พิมพ์หน้านี้ - ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Wendy ที่ 23-09-2015 22:20:08

หัวข้อ: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 23-09-2015 22:20:08
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

สวัสดีค่ะ

เรานำนิยายที่เคยแต่งไว้มาแบ่งปันค่ะ
เรื่องนี้เคยลงในเด็กดีแล้ว เอามาปัดฝุ่นปัดหยากไย่นิดหน่อยค่ะ
ปกติเคยแต่อ่านอย่างเดียว (เขิน)
พอลองแต่งเองแล้วก็ (คิดเอง) ว่าน่าจะพอไหว เลยเอามาลงในเล้าบ้าง
ฝากตัวด้วยนะคะ :)
 
 :L2:

Lavender's blue


★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (จบ)

สารบัญ

ตอนที่ 1 พี่ดีน้องซี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3185100#msg3185100)
ตอนที่ 2 กระรอกน้อย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3187228#msg3187228)
ตอนที่ 3 ทำไม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3189469#msg3189469)
ตอนที่ 4 ความประทับใจแรก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3191352#msg3191352)
ตอนที่ 5 ลูกแมว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3192947#msg3192947)
ตอนที่ 6 รู้เขา รู้เรา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3196313#msg3196313)
ตอนที่ 7 แมวกับแตงโม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3211385#msg3211385)
ตอนที่ 8 ความจริงของซี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3215581#msg3215581)
ตอนที่ 9 ความช่วยเหลือ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3218242#msg3218242)
ตอนที่ 10 กาว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3222069#msg3222069)
ตอนที่ 11 ไม่เอาต้นไทร (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3223564#msg3223564)
คอนที่ 12 กาแฟที่ชงผิด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3226049#msg3226049)
ตอนที่ 13 ครอบครัวหมู (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3227612#msg3227612)
ตอนที่ 14 ข้อเท้าและบะหมี่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3229366#msg3229366)
ตอนที่ 15 กอด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3230271#msg3230271)
ตอนที่ 16 ปลา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3231819#msg3231819)
ตอนที่ 17 แม่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3233551#msg3233551)
ตอนที่ 18 ป่วย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3235238#msg3235238)
ตอนที่ 19 สิ่งเร้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3236860#msg3236860)
ตอนที่ 20 คำถาม - คำตอบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3239600#msg3239600)
ตอนที่ 21 ถ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3241198#msg3241198)
ตอนที่ 22 ฝันร้าย (1/2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3242069#msg3242069)
ตอนที่ 23 ฝันร้าย (2/2)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3243106#msg3243106)
ตอนที่ 24 Love me, love my cat (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3245168#msg3245168)
ตอนพิเศษ: คนผิด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3246062#msg3246062)
ตอนพิเศษ: พุง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3246850#msg3246850)
ตอนพิเศษ: คิดถึง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3247948#msg3247948)
ตอนพิเศษ: คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3249810#msg3249810)
ตอนพิเศษ: ข้าวปั้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3250729#msg3250729)
ตอนพิเศษ: อาหารเช้าที่มากเป็นพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3251777#msg3251777)
ตอนพิเศษ: ปืนฉีดน้ำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3253487#msg3253487)
ตอนพิเศษ: ไม่พอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3254647#msg3254647)
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (จบ)

(http://i166.photobucket.com/albums/u83/rainbow_ryohei/Liner/409_zpsky2xrhqg.gif)
งานเขียน
[เรื่องสั้น] เรา (จบในตอน) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48808.msg3178858#msg3178858)
[เรื่องสั้น] At the beginning of the end ❆(จบในตอน) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50965.msg3265986#msg3265986)
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48933.msg3185091#msg3185091)
Just Love ❤ รักนะครับ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50844.msg3261485#msg3261485) จบแล้ว
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่1) - 23/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 23-09-2015 22:25:12
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว


ตอนที่1  พี่ดีน้องซี


“พี่ดี กินเสร็จแล้วล้างจานด้วยนะ ซีจะไปมหา’ลัยแล้วนะ วันนี้แดดออกซักผ้าด้วยล่ะ กลับมายังเหมือนเดิมจะโดน” เสียงแจ้วๆ ของยัยซี น้องสาวดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงปิดประตูบ้านดังปัง ผมที่กำลังนอนส่งเสียงอืออา ตอบรับมันก่อนจะพลิกตัวนอนต่อไป 

วันนี้วันจันทร์ครับ ผมไม่มีเรียน นักศึกษาปีสุดท้ายก็งี้แหละครับ ความจริงผมเก็บวิชาบังคับครบหมดแล้วล่ะ เหลือแต่วิชาเลือกที่มีเรียนวันพุธ พฤหัส และศุกร์เท่านั้น ยัยซีน้องสาวคนเดียวของผมเรียนอยู่ปีสามครับ เราห่างกันแค่สิบสี่เดือน ได้ยินมันเรียกผมพี่ๆ แต่ความเคารพมันไม่มีหรอกครับ

เที่ยงกว่า อากาศร้อนมากจนผมทนนอนอยู่บนเตียงไม่ไหวจึงลุกขึ้นมาซักผ้าตามที่น้องสาวสุดที่รักบอกไว้ก่อนออกจากบ้าน อ๊ะ อย่าคิดว่ากลัวนะครับ แค่ไม่มีเสื้อผ้าจะใส่แล้วเท่านั้นเองจริงๆ ส่วนเรื่องล้างจานไม่มีวันหรอกครับ ผมไม่ชอบฟองน้ำ มันแหยะๆ กลับมาซีจะได้มีงานบ้านทำบ้าง ไม่อย่างนั้นความเป็นกุลตรีของมันจะหายหมด

ผมกับซีมีกันอยู่สองคนพี่น้อง เรามาจากจังหวัดเล็กๆ ภาคเหนือของประเทศไทย เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยในเมืองกรุง อาศัยอยู่บ้านเดิมของป้าที่ตอนนี้ย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่กับครอบครัวของลูกสาวผู้ร่ำรวย แม่ของเราเสียตั้งแต่ซีเกิด พ่อไปมีเมียใหม่ ตอนนั้นผมเพิ่งอยู่ประถมห้าเองมั้ง ดื้อที่สุด ผมย้ายออกมาอยู่กับน้าที่เป็นสาวโสดและไม่ติดต่อกับครอบครัวใหม่ของพ่ออีกเลย ซีมันเป็นเด็กดีครับ มันอยู่กับพ่อจนจบม. 6 และสอบเข้ามาเรียนที่เดียวกันกับผมจนสำเร็จ

เรามีกันอยู่สองพี่น้องจริงๆ ครับ





“โอ้โห อะไรเนี่ย วันนี้สงสัยฝนจะตก” ซีกลับเข้าบ้านมาพร้อมกับถุงกับข้าวในมือพูดขึ้นเมื่อมันเห็นผมนั่งพับผ้าอยู่
“ทำไม แค่ซักผ้าเว้ย แล้วมึงทำไมกลับบ้านช้า สองทุ่มแล้วเนี่ย”
“คุณชายซักผ้าเอง พับผ้าด้วย สุดๆ อะ เอาจริง แล้วพี่ดีอย่ามาพูดเหอะ วันนี้ซีเลิกเรียนทุ่ม กลับบ้านสองทุ่มได้ก็ถือว่าเร็วแล้วเหอะ ไปๆ ย้ายเสื้อผ้าเลยจะกินข้าวแล้ว” นั่งกินข้าวด้วยกันสักพัก ผมอิ่มแล้วกะจะแกล้งซีมันสักหน่อย
“ซี”
“อือ” ตามันจ้องทีวีไม่กะพริบเลยครับ
“ซี”
“อะไรล่ะ” รอจนมันหันมา ผมถึงได้บอก
“มึงแม่ง นมเล็กหว่ะ” พูดเสร็จผมก็ลุกหนีขึ้นห้องนอนที่อยู่ชั้นบนทันที
“ไอ้พี่ดี !!!!” ปล่อยซีโวยวายไป ฮ่าๆ สะใจครับ ปล่อยให้ผมอยู่บ้านคนเดียวแล้วก็กลับมาช้า หิวข้าวด้วย





Sea See C ...คุณชายซักผ้า หิมะตกเลยเว้ย ฮ่าๆ... เมื่อสองนาทีที่แล้ว

ไอ้ซีเข้ามาเขียนบนกระดานข้อความของผมในเฟซบุค คนกดไลค์มันสองคน เห็นผมอย่างนี้ ผมมีเพื่อนน้อยครับ จะพูดคุยเล่นหัวเฉพาะกับคนที่สนิทจริงๆ เท่านั้น กับคนอื่นผมจะเงียบๆ แค่ยิ้มให้ตอนแนะนำชื่อเสร็จเท่านั้น แถมเป็นพวกมีโลกส่วนตัวสูง ยิ่งในโซเชียวเน็ตเวิร์ค ผมไม่รับเป็นเพื่อนกับคนที่ไม่รู้จักหรอกครับ ในเฟซบุคมีอยู่แค่สามสิบสามคน เพื่อนที่คณะ เพื่อนเก่ายี่สิบสาม สายรหัสผมอีกเจ็ด ยัยหวานเพื่อนสนิทยัยซี ไอ้จืดพี่ชายหวานและแน่นอนครับ ยัยซีน้องสาวตัวยุ่งของผมเอง
พอเห็นข้อความแล้วปล่อยมันไปครับ ไม่ยุ่งกับคนบ้า

ตึ่ง เสียงเตือนในโลกออนไลน์ทำเอาผมต้องละงานที่ทำอยู่ กดเข้าไปดูความเคลื่อนไหว

 Krit Thebest...มิน่าละ กูถึงว่าวันนี้มันหนาวๆ 555....  เมื่อสามวินาทีที่แล้ว
ไอ้เก่งเพื่อนสนิทผมเองครับ แค่ชื่อเฟสมันก็กวนตีนแล้วใช่ไหมครับ ยังคงเฉยปล่อยมันไปครับ

 Champion Wanasarn ...เพื่อนกูครับเพื่อนกู...
ไอ้แชมป์มันเป็นเพื่อนไอ้เก่งมาก่อน แล้วก็ค่อยมาสนิทกันครับ

 Sweetie Chonlada ...ต๊าย พี่ดี เตรียมตัวไว้นะคะ อิอิ...
ยัยหวานคอมเม้นท์ต่อไอ้แชมป์

Sea See C ...เตรียมตัวไรอะ ตะเอง... 
ไอ้ซีถามเพื่อนมันครับ แล้วทำไมพวกมึงถึงต้องมาคุยเล่นบนหน้าเฟซกูวะ

 Wisit Top of the world ...บ้านมึงใช้เครื่องซักผ้ายี่ห้อไร น้ำยาซักผ้าล่ะ น้ำไรวะ 555+...
ไอ้ท็อปเพื่อนไอ้เก่ง ไอ้แชมป์ ตอนนี้กลุ่มผมครบแล้วครับ น้ำอะไรของพวกมึง แม่ง ผมกำลังจะพิมพ์แต่มีคอมเม้นท์ถัดไปขึ้นมาก่อน ทำให้ผมชะงักทันที

 Narut Kitchareon...เตรียมตัวเป็นแม่บ้านพี่ไง ซี...

ไอ้จืดดดดดดด มึงตายยยยยยยย
คอมเม้นท์ไอ้จืดมีคนกดไลค์อย่างรวดเร็ว 5 คน มึงสนุกกันมากใช่ไหมเนี่ย

 Sea See C...กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด พี่เขยแร้งงงงงงงงง...
 Sweetie Chonlada ...อ้ายยยย พี่น้ำ ขอเลยๆ เดี๋ยวบอกป๊ากับม้าให้ 555555...

ผมทนที่มันกรี๊ดกร๊าดกันไม่ไหว เลยเม้าท์ตอบทุกคนไปว่า

 Notthatbad Sirichai ...เอี้ยยยย จืดดดดดดดดด ไอ้หวานไม่ต้องขอ เดี๋ยวกูไปเอง....  



เล่นกับพวกมันหน่อยครับสร้างกระแส คอมเม้นท์เสร็จผมก็ปิดเฟซบุค เปิดรายงานที่ยังทำไม่เสร็จขึ้นพิมพ์ต่อ สักพักซีเดินขึ้นมาหยุดที่หน้าห้อง หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“อะไรมึง” จะมาแซวกูใช่มะ ไม่สนเว้ย ไม่แคร์
“ว่าจะมาช่วยเก็บของ”
“เก็บของไรมึง”
“เอ้า ก็จะย้ายไปอยู่กับพี่น้ำไม่ใช่หรอ” พูดเสร็จมันหัวเราะหน้าดำหน้าแดงไปหมด
“ยังไม่เลิก เดี๋ยวโดน” ผมหยิบหมอนทำท่าจะปามัน ถึงได้หยุดหัวเราะ
“พี่ดีโกรธแล้ว ฮ่าๆ”


“มีไร จะทำงาน” ปกติซีมันไม่ค่อยขึ้นมาหาผมหรอกครับ นอกจะมีเรื่องคุย
“พี่ดี ต้องไปจ่าค่าน้ำค่าไฟอะ” อ้อ มาเอาเงิน
“เท่าไหร่”
“ค่าน้ำสามร้อบยี่สิบสี่ ค่าไฟสี่ร้อยสามสิบเจ็ด” ซีพูดพลางดูบิลในมือ ผมเอื้อมมือไปเปิดกระเป๋าเงิน มองดูในกระเป๋าเห็นแต่ใบสีเขียวสองสามใบและสีแดงๆ เพียงหนึ่งใบ ก่อนจะหันไปเปิดกระปุกออมสิน เศษเหรียญร่วงกราว ผมบอกซีมาช่วยกันนับ

“พี่ดี ซีไปทำงานดีไหม” ซีมองผมนิ่งๆ
“ไม่ต้อง กูทำเองคนเดียวพอแล้ว มึงอะเรียนไป กูว่างตั้งหลายวันเทอมสุดท้ายแล้วเดี๋ยวกูหางานเพิ่มเอง เอ้ามัวแต่เหม่อ รีบนับเลย” ผมพูดพลางนับเหรียญบาทในมือ
“ทำไมล่ะ พี่ดีทำงานหนักแล้วนะ เทอมสุดท้ายทำโปรเจ็คจบด้วย”
“มึงจะทำไรล่ะ” ผมถามมัน

ผมกับซีปกติก็รับสอนพิเศษกันปกติอยู่แล้ว ผมสอนที่สถาบันแห่งหนึ่งถึงจะงานหนักหน่อยแต่ก็เงินดี เสียแต่ได้รับเป็นรายวัน ถ้าวันไหนไปสอนก็จะได้ ไม่ไปก็ไม่ได้ ซีมันสอนพิเศษเหมือนกันครับ สอนเด็กๆ ประถมในมหา’ลัยนั่นแหละ ซีมันเรียนครุศาสตร์มันเข้ากับเด็กๆ ได้ดี ผมไม่เอาครับ เด็กๆ แม่งเสียงดัง โวยวาย ต้องเอาใจ คุยเล่นสารพัด ผมสอนเด็กมัธยมครับ คุยกันรู้เรื่อง ไม่ต้องง้อมาก ผมสอนเฉพาะวันเสาร์ ส่วนซีสอนวันพฤหัสกับศุกร์ วันอาทิตย์เป็นวันพักผ่อนของพวกเราครับ

ซีมันเคยถามผมเรื่องที่จะทำงานพิเศษเพิ่มหลายครั้งแล้วแต่ผมบอกมันว่ายังไม่ต้อง ให้มันเรียนให้ดีแล้วก็สอนพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ไปก็พอ คราวนี้เรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่จริงจังละครับ ผมแอบเห็นมันมองเสื้อสวยๆ ตาละห้อยเวลาไปเดินเที่ยวด้วยกัน แอบเห็นว่าตัวมันโตขึ้นนิดหน่อยซื้อชุดนักศึกษาใหม่ให้มันก็ดี ยิ่งตอนปีห้าเดี๋ยวต้องไปฝึกสอนอีก ค่าอุปกรณ์สื่ออะไรของมันอีกเยอะแยะ ผมยังไม่เคยบอกเลยใช่ไหมครับว่าเรียนคณะอะไร ผมเรียนวิศวะครับ ซีมันพูดพร้อมกับทำหน้ามั่นใจ คราวนี้ลองฟังมันหน่อย

“ซีจะไปเป็นแม่บ้าน”
“ยังไงอะ แบบที่เห็นในละครหรอว่ะ แบบที่ไปสมัครกับบริษัททำความสะอาดแล้วไปทำงานตามที่ๆ มีคนเรียกไปทำอะนะ”
“อื้อ ใช่ๆ เป็นของญาติของพี่รหัสซีเอง”
“ลองไปดูดิ ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องนะ” ผมพูดกับมันอย่างเป็นห่วง
“อือ พี่ดี ห้าร้อยแล้วพอละ ซีมีอยู่เดี๋ยวซีจ่ายเอง”  ซียิ้มให้ผม แล้วเดินหาถุงเล็กๆ มาใส่เศษเหรียญก่อนจะกลับลงไป


ผมก้มหน้ามองกระเป๋าเงินในมือ ผมคงต้องไปทำงานเพิ่มจริงๆ แล้วล่ะ



To be continued
---------------------------------------

Lavender’s blue
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่1) - 23/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-09-2015 01:59:58
มารออ่าน
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่1) - 23/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: Doctor ที่ 24-09-2015 02:06:31
ปู่เสื่อเลยฮั้บ  :mc4:
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่1) - 23/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 25-09-2015 13:11:49
พี่จืดออกตัวแรงนะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 2) - 26/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 26-09-2015 16:42:01
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 2) - 26/09/57



ตอนที่ 2 กระรอกน้อย



“เก่ง หัวข้อโปรเจ็คมึงผ่านไหมวะ”

ผมเดินหน้ายุ่งออกมาหลังจากเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์เรียกเข้าไปคุยเรื่องโปรเจ็คตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะรู้ดีว่าต้องคอยกระตุ้นพวกผมถึงจะเริ่มทำงาน

“ไม่วะ กูเครียดอยู่เนี่ย” มันพูดพลางกดเล่นโทรศัพท์ของมันต่อไป ทำหน้าเบื่อๆ

“อาจารย์บอกกูให้ทำเรื่อง Programming แต่กูอยากลองทำ Network ว่ะ”

“เอาจริง ไม่ง่ายนะเว้ย บริษัทมีไม่กี่ที่นะมึง” บริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับ Network ในประเทศไทยยังมีน้อยครบสู้พวก Program Graphic พวกนี้ไม่ได้มีหลายบริษัท

“ลองดูก่อน แล้งมึงละ ทำด้านไหน”

“กู Graghic อยู่แล้ว พอๆ พักไว้ก่อน ปวดหัวเว้ย หิวแล้วไปหาไรแดกกัน” มันเก็บมือถือเดินนำผมออกไปจากใต้ตึก







มหาวิทยาลัยของผมร่มรื่นครับ ปลูกต้นไม้ครึ้มจนแสงแดดส่องไม่ถึงพื้น กระรอกเยอะด้วย

“มึงจะไปกินที่ไหน บัญชีหรอ” เดินไปก็ดูต้องคอยดูไอ้เก่งไว้ครับ กดแต่โทรศัพท์อย่างเดียวไม่ดูทางเลยมัน

“อื้อ ไอ้พวกนั้นจองโต๊ะไว้ละ”

“งั้นมึงไปก่อน กูแวะซื้อขนมให้กระรอกแปบ” บอกให้มันเก็บโทรศัพท์เพราะเมื่อกี้เกือบโดนมอเตอร์ไซด์เฉี่ยวเข้า

“เออๆ ซื้อข้าวให้เลยไหม เกาเหลาข้าวเปล่าเหมือนเดิมนะ” ผมพยักหน้าให้มันก่อนจะเดินแยกออกไป จนถึงร้านขายขนมเล็กๆ ใต้คณะวิทยาศาสตร์



“ป้าขนมปังกระรอกสองถุง” ผมหยิบก้มหาเศษเหรียญกำลังนับเงินให้ครบยี่สิบดันมีใครมาดึงมือไว้

“นี่ครับ”
         

เสียงทุ้มของคนหนึ่งดังขึ้นข้างหู ผมเงยหน้าขึ้นทันที ผู้ชายตัวสูงใส่แว่น ผมยาวระต้นคอถูกมัดไว้ด้วยหนังยางสีแดง ผมหน้ารวบขึ้นติดกิ๊ฟสีชมพูหวานแหวว ผมมองมันเฉยๆ หมดคำพูดเลยกับไอ้คนนี้ หยิบขนมปังในมือป้าแล้วเดินออกมา คนจ่ายตังค์เดินตามมาข้างๆ

“มึงเรียนเยอะจนเพี้ยนหรือไงวะ” เป็นผมที่อดไม่ได้หันไปพูดกับมันก่อน

“มึงๆ กูๆ ไรวะ น้องดี เรียกพี่น้ำสิ” ไอ้หน้ามึนมันแย่งเอาขนมปังในมือของผมไปแกะออกจากถุง ก่อนจะยื่นมาให้

 “จืด” ผมตอบกับมันก่อนจะหันไปสนใจกระรอกหลายตัวที่วิ่งมาขอเศษขนมปัง บิดขนมปังเป็นชินเล็กๆ ยืนไปให้กระรอกที่วิ่งมารออยู่บนต้นก้ามปูต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมทางเดิน


‘จืด’ เป็นชื่อของไอ้น้ำครับ ผมเรียกมันเอง ทำไมหรอ ก็เพราะน้องมันชื่อ ‘หวาน’ ไง พี่มันก็ต้องจืดดิ มันเรียนอยู่คณะสถาปัตย์ ปีห้าครับ สงสัยแม่งต้องทำงานกันไม่ได้หลับได้นอน มันถึงเอาหนังยางกับกิ๊ฟ ของหวานมาติดแบบไม่ดูหนังหน้าเถื่อนๆ ของตัวเองสักนิด

มันรู้นะว่าผมด่า มันยกมุมปากมองหน้าผมนิ่งอึดใจหนึ่ง ก่อนพูดว่า


“กระรอกน้อย” มันพูดพลางยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก


“อะไรมึง กระรอกน้งกระรอกน้อยไรวะ...โอ๊ะ ตัวนั้นสีขาวด้วยอะ ลูกมันแน่เลย วิ่งมาอย่างไว มะมะ มากินขนมของพ่อเร้ว” ผมเอ่ยพลางบิดขนมปัง ยื่นมืออกไป กระรอกสีขาวตัวนั้นท่าท่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะยื่นขาออกมาหยิบขนมปัง แล้ววิ่งจี๋ กระโดดขึ้นไปกิ่งไม้สูงขึ้นไป

“มึงไง กระรอกน้อย” มันบอกอย่างนั้น ดวงตาสีดำสนิทมีประกายขี้เล่นให้เห็นแม้ว่าจะมีแว่นตาบังอยู่ ชอบหาคำแปลกประหลาดมาเรียกจังนะ

“กระรอกน้อยพ่อง ไอ้จืด” ขนมปังหมดไปแล้ว ผมปัดมือและเดินไปที่โรงอาหารบัญชี ไม่สนใจคนที่เดินตามมา ได้ยินเสียงหัวเราะลอยตามลม แล้วฝ่ามือหนาก็ขยี้หัวผม

“โอ้ยๆ หัวกู มึงแม่ง กูเซ็ตตั้งนานนะเว้ย ผมยุ่งหมดละ” วันนี้อารมณ์ดี เซ็ตผมมาเรียนครับ ไอ้ซีจ้องผมตาโตแทบจะถลนเมื่อผมเดินลงบันไดมาก่อนจะโวยวายใส่ผมเพราะลงมาช้าไปสิบนาที มันมีเรียนแปดโมงครับ ผมเรียนเก้าชิวๆ แต่ก็ออกบ้านพร้อมกัน 

“นี่เซ็ตแล้วใช่ไหม” มันพูดพลางมองที่ผมสีดำหยักศกของผม ก็ผมที่เซ็ตเองแล้วก็ใช่ว่าจะทำทุกวันเมื่อไหร่ มันไม่ได้ออกมาสวยงามหล่อเนี้ยบหรอกครับ แต่ขนาดไอ้ซียังไม่ว่าอะไรซักคำเลยนะเว้ย

“มึงแม่ง ไอ้จืดเอ้ย” ผมรีบเดิน ก้าวยาวๆ ไปที่โต๊ะ หาไม่ยากหรอกครับ พวกผมมีโต๊ะประจำอยู่ด้านนอกใต้ต้นไม้ห่างจากร้านค้าที่สุด  จริงๆ แล้วมันใกล้กับที่เก็บจานพอดีจึงไม่มีคนนั่ง นานวันเข้าก็ติต่างกันเองว่าเป็นโต๊ะประจำ







“อ๋อ.....” ไอ้เก่งหันมามองหน้าผม ร้องเสียงดังจนไอ้สองคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้ามองตามสายตาของมันมาที่ผมกันทั้งโต๊ะ

“อ๋อ ไรมึง” ผมถามมัน

“กูรู้ๆ" ไอ้แชมป์รีบตอบ ยักคิ้วหลิ่วตามมองผมสลับกับไอ้จืดที่ตอนนี้มาหยุดอยู่ทางซ้ายมือ

“อะไร” ผมถามพวกมันทำหน้าเฉย สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกมาช้าๆ เตรียมพร้อมรับสิ่งที่จะตามมา

“มึงไม่ได้ไปให้อาหารกระรอกหรอกใช่ปะ” ไอ้ท็อปนั่งถัดจากไอ้แชมป์พูด

“มึงนัดกับพี่น้ำไว้แล้วไปพลอดรักกันมาใช่ไหม” ไอ้เก่งกลับมาพูดสรุปใจความสำคัญ หันไปตบมือกับไอ้สองคนที่เหลือ หัวเราะกันสนุกสนาน


“พ่อง”


ผมเดินไปตบหัวพวกมันแต่ละคนก่อนจะนั่งลง หยิบช้อน ตะเกียบขึ้นมาตักเกาเหลาที่ไอ้เก่งซื้อให้กินอย่างไม่สนใจ


“พี่น้ำ ไม่นั่งหรอครับ” ไอ้ท็อปหันไปถามคนที่ยืนอยู่

“ไม่หรอก มาส่งกระรอกเฉยๆ” ผมที่กำลังจะเคี้ยวลูกชิ้นถึงกับต้องวางช้อนลง หันไปตะคอกมัน


“ไอ้จืด!”

พวกที่เหลือหัวเราะกันใหญ่ ไอ้จืดมันไม่สนหรอกครับ มันหันมาบอกผมก่อนจะเดินกลับไป ทิ้งให้ผมโดนแซวทั้งวันด้วยคำพูดที่ว่า


“กินข้าวเยอะๆ จะได้โตไวๆ นะกระรอกน้อย”













คาบบ่ายเริ่มเรียนอาจารย์สอนไปได้ชั่วโมงกว่า พวกเพื่อนทั้งหลายมันเบื่อที่จะแชทกับสาวน้อยสาวใหญ่ในไลน์แล้ว หันมามองหน้ากันและมองมาที่ผมที่กำลังจดเล็คเชอร์อย่างตั้งใจอยู่

“กระรอกน้อย เรายืมดินสอหน่อยสิ” ไอ้แชมป์เริ่มก่อน ผมนับหนึ่งในใจ

“ขอลิควิดหน่อย...กระรอกน้อย” ไอ้ท็อปตามมาช้าๆ นับสอง

“เฮ้ยพวกมึง อย่าล้อมันดิ” ไอ้เก่งมึงเป็นเพื่อนกูใช่ไหม บางทีมันอาจจะสำนึกผิดที่ทำผมโกรธมันเมื่อกลางวัน ไม่รอให้ผมดีใจเกินสามนาที ไอ้หนึ่งก็พูดต่อ

“ให้พี่น้ำเค้าเรียกคนเดียวพอ เนอะ กระรอกน้อย”



“สัส!”


ผมเกลียดพวกแม่งว่ะ ล้อกันเข้าไป กระรอกน้อยไอ้น้ำจืดมันหมายถึงกระรอกตัวสีขาวที่วิ่งดุ๊กดิ๊กชูชางเป็นพวงมาขอขนมปังจากผมเมื่อกลางวันต่างหาก ไม่ได้หมายถึง กู เว้ยเฮ้ย

------------------------------------

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ดีใจมากเลย

 :กอด1:

Lavender's blue :)

หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 2) - 26/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 26-09-2015 16:58:09
กระรอกน้อยน่ารักเชียว
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 3) - 28/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 28-09-2015 22:31:07
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 3)




ตอนที่ 3 ทำไม






งานพิเศษที่ผมหาทำเพิ่มนอกจากสอนพิเศษที่สถาบันวันเสาร์แล้ว ก็คือสอนพิเศษภาษาอังกฤษ คราวนี้สอนรายบุคคลครับ ไปสอนพิเศษที่บ้านเลย ค่าจ้างชั่วโมงละสามร้อย บ่ายโมงถึงสี่โมงวันจันทร์ครับ คนที่จะไปสอนชื่อ เน็ต



บ้านของเน็ตอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของผมเท่าไหร่ นั่งรถเมล์ประมาณสามป้ายก็ถึง หน้าบ้านมีลุงยามแก่พุงพลุ้ย นั่งถือพัดโบกให้ตัวเองไปมาอยู่หน้าตึก แกมองผมแล้วไม่ว่าอะไร เมื่อผมเดินไปกดออด สักพักมีผู้หญิงผมยาว ปะแป้งขาวๆ ที่แก้มทั้งสองข้าง เดินมาที่ประตูซี่ลูกกรงถามผม


“มาหาใครคะ”
“มาสอนพิเศษ น้องเน็ตครับ”
“อ้อ เดินขึ้นไปข้างบนเลยค่ะ”


ผู้หญิงคนนั้นเปิดประตูแล้วชี้ทางขึ้นไปข้างบนบ้านให้ บ้านเน็ตเป็นตึกแถว ด้านล่างเป็นร้านขายอะไหล่รถยนต์ ตลอดผนังและพื้นเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน แต่พอเดินขึ้นบันไดเข้ามาในบ้านแล้ว ผมก็แปลกใจกับการตกแต่งที่สวยงามทันสมัย แตกต่างจากบรรยากาศด้านล่างลิบลับ




“หวัดดีพี่” ผมหันไปตามเสียงเรียก เด็กหนุ่มรูปร่างเก้งก้างนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะเล็กที่คาดว่าเป็นโต๊ะสำหรับเรียนพิเศษโดยเฉพาะเห็นได้จากกองเอกสารหลายปึก สมุดเล่มเล็ก และตะกร้าเล็กเต็มไปด้วยปากกาหลากหลายสีสันวางอยู่ด้านในของโต๊ะ


“น้องเน็ต ?” ผมถาม

“อื้อ เน็ตเอง พี่ชื่อไรอะ” น้องส่งยิ้มมาให้ พอยิ้มแล้วตาหยีบอกยี่ห้อลูกคนจีนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“ชื่อดีครับ วิศวะ ปีสี่” กำลังแนะนำตัวเองคร่าวๆ เจ้าเด็กก็ขัดก่อน

“หือ จริงดิ พี่หน้าเด็กมากอะ บอกเรียนปีหนึ่งปีสองยังเชื่อนะเนี่ย”

“เน็ตเรียนปีอะไรแล้ว” ผมยิ้ม เจ้าเด็กนี่ท่าทางจะเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีไม่เบา การสอนคงไม่มีปัญหา

“เน็ตซิ่วอะ ยังไม่รู้เลยจะเรียนไร” พูดคุยกันอีกสองสามประโยคก็ได้รู้ว่า เน็ตเรียนคณะมนุษย์ เอกภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแล้วเรียนไม่ไหวจึงซิ่วออกมา ตอนนี้รอสอบแอดมิทชั่นอยู่ อยากจะเรียนครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยผม




ผมหยิบชีทที่เตรียมมาให้เน็ตลองทำดู ปรากฏว่าเน็ตทำได้ 8 เต็ม 10 ผมจึงถามไปว่า

“ก็ทำได้นะ เรียนเพิ่มทำไมละ” ผมทำหน้างงๆ ข้อสอบที่เตรียมมานั้นมีความยากระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งได้คะแนนระดับนี้คือแปลว่าภาษาอังกฤษต้องดีมาก

“อ๋อ ก็ว่างไงแล้วก็มีคนจ้างมาเรียน ฮ่าๆ พี่ดี น่ารักจริงๆ ด้วย” เพิ่งเจอกันครั้งแรก ทำไมไอ้เด็กนี่แม่งพูดอย่างกับรู้จักกันมานานวะ

“พี่เป็นผู้ชายน่ารักได้ไงวะ” ไม่ชอบที่คนมาชมว่าหน้าตาน่ารัก

“หน้าพี่ฮามากอะ ขอถ่ายรูปหน่อย เดี๋ยวส่งให้เฮียน้ำดู อิอิ” ไอ้เน็ตพูด แล้วมันหยิบมือถือของมันออกมาถ่ายรูปผมที่ทำหน้างง เนื่องจากกำลังประมวลผลกับคำพูดของมัน มันจึงกดแชะอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวเมื่อกี้พูดว่า ‘เฮียน้ำ’ หรือเปล่านะ ถ้าถ่ายภาพการทำงานของสมองออกมาได้ มันจะเป็นเหมือนแสงไฟสว่างปิ๊งออกมาเมื่อตอนประมวลผลได้อย่างที่ผมกำลังรู้สึกตอนนี้ไหม



“รู้จักน้ำ สถาปัตย์ ปีห้า ด้วยหรอ” ไอ้เน็ตกำลังง่วนกับการนั่งจิ้มโทรศัพท์ของมันจึงเผลอตอบผมมาว่า

“อื้อ รู้จักดิ ลูกพี่ลูกน้องกันอะ เฮ้ยยย ซวยแล้ว” ไอ้เน็ตหน้าจ๋อยสนิท เมื่อมันเปิดเผยความจริงออกมา
ผมมองหน้ามันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แล้วเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที











“เฮียน้ำ เน็ตขอโทษนะ” เสียงไอ้เน็ตซึมๆ มาตามสัญญาณโทรศัพท์ หลังจากที่มันดันทำแผนแตก ดีเดินออกจากบ้านมันไปทั้งที่มาไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ

“อือ คิดอยู่เหมือนกัน” เสียงนิ่งๆ จากปลายสายยิ่งทำให้คนเด็กกว่าลนลาน

“เน็ตกำลังถ่ายรูปพี่ดีอะ แล้วก็ส่งไลน์ให้เฮียไง ตอนนั้นกำลังมีสมาธิกับโทรศัพท์อยู่ เฮียเข้าใจกันหน่อยนะ”

“อืม ช่างเถอะ เดี๋ยวกูเคลียร์เอง ที่สัญญาไว้ยกเลิกนะมึง”

เจ้าเน็ตขอฟิกเกอร์ตัวการ์ตูนตัวใหญ่ที่เพิ่งวางขายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเป็นของตอบแทนที่เขาให้มันมาเรียนพิเศษเพื่อจะแอบช่วยเหลือสองพี่น้องซีดี แต่เมื่อแผนดันแตกในเวลาไม่ถึงชั่วโมงอย่างนี้ ข้อตกลงทั้งหลายก็ต้องยกเลิกไป น้ำวางสาย กดโทรหาอีกคนทันที


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลายครั้ง จนในที่สุดก็ปลายสายก็กดรับ ปล่อยให้เกิดความเงียบระหว่างกันจนเมื่อน้ำแน่ใจแล้วว่าอีกคนไม่กดสายทิ้งจึงถามออกมา

“ถึงบ้านหรือยัง”
“ยัง” ดีไม่ตอบทันที รออึดใจหนึ่งได้ยินเสียงสูดลมหายใจ
“แล้วตอนนี้อยู่ไหน”
“สระน้ำ”













ผมนั่งมองสระน้ำ ลมเย็นสบายพัดพาเอาความขุ่นข้องใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่ให้หายไปทีละน้อย เมื่อลองมานึกดูแล้วมันก็มองเห็นความปรารถนาดีของเพื่อนคนหนึ่งที่ยื่นเข้ามาช่วยเหลือในยามเดือนร้อน แต่แค่วิธีการของมันทำให้ผมดูเหมือนคนโง่ไปหน่อยเท่านั้น ถ้ามันบอกตั้งแต่แรก ผมอาจไม่ตั้งแง่แบบนี้หรอก




ไอ้จืดเดินลงมานั่งข้างๆ ผม เสียงหอบหายใจมีให้ได้ยินเป็นระยะ มันเงียบ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร เรานั่งกันสักพักจนแดดเริ่มไล่มาถึง มันจึงลุกขึ้นและดึงแขนผมพาเดินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้ในมหาวิทยาลัย เดินมาถึงด้านหลังมอ ขณะเดินผ่านร้านกาแฟราคาย่อมเยา มันหยุดแล้วเดินนำขึ้นไปนั่งในร้าน ริมน้ำตกเล็กๆ ได้ยินเสียงน้ำกระทบก้อนหิน ความรู้สึกผ่อนคลายก็ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด



“มอคค่าปั่นไม่หวานกับคาปูชิโน่เย็นครับ” ผมยังคงนิ่ง ทั้งที่ในใจกำลังสงสัยและมีคำถามที่ยังคงต้องการคำตอบให้ชัดเจน

“อะ พี่เลี้ยงเอง ไม่ต้องเกรงใจ” วางแก้วกาแฟลงตรงหน้า ยิ้มน้อยๆ ผมหยิบมาดื่ม

“ใจเย็นหรือยัง” ผมนิ่ง มองหน้ามัน

“ทำอย่างนี้ทำไม” สบตามันไม่กะพริบ

“ก็เห็นว่าร้อน เลยพามาเลี้ยงกาแฟ” ไอ้จืดหยิบเครื่องดื่มขึ้นจิบด้วยท่าทางชวนหมั่นไส้

“กวนตีน เอาดีๆ ดิ กูจะอารมณ์เสียอีกรอบเพราะมึงอีกละ”

“ให้เอาเลยหรอ ไวไฟอะเรา” มันยังคงกวนอย่างต่อเนื่อง

“สัส” ผมทำท่าจะลุกขึ้น มันดึงแขนไว้ทันควัน



“ก็ไอ้เน็ตมันว่างๆ เลยไปบอกให้มันเรียนพิเศษไง แล้วพอดีหวานมาบอกว่าดีจะสอนพิเศษเลยแนะนำไป” คนแนะนำงานผมคือยัยหวานนี่แหละครับ ผ่านเจ้าซีอีกที ทำงานเป็นทีมดีนะพวกมึง

“แค่นี้ ?”

“แล้วก็ซีบอกว่าดีชอบมอคค่าปั่นไม่หวาน เลยสั่งให้อะ” อันนี้ไม่ได้อยากรู้เลยจริงๆ



“ขอโทษนะ” ไอ้น้ำมองหน้าผมแล้วทำหน้าเสียใจ ใบหน้าของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามมีรอยเว้าวอน จนต้องรับคำ



“อืม”





“แล้วก็...ชอบดีนะครับ”




“อืม”



ผมก้มลงดูกาแฟของตัวเอง จับแก้วกาแฟแน่นขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้ว มือคู่นี้คงได้สั่นมากกว่านี้แน่ๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันพูดแบบนี้ โดนว่ากี่ครั้งมันก็ยังคงพูดจนเป็นผมที่ยอมแพ้เลิกว่ามัน แล้วได้แต่รับคำที่ไม่ใช่ทั้งคำตอบรับหรือปฏิเสธ แต่คราวนี้พอได้ยินมันพูดแล้ว จู่ๆ มือก็สั่นขึ้นมา หวังว่ามันคงไม่ทันเห็นหรอกนะ









สาวเสิร์ฟที่กำลังวางบัตเตอร์เค้ก ชะงักนิดเดียว ก่อนจะเดินออกไป แอบได้ยินเสียงพูดคุยจากหลังร้าน

“แกๆๆๆๆ พี่น้ำอะ พี่น้ำ”
“เออๆ ได้ยินเหมือนกัน จะละลาย พี่ดีแม่ง โชคดีสมชื่อเลยนะ”
“พี่ดีเย็นชาจังเลยน้า น่าสงสารพี่น้ำจัง”
“ใครว่า พี่ดีแอบเขินนะ เห็นอยู่ มือสั่นเชียว”
“ฟินอะ ฟินๆ มีความสุข อิอิ”   







“จืด” ผมหันไปมองคนที่นั่งยิ้มแก้มแฉ่ง มองหน้าผม ตาพราวระยับ วันนี้มันไม่ใส่แว่นทำให้มองเห็นดวงตาสีดำสนิทได้ชัดเจน

“แม่ง กูไปละ” ทำหน้าไม่ถูก เดินหนีไว้ก่อนละกันนะ





“กระรอกน้อย เตรียมตัวไว้นะครับ พี่น้ำจะเริ่มรุกแล้วนะ” มันพูดอย่างนั้นออกมาได้หน้าตาเฉย แล้วผมจะอยู่นิ่งทำไมละครับ เดินจ้ำอ้าวออกไป สาวร้านกาแฟยังคงมองตามระหว่างผมกับมัน ตาเป็นมันเชียวนะพวกเธอ !



------------------
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ

Lavender's blue :)

หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 3) - 28/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 28-09-2015 22:53:41
น่ารักค่ะ
รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 3) - 28/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 29-09-2015 01:08:26
นี่ยังไม่รุกเหรอพี่น้ำ 555
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 4) - 30/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 30-09-2015 22:50:09
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 4)






ตอนที่ 4 ความประทับใจแรก







ผมไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบ

มันฟังดูการ์ตูนผู้หญิงมากๆ ยิ่งยัยหวานน้องสาวตัวดีของผมเฝ้าพร่ำเพ้อ ผมยิ่งหน่าย





“Love at first sight มันไม่มีหรอกเจ้าหวาน ความรักมันต้องเกิดจากการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ค่อยๆ เข้าใจกัน รักกันเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น เหมือนหยอดกระปุกออมสินอะ แกเข้าใจปะ มีอย่างที่ไหน เห็นหน้าแล้วชอบเลยอะนะ แม่งมันก็รักแค่หน้าตาเปลือกภายนอก”

ผมเฝ้าบอกมันอยู่เป็นประจำ แหย่จนมันเกิดโมโหขึ้นมาและชี้หน้าว่าผม


“เฮีย คอยดูนะ สักวันเฮียจะล้มทฤษฎีของเฮียด้วยตัวเอง แล้วอีกอย่างนะ รักแรกพบน่ะ มันไม่จำเป็นต้องเกิดจากหน้าตาหรอก มันรวมไปถึงความประทับใจในสิ่งที่เค้าทำด้วยเหอะ เฮียอะ ไม่โรแมนติกเลย ให้ตายสิ”

มันสะบัดหน้า เดินหนีผมไป ปล่อยให้ผมหัวเราะขำกับท่าทางมันคนเดียว










เสียงคุยจอกแจกของเหล่านักศึกษาดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อแสงไฟที่ถูกหรี่ไว้สว่างขึ้น ทั้งที่เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ยังคงชุมนุมอยู่ในห้องประชุมใหญ่ของคณะอย่างคึกคัก เนื่องด้วยวันนี้มีการพรีเซ็นท์ไฟนอลโปรเจ็คของนักศึกษาสถาปัตย์ ชั้นปีที่สี่ หรือที่เรียกกันว่า จูรี่



นักศึกษาบางคนเดินหน้าซึม ตาเศร้าออกมาจากห้อง แต่จากที่เห็นส่วนมากจะทำหน้ามึนๆ และง่วงๆ กันมากกว่า เพราะคืนที่ผ่านมาทุกคนก็นั่งทำงาน อดหลับอดนอนกันทุกคน กำหนดเส้นตายส่งงานเวลา 9 โมงตรง อาจารย์นั่งอยู่ตรงช่องหน้าต่างเล็กๆ ให้นักศึกษายื่นงานผ่านช่องเล็กๆ นั้นเข้าไป ทุกคนต้องเซ็นชื่อพร้อมลงเวลา เคยมีเพื่อนบางคนที่มาไม่ทันเวลา แต่ละคนได้ทานปลา (F) จากงานชิ้นนั้นไปเลยก็มี 



ปกติวันส่งงานและวันนำเสนอผลงานหรือที่เรียกกันว่า จูรี่ จะมีในวันถัดไป แต่คราวนี้มาแปลก อาจารย์ให้ส่งงานเช้าและตอนบ่ายเป็นจูรี่ แทนที่ทุกคนจะได้กลับไปนอนตายที่ห้อง แต่ละคนก็นอนตายกันเกลื่อนแถวๆ ใต้อาคารแทน
 
จูรี่คราวนี้เป็นจูรี่รวมซึ่งหมายถึงนักศึกษาทุกคนในแต่ละกลุ่มเล็ก (เซ็คชั่น) พร้อมอาจารย์และพี่ปีแก่ (อาจารย์เด็กๆ ที่เป็นรุ่นพี่ของพวกเราหรือรุ่นพี่ที่จบไปเป็นเจ้าของกิจการแล้วเข้ามาดูแววรุ่นน้องซึ่งบางคนอาจโดนจองตัวตั้งแต่เรียนปีสี่เลยก็มี) จะนั่งฟัง โดยนักศึกษาแต่ละคนออกมานำเสนอ ผลงานของตนเอง อธิบายแนวคิด วัตถุประสงค์ของการออกแบบงานของเรา และตอบคำถามจากผู้ฟังทุกท่านเท่านั้นเอง ฟังดูง่ายใช่ไหมครับ มันยากตรงที่ฟังคอมเม้นท์อาจารย์แต่ละคนเนี่ยแหละ ตอนปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่ๆ คนไหนไม่ร้องไห้ก็ไม่ใช่เด็กสถาปัตย์แล้วละครับ จนถึงตอนนี้เพื่อนบางคนยังแอบน้ำตาซึมเมื่อโดนอาจารย์ซักถามและชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา (ที่สุด) อยู่เลย


ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยครับ แต่มันเป็นสิ่งที่ชอบ ผมก็มีความสุขดีนะ งานคราวนี้ผมได้ B+ อาจารย์ติเรื่อง Master Plan ที่ไม่ลงรายละเอียดของต้นไม้รอบอาคารกับ ภาพตัด section ที่เล็กไปหน่อย โดยรวมก็ถือว่าดีครับ









ผมขับรถกลับถึงคอนโดเกือบๆ จะเที่ยงคืน ยัยหวานยังคงนั่งตาแป๋ว จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่อยู่ 

“ทำอะไรทำไมยังไม่นอน” ผมเดินเข้าไปดื่มน้ำในห้องครัว

“รอเฮียแหละ.... อิอิ พระเอกแม่งฮ่าอะ ทำได้ไงเนี่ย”  อันหน้าตอบผม ส่วนอันหลังพูดกับตัวเองครับ ชินละ น้องสาวบ้าการ์ตูน อ่านนิยาย  พูดเองเออเองเป็นเรื่องปกติ ไม่น่าจะมาเป็นครูได้นะครับ แต่มันก็เป็นไปแล้ว เอากับมันสิ คิดภาพเวลามันไปสอนหนังสือ คงคุยเรื่องการ์ตูนกับนักเรียนกันสนุก

“เฮีย  พรุ่งนี้ ไปกินข้าวบ้านซีนะ” 

“อืม เอาสิ ให้ไปรับกี่โมง”  พรุ่งนี้ผมนอนยาวทั้งวันแน่  ถามมันก่อนจะได้ตั้งนาฬิกากะเวลาไปรับถูก

“อะไร นี่ชวนไปกินข้าวบ้านซีด้วยนะ  ไม่ได้ให้ไปรับเฉยๆ” 

“ทำไม อยากอยู่บ้าน นี่ไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว” ผมทำหน้ายุ่ง

“เฮียยยยยยยย” ยัยหวานลากเสียงมาขนาดนี้ อ้อนครับ

“ไม่ใช่อย่างนั้น ก็แบบรู้ว่าเฮียจะพักผ่อนไง  เลยชวนไปกินข้าวด้วยกัน ไม่ต้องทำกับข้าวไง ไปนะๆ”  ปกติพวกผมทำกับข้าวทานกันเองครับ ไม่ซื้ออาหารถุงเพราะผมแพ้ผงชูรส 

“อีกอย่างจะได้รู้จักเพื่อนหวานมากขึ้นด้วยไง ยัยซีมีพี่ชื่อพี่ดี จะได้รู้จักกันไว้ เผื่อฉุกเฉินจะได้ติดต่อกันได้” 

คงเห็นว่าผมยังไม่ค่อยเต็มใจ หวานเลยยกเหตุผลมาอีกข้อ  อืม ก็จริง ถ้าติดต่อยัยหวานไม่ได้ ก็ติดต่อซี ถ้าติดต่อซีไม่ได้ก็ติดต่อพี่ดี พี่ชายซี สาวๆ สองคนนี้ยิ่งไม่ชอบรับโทรศัพท์ด้วย ทำให้มีหลายครั้งที่ต้องเป็นห่วงกันวุ่นวายไปหมด

“เออๆ ไปก็ได้ กี่โมงล่ะ”

“เย้! ห้าโมง มารับที่คณะด้วยนะ” ยัยหวานทำเสียงดีใจ ก่อนจะหันไปรัวแป้นพิมพ์ หัวเราะคิกคัก ปิดคอมพ์และเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป













ผมเดินช้าๆ มารอยัยหวานที่คณะ มานั่งใต้ถุนอาคารมีนักศึกษานั่งอยู่ประปราย บางคนนั่งสอนพิเศษกับเด็กส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว



ผมนั่งมองไปรอบบริเวณ ที่มุมตึกใกล้สวนหย่อมขนาดเล็กเห็นสุนัขตัวพันทางสีขาวแต้มสีดำ ทำท่าลับๆล่อๆ ค่อยขยับออกมาจากสวนหย่อมข้างตึก มันดูหวาดระแวง ไม่กล้าจะสู้คนนัก ลูกตัวเล็กหลากสีทั้งขาว น้ำตาล ดำ และลายจุดวิ่งตามออกมาเป็นพรวน ต่างมะรุมมะตุ้มใช้ขาเล็กเกาะดูนมมันพะรุงพะรัง


“มามะ แต้ม พ่อเอาขาไก่มาฝากด้วยนะวันนี้”  ระหว่างที่กำลังมองภาพครอบครัวหมาเพลินๆ มีเสียงไม่ทุ้มไม่ห้าวกล่าวขึ้น สรรพนามที่แทนตนเองว่า ‘พ่อ’ ทำให้ผมหันไปมองเจ้าของเสียง


“นี่ดูๆ มีกระดูกหมูด้วยนะ ไปขอแม่ค้ามา”  มือผอมล้วงถุง ยืนกระดูกหมูชิ้นใหญ่ให้ ‘แต้ม’ อย่างไม่มีท่าทีรังเกียจ แต้มเองก็ดูคุ้นเคยกับคนนี้ดีเพราะมันกระดิกหางและเลียมือนั้นอย่างดีใจ

“ค่อยๆ กินก็ได้ ไม่มีใครกัดหรอกน่า ช้าๆ ใครมายุ่งเดี๋ยวพ่อตีมันเอง”

“เจ้าตัวเล็กๆ พวกนี้น่าจะกินข้าวได้แล้วนะ อยู่นี่ก่อนเดี๋ยวมา”  พูดจบชายคนนั้นก็เดินเข้าไปในโรงอาหารที่อยู่ไม่ไกล สักพักก็เดินออกมาพร้อมกับแม่ครัวที่ถือเศษอาหารถุงใหญ่


“ป้า ดูสิวันนี้ออกมาหมดเลย เมื่อวันก่อนยังดูกลัวๆ อยู่เลย”

“นั่นสิ วันแรกมันกลัวทุกคนเลย ผอมโซเชียว ป้าเลยเอาข้าวมาให้ ตอนแรกนี่ต้องเอามาแอบวางไว้ใกล้ๆ และเดินไปแอบก่อนนะ มันไม่กล้ากิน ตอนนี้เป็นไงเชื่องแล้ว นะแต้มนะ” ป้าวางถุงลงข้างตรงหน้าแต้มและลูกหมา



ป้าแม่ครัวกลับไปแล้วเหลือแต่ชายหนุ่มร่างผอมคนนั้น และผมยังคงมองเขาอยู่

“กินเก่งจังเน้อ พรุ่งนี้จะเอามาให้ใหม่นะแต้มนะ บ้ายบายตัวเล็กๆ”  เขาหยิบถุงพลาสติกเปล่าที่ตอนแรกเต็มไปด้วยเศษอาหารขึ้นมา ก่อนจะนำไปทิ้งที่ถังขยะโดยระหว่างทางก็ก้มเก็บเศษขยะเล็กๆ ไปด้วย



โห ประทับใจครับ ประทับใจโคตรพ่อโคตรแม่  คนอะไรจะดีได้ขนาดนี้ 



นั่นเป็นความคิดทั้งหมดของผมที่มีต่อผู้ชายคนนั้นจากการแอบมองทุกพฤติกรรมของเขา คนดีคนนั้นเดินหายไปทางห้องน้ำและกลับออกมานั่งใกล้ๆ กับผมที่ยังคงนั่งรอน้องสาวตนเอง 


ผมมองเขา


เขาเป็นชายรูปร่างผอม แต่ก็มีแก้ม ตากลม ผิวสีเนื้อนวล ออกไปทางขาว ไม่สูงแล้วก็ไม่เตี้ย มาตรฐานชายไทยทั่วไป กางเกงขาเดฟสีดำ เสื้อนักศึกษาปล่อยชาย ไม่ผูกไทด์ สวมรองเท้าผ้าใบที่ใครก็ใส่กันดาษดื่น


เขาเป็นคนธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทั่วไปซึ่งหากเดินสวนกันหลายคนคงมองไม่เห็นเขาด้วยซ้ำ แต่เพราะจากกระทำของเขาที่ผมได้เห็นเมื่อครู่ มันทำให้ใจคนมองเต็มตื้น ไม่น่าเชื่อว่าการทำความดีแบบที่เราเคยเขียนลงในสมุดตอนประถมอย่างช่วยคนแก่ข้ามถนน เก็บเศษขยะ หรือให้ข้าวสุนขจรจัดจะมีคนทำจริงๆ


มันน่าประทับใจจริงๆ นะ






ผมคงจ้องเขานานเกินไปจนรู้ตัว มองกลับมาที่ผมด้วยใบหน้านิ่งๆ รอยยิ้มที่มีให้แต้มและป้าแม่ค้าไม่มีอีกแล้ว เห็นเพียงคิ้วขมวดและปากที่เม้มแน่น ดวงตาที่เปล่งประกายความสุขจากการแทนตัวเองว่า ‘พ่อ’ กับหมาจรจัดนั้นหายไปแทนที่ด้วยสายตาว่างเปล่าเฉยชาเสียจนผมรู้สึกแย่เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ความอบอุ่นบนใบหน้านั้นหายไป


ผมยิ้มให้เขานิดๆ พยายามเป็นมิตรกับเขาเต็มที่ แต่เขายังคงนิ่ง สบตาผมเพียงเล็กน้อยทำราวกับผมเป็นธาตุอากาศ มองผ่านไปข้างหลัง


“พี่ดี รอนานไหมอะ อาจารย์ปล่อยเลทเกือบยี่สิบนาทีได้ โทษทีน้า” หญิงสาวผมยาวคนหนึ่งวิ่งผ่านผมตรงเข้าไปกอดแขนออดอ้อนเขา

“โคตรช้าอะ คราวหลังไม่รอละนะ กลับเองเลย ยุงกัด คันไปหมดแล้วเนี่ย” เขาบ่นงึมงำ ยกมือขึ้นโยกศีรษะเล็ก แล้วเอื้อมมือไปช่วยหญิงสาวถือตำราเรียน “ขนอะไรมาเยอะแยะ โคตรหนัก แม่ง หิวแล้วเนี่ย”

“จุ๊ เบาๆ หน่อย มาบ่นไรเนี่ย เอาขนมไหม”  หญิงสาวค้นกระเป๋าหยิบคุกกี้แกะส่งให้ทาน พอเขาได้ขนมแล้วก็เงียบไปเลย น่ารักดี



“เฮียยยยยย” ไม่ถึงนาทียัยหวานส่งเสียงร้องเรียกมาแต่ไกล ยิ้มแฉ่งอวดฟันทุกซี่ ทำหน้าอ้อนเพราะทราบดีว่าตนเองมาช้ากว่าเวลาที่นัดไว้เกือบยี่สิบนาที

“ซี พี่ดี นี่ๆ เฮียน้ำพี่ชายหวานเอง” หวานเรียกหญิงสาวคนที่เข้าไปอ้อนออดคนดีคนนั้น ‘ซี’ ยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้ ผู้ชายคนนั้นหันมามองผม คิ้วยังขมวดอยู่นิดๆ

“เฮีย นี่คนนี้ซี เพื่อนหวานแล้วก็ พี่ดี พี่ชายซี” หวานแนะนำ ‘สองพี่น้องซีดี’ ที่เจ้าตัวพูดถึงบ่อยๆ ให้ผมรู้จัก

“พี่ดี หิวแล้วละซิ ไปๆ เดี๋ยวหวานแสดงฝีมือเอง แล้วจะรู้ว่าความอร่อยเป็นยังไง ฮ่าๆ” หวานเห็นดีทานขนมจึงไล่ต้อนทุกคนไปที่รถและเป็นหน้าที่ผมขับรถไปบ้านพี่น้องดีซีโดยมียัยหวานทำตัวราวกับเป็นเจ้าของบ้านบอกทางที่ผมเองก็เคยขับรถรับส่งสองสาวหลายหนแล้ว







“พี่ดี เรียนวิศวะปีสาม เฮียน้ำปีสี่ เฮียเรียนสถาปัตย์นะ” เจ้าหวานพูดขึ้นตอนอยู่ในรถ

“หวาน จะทำอะไรกิน ซื้อของแล้วหรือ”  ผมเอ่ยขึ้นขัดคนช่างจ้อก่อนที่มันจะพูดมากกว่านี้

“ทำแกงเขียวหวานค่ะพี่น้ำ พี่ดีอยากกิน” ซีซึ่งนั่งอยู่ตอนหลังเอ่ยตอบแทน

“อะไร ไม่ได้อยากกินเหอะ มึงแหละอยากกินอะ”  คนที่นั่งเงียบมาตลอดทางพูดกับน้องสาว

“หรอ งั้นทำแกงเลียงละกัน แกงเขียวหวานไม่ใช่ของโปรดสักหน่อย” ซีทำหน้าซื่อใส่พี่ชายแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับหวาน

“ไม่เอาๆ จะทำแกงเขียวหวานกันไม่ใช่หรือไงล่ะ ถึงได้มารอเนี่ย ฮึ่ย ซี เดี๋ยวจะโดน” คนถูกแกล้งโวยวายใหญ่ จับน้องสาวเขย่าไปมา

“เจ้าค่ะๆ คุณชาย ยังไงก็ต้องแกงเขียวหวานอยู่แล้ว ซื้อของมาแล้วน่า” ซีตอบหัวเราะกับหวานยกใหญ่ 

“ขนมจีนซื้อมาหรือยัง”  ผมถามขึ้นมา แอบสังเกตพฤติกรรมของสองพี่น้องนี้แล้ว รู้สึกไม่แน่ใจว่าซีเป็นน้องสาวจริงหรือเปล่า เมื่อคนเป็นพี่ชายทำตัวเหมือนเป็นเด็กๆ

“ยังไม่ได้ซื้อเลยเฮีย เดี๋ยวแวะตลาดหน่อยน้า” หวานขอโทษขอโพย แล้วให้ซีบอกทางไปตลาด

ผมเปิดไฟเลี้ยว แวะจอดที่ตลาดใกล้บ้านสองพี่น้อง รถจอดสนิทสองสาวจึงลงไปซื้อของทิ้งพี่ชายทั้งคู่อยู่บนรถ













“มองอะไร” 

เสียงเพลงนักร้องเกาหลีถูกปรับเบาลงเมื่อคนที่นั่งอยู่ตอนหลังถามขึ้นมา ตวัดดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบกันในกระจกรถมองหลัง ...ตาดุเว้ย


“อยากรู้จัก”  ผมตอบยิ้มๆ อารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อคนที่แอบมองสนใจ เห็นทำหน้าเฉยนึกว่าไม่รู้ตัวซะอีกที่โดนมอง

“รู้จักทำไม” 

“ชอบ ดูเป็นคนดี” ในเมื่อถามมาตรงๆ ก็ตอบตรงๆ ดีขมวดคิ้ว มองหน้าผม

“อืม รู้จักกันแล้วไง” ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่แปลกใจกับคำว่า ‘ชอบ’ ที่ออกมาจากปากของผู้ชายด้วยกันสักนิด หรือไม่อย่างนั้นอาจจะไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ

“ไม่รู้ว่าเป็นพี่ซี ไปคอนโด มาส่งซีหลายครั้งไม่เคยเห็น” สองสาวซี้กันมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง ต้องทำกิจกรรมรับน้องหลายงาน บางครั้งที่กิจกรรมเลิกดึกผมและหวานมาส่งซีถึงบ้านไม่เคยเจอพี่ชายของซีที่พูดถึงเลยสักครั้ง

“อืม” ตอบมาแค่นี้ ไปไม่เป็นเลยครับ เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่อยากรู้จักผมเหมือนที่ผมอยากรู้จักเขาเลยสักนิด

“ชอบแกงเขียวหวานหรือ” พยายามอีกสักรอบ บางทีดีอาจจะอยากคุยเรื่องอาหาร

“อืม” สายตาว่างเปล่าและคำตอบรับในคือที่เป็นไปอย่างเสียไม่ได้ทำให้ผมยอมแพ้ โอเค ไม่พูดแล้วครับ
แล้วผมกับดีก็นั่งเงียบ รอสองสาวกลับมา












ยัยหวานและซีหายไปทำกับข้าวกันสองคนในครัวเล็กหลังบ้าน อยากเข้าไปช่วยนะ แต่ครัวเล็กมากจริงๆ สองสาวยืนคุยกันงุ้งงิ้งก็เต็มแล้วละครับ เลยต้องมานั่งดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น  พร้อมกับดี ที่ตอนนี้เอาแต่นั่งจ้องโทรทัศน์ ไม่สนใจกันเลย ผมกลายเป็นธาตุอากาศไปแล้ว


เจ้าของบ้านอยู่บนโซฟา นอนเหยียดยาว มือถือรีโมทแน่นราวกับกลัวว่าจะโดนแย่ง ตาจ้องโทรทัศน์ไม่กะพริบ ใบหน้าเคร่งครึมนั้นผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด




“ฮา ฮ่าๆๆ ฮะ ฮะ ฮ่าๆ”




ผมเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์เมื่อได้ยินคนที่นั่งนิ่งๆ ดูโทรทัศน์หัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะเต็มเสียง ท่าทางมีความสุข ราวกับเป็นคนละคนกับคนที่พูดแต่คำว่า ‘อืม’ ในรถเมื่อครู่

เหมือนจะรู้ตัวว่าถูกมอง เสียงหัวเราะจึงหยุดไปเสียเฉยๆ เจ้าของเสียงมองผมตาขุ่น ก่อนจะกลับไปจ้องโทรทัศน์ต่อ

“พี่น้ำ พี่ดี ทานข้าวกัน” เมื่ออาหารพร้อมซีเดินมาบอก แล้วกางโต๊ะญี่ปุ่นตรงช่องว่างระหว่างหน้าโทรทัศน์และโซฟา วางขวดน้ำปลาและจานชาม หวานยกหม้อแกงเขียวหวานหอมฉุยวางไว้ตรงกลาง

“เฮีย ราดขนมจีนหรือราดข้าว”  หวานถามผม และจัดจานให้อย่างรวดเร็วเมื่อตอบว่าราดขนมจีน ผมขยับตัวลงมานั่งล้อมโต๊ะบนพื้นกับสองสาว

“พี่ดี ขนมจีน” ซียกจานไปให้ดี ราดน้ำปลาและจัดช้อนส้อมเรียบร้อย

“ไม่นึกว่าจะกินได้นะ”  คนที่นั่งกินเงียบๆ คนเดียวบนโซฟาพูดขึ้นมาหลังจากทานไปสักพัก

“โห พี่ดี แค่กินได้หรอ หวานทำเองเลยนะ น้อยใจจังอะ” ยัยหวานทำเสียงเล็กเสียงน้อย

“อืม ก็ว่า ถ้าซีทำ หมายังไม่แดกเลย เอาจริง” ดีพูดหน้าตาย ทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาไม่เว้นแม้แต่คนโดยว่า

“ก็นั่งกินกันอยู่สี่คนอะ คิดว่าใครเป็นหมาพี่ดี” หยุดหัวเราะได้ ซีก็โต้ตอบพี่ชายทันที

“แกมั้ง” ดีสวนทันควัน ท่าทางรีบเคี้ยวรีบกลืนนั่นน่ารักชะมัด

“พี่ดี!!” ซีตะโกน ตาขวาง จากที่เล่นๆ กันเมื่อครู่น้องสาวดูท่าจะโกรธพี่ชายขึ้นมาซะแล้ว

“ฮ่าๆ ฮะ ฮะ อะไรโกรธหรอ ไอ้เหยินเอ้ยยย” คนที่กำลังจะโดนโกรธดันหัวเราะออกมา แกล้งแหย่งน้องตัวเองเสร็จหันกลับไปมองโทรทัศน์แล้วกินต่อไป




“เฮียน้ำยิ้มอะไร”


ยัยหวานหันมาเห็นผมอมยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก  ผมไม่ตอบนั่งตักขนมจีนต่อไป อาหารในจานเพิ่งพร่องไปเพียงเล็กน้อยเพราะคอยแต่จะฟังดีพูด ต่างกับอีกคนที่ตอนนี้ทานหมดแล้วยื่นจานกลับมาให้น้องสาวเติม ทั้งๆ ที่เหมือนจะทะเลาะกันแต่ซีก็ตักข้าวเพิ่มให้พี่ชาย



“พี่ดีรอบนี้ราดข้าวนะ ขนมจีนหมดแล้ว” ซีส่งจานให้มือผอม สองตายังคงจ้องโทรทัศน์ไม่เลิก

“อะไรเนี่ยแก ทำไมมีแต่น้ำกับมะเขืออะ” พอเห็นจานของตัวเองก็โวยวายใหญ่

“ก็เหลือเท่านี้แล้วอะ กินไปบ่นจัง” ดีมองหน้าซี หรี่ตา หันไปคว้าหม้อมาดู วางหม้อลง เหลือบมองไปในจานของคนอื่น หยุดสายตาที่จานของผมสามวินาทีก่อนจะสะบัดหน้าค้อนใส่ซีและมองโทรทัศน์ มือเขี่ยๆ จาน แอบเห็นทำปากยื่นๆ ด้วยนะ


เจออาการอย่างนี้เข้าไป ผมจึงตักหมูเด้งชิ้นสุดท้ายของแกงหม้อนี้ที่อยู่ในจานของผมให้ ยัยหวานและซีที่กำลังแอบบ่นดีเบาๆ ชะงัก มองผม ก่อนจะหันหน้าไปซุบซิบกัน และส่งเสียงหัวเราะประหลาดกันสองคน

คนหน้างอไม่พูดอะไรสักคำ แต่เห็นแววตาพึงพอใจ ก่อนจะก้มลงกินข้าวในจานของตนเองจนหมด











เกือบสามทุ่มเราถึงได้ออกจากบ้านพี่น้องดีซี เมื่อมาถึงคอนโด ยัยหวานมาเคาะประตูห้องผม หัวเราะหึหึในคอ

“เป็นไงเฮียวันนี้ ข้าวอร่อยชิมิละ” ทำเสียงล้อเลียนกวนอารมณ์ได้อีก

“ก็งั้นๆ อะ” อร่อยเหมือนทุกครั้งที่ทานกันแหละ ผมคิดว่าผมรู้เหตุผลที่น้องสาวมายืนหน้าตาแป้นแล้นหน้าห้องผมตอนนี้นะ




“หรอ แล้วถูกใจมะ” ยัยหวานลากเสียงยาว พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้าง เป็นพี่น้องกันมามองตาก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ถามไม่ใช่อาหารแน่นอน ผมเงียบไปสักพัก ทบทวนคำตอบของตนเองให้ดีแล้วจึงบอกว่า




“หวาน บางทีนะ ความรัก อาจเกิดขึ้นจากทฤษฎีของแกกับของเฮียรวมกันก็ได้นะ”




ยัยหวานระเบิดเสียงหัวเราะลั่นและกระโดดกอดผมทันที





“เฮีย งานนี้สู้ๆ นะ หวานกับซีช่วยเต็มที่เลย”




-----------------------------
ย้อนกลับไปตอนเฮียน้ำเจอดีครั้งแรกค่ะ
หนูดีอะไรจะเป็นคนดีน่ารักได้ขนาดนั้น คิคิ  :-[
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

Lavender's blue : )
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 4) - 30/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 01-10-2015 00:46:36
พี่ดีเก๊กมากอ่ะ น่ารัก 5555
รอตอนต่อปายยยยยย
สู้น้าาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 4) - 30/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 01-10-2015 01:54:08
น่ารักดีน้าาาาาาา
พออ่านจากมุมมองของจืด (เอ้ย น้ำ) แล้ว รู้สึกดีเฉยชามากเลย
สู้ๆนะน้ำ
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 4) - 30/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 01-10-2015 04:14:36
เข้ามากรีดร้องงงงงงงงงงง  เรื่องนี้เราเคยอ่านแล้ว สนุกและประทับใจมาก  เรื่องนี้นี่ต้องอ่านถึงตอนพิเศษเลยนะคะ เพราะจะทำให้เข้าใจเนื้อเรื่องมากขึ้น  คอนเฟิร์มว่าสนุกและดีจริงๆ


อ้อคุณเวนดี้มีผลงานเรื่องใหม่รึยังคะ?
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 5) - 02/01/57
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 02-10-2015 20:46:34
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 5)





ตอนที่ 5 ลูกแมว







“ซี งานแม่บ้านแก โอเคไหม”



วันอาทิตย์ แดดจ้าท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆ ซีเลยได้โอกาสซักผ้ากองโตที่ใช้มาทั้งอาทิตย์ ผมนอนเปิดพุงดูโทรทัศน์ เกิดนึกได้ว่าซีมันไปทำงานพิเศษเพิ่ม ไม่เคยเล่าให้ฟังเลยถามดู เพราะทุกวันไม่ว่ามันจะเจออะไรตั้งแต่หอยทากในห้องน้ำยันวิชาที่เรียนซีจะเล่าให้ฟังประจำ


ซีกำลังตากผ้าอยู่หน้าบ้านชะงักไปเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อได้ยินคำถาม แน่นอนว่าคนในบ้านไม่เห็นพิรุธนี้ เธอยิ้มให้กำลังใจตัวเองแล้วจึงตอบพี่ชายไปเสียงดังอย่างเคย


“อื้อ ก็ดีนะ ไม่ลำบากเท่าไหร่หรอก”


“เงินดีไหม” จำได้ว่ามันไม่เคยบอกว่าได้เงินเท่าไหร่ เรื่องเงินเราไม่เคยก้าวก่ายกัน เมื่อถึงเวลาจ่ายบิลล์จึงค่อยมาตกลงกันว่าใครจะออกเท่าไหร่ ซึ่งแน่นอนว่าผมที่เป็นพี่ชายก็ต้องออกมากกว่าน้อง อัตราส่วน 70:30 หรือหากซีมีรายได้เพิ่ม 60:40 อาจไหว
 

“ปกติอะพี่ดี วันนี้ๆ ไปเดินเล่นจตุจักรกัน นะนะ” ซีตากผ้าเสร็จแล้วเดินเข้ามานั่งถัดกัน จตุจักรอยู่ไม่ไกลจากบ้าน รถเมล์ฟรีมีให้เลือกหลายสาย ที่นั่นจึงเป็นสถานที่พักผ่อนของเราไปโดยปริยาย กลางวันก็เดินได้ ตอนค่ำก็เดินดี ดึกๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง


“ขอดูก่อนได้ปะ” ผมหาว ใครจะไปรู้ฟ้าโปร่งๆ อย่างนี้ฝนอาจตกก็ได้ ตอนนี้ยิ่งไม่อยากขยับตัวด้วย ไม่รับปากหรอก


“ไปเถอะนะ ซีอยากไปซื้อนิยาย นะนะ” เมื่อเห็นพี่ชายบ่ายเบี่ยง ซีจึงอ้อนหนักเข้าโดยการจับแขนดีเขย่าไปมา กะพริบตาปริบ ตลอดชีวิตที่อยู่ด้วยกันมามีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าพอทำแบบนี้ทีไร พี่ชายก็ใจอ่อนเสมอ แม้จะบ่นออกมายาวๆ หรือว่าแรงๆ ก็ตามที



“เออๆ สั่งข้าวให้ด้วย ราดหน้าทะเลพิเศษ” บอกให้น้องสาวโทรสั่งอาหารเย็นจากร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอยให้เสร็จ ก็นั่งดูโทรทัศน์ต่อไป
 





.
.
.





“พี่ดี ไปเตรียมตัวเร็วๆ”


ผมเผลอหลับไปหลังจากทานข้าวตอนห้าโมงเย็น มองดูนาฬิกาตอนนี้ก็ราวทุ่มกว่าๆ ยัยซีปลุกผม มันแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว กำลังเป่าผมอยู่


“พี่ดีใส่เสื้อสีขาวที่แขวนไว้นะ” ซีชี้ไปที่ราวแขวนเสื้อหน้าห้องน้ำ
“ทำไม” ผมขมวดคิ้ว ปกติไม่มีหรอกที่จะมาจับผมแต่งตัว
“เอ้า ก็รีดให้แล้วอะ ไม่ใส่งั้นรีดเองเลยนะ” มันว่างอนๆ แล้วเปิดเครื่องเป่าผมเสียงดัง


พวกเราสองคนพี่น้องมีนิสัยเหมือนกันหนึ่งอย่างเกี่ยวกับเสื้อผ้า นั่นคือเสื้อผ้าที่จะใส่ออกจากบ้านนั้นจะต้องรีดทุกครั้ง รีดแบบเรียบกริบด้วยนะ หารอยยับไม่เจอถึงจะถือว่าใช้ได้ เสื้อเชิ้ต เสื้อยืด กางเกงยีนส์รีดหมดครับ 

ยังมึนๆ กับการตื่นนอน ผมพยักหน้าตกลง ดีเหมือนกันที่ไม่ต้องรีดเสื้อเอง คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำ












ตลาดนัดจตุจักรวันอาทิตย์ตอนค่ำๆ คนแน่นมากกว่าตอนกลางวัน ซีต้องคอยจับชายเสื้อผมไว้ ไม่อย่างนั้นคงได้พลัดกัน ผมเดินตามซีที่แวะดูเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และยืนเบื่อๆ รอมันเลือกนิยายมือสองที่มากี่ครั้งก็แวะตลอด 



“ซี กูไปดูทางโน้นนะ” ผมบอกมันแล้วเดินออกมาแผงตรงข้ามที่ขายซีดีภาพยนตร์


ระหว่างที่กำลังช่างใจซื้อหนังเรื่อง Cloud Atlas ที่ดูในโรงภาพยนตร์ไปสองรอบ กับเรื่อง A Beautiful Mind ที่คว้ารางวัลออสการ์ไปได้ถึง 4 รางวัลเมื่อหลายปีที่แล้ว และยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่อยากเก็บไว้ครอบครองแต่ด้วยจำนวนเงินที่จำกัด การต่อรองจึงเริ่มขึ้น
 


“พี่ ไม่ลดหน่อยเลยหรอ ถ้าลดนะซื้อหมดนี้เลยเนี่ย” หนังสี่เรื่องถูกหยิบใส่ตะกร้า แกว่งไปมาตามจังหวะการพูดของคนถือ
“โห ไม่ได้แล้วน้อง ปกติพี่ขาย แผ่นละ 99 นะ วันอาทิตย์ลดพิเศษแล้ว 79”
“สี่เรื่องสองร้อยนะ” อยากได้จริงๆ แต่เงินพี่ไม่พอ ขอต่อให้ถึงที่สุด
“ไม่ได้จริงๆ จ้า”
“งั้นเอาเรื่องเดียว” ผมตัดใจหยิบ Cloud Atlas ประทับใจเพลงประกอบมากครับ เพราะจริง เดี๋ยวเรื่องอื่นค่อยไปซื้อร้านประจำแถวท่าพระจันทร์ก็ได้




รับเงินทอนเสร็จกำลังจะกลับไปหาซี พอดีเห็นใครบางคนเดินตรงเข้ามาหาก่อน มัดผม ติดกิ๊ฟ ใส่แว่นเหมือนเดิม มือสองข้างถือไอศกรีมกะลามะพร้าว พอสบตาก็ยิ้มและยื่นของในมือให้

ผมยื่นมือไปรับ ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธทำอากาศค่อนข้างอบอ้าว กินไอติมสักถ้วยก็ไม่เลวร้าย





“ซื้อหนังหรอ” วันนี้กิ๊ฟดอกไม้สีม่วง ขยับเข้ามามองของในมือ
“อืม เสร็จละจะไปหาซี” ผมหันจะเดินกลับไป
“อ๋อ ซีไปเดินกับหวานแล้วล่ะ เรามาเดินกับพี่ดีกว่า” ตักไอติมกินอีกคำ ไม่สนใจคนตัวสูงกว่า สังเกตอีกอย่าง คนตรงหน้าใส่เสื้อยืดสีขาวเหมือนกัน
“ซื้อเรื่องไรบ้างอะ” คว้าถุงในมือไปเปิดดู แล้วพูดออกมา
“Cloud Atlas สนุกจริงเรื่องนี้ ไหนๆ มาดูทีมีเรื่องไรอีก ช่วยแนะนำหน่อย” ไอ้จืดดึงมือผม ยื่นหนังในมือให้ดูเป็นเชิงถาม ผมส่ายหัวตอบ แต่ละเรื่องที่เลือกมาใช้ไม่ได้เลย สงสารหรอกเลยหันกลับไปเลือกหนังที่น่าสนใจให้คนสูงกว่า






ภาพสองหนุ่มที่กำลังเลือกแผ่นหนังกันอยู่ คนตัวเล็กกว่าที่ทำท่าจะเดินหนีกลายครั้ง แต่คนตัวสูงกว่าเอื้อมมือมาจับไว้มั่น ทำเอาสองสาวที่จับตาดูอยู่ห่างๆ ถึงกับเก็บอาการกรี๊ดกร๊าดไว้ไม่อยู่

“หวานๆ ดูพี่น้ำดิ จับมือพี่ดีแน่นไม่ปล่อยเลยอะ” ซีเรียกชื่อเพื่อนสนิท พร้อมกับจับแขนเขย่า
“พี่ดี ก็น่ารักนะ ดูซิ เลือกหนังให้เฮียเยอะเลย ว้าว แผนเราไปได้สวยนะ” หวานจับมือที่เขย่าแขนตัวเองมาถือไว้แกว่งไปมา
“คราวหน้าเสื้อสีไรดีอะ พอใส่เสื้อสีขาวแล้วพี่ดีน่ารักมากเลย” หวานยังพูดต่อไป
“ไปหาเสื้อคู่ให้สองคนนี้ดีกว่า อยากเห็นจัง เอาที่สกรีนว่า แมว กับ เจ้าของแมวดีไหม วันก่อนเห็นน่ารักมาก” ซีกระชับมือเพื่อนสนิทแน่นขึ้น ใบหน้าของทั้งคู่มีเลือดฝาด ดวงตาเป็นประกาย
“ได้ๆ ฮ่าๆ  ทีนี้ก็ปล่อยให้เขาอยู่ด้วยกันแหละ เรามาเดินดูเสื้อผ้ากันเถอะ อยากได้กางเกงขาสั้นอยู่พอดีเลย”
“อื้อไปสิ” สองสาวละลายตาจากชายหนุ่มทั้งคู่ เดินแยกไปอีกทาง

 




.
.
.





“ไม่!!” 



ผมพูดเสียงดัง ไม่สนใจสองสาวที่กะพริบตาปริบขอความสงสาร เวลาเกือบสี่ทุ่มที่ตาใกล้จะปิดแล้วทำไมต้องมายืนให้ยุงรุมแบบนี้ละเนี่ย



“โธ่ พี่ดี ดูสิมันน่าสงสารจะตาย” ซีพยายามอ้อนวอน เบี่ยงตัวไม่ให้เจ้าซีจับแขน

“นั่นสิพี่ดี ฝนทำท่าจะตกด้วยนะ ไม่สงสารหรอ ถ้าตากฝน มันอาจจะเป็นปอดบวมตายได้ พ่อก็ไม่มีแม่ก็ไม่มี อยู่ตัวคนเดียว น่าสงสารออก” หวานช่วยเพื่อนพูดอีกแรง ยัยน้องหวานจะมาไม้นี้พี่ก็ไม่ใจอ่อนบอกเลย

“เอาไปเลี้ยงเถอะ หมาข้างถนนดียังเอาอาหารมาให้มันเลย” ไอ้จืดบอกเสียงอ่อย ถ้าไม่ห้ามไว้เจ้านี่ท่าจะอุ้มเจ้าตัวปัญหาตัวเล็กกระจิ๋วหลิวนี่ขึ้นรถไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย







พวกเรายืนอยู่ข้างถนน สามคนเขาไปตกลงกันเสร็จสรรพว่าจะกลับรถของไอ้จืด ผมไม่ปฏิเสธเพราะเดินมาเหนื่อยๆ จะให้ไปเบียดคนในรถเมล์ก็ไม่ไหว ในเมื่อมีทางที่สบายกว่าใครก็ต้องเลือกใช่ไหมละครับ ตอนที่เดินมาถึงลานจอดรถ พอดีซีได้ยินเสียงร้องเจ้าแมวเหมียวนี่เสียก่อน ลงไปหาดูและพบว่ามันกำลังพยายามปีนขึ้นมาจากหลุมต้นไม้บนฟุตบาศก์ ซีไปช่วยมันขึ้นมาแล้วมันก็ตามติดแจ ไม่ยอมห่าง แม้ว่าจะพยายามเดินหนีหลายรอบแล้วก็ตาม


ยัยซีตัวดีเลยที่เริ่มออกความคิดว่าจะเอามันมาเลี้ยง ยัยหวานและไอ้จืดก็เห็นด้วยที่สองคนเลี้ยงไม่ได้เพราะคอนโดห้ามเลี้ยงสัตว์




ผมไม่ได้รังเกียจสัตว์หรอกครับ ออกจะรักด้วยซ้ำ แต่ที่ไม่ให้เอาไปเลี้ยงที่บ้านมันมีเหตุผลครับ เพราะหนึ่งบ้านที่เราอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ของเรา มันเป็นของป้า แม้ว่าป้าจะไม่ได้อยู่บ้านนี้แล้วก็ตามแต่สองสามเดือนก็โผล่มาดูความเรียบร้อยอยู่เสมอ ถ้าเกิดเอาเจ้าเหมี่ยวนี่ไปเลี้ยง ป้าคงไม่ชอบใจแน่ๆ


สอง แถวบ้านผมมีหมาเยอะครับ ตั้งแต่บ้านหลังแรกต้นซอยยันหลังสุดท้าย บางวันกลับบ้านยังตกใจที่อยู่ๆ หมาทั้งฝูงวิ่งมาเห่า และหลายครั้งที่เห็นซากแมวเหมียวที่หลงถิ่น สภาพเละมากครับ โดนขย้ำเสียจนจำสภาพไม่ได้ เห็นแล้วสงสาร พอเห็นซากทีไรผมกับซีโกรธเจ้าหมาพวกนั้นไปหลายวัน


และสามครับ มีกันสองคนพี่น้องยังไม่ค่อยจะมีตังค์ซื้อข้าวกินเลย นี่จะเอาแมวมาเลี้ยงอีกตัว เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะยัยซี
 



ผมอธิบายยาวเหยียดจนต้องพักหายใจ มองดูซี หวานและไอ้จืด กะพริบตาปริบพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดออกมา


“ตั้งแต่รู้จักกันมา ครั้งนี้พี่ดีพูดยาวที่สุดแล้วอะ จริงๆ” เป็นยัยหวานที่ตั้งสติได้ก่อนและพูดขึ้นมา อีกสองคนพอได้ยินดังนั้นก็หัวเราะกันอย่างร่าเริง

“พี่ดีไม่ต้องกังวลเรื่องป้าหรอกนะ ซีจะเลี้ยงไว้นอกบ้านให้มันอยู่ในกล่อง” ยัยซียังคงพยายามต่อไป

“ถ้าไม่งั้นเดี๋ยวหวานซื้อกรงมาให้เอง ถาดทรายด้วย แล้วก็อาหารเดี๋ยวให้พี่น้ำซื้อเข้าไปให้ถ้าหมดนะ” หวานเสริมต่อ


ผมส่ายหัว ไม่ ไม่ ไม่






“อย่างนี้ไหม” ทุกคนหันไปมองหน้าคนพูด



“ก็เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ถือว่าเป็นแมวพี่ แต่พี่อยู่คอนโดเลี้ยงไม่ได้ เอาไปฝากบ้านดีเลี้ยงไว้” ซีและหวานพยักหน้าเห็นด้วยกันใหญ่ “ค่าใช้จ่ายทั้งหลายเดี๋ยวพี่ออกเอง ขอแค่ดีกับซีช่วยดู” ดวงตาสีดำสนิทสะท้อนแสงไฟแวววับ


“นะครับ”


ข้อเสนอที่ว่ามันไม่ต่างจากเดิมเลยสักนิด แต่สายตาคมที่มองตรงมาทำให้ให้ปฏิเสธไม่ออก ไม่มีคำพูดระหว่างพวกเรา ใบหน้าทั้งสามคนมองมาที่ผมอย่างมีความหวัง เจ้าเหมียวตัวเล็กนั่นส่งเสียงร้องแหบพร่าจากอุ้งมือซี



ผมพยักหน้าให้ซี และเดินขึ้นมานั่งรอบนรถ
 




“ให้ทำไงได้ ตัดสินใจกันแล้วใช่ไหมล่ะ”




-------------------------------
ขอโทษที่ไม่เคยแนะนำตัวเลย เราชื่อบลูค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ

ตอบ คุณ ammchun
เรามีอีก 2 เรื่องในเด็กดีค่ะ (จบแล้วหนึ่งเรื่องและอยู่ในไหดองอีกหนึ่งเรื่องค่ะ)
ในเล้าเป็ดฯ ถ้าลงเรื่องนี้จบจะลงเรื่องใหม่นะคะ

พอดีว่าคุยไม่เก่ง ได้แต่บอกว่าเราดีใจมากค่ะที่ทุกคนเข้ามาอ่าน

Lavender’s blue : )

หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 6) - 06/10/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 06-10-2015 17:07:53
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 6)







ตอนที่ 6 รู้เขา รู้เรา




หลังจากที่บอกน้องสาวตัวดีไปแล้วอย่างอ้อมๆ ว่าสนใจ ‘พี่ดี’ พี่ชายของซีเพื่อนสนิท เจ้าหวานก็เพียรพยายามหาข้อมูลของดีมาให้เป็นระยะ


“เฮีย อันนี้คราวๆ ที่หวานขอซีมาเกี่ยวกับพี่ดีนะ อ่านๆ” 


เย็นวันหนึ่งตอนที่กำลังนั่งทำภาพร่างกราฟิกของโปรเจ็คใหม่ หวานยื่นกระดาษเอสี่สองสามแผ่นที่เย็บมุมอย่างสวยงามให้ ผมมองหน้าน้องอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก ก่อนจะรับมาเมื่อหวานยื่นค้างเป็นเชิงให้รับไปอ่าน


“ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ”


ผมพลิกกระดาษดู เห็นลายมือเป็นระเบียบเขียนเกี่ยวกับ “พี่ดี” เรียงเป็นข้อ บางแห่งมีไฮไลท์กำกับ บรรทัดแรกกลางหน้ากระดาษ เขียนตัวเต็มบรรทัด เขียนเส้นใต้สีแดง


50 ข้อที่ควรรู้ของผู้ชายชื่อดี


อ่านหัวข้อแล้วอดขำไม่ได้ ยิ่งกว่ารายงานส่งอาจารย์อีก


“เอ้า ก็บอกว่าจะช่วย แค่นี้ยังน้อยไป ช่วงนี้งานเยอะ ตอนแรกกะจะเขียนให้ครบ 100 ข้อเลยนะ แต่เดี๋ยวซีจะไม่มีเวลาทำงาน เลยขอแค่ 50 ไปก่อน”

มองหน้าคนทำหน้าซื่อเต็มไปด้วยความปรารถนาดีแล้วก็พูดอะไรไม่ออก กวาดสายตาอ่านคราวๆ พบลายมือเดียวกันเขียนข้อหนึ่งถึงห้าสิบ


1. ชื่อ นายโชคดี นามสกุล ศิริชัย
2. เกิดวันอาทิตย์ที่ 29 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 25XX เวลา 06.45 น.
3. มีน้องสาวสุดสวยหนึ่งคน ชื่อ ซี 
4. ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปี 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย XXX
5. ปากร้าย ใจดี
6. รักสัตว์โดยเฉพาะสุนัขและแมว
7. ชอบสีเทาและเขียว
8. ไม่ชอบสีสะท้อนแสง
9. อาหารที่ชอบ แกงเขียวหวาน (ชอบแบบใส่หมูเด้ง)
10. อาหารที่ไม่ชอบ ทุกชนิดที่มีราคาเกิน 100 บาท
11. ชอบดูโทรทัศน์ ละคร ซีรีย์ฝรั่ง
12. วันอาทิตย์จะไปดูหนังประจำที่ลิโด้ ไม่ก็ สการ์ลา แถวที่นั่งประจำ J 4
13. อย่าโกหก เกลียดมาก  เคยมีเพื่อนมาโกหก ไม่พูดด้วยมาแล้วห้าปี
14. เหนื่อยให้พัก
15. บ่นให้เงียบ
16. หิวให้กิน

หลายข้อมีอักษรตัวเล็กอธิบายแตกย่อยขยายรายละเอียดราวกับเกรงว่าคนอ่านจะไม่เข้าใจ รอบคอบสมกับเรียนคณะครุศาสตร์ จริงๆ


“เป็นไงๆ น่ารักใช่มะ  ถ้าไม่ใช่คนนี้ หวานก็ไม่ให้คนอื่นมาเป็นพี่สะใภ้แล้วนะ” ยัยหวานยักคิ้วให้ผม พูดเสียงเข้มตอนท้าย

“ยังไม่แน่หรอกเจ้าหวาน พี่แค่ประทับใจเขาเฉยๆ ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แล้วอีกอย่างงานก็เยอะด้วย ไม่มีเวลาไปทำความรู้จักเขาหรอก”

งานเยอะมากจริงๆ ครับ ยิ่งเวลาใกล้สอบแบบนี้ทั้งโปรเจ็คส่ง ทั้งอ่านหนังสือสอบ แค่เวลาจะดูแลตัวเองยังไม่มีเลย จะให้ไปเจอบ่อยๆ คงไม่ได้หรอก

“เฮียอะ ก็บอกแล้วว่าจะช่วย ไม่มีเวลาก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวหวานจัดการเอง เชื่อใจได้ เริ่มเลยละกันนะ  สู้ๆ ”  พูดเองเออเอง พยักหน้า แล้วเดินเข้าห้องไป ทิ้งให้ผมได้แต่ตะโกนตามหลังว่า

“เฮ้ย ไม่ต้องเว้ย เดี๋ยวว่างๆ เฮียจัดการเอง”

“ไม่รู้แหละ หวานกับซีจะช่วยเอง” ยัยหวานตะโกนตอบ  ผมได้แต่ส่ายหน้าเหนื่อยใจ ไม่รู้ว่าแม่สื่อสองคนนี้จะทำให้เรื่องยุ่งขึ้นหรือเปล่า

จากที่จะรัก ไม่ใช่ว่ากลายเป็นเกลียดหรอกนะ




.
.
.


เจ้าเหมียวไอ้จืดเก็บมาเลี้ยง ยังไม่มีชื่อครับ ทุกคนดูจะตื่นเต้นกับการไปเลือกซื้อกรง กระบะทราย ของเล่นและปลอกคอแมวกันหมด จนลืมเรื่องนี้ไป ผมนึกขึ้นได้แต่ก็ไม่พูดอะไร ปล่อยไปครับ ไม่ได้อยากจะเอามาเลี้ยงเลยจริงๆ

แทนที่วันอาทิตย์จะได้นอนพักผ่อนอยู่บ้าน ผมโดนเจ้าซีลากมาซื้อของใช้ให้แมวกับสองพี่น้อง ร้านขายของสัตว์เลี้ยงที่สองพี่น้องพามาขายของแพงยิ่งกว่าของที่ผมใช้ทั้งตัวรวมกันอีก

‘จะซื้อของแพงๆ ไปทำไมก็ไม่รู้ ไปเดินซื้อของธรรมดาที่จตุจักรก็ได้’ ผมบ่นกับเจ้าซี ‘มันก็ใช้ได้เหมือนกันแหละน่า’ ยังคงบ่นต่อไป ไม่สนใจซีที่พยายามเอื้อมมือมาปิดปาก ไอ้จืดที่เข็นรถอยู่ข้างหน้าเหลือบมอง คงจะได้ยินที่บ่นเพราะผมไม่ได้ลงเสียงลง ตั้งใจพูดให้อีกฝ่ายได้ยินอยู่แล้ว   


‘จะดูแลกันทั้งที ก็ต้องเลือกสิ่งดีๆ ให้กันสิ ดี


ตรงคำว่า 'ดี' เหมือนจะทอดยาวกว่าปกติ ดวงตาสีดำพราวระยับ รู้สึกคันยิบทั่วใบหน้าจึงเสหน้ามองของต่างๆ ที่วางเรียงราย แค่ลูกแมวตัวเดียว พูดยังกะจะแต่งเมีย เวอร์ไปละ


ซื้อของใช้ทุกอย่างตามรายการที่ยัยหวานและเจ้าซีจดมาแล้วก็ถึงเวลาจ่ายเงิน เห็นราคาแล้วตาค้าง ไอ้พี่น้ำจ่ายแบงค์สีเทาไปสองใบได้เงินทอนมาไม่ถึงสองร้อย  นี่ขนาดตอนซื้อผมหยิบของราคาถูกที่สุดแล้วนะ เงินสองพัน ผมกับเจ้าซีใช้ได้อาทิตย์กว่าๆ เลยนะเว้ย



ของสำคัญที่ใช้เวลาเลือกนานที่สุดคือปลอกคอ และตอนนี้มันก็กลายเป็นของที่พวกเราต้องใช้เวลากับมันนานที่สุด เพราะปลอกคอที่ซื้อมามีบริการสลักป้ายชื่อฟรีครับ จะทำยังไงในเมื่อเจ้าแมวฟรีที่ตอนนี้มีราคาขึ้นมาแล้วจากเงินสองพันยังไม่มีชื่อ



พวกเราเลยกำลังโหวดชื่อแมวกันอยู่ อย่างที่ผมคิดตอนแรกไม่ผิด เรื่องชื่อสำหรับเจ้าพวกนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เท่าที่สังเกต ก็ไม่เห็นมีสักเรื่องที่ ‘พี่ดี’ และ ‘เฮียน้ำ’ เกี่ยวข้องกันจะเป็นเรื่องเล็กสำหรับสองสาวเลยนะ และแม้จะไม่เกี่ยว สองสาวก็พยายามที่จะเชื่อมโยงให้เกี่ยวกันได้อยู่ดี เด็กสมัยนี้การเชื่อมโยงเป็นเลิศครับ พูดเลย

“การ์ฟิวไหม ตัวมันสีส้มๆ สลับขาวเหมือนการ์ฟิวเลย” ซีเสนอชื่อก่อนคนแรก

“ไม่เอา แมวไทยชื่อฝรั่งเนี่ยนะ ไม่ๆ” หวานส่ายหัว พยักหน้าเห็นด้วยกับยัยหวานในใจ

“งั้นส้มอะ ตัวสีส้ม” ซียังพยายาม นี่มึงคิดแล้วใช่ไหม แมวอะไรชื่อส้มวะ “งั้นคิดเองเลย” ยัยซีบอกเสียงงอนๆ ยัยหวานต้องเข้าไปง้อ แล้วทุกคนก็เงียบไปอย่างใช้ความคิด คือต้องเครียดขนาดนั้นเลย ชื่อแมวเองนะเว้ย



“องค์ชาย” ยัยหวานส่งเสียงใส ทุกคนส่ายหน้า


ลองคิดภาพเวลาแมวออกไปเดินเล่นแล้วเราต้องเรียกมันเข้าบ้านสิ ‘องค์ชาย กลับบ้านเร็ว’ ถ้ามันไม่กลับผมนี่ต้องพูดคำราชาศัพท์เลยหรือเปล่า ‘องค์ชาย เสด็จกลับวังเร็วเพคะ’ ถุยยยยย


“หลงทาง”  ไอ้จืดพูดขึ้น เสียงนิ่งเหมือนหน้า 

“โหย เฮียยยย ฟังชื่อแล้วสงสารอะ อุตสาห์เอามาเลี้ยงแล้วยังต้องรู้เบื้องหลังของการอยู่รอดของตัวเองอีกเหรอ โธ่ๆ ลูกแม่” ยัยหวานพร่ำเพ้อเสียโอเวอร์  เหลือแต่ผมแล้วครับ ดวงตาสามคู่จับจ้องมาเห็นความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่



“เหมียวเล็ก”



“เฮ้อออ” ซีถอนหายใจเสียงดัง แอบเห็นไอ้จืดเลิกคิ้วหน่อยๆ เถอะน่ามันตัวเล็กผอมกะร่องแบบนั้น หรือจะชื่ออวบอ้วนล่ะ


“อ๊ะ น่ารักอะพี่ดี เหมียวเล็ก เหมียวเล็ก อีกหน่อยพอลูกสาวของเฮียมีลูกก็เป็นเหมียวหนึ่ง สอง สาม” ยัยหวานชอบใจใหญ่ ทำเสียงเล็กเสียงน้อยเรียก เหมียวเล็กๆ ไม่หยุด







แล้วแมวสีส้มลายขาวตัวเล็กผอมกะร่องที่มีชื่อว่า ‘เหมียวเล็ก’ ก็ย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกคนที่สามของบ้านพี่น้องซีดี พร้อมด้วยกรงและอาหารแมวในเย็นวันนั้นแหละครับ





ไม่เพียงเท่านั้น มันยังทำให้สองพี่น้อง ‘น้ำ หวาน’ เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของพวกเรามากขึ้นด้วย


----------------
ปล่อยไก่ตัวใหญ่ เขียนปีพ.ศ. เป็น 2557 มาห้าตอน
ตอนนี้เป็นปัจจุบันแล้วนะคะ 55555

 :mew3:
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

Lavender's blue

หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 6) - 06/10/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-10-2015 20:38:08
น่ารักอะ ย้ิมได้ตลอดเลย
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 6) - 06/10/58
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 06-10-2015 21:48:10
เนื้อเรื่องน่ารักดีค่ะ
รอติดตามว่าสองพี่น้องน้ำหวานจะมาป่วนยังไงบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 7) - 23/10/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 23-10-2015 22:19:39
Lucky....ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว




บทที่ 7  แมวกับแตงโม





‘เหมียวเล็ก’ ทำให้ผมมีข้ออ้างไปบ้านสองพี่น้องได้ทุกบ่ายวันอาทิตย์  ตอนแรกแม้ว่าเจ้าของบ้านจะไม่เต็มใจต้อนรับแต่ก็ใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ‘เหมียวเล็ก’ เข้าบ้านได้ทุกครั้ง


มันเป็นบ่ายวันอาทิตย์ของกลางฤดูร้อน ลมจากพัดลมพาไอร้อนทำให้ผิวอุ่นวาบ เหงื่อออกจนเสื้อผ้าชื้นไปทั่วแผ่นหลัง น้องสาวที่อยู่ในห้องของซีส่งเสียงหัวเราะแว่วมาเป็นระยะ เสียงจากโทรทัศน์และเสียงดังหึ่งๆ ของพัดลมเป็นฉากหลัง


เจ้าเหมียวเล็กที่ตอนแรกมีคนยืนยันหนักหนาว่า ‘ไม่ให้เลี้ยงในบ้านเด็ดขาด’ กลับนอนขดตัวอย่างสบายใจบนตักของคนพูด ส่งเสียงครางในคอเป็นระยะเมื่อมือผอมเกาคอ

“น่าสบายนะเหมียวเล็ก”

หลังจากจ้องเหมียวเล็กอยู่นาน ผมก็เอ่ยขึ้น ตากลมนั่นตวัดมองหน้าผมเพียงแวบเดียว ก่อนจะกลับไปมองที่โทรทัศน์

“อยากนอนบ้างจัง”  หน้าตักขาวๆ นั้นคงนุ่มสบายน่าดู เจ้าเหมียวเล็กหลับตาพริบเชียว

“หุบปากไปเลย”   

“พูดด้วยแล้ว”  ผมส่งยิ้มกว้างไปให้

นั่นเป็นคำทักทายของวันอาทิตย์บ่ายๆ ที่เจอหน้ากัน







“ร้อนเว้ยยยย”  มือผอมขยับพัดในมือแรงขึ้นจนเส้นผมสีดำปลิว เหงื่อเม็ดเล็กๆ ปรากฏตามไรผม

“ซื้อแตงโมมากฝาก”  ผมพูดแล้วลุกจากโซฟาเดินหายเข้าไปในครัว ไม่สนใจเสียงโวยวายตามหลัง ‘ทำอย่างกับบ้านของตัวเอง’




ผมหายไปสักพักกลับมาพร้อมกับจากใบใหญ่ แตงโมที่ถูกแช่เย็นในลังน้ำแข็งทั้งลูก ผ่าเป็นซีกเล็กพอดีมือทั้งเปลือก เปลือกสีเขียวตัดกับเนื้อสีแดงฉ่ำ คนตัวผอมหยิบไปทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยชวน สองสาวออกมาทานแตงโมตามเสียงเรียกในมือถือพัดคนละอัน


“เป็นไงบ้าง อยู่กันสองต่อสอง ถึงไหนแล้ว” ยัยหวานเอ่ยทันทีที่เดินมาถึงโซฟา

“ยัยหวานเพ้อเจ้ออะไร ร้อนว่ะ แม่ง คนยิ่งร้อนๆ อารมณ์บ่จอยเว้ย ” ดีพูดเสียงหงุดหงิด

“ฮ่าๆ พี่น้ำ ทนๆ เอาหน่อยนะคะ พี่ดีน่ะ ไม่ใช่แค่ชื่อนะคะที่ดี ปากยังดีด้วยนะ ฮะ ฮะ ฮะ”

“ซี นั่นปากเรอะ” หัวซีถูกผลักไปข้างหน้า เจ้าตัวยังคงยิ้มระรื่น



“ไม่ต้องมองหน้า กินๆ ไปเลยไอ้น้ำจืด ! ”

สองสาวส่งเสียงหัวเราะกันอย่างครื้นเครง







“พี่ดี ทำอะไรน่ะ” ยัยหวานพูด ข้างๆ แก้มมีเศษแตงโมติดอยู่ ซีเอื้อมมือมาเช็ดที่มุมปากให้ หวานชะงัก แล้วก้มน้ากัดแตงโมต่อ ลืมที่ตนเองเพิ่งพูดไปสนิท


ผมที่ง่วนกับการแคะเมล็ดแตงโมเหลียวไปมอง คนตัวผอมกำลังปลุกปล้ำเจ้าเหมียวเล็กให้อ้าปาก ก่อนจะหยิบแตงโมที่กัดเป็นชิ้นเล็กๆ ยัดลงไปในปากเหมียวเล็กและกดปากเล็กๆ นั้นติดกันแน่น บังคับให้มันกลืนแตงโมลงไป


“เฮ้ย ! พี่ดี เดี๋ยวเหมียวเล็กก็สำลักตายหรอก แล้วแมวที่ไหนเค้ากินแตงโมบ้างฮะ!”

ซีรีบลุกจากเก้าอี้เข้าไปอุ้มเจ้าเหมียวเล็กออกมาทันที ปากก็พร่ำบอกโอ๋ๆ ปลอบแมวน้อย

“อะไของแก เหมียวเล็กมันขอกินเว้ย ถึงให้กิน แล้วทำไมแมวจะกินแตงโมไม่ได้ กูยังกินเลย อร่อยด้วย อร่อยไหมเหมียวเล็ก” ตอนท้ายพูดกับเหมียวเล็กเสียงเล็กเสียงน้อย

“มันกินลงไปแล้ว” ยัยหวานแย่งเหมียวเล็กจากซีมากอุ้ม อ้าปากเหมียวเล็กออกดู

“เห็นไหมบอกแล้วว่าอร่อย เนอะลูกสาว” ยิ้มจนตากลมๆ เป็นขีดโค้ง

“ถึงครั้งนี้จะไม่เป็นไรก็เถอะนะ พี่ดีแม่งบ้าอะ ให้แมวกินแตงโมเนี่ยนะ” ซียังคงโวยวาย

“พ่อชิมแล้วเนอะ หวานไหมๆ” ดีก้มลงลูบพุงเหมียวเล็ก




“หวาน”



ผมว่าปากแดงๆ นั่นดูฉ่ำกว่าเนื้อแตงโมเสียอีก



“อะไรเฮีย” หวานเงยหน้ามองผม

“หมายถึงแตงโมน่ะ” 

ปึก! เปลือกแตงโมจากมือผอมๆ ลอยลิ่วมาถูกหัวคนพูดแทบทันทีที่จบประโยค

สองสาวหัวเราะชอบใจใหญ่

“เฮียยยย ไปชิมตอนไหนเนี่ย”

“พี่ดี เขินแล้วรุนแรงหรอ กิ้วๆ”

“ยังไม่ได้ชิม เดาได้น่ะ” สายตามองใบหน้าขาวๆ ที่กำลังเม้มปากแน่น 



“พ่อง !! ไอ้จืด !! โว้ย เงียบไปเลย พวกมึงนี่ประสาทว่ะ”



“อย่าเดินหนีดิ เขินอะดิ เขินอะดิ” เจ้าซีร้องแซวขณะที่คนผอมเดินกลับไปนั่งมองหน้าจอโทรทัศน์ที่เดิม

“หุบปากเลย กินแตงโมไปเงียบๆ ไปสิ ไม่แดกละ แม่งเอ้ย”

ผมมองคนผอมๆ นั่งคอแข็ง จ้องโทรทัศน์นิ่ง







“เฮีย” ยัยหวานสะกิด

“อะไร”

“ได้ชิมแล้วอะดิ ถึงรู้ว่าหวานอะ กิ้วๆ” ยื่นหน้ามาแซวเบาๆ คงกลัวคนตรงหน้าโทรทัศน์ได้ยิน

“แก่แดด” ผมผลักหัวมันเบาๆ

“เอ้า คนเค้าอุตสาห์ไม่นั่งเป็นก้าง ให้โอกาสสุดๆ แล้วนะเนี่ย”

“มันใช่นิยายที่ไหนล่ะ แค่พูดด้วยก็ดีถมไปแล้ว”

“เฮีย สู้ๆ นะ” ยัยหวานเอื้อมมือมาตบบ่าผมเบาๆ

“พวกเราจะเป็นกำลังใจให้ ฮ่าๆ” ซีกระซิบแล้วเอื้อมมือมาตบบ่าผมอีกแรง





ก่อนที่จะก้าวออกจากบ้านพี่น้อง ได้ยินเสียงแว่วๆ

“ซี เก็บแตงโมไว้ปะ เอามากินหน่อยดิ ลูกสาวก็อยากกินแตงโมใช่ไหม เหมียวเล็ก” 

คนอะไร น่ารักชะมัด




ให้มันค่อยๆ เป็นไปอย่างนี้แหละดีแล้ว
ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร
คนตัวผอมจึงจะใช้น้ำเสียงอ้อนๆ แบบนั้นกับเขาบ้าง
เขาเชื่อว่า เขารอได้


-----------------------------
[23/10/2558]

หายไปนานเลย เรา (อาจจะ) เปลี่ยนที่ทำงานเลยไม่สะดวกมาลงต่อ ขอโทษด้วยค่ะ

ขอบคุณ คุณ B52, Doctor, zleep, insomniac, QueenPedGabGab, ♠DekDoy♠, cheyp, ammchun, kokoro สำหรับคอมเม้นท์นะคะ และคนอ่านทุกคนที่ไม่ได้กล่าวถึงนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามจริงๆ ค่ะ

 :pig4:

Lavender's blue : )
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 7) - 23/10/58
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 23-10-2015 23:23:46
เกือบมีการฆาตกรรมแมว  :jul3:
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 7) - 23/10/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-10-2015 14:37:32
เดี๋ยวนี้เลื่อนฐานะเป็นพ่อลูกแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 8) - 28/10/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 28-10-2015 22:57:15
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ( ตอนที่ 8 )





ตอนที่ 8  ความจริงของซี





ตอนนี้เจ้าเหมียวเล็กอพยพตัวเองจากนอกบ้านเข้ามาอยู่ในบ้านได้หลายสัปดาห์แล้ว ตอนแรกเมื่อมันแอบเข้ามาในบ้านผมก็จับมันโยนกลับออกไปข้างนอก ไม่สนใจเสียโวยวายของซี


‘พี่ดี!! จับมันขว้างออกไปงั้นได้ไงอะ เบาๆ ดิ เถื่อน ใจร้าย ซาดิส ทารุณสัตว์’ 

แมวมีเก้าชีวิตไม่ใช่หรอ แค่นี้ ไม่เป็นไรหรอกน่า


พอโดนจับโยนออกมาแล้ว อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าไอ้เหมียวเล็กมันก็เข้ามาเกาะประตู ข่วนตะแง่วๆ ขอเข้ามาข้างในบ้าน เป็นอย่างนี้ทั้งอาทิตย์ ด้วยความที่ผมกลัวว่าเราจะสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนบ้าน เกิดพวกเขารำคาญมากๆ เข้า วันไหนไปเรียนแล้วกลับมาเจอเหมียวเล็กโดนเสียบอยู่กับรั้วบ้านจะทำไง ยัยซีจะต้องร้องไห้ เสียใจมากแน่ๆ เลยใจอ่อนแกมอ่อนใจ เปิดประตูให้เจ้าแมวลายส้มขาวตัวนี้เข้ามาอยู่ในบ้านได้ตามใจชอบ


เหมียวเล็กเดินไปอ้อนเจ้าซีที่กำลังนั่งทำรายงานบนพื้นหน้าโทรทัศน์อยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็กระโดดขึ้นมานั่งตักผมพลางเอาหัวเล็กๆ มาถูไถ อ้อนให้ผมเล่นกับมัน


“แหม่ พอเข้ามาในบ้านนี่เท้าไม่ติดพื้นเลยนะ ไอ้เหมียวเล็ก” ผมจิ้มพุงป่องๆ ของมันแรงๆ เหมียวเล็กที่กำลังเคลิ้ม ลืมตาขึ้นมามอง ทำเสียงฮือฮาในคอเป็นเชิงประท้วงที่ไปขัดความสุข

“ฮะ ฮะ พี่ดี อิจฉาแมวหรอ” เจ้าซีเงยหน้าขึ้นมาล้อ

“อิจฉาอะไร หมั่นไส้เว้ย เป็นแมวข้างถนนมาก่อนแท้ๆ เดี๋ยวนี้พื้นไม่นั่ง นี่ๆ” ผมยกตัวเหมียวเล็กขึ้นมาพร้อมกับเขย่าสั่นจนหัวสั่นหัวคอน


“อ๊อกๆ แค่กๆ” ลืมไปว่าเจ้าเหมียวเพิ่งกินอาหารและนมไปเต็มอิ่ม

“เฮ้ย แหวะ ไอ้เหมียวเล็กทำไร มึงกล้าอ้วกใส่กูหรอ สกปรกว่ะ ซีๆๆๆๆ มาเอามันไปเลย” ผมกระโดดยืนขึ้น สองแขนยื่นออกไปจนสุด ไอ้เจ้าเหมียวเล็กที่เมื่อกี้สำรอกอาหารออกมา เลียปากมองหน้าผม แอบเห็นแววตายิ้มเยาะด้วยแฮะ

“สมน้ำหน้า พี่ดีแกล้งมันดีนัก เป็นไงล่ะ เก่งมากเหมียวเล็ก พี่ดีนิสัยไม่ดี อ้วกใส่เลย ฮ่าๆ”

“มาเอามันไปเลย เดี๋ยวโดนโยนทิ้งออกไปหน้าบ้านหรอกมึงอะ” ผมจับมันแกว่งไปมาเพื่อให้ยัยซีมารับเจ้าเหมียวเล็กไปจัดการ คนถูกสั่งยังคงนั่งเฉย ยักไหล่โบกหนังสือและกระดาษรายงานโบกไปมาแล้วบอก

“พี่ดีนั่นแหละ ทำแล้วรับผิดชอบด้วยดิ ไปเอาผ้ามาเช็ดอ้วกเลย ซีต้องทำรายงานส่งพรุ่งนี้นะ”

“อะไรวะ แมวแก แกก็ต้องดูแลดิ เป็นคนเอามันมาเลี้ยงไม่ใช่หรอไง เร็วๆ โซฟาเปื้อนหมดละ แม่ง สกปรกจริงๆ”

“โว๊ะ พี่ดี พูดไม่รู้เรื่องหรือไง บอกว่าไม่ว่างๆ ผ้าอยู่หลังบ้านเดินไปหยิบมาเช็ดเลยนะ ตัวเองทำให้เหมียวเล็กอ้วกแท้ๆ นิสัยอะ” เสียงยัยซีดังขึ้นเรื่อยๆ

“แมวมึงอะ ชิ”

“ยังจะมาเถียง ไปเอามาเลย เสื้อวันนี้ซีก็รีดให้ จานก็ล้าง บ้านก็ถู พี่ดีทำไรมั่งวันนี้ กินกับนอนอะ ไปเลย เร็วๆ เลย อย่าให้โมโหนะ” ยัยซีลุกขึ้นมาเท้าสะเอว ตกลงใครเป็นพี่เป็นน้องวะเนี่ย ออกท่าทางอย่างนี้ ถ้าผมไม่รีบทำตามที่เจ้าตัวพูดละก็ ทั้งอาหาร เสื้อผ้า และดูแลบ้าน ผมคงต้องได้ทำเองทั้งหมดแน่ๆ เวลาเจ้าตัวโมโหขึ้นมา

“คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ มึงเป็นน้องกูนะเว้ย น้อยๆ หน่อยเหอะ เชอะ ไอ้เหมียวเล็ก วันนี้ทำแสบมาก ไม่ต้องเข้ามานอนห้องพ่อเลยนะ ไปนอนกับป้าแก่ๆ ขี้บ่นโน้นเลย” ผมเดินไปหลังบ้าน หยิบผ้ามาเช็ดทำความสะอาดพร้อมกับบ่นดังๆ ให้ซีได้ยิน

“ทำไปเลย ไม่ต้องมาบ่นนะ ซีทำงานบ้านทั้งวันยังไม่บ่นซักคำเลยเหอะ” ยัยซีนั่งลงแล้ว น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์เมื่อครู่ หายไปหมดแล้ว

“ถ้าพี่น้ำรู้ว่าความจริงว่าไม่ได้เป็นคนดี รักสัตว์ น่ารัก เงียบขรึม แต่ ปากเสีย ขี้บ่น ขี้เกียจอย่างนี้จะมาจีบไหมเนี่ย เฮ้อ น่าสงสารพี่น้ำจังเลยน้า”

“ไม่ได้ขอให้มายุ่งสักด้วยเหอะ แล้วพวกมึงนะ ไม่ต้องมาบ้าจี้เล่นอะไรเป็นเด็กๆ ยัยหวานก็แม่งบ้าว่ะ ประสาทกันทั้งคู่ทั้งพี่น้อง แกด้วยอีกคนถึงคบได้ใช่ไหม ฮะ!”

“ฮะ ฮะ ฮะ ไม่อยากยุ่งก็ทำเฉยๆ ไว้ดิ ไม่เห็นต้องสนใจเลย” ซีลอยหน้าลอยตาพูด

“โว๊ะ พูดไม่รู้เรื่องวะ เหมียวเล็กมานี่เลย ไปอาบน้ำซะดีๆ” ผมไม่สนใจคนบ้าอย่างยัยซี คว้าตัวเหมียวเล็กเข้าห้องน้ำไป เสียงประตูปิดดังปังก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของแมวน้อย



“เหมี้ยว  แง่ว แง้ววววววว  เหมี้ยววววววววววว”



“ตึงๆๆๆๆๆ  พี่ดี !! ปังๆๆๆๆๆ ทำอะไรเหมียวเล็กน่ะ จับมันกดน้ำเรอะ !!” ซีได้สติวิ่งไปตบประตูร้องบอกห้ามพี่ชาย

“ไม่ใช่โว้ย อาบน้ำอยู่ โอ้ย ไอ้เหมียว มึงข่วนกูหรอ” เสียงสาดน้ำ ของตกโครมครามปนกันแทบแยกไม่ออก


“แง้วววววว  เหมี้ววววววววว !!!”

“เฮ้ยๆ เปิดประตูเลยนะ พอแล้วๆ เอาเหมียวเล็กออกมาเลย พี่ดี !!” ซีตบประตูลั่น




ผมหันไปตักน้ำราดไอ้เหมียวเล็กที่ตอนนี้หูลู่หางตกตัวเปียกมะลอกมะแลก เสียงร้องโหยหวนเงียบไปแล้ว คนอาบหารู้ไม่ว่าที่เงียบเพราะร้องจนหมดเสียงแล้วต่างหาก แล้วหยิบผ้ามาห่อก่อนจะอุ้มออกจากห้องน้ำ

“เหมียวเล็ก !!”

ยัยซีคว้าเหมียวเล็กไปจากมือผมด้วยความเร็วแสง ใช้ผ้าขนหนูเก่าๆ มาเช็ดตัวให้อย่างรวดเร็ว

“พี่ดี ใครอาบน้ำแมวกันบ้างเนี่ย”

“ใครๆ ก็อาบดิวะ หมายังอาบเลย แล้วแม่ง เมื่อกี้มันอ้วกนะ สกปรกโคตรอะ” ผมก้มหน้าดูรอยข่วนแดงๆ บนแขนทั้งสองข้าง

“แสบชิบหาย ไอ้ซีไปเอายามาใส่ให้ด้วยนะ เชี่ย แมวบ้า คนอุตส่าห์หวังดี จะได้สะอาดๆ หอมๆ ข่วนมาได้ไง”

“แล้วอาบน้ำเหมียวเล็กนี่ เอาอะไรอาบ ซื้อแชมพูแมวมาหรอ”

“แชมพูแมวแป๊ะดิ แชมพูกูนี่แหละ”

“เฮ้ย ได้ไงอะ”

“ทำไมจะไม่ได้ สูตรนุ่มลื่นมีชีวิตชีวา สำหรับพวกแพ้ง่ายด้วยเหอะ กลิ่นดอกไม้ด้วย หอมดีออก” ผมก้มลงไปดมๆ เหมียวเล็กที่ตอนนี้เริ่มดิ้นไปมาในอ้อมกอดของซี


“โอ้ย ตายๆ นี่พี่ชายฉันใช่ไหมเนี่ย” ยัยซีพูดเสียงดังแล้ว เดินหนีผมไป


ทำไมละ อาบน้ำแมวมันผิดตรงไหนวะ เมื่อกี้ยังให้เอาไปดูแลเลยไม่ใช่หรือไงเล่า
แล้วคืนนั้น เจ้าเหมียวเล็กก็กลับมานอนที่เดิมที่นอนประจำของมัน ตั้งแต่ย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ในบ้าน
จะที่ไหน ขดตัวอยู่ตรงปลายเท้าของผมนั่นแหละ






.
.
.



“เอ็งมานี่เลย เหมียวเล็ก วันนี้ป้ามึงแม่งกลับดึกนะ”

ค่ำวันเสาร์หลังผมกลับมาจากการไปสอนพิเศษตลอดทั้งวัน นั่งดูโทรทัศน์อยู่ตรงห้องนั่งเล่น เอาเหมียวเล็กขึ้นมากอดเล่น งานแม่บ้านที่ยัยซีไปทำเลิกไม่เป็นเวลา แต่มันก็ไม่ควรเลยเวลาเกือบเที่ยงคืนนี่หว่า

ผมหยิบโทรศัพท์ที่ได้มาจากป้า ฟังก์ชั่นการใช้งานก็หนีไม่พ้น โทรเข้า รับสาย ส่งข้อความ เท่านั้น มีใช้ก็ดีถมไปแล้ว กดโทรออกหาน้องสาว

ซี ไม่รับโทรศัพท์ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ปกติก็ไม่ค่อยรับสายอยู่แล้ว นิสัยพอกันทั้งคู่ถูกเพื่อนบ่นจนเลิกบ่นกันไปหมดแล้ว
ด้วยความเหนื่อยจากการทำงาน ผมผล่อยหลับไปบนโซฟาในห้องนั่งเล่น




กริ๊ก


เสียงสวิตช์ก่อนแสงไฟสว่างวาบ ผมสะดุ้งตื่น เมื่อปรับสายตาได้ ก็ร้องออกไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นคนเปิดไฟเต็มตา


“ซี มึงไปทำอะไรมา!”


“แหะๆ พี่ดี” ยัยซีที่ตอนนี้แต่งหน้าทาปากเสียจนผิดตา สวมชุดแปลกๆ เว้าๆ แหว่งๆ รองเท้าส้นสูง ส่งยิ้มเจื่อนมาให้ผมที่ทะลึ่งตัวพรวดลุกขึ้นมาดูน้องสาวด้วยความตกใจไม่แพ้กัน

“พี่ดีใจเย็นๆ นะ หายใจเข้าลึกๆ นั่งลงๆ” ผมที่กำลังงงจับต้นชนปลายไม่ถูก ทำตามที่ซีบอก

“นั่งดูทีวีไปก่อนนะ เนี่ยๆ โคนันๆ หาฆาตกรไปก่อน ขอซีไปจัดการตัวเองแปบแล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง” ยัยซีกดรีโมทเปลี่ยนช่องให้ผม แล้วรีบเดินหายเข้าห้องตัวเองไป




ภาพในโทรทัศน์เป็นแถบสีรุ้ง นาฬิกายนผนังบอกเวลาตีสองกว่า ผมเริ่มคิดไปต่างๆ นานา

ซีไปทำงานพิเศษ บอกผมว่าเป็นงานแม่บ้าน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ งานแม่บ้านไม่ได้ต้องแต่งหน้าทาปาก แต่งตัววาบหวิวแบบนั้นหรอก

ผมกับน้องเราคุยกันทุกเรื่อง ก็มีกันแค่สองพี่น้องตั้งแต่ดื้อดึงเข้ามาเรียนในกรุงเทพ ญาติที่มีก็แทบจะตัดขาดกันไป ช่วงหลังมานี้ทั้งผมและซีต่างก็ต้องใช้เงินกันมาขึ้น พวกเราจึงทำงานกันหนักมากซ้ำยังต้องใส่ใจในการเรียนอีกเพราะพวกเราเป็นเด็กทุน ต้องรักษาผลการเรียนให้อยู่ในระดับที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ จึงไม่ได้มีเวลามาพูดคุยเล่นกันอย่างเคย


ผมได้แต่ภวนาในใจทั้งๆ ที่รู้ว่าหากเกิดเรื่องขึ้นแล้วก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ซีคงไม่ทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง ไปทำงานอย่างว่าหรอกใช่ไหม ผมร้อนใจไปหมด แต่ก็ทำได้แต่นั่งนิ่งรอซี รอด้วยใจที่เต็มไปด้วยความหวังว่าซีคงไม่ทำร้ายตัวเอง ทำลายความหวังของผมเพียงเพราะ “เงิน”











“พี่ดี ซีขอโทษ”




ซีเดินเข้ามากอดผมจากด้านหลัง ตัวน้องมีกลิ่นบุหรี่อวนจนต้องเม้มปากข่มอารมณ์

“ซีขอโทษที่ซีโกหกพี่ดีนะ” เสียงสะอื้นเบาๆ ของน้องสาวบีบหัวใจของผมจนชาไปหมด ลำคอแห้งผากจนใช้ความพยายามมากกว่าทุกครั้งในการเปล่งคำพูด

“มึงไปทำงานอะไร”

“พี่ดีใจเย็นๆ ...ฮึก...นะ  ซี...ไม่ได้...ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี... ซีขอโทษ...อึก..ที่ไม่ได้บอกพี่ดีก่อน ...ซี..ฮื่อ...ซีกลัวพี่ดีไม่ให้ทำ...ฮื่อๆ” ยัยซีสะอึกสะอื้น



“ตอบ!!”



ผมตวาดออกไป มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเห็นเส้นเลือด ยัยซีสะดุ้ง แต่ยังกอดผมแน่น น้องลนลานตอบ


“ร้านเหล้า ซีไปทำงานร้านเหล้า”


คำตอบที่ได้ยิน แม้ว่าจะดีกว่าที่ผมคาดคิดไว้ ...ไม่ใช่งานอย่างว่า... แต่ก็ไม่ได้จะดีกว่าเลย
อันตรายมากสำหรับผู้หญิง ที่ๆ เต็มไปด้วยอบายมุข สารเสพติด แค่คิดว่าน้องต้องถูกลวนลามทางสายตาและร่างกายแล้ว ผมก็รู้สึกแน่นในอก หายใจไม่ออก


“พี่ดูแลซีไม่ดีหรอ ซีถึงต้องเอาตัวไปเลี่ยง ทำงานอย่างนั้น”


ผมพูดออกมาด้วยถ้อยคำที่นานทีจะแทนตัวเองว่า “พี่” รู้สึกว่าตัวเองแย่มากที่ดูแลน้องไม่ดีพอ ทำให้ซีต้องไปทำงานที่เสี่ยงอย่างนั้น ยัยซียิ่งปล่อยโฮออกมาหนักกว่าเดิม หยดน้ำตาซึมผ่านเสื้อนอนตัวเก่า...น้ำตาน้องสาว ผมสัญญาไว้กับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้น้องร้องไห้อีกแล้วหลังจากออกจากบ้านมา แต่ก็ทำไม่ได้




“ซีขอโทษ ซีทำอะไรไม่ได้คิด... ซียืมเงินหวานมาหลายครั้งแล้ว... ซีเกรงใจหวาน... ซี..ไม่อยากให้พี่ดีเหนื่อย”


บอกให้ซีมานั่งข้างกัน เสียงสะอื้นยังคงอยู่ในทุกจังหวะการพูด กวาดสายตาช้าๆ ไปบนใบหน้าของน้องสาว ดีก็พบว่าเขานั้นละเลยน้องสาวคนเดียวคนนี้ไปมากเหลือเกิน ยัยซีร้องไห้จนตาแดงช้ำ เขาแทบไม่สังเกตเลยว่าน้องมีรอยคล้ำใต้ตามากขนาดนี้ ได้ยินคำสารภาพของน้องทำเอาปวดหนึบที่ใจอีกครั้ง...ยืมเงินเพื่อน


“ซี ยืมเงินหวานไปเท่าไหร่ เอาไปทำอะไร”


ถามว่าโกรธไหม คำตอบคือไม่ เพราะตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดที่จะใช้แก้ปัญหาได้คือ ‘สติ’ ไม่ใช่ ‘อารมณ์’


“เกือบๆ หมื่น ซะ...ซี....ฮึก...คะ ค่าเทอม...พี่ดี..ซะ ซีขอโทษ... เทอมนี้ซีไม่ได้ทุน..ซีไม่รู้จะทำยังไง..ซีไม่กล้าบอกพี่ดี กลัวพี่ดีเป็นห่วง...ซีขอโทษ...”


ไม่ใช่ว่าผลการเรียนของซีตกลงหรอก แต่เนื่องจากนักศึกษาสมัครขอทุนการศึกษาเพิ่มมากขึ้น เทอมนี้ซีจึงพลาดทุนการศึกษาไป วันประกาศผลเจ้าตัวหน้าซีดเผือดจวนจะเป็นลม ดีที่เพื่อนประคองไว้ทัน พอหวานทราบเลยเสนอตัวช่วยจนซีไม่อาจปฏิเสธได้


เธอรู้ดีว่าพี่ชายต้องทั้งเรียนและทำงานหนักจึงไม่กล้าบอกเรื่องนี้ เพื่อนที่ทำงานพิเศษที่ร้านเหล้าทราบว่าซีจำเป็นต้องใช้เงินจึงเสนองานให้พร้อมรับรองความปลอดภัยเป็นอย่างดี เธอจึงตกลงซึ่งตลอดสองเดือนที่ทำงานกลางคืนนี้ เธอยังคงโชคดีรักษาตัวรอดจากพวกนักท่องราตรีทั้งหลายได้ตลอดรอดฝั่ง


เห็นหน้าพี่ชายวันนี้แล้ว ความภาคภูมิใจที่คิดว่าตัวเองเคยมีก็หายวับไป ใบหน้าผิดหวังและน้ำเสียงแหบพร่านั้นทำเอาเธอปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น




“...”




น้องพร่ำเอ่ยขอโทษมาทุกครั้งที่เอ่ยปาก ความจริงที่ว่าผมพึ่งพาไม่ได้ เป็นที่พึ่งของน้องไม่ได้ ยิ่งตอกย้ำว่าผมนั้นมันเอาตัวไม่รอดอย่างที่ใครคนหนึ่งตะคอกใส่หน้ามาก่อน



“พี่ดีก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน...ซี..”



“พี่เข้าใจแล้ว...อีกสามวันซีเอาเงินไปคืนหวานซะแล้วก็ลาออกจากงานนั่นด้วย”





ยิ่งพูดยิ่งเจ็บ ผมตัดสินใจตัดบทน้องแล้วเดินขึ้นไปบนห้อง ซีเดินตามขึ้นมาต้อยๆ ด้วยท่าทางมึนงง ชั้นบนของตัวบ้านมีสองห้องนอน ห้องนอนเล็กทางขวามือเป็นของซี และห้องนอนใหญ่ทางซ้ายเป็นของผม เราเลี้ยวซ้าย เปิดประตูเดินผ่านกองหนังสือเอกสารเข้าไปในสุด หยุดอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้าไม้สีน้ำตาลเข้มหลังใหญ่



“พี่ดี”



ซีเอ่ยออกมาเบาๆ น้ำตาที่หยุดไปแล้วไหลอีกครั้ง เมื่อผมเปิดตู้เสื้อผ้า ก้มลงไปเปิดลิ้นชัก ควานมือเข้าไปข้างในสุด หยิบถุงผ้าขนาดพอดีมือใบเก่าออกมา
 


“พี่ดี...มะ...ไม่เอานะ ...ยะ...อย่าเลย” มือเย็นเหยียบของซีพยายามรั้งให้ผมเก็บของกลับลงไปตามเดิม



“...”


ผมไม่ตอบ เทของในถุงลงบนเตียง เศษเหรียญ ธนบัตรเก่าๆ สองสามใบ สายสิญจน์สีคล้ำสองเส้นและทองเส้นเล็กสีหม่นเส้นหนึ่งนอนนิ่งบนผ้าปูที่นอนยับย่น


“สร้อยของแม่นะ” ยัยซีท้วงเมื่อผมหยิบขึ้นมา





“แม่ไม่ว่าหรอกซี มันถึงคราวจำเป็นของเราแล้วล่ะ”

ผมเก็บสร้อยใส่กระเป๋า สมบัติชิ้นเดียวที่ได้มาจากแม่










“พี่ดี ... ซีขอโทษ” 

ยัยซีเข้ามากอดผม ร้องไห้อีกครั้ง







“พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ ... ขอโทษที่ดูแลแกไม่ดีนะซี”
ผมกอดน้องตอบ




แม่คงไม่ว่าอะไรหรอกใช่ไหม
ผมไม่อยากให้น้องต้องลำบาก
ขอโทษนะครับแม่

.....................................................

[28/10/2558]
เปิดคอมขึ้นมาจะทำงานดิบดี รู้ตัวอีกทีก็เผลอมาลงนิยายต่อซะแล้ว 555
จิ้มแก้มคนซึน ปากบอกไม่ชอบแต่ให้เหมียวเล็กนอนด้วยทุกวัน คิคิ
เรียกตัวเองว่าพ่อแต่เรียกน้องสาวว่าป้า //ดีเป็นคนตลก 5555

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

 :bye2:

Lavender's blue : )



หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 8) - 28/10/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-10-2015 23:21:22
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 8) - 28/10/58
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 28-10-2015 23:42:57
สงสารเลย T_T
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 9) - 31/10/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 31-10-2015 23:55:34
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 9)



ตอนที่ 9 ความช่วยเหลือ




วันอาทิตย์ซีตื่นขึ้นมาหลังจากที่ร้องไห้จนเหนื่อยแล้วผล็อยหลับไป ดวงตาทั้งคู่แดงช้ำ พี่ชายของเธอ โชคดี ออกบ้านไปแต่เช้า ความจริงที่ว่าเขานำสร้อยของแม่ไปจำนำเพื่อนำเงินไปคืนเพื่อนของเธอนั้น ทำให้น้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าเพียงแต่เธอได้รับทุนการศึกษา พี่ดีก็ไม่ต้องนำสร้อยไปจำนำ



เหมียวเล็กเข้ามาคลอเคลียเธออย่างเคย ขนอ่อนนุ่มไม่ได้ทำให้เธอเพลิดเพลินเหมือนทุกครั้ง
เธอนั่งเหม่อ เกาคอให้เหมียวเล็กอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร



รอ ... รอพี่ดี






สองพี่น้อง ‘น้ำหวาน’ แวะมาเยี่ยมเหมียวเล็กในตอนบ่าย ซียิ้มฝืนๆ ให้ทั้งคู่ และเชิญทั้งสองเข้ามาในบ้าน
“ซี ไปทำอะไรมา ทำไมตาแดงๆ” เพื่อนสาวเอ่ยทักทันทีที่เห็นหน้าเจ้าของบ้าน
“..ไม่มีอะไรหรอก เมื่อคืนดูซีรีย์แล้วร้องไห้น่ะ..” ซีส่งยิ้มฝืน พยายามจะเดินหนีแต่เพื่อนกลับถามต่อ
“เรื่องไรอะ ช่วงนี้ว่างๆ เดี๋ยวไปหาดูบ้าง” หวานชวนคุยอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่
“อ่า..จำชื่อไม่ได้..แบบดูในโทรทัศน์น่ะ ดึกแล้วแต่เศร้ามากเลยล่ะ”
“งั้นหรอ เหมียวเล็กมาหาพี่หวานหน่อยเร้วววว”

เจ้าเหมียวเล็กเดินออกมาดึงความสนใจของหวานได้ทันเวลาพอดี ซีลอบถอนหายใจ เธอลำบากใจที่ต้องโกหกแต่เธอไม่อยากรบกวนเพื่อนอีก หากแขกทั้งสองรู้ความจริงต้องเข้ามาช่วยเหลือที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้แน่นอน

“ดี ไม่อยู่หรอ” น้ำพูดขึ้นหลังจากนั่งมองสองสาวคุยกันสักพัก
“เอ่อ.. อ้อ พี่ดีออกไปข้างนอก ไปซื้อข้าวค่ะ...อีกไม่นานก็กลับ” ซีงึมงำเบาๆ ดวงตาคมที่มองตรงมาทำให้เธอประหม่า พี่น้ำที่เคยดูเซื่องๆ ไม่สนใจโลกภายนอกในสายตาของเธอวันนี้แปลกไป
“อ้ายยย เฮียมาถึงก็ถามหาพี่ดีเลยน้า ฮะ ฮะ ฮ่าๆ เหมียวเล็ก ป๋าเกินหน้าเกินตาเนอะ อิอิ” หวานลูบขนแมวน้อยแรงกว่าปกติ เอ่ยแซวพี่ชายอย่างร่าเริง


“สองคนกินอะไรมาหรือยัง เหมือนมีขนมในตู้เย็น รอแปบนะ”


ซีเดินเลี่ยงเข้ามาในครัว เปิดตู้เย็นที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากขวดน้ำเปล่าเรียงอยู่เต็มตู้ หยิบขวดน้ำออกมา หันกลับไปจะหยิบแก้ว


“พี่น้ำ!”


ตกใจเมื่อเห็นพี่ชายของเพื่อนยืนอยู่ตรงประตูครัวแบบไม่บอกกล่าว

“บอกความจริงพี่เถอะ ซีเป็นอะไร แล้วดีไปไหน”

น้ำพูดออกมาด้วยเสียงจริงจัง ไม่มีท่าทีขี้เล่นอย่างที่เธอได้เห็นประจำ หญิงสาวกัดปากอย่างลังเลแต่เมื่ออีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ ประสานมือวางบนโต๊ะ พยักพเยิดให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่เหลือพร้อมเสริม


“ซีเล่ามาเถอะ หรือจะให้พี่เรียกหวานมาช่วยฟังด้วยดี”


แค่คิดว่าให้หวานรู้เรื่องนี้ ซีก็แอบส่ายหน้าในใจ ใช่ว่าจะไม่อยากให้เพื่อนรู้ หวานเป็นคนรักเพื่อนมาก เพียงแค่เอ่ยปากเธอก็พร้อมจะให้อย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ทั้งเธอและพี่ดีมีศักดิ์ศรีมากกว่านั้น เธอคบหวานเพราะต้องการจะเป็นเพื่อน ไม่ได้คบเพื่อจะรบกวนขอยืมเรื่องเงินทอง


เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชายถึงหัวเสียบ่อยๆ กับใบหน้าเปื้อนยิ้มของพี่น้ำ มันน่าหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตามที่อีกฝ่ายต้องการเท่านั้น


.
.
.


โชคดีกลับถึงบ้านบ่ายแก่ๆ ด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน ไม่สนใจรองเท้าแปลกตาคู่หนึ่งที่วางอยู่ใกล้ประตูหน้าบ้าน เขาก้มหน้าก้มตาควานหาเอกสารในกระเป๋าตลอดทาง ขึ้นบันไดมาหยุดที่หน้าห้องนอนเล็กของน้องสาว เคาะประตูเมื่อได้ยินเสียงขยับตัวจากด้านใน ไม่รอให้ประตูเปิดก็พูดขึ้น 


“ซี พี่จัดการเรียบร้อยแล้วนะ พรุ่งนี้เอาเงินไปคืนหวานได้ ไม่ต้องร้องไห้แล้วล่ะ”


ในที่สุดเขาก็เจอกระดาษแผ่นเล็ก สองตามองข้อความในเอกสาร


 ...ตั๋วจำนำ...


ประตูเปิดออก โชคดีที่เตรียมคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้น้องสาวรีบกลับสีหน้าเป็นนิ่งเฉย คิ้วขมวดยุ่ง ถามคนตัวโตเสียงเข้ม
“ซีไปไหน แล้วมึงเข้าไปทำอะไรในห้องน้องกู”
“ซีไปเดินเล่นกับหวาน”
“ฮะ ... แล้วทำไมยังไม่กลับ”
“...รอ พี่มีเรื่องคุยด้วย”

ใบหน้าจริงจังจากน้ำทำให้เขาแปลกใจ โชคดีหันหลังเดินกลับมาที่โซฟาในห้องนั่งเล่นหน้าโทรทัศน์ทั้งที่อยากจะถามออกไปอีกครั้งว่าเข้าไปทำอะไรในห้องน้องสาว แต่ก็คิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อปากต่อคำ เรื่องขโมยของตัดไปได้เลย ของทั้งบ้านยังมีค่าน้อยกว่ารถยนต์เจ็ดที่นั่งที่มักจะมาจอดทุกบ่ายวันอาทิตย์เสียอีก 


น้ำเดินตามมา นั่งลงสายตาจับจ้องคนผอมอย่างเปิดเผย ดีเปิดโทรทัศน์ เขาเงียบนึกอึดอัดใจที่จู่ๆ ก็พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าทำไมทั้งๆ ที่เขาควรจะไล่แขกที่ไม่ได้รับเชิญนี้กลับบ้านไปตั้งนานแล้ว เจ้าเหมียวน้อยกระโดดขึ้นไปนั่งตัก มือผอมลูบหัวเล่น พยายามไม่สนใจอีกคน


“พี่รู้เรื่องจากซีแล้ว”


เป็นน้ำที่กล่าวขึ้นมาก่อน ถ้าอยู่ในอารมณ์ปกติ ดีต้องร้องออกมาทันทีว่า ‘ยุ่งไม่เข้าเรื่อง’ แต่เมื่อนึกได้ว่าซียืมเงินหวาน หวานคงไม่มีปัญญาเอาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาให้ หากไม่รบกวนคนตรงหน้า เขาจึงเลือกที่จะเงียบ

“ทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วย” น้ำเอ่ยเสียงเข้ม แต่คนฟังกลับไม่เข้าใจ

“ทำอะไร”

“สร้อย”

“ผมไม่อยากเป็นหนี้ใคร”  สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้น้ำขมวดคิ้ว

“ไม่ได้เป็นหนี้ พี่ให้ซียืมเงินก่อน” เสียงของน้ำเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ของผู้พูด

“ไม่อยากรบกวน พวกเราดูแลตัวเองได้” ดียังคงดื้อดึง เรื่องเงินอาจเป็นเรื่องเล็กร้อยสำหรับคนที่มีเหลือเฟืออย่างน้ำและหวาน แต่สำหรับเขาแล้วคือเรื่องใหญ่ที่เรียกว่าศักดิ์ศรีเลยก็ว่าได้


“ดี...ถึงดีจะรำคาญพี่ที่เข้าไปยุ่งวุ่นวาย แต่เรื่องนี้พี่ไม่ได้เข้ามายุ่งเพราะว่าพี่ชอบดีหรอกนะ แต่พี่เข้ามายุ่งเพราะพี่เห็นว่าซีเป็นเด็กดี นิสัยดี และเป็นเพื่อนยัยหวาน พี่พอจะช่วยได้พี่ก็ช่วย”


โชคดีนิ่ง ไม่มีเสียงตอบรับ น้ำเห็นดังนั้นจึงรีบพูดต่อว่า

“เงินพี่ไม่ได้เปล่าๆ หรอกยังไงก็ต้องคืน ซีคงเกรงใจพี่เลยหาทางออกแบบนั้น ถ้าพี่รู้ พี่ก็คงจะห้ามเหมือนกัน”


“แล้วคุณจะเอายังไง”


โชคดีผ่อนคลายทีที่เคร่งขรึมลง คนตรงหน้ามีน้องสาวและมีท่าทีเป็นห่วงสองสาวทั้งคู่ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา เมื่อเอาอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวออกไป ก็ต้องยอมรับว่าคนคนนี้มีเจตนาดีที่จะช่วยเหลือพวกเขา


“ขอตั๋วจำนำให้พี่” น้ำยื่นมือออกมาข้างหน้าหลังจากพูดจบ

“จะเอาไปทำอะไร”

“ก็ไปไถ่สร้อยคืนมา...พี่จะเก็บไว้เอง ถ้าวันไหนดีกับซีมีเงินแล้วก็ค่อยคืน” น้ำอธิบายช้าๆ


“...”


ข้อเสนอของน้ำทำให้โชคดีนิ่งคิด ว่ากันตามจริงแล้วเอาสร้อยไปจำนำ พวกเขาก็ไม่มีทางหาเงินมาไถ่ได้ทันเวลาแน่นอน ต้องโดนยึดไปอยู่แล้ว แต่ถ้าเอามาฝากไว้กับคนตรงหน้า พวกเขาอาจมีโอกาสได้สร้อยคืน...แม้ว่าจะไม่ใช่เร็วๆ นี้ก็ตาม


สร้อยของแม่เส้นเล็กนิดเดียว แถมยังเก่าเก็บ นายจำนำกดราคาแล้วกดราคาอีก แถมยังคิดค่าดอกเบี้ยแพงชะมัด เงินที่ได้จากการจำนำสร้อยยังไม่เท่าที่น้องสาวไปยืมเพื่อน ดีต้องเอาเงินเก็บของตัวเองที่อดออมมาตลอดสำหรับยามจำเป็นออกมาสมทบจนครบ


ทั้งๆ ที่เกลียดเหลือเกินแต่ก็ขาดไม่ได้  เขาบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตกลงแล้ว เขานั้น ‘รัก’ หรือ ’เกลียด’ เงินกันแน่
พอเห็นเขาจมอยู่กับความคิดตนเองนาน น้ำก็ขัดขึ้น เปลี่ยนหน้าตาจริงจังเข้าสู่โหมดเดิม


“แต่ไม่ต้องซาบซึ้งมากหรอกนะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับที่พี่ ‘จีบ’ ดีหรอก
.
.
.
แต่แอบบวกไว้เป็นโบนัสให้หน่อยก็ดีนะ”



 “มันใช่เวลามาหยอดไหม ...พอ จะไปก็ไป เร็ว”


เกือบจะดีละเชียว คนฟังรีบตะโกน ลุกขึ้นเดินนำไปรอที่รถอย่างรวดเร็ว ลงน้ำหนักที่เท้าจนเกิดเสียงดังหวังจะกลบเสียงหัวเราะที่ลอยหลังมา





.
.
.




ซีและดีนั่งดูโทรทัศน์ด้วยกันหลังทานอาหารเย็นอย่างพร้อมหน้าจากฝีมือสองสาว สองพี่น้องคู่นั้นกลับไปแล้ว บ้านที่เมื่อครู่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และเสียงตะโกนด่าจากดี เงียบเหงาเหลือเพียงเสียงโทรทัศน์ดังแว่วมาเป็นระยะ

“ซี” พี่ชายเอ่ยเรียกน้องสาว

“พี่ดี”

“คราวหลังมีอะไร ต้องบอกพี่รู้ไหม” โชคดีลูบขนเหมียวเล็กเบาๆ สบตาแดงก่ำของซี

“ซีขอโทษจริงๆ นะพี่ดี ซีจะไม่ทำอะไรโง่ๆ อีกแล้ว” ซีน้ำตาคลอ

“ไม่ต้องร้องไห้แล้วล่ะ..มึงพูดขอโทษเยอะเกินไปแล้วนะ”

สรรพนามที่เปลี่ยนไปแสดงถึงอารมณ์ปกติของตนเอง เขาไม่อยากให้น้องสาวรู้สึกผิดไปมากกว่านี้อีกแล้ว บทเรียนครั้งนี้ยิ่งใหญ่เพียงไร น้องสาวคงตระหนักได้ด้วยตนเองแล้ว

“ถ้าอยากจะขอให้ยกโทษให้ เทอมหน้าก็ตั้งใจเรียน เอาแบบสี่จุด ขอทุนให้ได้เหมือนเดิมซะ ไอ้ยุ่ง!”

ผลักหัวซีเบาๆ เมื่อซีโถมเข้ามากอดทั้งตัว ดียกมือเช็ดน้ำตาที่เอ่อออกมาจากดวงตากลมของน้อง ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบพูดคุยกันอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก
 







“พี่ดี...ถ้าเราไม่มีพี่น้ำกับหวานจะเป็นไงนะ” ซีเอ่ยออกมา



น้องสาวไม่ได้ถามคำถาม ดีทบทวนเรื่องราวทั้งหมดของสองพี่น้องแล้วก็ได้แต่ยกมือขึ้นโอบคนในอ้อมแขน 




“... ไม่รู้เลย”





ถ้าสองพี่น้องไม่ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
แต่กลับเดินออกไปจากชีวิต


พวกเขาจะเป็นอย่างไรนะ




To be continued…

-----------------------------------
[31/10/2558]

พี่น้องดีซีอยู่ในสภาวะช็อต คนเขียนก็เช่นกัน #ร้องไห้หนักมาก
ตอนนี้เฮียน้ำ ใจดี สปอร์ต เต๊าะเด็กผุดๆ
ฝนตกหนักแล้วววว
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

Happy Halloween ka

Lavender's blue : )
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 9) - 31/10/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-11-2015 00:47:55
ขอบคุณมากๆ  :mew4:
หัวข้อ: Re: Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 10) - 4/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 04-11-2015 23:11:50
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 10)



ตอนที่ 10 กาว



ตอนนี้ซีไปสอนพิเศษที่สถาบันเดียวกับผมทุกๆ วันเสาร์  ความเสียใจที่บังบดดวงตาสีน้ำตาลเข้มของซีคล้ายกับหมอกบางยามเช้าที่จางหายไปเมื่อแสงแดดมาเยือน ดวงตาสดใสคู่เดิมกลับมา ใบหน้าเปื้อนยิ้มบ้างบูดบึ้งบ้างของน้องสาวทำให้ผมมีความสุขกว่ารอยยิ้มซีดเซียวฝืนใจ


...ความผิดพลาดในอดีตเป็นบทเรียนที่มีค่าเสมอ...ใครบางคนได้กล่าวไว้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เราสองพี่น้องใกล้ชิดกันมากขึ้น ห่วงใยใส่ใจกันยิ่งขึ้นไปอีก พูดให้ถูกคือผมคนเดียวน่ะที่ทำมากขึ้น ออกจากโลกส่วนตัวมาใส่ใจคนรอบข้างมากกว่าเดิม ยัยซีเป็นจอมจุ่นวุ่นวายยังไงก็เป็นอย่างนั้น อาจเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงก็มีกันสองพี่น้อง


และผมโอนงานสอนพิเศษของเจ้าเด็กป่วนนามว่า ‘เน็ต’ ไปให้ซีทันทีที่กลับจากสอนพิเศษไอ้เด็กกวนส้นครั้งที่สาม นิสัยกวนตีนหน้าตายนี่คงเป็นโรคประจำตระกูลไอ้พี่น้ำจืดมัน เจอลูกพี่มันคนเดียวก็แย่แล้ว ลูกน้องก็ให้ยัยซีจัดการแทนละกัน


หัวข้อโปรเจ็คที่อาจารย์ที่ปรึกษาอนุมัติให้ผ่านเมื่อวันเช้าวันนี้ กว่าจะชักแม่น้ำทั้งประเทศขึ้นมาโน้มน้าวให้อาจารย์คล้อยตามได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สูญเสียพลังงานไปเยอะจริงๆ ตกเย็นผมและเพื่อนจึงมาฉลองความสำเร็จก้าวแรกกันที่ร้านอาหารหลังมหาวิทยาลัย


“ป้าคร้าบบบบบ ต้มแซบกระดูกหมู รสเดิมนะครับ” ไอ้เก่งเดินนำเข้าไปในร้าน ตะโกนเสียงดังจนคนที่นั่งทานอยู่เงยหน้าขึ้นมอง แชมป์เดินนำผมไปที่โต๊ะประจำ ก่อนจะพยักหน้าให้ผมทำตามป้ายที่มีตัวหนังสือเขียนโย้เย้ว่า ‘น้ำเปล่าบริการตนเอง’  ส่วนท็อปเดินเข้าไปเลือกปลาดุกสองตัวจากตะแกรงหน้าร้าน และลงมือปิ้ง หยิบพัดขึ้นมาพัดไฟทันทีไม่สนใจใคร


“ข้าวเหนียวสอง เฮ้ยไอ้เชี่ยท็อปขนมจีนใช่ปะ” เก่งบอกพนักงานและหันไปถามท็อปที่ตอนนี้กำลังพลิกปลาดุกอยู่ มันพยักหน้าตอบ
“ตกลงเป็นข้าวเหนียวสอง ขนมจีนหนึ่งครับ”
“ไอ้เก่ง ถ้าจะมากันสี่คนแล้วมึงสั่งแค่ของตัวเองกับเมียมึงน่ะนะ”  แชมป์ว่าเข้าให้
“เอ้า ก็พวกมึงเป็นเพื่อน จะให้กูบริการให้หรอครับ กูก็ต้องดูแลเมียกูสิเนอะ เมียจ๋า” ไอ้เก่งหันไปอ้อนทำเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ส้นตีน ยังเสือกไปเล่นกับมันอีกนะ หมาเก่ง เดี๋ยวพ่อฟาดด้วยปลาดุกเลย แสรด” คนที่กำลังพลิกปลาดุกพูดสวนขึ้นทันทีที่เก่งพูดจบ
“เงียบดิ พวกมึงเล่นไม่รู้เวลา น้องเขายืนหน้าแดงจิ้นไปไกลละ สัด!” ผมขัดพวกมัน ก่อนจะสั่งอาหารอีกสองสามอย่าง ขืนรอพวกมันสั่งบ่ายวันพรุ่งนี้มีหวังยังไม่ได้กินอะไร มันแต่เถียงกันเรื่องไร้สาระอยู่นั่น


จินตนาการออกไหมครับว่าร้านอาหารที่พวกผมมาฉลองเป็นแบบไหน ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในท้ายซอยห้องแถวหนึ่งคูหา หน้าร้านมีรถเข็นคันเล็ก ในตู้กระจกมีมะเขือเทศสองสาวลูก ถั่วฝักยาวเกร็นๆ สี่ห้าฝัก ครกสองลูกตั้งอยู่กะละมังมะละกอที่ขูดเป็นเส้น ถัดออกไปเป็นกระจาดผัก มีทั้งผักนึ่งผักลวงน้ำพริกสารพัดชนิด เยื้องออกไปข้างหน้า เป็นเตาถ่านสองเตา เนื้อหมู ไก่ ปลาดุกที่ย่างแล้ววางอยู่ในตู้กระจกขนาดเล็ก

มันไม่ได้เป็นร้านหรูหราอะไรเลย แต่ถ้าถามเรื่องรสชาติแล้วต้องยกนิ้วให้ครับ ดูจากปริมาณลูกค้าที่นั่งอยู่เต็มร้านในทุกวันทั้งเวลาเที่ยงและเย็น นี่ขนาดวันนี้พวกผมมาตอนบ่ายกว่าๆ คนยังคนหนาตา


ปลาดุกส่งกลิ่นหอม สีเหลืองกรอบดูน่ากินโดยฝีมือไอ้ท็อป พ่อครัวของกลุ่ม ไม่ถึงห้านาทีก็เหลือแต่ซาก
“พวกมึงช้าๆ หน่อยดิ แม่ง กินยังกะห่าลง” คนปิ้งปลาบ่นเมื่อกินไม่ทันเพื่อน
“เชี่ยเก่ง เมียมึงโวยวายแล้ว จัดการดิ”
“คนกินครับไม่ใช่ห่า แหม่ ปากนะครับคุณเมีย”
“เมียพ่อง”
“มึงจะเครียดไรเยอะแยะวะ ขำๆ อะ ยิ่งมึงโมโหพวกแม่งก็แซวอีกดิวะ” เก่งส่ายหน้าเบาๆ ไม่สนใจคนที่กำลังโมโหหน้าเครียด
“ก็มึงลองมาเป็นคนที่ถูกเรียกว่า เมีย ไหมละ”
“อ้าวตกลงมึงอยากเป็นผัวกูหรอครับ”
ไอ้แชมป์ขำจนหน้าแดงไปหมด ผมที่กำลังดื่มน้ำอดขำไม่ไหวจนน้ำพุ่งพรวดออกมา

“เชี่ย!! ดี” ทุกคนประสานเสียง

“ซกมกว่ะ” ไอ้เก่งด่าก่อนเป็นคนแรก
“พ่อมึงคิดไงตั้งชื่อลูกวะ ตั้งแก้เคล็ดหรือไง” เป็นประโยคของท็อปที่ไม่จบในหนึ่งประโยค เพราะทุกคนต้องถามมันต่อ
“ยังไงวะ” ไอ้แชมป์ถาม
“ก็แม่งเลวไง สงสัยพ่อแม่งรู้ เลยต้องตั้งชื่อว่าดี กันไว้” ท็อปขยายความ
“ใครบอกให้พวกมึงพูดมากวะ ดีเท่าไหร่แล้วที่กูไม่สำลักน่ะ” แค่น้ำพุ่ง ทำมาเป็นรังเกียจกูเรอะ
“ซกมกแล้วยังจะมาเถียง...อ้าวเฮียน้ำหวัดดีครับ” 

ไอ้เก่งว่าผมแล้วก็หันไปยกมือทักทายคนที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน 

“เออ..ดี”

ตอบกลับมาด้วยท่าทางมึนๆ ไอ้พี่น้ำจืดวันนี้ไม่จืดตามชื่อเพราะกิ๊ฟเชอร์รี่สีชมพูเปิดหน้าผาก

“โหเฮีย นั่งกันอยู่ตั้งหลายคนทักแค่ไอ้ดีคนเดียวเองหรอ” ไอ้เก่งปากไวกว่าเพื่อนเอ่ยแซว คนโดนแซวทำหน้างงสักครู่แล้วจึงยิ้มที่มุมปาก เดินเข้ามาโบกหัวคนพูดเบาๆ

“ชื่อเขาดีนี่หว่า ไม่ทักได้ไง” แหม่ ไอ้นี่ก็เล่นด้วยตลอด

“เห็นหน้าชิ้นเช้แล้วนั่งเงียบ วิญญาณนางอายเข้าสิงเลยหรอมึง”  ประโยคอย่างนี้ ไอ้ท็อปครับ
“ชิ้นเช้ไรวะ”
“มึงไม่เคยดู แม่พลอยหรือไง สี่แผ่นดินอะ ชิ้นเช้ คนสมัยก่อนเขาใช้เรียกแฟนเว้ย”
“ห่า ใครจะไปติดละครอย่างมึง เชี่ยท็อป” ไอ้แชมป์โบกหัวท็อปไปหนึ่งที
“นี่กินกันเสร็จแล้วหรอ” ไอ้จืดมองเศษอาหารบนโต๊ะ แล้วถามขึ้นมา
“ว่ากำลังจะกลับพอดีเลยพี่”
“จะหิ้วคนแถวนี้ไปไหนด้วยใช่ปะ ฝากส่งมันที่บ้านหน่อยนะพี่ แล้วเจอกันครับ”
“พี่อย่าทำอะไรเพื่อนผมนะครับ...ถ้ามันไม่เต็มใจ ฮ่าๆ”


แล้วพวกมันก็ลุกไปจ่ายเงินแล้วออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งผมไว้กับไอ้จืดกิ๊ฟเชอร์รี่สีชมพูโดยไม่สนใจการประท้วงของผมเลยสักคน
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ไอ้พี่น้ำจืดก็ไม่เคยพูดถึงมันอีกเลย ยังคงทำตัวเหมือนปกติ ไม่ได้เอาเรื่องสร้อยคอของแม่มาข่มขู่บังคับผมเหมือนในละครที่ยัยซีเปิดดูบ่อยๆ มันเดินไปสั่งอาหารแล้วบอกให้นั่งเป็นเพื่อน ผมก็ดันบ้าจี้นั่งรอมันโซ้ยข้าวผัดอยู่เฉย



“ไปด้วยกันหน่อยสิ” 


กินเสร็จพูดจบก็ลากผมขึ้นรถออกมา เอ้าเฮ้ย อธิบายหน่อยไหม จะไปไหนอะไรยังไง แทนที่ผมจะถามก็ไม่ดีกว่า ในเมื่อมันไม่บอกก็ไม่อยากถามให้เสียเหลี่ยม



.
.
.




แล้วไอ้จืดพาผมมาที่ห้างสรรพสินค้าใกล้มหาวิทยาลัย

“ซื้อของทำโปรเจ็ค” มันบอกแค่นั้นและคว้ามือผมไปกุมไว้ ก้าวเร็วๆ จนผมต้องรีบเดินตาม รู้สึกเหมือนจูงหมาตัวใหญ่ๆ อยู่ชอบกล จนมาหยุดที่โซนเครื่องเขียน หมา เฮ้ย มันหยิบกระดาษยับย่นแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อและยื่นให้ผม  เอื้อมมือไปรับ คลี่กระดาษออกอ่าน ลายมือหวัดๆ เขียนไล่เป็นแถวยาว 

ชานอ้อย
ปอนด์
บรูฟใหญ่
หนังไก่
Glue
Foam
พลาสติกใส/ ฟ้า
ฟองน้ำ
Pins
ปากกาหมึกซึม


และยังมีอีกเป็นพรืดยาวลงมา ภาษาอังกฤษปนไทยเต็มไปหมด

ผมมองหน้ามันงงๆ รอให้มันอธิบาย “ก็ช่วยพี่ซื้อของหน่อย เอาตามนั้นแหละ” ซึ่งเป็นคำอธิบายที่ช่วยได้มาก ซะที่ไหนล่ะ บอกเสร็จก็เดินแยกออกไปหาของทันทีไม่รอให้ผมได้ท้วง วันนี้ผมเป็นอะไร ทำไมปากไม่ทำงานเลยเนี่ย รำคาญตัวเองชะมัด


โซนที่โดนปล่อยทิ้งไว้เต็มไปด้วยอุปกรณ์เครื่องเขียนนานาชนิด ปากกาหลายร้อยด้ามเรียงไล่สีอ่อนแก่อยู่ในกล่องพลาสติกซ้อนกันหลายชั้น สมุดเล่มน้อยใหญ่หลากรูปแบบ และอีกสารพัดชนิดจนแอบคิดไม่ได้ว่า คนที่เอาแค่ปากกาด้ามเดียวไปเรียนอย่างผมยังมีอยู่อีกไหม เอาเถอะ ถ้ามีคนแบบผมมากๆ ไอ้ของพวกนี้ผลิตออกมาก็คงขายไม่ได้กันพอดี


ก้มลงมองรายการของที่ต้องซื้อก็ปรากฏว่าเลือกไม่ได้สักอย่างว่าจะต้องซื้ออะไร โว้ยยย เกิดมาก็พึ่งรู้ว่ากาวมันมีให้เลือกเยอะขนาดนี้ อะไรของมันเนี่ย แล้วจะรู้ได้ไงว่าต้องใช้อันไหน ติดแน่ทนนาน หรือ ติดแปบๆ แล้วหลุด แต่ละอย่างก็ราคา ห้าหกสิบเป็นอย่างต่ำ บางชนิดราคาเป็นร้อย หลายร้อยก็มี ผมเรียนวิศวะนะครับถึงแม้ว่าจะเคยเรียน Drawing มาแต่ก็ไม่ได้เรียนเต็มตัวอย่างไอ้คนที่ลากมานะเว้ยเฮ้ย
 


เริ่มอารมณ์เสียและกำลังจะโยนทุกอย่างทิ้ง เพื่อหนีกลับบ้าน ภาพสร้อยของแม่ลอยเข้ามาในหัว




เอาวะ ยังไงมันก็เคยช่วยไว้
แค่หยิบของใส่ตะกร้าแค่นี้
จิ๊บๆ 




.
.
.





“...”


ไอ้จืดเงียบ คงพูดอะไรไม่ออกเมื่อเจอผมและเห็นตะกร้าในมือ ไหล่ของมันค่อยๆ สั่นขึ้นจากนั้นก็ ....

“ฮ่าๆๆๆ ฮะ ฮะฮะ ฮ่าๆๆ” 

หัวเราะจนคนที่เดินผ่านไปมาหยุดมอง เฮ้ย ขำไปไหม เก็บไว้หัวเราะพรุ่งนี้บ้างก็ได้ ผมปล่อยให้มันหัวเราะจนพอใจ พอมันหยุดก็ถอนหายใจใส่หน้ามันเสียงดัง

“อ่า ความจริงแล้วพี่ไม่ขำหรอกนะ” ในที่สุดคนที่ยืนหัวเราะจนท้องแข็งก็พูดขึ้น
“...” แล้วเมื่อกี้เรียกอะไร ร้องไห้ไหมฮะ
“เรียกว่าหัวเราะจนหยุดไม่ได้น่ะ ฮะฮะ” ยกมีหน้ามาหัวเราะอีก
“กวนตีน” เน้นๆ คำเดียวไปเลย
“คิดได้ไง” ยังไม่หยุด

“มึงแม่ง...โอ้ย...ลากกูมาไม่พอ โยนลิสต์ของให้แล้วหายหัวไป กูบ้าจี้เสือกเดินซื้อของให้มึงก็บุญแล้วเหอะ ยังมีหน้ามาขำอีก เลวว่ะ” ปกติผมไม่พูดมากกับคนแปลกหน้านะครับ แต่คราวนี้ไม่ไหวจริงๆ ต่อมความอดทนแตกดังโผล๊ะ เมื่อเจอหน้าไอ้พี่น้ำจืดกิ๊ฟชมพู สงสัยมันแม่งเป็นคนหน้าแปลก

“ดี พี่มีชื่อนะแล้วก็อายุมากกว่าเราด้วย” ไอ้พี่น้ำจืดที่หัวเราะอยู่เมื่อครู่เปลี่ยนสีหน้ามาเป็นเคร่งขรึม
“...ไอ้พี่น้ำจืดดดดดดดดด  พอใจยัง แม่ง” นี่ไง การรับความช่วยเหลือจากคนรู้จัก มันต้องเรียกร้องบางอย่างจากเราอยู่แล้ว 
“ชื่อน้ำครับ พูดเพราะๆ ด้วย ไม่เอามึงกูแล้ว” เดี๋ยวนะ มันต้องเป็นผมที่โมโหมันไม่ใช่หรือ ทำไมกลายเป็นมันที่มาสอนมารยาทผมแทนล่ะ
“...โว้ย” ผมตะโกนใส่หน้ามันก่อนจะเดินหนี แน่ละว่าไม่ทัน ข้อมือถูกคว้าเอาไว้
“นิสัยไม่ดี” ไอ้จืดยึดข้อมือไว้แน่น ไม่สนใจอารมณ์กราดเกรี้ยวของผม
“เออ!”
“มารยาทแย่”
“เออ!”
“ทำผิดแล้วจะชิ่ง”
“แสรด ปล่อย” สะบัดยังไงก็ไม่หลุด ญาติเป็นตุ๊กแกใช่ไหม
“พูดไม่เพราะ”
“ไอ้พี่น้ำจืด...ปล่อย!”
“ปล่อยแล้วอย่าเดินหนีนะ..นั่นหวานกับซีเดินมาละ” คำพูดไอ้จืดทำให้ผมหันไปมองด้านหลัง เห็นสองสาวกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางนี้ ไอ้จืดปล่อยมือผม คว้าตะกร้าที่ผมถือมา ค้นๆ หยิบของออกมาสามชิ้นแล้วเดินไปจ่ายเงิน

ผมใช้เวลาเลือกของหมดตะกร้านั่นครึ่งชั่วโมงเลยนะเว้ย ไอ้คนสั่งมองแล้วไม่ถึงนาที หยิบออกไปจ่ายเงินสามชิ้น ย้ากกกกกก ตายซะเถอะ !!

การวางแผนแก้แค้นไอ้พี่น้ำจืดถูกขัดจังหวะด้วยเสียงขอโทษขอโพยจากสองสาวที่มาถึง ฟังจากที่พูดกันสรุปได้ว่าพวกมันนัดกันมาก่อน แล้วผมไปนัดกับพวกเขาเมื่อไหร่ ยังไง เกี่ยวอะไรกัน เชื่อไหมว่าไม่ถามออกไป ดูสถานการณ์แล้วยังไงก็น่าจะโดนรุมแน่ๆ ผมยังไม่อยากเป็นเป้า


“โหพี่ดี กะจะเหมากาวทั้งห้างเลยหรอ”


ยัยหวานหันมาเห็นตะกร้าที่มีกาวทุกยี่ห้อทุกชนิดเต็มจนเกือบล้นก็ร้องออกมา
อ่า ใช่ครับ ใครบอกให้เขียนมาแค่ ‘glue’ ล่ะครับ ผมเลยกวาดเอาทุกชนิดที่มีขายบนชั้นใส่ตะกร้า เป็นเหตุให้ไอ้จืดไม่ขำแต่หัวเราะท้องแข็งก่อนจะเปลี่ยนมาร่ายยาวผมเมื่อกี้ไง



“พี่ดี ดูอารมณ์ดีนะ” ซีพูดยิ้มๆ
“อารมณ์ดีพ่อง”
“นั่นแนะ เห็นหน้าพี่น้ำแล้วมีความสุขอะดิ ฮ่าๆ หวานๆ แผนชอปปิ้งปิ๊งรักได้ผลด้วยอะ”
“เห็นๆ กันอยู่นะซี ไม่น่าถาม อิอิ”



ปล่อยมันเพ้อเจ้อไปสองคนเถอะ ให้ตายสิ ผมเลิกพยายามเข้าใจคำพูดของสองสาวนี่ไปนานละครับ
ไอ้พี่น้ำจืดเดินกลับมาหิ้วของเต็มสองมือ ส่งยิ้มให้ผม กล่าวคำพูดที่ทำให้สองสาวกรี๊ดกร๊าด






“คืนนี้ไปนอนกับพี่นะ”   


.
.
.


ฮะ!




To be continued…
-------------------------------------------
[4/11/58]
เห็นข่าวบอกนี่หน้าหนาวแล้ว แต่ทำไมร้อนกว่าเดิมก็ไม่รู้ 555

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

 :L2:

Lavender's blue : )


หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 10) - 4/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-11-2015 23:49:39
เมื่อไรจะใจอ่อน
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 10) - 4/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-11-2015 23:59:53
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 11) - 6/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 06-11-2015 22:01:29
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 11)





ตอนที่ 11 ไม่เอาต้นไทร





‘กระรอกน้อย เตรียมตัวไว้นะครับ พี่น้ำจะเริ่มรุกแล้วนะ’




เสียงไอ้พี่น้ำจืดเคยพูดไว้เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ดังเข้ามาในจิตสำนึกของผมที่ตอนนี้นั่งเงียบอยู่ข้างคนขับรถโดยมีสองสาวนั่งคุยกันจุ๊บจิ๊บจุ๋งจิ๋งอยู่ด้านหลัง


ในความเสียใจของผมและซี ยังมีเรื่องดีๆ อยู่บ้างนิดหน่อย เพราะเรื่องวุ่นวายของซีและผม ไอ้พี่น้ำจืดจึงยังไม่ได้ทำตามที่ว่าไว้ซึ่งมันก็ดีแล้ว ใครจะบ้าดีใจที่มีเพศผู้ด้วยกันมาจีบบ้างวะเฮ้ย จนผมเกือบเลือนไปบ้าง เพราะโดนความดีของมันบังตา




จนกระทั่ง เมื่อโดนต้อนมาถึงที่จอดรถ ไอ้น้ำจืดหันมาบอกเสียงทุ้มห้าว และลงท้ายด้วยรอยยิ้มสว่างจ้า



‘คืนนี้ไปนอนกับพี่นะครับ’



จะให้ตอบว่า ครับ ไปกันเถอะ ก็ไม่ใช่เรื่อง ขณะที่กำลังอึ้ง เจ้าตัวโมโหกำลังเริ่มออกฤทธิ์จะกระโดดเข้ายึดศูนย์บัญชาการเพื่อครอบงำจิตใจ สองสาวจัดการดึงและดันผมเข้ามานั่งเบาะหน้า ปิดประตูดังปัง ก่อนจะบอกพี่ชายออกรถไป เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่ถึง 7 นาที 20 วินาทีด้วยซ้ำ


เสียงสองสาวเหมือนจะพยายามชวนคุย บรรยากาศในรถดูครึกครื้นเสียงหัวเราะทุ้มพร้อมคำพูดบางอย่างทำให้สองสาวหัวเราะเสียงดัง ฟังดูห่างไกลจนแทบจับความไม่ได้ในความรู้สึก ถามกันหน่อยไหมว่าสนุกไปกับพวกมันด้วยหรือเปล่า ผมไม่พูดอออกไปทำได้แต่นั่งนิ่งๆ ปล่อยพลังกดดันมนุษย์เริงร่าสามคนที่เหลือแต่กลับไม่เป็นผล ชิ!

รถเลี้ยวเข้ามาจอดสนิทในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นที่อยู่ของสองพี่น้องแน่ๆ  คนขับเปิดประตูแล้วลงไปหยิบข้าวของมากมายที่ซื้อมานำลิ่วขึ้นลิฟต์ไปพร้อมยัยหวาน ซีลงมายืนรอนอกรถ


“พี่ดี ถึงแล้ว ปะ ไปกันเถอะ” ซีเดินมาเปิดประตูออกกว้าง เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ขยับตัว
“ไปไหน ไม่ไปเว้ย จะกลับบ้าน” ผมกวาดสายตาไปรอบๆ คิ้วขมวดเป็นปมจนรู้สึกได้
“อ้าว ก็เมื่อกี้ยังพยักหน้ามาด้วยกันอยู่เลย อีกอย่างเพิ่งมาถึง ไม่ขึ้นไปห้องพี่น้ำหน่อยหรอ”
“พยักหน้าตอนไหนวะ” ยังไม่ได้ตกลงสักนิด
“เอ้า ก็ก่อนจะมานี่พี่น้ำถามว่าจะกลับบ้านไหม พี่ดีไม่ตอบ ซีกับหวานเลยให้พามานี่ไง”
“มาทำไร บ้านช่องมีไม่กลับนะยัยซี” ผมก้าวลงจากรถและพูดต่ออย่างรวดเร็ว สายตามองหาทางออก ปากก็เร่งน้องสาว “ไปเลย เร็ว ยิ่งค่ำมืด เดี๋ยวหารถกลับยาก”
“ไม่ไป ซีจะขึ้นไปข้างบน” ซีไม่สนใจพี่ชาย หมุนตัวแล้วก้าวเดินไปยังทางเข้าอาคาร
“โว้ย ยัยซี พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ” โดนพามาแบบไม่ตั้งตัวก็แย่แล้ว นี่ยังจะขึ้นไปข้างบนอีก ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ยัยซีก็โพล่งขึ้น


“พี่ดีนั่นแหละ เป็นอะไร ซีจะมาช่วยพี่น้ำทำงานนะ!”


“ฮะ งานอะไร ไอ้พี่น้ำจืด ลากกูมาไม่บอกอะไรสักคำ”


มันพูดแค่ว่า คืนนี้ไปนอนกับพี่นะ เองนะเว้ย เนี่ยยังก้องอยู่ในหูจนถึงตอนนี้อยู่เลย ทำงานอะไรไม่ได้ยินสักคำ


“ก็บอกแล้วว่าคุยกันบนรถเมื่อกี้ไง สติหลุด ผีเข้า หูหนวกเรอะ พี่น้ำขอซีกับพี่ดีมาช่วยทำโปรเจ็ค” พูดจบก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะเหมือนรำคาญคนพูดไม่รู้เรื่องเต็มแก่ เฮ้ยกูเป็นพี่มึงนะ


“ทำโปรเจ็ค?” ยังยืนยันว่าไม่เคยได้ยินคำนี้จริงๆ นะเว้ย


“อือ ไปกันยัง ถ้าไม่ไปก็กลับไปเลยนะ ไม่เห็นจะง้อคนบ้าเลย” ซีหันหลังเดินจ้ำพรวดผ่านเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ด้วยความคุ้นเคย หยิบบัตรขึ้นมาสแกนผ่านแล้วถือประตูค้างไว้ พยักหน้าเร็วๆ ให้ผมรีบก้าวตาม ก่อนจะเดินไปกดลิฟต์


เหอะ ถามว่าแล้วผมทำตามที่น้องบังเกิดเกล้าบอกหรือเปล่า ...ไม่ทำแล้วจะให้จะทิ้งน้องสาวไว้หรือยังไงละครับ








ผมก้าวตามซีมาอย่างอับจนถ้อยคำ ขณะลิฟต์ขึ้น กระจกเงาในลิฟต์สะท้อนภาพหญิงสาวอมยิ้มเสี้ยววินาที เมื่อกะพริบตาหน้าตายัยซีก็กลับมานิ่งสนิทเหมือนเดิม มันคงไม่หลอกเอาพี่มันมาขายหรอกนะ ?


“มึงหลอกอะไรกูหรือเปล่าเนี่ย”


“อะไรพี่ดี หลอกอะไร ไม่มี” ทำไมต้อทำเสียงสูง แน่จริงสบตาดิวะ หรี่ตามองหาพิรุธ ยัยซีก็รีบเสริมทันที
“ก็พี่น้ำกับหวานช่วยเราตั้งเยอะ ทั้งเรื่องสร้อย เรื่องเหมียวเล็ก ซีเลยจะมาช่วย...พี่ดี เราไม่ได้เป็นคนไม่ดี แล้งน้ำใจกับผู้มีพระคุณใช่ปะ”



เรื่องสร้อยแม่ไม่เถียง แต่เรื่องเหมียวเล็กนี่ขอเถียงสุดใจ มันเป็นซีเองไม่ใช่หรือไงที่อยากได้เหมียวเล็กมาเลี้ยงน่ะ แล้วคนที่เอาเรื่องพวกนี้มาอ้าง มันควรจะเป็นไอ้พี่น้ำจืดที่จะมาจีบเขาไม่ใช่หรือวะ ทำไมกลายเป็นยัยซีเจ้าปัญหาที่เอามาพูดดักคอ ไม่ให้เขาปฏิเสธได้ล่ะเนี่ย
 


“มึงแม่ง เลว น้องใครวะ”

พูดมาขนาดนี้ กูไม่ช่วยนี่หมามากพูดเลย เสียงกริ่งดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา ยัยซียิ้มที่มุมปากอย่างชั่วร้ายในสายตาของผมและเดินนำออกจากลิฟต์ไป


ยัยหวานเปิดประตูและยิ้มตาเป็นประกายให้ ก่อนจะหันไปเปะมือกับยัยซี เมื่อผมเดินผ่านสองสาวเข้ามาในห้องชุดขนาดกลางที่มองผ่านๆ แล้วตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีอบอุ่น ห้องนั่งเล่นที่น่าจะเคยเป็นระเบียบตอนนี้มีทั้งเศษกระดาษ เศษไม้ และพลาสติกกระจายอยู่บนพื้นที่ว่างหน้าโทรทัศน์ คนตัวสูงที่เคยติดกิ๊ฟหลากสีวันนี้ส่งคนใส่ที่คาดผมสีชมพูสะท้อนแสงมาแทน ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาผ้าสีน้ำตาลเข้มเหนือซากที่ผมมองยังไงก็เป็นเศษขยะ หันหน้ามาส่งยิ้มให้คนที่เข้ามาใหม่อย่างผมและซี


แวบหนึ่งคำพูดที่เคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่งปรากฏขึ้นมาในหัว บ้านสะท้อนตัวตนเจ้าของ รอยยิ้มที่เคยเห็นหลายครั้งจนเรียกได้ว่าชินตา วันนี้มันกลับดูอบอุ่นเข้ากับบรรยากาศเหลือเกิน 


“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”

“ฮ่าๆ ใช้เวลานิดหน่อยค่ะพี่น้ำ” ยัยซีตอบแขนคล้องอยู่กับหวาน หันไปหัวเราะกันสองคนอีกแล้ว ไม่สิรวมคนที่นั่งบนโซฟาด้วยอีกหนึ่งนะ
“ขนมกับน้ำอยู่บนโต๊ะ เชิญตามสบายนะ” เจ้าของห้องบอกก่อนจะย้ายตัวเองลงมานั่งบนพื้น หยิบเศษไม้เล็กๆ มาวัดแล้วดำดิ่งเข้าสู่โลกส่วนตัว


ยัยซีลากผมมาที่โต๊ะ เล่าเรื่องโปรเจ็คที่จะมาช่วยราวกับเป็นเจ้าของเสียงเองโดยมีเพื่อนสนิทนั่งเสริม จนทั้งคู่พอใจและผมพยักหน้าเออออไปตามเรื่องเกือบสิบนาที เราก็ได้ฤกษ์มาช่วยงานจริงๆ สักที



“เฮีย ให้ทำไรบ้างอะ ทำต้นไม้ปะ”  ยัยหวานร้องถามพี่ชาย กวักมือเรียกเพื่อนพลางใช้เท้าเขี่ยๆ เศษกระดาษและนั่งลงบนพื้น
“เอาสิ หวานสอนดีกับซีละกัน ขนาดตามนี้นะ” น้ำยื่นกระดาษให้หวาน มีภาพร่างดินสอเป็นต้นไม้รูปร่างต่างๆ และตัวเลขบอกขนาด หวานดูคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี (แน่นละ ต้องช่วยโปรเจ็คมาตั้งแต่พี่ชายเข้าปีหนึ่ง) หยิบสายไฟขึ้นมาเงยหน้าขึ้น เตรียมอธิบาย 
“พี่ดี มานั่งเร็ว” ซีเห็นผมยังนั่งเฉยอยู่บนเก้าอี้โต๊ะอาหาร จึงรีบพูดขึ้นพลางตบที่ว่างข้างตัว เมื่อนักเรียนพร้อมแล้วครูจึงเริ่มอธิบาย 
“ตอนแรกก็ตัดสายไฟ เท่าไหร่ละ อ้อ 7 เซน อะหะ” หวานเหลือบตาดูกระดาษที่น้ำยื่นให้ ผมวัดและตัดตามที่หวานบอก ไม่ใช่ว่างเต็มใจนะครับ แต่ก็เป็นคนดีไง
“ตัดพลาสติกที่หุ้มออก ให้เหลือแต่เส้นลวดทองแดงแล้วก็บิดอย่างงี้ อ่านั่นแหละซี เก่งมาก พี่ดีตามทันไหมคะ” ผมพยักหน้า สายตามมองสลับไปมาระหว่างลวดเส้นเล็กของผมและหวาน
“เราจะทำกิ่งต้นไม้ คลี่ออกให้เป็นกิ่ง จับแยกๆ หน่อยซี ต้นชมพูพันธ์ทิพย์ต้องแผ่กว้างๆ หน่อยนะ แล้วก็บิดเกลียวแต่ละกิ่งซะ” หวานตรวจดูผลงานของทั้งคู่ แล้วก็ลุกไปหยิบแก้วน้ำพลาสติกตรงมุมห้อง

“อันนี้คือปูนพลาสเตอร์ หวานผสมแล้วใส่สีน้ำตาลด้วย เอาต้นไม้ทองแดงชุบ แท่นแท้น กลายเป็นลูกชุบแล้ว ฮะฮะฮะ” 

ท่าทางพวกเราจะเคร่งเครียดกันมาก ยัยหวานจึงเล่นมุกแป้กๆ ของเจ้าตัวและหัวเราะกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี ผมคลี่ยิ้มเบาๆ ความรู้สึกประดักประเดิกตั้งแต่รู้ตัว่าโดนยัยซีหลอกล่อให้มาห้องสองพี่น้องค่อยคลายไป

“ทำใบยังไงอะหวาน” ซีถามหลังจากที่พวกเราปักลูกชุบ เอิ่ม ต้นไม้ที่ชุบปูนพลาสเตอร์ลงบนแผ่นโฟมรอให้ปูนแห้ง
“อันนี้ทำเสร็จแล้ว” หวานเอาถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยเศษสีเขียวๆ ให้ผมและซีดู ปากก็อธิบายต่อ “เอาฟองน้ำมาปั่นกับสีเขียว เอาไปตากแดดให้แห้ง เนี่ยยังเหม็นสีอยู่นิดหน่อย อ๊ะ! ซี ไม่เอานะ” พูดไม่ทันจบก็ต้องรีบหันหน้าหนีเมื่อซีหยิบเศษสีเขียวๆ ขึ้นมา จับคอหวานแล้วทำท่าจะให้เจ้าตัวลงไปดมกลิ่น ผมหัวเราะเบาๆ เมื่อหวานหลุดออกมาได้แล้วจับเศษเขียวๆ ใส่หน้าซีได้สำเร็จ

“พอต้นไม้แห้งก็ใช้กาวทาแล้วเอาฟองน้ำโรย นี่ไง ออกมาเป็นต้นไม้แล้ว” เอี้ยวตัวไปหยิบ ต้นไม้ที่ทำเสร็จแล้วปักเรียงกันบนแผ่นโฟมเต็มพรืด บางต้นเล็กใช้หมุดปักเม็ดโฟมแล้วโรยด้วยเศษฟองน้ำสีเขียว หวานเล่าว่าบางทีพี่ชายก็ต้องการงานละเอียด เธอต้องมานั่งระบายไล่สีต้นไม้เหล่านี้ให้เหมือนธรรมชาติด้วย   



เมื่อเข้าใจแล้วโรงงานนรกก็เริ่มขึ้น มีเสียงพูดคุยหลอกเหย้าของสองสาวขึ้นมาเป็นระรอกผสมกับเสียงหัวเราะของทั้งผมและเจ้าของโรงงานบ้างประปราย เข็มสั้นและเข็มยาวของนาฬิกาเดินหน้าไม่หยุด จนเวลาล่วงเลยมาประมาณสี่ทุ่มกว่า ผมขยับตัวสะบัดไล่อาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว



“ดี” 


คนที่นั่งตัดกระดาษเงียบเอ่ยขึ้น หันไปมองตามเสียงเรียก จากหางตาสองสาวมองหน้ากันยิ้มกริ่ม

“ของดีไม่ต้องทำต้นไทรหรอกนะ”  พูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงนิ่งมาก



“อ้าว!”



ผมหลุดเหวอเล็กๆ นั่งทำตามที่ยัยหวานบอกจนเสร็จไปหลายต้นแล้วนะเว้ย ทำไมเพิ่งมาบอกว่าทำผิดว่ะ ไม่บอกตั้งแต่แรกๆ ที่เริ่มทำ เวร!


คนพูดเว้นระยะให้ผมบ่นกับตัวเองเสร็จ พอจะโวยวายดันชิงพูดว่า



“แค่ ‘ต้นรัก’ ให้พี่ก็พอแล้ว”



พูดจบก็ยิ้มกว้างอีก ที่เงียบไปคือไปคิดมุกมาหยอดใช่ไหม ตอบ!



“ฮิ้วววววววววววว” สองสาวประสานเสียง
“โอ้ยๆ หายเหนื่อยๆ ถ้ารู้ว่าพี่ดีมานั่งทำงานด้วยแล้วเฮียอารมณ์ดีอย่างนี้ น่าจะพามาตั้งนานแล้ว กิ้วๆ”
“พี่น้ำมีกำลังใจ ‘ดี’ เต็มที่เลยละ”
“หวานจะดูแลพี่ดีเป็นอย่างดีเลย รับรอง พี่ดีมาทุกวันเลยได้ไหมอะ”
“อิอิ พี่ดีย้ายมาอยู่นี่เลยปะ”


“ประสาท!”


ผมน่าจะตั้งตัวได้ตั้งแต่มันเรียกชื่อและทำหน้านิ่งแล้ว ทำไมยังไปเผลอมองตามันได้นะ แย่แล้ว 





.
.
.





“พี่ดีดึกแล้ว ค้างนี่เหอะนะ เนี่ยเสื้อผ้าซีเตรียมมาพร้อมแล้ว”


เวลาเกือบเที่ยงคืน ผมกำลังยืนคุยกับซีในครัว ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งนึกด่าตัวเองว่าโดนมันหลอกเข้าแล้วเต็มๆ เตรียมเสื้อผ้ามาขนาดนี้ ไม่ฟาดหัวกูแล้วลากมาให้มันเลยล่ะ


“มึง แม่ง นิสัยแย่ว่ะ” ดีดหน้าผาก สงสัยสมองมันกลวง เสียงดังเชียว วันๆ จ้องจะจับคู่ให้ผมกับไอ้พี่น้ำจืดอยู่นั่น


“น่านะ พี่น้ำก็ทำงานอยู่ สงสัยคืนนี้จะไม่ได้นอนด้วยซ้ำไปนะ พี่ดีน่า ช่วยแล้วก็ช่วยจนถึงที่สุดสิ” ยัยซีนอกจากจะไม่สลดแล้วยังเข้ามาเกาะแขนอ้อน “เหมียวเล็ก ซีจับใส่กรงแล้วก็เติมน้ำ เติมอาหารไว้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นแวะไปดู ก็ได้”

“แล้วบอกมาได้ว่าไม่หลอกกู วางแผนมาขนาดนี้”

เขกหัวเล็กๆ นั่นอีกทีจนซีร้องโอ้ย แล้วเดินกลับไปนั่งปลูกต้นไม้ต่อ คิดไว้แล้วเหมือนกันว่าต้องค้างที่นี้ ได้ยินคำสารภาพจากยัยตัวปัญหาก็หงุดหงิดนิดหน่อยกับความซื่อของตัวเอง




แต่อย่างที่ซีบอกแกมบังคับผมในตอนแรก ก่อนจะเข้ามาในห้อง
ไม่ช่วยเหลือผู้มีพระคุณ ก็คงจะแล้งน้ำใจไปหน่อย
แล้วบังเอิญว่าผม นอกจากจะชื่อ ดี แล้ว ก็ยังเป็น คนดี สมชื่อด้วยนะครับ





เชื่อกันหน่อยสิครับ!



 

To be continued …

-----------------------------------------------------
[06/11/2558]

เราหาวิธีใส่ดาวได้แล้ว ยืดอกภูมิใจ 5555
ตอนนี้มาเล่าประสบการณ์ทำโปรเจ็คล้วนๆ ว่าแล้วก็คิดถึงสมัยเรียนเนอะ (T..T)
หวังว่าคงไม่เบื่อกันนะคะ

คุณ B52 อีกไม่นานค่ะ นี่ก็เริ่มอ่อนละนะ *เชียร์เฮียน้ำซ้อมส่งลูกอ้อน*

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และสุขสันต์วันศุกร์แห่งชาติค่ะ

 :bye2:

Lavender's blue : )

หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 11) - 6/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-11-2015 22:45:00
หาโอกาสได้เป็นหยอด
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 11) - 6/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 07-11-2015 00:12:07
55555 น้องสองคนนิก็เเผนสูงใช่ย่อยนะ ตัวยุเต็มที่ขนาดนี้พี่น้ำต้องรุกหนักเท่านั้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 12) - 9/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 09-11-2015 22:38:38
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 12)




ตอนที่ 12 กาแฟที่ชงผิด





น้ำเงยหน้าขึ้นมาอีกที สองสาวที่นั่งคุยเล่นไปทำต้นไม้ในมือไปก็หลับปุ๋ยไปเสียแล้ว เหลือบตามองนาฬิกาบนผนังเหนือโทรทัศน์ก็ล่วงเข้าวันใหม่มาได้เกือบสองชั่วโมง


กระดาษชานอ้อยถูกประกอบขึ้นเป็นอาคารสูงรูปร่างทันสมัยสองอาคารขนาดประมาณหนึ่งฟุต กรอบหน้าต่าง ระเบียงและกระจกใส่ที่ตัดมาจากแผ่นพลาสติกถูกติดอย่างประณีตไม่มีคราบกาวให้เห็น โมเดลอาคารนี้วางอยู่บนกระดาษชานอ้อยอีกทีหนึ่ง รอนำไปจัดวางบนโมเดลใหญ่จึงเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ เห็นเวลาแล้วเจ้าของผลงานก็ยิ้มในใจ เพราะงานวันนี้บรรลุตามที่เขาตั้งเป้าไว้


ออกจะเหนือความคาดหมายด้วยซ้ำเมื่อได้แรงงานเพิ่มมาอีก 2 ชีวิต มองไปทางซ้ายมือเขาเห็นต้นไม้ประดิษฐ์วางเรียงอยู่ในแผ่นโฟมเป็นแถว แยกขนาดและชนิดอย่างเป็นระเบียบเพื่อความสะดวกและง่ายต่อการจัดลงโมเดลใหญ่ตามแปลนที่เขียนไว้


ชายหนุ่มขยับตัวไล่ความปวดร้าวบริเวณไหล่และหลัง สะบัดคอสองสามครั้งเพื่อระบายความง่วง สายตาก็มาหยุดตรงร่างของชายหนุ่มอีกคนที่นั่งทำตาปรือ มือผอมเอื้อมมาหยิบคัดเตอร์เพื่อตัดสายไฟออกแล้วใช้ลวดทำต้นไม้ หยิบครั้งที่สามแล้วก็ยังไม่ถูกสักทีจนคนมองอยู่สงสารเอ่ยบอกให้ไปนอน 

“ดี ง่วงแล้วก็เข้าไปนอนเถอะ ปลุกสองสาวให้เข้าไปนอนในห้องนอนด้วยกันเลย”

ได้ยินเสียงตอบรับ ลุกขึ้นขยับแข้งขา แล้วปลุกสองสาวให้เข้าไปนอนในห้องนอน น้ำใช้สองมือไล่กวาดเศษต่างๆ แล้วจัดระเบียบแยกสิ่งที่ต้องใช้และไม่ใช้ กวาดพื้นพอสะอาดแล้วก็จัดของอีกรอบเตรียมทำส่วนต่อไป แม้ว่างานวันนี้จะเสร็จตามวางไว้ แต่เขาก็ไม่ชะล่าใจพักผ่อน รีบทำส่วนอื่นทันที




“ทำอะไร”

เสียงประตูปิดทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้าห้องไปเมื่อครู่กลับออกมาจากห้องนอนของหวาน ดีไม่ตอบคำถามเหมือนเคย เขาเดินมายังโซฟาซึ่งเดิมวางอยู่กลางห้องหน้าโทรทัศน์และถูกย้ายไปอยู่ชิดผนังเพื่อให้เขามีพื้นที่ในการทำงานกว้างขึ้น ดียกของที่วางเกะกะบนโซฟาไปไว้บนโต๊ะอาหาร ตอนเดินกลับมายังเห็นเขาจ้องด้วยความสงสัยเต็มแก่จึงตอบคำถาม
 
“นอน” เสียงง่วงงุน ดวงตาชั้นเดียวปรือเสียจนมองไม่ออกว่าลืมตาอยู่หรือไม่
“มานอนทำไมข้างนอก ไม่เข้าไปนอนในห้องล่ะ” คืนนี้เขาคงทำงานเปิดไฟทั้งคืน ออกมานอนข้างนอกแสงจะแยงตานอนไม่หลับเอาได้ 
“ให้นอนตรงไหน แค่หวานกับซีก็เต็มเตียงแล้ว” น้ำเสียงมีแววหงุดหงิดเมื่อโดนรบกวนตอนที่กำลังจะนอน
“นอนในห้องพี่ไง” เห็นว่าอีกคนยืน หยีตาไม่หือไม่อือนิ่งเฉยจึงเดินไปคว้าข้อมือนำไปยังห้องนอนของตนเองที่อยู่ลึกเข้าไปข้างใน คนถูกลากได้สติจึงรีบโวยวาย
 

“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวก่อนสิโว้ย” ดีทั้งบิดและสะบัดข้อมือ พลางยั้งตัวเองไม่ให้เดินตามแรงดึงแต่กลับไม่เป็นผล
“อะไร” เขาพูดโดยที่ยังเดินต่อไปไม่สนใจที่คนท้วงสักนิด จนน้ำเปิดประตูห้องนอนนั่นแหละ ดีจึงสะบัดข้อมือหลุดออกมาได้
“ไม่เอา จะนอนโซฟา”
“โซฟามันเล็กจะตาย นอนในห้องสบายกว่าเยอะ แสงไม่แยงตาด้วย”
“ไม่เอา” ดีเตรียมจะหมุนตัวกลับ แต่เขาไวกว่าคว้าไหล่ไว้ทันจึงแกล้งแหย่ไป
“ทำไม กลัวเหรอ” นัยน์ตาสีดำสนิทมีประกายหยอกเย้า ดีขมวดคิ้วมองเขา ตีหน้ายุ่งแล้วตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ปลอดภัยไว้ก่อน ไม่ผิดหรอก” 

 “ฮะ ฮะ คิดไปได้นะเรา พี่ทำงานอยู่ข้างนอกทั้งคืนแหละ ไปนอนเถอะ อีกอย่างสองสาวก็อยู่จะให้ทำอะไรหรือไง” คำตอบที่ได้ทำเอาหลุดขำ

“ก็พี่เล่นจ้องจะงาบอย่างเปิดเผยขนาดนี้ ดีไม่ดีสองสาวนั่นอาจจะยินดีด้วยซ้ำไปถ้าพี่จะทำอะไรผม”

แม้คนตรงหน้าจะมีใบหน้าเคร่งเครียด แต่เขากลับยิ้มกว้างออกมา ไม่ต่อล้อต่อเถียงอย่างเคย จนดีต้องเป็นฝ่ายถามบ้าง

“ยิ้มอะไร”
“ชอบ” เว้นระยะให้อีกคนหลุดเหวอแล้วจึงพูดต่อ “ก็เรียกพี่ว่า ‘พี่’ และแทนตัวเองว่า ‘ผม’ แล้ว ดีใจจัง”
“ประสาทว่ะ” ทำหน้าเหม็นเบื่ออีกแล้ว


“ตกลงเข้าไปนอนในห้องนะ มาสิ” เขาเดินนำเข้าไป เปิดไฟ เปิดเครื่องปรับอากาศ ปิดม่านที่เปิดกว้างหน้าระเบียงให้ด้วย เดินไปเก็บหนังสือที่วางไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียงไว้บนชั้น เดินวนไปมา แล้วจึงแสร้งหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดกระจกก็โดนขัดเสียก่อน



“ไหนว่าจะทำงานไง” รู้สึกเหมือนโดนรู้ทัน ที่เดินไปมาทำเป็นเก็บห้องนี่ไม่เนียนหรอกหรือ ยอมเดินไปใกล้ประตูทำท่าผายมือเชื่อเชิญเข้าห้องเต็มที่
“นอนให้สบายนะครับ หรือถ้ายังไม่นอนจะค้นอะไรเล่นก็ได้นะ พี่ไม่ถือ” เขาหันมาพูดยิ้มๆ ให้คนที่ยังไม่กล้าเดินเข้ามาในห้อง ดีกอดอกอยู่ตรงประตูห้องมองเขาเฉย

“ฝันดีครับ”

เขาบอกเมื่อลากอีกฝ่ายเข้ามาในห้องนอนได้ หมุนตัวออกไปยืนนอกห้องแทนที่แล้วปิดประตูเบาๆ ตาม



.
.
.



นอนไม่หลับเว้ย!


โชคดีบอกกับตัวเองเป็นรอบที่สามสิบแปดว่านอนซะ พรุ่งนี้จะได้รีบกลับบ้านแต่เช้า แต่ก็ไม่สำเร็จ ความรู้สึกง่วงจนแทบลืมตาไม่ขึ้นหายเกลี้ยง ในห้องนอนที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์วาดภาพ กระดาษและกลิ่นสีเหล่านี้ทำให้เขาตื่น ไม่เกี่ยวกับกลิ่นเจ้าของห้องที่ติดอยู่บนเครื่องนอนแม้แต่น้อย และใช่...เพราะแปลกที่ด้วยอีกอย่างแน่ๆ ที่ทำให้เขาตาค้างอยู่อย่างนี้


โว้ย ถ้านอนไม่หลับก็อย่าหลับเลยดีกว่า !


ชายหนุ่มลุกขึ้นมาจากเตียงเมื่อความพยายามในการสะกดตัวเองให้นอนในรอบที่สี่สิบล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง




แกร็ก

เสียงประตูเปิดออกอีกครั้งทำเอาคนที่นั่งทำงานอยู่เงียบๆ หันมอง ไอ้พี่น้ำจืดที่กำลังก้มหน้าก้มตาตัดบางอย่างด้วยคัดเตอร์เลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัย

“มีอะไร เข้าห้องน้ำหรอ”

เขาไม่ตอบ เดินเลี่ยงไปทางห้องครัว หยิบแก้วขึ้นมารินน้ำดื่ม จะทำตัวคุ้นเคยไปหน่อยไหม! เขาต่อว่าตนเอง



เห็นหน้าคนที่นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดแล้วบอกกับตัวเองที่กำลังเทกาแฟสำเร็จรูปลงในแก้ว ว่าหยิบผิด ความจริงแล้ว เขาจะกินไมโลต่างหาก กาแฟผสมกับน้ำร้อนส่งกลิ่นไปทั่วครัวเล็ก เติมน้ำตาลและครีมจนพอใจเสร็จแล้วจึงมองหาไมโลชงให้กับตนเอง

กาแฟร้อนๆ ที่มีมือผอมยื่นมาวางให้ตรงหน้าส่งกลิ่นหอม เขาเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มกว้างกำลังจะกล่าวขอบใจ แต่โดนอีกฝ่ายพูดมาก่อนว่า

“ชงผิดเลยเอามาให้กิน อย่าคิดอะไรบ้าๆ นะเว้ย”
“ยังไม่ได้ว่าอะไร ทำไมดีรู้ใจพี่จังละครับ” เขาจึงเปลี่ยนมาแกล้งอีกคนแทน
“ฮึ่ย ทำไมถึงชอบพูดอะไรอุบาทว์ๆ แบบนี้นะ ฟังแล้วจะอ้วก” ดีนั่งลงถัดจากเขา วางแก้วของตนเองไว้บนพื้น
“ไม่ชอบหรอ”
“พี่แม่งบ้าหรือเปล่า ใครที่ไหนจะชอบกันวะ”
“สองสาวไง” พูดจาแบบนี้กับดีทีไร สองสาวกรี๊ดกร๊าดมีความสุข ‘ฟิน’ ทุกที
“สองคนนั้นมันบ้า”


เขาหัวเราะเบาๆ แล้วจิบกาแฟที่มีคนบอกว่าชงผิด กาแฟแก้วนี้หวานจัดทั้งยังมันจนเลี่ยน บอกกับตัวเองว่าคราวหน้าคงต้องบอกคนชงว่าไม่เพิ่มน้ำตาลหรือครีมใดๆ แต่วันนี้ดื่มหวานแบบนี้ก็ได้เพราะร่างกายต้องการพลังงาน ทั้งกาแฟแก้วนี้ยังหอมกว่าปกติที่เขาชงเองเสียอีก


“นี่”

“หืม?” ดีพูดกับเขาหลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมห้องพักใหญ่

“ที่ทำอย่างนี้ คือ พี่ชอบผม จริงๆ เหรอ” สบตากับอีกฝ่ายที่ทำหน้านิ่งราวกับเรื่องที่เป็นประเด็นการพูดคุยครั้งนี้เป็นเรื่องลมฟ้าอากาศ

“คงงั้นนะ” นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ทั้งคู่ได้คุยกันแบบจริงจัง ไม่ใช่การหยอกล้อหรือด่าโวยวายอย่างทั่วๆ ไปที่เกิดขึ้นประจำ

“หมายความว่ายังไง” ดีถามต่อทันที

“ยังไม่แน่ใจ แต่ใช้คำว่าประทับใจล่ะมั้ง เห็นดีให้อาหารหมา ก้มลงเก็บขยะบนพื้นแล้วรู้สึกว่า โห คนนี้เป็นคนดีจัง อยากเข้าไปรู้จัก ประมาณนี้แหละนะ”

“พี่อยากรู้จักใครแล้วทำอย่างนี้หรอวะ เดินเข้าไปบอกว่าจะ ‘จีบ’ เนี่ยนะ”

“นั่นมันสำหรับดีโดยเฉพาะต่างหาก คนอื่นไม่มีหรอก ไม่ต้องหึงหรอกน่า”

“หยุดพูดอย่างนี้เลย เดี๋ยวเจอต่อย”

“อ่า พูดไม่เพราะอีกแล้ว”

“ใครให้กวนตีน อารมณ์เสียอีกล่ะ”

“ถึงไหนแล้วนะ กับดี ความรู้สึกมันต่างไปจากคนอื่นนะ”

“ยังไง”

“มันเหมือนเวลาวาดภาพน่ะ” ดีมองหน้าผม มีคำถามอยู่บนใบหน้าเขา


“รู้สึกมีความสุข เวลาที่ค่อยๆ ลากดินสอขึ้นมาถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในจินตนาการลงในกระดาษ ค่อยๆ ปรับแก้ เพิ่มแสงเงา แตะแต้มสีน้ำที่ผสมเองลงไป จากภาพร่างดินสอกลายเป็นภาพในจินตนาการของเราที่คนอื่นมองเห็นได้เหมือนกัน แบ่งปันความฝัน จรรโลงจิตใจ”


โชคดีนั่งกะพริบตา พยายามเข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดให้ได้มากที่สุด มันเหมือนจะเข้าใจ แต่ทำไมเขาไม่เข้าใจวะ
“จะพยายามเข้าใจละกันนะ” เขาพึมพำกับตนเอง เมื่อเห็นว่าคนตัวสูงจิบกาแฟ แล้วหันไปสนใจทำงานต่อไป













“ให้ช่วยอะไรไหม”


สองมือของคนตัวสูงวุ่นวายกับการตัดพลาสติกใส ทั้งวัดขนาดและกรีดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ





“ความจริงอยากให้ไปนอนมากกว่า....
 แต่ถ้าจะช่วยละก็ตัดพลาสติกนี่ให้หน่อยละกันนะ.... กระรอกน้อย” 



To be continued…


หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 12) - 9/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-11-2015 23:51:30
ประทับใจขึ้นหรือยังดี
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 12) - 9/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 10-11-2015 00:40:12
ชงกาเเฟ 555
เเต่ดูๆเเล้วคงต้องจีบอีกนานนะพี่น้ำ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 12) - 9/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: mynamejnkf ที่ 10-11-2015 08:05:48
พี่น้ำรุกหนักๆเลยเจ้าค่ะ น้องดียอมแน่นอน ปากแข็งแต่จริงๆก็ชอบเขาล่ะเซ่ กิ๊วๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 13) - 11/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 11-11-2015 19:55:25
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 13)



ตอนที่ 13 ครอบครัวหมู



ตลอดทั้งสัปดาห์หลังเลิกเรียนซีเซ้าซี้ ชักแม่น้ำทั้งห้า ล่อลวง (?) ให้ผมไปช่วยทำโปรเจ็คไอ้พี่น้ำจืดจนได้ (ผู้มีพระคุณนะ ไปเรียกงั้นได้ไง! ซีเหว) ก็พูดกรอกหูทุกวัน ไอ้คนมารับก็มารอรับทุกวัน เหลือแต่โปะยาสลบเท่านั้นแหละที่พวกนั้นไม่ได้ทำ


นอกจากปลูกต้นรัก เอ้ย ต้นไม้หลายชนิดแล้ว ยังได้ปลูกหญ้า ทำก้อนหิน ตัดโฟม ตัดกระดาษชานอ้อย จนผมบ่นกับยัยซีว่าคงไปสอนพิเศษความถนัดสถาปัตย์ฯ ได้อีกคอร์สสบาย (เป็นความคิดที่ดีนะ สนปะ เดี๋ยวซีหาเด็กให้ : ซี)


เย็นวันหนึ่งหลังจากที่ไอ้พี่น้ำจืดรีบออกจากคอนโคแต่เช้าเพื่อเอาโปรเจ็คไปส่ง ซีนัดผมให้มาเจอมันที่คณะ ‘พี่น้ำจะพาไปเลี้ยง’ ดวงตากลมๆ นั้นเป็นประกาย เห็นแก่ของฟรีเชียวนะ ไหนมันเคยบอกว่าสองพี่น้องเป็นผู้มีพระคุณยังไงล่ะ
แน่นอน ผมไปรอซีที่คณะ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปครับ เดี๋ยวเสียน้ำใจคนเลี้ยง



.
.
.



“อยากกินสลัด ไปกินสลัดร้านเขียวๆ กันนะ” ยัยหวานจูงข้อมือซี เดินนำอยู่ข้างหน้าทิ้งผมและไอ้พี่น้ำจืดตามหลัง

“ไม่เห็นชอบกินผักเลย จะกินทั้งทีไปกินเนื้อกันเถอะ”

ซีขืนตัวไม่เดินตามหวานที่กำลังจะก้าวเข้าไปในร้านสลัด ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับซี จะจ่ายเงินกินของแพงๆ ทั้งทีก็ต้องไปกินเนื้อกินหมู จะไปกินสเต็กชิ้นเล็กๆ กับสลัดผักขมๆ ทำไมไม่คุ้มเอาเสียเลย





“ยินดีต้อนรับค่ะ กี่ท่านคะ”

ไอ้พี่น้ำจืดที่เดินนำมาร้านสุกี้บุฟเฟ่ต์ที่มีจานเลื่อนๆ ไม่ตอบพนักงานที่ยิ้มแย้มเข้ามาถามกลับยกมือขึ้นโชว์สี่นิ้ว “สี่ท่านเชิญด้านนี้เลยค่ะ”

ยัยหวานเดินผ่านไม่สนใจโต๊ะที่พนักงานบอก

“นั่งตรงโน้นได้ไหมคะ” โต๊ะที่หวานถามเป็นโต๊ะที่นั่งติดเคาเตอร์ครัว ทำเลดีสุดๆ อยากทานอะไรก็บอกคนจัดอาหารด้านในได้เลย รับรองไม่พลาดสักรายการแต่เราก็ต้องผิดหวัง

“โซนนั้นยังไม่เปิดนะคะ ลูกค้าจะรับจานพิเศษเป็นชุดหมูหรือเนื้อดีคะ” พนักงานรีบถามทันทีที่พวกเรานั่งลงเรียบร้อยแล้ว
“หมู” ยัยซีตอบไวกว่าใครเพื่อ “น้ำซุปเป็นซุปสาหร่ายกับต้มยำค่ะ” ไม่ต้องให้ถามซีจัดไป


“ปลาหมึกซี”

“กุ้งๆ หยิบเลยๆ”

“หมูสไลด์”

ผมและยัยหวานบอกซีให้หยิบอาหารในรางเลื่อน ก่อนที่มันจะผ่านโต๊ะของเราไปไม่ได้สนใจพนักงานที่ยืนยิ้มกร่อยอยู่สักคน

“ลูกค้ามีบัตรสมาชิกไหมคะ” พนักงานที่ถูกลืมไปเมื่อครู่แย่งพื้นที่ของตนกลับมาได้


“ปลา”

“สาหร่ายด้วย”

“ไม่มี” ไอ้พี่น้ำจืดคงเห็นว่าไม่มีใครสนใจพนักงานแล้วจึงเป็นฝ่ายเจรจาเอง

“ผักกาดขาว ข้าวโพดด้วย”

“สนใจสมัครสมาชิกไหมคะ ลด 10 เปอร์เซ็นต์ เดือนเกิดลด 25 เปอร์เซ็นต์ค่ะ”

“...” ผมหันไปมองเห็นไอ้พี่น้ำจืดส่ายหน้า พนักงานยิ้มให้อีกครั้งและเดินไป ก่อนจะกลับมามองที่โต๊ะ หม้อสุกี้ยังไม่มาตั้งแต่พื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยเนื้อและผักนานาชนิด แทบไม่เหลือที่ว่าง



“หนุ่มๆ ไปบริการน้ำหน่อยสิ” ยัยหวานเลิกสั่งซีให้หยิบอาหารเมื่อโต๊ะเต็มไม่มีที่วางจานเล็กๆ แล้ว
ซีและหวานนั่งข้างกัน ให้ไอ้พี่น้ำจืดและผมนั่งฝั่งตรงข้ามด้วยกัน ผมหยิบแก้วขึ้นมาสองใบ เลิกคิ้วถามซี ว่าจะกินน้ำอะไร
“พั้น-ชุๆ ส่วนหวานชามะนาวปะ” ซีหันหน้าไปถาม หวานพยักหน้ายิ้มให้ซี
“เอาไข่ตุ๋นด้วยนะเฮียน้ำ” ยัยหวานบอกเพิ่มเมื่อผมและไอ้พี่น้ำจืดเดินไปโซนอาหารและเครื่องดื่ม


ผมกดน้ำแข็ง เติมน้ำ พั้น-ชุ ที่ซีเรียกให้ตัวเองและน้องสาว หันไปเห็นคนตัวสูงกดชามะนาวสองแก้ว จึงหยิบหลอดสี่หลอด พยักหน้าให้คนที่ยืนรออยู่กลับไปที่โต๊ะ ยัยซีและหวานกำลังเทของจากจานเล็กๆ ที่วางอยู่เต็มโต๊ะลงไปในหม้อสุกี้ จำนวนจานเปล่าวางซ้อนกันเกือบท่วมหัวสองสาว
 

“เพิ่งเอาลง ยังไม่สุก” ระหว่างที่ผมกำลังกินกุ้งเทมปุระ ซีกินไข่ตุ๋น ยัยหวานเอาตะเกียบไปคนในหม้อทำท่าจะหยิบปลาหมึกขึ้นมา น้ำร้องเตือน
“ก็มันหิวแล้วง่า เฮียน้ำ หวานยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยน้า” ยัยหวานโอดครวญ
“ไม่กินเพราะกะจะล้างท้องไว้รอตอนเย็นใช่ปะ” ซีแซวเพื่อนตนเองเรียกรอยยิ้มจากทุกคนบนโต๊ะ
“อ๊ะ ปลาหมึก” ยัยซีหันไปเห็นปลาหมึกเลื่อนห่างระยะเอื้อมมือของตนเอง กำลังจะเลยผ่านน้ำไป
“...ของโปรดพี่ดีซะด้วยสิ” น้ำเอื้อมมือไปคว้าทันที เอามาวางไว้ข้างจานผม
“อิอิ เฮียอะ กับน้องไม่สนเลยน้า”
“ฮ่าๆ ความจริงแล้ว ของโปรดซีเองแหละ” สองสาวได้จังหวะแซวทันที ผมหยิบปลาหมึกในจานเทลงหม้อ ไม่ได้ชอบกินเท่าไร หยิบมาให้แล้วก็ต้องกินละนะ

“กุ้งไหม”

ผมพยักหน้า กุ้งถูกส่งมาให้และปลาหมึกอีกจาน สงสัยว่าสองสาวเงียบไหม ก็เห็นว่ากำลังเดินหนุงหนิงไปตักซูชิ ลองคนดูในหม้อปรากฏว่ามีแต่กุ้ง ปลา ปลาหมึกและผัก ขาดของโปรดเขาไปได้ไง


“หมูด้วย”


บอกคนที่นั่งใกล้สายพานแล้วก็ต้องรีบใช้ทัพพีเขี่ยของลงหม้อ เพราะมีจานหมูสไลด์มาวางตรงหน้า ตามด้วยหมูเด้งข้าวโพด หมูเด้งสาหร่าย สามชั้น หมูนุ่ม หมูพริกไทยดำ ใส่ไปได้สามจานก็ยังไม่หมด เยอะจนผมต้องเงยหน้ามองคนที่หยิบมาเต็มโต๊ะอีกครั้ง

คนผมยาวใส่ที่คาดผมเล็กๆ สีดำ แว่นตากรอบใหญ่สีเดียวกันส่งยิ้มกว้างมาให้ ลูกตาสีดำวาววับราวกับถูกใจอะไรอยู่ เห็นหน้าตาเอาเรื่องแล้วก็รีบบอกเสียงอ่อย “ก็ไม่บอกว่าจะเอาหมูอะไร เลยหยิบมาให้หมดเลย”

ไม่รู้จะเรียกว่าซื่อหรือกวนตีนดี เงียบไว้จึงปลอดภัยสุด ผมเทครอบครัวหมูทั้งหลายลงในหม้อ

“เอาเห็ดอีกไหม” ไอ้พี่น้ำจืดชะโงกหน้ามองในหม้อ
“เห็ดนางฟ้ากับเห็ดเข็มทอง” ต้องบอกก่อนที่ตระกูลเห็ดอื่นๆ จะตามมาทั้งครอบครัว ไอ้พี่น้ำจืดจัดการเทเห็ดสองชนิดลงในหม้อ
“กินเนื้อป่าว”  สองสาวมาช้าจังนะ
“ได้” ถามแล้วก็เทเนื้อใส่ลงไปสองจาน ผมทานกุ้งทอดหมดแล้ว มองหาสองสาวโซนอาหารและเครื่องดื่ม ปรากฏว่าโซนนั้นว่างเปล่า มีแค่พนักงานเติมซูชิยืนอยู่หนึ่งคน

“หายไปไหนนะ” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง น้ำซุปในหม้อเริ่มเดือดส่งควันและกลิ่นหอมฟุ้ง
“ไปเข้าห้องน้ำมั้ง สุกแล้ว กินก่อนเถอะ” ไอ้พี่น้ำจืดใช้ทัพพีตักอาหารให้ผม และก้มหน้ากินของตนเอง









“พี่เป็นเกย์หรอ?”


ผมถามออกไป ขณะที่กำลังเติมอาหารอีกครั้ง คิดว่าไอ้พี่น้ำจืดจะตอบว่าไงครับ ใช่ หรือ ไม่


“อืม..จะตอบว่าไงดี..." ไอ้พี่น้ำจืดนิ่งไปอย่างหาคำอธิบายความคิด มันเป็นคำถามปลายปิด ตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ ก็แล้วพอเหอะ เอาจริง


“สำหรับพี่ มนุษย์ไม่ได้มีแค่ผู้ชายหรือผู้หญิงหรอกนะ เพราะ ‘หญิง’ หรือ ‘ชาย’ ก็เป็นคำที่เราบัญญัติขึ้นเรียกเองอยู่แล้ว และเราก็คิดกันเองต่อมาว่า ชายต้องคู่กับหญิงเท่านั้น คนที่ทำนอกกรอบจึงโดนมองว่าผิด เลยมีคำเรียกสำหรับเพศที่ไม่ใช่เพศหลักแยกออกมา มันเป็นนัยยะซ่อนเร้น แสดงถึงความแปลกแยก... แต่ว่านะพี่เชื่ออย่างที่เช็คสเปียร์บอกไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ดีหรือเลว มีก็แต่ความคิดของเราเท่านั้นที่ทำให้เกิดความดีและความเลว” 

* "There is nothing either good or bad but thinking makes it so."  - W.Shakespeare


ฟังมาตั้งนาน ทุกคนคิดว่าไอ้พี่น้ำจืดมันตอบว่าอะไรครับ


“พี่จะบอกว่าพี่รักได้หมดทุกคนว่างั้น” ผมสรุปของผมได้อย่างนี้จึงถามมัน


“พี่จะบอกว่า..” ทำเสียงเลียนแบบผมต้นประโยค ดวงตาสีดำสนิทวาววับอย่างเคยเห็นแล้วผมก็รู้ตัวว่า....
     


“พี่ รักคน ‘ดี’ น่ะ”  พูดคำว่า คน เบาๆ และเน้นหนักๆ ตรงคำว่า ดี



ผมถามคำถามฆ่าตัวตายหรือเปล่านะ
กุ้งนี่สุกหรือยังไม่สุกเนี่ย ยัยซีก็ไม่อยู่ให้ถามอีก เว้ย







สองสาวกลับมาพร้อมกับถุงชอปปิ้งในมือ

“พี่ดีหน้าแดงจัง เผ็ดหรือคะ” ยัยหวานนั่งลงและถามผมทันที
“...” พยักหน้าให้ เข้าใจอย่างนั้นก็ดีแล้ว อืม สุกี้ต้มยำเผ็ดมากแล้วก็ร้อนมากเลยด้วยนะ
“หึ” ผมตวัดมองต้นเสียง ปกติก็นั่งเงียบๆ จะมาหัวเราะทำไมตอนนี้วะ!?
“อ๊ะ ! เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า” ซีนอกจากจะกินเก่งแล้ว ยังจับผิดเก่งด้วยนะ สัญชาติญาณผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ
“อะไร ทำอะไรกันสองคน เราไปแปบเดียวเองนะ” ยัยหวานแทบจะข้ามโต๊ะมานั่งแทรกระหว่างผมกับไอ้พี่น้ำจืด ยัยซีหรี่ตามองผมและน้ำ “หรือว่าพี่น้ำจะ---”

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ พวกแกก็มาไปไหนมา นี่ไงสุกแล้ว กินๆ ไปเลย”

ผมพูดขัดซี ตักอาหารให้สองสาว ถลึงตาจ้องสองสาว ให้นั่งเงียบๆ กินอาหารไป

“นั่นแน่ มีจริงด้วยใช่ปะ ทำไรกันน้า” ยัยซีนอกจากจะไม่กลัวแล้ว ยังลอยหน้าลอยตาล้อผมต่อ ไม่ได้การณ์แล้วต้องหาตัวช่วย
“หยิบครอบครัวหมูมาหน่อย” ผมหันไปบอกคนที่นั่งข้างๆ ซึ่งก็ได้ของที่สั่งทันใจ เทครอบครัวหมูลงในหม้อ ยิ้มโหดๆ ให้สองสาว “ถ้ายังพูดมาก กินไม่หมดโดนยีหัวแน่พวกแก”

สองสาวหัวเราะให้ผม ยกมือยอมแพ้ยังไม่วายล้อเลียนอีกนิดหน่อย ก่อนจะลงมือจัดการอาหาร



.
.
.



...คิดว่าเป็นใคร เรียนปีสูงแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรอ...


ข้อความนี้ปรากฏขึ้นในเฟสบุคของผมตรงหน้าข่าวใหม่ ผมขมวดคิ้วสงสัย มองชื่อเจ้าของข้อความ เป็นคนไม่รู้จักแต่เหตุที่มีปรากฏบนกระดานข้อความของผมได้ก็เพราะมีเพื่อนคนอื่นๆ ของผมไปกดถูกใจแล้วเขียนโต้ตอบกัน


ผมไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า?
ปกติก็ไม่ยุ่งกับใครนะ แล้วเพื่อนก็มีแค่ไอ้เก่ง ไอ้แชมป์แล้วก็ไอ้ท็อป หรือว่าจะเป็น...






“พี่ดี ส่งหัวใจให้หน่อย”


ยัยซีที่นั่งอยู่ข้างๆ กันทำให้ผมละความสนใจจากข้อความตรงหน้า สายตามองหน้าจอเลปท็อปของน้องสาว

“อ่อนเอ้ยยย ด่านนี้กูเล่นครั้งเดียวก็ผ่านละ มึงเล่นมากี่วันละเนี่ยยังตามกูไม่ทันเลย”

เกมส์ลูกกวาดขนมหวานสีหวานสดใสในเฟสบุคที่ยัยซีเซ้าซี้ให้ผมเล่นกับมัน ‘เอาไว้ส่งของให้ซีไง นะนะนะ’ ในตอนแรก กลายเป็นว่าตอนนี้เป็นผมมีเลเวลสูงกว่าคนชวนไปแล้ว
 
“ก็ตัวเองว่างนิ เล่นวันละสามสี่รอบ ซีเล่นวันละครั้งได้แค่นี้ก็ดีแล้วเหอะ ไหนตอนแรกว่าไร้สาระ ปัญญาอ่อนไง” ยัยซีแก้ตัวก่อนจะมาหาเรื่องผม


“งั้นเลิกเล่นละ เบื่อ” แกล้งทำหน้ายู่ใส่

“เอ้ย อย่าเพิ่งเด้ เล่นกับซีก่อนน้า”

ฮ่าๆ ยังไงคนเป็นน้องก็ต้องแพ้คนเป็นพี่อยู่วันเย็นค่ำละนะ จะมาขู่กูยังเร็วไปเว้ย



ซีมันรู้หรอกว่าแกล้งแต่ก็ยังตามมาอ้อนกันแบบนี้

ช่วงเวลาที่ผมเรียกมันว่า ‘ความสุข’



เรื่องไม่เป็นเรื่องในเฟสบุคก็ช่างมันเถอะ





To be continued…
-----------------------------------

[11/11/2015]
นอนตกหมอน ทรมานดีแท้น้อ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :กอด1:
Lavender's blue : )
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 13) - 11/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-11-2015 20:43:57
เลือกความสุขดีกว่าเนอะพี่ดี อะไรที่ทำให้ปวดจิตอย่าไปคิดมัน
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 13) - 11/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 11-11-2015 21:54:43
ดีน่ารักดีนะ ถึงจะขี้เหวี่ยงไปหน่อย แต่ก็เป็นเพราะใช้กลบเกลื่อน หึหึ พี่น้ำก็ใจเย็นดี
ตามอ่านรวดเดียว สนุกๆ
ปล. เรื่องนี้ของกินเยอะจัง อ่านไปนี่หิวตาม  :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 14) - 13/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 13-11-2015 21:28:11
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 14)


ตอนที่ 14 ข้อเท้าและบะหมี่




“พี่ดี มากินหนมเร็ว”
“อือ แปบหนึ่ง”
“ช้าหมดไม่รู้ด้วยนะ วันนี้ขอบอกว่าอร่อยมาก ห้อม หอม”


ดีเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษตรงหน้า ถอดแว่นสายตาออก ยืดแขนบิดตัว มองนาฬิกาตรงผนังห้องแล้วก็พบว่าเป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น ขยับตัวเพื่อคลายความปวดเมื่อย สัปดาห์สอบปลายภาคใกล้เข้ามาแล้ว มันหมายถึงการส่งโครงร่างโปรเจ็คของเขาด้วย


ซีอมยิ้มเมื่อพี่ชายเดินมาหยิบขนมในมือเข้าปาก วันนี้เป็นอีกวันที่ดีไม่ออกไปไหน นั่งทำงานจมอยู่ท่ามกลางกองเอกสารหน้าโทรทัศน์ตั้งแต่เช้าจนดึกดื่น เห็นพี่ชายตั้งใจทำงานแล้วเธอก็ทำได้เป็นฝ่ายเสบียง คอยส่งข้าวส่งน้ำเป็นกำลังใจให้เท่านั้น อ้อ แถมหน้าที่พิเศษบริการส่งขนมด้วยอีกอย่าง   

“คนซื้อมาฝากคงมีความสุขแล้วละ”

ไม่พอแถมอวดสรรพคุณเจ้าของขนมอีกต่างหาก

“ไม่สนเว้ย ขนมอร่อย หิวด้วย” พี่ชายของเธอหยิบชิ้นต่อไปทานอย่างรวดเร็ว ทำเป็นไม่สนใจล่ะเก่งนักนะ
“ใจร้ายจังน้า ไม่ฝากอะไรบอกหน่อยเหรอ เนี่ยซื้อขนมให้กำลังใจคนขยันตั้งหลายวันแล้วน้า” 
“ขอเรอะ” ขนมอร่อยๆ เริ่มฝืดคอเพราะคำพูดกวนประสาทของยัยซีคนเดียวเลย
“เชอะ ถ้าไม่มีมาให้แล้วอย่ามานั่งเสียใจนะ” ซีทั้งปลอบทั้งขู่พี่ชายปากแข็งของตนเอง แล้วแอบขำในใจเมื่อเห็นคนเคี้ยวขนมตุ้ยๆ ชะงักไปชั่ววินาทีเพราะคำพูดของเธอ 

“ไม่มีทาง แค่ขนม ซื้อเองได้เหอะ”
บอกอย่างนั้น กินขนมอร่อยชิ้นที่ห้าหมดแล้วจึงเดินกลับมานั่งทำงานของตนเองต่อไป 




พอไม่มีแล้วจะเสียใจงั้นเหรอ

เหอะ ตลกล่ะ



ตานั่งมองเอกสารในมือ แต่ในสมองคิดเรื่องเจ้าของขนมอร่อยซึ่งคงจะเร่งทำงานทั้งวันและคืนเหมือนเคย ไม่ได้มาหาเหมียวเล็กหลายอาทิตย์แล้วเหมือนกันนะ แต่ก็มีขนมติดไม้ติดมือฝากมาทุกวัน เขาเองก็กินขนมทุกวันเหมือนกัน ไม่ได้คิดถึงน้ำใจคนฝากอะไรหรอกนะ แต่ขนมอร่อยมากจริงๆ

แล้วไอ้เรื่องที่จะต้องฝากเจ้าซีไป ‘ขอบใจ’ เห็นจะไม่ต้อง ที่เขากินขนมทุกวันนี่ก็เพียงพอสำหรับเป็นคำตอบดีพอสำหรับซีที่จะไปบอกคนซื้อให้แล้วล่ะ




“พี่ดี พรุ่งนี้ต้องไปมหา’ลัยใช่ปะ” ยัยซีเดินหัวเปียกเข้ามาในห้อง
“อือ ปลุกด้วย”  ผมบอกซีขณะที่สายตายังคงจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งแทนที่หน้าจอจะแสดงโปรแกรมพิมพ์เอกสารอย่างที่ควรจะเป็น กลับเป็นหน้าต่างเวปโซเชียลเน็ตเวิร์คสีน้ำเงินขาว   
“พี่ดี อ่านหนังสือมากๆ แล้วยังจะมานั่งเล่นเฟซอีกนะ” ซีแกล้งทัก
“ขี้บ่นจังวู้ ยังไม่ทันแก่เลยนะมึง”
“นี่ แล้วคนนั้นที่มาว่าพี่ดีอะ จบยัง” ยัยซีนั่งลงข้างๆ ผมที่นั่งเล่นคอมพ์อยู่บนพื้นข้างเตียง
“ไม่รู้ดิ กู unfriend ไอ้บ้าพวกนั้นไปละ” ผมไล่ลบคนที่ผมไม่สนิทออกไปอีก จนตอนนี้เฟซบุคที่มีคนน้อยอยู่แล้วน้อยลงไปอีก
“อือ ดีแล้วละ ไม่อยากให้หมกมุ่นเลย ออกไปทำอะไรบ้างดิ ไม่ใช่แค่อ่านหนังสือแล้วก็เล่นเฟซอะ”  ซีพูดอย่างห่วงใยพี่ชาย
“ไว้เสร็จโปรเจ็คก่อนดิ นี่เกือบละ มึงล่ะ สอบเป็นไง” เอื้อมมือไปคว้าเหมียวเล็กที่กำลังเดินนวยนาดผ่านผมและซีไป ลูบขนเบาๆ ก่อนจะค่อยแรงขึ้นอย่างมันเขี้ยว
“เหมียวเล็กๆ แมวอ้วนๆ” ผมฟัดพุงแมวสีส้ม
“โหย สบายมากพี่ดี ซีไม่เหลวไหลแล้วละ” ยัยซียื่นมือมาเกาคางให้เหมียวเล็ก
 “อือ ดีแล้วละ สู้ๆ นะเว้ย แล้วก็ไปอ่านหนังสือต่อได้ละ อย่าลืมปลุกกูนะ” ผมพูดย้ำอีกครั้งก่อนยัยซีจะพยักหน้าเดินออกจากห้องไป


 
.
.
.





“ดี อยากทานอะไร”



ยังไม่ตื่นดีเลยไม่ได้ตอบ




ทำไมผมถึงได้มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถกับไอ้พี่น้ำจืดนี่วะเนี่ย !

แล้วยัยน้องสาวที่อ้อนว่าอยากกินไอติมพาไปหน่อยอยู่ไหนวะ !







ย้อนไปเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว ผมมารอยัยซีที่คณะตามที่มันบอกตอนเช้าก่อนจะแยกกันเพราะน้ำเสียงอ้อนๆ ที่ว่า  ‘สอบเสร็จแล้ว พาหนูไปเลี้ยง ‘ติม’ หน่อยนะคะ ป๋าขา’
มันอ้อนด้วยน้ำเสียงกวนๆ ตามสไตล์ ผมเองก็อยากจะให้กำลังใจน้องจึงตกลงและนัดเวลาไว้เรียบร้อย
ไปขอข้าวมาจากแม่ค้าเอามาให้แต้มและลูกหมาทั้งหลายก็แล้ว เดินเก็บขยะที่ไปทิ้งก็แล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงาของน้องสาว จะโทรไปหาก็เปลืองโดยใช่เหตุจึงได้แต่รอ

โว้ยย นี่มันเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะเว้ย ไอ้ซีไปไหนวะ

มือผอมที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าออกมาจากกระเป๋า ต้องชะงักเมื่อรู้สึกถึงแรงกระแทกจากด้านหลังจนเสียหลักล้มลงไป

“เชี่ย!”

เจ็บแปลบขึ้นมาที่บริเวณข้อเท้า หัวเข่าถึงต้นขา


“ขอโทษ เป็นอะไรไหม” เสียงทุ้มที่เหมือนจะคุ้นหูดังขึ้น ยังไม่ทันที่เขาจะได้สำรวจตัวเองก็ถูกดึงให้ยืนขึ้น หันไปมองคนที่ชนตัวเองทันที

คนตัวสูง ผมดำยาวระต้นคอ ใส่แว่นตากรอบสีขาว ติดกิ๊ฟสีเขียว คนประหลาดแบบนี้ เป็นใครไปไม่ได้เลย เชี่ยเอ้ย !!

“ไอ้พี่น้ำจืด ชนมาได้ไงวะ แม่งเอ้ย” ลองขยับข้อเท้าแล้วรู้สึกเจ็บแปล๊บ 

“ขอโทษนะดี พี่รีบมาหาดีนั่นแหละ” ทำไมกลายไปความผิดเขาละเว้ย

“มาหา?”

“อือ ก็สองสาวบอกว่าดีรอ จะไปกินไอติมไม่ใช่หรอ?” หน้าของผมและของไอ้พี่น้ำจืดคงงงพอๆ กัน ก่อนที่คนตัวสูงกว่าจะเริ่มเข้าใจและหัวเราะออกมา

“หัวเราะพ่อง!”

“กำลังคิดอยู่”

“อย่าเพิ่งคิด ช่วยก่อนดิ ปวดข้อเท้าชะมัด” รู้สึกเหมือนข้อจะพลิก ไม่น่าจะละครน้ำเน่าขนาดนั้น ไอ้พี่น้ำจืดพยุงผมมานั่งรอที่ม้าหินอ่อนข้างถนน ก่อนที่จะไปขับรถมารับ



“ไปให้หมอดูสักหน่อยนะ” ประโยคอะไรที่เหมือนจะเป็นประโยคชักชวน แต่ทำไมมันกลายเป็นประโยคคำสั่งล่ะ ถ้าไม่คิดจะฟังก็ไม่น่าจะพูดนะเว้ย ไม่นานรถยนต์ก็มาหยุดที่คลินิกหลังมหาวิทยาลัย

ผมเดินด้วยตนเองมาจนได้ ไม่สนใจคนที่พยายามเข้ามาช่วยแม้แต่น้อย


“น้องดี มาหาหมอเหรอครับ”  ไม่ได้มาเก็บผ้าอะ เอาจริง  ใครถามคำถามแบบนี้กับผมที่กำลังนั่งรอคิวในคลินิกแบบนี้วะ
“อ้าว พี่กุ้ง หวัดดีพี่ เป็นไร” อ๋อ..พี่กุ้ง รุ่นพี่ที่คณะนี่เอง ประโยชน์ของการคิดในใจคือไม่มีใครรู้นอกจากตนเองใช่ไหมล่ะครับ
“มีดบาดนิดหน่อยตอนทำแล็ป เราล่ะ ทำไรมา ไม่ใช่ว่าโดนตีมานะเว้ย”  โห พูดงี้พี่ลองก่อนคนแรกเลยไหม
“ล้มเหอะพี่ ไม่รู้จะเท้าพลิกหรือเปล่าเนี่ย” พี่กุ้งก้มมองข้อเท้าผม

“ดูหน่อย” 

แล้วพี่แกก็จับข้อเท้าผม ถอดรองเท้า ถุงเท้าออกอย่างรวดเร็ว จะห้ามก็ไม่ฟังหันซ้ายหันขวาเห็นไอ้พี่น้ำจืดที่ตอนแรกนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์อยู่เก้าอี้ทางซ้ายมือเงยขึ้นมามองพี่กุ้งที่ดูเท้าผมอย่างสนใจ

“โอ้ย! พี่ ทำไรวะ” แกเล่นขยับปลายเท้าแล้วกดๆ ตรงที่เริ่มนูนออกมา

“เฉยๆ น่า ไม่น่าเป็นไรมากหรอก แค่อักเสบ”


อ่า พี่กุ้งเป็นนักฟุตบอลคณะผมเองแหละครับ มันเลยคุ้นเคยกับอาการบาดเจ็บพวกนี้ดี หมอเรียกพี่กุ้งเข้าไปตรวจ เมื่อออกมามันเดินเข้ามาขยี้หัวผม แล้วกลับไปแอบทำหน้าสงสัยโดยการแหล่มองคนข้างผม แต่มันก็ไม่ถามออกมา ในเมื่อไม่ถามก็ไม่จำเป็นต้องร้อนตัวตอบออกไปนิ ใช่ปะ

“ดูสนิทกันจัง” ไอ้คนที่มัวแต่เล่นเกม ละสายตาจากหน้าจอเสี้ยววินาทีมองที่ข้อเท้าเปลือยเปล่า ก่อนจะก้มหน้าเล่นเกมต่อไป
“เคยสนิท” อะไรไม่รู้ดลใจให้ผมบอกมันเบาๆ ไม่ได้กวนโอ้ยมันเหมือนปกติ
“งั้นเหรอ”  แล้วเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก

หมอบอกว่าแค่อักเสบจริงตามที่ไอ้พี่กุ้งบอกไว้ พักแค่สามสี่วัน พยายามไม่ลงน้ำหนัก ระวังอย่าให้อักเสบขึ้นมาอีก เดี๋ยวก็หาย พร้อมกับยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวดอีกนิดหน่อย


เมื่อเราออกมาจากคลินิกรถติดมาก ผมคิดว่ามันจะไปส่งผมกลับบ้านจึงเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
สัมผัสอุ่นๆ บริเวณกกหูทำให้ผมลืมตาขึ้น



“ดี อยากทานอะไร”
 








“บะหมี่หมูแดงนะอาเจ้”

ผมสั่งอาหารและค่อยเดินไปนั่งที่โต๊ะ ร้านบะหมี่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ มันตั้งอยู่ในซอยหลังตลาดเก่า ถึงลูกค้าจะเรียกคนขายว่า ‘อาเจ้’ แต่อายุและรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ทั้งผมสีดอกเลาก็บอกให้ทราบว่า ‘อาเจ้’ นั้นถ้าจะเรียกให้ถูกจริงๆ ก็คงเป็น ‘อาม่า’ ได้สบาย

“สองเลยครับ”

คนที่เดินตามมาสั่งเพิ่ม และนั่งลงฝั่งตรงข้าม เวลาเกือบสองทุ่มใกล้ร้านปิดคนจึงบางตา ไม่มีบทสนทนาระหว่างคนนั่งโต๊ะเดียวกัน จนอาหารที่สั่งถูกยกมาวางตรงหน้า บะหมี่หมูแดงชามโตราคาย่อมเยาส่งกลิ่นชวนน้ำลายสอ ลูกค้าประจำปรุงบะหมี่ตรงหน้าด้วยน้ำส้มสายชูและพริกป่น ใส่น้ำปลาเล็กน้อย ต่างกับลูกค้าใหม่ที่ไม่ปรุงอะไรเลย

เมื่อปรุงเสร็จดีหยิบทิชชูออกมาวางข้างชามบะหมี่ ค่อยใช้ช้อนเขี่ยต้นหอมผักชีโรยหน้าออกจนหมดแล้วจึงลงมือทาน

“ดีไม่กินหอมเหรอ”  คนไม่ปรุงบะหมี่เลยถามขึ้น
“อือ”




“งั้นพี่ขอ ‘หอม’ นะ”





รถยนต์คันนั้นจอดนิ่งอยู่หน้าบ้าน ซีมองออกมาทางหน้าต่างแสงไฟจากเสาไฟฟ้าบนถนนส่องให้เห็นพี่ดีของเธอเดินหน้าแดงก่ำออกมาจากรถก่อน ปิดประตูเสียงดัง ท่าทางเดินแปลกพิกล พอเธอเปิดประตูให้ก็รีบขึ้นห้องไปโดยไม่สนใจเธอที่ถามพี่ชายว่าเท้าเป็นอะไรเลยสักนิด


พี่น้ำยกมือขึ้นทักทายแล้วออกรถไป



อ๊ะ ยังไงกันนะสองคนนี้




To be continued…

------------------------------------
[13/11/2558]

เรื่องนี้เราตั้งใจเขียนให้เป็นตอนเดียวจบค่ะ
แบบให้มีฉากมุ้งมิ้งฟินๆ จบแบบตอนๆ ไป
เลยดำเนินเรื่องช้าหน่อยนะคะ

ฺคุณ B52 อยากให้ดีคิดแบบนี้ไปตลอดเหมือนกันเนอะ
คุณ tiew93 ไม่เคยสังเกตเลยค่ะ พอทักก็เยอะจริงๆ นะเนี่ย ตอนนี้ก็มีอีกละ 555

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :L1:
Lavender's blue : )
   
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 14) - 13/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 14-11-2015 01:20:07
ไปตามอ่านในเด็กดีมาเรียบร้อยค่ะ
ชอบมากเลย
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 14) - 13/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-11-2015 10:57:26
หอมแบบไหนหนอที่ทำให้คนหน้าแดงได้
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 15) - 14/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 14-11-2015 20:37:43
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 15)


ตอนที่ 15 กอด


ปิดเทอมเป็นช่วงเวลาที่สองพี่น้องดีซีกอบโกยเงินจากการไปสอนพิเศษตามสถาบันต่างๆ แต่ปีนี้ต่างออกไปเพราะอาการข้อเท้าอักเสบ ดีจึงต้องอยู่พักรักษาตัวที่บ้านขาดรายได้สำคัญไปอย่างน่าเสียดาย

“พี่ดี ซีซื้อโจ๊กวางไว้ในครัวนะ อุ่นก่อนแล้วค่อยกินนะรู้ป่าว ไปละนะ”

ตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังปัง ซีออกจากบ้านตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมงทุกวันโดยเตรียมอาหารให้คนอยู่บ้านไว้เรียบร้อย เที่ยงกว่าดีจึงค่อยๆ เขย่งขาจากชั้นสองลงบันไดมาที่ห้องครัว อุ่นโจ๊กที่น้องสาวซื้อให้ตอนเช้าเป็นอาหารกลางวัน
เปิดเฟสบุค เปิดทีวี มือซ้ายเกาหลังเหมียวเล็ก มือขวาถือช้อนตักโจ๊กเข้าปาก


Notthatbad Sirichai ...เหมียวเล็กเป็นแมวกินโจ๊ก....

ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็มีคนเข้ามาคอมเม้นท์ขณะที่ดีกำลังเล่นเกมในเฟสบุค คนที่เข้ามายุ่งกับเฟสเขาเร็วที่สุดคราวนี้ไม่ใช่เก่ง...

Narut Kitchareon ... อาหารหมดหรอ? รอเดี๋ยวนะ... 

ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง

หลังจากนั้นคอมเม้นท์ ไอ้เก่ง ก็ตามมาติดๆ 

Krit Thebest...ซื้ออาหารไปให้แมวหรือคนเลี้ยงแมวอะพี่น้ำ ฮิ้วววววว.... เมื่อสามวินาทีที่แล้ว
Wisit Top of the world ...อย่าลืมซื้อยาคุมนะพี่...
Champion Wanasarn ...ซื้ออาหารแมวแล้วทำไมต้องซื้อยาคุมวะครับ... เมื่อสองนาทีที่แล้ว
Wisit Top of the world ...ก็เผื่อเจ้าของเหมียวเล็ก เอ้ยย เหมียวเล็กท้องก่อนแต่งไง 555...
Sweetie Chonlada ...คนป่วยอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวให้พี่ชายสุดหล่อซื้อไปให้ กิ้วๆ...
Krit Thebest...ไอ้ท็อป มึงกินยังละ....
Wisit Top of the world ...กินไร? ข้าวเที่ยงกินแล้ว...
Champion Wanasarn ...ไอ้เก่งหมายถึงยาคุมอะ มึงกินยัง 555...
Wisit Top of the world ...ไอ้เชี่ยยยยยยยยยย...


ดีหัวเราะกับการโต้ตอบของเพื่อน ไม่สนใจคำแซว กดไปหน้าเกมอีกรอบจนหัวใจหมดแล้วจึงกลับมาที่หน้าเฟซบุคอีกครั้ง



… รำคาญไอ้พวกเรียกร้องความสนใจ ...



เขาขมวดคิ้ว มองรายชื่อคนโพสข้อความดังกล่าว กดซ่อนข้อความ แล้วจึงปิดคอมพิวเตอร์ เขาบอกตัวเองว่าที่ออกมาเปิดประตูบ้าน เปิดม่าน เพราะอยากให้แสงแดดส่องเข้ามาในบ้านจะได้ประหยัดไฟ กวาดระเบียงเล็กๆ หน้าบ้านที่มีฝุ่นจับหนา ซีไม่ได้กวาดมาหลายวัน

...ไม่ได้จะรอใครซื้ออาหารมาให้เจ้าเหมียวเล็กหรอกนะ จริงๆ...

กวาดระเบียงเสร็จ เข้าไปกวาดบ้าน ถูพื้น จนบ่ายสี่โมงแล้วก็ยังไม่มีรถยนต์เจ็ดที่นั่งสีดำเข้ามาจอดริมรั้วอย่างที่บอกไว้ ดีเดินวนเวียนอยู่หน้าบ้านนานจนเริ่มปวดขาข้างที่ใช้เขย่งไปมา กลับเข้ามาในบ้าน เจ้าเหมียวเล็กที่นอนอยู่บนโซฟาเงยหน้าขึ้นมามองแวบเดียวก่อนจะนอนต่อไป เปิดดูหนังเรื่อง Forrest Gump

ที่ถึงจะดูรอบที่แปดก็ยังสงสารตัวเอกจนน้ำตาไหลออกมา...






ดีสะดุ้งตื่นเมื่อเวลาโพล้เพล้แสงสีส้มผ่านมุ้งลวดเข้ามากระทบพื้นไม้เกิดแสงสว่างเรืองไปทั่วบ้าน มันดูอบอุ่นแต่ทว่าเขารู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก เสียงรถยนต์ใกล้เข้ามา ขยับตัวลุกจากโซฟา มองออกไปทางหน้าต่าง เป็นรถยนต์สีบรอนซ์เงินที่ขับผ่านหน้าบ้านไป มองไปยังโทรทัศน์ขึ้นจอสีฟ้าเพราะหนังจบลงไปนานแล้ว จึงเปลี่ยนเป็นช่องโทรทัศน์ปกติ สงสัยว่าทำไมวันนี้น้องสาวกลับบ้านช้ากว่าเคย


หนึ่งทุ่ม เขาปิดบ้าน ปิดไฟ ปิดโทรทัศน์ เขย่งเท้ากลับขึ้นห้อง อุ้มเหมียวเล็กไปพร้อมกัน เขาเปิดคอมพิวเตอร์อีกครั้งเพื่อเล่นเกม ไม่ได้สนใจการแจ้งเตือนในเฟสบุคว่ามีข้อความเข้าแม้แต่น้อย



...เจ็บขา แค่นี้ก็ต้องสำออย ออดอ้อนให้คนเอาข้าวไปให้ เป็นง่อยรึไง...




ปิดเฟสบุค

ปิดไฟ

นอนกอดเหมียวเล็ก


เมื่อไหร่ซีจะกลับมา



.

.

.








“พี่ดี”

สัมผัสเบาๆ ที่ต้นแขนทำให้เขาตื่น ซีนั่นเอง

“ทำไมกลับบ้านดึก มึงไปไหนมา”  ดีลุกขึ้นคว้าต้นแขนแล้วเค้นถามน้องเสียงเข้ม ซีเดินลงบันไดกลับมาที่ห้องนั่งเล่นโดยมีดีตามมาไม่ปล่อย
“เอ้ย พี่ดี ใจเย็นดิ ทำไมตัวร้อน เป็นไข้นี่” ซีรู้สึกถึงความร้อนจากที่โดนสัมผัส จึงยื่นมือไปวัดไข้
“ตอบมาก่อนมึงไปไหนมา” ดีไม่ยอมปล่อย ปัดมือซีที่จับหน้าผากตัวเองทิ้ง
“ไม่ได้ไปไหน ตอนนี้ก็เพิ่งสองทุ่มเอง วันนี้รถติดเลยมาช้า เนี่ยซื้อข้าวมาด้วย กินยังอะ” ซีชูถุงกับข้าวในมือ ดีมองนาฬิกาที่แขวนบนผนังที่บอกเวลาสองทุ่มนิดๆ เขาคลายมืออกก
น้องสาวมองหน้าพี่ชาย

“อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้กิน ทำไมไม่กินล่ะ ขาเจ็บแล้วก็มีไข้นิดๆ ด้วย ยังไม่ดูแลตัวเองอีกนะพี่ดี แล้วโจ๊กที่ซื้อให้ตอนเช้ากินหรือยัง อ้อ กินแล้ว แล้วทำไมไม่ล้างจาน...

พี่ดีรู้ไหมวันนี้ซีเหนื่อยมากเลยนะ ไปสอนหนังสือแล้วยังตอนกลับมาทำงานบ้านอีกหรอ พี่ดีอยู่บ้านทำไมไม่ช่วยกันบ้าง กินแล้วก็ไม่ล้าง ผ้าก็ต้องรอซีซัก อย่างน้อยก็น่าจะกวาดบ้านถูบ้านบ้างก็ได้นะ ซีเหนื่อย

ซีเหนื่อย เข้าใจไหม!!


ซีเดินเข้าไปในครัว เสียงบ่นดังขึ้น ดังขึ้น แสดงถึงอารมณ์ของผู้พูดที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อเห็นครัวเต็มไปด้วยจานชามที่ใช้แล้ว จนท้ายประโยคตะโกนออกมาอย่างทนไม่ไหว

คนที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าบ้าน หันหลังให้น้องสาว ล้มตัวลงนอนบนโซฟา คว้าเหมียวเล็กมากอด

น้ำตามากมายไม่รู้มาจากไหนร่วงเผาะ คงเริ่มจากประโยคของน้องสาวที่ว่า ‘ทำไมไม่ล้างจาน’  แล้วค่อยๆ หนักขึ้นเมื่อถึงประโยค ‘อย่างน้อยก็น่าจะกวาดบ้านถูบ้านบ้างก็ได้นะ’ จึงปล่อยโฮออกมา


“พี่ดี!!”


ซีวิ่งกลับมาหน้าบ้าน เห็นพี่ชายนั่งร้องไห้ กอดเหมียวเล็กจนเหมียวเล็กร้องเสียงดัง ข่วนแขนขาวสองข้างเป็นรอยแดง เลือดซิบ

“พี่ดี พี่ดี”

เรียกชื่อคนที่ไม่ได้สติ ซีเข้าไปแกะเหมียวเล็กออกจากมือผอมเกร็งนั้นสำเร็จ เจ้าแมวอ้วนส้มวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ซีกอดพี่ชายตัวเองแน่น สองมือลูบหลังคนที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก ปากก็พร่ำบอกคนในอ้อมแขนว่า

“ซีขอโทษ ซีขอโทษนะ พี่ดี พี่ดีจ๋า ซีมาแล้ว ซีกลับมาแล้วไง ซีไม่ได้ทิ้งพี่ดีไปไหนนะ คนดี พี่ชายจ๋า ซีกลับมาแล้วนะ พี่ดีเห็นซีไหม โอ๋ๆ พี่ดี กอดแน่นๆ ซีกลับมาแล้วนะ นะ”

นานกว่าคนในอ้อมแขนจะสงบลง สองแขนของน้องสาวลูบหลังพี่ชายเบาๆ ในใจก็พร่ำโทรตัวเองเพราะเธอสะเพร่าเองแท้ๆ ที่แอบไปเดินตลาดนัดซื้อของนานไปหน่อย ทิ้งให้พี่ชายที่ไม่สบายอยู่บนตอนเย็นจนค่ำมืดคนเดียว กลับมาแล้วยังจะใส่อารมณ์กับคนป่วยขี้อ้อนอย่างพี่ดีอีก ไหนหวานโทรมาเล่าให้ฟังช่วงบ่ายว่าพี่น้ำจะมาหา มาอยู่เป็นเพื่อนคนป่วยไง

“ ฮึก.. เขาไม่ชอบล้างจาน ซีก็รู้ ฮือ...” คนในอ้อมแขนพูดปนสะอื้น
“จ้าๆ ซีขอโทษนะพี่ดี ซีคงเหนื่อยเกินไป”
“แล้ววันนี้เขาก็กวาดบ้าน กวาดระเบียง แล้ว ฮึก...”
“แล้วก็ถูบ้านแล้วด้วยใช่ไหม โอ๋ๆ ขอโทษนะคะ พี่ดี ซีไม่ทันมอง นี่ยังว่าจะถามอยู่เลยน้าว่าทำไมพื้นบ้านลื่นๆ ขอโทษน้า”
“ฮือ...กอดแน่นๆ เลย”  ซีหัวเราะกับคำอ้อนของพี่ชาย กอดแน่นๆ จนคนในอ้อมแขนดิ้นไปมาเมื่อทนร้อนไม่ไหว
“ขอโทษน้า มามะ ไปล้างหน้าเลย คนอะไรขี้แงจังวุ้ย แล้วมากินข้าว กินยาเลยนะ” ดีเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำตามคำบอกของน้องสาว




“นี่กินเยอะๆ ซีซื้อก๋วยจั๊บของโปรดมาฝาก” ชามก๋วยจั๊บร้อนๆ ยื่นมาให้ปรุงเครื่องปรุงเรียบร้อย
“ไม่เอาต้นหอม คื่นช่ายด้วย”
“โอ๊ะ ขอโทษๆ” ซีตักออกเลื่อนถ้วยคืน


“พี่ดี”
“อือ” ดีกำลังเคี้ยวไข่ต้มอยู่เงยหน้าขึ้นมอง
“พี่น้ำไม่ได้มาหาเหรอ?” ดีไม่ตอบ หันหน้ากลับไปมองโทรทัศน์ต่อไปราวกับไม่ได้ยินคำถาม
“อ่า...” ซีเริ่มเข้าใจอาการของพี่ชายขึ้นมาอีกนิดหน่อย ผิดสัญญากับพี่ดีสินะ
“...มีเต้าฮวยด้วย กินเสร็จแล้วทานยาด้วยนะ” ซีเดินไปหยิบถ้วย เทเต้าฮวย ใส่น้ำแข็ง และหยิบยาออกมาเตรียมให้
“อือ”
“ต้องกินนะ ไม่งั้นซีไม่กอดพี่ดีแล้ว”
“..ไม่ได้ง้อหรอก” คนตาบวมบ่นเบาๆ น้องสาวที่กำลังดูโทรทัศน์ไม่ทันได้ยิน













วันนี้เป็นอีกวันที่ซีไม่อยู่บ้าน ดีอยู่บ้านลำพังกับเหมียวเล็ก ก๋วยจั๊บที่ซีซื้อมาเมื่อวานสำหรับตอนเช้านี้ ถูกอุ่นเป็นอาหารเกือบเที่ยงของดีอีกเช่นเคย

วันนี้เขาไม่เปิดประตูบ้าน ไม่เปิดม่าน ไม่เปิดไฟ ปล่อยให้ตัวเองนั่งอยู่ในห้องแสงสลัวจากจอโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ เขาไม่เปิดคอมพิวเตอร์ แต่ดูหนังที่ซื้อมาจนจบไปสองเรื่อง กำลังจะเปลี่ยนแผ่นเป็นเรื่องที่สาม ก็ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาใกล้ก่อนจะเงียบไป



เสียงกริ่งดังขึ้น

ดีนั่งดูหนัง




เสียงกริ่งรัวเร็ว

ดีนั่งดูหนัง





โทรศัพท์มือถือสั่น

ดีนั่งดูหนัง






โทรศัทพ์หยุดสั่น

เสียงกริ่งเงียบไปแล้ว

ดีหยิบมือถือขึ้นมาดู







ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูบ้าน

เข้ามาได้ยังไง


“พี่ปีนรั้วเข้ามา ดีเปิดประตูหน่อย”

“...”

“จะไม่เปิดเหรอ”

“...”




กริ๊ก!



ประตูเปิดออกอย่างง่ายดาย

พวกกุญแจรูปกระต่ายของซีห้อยอยู่คากลอนประตู

“ซีให้พี่มา”

ดีไม่พูดอะไร เขากลับไปนั่ง ดูหนังต่อไป
หนุ่มผมยาวประบ่า นั่งลง
ใกล้จนรู้ถึงไออุ่นจากคนข้างๆ


“ขอโทษนะ”

“...”

“เมื่อวาน พี่---”

“กลับไป”

“ดี”

“ออกไป”

“พี่ขอโทษ”


คนตัวผอมนั่งนิ่ง สายตามองดูภาพเคลื่อนไหวบนจอโทรทัศน์ไม่สนใจอีกคนสักนิด
ชายหนุ่มผู้มาเยือนลุกขึ้น เดินกลับออกไปเงียบๆ



...ไม่มีข้อแก้ตัว อีกหน่อยเหรอ ถ้าเป็นคนนี้อาจจะไม่...



ดีกอดเข่า ซบหน้าลง

เสียงประตูเปิดออกอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นมอง



“พี่ซื้ออาหารมาฝากเหมียวเล็กเยอะแยะเลย ให้เอาไปเก็บที่ไห— ดี!” น้ำรีบวางถุงที่หิ้วมาเต็มสองมือลง เดินเข้ามาดูคนนั่งบนโซฟาซบหน้าลงกับเข่า


“ดีครับ พี่ขอโทษนะ” เอื้อมมือไปลูบหลังคนผอมเบาๆ แผ่นหลังกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่คุ้นชินกับสัมผัสก่อนจะนิ่ง

“โอ๋ๆ ยอมให้อ้อนเลยนะคนนี้” เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ ข้างหู

“พี่แค่กลับไปเอาของในรถ ไม่ได้จะทิ้งดีไปไหนหรอกนะ” มืออุ่นๆ สองมือลูบเบาๆ ที่แผ่นหลังเล็ก

“ดีครับ พี่มาแล้ว ขอโทษนะ ที่เมื่อวานไม่ได้มา พูดไปไม่อยากจะแก้ตัว คราวหลังจะไม่ผิดสัญญาอีกแล้วนะ”
สองมือเล็กที่จิกเข่าไว้จนข้อมือขาวถูกมือใหญ่กว่ากุมไว้ บีบเบาๆ

“..ฮือ ถ้าจะมาไม่ได้แล้วบอกทำไม” เสียงนั้นเบาทำให้ต้องก้มหน้าชิดริมฝีปากบาง

“ขอโทษนะ ตัวยังรุมๆ อยู่เลย อย่าร้องไห้เลยนะ เดี๋ยวจะปวดหัว”
ข้อแก้ตัวคงไม่จำเป็นสำหรับเด็กขี้แยคนนี้

“ฮึก..ถ้าไม่มา ก็จะไม่ต้อง ฮือ ..รอ”

“ไม่มีอีกแล้วนะ พี่จะมา มาหาดีนะ”

“...”

สองมือที่ลูบหลังชะงักไปสักครู่ ชายหนุ่มเม้มริมฝีปาก ก่อนจะก้มตัวรวบคนตรงหน้ามากอดไว้ กระซิบเบาๆ ที่ข้างหู


“ไม่ต้องขอ พี่กอดดีเอง”









“หิวแล้ว อยากกินอะไร” น้ำเดินไปเปิดประตูบ้าน เปิดหน้าต่าง เปิดไฟ เห็นคนตัวเล็กนั่งกอดเหมียวเล็กไม่ขยับ

“มีข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู เกาเหลา ต้มยำทะเล ผัดไทย อ้อ ส้มตำด้วยนะ” น้ำไล่ดูอาหารที่ซื้อมา เขาไม่รู้จริงๆ ว่าคนตรงหน้าอยากทานอะไร เห็นอันไหนดูน่าอร่อย ดูน่าทานก็ซื้อมาจนเต็มมือ

“เกาเหลา”

“ไม่มีคื่นช่าย แต่มีหอม” ดีที่กำลังตักเกาเกลาเข้าปากชะงัก แก้มที่แดงเรื่อจากการร้องไห้เมื่อครู่แดงก่ำขึ้นกว่าเดิม

“...”

“ต้องบอกไหมว่า พี่ขอ ‘หอม’ ดีนะ” น้ำแหย่คนป่วยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ่งป่วยแบบนี้นั่งเงียบไม่เถียงหน้าแดงตลอดยิ่งดูน่ารัก

“นิสัยเสีย”

“ฮะฮะ ฮ่าๆ ดีขึ้นแล้วละสิ กินเยอะๆ นะ เดี๋ยวต้องกินยาด้วย วันนี้ซีจะกลับดึกหน่อยนะ”

“ไปไหน?” ดีขมวดคิ้ว ทำไมซีไม่บอกเขาแต่คนตรงหน้ากลับรู้

“ไปเดินเล่นกับหวานน่ะ”







หลังจากทานอาหารเย็น น้ำล้างจาน ดีมานั่งดูหนังต่อหน้าบ้าน
น้ำเดินมานั่งข้างๆ
ดีเปลี่ยนแผ่น ให้น้ำเลือกหนังที่อยากดู
ทั้งคู่นั่งดูหนังด้วยกันจนซีกลับ


จะบอกว่า ‘ทั้งคู่นั่งดูหนังจนซีกลับ’ คงไม่ถูกนักเพราะเมื่อซีและหวานเดินเข้ามาในบ้านนั้น
คนตัวผอมก็หลับไปเรียบร้อย ศีรษะเล็กๆ เอนไปพิงไหล่หนาของหนุ่มผมยาวที่เอื้อมมือมาประคองตัวไว้
หลับตาพริ้ม ริมฝีปากมีรอยยิ้มน้อยๆ



To be continued…
--------------------------------------

[14/11/2558]
คนที่ทำเป็นเข้มแข็งจริงๆ แล้วก็เปราะบางเหลือเกิน
ดีเป็นอย่างนั้นค่ะ พอป่วยแล้วก็แสดงอารมณ์ออกมาทุกอย่าง
จริงๆ แล้วน้องเก็บกดมากเลยนะเนี่ย
หวังว่าคนอ่านจะเข้าใจคนขี้อ้อนคนนี้นะคะ

คุณ 205arr ตามไปอ่านในโน้นด้วย ขอบคุณค่ะ
คุณ B52 สงสัยคงไม่ใช่ต้นหอมผักชีแน่เลยเนอะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเช่นเคยค่ะ
We stand together. #JesuisParis
 :กอด1:
Lavender's blue 
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 16) - 16/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 16-11-2015 19:27:51
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 16)


ตอนที่ 16 ปลา



“ข้อเท้าหายดีแล้ว ไปเที่ยวกันไหม”



น้ำมาถึงบ้านหลังเล็กในตอนเช้าตรู่พร้อมกับน้องสาวที่ตอนนี้คงเข้าไปนอนหลับต่อในห้องของสาวซีเรียบร้อยแล้ว ทิ้งเขาไว้กับดีซึ่งนั่งสัปปะหงกอยู่บนโซฟาเพราะโดนปลุกแต่เช้า


“ตอนนี้เนี่ยนะ ยังเช้าอยู่เลย นี่ก็เพิ่งได้นอนตอนตีสองเองนะเว้ย ทำไมไม่นัดก่อนอะ เกิดมาแล้วไปด้วยไม่ได้ทำไง อะไรเนี่ย นิสัยอะนิสัย” บ่นทั้งๆ ที่ยังปิดตา

“สายสืบของพี่ดีน่า วันนี้ดีไม่ติดธุระอะไรไม่ใช่เหรอ”

“ไม่มีอะ แต่ก็...”

“ไปเถอะ..นะ”

คงเป็นเพราะว่าเขากำลังสะลึมสะลือ ไม่ได้สติแน่ๆ เลยเดินไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างว่าง่าย ไม่ใช่เพราะหน้าอ้อนๆ ของใครเลย ดีคิดหาเหตุผลให้กับตนเอง



“ซีกับหวานล่ะ”  ดีแต่งตัวเสร็จแล้ว เดินลงมาถามหาสองสาว
“ไปไม่ได้” น้ำพูดหน้าเคร่ง
“อ้าว เป็นไรอะ ไม่สบายกันหรอ”
“เปล่า”
“งั้นเป็นไร” ดีทำท่าจะเดินกลับไปเคาะเรียกสองสาว น้ำจึงเดินเข้ามาคว้าข้อมือไว้

“ก็พี่ชวนดีไปเดท สองสาวจะไปด้วยได้ไงล่ะ ปะสายแล้วเดี๋ยวไม่ทันนะ”

ว่าแล้วเลยถือโอกาสจับมือผอมๆ เดินออกมาขึ้นรถไปด้วยกัน ไม่ฟังคำทัดทานหรือท่าทีขัดขืนของเจ้าของมือสักนิด




“ไปทำบุญกัน”

คำพูดสุดท้ายของน้ำก่อนที่ทั้งสองจะจมอยู่กับความเงียบตลอดการเดินทาง
มันเป็นความเงียบที่ทั้งคู่ไม่รู้สึกอัดอัดอย่างเคย




เวลาเกือบสองชั่วโมงรถจึงเข้ามาจอดในบริเวณวัดแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยร่มรื่นซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดเล็กๆ ไม่ไกลจากเมืองหลวง เสียงธรรมชาติแว่วมาตามลม ดีรู้สึกได้ถึงความเงียบสงบ น้ำไปหยิบของที่เตรียมมาแล้วจึงเดินนำไปยังกุฏิทางด้านหลัง



“นมัสการครับหลวงพ่อ”

น้ำและดีก้มกราบพระรูปหนึ่งกำลังเดินออกมาจากกุฏิ หลวงพ่อนำพวกเขามาที่ศาลาใต้ต้นไม้ใหญ่
“มาเร็วดีจริง” ใบหน้าเอิ่มอิ่มและท่าทางนุ่มนวลเต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมนั้นสร้างความเลื่อมใสให้แก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก
“ออกมาแต่เช้าครับหลวงพ่อ นี่ดีครับ” น้ำแนะนำคนที่มาด้วยกันอย่างง่ายๆ ดีก้มกราบสบเข้ากับดวงตาสีดำสนิทที่เปี่ยมด้วยความเมตตาทำเอาเขาเต็มตื้นก้มลงกราบนมัสการอีกรอบ
“นมัสการครับหลวงพ่อ”
“เจริญพร”
หลวงพ่อนิ่งมองดีครู่หนึ่งแล้วจึงพูดคุยกับน้ำ
“แล้วหวานไม่มาด้วยกันหรือ”
“ไม่มาครับ ทำงานกับเพื่อน หลวงพ่อสบายดีไหมครับ คราวก่อนที่อาพาสดีขึ้นหรือยัง”
“หายแล้วล่ะโยม ฝนตกอากาศชื้น โรคเก่าเลยกำเริบ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ”
“ผมเอาหลอดไฟมาถวาย เดี๋ยวจะเปลี่ยนให้นะครับ”
“ขอบใจมาก เชิญตามสบาย”



น้ำเดินถือของทั้งหมดกลับมาที่กุฏิโดยมีดีตามมาเงียบๆ
“คิดอะไรอยู่” น้ำกำลังปืนเก้าอี้เพื่อเปลี่ยนหลอดไฟถามขึ้น
“ดูคุ้นเคยกับที่นี่” ดีรับหลอดไฟจากน้ำ
“หลวงพ่อเป็นพ่อของพี่เอง”
“อืม”
“เสร็จแล้ว ไปให้อาหารปลากันไหม”



ทางทิศตะวันออกของวัดเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ต้นก้ามปูขนาดสองคนโอบเด่นตระง่านทอดเงายาวไปตามพื้น พวกเขาเดินเข้าไปในศาลาไม้เก่าแต่สภาพแข็งแรง สระน้ำสีเขียวมรกตสะท้อนภาพท้องฟ้าสีฟ้าใส ปุยเมฆกระจายอยู่ทั่วไป แล้วภาพสะท้อนก็แตกกระจายเพราะอาหารเม็ดตกลงกระทบ
 

“โห ปลาตัวใหญ่มาก” ดีอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น ปลาตัวน้อยใหญ่เข้ามารุมกินอาหารที่เขาเพิ่งโยนลงไปเมื่อครู่
“มีหลายสีด้วย ปลาดุกใช่ไหมตัวนั้น” เขาไม่มีความรู้เรื่องปลาอะไรหรอก ที่รู้เพราะได้ทานบ่อยๆ ก็เท่านั้น
“อือ ตัวแบนๆ สีแดงๆ ส้มๆ นั่นปลาตะเพียน” น้ำชี้บอกแล้วหยิบอาหารเม็ดมาโปรย
“เฮ้ย อย่าแย่งไอ้ตัวเล็กสิ นิสัยไม่ดีอะ” ดีขยับเท้าไปมาอย่างขัดใจเมื่อเห็นว่าปลาดุกตัวใหญ่เข้ามากินขนมปังที่เจ้าตัวจงใจโยนให้ปลาตัวเล็กริมสระ
“พูดกับมันรู้เรื่องด้วยหรอ”
“พูดด้วยได้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจไหม”
บรรยากาศระหว่างสองคนเริ่มผ่อนคลายลงจากเดิมที่คนผอมกว่านิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลย
“ตัวใหญ่นั่นปลาสวาย”
“เห็นเหมือนปลานิลด้วย” อาหารเม็ดหมดแล้ว ดีโยนขนมปังลงไปก้อนใหญ่
“กาพย์เห่เรือ จำได้ไหม” น้ำบิดขนมปังเป็นชิ้นเล็กๆ ค่อยทิ้งลงไปทีละน้อย หันหน้ามาพูดกับดี
“หือ อารมณ์ไหน เรียนตั้งนานละจำได้แต่ ฮ้า ไฮ้”

“พี่ท่องได้นะ ได้รางวัลด้วย” น้ำยิ้มเบาๆ ที่มุมปาก ก่อนเสียงนุ่มทุ้มจะท่องออกมาเป็นจังหวะ


“พิศพรรณปลาว่ายเคล้า           คลึงกัน
ถวิลสุดาดวงจันทร์                      แจ่มหน้า
มัตสยาย่อมพัวพัน                      พิศวาส
ควรฤพรากน้องช้า                      ชวดเคล้าคลึงชม”

*กาพย์เห่เรือ บทชมปลา เจ้าฟ้ากุ้ง




เป็นเพราะอากาศร้อนแน่ๆ ที่จู่ๆ เมื่อสบนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นแล้ว แก้มของเขาถึงร้อนซู่ขึ้นมา



หลังจากหลวงพ่อฉันท์เพลทั้งสองจึงลากลับ ระหว่างทางนั้นเองขามาดีเห็นตลาดนัดข้างทาง
“หิวข้าว” ออกกรุงเทพฯ มาตั้งแต่เช้า ได้ทานขนมไปนิดเดียวเอง
“ครับ”
“เห็นเหมือนมีตลาดนัดข้างหน้าด้วย ไปเดินกันนะ” ดีคงจะหิวจัด น้ำรู้สึกได้ถึงเสียงอ้อนๆ
“อยากเดินตลาดนัดหรอ”
“อื้อ จอดเถอะ หิวแล้ว”
“แวะก็ได้ แต่อย่ากินเยอะนะ พี่จะพาไปกินของอร่อย” ดีไม่ตอบรับ เมื่อรถจอดสนิทเขารีบเปิดประตูและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว


คนตัวผอมๆ ผมสีดำยุ่งๆ หาได้ยากท่ามกลางผู้คนในตลาดนัด น้ำจึงรีบเดินตามไป สายตาจับจ้องมองที่เป้าหมายไม่ให้คลาดตา ดีหยุดซื้อขนมแทบทุกร้าน จนสองมือหิ้วไม่ไหว น้ำจึงรวบถุงทั้งหมดมาถือไว้เอง อีกคนได้ใจ เดินซื้อของไปอย่างมีความสุข


“กล้วยทอดน่ากินมาก” ดีหยิบกล้วยทอดสีเหลืองกรอบดูน่ารับประทานขึ้นมา คนตัวสูงกว่าเหลือบมองหน้าคนพูด
“โห อร่อยมาก กินป่าว”  เอากล้วยที่กัดแล้วเหลืออีกครึ่งหนึ่งมาล่อคนที่สองมือเต็มไปด้วยถุงขนม น้ำหมั่นไส้คนขี้แกล้งจึงคว้ามือผอมนั้นแล้วก้มลงกัดกินกล้วยทอดครึ่งอันนั้น

“เฮ้ยยย” มือผอมพยายามจะสะบัดออกจากมือใหญ่

“อะไร พี่กินกล้วยทอดแค่นี้หน้าแดงเลยหรอ”
ไม่รอให้คนโวยวาย หน้าแดงก่ำได้เถียง น้ำพูดต่อทันที

“คิดอะไรกับเค้าป่าวเนี่ยตะเอง”

.
.

“คิด”

.
.

“เฮ้ย จริงดิ” เป็นคนแกล้งถามกลับตกใจเอง


“อืม” 


รอยยิ้มบนใบหน้าของน้ำกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนตาหยี


“คิดว่าพี่แม่ง...เลววะ”


“...”

ดีพูดจบอาศัยจังหวะที่น้ำเผลอ สะบัดมือออกแล้วเดินหายไปท่ามกลางฝูงชน


“... ดี.. รอพี่ก่อนดิ”

จังหวะการเต้นของหัวใจของน้ำยังเร็วกว่าการจ้ำเดินของคนผมยุ่งตัวผอมเสียอีก



 





ฝนโปรยลงมาระหว่างที่สองคนกำลังเดินกลับรถ

“ตกทำไมเนี่ย” น้ำบ่นงึมงำ ขณะติดเครื่องรถ แผนที่วางไว้ กว่าจะหลอกล่อคนข้างๆ ออกมาข้างนอกด้วยกันได้ ไม่ใช่ง่ายนะเว้ย

“ดีเลย กำลังร้อนๆ” ดีลูบเนื้อตัวที่โดนฝน คาดเข็มขัดนิรภัย

“เลยไม่ได้ไปกินข้าวกับดีเลย” ร้านอาหารกลางแจ้งใกล้แม่น้ำเป็นอีกที่ที่เขาจะพาดีไป แต่ฝนตกแบบนี้

“ทำไม ฝนตกแล้วกินไม่ได้หรอ”

“แหนะ อยากกินข้าวกับเค้าอะดิ ถึงฝนตกยังไงบ้านพี่ก็ต้อนรับดีอยู่แล้วละ” ว่าแล้วก็กดโทรศัพท์ไปบอกปลายสายทันที




“อะไร ยังไม่ได้บอกสักคำว่าจะไปกินด้วย” พอวางสายดีก็โวยวายขึ้น

“อ้าว ก็เมื่อกี้บอกว่าฝนตกก็ไม่เป็นไรไง”

“หมายถึงกลับบ้านเว้ย”

“อืมใช่ กลับบ้าน บ้านพี่นะ พี่บอกแม่ไว้แล้ว” น้ำออกรถไปทันทีที่พูดจบ

“เอาจริงดิ” ดีปั้นหน้าไม่ถูก

“ให้เอาปะล่ะ..โอ้ย เชี่ย..” รถเสียจังหวะเซไปข้างๆ

“นิสัยวะ แม่ง คนกำลังพยายามทำใจอยู่” กำปั้นของดีที่ทุบไหล่ของน้ำไปแบบไม่ออมแรงเมื่อครู่ยังคงวางอยู่ที่เดิมราวกับจะเตือนว่าถ้าพูดแมวๆ อีกครั้ง โดนแน่

“พยายามทำใจอะไร เรื่องพี่หรอ” ถ้อยคำสุภาพระหว่างสองคนหายไป ตั้งแต่เมื่อไหร่ ดีเพิ่งจะเอะใจ

“จะเรื่องไรละ แม่ง อยู่ดีๆ แท้ๆ มายุ่งทำเชี่ยไรเนี่ย”

“เอ้า ก็ชอบไง” หน้าแดง คนพูดขับรถอยู่จะเห็นไหมนะ

“ไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ย”

“พี่ก็ไม่ได้เป็นนะ”

“ไปจีบผู้หญิงไป”

“โอ๋ๆ อย่าเพิ่งงอนดิ จะบอกว่าพี่ก็ไม่ได้เป็น แค่คนที่พี่ชอบคือดี แค่นั้นเอง”

“พี่แม่ง...กล้าพูด”

“มันไม่เห็นมีอะไรน่าอายเลย พี่ไม่ได้ไปขโมยของหรือก่ออาชญากรรมนะ”

“เงียบไปเลย ขับรถตาก็มองถนนดิวะ”



น้ำหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขับรถต่อไป
เอาน่า...ดีเวอร์ชั่นโดนว่าโดนด่าก็ยังดีกว่าเวอร์ชั่นเจ้าชายน้ำแข็งคนเดิมที่เขาเจอเมื่อครั้งแรกละว้า...
เจ้ากระรอกที่นิ่งอยู่บนต้นไม้ ตอนนี้กล้าที่จะไต่ต้นไม้ลงมากินขนมปังที่เขาวางให้ทุกวันแล้วใช่ไหม



To be continued
---------------------------------
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 16) - 16/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-11-2015 21:09:24
เดี๋ยวนี้ดีอ้อนเยอะๆๆๆๆๆ น่ารักเว่อร์เลยอะ พี่น้ำคนนี้จะไปไหนพ้นละแบบนี้
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 17) - 18/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 18-11-2015 22:28:06
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 17)



ตอนที่ 17 แม่




รถยนต์เข้ามาจอดในบ้านสองชั้นสีนวลลออตา บริเวณบ้านร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ดอกไม้หลากสีสันบานอยู่ในแปลงดอกไม้สองข้างทางที่รถแล่นผ่าน

หญิงวัยกลางคนรูปร่างอวบท่าทางใจดีคาดผ้ากันเปื้อนสีแดงสดเดินออกมาจากหลังบ้านซึ่งคาดว่าเป็นห้องครัว ส่งยิ้มกว้างมาให้ มือขวาถือตะหลิว มือซ้ายกวักมือเรียกพวกเขาให้เดินเข้าไปหา


“คิดถึงคนสวยจัง” น้ำเดินเข้าไปกอดหญิงท้วมคนนั้นแน่น ก้มลงหอมแก้มจนได้ยินเสียงฟอด
“ปากหวาน คิดถึงแล้วไม่ยอมกลับมาหาแม่บ้างนะเรา” คนเป็นแม่ต่อว่าลูกชายพลางบีบแก้มเบาๆ
“สวัสดีจ้ะ น้องดีใช่ไหมลูก?” ดียิ้มเก้อๆ เมื่อถูกทักและยกมือไหว้
“หน้าตาน่ารักอย่างนี้เองสินะ  หิ้วของเต็มสองมือเลย แม่บอกแล้วไม่ต้องซื้ออะไรมา เอาเข้าไปเก็บในบ้านก่อนเลย น้ำพาน้องไปสิ เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวก่อน ใกล้เสร็จแล้วละ”


แม่พูดอย่างรวดเร็วแล้วเดินไปทำอาหารต่อ น้ำจึงพาดีเข้ามาในบ้าน พอเข้าไปข้างในบ้านไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าเจ้าของบ้านชอบต้นไม้มากเพียงใด ห้องรับแขกตกแต่งด้วยโทนสีเขียว ไล่ตั้งแต่ผ้าม่านสีเขียวอ่อนปักลวดลายดอกไม้หลากสีสันขยับยามต้องลม ชุดเก้าอี้หวายรับแขกสีขาวหุ้มเบาะนุ่มด้วยผ้าดิบสีเขียวแก่ โต๊ะรับแขกตัวเล็กมีขวดโหลเตี้ยบรรจุพลูด่าง ตู้อัดแน่นไปด้วยหนังสือเล่มน้อยใหญ่ตั้งอยู่ทางด้านหนึ่งข้างกันนั้นมีกระถางต้นวาสนาอวดใบสีเขียวสด เมื่อมองตรงไปบนผนังด้านในมีผ้าปักลายทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่ใส่กรอบแขวนอยู่

“เป็นไงบ้านพี่” น้ำถามเมื่อเห็นคนผอมมองรอบๆ บ้านด้วยความสนใจ

“ต้นไม้เยอะมาก” ...และบ้านก็อบอุ่นมาก ดีไม่ได้พูดออกไป

“ชอบไหม” น้ำชวนให้แขกคนพิเศษนั่ง แล้วเปิดโทรทัศน์

“ชอบอะไร” ถ้าเป็นคนอื่นคนจะแปลว่าชอบบ้านไหม แต่กับไอ้พี่น้ำเนี่ยต้องถามก่อน

“พี่ไง”  ...นั่นไง หยอดได้หยอดดีจริงๆ ... ยังมีหน้ามายิ้มตาปิดใส่

“ไม่”  ตอบทันที

“ฮ่าๆ คิดหน่อยก็ดีนะ”




.

.

.





“แม่ครับ น้ำจีบดีอยู่แหละ”



“เฮ้ย! แค็ก แค็กๆ”



ดีสำลักแกงจืดที่เพิ่งตักเข้าปาก ทั้งสามคนกำลังรับประทานอาหารเย็นกันอยู่ โต๊ะอาหารขนาดกลางเต็มไปด้วยอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ ควันฉุย แขกที่เพิ่งหายประหม่าและกำลังเริ่มกินข้าวได้อย่างเอร็ดอร่อยกลับถูกไอ้พี่น้ำขัดจังหวะการกินเอาเสียได้

ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น ดูที่มันพูดเด้ เชร็ดดดดดดดด


“คะ อะ ฮะ แค็กๆๆๆๆๆ”

“กินน้ำก่อนๆ” น้ำหยิบแก้วน้ำให้ดีพลางตบหลังเบาๆ “อะไรพูดแค่นี้สำลักเลยหรอ”

“ก็พูดอะไรเล่า ใช่เรื่องไหมเนี่ย โอ้ยยย อะ พี่น้ำ” กำลังจะสบถด่าตามความเคยชินแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแม่ของพี่น้ำที่มองมายิ้มๆ เล่นทำเอาพูดไม่ออก

“อ่า คุณป้าครับ เรื่องมันไม่ใช่....” แม่ของไอ้พี่น้ำสายหน้ากับคำพูดที่ได้ยิน

“ไม่เรียกป้าสิ เรียกใหม่” เจ้าของบ้านเอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้ายิ้มแย้มกลับเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย ทำเอาคนที่กำลังจะแก้ตัวชะงัก    

“เออ..คุณน้า” ผู้หญิงอาจไม่ชอบให้เรียกด้วยคำสรรพนามที่แสดงอายุก็ได้


“ไม่ใช่ เรียกใหม่”
 


“...”

คำปฏิเสธรอบสองทำเอาแขกเริ่มกลืนน้ำลายอย่างประหม่า

...เขาน่ะไม่ได้เป็นที่รักของใครจริงๆ หรอก...

เมื่อจนปัญญาจึงหันไปมองหน้าของน้ำที่ยิ้มกริ่ม ส่งสายตาขอความช่วยเหลือ น้ำก้มลงกระซิบ ริมฝีปากชิดกับหูเล็ก ใบหน้าที่ตอนแรกแสดงความหวาดหวั่นค่อยๆ เปลี่ยนสีจากขาวซีดเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วจนเจ้าตัวสัมผัสถึงความร้อนจากใบหน้าของตัวเองได้


“กระซิบอะไรกัน เร็วน้องดี เรียกว่าไงคะ” นายหญิงของบ้านเรียกเสียงเข้มเร่ง 

“เอ่อ...คุณ..มะ แม่” ดีตอบอย่างตะกุกตะกัก ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะเรียกมารดาของเพื่อนของพี่ด้วยคำเดียวกันนี้ ...แต่ว่านี่เป็นแม่ของไอ้พี่น้ำเนี่ยสิ คนที่จู่ๆ ก็พูดโพล่งขึ้นมาว่ากำลังจีบเขาอยู่เนี่ยนะ

“อะไรนะคะ พูดชัดๆ สิ” ใบหน้านิ่งเฉยนั้น หากสังเกตดีๆ จะเห็นแววตาวิบวับ   คล้ายกับลูกชาย

“คะ คุณแม่ครับ”


“ต๊าย น่ารักจริงๆ นั่นแหละนะน้ำ น้องดีมาอยู่บ้านกับแม่ไหมลูก”


เมื่อได้ฟังคำตอบที่ถูกใจ แม่ของน้ำลุกจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเข้ามากอด พลางลูบหลังอย่างรักใคร่ ดีเกรงตัวเพราะไม่ชินสัมผัส และความอบอุ่นที่ได้รับเขาก็ยอมโอนอ่อนรับสัมผัสแต่โดยดี



“เรียกแม่ซิ น้องดี”  น้ำกระซิบเบาๆ ชิดใบหูเล็ก




ไอ้นิสัยช่างแกล้งของทั้งน้ำและหวานไม่ได้มาจากใครที่ไหนเลย ก็จากแม่ของพวกเขานี่ไงละ แม่ทราบเรื่องของลูกชายตัวเองกับดีอย่างละเอียดอยู่ก่อนแล้วจากลูกสาวที่รายงานทุกเรื่องยิ่งกว่าสำนักข่าวใด และการพาคนตัวเล็กมาบ้านนี่ก็เพราะคำสั่งของคุณนายที่ ‘อยากจะเจอน้องดี’ แล้วยิ่งเมื่อเห็นว่าดีเขิน ก็ยิ่งแกล้งเข้าไปใหญ่ น้ำแอบเห็นด้วยกับแม่ตัวเองเหมือนกันเรื่องขี้แกล้งเพราะพอได้มองไอ้ตัวขาวซีดเปลี่ยนสี มันก็ทำให้เขายิ้มออกมาได้



หลังอาหารเย็นไม่รู้ว่าดีไปเอาความกล้ามาจากไหนขัดใจแม่เขาแย่งล้างจานได้สำเร็จทั้งๆ ที่ก่อนหน้ายังดูเกรงๆ อยู่เลย



เมื่อถึงเวลาบอกลา แม่ดึงคนตัวผอมเข้าไปกอดพักใหญ่ คุยกันอย่างกระซิบกระซาบ น้ำเห็นดีกอดตอบแม่ของตนแน่นแล้วค้างไว้ครู่หนึ่งจึงผละออกมา บรรยากาศอุ่นๆ ในบ้านคงตามติดคนทั้งสองกลับขึ้นมาบนรถ เสียงเพลงจากวิทยุในรถดูไพเราะน่าฟังกว่าที่เคย


“ชอบบ้านไหม”

“มาก”

“ชอบแม่ไหม”

“มากๆ”

“แล้วลูกล่ะ”

“...” ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายทางซะงั้น

“ว้า ไม่หลงกลเลยอะ ยอมๆ มั่งก็ได้นะ...น้องดี”  คำสุดท้ายทอดเสียงอ่อน

“หยุดเลย ไอ้พี่น้ำ ให้แม่เรียกคนเดียวพอแล้ว” สะบัดปลายเสียง จากที่ว่าจะไม่โกรธเพราะแม่แล้ว ลูกยังมาทำให้ไอ้อารมณ์น้อยใจที่โดนแกล้งกลายเป็นหงุดหงิดขึ้นมาอีก


“เอ้า ใจเย็นสิครับ”
“นิสัยเสียว่ะ แม่ออกจะใจดี น่ารักแท้ๆ” ย้อนเข้าให้
“ยอมมาเป็นลูกแม่แล้วใช่ป่าว พี่ไม่หวงแม่หรอกนะ แบ่งให้ๆ”
“แม่น่ารักจริงๆ อะแหละ ฝากขอบคุณด้วยนะ”  น้ำอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปขยี้หัวคนข้างๆ
“คราวหลังมาหาแม่ด้วยกันอีกนะ น้องดี”
“อื้อ มาสิ” 


รถมาจอดที่หน้าบ้านหลังเล็กเวลาสามทุ่มกว่า สองสาวแอบมองออกมาจากกระจกห้องนั่งเล่นได้เห็นน้ำที่กำลังขยี้หัวดี ก็ออกอาการกรี๊ดกร๊าด

“อ้ายยยย มีลูบหัวด้วยอะซี” หวานหันหน้ามาคุยกับซีที่กำลังพยายามแยกผ้าม่านกว้างขึ้นอีกนิดโดยไม่ให้คนภายนอกรู้ว่ามีคนแอบมอง
“พี่ดีหน้าแดงด้วย ว้าว ไม่เคยเห็นเลยนะเนี่ย” แสงไฟจากรถที่สวนมาทำให้เห็นใบหน้าของคนในรถ
“ใช่ไหมละ สองคนนี้ไปด้วยกันได้ดีแน่ๆ เลย” สองสาวยิ้มน้อยใหญ่กับความคิดของตนเอง
“อื้อ อยากให้เป็นอย่างนั้นแหละนะ” ซียิ้มกว้างให้กับภาพของชายหนุ่มสองคนที่กำลังเดินเข้ามาในบ้าน





พี่ชายของเธอน่ะ ดีจริงๆ นะ



To be continued…
-------------------------
[18/11/2558]
คุณ B52 น้องดีน่ารักจะตายเนอะ คิคิ
 :mew1:
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
Lavender's blue

หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 18) - 20/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 20-11-2015 22:51:48
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 18)




ตอนที่ 18 ป่วย




   
“...ด....ด...”




ในม่านหมอกสีขาว มีเพียงแสงสลัว พยายามมองผ่านกลุ่มควันสีขาวนั้นก็ไม่เห็นอะไร เสียงลมหวีดหวิวพัดมาพร้อมกับเสียงนั้น

เสียงใครกันนะ




“..ดะ...”


เรียกผมหรือเปล่า
สองเท้าที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าชะงัก หันซ้ายขวาหาต้นเสียง


“......ดี...”
   

ใกล้เข้ามา
เสียงนั้นใกล้เข้ามา


เรียกผมจริงๆ ใช่ไหม

เงาตะคุ่มอยู่หลังม่านหมอกสีขาว
ใกล้เข้ามาแล้ว





“..ดี”





“ปัง ปัง ปัง!!!”



“พี่ดีตื่นได้แล้ว”





เฮือก!


ผมสะดุ้งตื่น พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียง เสียงตบประตูและเสียงแปดหลอดของยัยซียังคงดังอยู่ต่อเนื่องซึ่งถ้าผมไม่ไปเปิดประตูภายในหนึ่งนาทีต่อจากนี้ ยัยซีอาจพังประตูเข้ามาก็ได้

“มาแล้วๆ มีอะไร เรียกแต่เช้าเลย” ยัยซีอยู่ในชุดนักศึกษา ถือกระเป๋าเตรียมพร้อมออกไปเรียน
“วันนี้กลับค่ำนะ มีธุระ” ยัยซีเหลือบสายตามองในห้อง
“อื้อ  แล้วหาอะไร” ผมเบี่ยงตัวให้ซีเห็นห้องชัดๆ คงจะมาขอยืมอะไรสักอย่าง
“อ่า ไม่มีไรล่ะ แล้วพี่ดีเป็นไร หน้าซีดๆ นะ”
“นอนไม่พอ” ว่าแล้วก็หาววอดใหญ่
“ทำไรนอนไม่พอ งานก็ส่งไปแล้วไม่ใช่หรอ ไม่สบายหรือเปล่า” ซียกมือแตะหน้าผากวัดอุณหภูมิผม อืม...มือซีอุ่นดีจัง
“ตัวเย็นจัง ระวังจะไม่สบายนะ ตอนเช้าซีซื้อโจ๊กมาด้วย อุ่นกินตอนร้อนๆ ด้วยนะ” เอียงหน้าตามมือ
“กลับมาไวๆ นะ ไม่อยากอยู่คนเดียว”
“อ่า คงไม่เกินสี่ทุ่มมั้ง”
“ฝันร้ายด้วย”

ซีมองหน้าผม ไม่พูดอะไร เดินมากอดผมแน่น

“ซีจะรีบกลับนะ พี่ดีอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”
“อื้อ”
“ว่าง่ายผิดปกตินะเนี่ย เอ๊ะ นึกออกแล้ว ให้พี่น้ำมาอยู่ด้วยดีไหม” ซีทำเสียงทะเล้น ผมผลักซีออกจากอ้อมแขน ผลักต่อไปที่บันได

“ไม่ต้องเลย จะไปเรียนก็รีบไป อยู่คนเดียวได้เว้ย”

“ฮ่าๆ รับรองไม่เหงาแน่เลย งั้นไปละนะ กินโจ๊กด้วยล่ะ”


.

.

.

หลังจากกินโจ๊ก แกล้งเหมียวเล็กจนพอใจแล้ว ผมก็มานั่งดูโทรทัศน์
เหลือบมองนาฬิกาบนผนังเหนือโทรทัศน์บอกเวลาแปดโมง ยี่สิบนาที
   

ยังเช้าอยู่เลย อุตสาห์ได้พักหลังจากส่งโครงร่างงานที่อดหลับอดนอนทำตั้งหลายวันแทนที่จะได้พักผ่อนนอนยาวๆ ดันตื่นเพราะ ‘เสียง’ นั่นซะได้


คงเพราะเหนื่อยเกินไปแน่ๆ เลยฝันอีก


ไม่ได้ฝันมาหลายปีแล้วจนเกือบลืมความรู้สึกนั้นไปแล้ว


   


‘ความรู้สึกที่ถูกใครสักคนรัก’


   


เหมียวเล็กกระโดดขึ้นมานอนบนตัก

“เหมียวเล็กมาอ้อนพ่อใหญ่เลยนะ”
   

เจ้าแมวที่ตอนนี้ตัวโตกว่าตอนแรกที่เข้ามาอยู่ในบ้านเอียงคอให้เกา เหมียวน้อยที่เมื่อก่อนเคยผอม มีแต่กระดูก ตอนนี้กลายเป็นแมวตัวอ้วนแทบหากระดูกไม่เจอ 
   
“นี่ ตอนที่อยู่คนเดียว เหงาหรือเปล่า”

เอียงคอซ้ายขวา ล้มตัวลงนอนผึ่งพุง ดีเกาพุงขาวๆ

“ไม่เหงาใช่ไหม”

เหมียวเล็กหลับตาพริ้ม มันขยับถูหัวไปมากับมือผอมๆ เมื่อเจ้าของมือหยุดเกาคางแล้วค้างมือไว้เพราะคิดถึงเรื่องบางอย่าง


“เมื่อก่อนก็อยู่ได้ แล้วทำไมตอนนี้จะต้องมาเหงาเนอะ นี่แนะ แมวอ้วนนนนน”



ยกแมวอ้วนขึ้นมาฟัด

แมวขี้อ้อน
พุงขาวๆ

ขนนุ่มๆ

ไม่เหงาหรอก...จริงๆ นะ







เฮ้อ! ทำไมตอนนี้ยังเก้าโมงเช้าอยู่เลยล่ะ

ดูโทรทัศน์จนเบื่อแล้ว ดีจึงเอาผ้ามาซัก ถ้าซีกลับมาอยู่คงต้องดีใจมากแน่ๆ ที่ไม่ต้องบ่นเสียยืดยาวก่อนที่พี่ชายจะซักผ้า มองนาฬิกาเข็มยาวเลื่อนมาอยู่ที่เลขสิบเอ็ด เข็มสั้นใกล้เลขสิบสอง ดีเดินเข้าไปในครัว เห็นแค่ไข่อยู่สองฟองแล้วบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

“จะออกไปซื้ออะไรกินดีไหมนะ เหมียวเล็กกินไรดี”

คนถามเดินขึ้นไปหยิบกระเป๋าสตางค์ในห้องนอน บอกเหมียวเล็กว่าให้เฝ้าบ้านดีๆ แล้วจึงเดินออกมาปิดประตูบ้านเพื่อที่จะไปซื้ออาหารหน้าปากซอย



ดีซื้อของกินมาหลายอย่าง ตุนไว้สำหรับตอนเย็นและพรุ่งนี้เช้าจนเต็มสองมือ

“ซื้อปลาทูมาฝากเหมียวเล็กด้วย”


ก้มมองดูอาหารที่ซื้อมา พูดกับตัวเองเบาๆ ใกล้ถึงบ้านแล้ว เห็นรถยนต์คันหนึ่งที่เริ่มค้นตาจนอยู่ชิดประตูรั้ว


...ยัยซีไปบอกจริงๆ หรือเนี่ย...



เจ้าของรถยืนพิงอยู่ประตูรั้วที่หน้าบ้าน ผมหน้าถูกมัดเป็นจุกทรงน้ำพุ เสื้อผ้าก็แค่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ดวงตาดำขลับนั้นปิดสนิท ตอนที่เดินผ่านเหมือนได้ยินเสียงกรนเบาๆ ด้วย


ดีพยายามเปิดประตูบ้านให้เบาเสียงที่สุด แต่ด้วยความที่สองมือเต็มไปด้วยถุงใส่อาหารที่เพิ่งซื้อมาจากตลาด ถุงพลาสติกที่แกว่งไปมาจึงมีเสียงดัง กรอบแกรบ อยู่ตลอดเวลา ประตูบ้านที่ไม่เคยได้รับการดูแลหยอดน้ำมันส่งเสียงเอี้ยดอ้าด ร่างสูงที่ยืนพิงรั้วอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาจนได้


“ฮ้าวววว ดีมาแล้ว” อ้าปากกว้างเชียว
   
“อืม”   

มือของคนที่เพิ่งตื่นยื่นเข้ามาหมายว่าจะช่วยสองมือผอมๆ ที่หิ้วถุงพะรุงพะรังทั้งสองข้าง

“ไม่ต้อง..” น้ำชะงัก เหลือบมองหน้าคนพูด


“ไม่หนักหรอก ปิดประตูรั้วแล้วก็ไปเปิดประตูบ้านให้หน่อยแล้วกัน”


ดียื่นนิ้วก้อยที่เกี่ยวพวงกุญแจบ้านให้หลังจากเปิดประตูรั้วแล้ว น้ำเหลือบมองมือผอมที่หิ้วของเต็มมือจนต้องใช้นิ้วก้อยเกี่ยวพวงกุญแจยื่นให้ จุดประสงค์คือให้หยิบกุญแจจากนิ้วเล็ก แต่ว่า...


 หมับ


“เฮ้ยยย ทำไร”

“เกี่ยวก้อย” ยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากมือนิ้วก้อยที่เกี่ยวกันอยู่ ดีขยับบิดมือซ้ายขวาแต่เพราะถุงหิ้วจึงทำอะไรไม่สะดวกนัก

“ให้หยิบกุญแจบ้านเนี่ย ไปเปิดประตูเลย ปล่อยมือ”

“อ้าว นึกว่าจะเกี่ยวก้อยพี่ซะอีกนะเนี่ย” ยังตีหน้าซื่อได้อีก

“ถ้าไม่เปิดก็กลับไปเลย”

“โอ๊ะ โหดแท้วันนี้” แกล้งจนพอใจแล้วนั่นแหละจึงยอมปล่อย

น้ำจัดการเปิดประตูบ้านและรวบของที่ดีซื้อมาทั้งสองมือมาถือไว้เองแล้วเดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เจ้าของบ้านบ่นงึมงำอยู่คนเดียว

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ เที่ยงนี้จะทานอะไรครับ” น้ำมองดูอาหารที่ดีซื้อมา เห็นก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ สองถุง

“ก๋วยเตี๋ยวใช่ป่าว เอาใส่ชามละนะ” น้ำจัดก๋วยเตี๋ยวใส่ชาม ยกไปวางที่โต๊ะญี่ปุ่นหน้าบ้าน ดีที่กำลังเล่นกับเหมียวเล็กถึงได้รู้ว่าอาหารพร้อมทานแล้ว มองหน้าคนที่ยกอาหารมาให้ กล่าวขอบคุณเบาๆ แล้วก็ได้รับรอยยิ้มจนตาเป็นขีดกลับมา





“นี่”


ดีกำลังคีบก๋วยเตี๋ยวเข้าปากนึกอะไรขึ้นได้แล้วจึงถามคนที่นั่งบนโซฟามีเหมียวเล็กนอนตัก


“นี่”


“คนมีชื่อ เรียกชื่อสิ นี่น่ะ ชื่ออะไร” น้ำหันมามองคนเรียกตัวเอง ใช้นิ้วชี้ๆ ที่ตัวเอง

“อ่า..โอเค... พี่น้ำ” เรียกไอ้พี่น้ำก็ไม่ไหวมั้ง คนอุตสาห์เตรียมข้าวให้

“ครับ”

น้ำยิ้มดวงตาแววระยับ

“กินข้าวหรือยัง”

ดีทนรอยยิ้มกว้างนั้นไม่ไหว เสมองชามก๋วยเตี๋ยวแทน
 
“นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว ... ยังเลยครับ”

“ซื้อมาตั้งสองถุง มากินด้วยกันสิ” พูดจบแล้วต้องหดคอเมื่อน้ำเดินมาลูบผมพร้อมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินไปหยิบชามก๋วยเตี๋ยวที่เทใส่ชามไว้แล้ววางลงข้างๆ คนผอม

“ความจริงเห็นแล้วล่ะ” น้ำพูดมองหน้าดียิ้มๆ

เป็นดีเองที่แปลกใจ ก็รู้อยู่แล้วว่ามีก๋วยเตี๋ยวสองถุง เทใส่ชามไว้แล้วด้วยนะ

“อ้าว แล้วทำไมไม่มากินด้วยกันแต่แรกล่ะ” ถามด้วยความสงสัยสุดๆ
 
“รอให้น้องดีชวน อ่า ดีใจจังเลยนะ ก๋วยเตี๋ยวต้องอร่อยมากแน่ๆ เลย”




“นั่งกินเงียบๆ ไปเลย”





จนก๋วยเตี๋ยวหมดชาม น้ำก๋วยเตี๋ยวยังไม่เหลือ ไม่รู้ว่าเพราะวันนี้ป้าทำอร่อยหรือเพราะมีคนมากินเป็นเพื่อนกันแน่

“ขอบคุณนะครับ”
 
น้ำยิ้มอีกแล้ว

“อื้อ”

“ซีโทรไปบอกว่าไม่สบาย ไปหาหมอกันไหม”

...เป็นยัยซีจริงๆ นั่นแหละ...

“ไม่ต้องหรอก แค่เวียนหัว ตัวเย็นๆ ตอนเช้านิดหน่อย สงสัยความดันต่ำ”

“ช่วงนี้ทำงานดึกใช่ไหม พักผ่อนเยอะๆ นะ”

“อื้อ”


ไม่จำเป็นต้องถามว่ารู้ได้ไง ยัยซีคงไม่พลาดให้ข้อมูลสำคัญกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว ให้ตาย



“พี่เป็นห่วงนะครับ”



...โอเค จากตอนเช้าที่ตัวเย็น ตอนนี้ถ้าไปหาหมอคงต้องบอกว่าตัวร้อน ร่างกายเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเร็วเกินไป จะไม่สบายจริงๆ เพราะอย่างนี้หรือเปล่าเนี่ย...




...To be continued...
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 18) - 20/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 20-11-2015 23:23:51
บรรยากาศละมุน น้องดียอมอ่อนแล้วว พี่น้ำต้องรักน้องดีมากๆนะ   :-[
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 18) - 20/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-11-2015 23:28:16
นึกว่าจะป่วยหนัก อยากเห็นคนอ้อนอีก
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 18) - 20/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 21-11-2015 09:20:08
ไม่หวือหวา ดูอบอุ่นดีครับ แต่ก็มีลุ้นว่าใครมาโพสหน้าวอลลของน้องดีน่ะ  มาลุ้นครับ อ่านแล้วเริ่มติดล่ะครับ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 18) - 20/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Monochrome ที่ 21-11-2015 11:51:36
ปลื้ม........น้องดีน่ารัก
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 18) - 20/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: 98NooNid0831 ที่ 22-11-2015 11:18:04
รอนะเธอ :katai4: :katai5:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 19) - 22/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 22-11-2015 20:54:58
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 19)




ตอนที่ 19 สิ่งเร้า



ซีตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์ พบว่าพี่ชายของตนตื่นก่อนแล้วกำลังนั่งเล่นเจ้าเหมียวเล็กและดูโทรทัศน์ด้วยอาการเหม่อลอย ขนาดเธอลงบันได เดินมาหยุดบังโทรทัศน์หวังจะแกล้งพี่ชายของเธอยังไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ


“จ๊ะเอ๋ พี่ดี” ซีแกล้งชะโงกหน้าเข้าไปใกล้คนเหม่อ
   
“ทำอะไรปัญญาอ่อน” ดีไม่ตกใจสักนิด ทั้งๆ ถ้าเป็นแต่ก่อนคงโวยวายว่าเธอยกใหญ่

“มัวแต่เหม่อ เป็นไรอะ” ซีทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างๆ กัน

“ง่วง” เหมียวเล็กก้าวลงจากตักพี่ชายมานอนขดตัวบนตักน้องสาว

“ไปนอนต่อดิ ตื่นเช้าทำไม” ซีเกาคอให้เจ้าเหมียวขี้อ้อน

“นอนไม่หลับ” ดีนั่งมองโทรทัศน์ ตอบน้องสาว

“หื้อ ไม่สบายยังไม่หายอีกหรือไง” ซีละมือจากแมว เอามาวัดอุณหภูมิของพี่ชาย ก็ปกติดี ไม่ร้อนไม่เย็นเหมือนวันก่อนแล้ว

“ไม่รู้สิ” ดีพูดจบก็ถอนหายใจ ซีนั่งสังเกตอาการพี่ชายของตนเองเงียบๆ


ดีเป็นคนพูดน้อย แต่ถ้ากับคนสนิทจะพูดมาก ขี้เล่น กวนไปทั่ว ที่สำคัญคือขี้อ้อน แต่ถ้ากับคนอื่นที่ไม่สนิทจะนิ่ง เงียบ เป็นคนละคน อาการเงียบที่ซีเห็นดีเป็นอยู่นี้ ถือว่าเป็นอาการผิดปกติ

“พี่ดีเป็นไร” ซียังคงพยายามต่อไปที่จะทราบสาเหตุ
      
“เฮ้อ ไม่รู้ อย่าถามดิ” ดีกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ

“งั้นมาเล่นยี่สิบคำถามกัน ตอบแค่ใช่หรือไม่ใช่นะ”
   
“ไม่เอา ยังไม่อยากคิด ยังไม่แน่ใจ เฮ้อ” ดีไม่ยอมเล่นด้วย

“เอ้า แล้วจะมานั่ง ถอนหายใจทิ้งเล่นหรือไงเล่า เบื่อพี่ดีล่ะ ไปหาไรกินดีกว่า” ซีเลิกเซ้าซี้ เดินเข้าไปหาอะไรทานในครัว จนอิ่มท้องแล้วก็ขึ้นห้อง หยิบโทรศัพท์ กดหาเพื่อนซี้ทันที ปลายสายยังไม่ตื่นดี แต่เมื่อเธอโทรไปเล่าเรื่องของพี่ชายให้ฟังก็ยอมตื่นมาฟังแต่โดยดี สองสาวคุยโทรศัพท์กันเกือบชั่วโมงแล้วจึงวางสาย

...ก็พี่ชายทั้งคน น้องสาวทั้งสองคนจะไม่ห่วงได้ไงเล่า...







ดีเหลือบมองนาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลาบ่ายสองโมงกว่าๆ ปกติยังไม่ทันถึงเที่ยง หน้าบ้านก็จะมีรถยนต์แล่นเข้ามาจอด ตามด้วยเสียงของสองสาว ยัยซีกับเพื่อนคุยกันเสียงดัง พี่ชายของยัยหวานจะต้องเข้ามานั่งเล่นแหมียวเล็ก ถึงจะมาไม่ทุกอาทิตย์เพราะก็มีช่วงสอบบ้าง ทำโปรเจ็คบ้างก็จะโทรมาบอกไม่ก็ยัยซีจะต้องมาคอยรายงานประจำ แต่นี่ทำไมหายเงียบไปเลยล่ะ   
   
อะไร ไม่ได้คิดถึงอะไรทั้งนั้นแหละ อย่ามั่วเฟ้ย



“พี่ดีเป็นไร จะไปไหนป่าว เห็นมองนาฬิกาหลายครั้งละนะ” ซีถามพี่ชายเมื่อเห็นเหลือบมองนาฬิกาที มองไปทางรั้วหน้าบ้านที มองอย่างนี้มาตั้งแต่เที่ยง แม้ว่าดีจะพยายามแอบมองไม่ให้เธอจับได้ก็ตาม

“ป่าว ไม่ไปไหนหรอก” ปากแข็งมากพี่ชาย

“อ่า โอ๊ะใกล้บ่ายสามแล้ว พี่ดีเปลี่ยนช่องเลยเร็ว” ซีมองพี่ชายตัวเองยิ้มๆ ในเมื่อไม่ยอมพูดไม่ยอมบอก เธอก็จะขอแกล้งอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เลยละกันนะ
   


เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที เป็นซีเองที่ทนไม่ได้เมื่อเห็นพี่ชายเอาแต่นั่งถอนหายใจมองนาฬิกาทีมองประตูบ้านที



“วันนี้พี่น้ำไม่มาหรอก”
ดีที่นั่งเหม่อหันขวับมาอย่างรวดเร็ว

“ทำไม...เอ่อ หมายถึงซีบอกทำไม ไม่ได้อยากรู้เลยเถอะ” เผลอถามออกไปเมื่อนึกได้ก็แก้ตัวอย่างเงอะงะ

“อ้าวหรอ นี่ซีก็นึกว่าพี่ดีรอพี่น้ำมาหา เห็นมองที่รั้วบ้านบ่อยๆ”

“ไม่ได้รอเหอะ ... แล้วมันไปไหน” โธ่เอ้ย นี่ขนาดบอกไม่ได้รอ ซีเหนื่อยใจกับคนปากแข็ง

“ไม่รู้ อยากรู้ก็ถามเองสิ” ซีพูดแค่นั้นแล้วหันกลับไปสนใจโทรทัศน์ต่อ ทิ้งให้ดีนั่งทำหน้ายุ่ง


...อยากรู้ก็ถามเอาเองละกันนะพี่ดี...








คอนโดของสองพี่น้อง น้ำ –หวาน วันนี้วุ่นวายกว่าปกติ เมื่อน้ำกำลังแต่งตัวจะออกไปพบดีที่บ้านตามปกติ อยู่ๆ น้องสาวก็วิ่งมาเคาะประตูห้องแล้วห้ามให้เขาออกไปที่ไหนเพราะเจ้าหล่อนจะทำขนม ให้อยู่เป็นลูกมือ

“น่านะ พี่น้ำ อยู่ช่วยหวานทำขนมก่อนนะ เนี่ยกะว่าจะทำไปให้พี่ดีกับซีทานด้วย” หวานเกาะแขนอ้อนพี่ชายสุดฤทธิ์เมื่อเห็นน้ำมองมาอย่างไม่สบอารมณ์

“แล้วทำไมไม่ทำตั้งแต่ตอนเช้าล่ะ”

“เอ้า ก็เพิ่งนึกออก แล้วอีกอย่างซีโทรมาเม้าท์ว่าเห็นพี่ดีบ่นอยากกินขนม”

“ก็ไม่เห็นต้องทำเองเลย ไปหาซื้อเอาก็ได้ ร้านมีออกเยอะแยะ” น้ำพยายามเอามือน้องสาวออก เมื่อทำสำเร็จก็ยกมือทั้งสองข้างกอดอกตัวเอง ยืนหรี่ตามองดูท่าทางพิรุธของน้องสาวตัวเอง

“เหอะ ขนมของหวานอร่อยสุด พี่ดีชอบจะตาย ซื้อมาให้มันก็ไม่จริงใจเท่ากับทำให้เองกับมือหรอกนะพี่น้ำ” ถ้าหวานสะบัดผมบ็อบได้คงทำไปแล้ว นี่บอกเลย

“แค่นี้?”

หวานชอบทำขนม น้ำได้ทานทุกครั้งที่น้องสาวทำตั้งแต่เธอยังหัดทำใหม่ๆ ที่อบขนมสุกบ้างไม่สุกบ้าง จนตอนนี้ทำออกมาได้อร่อยเทียบได้กับร้านโฮมเมดดังๆ เลยทีเดียว เธอทำขนมเองทุกครั้งไม่ต้องให้เขาไปช่วยอะไร เหตุผลที่ขอให้เขาคอยเป็นลูกมือจึงไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่

ตอนนี้น้ำเริ่มจับทางได้ว่าต้องมีเหตุผลอะไรมากกว่าแน่นอนจึงพยายามถามน้องสาวให้ได้

“เฮ้อ เกลียดคนรู้ทัน” แล้วสุดท้ายหวานต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

“เล่ามาเลย”

“ซีอยากแกล้งพี่ดี” หวานเดินเข้าไปเตรียมอุปกรณ์ทำขนมในครัว พลางเล่าแผนการของซีให้ฟัง

“พี่น้ำเคยเรียนจิตวิทยาปะที่ว่าอะไรที่มันซ้ำๆ เดิมๆ มันจะน่าเบื่อ ตามทฤษฎีการเสริมแรงของ
สกินเนอร์ ถ้าเวลาในการเสริมแรงมันคงเดิม อัตราการตอบสนองต่อพฤติกรรมมันก็จะคงเดิม”   

“ไม่เคยเรียน อธิบายอะไรที่มันรู้เรื่องหน่อยดิ” น้ำเดินเข้าไปช่วยหวานที่กำลังร่อนแป้งเพื่อเตรียมทำขนม

“เอาง่ายๆ ก็แบบ พี่น้ำไปหาพี่ดีทุกบ่ายวันอาทิตย์มาตลอดใช่ปะ”

“อื้อใช่” น้ำร่อนแป้งรอบที่สอง

“ร่อนแป้งสักสามรอบนะพี่น้ำ...พฤติกรรมการตอบสนองของพี่ดีก็จะเกิดความเคยชินไง แบบไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวพี่น้ำก็มา อัตราการตอบสนองก็จะลดต่ำลงเรื่อยๆ”

“หมายถึงว่าดีก็จะเคยชินกับเรื่องที่พี่มาหา”

“แม่นแล่ว...ดังนั้นเพื่อกระตุ้นให้พี่ดีแสดงพฤติกรรมบางอย่างออกมาเราจึงต้องเปลี่ยนเวลาของสิ่งเร้า” 

“เดี๋ยวนะ สิ่งเร้านี่คือพี่หรอวะ”  น้ำชะงักการร่อนแป้งรอบสุดท้าย

“ช่ายยยย...เปลี่ยนเวลาให้พี่น้ำไปพบพี่ดี เพื่อให้พี่ดีแสดงพฤติกรรมบางอย่างออกมา” หวานตอบน้ำพลางตอกไข่สองฟองลงในชามและตีแรงๆ อย่างคล่องแคล่ว

“พฤติกรรมบางอย่างที่ว่าคืออะไร”

“ในทางบวกก็คือคอย ถามว่าพี่น้ำไปไหนทำไมไม่มา ไม่สบายหรือเปล่า ต้องรีบไปเฝ้าไข้เหมือนที่ใครบางคนเคยทำให้หรือเปล่า...” หวานล้อเลียนพี่ชายตนเอง

“พอๆ แล้วในทางลบล่ะ” หูของน้ำเป็นสีชมพูหน่อยๆ

“ก็ไม่รู้สึกอะไรเลยไง”

“อันนี้เจ็บมาก เฮ้อ” น้ำถอนหายใจเสียงดัง

“เอาน่า หวานว่าพฤติกรรมยังไงก็เป็นทางบวกอะ พี่ดีอ่อนให้ขนาดนี้แล้วแท้ๆ” เมื่อเห็นว่าไข่ขึ้นฟูนิดหน่อย ก็เทเนยละลายและน้ำตาลลงไป ก่อนจะยื่นชามให้น้ำตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน

“ดีอ่อนยังไง พี่เห็นว่าเปลี่ยนไปนิดเดียวเอง”

“แค่พี่ดียอมไปไหนมาไหนโดยไม่มีซีด้วยก็ถือว่าเปิดใจมากแล้วเหอะพี่น้ำ เมื่อก่อนถ้าเป็นคนอื่นที่พี่ดีรู้ว่ามาจีบนะ แค่มองยังจะไม่มองเลย ทำเหมือนเป็นธาตุอากาศอะ อยากลองไหม จะบอกพี่ดีให้”

น้ำละมือจากส่วนผสม ผลักหัวน้องสาวเบาๆ

“ไม่ยอมหรอก คนนี้จีบแล้วไม่ถอยง่ายๆ หรอกน่า”

“ฮ่าๆ เขิน พี่น้ำบ้า รู้งี้แนะนำใหรู้จักกันตั้งนานละ”


“จ้ะๆ มาทำขนมต่อครับแม่สื่อ เย็นนี้จะได้กินไหม”

เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง กลิ่นหอมหวานของเนยและช็อกโกแล็ตก็ฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง นาฬิกาบนผนังบอกเวลาบ่ายสามโมงสามสิบนาที หวานขอตัวไปอาบน้ำอีกรอบก่อนจะออกไปบ้านของดีและซี และสั่งให้น้ำรอจนคุกกี้เย็นแล้วจึงจัดใส่กล่องเอาไปให้สองพี่น้องที่บ้าน


ระหว่างที่น้ำกำลังนั่งดูโทรทัศน์ รอเวลาให้หวานเตรียมตัวและรอให้คุกกี้เย็นตัวลง เสียงโทรศัพท์มือถือของตนเองก็ดังขึ้น
ครั้งแรกที่ได้ยิน น้ำคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เนื่องจากเบอร์นี้เป็นเบอร์ที่ตั้งเสียงเรียกเข้าไว้เฉพาะ ตั้งแต่ตั้งเสียงไว้ก็ไม่เคยได้ยินเสียงเพลงนี้เลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ดีโทรหาเขา



...แค่อยากมีใครมาเดินด้วยกัน อยากมีคนกอดฉัน เวลาหวั่นไหว
อยากให้เขา มาคอยปลอบใจเมื่อยามเราเหงา
อยากมีคนนั้นคอยเคียงข้างกัน แบ่งปันความฝัน ที่มีของเรา
และความทุกข์ ก็คงแบ่งเบา แค่เราเดินด้วยกัน...
(เพลง เดินด้วยกันไหม – Past Tales)





น้ำจ้องมือถือของตนเองค้างอย่างนั้น จนปลายสายเกือบถอดใจกดวางแต่แล้วในเสี้ยววินาทีสุดท้าย

“สวัสดีครับ” เพราะพูดออกไปทั้งๆ ที่ยังยิ้มกว้าง เสียงที่ออกมาจึงแปลกๆ อยู่บ้าง

// ......  // คนที่โทรมาเงียบ

“ดีได้ยินไหม พี่น้ำเองนะ”

// เอ่อ...ได้ยินแล้ว// น้ำอยากจะเห็นหน้าคนโทรมาตอนนี้ชะมัด

“ดีโทรหาพี่”

//อื้อ...เอ่อ...ซีฝากมาถามว่าไม่สบายหรือเปล่า”

“ฮะ ไม่นะ ปกติ สบายดี แล้วดีล่ะไม่สบายหายหรือยัง”

//หายแล้ว...แล้วทำไม...//

“ทำไม...?”

น้ำยิ้มกว้างคุยกับโทรศัพท์ ถ้ายัยหวานมาเห็นเข้าคงจะโดนล้อไปอีกหลายวันแน่ๆ เขารู้ว่าคนผอมจะถามอะไร แต่ครั้งนี้ของแกล้งทำเป็นไม่รู้สักหน่อย

//...ไปไหน//

น้ำร้อง เยส เสียงดังในใจพร้อมกับเหวี่ยงมือซ้ายต่อยอากาศสุดแรง

“ไม่ได้ไปไหน อยู่คอนโดครับ”

ถามแค่นี้ก็ของตอบแค่นี้ละกันนะคนดี ขออีกสักประโยคเถอะ ถ้าเป็นประโยคนั้นประโยคเดียว ต่อให้ต้องเป็นสิ่งเร้าที่มาตรงเวลาเสมอจนดีเคยชิน อัตราการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่ำลงไปก็ยอมละว่ะ

//...แล้ววันนี้จะไม่มานี่หรอ..//

“...ไปสิ เนี่ยกำลังจะออกแล้วละ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันนะครับ”

//...เอ่อ นี่ไม่ได้ขอนะ ถามเฉยๆ //

“ครับๆ พี่อยากมาเอง”

//..อื้อ แค่นี้นะ//

ยังไม่ทันที่น้ำจะตอบปลายสายก็ตัดสายไปเสียก่อน



น้ำไม่เสียเวลามานั่งดีใจ กระโดดลุกจากโซฟา ปิดโทรทัศน์ เคาะประตูห้องเร่งหวานเสียงดัง เก็บคุกกี้ใส่ถุง รีบขับรถออกมาจากคอนโด ไม่สนใจเสียงล้อเลียนของหวานเมื่อขึ้นมาบนรถแล้วถูกบังคับให้เล่าให้ฟัง



...กลัวไม่ทันครึ่งชั่วโมงอย่างที่บอกคนทางโทรศัพท์ไปนะสิ...






.
.
.





แล้วก็มาถึงบ้านพี่น้องดีซีภายในเวลาสามสิบนาทีจนได้

ซียืนยิ้มอยู่บ้านประตูรั้วบ้านที่เปิดไว้ ทำมือบอกให้น้ำเอารถเข้ามาจอดในบ้านได้ เมื่อจอดรถเสร็จ หวานรีบเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับซี ทิ้งให้น้ำปิดประตูรั้วแล้วเดินตามเข้าไป

“ถ้ารู้ว่าเปลี่ยนเวลาให้สิ่งเร้าแล้วจะเกิดการแสดงพฤติกรรมที่ต้องการออกมานี่ทำไปนานแล้วอะซี” หวานพูดกับซี พร้อมมองมาที่พี่ชายทั้งสองคน


ดีนั่งเกาคอให้เหมียวเล็ก พยายามไม่สนใจสองสาว น้ำเดินไปนั่งข้างดี เอื้อมมือไปอุ้มเหมียวเล็กมาเล่นเอง

“ฮ่าๆ พฤติกรรมแสดงออกชัดเจนมากถึงมากที่สุด ขอคาราวะอาจารย์สกินเนอร์”

น้ำยิ้มกว้างกับคำพูดของสองสาว เกาคอให้เหมียวเล็ก  ก่อนจะหันหน้ามามองคนข้างเต็มตา

“พี่มาแล้ว”

ดีนั่งมองโทรทัศน์นิ่งไม่กระดิก

“อื้อ”

“สามสิบนาทีไม่เกินด้วยนะ”

“อื้อ” รู้แล้วน่า เพราะเขาก็มองนาฬิกาอยู่ตลอด

ก่อนที่น้ำจะพูดอะไร หวานก็พูดขึ้นมา

“พี่ดี ที่มาช้าไม่ใช่ว่าพี่น้ำไปเถลไถลที่ไหนหรอกนะ” ซีหัวเราะเบาๆ กับคำพูดของเพื่อน

“พูดดีๆ หน่อยหวาน เดี๋ยวพี่เสียหายหมด”

“ฮ่าๆ เอาจริงๆ มาช้าเพราะทำคุกกี้ให้พี่ดีอยู่น่ะ” หวานยื่นกล่องคุกกี้ส่งให้ดี

“เนี่ย พี่น้ำมาช่วยหวานทำเลยนะ พอบอกว่าจะทำมาให้พี่ดี ของซีกล่องนี้ ธัญพืช ของพี่ดีช็อกโกแล็ตชิพ”

“เอ่อ...หวาน...ขอบใจนะ” ดีหันมายิ้มขอบคุณเพื่อนน้องที่มักจะมีขนมฝากมาให้เขาประจำตั้งแต่สองคนนี้เป็นเพื่อนกันมา

“ค่ะ แต่ขอบใจหวานคนเดียวไม่ได้นะคะ เราขึ้นไปข้างบนละนะ” ซีและหวานเดินขึ้นบันได เข้าไปในห้องซีทิ้งพี่ชายไว้ข้างล่าง




เมื่อสองสาวขึ้นไปแล้ว ดียังคงนั่งมองกล่องคุกกี้ในมือ เม้มปากแล้วคลายออกเหมือนอยากจะทำอะไรสักอย่างแต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ 

“ลองชิมดูสิ” น้ำเอื้อมมือไปเปิดกล่อง หยิบคุกกี้ขึ้นมาให้ชิมหนึ่งชิ้น ดีรับมา


“อร่อยไหม”

“อื้อ กินได้”

“โธ่ แค่กินได้เองหรอ พี่ตีไข่ ตีส่วนผสมจนปวดแขนเลยนะเนี่ย” น้ำแกล้งบบีบแขนสะบัดข้อมือไปมา พยายามเรียกร้องความสนใจขั้นสุด

“อร่อยดิ ลองชิมดู” เอาคุกกี้ที่กัดไปหนึ่งคำใส่ปากคนโอดครวญ คนเจ้าเล่ห์มือไวคว้าข้อมือขาวไว้ทันแล้วค่อยๆ ละเลียดกัดคุกกี้

“พี่ว่าตอนชิมที่คอนโดไม่ค่อยหวาน แต่ทำไมชิ้นนี้หวานจัง ...โอ๊ะ”

ดีต่อยเข้าที่ไหล่คนขี้แกล้งอย่างอดไม่อยู่

“เงียบเลย”

“พูดอีกประโยคได้ป่าว”

“อะไร”

“ทานให้หมดนะครับ ถ้าไม่รัก ไม่ทำหรอกนะ”

“เชี่ยยยยยยยย”

น้ำปล่อยให้ดีชกไหล่ตนเองอยู่อย่างนั้น แทนที่จะร้องโอดครวญกลับหัวเราะเสียงดัง ให้คนผอมๆ หน้าแดงแล้วแดงอีก




…To be continued…
--------------------------------------

[22/11/2558]
ตอนนี้ก็มีของกินอีกแล้ว สมควรเปลี่ยนชื่อเรื่อง "Hungry กินเยอะกว่านี้ไม่มีแล้ว" อาจจะเวิร์คกว่า 5555
ดีใจมีคนหลงเข้ามาอ่านเพิ่มขึ้นแล้ว เย้
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 19) - 22/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 22-11-2015 21:45:21
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 19) - 22/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Map ที่ 22-11-2015 23:03:24
น่ารักจังเลยยยย  :-[
อยากรู้ว่าใครโพสต์เฟสแบบนั้น  :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 19) - 22/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-11-2015 02:35:17
ปลื้มแทนน้ำเลยเนี่ย ดีเริ่มแสดงออกมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 19) - 22/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-11-2015 11:10:37
อ่านแล้วมุ้งมิ้ง

หวังว่าน้ำจะไม่ทำให้ดีเสียใจนะ

(ส่วนสองสาวนั่น...... เป็นคู่เลสกันเถิดน้อง 555555)
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 19) - 22/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 23-11-2015 18:09:18
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 20) - 25/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 25-11-2015 21:47:29
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 20)





บทที่ 20 คำถาม – คำตอบ



“เฮ้ย ไอ้แชมป์ ทำไรวะ” ดีหันขวับไปทางต้นเหตุที่ต่อยแขนเขาอย่างแรง

“ต่อยแขน” แชมป์ตอบพลางยักคิ้ว ท่าทางยียวน

“พ่องงงงง” ดีหันจะไปต่อยคืน โดนแชมป์ปัดมือทิ้งอย่างไม่สนใจ

“พวกกูเรียกมึงตั้งนานละ นั่งเหม่ออยู่ได้”  แชมป์พูดพลางคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย

“เรียกทำไม” ดียังคงงงอยู่

“เอ้า ไอ้นี่ คลาสเลิกตั้งนานแล้วปะ ไอ้สองตัวนั้นไปโรงอาหารก่อนแล้วเว้ย รีบเก็บของเลยสัด ให้ไว”

ดีมองไปรอบๆ ห้องจึงเห็นว่าโปรเจ็คเตอร์ที่ฉายอยู่หน้าห้องปิดไปแล้ว และนักศึกษาหลายคนก็กำลังเก็บของเตรียมจะออกจากห้อง เขาจึงรีบเก็บของและเดินตามแชมป์ไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงโรงอาหารเก่งกับท็อปนั่งรอทั้งสองคนอยู่แล้วที่โต๊ะประจำ

“ไอ้ดีแม่งชักช้า นั่งเหม่อไรไม่รู้” เก่งบ่นขณะกำลังเล่นโทรศัพท์

“ไม่ต้องบ่นเลยไอ้เก่ง กูไปซื้อข้าวละ” ดีรีบหยุดเพื่อนก่อนจะลุกไปซื้ออาหารกลางวัน ไอ้เก่งมันเป็นคนขี้บ่น ถ้าให้มันได้บ่นนะ สองชั่วโมงมันยังทำได้ จับเวลากันมาแล้ว   
   

“ไอ้เก่ง หยุดเลยมึง”  ระหว่างที่กำลังทานข้าวกันอยู่นั้น ท็อปก็ผลักหัวเก่งที่นั่งอยู่ข้างกัน

“ห่าท็อป เจ็บนะเว้ย” ไอ้เก่งโวยวาย

“มึงทำเชี่ยไรละ” ดีนั่งมองสองคนอยู่เงียบๆ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่พวกมันจะทะเลาะกันเอง กำลังคิดอยู่เลยว่าทำไมวันนี้มันเงียบกันจัง เรื่องที่ทะเลาะกันระหว่างทานข้างคงไม่พ้น...

“แครอทอร่อยนะเว้ย มีแบตาแคโรทีน” ไอ้เก่งจะชอบเอาผักเขี่ยใส่จานคนอื่น ใครนั่งข้างมันก็ซวยไป

“อร่อยดีมีประโยชน์แล้วทำไมมึงไม่แดกเองเล่า” ไอ้ท็อปตักแครอทจะคืนใส่จานให้

“เอ้า ของดีๆ ใครมีก็ต้องแบ่งปันไงมึง ไม่ต้องเอามาคืนเลย” ไอ้เก่งพูดพลางเอามือป้องปิดจานตัวเองไม่ให้ท็อปเอาแครอทคืน

“ไอ้สัด มึงไม่แดกผักก็ว่ามาเถอะ” ไอ้ท็อปเริ่มนิ่ง เมื่อขวาที่ถือช้อนใส่แครอทค้างไว้ระดับอก ดีแอบเห็นมันประสานสายตากับไอ้แชมป์ที่นั่งเงียบอยู่จนเขาแอบๆ เอามือป้องจานตัวเองบ้าง

“ไม่จริง มึงดูกูแดกไร ผัดผักรวมนะเว้ย แค่กูไม่กินแครอทเอง” ไอ้เก่งยกจานขึ้นมาให้เพื่อนๆ ดูว่ามันผักกินอะไรบ้าง ระหว่างนั้นเองไอ้แชมป์เอื้อมมือไปตักไข่ดาวที่ไอ้เก่งกินไข่ขาวหมดเหลือแต่ไข่แดงไว้กินสุดท้าย

“ไอ้แชมป์ มึงหยุดเลย ไข่แดงกะ...” ไอ้เก่งที่กำลังโวยวายเงียบเสียงลงทันใด เพราะไอ้ท็อปที่รอจังหวะอยู่นั้น เอาช้อนที่มี
แครอทยัดใส่ปากมันลงไปเต็มคำ พร้อมทั้งเอามือปิดปากเมื่อเห็นว่าไอ้เก่งทำท่าจะคายออกมา

“เคี้ยว!” ไอ้ท็อปโหดสัด

“แดกลงไปให้หมดนะมึง” ไอ้แชมป์สำทับ และนั่งหัวเราะกันสองคนเมื่อเห็นว่าไอ้เก่งสำลักหน้าดำหน้าแดง ดีหัวเราะเบาๆ ยื่นน้ำให้เพื่อนที่ตอนนี้กำลังไอจนตัวโยก

“แค็กๆ ไอ้สัด” เก่งดื่มน้ำไปค่อนขวด สูดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะ...

“ไอ้แชมป์ มึงก็รู้ว่ากูไม่กินแครอท มึงยังบอกมันแกล้งกูอะ ยังไม่พอ มึงยังจะขโมยไข่แดงกูอีกนะ เชี่ย กูอุตสาห็จะเก็บไว้กินสุดท้าย นี่เพื่อนกันจริงป่าววะ แม่งเอ้ย ไอ้ดีมึงอีกคนนะ เห็นพวกมันแกล้งกูมึงยังจะนั่งหัวเราะอีก เดี๋ยวกูไปบอกพี่น้ำให้แกล้งมึงบ้างหรอก ส่วนมึงนะไอ้ท็อปกะ...”

ท็อปแย่งช้อนของแชมป์ที่ตักไข่แดงไป เอามาจ่อปากคนพูดมาก

“อะ เนี่ยไข่แดงของมึง ไม่มีใครกินสักหน่อย เลิกบ่นแล้วกินข้าวให้หมดเลย ไอ้ขี้บ่นเอ้ย”

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ไอ้ท็อปคิดว่าแค่นี้แล้วกูจะหายโกรธหรอ ถ้าเกิดแครอทติดคอกู กูหายใจไม่ออก ตายไปทำไงวะ เนี่ยๆ มึงเอาผักไปให้หมดเลย เอาหมูในจานมึงมาแลก เร็ว”

ท็อปวางไข่แดงลงในจานเก่งแล้วอยู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้น เดินดุ่มๆ ออกไปไม่พูดไม่จา ทิ้งให้ไอ้เก่งที่กำลังเขี่ยผักใส่จานท็อปชะงัก

“มันเป็นไรวะดี”

“ไม่รู้ว่ะ สงสัยมันโกรธมึงแล้วมั้ง” ดีขยับจานตัวเอง และรีบกินข้าวให้เร็วขึ้นก่อนที่ไอ้เก่งจะเปลี่ยนใจเอาผักมาใส่จานเขาแทน

“กินข้าวไปไอ้เก่ง เดี๋ยวมันก็มา” แชมป์พูดอย่างไม่สนใจ ก้มหน้ากินข้าวต่อไป เก่งตักหมูใส่จานตัวเองจนพอใจแล้วก็ลงมือทานข้าวต่อ








ปึก!

กระป๋องน้ำอัดลมสีแดงถูกวางลงตรงหน้าเก่ง ทำให้ทั้งสามคนที่กำลังนั่งทานข้าวเงยหน้าขึ้นมาทันที

“กว่าจะหาชื่อมึงได้  แดกให้หมดนะมึง”

ท็อปกลับมานั่งที่เดิม ตักข้าวกินไม่สนใจไอ้เก่งที่นั่งอ้าปากพะงาบๆ พูดไม่ออก พูดอุบอิบออกมาเบาๆ ว่า “ขอบใจ” แล้วก็นั่งเงียบไปตลอดการกินข้าว

ดีเหลือบมองข้างตัวเห็นไอ้แชมป์ยิ้มมุมปาก เขากำลังสงสัยตัวเองว่านี่อยู่กับสองสาวตัวดีจนทำให้เขาติดโรคจิ้นบ้าบออะไรมาหรือเปล่า

ทำไมไอ้สองคนฝั่งตรงข้ามเขาถึงมีออร่าแปลกๆ ว่ะ




.

.

.


เหมียวเล็กวิ่งเข้ามาอ้อนเมื่อเขาเปิดประตูบ้านเข้ามา
ซีนั่งดูโทรทัศน์อยู่เหลือบมองเขาแล้วหันไปสนใจโทรทัศน์ต่อ
เขาจึงขึ้นไปเก็บของบนห้อง สักพักซีก็มาเคาะประตู

“พี่ดี ตอนนี้ซีเก็บเงินได้เยอะละนะ” ดีพิจารณาน้องสาว ซีดูแปลกไปเหมือนกล้าๆ กลัวๆ ที่จะพูด

“อื้อ ก็ดีแล้วไง”

“เราไปเอาสร้อยของแม่คืนมาจากพี่น้ำกันไหม” ซีมองหน้าเขาอย่างหวาดๆ แม้ว่าเวลาจะผ่านไป ความรู้สึกผิดของซีที่มีต่อเรื่องนี้ก็ยังคงมีอยู่ เขาเอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยอย่างแผ่วเบา

“ไปสิ เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก ไม่มีอะไรแล้วน่า ไม่ต้องคิดมาก”

ซีกอดเขาไว้แน่น พูดอู้อี้กับบ่า

“ถ้าไม่มีพี่น้ำ เราจะเป็นไงกันบ้างไม่รู้เนอะพี่ดี”


.

.

.


วันอาทิตย์บ่ายๆ สองพี่น้องซีดีจึงมาที่คอนโดของน้ำกับหวานแทนที่สองคนนี้จะไปที่บ้าน

“มาแล้ว ดีใจจัง” หวานออกมารับสองพี่น้องที่ประตูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“โทษทีนะหวาน มาช้าไปหน่อย พอดีรอรถเมล์น่ะ” ซีพูดกับเพื่อน ขณะที่หวานเดินนำทั้งสองคนไปห้องนั่งเล่น

“โอ้ย ไม่ต้องขอโทษหรอกน่า ดีใจออกที่มาที่นี่บ้าง เราไปกวนพี่ดีกับแกตั้งเยอะแล้ว”

ไอ้ซีปากบอกขอโทษ เดินไปนั่งบนโซฟา เปิดโทรทัศน์เลือกช่องตามใจเฉย ทำอย่างกับบ้านตัวเองซะงั้น



“พี่ดีหิวไหม พี่น้ำทำกับข้าวไว้แต่เช้าก่อนออกไปข้างนอก เดี๋ยวหวานตักมาให้นะ”

หวานเดินเข้าไปในครัว ตักข้าวผัดหน้าตาน่าทานมาสองจานให้สองพี่น้อง อย่างไม่สนใจคำทัดทาน แถมยังยิ้มๆ ให้พร้อมทั้งบอกทานให้หมดเมื่อเจ้าซีโวยวาย ดีจึงได้แต่นั่งลงทานเงียบๆ ถ้าไม่บอกว่าน้ำทำเขาก็คงจะชมออกไปว่าข้าวผัดนี้อร่อยมากอยู่หรอกนะ นั่งทานกันไปสักพัก ซีนึกขึ้นได้จึงถามหวานที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ข้างกัน


“แล้วที่บอกว่าพี่น้ำออกไปข้างนอกนี่ไปไหนอะ” ดียังคงทานข้างต่อไป แค่เงี่ยหูฟังสองสาวคุยกันมากกว่าเดิม

“ไปส่งงานให้ลูกค้าอะ เพิ่งไปรับจ็อบพิเศษมาอาทิตย์ก่อน อีกเดี๋ยวก็กลับแล้วล่ะ ออกไปแต่เช้าแล้ว”

“มิน่า นี่คงไม่ได้บอกใช่ไหม ฮ่าๆ” ยัยซีพูดพลางหัวเราะ ...บอกอะไรวะ

“อ๋ออออ ไม่ได้บอกหรอก กะเซอร์ไพรส์ อิอิ” ...เซอร์ไพรส์อะไร ดีแอบฟังสองสาวจนหยุดทานข้าวลงดื้อๆ

“คงถูกใจน่าดูนะ เบื่ออะหวาน ดูหนังเถอะมีเรื่องใหม่บ้างป่าว” ซีเดินเอาจานเข้าไปล้างในครัว ก่อนจะเดินตามหวานเข้าไปในห้องเพื่อเลือกหนังมาดู ทิ้งให้ดีอยู่ข้างนอก เขี่ยข้าวเล่นไปมา


กริ๊ก


เสียงประตูเปิด ตามมาด้วยเสียงถอดรองเท้า

“เฮ้อ โคตรเหนื่อยเลยหวาน ลูกค้าเรื่องมากชะมัด หิวน้ำจัง ขอน้ำให้พี่หน่อยสิ” น้ำเดินเข้ามาในบ้านเหลือบเห็นทางหางตาเห็นว่ามีคนนั่งทานข้างอยู่บนโต๊ะนึกว่าเป็นน้องสาว ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ

ดีนั่งเงียบสักพัก จึงเดินเข้าไปในครัว รินน้ำเย็นใส่แก้ว จังหวะที่หันกลับไปปิดตู้เย็นนั้นก็เจอน้ำยืนมองอยู่ใกล้ๆ

“...”

“น้ำนี่ เอามาให้พี่หรอ” สองมือขาวที่ประคองแก้วไว้สั่นน้อยๆ ...จะหลบไปไหนก็ไม่ได้

“เปล่า”

“ว้า เสียใจจัง” น้ำมองหน้าคนปากแข็ง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วขึ้นมารินน้ำเอง ดีเห็นดังนั้นจึงสะกิดแขนน้ำเบาๆ

“ไม่หิวแล้ว...อะ” ดียื่นแก้วน้ำให้ น้ำยิ้มที่มุมปากแวบหนึ่ง ข้อมือขาวที่มือถือแก้วน้ำจึงถูกจับยกขึ้นมา น้ำในแก้วค่อยๆ ไหลลงปากของคนตัวสูงอย่างช้าๆ ตามจังหวะการขยับมือของเจ้าตัว

ดีขยับมือหวังจะดึงมือให้หลุดจากมือของน้ำ ก็ต้องหยุดไปปล่อยให้น้ำดื่มน้ำไปจนหมด เมื่อน้ำมองมาด้วยสายตาอ้อนๆ




“ชื่นใจ” น้ำเดินมานั่งข้างๆ ดีที่หนีออกมาจากห้องครัวมานั่งตรงโซฟาหน้าโทรทัศน์

“...” คนข้างตัวยังเงียบ

“หายเหนื่อยเลย”

“...”

“มาหานี่ แปลว่าคิดถึงพี่หรอ”

“ไม่ใช่เหอะ จะมาเอาสร้อยคืน” ดีเลิกจ้องโทรทัศน์ หันมามองหน้าคนพูดด้วย

“อ่า...งั้นสินะ” น้ำนิ่งไปสักพักแล้วพูดต่อ



“แต่ที่พี่ไปหาที่บ้าน แปลว่าคิดถึงนะ”



ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนตัวผอมหน้าแดงแค่ไหน

“ไม่หยอดสักวันจะตายไหม” กว่าดีจะเลิกเขิน หันมาว่าน้ำได้ก็หลายนาทีอยู่

“ฮ่าๆ”



“อย่านอกเรื่อง มีเงินครบแล้ว มาเอาสร้อยคืน” ดีลุกขึ้นเดินกลับไปที่โต๊ะทานข้าว เปิดกระเป๋าหยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่ง ส่งให้น้ำที่เดินตามมา

เจ้าของห้องอยากจะบอกดีสุดใจว่า ไม่ต้องคืนเงินก็ได้ แค่บอกว่าอยากได้สร้อยคืนเขาก็พร้อมจะเอาคืนให้ แต่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าถ้าทำอย่างนั้น อย่าว่าแต่หน้าเลย แค่ชื่อเขาดีคงไม่อยากได้ยิน

เมื่อเห็นสายตาแน่วแน่ของดีที่ยื่นเงินมาให้น้ำรีบเก็บคำพูดของตนเองลงไป รับเงินมาโดยไม่นับใดๆ ทั้งสิ้น

“มาหยิบสร้อยด้วยกันสิ”

น้ำเดินนำดีเข้าไปในห้องพระ เมื่อทั้งสองกราบพระเรียบร้อยแล้ว น้ำจึงเดินไปหยิบตลับเล็กๆ ที่วางถัดลงมาจากหิ้งพระ ส่งให้ดี

“พี่เอาสร้อยไปทำความสะอาด แล้วก็เอามาเก็บไว้ในนี้แหละ เปิดดูสิ” น้ำบอกดี

ดีเปิดตลับออกมา สร้อยยังคงเป็นสร้อยเส้นเดิมกับที่เขาเคยเห็นแม่ใส่ตอนเขาเล็กๆ แต่มันสดใส เปล่งประกาย มองดูก็รู้ว่าได้รับการดูแลอย่างดีอย่างที่บอก ผิดจากเดิมที่เขาเอามาฝากน้ำไว้  ดีค่อยๆ หยิบสร้อยออกมา พบว่ามีพระองค์เล็กๆ อยู่ด้วย ดีมองน้ำอย่างสงสัย

“หลวงพ่อฝากมาให้ พี่เลยเอาไปใส่กรอบแล้วก็เอามาใส่ให้นี่แหละ”

ดียกมือขึ้นไหว้พร้อมกับขอบคุณน้ำอย่างจริงใจ
น้ำไม่พูดอะไร เพียงแต่ยกมือขึ้นลูบไหล่เล็กเบาๆ




สองสาวกลับมายึดโซฟาหน้าโทรทัศน์แล้ว เมื่อสองหนุ่มคนเดินออกมาจากห้องพระ ซีมองพี่ชายเห็นถือตลับเล็กๆ ติดมือมาด้วยจึงลุกขึ้นไหว้ขอบคุณน้ำอีกคน

“ไม่เป็นไรหรอก พี่เต็มใจช่วยเราอยู่แล้ว” น้ำตบบ่าซีเบาๆ  หวานยิ้มให้ทั้งสามคนก่อนเหลือบมองนาฬิกา

“เกือบสี่โมงเย็นแล้ว วันนี้ทานข้าวด้วยกันที่นี่นะคะพี่ดี แล้วค่อยให้พี่น้ำไปส่งกลับบ้านนะซี”

“เอ่อ..พี่ว่า...” ดีกำลังจะปฏิเสธ ซีรีบชิงพูดก่อน

“ได้เลยหวาน ไม่รบกวนพี่น้ำใช่ไหมคะ”

“ไม่หรอก พี่โอเคมาก”







ไม่ไกลจากคอนโดมีตลาดนัดขนาดเล็กอยู่ ทั้งสี่คนจึงมาเดินซื้อของสดสำหรับทำอาหารเย็น หวานกับซีแยกไปเดินอย่างรู้หน้าที่ตามเคย ทิ้งให้น้ำและดีเดินตามลำพัง เดินไปสักพักอย่างไม่รู้จะซื้ออะไร เพราะสองสาวตกลงกันเองไม่ได้บอกไว้ น้ำจึงหันมาชวนคนข้างๆ คุย

“ดี”

“...” เงียบ ดีไม่เคยขานรับเวลาน้ำเรียกเลยสักครั้ง เพียงแต่เงยหน้าขึ้นมามองเวลาพูดด้วยเท่านั้น ก็ยังดีกว่าตอนแรกๆ ที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

“ถ้าให้เลือกระหว่างภูเขากับทะเล ดีชอบที่ไหนมากกว่ากัน” ทั้งสองเดินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงจอแจของตลาด

“ทำไมอะ” ดีที่ถูกหยอดบ่อย เริ่มจะจับทางได้ จึงถามออกไปก่อนเพื่อความปลอดภัย ...ของหัวใจ



“เมื่อมีคำถาม ถามให้ลองตอบ
ว่าชอบภูเขาหรือทะเล
ไม่อยากใช่ไหมถ้าใครจะตอบ
เพราะสิ่งที่ชอบรู้อยู่แก่ใจ


... ก็อยากรู้ไง บอกหน่อย” น้ำร้องเพลงแล้วอมยิ้ม รู้ทันว่าคนข้างตัวคงกลัวเขาจะหยอดแน่ๆ

“...ทะเล” ถึงจะรู้ว่าต้องโดนแกล้งให้เขินแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตอบออกไป อยากรู้ว่าคราวนี้จะหาวิธีอะไรมาทำให้เขินได้อีก

“ทำไมชอบทะเล” น้ำไม่รู้ว่าที่ดีตอบนั้นจริงหรือเปล่า เพราะตอนนี้ทั้งคู่เดินบริเวณแผงขายอาหารทะเลพอดี คนตัวผอมคอยมองซ้ายขวาไม่หยุด ก็ของโปรดทั้งนั้นเลยเนอะ

“มันไม่มีที่บ้านไง”  ถ้ายังจำกันได้ สองพี่น้องดีซีเป็นคนเหนือ เห็นภูเขากันจนเบื่อแล้วละ


“ทะเล แสนงาม ยิ่งในยาม ที่มีสายลม
แดดงามจะแต้มตามไรผม
ชอบสายลมพัดเส้นผมเธอปลิว”



“เหอะ” ดีถอนหายใจออกมาอย่างแรง ..ว่าแล้วไง ว่าต้องโดนหยอดอีกแล้ว คราวนี้ร้องมาเป็นเพลงเลย

“แล้วถ้าตอบภูเขาจะร้องว่าไง” ..ไหนๆ จะร้องเพลงแล้ว ร้องทั้งเพลงเลยนะไอ้พี่น้ำจืด!



“ภูเขา แสนงาม
ยิ่งในยามที่มีฝนพรำ
ผีเสื้อดอกไม้ร่ายรำ ชอบฝนพรำทำให้ผมเธอเปียก”

   

ไม่รู้อะไรดลใจให้ดีถามน้ำกลับไป

“แล้วชอบอะไร”



“เฮ้ย ไปไหน”


น้ำยิ้มกว้างอย่างถูกใจ แต่ไม่ตอบคำถาม เขาคว้าข้อมือขวาซีดแล้วพาเดินมาข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม





สวนสาธารณะขนาดย่อมเงียบสงบราวกับอยู่คนละโลกกับตลาดที่เขาเพิ่งจากมาเมื่อครู่ ต้นหูกวางยืนต้นตระหง่านให้ร่มเงา ดอกเข็มพุ่มใหญ่พราวไปด้วยดอกเล็กจิ๋วรวมกันเป็นช่อใหญ่กระจายทั่ว สนามหญ้าบ้างเขียวสดบ้างแห้งจนเหลือง ทางเดินเล็กนั้นทอดยาวขนานไปกับคลองสะอาด ทั้งคู่มาหยุดอยู่ในร่มต้นหูกวางนั่นเอง

เห็นท่าทางจะเอาเรื่องของดีแล้ว น้ำจึงจุ๊ปากให้เงียบ


“ฟังดีๆ นะ” แล้วจึงร้องเพลงต่อ


“เมื่อมีคำถามถามกันบ่อย บ่อย
ต้องคอยตอบเธอเรื่อยไป
ว่าบนภูเขาหรือทะเลไกล
ชอบที่ไหน ชอบที่มีเธอ
ที่ไหนที่มีเธอ ที่ไหนที่ฉันจะเจอเธอได้
บอกมาจะอย่างำเก็บไว้
จะได้แอบไปใกล้ ใกล้เธอ”      
(ภูเขาหรือทะเล – ศุ บุญเลี้ยง)

เพลงประกอบ https://www.youtube.com/watch?v=yYZiBHJSGxo (https://www.youtube.com/watch?v=yYZiBHJSGxo)



น้ำปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมพวกเขาทั้งสองไว้สักครู่ เสียงรถแล่นแว่วมาเป็นระยะ แต่เมื่อน้ำได้พูดออกมา โลกทั้งโลกของดีก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลยนอกจากเสียงทุ้มที่หนักแน่นและมั่นคง




“ที่พี่ไปหาดีบ่อยๆ ที่คอยหยอดให้เขิน ที่พูดบ่อยๆ ไม่รู้ว่าดีจะเชื่อหรือเปล่า แต่จะพูดอีกครั้ง ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าดีไม่ตอบพี่คงไม่ไปรบกวนดีอีก...




“พี่ชอบดี เป็นแฟนพี่นะครับ”




To be continued...
-------------------------------------
[25/11/2558]
เฮียน้ำเลือกถามได้ถูกวันมาก
ดูสิพอถามจบทุกคนจุดพลุฉลองใหญ่เลย #ฮะ!! 5555
มีความสุขวันลอยกระทงและทุกๆ วันนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเช่นเคยค่ะ
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 20) - 25/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-11-2015 22:14:44
เอา ตอบมาเลยดี
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 20) - 25/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 25-11-2015 22:21:43
จงตอบเยสสส


ปอลอ ใครโพสต์ข้อความนั่นนิ เป็นการกล่าวถึงคนอื่น แต่ดีคิดไปเองว่าเค้าว่าตัวดีป่ะคะ?
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 20) - 25/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 25-11-2015 22:48:54
ตกลงนะดีๆๆๆๆๆ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 21) - 27/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 27-11-2015 19:33:29
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 21)



บทที่ 21 ถ้า
   




“ที่พี่ไปหาดีบ่อยๆ ที่คอยหยอดให้เขิน ที่พูดบ่อย ไม่รู้ว่าดีจะเชื่อหรือเปล่า แต่จะพูดอีกครั้ง ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าดีไม่ตอบพี่คงไม่ไปรบกวนดีอีก...


พี่ชอบดี เป็นแฟนพี่นะครับ”






น้ำยิ้มบางๆ ที่มุมปากหลังจากได้กล่าวคำสารภาพออกไป
   





ช่วงเวลาแห่งการรอคอยนั้นไม่นานแต่ในความรู้สึกของเขานั้นยาวนานพอๆ กับที่ได้รู้จักกับคนตรงหน้า
    



ตึก!




ตึกตัก!



ตึกตัก!  ตึกตัก!


เสียงก้อนเนื้อในอกค่อยๆ เร่งจังหวะขึ้นจนดังระรัวก้องอยู่ภายทันทีที่ได้ยินสิ่งที่น้ำพูดจบ




สมองของเขาไม่รับรู้เรื่องราวรอบตัวแต่กลับประมวลเหตุการณ์ทุกฉากทุกตอนที่ผ่านมา ทุกเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับกับผู้ชายที่ชื่อน้ำไหลบ่าเข้ามาในห้วงความคิด






ในวันที่เขาเลิกเรียนค่ำ ก็มีคนๆ นี้นั่งรออยู่เพื่อที่จะได้กลับบ้านพร้อมกัน เมื่อถามว่ามารอทำไม น้ำไม่ตอบอะไร เพียงแต่ส่งยิ้มให้ รอยยิ้มนั้นทำให้ความเหนื่อยล้าจากการเรียนและการทำงานของเขาเบาบางลงไป คงเพราะไม่เคยมีใครมานั่งรอเขาอย่างนี้ เขาเลยรู้สึกประทับใจน้ำขึ้นมานิดหน่อย


แค่นิดหน่อยนะ จริงๆ





ตึกตัก!





ในวันฝนตก ระหว่างติดฝนอยู่ใต้อาคารเรียนและนึกเซ็งตัวเองที่ดันลืมหยิบร่มมาด้วยทั้งๆ ที่ยัยซีกำชับหนักหนา คนๆ นี้โผล่มาจากไหนไม่ทราบ ถือร่มคันใหญ่พร้อมส่งรอยยิ้มกว้างซึ่งเริ่มคุ้นตามาให้ ความหนาวเย็นจากละอองฝนก็ถูกรอยยิ้มอบอุ่นนั้นขับไล่แทบจะหายไปทันที

ภายใต้ร่มเดียวกันคำถามว่า 'ทำไม' ถูกถามออกไปจากปากของเขาอีกครั้ง



“คิดไว้แล้วว่าต้องลืมร่มแน่ๆ พี่เลยพกร่มคันใหญ่มารับดีกลับด้วยกันนี่แหละ”




ตึกตัก!
   



มันเป็นเพราะไม่เคยมีใครคิดถึงเขามากขนาดน้ำมาก่อน เวลานั้นหัวใจของเขาจึงเต้นผิดจังหวะ สะดุดกับถ้อยคำที่แสดงความห่วงใยนั้นเหลือเกิน






ในวันแดดร้อน คนตัวสูงกว่าพยายามเดินนำหน้าเขาตลอด ไม่เดินข้างกันเหมือนเคย เมื่อถามว่าทำไมรีบเดิน คำตอบนั้นสะท้อนก้องกลับไปมาในความทรงจำ




“เงาของพี่จะได้บังแดดให้ดีไง”





ตึกตัก!




นอกจากเสียงหัวใจที่เต้นรัวดังก้องในหูแล้ว อากาศวันนั้นต้องร้อนมากแน่ๆ น้ำจึงคว้าแขนเขาให้หยุดพักดื่มน้ำ เอาสมุดออกมาพัด และเอื้อมมือมาวัดอุณหภูมิที่หน้าผากของเขาพลางบ่นว่าไม่น่าชวนออกมาเลย เขาคงแพ้แดดแรงๆ แน่ ตอนนี้ใบหน้าของเขาร้อนเห่อและแดงก่ำไปหมด




ตึกตัก!




ตึกตัก!   ตึกตัก!




ตึกตัก!  ตึกตัก!   ตึกตัก!







เสียงหัวใจที่เต้นรัวในวันนี้ตอนนี้ดังกว่าทุกครั้งที่เคย จนกลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยินเอาง่ายๆ
เขารู้สึกได้ว่าใบหน้าของของตนร้อนเห่อและคงจะแดงก่ำราวกับเป็นไข้






ตึกตัก!




ตึกตัก!   ตึกตัก!



ตึกตัก!  ตึกตัก!   ตึกตัก!




หัวใจคงเต้นรัวไม่หยุด เจ็บจนต้องยกมือทั้งสองข้างกดเอาไว้ ด้วยเกรงว่าจะกระดอนออกมาเสียก่อน






ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘รู้’ ว่าสิ่งที่น้ำทำมาตลอดคืออะไรก็คงโง่เต็มที






ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘รู้สึก’ อะไรกับสิ่งที่น้ำทำหัวใจก็คงจะด้านชาเกินไป






ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘มองหา’ เมื่อคนตรงหน้าหายไปก็ปฏิเสธได้ไม่เต็มปาก





ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘เป็นห่วง’  ..พี่น้ำ.. วันที่เขากระวนกระวายเมื่อไม่เจอหน้ากันในเวลานัดคืออะไร





ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘ไว้ใจ’ การที่เขาไปไหนมาไหนด้วยตามลำพักเสมอในช่วงหลังๆ คืออะไร





ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘สนใจ’ คนตรงหน้า แสดงเขากำลังโกหก





ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘คิดถึง’ คนๆ นี้ ยัยซีคงตะโกนใส่หน้าเขาว่า ‘ขี้จุ๊’





มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองเสียที





เพราะเขายังไม่พร้อมที่จะสูญเสีย






และสำหรับ ‘พี่น้ำ’ เขาคงไม่มีวันพร้อม





“...ดี”


น้ำเอ่ยชื่อคนที่กำลังหน้าแดง ยกสองมือขึ้นกดหน้าอกด้านซ้ายของตนเองไว้ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเว้าวอน


ท่าทางของดีบอกเขาว่าเขาจะไม่ได้รับการปฏิเสธ ใช่ไหม



“...ดีครับ”



ดีไม่ตอบทำเหมือนไม่ได้ยิน




“น้องดี”




“..ครับ”  ใบหน้าแดงนั้นทวีความแดงขึ้นไปอีก ดีคิดว่าเลือดทั้งหมดในตัวเขาคงไหลไปกองรวมกันบนหน้าแห่งเดียวเป็นแน่
น้ำยิ้มกว้างจนดีที่เหลือบสายตามองนึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิด



“จะเป็นไรไหม ถ้าพี่จะถือว่า ครับ เมื่อกี้คือคำตอบของคำถาม”



“เฮ้ย...เล่นงี้เลยอะนะ”

พอแล้ว! หมดเวลาเขิน ไอ้พี่น้ำเจ้าเล่ห์เกินไปไหม


“นะ ถึงยังไงก็ไม่ปฏิเสธให้พี่เสียใจอยู่แล้วใช่ป่าว”


“ใครบอก”

ดีเลิกก้มหน้างุด ใบหน้าที่แดงกำเมื่อครู่หายวับไป มองคนสูงกว่าตาขวาง





“หัวใจบอก...คนที่ใจตรงกันเข้าใจกันเสมอแหละดี”

ตาของน้ำพราวระยับ ยิ้มกว้างชนิดที่ถ้าหวานมาเห็นคงบอกว่า ‘ปากจะฉีกถึงหู’



“กล้ามาก”



“ครูไม่เคยสอนหรือไง”

น้ำตีหน้าดุใส่คนที่ยังมองเขาตาขวาง

“อะไร”



“อายครูไม่รู้วิชา...อาย ภะ..” ก่อนที่น้ำจะพูดจบดีกระโดดเอามือปิดปากไอ้พี่น้ำทันใด

   
“เงียบไปเลย”  ใบหน้าแดงก่ำกลับมาสู่สายตาของน้ำอีกครั้งราวกับเปิดสวิตช์

   
“อื้อ...”  น้ำทำตาละห้อย ดีจึงปล่อยมือทั้งสองข้างออก

“ห้ามพูด”  ดีกำชับเมื่อเห็นว่าน้ำขยับริมฝีปาก

“...”

คนตัวผอมกัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ สูดหายใจลึก แล้วจึงเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยความไม่แน่ใจแต่ในเมื่อเลือกที่จะยอมรับความรู้สึกของตนเองแล้ว เขาก็เดินหน้า

“พี่น้ำ...” น้ำตาโตเมื่อได้ยินดีเรียกชื่อของตนเอง จะอ้าปากดีก็บอกให้เงียบ เขาจึงรอ คอยฟังสิ่งที่ดีจะพูด


“กู...เออ...ดีเป็นคนยังไงพี่น้ำก็คงรู้แล้ว ถ้าดีเป็นอย่างนี้ต่อไป จะยังรับได้ไหม...ดีเป็นเด็กมีปัญหา ต้องการความรักความอบอุ่น ... เคยถูกทิ้งมาแล้ว มันยากที่จะเชื่อใจใครอีกสักครั้ง...ดีแค่กลัว...พี่น้ำจะรับได้ ไม่ทิ้งกันไปใช่ไหม...ดีขี้หวง ไร้เหตุผลจะทนได้ใช่ไหม...ถ้าดีเอาแต่ใจกว่านี้ นิสัยแย่สุดๆ กว่านี้จะยังเข้าใจอยู่ไหม...ถ้าดีงี่เง่า จะไม่ตะโกนใส่ แล้วก็เดินหันหลังจากไปใช่ไหม...จะยังห่วง จะยังดูแล จะยังรักดีแบบนี้ต่อไปหรือเปล่า...”


ถ้อยคำมากมายพรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากเล็กๆ ที่ปกติน้อยคำนักจะเปล่งเสียงออกมา ดวงตาของดีมองตรงมาที่เขามีน้ำตาคลอน้อยๆ
 
คนได้ยินไม่เคยรู้เลยว่าท่าทีนิ่งสนิทของดีมีอะไรซ่อนอยู่
ในหัวเล็กๆ นั่น คิดอะไรมากมายขนาดไหน

อดีตที่ผ่านมาของสองพี่น้อง เขารับรู้จากคำบอกเล่าของหวานที่ฟังมาจากซีอีกที

หัวใจของดีเคยได้รับความเจ็บปวดมามากมายเพียงใด ... เขาไม่เคยรู้เลย



“เวลาที่เรารู้จักกันอาจไม่มากพอที่พี่จะแสดงให้ดีเห็นความรู้สึกของพี่ที่มีต่อดี วันนี้ดีอาจจะยังไม่พร้อมที่จะตกลงเป็นแฟนกัน พี่จะไม่เร่งรัดดีหรอกนะ ขอเวลาให้พี่มากกว่านี้ จนวันที่ดีพร้อมแล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ก็ได้ พี่รอดีได้เสมอนะ”


รอยยิ้มของน้ำยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกันจนถึงวันนี้ ที่เขาได้พูดความรู้สึกของตนเองออกมา เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยบอกกับใครแม้แต่กับซี แต่เขาก็รู้ว่าทั้งเขาและซีนั้นมีความรู้สึกเหล่านี้ร่วมกันมาตลอด เพียงแต่หลีกเลี่ยงไม่พูดถึงเท่านั้น



ดีสูดลมหายใจเข้าลึก

ถ้าเขาพูดไปขนาดนี้แล้ว...ยังจะเป็นคนดีได้อีก



“พี่น้ำ...เป็นแฟนดีเนี่ย ไม่ต้องเป็นคนดีสมชื่อขนาดนั้นก็ได้”



“..อื้ม ครับ... เอ้ย... ดีพูดว่าไงนะ”


“ไม่ได้ยินก็รอต่อไปเถอะ ไอ้พี่น้ำ”  ดีหมุนตัวหันหลังหมายจะเดินกลับไปตลาดที่เดินข้ามถนนมา สองสาวยืนจ้องพวกเขาอย่างไม่ปิดบังความอยากรู้เลยสักนิดโบกไม้กลักมือเรียกหยอยๆ อยู่ฝั่งตรงข้าม





“เดี๋ยวสิดี”  น้ำเดินตามเขามาติดๆ




ด้วยความรีบร้อนน้ำจึงข้ามถนนตามคนผอมมาติดๆ โดยไม่ได้มองซ้ายขวา





“พี่น้ำ ระวัง!!!!”





สองสาวตะโกนออกมาพร้อมกันเสียงดัง จนดีตกใจหันกลับไปมองคนที่เดินตามมา






หัวใจที่กำลังเต้นรัวของเขาสะดุด
ราวกับจะหยุดเต้น 







To be continued...
------------------------------------------
[27/11/2558]
คุณ BlueCherries  o13
ไม่กล้าตอบเลย 5555

น้องดีก็ต้องตอบตกลงอยู่แล้วสิเนอะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
 :mew1:
Lavender's blue
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 21) - 27/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-11-2015 20:33:26
 :serius2: ม่ายยยยยย
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 21) - 27/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 27-11-2015 22:55:59
เอร้ยย เป็นแฟนหมาดๆ
พี่น้ำอย่าเป็นอะไรไปนะ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 21) - 27/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 27-11-2015 23:43:34
 :sad4: :sad4: พี่น้ำอย่าเป็นอะไรนะ 
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 22) - 28/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 28-11-2015 20:55:49
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 22)



ตอนที่ 22 ฝันร้าย (1)




“พี่น้ำ ระวัง!!!”







โครม!!





รถมอเตอร์ไซด์ที่จู่ๆ ก็โผล่มาด้วยความเร็วล้มลงไปพร้อมกับน้ำที่ถูกชนเข้าอย่างจัง



เขานึกว่าหัวใจจะหยุดเต้นเสียแล้ว


.

.

.


โรงพยาบาลยังคงวุ่นวายเหมือนทุกครั้ง ยิ่งภายในห้องฉุกเฉินด้วยแล้วคนชุดขาวเดินไปมาจนน่าเวียนหัว เตียงพยาบาลเตียงแล้วเตียงเล่าถูกเข็นผ่านพวกเขาไป 

กลิ่นคาวเลือด กลิ่นยา ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ลมหายใจติดขัด

ความเจ็บปวด ความโศกเศร้าพัดผ่านเขาไปเป็นละลอก แล้วเวียนกลับมาปะทะอีกซ้ำไปมา


เขาไม่ชอบโรงพยาบาลเอาเสียเลย







“พี่ดี นั่งก่อนไหมคะ”

หวานถามคนที่ยืนอยู่ น้ำโดนรถมอเตอร์ไซด์เฉี่ยว ล้มหัวแตก และมีบาดแผลตามตัวอีกเล็กน้อย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ตกลงเรื่องอุบัติเหตุกับคู่กรณีได้อย่างราบรื่น พวกเขานั่งรอน้ำทำแผลที่หน้าห้องฉุกเฉิน ซีนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกข้างๆ มือทั้งสองข้างประสานกันไว้ ขบริมฝีปากจนห้อเลือด ท่าทางเหมือนกับพี่ดีไม่ผิด

“...พี่ยืนรอดีกว่า” ใบหน้าของพี่ดีที่หวานเห็นซีดกว่าปกติ เธอที่เป็นน้องสาวของน้ำยังไม่แสดงอาการห่วงพี่ชายเหมือนที่ทั้งสองคนทำอยู่เลย ...คงจะเป็นห่วงพี่น้ำกันมาก

“ซี...” หวานเห็นเพื่อนนิ่งผิดปกติจึงเอื้อมมือไปจับตัว

“ตายแล้ว ทำไมตัวเย็นอย่างนี้...ซี...ซี” หวานร้องออกมาเมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิร่างกายของเพื่อนสนิท เขย่าตัวซีเบาๆ พร้อมเรียกชื่อ


ดีหันขวับแล้วรีบเดินเข้ามาใกล้ทำท่าให้หวานหยุดแล้วโน้มตัวลงกอดน้องสาว กระซิบพูดเสียงอ่อนหวานอย่างที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนเบาๆ ตรงข้างขมับ

“พี่อยู่นี่ซี... พี่ดีของซีอยู่กับซีตรงนี้...ซีไม่ได้อยู่คนเดียวนะ...พี่น้ำไม่ได้ไปไหน ไปหาหมออยู่ เดี๋ยวก็มา...ซีกลับมา...กลับมาอยู่กับพี่นะ...อย่าทิ้งพี่...ซีจ๋า...ซีครับ...พี่ดีรอซีอยู่นะ...พี่กอดซีแน่นๆ อย่างนี้ไม่มีใครอะไรซีได้หรอก...โอ๋ๆ น้องซีของพี่ดีนะ...อุ่นขึ้นหรือยัง...ซีจ๋า เดี๋ยวพอพี่น้ำกลับมาแล้วเจอซีเป็นอย่างนี้แล้วพี่น้ำจะไม่สบายใจนะ ...เห็นไหมหวานก็เป็นห่วงซีนะ...ซี พี่น้ำ พี่ดีแล้วก็หวานรักซีนะ...ไม่ทิ้งซีไปหรอก...ซีกลับมาอยู่ด้วยกันนะ...ซี”

พี่ดีพูดกับซีเสียงอ่อนโยนพร้อมกับกอดซีแน่นแล้วโยกตัวคนในอ้อมกอดไปมาเหมือนกล่อมเด็กน้อย เพื่อนของเธอเหมือนจะรู้ตัวกอดตอบพี่ชายของตัวเองเช่นเดียวกัน ไม่นานเสียงสะอื้นที่แทบจะไม่ได้ยินก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องโฮมาพร้อมกับน้ำตาจำนวนมาก

เธอที่ยืนดูอยู่สัมผัสได้ถึงความปวดร้าวจากสองพี่น้อง สิ่งเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้คือเข้าไปกอดพี่ดีและซีด้วยอีกคน ทั้งสามคนกอดกันกลม จนรู้สึกตัวอุณหภูมิของซีกลับมาเป็นปกติ เจ้าตัวก็หัวเราะออกมาเบาๆ ปนน้ำตา

“หัวเราะได้แล้วใช่ไหม ตัวยุ่ง” พี่ดีคลายอ้อมกอด มือลูบหัวน้องสาวแผ่วเบา

“ขอบคุณนะพี่ดี...ซีกลัว กลัวว่าพี่น้ำจะเป็นอะไร”  หวานยังคงกอดแขนซีไว้ไม่ปล่อย เพื่อนสนิทที่เธอคิดว่าเข้มแข็งมาตลอดในวันนี้กลับมีน้ำตาเพราะความเป็นห่วงพี่ชายของเธอ ทำให้เธอซาบซึ้งในความห่วงใยเหลือเกิน

“พี่น้ำไม่เป็นไรสักหน่อย หมอก็บอกแล้วว่าหัวแตกนิดหน่อย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก” หวานไม่ได้บอกความรู้สึกของเธอออกไปแต่กลับเลือกที่จะปลอบใจแทน พลางเช็ดน้ำตาให้เพื่อน

ทั้งที่คราบน้ำตาเต็มแก้ม  ดวงตาของซีเปล่งประกายระยับ กลับมาเป็นซีคนร่าเริงอีกครั้ง




“พี่ดีนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวหวานพาซีไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อย พี่ดีหิวไหมเดี๋ยวซื้อขนมมาให้”
ดีส่ายหน้า หวานจึงเดินจูงมือซีออกไป

เขามองสองสาวเดินไป รอยยิ้มบางเบาเกิดขึ้นที่มุมปาก ซีกลับมามีชีวิตชีวาเพราะเพื่อนคนนี้ เขาไม่รู้จะขอบคุณหวานอย่างไรกับมิตรภาพที่เธอมอบให้น้องสาวของเขา และยังความห่วงใยที่มีเผื่อแผ่มาถึงเขาด้วย

เมื่อทราบว่าน้ำไม่ได้รับอันตรายอย่างที่เป็นกังวลเขาก็โล่งใจขึ้นมาก
ตอนนี้เหลือเพียงอย่างเดียวคือรอคอยเท่านั้น...ที่เขาไม่ชอบยิ่งกว่าโรงพยาบาล








“สวัสดีน้องดี”


ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งมาหยุดตรงหน้าคนที่กำลังก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ ดีเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับรอยยิ้มอ่อนโยน อบอุ่น สว่างไสวเจิดจ้าเหมือนกับเสื้อคลุมสีขาวที่เขาสวมอยู่

“คุณหมอ สวัสดีครับ” หมอรับไหว้ดี ก่อนจะนั่งลงข้างๆ

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ดีไม่มาหาหมอบ้างเลย”

“...เอ่อ...พอดีว่า...”  เขายิ้มค้าง มันเป็นอารมณ์กึ่งยินดีกึ่งหวาดกลัว

“ฮ่าๆ  ไม่เป็นไรหรอกหมอล้อเล่น...คนที่สบายดีจะมาหาหมอได้ไงจริงไหม...ว่าไปแล้วหมอดีใจนะที่หมอไม่เจอดีอีก...สบายดีแล้วใช่ไหมเรา แล้วมาทำอะไรที่นี่ละ”

ดีระบายลมหายใจที่เผลอกลั้นไว้อย่างแผ่วเบา คุณหมอคงจะรู้ว่าเขาไม่อยากพูดถึงอดีตที่ผ่านมาเลยเปลี่ยนเรื่องให้เขาไม่ต้องอึดอัดใจ

“สบายดีครับ เพื่อนถูกรถเฉี่ยวครับ ตอนนี้กำลังทำแผลอยู่”

“อ่าไม่ได้หนักใช่ไหม แล้วตอนนี้ดีทำอะไรอยู่” คุณหมอระบายยิ้มอีกแล้ว มันเป็นยิ้มที่ทำให้คนเห็นสบายใจ รู้สึกอยากบอกเล่าเรื่องราวให้ฟัง แต่ไม่ใช่กับเขาที่คุ้นเคยกับมันมาก่อน

“เรียนอยู่ปีสี่แล้วครับ ปีสุดท้ายแล้ว”

“ยินดีด้วยนะ เวลาผ่านไปเร็วขนาดนั้นแล้วหรือเนี่ย แล้วน้องสาวล่ะ เป็นไงบ้าง”

“..สบายดีครับ ซีก็เรียนปีสามแล้ว เอ่อ..คุณหมอไม่รีบไปไหนหรอครับ” ดีขยับตัวอย่างอึดอัด

“อ่า จริงสิ ว่างๆ แวะไปหา ไปคุยกับหมอได้เหมือนเดิมนะ อย่าคิดว่าเป็นคนแปลกหน้ากันเลย ทั้งดีและซีเลยนะ หมอเป็นห่วงเราสองคนจริงๆ...”

“ได้ครับ ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ” ดียกมือไหว้ขอบคุณ

คุณหมอลุกขึ้นตบบ่าเขาเบาๆ ยิ้มกว้างให้อีกครั้งแล้วเดินไป



 

คุณหมอใจดีเดินห่างไปแล้ว ดีระบายลมหายใจที่กลั้นเอาไว้ยาวเหยียด


...เขาไม่ได้กลัวหรือไม่ชอบคุณหมอหรอกนะ อดีตที่ทำให้เขาได้มารู้จักหมอคนนี้ต่างหากที่ทำให้เขาหวาดกลัวจนถึงทุกวันนี้...



.

.

.



“เรียบร้อยแล้ว สองสาวไปไหนละ” 

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง น้ำก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน

ดีไม่ได้ยินคำถามเพราะเอาแต่จ้องไปยังศีรษะของน้ำที่มีผ้าทำแผลขนาดประมาณสองนิ้วปิดไว้

“แผลนิดเดียว เดี๋ยวก็หายแล้ว ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”  น้ำโน้มตัวเอียงบาดแผลให้ดีมองใกล้ๆ เพื่อยืนยันความมั่นใจ พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น


“ขอโทษนะ...พี่น้ำ”  ดีพูดเสียงเบา

“ว่าไงนะ ไม่ได้ยินเลย”  ดีก้มหน้าก้มตาอยู่ไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนข้างตัว


“ขอโทษ” 


“หืม ไม่เหมือนเมื้อกี้ พูดใหม่สิ” 


“ขอโทษนะ พี่น้ำ” ดียังคงก้มหน้า กล่าวแสดงความเสียใจอีกครั้ง


“ชื่นใจ” 

“อะไร”  ดีเงยหน้าขึ้นมาพบกับรอยยิ้มกว้าง และดวงตาเป็นขีดของคนตรงหน้า


“เรียกว่า พี่น้ำ ตลอดไปเลยนะ ...นะ”  หางเสียงอ่อนออดอ้อน

“...อืม”  ใบหน้าขาวซีดเต็มไปด้วยความวิตกกังวลมีเลือดฝาดขึ้นมาทันที


น้ำหัวเราะเบาๆ กับอาการของคนตรงหน้า แล้วจึงเปลี่ยนเรื่อง

“เมื่อกี้ก่อนพี่มา ดีคุยกับใครอยู่เหรอ”

ดีชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบ “คุณหมอที่รู้จักน่ะ”

“แล้วสองสาวไปนานหรือยัง ทำไมยังไม่กลับมา เราไปนั่งรอที่ร้านกาแฟกันไหม” 




ร้านกาแฟมีคนนั่งอยู่บางตา ทั้งสองพบสองสาวกำลังนั่งคุยกันอยู่ ซีและหวานนั่งหันหลังให้กับประตูจึงไม่เห็นพวกเขาเข้ามา น้ำเดินไปสั่งกาแฟที่เคาเตอร์ ดีเดินเรื่อยๆ ไปที่โต๊ะ หวานทักขึ้นมาก่อน

“พี่ดี พี่น้ำทางนี้ค่ะ”  ดีนั่งลงข้างซีที่กำลังจิบโกโก้ร้อน

“วันนี้ซีจะไปนอนคอนโดกับหวานนะคะ” หวานพูดขึ้น พอดีกับน้ำที่ถือแก้วน้ำและขนมมาเต็มสองมือ

“เราจะไปเฝ้าพี่น้ำกัน พี่ดีมาด้วยกันสิ” ซีชวนดี เธอไม่อยากให้พี่ชายอยู่บ้านคนเดียว แต่ก็เป็นห่วงเพื่อนที่ต้องเฝ้าพี่ชายคนเดียวเหมือนกัน

“ใช่ๆ พี่ดีมานอนด้วยกันสิคะ พี่น้ำจะได้ไม่ต้องงอแง” หวานพูดเย้า หลิ่วตาให้กับน้ำอย่างรู้กัน น้ำยิ้มกว้างให้น้องสาว

“นะ นะ นะ” ซีอ้อนดีอีกคน สองมือกำแขนพี่ชายแกว่งไปมาเบาๆ


“ไม่ได้หรอก ต้องดูเหมียวเล็กนะ”


“หรืองั้นซีอยู่บ้านแล้วให้พี่ดีมานอนคอนโด” ซีลองเสนอทางเลือก

“ไม่ได้ ซีจะอยู่บ้านคนเดียวได้ไง” น้ำขัดขึ้นมา

“พี่ไม่เป็นไรสักหน่อย  ซีไม่ต้องมานอนเฝ้าหรอก”

“แต่ว่า...ซีต้องทำรายงานกับหวานนะ” หวานบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา

“งั้นก็ตามเดิมนั่นแหละ ซีไปทำรายงานกับหวาน พี่อยู่บ้านได้ พี่น้ำก็ไม่เป็นไรมากหรอก” ดีสรุปกับทุกคน






ทั้งสี่คนกลับมาที่บ้านของสองพี่น้องซีดีอีกครั้งเพื่อให้ซีเก็บของ แล้วจึงให้หวานขับรถกลับคอนโดไปทั้งสามคน
ก่อนจะขึ้นรถซีจ้องหน้าดีด้วยแววตาคาดคั้น สองพี่น้องสื่อสารกันทางสายตาสักครู่ ดียกมือขยี้ผมน้องสาวเบาๆ แล้วพูดว่า

“ไม่ต้องห่วงน่า พี่อยู่คนเดียวได้” ซีจึงยอมผละขึ้นรถไป










ไฟท้ายรถที่หวานเป็นผู้ขับหายไปเมื่อเลี้ยวออกไปจากซอย มุ่งตรงไปสู่ถนนใหญ่เพื่อกลับคอนโดที่พัก ดียืนนิ่งมองถนนตรงหน้า รถมอเตอร์ไซด์ขับผ่านไปสองสามคัน บ้านตรงข้ามที่เป็นสองสามีภรรยาหนุ่มสาวเปิดไฟสว่าง อาแปะบ้านทางขวาเข้านอนไปแล้วปิดเงียบ



ทันใดนั้นเองดีรู้สึกถึงสายตาจ้องมองเขาจากบ้านซ้าย ขนอ่อนบริเวณคอของเขาลุกชัน
เขาหันไปมองพบกำแพงสูงกั้นระหว่างสองบ้าน ไม่พบสิ่งมีชีวิตใด


...ความรู้สึกนี้ เขาไม่ชอบมันเสียเลย









“เหมี๊ยวววว”  เหมียวเล็กเข้ามาคลอเคลีย พันแข้งขา



“เหมียวเล็ก” ดีก้มลงอุ้มเจ้าแมวตัวอ้วน ปิดประตูรั้วแล้วรีบเดินเข้าบ้านไป







เมื่อเข้ามาในบ้าน ดีเข้าไปเปิดไฟทุกดวง บ้านทั้งหลังสว่างไสว พร้อมทั้งเปิดโทรทัศน์และเพิ่มเสียงขึ้นอีกนิด เหมียวเล็กกระโดดลงจากอ้อมอกขึ้นไปนั่งบนโซฟาที่ประจำ
เขาเปิดคอมพิวเตอร์ เฟสบุ๊คของหวานมีภาพทั้งสามคนกำลังนั่งทานขนมอยู่หน้าโทรทัศน์ ยัยซีเทคชื่อของเขาไว้ เขาจึงไปกดไลค์ เลื่อนลงมามีข้อความของแชมป์บ่นเรื่องการเมือง ท็อปแชร์เพลงใหม่ของวงโปรด เก่งถ่ายรูปเค้กพร้อมหน้าตัวเองมาอวดเขา


ตึ่ง!
คำแจ้งเตือนล่าสุด
 
Narut Kitchareon ...ดีครับ ถึงไม่ได้มาเฝ้า ส่งใจมาได้ตลอดนะ :) ...

ไอ้พี่น้ำตั้งสถานะของตัวเอง พร้อมทั้งอัพรูปชูสองนิ้ว ยิ้มตาเป็นขีด ที่หัวยังมีผ้าทำแผลปิดอยู่  ทำเอาคนมองยิ้มเขิน ค้างหน้าจอทิ้งไว้

Notthatbad Sirichai ...<3…



ตึ่ง    ตึ่ง    ตึ่ง
ไม่ถึงนาทีเสียงเตือนดังรัวอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เขาโพสตอบ

Sweetie Chonlada …ฮิ้วววววววว...

Sea See C ...แหนะ เปิดเผยขนาดนี้ เปลี่ยนสถานะเลยยยยย คุริคุริ...

Wisit Top of the world ...ตอนนี้ส่งใจ อีกหน่อยก็ส่งตัวนะเฮีย รอหน่อย 555 ...

Champion Wanasarnn ...เฮียน้ำเจ๋ง...

Krit Thebest  ...เพื่อนกูออกสื่อเว่ยเฮ้ย...




ดียิ้มเขินอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มือเลื่อนหน้าจอลงมาเรื่อยๆ อารมณ์ดีมากขนาดที่เลื่อนไปเจอโฆษณาครีมความงามทั้งหลายเขายังไม่หยุดยิ้ม
แต่มาสะดุดกับสถานะของรุ่นน้องในคณะ




...ถูกเขาหลอกก็ยังไม่รู้ตัว ยิ้มเข้าไปสิ เดี๋ยวจะร้องไห้ไม่ออก...


ดีหุบยิ้ม มือกดเข้าไปดูในเฟสบุ๊คดังกล่าว




...ไปทำเขาก่อน ระวังจะโดนเอาคืน...


เขาหรือเปล่าที่น้องกำลังพูดถึง




...บางคนทำทุกอย่างตามใจตัวเอง จนลืมนึกถึงความรู้สึกของคนอื่น...



ต้องเป็นเขาแน่ๆ ที่น้องกำลังด่า ใช่ไหม





รอยยิ้มของดีหายไปแล้ว ไหล่ของเขาไหวน้อยๆ มือสองข้างสั่น ฟันกระทบกับดังกึกๆ
สติของเขากำลังจะหายไป แต่ภาพคุณหมอใจดีที่ได้เจอเมื่อตอนกลางวันแวบเข้ามา พร้อมกับเสียงอบอุ่นคุ้นหู


‘ถ้ารู้สึกแย่ให้สูดหายใจลึกๆ ผ่อนลมหายใจช้าๆ  หายใจเข้าลึกๆ... ดีมาก หายใจออกยาวๆ... เก่งครับ...ไม่ต้องคิดอะไร ฟังแต่หมอ ได้ยินแต่เสียงหมอนะดี’


ดีทำตามเสียงนั้นอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อหยุดสั่นแล้วเขาจึงปิดคอมพิวเตอร์ นั่งพักหลับตาครู่หนึ่งเพื่อทำสมาธิจากนั้นจึงขึ้นไปอาบน้ำ



เสียงน้ำกระทบพื้นกระเบื้อง ดีหลับตาปล่อยสายน้ำไหลผ่านร่างกาย ภาพเหตุการณ์วันนี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง




...ถ้าเพียงแต่เขาไม่เดินหนีข้ามถนนมา น้ำคงไม่ถูกรถชน...



เพราะเขาทำให้น้ำต้องไปโรงพยาบาล



ทำให้ซีต้องตกใจจนเกิดอาการช็อคอ่อนๆ



เขาทำให้น้องนึกถึงเรื่องร้ายๆ ที่สมควรถูกลืมไปแล้ว



เพราะเขา










ทั้งหมดเป็นเพราะเขา   




ความรู้สึกผิดกระแทกเข้ามาเต็มอก มันจุกจนเขายืนไม่ไหว ดีค่อยๆ ทรุดตัวลงกับพื้น
เสียงน้ำกระทบกระเบื้องยังคงดังต่อเนื่อง พร้อมกับนำความทรงจำที่เขาซุกซ่อนไว้สุดหัวใจกลับมาอีกครั้ง





‘พวกแกสองพี่น้องมันตัวซวย’




‘มึงมันไม่ได้ดีสมชื่อเลย ไปไหนก็ไปไป๊’





‘คนอะไรชื่อโชคดี ตลกชะมัด’






‘ไอ้ตัวดี บอกให้ทำงานบ้านให้เรียบร้อยก่อนไปเล่นไง แล้วนี้อะไร ห๊ะ! มาให้ตีซะดีๆ’





‘หมาหัวเน่า ไอ้ลูกไม่มีแม่’




 ‘บอกให้รีดเสื้อให้เรียบร้อยไง เย็นนี้ไม่ต้องเสนอหน้ามากินข้าวนะ’







บนทางเดินที่มืดมิดนั้นไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหนก็มีเสียงต่อว่าดังก้องขึ้นมาทุกครั้ง เขาหันซ้าย เสียงตะโกนก็ดังมาทางซ้าย เขาหมุนตัวหนีวิ่งไปทางขวา เสียงก็ดังขึ้นมาอีก






มันเป็นเพราะเขา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของเขา

มันเป็นเพราะเขาเป็นต้นเหตุ



เพราะเขา






“ไม่!!!”







ดีลืมตาตะโกนออกมาสุดเสียง คำว่า ‘ไม่’ สะท้อนก้องไปทั่วห้องน้ำมันดังซ้ำๆ กันหลายรอบกลบเสียงน้ำกระทบพื้นกระเบื้อง ชายหนุ่มรีบออกจากห้องน้ำ แต่งตัวอย่างรวดเร็ว ลงไปข้างล่าง ปิดประตูบ้าน ปิดหน้าต่าง รูดม่านมิดชิด ปิดโทรทัศน์ ปิดไฟทุกดวง อุ้มเหมียวน้อยขึ้นแนบอก ปิดประตูขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งคืน




“เหมียวน้อย...อย่าทิ้งกันไปอีกคนนะ...”



…To be continued…
------------------------------------
[28/11/2558]
พี่น้ำสบายดีค่า ทำแผลเสร็จยังกลับมาหยอดน้องได้เหมือนเดิมเลยนะ
มาถึงตอนนี้ทราบตัวคนร้าย (?) ในโลกออนไลน์กันหรือยังคะ
ความจริงคุณ BlueCherries ก็เฉลยให้แล้วนะคะ #เย้ ปรบมือ :D
ถ้าใครยังงงเดี๋ยวมีอธิบายเพิ่มในตอนพิเศษค่ะ
ลองมาเดาโรคของสองพี่น้องกันไหมคะ ว่าเป็นโรคอะไร
(จะมีคนตอบไหม 5555)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเช่นเคยค่ะ
  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 21) - 27/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 28-11-2015 20:57:00
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 22) - 28/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-11-2015 22:09:13
หวาดระแวง

มองแง่ลบ คิดแง่ลบ*20 เท่า

อาการทางจิต น้องไม่บำบัดต่อเนื่องเหรอคะ มันถึงยังเป็นอยู่ แถมมาถี่ด้วยนะ  :ruready

หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 23) - 29/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 29-11-2015 20:10:53
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 23)



บทที่ 23 ฝันร้าย (2)
   
   


แม้ว่าดีจะยืนยันกับน้องสาวหนักแน่นว่า ‘ไม่ต้องห่วง อยู่บ้านคนเดียวได้’ ซีก็ยังอดห่วงพี่ชายไม่ได้จึงตื่นแต่เช้า บอกลาเจ้าของบ้านที่ยังคงนอนหลับสนิท ขึ้นรถเมล์กลับบ้านไม่สนคำทักท้วงของสองพี่น้องเจ้าของบ้านเลยแม้แต่น้อย

เธอไม่สบายใจเอาเสียเลยที่ทิ้งพี่ชายอยู่คนเดียวทั้งที่เพิ่งผ่านเรื่องหนักๆ มา




รถเมล์จอดลงที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอย ซีรีบก้าวลงจากรถก่อนรถเมล์คันดังกล่าวจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว เธอแวะซื้อโจ๊กเจ้าอร่อย พร้อมปาท่องโก๋แล้วจึงรีบเดินเข้าไปในซอยด้วยความคุ้นเคย



ประตูรั้วหน้าบ้านปิดสนิท ซีมองผ่านรั้วเข้าไป หน้าต่างบานเล็กของห้องนั่งเล่นผ้าม่านสีครีมผืนใหญ่ที่ปกติไม่เคยถูกใช้กลับถูกดึงปิดหน้าต่างทั้งบาน เธอจึงเร่งไขกุญแจรั้วและวิ่งเข้ามาไขประตูบ้านพร้อมกระชากประตูให้เปิดออก


แสงสว่างที่ลอดเข้ามาจากประตูที่ถูกกระชากอย่างแรงนั้นส่องให้เห็นถึงสภาพห้องนั่งเล่น หมอนอิงบนโซฟาตกลงมาอยู่บนพื้น หน้าต่างทุกบานถูกผ้าม่านปิดมิดชิด แม้กระทั่งช่องลมเหนือหน้าต่างมีกระดาษหนังสือพิมพ์ปิดไว้ หนังสือบนชั้นถูกรื้อกระจัดกระจาย อยู่บนโซฟาบ้าง หล่นอยู่บนพื้นบ้าง


ซีกลั้นหายใจเมื่อเดินมาถึงห้องน้ำใต้บันได กระจกบานเล็กแตกกระจายเต็มพื้น เลือดหยดเป็นทาง เธอไล่ตามรอยนั้นไป ขึ้นบันไดมาชั้นสอง รอยเลือดหายไปหลังบานประตูห้องนอนของพี่ชายนั่นเอง





“พี่ดี”  ซีเรียกเสียงเบา



“...พี่ดี” เธอเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น




“ปังๆๆ พี่ดี ซีเอง ซีมาแล้ว เปิดประตูหน่อย” เมื่อเธอได้สติจึงตบประตูพร้อมตะโกนเรียกคนในห้อง



“พี่ดี...พี่ดี...ซีกลับมาแล้ว เปิดประตูที...” เธอตะเบ็งเสียงเรียกดีซ้ำๆ อย่างนั้น สองมือเล็กเขย่าลูกปิดประตูไปด้วย






กริ๊ก!


ประตูเปิดออก ซีกำลังจะก้าวเข้าไปในห้อง แต่ต้องชะงัก


“...เหมี้ยว...” 

เหมียวเล็กกระโดดออกจากห้องและหายลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว







หมับ!


ปัง!!




ซีสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ คนในห้องก็คว้าข้อมือเธอลากเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดประตูอย่างแรง


“ซี มึงเข้ามามึงเห็นใครไหม”

ดีจับต้นแขนทั้งสองข้างของซีเขย่า พลางถามเสียงดัง

“มะ..ไม่เห็นใครนะ” ตอบตะกุกตะกัก


“มึงอย่างมาโกหก บอกกูมาเถอะ ใครที่ว่ากู ใครด่ากู เนี่ยเมื่อคืนนะ มันแอบมองกูตอนกูดูทีวีอยู่ ซี บอกกูมา เร็ว ใคร!”


แรงบีบที่แขนเพิ่มมากขึ้น แรงเขย่ามากขึ้น ซีกัดริมฝีปากจนห้อเลือด เธอพยายามขืนตัว มองเข้าไปในดวงตาของดี ทำตามคำแนะนำอย่างที่เคยทำมาแล้วหลายครั้ง



‘ถ้าคนไข้เกิดอาการอย่างนี้ คุณจะต้องใจเย็นๆ มองตาเขา พยายามพูดกับเขาเพราะๆ อย่าใช้อารมณ์’



“ไม่มีใครทั้งนั้นแหละพี่ดี...พี่ดีใจเย็นๆ ก่อนนะ...ซีกลับมาแล้ว..พี่ดีไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว...เช้าแล้วนะพี่...สว่างแล้ว...ไม่มีใครว่าพี่ดีของซีหรอก...ไม่มีจริงๆ นะ”



‘แสดงความจริงใจออกมาให้เขาเห็น พูดปลอบใจ พยายามทำตัวสบายๆ ให้เขาเชื่อใจคุณให้ได้’



“ไม่มีจริงนะ...ไม่หลอกนะ”


แรงบีบที่แขนลดลง ดีหยุดเขย่าตัวน้องสาวแล้ว พี่ชายของเธอยังคงมองไปรอบๆ ห้องอย่างหวาดระแวง



‘ถ้าคนไข้เริ่มสงบ กอดเขาให้แน่ๆ เหมือนปลอบเด็กๆ คนไข้ต้องการความเข้าใจ ความรัก ความอบอุ่นมากนะครับ’



“ไม่มีใครหรอกพี่ดี...ซีไม่หลอกพี่ดีหรอกน่า...”

วงแขนเล็กๆ ของซีโอบรอบพี่ชาย ดียกมือกอดตอบน้องสาวแน่น
เธอรู้ว่าพี่ดี ‘เหงา’ ….. ไม่สิ ทั้งพี่และเธอ เราเหงาด้วยกันทั้งคู่
ความอบอุ่นจากร่างกายของน้องสาวค่อยๆ ดึงสติของพี่ชายกลับมา



“ทำไมซีไม่อยู่กับพี่”



ดีเอ่ยเสียงอู้อี้กับบ่าเล็กๆ ของน้องสาว เขาอยากจะเข้มแข็งไม่อยากให้น้องเป็นห่วง ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองจะผ่านค่ำคืนหลังจากเกิดเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจมาได้ด้วยตนเอง แต่กลับไม่ใช่เลย

เขาไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยคนเดิมที่เอาแต่นั่งร้องไห้กอดตัวเองอยู่ตรงมุมห้องเมื่อสิบกว่าปีก่อนเลย




“ซีขอโทษนะ...ซีจะไม่ทิ้งพี่ดีไว้คนเดียวอีกแล้ว”



ฝ่ามือเล็กๆ ลูบแผ่นหลังของพี่ชายไปมา ทั้งคู่ปล่อยน้ำตาให้รินไหลอย่างที่คุณหมอใจดีเคยย้ำอยู่เสมอเมื่อตอนเข้ารับการบำบัด




‘ดีกับซีร้องไห้กันบ้างหรือเปล่า อย่าไปคิดนะว่าคนร้องไห้คือคนอ่อนแอ หมอจะบอกอะไรให้นะ คนที่ร้องไห้น่ะคือคนที่เข้มแข็งแล้วก็กล้าหาญมากเลย เขากล้าที่จะยอมรับความอ่อนแอของตัวเอง และเข้มแข็งพอที่จะระบายความรู้สึกออกมาไงล่ะ’
 






นาทีนี้เธอกับพี่ชายเข้มแข็งและกล้าหาญอย่างที่คุณหมอบอกแล้วนะ








น้ำตาแห่งความทุกข์โศกจากไปพร้อมกับแสงสว่างจ้าของดวงตะวันยามสาย ซีชวนพี่ชายทานข้าวส่วนเธอก็เริ่มลงมือจัดการกับข้าวของที่ถูกรื้อออกมาเกลื่อนกลาด เมื่อเห็นว่าพี่ชายทานข้าวเสร็จแล้ว ซีหยุดงานแล้วจึงลากพี่ชายมานั่งตรงโซฟาด้วยกัน

“พี่ดี ไหนขอดูมือหน่อย”

“กระจกบาดนิดเดียว ไม่เป็นไรมากน่า” พี่ดีตอบเสียงอ้อมแอ้ม พยายามซ่อนมือทั้งสองข้างไว้ อิดออดไม่ยอมให้ดูแผล เธอหรี่ตามอง

“ขอดูหน่อย เอามือมา” พูดเสียงเข้มขึ้น ดีบ่นงึมงำ แต่ก็ยอมส่งมือมาให้ดูแต่โดยดี ก่อนจะอุทานออกมาเสียงดัง

“โอ๊ยยย! เชี่ย เจ็บ!!”

ซีจิ้มลงไปบนรอยบาดขนาดประมาณห้าเซนติเมตรบริเวณหลังมือของดีอย่างแรง แผลรอยใหญ่ที่สุดนั้นไม่ลึกมากแต่เป็นรอยยาวและรอยบาดขนาดเล็กกว่าอีกหลายรอย ดูจากความเสียหายแล้ว ดีคงชกกระจกเหนืออ่างล้างหน้าในห้องน้ำด้านล่างของบ้านหลายครั้ง ใช่ว่าพี่ชายของเธอจะไม่เคยทำ แต่เคยสัญญากันไปแล้วนะ เห็นแล้วมันน่า...

“อ้าว ไหนว่านิดเดียว ไม่เจ็บไง สมน้ำหน้า คราวหลังจะทำอะไรก็คิดด้วยนะ เมื่อคืนไม่เห็นเลือดใช่ไหมเลยไม่เป็นลมไป นี่แนะ จิ้มอีก”

ตอนเดินลงมาห้อง ดีได้เห็นสิ่งที่ตัวเองทำลงไปก็จะร้องไห้ออกมาอีก หันไปเห็นเศษกระจกกับรอยเลือดดวงใหญ่น้อยเป็นทางก็กล่าวขอโทษขอโพยไม่หยุด ถึงจะรู้ว่าที่พี่ชายทำลงไปเพราะไม่ได้สติก็เถอะ


“พอแล้ว! เจ็บนะ จิ้มมาได้ ยัยบ้าเอ้ย” ดีโวยวายแต่ก็ยอมให้น้องสาวจิ้มแผลบนหลังมือตัวเองอย่างนั้น แกล้งสะบัดมือไปมาพอขัดขืน 

“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวทำแผลให้ แล้วคราวหลังไม่ต้องทำแล้วนะ ไหนๆ บ้านก็รกแล้ววันนี้ช่วยกันทำความสะอาดให้ผ่องเลยนะ แล้วก็...” ซีเหลือบตามองดีก่อนจะเอ่ยว่า

“พี่ดี...เราไม่ได้เป็นเด็กๆ แล้วนะ...โตแล้ว...เรื่องที่มันนานแล้ว...พี่ดีก็อย่าไปคิดถึงมันเลยนะ...”

“อื้อ” พยักหน้าตอบ

“แล้วก็..” ซีเอ่ยถามเรื่องที่อยากรู้มาตลอดตั้งแต่ก่อนเกิดอุบัติเหตุ

“อะไร”

“พี่น้ำขอเป็นแฟนเหรอ” ถึงจะถามพี่น้ำมาเมื่อคืนแล้วแต่ก็ยังอยากจะได้ยินจากปากพี่ชายสุดซึนของตัวเองอยู่ดี

“...เออ!” กระแทกเสียงตอบ แน่ะ ถึงจะทำเสียงไม่พอใจ แต่แก้มแอบแดงนะพี่ดี กิ๊วๆ

“อยากมีพี่เขยไวๆ  รีบตอบตกลงรับพี่น้ำเป็นแฟนได้แล้ว!!!” ซีกำลังใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดรอบแผล บอกพี่ชายเสียงเข้ม

“ไอ้จืดมันบอกอย่างนั้นเหรอ”

“อะไร” คราวนี้เป็นซีเองที่งงกับคำตอบของพี่ชาย ตอนแรกคิดว่าจะโวยวายบ้านแตกอย่างเคยเสียอีก

“ที่ว่ายังไม่ตกลงอะ”

“ฮะ นี่หมายความว่า...” พี่น้ำบอกว่าพี่ดียังไม่ตกลงแต่พี่ชายเธอทำเหมือนกับตกลงไปแล้วเลย หรือว่าจะ... พอจะถามออกไป ดีเอานิ้วจุ๊ปาก บอกให้เงียบๆ แล้วทำท่าให้ซีขยับเข้ามาใกล้ แต่แล้วคนเป็นพี่ก็หายใจเข้าลึกจนแก้มป่อง จากนั้นจึง

พู่!!! เป่าลมเข้าหูไอ้ตัวยุ่งสุดแรง น้องสาวร้องออกมาอย่างตกใจ

“ยังไม่ตกลงไง ฮ่าๆ ” พูดเสียงดังกรอกหูซ้ำอีกรอบ

“จิ๊! …พี่ดี ตอนนี้น่ะ...เราไม่ได้มีกันสองคนเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ...จะเป็นไรไหมถ้าซีจะนับพี่น้ำกับหวานด้วย"


ซีเอ่ยถามผู้เป็นพี่ด้วยความจริงจัง  สองคนนั่นทั้งพี่น้ำและหวาน พี่ชายของเธอเปิดใจยอมรับ สองพี่น้องหรือยัง
ดีเงียบเสียงหัวเราะ แล้วจึงยิ้มกว้างให้น้องสาว

“คิดว่าไงล่ะ”







เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน เป็นซีที่เห็นคนที่กำลังเอ่ยถึงก่อนเพราะหันหน้าออกไปทางประตูบ้าน ขณะที่ดีนั่งหันหลัง ก้มหน้าดูมือที่น้องทำแผลให้แล้วยังไม่รู้ตัวยิ้มกริ่มหมายจะแกล้งน้องสาวต่อไป

ซีพยักหน้าเป็นสัญญาณให้สองคนเข้ามาในบ้าน จุ๊ปากให้สองคนเงียบๆ ไว้ ทำเป็นพูดกับพี่ชายต่อไป

“คิดว่าคนดีๆ อย่างพี่น้ำเนี่ย สมควรที่สุดแล้วที่จะมาเป็นพี่เขยซี ฮ่าๆ”

“เหอะ...ดีตรงไหนวะ...ขี้แกล้งจะตาย..”

ดีค้านซีเสียงดัง และคงจะบ่นออกมาอีกเยอะ ถ้าไม่มีเสียงทุ้มๆ คุ้นหูแทรกขึ้น



“เพราะ ‘รัก’ หรอก...จึงหยอกเล่น”




ดีหันไปตามเสียง แล้วก็อุทานเสียงดัง


“เชี่ยยยยยยยยย พี่น้ามมมมมมมมม”


สองสาวประสานเสียงหัวเราะกันคิกคัก
แล้วจึงตามด้วยเสียงทุ้มลึกของน้ำและเสียงแหบห้าวของดี








ความมืดที่น่าหวาดกลัวของค่ำคืนค่อยๆ หายไป
ถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างของดวงตะวันในเช้าวันใหม่








เมื่อได้รู้จัก พี่น้ำ และ หวาน
ซีเองก็ได้แต่หวังว่า ฝันร้าย จะไม่เกิดขึ้นกับเธอและดีอีกต่อไป




To be continued…
-----------------------------------
[29/11/15]
พี่ดีกับน้องซีเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ก่อนจะมากขึ้นจนพี่ดีกลายเป็นโรคกลัวสังคม (Social Phobia) อ่อนๆ ค่ะ อาการของโรคจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบุคคลซึ่งอาการของพี่ดีนี้ในเรื่องมาจากคนใกล้ตัวเราเองค่ะ
เราเขียนเรื่องนี้เพราะอยากจะให้คนในโซเชียลเน็ตเวิร์คลดการใช้ hate speech ลงบ้าง เพราะเราไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะมีใครได้รับผลกระทบจาก 'การระบายอารมณ์' ของเราไปบ้าง

ตอนหน้าจะเป็นตอนจบแล้ว และมีตอนพิเศษอีกหลายๆ ตอน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :L2:
Lavender's blue
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 23) - 29/11/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-11-2015 21:58:22
เจ็บยิ่งกว่าโดนรถเฉี่ยวชะอีก
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 24 จบ) - 1/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 01-12-2015 20:19:30
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 24 จบ)




บทที่ 24 Love me, Love my cat
   







“ขยับเด้”
   


เขาบอกไอ้คนที่นั่งเอกเขนกเต็มโซฟาบ้านคนอื่นหน้าตาเฉยด้วยเสียงห้วนสั้น ไอ้คนที่เคยผมยาวจนต้องไปจิ๊กกิ๊ฟติดผมน่ารักๆ จากน้องสาวมาใช้เป็นประจำตอนนี้มันไปตัดผมมาแล้ว



ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนบอกมันให้ไปตัดผมเอง ทำไมถึงได้หงุดหงิดเองก็ไม่รู้


ชิ!


ก็ถ้ารู้ว่าตัดผมแล้วออร่ามันจะเด้งออกมาอย่างนี้ จะให้มันไว้ผมซกมกอย่างเดิมแหละดีแล้ว



วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่เจ้าซีและเจ้าหวานเรียกว่า ‘วันครอบครัวสุขสันต์’
เหอะ! ไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้นสักนิด อย่างน้อยก็วันนี้แหละ
สองสาวหายเข้าไปในห้องเช่นเคย ทิ้งเขาไว้กับน้ำสองคน
 

‘ไอ้พี่น้ำจืด’ มาถึงก็อุ้มเหมียวเล็กไว้บนตัก คุยกันเสียงหงุงหงิง ไม่สนเจ้าของบ้านที่ยืนเคว้งอยู่กลางบ้านสักนิด
แค่จะพูดด้วยสักคำยังไม่มีเล้ยยยย 

ไม่สุขสันต์เว้ย!!





ไอ้พี่น้ำจืดเหลือบตามองเขาไม่ถึงวินาที ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองกันเต็มตาด้วยซ้ำ ก่อนจะขยับไปอยู่อีกด้านของโซฟา

“วันก่อนปะป๊าไปเจอปลอกคอแมวมาด้วย น่ารักมากเลย เหมียวเล็กอยากได้ไหมครับ”

นั่น เหมียวเล็กอย่าไปอ้อนมัน ลุกออกมาจากตักมันเดี๋ยวนี้
ส่งสายตาพิฆาตไปแล้วไม่ได้ผล เหมียวเล็กเอียงคออ้อนมืออุ่นๆ ของไอ้จืดต่อไป


“อื้อ เหมียวเล็ก ทานอะไรหรือยัง ปะป๊าพาไปกินอาหารเม็ดดีกว่าเนอะ” พยักหน้าหงึกหงักกับแมวแล้วน้ำจึงอุ้มเหมียวเล็กไปหลังบ้าน



อย่า! อย่านะเหมียวเล็ก อย่าเห็นแก่กินนะเว้ย


“เหมียวเล็กค่อยๆ กินช้าๆ ก็ได้ ชอบรสนี้หรอ เดี๋ยวจะซื้อมาฝากบ่อยๆ นะ”


คนอะไรคุยกับแมวก็ได้ เจ้าของแมวนั่งอยู่ตรงนี้แท้ๆ ไม่พูดด้วย
หงุดหงิดชะมัด!!!
 


เขาเร่งเสียงโทรทัศน์ขึ้นอีกด้วยต้องการจะกลบเสียงที่ทำให้ตนเองหงุดหงิด



ไม่สนก็ไม่สนสิ
อยู่กับแมวไปเลย ไอ้จืดเอ้ยยยยยยยยยย !!






ทางด้านสองสาวที่หายขึ้นไปชั้นบน ทั้งคู่แอบมองเหตุการณ์ด้านล่างอยู่บนระเบียงชั้นสอง ซีหัวเราะกับท่าทางของพี่ชายตนเองคิกคัก ผิดกับหวานที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ซี พี่ดีจะโกรธเฮียไหม” หวานถามอย่างเป็นห่วงพี่ชาย

“โอ้ย ไม่หรอกน่า คนนิสัยไม่ดีอย่างนั้น ให้พี่น้ำดัดนิสัยซะบ้างก็ดี” ซีดึงหวานเดินเข้ามาในห้องปิดประตู ปล่อยให้พี่น้ำจัดการต่อไป

“แต่ว่ามันจะทำให้พี่ดีคิดมาก แล้วจะ...ไม่สบายอีกหรือเปล่า”

ซียิ้มกว้าง รับรู้ความเป็นห่วงของเพื่อน “ไม่หรอก พวกเราไม่เป็นไรแล้วล่ะ”

“ก็เราเป็นห่วงพี่ดี ตั้งแต่เจอหน้ากันพี่น้ำยังไม่คุยกับพี่ดีสักคำเลยนะ”

“ก็ใครใช้ให้ทำเป็น ‘ซึน’ อยู่นั่นเล่า สมควรแล้ว”

หลายครั้ง หวานได้แต่สงสัยว่า ตกลงแล้วใครเป็นพี่น้องกับใครกันแน่ บางที ซีอาจเป็นน้องของน้ำที่คอยแกล้งพี่ชายของตนเองตลอดเวลา และเธออาจเป็นน้องของดีที่คอยแต่จะเป็นห่วงพี่ชายอยู่ร่ำไปก็ได้

“เถอะน่า ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงที่ทำไปก็เพราะ ‘รัก’ พี่ดีนั่นแหละ ถึงเจ้าตัวจะงี่เง่าอยู่ก็เถอะนะ”
“ไปว่าพี่ดีอีกแล้ว...”
“ก็จริง ถ้าเราเป็นพี่น้ำนะ ไม่มาใจเย็นอย่างนี้หรอก จับแม่งปล้ำไปนานล่ะ”
“จุ๊ๆ ซีพูดเบาๆ ดิ”
“เอ้า..ก็จริงอะ พี่ดีดื้อจะตาย”
“พูดยังกับตัวเองไม่ดื้อนะ”

ซีรู้ว่าเถียงไม่ได้จึงจี้เอวเพื่อนสาว หวานจึงจี้เอวคืนบ้าง เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลงมาถึงชั้นล่าง  ซึ่งนั่นทำให้ดีหัวเสียยิ่งกว่าเดิม

สุขสันต์กันจริงๆ นะ ให้ตายสิ !!










แม้ว่าสองตาจะยังคงจ้องโทรทัศน์ แต่สองหูกลับจดจ่ออยู่กับเสียงคุยหงุงหงิงของคนตัวโตกับแมว  นั่น เดินกลับมากันแล้ว

“เหมียวเล็กกินข้าวพุงป่องเลยนะ”  ไอ้พี่น้ำจืดเดินผ่านไป สองมืออุ้มเหมียวเล็กที่ตอนนี้พุงป่องออกมาอย่างเห็นได้ชัด “สงสัยพ่อเขางอนปะป๊าเลยพาลให้เหมียวเล็กอดข้าวแน่เลย”



อะไร ไหน ใครงอน ไม่มีเฟ้ย!!

เขาได้แต่ตะโกนตอบเสียงดังในใจ ไม่ได้ ไอ้น้ำจืดไม่พูดกับเขาก่อน อย่าหวังเลยว่าเขาจะทำ เสียฟอร์มแย่สิ


ไอ้จืดจับเหมียวเล็กพาดบ่า ตบตูดเบาๆ “ดูสิ นั่งทำหน้างอนอยู่นั่น”



ใครงอนไม่มีอะ ดูทีวีอยู่ไม่เห็นหรอ
จี้จัง น่ารักที่สุด



“ทำคนอื่นงอนแล้วไม่ง้อ ยังไปงอนเขาอีกเนี่ย นิสัยไม่ดีเลยนะครับ เหมียวเล็กอย่าทำอย่างพ่อนะรู้ป่าว”



แล้วเส้นความอดทนเขาของขาดผึงเหมือนเส้นด้ายที่ถูกกระชากสุดแรง
เขาตะโกนออกไปก่อนจะทันรู้ตัวอย่างเสียงดังว่า




“เออ ก็นิสัยไม่ดีไง ไม่ชอบก็ไปเลยไป”



สิ้นเสียงพูดของเขา ความเงียบก็เข้ามาปกคลุมห้องนั่งเล่น น่าแปลกที่แม้แต่เสียงโทรทัศน์ก็เงียบไป คนเล่นแมววางเหมียวเล็กลง แล้วหันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ แววตาสุกใสเปล่งประกายขี้เล่นหายไป เหลือเพียงดวงตาสีดำสนิทราบเรียบราวกับผิวน้ำยามค่ำคืน



“ที่พูดออกมานี่ คิดดีแล้วหรือยัง”



เสียงทุ้มห้วนที่เจ้าตัวเปล่งอออกมาทำเอาคนฟังกัดริมฝีปาก เสียงจะแข็งไปไหน สายตาสองคู่ประสานกันอย่างไม่มีใครยอมอ่อนข้อ คนที่รู้ตัวว่าผิดก็ยอมเอ่ยปากแต่ก็ยังไว้เชิง



“ก็ใครบอกให้กวนก่อนล่ะ”


เขารู้ว่าน้ำเป็นคนใส่ใจในทุกเรื่องเสมอ พวก ‘คิดแล้วพูด’ ไม่ใช่พวก ‘พูดไม่คิด’ แบบเขา แต่ก่อนน้ำอาจไม่สนใจกับคำพูดสารพัดของเขา แต่ตอนนี้สถานะมันเปลี่ยนไปแล้ว 


“พี่กวนตรงไหน”


น้ำยกมือขึ้นกอดอก พิงสะโพกตรงขอบโซฟา มองคู่สนทนาด้วยสายตานิ่งเรียบ น้ำอดทนกับคำพูดที่ไม่คิดอะไรของคนรักหลายหนแล้วและครั้งนี้เขาคิดว่าตัวเองจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้อีกฝ่ายปรับปรุงนิสัยแย่ๆ นี้เสียที


“...คุยกับเหมียวเล็ก”

น้ำเลิกคิ้วด้วยความสงสัยแปลกใจในเหตุผลของดี “คุยกับเหมียวเล็กแล้วยังไง”




คนที่เอาแต่กัดปากยิ่งหงุดหงิด นี่ยังไม่เข้าใจอีกนะ ต้องให้บอกให้ได้เลยใช่ไหม ไอ้พี่น้ำ


“ก็ไม่คุยกับนี่อะ!!” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองตอนพูดว่า 'นี่'



มีรอยยิ้มในแววตาของน้ำ พร้อมกับริมฝีปากที่ยกขึ้นบางๆ มันปรากฏเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะหายไป ดีที่กำลังโมโหสุดๆ ไม่สังเกตเห็น


“ทีดียังไม่เห็นทักพี่สักคำ...พี่ก็ต้องคุยกับเหมียวเล็กสิ”


เจ้าของแมวหลายคนบอกว่าการเลี้ยงแมวต้องใช้ความอดทนมาก แต่พอได้เลี้ยงจริงๆ แล้ว น้ำไม่เห็นด้วยเลยเพราะ ‘พ่อแมว’ น่ะ เลี้ยงยากว่าตั้งเยอะ 


“ไม่ได้!!”


ดีโต้กลับเสียงดัง เขาไม่ชอบ ไม่ชอบเอามากๆ เลยด้วย


“ทำไมละ” น้ำยังคงถามหน้าตาเฉยแม้ว่าในใจจะเต้นเร่าเพราะนึกเหตุผลของอีกฝ่ายออกแล้ว




ยิ่งเห็นหน้าเฉยๆ เหมือนไม่รู้อะไรแล้ว เขายิ่งโกรธเข้าไปใหญ่

“ไอ้พี่น้ำ!!”

“ครับ” ขานรับเสียงดังฟังชัด แม้รู้ว่าจะทำให้อีกคนโกรธมากขึ้นก็ตาม


“เป็นแฟนดี ดีก็ต้องสำคัญที่สุดสิ!!”


ใช่แล้ว เขาต้องสำคัญที่สุด ไม่ชอบเลยที่โดนเมิน ไม่สนใจกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สนใจ ใส่ใจเรามาตลอด อย่างไอ้พี่น้ำคนนี้


“แล้วพี่สำคัญกับดีที่สุดหรือเปล่า”


“อ้าว ก็ต้องสำคัญสิ แฟนดีทั้งคนนะ...เฮ้ย”


เขาร้องออกมาด้วยความตกใจ ยังพูดไม่ทันจบก็โดนคว้าไปกอดหมับ นี่เข้ามาอยู่ใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ สองมือโดนรวบจนแทบขยับไม่ได้ ใบหน้าของน้ำโน้มลงมาใกล้จนนับเส้นขนตาได้ ดวงตาพราวระยับทอประกายอ่อนหวาน

นี่เขาโดนอำอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย !!!



พอรู้ตัวสะบัดหยุกหยิกคนขี้แกล้งจึงลงโทษ

ฟอด! แก้มซ้ายโดนหอม

ฟอด! แก้มขวาโดนหอม

“อื้อ...” 

ปิดท้ายด้วยจุ๊บที่ปากหนักๆ





แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าว

หัวใจเต้นตึกตักเป็นจังหวะร้อค

เขิน

เขินโคตรๆ

เขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ขอมุดกับอกกว้างๆ ของไอ้คนตัวโตนี่ก่อนละกัน




“ไม่น่าเชื่อว่าปากอย่างนี้ก็หวานเนอะ”



โอ้ยยย จะพูดให้เขินใช่ไหม นี่เขินจนไม่รู้จะเขินยังไงแล้วเนี่ย
ขอสักหมัดแก้เขินได้ไหม



“คนเป็นแฟนกัน ไม่จำเป็นต้องมีฟอร์มหรอกนะดี คิดอย่างไรก็พูดก็บอกกันได้ ถ้าพี่งอนแล้วต้องคอยให้ดีง้อตลอดดีจะชอบไหม”

เขาสั่นหัว ซบอยู่กับบ่าของน้ำอยู่อย่างนั้น ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา แม้น้ำจะย้ายตัวลงนั่งมาบนโซฟาคลายแขนสองข้างที่เมื่อครู่กกกอดเขาให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแล้วก็ตาม


“พี่ก็เหมือนกัน ถ้าดีชอบหรือไม่ชอบอะไรก็บอกนะ” พยักหน้า เอียงแก้มแนบกับซอกคอของเก้าอี้พิเศษ

"แล้วระวังคำพูดด้วย อย่าพูดในสิ่งที่ตัวเองจะเสียใจทีหลังออกมา ไหนบอกสิว่างอนพี่เรื่องอะไร เราถึงไม่คุยกับพี่เนี่ย”

มือของน้ำลูบหลังคนตัวเล็กเบาๆ พร้อมทั้งโยกตัวราวปลอบประโลม หน้าของดียังคงแดงระเรื่อแก้มอุ่นแนบอยู่กับต้นคอ เจ้าตัวเม้มปาก ยังคงไม่ยอมพูด




“นับสาม ยังไม่พูดจะจัดอีกชุดนะ”
น้ำขู่เร่ง อีกชุดที่ว่าคือ แก้มซ้าย แก้มขวาและปากแดงๆ นี่ละ กระชับแขนโอบเอวเมื่อเห็นว่าคนนอนนิ่งจะขยับหนี




“หนึ่ง”


“..ก็..กะ”



“สอง”


น้ำขยับเข้ามาใกล้




“สะ..”



“วันศุกร์ พี่ไปคุยกับพี่แนน”



“อ๋ออออ” จำเลยจำเป็นร้องออกมาเสียงยาว



ดีเขม่น ยังมีหน้ามาร้อง อ๋ออออ


วันศุกร์ที่ผ่านมานี้เอง เขาไปรอไอ้พี่น้ำตามปกติ ...เออ ก็ตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกัน เราก็กลับบ้านพร้อมกันไง อย่ามายิ้มนะ คนเป็นแฟนกันมันก็ต้องทำอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ ยัยซีกับยัยหวานยังเลิกแซวแล้วเลย


แต่วันศุกร์ที่แล้วไอ้พี่น้ำมาช้า ทั้งที่ปกติมีน้อยครั้งมากที่จะมาช้ากว่า แล้วปล่อยให้รอ เขาเลยลองเดินไปรอที่คณะบ้าง
นั่งรอใต้ม้าหินอ่อนสักพักเห็นน้ำกำลังเดินออกมา แล้วอยู่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงวิ่งมาคว้าแขนยื้อยุดกันอย่างสนิทสนม พูดกันอยู่สักพัก ไอ้พี่น้ำล้วงกระเป๋าแล้วยื่นบางอย่างให้ ผู้หญิงคนนั้นชื่อ พี่แนน เขารู้จักนะ

พี่แนนดีใจยิ้มกว้างจนตาเป็นขีด ไอ้พี่น้ำก็หัวเราะยิ้มกันสองคนดูมีความสุขมาก

แล้วไงต่อเหรอ มันก็เดินออกมาเจอกัน แล้วเราก็กลับบ้านตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือจากวันนั้นจนมาเจอกันวันนี้ เขาไม่พูดกับมัน มันก็หาว่าเขางอนอยู่นั่นแหละ บอกเลยนะว่าไม่ได้งอน


อะไรนะ

เขาไม่ได้งอน ใช่แล้วไง

แต่ เขา ฮะ! ตลกน่า

เขาเนี่ยนะ หึง 

ผม หึง หรอ

ไม่ใช่หรอก

แค่หมั่นไส้ คนที่ปล่อยให้เขารอเฉยๆ 

ปล่อยให้คนอื่นรอที่แท้ตัวเองก็ไปยิ้มกับสาว

มันใช่ไหมเล่า



“ชิ!”


“มีงานกลุ่ม ไอ้แนนมันมาทวงเงิน” น้ำอธิบายแล้วก็ส่งยิ้มกว้าง 


“แน่นะ” พ่อแมวหรี่ตามอง พยายามทำหน้าดุเพื่อคาดคั้น

“แน่ครับ” เสียงหนักแน่นกับรอยยิ้มอบอุ่น ไม่รู้ว่าน้ำจะรู้ไหมว่าเขาชอบรอยยิ้มแบบนี้และน้ำเสียงอย่างนี้ที่สุด




จุ๊บ!



ยื่นหน้าเข้าไปจูบปลายคางไอ้พี่น้ำแล้วผละออกมาอย่างรวดเร็ว ลุกขึ้นขยับตัวลงจากตักอุ่นคว้ารีโมทเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปเรื่อย แก้มร้อนจนต้องยกมือขึ้นมาพัด






คนโดนขโมยจุ๊บยังคงไม่ทันรู้ตัวได้แต่นั่งกะพริบตาปริบกับคนตัวเล็ก พอเริ่มดึงสติกลับมาได้ก็มีเสียงขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน




“เมี้ยววววว”




เหมียวเล็กนั่นเอง เจ้าแมวตัวอ้วนเดินมาอ้อนพันแข้งขา น้ำกำลังจะก้มตัวลงไปหมายจะอุ้มเหมียวเล็กขึ้นนั่งตัก ก็โดนมือผอมๆ แย่งอุ้มไปเสียก่อน



“เหมียวเล็กมาอยู่กับพ่อดีกว่า”



น้ำอมยิ้มกับท่าทางเอาแต่ใจนั้น เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงหูแดงก็ไม่คิดจะเอ่ยแซวอะไรอีก พอเอื้อมมือไปเกาคอให้แมวอ้วนที่นอนบนตักเจ้าของอย่างสบายอารมณ์ก็โดนบัดออก ได้แต่เลิกคิ้วมองคนขี้หวง



“ไม่ให้เล่นเหมียวเล็กแล้ว เดี๋ยวจะรักมากกว่าดี”



น้ำหัวเราะออกมากับเหตุผลที่ช่างจะไม่มีเหตุผลของคนรักเอาเสียเลย แต่กลับทำให้คนฟังยิ้มกว้างหัวใจพองโต เมื่อไม่ให้อุ้มเหมียวเล็ก ก็อุ้มขออุ้มพ่อเหมียวเล็กแทนละกัน ว่าแล้วก็คว้าเอวหมับ ลากขึ้นนั่งตัก


“เฮ้ย” คนไม่ทันตั้งตัวตกใจอุทานเสียงดัง

“น่า อย่าดิ้น เดี๋ยวเหมียวเล็กตกนะ”

ริมฝีปากของน้ำคลอเคลียกับพวงแก้มสีระเรื่อ

“อื้อ...”

“ไม่ต้องกลัวไม่รักหรอกนะ เด็กดื้อ” กระซิบข้างขมับแล้วกดจมูกหนักๆ ลงแก้มซ้ายของคนที่พยายามดิ้นดุ๊กดิ๊ก





“แมวกับคน ก็ต้องรักแมวมากกว่าอยู่และ..โอ้ย”





ดีทุบลงบ่าคนที่ตัวเองนั่งตักอยู่อย่างแรง เขารู้อยู่เต็มอกว่าถูกแกล้งแต่ก็ไม่ชอบใจอยู่ดี แล้วตัวเองก็เป็นฝ่ายแนบริมฝีปากลงไปบริเวณกิ่งปากกึ่งจมูกกดแช่ค้างไว้ สองมือกุมใบหน้าของน้ำ


“ไม่ได้นะ” กระซิบงึมงำใกล้ริมฝีปาก



“ทำไมครับ”



ดีขยับใบหน้าออกห่าง






ยิ้มใส่ตาคนตัวโต




ยิ้มอย่างที่น้ำเคยบอกว่า เห็นแล้วก็ตกหลุมรัก







รอยยิ้มพิฆาต






“เพราะว่า...ดีกว่านี้ ไม่มีแล้วล่ะ”




ยิ้มหวานๆ อีกครั้ง

น้ำยิ้มกว้าง ก่อนริมฝีปากของทั้งคู่จะกลืนกินกันและกัน











เหมียวเล็กขยับตัวกระโดดลงจากตัก ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเงยหน้ามองเจ้านายสองคนบนโซฟา คนหนึ่งไล่เรื่อยริมฝีปากเข้าหาอีกคน คนหนึ่งก็พยายามเอี้ยวตัวหนีอย่างขลุกขลักเพราะโดนกักตัวไว้บนตักกว้าง เหมียวเล็กสงสัยเหลือเกินว่าเจ้านายตัวผอมจะหนีทำไม เพราะไม่นานปากเล็กก็ถูกยึดครองวนเวียนอย่างนี้จนสุดท้ายแมวอ้วนก็เป็นฝ่ายจากมา





เพราะเจ้านายทั้งสองคนนั้นไม่สนใจมันเลย   





…The End…



[1/12/58]
จะยังมีตอนพิเศษอีกแปดตอนตามมาค่ะ
คุณ B52 มาคอยอยู่เป็นเพื่อนตลอดเลย ขอบคุณนะคะ  :mew1:

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ

:กอด1:
Lavender's blue
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 24 จบ) - 1/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-12-2015 21:01:29
ดีคนซึน ไม่ยอมรับอะไรง่ายๆเลยเนอะ หึงก็บอกหึง ห่วงก็บอกห่วงสิ ให้พี่น้ำเขาได้ดีใจหน่อย
หาคนดีๆที่รักจริงให้สองสาวหน่อยเร็วตอบแทนที่ช่วยใหพี่ชายมีแฟน
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 24 จบ) - 1/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 01-12-2015 21:12:34
 :-[ สนุกจัง รอตอนพิเศษหวานๆเลยจ้า
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 24 จบ) - 1/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 01-12-2015 21:14:43
?... แล้วคนที่ด่าน้องดีล่ะ เรื่องมันยังไงหว่า
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 24 จบ) - 1/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 01-12-2015 23:23:46
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 24 จบ) - 1/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 02-12-2015 10:40:06
อ่านรวดเดียวเลยย น่ารักดีๆๆ ยังมีปมๆคนที่มาด่าเนอะ หรือ มันเป็นอค่เรื่องที่น้องดีคิดไปเอง ที่จริงไม่เกี่ยวข้องอะไรน้อ รออ่านตอนพิเศษจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 24 จบ) - 1/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 02-12-2015 11:33:05
 :ling1:


ขอตอนพิเศษๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

พี่น้ำนี่คุมดีอยู่หมัดเลย ไม่งอแงแล้ว :)

*****

“พี่ดี ทำอะไรน่ะ” ยัยหวานพูด ข้างๆ แก้มมีเศษแตงโมติดอยู่ ซีเอื้อมมือมาเช็ดที่มุมปากให้ หวานชะงัก แล้วก้มน้ากัดแตงโมต่อ ลืมที่ตนเองเพิ่งพูดไปสนิท
ู^ อันนี้มีวี่แววคู่เลสในเรื่องไหมคะ มันส่อมากกกกกกจริงๆนะ  :ling1:


หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 24 จบ) - 1/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-12-2015 16:08:32
จบแล้ววววววววว
รอตอนพิเศษ อิอิ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 1) - 2/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 02-12-2015 18:14:42
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 1)





ตอนพิเศษ : คนผิด

 
 

Sweetie Cholada … แก้มเป็นสัญลักษณ์ของความสุข ...

Sea see C … เค้าเรียกอ้วนปะตะเอง ... 
Narut Kitchareon ...อิ่มเอิบ...
Sea see C …แหนะ @Narut Kitchareon อวยน้องตลอด @Notthatbad Sirichai เอาไปเก็บที
Notthatbad Sirichai … -*- …
Krit Thebest... หนูดีเล่นเฟสแว้ววววว คุริคุริ ...
Champion Wanasarn... สวัสดีมึง...
Wisit Top of the world … พรุ้งพริ้ง สวีทวี่วิ้ว นะแจ๊ะ กิกิ...
Sweetie Cholada … ใจเย็นนะคะทุกคน …
Notthatbad Sirichai …สัด...
Narut Kitchareon ...พูดไม่เพราะ 1 จุ๊บนะดี… ถูกใจ 6 คน
Sea see C …ขอร้อยไลค์เม้นท์บน กรี๊ดดดดด...
Krit Thebest ...กิ้วๆ...
Notthatbad Sirichai …@ Wisit Top of the world เอา @Krit Thebest ไปเก็บ สลัด! ...
Krit Thebest ... ไม่ต้องเขินนะจ๊ะหนูดี ฟามร๊ากกกกเป็นสิ่งสวยงามมมมมม…
Sweetie Cholada …ความจริงหนูก็ชอบพวกพี่มากนะ แต่ไปเกรียนที่อื่นเถอะค่ะ... ถูกใจ 1 คน

 


ให้ทายว่าคอมเม้นท์สุดท้ายของหวานใครเป็นคนกดไลค์
ผมเองแหละ สุดยอดจริงๆ ที่หวานทำให้เพื่อนผมเลิกเกรียนได้ สมกับที่เป็นน้องของพี่น้ำจริงๆ







เวลาเที่ยงวันอาทิตย์ หวานและซีเริ่มทดลองสูตรอาหารแปลกๆ โดยมีผมและพี่น้ำเป็นหนูทดลอง การทดลองผ่านไปอย่างเรียบร้อยในด้วยการทำอาหารถึงสามรอบ อย่าให้บอกเลยว่ารอบแรกรสชาติเป็นอย่างไร ถถถถถถถถถ


 
เมื่อทำอาหารเสร็จสองสาวดี้ด๊าถ่ายรูปแชร์ลงเฟสบุ๊คแล้ว ทุกคนก็เข้าสู่โหมดก้มหน้าคุยกัน จนเกิดเป็นกระทู้กลายพันธุ์ข้างต้น



ก็นั่งด้วยกันตั้งสี่คน ทำไมไม่คุยกันว่ะ แม่งงงงง ผมฮึดฮัดในใจ ลุกจากโต๊ะทานข้าว เดินไปนั่งโซฟาที่ห้องนั่งเล่นทันที เหมียวเล็กที่คอยท่าอยู่แล้วกระโดดขึ้นมานั่งบนตัก เบียดหูเบียดหางให้เกาอย่างเคย



เอาจริงๆ แล้ว ยอมรับเลยว่าเกลียดมาก



เฟสบุ๊ค...โซเชียลมีเดียทั้งหลายที่ทำให้เราติดต่อกับใครหลายคนได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว
พูดคุยกับเพื่อนโดยไม่เสียตังค์ (ซี: แต่เปลืองไฟ)
ทำงานกลุ่ม (หวาน: เรื่องเรียนสำคัญนะคะ ยิ้ม)
ใครบางคนเอาไว้แอบส่องคนที่ชอบหรือคนที่เกลียด (สองสาว: ส่องคู่จิ้นด้วย!)
เล่าเรื่องเหตุการณ์ที่พบเจอในชีวิต ทั้งตลก แปลก เศร้า
ให้ข้อคิด แบ่งปันเหตุการณ์ ความรู้สึกดีๆ
เรียกได้ทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และน้ำตา



ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผมเกลียดเฟสบุ๊ค แต่สิ่งที่ผมเกลียดคือการที่หลายคนใช้เฟสบุ๊คเป็นเครื่องระบายอารมณ์ บ่นเช้าบ่นเย็น นินทาคนโน้น ด่าคนนี้ไปทั่ว แรกเริ่มก็ไม่ได้สนใจข้อความเหล่านั้นเท่าไหร่ แต่เมื่อเสพมากไปก็เกิดความรู้สึกที่ว่า ‘เราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า’ ‘คนนี้กำลังว่าเราอยู่ใช่ไหม’ ผนวกกับรูปแปลกๆ น่ากลัวทั้งหลายที่หลายคนกดแชร์อย่างไม่คิดอะไร ทำให้ผมคิดมาก จากที่เป็นคนเก็บกดจากทั้งเรื่องครอบครัว ชีวิต การเรียน การเงิน เลยยิ่งคิดมาขึ้นไปอีก ทั้งยังมี ‘โรค’ ที่รักษาไม่หาย


เฟสบุ๊คกลายเป็นอาวุธที่ทำให้ผมเจ็บปวดมากที่สุด

 


 
...คิดว่าเป็นใคร เรียนปีสูงแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรอ...

 

เป็นผมแน่ๆ เลยใช่ไหม ปีสี่ก็สูงที่สุดเลยนิ

 
 

‘กูไม่รู้ว่ากูไปทำอะไรให้’ จนทนความอึดอัดไม่ไหว ไประบายให้ยัยซีฟัง
‘คิดมาก เค้าไปด่าพี่หรอกน่า เดี๋ยวนี้ใครก็บ่นในเฟสไปทั่วแหละ’ ยัยซีบอกไว้อย่างนั้น

 
 

… รำคาญไอ้พวกเรียกร้องความสนใจ ...




 
ผมก็ไม่พยายามไม่คิดมากตามคำแนะนำของน้องสาว โหมทำงานหาเงิน สนใจแต่เรื่องเรียน ทำโปรเจ็คส่ง จนร่างกายไม่ไหว เครียดลงกระเพาะ ความอ่อนแอที่ถูกกดอยู่ลึกสุดใจก็ค่อยๆ แสดงตัวออกมา


หลายต่อหลายคืนที่คำผรุสวาทด่าทอต่างๆ นานาที่ผมเคยได้ยินแต่เด็กวนเวียนเข้ามาในหัวยามหลับซ้ำไปซ้ำมาราวกับไม่มีวันจบสิ้น

ทั้งเสียงด่าทอ เยาะเย้ย และเหยียดหยาม
 



‘หมาหัวเน่า ไอ้ลูกไม่มีแม่’



‘ให้ที่ซุกหัวนอนแล้วยังขี้เกียจอีกนะ เด็กบ้า’



 ...ถูกเขาหลอกก็ยังไม่รู้ตัว ยิ้มเข้าไปสิ เดี๋ยวจะร้องไห้ไม่ออก...
 



‘พวกแกสองพี่น้องมันตัวซวย’



‘เนรคุณ!!’




‘บอกให้รีดเสื้อให้เรียบร้อยไง เย็นนี้ไม่ต้องเสนอหน้ามากินข้าวนะ!!’
 



...บางคนทำทุกอย่างตามใจตัวเอง จนลืมนึกถึงความรู้สึกของคนอื่น...
 




‘มึงมันไม่ได้ดีสมชื่อเลย ไปไหนก็ไปไป๊’





‘คนอะไรชื่อโชคดี ตลกชะมัด’





‘ไอ้ตัวดี บอกให้ทำงานบ้านให้เรียบร้อยก่อนไปเล่นไง แล้วนี้อะไร ฮะ! มาให้ตีซะดีๆ นะ’

 



 
ผมเครียด อึดอัด และกดดันจนทำให้อาเจียนออกมาไม่หยุด




ทั้งๆ ที่ร่ำไห้ ขอร้อง อ้อนวอน ทว่าเสียงเหล่านั้นก็ยังคงดังก้องซ้ำไปมาอยู่ในหัว ซ้ำยังเพิ่มระดับเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ






 
ทันใดนั้นเอง สายตาคู่หนึ่งที่ใครสักคนแชร์ในเฟสบุ๊คก็แวบเข้ามาในหัว สายตาคู่นั้นจ้องมองตรงมาที่ผม



มองทำไม

มองเพราะรู้อะไรหรือเปล่า

มองเพราะจะจับผิด ด่าว่า เอาเรื่องของเขาไปนินทาอีกหรือเปล่า

 





อย่า! ไม่เอา!! อย่ามองนะ!!

 



ผมปัดมือไม้ไปในอากาศด้วยหวังว่าจะทำให้สายตาคู่นั้นหายไปแทนที่จะเป็นดังหวังกลับรับรู้ได้ถึงจำนวนสายตาอีกหลายคู่ที่จ้องมองมาที่ผม จ้องดูทุกการกระทำของผม

 


ทำไงดี ทำไงดี ห้ามมอง อย่ามองนะ

 



ผมตะเกียดตะกาย พยายามทรงตัวขึ้นไปปิดไฟด้วยหวังว่าความมืดจะอำพรางตัวเองเอาไว้





เปล่าเลย ความมืดไม่ได้ช่วยอำพรางตัวผม ความมืดช่วยทำให้สายตานับร้อยนับพันที่จ้องมองผมอยู่นั้นชัดเจนยิ่งขึ้น มันเปล่งประกายแวววาวในความมืด และสะท้อนแสงทุกครั้งที่กะพริบตา

 

ไม่! หายไปซะ! หายไปนะเว้ย!! อย่ามองกู!

 





อย่ามายุ่งกับกู!!!

 





ซี อยู่ไหน








พี่น้ำ




พี่น้ำ ช่วย.. ช่วยด้วย!!




 

…………………………………….





………………………





………………….






…………….





………..





……..





…..





...





..




.

 

 

รู้ตัวอีกที ผมก็ตื่นขึ้นมาพบกับแสงสีขาวสว่างจ้าจนตาพร่า มองไปรอบห้องก็พบว่าทุกอย่างล้วนเป็นสีขาว กลิ่นสะอาดแทงเข้ามาในจมูกจนต้องนิ่วหน้า

ผมอยู่ที่โรงพยาบาล



เมื่อเริ่มขยับตัวก็ได้ยินเสียงคนเข้ามาหา สองสาวส่งรอยยิ้มแบบดีใจสุดขีดมาให้ ซีถึงกับยิ้มทั้งน้ำตา พี่น้ำ กับรอยยิ้มเจิดจ้าอบอุ่นพอเห็นผมพยายามลุกขึ้นนั่งก็คว้าตัวไปกอดไว้แน่น กวาดสายตามองคนรอบกายแล้วก็ได้แต่พึมพำขอโทษ

 




แสงสว่าง...มันอบอุ่นแบบนี้เอง

 

 

 

‘พี่ดี  อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลย’ ซีเข้ามาบอก พร้อมกอดผมแน่น



‘คนใจร้ายพวกนั้น เป็นอดีตไปแล้วพี่ดีอย่าคิดมากเลยนะคะ’ หวานแทรกตัวเข้ามากอดอีกคน




‘เฟสบุ๊คก็เล่นให้น้อยๆ หน่อย อย่าไปจดจ่อกับมันมากรู้ป่าว’ น้ำสำทับด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 



‘อื้อ อันนี้จริงที่สุด เห็นด้วยกับเฮีย คนบางคนก็ทำอะไรตามใจไม่คิดนึกอะไร อยากจะโพสอะไรก็โพส อารมณ์เสียด่าว่าใครก็ทำ ระบายอารมณ์จนทำให้เสียบรรยากาศหมด พี่ดีอย่าเก็บเอามาคิดเลย’ หวานพูดอู้อี้





‘ใช่ๆ ใครเค้าจะว่าจะด่าอะไร ถ้าไม่ได้เมนชั่นถึงพี่ดี เข้ามาด่าในวอล์ล หรือส่งข้อความมาว่าตรงๆ ก็ห้ามคิดว่าเขาว่าตัวเองเด็ดขาดนะ’




‘อื้อ’ น้องสาวสำทับมาอีกที ผมพยักหน้าส่งเสียงตอบเบาๆ

 






‘ถึงใครจะไม่รัก...ก็ขอให้รู้ว่า พี่รักดี นะ’

 




คนตัวสูงขยับแนบหน้าเข้ากับแก้มตอบ ไรหนวดทำเอาคนป่วยนิ่วหน้า ลังเกตจากท่าทางแล้วคงเป็นพี่น้ำนี่แหละที่มานอนเฝ้าทั้งคืน


ตามหมอด่วน มาด่าไอ้พี่น้ำที คนเพิ่งหายป่วยมาทำอันตรายต่อหัวใจ
แน่นอนว่าตามสเตปแล้วสองสาวมันจะต้อง...



‘กรี๊ดดดดด’

‘กิ้วๆ’

‘เฮี้ยยยยย หวานตลอดๆ’

‘พี่ดีก็เขินตลอดๆ’




ผมคงจะโดนแซวมากกว่านี้ถ้าหมอไม่เปิดประตูเข้ามาดูอาการ ห้องพักถึงได้เงียบสงบได้ระยะหนึ่ง ค่อยสบายหูหน่อย





‘พี่ดี’ พอหมอออกจากห้อง ปิดประตูปั๊บ เจ้าซีก็ต่อทันที



‘จะบอกว่า นอกจากพี่น้ำที่รักพี่ดีม้ากมากแล้วเนี่ย ซีก็รักพี่ดีนะ’ ยัยซีพูดจบก็เดินหนีเข้าไปในห้องน้ำ ว่าแต่คนอื่น ตัวเองก็เขินเหมือนกันแหละว้า



‘หวานด้วยๆ หวานก็รักพี่ดีนะคะ’ ยัยหวานเข้ามากอดอีกรอบแล้วเดินไปตามซีในห้องน้ำไปอีกคน









‘มีแต่คนรักคนหลงแบบนี้ มีอะไรดีครับเนี่ย บอกหน่อยสิ’ น้ำเอ่ยยิ้มๆ เมื่อเห็นดีนั่งเขิน ทำอะไรไม่ถูกอยู่บนเตียง



หน่อยแน่ เห็นว่าป่วยคิดว่าจะแกล้งกันได้ฝ่ายเดียวสินะ




‘......’




‘อะไรนะ ไม่ได้ยินเลย’ น้ำพูดพลางเดินเข้ามาชิดตัวคนไข้




‘น้ำดี’ ดีกระซิบ





‘น้ำไหนดี’ ดวงตาพราวระยับ





‘น้ำนี้แหละ ดีที่สุดแล้ว’





นิ้วมือขาวขยับไปจิ้มที่อกข้างซ้ายของน้ำ



น้ำคว้ามือเล็กมากุมไว้ ทอดสายตามองไปที่หลังมือไล้ปลายนิ้วกับรอยช้ำสีม่วงเขียวเหนือสายน้ำเกลือ เมื่อคืนซีโทรหาเขากลางดึกบอกพี่ชายละเมอเพ้อไม่ได้สติ เมื่อไปถึงช่วยกันพาคนป่วยขึ้นรถมาส่งโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเลเพราะดีเอาแต่ดิ้นไม่ยอมท่าเดียวจนสองสาวสู้แรงไม่อยู่ เขาต้องเป็นฝ่ายกอดรัดดีมาตลอดทาง


เห็นอาการของคนรักแล้ว ทั้งเขา หวานและซีต่างก็น้ำตาคลอ ช่วยกันปลอบขวัญด้วยวิธีต่างๆ นานา เมื่อดีเริ่มสงบเขาสบตาเข้ากับสายตาหวาดหวั่นของซี ดวงตากลมโตคู่นั้นคลอดด้วยหยาดน้ำตา เขามองเห็นความลังเลอยู่ภายใน



น้ำส่งยิ้มให้น้อง แล้วจึงเอื้อมมือมาเช็ดเหงื่อข้างขมับของคนในอ้อมแขน กดปลายจมูกย้ำกับหน้าผากมน พูดออกมาให้ทั้งดีและสองสาวได้ยิน ถ้าหากคำพูดของเขาจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับซีได้บ้าง



‘ถ้าคนในฝันไม่ใช่พี่ ก็ตื่นนะดี แม้แต่ในฝันพี่ก็ไม่ยอมให้ดีคิดถึงคนอื่น’



และราวกับได้ยิน ดีก็ส่งเสียงสะอื้นฮักใหญ่ผล็อยหลับไป รถยนต์ก็มาถึงโรงพยาบาลพอดี





สัมผัสอุ่นในมือตอนนี้ทำให้น้ำส่งยิ้มกว้างอบอุ่น เจิดจ้า จนตาเป็นขีดโค้ง
 


‘น้ำดีเพราะได้รักน้องดีต่างหากเล่า’



การกระทำของเขาอาจยังไม่ชัดเจนพอที่จะให้ดีมั่นใจ เขาก็พร้อมที่จะเอ่ยความรู้สึกออกมาให้มากขึ้นเพื่อคนนี้

 



คนป่วยแก้มแดงจัด จนน้ำที่ยืนอยู่ใกล้รู้สึกถึงไอร้อนที่ออกมาจากแก้มแดงๆ นั้น
แล้วคนตัวสูงก็ต้องมีแก้มเป็นสีกุหลาบเช่นกันเพราะคนตัวผอมยื่นปากเข้ามาจุ๊บแก้ม

 





‘ขอบคุณมาก ...แล้วก็...รักพี่น้ำนะ’



 



Fin
--------------------------------------
[2/12/58]
ตอนนี้เราคิดนานมากเพื่ออธิบายเรื่องเฟสบุ๊คที่ดีเปิดเจอ อ่านแล้วเข้าใจกันมากขึ้นไหมคะ หรืองงกว่าเดิม// ความจริงตอนนี้ควรเป็นตอนที่ 25 หรือเปล่า 5555

เรื่องก็คือในเฟสไม่มีใครว่าน้องดีหรอกค่ะ ดีเจอสเตตัสของคนอื่นแล้วก็คิดไปเองว่าเขาด่าตัวเอง น้องดีเป็นคนคิดมากเกิดจากปมที่โดนด่าว่าในอดีตนั่นเองค่ะ ความเครียดจากเรื่องการเรียน การงาน การเงิน สารพัด เลยทำให้คิดมาเข้าไปใหญ่ จนป่วยหนักอย่างที่เป็น

โรคของดีเป็นแล้วไม่หายนะคะ มีแต่อาการดีขึ้น โรคทางใจเป็นโรคที่พร้อมจะกำเริบอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นเลยไม่แปลกเลยที่น้องจะอาการกำเริบบ่อยๆ จะว่าไปก็เป็นเด็กมีปัญหา ต้องการความรักความอบอุ่นคนหนึ่งนั่นเองค่ะ *ตัดมาจาก talk ที่เคยโพสที่อื่น
ส่วนสองสาวนั้นเป็นคู่จิ้นเราเองค่ะ 555555 *ดีใจมีคนอื่นมาจิ้นด้วย

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :mew1:
Lavender’s blue
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 1) - 2/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-12-2015 18:37:32
เข้มแข็งเข้าไว้
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 1) - 2/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 02-12-2015 19:03:39
จริงๆถ้าคุณบลูยังเขียนไม่จบ กะจะยุให้เขียนต่อ เพิ่มคู่น้องหวานซีเข้าไป  :impress3:


ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ :)
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 1) - 2/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-12-2015 19:57:31
น้องดีสู้ๆ นะ ยังไงก็ยังมีพี่น้ำอยู่เคียงข้าง
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 1) - 2/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 02-12-2015 20:17:47
อย่างน้องน้องดีก็ดีขึ้นเนอะ
เล่นได้แต่ก็อย่าเอามาเป็นประเด็นให้ตัวเองคิดมาก
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 1) - 2/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-12-2015 20:39:28
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เราจะรอตอนพิเศษตอนต่อๆไปนะนะ
พี่น้องซีดีน่าสงสารอ่ะ พี่น้ำดูแลดี ดีๆนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 2) - 3/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 03-12-2015 19:12:35
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 2)



ตอนพิเศษ: พุง



ปลายเดือนธันวาคม สองสาว ซีและหวานเข้ามาขออนุญาตพี่ชายทั้งสองไปเที่ยวช่วงปิดเรียนเทศกาลปีใหม่กับเพื่อนๆ
คำว่า ‘ขออนุญาต’ คงใช้ได้กับหวานคนเดียว ยัยซีน่ะ ใช้คำว่า ‘บอกให้รู้’ จะเหมาะสมกว่านะฟังจากที่มันมาบอกเขาสิ


“พี่ดี ช่วงปิดสิ้นปี ซีจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับหวานนะ”


น้องสาวเอ่ยขึ้นขณะที่ครอบครัวสุขสันต์อันได้แก่ ผม นายโชคดี สุดหล่อของบ้าน เหมียวเล็ก ยัยซี ยัยหวาน และ...อีกคน เออ เรียกว่า พี่น้ำ ก็ได้ นั่งดูโทรทัศน์กันในช่วงเช้าวันอาทิตย์


“อือ”


แม้ว่าช่องหลายสีจะเอาพ่อมดน้อยแฮร์รี่ พ็อตเตอร์มาฉายรอบที่แปด ผมก็ไม่อาจละสายตาไปจากหน้าจอโทรทัศน์ได้ จึงส่งเสียงอืออาตอบยัยซีไป


“ไปวันไหน”  น้ำที่นั่งบนโซฟาถัดจากเขากำลังเกาคอเจ้าเหมียวเล็กและดูโทรทัศน์ไปด้วยถามขึ้น

“ไปวันศุกร์เย็นเลยเฮีย รถออกสี่ทุ่ม” หวานตอบพี่ชาย

“นั่งรถทัวร์ไปอะพี่น้ำ เนี่ยซีจองที่พัก วางแผนไว้เรียบร้อย” ยัยซีที่นั่งกับพื้นเยื้องไปข้างหน้าโทรทัศน์ เอาแขนเท้ากับโต๊ะญี่ปุ่น หันหน้ามาคุยกับน้ำ บนโต๊ะมีหนังสือท่องเที่ยวที่เจ้าตัวไปยืมมาจากหอสมุดของมหาวิทยาลัยกางอยู่หลายเล่มภาพดอกไม้รูปร่างแปลกตา ป่าสนและเมเปิ้ลแดงต่างเป็นสิ่งที่ยัยซีหามา ‘หลอกล่อ’ ให้เพื่อนสนใจ


แม้ว่าตาของเขาจะมองโทรทัศน์ไม่กะพริบแต่หูก็ยังทำงาน คอยฟังบทสนทนาอยู่ตลอดเวลา
อย่าคิดว่าจะนินทากันระยะเผาขนนะเฟ้ย



“จะไปที่ไหน”


“ภูกระดึงเฮีย” หวานขยับเข้ามาลูบเจ้าเหมียวเล็กที่ย้ายลงจากตักน้ำมานอนบนพื้นใกล้ๆ เท้าของดี

“พี่น้ำเคยไปไหม” ซีหมดความสนใจกับรูปภาพในหนังสือ หันมาพูดกับน้ำเต็มตัว

“ตอนปีหนึ่งมั้ง ไปทริปกับอาจารย์ที่คณะ สวยมาก”

“ใช่ไหม เห็นปะหวาน ขนาดพี่น้ำยังบอกเลยว่าสวย” ซียิ้มร่า



อันนี้แอบได้ยินสองสาวเค้าคุยกันหลายครั้งแล้วน่ะ ยัยซีอยากไปแต่เหมือนยัยหวานจะไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ ดูลังเลอยู่ แต่ถ้าขนาดซีบอกจองรถ จองที่พักแล้วก็คงปฎิเสธไม่ได้ชัวร์ อย่าว่าแต่หวานที่เป็นเพื่อนเลย ขนาดเขาพี่ชายแท้ๆ ยังไม่เคยปฎิเสธมันได้ นิสัยเหมือนไอ้คนนั่งข้างกันชะมัด บางทีมันอาจจะเป็นน้องไอ้พี่น้ำแล้วถูกสลับตัวอย่างในละครก็ได้นะ
โอเค บางทีเขาก็เลอะเทอะไปหน่อย



“เค้าก็ไม่ได้บอกว่ามันไม่สวยสักหน่อย ซีก็ แค่กลัวจะเดินไม่ไหวเองอ่า”
หวานแก้ตัวเสียงอ่อย แน่นอนว่าสองพี่น้องถูกเลี้ยงมาต่างจากเขากับซีที่ต้องปากกัดตีนถีบด้วยตัวเองตั้งแต่เด็ก น้ำที่เป็นผู้ชายอาจไปได้ถูกพ่อกับแม่คอยดูแลประคบประหงมเท่าไหร่ แต่จากกริยาท่าทางของหวานแล้ว ดูยังไงคนนี้ก็ไข่ในหินชัดๆ ยัยซีก็ยังจะลากเอาเพื่อนตัวเองไปสมบุกสมบันอีก เชื่อเขาเลย!


“เหลือเวลาอีกอาทิตย์กว่าๆ ไปออกกำลังกายก่อนไปเที่ยวสิ” น้ำให้คำแนะนำ เอื้อมมือไปหยิบหนังสือท่องเที่ยวมาเปิดดู   

“ทางเดินลำบากมากปะพี่น้ำ” เจ้าซีถามต่อไป

“ก็เดินขึ้นภูประมาณ...เกือบ 9 โลมั้ง” น้ำนึกแล้วทำท่าเป็นลักษณะทางเดินขึ้นเขาประกอบ

“หวานตายแน่เลยเฮีย” เสียงโอดครวญจากสาวหวาน

“ถึงได้บอกไปออกกำลังกายไง” ได้ยินไอ้พี่น้ำย้ำอีกครั้งเขาก็แปลกใจตอนแรกนึกว่าจะหวงน้องสาวไม่อยากให้ไปลำบากซะอีก

“แกก็ไปออกด้วยดิ ไอ้ซีอ้วน”

เขาอดที่จะแสดงความคิดเห็นไม่ได้ ใช้คำว่าแสดงความคิดเห็นนะครับ ไม่ได้สอดนะ อย่าเข้าใจผิด หาเรื่องแหย่คนพูดมากได้แล้ว เรื่องอ้วนน่ะของจริง ช่วงนี้เจ้าซีบ่นทุกครั้งหลังอาหารว่าเริ่มอ้วนเพราะสองพี่น้องช่างขยันหาอาหารมาขุนพวกเขาเสียจริง เห็นมันบ่นทุกครั้งแต่ก็กินหมดทุกครั้งนะ


“โด่ อย่ามาว่าซีนะ พี่ดีก็มีพุงแล้วเหอะ” ซีสวนกลับมาทันที


“มึงอย่ามั่ว ไม่มีเหอะ ออกจะฟิตขนาดนี้” ชะ ยัยซีอย่ามาพูดมั่วๆ นะเว้ย ขนาดกล้ามเนื้อยังไม่มีเลย จะไปมีพุงได้ไงว่ะ 


“หลงตัวเอง” นั่นดูมัน ว่าได้แม้กระทั่งพี่ตัวเอง


“ไม่มีหรอกพุง ถ้าก้างก็ว่าไปอย่าง”  เสียงทุ้มๆ ของน้ำดังขัดจังหวะการปะทะของสองพี่น้อง


“เห็นไหม พี่น้ำพูดถูก” ความจริงก็คือความจริงวันเย็นค่ำนะน้องสาว ขนาดพี่น้ำยังอยู่ข้างเดียวกะเขาเลย เหอะ เดี๋ยวนะ ถ้าเป็นคนอื่นได้ยินประโยคนี้ก็เป็นประโยคธรรมดา แต่นี่มันสองสาววายนะเฟ้ย


ไอ้พี่น้ำมึงพลาดแล้ว!!



ซีกับหวานชะงักไปกับคำพูดของพี่ชายครู่หนึ่ง หันมามองหน้ากัน เป็นซีที่เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อน

“จริงเหรออออ แล้วพี่น้ำรู้ได้ไงอะ” สายตาวิบวับแบบนั้นไปหันมาจากไหน น่าเอานิ้วจิ้มให้ตาบอดชะมัด

“พี่ดีผอมจริงหรอคะพี่น้ำ” ยัยหวานอีกคน เอาความหวานความน่ารักไปซ่อนไว้ที่ไหนหมดฮะ! มาดคุณหนูหน่อมแน้มกลัวเดินขึ้นภูไม่ไหวเมื่อกี้เอาออกมาใช้สิ


เหมือนเทอร์โมมิตเตอร์ที่ถูกจุ่มลงไปในน้ำเดือด ใบหน้าของดีแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวอ้าปากพะงาบๆ สูดหายใจรวบรวมสติก่อนจะโวยวายเสียงดัง



“หยุ้ดดดดดด หยุดๆ ๆ ๆ พอเลย ห้ามตอบ ห้าม ห้าม ห้าม”



สองมือหันไปห้ามสองสาวที่จ้องตาเป็นมันเหมือนตอนเหมียวเล็กได้กลิ่นปลาทูที่พี่น้ำมักจะซื้อมาฝาก เมื่อเห็นน้ำอ้าปากจะตอบคำถามสองสาว ดีก็ขยับตัวเอามือผอมๆ นั้นมาปิดปากเขาไว้ น้ำได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ในคอ


“ฮั่นแน่ พี่ดีเขินอะไรอยู่จ๊ะ” ซีลุกขึ้นยืนเอื้อมมือมาจิ้มๆ แก้มแดงๆ ของพี่ชาย


“ไม่ได้เขินเว้ยยยย” มือหนึ่งปิดปากพี่น้ำ มือหนึ่งปัดมือน้องสาว หน้าแดงๆ นั้นเริ่มงอ มัวแต่สนใจเรื่องที่ตนเองจะโดนแกล้งมากกว่าสัมผัสที่เริ่มจะแนบชิดขึ้นทุกทีจากคนข้างกาย


“ถ้าอยากรู้ว่ามีพุงไหมนี่ต้องทำไงอะซี” หวานพูดแหย่มาอีกคน

“อ๋อออ ถ้าเป็นเราอะนะ คงต้อง....” ซีเหลือบมองพี่ชาย


“ต้องอะไร ไม่ได้ทำไรกันทั้งนั้นแหละเว้ย” ดีรีบบอกสองสาว ความสนใจมุ่งไปตรงหน้ากับคู่สนทนา จนไม่รู้สึกตัวเมื่อเอวเล็กถูกเจ้าของปากที่ตัวเองพยายามใช้สองมือผอมปิดรวบโอบไว้เต็มสองแขน


“ทำอะไรอะพี่ดี ฮ่าๆ พี่ดีลามกว่ะ” ซีหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นพี่ชายร้อนตัว ยักคิ้วให้พี่น้ำที่ยิ้มกว้างอยู่ข้างพี่ชายตัวเองทั้งยังกระชับมือที่เกี่ยวเอวแน่นขึ้นโดยที่เจ้าตัวไม่ทันสนใจเพราะมัวแต่เถียงน้องสาวหน้าแดงอยู่


“ฮ่าๆ พี่ดี ตลกจัง” หวานฉีกยิ้ม


“ซีจะบอกว่า ‘แค่ดูที่พุง’ ก็รู้แล้วว่ามีพุงไหมเอ้งงงง ทำไมร้อนตัวไปได้นะเนี่ย” ลากเสียงยาวล้อคนที่ร้อนตัว


“แล้วพี่น้ำรู้ได้ไงคะว่าพี่ดีไม่มีพุง” หวานยังคงพยายามเปิดโอกาสให้พี่ชายซึ่งตอนนี้ไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากพยายามรวบเอวดีที่ดิ้นไปมาไว้ เหมียวเล็กละความสนใจมนุษย์ทั้งสี่เดินหายไปทางหลังบ้าน สะบัดหางไปมาราวกับรำคาญเสียงเอะอะโวยวาย


“พี่ก็...” สายวิบวับนั้น อยากถามจริงว่าไปสอนยัยซีมันทำหรือเปล่า ถึงได้เหมือนกันเป๊ะขนาดนี้

“ก็อะไร” ดีหันขวับไปมองหน้าน้ำทันที พร้อมพูดเสียงเข้ม อย่าพูดอะไรน่าขายหน้านะเฟ้ยยยยย



“กอดดีแน่นๆ อย่างนี้ไงเล่าถึงรู้”



น้ำยกคนทำตาดุขึ้นตักแรงกอดรัดที่เพิ่มขึ้นทำให้คนในอ้อมแขนยิ่งดิ้นหนัก เมื่อไม่ได้ผลก็บอกด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ เต็มสองรูหู


“ปล่อยยยยยยยเว้ยยยยยยยย”



สองสาวหัวเราะกับท่าทางของทั้งคู่ แทนที่จะช่วยดันส่งเสียงหัวเราะขำกันเสียอีก ยัยหวานส่งเสียงเชียร์พี่ชาย

“เฮียกอดแน่นๆ เลย ฮ่าๆ”
“พี่ดีอย่าดิ้นดิ อยู่นิ่งๆ แปบ ...นั่นแหละ ท่าสวยมาก”


ยัยซีคว้ามือถือมากดถ่ายภาพอย่างรวดเร็วแล้วคว้ามือเพื่อนสนิทวิ่งขึ้นห้องโดยมีเสียงโวยวายของพี่ชายและเสียงหัวเราะขำของพี่น้ำไล่ตามหลัง


“ไอ้ซี มึงเลวววววว ลบรูปเดี๋ยวนี้นะ!!!”

“จุ๊ๆ ดีนิ่งๆ น่า ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เฉยๆ ไว้” คนที่กอดตัวเองแน่นบอกหลังจากควบคุมเสียงหัวเราะได้


“ไอ้พี่น้ำ ความผิดพี่คนเดียวเลย ถ้าซีมันอัพรูปลงเฟสบุ๊คอีกทำไงวะ” ดียังคงพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนต่อไป รับรู้ถึงปลายจมูกโด่งวนเวียนอยู่แถวๆ ขมับ




“เดี๋ยวพี่เข้าไป “กด’ ...คนแรกเลย”

ใบหน้าที่เริ่มเป็นปกติของดีกลับแดงเรื่อขึ้นอีกครั้ง

“กดอะไรพูดดีๆ นะเว่ย”

เมื่อเห็นว่าความพยายามที่จะหลุดจากวงแขนนี้เป็นลบ งั้นหันหน้ามาคุยกันดีๆ ก็ด้ายยยยยยย นี่น่ะ บีบจมูกแม่งงงง หมั่นไส้ ดั้งโด่งเกินไปแล้ว





“จุ๊บ”



ริมฝีปากอุ่นแนบลงฝ่ามือผอมที่เมื่อกี้แกล้งปิดปากเขาบ้าง บีบจมูกบ้าง พร้อมทำเสียงประกอบ



“เฮ้ย!”


น้ำมองหน้าเหวอๆ ของคนในอ้อมแขนแล้วส่งยิ้มกว้างจนตาเป็นขีดโค้งให้แล้วจึงตอบว่า



“ไม่ ‘กด’ ไลค์อะคนนี้  ‘กด’ เลิฟ”



ดีเบือนหน้าไปยิ้มเขินกับโทรทัศน์ แล้วความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวทุยๆ รอยยิ้มปีศาจผ่านแวบไปในแววตา ยื่นหน้าไปกระซิบข้างแก้มของคนที่โอบรัดเขาอยู่ด้วยประโยคที่ทำให้คนฟังมองหน้าคนพูดตาโต โน้มหน้าเข้ามาใกล้พึมพำชิดริมฝีปากดีว่า

“..ปากดี”


แล้วปิด ‘ปากดี’ นั้นด้วยริมฝีปากของตนเองหนักหน่วงทว่าอ่อนโยน








ประโยคแสนร้ายกาจนั้น คือ




“กดไม่กลัว กลัวไม่กด”


Fin
--------------------------
[3/12/58]
ดีใจที่มีคนชอบค่ะ *ยิ้มแก้มแตก*
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :L2:
Lavender’s blue
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 2) - 3/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 03-12-2015 19:46:00
สองสาวไปเที่ยวกันนี่เท่ากับว่าเปิดโอกาสให้พี่เค้าสองคนป่าวคะ อิอิ :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 2) - 3/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-12-2015 19:51:39
พี่น้ำอย่าปล่อยให้ดีลูบคมดีบอกแล้วว่ากดไม่กลัวกลัวไม่กด
ดังนั้นพี่น้ำกดดีเลยรออะไรอยู่ ยกมือสนับสนุนให้ดีโดนกดอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 2) - 3/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-12-2015 19:56:13
ฮ่าๆ อารมณ์แบบครอบครัวสุขสันต์มากเลย
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 2) - 3/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-12-2015 20:14:27
โอกาสนี้ต้องรีบฉวยนะพี่น้ำ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 2) - 3/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 04-12-2015 07:40:43
อย่าปล่อยให้น้องปากดี ผยองไปปป จัดเลย จัดเลยยย กดซะให้เต็มที เอร๊ยยย
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 3) - 4/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 04-12-2015 20:51:32
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 3)




ตอนพิเศษ : คิดถึง



เพลงประกอบ https://www.youtube.com/watch?v=FvbErM6ZTBA (https://www.youtube.com/watch?v=FvbErM6ZTBA)





มันเป็นเรื่องราวหลังจากที่สองสาวออกต่างจังหวัดไปเที่ยวกับเพื่อนเมื่อวันหยุด




“ไหนๆ ก็ไม่มีก้างแล้ว จะทำอะไรๆ ก็รีบทำล่ะ”




ซีเดินเข้ามากระซิบบอกพร้อมขยิบตาก่อนจะเดินขึ้นรถทัวร์ตามหลังหวานไป






“ป่ะ ไปทำอะไรๆ กันเถอะ” 




หัวเราะกับคำพูดของยัยตัวแสบ ยืนโบกมือตอบสองสาวแอนด์เดอะแก็งส์จนรถทัวร์แล่นออกไปลับตา เขาหันไปพูดกับคนที่ยืนข้างๆ แถมยังคว้ามือแล้วลากให้เดินตามไปอย่างเร็ว คนถูกลากคงจะชินกับคำพูดห่ามๆ เหล่านี้ไปแล้วจึงไม่เกิดการโวยวายอย่างที่เคยเป็น


“จะไปไหน” เมื่อออกรถแล้ว ตุ๊กตาหน้ารถก็ถามขึ้นหน้าตาง่วงงุนเต็มที   

“ไปดูไซด์งาน” ทำหน้านิ่งๆ เข้าไว้   

“ตอนนี้ ดึกๆ อย่างนี้อะนะ” ไม่ตอบพยักหน้าบอกแทน

“ไปดูอะไร เขาไม่ปิดกันหมดแล้วหรือพี่น้ำ” กลายเป็นคนขี้สงสัยถามไม่หยุดซะงั้น


ไซด์งานที่ ‘อ้าง’ ว่าจะไปดูเป็นพื้นที่ว่างอยู่นอกเมือง เขาลงพื้นที่เพื่อสำรวจเมื่อเทอมที่แล้วเป็นประจำ ถ่ายรูปไปส่งอาจารย์จนแทบจะจำต้นไม้ได้หมดทุกต้น หลับตาเดินในไซด์ยังได้สบาย ...เออ โทษทีครับ พอดีว่าช่วงนี้หายใจเข้าออกเป็นโปรเจ็ค พอแค่นี้ก่อนดีกว่าเดี๋ยวยาว 


“อื้อ อาจารย์ให้ลองไปดูรอบๆ ด้วยนิดหน่อยน่ะ ว่าจะมาดูอีกนิด”   


“แล้วทำไมไม่มาพรุ่งนี้ วันนี้มันดึกแล้วจะเห็นไรไหมเนี่ย”


“...” ไม่ตอบคำถามเช่นเคยแต่เอื้อมมือไปเปิดเพลงแทน เหลือบตามองเห็นไอ้ตัวยุ่งบ่นอะไรเบาๆ ตามประสา ไม่นานก็ผล็อยหลับไป




.


.


.






ขับรถมาถึงชายทะเลตอนเกือบๆ ตีหนึ่ง ตามคำบอกของซีก่อนขึ้นรถ




‘พี่ดีชอบทะเล’ 
   


หันไปมองคนที่นอนหลับอยู่เบาะข้างๆ ก็อดที่จะเอามือลูบแก้มขาวซีดนั้นไม่ได้ ซีบอกว่าดีเคยมาทะเลแค่สองครั้ง ในครั้งที่สาม ดีมากับเขา และเป็นครั้งแรกที่เรามาทะเลด้วยกัน


ดีขยับตัวเอียงหน้าเข้าหาฝ่ามืออุ่น เอี้ยวตัวไปหยิบผ้าห่มผืนบางของน้องสาวที่มักติดรถไว้ประจำมาคลุมให้อย่างเบามือ แอบหอมแก้มเบาๆ


เสียงเพลงที่เปิดคลอมาตลอดทางดังขึ้น




… I never thought that you would be the one to hold my heart
But you came around and you knocked me off the ground from the start …




ไม่นึกจริงๆ ว่า จะมาตกหลุมรักผู้ชายคนนี้

ถ้าวันนั้น ดี ไม่ก้มลงเก็บขยะ

ถ้าวันนั้นหวานไม่ได้บอกให้เขามารับที่คณะ





วันนี้จะมีใครมานั่งอยู่ตรงนี้กับเขาหรือเปล่า







ไล้ปลายนิ้วกับหน้าผากมน ผ่านคิ้วบางที่มักขมวดยามเจ้าตัวนิ่วหน้า จมูกเล็กนี้เองที่เจ้าตัวคอยย่นให้เขาเสมอเมื่อเจอหน้ากันแรกๆ ลากนิ้ววนเวียนบนแก้มขาวซีดที่น่ามองยิ่งกว่ายามเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อ และปากเล็กนี้เองคอยว่า คอยกวนเขาอยู่เรื่อย ในที่สุดเขาก็รู้ว่าในถ้อยคำว่าร้ายเหล่านั้น ริมฝีปากนี้เต็มไปด้วยความหวานมากเพียงใด 


ร่างที่นอนอยู่ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อเขาลากนิ้วผ่านริมฝีปาก





“อื้อ..”





… I hope that you catch me, 'cause I'm already falling
I'll never let a love get so close

You put your arms around me and I'm home …





โดยไม่ทันได้คิด เขาโน้มตัวโอบกอดคนตรงหน้าเต็มสองแขน


“หือ...พี่น้ำ” ดีสะดุ้งตื่นขยับตัวเบาๆ แต่ไม่ได้ขัดขืน คงจะแปลกใจไม่น้อยที่จู่ๆ โดนเขากอด



“...”



“เป็นอะไร” สองมือผอมบางลูบแผ่นหลังเขา



“พี่..”



“เป็นอะไร...เหนื่อยเหรอ”



“...คิดถึงน่ะ”



“อ่า...อะไรเนี่ย” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขัดเขิน แม้อยู่ในความมืดเขาก็จินตนาการได้ว่าสองแก้มขาวซับสีชมพูอ่อน



“จริงๆ นะ คิดถึง”



“อืม...รู้แล้ว”



“ลงไปเดินเล่นกัน” คลายอ้อมกอด ดีเสมองออกไปที่หน้าต่างและทำตาโตเมื่อรู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหน




หาดทรายสีขาวสะท้อนแสงไฟเป็นประกายระยิบระยับทอดยาวไปในความมืด เวลาดึกสงัดมีเพียงเสียงคลื่นลูกใหญ่น้อยซัดเข้าหาฝั่งก่อนจะซึมหายไป ยามกลางวันสีของน้ำทะเลคงสวยงามกลมกลืนเป็นสีเดียวกันกับท้องฟ้าเบื้องบนเช่นเดียวกับราตรีนี้ที่ทั้งฝืนฟ้าและท้องน้ำเป็นสีดำสนิท ด้านบนมีดวงดาวแต่งแต้มใต้ฟ้ามีแสงไฟจากน้ำมือมนุษย์ทอประกายล้อกัน   



“ไม่เคยมาทะเลตอนกลางคืนมาก่อนเลย” ดีพูดขึ้นเมื่อเห็นภาพด้านนอกเต็มตา


“ใคร”


“ใคร...ก็ดีไง” คนพูดเลิกคิ้วขึ้นทำหน้าเหรอหรา


“เรียกชื่อตัวเองแล้วน่ารักดีนะ” ดีกำมือที่เรากุมกันไว้แน่ขึ้นแก้เขิน


“พี่ก็ไม่เคยมาทะเลกับดีเหมือนกัน...นี่ครั้งแรก” ส่งยิ้มตาหยีให้คนข้างๆ


“ดีจังนะ”












ไม่ต้องนึกถึงอดีต


ไม่ต้องกังวลกับอนาคต


แค่อยู่กับปัจจุบัน








อยู่กับ ‘ดี’ อย่างนี้





เขาก็มีความสุขที่สุดแล้ว










“ที่บอกว่าคิดถึงน่ะ ... พูดจริงๆ นะ”



คยฟังค่อยๆ ฉีกยิ้มจนตาหยี กระซิบตอบข้างหู





“ดีก็คิดถึงเหมือนกัน”



Fin
------------------------------
[4/12/58]
*พี่น้ำบอกรอให้เหยื่อตายใจก่อนแล้วคอยจัดการค่ะ 5555*
ส่งน้องดีมากอดพ่อทูนหัว
สุขสันต์วันพ่อค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
 :กอด1:
Lavender's blue
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 3) - 4/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 04-12-2015 21:31:36
น่ารักกันจริง
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 3) - 4/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-12-2015 21:43:23
 :L1: :L1: ไม่จำเป็นต้องไปเสม็ดดีก็เสร็จได้ :L1: :L1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 3) - 4/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 04-12-2015 21:52:00
แอบหวานตอนน้องไม่อยู่เหรอ อิอิ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 3) - 4/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 04-12-2015 22:03:18
 :o12:


จบแล้ว ไวมากเลย


อยากอ่านคู่หวานซี (ฮาาาา)
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 3) - 4/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-12-2015 23:40:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 4) - 6/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 06-12-2015 19:19:04
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 4)



ตอนพิเศษ: คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย




ฝนตกลงมาห่าใหญ่เมื่อรุ่งเช้า กลิ่นไอดินระเหยปลิวมาตามสายลม น้ำขังบนพื้นถนนสะท้อนภาพท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนใส เมฆเป็นเพียงเงารางๆ สีขาวขุ่นล่องลอยบางเบาต่างจากหลายวันก่อนที่ก้อนเมฆเป็นสีเทาหมองมัวฟ้าไม่สดใสอย่างวันนี้ คงจะเป็นอย่างสำนวนที่กล่าวไว้ว่า ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ ภาพนั้นแตกกระจายไปเมื่อรถยนต์คันหนึ่งแล่นผ่าน


มันเป็นวันแรกของสัปดาห์ไม่แปลกใจที่การจราจรบนถนนสายหลักแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจสำคัญของเมืองหลวงจะแน่นขนัดไปด้วยยานพาหนะทุกชนิด เสียงบีบแตรดังขึ้นแทบทุกนาที ผู้คนต่างรีบเร่งแข่งขันเพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ต่างจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นมาจากบันไดรถไฟฟ้าใต้ดิน   


เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งแขนยาวแต่แขนเสื้อทั้งสองข้างกลับถูกพับขึ้นถึงท้องแขนโชว์ผิวสีน้ำผึ้งนวล ชายเสื้อปล่อยยาวลงมาถึงหน้าขาปิดกางเกงยีนส์ขายาวสีดำที่แนบสนิทไปกับลำตัว รองเท้าหัวแหลมสีดำเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วตามจังหวะการก้าวเดิน



สองมือของเขาประคองกระดาษแผ่นใหญ่ที่ซ้อนกันหลายแผ่นจนหนา กระดาษนั้นคงจะมีความสำคัญไม่น้อย เห็นได้จากการระวังทุกย่างก้าวที่เขาจะคอยหลบหลีกผู้คนในโมงยามเร่งด่วนนี้ไปทางซ้ายทีขวาทีน่าเวียนหัว


ชายหนุ่มวิ่งไปซ้อนรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างที่เข้ามาทักว่า ‘ถาปัตย์ปะน้อง’   


ลงจากรถจ่ายเงินแล้ว เขาออกแรงวิ่งขึ้นบันไดสามสี่ขั้นเพื่อเข้าไปภายในอาคารสี่ชั้นหลังหนึ่ง ส่งยิ้มให้กับยามเฝ้าหน้าตึกที่ตะโกนแซวว่า ‘เอ้า วิ่งหน่อย อีกห้านาทีนะครับ’ เขาวิ่งทะลุออกมายังทางเชื่อมสู่อาคารหลังที่สองที่ซ้อนอยู่ในอาคารหลังแรก ตอนที่เดินผ่านโรงอาหารนักศึกษาหลายคนก็ส่งเสียงแว่วๆ มา ‘เมพเร็วหน่อยเว้ย อีกสามนาที’



เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องที่มีป้ายทำจากทองเหลืองเขียนไว้ว่าง ‘ภาคภูมิสถาปัตยกรรม’ ติดอยู่เหนือบานประตูที่ตอนนี้ปิดสนิทซ้ำยังรูดม่านปิดหน้าต่างทุกบานไว้หมด เหลือเพียงหน้าต่างหนึ่งบานที่เปิดแง้มไว้ให้พอที่จะลอดมือเข้าไปได้ เขาเดินไปหยุดตรงหน้าต่างนั้น สอดกระดาษปึกหนานั้นเข้าไปในช่อง มือคู่หนึ่งยื่นออกมารับ แล้วปั้มตราประทับลงบนกระดาษทุกใบ เขาเซ็นชื่อลงในกระดาษ เมื่อได้ยินเสียงบอกเวลาจากคนที่นั่งอยู่ด้านใน ‘เจ็ดโมงห้าสิบเก้า’



เมื่อเซ็นชื่อเสร็จ เขาเป่าปากออกมาสุดแรง จนมีเสียงแซว


“เกือบไปแล้วนะ นรุตย์”
“สวัสดีครับอาจารย์” เขายกมือไหว้
“ถ้ามาช้าอีกนาทีเดียว เอฟแน่”
“ฮะฮะ ผมมี ‘โชคดี’ ประจำตัวน่ะครับ” ชายหนุ่มตอบรับคำกระเซ้าอย่างอารมณ์ดี
“เป็นคนสุดท้ายทุกทีสิน่า ตอนทำธีสีสอย่าเป็นอย่างนี้นา” อาจารย์ที่ปรึกษาตบบ่าแล้วเดินจากไป
“จะพยายามครับ ขอบคุณครับอาจารย์”









ชายหนุ่มเดินช้าๆ กลับมายังทางเชื่อมระหว่างสองตึกซึ่งเป็นโรงอาหารนั้น ยังไม่ทันที่เขาจะมองหาใครก็มีเสียงเรียก

“เฮ้ย ไอ้เมพน้ำ ทางนี้เว้ย”

“ไง” เขาเดินเข้าไปนั่งรวมกับเพื่อนๆ อีกสี่ห้าคนที่กำลังนั่งกินข้าวคุยเล่นกันอยู่
“คนสุดท้ายละซิเอ็ง”
“อืม หิววะ ไปหาไรกินก่อน” เขาลุกขึ้นเดินไปเลือกข้าวราดแกงสองอย่างโปะด้วยไข่ดาว กลับมานั่งที่โต๊ะ

“เมื่อวานกูเดินผ่านวิดวะ เห็นตอนรับน้องพอดี น้องๆ น่ารักๆ เพียบ” คนที่พูดกับเขาตั้งแต่มาถึงยังคงเล่าเรื่องได้เรื่อยๆ ไม่มีท่าว่าจะหยุด

“อย่างมึงต้องถามก่อน น้องที่ว่า ‘น่ารัก’ ของมึงเนี่ย ผู้หญิงหรือผู้ชายวะ” อีกคนพูดขัดคอขึ้นมาทำให้คนทั้งโต๊ะรวมทั้งชายหนุ่มหัวเราะขำครืน

“เฮ้ย พวกมึง จะซ้ำเติมกูจนลูกบวชเลยไหม” คนถูกแซวโอด

“ไม่แน่วะ กูไม่รู้ว่ามึงจะมีลูกไหมนี่หว่า ขอแซวก่อน” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอีกครืนใหญ่
ใครคนหนึ่งถามเจ้าตัวต่อไปว่า


“แล้วเป็นไง น้องหนูดี สุดรักสุดสวาทของมึง”


“ฮึ้ย เอาคำว่า ’ของกู’ ออกไปได้ไหมวะ ตอนนั้นกูแต่เข้าใจผิดเว้ย คิดแล้วจะยังเจ็บไม่หาย”


“สมน้ำหน้ามึงไอ้ห่า น้องมันแมนขนาดนั้น มึงก็ยังคิดว่าเป็นทอม เป็นไงล่ะ โดนหมัดตอบรักเข้าไป ตราตรึงดีไหมสัด”


น้ำหัวเราะกับคำพูดของเพื่อนๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องโจ๊กที่สุดในตอนที่พวกเขาอยู่ปีสอง ช่วงรับน้องก่อนเปิดภาคเรียนเมื่อโจไปหลงรักเฟรชชี่ปีหนึ่งคณะวิศวะฯ คนหนึ่งเข้า เขาไม่ได้รู้จักหน้าตาแต่อย่างใดแต่คิดว่าคงหน้าตาดีระดับหนึ่งเพราะโจมาพูดให้ฟังบ่อยๆ


จนวันสุดท้ายของการทำกิจกรรมมาถึง วันก่อนเปิดเรียน โจเดินเข้าไปสารภาพรักกับน้องหนูดี ที่กลางสนามหลังเลิกกิจกรรมแล้วโดนต่อยหน้าหงายออกมา พร้อมประโยคที่เจ้าตัวตะโกนเสียงดังจนเขาที่นั่งอยู่แถวๆ จุดพยาบาลขอบสนามได้ยินว่า ‘ไอ้สัตว์ กูเป็นผู้ชายเว้ย’


“จำได้จนวันตายอะ แม่ง ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์มันก็มองคล้ายๆ กันหมดนี่หว่า”


สเปคโจเป็นสาวห้าว เท่าที่เขาสังเกตเห็นคนที่เพื่อนชอบแต่ละคนท่าทางแมนๆ ทั้งนั้น


“ขึ้นปีสองแล้ว กูยังไม่เจอเลยวะ ไม่รู้เป็นไงบ้างนะ”


“ถ้ามึงยังมีหน้าไปเจอน้องเขาอีกก็เกินไปแล้วว่ะ”


เขาไม่รู้ว่าเพื่อนจะพูดคุยกันต่อว่าอย่างไรเพราะหลังจากทานข้าวอิ่มแล้วก็กลับไปนอนหลับเป็นตายที่คอนโด


.

.

.


หลายวันต่อมาไป โจมาเล่าให้เพื่อนฟังว่าน้องหนูดี มีน้องสาว หน้าตาน่ารักมากเข้ามาเป็นเฟชรชี่ เรียนอยู่คณะครุศาสตร์


“คราวนี้ มึงแน่ในนะว่าเป็นผู้หญิงจริงๆ” เพื่อนคนอื่นๆ เอ่ยแซว


“เออน่า กูเห็นมากับตา คุยกันแล้วโว้ย ใส่กระโปรงพลีทด้วยเว้ย” โจบอกเพื่อนๆ ด้วยสีหน้ามั่นใจเต็มเปี่ยม


“ไอ้น้ำ น้องมึงก็เรียนครุฯ นี่หว่า ใช่ไหม แนะนำกูหน่อยสิ”


“ไม่เอา กูหวง” เขาบอกเสียงเข้ม


“โห ไอ้ห่า กูไม่ได้จะจีบน้องมึง แต่จะให้น้องมึงพามึงไปรู้จักน้องซีเฟ้ย” คนอื่นๆ ที่ฟังแผนโจขมวดคิ้ว


“แล้วทำไมต้องรู้จักกันผ่านน้องไอ้น้ำละ น้องหนูดีเขาไม่แนะนำมึงหรือไง” ใครบางคนท้วงขึ้น


“ใช่ๆ ไหนว่าคุยกันแล้ว ไอ้นี่โม้ว่ะ”


“ไม่ได้โม้เว่ย แต่กูจะรู้จักน้องไอ้น้ำไว้ คอยแอบถามเรื่องที่ถามพี่ชายน้องเค้าไม่ได้ดิว่ะ น้องดีมันหวงน้องจะตาย วันก่อนแค่กูมองน้องมันนิดเดียว ยังมองซะตาถลน” โจเล่าให้เพื่อนฟังยาว


“เป็นกูก็ไม่ไว้ใจมึงว่ะ ผู้ชายมึงยังจีบมาแล้วเล้ย” คำพูดนี้เรียกเสียงหัวเราะเกรียวกราวได้เป็นอย่างดี ไม่สนใจโจที่ฮึดฮัดกร่นด่าเพื่อนเป็นไฟ


ชายหนุ่มไม่รู้เหมือนกันว่าโจไปทำอย่างไรถึงสนิทกับหวาน น้องสาวของเขาได้ จนกระทั่งสนิทกับซี โจจะกลับมาเล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทุกครั้งเมื่อได้พบสองสาว



แล้วเขาก็เพิ่งรู้ว่าเพื่อนสนิทของน้องสาวตัวเองคือ ซี น้องสาวของชายหนุ่มคนแรกที่โจจีบเนื่องด้วยความเข้าใจผิดนี่เอง








หวานเล่าเรื่องของซีให้เขาฟังบ่อยๆ ถึงความสู้ชีวิตของสองพี่น้องที่พ่อต้องทำงานหาเงินไม่มีเวลาใส่ใจลูกน้อย มีแม่เลี้ยงใจร้ายคอยกลั่นแกล้ง ทำงานบ้านทุกอย่าง แต่กลับตั้งใจเรียนจนสามารถเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และทำงานหาเงินสารพัดตัวเป็นเกลียว


หวานมักจะจบเรื่องของซีและดีทุกครั้งด้วยประโยคที่ว่า




“ถ้ากลับซีเป็นหวานนะ หวานคงใจแตกไปนานแล้ว ไม่มาตั้งใจเรียนเป็นเด็กดีอยู่อย่างนี้หรอก”





เรื่องราวของสองพี่น้องถูกเล่าผ่านน้องสาวตลอดเป็นเวลาเกือบสามปี จนวันหนึ่งที่เขาได้พบกับเจ้าตัว ภาพที่ดีนำเศษอาหารไปให้สุนัขจรจัด รวมทั้งก้มลงเก็บเศษขยะบนพื้นก็ทำให้เขาประทับใจไม่มีวันลืม



หัวใจเต้นสะดุดไปห้วงเวลาหนึ่ง มาพร้อมกับความคิดที่เขาเพิ่งจะปฏิเสธน้องสาวตัวยุ่งไปเสียงแข็ง




‘รักแรกพบมีอยู่นะพี่น้ำ เชื่อหวานสิ’










ตึกตัก!










ตึกตัก!











เขาเชื่อ...




เชื่อแล้ว







และเชื่อว่าความรักนี้จะ ‘ดี’ อย่างคนที่เขาตกหลุมรัก



Fin
---------------------------------------------------
 :pig4:
Lavender's blue
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 4) - 6/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-12-2015 19:37:55
พี่โจสนใจมาเจอแฟนเพื่อนตัวเองไหมล่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 4) - 6/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-12-2015 21:58:28
 o13
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 4) - 6/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 07-12-2015 08:02:42
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 5) - 7/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 07-12-2015 17:18:29

★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★  (ตอนพิเศษ 5)





ตอนพิเศษ: ข้าวปั้น

 
 


โปรเจ็คจบของน้ำถูกนำเสนอไปแล้วเมื่อวาน เหนื่อยแทบจะขาดใจ ยิ่งกว่าโปรเจ็คตัวเองอีกเหอะ
แม่งงงงงง  ตัดโมเดล ทำต้นไม้ พ่นสี นั่นโน้นนี่ ดมกาวจนมึนหมดล่ะ



ดีว่าโปรเจ็คของผมเอง อ.ให้ส่งไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว ไอ้พี่น้ำเลยได้แรงงานมาช่วยปั่นโมเดลของมันได้อย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่สายรหัสของมันตั้งแต่น้องปีหนึ่งยันพี่ปีแก่มาช่วยกันออกจะเยอะแยะขนาดนั้นแล้วแท้ๆ


 
‘หนูดีทำต้นไม้ก็ได้ ง่ายๆ’ พี่แก่คนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อผมเข้ามาช่วยวันแรกๆ 

 


‘ไม่ต้องหรอก แค่นั่งส่งยิ้มหวานๆ เป็นกำลังใจให้พี่ก็พอแล้วล่ะ’



น้ำที่นั่งตัดโมเดลอยู่ข้างๆ พูดขึ้น พร้อมส่งยิ้มตาหยี ผมเริ่มยาวใกล้ลูกตาคนมองยื่นมือออกไปปัดออกให้ พอได้ยินที่น้ำพูดเท่านั้นแหละ จากปัดแทบจะเป็นผลักหัวทิ่ม ถ้าไม่ติดว่ามือถือคัดเตอร์อยู่นะ ไอ้พี่น้ำ!!


‘ฮิ้ววววว’  ลูกคู่ก็พร้อมกันเหลือเกิ้นนนนนน ให้ตายเถอะ
 



สถานการณ์อย่างนี้ชิวๆ ไม่สะดุ้งสะเทือนเว่ย แค่รู้สึกอากาศร้อนขึ้นมาเฉยๆ โดยเฉพาะที่แก้ม ทำไมมันร้อนๆ งี้อะ


ผมทำเป็นไม่สนใจทั้งที่แก้มยังร้อนผ่าว ขยับไปใกล้น้องคนหนึ่งที่กำลังนั่งขัดสมาธิทำต้นไม้เล็กๆ อยู่ เธอหยิบเม็ดโฟมสีขาวขึ้นมาทากาวหลอดเหลืองแล้วเอาสิ่งที่ยัยหวานเรียกว่า ‘สก็อตไปรท์’ ที่ฉีกยีแล้วขึ้นมาติดบางๆ ทั่วเม็ดโฟม จากนั้นก็เอาเข็มหมุดปักลงไป



 ‘สก็อตไปรท์’ ที่ว่ามันคือแผ่นใยสังเคราะห์สีเขียว ทำมาเป็นแผ่นๆ ลักษณะคล้ายกับสก็ตไปรท์อย่างที่หวานเรียกจริงๆ นั่นแหละแต่จะบางกว่าและเนื้อสัมผัสนุ่มกว่า เวลาจะใช้ก็ยีให้แยกออกจากกันจากนั้นค่อยเอาไปติดกับโฟม เม็ดโฟมสีขาวๆ ก็จะกลายเป็นต้นไม้ไปเลย

สุดยอด ขอคารวะผู้คิดค้นด้วยใจจริง ไม่อย่างนั้นโปรเจ็คของเด็กสถาปัตย์คงต้องเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าซอมบี้แน่ๆ



ทำไมการทำต้นไม้ถึงเปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่น้ำลากไปช่วยงานที่คอนโด ถามมันแล้วมันบอกว่า ‘ลักษณะของต้นไม้ และขนาดของโมเดลมันต่างกันเลยต้องใช้วิธีที่ต่างกันไปครับ’ โอเค น้ำเลิกทำหน้าตาจริงจังกับกูได้แล้ว กูไม่ได้เป็นอาจารย์ที่จะมาให้คะแนนโมมึงนะเฟ้ย

 









‘พี่เป็นแฟนกับพี่น้ำหรอคะ’




น้องปีหนึ่งที่ผมนั่งปั่นต้นไม้อยู่ด้วยทักขึ้น เมื่อเรานั่งกันเงียบๆ มาสักพักพอให้ได้ยินกันสองคน ดีแล้วครับดังกว่านี้คงได้ยินกันทั้งภาคไอ้พี่น้ำแหง





 ‘…………’ ผมไม่ตอบ
 





คือที่เงียบนี่ไม่ใช่ว่าไม่กล้าตอบนะ แต่คือจะให้พูดว่า ครับ ก็ไม่รู้ว่าคนฟังจะรับได้มากน้อยแค่ไหนกับความรักของพวกเรา ผมไม่ใช่คนที่จะอยู่รับความกดดันเหล่านี้แต่เป็นพี่น้ำ กลัวว่าพี่น้ำจะโดนมองด้วยสายตาแปลกๆ จากสังคมที่มันต้องใช้ชีวิตอยู่ แม้จะเป็นปีสุดท้ายที่เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็เถอะนะ แต่เด็กคณะนี้ก็สนิทกันมากรุ่นพี่ที่จบไปแล้วก็ยังแวะเวียนมาช่วยงาน แนะนำ รุ่นน้องไม่เคยขาด



‘เอ่อ...ถ้าทำให้ลำบาก ข้าวปั้นก็ขอโทษด้วยนะคะพี่’ น้องคงเห็นว่าผมเงียบไปนานเลยกล่าวขอโทษขึ้น



‘เอ้ยๆ ไม่ใช่ๆ ไม่ได้ลำบากไรหรอก ไม่ต้องขอโทษๆ’ ผมรีบยกไม้ยกมือรับไหว้ที่น้องเอ่ยขอโทษพร้อมยกมือไหว้ เด็กคณะนี้มันมารยาทดีขนาดนี้เลยเรอะ เออคือไม่ได้หมายความว่านิสัยไม่ดีนะแต่แบบ น้องมันเรียบร้อยไปอะ ดูไอ้พี่น้ำดิ เห็นเงียบๆ เรียบร้อยแบบนั้น ความจริงโคตรกวนตีน จริงๆ นะ

 


‘ถ้าไม่ลำบากอะไร....งั้นพี่หนูดีเป็นแฟนพี่น้ำใช่ไหมคะ’ ผมเหวอ ชั่วเสี้ยววินาทีทำไมเมื่อกี้เหมือนเห็นสายตาของน้องข้าวปั้นแอบเหมือนกับของยัยซีและหวานเวลาเห็นพี่น้ำมาหาผม เหมือนสายตาของเหมียวเล็กเวลาผมจะยื่นของกินไปให้อย่างนั้นละ




 
‘ก็เอ่อ...’ ผมยังคงอ้ำอึ้ง ไม่ทันได้สังเกตว่าคนในกลุ่มที่ทำเป็นพูดคุยบ้าง ทำงานตรงหน้าบ้างค่อยๆ รางานลง เสียงพูดคุยกันเงียบลงไป สายตาของคนทั้งกลุ่มมองมาที่ หนูดี เป็นตาเดียว





‘ถ้าลำบากที่จะพูด พี่ดีแต่พยักหน้าหรือไม่ก็ส่ายหน้าก็ได้นะคะ’ ข้าวปั้นพูดขึ้นอีกเมื่อผมทำหน้าไม่ถูก ไม่ตอบคำถามสักที

 





นึกถึงเวลาที่พี่น้ำมันคอยช่วยเหลือ ดูแลเราสองคนพี่น้อง เอาใจใส่เสมอ ยิ้มหน้าระรื่นทุกครั้งที่โดนสองสาวแซว พาไปรู้จักกับหลวงพ่อ พาไปเที่ยวบ้านแม่ ขอเป็นแฟน เวลามันไปไหนใครถามมันก็ไม่เคยปิดบังเลย



แค่นี้ทำไมจะตอบไม่ได้ล่ะ








‘อื้อ พี่เป็นแฟนพี่น้ำ’





ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และรอยยิ้มจนตาเป็นขีดโค้ง ก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงเป่าปาก โห่ ฮิ้ว ดังขึ้นแทบจะทันทีที่ผมยิ้มให้ข้าวปั้น
 


‘ฮิ้ววววววววววววว’ ทั้งสายรหัสส่งเสียงโห่แซว เดี๋ยวผมรู้ว่าแถวนี้มีม็อบ พวกคุณไปซื้อนกหวีดมาดีไหมจะได้ไม่เจ็บคอ ถ้าจะกรี๊ดกันขนาดนี้



‘เฮียยยยยยยย แฟนเฮียน่ารักโคตรๆ อะ’ ไอ้คนนี้สายรหัสปีสี่ของไอ้น้ำ มึงพูดอาร้ายยยย ใครน่ารัก กูหล่อเฟ้ย นั่นโดนไอ้น้ำโบกไปเรียบร้อย สม

 


‘ไอ้ปั้น มึงแน่มาก’ ไอ้นี่สายรหัสปีสอง ทำไมพวกมันต้องตีมือกันข้ามหัวผม แล้วน้องข้าวปั้นคนที่แทบจะนั่งพับเพียบปั่นต้นไม้กับผมเมื่อกี้หายไปไหน คนที่ยักคิ้วหลิ่วตาท่าทางกวนตีนคนนี้คือใครวะ!!

 




‘ไอ้น้ำ มึงไปเจออย่างนี้ที่ไหนวะ เดี๋ยวกูไปหามั่งดิ น่ารักชิบหาย’  ผมหล่อเข้าใจไหมครับพี่แก่ สลัด!!!

 



คำพูดทั้งหมดไม่ได้พูดออกไปแต่อย่างใด ตอนนั้นแค่อ้าปากพะงาบๆ ได้ก็บุญแล้วเหอะ

พอไอ้พี่น้ำลุกขึ้นยืน ทุกคนถึงได้เงียบเสียงลง




‘เบอร์โทรพิซซ่าเบอร์ไร จัดการเลย เดี๋ยวแถมไก่ทอดด้วย โบนัส’






‘ฮิ้วววววว ป๋ามากค่ะเฮีย’ นั่นคือน้องข้าวปั้นตัวจริงสินะ ไอ้เด็กสลัด!!
แล้วทั้งสายรหัสก็เข้าไปรุมข้าวปั้นที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรสั่งพิซซ่าและไก่ทอดกันวุ่นวาย










ไอ้พี่น้ำเดินทำหน้าระรื่นเข้ามาหาผม เดี๋ยวนะ ให้เดาเองมันพระเอกอย่างผมจะเก่งเวอร์ไปเฟอร์เฟ็กไป ขอตามสเตปในทีวีแปบ ต้องเริ่มด้วยประโยคคลาสสิก


‘นี่มันเรื่องอะไรกันอะพี่น้ำ’



‘ฮ่าๆ วันประกาศตัวเป็นแฟนอย่างเป็นทางการของดีไง’




‘ประกาศตัวอะไร ดีไม่เห็นรู้เรื่อง’ 
 



‘พี่จะเลี้ยงข้าวสายรหัสที่มาช่วยงานเลยให้มันช่วยให้ดีพูดให้กำลังใจพี่หน่อยเป็นการตอบแทน’





ผมเอื้อมมือหมายจะไปโบกหัวไอ้พี่น้ำ แต่มันหลบ!! มันหลบได้





‘ไม่เอาน่า เป็นแฟนกัน แค่นี้ไม่ต้องเขินหรอกเนอะ’ ยังมีหน้ามาลิ่วตาล้อ






เนอะพ่องงงงงงงงง






แล้วผมก็ได้รู้ว่าสุภาษิตที่ว่า พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง มันจริงแค่ไหน ฮึ้ย!!!





.


.


.

 




 
“พะ...ดี”

 




 

“พี่ดี”

 

 

 





“ไอ้พี่ดี”




“เฮ้ย อะไรวะ” จู่ๆ ก็มีมือดีมาตบหลังเสียงดังป้าบใครไม่สะดุ้งก็ไม่ใช่คนแล้วยัยซี
           
“เอ้า นั่งเหม่ออะไรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เรียกตั้งนานก็ไม่ได้ยิน ทำไม คิดถึงพี่น้ำอะเด้” ยัยซีในมาดแม่ครัวสวมผ้ากันเปื้อนเดินเข้านั่งข้างๆ กันบนโซฟา

“ตลกล่ะ สัด”

“เอ้าก็จริง เรียกตั้งนานให้มาช่วยกันพันสาหร่าย เนี่ยซีทำเสร็จแล้วยังนั่นเหม่ออยู่ได้”

“มึงทำอะไร”

“วุ้ย นี่อาการหนักนะเนี่ย ก็วันนี้ซีลองปั้นข้าวปั้นไง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปสอนหวานทำ”

“มึงทำข้าวปั้นเหรอ”

“อื้อ นี่เสร็จละ ช่วยชิมหน่อยดิ อร่อยไหมต้องเพิ่มไรป่าว”



ซียื่นข้าวปั้น ก้อนสามเหลี่ยมสีขาวมีสาหร่ายพาดตรงฐานมาให้ หากเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีความรู้สึกอะไรหรอกนะ แต่ตอนนี้เห็นแล้วแม่งเจ็บใจชะมัด



“ไม่เอา ไม่กิน กูไม่ชอบ”




“ชิมให้หน่อยสิ...นะ”





“ไม่!”


ถ้าเป็นปกติยัยซีจะต้องเสียงดังใส่แล้วก็โกรธโมโหจนพาลไม่ยอมให้ผมได้ชิมอาการที่มันทำสมใจ แต่...


“เอ๊ะพี่ดี ชิมเดี๋ยวนี้ อย่าให้คนทำเสียใจสิ”



แต่คราวนี้เล่นไม้อ่อน แอบเห็นน้ำตาคลอนิดๆ ด้วยอะ

เฮ้ย เดี๋ยวดิ อะไรวะแค่นี้ร้องไห้





 
“กูชิมชิ้นเดียวพอนะ”



“อื้อ เค้าตั้งใจทำที่สุดเลยน้า” หน้าตาเปลี่ยนมาระริกระรี้ทันควัน น้องใครวะ


“เหอะ จะเอาอาหารไปง้อแฟนแกที่โกรธกันเมื่อวันก่อนก็บอกมา”


“ฮะ!” ยัยซีทำหน้าช็อคโลกสุดๆ


“อะไร”


“แฟนอะไร ไม่มี” ปฏิเสธจนลิ้นพันพูดอู้อี้ในปาก




“ไม่ใช่แฟนก็ไม่ใช่แฟน ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”



พอเห็นยัยซีหน้าแดงแล้วก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมพวกมันถึงชอบล้อแล้วแกล้งให้คนอื่นเขินนัก มันสนุกแบบนี้เองสินะ




“แล้วนี่ไม่ได้ฝึกทำไปง้อยัยหวานจริงดิ”


แก้มยัยซีแดงเปล่งราวกับมะเขือเทศสุกจนน่ากลัวว่าจะระเบิด น้องสูดลมหายใจลุกตะโกนเสียงดังแล้วเดินหนีไปที่ครัวซะงั้น





“กินชิ้นเดียวไม่รู้รสหรอกพี่ดี ชิมไปหมดแหละ ของรอบแรกที่ทำด้วย กล้าแซวน้องได้ไง”




ไอ้นิสัยเถียงไม่ออกแล้วเดินหนีนี่คุ้นจังเลยว่าไหมครับ คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหมว่าวันนี้ผมกินข้าวปั้นไปกี่ชิ้น เอาเป็นว่า แค่ได้กลิ่นก็แทบจะอ้วกแตกเลยล่ะ ผมคงแหยงกับอาหารชนิดนี้ไปอีกนาน แค่ชื่อก็แสบไปถึงทรวงจริงๆ




เป็นตายอย่างไรผมจะไม่ยอมให้ให้สองสาวไปรู้จักไอ้เด็กพันธุ์นั้นเด็ดขาด ให้ตายสิ!

 

 

Fin
--------------------------------
[7/12/58]
ได้ความคิดเกี่ยวกับตอนนี้จากการไปซื้อโอนิกิริมากิน
เจ็บใจมากที่แกะแล้วข้าวปั้นไม่เคยห่อสาหร่ายทั่วทั้งชิ้นสักที กินทีหล่นร่วงตลอดเลย TT
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :กอด1:
Lavender’s blue
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 5) - 7/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-12-2015 22:50:25
สมใจละสิพี่น้ำ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 5) - 7/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 08-12-2015 01:54:46
สนุกมากค่ะ  +1 ให้คนเขียนเลย
เนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ แต่มีจุดพีคทุกตอน
เราชอบนะ
ทั้งเรื่องคือพี่น้ำโคตรอบอุ่นอ่ะ แบบว่าดีใจที่สองพี่น้องได้เจออะไรที่ดีดี
แต่แอบบอกพี่น้ำปราบให้อยู่นะ พูดไม่เพราะฝากตีปากด้วย
เป็นเด็กเป็นเล็กไม่กูมึงกับพี่น้ำนะคะ
ฝากดูเรื่องคำผิดนิดนึงนะคะ
มีบ้างประปราย แต่น้อยมากแหละ ^^
แล้วก็ love at first sight << น่าจะใช้ sight ตัวนี้นะคะ ^^
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีดี ที่อบอุ่นมากๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้ และจะรออ่านเรื่องต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 5) - 7/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 08-12-2015 13:30:46
xD


ตอนท้ายซีหวานจริงด้วย น่าร้ากกกกกกกกกกกก


เขียนยูริด้วยเถอะค่ะ กั่กๆ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 6) - 8/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 08-12-2015 19:31:55
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 6)




ตอนพิเศษ : อาหารเช้าที่มากเป็นพิเศษ

 

 

         


ก๊อกๆๆ!!

 

 



ก๊อกๆๆๆ!!!

 

 




ฉันยืนเคาะประตูเรียกพี่ดีแต่เช้า เมื่อคืนได้สูตรอาหารเช้าหน้าตาน่าทานมาจากอินเตอร์เน็ตเลยอยากลองทำบ้าง วันนี้ฉันจึงรีบตื่นแต่เช้าทำอาหารตามสูตร เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเพิ่งจะเจ็ดโมงนิดๆ ไม่แปลกหรอกที่พี่ดียังไม่ตื่น แต่วันนี้ต้องตื่นนะ! ฉันลุกขึ้นมาทำอาหารตั้งแต่หกโมงเลยนะ พี่ชาย!!

 



ปังๆๆๆ!!!!!






เคาะประตูไปหลายทีจนมือเจ็บเลยเปลี่ยนมาใช้มือตบประตูแทน คนในห้องก็ไม่ส่งเสียงอืออาตอบอย่างเคยสักนิด
ฉันจึงตะโกนเรียกพร้อมตบประตูไปด้วย



“พี่ดี ปังๆๆๆ ตื่นๆๆๆ ซีทำกับข้าวแล้ว ลุกมากินหน่อยเร็วๆๆๆ เดี๋ยวค่อยกลับไปนอนต่อ ก๊อกๆๆๆ” ยังคงเงียบ เอ๊ะพี่ดีนี่ยังไงนะ ไม่เคยตื่นยากขนาดนี้นิหว่า

“พี่ดีเร้วววววว เดี๋ยวเย็นหมดไม่อร่อยนะ แล้วมาว่าซีทำกับข้าวมะ---- เย้ย“

 

ฉันตกใจเมื่อประตูที่ปิดสนิทจู่ๆ ก็เปิดออก เสียงแปดหลอดของฉันที่กำลังจะเตรียมต่อว่าคนที่เปิดประตูพรวดออกมาหายไป กลายเป็นอ้าปากค้าง หุบแล้วอ้าอีกที แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ หลุดรอดออกมา ตาเบิ่งกว้างเท่าที่ตาตี่ๆ ของฉันจะสามารถทำได้
พนันได้ว่าถ้าหวานมาเห็นตาของฉันตอนนี้ เธอคงเลิกล้อฉันเรื่องตาเล็กต่างจากพี่ดีที่ตาโตไปอีกนาน เดี๋ยวสิ ตอนนี้มันใช่เวลาคิดถึงยัยตัวดีไหมเล่า!!


ผู้ชายค่ะ ผู้ชายไม่ใส่เสื้อ นุ่งแต่กางเกงขาสั้นสามส่วนสีดำที่ไม่ใช่พี่ชายของฉันเปิดประตูออกมา สายตาของฉันกวาดขึ้นลงตั้งแต่หัวจดเท้ากับร่างกายของคนตรงหน้า ขึ้นลงไปมากี่รอบไม่รู้ รู้แต่ว่ามากกว่าสามรอบแน่นอน



“ซี” เสียงทุ้มที่เรียกชื่อของฉันพร้อมกับมือหนาที่โบกไปมาทำให้สติของฉันกลับคืนมา


“ดะ..เดี๋ยวนะพี่น้ำ...ซะ ซีขอไปหยิบกล้อง เอ้ย ไม่ใช่ๆๆๆๆ ใส่แว่นก่อน มองไม่เห็นอะ อยู่นิ่งๆ ห้ามกระดุกกระดิกนะ ซีมองไม่เห็นว่านั่นคือพี่น้ำตัวจริงหรือเปล่า อาจเป็นคนอื่นที่หน้าตาเหมือนพี่น้ำปลอมตัวมาจะมาปล้ำ เอ้ย ปล้นบ้าน รอซีแปบนะ”


พูดด้วยความเร็วแสงจนลิ้นพันกันไปหมด แล้วออกวิ่งไปที่ห้องตัวเอง หยิบแว่นตาและกล้องถ่ายรูปตัวเก่าขึ้นมา ด้วยความเร็วกว่าร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องรีบๆ หน่อย ...เดี๋ยวเหยื่อ เอ้ย พี่น้ำจะตื่นซะก่อน ฮะฮะ ตอนช่วงเวลาตื่นเต้นก็ชอบเผลอหลุดความในใจออกไปเสียเรื่อยสิน่า 





ฉันมาหยุดหายใจหอบ สวมแว่นตาเงยหน้าขึ้นมองร่างกาย เฮ้ย ไม่ใช่ หน้าตาของผู้ชายคนตรงหน้าอีกครั้ง



คนที่ยืนนิ่งอยู่เป็นพี่น้ำนั่นแหละ ผมยาวตอนนี้ถูกตัดสั้นซอยไล่ระดับระต้นคอ แถวๆ คอมีรอยแดงเป็นทาง...รอยเล็บหรือเปล่านะ ขยับเข้าไปใกล้กว่านี้พี่น้ำจะหาว่าเราโรคจิตไหม เดี๋ยวนะๆ เห็นตัวผอมๆ อย่างนี้ พี่น้ำนี่ก็แอบมีกล้ามเหมือนกันนะ แม้จะไม่ใช่ซิกแพคหกลูกโตๆ แต่ก็มีเค้ารางๆ เหมือนกันแฮะ ถ้าถ่ายรูปเก็บไว้เจ้าตัวจะว่าอะไรหรือเปล่า 

 

















“ดี...” เสียงทุ้มกระซิบเรียกชื่อร่างบางเสียงพร่า ริมฝีปากขบเม้มลำคอขาวซีดเบาๆ รอยแดงก็ปรากฏขึ้น



“อื้อ...พี่น้ำ” ร่างเล็กสะท้านตัวสะบัดหน้าไปมาตามแรงอารมณ์ ทุกแห่งที่ริมฝีปากบางนั้นแตะแต้ม ร้อนรุ่มราวกับถูกเหล็กร้อนจี้ ความร้อนค่อยเพิ่มมากขึ้นดุจไฟสุมขอนที่ค่อยลุกลามเริ่มจากใบหน้า ลำคอ ตอนนี้ความร้อนจากทุกแห่งบนร่างกายไปรวมอยู่ที่บริเวณส่วนอ่อนไหวกึ่งกลางลำตัวเสียแล้ว



มือซีดขาวป่ายปะไปทั่ว แล้วค่อยถูกคว้าไปวางแนบกับลำคอแกร่ง เสียงกระซิบแหบพร่าดังขึ้นข้างหู




“กอดพี่แน่ๆ นะ”




สิ้นเสียงนิ้วทั้งสิบจิกลงลำคอนั้นทันที แล้วค่อยลากยาวผ่านไหล่กว้างเลยไปถึงแผ่นหลัง

 


















แม่เจ้า!! เลือดกำเดาจะกระฉูด กลับมาๆ พี่น้ำช่างร้อนแรงเสียจริง ซีอยากมุดไปอยู่ใต้เตียง

ฉันไล่สายตาขึ้นไปอีกรอบ ...นั่นตรงไหปลาร้านั่นมันอาร้ายยยยย รอยแดงเป็นจ้ำๆ จากประสบการณ์ที่สั่งสมในการเป็นสาววายแล้วละก็ฉันขอฟันธงเลยว่านั่นคือ รอยจูบ ฟันธง !!!! แชะ เก็บหลักฐาน

อะโห่ เห็นของจริงแบบนี้แล้วมัน โอ้ยยยย ---- พี่ดีนี่ร้อนแรงใช่เล่นนะเนี่ย

ไม่อยากจะคิดถึงรอยเล็บบนหลังเลยว่ามันจะ ...เต็มไปด้วยร่องรอยที่แสดงถึงความรู้สึกร้อนแรงที่ทั้งคู่มอบให้อีกฝ่ายอย่างหลงใหลในค่ำคืนที่ร้อนเร่า... อย่างที่เคยอ่านมาหรือเปล่า




















บทรักยังคงดำเนินต่อไป ร่างเล็กกลั้นเสียงร้องน่าอายของตนเองไว้อย่างเต็มที่ ริมฝีปากถูกเม้มจนขาวซีดซ้ำยังเผลอกัดเข้าอย่างแรงจนน่ากลัวว่าเลือดจะออก ร่างที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านบนเห็นท่าไม่ดีจึงกระซิบบอก
 


“กัดพี่ อย่ากัดปาก”

 

“ฮื่อออออ” ร่างเล็กๆ นั้นโอบกอดเขาไว้เต็มตัว .... แนบชิดสนิทกว่าครั้งไหน .....ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบ ดีกัดคอเขาเต็มเขี้ยว ไม่พอเจ้าตัวยังกัดย้ำๆ ตามจังหวะการเคลื่อนไหวของร่างกายเสียด้วย


 
















ฉันได้แต่ซับน้ำตาในใจ ทำม้ายยยย ทำไม เมื่อคืนถึงได้หลับสนิทไม่รู้เรื่องอะไรเล้ยยยยย พลาดแล้ว พลาดแล้ว ไอ้ซี
โดยไม่รู้ตัว มือซ้ายถือกล้องถ่ายรูปมานั้นก็กดถ่ายรูปไม่ยั้งเสียแล้ว....ว้าไม่ได้โฟกัสเลย แต่ต้องรีบทำเวลาก่อนที่จะมีใครรู้ตัว ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง ขอเก็บหลักฐานก็พอใจแล้ว โธ่ๆๆ ต้องชวนพี่น้ำคุย มายื่นนิ่งๆ จ้องเอาๆ แบบนี้ ไม่ดีๆ

 

“พะ...พี่น้ำ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” หลอกล่อ พี่น้ำกำลังงัวเงีย คงไม่ทันเห็นว่าเธอกำลังพยายามขยับเอียงตัวเพื่อให้เห็นสภาพในห้องหรอก ยื่นขาซ้ายออกไปอีกนิดแตะบานไม้ เออ ประตูกว้างขึ้นล่ะ เจ๋ง

“เกือบๆ ตีหนึ่งมั้ง ดีเมาเลยกลับมาก่อนน่ะ” พี่น้ำหาวเสียงดัง ยกมือนวดไหล่พร้อมโยกคอซ้ายขวา นั่นๆ กองผ้าห่มบนเตียงเห็นผมสีดำๆ โผล่มา แขย่งเท้าอีกนิดๆ จะ ...

“ซี”  ตอบพี่น้ำอืออา พี่ดีขาวขนาดนั้นเลยหรือวะ อยู่ด้วยกันไม่เคยสังเกต ผิวเนียนขนาดนั้น หัวไหล่งี้เนียนเชียว จะมีรอยฟันบ้างไหมนะ หรือว่า---

         

 













“อื้อ...เหนื่อยอะ” ร่างที่เคยซีดขาวบัดนี้กลับมีร่องรอยฝากรักของเขาเต็มไปหมด หลับตาพริ้มในอ้อมแขน เสียงแหบนั้นกลับแหบขึ้นกว่าเดิม จนต้องก้มไปฟังใกล้ๆ สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเจ้าตัวแล้ว มันน่า...


“ฮื่ออออ พอแล้ว” ดิ้นดุ้กดิ้กจะขยับออกจากอ้อมกอดก็กลับรวบโดนกอดแน่น หัวไล่ขาวเนียนมันน่ามันเขี้ยวชะมัด


 

 

 

 

 
 









“พี่ว่าพอแล้วมั้ง”

เสียงพี่น้ำดังขึ้นอีกนิด พร้อมกับก้าวมายืนบังหน้าฉัน เหมือนจะเห็นรอยแดงๆ บนตัวพี่ดีเหมือนกันแฮะ โธ่ เห็นแวบๆ ไม่กี่วิเองนะพี่น้ามมมมมมม

“ฮะ...หา พออะไร” ฉันเงยหน้ามองหน้าคนพูด ตีหน้าซื่อเข้าไว้ ยิ้มแฮะๆ
“นี่...” นิ้วยาวของพี่น้ำชี้มาที่กล้องถ่ายรูปในมือของฉัน ส่งยิ้มหล่อมาให้
“แล้วก็...นั่นด้วยน่ะ”

“โอ้ย!!!”

นั่น คือการตบหัวหรือไงเล่า ฉันกำลังจะอ้าปากโวยวายกลบเกลื่อนความผิด พี่น้ำก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“อ้อ แล้วก็อย่าไปแซวมากละ เดี๋ยวเขินมาก พี่โดนตีแย่เลย” นั่นมันคำพูดของคนเกลียมัวหรือเปล่านะพี่น้ำ อะฮ้า พูดว่า เมีย ได้เต็มปากแล้วละซิ กิ้วๆ
“โถ่ ไม่หรอก..” ถุยยยย ไม่น้อยๆ แน่ๆ อ้ากกกก ฟินอะ กัดผ้าเช็ดหน้าได้ไหม กรี๊ดดดดดด
“ไม่อะไร” สมกับเป็นพี่ชายของหวานจริงๆ รอบคอบซะเหลือเกิน
“ไม่ทำค่ะ แต่รูปนี่..” ทำหน้าละห้อย ส่งสายตาวิ้งๆ พี่น้ำไม่สบตา ชิ กลัวจะใจอ่อนละซี่ สีของดวงตาของฉันกับตาของพี่ดีน่ะ คล้ายกันมากถึงแม้ว่าพี่ดีจะตาโต แล้วฉันตาตี่ก็เถอะนะ !!

“ลบ”  ทำเสียงเข้มเชียว

“งะ ขอไปแบ่งให้หวานดูก็ไม่ได้เหรอ เก็บไว้ทำอัลบั้มภาพเผื่อวันครบรอบไงพี่” อุ้ย แสบมาก ขนาดตัวฉันที่พูดเองยังรู้ว่าแถแหลกเลือดซิบ

พี่น้ำทำท่าคิด ...ดูท่าฉันจะรอดแหะ

“ก็เข้าท่านะ ให้ดูแค่หวานนะ ห้ามคนอื่น สมาคมชมรมอะไรของเราห้ามหมด พี่จริงจังนะ” พี่น้ำรีบสำทับเมื่อฉันยิ้มกว้าง ทำท่าลั่นล้าเกินเหตุ
“โอ้ย ได้ๆ สบายมากพี่น้ำ ซีจะเก็บแยกโฟรเดอร์ไว้ให้อย่างดี ใส่วันที่ให้พร้อมด้วยเลยนะ ไม่หลุดไม่รั่วแน่นอน รับรองได้”

ฉันยิ้มกว้าง ...พูดกันง่ายๆ เคลียร์ๆ แบบนี้ ซีเข้าใจ มัวแต่เขินโวยวายนั่นนี่แบบพี่ดี ซีไม่เข้าจายยยยย อิอิ 
ยิ่งเขินก็ยิ่งอยากแกล้ง พี่ดี รู้จักน้องตัวเองแบบพี่น้ำมั่งไหมเนี่ย






“พี่น้ำปลุกพี่ดีมากินข้าวสิ ซีทำอาหารไว้ละ” เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว มิชชั่นแรกที่มาเคาะประตูห้องพี่ดีก็ถูกหยิบยกขึ้นมา
“เดี๋ยวพี่ไปยกมาทานในห้องละกัน ดีคงยังไม่อยากตื่นง่ายๆ”
“ได้ๆ เดี๋ยวซีเตรียมไว้ให้นะ” โอ้ย สามีในอุดมคติสุดๆ ภรรยาลุกไม่ไหว ยกอาหารไปเสิร์ฟถึงบนเตียง แจ๋วอย่างอิฉันก็ต้องขอตัวไปเตรียมอาหารก่อนนะคะ มีแขก ไม่ใช่สิ พี่เขยเพิ่มขึ้นมาต้องรีบไปทำอาหารก่อนแล้ว


ต้องทำเพิ่มด้วยนะ ในนิยาย เอ้ย ไม่ใช่ๆ ทางทฤษฎีเค้าบอกว่า เมื่อผ่านคืนที่ร้อนแรงมาแล้วตอนเช้าจะหิวมาก ฟันธง!!

 

 

 

Fin
-----------------------
[8/12/58]
เป็นการเขียนฉากเข้าพระนายครั้งแรกเลยออกแค่วับๆแวบๆ ที่เหลือปล่อยให้คนอ่านจินตนาการกันเองแล้วกันนะคะ :o8:

ขอบคุณ คุณ A-J.seiya* เรื่องคำผิดค่ะ อันนี้รีบแก้เลย *อายมาก*
คุณ B52 ตอนนี้พี่น้ำคงสุขใจกว่าตอนที่แล้วเยอะเลยค่ะ 555
คุณ BlueCherries ความจริงมีแอบยูริกว่านี้หน่อยแต่คิดว่าจะไม่มีคนอ่านเราเลยลบออกไปบ้างค่ะ พอคุณBlueCherriesเชียร์มาเราเลยใส่เหมือนเดิม เพิ่มเติมด้วยนิดหน่อย (เรียกว่ายุขึ้นสินะ 555)
 
เราไม่ค่อยกล้าตอบคอมเม้นท์เท่าไร กลัวไม่มีคนอ่าน 555
ซึ้งใจมากเลยที่มีคนคอมเม้นท์นะคะ
ขอบคุณค่ะ
 :กอด1:
Lavender’s blue
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 6) - 8/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 08-12-2015 20:46:16
 :mew1:


พี่น้องรักกัน ~


โอ้ย ซีเอ๋ย ว่างๆต้องถอดเสื้อพี่ชายแล้วล่ะ มันเคะขนาดไหนนนนนนนนนนน

ฟินมากรับรอง  :jul1:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 6) - 8/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-12-2015 21:02:13
ตอนไหน อะไร อย่างไร!!!!!!
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 6) - 8/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-12-2015 22:53:17
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 6) - 8/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 09-12-2015 21:57:19
คือดี ดีจริงๆ พีืน้ำก็น่ารักน่ะ จีบได้น่ารักดีออกแนวผู้ชายเบาๆ แต่รักจริง ชอบมากเลยค่ะ ดีมากเลยเรื่องราวน่าสนใจ อ่านแล้วยิ้มด้วย
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 6) - 8/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 09-12-2015 22:09:26
น่ารักอ่ะ พี่น้ำน่ารักอ่ะ อยากได้ๆๆ 55555555 #ดูแลดี ดีๆนะ o13
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 6) - 8/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-12-2015 11:16:23
พี่น้ำน้องดี :z1: o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 7) - 10/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 10-12-2015 12:32:53

★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★  (ตอนพิเศษ 7)




ตอนพิเศษ  : ปืนฉีดน้ำ

 
 

 

“ดีนอนห้องพี่นะ”


ไอ้พี่น้ำพูดขึ้นทันทีที่เสียงประตูปิด ว่าแล้วก็ลากแขนผมหลุนๆ เข้าห้องตัวเองปิดประตูดังปัง!
ครับๆ พี่ใจเย็นครับ เพิ่งมาถึงจะรีบไปไหววะครับ!!



พรุ่งนี้วันสงกรานต์ พี่น้ำ และสองสาวตกลงกันว่าจะไปเล่นน้ำกัน โดยที่คืนนี้ให้ผมและซีมานอนที่คอนโดของสองพี่น้องก่อน พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง จะเล่นน้ำก็เดินลงมาแถวๆ คอนโดได้เลย ห้องพี่น้ำอยู่ใจกลางเมืองพอดี สะดวกกว่าบ้านของผมที่อยู่แถวๆ ชานเมือง ค่อนไปทางนอกเมือง


“ฮือ”


ผมปิดปากสนิทเมื่อถูกพี่น้ำบดเบียดริมฝีปากเข้ามาแนบแน่น


“นิดหนึ่ง”

พอเห็นว่าผมสั่นหัวพลางเอี้ยวตัวหนี ไอ้พี่น้ำก็เปลี่ยนแผนมาหอมแก้มดังฟอดทั้งซ้ายขวา ไม่ได้เจอกันหลายวันเพราะพี่น้ำเริ่มทำงานเมื่อต้นเดือนเมษายนครับ ส่วนผมจะเริ่มเดือนพฤษภาคม ยังมีเวลานอนเล่นอีกครึ่งเดือน

“จุ๊บหน่อย”

หอมแก้มผมจนพอใจแล้ว ก็เป็นฝ่ายเรียกร้อง ขอให้ทำให้บ้าง เหอะเห็นแก่ว่าอุตสาห์ไปรับมาหรอกนะ ว่าแล้วก็จุ๊บปลายคางเร็วๆ แล้วรีบชิ่งออกห้องมา


ฟู่ ร้อนมาก แอร์ก็ไม่เปิด แก้มร้อนไปหมดล่ะ






พี่น้ำกับหวานไปรับวันนี้เราพาเหมียวเล็กมาด้วย ตอนนี้นอนอยู่ในกรงในครัว หลับสบายเชียว 


หนีออกมาข้างนอกได้ก็เห็นสองสาวนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ ได้ยินแว่วๆ ว่าจะหาของกินเล่นเตรียมไว้หลังจากเล่นน้ำเสร็จ เลยเดินไปบอกว่าอยากกินลูกชิ้นทอด คิดเหมือนกันไหมครับว่าตอนเล่นน้ำมาเหนื่อยๆ แล้วมาทานลูกชิ้นทอดเนี่ย อร่อยมากกกกก คนละความรู้สึกกับตอนที่ซื้อกินในวันปกติเลย



“พี่ดีอยากกินน้ำอะไรคะ โค้ก เป็บซี่ สไปรท์ น้ำแดง น้ำส้ม น้ำเขียว?” หวานละสายตาจากคอมพิวเตอร์มาถาม

“ได้หมด หวานเลือกเลย”

“ซีอยากกินโค้กกับน้ำแดง” ยัยซีอ้อน อืม...กับพี่มันไม่พูดเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้มั่งวะ

“พรุ่งนี้ก็แวะซื้อตอนกลับ อย่าลืมนะ” หวานย้ำกับเพื่อน

เออ พูดถึงเพื่อน นัดพวกไอ้แชมป์ เก่ง ท็อปด้วยดีกว่า ตกลงสถานที่นัดเจอกันแล้ว ไอ้พี่น้ำก็ชวนไปดูโทรทัศน์ พร้อมถือไอศกรีมรสช็อคโกแลตออกมาด้วย สาวๆ ปิดคอมพ์แล้วเราก็ย้ายกันไปดูหนังในห้องนั่งเล่น กว่าจะได้นอนก็เลยวันใหม่ไปแล้ว


ล้มตัวลงนอน พี่น้ำพลิกตัวมากอดเอว กระซิบด้วยเสียงง่วงๆ


“สวัสดีปีใหม่ครับ โชคดีของพี่”


นึกตลกคนที่บอกสวัสดีปีใหม่ในวันสงกรานต์ถึงแม้ในอดีตจะถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ก็เถอะ จำไม่ได้ว่าตอบไปยังไง รู้แต่ว่ายิ้มกว้างจนหลับไป



.


.

.



นัดกันว่าจะออกไปเล่นตอนบ่ายแก่ๆ ช่วงเช้าวันนี้สองสาวก็ออกไปซื้อของมาเพิ่มอีกพอทราบว่าผมบอกว่านัดเพื่อนมาเล่นน้ำด้วย ก่อนจะลงมือทอดลูกชิ้น ทอดข้าวเกรียบ ตอนที่ซีหั่นผลไม้ บอกให้พี่น้ำเดินเข้าไปหยิบกิน ซีไม่ว่าอะไรสักคำ ทีตอนที่ผมหยิบซีตีมือดังเพี๊ยะ โธ่ ไอ้น้องนิสัยเสีย


ซีกับหวานหาเสื้อยืดสายสก็อตสีฟ้า น้ำเงินมาให้ ลายเดียวกับที่พี่น้ำใส่ ส่วนสองสาวเป็นสายสีชมพูม่วงๆ กางเกงสามส่วนสีดำ รองเท้าแตะ สองมือถือถังน้ำใบเล็ก



พร้อมแล้ว ลุย!!

 
“พี่ดี! ทากันแดดก่อน” ยัยซีพูดขึ้นเสียงดังเมื่อผมตีเนียนทำท่าจะเดินออกจากห้องไปก่อน

“ฮื่อ ไม่เอา เหม็น” ป้าด ผู้ชายนะเฮ้ย ทาทำไมกันแดด ให้ผิวมันคล้ำๆ บ้างจะได้แมนๆ แค่นี้ก็ซีดจะแย่

ซีเห็นท่าผมไม่ยอมก็ยื่นกันแดดให้พี่น้ำแล้วเดินนำออกห้องไปพร้อมกับหวาน ไอ้พี่น้ำบีบครีมข้นๆ เหนียวๆ เหม็นๆ ลงบนฝ่ามือแล้วพยักหน้าให้ผมเข้าใกล้

 
“มันเหม็นจริงๆ นะ เหนียวด้วยอย่างกับเอากาวมาทาหน้า” ไอ้พี่น้ำป้ายครีมลงบนหน้าผมแล้วเกลี่ยทาไปจนทั่วใบหน้า และลำคอ

“แดดร้อน เดี๋ยวก็ไหม้หมดหรอก”  งะ โดนบีบแก้ม เจ็บนะเว้ย

“ทายังอะ” ผมถาม พี่น้ำไม่ตอบครับแต่สั่นหัว ทาให้ก็ทาคืนก็ได้ เป็นคนไม่ชอบติดหนี้ใคร


.

.

.
         

โคร่ม!!

ซ่า!!!

ปิ้ดๆๆ

แปะๆ!!

 

เดินออกมานอกคอนโดเท่านั้นแหละครับ ถังแรกเป็นของพี่ยาม ขันที่สองของลูกชายแก ลูกสาวฉีดปืนฉีดน้ำใส่ ไม่พอป้าแม่บ้านปะแป้ง โดนกันถ้วนหน้าครับ แอบเห็นว่าป้าแกปะแป้งไอ้พี่น้ำนานกว่าผมนะ เหอะ!


ไปถึงสี่แยกก็เจอไอ้แชมป์ ไอ้เก่ง ไอ้ท็อป กำลังปะแป้งสาวๆ กันอยู่ เป็นแชมป์ที่หันมาเจอพวกผมก่อน



“สวัสดีปีใหม่พี่น้ำ ดี แล้วก็สาวๆ ครับ” กับผมและพี่น้ำมันพูดทักทายเฉยๆ แต่กับสองสาวปะแป้งด้วยเว้ยเฮ้ย ไอ้ขี้หม้อ!! น้องกูนะเฟ้ยยยยย


ปัดมือมันออก เมื่อเห็นว่าอ้อยอิ่งปะแป้งสาวๆ นานไปหน่อย


“อะไรดี ปะแป้งไม่ได้? อ๋อ อยากโดนปะบ้างใช่ไหม เฮ้ยมึง! ปะแป้งหนูดีหน่อยดิ”  ไอ้แชมป์จับผมไว้แล้วหันไปตะโกนเรียกไอ้เก่งกับไอ้ท็อป สองคนตาเป็นมัน ล้วงแป้งมาเต็มมือแล้วละเลง

“โอ้ยๆๆๆ พอแล้วพวกมึ้งงงงง ไอ้พี่น้ำช่วยหน่อยเด้”

แป้งเข้าปากข้าตาจะแสบไปหมด ไอ้เพื่อนบ้าก็ไม่ออมมือกันบ้างเลย คนถูกร้องขอความช่วยเหลือหัวเราะซะงั้น ปล่อยให้พวกมันละเลงไปสักพักแล้วค่อยดึงผมออกมา เฮือก!! แป้งเต็มหน้า เต็มปากไปหมด ขมชะมัด

“ไม่ต้องอ้อนพี่น้ำเลยไอ้สลัด โดนนิดหน่อยทำบ่นนะมึง” ไอ้ท็อปรีบพูดขึ้นมาก่อนตอนที่ผมกำลังจะอ้าปาก

“เชี่ย มึงลองมากินแป้งกูไหมเล่า ขมจะตายชัก” ว่าแล้วก็ถึงเวลาแก้แค้น เอาแป้งไล่ป้ายพวกมันบ้าง โดนบ้างไม่โดนบ้างก็หัวเราะกันสนุกสนาน

“งั้นหวานกับซีไปก่อนนะพี่ๆ สวัสดีปีใหม่ค่า” สาวๆ ขอตัวออกไปเล่นกับเพื่อน นัดเจอกันอีกทีตอนหกโมงเย็น แล้วไปกินข้าวกินขนมที่ห้องพี่น้ำกัน

“ไปล้างหน้าก่อน” ผมหันไปดึงๆ ชายเสื้อพี่น้ำ ว่าจะไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าสักหน่อย ขมปากมากตอนนี้

“ไม่ต้องๆ กูเอาน้ำมา ล้างตรงนี้แหละ”

ไอ้เก่งที่สะพายกระเป๋าเป้มา หยิบขวดน้ำส่งมาให้ พี่น้ำเปิดขวด เทน้ำลงในมือแล้วค่อยๆ เอามาลูบหน้าผมเบาๆ

“พี่น้ำ ล้างแค่ตาก็พอ เดี๋ยวก็เปื้อนอีก” ไอ้ท็อปบอกเมื่อเห็นว่าพี่น้ำจะล้างหน้าผมจนสะอาดเอี่ยม

“เออๆ พี่ลืมไป ดีอ้าปากหน่อย” ว่าแล้วก็บ้วนปากไปสามรอบ จนน้ำเกือบหมดขวด  แอบเอาชายเสื้อพี่น้ำมาเช็ดปากด้วย  ไม่มีใครเห็นใช่ไหม

“ไปกันเถอะพวกมึง พร้อมหรือยางงงงง” ไอ้ท็อปถามเสียงใสเมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้ว

“พร้อมแล้ว!!” ตอบโดยพร้อมเพรียงกัน




“งั้นก็.....ลุยยยย!!”


หันไปคว้ามือพี่น้ำแล้วออกเดินเข้าไปสู่ถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน ที่จับมือไม่ใช่อะไรหรอก เดี๋ยวหลงแล้วเซ็ง ไม่ได้เอาโทรศัพท์ลงมาด้วยสิ

 
“สวัสดีปีใหม่ค่า ปะแป้งหน่อยนะคะ” ประโยคนี้สาวๆ บอกเมื่อเดินเข้ามาปะแป้งทั้งผมและพี่น้ำ

"ปะแป้งหน่อยนะครับ” ประโยคนี้คือตอนไปปะแป้งสาวๆ ครับ จะมีแต่ผมแหละที่ไปปะ ไอ้พี่น้ำยืนเป็นคนถือถังแป้งกับยืนล่อให้สาวๆ มาปะแป้ง



ถนนที่เราไปเดินคนไม่แน่นมากเท่ากับข้าวสารหรือสีลมหรอกนะครับ คนเยอะขนาดนั้นไม่ชอบ เบียดกันเกินไป แล้วก็อันตรายด้วยครับ ทั้งจากการถูกล้วงกระเป๋าหรือถูกลวนลาม โธ่เห็นอย่างนี้ก็หวงตัวนะครับ ทั้งตัวเองและตัวคนข้างๆ นี่แหละ ไม่ต้องแซวแค่นี้ก็เขินจะแย่อยู่แล้ว

 

เดินเข้าตามถนนเข้ามาเรื่อยๆ จนไปเจอป้ายสีขาวมีตัวอักษรสีแดงตัวโต เขียนว่า

“อีก 50 เมตร กระเทยเล่นน้ำ”

ไอ้พี่น้ำอ่านให้ฟัง เห็นแล้วก็ขำ เจ้ๆ เป็นคนเอามาตั้งเองหรือว่าใครเอามาปักให้ครับ

“จับมือพี่ดีๆ อย่าให้หลุดนะ” พี่น้ำกระซิบแล้วออกเดินนำ หันไปมองหาเพื่อนๆ ก็ไม่เห็นแล้วครับ คงเดินตามหาสาวๆ ปะแป้งที่ไหนสักแห่ง





“ต้ายยยย สุดหล่อคะ มาให้เจ้ลวนลามทีค่ะ” แค่เราเดินผ่านป้ายนั้นมาเสียงเหล่าเจ้ๆ ก็นำมาก่อนเลยครับ ป้ายหลอกลวง ยังไม่ถึงห้าสิบเมตรเลยเว้ยเฮ้ย

ไม่กี่นาทีเราก็โดนสาวๆ ร่างใหญ่เล็กรุมปะแป้ง สาดน้ำ ฉีดน้ำจะชุ่มโชก พี่น้ำยังจับมือผมไว้แน่นไม่ปล่อย

“แป้งเข้าตาอ่า พี่น้ำ” เหยื่อรายใหม่เดินหลงเข้ามาสาวๆ ทั้งหลายก็ผละเราไป ผมยืนหลับตานิ่งๆ เมื่อพยายามกะพริบตาแล้วแสบตาจนแทบลืมตาไม่ได้

“ดียืนตรงเดี๋ยวพี่ไปขอน้ำมาให้ แปบนะ” พี่น้ำจูงมานั่งรอริมฟุตบาทที่ไม่มีคน แล้วก็หายไป






สักพักก็ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดจากเหล่าเจ้ๆ แล้วก็เสียงคนเดินเข้ามาสองสามคน

“ไหนคะๆ แฟนคุณน้อง คุณพี่ขอดูหน่อย” เสียงแรกแหบห้าวแต่ก็พยายามดัดให้เล็กแหลม

“ต้าย ที่เมื่อกี้เจ้ยังชมเลยว่าน่ารักใช่ไหม แพ้แป้งหรือคะลูก” อีกเสียงหนึ่งพูดขึ้น พร้อมมือนุ่มนิ่มมีกลิ่นน้ำหอมก็ยกขึ้นมาลูบหน้าตา แล้วมืออุ่นๆ ที่มีน้ำอยู่ก็ค่อยๆ ลูบใบหน้าผม พี่น้ำนั่นเอง

“ดีลืมตาในน้ำหน่อยนะ” พี่น้ำจับมือแล้วให้ถือแก้วไว้ ผมลืมตาในน้ำประมาณสามรอบแล้วจึงลืมตาได้ ค่อยบรรเทาอาการแสบลง

พอลืมตาได้เงยหน้าขึ้นมามีคนสามคนจ้องตาเป๋ง พี่น้ำยิ้มให้ แล้วเอามือมายีหัว เจ้คนแรกผมสั้นเฉี่ยว คนที่สองสกินแฮดอวดหัวทุยสวยแล้วเจ้คนผมสั้นก็บอกพี่น้ำ  “เออ ค่อยดูได้หน่อย เมื่อกี้อย่างกับลูกหมาตกถังแป้งเปียก”

เจ้คนผมสกินแฮด ตีมือผมที่กำลังจะขยี้ตา “อย่าขยี้คุณน้อง เดี๋ยวตาแดงนะ แพ้แป้งก็บอกเจ้ๆ ได้ลูก เมื่อกี้ไม่พูดอะไรเลยไม่รู้ โทษทีนะลูกนะ”



อย่าเพิ่งไปสนเลยครับว่าตกลงเจ้ๆ จะนับผมเป็นน้องหรือลูก รู้แต่ว่าเจ้ๆ ใจดีจัง เห็นแบบนี้หลายคนอย่างไปตั้งแง่กับพวกเจ้ๆ เค้าเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายมันก็ต้องมีคนที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้างปะปนกันไปหมด เจ้ๆ ก็เหมือนกัน อย่าไปทำร้ายหรือทำลายคนอื่นด้วยวาจาหรือท่าทางกับพวกเขาเลยครับ
 


“อ่า ขอบคุณครับ” เมื่อเห็นว่าผมดีขึ้นแล้วเจ้ทั้งสองก็ขอตัวออกไปเล่นน้ำต่อกับเพื่อนๆ

“เป็นไง แสบตาอยู่ไหม” พี่น้ำถามอีกรอบ ผมยังคงกะพริบตาเพื่อไล่น้ำตาออกมาช่วยบรรเทาอาการแสบตา

“น้อยลงแล้วล่ะ แล้วเมื่อกี้คนรู้จักเหรอ” ท่าทางสนิทสนมนะ

“ฮ่าๆ ไม่หรอกครับ ก็คนที่เค้ามารุมปะแป้งเราเมื่อกี้แหละ ตอนที่เราบอกแสบตาพี่ก็เดินไปขอน้ำจากเค้า”


อ๋อ เดี๋ยวนะแล้วทำไม...


“ตอนที่ไปขอน่ะ พูดว่า ‘ขอโทษครับพี่ ขอน้ำหน่อยนะครับ พอดีว่าแฟนผมแป้งเข้าตา’ แบบนี้ปะ”

“ดีรู้ได้ไง” ไอ้พี่น้ำทำตาโตอย่างแปลกใจ


แหม ไม่รู้ก็บ้าแล้วครับ มิน่าเจ้ๆ ถึงได้กรี๊ดแล้วเดินตามมาดูอาการกันแบบนั้น มีแฟนชอบแสดงออกต้องอดทนครับ ...ฮู้ว ออกไปเล่นน้ำกันเตอะ แก้มร้อนอีกแล้วววววววว












 
“รู้แล้ว ลืมอะไร!!” ผมพูดออกมาเสียงดังเมื่อเดินผ่านสาวๆ กลุ่มใหญ่ที่เข้ามารุมฉีดน้ำและปะแป้ง

“ลืมซื้อปืนฉีดน้ำอะ” ว่าแล้ว่าทำไมมันแปลกๆ มาเล่นน้ำได้แต่โดนคนอื่นสาด ไม่ได้ไปสาดน้ำฉีดน้ำคนอื่นเลย


ชวนพี่น้ำเดินไปถามราคา พอได้ยินก็ส่งยิ้มให้คนขาย บอกขอบคุณแล้วลากพี่น้ำที่ทำท่าจะซื้อออกมาโดยเร็ว โห แพงไปไหนครับเนี่ย หลายร้อยเลย ไม่ไหวๆ ปีหนึ่งใช้แค่หนสองหน ไม่คุ้มๆ


ถามร้านอื่นๆ อีกหลายร้านก็ราคาเท่ากันหมด ผมซื้อไม่ลงจริงๆ นะเนี่ย คนข้างๆ คงเห็นหน้าหงอยๆ จึงชวนพูดเพื่อคลายเครียด หรือจะทำให้เครียดกว่าเดิมไม่รู้


“ดีรู้ไหมว่าปืนภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร”  ฮะ...มันใช่เวลามาทายปัญหาภาษาอังกฤษฟุดฟิดฟอไฟไหมพี่!!


“กันดิ ถึงจะไม่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหมือนบางคนแต่ก็ตอบได้นะเว้ย” แซวพี่น้ำไปที เกียรตินิยมครับ อันดับหนึ่งเสียด้วย เก่งจริงๆ แฟนผมเนี่ย ตอนที่เกรดธีสิสพี่น้ำออก ดีใจยิ่งกว่าเกรดธีสิสตัวเองอีกครับ


“เก่งมาก พี่ว่าเราไม่ต้องซื้อแล้วก็ได้นะ ปืนฉีดน้ำน่ะ”
 
“ฮื่อ แพง ไม่ซื้อหรอก ให้สาวๆ ปะแป้งเฉยๆ ก็ได้ว่ะ” ถึงจะแอบเสียใจนิดๆ ที่ไม่ได้ฉีดน้ำคนอื่นก็เถอะนะ





“ไม่ใช่หรอก เราก็มี ‘กันและกัน’ อยู่แล้ว ไม่ต้องไปซื้อเพิ่มหรอกครับดี” คนพูดยิ้มกว้าง ตาวาวระยับซะจนอยากเอานิ้วจิ้มตา




ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะรู้หรือเปล่าว่า ที่เจ้าตัวขยันหยอดมาบ่อยๆ ขนาดนี้จนเป็นแฟนกันแล้ว คนโดนหยอดอย่างผมก็ยังเขินได้เขินดีไม่หยุดเลยจริงๆ


อ้ากกกกก สาวๆ ครับปะแป้งให้หน่อย หนาๆ เลยครับ แก้มแดงจะแย่อยู่แล้วเนี่ย





.

.

.


 



“สวัสดีปีใหม่คร้าบพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ เอ้าชนนนนน” สมกับเป็นเดอะแก๊งน้ำเมา พอไอ้พี่น้ำที่กึ่มๆ คุยเรื่องสงกรานต์เคยเป็นวันปีใหม่ไทยซึ่งใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นจบเท่านั้นแหละ ไอ้เก่งก็ยกแก้วสูง


เฮ้  เคร้ง !


“ขอให้พี่น้ำโชคดี มีแต่ดีๆๆๆๆๆ ตลอดไปนะคร้าบบบ เอ้าชนนนนน”


เฮ้  เคร้ง


“ขอให้น้องดีมีแต่น้ำๆๆๆ ไหลหลากตลอดปีตลอดไปนะจ๊ะ เอ้าชนนนนน”


เฮ้  เคร้ง

 

 



“พอครับๆ กูอายบ้างอะไรบ้างครับเพื่อน” ต้องรีบเบรคก่อนที่มันจะเกินเลยไปกว่านี้ ไอ้พวกนี้เมาแล้วบ้า เมาแล้วเรื้อน

 
“พี่ไม่อายนะดี” ไอ้พี่น้ำก็อีกคน เมาแล้วก็เงียบๆ บ้าง

 
สองสาวหัวเราะกิ๊กกั๊ก แก้มแดงเป็นลูกตำลึง ผมหันไปเห็นยัยซีกำลังจะเปิดน้ำหวานผสมแอลกอฮอล์อีกขวดจึงรีบไปห้าม

“พอเลยซี หน้าแดงไปหมดแล้วน่า”

“ขอนิ้ดดดดดน้าพี่ดี้” เอียงหัวซบแขนออดอ้อน

 
“พอแล้ว กินน้ำเปล่าเข้าไปเยอะๆ แล้วก็มาช่วยกันเก็บของเลย เร็ว” ซีซดน้ำเข้าไปหลายอึก แล้วรินน้ำให้หวานที่นั่งยิ้มตาเชื่อมอยู่บนโซฟา นั่งเล่นไพ่กับเพื่อนๆ ผม

 


“ปีนี้ดีจังเลยนะพี่ดี” ตอนที่ขนจานเข้ามาในครัวจนหมดเป็นรอบที่สาม แล้วช่วยล้างจาน ซีก็พูดขึ้น

“อืม ดีมากเลย”

“อยากให้เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ จังน้า” ซีพูดเหมือนเพ้อใบหน้าแดงก่ำ

 “ต้องดีมากขึ้นทุกๆ ปีอยู่แล้วล่ะ” ผมพูดปลอบใจน้อง ปีนี้ผมเรียนจบทำงานแล้ว ชีวิตของเราสองพี่น้องคงไม่ลำบากเหมือนที่ผ่านๆ มา



บางทีปีหน้าถ้ามีเวลา...อาจกลับบ้าน ไปเยี่ยมพ่อกับแม่เลี้ยงบ้างก็ได้



ตั้งแต่ที่ผมป่วย ก็สนิทกับพ่อและแม่เลี้ยงมากขึ้น ความห่วงใยที่ได้รับทำให้รู้ว่า ครอบครัว ยังไม่หายไปไหน แม้จะเคยจางจนเกือบจะหายไปแต่เมื่อเราหันกลับมามองมันก็จะค่อยชัดเจนขึ้น


เรื่องบาดหมางในอดีตทั้งหลายถูกลืมเลือนไปตามเวลา ปีใหม่วันใหม่ฟ้าใหม่เคลื่อนเข้ามาแทนที่คืนวันอันโหดร้ายในอดีต จำไว้ว่าครั้งหนึ่งเคยได้รับบทเรียนที่หนักหนา แต่เมื่อก้าวผ่านมาได้ก็เติบโตขึ้น ชีวิตเข้มแข็งขึ้น เข้าใจและดูแลคนที่เรารักและรักเรามากขึ้น


ล้างจานเสร็จกำลังเช็ดมือ ก็มีเสียงตะโกนดังลั่นจากห้องนั่งเล่น

“ดี ดี อยู่ไหนอะ แฟนคร้าบบบมากอดหน่อย คิดถึงจะแย่แล้ว”





อ๊ากกกกกก แก้มร้อนจนจะระเบิดอยู่แล้วเว้ย

ขอตัวไปลากไอ้พี่น้ำไปเก็บก่อนนะครับ

สวัสดีปีใหม่ครับทุกคน 




Fin
------------------------------------------------
[10/12/58]
เขียนช่วงสงกรานต์ค่ะ มาลงตอนนี้เลยรู้สึกแปลกๆ
ถึงตอนนี้ไม่ใช่สงกรานต์ แต่ก็ใกล้ปีใหม่แล้วเนอะ (หัวเราะ)
ตอนหน้าก็จะเป็นตอนพิเศษสุดท้ายแล้ว
 :mew3:
Lavender’s blue
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 7) - 10/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 10-12-2015 14:00:22
 :ling1:


พี่น้ำทำฟิน อิอิ

ตอนหน้าสุดท้ายแล้วเหรอคะ แงๆ

เปิดเรื่องใหม่ด่วนนนน
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 7) - 10/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 10-12-2015 16:18:07
 o13
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 7) - 10/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-12-2015 02:26:01
ข้ามไปไกลจัง
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 8 ) - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 11-12-2015 19:30:06
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★  (ตอนพิเศษ 8 )




ตอนพิเศษ  : ไม่พอ

 




“ผมดูงานคุณแล้ว ไม่เลวเลยสำหรับงานแรกนะ”


หัวหน้าเรียกผมไปพบแต่เช้า พูดเสียงนิ่ง พร้อมส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ ผมยกมือไหว้ขอบคุณ เขาก็รับไหว้ หยิบเอกสารที่มีตัวหนังสือเขียนหวัดๆ เรียงเป็นพืดสามสี่แผ่นยื่นให้ แล้วพูดต่อ


“คอมเม้นท์งาน เอาไปแก้ไขนะดี”

 

 



เฟดเฟ่ !!


คำชมของหัวหน้าตอนแรกที่ทำให้หัวใจพองโต กลับแตกออกดังผั๊วะ หลังจากเห็นกระดาษคอมเม้นท์งานเป็นพืดในมือ ถ้าจะให้แก้แทบจะทุกตัวอักษร ทุกคำสั่งของโปรแกรมขนาดนี้ ให้ผมทำใหม่เลยเถอะครับ ถถถถถถถถ ปากดีไปงั้นแหละผม ให้เขียนโปรแกรมใหม่จริงๆ ก็ไม่ไหวครับ

 
หลังจากเรียนจบ ผมใช้เวลาเกือบเดือนในการพักผ่อนไปตามประสา ขอเวลาเที่ยวเล่น นอนอืด พักผ่อนบ้างทำเป็นพูดไปงั้น แต่จริงๆ แล้วคือ ส่งใบสมัครงานไปตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ยังไม่มีบริษัทไหนติดต่อกลับมาต่างหากเลยทำให้ว่าง  จนกระทั่งช่วงที่เงินใกล้จะหมด ผมได้รับการติดต่อจากบริษัทแห่งนี้ เข้ามาเป็นโปรแกรมเมอร์แทนคนเก่าที่ลาออกไปกะทันหัน

ตอนนี้ผ่านช่วงโปรฯ สี่เดือนมาแล้วครับ งานแรกที่ได้รับมอบหมายเมื่อสองอาทิตย์ก่อนหลังจากเข้ามาเป็นพนักงานเต็มตัวส่งให้หัวหน้าเมื่อวันพุธ เช้าวันศุกร์ก็ถูกเชิญไปพบจนได้กระดาษคอมเม้นท์สามสี่หน้ามานั่นล่ะ



ผมเดินหน้ายุ่งกลับมาที่คอกของตัวเอง พี่ฟ้า หญิงสาวอายุสามสิบต้นๆ ก็หันมายิ้มให้ มองกระดาษในมือผมแล้วทำตาโต
“โห! น้องดี บอกพี่สินี่งานแรก”
“เฮ้อออ พี่ฟ้า เห็นแล้วเหนื่อยเลย” ตัวหนังสือในกระดาษคอมเม้นท์เขียนด้วยปากกาสีน้ำเงินเรียงเป็นพืด เขียนมาเยอะขนาดนี้ปากกาหมดเป็นแท่งแล้วมั้งหัวหน้า
“เฮ้ย แกอย่ามา ได้แค่นี้นี่สุดยอดแล้วนะเนี่ย” พี่ฟ้าพยักพเยิดว่าขอดูกระดาษคอมเม้นท์ ผมจึงยื่นให้ เธอรับไปเปิดๆ ดูสักพักก็ยิ้มกว้าง
“สีน้ำเงินเยอะกว่าสีแดง เก่งอะน้องดี” พี่ฟ้ายื่นกระดาษคืน แล้วเอ่ยปากชม
“หา คือไรอะพี่”
ผมเปิดกระดาษคอมเม้นท์ดูแบบผ่านๆ ปรากฏว่าบางแห่ง หัวหน้าเขียนตัวสีแดงไว้จริงๆ ด้วย แต่มีปริมาณน้อยกว่าสีน้ำเงินอย่างเห็นได้ชัด

“คอมเม้นท์สีแดงคือไปทำมาใหม่ ส่วนสีน้ำเงินคือให้แก้ไขไง” ว่าแล้ว คิดไว้เหมือนกันล่ะนะ ยังไงก็ต้องแก้เยอะอยู่ดี
“ก็ต้องแก้เยอะอยู่ดีอะพี่ฟ้า”
“โอ้ย แกอยากเห็นกระดาษคอมเม้นท์ของฉันแผ่นแรกหรือเปล่าละ ปากกาแดงงี้แทบจะหมดโหล ปากกาน้ำเงินมีที่เดียว”
“ที่ไหนพี่”
“ชื่อพี่เอง” พี่ฟ้าพูดจบพร้อมทำหน้าเซ็ง ทำเอาผมและพี่คนอื่นที่แอบฟังอยู่หัวเราะออกมาเสียงกัง โธ่ววว คนอะไรเล่นตัวเองก็เป็น
“แก้ไขนี่แสดงว่าดีสุดๆ แล้วล่ะดี หัวหน้าเขาเนี้ยบจะตาย ระดับเอ ไม่เอา เอาแต่ เอบวกๆๆๆ เท่านั้น” พี่ชาติที่อยู่คอกตรงข้ามพูดกำลังใจ
“แหะๆ ขอบคุณครับพี่” มีคนมาชมมันก็อดเขินไม่ได้ครับ แต่วันนี้ไม่อยากจะอยู่โอทีเนี่ยสิ





เฮ้อออออ
ถอนหายใจกี่ครั้ง งานถึงจะเสร็จวะเนี่ย !! 
บ่นไปนั่น แต่ลองมือก็นั่งแก้ นั่งตรวจทานพลางพลิกอ่านกระดาษคอมเม้นท์ไปมา



เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ ได้ยินเสียงแว่วๆ สองสามหนจากการบอกลากลับบ้านของพี่ๆ ผมทำแค่พูดส่งเสียงตอบรับกลับไปเท่านั้น ไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าใครจะพูดอะไรบ้าง



เงยหน้าขึ้นมามองนาฬิกาอีกทีก็ตอนที่พี่ฟ้าสะกิดบอกว่าจะหมดเวลาโอทีนั่นแหละ
กะพริบตาแล้วเห็นเป็นจุดๆ สีรุ้งมั่วไปหมด ปวดกระบอกตาชะมัด

“น้องดี วันนี้พี่ชายสุดหล่อจะมารับไหมอะ” เมื่อเห็นว่าผมปิดคอมพิวเตอร์ เก็บของ พี่ฟ้าก็ชวนคุยทันที

“มาครับ”

“วุ้ย งั้นพี่ให้แฟนพี่รอข้างล่างบ้างดีกว่า จะได้ไปเจอสุดหล่อด้วย” พี่ฟ้าว่าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาส่งไลน์หาแฟนตัวเองยิก



ไม่ต้องถามนะครับว่า ‘พี่ชายสุดหล่อ’ คือใคร
ก็ ไอ้พี่น้ำ แหละครับ


สัปดาห์แรกที่มาทำงาน พี่น้ำเล่นขับรถมารับมาส่งผมจนพี่ๆ หลายคนสงสัย เลยบอกไปว่าเป็นพี่ชาย ไอ้พี่น้ำรู้ทำเอาเจ็บตัวไปหลายวัน ก็แหม จะให้บอกว่าเป็นแฟนก็เกินไปไหม ไม่รู้ว่าชีวิตการทำงานจะเป็นไงบ้างครับ ไม่ว่าทุกคนจะรับได้กับเรื่องแบบนี้เสียหน่อย ถูกมองบ่อยๆ เข้าเพราะบางทีไอ้พี่น้ำก็เลิกงานก่อน มานั่งรอใต้บริษัท ด้วยความอัธยาศัยดี มันก็ส่งยิ้มคุยกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว จนทั้งบริษัทละมั้งน่ะ เราเลยตกลงกันว่าให้มารับเฉพาะวันศุกร์


พี่ฟ้านี่ชอบไอ้พี่น้ำมากครับ วันศุกร์ทีไรพี่เขาจับคู่ทำโอทีกับผมทันที ไม่มีปฏิเสธ
‘ให้พี่ได้เห็นสิ่งที่เจริญหูเจริญตาบ้างน่า ลูกพี่จะได้อารมณ์ดีไปด้วย’
พูดจบก็เอามือลูบท้องตนเองซึ่งตอนนี้เริ่มนูนออกมาน้อยๆ มองเผินๆ นี่แนบจะไม่รู้เลยว่า พี่ฟ้าท้อง พี่เขาตัวเล็กครับแล้วก็เพิ่งท้องได้สี่เดือนพอดีกับที่ผมเริ่มทำงานเลย








“สวัสดีครับพี่ฟ้า”

กลิ่นกาแฟลอยฟุ้งในร้านเบเกอรี่ใต้สำนักงาน ไอ้พี่น้ำพอเห็นผมเดินเข้ามาก็ส่งยิ้มกว้างให้พร้อมยกมือไหว้สวัสดีพี่ฟ้าที่เข้าตามมา

“จ้าสุดหล่อ วันนี้ยังหล่อเหมือนเดิมเลย”

พี่ฟ้านั่งลงส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้ไอ้พี่น้ำ รายนั้นก็ไม่ทำอะไร ส่งยิ้มลูกเดียว ผมนั่งลงข้างๆ ทิ้งตัวเองให้จมลงไปในเบาะ เงยหน้าหลับตาลง ฝ่ามืออุ่นๆ ก็สัมผัสไปตามลำคอและหน้าผาก ส่งเสียงอืออาให้คนที่เป็นห่วงรู้ว่า ไม่เป็นไร

“เหนื่อยไหม”
“อื้อ”

พี่น้ำละมือออกไป ได้ยินเสียงมันเปิดกระเป๋า แกะซองพลาสติก แล้วสัมผัสเย็นๆ หอมๆ ก็สัมผัสเข้าที่หน้าผาก ไล่มาแก้มและลำคอ ผมแย่งเอาผ้าเย็นมาเช็ดเสียเองทั้งๆ ที่ยังหลับตา ได้ยินเสียงคุยกับพนักงานเสิร์ฟ ก่อนจะโดนสะกิด

“เอ้า นี่ชาเขียว”

“อ้า”

นอนหลับตาอ้าปาก หมายจะให้พี่น้ำส่งหลอดชาเชียวเข้าปากก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของพี่ฟ้าเข้าเสียก่อนถึงได้สติ ลุกขึ้นมานั่งกินดีๆ

“ดีนี่ขี้อ้อนจังนะ” พี่ฟ้าพูดหลังจากหัวเราะกับท่าทางเหนื่อยอ่อนของผม
“..เออ ไม่ได้อ้อนเลยครับ” อ้อนเอิ้นอะไร ไม่มี เมื่อกี้คือเหนื่อยเฉยๆ เถอะ
“แล้วนี่ พี่วิทย์ยังมาไม่ถึงเหรอครับ” รีบเปลี่ยนเรื่องด่วนๆ ประเด็นยิ่งห่างจากทั้งผมและไอ้พี่น้ำไกลเท่าไรยิ่งดี
“ใกล้ถึงแล้วล่ะ รถติดจ้ะ”
“พี่ฟ้าสั่งอะไรทานไหมครับ”

เออดี ไอ้พี่น้ำมันชวนพี่ฟ้าคุยแทน ผมจะพักบ้าง วันนี้เหนื่อยจริงๆ นะเนี่ย แค่หัวข้อชวนคุยก็นึกไม่ออกแล้ว ผมนั่งฟังสองคนคุยกัน จนชาเขียวหมดแก้ว พี่วิทย์สามีของพี่ฟ้าก็มาถึง บอกขอบใจพวกผมยกใหญ่ ที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนภรรยา ก่อนจะแยกกันไป พี่วิทย์ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้

“คูปองร้องคาราโอเกะของที่ทำงานพี่เอง เป็นแบบห้องส่วนตัว ไปเมื่อไหร่ก็ได้นะ”

 

 

 

 

 





 
กว่าจะกลับถึงบ้าน ผมหลับๆ ตื่นๆ ในรถไปสามรอบครึ่ง

ตอนนี้ที่บ้านมีเพียงผมกับพี่น้ำครับ เราให้สองสาวไปอยู่คอนโดเพราะสะดวกในการเดินทางไปเรียนและปลอดภัยมากกว่า ที่ทำงานของพี่น้ำไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ ไอ้พี่น้ำเลยย้ายตัวเองมาอยู่บ้านนี้ตั้งแต่เริ่มทำงานแล้วล่ะ

มาถึงผมก็ทิ้งตัวลงนอนหมดสภาพบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ พี่น้ำเดินหิ้วของที่ซื้อมาไปเก็บในห้องครัว


“ไปอาบน้ำ”
“อีกแปบ”

ถ้าถามแล้วผมตอบแบบนี้ก็จะโดนอะไรสักอย่างฟัดเข้าเบาๆ ก่อนเจ้าตัวละลากไปอาบน้ำ
แต่วันนี้มาแปลก พี่น้ำแค่ยักไหล่ก่อนจะเดินขึ้นหายไปชั้นสอง


เอ้ยยย ไรอ่า


ผมนอนนึกหาเหตุผลที่ไอ้พี่น้ำจะงอนผม จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอ
ก็แน่ละเพิ่งจะมาเจอกันวันนี้นิครับ มันเพิ่งกลับมาจากการอบรมชื่อภาษาอังกฤษยาวๆ สักอย่างตั้งสามวัน


ว้า เป็นไรเนี่ย


นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก จึงลุกขึ้นดูประตูบ้านก็เห็นว่าถูกใครบางคนล็อคให้เรียบร้อยแล้ว
ปิดไฟชั้นล่าง ก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของบ้าน


เข้ามาในห้องได้ยินเสียงน้ำ สงสัยอาบน้ำอยู่
โหว นึกว่างอน ที่แท้ก็หนีมาอาบน้ำก่อนนี่เอง



เดินไปถอดเสื้อผ้า เพื่อรออาบน้ำก็เหลือบไปเห็นกระดาษคูปองร้องคาราโอเกะที่พี่วิทย์ให้เมื่อหัวค่ำ
หยิบโทรศัพท์กดหาน้องสาวทันที จอปรากฏภาพน้องสาวหัวยุ่งหน้าตาสะลืมสะลือ



“เพ่ดี” ยัยซีรับสาย น้ำเสียงง่วงสุดๆ
“อ้าวเฮ้ย นอนแล้วเหรอ โทษทีๆ” ปกติเห็นนอนกันดึก เลยไม่คิดว่าเวลาประมาณห้าทุ่มกว่าๆ ใกล้เที่ยงคืนอย่างนี้จะนอนแล้ว เจ้าซีส่ายหัวบอกว่าไม่เป็นไร
“ทำรายอ่า”
“เออ ได้บัตรร้องเกะมา ไปกันป่าว” พองี้ละตาใสวิ้งเชียว เจ้าซีหันไปถามหวานที่นอนฟังตาแป๋วอยู่ข้างกันหงุงหงิงก่อนจะตอบ
“ไปๆ พรุ่งนี้เย็นๆ ไหม ไปกินข้าวด้วยเลย ไม่ได้เจอพี่น้ำตั้งหลายวัน” คนโทรมาคือพี่มึงเว้ย ทำไมบอกว่าอยากเจอไอ้พี่น้ำเล่า ทำหน้าบึ้งใส่จนทั้งสองสาวต้องง้อผมเป็นการใหญ่

“โด่ว ไรว้า พูดถึงไม่ได้เลยนะ” เจ้าซีส่ายหัว
“อิอิ ก็พี่น้ำหนีไปนอนกอดแต่พี่ดี พวกหนูก็คิดถึงแย่เลยอะ”
“กอดเกิดไร ไม่มีเถอะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เย็นๆ นะ” ได้ยินเสียงปิดประตูพอดีเลยบอกให้พี่น้ำมาคุยกับน้องก่อนที่ผมจะเข้าไปอาบน้ำ

 
ไอ้พี่น้ำรับโทรศัพท์ไปคุยต่อ ไม่นานก็ได้ยินเสียงหัวเราะทั้งของมันและสองสาวดังลั่น
ผมที่เดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วแต่ยังแอบแง้มประตูไว้เพื่อฟังเสียงก็ดีใจ
อย่างน้อยไอ้พี่น้ำก็หัวเราะได้แล้วล่ะ

 












ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำ พี่น้ำก็นอนหลับไปแล้ว
ปกติมันต้องรอผมสิ ทำไมชิงหลับไปก่อนแบบนี้เล่า
หรือว่า มันจะงอนจริงเนี่ย ?!



 

 
.

.

.







 
ตื่นมาตอนสายๆ ก็พบว่าไอ้พี่น้ำตื่นก่อนแล้ว เดินลงมาข้างล่าง บนโต๊ะทานข้าวมีข้าวต้มกับกับข้าวหลายชนิดยังไม่พอข้างกันก็มีโพสท์อิทเปะไว้ ลายมือคุ้นตาเขียนว่า



‘ซื้อข้าวกลางวันมาเผื่อแล้ว ไปทำธุระ
เดี๋ยวตอนเย็นกลับมารับไปร้องเกะ’




ไม่มีลงท้ายด้วยถ้อยคำเลี่ยนๆ อย่าง ‘กินไม่หมดคนซื้อเสียใจ’ หรือ ’รักของพี่อยู่ในข้าวทุกเม็ด’ อะไรแบบนี้ ไม่มีแม้กระทั่งรูปยิ้ม หรือ ลงชื่อ ‘น้ำดี’ แบบกวนๆ




นี่ตกลงไอ้พี่น้ำงอนผมจริงเด้
เห้ยยยยย แล้วนี่ไปไหนอะ โทรไปก็ไม่รับ



หลังจากโทรหาจนมือหงิก ผมก็นั่งลงกินข้าวต้มกุ้ยที่ทำไว้ให้ จะกินไม่หมดก็กลัวจะมีคดีเพิ่มถึงได้ทนกินผัดผักบุ้งจนหมดจาน ไม่ต้องห่วงหมูทอด หมดก่อนข้าวต้มแล้วครับ นี่เห็นว่าไอ้พี่น้ำทำหรอกนะถึงกินน่ะ ไอ้ผักเขียวๆ ลื่นๆ แบบนี้ไม่เห็นจะอร่อยตรงไหน


ปล่อยตัวเองนั่งอืดดูโทรทัศน์เรื่อยเปื่อย นั่งคิดเอาเองก็แล้ว นอนคิดก็แล้ว จนมุมจริงๆ นั่นแหละถึงยอมโทรหาน้องสาว
แหม ก็ไม่อยากโดนล้ออะ เข้าใจกันหน่อยนะ




 
เหมือนที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด สองสาวรุมซักไซ้ผมละเอียดยิบ จนแทบอยากกลับไปบันทึกวีดีโอหรืออะไรไว้ให้พวกมัน จะได้ไม่ต้องถามมาก พอฟังจบสองสาวก็เงียบไปพักใหญ่จนผมทนไม่ไหวเริ่มหงุดหงิด


“ซี มึงเงียบทำไมนานเนี่ย”
“เออ พี่ดี นี่หวานเอง ซีไปเข้าห้องน้ำค่ะ”
“อ้าว เออโทษทีหวาน พี่นึกว่าซี” ทีเสียงกุกกักจากปลายสาย สายก็ถูกตัดไป อ้าว ไรวะเนี่ย ยังไม่ทันได้โทรกลับ ซีก็คอลมาทางไลน์ซะก่อน
“อยู่ดีๆ ก็ตัดสายทิ้ง เกือบโมโหแล้วไหมล่ะ” รับสายแล้วก็ใส่เลยผม
“ไรอะ แค่แฟนหาย นิดหน่อยทำโมโหนะพี่ดี” ซีแซวยิ้มๆ ดูจากในวีดีโอเห็นว่ามันยืนอยู่ที่ระเบียงหันหลังให้กับประตูห้อง
“แล้วตกลงมึงคิดได้ยังว่าไอ้พี่น้ำมันเป็นไรอะ” เจ้าซีทำหน้าเหนื่อย แล้วถอนหายใจดังๆ ให้ผมได้ยิน
อะไรเล่า ทำแบบนั้นหมายความว่าไงวะ!!


“พี่ดีคิดดูเด้ ไม่เจอหน้าแฟนตั้งหลายวัน เจอกันแฟนก็ดันไม่สนใจซะงั้นอะ เป็นซีก็น้อยใจเหอะ”
“แค่สามวันเอง” อดจะเถียงไม่ได้
“เออกี่วันก็ช่างเหอะ เอาเป็นว่าไม่ได้เจอกันอะ”
“เอ้า ก็มันเหนื่อยจริงๆ นี่หว่า ไม่ได้นอนตั้งสองคืนนะเว้ย” สองคืนที่ว่าคือวันที่ปั่นโปรแกรมที่ส่งนายไปวันพุธและได้คอมเม้นท์มาวันนี้แหละครับ ถึงจะเป็นคืนวันจันทร์และอังคารก็เถอะ วันนี้วันศุกร์ก็นอนไม่พอหรอก


อยู่ๆ เจ้าซีก็ทำหน้านิ่งขึ้นมา
 

“อย่ามาแก้ตัวเลยพี่ดี  ตอนเย็นนี้รีบง้อพี่น้ำด่วนๆ ไม่งั้นทั้งซีกับหวานจะไม่ช่วยพี่ดีแล้ว โอเคมะ!!”

 

เฮ้ยยย ผมว่ามันไม่ใช่ประโยคคำถามแล้ว นี่มันประโยคคำสั่งชัดๆ
เจ้าซีพูดอะไรอีกนิดหน่อย ได้แต่รับคำแล้วก็ตัดสายไป




ง้อไอ้พี่น้ำเนี่ยนะ
ไม่ไหวมั้ง
 



 

.

.

.

.






ตอนเย็นพี่น้ำขับรถมารับมีสองสาวนั่งหน้าสลอนอยู่เบาะหลังเรียบร้อย ตลอดทางมีแต่เสียงคุยหนุงหนิงของสองสาว ทั้งผมและพี่น้ำยังไม่ได้พูดกันเลยแม้แต่คำเดียว



แอบเห็นแหละว่าบางทีมันก็แอบมองผม ทำไมรู้นะเหรอ ผมก็แอบมองมันเหมือนกันไง มันแอบมองมาบ้างก็ยังดี อย่างน้อยเวลาง้อคงไม่เก้อเท่าไหร่มั้ง...คิดว่านะ



อ่า แค่คิดก็ อยากจะ .... เอาเป็นว่า ไม่คิดจะทำให้ใคร ทำให้ไอ้พี่น้ำคนเดียวละกันนะ 
อ้ากกกกก เขินเว้ย




“เออ พี่ดีคะ เข้าห้องเถอะค่ะ” คงเหม่อมากไปหน่อย หวานที่เดินตามมาคว้ามือดึงผมให้เดินเข้าไปในห้องร้องคาราโอเกะ


ได้สติเห็นสภาพห้องแล้วแทบร้อง โอ้โห ผนังห้องทั้งสีด้านบุเบาะเก็บเสียงทำจากหนังสีดำสนิท โซฟาหนังสีดำรูปตัวยูตั้งอยู่กลางห้อง ตรงกลางมีโต๊ะแก้ววางอยู่ ฝั่งตรงข้ามคือจอภาพขนาดใหญ่ เครื่องเสียงแบบเซอร์ราวด์รอบห้อง ขาตั้งไมค์วางอยู่มุมห้อง แทมบูรินวางอยู่บนเคาเตอร์แอบเห็นหูกระต่ายวิบวับด้วยนะเฮ้ย นี่มันไม่ใช่ห้องร้องคาราโอเกะทั่วไปแล้วหรือเปล่า สองสาวเห็นสภาพห้องแล้วก็ดี้ด้า รีบถ่ายรูปกันใหญ่


ไอ้พี่น้ำนั่งลงบนโซฟาตรงกลางตรงโค้งพอดี ผมจึงเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม มันเหลือบมามองนิดหน่อย แต่ก็ก้มหน้าเลือกอาหารและเครื่องดื่มจากบริกรต่อไปอย่างไม่สนใจ


“พี่น้ำ วันนี้มีแอลฯ ป่าวค้าบ” ยัยซีพอเห็นพี่น้ำเลือกเครื่องดื่มก็รีบเข้ามานั่งออดอ้อน
“ไม่ต้องเลยเจ้าซี เป็นเด็กเป็นเล็ก” ผมปรามมัน
“พี่ดีเงียบเลย ซีถามพี่น้ำต่างหากเล่า” ยัยซีเถียงทันควัน
“ซีอย่าว่า พีดี นะ” หวานว่าเพื่อนตัวเองเสียงดัง จนผมเองยังสะดุ้ง
“หวานนนนน” ซีลากเสียงง้อเพื่อนตัวเอง
“ซีขอโทษพี่ดี วันนี้วันเสาร์ให้น้องดื่มหน่อยเหอะน้า นะนะนะ” หวานไม่สนใจ ชี้นิ้วมาที่ผม ยัยซีก็รีบขอโทษพร้อมกับเข้ามาอ้อน คารวะน้องสาวพี่น้ำจริงๆ ที่ทำให้ยัยซีเชื่อฟังได้ขนาดนี้ เหลือบสายตามองพี่น้ำก็เห็นว่ามันมองอยู่
“ไม่เอาเว้ย กินแล้วก็เมาจะกินทำไม”
“เอ้า พี่ดีก็ กินไม่เมาจะกินทำไมเล่า น่านะ ให้น้องกินเหอะ น้องไม่เคยไปกินที่อื่นเลยน้า กินกับพี่ชายสุดหล่อตลอด นะนะ พี่น้ำ พี่ดีนะ” ลำยองจริงน้องกูยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไร บริกรก็บอกว่า
“บัตรที่ลูกค้าใช้สิทธิ์นี้ รับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฟรีหนึ่งขวดครับ” ยัยซีและหวานส่งเสียง เย้ ดังลั่นกลายเป็นว่าทั้งยัยซีและหวานลำยองพอกันซะงั้น






สั่งอาหารเสร็จ พนักงานเข้ามาอธิบายวิธีการกดเพลง แนะนำการใช้งานเรียบร้อยแล้ว ดนตรีเพลงคุ้นหูที่ฮิตกันทั้งเมืองก็ดังขึ้น จนผมที่กำลังกระดกน้ำโค้กถึงกับสำลัก



“แวบเดียวแค่ดู ก็ทำให้รู้ว่าเธอนะโดนหัวใจ
อยากบอกเหลือเกินว่าเธอน่ารักแค่ไหน
จริตมากไปกลัวมันไม่ดีไม่งาม”



ยัยซีกระโดดออกไปยืนตรงที่ว่างหน้าจอภาพ ฉากด้านหลังคือมิวสิควีดีโอเพลงดังกล่าว ยัยหวานไม่รอช้าหลังจากเห็นเพื่อนสาวออกลวดลายนำไปก่อนก็ตามไป



“ก็เลยเก๊กฟอร์ม ทำเป็นอ้อมค้อมทำเป็นว่าดูเฉยเมย
จนเธอมาขอ เบอร์โทรเข้าทางแล้วเอ๋ย
อยากบอกจังเลย ถึงบ้านให้รีบโทรหา”


พอถึงท่อนฮุกสองสาวมองหน้ากัน ยักคิ้วให้พวกผมกวนๆ แล้วก็เต้นตามเพลง เหมือนกับมิวสิควิดีโอด้านหลัง


“เบอร์โทรอื่น จะได้ยินเสียงรอสาย
แบบ แบบ แบบ ว่าให้รอ
แต่เบอร์นี้ จะได้ยินเสียงใจบอกว่า...
ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝาก หัวใจ
ลงทะเบียนฝากไว้ตัวเอากลับไป ใจให้เก็บรักษา
ยอมจำนนเธอแล้ววันนี้แค่แรก เห็นหน้า
ฝากไว้กับฉันนะหัวใจของเธอ แลกเบอร์โทร โอ๊ะ โอ โอย”



จบเพลงสองสาวตบมือไฮไฟว์กันเรียบร้อย ผมที่นั่งมองตาค้างก็ส่งเสียงแซวเป่าปากวี้ดวิ้ว ให้ตายเถอะ ไม่เคยรู้เลยว่าน้องสาวที่นอกจากบ้าเกาหลีและจิ้นวายไปวันๆ แล้ว ไอ้สองคนนี้มันเต้นเก่งด้วยอะ นั่น มองไปทางไอ้พี่น้ำก็เห็นหัวเราะ พูดแซวสองสาวอย่างอารมณ์ดี


ยิ้มกว้างๆ ไว้ล่ะพี่น้ำ

 

 



ยิ่งดึกเพลงเวียนไปจนแทบจะทุกแนว ตั้งแต่เพลงลูกทุ่ง เพลงลูกกรุง เพลงไทยสากล เพลงไทยเดิม เพลงสากล เพลงญี่ปุ่น เพลงเกาหลี ตอนนี้ตีกันในหัวผมจนมึนงงไปหมด สองสาวยังคงเสียงดีไม่มีตก ไม่รู้ว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในตัวมีมากแค่ไหน เมื่อกี้รู้สึกเหมือนเสียงเริ่มอ้อแอ้แล้วสิ


ทั้งผมและพี่น้ำโดนคะยั้นคะยอให้ร้องเพลงตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ ผมเอาแต่ส่ายหน้า ปฏิเสธไม่ว่าสองสาวจะมาไม้ไหนก็ไม่ร้องเลยสักเพลง


ผิดกับไอ้พี่น้ำ พอแอลกอฮอล์เข้าปากจากที่แข็งๆ ไม่ยอมร้องตอนแรกพอเจอลูกอ้อนของสองสาวเข้าไปก็เผลอร้องไปหลายเพลงแล้วน่ะนั่น


ถามถึงเพลงที่พี่น้ำร้องเหรอ เห็นเงียบๆ แบบนั้น เขาโปรเพลงร็อคนะครับ แม่เจ้า แต่ละเพลงนี่ โยกทีหัวแทบหลุด










เมื่อเห็นว่าแต่ละคนเริ่มเหนื่อยอ่อนกันแล้วก็ถึงเวลาพระเอกอย่างผมต้องออกโรงแล้วล่ะครับ เดินไปกระซิบกับยัยซี เจ้าตัวมองผมตาโต ก่อนจะยิ้มกว้าง เดินไปกดเพลงให้อย่างรวดเร็ว

ผมออกไปยืนเก้ๆ กังๆ ตรงพื้นที่ว่างหน้าจอ เหลือบมองสาวสาวเห็นยัยซีซุบซิบกับยัยหวานสองคน เลื่อนสายตาไปมองไอ้พี่น้ำ ที่กำลังมองตรงมาที่ผม


มือที่ถือไมโครโฟนสั่นเล็กน้อย จนต้องใช้สองมือจับ


“..พี่น้ำ .. ดี มีเพลงมาร้องใหม่ฟัง ตั้งใจฟังดีๆ นะ” รู้เลยว่าเขินมาก แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าว เสียงดนตรีค่อยๆ บรรเลงเพลงขึ้นมาอ่อนหวาน




แล้วในห้วงของความคิด ภาพรอบกายเลือนไป ผมรับรู้เพียงเสียงเพลงที่ผมร้อง และดวงตาสีดำสนิทของพี่น้ำที่ผมจ้องมองอย่างแน่วแน่เท่านั้น
 



เพลงประกอบ https://www.youtube.com/watch?v=r7Yl3AxoEYk (https://www.youtube.com/watch?v=r7Yl3AxoEYk)




“ในโลกที่มีความวกวน
ในโลกที่ทุกคนต้องดิ้นรน
ที่สับสน ร้อนรนจนใจ นั้นแสนเหนื่อย
ในโลกที่ความทุกข์ท้อใจ
ได้เดินผ่านเข้ามาเรื่อยๆ
จนบางครั้งไม่รู้จะข้ามไปเช่นไร”




ภาพในอดีตผ่านเข้ามาเพียงแวบเดียวก่อนจะจางหายไป เป็นเพียงความทรงจำอันเลือนราง



“แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ”




เจ้าของรอยยิ้มสว่างไสวดังแสงตะวันเข้ามาในห้วงความคิด แทนที่จะจางหายไปเหมือนความทรงจำอื่นๆ กลับค่อยชัดเจนขึ้น
น้ำเสียงตอนเริ่มร้องเพลงไม่รู้เหมือนกันว่า ไม่มั่นใจ สั่นไหวขนาดไหน แต่ในนาทีนี้ ตอนที่จะร้องท่อนนี้ออกไป ผมมั่นใจเต็มร้อย
 




“ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่...ตรงนี้”





ไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำเมื่อเห็นว่าพี่น้ำยังคงสบตาผม ใต้แสงไฟสลัวเหมือนเห็นมุมปากบางยกยิ้ม





“ในอุปสรรค ที่มากมาย
ในความหวาดหวั่น ที่วุ่นวาย
อนาคต ในปัจจุบัน และอดีต
ในความเจ็บปวดที่ต้องเจอ
ที่ไม่เคยพ้นไปสักที
และยังไม่รู้พรุ่งนี้ต้องเจอกับเรื่องใด”





ภาพในอดีตวนเวียนเข้ามาเรื่อยๆ ราวกับฉายซ้ำ แต่แปลกที่คราวนี้ ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว คงเพราะ…





“ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
แต่ฉันรู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่...ตรงนี้”






โน้ตตัวสุดท้ายค่อยๆ แผ่วลงก่อนจะเงียบหายไป ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ สองสาวนั่งนิ่งไม่กระดุกกระดิก พี่น้ำยังคงมองตรงมาที่ผมโดยไม่กะพริบตา


ผมสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดออกไมโครโฟนไปว่า


“ถึงจะไม่ได้พูดบ่อยๆ แต่ก็อยากให้รู้ว่า รักพี่น้ำนะ เลิกงอนได้แล้ว เข้าใจปะ!”



ดวงตาสีดำสนิทของพี่น้ำเหมือนจะมีน้ำตาคลอ แต่พอผมพูดประโยคสุดท้ายที่ติดมาจากเจ้าซีออกมาเท่านั้นแหละ ขำก๊ากขึ้นมากันทุกคน

โธ่ ก็คนมันอายไง อะไรที่มันบ้าๆ บอๆ ก็หลุดออกมาหมดแหละ

กำลังจะเดินกลับที่นั่งดันถูกดึงไปนั่งตักโดยไม่ทันตั้งตัว


“เฮ้ย!”


“ไหนพูดใหม่ซิ เมื่อกี้ไม่ค่อยได้ยิน” คงเชื่อหรอกครับ พูดออกไมค์ดังไปสามบ้านแปดบ้านขนาดนั้น

“ไม่เอาแล้ว ไม่ได้ยินก็พลาดแล้ว ส.จ เสียใจ”

 
“...รักพี่น้ำนะ...เลิกงอนได้แล้ว เข้าใจปะ” ยัยซีเอาโทรศัพท์มายื่นใกล้ๆ นั่นนี่เองคือเหตุผลที่สองสาวนิ่งเงียบไม่กระดุกกระดิกหลังเพลงจบ


อัดไว้ครบ มีทั้งภาพและเสียงเลย ถถถถถถถถถ


ทั้งสามคนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน จนผมหมั่นไส้หยิกพุงไอ้พี่น้ำไปทีหนึ่งแรงๆ ไอ้พี่น้ำสบตาก็รู้ใจครับ รีบเรียกพนักงานมาเคลียร์บิลทันที ส่งสองสาวที่คอนโดแล้ว ก็ตรงดิ่งกลับบ้าน


 


ตลอดการเดินทางกลับบ้าน พี่น้ำจับมือผมไว้ตลอดเวลา
อุณหภูมิบนแก้มค่อยๆ ร้อนขึ้นจนลามไปทั่วตัว

 

 

 






“อื้อ”




ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง ริมฝีปากก็ถูกจู่โจม อ้าปากจะร้องห้ามคนต้นเหตุดันสอดลิ้นเข้ามาไล่กวาดต้อนลิ้นของผม เกาะเกี่ยวดูดดึงแนบสนิทกว่าครั้งไหนๆ



จนเริ่มหายใจไม่ทันนั่นแหละ คนขี้งอนถึงได้ยอมละจากริมฝีปากมายังพวงแก้ม ไล่เรื่อยขึ้นไปจูบหน้าผาก แตะแต้มรอยจูบบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ลงมายังจมูกและมอบจูบดูดดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า





ร่างกายถูกสองมือเฟ้นฟอนจนร้อนไปหมด ดวงตาสีดำนั้นหวานปานจะหยด ยิ่งมองเหมือนถูกหลอมละลายไปกับความอ่อนหวาน ผมสำลักความสุขครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายส่งมอบความสุขให้กับอีกฝ่ายอย่างเต็มใจ และยินยอมกว่าครั้งไหนๆ



ทุกครั้งที่ผิวกายโดนสัมผัสก็ร้อนวาบพร้อมหลอมละลายเสมอ ผิวเนื้อของตนเองที่มองเห็นจากแสงสลัวนั้นแดงเรื่อ ไม่ต่างจากชายหนุ่มอีกคนเลย ใบหน้าของน้ำเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เขากะพริบตาถี่ๆ เมื่อมันไหลเข้าตา ผมละมือจากการกอดรัดไปซับเหงื่อให้ เราสบตากัน




...นาทีนั้นเหมือนได้ตกหลุมรักอีกครั้ง





ร่างกายขมวดเกรงก่อนที่เราจะสำสักความสุขออกมาพร้อมกัน

 




“ถ้าจะยั่วขนาดนี้ เตรียมลางานเลยเถอะ”
“หะ!! นี่ยังไม่พอหรือไง”





แค่นี้ก็เดินลำบากแล้วนะเฟ้ย




ไอ้พี่น้ำยกยิ้มเจ้าเล่ห์
ยิ้มอย่างนี้ก็รู้ชะตากรรมแล้วล่ะครับ







ลางานแน่ๆ

 
 







 



“รักเท่าไรก็ยัง...ไม่พอ”




 
อื้อหือ ไม่ต้องตอบมาเป็นเพลงแบบนั้นก็ด้ายยยยยย
แค่นี้ก็ยอมจนไม่รู้จะยอมยังไงแล้วเนี่ยยยยย





Fin

-------------------------------------------------------------
[11/12/58]
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบบริบูรณ์

ตอนสุดท้ายแล้ว ตอนแรกไม่กล้าเอามาลงเพราะกลัวไม่มีคนอ่าน 555
แต่ก็ตัดสินใจลง เพราะเป็นการตอบแทนที่เข้ามาอ่านนิยายจากเล้าเป็ดประจำ
หวังว่าคนอ่านจะมีความสุขอย่างที่เรามีเช่นเดียวกับอ่านนิยายเรื่องอื่นๆ นะคะ
มีนิยายอีกเรื่อง หวังว่าอาทิตย์หน้าจะได้ทยอยลงค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนถึงตรงนี้ค่ะ
:pig4:
Lavender’s blue
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 8 ) - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 11-12-2015 19:38:43
อร๊ายยยเขินแทนน้องดีอะ รับรักพี่เค้าเถอะนะ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 8 ) - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 11-12-2015 21:02:16
 :hao7:

โอ้ยมันฟิน

ดีกับพี่น้ำนี่น่ารักมากกกกกกกกก แถมตอนดีง้อนี่ค่อดๆน่ารักเลย มาให้ป้ากอดที  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 8 ) - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 12-12-2015 13:21:08
เพิ่งได้มีโอกาสอ่านเรื่อง อ่านยิงยาวทีเดียวทุกตอนเลยค่า บอกเลยว่าดีมาก สนุกมาก หยุดไม่ได้ วางไม่ลงเลยค่ะ >//<
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 8 ) - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 12-12-2015 18:40:32
บอกได้คำเดียวว่าละมุนอ่าาา เขินพี่น้ำตอนจีบดีอร๊ายๆๆๆๆๆๆ :กอด1: :กอด1: อ่านแล้วสนุกจนหยุดไม่อยู่อยากให้มีตอนพิเศษอีกเยอะๆเลย น่าร๊ากกกกกกก..ฟินตัวแตก :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 8 ) - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-12-2015 19:04:54
อือฮือ ยาวๆเลย มีความสุข~~~
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 8 ) - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-12-2015 23:36:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 8 ) - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Shower ที่ 13-12-2015 02:28:34
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้วค่ะ (ตอนพิเศษ 8 ) - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 13-12-2015 15:40:56
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 14-12-2015 21:45:07
อ่านแล้วนารัก
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 14-12-2015 22:45:59
ขอบคุณนะค่ะ เป็นนิยายที่น่ารักมากๆเลยค่ะ  ^^
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 17-12-2015 17:01:25
ละมุนละไมมากค่ะ อบอุ่นมากเรื่องนี้
อ่านรวดเดียวจบเลยยยยย

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 17-12-2015 20:20:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 19-12-2015 00:00:58
ตอนพิเศษน่าร้ากกกกก
จะมีอีกมั้ยอ่ะ ฮืออ
อ่านไปยิ้มไป น้องดี เอะอะแก้มร้อนตลอดเลย พี่น้ำก็ขยันทำมากๆ
แอร๊ยยยย ความสุขของชะนี คือการได้เห็นผู้ดีดีรักกัน
><
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 19-12-2015 02:50:23
 :pig4: น่ารักมากๆ เลย ชอบน้ำดี
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 20-12-2015 11:28:44
 :กอด1:  ขอบคุณสำหรับนิยายดีดี ที่ลงให้อ่านค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 21-12-2015 23:51:16
หวานมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: fernfabled ที่ 26-12-2015 02:55:24
หนูดีน่ารักกกกกกกก
พี่น้ำนี่โครตดีจริงๆ
ส่วน2สาวนี่ชอบบบบ ชงตลอด 55
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
 :-[
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 31-01-2016 08:51:34

เป็นความรักที่ค่อยๆเรียนรู้กัน..น้องดีจอมซึนของพี่น้ำ..น่ารักมากมาย
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: packy ที่ 06-02-2016 09:25:17
โอ้ยยย ฉันพลาดเรื่องนี้ไปได้ไง
มันน่ารักมากกก
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 02-03-2016 23:40:26
พี่น้ำน่ารักมากมาย แต่น้องดีท่าเยอะไปนิดนะ น่ารักดีเรื่องนี้

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ปล. อยากให้มีตอนพิเศษที่เล่าถึงอดีตที่โหดร้ายของดีว่ามันเป็นอย่างไร ที่เล่ามาในเรื่องมันยังไม่ได้ลงลายระเอียดนัก อ่านแล้วมันยังติดใจอยู่
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 04-03-2016 00:02:29
ในที่สุดดีก็มีความสุขจริงๆสักที พี่น้ำเป็นคนอบอุ่นมากค่ะ น่ารักมากมายทุกคนเลย
ขอบคุณคนแต่งมากค่าสำหรับนิยายน่ารักๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 21-08-2016 09:47:52
อ่านไปได้ครึ่งเรื่องก็ตะหงิดๆว่าคู่น้องสาว หวาน-ซี นี่ยูริใช่มั้ยๆๆๆๆ ดีใจที่เฉลยในตอนพิเศษว่าไม่ได้คิดไปเอง 555  :-[

ตอนที่รู้อาการของน้องดี แอบแปลกใจเล็กน้อย ดูน้องสู้ชีวิตเลยคาดไม่ถึง โลกนี้ช่างโหดร้าย ในเมื่อหวังให้ทุกคนคิดดีทำดีไม่ได้ ก็ต้องฝึกทำใจให้นิ่งและปล่อยวางแทน จะทุกข์น้อยลงและสุขมากขึ้นนะน้องดี  :L2:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 07-09-2016 15:16:52
สนุก น่ารักดีครับ มีหน่วง ๆ บ้างนิดหน่อย

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: miewzalovemiewlovemiew ที่ 23-12-2016 20:49:34
 :mew1: :mew1:สนุกมากกก
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-12-2016 00:10:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 11-12-2017 04:57:33
น่ารักจริง
เนื้อหาละมุนมาก ไร้ดราม่าตั้งแต่ต้นจนจบ

ชอบค่ะ อ่านแล้วสบายใจแบบเรื่อย ๆ
หัวข้อ: Re: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 18-02-2018 13:03:57
เรื่องนี้น่ารักมาก
มีความละมุนละไมในเรื่องสูงมาก
สนุกดีค่า ค่อยเป็นค่อยไป
แต่พี่น้ำรวบรัดมาก
พาไปหาหลวงพ่อ ทานข้าวกับแม่
นี่คือค่อยเป็นค่อยไป? 5555
ชอบที่สอดแทรก ผลกระทบสังคมเข้ามาด้วย
เรื่อง hate speech นี่เป็นเรื่องสำคัญมากๆเลย
แต่ก็ถูกละเลยจากสังคมเสมอ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้มาลงนะคะ
รออ่านเรื่องหน้านะคะ