหันขนาดนี้...



“จูบ”



บางครั้งตอบตรงคำถามเกินไปมันก็ไม่ดี นายอินแทบจะยกเท้าถีบยอดอกคนตีหน้าซื่อ



“ไอ้เหี้ย กูไม่ควาย กูรู้!!”



ร่างโปร่งทำท่าจะลุกขึ้นยืนตั้งหลักแต่กลับถูกผลักให้ล้มลงนอนแผ่กับเตียงอีกครั้ง แถมคราวนี้ยังถูกทาบทับโดยร่างสูงที่ตามขึ้นมาคร่อมอีก!!



สภาพแบบนี้มัน...



ถึงแม้ว่าจะโสดมาตลอดชีวิตก็ตาม แต่ไอ้สถานการณ์แบบนี้ไม่มีตัวผู้หน้าไหนเอ่ยปากถามตาแป๋วว่า...มึงจะทำอะไร...ได้ลงคอหรอก



มันฟ้องกันจะๆขนาดนี้



“มึงเมาแล้ว”พัดจ้องหน้านิ่งคนพูดนิ่ง ในระยะห่างแค่นี้ทำให้เขาได้กลิ่นเหล้าอ่อนๆจากตัวอีกฝ่ายเลยพยามชวนคุย...แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่



“ไม่ได้เมา”มือแกร่งรวบข้อมือทั้งสองข้างของอินไว้เหนือศีรษะ อาศัยจังหวะที่ยังตั้งตัวไม่ได้นั้นเองก้มหน้าลงซุกไซ้ที่ซอกคอขาว



คลอเคลียไปมาแถวใบหู...จากนั้นก็แลบลิ้นเลียให้คนถูกคุกคามขนลุกซู่...



“ขอจูบอีกทีนะ”เสียงกระซิบและลมหายใจอุ่นๆสูบเอาเรี่ยวแรงไปเสียงหมด



เมื่อครู่พัดบอกว่าเขาเป็นคนแข็งนอกอ่อนในเห็นจะจริง...



ตอนนี้นอกจากข้างในจะเริ่มโอนอ่อนตามบรรยากาศโดยรอบแล้วข้างนอกยังใกล้จะแข็งอีก...อา...



“อืม...”ตอบตกลงไปอย่างเผลอไผล...ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย หน้าไหนๆมันก็หื่นกันทั้งนั้นแหละ...



ยิ่งเป็นผู้ชายด้วยกันแล้วยิ่งไม่มีอะไรเสียหาย



ยังไม่ทันสิ้นคำตอบรับริมฝีปากของคนถามก็บดเบียดกับริมฝีปากของอิน มือแกร่งบีบปากของคนที่ใจยังยอมแค่ครึ่งหนึ่งให้อ้ากว้างเพื่อสอดแทรกลิ้นเข้ามาควานหาความหวาน ทิ้งน้ำหนักลงบนขาเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าตัวแสบได้สติแล้วก็ใช้กำลัง
ประทุษร้ายตน



จูบเริ่มลึกล้ำ...จิตใต้สำนึกที่ร้องเตือนว่าไม่ควรทำเรื่องแบบนี้กับเพศเดียวกันถูกกลืนหายไปพร้อมกับความร้อนที่พวยพุ่งขึ้นมาแทนที่ อินโอนอ่อนไปตามเรียวลิ้นของคนที่เชี่ยวชาญกว่าซึ่งคอยคุมเกมเอาไว้อยู่หมัด



ทั้งๆที่เป็นอย่างนั้น...กลับไม่รู้สึกรังเกียจ...



รู้สึกร้อนเสียจนเลอะเลือน...หัวใจในอกซ้ายเต้นรัวไม่หยุด มือข้างที่ว่างของพัดเริ่มไม่อยู่กับที่ ควานปะป่ายไปทั่วร่างของอิน เริ่มจากชายเสื้อตัวเก่งถูกเลิกขึ้นเผยให้เห็นหน้าท้องที่พอมีกล้ามตามประสาคนชอบมีเรื่อง ลูบไว้เวียนวนลากขึ้นไปจนถึงยอดอก



ก่อนเจ้าอาภรณ์แสนเกะกะจะถูกกำจัดออกไปพร้อมลิ้นอุ่นที่เข้าแทนที่นิ้วมือ โลมเลียจนเปียกชุ่ม เดือดร้อนคนถูกกระทำต้องบิดเอวเพื่อระบายความเสียวซ่าน...



ควรจะร้องออกมา แต่ยังมีศักดิ์ศรีค้ำคออยู่...กัดฟันเม้มปากแน่น



ท่าทางเหมือนคนไม่สมยอมแต่มือที่ถูกปล่อยเป็นอิสระตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบกลับช่วยอีกฝ่ายจัดแจงถอดเสื้อผ้า เสื้อแบรนด์เนมของพัดถูกจับโยนลงไปข้างๆเตียงตามมาด้วยเข็มขัด...โดยที่เจ้าตัวยังไม่ได้แตะต้องแม้แต่น้อย...



กระดุมและซิบกางเกงถูกปลดออก แต่ในขณะที่มือเรียวกำลังจะรูดมันลงนั้นเองกลับเกิดความลังเลฉายชัดบนใบหน้า...



พัดยิ้มให้กับภาพที่เห็นจากนั้นก็ก้มลงสัมผัสกลีบปากบางแผ่วเบา เติมเชื้อเพลิงให้อารมณ์ในร่างกายพลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง



อินรู้ดีว่าเมื่อค่ำทั้งเขาและพัดต่างดื่มกันมาไม่เยอะ ฉะนั้นเรื่องที่ได้เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะดำเนินไปด้วยสติสัมปชัญญะที่ครบถ้วนของทั้งสองฝ่าย...



ความรู้สึกหน่วงรั้งจากช่วงร่างซึ่งกำลังร้องท้วงเขาอย่างรุนแรงด้วยการพองนูนขึ้นมาอย่างต้องการปลดปล่อย อินเบือนหน้าไปด้านข้างด้วยความกระดาก



อายทั้งของตัวเองและของอีกคน...แม้จะยังซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้าด้วยกันทั้งคู่ก็เถอะ แต่ว่า...ของไอ้เหี้ยนั่นมัน...



ขอละเอาไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกันนะ...



เห็นทีว่าปีนี้ชาววิศวะจะต้องเสียดุลให้กับเด็กประกันต่างมหาลัยเสียแล้ว...



“อ๊ะ...”แล้วก็ต้องรีบปากปากแทบไม่ทันเมื่อลิ้นร้อนที่ผละจากริมฝีปากของเขาไปเมื่อครู่คล้อยต่ำลงไปหยอกล้อกับยอดอกอีกคราว หากแต่ครั้งนี้ไม่นานเท่าครั้งที่แล้วเมื่อมันพบเป้าหมายใหม่...นั่นก็คือเป้านั่นแหละ



มือแกร่งดึงรั้งกางเกงของร่างข้างใต้ จากนั้นก็นวดคลึงตรงส่วนที่พองนูนขึ้นมาจนฝ่ายที่ถูกกระทำต้องยกมือขึ้นมาก่ายหน้าซ่อนสีแดงระเรื่อที่พวงแก้มแล้วก็ปิดตาตัวเองจะได้ไม่ต้องเห็นอะไรไปในตัว



“อา...”ในที่สุดเสียงที่เพียรซ่อนไว้ก็เล็ดลอดออกมาจนได้ อินเลยใช้มืออีกข้างช่วยปิดปากตัวเองไว้ ดูเหมือนการกระทำเช่นนั้นจะสร้างความไม่พอใจให้แก่ใครบางคน พัดรั้งมือทั้งสองข้างของอินออกท่ามกลางความไม่พอใจของอิน



คนหัวดื้อยื้อมือกลับมาปิดหน้าปิดตาตัวเองอีกครั้ง พัดจึงถอนหายใจเหนื่อยหน่ายก่อนจะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง...เนคไทที่ถอดวางไว้ข้างหัวเตียงเมื่อเย็น...เพราะมัวแต่ปิดหน้าปิดตาก็เลยมองไม่เห็นรอยยิ้มชั่วร้าย(?)พัดอาศัยจังหวะนั้นเอี้ยวตัวไปคว้าไอเท็มพิเศษมาไว้ในมือ



“อิน”



“ไร”ยกมือขึ้นเพื่อพูดคุย แต่กลับถูกอีกฝ่ายช้อนหัวขึ้นแล้วก็นำผ้าอะไรบางอย่างมาผูกตา”เห้ย! อะไรวะเนี่ย!?”



“เนคไท”



“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ไอ้เหี้ย! ตลกพอใจมึงรึยัง!? เอาออกไปเลยนะ”อินแหวพลางพยามงัดเจ้าผ้าเวรออกไปแต่ก็ถูกยื้อยุดอยู่



“ไม่เอา อย่างนี้แหละดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเอามือปิดหน้าให้เมื่อไง”



กูต้องขอบคุณมึงมั๊ยพัด!? ไอ้ห่า กูไม่ใช่เด็กป.สามนะจะได้โดนมึงหลอกง่ายๆ



ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเขาต้องเสียเอกราชอย่างไม่ต้องสืบให้มากความ นายอัครินทร์ตัดสินใจต่อต้าน กระชากผ้าปิดตาออกแล้วก็เขวี้ยงไปไกลๆจากนั้นก็อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายตกใจผลิกร่างสูงลงกับเตียงแล้วก็เป็นฝ่ายขึ้นคร่อมแทน!!



“หึหึหึหึ พลาดแล้วไอ้น้อง”แสยะรอยยิ้มเหนือกว่ากะข่มขวัญแต่คนที่นอนอยู่ใต้ร่างกลับสบตากับอินอย่างไม่อนาทรณ์ร้อนใจเสียนั่น



“ชิส์ อวดเก่งได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ”



ดวงตาที่สบมองเขาอยู่ตอนนี้เต็มไปด้วยเพลิงอารมณ์อินเชื่อว่าดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อยๆเข้าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบกว่า เด็กหนุ่มบรรจงจุมพิตที่กลีบปากของอีกฝ่าย แม้จะไม่เคยจูบใครมาก่อนแต่ก็ซ้อมกับหลังมือมาอย่างเชี่ยวชาญจนพัดนึกประหลาดใจ ลิ้นอุ่นกวดไปทั่วโพลงปากพัดเองก็ตอบสนองพลางยกมือขึ้นโอบเอวอินไว้หลวมๆ



ร่างโปร่งเคลื่อนคล้อยลงต่ำพรมจูบตรงกราม หลังหู ซอกคอ กระดูกไหปลาร้าและอกกำยำอย่างลืมตัวก็ปลดกางเกงขายาวของตัวเองออกไป



ภายใต้ร่มผ้าเบาบาง ต่างฝ่ายต่างเหลืออาภรณ์ปกคลุมร่างกายคนละชิ้น พัดกระตุกยิ้มมุมปากมองคนอวดดีด้านบนซึ่งตอนนั้นกำลังจดๆจ้องๆส่วนนั้นของตัวเองและของเขาอย่างคนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี...



อินขมวดคิ้วมุ่น ใช้มือสัมผัสพัดน้อยแผ่วเบา...ข้อมูลเดียวในหัวสมอง...ความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน ต้องมีทั้งรุกและรับ...แน่นอนว่าอินไม่เป็นรับแน่นอน...แต่เขาจะรุกอย่างไรนี่สิปันหา...



“ให้ช่วยมั้ย”เหมือนโดนตบหน้ากลางสี่แยก อินคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินคำกล่าวของพัด



“ไม่ต้อง!!”ตวาดเสียงแข็งกลับไปทั้งๆที่ยังนั่งนิ่งอยู่บนตัวของเขา



“ไม่ไหวมั้ง?”เสียงทุ้มลากยาวจงใจยั่วโมโห



“มานี่มา เดี๋ยวสอนให้”เมื่อกลั่นแกล้งจนพึงพอใจแล้วร่างสูงก็ออกแรงเพียงนิดเดียวก็นำร่างของคนที่นั่งใช้ความคิดจนเผยช่องโหว่เต็มไปหมดให้กลับมาอยู่ข้างใต้ตามเดิม...ด้วยรอยยิ้มที่ทำให้อินคันตีน



“นี่คือเจลนะ”ไอเท็มใหม่ปรากฏเข้ามาในฉาก อินเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อมือแกร่งบรรจงเทสิ่งนั้นใส่มือของตน จากนั้นก็รั้งชั้นในของอินออกเผยให้เห็นอินน้อย...



มือแกร่งข้างที่วางบรรจงวางลงตรงท้องน้อยจากนั้นก็ค่อยๆลากไล้ลงต่ำ ราวกับกำลังกลั่นแกล้งกันนิ้วเรียวยาวสัมผัสส่วนอ่อนไหวของคนเบื้องใต้ จุดไฟในร่างกาย ปลุกเร้าอารมณ์...



อินเชิดใบหน้าขึ้นเมื่อความรู้สึกมันพรุ่งพล่านขึ้นมาจากข้างล่าง...ตามจังหวะของมือแกร่งที่หยอกล้อส่วนนั้น จากส่วนล่างถึงส่วนปลาย ขึ้นลงสลับไปมา



“อ๊ะ....ดะ เดี๋ยว!!”ในขณะที่กำลังสำราญอยู่นั้นเอง....เรียวนิ้วจากมืออีกข้างของพัดก็เลื่อนมาแตะสัมผัสส่วนหลัง...แค่เพียงแผ่วเบาก็เผลอหลุดเสียงน่าอายออกมา อินชันตัวขึ้นหมายจะร้องห้ามแต่ทว่านิ้วยาวของอีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยจังหวะนั้นไปเช่นกัน...



ความรู้สึกยามมีสิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้ามาเบื้องหลัง ความเจ็บแล่นเข้ามาแทนที่ความเสียวซ่านของเบื้อหน้า...จากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว...อินคนปากดีล้มตัวลงนอนแล้วก็ใช้มือทั้งสองข้างปิดปากตัวเองแน่น...



“อือ...”



ไม่แม้กระทั้งร้องห้าม...ไม่มีการขอให้หยุดเพราะว่าเจ็บ...



อินรู้ตัวดีว่าถ้าขืนเปิดปาดพูดอะไรออกไปตอนนี้ล่ะก็...สิ่งที่จะดังออกมาคงไม่ใช่คำพูด...



ได้แต่ขมวดคิ้วมองร่างสูงซึ่งเพิ่มจำนวนนิ้ว...จากหนึ่งเป็นสอง...ร่างโปร่งบิดเกร็งเมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชิน ความเจ็บปวดก็หายไปและถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอื่น



“ถ้าเจ็บก็บอกได้นะ”



อินมองค้อนพูดซึ่งยังไม่หยุดมือ ตอนแรกก็แค่แช่เอาไว้เฉยๆ แต่พอเริ่มขยับนิ้ว...ร่างกายของเขาก็ต้องบิดตามเพราะความรู้สึกที่ไม่มีทางออกมันล้นปรี่อยู่ในร่าง



เห็นท่าทางทรมานนั้นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ พัดละมือจากอินน้อยดึงมือทั้งสองข้างของอินออกจากนั้นก็ทาบทับด้วยริมฝีปากของตน เน้นหนักสองสามทีพอให้คล้อยตาม...เรื่องใหม่ที่เขารู้เกี่ยวกับอินเมื่อครู่นี้ก็คือ...



คล้อยตามง่าย...และเรียบร้อยตอนมีอะไรกัน...



เกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นพัวพันด้านบน ส่วนด้านร่างก็ยังขยับนิ้วไม่หยุด



“อื๊อ...”



“ร้องออกมาเถอะ”ท่าทางกำลังกลั้นเสียงของอินช่างน่าขัดใจ”



พูดจบก็ถอนนิ้วออกไป”อ๊า...อือ...”พร้อมเสียงร้องท้วงของคนที่ถูกขัดอารมณ์ พัดยิ้มรอยยิ้มที่เจ้าตัวคิดว่าอบอุ่นไปให้ แต่ในสายตาของอินมันก็เป็นเพียงรอยยิ้มอ้อนตีนเท่านั้น



“อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด อ๊ะ ฮ๊า...”ในขณะที่อินกำลังจะเอ่ยปากด่าคนข้างบนนั้นเอง...ความรู้สึกแปลกปลอมก็ชำแรกผ่านเข้ามาในร่างกายอีกครั้ง...



คราวนี้มันคับแน่นยิ่งกว่านิ้วมือหลายเท่า...แถมยังอุ่นร้อนเสียจนอดกลั้นเสียงครางไว้ไม่อยู่...



“อึก...อื๊อ...”นิ้วเรียวจิกผ้าปูจนยับยู่ตามแรงเคลื่อนตัวของอีกฝ่าย ยิ่งสอดลึกขึ้นมาเจ้าของร่างโปร่งยิ่งกระตุกเกร็ง...



วงแขนของร่างโปร่งโอบรอบรัดบ่ากว้างเชิดใบหน้าขึ้นเปล่งเสียงร้องอย่างไม่มีอะไรต้องอายอีกต่อไป...รับความเร้าร้อนซึ่งแทรกเข้ามาจนสุด หยาดเหงื่อบนผิวกายต้องแสงไฟ  เรือนกายพัดฝังลึกและนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นเพื่อให้อีกคนได้ปรับตัว



“แน่นดีว่ะ”



“มึงไม่ต้องมาพูดเลย อื๊อออ...ไอ้เหี้ย เมื่อกี้กูยังพูดไม่ทันจบก็ยัดเข้ามาสิ อ๊ะ อ๊า...ฮ๊ะ...หยุดขยับได้แล้ว!!”แผดเสียงลั่นอย่างรำคานเมื่ออีกคนจงใจแกล้งขยับตัว แม้เพียงนิดเดียวก็หลุดเสียร้องน่าอายออกมา



“ฮ่า...มึงมันหมาป่าในคราบกระต่าย อึ๊ก...”



โดยไม่รอให้พูดจบเสียก่อน พัดขยับร่างกายตามจังหวะ...เข้าออกช้าๆ



“พึงรู้เหรอ”พัดกล่าวด้วยรอยยิ้ม มอบจูบแผ่วเบาปลอบคนที่โดนหลอกจังเบ้อเร่อ ท่าทีนุ่งนวลทำให้มือเรียวผ่อนแรงเกร็งเมื่อ
ร่างกายเริ่มคุ้นชิ้นกับความรุ่มร้อนนี้แล้ว



หากแต่ไม่มีเวลาให้ผ่อนคลายนานนัก...เมื่อจังหวะรักที่แท้จริงเริ่มบรรเลง...ร่างสูงขยับกายรวดเร็วขึ้นจนผู้ถูกกระทำไม่อาจเอื้อยเอ่ยสิ่งใดได้อีก



เรือนกายสอดผสานจังหวะจากช้าและเร่งเร้ารวดเร็วขึ้น เรียวขาทั้งสองนั้นสั่นไหว คลื่นกระสันรุนแรงโหมในร่างกายของคนทั้งสอง   ปล่อยร่างกายไปตามอารมณ์ที่รุนแรง 



อุณหภูมิในกายซึ่งขึ้นสูงจนเกินต้านทาน  หยาดปรารถนาของพวกเราปลดปล่อยหลังจากนั้น   



“แฮ่กๆๆ...”



หลังจบศึกยกแรก อินที่ถูกปล่อยเป็นอิสระแล้วนอนก่ายหน้าผากแผ่หลาอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน สายตาพล่าเลือนไปหมด ตอนแรกที่พัดหยิบเจลออกมาเขาก็รู้ชะตากรรมของตัวเองแล้ว...ซึ่งมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด



มีความคิดต่อรองว่าคราวหน้าขอเป็นฝ่ายรุกบ้างเข้ามาในหัวแต่ก็ต้องสะบัดหน้าแรงๆไล่มันออกไป...ได้ไม่คุ้มเสีย โอกาสโดนหมาป่าขย้ำมีมากกว่า



ร่างโปร่งขยับกายหมายจัดท่านอนให้ดีกว่าเดิม ทว่าความเหนียวหนืดตรงส่วนนั้นทำให้เขาต้องยันตัวขึ้นมานั่งหน้านิ่วมองร่างสูงซึ่งนั่งอยู่ตรงขอบเตียง



“เลว...”คำด่าสั้นๆเรียกสายตาของพัดให้มองอย่างฉงน



“มึงแตกใน”ก่อนจะถึงบางอ้อในคำต่อมา



“อ้อ เดี๋ยวล้างให้”



“ไม่ต้อง กูล้างเองได้”อินว่าเสียงแข็ง อย่างน้อยก็เหลือความแมนให้กันบ้างเถอะ ไอ้การอุ้มประคองกันเข้าห้องน้ำไปน่ะขอบาย...



“ไม่น่าลุกไหวนะ”พัดกล่าวหน้านิ่ง



“ไม่ไหวยังไง แค่รอบเดียวกูเดินได้...”ปลายเสียงของอินกลืนหายไปในลำคอพร้อมน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อสังเกตเห็นเจ้าเนคไทในมือของพัดดีๆ โดยไม่ทันได้ร้องท้วงอะไรข้อมือก็ถูกจับรวบเอาไว้โดยคนตรงหน้า



“เห้ย!! พอแล้ว พอ!!!!”ร้องท้วงออกแรงเตะเต็มแรง คนโดนถีบถึงกับจุก แต่เพราะโอกาสแบบนี้ไม่รู้จะมีอีกเป็นครั้งที่สองหรือเปล่าต้องเอาให้คุ้ม พัดเลยกัดฟันรวบหัวรวบหางไอ้คนที่ดิ้นไม่หยุดจากนั้นก็จับมัดไว้กับร่องไม้ตรงหัวเตียวสำเร็จ



กว่าจะจับได้เล่นเอาเหนื่อย...เหนื่อยกว่าตอนมีอะไรกันอีก



“ไอ้เหี้ย!! ปล่อยกู ไม่เอาแล้ว!!!!!”



.................................................

ปิดหน้าเขิน  :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:


NCครั้งแรกในชีวิตหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ค่ะ... :man1: :man1: :man1:



หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่13 ผู้ชาย [18+] [19/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 19-06-2015 21:51:38
อะเจ้ยยยย เค้าได้กันแล้ววว

 :jul1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่13 ผู้ชาย [18+] [19/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 20-06-2015 11:27:09
ครั้งเดียวไม่พอหรอกเนาะ คึๆๆๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่13 ผู้ชาย [18+] [19/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 20-06-2015 12:55:42
ไม่รูสิ กิกิ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่13 ผู้ชาย [18+] [19/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 20-06-2015 16:47:29
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่13 ผู้ชาย [18+] [19/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 20-06-2015 17:18:14
 :-[ :hao6:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่13 ผู้ชาย [18+] [19/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 21-06-2015 10:52:22
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่13 ผู้ชาย [18+] [19/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-06-2015 11:29:38
กรี๊ดดอินของฉันน เสร็จพัดจนได้
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่13 ผู้ชาย [18+] [19/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 21-06-2015 13:17:31
เสร็จจนได้นะนายอิน  :haun4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่13 ผู้ชาย [18+] [19/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 22-06-2015 01:35:05
รอบเดียวจะพออะไร  :laugh:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่13 ผู้ชาย [18+] [19/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 22-06-2015 02:52:01
น่ารักกกกกกกกกกกหห :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่14 เพราะอะไร [28/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 28-06-2015 17:37:38



บทที่14 เพราะอะไร



ให้ตายเถอะ...!!



มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ ขายเสร็จแล้วก็เอาเงินหอบหนีไปอยู่ต่างประเทศสักสามสิบปี ไอ้เหี้ยอินเอ๋ย ไอ้ควาย ไอ้ง่าววววววว
เช้าเย็นวันเสาร์ที่แสนสดใส นายอัครินทร์ปรือตาขึ้นสู้แสงจากนั้นก็ยอมแพ้แล้วก็หลับตาลงอีกครั้ง...



พอเขาขยับตัวหมายจะลุกไปเข้าห้องน้ำก็ถูกความเจ็บปวดแล่นเข้าเล่นงานจากช่องทางด้านหลังซึ่งถูกทะลวงอย่างหนักเมื่อคืน...ยันสาย...



คือขอบอกไว้ก่อนว่าไอ้เหี้ยพัดมันไม่ได้แดกไวอาก้า แต่ที่พวกเราอึดเอากันได้ยันสายก็เพราะว่ากว่าจะเริ่มได้กันมันก็เกือบเช้าแล้ว...



และนั่นคือเหตุผลที่อินต้องการไปต่างประเทศ...



เมื่อคืนนี้หลังจากถูกจับมัดเขาก็ดิ้นสุดแรงเกิด แหกปากยังกับจะโดนเชือดทั้งๆที่ก็สมยอมไปยกหนึ่งแล้วแท้ๆ แต่ตอนนั้นมันกึ่มๆแถมยังถูกปลุกเร้าซะขนาดนั้นจะโอนเอนตามกระแสของไอ้พัดก็ไม่แปลก...แต่พอเสร็จไปรอบหนึ่งก็ตื่นเต็มตาแล้วก็ตั้งใจว่าจะไม่ยอมอีกเป็นครั้งที่สองแท้ๆ



แต่กลับถูกไอ้เหี้ยพัดมันเล้าโลมอยู่ทีสองทีก็ระทวยแล้ว...ตอนแรกก็อยากจะอ้างทีหลังว่าเพราะโดนมันจับมัดเอาไว้เลยขัดขืนไม่ได้แต่ไอ้เหี้ยนั่นเหมือนจงใจแกล้ง...มันรู้ว่าผมที่ตื่นแล้วจะหื่นยาวและว่าง่าย...มันแกะเนคไทออกแล้วพูดว่าถ้าไม่อยากทำอีกก็เดินลงจากเตียงไปซะ...



จากนั้นคิดว่าไงล่ะ...



หึ...



ยาวเลยจร้า....แต่ก็มีลงจากเตียงบ้างนะ ที่โซฟาอะไรพวกนั้นน่ะ



“โอย....”รู้ตัวเมื่อสายจริงๆ ขอเตือนเด็กและเยาวชนทั้งหลายไว้นะที่นี้เลยนะครับว่าถ้าเพื่อนชายชวนไปนอนค้างที่บ้านแล้วสัญญาว่าจะนอนกอดเฉยๆนี่อย่าไปเชื่อมัน



เย็-แน่นอน...



ยิ่งเพื่อนชายที่ตีหน้าใสยิ้มไปวันๆ พวกนี้ยิ่งร้ายลึก



“ตืนแล้วเหรอ”



“เห้ย!!?”พูดยังไม่ทันขาดคำ วงแขนแกร่งของคนที่ยังนอนอยู่ข้างๆก็รั้งร่างอ่อนเปลี้ยของอินเข้าไปกอดไว้หลวม แล้วก็ลูบผมอย่างอ่อนโยน



“ไม่ต้องมาละมุนเลยสัด กูขนลุก”ว่าพลางพยามดันตัวออกมา แน่นอนว่าแม่งมีกระดิกสักเซ็น



“ให้ตายเถอะ! เวรจริงๆ มึงอย่าเอาเรื่องเมื่อคืนนี้ไปบอกใครนะ ไม่งั้นกูเอามึงตายแน่!”ขู่กำชับไว้ก่อน



แต่คนฟังนอกจากจะไม่กลัวแล้วยังหัวเราะร่วนอีก”ฮ่ะๆๆๆ อืมๆ เอาตายเลยเหรอ เอาหนักกว่าเมื่อคืนอีกมั้ย”



“ให้กูเอามึงไม่ล่ะ”อินผู้โดนกลั่นแกล้งมาทั้งคืนกล่าวอย่างเหลืออด...



“ไม่อ่ะ กูชอบเอามึงมากกว่า”ส่วนพัดซึ่งเปิดเผยธาตุแท้ออกมาแล้ว(ว่าหื่นมาก)ก็ไม่มีภาพลักษณ์อะไรต้องรักษาอีกต่อไป หัวเราะชอบใจในลำคอ”เดี๋ยวไปหาข้าวเย็นมาให้ มึงกินไร”



“กินไรก็ได้แต่ตอนนี้ต้องการอาบน้ำมาก”อินว่าเสียงเนือย รู้สึกเหมือนสิ่งที่พูดว่าไม่มีทางทำเมื่อคืนใกล้จะเป็นจริงอย่างไรชอบกล...



...ละทิ้งความแมนอุ้มประครองกันไปอาบน้ำให้...



ต่อให้ขาด้วยไปข้างนึงกูก็จะยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นเด็ดขาด!!



“อินกัดฟันยันตัวลุกขึ้นแล้วก็ตะเกียดตะกายลงจากเตียงไปด้วยขาสั่นๆ ตอนลุกขึ้นยืนมีหน้ามืดเล็กน้อยแต่ก็รักษาฟอร์มไว้ไม่ให้เซด้วยการเกาะผนังแล้วก็ค่อยๆกระดึ๊บไปยังห้องเปิด มือเรียวกำลังจะเปิดประตูห้องนอนแต่กลับถูกแรงดึงจากข้างหลัง พัดหามอินในสภาพหิ้วปีกเดินออกจากห้องไป...ทั้งยังโทงเทงกันทั้งคู่นั่นแหละ...



ถึงขั้นนี้แล้วไม่มากระแดะอายกันแล้วแม่งเอ๊ย...



“แบบนี้โอเคมั้ย”พัดถามเขาหมายถึงหามมาแบบนี้แทนการอุ้มหรือการประคองเนี่ยโอเคมั้ย...แน่นอนว่าไม่...อินแทบจะกัดลิ้นตายด้วยความอนาถตัวเอง เมื่อถูกหิ้วมาถึงห้องน้ำแล้วก็รีบหันไปไล่ไอ้คนที่เดินหน้าซื่อตามเข้าไปด้วยลางสังหรณ์ประหลาด...



“ไปไหนก็ไปเลยมึง เออ ไปซื้อข้าวมาให้กูแดกดิ เอาไรก็ได้ สองห่อเลย หิว”ความจริงแล้วยังไม่หิวหรอกแต่คำนวณไว้ว่าอาบน้ำเสร็จแล้วต้องหิวแน่ๆ



ร่างโปร่งหันไปเปิดน้ำฝักบัวจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำ...คิดว่าพัดคงออกไปแล้ว



แต่เขาคิดผิด



เมื่อถูกอ้อมกอดอุ่นๆรั้งกอดจากด้านหลัง



“เกิดมากูไม่เคยขอร้องใครแต่ครั้งนี้กูขอล่ะ ออกไปเถอะ...”อินว่าขณะเอี้ยวตัวหันหลังหมายจะพูดกับคนที่กำลังกอดตัวเองไม่ปล่อย...แต่กลับต้องนิ่งค้างไปเสียเองเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีเข้มฉายแววเหงาหงอย



“ปะ...เป็นอะไร”ทำไมถึงทำหน้าอย่างนั้น...



“อินคิดว่าเมื่อคืนนี้...เรามีอะไรกันเพราะอะไร...”เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบข้างใบหู


อินกลอกตาไปมาอย่างชั่งใจก่อนตอบในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องแล้วออกไป”เอ่อ...ก็ เราหื่น...เราเลยมีอะไรกะ อุ๊บ...”



คำตอบคงผิด เพราะเขาถูกคนถามลงโทษด้วยจุมพิตหวานล้ำ จากนั้นร่างกายก็ถูกดันไปชิดกับผนัง



“พัด...กูไม่มีแรงจะสู้กับมึงแล้วนะ”อินกล่าวเสียงเรียบ เรียกให้คนที่เผลอหลุดให้ไปในภวังค์บางอย่างรู้สึกเหนือ พัดกระพริบตาถี่ๆก่อนจะเปิดน้ำจากฝักบัวให้ไหลลงมากระทบร่าง



น้ำเย็นๆชำระล้างความคิดในสมอง เขายิ้มให้อินเล็กน้อย...แค่อินยังพูดกับเขาปกติดีเท่านี้ก็น่าจะพอใจแล้ว...



“พัด...กูเป็นผู้ชายเหมือนมึงนั่นแหละ เพราะงั้นมึงไม่ต้องคิดมากเรื่องเมื่อคืนหรอก กูเข้าใจ กูเองก็มีส่วนผิดด้วยที่ยอมมึงง่ายเกินไป...”



อย่างน้อยอินก็ไม่โกรธ ยังเข้าหน้ากันติด...ถึงแม้เจ้าตัวจะเข้าใจจุดประสงค์ของเขาห่างไกลความจริงไปโขก็เถอะ



“อย่าเครียด...ยิ้มเร็วเข้า กูไม่โกรธ...เรื่องเมื่อคืนก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ ลืมมันไปซะ แล้วก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะ”ทุกถ้อยคำปลอบใจของอินกลับกรีดแทงหัวใจของคนฟัง...



พัดระบายรอยยิ้มมุมปากตามคำขอของอีกฝ่าย...เป็นรอยยิ้มที่ทำให้อินพูดอะไรไม่ออกอีกเลย...



ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นของพัดค่อยๆทิ้งตัวลงนอนตะแคงบนโซฟา เหลือบมองเมลิคซึ่งเพิ่งได้รับอิสระจากกรง มันกินผักอย่างกับอดอยากมานาน(ก็แค่ทั้งวันเอง) มือเรียวคว้าเอาหมอนอิงมากอดแล้วก็หลับตาใช้ความคิด



คิดถึงคนที่ช่วยทำความสะอาดร่างกายให้เมื่อครู่แล้วก็อาสาเดินลงไปซื้อข้าวเย็นมาให้



ภาพใบหน้าของพัดตอนที่นำกุญแจห้องที่อินตามหามาวางไว้ตรงหน้าก่อนเดินออกจากประตูห้องไปและภาพรอยยิ้มของพัดเมื่อตอนนั้นติดตรึงอยู่ในสมองของเขา



ความอ้างว้างที่สะท้อนออกมาจนคนมองรู้สึกใจหายวาบ...



“เมื่อกี้นี้เรา...พูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ...?”



ทั้งๆที่ถ้าเป็นคนอื่นคงยกพวกไปรุมเหยียบหัวพ่อมันถึงบ้านแล้วแท้ๆ...



แต่เพราะนี่เป็นพัดที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างประหลาดก็เลยยอมยกโทษให้...



และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อรักษาความสัมพันธ์ของกันและกันไว้



อุตส่าห์ตีหน้าเหมือนปกติทั้งๆที่ในใจกำลังสั่นคลอนขนาดนี้แล้วแท้...ทำไมถึงยังทำหน้าแบบนั้นล่ะ...



“ไม่เข้าใจเลยจริงๆ...”




............................................................

หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่14 เพราะอะไร [28/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Junekid ที่ 28-06-2015 18:04:31
รู้สึกค้างๆ อยากอ่านตอนต่อไปป :z3:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่14 เพราะอะไร [28/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 28-06-2015 19:23:08
ไม่รูสินะ ความสัมพันธ์มันคลุมเครือ รักชอบแต่ไม่บอก จับกดแล้วมาคิดทีหลัง เอิ่มนะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่14 เพราะอะไร [28/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 28-06-2015 19:42:52
 :o8:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่14 เพราะอะไร [28/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 28-06-2015 19:55:11
พัดก็บอกไปเลยสิ ไม่บอกแล้วอินมันจะรู้มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่14 เพราะอะไร [28/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-06-2015 22:08:04
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่14 เพราะอะไร [28/06/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 28-06-2015 22:38:59
พ่อพัด โอกาสสุดๆแล้วขนาดนี้ ไม่คิดจะพูดอะไรเลยใช่ไหม ชอบอินจริงปะเนี่ย หรือว่าแค่ได้กันก็พอใจละ งั้นก็อย่าปั้นหน้าเศร้าเลยลูกเอ๊ย = =
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่15 บ้าน [3/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 03-07-2015 18:21:48



บทที่15 บ้าน



“อิน...จะไปไหนเหรอ”เจ้าของห้องอย่างดีดีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกังวล สายตาทอดมองไปยังร่างของเพื่อนซึ่งกำลังเก็บของใช้ส่วนตัวบางส่วนลงกระเป๋าด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างไม่เข้าใจ...



สองสามวันมานี้อินมีท่าทางแปลกๆไป พัดเองก็ไม่มาที่ห้องของเขาเลย...คิดว่ามีเรื่องอะไรกันแต่ถามเท่าไหร่ก็ไม่มีใครพูดอะไร อินวางของในมือแล้วก็หันมายิ้มมุมปากซึ่งในสายตาของเพื่อนสนิทแล้วมันเหมือนกำลังฝืนอย่างหนักเลยก็ว่าได้



“กลับบ้าน”ตอบสั้นแถมยังท่าทีนิ่งขรึม อินผู้โหวกเหวกอยู่ตลอดเวลากลับเงียบสงบยิ่งกว่าป่าช้า



ร่างโปร่งยันกายขึ้น สะพายเป้แล้วก็เดินเข้ามาหาเพื่อนรักซึ่งยืนมองตนหน้าหงอยอยู่ สัมผัสกลุ่มผมนุ่มเบาๆแล้วก็เอ่ยด้วยสีหน้าอ่อนโยนหรืออ่อนแรงก็ไม่ทราบ...



“แม่โทรตามตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว นานๆทีกลับบ้านบ้างก็ดี อีกสองวันที่เหลือกูอาจจะไม่ไปเรียนนะ ฝากเช็คชื่อด้วย”
กล่าวจบก็ทำท่าจะชักมีกลับ เดือดร้อนให้คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างดีดีรั้งแขนเอาไว้...



“อิน!! เกิดอะไรขึ้น ทำไมอินถึงเป็นแบบนี้!?”นัยน์ตาคมวูบไหวกับคำถามของเพื่อน ดีดีจึงรีบพูดต่อทันที”ปกติเวลาอินทะเลาะกับใคร อินก็แค่บุกไปกระทืบสักทีสองทีแล้วก็หายกันไม่ใช่เหรอ!!!?”



เหมือนโดนน้ำเย็นๆสาดหน้า อินกัดฟันระงับก้อนความรู้สึกน่าสะอิดสะเอียดที่ไหลทะลักอยู่ในอกซ้าย...



หากแต่คนไม่รู้ย่อมไม่รู้...ดีดียังคงถามต่อไปด้วยความเป็นห่วง



“พัดทำอะไรอินกันแน่!!!?”



“หุบปาก...”เสียงทุ้มเอ่ยสั่นเครือ...ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะกำลังโมโห...



“ไม่เราไม่หุบ จนกว่าอินจะตอบ!”



“โว้ย!! ถามอยู่นั่นแหละว่ากูเป็นอะไร ไอ้เหี้ย!! มึงไปถามเพื่อนบ้านมึงโน่น! เป็นเหี้ยอะไร ทำไมไม่พูดกับกู!!?”อินสะบัดแขนเรียวเล็กของเพื่อนออกอย่างแรงจากนั้นก็หันหน้ากลับมากระชากคอเสื้อดีดีด้วยความเหลืออด



โกรธจนแทบเป็นบ้า...



ทั้งๆที่ยอมให้ตั้งขนาดนั้นแล้วแท้ๆ!



“เหอะๆๆ...พอดีเลย...มึงอยากรู้นักว่าเกิดอะไรขึ้น กูก็อยากรู้เหมือนกัน มึงไปถามมันรู้แล้วก็มาบอกกูด้วย...กูรออยู่ที่บ้าน”เหยียดยิ้มสมเพชความโง่เขลาของตัวเองแล้วก็เดินจากไป



ตลอดเวลาที่อยู่บนรถเมล์ในหัวของอินนั้นคิดวนเวียนไปมาเกี่ยวกับเรื่องนั้น...พอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก็สัมผัสกับโลหะเย็นเฉียบ...พวงกุญแจซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นของห้องดีดี...



...วันนั้นที่เขาต้องไปค้างห้องมันก็เพราะหากุญแจดอกนี้ไม่เจอ...



...แล้วเราก็ทำเรื่องนั้นลงไป...โดยไม่รู้เลยว่าพัดจงใจเก็บกุญแจเอาไว้...



“มึงคงเห็นกูโง่เง่ามากสินะ...”สายลมแรงปะทะใบหน้า อินเอนตัวพิงพนักแล้วก็หลับตาลง”คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ”



นึกว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแท้ๆ แต่ลืมไปว่าไอ้กู๊ดส์เพื่อนมันก็สันดานแบบนี้...”ไอ้เหี้ยนันเป็นไงมั่งก็ไม่รู้...”



มันอาจจะเป็นผลกรรมที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าพวกนั้นทำร้ายนันก็ได้”เห้อ...”เลยต้องมานั่งถอนหายใจเป็นคนแก่แบบนี้



“แดดร้อนเหี้ยๆ”ด่าได้ทุกอย่างแล้วตอนนี้ อินยกมือขึ้นป้องตากันแดดแล้วก็หอบข้าวหอบของเดินเข้ามาในตัวหมู่บ้านจัดสรรซึ่งสองข้างทางไม่มีแม้แต่เงาของผู้คนเนื่องจากคนส่วนใหญ่ออกไปทำงาน...



อันที่จริงบ้านของเขาก็อยู่ในเขตกรุงเทพนี่แหละ แต่เหตุผลที่ต้องไปอยู่หอก็เพราะว่ามันเป็นชานเมือง ขืนเดินทางตอนชั่วโมงเร่งด่วนดูสิ กรุงเทพ-กรุงเทพ คงใช้เวลาพอๆกับกรุงเทพ-พัทยา



กลับบ้านมากลางวันของวันธรรมดาแบบนี้จะมีใครอยู่บ้านไหมนะ ถึงแม้แม่ของเขาจะไม่ได้ทำงานก็ตามแต่บางทีก็ชอบออกไปซ็อปปิ้งรอรับน้องๆ...เป็นจริงดังคาด เมื่อเดินเข้ามาในรั้วบ้านแล้วไม่มีรถจอดอยู่เลยสักคัน แถมในบ้านก็ยังไม่มีการเคลื่อนใคร



ร่างโปร่งถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่ง “ไม่มีคนอยู่ก็ดีเหมือนกัน”จะได้อยู่เงียบๆคนเดียว ว่าพลางเดินขึ้นบันไดตรงไปยันชั้นสอง ก้าวเข้าไปในห้องนอนอันแสนคุ้นเคย สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด...ที่นี่คือบ้าน...



ที่ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่กลับมา...



หลับตาแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนคว่ำลงบนเตียง...”คงต้องหาหอใหม่สินะ”...รำพันกับตัวเองแล้วก็จมสู่ห้วงนิทราไป...

.

.



“เย้!!!!”



“เย้!!!!”



ร่างโปร่งค่อยๆปรือตาขึ้นแต่ก็ต้องเจอกับแสงไฟนีออนซึ่งจำไม่ได้ว่าเปิดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และแรงกดทับหนักๆบนร่างกายทำให้เขาต้องหลับตาปี๋อีกรอบ...



เสียงโหวกเหวกอันแสนคุ้นเคยดังแว่วเข้ามาในหูชวนหงุดหงิด...เสียงน่ารำคานแบบนี้มัน



“ฟ้า! น้ำ! พวกเอ็งลงจากตัวพี่เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเจอดีแน่”แม้ใบหน้าจะถูกมือน้อยๆของคนเป็นน้องกดลงกับเหมอนส่วนลำตัวก็ถูกพวกตัวแสบทับเอาไว้แต่ก็ตะเกียดตะกายส่งเสียงอู้อี้ไล่น้องชายได้สำเร็จ



“ฮ่าๆๆๆๆ พี่อินตัวจริง จริงๆด้วยล่ะน้ำ!!”



“ฮ่าๆๆๆๆ พี่อินโกรธแล้วล่ะพี่ฟ้า!!”



เลิกให้ความสนใจน้อยชายวัยประถมทั้งสองคนแล้วก็ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิทแล้ว นี่เขาหลับไปนานขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย? อินยันกายขึ้นนั่งแล้วก็ปิดปากหาวท่ามกลางสีหน้าไม่พอใจของน้องชายสองคน




ฟ้า เด็กชายชั้นป.ห้า...น้องคนรองของเขาพองแก้มจนยุ้ยน่าเอานิ้วไปจิ้ม ดวงตากลมโตฉายแววไม่พอใจ เช่นเดียวกับน้ำ เด็ก
ชายชั้นป.สองที่เกะลังเกาะแขนอินเสียแน่นแถมยังเอาขามาเกี่ยวเอวอีก



“อะ....อะไร ไอ้พวกเด็กตุ๊ด งอแงอะไรกัน”การกระทำแปลกๆทำให้พี่ชายต้องถามออกไปเพราะทำอะไรไม่ถูก แต่คำเรียกของเขาก็ทำให้เหล่าน้องๆไม่พอใจ



“ไม่ใช่ตุ๊ดนะ!”



“ตุ๊ดดิ ดูชื่อพวกมึงสิ ชื่อผู้หญิงชัดๆ”อินเถียง จำได้ว่าตอนแม่ท้องฟ้า(ท้องฟ้านะไม่ใช่ท้องฟ้า...?)อินก็อุตส่าห์รวบรวมชื่อเล่นที่เป็นอ.อ่าง ทั้งอิฐ อัน เอน เอิง เอย อัฐ อ้า เอียน อ๋อย อึ๋ม(?) ต่างๆนาๆมาให้แต่แม่กลับตั้งชื่อน้องว่าฟ้าแถมน้องคนต่อไปก็ตั้งให้เป็นไปในแนวเดียวกันว่าน้ำอีก



มันน่าน้อยใจก็เลยเรียกว่าเด็กตุ๊ดซะเลย...



“อินนิสัยไม่ดี นี่แหนะๆๆๆๆ”พลาดซะแล้ว นายอัครินทร์ผู้หวังหนีร้อนมาพึงเย็นโดนรุมกระหน่ำโจมตีจากมือและเท้าน้อยๆของน้องชายที่น่ารัก เสียงเอะอะของพี่น้องดังลงไปถึงชั้นล่า เดือดร้อนผู้เป็นแม่ต้องเดินขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น



ภาพที่เห็นทำให้เธอต้องถอนหายใจ...



ร่างสูงโปร่งของลูกชายคนโตถูกทับโดยเจ้าตัวแสบสองคนซึ่งใช้มือดึงปากดึงผมจนย้วยไปหมด สิ่งที่เด็กหนุ่มทำได้ก็คือป้องกันตัว...ทว่า



“อิน อย่าแกล้งน้อง”แม่กลับเข้าข้างน้องเสียอย่างนั้น



“ไหงงั้นวะ”บ่นกับตัวเองเบาๆ แต่คุณมารดาที่เคารพกับหูมารได้ยินเข้าเต็มๆ มือท้วมยกขึ้นเขกหัวกะบาลเด็กเกเรเต็มแรงก่อนจะพาลูกชายที่น่ารักอีกสองคนเดินลงชั้นล่างไปทานอาหารเย็น



“ชิส์”อินย่นหน้าขัดใจ ดึงผ้าห่มคลุมโปรงแล้วก็นอนคุดคู้ต่อไป



 “อิน! ลงมากินข้าว ขึ้นไปตามแล้วยังไม่ยอมลงมาดีๆอีก!?”เสียงตวาดดังสนั่นขึ้นมาจากชั้นล่า เนตรคมเหลือบมองนาฬิกาแล้วก็ถอนหายใจ จริงอยู่ที่เวลานี้ปกติจะต้องกินข้าวเย็นกันแต่ว่าเมื่อครู่ที่แม่ขึ้นมาไม่ได้พูดถึงอาหารสักคำ ก็แค่มาต่อว่าแล้วก็จูงมือน้องลงไป



ตอนหดหู่ เรื่องอะไรๆมันก็มืดมนไปเสียหมด



นายอัครินทร์ผู้สภาพจิตใจดิ่งเหวถอนหายใจกับตัวเอง



“ไม่หิว!! กินกันไปเลย”ตอบกลับไปทั้งอย่างนั้น



ความจริงควรจะเรียกว่ากินอะไรไม่ลงมากกว่าไม่หิว แต่ก็ช่างเถอะ



ตึกๆๆ



ฉับพลันเสียงฝีเท้าหนักๆบ่งบอกแรงอารมณ์ของคนที่กำลังเดินขึ้นบันได้มาก็ดังขึ้นแทบจะทันทีที่ประตูห้องนอนของเขาถูกเปิดออกอย่างแรง ร่วงท้วมของหญิงวัยกลางคนเดินเท้าสะเอวเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าติดรำคาน



คนเป็นลูกทำเพียงเลิกผ้าห่มออกมามองเล็กน้อยก่อนจะปิดเปลือกตาไม่รับรู้โลกภายนอกต่อไป



“อิน!! โตแล้วอย่าเรื่องมาก น้องรออยู่นะ แกจะปล่อยให้น้องหิวรึไง!?”



มือเหี่ยวย่นตามกาลเวลาออกแรงกระชากผ้าห่มแต่อินยื้อกลับมาได้ทัน การต่อสู้ของแม่ลูกจึงเกิดขึ้น



“ก็กินกันไปดิ ไม่ต้องรอ”



“มันได้ที่ไหนกัน วันนี้พ่อไม่กลับบ้าน น้องก็อยากจะเจอแก แกอย่าดื้อให้มันมากนัก ใส่ใจคนรอบข้างซะบ้าง!!”โดนตวาดเต็มหน้าพร้อมฝ่ามือที่ระดมทุบตีลงมา หากแต่คนถูกทำร้ายร่างกายกลับทอดมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย



เพี๊ยะ!



ถูกตบจนหน้าหัน แต่แม่ก็สงบลงแล้ว



อินยกมือขึ้นลูบแก้มแดงๆของตัวเองด้วยท่าทางไม่อนาทรร้อนใจ



แรกเริ่มเดิมทีเขาเป็นคนเลี้ยงยากมาตั้งแต่เด็กๆ มิหนำซ้ำพ่อซึ่งเป็นทนายยังไม่ค่อยจะอยู่บ้านทำให้แม่ต้องเลี้ยงดูเขาเพียงลำพัง อินจึงไม่คิดจะโทษแม่ที่แก้ปัญหาด้วยการลงไม้ลงมือเพราะมันเป็นทางเดียวที่จะเลี้ยงคนหัวแข็งอย่างเขาได้



แต่อย่างน้อย...



ก็แค่วันนี้...



“แค่วันนี้...วันที่ลูกชายกลับมาบ้านโดยไม่มีสาเหตุ ถ้าไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างน้อยมีอะไรก็พูดกันดีๆไม่ได้รึไง!?”



เสียงแหบสั่นเครือ นัยน์ตาสีดำฉายแววเหนื่อยล้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หากแต่อารมณ์อันคุกรุ่นของคนเป็นแม่ไม่ได้สงบลงง่ายๆเพียงเพราะลูกชายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้



“อะไร? สั่งสอนฉันเหรอ นี่แม่แกนะ ปากดีนักนะ ไปก่อเรื่องอะไรมาล่ะ โดนจิ๊กโก๋ตามขู่ ติดเอฟจนเรียนต่อไม่ได้ หรือไปทำใครเขาท้อ....”



โครม!



“ออกไป!!!!”




พูดออกไปไม่ทันได้คิด หญิงวัยกลางคนสะดุ้งเฮือกเมื่อลูกชายของเธอกวาดข้าวของบนโต๊ะหนังสือข้างเตียงลงมาจนหมดแถมยังตะโกนไล่เธอสุดเสียง




ใบหน้าหล่อคมฉายแววเกรียวกราด หอบหายใจถี่รัวเพราะความโมโหคับอก แววตาวาวโรจน์อย่างเหลืออด



และน้ำตาที่ไม่ได้เห็นจากเด็กคนนี้มาเป็นสิบปี...



ไหลอาบแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจ



“อิน...แม่....”



น้ำเสียงอ่อนลงแต่ทว่ามันสายไปเสียแล้ว อินลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปาดน้ำตาลวกๆแล้วก็เดินไปจัดเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ให้ดูเป็นทรงขึ้นมาหน่อยจากนั้นก็คว้าเอากระเป๋าเงินเดินเบียดแม่ซึ่งขยับเข้าไปหาแล้วก็เดินหายลับออกจากบ้านไป....




................................................................................

อินเป็นเด็กเก็บกดค่ะ  :ling2:


................................................................................


สำคัญ(มั้ง)

มีสองเรื่องมาแจ้งค่ะ


ข้อแรกคือคนแต่งเปิดเพจแล้ว https://www.facebook.com/nikkouseries นักอ่านสามารถเข้าไปตามทวง จิด ทึ้ง คนแต่งได้ทุกกรณีที่มาอัพช้า 5555 :z10:



ข้อสองคือ เปิดเรื่องใหม่แล้วจ้า http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47617.0 เข้าไปอ่านกันได้นะ

ไม่ต้องกลัวว่าเรื่องใหม่จะทำให้อัพข้าวใหม่ไก่ช้า เพราะมีหรือไม่มีก็อัพช้าอยู่ดี...

ยังไงก็ขอฝากด้วยนะคะ ><
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่15 บ้าน [3/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 03-07-2015 20:24:42
ใจเย็นนะอิน สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่15 บ้าน [3/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 03-07-2015 20:43:05
โอ้วมายก็อดด  :katai1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่15 บ้าน [3/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 03-07-2015 22:07:57
เรื่องมันไปกันใหญ่แล้ว  :katai1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่15 บ้าน [3/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-07-2015 10:58:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่15 บ้าน [3/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 04-07-2015 22:44:37
 :hao4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่15 บ้าน [3/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 04-07-2015 22:49:13
อ่าววววววว
นังพัดมาตามอินกลับไปสิยะ
เตลิดไปไกลแล้วน่ะ
น่าสงสารรรร :hao4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่15 บ้าน [3/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: heroves ที่ 04-07-2015 23:58:53
เรา......ตามอินไม่ทัน :katai1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่15 บ้าน [3/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: aoraor ที่ 05-07-2015 01:06:25
โอ้วโน้วววววว  :katai1:

ขุ่นแม่ขาใจเย็นกับน้องหน่อยสิคะ   :z3:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่15 บ้าน [3/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 05-07-2015 10:27:53
...
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่16 เละเทะ [10/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 10-07-2015 17:19:19



บทที่ 16 เละเทะ




เดี๋ยวสิ...นี่เรากำลังทำอะไรอยู่



อินถามตัวเองด้วยคำถามเดียวซ้ำๆกันนี้มากว่าสิบครั้งได้แล้ว ยามก้าวท้าวเดินออกมาจากตัวบ้านไกลออกมาเรื่อยๆโดยไม่มีเสียงร้องห้ามหรือเงาร่างของใครสักคนเดินตามมา...



อย่างน้อยอินก็แค่เดิน เขาไม่ได้วิ่ง เพราะรู้ดีว่าเข่าแม่ไม่ดี ถ้าเกิดแม่วิ่งตามเขามาก็กลัวจะเป็นลมเป็นแล้งไป แม้ไม่อยากจะเห็นหน้าแต่ก็ยังเป็นห่วงเลยเลือกที่จะเดิน แต่ทว่าเขาคงมองโลกในแง่ดีเกินไป



ป่านนี้แม่คงตักข้าวให้น้องสองคนกินแล้วก็คิดเอาเองว่าเขาคงไม่เป็นอะไร โตแล้วดูแลตัวเองได้



“เหอะ ชีวิตแม่ง...”



อย่างที่เขาว่ากัน...การเป็นคนเข้มแข็งทำให้ไม่มีใครรับรู้ด้านที่อ่อนแอของเรา



ผลั่ก



ในขณะคิดอะไรยุ่งเหยิงในหัวสมอง หัวไหล่ก็กระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง คล้ายๆจะเป็นไหล่ของคนอื่น



“เห้ย!! เดินยังไงของมึงวะ!?”ชายวัยยี่สิบปลายกระชากคอเสื้อของเด็กหนุ่มอย่างแรงจนตัวปลิวแล้วตะคอกถามใส่หน้า



อินย่อจมูกอย่างรังเกียจ กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งแต่หัวค่ำขนาดนี้คงเป็นพวกขี้เหล้าที่อยู่ในชุมชนข้างๆ



เมื่อลองมองไปรอบตัวชัดๆก็พบว่าเขาได้เดินออกจากเขตหมู่บ้านจัดสรรของตนแล้วจริงๆ




“มีเรื่องไรวะ”ฉับพลันเสียงบุคคลที่สามก็ดังขึ้น คราวนี้เป็นชายรูปร่างท่วมกับชายรูปร่างผอมแห้งสองคนเดินถือขวดเหล้ากอดคอกันเข้ามาถามไถ่ คงเป็นเพื่อนของไอ้คนแรกเพราะท่าทางหักกระดูกนิ้วพร้อมมีเรื่องนั่น



อินเดาะลิ้นอย่างถูกใจ ดวงตาคมกริบซึ่งฉายแววหม่นหมองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง



รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมประดับบนมุมปาก



“หึ โชคดีจริงๆ กำลังคันตีนก็มีคนวิ่งมาหาตีนตั้งสามคน”สิ้นคำก็ปล่อยหมัดใส่หน้าไอ้คนที่ยืนกุมคอเสื้อเขาอยู่นานสองนาน พวกมันที่เหลือเห็นเพื่อนโดนต่อยก็รีบถลาเข้ามารุมร่างโปร่งทันที



“ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!”สัญชาติญาณดิบในตัวตื่นขึ้น เลือดในกายเดือดพล่าน อินนั้นถูกเรียกว่าเป็นหัวโจกไม่ใช่แค่เพราะเดินเต๊ะท่าส่งเสียงดังไปวันๆ



ออกหมัดไม่กี่ทีกุ๊ยข้างถนนก็เดินเซหน้าซีด ถีบเข้ายอดอกอีกรอบอีกฝ่ายก็ถอยหนี



“เหี้ยแม่ง นึกว่าลูกคุณหนู ตีนหนักชิบ ไปเหอะ”



“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง”ขี้เหล้าสามคนชี้หน้าอาฆาตอินก่อนจะหันหลังโกยเต็มฝีเท้า ลองเชิงกันแค่สองสามหมัดก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ควรเข้าไปยุ่ง



หากกำลังอารมณ์ดีอยู่อินคงปล่อยไป แต่ไม่ใช่อินในตอนนี้แน่นอน



ร่างโปร่งสาวเท้ายาวๆก่อนกระโจนถีบเข้าเต็มแผ่นหลังของคนที่อ้วนที่สุดอย่างจัง ร่างกายใหญ่โตปลิวถลาไปข้างหน้าหลายเมตร สองคนที่เหลือมองเพื่อนซึ่งนอนโอดครวญอยู่บนพื้นแล้วก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เหลือบตามองมัจจุราชหน้าหล่อซึ่งแสยะยิ้มมาให้



นาทีนั้นไม่มีคำว่าปราณีเหลืออยู่ในหัวของอินอีกต่อไป



ทั้งเตะทั้งต่อย โดนอีกฝ่ายสวนกลับมาก็ไม่ใช่น้อยหากแต่สติสัมปชัญญะของเขาสลายไปหมดสิ้นแล้ว



“ฮ่าๆๆๆๆๆ หมดแรงแล้วเหรอวะ ลุกขึ้นมา!!”มือขาวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของตัวเองและเลือกของคู่ต่อสู้ ใบหน้าคมมีบาดแผลฟกช้ำหลายจุด ความเจ็บบริเวณหน้าท้องที่ถูกไม้ตียังเล่นงานจนยืนแทบไม่อยู่แต่ความบ้าเลือดกลับเร่งให้ท้าทายขี้เมา



แต่เขาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างขัดใจ เมื่อกระสอบทรายทั้งสามหมดสติกันไปแล้ว



กระทืบคนหลับมันจะไปสนุกอะไร



ร่างโปร่งยืนโอนเอน ใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าจะก้าวขาเดินได้ เนื้อตัวเลอะเทอะขนาดนี้แท็กซี่คงไม่รับแหงๆ



แค่นยิ้มกับตัวเองแล้วก็ใช้สองขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย...



“คืนนี้นอนปั๊มก็แล้วกัน...”



อินไม่รู้ว่าเขาเดินมานานขนาดไหนแล้ว แต่แสงไฟจากบ้านเรือนริมถนนเริ่มมืดลง คิดว่าคนในบ้านพวกนั้นคงเข้านอนกันหมดแล้ว บนถนนเองก็ไม่ค่อยมีรถ



ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ของพวกเด็กแวนซ์ดังแว่วๆ คิดว่าตอนนี้คงดึกมากแล้วแต่เขาไม่ได้พกทั้งนาฬิกาและมือถือมาเลยไม่มีอะไรใช้ดูเวลา ในขณะที่หนังตาเริ่มหนักนั้นเองเขาก็เห็นแสงสว่างจากปั๊มน้ำมันซึ่งตั้งอยู่ห่างจากบ้านไม่ไกลนัก รอยยิ้มจุดขึ้นตรงมุมปากช้ำๆ พาตัวเองไปจนถึงที่หมายจนได้



“โอย...”ร่างโปร่งแทบจะคลานไปนั่งบนม้านั่งหน้าร้านกาแฟซึ่งปิดไปแล้ว ร้านนี้อยู่ด้านในสุดของปั๊มแถมยังอยู่ติดกับห้องน้ำทำให้มีต้นไม้ใหญ่หลายต้นขึ้นปกคลุมจึงไม่มีแสงไฟจากร้านสะดวกซื้อลอดเข้ามารบกวน นับเป็นมุมสงบมุมดีทีเดียว อินเหมาเอาที่นี่เป็นที่ซุกหัวนอนคืนนี้



เนื้อตัวเมื่อยล้าไปหมด เมื่อได้ล้มตัวลงนอนสติก็ดับวูบลงทันที



.



.



“อืม...”เสียงทุ้มครางฮือในลำคอยามรู้สึกถึงการกระตุ้นตรงเบื้อล่างและมือหยาบกร้านที่ลูบไล้ไปทั่วหน้าท้องและเนินอก...ลมเย็นๆพัดผ่านร่างกายจนหนาวสั่น รู้สึกเจ็บตามแผลเมื่อถูกมือนั้นต้องโดน



“เงียบๆดิวะเดี๋ยวแม่งก็ตื่นหรอก...”



เสียงของใครก็ไม่รู้ดังขึ้นรบกวนการนอน เหมือนจะดังจากที่ไกลแสนไกลแต่ความจริงดังขึ้นที่ข้างหู
ด้วยสติอันเลือนรางอินค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างมึนงง



“!!”แต่สิ่งแรกที่เห็นทำให้เขาต้องผวาจนแทบจะกลิ้งตกม้านั่งแต่ก็ได้แขนดำปกคลุมไปด้วยขนน่ารังเกียจช่วยรั้งประครองเอาไว้ให้



จากที่เบลอๆกลายเป็นตื่นเต็มตา



เมื่ออวัยวะเพศชายดำๆน่าเกียจถูกยื่นมาจ่อปาก...



“ไอ้เหี้ยอะไรนะ...”เพราะตกใจสิ่งแรกที่ทำคืออ้าปากด่าแต่การอ้าปากนั้นกลับกลายเป็นช่วยให้เจ้าแท่งอัปลักษณ์ตรงหน้ายัดเข้ามาในปากจนสุด



เหี้ยยยยยยยยยยยยย



คำเดียวในหัวตอนนี้ เนตรคมกวาดมองไปรอบตัวก็พบชายฉกรรณ์สี่คนยืนรุมล้อมอยู่ด้วยแววตาหื่นกระหาย มองต่ำลงไปตรงเป้ากางเกงพองนูน ดูเหมือนว่าพวกมันจะยังไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าลูบไล้แล้วก็เอาเคยัดปากเพราะเสื้อผ้าของเขายังอยู่ครบ



รสเค็มปร่าและกลิ่นชวนอวกคละคลุ้งเต็มช่องปาก เด็กหนุ่มเบ้น่าอย่างสะอิดสะเอียน



ไม่รอช้าฟันคมๆก็งับเข้าเต็มแรง



“โอ๊ยยย”ไอ้สัตว์นรกเจ้าของของในปากอินร้องเสียงหลงและถอยไปด้านหลังตามสัญชาติญาณ ไม่รอช้าร่างโปร่งรีบสะบัดให้หลุดจากการกอบกุมจากชายสองคนแล้วก็กระโดดถอยไปตั้งหลักหน้าประตูร้าน



“ไอ้พวกเหี้ย!!! มีใครอยู่มั้ยช่วยด้วย!!!!!!!!!!!!!!!”อินไม่ได้โง่ ที่นี่คือปั๊ม ด้านหน้าคือถนนใหญ่ด้านหลังคือหมู่บ้านคน ถึงแม้ตรงที่เขาอยู่จะมีต้นไม้บังแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครได้ยิน



อย่างน้อยก็พวกเด็กปั๊ม ไม่ก็พนักงานในร้านสะดวกซื้อ...



“เสียใจด้วย ไม่มีใครได้ยินหรอก”



ร่างโปร่งเผลอก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ ก้อนเนื้อในอกซ้ายกระตุกวาบ ปลายนิ้วชื้นเหงื่อเย็นเฉียบเมื่อสายตาเพ่งมองร่างของเจ้าสี่คนตรงหน้าชัดๆ



ชุดเครื่องแบบแสดงให้รู้ว่าสองคนเป็นเด็กปั๊ม สองคนเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ...



มือหยาบกร้านของร่างเหม็นกลิ่นน้ำมันคว้าเข้าที่ตนแขนทั้งสองข้าง “ถึงจะเป็นตัวผู้ แต่เวลาเงี่ยนขอแค่มีรูพวกกูก็เอาหมด ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”นัยน์ตาเหมือนลอยแลดูคลุ้มคลั่ง อินเหลือบตามองไปยังข้อพับของคนที่จับตัวเขาเอาไว้แล้วก็พบเข้ากับรอยเข็มฉีดยาหลายรู



ตายแน่...



ต่อจากขี้เหล้าคราวนี้มาเจอขี้ยา...ชีวิตฉิบหายวายวอด




ตัวอินในตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงจะขัดขืนอะไรทั้งนั้นแค่ยืนยังจะไม่อยู่เลย รอยช้ำและความเหนื่อยล้าทำให้เขาจนตรอก



“ไม่น่าซ่าเลยกู...”



เวลาเมาใครๆเขาก็นอนปั๊มกันไม่ใช่เหรอ? เท่าที่อินจำได้ เพื่อนของเขาหรือแม้กระทั่งดีดีก็เคยนอนในที่แบบนี้ตอนขับรถกลับห้องไม่ไหวกันแล้วทั้งนั้น...ประมาทเกินไปหน่อย เกิดมาพึ่งรู้ว่าตัวเองเนื้อหอมในหมู่ผู้ชายขนาดนี้



“เหอะๆๆๆๆ”ร่างโปร่งทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิกับพื้นท่ามกลางสายตางุนงงของสามคนรอบตัว



ไอ้คนที่โดนอินกัดของรักไปเต็มแรงนั้นหันมายิ้มเหี้ยมให้เด็กหนุ่มซึ่งนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่กับพื้น มันย่างสามขุมเข้ามาด้วยความย่ามใจ คนอื่นๆก็เริ่มปลดกางเกงโชว์ของดีกันใหญ่สาวขึ้นสาวลงให้ตื่นตัว อินเหลือบมองทางซ้ายทีทางขวาที เห็นพวกมันคนหนึ่งทำหน้าล้นปรี่จากนั้นน้ำสีขาวก็หลั่งรินออกมาจากปลายยอด



“เร็วไปมั้ง...”แค่นหัวเราะในลำคอ



“ปากดีไปไอ้หนู เดี๋ยวจะโดนจนฟ้าเหลือง”



“อย่างลุงน่ะไม่ไหวหรอกผมว่า...”



“ดูถูกกันเหรอ”



“ดูถูกต้องชันเจนแจ่มแจ้งเลยล่ะ”ร้อยยิ้มกลับมาที่มุมปากของอินอีกครั้ง ด้วยความตกใจ สี่คนที่ไม่ทันตั้งตัวถอดกางเกงออกมาชักของดีกันหมดแล้วนั้นก็โดนเตะกวาดขาลงไปล้มหน้าทิ่มกันถ้วนหน้า ไม่รอช้า จังหวะเดียวที่สร้างขึ้นมาได้ อินรีบลุกขึ้นแล้วก็ออกวิ่งเต็มฝีเท้า



ร่างโปร่งกระโดดข้ามรั้วยกระดับของร้านกาแฟ กะวิ่งรวดเดียวออกไปยังถนนใหญ่



หากแต่เขาประเมินกำลังของตัวเองผิดไปหน่อย บาดแผลที่โดนทำร้ายตอนกำลังบ้าเลือดมันมักจะเจ็บน้อยกว่าตอนกำลังตื่นกลัว



“โอ๊ย...”



ลุกไม่ขึ้น มือเรียวกุมท้องแล้วก็นอนขดลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด...โดนไม้หน้าสามฟาดเข้าเต็มๆเดินมาได้ขนาดนี้ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่มาหมดก๊อกเอาในเวลานี้แบบนี้มัน



“โธ่โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!”



แผดเสียงร้อนด้วยความเจ็บแค้นเมื่อถูกกระโดดทับเข้าเต็มๆ พวกมันสี่คนคงไม่เปิดช่องโหว่ให้เขาหนีได้อีกแล้ว ใบหน้าทุเรศบูดเบี้ยวด้วยความโมโห หนึ่งในนั้นออกแรงเตะซ้ำแผลเดิมจนอินกระเซ็นหงายท้องร้องโอดโอย



โดยไม่ให้ทันตั้งตัว ไอ้เหี้ยในชุดเด็กปั๊มก็ขึ้นมานั่งคร่อม เสื้อผ้าแสนยับเยินของอินถูกเลิกขึ้น



“ดื้อด้านนักใช่มั้ย!? มึงเจอของกูนี่!!”



...................................................................

 :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10:

คลานหลบระเบิด

 :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10:


...................................................................

ลืมโฆษณา 55555


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47617.0

เข้าไปอ่านเรื่องใหม่เค้ากันด้วยนะ >o<
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่16 เละเทะ [10/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 10-07-2015 17:42:52
หนูอินนนนนนนนน!! :katai1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่16 เละเทะ [10/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 10-07-2015 17:48:54
ชีวิตบัดซบดีจังเลยนะอิน
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่16 เละเทะ [10/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 10-07-2015 17:50:49
โอ้โหหหโหดมาก :z6:

น้องอินของพี่ :katai1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่16 เละเทะ [10/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 10-07-2015 19:02:54
กรี๊ดดดดดดดค้างมาก

ใครก็ได้มาช่วยอินที :ling1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่16 เละเทะ [10/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 10-07-2015 19:10:10
ทำตัวเอง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่16 เละเทะ [10/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 10-07-2015 19:18:24
อ๊ากกกก มาต่อด่วนน  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่16 เละเทะ [10/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 10-07-2015 19:41:11
โหดชิบบบบ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกตะหาก จะรอดมั้ยอินเอ๊ย  :a5:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่16 เละเทะ [10/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: aoraor ที่ 10-07-2015 19:49:38
เฮ้อ.......

คุณแม่ก็ไม่คิดจะตามน้องเลยรึไงนะ  เห็นๆอยู่ว่าน้องแปลกไป
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่16 เละเทะ [10/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 10-07-2015 20:35:20
เฮ้ย !!!!บทนี้มันโหดมาก
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่16 เละเทะ [10/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 10-07-2015 21:04:16
ต่อเถอะ อย่าทำแบบนี้ ฮืออ TT
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่16 เละเทะ [10/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: anchoviiz ที่ 10-07-2015 23:53:33
หลงเชื่อมาตลอดว่าเป็นนิยายรักใส ๆ
แต่ตอนนี้ทำเอาต้องไปนอนคิดใหม่เลยทีเดียว

อินดูไม่น่ามีปัญหาครอบครัวได้เลย
แม่นี่ก็อะไร ดูไม่ฟังอะไรเลย
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่16 เละเทะ [10/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 12-07-2015 12:25:03
ไม่นะอิน จะโดนทั้งทีขอคนดีๆกว่านี้ไม่ได้หรอ#ผิด
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่17 ห่อเหี่ยว [17/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 17-07-2015 17:19:25


บทที่17 ห่อเหี่ยว



ผลั่ก!



ในนาทีที่คิดว่าไม่รอดแล้วแน่ๆก็มีขวดน้ำลอยมาจากไหนก็ไม่รู้ พุ่งเข้ากระเท้าหน้าคนที่คร่อมเขาไว้เต็มๆ แต่เพราะถูกนั่งทับเอาไว้ทำให้อินมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ได้ยินก็แต่เสียงตุบตับแล้วก็เสียงเอ็ดตะโรของไอ้สี่คนนั้น



“รอดแล้ว?”เสียงทุ้มแหบพร่ารำพึงออกมาแผ่วเบา หัวใจที่ตกลงไปกองอยู่แทบเท้ากลับเข้าตำแหน่งเดิมแล้วก็เต้นตามจังหวะอีกครั้ง คนที่ทับอยู่ลุกขึ้นไปแล้วอินจึงเริ่มขยับกาย



แม้จะยังมึนและจุกอยู่ขนาดไหนก็กัดฟันขึ้นมานั่งจนสำเร็จ



“พัด...”



“นั่งโง่อยู่นั่นแหละ ขึ้นไปนั่งในรถเร็วนู่น!!”ร่างสูงของคนที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ในที่แบบนี้หันมาตวาดลั่น อินพยักหน้ารับคำอย่างงุนงง ดูเหมือนพัดจะมาคนเดียว เพราะอะไรก็ไม่รู้แต่ก็กำลังช่วยเขาอยู่



อินคลี่รอยยิ้มกว้าง รู้สึกชื้นใจขึ้นเยอะก่อนจะตะเกียดตะกายพาตัวเองออกจากมุมอับของปั๊มไป



ร่างโปร่งเหลียวมองคนที่มาช่วยครู่หนึ่ง แต่พัดก็ไม่ได้กระจอก สู้กับพวกนั้นได้ดีเลยทีเดียว ความจริงถ้าอินไม่บาดเจ็บมาก่อนเจ้าสี่คนนี้ก็คงไม่คณามือเขาเช่นกัน



มิหนำซ้ำพวกมันยังอยู่ในสภาพกางเกงหลุดลุ่ยสู้ไม่ถนัดอีก สภาพนั้นไม่นานก็คงแพ้...



ด้านหน้าของปั๊มไร้เงาผู้คน ดูเหมือนว่าพวกมันจะติดป้ายว่าน้ำมันหมดไว้หน้าทางเข้าแล้วด้วยความรอบคอบ อินสังเกตเห็นรถของพัดได้ไม่ยากในเมื่อมันจอดอยู่แทบจะติดกับห้องน้ำเลย ร่างโปร่งพาตัวเองขึ้นนั่งอย่างอ่อนเพลีย



สภาพใกล้เคียงกับผักต้มในหม้อสุกี้



เละเทะและห่อเหี่ยว



มองเวลาบนหน้าปัดแล้วก็ตกใจ



ตีสอง...



มิน่าล่ะถึงได้ไม่มีคนเข้ามาเติมน้ำมัน



ในขณะที่กำลังสลึมสลือใกล้จะหลับก็ได้ยินเสียงเปิดประตูฝั่งคนขับ อินสะดุ้งเล็กน้อยเพราะคิดว่าเป็นพวกมัน แต่พอเห็นพัดในสภาพฟกช้ำเล็กน้อยทิ้งตัวลงนั่งก็ถอนหายใจโล่งอก



“ขอบคุณ...”อ้อมแอ้มเอ่ยออกไป ในเวลาแบบนี้อินไม่รู้จริงๆว่าควรทำหน้าอย่างไร ในเมื่อแสดงความน่าสมเพชให้อีกฝ่ายเห็นเข้าเต็มๆ



“อืม”



เสียงทุ้มตอบกลับสั้นๆสร้างความฉงนให้กับอิน เขาปรายตามองคนข้างกายที่เอาหน้าซบกับพวงมาลัยเงียบๆ



เพียงอึดใจพัดก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็แล่นรถออกจากปั๊มไปโดยไม่พูดไม่จา สีหน้าเรียบเฉยแต่บรรยากาศรอบๆแผ่ความคุกรุ่นจนอินร้อนๆหนาวๆ



“จะ...ไปไหน?”ในที่สุดก็กัดฟันถามออกไปจนได้



“กูแจ้งความไปแล้ว จับมัดไว้กับเสาร้านด้วย เดี๋ยวตำรวจก็มาหิ้วพวกมันไป”



ไม่ใช่คำตอบที่อินต้องการ สงสัยว่าพัดตีความว่าอินกลัวว่าออกมาจากจุดเกิดเหตุแล้วพวกคนร้ายจะหนีไปได้จึงตอบแบบนั้น



“จะไปไหน?”เลยหวังดีถามไปอีกครั้งกลัวไม่เข้าใจคำถาม แต่หารู้ไม่ว่ามันไปประตุกต่อมประสาทของอีกคนเข้าเต็มๆ พัดออกแรงกำพวงมาลัยรถแน่นขึ้น แต่เพราะมันมืดอินเลยไม่ทันสังเกต



“โรงพยาบาล”



“ไปทำไม”



เหมือนเส้นด้ายบางๆขาดผึง...คนที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วระเบิดอารมณ์ออกมาทันทีที่สิ้นคำถาม



“เพราะโง่อย่างนี้ไงถึงเกือบได้ผัวเพิ่มอีกสี่คน!!!”ตะโกนเสียงดังจนหูชา อินผงะกับความเกรี้ยวกราดของอีกฝ่าย



 “อ่อ หรือว่าอยากโดน...ตอนกูเอาก็เห็นชอบอกชอบใจดีนี่เนอะ เหอะ!!”เมื่อไม่มีการตอบโต้ฝ่ายที่กำลังร้อนใจเลยรีบใส่อีกชุดใหญ่ คำพูดดูถูกเหยียดหยามแต่สีหน้าซึ่งซ่อนอยู่ในความมืดของคนพูดกลับฉายแววเจ็บปวด



“ไอ้เหี้ย!! ก็แค่ถามทำไมต้องซ้ำเติม ได้มึงเป็นผัวคนเดียวชีวิตกูก็ฉิบหายพอแล้วกูไม่อยากได้เพิ่มหรอก!! แต่ถ้ามาช่วยแล้วงี่เง่าใส่กันแบบนี้ก็ปล่อยก็ลงไปเดินข้างทางตรงนี้เลยก็ได้นะ!! จอดดิวะ!! กูจะลงไปเดินหาผัวใหม่!!”



เอี๊ยดดดด!



“ลงไป”



เสียงเย็นเยียบทำเอาใจหาย อินหุบปากและเบิกตามองหน้าพัดอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง



“ก็ได้...กูลงก็ได้”ถ้าอยู่แล้วโดนดูถูกขนาดนี้เขาก็ยอมไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า อินปลดเข็มขัดแล้วก็เดินลงจากรถไปแบบไม่มีลังเล ได้ยินเสียงปิดประตูรถแล้วก็เสียงฝีเท้าตามมาด้วยแรงกระชากข้อมืออย่างแรง



“ทำเหี้ยไรเนี่ย!??”



“มึงแหละทำเหี้ยไร จะเดินไปไหน”



“หะ?”ร่างสูงออกแรงนิดเดียงร่างกายปวกเปียกของคนบาดเจ็บหนักก็ปลิวตามมือไปแล้ว อินได้สติแล้วก็มองรอบๆตัวดูให้ดีอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้พวกเขาไม่ได้ยืนเถียงกันอยู่ริมทางเปลี่ยวๆแต่ยืนอยู่ใต้โถงทางเดินใหญ่ประดับด้วยโคมไฟอย่างดี




พัดยื่นกุญแจรถให้ชายที่สวมชุดสูทผูกโบว์หูกระต่าย



อินกระพริบตาปริบๆมองพนักงานเคาเตอร์ที่ส่งคีย์การ์ดให้พัดด้วยรอยยิ้ม



ภายในลิฟท์ของโรงแรมระดับสูงกว่าสี่ดาวแน่ๆ อินยืนโงนเงนจับมือประสารกับมือของร่างสูงซึ่งอารมณ์แปรปรวน ยามเห็นที่พักดีๆอยู่ตรงหน้าก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องขัดขืนอีกต่อไป



อย่างที่บอกอินไม่ได้โง่รักศักดิ์ศรีทิ้งชีวิตขนาดสะบัดสะบิ้งออกไปเดินข้างถนนในสภาพแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง...



“ไมไม่ไปโรงบาล”ถึงอย่างนั้นก็ขอถามหน่อยเถอะ เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าจะไปโรงพยาบาล ไหง พาเข้าโรงแรม



โดยไม่ตอบอะไรพวกเขาก็เดินมาถึงห้องพักเสียแล้ว ภายในห้องประดับด้วยเฟอนิเจอร์มาตรฐานของห้องพัด เตียงหนึ่งหลัง โทรทัศน์และโซฟากับโต๊ะเล็กๆ...ไม่ยักรู้ว่าแถวบ้านตัวเองก็มีที่พักดีดีแบบนี้...ปกติจะเห็นแต่ม่านรูด



ร่างโปร่งหย่อนกายลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ดูเหมือนว่าพัดจะหยิบกุญแจห้องแล้วก็เดินออกไปไหนก็ไม่รู้แต่นั้นก็ไม่สำคัญอีกต่อไปเมื่อมีแอร์เย็นๆกับเตียงนุ่มๆอยู่แบบนี้ เด็กหนุ่มซึ่งผจญกับเรื่องราวมากมายก็ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย



.



.



“โอ๊ย!”ในขณะที่อยู่ในห้องนิทรานั้นก็ได้ยินเสียงขยุกขยิกข้างหูจากนั้นก็ตามมาด้วยความรู้สึกเย็นวาบแล้วก็ความเจ็บแสบบริเวณบาดแผล เดือดร้อนให้คนเจ็บซึ่งหลับไปได้ไม่นานต้องขืนเปลือกตาลืมขึ้นมาสำรวจว่าเกิดอะไรขึ้น



“อืม”ครางงืมงำในลำคอ เพราะความเมื่อยล้าทำให้หนังตาหนักกว่าปกติหลายเท่า อินฝืนตัวเองลืมตาขึ้นมามองสภาพรอบๆตัวได้สำเร็จ ภายในห้องพักเดิมแต่ต่างจากตอนก่อนที่เขาจะหลับตรงแสงไฟในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงไฟจากระเบียงเล็ดลอดเข้ามาเท่านั้น



กับร่างสูงของคนที่พาเขามาที่นี่....นั่งอยู่ขอบเตียง ข้างกายมีอุปกรณ์ทำแผลครบชุด



“ตื่นแล้วเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถาม อินพยักหน้าแทนคำตอบ ดูเหมือนพัดจะระงับอารมณ์โกรธลงได้แล้ว



“ขอบคุณ”และเป็นอีกครั้งที่อินไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำนี้



ร่างโปร่งนอนแน่นิ่งให้อีกฝ่ายช่วยทำแผลไปเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงไฟสีส้มอ่อนทำให้เห็นใบหน้าของพัดได้เลือนราง...ทั้งที่เป็นอย่างนั้นแต่อินกลับรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่ถ่ายทอดออกมาทางสายตาของอีกฝ่าย



ยามป้ายน้ำยาฆ่าเชื้อลงบนร่างที่มีแต่บาดแผลกับเสียงร้องซี้ดของคนเจ็บ



“หึหึหึ”อินหลุดหัวเราะกับมือที่ชุบสำลีแตะแผลตนอย่างแผ่วเบา



“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ กูโดนกระทืบจนชินแล้ว”คนเจ็บบอกให้พยาบาลชั่วคราวทำแผลแบบไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง”ยึกยักมันน่ารำคาน”



“ซ่าออกแล้วเหรอ”พัดยิ้มรับแต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนวิธีทำแผลของตน สร้างความขัดใจให้อินนิดหน่อย ร่างโปร่งก็เลยลุกขึ้นนั่งพรวดพราดแล้วก็เอี้ยวตัวไปกดเปิดโคมไฟหัวเตียงช่วยให้เห็นใบหน้าเหรอหราของพัดได้ชัดๆ



“พอเลยมึง เอามานี่ กูทำเอง”ว่าแล้วก็คว้าเอาน้ำยาฆ่าเชื้อมาจากมือของคนที่กำลังช็อคอยู่



ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังทำท่าปางตายอยู่เลยแท้ๆ...พลังชีวิตล้นเหลือจริงๆ พัดมองคนเจ็บซึ่งกำลังทำแผลให้ตัวเองอย่างรุนแรงด้วยสีหน้าชื่นชม(?)



“อินนี่...แข็งแกร่งจริงๆเลยเนอะ”



“ไม่หรอก กูบอบบาง”



“หะ...เหรอ ฮ่าๆๆๆ”พัดหลุดหัวเราะออกมาตอนเห็นคนที่บอกว่าตัวเองบอบบางกดแผลตัวเองหนักๆแล้วก็หันมายักคิ้วให้ตน
แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุม...



อินไม่ได้แข็งแกร่งอะไรทั้งนั้น เขาก็เป็นมนุษย์เดินดินคนหนึ่งซึ่งแสดงแต่ด้านที่แข็งกร้าวให้คนอื่นเห็น ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังปางตายอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับฟิตปั๋ง...นั่นก็เพราะเด็กหนุ่มฝืนตัวเองให้เป็นแบบนั้นต่างหาก



อินทำแผลให้ตัวเองเรียบร้อยแล้วก็เอายาหม่องป้ายรอยช้ำตามตัวจากนั้นก็ส่งอุปกรณ์ให้พัดซึ่งรับไปเก็บที่โต๊ะเครื่องแป้งอย่างว่าง่าย ร่างสูงเดินกลับมานั่งบนเตียงแล้วก็จ้องมองใบหน้าของอินนิ่งค้าง



จ้องอยู่เนิ่นนานจนคนถูกมองเริ่มนั่งไม่ติด



“มองอะไร”



“ป่าว”



“มองอยู่เห็นๆอย่ามาตอแหล”



“ถ้าเห็นว่ามองอยู่แล้วจะถามทำไมว่ามองอะไร”



“กวนตีน”ตบท้ายด้วยตีนจริงๆ อินยันเท้าเขี่ยพัดแทบตกเตียง ดีที่เจ็บอยู่เลยออกแรงได้ไม่สุด



“แล้วมึงมาทำไรแถวนี้ดึกๆ”คนที่รอดจากการตกเตียงแต่ต้องตกใจแทนเมื่อเจอคำถามจี้ใจดำเข้าให้ อินหรี่ตามองจับสังเกต
ใบหน้าหล่อเหลาซึ่งฉายแววอ้ำอึ้งของพัด



“ตอบ!”เลยเร่งเสียงเข้ม



“กูมาหามึง”



“มาทำไม!?”



จำเลยมีท่าทีอึกอักแต่ศาลกลับไม่ยอมฟังความแก้ตัว อินตอนนี้ต้องการรู้แค่ความจริงเท่านั้น



ตอบมาสิว่ามึงมาตามหากูที่บ้านเพราะดีดีวิ่งแจ้นไปบอกว่ากูออกจากห้องมันไป



ตอบมาสิว่ารู้สึกผิดก็เลยออกตามหาเพื่อขอโทษ...ถ้าพูดคำนั้นออกมาล่ะก็จะยอมยกโทษให้



ในฐานะผู้มีพระคุณที่ช่วยห้รอดพ้นจากอันตราย เรื่องคืนนั้นจะเกิดขึ้นเพราะอารมณ์พาไปหรืออยากลองของก็จะไม่สนใจอีกต่อไป



.



.



“กูชอบมึง”



“!!”



อินรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฟ้าผ่าจากที่ไกลๆ มองลอดออกไปนอกหน้าต่างก็ได้ยินเสียงฝนตกรำไร สงสัยว่าจะเกิดพายุฝนหลงฤดูเข้า หากแต่เสียงของสายฝนหรือเสียงของสายฟ้าก็ไม่อาจดังกลบเสียงหัวใจในอกซ้ายของเขาในยามนี้ได้เลย



...ชอบ...



คำว่าชอบนั้นมีพลังโจมตีที่รุนแรงยิ่งกว่าไม้หน้าสาม อินจุกจนพูดไม่ออก



“ชอบ...กูเหรอ”ทวนคำด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ



“อืม พัดชอบอิน”



“ถ้าอย่างนั้น คืนนั้นมึงก็...”ตั้งใจ



คำว่าเจตนากลืนหายไปในลำคอ มันก็น่ายินดีอยู่หรอกที่เพื่อนของเขาไม่ใช่พวกฟันคนอื่นไปทั่ว แถมเขายังไม่โดนฟันแล้วทิ้งอีก แต่นี่มันเหนือความคาดหมายของอินไปไกลโข มือเรียกยกขึ้นทุบหัวตัวเองโคลงเคลง



รู้สึกเหมือนแพน้อยล่องอยู่กลางทะเลกลางพายุ



เสียงฟ้าฝ่าดังขึ้นอีกครั้ง พัดยังคงก้มหน้านิ่ง...มันคงลำบากใจที่จะพูดคำนี้เหมือนกัน



“เอ่อ...”อินเอื้อมมือไปหมายจับบ่าของอีกฝ่าย แต่มือที่จะยื่นออกไปนั้นก็ต้องชะงักค้าง



“ดึกแล้ว นอนพักเถอะ”เป็นเจ้าของสีหน้าอ้างว้างอย่างพัดที่ลุกขึ้นไปปิดม่านปิดไฟแล้วก็บังคับให้คนเจ็บเข้านอน มือหนาดันร่างของอินให้นอลงแล้วก็ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่าง



“เดี๋ยว”คนที่นอนไปแล้วลุกขึ้นมาใหม่ ใบหน้าตึงเครียดจริงจัง อินมองเห็นความเสียใจในใบหน้านั้นอย่างชัดเจนและรู้ดีว่าถ้าเขายอมนอนหลับตามที่อีกฝ่ายบอกแต่โดยดี...



พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย...



อินสบตากับพัดนิ่ง”มึงชอบกูแล้วไงต่อ”



“เห?”



“ชอบกูแล้ว ได้กูแล้ว แล้วไงต่อ?”



.



.



“แล้วมึงล่ะ...รู้ว่ากูชอบมึงแล้ว ได้กับกูแล้ว แล้วไงต่อ?”




...........................................................................

เป็นลูกผู้ชายก็ต้องพูดคนตรงๆมีอะไรไม่อ้อมค้อมแบบนี้แหละค่ะ 55555555555555







มุมโฆษณา เรื่องใหม่จ้า เรื่องใหม่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47617.0

หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่17 ห่อเหี่ยว [17/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Disthaporn ที่ 17-07-2015 20:46:05
หวานกันสักทีเถอะะะะ รออยู่ :ling1: อินกับพัดน่าจะน่ารักมากๆอ่ะจริงงง อินอย่าทำร้ายพัดนะะะขอออ :mew2:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่17 ห่อเหี่ยว [17/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 17-07-2015 21:39:12
พัดซึมเชียว ตามมาเจอได้ไงเนี่ย?
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่17 ห่อเหี่ยว [17/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 17-07-2015 21:59:18
 :hao4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่17 ห่อเหี่ยว [17/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 17-07-2015 22:25:23
แล้วไงต่อ แล้วไงต่อ คนอ่านก็อยากรู้เหมือนกันนน  :a5:
อินเนี่ย ถึกทนเกินความคาดหมายจริง ๆ   
เราก็อยากถามพัดเหมือนกันว่าแล้วไงต่อ พัดน่าจะตอบคำถามนี้มากกว่านะ คือวางแผนจนได้มาแล้ว ตามมา บอกว่าชอบแล้ว ขั้นถัดไป พัดอยากได้อะไรจากอินเหรอ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่17 ห่อเหี่ยว [17/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-07-2015 22:11:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่17 ห่อเหี่ยว [17/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 19-07-2015 07:27:02
มันต้องอย่างนี้สิ แมนๆคุยกันตรงๆไปเลย

หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่17 ห่อเหี่ยว [17/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-07-2015 10:30:50
 :z2:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่18 เวร [24/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 24-07-2015 17:00:04




บทที่18 เวร




“หายหน้าหายตาไปนานเลยนะมึง”



เสียงทักดังมาก่อนจะเห็นตัวคนพูดอีก อินหันไปยังทิศทางต้นเสียงก่อนจะพบกับร่างสูงผอมของไอ้ม่อน เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มเดินเคียงคู่มากับคิม ไอ้เตี้ยประจำกลุ่ม ดีดีว่าเตี้ยแล้วเจอเหี้ยนี่เข้าไปแพ้เลย ไหนจะยังหน้าหล่อคมเข้มเจาะหูอย่างร็อคของมันซึ่งทำอะไรไม่ถามส่วนสูงตัวเองสักคำอีก



“โดดไปไหนมาวะ ดีดีเครียดใหญ่เลยนะมึง”คิมกล่าวสบทบ



พวกเราสามคนพากันเข้าไปนั่งในห้องบรรยาย แถวหลังสุดคือที่ประจำของพวกเรามีดีดีนั่งจองที่ไว้ให้ก่อนแล้ว ผมมองหน้าเพื่อนที่เมื่อคืนนอนด้วยกันแต่ตื่นไม่พร้อมกันก่อนจะหลบสายตามันแล้วก็เลือกนั่งที่นั่งข้างๆคิม



สามวันแล้วที่อินกลับมาอยู่กับดีดีอีกครั้ง




หลังจาก’คืนนั้น’เขาก็ให้ไอ้พัดไปส่งที่บ้านตอนสายๆ แม่เห็นหน้าเขาก็ด่ายกใหญ่ โดนสวดยับข้อหาไปมีเรื่องกับชาวบ้านจนสะบักสะบอมกลับมา



นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อินปลงตกกับการเหวี่ยงของแม่ได้นานแล้วแต่เรื่องที่ทำให้คิดไม่ตกอยู่ตอนนี้ก็คือเรื่องของพัด...



คำถามที่เขาจงใจถามเพราะอยากรู้ว่ามันจะทำอย่างไรต่อไป แต่มันกลับย้อนถามเขา เล่นเอาจุกจนพูดไม่ออกเลย



นั่นสิ จะทำอย่างไรต่อไปดีนะ



“อิน เย็นนี้มึงมีคิวที่ไหนป่าววะ”คิมถามขณะนั่งเรียนเพลินๆ เริ่มเคลิ้มใกล้หลับ



“ไม่”ตอบเสียงเนือยเพราะคาบเรียนแสนน่าเบื่อกับปัญหาชีวิต



“งั้นคืนนี้แดกเหล้ากัน”



“ที่ไหน”



“ร้านเดิม”



อินเบ้หน้าหลังได้ยินคำตอบของเพื่อน”เปลี่ยนร้านบ้างเถอะ ไปบ่อยจนเถ้าแก่แทบจะยกลูกสาวให้กูอยู่แล้ว”



เขาพูดกึ่งเล่นกึ่งจริง อันที่จริงเจ้าของร้านเหล้าซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของดีดีเท่าไหร่มีลูกสาวสวยหมวยเอ็กซ์เรียนอยู่มหาลัยเอกชนเด็กกว่าพวกเราปีหนึ่ง ซึ่งชอบมาส่งสายตาหว่านเสน่ห์ให้อินบ่อยๆ



“มึงก็เอาดิ ลูกสาวเฮียออกจะขาวสวย เด็กกว่าเราแค่ปีเดียว ที่พวกกูไปร้านนั้นบ่อยส่วนหนึ่งก็เพราะอาหมวยคนนี้เลยนะ”



“มึงก็เอาไปเองสิ”ผู้หญิงคนนี้มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าจะนำแต่ภัยเข้ามา



“อืม คืนนี้แหละกูจะเอา มึงต่อไหม?”



“เห้ย!? พูดไรของมึงวะ จะหมู่แล้วเขาจะยอมเหรอ!?”



“โอ๊ย! กูกะม่อนก็ประกบหน้าหลังอาหมวยมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง เพิ่มมึงเข้ามาอีกคนจะเป็นไรไป”คำกล่าวของคิมเล่นเอา
มนุษย์โสด(ไม่)สนิทอย่างอินหน้าเหวอ ข้อมูลใหม่แรงส์เกินกว่าสมองของเขาจะรับไหว



“เห่ย! อิน ไปกินข้าว นั่งอ้าปากให้แมลงวันบินลอดอยู่นั่นแหละ”เสียงของม่อนดึงเรียกสติ ในที่สุดเวลาพักกินข้างกลางวันที่รอคอยมาถึง พวกเราลงไปทานข้าวกันแล้วก็แยกย้ายไปเรียนวิชาเลือกคาบบ่ายโดยตกลงกันว่าจะไปกินกันที่ร้านเดิม



ร้านที่คุ้นเคยกับอาหารที่คุ้นเคย



ถ้าโดนตีนก็ตีนที่คุ้นเคย



หอยก็หอยที่คุ้นเคย



แหม่...น่ารักจริงๆเพื่อนใครวะเนี่ย



เวลานัดคือสองทุ่ม เมื่อกลับมาถึงคอนโดอินก็เดินไปเหล่ดีดีซึ่งแทบจะไม่พูดไม่จากันสักเท่าไหร่กำลังดูทีวีอยู่ในห้องการ์ตูนเพลิดเพลิน เห็นดังนั้นอินจึงเดินเข้าไปนอนหลับอุตุในห้องนอนอย่างเพลิดเพลินเช่นกัน



แต่ดูเหมือนจะเพลิดเพลินกันเกินไปหน่อย ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกจากนิทราตอนสองทุ่มกว่า มองนาฬิกาตาเหลือก



“ชิบหาย เลยเวลานัดแล้วนี่หว่า”อินรีบกระวีกระวาดออกจากห้องนอนไปหาดีดีซึ่งยังดูการ์ตูนไม่เลิกรา คนตัวเล็กเองก็เพิ่งรู้ตัวเช่นกันว่าสายแล้ว ทำหน้าตกใจแล้วก็รีบวิ่งไปแต่งตัวกันตาลีตาเหลือก



“สายโค่ดดดดดด”เสียงกวนส้นตีนของไอ้ม่อนดังมาก่อนตัวอีกตามเดิม คิมลุกขึ้นยืนแล้วก็โบกมือไปมาเพื่อให้พวกเราสังเกตเห็น ซึ่งทีแรกอินคิดว่าคิมนั่งอยู่...



ภายในร้านเหล้าขนาดกลาง ไม่มีหลังคา มีเวทีใหญ่สำหรับวงดนตรี ลมพัดโกลกสบายตัว อินเดินเคียงคู่ดีดีไปยังโต๊ะของเพื่อนสนิททั้งสอง ก่อนจะพบเข้ากับบุคคลที่สาวอย่างสาวหมวยลูกเจ้าของร้านในชุดนักศึกษารัดแน่นกระดุมแทบจะถูกหน้าอกอวบอึ๋มกระแทกหลุดใส่ตาอิน



เนตรคมเหล่มองร่างยั่วยวนของหญิงสาวแล้วก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอ



แม้ร้านนี้จะไม่เล็ก แต่พวกเขาก็มากันบ่อยตั้งแต่ปีหนึ่งเลยรู้จักกับเจ้าของร้านที่กำลังเดินหน้าแป๊ะเข้ามารับเมนู



“รับอะไรดีครับ”เถ้าแก่ถูมือไปมาขณะพวกเรากำลังนั่งมองเมนูกับแกล้ม



“ไฮเนเก้นสี่ กุ้งแช่น้ำปลาสอง แล้วก็...”เรื่องสั่งอาหารเป็นหน้าที่ของนายคิมคนตัวสูง ส่วนไอ้ม่อนคนหน้าด้านก็นัวเนียลูกสาวเขาต่อหน้าพ่อแบบไม่มีเกรงใจ อินหัวเราะแห้งให้ดีดีซึ่งทำหน้าเกรงใจเถ้าแก่ร้านสุดขีด



สั่งเสร็จเถ้าแก่ก็เดินจากไปแล้วส่วนลูกสาวเขายังอยู่ ตอนนี้ขึ้นไปนั่งตักเหี้ยคิมแต่กลับส่งสายตาวาววับมายังอินจนเจ้าตัวอดรนทนไม่ได้เอ่ยถามออกไปว่า”มองหน้าอยากมีเรื่องเหรอ?”



“อิน!”แล้วก็โดนคุณเพื่อนรักดีดีตบกบาลเข้าให้ มันทำหน้าดุใส่ผู้ชายปากหมา แต่ผู้หญิงที่โดนท้าต่อยกลับหัวเราะคิกคักแล้วก็ผละตัวจากไอ้ม่อน ขยับเบียนเนินอกนุ่มนิ่มกระเซ้าบริเวณต้นแขนของเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ความจริงคนที่เธอหมายตาเอาไว้ก็คืออินตั้งแต่แรก...



“พี่อินล่ะก็ หมวยก็อยากมีเรื่องกับพี่อินนะคะ...เรื่องบนเตียง”กลีบปากบางแต่งแต้มด้วยลิปสติกสูฉูดฉาดเคลื่อนมากระซิบเสียงแหบพร่าเย้ายวนข้างหู ชวนให้ฝ่ายชายขนลุกชัน



“เหยดดดด”


เสียงอุทานจากไอ้ม่อน อินเสตามองหน้าเพื่อนจอมหื่นสองคนซึ่งแสดงสีหน้าอาการแบบว่ามันพร้อมแล้ว ไปห้องน้ำกันไหมมาให้ ร่างโปร่งถอนหายใจหน่ายก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมนุ่มๆของหญิงสาว ในสถานการณ์อย่างนี้ปล่อยไปก็เสียเชิงชายแย่



รอยยิ้มกริ่มปรากฏอยู่ตรงมุมปากของหญิงสาว สีหน้าของเธอพร้อมยิ่งกว่าคิมกับม่อนเสียอีก



มีเรียวลากไล้ตามลำคอของชายที่เธอหมายปอง ส่วนใบหน้าก็ออเซาะซุกไซร้อินอย่างหมายมาด



“ทำอย่างนี้ถ้าไม่ขึ้นให้มันรู้ไป”



“!!!”



เสียงแบบนี้มัน



ในขณะที่หลงไปกับเสน่ห์ของเพศหญิงอยู่ดีๆก็มีเสียงทุ้มเย็นเฉียบดังขึ้นมาจากด้านหลัง ตามสัญชาตญาณอินรีบหันขวับไปมองด้วยความตกใจ



“พัด!?”ดีดียิ้มแล้วก็ลุกเดินไปหาร่างสูงซึ่งทอดสายตามองอินด้วยสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาสีเข้มไล่มองตั้งแต่ใบหน้าของหญิงสาวจนจรดปลายเท้า ไม่รู้ทำไมแต่หมวยรู้สึกว่ากำลังโดนคุกคามทางสายตา เธอจึงผละมือออกจากรอบคอของอินด้วยสีหน้าแสน
เสียดาย



แต่ก็ยังไม่สิ้นลาย



“ใครเหรอคะพี่อิน”



“อ่า...”



ถามแบบนี้ก็ตอบไม่ได้สิแม่คุณ...ประเด็นว่าระหว่างเราคืออะไร...นี่มันคือดราม่าประจำปีเลยนะครับ



อินส่งยิ้มแห้งๆให้หญิงสาว ยิ้มแห้งๆให้พัด แล้วก็แค่นหัวเราะเหอะๆ



“ใครวะ”เป็นคิมที่ถามขึ้นด้วยความสงสัย



“เพื่อนข้างห้องเราเอง”ดีดีเลยช่วยชี้แจงให้”มานั่งก่อนสิพัด”แล้วก็จัดแจงรั้งแขนแกร่งให้เข้ามาร่วมวงด้วย แต่ทว่าพัดกลับส่ายหน้าปฏิเสธ



“พอดีร้านใต้คอนโดปิดเลยมาซื้อข้าวผัดร้านนี้กิน”พูดพลางชูถุงใส่อาหารเย็นให้เพื่อนบ้านดู”ขอตัวก่อนดีกว่า ไม่อยากจะรบกวนคน”



แม้ว่าจะพูดกับดีดีแต่คนที่สะดุ้งสะเทือนไปถึงทรวงในก็คืออิน สิ้นคำร่างสูงก็เดินล้วงกระเป๋าจากไปทิ้งให้คนในโต๊ะนั่งหน้ามึนกับการมาเยือนของชายแปลกหน้าที่แผ่ไอเย็นจนน่ากลัว แต่ก็นั่งนิ่งกันได้ไม่นาน อาหารที่สั่งก็นำมาเสริฟ ทุกคนพร้อมใจกันทิ้ง


ความสงสัยเอาไว้แล้วก็ดื่มกินอย่างมีความสุข



ยกเว้นคนคนหนึ่ง...



อินเขี่ยกุ้งแช่น้ำปลาในจานไปมา เหล้าไม่เข้าปาก อาหารก็ไม่พร่อง ทำหน้าเหม่อลอยติดต่อยานแม่



“พี่อินเป็นอะไรเหรอคะ”พอเหล้าเข้าปากแล้วพวกตัวผู้ก็ไม่สนใจเพื่อน ก็มีหมวยนี่แหละที่แตะหน้าขาของเขาแล้วก็ช้อนตาถามด้วยความเป็นห่วงกึ่งอ่อย



“ตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นมาพี่อินก็แปลกไปนะคะ”เสียงเพลงบนเวทีเริ่มบรรเลง นักร้องซึ่งมาร้องที่ร้านนี้เป็นประจำจนจำหน้าตาลูกเมียเขาได้แล้วเริ่มร้องเพลงรักหวานซึ้ง



ท่ามกลางความมืดยามราตรี มีเพียงแสงไฟจากเวทีคอยส่องสว่างสะท้อนใบหน้าของผู้ชายที่มักจะบึ้งตึกตลอดเวลา หากแต่ยามนี้กลับเต็มไปด้วยความลังเล นั่งห่อไหล่เหมือนคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองต่างจากอินที่เธอรู้จัก



“หมวย...”



“คะ?”



“พี่ขอตัวกลับก่อนนะ”



“เห...”



พูดจบร่างโปร่งก็ลุกขึ้นพรวดพราดท่ามกลางความตกใจของร่างบาง หล่อนลุกขึ้นหมายจะรั้งตัวชายหนุ่มเอาไว้แต่มันไม่ทัน อินวิ่งไปไกลจนลับตาเสียแล้ว



ก็อกๆๆๆๆ



“พัด!!”ใบหน้าคมคายชื้นเหงื่อ เขาใช้การวิ่งจากร้านที่อยู่ห่างจากคอนโดเป็นกิโลขึ้นลิฟท์มารวดเดียวถึงชั้นที่ยี่สิบสี่ ออกแรงทุบประตูห้องคนที่มีเรื่องต้องคุยกันแต่เคาะเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนด้านใน



แสงไฟที่ลอดออกมาจากช่องใต้ประตูทำให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน นั่นยิ่งทำให้อินร้อนใจเข้าไปใหญ่



“พัด!! อย่างอนเป็นผู้หญิงไปได้ กูมีเรื่องจะคุยด้วย สำคัญมาก!! เปิดประตูหน่อย! พัด!!”แหกปากจนคนข้างห้องพัดเปิดประตูออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อินก็ไม่สนใจ ตะโกนเรียกชื่อคนในห้องซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็รัวฝ่ามือทุบประตูจนมือเริ่มห้อเลือด



ก่อนจะมองลงไปที่ลูกบิดประตู...



พัดที่ดีดีเคยเล่าให้ฟัง...พัดที่ตัวอินรู้จัก...ไม่ใช่คนใจร้าย



มือเรียวเอื้อมไปคว้าลูกบิดด้วยใจลุ้นระทึก



ไม่ได้ล็อค...



รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอินอีกครั้ง โชคดีที่ลางสังหรณ์ของอินถูกต้อง ไม่รู้เหมือนกันว่าประตูบานนี้ไม่ได้ลงกลอนเอาไว้ตั้งแต่แรกหรือคนด้านในเดินมาปลดให้หลังจากได้ยินเสียงเรียกจากเขา



แต่สิ่งหนึ่งที่อินรู้ก็คือ...



อา...พัดแม่ง เหี้ย...



...ไม่ได้ล็อคก็ไม่บอกกันตั้งแต่ทีแรก ไอ้เวร...



...
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่18 เวร [24/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 24-07-2015 17:17:54
เอ่อ  :ling2:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่18 เวร [24/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 24-07-2015 19:24:49
อินติดกับละ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่18 เวร [24/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 24-07-2015 21:49:16
ติดกับ หรือ แจ๊กพอต?
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่19 [31/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 31-07-2015 17:21:37




บทที่19 ไม่กลัว....ซะที่ไหน





ตั้งแต่ลืมตาดูโลกหรือตั้งแต่จำความได้อินก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เท่าที่รู้คือตัวเขาเป็นเด็กชอบเล่นอะไรแผลงๆจนโดนแม่ตีเป็นประจำ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความกล้าหาญของผู้ชายคนนี้ลดน้อยลงเลย...สิ่งเดียวที่เขากลัวก็คือผี เจ้าสิ่งไม่มีชีวิตชนิดนี้ทำเอาเสียมาดมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง



จนกระทั่งวันนี้...



อินรู้สึกตัวแล้วว่าตัวเขาไม่ได้กล้าหาญอะไรเลย ที่ผ่านมาที่เขาไม่เคยกลัวอะไรก็เพราะไม่เคยเผชิญหน้ากับอะไร
ใช้ชีวิตในส่วนของตัวเองไปวันๆจนมาพบกับผู้ชายคนนี้



ที่โซฟาตัวยาวภายในห้องซึ่งอินเคยเข้าออกมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลากำลังส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายคือเจ้ากระต่ายอ้วน



อินเผลอกับฟันแน่นไม่รู้ตัว ฝ่ามือเย็นเฉียบยามเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย



พัดไม่พูดอะไร ทำเพียงเดินผ่านร่างโปร่งไปยังห้องนอนของกระต่าย เขาพาเมลิคไปเก็บเข้ากรงแล้วก็เดินไปล็อคประตูหน้าห้องซึ่งคนมาใหม่ตื่นเต้นจนลืมสนิท



“มีอะไรเหรอ”สุดท้ายก็เป็นพัดที่เอ่ยทักก่อน เขาจ้องมองร่างของผู้มาเยือนยืนกำมือแน่นิ่งอยู่จุดเดิม



แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ



พัดเลิกคิ้วแล้วก็เดินอ้อมมาด้านหน้าคนที่ไม่ยอมพูดยอมจาแล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ



“อินหน้าแดง...แจ๋เลย”



“ไม่ต้องตอกย้ำกูเป็นคำพูดก็ได้”คนหน้าแดงเบือนหน้าของตัวเองไปอีกทาง กัดฟันยอมรับสภาพของตัวเองแล้วก็หลีกเลี่ยงรอยยิ้มพราวระยับบนใบหน้าของคู่สนทนา



“กูก็คงจะ...ชอบมึงเหมือนกันมั้ง ไม่แน่ใจ...”ยกมือขึ้นเกาท้ายทอย ฉากสารภาพรักแบบปุบปัป



อินยังไม่แน่ใจ แต่ความหวั่นไหวที่กำลังสั่นคลอนเขาอยู่ตอนนี้คือความจริง



โดยที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนเคยทำได้มาก่อน...ขนาดหมวยรุกขนาดนั้นเขายังรู้สึกเฉยๆเลย แต่กับพัด...



ฟึบ!



โดยไม่ทันตั้งตัว พัดออกแรงลากแขนอินซึ่งกำลังยืนหน้าอึนอยู่ในห้องนั่งเล่นเข้าไปในห้องนอน จับโยนลงบนเตียงท่ามกลางความตื่นตระหนกของผู้ถูกกระทำ!!



“เห้ย!! มึงเล่นงี้เลยเรอะ!!”



ไม่ต้องพูดอะไรกันแล้ว ร่างสูงรวบข้อมือทั้งสองข้างของอินขึ้นเหนือศีรษะแล้วก็ขึ้นคร่อมแบบไม่ให้ตั้งตัวติด



อินเบิกตาโพลงมองไอ้บ้าที่เขาเพิ่งบอกชอบเมื่อครู่ ไอ้งั่งที่คิดเอาเองว่าต่างฝ่ายต่างชอบกันแล้วจะจิ้มกันสักกี่ครั้งก็ไม่เป็นไร
คนจริงสัด!!



“ไอ้เหี้ย!!! อุ๊บ อื๊อออออออออออออออออออ!!”




ด้วยความที่แรงพอๆกันแต่ตัวเล็กกว่าหน่อยนึงแถมยังอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบอีก อินเลยถูกพัดจับแขนล็อคแล้วก็เอาตัวทับขาไว้ไม่ให้ดิ้น สภาพแย่มาก กุญแจมือจากไหนก็ไม่รู้โผล่เข้ามาในมือของไอ้พัดแล้วก็ตรึงแขนทั้งสองข้างของอินไว้กันหัวเตียง
ปากก็ถูกปิดด้วยผ้าผืนยาว



อินถลึงตามองเจ้าของพฤติกรรมซาดิสต์ แต่คนมองกลับไม่ทุกข์ร้อนอะไร



“มึงพูดจาหมาไม่แดก ชอบขัดคอ ขี้โวยวาย ตีนหนักชิบหาย นิ่งไว้แบบนี้ก็พอแล้ว”



พัดกล่าวพลางก้มหน้าเข้ามาใกล้ รอยยิ้มชวนมองประดับบนใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร...ไม่สิ นี่มันมารร้ายสวมหนังกระต่าย อินหลับตาปี๋เมื่อลมหายใจอุ่นร้อนเป่าลดซอกคอ



มือแกร่งลอดผ่านใต้เสื้อเข้ามาสร้างความวาบหวามแก่คนถูกมัด...โดยไม่อาจขัดขืน และไม่อยากขัดขืน แม้จะตื่นกลัว แต่ก็โอนอ่อน ข้อเสียอย่างหนึ่งของอินคือชอบลองดี



อยากจะรู้นักว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป



ถ้าเขายังคงปล่อยตัวตามท่วงทำนองที่อีกฝ่ายเริ่มบรรเลงแบบนี้ แม้เสื้อยืดสีฟ้าของอินจะถูกถอดเลิกขึ้นมาเหนือหัวแต่ก็ติดกุญแจมือทำให้ถอดออกจากแขนไม่ได้



แม้ว่าริมฝีปากจะถูกปิดด้วยผ้าทำให้ก่นร้องหรือหลุดเสียงร้องใดๆออกมาไม่ได้



แต่ยามที่มือแก่งเคลื่อนปลดกางเก่งของตนเองและกางเกงของอิน ร่างโปร่งของคนที่เลิกขัดขืนไปนานแล้วก็กระเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง



“กูชอบมึงจริงๆ แล้วมึงเองก็ชอบกู งั้นเราก็เป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม?”



อินส่ายหัวอย่างแรงได้สติหลุดออกมาจากภวังค์ แววตาแปลเป็นภาษาคนได้ว่ากูไม่ใช่พวกมาโซคิสต์ กูไม่เป็นแฟนกับมึงเด็ดขาด!!



“ฮ่ะๆๆๆ โอ๊ย ตลก”



แล้วพัดก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาท่ามกลางสายตางุนงงของอิน มือหนาปลดพันธนาการทั้งหลายให้อินก่อนจะเก็บอุปกรณ์อันตรายเข้าลิ้นชักหัวเตียง อินมองตามสิ่งนั้นหวาดๆ แขนเรียวรั้งเสื้อเกะกะออกก่อนจะกระชากไหล่มือดีซึ่งนั่งหัวเราะชอบอกชอบใจ



ผลั่ก!



“เวร! แกล้งกู ไอ้เหี้ย ใจหายหมด”หมักลุ่นๆพุ่งเข้ากระแทกหน้าของพัด เจ้าตัวรีบนั่งพับเพียบเรียบร้อยทันที



“ไอ้เหี้ย มึงแกล้งกู!!”อินช้าหน้าพัดมือหน้า ทั้งอับอายทั้งโมโหจนหน้าแดงพูดไม่เป็นภาษาแล้วตอนนี้



“อา...โกรธเหรอ”



“มาก โมโหจนฆ่าคนได้แล้วตอนนี้”



“แต่ถ้ากูตายกูจะกลายเป็นผีมาหลอกมึงนะ”



อินตบหน้าผากอย่างยอมจำนน เขาไม่รู้จะเอาอะไรมาบรรยายความกวนตีนของอีกฝ่ายได้อีกต่อไป”เออๆ ช่างแม่ง กูกลับล่ะ บาย”แต่ก็ได้พูดเรื่องที่อยากจะพูดไปแล้ว วันนี้ก็ขอกลับห้องก่อนเลยก็แล้วกัน ร่างโปร่งโบกมือลาแล้วก็ทำท่าจะเดินออกจากห้องไป



หมับ



แต่ก็โดนคว้าแขนเอาไว้ก่อน



ฟุบ



อินถูกลากลงมานอนแผ่บนเตียงอีกครั้ง...เห็นทีคืนนี้คงไม่ได้กลับห้อง เขาคงต้องส่งข้อความไปบอกดีดีเพื่อนรักก่อน



แต่ทว่าอินก็ไม่มีแม้แต่เวลาจะหยิบมือถือขึ้นมา...ผู้ชายที่มีกุญแจมืออยู่ในลิ้นชักข้างเตียงนอกจากตำรวจแล้วก็คือพวกซาดิสต์ แน่นอนว่าพัดไม่ใช่ตำรวจ เขาเป็นแค่นักศึกษาหนุ่มหน้าตาใสซื่อคนหนึ่งเท่านั้น



...


ทำไมถึงซื้อไอเท็มแบบนั้นมาเก็บไว้ในห้องคะพัด 5555555555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่19 [31/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 31-07-2015 17:30:56
จิ้มก่อน
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่19 [31/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 31-07-2015 17:44:36
 :z10:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่19 [31/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 31-07-2015 19:24:15
 :z13:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่19 [31/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 31-07-2015 21:32:25
มีโซ่กับแส้ด้วยรึเปล่าพัด  :hao7:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่19 [31/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 31-07-2015 22:45:55
คดีพลิก พัดผิดกับตอนแรกลิบลับ 55555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่19 [31/07/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 01-08-2015 10:26:35
พัดนี่  สุดยอด
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่20 [7/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 07-08-2015 17:18:46



บทที่20 ถูกตามล่า



เธอเป็นแฟนฉันแล้ว รู้ตัวบ้างไหม แล้วเมื่อไรหนอฉันจะได้เป็นแฟนของเธอ...



เสียงเพลงจากวิทยุซึ่งจำไม่ได้ว่าเปิดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ดังขัดการหลับใหลของนายอัครินทร์ ร่างโปร่งพลิกตัวหนีแสงแดดที่ส่องลอดม่านเข้ามาด้วยความรำคานแต่ก็โดนความเจ็บเมื่อยบริเวณเอวและต่ำกว่านั้นเล่นงานเข้าให้



เนตรคมเบิกโพลงอย่างคนได้สติทันทีที่ความทรงจำเมื่อคืนไหลย้อนกลับมา



อินผุดลุกขึ้นนั่ง หันไปมองข้างตัวก็เห็นตัวต้นเหตุนอนมองเขาตาแป๋วชวนถีบรับรุ่งอรุณสักยกสองยก



“ชิส์”คนอะไรน่ามันไส้ชิบหาย



“อรุณสวัสดิ์”ไม่รู้ว่าพัดไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหมั่นไส้หรือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กันแน่ ร่างสูงถึงได้เอาแขนเท้าหัวแล้วก็เอ่ยทักหน้าระรื่นแบบนี้



“เห้อ...มึงนี่มัน”อินหมดเรี่ยวแรงจะต่อปากต่อคำ ความเมื่อยล้ายังเกาะกุมอยู่ทั่วร่างเขาจึงเอนกายลงนอนหมดสภาพอีกครั้ง



“ไม่ต้องห่วงนะยังไงก็มีเงินสินสอดไปขอแน่นอน”พัดพูดจบก็ถูกกระชากหมอนออกจากหัวแล้วก็อุดใบหน้าจนหายใจไม่ออก ผู้พยายามก่อคดีฆาตกรรมในห้องปิดตายอย่างคิดมีสีหน้าสะใจตอนเห็นอีกฝ่ายทุรนทุราย



“อิน อื้อ อ่อย อายใอไอ่ออก...อินนน”



“หึ สมนำหน้า ใครบอกว่าจะเอามึงเป็นผัว”เขาแค่นหัวเราะก่อนจะปล่อยมืออก พัดรีบปัดหมอนออกไปจนตกเตียงแล้วก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สภาพเหมือนกำลังจะตาย



“อ้าว ก็ได้เป็นผัวแล้วไม่ใช่เหรอ”



คิ้วของคนฟังกระตุก อินคิดว่าพัดคงอยากตายจริงๆเลยหยิบหมอนของตัวเองขึ้นมาในมือด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม



“แล้วจะบอกเพื่อนยังไงหนีมาแบบนี้”เห็นดังนั้นพัดจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที อินล้มตัวลงนอนกับเตียงอีกครั้ง จ้องมองเพดานแล้วก็เงียบหายไปจนพัดคิดว่าอินหลับไปแล้วแต่พอได้ยินประโยคถัดมาเขาก็ต้องหัวเราะแห้งๆ



“ช่างมัน”



ช่างสมกับเป็นอินผู้ไม่ละเอียดอ่อนเหลือเกิน



“แล้วตกลงเราคบกันอยู่รึป่าว”



“ยัง”



“ทำไมล่ะ”



“ขอคิดดูก่อน”



“แต่เรามีอะไรกันแล้วนะ”



“onenightstand มีถมเถ”



“แต่กับผู้ชายถือเป็นเคสที่ควรรับไว้พิจารณานะ”



“เออ พิจารณาเสร็จเมื่อไหร่จะรีบมาบอก”



หลังจากนั้นอินก็จะเกียดตะกายลุกขึ้นจากเตียงท่ามกลางสายตาขำปนทึ่งของพัด ร่างโปร่งหายเข้าไปในห้องน้ำหลังกำชับเจ้าของห้องว่าห้ามตามมาเด็ดขาด อินอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ออกมานั่งกระดิกขาอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ดูเหมือนอาหารเช้าของพวกเขาก็คืออาหารเย็นที่พัดออกไปซื้อเมื่อวานแล้วไม่ได้กิน



แต่ในขณะที่กำลังรอพัดเวฟอาหารอยู่นั่นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น อินขมวดคิ้วสงสัยว่าใครโทรมาเอาป่านนี้ คิดว่าเป็นดีดีที่เป็นห่วงเพื่อนซึ่งหายหน้าหายตาไปทั้งคืนแต่เมื่อเดินไปหยิบมือถือขึ้นมาดูนัยน์ตาสีดำขลับก็ไหววูบอย่างแปลกใจ



“ครับ”



“อินเหรอลูก”ปลายสายคือคุณแม่จอมโหด ลูกชายจอมดีมีท่าทีตื่นเกร็งนิดหน่อยเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนกลับบ้านครั้งล่าสุด



“วันนี้พ่อกลับบ้าน อินจะมาเยี่ยมพ่อหน่อยไหมลูก”



สีหน้าของคนฟังฉายแววขุ่นมัวยามปลายสายเอ่ยคำว่า พ่อกลับบ้าน ขึ้นมา ความจริงแล้วลูกชายควรจะสนิทกับพ่อมากกว่าแม่ แต่ตอนอินยังเป็นเด็กนั้นเขาเจอหน้าพ่อแทบจะนับครั้งได้เลย เพราะตอนนั้นพ่อเพิ่งเริ่มทำงานเป็นทนายใหม่ๆเลยต้องเดินทางไปทำคดีหลายที่



พออินเริ่มโตเป็นหนุ่ม ออกไปเที่ยวนอกบ้านด้วยตัวเองพ่อถึงสร้างเนื้อสร้างตัวได้แล้วก็กลับบ้านบ่อยขึ้น นั่นเป็นจังหวะเดียวกับน้องชายสองคนที่เริ่มเข้าอนุบาล นั่นทำให้พวกเด็กๆสนิทกับพ่อมากกว่าอินที่เกิดก่อน



“ไม่”ตอบโดยไม่ต้องคิดอะไร การไม่เจอหน้าพ่อไม่ทำให้อินเดือดร้อนเท่าไหร่นัก



“อย่าพูดอย่างนั้นสิลูก กลับมาบ้านเถอะนะ”แต่ลองแม่โทรมาตามแบบนี้คงมีเรื่องอะไรแน่ๆ ร่างโปร่งเลยได้แต่ถอนหายใจหน่ายแล้วก็เอ่ยปากตกลงออกไป



“ครับๆ กลับก็ได้ครับ เดี๋ยวกลับเดี๋ยวนี้เลยครับ”



“ไม่ต้องรีบก็ได้ลูก มาสักบ่ายแก่ก็ได้ พ่อก็ลงเครื่องเวลาประมาณนั้น”คำตอบของแม่ทำให้อินมั่นใจว่าต้องมีเหตุผลบางประการถึงคะยั้นคะยอให้เขาต้องกลับบ้านซะขนาดนี้



“จะให้ผมไปช่วยพ่อขนของเหรอ”ดูเหมือนงานล่าสุดพ่อจะทำที่เชียงใหม่ ขาไปนั่งเครื่องไปเลยไม่มีรถ จะขนของขึ้นแท็กซี่คนเดียวคงไม่สะดวก แม่คงอยากให้ไปช่วย



“ไม่จ่ะ เดี๋ยวแม่จะขับรถไปรับเอง เลยอยากจะวานอินไปรับน้องให้หน่อย ได้ไหมจ๊ะ น้องเลิกบ่ายสาม”



อา...นั่นไง ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ถ้าไม่ใช่ให้ไปรับน้องคงไม่คิดจะโทรตามกันหรอก



“คร้าบบบๆๆๆ”



“ว่าไงวะ”พัดถามขณะยกเอาจานข้าวมาวาง



“บ่ายนี้กูต้องไปปรับน้องว่ะ”



“อ้าว รับน้องเขารับกันตอนเปิดเทอมใหม่ๆไม่ใช่เหรอ ฮ่ะๆๆ”



“มุกควาย!”



.



.



ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนเดินล้วงกระเป๋าเข้ามาในโรงเรียนประถม ใบหน้าหล่อเหลาคมคายติดจะเกเรบวกกับหางตาเฉียงๆและคิ้วที่ขมวดเป็นปมทำให้เจ้าตัวดูเหมือนนักเลงที่เดินทางมาเพื่อดักตีหัวคู่อริ ผู้ปกครองและครูต่างมองมายังอินเป็นตาเดียว



การจดจ้องอย่างหวาดระแวงเหมือนเจอแมลงสาปในร้านอาหารทำให้เส้นอารมณ์ของคนไม่เต็มใจจะมารับน้องชายแทบขาดผึง



“พี่อินๆๆๆ”



“โอ้ว เป็นไงมั่งพวกตัวแสบ”แต่เสียงร่าเริงและสีหน้าสดใสของน้องชายที่น่ารักทั้งสองก็ช่วยให้เขายิ้มออก



เด็กพวกนี้น่ารักทั้งหน้าตาแล้วก็นิสัย โดยเฉพาะตอนที่วิ่งเข้ามาหาแล้วก็ร้องเรียกพี่อินๆยิ่งน่าจับมาหอมจนแก้มช้ำ
อีกด้านหนึ่งของนักเลงหัวไม้คือพี่ชายผู้หลงน้อง...



บราค่อนดีๆนี่เอง



“กลับกันได้แล้ว เด็กตุ๊ดทั้งหลาย”เสียงห้าวกล่าวก่อนจะเดินนำทัพออกไปจากโรงเรียน โดยมีเด็กน้อยสองคนเดินตามวอแวมาตลอดทางว่าไม่ใช่ตุ๊ดสักหน่อย แต่คนเป็นพี่ก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังหัวเราะเริงร่าอีกต่างหาก



มือเล็กๆของน้ำและฟ้าสอดเข้ามาในอุ้งมือของอินด้วยสีหน้าออดอ้อน สุดท้ายคนหลงน้องก็เลยเดินจูงมือเด็กสองคนไปตามทางเดิน



ซอยแคบๆก่อนจะออกไปยังถนนใหญ่ปราศจากเงาของผู้คน เนื่องจากเด็กและผู้ปกครองคนอื่นจะใช้เส้นทางหลักซึ่งรถสามารถแล่นผ่านได้มากกว่าตรอกแคบๆมีแต่ขยะกับบ้านร้างแบบนี้ แต่อินก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะตอนนี้ยังกลางวันอยู่แถมมีเพื่อน(น้อง)ตั้งสองอีก



ผีคงไม่โผล่มา...



ความคิดมักง่ายของคนมักง่าย...ไม่ได้ดูเรื่องความปลอดภัยสักนิด



ฉับพลัน...ร่างโปร่งซึ่งเดินมาตามทาง แสงแดดยามบ่ายยังคงความร้อนแรงไม่ต่างอะไรกับตอนเที่ยง เหงื่อกาฬเริ่มไหลซึมก็รู้สึกเหมือนเกิดเดจาวูขึ้น...



ตอนที่เดินตามทางเปลี่ยวแบบนี้ครั้งล่าสุดก็ตอนที่เจอกับพัดและเจอกับ...



‘แกรบ’



ยังไม่ทันสิ้นความคิดเสียงรอยย่ำบนใบไม้จากแหล่งกำเนิดเสียงอื่นดังขึ้น เด็กหนุ่มผวาสุดตัวก่อนจะหันไปเห็นเงาร่างตะคุ่มๆเดินมาทางเดียวกับตนท่ามกลางแสงสว่างตอนกลางวันทำให้เขามองเห็นเงาร่างของมนุษย์เพศชายชัดเจน...และมากันห้าคน



ชาวบ้านหรือโจร? คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะสีหน้าและแววตาของกลุ่มคนที่กำลังเดินทางมานั้นประดับไปด้วยรอยยิ้ม
เหี้ยมเกรียม หนึ่งในนั้นสบตากับอินเล่นเอาคนมองเสียวสันหลัง



เด็กหนุ่มรีบหันขวับกลับทางเดิน กระชับมือของน้องชายแน่นก่อนจะเร่งบอกให้เดินเร็วๆ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครมาจากไหนการพบกันท่ามกลางสภาพแวดล้อมอำนวยต่อการจี้ชิงทรัพย์เช่นนี้ย่อมไม่เป็นเรื่องน่ายินดี



“คดีที่พ่อทำล่าสุดคือคดีอะไร?”



“คดีปล้นฆ่าครับ”ฟ้าตอบ



“ผู้ต้องสงสัยล่ะ”



“ผู้ชายห้าคนครับ”



ชัดเลย...เนตรคมตวัดตามองไปยังด้านหลังอีกรอบเพราะอยากจะนับจำนวนคนอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แต่ทว่าด้านหลังของพวกเขาเหลือเพียงความว่างเปล่า...ผู้ชายห้าคนนั้นหายไปแล้ว?



หรือว่าจะเลี้ยวตรงซอกแคบๆที่เพิ่งผ่านมาเมื่อกี้ เดี๋ยวสิ...ซอกนั้นมันไม่มีอะไรเลยนะ เป็นแค่ช่องแคบที่ตัน แต่ถ้าไม่อย่างนั้นพวกนั้นหายไปไหนกันล่ะ



“ซอยนี้มีทางเลี้ยวอื่นรึป่าว”กระซิบถามน้องอย่างคนไม่ชำนานทาง



“ไม่นะฮะ เป็นทางตรงที่มีกำแพงขนาบยาวสองข้าง ไม่มีทางเลี้ยวเลย พี่อินจะไปไหนเหรอครับ”



“ช่างมัน เดินเร็วๆก็พอแล้ว”รั้งมือของน้อง ถ้าอุ้มวิ่งได้ทำไปแล้ว...เอ๊ะ ก็ทำได้นี่หว่า




“มานี่มาพี่อุ้มนะ”แขนเรียวช้อนตัวน้องชายซึ่งไม่ใช่เล็กๆแล้วขึ้นมาก่อนจะเพิ่มความเร็วเท้าขึ้น



เพราะพ่อของเขาเป็นทนาย การถูกข่มขู่หรือถูกตามล่าจากจำเลยหรือผู้ขัดผลประโยชน์จึงเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ไม่อยาก โดยเฉพาะคดีล่าสุดที่พ่อไปทำถึงเชียงใหม่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลเสียด้วย



และนั่นคือเหตุผลที่อินถูกจับเรียนศิลปะป้องกันตัวตั้งแต่เด็กเลยเติบโตมาอย่างแข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้นั่นเอง...



...................................................................................................
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่20 [7/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 07-08-2015 20:54:42
 :mew5:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่20 [7/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 07-08-2015 21:20:35
เม ชุลมุนวุ่นวายดีแท้เหลา
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่20 [7/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 07-08-2015 21:21:53
อินจะรอดมั้ยเนี่ยซวยได้อีก  :katai1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่20 [7/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 07-08-2015 22:50:26
ซับซ้อนจิง ๆ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่21 [14/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 14-08-2015 17:38:22



บทที่21



“พ่อครับ!!”แสงตะวันยามเย็นลาลับของฟ้า หลังจากหนีพ้นจากซอยเปลี่ยวนั้นมาได้อินก็รีบเรียกแท็กซี่แล้วก็ตรงกับมาที่บ้านทันที จากนั้นก็ล็อคบ้านมิดชิดแล้วก็กำชับน้องว่าอย่าออกไปไหน เจ้าตัวดีสองคนก็ยิ้มหน้าแป้นดีใจที่พี่ชายอุ้มไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย



รออยู่กว่าสองชั่วโมงพ่อกับแม่ถึงกลับมาบ้าน อินรีบเดินลงมาจากห้องนอนทันทีที่ได้ยินเสียงรถอันคุ้นเคย ร่างโปร่งปลดกลอนประตูแล้วก็เดินออกไปหาคุณพ่อซึ่งไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบปีเห็นจะได้ ด้วยสีหน้ากระวนกระวาย



“อ้าว อินลูกพ่อ ยังอยู่เรอะ นึกว่าหนีออกจากบ้านไปแล้ว”ชายร่างผอมผิวคล้ำแดดหันมามอบรอยยิ้มให้ลูกชาย เขาอ้าแขนเหมือนจะเข้าไปกอด แต่อินก็เอี้ยวตัวหลบทัน



“ไม่ต้องมายิ้มเลย เกิดเรื่องใหญ่แล้วนะรู้ไหม!!”อินแหวใส่ ท่าทางขี้เล่นไม่เหมาะกับอาชีพของพ่อ ขณะนั้นเองกองกระเป๋าใบโตก็ถูกยัดเข้ามาในมือโดยคุณแม่ที่เคารพ



“มัวแต่พูดมาก ช่วยขนของก่อนเร็ว!!”หล่อนตวาดใส่ลูกชายคนโตตามปกติ”คุณก็ด้วย มานี่เลย มัวแต่ยืนยิ้มอยู่นั่นแหละ มาช่วยฉันหน่อยสิ!!”



ว่ากันว่าแม่เป็นมนุษย์ที่มีอำนาจมากที่สุดในบ้านเห็นจะจริง อินสบตากับพ่อแล้วก็หัวเราะแห้งๆ สองพ่อลูกขนกระเป๋าเข้ามาในตัวบ้านจากนั้นแม่ก็ไล่ให้ไปไหนก็ไปเพราะเกะกะเธอจะซักผ้า เป็นโอกาสดีของคนที่มีเรื่องค้างคาใจ



อินลากพ่อเข้ามาในห้องของตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คนเป็นพ่อถึงกับแปลกใจเอ่ยถามออกมาก่อนว่า



“เกิดอะไรขึ้นเหรอลูก”



“เมื่อบ่ายผมไปรับน้อง ระหว่างเดินทางกลับก็เจอผู้ชายท่าทางแปลกๆเดินตาม ผมคิดว่าอาจจะเป็นคนร้ายในคดีที่พ่อตามสืบอยู่นะ”



“กี่คนลูก”



“ห้า”



“อืม”ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นลูบคาง ขณะที่อินได้แต่มองหน้าของบิดาอย่างลุ้นละทึก ไม่นึกว่าภายใต้รอยยิ้มที่พ่อแสดงให้เห็นเสมอจะซ่อนเรื่องชวนปวดหัวมากมายเอาไว้ขนาดนี้



“พ่อ ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีอะไรจะเล่าให้ผมฟังก็ได้นะ ยินดีรับฟัง”แม้เขาจะไม่สนิทกับพ่อเท่าไหร่เพราะนานๆครั้งถึงจะเจอกัน แต่ทว่าอินก็รู้สึกสนิทใจเวลาคุยกับพ่อมากกว่าเวลาอยู่กับแม่



“รู้จักคุณเอกสิทธิ์ไหมลูก?”สุดท้ายพ่อก็ตัดสินพูดเรื่องสำคัญออกมาด้วยใบหน้าเศร้าหมอง”เขาเป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของพ่อ...เรียนนิติมาเหมือนกันนี่แหละ”



อินส่ายหน้าแทนคำตอบ นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มได้ยินชื่อของคนคนนี้ แต่ดูเหมือนพ่อจะผูกพันกับเขามากทีเดียว



“เขาเสียชีวิตเมื่อสิบแปดปีก่อน...ไม่สิ ต้องบอกว่าถูกฆ่าตายจะถูกต้องกว่า...”



“เหะ!?”คนฟังถึงกับผงะเมื่อได้ยินมาถึงจุดนี้”ใครฆ่าครับ!? จับได้หรือยัง”



ชายวัยกลางคนส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนแรง”คนร้ายเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ตำรวจก็เลยทำอะไรไม่ได้...แม้ว่าพ่อจะมีหลักฐานมัดตัวคนร้ายอยู่ในมือแต่ก็เอาผิดอีกฝ่ายไม่ได้เลยแถมยังถูกขู่ฆ่าอีกต่างหาก ตอนเราเด็กๆพ่อก็เลยไม่ค่อยกลับมาบ้าน...”



คำบอกเล่านั้นจี้ใจดำคนฟังเต็มๆ



“ขอโทษนะลูก”



อินคลี่ยิ้มให้บิดา ได้ฟังความจริงจากปากของพ่อแบบนี้ ถึงจะช้าไปสักหน่อย แต่ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ



ที่ได้รู้ว่าพ่อไม่ได้เห็นแก่งานจนทิ้งลูกชายให้อยู่กับแม่...



ที่ได้รู้ว่าเพราะไม่อยากให้ติดร่างแหก็เลยไม่กลับมาเจอ...



ดีใจที่ได้เป็นครอบครัวเดียวกัน...



“ไม่เป็นไรครับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคดีนี้หรือเปล่าครับ”



“อืม...ได้ยินว่าผู้มีอิทธิพลคนนั้นสั่งให้ลูกน้องห้าคนอุ้มลูกสาวเจ้าของรีสอร์ทแห่งหนึ่งไปให้ตนร่วมหลับนอนด้วย พ่อก็เลยรับอาสาทำคดี...เพราะอย่างน้อย แม้คดีของเจ้าเอกจะหมดอายุความไปแล้วแต่พ่อก็อยากให้คนร้ายได้ชดใช้กรรม!”



“อืม...แล้วคุณเอกเขามีครอบครัวไหมครับ”เพราะพ่อไม่เห็นติดต่อกับญาติของคุณเอกเลย อินจึงเกิดสงสัยขึ้นมา



“เขาแต่งงานมีลูกแล้ว ตอนที่เขาเสียเขานั่งรถไปกับภรรยาแล้วก็ลูกวัยสองขวบ...แต่ทว่ารถก็เกิดเสียหลักพุ่งชนข้างทาง เหลือรอดแต่เด็กคนนั้นเท่านั้น...”



เห...คดีเกิดขึ้นเมื่อ 18ปีก่อน ส่วนเด็กคนนั้นก็อายุ 2ขวบ แสดงว่า...



“งั้นเด็กคนนั้นก็อายุเท่าผมเลยน่ะสิ”อินกลั้วหัวเราะในลำคอ ทั้งๆที่อายุเท่ากันแท้ๆแต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายกว่าอินเยอะ ถ้าได้เจอกันก็อยากให้กำลังใจหรือทำความรู้จักสักหน่อย”



“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนล่ะครับ”



“อะ...เอ่อ”ร่างโปร่งถามด้วยสีหน้าผ่อนคลาย แต่บิดากลับแสดงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ชั่วอึดใจ”ก็...มีคนรับไปเลี้ยง...”ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติและตอบกลับมา



อินพยักหน้ารับรู้นิดหน่อย ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดการสนทนา สองพ่อรู้พร้อมใจกันหันไปมองประตู ร่างท้วมของคุณแม่เดินเข้ามาในห้อง หล่อนเท้าเอวสีหน้าโกรธจัด สองพ่อลูกเลยมองตากันตาปริบๆ...ว่าพวกตนทำอะไรให้แม่นางขุ่นข้องใจ...



“อ่า...อะไรเหรอจ๊ะที่รัก...”



“ไม่ต้องมาที่รักเลย ข้าวเย็นน่ะจะกินไหม เรียกตั้งนานแล้วก็ไม่ยอมลงมา หูตึงกันรึไง!!!”



ปัง!!!



ตวาดใส่เสร็จแล้วก็ปิดประตูอัดหน้าดังโครม พ่อลูกหันมาส่งยิ้มให้กัน อินหลุดหัวเราะเยาะพ่อที่กลัวเมียอย่างไม่เกรงใจ



“ฮ่าๆๆๆๆๆ พ่อ่อนว่ะ กลัวเมีย ฮ่าๆๆๆๆ”เอามือตบเขาดังฉาดอย่างพอใจ ร่างโปร่งกุมท้องหัวเราะเต็มลิมิต



“ว่าแต่พ่อ ใครๆเขาก็กลัวเมียกันทั้งนั้นแหละ...เดี๋ยวตอนเอ็งมีเมียเอ็งก็ต้องกลัวมัน..”



“ฮ่า...อา...เหอๆ...เหอะๆๆๆ”อารมณ์เริงร่าสลายไปในพริบตา นักศึกษาชั้นปีที่สองซึ่งห่างไกลจากการมีเมียมากโขหัวเสียงเสียงแห้ง แสดงสีหน้าฝืดเคืองยามนึกถึงเรื่องของใครบางคนได้



“ทำไมหัวเราะอย่างนั้น อย่าบอกนะว่าอกหัก...ชีวิตรักตกอับรึเรา?”



“ตรงข้ามเลย มีคนมาจีบแถมบอกรักอีกต่างหาก...”



“อ้าว!? แล้วจะทำหน้าแบบนั้นทำไม อย่าบอกนะว่าหน้าตาไม่ดี”



“ไม่..หน้าตาโคตรดีต่างหาก”



“งั้นก็เจ้าชู้”



“ไม่นะ เท่าที่เห็นก็รักผมคนเดียว”



“งั้นก็เรียนแย่?”



“ฉลาด หัวดี มีอนาคต”



“บ้านจน?”



“รวยโคตร ขับรถสปอร์ตอยู่คอนโดเดียวกับดีดี”



“บ๊ะ!! แล้วมันมีอะไรไม่ดีตรงไหนทำไมเอ็งถึงทำหน้าเหมือนกำลังกลืนน้ำลายตัวเองแบบนั้นด้วยล่ะ!?”



“เพราะมันเป็นผู้ชาย”



“!!!!!!”



นี่เป็นวันที่อินนึกอยากกัดลิ้นฆ่าตัวตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเขาถูกแม่ซึ่งรอจนทนไม่ไหวต้องขึ้นมาตามสองพ่อลูกอีกรอบลากคอลงมา หลังจากสารภาพเรื่องสำคัญกับพ่อบังเกิดเกล้าไป...



ทั้งที่ยังไม่ได้ตบปากรับคำขอเป็นแฟนของพัดเลยแท้ๆ...



“เห้อ...”



“อย่ากินข้าวไปถอนหายใจไป!!”



ร่างโปร่งเบ้หน้าขัดใจ แม้แต่ถอนหายใจยังโดนแม่ด่าเรื่องที่หวั่นไหวกับผู้ชายคงไม่บอกให้รู้จนวันตาย อย่างน้อยก็บอกพ่อไปแล้วแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อแม่ก็มาขัดซะก่อนเลยไม่รู้เลยว่าพ่อจะตอบว่าอะไร



“อ่อ...คืนนี้เก็บของด้วยนะ พรุ่งนี้เราจะไปอยุธยากัน”



“เห ไปทำไมเหรอครับ?”นายอัครินทร์เสมองมารดาของตัวเอง ขณะตักข้าวเข้าปากจึงโดนข้อหากินไปพูดไปเข้า เด็กหนุ่มมุ่ยหน้าอย่างไม่พอใจเพราะเขาก็เห็นว่าแม่พูดเยอะกว่าตัวเองอีก แต่ด้วยสถานะลูกเลยเถียงไม่ใชนะ พ่อซึ่งเห็นท่าไม่ดีกลัวว่าแม่ลูก
จะวางมวยกันกลางโต๊ะกินข้าวเลยรีบห้ามทัพ



“ไปเยี่ยมพ่อแม่ของเจ้าเอกน่ะ”



“อืม แล้วทำไมผมต้องไปด้วยล่ะ”



“ถือว่าไปเป็นเพื่อนพ่อแล้วกันนะลูก”



“หา...งั้นแม่ ฟ้า แล้วก็น้ำก็ไม่ได้ไปกับเราน่ะสิ”



“ใช่”



เห้ยๆ...แล้วทำไมเขาต้องไปกับพ่อแค่สองคนด้วยล่ะเนี่ย...?!



.....................................................................................


ตอนนี้สั้นจัง TvT เอาไว้วันเสาร์ไม่ไก็อาทิตย์จะมาอัพเพิ่มให้อีกตอนก็แล้วกันนะคะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่21 [14/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 14-08-2015 19:12:49
เอิ่ม ซับซ้อนดีจัง
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่21 [14/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: KAEHUB ที่ 14-08-2015 19:27:38
อินนี้เป็นลูกของเอกสิทธิ์อะไรนี่ป่าวเนี่ย รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย กลัวนางจะเครียดไปกันใหญ่  ชีวิตทุกวันนี้เหมือนไม่เครียด แต่ก็เป็นคนฝังใจแปลกๆอ่ะ รอดูกันต่อไป 555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่21 [14/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 14-08-2015 19:45:51
อิน ลูกใคร
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่21 [14/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 14-08-2015 19:46:23
หวังว่าคนนั้นคงไม่ใช่พัดนะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่21 [14/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kritcha ที่ 14-08-2015 20:08:27
อินเป็นลูกเอกหรือเปล่า เพราะดูแม่ก็ไม่ค่อยรักเท่าไหร่

ชอบเรื่องนี้มากๆ >< รอค่ะะะะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่21 [14/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-08-2015 21:33:18
พ่อนายแน่เลยอิน...
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่21 [14/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 14-08-2015 22:31:47
เป็นไปได้กว่า 80% ที่ว่าอินเป็นลูกของเอกสิทธิ์ แถมยังจะพาไปหาปู่ย่าอีก
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่21 [14/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 16-08-2015 19:53:11
เป็นนิยายที่พลิกล็อคไปมาตลอดเวลาจีๆ :a5:
ขอฉากหวานๆบ้างจิ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่22 [21/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 21-08-2015 21:27:38




บทที่22 ครอบครัวที่แท้จริง




“อินเป็นอะไรลูกไม่อร่อยเหรอ”โต๊ะอาหารของครอบครัวไอยสวรรค์ดำเนินตามปกติ โดยไม่มีใครสังเกตเห็นก้อนเมฆสีดำอึมครึมซึ่งรอยคลุ้งอยู่เหนือหัวของอินแม้แต่น้อย ข้าวในจานถูกเขี่ยไปเขี่ยมาด้วยความไม่สบายใจทำให้อาหารมือของแม่วันนี้ไม่อร่อยเหมือนเคย



ในละครหรือในนิยายก็มีให้เห็นออกบ่อย



ไอ้เรื่องที่ตัวเอกเป็นลูกที่พ่อแม่รับมาเลี้ยง...โดยที่ไม่เคยรู้มาก่อน พอความจริงเปิดเผยเข้าพ่อแม่ก็จะมากอดคอลูกร้องไห้แล้วก็บอกว่าไม่ได้อยากจะปิดบังแค่เห็นว่ายังเด็กเลยกะจะบอกตอนที่ลูกโตแล้ว



และตบท้ายด้วยคำพูดประมาณว่าถึงไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแต่พ่อแม่ก็รักลูกเหมือนแท้ๆนะ



“หึ...”อินแค่นหัวเราะกับความคิดไม่สร้างสรรค์ในหัว



ถ้าเขาไม่ใช่ลูกของบ้านนี้จริงๆแม่คงเฉดหัวส่งไปนานแล้ว ไม่ทนเลี้ยงมาจนโตแบบนี้หรอก



แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง...การโดนปล่อยปะละเลยและอายุที่ห่างจากน้องจนเกินไปก็น่าสงสัยอยู่เหมือนกัน



“ปวดหัวนิดหน่อยครับ ขอตัวก่อนก่อนนะครับ” ร่างโปร่งยกมือขึ้นกุมหัวพอเป็นพิธีแล้วก็ปลีกตัวจากโต๊ะอาหารของครอบครัวที่แสนอบอุ่น อินเดินขึ้นบันไดได้สองสามก้าวก็มองลงมายังชั้นล่า เห็นพ่อ แม่ และน้องชายสองคนกินข้าวต่อด้วยรอยยิ้มมีความสุข ภาพของครอบครัวที่อบอุ่นขนาดนั้นทำเอาคนแอบมองอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา



พอพ้นประตูก็กดล็อคยืนพิงประตูก่อนจะไหลลงไปนั่งกองอยู่ตรงนั้น ขอบตาร้อนผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาแต่ก็ไม่...



 อายุที่ห่างกันมากของเขากับน้อง ท่าทางที่แม่แสดงออกกับเขาและน้องก็ต่างกัน  แถมพรุ่งนี้ยังต้องไปบ้านอยุธยาอย่างไม่มีสาเหตุอีก



ฉับพลันเสียงเรียกเข้าของสายโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งคนที่กำลังเหม่อถึงกับสะดุ้งลุกขึ้นมาดูสายเรียกเข้า
“พัด”เรียกออกแค่ชื่อเท่านั้นเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับความผิดปกติในน้ำเสียงได้



“อินเหรอ พรุ่งนี้ว่างไหม...อิน ได้ยินไหม” เสียงทุ้มกดหนักๆเพื่อเรียกสติของเจ้าของชื่อซึ่งสติแตกไปแล้วเรียบร้อย



“ไม่ว่าง แค่นี้นะ”



กึก เครื่องมือสื่อสารถูกปิดก่อนจะถูกโยนส่งๆไปบนเตียงพร้อมเจ้าของห้องซึ่งเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วก็หายลับออกจากห้องไป พออาบน้ำเสร็จก็กลับเข้ามานอนซึมอยู่บนเตียงพยายามหาข้อแก้ตัวต่างๆนาๆเพื่อปลอบใจตัวเอง ใบหน้าคมซบลงกับหมอนทั้งๆที่ผมยังเปียกอยู่



แล้วก็หลับไปอย่างง่ายดาย...



เกิดมาอินไม่เคยนอนไม่หลับ คนอื่นเวลามีเรื่องทุกข์ใจจะกระวนกระวายจนนอนไม่หลับซึ่งตรงข้ามกับเขาโดยสิ้นเชิง ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ยิ่งหลับง่ายเท่านั้น



ชีวิตของคนอยู่ง่ายกินง่ายเดินตามเข็มนาฬิกาไปเรื่อยๆ...หนึ่งนาทีผ่านไป ลมหายใจสม่ำเสมอ



สิบนาทีผ่านไป...ร่างโปร่งพลิกตัวในท่าที่นอนสบายขึ้น



หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...อินก็ยังคงหลับอยู่ท่าเดิม



หนึ่งชั่วโมงกับอีกสิบนาทีผ่านไป...ประตูห้องของอินถูกเปิดดังผลัวะ ตามมาด้วยร่างสูงซึ่งมีสีหน้าร้อนใจ ก่อนผู้มาเยือนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นคนที่เขามาหากำลังหลับอย่างสบายใจอยู่บนเตียง



“อือ...ใครวะ”เสียงทุ้มถามงัวเงีย เขาตื่นเพราะเสียงเปิดประตูแล้วก็แสงไฟจากทางเดิน



อินยันตัวลุกนั่งผมเผ้ากระเซิงกระพริบตาถี่ๆก่อนจะสะดุ้งตกใจ”เห้ย!! พัด มึงมาได้ไง!””



เนตรคมเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นคนที่ไม่น่ามาอยู่ในที่แบบนี้ได้กำลังยืนหอบอยู่หน้าประตู



“ให้ตายเถอะ!!”มือหนาปิดประตูเปิดไฟแล้วก็เดินมานั่งขอบเตียง”ก็มึงอ่ะ กูโทรมาแล้วก็รับสายกูพูดงืมงำไม่รู้เรื่อง น้ำเสียงเหมือนโลกจะแตกกูก็เลยรีบมาที่นี่ทันทีเพราะคิดว่ามึงกำลังงอน”




“หะ งอนไร”



“ก็กูโทรมาชวนไปเที่ยวด้วยแล้วมึงก็บอกว่าไม่ว่างแล้วก็วางสายไปเลยกูก็เลยคิดว่ามึงหนีหน้ากูอยู่”



“ฮ่าๆๆๆ มึงคิดมากว่ะ จะว่าไปกูก็คิดมากเหมือนกัน ไม่มีอะไรหรอกมั้ง เหอะๆ”ในทีแรกก็หัวเราะเยาะคนอื่นอยู่ดีๆแต่ท้ายเสียงชักจะเบาลงเรื่อยๆจนผู้มาเยือนขมวดคิ้วอย่างผิดสังเกต



“เข้าใจผิดเรื่องอะไร?”พูดจบก็จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของอินเขม็ง เล่นเอาคนโดนมองรู้สึกร้อนๆหนาวๆ



 “เออๆ กูยอมแพ้แล้ว”อินเสตาไปทางอื่นเพราะทนแรงกดดันจากพัดไม่ไหว...



“คือพรุ่งนี้กูต้องไปอยุธยา บ้านของเพื่อนพ่อ แต่ทีนี้เพื่อนพ่อคนนี้เขาตายไปแล้วพร้อมเมีย เหลือลูกเขาคนหนึ่ง อายุเท่ากู...”



“มึงที่ดูหนังมาเยอะก็เลยคิดว่าเด็กคนนั้นคือมึง?”



แทงใจดำเข้าเต็มๆ อินแทบจะกระอักเลือกกับนัยน์ตาพราวระยับเหมือนได้ยินเรื่องตลกก่อนบ่ายคลายเครียดของพัด



“เออ!! แต่กูเลิกคิดแล้ว”



.



.



ในรถยนต์ส่วนตัวของครอบครัวไอศวรรค์ ตำแหน่งคนขับเป็นของคุณพ่อ ที่นั่งซ้ายมือของคนขับเป็นของลูกชายคนตัวนามอิน...ส่วนเบาะหลังถูกจับจองโดยพัด(ว่าที่ลูกเขย)



เมื่อคืนนี้อินไล่แล้วไล่อีกร่างสูงก็ไม่ยอมกลับแถมยังเสนอตัวขอมาด้วยอีกต่างหากอินเลยหมดแรงจะไล่ผลัดไปตอนเช้าค่อยไล่กลับอีกที แต่พอตื่นเช้าขึ้นมาพัดก็ไม่อยู่ในห้องเสียแล้ว เขาเลยเดินลงมาที่ชั้นล่างเพราะคิดว่าพัดจะกลับไปแล้วแต่ที่ไหนได้ ไอ้บ้านั่นนั่งหน้าสลอนจิบกาแฟคุยกับพ่อเฉิบ



แถมพ่อยังส่งสายตาปิ๊งปั๊งมาให้อีก แปลสารได้ว่า



...คนนี้ใช่ไหม...







เกลียดดดดด!!




ตอนนั้นเขาแทบจะเอาหัวโขกข้างฝา ยิ่งตอนที่มือดีเปิดประตูรถขึ้นมานั่งหน้าระรื่นยิ่งแล้วใหญ่ อินอยากจะกระโดดถีบมันแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันคุยถูกคอกับแม่ แม่ดูจะรักมันยิ่งกว่าลูกในไส้อย่างเขาอีก



“พัด”



“หืม”



“หุบยิ้มหน่อย กูหมั่นไส้”




...


รู้สึกเหมือนตอนนี้มันสั้นๆ


แต่คงจะรู้สึกไปเอง 555555555555555555555555555555555555555555555555 :laugh:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่22 [21/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 21-08-2015 21:48:32
 :z3:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่22 [21/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 22-08-2015 01:40:16
 :mc4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่22 [21/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 22-08-2015 01:41:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่22 [21/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 22-08-2015 23:18:16
สั้นมากก
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่22 [21/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 23-08-2015 20:38:00
มันสั้นจริงๆน่ะ   :ling2:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่22 [21/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: winning ที่ 23-08-2015 23:59:21
 :m20:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่22 [21/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 24-08-2015 11:19:00
อินเกรียนมากๆๆ ชอบเรื่องนี้ สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปปปปป
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่22 [21/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-08-2015 12:19:07
พัดเริ่มเกรียนกว่าอินแล้วค่ะ5555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่22 [21/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 27-08-2015 21:23:48
สั้นป๊าย คิดว่าความจริงจะเปิดเผยตอนนี้ซะอี๊ก
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่22 [21/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 27-08-2015 22:17:48
ไม่จ่ะ
ไม่สั้นเลยเนอะ o18
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่23 [30/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 30-08-2015 21:18:17




บทที่23 แป่ว





ใช้เวลาอยู่สองชั่วโมงกว่าในที่สุดคณะเดินทางก็มาถึง รถยนต์สี่ประตูเคลื่อนเลี้ยวเข้ามาในบ้านสวนแห่งหนึ่งซึ่งตัวสวนกินเนื้อที่สุดลูกหูลูกตา อินและพัดก้าวลงมาจากรถแล้วก็ชื่นชมธรรมชาติกันก่อนจะเดินตามบิดาเข้าไปในตัวบ้านไม้ซึ่งปลูกติดอยู่กับคลองกว้าง




แม้จะทำใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่อินก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้


ถ้าหากความจริงเปิดเผยออกมาว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อแม่ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปนอกจากความห่างเหินทางจิตใจ



“อ้าว นนท์ เข้ามาสิลูกเข้ามา”เสียงแหบแห้งตามกาลเวลาของชายชราอายุประมาณเจ็บสิบปี เดินออกมาต้อนรับแขกหน้าประตูบ้าน



ชายของนั้นมีผมสีขาวเกือบทั้งศีรษะแถมยังไม้เท้าช่วยค้ำยัน...ปล่อยให้คนแก่อยู่บ้านตามลำพังแบบนี้ หลานชายที่เหลือรอดคนนั้นช่างใจร้ายเหลือเกิน



พ่อของอินหรือก็คือนนท์ที่คุณปู่เป็นคนเรียกยกมือไหว้ พวกเด็กๆก็เลยรีบทำตามก่อนจะเดินเข้ามาในบ้านและนั่งรอที่ห้องรับแขก
บนเก้าอี้ไม้ตัวยาวมีคุณยายคนหนึ่งนั่งอยู่ เธอคือภรรยาของคุณตานั่นเอง นัยน์ตาสีเทาเข้มทอดมองร่างของเด็กหนุ่มสองคนที่เดินตามนนท์เข้ามานั่งเรียบร้อย



“คนไหนคือลูกของนนท์เหรอจ๊ะ”เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน




อินสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินคำถามก่อนจะยกมือขึ้นเหนือหัว”ผมครับ!”ท่าเหมือนกำลังตอบคำถามจากครูประจำชั้นเรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูจากบรรดาผู้ใหญ่และผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างกายครืนใหญ่



“ไม่ต้องมาหัวเราะกูเลยนะ”เขาส่งเสียงรอดไรฟันปรามพัดซึ่งกลั้นขำเต็มที่แล้ว



“เหรอลูกเหรอ ชื่ออินใช่ไหม มาหาย่าสิมา”หญิงชรากวักมือเรียนเด็กหนุ่มซึ่งหน้าถอดสีไปแล้ว...ตามปกติเวลาเจอผู้หญิงสูงวัยเขาจะแทนตัวกันว่ายายไม่ใช่หรือยังไง



“ไปดิ”พัดดันหลังอินซึ่งชะงักค้างในท่าคุกเข่า ก่อนจะรู้สึกตัวอินก็คลานไปหาคุณย่า



มืออันอบอุ่นยกขึ้นลูบหัวผู้อ่อนวัยกว่าอย่างแผ่วเบา เขาเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีหม่นตามประสาคนอายุมากหากแต่ฉายประกายแสนอ่อนโยน



“ไปเดินเล่นในสวนสิลูก ตอนนี้แดดยังไม่แรงเท่าไหร่เดี๋ยวเที่ยงกลับมากินอาหารฝีมือย่านะ”



เขาหลับตาแล้วก็ซึมซับความรู้สึกที่ถ่ายทอดมาจากมือและดวงตาคู่นั้นของอีกฝ่าย อินระบายยิ้มมุมปากพลางพยักหน้ารับคำ



“ได้ครับ ขอบคุณมากครับ”



ขอบคุณที่ใจดีกับเขาขนาดนี้...ขอบคุณที่อดทนรอหลานชายไม่เอาไหนคนนี้มานานเป็นสิบๆปี



“ไปกันเถอะ”มือเรียวเอื้อมมาฉุดรั้งแขนของพัดให้เดินตามตนไปแบบไม่ทันตั้งตัว คนตัวสูงมีสีหน้าแปลกใจยามสบเข้ากับดวงตาอ่านยากของอิน



จะว่าเสียใจก็ไม่ใช่...ดีใจยิ่งแล้วกันใหญ่...



“อิน...”



ขาทั้งสองก็ก้าวเดินไปข้างหน้า แต่กลับรู้สึกเหมือนมีตุ้มเหล็กที่มองไม่เห็นมาถ่วงรั้งเอาไว้ที่หัวใจ...แต่พอกระพริบจิตใจอันหนักอึ้งนั้นก็เบาหวิวราวกับขนนก นี่คือความรู้สึกของอินในตอนนี้



ถึงจะว้าวุ่นแต่ก็เข้มแข็ง...กล้าหาญไปพร้อมๆกับหวดกลัว...



“อิน”



เสียงของพัดที่พยายามร้องเรียกแล้วก็ฝ่ามือที่จูงกันอยู่ไม่อาจส่งไปถึงคนที่กำลังจมอยู่ในห้วงคิดของตัวเองได้



“อิน!!”สุดท้ายพัดจึงออกแรงรั้งมือของอินเอาไว้ คนถูกเรียกเสียงดังหันมามองหน้าอีกฝ่ายงุนงง...เรียกทำไม? ความฉงนในดวงตาของเขาทำเอาพัดถอนหายใจเหนื่อย



“กูเรียกมึงนานแล้วมึงก็ไม่ตอบกูสักที แล้วนี่จะเดินไปถึงไหนเนี่ย จะสุดขอบสวนแล้วนะ”พัดยกมือขึ้นกอดอกถาม อินได้สติแล้วก็กวาดตามองไปรอบๆ



   ทิวทัศน์ที่เห็นคือต้นไม้ต้นสูง พื้นดินที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้ และขอบรั้วลวดน้ำ ที่อีกฟากของรั้วก็เป็นสวนเช่นเดียวกัน



“ปล่อยคนแก่สองคนมาอยู่กันเองในที่แบบนี้จะดีเหรอวะ”แม้จะเหม่ออยู่แต่อินก็จำได้ว่าเดินมานานเอาเรื่อง ขืนคุณปู่คุณย่าเกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาแล้วใครจะไปช่วยทัน เพื่อนบ้านอยู่ห่างกันซะขนาดนี้...



เขายกมือขึ้นแตะปลายคางแล้วก็ใช้สมองทั้งหมดที่มีครุ่นคิด




“กูว่ากูควรพาพวกท่านไปอยู่ด้วย”



สายลมเอื่อยๆพัดผ่านร่างของคนทั้งสองไป อินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพัดด้วยสีหน้าแน่วแน่...



“ทำไมล่ะ”



“ก็กูเป็นหลานเขา ก็ต้องดูแลเขาสิ”



“แต่มันยังไม่แน่...”



“มันแน่นอนแล้วพัด เมื่อกี้มึงก็เห็น เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ กูขอเดินรอบๆสักเดี๋ยวจะได้ไหม”



พัดพยักหน้าแทนคำตอบ ความจริงนี่เป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่ควรเข้าไปยุ่งเพราะระหว่างเขากับอินยังไม่ได้เป็นแม้กระทั่งเพื่อนกันเลย...



“แล้วถ้าพวกท่านอยากอยู่ที่นี่ต่อแหละ”



คำถามของพัดทำให้อินต้องครุ่นคิดยกใหญ่ พวกคนอายุมากๆมักจะติดบ้านเสียด้วยสิ ไหนจะยังไม่มีที่ให้พวกท่านอยู่อีก...
“หง่า...”อินก็ยังคงเป็นอินคนเดิม อินที่ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง



ไอ้ความกตัญญูนั่นก็น่าชื่นชมดีอยู่หรอก แต่ว่านะ...”เอาไว้กลับไปถามพวกท่านกันไหม”พัดยิ้มพลางเสนอทางเลือก



คนฟังขมวดคิ้วอย่างขัดใจ(อีกแล้ว)”ไม่ กูว่าเรากลับกันเลยเถอะ”



โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากพัดร่างโปร่งก็ก้าวเดินย้อนกลับไปยังบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ต้นมะม่วงใหญ่ของคุณปู่คุณย่าของเขาทันที เด็กหนุ่มสาวเท้าอย่างรวดเร็วจนทิ้งห่างคนที่ออกตัวมาทีหลัง ด้วยความร้อนใจเขาไม่มีเวลารอพัดแล้ว



“คุณปู่! คุณย่าครับ!”เสียงห้าวตะโกนร้องหาครอบครัวของตนด้วยเสียงอันดัง จนนนท์ที่กำลังปีนต้นมะม่วงอยู่ต้องเหลียวมองด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าระหว่างออกไปเดินเล่นกันจะเจองูเงี้ยวเคี่ยวขอเข้า



“อิน มีอะไรเหรอลูก!!”นนท์ตะโกนถามลูกชายของตนด้วยสีหน้าเป็นห่วงอินจึงชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่าง เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้างซึ่งนนท์ไม่ได้เห็นมันอยู่บนใบหน้าของลูกชายของเขามาเป็นสิบปี



“ไม่มีอะไรครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง...อ้อ...แล้วก็ขอบคุณที่เลี้ยงดูผมมาอย่างดีนะครับ!!”



นนท์แทบตกจากต้นไม้ เขาเผลอปล่อยตะกร้อหลุดมือหวิดโดนหัวพัดซึ่งวิ่งตามมาทีหลัง อินอาศัยจังหวะที่ทั้งสองกำลังขอโทษและช่วยกับเก็บตะกร้ออยู่นั้นออกตามหาคุณปู่คุณย่าอีกครั้ง



“คุณย่าครับ!!”ร่างโปร่งวิ่งถลาเข้าไปหาหญิงชราที่นั่งถักไหมพรมอยู่ในห้อง



“มีอะไรเหรอจ๊ะ”เธอวางมือจากงานเย็บปักก่อนจะถามด้วยสีหน้าอ่อนโยนตามแบบฉบับ เด็กหนุ่มปิดประตูห้องแล้วก็ค่อยๆย่างกายเข้าไปใกล้เธอ...อย่างเชื้อช้า



หัวใจเต้นรัวราวกับใกล้จะระเบิด อินยกมือขวาขึ้นมาทุบอกไม่รักดี ในเวลาที่ต้องรวบรวมความกล้าเผชิญหน้ากับความจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต น้ำลายเหมือนเป็นก้อนเหนียวๆจะกลืนก็ไม่ลง สวนทางกับคำพูดที่พยามเปล่งออกมาแต่ก็ติดอยู่ที่คอหอย



“ตกลงว่ามีอะไรเหรอลูก”หัวเตียงของเธอประดับวางรูปของคู่สามีภรรยากำลังอุ้มลูกน้อย



เหมือนได้รับความกล้าจากพ่อแม่ที่แท้จริง...



“คุณย่ารับ อินมาหาแล้ว ขอโทษที่ทิ้งให้อยู่คนเดียวเสียนานนะครับ”



...ตั้งยี่สิบปีที่เขาไม่รู้อะไรเลย...



“ไม่เป็นไรจะลูก แค่นี้เอง ย่ารอได้ไม่หนักหนาอะไร”



...เราเพิ่งออกไปแค่สามสิบนาทีเอง...



“ขอบคุณครับ...ขอบคุณจริงๆที่อยู่อย่างเข้มแข็งตลอดมา จากนี้ไปพวกเราอยู่ด้วยกันนะครับ!!”



...ผมจะดูแลคุณอย่างดี ทดแทนส่วนที่ขาดหายไปเอง...



“โอ๊ะ ไม่ต้องขอบคุณย่าหรอกจ๊ะ แค่อินมาหาย่าก็ดีใจแล้ว หลังจากนี้พวกเราก็อยู่ด้วยกันนะจ๊ะ”เธอลุกขึ้นเดินไปหาร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่ม ใช้มือเหี่ยวย่นลูบหัวทุยๆอย่างเอ็นดู



“นนท์บอกว่าเราดื้อ แต่ย่าไม่เห็นว่าจะเป็นแบบนั้นเลย อินของย่าน่ารักที่สุด”คำพูดของเธอทำให้อินยิ้มออกมาอีกครั้ง



ตอนแรกเขานึกว่าจะเสียใจกว่านี้แท้ๆ แต่คงเพราะรู้ดีว่าต่อให้ไม่เกี่ยวพันกันทางสายเลือด ทั้งพ่อ แม่ ฟ้าและน้ำก็จะยังเป็นครอบครัวของเขาตลอดไป...แถมยังได้เจอกับปู่และย่าอีก...



“ครับ!!”



อินสวมกอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆฝังใบหน้าไว้กับบ่าของเธอ สูดลมหายใจได้กลิ่นยาหม่องอ่อนๆตามประสาคนแก่



“ย่า!! มัวทำอะไรอยู่ หลานมาถึงแล้วนะทำไมไม่ออกไปรับล่ะ ตอนนี้ไอ้นนท์ช่วยขนกระเป๋าให้อยู่”ประตูห้องถูกเปิดโดยคุณปู่
หา?




ทันทีที่สิ้นคำอินรีบผละตัวออกมาแล้วก็ตวัดสายตามองหน้าคุณปู่อย่างตกใจ!?




“เมื่อกี้นี้ว่าอะไรนะครับ!?”




“ อ้าวอิน!? มานี่เร็วมา! เดี๋ยวจะพาเอ็งไปดูหน้าหลานข้า หล่ออย่าบอกใครเลยล่ะ!!”โดยไม่สนใจร่างซึ่งแข็งเป็นหินไปแล้ว ชายชราก็เดินปรี่เข้ามาจูงแขนอินออกจากห้องไป






อะไรนะ!!!!!!!!!!!!





หน้าของอินตอนนี้มีแต่เครื่องหมายตกใจเต็มไปหมด อ้าปากค้าง เบิกตาโพลง ทุกอากัปกิริยาที่แสดงออกมาว่าเงิบเขาได้แสดงออกมาทั้งหมด ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้องนั่งเล่น อินที่เดินแข้งขาพันกันก็ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรงยามสบกับดวงตาเป็นประกายขบขันของพัด



“มะ...”




“อิน เป็นอะไรไปลูก”นนท์วิ่งปรี่เข้ามาหาลูกชายซึ่งมีอาการผีเข้าผีออก เมื่อกี้ยังส่งยิ้มละไมมาให้อยู่ดีๆทำไมกลายเป็นซอมบี้ไปได้ล่ะ



“เกิดอะไรขึ้นเหรอพัด”นนท์หันไปถามพัดขณะหิ้วปีกลูกตัวเองมานั่งบนเก้าอี้ เขาคิดว่าเด็กหนุ่มอีกคนซึ่งกำลังกุมท้องกลั้นหัวเราะตัวคดตัวงออยู่นี้คงต้องรู้เบื้องลึกอะไรบางอย่าง







“อุ๊บ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”






แล้วในที่สุดความพยายามของพัดก็ล้มเหลว ไอ้เลวพัดปล่อยขำก๊ากใหญ่ น้ำตาเล็ดน้ำตาร่วงท่ามกลางความงุนงงของผู้ใหญ่แล้วก็ความเคียดแค้นของซอมบี้อิน




“แล้วหลานไปไหนซะล่ะ”ย่าถาม




“เห็นว่าท้องไม่ค่อยดี วิ่งเข้าห้องน้ำไปแล้วนู่น”ปู้ตอบด้วยสีหน้าเอ็นดู ผู้สูงวัยสองคนหัวเราะคิกคักอารมณ์ดี
แต่เสียงหัวเราะนั้นก็ไม่อาจกลบเสียงหัวเราะของพัดได้



“ไอ้เหี้ยยยย”



อินซึ่งพ้นสภาพซอมบี้แล้วก็ใช้ตีนยันร่างสูงจนไหลตกเก้าอี้ไป...ทั้งๆที่ยังขำไม่หยุด



“กั่กๆๆๆๆ ฮ่ะๆๆ โอ๊ย หายใจไม่ทัน ฮาไม่ไหวแล้ว ฮ่าๆๆ หยุดหัวเราะไม่ได้จริง”



อินทั้งโกรธทั้งอายจนหน้าแดงไปหมด แต่หลังๆความโกรธเริ่มชนะความอาย เด็กหนุ่มยืดตัวเต็มความสูง กำหมัดแน่น...เรื่องนี้คงจบลงแค่เขาหน้าแตกฝ่ายเดียวไม่ได้ งานนี้ต้องมีคนปากแตกด้วย




“ตายซะเถอะ ไอ้เวร!!”เหมือนสัญญาณสตาร์ทวิ่งแข่ง พัดรีบลุกขึ้นแล้วก็วิ่งหลบทั้งหมัดทั้งลูกเตะที่ระดมปล่อยใส่เขาด้วยรอยยิ้ม




“พาลนี่หว่า ฮ่าๆๆ”หัวเราะร่าเริงแล้วก็วิ่งผล็อยออกจากตัวบ้านไป...ส่วนผู้ใหญ่ก็ยังตามเรื่องไม่ทันนั่งมองหน้าตาปริบๆกันต่อไป
คนเขินแรงหาที่ระบายด้วยการประทุษร้ายชาวบ้านแต่ทว่า เมื่อกระโดดออกมาจากขึ้นบันไดเตี้ยๆสองสามขึ้นหน้าประตูบ้านเขาก็ไม่เห็นพัดแม้แต่เงา



“พัด!?”อินหันซ้ายแลขวา ความรู้สึกโครงเครงเหมือนโดนค้อนของธอร์ฟาดหัวเข้าอย่างจังจนหน้าร้าวเป็นเสี่ยงๆเริ่มคลายลงแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ความมันส์ติดลมตามประสาผู้ล่า



ถ้าอีกฝ่ายหนีเราก็ต้องวิ่งไล่...



อินที่ใช้ชีวิตอยู่กับการวิ่งไล่คนมาตลอดจนกลายเป็นความเคยชินเริ่มออกวิ่งตามหาพัดด้วยสีหน้าที่ฉายประกายคึกคะนอง ร่างโปร่งเริ่มออกวิ่งไปทางทิศที่สัญชาติญาณร้องเตือนว่าเหยื่อน่าจะวิ่งไปทางนั้น




“พัด!!”ส่งเสียงร้องเรียกไปด้วยตามทาง สองขาก้าวผ่านพื้นดินขรุขระเต็มไปด้วยอุปสรรคทั้งเศษใบไม้ รากไม้ ก้อนหิน แล้วก็สารพัดแมลง แต่นั้นก็ไม่อาจบั่นทอนความมุ่งมั่นอันหาญกล้าที่จะไล่ต้อนเหยื่อของเขาได้
ไม่ว่าอะไรจะขวางกั้นอินก็ผ่านมันไปได้ด้วยดี



ซะเมื่อไหร่...



“แอ่ก!”เพราะมัวแต่หันซ้ายมองขวาเลยไม่ได้มองพื้น ความรีบร้อนที่วิ่งมาอย่างเร็วทำให้เด็กหนุ่มล้มลงหน้าจูบพื้น อินผู้เสียมาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหน้าแดงอายฟ้าดินแล้วก็ตะกายยันตัวเองลุกขึ้นมานั่งกนะจ๋องอยู่บนพื้นในสภาพที่มีเศษใบไม้แห้งเกาะตามตัวและเส้นผมเต็มไปหมด



“ฮ่าๆๆๆ”



แล้วเสียงหัวเราะของเหยื่อก็ดังขึ้น



พัดซึ่งแท้จริงแล้วแอบอยู่ข้างบ้านแล้วก็รอจังหวะที่อินหุนหันพลันแล่นออกตามหาเขาลอบตามมาเปิดเผยตัวออกมาซ้ำเติมความอับอายของร่างโปร่งซึ่งนั่งโกรธจนหน้าเขียวอยู่บนพื้น



ร่างสูงซึ่งยืนหัวเราะจนพอใจแล้วก็ปาดน้ำตาแล้วก็เดินมานั่งแหมะอยู่กายคนหน้างอ มือหนาเลื่อนมาปัดเศษไม้ออกจากผมเผ้าแล้วก็ช่วยแต่งให้มันเป็นทรงขึ้นมาหน่อย



“ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อย ยิ้มเร็ว ยิ้ม...”



การกระทำปัญญาอ่อนหลอกเด็กอนุบาลของพัดทำให้อินหมดแรงจะต่อว่า มือเรียวยกขึ้นเสยผมที่เพิ่งมีคนจัดทรงให้หยกๆให้มันกระเซิงพอประมาณแล้วก็เอามือทั้งสองข้างยันพื้นแหงนหน้ามองท้องฟ้าผ่านร่มเงาของต้นไม้



“กูแม่งหน้าแตกบ่อยจังวะ”



   พัดจ้องมองใบหน้าเรียบสงบของอินซึ่งนานๆครั้งจะมีโอกาสได้เห็น เขายิ้มแล้วก็ตอบตามที่คิดในหัว



“มันไม่เป็นแบบที่คิดไว้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ระหว่างหน้าแตกกับไม่ได้เป็นลูกที่แท้จริงของพ่อแม่อินเลือกอะไรล่ะ”



คำพูดนั้นค่อยๆซึมซับเข้ามาในสมอง สายลมเอื่อยพัดผ่านร่างกายตลอดเวลา อากาศก็สดชื่นเย็นกำลังดีสมกับที่เป็นบ้านนอกคอกนา อินระบายยิ้มละมุนแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย




“นั่นสินะ แบบนี้ก็ดีแล้วนี่เนอะ”



ดีแล้วที่เป็นสายเลือดเดียวกัน...ดีแล้วที่เข้าใจผิดไปเอง



เท่านี้ก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ที่แม่ชอบทุบตีดุด่าเขาก็เพราะว่าเขาดื้อมากจนกำราบไปอยู่ ที่ไม่ค่อยได้เจอหน้าพ่อก็เพราะพ่อเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกชายของตัวเองต้องถูกคู่คดีตามล่าไปด้วย



ที่น้องๆได้รับความใส่ใจมากกว่าก็เพราะเขาเป็นพี่



และทั้งหมดนี้คงไม่สงบลงแบบนี้ถ้าหากไม่มีใครบางคนที่ตามมาถึงอยุธยาด้วย



“ขอบคุณมากพัด ถ้าไม่มีมึงกูคงแย่”เสียงทุ้มกล่าวเสียงเรียบ ทั้งสีหน้าและบรรยากาศรอบตัวแสนสงบทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง



“ไม่เป็นไร เป็นแฟนกันก็ต้องดูแลกันสิ”



อืม...นั่นสินะคนเป็นแฟนกันถ้าไม่ช่วยเหลือกันแล้วจะให้ใครที่ไหนมาช่วยล่ะจริงไหม



เดี๋ยวนะ มีอะไรแปลกๆ



“เนียนเชียวนะมึง”อินคิดได้ก่อนเหล่ตาหยอกแซวคนชอบเนียน



ด้านคนที่โดนจับไต๋ได้ก็หัวเราะอย่างไม่ยี่หระแล้วก็ถามกลับอีกว่า”แล้วไม่ปฏิเสธหน่อยเหรอ”



“ไม่”



“!!?”ถามเล่นๆแต่คำตอบกลับเหนือความคาดหมาย ร่างสูงเบิกตากว้างจ้องมองเจ้าของใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อแล้วก็ขมวดคิ้วเป็นปมขณะพยามเบนหน้าไปทางอื่น



“บอกว่าล้อเล่นตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะ”เพื่อความแน่ใจ แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ยืนยันกับปากว่าเราเป็นแฟนกันเถอะ! หรืออะไรเทือกนั้นแต่แค่คำว่า ไม่ สั้นๆคำเดียวก็ทำให้หัวใจของพัดพองโต



“กูชอบมึงนะ”พัดตอบขณะขยับตัวเข้าไปใกล้ๆอินซึ่งพยามเอนตัวหนีสุดชีวิต



“เออ!!”แน่นอนว่าหนีไม่พ้นก็เลยได้แต่ตวาดตอบกลับไปด้วยใบหน้าแดงแจ๋



“แล้วมึงล่ะ ชอบกูไหม”เพราะคราวก่อนบอกว่าน่าจะชอบคราวนี้เลยอยากได้ยินชัดๆว่าตกลงยังไงกันแน่



“อะ...เออ!! มึงถามไรนักหนาเนี่ย กลับไปได้แล้ว ปู่กับย่ารอแย่แล้ว”อินสะบัดตัวจากมือปลาหมึกที่เริ่มคืบคลานเข้ามาโอบกอด ร่างโปร่งลุกขึ้นแล้วก็ปัดเศษดินเศษหญ้าใส่คนที่ยังนั่งยิ้มกริ่มอยู่ด้วยความหมั่นไส้



“โอ๊ย พาลกันนี่ แล้วคำตอบล่ะ”คนโดนแกล้งก็รีบลุกขึ้นบ้างเมื่อเห็นว่าอินหันหลังเดินกลับแบบไม่มีรีรอกันเลย



“ก็บอกว่าเออไง!!”



หลังจากนั้นพวกเราสองคนก็กลับมาถึงบ้าน ด้านในคุณปู่ คุณย่าแล้วก็พ่อ(ทำไม่มีคำว่าคุณ?)กำลังนั่งล้อมวงลูบหัวลูบหางผู้ชายคนหนึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอินเนี่ยแหละ สงสัยเป็นลูกที่แท้จริง เด็กหนุ่มทั้งสองคนก็เลยหันมายิ้มให้กันอย่างเข้าใจความหมาย



...

 :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2:

ขำค่ะ แต่งไปฮาไป

เพลียใจกับพ่อคุณเหลือเกิน ผู้ชายอะไรน่ารักหน้าแตกได้ขนาดนี้ 555555555
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่23 [30/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 30-08-2015 21:59:58
โอ้ยสงสารนาง
ตอนหน้าขอสวีทวี้ดวิ้วหน่อยนะคะคุณพวกเธอ :katai4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่23 [30/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 30-08-2015 22:58:28
เขาเป็นแฟนกันแล้วววววววววว  :hao7:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่23 [30/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 31-08-2015 00:46:55
ไม่รู้สิ คือบับ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่23 [30/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 31-08-2015 05:26:19
 :o12:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่23 [30/08/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 31-08-2015 13:15:09
อินนี่ฮาสุดๆไปเลย

เค้าเป็นแฟนกันแล้วคิคิ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่24 [05/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 05-09-2015 17:10:43




บทที่24 ชอบอะไร




แสงตะวันยามเย็นฉาบสวนของคู่รักวัยชราทั้งสองคนเป็นสีส้มแดง ที่สนามหญ้าหน้าบ้านปรากฏร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มนามพัดกำลังจัดเก็บโต๊ะอาหารเย็นซึ่งถูกเคลื่อนย้ายมาวางไว้ตรงหน้าบ้านเพื่อนเพิ่มบรรยากาศในการรับประทานอาหาร




“หลานย่าแม่งกวนตีน”ก่อนเสียงห้าวของอินจะดังขึ้น เขาเดินเข้ามาช่วยจับอีกปลายหนึ่งของโต๊ะแล้วก็ออกแรงยกขนเข้าที่เดิม
คนหนุ่มสองคนเดินเข้ามาในตัวบ้านผ่านร่างของคุณหลานชายที่แท้จริงซึ่งนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา




เขาเป็นชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอิน ทรงผมเกรียนเป็นลูกปิงปอง ผิวสีน้ำผึ้งรูปร่างผอมสูง หน้าตาจัดว่าพอไปวัดไปวาได้ แต่ความกวนนี่จัดอยู่ในขั้นสูง ตลอดบ่ายมานี้เขาได้กินตีนของอินแล้วถึงสี่ครั้ง และกำลังจะมีครั้งที่ห้าในอีกไม่ช้า



“ไม้!! จะนอนอู้ไปถึงไหนวะ มาช่วยกันขนสิ”



“คร่อก”



ยังไม่ทันสิ้นคำ ไอ้ตัวที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่หยกๆก็คอพับลงไปซบกับเบาะเรียกใบหน้าโมโหถึงขีดสุดของอินได้เป็นอย่างดี
“เอาน่าๆ”เดือดร้อนให้พัดต้องช่วยห้าม ถ้าไม่มีพัดอยู่ด้วยทั้งสองคนต้องวางมวยกันจริงๆแน่นอน



“ไหวไหมลูก วางตรงนี้เลย มาๆ”พอเดินเข้ามาในครัวแบบทุลักทุเลคุณย่าก็รีบผละมือจากจานที่กำลังล้างอยู่แล้วก็ปรี่เข้ามาช่วยในขณะที่ปู่กับพ่อยืนเช็ดจานอยู่เฉยๆ


มันน่าไหมล่ะ



“เอ้า วาง”



ภารกิจเก็บโต๊ะลุล่วงไปได้ด้วยดี อินก็เลยขอตัวไปอาบน้ำแล้วก็กระโจนขึ้นเตียงกลิ้งหลุนๆเหมือนลูกขนุนตกเขา ร่างโปร่งเอาหัวเปียกๆนอนทับหมอนแล้วก็หลับทันทีตามคอนเซ็ปนิ่งเป็นหลับขยับเป็นกินเดือนร้อนคนที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็เดินตามเข้ามาทีหลัง



“อิน นอนทั้งผมเปียกๆไม่ได้นะ เดี๋ยวหัวก็ขึ้นเชื้อราหรอก”



“หืม...”เจ้าของใบหน้าซึ่งมักจะบึ้งตึงตลอดเวลาแต่ยามหลับหรือตอนเพิ่งตื่นกลับมีใบหน้าชวนมองลุกขึ้นนั่งงัวเงีย เหลียวมามองร่างสูงซึ่งยืนอยู่ข้างเตียง



“เป่าผมให้กูหน่อย”แล้วก็เอ่ยปากสั่ง พัดถอนหายใจระอาหน่อยๆแล้วก็เดินไปค้นหาไดร์เป่าผมแต่เขาก็ไม่เจอ”ไม่เจออ่อ สงสัยมีแค่ของย่าเครื่องเดียว”อินวิเคราะห์



เพราะบ้านหลังนี้มีหลายห้องทำให้แขกสามารถแยกพักกันได้แต่พัดก็เนียนขอมานอนห้องเดียวกับอินได้สำเร็จ แต่ทว่าข้าวของเครื่องใช้จำเป็นต่างๆก็มีอยู่แค่ในห้องของผู้อาวุโสทั้งสองเท่านั้น อินเลยถอนหายใจเซ็งๆ ในนี้ไม่มีแม้แต่พัดลมด้วยซ้ำ ต้องเปิดหน้าต่างนอนโชคดีที่มีมุ้งลวดเลยไม่ต้องกลัวยุงกัด



“งั้นกูนอนต่อล่ะนะ”ร่างโปร่งของคนมักง่ายเตรียมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่คนช่างเอาใจใส่ก็ร้องห้ามไว้ก่อน



สถานภาพเหมือนไม่ใช่คู่รัก ถ้าเรียกว่าคุณแม่กับลูกชายน่าจะเหมาะกว่า...



“ไปเดินเล่นข้างนอกจนกว่าผมจะแห้งไหม”



ถึงจะน่ารำคานแต่ถ้าอินไม่ยอมทำตามล่ะก็พัดก็จะงัดสารพัดวิธีออกมาเพื่อโน้มน้าวและหลอกล่อให้เขาตามออกไปอยู่ดี ร่างโปร่งก็เลยลุกขึ้นเดินล้วงกางเกงบอลเดินนำออกไปซะเลย การกระทำแบบยอมอ่อนข้อให้นิดหน่อยของอินนั้นเรียกรอยยิ้มจากพัดได้เป็นอย่างดี



“อยู่แถวลานหน้าบ้านนี่ก็พอนะ ถ้าออกไปไกลแล้วเจองูเจออะไรเข้าคงแย่”



ที่ชานระเบียงหน้าบ้าน เด็กหนุ่มสองคนถือวิสาสะลากเก้าอี้พัดออกมาจากตู้ในห้องนั่งเล่นแล้วก็เอาออกมากางนั่งกันสบายใจเฉิบ
แสงไฟในบ้านมืดสนิทแล้วสงสัยทุกคนจะเหนื่อยเพลียจนเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำ คนที่ยังตื่นอยู่ก็มีแค่พวกเขาสองคนที่อาบน้ำหลังสุด อินเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้ายามค่ำคืน



ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและใบหน้าที่อาบด้วยแสงจันทร์...



บรรยากาศที่หาไม่ได้ในเมืองหลวง...



สายลมที่หอบใหญ่ทำเอาคนสองคนซึ่งกำลังนั่งชมวิวอยู่หนาวสั่น อินหัวเราะแล้วก็หันไปมองหน้าพัด”อย่างนี้ผมแห้งเร็วแหง”ด้วยรอยยิ้มกว้าง



“นี่...อิน...”ในบรรยากาศที่แสนโรแมนติกขนาดนี้ อินถูกเรียกด้วยน้ำเสียงแสนหวาน เขาเบือนหน้าไปมองคนข้างกายด้วยหัวใจเต้นระส่ำ



“อะ...อะไร”แล้วก็คิดได้ว่าในสถานการณ์แบบนี้อีกฝ่ายคงไม่พลาด...ไม่พลาดเรื่องนั้น



รู้ตัวอีกทีผมก็แห้งเสียแล้ว ไม่รู้ว่ามานั่งคุยกันอยู่ตรงชานบ้านนานแค่ไหน แต่รู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านไปแค่เดี๋ยวเดียว สงสัยจะเข้าทำนองตอนมีความสุขเวลาจะผ่านเป็นเร็ว



หึหึ...นี่เรากำลังมีความสุขอยู่สินะ นั่นสิ ก็ต้องมีความสุขอยู่นี่



อินค่อยๆปรือตาหลับเมื่อเห็นร่างสูงค่อยๆโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะได้รับสัมผัสนุ่มละมุนที่ริมฝีปาก แล้วก็ค่อยๆจาบจ้วงและเห่อร้อนขึ้นจากเรียวลิ้นที่แทรกเข้ามา



“กลับห้องกันเถอะ”



เขายิ้มให้กับนัยน์ตาพราวระยับที่ปกปิดความนัยไม่มิดของพัด“อืม...หางโผล่แล้วนะมึง...”



บนเตียงบ้านคนอื่น กับความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย อินถูกผลักให้นอนราบลงกับเตียง



“ทำไมยอมง่ายจัง”พัดถ่ายขณะใช้สองมือจัดการปลดอาภรณ์ของอิน แต่ก็ไม่วายมีน้ำใจถามความสมัครใจ(?)ของเขาอีก อินแค่นหัวเราะเหอๆ ทำสีหน้าประมาณว่า มาขนาดนี้แล้วกูคงหนีมึงไม่พ้นหรอกก่อนจะนอนกางแขนกางแขนประชด



“อย่าลีลา เข้ามาเลย ฮ่าๆๆ”ตบท้ายด้วยการยักคิ้วหลิ่วตาให้อีก เรียกได้ว่าไม่มีความกระดากอายเหลืออยู่แม้แต่น้อย...



ซะเมื่อไหร่...



ใบหน้าของคนอวดดีขึ้นสีแดงเรื่องเมื่อถูกลิ้นร้อนลากไล้ตามแผ่นอก หยอกล้อกับยอดสีอ่อนด้วยความเชี่ยมชาญ เล่นเอาคนที่โดนไปแล้วสองครั้งหมดความซ่า



“อ้าวๆ ไม่ปากดีแล้วเหรอครับ”



“ละ เลว...!!”ร่างกายเกร็งรับสัมผัสอุ่นร้อนนั้น มือหนาและเรียวปากพยายามปลุกเร้าอารมณ์และความรู้สึกแปลกประหลาดใน
ร่างกาย



เมื่อความอุ่นร้อนวาบสัมผัสที่เบื้องล่างดวงเนตรพลันเบิกกว้าง



“เห้ย!! เอาเลยเหรอ”



พัดผละจากงานที่ทำอยู่แล้วก็เงยหน้ามาสบตาคนขี้โวยวาย เขายกยิ้มมุมปากอย่างได้ทีแล้วก็เอ่ยหยอกล้อร่างใต้อาณัติว่า”ก็เป็นคนบอกเองว่าให้เขามาเลยไม่ใช่เหรอ กำลังจะเข้าไปแล้วนี่ไง”



“กูหมายถึงให้มึงรุกเข้ามาได้เลยไม่ใช่ยัดเข้ามาได้เลย อุ๊บ อื๊ออออ”แล้วก็ถูกปิดปากด้วยปาก



ดวงเนตรคมกระพริบถี่เมื่อถูกปิดช่องทางโต้เถียง ขณะมือหนาลากไล้ไปตามแผ่นหลัง อินก็เลื่อนมือของตัวเองไปปลดกางเกงของอีกฝ่าย ทั้งที่ริมฝีปากยังคลอเคลียกันอย่างดุเดือด เสื้อผ้าก็ถูกกำจัดออกไปทีละชิ้นทีละชิ้น



ถูกดึงดูดเข้าหากันและกัน อย่างร้อนแรง...



  ริมฝีปากแตะสัมผัสกันแนบสนิทประกอบแน่นและค่อยๆทวีความเร้าร้อน ลมหายใจร้อนสัมผัสรินรดบนใบหน้า ความรู้สึกเร้าให้ส่วนนั้นแข็งตึงขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายร้อนไปทั้งตัว.. ทั้งดวงตาและสมองเริ่มพร่าเลือน



“อ่ะ อืม..อือ...”มือเรียวจิกเข้ากับไหล่กว้างระบายความอึดอัดจากช่องทางเบื้องล่างซึ่งถูกรุกรานด้วยนิ้วยาว   



รู้สึกเสียวซ่านจนต้องเงยหน้าขึ้นส่งเสียงร้องคราง และอดใจไม่ไหวเคลื่อนสะโพกคล้อนตามจังหวะนิ้วของอีกฝ่าย แสดงออก



อย่างซื่อสัตย์ว่ากำลังต้องการสิ่งที่มากกว่านี้ขนาดไหน พัดยิ้มกับการตอบสนองนี้ เขาก้มหน้าลงไปหยอกล้อติ่งไตบนแผ่นอกขาวเนียน ดูดดุนโลมเลียจนคนถูกกระทำบิดตัวเร่า



“พะ..พัด... อืม..อ๊ะ..!”ในขณะที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับการหยอกล้อส่วนบน ด้านล่างก็ถูกสัมผัสตรงจุดบางจุดซึ่งทวีความกระสันเป็นเท่าตัว ใบหน้าอินแดงซ่าน เขาคิดในใจว่าเรื่องแบบนี้ทำอีกสักกี่ครั้งก็คงไม่ชินเมื่อโดนแค่นิ้วสัมผัสอารมณ์ก็พุ่งขึ้นมาเสียขนาดนี้แล้ว



ร่างโปร่งหลุดเสียงครางครั้งแล้วครั้งเล่า พัดคลี่ยิ้มแล้วก็กดเข้าไปยังจุดเดิมซ้ำอย่างตั้งใจอีกหลายครั้ง เล่นเอาคนโดนแกล้งมองค้อนอย่างเจ็บใจ



“ตะ.. ตรงนั้น ไม่เอา พอแล้ว..อ๊า!!”วงแขนเรียวโอบรอบลำคอของคนตรงหน้า



เมื่อเห็นว่าถึงเวลาสมควรแล้วก็ขยับถอนนิ้มออก แล้วก็นำสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นมาจ่อปากทางเข้าท่ามกลางหัวใจที่เต้นโครมครามของเจ้าของช่องทาง



อินมองสิ่งนั้นแล้วก็ลอบกลืนน้ำลาย เด็กหนุ่มกัดฟันแล้วก็เอาเล็บจิกลงกับผ้าปูที่นอนยามถูกรุกล้ำเข้ามา



 ดวงหน้าฉ่ำเยิ้มสบมองกันและกัน อินคลี่ยิ้มแล้วก็โน้มคออีกฝ่ายลงมามอบจุมพิตหวานจังหวะเดียวกับเรียวขาอ้าออกเพื่อให้อีกฝ่ายสอดเข้ามาได้ถนัด ยกสะโพกขึ้นรับด้วยความรู้สึกต้องการจนเกินกว่าจะห้ามใจ



ต้องการมากเสียจนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว



“อ๊า...เข้ามา เร็วๆ เข้ามาอีก...”



ต้องการเสียจนขอร้องในเรื่องน่าอาย พัดเบิดตาอย่างแปลกใจก่อนจะแทนที่ด้วยประกายพึงพอใจ เขายิ้มแล้วก็กระแทกเข้ามารวดเดียวจนสุดตามคำขอ เล่นเอาอินกรีดร้องไม่เป็นเป็นภาษา



“อ๊า.....อื๊ออออ ฮ่า....พัด”แทนที่จะโกรธกลับยิ้มให้เหมือบชอบใจ อินเวลามีเซ็กส์คือเวลาที่ว่าง่ายและน่ารักยิ่งกว่าตอนนอนหลับ



เรือนกายทั้งสองเบียดเสียดแนบชิดชิน”ขยับสิ...”เสียงแหบพร่าเอ่ยเร่งอย่างไม่พอใจเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาจนสุดแล้วแต่กลับค้างนิ่ง



“ใจเย็นสิ”คำตอนเรียกสีหน้าง่ำงอจากร่างข้างใต้ อินสะบัดใบหน้าเต็มตื้นไปด้วยอารมณ์ไปอีกทาง ก่อนเป็นฝ่ายยกสะโพกขยับเข้าออกไปมาเบาๆ



“อึ๊ ฮืมม”เสียงแห่งความพึงพอใจดังเล็ดลอดออกมาจากลีบปากบาง ทันใดนั้นเองพัดก็ช้อนร่างของเขาขึ้น ร่างสูงเป็นฝ่ายลงไปนอนราบกับเตียง การเปลี่ยนตำแหน่งกะทันหันแบบนี้ทำเอาคนที่กำลังเพลิดเพลินกับการขยับตัวน้อยๆของตัวเองอย่างอินถูก



ถาโถมด้วยคลื่นกระสันรุนแรง




ด้วยท่าที่เป็นฝ่ายนั่งทับแบบนี้ทำให้มันเข้ามาลึกกว่าเดิม...และมุมมองแปลกตาทำให้ช่องทางมันบีบรัดด้วยความตื่นเต้น



“อื๊อ...”อินเอามือยันแผ่นอกกว้างหลังบิดกายไปมาอย่างอึดอัดกับความร้อนที่พุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย นัยน์ตาเอ่อฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำใส พัดทอดมองมาจาดเบื้องล่างระบายยิ้มอย่างพออกพอใจ



“อยากให้ขยับหรือเปล่า หืม”เสียงทุ้มเอ่ยถาม พัดยกมือขึ้นมาลูบไล้ใบหน้าซึ่งถูกย้อมเป็นสีแดงยิ่งกว่าท้องฟ้าตอนเย็นและกระขยับตัวดันกระทุ้งเข้าไปแรงๆหนึ่งที่เป็นการกระตุ้นขอคำตอบ



“อ๊า!!”อินร้อง เขาแหงนหน้าขึ้นมองเพดาน”ขยับสิ ขยับเร็วๆ”ขืนอยู่ท่านี้ต่อไปคงได้ขาดใจแน่ๆ แต่มันเป็นไปตามที่เด็กหนุ่มคิด เมื่อคนขี้แกล้งตอบกลับมาว่า



“ไม่”




“หะ”อินถลึงตามองคนข้างล่าง มองรอยยิ้มแสนเซ็กซี่แต่ก็กวนประสาทอยู่ในทีของอีกฝ่าย



“ขยับเองสิ”สิ้นคำตอบ อินรู้สึกเหมือนมีเส้นประสาทเส้นไหนสักเส้นไหนสมองขาดผึง



และดูเหมือนว่าเป็นจะเป็นเส้น’ยางอาย’ที่ขาดหายไป เมื่อร่างโปร่งใช้มือยันหน้าท้องแล้วก็ค่อยๆยกสะโพกขึ้นมา



จากมุมมองนี้ทำให้พัดเห็นทุกการกระทำของเขา อินทั้งเขินทั้งต้องการ ริมฝีปากเม้มแน่นรู้สึกอึดอัด



“ฮ......”เสียงหอบหายใจเบาๆหลุดรอดจากริมฝีปาก อินกดสะโพกของตนเองรับความรุ่มร้อนจากร่างกายของร่างสูง เอวขาวและหน้าท้องแบนราว รวมถึงหน้าอกซึ่งเต็มไปด้วยรอยช้ำ ทั้งหมดอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน รวมทั้งอินน้อยที่ขยับขึ้นลงนั่นด้วย



พัดเห็นท่าทางยักแย่ยักยันเหมือนต้องการมากกว่านี้แต่ไม่กล้าขยับแรงๆแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ มือแกร่งแตะบริเวณสะโพกมนก่อนจะช่วยออกแรงให้เคลื่อนที่แรงขึ้น



แก่นกายอุ่นร้อนถูกบีบรัดแน่นเสียดสีไปมาตรงช่องทางของร่างโปร่งจนฝ่ายกระทำเองก็ซี้ดปากอย่างพึงพอใจ



เสียงเนื้อกระทบกันดังคลอกับเสียงครางฮืมในลำคอ พัดค่อยๆปล่อยมืออกเมื่ออินสามารถขยับได้เองและแรงพอให้เจ้าตัวร้องไม่เป็นภาษาด้วยใบหน้าใกล้สมอารมณ์หมาย



“อะ.....อ....”ใบหน้าเชิดขึ้นส่งเสียงครางแว่วหวาน



ภาพที่เห็นทำให้พัดทนไม่ได้ ขยับสะโพกของตัวเองสวนขึ้นไป



“ฮ๊า..!!”อินชะงัก จิกเจ็บลงบนหน้าท้องแกร่งเป็นทางยาว



“อย่าหยุดสิ มึงก็ขยับด้วย”



อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้จะปลดปล่อย...



“อะ...อ๊า!!!”อินโผรั้งตัวลงมาทาบทับร่างสูงเมื่อร่างกายได้ปลดปล่อยความร้อนในร่างกายออกไป  เช่นเดียวกับร่างสูงซึ่งกระทั้นกายประชิดครั้งสุดท้ายและรั้งใบหน้าเขาเข้ามาใกล้



“ชอบอ่ะดิ”พัดถามขณะยันตัวเองขึ้นมานั่ง ในสภาพที่อินยังทับอยู่อย่างนั้น



ใบหน้าของเด็กวิศวะแดงก่ำยามถึงจุดหมายแล้วสติก็กลับมาครบถ้วย ร่างโปร่งซบหน้าลงกับบ่ากว่าแล้วก็ส่งเสียงด่างืมงำข้างหูอีกฝ่าย ฟังได้คร่าวๆว่า ไอ้ชิบหาย ไปตายซะ มึงเลวมาก มึงแกล้งกู อย่าหวังว่าจะได้แอ้มกูอีก คราวหน้ากูจะเป็นฝ่ายรุกบ้าง
พัดหัวเราะในลำคออย่างชอบใจแล้วก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวทุยๆแบบเอ็นดู



“กูชอบนะ มันส์ดีออก มึงไม่ชอบเหรอ”



“...”แน่นอนว่าคนอย่างอินไม่มีทางตอบกลับมาว่าชอบที่สุดในโลกเล้ย! เด็ดขาด แม้ว่าช่องทางเบื้องร่างจะยังตอดรัดอยู่เบาๆจนส่วนนั้นของพัดใกล้จะขึ้นรูปอีกรอบแล้วก็ตาม



“ชอบป่าว บอกมาเร็ว เอางี้ กูรู้ว่ามึงชอบแต่เขิน งั้นกูให้มึงเลือกนะ ระหว่าง ข้อหนึ่ง ชอบกู ข้อสองชอบแบบเมื่อกี้ ข้อสามถูกทุกข้อ มึงเลือกไร”



.



.



เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับจากเลยหมายที่ท่านเรียก อินใช้มือแล้วก็ขาพันรอบตัวของพัดเอาไว้แล้วก็ซุกหน้าอยู่อย่างนั่นจนคนชอบแกล้งอดรนทนไม่ได้ แกล้งขยับเอวเบาๆ




“อึก...”เพราะอยู่ใกล้กันจนหายใจรดต้นคอขนาดนี้ต่อให้กลั้นเสียงให้เบาขนาดไหนยังไงพัดก็ได้ยินอยู่ดี อินนึกเจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะส่วนที่ควรจะเหี่ยวอีกสักพักของอีกฝ่ายกลับลุกสู้ขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ



ถ้าไม่ตอบคงโดนอีกหลาย...





“เออ ชอบ”





“ชอบข้อไหน”









“หนอย มึง...เออ ข้อสาม”




“!!!”








“อะ เห้ย ไม่ๆๆ กูชอบข้อหนึ่ง ไม่ดิ ไม่ข้อสอง เห้ยก็ไม่ได้อีก ย๊ากกก กูไม่ชอบโว้ยยยยย”กว่าจะรู้ตัวว่าหลุดปากตอบข้อที่คนถามไม่คิดว่าจะตอบที่สุดไปก็สายไปเสียแล้ว นายอินลนลานเงยหน้าแดงซ่านขึ้นมาส่ายหัวปฏิเสธไปมาแต่มันก็ไม่ช่วยอะไร เมื่อเขาถูกจับกดลงกับเตียงทั้งอย่างนั้น




คราวนี้ต่างจากครั้งแรกตรงที่ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมตัวอะไร ใส่พร้อมอยู่แล้ว หน้าแดงๆเปลี่ยนเป็นซีดเผือก



สงสัยว่าเขาจะคิดผิด



ลองพัดทำหน้าแบบนี้ไม่ว่าเมื่อกี้จะไม่ตอบหรือตอบอะไรก็โดนอีกหลายอยู่ดี



.



.



และแล้วเช้าวันใหม่ก็มาเยือน ใช้ความพยามยิ่งกว่าตอนมีเรื่องกับพวกช่างกล นายอัครินทร์พาตัวเองลงมากินข้าวพร้อมหน้ากับทุกคนได้อย่างแนบเนียน แม้คุณย่าจะมีถามบ้างว่าไปทำอะไรมาทำไมหน้าระโหยโรยแรงขนาดนั้นแต่ไอ้พัดก็ช่วยตอแหลให้ว่าสงสัยเมื่อคืนเปิดหน้าต่างเลยโดนน้ำค้างลง




หึ...น้ำค้างน่ะใช่...ค้างอยู่ในตัวกูถึงเช้าเลยเนี่ย!!




อินแสยะยิ้มใส่ไอ้ตัวการ หลังจากนั้นไม่นานก็โบกมือลาบ้านในสวน ก่อนอินจะขึ้นไปนอนหมดสภาพที่เบาะหลังส่วนพัดก็นั่งข้างหน้าแทน




พ่อซึ่งเอาแต่นั่งกินข้าวเงียบๆไม่พูดไม่จาอะไรจนขับรถออกไม่ได้สิบกว่านาทีแล้วเหลือบมองหน้าเด็กทั้งสองคนผ่านทางกระจกหลังเป็นอะไร




พัดที่เหมือนจะนึกเรื่องสำคัญออกเองก็ส่งยิ้มแห้งๆไปให้พ่อท่ามกลางความงุนงงของอินที่ปรือตามองพฤติกรรมประหลาดของทั้งสองจากเบาะหลัง




“อิน...”เสียงทุ้มของพ่อเอ่ยเรียก คนเป็นลูกชายก็เลิกคิ้วเชิงถาม ชายวัยกลางคนชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยคำที่ทำเอาอินแทบไหลลงไปกองอยู่ใต้ล้อรถว่า










“ผนังบ้านสวนมันบาง ถึงเราจะนอนห้องริมสุดก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อที่นอนอยู่ห้องข้างๆจะไม่ได้ยินนะลูก...”










“!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”








เครื่องหมายตกใจอีกสักล้านจุดก็คงไม่อาจบรรยายความรู้สึกของเขาตอนนี้ได้





“ไอ้พัด มึงเลย!!!”




พัดยิ้มแหยให้คนที่เรี่ยวแรงไม่มีแต่ก็ยังไม่วายก่นด่าสาปแช่งเขาสารพัด ด้านคนขับรถเองกลับหัวเราะลั่นออกมาซะอย่างนั้น
อย่างน้อยความอับอายในวันนี้ก็ทำให้รู้ว่าพ่อไม่ได้ห้ามเรื่องคบเพศเดียวกันแถมยังแอบฟัง(?)อีกต่างหาก
แบบนี้ชีวิตรักคงราบรื่นไปอีกนาน



................................................................

ปิดหน้าเขิน  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[




เวลาลงฉากแบบนี้ทีไรก็เขินทุกที  :o8: เห็นเราแต่งฉากนั้นซะ(...)นี่ตัวจริงเป็นสาวน้อยใสๆนะคะ(เชื่อกันมั้ย 555)
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่24 [05/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 05-09-2015 19:27:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่24 [05/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 05-09-2015 21:30:41
 :haun4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่24 [05/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 05-09-2015 21:36:39
มีเรื่องให้อายอีกแล้วน่ะอิน
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่24 [05/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 05-09-2015 23:47:06
คุณพ่อโดนฟังยาวทั้งคืน   :-[
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่24 [05/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 06-09-2015 00:04:30
ขอแบบนี้เยอะๆ นะนะนะนะนะนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่24 [05/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-09-2015 10:17:59
พึ่งมาอ่านจร้าาาาาาา
ฮาอินมากๆอ่ะ ทั้งความซึน และความสามาถในการมโนของนาง 5555555555
ติดตามต่อจร้า ^^
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่24 [05/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 07-09-2015 15:42:53
มาแปะไว้
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่24 [05/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 10-09-2015 17:26:56
คุณพ่อน่ารัก ยอมรับลูกเขย อิอิ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่24 [05/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 10-09-2015 19:16:41
ฮาดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่25 [12/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 12-09-2015 21:16:11




บทที่25 หยางxดีดี




หนึ่งสัปดาห์หลังจากอินกลับมาจากอยุธยา...




ร่างเล็กเจ้าของนามดีดีนั่งมองข้อความในโทรศัพท์มือถือซึ่งปรากฏชื่อผู้ส่งว่ามาจากคนรักของเขามาเกือบชั่วโมงแล้ว ใบหน้าตี๋น่ารักที่ในยามปกติจะปรากฏรอยยิ้มน่าเอ็นดูเสมอกลับฉายแววหม่นหมอง หยาดน้ำตาซึ่งไหลออกมาไม่หยุดร่วมชั่วโมงแล้วยังคงพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆไม่รู้จบ



“ทำไม...”เสียงหวานตัดพ้อแผ่วเบา



คำว่าเราเลิกกันเถอะที่เจ้าหล่อนส่งมามันทำร้ายจิตใจดวงน้อยๆนี้จนยากเกินกว่าจะตั้งสติได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง



ความเจ็บช้ำกระหน่ำเข้ามาอีกครั้งระลอกเมื่อเขาเปิดโซเชียลขึ้นมาหวังหาอย่างอื่นทำเพื่อคลายทุกข์




นอกจากเจ้าหล่อนจะยกเลิกสถานะคบกันของพวกเราออกไปแบบไม่มีใยดีแล้วยังโพสต์รูปคู่กับชายหนุ่มรูปหล่อในชุดดูดีมีราคา เจ้าของใบหน้าหล่อๆนั้นกำลังหอมแก้มอดีตแฟนสาวของเขาอยู่ ใบหน้าของทั้งคู่ดูมีความสุขดี ฉากหลังคือร้านเหล้า



ดูจากการแต่งตัวแล้วคืนนี้ทั้งคู่คงไปไหนกันต่อ



“อ้าว มึงกลับมาแล้วเหรอวะ ทำไมไม่เปิดไฟล่ะ”



ความมืดมิดภายในห้องนอนถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างจากหลอดไฟนีออน ดีดีซึ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยของรูมเมทอย่างอินเพราะเขาไม่ได้ลงเรียนคาบเย็นเอาไว้เงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของตัวเองขึ้นมาสบกับร่างสูงโปร่งซึ่งมือยังแช่อยู่ที่สวิตส์เปิดไฟด้วยความตกใจ



“เห้ย!! มึงร้องไห้ทำไมวะ”อินรีบถลาเข้ามาหาเพื่อนทันที



ร่างเล็กทำเพียงแค่เช็ดรอยน้ำตาออกจากใบหน้าแล้วก็ส่ายหัวไปมา



เห็นอาการของเพื่อนแล้วอินก็ชะงักตัวไปครู่หนึ่งเหมือนเขากำลังตัดสินใจพูดอะไรบางอย่าง ไม่นานเด็กหนุ่มก็เอ่ยข้อสันนิษฐานออกมา



“มึงเลิกกับแฟนใช่ไหม”อย่างแผ่วเบา



“ระ รู้ได้ยังไง”คนถูกแทงใจดำเบิกตากว้างตกใจ



อินเกาแก้มแล้วก็เสตามองไปทางอื่น”ขอโทษว่ะ กูมีสายอยู่คนนึง แล้วเมื่อวานนี้สายกูก็บอกว่าเจอแฟนมึงเดินนัวเนียอยู่กับผู้ชายคนอื่น ตอนแรกกูก็ยังไม่เชื่อหรอกแต่พอเห็นหน้ามึงแล้วก็พอจะเดาได้”



คำตอบของอินทำเอาคนฟังตกใจ ดีดีไม่รู้สึกตัวถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย



“แล้วสายของอินพอจะรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงเลิกกับเรา”ตัวเขาที่เป็นแฟนกันอยู่ยังจับเค้าลางไม่ได้เลยจนกระทั่งวันนี้



ถ้าจะเลิกกันดีดีก็ไม่คงไม่ไปฉุดรั้งอะไรไว้ แต่อย่างน้อยก็อยากรู้เหตุผล เขาจะได้ไม่ทำผิดอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อได้เจอกับคนที่อยากมอบหัวใจให้อีกครั้ง....เมื่อได้เจอกับคนที่จะไม่ทำร้ายกันให้เจ็บช้ำแบบนี้อีกครั้ง



เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่อยากให้เขาถูกขโมยไปแบบนี้อีก



พอคิดมาถึงจุดนี้น้ำตาก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก



“อ่า...เอ่อ...”อินทำท่าพิรุธขนาดนี้เพื่อนสนิทอย่างดีดีเลยแน่ใจว่าร่างโปร่งต้องล่วงรู้ความจริงบางอย่างแต่ยังไม่อยากให้เขารู้



“บอกมาเถอะอิน!!”



“กู...กูไม่รู๊!!”



“เสียงสูงเชียว ไม่เชื่อหรอก บอกมาเถอะ ขอร้องล่ะ อิน!!”มือเล็กตรงเข้าคว้าคอเสื้อของคนที่ได้ชื่อว่าแกร่งที่สุดในภาคแล้ว ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกเป็นแรงผลักดันให้เด็กเรียบร้อยฟิวส์ขาด



“สายกูบอกว่าเจอแฟนมึงกับผู้ชายคนนั้นตอนทั้งสองคนกำลังกินเลี้ยงฉลองที่คบกันครบสองเดือน!!”



เหมือนมีฟ้าฝ่าลงกลางห้อง ศีรษะของร่างเล็กซึ่งรู้ข่าวที่น่าตกใจโรงเครงไปมาเหมือนเรือใบกลางพายุฝน ดีดีช็อคจนเดินเหมือนตุ๊กตาไขลาน ร่างเล็กเดินไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบเอาชุดไปรเวทตัวที่หยิบง่ายออกมา ก่อนจจะจัดแจงถอดเสื้อถอนกางเกงท่ามกลางความตกใจของเพื่อนร่วมห้อง



“เห้ย!! มึงจะทำอะไร”เสียงของอินส่งไปไม่ถึงหูของดีดี คนถูกหักอกสายฟ้าแลบจัดชุดที่เพิ่งสวมเสร็จให้เข้าที่ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าตังแล้วก็กุญแจรถที่นานทีปีหนจะขับสักครั้ง



“ดีดี มึงเดี๋ยว ชิบหายแล้วไงกู พัด!!!”อินถึงกับทำอะไรไม่ถูก ร่างโปร่งกดมือถือต่อสายออกหาคนที่น่าจะช่วยอะไรได้บ้างในสถานการณ์แบบนี้ขณะสาวเท้าวิ่งตามเพื่อนที่สติหลุดไปแล้วติดๆ



“พัดมึง ออกจากห้องมาที่ลานจอดรถด่วน ดีดีแม่งช็อคจนเออเร่อไปแล้ว!!”กรอกเสียงเร่งปลายสายก่อนโผตัวเข้าไปในลิฟท์ทันแบบหวุดหวิด



ดีดีซึ่งยืนน้ำตานองหน้าทอดสายตามองแผงควบคุมชั้นอย่างเหม่อลอย อินไม่อาจเดาใจเพื่อนของตนตอนนี้ออกเลยแม้แต่น้อย เขาได้แต่ภาวนาไม่ให้เพื่อนของตัวเองถือขวดน้ำกรดไปสาดหน้าใครเข้า



ไม่นานลิฟท์ก็เปิดออก ลานจอดรถซึ่งเป็นชั้นประจำที่พัดและดีดีจะมาจับจองพื้นที่ให้รถของตัวเอง ดีดีเดินตรงไปยังรถยนต์นอกของตัวเองก่อนจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่งโดยไม่พูดไม่จาอะไร อินที่เหลียวหลังมองหาว่าพัดมาถึงหรือยังเลยต้องตัดจัดตามเข้าไปนั่ง



โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ดีดีก็ออกรถ อินเลยโทรไปบอกให้พัดขับรถตามมาทีหลัง




ปกติดีดีเป็นคนขับรถช้าจนเต่าตามตอดยางทัน แต่ครั้งนี้ตรงกันข้าม ถ้าแถวนี้มีจรวดอินเชื่อว่ามันคงถูกแซงทิ้งแบบไม่เห็นฝุ่น



“เดี๋ยว!!! มึงจะรีบไปตายที่ไหนวะ”



ไม่รู้ว่าฟ้าฝนไม่เป็นใจหรืออะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่เวลาโพล้เพล้แบบนี้รถควรจะติด แต่บังเอิญว่ามีถ่ายทอดสดฟุตบอลทีมชาติไทย ถนนที่พวกเขาใช้ตอนนี้ก็เลยโล่งเสียจนอยากจะร้องไห้



แม้ที่หมายจะอยู่แถบชานเมืองแต่ก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีทั้งคูก็มาถึง



ดีดีเดินตรงเข้าไปในร้านขณะที่อินยังคงยืนเหวออยู่ เขาแทบจะอ้วกออกมาแต่ก็ไม่มีเวลาจะอ้วก



“ร้านนี้มัน!?”



ร้านที่สองคนนั้นเช็คอินนี่!!



แฟนเก่าของดีดีและแฟนใหม่ของหล่อนเพิ่งเช็คอินที่ร้านนี้เมื่อครู่นี้เองนั่นก็หมายความว่าทั้งสองคนยังอยู่ในร้านนี้อย่างแน่นอน



“หยุด!!”ปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ ดีดีที่กำลังอารมณ์พลุ่มพล่าน เลือดขึ้นหน้าไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนนั้นนั้นตวัดสายตาเกรี้ยวกราดมองอินที่ดึงแขนของตนเอาไว้



“ปล่อย”น้ำเสียงเย็นเยียบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อินเผลอคิดไปว่าคนตรงหน้าอาจไม่ใช่ดีดีที่อินรู้จัก



แต่แม้จะข่มขู่อะไรไปมือที่จับแขนของดีดีอยู่ก็ยังไม่ยอมปล่อย



“ปล่อยสิอิน จับเราไว้ทำไม”น้ำเสียงไม่เย็นแบบเมื่อกี้แล้ว แต่คราวนี้มันฟังดูอ่อนระโหยอ้อนวอนจนเกือบใจอ่อนปล่อยเป็นอิสระ



“กูไม่ปล่อย มึงต้องใจเย็นๆก่อนนะ กูขอโทษที่ปากพล่อยบอกความจริงกับมึงไป กูขอโทษนะเพื่อน วันนี้เรากลับกันก่อนเถอะ กูขอร้องล่ะ!!”



แม้ว่าอินจะให้กู๊ดส์นำข่าวของหญิงสาวที่คบกับดีดีอยู่มาบอก แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าสายที่หามาได้แบบขอไปทีจะทำงานของตัวเองได้ดีเลิศขนาดนี้ เพราะผ่านไปไม่กี่วันหลังจากอินเคลียปัญหากับพัดเรียบร้อยแล้วพัดก็นำข้อมูลและรูปถ่ายที่กู๊ดส์ไปตามสืบมาให้พร้อมจดหมายขอบคุณจากเจ้าตัว



วินาทีแรกที่อินเห็นภาพถ่ายผู้หญิงคนนั้นกับชายอื่นเขาช็อคแทบจะล้มทั้งยืน เพื่อนเขาถูกสวมเขาโต้งๆแบบนี้ แต่เขาก็ไม่รู้จะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับดีดีอย่างไรก็เลยเอาเรื่องไปปรึกษาพัดแล้วก็ยังตกลงกันไม่ได้ เมื่อเย็นพอเห็นผู้หญิงคนนั้นโพสต์รูปคู่ก็เลยคิดแล้วว่างานเข้าแน่ๆจึงรีบกลับมา



แล้วก็เป็นดังคาด



ดีดีสติแตกไปแล้ว



ร่างเล็กสะบัดมือของอินออกแล้วก็ผลักเขาล้มก้นจ้ำเบ้า เพราะคนในร้านค่อนข้างเยอะบวกกับดีดีตัวเล็กทำให้ร่างโปร่งคลาดสายตากับเพื่อนของตัวเองไปจนได้!!



เจ้าของใบหน้าน่ารักซึ่งมักจะประดับด้วยรอยยิ้มเสมอหากแต่นาทีนี้มันเต็มไปด้วยความเศร้าและสับสน ดีดีวิ่งเข้ามาในร้านเขาเคยมากับหญิงสาวสองสามครั้งทำให้จำทางและรู้ว่าที่ที่หล่อนนั่งอยู่คือตรงไหน



“แห่กๆ”



“ดีดี!!”เสียงแหลมของร่างบางสวยของหญิงสาวซึ่งใบหน้าแต่งแต้มใบด้วยเครื่องสำอาง ดีดีทอดมองหล่อนและสามีคนใหม่ของหล่อนด้วยแววตาอาวรณ์



“ทะ...ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ เราเลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอไง!?”หยกกล่าวเสียงสั่นแต่ก็ทำใจดีสู้เสือเมื่อเธอมีพวกเป็นแฟนหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างกายทั้งคน



ดีดีจ้องมองมือหนาที่บังโอบเอวบางเอาไว้ทั้งๆที่แฟนเก่าของหล่อนกำลังยืนเดือดพล่านอยู่ต่อหน้าแท้ๆ



หยามกันชัดๆ!!



“นี่คุณ ผู้หญิงเขาบอกเลิกไปแล้ว ผู้ชายก็อย่าตอแยนักเลย มันไม่แมนนะ มาทางไหนกลับทางนั้นเถอะ”เสียงทุ้มกล่าว ร่างสูงกำยำยืดตัวขึ้นเต็มความสูงเล่นเอาคนตัวเล็กถูกข่มด้วยสรีระ



อันที่จริงแล้วดีดีเองก็ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรก่อนมาที่นี่เลย เขาแค่นั่งอยู่เฉยๆไม่ติด หัวใจมันร่ำร้องให้มาที่นี่แล้วร่างกายมันก็ขยับไปเอง...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะทำอย่างไรดี



แค่เห็นหน้าเธอก็รู้แล้วว่าเธอคงไม่ย้อนกลับมาหาเขา



ไม่สิ หัวใจของเธอไม่ได้เป็นของเขาอยู่แล้วตั้งแต่แรก



ทั้งๆที่มันน่าอาย แต่น้ำตาก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย เสียงนักร้องบนเวทีซึ่งกำลังร้องเพลงผิดจังหวะดังเข้ามาเสียดแทงโสตประสาท



มันต้องใช้น้ำตาแค่ไหนต้องร้องไห้กี่ครั้ง ให้เขาและเธอทิ้งขว้างความรักแล้วเลิกลา



ให้เธอเห็นว่ารักของผมให้เธอได้มากกว่า ต้องใช้สักกี่น้ำตาให้เธอเห็นใจ



ใครกันนะที่เลือกเพลงนี้ เดี๋ยวส่งอินไปกระทืบซะเลยนี่




“ทำไมถึงเลิกกับเราเหรอ”...ทำไมถึงเลือกเขา




“ขอโทษนะดีดี เธอ...เธอเป็นคนดีมากๆ มากจนเราอึดอัด เราขอโทษ”




อา...นี่เรา...




“เห้ยๆ มันร้องไห้ว่ะหยก เอาไงดีวะ”เมื่อเห็นหยาดน้ำตาสีไหลพรั่งพรูออกมา ชายหนุ่มร่างสูงที่เตรียมตัวจะมีเรื่องก็เลยใจหายรีบหันไปถามแฟนของตัวเองเพราะไม่อยากถูกมองว่ารังแกคนอ่อนแอกว่า



“อ่อนชิบหายเลย ร้องไห้เนี่ยนะ โหย!! ทุเรศว่ะ ฮ่ะๆๆ”



“อย่าไปหัวเราะเยาะเขาสิต้น น่าสงสารออก! ดีดี อย่าร้องนะ กลับไปเถอะ มายืนร้องไห้อยู่ตรงนี้มันน่าอายนะ”หล่อนกล่าวขณะมองซ้ายมองขวาแล้วพบสายตาของคนจำนวนมากกำลังพุ่งตรงมายังพวกเราสามคน



น่าสมเพชชะมัด...



จะมาให้ขายหน้าทำไมก็ไม่รู้...กลับดีกว่า...



มือเล็กกำจิกแน่นจนห้อเลือด แต่คนแพ้ก็ต้องหลีกทาง เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอยู่ในที่แบบนี้อีกต่อไป ดีดีก้มหน้าแล้วก็กำลังจะก้าวขาเดินออกมาจากโต๊ะอาหารของคู่รักคู่ใหม่



แต่ทว่า...



ทันใดนั้นเองก็มีมือปริศนามาโอบไหลบางอันสั่นเทาเอาไว้ กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกลอยเข้ามาในจมูกจนร่างเล็กต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
และสิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาซึ่งรื้นไปด้วยหยดน้ำก็คือชายหนุ่มรูปร่างสูง ผิวขาวละเอียด ใบหน้าหล่อเหลาออกไปทางเชื้อสายจีนแล้วก็รอยยิ้มมีเลศนัยที่ประดับอยู่บนมุมปากได้รูปสะกดให้หัวใจของคนมองสั่นวาบ



“เอ้าๆ ดูสิ รังแกเด็กน้อยที่น่ารักจนร้องไห้หมดแล้วเนี่ย”เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยด้วยแววตาเย็นเยียบเล่นเอาความกร่างของแฟนหยกหดเหลือเท่านิ้วก้อย!



ร่างเล็กถูกดึงตัวออกมาจากสถานการณ์เลวร้าย ความรู้สึกเหมือนโดนตีแสกหน้าเริ่มเจ็บน้อยลงแล้วแต่ความมึนตึบและความตกใจยังไม่คลายลงไป



อันที่จริงดีดีก็ไม่ใช่แฟนที่ดีนัก เขาเปลี่ยนแฟนมาหลายคน การเลิกกันครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกทำให้เขามีประสบการณ์ทำใจมาพอสมควร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกคบซ้อน



เรียกว่าเจ็บใจจะดีกว่าเสียใจ...



“อ่า...ขอบคุณนะครับ”แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณผู้ชายคนนี้ที่เข้ามาช่วย ร่างเล็กเอ่ยพร้อมก้มหัว ทีแรกเด็กหนุ่มกะจะเลี้ยงอาหารเขาเป็นการตอบแทนแต่เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ถูกเดินโอบไหล่พามาที่ลานจอดรถเสียแล้ว



“ไม่เป็นไรๆ”ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตกับเนคไทค์ที่ผูกแบบหลวมๆทำให้ดีดีเดาได้ว่าเขาคงเป็นพนักงานบริษัท



”ผมชื่อหยาง คุณล่ะ”



“ดีดีครับ”



“เหรอ ชื่อน่ารักจัง เหมือนหน้าตาเลย”



“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ คุณเองก็หล่อมากเหมือนกัน”



แต่เขาก็ยังเดาไม่ออกอยู่ดีว่าอีกฝ่ายพาตนมาในที่แบบนี้ทำไม แต่ก่อนจะได้คิดอะไรหยางก็หยิบกุญแจรถออกมาก่อนเดินนำไปยังรถบีเอ็มสีดำขลับ ท่าทางเพิ่งถอยออกมาได้ไม่นาน มือหนาเปิดประตูแล้วก็ผายมือให้คนอายุน้อยกว่าเดินเข้าไปในรถ



“เราเปลี่ยนร้านกันดีกว่า ผมคิดว่าคืนนี้คุณควรมีเหล้าเข้าปากสักหน่อยแต่จะอยู่ในร้านนี้ต่อคงลำบากใจใช่ไหมล่ะ”
ทั้งสีหน้าและแววตาของชายหนุ่มพราวระยับ ดีดีไม่คิดว่านี่คือความหวังดีจากคนแปลกหน้า...คิดว่าผู้ชายคนนี้คงมีเป้าหมายอะไร



บางอย่างซึ่งเขายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร



แต่ว่า...



“ครับ ขอบคุณมากครับ”



แม้จะยังไม่ได้ดื่มเหล้าสักหยดแต่คนอกหักก็เมามาย สติสัมปชัญญะถูกกดเอาไว้ใต้อารมณ์ ร่างเล็กก้าวขึ้นรถคันหรูไปด้วยความอยากลองดี



ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไปนั้นดีดีสาบานเลยว่าเห็นร่างโปร่งของอินแล้วก็พัดวิ่งตามไล่มา ทั้งสองคนตะโกนอะไรก็ไม่รู้โหวกเหวก แต่แทนที่ดีดีจะเปลี่ยนใจแล้วก็ขอตัวไปกับเพื่อน เขากลับหมดห่วงที่ไม่ได้ทิ้งอินไว้คนเดียว เดี๋ยวอินก็คงกลับคอนโดพร้อมพัด



ส่วนเขาคืนนี้คงไม่ได้กลับ...



ใช้เวลาไม่นานดีดีและผู้ชายแปลกหน้าก็เดินทางมาถึงที่หมาย ดูเหมือนชายหนุ่มจะพาเขามาเข้าเล้าจ์ของโรงแรมหรูระดับหกดาวแห่งหนึ่ง



เด็กอย่างดีดีไม่เคยเข้ามาในสถานที่แบบนี้มาก่อนเจ้าตัวเลยอดแปลกตาแปลกใจไม่ได้ ร่างสูงระบายยิ้มเอ็นดูท่าทางเหมือนเด็กๆนั้นแล้วก็โอบไหล่เล็กให้เดินตามมายังที่นั่ง



“พี่ชายเป็นเกย์เหรอครับ”เสียงใสเอ่ยถาม ใบหน้าหวานเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ฝ่ายคนถูกถามก็เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ



“ว้า...โดนจับได้ซะแล้วเหรอเนี่ย”แต่ก็พูดตอบด้วยน้ำเสียงแสร้งเป็นเสียดายแล้วก็แบบมือทั้งสองข้างออกมาเหมือนยอมแพ้ การกระทำแสนเสแสร้งทั้งหมดอยู่ในสายตาของเด็กหนุ่มที่กำลังโดนมอมเหล้า



รู้ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาช่วยแล้ว...เพราะอย่างนั้นถึงได้ตามมาง่ายดายขนาดนี้



“บางทีผมคงอยู่กับอินมากเกินไปหน่อยก็เลยติดนิสัยบ้าระห่ำมา...หึหึ”ยามยกของเหลวสีเหลืองนวลจรดริมฝีปาก ความร้อนผ่าวที่หลั่งรินลงมาตามลำคอเป็นตัวเร่งให้ความยับยั้งชั่งใจของดีดีลดลง



“ผมถูกบอกเลิกด้วยเหตุผลเดียวกันมาห้าครั้งแล้ว”



ตลอดยี่สิบปีที่เกิดมาเขาเป็นเด็กดี...ทุกคนต่างชมว่าเขานิสัยดีเหมือนชื่อ



“ถ้าเป็นคนดีแล้วต้องถูกบอกเลิกตลอดแบบนี้ จากนี้ไปผมก็จะเป็นคนไม่ดีล่ะ”แก้วเหล้าถูกวางลงบนโต๊ะเสียงดัง พอกันทีประสบการณ์เลวร้ายทั้งหมดที่ผ่านมา ที่ถูกบอกเลิกเพราะว่าแสนดี จากนี้จะไม่มีดีดีคนดีอีกแล้ว



“คืนนี้พี่ช่วยทำให้ผมเป็นเด็กไม่ดีทีสิครับ”



“หึหึ...ได้สิ...งั้นเราเลิกดื่มกันเท่านี้แล้วก็ขึ้นไปข้างบนกันดีไหม”





ถ้าหากมันช่วยลืมเลือนความโศกเศร้านี้ได้ล่ะก็...ต่อให้ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง...



ต่อให้ถูกย้อมจนเป็นสีดำหรือถูกนัยน์ตาคมส่องประกายเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายดูดกลืนจนหายไป



“ด้วยความยินดีเลยครับ”



แสงไฟระยิบระยับของกรุงเทพตรึงในสายตา กระจกใสกว้างในห้องโรงแรมหรูในยามค่ำคืนนั้นแสนโรแมนติค หากแต่ร่างเล็กเจ้าของสีหน้าเรียบเฉยราวกับตรอมใจอยู่นั้นกลับไม่ได้ซึมซับบรรยากาศเหล่านั้นแม้แต่น้อย ดีดีในชุดคลุมอาบน้ำยืนเกาะกระจกอยู่อย่างนั้น รอคอยใครอีกคนซึ่งชำระร่างกายอยู่ในห้องน้ำ   



ใบหน้าหวานผินหันมามองห้องสวีทสุดหรูในค่ำคืนนี้ด้วยรอยยิ้มเยาะตัวเอง



บ้าบอที่สุดเลยเรา...   



จะมาถอยเอาตอนนี้คงไม่ทันแล้ว แต่หัวใจที่พยาพยามกดให้สงบมาตลอดกลับเต้นตัวราวกับจะร้องเตือนว่าเขาไม่ควรทำแบบนี้



“วิวสวยไหม หืม?”ฉับพลันคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำก็เอ่ยถามเขาด้วยรอยยิ้มละไม



“ครับ”เสียงตอบกลับของดีดีนั้นเบาโหวง



 ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีดำขลับในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวส่งยิ้มให้และเดินเข้ามาโอบเอวบางจากด้านหลัง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหูช่วยให้เลือดลมในตัวของคนอกหักสูบฉีด 



ริมฝีปากของหยางก้มลมคลอเคลียแถวใบหูก่อนมือแกร่งจะจับใบหน้าเนียนใสให้เอนไปทางตนก่อนจะจรดจุมพิตที่แก้มชวนให้หัวใจเต้นโครมคราม ก็ไม่ใช่ว่ารังเกียจหรืออะไร แต่สำนึกผิดชอบชั่วดีมันกลับทำงานขึ้นมาอีกครั้ง



ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับชายแปลกหน้า....แบบนี้ดีแล้วเหรอ



ถามใจตัวเองดูขณะถูกช้อนอุ้มไปวางบนเตียง   



“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็ดีเองนะ”มือแกร่งลูบหัวของคนอ่อนวัยกว่าอย่างปลอบปะโลมพร้อมมอบจุมพิตแสนหวานชวนเคลิบเคลิ้มให้



“คืนนี้ฉันจะกล่อมให้เธอหลับสบายและอบอุ่นในอ้อมแขนของฉันเองนะเด็กดี”



“อืม...แต่ผมไม่อยากเป็นเด็กดีนะ...อา...ฮ... อ๊า.....”       



เสียงหวานหลุดรอดจากริมฝีปากของร่างใต้อาณัติบนเตียงใหญ่สีขาวนวล  ริมฝีปากของหยางแนบสัมผัสไปทั่วผิวกายสีขาวนวลเนียนอย่างอ่อนโยน จนอุณหภูมิในร่างกายของผู้ถูกกระทำยิ่งพุ่งขึ้นสูงเรื่อยๆ   



เสื้อผ้าถูกปลดออกไปอย่างรวดเร็วและเชี่ยวชาญ



ความร้อนอุ่นวาบเข้าครอบครองส่วนรวมความรู้สึกแสนอ่อนไหวใจกลางลำตัว ร่างทั้งร่างกระตุกเกร็งด้วยความเขินอาย     



“ดะ เดี๋ยว!!”มือบางออกแรงดันไหล่กว้างของชายหนุ่มออก  มือใหญ่ซึ่งกำลังจะเลื่อนไปหยิบเจลหล่อลื่นชะงักค้าง หยางขมวดคิ้วพิจารณาร่างเล็กซึ่งสั่นเทาเหมือนกระต่ายที่เปียกฝน



 “กลัวเหรอ...หืม?”เสียงทุ้มกระซิบข้างหู หยางทิ้งตัวลงนอนข้างร่างกายเปล่าเปลือยของดีดีแล้วก็กระชับอ้อมกอดเหมือนกำลังปลอบใจเด็กน้อย



“ก็ยังเป็นเด็กดีอยู่นี่”



สิ้นคำดีดีก็ปล่อยโฮออกมาอีกรอบ เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกอย่างแท้จริง เกือบพลาดพลั้งทำเรื่องไม่เป็นเรื่องไปแล้ว นึกกลัวว่าถ้าขอหยุดกลางคันอีกฝ่ายจะยอมแต่โดยดีไหมแต่พอหยางยกมือขึ้นลูบผมนุ่มแผ่วเบาเด็กหนุ่มก็รู้สึกวางใจ



และแล้วค่ำคืนนี้ก็ผ่านพ้นไปโดยที่ดีดียังคงเป็นเด็กดีอยู่เหมือนเดิม เด็กหนุ่มใส่เสื้อที่อีกฝ่ายเพิ่งถอดออกไปหยกๆแล้วก็หันไปพูดขอบคุณร่างสูงซึ่งจุดบุหรี่สูบแล้วก็เอนกายพิงหัวเตียงมองการกระทำของตนอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย



“ขอบคุณนะครับ”




“หึ ขอบคุณเรื่องอะไร...ที่ฉันพาเธอมาเลี้ยงเหล้าหรือให้นอนในโรงแรมหรูล่ะ”หยางยิ้มอย่างไม่ยี่หระ ภายใต้ดวงตาซึ่งไม่แสดงความเสียดายหรือแปลกใจออกมาเลยนั้นทำให้ดีดีอดสงสัยไม่ได้



หรือว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้...?



จะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไรล่ะเนอะ...



..............................................................................


ความกาวนี่มัน 5555+

เรื่องนี้ใกล้จบเต็มแก่แล้ว ยังไงก็ขอให้อยู่ด้วยกันอย่างนี้จนถึงที่สุดนะคะ

 :man1: :man1: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่25 [12/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 12-09-2015 22:15:34
 :haun4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่25 [12/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 12-09-2015 22:20:00
อ่นะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่25 [12/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 12-09-2015 22:37:00
อร๊ายย
พี่หยางนี่อะไรยังไงง
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่25 [12/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 13-09-2015 11:02:05
สงสารดีดี
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่25 [12/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-09-2015 01:04:28
ดีนะที่พี่หยางยังไม่เปิดซิงดีดีน่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่26 [21/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 21-09-2015 17:55:04



บทที่ 26



ในฐานะเกมส์เมอร์แล้ว อินถือว่าเป็นยอดฝีมือในระดับแนวหน้า แน่นอนว่าเขาชอบเล่นเกมส์ออฟไลน์ในเครื่องคอมพิวเตอร์มากกว่าเล่นเกมส์ออนไลน์กับพวกเกรียนแตกในอินเตอร์เน็ต และวันนี้อินจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ นั่นคือการเล่มกมส์ในเครื่อง PS



หลังจากเขาอยู่ดูแลเพื่อนที่อกหักจนละเลยพัดไปเสียสนิท เมื่อบ่ายเจ้าตัวที่อยู่ห้องข้างๆกันแท้ๆแต่กลับไม่ได้เจอหน้ากันมาอาทิตย์กว่าก็อดรนทนไม่ได้ ทักแชทมาชวนอินให้ไปเล่นเกมส์ที่ห้องคืนนี้



แต่ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่ามันคงไม่จบที่การเล่นเกมส์เท่านั้นหรอก




อินถอนหายใจพรืดใหญ่พลางนึกถึงดีกรีความหื่นของเพื่อนบ้านที่ขนาดผู้ชายด้วยกันอย่างอินยังต้องยกธงขาว พลางทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว เขาและดีดีเองก็กลับมาถึงคอนโดนานแล้ว อีกทั้งพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดราชการ



ช่างเป็นวันที่เหมาะกับการทำกิจกรรมยามดึกเสียจริงๆ



“คืนนี้อินจะไปเล่นเกมส์ห้องพัดเหรอ”ดีดีถามได้ถูกจุด เล่นเอาคนที่กำลังคิดไม่ตกสะดุ้งโหยง



อินส่งยิ้มแห้งไปให้เพื่อนตัวเองเมื่อความจริงแล้วการเล่นเกมส์ที่ว่าก็เป็นแค่ข้ออ้างบังหน้าเท่านั้น”อ่า...อืม”



ความคิดโง่ๆอย่างการชวนดีดีไปด้วยเป็นไม้กันหมาไม่มีทางหลุดออกมาจากปากของอินที่รู้จักผู้ชายจอมเนียนอย่างพัดเด็ดขาด ลองชวนดีดีไปดูสิคนข้างห้องไม่ใช้ทางใดก็ทางหนึ่งส่งเพื่อนของเขากับห้องมาแน่ๆและคืนนี้คงสาหัสกว่าปกติแน่ๆ



“ไปนะ”พอคิดว่ายังไงก็โดน แถมตัวเองก็ใช่ว่าจะไม่ชอบ อินเลยสลัดความฟุ้งซ่านออกไปพร้อมโบกมือลาดีดี



ใช้เวลาเดินไม่ถึงสิบวิร่างโปร่งก็มาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของพัด และใช้เวลาไม่ถึงสิบวิหลังกดออดเจ้าของห้องก็ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน



“มาเร็วจัง”



“เออ กูว่าง”อินแสร้งทำเป็นไม่เห็นใบหน้าแฝงความนัยของอีกฝ่ายแล้วก็ตีหน้าเข้มเสียงแข็งเดินเข้าห้องไป



“งั้นคืนนี้ก็อยู่ได้ทั้งคืนเลยใช่มั้ย”แต่ก็ยังไม่วายโดนแหย่



“มึงก็รู้อยู่แก่ใจ”ร่างโปร่งตอบปัดก่อนจะนั่งแหมะบนโซฟา สองมือถือจอยเกมส์ตั้งท่าพร้อมรบเต็มที่ รอยยิ้มท้าทายถูกจุดขึ้นบนริมฝีปาก อินยักคิ้วให้อีกฝ่ายก่อนจะกล่าวท้าด้วยสีหน้ามั่นใจ







“แข่งกับกูป่าว ใครชนะคืนนี้รุก”





พัดขมวดคิ้วกับสาสน์ท้ารบนั่น ถึงแม้อินจะเป็นพวกปล่อยไก่และท่าดีทีเหลวตลอดก็ตาม แต่คราวนี้พกความมั่นใจมาจากบ้านเต็มเปี่ยมท่าทางจะเชื่อฝีมือเล่นเกมส์ของตัวเองไม่หยอก



ร่างสูงช่างใจอยู่ครู่ใหญ่ พัดมองเข้าไปในแววตาพราวระยับของอินแล้วก็เริ่มหวั่นเกรง ฉับพลันเจ้ากระตายน้อยเมลิคก็กระโดดไปอยู่ในอ้อมแขนของวายร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ อินยิ่งฉีกยิ้มชั่วร้ายเมื่อมีกระต่ายหน้าโง่โผเข้ามารับบทเป็นตัวประกันถึงที่



“ว่าไงไอ้น้อง ถ้าไม่อยากให้ไอ้หน้าขนนี่ตายก็ยอมรับคำท้าซะ!!”ประหนึ่งตัวร้ายที่จับนางเอกเป็นตัวประกัน คนเป็นพระเอกได้แต่พยักหน้าอย่างจนตรอก



พัดคว้าจอยเกมส์อีกอันขึ้นมาพร้อมเลือกเกมส์ที่คิดว่าถนัดที่สุด



หน้าจอฉายฉากเริ่มเกมส์ อินขมวดคิ้วอย่างขัดใจเมื่อพบว่าเกมส์ที่เล่นมีฉากหลังเป็นสุสานแถมด้วยตัวซอมบี้ที่เดินไปมา พวกเขาเลือกเล่นโหมดดวลตัวต่อตัวแทนที่จะเล่นหมวดเนื้อเรื่องที่ต้องร่วมมือกัน



“มึงโกง”อินแหวใส่เจ้าของเกมส์



“มึงโกงก่อน”ด้านพัดเองก็ไม่อ่อนข้อให้



ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก!!



เป๊งงงงงง



เสียงระฆังเริ่มเกมส์ดังขึ้น ตัวละครของทั้งสองพุ่งกระโจนเข้าโรมรันกันทันที ปล่อยพลังทุกอย่างที่มีออกมา



“ฮึ่มมมม...เอาใหม่ตาเมื่อกี้แค่ซ้อม”คนที่เพิ่งเคยเล่นอย่างอินจะแพ้ก็ไม่แปลก ร่างโปร่งรีบท้วงหาความยุติธรรมขึ้นมาทันที พัดเองที่มั่นใจว่าเล่นในสนามนี้จะได้เปรียบแถมตอนนี้ก็ยังไม่มืดก็เลยยอมตกลง



“ก็ได้ งั้นเราซ้อมกันสักสามตาก่อน จากนั้นค่อยเอาจริง”



ว่าแล้วการต่อสู้ก็ดำเนินต่อไปอีกจนกระทั่ง...



K.O.



เสียงนักพากษ์เกมส์ดังขึ้นผู้ชนะชูมือขึ้นมาด้วยความดีใจราวกับชนะถ้วยฟุตบอลโลกมาก็มิปาน ส่วนผู้พ่ายแพ้ปล่อยจอยเกมส์ล่วงจากมือด้วยความช็อค



อินเล่นเกมส์โคตรเก่ง!!!



พัดไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนก็เลยยอมให้ซ้อมมือถึงสามตา แต่ยิ่งเล่นอินยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกที่เขาได้เปรียบอยู่ดีๆ หลังๆกลายเป็นเขาเสียเปรียบซะอย่างนั้น



“วะฮ่าๆๆๆๆ มึงพลาดแล้วพัด มึงแพ้แล้ววววว มึงแพ้ ฮ่าๆๆๆ”



ไหนจะเสียงหัวเราะบาดหัวใจนี่อีก อินไม่เคยปราณีใคร คนล้มอินไม่เคยข้ามแล้วไม่เคยเหยียบซ้ำ อย่างนายอินทร์คนนี้มันต้องกระทืบให้จมดิน!!



“ยืนเลยยืน ไปนอนกันเถอะ หึหึหึ”



อินส่งมือให้ร่างสูงเป็นหลักดึงตัวขึ้นยืนเพราะเขาคิดว่าสมองของพัดตอนนี้คงไม่ทำงานแล้ว เป็นไงล่ะมึงชอบหื่นใส่กูดีนัก วันนี้เจอเอาคืนถึงกับตาเหลือกเลย เขาคว้ามือแกร่งเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงแค่นึดเดียวคนตัวสูงกว่าก็ปลิวตามเข้ามาในห้องนอนอย่างว่าง่าย



อินจงใจประกาศกติกาอย่างชัดเจนว่าใครชนะได้เป็นรุกเพราะขืนตั้งกติกาว่าใครชนะอยู่ข้างบนแล้วอินเป็นฝ่ายชนะพัดต้องมามุกให้เขาออนท็อปแบบเมื่อเร็วๆนี้แหง แค่คิดก็ขาสั่นแล้วเรื่องอะไรจะยอม!!



“มึงนอนลงตรงนี้”ร่างโปร่งจัดแจงหมอนให้เข้าที่ก่อนจะชี้ให้พัดที่ยืนสีหน้าเรียบเฉยลงไปนอน



เขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็นลูกผู้ชายพอจะไม่กลับคำของตัวเองถึงได้มั่นใจขนาดนี้ อินสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด รวมรวบพลังลมปราณมองคนที่ยอมลงไปนอนโดยไม่ทักท้วงอะไรสักคำ...พอได้เวลาอันสมควรก็คลานขึ้นไปคร่อมอีกฝ่าย สบสายตากันอยู่พักใหญ่ก่อนมือหนาจะเหนี่ยวรั้งท้ายทอยของคนที่เอาแต่จดๆจ้องๆให้ลงมาทาบทับริมฝีปาก



คนเสียเชิงตั้งแต่ยังไม่เริ่มกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจแต่เมื่อลิ้นอุ่นสอดแทรกกลีบปากเข้ามาอินก็เผลอเผยอปากต้อนรับตามสัญชาตญาณ



“อืมมม...”ทั้งที่ประกาศตนว่าจะเป็นรุกแท้ๆกลับส่งเสียงพึงพอใจยามถูกจาบจ้วงไปทั้วทั้งปาก ใบหน้าหล่อคมขึ้นสีแดงจัดด้วยความอับอายแต่เป็นโชคดีที่อีกฝ่ายซึ่งยังคลอเคลียอยู่กับริมฝีปากของเขาไม่เห็นเข้า และต่อให้พัดทำท่าจะผละออกมาอินก็เป็นฝ่ายรั้งเอาไว้



ทำให้จูบครั้งนี้เนิ่มนานกว่าครั้งไหนๆ



“ว่าไงคนเก่ง ทีนี้จะเอายังไงต่อล่ะ”



ไม่รู้ว่าพัดจงใจใช้คำว่า‘เอา’หรือไม่แต่ไอ้คนฟังที่อุตส่าห์เลิกอับอายไปแล้วรอบหนึ่งแทบจะกระโดดลงไปซุกหัวอยู่ใต้เตียง
ยอดกระบี่ประดาบกันครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าฝ่ายใดวรยุทธ์เหนือกว่า...การจูบก็เช่นกัน



“มึงเลววววว มึงโกงงงงงง”ถึงจะไม่ได้คาดหวังผลลัพท์ว่าตัวเองจะได้รุกจริงๆตั้งแต่แรกก็เถอะ แต่พอโดนตอกย้ำซึ่งๆหน้าแบบนี้เป็นใครก็ต้องอาย และพออายแล้วก็เริ่มอาละวาด ขาขาวๆออกแรงถีบเบาะๆใส่หน้าท้องแกร่ง เอาแค่ให้อีกฝ่ายถอยออกไปไกลๆก็พอ



แต่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปเหมือนพวกขายประกัน



“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอไง”พัดตั้งหลักกระโจนเข้ามารวบตัวคนเกเรก่อนจะแผลงฤทธิ์อะไรอีกไว้แน่น กดลงกับเตียง ฝังหน้ากับซอกคอแล้วก็เริ่มถกเสื้อ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนอินได้แต่อ้าปากเหวอ



จากนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา



“ฮ่าๆๆๆๆ คนอย่างมึงนี่มัน...”พูดได้เท่านั้นปากก็โดนิดลงอีกครั้ง แต่คราวนี้อินไม่มีท่าทีขัดขืนแล้วก็ไม่มีท่าทีไม่พอใจหรือจ้องจะเป็นฝ่ายรุกเหมือนอย่างที่พูดไว้ตอนแรกแม้แต่น้อย



นั่นก็เพราะอินก็แค่เล่นเกมส์ เล่นเกมส์กับเพื่อนมันต้องมีการพนันขันต่อ เล่นเกมส์กับคนรักเองก็เช่นกัน และของเดิมพันคงหนีไม่พ้นเรื่องบนเตียง



แต่ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ จะเล่นกับเพื่อนหรือแฟนอินก็ไม่คิดจะเอาจริงอยู่แล้ว...ที่เสนอเดิมพันแบบนั้นไปก็แค่...ความปากพล่อยเท่านั้น



และแล้วค่ำคืนอันยาวนานก็เริ่มต้นขึ้น จนกระทั่งครึ่งทางอินถึงได้รู้ซึ้งว่าตนควรจะเดิมพันจริงๆ เพราะมันสาหัสเหลือเกิน...




แสงแดดเหน่งๆของประเทศไทยเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้คนที่นอนอยู่ด้านติดระเบียงรู้สึกตัว อินที่ยังเรียกสติกลับมาไม่
เต็มที่นักพยามดึงผ้านวมขึ้นมาปิดหน้า แต่เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วความปวดหนึบๆด้านหลังก็ทำให้นอนต่อไม่หลับ



“อืออออออ”เสียงทุ้มครางฮืมในลำคออย่างหงุดหงิด พลิกตัวไปมาหวังว่าจะเจอท่าที่สบายตัวแต่ก็เท่านั้น



หลังจากกลิ้งอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงอินก็ลืมตาสู้แสง ร่างโปร่งค่อยๆยันตัวฝืนความเมื่อยล้าลุกขึ้นแล้วเดินกระโผลกกะเผลกไปยังห้องน้ำล้างหน้าล้างตาจากนั้นก็ใส่เสื้อผ้าให้พอเรียบร้อยจากนั้นก็เดินสลึมสลือออกมานั่งแปะบนโซฟา



พัดยังไม่ตื่น อินเองก็ไม่อยากออกไปโดยไม่บอกกล่าวเขาก็เลยเลือกมานั่งดูทีวีเรื่องเล่าเช้าวันเสาร์รอ



ออดดดดด



ระหว่างที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่นั้นเอง เสียงออดที่อินชอบมากดแกล้งเจ้าของห้องบ่อยๆก็ดังขึ้น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น มองเวลาแล้วก็แค่เก้าโมงกว่า ใครกันนะที่มาหาไอ้พัดถึงห้องในเวลาแบบนี้



ปกติไม่มีเด็กมหาลัยคนไหนตื่นเช้ากันหรอกถ้าไม่มีเรียน(มีเรียนยังไม่อยากจะตื่น)สงสัยคงมีเรื่องด่วน



อินคิดว่าคนมาหาเป็นเพื่อนเพราะรู้ว่าบ้านพัดอยู่เชียงใหม่และเจ้าตัวเองก็เพิ่งกลับบ้านมาเมื่อปิดเทอม พ่อแม่คงไม่คิดถึงลูกชายที่โตเป็นความถึงขึ้นบนมาลงสุวรรณภูมิแล้วเบิ่งรถแท็กซี่มาหาหรอก



อินเชื่อแบบนั้นเลยเดินไปเปิดประตู...



โดยไม่ทันคิดว่าพ่อแม่เองก็สามารถมี’เรื่องด่วน’ที่ต้องรีบมาหาลูกชายเช่นกัน



ร่างโปร่งเดินแบบไม่สบายนักไปยังประตู ส่องตาแมวแบบส่งๆเลยไม่เห็นอะไรแล้วจึงเปิดประตูออก



ตรงหน้าของเขาคือหญิงวัยกลางคนรูปร่างมีเนื้อนิดๆแต่ไม่ถึงกับอ้วน สวมชุดที่ดูดีจึงไม่น่าเป็นแม่บ้านมาทำความสะอาดหรือคนส่งของ เธอคนนั้นเองก็มองอินด้วยสีหน้าแปลกใจเช่นกัน



“ขอโทษนะคะ ที่นี่ใช่ห้องของพัดรึป่าว”เธอถามอย่างนั้นอินก็เลยพยักหน้าไปตามความจริง แล้วพอได้คำตอบทั้งสองคนก็ยิ่งมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจหนักขึ้นไปอีก



   ใครวะ...



................................................................................................

เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปเร็วหลือเกิน จะสอบกลางภาคอีกแล้วค่ะ Y_______Y

ถึงเหล่าเด็กมัธทยมที่ใกล้สอบปลายภาคและเด็กมหาลัยที่ใกล้สอบกลางภาค

คนแต่งขอลายตายสัก 1-2 สัปดาห์นะคะ

ทุกคนก็ตั้งใจอ่านหนังสือกันด้วยนะ  :a5:

 :heaven :heaven :heaven

หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่26 [21/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 21-09-2015 20:14:46
ว้ายๆ อินเจอพ่อแม่สามีซะแล้ว

จะดราม่ามั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่26 [21/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 21-09-2015 21:04:06
อยากดราม่าน้ำตาเล็ดจุง
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่26 [21/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 22-09-2015 08:01:27
 :mew5:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่26 [21/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-09-2015 08:09:01
อ้าวววววว อินเจอแม่สามีแบบไม่ตั้งใจซะแร้นนน
ทำไงล่ะทีเนี้ย 55555
ปล. ลานานจุง TT ตั้งใจอ่านหนังสือสอบนะคะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่26 [21/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-09-2015 10:42:19
แม่สามีมาแบบกะทันหันอินจะทำยังไงล่ะทีนี้
ว่าแต่แม่สามีจะยอมรับได้ไหมล่ะเนี่ยที่พัดหาลูกสะใภ้ไร้นมให้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่26 [21/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-09-2015 23:57:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่26 [21/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 27-09-2015 00:26:23
 :katai4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่26 [21/09/58]
เริ่มหัวข้อโดย: YJoum ที่ 01-10-2015 11:37:58
สนุกมากจ้าา  :katai4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่27 [09/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 09-10-2015 19:50:02




   บทที่27




   แขกแปลกหน้าที่มีเยือนห้องของพัดในช่วงสายของวันหยุดยาวถูกอินเชิญให้นั่งพักตรงโซฟาท่ามกลางความงุนงงของทั้งสองฝ่าย ด้านหญิงวัยกลางคนดูเหมือนจะปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้เลย แต่ด้านนายอินนั้นพอจะเห็นเค้าลางบางอย่าง...เค้าลางแห่งหายนะ



   ผู้หญิงคนนี้คือแม่ของไอ้พัด



   ไม่รู้ว่าโชคร้ายที่อินดันตื่นขึ้นมาก่อน จึงต้องรับหน้าไปเต็มๆหรือโชคดีที่คุณแม่ไม่ต้องมาเห็นภาพลูกชายนอนก่ายอยู่กับผู้ชายด้วยกัน อินฉีกยิ้มเป็นมิตรและทำตัวสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยการนำน้ำและของว่างมาเสริฟก่อนจะพาตัวเองเผ่นเข้าห้องนอนไปด้วยใจกระวนกระวาย



   “เดี๋ยวผมปลุกพัดให้นะครับ”หญิงวัยกลางคนพยักหน้ารับ เธอคงเข้าใจว่าเขาเป็นเพื่อนของลูกชายเลยทำท่าทางเอ็นดู



   ทันทีที่ปิดประตูห้องนอน นัยน์ตาสีดำคมปราดก็จ้องทะลุใบหน้าของคนเพิ่งตื่นนอนซึ่งส่งยิ้มไม่รู้เรื่องรู้ราวมาให้ อินถลึงตาใส่รอยยิ้มนั้นก่อนตรงเข้าไปคว้ากองเสื้อบนพื้นยัดใส่มือเจ้าของห้องแล้วกำชับเสียงเข้มว่า



   “ใช่เวลามายิ้มมั้ยมึง งานเข้าแบบชิบหายแล้วเนี่ย แม่มึงมา!!”นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังประตูเชื่อมกับห้องนั่งเล่น”นั่งงงว่ากูเป็นใครอยู่นอกห้องโน่น! ไปเคลียร์ด่วนเลยมึง”สิ้นคำพัดก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ร่างสูงใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดประตูออกไป
เผชิญหน้ากับมารดาที่มาผิดเวลา



   “มะ...แม่...”เสียงทุ้มเอ่ยทักคนบนโซฟา พัดค่อยๆเดินไปหาแม่ของตนด้วยความฉงน



   “ตื่นแล้วเหรอลูก”



   “ครับ ว่าแต่แม่มาทำไมเหรอ”



   “ตายจริงถามซะเย็นชาเชียว คนเป็นแม่จะมาเยี่ยมลูกชายต้องทำหนังสือขออนุญาตก่อนรึไง”เท่าที่พัดเคยเล่าให้ฟัง อินรู้แค่ว่าแม่ของมันชื่อรัตติกาล อาศัยอยู่ที่เชียงใหม่กับพ่อและน้องชายและประกอบธุรกิจส่งออกไวน์องุ่นทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างให้มันเท่าไหร่ การที่คุณรัตติกาลคนนี้เดินทางมาถึงกรุงเทพแสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญ



   ทั้งสองคนหันมาสบตากันด้วยความหวาดหวั่น



   “เราชื่ออะไรจ๊ะ”แต่แทนที่หล่อนจะเปิดประเด็นเรื่องธุระสำคัญเธอกลับหันมาชวนอินคุยเสียนี่ เล่นเอาคนมีชนักติดหลังถึงกับสะดุ้งโหยง จากเดิมที่นั่งไม่ค่อยสบายตัวอยู่แล้วตอนนี้กลายเป็นนั่งแทบไม่ติดไปเลย



   “ผมชื่ออินครับ!!”ถ้าโดนถามว่าเป็นอะไรกับพัดต้องแย่แน่ๆ



   “หล่อจังเลย เป็นเพื่อนของตาพัดเหรอจ๊ะ”นั่นไง ชัดเลย!! อินเหลือบสายตาขอคำปรึกษากับคนข้างกาย จะให้เขาตอบว่าใช่ครับ เป็นเพื่อนกันก็ได้อยู่หรอกแต่ถ้าพัดเกิดน้อยใจหรือมันดันไม่อยากโกหกแม่ขึ้นมาจะซวยเอา



   และที่ซวยยิ่งกว่าคือถ้าบอกไปแล้วแม่มันเกิดรับไม่ได้ขึ้นมา



   อินเชื่อว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่คงทำใจไม่ได้ที่ลูกชายซึ่งชอบผู้หญิงมาทั้งชีวิตเปิดตัวว่าคบกับผู้ชาย ขนาดคนใจกว้างอย่างพ่อของเขายังออกอาการปลงตกซะมากกว่ายอมรับเลย



   หลังจากแน่นิ่งมองตากันเสมือนทั้งห้องมีกันแค่สองคนอยู่ชั่วอึดใจ พัดก็ส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบ ดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มฉายแววรู้สึกผิด แต่อินก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะตอบความจริงออกไปอยู่แล้วจึงคลี่รอยยิ้มอ่อนกลับไป



   “ครับ ผมอยู่กับเพื่อนที่ห้องข้างๆนี่แหละ เมื่อคืนแวะมาเล่นเกมส์กับไอ้พัดจนดึกเลยนอนต่อที่นี่เลย”



   “เหรอลูก ดีจังเลยที่พัดสนิทกับเพื่อนบ้านแบบนี้ ตอนแรกแม่เองก็เป็นห่วงกลัวว่าเขาอยู่คนเดียวแล้วจะเหงา นี่ก็เลิกกับแฟนคนล่าสุดมาเป็นปีๆแล้วมีอินมาเล่นด้วยค่อยอุ่นใจหน่อย”ในสายตาของตนเป็นแม่ยังไงซะลูกก็ดูเด็กเสมอ คุณรัตติกาลพูดด้วยความ
อ่อนโยน ความห่วงใยนั้นทำให้คนหนุ่มสองคนต้องหลบสายตาด้วยความละอายใจ



   หลายๆในคำพูดนั้นมันบาดหัวใจ



   “ว่าแต่วันนี้แม่มีเรื่องด่วนอะไรเหรอครับ”พัดรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อทำลายบรรยากาศอึดอัดแปลกๆที่เข้ามาปกคลุมวงสนทนา เจ้าตัวเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็วสมฉายาจอมเนียนที่อินมอบให้



   “อ๋อ...ลูกชายคุณศรีลูกค้าเก่าแกของเราเขาจะแต่งงาน แม่ก็เลยต้องมาร่วมแสดงความยินดี ตอนแรกก็จะให้ตาพัดไปแทนให้อยู่หรอกแต่คิดว่าคงไม่ได้เรื่องเมื่อคืนโทรหาตั้งหลายสายก็ไม่รับ แม่เลยต้องจองตั๋วเครื่องบินด่วนมานี่แหละจ่ะ”



   คำว่าเมื่อคืนโทรมาหลายสายแต่ไม่มีใครรับพุ่งเข้าปักกลางใจดำของอิน ลมหายใจของเด็กหนุ่มขาดห้วง



   ไม่รู้ว่าจะโดนจี้ใจดำอีกสักกี่ประโยค เกือบสิบนาทีที่มานั่งคุยกับสองแม่ลูกเล่นเอาอินหน้าชาไปครึ่งแถบก่อนจะหาทางหนีกลับห้องดีดีด้วยคำขอตัวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า”ผมขอตัวกลับห้องก่อนดีกว่า เชิญแม่ลูกคุยกันตามสบายเลยนะครับ”จากนั้นร่างโปร่งก็รีบเผ่นออกจากห้องด้วยความเร็วแสง



   “โอยยยย ไมเกรนขึ้น”เสียงห้าวบ่นกระปอดกระแปดเมื่อปิดประตูห้องของเพื่อนสนิทอย่างดีดีเขาก็เอาตัวพิงกรอบประตูแล้วก็ทุบหัวตัวเองเบาๆท่ามกลางสายตางุนงงของดีดีที่เพิ่งตื่นขึ้นมานั่งดูอนิเมพอดี



   “เกิดอะไรขึ้นเหรออิน”



   “แม่ไอ้พัดมา”อินตอบไปตามตรงก่อนจะเปิดตู้เย็นรินน้ำดื่มอึกใหญ่ ด้านดีดีก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อไม่รู้เป็นเพราะเห็นบรรยากาศมาคุรอบๆตัวของอินหรือเป็นเพราะกำลังดูอนิเมเพลินๆเลยไม่สนใจสิ่งอื่นๆแต่ก็นับเป็นการดี



   “กูอาบน้ำแป๊ปนะ ใครมาหาบอกว่ากูออกไปข้างนอกแล้ว”พัดยิ่งเดาใจยากอยู่ เกิดมันอารมณ์แปรปรวนอยากแนะนำให้แม่กับแฟนสนิทกันขึ้นมาแล้วมาตามถึงห้องคงแย่เพราะเท่าที่พูดคุยกันเมื่อครู่คุณรัตติกาลดูจะรักและคาดหวังในตัวลูกชายคนโตคนนี้
มาก



   เธอเป็นแม่ที่ดี เขาจึงไม่อยากทำให้แม่ต้องผิดหวัง...แม้ว่านั่นจะไม่ใช่แม่ของเขาก็ตาม



   “แล้วทำไมกูต้องไปสนใจแม่ชาวบ้านขนาดนี้ด้วยวะเนี่ย”



   ก๊อกๆ



   บ่นยังไม่ทันขาดคำก็มีคนมาเคาะประตูห้องน้ำ อินขมวดคิ้วมุ่น



   “มีไรวะ”หรือดีดีจะปวดขี้กะทันหันอั้นไม่ไหวแล้ว อินคิดหาความเป็นไปได้ต่างต่างนานาทว่าเสียงน้ำจากฝักบัวก็ดังกลบเสียงตอบรับจากด้านนอกจนหมด ร่างโปร่งที่ล้างสบู่เสร็จพอดีจึงคว้าผ้าขนหนูมาพันเอวไว้และเปิดประตูห้องน้ำออก...



   ดวงตาคู่คมเบิกโพลงด้วยความตกตลึง



   ภาพที่สะท้อนอยู่ในนัยน์ตาสีดำขลับของอินก็คือ!!



   คือ!!



   คุณรัตติกาล!!



   ด้านหญิงวัยกลางคนเองก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ เธอยกมือขึ้นทาบอกแล้วก็อุทานเบาๆไม่ได้ศัพท์ ทั้งคู่ไม่มีท่าทีว่าจะดึงสติกลับมาได้เลยเดือดร้อนพัดที่แอบช็อคกับเหตุการณ์ดังกล่าวต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย



   มือแกร่งดันอกขาวๆของอินให้ถอยกลับเข้าไปในห้องน้ำก่อนกระซิบเสียงแผ่วว่า”ใส่เสื้อผ้าซะ”ด้วยใบหน้าตึงเครียดก่อนจะปิดประตูลง



   ประตูสีขาวของห้องน้ำเพียงห้องเดียวภายในห้องชุดของดีดีซึ่งอินคุ้นเคยกำลังหมุนไปหมุนมาตามความช็อคของสมอง นายอัครินทร์ตอนนี้สะกดคำว่าสติไม่เป็นอีกต่อไปเมื่อเขาเหลือบตาไปมองทางกระจก



   สีหน้าหนักใจของพัดก่อนบานประตูจะปิดลงเขายังจำได้ขึ้นใจ



   และรอยแดงๆตามตัวที่สะท้อนอยู่ในกระจกเองก็ขึ้นสมองของอินไปแล้วเช่นกัน



   ชิบหาย!!



   นี่ไม่ใช่เวลามาสนใจว่าแม่ของพัดมาเคาะห้องน้ำในห้องชาวบ้านทำไมแล้ว



   ประเด็นรอยพวกนี้!! รอยที่เกิดขึ้นใหม่ๆนี่!!



   คุณรัตติกาลคงไม่โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่ามันคือรอยที่เกิดจากอะไร...และเธอคงเฉลียวฉลาดพอจะเดาได้ว่าใครเป็นคนทำ...



   ก็ในเมื่อคนที่อินอยู่ด้วยเมื่อคืนคือพัด



   “ออกไปบอกว่าเป็นฝีมือดีดีเขาจะเชื่อมั้ยเนี่ย”



...............................................................................................

รวมรวบแรงเฮือกสุดท้ายสลัดกองหนังสืออกมาแต่งให้ค่ะ :katai4: :katai4:

ขออภัยที่ชอบหายไปนานๆนะคะ TT^TT



ยังไงก็แวะไปทวงหรือเสนอแนะติเตียนได้ในเพจเสมอเลยนะคะ

https://www.facebook.com/nikkouseries
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่27 [09/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-10-2015 20:02:16
งานเข้า แต่ไม่รู้จะเข้าแบบดีหรือแบบร้าย

ให้ทำข้อสอบได้ดั่งที่หวังตั้งใจนะ :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่27 [09/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 09-10-2015 20:52:40
รออินเสมออออออน้าา
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่27 [09/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 09-10-2015 21:38:25
ฝีมือดีดีเลยเหรอออ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่27 [09/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 09-10-2015 21:41:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่28 [18/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 18-10-2015 21:06:36
บทที่28 คนสองคน


   ขณะที่กำลังขับรถไปตามเส้นทางที่คุ้นชินจิตใจของคนขับอย่างพัดกลับไม่ได้จดจ่ออยู่กับถนนหรือกระทั่งพวงมาลัยแม้แต่น้อย



   ตอนนี้เขากำลังสติแตก



   เมื่อครู่หลังจากแม่ของเขาชวนให้ออกไปหาซื้อของแสดงความยินดีสำหรับพิธีแต่งงานที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆนี่ เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าควรจะหาของกินอร่อยๆติดไม้ติดมือมาฝากเพื่อนบ้านของลูกชายด้วยจึงไปหาอินที่ห้อง...และเหตุการณ์ที่โคตรจะเลวร้ายก็เกิดขึ้น
   


        เขาแทบจะเป็นลมแทนคนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวคนนั้น และอยากเป็นลมแทนแม่ของตัวเองที่ตาถลนจ้องมองร่องรอยที่เขาเป็นคนฝากเอาไว้บนเรือนร่างของอินเมื่อคืน



   หลังจากนั้นแม่ก็เดินหน้าตึงออกมาจากห้องของอิน...และไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีกเลย



   “ถึงแล้วครับ...แม่”เสียงทุ้มกล่าวพลางทอดมองคนที่เบือนหน้าออกไปทางหน้าต่างด้วยความหวาดกลัว



   พัดรู้จักแม่ของตัวเองดี



   ที่เงียบแบบนี้ไม่ใช่เพราะโกรธ แต่กำลังเสียใจ



   ที่เงียบแบบนี้ไม่ใช่เพราะไม่อยากพูดด้วย แต่สิ่งที่ต้องการจะพูดนั้นมีแต่จะทำร้ายลูกชายอย่างเขา...เลยเลือกที่จะเงียบ



   “แม่...”เมื่อไม่มีการตอบรับใดๆจากคนข้างกาย พัดจึงดับเครื่องยนต์แล้วเอื้อมมือไปคว้าไหล่ของผู้หญิงที่ตนรักที่สุดในชีวิตเอาไว้”ผมขอโทษ” ไหล่นั้นกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงสั่นเครือเอื้อนเอ่ยคำขอโทษ ก่อนผู้เป็นแม่จะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถและก้าวเดินลงไป



   “แม่ เดี๋ยว! รอผมด้วย แม่!!”เขาไม่รู้ว่าช่วงเวลานี้ควรพูดอะไร แม้ว่าสิ่งที่ทำจะใช่ไม่ความผิดแต่ยามเห็นสีหน้าแบบนั้นของแม่ตัวเองแล้วความรู้สึกผิดกลับกดทับจนเจ็บปวด พัดกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหญิงวัยกลางคนที่สาวเท้ายาวๆราวกับพยามเดินหนีจากลูกชาย...และความจริงของลูกชายที่เพิ่งรับรู้



   “แม่ ผมขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ!!”ร่างสูงใจหายกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะร้องเรียกหรือวิ่งตามไปเดินข้างๆกันแม่ก็ยังทำเหมือนเขาเป็นธาตุอากาศ ภายในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าที่ปราศจากผู้คนหรือกระทั่งเสียงรบกวนใดๆแห่งนี้ แต่เสียงของเขาก็ส่งไปไม่ถึง



คุณรัตติกาลหยุดเดิน เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพลางปรายตามองใบหน้าเศร้าหมองของลูกชายคนโต



   “พัดไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แม่ไม่ได้โกรธเราหรือเกลียดอินแต่ขอแม่อยู่คนเดียวก่อนนะลูก แม่ยังไม่พร้อมจะรู้อะไรเกี่ยวกับเราตอนนี้...”



    “แต่ว่า...”



   “ถือว่าแม่ขอร้อง...กลับไปเถอะ”



   .



   .



   “เกิดอะไรขึ้นเหรออิน ทำไมแม่ของพัดถึงเดินหน้างถมึงทึงออกไปอย่างนั้นล่ะ...เราไม่ได้ทำอะไรผิดไปใช่มั้ย”ดีดีถามเพื่อนของตัวเองที่นอนก่ายหน้าผากท่าทางเคร่งเครียดอยู่บนโซฟาตัวยาวในขณะที่เจ้าของห้องอย่างเขาต้องนั่งกระจ๋องอยู่บนพื้นมองซ้ายมองขวาหาทางออกของปัญหาที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืออะไร



   อินเลือกที่จะตอบคำถามของเพื่อนด้วยความเงียบ...ไม่สิ ความจริงแล้วมันจุกเหมือนโดนอัดหน้าเลยพูดอะไรไม่ออกซะมากกว่า



   เขานอนหมดแรงอยู่ตรงนี้มาได้เกือบชั่วโมงแล้ว ดีดีเองก็นั่งถามด้วยความกระวนกระวายอยู่อย่างนี้ตลอดหนึ่งชั่วโมงเช่นกัน ทั้งเครียดทั้งสงสารเพื่อนแต่ตอนนี้เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงกระทั่งพูดอะไรแล้ว อินเกลียดความกลัวเพราะความหวาดกลัวจะทำให้เขาอ่อนแอ



   เขากำลังกลัวที่จะเผชิญหน้ากับพัด



   “มึงคิดว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคนมั้ยวะ”ในที่สุดก็มีคำพูดหลุดลอยออกมาจากริมฝีปากของอิน เขาเอ่ยถามเพื่อนสนิทในขณะที่สายตาเหม่อลอยมองเพดานห้องจนดูเหมือนกำลังถามตัวเองเสียมากกว่า แต่ถึงกระนั้นดีดีก็ตอบกลับคำถามของอิน



   “ความรักก็ต้องเป็นเรื่องของคนสองคนสิ ถ้ามีสามคนก็เป็นรักสามเส้า”



   คำตอบนั้นเรียกเสียงของเราะเบาๆจากคนกำลังจมอยู่ในภวังค์ ดีดีก็ยังคงเป็นดีดีผู้อ่อนต่อโลกคนเดิม อินคลี่ยิ้มอ่อนแรงขณะยังไม่ละสายตาจากเพดานราวกับว่าที่ตรงนั้นมีอะไรน่ามองหนักหนา



   “ผิดแล้ว...ความรักอาจจะเกิดจากคนสองคนจริงๆ แต่มันไม่ได้เป็นเรื่องของคนสองคนหรอกนะ”



   ความคิดฟุ้งซ่านในหัวได้ข้อสรุปว่าเมื่อเขาและพัดเจอหน้ากันอีกครั้ง...พวกเราจะเลิกกัน



   ออดดดดดๆๆๆๆๆๆๆ



   ฉับพลันเสียงออดก็ดังขึ้น ดีดีขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจว่าใครมาหาเอาป่านนี้แต่ด้านอินนั้นหัวใจร่วงลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มแล้วเมื่อเขารู้ดีว่าผู้มาเยือนคนนี้คือใคร



   “เดี๋ยวกูไปเปิดเอง”เสียงห้าวติดจะแหบพร่ากล่าวอาสา ร่างโปร่งค่อยๆยันกายขึ้นจากโซฟาด้วยความหน่วงใจก่อนจะเดินตรงไปยังประตู มือเรียวแตะลูกบิดค้างนิ่งอยู่พักใหญ่ทำให้คนด้านนอกยังคงกดออดต่อเนื่องไม่หยุดสร้างความรำคานใจแก่คนขี้โมโหอย่างอิน



   “โว้ยยยย คนกำลังทำใจจะกดเหี้ยไรนักหนา!!?”ด้วยความโกรธอินเลยลืมตัวเปิดประตูออกไปด่าคนน่ารำคานด้านนอก ในขณะที่คนน่ารำคานได้แต่ผงะอย่างตกใจ



   พัดกระพริบตาปริบๆมองร่างโปร่งเจ้าของใบหน้าบูดบึ้งตรงหน้า เขารีบบึ่งรถกลับมาที่นี่เพราะคิดว่าอินน่าจะกำลังดราม่าเคล้าน้ำตาอยู่ลำพังแต่ดูจากท่าทางปิดประตูและเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกมาจากห้องและตรงปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อของเขาพร้อมกล่าวเสียงเข้มว่า



   “มาคุยกันหน่อยดิ๊”



   ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนดราม่าเคล้าน้ำตารอให้ตนมาปลอบสักนิด



   อินออกแรงดึงคอเสื้อของพัดให้ก้าวตามตัวเองอย่างทุลักทุเลไปยังลิฟท์ นิ้วเรียวจิ้มชั้นที่มีสวนหย่อมของคอนโดก่อนจะปล่อยมือจากคอเสื้อของอีกฝ่ายแล้วก็ทิ้งตัวพิงผนังลิฟท์และถอนหายใจเฮือกใหญ่



   อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าอินไม่ชอบให้ใครมาเห็นว่าอ่อนแอ โดยเฉพาะกับพัดในเวลาแบบนี้...เขาต้องทำเป็นเข้มแข็งเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ



   ใช้เวลาไม่นานประตูลิฟท์ก็เปิดออก อินเดินนำออกมาที่สวนหย่อนใจซึ่งทางคอนโดจัดไว้ให้ลูกบ้าน ในวันแบบนี้ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่นั่นเป็นเรื่องดีสำหรับทั้งสองคนที่ต้องการคุยเรื่องส่วนตัวกันในที่สาธารณะ



   ร่างโปร่งจัดแจงนั่งลงตรงม้านั่งและตบที่ว่างข้างตัวให้พัดมานั่งข้างๆกันก่อนจะเอ่ยถามเรื่องสำคัญ”แม่มึงล่ะ”



   “ซื้อของอยู่ เขาบอกให้กูกลับมาก่อน”



   “โดนแม่ทิ้งเหรอ”



   “เปล่า แม่แค่ช็อคเลยอยากอยู่คนเดียว”



   “เหรอ...”อินลากเสียงยาว โคลงเคลงหัวไปมาเพื่อรวบรวมความกล้าพูดประโยคถัดมา



   “เราจะเลิกกันมั้ย”ก่อนที่พัดจะมาอินใช้เวลาเตรียมใจสำหรับการถามคำถามนี้ออกไปกว่าหนึ่งชั่วโมง แต่เขาไม่ได้เตรียมใจมาเผื่อในส่วนของคำตอบทั้งสองมือจึงสั่นเทาตามแรงเต้นของหัวใจซึ่งรัวลั่นยิ่งกว่ากลองรบ



   “ไม่เลิก”พร้อมกับคำตอบจากพัด”ยังไงก็ไม่เลิก”



   “แล้วแม่มึงล่ะ”เพราะอยู่บนตึกสูงลมี่พัดมาเลยค่อนข้างแรง อินหลับตาแล้วก็เอามือขึ้นมาปัดเศษใบไม้ทั้งๆที่มันยังสั่นไม่หยุด



   “...”



.............................................................................

อะแฮ่มๆ

ไหนๆเนื้อเรื่องก็ดำเนินมาถึงจุดพีค(?)แล้ว นักเขียนเลยขอแจ้งข่าวให้ทุกคนทราบกันหน่อย 5555

เรื่องของเรื่องก็คือลูกชายของเรา(อีกสักพัก)จะได้ออกเป็นรูปเล่มกันแล้ว  :mc4: :mc4:


 (http://www.mx7.com/i/c04/5QTOyd.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yFB5DGYtwgQKtSNo)


กับสำนักพิมพ์หนึ่งเดียวนะคะ :pig4: :pig4: :pig4:

https://www.facebook.com/NuengdiaoHouse?fref=ts
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่28 [18/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 18-10-2015 23:05:33
 :mc4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่28 [18/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 18-10-2015 23:44:18
เริ่มยุ่งเหยิงละ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่28 [18/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 19-10-2015 18:23:04
 :really2:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่28 [18/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 19-10-2015 18:38:10
ห๊ะ ตัดชึ๊บ!  :hao5:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่28 [18/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 25-10-2015 16:56:53



บทที่29 ทั้งคู่
   


ตกค่ำของวันนั้นทั้งพัดและอินต่างก็นั่งรอคุณรัตติกาลอยู่ในห้องของพัดด้วยความกระวนกระวาย เข็มนาทีของนาฬิกาขยับไปเรื่อยๆพร้อมกับความร้อนรนของเด็กหนุ่งสองคนที่เพิ่มเป็นเท่าทวีเมื่อคนที่ควรจะกลับมาเพื่อแต่งตัวออกไปร่วมงานเลี้ยงกลับไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวแม้แต่น้อย



   อินลุกขึ้นเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น เขาไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวของคนอื่นต้องแตกแยก แต่ก็ไม่อยากเลิกกับพัดเหมือนกัน



   “อ๊ากกกกกกกกกกก”เลยได้แต่กรีดร้องเหมือนเด็กโดนครูตี พัดมองตามสีหน้าร้อนใจของอินแล้วก็หลุดขำออกมาอย่างอดไม่ได้



   “หึหึ”



   เสียงหัวเราะที่ว่าลอยเข้าหูร่างโปร่งเข้าเต็มๆ”มันใช่เวลามาหัวเราะมั้ยเนี่ย!! แม่มึงยังไม่กลับมาเลยนี่ก็ดึกแล้วด้วยนะ ไม่เป็นห่วยเรอะ!!”



   “แม่กูไม่ใช่เด็กสามขวบ เขาไม่หลงทางหรอกน่า...”



   “โว้ยยยย กูเครียดแทนแม่มึงเลยมีลูกอย่างมึงเนี่ย!! โทรหาใหม่ซิ!!”ตั้งแต่พระอาทิตย์ใกล้ตกดินอินก็มาหาพัดที่ห้องเพราะได้รับข้อความว่าคุณรัตติกาลยังไม่กลับมาสักที เขาสั่งให้พัดโทรตามแม่ตัวเองมาได้หลายสิบสายแล้วแต่ปลายทางก็ไม่มีทีท่าว่าจะรับ ตอนแรกอินตั้งใจจะไปหาที่ห้างด้วยซ้ำแต่พัดก็ห้ามไว้ก่อนเพราะเขารู้จักแม่ของตัวเองดี



   “ไม่รับ”



   อินทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง



   “แม่มึงไปไหนเนี่ย กูไม่อยากให้ครอบครัวมึงมีปัญหาเพราะงั้นถึงได้เครียดขนาดนี้มึงก็ช่วยเครียดเป็นเพื่อนกูหน่อย นั่งชิวเกินไปแล้ว”



   “ไม่ต้องเครียดลูก แม่กลับมาแล้ว”



   “ก็แล้วไป ปล่อยให้เป็นห่วงตั้งนาน เห้ยยยย!!!”เหมือนพระเจ้าเล่นตลก อินที่หันหลังให้ประตูพอดีเลยไม่เห็นว่ามีคนเข้ามาเลยตอบกลับไปเหมือนเล่นกับเพื่อน รู้ตัวอีกทีสมองก็ประมวลผลออกมาว่าเจ้าของเสียงเมื่อครู่เป็นผู้หญิงและผู้หญิงคนนั้นก็คือคุณรัตติกาล!!!



   ร่างโปร่งกระโดดโหยงยืนตัวตรงถอยหลังชิดกำแพงอย่างคนมีชนักติดหลัง อินเหลือกตาขอความช่วยเหลือโดยด่วนจากพัดเมื่อสังเกตุเห็นสีหน้าหม่นๆของคนมีอายุ



   “กลับมาช้าขนาดนี้จะไปงานทันเหรอแม่ ให้ผมไปส่งมั้ย”



   คุณรัตติกาลหันไปคลี่ยิ้มบางให้ลูกชาย”ก็ดีลูก แม่ใช้เวลาเลือกชุดนานไปหน่อย ไม่รู้ว่าอินใสไซส์ไหนเลยซื้อมาเผื่อสองตัว เอาไปลองสิลูก”



   “เหอ!?”ในขณะที่ผู้ใหญ่กำลังจัดแจงคว้าเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับน้ำตาลอ่อนออกมาจากถุงกระดาษแปะยี่ห้อแบรนด์เนม เด็กสองคนร้องขมวดคิ้วมองหน้ากันไปมาด้วยความงุนงง



   “อ่ะนี่ สองตัวนี้ของอิน เอาไปลองดูก่อนตัวไหนพอดีก็ใส่ออกมาเลยนะลูก ไปงานแต่งด้วยกันทั้งสามคนเลยนะ”



   “หง่า.....ครับ”



   .



   .



   ภายในรถแท็กซี่ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังโรงแรมใจกลางเมืองอันเป็นสถานที่จัดงาน สองแม่ลูกนั่งด้านหลังส่วนอินที่นั่งข้างคนขับก็เหลือบมองกระจกหลังเป็นระยะๆ



   ดูจากท่าทีแล้วคุณรัตติกาลคงยังทำใจไม่ได้แต่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่แถมเป็นเจ้าของกิจการเธอเลยระงับสติอารมณ์และรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันได้ดีกว่าคุณแม่ทั่วๆไป จากการคาดเดาของพัด มันบอกเขาว่าแม่คงอยากจะรู้จักกับแฟนของลูกชายเลยให้ไปด้วยกัน



   ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี



   แต่คุณรัตติกาลคงมีเวลาอยู่กรุงเทพถึงแค่พรุ่งนี้เธอเลยเลือกมาเผชิญหน้ากับอินทั้งๆที่ยังไม่เปิดใจยอมรับการคบหากันระหว่างผู้ชายเช่นนี้ เมื่อคิดถึงจุดนี้อินรู้สึกนับถือความเข้มแข็งและใจกว้างของแม่คนนี้มาก



   “ที่นี่ใช่มั้ยครับ”อินหันไปถามคนที่นั่งอยู่ด้านหลังด้วยความประหม่า รถแท็กซี่เลี้ยวเข้าไปในตัวโรงแรมก่อนคณะเดินทางทั้งสามคนจะก้าวลงจากรถ พวกเขามาสายกว่าเวลาเริ่มงานค่อนข้างมากคุณรัตติกาลจึงไม่รอช้ารีบเดินนำเข้าไปด้านใน



   ตัวงานจัดในห้องจัดงานของโรงแรม รอบด้านประดับด้วยดอกกุหลาบและดอกลิลลี่สีขาวเมื่อรวมกับโคมไฟและวอลเปเปอร์สีขาวนวบไสตล์คลาสสิคแล้วยิ่งดูดีมีระดับสมกับเป็นงานแต่งของเจ้าของธุรกิจใหญ่



   “พวกลูกก็ไปหาที่นั่งรอแม่ก่อน เดี๋ยวแม่จะไปแสดงความยินดี”ดูเหมือนว่าพิธีการต่างๆจะสิ้นสุดไปหมดแล้ว ที่เหลือตอนนี้ก็แค่นั่งกินของฟรีเท่านั้น คล้อยหลังคุณรัตติกาลอินทีทนเรียบร้อยมานานสองนานก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากตาเป็นประกายมองอาหารหน้าตาน่าอร่อยบนโต๊ะซึ่งมีโต๊ะว่างอยู่หลายโต๊ะเพราะเจ้าของงานถือคติเหลือดีกว่าขาด



   “ไปนั่งเร็วกูหิวแย่แล้วเนี่ย”สองหนุ่มไม่รอช้ารีบจับจองที่นั่ง   



   “ไอ้นี่อร่อยดีว่ะ มึงกินดิ”ทันทีที่อาหารคำแรกเข้าปากอินก็ต้องตาโตเพราะรสชาติของมัน เขามีน้ำใจตักมันใส่จานของคนข้างๆด้วย



   พัดระบายยิ้มมุมปากกับการเอาใจใส่เล็กๆน้อยนั้น จากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดใดระหว่างกันอีกเลยเพราะต่างคนต่างก็ก้มหน้าก้มตาฟาดอาหารกันอย่างหิวโหยสืบเนื่องมาจากช่วงกลางวันที่กังวลจนกินอะไรไม่ค่อยลง



   “ค่อยๆกินก็ได้ลูก ไม่มีคนมาแย่งหรอก”เนื่องจากโต๊ะดังกล่าวนั่งได้ประมาณแปดคน อาหารก็ถูกจัดมาสำหรับคนแปดคนแต่เด็กหนุ่มสองคนกลับฟาดไปเกือบครึ่งโต๊ะแล้วเล่นเอาคุณรัตติกาลที่เพิ่งกลับมาที่โต๊ะพูดแหย่ด้วยความทึ่ง



   เธอนั่งลงข้างลูกชายตัวเองที่จัดแจงส่งช้อนส้อมไปให้แล้วก็ทานอาหารเงียบๆ ท่ามกลางงานรื่นเริง มีหนึ่งครอบครัวเกิดขึ้นใหม่จากการแต่งงานและมีหนึ่งครอบครัวกำลังเผชิญปัญหาใหญ่ กับข้าวอร่อยน้อยลงทันทีที่บุคคลที่สามมานั่งร่วมโต๊ะ แม้เสียงเพลงรักหวานชื่นในตัวงานก็ไม่ช่วยอะไร



   อินค่อยๆรวบช้อนส้อมพลางเอนหลังพิงพนัก



   “อิ่มแล้วเหรออิน”



   “ครับ”



   บทสนทนาแสนสั้นจบลง พัดที่นั่งตรงกลางเหลือบตามองสีหน้ากระอักกระอ่วนของสองคนที่นั่งขนาบข้างตนแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ



   “แม่ครับ...ผมกับอินเป็นแฟนกันครับ”ถึงแม่จะรู้อยู่แล้วก็เถอะ แต่เขายังไม่ได้สารภาพอย่างเป็นทางการเลยนี่นะ



   อินอยากจะตบกะโหลกพัดข้อหาพูดจาไม่ดูทิศทางลมแต่พอเห็นคุณรัตติกาลเงยหน้าขึ้นมาสบตากับตนนิ่งแล้วก็ได้แต่นั่งหลังตรง



   “แม่รู้แล้ว...”เธอผ่อนลมหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน...เหนื่อยที่ใจหนักหนากว่าเหนื่อยที่กาย”แต่แม่ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดกับพวกเราจากตรงไหนก่อนดี...อินเห็นงานนี้มั้ยลูก”



   “หะ...เห็นครับ เห็นชัดเลย”ไม่รู้ว่าคุณรัตติกาลตั้งใจจะสื่ออะไรอินเลยได้แต่รับคำด้วยความฉงน ใบหน้าที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาว่ากำลังงงอยู่นั้นเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนอายุมากกว่าได้ คุณรัตติกาลหัวเราะในลำคอก่อนจะหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบ



    “พอคิดว่าลูกชายคนโตของแม่อาจไม่มีโอกาสได้จัดงานแบบนี้...แม่ก็รู้สึกใจหายขึ้นมา”เธอเอนตัวพิงพนักก่อนทอดสายตามองไปรอบๆงาน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของคนผ่านกาลเวลามานานกว่าสะท้อนภาพของงานรื่นรมย์ งานที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้แก่ชีวิตคู่



   “ทั้งเรื่องที่ว่าจะเข้ากับเจ้าสาวของลูกชายได้มั้ย เธอคนนั้นจะดูแลลูกชายของแม่ได้ดีเท่าแม่หรือเปล่า หรือพอแต่งงานไปแล้วแม่จะยังเป็นผู้หญิงที่เขารักที่สุดอยู่อีกมั้ย...อินรู้รึป่าวลูก...ว่าแม่ทุกคนต่างก็กังวลถึงสิ่เหล่านี้ทั้งนั้นแต่ทั้งๆที่กลัวแต่ก็เฝ้ารอวันที่ได้จัดงานแต่งงานให้ลูก...”



   ถ้อยคำเหล่านั้นบาดลึกหัวใจของคนฟัง อินค่อยๆเบือนหน้าหนีไปอีกทางด้วยความรู้สึกผิด ตามจริงแล้วเขาอยากจะลุกหนีออกจากสถานการณ์แบบนี้ไปเสีย หนีไปไกลๆไม่อยากรับรู้อะไรอีก แต่ก็ติดตรงที่ถ้าหากเขาหนีไปตอนนี้ล่ะก็คงไม่มีโอกาสได้เจอกับพัดอีกแล้ว



   ฉับพลันมืออุ่นๆของคนที่กำลังคิดถึงก็เอื้อมมากอบกุมฝ่ามือของอินไว้ พัดพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงว่า...กูอยู่ตรงนี้นะ...



   “ผมขอโทษ”อินกล่าวเสียงเจื่อน



   “ไม่ต้องขอโทษแม่หรอกลูก...อินไม่ได้ทำอะไรผิด”ปลายเสียงของคนพูดสั่นเครือ แม้อินจะไม่ได้สบตากับเธออยู่แต่ก็พอจะเดาได้ว่าดวงตาคู่นั้นคงเต็มตื้นไปด้วยหยดน้ำ



   “แม่ก็แค่...ใจหาย...แค่ใจหายเท่านั้น แต่ตอนนี้แม่ยอมรับมันได้แล้ว อาจจะไม่ทั้งหมดแต่พอได้มาอยู่ในงานแต่งงานนี้แม่ก็เข้าใจ...ดูพวกเขาสิ วันนี้เป็นวันแต่งงานแท้ๆแต่ก็ยังต้องต้อนรับแขกที่เป็นลูกค้า แล้วก็ต้องทนฟังคนพวกนั้นพ่นเรื่องธุรกิจและปรามาศว่าชีวิตคู่ของตัวเองมาถึงจุดนี้ได้เพราะเงิน...ทั้งที่ควรจะโกรธแต่ก็ยิ้มรับทุกคำพูด...”



   “แม่...”พัดใช้มือข้างที่ว่างปาดน้ำตาซึ่งไหลอาบสองแก้มของแม่ตนอย่างแช่มช้า



   “เป็นงานแต่งงานที่ชวนหดหู่ แต่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย...นั่นเพราะพวกเขารักกัน...ไม่ว่าใครจะพูดหรือทำอะไรก็เอาความสุขไปจากพวกเขาไม่ได้...อินกับพัดก็เหมือนกันใช่มั้ยลูก”



   “ครับ/ครับแม่”



แม้คำตอบที่พวกเราตอบกลับไปจะแสนเบาจนบางทีอาจจะถูกเสียงพิธีกรบนเวทีซึ่งกำลังเปิดภาพคู่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวดังกลบไป แต่พอได้สบตากับคุณรัตติกาลอินก็เชื่อว่าคงรับรู้ถึงความจริงใจในคำพูดนั้นแล้ว



.



.



   ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน ณ สนามบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย พัดและอินยืนส่งคุณรัตติกาลที่บทจะมาก็มาทำให้ใจหายกันเป็นแถว แต่พอบทจะไปก็ไปเสียดื้อๆ งานยังไม่ทันเลิกดีเธอก็บอกกับลูกชายของตัวเองว่าจะต้องกลับเชียงใหม่แล้วเล่นเอาเด็กหนุ่มสองคนวิ่งออกมาเรียกแท็กซี่ให้แทบไม่ทัน



   “แม่มึงเกือบตกเครื่องแล้วไง”อินกล่าวกลั้วขำยามนึกภาพหญิงวัยกลางคนวิ่งหอบของพะรุงพะรังไปขึ้นเครื่อง



   “แม่กูน่ารักใช่มั้ยล่ะ”



   “เออ”



   “!?”พัดเลิกคิ้วอย่างแปลกใจทันทีที่ได้ยินคำตอบรับของอิน



   “ทำหน้าเหมือนเห็นผี”



   “ก็กูไม่นึกว่ามึงจะยอมรับตรงๆว่าแม่กูน่ารัก”



   “น่ารักกว่าแม่กูเยอะก็แล้วกัน เหอะๆ”ยามนึกถึงคุณแม่ขาโหดของตัวเองแล้วก็อยากจะร้องไห้” ถ้าแม่กูใจดีพูดอะไรเข้าใจง่ายได้สักครึ่งนึงของแม่มึงล่ะก็ป่านนี้พาไปเปิดตัวที่บ้านนานแล้ว”



   “ให้กูช่วยพูดสิ”พัดเอ่ยกระเซ้า



   “พอเถอะกูไม่อยากตายพร้อมมึง”



   “พูดซะยังกับแม่ตัวเองเป็นยักษ์มารอย่างนั้นแหละ”



   “ก็เป็นน่ะสิ ขี้หงุดหงิด พูดจามะนาวไม่มีน้ำ ชอบตวาด มีหนัก ตีนหนัก แถมยัง-“



   “ที่พูดมานั่นเหมือนมึงทุกข้อเลย”อินยังไม่ทันสารทยายความโหดร้ายของแม่ตัวเองเสร็จก็ถูกขัดคอขึ้นกลางปล้อง แถมไม่ใช่แค่ขัดอย่างเดียวพัดยังยอกย้อนกลับไปด้วยเล่นเอาคนโดนหาว่าดุเหมือนแม่โกรธจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ



   “เห้ยยย ไอ้เชี่ยนี่ หาเรื่องแล้วไง!! ว่ากูเหมือนใครนะ!? จะเอาเหรอ!?”



   “ฮ่าๆๆๆๆๆ ใครจะกล้าหือที่รักกันล่ะครับ”



   “ไอ้พัด...ไอ้เหี้ยยยยยย”คนขี้โวยวายก็ได้แต่แหกปากโวยวายด้วยใบหน้าแดงก่ำเหมือนลูกตำลึงสุด ด้านคนช่างแหย่พอยั่วยุเสร็จแล้วก็เดินตัวปลิวหัวเราะร่าเริงหรือฝ่ามือที่ระดมทุบตีแก้เขินของอีกฝ่าย



   แล้วอย่างนี้ยังจะปฏิเสธอีกเหรอว่าไม่เหมือนแม่...





หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่28 [18/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 25-10-2015 19:31:13
สนุกจังเลยครับ
อินเหมือนแม่มากเกินไปนี่เอง เลยทะเลาะกันเรื่อย
อยากให้เข้าใจกันเร็วๆ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่ตอนจบ [26/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 26-10-2015 21:52:42
จบแล้วนะคะ เมื่อวานคนเขียนมาลงแบบเมากาวสุดๆเลยขออภัยด้วยค่ะ

ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามจนจบนะคะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่ตอนจบ [26/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 26-10-2015 23:18:11
จบแล้วหรอเนี่ย ขอให้มีตอนพิเศษเยอะๆ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่ตอนจบ [26/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 26-10-2015 23:20:18
อ่าจบแล้วหรอ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่ตอนจบ [26/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ศตรัศมี ที่ 27-10-2015 12:44:37
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ แต่ว่าอยาหอานตอนพิเศษ ดีดี&หยาง อ่ะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่ตอนจบ [26/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-10-2015 14:42:20
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่ตอนจบ [26/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 27-10-2015 16:30:49
 :pig4:  :pig4: ขอบคุณนะคะ นิยายสนุกมากค่ะ ชอบอินมากๆ 55
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....บทที่ตอนจบ [26/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 27-10-2015 20:29:21
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....ตอนจบ [26/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 27-10-2015 21:01:11
 :sad4: จบละ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....ตอนจบ [26/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 27-10-2015 22:44:03
คือตัดจบแบบงงๆ????
หรือถ้าอยากอ่านต่อ ต้องไปซื้อหนังสือ???
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....ตอนจบ [26/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-10-2015 22:46:20
จบแล้วจริงเหรอคะ ไม่มีบทสรุปหรือทิ้งท้ายอะไรหน่อยเหรอ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 28-10-2015 20:57:52
โอยยยยย จบแล้วหรอเนี้ยยยยย
กำลังสนุกเลอออออ
ขอตอนพิเศษเยอะๆนะค่ะ รู้สึกยังไม่เคลียร์อยู่นิดหน่อย :mew2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 30-10-2015 05:44:35
จบแบบไม่ทันตั้งตัวเลย ขอบคุณนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 16-11-2015 20:39:36
 o22 o22
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: meadthat ที่ 17-11-2015 20:56:03
จบแบบงงๆนะครับ แต่สนุกมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: xxxibee ที่ 18-11-2015 00:52:25
อ่านเพลินมากเลยย  o13
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 23-11-2015 13:57:47
สนุกครับ อินนี่ฮามาก รั่ว ๆ มึน ๆ พัดก็น่ารัก

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 07-12-2015 21:31:45
 :laugh:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: witchhound ที่ 08-12-2015 04:08:23
อ่าว จบแล้วเหรอเนี่ย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: archaeoloable ที่ 12-12-2015 16:55:52
 :impress2:  สนุกน่ารัก ฮามากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 14-12-2015 11:30:26
เรื่องราวสนุกสนานมาตลอด อ่านไปขำไป แต่มาตายเอาตอนจบจริงๆ คือจบไปแบบงงๆ เหมือนอยากจบก็จบ จริงๆมันควรจะมีบทส่งท้ายสักนิดนะ  แล้วทำไมชื่อเรื่องว่ามนต์รักข่าวมันไก่หละ ทั้งๆที่กล่าวถึงข้าวมันไก่อยู่จึ๋งนึง โอ้ยยยยยงง ถ้าจะกรุณาคุณผู้เขียนช่วยมาขยายความให้มันจบแบบจบบริบูรณ์หน่อยเถอะไม่เอาค้างคาแบบนี้


 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 20-12-2015 23:11:15
สนุกดีคร่าาาา
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
ติดตามต่อปายคร่าาาาา
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 22-12-2015 17:45:35
คือคนโพสนิยายกับคนเขียนคือคนละคนเปล่าครับ
อ่านมาตั้งแต่ต้นคือสนุกมาก จนถึงตอนสุดท้าย
ที่บอกว่าจบ คือจากที่อ่านมาไม่น่าใช่ตอนจบนะครับ (ถึงจะบอกว่าจบแล้วก็เถอะ)

บทสรุปไรก็ไม่มี แล้วตอนล่าสุดก็ไม่น่าใช่ตอนจบของนิยายเรื่องนึงนะ
ถ้านึกจะจบก็บอกจบแบบนี้ คือแย่มาก..


หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 24-12-2015 23:54:53
สนุกมากค่ะ กรี๊ดอ่ะพัดแอบหื่น หุหุหุ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 01-01-2016 01:10:53
1. จบห้วนไปน้า อารมณ์เหมือนไม่อยากเขียนต่อแล้ว เลยหักจบดื้อๆ
2. ข้าวมันไก่มีผลอะไรกับเนื้อเรื่อง??? งง
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: jjaryo ที่ 19-01-2016 21:57:07
สนุกมากๆเลยค่ะ ติดตามอ่านจนจบ  :hao5:
ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆนะคะ  :katai2-1:
แอบชอบผู้ชายแบบอินนะ มันดูน่ารักแรงอะ  :z3:
ติดตามเพจแล้วนะคะ ผลงานต่อๆไปก็จะลองติดตามค่า   :hao3:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 23-01-2016 12:53:02
อ้าวจบแล้ว

อินน่ารักมากเลย หน้าแตก โวยวายยังน่ารักเลย
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Youi_chin ที่ 30-01-2016 19:50:03
อ่านเพลินมาก :katai2-1: เปิดอีกหน้าเห็นคอมเม้นถึงรู้ว่า จบแล้ว :a5:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 09-07-2016 01:27:53
ตามมาจากอีกเรื่อง
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกไหมคะ
จริงๆมันมีความน่ารักนะ
น่ารักที่น้องอิน
และน้องพัด. แต่เราว่ามันเรื่อยๆเรียบๆไปหน่อย
อ่านไปเรื่อยๆสบายๆ มีช่วงง่วงๆก็หลับบ้าง5555
แต่ก็ยังชอบภาษา สำนวนอยู่ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 29-07-2016 08:49:49
เย้ๆ เราตามอ่านครบทุกเรื่องแล้ววววว :mc4:
เรื่องนี้ก็ยังดีงามไม่เปลี่ยนเลย แต่แอบงงๆตอนจบนิดหน่อย แบบค้างๆ55555555555 :a5:
แต่สนุกค่ะๆ ชอบมากกกกก ขอบคุณนะคะ o13 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 11-01-2017 22:31:13
สนุกมากๆเลยยย มาอ่านช้าไปหน่อย แต่อ่านวันเดียวรวดจบ ชอบตัวละครทุกตัว
ทั้งพัด ทั้งอิน สร้างเสียงฮาตลอดๆ แต่แอบงงตอบจบนิดนึง แต่ไรต์แต่งดีค่ะ ชอบบบ :mew1:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-04-2021 07:04:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 22-04-2021 01:46:41
ข้าวมันไก่จ๋าา  ผมงง 555
แต่ อิน พัด น่ารักมากกก
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 22-04-2021 11:07:16
ทรูมูฟ ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 20 เม็ก
https://www.youtube.com/watch?v=d5gLVMnJJL4 (https://www.youtube.com/watch?v=d5gLVMnJJL4)
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 18-05-2021 19:10:01
เอ้า จบแบบงงๆ
เดินเรื่องมาดีมาก มาตายตอนจบสะงั้น
อยากจบก็ตัดจบเลย แป่ว งงไปจ้า
แถมชื่อเรื่อง มนต์รักข้าวมันไก่ มันเกี่ยวกับเนื้อเรื่องยังไงหว่า???? :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: BoJit ที่ 10-09-2021 11:45:34
มาอ่านรอบที่สอง ก็ยังจบแบบไม่รู้ตัว เปิดมาอีกหน้าแล้วก็ อ้าววว จบแล้วหรอ 555 ชอบมากเลยค่ะ เดี๋ยวคงได้มาอ่านอีกหลายๆรอบ