พิมพ์หน้านี้ - Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Vagenlada ที่ 26-01-2016 21:38:41

หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 26-01-2016 21:38:41
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




บทนำ




       
บางครั้งชีวิตเราก็มีเรื่องราวต่างๆผ่านเข้ามามากมาย
   
        ทั้งดีและร้าย ปะปนกันไป
      
        ผมเป็นคนหนึ่ง ที่เชื่อว่าทุกอย่างมักมีเหตุผล และมีต้นเหตุของเรื่องราวนั้นๆเสมอ
   
        แต่ความเชื่อเหล่านั้นก็หายไป ตั้งแต่วันนั้น….

   



        “โอมมมมมมมมมมม อับดุล อับดาว อัพแอนด์ดาว เนื้อคู่ของพ่อหนุ่มคือใคร!!!”

   ท่ามกลางแสงสีส้มสลัวๆ และกลิ่นหอมฉุนกึกของกำยานแบบอินเดียน่าเวียนหัว ปรากฏร่างของมนุษย์สี่ชีวิตที่อัดกันอยู่ใน

กระโจมเล็กๆแบบอินเดียนแดง บรรยากาศภายในดูเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังและความน่าเชื่อถือ

ถ้าไม่ใช่เพราะ…

       คนที่เป็นแม่หมอกำลังเปิดเพลงของชนเผ่าอะไรสักอย่างซึ่งฟังไม่เข้าใจ พร้อมออกสเต็ปแบบลืมอายุ บางท่อนขาทั้งสอง

ข้างก็เฉี่ยวหน้าลูกค้าทั้งสามคนไปแบบหวุดหวิด ปากก็สวดคาถาพึมพำเพื่อถามหาลักษณะ ‘เนื้อคู่’

       คงไม่มีทางที่ผมจะเฉียดเข้ามาใกล้ที่นี่อย่างแน่นอน ถ้าไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองที่กำลังนั่งจ้องแม่หมออย่างเอาเป็นเอาตาย           

มันคะยั้นคะยอจนผมใจอ่อนแกมรำคาญ ด้วยเหตุผลที่ฟังแล้วอยากจะกระโดดสองขาคู่ถีบหน้ามัน

       ‘ไปดูซะ เผื่อมึงจะรู้ว่าทำไมตอนนี้มึงไม่มีแฟน แถมไปจีบสาวทีไรเค้าก็เบ้ปากใส่มาทุกที’ ไอ้ฟานเป็นคนเริ่มบทสนทนา

เดิมๆในทุกวันของพวกผม

       ‘เชื่อกูดิวะ ถ้ามันร้ายแรงจะได้แก้ไขกันทันไง มึงจะให้น้องน้อยของมึงเหี่ยวไม่ได้ใช้งานแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย’ สำทับด้วย         

ไอ้เทียร์

       ‘จะได้ล้างชื่อ วาหมายังเมิน ของมึงสักที ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ’ และจบด้วยประโยคนี้พร้อมประสานเสียงหัวเราะกันอย่างมีความ             

สุขสุดๆ

        ครับ…นั่นล่ะเหตุผลที่ผมเข้ามานั่งอยู่ในกระโจมพิลึกๆนี่ ผมนายวาทิตย์ ชื่อเล่น วา นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ปี 2

หรือที่เพื่อนๆชอบเรียกกันว่า ‘วาหมายังเมิน’

         ชื่อนี้มีที่มาจาก การจีบสาวของผม ที่พอเริ่มคุยกันสักได้สามอาทิตย์สาวเจ้าก็จะหายไปจากชีวิตผมแบบไม่ต้องกดปุ่ม

Delete และเป็นแบบนี้กับทุกคนที่ผมเข้าไปจีบ…

          ทุกคนเลยนะว้อย!!!

          โดยส่วนตัวผมว่าผมก็ไม่ใช่คนน่าเกลียดอะไร หน้าตาก็จัดว่าพอดูได้ นิสัยก็ออกจะเป็นคนง่ายๆ สบายๆ อะไรก็ได้

โปรไฟล์ผมก็เหมือนปุถุชนธรรมดาทั่วไป ทำไมสาวๆถึงหันหน้าหนีผมกันหมดดดด

          หรือเพราะว่ามันธรรมดาไปวะ…

           ไอ้เพื่อนปากหมาสองตัวยังเคยแซวเล่นบ่อยๆจนผมแอบคิดจริง(?) ว่า

           ‘หน้าอย่างมึงหาเมียไม่ได้หรอก ไปเป็นเมียคนอื่นเค้าดีกว่า’

            บางทีวาก็คิดนะ วาผิดตรงไหน ผิดหรอที่วาหน้าเหมือนแม่ มันเลยดูค่อนไปทางจิ้มลิ้มพริ้มเพรามากกว่าหล่อ หรือเพราะ

ผมเป็นผู้ชายตัวเล็ก?

            ทำไมสาวๆไม่มองว่ามันพกพาสะดวกหนีบไปไหนก็ง่ายบ้าง และผิดหรอที่กูขาวมากจนเพื่อนมันจะมาขูดผิวไปใช้แทน

สีขาว

            ผมเคยถามคำถามพวกนี้กับสาวคนหนึ่ง และผู้ตอบคำถามนั้นของผมก็คือ น้องสาวสุดที่รักของผมเองผิด                               

ผิดทุกอย่างเลยนั่นแหละ พี่หว่าหวา (น้องมันชอบเรียกแบบนี้ เพราะชีอยากได้พี่สาวมากกว่าพี่ชาย) ผิดที่ไม่ยอมรับตัวเองซะที

รีบๆหาพี่เขยให้หนูได้แล้ว!’

             โอเคครับ พี่ผิดที่ไม่มีผัว พี่ขอโทษ!




              “วา…วา…ไอ้เชี่ยวา!” เสียงไอ้ฟานดึงผมหลุดออกจากภวังค์ และหันไปสนใจกับเหตุการณ์เบื้องหน้าต่อ แม่หมอ           

กลับมานั่งบนโต๊ะดีๆแล้ว พร้อมกับจ้องหน้าผมด้วยแววตาที่ดูแล้ว…ขนตูดลุก

               “พ่อหนุ่มจ๊ะ~ ฉันหาเจอแล้วนะ เนื้อคู่ของเธอน่ะ โฮะๆ” เมื่อแม่หมอเอ่ยประโยคนั้น หัวใจของผมก็เหมือนมีน้ำ           

หล่อเลี้ยง หลังจากมันแห้งเหี่ยวเพราะหมดหวังในเรื่องความรักของตัวเอง

              แม่หมอหลับตาลงอีกครั้งและเบิกโพลงขึ้นอย่างน่ากลัว จนผมสะดุ้ง มือเหี่ยวย่นยื่นมาลูบไปตามโครงหน้าผมช้าๆ มี

แอบจิกเบาๆด้วย

              เอ่อ เค้าคงไม่ได้เเค้นอะไรผมใช่มั้ย?

              “โอ้วว พ่อหนุ่มน้อย ไม่ใช่เล่นๆเลยนะเนี่ย โอ้ววววว ดูเขาสิ ดูใบหน้าของคู่ชีวิตเธอ ดวงตาเหมือนมีพระอาทิตย์วิบวับ

เหมือนติ๊ก เจษฯ จมูกสวยเหมือนพี่ก้อง สหรัฐ  รูปร่างกำยำ สมชายชาตรี เหมือนพี่เต๋า สมชาย นี่มันสุดยอดไปเลย!”

              “เอ่อ…ทำไมมันดูย้อนยุคจัง?” ผมถามขึ้นพร้อมกับคิ้วที่ขมวดกันยุ่งขึ้นเรื่อยๆ

              “เนื้อคู่ของพ่อหนุ่มไงจ๊ะ” แม่หมอเลิกคิ้วใส่ผม เหมือนผมถามอะไรผิดไป แต่เดี๋ยวนะ ทำไมสรรพคุณคุณเนื้อคู่มัน         

ดูแปลกๆ ติ๊ก เจษงี้ ก้อง สหรัฐงี้…ทำไมไม่มีผู้หญิงเลยวะ

            “ทำไมเค้าดูเหมือน…ไม่ใช่ผู้หญิง” ผมพูดออกไปเสียงแผ่วๆอีกครั้งกับสิ่งที่กำลังกังวลอยู่ในใจ

                “แน่สิจ๊ะ ก็ เค้า-เป็น-ผู้-ชาย”
 
               “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ไอ้สองตัวพร้อมใจกันระเบิดเสียงหัวโดยมิได้นัดหมาย ในขณะที่ผมกำลังกรีดร้องในใจ

กูหนีไม่พ้นจริงๆใช่มั้ยสาสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส




แฮ่!! สวัสดีทุกคนนะคะะะะ

เป็นมือใหม่หัดเขียนค่ะ

ขอฝากหว่าหวาเเละนิยายเรื่องนี้ไว้ในใจทุกคนด้วยนะค้าาาา

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

ชุ๊บๆ

  :hao7: :-[ :impress2:

หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทนำ ☼
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 26-01-2016 22:15:28
สงสัยเนื้อคู่ของหว่าว้า คงต้องหล่อมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทนำ ☼
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 27-01-2016 07:33:01
แม่หมอไม่บอกหน่อยว่าเนื้อคู่จะเจอที่ไหน~ น้องวาจะได้ไปหาถูกที่ อิอิ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทนำ ☼
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 28-01-2016 21:28:46
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 1 ☼ [อัพ 31.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 31-01-2016 23:36:40
-1-
    

        ผมเปิดกระโจมออกมาด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว พร้อมกับคำพูดของแม่หมอที่ดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว เหมือนตอกย้ำให้ผมยอม

รับว่าชาตินี้คงได้ผัวเป็นตัวเป็นตนแทน
   
        ถามว่าเชื่อมั้ย ก็เชื่อนะ แต่ไม่ว่ายังไงเราก็เป็นคนเลือกทางเดินของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องความรัก ที่ต้องใช้หลายๆอย่าง

ในการตัดสินใจ

   เนื้อคู่งั้นหรอ…

   ถ้าเลือกได้ มาเจอกันเร็วๆก็ดีนะ

   “เอาน่ามึง อย่าเครียดไปเลย อย่างน้อยมึงก็มั่นใจได้ว่ามึงจะมีคนดูแลนะเว้ย” ไอ้เทียร์พูดให้กำลังใจพร้อมกับตบไหล่ผมป้าบๆ ขณะที่พวกเรากำลังเดินหาของกินที่ตลาดใกล้ๆมหาลัย

   “ใช่ๆๆ มีแต่ได้กับได้ ดีจะตายมึง” สำทับด้วยไอ้ฟานที่ยิ้มจนหน้าบานเหมือนชอบใจคำทำนายนั่นนักหนา

   “มันดีขนาดนั้นทำไมพวกมึงไม่ลองได้กันดูก่อนอ่ะ” ผมย้อนกลับ แล้วเงยหน้ากระพริบตาปริบๆใส่พวกมัน ที่ตอนนี้มองหน้า

กันเลิกลั่ก มือไม้เกานู่นเกานี่ให้มั่วไปหมด

   “เพ้อเจ้อนะมึงอ่ะ ไปหาไรแดกกันดีกว่า” เป็นไอ้ฟานที่ดึงสติได้คนแรก มันล็อคคอผมแก้เขินแล้วลากไปโซนของกิน ก่อน

จะปิดปากผมด้วยไก่ย่างไม้ใหญ่ แหม่ รู้งี้ล้อบ่อยๆซะก็ดี

   
           ระหว่างที่ผมกำลังสวาปามไก่ย่างเข้าปากอยู่ริมฟุตบาท รอไอ้สองคนนั่นไปซื้อของใช้อีกนิดหน่อย ก็มีวัตถุบางอย่างพุ่ง

มาชนผมด้วยความเร็วสูง

   แรงชนนั้นทำให้ผมเซไปกระแทกกับกำแพงข้างหลังอย่างแรง ก่อนจะเซพรวดๆไปอีกทาง ผมยกมือขึ้นมาดันพร้อมหลับตา

ปี๋ เตรียมรับความเจ็บ

   “โอ๊ย”

          ผมร้องเบาๆเพราะรู้สึกเจ็บ เวลาเดียวกับเสียงล้อรถยนต์บดเบียดกับพื้นถนนดังลั่น

           ผมได้ยินเสียงคนใครคนหนึ่งก่นด่า ตามด้วยเสียงกระชากรถออกไป เมื่อลืมตาขึ้นมาช้าๆ แล้วมองไปอีกฝั่งของถนนก็พบ

กับ ร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่ง นั่งค้อมตัวอยู่ริมถนน สองแขนของเขากอดอะไรบางอย่างอยู่

พอเขายืนขึ้นผมก็เห็นสิ่งที่เขากอดไว้ ลูกหมาสีขาวที่ดูมอมแมมกำลังซุกซบเข้าหาไออุ่นจากผู้ชายตัวโตคนนั้น

นี่เขาช่วยหมาตัวนั้นไว้หรอ?

          เขากำลังเดินข้ามถนนกลับมา ทำให้ผมสามารถสำรวจเขาได้ชัดเจนขึ้น เขาเป็นผู้ชายตัวสูง ใบหน้าได้รูป แต่ที่ทำให้ผม

ต้องมองค้าง ก็คือดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ดูอบอุ่นอ่อนโยนราวกับไออุ่นจากแสงอาทิตย์

   “คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ ขอโทษนะครับที่เมื่อผมไม่ทันระวัง” เขาเดินตรงมาทางผมพร้อมกับเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียง

สำนึกผิด

   “ไม่เป็นไรครับ ช่วยไว้ได้ก็ดีแล้ว” ผมยิ้มตอบเขาไปบางๆ พร้อมกับมองเจ้าหมาน้อยในอ้อมกอดเขา มันกำลังถูไถหัวเล็กๆ

เข้าหาความอบอุ่น

   “ขอโทษด้วยนะครับที่ผมชนเพื่อนคุณ” พอประโยคนี้ ผมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

   เพื่อน? นี่ไอ้พวกนั้นมันกลับมาแล้วหรอ ทำไมไม่โวยวายเลยวะ?

   “คุณไม่ได้ชนผม แต่เค้าเป็นคนชนผม แล้วเค้าก็ไม่ใช่เพื่อนผมด้วย” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากบนหัวผม นั่นทำให้ผมได้สติว่า

ไอ้สิ่งที่คิดว่าเป็นกำแพง จริงๆแล้วมันไม่ใช่…

   ที่ผมยืนพิงแถมยังเอามือไปแปะในจุดที่ไม่ควรแปะคือ คน!

   ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง แถมยังดูกำยำตามแบบชายอกสามศอก ใบหน้าคมที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเครา อย่างกับออกมาจาก

ป่าดูน่ากลัว โดยเฉพาะดวงตาสีนิลคมดุที่มองลงมาอย่างไม่สบอารมณ์กับการกระทำของผม

   ใช่ครับ ผมยืนพิงเค้านานสองนาน และเอามือไปแปะบนหน้าอกเค้าอย่างไม่รู้ตัว

   ซวย!!! กูจะโดนฆ่ามั้ยเนี่ย ทำไมหน้าแม่งเหมือนโจรงี้วะ!

        “มองอีกนานมั้ยครับ ถ้ามองเสร็จแล้วก็ปล่อยด้วย” จบประโยคเค้าก็ดันผมออกอย่างไม่ใยดี จนผมเซไปเซมา ก่อนที่จะ

ถูกรั้งให้ยืนตรงด้วยมือของผู้ชายตาสีน้ำตาลคนแรก คนๆนั้นเดินหายไปแล้ว ผมแอบเบ้ปากใส่เขา คนอะไรแล้งน้ำใจชะมัด

พิงนิดพิงหน่อยทำเป็นโมโห ฮึ่ย!

        “สงสัยข้อมือซ้นแน่เลย” พอหายตกใจผมก็กลับมาสนใจมือตัวเองต่อ พอลองขยับข้อมือเบาๆ ก็รู้สึกเจ็บ น่าจะเป็นตอนที่

มือผมไปกระแทก ‘กำแพง’ มีชีวิตนั่นแน่ๆเลย

        คิดดูดิคนบ้าไร แค่กระแทกหน่อยเดียว แม่งทำมือชาวบ้านซ้นได้

        “ขอผมดูหน่อยนะครับ” ผู้ชายข้างๆผมพูดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับส่งเจ้าหมาน้อยมาให้ผมอุ้มไว้

เขาจับข้อมือผมขึ้นมาอย่างเบามือ และกดๆอยู่สักพัก แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองผม เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมกำลังมองเขาอยู่

พอดี

        ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพระเอก(?)ละครไทย ที่ต้องมีฉากให้สบตากันแบบนี้ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหว โดย

เฉพาะกำลังระบายรอยยิ้มน้อยๆ

         รอยยิ้มของผู้ชายคนนี้ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น…


        “ข้อมือซ้นจริงๆครับ กลับบ้านไปแล้วประคบน้ำแข็งสัก 20 นาที แล้วก็ประคบด้วยน้ำอุ่นอีกที ช่วงนี้พยายามอย่าใช้งานข้อ

มือมาก ถ้ามันไม่หายก็ต้องไปหาหมอนะครับ” เขายิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนจะเอาลูกหมาออกจากมือผม

        “คุณเป็นหมอหรอครับ?” ที่ถามที่ไม่ได้กวนนะครับ แต่เขาดูเหมือนรู้เรื่องพวกนี้ดีมาก

       “อ่อ ผมเรียนสัตวแพทย์ปีสี่ ชื่อสามครับ”

        โอเคชัดเจน…เขาเป็นหมอ แต่ไม่ใช่หมอรักษาคน

       “แล้วเมื่อกี๊วิธีรักษาหมาเวลาข้อเท้ามันซ้นรึเปล่าครับ?”

     “ไม่ใช่หรอก มันเป็นวิธีทั่วไปที่ควรรู้ไว้น่ะครับ แล้วข้อมือซ้นแบบนี้ลำบากรึเปล่า เรียนคณะอะไรอยู่?” แววตาของเขาเริ่มฉาย

แววกังวลอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ข้อมือซ้นอาจจะทำให้ผมใช้ชีวิตลำบาก

       “เรียนวิศวะครับ แต่ผมอยู่แค่ปีสอง ช่วงนี้งานยังไม่หนักเท่าไหร่ น่าจะไม่เป็นไร” ผมตอบไปตามตรง ช่วงนี้พึ่งจะเปิดเทอม

ใหม่ๆถึงงานจะเยอะไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นงานหนัก

      “งั้นพี่ขอเบอร์หน่อยได้มั้ยครับ”


      “หืม?” สรรพนามแทนตัวและประโยคที่เขาพูดออกมาทำให้ผมเบิกตากว้าง และมองเขาอย่างประหลาดใจ

      “ก็เราเด็กกว่า แล้วพี่ก็ทำน้อง…”

      “วาครับ”

     “พี่ทำน้องวาครับเจ็บตัว”
 
     “….วาเฉยๆครับ”

    “น้องวาเฉยๆครับหรอ? ทำไมชื่อยาวจัง” 

     ผมมองเขาอย่างหาเรื่อง และนับหนึ่งถึงสามในใจ เพื่อยังมือยั้งเท้าไม่ให้มันกระตุกไปเอง กับ            สกิลการกวนตีนของ

หมอหมาคนนี้ เขาหัวเราะเบาๆและยกมือขึ้นข้างหนึ่งอย่างยอมแพ้

     “โอเคๆ  พี่ทำน้องวาเจ็บตัว เผื่อมีอะไรให้พี่พอช่วยได้บ้าง” เขายื่นโทรศัพท์มาอีก ผมมองมันอย่างลังเล

จะให้ให้เบอร์กับคนที่พึ่งเจอกันเนี่ยนะไอ้วา ถ้าไอ้ลูกหว้า(น้องสาวผมเอง) รู้มันต้องด่าผมว่าแรดแน่ๆ 

      ใช่ๆมันต้องไม่ดีแน่ๆ อาจจะเป็นมิจฉาชีพก็ได้ มึงคิดถูกแล้ววา!

     “คือผม…” ผมกำลังจะปฏิเสธไป แต่เขาก็ขัดขึ้นมาก่อน ด้วยคำพูดสั้นๆที่ทำให้ผมถึงกับไปต่อไม่เป็น


     “นะครับ น้องวา”

       สายตาลูกหมาที่มองแบบอ้อนๆ จนไอ้ตัวที่อยู่ในอกยังสู้ไม่ได้ พร้อมกับน้ำเสียงนุ่มๆ ดูน่าสงสาร ยิ่งอีกฝ่ายกระพริบตาปริบๆ

เป็นพร็อพ ผมก็ตายสนิท…

       กูยอมแพ้!!! ใครทนได้ทนไป แต่ไอ้วาจะไม่ทน

        ผมรับโทรศัพท์เขามากดเบอร์ตัวเอง และแถมด้วยการแอดไลน์กับเฟซบุ๊ค แล้วจัดการยัดคืนใส่มือเขาอย่างโมโหตัวเองนิดๆ แต่ไหนๆจะแรดแล้วก็แรดแม่งให้สุดแล้วกัน


        “งั้นพี่ไปก่อนนะครับ อย่าลืมทำตามที่บอกด้วยนะ” พอพูดจบเขาก็จับอุ้งเท้าของหมาน้อยโบกบ๊ายบาย แล้วเดินจากไป

ผมมองเเผ่นหลังเขาที่ค่อยๆไกลออกไปอย่างครุ่นคิด เเปลกดีนะว่ามั้ย ที่ผมได้เจอเขาวันนี้ ทุกอย่างมันดูจงใจอย่างน่าเหลือเชื่อ

เเต่ทั้งหมดมันคือเรื่องบังเอิญ

        เขาจะใช่คนที่ผมรออยู่รึเปล่านะ...



ตอนที่หนึ่งมาเเว้วววววววว

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะะะ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 1 ☼ [อัพ 31.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 01-02-2016 00:02:05
เจอแล้วววเนื้อคู่
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 1 ☼ [อัพ 31.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 01-02-2016 00:26:34
เจอเนื้อคู่แล้วแต่ไม่รู้ว่าคนไหน
ถ้าตามชื่อเรื่องน่าจะเป็นคนที่ดูดุๆโหดๆ(รึป่าวนะ??)
แต่คนนี้ก็อบอุ่นดี
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 1 ☼ [อัพ 31.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 01-02-2016 00:31:04
พี่สามมมมม กวนตีนน่ารัก 5555+
น้องวาเจอเนื้อคู่ละใช่ไหมนี่
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 1 ☼ [อัพ 31.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 01-02-2016 01:01:40
หรือเนื้อคู่จะเป็นพี่สาม
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 1 ☼ [อัพ 31.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-02-2016 01:18:07
ทำไมรู้สึกไอ้กำแพงจะใช่กว่า
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 1 ☼ [อัพ 31.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 01-02-2016 08:01:05
หรือน้องวาจะมีเนื้อคู่2คน กิกิ :laugh:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 1 ☼ [อัพ 31.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-02-2016 13:49:54
ลุ้นๆพ่อหนุ่มกำแพง
หมอหมาสุภาพเกินชื่อเรื่อง
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 2 ☼ [อัพ 1.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 01-02-2016 21:03:25


-2-





             หลังจากพี่หมอหมาไปแล้ว ไอ้เพื่อนตัวดีสองคน ก็โผล่หัวออกมาจากเสาไฟต้นใกล้ๆ คาดว่าคงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

และสิ่งที่พวกมันจะทำต่อไปก็คือ…การล้อผม


   “ พี่ครับ ข้อมือซ้นอ่ะ ดูให้หน่อยได้ป่ะ ” ไอ้ฟานเริ่มต้นด้วยทำท่าสะดีดสะดิ้ง พร้อมยกมือไปแปะหน้าอกไอ้เทียร์


   “ ไหนๆ ให้พี่ดูหน่อยสิครับ ฟู่ววว หายไวๆนะ โอมเพี้ยงงง ” และไอ้เทียร์ก็ยกมือไอ้ฟานมาเป่า พวกมันสบตากันพร้อมกระ


พริบตาถี่ๆ มโนว่าตัวเองเป็นพระเอก นางเอกละคร



   “ ตรงนี้ก็เจ็บด้วยอ่ะ ดูให้หน่อยได้มั้ย ” ไอ้ฟานยกมือขึ้นแตะปากเบาๆ ไอ้เทียร์เลยค่อยๆลดใบหน้าลงมาเรื่อยๆ



   หึ…และนั่น ก็เป็นเรื่องราวผิดพลาดที่สุดในชีวิตของพวกมัน



   ผมที่รอจังหวะอยู่แล้ว ขยับเข้าไปใกล้พวกมันอย่างรวดเร็ว แล้วใช้มือข้างที่ไม่เจ็บตบ เอ๊ย ดันหัวไอ้ฟานให้ขยับไปหาไอ้


เทียร์อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ริมฝีปากของพวกมันชนกันเต็มๆ


   สมน้ำหน้า วะฮ่าฮ่าฮ่าๆ


   “ เชี่ย!!! มึง!!! ” ไอ้ฟานโวยวายออกมาเสียงดัง ทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ ส่วนไอ้เทียร์นี่สติหลุดออกไปจากร่างแล้ว


   “ อะไรหรา~~~ เห็นพวกมึงเล่นกัน กูก็แค่อยากเล่นบ้าง ” พูดจบผมก็เดินฮัมเพลงกลับคอนโดอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้พวก


มันสองตัว ยืนหน้าแดง มองกันไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูก


   ให้มันได้กันจริงๆเหอะ กูจะล้อให้แม่งเอียนเลยสาสสสสส


   

         คอนโด   


         หลังจากไอ้สองคนนั้นหายเอ๋อ พวกเราก็พากันกลับคอนโดที่หารค่าเช่ากันสามคน โดยแบ่งเป็นห้องนอนเล็กๆสามห้อง ตรง

กลางเป็นห้องรับแขกขนาดกลาง มีห้องครัว และห้องน้ำที่ใช้ด้วยกันบางครั้ง


   และตอนนี้พวกเราก็กำลังอาบน้ำด้วยกัน อ๊ะๆ อย่าพึ่งตกใจกัน ต้องเล่าก่อนว่าพวกเราสามคนสนิทกันมาตั้งแต่ ม.ปลาย ดัง

นั้นเรื่องอาบน้ำด้วยกันนี่ปกติมาก ไร้ยางอายใดๆทั้งสิ้น เรียกได้ว่าเห็นกันมาหมดแล้วทุกซอกทุกมุม จนบางครั้งก็เหมือนกับตาย

ด้านกันไปเเล้ว


   ไอ้ฟานยืนสระผมอยู่ตรงฝักบัวที่แยกออกไปอีกฝั่ง ไอ้เทียร์แปรงฟันอยู่หน้ากระจก ส่วนผมก็แช่น้ำอยู่ในอ่าง พลางคิดเรื่อง


ที่เกิดขึ้นวันนี้


   วันนี้มันเป็นวันที่แปลกดีนะ อยู่ดีๆผมที่ค้านเรื่องการไปหาหมอดูแบบหัวชนฝา กลับยอมไปดูง่ายๆ แถมพอออกมา คนที่มี


คุณสมบัติเหมือนเนื้อคู่ของผมก็ปรากฏออกมาแบบไม่คาดฝัน สรุปว่าชีวิตนี้ผมจะไม่สามารถมีแฟนเป็นผู้หญิงได้จริงๆหรอ


   “ คิดอะไรของมึง หน้าเครียดชิบ ” เสียงไอ้ฟานดึงผมออกจากภวังค์ พอมองไปรอบๆ ก็เหลือแค่ผมกับมันสองคนแล้ว ผม


เงยหน้ามองมันด้วยแววตาสับสน


   “ กูต้องเป็นเกย์จริงๆหรอวะ? ”


   “ ไม่หรอกมึง อย่าคิดมากกับคำพูดของแม่หมอเลย เรื่องแบบนี้มันเชื่อใครไม่ได้หรอกนะ ตัวมึงเองนั่นแหละที่ต้องเป็นคน


ตัดสิน แต่มึงแค่อย่าปิดโอกาสตัวเองก็พอ มึงไม่ต้องสนใจว่าเขาเป็นเพศอะไร หรือใคร ให้ใช้ความรู้สึกของมึงตัดสิน บางทีการ


เปิดรับอะไรใหม่ๆบ้าง อาจจะทำให้มึงเจอคนของมึงก็ได้นะ แล้วที่ผ่านมามึงยังโสดหรือจีบใครไม่ติด ก็เพราะว่ามึงไม่ใช่สำหรับ


พวกเขาไง ” มันพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ซึ่งช่วยให้ผมคลายความกังวลลงไปได้บ้าง ยิ่งฝ่ามือของมันลูบเบาๆที่หัวผม ก็ยิ่งทำให้


ผมรู้สึกดีขึ้น


   “ ขอบคุณมึงมาก กูสบายใจละล่ะ ” ผมยิ้มตอบมันแล้วขยับไปอาบน้ำดีๆสักที


   บางที ลองดูก็ไม่น่าเสียหายอะไร มั้ง
   



   23.02 น.


   พออาบน้ำเสร็จ ผมก็ออกมายืนรับลมที่ระเบียงพร้อมกับดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมชอบกลางคืนมากกว่ากลางวันนะ ถึงมันจะ


มืด แต่มันก็ช่วยให้เรามองเห็นอะไรหลายๆอย่างที่เรามองข้ามไปในตอนกลางวัน อย่างเช่น ดาว


   เสียดายที่แสงไฟในเมืองทำให้เราไม่ค่อยมองเห็นดวงดาวเท่าไหร่ นี่ถ้าเป็นที่บ้านต่างจังหวัดของผมนะ ป่านนี้คงมีแต่จุด


สว่างๆประดับเต็มท้องฟ้าไปหมดแล้ว




   ไลน์!!



   ผมยืนอยู่ตรงนั้นได้สักพัก เสียงไลน์ก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์ เมื่อกลับเข้าไปเปิดดู ก็พบว่าคนที่ทักมาคือ พี่สาม เขาส่งรูปเจ้า



หมาเมื่อตอนเย็นที่นอนหลับปุ๋ยในบนที่นอนพร้อมห่มผ้าเรียบร้อย ดูมีความสุขและสบายสุดๆ



หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : นอนหลับปุ๋ยเลย


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ตกลงพี่เอามันไปเลี้ยงจริงๆหรอ?


หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : ครับ ช่วยแล้วก็อยากช่วยให้สุดน่ะ



วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : แล้วมีชื่อยังอ่ะ



หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : ยังเลย วาว่าชื่อไรดีอ่ะ



วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ผมว่ามอมแมมน่ารัก



หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : เออ น่ารักดีนะ


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ใช่มะ



หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : คนตั้งชื่ออ่ะ น่ารักดี



วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ………..


หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : ล้อเล่นๆ พี่นอนละนะ ประคบข้อมือด้วยอ่ะ เดี๋ยวพน.ปวด



วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ครับ



   บทสนทนาของเราจบลงแค่นั้น ผมจึงไปปิดไฟ แล้วล้มตัวลงนอน ก่อนจะลองขยับข้อมือดู มันอาจจะปวดอยู่หน่อย แต่ไอ้



พวกนั้นมันประคบร้อนประคบเย็น พร้อมให้กินยาแก้ปวดไปแล้ว พรุ่งนี้น่าจะดีขึ้น



   ผมหลับตาลงพร้อมกับปล่อยความคิดต่างๆออกไป



   วันนี้เป็นวันที่ดี



   หวังว่าวันพรุ่งนี้จะดีด้วยนะ



   ฝันดีครับ





ตอนที่สองมาเเว้วววว


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

ชุ้บๆ  :mew1: :mew1: :hao7:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 2 ☼ [อัพ 01.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 01-02-2016 21:41:16
หมอหมาน่ารักนะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 2 ☼ [อัพ 01.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 01-02-2016 21:42:54
ตั้งชื่อไลน์กันงี้จริงดิ 5555+

พี่สามนี่ชอบหยอดน้องจัง จีบน้องปะนี่ อิอิ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 2 ☼ [อัพ 01.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-02-2016 21:48:55
รออ่านอีก
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 2 ☼ [อัพ 01.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 02-02-2016 00:09:14
ร้องมอมแมม น่ารักดี
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 2 ☼ [อัพ 01.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-02-2016 09:24:44
ใครอะ เนื้อคู่น้องวาวา อิอิ แต่แอบเชียร์พี่กำแพง เพราะชอบพระเอกเถื่อนๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 2 ☼ [อัพ 01.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 02-02-2016 12:59:44
น่ารักจริงๆเรื่องนี้ อิอิ :-[
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 2 ☼ [อัพ 01.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-02-2016 13:37:09
เริ่มจีบกันใช่ไหม
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 2 ☼ [อัพ 01.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 02-02-2016 16:35:36
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 2 ☼ [อัพ 01.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 02-02-2016 22:19:00
เห้ย!! หรือว่าจะเล่นเพื่อน555 ไม่ใช่ล่ะ
หมอก็น่ารักดีนะ คิดจะจีบน้องล่ะสิ คึคึ แต่เราว่า พระเอกยังไม่มา
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 2 ☼ [อัพ 01.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 03-02-2016 01:50:35
เชียร์พี่สามมมมสุดตัววว
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 3 100% ☼ [อัพ 05.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 03-02-2016 21:09:28
-3-


        ปึก
   

       “โอ๊ย!”

   ณ ตอนเช้าที่อากาศสดใสจนเหงื่อหยดติ๋งๆ นายวาทิตย์คนนี้กำลังเดินทอดน่องอย่างอารมณ์ดีไปที่คณะ และในขณะที่

กำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติอยู่นั้น เท้าของผมดันไปสะดุดกับยอดหญ้า(?) ส่งผลให้ผมเซไปเซมา และคงล้มหน้าทิ่มพื้น ถ้าไม่ใช่

เพราะ…

   ครับ…ผมชนอะไรบางอย่างอีกแล้ว

   ผมกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ มนุษย์ที่หน้ากลัวเหี้ยมๆ และเป็นมนุษย์กำแพง

คนเดียวกันกับเมื่อวาน!!!

   กูซวยอีกแล้ว!!!

   “ขะ ขอโทษครับ” ผมรีบละล่ำละลักขอโทษเขา พร้อมกับใช้มือดันตัวเองออกจากวงแขนของเขาที่รับผมไว้ตอนจะล้ม แต่

ดันลืมว่าข้อมือเดี้ยงอยู่ แทนที่จะออกมาได้ กลับกลายเป็นว่าผมมือวืด จนจมเข้าไปในวงแขนเขาแน่นกว่าเดิม

   “ล้มใส่ผมอีกแล้วนะ” น้ำเสียงราบเรียบของเขาพูดขึ้นเบาๆ แล้วดันผมออกอย่างสุภาพ

   “ขอโทษครับ เมื่อกี๊ไม่ทันระวัง” ผมก้มหน้างุดเมื่อดวงตาสีนิลคู่นั้นมองลงมา

   “ไม่เป็นไร”

   “….”

   เกิดความเงียบขึ้นระหว่างผมกับเขา ผมยืนก้มหน้ามองเท้าแบบไม่รู้จะทำอะไรที่มันดีกว่านั้น ก็เพราะเขาไม่ยอมเดินออก

ไป หรือพูดอะไรต่อ

   “ข้อมือเป็นไงบ้าง” ผมเงยหน้ามองเขาอย่างประหลาดใจและสงสัย ว่าเขารู้ได้ยังไงว่าข้อมือผมเจ็บ



        แต่ก็พบเพียงใบหน้าดุๆกับสายตาราบเรียบที่เป็นคำตอบ ผมเลยเลือกเงียบและจะเดินออกไปแทน แต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยฝ่ามือ

ของเขา

       “ผมถามว่าข้อมือเป็นยังไงบ้าง” เขาถามเสียงดุหน่อยๆ

        “กะ ก็ดีขึ้นแล้ว” ผมตอบไปแบบตะกุกตะกัก พร้อมมองหาทางหนี เอาไงดีวะ กูโดดเข้าพุ่มไม้ดีมั้ย หรือแกล้งตายแม่งตรงนี้

ดี ระหว่างที่กำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่ ผมก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อเขาออกแรงดึงให้ผมนั่งลงที่ม้านั่งแถวนั้น

        “เฮ้ยๆๆๆๆๆ จะทำอะไร” ผมยื้อข้อมือตัวเองไว้ แต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้อยู่ดี จนสุดท้ายก็ต้องนั่งลงกำแพงนี่มันกำแพงสมชื่อ

จริงๆ!

        ฝ่ามือของเขาข้างหนึ่งจับข้อมือผมไว้ ส่วนอีกข้างก็ควานอะไรบางอย่างในกระเป๋าเป้ของตัวเอง ผมมองมือเขาอย่างลุ้นๆว่า

มันจะเป็นอะไร คงไม่ใช่พวกมีดพก ปืนปากกาอะไรแบบนี้ใช่มั้ย

       ให้ตายเหอะ ใครก็ได้ช่วยวาที ทำไมช่วงนี้ชีวิตมันถึงได้มีสีสันขนาดเน้ กูไม่ใช่เป๊ปซี่ไม่ต้องเต็มที่กับกูมากก็ได้!

หลังจากฟุ้งซ่านไปนานเขาก็หยิบผ้าพันที่เป็นผ้าฝ้ายแบบยืดออกมา และพันลงบนข้อมือผมอย่างคล่องแคล่ว โดยพันให้ขัดกับ

มือ เพื่อลดการใช้งานข้อมือของผม

      “พันไว้หน่อยก็ดี เดี๋ยวเผลอใช้มือมากๆ แล้วมันไม่หาย”

ผมมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ เขาก็มองผมกลับมาด้วยสายตาราบเรียบเช่นเคย

      “แล้วผมจะคืนให้คุณยังไงล่ะ?”

     “ไม่ต้องหรอก ผมให้ แล้วก็ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณด้วย”

     “หืม?” ผมขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก

    “ผมชื่อ ‘หิรันต์’ เรียกรันต์ก็ได้ อยู่วิศวะปี 1 พี่จำไว้ให้ดีๆล่ะ”

      โอเคครับ พี่จะจำไว้อย่างดีเลย ‘น้องกำแพง’

      แล้วเหตุการณ์ประหลาดๆตอนเช้าระหว่างผมกับน้องกำแพงก็ผ่านไป ผมเข้าเรียน กินข้าว ตกเย็นก็เริ่มหาที่กินเหล้าตามปกติ

      ตอนนี้ผมอยู่ในร้านแถวๆมหาลัยกับเพื่อนในขณะ ภายในร้านเป็นบรรยากาศสบายๆ มีเสียงเพลงอะคูสติกคลอเบาๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย พวกผมไม่สายกินเอาตายครับ แค่กินให้เคลิ้มๆ พอหลับสบายเฉยๆ

     “มึงๆ ดูนี่ดิ” เสียงจากเพื่อนในคณะของผมดังขึ้น พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ของมันมาให้ผมดู ในจอปรากฏภาพของชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ใบหน้าคมเข้มแบบชายไทย จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากเป็นกระจับสวย แต่ที่ดึงดูดสายตาได้มากที่สุด ก็คงเป็นดวงตาเรียว
คมสีนิล ที่พอจ้องนานๆแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนพระอาทิตย์แผดเผา

    “ใครวะ?” ผมถามอย่างสนใจ

    “เค้าลือกันว่าเป็นปีหนึ่งคณะเรา แต่เท่าที่กูดูวันรายงานตัวยังไม่เห็นมีใครหน้าตาแบบนี้สักคน”

    “กูก็ว่างั้น ปีนี้กูเห็นมีแต่แนวเกาหลี โอปป้าซารังเฮไรเงี้ย” เสียงไอ้ฟานดังขึ้นจากข้างหลังผม พอหันไปมองมันก็เจอไอ้เทียร์ตบหัวไปเบาๆ ก่อนพวกมันจะนั่งลงแล้วทักทายเพื่อนในคณะ

    “มึงหายไปไหนกันมาสองคน” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย พอเลิกเรียนปุ๊ป ไอ้ฟานก็ขอตัวก่อนบอกว่ามีธุระต้องไปทำ พอสักพักนึงไอ้เทียร์ก็หายไป แต่มันกลับโผล่มาพร้อมกัน น่าคิดนะเนี่ยยยย

    “กูไปทำธุระมาไง ละเจอไอ้เทียร์หน้าร้านพอดี” ไอ้ฟานเป็นคนตอบผม แต่ไอ้เทียร์กลับยิ้มบางๆและหันไปจ้องหน้าไอ้ฟานพร้อมกับพูดในสิ่งที่ตรงกันข้าม

   “มึงมั่นใจหรอ ว่าเจอกูหน้าร้านอ่ะ”

   ไอ้ฟานเม้มปากนิดๆแบบขัดใจ พร้อมกับยกเหล้าขึ้นกินแก้เขิน ท่ามกลางเสียงโห่แซวของเพื่อนๆ


    ไลน์!!

     ก่อนที่ผมจะกินเหล้าต่อเสียงไลน์ก็ดังขัดขึ้น แล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่สามคนเดิม เพิ่มเติมคือรูปน้องมอมแมม(สุดท้ายก็เอาชื่อนี้จริงๆ)ที่กำลังกินนมในจานอย่างเอร็ดอร่อย
   
      ผมยิ้มออกมาบางๆ แล้วส่งรูปเหล้ากลับไป

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ฝากบอกมอมแมมทีกินนมไม่อร่อยหรอก กินนี่อร่อยกว่า

หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : จริงป่ะ?

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : จริงดิ พี่ไม่เคยกินเหล้าหรอ?

หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : เคยสิ แต่พี่ว่าอย่างอื่นอร่อยกว่า

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : อะไรอ่ะ ถ้าดีก็แบ่งกันบ้างดิ 555555
หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : sent a photo

หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : กินพี่ไงครับ ❤

   ผมเกือบพ่นเหล้าออกจากปาก เพราะรูปที่พี่สามส่งมา เป็นรูปฮีครึ่งท่อนในสภาพเปลือยเปล่า ร่างกายแข็งแกร่งแบบบุรุษเพศมีหยดน้ำเกาะพราว ทำให้เลือดผมพร้อมใจกันสูบฉีดไปที่ใบหน้าจนร้อนวูบวาบ

   พี่แม่งทำอะไรเนี่ย!!!

   “ไอ้วาเป็นไรวะ หน้าแดงๆ”

   “ปะ เปล่า เหมือนกูจะเมาละ กูขอกลับก่อนนะ พวกมึงก็อย่าแดกเยอะอ่ะ”

   ผมรีบยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วลุกออกมาทันที ตายกูต้องตายแน่ๆ ถ้าพี่สามยังขี้อ่อยแบบนี้ ไม่รอดแน่ๆ

   พี่สามนั่นแหละไม่รอด กูจะจับทำผัวจริงๆนะ!!!





ครบเเล้วน้าาาา

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเเละเข้ามาอ่านค่ะะะ

ช่วงนี้ยังเรื่อยๆไปเนอะะ  :-[ :o8: :impress2:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 3 50% ☼ [อัพ 03.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-02-2016 23:39:33
เชียร์น้องเหมันต์ น้องกำแพงของพี่ อิอิ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 3 50% ☼ [อัพ 03.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 04-02-2016 23:37:26
ตกลวใครพระเอกเนี๊ยะ???
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 3 50% ☼ [อัพ 03.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 04-02-2016 23:54:18
เราว่าหิรันต์เป็นพระเอก ที่ใช้ให้จำไว้ดีๆนี่จะมาจีบพี่เค้าใช่ม่ะ  วาว่าก็เพ้อเกิ๊น
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 4 ☼ [อัพ 14.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 14-02-2016 21:01:20
-4-
   
         ระหว่างที่ผมกำลังเดินกลับหอด้วยสภาพจิตใจที่ไม่ค่อยจะปกติดีนัก ไอ้ตัวต้นเหตุก็มายืนยิ้มแฉ่งที่หน้าหอผม พอเห็นผมเดินมาเขาก็เรียกเสียงดัง พร้อมเดินมาหาด้วยสีหน้าแป้นแล้น ส่วนผมก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ก้มหน้างุด จะให้เงยได้ยังไงเล่า ใจแม่งรัวเป็นจังหวะร็อคแบบนี้!


   “น้องวาๆๆ นี่ๆๆ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่สดใสทำให้ผมค่อยๆเหลือบตาขึ้นมอง ก็เจอเข้ากับดวงตาอบอุ่นที่ยิ้มจนตาหยี ทำให้ใบหน้าของพี่สามดูอ่อนโยนจนหัวใจผมกระตุก


   ถ้าพี่สามยังอ่อยน็อนสต็อปแบบนี้ กูต้องช็อคเข้าห้องไอซียูแน่ๆ!


   “ครับ?” ผมตอบออกไปเสียงแผ่ว พร้อมกับสะบัดหัวไปมานิดๆเพื่อเรียกสติ


   “พี่มีของมาฝาก” อีกฝ่ายเอ่ยพร้อมยกถุงอะไรบางอย่างขึ้นมาระดับสายตาผม


   “ลิ้นจี่?” เมื่อเพ่งมองดีๆแล้ว ผมก็เป็นว่ามันคือลิ้นจี่ลูกโต สีแดงสดน่ากิน


   “ใช่ครับ คุณแม่พี่ส่งมาให้จากเชียงรายเลยนะ อร่อยมากๆเลย พี่ทานคนเดียวไม่หมดเลยเอามาฝากน้องวา”


   “อ่อ ขอบคุณมากครับ”


   “พี่เอาลิ้นจี่มาฝากนะ”


   “ครับ?” ผมเงยหน้ามองเค้าแบบงงๆ หลังจากรับถุงลิ้นจี่มา


   “แล้วพี่ก็ยืนอยู่หน้าหอน้องวา” คราวนี้คิ้วผมยิ่งขมวดเป็นปมหนักกว่าเดิม อะไรของพี่แกวะ


   “ครับ แล้ว?”


   อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์ ดวงตาอบอุ่นนั่นก็ทอประกายวิบวับ ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ผมคิดว่าคนอย่างพี่สามไม่มีวันพูดออกมา    “รวมกันก็เป็นลิ้นจี่ที่หน้าหอไงครับ”


   “……หอพี่เหอะ!” ผมทุบไหล่เขาไปทีนึง โทษฐานพูดอะไรพิสดารออกมา แล้วเดินจ้ำขึ้นห้องแบบไม่คิดหันกลับไปมองอีก พี่แม่ง ทะลึ่งว่ะ จ่อ เจ่อ ไรก็ไม่รู้ หนูวาไม่รู้เรื่องงงง


   ไลน์!!~


   ขณะที่กำลังไขกุญแจเข้าห้อง โทรศัพท์ของผมก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา เดาไม่ยากเลยว่าใครส่งข้อความมา พี่สาม…

หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : กินลิ้นจ่อ เอ๊ย ลิ้นจี่ให้อร่อยนะครับน้องวา


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : พี่ครับ…เลิกเล่นอะไรแบบนี้เถอะมันไม่เข้ากับหน้าพี่เลยนะ


หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : พี่หล่อเกินไปใช่มั้ย TT


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ไม่ใช่ครับ…


หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : งั้นพี่ก็น่ารัก *-*) แล้วน้องวารักพี่มั้ยครับ


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : บายครับพี่


หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : ไปไหนอ่ะ คุยกับพี่ก่อน พี่เหงา TT


   ผมไขกุญแจเข้าห้องอีกครั้ง และเข้าไปนอนในห้องของตัวเอง พลางมองหน้าจอโทรศัพท์ไปด้วย ตอนนี้มันแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้ามา แต่ผมไม่ได้เปิดอ่าน ผมไม่รู้ว่าเพราะผมกินเหล้ามารึเปล่า ผมถึงรู้สึกสับสน และตะขิดตะขวงใจแบบนี้


   ใช่ ผมต้องเมาแล้วแน่ๆ…ที่เห็นแต่รอยยิ้มของพี่สามเต็มเพดานห้องไปหมดแบบนี้






ตอนที่สี่มาเเล้วววว
หายไปนานเลยค่ะะ งานเยอะมว้ากกกกก TT  :mew6: :katai1:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 4 ☼ [อัพ 14.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 14-02-2016 21:41:44
พี่สามขี้อ่อยว่ะ สรุปใครพระเอก ทำไมหิรันต์ไม่เผยตัวเลย
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 4 ☼ [อัพ 14.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 14-02-2016 23:41:01
ตกลงพี่สามเป็นพระเอกเหรอออ
พี่สามน้องไม่มีห..นะคะ55555555
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 4 ☼ [อัพ 14.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 15-02-2016 00:03:41
พี่สามเร่งทำคะแนนมากๆเลย
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 4 ☼ [อัพ 14.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-02-2016 01:15:38
ไม่นะๆ พี่สามตัวหลอกๆๆ เชียร์น้องรันต์
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 5 ☼ [อัพ 22.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 22-02-2016 00:58:46
-5-
   

        ปังๆๆๆๆ!!!

   “วา!! ไอ้เชี่ยวา ตื่นไอ้สัสตื่น!!!”

   เสียงทุบประตูพร้อมกับเสียงโวยวายของไอ้เทียร์ปลุกผมให้ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย แล้วเดินขมวดคิ้วมุ่นไปหาไอ้ตัวต้นเสียง

   ถ้าแม่งไม่มีอะไรนะ ไอ้วาคนนี้จะโดดถีบยอดหน้าให้ดู!

   “แหกปากอะไรของมึงแต่เช้า กูจะนอน”

   “มึงดูนาฬิกาเดี๋ยวนี้ไอ้วา แปดโมงเช้าละครับเพื่อน พี่ปีสามนัดไปดูน้องตอนแปดโมงครึ่งไม่ใช่ไง เมื่อกี๊คนในกรุ๊ปไลน์แม่ง
ส่งรูปเฮียมึงมา ปีนี้เคราคูณสอง น่ากลัวระดับสิบ มึงไม่รีบ แต่กูรีบ บัยส์”

        ไอ้เทียร์รัวยาวๆแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำก่อนเป็นคนแรก ทำให้ผมรีบคว้าผ้าเช็ดตัวตามเข้าไป ในคณะผมนี่ รุ่นพี่ไม่ได้มีแค่ไว้ขอร็อกซ์ชีท หรือแนะนำร้านเหล้านะครับ เรานับถือกันแบบจริงจังและให้ใจ และพี่ปีสามของผมก็ขึ้นชื่อเรื่องตรงเวลาสุดๆด้วย

   “ไอ้เชี่ยฟาน มึงออกไปจากฝักบัวเดี๋ยวนี้เลยสัส กูจะใช้!” ไอ้เทียร์กับไอ้ฟานแย่งฝักบัวกันอยู่ เป็นสิ่งที่ผมเห็นจนชิน และเชื่อสิเหตุการณ์ต่อไปคือ

   “มันมีอยู่อันเดียว กูยังไม่เสร็จ มึงมาอาบกับกูนี่” ไอ้ฟานยกยิ้มร้ายและเปิดน้ำใส่หน้าไอ้เทียร์ตอนเผลอ เกิดเสียงดังตุบตับอยู่สั้นๆ ก่อนพวกมันจะช่วยกันอาบน้ำแต่โดยดี

         นั่นล่ะครับ กี่ครั้งมันก็จบแบบนี้…

         แต่ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะผมไม่ต้องแย่งอ่างอาบน้ำกับใครไง อิ_อิ

   
         หลังจากทำธุระของตัวเองเสร็จ ผมก็แต่งตัวแล้วออกมาเวฟข้าวเซเว่นกินพร้อมกับพวกมันสองคน ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งไปมหาลัย

   พวกผมวิ่งมาหารุ่นพี่ปีสามคนหนึ่งที่ชื่อ ‘ยิ้ม’ แต่พวกผมเรียกกันว่า เฮียยิ้ม หรือบางทีก็ เฮี๊ยยิ้ม บ้าง(ความสูงต่ำของเสียงขึ้นอยู่กับอารมณ์) เฮียเป็นทายาทอสูรของเฮดว้ากตอนผมปีหนึ่ง และตอนนี้ก็ทำการถ่ายทอดตำแหน่งมาเป็น เฮดว้าก ในปีปัจจุบันนี้

   ถามว่าทำไมผมต้องรีบมาหาเฮียยิ้มกันขนาดนี้น่ะหรอ…

   ต้องย้อนไปตอนปีหนึ่งนั่นแหละ ตอนที่เฮียแกยังไม่เป็นเฮดว้าก เป็นรุ่นพี่ที่ใจดีกับรุ่นน้องมากกก เอะอะแจกหนม ให้ชีท ติวสอบ เลี้ยงเหล้าแบบเฮไหนเฮนั่น และเป็นแบบนี้โดยเฉพาะกับพวกผม ด้วยเหตุผลเดียวคือ ‘ถูกชะตา’

   และไอ้คำว่าถูกะตาของเฮียก็เหมารวมกับการเอาพวกผมมาถ่ายทอดทายาทอสูรนี้ด้วย…

   “เดี๋ยวมึงไปอยู่ซุ้มปฐมพยาบาลนะ วันนี้คนที่นั่นน้อย เผื่อมีอะไรฉุกเฉินแล้วไม่ทัน” เฮียยิ้มพูดขัดความคิดผม ก่อนจะเดินเข้าลานของคณะไป ส่วนพวกผมก็ก้มหน้าก้มตาเดินไปที่ซุ้มพยาบาล เพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง

   อธิบายก่อนว่าไอ้ระบบถ่ายทอดทายาทอสูรเนี่ยมันคือ การให้เฮดว้ากในปีนั้นๆ เลือกคนที่จะมาเป็นเฮดว้ากในปีต่อไปไว้ และให้ช่วยเหลือในด้านต่างๆ เวลามีกิจกรรมเชียร์ ในเวลาที่คนๆนั้นว่างจากการเรียนปกติ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมในอนาคต

        ถ้าใครผิดกฎที่ตั้งไว้ตอนฝึก ก็จะมีบทลงโทษเเตกต่างกันไป(ผมถึงต้องรีบมาไง เพราะมาสายก็โดนลงโทษด้วย) และพวกผมก็เป็นหนึ่งในผู้ถูกเลือกของเฮดว้ากยิ้ม แต่จะได้ตำแหน่งอะไรนั้นก็คงต้องดูกันไป           
คนที่ถูกเลือกมีสิทธิ์ปฏิเสธได้ แต่ต้องหลังจากผ่านการทดสอบแล้วว่า คนๆนั้นไม่พร้อมทำหน้าที่นี้จริงๆ
   
        “มึง ไอ้เด็กปีหนึ่งที่เค้าลือกันว่าหล่อโคตรๆนี่อยู่ไหนวะ” ผมหันไปมองไอ้เทียร์ที่อยู่ๆก็โวยวายออกมา พร้อมกับชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟมองเหล่าเฟรชชี่ปีหนึ่งที่นั่งก้มหน้าตามคำสั่งพี่ว้าก

   “มึงคงเห็นหรอกไอ้ห่า ห่างตั้งเป็นโยชน์แถมยังก้มหน้าอีก นอกจากพ่อมึงจะเป็นมดอ่ะ” ผมด่ามันพร้อมกับหัวเราะเบาๆ มันทำท่าสะบัดสะบิ้งใส่ผม ก่อนจะโดนไอ้ฟานแพ่นกบาลไปทีนึง
   



   เวลาผ่านไปจนเข้าช่วงเย็น พวกผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะวันนี้อากาศกำลังสบายเลยไม่ค่อยมีน้องๆเป็นลมหรือป่วย ซึ่งก็นับว่าดีเพราะตัวผมตอนนี้คงช่วยอะไรไม่ได้มาก ข้อมือที่ซ้นไว้ก็ยังไม่เข้ารูปเข้ารอยเท่าไหร่ แต่ก็ใกล้จะหายสนิทแล้ว


   ระหว่างที่ผมกำลังเก็บพวกอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเข้าลัง เพื่อเตรียมกลับบ้าน ก็มีรุ่นน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าผม

   “เป็นอะไรมาครับ?” ผมถามแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองว่าคนๆนั้นเป็นใคร

   “สิวขึ้น”

   หา…….มึงมาซุ้มพยาบาลเพื่อขอยาแต้มสิวเนี่ยนะไอ้สาสส นี่มึงเป็นใครวะ


   “อย่ากวนพี่ครับ…น้อง ไอ้กำแพง!!”

   พอเงยหน้า ผมก็ได้คำตอบว่ามันเป็นใคร ไอ้กำแพง เจ้าเก่าเจ้าเดิม เพิ่มเติมคือความกวนตีน

   “ตกลงมียาทาแก้สิวอักเสบมั้ยครับ?”

   “ไม่มีว้อยยยย มึงนี่สติดีมั้ยวะ ยาแก้สิวอักเสบมันไม่ใช่ยาสามัญประจำบ้านนะ!” ผมแหวใส่มันอย่างหัวเสีย นี่มันไม่รู้หรือแม่งตั้งใจกวนตีนกูวะเนี่ย!

   “ไม่มีก็ไม่มี ไม่เห็นต้องอารมณ์เสียใส่เลย”

   “ไปไหนก็ไปไป๊!” ผมหยิบกระเป๋าตัวเองแล้วหมุนตัวจะเดินหนี แต่…

   “แล้วยาปฏิชีวนะมีป่ะ?”

   “ไม่มี!” ด้ายยยย จะเอาแบบนี้ใช่มั้ยยย พี่จัดให้!

   “ยาสีฟัน?”

   “ก็ไม่มี!”

   “ยาระบาย?”

   “ไม่มี!”

   “แล้ว...”

   “ไม่มี!”

   “ยังไม่ทันพูดเลยว่าจะเอาอะไร ฟังก่อนดิ” อ้าว นี่ความผิดกูหรอ กูขอโทษ!

   “มึงก็รีบๆพูดมาเหอะ กูรีบกลับ กูหิว เลิกกวนตีนกูด้วย ไม่งั้นกูจะแกล้งให้มึงโดยเฮดว้ากสั่งซ่อมหนักๆ โทษฐานปีนเกลียว”

          พอรู้ตัวว่าถ้าเถียงต่อไปแม่งไม่จบง่ายๆแน่นอน ผมก็งัดไม้สุดท้ายมาใช้คือการขู่ ที่ไม่รู้จะได้ผลรึเปล่า เพราะไอ้คนฟังแม่งยกยิ้มนิด ทำให้ใบหน้าโจรใต้แม่งดูน่ากลัวไปอีก แต่สิ่งที่ทำให้ผมเริ่มกลัวมันจริงจังคือประโยคหลังจากนี้


           “เอาพี่อ่ะ ทีนี้ตอบไม่มีไม่ได้แล้วนะ ต้องตอบว่าให้เอาหรือไม่เอา”

           “ไอ้เด็กบ้ากูเป็นรุ่นพี่มึงนะ!!!” ผมกระชากคอเสื้อมันอย่างลืมตัว ลืมว่าตัวเองเตี้ยกว่ามันเยอะ และอาจจะโดนมันกระทืบตายตรงนี้ก็ได้…

          “แล้วให้ไม่ให้อ่ะ”
     
          “ไม่ให้ว้อย!!!!!”

          ผมปล่อยคอเสื้อมัน แล้ววิ่งออกมาจากตรงนั้น แต่เชื่อเหอะ ผมได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆไล่หลังมา มีความสุขมากมั้ยสัส


         ไอ้เด็กเหี้ย!!!





ตอนที่ห้ามาเเว้ววววววววววว
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 5 ☼ [อัพ 22.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-02-2016 01:52:44
อร๊ายยย. น้องกำแพงรุกหนักมาก. อิอิ สู้ๆๆ น้องกำแพง ทีมน้องกำแพง
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 5 ☼ [อัพ 22.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 22-02-2016 02:07:57
น้องรันต์มาแรงมากกกก พี่สามก็รุกเร็ว เชียร์ไม่ถูกเลยยย
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 5 ☼ [อัพ 22.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 22-02-2016 12:19:18
มาแล้ววว น้องรันต์มาแล้ววว
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 5 ☼ [อัพ 22.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: zzzzzz ที่ 22-02-2016 12:42:42
พึ่งได้เข้ามาอ่าน รอๆ

อีกอย่างไม่รู้จะเชียร์ใครให้เป็นพระเอกเลย5555555555จับแววไม่ถูก
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 5 ☼ [อัพ 22.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-02-2016 13:10:09
น้องกำแพงพระเอกแน่เลย สงสารพี่สามล่วงหน้าเลย แต่เราเชียร์พี่สามนะ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 5 ☼ [อัพ 22.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-02-2016 13:32:22
พี่สามจีบนำไปเยอะแล้วนะ ถ้าน้องกำแพงจะจีบจริงคงต้องรีบทำคะแนน
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 5 ☼ [อัพ 22.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 22-02-2016 19:57:40
น้องกำแพงนี่ ถ้าจำไม่ผิด ชื่อหิรันต์ใช่ม่ะ?? มาถึงก็รุกเลยอ่ะ กรี๊ดดดดด!!
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 6 ☼ [อัพ 2.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 02-03-2016 21:24:34
6


   ผมจ้ำกลับหอด้วยความเร็วเท่าที่ขาตัวเองจะทำได้ ด้วยอารมณ์โมโหแบบสุดขีด ไอ้เด็กบ้านั่นอะไรกันวะ เอาบ้าอะไรของมัน ผมเป็นรุ่นพี่มันนะว้อย!

   ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ผมเลยดับความหงุดหงิดของตัวเอง ด้วยการเลี้ยวเข้าร้านขนมแล้วสั่งเค้กพร้อมน้ำปั่นมาสวาปาม

   ความหวานของเค้ก ผสมกับความเย็นของขนมทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัว ดีขึ้นมาบ้าง ตอนนี้ในร้านคนค่อนข้างเยอะเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้วุ่นวายมากไป

         ผมมองนู่น มองนี่ไปเรื่อยๆได้สักพัก ก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่มาหยุดข้างๆตัวเอง ลางสังหรณ์ของผมบอกว่าไม่ให้หันไปมอง แต่…สมองมันสั่งไม่ทันอ่ะ หน้าผมหันไปแล้วเรียบร้อย TT

           “คนเยอะ นั่งด้วยได้มั้ย” ครับ…ไอ้น้องกำแพงเจ้าเก่าเจ้าเดิม มึงจะตามหลอกหลอนกูไปถึงไหนเนี่ย!!!

          “ไม่ได้ มีคนนั่งแล้ว” ผมตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พร้อมกับหันหน้าไปอีกทาง

           “มีคนนั่งอะไร ก็เห็นอยู่ว่ามาคนเดียว” แต่มันก็ยังเถียงผมอีก

          “เอ๊ะ! บอกมีก็มีไง แล้วโต๊ะนั้นก็ว่าง ทำไมไม่ไปนั่ง” ผมก็เถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน คนเยอะก็จริง แต่ตรงมุมร้านก็มีโต๊ะว่างที่พอจะนั่งได้ อะไรของมันวะ!

         “ขี้บ่น เป็นรุ่นพี่ต้องใจดีสิ”

        “ใจดีกับทุกคนยกเว้นมึงอ่ะ ไปไหนก็ไป ไป ขี้เกียจเถียงแล้ว” ผมโบกมือไล่อย่างรำคาญแล้วกินของตรงหน้าต่ออย่างไม่อยากใส่ใจ แต่ไอ้พลังงานข้างๆก็ยังไม่ยอมไปไหน

         เออ! มึงจะยืนเป็นกำแพงแบบนี้ก็ตามใจมึงเหอะ!



         “น้องวา” เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำให้ผมรีบหันไปมอง พี่สามที่โผล่มาจากไหนไม่รู้กำลังยิ้มแฉ่งจนตาปิด พร้อมกับเดินเข้ามาหาผม

        “น้องวา วันนี้ไม่มีเรียนหรอ?”

        “เรียนครับ นี่ก็เรียนอยู่”

       “ไม่กวนพี่สิครับ” พี่สามหัวเราะเบาๆ พร้อมกับหันไปมองสิ่งมีชีวิตข้างตัวผมแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่เฮียแกก็ยังเป็นมิตรกับทุกคนด้วยการคลี่ยิ้มให้กับไอ้กำแพงหน้านิ่ง

        “เพื่อนน้องวาหรอครับ นี่พี่มากวนพวกเรารึเปล่า” พี่สามพูดพร้อมกับนั่งลงที่เก้าฝั่งตรงข้ามกับผม เอ่อ…นี่เกรงใจมากเลยใช่มั้ย

       “คนรู้จักน่ะครับ” ผมตอบแบบส่งๆไป แล้วก็หุบปากฉับ พร้อมก้มหน้าลงนิดๆ ไม่ให้ก้มหน้าได้ไงล่ะ ไอ้กำแพงมันเล่นมองผมด้วยสายตากดดัน แบบที่ไม่ต้องมองก็รู้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน ถ้าตานั่นเป็นมีดนี่ ผมคอขาดตายตรงนี้แล้ว กูทำอะไรผิดวะเนี่ย!

       “แล้ววาทำไมไม่ให้เขานั่งล่ะ พี่เห็นยืนอยู่ก่อนแล้วนะ เด็กนิสัยไม่ดีว่ะ” พี่สามดุแบบไม่จริงจังนัก แล้วเอื้อมมือมาขยี้หัวผมจนยุ่ง

       “ที่อื่นก็มีทำไมต้องมานั่งนี่ด้วยล่ะ” ผมปัดมือออกพร้อมกับเบะปากอย่างไม่พอใจ

      “ใจร้ายจริงๆ นั่งด้วยกันมั้ยครับ เดี๋ยวพี่เลี้ยงน้องด้วย” พี่สามหันไปพูดกับกำแพงที่ตอนนี้ทำหน้าตาน่ากลัวแล้วจ้องมาทางผม แล้วก็มองไปทางพี่สาม สลับกันไปสลับกันมา

      “ใจร้าย” กำแพงพูดออกมาเบาๆแต่ผมได้ยินชัดเจน ก่อนที่จะเดินไปนั่งที่อื่นแต่โดยดี
   
       ผมพูดประโยคนี้มารอบที่ล้านแล้วนะ
   
       แต่พี่เกดไม่เข้าใจอ่ะ
   
       อะไรของมันวะ!





ตอนที่หกมาเเว้วววววววว

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆนะคะะะะะะะ  :impress2: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 6 ☼ [อัพ 2.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 02-03-2016 23:46:06
เจอกันทั้ง 3 คนเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 6 ☼ [อัพ 2.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 03-03-2016 17:50:09
แย่อะ เลือกไม่ถูก แต่ช๊อตส่งรูปนี้ตายไปเลย กรี๊ด! :z3:
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 7 ☼ [อัพ 06.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 06-03-2016 15:18:55
-7-
[/size]



   “แล้วนี่วาจะไปไหนต่อมั้ย?” พี่สามถามขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากพวกเรานั่งกินขนมกันเงียบๆไปสักพัก

   “คงกลับคอนโดอ่ะครับ พี่มีอะไรรึเปล่า?”

   “เปล่าหรอก กะจะชวนไปหามอมแมมเฉยๆ แต่ถ้าวาไม่ว่าง เอาไว้วันหลังก็ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าพร้อมกับทำหน้าหมาหงอยใส่ผม ผมนิ่งไปนิด แต่สุดท้ายตาสีน้ำตาลอ้อนๆนั่นก็ทำผมแพ้ทางอีกจนได้

   “แล้วมอมแมมอยู่ที่ไหนครับ”

   “อยู่ที่บ้านพี่เองครับ น้องวาจะไปหรอ” พี่สามดูมีความหวังขึ้นมาทันที ผมว่าผมเห็นหูบนหัวพี่เขาอ่ะ…

   “แวะไปหน่อยก็ได้มั้งครับ” ผมยิ้มนิดๆ ดูดน้ำปั่นให้หมดแก้ว แล้วลุกไปจ่ายตังค์ แต่สายตาก็ดันเหลือบไปมองทางมุมร้าน ไอ้กำแพงนั่นยังนั่งอยู่ที่เดิมและมองมาทางผมด้วยสายตาเรียบนิ่ง นี่ผมไปทำผิดอะไรไว้นักหนารึไงเนี่ย!

   น้องกำแพงมันทำผมคิดมากแล้วนะ มันเดินมาขอเอา ตามมาร้านขนม(คิดว่านะ) แล้วไอ้คำว่าใจร้ายกับสายตานั่นอีก ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร แค่อยากแกล้งเล่นเฉยๆ หรือว่า…

        “วา….วา….น้องวา”

        “คะ ครับ” เสียงนุ่มทุ้มของพี่สามทำให้ผมหลุดจากความคิดเพ้อเจ้อของตัวเอง ใบหน้าได้รูปของเขาอยู่ห่างจากผมแค่คืบ ทำให้ผมตกใจผงะไปด้านหลัง

        “เหม่ออะไรอยู่ครับ จะถึงแล้วนะ ป่ะ ข้ามถนนกัน”

        พอหันไปมองรอบๆผมก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าตัวเองเดินมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ก่อนจะเอ่ยปากถามอะไร ฝ่ามือของพี่สามก็กระชับเข้าที่มือผม แล้วออกแรงดึงเบาๆให้ผมเดินตามเขาไป

        ความอบอุ่นที่ส่งผ่านฝ่ามือนั้น ทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆ พอเราทั้งคู่มาอยู่อีกฝั่งนึงของถนนเรียบร้อย พี่เขาก็หันมาพูดอะไรสักอย่างกับผม แต่จับใจความไม่ได้ เพราะความสนใจของผมอยู่ที่รอยยิ้มอ่อนๆที่ฉาบบนริมฝีปากพี่เขาตลอดเวลา ผมชอบจริงๆนะ ตอนที่พี่เขายิ้มแบบนี้

        “เดินไปอีกนิดก็ถึงแล้ว” พี่สามเดินต่อไปทั้งที่ยังเนียนจับมือผมไม่ปล่อย จนผมต้องกระแอมขึ้นมาดังๆ แต่ไอ้คนเนียนก็ยังทำหน้าตาไม่รู้เรื่อง

       “ไม่สบายหรอ บ้านพี่มียาแก้เจ็บคอนะ”

      “มือน่ะ มือ” ผมเอามืออีกข้างตีมือพี่สามเบาๆ ก่อนจะเบะปากใส่เขาอย่างหมั่นไส้

      “ไม่จับก็ได้ครับ” พี่สามปล่อยมือผมแต่โดยดี แต่ผมเห็นนะ ไอ้รอยยิ้มชั่วร้ายของพี่อ่ะ!

      “ถึงแล้ว”
   
      พอพี่สามเปิดประตูไม้สีขาวออก ผมก็ต้องเบิกตาค้างเพราะมีตุ๊กแกตัวเท่าควายเกาะอยู่!!!

   ไม่ใช่ละ….

   ผมตะลึงในความสวยของบ้านตะหาก บ้านของพี่สามเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวสไตล์วินเทจ ล้อมรอบด้วยสวน ทำให้บ้านนี้ร่มรื่นและตัดความวุ่นวายจากเมืองหลวงได้เป็นอย่างดี

        เมื่อเดินเข้ามาอีกนิดจะพบกับสะพานไม้สีขาว เป็นทางเชื่อมเข้าสู่ตัวบ้าน ด้านล่างเป็นบ่อบัวที่ตอนนี้ออกดอกหลายกอ บ้านหลังนี้ทำให้ผมรู้สึกสงบและอบอุ่นเหมือนกับเจ้าของบ้านเลย

   “บ้านสวยดีนะครับ”

   “ถ้าวาชอบก็มาอยู่ได้นะ”

   “มอมแมมอยู่ไหนน้า” พอพี่สามเริ่มหยอดมุข ผมก็เฉไฉไปเรื่องอื่น แล้วเดินนำเขาเข้าไปในบ้าน เพื่อหาไอ้ตัวเล็กที่ผมไม่
ได้เจอหน้าเลยตั้งแต่วันนั้น

   พอผมเดินเข้าไปในตัวบ้าน ก้อนพลังงานสีขาวก็วิ่งเข้ามาหา พร้อมกับใช้หัวเล็กๆถูกับขาผมไปมา ผมย่อตัวลงไปเล่นกับมันอย่างคิดถึง จากหมามอมแมมวันนั้น กลายเป็นลูกหมาหน้าตาน่ารัก ตัวกลมดิ๊กไปซะแล้ว

   “ดูดิ พอวามามันก็ลืมพี่เลยอ่ะ” พี่สามนั่งลงข้างๆ แล้วเกาพุงไอ้ตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว

   “ถามจริงนะพี่ นี่เอาหมาหลอกผมมาบ้านใช่ป่ะ?” ผมเงยหน้ามองแววตาอบอุ่นของเขาอย่างจริงจัง แสดงตนอย่างชัดเจนว่าผมไม่ได้ถามเล่นๆ

   “ถ้าตอบแบบสุภาพบุรุษก็ไม่ แล้วพี่ก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษ ก็ต้องตอบว่าใช่ครับ”

   “แล้วหลอกผมมาบ้านทำไม”

   “อยากรู้จริงๆหรอครับ” พี่สามระบายรอยยิ้มออกมานิดๆ แต่ดวงตาคู่สวยของเขากลับแวววาวขึ้นอย่างไม่น่าไว้ใจ แต่ผมก็ยังใจดีสู้เสือ เชิดหน้าและตอบกลับ

   “อยากรู้ ทั้งหมดด้วย” ผมเน้นเสียงคำว่าทั้งหมด แล้วจ้องลึกลงไปในดวงตาของเขา

   “ถ้าวาอยากรู้ พี่ก็จะบอก”

   ใบหน้าได้รูปที่ตอนนี้ดูอ่อนโยนกว่าทุกที เพราะเจ้าของระบายรอยยิ้มน้อยๆ ดวงตาสีน้ำตาลนั่นก็ทอประกายอบอุ่น ทุกอย่างสะกดให้สายตาของผมไม่สามารถละไปไหนได้ แล้วระยะห่างระหว่างเราก็ลดลงเรื่อยๆ

   ใกล้…จนผมเกือบหยุดหายใจ

   บ๊อก!!

   เสียงเจ้าตัวเล็กในมือผมเห่าขึ้น ทำให้พวกเราขยับตัวออกจากกันทันที สถานการณ์เสี่ยงเมื่อครู่แทนที่ด้วยความกระอักกระอ่วนแทน มือไม้ของผมพันกันวุ่นเหมือนไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ตรงไหนดี ส่วนพี่สามก็นั่งนิ่ง(สันนิษฐานว่าช็อตไปแล้ว) ทั้งที่หน้าแดงหูแดงไปหมดไม่ต่างจากผม

   “ผม…เอ่อ ผม” เป็นผมที่ทำลายบรรยากาศแปลกๆระหว่างเรา

   “พี่…ขอโทษนะครับ”

   “ไม่เป็นไรครับ”

   “ไม่เป็นไรจริงๆนะ” พี่สามมองผมด้วยแววตาสำนึกผิด จนผมต้องยิ้มให้เขาถึงดูคลายกังวลลงมาได้บ้าง

   “ถ้าน้องวาไม่เป็นไร งั้น…”

   “หืม?”

   “เอาใหม่ได้ป่ะ เมื่อกี๊ตกใจมอมแมมอ่ะ”

   “พี่สาม!!!”

   ผมโวยวายเสียงดังแล้วทุบไอ้คนทะลึ่งไม่หยุดมือ แต่คนโดนก็ยังไม่สลด หัวเราะลั่น พร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ผม

   “หยุดหัวเราะเลยนะพี่สาม!!”

   “ครับๆ หยุดแล้ว……5555555555555555555”

   “มันหยุดตรงไหนเนี่ย!!” เพราะเริ่มโมโห ผมเลยอุ้มมอมแมมแล้วเดินหนี แต่อีกฝ่ายไหวตัวเร็วกว่า คว้าแขนผมไว้ทัน แล้วเงยหน้ามองด้วยสายตาสำนึกผิด แต่ปากกลับยิ้มร่าอย่างมีความสุขสุดๆ!

   “วา” อีกฝ่ายเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แถมด้วยการทำหน้าจริงจัง

   “แกล้งอะไรผมอีกล่ะ”

   “ไม่ได้แกล้ง ครั้งนี้จริงจังมากๆด้วย”

         มือของพี่สามเลื่อนจากแขนลงมากระชับมือผมไว้หลวมๆ ดวงตาสีน้ำตาลที่ผมจดจำได้เป็นอย่างดีตั้งแต่วันแรก ตอนนี้ทอประกายอบอุ่นกว่าครั้งไหนๆ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองผมเพื่อสื่อความหมายบางอย่าง

        “พี่ชอบวานะ”
   


ตอนที่เจ็ดมาเเว้ววววว

หมอหมารุกเเรงมากกกกกก :o8: :-[ :impress2:

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะะะะะะ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 7 ☼ [อัพ 06.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-03-2016 20:34:59
อีพี่หมอ รุกเกินไปละ น้องกำแพงสู้เขาสิ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 7 ☼ [อัพ 06.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 06-03-2016 22:58:55
กำแพง FC

เร่งทำคะแนนหน่อย
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 7 ☼ [อัพ 06.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 08-03-2016 22:07:06
รันต์สู้เค้าหน่อยดิ่ อย่าปล่อยให้เค้าทำคะแนนฝ่ายเดียว
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 8 ☼ [อัพ 15.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 15-03-2016 22:35:45
-8-
[/size]


       หลังจากโดนน็อคไปด้วยประโยคนั้น ผมก็เดินเบลอๆกลับหอตัวเอง ตอนแรกพี่สามจะมาส่ง แต่สภาพจิตใจตอนนี้ทำให้ผมค้านหัวชนฝา จนพี่เขายอมแพ้ ให้ผมกลับเอง

   ถึงจะพอรู้อยู่บ้างว่าพี่สามเขาชอบหยอด ชอบอ่อย แต่ก็ไม่คิดว่าพี่จะมาบอกชอบกันโต้งๆแบบนี้ ผมไม่สามารถให้คำตอบพี่เขาได้ เพราะผมก็ยังไม่รู้ใจตัวเองว่าคิดยังไงกันแน่

   ‘ไม่ต้องคิดมากนะ พี่รอได้’

   พี่สามพูด พร้อมกับยิ้มอ่อนโยนให้ผมเหมือนเดิม หลังจากที่ผมเอาแต่อ้าปากค้าง ไม่ตอบอะไรเขา

   แต่พี่รู้มั้ย ยิ่งพี่พูดแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกผิดนะ

   ไลน์!!

หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : กลับบ้านดีๆนะ อย่าคิดมากอ่ะ

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : พี่สาม

หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : ครับ?

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : พี่ไม่ต้องรอผมหรอกนะครับ

หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : ทำไมล่ะครับ

วาบนยอดอันหนาวเหน็บ : ผมไม่อยากเห็นแกตัว เพราะผมไม่รู้ว่าคำตอบของผมจะเป็นยังไง ผมยังสับสนอยู่

หนึ่ง สอง สาม ปลาฉลามขึ้นบก : โทรคุยกันมั้ย พิมพ์ไม่ถนัดเท่าไหร่

   ครืดดดดด

   “ครับ”

   [ทำไมถึงคิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัวล่ะครับ?]

   “พี่จะรอให้มันได้อะไรล่ะครับ คำตอบจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ แล้วอีกนานแค่ไหนกว่าผมจะตอบพี่ได้ ถ้าระหว่างนั้นมีคนดีๆผ่าน
เข้ามาหาพี่ล่ะ ผมไม่อยากให้พี่เสียเวลา” ผมพูดสิ่งที่รู้สึกออกไปทั้งหมด ทุกอย่างที่ผมคิดและรู้สึก ผมไม่อยากให้พี่เขาเสียใจ…

   [วา พี่ไม่สนใจหรอกนะว่ามันจะเสียเวลารึเปล่า มันจะให้ประโยชน์อะไรกับพี่บ้าง พี่ไม่สนใจ แต่สิ่งที่พี่ได้รับตอนนี้คือความสุข ความสุขจากการชอบเรา พี่ชอบตอนวายิ้ม ตอนหัวเราะ และพี่จะมีความสุขมากๆ ถ้าคนที่ทำให้วายิ้มได้คือพี่ พี่ก็แค่ชอบวา
แค่นั้น]

   ทุกอย่างที่พี่สามพูด ผมเข้าใจ ภาพที่ผมมองกำลังพร่ามัวเพราะคำพูดของเขา แล้วทุกอย่างก็ชัดเจนหลังจากสิ่งที่เอ่อคลอดวงตาของผมหยดลง

   ผมไม่รู้ว่ามันบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ผมอยู่ที่ถนน ถนนที่เราเจอกันครั้งแรก ที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของอะไรหลายๆอย่างกับผม

   “พี่สาม ผมกลัวทำพี่เสียใจ”

   [แค่มองวาพี่ก็มีความสุขแล้ว วาจะทำพี่เสียใจได้ไง] พี่สามตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้นะ

   “ไม่เล่นสิ ผมจริงจังนะ”

   [เอาเป็นว่า ลองคุยกันดูมั้ยล่ะ ถ้าวาโอเคเราก็ค่อยๆพัฒนามันไป แต่ถ้าไม่ก็รักษามันไว้แค่นี้ ส่วนความรู้สึกพี่ วาไม่ต้องสนใจหรือเอามาคิดมากนะ พี่ชอบวามันก็เป็นเรื่องที่ตัวพี่ต้องจัดการเอง พี่จะไม่ทำให้วาลำบากใจนะครับ]

   “นิสัยไม่ดี”

   [พี่ยอมนิสัยไม่ดีก็ได้ครับ ถ้าวาสบายใจขึ้น]

   “มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยนะพี่”

   [พี่ก็ไม่ได้ล้อเล่น วาจะลองมั้ยล่ะ พี่ต้องการคำตอบแค่นี้]

   “ผม…..ไม่รู้”

   [ไม่เป็นไรครับ พี่รอนะ]




ตอนที่แปดมาเเว้ววววววววววววววววว

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะะะะ

 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 8 ☼ [อัพ 15.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-03-2016 22:41:53
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 8 ☼ [อัพ 15.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 16-03-2016 00:10:12
ห่ะ!! กำแพงจะไม่ทันพี่สามล้วหรอ??
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 8 ☼ [อัพ 15.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-03-2016 01:03:39
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 8 ☼ [อัพ 15.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: thanapontigy ที่ 16-03-2016 01:04:33
threesome oops!!!!!!  :hao6:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 8 ☼ [อัพ 15.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 16-03-2016 01:18:16
พี่สามรุกไวมาก
น้องกำแพงพลาดละ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 8 ☼ [อัพ 15.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 16-03-2016 07:58:46
เราว่ากำแพงเป็นพระเอก เดี๋ยวนะๆเรียกแต่น้องกำแพงจนลืมชื่อจริงน้องละ5555
พี่สามรุกเร็วรุกแรง อู้วววววว
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 8 ☼ [อัพ 15.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 16-03-2016 08:52:28
น่าสงสารพี่สาม. พระรองเกาหลีชัดๆ. หล่อ นิสัยดี แต่คือ ไม่ใช่.  ชอบพี่สามแต่ก็เชียร์กำแพง. มาต่ออีกนะคะน่ารักดี. ไม่เอาดราม่านะคะ. ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 8 ☼ [อัพ 15.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 16-03-2016 22:32:52
เชียร์พี่สามนะ แต่เทหมดหน้าตักให้หิรันต์มากกว่า อย่าช้านะไอ้น้อง รุกเค้าดิ่
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 8 ☼ [อัพ 15.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: ปุกปิกกุกกิกไปตามสไต ที่ 17-03-2016 19:07:53
ใครจะเปนคู่วากันน้า
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 8 ☼ [อัพ 15.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: mynamejnkf ที่ 18-03-2016 07:45:57
เข้ามาอ่าน บวกเป็ดแบบเนียนๆ

อ้ายยย น่ารักจังเลยน้องวา

สู้ๆค่ะคนเขียน  ต่อเยอะๆนะ แต่ละตอนสั้นจังเลย
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 8 ☼ [อัพ 15.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 18-03-2016 17:30:05
 :z3: โอ้ย 3pไปเลย ตัดปัญหาการแย่งชิง
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 8 ☼ [อัพ 15.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 18-03-2016 20:16:09
แอบรู้สึกว่าหิรัญมีออร่าความเป็นพระเอก 555 หรือจะ3p หว่าาา
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 9 ☼ [อัพ 26.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 26-03-2016 23:58:46
-9-




            หลังจากวันนั้นชีวิตของผมก็กลับเข้าสู่วงจรปกติเหมือนที่มันเคยเป็นมาก่อนหน้านี้ ตื่น กิน ไปเรียน นอน วนเวียนมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว ไม่มีเสียงไลน์ ไม่มีรูปมอมแมมส่งมาตอนเช้าๆ เพราะเจ้าของมันบอกว่าต้องการให้เวลาผมในการคิดเรื่องของ ‘เรา’

         ถึงเขาบอกว่าจะรอ จะให้เวลาผมคิด แต่เล่นเงียบหายไปเป็นอาทิตย์แบบนี้จะสบายใจได้ยังไงกัน
แล้วอีกอย่าง ไอ้เด็กกำแพงนั่นก็ทำท่าทีแปลกๆใส่ผม ปกติต้องเข้ามากวนมาวุ่นวาย แต่หลังจากวันที่เจอกันที่ร้านขนม มันก็หายไปเลย ถึงจะเจอกันที่ห้องเชียร์บ้าง แต่มันก็เหลือบมามองแค่หางตา แล้วสะบัดบ็อบใส่(อันนี้เติมเอง มันไม่ได้ตัดผมบ็อบ) เหมือนผมไปทำอะไรผิดกับมันนักหนา โว้ยยยยยยยยยย

              พี่สามแม่งใจร้าย!

          ไอ้กำแพงแม่งก็บ้า!

          ทุกคนรอบตัวผมแม่งบ้าหมดนั่นแหละ!

          ผมยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ระบายอารมณ์ปั่นป่วนภายในใจ เรื่องของพี่สามกับการกระทำแปลกๆของไอ้กำแพงรบกวนผมทุกครั้งที่ว่าง

           ผมไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องของพี่สาม…

           ผมพยายามคิดหาคำตอบเกี่ยวกับตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่มี ผมรู้สึกดีกับพี่สามนะ แต่มันอาจจะเป็นความรู้สึกแบบพี่ชายก็ได้

           ผมไม่กล้าตอบ ผมกลัวพี่เขาเสียใจ

            ไลน์!!

           เสียงไลน์ดังขึ้น ทำให้ผมหยุดทึ้งหัวตัวเอง แล้วรีบเปิดโทรศัพท์อ่านข้อความ

ข่มขืนแล้วยืนยิ้ม : วา ไอ้ฟานมันมีปัญหาอะไรกับไอ้เทียร์ป่าววะ

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ก็ไม่นะ ไมอ่ะเฮีย

ข่มขืนแล้วยืนยิ้ม : ไอ้ฟานมันหอบข้าวหอบของมานอนบ้านกู แถมเมาเป็นหมา พอกูจะโทรเรียกไอ้เทียร์มารับแม่งก็โวยวายไม่
ให้กูโทร แม่งเอากันพลากูเป็นตัวประกันด้วย มึงมาเคลียร์ให้กูหน่อย จะหักคามือแม่ง อยู่แล้ว TT

       
วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : แป๊ปๆ เดี๋ยววารีบไป

            ผมยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วรีบก้าวเท้าเดินให้เร็วที่สุด พลางคิดไปว่ามันจะทะเลาะอะไรกัน สองสามวันมานี้ยังปกติกันอยู่เลยนี่

           “รีบไปไหน”

           เสียงเรียบๆที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้ผมหันไปมอง ไอ้น้องกำแพงยืนทำหน้านิ่งกอดอกจ้องผมอยู่

           “…” ผมไม่ตอบอะไรกลับไป แต่รีบก้าวเท้าให้เร็วขึ้นอีก เอาคืนที่มันทำท่าหยิ่งๆใส่ผมมาหลายวัน

           ฟึ่บ!

           “ผมถามว่าพี่รีบไปไหน” แรงดึงจากข้างหลังทำให้ผมต้องหยุดเดิน แล้วหันมาจ้องหน้าอย่างหาเรื่อง

           “ทำไมต้องตอบ ปล่อยด้วย” พอออกแรงดึงแขน ไอ้กำแพงก็ยิ่งจับแน่นขึ้น

           “พี่ดูรีบ เผื่อผมช่วยอะไรได้”

           “กูช่วยตัวเองได้ ปล่อยโว้ย!” ผมดึงแขนตัวเองออกมาอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ก็สำเร็จ แต่ไอ้กำแพงแม่งกลับยิ้มกริ่ม

           “งั้นผมไม่ช่วยแล้วดีกว่า อยากดูพี่ช่วยตัวเอง”

           “ไปดูหมาที่บ้านมึงเหอะ!” ผมชูนิ้วกลางอัดหน้ามัน แล้วเดินหนี แต่ก็ต้องหยุดเพราะมันดึงแขนผมไว้อีกรอบ

            “อะไรอีกล่ะ กูรีบ!”

            “จะไปไหน เดี๋ยวไปส่ง” พูดจบมันก็ลากผมไป โดยไม่ฟังการคัดค้านของผม ช่างแม่ง เอาก็เอาวะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเดิน

             มันลากผมมาหยุดหน้ามอเตอร์ไซค์คลาสสิกคันหนึ่ง ผมมองรถแล้วมองหน้าไอ้กำแพงอย่างชั่งใจว่ามันจะพาผมไปถึงที่หมายจริงๆหรอ

              “ตัวโครงของเก่า แต่เครื่องไปโมมาแล้ว ไม่ต้องห่วง” มันพูดเหมือนรู้ความคิดผม แล้วส่งหมวกกันน็อคมาให้ ผมรับมาใส่ รอมันขึ้นรถ ก่อนจะขยับไปนั่งซ้อนท้ายแบบเก้ๆกังๆ

                    คือรถมันสูง ทุกคนต้องเข้าใจผม รถผิด ผมไม่ผิด!

                   ไอ้กำแพงค่อยๆออกรถช้าๆ ซึ่งดีแล้วเพราะผมไม่ชินกับการนั่งมอเตอร์ไซค์เท่าไหร่

                   “ไม่เคยซ้อนมอ’ไซค์หรอ?”

                    “เคย แต่ไม่ได้นั่งบ่อย”

                   “วันหลังต้องขึ้นให้เป็นนะ”

                   “ทำไม?”

                   “ต่อไปพี่คงต้องซ้อนมอ’ไซค์บ่อยๆ” ไอ้กำแพงพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่ก่อนจะตีความประโยคของมันต่อ มันก็ขัดขึ้นมาก่อน

                   “แล้วจะให้ไปส่งที่ไหน?”

                   “บ้านเฮดว้ากอ่ะ เดี๋ยวบอกทางให้”

                   “เปิด GPS ให้ผมดูหน่อย เสียงเครื่องมันดัง พูดแล้วไม่ได้ยิน” พอมันบอกแบบนั้นผมก็รีบหยิบโทรศัพท์แล้วยื่นไปให้มันดู

                   “อยู่ไกลขนาดนั้นจะมองเห็นได้ไง” มันบ่นออกมาอีก แล้วจับมือผมที่ตอนแรกอยู่ข้างๆตัว ให้อ้อมลอดเอวไปวางแหมะบนหน้าขามัน

                    แบบนี้ มันเหมือนผมกอดมันเลยไม่ใช่หรอ…

                    “อยู่นิ่งๆสิ” พอผมทำท่าจะขยับมือออก มันก็เอามือข้างหนึ่งมายืดมือผมไว้ให้อยู่กับที่

                    ท่าทางที่ดูแปลกๆ ทำเอาผมรู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้าขึ้นมาดื้อๆ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างอายๆกับบรรยากาศแปลกๆที่ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองคนเดียวรึเปล่า

                    ถึงจะดูแผนที่เสร็จแล้ว แต่มันก็ยังไม่ปล่อยมือผมสักที แถมยังเอามือผมอีกข้างมาจับเสื้อมันไว้ ด้วยเหตุผลที่ว่า

                    “ลูกระนาดมันเยอะ เดี๋ยวตก”

                    ไอ้กำแพงแม่งเนียนว่ะ
   

                หลังจากขับเข้าซอยมาได้สักพักก็เจอกับบ้านเฮียยิ้ม ผมลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อคคืน แล้วรีบหมุนตัวเข้าบ้าน แต่ก็โดนมือมือเดิมดึงเอาไว้อีกแล้ว

                “มาส่งทั้งที่ ไม่มีค่าตอบแทนเลยหรอ?”

                “ไหนว่าช่วยไง แบบนี้เค้าไม่เรียกช่วยนะ” ผมเถียงกลับ แล้วเบะปากใส่อีกฝ่าย

                “ก็ช่วย แต่ผู้รับที่ดีควรจะมีการตอบแทนนะ”

                “ขอบคุณ” พูดจบผมก็หันหลังให้มัน แต่ก็โดนรั้งไว้อีก

               “ไม่พอใจ พูดดีๆดิ”

               ได้ จะเอาอย่างงี้ใช่มั้ย ได้เลยกำแพง ด้ายยยยยยย

                “ขอบคุณมากนะ ขับรถกลับดีๆด้วยนะครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน พร้อมกับคลี่ยิ้มละมุนละไมเป็นของแถม แล้วเดินเข้าบ้านเฮียยิ้มไป

               ไอ้วาคนนี้พูดเลย ยิ้มแบบนี้ไม่เคยมีใครทนได้หรอก วะฮ่าฮ่าๆ


               “ไอ้วาเพื่อนร้ากกกกก” พอเท้าผมก้าวเข้าประตูบ้านมาปุ๊บ เสียงยานคางของไอ้ฟานก็ดังขึ้นมาทักทาย

              “เป็นอะไรของมึง” ผมเดินไปนั่งข้างๆมันที่ตอนนี้ตาเยิ้ม เสียงยาน เสื้อผ้าย้วยๆ สองมือกอดกันพลาสุดรักของเฮียยิ้มไว้

              “ไอ้เทียร์แม่งใจร้าย นิสัยไม่ดีด้วย กูไม่อยากอยู่กับมันแล้วววว” พอผมถาม มันก็เริ่มเบะปากแบบจะร้องไห้ แล้วไถลตัวมาพิงผม

               “มึงอย่าไปถามมันเลย กูถามอะไรไปมันก็ตอบแค่นี้” เฮียยิ้มที่พึ่งออกมาจากห้องครัวส่ายหัวแบบระอา

              “เดี๋ยวผมเอามันกลับเอง ขอบคุณที่ช่วยดูมันนะครับ”

              “ไม่เอา ไม่กลับบบ กลับไปไหนนน ไม่กลับว้อยยย” พอได้ยินคำว่ากลับมันก็เริ่มโวยวาย จนผมต้องตีปากมันเบาๆให้เงียบ และพยายามกดโทรศัพท์หาไอ้เทียร์

               “มึงหนีเก่งมากเลยนะ หนีมาบ้านเฮียเนี่ย คิดได้ไง?” แต่คนที่ผมโทรหาก็มาปรากฏตรงหน้าพอดี ขอบคุณพระเจ้า กูไม่ต้องเคลียร์เองแล้ว

               “พวกมึงมีอะไรก็เคลียร์กันไปนะ เคลียร์ให้จบอ่ะ กูไปรอข้างนอก เสร็จแล้วเรียกด้วย” ผมจัดการโยนซากของไอ้ฟานให้ไอ้เทียร์รับผิดชอบต่อ หวังว่ามึงจะคุยกับคนเมารู้เรื่องนะ กูไปล่ะ เรื่องผัวเมีย ไม่อยากยุ่ง อุ๊บส์!

               “มันจะคุยกันรู้เรื่องหรอวะ” เฮียยิ้มถามขึ้นแล้วเกาหัวอย่างงงๆ

              “ไม่รู้เรื่องเดี๋ยวก็รู้เรื่องเองแหละเฮีย” ผมยิ้มให้เฮียเป็นเชิงว่าไม่ต้องคิดมาก ก่อนเราจะนั่งอยู่ข้างนอกกันเงียบๆ รอเวลาให้ไอ้พวกนั้นเคลียร์กัน

               ไลน์!

               เสียงไลน์ผมดังขึ้นอีกครั้ง พอกดดูก็ทำให้ผมต้องเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

Run รัน รันต์ : sent a sticker


Run รัน รันต์ : สงสัยใช่ป่ะ ว่าได้มาได้ยังไง


Run รัน รันต์ : อยากรู้ก็รับแอดสิ : P


   ไอ้กำแพง แม่งมีไลน์ผมได้ยังไง!





ตอนที่เก้ามาเเล้ววว
น้องรันต์กลับมามีบทบาทอีกครั้งค่ะ อิอิ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆนะคะะะ  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 9 ☼ [อัพ 26.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 27-03-2016 23:53:20
มาแล้ววว กำแพงมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 9 ☼ [อัพ 26.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 28-03-2016 11:12:05
ต้องอย่างนี้สิรันต์ รุกหนักๆ 5555
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 10 ☼ [อัพ 30.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 30-03-2016 16:47:51
-10-



   ผมมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างลังเลว่าจะกดรับดีหรือไม่  ไอ้อยากรู้มันก็อยากรู้นะ แต่อีกใจนึงก็กลัวว่าพอรับแล้ว มันจะส่งอะไรมาแกล้งผมรึเปล่า

   แต่คิดมากไปก็เท่านั้น เพราะมือมันดันกดรับไปแล้ว…

Run รัน รันต์ : อยากรู้ถึงขนาดยอมรับเลยหรอ?

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : เออ
Run รัน รันต์ : พูดเพราะๆสิ เอาเหมือนตอนขอบคุณอ่ะ

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ไม่

Run รัน รันต์ : พี่แม่งน่ารักว่ะ

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : …กูเป็นผู้ชาย

Run รัน รันต์ : ก็น่ารักได้นี่ ทีพี่หมอหมายังชอบพี่เลย

   ผมชะงักไปนิดนึงเมื่อไอ้กำแพงมันตอบมาแบบนี้  นี่มันรู้เรื่องนี้ด้วยหรอ ผมยังไม่ได้บอกใครเลยนะ แม้แต่ไอ้พวกที่เคลียร์
กันอยู่ในบ้านก็ยังไม่รู้ แล้วมึงรู้ได้ยังไง!

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : มึงรู้ได้ยังไง
Run รัน รันต์ : คนมีจุดประสงค์เดียวกันเค้าดูกันออก

   หา?

   จุดประสงค์เดียวกัน

   อย่าบอกนะว่ามึง…

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : มึงชอบกูรึไง

   ผมตัดสินใจพิมพ์ประโยคนั้นไป แล้วหลับตาปี๋อย่างไม่อยากยอมรับ ไม่ว่ามันจะตอบอะไรมา จิตใจผมตอนนี้ก็ไม่พร้อมจะเจออะไรแบบนี้เท่าไหร่

Run รัน รันต์ : ไม่บอกหรอก รู้แค่ผมจะทำให้พี่ชอบผมก็พอ

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : กูเป็นผู้ชาย

Run รัน รันต์ : ไม่เห็นต้องแคร์

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : กูกลัวโจร

Run รัน รันต์ : ยังไง

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : หน้ามึงเหมือนโจร        แค่หน้าตากูยังไม่ไว้ใจมึงเลย จะชอบมึงได้ยังไง
Run รัน รันต์ : เจอกันพรุ่งนี้ที่ ม.ครับ

   ผมขมวดคิ้วกับประโยคของมัน อะไรวะ นี่ขนาดด่าหน้าเหมือนโจรแล้วมันยังไม่สะทกสะท้านอีกหรอ ถ้าเป็นกู โดนด่าหน้า
โจรกูบล็อกไลน์แล้วไปโดดน้ำตายแล้ว

   ลางสังหรณ์บางอย่างบอกผมว่าพรุ่งนี้ต้องมีอะไรให้ผมตกใจอีกแน่…
   





   ผมเดินเอื่อยๆเข้ามหา’ลัยพร้อมกับเพื่อนสนิททั้งสองคน วันนี้ทุกอย่างดูขมุกขมัวไปหมด เริ่มตั้งแต่ท้องฟ้ามืดครึ้ม  เหมือนฝนจะตก แถมไอ้สองคนนั่นยังแผ่รังสีแปลกๆใส่กัน ทำให้บรรยากาศยิ่งแย่ลงไปอีก ทั้งที่เมื่อวานก็ให้โอกาสเคลียร์กัน แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ

   เดินมาได้สักพัก ผมก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แถวๆโรงอาหารของคณะ ที่ตอนเช้าแบบนี้มีผู้คนพลุกพล่าน ทำให้จิตใจที่แห้งเหี่ยวของผมมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง

   “กูไปซื้อข้าวนะ มึงเอาไรมั้ย?” ไอ้ฟานลุกขึ้นทันที ตอนที่ไอ้เทียร์เลือกนั่งข้างๆมัน มันถามผมนะ แต่แค่ถาม แล้วก็เดินไป
ทันที...มึงถามเพื่อจะเอาคำตอบหรือถามเพราะมารยาทครับ

   แล้วพอไอ้ฟานลุก ไอ้เทียร์ก็ลุกตามแบบไม่พูดไม่จาอะไรกับผม สรุป…แม่งทิ้งกูอยู่คนเดียว…

   ผมหยิบโทรศัพท์มานั่งกด แล้วยัดหูฟัง เผื่อเพลงบีตหนักๆจะช่วยผมได้ นั่งไปได้สักพัก ผมก็รู้สึกถึงเงาอะไรบางอย่างที่
ทาบทับลงมาบนหัว เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบกับสิ่งที่เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้ผมเป็นอย่างดี

   ดีจนน่าตกใจเลยล่ะ!

   ใบหน้าคมเข้มของผู้ชายคนหนึ่งอยู่ห่างผมไม่ถึงคืบ จมูกโด่งเป็นสันของเขาเกือบชิดกับปลายจมูกเล็กของผม ริมฝีปากเป็นกระจับเคลือบด้วยรอยยิ้มน่ามอง คงเป็นเพราะผมทำหน้าเหวอใส่เขาแน่ๆ แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อผมละสายตาจากดวงตาสีนิลคู่คมนั่นไม่ได้เลย

   “คะ…ใคร?” กว่าผมจะหาเสียงตัวเองเจอก็ไม่รู้ว่าจ้องกันไปนานเท่าไหร่แล้ว พอได้ยินเสียงแผ่วๆของผม เขาก็หัวเราะออกมาเบา พร้อมกับดวงตาที่ฉายแววขี้เล่นขึ้น ทำให้ใบหน้าคมเข้มน่ามองนั่นสะกดผมจนอยู่หมัด ความร้อนจากทุกส่วนพร้อมใจกันมากองรวมที่บริเวณแก้ม

   “จำไม่ได้หรอ” อีกฝ่ายถามพร้อมกับยืดตัวขึ้นยืนตรง มันทำให้ผมสำรวจเขาได้ชัดเจนขึ้น ผมตัดสั้นเผยให้เห็นศีรษะสวย รูปร่างสูงโปร่งที่แม้อยู่ในชุดนักศึกษาก็ยังไม่สามารถปกปิดความ ‘ลงตัว’ ของผู้ชายคนนี้ได้ ผมว่าผมไม่เคยรู้จักคนแบบนี้นะ…

   ผมส่ายหัวแทนคำตอบ ทำให้อีกฝ่ายยิ่งขยับรอยยิ้มมากขึ้น

   “ผมอุตส่าห์บอกให้พี่จำชื่อผมดีๆแล้วนะ หิรันต์ไงครับ”

   “เฮ้ย!!” พออีกฝ่ายเอ่ยชื่อนั้นออกมา ผมก็สะดุ้งสุดตัว ภาพในหัวตีกันมั่วไปหมด ไอ้โจรป่าไว้หนวดไว้เคราน่ากลัวกับผู้ชายที่หาที่ติเรื่องรูปร่างหน้าตาไม่ได้คนนี้เนี่ยนะ!?

   “ตกใจขนาดนั้นเลยหรอ” ไอ้กำแพงเวอร์ชั่นพัฒนาแล้วโน้มใบหน้าลงมาผมอีกครั้ง ทำให้ผมผงะไปด้านหลัง แต่มันก็ยังตามติดเหมือนบังคับให้ผมต้องสบกับดวงตาสีนิลนั่นจนได้

   “ออกไปไกลๆกูเลย”

   “ไม่”

   “กวนตีน” ผมด่ามันพร้อมกับพยายามทำเสียงแข็งใส่ แต่อย่าคิดว่ามันจะสะทกสะท้าน เพราะมันจับมือผมไปวางบนโครง
หน้ามัน แล้วใช้สายตาที่คงทำให้ผู้หญิงสักคนเขินแทบบ้าจ้องผม แน่นอน ขนาดผู้หญิงยังแพ้ ผมจะไม่แพ้ได้ยังไง

   “เมื่อวานพี่บอกว่าพี่ไม่มีทางชอบผม เพราะผมหน้าเหมือนโจร”

   “ก็ใช่..”

   “ผมก็เปลี่ยนเพื่อพี่แล้ว พี่ล่ะ” มึงไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้นะ มึงลุคใหม่ไม่ดีกับใจกูเลย TT

   “อะไร”

   “พี่จะให้อะไรตอบแทนความทุ่มเทของผม?”

   “เอ๊ะ กูไม่ได้ขอให้มึงทำสักหน่อย”

   “งั้นพี่ก็เตรียมตัว เพราะผมจะเอาในสิ่งที่ผมควรได้จากพี่”

   “อะไรของมึงเนี่ย” ผมขมวดคิ้วมุ่นแล้วมองมันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย มันจะเอาอะไร ผมมีอะไรให้มันรึไง

   “สิ่งที่พี่ต้องให้ผมคือทุกอย่างของพี่นั่นแหละ” พอพูดจบ ใบหน้าของกำแพงก็ฉกวูบลงมาอย่างรวดเร็ว ผมหลับตาปี๋อย่าง
ไม่รู้จะทำอะไรที่มันดีกว่านั้น ก่อนจะลืมตาขึ้น เมื่อสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นที่แตะผ่านแก้มบางเบา

   ร่างสูงๆของไอ้กำแพงขยับออกห่างไปแล้ว มันยิ้มให้ผมอีกครั้ง แล้วเดินขึ้นตึกคณะไป แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ
หนาวๆแบบบอกไม่ถูก

   ผมฟุบไปกับโต๊ะอย่างโล่งอก หัวใจเต้นรัวจนต้องเอามือมากุมไว้ ความร้อนฉาบไปทั่วใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่

   อันตราย…

   ผู้ชายคนนี้อันตรายมาก!



ตอนที่สิบมาเเว้ววววววว

ช่วงนี้ให้โอกาสน้องรันต์เค้าทำคะเเนนไปก่อน เดี๋ยวพี่สามมาเเน่นอนค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆนะค   :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 10 ☼ [อัพ 30.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 30-03-2016 17:40:58
หนูวาเสร็จแน่ หุๆ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 10 ☼ [อัพ 30.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 30-03-2016 17:46:45
รุกหนักๆเลยนะรันต์ หนูวาก็นะ ทีกับพี่สามไม่มีอาการแต่กับน้องรันต์นี่ใจเต้นแรงเลยชิม่ะ??
#ทีมหิรันต์
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 10 ☼ [อัพ 30.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 30-03-2016 19:43:24
น้องกำแพงหล่อแล้ว 555+
วาโดนน้องรุกหนักแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 10 ☼ [อัพ 30.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 31-03-2016 00:00:20
ว๊าว!!  มาทำคะแนนอย่างต่อเนื่อง
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 10 ☼ [อัพ 30.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-03-2016 00:25:15
อีกำแพงสู้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 10 ☼ [อัพ 30.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: ปุกปิกกุกกิกไปตามสไต ที่ 31-03-2016 05:37:42
คนนนี้เเน่เลยเนื้อคู่คือหิรันต์ :z1:จิ้มครเขียน :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 10 ☼ [อัพ 30.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 31-03-2016 05:43:40
รู้สึกมีซัมติงรอง เชียร์3pแทนได้ไหมคะ อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 10 ☼ [อัพ 30.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 31-03-2016 06:52:38
นี่เชียร์กำแพงสุดใจขาดดิ้นเลยอ่ะ อิอิ  :katai1:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 10 ☼ [อัพ 30.03.59]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 31-03-2016 16:13:04
หิรันต์หล่อแรงงงง จะเอาคนนี้55555
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 11 ☼ [อัพ 02.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 02-04-2016 23:46:47
-11-


   “ใครอ่ะมึง?” ไอ้ฟานเดินกลับมาพร้อมกับมองตามหลังไอ้กำแพงไป มันเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันมาทำหน้าเหวอใส่ผม


   “กูรู้แล้ว! ไอ้วา กูรู้แล้วๆๆๆ” มันตรงเข้ามาเขย่าแขนผมอย่างตื่นเต้นแบบปิดไม่มิด


   “อะไรของมึงเนี่ย” ผมขมวดคิ้วเป็นรอบที่ล้านของวันใส่มัน แต่ไอ้เพื่อนตรงหน้าก็ยังไม่หยุดแสดงอาการตื่นเต้น


   “น้องคนนั้นไง น้องคนนั้นอ่ะ คนที่กูให้มึงดูไง ที่เค้าลือว่าแซ่บสุดในบรรดาปีหนึ่งเราไงมึง อ๊ากกกกก แล้วน้องเค้ามีธุระอะไรกับมึงวะ มึงติดต่อให้กูหน่อยดิ กูชอบบบบบ” ผมพยายามนึกตามคำพูดของมัน ก่อนจะร้องออกมาเพราะนึกขึ้นได้
จริงๆด้วย! ไอ้เด็กนั่นก็คือคนเดียวกับไอ้กำแพงอัพเกรด


   “แล้วตกลงว่าไง น้องเค้ามีธุระอะไรกับมึงวะ”


   “มึงจำคนที่กูยืนพิงเค้า ตอนเจอพี่สามได้ป่ะวะ” มันทำหน้าคิดนิดนึงก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงให้เล่าต่อ


   “คนเดียวกัน”


   “ห๊ะ!!!” ไอ้ฟานตะโกนออกมาเสียงดังอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง มันเอามือทาบอกอย่างตกใจ ก่อนจะย้ายร่างมานั่งข้างๆผมแล้วส่งสายตาคาดคั้น


   “กูรู้นะไอ้วา ช่วงนี้มึงมีเรื่องเครียด แต่ที่กูไม่เค้นกับมึงเพราะกูอยากให้มึงเล่าเองมากกว่า เพื่อนไม่ได้มีไว้ชวนแดกเหล้าอย่างเดียวนะ เราคบกันมากี่ปี มึงเครียดกูก็เครียด ปัญหาของมึง ถ้ารับมันไม่ไหวแบ่งมาให้พวกกูบ้างก็ได้นะ” น้ำเสียงจริงจังของ
มันทำให้ผมยิ้มให้มันบางๆ แทนคำพูดว่าผมไม่เป็นไรและยังไหวอยู่


   “มาๆ ชาร์จแบตกัน กูรู้มึงไม่โอเคนักหรอก กูก็ด้วย” ไอ้ฟานโผเข้ามากอดผมเหมือนที่ผมก็กอดตอบมัน


   ไม่มีใครมีความสุขตลอดเวลาหรอก ทุกคนมีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น


   แต่ผมเชื่อว่าผมจะผ่านมันไปได้ เพราะผมไม่ได้เผชิญมันคนเดียว


   ผมมีเพื่อน





   ตอนเย็น


   ผมเดินออกมาจากห้องด้วยสภาพที่เรียกได้ว่าใกล้ตาย…เนื้อหาการเรียนที่หนักโคตรๆแถมติดต่อกัน อีกทั้งน้ำเสียงอันไพเราะเกินไปของอาจารย์ที่ดึงหนังตาผมตกลงมาเรื่อยๆ แต่ที่แย่คือ หลับไม่ได้…


   จริงอยู่ที่การเรียนในมหาลัยคุณจะสนใจเรียนแค่ไหนก็ได้ ไม่มีใครมาคอยปาแปรงลบกระดานใส่หัวหรือเดินมาดึงหูเวลาคุณแอบนอน คุณต้องรับผิดชอบตัวเอง และทุกคำพูดของอาจารย์นั้นสำคัญทุกคำ


   “วันนี้ทำสุกี้กินกันเหอะนะ กูอยาก” ไอ้ฟานที่สภาพไม่ต่างจากผมเท่าไหร่เดินเอาหัวมาวางแหมะบนไหล่ผม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆแบบเด็กขอขนมกิน


         ผมมองแล้วก็ยิ้มออกมา แต่ดูเหมือนเพื่อนอีกคนจะไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย


   “ไปบอกไอ้เทียร์นู่น กูไม่ใช่คนทำ” ไอ้ฟานมองค้อนใส่ผมแล้วเดินสะบัดสะบิ้งไป ผมหันไปมองไอ้เทียร์แล้วส่งสายตาแทนคำถาม


   “เมื่อไหร่พวกมึงจะดีกัน”


   “มันงอนกูไม่นานหรอกน่ะ ไปซื้อของกันเหอะ” พอตอบแบบปัดๆเสร็จ ไอ้เทียร์ก็เดินไปทันที ทิ้งให้ผมถอนหายใจแบบปลงตก


   “ไอ้วา! ว่าที่ผัวมึงมาอ่ะ” เสียงโวยวายของไอ้ฟานที่เดินก่อนทำให้ผมขมวดคิ้ว ว่าที่ผัวอะไรวะ?


   ผมรีบสาวเท้าเดินไปตรงที่มันอยู่ ก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่มักจะมาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นเสมอ


   พี่สาม…


   ถึงจะไม่ได้เจอกันอาทิตย์กว่าๆ พี่สามก็ยังดูเหมือนเดิม ใบหน้าได้รูป ดวงตาอ่อนโยนสีน้ำตาลใส และริมฝีปากที่ยิ้มอบอุ่น
อยู่เสมอ ตอนนี้เขาก็กำลังยิ้มให้ผม


   “จะกลับห้องกันใช่ป่ะ วันนี้พี่เอารถมา ไปส่งให้มั้ย?” เมื่อผมเอาแต่ยืนเงียบ พี่สามเลยทำลายความเงียบด้วยการหาเรื่อง
คุยกับไอ้สองคนนั่น


   “กำลังจะไปซื้อของทำสุกี้กินกันครับ พี่พาไอ้วาไปส่งห้องก่อนก็ได้” ไอ้เทียร์พูดขึ้น ทำให้ผมอ้าปากจะเถียง แต่ไอ้ฟานก็
เถียงแทนผมเรียบร้อย


   “มึงจะให้มันไปกับ อุ๊บ!” แต่พูดยังไม่จบประโยคก็โดนปิดปากลากออกไป แล้วผมก็ถอนหายใจรอบที่ล้านของวัน


   “วันนี้ดูเหนื่อยๆนะ”


   “ครับ” ผมมองหน้าเขาและตอบไปแค่นั้น ผมคิดเรื่องของพี่สามมาหลายวันมาก คิดในหลายๆเรื่อง รวมทั้งคำตอบที่เขาถามไว้วันนั้นด้วย


   “ไม่เจอกันตั้งอาทิตย์นึง คิดถึงพี่ป่ะ?” แม้คำถามจะฟังดูเหมือนแหย่เล่นตามปกติ แต่แววตาที่ส่งผ่านออกมานั้นไม่ได้แสดงออกถึงความล้อเล่นเลยสักนิด


   “…….”


   ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่พี่สามก็ยิ้มกว้างขึ้นอีก เขาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า มันใกล้พอที่ผมจะสังเกตเห็นแววตาที่วูบไหว
ของเขา


   “วารู้ใช่มั้ยว่าพี่มาเพราะอะไร”


   “รู้ครับ” ผมตอบไปเสียงแผ่วๆ


   “รู้แล้วก็ไปสิ พี่หิว”


   คำพูดของพี่สามทำเอาผมชะงักกึก แล้วเงยหน้า อ้าปากค้างขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ


   “มาหานี่จะชวนไปกินข้าวด้วย แต่พวกวาจะทำสุกี้กินกันใช่ป่ะ กินด้วยนะ”


   หา?


   “แล้วเรื่องที่พี่ถามผมไว้ล่ะ!” ผมตะโกนขึ้นมาอย่างหัวเสีย นี่พี่แม่งจริงจังรึเปล่าเนี่ย!


   “ไม่ต้องตอบแล้ว”


   “ฮะ?!”


   “พี่ไม่ต้องการคำตอบแล้ว” พี่สามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แววตาของเขาไม่มีอะไรบ่งบอกว่าล้อเล่นอยู่สักนิด


   “บ้ารึเปล่าวะ! พี่รู้มั้ยว่าผมคิดมากแค่ไหน แล้วมาทำเป็นล้อเล่นแบบนี้ สรุปจริงจังรึเปล่าเนี่ย! นิสัยไม่ดี ไอ้คนบ้า ไอ้บ้า!”
ผมโวยวายไม่หยุดพร้อมกับระดมทุบตีพี่เขาเท่าที่จะทำได้ พี่สามก็ไม่คิดห้าม เขาเอาแต่กัน จนผมเหนื่อยและหยุดไปเอง


   “วาฟังพี่นะ”


   “อะไรอีกล่ะ!!” ผมมองเขาด้วยแววตาที่สั่นระริก ภาพทุกอย่างพร่ามัวเพราะน้ำตาที่คลออยู่ มันกลั่นตัวจากความเครียดและ
ความสับสนที่เล่นงานผมมาอาทิตย์กว่าๆ ตอนนี้ความเข้มแข็งของผมหมดลงแล้ว


   “ใจเย็นก่อนนะครับ”


   ฝ่ามืออบอุ่นของเขาเกลี่ยเบาๆที่ใต้ดวงตาผมเพื่อปาดคราบน้ำตา ไล่ลงมาจนถึงแก้ม และริมฝีปากที่เม้มแน่นไม่ให้สะอื้นออกมา ปลายนิ้วอุ่นเกลี่ยเบาๆอย่างอ่อนโยนทำให้มันคลายออกอย่างง่ายดาย


   “ที่พี่หายไปพี่ไม่ได้ต้องการจะปั่นหัววา พี่ต้องการให้วาและพี่ได้คิด และที่บอกว่าไม่ต้องการคำตอบแล้ว มันหมายถึงพี่จะไม่เร่งรัดวา”


   “ไม่เข้าใจ”


   “ก็พี่ถามวาว่าจะลองคุยกับพี่มั้ย คนจะคุยกันได้เขาต้องมีความรู้สึกดีๆให้กันก่อน แต่คนที่ชอบวาคือพี่ การที่พี่ถามแบบนั้น มันก็เหมือนกับการบังคับเราไม่ใช่หรอครับ”


   “แล้วหลังจากนี้ล่ะ?”


   “พี่จะจีบวา”


   “เมื่อก่อนคือไม่ได้จีบ?”


   “เปล่า นั่นแค่อ่อย”


   “พี่มันบ้าว่ะ” ผมว่าแล้วหัวเราะเบาๆ พี่สามลูบแก้มผมเบาๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา


   “ยิ้มแล้วๆ”


   “ผมร้องไห้แล้วน่าเกลียดหรอ?”


   “เปล่า น่าอย่างอื่นมากกว่า หึๆ” พี่สามยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วมองผมด้วยสายตาวิบวับ หางกับหูก็งอกมาอีกแล้ว


   “ทะลึ่ง!”


   “อะไร พี่หมายถึงน่าแกล้ง คิดอะไรอยู่หรา”


   “เอ๊ะ!”


   “ไปเหอะ หิวแล้ว” พี่สามตัดบทผมแล้วเดินไปที่รถที่จอดอยู่ใกล้ๆ ผมมองตามแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกหลายๆอย่าง สบายใจขึ้นมั้ย มันก็ใช่ เพราะผมไม่ต้องคาดคั้นและกดดันตัวเองมากเท่าเดิม เพราะพี่เขาไม่ต้องการคำตอบอีกแล้ว


   แต่บอกว่าจะจีบ    มันก็เหมือนกับที่ไอ้กำแพงบอก แสดงว่าตอนนี้…นายวาทิตย์ผู้ดวงจู๋ช้ำรักจากสาวทุกคน มีคนมาจีบถึงสองคน และเป็นผู้ชายทั้งคู่!


        อะไรบางอย่างบอกผมว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นอีกแน่ๆ
       

        ผมถอนหายใจอีกรอบ แล้วเดินไปขึ้นรถพี่สาม  จะเกิดอะไรก็เอาเถอะ ตอนนั้นค่อยว่ากัน


       
         คอนโด


        “พี่นั่งรอนี่ก่อนนะ ผมไปช่วยพวกมันเตรียมของก่อน” พอมาถึงห้อง ผมก็บอกให้พี่สามนั่งรอตรงห้องรับแขก ก่อนจะวางของแล้วเปลี่ยนชุดไปช่วยสองคนนั้นเตรียมของในครัว


        “มึง พี่สามมากินด้วยนะ” ผมบอกแล้วเริ่มหยิบผักมาหั่น  ไอ้ฟานกับไอ้เทียร์ทำแค่พยักหน้ารับ ก่อนจะลงมือเตรียมของต่อไป


         สักพักหนึ่งพวกเราก็ยกผักและเนื้อที่เตรียมไว้ออกมา ผมวางของไว้บนโต๊ะญี่ปุ่น แล้วเดินไปเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศ ดีที่วันนี้ไม่ร้อนเท่าไหร่ ลมเลยพัดมาเป็นระยะๆพอเย็นสบาย


         ผมกลับมานั่งที่แล้วเริ่มต้นลงมือกินสุกี้ พอมีของกินผมก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น ไอ้เทียร์นี่กุ๊กประจำแก๊งพวกผมเลยนะ มันทำอาหารได้หลายประเภทตั้งแต่กับแกล้มคู่วงเหล้าไปจนถึงอาหารฝรั่ง เรียกได้ว่าที่มีชีวิตรอดไม่อดสูเรื่องอาหารการกินก็เพราะมันเนี่ยแหละ


        “ปกติ อยู่กันสามคนแบบนี้หรอ” พี่สามคงเห็นว่าพวกผมจริงจังกับการกินมาเกินไป เลยเอ่ยทำลายความเงียบ


        “ครับ กิน นอนด้วยกันแบบนี้ตั้งแต่ปี 1 แล้ว” ไอ้ฟานเป็นคนตอบแล้วมันก็ร่ายยาวเรื่องการคบกันของพวกเรา พี่สามเองก็นั่งฟังอย่างสนอกสนใจ โดยเฉพาะเรื่องเปิ่นๆของผมที่ดูจะมีความสุขมากเป็นพิเศษที่ได้ฟัง



        ก๊อกๆๆๆ


         เสียงเคาะประตูขัดจังหวะการพูดคุย พวกผมสามคนมองหน้ากันแล้วขมวดคิ้ว ด้วยความคิดเดียวกัน ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว จะว่าเพื่อนที่คณะหรือพวกเฮียยิ้มก็ไม่ใช่ เพราะถ้าพวกนั้นจะมามันจะโทรบอกก่อน


         “พี่ไปเปิดให้มั้ยครับ?” พี่สามที่เห็นพวกผมนั่งเงียบทำท่าจะลุกไป แต่ผมก็ลุกห้ามไว้ แล้วไปเปิดเอง


        “ใครครับ? เฮ้ย! มึงมาได้ไงเนี่ย”



         งานนี้บอกได้คำเดียวว่ายุ่งแน่ๆ…




พี่สามคัมเเบ็คเเล้วค่ะ 55555555

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะะะะ  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 11 ☼ [อัพ 02.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-04-2016 02:06:56
อีน้องกำแพงมาแน่ๆๆ เอาแล้วๆๆๆๆ จะมีมวยไหม อิอิ ทีมน้องกำแพง 55555555
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 11 ☼ [อัพ 02.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 03-04-2016 23:02:55
ทั้งพี่สาม ทังน้องกำแพง ยุ่งมากแน่ๆงานนี้
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 11 ☼ [อัพ 02.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 04-04-2016 17:42:00
น้องวาเสน่ห์แรงนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 11 ☼ [อัพ 02.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 06-04-2016 02:53:42
หิรันต์สู้ๆ #ทีมหิรันต์ ชูป้ายไฟ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 11 ☼ [อัพ 02.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-04-2016 05:54:37
น้องกำแพงมาแน่ๆ มาจีบอย่างที่บอกไว้  พี่สาม ก็อยู่
มาจีบพร้อมกันสองคน แสดงว่า วาต้องน่ารักมากแน่ๆ  :mew1:
หน้าตาดี อบอุ่น ทั้งคู่ เชียร์ทั้งสองคนละกัน  :กอด1:
ชอบ รอ  :katai2-1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 12 ☼ [อัพ 12.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 12-04-2016 18:32:36
-12-



   “ไลน์ไปทำไมไม่ตอบ?” เสียงทุ้มที่ดูหงุดหงิดเอ่ยขึ้น ทำให้สามคนในห้องหันมามองอย่างสนใจ


   “ใครวะ” ไอ้ฟานทำท่าจะลุกมาดู


   “ไม่มีอะไรมึง เขามาผิดห้องอ่ะ เดี๋ยวกูไปบอกทางเขาแป๊บนะ กินกันต่อเลย” ผมพูดรัวๆแล้วแทรกตัวออกจากห้อง ก่อนจะจับมือไอ้แขกยามวิกาลที่ไม่ได้รับเชิญไปคุยกันไกลๆห้องผม


   “มึงมาได้ยังไงเนี่ย”


   “เก่ง” ใบหน้าคมเข้มของมันยิ้มมุมปากนิดๆอย่างภูมิใจที่มันมาห้องผมถูก


   “เอาดีๆ อย่ากวนตีน” ผมกอดอกแล้วจ้องหน้ามันอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ ที่เป็นคำตอบ


   “ถึงเรายังไม่ได้เอากัน แต่รับรองว่าผมเอาดีนะ” มันพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ พร้อมกับใช้แววตาแพรวพราวจ้องมาที่ผมแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ จนต้องขยับออกห่างแล้วใช้มือดันหน้ามันแรงๆ


   “อย่ามาลามปามได้มั้ยวะ กูไม่ตลกนะ”


   “ครับๆ ก็ถามจากพวกเพื่อนๆพี่อ่ะแหละ ไม่เห็นยากเลย”


   “แล้วมาทำไม”


   “พี่ไม่ตอบไลน์ผม ดูดิ” มันส่งโทรศัพท์ที่ปรากฏแชทของผม ที่มันทิ้งข้อความเอาไว้ตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงช่วงเย็น


   “แค่กูไม่ตอบไลน์เนี่ยนะ เลยมาหากูถึงห้อง”


   “อืม ก็ปกติพี่ตอบ เป็นห่วงนึกว่าเป็นอะไร”


   “กูก็ไม่ว่างบ้างป่ะวะ”


   “ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่เป็นห่วงเฉยๆ” ถึงมันจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็ทำเอาก้อนเนื้อในอกผมกระตุก จนต้องก้มหน้าลงบอกมันด้วยเสียงที่พยายามทำให้แข็ง


   “รู้ว่าไม่เป็นอะไรก็กลับไปได้แล้วไป”


   “ไม่กลับ”


   “แล้วมึงจะอยู่หาอะไรล่ะ”


   “หิวข้าว ขอข้าวกินหน่อยดิ เดินหาพี่ทั่วมหา’ลัย ยังไม่ได้กินอะไรเลย” พูดจบมันก็รีบก้าวขายาวๆของมันกลับไปที่ห้อง จนผมร้องเฮ้ยออกมา แล้วรีบดึงแขนรั้งมันไว้


   “หึ”


   เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเบาๆ ก่อนใบหน้าคมจะหันมามองผมอย่างเจ้าเล่ห์ เหมือนรอจังหวะนี้อยู่แล้ว มันหันกลับมา พลิกแขนข้างที่ผมจับอยู่ แล้วกระชากแขนข้างนั้นเข้าหาตัว ส่งผลให้ตัวผมลอยหวือเข้าอ้อมกอด ตามด้วยวงแขนแข็งแกร่งอีก
ข้างที่กดทับเอวของผมให้แนบสนิทกับลำตัวของมัน


   “ทำบ้าอะไรของมึง!” ผมเริ่มออกแรงดิ้นทั้งที่ก็รู้ว่าไม่หลุด แต่ก็ดีกว่ายืนนิ่งๆให้มันกอด


   “ผมเปล่านะ พี่ดึงผมเอง มันเป็นผลมาจากกฎข้อที่สามของนิวตันไงครับ”


   “มันไม่ใช่แบบนี้ว้อย! ปล่อยกูเดี๋ยวนี่เลยนะ!” พอคนตัวสูงกว่าแถข้างๆคูๆผมก็ยิ่งโมโห แล้วออกแรงทุบตีมัน


   “อยู่นิ่งๆสิ เดี๋ยวก็ตื่นหมดพอดี” มันทำเสียงมีลับลมคมใน


   “อะไรตื่น?” ผมขมวดคิ้วใส่ แล้วเงยหน้ามองอย่างสงสัย


   “ลูกชายผมข้างล่าง พี่ถูไปถูมาแบบนี้ไม่ปลอดภัยนะ” ผมเลื่อนสายตาลงไปตามก็พบว่าหน้าท้องของผมแนบสนิทอยู่กับอวัยวะอันตรายของอีกฝ่ายพอดี


   “ไอ้โรคจิต มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้เลยนะ!”


   “ขอสามนาที อยู่นิ่งๆเดี๋ยวปล่อย”


   “ไม่!!”


   “สองก็ได้อ่ะ” ไอ้กำแพงต่อรองอีก แต่ผมก็แหกปากใส่หูมันแล้วยืนยันคำเดิม


   “ไม่ว้อย!”


   “นาทีนึง เดี๋ยวปล่อย แล้วผมกลับเลย แต่ถ้าพี่ยังไม่ตกลงอีก ผมจะยืนกอดอยู่แบบนี้แหละ คนผ่านไปผ่านมาก็ไม่ปล่อย ผมไม่อายหรอกนะ เพราะผมไม่ได้อยู่ที่นี่ และแน่นอนว่าพูดจริงทำจริง” คนตัวสูงกว่าพูดออกมาเรื่อยๆเหมือนมันคือเรื่องสบายๆ แต่ดวงตาสีนิลคู่นั้นที่มองลงทำให้ผมรู้ว่ามันทำจริงแน่


   “ก็ได้ นาทีเดียวนะ” ผมตอบรับออกไปเสียงแผ่วๆ แล้วก้มหน้าหลบรอยยิ้มของอีกฝ่าย วงแขนที่รัดแน่นคลายออกหลวมๆพอให้ผมหายใจหายคอสะดวก ใบหน้าไอ้กำแพงโน้มลงมาใกล้เรื่อยๆจนผมต้องหลับตาปี๋ เม้มปากแน่น


   “หึๆ ไม่ได้จะจูบหรอกน่า” เสียงทุ้มพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนสัมผัสบนไหล่จะทำให้ผมลืมตาขึ้นมอง หัวทุยๆของมันซุกอยู่กับไหล่แค่นั้น


   “วันหลังอย่าเงียบไปแบบนี้นะ ผมเป็นห่วงจริงๆ พี่จะมองว่าผมวุ่นวายมากเกินไปก็ได้ แต่คนมันชอบ เรื่องแค่นี้มันก็เป็นเรื่องใหญ่นะครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มพูดข้างๆหูผม คำพูดทุกคำผมได้ยิน  รวมทั้งความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วย มันชัดเจนจนหัวใจผมเต้นแรง


   เป็นห่วงงั้นหรอ


   เป็นคำพูดที่ฟังแล้วอบอุ่นดีนะ


   “วันหลังจะตอบ” ผมตอบกลับไปเบาๆ ไม่ใช่ว่าผมตั้งใจไม่ตอบไลน์มันนะ แต่เมื่อเช้ามันเล่นงานผมซะตั้งตัวไม่ทัน ยอมรับเลยก็ได้ ว่าเขินมากจนไม่กล้าคุยด้วย


   “ครับ” มันถอนหายใจเบาๆ แล้วซุกหน้ากับไหล่ผมต่อ จนต้องสะกิดเตือน


   “ครบนาทีแล้วนะ”


   “ชิ จะเนียนซะหน่อย” มันจิ๊ปากอย่างขัดใจ ก่อนจะปล่อยวงแขนออกจากเอวผม


   “ไปได้แล้วไป มันดึกแล้ว”


   “ครับๆ ฝันดีนะ” ไอ้กำแพงยิ้มกว้างอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงมาแตะปลายจมูกกับแก้มผมตอนเผลอ


   “เฮ้ย!!!” ผมร้องขึ้นมาเสียงดัง แต่กว่าจะตั้งตัวได้ ร่างสูงๆก็เดินไปไกลแล้ว


   บอกแล้วไง แม่งเนียน!
   




   “ทำไมไปนานจังวะ?” พอกลับเข้าห้องมา ไอ้ฟานก็ทักผม พอกวาดตามองไปรอบๆห้องก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่าพี่สามไม่อยู่แล้ว


   “พี่สามล่ะ?” ผมไม่ได้ตอบคำถามมัน แต่ถามกลับแทน


   “กลับไปนานแล้ว เห็นบอกจะไปตามมึง แต่แป๊บนึงก็กลับเข้ามาเอาของแล้วขอตัวกลับก่อน  ไม่เจอกันหรอวะ?”


   “อ่ะ อ่อ ก็เจอ” ผมตอบตามน้ำไป แล้วกลับไปกินต่อ ก่อนจะปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว พี่สามบอกว่าออกจะไปตามผม  แต่ผมไม่เห็นพี่สาม ทั้งที่เปิดประตูมาก็เจอแล้ว ถึงผมจะยืนอยู่ไกล แต่ก็พอมองเห็น นอกจาก…จะเห็นตอนหนึ่งนาทีนั่นพอดี


   “เวรแล้วกู” ผมพึมพำออกมาเบาๆ


   “อะไรเวรวะ?” แต่ไอ้เทียร์ก็หูดีพอจะได้ยิน


   “เปล๊า กูอิ่มแล้วอ่ะ พวกมึงอิ่มยัง เดี๋ยวกูล้างเอง” ผมเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะยกชามทั้งหมดไปล้างแบบไม่รอฟังคำตอบ พวกมันทำหน้าเหวอๆ ก่อนจะเลยตามเลย ช่วยกันเก็บกวาดจนสะอาดเหมือนเดิม


   ผมคิดว่าพี่สามเห็น แต่ผมไม่อยากให้เขาคิดมาก


   ผมไม่อยากทำร้ายความรู้สึกใคร


   แต่ปล่อยให้มันคาราคาซังแบบนี้ไม่ได้


   ผมควรทำยังไงดี…





ตอนที่สิบสองมาเเล้วว

หายไปนานเลย TT ขอโทษนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆนะคะ  :impress2: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 12 ☼ [อัพ 12.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-04-2016 18:52:02
อร๊ายยยย อีกำแพงชะนะเลิศ. ด้านเข้าวะ อิอิ อีก_แพงคะแนนนำโด่งเลยตอนนี้ อิอิ กำแพงสู้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 12 ☼ [อัพ 12.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 12-04-2016 19:20:40
หิรันต์มาวินค่ะ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 12 ☼ [อัพ 12.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 12-04-2016 21:11:44
ไม่รักไม่ชอบก็บอกพี่สามไปเลยสิ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 12 ☼ [อัพ 12.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: monday012 ที่ 12-04-2016 21:56:40
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 12 ☼ [อัพ 12.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 12-04-2016 22:22:14
รักพี่เสียดายน้องหรอ. ไม่ดีนะครับ
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 13 ☼ [อัพ 24.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 24-04-2016 21:11:56
-13-


   หนึ่งอาทิตย์แล้ว…


   หลังจากวันนั้นที่พี่สามมากินสุกี้ที่ห้องและไอ้กำแพงหนึ่งนาที นี่ก็ครบอาทิตย์แล้ว ที่ผมพยายามหลบหน้าทั้งสองคนนั่น


   หลบไอ้กำแพงโดยการไปมหา’ลัยเช้าๆ แล้วกลับเร็วๆ


        หลบพี่สามที่พยายามมาหาผมที่คอนโด หรือมหา’ลัย


        ปิดตายไลน์ตัวเอง…ผิดสัญญากับไอ้กำแพงและทำตัวไม่ดีกับพี่สาม


         ใช่ ผมกำลังหนี…


   ผมหนีสองคนนั่นได้ แต่หนีความรู้สึกสับสนในใจตัวเองไม่ได้


   ผมยอมรับว่าหวั่นไหวกับไอ้กำแพง แม้มันจะเข้ามาในเวลาสั้นๆ แต่เรารู้สึกดีกับคนสองคนพร้อมกันไม่ได้ สิ่งที่แย่กว่าการปฏิเสธใครสักคน คือการไม่รู้ใจตัวเอง


   ผมไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้


   ผมต้องการเวลาในการหาทางออกให้กับทุกอย่าง


   แต่เวลามันหมดลงแล้ว…ยังไงผมก็ต้องพบกับความจริง


   วันนี้เป็นวันรับน้องนอกสถานที่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในสถานที่ยอดนิยมอย่างทะเลที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก


   ตอนนี้ผมยืนอยู่ในทะเลลึกแค่เข่า ปล่อยให้สายลมที่พัดมาช่วยลดความวุ่นวายในหัวสมองผม น้ำทะเลเย็นๆขัดกับแสงแดดที่สาดลงมาอย่างร้อนแรงทำให้ผ่อนคลายลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ


   “ทำเอ็มวีอะไรของมึงวะ” เสียงที่คุ้นเคยกับแรงกดที่ไหล่ทั้งสองข้าง ทำเอาผมสะดุ้งนิดหน่อยด้วยความตกใจ แต่พอมองผมก็ยิ้มออกมา เพราะมันคือเพื่อนรักของผมทั้งสองคน


   พวกมันสองคนยิ้มตอบ ก่อนจะกระชับท่อนแขนที่วางบนไหล่ผมคนละด้านให้แน่นขึ้น


   “ไม่ได้ทำเอ็มวี กูยืนอ่อยฝรั่งอยู่ นู่น กล้ามอย่างแน่นอ่ะมึง”


   “ไม่ยักรู้ว่าเดี่ยวนี้มึงหัดทำตัวแรด” ไอ้เทียร์ที่มีปากมีเสียงน้อยสุดในกลุ่ม แต่พูดทีก็ทำเอาเสียศูนย์เหมือนกัน


   “แรดตามไอ้ฟาน แต่มึงก็ชอบแรดแบบนี้ไม่ใช่หรอวะ?” พอผมสวนกลับเรื่องที่เป็นจุดอ่อนของพวกมันสองคน มันก็พร้อมใจกันหุบปากฉับ แล้วมองนกมองทะเลเป็นทองไม่รู้ร้อน


   “กูมีเรื่องจะบอกพวกมึงว่ะ” ผมยิ้มอ่อนๆ แล้วหันไปมองหน้าพวกมันทีละคน สองคนนั้นมองหน้าผมแล้วยิ้มตอบอย่างเข้าใจ


   เวลาที่เราสามคนมีเรื่องทุกข์ใจ จะไม่ค่อยบอกกัน จนกว่าจะแน่ใจว่าแบกมันคนเดียวไว้ไม่ไหวจริงๆ ถ้าบอกก็แปลว่า ได้พยายามแก้ไขเรื่องนั้นอย่างสุดความสามารถแล้ว


   “เล่ามาสิ”


   เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดอย่างใจเย็น เริ่มต้นตั้งแต่ตอนเจอพี่สาม เจอไอ้กำแพง จนถึงเหตุการณ์ที่กินสุกี้วันนั้น พวกมันก็รับฟังเงียบๆอย่างใช้ความคิด


   “กูไม่อยากทำร้ายใคร” ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้งเมื่อเล่าจบ


   “มึงไม่ทำร้ายใครไม่ได้หรอกไอ้วา เพราะตอนนี้มึงก็ทำร้ายทั้งเขาสองคนและตัวเองอยู่” ไอ้ฟานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ


         “สิ่งที่มึงควรทำตอนนี้คือ ถามความรู้สึกตัวเองให้ดีๆ พอได้คำตอบมึงก็บอกไปตรงๆ ถ้าสองคนนั่นชอบมึงจริง เขาต้องยอมรับการตัดสินใจของมึงได้ จริงอยู่ที่มันคงเจ็บถ้าโดนปฏิเสธ แต่ดีกว่ามึงยื้อต่อไป จนถอนตัวไม่ได้ มันไม่เท่ากับว่ามึงทำร้ายพวกเขาหนักกว่าเดิมหรอวะ”


   “ที่มึงพูดมันถูก แต่กูไม่เคยมีความรักจริงๆจังๆสักครั้ง กูไม่รู้อะไรเลย แม้กระทั่งความรู้สึกตัวเอง”


   “ถ้าหนึ่งมันใช่ จะไม่มีสอง” ไอ้เทียร์พูดขึ้นเรียบๆ แต่ก็ทำให้ผมเงียบลง แล้วใช้ความคิดกับตัวเองอีกครั้ง


   “กูกลัว” สุดท้ายสาเหตุจริงๆมันก็มาจากเหตุผลเดียว มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะผิดหวังกับความรัก แต่ผมว่าผมผิดหวังมา
มากเกินไป จนกลัว…


   “กูเข้าใจว่าที่ผ่านมามันไม่ค่อยดี แต่อย่าเอาอดีตมาทำร้ายปัจจุบันสิวะ เริ่มใหม่ได้แล้ว”ไอ้ฟานยิ้ม ทำให้ผมยิ้มตาม


   “ ไว้ผัวทิ้งก็วิ่งมาซบพวกกูได้” ไอ้เทียร์พูดแล้วหัวเราะออกมา สำทับด้วยไอ้ฟานที่ประสานเสียงด้วย แล้วผมก็หลุดหัวเราะออกมาบ้าง


   “เลิกทำหน้าเครียดสักทีเหอะ พวกกูเป็นห่วง” พวกมันสองคนยิ้มกว้าง ผมก็ยิ้มตอบไปแบบกว้างๆ


   “อืม ขอบคุณนะพวกมึง”


   “ไม่ต้องหรอก ก็เราเป็นเพื่อนกัน” พูดจบพวกเราสามคนก็กอดกันเป็นวงกลม หรือมีศัพท์ที่เรียกกันเองว่า ‘การชาร์จแบต’


   ถึงความรักผมจะล้มเหลวมากี่ครั้ง แต่ผมไม่เคยล้มเหลวจากการรักพวกมัน




   ตอนเย็น


   เสียงเพลงอะคูสติกฟังสบายจากพี่ปีสามดังคลอไปกับเสียงคลื่น ช่วยให้บรรยากาศในการรับน้องนอกสถานที่เต็มไปด้วยความผ่อนคลาย เหมือนกับเป็นการพักผ่อนของปีหนึ่ง หลังจากเจอศึกหนักจากพวกพี่ว้าก ที่พอหมดเวลาโหดก็เข้าสู่โหมดติ๊งต๊องกันเต็มที่


   อย่างในตอนนี้ที่เฮดว้ากอย่างเฮียยิ้มกำลังโดนเหล่าพี่ว้ากหามลงทะเล ท่ามกลางเสียงเชียร์ของบรรดาปีหนึ่ง พอมันขึ้นมาได้ก็วิ่งไล่เตะเพื่อนตัวเอง แต่สังขารไม่อำนวยเท่าไหร่ เลยต้องมานั่งเหนื่อยๆข้างผม


   “แก่แล้วดิเฮีย วิ่งแค่นี้หอบ” ผมเหน็บไปเบาๆ ก่อนจะส่งน้ำเปล่าในมือให้ เฮียยิ้มมองผมด้วยหางตาแบบคาดโทษไว้ก่อน แล้วรับน้ำไปดื่ม


   “ว่ากูแก่ มึงเหอะทำหน้าเครียดจนหน้าแก่กว่ากูอีก ชีวิตมันดราม่ามากหรอวะ” เฮียมันว่าพร้อมกับขยี้หัวผมแรงๆ


   “อย่าดิเฮี๊ย! แม่งเซ็ตนานนะเว้ยกว่าจะหล่อแบบนี้” ผมปัดมือมันออก  แล้วขยับหนี แต่เฮียยิ้มแม่งก็ล็อคคอแล้วสะบัดๆน้ำใส่


   “โว้ยยยยย มันเปียกนะเว้ย พวกมึงช่วยกูด้วย!” ผมแหกปากเรียกไอ้เทียร์กับไอ้ฟานที่ยืนคุยกันอยู่ไม่ไกล มันสองคนหันมาโบกไม้โบกมือแล้วคุยกันต่ออย่างไม่สนใจใยดีผมสักนิก  ไอ้เพื่อนนิสัยไม่ดี!


   แปะ!


   “โอ๊ย! อะไรวะ”


   เสียงวัตถุกระทบหน้าผากเฮียยิ้มดังแปะ แต่เป็นแปะที่ฟังแล้วเจ็บแทน พอมองหาก็พบว่าเป็นผลของต้นอะไรสักอย่างที่ผม
ไม่รู้จัก คาดว่าน่าจะหล่นมาจากบนหัว


   “เวรกรรมที่เฮียแกล้งผมอ่ะแหละ แบร่” พอได้จังหวะ ผมก็วิ่งหนี ทิ้งให้เฮียผู้โชคร้ายนั่งคลำหัวป้อยๆต่อไป


   เดินไปไม่กี่ก้าว สายตาผมก็เจอเข้ากับซุ้มอาหารเล็กๆ ที่ทางบ้านพักจัดไว้ให้ เป็นแบบบุฟเฟ่ต์เลือกตักทานเองได้เต็มที่ เป็นอาหารจำพวกอาหารทะเลย แน่ล่ะ มาทะเลจะให้นั่งกินข้าวซอยก็แปลกไปหน่อย


        ในขณะที่กำลังถือจานเลือกอาหารอย่างอารมณ์ดี ข้อมือของผมก็ถูกใครบางกระชากไว้


   แล้วก็ไม่ต้องสงสัย


   ไอ้กำแพง…


   “หนีไม่ได้แล้วนะ” ดวงตาสีนิลคู่นั้นมองมาด้วยความรู้สึกที่ยากจะเดาออก ก่อนจะออกแรงลากผมไปริมทะเลที่ไม่ค่อยมีคน


   “ผมต้องการคำอธิบายจากพี่”


   “….” แต่ผมก็ให้คำตอบมันด้วยความเงียบ


   “พี่วา!” พอมันเริ่มเสียงดัง ผมก็สะดุ้ง แล้วขยับถอยหลังไปอีกก้าว สัมผัสได้เลยว่าอีกฝ่ายน่ากลัวแค่ไหนในเวลานี้ ดวงตาคมดุวาวโรจน์ด้วยโทสะจากความเงียบของผม


   “วา!!” มันเสียงดังอีกครั้ง แล้วเอื้อมมือมากระชากแขนผมทั้งสองข้างเข้าไปหาตัวอย่างแรง


   “มึงจริงจังแค่ไหนกันวะ” เสียงที่ออกมาแผ่วเบา แต่ดวงตาผมเต็มไปด้วยความจริงจัง มันถึงเวลาที่ผมต้องเผชิญหน้าสักที


   “อะไร?” จากความโกรธที่เต็มเปี่ยมเปลี่ยนเป็นความงุนงงทันที แรงบีบที่ต้นแขนทั้งสองข้างก็ค่อยๆคลายลง


   “เรื่องกู มึงจริงจังแค่ไหนกัน รันต์กูถามจริงๆเถอะนะ มึงแค่อยากหาอะไรใหม่ๆเล่นรึเปล่า มึงชอบกูจริงๆหรือแค่ถูกใจ” ผมพูดในสิ่งที่ตัวเองสงสัยและกลัวอยู่ออกไปหมด


   “…” มันเงียบ ความเงียบมันน่าอึดอัดแบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะ ไอ้กำแพงถึงได้โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ผมไม่เปิดปากพูดอะไร
เมื่อกี๊


   แต่ความเงียบก็คือคำตอบรูปแบบหนึ่ง


   “กูเข้าใจแล้ว” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะฝืนยิ้มให้มันบางๆ แล้วหันหลังกลับ แต่เสียงถอนหายใจยาวๆก็ดังขึ้น พร้อมกับวงแขนแข็งแรงที่กอดรัดจากด้านหลัง


   “เข้าใจว่าอะไร” น้ำเสียงนุ่มทุ้มแบบเดิมถูกงัดมาใช้ ใบหน้าได้รูปของคนข้างหลังกดลงบนบ่าของผมเบาๆ


   “ก็มึงเล่นๆไง พอเถอะเลิกได้แล้ว อย่ามายุ่งกับกู” ผมใช้แรงที่มีพยายามแงะแขนมันออก แต่ก็ชัดเจนอีกคนมันแข็งแรงกว่ามาก


   “คนที่ต้องเสียใจมันเป็นผมนะ”


   “มึงจะเสียใจอะไรล่ะ! ไม่ได้แคร์อยู่แล้วนี่!” ผมตวาดใส่มันทั้งที่จมูกกับตาเริ่มร้อนผ่าว


   “พี่ไม่ตอบไลน์ หลบหน้าผม แล้วก็ดูถูกความรู้สึกของผมด้วย” อ้อมแขนแข็งแรงค่อยๆคลายออก ก่อนอีกฝ่ายจะจับผมให้หันมามองหน้ากันดีๆ


   “จะให้กูเชื่อได้ยังไง มึงเข้ามาเร็วมาก มึงรุกกูหนักมากด้วย มันเร็วจนเหมือนล้อเล่น” ยิ่งพูดเสียงผมก็ยิ่งสั่นแบบห้ามไม่อยู่ ภาพทุกอย่างเริ่มพร่ามัวเพราะม่านน้ำตาที่ก่อตัวขึ้น


   “นี่ไงถึงได้บอกว่าผมควรจะเสียใจ  ที่พี่มองไม่เห็นความจริงจังของผม รู้มั้ยกว่าจะทำใจกล้าหน้าด้านไปกวนตีนพี่ เนียนเอา
ไลน์ หาที่อยู่ อ่อย หรืออะไรก็ตามให้พี่สนใจมันยากขนาดไหน แต่ขอให้เชื่อเถอะว่าผมไม่เคยทำเพราะอยากล้อเล่นกับพี่เลยสัก
นิด ผมชอบพี่ก็คือชอบพี่ ทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อให้พี่รู้สึกแบบเดียวกันทั้งนั้น”


   ถึงน้ำเสียงนุ่มทุ้มนั้นจะเอ่ยออกมาอย่างสบายๆ ริมฝีปากได้รูปนั่นจะยกยิ้ม แต่ดวงตาสีนิลที่มักจะระยิบระยับอยู่เสมอกลับแสดงออกชัดเจนว่ามันจริงจังแค่ไหน


   “เข้าใจหรือยัง?” มันถามอีกครั้ง ผมก็ทำได้แค่พยักหน้ารับหงึกหงัก ปาดขี้มูกที่ย้อยๆออก จนมันหัวเราะเบาๆแล้วส่งปลายนิ้วอุ่นมาไล้คราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือออกอย่างอ่อนโยน


   ผมกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะผงะเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าคมนั่นโน้มเข้ามาใกล้ ดวงตาสีนิลอยู่ใกล้จนมองเห็นใบหน้าเหรอหราของตัวเองจากในนั้น อีกฝ่ายคลี่ยิ้มบางๆ แล้วออกแรงที่วงแขนรัดเอวให้แน่นขึ้นเมื่อผมเริ่มต่อต้าน


   “ถ้าหนีอีก ผมจะจับล่ามโซ่จริงๆนะ” ไอ้กำแพงพูดแบบทีเล่นทีจริง แต่ก็ทำให้ผมหยุดดิ้นแล้วมองหน้ามันอย่างเอาเรื่อง


   “ก็ลองดูสิ ถ้ามึงทำได้ก็เอาเลย”


   “ครับๆ ไม่ทำหรอกครับ น่ารักขนาดนี้ใครจะไปทำลง” มันพูดพร้อมกับหัวเราะแผ่วๆ


   “ปล่อยกูได้แล้ว” ผมพยายามขืนตัวอีกครั้ง ทั้งจิกไปลงบนแผ่นอกแข็งแรงเกินหน้าเกินตา มืออีกข้างก็ข่วนไปทั่ว


   “ชอบผมบ้างรึยังครับ?” พอมันถามก้อนเนื้อในอกก็กระตุก ความร้อนแล่นไปรวมกันบนใบหน้า ผมเม้มริมฝีปากแน่นอย่าง
ทำอะไรไม่ถูก ตรงข้ามกับคนถามที่เลื่อนมือไปบีบท้ายทอยผมเบาๆแล้วบังคับให้เงยหน้าขึ้น


   ณ เวลานี้หนียังไงก็คงไม่รอดแล้ว สู้เผชิญหน้าไปเลยดีกว่า


   “ไม่รู้” ผมตอบเสียงแผ่วๆ แต่มันก็ยังคงยิ้ม


   “พี่ชอบผม”


   “กูบอกว่าไม่รู้”


   “พี่ชอบผมแน่ๆ”


   “เอ๊ะ! กูบอกว่ากูไม่รู้!” พอมันเริ่มพูดประโยคเดิมมากๆเข้า ผมก็เริ่มหงุดหงิดเลยเผลอโวยวายออกไปเสียงดัง


        แต่ก่อนจะได้พูดอะไรต่อ สัมผัสอุ่นๆก็ประทับลงบนริมฝีปากที่เผยอจะพูดต่อของผมอย่างรวดเร็ว มันค้างอยู่นานพอที่จะสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นและความชื้นนิดๆจากปลายลิ้นอีกฝ่ายที่ไล้เลียกลีบปากบนและล่างอย่างแผ่วเบา ก่อนจะถอนออกแล้วยิ้มใส่ตาผมที่ยังช็อคอยู่


   “ชอบยัง?” ไอ้คนฉวยโอกาสยักคิ้วใส่อย่างกวนตีน


   “ไม่ชอบว้อย!” ไม่รู้ว่าเพราะแรงจากการโมโหหรือเขินกันแน่ แต่ก็ทำให้ผมดิ้นจนหลุด แล้วประเคนฝ่าเท้าเบอร์ 38 ใส่หน้าแข้งให้มันไป ก่อนจะจ้ำออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ทิ้งไว้แค่เสียงร้องโอดโอยปนเสียงหัวเราะขำของคนโดนทำร้ายไล่ตามหลังมา






หายไปนานเลย TT
อารมณ์อะไรหลายๆอย่างยังไม่คงที่ค่ะ
เเต่งไปก็ตบตีกับตัวเองไป 5555555
มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายยากนะคะ ถ้าใครอยู่ในสถานการณ์อะไรเเบบนี้
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาคอมเม้นท์ มากๆนะคะ  :impress2: :impress2: :impress2:

หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 13 ☼ [อัพ 24.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 24-04-2016 23:38:59
กำแพงคือพระเอกใช่ป่าวครับ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 13 ☼ [อัพ 24.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 25-04-2016 06:20:09
 o13 บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 13 ☼ [อัพ 24.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-04-2016 09:21:52
ชอบ ก็บอกว่าชอบสิ วา :katai2-1:
วา ปากแข็ง
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 13 ☼ [อัพ 24.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 25-04-2016 11:11:23
สงสารพี่สาม แต่นางไม่วิน งือออหมอๆซบอกเราก็ได้
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 13 ☼ [อัพ 24.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 26-04-2016 13:20:59
ชอบคนนี้ เป็นคนนี้สินะหนูวา น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 13 ☼ [อัพ 24.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-04-2016 13:22:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 13 ☼ [อัพ 24.04.59]
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 26-04-2016 14:14:04
 :pig4 :pig4: :3125:
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 14 ☼ [อัพ 07.05.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 07-05-2016 01:46:23
-14-




   หลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้หัวใจเต้นรัวเป็นจังหวะกลองยาวแล้ว ผมก็มานั่งสงบเสงี่ยมมองนู่นมองนี่ จิบเป๊ปซี่เย็นๆ บนเตียงผ้าใบ ถึงแม้ใจจริงเมื่อกี๊อยากได้เหล้าดีกรีแรงๆมากกว่าเป๊ปซี่ก็เหอะ แต่เพราะเฮียสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดว่าต้องโนแอลกอฮอล์ในการรับน้องนอกสถานที่ เพื่อป้องกันเรื่องวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นตอนตอนเหล้ามันออกฤทธิ์และภาพลักษณ์อันดีของมหาวิทยาลัย


   “มึงหายไปไหนมาวะ?” นั่งได้ไม่นานเพื่อนตัวดีก็เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าแปลกใจ


   “ไปคุยกับไอ้กำแพง” ผมตอบไปตามตรง แล้วขยับให้ไอ้สองคนนั้นนั่งด้วย


   “มิน่า กูก็อุตส่าห์เดินหาซะทั่ว ที่แท้ไปโดนเด็กมันปล้ำมานี่เอง” ไอ้เทียร์พูดออกมาแล้วยิ้มที่ดูก็รู้ว่าแม่งจงใจล้อ


   “ปล้ำมันไม่เต็มใจเว้ย นี่เพื่อนมึงสมยอมเขาชัดๆ ฮ่าๆๆๆๆ” พอไอ้ฟานพูดจบ มันสองตัวก็พร้อมใจกันระเบิดเสียงหัวเราะแบบมีความสุขสุดๆ แล้วนายวาทิตย์คนนี้จะไปทำอะไรได้…


   “ไอ้สัตว์! พวกมึงอย่าอยู่เลย!” นอกจากใช้ขาสั้นๆของตัวเองไล่เตะพวกมัน แต่ต่อให้ยืด เหวี่ยง ตวัดยังไง แม่งก็ไม่โดนสักป้าบ!


   “มึงหยุดให้กูเตะเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ผมโวยวายแล้วยืนพิงต้นไม้แถวๆนั้นก่อนจะหอบออกมาอย่างหมดท่าเหมือนหมาหอบแดด


   “หยุดก็โง่ดิวะ มึงหายเหนื่อยแล้วก็บอกนะ เอ๊ะ หรือจะเหนื่อยกว่าเดิมวะ” มันสองตัวยิ้มแต่เป็นยิ้มที่มองแล้วไม่น่าไว้วางใจสักนิด ผมขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะแหกปากอุทานออกมาเสียงดังเพราะเอวถูกโอบรัดด้วยอะไรบางอย่างจากข้างหลัง


   “เหี้ย! งู! พวกมึงช่วยกูด้วย!” ผมตะเบ็งไปสุดเสียง หลับตาปี๋แล้วออกแรงดิ้น โดยไม่ได้ดูเลยว่าจริงๆแล้วงูมันคืออะไรกันแน่


   “จะเหี้ยหรือจะงูพี่ก็เอาสักอย่างสิครับ” แล้วน้ำเสียงทุ้มที่เจือเสียงหัวเราะก็ดังชิดริมหู ทำให้ผมสงบลงทันที ความแข็งแรงที่โอบรัดรอบเอวก็คลายออกหลวมๆ พอผมเงยหน้าขึ้นมองก็เจอกับใบหน้าที่คุ้นเคย


   ไอ้กำแพง ที่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาเป็นต้นมะพร้าวกับงู!


   “ครั้งแรกที่เจอกันพี่ก็นึกว่าผมเป็นกำแพง ครั้งนี้ก็นึกว่าเป็นต้นไม้กับงูอีก นี่ผมไม่เหมือนคนขนาดนั้นเลยหรอ”


   “ถูกต้อง มึงมันราบๆทื่อๆหนาๆเหมือนกำแพงหรืออะไรสักอย่างที่พิงได้” ผมเชิดหน้า เบะปากสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้


   “ผมว่าไม่ใช่” แต่คนโดนด่าเป็นกำแพงกลับยิ้มร้ายพร้อมกับก้มลงมาใกล้


   “แล้วอะไร?” ผมถามกลับไปเบาๆ เพราะถ้าพูดด้วยน้ำเสียงปกติปากเราสองคนได้ชนกันแน่ แม่งไม่เมื่อยคอรึไงวะ ส่วนสูงที่แตกต่างกันโคตรๆ แถมผมยังหดคอหนีแบบนี้ แต่เสือกก้มลงมาซะแทบชิด


   “มันถูกกำหนดไว้แล้วไง ว่าพี่ต้องเป็นของผม คิดดูนะ วันนั้นก็มีที่เยอะแยะ พี่ดันล้มมาทางผม แล้ววันนี้อีกรีสอร์ทมันตั้งกว้าง พี่ก็ยังวิ่งวนมาชนผม ‘เนื้อคู่ ’กันชัดๆ”


   เนื้อคู่…


   จริงสิ ผมลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย


   … ดวงตาเหมือนมีพระอาทิตย์วิบวับ เหมือนติ๊ก เจษฯ จมูกสวยเหมือนพี่ก้อง สหรัฐ รูปร่างกำยำ สมชายชาตรี เหมือนพี่เต๋า สมชาย…


   ดวงตาเหมือนพระอาทิตย์วิบวับงั้นหรอ ไอ้กำแพงให้ความรู้สึกร้อนแรงเหมือนพระอาทิตย์ตอนช่วงเที่ยงวัน แต่พี่สามเป็นพระอาทิตย์ตอนเช้าที่อบอุ่นและอ่อนโยน ส่วนลักษณะที่เหลือ ไม่ถือว่ามันเป็นคำทำนายแล้วกัน…


   วิบวับมันก็ใช้ได้กับดวงตาของทั้งสองคนนี้นะ


   “พี่วา…พี่วา…วา!”


   “ห๊ะ? อะ อะไรของมึง”


   ผมหลุดจากภวังค์ความคิดตัวเองเพราะเสียงของไอ้กำแพง ระหว่างรวบรวมสติให้เข้าที่ก็พึ่งระลึกได้ว่ายืนให้ไอ้เด็กนี่กอดตั้งนานสองนาน แถมไอ้เพื่อนตัวดีก็เผ่นหายไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ผมเลยดันตัวออกเบาๆ ซึ่งมันก็ยอมปล่อยแต่โดยดี


   “เหม่ออะไรอยู่”


   “เรื่องของกู ไม่เสือกดิ” ผมสวนกลับไปทันควันแบบไม่ได้กลั่นกรองจากสมองแม้แต่น้อย จนมันขมวดคิ้วมุ่นถึงได้รู้ตัวแล้วเอ่ยปากขอโทษ


   “ขอโทษๆ กูเผลอไป มึงไม่โกรธกูนะ”


   “ไม่โกรธหรอก แต่แฟนก็เหมือนคนๆเดียวกันนะ เรื่องอะไรที่ทำให้พี่เครียด ผมมีสิทธิ์จะรู้นะครับ”


   “กูไปเป็นแฟนมึงตอนไหน!” ผมแหวขึ้นอย่างตกใจ แล้วมองมันด้วยสายตางุนงง


   “ยังไม่ได้เป็น แต่กำลังจะขอ เรามาคุยเรื่องนี้กันสักทีดีมั้ย?” ดวงตาสีนิลคู่นั้นมองสบมาด้วยความจริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ ริมฝีปากได้รูปของมันกำลังคลี่ยิ้มอ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา


   “คบกับผมนะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มแต่จริงจังทำให้ก้อนเนื้อในอกผมกระตุก ริมฝีปากที่อ้าค้างเปลี่ยนมาเม้มแน่น แน่นอนว่าแววตาของผมก็ไม่สามารถซ่อนจากมันได้


   “ขอให้ผมได้ดูแลพี่เถอะครับ ผมไม่อยากปล่อยพี่ไป”


   “…” พอเงยหน้ามอง ก็เหมือนมันจะรับรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่


   “ถ้าพี่กำลังสับสน ผมจะทำให้มันชัดเจนเอง”


        “ไอ้รันต์” ผมเรียกชื่อมันด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา เพราะสิ่งที่มันพูดตรงกับสิ่งที่ผมเป็นในตอนนี้


       “ถ้าพี่ไม่แน่ใจ ผมก็จะทำทุกอย่างให้พี่มั่นใจว่าคนที่พี่รออยู่คือผม”

       ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ใบหน้าคมเข้มของคนที่บอกว่าผมกำลังรอเขาอยู่โน้มลงมาใกล้จนเห็นชัดเจน รวมถึงได้ยินน้ำเสียงจริงจังนั่นชัดทุกคำด้วย ดวงตาของมันเหมือนมีประกายแพรวพราวล้อกับแสงไฟสีส้มที่ประดับอยู่บนต้นไม้แถวนี้ มันทำให้ผมถอนสายตาออกมาไม่ได้เลย


        ยิ่งมองหัวใจก็ยิ่งกระตุก ยามที่อีกฝ่ายยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนเคลือบอยู่ไม่จางหาย ผมหลุบตาลงต่ำ ใช้ความคิดกับตัวเอง หาเหตุผลร้อยแปดมาเป็นกำแพงสูงลิ่ว ความสับสนในใจยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ จึงเอ่ยประโยคเดิมก็ทำลายทุกอย่างที่ผมเหนี่ยวรั้งจิตใจตัวเองเอาไว้พังครืน


        “วา…คบกับผมนะ”


        หมดแล้วจริงๆ


        ผมแพ้ผู้ชายคนนี้




ขอโทษที่หายไปนานค่ะ เเถมตอนนี้ก็ยังสั้นอีก TT สารภาพบาป  :o12:

ใช้เวลาไปจัดการหลายๆอย่างมาค่ะ

เเต่สุดท้ายก็ได้ตอนที่สิบสี่ตอนนี้

ยังไงก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ด้วยนะค้าาาา

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาคอมเม้นท์มากๆค่ะ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 14 ☼ [อัพ 07.05.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 07-05-2016 12:02:27
ตกลงเลยเถอะครับ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 14 ☼ [อัพ 07.05.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 07-05-2016 14:27:38
ตกลงเลยหนูวา ใช้เวลาพิสูจน์เค้าดูนะ ถ้าใช่มันก็คือใช่
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 14 ☼ [อัพ 07.05.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-05-2016 21:01:31
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 14 ☼ [อัพ 07.05.59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2016 22:32:53
แล้วหมอหมาล่ะ ทำไงดี
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 15 ☼ [อัพ 10.05.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 10-05-2016 01:22:07
-15-



       ไม่รู้ว่าตอบรับหรือปฏิเสธตอนไหน รู้ตัวอีกทีสัมผัสอุ่นจนเกือบร้อนก็แนบสนิทกับริมฝีปากผมแล้ว ความนุ่มหยุ่นนั้นเค้นเคลึงสำรวจกลีบปากบนล่างอย่างถี่ถ้วนทุกตารางนิ้ว ก่อนลิ้นร้อนๆจะไล้เลียระหว่างรอยต่ออย่างแผ่วเบา เหมือนขออนุญาต แต่ไม่ทันจะปิดปากลงต่อต้าน มันก็ถูกแทรกเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นผมแบบรู้ทัน


   แค่จูบเดียวแข้งขาก็หมดแรง วงแขนแข็งแกร่งเลยโอบรัดผมแน่นจนจมเข้าไปในอ้อมกอดอบอุ่นทั้งตัว ฝ่ามือแข็งเลื่อนมาบีบบังคับท้ายทอยผมให้รับสัมผัส  ลิ้นที่สำรวจไปทั่วสลับกับการดูดดึงและเกี่ยวกระหวัดอย่างเอาแต่ใจ สมองผมขาวโพลนรับรู้เพียงความอบอุ่นที่แนบชิดและสิ่งที่ยืนยันความคิดของผม


   บอกแล้วใช่มั้ย ผู้ชายคนนี้อันตรายมาก!


   เมื่อริมฝีปากเราแยกออกจากกัน เสียงหอบหายใจของผมดังถี่กระชั้น ต่างกับไอ้คนฉวยโอกาสที่ยิ้มกริ่มแบบอารมณ์ดีสุดๆ แถมยังมีหน้าใช้ปลายนิ้วเกลี่ยผมงานที่บวมนิดๆจากฝีมือตัวเองอย่างพออกพอใจ


   “ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี”


   ผมแยกเขี้ยวใส่มันเพราะเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ จูบแม่งสูบพลังได้ เชื่อไอ้วาเถอะ!


   “ไม่ดีตรงไหน ผมจูบเก่งจะตาย หรือพี่จะเถียง?” มันยียวนกลับมา


   “เถียง!”


   “เถียงอีกก็จูบอีก”


   “เฮ้ย!” ผมรีบยกมือดันหน้ามันแรงๆไว้ทัน ก่อนที่จะโดนฉวยโอกาสอีกรอบ


   แต่…ตอนนี้ห้ามได้ แล้วทำไมเมื่อกี๊กูไม่ห้ามวะ


   ทำไมมึงใจง่ายแบบนี้!


   “อย่ามาลามปามกับกู ทำอะไรอายคนอื่นเค้าบ้างเหอะ วันหลังห้ามทำแบบนี้อีก มันที่สาธารณะ ยังไงกูก็เป็นรุ่นพี่มึง”  พอนึกขั้นได้ว่าทำอะไรไปบ้าง ถึงที่นี่จะมืดแต่ยังไงก็ไม่สมควรอยู่ดี ผมเลยเทศนามัน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ห้ามมันแท้ แต่มันเริ่มเพราะงั้นผมไม่ผิด


   “ครับๆ วันหลังจะไม่ทำในที่สาธารณะ เอาไว้อยู่กันสองต่อสอง มิดชิดๆแล้วทำเท่าไหร่ก็ได้ใช่ป่ะ”


   “ลามก!” ผมเสียงดังใส่มันทั้งที่หน้าแดงก่ำ ไอ้เด็กบ้านี่พาวกเข้าเรื่องนี้ตลอดเลย


   “วา”


   “กูเป็นพี่มึงนะ”


   “วา”


   “เอ๊ะ ไอนี่”


   “วา”


   “เออๆ วาก็วา” ถึงจะเถียงกลับแต่มันก็ยังพูดแบบเดิม ผมก็เลยอ่อนใจ ยอมให้วันนึงแล้วกัน


   “เป็นแฟนกันแล้วนะ”


   ถึงตรงนี้มันจะมืดก็เหอะ แต่ผมมองเห็นทุกอย่างชัดเจนเลยนะ โดยเฉพาะประกายวิบวับในดวงตาสีนิลคู่นั้นตอนที่ผมพยักหน้าเบาๆ


   “เออ”


   ไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตจะเป็นยังไง


   ผมกับมันจะไปกันรอดมั้ย


   แต่ลองดูก็ไม่น่าเสียหายอะไรนะ





   นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์หลากหลายชั้นปี แต่ส่วนมากก็คือบรรดาเฟรชชี่ปีหนึ่งกลับจากการรับน้องนอกสถานที่แล้ว


   ตอนนี้ทั้งหมดมารวมตัวเข้าแถวกันที่ลานหน้าคณะในชุดนักศึกษา รอคอยพิธีสำคัญ ‘การมอบรุ่น’


   จริงๆแล้วพวกเราเป็นพี่น้องกันตั้งแต่วันแรกที่ทุกคนก้าวเข้ามาในคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งนี้ แต่ในเมื่อต่างคน ต่างที่มา ต่างนิสัย มาอยู่ในที่เดียวกัน  พร้อมๆกัน จึงต้องมีกิจกรรมในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสนุกๆจากพี่สันทนาการ หรือ ความโหดหินจากเหล่าพี่ว้าก

 
         ทุกอย่างล้วนมีความหมายในตัวมันเอง แต่แตกต่างกันที่รูปแบบในการถ่ายทอดเท่านั้น ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับผู้รับว่าจะเข้าใจ
มันได้มากขนาดไหน


        แต่ผมว่าทุกคนที่นี่เข้าใจ


        แววตาภาคภูมิใจที่ได้เป็นนักศึกษาเต็มตัวนั้น ส่งผ่านออกมาจนรับรู้ได้


        พิธีดำเนินไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และมีมนต์ขลัง มีตัวแทนพี่ๆในการจัดกิจกรรมรับน้องมากล่าวอะไรเล็กน้อย แต่ที่ดูจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษก็คือเฮียยิ้ม เฮดว้ากประจำปีนี้ ที่ลดบทโหดลง จากหน้าตาเคร่งขรึมก็เหลือแค่รอยยิ้มน่ามองเหมือนชื่อเท่านั้น


        เสียงบูมประจำมหาวิทยาลัยดังกระหึ่มขึ้นทันทีที่เฮดว้ากกล่าวชื่อรุ่นของปีนี้จบ มันดังกระหึ่มและเปี่ยมไปด้วยความยินดีของทุกคนในที่นี้ และเมื่อบูมจบ เสียงหัวเราะปะปนไปกับเสียงเฮด้วยความยินดีก็ดังตาม รอยยิ้มมีความสุขกับแสงสีส้มตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินเป็นภาพที่น่าดู จนผมยิ้มไม่หุบ


        “เราแก่กันแล้วว่ะมึง มีรุ่นน้องแล้ว” ไอ้ฟานเอ่ยทั้งที่หน้าเปื้อนยิ้ม


       “นั่นดิ ปีที่แล้วกูยังหัวเกรียนอยู่เลย”


        “แต่มึงไม่ต้องเครียดนะ แดกเด็กแล้วเป็นอมตะ ยังไงมึงก็ไม่เหี่ยวไม่ย่น” ผมหุบยิ้มแล้วแยกเขี้ยวขู่ฟ่อใส่ไอ้ฟาน 


        ตั้งแต่มันรู้ว่าผมคยกับไอ้กำแพงวันนั้น ประเด็นนี้ถูกหยิบยกมาเป็นหัวข้อในการแซะนิดแซะหน่อยทุกวัน ตอนแรกก็เถียงกลับบ้าน แต่ตอนนี้หรอ ขี้เกียจพูดให้เมื่อยปากแล้ว


   “เฮียยิ้มชวนไปแดกเหล้า เห็นบอกเก็บกดตั้งกะตอนไปทะเล จะไปด้วยกันป่ะ”


   “เอาดิ แต่ขอกลับไปอาบน้ำที่ห้องก่อนนะ”


   มันสองคนพยักหน้ารับรู้ ผมเลยแยกตัวออกมาก่อน
   



   ไลน์!


สองเมตร : พี่อยู่ไหนครับ


   ระหว่างเดินกลับห้อง เสียงไลน์ก็ดังขึ้น พอหยิบออกมาดูผมก็ยิ้มบางๆ แล้วพิมพ์ตอบ


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : กำลังกลับห้อง


สองเมตร : ไม่อยู่รอผมหน่อยหรอ


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ไม่อ่ะ รีบ จะไปแดกเหล้า


สองเมตร : เด็กใจแตก


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ใจแตกอะไรล่ะ กูโตแล้ว ไม่ใช่เด็กด้วย


สองเมตร : เด็ก


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : เด็กไร?


สองเมตร : เด็กผม :p


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ไอ้บ้า


   ถึงจะด่ามัน แต่ริมฝีปากมันกลับยิ้มซะแก้มตุ่ย หน้ากูแม่งยังไม่เข้าข้างกูเลยอ่ะ!


สองเมตร : เขินอ่ะดิ


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ไม่เขิน แล้วชื่อไลน์อะไรของมึงวะ?


   ไอ้กำแพงแม่งน่าไปออกรายการคนอวดหมี พูดอย่างกับตาเห็น ผมเลยเปลี่ยนเรื่องแทนโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังขุดหลุมฝังตัว
เองชัดๆ


สองเมตร : วา


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ว่า?


สองเมตร : ไม่ได้เรียกพี่


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : อะไรของมึง


สองเมตร : พี่ไงของผม


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : มึงหยุดเลย


สองเมตร : อ่ะๆ ไม่กวนละ ก็พี่ชื่อวา  แล้วหนึ่งวาเท่ากับสองเมตร                                                     
จริงๆแล้วก็หมายถึงพี่นั่นแหละ


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ไอ้บ้า ไม่คุยกับมึงแล้ว


สองเมตร : ให้เวลาเขินก็ได้ 555555 กลับดีๆนะครับ


   พอมันบอกแบบนั้น ผมก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า และไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร ตัวผมตอนนี้อยู่ตรงที่เดิม ที่เจอกับไอ้กำแพงและพี่สามครั้งแรก


   และพี่สามก็ยืนอยู่ตรงนั้น…ฝั่งตรงข้ามที่เขาไปช่วยมอมแมมไว้


   ผมเดินไปหยุดตรงข้ามกับเขา ท่ามกลางรถที่สัญจรไปมา แต่ความรู้สึกของพี่สามผมรู้สึกได้ดี


   บางทีนี่คงเป็นโอกาสดี


   พอสัญญาณไฟสีเขียวสำหรับคนข้ามสว่าง ผมเห็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งกำลังก้าวข้ามฝั่งมาอย่างมั่นคง ริมฝีปากได้รูปกำลังแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นทุกครั้ง เหมือนกับดวงตาสีน้ำตาลที่ทอประกายอ่อนโยน
เหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน


       “หายไปนานเลยนะ สบายดีรึเปล่า?” ไม่มีคำกล่าวโทษที่ผมหนีหน้าเขา มีแต่คำถามด้วยความห่วงใย


      “สบายดีครับ”


     “ถ้าไม่บังเอิญเจอกันวันนี้ เราจะได้เจอกันอีกมั้ยเนี่ย” อีกฝ่ายพูดเจือหัวเราะ เหมือนมันเป็นเรื่องสบาย


     “ได้เจอสิครับ ผมก็ตั้งใจจะไปหาพี่อยู่พอดี” ผมตอบแล้วยิ้มบางๆส่งไปให้


     “หืม? มีเรื่องอะไรครับ”


     “พี่สาม…วามีแฟนแล้ว”

   
      ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เหมือนย้ำเตือนตัวเองว่าได้ตัดสินใจไปแล้ว


        คนฟังเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนดวงตาคู่สวยนั้นจะหลุบลงต่ำ ซ่อนแววตาของความเสียใจไว้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ริมฝีปากนั้นก็ยังคงเคลือบรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่ตลอดเวลา


       “อืม พี่เข้าใจ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นแผ่วเบา รอยยิ้มบางๆยิ่งกว้างขึ้น


       “วาขอโทษ” เสียงผมก็เบาไม่แพ้กัน สีหน้าแบบนั้น แววตาแบบนั้นมันทำให้ผมรู้สึกถึงความหน่วงหนักในอก


       “วาไม่ต้องขอโทษพี่หรอก มันเป็นสิทธิ์ของวาที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับคนที่วาชอบ”


       “แต่ผมทำให้พี่รู้สึกไม่ดี”


       “ไม่ใช่รู้สึกไม่ดี พี่เจ็บ แต่มันก็เป็นสิ่งที่พี่เลือกเอง วาเองก็เลือกแล้วด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องรู้สึกผิดนะ วาไม่ได้ทำร้ายพี่นะครับ”

       ภาพทุกอย่างที่ผมมองพร่ามัว เพราะหยดน้ำใสๆที่คลออยู่ พอมันกลั่นตัวลง ผมก็โผกอดคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับด้วยวงแขนอบอุ่น


       “วาขอโทษ” ผมเอาแต่พึมพำคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทุกอย่างสั่งให้ผมขอโทษเขา เขาเป็นคนดี ดีจนให้อภัยตัวเองไม่ได้ที่ทำให้เขาเสียใจ


      “วาให้ความสัมพันธ์ในแบบที่พี่ต้องการไม่ได้ มันไม่ได้แปลว่าเราจะกลายเป็นคนไม่รู้จักกัน พี่ชายก็ได้ พี่ขอเป็นแค่พี่ชายก็ยังดี”


      “วาขอโทษ พี่สาม วาขอโทษ”


       “ไม่ต้องขอโทษแล้ว ไม่ร้องด้วย พี่ไม่อยากเห็นน้องตัวเองร้องไห้หรอกนะ”


      “ไม่ได้ร้อง” ผมเถียงออกไปข้างๆคูๆ พยายามสูดขี้มูกกลับเข้าแหล่งผลิต และปาดน้ำตาที่ยังเหลืออยู่ พี่สามคลายอ้อมกอดออก แล้วยิ้มให้ผมอย่างเอ็นดู


       “หน้าตาดูไม่ได้เลย กลับห้องไปอาบน้ำได้แล้วไป”


      “ครับ วาขอโทษนะพี่สาม”


       “บอกว่าไม่ต้องขอโทษไง กลับดีๆล่ะ”

     
        พออีกคนลับสายตาไป ดวงตาสีน้ำตาลของคนที่บอกว่าจะเป็นพี่ชาย ก็กลั่นหยดน้ำใสๆมาเคลือบไว้ ก่อนจะกลั่นตัวลงมาตามใบหน้าได้รูป แต่ริมฝีปากกลับยิ้มบางๆ ราวกับปลอบใจตัวเอง เขาพึ่งรู้ความจริงวันนี้


         เรื่องความรัก มันไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ


         ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ หรือ บางทีใช่ แต่มีอะไรที่ใช่กว่า






ตอนที่สิบห้ามาเเล้วค่ะ

สงสารพี่สามโฮกกกกกกก  :sad4:

เเต่งไปจิกมือตัวเองไปเเรงมาก

รู้สึกผิดกับพี่สามมากมาย

เเต่ยังไงก็ต้องเดินต่อไปค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาคอมเม้นท์มากๆค่ะ ทุกอย่างคือเเรงใจในการเเต่งจริงๆ

มีอะไรติชมได้เต็มที่เลยนะคะ จะพยายามพัฒนาให้ดีกว่านี้ค่ะ

ขอบคุณมากๆค่า
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 15 ☼ [อัพ 10.05.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 10-05-2016 10:38:50
ส่งคนมาปลอบใจพี่สามด่วนเลย สงสาร
แต่ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่อ่ะนะ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 15 ☼ [อัพ 10.05.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 11-05-2016 23:29:37
น่าสงสารมากครับ ความรักบังคับกันไม่ได้
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 15 ☼ [อัพ 10.05.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-05-2016 00:31:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 15 ☼ [อัพ 10.05.59]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 12-05-2016 01:36:06
พี่สามเรามีไหล่ให้ซบนะ มาซบได้
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 15 ☼ [อัพ 10.05.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 12-05-2016 15:21:44
ดีแล้วจ้า. บอกไปตรงๆ.  ไม่ค้างคา. ไม่ให้ความหวัง. ชัดเจนดี
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 15 ☼ [อัพ 10.05.59]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 15-06-2016 00:33:34
รอนะครับ
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 16 ☼ [อัพ 20.07.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 20-07-2016 23:29:46
-16-



         “แดกโว้ยยยย แดกกกกก ไม่เมากูไม่เลิก!”  พอเท้าสัมผัสพื้นบ้านเฮียยิ้ม เสียงโวยวายของรุ่นพี่ก็ดังมาต้อนรับ แบบไม่ต้องมองหาเลยว่าอยู่ส่วนไหนของบ้าน พอเดินตัดผ่านตัวบ้านไปที่สวนด้านหลัง ก็เจอพลพรรคขี้เมาตั้งวงเหล้ากันเรียบร้อยแล้ว ผมหยิบเก้าอี้ไปนั่งข้างๆเพื่อนสนิททั้งสองคนที่ดูท่าว่าพึ่งจะเริ่มดื่ม แล้วยกเหล้าขึ้นซดรวดเรียวจนหมดแก้ว แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่สะใจ เลยคว้าของไอ้คนข้างๆมาซดจนหมดอีก


          “เฮ้ยๆ อะไรของมึงวะ ค่อยๆแดกก็ได้ไอ้วา” ไอ้ฟานที่เห็นผมจะคว้าอีกแก้วก็ห้ามไว้ก่อน ผมส่ายหัว แล้วเอื้อมมือไปคว้าแก้วเหล้าอีกครั้ง คราวนี้มันก็ยอมส่งให้ดีๆ


           รสชาติขมปร่าที่แผดเผาลำคอช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ พอผ่านไปสักพัก ผมก็ไปสูดอากาศหน้าบ้าน เพราะทุกอย่างในหัวกำลังตึง  พร่าเลือน แต่ใบหน้าผิดหวังกับรอยยิ้มอบอุ่นยังคงชัดเจน


           ผมเสียใจ


           เสียใจที่ปฏิเสธเขา


            และเสียใจ ที่รู้สึกผิดกับเขามากเกินไป


            ทำไมแค่เห็นสีหน้าแบบนั้นของพี่สาม มันถึงได้เจ็บขนาดนี้


            ขณะที่ทุกอย่างเงียบลง เละผมก็จมในอยู่ในภวังค์ของตัวเอง เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นทำลายความเงียบนั้น


           “ร้องไห้ทำไมครับ?”


           สัมผัสอุ่นๆที่วางลงบนกลุ่มผมนุ่ม ทำให้ผมลืมตาขึ้น แล้วก็เจอกับดวงตาคมที่สื่อออกมาว่าเป็นห่วงอย่างชัดเจน ไหนจะน้ำเสียงอ่อนโยนนั่นอีก ขอบตาที่ร้อนผ่าวก็กลั่นหยดน้ำลงมาจนได้ ผมเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง ก้มหน้าลงซ่อนทุกอย่างไม่ให้อีกคนเห็น


           “ร้องมาเถอะ ถ้าพี่จะสบายใจขึ้น” แค่ประโยคเดียว ความอ่อนแอก็ถาโถมเข้าใส่ เหมือนที่ผมโถมตัวเข้าหาความอบอุ่น และระบายทุกอย่างออกไปผ่านน้ำตา ไม่รู้หรอกว่ามันมาได้ยังไง แต่ขอบคุณจริงๆที่มันอยู่ตรงนี้


            ทุกอย่างที่เป็นหิรันต์กำลังปลอบผม ไม่ต้องพูดอะไร แค่อ้อมกอดก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ หลังจากสะอื้นได้สักพัก ผมก็ปาดน้ำตาทิ้งลวกๆ แล้วมองหน้าคนตัวสูงกว่าอย่างขอบคุณ


           “มีอะไรอยากบอกผมมั้ย” ปลายนิ้วอุ่นไล่เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน จนต้องเอียงหน้าซบลงบนฝ่ามืออบอุ่น


            “กูเสียใจ”


            “ใครทำอะไรให้เสียใจครับ”


            “กูทำเขาเสียใจ” แค่นั้นก็ดูเหมือนอีกคนจะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง คนตัวสูงยิ้ม แล้วเลื่อนมือจากใบหน้ามากอบกุมมือที่ตกลงข้างลำตัวของผมไว้ ก่อนจะออกแรงกระตุกเบาๆ เป็นเชิงให้เดินตาม ผมทำหน้าสงสัย แต่ขาก็ยอมก้าวตามไปแต่โดยดี


             แรงดึงหยุดลงหน้ารถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกคุ้นตา แต่มีบางสิ่งเพิ่มขึ้นมาคือหมวกกันน็อคสีขาวที่ผมไม่เคยเห็นมัน จากครั้งแรกที่นั่ง แล้วคำถามในใจของผมก็ได้รับคำตอบ เมื่อเจ้าของหยิบมันมาสวมลงบนศีรษะพร้อมกับล็อคสายรัดเรียบร้อย พร้อมกับประโยคนี้


               “พึ่งซื้อมาไม่กี่วันก่อนเอง แล้วพี่ก็เก็บไว้เลยนะ”

 
               “ทำไมอ่ะ กูไม่ได้ขับ’มอไซค์ซะหน่อย”


               “พี่ไม่ได้ขับ แต่แฟนพี่ขับ แล้วผมก็อยากให้แฟนปลอดภัย ใส่ไว้เถอะครับ” อีกฝ่ายตัดบทสนทนาแค่นั้น แล้วก้าวไปคร่อมมอเตอร์ไซค์ ทำให้ผมต้องขยับไปนั่งซ้อนท้ายอีกฝ่าย


                รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกเคลื่อนตัวไปตามท้องถนนที่ตอนนี้รถเริ่มโล่งบ้างแล้ว เหมือนคนขับจะรู้ว่าผมไม่ค่อยชินกับการนั่งมอเตอร์ไซค์เท่าไหร่ เลยขับไปช้าๆแบบไม่รีบร้อน พอลมเย็นๆตีหน้าก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก ตามองไปที่แผ่นหลังของคนขับ แล้วยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะสอดมือเข้ารัดรอบเอวไว้ แล้วซุกหน้าลงกับแผ่นหลังกว้าง


               สักพักรถที่เคลื่อนตัวก็หยุดลง ผมมองไปรอบๆ  มันเป็นทางเลียบริมแม่น้ำ ที่มองไปข้างหน้าก็เห็นสะพานข้ามแม่น้ำที่ประดับตกแต่งไฟอย่างสวยงามในเวลานี้ บรรยากาศรอบข้างก็เงียบสงบ มีแค่เสียงลมที่พัดให้ความเย็นเท่านั้น


               “เวลาผมไม่สบายใจ ผมชอบมาที่นี่ เลยคิดว่ามันจะช่วยพี่ได้บ้าง”


               ผมยิ้มให้แทนคำขอบคุณ อีกฝ่ายจับมือผมมานั่งที่ม้านั่งริมแม่น้ำ บรรยากาศดีๆทำให้ผมสบายใจ และคนข้างๆก็พร้อมจะรับฟังทุกอย่าง ผมคิดว่าผมคงต้องพูดให้ชัดเจน


               “รันต์ มึงรู้ใช่มั้ยว่ากูเสียใจเรื่องอะไร”


                 “รู้”


                “วันนี้กูบอกพี่สามว่ากูมีแฟนแล้ว มึง พี่เขาไม่โกรธ ไม่ว่ากู ไม่แม้แต่จะมองกูด้วยสายตาผิดหวังด้วยซ้ำ แต่เขายิ้ม ยิ้มให้กูและขอเป็นพี่ชาย กูรู้สึกว่ากูทำร้ายเขา กูสับสน กูไม่รู้ กูรู้แค่ตอนนั้นกูเสียใจมาก เสียใจมากๆที่ปฏิเสธเขา และกูก็โกรธตัวเองที่เสียใจมากขนาดนั้น กูมีแฟนแล้ว กูไม่ควรจะรู้สึกผิดขนาดนั้นเปล่าวะ กูไม่อยากเป็นคนโลเล ตอนกูผิดหวังเรื่องความรัก ก็ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีก พอเริ่มมีเข้ามา ก็เข้ามาพร้อมๆกัน กูไม่เคยคบใคร กูไม่รู้ว่ากูควรทำยังไง และจัดการความรู้สึกบ้าๆนี้ยังไงดี” ทุกอย่างพรั่งพรูออกไปราวกับเขื่อนแตก ผมพูดออกไปหมดกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่ตอนนี้


               “กูหวั่นไหวกับพี่สาม และพอมึงเข้ามากูก็หวั่นไหวกับมึง กูไม่แน่ใจตัวเองเลยรันต์ กูเป็นคนโลเล แต่กูไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ กูคบกับมึง แต่ถ้าวันนึงความโลเลของกูทำให้กูไม่แน่ใจ แล้วระหว่างเรามันแย่ลงล่ะ กูไม่อยากทำให้ใครเสียใจอีกแล้ว กูคิดว่ากูต้องพูดให้มึงฟังเรื่อง ก่อนที่อะไรๆมันจะลึกไปกว่านี้”


                พอพูดจบผมก็เงียบ เช่นเดียวกันกับคนข้างๆที่เงียบสนิท ผมหันมองเสี้ยวหน้าด้านข้างแล้วก็ใจกระตุก ริมฝีปากเม้มแน่นเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่คมนั้นไม่มีแววอะไรเลย ไม่แม้แต่จะเหลือบมอง


                “ขอบคุณที่พี่บอกผมตรงๆ แต่ผมก็พูดไปตั้งแต่แรกแล้วว่าผมชอบ ผมชอบพี่ และถ้าพี่ไม่มั่นใจ ผมก็จะทำให้พี่มั่นใจ มันอาจจะฟังดูเอาแต่ใจ แต่การปล่อยพี่ไปตอนนี้ก็เหมือนผมทิ้งโอกาสของตัวเอง ทั้งที่ยังพยายามไม่ถึงที่สุด อยู่กับผมเถอะครับ ให้โอกาสเราได้รู้จักกันก่อน”


                   “แต่กูต้องทำมึงเสียใจแน่ๆ”


                   “พี่ทำให้ทุกคนพอใจไม่ได้หรอก ถ้าพี่จะขอเลิกกับผม หรือเล่าเรื่องนี้เพื่อให้ผมเลิกกับพี่ นี่ก็ทำให้ผมเสียใจแล้ว ไม่ต้องสนใจคนอื่นได้มั้ย สนใจแค่เราได้มั้ยครับ” น้ำเสียงหนักแน่นของอีกฝ่ายทำให้ผมพยักหน้า แล้วเอ่ยคำพูดที่ผมอยากบอกที่สุดในตอนนี้


                   “ขอบคุณ”


                   ขอบคุณที่มา


                   ขอบคุณที่ปลอบ


                   และขอบคุณที่ไม่ทิ้งกัน






มาเเล้วค่าาาาาาา

ขอโทษที่หายไปนานโฮก  :hao5:

อาจจะไม่ได้อัพบ่อย เเต่จะพยายามให้มากที่สุดค่ะ

เเต่งไปเเต่งมาก็ขัดใจหนูวาเล็กน้อย ไอ้ความโลเลเนี่ยเเหละ เเต่ถ้าลองมองอีกเเง่หนึ่ง

มันก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ยากจะทำความเข้าใจจริงๆนะ

เเต่ไม่ว่ายังไง ถ้าเลือกเเล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุดค่ะ //เพ้ออัลไลของเธอ 5555555555

ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆนะคะะะะะ   :impress2: :-[
   
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 16 ☼ [อัพ 20.07.59]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 20-07-2016 23:40:07
มาแล้วววว
หายไปนานมากครับ,,,,
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 16 ☼ [อัพ 20.07.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-07-2016 23:50:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 16 ☼ [อัพ 20.07.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 23-07-2016 20:53:48
ใช้ความจริงใจของรันต์มาสยบความโลเลของวานะ
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 17 ☼ [อัพ 06.08.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 06-08-2016 22:05:52
-17-


       “ลืมบอกไอ้พวกนั้นเลยว่าออกมากับมึง” หลังจากที่นั่งได้สักพักผมก็นึกขึ้นมาได้ ว่าออกมาโดยที่ไม่ได้บอกใครเลย กำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร แต่คนที่นั่งข้างๆ ก็พูดขึ้นมาก่อน


   “พี่ฟานโทรมาหาผมเอง แล้วผมก็ไลน์ไปบอกแล้วครับว่าพี่อยู่กับผม” เออ เรื่องนี้ด้วย ผมกำลังจะถามพอดีว่ามันมายังไง สงสัยต้องกลับไปตกรางวัลให้ไอ้ฟานงามๆซะแล้ว


   “ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้มีเรียนรึเปล่า” ผมหันไปถามอีกครั้งหลังจากดูเวลาในโทรศัพท์และพบว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว


   “พรุ่งนี้วันเสาร์ครับ” พอพยักหน้ารับ เราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก  แต่ในความเงียบนี้ ก็รู้สึกสบายใจเพราะรับรู้ว่ามีใครอยู่ข้างๆกัน


   “รันต์ ถามอะไรหน่อยสิ”


   “ครับ”


   “ชอบกูตรงไหนหรอ?”


   ไม่รู้อะไรดลใจ แต่ผมก็ถามมันไปแล้ว คนถูกถามมีสีหน้าประหลาดใจนิดหน่อย ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ แล้วมองตาผมด้วยสายตาพราวระยับ


   “ชอบพี่”


   “ฮื่อ ถามว่าชอบตรงไหน ไม่ได้ให้บอกชอบ”


   “ก็ชอบพี่ไง ชอบทุกอย่างเลย” คนพูดขยับเข้ามาใกล้ จนผมเห็นดวงตาคู่สวยนั่นชัดเจน


   “ผม ตา จมูก แก้มผมก็ชอบ” พูดไป ฝ่ามือแข็งๆของอีกฝ่ายแต่กลับสัมผัสผมด้วยความอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ มันเกี่ยวปอยผมที่ระข้างแก้มออก ปลายนิ้วอุ่นลูบบริเวณหางตาอย่างแผ่วเบา จิ้มตรงปลายจมูกและแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะไล้มาสัมผัสริมฝีปากผมเบาๆ เคล้นคลึงมุมปากให้ผมผ่อนคลายช้าๆ ก่อนจะพูดออกมา


   “ปากนี่ก็ด้วย” สัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้ผมเชิดหน้าขึ้น เผยอริมฝีปากตัวเองอย่างคนตกอยู่ในภวังค์ ซึ่งคนด้านบนก็ทาบทับริมฝีปากอุ่นจัดลงมาอย่างแผ่วเบา ไม่ได้ลุกล้ำอะไร แต่แค่นี้ก็ทำใจผมเต้นแรงกว่าครั้งไหนๆ


   “แต่ที่ชอบที่สุดก็ตรงนี้” พอสัมผัสอุ่นๆหายไป คนสร้างความปั่นป่วนก็วางฝ่ามือลงตรงหน้าอกข้างซ้ายของผม แล้วจ้องหน้ากัน ผมได้แต่หลบตามันเพราะไม่สามารถต้านทานสายตาแบบนั้นได้จริงๆ


   “ผมชอบพี่ ชอบจนจะบ้าตายอยู่แล้ว อย่าปฏิเสธผมอีกเลยนะพี่วา”


   “อื้อ แล้วก็กลับกันเถอะ ดึกแล้ว” ผมส่งเสียงตอบรับในลำคอ แล้วยิ้มให้ผู้ชายตัวโตๆที่ตอนนี้ซุกหน้าลงกับอกผมเหมือนเด็กๆ  สักพักถึงยอมขยับออกและพาผมกลับบ้าน





   วันนี้มันคงจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีถ้าไม่ใช่เพราะ…


   “ให้ผมนอนด้วยเหอะนะพี่” น้ำเสียงอ้อนสุดฤทธิ์กับสายตาลูกหมาถูกงัดมาใช้แบบไม่ยั้งตั้งแต่      สิบนาทีที่แล้ว ในสภาพที่ผมใช้กำลังทั้งหมดดึงประตูห้องไว้


   แต่ไอ้คนที่พยายามบุกรุกก็เอามือกันไว้ด้วยท่าทางสบายๆ เถียงกันปากเปียกปากแฉะด้วยหัวข้อเดิมๆคือ ขอนอนด้วย


   “ไม่! มึงกลับห้องมึงไปเลย”


   "โถ่ ผมเป็นห่วงพี่นะครับ ให้ผมนอนด้วยเหอะนะ" แต่ไอ้คนตื๊อก็ยังไม่ยอมแพ้งัดเอาเเม่น้ำทั้งห้ามาเกลี้ยกล่อม


   "มึงนอนกับกูเนี่ยแหละที่น่าเป็นห่วง!”


   “ใจร้ายจัง”


   "กลับห้องไปเลยไป ดึกแล้วเนี่ย"  ผมเอ่ยปากไล่อีกครั้ง จริงๆก็เป็นห่วงไม่อยากให้ขับรถตอนกลางคืนนะ แต่มันเขินนี่หว่า
ถ้าจะให้มันนอนด้วยอ่ะ!


   "ถ้าไม่อยากให้ผมกลับดึก พี่ก็ให้ผมนอนด้วยสิ จะได้กลับตอนเช้าไม่อันตรายไง ไม่เป็นห่วงผมหรอ"    นั่นไง เปิดทางให้ไม่ได้เลย การเถียงยาวนานทำให้ผมถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ทำหน้าปลง ก่อนจะปล่อยมือที่ยึดลูกบิดประตูไว้ออก


   อีกฝ่ายยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี และกำลังจะแทรกตัวเข้ามา แต่ผมก็อาศัยตอนที่มันขยับตัวออกจากประตู ดันประตูปิดแล้วกดล็อคเรียบร้อย ด้วยสีหน้าของผู้มีชัยชนะ


   "เฮ้ย! ทำงี้ได้ไงอ่ะ" ผมหัวเราะออกมาเสียงดังทันทีที่คนข้างนอกโวยวาย สมน้ำหน้า ดื้อดีนัก!


   "ไม่ก็คือไม่เว้ย หึๆ ฝันดีนะที่ร้ากกก จุ๊บๆ อยากนอนกับเค้า ตัวเองก็หาทางเอานะ กร๊ากกกก" พูดจบผมก็ผิวปากส่งท้ายให้อีกฝ่ายเจ็บใจเล่น แล้วเข้าไปอาบน้ำอย่างอารมณ์ดีสุดๆ


   เสียงฝีเท้าและเสียงหัวเราะที่แสดงออกถึงความสะใจห่างออกไป แต่จิตใจของคนโดนหลอกหน้าห้องไม่ได้คลายความเจ็บแสบและคันยุบยิบเลย


   เห็นตัวเล็กๆแบบนั้น แตพลิกเกมได้อย่างรวดเร็ว ต้องแสบๆ ปากร้ายๆแบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นพี่วา เศร้าๆแบบเมื่อกี๊ไม่เข้าเลยสักนิด


   สงสัยวันนี้คงต้องถอยทัพไปก่อนละมั้ง

   

   "อ้าว น้องรันต์ มาส่งไอ้วาหรอ?" แล้วก็เหมือนเทวดาจะเป็นใจส่งกุญแจเข้าห้องมาให้ได้พอเหมาะพอเจาะจริงๆ คนถูกเรียกยิ้มให้เจ้าของห้องอีกสองคนด้วยเเววตาอิดโรย


   "ครับ พี่วาเข้าห้องไปแล้ว ฮ้าวววว"  นี่ แถมการหาวยาวๆเป็นพร็อพ


   "แล้วนี่จะขับรถไหวหรอ ดึกแล้วนะ นอนนี่มั้ย" ประโยคที่ต้องการมาแล้ว ทำเอาห้ามปากตัวเองไม่ให้ยกยิ้มแทบไม่ทัน
ก่อนจะตีหน้าเศร้าน่าสงสาร


   "ขอพี่วาแล้วครับ แต่เขาไม่ให้นอนด้วย"


   "อ้าว ช่างหัวไอ้วามัน สงสัยเมนส์แม่งจะมา ป่ะ เข้ามาสิ" เจ้าของห้องทั้งสองขยับมากดรหัสผ่านอยู่ไม่นาน ประตูก็เปิดออก


    รอยยิ้มชั่วร้ายที่กักเอาไว้เมื่อกี๊ก็ผุดพรายขึ้นมา คนตัวสูงเดินไปนั่งที่โซฟากลางห้องก่อนจะแกล้งทำเป็นมองหาอุปกรณ์การนอนของตัวเอง เจ้าของห้องเห็นแบบนั้นก็เลยส่งผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ไปรื้อมาจากของอีกคนให้


   "ขอบคุณมากครับ เอ่อ พี่ฟานพอจะมีผ้าห่มให้ผมมั้ยครับ"


   "มีสิ ในห้องนู่นไง รู้น่า เข้าไปเหอะ ตื๊ออีกนิดเดี๋ยวมันก็ให้นอนด้วย ปากแข็งไปงั้นแหละ"  อีกฝ่ายตอบอย่างคนรู้ทัน ทำเอาเเขกพิเศษยิ้มกริ่ม แล้วเดินเข้าห้องเป้าหมายไปอย่างเงียบเชียบ





   ตัดภาพมาที่เป้าหมาย…


   ไอ้คนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกำลังยืนแต่งตัวอย่างอารมณ์ดีอยู่ในห้อง เห็นแสงไฟที่ส่องเข้ามาก็ไม่ได้เอะใจ จนกระทั่ง


   หมับ


   "เฮ้ย!"


   แรงกอดรัดจากทางด้านหลังทำเอาเจ้าของห้องขวัญกระเจิง แหกปากออกมาดังลั่น เตรียมตัวหยิบกระป๋องเเป้งในมือประทุษร้ายผู้บุกรุก แต่อีกฝ่ายแสดงตัวก่อนเลยรอดไป


   "ผมเอง"


   "เข้ามาได้ไง" หน้าเหวอ ตาโตๆ ริมฝีปากที่อ้าๆหุบๆอย่างคนประติดประต่อเรื่องราวไม่ได้ กับหัวฟูๆที่ยังไม่แห้งดีทำให้คนมองยิ้มแป้น


   ก็พี่วาน่ารักอีกแล้ว


   "พี่ฟานให้นอนนี่ครับ เขาบอกว่าไม่อยากให้ขับรถกลับดึกๆ" พอได้ยินประโยคนี้ คนน่ารักก็แบะปากออกอย่างหมั่นไส้ เพราะอะไรๆก็ดูจะเป็นใจให้อีกฝ่ายซะเหลือเกิน


   "แล้วตกลงให้ผมนอนด้วยรึเปล่าครับ?"คนตัวสูงถามย้ำพร้อมกับรอยยิ้ม แต่เจ้าของห้องก็เฉไฉไม่ตอบอีกจนได้


   "ไม่รู้ ไม่ตอบ"


   จุ๊บ


   ในเมื่อไม่ตอบดีๆก็คงต้องใช้กำลัง ด้วยการตีปาก ด้วยปากอ่ะนะ


   "ให้พูดใหม่"


   "ไอ้..."


   จุ๊บ


   "ไอ้อะไรครับ อ๊ะๆ ต่อไปไม่ใช่จุ๊บแล้วนะ"


   ถ้าใครได้เห็นสีหน้าของนายวาทิตย์ตอนนี้คงตลกพิลึก คิ้วเรียวขมวดมุ่น ริมฝีปากบางอ้าๆหุบๆอย่างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะด่าหรือจะอนุญาติดี ถึงโดยรวมจะดูบึ้งตึง แต่แก้มขาวๆก็แดงก่ำอย่างน่ารัก
บอกแล้วว่าพี่วาน่ารัก น่ารักมากจริงๆ


   "เออ! จะนอนจะอะไรก็เรื่องของมึงเถอะ" พอรู้ว่าสู้ไม่ได้ก็เลยถอยทัพ สะบัดตัวออกจากวงแขนแล้วโดดลงเตียง คลุมโปงหนีเอาดื้อๆ แต่คนบุกรุกก็สรุปรวบว่าอนุญาติแล้ว เลยเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจเฉิบ


   ร่างเล็กที่นอนกบดานแบบไม่ปลอดภัย ใจเต้นตุบตับ ใบหน้าก็แดงก่ำแบบห้ามไม่อยู่ ถ้าเพื่อนคนอื่นมานอนด้วยไม่เคยตื่นเต้นขนาดนี้ แต่เข้าใจมั้ยว่านี่แฟนมานอนด้วยอ่ะ แล้วมันจะ...


   "อ๊ากกกกก คิดเหี้ยอะไรของมึงเนี่ยไอ้วา!"


   "คิดอะไรหรอครับ?" เสียงนุ่มๆกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับสัมผัสยวบยาบที่ข้างตัว เงาที่พาดทับลงมา ทำเอาใจรัวเป็นกลองเพล ได้แต่ซุกตัวกับผ้าห่มที่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่


   "ผ้าห่มแค่นี้ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะครับ หึๆ" แรงดึงเบาๆทำให้ผ้าห่มเปิดออก แล้วคนใต้ร่างก็ทำหน้าช็อคปนสยองขวัญ เมื่อเห็นดวงตาสีนิลคู่คมฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิด


   น้ำลายเหนียวมาจ่ออยู่ที่คอ เมื่อไล่สายตาจากใบหน้าคมเข้มเรื่อยมาจนถึงหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามหนาหนั่นเกินวัย แต่ให้ตายเถอะ รอยสักลายไทยรูปใบหน้ายักษ์ที่ดุดันเข้ากันดีกับผิวสีน้ำผึ้งคร้ามแดดบริเวณขอบกางเกงทำให้คนมองกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น


   เด็กนี่มันกำลังทำให้เขาสติแตก!


   "ขยับออกไปเดี๋ยวนี้นะ" ประโยคเหมือนออกคำสั่ง แต่น้ำเสียงกลับสั่นพร่าแบบควบคุมไม่อยู่ คนโดนไล่ยกยิ้มและนิ่งเฉยอยู่กับที่ คนไล่เลยดันแผ่นอกอีกฝ่ายออกแรงๆ แต่กำแพงหนาๆนั่นก็ไม่สะเทือนสักนิด


   "อย่าไล่ผมสิครับ" น้ำเสียงออดอ้อนถูกงัดมาใช้อีกครั้ง ฝ่ามือร้อนกอบกุมมือบางไว้แล้วบังคับให้มาเกี่ยวประสานกันที่คอทั้งสองข้าง


   ระยะห่างที่ลดลงจนปลายจมูกชิดกัน ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้ง ไม่ทันจะได้ต่อว่าอะไร ริมฝีปากอุ่นจัดก็ทาบทับแนบสนิทลงบนริมฝีปากบาง ความร้อนลามเลียไปทั่วกลีบปากบนและล่างอย่างดุดัน ก่อนสัมผัสชื้นแฉะจะถูกแทรกเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นเล็กภายในอย่างอ่อนโยนหากแฝงไปด้วยความเอาแต่ใจ จนเผลอตวัดเกี่ยวปลายลิ้นตอบรับ


   เมื่ออีกฝ่ายกวาดต้อนจนพอใจ ฟันคมก็ทำหน้าที่ขบกัดหยอกเย้ากลีบปากบางสลับกับดูดดึงจนเเดงก่ำ ฝ่ามือร้อนๆเลิกชายเสื้อนอนยืดย้วยขึ้น สัมผัสผิวนุ่มลื่นมือด้วยความร้อนรุ่ม


   การกระทำที่คนได้รับอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งลนไฟ แต่ความอดทนของคนทำใกล้หมดลง ดวงตากลมโตที่ฉายแววดื้อรั้นอยู่เสมอ ตอนนี้กลับฉ่ำเยิ้ม หรี่ปรือมองคนรุกรานด้วยความสับสน แต่เชิญชวนโดยไม่ได้ตั้งใจ


   แก้มขาวๆที่ขึ้นสีแดงไม่รู้ว่าเพราะเขินหรืออะไรกันแน่ ริมฝีปากที่บวมแดงเผยอหอบหายใจ ไหนจะผิวขาวนวลเนียนโผล่พ้นชายเสื้อที่ถูกร่นขึ้นไปอยู่เหนืออกด้วยฝีมือเขา


   พี่วาในตอนปกติน่ารัก แต่ตอนนี้คงต้องบอกว่า 'น่าเอา'


   "จะทำให้ผมหลงไปถึงไหนวะ"


   คนด้านบนเค้นเสียงพูดอย่างทนไม่ไหว บดเบียดริมฝีปากลงบนกลีบปากบ่วมเจ่อแรงๆอีกที แล้วไล่เลียลงมาซอกคอขาว ที่อีกคนก็ให้ความร่วมมืออย่างดี เชิดใบหน้าขึ้นเปิดทางให้ คนทำยิ่งได้ใจ ดูดเม้มจนเกิดรอยแดง


   หิรันต์ระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้วตอนนี้


   "รันต์" เสียงที่เปล่งเรียกออกมาสั่นพร่าตามแรงอารมณ์


   "ครับ" มีเสียงตอบกลับเบาๆจากคนที่เริ่มจะรุกรานจุดอ่อนไหวบนแผ่นอก ที่แค่แตะเบาๆอีกฝ่ายก็บิดกายเร้ารัญจวน แต่ก่อนจะได้ก้มลงไปชิม คนตัวเล็กก็ผวามากอดรัดหยุดยั้งการกระทำทั้งหมดลง


   "ไม่เอานะ ไม่เอา"น้ำเสียงที่สั่นเหมือนจะร้องไห้ ทำใจคนอารมณ์พุ่งสูงใจตกไปที่ตาตุ่ม รีบรวบร่างเล็กกว่าเข้าสู่อ้อมกอดแน่น


   "ไม่ร้องนะครับ ผมขอโทษ" เสียงทุ้มปลอบประโลมที่ข้างหูพึมพำแต่คำว่าขอโทษ พลางโทษตัวเองในใจ แน่นอนว่าอารมณ์อยากทำน่ะมีแน่ๆ มีมากด้วย


   แต่การบังคับไม่ใช่เรื่องดี ถ้าคนที่เขารักไม่พร้อมเขาก็ยินดีหยุด ไม่ว่ากับเรื่องอะไร ถ้าพี่วาไม่ชอบ เขาก็จะไม่ทำ ขอเพียงแค่อีกฝ่ายเอ่ยปาก


   "ขอโทษนะ แต่กูกลัว"คนที่อยู่ในอ้อมกอดเงยหน้ามามองด้วยสายตารู้สึกผิดเต็มเปี่ยม หากอีกคนยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   

   "ผมอยากคบกับวาเพราะอยากดูแลครับ ไม่ได้อยากเอามาเป็นตุ๊กตายาง ผมจะไม่พูดว่าผมรอได้ เพราะพูดตรงๆผมเองก็ไม่อยากหยุด แต่ถ้าวาไม่ชอบ ผมก็จะไม่ทำ ขอแค่วาบอกผม ไม่ใช่กับเรื่องนี้         เรื่องอื่นหรืออะไรก็ตาม ที่วาไม่ชอบ ผมก็จะไม่ทำแน่ๆ"


   ความจริงใจถูกส่งผ่านมาทั้งคำพูดและแววตา คนตัวเล็กเอ่ยขอโทษอีกครั้งแล้วซุกหน้าลงกับแผ่นอกหนาอย่างอุ่นใจ


   มันจริงจังกับเขา มันไม่ได้หวังเเค่เซ็กซ์


   มันให้ความจริงใจมาเต็มร้อย ในขณะที่ผมให้มันได้แค่ความโลเล


   รอกูอีกนิดนะรันต์ กูจะเป็นคนที่ชัดเจนกับมึงให้ได้





มาเเล้วค่าาาาา รู้สึกถึงการรุกหนักของน้องรันต์ 55555555555

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากนะคะะะะ

รักทุกคนค่ะ

จุ๊บๆ :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 17 ☼ [อัพ 06.08.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 13-08-2016 16:28:27
รีบๆชัดเจนนะหนูวา
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 17 ☼ [อัพ 06.08.59]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 15-08-2016 02:40:48
รอเวลาที่ชัดเจนกว่านี้,,,
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 17 ☼ [อัพ 06.08.59]
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 01-09-2016 16:02:05
รีบกลับมาต่อนะครับ ^.^
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 17 ☼ [อัพ 06.08.59]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 06-09-2016 06:47:04
ปูเสื่อรอ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 17 ☼ [อัพ 06.08.59]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 06-09-2016 13:12:39
น่ารักดีค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 18 ☼ [อัพ 26.10.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 26-10-2016 21:15:32
-18-

 

       จริงๆผมไม่ใช่คนตื่นเช้า แต่วันนี้ดันตื่นเช้า และถามตัวเองว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วก็ชัดเจน คำตอบของเรื่องที่น่าจดจำเมื่อวานอยู่ข้างๆแบบหลับสนิทเชียวล่ะ


   บางทีก็หมั่นไส้ว่ะ โลกแม่งไม่ยุติธรรมเลย กูตื่นขึ้นมาสภาพอย่างซอมบี้ แต่ไอ้บ้านี่แค่นอนธรรมดายังดูดีเลย


   แดดอ่อนๆตอนเช้าลอดผ้าม่านบางๆ มากระทบกับผิวเข้มๆเหมือนเป็นออร่าวิ้งๆ เส้นผมสีดำที่อ่อนแสงลงเมื่อกระทบกับแดดขับให้ใบหน้าคมเข้มดูอ่อนโยนขึ้น มันทำให้ผมละสายตาไม่ได้ ทุกอย่างดูอบอุ่น เมื่อหน้าเราอยู่ห่างกันแค่คืบแบบนี้


   แล้วความคิดแบบนี้ก็เข้ามาในหัว


   เห็นหน้ามันทุกเช้าก็คงไม่เลว…


   ผมยิ้ม ก่อนจะขยับหน้าผากไปแตะหน้าผากมันเบาๆ บีบปลายจมูกโด่งอย่างหมั่นเขี้ยวอีกที แล้วเขย่าท่อนแขนที่พาดทับผมอยู่เป็นการปลุก


   “รันต์ ตื่นเถอะ เช้าแล้ว”


   “อือ ขออีกสิบนาทีครับ” เสียงทุ้มงัวเงียตอบกลับมาก่อนจะรวบร่างผมไปกอดแน่นกว่าเดิม


   “ไม่เอา ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย” ผมเริ่มโวยวายพร้อมกับดิ้น แต่อีกฝ่ายก็เงียบประท้วง ผมเลยรวบรวมกำลังทุบอั้กลงไปที่แผ่นอกอีกฝ่าย


   “โอ๊ย! มันเจ็บนะพี่ นมผมแตกขึ้นมาทำยังไง”


   “ก็เรียกไม่ตื่นเอง กลับห้องไปได้แล้ว”


   “รีบไล่จังเลยนะครับ ขออยู่ด้วยก่อนไม่ได้หรอ” อีกฝ่ายทำหน้าอ้อนพร้อมกับเอาแก้มมาแนบแก้มผม แล้วจัดการ ถู…


   “นี่มึงคิดว่ามึงกี่ขวบแล้ว”


   “พูดไม่เพราะว่ะ” มันขมวดคิ้วทำหน้าดุใส่ผม


   “มึงก็พูดไม่เพราะ” ผมเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้


   “เรียกชื่อผมก่อน”


   “ไม่”


   “เรียก”


   “โอ๊ย! กูหายใจไม่ออก” พอผมเถียงไปทันควันมันก็ออกแรงรัดตัวผมแน่นขึ้นอีก แล้วขอโทษเถอะ ตัวผมแทบจมอยู่ในอกมันแล้ว


   “เรียกก่อน เดี๋ยวปล่อย”


   “ร รันต์”


   “จ๋าด้วย”


   “จ๋าพ่อง” ใครจะไปยอมวะ! อย่างกับผู้หญิง


   “งั้นรัดอีก”


   “เออๆ เรียกๆ พอๆไม่ต้องเลย กระดูกจะแตกอยู่แล้ว” พออีกฝ่ายทำท่าจะรัดอีก ผมก็โพล่งขึ้นขัด มองดวงตาคู่คมที่ดูจะแพรวพราวแถมจับจ้องมาอย่างใจจดใจจ่อ ความร้อนเริ่มกินพื้นที่ทั่วหน้า ผมเม้มปากนิดๆอย่างชั่งใจ ก่อนจะพูดออกไปเบาๆ


   “รันต์จ๋า”


   “ว่าไงครับน้องวา”


   “กวนตีน!” ผมทุบมันไปอีกที นี่ผมแก่กว่ามันตั้งปีนึงนะ มีลามปาม เด๊ะๆ


   “ไปอาบน้ำกัน” พูดจบร่างผมก็ลอยหวือขึ้นจากเตียงอย่างง่ายดาย ผมร้องออกมาเสียงดังอย่างตกใจ พร้อมกับเกี่ยวคอมันแน่น ก็อุ้มท่าธรรมดาซะที่ไหน ท่อนแขนแข็งแรงช้อนใต้ต้นขาผมทั้งสองข้าง ทำให้ผมต้องตวัดขารอบเอวมัน ท่าแม่งส่อชิบหาย…


   “เล่นอะไรของมึงเนี่ย ตกไปทำไง”


   “นิ่ม...”


   “ทะลึ่ง! ปล่อยกูลงเลยนะ” พอผมเริ่มดิ้น มันก็กระชับมือมาช้อนใต้สะโพกผมแทน แล้วขอโทษเถอะ แม่งเฉียดจุดยุทธศาสตร์กูไปนิดเดียว!


   ผมหยุดดิ้นทันทีแล้วมองหน้ามันด้วยแววตาตื่นๆ ดวงตาหิรันต์พราวระยับทำเอาใจเต้นแรง ผมขืนตัวออกมาหน่อย ใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าได้รูปให้เงยขึ้นมามอง เลื่อนข้างหนึ่งไปสางเส้นผมนิ่มอย่างเอาใจ กดจูบลงไปเบาๆบนริมฝีปากได้รูป แล้วยิ้มให้มันที่ดูตกใจกับการกระทำของผม


   “มองแบบนี้หมายความว่ายังไง”


   “ชอบจะตายห่าอยู่แล้ว ยังมาทำแบบนี้อีก แล้วผมจะไปไหนรอดวะ” ผมหัวเราะเบาๆ ห้ามตัวเองไม่ทันตอนที่ก้มลงไปจนปลายจมูกเราชิดกัน ผมยิ้ม มันยิ้ม แล้วไวเท่าความคิด ผมแตะริมฝีปากลงไปอีกครั้ง สำรวจบนและล่างอย่างใจเย็น


   ไม่รู้ว่านี่เป็นจูบที่เท่าไหร่แบบนี้เรียกว่าดีมั้ย ผมแค่สัมผัสตามที่ผมอยากสัมผัส ริมผีปากที่แนบชิดและเปลี่ยนความร้อน ความนุ่มหยุ่นที่บดเบียดอย่างยั่วเย้าและความชิ้นที่สำรวจไปทั่วโพรงปากของกันและกันอย่างช้าๆ


   เรื่องของผมกับมันเกิดขึ้นเร็ว แต่ตอนนี้เรากำลังค่อยๆเรียนรู้กัน…


   เราจูบกันอยู่นาน หลักฐานก็คือน้ำใสที่เชื่อมติดตอนที่ริมฝีปากแยกจากกัน เสียงหอบหายใจดังขึ้น ทำให้มันหัวเราะเบาๆ แล้วอุ้มผมเดินเข้าห้องน้ำ ปล่อยผมนั่งบนเค้าท์เตอร์แล้วแทรกตัวเข้ามาตรงกลาง


   “อาบน้ำกัน” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูผมแผ่วเบา เหมือนมีมนต์สะกดให้พยักหน้าตกลงโดยง่ายดาย เราจูบกันอีกครั้ง ในขณะที่ไอ้กำแพงแกะกระดุมเสื้อผมทีละเม็ดช้าๆ ด้วยมือข้างเดียว อีกข้างเริ่มรุกไล้เข้าใต้บ็อกเซอร์ตัวบาง แรงบีบเค้นทำให้ผมได้สติผละริมฝีปากออกมา จ้องมันด้วยแววตาตื่นกลัว


   “ไม่ต้องกลัวนะ” คนรุกรานปลอบเสียงนุ่ม กดจูบเบาๆที่ซอกคอแล้วไล้เลียลงมาตรงแผ่นอกอย่างชำนาญ เมื่อเจอสิ่งที่ต้องการก็ไม่รอที่จะลิ้มลอง


   ความร้อนที่ครอบครองจุดอ่อนไหวทำให้ผมแอ่นตัวขึ้น เรียกร้องให้มันสัมผัสมากกว่านี้ และคำขอก็ถูกตอบรับด้วยการดูดคลึงและบีบเค้นตามแรงอารมณ์ที่เริ่มขึ้นสูง


   เสียงสั่นพร่าแปลกๆเปล่งออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ กับความกระสันที่ตีตื้นขึ้นในอก กางเกงผมถูกรั้งไปกองอยู่ที่หัวเข่า และก่อนมือร้อนจะแตะต้องเข้าที่ส่วนกลางกาย ผมก็ผวาไปกอดมันแน่นแล้วร้องบอกเสียงสั่น


   “ไม่ได้ อึก ไม่ได้จริงๆ” มันมองผมด้วยสายตาที่ผมเองก็อ่านไม่ออก ก่อนจะถอนหายใจหนักๆแล้วยิ้มออกมาบางๆ ให้ผมใจชื้นขึ้นนิด


   “ไม่ก็ไม่ครับ อาบน้ำกันจริงๆดีกว่าเนอะ” ผมพยักหน้าหงึกหงักทั้งที่ก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย แต่มันกลัวไปหมด ไม่ใช่ว่าให้มันไม่ได้นะ แต่ผมกลัว ถ้าเสียร่างกายให้มันไปอีกอย่าง


   ผมกลัวจะควบคุมตัวเองไม่อีกเลย


   ครั้งแรกที่ผมเปิดรับใครบางคนเข้ามาในชีวิตนอกจากครอบครัวและเพื่อนสนิท


   ผมคิดผิดมั้ย ที่ไม่ยอมเพราะไม่อยากเสียมันไป…





มาเเล้วค่ะ ขอโทษค่ะ หายไปนานมากๆ ช้าโฮก  :sad4:

ตอนที่ 18 ก็เลยเเอบ 18+ รึเปล่า 5555555

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาเม้นท์มากๆนะคะ จะพยายามปรับปรุงหลายๆอย่างให้ดีขึ้นค่ะ(เริ่มจากการเเต่งเร็วๆ 5555555555)

ขอบคุณมากๆค่ะะะะ  :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 18 ☼ [อัพ 26.10.59]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 26-10-2016 23:45:42
เปิดใจครั้งแรกก็ไม่เหลือความเป็นตัวเองแล้ววว

5555
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 18 ☼ [อัพ 26.10.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-10-2016 00:58:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 18 ☼ [อัพ 26.10.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-10-2016 09:00:52
เพิ่งได้อ่านค่ะ สงสารพี่สามจัง ช่วยหาคู่ที่น่ารักๆ มาดามใจพี่สามหน่อยนะคะ อ่านตอนที่พี่สามเสียน้ำตาแล้วร้องไห้ตามเลยค่ะ สงสารพี่สามมากๆ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 18 ☼ [อัพ 26.10.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 04-11-2016 14:59:49
ลองเปิดใจแล้วอะไรๆมันจะดีขึ้นนะวา แค่นี้ก็ไม่เป็นตัวเองล๊าวววว
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 19 ☼ [อัพ 14.03.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 14-03-2017 00:27:33
19


   “พอกินได้มั้ยครับ” อาหารเช้าแบบง่ายๆที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงามวางลงตรงหน้าผม ขัดกับเสียงของพ่อครัวรับเชิญที่ดูไม่


มั่นใจในฝีมือตัวเอง ห้องครัวขนาดเล็ก ดูเล็กไปอีกเมื่อเอาร่างสูงๆของหิรันต์ยัดเข้ามาด้วย


   “โอ๊ย หน้าตาน่ากินขนาดนี้ รสชาติคงไม่ต้องถามถึงแล้วมั้ง” ไอ้ฟานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มป้อ แล้วม้วนเส้นสปาเกตตี้เข้า


ปาก ก่อนจะเบิกตากว้าง พยักหน้ารัวๆ แล้วส่งสายตาคะยั้นคะยอว่า มึงกินสิๆ  ผมเลยเริ่มกินบ้าง และก็พบว่ารสชาติมันดีมาก


   พอเงยหน้ามองคนทำ ก็ตลกดีเหมือนกันที่หน้ามันติดจะเป็นกังวลกับฝีมือตัวเอง แล้วยิ่งผมแกล้งมองมันนิ่งๆไม่พูดอะไร


มันก็ขยับปากไปมา อ้าๆหุบๆอย่างคนเสียกำลังใจ จนผมยิ้มกว้างแล้วบอก


   “อร่อยดี ไว้ทำให้กินอีกนะ”


   “เบื่อพวกมีแฟน” ไอ้เพื่อนตัวดีที่จัดการอาหารเช้าจนเรียบแล้ว นั่งเท้าคางมองผมด้วยสายตาทิ่มแทง แต่เรื่องอะไรกูจะ


ต้องไปนั่งเถียงด้วยให้เมื่อยปาก ผมเลยแค่ยิ้มกว้างๆอย่างเชือดเฉือน


   “เบื่อมากมึงก็รีบหาของตัวเองซะสิ แต่ตอนนี้มึงต้องทนไปก่อน เพราะกูจะอวดแฟนแบบนอนสต็อป เชิญมึงตายเพราะ


ความอิจฉาตาร้อนได้เลย”


   “ทำไมมึงแรดงี้วะ สำนึกบุญคุณกูหน่อย กูคนพาไปหาหมอดูนะเว้ย ไม่งั้นมึงไม่ได้มาอวดผัวกูแบบนี้หรอกครับเพื่อนฝูง”


   “หมอดูอะไรหรอครับ?”


   “อ๋อ คืองี้ อุ๊บส์” ก่อนปากสว่างไสวของไอ้ฟานจะทำงาน ผมก็รีบตะครุบปากมันไว้ แล้วปฏิเสธแบบเนียนๆ(คิดเองคนเดียว


ว่าเนียน)


   “ไม่มีไรหรอก  ไอ้นี่มันเพ้อเจ้อไปเรื่อย รันต์มานี่ดีกว่า” ผมดึงมือใหญ่แล้วกระตุกเบาๆ ออกแรงลากหมีตัวโตออกจากห้อง


ครัวเข้าฐานทัพตัวเอง


   “เอ่อ…” พอประตูปิด ผมก็หันซ้ายหันขวา เอาไงดีวะ ลากมันเข้ามาเพราะไม่อยากให้มันรู้ว่าไร้คู่จนต้องพึ่งไสยศาสตร์  ยิ่ง


ดวงตาคมจ้องมานิ่งๆ ผมก็ยิ่งเลิ่กลั่ก


   “กูไปอาบน้ำนะ มึงก็อยู่ในห้องก่อนก็ได้ ของหยิบใช้ได้ตามสบายเลยนะ” พูดจบผมก็ก้าวเร็วๆไปหยิบผ้าขนหนูหยิบเสื้อกับ


กางเกง แล้วเผ่นแผล็วเข้าห้องน้ำ


   “เดี๋ยว พี่!”


   ปัง!


   เซฟ!


   ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วตรงเข้าไปอาบน้ำ อย่างน้อยวันนี้ก็รอดล่ะวะ

   
   กูขอถอนคำพูด…


   บรรทัดที่แล้วกูบอกว่ากูรอดใช่มั้ยน่าจะไม่แล้วล่ะ ก็แม่งเล่นดักรอหน้าห้องน้ำ แบบเปิดประตูมาปุ๊บก็เจอยักษ์ตัวโตๆยืนผ่าง


ขวางทางออก ส่งสายตาคาดคั้นแบบสุดๆมาให้


   เจอขวางแบบนี้ผมก็มองหาทางหนีทีไล่ ก่อนจะกลั้นใจพุ่งไปทางซ้าย แต่เหมือนยักษ์หน้าห้องจะรู้ดี เพราะมันขยับมาบัง


และจับหมับเข้าที่ต้นแขนกันไม่ให้หนี ผมหลับตาปี๋ตอนมันโน้มใบหน้าลงมา คิดในใจว่าแม่งจะทำอะไรกูวะ จะจูบกูอีกแล้วหรอ


แต่ก็ไม่หนี เพราะชอบ นี่ไงกูเงยหน้ารับเลยเนี่ย


   แปะ


   เพล้ง…


   ครับ หน้าผมแตก เพราะไอ้ยักษ์แม่งไม่ได้จูบ แต่หน้าแม่งเบี่ยงวิถีมาวางแหมะเข้าที่ไหล แล้วถู…


   “พี่จะไม่บอกผมหน่อยหรอครับว่าหมอดูคืออะไร” น้ำเสียงที่เอ่ยอย่างน้อยใจ แล้วหัวที่ถูไปถูมาจนผมสั้นๆของมันถูกับคอ


ผมให้จั๊กจี๋เล่น ท่าทางเหมือนกับเด็กน้อยกำลังอ้อนขออะไรสักอย่างทำให้ผมยิ้มกว้างอย่างนึกขำ แม้จะตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่า


ผู้ชายตัวโตๆจะทำอะไรแบบนี้ได้


   “ไม่มีอะไรหรอกมันก็พูดไปเรื่อยเปื่อย” ผมตอบแล้วยกมือกอดเอวอีกฝ่ายข้างหนึ่ง อีกข้างก็ลูบศีรษะสวยอย่างเพลินมือ


   “ไม่มีแล้วพี่หนีผมทำไมครับ”


   “ง่ะ” กูโดนเด็กดักทาง...ผมเอาหัวดันหัวมันกลับไป มันเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วผละหันหลังให้ผม ผมยืนมองแบบงงๆ สัก


พักเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก็ดังออกมา ใจผมนี่แล่นลงตาตุ่มเลย งื้อ บอกก็ได้อ่ะ


   “ก็แบบ…”


   “พี่ไม่ต้องพูดหรอกครับ มันก็เป็นสิทธิของพี่จะให้ผมรู้หรือไม่รู้ ผมก็แค่…”


   “แค่เสียใจเท่านั้นเอง”


   “ก็กำลังจะ” ผมเปิดปากจะอธิบาย แต่เหมือนจะไม่ทัน


   “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ฟังแล้ว” เพราะไอ้กำแพงก็ยกมือปิดหูดื้อๆแล้วเดินไปนอนคว่ำหน้าลงบนหมอน ประมาณว่าไม่ฟังไม่


รับรู้อะไรทั้งสิ้น ผมมองแล้วก็ยิ้มอีก ผู้ชายตัวโตๆแบบมันงอนก็น่ารักดีนะ


   “รันต์ กูเล่าให้ฟังแล้ว ฟังกูก่อนเร็ว” ผมขยับไปนั่งข้างๆมันบนเตียง แต่มันกลับสะดิ้งปิดหูส่ายหน้าไปมา ประมาณว่าไม่เอา


ไม่ฟังท่าเดียว ผมเลยใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด นั่งทับแม่งเลย อีกฝ่ายคงจุกแหละ เพราะมีเสียงอั้กหลุดออกมา


   “ไม่เอาไม่ฟัง” ไอ้ตัวใหญ่ขี้น้อยใจยังคงแสดงอาการงอนไปอีกขั้นด้วยการดีดดิ้นไปมาเหมือนเด็กๆ เห็นแล้วน่าหมั่นไส้


มากกว่าน่าง้อว่ะ!


   “หิรันต์ ฟัง…”


   “ไม่ฟัง” ยังไม่ทันจะพูดจบไอ้ดื้อก็แทรกขึ้นมาก่อน แล้วไวเท่าความคิด มือผมก็ตีแปะลงไปบนแผ่นหลังแข็งๆของมัน แถม


หยิกอีกทีด้วยความหมั่นเขี้ยว อีกฝ่ายเลยตอบโต้ด้วยการตวัดสายตามองแบบขุ่นๆแต่ปากได้รูปที่เม้มแล้วคว่ำลงก็บอกได้ว่าเด็ก


ยักษ์นี่ไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจที่ถูกตี


   “โอ๋ๆ ไม่งอนนะเด็กน้อย เดี๋ยวพี่วาปลอบนะจ๊ะ มามะ จุ๊บๆ” ผมทำปากจู๋ ก้มลงไปหามันหวังจะง้อ แต่…


   กูรู้สึกว่ากูพลาดอีกแล้วล่ะ…


   ผมถูกพลิกลงข้างล่าง แล้วร่างหนักๆก็ทิ้งตัวลงมาทับอย่างว่องไว เหมือนรอจังหวะนี้อยู่แล้ว นั่นไง ชัดเจนเลย ไอ้ดวงตาวิ


บวับแบบปิดไม่อยู่นี่ยืนยันได้อย่างดี แล้วมืออุ่นๆก็สำทับความเข้าใจของผมด้วยการล็อคแขนผมลงกับเตียง


   “กูว่ามัน…ล่อแหลมไปว่ะ เดี๋ยวกูง้อนะ แต่เอาแบบยืนง้อกันดีกว่า มาๆ” ผมขืนตัวจะลุกขึ้น แต่ไอ้คนเหิมเกริมส่ายหัวน้อยๆ


ทำปากจุ๊ๆ แบบน่าตบ แล้วโน้มหน้าลงมาใกล้ แต่ก่อนอะไรๆจะสัมผัสกัน มันก็หยุดกึก


   “หมอดูคืออะไรครับ” ผมมองหน้ามัน สายตาจริงจังก็รู้ได้ทันทีว่าคาดหวังคำตอบแบบจริงจังเช่นกัน


   “คืองี้ กูไปดูหมอมา เขาก็บอกลักษณะของเนื้อคู่กูมาแค่นั้นเอง แต่ที่ไอ้ฟานมันเอามาล้อเพราะกูเจอมึงหลังจากนั้นไม่นาน


ก็เท่านั้นเอง” ผมอธิบายออกไปแล้วมองดูปฏิกิริยาของมัน ซึ่งไม่แสดงอะไรออกมานอกจากสีหน้าเรียบเฉย



   “เรื่องมันมีแค่นี้ ทำไมพี่ต้องทำเหมือนไม่อยากให้ผมรู้ด้วยล่ะ”


   “ก็ กู…”


   “ถ้าลำบากใจก็ไม่เป็นไร คนเรามีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น ผมแค่ไม่ชอบที่พี่ปกปิดผมในเรื่องที่คนอื่นรู้ได้ แต่ผมรู้ไม่ได้


เพราะอะไรรู้มั้ย…” น้ำเสียงเรียบๆเย็นๆ ทำให้ผมปิดปากที่จะบอกเหตุผลของตัวเองทันที บรรยากาศแปลกๆรอบตัวที่ไอ้เด็กยักษ์


นี่สร้างขึ้นทำให้ผมขนลุกซู่


   “เพราะผมไม่ใช่คนอื่นสำหรับพี่ ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว จำไว้ให้ดีๆ” ประโยคก่อนว่าขนลุกแล้ว ประโยคนี้ทำให้ผมขนลุกกว่า


เพราะมันมาพร้อมกับสายตาดุดันน่ากลัวราวกับจะขย้ำผมเข้าไปทั้งตัว สายตาที่ผมไม่เคยเห็น และหิรันต์ในแบบที่ผมไม่เคยรู้จัก


มาก่อนเลยสักนิด…










กราบขอโทษเเบบไม่มีข้อเเก้ตัวค่ะ TT

กลับมาคราวนี้จะพยายามไม่ดองอีกค่ะ

ที่หายไปก็ได้เเรงบันดาลใจใหม่ๆมาค่ะ จะพยายามพัฒนามากกว่านี้นะคะะะ

ฝากหนูว่าล่วยยย   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 19 ☼ [อัพ 14.03.60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-03-2017 00:57:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 19 ☼ [อัพ 14.03.60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 15-03-2017 22:45:34
มาต่อแล้ววว มาเรื่อยๆนะครับ,,,,
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 11.04.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 11-04-2017 01:56:14
20



   หลังจากมรสุมความรักผ่านพ้นไป การดำเนินชีวิตของผมก็เริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น แต่วันธรรมดาของผมก็มีอะไรพิเศษๆเพิ่มเข้ามา คือผู้ชายตัวโตที่มารอรับกลับคอนโดเกือบทุกวันหลังเลิกเรียน ไปกินข้าวกันบ้าง เดินเล่นกันบ้าง อาจจะดูธรรมดาแต่มันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมมีความสุขในทุกวัน


   เหมือนกับวันนี้ พอขาก้าวออกจากตึกเรียนปุ๊บ ก็เจอกับมอเตอร์ไซค์คลาสสิกคุ้นตาปั๊บ เจ้าของรถก็ยืนพิงรถคันเท่ด้วยท่าทางสบายๆแต่ดูดีจนน่าหมั่นไส้(หมั่นไส้ตัวเองนี่แหละ มีแฟนหล่อ อิอิ) พอมันมองเห็นผม หมวกกันน็อคสีขาวก็ยื่นมาตรงหน้า ผมรับมาใส่และยิ้มกว้างๆให้คนมารับไปทีหนึ่ง ถือเป็นค่าตอบแทนแล้วขยับไปนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์อย่างคล่องเเคล่วกว่าเมื่อเดือนก่อนเยอะ


   "บางทีกูก็สงสัยนะ ว่ามึงมารับกูทุกวันได้ยังไง เวลาเราตรงกันขนาดนั้นเลยหรอ" พอรถเคลื่ิอนตัวได้สักพักผมก็เริ่มชวนคุย จริงๆแล้วก็อยากรู้ด้วยแหละเพราะอาทิตย์หนึ่งผมเรียนสี่ - ห้าวัน แต่มันก็ว่างมารับผมได้เกือบทุกวันจนน่าแปลกใจ


   "บังเอิญมั้งครับ"


   "เอาดีๆ มึงไม่ได้โดดเรียนมารับกูใช่มั้ย" พอผมทำเสียงเข้มอีกฝ่ายก็หัวเราะร่วน


   "ผมไม่โดดหรอกครับ มันคงบังเอิญจริงๆ ผมรู้ว่าวาไม่ชอบ เรื่องอะไรที่วาไม่ชอบผมไม่ทำหรอกครับ"


   "งือ" ผมตอบไปแค่นั้นเเล้วเอาหัวมุดหลังเเข็งๆของมันแก้เขิน และคิดว่ามันคงรู้เพราะผมได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆ คำพูดตรงๆทื่อๆของหิรันต์แต่ทำเอาคนฟังแบบผมแทบตาย


   ผมชอบช่วงเวลาแบบนี้จัง



   "วันนี้ไปกินข้าวเย็นกับผมนะ” มันพูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เราขับรถกันมาเรื่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกเพราะมันชอบสรรหาร้านแปลกๆใหม่ๆให้ผมไปลองเสมอ และผมก็ค้นพบว่าทุกร้านที่มันพาไปทำผมติดใจทุกครั้ง


   “ไปสิ”


   “งั้นแวะไปเก็บของที่คอนโดก่อนนะ”


   “หือ เก็บทำไมอ่ะ?” พอมันบอกว่าจะไปคอนโด รถก็จอดหน้าคอนโดผมพอดี ผมก้าวลงจากรถ แล้วมองหน้ามันให้อธิบาย


   “ไปกินที่ห้องผมไงครับ แล้วก็พรุ่งนี้วันเสาร์ด้วย พี่ไม่มีเรียน เพราะงั้นคืนนี้ไปค้างห้องผมนะ” คำตอบเป็นฉากๆเหมือนคิดมาอย่างดีแล้วทำให้ผมหรี่ตามองแบบจับผิด แต่คนชวนก็ทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ แล้วรุนหลังผมให้ขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าไวๆ


   “คิดอะไรแอบแฝงป่าวเนี่ย”


   “ไม่คิดหรอกครับ อยากกินข้าวแล้วก็นอนเล่นด้วยเฉยๆ แต่ถ้าพี่คิด ผมช่วยพี่ได้นะ” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์กับใบหน้าคมที่เลื่อนมาใกล้ ทำให้ผมผลักออกแบบหมั่นไส้ แล้วหันหลังสาวเท้าขึ้นห้องทันที น่าจะไวพอหลบไม่ให้ไอ้คนชอบแหย่ให้คิดเรื่องลึกๆเห็น ว่าตอนนี้แก้มทั้งสองข้างของผมแดงขนาดไหน



   “ไอ้ฟานวันนี้กูไม่อยู่ห้องนะ” พอจัดเสื้อผ้ากับของใช้เรียบร้อย ผมก็สาวเท้าไปทางครัว โผล่เข้าไปรายงานตัวกับคุณเพื่อนที่รักซะหน่อยมันจะได้ไม่เป็นห่วง แต่ก็รู้สึกเหมือนจะมาขัดจังหวะอะไรบางอย่างเข้า เพราะไอ้ฟานหน้าแดงแจ๋เหมือนตูดลิง แล้วสาเหตุก็ไม่ต้องสงสัยยืนยิ้มอยู่ข้างหลังมันนั่นแหละ


   “หะ มึงว่าไงนะ” ไอ้ฟานที่พึ่งหาปากตัวเองเจอเหมือนยังจับต้นชนปลายไมถูกให้ผมต้องเอ่ยย้ำอีกครั้ง


   “กูบอกว่ากูไม่อยู่นะ ไปห้องรันต์ เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับ”


   “อะ อ๋อ เออๆ ได้ๆ ดูแลตัวเองด้วยนะมึง”


   “นี่พวกมึงกินไรกันอ่ะ” ผมถามเพราะเห็นวัตถุดิบบนโต๊ะ ก็เลยอยากรู้ว่าวันนี้ไอ้เทียร์จะทำอะไรกิน


   “เปล่า กูไม่ได้กินกัน!!” แต่คำตอบลนๆแบบร้อนตัวสุดๆก็ทำให้ผมขำก๊ากออกมา คนไม่รู้เขาจะรู้ก็ตอนมึงโวยวายเนี่ยแหละไอ้ฟาน


   “อ๋ออออ งั้น ‘กิน’ กันให้อิ่มเลยนะมึง กูกลับพรุ่งนี้ค่ำๆ” ผมทิ้งสัญญาณไว้ และโบกมือบ๊ายบายเพื่อนรักทั้งสอง ก่อนจะเผ่นแผล็วออกจากห้องมาทันที แต่ยังได้ยินเสียงโวยวายแว่วๆตามหลังมา


   “ไม่ได้!! มึงต้องกลับตอนเช้า ไอ้วา มึงได้ยินกูม้ายยยยยยยยย”


   ก็ขอให้กินกันให้อิ่มนะครับเพื่อน




   “ป่ะ ไปกัน” ผมเรียกคนที่รออยู่แล้วขยับไปนั่งพร้อมใส่หมวกเรียบร้อย สารถีประจำตัวก็ออกรถทันที จริงๆก็ไม่เคยไปห้องมันหรอกนะ ไม่รู้จะเป็นแบบไหนเหมือนกัน คงจะให้อารมณ์ดิบๆแบบผู้ชายล่ะมั้ง หรือไม่ก็เรียบๆไปเลยแบบห้องทั่วไป เพราะคงไม่มีใครคิดจะอยู่ถาวร อย่างมากก็สี่ปี แต่ส่วนใหญ่ตอนปีสี่ก็มักจะยกเลิกสัญญาแล้วกลับไปนอนบ้านเพราะฝึกงานก็ไม่ค่อยได้กลับหอแล้ว


   “ที่ห้องผมมีพวกของสดอยู่พี่อยากกินอะไรพิเศษมั้ย ผมจะได้ทำให้”


   “อืมมมม อยากกินคาโบนาร่าใส่ชีสเยอะๆ ทำเป็นป่ะ”


   “ได้ครับ”


   มันตอบมาสั้นๆแค่นั้น ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าทางข้าวของคอนโดหรูแห่งหนึ่ง คิดว่าคงไม่ไกลจากคอนโดผมมากนัก เพราะใช้เวลาไม่นาน มันเอารถไปจอดแล้วจับมือผมไปขึ้นลิฟต์ที่บ่งบอกว่าห้องของมันอยู่ชั้น 21 รอไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก เดินไปอีกนิดก็เจอกับประตูห้อง มันแตะคีย์การ์ด แล้วเปิดประตูให้ผมเข้าไป


   ที่นี่ถูกตกแต่งไว้อย่างลงตัวแบบสไตล์โมเดิร์น เน้นสีดำ ขาว น้ำตาลเข้มตัดกันอย่างสวยงาม เปิดประตูเข้ามาก็เจอห้องรับแขก ที่ด้านหน้าติดกระจกบานยาวสูงจรดเพดานเผยให้เห็นท้องฟ้าสีส้มอมแดงและวิวยามเย็นของตึกรามบ้านช่องด้านล่าง อีกด้านหนึ่งเป็นเค้าน์เตอร์และครัวที่ถูกจัดสรรให้ใช้งานได้สะดวก และซ่อนบันไดทางขึ้นชั้นสองไว้ได้อย่างไม่ขัดตา


   ถามว่าทำไมถึงบรรยายเป็นฉากๆแบบนี้น่ะหรอ ผมโคตรชอบห้องแบบนี้เลยไงล่ะ และถ้าจำไม่ผิด ผมเคยเอารูปให้มันดู
ด้วยว่าโตขึ้นจะเก็บเงินทำงานและแต่งบ้านแบบนี้


   “รันต์ ห้องมึงสวยโคตรๆอ่ะ โคตรๆของโคตรๆ” ผมพูดแล้วยิ้มกว้างก่อนจะเริ่มเดินสำรวจเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ ผมเดินมาหยุดหน้ากระจกสูงแล้วมองลงไปข้างล่างก่อนจะยิ้มร่าออกมา เมื่อพบว่าแสงไฟของตึกรามบ้านช่องข้างล่างน่ามองเหมือนที่คิดไว้ ไม่ทันระวังตัวว่ามีใครขยับมาซ้อนข้างหลังและใช้แขนแข็งแรงรัดเอวเอาไว้


   “งั้นพี่ก็มาอยู่ด้วยกันสิครับ” พอรู้สึกตัวอีกทีผมก็ถูกพลิกกลับมาหาใบหน้าคมเข้มที่อยู่ใกล้แค่คืบ แถมตัวยังถูกกักไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงนี่อีก ผมเม้มปากแน่นเพราะความใกล้ชิดแบบนี้ และจำได้ว่าถ้ามันเอาหน้ามาใกล้เมื่อไหร่ เตรียมตัวโดน ‘รุก’ ได้เลย


   “ไม่เอา มันห้องมึง อีกอย่างกูก็อยากอยู่กับไอ้สองคนนั้นด้วย” ผมตอบกลับไปเบาๆแบบระมัดระวัง สถานการณ์ตอนนี้อีกฝ่ายได้เปรียบสุดๆ


   “แล้วไม่อยากอยู่กับผมบ้างหรอครับ” น้ำเสียงนุ่มๆทำให้ผมเม้มปากแน่นขึ้นอีก รู้สึกว่ามันกำลังตะล่อมผมด้วยความทุกอย่างที่มันมี น้ำเสียง แววตามันชวนให้คล้อยตามขนาดหนัก แต่พอดีตบะผมแข็งแรงเลยบังคับไม่ให้เผลอใจได้


   “มันไม่สะดวกหรอก เชื่อกูสิ”


   “ไม่เอากูสิครับ พูดเพราะๆ”


   “พี่ว่ามันไม่สะดวก” ผมพูดใหม่แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่พอใจเพราะคิ้วขมวดมุ่น


   “แล้วจะให้พูดยังไง”


   “วาก็รู้ว่าผมชอบแบบไหน” คำพูดของมันทำเอาผมหน้าขึ้นสี จริงๆก็อยากพูดเพราะๆหรอกนะ แต่เริ่มมาก็มึงๆกูๆใส่แล้ว มันเลยติดเป็นนิสัย แล้วแบบที่ไอ้ยักษ์นี่ชอบก็ทำผมกระดากปากเหมือนกัน ยังไงผมก็รุ่นพี่มันอีกทั้งคำพูดแบบนี้ผมเก็บไว้ใช้กับคนในครอบครัว ไม่ค่อยได้พูดกับคนอื่นเท่าไหร่มันก็เลยยิ่งเขิน


   “วาว่าแบบนี้มันไม่สะดวกหรอก” แต่ในที่สุดผมก็พูดออกไปจนได้ และพบว่าอีกฝ่ายพอใจมากๆด้วย เพราะดวงตาคมๆนั่นพราวระยับ


   “แต่ผมแต่งห้องแบบที่วาชอบก็เพราะอยากให้วามาอยู่ด้วยกัน” พอได้สิ่งที่ต้องการ หิรันต์ก็เริ่มมีอาการที่ผมเรียกว่าการ ‘งอแง’ เด็กยักษ์นี่จะหว่านล้อมเหตุผลร้อยแปดพันเก้า แม่น้ำสิบห้าสาย สกิลอ้อนมีเท่าไหร่งัดออกมาทุกกระบวนท่า ก็สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างนะ แต่ส่วนใหญ่สำเร็จ…เพราะฉะนั้นผมต้องตั้งรับให้ดีขึ้น ยังไงก็ไม่ใจอ่อนเด็ดขาด


   “แต่วาหารค่าเช่าห้องกับเพื่อนวาอยู่นะถ้าย้ายออกมาเขาจะเดือดร้อน แล้วถ้ามาอยู่กับเรา วาไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องใหญ่แบบนี้หรอกนะ”


   “ไม่ต้องจ่าย เพราะผมเป็นคนชวนมาอยู่ มันเหงานะครับ เราได้เจอกันแป๊ปเดียวแค่ตอนเลิกเรียน”


   “ยังไงก็ไม่ได้จริงๆ เข้าใจกันหน่อยสิ”


   “พี่ก็เข้าใจผมบ้างสิ มีแฟนก็อยากอยู่กับแฟนนี่ครับ” เห็นทีไอ้เด็กนี่จะไม่ยอมง่ายๆ ผมก็เลยต้องใช้วิธีเจอกันตรงกลางทาง


   “งั้นถ้าไม่อยู่ด้วย แต่จะมาค้างเท่าที่จะมาได้โอเคมั้ยอ่ะ”


   “…” มันเงียบแสดงว่าสนใจข้อเสนออยู่เหมือนกันแต่ยังไม่พอใจ


   “ทุกอาทิตย์เลยก็ได้ แต่ไม่รู้วันไหน”


   “…”


   “จะพูดเพราะๆแบบนี้ด้วย” ผมยื่นข้อเสนออีกแต่มันก็ยังเงียบ ได้คืบจะเอาศอกเรอะ!


   “ไม่เอาก็ไม่เอานะ งั้นก็ล้มเลิกไปให้หมดที่พูดมา”


   “เอาๆ เอาก็ได้ ยอมแล้วครับ” ริมฝีปากได้รูปหลุดยิ้มออกมา พร้อมกับวงแขนที่รัดแน่นขึ้น ผมเบ้ปากใส่มันอย่างหมั่นไส้ ไหนบอกไม่ได้คิดอะไรไง ตั้งแต่เหยียบเข้าห้องมานี่มันก็มีข้อต่อรองกับผมทันทีเลยเนี่ย


   “ผมชอบพี่มากนะครับ” จู่ๆมันก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยิ่งพอมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นผมก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจที่อีกฝ่ายมอบให้ มันทำให้ผมยิ้มกว้างและพยักหน้าตอบรับบอกว่าผมเองก็คิดแบบนั้นไม่ได้ต่างไปจากมันเลย และให้รางวัลคนที่ทำให้รู้สึกดีด้วยการไม่ขัดขืน ตอนความร้อนแนบประทับลงมาที่ริมฝีปาก ก่อนความชื้นจะสอดแทรกเข้ามาภายในเกี่ยวพันเหมือนจะร้อยรัดเข้าไว้ด้วยกันและไม่แยกจากกันอีก



   หนึ่งเดือนจะว่าช้ามันก็ช้า แต่ถ้ามีความสุขมันก็เร็วจริงไหม?






แปะ ป้าบบบบบบบ

หนึ่งเดือนเเล้วครับสำหรับสองคนนี้ ก็อย่างที่หนูวาบอก จะว่าเร็วมันก็เร็ว จะว่าช้ามันก็ช้า เหมือนอะไรยังไม่ได้พัฒนาเท่าไหร่ เเต่เขาก็พัฒนาในเเบบของเขาอยู่นะคะ

อยากเขียนคู่ของเทียร์กันฟานด้วยค่ะ อาจจะมีเเว้บๆมาบ้างเป็นตอนสั้นๆไม่รู้ว่าอยากอ่านกันไหมเอ่ย

ขอบคุณมากๆที่ยังเข้ามาอ่านเเละคอมเม้นท์กันนะคะ ทุกอย่างคือกำลังใจสำหรับคนเขียนจริงๆค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่าาาา  :c4:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 11.04.60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-04-2017 03:57:32
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 11.04.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-04-2017 14:39:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 11.04.60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 11-04-2017 23:47:47
หวาน,,,,
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 11.04.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 14-04-2017 21:48:20
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Vagenlada ที่ 01-05-2017 00:18:55
21



   "กินข้าวกันครับ" เสียงนุ่มทุ้มที่ดังชิดริมหู ทำเอาผมที่กำลังสะลึมสะลือกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาตัวนิ่มสะดุ้งโหยง หลุดจากอาการงัวเงียทันที แล้วหันไปมองคนปลุกแบบคาดโทษ แต่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านแถมยังหัวเราะตบท้ายอีกด้วย


   "เสร็จแล้วหรอ?" ผมชะเง้อมองบนโต๊ะอาหาร ก็เห็นสปาเกตตี้ที่ผมอยากกินและอาหารอีกสองสามอย่างวางอยู่ พลันตวัดมามองคนทำก็นึกแปลกใจ หมอนี่ตัวเท่าหมีควายแต่ทำเรื่องละเอียดอ่อนได้หลายอย่าง ไม่สมกับขนาดตัวสักนิด


   "มองแบบนี้นินทาผมในใจอยู่ล่ะสิ"


   "เปล๊า แค่คิดว่ามึงมีอะไรน่าทึ่งเยอะดี" ผมลุกขึ้น บิดตัวไล่ความเมื่อยและตรงไปที่โต๊ะอาหาร หากแต่ยังไม่ทันก้าวก็ถูกดึงกลับมาปะทะกับแผงอกแข็งๆของคนมีอะไรน่าทึ่งก่อน


   "โอ๊ย มึงดึงทำไมเนี่ยมันเจ็บนะ อ๊ะ" กำลังบ่นอยู่ดีๆ ฟันคมก็ขบริมฝีปากผมเบาๆเหมือนเป็นการลงโทษ เพราะใบหน้าเข้มๆนั่นกำลังส่งสายตากดดันให้ผมอยู่


   พอผมทำหน้างงอีก แรงกัดก็เพิ่มขึ้นอีก จนต้องทุบเบาๆ


   "ถ้าพูดไม่เพราะจะโดนแบบนี้"


   "ฉวยโอกาส"


   "ผมเปล่า พี่สัญญาแล้วนี่ครับ แล้วก็..." มันเว้นช่วง ให้ผมจ้องเข้าไปในดวงตาคู่คมที่ส่องประกายวิบวับ


   "เมื่อกี๊ไม่เรียกฉวยโอกาสหรอกนะครับ บ้านผมเขาเรียกทำโทษ" ผมเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้ ไม่เคยเจอว่าถ้าพูดไม่เพราะจะโดนแบบนี้


   “ไม่เห็นเคยได้ยิน”


   “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมค่อยๆบอกพี่ก็รู้เอง ว่าคนเป็นแฟนกันจุ๊บกันไม่ผิดหรอกครับ แล้วมากกว่านี้ก็ไม่ผิดด้วย คืนนี้ลองดูมั้ย”


   “ไอ้บ้า!” ผมแหวใส่มันเสียงดังทั้งที่หน้าร้อนไปหมดจนผมยังรู้สึกได้ เพราะดันไปคิดตามว่าไอ้ ’มากกว่านี้’ ของมันคืออะไร แล้วดันคิดออกด้วยนะ


   "ป่ะ กินข้าวกันครับ" พอเห็นว่าผมหมดทางสู้ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่อง


   มือใหญ่กุมมือผมแล้วออกแรงดึงไปที่โต๊ะอาหาร พอเห็นอาหารหน้าตายั่วน้ำลายตรงหน้า ผมก็ลืมเรื่องก่อนหน้าไปหมดสิ้น แล้วบรรจงม้วนเส้นสปาเกตตี้เข้าปากความเหนียว นุ่ม หนึบกำลังดีกับครีมซอสมันเข้มข้น ยิ่งกลิ่นชีสที่ผมชอบหอมเตะจมูกทำให้ผมยิ้มแก้มตุ่ย สลับกับผักสลัดสดๆกรุบกรอบ ก็ทำให้ผมเจริญอาหารแบบหยุดไม่อยู่ อยู่กับมันทุกวันผมคงอ้วนตาย แต่ใครสนล่ะ ในเมื่อมันน่ากินขนาดนี้!


   แล้วเซฟที่รังสรรค์มื้อนี้ก็เอาแต่นั่งยิ้ม จ้องผมกินแบบมีความสุข แตะๆแค่สลัดนิดหน่อย ผมที่เริ่มละอายใจว่ากินอยู่คนเดียวเลยละจากจานมามองหน้าเปื้อนยิ้มของคนตรงข้าม


   "อะไอไอ้อินอ่ะ แอ้อั๊นไอ้อิ่มออก เอ้า(ทำไมไม่กินล่ะ แค่นั้นไม่อิ่มหรอก เอ้า)"  ผมพูด(?) แล้วจัดการตักสปาเกตตี้ สลัดและอื่นๆใส่จานมันแล้วเลื่อนไปไว้ตรงหน้า ใช้สายตาบังคับว่าต้องกินให้หมดนะ นั่นแหละ เจ้าของห้องเลยยกมือยอมเเพ้ แล้ว
เอาอาหารเข้าปากบ้างไม่ใช่นั่งมองอย่างเดียว


   สักพักหนึ่ง ในขณะที่มันทานอาหารที่ผมตักให้หมดแล้วมันก็ส่ายหัวแบบปลงๆ ให้ผมถามขึ้นมา


   "อ่ายอั๋วอำไอ(ส่ายหัวทำไม) "


   "สงสัยผมต้องไปทำงานพิเศษเพิ่ม" ผมเลิกคิ้วแทนคำถามว่าทำไม มันก็เก็บจาน เดินมาข้างหลังเก้าอี้ที่ผมนั่งแล้วโน้มตัวเท้าบนโต๊ะคร่อมผมไว้


   "เมียกินเก่งแบบนี้ ลำพังเงินที่มีไม่พอเลี้ยงแน่ๆ"


   “เลี้ยงตัวเองได้หรอก” ผมกลืนอาหารคำโตแล้วเชิดหน้าเถียงไม่ยอมแพ้ เรื่องอะไรจะต้องให้มันมาเลี้ยงด้วยล่ะ ผมเองก็ทำงานหาเงินได้เถอะวะ


   “ไม่เอาครับ ผมอยากเลี้ยง ถ้าพี่ไม่สบายใจก็เลี้ยงผมคืนสิครับ”


   “เอาดิ อยากกินไร พรุ่งนี้พาไปกิน แต่เอาถูกๆนะเดือนนี้ช็อต”


   “อยากกินของอร่อย แต่ไม่รู้พี่จะให้ผมกินรึเปล่า” คนที่ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะตกหลุมที่ไอ้เด็กนี่ขุดไว้ก็เอ่ยต่อแบบไม่คิดอะไร


   “แพงหน่อยก็ได้ อยากกินก็กินเถอะ กูเลี้ยง” ว่าแล้วก็หันไปจัดการอาหารในจานต่อ แบบที่ไม่รู้ตัวเล๊ยว่ากำลังจะโดนน็อค


   “อยากกินนี่”


   แผล่บ


   ....พอสิ้นเสียงลิ้นอุ่นๆก็จัดการเลียลงที่หลังคอผม จนขนลุกซู่ เลือดลมสูบฉีดขึ้นไปกองรวมกันที่ใบหน้าเพราะการกระทำที่บอกชัดเจนว่ามันอยากกินอะไร แบบที่ไม่ต้องถามต่อเลยว่าทำไมมันบอกว่าผมไม่ยอมให้มันกิน อ่อยกูจังเลย ฮ่อลลลลลลลลลลลล


   พอโดนน็อคผมก็ก้มหน้าก้มตา หม่ำๆจนเรียบ แล้วพอหมด ไอ้ตัวต้นเหตุก็จัดการเอาไปล้างเองเสร็จสรรพ ไล่ผมไปอาบน้ำชั้นบนแทน


   พอชำระล้างร่างกายเรียบร้อย ผมก็เดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ห้องน้ำชั้นบนก็สวยมากขอบอก ผมเลยแช่ซะเพลินจนตัวเกือบเปื่อย แต่ขาก็ต้องชะงักเมื่อกวาดสายตาเจอเจ้าของห้องในอิริยาบถสบายๆ แต่ดูดึงดูดอย่างไม่น่าเชื่อ


   ร่างสูงมีเพียงกางเกงสีเข้มตัวเดียว นอนเหยียดยาวขวางโซฟา ท่อนขาพาดกับที่วางแขนฝั่งหนึ่ง ในมือถือรีโมททีวีเปลี่ยนช่องอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก ท่าทางธรรมดา แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังดูรูปถ่ายจากนิตยสารชั้นนำอยู่


   ผมไล่สายตาไปเรื่อยๆ ตั้งแต่บ่า ไหล่ ท่อนแขน หน้าอก หน้าท้อง กล้ามเนื้อมัดสวยเรียงตัวได้รูปแบบที่รู้ว่าไม่ได้ได้มาเพราะออกกำลังกายแบบเด็กมัธยมแน่ๆ มันได้รับการดูแลอย่างดีมากๆ โดยเฉพาะวีไลน์ที่ถูกกางเกงปกปิดอย่างหมิ่นเหม่ รอยสักรูปใบหน้ายักษ์ดุดันแต่ชวนให้น่าค้นหา ว่าข้างใต้นั้นมีอะไรซ่อนอยู่


   ผมพยายามบังคับตัวเองห้ามจิตนาการอกุศล ข้างใต้จะเป็นอะไร  กล้วยหอมคัดไซส์พิเศษ หรือไอติมแท่งโต แต่ว่าของดีแน่ๆ เพราะตอนนี้มันก็…โดดเด่นกว่าทุกส่วนบนร่างกายเเล้ว



   เวลาแค่หนึ่งเดือนไอ้วาคนนี้จ้องจะแดกแฟนตัวเองแล้วล่ะคุณผู้ชม พัฒนาการก้าวกระโดดจริงๆ


   "กูอยากกินไอติม" ผมไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ตะครุบปิดปากก็ไม่ทัน เพราะไอ้ของหวาน เอ๊ย เจ้าของห้องหันขวับมามอง แล้วไอ้ตาวิบๆนั่น แม่งได้ยินแน่ๆ


   ไอ้วา มึงต้องดึงสายตาออกจาก ‘เป้า’ หมายเดี๋ยวนี้!


   ครับ…ไม่ทัน เพราะไอ้คนโดนลวนลามทางสายตาเลื่อนลงไปตามทิศทางการมองของผม แล้วมันก็ยิ้ม ยิ้มแบบร้ายกาจที่สุดแต่ก็มีแรงดึงดูดที่สุดเช่นกัน


   "วา"


   เวร…ใครให้มึงใช้เสียงนี้!


   “อะ อะไร…” ผมเค้นเสียงตอบมันไปเบาๆ ดวงตาหลุกหลิกหาทางหนีทีไล่ แต่เห็นทีจะไม่รอดเพราะดวงตาคู่คมนั่นกำลังทำให้ผมละสายตาไปไหนไม่ได้


   "มานี่สิ" เหมือนมนต์สะกดทำให้ร่างกายมันขยับเข้าไปหาเอง เพียงแค่อีกฝ่ายพยักหน้าทีเดียว ผมก็ไปหยุดตรงหน้ามัน


   มือใหญ่ออกแรงกระตุก ขยับนิดหน่อย ผมก็นั่งทับบนหน้าท้องแข็งๆของอีกฝ่ายเรียบร้อย แม้จะมั่นใจว่าตัวเองแมน แต่พอเจอสถานการณ์นี้เข้าไป ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงที่หลงเสน่ห์ผู้ชายสักคนอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งที่หิรันต์เป็นผู้ชายเหมือน
กัน แต่เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มาก มากจนเกินไป


   “แบบนี้ไม่ดีเลย” ผมพึมพำเบาๆ ตอนที่ฝ่ามือร้อนเริ่มขยับไล้เรียวขาที่โผล่พ้นบ็อกเซอร์ตัวสั้น สัมผัสผิวเนียนนุ่มช้าๆ นึกโกรธตัวเองเหมือนกันที่ไม่ใส่ชุดให้มันรัดกุมกว่านี้ แต่เชื่อเถอะ จะชุดอะไร ก็ห้ามไอ้มือไวๆนี่ไม่ได้หรอก


   ความคิดกับความรู้สึกเริ่มตีกันมั่วซั่ว ไอ้อยากให้ไหมมันก็อยาก กลัวไหมมันก็กลัว แต่ความร้อนที่คนข้างใต้กำลังก่อมันขึ้นก็ทำให้ใจเอนเอียงไปมากกว่าครึ่ง แค่มองตาก็แทบจะกลายเป็นจุณแล้ว นึกทึ่งในตัวเองเหมือนกันที่รอดมาได้ตั้งเดือนหนึ่ง


   “ไม่ดียังไง” อีกฝ่ายยิ้มเมื่อเห็นแววตาสับสน มือร้อนสอดเข้าใต้เสื้อยืดตัวหลวม ลากปลายนิ้วตามแนวกระดูกสันหลังอย่างอ้อยอิ่ง อย่างรู้ดีว่าควรทำยังไงเพื่อเกลี้ยกล่อม


   “ฮื่อ ไม่ดี อันตรายเกินไป” เสียงติดจะสั่นพึมพำตอบกลับมา แล้วเริ่มขยับตัวยุกยิก ทำท่าจะหนี แต่มือใหญ่ก็บีบบังคับให้อยู่กับที่จนได้ คนตัวเล็กตวัดสายตาลงมามองเหมือนถามว่าจะเอาจริงหรอ


    คนถูกถาม ก็ตอบด้วยการจับมือเล็กส่งผ่านความอบอุ่น กดแนบริมฝีปากลงไปเพื่อแสดงการร้องขอ มองสบดวงตากลมด้วยสายตาเว้าวอน ทุกอย่างยิ่งกระตุกหัวใจให้สั่นหนักกว่าเดิม มันเต้นรัวตอกย้ำว่ายอมหมดแล้ว ทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรเขาก็ยกให้
ผู้ชายตรงหน้านี้หมดแล้ว


   หิรันต์เข้ามาเป็นทุกอย่างของนายวาทิตย์
   


   ใบหน้าน่ารักโน้มเข้าไปชิดกับคนด้านล่าง ริมฝีปากเล็กแตะลงเบาๆที่แก้ม หน้าผาก จมูก และแนบลงที่ริมฝีปากได้รูปอย่างอ่อนโยน  ก่อนจะนิ่งค้างไว้แบบนั้น


   กิริยานุ่มนวลทำเอาคนตัวสูงแทบอดใจไม่ไหว แค่นี้เขาก็ร้อนไปหมดทั้งตัว ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้ชอบอีกฝ่ายตั้งแต่แรกเห็น วาไม่ได้น่ารักอย่างเดียว แต่วารู้จักที่จะรักคนอื่น และรักได้อย่างอ่อนโยนมากด้วย


   การกระทำที่ตอบแทนได้แค่บดเบียดริมฝีปากกลับไปอย่างเร่าร้อน และบอกคนตัวเล็กว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยเอาจริงเลย


   ปลายลิ้นอุ่นที่เกี่ยวกระหวัดกันจนร้อน พัวพันสำรวจกันจนทั่ว เสียงแลกเปลี่ยนสสารดังก้องพอๆกับเสียงหอบหายใจ ยิ่งฝ่ามือร้อนลากไล้จากเอวถึงหน้าอกขาว ที่แต่งแต้มด้วยเม็ดทับทิมสีสวย และเมื่อปลายนิ้วปัดผ่าน  เจ้าของตุ่มไตก็ผวาเฮือกกอดรอบคอหนา ความรู้สึกแล่นพล่านเข้าเต็มอก


   ดวงตาฉ่ำเยิ้มก้มลงมองสบอย่างขอร้องโดยไม่รู้ตัว ความแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยพบอัดแน่นเหมือนไฟสุม และคนที่จะช่วยเอามันออกได้ก็มีแค่คนก่อมันขึ้นเท่านั้น


   เสื้อยืดตัวหลวมถูกดึงออกแบบที่คนด้านบนก็ให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม คนตัวเล็กกว่าถูกพลิกลงด้านล่าง ร่างกายหนาหนั่นคลุมทับบังแสงไฟสลัวด้านบนจนเห็นแค่เสี้ยวหน้ารางๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่ปกติก็ดูน่ากลัวแล้ว ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก มุมปากได้รูปยกขึ้นนิดอย่างพอใจตอนที่ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วร่างขาว  มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกกิน


   กินจริงๆ กินอย่างตะกละตะกลามมากด้วย







ป้าบบบบบบบบบบบบบ

มาเเล้วค่าาาาาาาา

เเอบเขินเบาๆ  :hao3: :hao3: :hao3:

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะค้าาาาาา
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-05-2017 01:25:13
 :o8: :o8: :o8: :o8: วาจะได้กินไอติมละ 55555
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 01-05-2017 23:19:10
จะได้กินรึป่าวนะ ไอติม,,,
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-05-2017 23:57:58
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yysll ที่ 02-05-2017 07:31:49
ตัดจบแบบนี้ไม่ดีนะ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-05-2017 09:27:11
โธ่......ค้างซะและ  :z3: :z3: :z3:
รอ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-05-2017 14:21:19
><
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 02-05-2017 19:56:33
 :katai1:เอ้าคัางๆ
หัวข้อ: Re: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 03-05-2017 00:08:33
แหม่ อ่านมาถึงตอนปัจจุบันก็ทำเอาค้างซะขนาดนี้!!!!

ไม่อยากจะพูดว่านี่! ทีมน้องกำแพงตั้งแต่เจอครั้งแรกเลย เชียร์มาตลอด 5555