พิมพ์หน้านี้ - ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Dearbliss ที่ 15-06-2018 23:06:23

หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 15-06-2018 23:06:23
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

ควันหลงในเดือนหนาว

twitter : @Dearblisss
Fanpage : https://www.facebook.com/Dearblisss/



สารบัญ


 บทนำ : เจ้าชายกับเสือ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3847013#msg3847013)
 บทที่ 1 : เหมันต์อันหนาวเหน็บ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3848799#msg3848799)
 บทที่ 2 : ข้าวเหนียวหมูปิ้ง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3851660#msg3851660)
 บทที่ 3 : F4 แห่ง MD (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3861982#msg3861982)
 บทที่ 4 : กฎของการเป็นเพื่อนสนิท (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3873725#msg3873725)
 บทที่ 5 : เรื่องที่พยายามลืม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3875013#msg3875013)
 บทที่ 6 : เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3876574#msg3876574)
 บทที่ 7 : ดูแล (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3878055#msg3878055)
 บทที่ 8 : ข้อตกลงระหว่างสองเรา (part 1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3879997#msg3879997)  (part 2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3881528#msg3881528)
 บทที่ 9 : สถานะที่ชัดเจน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3884015#msg3884015)
 บทที่ 10 : โกรธกันแล้วมีความสุขไหม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3885666#msg3885666)
 บทที่ 11 : ขอโทษ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3887407#msg3887407)
 บทที่ 12 : ที่ปรึกษา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3889801#msg3889801)
 บทที่ 13 : MY DRAGON (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3898477#msg3898477)
 บทที่ 14 : จุดเปลี่ยน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3902824#msg3902824)
 บทที่ 15 : ทำไมต้องเป็นมัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3907941#msg3907941)
 บทที่ 16 : ผิดแผน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3912945#msg3912945)
 บทที่ 17 : เดทแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3924415#msg3924415)
 บทที่ 18 : ความในใจจากเพื่อนสนิท (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3927822#msg3927822)
 บทที่ 19 : ของขวัญวันเกิด (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3932517#msg3932517)



นิยายเรื่องอื่นของ dearbliss
 ม่านหมอกสีฟ้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66099)
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทนำ - เจ้าชายกับเสือ [15.06.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 15-06-2018 23:12:45
บทนำ
เจ้าชายกับเสือ


“พี่ควันคะ! ตกลงว่าจะเอายังไงคะ ลิลลี่จะไม่ทนแล้วนะคะพี่ควัน!!”

“ไม่ทนก็ไม่ต้องทนสิ ใครกอดขาแกไว้ล่ะ”

“กรี๊ดดดดด ฉันคบกับพี่ควันมาหกเดือนแล้ว แกนั้นแหละมาจากไหน”

“เหอะ! จะมาก่อนมาหลัง แต่ถ้าควันเลือกฉันแล้ว แกก็เตรียมตัวตกกระป๋องได้เลย...ใช่มั้ยคะควัน”

สองสาวกับหนึ่งหนุ่มที่กำลังยืนเถียงกันอยู่หน้าอาคารเรียนในช่วงพักกลางวันเรียกสายตาของนักเรียนในโรงเรียนให้หันมามองได้ไม่ยาก...เจนนี่ ดาวโรงเรียนที่เด็กหนุ่มทั้งโรงเรียนกำลังหมายปอง และลิลลี่...เน็ตไอดอลที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์แถมมีแฟนคลับในโรงเรียนอีกเพียบ...และสุดท้าย ชายหนุ่มที่มีสีหน้าเบื่อหน่ายอยู่ตรงกลาง หนึ่งในฝาแฝดที่ฮอตที่สุดของโรงเรียนแห่งนี้ เจ้าของใบหน้าคมคายและมีดวงตาคมเฉี่ยวพร้อมรอยแผลเป็นเล็กๆ บนใบหน้าอันเป็นเอกลักษณ์

“เฮ้อออออ เอาเถอะ เป่ายิ้งฉุบกันเลยแล้วกัน ใครชนะก็เลือกคนนั้นแหละ ขอตัวก่อนแล้วกันนะ”

เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังพรูลมหายใจออกมา เขาเจอกับเหตุการณ์รถไฟชนกันมาอย่างนี้มาจนนับไม่ถ้วน ชินเสียแล้วกับการที่ผู้หญิงสองคน(หรือมากกว่าสองคน) มายืนเถียงกันต่อหน้าอย่างนี้...จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็คนมันหล่อเกินไปอ่ะ

“ควัน!! จะไปไหนคะ ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ”

“เคลียร์กันเลย ผมไปนอนก่อนล่ะ ง่วง”

แผ่นหลังกว้างในชุดนักเรียนไม่แม้แต่จะหันกลับมาทั้งเจนนี่และลิลลี่เลย โบกมืออย่างขอไปทีแล้วเดินหายวับขึ้นอาคารเรียนไปเรียบร้อย เจนนี่กับลิลลี่จึงได้แต่มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะจัดการสถานการณ์ต่อไปอย่างไร จู่ๆ ควันมาเทกันกลางอากาศแบบนี้ สองสาวสุดป๊อบก็ต้องเกิดอาการหน้าแห้งขึ้นมาบ้าง ยิ่งนักเรียนคนอื่นที่แอบมองเหตุการณ์นี้แอบยิ้มขำที่ควันไม่สนใจพวกเธอแล้วยิ่งรู้สึกเสียหน้ามากกว่าเดิมอีก

แต่แล้วคนที่เดินขึ้นอาคารเรียนไปก็เดินกลับลงมา ทั้งลิลลี่และเจนนี่เบิกตาโพลงก่อนจะรีบสับเท้าไปเกาะแขนคนละข้างเพื่อเปิดศึกแย่งชิงชายกันต่อ

“ควันคะ เจนนี่ไม่มาเป่ายิ้งฉุบบ้าบอคอแตกนั้นหรอกนะคะ เคลียร์กันให้รู้เรื่องเลยว่าจะเลือกใคร”

“ใช่ค่ะ ลิลลี่ก็ไม่สนุกนะคะ พี่ควันจะเลือกลิลลี่ใช่มั้ย”

สองสาวต่างยื้อแย่งแขนของชายหนุ่มกันคนละข้างโดยที่ไม่มองหน้าของชายหนุ่มเลยสักนิด ดวงตาของหญิงสาวทั้งสองนั้นแทบจะฟาดฟันกันจนจะเกิดกระแสไฟฟ้าออกมาจากดวงตาอยู่แล้ว นั้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในวงล้อมของหญิงสาวสวยได้แต่ขมวดคิ้วแล้วค่อยๆ ดึงแขนตัวเองออกอย่างนิ่มนวล

“อะไรกันครับ ผมชื่อหมอก ไม่ได้ชื่อควัน ผิดคนแล้วครับ...ถ้าจะไปหาไอ้ควัน ตอนนี้มันหลับอยู่บนห้องเรียน ไปเคลียร์เองเลยนะ ผมขอตัวก่อน”

เจนนี่และลิลลี่ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อมองหน้าของชายหนุ่มที่กอดแขนเอาไว้ และก็ได้รู้ว่าหลงแฝดก็ตอนที่เห็นรอยยิ้มละมุนของหมอกก่อนจะขอตัวออกไปอย่างหล่อๆ นั้นแหละ

หมอกและควันคือฝาแฝดสุดฮอตของโรงเรียนก็จริง แต่ความแตกต่างของฝาแฝดคู่นี้ก็คงจะอยู่ที่นิสัยของพวกเขาที่เห็นได้อย่างชัดเจน...

หมอก...คนที่เงียบ และมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องสมุดของโรงเรียนหรือไม่ก็สนามบาสเกตบอล คนที่สนใจเพียงแค่กีฬาบาสเกตบอล และไม่เคยสนใจในเรื่องของความรักเลยแม้แต่สักนิด หมอกคือเจ้าของรอยยิ้มอบอุ่น ยิ้มที่ดูเหมือนเฉิดฉายราวกับพระอาทิตย์ยามเช้า อีกทั้งรูปร่างสูงสง่าพร้อมด้วยบุคลิกท่าทางที่สงบเสงี่ยมดูราวกับวจับต้องไม่ได้ นั้นทำให้ทุกคนในโรงเรียนมีโค้ดลับเรียกหมอกว่า ‘เจ้าชาย’

ต่างจาก ควัน ที่รักสนุก ชอบสังสรรค์ และสามารถใช้ใบหน้าและเสน่ห์อันเหลือล้นของตัวเองได้อย่างคุ้มค่า ไม่มีหญิงสาวคนไหนที่สวยและดังที่ไม่เคยผ่านมือของควัน ตั้งแต่ดาวโรงเรียนยันดาวมหาลัยลามไปถึงเน็ตไอดอล หรือแม้แต่ดาราวัยรุ่น เขาก็ควงมาหมดแล้ว พอเบื่อก็แค่โยนทิ้ง โดนด่านิดๆ หน่อยๆ ผ่านไปไม่ถึงสามวันก็ได้คนควงใหม่เรียบร้อย ด้วยกิตติศัพท์ที่ดังไปไกลนี้ก็ทำให้ควันได้รับฉายาจากทุกคนในโรงเรียนเช่นกัน ฉายาที่ว่านั้นก็คือ ‘เสือ’...เสือผู้หญิงนั้นแหละ


-------------------------------------
ฝากควันและไอติมไว้ในอ้อมอกของทุกๆคนด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทนำ - เจ้าชายกับเสือ [15.06.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-06-2018 04:32:20
ติดตามจ้า   :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทนำ - เจ้าชายกับเสือ [15.06.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 18-06-2018 10:40:58
 :pig2:
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 1 - เหมันต์อันหนาวเหน็บ [19.06.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 19-06-2018 20:34:02
บทที่ 1
เหมันต์อันหนาวเหน็บ

เหมันต-, เหมันต์ (เหมันตะ-) น. - ฤดูหนาว

ในวันที่เด็กชายเหมันต์ลืมตาขึ้นมาดูโลก...วันนั้นเป็นวันที่หนาวที่สุดในปีนั้นเลยก็ว่าได้ คุณพ่อจึงตั้งชื่อให้ลูกชายคนเล็กของบ้านว่าเด็กชายเหมันต์ซึ่งหมายความว่าฤดูหนาว ส่วนชื่อเล่นนั้นเพื่อให้คล้องจองกับลูกชายคนโตซึ่งชื่อว่าไอซ์ คุณพ่อจึงตั้งชื่อให้ว่าน้องไอติม

ไอติมเป็นลูกคนเล็กที่ทั้งบ้านนั้นรักและเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน ตั้งแต่จำความได้ไอติมก็แทบจะมีทุกสิ่งทุกอย่างมากองอยู่ตรงหน้า เพียงแค่เอ่ยปากว่าอยากได้อะไร ทุกคนในบ้านก็พร้อมที่จะสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้...แต่สิ่งหนึ่งที่ไอติมไม่เคยได้รับจากในคนบ้านเลยก็คงจะเป็นอบอุ่น...

คุณพ่อของไอติมนั้นเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่งานยุ่งจนแทบจะไม่เคยเห็นหน้า คุณแม่ที่ลาออกจากการเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐมาเปิดคลินิกเสริมความงามเป็นของตัวเองก็ไม่ค่อยมีเวลาให้กับเขาเท่าไรนัก ส่วนพี่ชายอย่างพี่ไอซ์ที่พึ่งรับปริญญาไปหมาดๆ เมื่อปีที่แล้วก็กำลังเป็นแพทย์ใช้ทุนอยู่ที่ต่างจังหวัด ทุกคนรอบตัวเขานั้นเป็นแพทย์กันหมด และแน่นอนว่าไอติมก็ต้องเดินตามเส้นทางที่บ้านกำหนดไว้แล้ว ซึ่งก็คือ...

แพทย์

ชีวิตทุกวันของไอติมตั้งแต่ขึ้นมัธยมมาจึงมีแต่หนังสือ หนังสือ และหนังสือ ไอติมโดนกดดันจากสังคมที่อยู่โดยไม่รู้ตัวว่าเขาต้องประกอบอาชีพเพียงแค่แพทย์เท่านั้น หลายครั้งที่คุณครูในห้องเรียนมักจะถามคำถามว่า ‘อาชีพที่ใฝ่ฝัน’ คืออะไร...ไอติมไม่สามารถตอบได้เลยว่าเขาอยากจะเป็นอะไร เขาจึงต้องตอบคำถามพอให้ผ่านๆ ไปได้แค่คำว่าแพทย์เท่านั้น

การเรียนของไอติมถือว่าเป็นที่น่าพอใจของบ้าน เรียกได้ว่าเชื้อไม่ทิ้งแถวก็ว่าได้ ไอติมไม่เคยตกจากท็อปสามของโรงเรียนเลยสักครั้ง แต่พอขึ้นมัธยมปลายมาและย้ายไปโรงเรียนสหศึกษาที่มีแต่หัวกะทิของประเทศ จากท็อปสามก็ตกมาท็อปห้า เมื่อเกรดเฉลี่ยในระดับชั้นมัธยมสี่ออกมาแล้ว ทั้งพ่อและแม่ต่างก็เป็นกังวลกับผลการเรียนของไอติม และครั้งนั้นไอติมรู้สึกแย่มากจนแอบนอนร้องไห้อยู่ในห้องตัวเองถึงสามคืน...รู้สึกแย่ที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง...รู้สึกแย่ที่ไม่ได้ที่หนึ่งเหมือนพี่ไอซ์...รู้สึกแย่ที่ต้องพยายามปีนขึ้นไปบนยอดเขาที่พ่อแม่หวังเอาไว้เพียงลำพัง

ไอติมในตอนนี้ราวกับเด็กหลงทาง ท่ามกลางกองหนังสือในห้องนอน เขาเหมือนอยู่ในห้องที่หนาวชืดเหมือนกับชื่อของเขา ไร้อ้อมกอดอบอุ่นของพ่อแม่ ไร้คำปลอบโยน ไร้คำให้กำลังใจและบอกให้สู้ใหม่อีกครั้ง ไม่มีเลยสักครั้งที่ไอติมจะได้รับมันมา...นาทีนั้นไอติมคิดถึงพี่ไอซ์จับใจจนอยากจะเอาเงินเก็บที่มีทั้งหมดไปซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อไปหาพี่ไอซ์ซึ่งอยู่ไกลถึงจังหวัดเชียงราย

แต่ไอติมก็ทำไม่ได้จึงได้แต่นอนกอดตัวเองอยู่ในความมืดจนเผลอหลับไปพร้อมกับหนังสือชีววิทยาซึ่งยังวางอยู่ข้างตัวเหมือนดั่งทุกๆ วันที่ผ่านมา...



.



เช้าวันหนึ่งหลังจากปิดเทอมมาได้สักพัก ไอติมตื่นสายนิดหน่อยเพราะเมื่อคืนนั่งทำโจทย์แคลคูลัสจนเพลิน พอเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ปลายเท้าก็หยุดชะงักเมื่อเห็นชายแปลกหน้านั่งอยู่ที่โซฟาด้วยท่าทางเรียบร้อย ดูแล้วคงจะเป็นรุ่นพี่ของเขาไม่กี่ปีและคงจะเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษาแล้วเพราะทรงผมที่มันยาวเกินกว่าจะเป็นนักเรียนได้นั้นแหละ ไอติมถึงได้เดาอย่างนั้น

“ตื่นแล้วเหรอไอติม วันนี้ตื่นสายนะลูก”

เสียงของแม่ดังขึ้นที่ด้านหลังไอติมจึงหันไปมอง เมื่อเห็นว่าแม่เดินถือแก้วน้ำมาให้แขกปริศนาแล้วไอติมจึงเดินตามแม่ไปด้วย

“ขอโทษครับ พอดีเมื่อคืนทำโจทย์เพลินไปหน่อย เลยหลับซะดึกเชียว”

“อ่านหนังสือเยอะๆ น่ะดีแล้วจ๊ะ...ปิดเทอมอย่างนี้ก็อย่างทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์นะจ๊ะ”

“ครับ...แล้วนี่...” ไอติมรับคำของแม่ แล้วสายตาก็หันไปมองชายปริศนาซึ่งกำลังนั่งฟังบทสนทนาของเขากับแม่อีกครั้ง คุณแม่คนสวยซึ่งพึ่งนึกได้ว่าไม่ได้มีแค่เธอกับลูกอยู่ด้วยกันสองคนจึงรีบแนะนำชายปริศนาให้ลูกชายได้รู้จัก

“พี่เขาชื่อพี่กรจ๊ะ พึ่งสอบติดคณะแพทย์ฯ มหาลัย T...แม่ให้พี่ไอซ์ติดต่อให้น่ะ พี่เขาจะมาเป็นติวเตอร์ให้หนูตลอดปิดเทอมนี้...ถ้าลูกชอบแม่ก็จะจ้างพี่เขาให้สอนตลอดเลยก็ได้ พี่เขาโอเค”

ไอติมมองติวเตอร์ของตัวเองอย่างคาดไม่ถึง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาอ่านหนังสือและศึกษาด้วยตัวเองมาตลอด แต่เพราะการเรียนของเขาตกลงมาถึงท็อปห้าแม่ถึงกับต้องจ้างติวเตอร์มาให้เลยอย่างนั้นเหรอ

“ยังไงก็ลองคุยกันแล้วกันนะ เดี๋ยวแม่ต้องไปคลินิกแล้วนะลูก”

“ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ”

ไอติมกอดลาแม่ที่เดินออกไปแล้ว ทั้งบ้านจึงเหลือเพียงแค่ไอติมและกร ด้วยความที่พึ่งรู้จักติวเตอร์ส่วนตัวไม่ถึงสิบนาทีจึงทำให้ไอติมวางตัวไม่ถูกนัก ดวงตาเรียวนั้นหลุกหลิก และมือทั้งสองข้างเผลอบีบกันอย่างประหม่า

“เออ...พี่มีเรียนรึเปล่าครับ ถ้ามีก็ไปเรียนได้นะครับ”

“วันนี้วันเสาร์ครับ...แล้วตอนนี้พี่ก็ว่างมากด้วย เลยมาสอนพิเศษไง”  คำตอบของติวเตอร์ทำให้ไอติมถึงกับอึ้งกิมกี่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้งๆ ให้แทน

“งั้นพี่จะติวอะไรให้ผมเหรอ”

“ทุกวิชาที่น้องไม่เข้าใจ ถ้าสงสัยอะไรก็ถามพี่ได้ แต่พี่จะปูพื้นฐานวิชาต่างๆ และจะช่วยเก็งข้อสอบเข้าคณะแพทย์ฯ ให้”

“เอางั้นก็ได้ครับ เอาตามที่พี่ว่าดีนั้นแหละ”

ไอติมเออออไปตามคำของติวเตอร์ส่วนตัว ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัวแล้วเอ่ยปากชวนรุ่นพี่ด้วย

“ผมหิวข้าวแล้วอ่ะ พี่กรมาทานข้าวในครัวด้วยกันมั้ยครับ”

“ไม่ล่ะครับ พี่ทานมาจากบ้านแล้ว”

“ถ้างั้นก็รอสักหน่อยแล้วกัน ผมขอตัวไปทานข้าวก่อนนะแล้วค่อยเริ่มติว”



.



ตั้งแต่วันนั้นที่ไอติมได้รู้จักกับกร ไอติมก็ได้รู้จักถึงคำว่าเฝ้ารอเสียที...นอกจากการเฝ้ารอให้พี่ไอซ์กลับมาที่บ้านแล้ว พี่กรคงเป็นอีกคนที่ทำให้ไอติมเฝ้ารอให้มาสอนหนังสือเขามากที่สุด นอกจากการสอนหนังสือของพี่กรที่ค่อยเป็นค่อยไป และมักจะเอาโจทย์ต่างๆ มาให้ไอติมได้ฝึกและลับสมองแล้ว พี่กรยังมักจะพาไอติมออกไปเที่ยว ออกไปกินขนมอร่อยๆ เมื่อไอติมทำโจทย์ปัญหาได้ถูกทุกข้ออีกด้วย

“ทำเสร็จแล้ววววว ตรวจเร็วพี่กร ถ้าถูกหมดวันนี้เลี้ยงพิซซ่าผมด้วย”

ไอติมยื่นแผ่นกระดาษที่มีข้อสอบฟิสิกส์ซึ่งแสดงวิธีทำพร้อมคำตอบให้ติวเตอร์ได้ตรวจ กรซึ่งกำลังนั่งทบทวนวิชาเรียนของตัวเองจึงเงยหน้าขึ้นจากตำราเรียนแล้วรับกระดาษของนักเรียนตัวป่วนมาดู

“ตรวจเร็ว หิวแล้วววว”

“ตัวเล็กๆ นี่หิวบ่อยจริง แต่ทำไมกินเท่าไรก็ไม่อ้วนเลยหืมเด็กน้อย”

กรมองนักเรียนตัวเองที่เกาะแขนอย่างเอ็นดู อดจะแซวไม่ได้เพราะไอติมกินเก่งจริงๆ กินเก่งจนเขาต้องยอม แต่ถึงจะกินเก่งขนาดนั้นก็ไม่เห็นจะอ้วนเลยสักนิด นอกจากแก้มที่ย้วยหน่อยๆ เห็นแล้วน่าหยิกเป็นบ้า

“ไม่อ้วนง่ายๆ หรอก ผมกินพิซซ่าคนเดียวสามถาดก็ไม่อ้วน เชื่อสิ”

ไอติมยักคิ้วอย่างมั่นใจ จนกรหลุดหัวเราะขำกับท่าทางนั้น แล้วจึงหันมาดูกระดาษคำตอบของไอติม หยิบปากกาแดงขึ้นมาตรวจข้อสอบแต่ละข้ออย่างตั้งใจ โดยมีนักเรียนดีเด่นนั่งลุ้นคำตอบอยู่ข้างๆ เพราะกลัวว่าจะไม่ได้กินพิซซ่าน่ะสิ

“เย้! ถูกทุกข้อเลย โอ๊ยยย หิวทันที อยากกินฮาวายเอี้ยน”

ดวงตากลมส่องประกายอย่างสดใส แสร้งกุมท้องเหมือนว่าหิวหนักหนาแล้วรีบเก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนให้เข้าที่ จัดการเก็บกระเป๋าของพี่กรอย่างรวดเร็วจนรุ่นพี่ได้แต่นั่งนิ่งๆ ให้นักเรียนตัวป่วนจัดการทุกอย่าง

“เก็บของเสร็จแล้ว ไปกินพิซซ่ากันเถอะครับ”


.


เวลาผ่านไปนานวันเข้า จากแค่ติวช่วงปิดเทอมกลายเป็นว่ากรติวให้ไอติมจนกระทั่งไอติมขึ้นม.6 และกรขึ้นปี 2 มาถึงตอนนี้ไอติมพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเขามีเพียงแค่พี่กรเท่านั้น ในทุกๆ วันเขาเห็นพี่กรมากกว่าพ่อและแม่ของตัวเองเสียอีก พี่กรเป็นดั่งความอบอุ่นที่โอบล้อมไอติมในวันที่เงียบเหงา ไอติมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองยิ้มได้กว้างขนาดนี้มาก่อนจนเมื่อได้มาเจอกับพี่กร

“ปีนี้จะสอบแล้วใช่มั้ยเนี่ยตัวเล็ก”

เสียงของติวเตอร์ที่นั่งอ่านหนังสือรอในขณะที่ไอติมกำลังทำโจทย์คณิตศาสตร์ดังขึ้นมา ไอติมจึงวางดินสอในมือแล้วหันไปหาพี่กรที่จิ้มผลไม้ที่ป้าแม่บ้านเอามาให้ขึ้นกิน

“ใช่ครับ...เวลาผ่านไปเร็วดีเนอะ เหมือนพึ่งเจอพี่กรเมื่อวานเอง”

ไอติมพึมพำเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงช่วงปิดเทอมที่ได้เจอกับพี่กรครั้งแรก ไม่คิดเลยว่าเราจะสนิทกันขนาดนี้ สนิทกันจนไอติมยกให้พี่กรเปรียบเสมือนพี่ชายอีกคนหนึ่ง...และนอกจากความรักแบบพี่ชายและน้องชายที่ไอติมมีต่อพี่กรแล้ว เขายังมีอีกความรู้สึกหนึ่งที่เก็บซ่อนเอาไว้ในใจมาตลอด โดยที่กรไม่มีทางรู้เลย

“ข้อสอบที่พี่เอามาให้ทำก็ทำถูกทุกข้อขนาดนี้ ยังไงก็สอบติดอยู่แล้ว เชื่อพี่เถอะ”

“แล้วถ้าผมสอบติดมอเดียวกับพี่ พี่จะให้อะไรเป็นรางวัลผมอ่ะ”

ไอติมถามขึ้นเล่นๆ ไม่ได้หวังอะไรมากเพราะทุกวันนี้พี่กรก็ตามใจเขามากพอๆ กับพ่อแม่เขาอยู่แล้ว

“อยากได้อะไรล่ะ ถ้าเป็นไอติมพี่ก็ให้ได้หมดนั้นแหละ”
 
คำพูดของกรทำเอามือที่กำลังหยิบดินสอขึ้นมาทำโจทย์ต่อถึงกับชะงัก ไอติมแอบหันไปมองกรที่ยังคงมองมาที่เขาแล้วก็ยักคิ้วให้ทีหนึ่ง ไอติมจึงควานหาเสียงของตัวเองก่อนจะรีบตอบกร

“สัญญาแล้วนะว่าจะให้ทุกอย่าง”

“อืม”

“ถ้าถึงวันที่ประกาศผลแล้วพี่กรอย่าลืมสัญญานะว่าจะให้ทุกอย่าง”

“ไม่ลืมหรอกหน่าเด็กน้อย ตั้งใจอ่านหนังสือก็แล้วกัน พี่เป็นกำลังใจให้”


.


ไอติมไม่เคยลืมสัญญาในวันนั้น หลังจากนั้นเขายิ่งมีไฟในการอ่านหนังสือมากยิ่งขึ้น อย่างน้อยการเข้าไปเรียนในคณะแพทยศาสตร์ตามความต้องการของพ่อแม่ยังคงมีอะไรดีๆ รออยู่...อย่างน้อยที่นั่นก็ยังมีพี่กรรอเขาอยู่

วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งเมื่อวันที่ประกาศผลมาถึง ไอติมแทบจะนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ในหัวนั้นคิดฟุ้งซ่านเต็มไปหมด ใจหนึ่งก็กลัวว่าจะสอบไม่ติด อีกใจก็กลัวว่าถ้าสอบติดขึ้นมาแล้วทวงสัญญาจากพี่กรจริงๆ พี่กรจะให้ทุกอย่างเหมือนที่พี่กรสัญญาไว้รึเปล่า...

และในที่สุด เวลาที่รอคอยก็มาถึง เสียงเพื่อนๆ ร้องดังขึ้นอย่างลนลาน พร้อมกับการหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเปิดเว็บประกาศผลที่ล่มทันทีที่เปิดเว็บขึ้นมา ไอติมพยายามใจเย็นทั้งๆ ที่มือสั่น ใจเต้นแรงอย่างตื่นเต้นจนต้องเอามือมากุมที่อกไว้ นั่งรีเฟรชเว็บประกาศผลอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเว็บกลับมาสู่สภาพปกติ และเมื่อพิมพ์รหัสของเขาเข้าไป ไอติมก็ต้องยิ้มกว้าง

เลขที่สมัคร 18457
รหัสนักเรียน 00132259
ชื่อ – นามสกุล นายเหมันต์  วัฒนาวุฒศกุล
ผลการคัดเลือก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย T

ความพยายามตลอดหกปีในรั้วมัธยมสุดท้ายมันก็สำเร็จผล ไอติมสามารถสอบเข้าคณะที่หวังได้แล้ว เขารู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอกได้ ไม่เหลือความกดดันใดๆ แล้ว อย่างน้อยเขาก็สามารถสอบติดในคณะเดียวกับครอบครัวได้ นั้นยังไม่ดีใจเท่าเขาจะได้เข้าไปเรียนที่เดียวกันกับพี่กรด้วยซ้ำ

ไอติมกลับมาถึงบ้านและเอาผลการคัดเลือกให้พ่อและแม่ดู จากนั้นก็รีบเฟสไทม์ไปหาพี่ไอซ์อย่างตื่นเต้น พ่อกับแม่แสดงความยินดีกับเขาได้ไม่นาน พ่อก็ต้องรีบไปโรงพยาบาล ส่วนแม่ก็ต้องรีบไปงานเลี้ยงการกุศลที่เพื่อนของแม่จัดขึ้น และสุดท้ายไอติมก็อยู่บ้านคนเดียวอีกครั้ง

เมื่อความเงียบโอบล้อมตัวเขาอีกครั้ง ไอติมที่ไม่เคยชินเสียทีกับความเงียบของบ้านหลังนี้จึงพยายามทำตัวให้สดใส ร่าเริงเอาไว้ วันนี้เขาควรจะมีความสุขให้มากๆ ที่สอบติดอย่างนี้ จะมานั่งเหงาอยู่คนเดียวทำไม คิดได้ดังนั้นก็รีบปาดน้ำตาที่มันไหลลงมาด้วยความน้อยใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

“โทรบอกพี่กรดีกว่า”

พึมพำอยู่คนเดียวในห้องนอนแล้วก็ต่อสายหาคนเพียงคนเดียวที่เป็นทุกๆ อย่างให้กับเขา รอสายอยู่ไม่นานพี่กรก็รับสาย

[ฮัลโหล]

“พี่กรว่างรึเปล่า”

[ยังอ่ะ เดี๋ยวพี่มีเรียนต่อถึงสองทุ่ม ไอติมมีอะไรเหรอ]

“ผมจะบอกข่าวดี”

[หืม? ข่าวดีอะไร]

“ไม่เล่าหรอก เอาเป็นว่าพี่กรเรียนเสร็จแล้วมาหาผมได้รึเปล่า เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังตอนนั้น...ผมจะทวงสัญญาด้วย”

[ทวงสัญญาด้วยเหรอ...พี่พอจะเดาได้ล่ะว่าไอติมจะบอกอะไร แสดงความยินดีไว้รอเลยดีมั้ยนะ] คำตอบของกรทำเอาไอติมอมยิ้มอยู่คนเดียว ไม่ทันบอกก็รู้ซะแล้ว เก่งจริงๆ เลย

“เอาไว้มาแสดงความยินดีต่อหน้าเลยดีกว่า พี่กรจะมาหาผมได้มั้ย รึจะให้ผมไปหาเอง”

[ไม่ต้องมาหรอก มันดึกแล้วจะอันตรายเอา เดี๋ยวพี่ไปหาที่บ้านดีกว่า]

“โอเคครับ แล้วผมจะรอนะ”

ระหว่างรอเวลาที่พี่กรจะมาหา ไอติมก็เริ่มลนลานทำตัวไม่ถูก ทำได้แต่เดินวนไปวนมาทั่วบ้าน และก็เดินไปหน้ากระจก พึมพำประโยคที่ติดอยู่ในใจเขามาเกือบจะสองปีอยู่อย่างนั้น วันนี้เขาจะได้พูดมันออกไปสักที ทั้งๆ ที่กลัวผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ไอติมก็อยากจะลองเสี่ยงดู

กริ๊ง!

จนกระทั่งเวลาเกือบสามทุ่ม เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นทำเอาไอติมแทบสะดุ้ง ปลายเท้ารีบวิ่งไปเปิดประตูบ้านให้พี่กรที่ยืนรออยู่ และเมื่อเปิดประตูออกมาไอติมก็ต้องตกใจกับดอกไม้ช่อโต

“ยินดีด้วยนะกับว่าที่คุณหมอ”

“อะไรกัน ผมยังไม่ได้บอกเลยนะ” ไอติมรับดอกไม้มาถือไว้ แล้วเปิดทางให้พี่กรเดินเข้ามาในบ้าน

“ก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้เป็นวันประกาศผล แล้วไอติมโทรมาทวงสัญญาขนาดนี้ทำไมพี่จะไม่รู้...แล้วนี่ไม่มีใครอยู่บ้านเลยเหรอ” กรถามพลางสอดสายตาไปทั่วบ้าน ดึกขนาดนี้แล้วไอติมอยู่บ้านคนเดียวอีกแล้วงั้นเหรอ

“พ่ออยู่โรงพยาบาล ส่วนแม่ไปออกอีเวนท์น่ะ...ช่างมันเถอะ ผมชินแล้วล่ะ”

ไอติมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ กรจึงรู้เลยว่าคำตอบของไอติมนั้นมันคงจะสวนทางกับความรู้สึกของน้องเหลือเกิน ทันใดนั้นคนเป็นพี่ก็อ้าแขนกว้างจนไอติมได้แต่ทำหน้างงว่ากรกำลังทำอะไรอยู่

“เหงามั้ย”

“...”

“พี่ให้ยืมกอดได้หนึ่งวัน”

รอยยิ้มอบอุ่นของพี่กรนั้นทำให้ไอติมไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกแล้ว ทั้งๆ ที่พยายามเข้มแข็งมาตลอด แต่พี่กรกลับอ่านใจเขาออกหมดว่าตอนนี้ไอติมกำลังรู้สึกยังไง และนั้นก็ไม่ทำให้ไอติมลังเลที่จะวิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของพี่กรเลย

“ผมไม่อยากขี้แงอย่างนี้เลย ฮึก...”

พูดไปก็สะอื้นไปในอ้อมกอดอันอบอุ่นพร้อมกับสัมผัสอ่อนโยนที่ลูบผมของเขาช้าๆ ไอติมปล่อยให้ตัวเองร้องไห้เงียบๆ อยู่ในอ้อมกอดของกรจนกระทั่งอารมณ์กลับมาเป็นปกติ คนตัวเล็กกว่าจึงผละออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกรทั้งๆ ที่ม่านน้ำตายังคงเกาะอยู่รอบเปลือกตา และไม่ทันระวังตัว กรก็ใช้นิ้วมือเกลี่ยขอบตาของไอติมอย่างช้าๆ

“ระบายจนพอใจแล้ว ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ มีพี่อยู่ทั้งคน ถ้าเหงาก็โทรหาพี่ก็ได้”

“ครับ”

“แล้วไหนว่าจะทวงสัญญาไง จะทวงอะไรล่ะหืมเด็กน้อย”

เมื่อกรพูดขึ้นมา ไอติมก็พึ่งนึกได้ว่าเหตุผลที่เรียกให้พี่กรมาในวันนี้มันคืออะไร เด็กน้อยของพี่กรจึงรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นจนกรแปลกใจกับท่าทางนั้น

“พี่กรสัญญาแล้วนะว่าจะให้ทุกอย่าง” ไอติมถามย้ำอีกครั้ง

“อืม ว่ามาสิ”

“ผมชอบพี่”

ไอติมสูดลมหายใจแล้วพูดมันออกไปแล้ว เขารวบรวมความกล้าทั้งชีวิตเพื่อที่จะใช้ในวันนี้จนหมด แต่พี่กรกลับไม่ได้มีท่าทีตกใจเลยแม้แต่นิด   

“ก็แน่นอนอยู่แล้ว พี่เป็นติวเตอร์ที่ดีล่ะสิ”

“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น ผมชอบพี่จริงๆ”

ไอติมย้ำอีกครั้ง ในน้ำเสียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงจังจนกรเงียบลง และมองไอติมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ใจดวงน้อยของไอติมแทบจะหล่นลงไปกองอยู่แทบเท้า แต่เขาก็ยังพยายามพูดความรู้สึกที่มันล้นทะลักอยู่ในใจออกไปให้พี่กรได้รับรู้

“...”

“ผมชอบพี่...ชอบพี่แบบที่คนๆ หนึ่งมีความรู้สึกพิเศษต่ออีกคน พี่เป็นเหมือนโลกทั้งใบของผม พี่เป็นเหมือนที่พักพิง ไม่ใช่แค่ติวเตอร์กับศิษย์...แต่พี่เป็นมากกว่านั้น พี่ผมเลือกมหาวิทยาลัยนี้ก็เพราะพี่คนเดียว พี่เป็นทุกๆ อย่างสำหรับผมเลยนะ พี่รู้รึเปล่า”

“...”

“ถ้าผมจะขอความรักจากพี่ได้มั้ย...รักผมได้มั้ย...เหมือนที่ผมรักพี่”

ไอติมพูดมันออกไปในที่สุด สิ่งที่เก็บไว้ในใจอยู่คนเดียวตลอดมา เขาสบตากับกรที่นิ่งไปแล้วไอติมก็ใจแป้ว ใบหน้าน่ารักนั้นก้มลงเพราะตอนนี้เขากลัวคำตอบของพี่กรเหลือเกิน

“ถ้าไอติมจะขอความรักจากพี่ ยังไงพี่ก็มีให้ไอติมอยู่แล้ว พี่รักไอติมนะ...”

คำตอบของกรทำให้ไอติมใจชื้นขึ้น และก่อนที่ไอติมจะได้เงยหน้าขึ้นมองคนที่เขารักหมดหัวใจ คำพูดต่อมานั้นกลับทำให้ไอติมแทบจะหายใจไม่ออก ราวกับว่าหัวใจของเขาถูกพี่กรกระชากออกมาฉีกทิ้งอย่างไม่ใยดี

“แต่พี่รักไอติมแบบพี่น้อง...ถ้าไอติมจะขอให้พี่รักไอติมเหมือนคนรักพี่คงทำไม่ได้ เพราะพี่มีแฟนอยู่แล้ว ขอโทษด้วยนะที่ทำตามสัญญาของไอติมไม่ได้”

“แต่พี่กรบอกว่า...”

“พี่ให้ได้ทุกอย่าง...แต่ถ้าขอให้พี่รักไอติม พี่ทำไม่ได้จริงๆ”

และวินาทีนั้นไอติมรู้สึกเหมือนเขาถูกพรากความอบอุ่นออกไป และปล่อยให้ไอติมอยู่บนยอดเขาอันหนาวเหน็บเช่นเดิม ไม่มีอีกแล้วความอบอุ่นของเขา...ไม่มีอีกแล้วคนที่เป็นดั่งโลกทั้งใบของเขา...

ไม่เหลือใครเลย...นอกจากตัวเขาเพียงคนเดียว


-------------------------------------

พระเอกเราค่าตัวแพงค่ะ เดี๋ยวค่อยออกโรงตอนหน้านะคะ555555
 
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่1 - เหมันต์อันหนาวเหน็บ [19.06.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: manneewan ที่ 22-06-2018 17:23:24
รออออออออออ
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่2 - ข้าวเหนียวหมูปิ้ง [25.06.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 25-06-2018 20:31:22
บทที่ 2
ข้าวเหนียวหมูปิ้ง


“แน่ใจนะลูกว่าจะอยู่ได้ อยู่ที่บ้านเราก็ดีอยู่แล้ว จะลำบากมาอยู่คนเดียวทำไม”

เสียงทิ้งท้ายของแม่ก่อนที่ประตูห้องพักจะปิดลงทำให้ไอติมชะงักมือที่จับลูกบิดไว้ ก่อนจะยิ้มให้ผู้เป็นแม่อีกครั้ง

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมบอกแล้วไงว่าผมอยู่ได้”

...อยู่บ้านคนเดียวมาก็หลายปีแล้ว ทำไมแค่นี้จะอยู่ไม่ได้ล่ะ...

ไอติมได้แต่คิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ตั้งแต่วันที่เขาตัดสินใจจะย้ายออกจากบ้านมาอยู่หอพักทั้งๆ ที่บ้านของเขาก็ไม่ได้ไกลจากมหาวิทยาลัยสักเท่าไร ถึงแม่จะค้านด้วยความเป็นห่วงแต่ไอติมก็ยังยืนยันว่าจะย้ายออกมาอยู่คนเดียวให้ได้ นั้นก็เพราะว่าไอติมไม่อยากโดนถูกทิ้งอยู่ในบ้านหลังใหญ่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว สุดท้ายพ่อก็ตัดสินใจซื้อคอนโดให้ห้องหนึ่งแทนที่จะไปเช่าหอพักเล็กๆ อยู่เหมือนนักศึกษาทั่วไป

“ถ้างั้นก็ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก ขาดเหลืออะไรก็โทรบอกแม่ เดี๋ยวให้น้าดาวเอามาให้”

“ครับ รักแม่นะครับ”

บอกรักแม่เป็นประจำอย่างที่ทำทุกวันแล้วก็โผเข้ากอดผู้เป็นแม่จนแน่น หลังจากที่ผู้เป็นมารดากลับไปแล้ว ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ แต่ในความเงียบนั้นไอติมกลับหายใจหายคอได้สะดวกมากว่าอยู่ในบ้านหลังใหญ่เพียงคนเดียวเสียอีก

ดวงตากลมๆ มองไปทั่วทั้งห้องที่กว้างพอๆ กับห้องนอนเดิมของเขา จากนั้นไอติมจึงเริ่มจัดของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ตั้งแต่หนังสือเรียน ของใช้ต่างๆ บนโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ในตะกร้าขึ้นแขวนบนราวแขวนผ้า

เมื่อจัดเสื้อผ้าจนมาถึงกองสุดท้ายก็หยิบชุดนักศึกษามาใส่ไม้แขวนเสื้อและกางเกงพร้อมทั้งเตรียมเนคไท และรองเท้าหนังสีดำให้พร้อม...พรุ่งนี้แล้วสินะที่เขาจะได้เป็นนักศึกษาแพทย์เต็มตัว...

แล้วยังเป็นรุ่นน้องของพี่กรอีกด้วย...

คิดไปถึงพี่กรแล้ว ไอติมก็ยังไม่ได้เห็นหน้าพี่กรอีกเลยตั้งแต่วันนั้นที่เอ่ยปากสารภาพความในใจออกไป...พี่กรไม่มาให้ไอติมเห็นหน้าอีกเลย แต่ถึงแม้ไม่ได้เห็นหน้า ไอติมก็ยังคงเห็นพี่กรวนเวียนอยู่ในโลกโซเชี่ยลให้ได้หายคิดถึงบ้าง

พรุ่งนี้จะได้เจอพี่กรมั้ยนะ

ไอติมได้แค่คิดและคาดหวังว่าเขาจะได้เจอกับคนที่ยังอยู่ในหัวใจตลอดเวลา ถึงแม้ว่าพี่กรจะไม่เคยแม้แต่จะคิดมากกว่าพี่น้องกับไอติมเลย แต่อย่างน้อยก็ขอแค่ให้เขาได้ชอบพี่กรต่อไปอย่างนี้ก็ยังดี...

แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกกับเราก็ไม่เป็นไร
อย่างน้อยก็ขอแค่ได้รักต่อไปก็พอแล้ว



.

และในที่สุดวันที่ไอติมจะได้ก้าวสู่โลกใบใหม่ที่มีใครอีกคนอยู่ในนั้นก็มาถึง...ไอติมตื่นเช้ากว่าปกติเพราะนับตั้งแต่วันนี้เขาต้องทำทุกอย่างเองทั้งหมด ไม่มีน้าดาวคอยเตรียมน้ำอุ่นๆ ไว้ให้อาบ ไม่มีป้ามะลิทำกับข้าวอร่อยๆ ไว้ให้ทานในยามเช้า ไม่มีลุงยอดพาไปส่งที่มหาวิทยาลัยเหมือนกับที่ไปส่งที่โรงเรียนอีกแล้ว

ไอติมยืนส่องกระจกอยู่ในชุดนักศึกษาสีขาวแล้วผูกเนคไทอย่างทุลักทุเล เปิดกูเกิ้ลดูก็แล้ว เปิดคลิปดูในยูทูปก็แล้ว แต่ไอติมก็ไม่สามารถผูกเนคไทให้สวยได้เลย สุดท้ายก็ยอมแพ้แล้วยัดเนคไทใส่กระเป๋าแล้วรีบปิดห้องเพื่อไปมหาวิทยาลัย

ไอติมเลือกที่จะเมินเจ้าแอคคอร์ดสีขาวที่แม่ซื้อมาให้ใช้ขับไปมหาวิทยาลัย แล้วเดินไปซื้อหมูปิ้งกับข้าวเหนียวที่ข้างคอนโดมายี่สิบบาท จากนั้นก็เดินไปยืนรอที่ป้ายรถเมล์ซึ่งมีนักศึกษาหลายคนกำลังยืนรออยู่เช่นกัน

ไอติมใช้ดวงตากลมๆ กวาดตามองพื้นที่รอบๆ อย่างสังเกต มองรถเมล์คันแล้วคันเล่าที่ผ่านมา และเมื่อสายที่จะผ่านหน้ามอมาถึง นักศึกษาทุกคนก็กรูกันขึ้นรถ ไอติมจึงรีบวิ่งขึ้นรถให้ทัน แล้วห้อยโตงเตงอยู่บนรถเมล์จนมาถึงที่หน้ามอ เมื่อมาถึงทุกคนก็รีบเดินลงจากรถเมล์ ไอติมก็ทำตามบ้างจนในที่สุดเขาก็มาถึงหน้ามหาวิทยาลัยได้อย่างปลอดภัย

ไอติมยิ้มกว้างให้กับตัวเองเมื่อสามารถทำภารกิจได้สำเร็จ

นั่งรถเมล์ครั้งแรกมันเป็นแบบนี้นี่เอง!


หลังจากพยายามเดินไปคณะแพทยศาสตร์อยู่นาน ไอติมก็ยอมแพ้แล้วขึ้นรถชัทเทิ้ลบัสแทนเพราะระยะทางจากหน้ามอจนถึงคณะแพทยศาสตร์นั้นไกลเหลือเกิน หน้าขาวๆ นั้นขึ้นสีแดงด้วยความเหนื่อย จนเมื่อรถจอดลงหน้าคณะ ไอติมก็กล่าวขอบคุณลุงคนขับแล้วเดินลงมาจากรถ ก็เห็นนักศึกษาหลายคนยืนออกันอยู่หน้าคณะ

“น้องใหม่รึเปล่าจ๊ะ” พี่คนหนึ่งเดินเข้ามาหาไอติมที่ยืนทำหน้างงอยู่อย่างไม่รู้จะไปทิศทางไหน ไอติมจึงรีบพยักหน้าตอบ

“ครับ”

“ไปลงทะเบียนที่โต๊ะนั้นเลยนะ แล้วเดี๋ยวพี่เขาจะพาเข้าห้องประชุม”

“ครับ”

และไอติมก็เดินไปที่โต๊ะลงทะเบียนเงียบๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาของหลายๆ คนที่มองมาที่เขาอย่างสนใจ ไอติมยืนต่อแถวอยู่หน้าผู้ชายตัวสูง(มากๆ) คนหนึ่ง ระหว่างนั้นก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ใส่เนคไทเลย ไอติมจึงรีบเปิดกระเป๋าแล้วเอาเนคไทที่มันขี้เหร่ๆ นั้นแหละมาสวมลงคอ พยายามจัดทรงเนคไทระหว่างรอไปด้วยจนเมื่อคนด้านหน้าลงชื่อเสร็จแล้ว ก็ถึงคิวของไอติม

“น้องชื่ออะไรคะ”

“เหมันต์ครับ” ไอติมขานตอบ และในระหว่างที่รอรุ่นพี่หาชื่อของเขาในแผ่นกระดาษ ไอติมก็เหลือบมองคนด้านหน้าที่กำลังยืนรอป้ายชื่อจากรุ่นพี่อีกคนอยู่

“น้องชื่อเท่มากเลยนะ พี่ชอบอ่ะ” พี่คนที่กำลังเขียนป้ายชื่อลงบนกระดาษสีเหลืองพูดไปก็ชมไป พยายามเขียนให้สวยงามแล้วส่งป้ายชื่อให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไอติม คนตัวสูงจึงรับป้ายชื่อมาคล้องคอแล้วพูดตอบ

“ผมชื่อควัน ไม่ได้ชื่อเท่ครับ”

พูดจบก็เดินเข้าหอประชุมไปเลย ทิ้งพี่คนสวยที่กำลังอ้าปากค้างกับวาจาของรุ่นน้อง ไอติมที่พึ่งเซ็นชื่อเสร็จและเดินไปหาพี่ที่ยังช็อคอยู่ก็ได้ยืนนิ่งเพราะไม่รู้จะเรียกสติพี่แกกลับมายังไง

“ไอ้มิ้นต์ หยุดเอ๋อแล้วเขียนชื่อให้น้องเขาได้แล้ว น้องยืนรอนานแล้วเนี่ย” พี่ที่พึ่งให้เขาเซ็นชื่อลงทะเบียนเมื่อครู่ สะกิดแขนพี่ที่ชื่อมิ้นต์ พอพี่มิ้นต์ได้สติเธอก็ยิ้มให้ไอติม แล้วดวงตาก็เป็นประกายต่อ

“น้องชื่อเล่นว่าอะไรคะ”

“ไอติมครับ”

“หูยยยย ชื่อไอติมเหรอ น่ารักจัง ดีกว่าคนชื่อควันเยอะเลย หล่อซะเปล่า แต่น่าจะปากร้ายไม่เบา น้องไอติมว่ามั้ย”

พี่มิ้นต์ชวนไอติมคุยในระหว่างที่รอเธอบรรจงเขียนป้ายชื่อให้ ไอติมได้แต่ยิ้มแต่ไม่ยอมออกความเห็น เมื่อได้ป้ายชื่อมาคล้องคอก็เดินเข้าไปในหอประชุมที่มีนักศึกษาใหม่นั่งกันอยู่เต็มไปหมด ไอติมมองหาที่ว่างซึ่งมีเหลืออยู่น้อยมากแล้ว และสุดท้ายก็ตัดสินใจไปนั่งแถวริมสุดซึ่งมีเก้าอี้ว่างอยู่หนึ่งที่พอดี

และระหว่างรอคนมาให้ครบ ไอติมก็สอดส่องไปรอบๆ อีกครั้ง มีหลายคนที่กำลังพูดคุยกัน พยายามหาเพื่อนเพราะต่างคนก็ต่างที่มา ไอติมจึงเริ่มที่จะอยากรู้จักเพื่อนใหม่แล้ว เลยมองรอบตัวของตัวเองก็พบว่าเพื่อนแถวหน้าและแถวด้านหลังต่างก็คุยกับเพื่อนในแถวอย่างออกรส ส่วนด้านซ้ายของไอติมคือกำแพง และด้านขวาคือเพื่อนใหม่ที่ไม่สนใจโลกภายนอกเลยนอกจากเกมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเล่นในโทรศัพท์ พอมองป้ายชื่อที่ห้อยคออยู่ก็เห็นคำว่า ‘ควัน’ ตัวใหญ่ๆ ก็นึกออกทันทีว่าคืนคนๆ เดียวกันกับที่ทำให้พี่มิ้นต์อ้าปากค้างนั้นแหละ

ไอติมจึงไม่ได้ทักทายและปล่อยให้ควันอยู่ในโลกของตัวเองต่อไป จากนั้นก็เปิดกระเป๋าของตัวเองและพบว่ามีข้าวเหนียวหมูปิ้งนอนแอ้งแม้งอยู่ ไอติมจึงหยิบถุงข้าวออกมาแล้วเริ่มกินเพราะท้องเริ่มร้องประท้วงเสียแล้ว

.




ควันที่สร้างโลกส่วนตัวด้วยการเลือกที่นั่งริมๆ แถวที่ไม่เป็นที่สนใจของผู้คน เสียบหูฟังไว้เพราะจะได้ไม่มีใครมาชวนคุยแม้ว่าจะไม่ได้เปิดเพลงฟังก็ตาม แล้วก็เปิดเกมขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา และระหว่างนั้นรุ่นพี่ที่เดินผ่านไปผ่านมาก็บอกเขาเขยิบที่ไปอีกหนึ่งที่เพราะมีเพื่อนๆ ด้านนอกที่ยังไม่มีที่นั่งอีกเยอะ ควันทำตามที่รุ่นพี่บอกแล้วก็ก้มหน้าเล่นเกมเช่นเดิม จนเมื่อที่นั่งที่เคยเป็นของเขาที่จับจองด้วยใครบางคนที่เขาไม่คิดแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่ท้ายที่สุดควันก็ต้องยอมแพ้และละสายตาจากเกมเพื่อมองไอ้เจ้าที่กำลังส่งกลิ่นยั่วยวนเขาในตอนนี้

หมูปิ้งกลิ่นหอมๆ กับความเหนียวร้อนๆ ที่คนข้างกายกำลังก้มหน้าก้มตากินอยู่นั้นแทบทำน้ำลายสอ ควันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วทันใดนั้นเสียงท้องก็ร้องดังขึ้นมา...พึ่งนึกได้ว่าเมื่อเช้าหมอกไม่ได้ทำข้าวทิ้งไว้ให้ เขาเลยต้องกินนมประทังชีวิตแล้วมาที่คณะโดยไร้อาหารยามเช้าอย่างนี้

ควันละสายตาจากเกมในโทรศัพท์แล้วจ้องคนด้านข้างที่นั่งกินหมูปิ้งไม่สนใจเขาอยู่นานมาก จ้องจนตัวจะพรุนแล้วยังไม่รู้อีกว่าหิว! อยากกินด้วย ทำไมไม่เงยหน้าขึ้นมาจากหมูปิ้งในมือสักที เหลือไม้สุดท้ายแล้ว เงยหน้ามาสักทีเถอะโว้ย

คิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวแต่คนข้างๆ ก็ไม่สนใจเขาแล้วหยิบหมูปิ้งไม้สุดท้ายออกมาจากในถุง มืออีกข้างก็บีบถุงข้าวเหนียวเพื่อที่จะกิน และตอนนั้นที่ท้องควันมันร้องดังขึ้นมาอีกครั้ง และควันจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว!

“เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งกิน”

ควันรีบพูดห้ามไว้เมื่อคนข้างๆ กำลังจะงับหมูปิ้งชิ้นสุดท้าย และตอนนั้นเองที่เจ้าของหมูปิ้งเงยหน้าขึ้นมามองเขา ดวงตากลมนั้นกระพริบปริบๆ ด้วยความงง ถึงควันจะแอบสตั้นกับความขาว และใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจไปมากกว่าหมูปิ้งในมืออีกคนแล้ว

“ชื่ออะไร” ควันถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เจ้าของหมูปิ้งเผลอขมวดคิ้วนิดๆ และความคิดที่แวบขึ้นมาในหัวของควันนั้นก็มีคำว่า...

ทำไมน่ารัก...

“ไอติม”

“ชื่อไอติมเหรอ”

“อืม”

“เราชื่อควัน”

“อือ รู้แล้ว อ่านจากป้ายชื่อแล้ว” ไอติมตอบแล้วจะก้มหน้ากินหมูปิ้งในมืออีกครั้ง แต่เพราะเสียงทุ้มๆ รีบเบรกไว้ทำให้ไอติมต้องชะงักมือ

“เดี๋ยว เดี๋ยว อย่าพึ่งกิน”

“ทำไมเหรอ” ไอติมถามอย่างงงๆ เห็นนั่งเงียบมาตั้งนาน แล้วจะอยากมาคุยอะไรด้วยตอนนี้กัน

“อยากกินด้วย”

“หา?”

“อยากกินหมูปิ้ง แบ่งให้กินหน่อยดิ...เดี๋ยวปฐมนิเทศเสร็จเดี๋ยวซื้อคืนก็ได้ เมื่อเช้าไม่ได้กินอะไรมาเลย ตอนนี้ท้องร้องแล้วด้วยถ้าเกิดเป็นโรคกระเพาะขึ้นมาจะทำยังไง เพราะกลิ่นหมูปิ้งเลยถึงทำให้หิวอย่างนี้”

“สรุปคือเราผิดเพราะหมูปิ้ง?”

“ใช่ ขอกินด้วยหน่อยนะ ซื้อร้านไหนอ่ะ โคตรน่ากินเลย” ควันถามแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่อีกครั้ง ไอติมมองคนที่คงจะหิวจริงๆ เลยยอมยกหมูปิ้งให้เพื่อนใหม่หนึ่งไม้ ถือว่าสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่แล้วกัน

“ซื้อที่ร้านหน้าหอน่ะ เห็นคนยืนซื้อกันเยอะมา-”

“ขอข้าวเหนียวด้วย” ไอติมพูดไม่ทันจบ ควันก็พูดแทรกขึ้นแล้วฉกข้าวเหนียวในมือไปต่อหน้าต่อตา ไอติมได้แต่มองอย่างอึ้งๆ รู้จักกันครั้งแรกก็มาขอข้าวเขากินอย่างนี้เลย นี่ถ้าสนิทกันมากกว่านี้จะไม่ปล้นข้าวเขากินเลยเหรอ

“หมูปิ้งไม้เดียวไม่พอยาไส้จริงๆ แต่อร่อยสุดๆ เลยว่ะ...หออยู่ตรงไหนอ่ะ เผื่อกูจะไปซื้อกินบ้าง” ไอติมได้อึ้งอีกรอบ เมื่อคนที่ยังรู้จักกันไม่ถึงสิบนาทีมาพูดคำหยาบใส่เขาแล้ว พอควันเห็นก็หัวเราะร่วนกับท่าทางนั้น

“ตกใจอะไร ขึ้นมึงขึ้นกูนี่แหละ จะได้สนิทกันเร็วๆ จะให้มาพูดเรา พูดเธองี้ไม่ไหวว่ะ ขนลุก”

พูดไม่พอ ยังทำตัวสั่นให้รู้อีกว่าขนลุกจริงๆ ไอติมได้แต่ยิ้มแหย่ๆ เพราะไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ ทำไมถึงหยาบคายขนาดนี้กัน ถ้าแม่รู้ว่าเพื่อนใหม่ของเขาเป็นอย่างนี้ มีหวังคงเป็นลมตายแน่

“งั้นก็เอาที่สบายใจแล้วกัน เรายังไงก็ได้”

“โนๆๆๆ ไม่พูดเรา ไม่พูดเธอ แทนตัวเองว่ากู...” ชี้นิ้วมาที่ไอติม จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่ตัวเอง “...ส่วนตัวกูให้เรียกว่ามึง โอเค๊?”

“โอเคก็ได้”

ไอติมยิ้มแหย่ๆ อีกครั้งแล้วหันหน้าหนีควัน จากนั้นก็เก็บถุงหมูปิ้งใส่กระเป๋าเช่นเดิม แล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นฆ่าเวลาบ้างเพราะไม่อยากสนใจคนทรามด้านข้างอีกแล้ว ถึงแม้ว่าไอติมอยากจะหาเพื่อนใหม่มากแค่ไหน แต่เขาคิดว่าให้จบช่วงปฐมนิเทศแล้วไปหาใหม่ก็ยังไม่สายนักหรอก

“ทำไมมึงไม่สนใจกูเลยอ่ะ แปลกคนมาก ทำไมเมินกูแบบนี้” แล้วเสียงด้านข้างก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ไอติมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็สไลด์โทรศัพท์ดูรูปในไอจีไปเรื่อยๆ แต่เสียงพูดของคนด้านข้างก็ยังดังไม่หยุด

“กูฮอตมากเลยนะ มึงไม่รู้เหรอ”

ใครอยากรู้กัน... ไอติมได้แต่คิด

“รู้จักพี่แนน ดาวบัญชี พี่พีชชี่ ดาวบริหาร แล้วก็พี่ผึ้ง ดาวเภสัชมั้ย”

“ไม่รู้จักหรอก”

“อะไรวะ...ใครๆ ก็รู้จักกันทั้งนั้น มึงไปอยู่โลกไหนมาเนี่ย” นั้น แล้วก็มาพาลหงุดหงิดใส่เขาอีก ไอติมมองคนที่พึ่งรู้จักทำตัวราวกับสนิทสนมกับเขามาเสียนานแล้วก็ได้แต่ปลงตกในใจ

“อยู่โลกไหนก็ช่างเถอะ แล้วพูดชื่อสามคนั้นมาทำไมล่ะ”

“เออ เกือบลืมเลยว่าจะอวด”

“อวด?”

“ก็กูได้มาหมดแล้วน่ะสิ”

“อ๋อ”

ไอติมพยักหน้ารับรู้แล้วหันมากลับมาจ้องหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองต่อ ควันที่เจอปฏิกิริยาตอบรับอย่างนั้นจากเพื่อนใหม่เข้าไปก็แทบจะปั้นสีหน้าไม่ถูก ทำไมมันไม่ตื่นเต้นเลยวะ คนสวยของมอนี่เขาสอยมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะพูดเรื่องนี้กับใครก็มีแต่คนอิจฉาเขาทั้งนั้น เห็นก็จะมีแต่ไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่แหละที่ไม่หือไม่อือเลยสักนิด

“นี่ไม่ตื่นเต้นหน่อยเหรอ ดาวสามคณะเลยนะเว้ย” ควันท้วงคนที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์ไม่หยุด ไอติมได้แต่เก็บความรำคาญใจเอาไว้แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วหันหน้าไปหาควันอีกครั้ง

“แล้วต้องตื่นเต้นตรงไหนเหรอ”

“ก็ตรงที่กูได้คนที่ผู้ชายชอบอันดับต้นๆ ของมอมาเป็นแฟนไง”

“เรา...เออ งั้นกูต้องตื่นเต้นด้วยเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“ไม่ล่ะ จะไปคบดาวทั้งมหา’ลัยก็เชิญ ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นตรงไหนเลย”

พึมพำอยู่คนเดียวแล้วก็หันหน้าหนีควันเพื่อตัดบทสนทนา ทิ้งควันที่ทำหน้าหงิกอยู่ข้างๆ คนเดียว พอจะหาเรื่องไอ้ตัวเล็กหน้ามึนต่อ บนเวทีก็เริ่มการปฐมนิเทศพอดี ควันจึงหันมาสนใจคณบดีที่กำลังกล่าวต้อนรับนักศึกษาแทน

แต่สนใจเรื่องที่คณบดีพูดได้ไม่นานก็รู้สึกหนังตาเริ่มหย่อน คงจะเป็นเพราะแอร์มันตกลงที่หน้าแน่ๆ เลยทำให้ควันรู้สึกง่วงขนาดนี้ ถ้าจะหลับสักนิดคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง คิดได้ดังนั้นดวงตาเจ้าเสน่ห์ก็เริ่มปรือปรอย ก่อนจะปิดลงในที่สุด เสียงยานคางของคณบดีที่ลอยเข้าหูนั้นไม่สามารถเข้าสู่โสตประสาทของควันได้อีกต่อไป...



ไอติมที่นั่งฟังคณบดีให้โอวาทอย่างตั้งใจรู้สึกหนักๆ ที่ช่วงไหล่ด้านขวา พอหันไปมองก็พบกลุ่มผมสีดำและใบหน้าเนียนละเอียดซึ่งเห็นรอยแผลเป็นจางๆ อย่างชัดเจน ครั้นจะดันให้ควันกลับไปนั่งดังเดิมก็ทำได้ไม่ถนัดและจะที่เป็นที่สนใจของทุกคนจนเกินไป เลยได้แต่นั่งนิ่งๆ และหวังว่าควันจะรู้ตัวสักทีว่ามาระรานกันแบบนี้เนี่ย

นั่งเป็นหมอนให้ควันอยู่นานจนการปฐมนิเทศเสร็จสิ้น ควันจึงได้งัวเงียและยกหัวออกไปจากไหล่ของเขา ไอติมมองคนที่กำลังขยี้ตาและอ้าปากหาวอย่างเกียจคร้านแล้วยิ่งรับไม่ได้ คิดได้ดังนั้นไอติมจึงรีบลุกจากเก้าอี้

“เห้ย! จะรีบไปไหน” ควันรีบคว้าข้อมือของไอติมไว้ได้ทันก่อนที่ไอติมจะลุกเดินออกไปพร้อมกับนักศึกษาคนอื่น

“ก็จะกลับไง ปฐมนิเทศเสร็จแล้วจะให้นั่งเฝ้าหอประชุมรึไง”

“รอแป๊บ เดี๋ยวเก็บของก่อน”

ควันพูดอย่างนั้นแต่คิดเหรอว่าไอติมจะรอเพื่อนใหม่แบบนี้กัน รีบชิ่งดีกว่า ดีกว่าให้ควันมาติดสอยห้อยตามเขาแบบนี้ ขืนมีเพื่อนแบบนี้ไปอีกหกปี ไอติมคงจะขาดใจตายสักวันแน่

“เห้ยยยยย บอกให้รอไงงง กลัวบ้านมันหายรึไง รีบจังโว้ยยยยย”

ควันตะโกนไล่หลังไอติมที่ก้าวดุ่มๆ ออกไปแล้วอย่างหัวร้อน แล้วรีบเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะวิ่งตามไอ้ตัวเล็กที่หายออกไปจากห้องประชุมเสียแล้ว



ด้านไอติมที่พยายามวิ่งหนีควันสุดชีวิต แหวกนักศึกษาหลายร้อยคนที่ยืนออกันอยู่หน้าห้องประชุมแล้ววิ่งลงมาชั้นล่าง ไม่วายยังได้ยินเสียงวิ่งไล่หลังตามมาพร้อมเสียงตะโกนชื่อของเขาไม่หยุด ไอติมรีบมองหาทางหลบหนีควันที่กำลังวิ่งตามมาแล้ว ถ้ารู้ว่าจะเจออย่างนี้เขาจะเอารถมาขับแทนที่จะนั่งรถเมล์มาเรียนเองดีกว่า

“จะไปไหนไอติม คิดว่าจะหนีกันได้รึไง รู้จักไอ้ควันน้อยไปแล้ววววววว”

เสียงตะโกนจากด้านหลังไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร ไอติมไม่ยอมหันไปมองแล้วรีบโกยอ้าวไปทางด้านซ้ายอย่างไม่คิดชีวิต แต่จู่ๆ ก็มีผู้ชายที่โผล่ออกมาจากซอยด้านหน้าทำเอาไอติมเบรกขาไม่ทัน ขาทั้งสองข้างนั้นชะงักค้างและแทบจะล้มไปจูบกับพื้นคอนกรีตถ้าไม่ได้ท่อนแขนแข็งแรงคว้าเขาเอาไว้เสียก่อน

“เดินดีๆ สิ วิ่งเล่นเป็นเด็กไปได้ โตแล้วนะเรา”

น้ำเสียงทุ้มที่บอกเตือนทำเอาไอติมแข็งทื่อ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร...ไอติมรีบผละออกจากอ้อมแขนนั้นแล้วก็ได้พบกับคนที่คิดถึงมานานในชุดนักศึกษาเรียบร้อย

“พี่กร...”

“สบายดีใช่มั้ย”

“อยู่นี่เอง วิ่งตามหาแทบตาย”

ไอติมยังไม่ทันได้ตอบคำถามของพี่กร แต่เสียงที่ดังไล่หลังมาดันขัดขึ้นมาเสียก่อน ควันที่หอบแฮกๆ เดินมาจะเอาเรื่องกับไอติมให้ได้ที่รีบชิ่งหนีเขาอย่างนี้ แต่พอเห็นบุคคลที่สามแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

“สบายดีครับ...เออ ผมขอตัวก่อนแล้วกัน”

ไอติมตอบคำถามของกรแล้วหันหลังเดินกลับจากทางเดิมที่จากมาโดยไม่สนใจควันที่ยังไม่หายเหนื่อยจากการวิ่งเมื่อครู่เลย ควันที่ยืนงงได้ไม่นานก็ต้องโกยอ้าวอีกครั้งเพื่อจะได้ตามให้ทันไอติมที่รีบเดินจากไปแล้ว กรได้แต่ยืนมองทั้งควันและไอติมที่ห่างไกลออกไปแล้วก็ยิ้มออกมาเพียงคนเดียวกับภาพที่เห็นในตอนนี้

สักวันไอติมคงจะลืมเขาได้ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาทั้งนั้น
ถึงวันนั้นแล้วเขาจะเป็นพี่ชายของไอติมที่ดีที่สุดเลย...กรสัญญา








หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ - F4 แห่ง MD [18.07.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 18-07-2018 21:32:00
บทที่ 3
F4 แห่ง MD



“จะเดินไปไหน ไม่มีรถรึไง”

เสียงที่ลอยตามหลังมาไม่หยุดแทบจะไม่ผ่านเข้าโสตประสาทของไอติมเลยสักนิด ถ้าข้อมือของเขาไม่ถูกดึงไว้จากใครบางคนที่เดินตามเขาออกมาจากห้องประชุมจนถึงตอนนี้...

ไอติมหันกลับไปมองเพื่อนใหม่ที่ตามติดเป็นปลิงทะเลอย่างหน่ายใจ มองใบหน้าของเจ้าของป้ายชื่อ ‘ควัน’ แล้วก็กรอกตาให้รู้ว่าเขารำคาญเต็มที

“จะกลับห้อง ปล่อยได้แล้ว”

“ไม่มีรถเหรอ”

“แล้วเห็นว่ามีมั้ยล่ะ”

ถามย้อนคนที่ยังไม่หยุดตื้อ ไอติมไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมควันต้องเดินตามติดเขาขนาดนี้ แถมไอติมยังแสดงออกว่ารำคาญขนาดนี้ ควันยังไม่ยอมเลิกยุ่งกับเขาอีก เชื่อเขาเลย

“งั้นเดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่ต้อง กลับเองได้หน่า”

“อยากไปกินหมูปิ้ง ยังไม่อิ่มท้องเลย”

“หมูปิ้งกินที่ไหนก็เหมือนกันป่ะ ที่หอไม่มีหมูปิ้งขายรึไง” ไอติมย้อนอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ควันก็ดูจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน

“ไม่มี แล้วก็อยากกินหมูปิ้งหน้าหอมึงด้วย”

“เฮ้ย!! ไม่ไปด้วยโว้ยยยยยย”

ไอติมโวยวายไปก็เท่านั้น เมื่อคนตัวโตกว่าออกแรงเพียงนิดเดียวก็ลากเขาตัวปลิวจนไปถึงรถของเจ้าตัว รู้ตัวอีกทีไอติมก็โดนยัดเข้าไป BMW คันหรูเสียแล้ว

“หน้าบึ้งเป็นตูดลิงไปได้ นี่กูพามึงมาด้วยอย่างนี้มึงควรจะขอบคุณกูที่ไม่ต้องไปโหนรถเมล์เหมือนคนอื่นมากกว่ามั้ย”

“แล้วถามความสมัครใจกันบ้างยังว่าอยากจะมาด้วยรึเปล่า”

“หล่อขนาดนี้ยังจะลำบากใจอยู่เหรอ” พูดไปก็กดยิ้มมุมปากราวกับว่าหล่อหนักหนา ไอติมหลุดร้อง ‘เหอะ’ ออกมากับความหลงตัวเองที่ดูจะมีมหาศาลเกินไปของเพื่อนใหม่

ตลอดทางไอติมแค่นั่งกอดอกมองทางด้านนอก ระหว่างทางก็บอกทางควันไปเรื่อยๆ จนรถมาจอดถึงหน้าคอนโด เมื่อรถจอดสนิท ไอติมที่เตรียมจะเปิดประตูรถก็โดนคว้าข้อมือไว้อีกครั้ง เลยหันกลับไปมองเจ้าของรถอย่างช่วยไม่ได้

“อยู่คอนโดนี้ นี่มึงไม่มีรถใช้จริงๆ เหรอ”

ควันสอดสายตามองคอนโดที่พูดง่ายๆ ว่าหรูสุดแล้วในย่านนี้อย่างไม่แน่ใจ ถ้าไอติมจะอาศัยอยู่ในคอนโดแห่งนี้ได้ ทำไมถึงจะนั่งรถเมล์กลับกันนะ

“มี แต่ไม่อยากใช้ พอใจยัง ถ้าพอใจก็ปล่อยได้แล้ว”

“ยังไม่พอใจ เอาไลน์มึงมาก่อน”

“หา?”

ไอติมถึงกับร้องเสียงหลง ควันที่ไม่รอให้ไอติมหายเอ๋อก็คว้าโทรศัพท์ที่ไอติมถือไว้มาแล้วดึงมือไอติมมาแสกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องเสร็จสรรพ แล้วก็เข้าแอพลิเคชั่นไลน์ กดแอดเพื่อนเรียบร้อย ก็กดเบอร์โทรเขาเซฟใส่โทรศัพท์ไอติมเรียบร้อย ก่อนจะคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของตัวจริงก็เอาเบอร์ของไอติมโทรหาตัวเองเป็นอันเรียบร้อย

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามารับ”

“ไม่ต้องมา เดี๋ยวจะไป-“
 
“เดี๋ยว! มา! รับ!”

“แต่...”

“พรุ่งนี้ซื้อหมูปิ้งไว้ให้ด้วย ลงไปได้ล่ะ”

ปฏิเสธไม่ทันเสร็จ ควันก็ผลักไอติมออกจากรถก่อนจะรีบบึ่งรถออกไปทันที ทิ้งไอติมที่ยืนงงอยู่หน้าคอนโด พร้อมกับลุงขายหมูปิ้งที่ยืนมองเขาอย่างสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไอติมจึงได้แต่ยิ้มให้ลุงไป แล้วก็เกาหัวอย่างงงๆ เดินเข้าคอนโดไปอย่างเลื่อนลอย

เดี๋ยวก็ตามติด เดี๋ยวก็ลากขึ้นรถ แล้วพรุ่งนี้จะมารับอีก
อะไรของมันวะ...




*




วันนี้ที่คณะแพทยศาสตร์ รุ่นพี่เรียกรวมนักศึกษาปีที่ 1 ให้ไปทำกิจกรรมร่วมกัน ไอติมจึงเลือกใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อยืดเรียบๆ ส่องกระจกเช็คความเรียบร้อยในขั้นตอนสุดท้าย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจนไอติมตกใจ และเมื่อมองว่าใครโทรเข้ามา ไอติมก็ต้องถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่


‘MY SMOKY’


พึ่งเห็นนี่แหละว่าควันเมมเบอร์ตัวเองไปแบบนั้น ถ้าไอติมเห็นตั้งแต่เมื่อวานไอติมจะรีบเปลี่ยนชื่อทันที เห็นแล้วขนลุกแปลกๆ ยังไงก็บอกไม่ถูก แต่ถึงจะรู้สึกขนลุกยังไงก็ช่างเถอะ ตอนนี้รีบรับสายก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนชื่อทีหลังก็ได้

“ฮัลโหล”

[เสร็จยัง กูมาถึงหน้าคอนโดมึงแล้วนะ]

“จะเสร็จแล้ว เก็บของก่อนแป๊บนึง”

[เออๆ แล้วอย่าลืมซื้อหมูปิ้งให้กูด้วยล่ะ]

“ระหว่างรอ ก็เดินไปซื้อเองสิ”

[ไม่เอาอ่ะ แดดร้อน นั่งรอในรถดีกว่า แค่นี้แหละ]

พูดจบก็ตัดสายไปเลย ไอติมได้แต่ขมวดคิ้วอย่างขัดใจ พอพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการเสร็จก็คิดจะตัดสายกันอย่างนี้เลยรึไง ไอติมได้แต่ฮึดฮัดแล้วคว้ากระเป๋ามา โยนทุกอย่างใส่กระเป๋าแล้วปิดห้อง เดินดุ่มๆ ลงจากคอนโดมาก็เห็นว่ารถ BMW คันเดิมกับเมื่อวานจอดรออยู่ด้านหน้า ข้างๆ ร้านหมูปิ้งนั้นแหละ

ไอติมซื้อหมูปิ้งเสร็จเรียบร้อยก็เดินมาขึ้นรถที่สารถีใส่แว่นดำพร้อมกับนั่งเท้าคางที่หน้าต่างรถ แล้วเคาะนิ้วที่พวงมาลัยไปตามจังหวะเพลงที่กำลังฟังอยู่ อารมณ์สุนทรีย์มากมั้ง

“ป้อนหน่อย หิว”

“อะไรนะ?”

ไอติมนึกว่าหูฝาด หันไปมองคนที่กำลังหมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวเข้าถนนใหญ่หันมาพยักพเยิดไปทางถุงหมูปิ้งที่เขาถืออยู่

“หมูปิ้งไง ป้อนเร็วๆ”

“ถึงมอก็ค่อยกินก็ได้มั้ง มันไม่หายไปไหนหรอก”

“ไม่ได้ เดี๋ยวมันจะเย็นก่อน ถ้าหมูปิ้งมันเย็นมันก็ไม่อร่อยดิ แล้วอีกอย่างที่กูมา— อึก!“

ไม่ทันได้สารธยายให้จบ หมูปิ้งร้อนๆ ก็ยัดเข้ามาในปากทันที ควันได้แต่ตาเหลือกหันมามองคนที่นั่งข้างๆ ทั้งๆ ที่หมูปิ้งยังคาอยู่ในปากทั้งไม้ แถมไอ้ตัวขาวๆ ยังยื่นถุงข้าวเหนียวมาจ่อปากเขาทั้งถุงอีก มันน่าจับตีจริงๆ

“กินเร็วๆ สิ เดี๋ยวข้าวเหนียวเย็นก่อน มันจะไม่อร่อยนะ”

ควันจะเถียงกลับก็ไม่ได้ เพราะมือก็ต้องจับพวงมาลัย ตาก็ต้องดูถนน แถมปากยังโดนยัดเยียดหมูปิ้งพร้อมข้าวเหนียวเข้ามาอีก 

ฝากไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่จะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลย หื้ม!



*



เมื่อมาถึงที่คณะ ทั้งไอติมและควันก็เป็นที่จับตามองของเพื่อนๆ ที่นั่งล้อมวงกันอยู่ที่พื้น แถมรุ่นพี่ก็ยังมองมาที่พวกเขาเป็นตาเดียว ไอติมไม่ได้คิดอะไรมากมาย ยกมือสวัสดีพี่ๆ แล้วก็เดินไปนั่งต่อแถวกับเพื่อนคนอื่นด้านหลัง โดยที่ควันก็ตามมานั่งติดๆ เช่นเดิม

“น้องๆ มากันครบรึยังคะ ไหนใครยังไม่มีป้ายชื่อบ้าง ยกมือขึ้นเร็ว”

พี่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าพูดเสียงดัง พอได้ยินอย่างนั้นไอติมก็รีบค้นในกระเป๋าตัวเองแล้วหยิบป้ายชื่อที่ได้มาตั้งแต่เมื่อวานมาห้อยคอเรียบร้อย แล้วแรงสะกิดจากคนข้างๆ ที่ทำตัวเหมือนแมลงหวี่แมลงวันกวนเขาอยู่ทั้งวันก็ถามขึ้น

“ทำไมมีป้ายชื่อ กูไม่เห็นจะมี”

“ก็ป้ายชื่อตั้งแต่เมื่อวาน ของมึงอยู่ไหนล่ะ”

“ทิ้งไปแล้ว”

“ทิ้งไปแล้วก็ขอใหม่ดิ มาบอกกูอย่างนี้ กูคงจะเสกป้ายชื่อให้ได้มั้ง”

ควันมองคนตัวเล็กที่พูดอย่างไม่แยแส แถมยักไหล่ให้เขาแล้วหันหน้าหนีอีก ให้มันได้อย่างนี้สิ เรียกร้องความสนใจขนาดนี้ยังไม่สนใจได้ยังไง หล่อขนาดนี้ คนมองขนาดนี้ แต่ไอติมไม่สนใจเขาเลยสักนิด ควันคิดว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ

“น้องควันยังไม่ได้ป้ายชื่อใช่มั้ยจ๊ะ”

“ครับ”

โชคดีที่รุ่นพี่ที่เดินผ่านมาด้านหลังเห็นว่าเขายังไม่มีป้ายชื่อ ควันเลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป แล้วรับป้ายชื่อที่รุ่นพี่เขียนให้ใหม่มาคล้องคอ แอบเหล่มองคนตัวเล็กที่เท้าคางนั่งเล่นเกมฆ่าเวลารอเพื่อนๆ อยู่ก็อดไม่ได้ที่จะชะโงกหน้าเข้าไปดู พอเห็นว่าเกมที่ไอติมเล่นอยู่คือเกมอะไรก็อดที่จะยิ้มขำไม่ได้

“เล่นเกมปลูกผักเหรอ เด็กน้อยจังวะ”

“ยุ่งหน่า”

ว่าแล้วก็ทำหน้ามุ่ย หันหลังหนีเขาแล้วก็นั่งรดน้ำ พรวนดินต่อในมุมของตัวเอง เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ กวนก็แล้ว เรียกร้องความสนใจก็แล้ว ไปรับไปส่งถึงคอนโดก็แล้ว ยังไม่สนใจกันอีก

Rrrrrrrrrr

ในขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ เกี่ยวกับคนข้างๆ เสียงโทรศัพท์ของควันก็ร้องดังขึ้น เมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นใคร ควันก็ไม่ลังเลที่จะรับสายทันที

“มีอะไรวะหมอก”

[มึงอยู่ไหน]

“กูอยู่ที่คณะ”

[แล้วจะกลับตอนไหน]

“ไม่รู้ว่ะ พึ่งมาถึง พวกพี่ๆ ยังไม่เริ่มกิจกรรมอะไรสักอย่าง รอเพื่อนมาให้ครบก่อน แล้วสรุปมีอะไรวะ”

[ไม่มีอะไรมากหรอก แค่บรรดาเมียมึงมายืนทะเลาะกันอยู่หน้าห้องเนี่ย กูเคลียร์เท่าไรก็ไม่ยอมกลับ บอกจะเจอมึงให้ได้ จะเอาไง งั้นกูบอกให้ไปเคลียร์กับมึงที่คณะมึงเลยแล้วกันนะ กูจะนอนแล้ว]

“เดี๋ยวๆๆๆ ไม่ต้องให้มาเลย มึงจะจัดการยังไงก็ได้ แต่ไม่ต้องให้มาเจอกู” ควันรีบพูดอย่างตื่นตระหนก เสียงลนๆ ของเจ้าตัวนั้นเรียกให้หลายสายตารวมถึงไอติมหันมามองกับท่าทีแปลกๆ ของควันในเวลานี้ได้ไม่ยาก

[มึงสร้างปัญหาไว้ แล้วต้องให้กูจัดการให้อีกแล้วใช่มั้ย]

“เออ จัดการเลย มึงอยากทำอะไรก็เชิญ”

[เบื่อแล้วเหรอ กูว่าก็สวยดีนะ]

“เออ กูเบื่อแล้ว มึงอยากสอยไปสักคนก็เชิญ กูไม่เอาแล้ว”

[กูไม่กินของเหลือจากมึงหรอกน้องรัก แค่นี้นะ แล้วที่เหลือเดี๋ยวพี่หมอกจะจัดการเอง]

สายตัดไปแล้ว ควันถึงได้หายใจหายคอได้สะดวก เรื่องจัดการปัญหาต่างๆ ที่เขาก่อต้องยกให้แฝดพี่สุดที่รักเท่านั้น หมอกนั้นเป็นทุกอย่างให้ควันแล้ว เป็นทั้งพี่ เป็นทั้งเพื่อน เป็นคนหาอาหารให้กิน เป็นคนเก็บศพเวลาเขาเมา เป็นกระทั่งคนบอกเลิกบรรดาผู้หญิงในสต็อกของควัน ชีวิตนี้ไม่มีหมอก ควันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะฝากชีวิตไว้กับใครได้อีก




“เอาล่ะค่ะ ในเมื่อน้องๆ มากันครบแล้ว ขอให้น้องๆ จับกลุ่มกลุ่มละ 4 คนตอนนี้เลยค่ะ”

เสียงของรุ่นพี่ดังขึ้นแล้วเพื่อนๆ ก็เริ่มจับกลุ่มตามคนที่นั่งใกล้ๆ กันอย่างรวดเร็ว ไอติมหันมามองหน้าควันอย่างงงๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขารู้จักกันเองเพียงแค่สองคน ทีนี้ก็หาเพื่อนอีกสองคนให้ครบ ควันจึงหันหน้าไปทางขวา เจอเพื่อนที่นั่งนิ่งๆ เสียบหูฟังราวกับไม่สนใจโลกอยู่ ควันเลยสะกิดที่ต้นขาเบาๆ คนๆ นั้นจึงเงยหน้าขึ้นมามอง

“มีกลุ่มยัง มาอยู่ด้วยกันมั้ย”

“หืม? กลุ่มอะไร” เหมือนว่าเพื่อนคนนี้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารุ่นพี่ให้ทำอะไร ก็แน่ล่ะสิ เสียบหูฟังตัดขาดจากโลกภายนอกขนาดนั้น

“พี่เขาให้จับกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน”

“เออๆ อยู่ด้วยก็ได้”

ด้านไอติมที่หันไปหาเพื่อนใหม่อีกคนเพื่อรวบรวมสมาชิกในกลุ่มให้ครบ 4 คน ก็เห็นคนที่กำลังนั่งอ้าปากหาวนอนไม่แคร์สายตาใครอยู่ด้านหลังสุด เลยรีบไปทักทันทีก่อนที่จะมีคนอื่นมาแย่งชิงตัวไป

“มาอยู่กลุ่มกับพวกเรามั้ย ขาดอีกหนึ่งคนพอดี”

“ได้ๆ อยู่ด้วยก็ได้”

หัวกลมๆ ของเพื่อนใหม่พยักเร็วๆ เหมือนเห็ดพองฟู พอได้สมาชิกครบแล้ว พวกเขาทั้งสี่คนก็นั่งหันหน้าเข้าหากันเป็นวงกลม รอฟังตามทำสั่งของรุ่นพี่ต่อไป และระหว่างรอให้เพื่อนๆ จับกลุ่มกันให้เรียบร้อย ไอติมเลยถือโอกาสนี้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ไปในตัว เผื่อจะได้หนีควันได้เสียที

“เราชื่อไอติมนะ ชื่ออะไรกันเหรอ”

“ชื่อควัน” แล้วเสียงแมลงหวี่แมลงวันก็ดังขึ้นอีกครั้ง ไอติมมองคนขี้แกล้งที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วก็ตีที่ต้นขาอย่างหมั่นไส้

“ไม่ได้ถาม”

“ก็อยากตอบ”

“เหอะ...ไม่คุยด้วยล่ะ...แล้วสรุปพวกนายชื่ออะไรกันล่ะ”

“เราชื่อพีช” เจ้าของทรงผมเห็ดกลมๆ ตอบพลางลูบผมเห็ดของตัวเองให้เรียบร้อย รอยยิ้มกว้างๆ นั้นดูจริงใจ และดูน่าคบหากว่าไอ้คนที่นั่งข้างๆ ไอติมเป็นไหนๆ

“ชื่อวินทร์”

คนที่นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก ไอติมพยักหน้าหงึกหงัก แล้วก็พยายามจะคุยกับเพื่อนใหม่ทั้งสองคน เผื่อจะได้ติดสอยห้อยตามไปได้เมื่อถึงวันที่เปิดเทอมจริงๆ ถึงเวลานั้นแหละ ไอติมจะหนีควันให้ได้เลยคอยดู

“เอาล่ะค่ะ น้องๆ ทำความรู้จักกับเพื่อนในกลุ่มแล้วใช่มั้ย ทีนี้เพื่อนทุกคนคงจะอยากรู้จักน้องๆ กันแล้ว พี่จะให้ยืนขึ้นทีละกลุ่ม แล้วแนะนำตัวให้เพื่อนๆ รู้จักนะคะ บอกชื่อจริง ชื่อเล่น ก็พอจ้า กลุ่มด้านหน้าเริ่มก่อนเลย”

ไอติมนั่งตบมือเปาะแปะให้กับกลุ่มแรกที่ยืนขึ้นแนะนำตัว กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าค่อยๆ ผ่านไป จนเมื่อมาถึงแถวท้ายๆ ที่พวกเขาทั้งสี่คนนั่งอยู่ด้วยกัน เมื่อคนสุดท้ายของกลุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาพูดเสร็จ เสียงปรบมือก็ดังอีกครั้ง

กลุ่มของไอติมยืนขึ้นพร้อมกันทั้งสี่คน และเรียกปรบมือและเสียงหวีดร้องขึ้นอย่างล้มหลาม ไอติมแอบตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มแนะนำตัว

“สวัสดีครับ ผมชื่อเหมันต์ วัฒนาวุฒศกุล ชื่อเล่นชื่อไอติมครับ”

“น้องไอติมมมมมมมม วู้ววววววววววววว”

เสียงรุ่นพี่ปรบมือแถมส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดดังไม่ขาดสาย ไอติมได้แต่ยิ้มเขินๆ แล้วก็เกาหัวแก้เก้อ หลังจากไอติมแนะนำตัวจบคนถัดมาก็แนะนำตัวต่อ

“ผมชื่อควัน ชื่อจริงชื่อกวิน วรกุลครับ”

“แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยสุดหล่อออออออออออ”

เสียงรุ่นพี่สาวประเภทสองกัดผ้าแถมกรี๊ดใส่ไมค์บ่งบอกว่าชอบนักชอบหนา ยังไม่นับรวมสาวๆ หลายคนที่เอามือกุมอก ทำหน้าเพ้อๆ เหมือนเมากาวอีกเป็นสิบ

“ผมชื่อชวินทร์ กรรณฑลักษณ์ ชื่อเล่นชื่อวินทร์ครับ”

อีกคนที่ได้รับเสียงกรี๊ดกร๊าดไม่แพ้ควันและไอติม และคนสุดท้ายก็ยิ้มกว้างก่อนจะแนะนำตัวเองบ้าง

“ผมชื่อพิชชากร ศเวตภัทร ชื่อเล่นชื่อพีชครับ”

เสียงปรบมือเกรียวกราวและเสียงกรี๊ดกร๊าดออกนอกหน้าดังขึ้นทันทีที่พีชพูดจบ เป็นการฟอร์มทีมที่เยี่ยมจนทุกคนแทบจะน้ำตาไหล ต้องเรียกกลุ่มนี้ว่า ‘ของดีแห่งคณะแพทยศาสตร์’ ของดีงานพรีเมี่ยมที่ไม่รู้ว่าอีก 5 ปีต่อจากนี้จะมีรุ่นไหนจับกลุ่มได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้อีก

ควันที่มีชื่อเสียงเรียงนามมาตั้งแต่ยังไม่เข้ามหาวิทยาลัย ความหล่อที่แพร่สะพัดไปทุกโซเชี่ยลนั้นเป็นหลักฐานชั้นดีว่างานดีแค่ไหน ส่วนไอติมที่ราวกับมีสปอร์ตไลท์ติดตัวเพราะความขาว บวกกับใบหน้าน่ารักๆ ที่ดูหวาน ดูนุ่มละมุนไปทุกส่วน ดูเหมือนก้อนมาร์ชเมลโล่นั้นก็น่ารักจนหลายคนต้องกุมใจ แล้วยิ่งมาเจอกับวินทร์ที่สูงชะลูด ใบหน้าหล่อแบบฉบับไทยๆ แถมมีไรหนวดขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งยังดูขรึมๆ นั้นถูกใจเหล่าแม่ยกนัก ส่วนคนสุดท้ายอย่างพีชนั้นก็ไม่น้อยหน้าเพื่อนในกลุ่มเลยสักนิด ด้วยรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าขาวเนียนไร้ที่ติจนผู้หญิงยังอาย ทรงผมเห็ดพองๆ นั้นดูรับกับตากลมๆ ที่สดใสอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งรอยยิ้มของพีชนั้นยังสดใสจนใครที่มองก็รู้สึกสดชื่นไปตามๆ กันนั้นอีก

บอกเลยว่ากลุ่มนี้มีแต่ ปัง! ปัง! แล้วก็ปัง!

“กลุ่มนี้มีชื่อกลุ่มว่าอะไรจ๊ะ” รุ่นพี่สาวประเภทสองถามขึ้นขณะที่กลุ่มของไอติมกำลังจะนั่งลง ไอติมมองตาเพื่อนในกลุ่มอย่างเลิ่กลั่ก ไม่เห็นกลุ่มอื่นต้องมีชื่อกลุ่ม แล้วทำไมถึงมาถามหาชื่อกลุ่มจากพวกเขากันล่ะ

“เออ...ต้องมีชื่อกลุ่มด้วยเหรอครับ” พีชถามอย่างไม่แน่ใจ

“กลุ่มอื่นไม่มีไม่เป็นไร แต่กลุ่มนี้ต้องมี คิดออกมั้ยจ๊ะว่าจะชื่อกลุ่มอะไร ถ้าคิดไม่ออกเดี๋ยวพี่คิดให้” พี่สาวประเภทสองคนเดิมยังคงพยายามช่วยคิด แต่พวกเขาทั้งสี่คนก็ได้แต่ยืนยิ้มแหย่ๆ เพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไง

“งั้นพี่คิดให้พวกเราก็ได้ครับ” ไอติมบอกรุ่นพี่กลับไป แล้วเธอก็เดินดุ่มๆ มาหาพวกเขา ก่อนจะเข้ามายืนแทรกกลางระหว่างควันและวินทร์ ไม่พอยังคล้องแขนทั้งสองข้างอย่างถือวิสาสะอีกด้วย

“ชื่อกลุ่มว่า F4 ไงจ๊ะ หล่อขนาดนี้พี่คิดออกแค่ F4 เท่านั้น และคนที่จะเป็นซานไช่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่เมญ่าคนนี้นี่เองค่า!!”



หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่4 - กฎแห่งการเป็นเพื่อนสนิท [13.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 13-08-2018 16:53:23
บทที่ 4
กฎของการเป็นเพื่อนสนิท



นับตั้งแต่วันนั้นที่เกิดการรวมตัวของกลุ่ม F4 ของคณะแพทยศาสตร์โดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาทั้งสี่คนก็เกาะกลุ่มไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอมา เวลาเรียนก็จะจับกลุ่มนั่งด้วยกัน พอเลิกคลาสก็จะออกไปเที่ยวด้วยกันเป็นประจำจนทุกคนเริ่มจะสนิทใจกันแล้ว

“...สำหรับวันนี้เราจะหยุดไว้ที่สไลด์นี้นะคะนักศึกษา แล้วเจอกันใหม่คาบหน้า อย่าลืมส่งใบงานที่บ็อกซ์ของอาจารย์ด้วยล่ะ”

อาจารย์ปิดไมค์เสร็จ ทุกคนในห้องก็เริ่มเก็บของและรีบออกจากห้องสโลป ส่วนด้านบนสโลปที่ปรากฏกลุ่มที่ใคร ๆ ก็ต้องเหลี่ยวมองก่อนออกจากห้องเรียน...

พีชที่นั่งอยู่มุมด้านในสุดกำลังเริ่มเก็บชีทเรียนใส่กระเป๋า ถัดจากพีชก็เป็นวินทร์ที่ยังขมวดคิ้วกับสไลด์ล่าสุดที่อาจารย์ค้างไว้ ต่อจากวินทร์ก็เป็นควันที่พึ่งเงยหน้าขึ้นมาหลังจากฟุบหน้าหลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ส่วนไอติมก็ดึงเสื้อกันหนาวของตัวเองที่ควันพึ่งเอาไปทำเป็นหมอนมาสวมใส่คลายความหนาว

“ไปไหนกันต่อดี บาบิก้อนดีม่ะ”

พีชเสนอขึ้นเมื่อออกมาจากห้องเรียนแล้ว ควันหาวนอนไปหนึ่งครั้งก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก ส่วนวินทร์ก็เออออตามด้วย ติดแต่คนตัวเล็กสุดในกลุ่มที่ยังไม่ยอมตอบตกลง

“ไอติมล่ะ ไปกินเนื้อย่างกันรึเปล่า” พีชถามไอติมที่ยังไม่ตอบตกลง คนตัวเล็กที่สุดได้แต่กรอกตาไปมาอย่างไม่แน่ใจก่อนจะตอบ เพราะทุกคนกำลังรอคำตอบจากเขาอยู่

“เออ...วันนี้ไม่ไปด้วยได้ป่ะ ไม่ค่อยอยากกินเนื้อย่างเท่าไรอ่ะ”

“งั้นไปกินอย่างอื่นก็ได้ อยากกินอะไรล่ะ” ควันพูดขึ้นมาทันที

“ไม่อ่ะ กูว่าจะกลับห้องไปนอนสักหน่อย พวกมึงไปกินกันเลยเถอะ” ไอติมปฏิเสธอีกครั้ง

“แต่...”

“เออ ไปกินสามคนก็ได้เหอะ กูหิวจะตายแล้ว”

ควันที่จะกำลังจะแย้งไอติมได้แต่หุบปากฉับ เมื่อวินทร์พูดขึ้นมาแล้วยกมือลากคอควันให้เดินตามพวกเขาไป ไอติมได้แต่โบกมือไล่ควันที่ยังไม่หยุดวอแวจนเมื่อทั้งสามคนเดินออกไปแล้ว ไอติมจึงหันปลายเท้าไปอีกทางหนึ่ง

เป็นเพราะเมื่อคืนไอติมนอนดึกเกินไป เนื่องจากต้องนั่งทบทวนบทเรียนและอ่านหนังสือล่วงหน้าเพื่อจะได้ตามให้ทันเพื่อน ๆ ไม่เหมือนกับควันที่เข้ามานอนในห้องเรียน ตื่นมาก็เข้าใจทุกอย่าง ไอติมไม่ได้เก่งขนาดนั้น ที่เขามาถึงจุด ๆ นี้ได้ก็เพราะความขยันเสียมากกว่า ตอนนี้เขาเลยยิ่งต้องขยันกว่าตอนมัธยมอีกหลายร้อยเท่า เพื่อที่จะได้ตามคนอื่นให้ทัน

“แกว่าเดือนปีนี้เอาใครดีวะ”

ในขณะที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถ เสียงด้านในห้องสโมสรนักศึกษาก็ลอยเข้าโสตประสาทเสียก่อน ไอติมจึงเผลอหันไปมองรุ่นพี่ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ด้านในโดยไม่รู้ตัว

“ดาวอ่ะมีตัวเต็งแค่น้องน้ำหนึ่งคนเดียว แต่เดือนนี่เครียดจริง มีแต่คนหล่อ ๆ ฉันเลือกไม่ได้”

“ที่เตะตาสุดก็คงจะกลุ่ม F4 นั้นแหละ หล่อแบบสิ้นเปลืองมาก แถมถ้าใครในนี้ได้เป็นเดือน ยังไงมันก็มีกระแสอ่ะ เพราะทุกคนในมอแทบจะรู้จักกลุ่มนี้หมดแล้ว”

“ถ้าจะเลือกกลุ่ม F4 ก็ต้องตัดน้องควันออกไปเลย ถึงน้องควันจะหล่อลากขนาดไหน แค่ถ้าทางนิติฯ ส่งน้องหมอกมาเราจะทำยังไง”

“ก็จะมีเดือนหน้าเหมือนกันไง”

“แล้วทุกคนก็จะงงว่าต้องเชียร์แพทย์หรือนิติกันแน่ เพราะหน้าเหมือนกัน”

“ถ้าตัดน้องควันออกไป ฉันก็ขอโหวตน้องวินทร์แล้วกัน บอกเลยว่าถ้าได้ลงประกวดนะ แม่ยกเยอะแน่”

“ไม่อ่ะ ฉันว่าน้องวินทร์เงียบไป ไม่ผ่าน ๆ”

“ถ้าไม่เอาน้องวินทร์ งั้นก็เหลือแค่น้องไอติมกับน้องพีช”

ไอติมไม่รู้ว่าตัวเองแอบยืนฟังรุ่นพี่ในสโมสรคุยกันนานแค่ไหน จนกระทั่งสัมผัสเบามือที่วางอยู่บนกระหม่อมของเขาทำให้ไอติมสะดุ้ง แล้วต้องเงยหน้ามองว่าใครมาจับหัวเขาอย่างนี้ พอได้เห็นตัวการนั้นไอติมถึงกับพูดไม่ออกทันที

“ไง มาแอบทำอะไรแถวนี้”

“พะ...พี่กร”

ไอติมแทบจะพูดไม่ออก หัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ และเพราะบทสนทนาของพวกเขาถึงทำให้ทุกคนในสโมสรนักศึกษาหันมามองเป็นตาเดียว เมื่อเห็นว่าเดือนรุ่นพี่กำลังคุยกับ(ว่าที่)เดือนปีล่าสุดอยู่ ทุกคนในห้องที่กำลังถกเถียงกันว่าจะเลือกไอติมหรือพีชกันแน่ จึงมีคำตอบในใจกันหมดทุกคนแล้ว

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้หืม? จะเข้าไปในห้องสโมฯ เหรอ” กรถามไอติมที่กำลังอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พอหันเข้าไปมองด้านในก็เห็นว่ารุ่นพี่เหล่านั้นก็มองมาที่ตนอยู่ พอหันมาหาพี่กรก็กำลังรอคำตอบจากเขาเช่นกัน

“เออ...ไม่ได้จะมาครับ แค่เดินผ่านเฉย ๆ...แล้วพี่กรล่ะ จะมาห้องสโมฯ เหรอครับ”

“อืม พวกรุ่นน้องเชิญพี่มาเลือกดาวเดือนปีนี้น่ะ”

“เอ๋? พี่กรก็เลือกด้วยเหรอครับ” ไอติมถามอย่างไม่เชื่อหู

“ก็ใช่น่ะสิ อยากเป็นเดือนรึเปล่าล่ะ พี่เส้นใหญ่นะ” กรพูดขำ ๆ เห็นหน้าน้องที่ยิ้มแหย ๆ แล้วน่ารักชะมัด คนอะไรทำไมถึงได้ดูน่าแกล้งได้ตลอดเวลาอย่างนี้ก็ไม่รู้

“ถ้าเส้นใหญ่จริงก็ลองทำให้ผมเป็นเดือนดูสิครับ เดี๋ยวผมจะรอดูเลย” ไอติมพูดทีเล่นทีจริง พอได้อยู่กับพี่กรอย่างนี้ ถึงไอติมจะรู้สึกเพียงแค่คนเดียวก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้ใกล้ชิดเหมือนเดิมก็ดีมากแค่ไหนแล้ว...

.

.

“อะไรนะ!! ไอติมได้เป็นเดือนปีนี้เหรอ”

พีชที่ตากลมโตอยู่แล้ว ยิ่งเบิกกว้างไปอีกด้วยความตกใจปนดีใจเมื่อได้รู้ข่าวจากปากไอติมเอง

“อย่าพึ่งไปบอกเรื่องนี้กับเพื่อนคนอื่นล่ะ นี่ก็พึ่งรู้เมื่อช่วงเย็นเมื่อกี้เอง”

ไอติมนึกไปถึงตอนที่ลงจากแลปไบโอแล้วกำลังจะกลับบ้าน แต่ว่าพี่เมญ่ากลับเดินมาทักเขาเสียก่อน



‘น้องไอติมว่างรึเปล่าจ๊ะ’

‘ครับ มีอะไรเหรอ’

‘พี่จะมาบอกว่าน้องไอติมได้รับโหวตจากทุกคนในสโมสรให้เป็นเดือนคณะเราอ่ะจ๊ะ น้องไอติมโอเครึเปล่าจ๊ะ’

ไอติมนึกถึงพี่กรทันที ที่บอกว่าเส้นใหญ่นักหนา ต้องเป็นพี่กรแน่ๆ เลย ทุกคนถึงได้โหวตให้เขาอย่างนี้

‘พี่ ๆ คิดดีแล้วเหรอครับ ถึงได้เลือกผม’ ไอติมถามอย่างไม่แน่ใจ และเมญ่าก็รีบโบกไม้โบกมือเป็นพัลวันไม่ให้ไอติมหนักใจ

‘คิดดีแล้วสิจ๊ะ แถมพี่กรก็มั่นใจสุด ๆ ว่ายังไงไอติมก็ต้องเป็นเดือนคณะเรา แล้วจะปั๊วสุด ๆ อดีตเดือนมหา’ลัย คอนเฟิร์มอย่างนี้ พี่จะปฏิเสธได้ไงล่ะจ๊ะ’

‘อะไรนะครับ อดีตเดือนมหา’ลัยงั้นเหรอ?’

‘ก็ใช่สิจ๊ะ น้องไอติมไม่รู้เหรอว่าพี่กรเป็นเดือนมหา’ลัยเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเห็นยืนคุยกันอยู่หน้าห้องสโมฯ นึกว่าจะสนิทกันเสียอีก’



“เป็นเดือนคณะเรา แล้วต้องไปแข่งเดือนมหา’ลัยต่อน่ะเหรอ” วินทร์พูดขึ้นมา เรียกสติของไอติมให้กลับมา ณ ปัจจุบัน ซึ่งพวกเขากำลังนั่งอ่านหนังสือกันที่ห้องของพีช ไอติมจึงอมยิ้มแล้วตอบรับเสียงเรียบ

“อืม”

“ไม่เป็นไม่ได้เหรอวะ กูว่ามันหนักมากเลยนะ เรียนคณะเราก็หนักแล้ว ยังจะเอาเวลาไปทำกิจกรรมพวกนั้นอีก เสียเวลาชีวิตเปล่า ๆ” ควันบ่มพึมพำ ตั้งแต่ที่รู้ว่าไอติมได้เป็นเดือนคณะ จนตอนนี้ยังไม่หยุดหน้าบูดเลย

“มึงจะกีดกันไอติมทำไม หรือว่ามึงอยากจะเป็นเดือนเองวะ” พีชถามอย่างหมั่นไส้ ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาก็เห็นควันตามขัดไอติมมันเสียทุกครั้งไป ไอติมนี่ก็แปลก ยอมควันทุกครั้งจนบางทีพีชอยากจะด่าควันแทนไอติมสักครั้ง

“เป็นทำไมวะเดือน อยู่เฉย ๆ กูก็หล่อและดังกว่าเดือนอีกมั้ง”

“หลงตัวเองเป็นที่หนึ่งจริง ๆ” วินทร์หลุดขำกับคำพูดของควัน ส่วนพีชก็ได้แต่กรอกตามองบนแล้วหันมาสนใจหนังสือเรียนแทนที่จะสนใจควันเสียดีกว่า

“ทำไมพวกมึงทำหน้าอย่างนั้น กูพูดความจริงนะเว้ย”

“เอาที่มึงสบายใจแล้วกันควัน พวกกูขออ่านหนังสือต่อดีกว่า”

ไอติมพูดปิดท้ายแล้วยกหนังสือขึ้นมาอ่านทำเอาควันถึงกับไปต่อไม่ถูก บ่นงึมงำอยู่คนเดียวอีกครั้งและสุดท้ายก็หันมาอ่านหนังสือต่อเพราะเรื่องที่เรียนไปวันนี้ก็นั่งหลับตั้งแต่ต้นคาบยันท้ายคาบ ถ้ายังไม่อ่านอีก สงสัยจะได้โดนรีไทร์ตั้งแต่เทอมแรกแน่นอน



*



หลังจากประกาศตำแหน่งดาวและเดือนของคณะแพทยศาสตร์ ไอติมก็เริ่มทำกิจกรรมกับกองประกวดและต้องแบ่งเวลาสำหรับทำกิจกรรม เรียน และอ่านหนังสือไปพร้อม ๆ กัน ทุกวันไอติมจะได้นอนไม่ถึงสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าสภาพของเดือนคณะนั้นแทบจะโทรมไม่ต่างจากผีดิบเลยสักนิด

“ไอติม...ไอติม”

“หืม?”

ใบหน้าขาวยับยู่ งัวเงียขึ้นมาจากฝันหวาน แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเพื่อน ๆ ในห้องกำลังเก็บของแล้วเดินออกจากห้องเรียนกันไปหมดแล้ว

“นี่กูเผลอหลับไปเหรอ”

หันมามองหน้าควันที่ปลุกเขาตื่นเสร็จก็เก็บของเข้ากระเป๋า พอมองเลยไปก็ไม่เห็นเพื่อนคนอื่นนั่งอยู่แล้ว ไอติมจึงถามขึ้นมาอีกประโยค

“แล้ววินทร์กับพีชหายไปไหนอ่ะ”

“กลับไปแล้ว พีชรีบกลับบ้าน ส่วนไอ้วินทร์รีบไปขี้”

“อ๋อ วันนี้วันศุกร์นี่นา พีชเลยต้องกลับบ้าน” ไอติมพึมพำอยู่คนเดียวเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ เห้อออ พรุ่งนี้วันเสาร์ เขาจะนอนเอาแรงทั้งวันเลย คอยดูสิ

“แล้วนี่ต้องไปกองประกวดมั้ย กูจะได้ไปส่ง”

“อืม ไปสิ”

หลังจากเก็บของเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินไปที่รถของควันอย่างคุ้นเคย ตั้งแต่เริ่มทำกิจกรรมกับกองประกวด ควันก็มักจะอาสามาส่งอย่างนี้ทุกวันจนไอติมเริ่มชินเสียแล้ว บางทีมีคนขับรถให้ก็ดีเหมือนกันเพราะเขาปวดหัวกับการจราจรในมอเหลือเกิน

“ถึงแล้ว...เลิกเวลาเดิมใช่มั้ย”

“อืม สี่ทุ่มเวลาเดิม กูไปล่ะ”

ไอติมโบกมือลาแล้วรีบลงจากรถเมื่อเห็นว่าตอนนี้เขาเลทมาเกือบห้านาทีแล้ว เมื่อมาถึงอาคารที่ใช้ทำกิจกรรมก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที โชคดีที่พี่เจสสิก้า (ชื่อจริงชื่อว่าเจตน์) พึ่งเริ่มจับไมค์พูด ก็ถือว่าเขาทันเวลาหวุดหวิดแหละนะ

“ติม วันนี้ทำไมสายวะ” ไอติมหันไปทาง เคน เดือนคณะทันตแพทย์ ที่ถามเขาเมื่อไอติมนั่งลงข้างกัน

“อาจารย์ปล่อยช้าน่ะ แถมรถก็ติดอีก”
 
“เออ ๆ อย่างน้อยก็ยังมาทันก่อนจะเริ่มกิจกรรม วันนี้พี่กรกับพี่แจนจะมาด้วยนะ พี่เจตน์บอกก่อนที่มึงจะเข้ามาอ่ะ”

ชื่อของพี่กรทำเอาไอติมหัวใจเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง ดวงตากลม ๆ นั้นหันมองเคนเพื่อจะถามย้ำอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ถาม ประตูห้องก็เปิดออกมา ก่อนที่พี่กรและพี่แจน...อดีตดาวและเดือนมหาวิทยาลัยเมื่อสองปีก่อนจะเดินเข้ามา

ไอติมพึ่งรู้ตอนนี้ว่าติวเตอร์ของเขาเมื่อสองปีก่อนนั้นฮอตมากแค่ไหน ไอติมรู้อยู่แล้วว่าพี่กรหล่อมาก ๆ หล่อจนไอติมยังเคยอิจฉาความหล่อของพี่กรเลย แต่เขาไม่คิดเลยว่าพี่กรจะดังมากขนาดนี้ ยิ่งเดินมาคู่กับพี่แจนแล้วยิ่งดูเหมาะสมกับตำแหน่งที่ทั้งคู่ได้รับจริง ๆ

“กรี๊ดกันเสร็จรึยังคะหนู ๆ ถ้าเสร็จแล้วพี่เจสสิก้าคนสวยจะได้สัมภาษณ์พี่กร อดีตผัวเจ๊เอง”

“เดี๋ยวก่อนไอ้เจตน์ มึงว่าอะไรนะ” พี่กรรีบแย้ง ตาแทบถลนกับประโยคเมื่อครู่ของพี่เจตน์

“ก็บอกว่าอย่าเรียกชื่อนั้น ให้พ่อกูเรียกคนเดียวก็พอ...เห็นว่าเป็นผัวเก่าฉันหรอกนะ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยไปก่อน” เจตน์จิกตาใส่อดีตเดือนมหา’ลัยไปที แล้วทำท่าจะโผเข้ากอดเอวกรให้เด็ก ๆ อิจฉาเล่น

“ทำอะไรเกรงใจแฟนเขาที่ยืนอยู่ตรงนั้นหน่อยเหอะนังเจตน์”

เสียงของรุ่นพี่คนหนึ่งดังขึ้นมา พร้อมเสียงโห่ใส่พี่เจตน์ ปนกันไปกับเสียงแซวสองคนที่ยืนอยู่บนเวที และอาการของพี่กรและพี่แจนก็ทำให้ไอติมได้รู้เสียทีว่าคนที่อยู่ในใจพี่กรมาตลอดสองปีก็คือพี่แจนนั้นเอง

เดือนมหา’ลัยคบกับดาวมหา’ลัย...

จะมีอะไรเหมาะสมไปมากกว่านี้อีกงั้นเหรอ...



*



หลังจากออกมาจากอาคารที่ใช้ทำกิจกรรม ไอติมก็เดินไปตามทางเดินด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป หัวใจที่มันด้านชาอยู่แล้วเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นค่อย ๆ บีบรัดจนไอติมรู้สึกหายใจไม่ออก...จู่ ๆ ก็รู้สึกอยากร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมต้องเป็นเขาคนเดียวที่รู้สึกกับพี่กร ในขณะที่พี่กรนั้นก็มีความสุขกับพี่แจน...

“ไอติม! จะไปไหนวะ!”

เสียงตะโกนเรียกจากด้านหลังทำให้ไอติมหยุดชะงักแล้วหันกลับไปมอง เห็นควันที่วิ่งเหยาะ ๆ มาทางที่เขายืนอยู่ ก่อนจะหยุดหอบเล็กน้อยตรงหน้า ไอติมถึงนึกขึ้นได้ว่าเขานัดให้ควันมารับนี่นา

“มึงมารอนานแล้วเหรอ” ไอติมถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า รีบปรับสีหน้าในความมืดให้เป็นปกติก่อนที่ควันจะสังเกตเห็นเสียก่อน

“ก็มารอนานแล้วดิ เห็นมึงเดินเหมือนไม่มีสติมาทางนี้ กูเลยต้องรีบวิ่งมาตามมึงกลับไปที่รถไง”

“กูลืมน่ะว่าให้มึงมารับ ขอโทษที”

“เออ ช่างมันเถอะ มึงจะไปเที่ยวกับพวกกูมั้ย” ควันบอกปัดก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง ไอติมจึงเงยหน้ามองคนชวนอย่างแปลกใจ

“ไปไหน”

“ผับ XXX มีกู ไอ้วินทร์ แล้วก็ไอ้พีช”

ไอติมนิ่งคิดสักพัก ตั้งแต่จำความได้ เขาไม่เคยไปเที่ยวในที่อโคจรอย่างนี้เลย ถ้าไปครั้งนี้คงจะเป็นการเปิดประสบการณ์ครั้งแรกของไอติม แต่เพราะความเหนื่อยล้าจากการทำกิจกรรมดาว-เดือน ทำให้ไอติมลังเลใจอยู่ไม่น้อย

“เอาไง ถ้าไม่ไปเดี๋ยวกูแวะไปส่งมึงก่อนก็ได้ แต่ถ้าจะไปก็ไปกันเลย” ควันไม่ได้เร่งอะไร แต่เขาก็อยากให้ไอติมไปด้วยกัน เพราะไหน ๆ เพื่อน ๆ ก็ไปกันครบแกงค์แล้ว ถ้าขาดไอติมไปเหมือนวันที่ไปกินบาบิก้อน คงจะกร่อยน่าดู

“อืม ไปสิ”

สุดท้ายไอติมก็ตกลง เพราะความอยากรู้อยากลองชนะทุกอย่าง ถึงจะเหนื่อยยังไง พรุ่งนี้ค่อยพักผ่อนทั้งวันก็คงไม่สายหรอก อีกอย่างลองกินเหล้าสักครั้งก็คงจะดี เผื่อน้ำเมาจะทำให้เขาลืมความเจ็บปวดลงไปได้บ้างสักนิดก็ยังดี



ผับ XXX

เสียงเพลงจังหวะหนัก ๆ และเหล่านักเต้นที่ออกลวดลายกันอยู่ตรงหน้านั้นค่อนข้างเป็นภาพที่แปลกใหม่สำหรับไอติม คนตัวเล็กถูกควันโอบไหล่เพราะกลัวจะถูกเบียดจนหลงกันเข้ามาในร้านจนถึงโซนวีไอพีที่มีวินทร์และพีชนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“มา ๆ ไอติมมึงนั่งนี่เลย”

พีชตบเบาะข้างตัวเอง ซึ่งไอติมก็นั่งลงโดยไม่ขัดอะไร ส่วนวินทร์ก็ยกมือเรียกพนักงานเพื่อขอแก้วใหม่มาให้เขา

“เอาอะไร เหล้าหรือเบียร์” พีชชี้ไปที่ของมึนเมาบนโต๊ะ ซึ่งมีทุกอย่างให้ไอติมเลือกสรร แต่เพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ไอติมจึงเลือกไม่ถูก

“อันไหนเมาเร็วกว่ากันอ่ะ กูเลือกไม่ถูก” ไอติมถามอย่างไม่แน่ใจ และคำถามนั้นก็ทำเอาทุกคนในโต๊ะตกใจไม่น้อย

“อย่าบอกนะว่ามึงไม่เคยกินเหล้ามาก่อน” พีช

“หน้าใส ๆ แบ๊ว ๆ อย่างนี้ กูก็ไม่คิดว่าแม่งจะใสจริงจนไม่เคยแดกเหล้ามาก่อนอย่างนี้” วินทร์

“นี่กูพาเด็กที่ไหนมาหัดแดกเหล้าครั้งแรกวะเนี่ย” ควัน

ไอติมมองเพื่อนทั้งสามคนที่ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองโดยไม่ได้นัดหมาย ก็กระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ และสุดท้ายควันก็พูดขึ้นกลางวง

“งั้นเอาน้ำโค้กให้มันเลยดีกว่า”

“ไม่เอา กูอยากเมา” ไอติมเถียงกลับทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น

“โหยยยย ไม่เคยกินมาก่อน มึงก็เปรี้ยวอยากเมาคาร้านเลยรึไง เอ้า ๆ งั้นไม่ต้องขัดศรัทธามัน จัดพี่ช้างให้มันไปเลย”

วินทร์พูดขึ้นแล้วรับแก้วจากพนักงานมาคีบน้ำแข็ง แล้วเทเบียร์ช้างจนเต็มแก้ว ก่อนจะยื่นไปตรงหน้าไอติม คนตัวเล็กสุดในกลุ่มมองแก้วตรงหน้าแล้วรับมาถือไว้ ในขณะที่รอวินทร์เทเบียร์ให้กับทุกคน พอทุกคนได้เบียร์กันครบแล้ว ก็ยกขึ้นชนแก้วกันจนครบ ไอติมทำตามแล้วลอบมองทุกคนที่ยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ก็ยกขึ้นจิบตาม แต่เมื่อสัมผัสแรกที่ได้รับ ก็ทำเอาไอติมแทบจะคายเบียร์ทิ้งทันที แต่พีชที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุดก็รีบปิดปากเขาไว้ได้ทัน

“อย่าคายทิ้งนะเว้ย เสียดายของ”

สุดท้ายเขาก็พยายามกลืนของมึนเมาเหล่านั้นลงคออย่างยากลำบาก พอหายขมแล้ววินทร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็พูดขึ้นบ้าง

“ไหนว่าอยากเมาไงวะ แค่จิบเบียร์ไปแค่นั้นมึงก็จะคายเบียร์ทิ้งอยู่แล้ว”

“ก็มันขมนี่นา” ไอติมพูดเสียงเบา ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด เป็นเหตุให้วินทร์ที่พูดแดกดันไปต้องรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

“เอามานี่เลย เดี๋ยวกูกินให้เอง” ควันคว้าแก้วเบียร์มาจากไอติมและยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะสั่งโค้กกับพนักงานมาให้ไอติมที่นั่งหน้าจ๋อยอยู่ข้าง ๆ พีช

“กินโค้กไปก็พอแล้วมึงอ่ะ เอ้า เอาไปกินซะ” ควันยื่นโค้กให้ไอติมรับไป ไอติมเลยเทโค้กลงในแล้วเบียร์แก้วเดิมที่ควันพึ่งดื่มเบียร์ของเขาจนหมด แล้วจิบโค้กกินอย่างเซ็ง ๆ...ในขณะที่คนอื่นกินเบียร์กันราวกับน้ำเปล่า แต่เขากลับกินได้แค่โค้ก เด็กชะมัดเลย

“อยากลองกินโค้กผสมเหล้าสักช็อตมั้ยไอติม อร่อยอยู่นะ กูเคยกินช่วงหัดกินเหล้าใหม่ ๆ เดี๋ยวทำให้กิน” พีชที่นั่งข้าง ๆ เสนอขึ้นมา ไอติมจึงได้แต่เออออตามแล้วส่งแก้วเหล้าให้พีชชงให้ดื่ม

ไอติมมองพีชที่เปิดเหล้ามาแล้วเทเหล้าใส่ฝาขวด ก่อนจะเทลงแก้วโค้กของเขา แล้วใช้ที่คีบน้ำแข็งคนกันจนเกิดเสียง แล้วส่งให้ไอติมได้ชิม ไอติมจึงรับมาก่อนจะลองจิบดู

“เป็นไง”

“ไม่เหมือนกินเหล้าเลย อร่อยดี” ไอติมพึมพำแล้วยกโค้กกินอึกใหญ่ พีชเห็นแล้วก็อมยิ้มก่อนจะกระซิบบอกมือใหม่หัดดื่มให้ได้รู้

“กินอย่างนี้เมาเร็วกว่าที่พวกกูกินกันอีกนะ อย่ากินเยอะล่ะ เดี๋ยวเมาหัวทิ่มคาร้านแน่มึง”
.

.

คำเตือนของพีชดูเหมือนจะไม่เป็นผล เมื่อไอติมที่เพลิดเพลินกับโค้กผสมเหล้ายกของมึนเมาขึ้นดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า จนดวงตากลมนั้นเริ่มพร่าเบลอ สติเริ่มไม่อยู่กับตัว และเริ่มพูดไม่รู้เรื่องเสียแล้ว

“พีชชชชชชชช...ไอ้สองคนนั้นมันหายไปไหนว๊า” เสียงยานคางของเดือนคณะแพทยศาสตร์ถามขึ้น ดวงตาเยิ้ม ๆ นั้นกวาดตามองไปทั่ว แต่ก็ไม่เห็นทั้งวินทร์และควันเลย

“สงสัยไปสูบบุหรี่มั้ง...มึงนั่งให้มันตรง ๆ หน่อยดิวะไอติม มึงจะอ่อยกูรึไง” พีชมองคนที่เมาไปแล้วเลื่อยเขาอยู่อย่างนี้ หัวทุย ๆ ของไอติมนั้นซบอยู่ที่ไหล่ของเขา แถมลมหายใจมันยังรดอยู่ที่ตรงคอเขาอีก ที่มันต้องยั่วเขาอยู่แน่ ๆ เลย

“หืมมมมม กูอ่อยมึงเหรอ...กูปวดฉี่ว่ะ” ไอติมพึมพำ แล้วโงนเงนขึ้นมา ร่างเล็กทำท่าจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องฟุบลงกับที่เดิมเพราะไม่มีแรงจะเดิน และได้จังหวะพอดีกับที่ควันเดินเข้ามาถึงโต๊ะ พีชจึงรีบกวักมือเรียก

“มีอะไรวะ”

“เอาเพื่อนมึงไปเข้าห้องน้ำดิ ก่อนมันเยี่ยวรดกูเนี่ย” พีชหิ้วปีกไอติมส่งให้ควันรับไปดูแล ควันที่รับไอติมมาอย่างงง ๆ มองดูคนที่ทำตาปรือปรอยก็รู้แล้วว่าสติไอติมหายไปหมดแล้ว คงจะเมาโดยสมบูรณ์แบบแล้วสินะ

“แล้วทำไมมึงไม่พามันไปเข้าห้องน้ำเองวะ”

“ถ้ากูพามันไปเข้าห้องน้ำเอง กูกลัวจะได้จับมันทำเมียดิวะ ไอ้เชี่ยแม่ง เมาแล้วโคตรอ่อย กูจะบ้าตาย”

พีชพูดอย่างหัวเสีย แล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ควันได้ยินอย่างนั้นแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะหิ้วปีกไอติมไปทางห้องน้ำที่เขาพึ่งจากมา

.

.

ร่างสูงใหญ่หอบหิ้วคนตัวเล็กกว่าที่ไม่ได้สติมายังห้องน้ำที่มีนักดื่มหลายคนต่อคิวรอเข้าห้องน้ำอยู่ ควันกอดคนตัวเล็กไว้หลวม ๆ เพราะถ้าให้พูดตามตรงแล้ว ไอติมตอนที่ไม่ได้เมาอย่างนี้มันก็น่ารักจนน่าจับกดเป็นเมียมากพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้ เวลานี้ที่คนตัวเล็กไม่ได้สติ และหอบหายใจแรงอยู่ข้าง ๆ เขานั้น ไอ้พวกที่ต่อคิวรอเข้าห้องน้ำนี่มันมองตาเป็นมัน จนควันที่ทำหน้าที่เหมือนพ่อไอติมในตอนนี้ต้องกอดมันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นมันโดนฉุดแน่นอน

“ฮือออ ปวดฉี่จะตายแล้ววว”

เสียงเล็ก ๆ นั้นพึมพำอยู่ข้างหูไม่ขาดสาย ควันได้แต่มองดูแถวที่ค่อย ๆ สั้นขึ้น จนกระทั่งใกล้มาถึงคิวของไอติม ควันจึงรีบพาไอติมเข้าไปในห้องน้ำ แทนที่จะเป็นโถปัสสาวะเหมือนที่คนอื่น ๆ

“มึงไหวมั้ยวะไอติม” ควันตบหน้าไอติมเรียกสติเบา ๆ ดวงตากลมจึงปรือปรอยมองควัน แล้วพยักหน้ารับ

“ไหว ๆ ปวดฉี่” ไอติมยังคงพูดแต่คำเดิม ควันเลยปล่อยให้ไอติมมันจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จ โดยที่เขาก็หันหลังเข้าประตู จนเมื่อได้ยินเสียงกดชักโครกแล้ว และแรงสะกิดที่เอวของเขา ควันจึงหันกลับมามองร่างเล็กตรงหน้า

“เชี่ยแม่ง อย่าอ่อยกู”

ควันสบถเสียงเบา เมื่อไอติมที่ยืนยิ้มเผล่อยู่ตรงหน้านั้นซบลงที่อกเขา แขนก็กอดเอวของเขาไว้หลวม ๆ แล้วพึมพำเสียงเบาอยู่ข้างหู

“ปลอบกูหน่อย...กูเจ็บ”

“เป็นอะไรวะ”

“ไม่รู้...แต่เจ็บมากเลย”

“เจ็บตรงไหน” ควันถามทั้ง ๆ ที่ยังยืนนิ่งให้ไอติมกอดอยู่อย่างนั้น คนตัวเล็กเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพึมพำตอบ

“ตรงหัวใจ”

“...”

“เจ็บมาก ๆ เลย”

“...”

“มึงรักษาให้กูได้มั้ย” ไอติมช้อนตามองคนกอดเอาไว้แน่น ลมหายใจร้อนที่กระทบอยู่บริเวณต้นคอของควันนั้นอดทำให้ควันขนลุกขึ้นมาอย่างประหลาดไม่ได้

“ไอติม...มึงแม่งอ่อยกู”

“กูเจ็บ...”

“มึงแม่ง...”

ในตอนนี้เหมือนทุกอย่างในหัวของเขามันตีรวนจนเขาสับสนไปหมด ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกถูกกดเอาไว้ด้วยของมึนเมา จนเขาไม่อยากจะสนใจมันอีกต่อไปแล้ว

“ควัน...มึงรักษาให้กูได้มั้ย...มึงเป็นหมอนี่นา”

“จะให้กูรักษาหัวใจมึงงั้นเหรอ” เสียงทุ้มถามแผ่วเบา มือหนาเกลี่ยปอยผมที่ปกปิดใบหน้าขาวเนียนให้ออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะเผลอลากมันลงมาถึงปากอิ่มที่อยู่ตรงหน้า

“อืม”

สิ้นคำนั้น ริมฝีปากร้อนผ่าวก็ค่อย ๆ แตะลงบนกลีบปากอุ่นร้อน จูบอุ่น ๆ ที่ควันก็ไม่แน่ใจนักว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ และแรงกอดรัดจากคนตัวเล็กกว่าก็ทำให้เขามีสติมากขึ้นก่อนจะผละออกมา เมื่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันย้ำเตือนเขาว่าคนตรงหน้านี้คือเพื่อนของเขา

“มึงรู้มั้ยไอติมว่ากูมีกฎของกูว่าอะไร”

ควันถามเสียงแผ่ว ริมฝีปากยังคงชิดกับคนที่อยู่ในอ้อมกอด ไอติมเงยหน้ามองควันอีกครั้งทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวทุย ๆ นั้นส่ายไปมาอย่างปวดหัว

“...”

“เพื่อนก็คือเพื่อน...กูไม่เคยคิดจะเอาเพื่อนมาเป็นแฟน”

“...”

“แต่สำหรับมึง ทุกอย่างมันคือข้อยกเว้นจริง ๆ ว่ะไอติม”
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่4 - กฎแห่งการเป็นเพื่อนสนิท [13.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 15-08-2018 00:03:53
 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่4 - กฎแห่งการเป็นเพื่อนสนิท [13.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 15-08-2018 13:27:04
ไอติมทำเอาควันถึงกับละเว้นเลยติดตาม
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่5 - เรื่องที่พยายามลืม [16.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 16-08-2018 20:38:30
บทที่ 5
เรื่องที่พยายามลืม


แสงแดดที่ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามานั้นรบกวนการนอนอยู่ไม่นอน ดวงตากลมที่อยู่ภายใต้แพขนตาหนาหยี่ตาอย่างนึกรำคาญ ก่อนจะพลิกตัวไปอีกฝั่งเพื่อหนีแสงแดด

และเมื่อเห็นแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงอยู่ตรงหน้า หัวคิ้วก็ขมวดกันเป็นปมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่อยู่ตรงหน้า และก็ได้พบกับใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงหลับสนิท ไอติมจึงขยับตัวออกห่าง แต่ก็ขยับออกไม่ได้เพราะวงแขนกว้างนั้นกอดเอวเขาเอาไว้หลวม ๆ

ไอติมพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน...เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้าผับ และเขาก็ลองดื่มเบียร์เป็นครั้งแรก รสชาติมันแย่กว่าที่เขาคิดมากพอสมควร สุดท้ายพีชก็ผสมเหล้าลงในโค้กให้เขากิน และหลังจากนั้น...อ่า...ปวดหัวจัง

ไอติมหลับตาลงอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าปวดหัวตุบ ๆ แต่หลับได้ไม่นาน อ้อมแขนที่กอดเขาไว้หลวม ๆ ก็คลายออก ไอติมจึงลืมตาตื่นขึ้นมา และพบว่าควันก็ตื่นแล้วเช่นกัน

“ตื่นนานแล้วเหรอ” ควันถามขึ้น และปล่อยให้เขาได้เป็นอิสระ ไอติมจึงลุกขึ้นนั่งอย่างมึน ๆ

“สักพักแล้ว...นี่มึงพากูมาที่ไหนกันเนี่ย”

ไอติมมองไปรอบห้องอย่างงง ๆ ห้องทั้งห้องนั้นตกแต่งด้วยโทนสีขาวดำเสียเป็นส่วนใหญ่ ห้องนี้นั้นเป็นระเบียบอยู่พอสมควร แต่ส่วนที่สกปรกที่สุดคงจะเป็นมุมห้องที่มีกองหนังสือวางเป็นตั้ง ๆ ชีทเรียนวางกระจัดกระจาย และแมคบุ๊คหนึ่งเครื่องตั้งอยู่บนโต๊ะ

“ห้องกูเอง เมื่อคืนมึงเมาจนพูดไม่รู้เรื่อง พอจะถามห้องมึง มึงก็ไม่ตอบ กูเลยพากลับมาห้องกู”

“ขอบใจที่ยังหาที่ซุกหัวนอนให้กูแล้วกัน” ไอติมพูดพึมพำ แล้วลูบผมตัวเองที่ยุ่งเหยิงให้เป็นทรง ควันที่แอบมองแผ่นหลังเล็กตรงหน้าก็อดคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาไม่ได้ ร่างสูงจึงลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ ไอติม ก่อนที่มือใหญ่จะคว้าข้อมือของคนที่กำลังสางผมอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าน่ารักจึงหันมามองอย่างสงสัย

“มีอะไร?”

“เมื่อคืนมึงจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”

“...”

ไอติมไม่ได้ตอบ ดวงตากลมนั้นหลุบต่ำแล้วบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม ควันที่รอคอยด้วยหัวใจที่เริ่มเต้นรัวเร็วนั้น ท้ายที่สุดหัวใจของเขาก็กลับมาเต้นด้วยอัตราเร็วปกติอย่างน่าประหลาด เมื่อไอติมเงยหน้าขึ้นมาตอบเขา

“กูจำไม่ได้สักอย่าง กูจำได้แค่ว่ากูนั่งกินโค้กอยู่ แล้วภาพก็ตัดไปเลย”

“จำได้แค่นั้นจริง ๆ เหรอ” ควันถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เกิดความเงียบขึ้นรอบกายพวกเขาอย่างน่าอึดอัด และไอติมก็ตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา

“อืม...กูจำได้แค่นั้นจริง ๆ”

.

.

ควันมาส่งไอติมที่คอนโดของคนตัวเล็กในเวลาต่อมา ไอติมกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินเข้าคอนโดด้วยจิตใจที่ไม่เป็นปกตินัก เมื่อขึ้นลิฟต์มาจนถึงห้องตัวเอง ร่างเล็กก็ทรุดลงบนพื้นห้องทันทีเมื่ออยู่คนเดียว

ใครว่าเขาจำไม่ได้กันล่ะ...

ถึงแม้จะเมาแค่ไหน แต่เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมันกลับฝั่งอยู่ในความทรงจำของไอติมเสียแล้ว เพราะความเมาเป็นเหตุให้เขาพูดอะไรออกไปโดยไม่ยั้งคิดนั้นแหละ ไปขอให้ควันปลอบเขา ไปขอให้ควันรักษาหัวใจให้อย่างนั้น...แล้วรสจูบที่ยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากนั้นอีก

หลังจากออกจากห้องน้ำมาแล้ว สติของไอติมนั้นเหลืออยู่เพียงน้อยนิด และเขาก็อายเกินกว่าจะรับรู้อะไรทั้งสิ้น เลยหลับไปทั้ง ๆ ที่ควันยังคงกอดเขาเอาไว้ และเมื่อได้สติอีกครั้งก็ตอนที่ควันวางเขาลงบนเตียงนอน ก่อนที่ควันจะทาบทับลงมาที่ตัวของเขา แล้วจูบอีกครั้ง...

จูบนั้นไอติมจำได้ว่ามันร้อนแรงกว่าจูบในห้องน้ำมากแค่ไหน ควันแทบจะดูดวิญญาณของเขาออกจากร่างให้ได้ และแม้อยากจะต่อต้านเพียงใด แต่เพราะฤทธิ์ของน้ำเมาที่ทำให้ไอติมไม่มีแรงแม้แต่จะขัดขืน สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้และปล่อยให้ควันจูบเขาอยู่อย่างนั้น จนเขาผล่อยหลับไปในที่สุด

เมื่อคิดได้อย่างนี้ ไอติมก็ต้องขยี้หัวตัวเองด้วยความสับสน ในหัวนั้นมีแต่ประโยคของควันที่ลอยวนไปวนมาไม่สามารถสลัดออกได้เลย


‘สำหรับมึง ทุกอย่างมันคือข้อยกเว้นจริง ๆ ว่ะไอติม’




*



ในที่สุด เช้าวันจันทร์มาถึง หลังจากนอนให้หายแฮงค์มาถึงสองวันเต็ม วันนี้ไอติมก็รีบตื่นมาอาบน้ำ และไปเรียนตั้งแต่เช้า ไอติมปฏิเสธควันที่อาสามารับแล้วบอกว่าจะขับรถไปเรียนเอง วันนี้เขาเลยได้ลองขับรถยนต์ไปเรียนเองเป็นครั้งแรก เมื่อมาถึงห้องเรียน ไอติมก็ไปนั่งประจำที่เดิมของตัวเอง

“เป็นไงบ้างวะไอติม” พีชที่มาถึงเป็นคนที่สองทักทาย แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง

“ก็ดี หายแฮงค์แล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะเลย”

“ฮ่ะฮ่ะ ที่กินไปเมื่อวันศุกร์นั่นคือการกินเหล้าครั้งแรกของมึงเลยเหรอวะ”

“อืม อยู่บ้านพ่อแม่ไม่พาไปกินเหล้าแบบนี้หรอก”

“อยู่กับพวกกู นี่พามึงเป็นเด็กใจแตกว่างั้นเหอะ” พีชถามยิ้ม ๆ ไอติมจึงรีบแก้ตัวจนวุ่นวาย

“ไม่ใช่สักหน่อย กูอยากไปเองต่างหาก ถือว่าหาประสบการณ์ไง”

“ค่อย ๆ เรียนรู้ไป ยังมีอีกหลายอย่างเลยล่ะที่มึงต้องหัดเรียนรู้ไว้บ้าง” พีชพูดพลางหันไปมองทางหน้าห้องเรียน ที่ควันและวินทร์เดินเข้ามาพร้อมกัน

“ไงไอติม หายแฮงค์แล้วเหรอวะ” วินทร์เดินเข้ามาก็ระบายยิ้ม ก่อนจะขยี้กลุ่มผมไอติมเบา ๆ อย่างนึกเอ็นดู ไอติมได้แต่ทำปากยู่ แล้วชกแขนคนที่นั่งลงข้างตัวเองอย่างงอน ๆ

“ไม่ต้องมาพูดเลย มึงมีแต่ว่ากูอ่อน”

“เอ้า ก็อ่อนจริงนี่หว่า...แล้ววันนั้นกลับถึงห้องมั้ยวะ เชี่ยควันมันส่งมึงถึงห้องรึเปล่า” วินทร์ชะโงกหน้ามาถามควันที่ยังคงเงียบ พอควันไม่ตอบ เลยหันมาทางไอติมแทน

“ไม่ถึง วันนั้นไปนอนห้องไอ้ควัน”

“มันไม่ได้ทำอะไรมึงใช่มั้ย...ใช่มั้ยไอ้ควัน” วินทร์ยังคงถามต่อ แถมชะโงกหน้ามาหาควันอีกครั้ง ควันจึงตอบกลับให้จบ ๆ ไป

“ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ ถามกูอยู่ได้นะมึง หวงไอติมมันมากรึไง”

“เออ กูหวงลูกกู” วินทร์พูดพร้อมกับโอบไหล่ไอติมไปด้วย ไอติมจึงได้แต่มองอย่างงง ๆ ไม่เข้าใจในสิ่งที่วินทร์กำลังพูดอยู่

“ลูกเลิกอะไรวะ ใครเป็นลูกมึง” ไอติมปัดแขนวินทร์ออก แล้วถามอย่างไม่เข้าใจ

“กูสถาปนาให้มึงเป็นลูกกูตั้งแต่ที่มึงอ้อแอ้อยู่ในผับแล้ว มึงไม่รู้เลยสินะว่าพวกที่อยู่ในผับมันจ้องมึงตาเป็นมัน ตอนที่มึงไปต่อแถวเข้าห้องน้ำกับไอ้ควัน กูยืนสูบบุหรี่อยู่แถวนั้นเห็นหมดแหละว่าใครมันมองมึงบ้าง สายตาแม่งจะแดกมึงให้ได้งั้นแหละ” วินทร์พูดไปก็นึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นที่เขาเห็นทุกอย่าง ดีนะที่ไอติมมันมีควันคุ้มกะลาหัวอยู่ ไม่งั้นมันได้โดนฉุดเข้าห้องน้ำแน่

ส่วนไอติมและควันที่ได้ยินวินทร์พูดอย่างนั้น ต่างก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดในห้องน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ ไอติมแสร้งทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน ส่วนควันก็เอาแต่เงียบแล้วเปิดชีทเรียนขึ้นมารออาจารย์ บทสนทนาของทุกคนจึงจบลงเพียงแค่นั้น เพราะอาจารย์เข้ามาสอนพอดี

.

.


วันนี้ไอติมมีทำกิจกรรมดาว-เดือนเช่นเดิม จึงขอตัวแยกออกมาในขณะที่เพื่อนอีกสามคนจะไปหาข้าวเย็นกินด้วยกัน ไอติมเดินมาถึงอาคารที่ใช้สำหรับทำกิจกรรมก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อเห็นป้ายประกาศด้านหน้า

‘งดซ้อม 1 วัน เพราะติดภารกิจประชุมด่วนจ้า เจอกันพรุ่งนี้เวลาเดิมนะจ๊ะเด็ก ๆ’

“อะไรเนี่ย งดซ้อมทำไมไม่แจ้งในกลุ่มไลน์วะ” เสียงของบุคคลที่อยู่ด้านหลังทำให้ไอติมต้องหันไปมอง และก็พบว่าเป็นเพลิง...เดือนคณะนิติศาสตร์ ที่บ่นเป็นหมีกินผึ้ง ข้าง ๆ กันนั้นคือบลู เดือนคณะวิทยาศาสตร์ที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง

“สงสัยเราจะมาเป็นกลุ่มแรกล่ะมั้ง เดี๋ยวถ่ายรูปบอกในไลน์แล้วกัน” บลูว่าแล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายประกาศตรงหน้าไอติม ก่อนจะกดโทรศัพท์ตัวเองอยู่สักพัก และข้อความไลน์ในกลุ่มดาว-เดือนของไอติมก็แจ้งเตือนขึ้นมา

“งั้นกลับกันเถอะว่ะ” เพลิงพูดอย่างนั้น แต่บลูก็ทำท่าทางอิดออดเล็กน้อย

“มึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูกลับเอง”

“แหม พูดอย่างนี้คงจะมีคนมารับล่ะสิ” เพลิงทำท่าแซวบลู จนคนตรงหน้าไอติมเริ่มเขิน ก่อนจะยกมือโบกไล่เพลิงที่ยังแซวไม่หยุด

“จะไปไหนก็ไปเลยมึง ไม่คุยด้วยแล้ว”

“เออ ๆ งี้แหละคนมีความรัก มักจะไม่สนใจเพื่อนอย่างกู เชอะ!...ไปก็ได้วะ ไปแล้วนะไอติม” เพลิงแซวบลูเสร็จ ก็หันมาโบกมือลาเขาแล้วก็วิ่งกลับไปที่ลานจอดรถ ทิ้งเขาไว้กับบลูสองคน ไอติมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาเสียหน่อย

“บลูจะกลับตอนไหนเนี่ย รอใครอยู่เหรอ” ไอติมถามคนที่ยังยืนอยู่ข้างเขา เพราะว่าตอนนี้ไอติมก็จะกลับแล้วเหมือนกัน แต่เห็นบลูยืนอยู่อย่างนี้คนเดียว ไอติมเลยคิดว่ายืนอยู่เป็นเพื่อนบลูคงจะดีกว่า

“รอเพื่อนน่ะ ไอติมกลับก่อนเลยก็ได้นะ”

“เอางั้นเหรอ...งั้นกลับก่อนนะ”

“อืม แล้วเจอกันพรุ่งนี้”

บลูโบกมือแล้วยิ้มอย่างน่ารักให้เขา พอไอติมเดินออกมาจนถึงลานจอดรถ ก็ทันได้เห็นรถเบนซ์คันสวยขับผ่านเขาไปพอดี ดวงตากลมมองคนที่อยู่ในรถที่คุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน แล้วบลูก็ยิ้มกว้างก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ จากนั้นรถคันนั้นก็ขับออกไป

“ทำไมหน้าคุ้น ๆ นะ” ไอติมพึมพำอยู่คนเดียว และในขณะที่กำลังจะขับรถออกไปบ้าง ดวงตากลมก็หันไปเห็นใครบางคนที่เดินมาทางนี้เสียก่อน

“อ้าว ทำไมไม่ไปซ้อมล่ะไอติม” เสียงทุ้มของรุ่นพี่ทักขึ้น และยิ้มกว้างให้กับเขา

“วันนี้งดทำกิจกรรมน่ะครับพี่กร แล้วพี่กรมาที่นี่ อย่าบอกนะว่าไม่รู้เหมือนกันว่าเขางดซ้อม”

“อ้าว งดซ้อมเหรอ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วนี่ไอติมจะไปไหนล่ะ ไหน ๆ วันนี้ก็ได้เลิกเร็วแล้ว พี่เลี้ยงขนมดีมั้ย ตั้งแต่ไอติมสอบติดที่นี่ พี่ก็ยังไม่ได้เลี้ยงอะไรเราเลยสักอย่างเดียว”

“เอางั้นก็ได้ครับ จะได้กินทีเดียวแล้วกลับไปอ่านหนังสือเลย” ไอติมแอบดีใจที่จะได้ไปกินขนมกับพี่กรโดยที่พี่กรเป็นคนเอ่ยปากชวนเอง ร่างเล็กกำลังลิงโลดอยู่ในใจ และทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของพี่กรก็ดังขึ้นมา คนตรงหน้าจึงกดโทรศัพท์รับสาย คุยกับปลายสายไม่กี่คำก็วางสายลงก่อนจะยิ้มให้ไอติมเช่นเดิม

“ไอติม”

“ครับ?”

“ถ้าพาพี่แจนไปด้วยจะเป็นอะไรรึเปล่า”

“...”

คำถามของพี่กรทำเอาไอติมถึงกับไปต่อไม่ถูก ใบหน้าน่ารักไม่รู้จะปั้นหน้ายังไง เมื่อกรได้เห็นอย่างนั้นจึงรู้ได้ทันทีว่าน้องชายของเขาคงยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้เขาหลงเหลืออยู่ กรจึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที

“เดี๋ยวพี่บอกแจนก็ได้ว่า – “

“ก็ได้ครับ พาพี่แจนไปกินขนมด้วยกัน ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ดีซะอีก จะได้กินจนพุงแตกไปเลย”



ไอติมทิ้งรถไว้ที่หน้าตึก A ที่ใช้ทำกิจกรรมดาว-เดือน แล้วเดินมารอที่ข้างถนนกับพี่กร รอไม่นานรถยนต์ของพี่แจนก็มาจอดเทียบด้านข้าง พี่กรนั่งข้างพี่แจน ส่วนเขาก็นั่งเบาะหลังโดยปริยาย

“สวัสดีครับพี่แจน” ไอติมยกมือไหว้รุ่นพี่คนสวยทันทีที่ขึ้นรถมา

“หวัดดีจ๊ะน้องไอติม...จะไปที่ไหนล่ะกร” พี่แจนหันไปทางพี่กร ส่วนพี่กรก็หันกลับมาทางไอติมที่นั่งเงียบ ๆ อยู่เบาะหลังเพียงคนเดียว

“ไอติมอยากกินอะไร บิงซู โทสต์ คากิโกริ หรือจะกินบุฟเฟต์ดี ทำไมตอนนี้พี่เริ่มจะหิวแล้วก็ไม่รู้”

“เอาตามที่พี่กรอยากกินดีกว่าครับ ผมยังไงก็ได้” ไอติมพูดอย่างเกรงใจ ไม่เหมือนกับไอติมเมื่อสองปีก่อน เพราะตอนนี้มีใครอีกคนที่สำคัญกับพี่กรอยู่ด้วย เขาจึงไม่อยากทำตัวเป็นเด็ก ๆ อีกต่อไปแล้ว

“ได้ไงล่ะ นี่มาเลี้ยงโดยเฉพาะเลยนะ แจนช่วยคิดหน่อยดิว่าจะกินอะไร” กรหันมาหาแจนอย่างขอความช่วยเหลือ และแจนก็ทำท่านึกไปด้วยในขณะที่ขับรถอยู่

“กินบุฟเฟต์เลยดีมั้ย มีทั้งบุฟเฟต์ ทั้งของหวานเลย”

“โอเค ดีล เอาตามนั้นแล้วกัน”


ท้ายที่สุด ไอติมก็มายืนอยู่หน้าร้านชาบูชิ ที่ห้างแถว ๆ มหาวิทยาลัย คนตัวเล็กเดินตามที่กรและพี่แจนเข้าไปในร้านอย่างเงียบ ๆ และเริ่มทานอาหารโดยไม่พูดไม่จา จนรุ่นพี่ทั้งสองคนสังเกตเห็นความผิดปกติ กรและแจนจึงพยายามทำให้บรรยากาศโดยรอบดีขึ้น

“น้องไอติมกินกุ้งมั้ย เดี๋ยวพี่ลวกให้” พี่แจนหยิบจานกุ้งที่ผ่านมาตรงหน้ามาให้ ไอติมจึงต้องพยักหน้ารับอย่างเกรงใจ

“ไอติมเอาเส้นอูด้งป่ะ จำได้ว่าเคยชอบกินนี่นา” พี่กรก็ไม่ยอมแพ้ ยกเส้นอูด้งมาวางตรงหน้าเขา ไอติมจึงได้แต่กล่าวขอบคุณเบา ๆ จนเมื่อพี่กรลุกออกไปตักอาหาร ทั้งโต๊ะจึงเหลือแค่เขาและพี่แจน คนที่เป็นรุ่นพี่จึงตัดสินใจพูดขึ้น

“น้องไอติมเงียบจังเลย คุยกับพี่บ้างก็ได้นะ” พี่แจนบอกกับเขา ไอติมจึงเงยหน้าขึ้นมาจากจานแล้วยิ้มบาง ๆ เพราะไม่รู้จะพูดยังไง

“ผมขอโทษครับ ที่ทำให้พี่แจนไม่สบายใจ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นจ๊ะ พี่ไม่ได้ไม่สบายใจ แต่เห็นน้องไอติมเงียบแบบนี้ เหมือนอึดอัดเลยที่พี่มาด้วย”

“ไม่หรอกครับ พี่แจนอย่าคิดมากเลย”

ไอติมพูดปลอบสาวสวยเพียงหนึ่งเดียวบนโต๊ะอาหาร ถึงแม้เขาจะอึดอัดอย่างที่พี่แจนว่าจริง ๆ แต่ไอติมจะทำให้คนรักของพี่กรเสียใจไม่ได้หรอก ร่างเล็กจึงพยายามยิ้ม และพยายามคุยให้มากขึ้น แม้ว่าเขาจะกำลังฝืนใจมากแค่ไหนก็ตาม

“เห็นชอบกินบ่อย ๆ เลยหยิบมาให้”

พานาคอตต้าสองอันถูกวางลงข้างพี่แจน อดีตดาวมหา’ลัยจึงเงยหน้ามองพี่กรแล้วยิ้มอย่างดีใจ ในขณะที่พี่กรก็ยื่นถ้วยไอศกรีมมาตรงหน้าเขา

“พี่เห็นไอศกรีมรสช็อคโกแลตกับรสมะนาวอยู่ในตู้ ลังเลตั้งนานว่าไอติมชอบรสไหน แต่พี่จำได้ว่าแต่ก่อนไอติมชอบรสช็อคโกแลตใช่มั้ยล่ะ”

ไอติมมองถ้วยไอศกรีมรสช็อคโกแลตตรงหน้าก็ฉีกยิ้มบาง ๆ ให้พี่กร ก่อนจะเริ่มตักไอศกรีมในถ้วยเข้าปาก

“ครับ...ผมชอบช็อคโกแลต”

กรที่ได้ยินไอติมพูดอย่างนั้นก็ดีใจที่เดารสไอศกรีมที่ไอติมชอบได้ถูก...แต่อดีตเดือนมหา’ลัยไม่รู้เลยว่ารุ่นน้องตรงหน้ากำลังร่ำไห้อยู่ในใจเงียบ ๆ คนเดียวมากแค่ไหน

...ใครบอกล่ะว่าผมชอบรสช็อคโกแลต ผมโคตรเกลียดช็อคโกแลตเลยล่ะ...แต่เพราะเป็นพี่ ผมจะยอมชอบช็อคโกแลตก็ได้ครับ...



.

.



“เดี๋ยวผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

หลังจากพี่พยายามกินไอศกรีมช็อคโกแลตที่พี่กรตักมาให้จนหมดถ้วย ไอติมก็ขออนุญาตพี่ ๆ ทั้งสองคน ก่อนจะเดินออกมาจากร้านอาหาร

ใบหน้าน่ารักนั้นก้มหน้าจนชิดอก แค่ฝืนปั้นยิ้มอยู่ในร้านอาหารนั้นก็ลำบากพอแล้ว ยังต้องพยายามกินของที่ไม่ชอบเพื่อพี่กรอีก ถ้าอยู่ตรงนั้นต่ออีกสักพัก ไอติมคงจะเข้มแข็งต่อไม่ไหวแล้วแน่ ๆ


พลั่ก!


“ไอติม”

ร่างของเดือนคณะแพทยศาสตร์ที่เดินอย่างใจลอยถูกชนไหล่เข้าเต็ม ๆ จนแทบจะเสียหลัก แต่เพราะข้อมือใหญ่ที่คว้าแขนเขาไว้ได้ทัน พร้อมกับเสียงเรียกที่คุ้นหู ไอติมจึงเงยหน้ามองคนที่ชนเขาแล้วก็เหวอไปเล็กน้อย

“ไม่ได้ซ้อมเหรอ ทำไมมาอยู่ตรงนี้” เสียงทุ้มถามขึ้นอีกครั้ง ไอติมจึงรีบตอบทันที ก่อนจะดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของคนตรงหน้า

“วันนี้ยกเลิกน่ะ เลยมากินชาบูชิ”

“กับใคร”

“กับรุ่นพี่”

ไอติมตอบ พร้อมกับเหลือบตามองผู้หญิงที่ควงแขนคนตรงหน้าอยู่ ดวงตากลมเลยตวัดขึ้นมองก่อนจะถามกลับบ้าง

“แล้วมึงล่ะ มากับใคร”

“เพื่อน”

“ควันคะ! เพื่อนที่ไหนล่ะ จูนไม่ใช่เพื่อนควันนะ” เสียงเล็กนั้นพูดอย่างมีน้ำโห ควันแอบกรอกตาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะดึงแขนตัวเองออกจากมือเล็กที่เกาะแขนเขาอยู่

“จะเป็นเพื่อนดี ๆ หรือจะเป็นแค่คนรู้จัก เลือกเอานะจูน”

“ควัน!! ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ” เธอทำหน้าบูดบึ้ง ซึ่งขัดกับใบหน้าสวย ๆ ของเธอเสียเหลือเกิน ไอติมจึงถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง คิดว่าหนีออกไปจากตรงนี้คงจะดีกว่า

“งั้นกูไปแล้วนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้” ไอติมรีบพูดเร็ว ๆ แต่ควันก็คว้าแขนไอติมไว้ได้ทันก่อนที่ร่างเล็กจะเดินหนี

“เดี๋ยวสิ กูมีเรื่องอยากจะพูดด้วย”

“เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกัน” ไอติมบอกปัด และเตรียมจะเดินหนี เพราะจูนเริ่มทำตาเขียวใส่เขาเสียแล้ว

“ไม่เอา กูจะคุยวันนี้” ควันยังดึงดันไม่ยอมปล่อยไอติมไปง่าย ๆ

“แต่ – “

“ควันไม่ต้องคุยอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ เราต้องไปดูหนังกันแล้วนะคะ ไปได้แล้วค่ะควัน” พูดเสร็จ เธอก็ใช่แรงทั้งหมดลากแขนควันให้เดินไปทางโรงหนัง ส่วนไอติมก็พยายามแกะมือปลาหมึกที่ยังจับที่ต้นแขนของเขาอยู่นั้นแหละ

“กูต้องคุยกับมึงนะไอติม”

“พรุ่งนี้ค่อยคุย มึงไปดูหนังเหอะ”

“กูจะคุยวันนี้”

“เออ งั้นเดี๋ยวทักไลน์ไปแล้วกัน มึงไปดูหนังเถอะไป” ไอติมแกะมือปลาหมึกได้สำเร็จก็รีบหันหลังเดินกลับไปตามทางเดิมที่จากมาทันที ขืนอยู่ต่อนานกว่านี้ เขาคงโดนลูกหลงจากจูนแน่ ๆ เพราะควันดูเหมือนจะมีเรื่องคุยกับเขามากเหลือเกิน...

พอคิดถึงเรื่องที่ควันอยากจะคุยกับเขาแล้ว ไอติมก็ต้องสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดบ้า ๆ ออกจากตัวเอง

เรื่องอะไรที่ควันดูร้อนรนที่จะพูดกับเขาให้ได้งั้นเหรอ...

ไอติมได้แต่ภาวนาให้เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่ไอติมกำลังพยายามลืมอยู่ก็พอ...

เพราะถ้าควันพูดมันอีกครั้ง...เขาคงลืมมันไม่ได้แน่ ๆ


หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่5 - เรื่องที่พยายามลืม [16.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 17-08-2018 00:05:27
คนที่บลูไปด้วยคงเป็นหมอกซินะ
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่5 - เรื่องที่พยายามลืม [16.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-08-2018 20:05:57
หมอกดูเทวดาขึ้นไปอีกเยอะเลยค่ะพอเจอควัน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่5 - เรื่องที่พยายามลืม [16.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 18-08-2018 05:25:40
 o13
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่5 - เรื่องที่พยายามลืม [16.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 18-08-2018 05:59:33
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 6 - เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ [20.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 20-08-2018 20:10:53
บทที่ 6
เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้


หลังจากแยกกับควัน ไอติมก็กลับมาหาพี่กรและพี่แจนที่ร้านอาหารเช่นเดิม นั่งกันอยู่ไม่นานทั้งสามคนก็กลับกัน โดยที่พี่แจนไปส่งไอติมที่หน้าตึก A ที่ใช้สำหรับทำกิจกรรมดาว-เดือน ไอติมกล่าวขอบคุณพี่ ๆ แล้วลงมาจากรถ เมื่อรถของพี่แจนขับออกไปแล้ว ไอติมถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

...เก่งมากเลยนะไอติม ที่ไม่ร้องไห้ออกมาต่อหน้าพวกพี่เขาน่ะ...

ไอติมได้แต่คิด แล้วก็กดรีโมตปลดล็อครถ จากนั้นจึงขับรถกลับคอนโดด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยปกตินัก เมื่อมาถึงคอนโดในเวลาสามทุ่มพอดิบพอดี ไอติมก็เก็บของทุกอย่างก่อนจะเดินเข้าคอนโด แต่ยังไม่ทันถึงลิฟต์ ปลายเท้าทั้งสองข้างก็หยุดชะงัก ก่อนจะมองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ

“ดูหนังจบแล้วเหรอ”

ไอติมถามควันที่ลุกขึ้นจากโซฟาหน้าล็อบบี้แล้วมายืนอยู่ตรงหน้าเขา ไอติมพึ่งเจอควันเมื่อชั่วโมงก่อนเอง ทำไมถึงได้ดูหนังจบเร็วจัง

“เข้าไปในโรงแป๊บเดียวแล้วก็ออกมาน่ะ มีเรื่องจะคุยด้วย”

“มันสำคัญขนาดที่ต้องหนีสาวของมึงมาเลยเหรอ”

“อืม สำคัญมาก กูว่ากูคงทนไม่ไหวแล้วว่ะ” เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบา แต่ไอติมก็ยังพอจับใจความได้

“งั้นก็ขึ้นไปคุยกันบนห้องเถอะ ตามมาสิ”

ไอติมว่าก่อนจะเดินนำไปที่ลิฟต์ โดยที่ร่างสูงก็เดินตามมาด้านหลัง เมื่อมาถึงชั้นที่ไอติมพักอยู่ เดือนคณะแพทยศาสตร์ก็เดินนำออกมา แล้วใช้คีย์การ์ดสแกนเข้าห้อง เมื่อประตูเปิดออก ควันก็แอบสำรวจมองห้องของไอติมเงียบ ๆ

ห้องของไอติมเป็นห้องชุด ที่แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน ห้องทั้งห้องนั้นแต่งด้วยโทนสีขาวสะอาดตา ของใช้ต่าง ๆ ก็จัดเป็นระเบียบดี ไอติมเปิดประตูอีกห้องเข้าไปเก็บของซึ่งควันเดาว่าน่าจะเป็นห้องนอน ก่อนจะเดินออกมาหาเขาที่ยังยืนอยู่ที่เดิม

“ว่าไง มีอะไรจะคุยงั้นเหรอ”

ไอติมถามขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงที่ยืนมองคนที่ทำตาใสแป๋ว แล้วอยากจะจ้องลึกลงไปถึงจิตใจของคนตรงหน้า ทั้ง ๆ ที่ไอติมเป็นคนเริ่มทุกอย่าง แต่คนตัวเล็กตรงหน้ากลับจำอะไรไม่ได้สักอย่างเดียว...ต่างจากเขาที่ไม่สามารถสลัดความทรงจำในวันนั้นออกไปได้แม้แต่วินาทีเดียว

ไม่ยุติธรรมเลย...

“มึงเป็นยังไงบ้าง” คำถามของควันที่ถามขึ้นทำให้ไอติมเผลอขมวดคิ้ว แต่ก็ตอบออกไปอย่างงง ๆ

“ก็สบายดี ถามอะไรแปลก ๆ”

“หายเจ็บแล้วงั้นเหรอ ไหนบอกว่าจะให้กูรักษาให้ไง”

คำถามย้อนกลับของควันทำเอาไอติมไปต่อไปไม่ถูก ดวงตากลมหลุบต่ำเพราะไม่กล้าสบตาควัน ก่อนจะบังคับให้น้ำเสียงตัวเองเป็นปกติ แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“ระ...รักษาอะไร กูไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“ก็รักษาหัวใจมึงไง มึงเคยบอกกูไว้”

“ตอนไหนวะ...กะ...กูจำไม่ได้”

ไอติมถอยหลังหนีคนตรงหน้า แถมยังไม่สามารถห้ามเสียงสั่น ๆ ของตัวเองได้ อีกทั้งแววตาที่สั่นไหวอย่างรุนแรงเพราะกลัวควันจะจับได้ กิริยาอย่างนั้นอยู่ในสายตาของควันทั้งหมด และควันก็รู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่ไอติมพูดออกมานั้นคือคำโกหก

“จำไม่ได้จริง ๆ เหรอ”

“อะ...อืม” ไอติมตอบรับแต่ยังคงก้มหน้างุด และเมื่อควันจับข้อมือของเขาเบา ๆ ไอติมก็รีบสลัดออกราวกับโดนของร้อน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวสูง เพื่อไล่ให้ควันออกไปจากห้องก่อนที่หัวใจของเขาจะเต้นผิดจังหวะไปมากกว่านี้

“หมดเรื่องคุยแล้วใช่มั้ย งั้นก็กลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนเช้านะอย่าลืม”

“ยังไม่หมด กูยังไม่เคลียร์”

“แล้วยังต้อง...อื้อ!”

ไม่ทันได้พูดจบประโยค ร่างเล็กก็ลอยหวือเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวสูง ใบหน้าหล่อเหลาโฉบลงมาก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากสีแดงช่ำอย่างห้ามใจไม่อยู่...พอแล้ว ความอดทนที่เขามีมันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว

“คะ...ควัน...”

ไอติมได้แต่พึมพำชื่อของคนที่พึ่งจูบเขาไป หัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะไปจนน่ากลัว และเมื่อใบหน้าหล่อร้ายกาจนั้นผละออกมาเพียงนิด ดวงตาคมที่จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของไอติมนั้นก็ทำเอาไอติมแทบจะหายใจไม่ออก

“มึงจำไม่ได้จริง ๆ งั้นเหรอ”

เสียงทุ้มถามแผ่วเบา ก่อนที่ริมฝีปากของควันจะจูบซ้ำลงมาอีกครั้ง ไอติมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง จนเมื่อควันผละออกมาอีกครั้ง ไอติมก็ยังคงเบลอกับสิ่งที่ได้รับในตอนนี้

“มึงทำให้กูเอาแต่คิดถึงมึง แล้วมึงจะจำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยรึไง ไม่ยุติธรรมกับกูเลยสักนิดเดียว”

สองวันที่ผ่านมา ไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่ควันหลับตาลงแล้วจะไม่นึกถึงไอติม ไม่นึกถึงรสจูบที่นุ่มนวลของคนตรงหน้า แม้จะลองเรียกจูนให้มาเจอกัน และจูบหญิงสาวดูสักครั้ง แต่ควันกลับพบว่าไม่มีใครสามารถลบไอติมออกจากสมองเขาได้เลย ยิ่งตอนที่เดินชนไอติมที่ห้าง ควันถึงได้รู้ในตอนนั้นว่าเขาควรจะพูดกับไอติมให้รู้เรื่อง ไม้งั้นเขาคงจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้แน่ ๆ

ควันอดใจไม่ไหวที่จะแตะแต้มลงที่กลีบปากตรงหน้าอีกครั้ง ยิ่งลำพองใจเมื่อไอติมไม่ได้ขัดขืนอย่างที่คิด และจูบในครั้งนี้ก็ทำเอาควันถึงกลับเตลิด เมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้าค่อย ๆ อ้าออกจนเขาสามารถแทรกแซงลิ้นของตัวเองเข้าไปในโพรงปากของอีกคนได้...แขนเล็กที่ควันโอบกอดไว้นั้นยกขึ้นคล้องคอเขาหลวม ๆ และเอียงใบหน้าเล็กน้อยเพื่อให้ควันจูบได้อย่างถนัดถนี่ยิ่งขึ้น


นี่เหรอคนที่บอกว่าจำอะไรไม่ได้...


ในห้องชุดนั้นมีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศ และเสียงดูดดุนริมฝีปากของกันและกัน ควันจูบไอติมอย่างเอาแต่ใจจนคนตัวเล็กเริ่มหายใจไม่ทัน มือทั้งสองข้างจึงดันอกหนาให้ออกห่างจากตัว หยาดน้ำใสเลอะที่มุมปากแดงช้ำ จนควันอดใจไม่ไหวที่จะเลียรอบกลีบปากสวย ไอติมได้แต่หอบหายใจในอ้อมอกของอีกคน แม้แต่แรงจะยืนทรงตัวเขายังแทบจะไม่มี

“กูพยายามจะลืม...”

“...”

“แต่มึงก็ทำให้กูลืมไม่ลงจริง ๆ”

ไอติมตอบกลับเสียงเบา สุดท้ายก็ยอมรับกับตัวเองว่าเขาก็โหยหาสัมผัสแปลกใหม่อย่างนี้มากเช่นกัน และเมื่อปราศจากอาการเมา ในเวลาที่มีสติครบถ้วนอย่างนี้ พอกล้าที่จะลองจูบบ้าง ไอติมถึงได้รู้ว่าเขาก็ชอบมันมากแค่ไหน

“ลืมไม่ลง งั้นก็ไม่ต้องลืม”

เสียงทุ้มกระซิบอยู่ที่ข้างหู และปลายจมูกของควันก็กดลงที่แก้มของเขา ไอติมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของควัน ใบหน้าน่ารักนั้นขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะสัมผัสที่ควันมอบให้ และเพราะตัวเองจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว ควันจึงช้อนตัวคนเล็กขึ้นมาแนบอกก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา โดยที่ไอติมยังคงนั่งอยู่บนตักอย่างนั้น

ควันมองคนตรงหน้าที่ในเวลานี้นั้นน่ารักจนเขาเริ่มจะทนไม่ไหว ใบหน้าหล่อคมคายยื่นเข้าไปใกล้ หมายจะฉกชิงความหวานที่เขาติดใจอีกครั้ง แต่มือเล็ก ๆ ก็ดันไว้ได้ทันเสียก่อน

“เดี๋ยว...”

“อะไร”

“มึงจะจูบกูอย่างนี้ไม่ได้”

“ทำไม”

“เพื่อนกันเขาจูบกันได้ด้วยเหรอ”

“คงไม่ได้หรอกมั้ง”

“...”

“แต่สำหรับมึงมันคือข้อยกเว้น”

สิ้นคำนั้น ควันก็จับท้ายทอยสวยให้ก้มลงมาเพื่อที่เขาจะได้จูบคนตัวเล็กอีกครั้ง และด้วยการนำพาของคนที่เชี่ยวชาญกว่า ไอติมจึงได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ไอติมหลับตาลงและยอมให้ควันทำใจตัวเอง จนเมื่อฝ่ามือใหญ่สอดเข้าไปใต้เสื้อนักศึกษาของคนที่อยู่บนตัก เพียงแค่แตะโดนผิวเนื้อใต้ร่มผ้าที่นุ่มนิ่มแล้ว ควันก็ยิ่งห้ามใจตัวเองไม่ไหว เผลอบีบเนินเนื้อเล็ก ๆ บนหน้าอกไปทีจนไอติมสะดุ้ง ฝ่ามือใหญ่รีบผละออกมาก่อนจะปลดกระดุมเสื้อของคนตรงหน้าออกอย่างรวดเร็ว

“พะ...พอ...พอ...”

ไอติมร้องห้ามเสียงแผ่ว ร่างกายนั้นสั่นน้อย ๆ เพราะผิวเนื้อที่ปราศจากอาภรณ์ยามที่โดนลมของเครื่องปรับอากาศนั้นทำเอาไอติมถึงกับขนลุกชัน และสติของเขาก็กลับมาในที่สุด

“บอกให้พอไงควัน”

เสียงของไอติมแข็งขึ้นเล็กน้อย เมื่อควันยังไม่ยอมผละออกจากตัวเขา และเมื่อได้ยินอย่างนั้นควันจึงหยุดชะงัก ก่อนจะสบตาคนตรงหน้านิ่ง ๆ

“มึงจะมาหยุดกูตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ”

“แต่กูเป็นเพื่อนมึงนะ! เพื่อนกันเขาไม่ได้ทำแบบที่มึงกำลังทำกับกูหรอก”

ไอติมว่าพลางกอดอกด้วยความหนาวสั่น ควันได้แต่จ้องมองร่างขาวเนียนตรงหน้า แล้วเผลอแลบเลียริมฝีปากอย่างหัวเสีย ดวงตาคมตวัดมองคนตัวเล็กอีกครั้ง

“มึงจะมาอ่อยกูแล้วเทกูอีกครั้งไม่ได้แล้วนะไอติม”

“กูอ่อยมึงตอนไหน” ไอติมเถียงกลับ จะคว้าเสื้อที่ควันปลดออกขึ้นมาใส่อีกครั้ง แต่ควันก็โยนเสื้อของเขาทิ้งไปอีกทางก่อนจะขึ้นเสียงดังใส่คนตัวเล็กอย่างหมดความอดทน

“ทุกตอนเลย!”

“...”

“มึงแม่ง...” ควันได้แต่ทึ้งหัวตัวเองเพราะทำอะไรต่อไม่ได้ แล้วยิ่งตอนนี้เขายิ่งปวดหนึบกลางตัวเพราะคนตรงหน้าแท้ ๆ นี่เขาต้องช่วยตัวเองอีกครั้งเพราะไอ้เพื่อนหน้ามึนคนนี้นี่เหรอ

“กูขอโทษ” เสียงหง่อย ๆ ดังขึ้นด้านข้าง ควันจึงหันไปมองไอติมอย่างไม่เข้าใจ เห็นคนตัวเล็กก้มหน้าจนชิดอก มือขาว ๆ นั้นจับที่ปลายเสื้อของเขาเอาไว้แล้วดึงเบา ๆ...แม่งอ่อยกันอีกแล้ว

“มึงไม่ต้องขอโทษอะไรทั้งนั้นแหละ”

“แต่ว่า...!!” ไม่ทันได้แย้งให้จบ ไอติมก็โดนคนตัวโตกว่าดึงใบหน้าของเขาไปชิดก่อนจะจูบเพื่อปิดปากอีกครั้ง และตอนนี้ควันจะไม่ยอมให้ไอติมขัดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ฝ่ามือใหญ่ออกแรงผลักไหล่คนตรงหน้าให้นอนราบกับโซฟา แล้วเขาก็ทาบทับอย่างรวดเร็ว

ควันยังคงไม่ปล่อยให้ไอติมเป็นอิสระ ริมฝีปากร้อนผ่าวจูบซ้ำ ๆ จนกลีบปากของคนตัวเล็กแดงช้ำ เรียวลิ้นร้อนแทรกลงมาแล้วกวาดต้อนเอาความหวานอย่างเอาแต่ใจ จูบในคราวนี้นั้นยิ่งร้อนแรงจนไอติมอยู่ไม่สุข ความผิดชอบชั่วดีนั้นตีกันอยู่ในหัว ใจหนึ่งก็อยากจะลองไปต่อ แต่อีกใจก็บอกเขาว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้มันไม่ถูกต้อง

“เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตอนนี้เถอะนะ”

“...”

“ถามใจของมึงดูเถอะ ว่ามึงอยากจะไปต่อพร้อมกับกูมั้ย”

ควันพูดจบ ก็หยุดนิ่งทุกสิ่งอย่าง ดวงตาคมสบกับดวงตากลมใสที่สั่นไหวอย่างรุนแรงกับคำพูดนั้น ให้ไอติมได้คิดอีกครั้ง ถ้าไอติมปฏิเสธเขาอีกครั้ง คราวนี้ควันก็คงจะไม่เรียกร้องอะไรอีกแล้ว

ไอติมสบตาคนตรงหน้าอย่างลังเล ถ้าเขาเลือกที่จะไปต่อ ความสัมพันธ์ของเขาและควันจะยังเหมือนเดิมรึเปล่า...ถ้าเขาเลือกที่จะไปต่อ แล้วผลลัพธ์ที่จะตามมันจะเป็นยังไง...ไอติมไม่อาจจะคาดเดาอะไรได้ แต่ในตอนนี้ที่หัวสมองตีกันให้วุ่น เขากลับเลือกที่จะยกมือขึ้นคล้องคอคนตรงหน้าเอาไว้ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และดึงให้ควันโน้มตัวลงมาจูบเขาอีกครั้ง...

หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไปไอติมไม่อาจคาดเดาได้ แต่เขาจะขอลองเสี่ยงที่จะเดินต่อไปดูสักครั้งหนึ่ง...เพราะไอติมก็อยากจะรู้เช่นกันว่าปลายทางข้างหน้ามันคืออะไร

ควันไม่ปล่อยให้โอกาสในครั้งนี้หลุดลอยไปได้อีกครั้ง ร่างสูงใหญ่จึงช้อนตัวคนตัวเล็กขึ้นมาไว้แนบอกทั้ง ๆ ริมฝีปากยังคงเชื่อมติดกัน ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้องซึ่งเดาตั้งแต่แรกว่ามันคือห้องนอน เมื่อเปิดประตูและเดินเข้าไปด้านใน ควันก็วางไอติมลงบนเตียงหลังใหญ่ ก่อนจะทาบทับลงมาอีกครั้ง ฝ่ามือหนานั้นก็ทำหน้าที่ของตนเองได้ดีเสียเหลือเกิน เพียงชั่วพริบตาร่างของไอติมก็เปลือยเปล่าต่อหน้าเขา...

ควันเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาที่เป็นโรคแพ้ความขาวอยู่แล้ว มาเจออย่างนี้บอกเลยว่ายิ่งแพ้ และไม่รอช้า ควันก็รีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก เมื่อคนทั้งคู่ต่างก็ไร้อาภรณ์กันหมดแล้ว ควันจึงเริ่มจังหวะรักใหม่อีกครั้ง

ไอติมที่พร่าเบลอเพราะรสจูบได้แต่ปรือตามองคนตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ตอนนี้เขาและควันนั้นแทบจะใช้อากาศหายใจร่วมกันอยู่แล้ว ริมฝีปากของควันที่หยอกเอินอยู่ทั่วใบหน้าของเขานั้นนับว่าเป็นสัมผัสที่แปลกใหม่จนทำให้ขนอ่อนลุกชัน ก่อนที่จมูกโด่ง ๆ นั้นจะเลื่อนไปที่ลำคอ และไอติมก็สะดุ้งอีกครั้งเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวนั้นแตะลงที่ลำคอของเขา แถมยังขบเม้มซ้ำ ๆ ก่อนจะทำแบบนี้อีกครั้งที่ลำคออีกข้าง

จากนั้นริมฝีปากร้ายกาจนั้นก็ไล่ต่ำลงมาจนถึงหน้าอก ไอติมได้แต่หลับลงแล้วเชิดหน้าขึ้น จิกผ้าปูที่นอนระบายอารมณ์ที่มันปั่นป่วนอยู่ในช่องท้องยามที่ควันใช้ฝ่ามือหนาบีบเค้นที่หน้าอกเขาด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านก็ใช้ฟันครูดเบา ๆ พอให้ไอติมเสียว และไม่วายดูดติ่งไตสีชมพูอ่อนจนไอติมแทบจะร้องไห้ออกมาเพราะความเสียวอีก

“ฮึก...อ่ะ!”

ไอติมร้องไม่เป็นศัพท์ยามที่ด้านบนถูกปั่นป่วนด้วยเรียวลิ้นร้อน ส่วนกึ่งกลางตัวของเขานั้นถูกครอบครองด้วยฝ่ามือของคนด้านบน ไอติมมองคนที่อมยิ้มแล้วชักมือขึ้นลงนั้นแทบทำให้เขาทนไม่ไหว เพราะไม่เคยประสาในเรื่องอย่างนี้มาก่อน เพียงแค่ควันแตะเบา ๆ ที่กลางกาย ไอติมก็แทบจะทนไม่ไหวทันที

“เสียวเหรอ” เสียงทุ้มกระซิบถามอย่างนึกสนุก เห็นใบหน้าขาวเนียนนั้นขึ้นสีแดงแล้วยิ่งรู้สึกอยากจะแกล้งให้ไอติมครางดัง ๆ อีกครั้ง มือใหญ่จึงช่วยไอติมให้แรงขึ้นอีกจนร่างขาว ๆ ตรงหน้านั้นเปลี่ยนเป็นสีแดง เหงื่อกาฬแตกพลั่ก จนไม่นานน้ำขาวขุ่นก็พุ่งขึ้นจนเลอะมือเขาเต็มไปหมด

“เสร็จเร็วกว่าที่คิดอีกแฮะ...นี่มึงเคยช่วยตัวเองบ้างมั้ยเนี่ย” ควันถามคนที่นอนหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ดวงตากลม ๆ นั้นตวัดมองคนด้านบน ก่อนจะคว้าลำคอคนตรงหน้าให้เข้ามาจูบเสียเลย จะได้เลิกค่อนขอดเขาเสียที

“อืม...มึงนี่มันทั้งอ่อย ทั้งยั่วจริง ๆ” ควันผละริมฝีปากออกมาช้า ๆ มองคนน่ารักอย่างอดใจไม่ไหวแล้วจูบซ้ำ ๆ ก่อนจะถามเจ้าของห้องเสียงแผ่วเบา

“ในห้องมีถุงยางมั้ย” ควันพึ่งนึกได้ว่าถุงยางที่เขาพกติดตัวนั้น เขาใช้มันไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว และยังไม่ได้เอาอันใหม่ติดกระเป๋ามาด้วย ความหวังเดียวในตอนนี้ก็คงจะอยู่ที่คนตรงหน้าเท่านั้น

“ต้องใช้ด้วยเหรอ” เสียงที่ตอบกลับมา นั้นทำเอาควันแทบจะไปต่อไม่ถูก อย่าบอกนะว่ามันไม่มีถุงยางติดห้องไว้เลย เผื่อฉุกเฉินขึ้นมาแล้วมันจะทำยังไงวะเนี่ย แต่เรื่องนั้นเดี๋ยวค่อยถามไอติมทีหลังเถอะ ตอนนี้เขาต้องแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้เสียก่อน

“งั้นก็ไม่ต้องใช้ สดแม่งนี่แหละ”

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ฝ่ามือใหญ่ที่ยังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำรักของคนตัวเล็กก็ป้ายไปที่ช่องทางด้านหลังอย่างรีบร้อน ไอติมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อสัมผัสแปลก ๆ นั้นแตะลงที่บั้นท้าย ควันจับขาเรียวแยกออกจากกันแล้วยกขาทั้งสองข้างพาดบ่าของเขาไว้ ใบหน้าน่ารักนั้นเบือนหน้าหนีด้วยความอายเมื่อเห็นว่าตอนนี้ตัวเองทำกำลังอยู่ในท่าไหน ส่วนควันนั้นก็สาละวนอยู่แต่กลับกึ่งกลางตัวของคนตรงหน้า...เพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกของควันเช่นกันที่มีอะไรกับเพศเดียวกัน และพอเห็นช่องทางที่คับแคบแล้ว ควันจึงลองส่งนิ้วมือเข้าไปในช่องทางนั้นช้า ๆ เพื่อเบิกทาง ร่างเล็กจึงสะดุ้งอีกครั้ง เผลอเกร็งตัวจนควันปวดหนึบไปด้วย

“อย่างเกร็ง...แค่นิ้วเอง”

“ก็มันเจ็บ”

ไอติมพูดเสียงแผ่ว คว้าผ้าห่มข้างตัวมากัดเอาไว้เพราะกลัวจะร้องออกมา แต่ควันก็ดึงผ้าห่มผืนนั้นลงข้างเตียง ก่อนจะโน้มหน้าลงไปจูบคนตรงหน้าอีกครั้ง ไอติมจึงยอมรับจูบนั้นอย่างเต็มใจ และในตอนที่ไอติมกำลังเผลอไผลไปกับรสจูบที่ควันปรนเปรอให้ มือใหญ่ก็ส่งนิ้วที่สองเข้าไปในช่องทาง แช่อยู่นานจนควันรู้สึกได้ว่าไอติมหายเกร็งแล้วจึงส่งนิ้วที่สามตามเข้าไปอีก

“อึก!”

ไอติมจุกจนร้องไม่ออก แต่ควันก็พยายามปลอบประโลมด้วยภาษากายทั้งหมดเท่าที่เขาจะทำได้ ริมฝีปากได้รูปนั้นจูบย้ำซ้ำ ๆ ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหู

“ไม่เป็นไรนะ...ไม่เป็นไร”

เมื่อได้ยินคำปลอบประโลมของควัน ไอติมจึงพยายามไม่เกร็ง และปล่อยใจให้สบายเพราะเชื่อใจควัน จนในที่สุดควันก็ถอนนิ้วทั้งสามออกจากช่องทางด้านหลัง ไอติมรู้สึกโล่งไปหมด และยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ความคับแน่นระลอกใหม่ก็จ่อเข้ามาที่ช่องทางอีกครั้ง ก่อนที่ควันจะดันเข้ามา เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นแต่ไอติมก็รัดควันเสียแน่นจนคนตัวใหญ่ได้แต่กัดฟันเพราะเขาก็เจ็บไม่แพ้กัน

“ไอติม...ทนหน่อยนะ” ควันว่าแล้วพยายามจะดันตัวเองเข้าไปอีกครั้ง แต่ฝ่ามือเล็ก ๆ ก็ดันแผ่นอกเขาไว้ ใบหน้าขาวใสนั้นแดงเพราะความจุก ก่อนจะละลักละล่ำพูด

“เจ็บ...ไม่ไหวแล้ว...พอเถอะ...ฮึก...พอ” ไอติมสั่นศีรษะไปมา เหงื่อกาฬท่วมตัว เขาไม่ไหวแล้ว แม้ว่าจะพยายามอดทนแค่ไหนแต่ไอติมก็เจ็บจนต้องร้องไห้ออกมา

ถึงจะเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกสงสารมากแค่ไหน แต่ควันที่มาถึงจุดนี้แล้ว เขาจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด ใบหน้าหล่อก้มแล้วจูบคนงอแงอีกครั้ง เรียวลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัด และดูดดุนจนไอติมเริ่มเงียบ และเมื่อสัมผัสได้ว่าช่องทางนั้นเริ่มหายเกร็ง ควันจึงดันตัวเองเข้าไปจนสุดแม้ว่าเขาจะยังจูบไอติมอยู่อย่างนี้

“อื้อ!!...ฮึก!!”

ไอติมร้องเสียงหลง พยายามดันแผ่นอกหนาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ควันไม่ยอมปล่อยเขาเลย จนไอติมได้แต่ยอมแพ้และอดทนต่อความเจ็บอยู่อย่างนั้น จนเมื่อควันผละริมฝีปากออกมา มือก็ยกขึ้นเกลี่ยปอยผมของคนตัวเล็ก ก่อนจะเช็ดน้ำตาที่ตกจากหางตาช้า ๆ ก่อนจะพูดปลอบประโลมซ้ำ ๆ

“เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้ว...อดทนหน่อยนะ”

“ฮึก...” ไอติมไม่ตอบ ได้แต่สะอื้นเงียบ ๆ จนในที่สุดความเจ็บที่ช่วงด้านล่างก็เริ่มหายไป เสียงร้องไห้นั้นเงียบลงไปแล้ว ควันจึงลองขยับสะโพกเล็กน้อย

“อ่ะ” และเสียงที่ครางเบา ๆ นั้นก็เป็นตัวยืนยันได้ดีว่าไอติมนั้นเริ่มมีอารมณ์ร่วมแล้ว

พอคิดได้ดังนั้น ควันจึงเริ่มถดกายออกมา ก่อนจะเสียบเข้าไปใหม่อีกครั้ง และเสียงหวาน ๆ นั้นก็ครางซ้ำอีกครั้งจนเขาอยากจะได้ยินเสียงครางซ้ำ ๆ นั้นตลอดคืน

“อา...อ่ะ...”

ควันรีบไสกายอย่างเร็วที่ตอนนี้ไอติมไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว เขาก็อดทนจนเขาก็ใจจะขาดเช่นกัน กว่าจะปลอบจนคนตัวเล็กหายเจ็บได้ ตอนนี้แหละ เขาจะได้ตักตวงอย่างเต็มที่เสียที

สะโพกสอบกระแทกกระทั้นเป็นจังหวะ สอดรับกับเสียงครางระงมของไอติมที่เริ่มจะกลับมามีอารมณ์อีกครั้ง ยิ่งเมื่อเห็นว่าแกนกายเล็กเริ่มจะชูชันขึ้นมา ควันจึงใช้มือกำเอาไว้ แล้วชักขึ้นชักลงเป็นจังหวะไปกับช่องทางด้านหลัง ไอติมยิ่งหวีดร้องเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิม และเสียงนั้นยิ่งเป็นตัวช่วยเร่งอารมณ์จนเริ่มจะไปถึงขีดสุด

“ฮึก...ไม่ไหวแล้วควัน..ไม่ไหว...”

ไอติมหวีดร้องยามที่ควันกระแทกเข้ามาจนสุด และประกอบกับด้านหน้าที่ควันทำให้เขาอีกครั้ง ร่างของเขาราวกับจะระเบิดให้ได้ จนเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน ควันยิ่งเพิ่มความเร็วมากขึ้นอีกจนในที่สุด ไอติมก็ปลดปล่อยเลอะหน้าท้องเป็นลอนของควันเป็นครั้งที่สอง เช่นเดียวกับกายแกร่งที่สอดคาอยู่ด้านในร่างกายของไอติมที่ก็ฉีดน้ำรักจนล้นช่องทาง น้ำคาวนั้นไหลซืมออกมาจากช่องทางด้านหลังผสมกับลิ่มเลือดที่เกิดจากการฉีดขาดของช่องทาง

ไอติมได้แต่หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ขาเรียวตกลงจากไหล่หนา ได้แต่นอนนิ่ง ๆ ให้ควันจูบเขาซ้ำ ๆ จนทั่วร่าง

“ครั้งแรกของมึงเลยสินะ” ควันพึมพำ ยามที่เห็นเลือดที่เลอะบนผ้าปูเตียง เขาจึงได้แต่ลูบกลุ่มผมที่ชื้นเหงื่อ ก่อนจะจูบขมับบางเบา ๆ

“...”

“นี่ก็เป็นครั้งแรกของกูเหมือนกัน ที่มีอะไรกับผู้ชายอย่างมึง”

“แล้วเป็นยังไง” ไอติมอดจะถามเพราะความอยากรู้ไม่ได้ ดวงตากลม มองคนที่อยู่ด้านบนซึ่งยังไม่ยอมถอนแกนกายออกจากร่างของเขา

“โคตรจะรู้สึกดี...แล้วมึงล่ะ”

“เหมือนกัน”

พอได้ยินอย่างนั้น ควันก็ห้ามให้ตัวเองยิ้มไม่ได้ เลยจูบกลีบปากแดงที่มันช้ำเพราะเขาดูดดุนอย่างเอาแต่ใจและไอติมก็ยอมให้เขาจูบง่าย ๆ แถมยังหัดจูบตอบบ้างแล้วด้วย นี่ทำอย่างนี้แล้วเขาจะไปไหนรอด

“มึงอ่อยกูเก่งจริง ๆ ว่ะ”

“...”

“ขออีกรอบได้มั้ยวะ”

“ควัน!! พอเลย!!”




--------------------------

ใครบังเอิญผ่านเข้ามาอ่าน
ก็แวะคอมเมนต์กันสักนิดให้ชื่นใจหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ ;-;
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 6 - เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ [20.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Lexmix ที่ 20-08-2018 21:05:05
สนุกอ่ะตัวเองสู้ๆนะคะ ตามอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 6 - เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ [20.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Lexmix ที่ 20-08-2018 21:06:23
 :pighaun:สนุกอ่ะตัวเองสู้ๆนะคะ ตามอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 6 - เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ [20.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 20-08-2018 21:18:19
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 6 - เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ [20.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Zeta ที่ 20-08-2018 23:12:06
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 6 - เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ [20.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-08-2018 11:24:11
สนุกมากเลย
เรื่องไม่ง่ายแน่ คนหนึ่งขาดความรัก
ควันก็เจ้าชู้ไปเรื่อย

ติดตาม :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 6 - เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ [20.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-08-2018 21:59:08
เราว่าหลังจากนี้ดราม่าแน่เลย เจ้าชู้ตัวพ่อ ไข่ทิ้งไว้เรี่ยราดอีกกก  :hao7:

ช่วยแก้คำผิดค่าาา

ใบหน้าหล่อเหลาโฉบลงมาก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากสีแดงช่ำอย่างห้ามใจไม่อยู่ --> ตรงนี้เป็น ชุ่มฉ่ำ ค่ะ

เสียงหง่อย ๆ ดังขึ้นด้านข้าง ควันจึงหันไปมองไอติมอย่างไม่เข้าใจ --> หงอย ไม่มีไม้เอกค่ะ
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 7 - ดูแล [24.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 24-08-2018 19:51:28
บทที่ 7
ดูแล



ติ้ด ๆ

ภายในห้องที่มืดมิด นาฬิกาบ่งบอกเวลาว่าเป็นตีห้าของเช้าวันใหม่ เสียงนาฬิกาปลุกที่ยังไม่หยุดร้องกำลังรบกวนเวลานอนหลับของร่างสองร่างที่ยังคงกอดก่ายกันอยู่บนเตียง...

ติ้ด ๆ

“น่ารำคาญชะมัด”

เสียงทุ้มพึมพำทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตา ท่อนแขนยาวคว้าที่หัวเตียงสะเปะสะปะ จนเจอกับเจ้าตัวการที่รบกวนเวลานอนของเขาในตอนนี้ ก่อนจะตบปุ่มหยุดเวลาปลุกและมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม พร้อมกับตวัดร่างน่าฟัดเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง

“อือออออ”

เสียงร้องครางดังขึ้นเบา ๆ เมื่อถูกรบกวน ควันจึงนิ่งจนไอติมเงียบไปแล้ว ใบหน้าหล่อถึงได้ยกยิ้มขึ้นมา ก่อนจะห้ามใจไม่ไหว กดปลายจมูกไปที่แก้มขาวเบา ๆ แล้วดึงไอติมเข้ามากอดอีกครั้ง



.

.

จนเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าและส่องแสงเข้ามาในห้องไอติม ดวงตากลมจึงเบิกโพลงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพยายามขยับตัวและพบว่าเขากำลังโดนกอดไว้อยู่

“ปล่อย...ตื่นได้แล้วควัน”

ไอติมขยับตัวให้พ้นจากอ้อมกอดของคนที่นอนหลับอยู่ ส่วนควันที่โดนเสียงงุ้งงิ้ง ๆ กวนอยู่ข้างหูก็ทนหลับต่อไม่ไหว ปล่อยท่อนแขนหนัก ๆ ออกจากร่างขาวเนียน เมื่อไอติมหลุดพ้นออกมาจากอ้อมกอดได้ก็คว้านาฬิกาขึ้นมาดูเวลา ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“เจ็ดโมงแล้ว!! ควันตื่นเดี๋ยวนี้ สายแล้ว จะไม่ทันเรียนไบโอนะ”

“อืออออ ก็ช่างมันสิ เดี๋ยวไปขอเลคเชอร์ไอ้พีช ไอ้วินทร์มันมาลอกเอาก็ได้ นอนต่อเถอะหน่า” เสียงทุ้มยังคงงึมงำ แล้วทำท่าจะดึงไอติมให้นอนต่อ แต่คนตัวเล็กกลับสั่นหัวพรืด แล้วดึงแขนหนัก ๆ นั้นให้ลุกขึ้นนั่ง

“ตื่นเลย ยังไงก็ต้องไปเรียน กูไม่อยากขาดเรียนหรอกนะ”

เพราะความดื้อดึงนั้น ควันจึงตื่นได้เต็มตา มองคนที่มีอาการร้อนรนแต่ไม่ยอมลุกไปอาบน้ำเสียที ควันจึงถามเนิบ ๆ แล้วมองใบหน้าซีดขาวตรงหน้า

“แล้วไปเรียนไหวเหรอ”

“หะ...ไหวสิ” ไอติมตอบอย่างไม่แน่ใจนัก แต่พอลุกจากเตียงนอน ร่างเล็ก ๆ นั้นก็ทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง

เมื่อควันเห็นอย่างนั้นก็รีบลุกออกจากเตียง แล้วไปดูคนที่นั่งจุมปุ๊กอยู่ข้างเตียงอย่างเป็นห่วง...ไอติมหน้าซีดเซียวมากยิ่งขึ้นเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดจากการที่ลุกโดยฉับพลันอย่างนั้น

“ไปอาบน้ำไหวรึเปล่า มึงดูท่าจะไม่รอดเลยว่ะติม”

“พากูไปอาบหน่อยดิ เดินเองไม่น่าจะไหว” เสียงเล็กขอร้องอย่างอาย ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาควันในตอนนี้

“อ่อยกูตั้งแต่เช้าเลยนะ”

ควันพึมพำเสียงเบา แต่ไอติมกลับได้ยินมันชัดเจน สุดท้ายแขนแข็งแรงก็ช้อนร่างของเขาขึ้นแนบอก ไอติมได้แต่ก้มหน้าซบกับอกแกร่งนั้นจนเข้ามายืนอยู่ใต้ฝักบัว ควันยังคงประคองร่างของไอติมเอาไว้เพราะรู้ว่าขาไอติมยังคงสั่นไม่หยุด จากนั้นก็เปิดฝักบัวให้ชะล้างร่างกายของพวกเขาทั้งสอง แล้วบีบครีมอาบน้ำลงมือก่อนจะถูให้เกิดฟอง แล้วชโลมลงบนร่างขาวเนียนตรงหน้าช้า ๆ

“ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ เดี๋ยวกูทำเอง”

ไอติมรีบพูดเมื่อมือใหญ่นั้นลากมาถึงหน้าท้อง และก่อนที่มันจะลากลงไปต่ำกว่านั้น ไอติมก็ปัดมือของควันออก และถูกสบู่ไปทั่วทั้งร่างของตัวเอง และพยายามกัดปากเอาไว้ไม่ให้ร้องออกมาเพราะยังแสบไม่หาย

ท่าทางอย่างนั้นอยู่ในสายตาของควันทั้งหมด และควันก็ดึงมือทั้งสองข้างของไอติมขึ้นมา แล้ววางบนอกของเขา ไอติมได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจด้วยใบหน้าตื่น ๆ ก่อนที่หน้าจะแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อควันกระซิบที่ข้างหูเบา ๆ

“ถูสบู่ให้กูสิ...เดี๋ยวกูช่วยมึงอาบเอง”

สิ้นคำนั้น มือใหญ่ก็แตะลงที่บั้นท้ายงอนสวย ลากไล้เบา ๆ ก่อนจะใช้นิ้วชี้สอดเข้าไปในช่องทางคับแคบที่เขาเริ่มจะชื่นชอบมันขึ้นมาเสียแล้ว ส่วนไอติมที่ตกใจกับการกระทำนั้นก็สะดุ้งเบา ๆ แล้วเกาะไหล่ของควันเอาไว้ ดวงตาคู่สวยหลับตาลงเพราะทนมองหน้าควันต่อไปไม่ไหวเมื่อรู้สึกว่าควันกำลังใช้นิ้วกวาดอยู่ในช่องทางของเขา จนเมื่อนิ้วของคนตรงหน้าถอนออกมาแล้ว ไอติมถึงรู้สึกหายใจโล่งขึ้นมา พร้อมกับความอึดอัดที่หายเป็นปลิดทิ้งด้วย

“สบายตัวขึ้นรึยัง กูคิดว่าคงจะออกมาหมดแล้วมั้ง”

ควันพูดก่อนจะปล่อยให้น้ำจากฝักบัวชะเอาน้ำคาวนั้นออกไป จากนั้นจึงรีบถูสบู่ลงบนกายของตัวเองเร็ว ๆ เพราะไอติมไม่ยอมถูสบู่ให้เขาตามที่ขอ เสร็จแล้วจึงถือฝักบัวรดลงบนคนตัวเล็กจนสะอาดทั้งร่าง เมื่ออาบน้ำเสร็จพร้อมกันแล้ว ควันก็หยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่บนราวมาห่อหุ้มร่างขาว ๆ ไว้ แล้วประคองไอติมไปที่เคาน์เตอร์อ่างล่างหน้า แล้วยกร่างเล็กขึ้นนั่งบนนั้น

“มีผ้าเช็ดตัวอีกสักผืนให้กูมั้ย”

“มี อยู่ในตู้ด้านนอกอ่ะ หาเอานะ น่าจะอยู่ชั้นล่าง”

ไอติมบอก แล้วนั่งห้อยขาอยู่อย่างนั้นจนควันกลับเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้งพร้อมกับผ้าขนหนูม้วนอยู่ที่เอวแล้ว

“แล้วมีแปรงสีฟันอันใหม่บ้างมั้ย”

“น่าจะมีอยู่มั้ง น้าดาวซื้อแบบแพคมาไว้ให้อ่ะ ลองหาที่ชั้นบนดูดิ”

ไอติมชี้ไปที่ตู้เก็บของด้านบน ควันจึงเอื้อมมือเปิดตู้ออกมา และก็พบแปรงสีฟันอันใหม่ที่ยังเหลืออยู่สองอัน จึงหยิบออกมาใช้อันหนึ่ง แล้วบีบยาสีฟันใส่แปรงสีฟันของตน ส่วนไอติมก็ยื่นแปรงสีฟันในแก้วของตนเองให้ควันบีบยาสีฟันให้ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเริ่มแปรงฟันไปพร้อม ๆ กัน โดยที่ควันก็เปิดน้ำใส่แก้วให้ไอติมบ้วนปากเพราะอีกคนนั่งหันหลังให้อ่างล้างหน้า เมื่อแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย ควันก็ช้อนไอติมขึ้นมาแล้วพามานั่งลงที่ปลายเตียง จากนั้นก็เปิดตู้เสื้อผ้ามั่ว ๆ เพื่อหาชุดนักศึกษาให้ไอติม

“ควัน ปิดแอร์หน่อยดิ หนาว”

ไอติมพึมพำ แล้วกระชับผ้าขนหนูที่ห่อร่างของเขาเอาไว้ด้วย พอควันได้ยินอย่างนั้นก็รีบเดินไปปิดแอร์ให้เรียบร้อย แล้วเปิดผ้าม่านให้แสงสว่างด้านนอกส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่ และเมื่อหาชุดนักศึกษาให้ไอติมครบแล้ว ควันก็เทแป้งฝุ่นใส่ฝ่ามือจนเต็มแล้วทาจนทั่วร่างคนตัวขาวที่นั่งนิ่ง ๆ ให้เขาแต่งตัวให้โดยที่ละเลยครีมต่าง ๆ นานาที่วางอยู่เต็มโต๊ะ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นจากอะไร

“พอเหอะ เดี๋ยวที่เหลือกูทำเอง มึงไปแต่งตัวเถอะ จะได้รีบออกไป”

ไอติมบอกควันที่พยายามจะติดกระดุมเสื้อให้เขา ควันจึงพยักหน้าก่อนจะหายเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำ ไอติมจึงเริ่มติดกระดุมเสื้อของตัวเอง และยัดเสื้อนักศึกษาเข้าในกางเกง เอามือสางผมให้เรียบร้อยก็มองตัวเองในกระจก พอเห็นรอยแดง ๆ ที่มันโผล่พ้นคอเสื้อมา ริ้วแดง ๆ ก็เจือขึ้นมาบนแก้มทั้งสองข้าง ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะรีบติดกระดุมเม็ดสุดท้ายจนชิดคอ และค่อย ๆ ลุกจากเตียงไปหยิบเนคไทมาสวมที่คอเป็นอันเสร็จ


.

.

ควันและไอติมมาถึงห้องเรียนเลทไปถึงสามสิบนาที โดยที่ทั้งสองคนแอบเข้าห้องสโลบจากด้านบน และทำตัวลีบ ๆ มานั่งที่โต๊ะที่อยู่หลังสุด เพื่อไม่ให้สะดุดตาอาจารย์ที่จ้องอยู่แต่สไลด์ตรงหน้า และเพื่อน ๆ ที่กำลังตั้งใจจดเลคเชอร์บนไอแพดของตัวเองอย่างไม่สนใจสิ่งใด

ไอติมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอัดเสียงอาจารย์เอาไว้ หยิบไอแพดของตนขึ้นมาบ้างแล้วรีบเปิดสไลด์ที่กำลังฉายอยู่บนโปรเจคเตอร์ แล้วเริ่มจดตามอาจารย์สอน แม้ว่าเขาจะเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยตามตัว และเริ่มหนักหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งโดนแอร์ในห้องเรียนแล้วไอติมยิ่งต้องกอดตัวเองเอาไว้เพราะความหนาว แต่ก็ยังกัดฟันทนฟังเสียงยานคางของอาจารย์ต่อไป

ฟุบ

จู่ ๆ เสื้อคลุมอีกตัวก็ห่มลงที่ไหล่ ไอติมเหลือบมองคนด้านข้างที่สายตายังคงจ้องอยู่บนจอโปรเจคเตอร์แล้วเขียนขยุกขยิกในสไลด์ของตัวเอง แล้วหันกลับมามองเสื้อคลุมของควันที่ห่มลงที่ไหล่ของเขาอีกชั้น จึงทำให้ไอติมรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย

“ขอบคุณ” ไอติมพึมพำ แล้วกระชับเสื้อคลุมของควันพลางสะบัดหัวเพื่อไล่ความง่วงของตัวเองออกไปด้วย

“ถ้าไม่ไหวก็นอนเถอะ เดี๋ยวเรียนให้ แล้วจะติวย้อนหลังให้แล้วกัน”

พอได้ยินอย่างนั้น ไอติมจึงวางปากกาในมือลง แล้วฟุบหลับทันทีเพราะเขาอดทนต่อไม่ไหวแล้ว ถึงจะเรียนไม่รู้เรื่องยังไง แต่ถ้าควันบอกว่าจะสอนให้ทีหลัง ไอติมก็ขอเลือกนอนเสียดีกว่า



.

.


เมื่อหมดคาบแล้ว ไอติมก็ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียเพราะควันปลุกให้ตื่น ดวงตากลม ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบพีชและวินทร์ที่เดินมาหา และทักทายพวกเขาทั้งสองคน

“ไงวะ ทำไมถึงได้มาสายพร้อมกันงี้วะพวกมึง”

พีชถาม และมองไอติมที่มีสีหน้าซีดเซียวก็เอามือขึ้นอังหน้าผากเพื่อนตัวเล็ก ก่อนจะชักออกอย่างรวดเร็ว

“ตัวร้อนจี๋เลย มึงไม่สบายเหรอวะ...แล้วไปหาหมอรึยัง”

“หือ? อะไรเหรอพีช” ไอติมถามงง ๆ ทั้ง ๆ ที่จะลืมตาไม่ขึ้นอยู่แล้ว ใบหน้าเนียนนั้นแนบอยู่กับโต๊ะเรียนแล้วกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้นอีกก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

“มันได้กินยารึยัง พามันกลับไปนอนดีมั้ยวะ วิชาอังกฤษเดี๋ยวค่อยทำใบงานส่งย้อนหลังก็ได้” วินทร์พูดขึ้น ซึ่งควันก็เห็นด้วย

“กูบอกมันแล้วว่าไม่น่าจะเรียนไหว แต่มันก็ฝืนจะมาเรียนให้ได้ งั้นกูพามันกลับไปนอนก่อนแล้วกัน ฝากพวกมึงเช็คชื่อให้หน่อยแล้วกันนะ”

“เออ เดี๋ยวเช็คชื่อให้ ทำใบงานส่งให้ด้วย แค่นี้จิ๊บ ๆ ‘จารย์แม่งจับไม่ได้หรอก” พีชว่า แล้วช่วยเก็บของของไอติมใส่กระเป๋าให้คนที่ยังนอนหลับไม่ได้สติ

ควันจึงประคองไอติมให้ลุกขึ้นโดยที่มีวินทร์ช่วยข้าง ๆ และพีชที่ถือกระเป๋าเดินตามออกมาจนถึงรถของควัน ไอติมที่สะลึมสะลือเพราะพิษไข้เลยไม่ได้ฝืนตัวเองที่จะเรียนต่อ แล้วหลับทันทีเมื่อเข้ามานั่งในรถ

“เดี๋ยวพวกกูเรียนเสร็จแล้วจะไปหาที่ห้องไอติมแล้วกันนะ” พีชบอกแล้วยื่นกระเป๋าของควันและไอติมให้ควันรับไป ควันพยักหน้ารับแล้วรีบขับรถออกมาอย่างรวดเร็ว และก่อนจะกลับคอนโดของไอติมก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อยาด้วย

เมื่อมาถึงที่คอนโดแล้ว ควันก็หยิบคีย์การ์ดจากกระเป๋าไอติมมาเปิดประตูคอนโด กดลิฟต์แล้วก็ลากคนตัวเล็กมาถึงห้องของเจ้าตัว ก็แตะคีย์การ์ดเข้าห้อง แล้วพาไอติมนอนลงบนที่นอน ก่อนจะจัดท่าทางไอติมให้เรียบร้อย แล้วห่มผ้าห่มจนถึงคอ จากนั้นก็เทน้ำใส่แก้วมาวางที่หัวเตียง และก็หยิบยาแก้ไข้และยาแก้อักเสบออกจากซองแล้วปลุกคนที่นอนซึมให้ตื่นขึ้นมา

“ไอติม...ไอติม”

“หือ?”

“กินยาก่อน แล้วค่อยนอน”

ไอติมไม่ได้งอแงสักนิด แม้ว่าจะเบลออยู่มากก็ตาม แต่ก็รับยาจากควันมากินแล้วดื่มน้ำตามอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนทันที ควันมองคนที่หลับไปแล้ว ก็ลองยกมือขึ้นแตะหน้าผากไอติมเบา ๆ เพราะเขานั้นแหละ ไอติมถึงได้ไข้ขึ้นขนาดนี้

“ขอโทษนะ...เพราะกูเลยมึงถึงเป็นอย่างนี้”

“...”

มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา ควันจึงปลดเนคไทที่ยังอยู่บนเสื้อของไอติมออก แล้วแกะกระดุมสองเม็ดเพื่อที่คนนอนหลับจะได้ไม่อึดอัด แล้วก็ต้องสะดุดกับรอยแดงเต็มลำคอขาวที่เขาเผลอทำไปเมื่อคืนนี้ ควันยกมือแตะรอบลำคออย่างช้า ๆ และเพราะอะไรไม่รู้ถึงทำให้ควันก้มหน้าไปประทับริมฝีปากซีดเซียวเบา ๆ ก่อนจะผละออกมาเพราะไม่อยากรบกวนการนอนของคนป่วยอีกต่อไป



*



ดวงตากลมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหลังจากพักผ่อนไปหลายชั่วโมง...ไอติมพลิกตัวนอนหงายก่อนจะสะดุดกับร่างของคนที่นั่งอยู่บนเตียง พอมองแล้วก็เห็นว่าควันนั่งพิงหัวเตียงแล้วหลับตาอยู่ ทั้ง ๆ ที่ในมือยังคงถือไอแพดเอาไว้

ไอติมเลยสะกิดเบา ๆ ให้คนที่แอบงีบหลับตื่นขึ้นมา พอควันตื่นขึ้นมาก็พบดวงตาใสแป๋วมองเขาอยู่ จึงขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเอามืออังหน้าผากคนป่วย

“ตัวยังร้อนอยู่เลย มึงไปหาหมอดีมั้ย”

“ไม่อ่ะ...เดี๋ยวนอนพักสักคืน ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่หายแล้วค่อยไปหาดีกว่า”

“เอางั้นก็ได้” ควันว่าแล้วขยับผ้าห่มให้คนป่วย มองไอติมที่ยังไม่หยุดมองเขาสักที ควันจึงยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนิ่มเบา ๆ ก่อนจะถามสิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจของเขามาตั้งแต่เช้า

“มึงโกรธกูรึเปล่า”

“โกรธเรื่องอะไร” ไอติมขมวดคิ้ว มองคนที่หยุดลูบผมเขาแล้ว แต่ฝ่ามืออุ่น ๆ ก็ยังแปะอยู่บนหัวของเขาเช่นเดิม

“ก็...เรื่องเมื่อคืนไง”

“ทำไมกูต้องโกรธด้วย” ไอติมตอบด้วยเสียงแผ่วเบา เพราะพิษไข้ถึงทำให้เขาหมดแรงได้ขนาดนี้

“...” ควันเงียบลงเพราะเขาไม่ได้เตรียมใจมาสำหรับคำตอบนี้เลย ในหัวของเขามีแต่ความคิดที่ว่าไอติมต้องโกรธแน่ ๆ ไอติมต้องเกลียดเขาแน่นอน จะง้อไอติมยังไงให้หายโกรธ หรือถ้าพวกเขาทั้งสองคนมองหน้ากันไม่ติดเลยจะทำยังไง

ในขณะที่ใจลอยอยู่นั้น ฝ่ามืออุ่นร้อนก็คว้ามือเขาไปบีบเอาไว้ ก่อนที่ดวงตากลม ๆ จะเงยหน้ามองเขาแล้วพูดคำปลอบประโลมคนตัวโตด้วยเสียงแหบแห้ง

“มึงไม่ได้ผิดอะไรสักนิด เรื่องที่เกิดขึ้นกูก็เลือกเองทั้งนั้น อย่าคิดมากเลย”

“ขอบคุณนะที่ไม่โกรธกู” ควันบอกอย่างจริงใจ มองคนป่วยแล้วก็รู้สึกโล่งอกที่ไอติมคิดอย่างนั้น ริมฝีปากได้รูปกระตุกมุมปากยิ้มแล้วลูบกลุ่มผมนิ่มอีกครั้ง ก่อนจะโชว์ไอแพดที่ถือไว้ให้ไอติมดู

“อะไร”

“สรุปเนื้อหาไบโอไว้ให้ไง”

“ขอบคุณนะ” ไอติมพึมพำขอบคุณจากใจ และไม่ทันได้ตั้งตัว ใบหน้าหล่อได้รูปก็พุ่งเข้ามาใกล้แล้วประทับจูบลงบนกลีบปากซีดเซียวอย่างรวดเร็วก่อนจะผละออกมา

“เวลาจะขอบคุณกูให้ทำแบบนี้”

“มึงเป็นอะไรกับปากกูมากมั้ยเนี่ย ทำไมชอบจูบดีนัก” ไอติมพูดเสียงเบา แล้วเผลอจับปากตัวเองก่อนจะหันหน้าหนีคนที่จ้องเขาไม่เลิก แต่ไอร้อนของคนตัวสูงกว่าก็เขยิบเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู

“แล้วมึงชอบมั้ยล่ะ”

“...” ไอติมไม่ได้ตอบ เพราะกระดากอายเกินกว่าจะตอบ จึงทำได้แค่ซ่อนแก้มแดง ๆ ไว้ใต้ผ้าห่มอย่างนั้น แต่ควันก็ไม่ยอมให้คนที่นอนอยู่เงียบได้นาน ริมฝีปากร้ายกาจกดจูบที่ขมับเบา ๆ ก่อนจะสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มแล้วดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเอาไว้

“ชอบมั้ย ตอบมาเร็ว”

“ปล่อยเลยควัน เดี๋ยวก็ติดไข้หรอก”

ไอติมไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดอีกประโยคแล้วดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของคนที่อยู่ด้านหลัง แต่เพราะตัวเล็กกว่าเลยทำได้แค่ดิ้นไปดิ้นมา สุดท้ายก็แพ้แรงของควันและนอนนิ่ง ๆ ให้ควันกอดเท่านั้น

“ชอบมั้ย”

ควันยังคงไม่ละความพยายามที่จะถามไอติมให้ได้ ทั้งห้องจึงเงียบขึ้นมาอีกครั้ง มีเพียงเสียงเต้นของหัวใจที่ดังขึ้นพร้อม ๆ กัน ก่อนที่ไอติมจะปริปากพูดออกมา และเรียกรอยยิ้มหล่อของเจ้าของอ้อมกอดได้ไม่ยาก

“ถ้าไม่ชอบก็คงไม่นอนให้กอดอย่างนี้หรอกมั้ง”

“แล้วชอบจูบของกูรึเปล่า” ควันยังคงถามต่อ และเรียกริ้วแดง ๆ ขึ้นมาบนปรางค์แก้มของคนตัวขาวได้ไม่ยาก

“...”

“ว่าไง อยากให้จูบทบทวนความจำอีกรอบมั้ย”

“พอเลย...มึงจูบกูแล้วเหมือนโดนดูดวิญญาณทุกที” ไอติมพึมพำเสียงเบา แต่คนที่นอนกอดอยู่นั้นได้ยินทุกประโยคอย่างชัดเจน จนอดไม่ไหวที่จะดึงให้คนตัวเล็กหันหน้ามาหาเขา แล้วยื่นหน้าเข้าไปประทับจูบแผ่วเบาก่อนจะผละออกมา

“แบบนี้เหมือนโดนดูดวิญญาณเลยเหรอ”

“ไม่ใช่สิ แบบนี้เร็วจนกูไม่รู้สึกอะไรสักนิด” ไอติมพูดด้วยตาใสแป๋ว ควันได้แต่คิดว่าทำไมเพื่อนของเขามันถึงได้ใสซื่อขนาดนี้กัน ทั้ง ๆ โดนเขาลวนลามมากขนาดนี้ ไอติมมันยังนอนนิ่ง ๆ ให้เขาจูบอยู่เฉย ๆ ได้อีก

“แล้วแบบไหนเรียกว่าดูดวิญญาณล่ะ”

“ก็แบบ...” ไอติมเงียบลงเพราะไม่กล้าพูดมันออกมา ใบหน้าน่ารักนั้นมุดลงที่อกของคนตรงหน้าเพราะไม่อยากคุยกับเขาต่อแล้ว เรียกเสียงหัวเราะของควันได้ไม่ยาก และท้ายที่สุดควันก็เชยคางของไอติมขึ้นมาก่อนจะสบตาคนป่วยนิ่ง ๆ

“แบบนี้รึเปล่าที่เรียกว่าดูดวิญญาณ”

สิ้นคำนั้นควันก็ประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง บีบที่คางไอติมเบา ๆ ให้ร่างเล็กเผยอปากออก ก่อนจะแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อน แล้วกวาดต้อนเอาความหวานจากร่างเล็กที่ยังป่วยไม่เลิก ริมฝีปากของคนทั้งสองดูดดุนกันและกันจนเกิดเสียงน่าเกลียดเบา ๆ เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันและกันภายในห้องเงียบ ๆ จนในที่สุดควันก็เป็นฝ่ายผละออกมาก่อน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะได้รังแกคนป่วยอีกรอบแน่ ๆ

“อย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่นนอกจากกูนะ”

“...”

“กูโคตรหวงมึงเลยว่ะติม”





-----------------------------------



ขอบคุณทุกคอมเมนต์เลยนะคะ
เป็นกำลังใจที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ

หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 7 - ดูแล [24.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-08-2018 20:33:45
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 7 - ดูแล [24.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Zeta ที่ 25-08-2018 08:23:40
เขินนนน  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 7 - ดูแล [24.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 25-08-2018 12:11:53
เขิน แทนน้องติม คนอ่านจะเป็นเบาหวานแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 8 - ข้อตกลงระหว่างสองเรา (60%) [28.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 28-08-2018 22:18:38
บทที่ 8
ข้อตกลงระหว่างสองเรา



หลังจากนอนป่วยเพราะพิษไข้ถึงสามวัน ในที่สุดไอติมก็หายกลับมาเป็นปกติ แม้ว่าจะยังคงเจ็บปวดที่ช่วงล่างอยู่บ้าง แต่ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ส่วนรอยแดงตามตัวก็เริ่มจางลงเรื่อย ๆ แล้ว

“มากันครบทุกคนแล้วใช่มั้ยคะน้อง ๆ”

ไอติมนั่งมองพี่เจตน์ที่คอยเอนเตอร์เทนทุกคนอยู่บนเวทีเงียบ ๆ ตอนนี้เขากลับมาเข้ากิจกรรมดาว-เดือนแล้ว หลังจากที่หายไปสามวันถ้วน แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไรเพราะเขาไม่สบายจริง ๆ นี่นา

“หายป่วยแล้วเหรอไอติม”

ไอติมหันมองคนที่มานั่งยอง ๆ อยู่ด้านข้าง เป็นพี่กรที่ไอติมไม่ได้เห็นหน้าตั้งแต่วันนี้พี่กรเลี้ยงชาบูชิ และพี่กรก็ยื่นชาเขียวมาตรงหน้าเขา

“เห็นซื้อกินบ่อย ๆ พี่เลยซื้อมาฝาก”

“ขอบคุณนะครับ” ไอติมยิ้มบาง ๆ แล้วรับชาเขียวมาเปิดดื่ม คุยกันต่อสักพักพี่กรก็ลุกออกไปเพราะกิจกรรมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ไอติมได้แต่มองขวดชาเขียวในมือก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าเป็นอย่างดีแล้วเผลอยิ้มออกมาคนเดียวอีกครั้ง...อย่างน้อยวันนี้พี่กรก็ซื้อชาเขียวรสที่เขาชอบมาถูกแล้ว...

มีความสุขจัง


.

.


วันนี้ไอติมรู้สึกเหนื่อยมากเป็นพิเศษเพราะกิจกรรมที่เริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ แล้วยิ่งเมื่อเวลาในการแข่งขันมันใกล้เข้ามา ไอติมยิ่งต้องทั้งซ้อมร่วมกับกองประกวด และแบ่งเวลาเพื่อซ้อมกับที่คณะอีกด้วย โชว์ที่จะใช้ในรอบแสดงความสามารถเขาก็ยังไม่ได้คิดการแสดงเลย แค่คิดว่าสัปดาห์นี้คงต้องเป็นสัปดาห์ที่ไม่ได้พักเลยสักวัน ไอติมก็หมดแรงจะสู้ต่อแล้ว

“วันนี้เลิกเลทหน่อยน๊า แต่ไม่เกินสี่ทุ่มแน่นอน ซ้อมอีกรอบหนึ่งก่อน รอบสุดท้ายของวันนี้แล้ว”

พี่เจตน์พูดขึ้นพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของดาว-เดือนแต่ละคณะ ไอติมมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็ต้องปาดเหงื่อ เหลืออีกสิบห้านาทีจะสี่ทุ่ม ทนเอาหน่อยแล้วกัน ไม่ไหวก็คงต้องไหวแหละงานนี้

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ในขณะที่นั่งพักอยู่นั้น เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นมา ไอติมมองประตูห้องที่ถูกเปิดออกก็ต้องตกใจ หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อเห็นร่างสูงที่ปรากฏกายนั้นคุ้นหน้าเหลือเกิน

“คะ...ควัน” ไอติมพึมพำอยู่เพียงคนเดียว แต่เสียงพี่เจตน์ที่พูดใส่ไมโครโฟนนั้นทำให้ไอติมต้องเงียบแล้วมองคนที่เป็นจุดเด่นของห้องนี้นิ่ง ๆ

“แอร๊ยยยยยยย สวัสดีค่าน้องหมอกกก เอ๊ะ! หรือน้องควัน?”

ไอติมมองคนที่เขาคุ้นหน้า แต่สายตาของเจ้าตัวนั้นกลับล็อกอยู่ที่อีกคนที่ไอติมก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ก่อนจะตอบพี่เจตน์ที่กำลังรอคำตอบอยู่

“หมอกครับ”

“อ่อออ น้องหมอกกก มาหาใครจ๊ะ มาหาน้องเพลิงรึเปล่า”

“มารอรับเพื่อนกลับครับ”

“อ่อ มารอรับเพื่อนนนนน งั้นน้องหมอกนั่งรอก่อนนะจ๊ะ เอ้า! ใครว่างก็หาน้ำหาท่ามาเสิร์ฟน้องหมอกกันหน่อย ส่วนดาว-เดือนทั้งหลาย อย่าพึ่งตกตะลึงกับความหล่อของน้องหมอกค่า รีบซ้อมกัน ไม่งั้นวันนี้พี่จะปล่อยกลับห้าทุ่มนะคะ”

พอได้ยินอย่างนั้น ไอติมก็รีบลุกขึ้นยืนเตรียมซ้อมทันที เพราะอยากกลับไปนอนพักไม่ไหวแล้ว เขาต้องรีบซ้อม ซ้อม และซ้อมเท่านั้น ถึงจะได้กลับไปพักสักที

.

.

และในที่สุดคำขอของไอติมก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อพี่เจตน์ประกาศว่ากิจกรรมของวันนี้จบลงแล้ว ไอติมจึงหอบร่างพัง ๆ ของตัวเองไปเก็บของ และเดินออกมาพร้อมกับเพื่อนคนอื่น ๆ แต่ก่อนจะออกไป สายตาเจ้ากรรมก็ดันมองคนที่หน้าคล้ายควันอย่างกับแกะเสียก่อน...ก็รู้ว่าควันมีฝาแฝดชื่อหมอก แต่ก็ไม่เคยได้เห็นตัวจริงสักที พอได้เห็นใกล้ ๆ อย่างนี้ ไอติมก็คิดว่าหมอกและควันนั้นคล้ายกันจริง ๆ นั้นแหละ แต่ไอติมคิดว่าความแตกต่างของสองคนนี้ที่สังเกตได้ชัดที่สุดคงจะเป็นดวงตาล่ะมั้ง

ดวงตาของหมอกนั้นเรียวรีกว่าควันเล็กน้อย แววตาของหมอกเวลามองบลู...เดือนคณะวิทยาศาสตร์นั้นมันอ่อนโยนชะมัด ต่างจากควันที่เขารู้จักเป็นอย่างดี รายนั้นน่ะเหรอ...นอกจากรอยยิ้มร้ายกาจที่หมั่นแจกให้สาว ๆ ทุกคนที่เดินผ่าน และดวงตาคมที่ดูลึกจนยากจะหยั่งใจได้นั้น ไอติมก็ไม่เห็นว่าควันจะมีอะไรดีเลยสักนิด

“ไอติมจะกลับแล้วเหรอ”

เสียงที่ดังเรียกสติของไอติมให้กลับมาดังอยู่ด้านหลัง คนตัวขาวจึงหันหลังกลับไปมองและพบว่าเป็นพี่กรที่ยืนอยู่ ไอติมจึงพยักหน้าตอบรุ่นพี่

“ครับ พี่กรมีอะไรเหรอ”

“จะกลับยังไงล่ะ ขับรถมาเองรึเปล่า” กรถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเมื่อตอนเย็นที่เขามาถึง เขาไม่เห็นรถของไอติมจอดอยู่ เลยอดจะเป็นห่วงน้องไม่ได้

“เออ...ไม่ได้เอามาครับ แต่ผมนัดให้เพื่อนมารับแล้วล่ะครับ”

ติ้ง!

พูดไม่ทันขาดคำ เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น ไอติมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและก็พบว่าเป็นคนที่เขานัดไว้นั้นแหละที่ทักเข้ามา

“งั้นผมไปก่อนนะครับพี่กร เพื่อนผมมารอแล้ว”

“อืม ถ้าอย่างนั้นก็กลับดี ๆ ล่ะ”

“ครับ ฝันดีนะครับพี่กร”

“ฝันดีครับน้องไอติม”

ไอติมโบกมือให้พี่กรแล้วก็หันหลังกลับไปตามทางเดิน เผลอยิ้มกับตัวเองในมุมมืด จนเมื่อมาถึงข้างรถ BMW ที่จอดรออยู่ ไอติมที่ยังมีรอยยิ้มเจืออยู่บนใบหน้าก็มองคนที่ยืนพิงประตูรถเล่นโทรศัพท์อยู่ ก่อนจะเงยหน้ามามองเขา

“เลิกดึกจังนะวันนี้”

“ก็ใกล้จะประกวดแล้ว มันก็ต้องดึกเป็นธรรมดาแหละ”

“แล้วที่ยืนคุยอยู่ตรงหน้าตึกนั่นคุยกับใคร คุยกันซะนานเลยนะ”

“มึงเป็นพ่อกูเหรอควัน...ถามเยอะจริง” ไอติมพึมพำ แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถโดยที่ไม่ตอบคำถามของควัน...คนตัวสูงที่กำลังเค้นเอาคำตอบอยู่ถึงกับกรอกตามองท้องฟ้าที่มืดมิด ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งที่คนขับแล้วถามไอติมอีกครั้ง

“แล้วสรุปว่าคุยกับใคร”

“พี่กร”

“พี่กร?”

“ก็รุ่นพี่ปีสามคณะเราไง ที่เป็นเดือนมหา’ลัยเมื่อสองปีก่อนอ่ะ” ไอติมขยายความต่อ เมื่อเห็นว่าควันทำหน้างง และเมื่อควันได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าเข้าใจ เขาพอจะจำได้ลาง ๆ ว่ารุ่นพี่ปีสามที่ชื่อว่ากรเป็นใครแล้วล่ะ ไม่คิดว่าไอติมจะสนิทด้วย ก็แค่ถามเท่านั้นแหละ

“ตอบแต่แรกก็จบล่ะ...หิวอ่ะ ไปหาอะไรกินก่อนกลับมั้ย”

“ก็ดี กินอะไรร้อน ๆ ท้องหน่อย จะได้นอนหลับสบาย อ้อ!...กูยังไม่ลอกเลคเชอร์ไบโอเลย เดี๋ยวขอยืมไอแพดหน่อยแล้วกันนะ” ไอติมพึ่งนึกออกว่าตั้งแต่วันที่เขาไข้จับ ไอติมก็ยังไม่ได้ตามวิชาที่ตนเองเรียนไม่ทันเลย ไหน ๆ พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้ว เห็นทีว่าวันนี้ไอติมคงต้องทบทวนวิชาเรียนจนโต้รุ่งแน่ ๆ

“งั้นเดี๋ยวติวให้ด้วยเลยแล้วกัน บอกแล้วนี่ว่าจะสอนให้”

“โอเค งั้นแวะกินบะหมี่หน้าปากซอยดีกว่า รีบกินจะได้รีบติว”

พอตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็แวะกินบะหมี่ตามที่ไอติมต้องการ หลังจากอิ่มจากข้าวมื้อดึกแล้ว ควันก็แวะกลับคอนโดของตัวเองเพื่อไปเอาไอแพดกับชีทเรียนที่ห้อง พอกลับมาถึงรถที่ไอติมนั่งรออยู่ก็เห็นควันแบกเป้สะพายกระเป๋ามา ดวงตากลม ๆ นั้นมองอยู่จนเมื่อควันเปิดประตูด้านหลังแล้วโยนกระเป๋าเป้เข้ามาในรถ ไอติมจึงถามขึ้น

“ไม่ได้เอาแค่หนังสือที่จะติวมาเหรอ ทำไมกระเป๋าดูใหญ่ ๆ”

“แล้วใครจะเอาแค่ชีทเรียนไปกันล่ะ นี่ก็ห้าทุ่มล่ะ ไหนจะติว ไหนจะอ่านหนังสือ นอนห้องมึงนั้นแหละดีที่สุด”

พอควันพูดอย่างนี้ ไอติมจะปฏิเสธก็คงไม่ได้ เลยได้แต่เลยตามเลยจนมาถึงที่คอนโดของไอติม ร่างเล็กก็เดินนำมาจนถึงห้องของตัวเอง เปิดไฟในห้องเสร็จก็โยนของลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า

“เหนื่อยชะมัดเลย...ขออาบน้ำก่อนแล้วกัน แล้วค่อยติวนะ”

ไอติมบอกกับติวเตอร์จำเป็น ก่อนจะบิดขี้เกียจแล้วเดินเข้าห้องนอนของตัวเองเพื่อไปอาบน้ำชำระร่างกาย ในระหว่างนั้นควันก็จัดวางกระเป๋าเป้ของตัวเองลงบนโต๊ะแล้วรื้อของออกมาเพื่อเตรียมอ่านหนังสือพร้อมกับไอติม

เวลาผ่านไปไม่นาน คนตัวเล็กก็ออกมาจากห้องนอนพร้อมชุดนอนลายทาง มีผ้าขนหนูผืนเล็กแปะอยู่บนหัวที่ยังคงมีน้ำหยดลงมาตามตัว

“อ่ะ ผ้าเช็ดตัวของมึงอ่ะ” ไอติมยื่นผ้าเช็ดตัวมาตรงหน้าควัน ซึ่งควันก็พอจะจำได้ว่ามันคือผ้าเช็ดตัวผืนที่เขาใช้ในวันที่ค้างที่ห้องไอติมเป็นคืนแรก

“ยังไม่ซักอีกเหรอ”

“ไม่อ่ะ ขี้เกียจซัก พอดีมึงมาก็เอาไปเช็ดตัวเลยดิ ไปอาบน้ำได้แล้วไป” พูดจบก็ดันหลังให้ควันเข้าไปอาบน้ำในห้องนอนของตน คนที่ไม่ทันตั้งตัวก็รีบคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นพาดไหล่ ก่อนจะยอมเดินตามที่คนตัวเล็กดุนหลังเข้าห้องนอน แต่พอควันเข้ามาในห้องนอนของไอติมแล้ว ไอติมกลับหยุดยืนอยู่หน้าประตูเสียอย่างนั้น ควันจึงยกคิ้วเป็นเชิงถาม

“อะไร”

“ทำไมไม่เข้ามาในห้องล่ะ”

“ไม่เอา เดี๋ยวจัดโต๊ะรออยู่ข้างนอกดีกว่า รีบ ๆ อาบได้แล้ว”

พูดจบไอติมก็ปิดประตูห้องนอนของตนทันที เพราะถ้าขืนยืนเถียงกันนานกว่านี้ เขากลัวว่าจะไม่ได้อ่านหนังสือเอาน่ะสิ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงแย่แน่เลย

.

.

หลังจากควันอาบน้ำเสร็จแล้ว คนตัวสูงก็ออกมาด้วยเสื้อบอลกางเกงบอลเข้าเซ็ตกันพอดี เดินมาถึงที่โต๊ะตัวยาวที่มีเจ้าของห้องนั่งเขียนอะไรขยุก ๆ ขยิก ๆ อยู่คนเดียวรอเขาอยู่ ควันก็ชะโงกหน้าดูก็เห็นว่าไอติมกำลังสรุปวิชาเคมีอยู่...ลายมือน่ารักเชียว

“อาบเสร็จแล้วเหรอ นั่งดิ” ไอติมตบเก้าอี้ข้างตัวเอง แล้วหอบกองหนังสือของตัวเองออกจากพื้นที่ของควัน ควันจึงนั่งลงและเริ่มหยิบชีทและสรุปของตัวเองขึ้นมาดู

“มึงป่วยไปตั้งแต่สไลด์ไหนนะ...อา...สไลด์ที่ 78 ใช่มั้ย”

“ใช่...แต่ความจริงกูเริ่มเรียนไม่รู้เรื่องตั้งแต่สไลด์ที่ 55 แล้ว เริ่มใหม่เลยก็ได้นะ”

“เอางั้นก็ได้ ยังไงพรุ่งนี้ก็วันเสาร์ กูติวให้มึงล่วงหน้ายังได้เลย”

“โห...อ่านจบทั้งชีทแล้วเหรอ” ไอติมเผลอเบิกตาโตอย่างตื่นเต้น เห็นทำตัวเหมือนไม่เอาอ่าวอย่างนี้ ใครจะไปคิดว่าควันจะอ่านสไลด์ล่วงหน้าจนจบหมดแล้วกัน

“ก็จบไปแล้วหนึ่งรอบ เดี๋ยวใกล้สอบคงจะเริ่มอ่านอีกสักรอบ แต่ติวให้มึงอย่างนี้ก็ถือว่าทบทวนไปในตัวด้วยนั้นแหละ เริ่มกันได้ยัง”

“เริ่มเลยดิ”

.

.

“...จบสักที”

ไอติมถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่หลังจากที่ควันพูดประโยคสุดท้ายจบ ใบหน้าขาวใสฟุบลงบนสมุดโน้ตของตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน

“มีอะไรไม่เข้าใจมั้ย” ติวเตอร์เฉพาะกิจถาม ในขณะที่ดูเนื้อหาที่ตัวเองพึ่งสอนไอติมจบไป และร่างของคนตัวเล็กก็เด้งขึ้นมาแล้วสั่นหัวปฏิเสธแทนคำตอบ

“มึงจะนอนก่อนเลยก็ได้นะ เดี๋ยวกูขออ่านเคมีต่อก่อน” ไอติมว่าแล้วหยิบสมุดโน้ตวิชาเคมีมาตรงหน้า มือก็เปิดสไลด์วิชาเคมีอินทรีย์ไปด้วย

“ตีสามแล้วนะ ไม่พักสักหน่อยเหรอ ยังไงมันก็ยังไม่สอบเร็ว ๆ นี้หรอก ตามึงคล้ำเป็นหมีแพนด้าหมดแล้วไอติม ไปนอน” ควันดึงข้อมือที่เริ่มจับปากกาให้หยุดก่อน เพราะควันรู้ว่าคนตัวเล็กล้าไม่ไหวแล้ว แต่ไอติมก็ยังดื้อดึงเช่นเดิม

“ไม่เอาหรอก กูตามคนอื่นไม่ทันแล้ว ยิ่งต้องทำกิจกรรมดาว-เดือนทุกวัน ต่อไปยิ่งจะหนักกว่านี้อีก ถ้าไม่อ่านเอาไว้ก่อนตอนสอบมาคงตายแน่ ๆ”

“แต่ตอนนี้มึงก็จะตายเหมือนกัน ไปนอนก่อน พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาอ่าน เดี๋ยวกูช่วยติวให้ก็ได้”

ควันบอกเสียงเข้ม เพราะเขาสังเกตไอติมมาตั้งแต่ช่วงหลัง ๆ ของการติวที่ไอติมเริ่มไม่ไหวจนแสดงออกมาทางสีหน้าแล้ว ถึงจะฝืนอ่านต่อไปจนรุ่งสาง ควันก็เดาได้เลยว่าไอติมอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแน่นอน

“มึงบอกแล้วนะว่าจะติวให้”

“เออ ไปนอน”

“ก็ได้”

ไอติมพูดอุบอิบ แล้วยอมปิดหนังสือลง คนตัวเล็กอ้าปากหาวออกมาโดยไม่แคร์สิ่งใดทั้งสิ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ เดินเตาะแตะเข้าห้องนอนแล้วก็พุ่งลงบนเตียงทันที

“ง่วงชะมัดเลย” ไอติมพึมพำแล้วคว้าหมอนข้างมากอดไว้จนแน่น ควันที่เห็นภาพตรงหน้าก็เผลอยิ้มออกมากับคนที่ทำตัวเหมือนเป็นเด็ก ก็ดูสิ...แก้มน่ะ หกหมดแล้ว

“ให้กูนอนด้วยดิวะ” เสียงทุ้มบอกแล้วก็ล้มตัวลงบนเตียงกว้างบ้าง ไอติมจึงกลิ้งตัวไปทางขวาพร้อมกับหมอนข้างที่ยังคงกอดเอาไว้

“งั้นกูปิดไฟนะ...แต่ผ้าห่มมีผืนเดียวอ่ะ แบ่ง ๆ กันเอาแล้วกัน” ไอติมว่า แล้วก็คลี่ผ้าห่มให้คลุมทั้งตัวเขาและเพื่อนตัวสูง และเพราะผ้าห่มมันผืนเล็กเกินกว่าที่จะห่มคนทั้งสองให้หมดได้ ไอติมจึงได้ห่มแค่ครึ่งตัวเท่านั้น แต่เจ้าของห้องก็ไม่ได้ปริปากบ่น และกดรีโมตปิดไฟให้ห้องทั้งห้องนั้นมืดมิด และนอนเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้น

เวลาผ่านไปไม่นานนัก แต่เพราะความหนาวจากเครื่องปรับอากาศทำให้ไอติมเริ่มทนไม่ไหว มือทั้งสองข้างกอดตัวเองเอาไว้แน่น ปลายเท้าก็พยายามมุดเข้าไปอยู่ในผ้าห่ม คนตัวเล็กอยู่ไม่สุขเพราะความหนาว แต่แล้วจู่ ๆ ร่างของเขาก็ถูกดึงเข้าไปชิดแผ่นอกหนา ผ้าห่มนั้นห่มคลุมร่างเขาจนหมด พร้อมกับความอบอุ่นจากท่อนแขนแกร่งที่โอบรัดเขาเอาไว้

“กอดแบบนี้อุ่นขึ้นมั้ย”

เสียงทุ้มถามข้างหู ไอติมเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะแปลก ๆ...ไม่เคยมีใครถามคำถามอย่างนี้กับเขามาก่อนเลย

“อะ...อืม”

“งั้นกูกอดมึงอย่างนี้ทั้งคืนเลยแล้วกัน เผื่อมึงจะได้นอนฝันดี”


.
.

 (part 2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67541.msg3881528#msg3881528)
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 8 - ข้อตกลงระหว่างสองเรา (60%) [28.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-08-2018 00:00:09
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 8 - ข้อตกลงระหว่างสองเรา (60%) [28.08.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-08-2018 00:37:59
 :pig4: :pig4: :pig4:

เจอกันไม่กี่วัน  ฟิเจอริ่งกันซะแระ
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 8 - ข้อตกลงระหว่างสองเรา (100%) [01.09.2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 01-09-2018 20:30:42
part II


กว่าทั้งสองคนจะตื่นก็ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นมาตรงหัวพอดี นาฬิกาบอกเวลาว่าเป็นเที่ยงวัน แต่เพราะผ้าม่านสีทึบปิดบังด้านนอกเอาไว้จึงทำให้คนที่นอนหลับอยู่นั้นยังคงอยู่ในความฝันต่อไป

 
ติ้ง

ติ้ง

ติ้ง

ติ้ง

เสียงข้อความแชทของโทรศัพท์ที่ดังขึ้นพร้อม ๆ กัน นั้นยังไม่ทำให้คนขี้เซาทั้งสองลุกขึ้น แต่เสียงข้อความแชทที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ไม่หยุดนั้นเริ่มกวนใจ จนทำให้ทั้งควันและไอติมนอนต่อไปไม่ได้เสียแล้ว

“ใครแม่งแชทมาแต่เช้าวะ”

เสียงทุ้มพึมพำแล้วคว้าโทรศัพท์ที่อยู่บนหัวเตียงขึ้นมาเปิดดู เช่นเดียวกับไอติมที่ตื่นแล้วเช่นกัน ดวงตากลม ๆ นั้นยังลืมไม่ขึ้น แต่ก็ควานหาโทรศัพท์บนหัวเตียงแล้วปรือตาขึ้นมาดู

“เที่ยงแล้วต่างหากล่ะ” ไอติมท้วงควันที่ยังทำหน้ายุ่ง แล้วอ่านข้อความเกือบยี่สิบข้อความที่คุยในกลุ่มของพวกเขา

“ช่างมันเหอะ...ไอ้วินทร์กับไอ้พีชนี่เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย”

ควันอ่านข้อความในโทรศัพท์เช่นเดียวกับไอติมที่ก็กำลังอ่านข้อความเหล่านั้นในโทรศัพท์ของตัวเองเงียบ ๆ


Peach. : พวกมึงงงง ไปหาไรกินกันนนนน

Peach. : เงียบ

Peach. : หายไปไหนกันวะ

Peach. : ไม่มีคนอ่านสักคน

Peach. : เที่ยงแล้วนะโว้ย อย่าบอกว่ายังไม่ตื่นสักคน

Peach. : ตื่นเดี๋ยวนี้! กูหิวข้าววววววววว

win : เลิกส่งข้อความมารัว ๆ เหอะ กูจะปาโทรศัพท์ทิ้งอยู่แล้ว

Peach. : ไม่หยุดจนกว่าพวกมึงจะอ่านกันครบ

win : ไม่มีอะไรทำรึไง

Peach. : กูหิวข้าว

win : หาแดกเองไม่เป็นเหรอ

Peach. : ไม่อ่ะ

Peach. : แล้วไอ้ควันกับไอติมหายหัวไปหน่อย อย่าบอกว่ายังไม่มีใครตื่น

win. : กูไม่รู้

Peach. : เห้ย มีคนอ่านมากกว่า 1 คนแล้ว ใครวะ

Peach. : ขึ้นว่าอ่านครบ 3 คนแล้ว เย้

Peach. : พวกมึงไปกินข้าวกัน

SMOKY : กูพึ่งตื่น

I-tim : เหมือนกัน

win : กูก็ด้วย

Peach. : อะไรวะ นี่พวกมึงพึ่งตื่นกันหมดเลยเหรอ

win : เพราะแชทมึงนั้นแหละกูถึงได้ตื่น

SMOKY : กูก็ด้วย

Peach. : จะตื่นเพราะอะไรก็ช่างเถอะ สรุปว่าไปกินข้าวกัน กูอยากกินเนื้อย่าง

I-tim : มึงก็กินแต่เนื้อย่างอ่ะ อ้วนตายพอดี

SMOKY : ที่มาชวนเพราะร้านโปรดของมึงมันมีโปรมา  4 จ่าย 3 อีกแล้วล่ะสิ

Peach. : ใช่ ทำไมมึงแสนรู้จังเชี่ยควัน

win : เหอะ ใครก็รู้หมดนั้นแหละ

Peach. : แล้วสรุปจะไปกับกูมั้ย

win : เออ ไปก็ไป


“ไปมั้ย”

เสียงทุ้มหันมาถามคนที่ยังนั่งนิ่ง ไอติมนิ่งคิดสักพักก่อนจะพยักหน้า

“ไปก็ได้”

SMOKY : กูไป

I-tim : ไปด้วย

Peach. : เย้! ครบแล้ว งั้นเจอกันที่ร้านเลยนะ กูจะขับรถไปจากบ้าน

SMOKY : งั้นเดี๋ยวกูไปกับไอติมแล้วกัน

win : มารับกูด้วย ขี้เกียจขับรถ

SMOKY : เออ อีก 1 ชั่วโมงเจอกัน


หลังจากแชทกลุ่มเงียบไปแล้ว ควันก็หันมามองคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์ต่อ ใบหน้านั้นขะมักเขม้นยิ่งกว่าตอนเรียนวิชาเคมีเสียอีก แต่พอมองเข้าไปในโทรศัพท์กลับพบว่าไอติมกำลังรดน้ำต้นไม้อีกแล้ว

“ติดเกมจริง”

“พูดเหมือนว่ามึงไม่ติดอย่างนั้นแหละ” ไอติมพึมพำแล้วก็ลากผักและผลไม้ที่ปลูกมาเอาไปขายที่ตลาดต่อ

“ก็ไม่ได้เล่นตลอดเวลาเหมือนมึงนี่”

“กูสนุกของกูก็แล้วกัน”

“เด็กติดเกม” ควันพูดอีกครั้ง แล้วอดไม่ได้ที่จะขยี้กลุ่มผมที่มันยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง แกล้งให้ไอติมหน้าหงิกเล่นแล้วก็ลูบกลุ่มผมนุ่มให้กลับมาเป็นทรงเช่นเดิมก่อนจะจ้องมองคนที่ทำหน้าไม่พอใจเสียหน่อย

“มองแบบนี้อยากหาเรื่องรึไง”

“มึงอ่ะ ชอบแกล้งกู”

“แกล้งตรงไหน”

“ก็...”

“แบบนี้เหรอ” ไม่ทันที่ไอติมจะได้บ่น ริมฝีปากร้ายกาจก็พุ่งเข้ามาจูบเร็ว ๆ ก่อนจะผละออกไป เรียกให้ใบหน้าน่ารักนั้นหงิกยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะฟาดมือลงบนท่อนแขนอย่างไม่จริงจังนัก

“เอาแต่จูบกูอยู่นั้นแหละ”

“มึงก็ชอบไม่ใช่เหรอ” ควันถาม แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนที่หดคอหนีอีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของพวกเขาทั้งสองคนก็ยังชิดกันอยู่ดี

“อืม กูชอบ” ไอติมยอมรับตรง ๆ และไม่ได้หนีคนที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ จนในที่สุดคนตัวเล็กก็โดนดันจนแผ่นหลังติดเตียงโดยที่มีควันเท้าแขนขังตัวเขาเอาไว้อยู่ในอ้อมแขน

“ถ้ามึงชอบ...แล้วกูก็ชอบ...”

“...”

“งั้นเราลองมาเป็น Friend with benefit กันมั้ย”

“Friend with benefit งั้นเหรอ”

“รู้จักมั้ย” ควันถาม เมื่อเห็นใบหน้างง ๆ ของไอติมอีกครั้ง ขนาดแค่ถุงยางยังไม่มีเก็บไว้ในห้อง แล้วไอ้คำว่า Friend with benefit นี่...ควันลืมคิดไปเลยว่าคนตรงหน้าเขามันใสขนาดไหน

“ไม่รู้...เพื่อนกับผลประโยชน์อะไรวะ จะร่วมหุ้นทำธุรกิจกับกูเหรอ?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น...แต่จะพูดอย่างนั้นก็ได้มั้ง...” ควันนิ่งไปสักพัก เมื่อสมองกำลังหาคำนิยามที่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว โดยที่มีคนทำตาใสแป๋วรอฟังเขาพูดต่อ

“...”

“ก็ในเมื่อเราต่างก็พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มึงไม่ได้รังเกียจกู กูก็ไม่ได้รังเกียจมึง...มึงก็ชอบจูบของกู กูก็ชอบที่จะกอดมึง...ชอบที่จะกอดมึงแน่น ๆ...แล้วทำไมเราไม่ลองดูล่ะ”

“...”

“ก็แค่ความสัมพันธ์ทางกาย แค่ fucking buddy ก็แค่นั้น...แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม มึงว่าไง”

เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ไอติมยังคงไม่แน่ใจนักกับข้อเสนอของควัน แต่ก็พอจะรู้แล้วว่าความหมายของคำว่า Friend with benefit มันคืออะไร

หัวสมองประมวลอย่างรวดเร็วถึงผลดีและผลเสียที่จะตามมา...ถ้าเกิดเขายอมรับข้อตกลงนั้น เขาก็ยังจะเป็นเพื่อนกับควันได้ และสัมผัสแปลกใหม่ที่เขาได้เรียนรู้จากควันและก็แอบชื่นชอบมันนั้น เขาก็จะได้ลองลิ้มชิมมันไปอีกเรื่อย ๆ

“ระยะเวลาที่มึงคิดจะลองมันนานแค่ไหนล่ะ” ไอติมถามกลับ

“ก็จนกว่าพวกเราจะเบื่อล่ะมั้ง...หรือไม่ก็ถ้าใครต้องการหยุด อีกคนก็ต้องหยุด”

“งั้นถ้ากู...ตกลง...”

ไอติมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก ดวงตากลมสบตาคนตรงหน้าที่มันพราวระยับ ก่อนจะดันแผ่นอกกว้างอย่างไวเมื่อควันเหมือนจะพุ่งเข้ามากอดเขาให้ได้

“กูยังไม่ได้บอกว่าจะตกลงสักหน่อย”

“แล้วทำยังไงถึงจะตกลง”

“ก่อนที่กูจะยอมรับข้อเสนอมึง กูขอตั้งกฎก่อน”

“ว่ามาสิ”

“ข้อหนึ่ง...ทุกครั้งต้องใส่ถุง”

หลังจากครั้งแรกของเขาที่ควันหลั่งใน ไอติมก็อ่านบทความในอินเตอร์เน็ตดูและพบว่ามันเสี่ยงที่จะติดเชื้อมากแค่ไหน แล้วยิ่งควันที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงขนาดนั้น ไอติมก็แอบจะกลัวไม่ได้ แต่ก็เบาใจลงได้ที่พอไปตรวจมาแล้วไม่พบโรคอะไร

“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวกูซื้อตุนไว้สักห้าโหลเลยดีมั้ย”

“แล้วแต่มึง...ข้อสอง...ห้ามทำรอยบนตัวกู”

“ทำไมล่ะ” ข้อนี้ควันเริ่มจะอิดออด ใบหน้าหล่อนั้นกรอกตาไปมาอย่างไม่แน่ใจ ก็ผิวขาว ๆ แบบนั้น บีบนิดบีบหน่อยก็แดงแล้ว แล้วถ้าเขาเผลอทำอะไรตามใจตัวเองนิด ๆ หน่อย ๆ ผิวของไอติมก็ขึ้นรอยแล้วนะ

“ก็มันนานกว่าจะหาย รอยเก่าของมึงยังไม่หายเลยเนี่ย” ไอติมดึงคอเสื้อให้กว้างออกจนเห็นร่องรอยสีชมพูจาง ๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ ซึ่งควันที่เห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแอบชอบใจอยู่คนเดียวก็ต้องยอมเออออไปกับคนตัวเล็ก

“เออ ๆ ไม่ทำรอยก็ไม่ทำ...มีอะไรอีกมั้ย”

“มี”

“ว่ามาสิ”

“ระหว่างที่มึงคิดจะลองเป็น Friend with benefit กับกู มึงห้ามมีความสัมพันธ์ทางกายกับคนอื่นนอกจากกู”

“ดีล”

ควันตอบแทบจะไม่ต้องคิดทันที หลังจากที่มีความสัมพันธ์เกินเลยกับไอติมไปนั้น บอกตามตรงว่าควันแทบจะลืมผู้หญิงในสต็อกหมดทุกคน พูดง่าย ๆ ก็คือเขาติดใจกลิ่นหอม ๆ ตัวขาว ๆ หน้าหวาน ๆ ของเพื่อนตัวเล็กตรงหน้าเสียแล้ว ตอนนี้ไอติมให้เขาทำอะไรเขาก็ยอมทั้งนั้นแหละ

“และถ้าเมื่อไรที่มึงแหกกฎที่กูตั้งขึ้น ตอนนั้นทุกอย่างก็จบ”

“สรุปว่ามึงตกลงแล้วใช่มั้ย”

ควันถามคนที่พึ่งพูดจบ พูดอย่างนี้ก็เหมือนยอมรับข้อตกลงของเขากลาย ๆ นั้นแหละ และเมื่อใบหน้าของเดือนคณะแพทยศาสตร์พยักหน้าเบา ๆ ควันก็อยากร้องตะโกนออกมาดัง ๆ ริมฝีปากได้รูปแทบจะห้ามให้ตัวเองหุบยิ้มไม่ได้ และคว้าคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอดก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปอย่างห้ามใจไม่อยู่

ไอติมได้แต่ยอมรับสัมผัสนั้นแต่โดยดี เขาก็แค่...อยากรู้อยากลองล่ะมั้ง...ถึงผลที่ตามมามันจะดีหรือจะร้ายยังไง ไอติมก็ขอให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน...

ดวงกลมหลับลงแล้วเผลอกอดเอวคนตรงหน้าหลวม ๆ เผยอปากออกเล็กน้อยอย่างรู้งาน ให้ควันได้ทำตามอำเภอใจ ก่อนจะลองงับริมฝีปากคนตรงหน้าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และท่าทางอย่างนั้นยิ่งทำให้ควันชอบใจก่อนจะค่อย ๆ สอนให้ไอติมหัดจูบอย่างไม่รีบร้อน


Rrrrrrrrrr


แต่เสียงโทรศัพท์ที่ร้องดังขึ้นก็ทำให้ไอติมสะดุ้ง ก่อนจะผลักควันออกเบา ๆ ใบหน้าหล่อนั้นพันกันจนยุ่งเหยิง ตวัดสายตาไปมองโทรศัพท์เจ้าปัญหาแล้วก็คว้ามาดูอย่างไม่สบอารมณ์


Win MED


“อะไรวะ”

[เสียงเหวี่ยงจังโว้ย เป็นเหี้ยไรของมึง]

“มึงนั้นแหละ มีอะไร”

[เอ้า! นี่แกล้งโง่อยู่รึไง มึงลืมแล้วเหรอว่าจะไปแดกเนื้อย่างไง แล้วนี่ไปรับไอติมยัง กูอาบน้ำเสร็จแล้วนะ]

“เออ เดี๋ยวไปรับ แค่นี้นะ”

[เออ เร็ว ๆ กูหิวจนจะแดกควายได้ทั้งตัวอยู่แล้ว]

ควันตัดสายอย่างหงุดหงิด และบทสนทนาทุกอย่างนั้นไอติมก็ได้ยินอย่างชัดเจน จึงผละตัวออกจากอ้อมกอดของควันก่อนจะเกาแก้มตัวเองเล่นอย่างทำตัวไม่ถูก

“งั้นกูไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน จะได้รีบไปรับไอ้วินทร์ ก่อนจะมันจะกินควายทั้งตัวอย่างที่มันว่า”

ไอติมพูดแล้วก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที ทิ้งควันที่ถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ ไว้บนเตียงเพียงคนเดียวก่อนจะปาโทรศัพท์ทิ้งลงบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์


รู้อย่างนี้ เขาไม่ตอบตกลงไปกินเนื้อย่างแต่แรกหรอก อดกินของหวานเลยโว้ย









หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 8 - ข้อตกลงระหว่างสองเรา (100%) [01.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-09-2018 21:32:06
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 8 - ข้อตกลงระหว่างสองเรา (100%) [01.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-09-2018 02:25:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 8 - ข้อตกลงระหว่างสองเรา (100%) [01.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 03-09-2018 10:48:10
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 8 - ข้อตกลงระหว่างสองเรา (100%) [01.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 05-09-2018 17:37:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 9 - สถานะที่ชัดเจน [07.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 07-09-2018 21:13:01
บทที่ 9
สถานะที่ชัดเจน




“ฟินจังโว้ยยยย มึงดูเบค่อนของกูดิ ขาวอมชมพู เนื้อแน่นสัส”

เสียงของพีชยังคงไม่หยุดพูดสักทีตั้งแต่เข้ามาในร้าน คีบเนื้อลงกระทะทีก็ร้องออกมาอย่างมีความสุข จากนั้นก็จิ้มน้ำจิ้มเข้าปากคำใหญ่ ต่างจากไอติมที่นั่งต้มแต่ผักกับปลากินอยู่ข้าง ๆ ควัน

“หน้าไอติมมันเหมือนอมทุกข์มากเลยนะ ที่ต้องมานั่งให้ครบ 4 คน จะได้จ่ายราคา 3 คนเนี่ย” วินทร์พูดขำ ๆ แล้วคีบเนื้อที่สุกแล้วเข้าปาก ทุกสายตาบนโต๊ะเลยหันมาจ้องไอติมที่กำลังคีบเนื้อปลาเข้าปากพอดี ก่อนจะอมยิ้มขำกัน

“กินเข้าไปหน่อยเหอะสามชั้นเนี่ย ผอมจนจะปลิวได้อยู่ล่ะมึงอ่ะ” ควันพูด แล้วก็คีบเนื้อสามชั้นมาวางลงบนจานของไอติมที่เต็มไปด้วยผัก วุ้นเส้น และเนื้อปลา

“แต่มันจะ...”

“โอ๊ยยยย มึงไม่อ้วนหรอก แดกสามชั้นหมดถาด มึงยังอ้วนไม่สู้ไอ้พีชเลย”

“อ้าวเชี่ยวินทร์ พูดแบบนี้วอนโดนตีนนี่หว่า” พีชที่นั่งข้างวินทร์นั้นถึงกับยกตะเกียบขึ้นชี้หน้า เรื่องอื่นด่าได้ไม่เป็นไร แต่มาพูดว่าอ้วนอย่างนี้ เขาไม่มีทางยอมหรอก

“ก็มึงอ้วนจริงนี่หว่า กูพูดผิดตรงไหน”

“ไอ้วินทร์! เดี๋ยวเหอะ”

“พวกมึงก็อย่าพึ่งตีกันเถอะ เนื้อจะไหม้หมดแล้วเนี่ย”

ควันห้ามทัพได้ทันก่อนที่เพื่อนของเขาจะตีกันจริง และพอเห็นว่าเนื้อบนเตากำลังจะไหม้อย่างที่ควันว่าจริง ๆ ต่างคนต่างก็คีบเนื้อลงบนจานตัวเองด้วยความรีบร้อนทันที

.

.


กว่าจะกินเสร็จก็ใช้เวลาไปจนครบชั่วโมงที่ร้านกำหนดไว้พอดี ชำระเงินกันเรียบร้อย F4 ของคณะแพทยศาสตร์ที่กำลังเป็นกลุ่มที่ดังสุด ๆ อยู่ในโลกโซเชี่ยลตอนนี้ก็หันมองหน้ากันเมื่อไม่มีโปรแกรมอื่นที่วางเอาไว้หลังจากทานมื้อเช้าควบเที่ยงเสร็จเลย

“ไปไหนต่อดี จะเที่ยวหรือจะแยกย้ายกันกลับเลย” พีชถามทุกคนที่ยังคงลูบท้องกันอยู่

“ไปดูหนังดีมั้ย อยากดูเรื่อง XXX” วินทร์เอ่ยถึงหนังที่กำลังอยู่ในกระแส และพีชก็รีบพยักหน้าทันที

“กูบวก”

“กูขอบายอ่ะ ดูตั้งแต่วันที่มันเข้าโรงแล้ว” ไอติมรีบบอกพีชกับวินทร์...เรื่องนี้เขามาดูกับควันแล้ว แต่เพราะคิดกันปุ๊บปั๊บ เลยออกมาดูหนังรอบดึก จึงไม่ได้ชวนพีชกับวินทร์ด้วย

“อ่าว ถ้าพวกกูดูหนัง แล้วมึงจะเอาไงล่ะติม” วินทร์ถามคนที่ปฏิเสธ ไอติมที่กำลังจะตอบก็หุบปากฉับเมื่อควันที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นบ้าง

“เดี๋ยวกูเดินเที่ยวกับมันดีกว่า พวกมึงสองคนไปดูหนังเถอะ”

“เอางั้นเหรอ”

“เออ...ดูหนังเสร็จแล้วก็บอกแล้วกัน พวกกูจะไปซื้อของรอ”

“โอเค งั้นแยกกันตรงนี้แล้วกัน...มึงรีบไปซื้อตั๋วเถอะ” พีชบอกควันและไอติม ก่อนจะลากวินทร์ไปทางโรงหนังด้วยความรวดเร็ว เพราะรอบที่พวกเขาเล็งไว้ อีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะฉายแล้ว

“จะไปไหนกันดีล่ะ” ไอติมถามเมื่อเหลือกันอยู่แค่สองคนแล้ว

“ซื้อของดิ...กูว่าจะซื้อถุงยาง...โอ๊ย!”

“ทะลึ่ง!”

พูดยังไม่ทันจบประโยค ดวงตากลม ๆ นั้นก็เบิกกว้างก่อนจะหยิกแขนควันจนเขียว กระโดดร้องเหย่ง ๆ อยู่คนเดียว ส่วนคนที่ทำเขาเจ็บนั้นก็รีบเดินหนีไปไกลเสียแล้ว ควันหลุดยิ้มออกมาเพียงคนเดียวก่อนจะรีบวิ่งตามให้ทันไอติม ไม่วายยีกลุ่มผมนิ่มเล่นอย่างชอบใจ แล้วก็ได้รับแรงฟาดลงมาที่แขนเขาให้ได้ร้องอีกครั้ง แต่ทำไมควันกลับมีความสุขเสียอย่างนั้น...

สงสัยเขาจะเป็นพวกชอบความรุนแรงล่ะมั้ง : )





ภายในซุปเปอร์มาร์เก็ต...สองหนุ่มหน้าตาดีที่เดินเข็นรถเข็นอยู่ข้างกัน เรียกให้หลายสายตานั้นมองมาได้ไม่ยาก ก่อนจะแอบซุบซิบกันเงียบ ๆ ว่าชายหนุ่มคู่นี้นั้นเป็นเพื่อนหรือมากกว่าเพื่อนกันแน่

“เจลหล่อลื่น...”

“...”

“ถุงยาง...มึงอยากได้รสอะไร”

คนตัวสูงหันมาถามคนที่ยืนเงียบมาตลอดทางอย่างขอความเห็น ดีที่แถวนี้ไม่มีคนอยู่เลยสักคน ไม่อย่างนั้นไอติมคงจะได้อายมากกว่าเดิมแน่ ๆ

“รสอะไรก็หยิบ ๆ มาเหอะหน่า น่าเกลียด”

พูดเสียงเบา แล้วทำท่าจะเข็นรถเข็นเดินหนีคนที่พูดไม่อายฟ้าอายดิน แต่ควันก็คว้าแขนไว้ได้ทัน ก่อนจะลากไอติมให้เดินกลับมาที่เดิม

“น่าเกลียดตรงไหน หรือจะเอามันหมดทุกรสเลยดีมั้ย” ควันอมยิ้มที่แกล้งให้ไอติมเขินจนหน้าแดงได้สำเร็จ คนตัวเล็กกว่าพูดไม่ออกจึงทำได้แค่ด่าควันด้วยท่าทางเขิน ๆ

“ไอ้บ้า!”

พูดจบก็รีบเข็นรถเข็นหนีไปอย่างรวดเร็ว...ควันได้แต่หัวเราะออกมาคนเดียว แล้วก็โกยมันมาทุกรสอย่างที่เขาพูดเอาไว้นั้นแหละ




หลังจากซื้อของใช้จนครบแล้ว ยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงกว่าที่ทั้งวินทร์และพีชจะออกมาจากโรงหนัง ควันกับไอติมจึงตกลงที่จะเดินเข้าร้านหนังสือเพื่อหาอะไรอ่านฆ่าเวลา ควันหยุดยืนอยู่ที่โซนการ์ตูนแล้วไล่หาหนังสือการ์ตูนอยู่เงียบ ๆ ส่วนไอติมนั้นก็แยกออกมาหาหนังสือนิยายสืบสวนที่ตัวเองชอบอ่านอีกโซนหนึ่งแทน

“ควันคะ...ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย”

ในขณะที่กำลังอ่านคำโปรยด้านหลังปกหนังสืออยู่ ไอติมก็เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวาน ๆ ที่เรียกชื่อเพื่อนของเขา และเมื่อดวงตากลมมองลอดผ่านหนังสือไปก็เห็นผู้หญิงตัวเล็กน่ารักที่ยืนอยู่ข้างควัน และท่าทางที่พูดคุยอย่างสนิทชิดเชื้อนั้นก็ทำให้ไอติมสนใจได้ไม่ยาก

“ทำไมช่วงนี้เงียบ ๆ ไปล่ะคะ ลืมฟ้าแล้วเหรอ”

“เออ...ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่ง ๆ ขอโทษที”

“งั้นเหรอคะ ฟ้าคิดถึงควันมากเลย พรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันดีมั้ยคะ”

“เออ...”

ไอติมรีบยกหนังสือขึ้นบังหน้าตัวเองทันที เมื่อเห็นว่าควันกำลังสอดสายตามาทางที่เขายืนอยู่ ยืนรออยู่เกือบนาที ไอติมก็ลดหนังสือลงให้ดวงตาของเจ้าตัวนั้นมองไปยังทั้งสองคนได้อีกครั้ง และไอติมก็ได้เห็นช็อตเด็ด เมื่อหญิงสาวคนนั้นเขย่งเท้าเพื่อหอมแก้มควันเร็ว ๆ ก่อนจะเดินออกไป

เพื่อนของเขาเนี่ย สุดยอดจริง ๆ...

“ได้หนังสือที่อยากได้รึเปล่า เราออกไปหาเดินซื้อเสื้อผ้าดีมั้ย” เสียงทุ้มดังขึ้นอยู่ด้านข้าง ไอติมจึงปิดหนังสือในมือลงก่อนจะหันไปมองควันที่ยังมีลอยลิปสติกจาง ๆ อยู่ข้างแก้ม ไอติมจึงหยิบทิชชู่ในกระเป๋า(ที่เขาแอบหยิบออกมาจากร้านเนื้อย่าง)ส่งให้ควัน

“อะไร” ควันขมวดคิ้ว มองกระดาษทิชชู่ยับยู่ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

“ลิปสติกเลอะ” ไอติมบอกเสียงเรียบ แล้วยังหวังดีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องให้ควันได้เห็นว่ามีรอยลิปสติกจาง ๆ ติดอยู่ที่ข้างแก้มจริง

“เช็ดให้หน่อยดิ”

นอกจากจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว ยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ให้ไอติมเช็ดให้อีก เดือนคณะแพทยศาสตร์ได้แต่เบะปากแล้วบ่นงึมงำอยู่คนเดียว แต่ก็ยอมเช็ดรอยลิปสติกบนผิวหน้าของเพื่อนสนิทจนมันสะอาดเหมือนเดิม

“แล้วพรุ่งนี้จะไปเที่ยวกับเธอมั้ยล่ะ”

“ไม่รู้ดิ...บอกฟ้าไปว่าขอคิดดูก่อน”

“แล้วฟ้าเนี่ย...ผู้หญิงคนที่เท่าไรในสต็อคของมึงล่ะ” ไอติมยังคงถามต่อราวกับถามเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปอะไรทำนองนั้น

“จำไม่ได้”

“เยอะจนจำไม่ได้เลยเหรอ” ไอติมมองอย่างทึ่ง ๆ ก็รู้ว่าเจ้าชู้ แต่ถึงขั้นว่าจำไม่ได้เลย มันจะเกินไปรึเปล่า

“ไม่ใช่เยอะจนจำไม่ได้หรอก”

“อ่าว”

“ก็กูจำได้แค่มึง...คนอื่นกูไม่สนหรอก”

สิ้นคำนั้น ริมฝากได้รูปก็กระตุกยิ้ม ก่อนจะจูงมือเพื่อนตัวเล็กให้เดินออกมาด้วยกัน เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าไอติมจะโดนสตั้นจนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปเสียแล้ว



.

.



หลังจากออกมาจากร้านหนังสือ และเดินเล่นรอเวลาไปอย่างเรื่อยเปื่อย ควันพาไอติมเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น และสุดท้ายทั้งสองคนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านไอศกรีมชื่อดัง ในช่วงเวลาบ่ายอย่างนี้ ร้านค่อนข้างแน่นจนควันและไอติมต้องยืนรอต่อคิว ในระหว่างนั้นทั้งสองคนก็ดูเมนูไปพลาง ๆ

“กินอะไรดี เอาแบบถ้วยใหญ่แล้วกินด้วยกันดีมั้ย” ควันเสนอ ในขณะที่เปิดหน้าเมนูเลือกไปด้วย

“เอาแบบนั้นก็ได้ กูไม่ซีเรียส”

“งั้นเอาเป็นเซ็ตนี้ดีมั้ย ช็อคโกแลตฟองดู ช็อคโกแลตเยิ้ม ๆ อ่ะ ฟินนนน”

“กูไม่ชอบช็อคโกแลตว่ะ” ไอติมพูดอุบอิบ แล้วพลิกเมนูไปอีกหน้าแทน

“ไม่ชอบเหรอ งั้นเปลี่ยนเมนูก็ได้”

“น้องไอติมนี่นา”

ในขณะที่ควันกับไอติมกำลังเลือกเมนูกันอยู่ เสียงหวาน ๆ ก็เรียกชื่อของไอติมขึ้น ใบหน้าเนียนเงยหน้าขึ้นจากเมนูและก็พบว่าเป็นพี่แจนที่ยิ้มกว้างหลังจากทักเขา และข้าง ๆ พี่แจนนั้นก็คือ...

พี่กร

“อ้าว ไอติมมากินไอติมเหรอเนี่ย” กรพูดยิ้ม ๆ แล้วมองไอติมที่เหมือนจะชะงักไป ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วฉีกยิ้มให้พี่กร

“ครับ”

“พี่กับกรก็กำลังจะหาอะไรกินเหมือนกัน งั้นเรากินไอศกรีมที่นี่เลยเป็นไงกร” แจนถามกรอย่างขอความเห็น ซึ่งกรก็พยักหน้าตกลงทันที

“กินที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะ”

“ถึงคิวของลูกค้าแล้วค่ะ” พนักงานเข้ามาเรียกควันและไอติมพอดี และด้วยความที่เป็นรุ่นน้อง ไอติมจึงต้องเชิญรุ่นพี่ทั้งสองคนเพื่อไม่ให้เสียมารยาท

“พี่กรกับพี่แจนมานั่งที่โต๊ะพวกผมด้วยกันมั้ยครับ”

ชั่ววินาทีนั้น ไอติมหวังว่ากรและแจนอาจจะปฏิเสธ...เพราะบางทีหัวใจของเขาอาจจะยังไม่แข็งแรงมากพอ...

“งั้นพวกพี่รบกวนไอติมกับเพื่อนหน่อยแล้วกันนะ”

แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะไม่สนใจคำขอของเขาเลยสักนิด...





ควันรู้สึกว่าบรรยากาศในร้านไอศกรีมนั้นมันอึมครึมแปลก ๆ...แต่ตรงหน้าเขาที่เป็นแฟนสาวของรุ่นพี่ที่ชื่อกรนั้นก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนไม่มีอะไร...หรือบางทีเขาอาจะรู้สึกไปเองคนเดียวรึเปล่า

“เอาไอศกรีมแบบไหนดี พี่ว่าสั่งเซ็ตใหญ่เอามากินด้วยกันดีมั้ย” พี่แจนถามขึ้นหลังจากที่พนักงานเอาเมนูมาวางให้อีกครั้ง

“ยังไงก็ได้ครับ” ไอติมตอบอย่างเกรงใจ และเขาก็เลือกเมนูที่ควันกำลังชี้ให้ดู ในขณะที่ไอติมกำลังจะเลือกสตรอว์เบอร์รี่ซันเดย์ พี่แจนก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่จำได้ว่าน้องไอติมชอบช็อคโกแลตนี่นา วันที่ไปกินชาบูชิ กรก็ตักไอศกรีมให้น้องนี่”

“อ้อ ใช่” กรพยักหน้า เมื่อนึกไปถึงวันนั้นที่ไอติมกินไอศกรีมรสช็อคโกแลตที่เขาตักให้จนหมดถ้วย

“งั้นเราสั่งช็อคโกแลตฟองดูดีมั้ย มีไอศกรีมหลายลูก แถมกินกันสี่คนน่าจะอิ่มด้วย”

ควันที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับย่นคิ้ว แล้วไหนไอติมบอกเขาว่าไม่ชอบช็อคโกแลต ตอนอยู่หน้าร้านเขาพึ่งเสนอเมนูนี้ไป ไอติมก็ปฏิเสธไปจนเขาต้องหาเมนูใหม่ แต่พอหันไปหาคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ไอติมกลับไม่ค้านรุ่นพี่ทั้งสองแล้วยิ้มเฝื่อน ๆ กลับไปแทน

“เอาช็อคโกแลตฟองดูก็ได้ครับ”

ควันได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ และหลังจากนั้นไอติมก็เงียบลงถนัดตา พูดคุยบ้างก็ตอนที่กรหรือแจนชวนคุยเท่านั้น จนเมื่อช็อตโกแลตฟองดูมาตั้งตรงหน้า ไอติมก็เลือกกินแต่ไอศกรีมโดยที่ไม่แตะต้องช็อคโกแลตเลย...ทุกอย่างอยู่ในสายตาของควันโดยตลอด ซึ่งเขาก็ทำอะไรไปไม่ได้นอกจากนิ่งเงียบ รอให้ออกจากร้านก่อนเถอะ เขาจะถามทุกอย่างที่สงสัยให้หมดเลย

“ทำไมน้องไอติมไม่กินช็อคโกแลตสักคำเลยล่ะ...เดี๋ยวพี่ทำให้” แจนถามอย่างหวังดี เพราะเห็นว่าน้องไม่แตะของที่ตัวเองชอบเลยสักนิด จึงจิ้มก้อนไอศกรีมแล้วจุ่มลงช็อคโกแลตเต็มคำแล้วยื่นมันไปตรงหน้าไอติม

ไอติมอึกอักเล็กน้อย ช็อคโกแลตเข้มข้นอย่างนี้เขายิ่งไม่ชอบ แต่เพราะสายตาคาดหวังของพี่กรที่มองอยู่ ไอติมจึงเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะรับมันไปกินอย่างช่วยไม่ได้

“เป็นไง อร่อยรึเปล่าจ๊ะ”

“ครับ อร่อยครับ”

ไอติมตอบก่อนจะรีบยกน้ำเปล่าขึ้นดื่มจนหมดแก้วเพื่อล้างคราบช็อตโกแลตที่เลอะเต็มปาก พยายามฉีกยิ้มทั้ง ๆ ที่ในใจของเขานั้นอยากจะร้องไห้เต็มทนที่ต้องมาฝืนทำอะไรแบบนี้

“ถ้าชอบ งั้นก็กินเยอะ ๆ นะ” พี่แจนบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน ไอติมพยักหน้ารับคำนั้น แล้วกำช้อนตัวเองอยู่นาน และในตอนที่จะจุ่มไอศกรีมลงในช็อคโกแลต ควันก็ดันช้อนของเขาหนีก่อนจะกระซิบบอกเร็ว ๆ

“ไม่ต้องกินแล้ว เดี๋ยวที่เหลือกูจัดการเอง”

“อะ...อืม” ไอติมชักมือกลับทันทีเมื่อควันรีบจุ่มไอศกรีมของตัวเองลงในถ้วยช็อคโกแลต ไอติมจึงแอบหายใจอย่างโล่งอกแล้วนั่งกินไอศกรีมเงียบ ๆ โดยที่กรและแจนก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น




หลังจากออกจากร้านไอศกรีม ควันและไอติมก็ขอตัวแยกออกมาจากรุ่นพี่ทั้งสอง เพราะพีชส่งข้อความมาว่าดูหนังจบแล้ว พวกเขาทั้งสี่คนจึงรวมตัวกันอีกครั้ง ก่อนที่พีชจะแยกตัวเพื่อกลับบ้าน และวินทร์ก็ติดสอยห้อยตามกลับมาด้วย

ตลอดทางที่ไปส่งวินทร์นั้นไอติมเงียบลงจนวินทร์สังเกตได้ ถึงแม้จะสะกิดถามควันเบา ๆ แต่ควันก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอติมเป็นอะไร

ร่างเล็กนั่งเหม่อลอยมองการจราจรบนท้องถนนเงียบ ๆ ในโลกของตัวเอง จนไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าควันส่งวินทร์ถึงที่คอนโดแล้ว และรถ BMW คันสวยนั้นก็พาเขาขับรถออกมาจากเมืองกรุงเทพที่แสนวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงชานเมืองที่ห่างไกลและเงียบสงบ

“เลิกเหม่อได้รึยัง”

“...”

“ไอติม”

“...”

“ไอติม!!”

“ห๊ะ?!”

ร่างเล็กสะดุ้งตัวโยนเมื่อเสียงทุ้มนั้นดังเรียกสติ และเมื่อดวงตาหันออกไปมองนอกรถก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า มีป่าอยู่สองข้างทาง รถที่สวนมาสักคันก็ไม่มี นี่ควันพาเขามาที่ไหนกัน

“มึงพากูมาที่ไหนเนี่ย”

“เป็นอะไร”

“ไม่ได้เป็นอะไร” ไอติมบอกปัด แล้วแสร้งทำเป็นสนใจถนนภายนอก ก่อนจะหันมาหาควันที่ดวงตาคมนั้นดูดุขึ้นเล็กน้อย ไอติมจึงพยายามยิ้มสู้ แล้วถามกลบเกลื่อน “แถวนี้มันตรงไหนเหรอ จะพาออกมาเที่ยวเหรอ”

“ไม่ต้องพยายามเปลี่ยนเรื่องเลย”

“กูไม่ได้...”

“กูเห็นว่ามึงทำตัวแปลก ๆ ตั้งแต่ที่พี่สองคนนั้นมาทักที่หน้าร้านไอศกรีมแล้ว ถ้าไม่โอเคจะชวนเขามานั่งด้วยทำไม”

“กู...”

“แล้วเรื่องช็อคโกแลตอีก ตอนแรกกูก็เสนอเมนูนั้นไปแล้ว มึงก็บอกกูเองว่าไม่ชอบช็อคโกแลต แล้วทำไมพวกพี่เขาถึงบอกว่ามึงชอบช็อคโกแลต ทำไมมึงไม่พูด ไม่ปฏิเสธบ้างวะ กูเห็นแล้วโคตรหงุดหงิดเลย ทำไมมึงถึงยอมเขาแทบทุกอย่างขนาดนั้น”

“...”

เกิดความเงียบขึ้นบนห้องโดยสารพักใหญ่ ไอติมไม่ได้ตอบคำถามที่รัวมาเป็นชุดของควันเลยสักคำถามเดียว ใบหน้าเนียนเบนหน้าออกไปนอกถนนที่เงียบสงบ มือเผลอบีบกันแน่นเมื่อความกดดันค่อย ๆ ก่อขึ้นห้อมล้อมตัวพวกเขาโดยไม่รู้ตัว

“ทำไมไม่ตอบ...แคร์พวกเขาขนาดนั้นเลยเหรอ”

ควันถามอีกครั้งเพราะท่าทางของไอติมในตอนนี้มันทำให้เขาอยากจะเขย่าร่างเล็กให้หลุดคำพูดออกมาบ้าง แต่เขาก็ห้ามตัวเองไว้ได้ทัน ควันสูดดลมหายใจเข้าปอดจนสุดก่อนจะหันมองไอติมอีกครั้ง

“ที่กูถามอย่างนี้เพราะกูเป็นห่วงมึงนะ”

“...”

“ไอติม”

“กูจะแคร์เขายังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของมึงสักหน่อย”


ในที่สุดร่างเล็กก็พูดออกมา และวาจาร้ายกาจนั้นก็ทิ่มแทงควันเสียจนพูดไม่ออก ใบหน้าของไอติมหันกลับมามองควันที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งเพื่อย้ำเตือนควันให้เข้าใจสถานะที่ตนเองยืนอยู่เสียที

“มึงเป็นแค่เพื่อนกู ไม่ต้องห่วงกูขนาดนั้นก็ได้นะควัน”

คำว่าเพื่อนที่ไอติมพูดออกมานั้นราวกับตบหน้าเขาฉาดใหญ่ให้มีสติ ควันจ้องมองคนตัวเล็กที่ดวงตานั้นเข้มแข็งเสียจนเขาไม่สามารถอ่านใจไอติมออก จึงเผลอหัวเราะออกมาเบา ๆ ให้กับตัวเอง ก่อนจะหันกลับไปจ้องมองถนนที่ยังคงไร้รถสักคันราวกับหัวใจของเขาที่มันกลับมาเงียบสงบอีกครั้งหลังจากที่กระวนกระวายใจเพราะเพื่อนตัวเล็กคนนี้

“นั้นสินะ...กูเป็นแค่เพื่อนมึงนี่นา”

“...”

“กูคงจะสำคัญตัวผิดไป ขอโทษที”


หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 9 - สถานะที่ชัดเจน [07.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-09-2018 21:50:45
 :pig4: :pig4: :pig4:

น่าสงสารควัน
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 10 - โกรธกันแล้วมีความสุขไหม [11.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 11-09-2018 20:35:56
บทที่ 10
โกรธกันแล้วมีความสุขไหม



ตั้งแต่วันนั้น ไอติมก็แทบจะไม่ได้คุยกับควันเลย...

ไอติมรู้ว่าควันพยายามหลบหน้า รู้ว่าควันพยายามไม่พูดคุยด้วย เวลาอยู่ด้วยกันนั้นก็รู้สึกอึดอัดจนคล้ายจะหายใจไม่ออก ไอติมรู้ว่าควันโกรธที่เขาเผลอพูดอะไรออกไปโดยไม่คิดรักษาน้ำใจเพื่อนที่อุตส่าห์เป็นห่วง ไอติมรู้ว่าตัวเองนั้นผิด แต่จนถึงตอนนี้ไอติมก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเกิดมาไม่เคยต้องง้อใคร เขาจึงทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย


อย่างเช่นวันนี้...


“พันธะโคออดิเนตจะเกิดตรงตำแหน่งระหว่าง...”

เสียงอาจารย์ที่กำลังบรรยายอยู่หน้าห้องนั้น ไม่สามารถเข้าสู่โสตประสาทของไอติมได้เลย เขาหงุดหงิดใจที่ตัวเองไม่มีสมาธิในการเรียนเลยแม้แต่น้อย เพราะใจยังมัวพะวงอยู่ที่ใครบางคน ซึ่งปกติแล้วจะนั่งข้างกันเสมอ แต่วันนี้ควันก็ยังคงนั่งข้างพีชซึ่งอยู่คนละฝั่งกับเขาเลยด้วยซ้ำ

“เดี๋ยวอาจารย์จะหยุดไว้ที่สไลด์นี้นะคะ แล้วคาบหน้าเรามาต่อกันใหม่”

เวลาผ่านไปจนเมื่ออาจารย์ปิดสไลด์ลง ไอติมถึงได้รู้ตัวว่าหมดเวลาลงแล้ว เพื่อน ๆ ในคลาสเริ่มเก็บของและทยอยออกจากห้อง เช่นเดียวกันกับกลุ่มของพวกเขา...ไอติมก็ยังคงแอบมองคนที่นั่งอยู่อีกมุมซึ่งเก็บของเงียบ ๆ พยายามจะหาจังหวะเข้าไปคุยกับควันตรง ๆ แต่ไอติมก็ไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปใกล้ควันได้เลย

“เย็นนี้ไปไหนดีวะพวกเรา” พีชก็ยังเป็นคนเดิมที่มักจะชวนเพื่อน ๆ ไปผ่อนคลายหลังจากเรียนเสร็จ

“ไอติมต้องไปซ้อมใช่มั้ย ไปกินข้าวเย็นกับพวกกูก่อนไปซ้อมได้มั้ยล่ะ” วินทร์หันมาถามคนที่ดูจะมีธุระมากที่สุดในกลุ่ม ซึ่งปกติแล้วไอติมมักจะรีบไปซ้อม แต่วันนี้คนตัวเล็กกลับรีบพยักหน้าตอบตกลงอย่างรวดเร็ว

“ไปด้วย กินอะไรก็ได้ ไปด้วยหมด”

“โอเค งั้นวันนี้ครบองค์ว่ะ กินอะไรดีวะ” วินทร์หันมาถามควันที่ยังยืนเงียบ

“ไปกินกันเถอะ กูจะไปกินกับคนอื่น” ควันตอบเสียงเรียบแล้วเตรียมจะหันไปทางอื่น แต่พีชก็คว้าแขนไว้ได้ทัน

“จะไปกินกับสาวที่ไหนอีกล่ะมึง เอามาแนะนำพวกกูหน่อยสิวะ”

“นั้นไง” ควันชี้ไปทางหญิงสาวที่ยืนรออยู่หน้าห้องเรียน เมื่อเห็นว่าแยม...เพื่อนในคณะที่น่ารักและกำลังป๊อบสุด ๆ ในโลกโซเชี่ยลยิ้มให้พวกเขา ทุกคนก็เข้าใจทันที

“แรงจริง เร็วจริงนะมึง เดี๋ยวนี้คิดจะแดกเพื่อนในคณะแล้วเหรอวะ” วินทร์อดจะพูดเหน็บแนมไม่ได้ พูดไปแล้วก็เริ่มจะรู้สึกอิจฉาควันขึ้นมาหน่อย ๆ ที่มันเปลี่ยนผู้หญิงทุกสัปดาห์เลยก็ว่าได้

“ลองดู...แยมก็น่ารักดี”

“หมั่นไส้ว่ะ จะไปไหนก็ไป พวกกูสามคนไปหาอะไรกินกันเองก็ได้วะ” พีชว่า แล้วผลักควันที่อมยิ้มน้อย ๆ ยามที่ถูกเพื่อนแซว ก่อนที่ร่างสูงจะเดินไปหาหญิงสาวที่กำลังยืนรออยู่ จากนั้นทั้งสองคนจะเดินออกไปพร้อมกัน



ไอติมที่เงียบมาตลอด มองตามแผ่นหลังควันจนหายไปจากกรอบสายตา เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ควรจะต้องรู้สึกยังไง เขาควรที่จะต้องดีใจที่เห็นควันกำลังจะมีความรักครั้งใหม่อีกครั้ง หรือควรจะหมั่นไส้ที่ควันสามารถควงผู้หญิงได้ไม่ซ้ำหน้าเหมือนที่เคยรู้สึกเสมอมา

แต่ทำไมตอนนี้ไอติมถึงอยากจะร้องไห้ออกมาก็ไม่รู้

สงสัยฝุ่นมันเข้าตาแน่ ๆ เลย...

.

.

“ไอติม เป็นอะไรวะ มึงเงียบแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ”

พีชถามอย่างเป็นห่วงในขณะที่กำลังคีบเส้นบะหมี่ไปด้วย ตาก็แอบมองคนที่เขี่ยเส้นก๋วยเตี๋ยวในถ้วยตัวเองไปมา แล้วก็ถอนหายใจซะเสียงดัง จนเขากับวินทร์ยังแอบสะดุ้งและเผลอมองหน้ากันด้วยความสงสัย

“กูเงียบเกินไปเหรอ...โทษที สงสัยคงจะเครียดเรื่องประกวดมากไปหน่อย”

ไอติมยกเรื่องการประกวดมาอ้าง พีชมองเหมือนจะไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้เค้นถามเอาความจริงให้ไอติมอึดอัด แล้วก็คีบลูกชิ้นจากถ้วยของตนมาวางในถ้วยไอติม

“เห็นว่าชอบกิน กูเสียสละลูกชิ้นเนื้อสุดที่รักให้มึงเลยนะ จะได้เลิกเครียดไง”

“ขอบคุณนะ” ไอติมอมยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองคนที่ยังคอยเป็นห่วงเขาอย่างนี้ ต่างจากอีกคนที่คงกำลังจะไปกินอาหารอร่อย ๆ กับคู่เดทในวันนี้...

จู่ ๆ น้ำตามันก็พานจะไหลออกมา ไอติมแค่รู้สึกว่าทำไมเขาต้องแคร์คน ๆ นั้นมากขนาดนี้ด้วย ทำไมต้องสนใจคนที่เขาไม่สนใจเราด้วย...เขาก็แค่เสียใจ แต่ไม่รู้จะระบายทางไหนได้เลย

“ไอ้พีชแบ่งลูกชิ้นให้ มึงซึ้งจนร้องไห้เลยเหรอ” วินทร์ถาม และตอนนั้นเองที่หยดน้ำใสไหลออกจากดวงตากลม

“กูเปล่าสักหน่อย” ไอติมพูดเสียงเบา รีบขยี้ดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลออยู่ แม้จะพยายามทำตัวเข้มแข็งมากแค่ไหน ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำตาต้องไหลออกมาด้วย จะร้องไห้ให้คน ๆ นั้นทำไมกัน

“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะลูกพ่อ มาให้กอดหน่อยเร็ว โอ๋ ๆ” วินทร์รีบลูบหลังคนที่น้ำตาไหลไม่หยุด ถึงจะพอเดาสาเหตุได้ว่าที่ไอติมเป็นอย่างนี้ก็เป็นเพราะไอ้ควันที่ทำมึนตึงใส่กันตั้งแต่วันที่ไปกินเนื้อย่าง แต่เขาจะไม่ถามสาเหตุให้เพื่อนทั้งสองไม่สบายใจกันอีก รอเวลาให้พวกมันเคลียร์กันเองดีกว่า ตอนนี้เขาคงทำได้แค่ปลอบใจเพื่อนเท่านั้น

“เดี๋ยวกูสั่งลูกชิ้นเนื้อให้มึงเพิ่มก็ได้ติม มึงไม่ต้องซึ้งใจขนาดนั้น” พีชบอกอย่างเป็นห่วง และยังแสร้งพูดตลกให้ไอติมได้หลุดยิ้ม
ได้ทั้งน้ำตา คนตัวเล็กจึงใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาตัวเองลวก ๆ สูดน้ำมูกซะเสียงดัง แล้วยิ้มจาง ๆ ก่อนจะพูดติดตลกให้คนทั้งโต๊ะได้หัวเราะ

“ไม่ต้องสั่งเยอะก็ได้ เดี๋ยวกูอ้วน ถ้าหน้าบวมตอนประกวดขึ้นมา กูโทษพวกมึงแน่”

.

.

เวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อย ๆ ไอติมทั้งยุ่งกับเรียนและการซ้อมการประกวดไปพร้อม ๆ กัน แทบจะหาเวลานอนไม่ได้ ไหนจะต้องพะวงกับปัญหาคาราคาซังระหว่างเขากับควันอีก สภาพของเดือนคณะแพทยศาสตร์ในตอนนี้จะเรียกว่าซอมบี้ก็ไม่ผิด ใบหน้าที่เคยขาวผ่อง ตอนนี้กลับขาวซีด ใต้ตาคล้ำเพราะอดนอนเป็นเวลาเดือนกว่า

“ไอติม มึงไหวรึเปล่า”

วินทร์ถามคนที่นอนฟุบอยู่ข้าง ๆ ในขณะที่พวกเขาสามคนนั่งอ่านหนังสือกันอยู่ใต้ลานของคณะ ส่วนควันนั้นกลับไปตั้งแต่เลิกคลาสแล้ว

“ปวดหัวจัง” ไอติมพึมพำ แล้วเงยหน้าขึ้นมาจากกองหนังสือ หาวออกมาโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ที่เหลืออยู่น้อยนิด ก่อนจะมองนาฬิกาข้อมือ

“กูคงต้องไปซ้อมแล้วล่ะ ขอตัวก่อนนะ”

“ให้พวกกูไปส่งมั้ย”

พีชถามอย่างไม่แน่ใจ เมื่อเห็นคนตัวเล็กยืนขึ้นแล้วเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่ ไอติมสะบัดหัวสองสามทีเพื่อเรียกสติก่อนจะโบกมือปฏิเสธ

“ไม่ต้องหรอก เดินไปเองได้”

“งั้นก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะ ถึงแล้วส่งข้อความมาบอกพวกกูด้วย”

“โอเค”

อมยิ้มให้เพื่อนที่ยังมองด้วยความเป็นห่วง แล้วกระชับเสื้อกันหนาวที่สวมอยู่ เดินสะพายเป้ไปตามทางจนออกมาจากคณะ...ไอติมเงยหน้ามองท้องฟ้า เมฆสีดำกลุ่มใหญ่ลอยอยู่บนท้องฟ้า อีกไม่นานคงจะฝนตก

เขาดูพยากรณ์อากาศมา เห็นว่าสองสามวันนี้พายุจะเข้า แต่เพราะสะเพร่าจนเกินไป ไอติมเลยไม่ได้พกร่มติดตัวมาได้ จึงรีบสับขาเดินอย่างเร็ว เพื่อที่จะไปที่อาคารที่ใช้ทำกิจกรรมก่อนที่ฝนจะตก

ถ้าเป็นเมื่อก่อนไอติมคงไม่ต้องรีบอย่างนี้ เพราะใครบางคนคงเต็มใจที่จะมาส่งเขาเสมอ...

คิดมาถึงตรงนี้ก็เผลอแค่นยิ้มอยู่คนเดียว...สองอาทิตย์แล้วที่เขากับควันมึนตึงใส่กัน...และถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ทั้งเขาและควันก็คงจะกลับไปเป็นแค่เพื่อนร่วมคณะก็เท่านั้น...


เปาะแปะ...เปาะแปะ


ไอติมหลุดออกจากภวังค์ เมื่อเสียงฟ้าฝนดังขึ้น หยาดน้ำฝนเทลงมาจากฟากฟ้าจนเขาตั้งตัวไม่ทัน ไอติมรีบยกเสื้อคลุมขึ้นบังหัวเอาไว้ เอากระเป๋ามาสะพายไว้หน้าแล้วพยายามวิ่งไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด

แต่เพราะอาการล้า และเหนื่อยสะสมติดต่อกันมานาน อีกทั้งร่างกายที่อ่อนแอ และอาการครั่นเนื้อครั่นตัวที่รบกวนเขามาได้สามวันแล้วทำเอาไอติมแทบจะวิ่งต่อไม่ไหว ร่างเล็กฝืนวิ่งแม้ว่าร่างกายเริ่มจะต่อต้าน และสุดท้ายขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรงจนทรุดลงกับพื้น ไอติมปวดหัวจนแทบจะระเบิด ดวงตากลมใสที่มันแห้งเหือดพยายามฝืนลืมตา ริมฝีปากร้องเรียกเสียงแผ่วเผื่อว่าจะมีใครที่เดินอยู่บนถนนในเวลาที่ฝนตกหนักอย่างนี้แล้วช่วยพาเขาไปหลบฝนสักหน่อย ไอติมพยายามฝืนตัวเองจนเมื่อเห็นใครบางคนที่อยู่ในชุดนักศึกษาวิ่งมาทางนี้


ไอติมกำลังคิดว่าตัวเองตาฝาดที่มองเห็นควัน...


และก่อนที่ร่างนั้นจะวิ่งเข้ามาใกล้มากกว่านี้ ดวงตากลมก็ปิดลง พร้อมกับสติที่ดับไปในที่สุด...



*



ควันไม่ได้คุยกับไอติมมาสองอาทิตย์แล้ว ถามว่าหงุดหงิดใจมั้ย เขาตอบเลยว่ามาก! ตั้งแต่วันนั้นที่ทะเลาะกัน เขาเงียบ ทำตัวห่างเหินกับมันให้ไอติมได้รู้ว่าเขาโกรธที่มันพูดอย่างนั้น แต่เจ้าตัวก็ทำเฉย ไม่ยอมมาง้อหรือมาขอโทษที่ทำผิดเลยสักนิด แล้วควันจะทำอะไรได้ล่ะ...ในเมื่อทิฐิมันค้ำคออย่างนี้ จะให้เขากลับไปคุยกับมันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นเหรอ...เหอะ! ฝันไปเถอะ

ควันก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอติมจะอดทนได้มากแค่ไหน ถ้าเขายังทำมึนตึง ทำตัวแปลกแยกอย่างนี้ เขาถึงขั้นลองคุยกับแยมที่ทักมาหาเขาทุกวันเผื่อว่าไอติมมันจะมีปฏิกิริยาขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายมันก็ยังทำเฉย ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนไปได้ สุดท้ายคุยกับแยมได้แค่สามวัน เขาก็บอกกับแยมตรง ๆ ว่าเป็นเพื่อนกันคงจะดีกว่า

พอหลังจากนั้นเขาก็ยังทำตัวเหมือนว่าคุยกับแยมอยู่เช่นเดิม เรียนเสร็จก็รีบกลับให้พวกมันทั้งสามคนเข้าใจว่าเขาไปเดทกับแยม ทั้ง ๆ ที่ความจริงเขากลับมาหมกตัวอยู่ในห้อง เอาแต่นั่งนึกว่าไอติมมันจะมาง้อเขายังไง จะมาง้อเขาเมื่อไร ควันจินตนาการไปสารพัด...แต่ความเป็นจริงแล้วนั้น สองอาทิตย์ที่ผ่านมาควันก็เห็นแค่มันทำหางลู่หูตก ทำเหมือนจะมองเขาด้วยสายตาน้อยใจ มันควรเป็นเขามากกว่ามั้ย ที่ต้องน้อยใจมัน

“เป็นเหี้ยไรของมึง กูเห็นแล้วหงุดหงิดสัส”

ปลายเท้าของแฝดผู้พี่ถีบเข้าเต็ม ๆ กลางหลังของเขา ควันหันไปชูนิ้วกลางใส่คนที่หัวเราะเสียงต่ำ แถมยังผลักหัวเขาอย่างแรงอีก

“ไอ้พี่เลว มึงอย่างรังแกน้องมึงอย่างนี้ดิวะ” ควันแยกเขี้ยว มองคนที่ก็อปปี้หน้าเขากดรอยยิ้มที่เขาคิดว่ามันกวนส้นเท้าเสียเหลือเกิน

“ก็เห็นมึงทำหน้าเหมือนขึ้ไม่ออกตลอดเวลา กูเห็นแล้วรำคาญ” หมอกว่า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพิมพ์อะไรสักอย่างอย่างรวดเร็ว แล้วเสียงข้อความจากโทรศัพท์เครื่องหรูก็ดังทันที

“ฝนจะตกเหรอวะ” หมอกเงยหน้าถามควันที่นั่งกินองุ่นที่หมอกซื้อมาติดตู้เย็นเอาไว้

“จะไปรู้เหรอวะ” ควันพึมพำ แล้วยอมเดินไปส่องหน้าต่างให้เพราะไอ้พี่เลวมันใช้เท้าดันหลังเขายิก ๆ ให้ไปดูสภาพอากาศให้ และเมื่อส่องดูด้านนอกก็พบเมฆครื้มเริ่มก่อตัวแล้ว

“ว่าไง ฝนจะตกเหรอ”

“เออ กูว่าไม่ถึงชั่วโมงคงตกแน่ ท้องฟ้าข้างนอกโคตรมืด”

“งั้นเดี๋ยวกูมา ไปส่งเพื่อนก่อน” หมอกลุกพรวดพราด คว้ากุญแจรถได้ก็รีบเดินออกไปทันที แต่ควันก็รีบถามเสียก่อน

“ไปส่งเพื่อนคนไหน ว่าที่เมียมึงน่ะเหรอ” ควันถามแล้วเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนัง...เวลานี้มันก็ใกล้จะซ้อมการประกวดแล้วนี่นา

“เออ ว่าที่เมียกูนี่แหละ เดี๋ยวมา”

“กูไปด้วย!” ควันโพล่งอย่างรวดเร็ว ไม่สนดวงตาเรียวที่มันกรอกไปมาให้รู้ว่ารำคาญไอ้ก้างขวางคออย่างเขาจะตายอยู่แล้ว

“เออ จะไปเป็นสัมภเวสีด้วยก็มา กูเบื่อมึงชิบหาย ไอ้ควาย”

ควันยิ้มกริ่ม ไม่ได้สนใจคำด่าทอพวกนั้น รีบปิดไฟในห้องแล้วเดินตามหมอกออกมา...เขาติดรถหมอกที่รับบลูไปส่งที่อาคารที่ใช้ทำกิจกรรมอย่างนี้เป็นอาทิตย์แล้ว...ควันก็ไม่เข้าใจตัวเองหรอกว่าทำไมถึงต้องมา ทำไมดวงตาเจ้ากรรมถึงคอยเอาแต่มองเพื่อนตัวเล็กที่มันมักจะนั่งเล่นอยู่ใต้ลานกิจกรรมเพื่อรอซ้อมอยู่เรื่อย

“ฝากดูแลไอติมมันด้วยนะ”

และทุกครั้ง ควันก็จะพูดอย่างนี้เสมอหลังจากที่หมอกมาส่งบลูถึงที่หน้าอาคาร A แล้ว

“อืม...เดี๋ยวจะตามดูให้ แต่พักนี้ไอติมดูซึม ๆ ยังไงก็ไม่รู้” บลูว่า ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถ แล้วเตรียมร่มออกมาเพราะด้านนอกนั้นฝนกำลังตกลงมาอย่างหนัก

“สงสัยมันจะนอนน้อยไปหน่อยแหละมั้ง” ควันพึมพำ มองไปนอกหน้าต่างที่ฝนตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเสียที พอมองไปใต้ลานกิจกรรมที่ปกติไอติมจะมานั่งเล่นก็ยังไม่เห็นคนตัวเล็กของเขา...สงสัยคงจะขึ้นอาคารไปแล้วแหละมั้ง

“อ่อ...งั้นเราไปก่อนนะ ยังไงก็จะดูไอติมให้แล้วกัน” บลูตอบกลับมา หมอกจึงหันไปยิ้มให้ และนั้นทำให้ควันเผลอเบะปากไม่ได้

เหม็นความรักว่ะ!





เวลาห้าโมงครึ่ง ในช่วงฝนตกหนักอย่างนี้ รถในมหาวิทยาลัยนั้นเต็มไปด้วยรถยนต์ที่ติดกันเป็นพรวน ควันได้แต่นั่งแกร่วมองไฟแดงที่เปลี่ยนเป็นไฟเขียว แล้วก็เปลี่ยนเป็นไฟแดงอีกครั้ง วนไปวนมาไม่ต่ำกว่าสามรอบ แต่รถของพวกเขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด

“สองทุ่มจะออกจากมอได้มั้ย ติดอะไรขนาดนี้วะเนี่ย”

“วันศุกร์ก็งี้แหละ คนรีบกลับบ้าน มึงก็อย่าบ่นไป” หมอกว่า แล้วก็ฮัมเพลงอย่างมีความสุข แหม คนมีความรักอะไร ๆ ก็ดีไปหมดสินะ

เสียงข้อความแชทดังขึ้นพร้อมจอโทรศัพท์ที่สว่างวาบ ควันเหลือบมองหมอกที่หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเปิดดูในขณะที่รถยังติดแหง็กอย่างนี้ ก่อนจะเบือนหน้ามองออกไปยังถนนด้านนอกอย่างเรื่อยเปื่อย

พลันนั้น ดวงตาเจ้ากรรมก็เห็นร่างที่คุ้นเคยวิ่งอยู่ข้างถนนอีกฝั่ง...ในตอนที่ฝนกำลังตกหนักเช่นนี้ คนที่กำลังวิ่งอยู่นั้นไม่ต่างอะไรกับลูกหมาเปียกน้ำเลยสักนิด

“บลูบอกว่าไอติมยังไปไม่ถึงเลย เริ่มซ้อมแล้วด้วย” เสียงของหมอกลอยผ่านหู แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเท่ากับอีกคนที่อยู่ด้านนอก ซึ่งกำลังวิ่งฝ่าฝนอยู่ในตอนนี้

“หมอก...มึงวนรถกลับไปรับไอติมที” ควันพึมพำเมื่อแฝดพี่นั้นเปลี่ยนเกียร์แล้วเริ่มเหยียบคันเร่ง

“มึงจะให้กูวนไปรับ? มึงดูด้วยว่ากว่ากูจะหลุดจากไฟแดงเวรตะไลนี่มาได้มันยากเย็นแค่ – ”

“หมอก! จอดรถ!”

ยังไม่ทันที่หมอกจะพูดจบ ควันก็เบิกตากว้างแล้วสั่งเสียงดัง หมอกที่ตกใจไปด้วยก็รีบเหยียบเบรก โชคดีที่รถคันหลังมาช้าเลยรอดหวุดหวิด หมอกรีบตบไฟเลี้ยวซ้ายแล้วรีบจอดชิดข้างทาง ยังไม่ทันจอดสนิทดี แฝดคนน้องก็รีบเปิดประตูออกไปทั้ง ๆ ที่ฝนตกลงมาห่าใหญ่ หมอกมองด้วยความฉงนใจ และเมื่อมองตามควันที่วิ่งข้ามถนนไปหาใครสักคน เขาก็ต้องเบิกตากว้าง

“เวรล่ะ”

หมอกพึมพำแล้วรีบคว้าร่มก่อนจะเดินตามควันไปหาใครบางคนที่สลบอยู่บนพื้นถนน

ควันตกใจไม่น้อยเมื่อคนที่อยู่ในกรอบสายตา จู่ ๆ ก็ทรุดลงกลับพื้นอย่างน่ากลัว เขาแทบจะทำอะไรไม่ถูก วิ่งฝ่ารถที่กำลังขับมา เพื่อมาดูคนตัวเล็กที่เย็นชืดไปหมด ควันแตะแก้มที่เปียกแล้วตบใบหน้าขาวซีดเบา ๆ เพื่อเรียกสติ แต่คนที่หลับตาพริ้มก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น

“ไอติม...ไอติม...”

“...”

“พาไปที่ห้องเราก่อน มึงอุ้มมา” หมอกบอกควัน ซึ่งควันก็รีบทำตาม ช้อนร่างคนที่สลบเข้ามาในอ้อมกอด โดยที่มีหมอกกางร่มให้ แล้วเดินข้ามถนนไปยังรถของพวกเขาที่จอดเอาไว้

หมอกเปิดประตูด้านหลังแล้วควันก็รีบพาไอติมเข้าไปในรถพร้อมกับกอดคนตัวเล็กที่ไม่ได้สติเอาไว้ หมอกที่รีบมานั่งยังที่คนขับ ปรับอุณหภูมิแอร์ในรถให้เบาที่สุด และรีบกลับคอนโดของพวกเขาทันที...ใจหนึ่งก็เป็นห่วงเพื่อนของควัน อีกใจก็แอบสงสัยกับท่าทางของไอ้น้องชาย เขาไม่เคยเห็นควันแคร์ใครขนาดนี้มาก่อนเลย ไม่เคยเห็นมันทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์แบบนี้

แค่เพื่อนกันจริงงั้นเหรอ...

ดวงตาเรียวอันเป็นเอกลักษณ์เหลือบมองน้องชายผ่านกระจกมองหลังเงียบ ๆ เขาเห็นแววตากังวลที่มันฉายชัดออกมา มือสาก ๆ ของมันลูบเส้นผมของคนที่ไม่ได้สติ ก่อนที่มันจะก้มหน้าลงแล้วแตะริมฝีปากลงบนปากซีดนั้นเบา ๆ

อ่า...

สงสัยคงจะไม่ใช่แค่เพื่อนแล้วแหละมั้ง




หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 10 - โกรธกันแล้วมีความสุขไหม [11.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-09-2018 21:26:14
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 10 - โกรธกันแล้วมีความสุขไหม [11.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-09-2018 02:30:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 10 - โกรธกันแล้วมีความสุขไหม [11.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 13-09-2018 04:45:22
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 11 - ขอโทษ [15.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 15-09-2018 18:47:09
บทที่ 11
ขอโทษ


หมอกขับรถกลับมาถึงคอนโดของพวกเขาในเวลาไม่ถึงสิบนาที พอรถจอดสนิท ควันก็รีบอุ้มร่างของคนที่ไม่ได้สติมาที่ห้องโดยที่มีหมอกวิ่งตามอยู่ด้านหลัง พอวางลูกหมาเปียกน้ำที่ยังไม่ได้สติลงบนโซฟาได้ หมอกก็เอามือทาบลงบนหน้าผากซีดขาวอย่างลืมตัว และทันใดนั้นมือของเขาก็โดนปัดออกทันที

“เพื่อนมึงตัวร้อน เดี๋ยวกูลงไปซื้อยากับเจลลดไข้ให้แล้วกัน ระหว่างนี้มึงก็เช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อรอให้เสร็จ”

“เออ รีบไปรีบมา” ควันพูดเสียงเบา พึ่งรู้ตัวว่าเมื่อครู่เขาเผลอเปิดเผยความรู้สึกออกมากเกินไปจนหมอกมันยิ้มอย่างมีเลศนัย เขาเลยแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

พอหมอกออกไปแล้ว ควันก็ถอดเสื้อเปียกชื้นของไอติมออก จนทั้งร่างเหลือเพียงชั้นในตัวเดียว ร่างสูงรีบเอาผ้าห่มคลุมร่างของคนที่ยังไม่ได้สติ หยิบเสื้อผ้าที่ช่ำไปด้วยน้ำฝนไปใส่ตะกร้า แล้วกลับมาพร้อมกะละมังและผ้าขนหนูผืนเล็ก

ควันบิดผ้าขนหนูให้หมาด แล้วเริ่มเช็ดใบหน้า จากนั้นก็เช็ดตัวที่เย็นชืดของไอติมอย่างเป็นห่วง เมื่อเรียบร้อยก็ทาแป้งแคร์ให้ทั่วร่างขาวแล้วหาเสื้อยืดกับกางเกงผ้าของเขามาสวมให้กับคนที่ยังไม่ได้สติ หลังจากนั้นไม่นานหมอกก็กลับมาพร้อมถุงยาในมือ

ควันอุ้มร่างคนที่ยังคงหลับใหลขึ้นมา และพาไปนอนลงบนเตียงของเขา จัดแจงให้ไอติมหลับได้สบายแล้วก็ห่มผ้าให้จนถึงคอ จากนั้นก็แย่งถุงยาในมือหมอกมาดู แล้วรีบแกะเจลลดไข้มาแปะลงบนหน้าผากขาวซีด

“กูบอกบลูแล้วว่าไอติมไม่สบาย เดี๋ยวบลูจะบอกที่กองประกวดให้”

“อืม ขอบใจ” ควันพึมพำ แต่สายตายังคงมองคนที่ยังนอนหลับอยู่

“มึงก็ปลุกเพื่อนมึงมากินยาก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกูออกไปทำข้าวต้มให้”

หมอกออกไปแล้ว ควันจึงเขย่าร่างของไอติมเบา ๆ เรียกอยู่นานจนในที่สุดดวงตากลมนั้นก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา

“ไอติม กินยาก่อน”

“คะ...ควัน...เหรอ...” ไอติมถามเสียงแหบแห้ง แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองตอนที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร จึงถามอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันไป

“อืม กูเอง”

“หะ...หิวน้ำ” ร้องขอน้ำเพราะแสบคอไปหมด ควันจึงรีบเทน้ำอุ่นให้คนป่วย ไอติมรับไปดื่มอึกใหญ่แล้วส่งคืนให้คนที่นั่งอยู่บนเตียง

“กินยาไว้หน่อย ตัวมึงร้อนแล้ว”

ควันไม่รับแก้วน้ำคืน แต่กลับเทน้ำจนเต็มแก้วอีกครั้ง พร้อมทั้งแกะยาในซองวางบนมือไอติม แต่คนตัวเล็กกลับอ้ำอึ้ง ไม่ยอมทำตามที่เขาบอก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของห้อง

“ควัน...”

“อย่าพึ่งพูด กินยาก่อน” ควันรีบบอก เมื่อคนตัวเล็กหลุบตาต่ำ เหมือนจะพูดอะไรออกมา แค่เขาก็รีบห้ามแล้วเตือนคนป่วยอีกครั้ง ไอติมจึงยอมพยักหน้าแล้วกินยาแต่โดยดี

“กินเสร็จแล้ว” ไอติมบอกเหมือนเด็กที่ทำตามคำสั่งผู้ใหญ่ พอจะอ้าปากพูดอีกครั้ง ควันก็ดันคนตัวเล็กให้นอนลง

“กินเสร็จแล้วก็นอนพักซะ เดี๋ยวหมอกมันทำข้าวต้มเสร็จแล้วจะปลุกมากิน”

“แต่...”

“นอนพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวหายไม่ทันประกวดแล้วจะแย่”


.

.


หลังจากนอนหลับไปได้ไม่นาน ไอติมก็ถูกปลุกอีกครั้งเพื่อมากินข้าวต้มหมูกลิ่นหอมฉุย เขาพยายามฝืนกินก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว เวลาล่วงเลยผ่านไปอีกหลายชั่วโมงไอติมจึงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาสวยนั้นมองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้ด้านนอกนั้นท้องฟ้ามืดสนิท ในห้องนั้นมีเพียงแสงจากโคมไฟบนโต๊ะอ่านหนังสือของคนที่กำลังนั่งหันหลังให้เขา หันไปมองนาฬิกาบนหัวเตียงก็พบว่าเข็มสั้นชี้เลขสองแล้ว

ตอนนี้ไอติมรู้สึกดีขึ้นมาก อาการปวดหัวก็ยังคงมีเหลืออยู่แต่ก็ไม่มากเท่าเดิมแล้ว ลองยกมือขึ้นแตะหน้าผากดูก็พบว่าตัวไม่ได้ร้อนเท่าไร เลยลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง แต่เพาะไอ้การขยุกขยิกนั้นเลยทำให้คนที่อ่านหนังสืออยู่หันมาหาคนที่ฟื้นจากไข้แล้ว

“ดีขึ้นแล้วเหรอ”

เสียงทุ้มถามขึ้นแล้วปิดหนังสือลง ควันเลื่อนเก้าอี้มาที่ข้างเตียงซึ่งมีคนป่วยที่เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาแล้วมองเขาตาใสแป๋ว ควันจึงอดไม่ได้ที่จะเขกหัวกลม ๆ นั้นไปหนึ่งที

“โอ๊ย!”

“รู้ว่าตัวเองป่วยแล้วไปวิ่งตากฝนทำไม ไอ้ดื้อ”

“เจ็บนะ” ไอติมลูบหัวตัวเองป้อย ๆ แต่ก็ยอมให้ควันเขกหัวเขาซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะตะครุบมือของควันที่จับบนกระหม่อมของเขาค้างไว้อย่างนั้น

ควันมองคนที่ยังดึงมือเขาให้วางอยู่บนหัวอย่างนั้น ดวงตากลมช้อนมองก่อนจะพึมพำคำหนึ่งขึ้นมา

“ขอโทษ”

“...”

“ขอโทษนะควัน”

“ขอโทษเรื่องอะไร” ควันถามกลับเสียงเรียบ และนั้นก็ทำให้ไอติมหน้าเสียไม่น้อย คนตัวเล็กจึงยอมปล่อยมือของควันลงแล้วก้มหน้าจนชิดอก

“ขอโทษที่วันนั้นพูดไม่ดีออกไป กูผิดเองทุกอย่าง ทั้ง ๆ ที่มึงเป็นห่วงกู แต่กูก็พูดแบบนั้นไปจนมึงโกรธ กูไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจากคำว่าขอโทษ ที่ไม่รู้ว่ามึงจะยกโทษให้เพื่อนคนนี้หรือเปล่า”

“...”

“แล้วก็ขอบคุณสำหรับเรื่องในวันนี้ด้วย ถ้าไม่ได้มึงกูคงนอนเป็นหมาอยู่ข้างถนนอย่างนั้นต่อไปแน่”

ไอติมบีบมือตัวเองอย่างเครียด ๆ ไม่เคยรู้สึกกดดันอย่างนี้มาก่อนเลย ตอนสารภาพผิดที่แอบหนีแม่ไปเที่ยว เขายังไม่รู้สึกกลัวอย่างนี้มาก่อนเลย แต่ในตอนนี้ไม่รู้เพราะความเงียบของคนตรงหน้าหรือเพราะพลังงานบางอย่างที่มันเริ่มก่อขึ้นรอบตัวพวกเขา ถึงทำให้ไอติมกลัวจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองควันอย่างนี้

และในตอนนั้นเองที่ความอุ่นวาบพุ่งลงกลางใจ เมื่อฝ่ามืออุ่น ๆ ทาบทับลงบนกระหม่อมของเขาอีกครั้งก่อนจะลูบเบา ๆ ไอติมจึงเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยิ้มบาง ๆ ให้เขาก่อนจะผละมือออก

“กูก็รอแค่คำนี้แหละติม...กูรอมันมาสองอาทิตย์แล้ว แล้วก็คิดว่าถ้ามึงยังไม่มาง้อกูสักที กูนี่แหละที่จะไปง้อมึงเอง”

ควันพูดยิ้ม ๆ เขาไม่อยากให้เรื่องระหว่างเขากับไอติมมันเลยเถิดจนกู่ไม่กลับอีกแล้ว เขายังอยากเป็นเพื่อนกับคนตัวเล็กต่อไป...อย่างน้อยได้เป็นแค่เพื่อนก็ยังดีกว่าเป็นแค่คนแปลกหน้าในคณะอยู่แล้ว

“กูขอโทษนะควัน...ขอโทษ”

ไอติมยังคงพูดขอโทษไม่หยุด กระบอกตาร้อนผ่าวจนต้องก้มหน้าชิดอกอีกครั้ง สงสัยยังไม่หายไข้แน่ ๆ ถึงได้รู้สึกอ่อนแออย่างนี้ ไม่อยากให้ควันเห็นเลยว่าเขากำลังจะร้องไห้

“ไม่ต้องพูดขอโทษแล้วนะ ไม่โกรธกันดีกว่า กูไม่ชอบเลยที่เราสองคนเป็นแบบนี้”

ควันยกมือขึ้นกุมแก้มนิ่มทั้งสองข้าง แล้วดันให้ไอติมเงยหน้าขึ้นมามองกัน และตอนนั้นเองที่ดวงตาแดง ๆ นั้นมีน้ำไหลคลอเต็มหน่วย มือใหญ่จึงช่วยเกลี่ยน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

“ร้องไห้ทำไม หืม?” ควันถามเด็กขี้แงเสียงแผ่วเบาอีกทั้งยังเกลี่ยแก้มขาวใสอยู่อย่างนั้น คนตรงหน้าจึงพยายามกลั้นน้ำตาจนจมูกแดง เบะปากอย่างน่ารักโดยไม่รู้ตัว

“คิดถึงมึง”

“กูก็คิดถึงมึง” ควันอมยิ้มเมื่อได้ยินความรู้สึกของไอติมตรง ๆ และเขาก็ไม่ลังเลที่จะบอกความรู้สึกของเขาเช่นกัน

เมื่อได้ยินว่าควันก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา หัวใจดวงน้อยก็อุ่นวาบ ไอติมยกมือขึ้นกุมมือใหญ่ที่จับแก้มเขาไว้อีกชั้น ทั้งห้องนั้นยังคงเงียบ และพวกเขาก็เพียงแค่มองตากันอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ความรู้สึกที่ล้นทะลักอยู่ภายในอกส่งผ่านมือของทั้งคู่เนิ่นนาน

“อยากจูบมึง”

“...”

“ได้รึเปล่า”

คำขอแผ่วเบาของเจ้าของห้องทำคนป่วยหน้าร้อนวูบ ใบหน้าหล่อเหลาที่เคลื่อนใกล้เข้ามานั้นยังยังรอคำอนุญาตจากเพื่อนตัวเล็กอย่างใจเย็น ไอติมไม่ได้พูดอะไรนอกจากหลับตาลงก่อนจะผละมือที่กุมมือของควันไว้แล้วคล้องคอคนที่ขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนจะดันเขาให้นอนราบลงแล้วขึ้นคร่อมทับ

ริมฝีปากของคนทั้งสองยังคงไม่บรรจบกัน มีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังสอดประสานและใช้อากาศร่วมกันเพียงแค่นั้น ไอติมหลับตารอสัมผัสที่เขาโหยหา แต่ควันก็ไม่ยอมมอบมันให้เขาเสียที ดวงตากลมจึงลืมขึ้นมองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และเมื่อเขาสบกับดวงตาคมนั้น ควันจึงทาบทับริมฝีปากลงมาในที่สุด

ความนุ่มหยุ่นอันคุ้นเคยค่อย ๆ แตะกันและกัน บดเบียดอย่างละเมียดละไม ควันดูดดึงกลีบปากสวยเบา ๆ ในขณะที่ไอติมก็งับริมฝีปากได้รูปนั้นกลับบ้าง ก่อนจะเปิดปากให้เรียวลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามา เขาหลับตาลงรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ และสัมผัสเหล่านี้ก็ค่อย ๆ ร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ริมฝีปากของคนทั้งสองโรมรันกันไม่ให้ได้พัก จนเมื่อไอติมหายใจไม่ทัน มือเล็กที่คล้องคอควันไว้ก็ดึงกระตุกเสื้อของคนด้านบนกาย ควันจะยอมผละออกอย่างอ้อยอิ่ง

“มึงไม่ได้ลืมข้อตกลงของเราใช่มั้ย” ควันถามไอติมที่ตาปรือ ยังมึนงงเพราะรสจูบ แล้วก้มลงจูบขมับที่เปียกไปด้วยเหงื่อกาฬอย่างแสนรัก

“ไม่ลืมหรอก แต่ว่า...”

“แต่อะไร” ควันก้มลงมองคนที่อิดออด มือเล็กนั้นแตะแก้มเขาเบา ๆ ก่อนจะลูบจนไปถึงคาง

“หนวดมึงยาวแล้วมันทิ่มกู...กูจักจี้”

“งั้นก็โกนหนวดให้หน่อย”

“แต่ตอนนี้มันตีสามแล้ว...กูง่วงแล้วด้วย ปวดหัวอีกแล้วเนี่ย” ไอติมพูดเสียงแผ่ว ได้ยินควันทวงข้อตกลงอย่างนี้ เขาคิดว่าตอนนี้คงไม่ไหวแน่ ๆ เลยต้องรีบหาทางรอดไว้ก่อน

ควันที่เห็นว่าไอติมยังไม่ฟื้นจากไข้เต็มที่ เลยยอมปล่อยให้เจ้ากระต่ายนั้นหลุดมือไปก่อน ก้มหน้าลงแตะกลีบปากแดงอีกครั้งก่อนจะผละออกมาแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้คนป่วยจนถึงคอ ไอติมจึงแอบพรูลมหายใจที่รอดไปได้อย่างหวุดหวิด

“นอนได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้หายป่วย”

“อืม...แล้วมึงล่ะ ไม่นอนเหรอ” ไอติมมองคนที่ลุกจากเตียงไปปิดโคมไฟที่โต๊ะหนังสือ จนทั้งห้องมืดมิดแต่ก็ยังเห็นเงาของคนตัวใหญ่ที่เดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง

“จะนอนแล้วเหมือนกัน เขยิบให้นอนด้วยดิ” ควันดันตัวคนที่นอนกินพื้นที่อยู่กลางเตียงแล้วสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม ไอติมรีบแบ่งที่ให้เจ้าของห้องจนแทบจะตกเตียง และทันใดนั้น ร่างของเขาก็โดนดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนจนได้

“ไม่กลัวติดไข้เหรอ”

“กลัวทำไม กูแข็งแรงจะตาย” ควันพูดเสียงเบา แต่เพราะอยู่ใกล้จนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเต้นของหัวใจ ไอติมจึงได้แต่นอนนิ่ง ๆ ยอมให้ควันกอดอย่างนั้น

เพราะเขาก็รู้สึกดีไม่น้อยในอ้อมกอดที่อบอุ่นเช่นนี้...






ไอติมสะดุ้งตื่นในตอนเช้าเมื่อนาฬิกาปลุกส่งเสียงร้องดัง ร่างเล็กขยับตัวขยุกขยิกอยู่ในอ้อมกอดหลวม ๆ ของคนที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลัง แล้วลุกขึ้นนั่งอย่างมึน ๆ ก่อนจะปิดนาฬิกาปลุกให้มันเงียบเสียงลง

แขนขาวเหยียดจนสุด บิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วขยี้ตาเพื่อให้สร่างจากอาการง่วง ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว พิษไข้หายไปหมดเพราะได้พักผ่อนเต็มที่ อีกทั้งยังเปิดใจเคลียร์กับควันแล้วเขาเลยไม่มีอะไรต้องกังวลอีก

เมื่อนึกถึงควัน ไอติมจึงหันกลับไปมองคนที่ยังนอนหลับอยู่ ฝ่ามือก็จับต้นแขนของเจ้าของห้องแล้วเขย่าเบา ๆ ปลุกคนขี้เซาให้ตื่น

“ควันตื่นได้แล้ว”

“อือ...”

“เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันนะควัน”

“ฮื่อ...ง่วง...”

เสียงพึมพำแหบแห้งดังแผ่วเบา ก่อนจะหันหลังให้ไอติมทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาอยู่ ไอติมได้แต่ส่ายหัวอย่างระอาแล้วลุกขึ้นดึงแขนให้ควันตื่น

“อยากให้โกนหนวดให้ไม่ใช่เหรอ ลุกขึ้นได้แล้วควัน”

พอได้ยินอย่างนั้น คนขี้เซาก็เด้งตัวขึ้นจากที่นอนทันที ฝืนความง่วงแล้วยอมเดินตามคนตัวเล็กที่ลากเขาไปห้องน้ำทั้งที่ยังไม่ตื่นสนิทดี เมื่อเข้ามาในห้องน้ำแล้วควันก็ยืนพิงกำแพงมองแผ่นหลังของคนที่หยิบนู้นจับนี้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามาอ่านฉลากด้านหลังอยู่ชั่วครู่ ก็ได้ครีมโกนหนวดของ Kiehl’s อาฟเตอร์เชฟ และมีดโกนใบใหม่ที่ไอติมรื้อออกมาจากในตู้เก็บของ

“มายืนตรงนี้เร็ว”

ไอติมดึงปลายเสื้อคนขี้เซาให้มายืนตรงหน้า แต่เพราะส่วนสูงที่ต่างกันมากพอสมควร ไอติมจึงได้แต่เบะปากที่ไม่สามารถโกนหนวดให้ควันได้อย่างถนัด ควันที่เห็นดังนั้นจึงอุ้มคนตัวเล็กขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ก่อนจะเท้าแขนบนอ่างล่างหน้ากักกั้นไอติมเอาไว้ในอ้อมแขน

“โกนเลยสิ หนวดยาวมากแล้วนะเนี่ย” ควันพูดยิ้ม ๆ มองดวงตาล่อกแล่กของคนตัวเล็กแล้วมันน่ารักเป็นบ้า แค่มีไอติมอยู่ข้าง ๆ อย่างนี้ เขาก็สามารถยิ้มได้โดยไม่มีเหตุผลแล้ว

ควันรู้ว่ามันอันตรายที่กำลังเผลอปล่อยตัวปล่อยใจอย่างนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถห้ามมันไม่ได้จริง ๆ

“งั้นจะโกนแล้วนะ ถ้าบาดก็บอกด้วย”

“อืม”

ควันเท้าแขนรอคนที่หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำแล้วนำมาเช็ดที่ปลายคางเขาเบา ๆ แล้วไล่ไปจนถึงแก้มสากที่เห็นรอยแผลจาง ๆ เช็ดจนทั่วใบหน้าแล้วก็หยิบโฟมโกนหนวดมาบีบจนเต็มมือ ก่อนจะค่อย ๆ ปาดลงไปทั่วบริเวณที่หนวดเขียวครึ้มก่อตัวขึ้นมาอย่างตั้งใจ

“ไม่ได้โกนหนวดนานขนาดไหนแล้วเนี่ย” ไอติมชวนคุย ส่วนมือก็ยังคงปาดครีมไปทั่วสันกราม

“ก็ตั้งแต่ที่ทะเลาะกับมึง เลยไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร”

“หมดหล่อเลย” ไอติมอมยิ้ม แล้วก็เริ่มโกนหนวดโดยทำการโกนตามแนวเส้นขน ค่อย ๆ โกนอย่างเบามือแล้วล้างใบมีดเป็นระยะ ๆ

“แล้ว...กับแยมล่ะ เป็นยังไงบ้าง” จู่ ๆ ก็อยากรู้ความสัมพันธ์ของเพื่อนขึ้นมา ไอติมก็แค่อยากรู้เท่านั้น ไม่มีอะไรแอบแฝงจริง ๆ นะ

“ก็ไม่มีอะไร เลิกคุยกันไปเกือบสองสัปดาห์แล้ว”

“มาเร็ว เคลมเร็วจริง ๆ” ไอติมพึมพำในขณะที่ตั้งใจโกนหนวดไปด้วย

“ไม่ชอบเหรอ...หรืออยากให้กลับไปคุยต่อ” ควันถามลองเชิงเล่น ๆ พอเห็นว่าคนที่โกนหนวดให้อยู่หน้ามุ่ยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขาก็ลอบยิ้มอยู่ในใจเพียงคนเดียว

“ก็เรื่องของมึงสิ...ไม่ต้องชวนคุยแล้ว เดี๋ยวไม่โกนให้เลย”

“ครับ ไม่กวนแล้วก็ได้”

ควันอมยิ้มแล้วมองตามคนที่ตั้งใจโกนหนวดให้เขา พอโกนเสร็จไปหนึ่งรอบก็ล้างโฟมออก แล้วโกนใหม่อีกรอบเพื่อให้กำจัดเส้นขนออกให้หมด จนเมื่อโกนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฝ่ามือขาวจึงไล้ไปทั่วหน้าใบหน้าของควันเพื่อเช็คให้เรียบร้อย เมื่อไม่เหลือเส้นขนพวกนั้นแล้ว ไอติมจึงทาอาฟเตอร์เชฟให้เป็นอันเสร็จ

“เรียบร้อย” ไอ้คนตัวเล็กบอกอย่างนั้น ควันจึงปล่อยให้ไอติมลงมาจากเคาน์เตอร์ก่อนจะส่องกระจกมองผลงานของไอติมชัด ๆ

“โกนจนหมดจดเลย หน้ากูเนียนมากด้วย”

“กูเก่งใช่มั้ยล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้ โกนหนวดให้กูตลอดไปเลยดีมั้ย”


.

.


“ฮัดชิ้ว!!”

หมอกนั่งมองฝาแฝดของตนที่ยังไม่หยุดจามจนถึงตอนนี้ จมูกนั้นแดงแถมยังมีน้ำมูกอีก พึ่งสังเกตว่าไอ้ไรหนวดเขียวๆ ของมันหายไปแล้ว แต่ถึงจะกลับมาหล่อสะอาดสะอ้านแบบเดิม แต่ภาพทุเรศ ๆ ตรงหน้านั้นก็ทำเอาเขาทนไม่ไหวเขาเลยหยิบกล่องกระดาษทิชชู่มาวางตรงหน้ามัน

“จะกินโจ๊กคลุกน้ำมูกรึไง”

“แค่พูดก็จะอ้วกล่ะ”

ควันพึมพำแล้วหยิบทิชชู่มาสั่งน้ำมูก ส่วนไอติมที่นั่งกินโจ๊กอยู่ด้านข้างนั้นกลับหน้าตาสดชื่นกว่าเมื่อวานมาก แถมยังหยิบปาท่องโก๋ที่หมอกอุตส่าห์ซื้อมาให้ควันกินหน้าตาเฉย ส่วนไอ้แฝดของเขาน่ะเหรอ...ก็นั่งหน้าซึมอยู่หน้าถ้วยโจ๊กนั้นไงล่ะ

ควันไม่ได้บอกไอติมว่าเขารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวตั้งแต่ถูกไอติมปลุกแล้ว พอโดนลากไปโกนหนวดก็พยายามต่อสู้กับอาการปวดเมื่อยตามตัว อีกทั้งหัวที่ปวดตุบ ๆ ไม่หยุด จนเมื่อมาอาบน้ำเสร็จ ควันยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม สุดท้ายก็มานั่งซึมอยู่ที่หน้าโจ๊กหมูเด้งอย่างนี้

“บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวจะติดไข้จากกู ไม่เชื่อเอง” ไอติมพูดแล้วหยิบซองยาของเขาขึ้นมาวางให้ควัน และประโยคแปลก ๆ นั้นก็ทำให้หมอกมุ่นหัวคิ้วได้ไม่ยาก

“กูไม่ได้เป็นไข้ กูเป็นหวัด”

“มันก็เหมือน ๆ กันนั้นแหละ อยากกอดกูดีนัก สมน้ำหน้า”

“ก็ตัวมึงนุ่ม แถมหอมด้วย...ฮัดชิ้ว!”

“กินยาลดน้ำมูกเดี๋ยวนี้เลยควัน”

หมอกมองคนสองคนตรงหน้าที่เถียงกันไม่หยุด แต่ถึงเถียงกันอย่างนั้น ไอติมก็ยังหยิบกระดาษทิชชู่แผ่นใหม่ส่งให้ควันรับไปเช็ดน้ำมูกอยู่ดี เขาแอบคลี่ยิ้มตามลำพังก่อนจะก้มลงกินโจ๊กในถ้วยตัวเองบ้าง เห้อ...เห็นพวกมันสองคนแล้วคันหัวใจยุบยิบ ๆ คิดถึงบลูอีกแล้วสิ เมื่อไรจะได้กอด ได้หอมแบบที่ไอ้ควันมันบ้างนะ คิดแล้วก็อิจฉามันโว้ยยยย
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 11 - ขอโทษ [15.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-09-2018 20:05:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 11 - ขอโทษ [15.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-09-2018 21:12:20
 :pig4: :pig4: :pig4:

กลายเป็นว่า สองแฝด กลับไม่ได้เป็นเดือนคณะซะงั้น

แถมดันกลายเป็นคนสำคัญของเดือนคณะทั้งสองคนด้วยจิ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 11 - ขอโทษ [15.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 15-09-2018 23:05:29
กลับมาหวานกันแล้ว แต่ก็ยังหม่นๆหน่วงๆอยู่ดี
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 11 - ขอโทษ [15.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 18-09-2018 14:42:55
พึ่งได้ตามอ่าน55 จะไม่มีมาม่าใช่ไหม
มันหวานๆในสถานะก้ำกึ่ง
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 12 - ที่ปรึกษา [20.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 20-09-2018 22:04:25
บทที่ 12
ที่ปรึกษา


เหตุการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เมื่อวันต่อมาควันและไอติมเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกันราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าเพื่อนหลาย ๆ คนอาจจะไม่สังเกตว่าเพื่อนสนิทคู่นี้ทำมึนตึงใส่กันมาได้สองอาทิตย์แล้ว แต่ในกลุ่มของพวกเขานั้นรู้ดีว่าอะไรที่มันผิดที่ผิดทางไป มันได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันประกวดดาว – เดือนของมหาวิทยาลัยที่หลายคนจับตามองแล้ว การซ้อมยิ่งเข้มข้นมากขึ้นทุกวัน แต่ถึงกระนั้น ไอติมกลับไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหรือท้อแท้เหมือนช่วงสองอาทิตย์ก่อนเลย

บางที...อาจจะเพราะมีกำลังใจที่ดีรึเปล่า (?)

“พักก่อนแล้วกันนะคะน้อง ๆ ใครอยากจะไปหาอะไรกินก็ไปได้น๊า พี่ให้เวลา 30 นาทีนะค๊า”

พอได้ยินพี่เจตน์ประกาศอย่างนั้น ทุกคนก็ร้องดีใจแล้วสลายตัวอย่างรวดเร็ว ไอติมก็เป็นหนึ่งในนั้น เดินไปหยิบโทรศัพท์แล้วลงจากอาคารมานั่งเล่นที่ลานด้านล่างเงียบ ๆ เพียงคนเดียวเหมือนอย่างเคย พอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นข้อความแจ้งเตือนของใครบางคนก็อดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนจะปลดล็อคโทรศัพท์แล้วส่งข้อความหาคน ๆ นั้นทันที

I-tim : พักเบรกแล้ว รออยู่ที่เดิมนะ

ตอบเสร็จก็ปิดแอพลิเคชั่นไลน์ แล้วเล่นเกมรอเงียบ ๆ จนกระทั่งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ แต่ไอติมก็ไม่ได้เงยหน้ามองเพราะยังติดเกมไม่เลิก เมื่อความเย็นจากขวดชาเขียวแนบลงที่แก้มขาว คนตัวเล็กก็สะดุ้งเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองคนมาใหม่

“แกล้งอีกแล้วนะ...พี่กร”

อ้าปากเตรียมจะบ่นแล้ว แต่พอเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงหน้า ไอติมก็แทบจะกลืนคำพูดทุกอย่างลงคอ เห็นรุ่นพี่ที่ระบายยิ้มบาง ๆ ให้ก่อนจะยื่นขวดชาเขียวที่แนบหน้าเมื่อครู่ให้กับเขา ไอติมจึงรับมาอย่างงง ๆ แล้วยอมเขยิบที่ให้กรนั่งข้าง ๆ แต่สายตาก็ยังคงสอดส่องหาใครอีกคนที่ควรจะมาถึงได้แล้ว

“มองหาใครเหรอ”

“ไม่มีอะไรครับ”

ไอติมบอกปัดแล้วเปิดชาเขียวกินแก้เก้อ ระหว่างเขาและพี่กรยังคงมีแต่ความเงียบที่น่าอึดอัดเช่นเดิม ไอติมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความถึงใครบางคนที่สัญญาไว้แล้วว่าจะมา แต่ก็ยังไม่มาเสียที

I-tim : ยังมาไม่ถึงเหรอ

I-tim : มานั่งรอแล้วนะ ยุงกัดเต็มไปหมดเลย

I-tim : ไม่ต้องมาแล้ว เดี๋ยวเดินไปรอที่ลานจอดรถดีกว่า

ทันทีที่กดส่งข้อความ ก็ขึ้นเครื่องหมายว่าอ่านแล้วทันที ไอติมเลยไม่รอให้อีกฝั่งตอบอะไรกลับมาแล้วเก็บกระเป๋าเข้าโทรศัพท์กางเกง ก่อนจะหันมาทางที่รุ่นพี่นั่งอยู่

“เออ...ผมขอตัวก่อนนะครับพี่กร”

“อ่าว จะไปแล้วเหรอ” รุ่นพี่งงเล็กน้อยที่จู่  ๆ รุ่นน้องก็ลุกขึ้นโดยพลการ แต่ก็ยังยิ้มละไมให้กับไอติมเช่นเดิม

“ครับ ผมจะออกไปหาอะไรกินสักหน่อย แล้วเจอกันที่ด้านบนนะครับ” ไอติมรีบบอกลาแล้วเดินออกมาโดยไม่รอให้กรได้พูดอะไรอีก

คล้อยหลังไอติมไป กรก็ยังคงมีรอยยิ้มจาง ๆ เช่นเดิม...แค่จะมาทักทาย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบก็เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้ไอติมก็ยังตีตัวออกห่างจากเขาเช่นเดิม ไม่รู้ว่าใจตอนนี้ของไอติมจะเป็นเช่นไร กรก็ได้แต่หวังว่าสักวันคงจะมีใครที่เข้าไปนั่งในหัวใจของไอติมแทนเขาได้เสียที ถึงวันนั้นไอติมจะยอมรับพี่ชายคนนี้ แล้วกลับมาเป็นน้องชายที่น่ารักเหมือนเมื่อสองปีก่อนได้มั้ยนะ

.

.

ร่างสูงยืนมองคนที่วิ่งกระหืดกระหอบมาทางลานจอดรถที่เขาจอดไว้ได้สักพักแล้ว ความจริงควันมาถึงที่อาคารแห่งนี้ได้ระยะหนึ่งแล้ว กำลังจะเดินไปหาไอติมที่ส่งข้อความเข้ามา แต่สายตาเจ้ากรรมดันมองเห็นใครอีกคนที่เดินเข้าไปทักไอติมเสียก่อน...ควันอยู่ไกลจนมองไม่เห็นว่าคน ๆ นั้นคือใคร จึงได้แต่ยืนนิ่งมองอยู่ในระยะไกล ๆ จนเมื่อโทรศัพท์ของเขาสว่างวาบ พร้อมกับข้อความของเพื่อนตัวเล็กที่ส่งเข้ามา ควันจึงรออยู่ที่ลานจอดรถเงียบ ๆ

“มาแล้วเหรอ ทำไมไม่เข้าไปล่ะ”

คนตัวเล็กเอ่ยปากถามทั้งที่ยังหอบเหนื่อย ควันเลยส่งยิ้มจาง ๆ ให้ก่อนจะยีกลุ่มผมนิ่มอย่างที่ชอบเป็นประจำแล้วตอบคำถามให้กับคนช่างสงสัย “พึ่งมาถึงน่ะสิ” แล้วส่งถุงขนมที่ซื้อติดไม้ติดมือมาตรงหน้า ”เค้กส้ม”

“ขอบใจ กำลังหิวพอดีเลย” ไอติมรับมา แล้วยกกล่องเค้กชิ้นเล็ก ๆ ขึ้นมาส่องดู ก่อนจะดึงแขนควันให้เดินไปที่ตลาดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตึกที่พวกเขาอยู่แทนที่จะกลับไปนั่งที่ลานกว้างเช่นเดิม

“จะไปไหน ไม่กินเค้กหน่อยเหรอ” ควันถาม แต่ก็ยอมเดินตามคนที่คล้องแขนเขาไว้หลวม ๆ แล้วเดินไปด้วยกัน เผลอยิ้มอยู่คนเดียวยามที่เห็นท่อนแขนเล็กที่คล้องอยู่ ก่อนจะพยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้เพียงคนเดียว

“อยากกินอย่างอื่นด้วยไง”

ไอติมไม่ยอมบอกเหตุผลที่แท้จริงว่าที่ไม่ยอมนั่งเล่นอยู่ที่ใต้ลานเป็นประจำนั้นเพราะมีใครอีกคนที่ยังคงอยู่ แถมตอนนี้ไอติมยังสบายใจที่จะได้อยู่กับควันมากกว่า เลยไม่ลังเลที่จะลากควันออกมาด้วยกัน

จนเมื่อมาถึงตลาดที่เปิดไว้สำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยยามค่ำคืนแบบนี้ ไอติมซื้อน้ำผลไม้ปั่น ส่วนควันก็ซื้อก๋วยเตี๋ยวไก่มะระมานั่งกินด้วยกัน คนตัวเล็กแกะเค้กส้มออกจากกล่องแล้วนั่งกินอย่างสบายอารมณ์ มองบรรยากาศรอบ ๆ ที่มีนักศึกษาหลายคนที่กำลังเลือกซื้ออาหารอยู่ เหล่าดาว-เดือนหลายคนก็ซื้อข้าวแล้วนั่งกินอยู่ไกล ๆ แอบเห็นว่าบลูกับเพลิงที่นั่งกินข้าวด้วยกันมีรุ่นพี่มาสัมภาษณ์ด้วย ไม่แปลกใจเลย ก็นั้นมันคู่จิ้นของกองประกวดเลยนะ

“เค้กเลอะปาก”

เสียงทุ้มดึงความสนใจของไอติมให้หันกลับมามอง ไม่ทันได้เช็ดตามที่ควันท้วง มือใหญ่ก็เอื้อมมาสัมผัสที่มุมปากของเขาแล้วเช็ดออกให้เบา ๆ สร้างความตกใจให้ไอติมไม่น้อยก่อนจะรีบปัดมือควันออกอย่างรวดเร็ว

“เช็ดเองก็ได้ ไม่เห็นต้องเช็ดให้เลย”

“เขินเหรอ” ควันอมยิ้มแล้วปาดปลายนิ้วของตัวเองที่ยังคงมีแยมรสส้มเลอะอยู่เข้าปากหน้าตาเฉย แต่คนตรงข้ามที่มองมานั้นกลับร้อนวูบที่หน้าอย่างช่วยไม่ได้

“คนเยอะแยะ ไม่เขินก็บ้าแล้ว”

ไอติมพูดเสียงเบา แล้วก้มหน้าก้มตากินเค้กโดยไม่ยอมมองหน้าควันอีกเลย ไม่รู้ทำไมใจมันกระตุกแปลก ๆ โทษควันนั้นแหละที่ชอบแกล้งเขาอย่างนี้ ไม่ดีกับใจเลยจริง ๆ

.

.

“เดี๋ยวเลิกแล้วจะมารับนะ เที่ยงคืนเหมือนเดิมใช่มั้ย”

ควันถามเมื่อพวกเขาทั้งคู่เดินมาถึงลานจอดรถแล้ว ไอติมพยักหน้าหงึกหงักแล้วมองนาฬิกาข้อมือ เมื่อพบว่ายังพอมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อยก่อนที่จะต้องไปซ้อมต่อ

“วันนี้ไม่รู้ว่าจะเลิกเวลาเดิมรึเปล่า ถ้ากองประกวดปล่อยแล้วพวกพี่อาจจะพากูกับน้ำหนึ่งไปซ้อมการแสดงต่อที่คณะ”

“เดี๋ยวจะรอ”

“ไม่ต้องรอหรอก เกรงใจมึงว่ะ เดี๋ยวถ้าเลิกแล้วอาจจะขอติดรถพี่กลับไปส่งที่คอนโดก็ได้” ไอติมบอกอย่างเกรงใจ แต่ถึงกระนั้นควันก็ส่ายหัวแล้วย้ำคำเดิม

“ก็บอกว่าจะรอมารับ ดึกขนาดไหนกูก็จะมารับ”

“งั้นก็ตามใจ เดี๋ยวไลน์ไปหาแล้วกัน”

ไอติมยอมคนดื้อในที่สุด ดันแผ่นหลังกว้างให้เข้าไปนั่งในรถก่อนจะโบกมือไล่แล้วถึงขึ้นไปที่ห้องซ้อมเพราะใกล้ถึงเวลานัดหมายเต็มที

และเมื่อผ่านการซ้อมอันแสนหฤโหดของกองประกวดมาแล้ว แม้จะอยากพักผ่อนสักแค่ไหน แต่ไอติมก็ต้องแบกร่างพัง ๆ มาที่คณะเพื่อซ้อมการแสดงต่ออีก เนื่องจากว่าร้องเพลงได้ห่วยแตกมาก แถมเครื่องดนตรีที่พอจะเล่นได้ก็เป็นเปียโนอีก ถ้าจะให้ไปหาเปียโนสักหลังไปตั้งบนเวทีก็คงเป็นงานยากสำหรับพวกพี่ ๆ สรุปว่าเขาเลยเลือกที่จะเต้นแล้วเอาความน่ารักเข้าสู้แทนดีกว่า

“น้องไอติมไหวมั้ยลูก ถ้าไม่ไหวก็กลับไปพักดีกว่านะ”

“ไหวครับ ยังไงก็ต้องไหว” ไอติมยิ้มให้พี่มิ้นต์ที่เข้ามาทักอย่างเป็นห่วง แล้วเริ่มซ้อมต่อทันที ส่วนน้ำหนึ่งซึ่งเป็นดาวนั้นขอตัวกลับไปพักผ่อนแล้ว เพราะพรุ่งนี้เธอมีเรียนเช้า ส่วนเขาเรียนมีเรียนตอนบ่าย

“นั่งพักเหนื่อยก่อนดีกว่า หักโหมไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะ” พี่กรก็เป็นอีกคนที่ยังอยู่พร้อมกับน้อง ๆ ทุกคน คอยดูการแสดงของไอติม แสดงความคิดเห็นและให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้การแสดงของคณะแพทยศาสตร์ดีที่สุด

“ก็ได้ครับ”

ไอติมยอมเชื่อฟัง แล้วนั่งลงกับพื้นพร้อมนวดขาของตัวเองไปด้วย เห็นความทุ่มเทของเดือนปีนี้แล้ว พี่ ๆ ทุกคนก็อมยิ้มไปตาม ๆ กัน ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็พร้อมสู้ให้ถึงที่สุด

“งั้นเดี๋ยวซ้อมอีกสักรอบก็พอ แล้วกลับไปพักผ่อนดีกว่านะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไปเรียนไม่ทัน” พี่กรเป็นคนตัดสินใจให้ เมื่อเห็นว่าตอนนี้ก็เลยเวลาของเช้าวันใหม่มามากแล้ว พอได้ยินอย่างนั้น ทุกคนจึงพร้อมใจกันลุกขึ้นเพื่อซ้อม จะได้กลับไปพักผ่อนเสียที

หลังจากที่ซ้อมจนเสร็จแล้ว ไอติมก็เดินออกจากห้องสโมสรพร้อมกับพี่ ๆ ตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าแล้ว และเขาก็ยังไม่ได้ส่งข้อความบอกควันเลยว่าให้มารับที่คณะ

“น้องไอติมกลับยังไง เดี๋ยวพี่ไปส่งดีมั้ย” พี่มิ้นต์ถามด้วยหวังดี ไอติมยังไม่ทันจะตอบ เสียงทุ้มดังหลังก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“กลับกับพี่ก็ได้ เดี๋ยวไปส่ง”

“เออ...ไม่เป็นไรดีกว่าครับพี่กร” ไอติมปฏิเสธอย่างเกรงใจ

“แล้วจะกลับยังไง”

“เดี๋ยวให้เพื่อนมารับครับ”

“เรียกเพื่อนมาตอนนี้น่ะเหรอ ไม่ต้องกวนเพื่อนหรอก เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า ยังไงก็ทางเดียวกัน”

พอพี่กรพูดอย่างนั้น แล้วไอติมจะทำไงได้นอกจากเดินตามกรไปทางลานจอดรถของคณะ แอบดีใจเงียบ ๆ อยู่คนเดียวที่ได้อยู่กับพี่กรสองต่อสองอย่างนี้ จนลืมโทรศัพท์ที่ตั้งโหมดสั่นเอาไว้จนไม่รู้ว่ามีใครบางคนยังส่งข้อความมาไม่หยุดหย่อน

“เป็นไง มั่นใจรึเปล่า” พี่กรชวนคุย ไอติมจึงหันไปมองคนขับรถในความมืดก่อนจะเอ่ยตอบ

“ก็คิดว่าน่าจะสู้กับคณะอื่นได้อยู่หรอกครับ แต่กลัวว่าจะไปตายรอบตอบคำถามนี่แหละ”

“รอบตอบคำถามมันก็คำถามคล้ายเดิมทุก ๆ ปีนั้นแหละ อาจจะมีสถานการณ์ปัจจุบันเข้ามาแทรกด้วย ซ้อมบ่อย ๆ ก็ไม่น่ามีปัญหา ขอแค่มีสติก็พอ”

“ผมจะพยายามแล้วกันครับ”

ไอติมขอบคุณสำหรับคำแนะนำจากรุ่นพี่ที่ชวนคุยมาตลอดทางเพื่อไม่ให้บรรยากาศในรถมันเงียบจนเกินไป จนไอติมหลงคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ ระหว่างเขาและพี่กรขึ้นมา...ถึงมันจะกลายเป็นอดีตไปแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นอดีตที่งดงามในใจของไอติมเสมอมา

“พี่กรครับ”

“หืม?” รุ่นพี่หนุ่มหันหน้ามาทางรุ่นน้อง รอคอยว่าไอติมจะพูดอะไร คนเป็นน้องลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยคำขอออกไปเสียงแผ่วเบา

“ถ้าผมได้ที่หนึ่ง พี่กรจะมีรางวัลให้ผมรึเปล่า”

“อยากได้อะไรล่ะ ไปเที่ยวดีมั้ย ไอติมเคยบอกว่าอยากไปเที่ยวทะเลนี่นา” หัวใจดวงน้อยอุ่นวาบ เมื่อได้รู้ว่าพี่กรยังจำได้ว่าเขาเคยบอกว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน ใบหน้าน่ารักรีบพยักหน้าแล้วเผยรอยยิ้มสดใสทันที

“ไปเที่ยวทะเลกัน แต่ไปกันแค่เราสองคนได้มั้ยครับ”

“ได้สิ ถ้าได้ที่หนึ่งพี่จะพาไปเที่ยวตามที่สัญญาเลย...ถึงคอนโดล่ะ ลงไปได้แล้ว ถึงห้องก็รีบอาบน้ำนอน เข้าใจมั้ย”

“ครับ ฝันดีนะครับพี่กร”

ไอติมบอกลาเมื่อรถยนต์คันสวยจอดลงที่หน้าคอนโดพอดี โบกมือลาแล้วก็ลงจากรถ ยืนรอจนกรขับรถออกไปจากคอนโดแล้ว ไอติมถึงเดินขึ้นคอนโดไปด้วยหัวใจที่พองโตอย่างบอกไม่ถูก...ถึงจะรู้ว่าพี่กรมีเจ้าของแล้ว แต่หัวใจของเขามันก็ยังคงไม่รักดีเช่นเดิม

เมื่อก้าวเท้าเข้าคอนโดไป ปลายเท้าก็หยุดชะงัก พร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงเปื้อนอยู่บนใบหน้าก็ชะงักค้างด้วยเช่นกัน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยเมื่อเห็นว่าใครที่กำลังยืนพิงกำแพงบริเวณลิฟต์

“ทำไมไม่ยอมตอบข้อความ” เสียงทุ้มถามนิ่ง ๆ มองคนที่เดินผ่านหน้าไปหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์

“โทษที ปิดเสียงไว้เลยไม่ได้เปิดดู” ไอติมบอกแล้วกดลิฟต์ให้เปิดออก เดินเข้าไปในตู้โดยสาร คนตัวสูงก็ก้าวตามเข้ามาทันที

“กูรอไปรับมึงอยู่ มึงก็ไม่ยอมบอกให้ไปรับ เลยมารอที่นี่ แล้วรถคันนั้นที่มาส่งมึงเป็นรถใครล่ะ”

“รถรุ่นพี่”


ติ้ง


ลิฟต์เปิดออกที่ชั้นเป้าหมาย ไอติมเดินนำหน้าจนมาถึงห้องของตัวเอง แตะคีย์การ์ดแล้วประตูก็เปิดออกทันที คนตัวเล็กเปิดไฟในห้องให้สว่างแล้วหันกลับไปมองคนที่เดินตามเข้ามาและปิดประตูทันทีราวกับว่าเป็นเจ้าของห้องอีกคนหนึ่ง

ไอติมไม่ได้สนใจเท่าไรนักว่าควันจะทำอะไร เขาเหนื่อยกับการซ้อมจนอยากจะทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหลับไปให้รู้แล้วรู้รอด เลยหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำทันที ทิ้งควันให้ยืนเคว้งอยู่กลางห้องเพียงคนเดียว สุดท้ายใบหน้าหล่อก็กดยิ้มมุมปากอย่างขบขันให้ตัวเอง

ยอมเดินตามเขาเหมือนหมาไม่มีผิด...นี่มึงกำลังทำอะไรอยู่วะไอ้ควัน



หลังจากอาบน้ำสระผมเสร็จ ไอติมก็หย่อนกายลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แม้ว่าเส้นผมจะยังคงเปียกน้ำแต่เจ้าตัวก็ขี้เกียจจะใส่ใจเลยปล่อยให้ผมมันเปียกอยู่แบบนั้นแล้วเริ่มทาครีมบำรุงหน้าเหมือนกับทุก ๆ วันที่ผ่านมา

แต่วันนี้กลับมีอะไรต่างออกไป เมื่อผ้าขนหนูผืนเล็กที่เขาพาดคอเอาไว้ จู่ ๆ ก็ถูกดึงออกไปก่อนจะวางผมลงบนกลุ่มผมของเขา ไอติมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังผ่านกระจกเงาที่กำลังเช็ดผมให้เขาเงียบ ๆ

“วันนี้ซ้อมเหนื่อยมากมั้ย”

“มาก ๆ เหนื่อยมาก ๆ”

“กูช่วยอะไรมึงได้มั้ย” ควันถามเสียงแผ่ว มองคนที่ละเลงครีมบนใบหน้า โดยเฉพาะอายครีมที่กำลังทาบำรุงรอยคล้ำใต้ตาที่เริ่มปรากฏแล้วอย่าขะมักเขม้น

“มึงก็ช่วยเป็นกำลังใจให้กูไง”

“แค่นั้นพอเหรอ” ควันอมยิ้มบาง ๆ กับคำตอบนั้น จึงลองถามอีกสักนิด เผื่อจะได้รู้ว่าเขาสำคัญกับไอติมมากแค่ไหน...

“พอสิวะ ทั้งมึง ทั้งไอ้พีช ไอ้วินทร์ ก็เป็นกำลังใจที่ดีของกูทั้งนั้น” ไอติมพูดพาซื่อ ไม่ได้สังเกตเลยว่ารอยยิ้มบาง ๆ นั้นมันบิดเบี้ยวไปเสียแล้ว

...คนตัวสูงพึ่งนึกได้ว่าเขาไม่ได้รับสิทธิพิเศษอะไรนอกเหนือจากคนอื่นเลย...

“ไอติม”

“หืม” เงยหน้าขึ้นมองคนที่จู่ ๆ ก็เงียบไป ก่อนจะโพล่งชื่อเขาออกมาท่ามกลางความเงียบ ดวงตากลมแป๋วมองอย่างสงสัย แล้ววางครีมตัวสุดท้ายลงบนโต๊ะ

“กูมีเรื่องอยากปรึกษา”

“เรื่องอะไร” ไอติมหันกลับมามองคนที่ยืนซ้อนหลัง ก่อนที่ควันจะถดกายไปนั่งที่ปลายเตียงแทน ใบหน้าหล่อนั้นจริงจังขึ้นมาจนไอติมสังเกตได้ พลอยทำให้เขาตื่นเต้นไปกับเรื่องที่ควันอยากจะปรึกษาด้วย

“ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องของกูหรอกนะ”

“อ่าห๊ะ”

“คือ...เพื่อนกูมันมาปรึกษา แต่กูไม่รู้จะให้คำตอบมันยังไง เลยลองถามมึงดู...เพื่อนกูมันแอบชอบเพื่อนสนิทว่ะ ตอนแรกมันก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าความรู้สึกที่มันมีคืออะไร แต่พอรู้ตัวแล้ว มันก็กลัวว่าถ้ามันบอกความรู้สึกของมันไป ความสัมพันธ์ของมันกับเพื่อนคนนั้นอาจจะไม่เหมือนเดิม มันเลยมาปรึกษากูว่ามันควรจะบอกความรู้สึกของมันให้เพื่อนสนิทมันรู้เลยดีมั้ยว่ามันชอบ”

“แล้วมึงตอบไปว่าอะไรล่ะ” ไอติมถามกลับ อยากรู้เหมือนกันว่าควันตอบไปว่าอะไร

“กูยังไม่ได้ตอบ รอฟังความเห็นมึงก่อน ถ้าเวิร์คกูอาจจะก็อปเหตุผลมึงไปบอกมัน”

“ถ้าเป็นกูเหรอ...ก็คงจะไม่บอกหรอก”

“ทำไมล่ะ” ควันเผลอขมวดคิ้ว แล้วสวนกลับทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของไอติม ยิ่งเห็นว่ารอยยิ้มนั้นมันเศร้าลงไปเล็กน้อย แถมดวงตายังหลุบมองพื้นอีก ควันไม่ชอบใจเลยที่เห็นไอติมทำหน้าแบบนั้น

“เพราะกูคงกลัวผลลัพธ์ที่จะตามมามั้ง...ถ้ามันเป็นเหมือนที่เราคิดก็คงดี แต่ถ้าเกิดว่ามันไม่เป็นไปตามที่หวังล่ะ...แล้วต้องมองหน้ากันไม่ติด ความสัมพันธ์ไม่เป็นเหมือนเดิม...ถ้าเป็นกูก็คงเลือกเก็บความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ในใจดีกว่า”

ใช่...ถ้าวันนั้นเขาไม่ใจกล้าบ้าบิ่นบอกพี่กรออกไปว่าชอบ ทุกวันนี้ไอติมคงจะมองหน้าพี่กรได้สนิทใจกว่านี้ ถึงแม้จะเป็นได้แค่พี่น้อง ถึงแม้ว่าเขาต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้คนเดียวก็ไม่เป็นไร ขอแค่ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมก็คงดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

“กูเข้าใจล่ะ...ขอบคุณสำหรับคำตอบของมึงด้วย”

เสียงทุ้มเรียกสติของไอติมคืนกลับมา ดวงหน้าหวานยิ้มบาง ๆ แล้วลุกขึ้นไปปิดไฟในห้อง ทำให้เหลือเพียงแค่ไฟสีส้มที่หัวเตียงเท่านั้น ก่อนจะเดินมาล้มตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า

“เห้อออออ จะแข่งแล้ว ตื่นเต้นชิบหายเลย เหนื่อยด้วย”

“ถ้าเหนื่อยก็นอนได้แล้ว” ควันในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากพ่อที่กำลังลากไอ้ลูกตัวดีที่ดิ้นไปดิ้นมาให้นอนกับที่ ก่อนจะห่มผ้าให้จนชิดอก แต่แล้วไอ้ตัวเล็กของเขาก็กลิ้งมาหนุนที่ตักเขาแทนหมอน หันหน้าเข้าหาหน้าท้องเขาแล้วโอบเอวไว้หลวม ๆ

“กอดกูดิ อยากให้มึงกอด” เสียงหวานอู้อี้อยู่ในลำคอ แต่ถึงกระนั้นควันก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน ฝ่ามือใหญ่ลูบกลุ่มผมแล้วลากไล้ลงมายังพวงแก้มขาว เกลี่ยเบา ๆ จนคนเหนื่อยล้าถึงกับเคลิ้ม

“มึงทำไมชอบทำให้กูรู้สึกใจสั่นอยู่เรื่อย”

“...”

“ทำไมถึงทำเหมือนให้ความสำคัญกับกู แต่บางครั้งก็ไม่ใส่ใจกูจนเหมือนว่ากูไม่มีตัวตน”

“...”

“กูจะไม่โกรธ จะไม่งอนมึงหรอกนะ เพราะรู้ว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

“...”

“ก็เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น กูจะเรียกร้องอะไรได้ล่ะ”

ควันมองคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนตัก ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าไอติมหลับสนิทไปแล้ว จึงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะยกหัวทุย ๆ ให้ได้นอนบนหมอนใบโตอย่างสบาย ไอติมขยับตัวเล็กนอนเพื่อหามุมสบายของตัวเอง และสุดท้ายควันก็ดึงร่างกายขาวเข้ามาชิดอก ไอติมจึงแน่นิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างนั้น

ดวงตาคมมองอย่างสะท้อนอารมณ์...ถึงเวลาที่จะต้องยอมรับกับตัวเองเสียทีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อไอติมมันมากเกินไป มันมากจนล้นทะลักออกจากอกจนแน่ชัดแล้วว่ามันคืออะไร

สำหรับควัน...มันไม่ใช่แค่คำว่าเพื่อนอย่างที่เคยคิดไว้แล้ว แต่กับไอติมนั้น...ควันไม่รู้เลยว่าไอติมคิดอย่างไร เขาไม่สามารถเดาใจคนตัวเล็กได้เลย

เมื่อคิดถึงคำตอบของไอติมแล้ว...


ถ้าใจของเราตรงกันมันก็คงจะดี

แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ...

ควันตัดสินใจได้แล้วว่าเขาจะขอทำตามคำแนะนำของไอติมดีกว่า เขาไม่อยากเสี่ยงกับความจริงข้อนั้นเลย ถึงจะไม่รู้ว่าคำตอบที่ได้จะออกหัวหรือก้อย แต่ควันขอแค่หลอกตัวเองอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ กับข้อตกลงบ้า ๆ ที่ตั้งขึ้นมาอย่าง Friend with benefits ต่อไปคงจะดีกว่า...

ปล่อยให้ความรู้สึกของเขามันล้นทะลักอยู่ในใจเงียบ ๆ คงจะดีที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 12 - ที่ปรึกษา [20.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-09-2018 23:27:26
 :pig4: :pig4: :pig4:


ง่า...น่าสงสารควันจัง  เจอคำตอบจากประสบการณ์ตรงของไอติม  เลยทำให้ไปต่อไม่เป็นเลย 
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 12 - ที่ปรึกษา [20.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-09-2018 09:57:53
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 12 - ที่ปรึกษา [20.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 21-09-2018 23:19:18
ตอนแรกที่อ่าน นี่คิดว่าจะเป็นไอติมซะอีกที่รักอีกฝ่ายก่อน ทำไมหวยมาลงกับควันแต่ดูๆแล้วควันก็ไม่รักข้างเดียว แต่แค่อีกฝ่ายยังไม่รู้ใจตัวเองจริงๆต่างหาก ลองหันมามองคนข้างๆบ้างนะไอติมมมม
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 12 - ที่ปรึกษา [20.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-10-2018 13:51:15
ผิดคาด คิดว่าไอติมจะรักก่อน  :hao5:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 12 - ที่ปรึกษา [20.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-10-2018 18:40:26
อ่านรวดเดียว สนุกจัง ..
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 13 - MY DRAGON [10.10.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 10-10-2018 21:39:43
บทที่ 13
MY DRAGON


พรุ่งนี้แล้วที่วันที่ทุกคนรอคอยจะมาถึง ถึงจะตื่นเต้นอยู่มาก แต่ไอติมก็เฝ้ารอให้ถึงวันประกวดเสียที หลังจากผ่านพ้นวันประกวดไปทุกอย่างคงจะกลับมาเป็นปกติ คงจะได้เวลาชีวิตกลับคืนมาแล้วเริ่มลุยอ่านหนังสือให้ทันเพื่อน ๆ ที่นำเขาไปหลายโขให้ทันเสียที

“พรุ่งนี้ก็วันประกวดนี่หว่า เดี๋ยวพวกกูจะเตรียมขนดอกไม้ไปให้มึงเลย จะต้องเอารางวัลป๊อปปูล่าร์มาให้ได้!” พีชเงยหน้าขึ้นพูดเมื่อนึกได้ว่าตอนมาเรียน เริ่มเห็นหลาย ๆ คณะตื่นตัวเรื่องการประกวดดาว-เดือนมหา’ลัยในวันพรุ่งนี้กันแล้ว แต่คณะของพวกเขากลับดูจะไม่ค่อยสนใจในเรื่องพวกนี้เสียเท่าไร

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ แค่พวกมึงมาเชียร์กูก็ดีใจแล้ว”

ไอติมยิ้มกว้างทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เขาเหนื่อยสายตัวแทบขาด หลังจากเรียนที่คณะเสร็จก็ต้องไปที่กองประกวดเพื่อซ้อมต่อทันที แต่พอได้รับกำลังใจจากเพื่อน ๆ แล้ว คนตัวเล็กก็ใจฟูขึ้นอีกเป็นกอง

“พรุ่งนี้งานเริ่มกี่โมง กูจะได้ตื่นทัน”

วินทร์ถามบ้าง เป็นที่รู้กันดีว่าถ้าวันหยุดสุดสัปดาห์เมื่อไร วินทร์มันจะนอน 24 ชั่วโมง ไม่เป็นทำอะไรสักอย่าง ถ้าไม่มีธุระอย่าหวังว่าคนอย่างวินทร์จะลุกออกจากที่นอนนุ่ม ๆ เด็ดขาด เลยต้องถามไอติมเผื่อเอาไว้ก่อน

“งานเริ่มหกโมงเย็นอ่ะ”

“โอเค งั้นพรุ่งนี้กูจะนอนถึงห้าโมงเย็นก็พอ แล้วประกวดเสร็จ มึงจะไปเลี้ยงฉลองเลยมั้ย เดี๋ยวไปเปิดโต๊ะไว้รอเลย” วินทร์ถามยิ้ม ๆ ตั้งแต่วันนั้นที่พาไอติมไปเปิดหูเปิดตาเป็นครั้งแรก พวกเขาทั้งสามคนก็ไม่เคยชวนไอติมออกไปร้านเหล้าอีกเลย ไม่อยากทำเด็กมันใจแตกอีกแล้ว ที่ถามก็เพราะแกล้งแซวเฉย ๆ

“เอาจริงเหรอ...อืม...ถ้ากูติดอันดับ 1 – 5 เดี๋ยวเลี้ยงสักโปรดีมั้ย”

“ไม่ต้องเลย ไอ้วินทร์มันพูดเล่น มึงก็แกล้งโง่ไปได้” ควันพูดไม่พอ ยังดีดหน้าผากเขาอีก เรียกเสียงหัวเราะบนโต๊ะได้ไม่ยาก ไอติมจึงได้แต่ลูบหน้าผากไปมาปนสาปแช่งไปด้วย

“พวกมึงก็แกล้งแต่กูอ่ะ แกล้งไม่พอชอบทำร้ายร่างกายกันด้วย”

“อ้าว ลูกมึงงอแงอีกแล้วว่ะเชี่ยวินทร์” ควันยังต่อปากต่อคำไม่หยุด ยิ่งเห็นไอติมเบะปากก็ยิ่งได้ใจ เรียกเสียงหัวเราะทุ้ม ๆ จากวินทร์ได้ไม่ยาก ส่วนพีชก็นั่งส่ายหน้าเบา ๆ ที่ทั้งควันและวินทร์รุมแกล้งไอติมกันอย่างนี้

“ไม่ได้งอแงเว้ย ไม่คุยกับพวกมึงแล้ว”

พูดจบก็หันหน้าหนีอย่างงอน ๆ นี่สาบานเลยว่าไม่ได้งอนจริง ๆ นะ...




*


วันนี้ช่างเป็นวันที่แสนวุ่นวายสำหรับเดือนคณะแพทยศาสตร์เหลือเกิน...

ไอติมแทบจะไม่ได้นอนเลย เขาพึ่งงีบหลับไปได้แค่สองชั่วโมง และสุดท้ายก็ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อรันคิวทุกอย่างอีกครั้งกับกองประกวดในช่วงเช้า ก่อนที่ทางกองประกวดจะปล่อยให้ไปพักผ่อนกันในตอนเที่ยง แต่ใครคิดว่าจะได้พักกันล่ะ

ไอติมถูกลากกลับคณะไปแต่งตัว แต่งหน้าตั้งแต่ช่วงบ่าย ผิวขาวซีดกับขอบตาคล้ำที่ไม่ได้นอนเต็มอิ่มนั้นฉายชัดจนฝ่ายเมคอัพต้องปาดคอนซีลเลอร์กลบใต้ตาแทบไม่ทัน ทรงผมก็ถูกเซ็ทรับกับดวงหน้าอย่างพอเหมาะพอเจาะ ใบหน้าขาวซีดนั้นดูสดใสขึ้นมาทันทีเมื่อลงรองพื้นบาง ๆ และคอนซีลเลอร์เพื่อกลบร่องรอยของความเหนื่อยล้า ทาลิปกลอสให้ดูปากอิ่มราวกับคนสุขภาพดีเป็นอันเสร็จ ไอติมจึงรีบนอนพักเอาแรงก่อนจะต้องลุยต่อในตอนเย็นทันที

และในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อแสงไฟสว่างวาบทั่วฮอลล์ เสียงกรี๊ด เสียงเชียร์ดังกระหึ่มจนพวกเขาที่ยืนเตรียมตัวอยู่ด้านหลังเวทีได้ยินอย่างชัดเจน ไอติมตื่นเต้นจนรู้สึกได้เลยว่าหัวใจตัวเองกำลังเต้นแรงจนแทบจะเด้งออกจากอกอยู่แล้ว และเมื่อก้าวขาขึ้นบนเวทีตามเสียงขานชื่อของพิธีกรเขาก็แทบเบลอไปหมด สมองขาวโพลนจนไม่รับรู้อะไร ได้แต่เดินและฉีกยิ้มไปตามที่เคยซ้อมเท่านั้น

ในระหว่างที่ยืนอยู่บนเวที ดวงตาก็คอยแต่สอดส่องมองไปรอบฮอลล์ เห็นกองเชียร์จากคณะแพทยศาสตร์ที่มาเชียร์ ไอติมก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง และเมื่อมองเยื้องกองเชียร์ไปก็เห็นว่าวินทร์กำลังยืนสูงชะลูดอยู่ด้านหลังแถมยังโบกมือให้ไอติมอีก เดือนคณะแพทยศาสตร์เลยพยักหน้าให้เล็กน้อยเป็นเชิงว่าเห็นแล้ว แต่ควันและพีชไปไหนกันล่ะ?

พอมองไปเยื้อง ๆ วินทร์ ก็เห็นว่าพี่กรก็ยืนอยู่แถวนั้น พี่กรยิ้มบาง ๆ ให้กับเขา และเพียงแค่รอยยิ้มนั้น ไอติมกลับรู้สึกอุ่นวาบขึ้นในหัวใจอย่างประหลาด พอนึกถึงคำสัญญาระหว่างเขาและพี่กรขึ้นมา...ถ้าได้ที่หนึ่งแล้วพี่กรจะพาไปเที่ยวทะเลเพียงแค่สองคน ไอติมก็มีกำลังใจที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้ที่หนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง



เมื่อดาวและเดือนจากทุกคณะถูกแนะนำจนครบแล้ว ช่วงต่อไปก็เป็นช่วงโชว์ความสามารถพิเศษของแต่ละคน ซึ่งไอติมก็พยายามที่สุดให้สมกับที่อดหลับอดนอน ซ้อมมาหลายคืน

“ไงวะ เป็นไงบ้างมึง”

เสียงทักด้านหลังนั้นไอติมจำได้แม่นยำ จึงหันไปยิ้มให้กับวินทร์ที่เดินเข้ามาหา ก่อนจะยิ้มจาง ๆ กลับไป

“ตื่นเต้นสุด ๆ เลย แล้วควันกับพีชล่ะ ทำไมกูไม่เห็นเลย”

ไอติมสงสัยตั้งแต่ตอนที่ยืนอยู่บนเวทีและไม่เห็นเพื่อนทั้งสองคนแล้ว จึงอดที่จะถามไม่ได้ ส่วนวินทร์ได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบเพราะก็ไม่รู้เช่นกัน

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ทั้ง ๆ ที่นัดมาเจอกันอยู่ที่นี่ แต่ก็ยังไม่เห็นมีใครมาสักคน”

“เออ ช่างมันเถอะ งั้นเดี๋ยวกูขอไปเตรียมตัวก่อนแล้วกัน” ไอติมบอกยิ้ม ๆ ถึงจะรู้สึกเสียใจนิด ๆ ที่เพื่อนสนิทอีกสองคนไม่มา แต่เขาก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปให้ดีที่สุด

รอบการแสดงผ่านไปอย่างรวดเร็ว การแสดงของไอติมถึงจะไม่โดดเด่นเท่ากับโชว์ของเพลิงที่รำมวยไทยเปิดซิกแพ็คให้คนกรี๊ดทั่วฮอลล์ หรือโชว์ของบลูที่มานั่งร้องเพลงเล่นกีต้าร์เบา ๆ ให้สาวเคลิ้มแล้วกวาดคะแนนไปท่วมท้น แต่ก็ถือว่าการแสดงโชว์เต้นของเขาก็ผ่านมาได้อย่างหวุดหวิดล่ะนะ

และเมื่อจบรอบการแสดง จนมาถึงช่วงให้ดอกไม้เพื่อวัดคะแนนป็อปปูล่าร์ ไอติมไม่รู้ว่าเขาได้ดอกไม้ไปเยอะแค่ไหน เพราะเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที เขาต้องรีบรับดอกไม้ให้ได้มากที่สุดเพื่อเอาไปให้พี่สตาฟนับจำนวนดอกไม้อีกที แต่ไฮไลท์ของช่วงนี้คงจะหนีไม่พ้นบลูจากคณะวิทยาศาสตร์อีกเช่นเคย ที่มีหมอกคนดังจากคณะนิติศาสตร์หอบดอกไม้ช่อใหญ่มาให้ในนาทีสุดท้ายก่อนที่เวลาจะหมดลง และผู้ที่ชนะไปก็คือเดือนจากคณะวิทยาศาสตร์นั่นเอง

แต่ถึงไอติมจะไม่ได้เข้ารอบโดยอัตโนมัติ แต่ก็ยังสามารถเข้ารอบห้าคนสุดท้ายมาได้ และสิ่งที่จะตัดสินทุกอย่างในคืนนี้ ก็อยู่ในรอบตอบคำถามทั้งหมดแล้ว ถ้าตอบดีก็เตรียมรับตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยไปได้เลย แต่เหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้างเสียเท่าไร เมื่อคำถามที่ไอติมจับได้นั้นค่อยข้างไกลตัว ซึ่งคำถามเกี่ยวกับการเมืองในยุค 4.0 แบบนี้เป็นประเด็นอ่อนไหวแค่ไหนเขาก็พอรู้ ไอติมที่คิดว่าเตรียมตัวมาดีพอแล้วแต่พอตอบคำถามจริง ๆ เขากลับคิดว่าตัวเองตอบไม่ตรงประเด็นสักเท่าไรนัก

และเมื่อถึงช่วงประกาศผล หัวใจของไอติมแทบจะเด้งออกจากอก เมื่อเขาต้องมายืนลุ้นชิงที่หนึ่งระหว่างตัวเองและเพลิงจากคณะนิติศาสตร์ นาทีนั้นไอติมนึกถึงแต่ข้อตกลงของเขากับพี่กรเท่านั้น ถ้าเขาได้ที่หนึ่งพี่กรก็จะพาไปเที่ยวด้วยกันแค่สองคน...

“และเดือนดวงใหม่ในค่ำคืนนี้ได้แก่หมายเลข...M06 น้องเพลิง นายพลพล เพลิงพานิชย์ จากคณะนิติศาสตร์”

แม้จะผิดหวังที่ผลการประกวดออกมาอย่างนั้น แต่ไอติมก็ต้องยอมรับกับการตัดสินและยินดีไปกับเพลิงที่ได้รับตำแหน่งในค่ำคืนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังได้ที่สองกลับมา เพื่อน ๆ ในคณะก็ดีใจกันยกใหญ่แล้ว

“ยินดีด้วยนะไอติม ได้รองเดือนก็เก่งสุด ๆ แล้ว”

“ปีนี้คณะเราได้รองเดือนเลย น้องไอติมสุดยอดมาก”

“ไม่ต้องเสียใจนะจ๊ะ แค่นี้พวกพี่ก็คุยโวได้อีกเป็นปี คณะเรานี่มันดีจริง ๆ”

เสียงให้กำลังของเพื่อน ๆ และพี่ ๆ ทำให้ไอติมยิ้มกว้าง และถ่ายรูปร่วมกับน้ำหนึ่งที่เป็นดาวคู่กัน ก่อนที่จะวินทร์จะเดินเข้ามาหาพร้อมสีหน้าเคร่งเครียด

“มีอะไรวะมึง...มาเซลฟี่กับกูหน่อยเร็ว” ไอติมชวนด้วยรอยยิ้ม รีบหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาแต่วินทร์ก็ดึงแขนไอติมไว้เสียก่อน

“อย่าพึ่งเลย ตอนนี้มีเรื่องด่วน”

“เรื่องด่วนอะไร” ไอติมขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย และความจริงที่ได้รู้จากปากวินทร์ก็ทำให้เขาถึงกับเบิกตากว้าง

“พีชโดนรถชนตอนก่อนที่จะมาเชียร์มึง ตอนนี้ควันกำลังดูแลมันอยู่ มึงจะไปดูไอ้พีชพร้อมกูเลยมั้ย”


.

.


ไม่ต้องตอบคำถามนั้น ไอติมก็กระโดดขึ้นรถมาพร้อมกับวินทร์อย่างรวดเร็ว ขับรถมาไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงคอนโดของพีช พวกเขารีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นที่พีชอยู่ หยุดหอบหายใจอยู่หน้าห้องแล้วก็กดกริ่งไปด้วย

ประตูเปิดออกเผยให้เห็นคนที่มาเปิดประตูให้ พอไอติมเห็นควันที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วก็เผลอเดินเข้าใกล้ก่อนจะคลำตามแขนตามขาคนตัวสูงอย่างลืมตัว

“เฮ้ย เป็นอะไรวะ” ควันถามอย่างงงงวย แต่ก็ยอมยืนนิ่ง ๆ ให้คนตัวเล็กกว่าสำรวจตัวเขาไม่หยุด

“พีชโดนรถชน...แล้วมึงเป็นอะไรรึเปล่า” ไอติมถามอย่างเป็นห่วง เห็นว่ากางเกงยีนส์ตัวเก่งของเพื่อนสนิทนั้นขาดก็แอบตกใจไม่ได้

“กูไม่ได้เป็นอะไร แค่ถลอกนิดหน่อยเอง ไปดูเชี่ยพีชมันก่อนเถอะ”

พูดจบก็จูงมือคนตัวเล็กไปที่กลางห้องโดยที่มีวินทร์มองท่าทางแปลก ๆ ของทั้งสองคนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อมาถึงโซฟาหน้าทีวีซึ่งมีร่างของเจ้าของห้องนอนดูหนังอยู่ ไอติมมองพีชที่ใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงบอล ที่ข้อศอกขวามีผ้าก็อซแปะเอาไว้ ส่วนเท้าขวาก็เข้าเฝือกอันใหญ่เชียว

“อ่าว งานประกวดจบแล้วใช่มั้ย...แล้วนี่มึงได้ตำแหน่งรองเดือนเหรอวะ”

พีชพยายามลุกขึ้นนั่ง ควันจึงรีบไปช่วยคนเจ็บให้นั่งได้ในท่าที่สบาย ไอติมจึงเห็นว่าที่แขนของพีชนั้นก็ใส่ที่คล้องแขนเอาไว้ด้วย

“ก็อย่างที่มึงเห็นนั้นแหละ แต่ช่างเรื่องของกูเถอะ กูอยากรู้มากกว่าว่ามึงไปทำยังไงถึงได้รถชนอย่างนี้” ตอนนี้ความรู้สึกน้อยใจที่เพื่อนสนิทอย่างควันและพีชไม่ไปเชียร์มันมลายหายไปหมดแล้ว เพราะความเป็นห่วงมันมีมากกว่า

“ก็ตอนที่จะไปเชียร์มึงอ่ะ กูบอกให้ควันมันมารับเพราะกูขี้เกียจขับรถไปเอง พอออกมากับเชี่ยควันแล้วพวกกูก็แวะซื้อของขวัญกะว่าจะไปเซอรไพร์สมึง แล้วตอนกำลังข้ามถนนเชี่ยวินทร์แม่งก็โทรมาพอดี กูไม่ระวังตัวเองนั้นแหละ มัวแต่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายไอ้วินทร์เลยไม่มองทาง รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงควันมันตะโกนอยู่ด้านหลังแล้วมันก็ดึงกูให้ออกมาจากถนนใหญ่ กูเลยล้มลงผิดท่าจนกระดูกข้างในมันบิดรูป ส่วนควันมันก็เข่าถลอก แต่เจ้าของรถที่เกือบชนกูเขาก็ตกใจเหมือนกันเลยพาพวกกูมาส่งโรงพยาบาล เอกซเรย์ดูแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เลยแค่ทำแผล เข้าเฝือกเสร็จ เลยพึ่งกลับมาถึงที่ห้องกูนี่แหละ”

“ก็ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรมาก กูตกใจแทบแย่ตอนที่วินทร์มันบอกว่ามึงโดนรถชน”

“เอาไว้กูหายเดี้ยงก่อน แล้วมึงอย่าลืมที่สัญญาว่าจะเลี้ยงเหล้ากูน๊า ได้ที่ 2 เลยเว้ยไอ้เตี้ยของเรา” พีชพูดพลางหัวเราะยามที่เห็นใบหน้าของรองเดือนทำหน้ามุ่ยอย่างขัดใจเวลาได้ยินคำแสลงหูที่เพื่อนชอบล้อไอติมตั้งแต่รู้จักกันมา

“เตี้ยตรงไหน เขาเรียกว่าสูงตามมาตรฐานชายไทยเว้ย พวกมึงนั้นแหละที่สูงเหมือนเปรตกันเอง”

“พวกกูอยู่เงียบ ๆ ก็กลายเป็นเปรตเฉยเลย” ควันที่นั่งพิงโซฟาอีกฝั่งพูดท้วงคน(ที่อ้างว่า)สูงตามมาตรฐานชายไทย ก่อนจะลุกขึ้นยืดตัวเต็มความสูง

“กลับได้แล้วเตี้ย กลับพร้อมกูนี่แหละ อยากกลับไปนอนแล้ว” ควันบิดขี้เกียจ แล้วดึงไอติมให้ลุกขึ้นยืนตาม

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกูดูแลไอ้พีชต่อให้ พวกมึงก็ไปพักผ่อนเถอะ ฝากไปส่งไอติมด้วยแล้วกัน” วินทร์อาสาจะดูแลคนป่วยต่อ ล่ำลากันไม่นาน ควันและไอติมก็เดินออกมาพร้อมกัน

ต่างคนต่างไม่มีคำพูดใด ๆ ในระหว่างทางกลับคอนโดมีเพียงความเงียบที่คุ้นเคย เมื่อได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้ไอติมกลับรู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างน่าประหลาด มันไม่เหมือนเวลาที่ได้อยู่กับพี่กรสองต่อสองที่หัวใจเต้นแรงและอึดอัดไปในคราเดียวกัน แต่มันกลับอบอุ่นและสบายใจที่ได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้มากกว่าใครไหน ๆ

ตอนนี้ไอติมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแท้จริงแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อควันนั้นมันคืออะไร...

“ไอติม”

“หืม?” เจ้าของรางวัลรองเดือนมหาวิทยาลัยในปีนี้เงยหน้ามอง พร้อมกับม้วนสายสะพายที่พึ่งแกะออกจากเสื้อลงใส่กล่องเอาไว้ พลางปลดเนคไทไปด้วยระหว่างรอฟังคนตรงหน้าพูด

“งานวันนี้เป็นยังไงบ้าง ขอโทษทีที่ไม่ได้ไปเชียร์เลย” คนตัวสูงเขยิบเข้ามาใกล้อีกนิด จนคนตัวเล็กกว่าสัมผัสได้ถึงไอร้อนของร่างกายใหญ่ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าใกล้กันขนาดนี้ แต่ไอติมก็ไม่ได้คิดจะถอยหนีเลยสักนิด

“ไม่เป็นไรหรอก กูเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ มึงต้องอยู่ดูแลพีชน่ะมันถูกแล้ว” รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่ร่างกายจะถูกรวบเข้าไปกอดจนจมอก ไอติมไม่เข้าใจว่าควันเป็นอะไรแต่ก็ยอมอยู่นิ่ง ๆ ภายในอ้อมกอดนั้นแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า วันนี้เขาเหนื่อยมาทั้งวันจนรู้สึกว่าร่างมันจะพังเสียให้ได้

“ควัน”

“มีอะไร”

“วันนี้กูโคตรเหนื่อยเลยว่ะ ได้นอนไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องซ้อมแล้วก็แข่งเลย กูเกือบทำพลาดตอนเต้นบนเวทีด้วยนะ...แล้วยิ่งรอบตอบคำถามนะ ยากสุด ๆ ไปเลย”

“หลังจากนี้มึงก็จะได้พักแล้วไง ง่วงแล้วล่ะสิ” ควันดึงคนตัวเล็กออกจากอ้อมกอด เห็นใบหน้าที่เหนื่อยล้าใกล้จะหลับเต็มที ควันจึงดึงแขนไอติมให้เดินตามเขาไปจนถึงห้องน้ำ

“ถ้าขี้เกียจอาบน้ำก็แปรงฟันก่อนแล้วค่อยนอน”

“อื้อ” ไอติมรับคำงุบงิบ ทำตามคำสั่งของควันราวกับเป็นเด็ก ก่อนจะหันขวับเมื่อร่างสูงเอ่ยอีกประโยคขึ้นมา

“แต่ถ้ามึงตัวเหม็น คืนนี้กูไม่นอนกอดนะ”

“แล้วแต่มึงเลย กูจะอาบน้ำแล้ว!” พูดเสียงสูงใส่หน้า แถมปิดประตูดังปัง เรียกเสียงหัวเราะทุ้ม ๆ จากคนขี้แกล้งได้เป็นอย่างดี

ควันปล่อยให้ไอติมอาบน้ำ ส่วนตัวเขาก็หยิบหมอนที่โซฟาเข้าไปในห้องนอนเพิ่มอีก ส่วนผ้าห่มน่ะ ผืนเดียวก็พอ และในขณะที่จัดวางหมอนบนเตียงไปพลาง ๆ เสียงข้อความจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของเจ้าของห้องที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็ดังขึ้นติด ๆ กัน จนควันอดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาดู

MY DRAGON : ขอโทษที่ตอนเลิกงานพี่ไม่ได้ไปแสดงความยินดีด้วยนะ

MY DRAGON : พอดีพี่กลับออกมาก่อน พึ่งรู้ผลว่าไอติมได้ที่ 2 เก่งมาก ๆ เลย

MY DRAGON : แล้วสัญญาของเราน่ะ พี่ไม่ลืมหรอกนะ ถึงได้ที่ 2 ก็ไม่เป็นไร พี่จะพาไปแน่นอน เตรียมตัวเก็บกระเป๋าได้เลย

ควันวางโทรศัพท์ลงที่เดิมเมื่ออ่านข้อความเหล่านั้นเสร็จ

ใครคือ MY DRAGON ? แล้วจะพาไอติมไปเที่ยวที่ไหนกัน...เรื่องนี้เขาจะต้องรู้ให้ได้แน่นอน

หลังจากที่ไอติมออกจากห้องน้ำแล้ว ควันยังคงจ้องมองการกระทำของคนตัวเล็กที่เดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ แต่ครั้งนี้ที่ไอติมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง รอยยิ้มเล็ก ๆ ก็ผุดขึ้นที่มุมปากอย่างลืมตัว ก่อนจะจะรีบตอบกลับข้อความเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว

ควันเห็นท่าทางเหล่านั้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบ ๆ ปล่อยให้ไอติมได้จมอยู่ในโลกส่วนตัวที่ไม่มีเขาอยู่ในนั้น แต่เขาสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่ายังไงเขาก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าคน ๆ นั้นคือใคร และปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าควันหวงเหลือเกิน...

หวงรอยยิ้มของไอติม

หวงความรู้สึกของไอติม

หวงทุก ๆ อย่างที่เป็นไอติม

และในชั่ววินาทีนั้น ควันก็ตัดสินใจแล้วว่าเขาควรจริงจังกับทุกอย่างแล้วจริง ๆ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เขารู้สึกไปคนเดียวอีกแล้ว ทุกอย่างมันควรจะชัดเจนเสียที
















หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 13 - MY DRAGON [10.10.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-10-2018 22:59:54
จัดการเลยค่ะควันน พี่กรหยุดพยายามก่อนน เขาไม่ได้เห็นพี่เป็นพี่ชายค่ะ รอให้น้องมีแฟนเป็นตัวตนค่อยมาใหม่ ไม่สาย  :ling1:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 13 - MY DRAGON [10.10.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-10-2018 01:30:47
 :pig4: :pig4: :pig4:

ควันต้องรุกบ้างแล้วหล่ะนะ  เด๋วจะ มคปด ซะก่อน
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 13 - MY DRAGON [10.10.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 19-10-2018 05:51:00
ตามไทม์ไลน์อีกเรื่อง จะดราม่าหนักขึ้นหลังจากนี้สินะ  :ling3:
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 14 - จุดเปลี่ยน [21.10.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 21-10-2018 21:30:20
บทที่ 14
จุดเปลี่ยน


หลายวันมาแล้วที่ควันปล่อยให้ความสงสัยกัดกินจิตใจเขามากขึ้นทุกวัน เขาไม่ได้ถามในสิ่งที่สงสัยกับไอติม เพราะในใจลึก ๆ แล้วต้องยอมรับกับตัวเองว่ากำลังกลัว...

กลัวในสิ่งที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร

“เป็นไรวะ ทำไมมานั่งเหม่อแบบนี้”

เสียงเรียกสติ ทำให้ใบหน้าหล่อได้รูปต้องหันไปมอง เมื่อเห็นว่าพีชซึ่งเดินขากะเผลก ๆ แม้ว่าไม่มีเฝือกแล้วก็ตาม ใช้หนังสือเรียนเคาะหัวเขาเบา ๆ ให้หลุดจากภวังค์ ควันยิ้มยักไหล่ก่อนจะตอบ

“ไม่มีอะไร ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” พูดพลางหยิบแก้วกาแฟที่วางอยู่มาดูดไปอึกใหญ่ ก่อนจะเริ่มอ่านหนังสืออีกครั้ง หลังจากที่ใจลอยไปพักใหญ่

ตอนนี้ควันมานั่งอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟในช่วงบ่าย ซึ่งพอได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศในการอ่านหนังสือ เขาก็พบว่ามันเวิร์คใช้ได้ กลิ่นคั่วกาแฟหอม ๆ นั้นทำให้เขาตื่นตัวอยู่เสมอ เสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ ไม่ได้รบกวนสมาธิในการอ่านหนังสือสักเท่าไร อีกทั้งยังมีแอร์เย็น ๆ แล้วก็ของหวานอีกมากมาย พอพีชรู้ว่าเขาอ่านหนังสืออยู่ที่นี่ เลยตามมาอ่านด้วยกัน

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอย่างนี้ สอบย่อยวันพรุ่งนี้มึงคงจะได้เต็มแหง ๆ...เอาไรป่ะ เดี๋ยวกูจะไปสั่งที่เค้าน์เตอร์”

“ไม่อยากรังแกคนพิการว่ะ มึงจะเอาไร เดี๋ยวกูเดินไปสั่งให้ดีกว่า”

“ก็ดี...งั้นเอามอคค่าปั่น กับชีสเค้ก”

“อ้วนตายพอดี”

“สัส ทั้งวันกูยังไม่ได้แดกไรสักอย่าง”

“เออ ๆ แซวเล่นเฉย ๆ หน่า ไอ้หัวเห็ด”

ก่อนจะไปสั่งเมนูให้พีชก็ไม่วายตบกลุ่มผมเบา ๆ ทีหนึ่งให้พีชได้หน้าง้ำงอ แต่พอคล้อยหลังแล้ว ใบหน้านั้นกลับมีรอยยิ้มเล็ก ๆ พร้อมกับหัวใจที่เต้นผิดจังหวะไปเสียแล้ว...





หลังจากผ่านการประกวดไปแล้ว ไอติมที่คิดว่าตัวเองจะได้พักผ่อนกลับไม่ได้พักอย่างใจคิด เขาต้องเดินสายออกงานขอบคุณผู้ใหญ่ในมหา’ลัย ไหนจะถ่ายแบบต่าง ๆ อีกมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเบากว่าช่วงการประกวดเยอะ เขาเลยได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนในกลุ่มมากขึ้น และเมื่อนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ปี 1 สอบย่อยในอาทิตย์นี้เสร็จแล้ว ไอติมที่ออกมาจากห้องสอบเป็นคนสุดท้ายจึงเดินมารวมกับกลุ่มเพื่อนที่ยังคงถกเถียงเรื่องข้อสอบที่พึ่งสอบไปไม่เลิก

“มึงตอบข้อสุดท้ายว่าไงวะ โคตรปราบเซียนเลย แต่เชี่ยควันมันบอกว่ามันตอบได้อ่ะ” พีชถามไอติมที่พึ่งออกมาจากห้องสอบ คนตัวเล็กสุดทำหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบในสิ่งที่ตัวเองเขียนใส่กระดาษคำตอบไป

“โหหหห คำตอบเดียวกับควันเลยว่ะ เบื่อพวกเป๊ะว่ะ” พีชถอนหายใจอย่างปลงตกกับข้อสอบที่ผ่านมา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกอดคอไอติมแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มแทน

“เรื่องข้อสอบปล่อยมันไปเถอะ คืนนี้ไปฉลองกันดีกว่าว่ะ ขากูก็ถอดเฝือกแล้ว สอบย่อยก็เสร็จแล้ว มึงอย่าลืมว่ามึงยังไม่ได้เลี้ยงพวกกูเลยน๊าที่มึงได้ตำแหน่งรองเดือนอ่ะเชี่ยเตี้ย”

“เออ จริงด้วย งั้นไปคืนนี้เลยมั้ยล่ะ กูพร้อม” ไอติมไม่ลังเลที่จะตอบตกลง สัญญาไว้ตั้งนานแล้ว  ตอนนี้พีชก็กลับมาเดินได้เป็นปกติ สอบเสร็จ แถมพรุ่งนี้ยังเป็นวันหยุดอีก ไม่มีอะไรลงตัวไปมากกว่านี้อีกแล้ว

“มึงจะเอาจริงเหรอวะ” ควันหันมาถามไอติมเพื่อความแน่ใจ เขาไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรว่าไอ้คนตัวเล็กมันจะเอาตัวรอดได้รึเปล่า

“ก็เอาจริงดิ หรือว่ามึงจะไม่ไป” ไอติมตอบพาซื่อ ไม่เข้าใจว่าควันจะถามอย่างนั้นไปทำไม

“ไปดิวะ ได้กินของฟรี ใครไม่ไปก็โง่ล่ะ”

ร่างสูงพึมพำ ถึงจะไม่อยากให้ไอติมไปในที่อโคจรแบบนั้นอีก แต่ถ้าไอติมยืนยันว่าจะไป แล้วเขาจะห้ามอะไรนอกจากจะต้องไปดูแลไม่ให้มันหลุดรอดสายตาไปได้ล่ะ




เป็นเวลานานแล้วที่ไอติมไม่ได้มาในที่อโคจรอย่างนี้ ก็เพราะติดซ้อมกับกองประกวดเลยไม่มีใครชวนเขามาที่ผับ xxx อีกเลย จนมาวันนี้แหละที่เขาได้มาเปิดหูเปิดตาอีกครั้ง

พีชดูจะตื่นเต้นที่สุดในคืนนี้ที่มีเจ้ามืออย่างไอติมจ่ายไม่อั้น ขวดเบียร์มากกว่าสิบขวดวางเรียงรายบนโต๊ะ แม้ว่าสมาชิกในโต๊ะจะมีเพียงแค่สี่คน แต่ทุกคนก็มั่นใจว่าน้ำเมาทุกขวดในคืนนี้คงจะลงไปอยู่ในท้องทุกคนหมดแน่

“แด่ข้อสอบในวันนี้ เอ้าชนนนนนนน”

แก้วเบียร์ทั้งสี่แก้วกระทบกันจนเกิดเสียง ก่อนที่น้ำมึนเมาจะไหลลงคอราวกับน้ำเปล่า...สายตาคู่คมยังคอยแอบมองคนตัวเล็กข้างกายไม่ห่าง เมื่อเห็นว่าไอติมยังไม่ได้มีท่าทีผิดปกติเขาก็สบายใจ แต่ถึงอย่างนั้น ท่อนแขนแข็งแรงก็แอบประคองเอวคนข้าง ๆ เอาไว้หลวม ๆ อยู่ตลอด

“แด่ตำแหล่งรองเดือนมหา’ลัยของไอติม เอ้าชนนนนน”

แก้วแรกพึ่งยกไปจนหมด แก้วสองก็เตรียมจ่อปากทันที ฝ่ามือหนาจับข้อมือขาวได้ทันก่อนที่แก้วเบียร์ในมือจะไหลลงลำคอเพียวระหงอีกครั้ง ไอติมหันมามองด้วยสายตางุนงง ก่อนจะเอ่ยปากถามคนที่ทำตัวเหมือนเป็นพ่อเขามาตั้งแต่เข้าร้าน

“เป็นอะไร”

“อย่ากินเยอะ เดี๋ยวมึงจะเมา”

“ทำตัวเหมือนเป็นพ่อไปได้อ่ะมึง”

“ก็กูหวังดี”

“มีมึงคุมอย่างนี้ ดูแลกูตอนเมาดี ๆ ล่ะ”

ไอติมยิ้มเผล่ ก่อนจะดึงข้อมือตัวเองออกจากฝ่ามือใหญ่ แถมยังยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด แก้มขาว ๆ นั้นขึ้นริ้วแดงจาง แถมยังทิ้งน้ำหนักตัวไปทางร่างสูงใหญ่อีก

“เชี่ยติม มึงอย่าเมาง่ายนะเว้ย ไม่ทันไรก็ซบไอ้ควันมันแล้วเหรอ ลุกมา ๆ แก้วที่สามต้องมา”

พีชดึงร่างของไอติมให้กลับมานั่งตัวตรงอีกครั้ง มือก็เติมเบียร์ให้ไอติมจนเต็มแก้วอีกครั้ง ก่อนที่หัวเห็ดกลม ๆ จะสั่นสะเทือนเพราะแรงตบเบา ๆ จากด้านหลัง

“เพลา ๆ หน่อยมึง อย่ารีบมอมมันขนาดนั้น ไอติมมันไม่ได้คอทองแดงเหมือนมึงนะ”

วินทร์ที่อดไม่ไหวจึงต้องพูดห้ามปรามพีชมันเสียหน่อย ไอ้นี่ก็เลวเหลือเกิน รู้ว่าเพื่อนมันคออ่อน ก็ยังมอมไอติมมันได้ลงคอ

“โหหหหห พูดซะกูดูเป็นคนเลวเลย มอมที่ไหนกัน ไม่มี๊!”

“เสียงสูงเชียวนะสัส”

วินทร์พูดจบก็เทเบียร์ให้พีชจนเต็มแก้ว ก่อนจะชนแก้วกันแค่สองแล้วดื่มอึกใหญ่จนหมดอย่างรวดเร็วไปอีกครั้ง ไอติมยิ้มขำที่เห็นว่าพีชโดนบังคับให้กินเบียร์แทน จนเจ้าตัวเริ่มหน้าแดงบ้างแล้ว แต่ก็ยังยิ้มร่าแล้วกินเบียร์ไม่หยุดหย่อนราวกับดื่มน้ำเปล่า ส่วนไอติมตอนนี้ก็นั่งกินลูกชิ้นทอดเป็นกับแกล้ม นั่งฟังเพลงเพลิน ๆ แล้วก็จิบเบียร์ในแก้วบ้างเป็นครั้งคราว

ส่วนควันที่ยังนั่งอยู่ข้างกาย วันนี้ถ้าไอติมสังเกตไม่ผิด รู้สึกว่าควันดูจะแปลกไปเสียหน่อย เพราะครั้งก่อนหน้านั้น สาว ๆ มากหน้าหลายตาเดินเข้ามาขอเบอร์ ขอไลน์กันเพียบ แถมยังมาชวนไปไหนต่อไหนอีกควันก็ไม่เห็นปฏิเสธ ซ้ำยังต้อนรับอย่างเชิญชวน แต่วันนี้คนตัวสูงกลับนั่งดื่มเบียร์เงียบ ๆ ใครมาทักทายก็ไม่ได้สานต่ออะไรจนพวกเธอทั้งหลายนั้นหน้าจ๋อยกลับโต๊ะไปหลายรายแล้ว

“ขอโทษนะคะ”

ไม่ทันขาดคำ หญิงสาวในชุดเกาะอกสีขาวก็สะกิดที่ไหล่ของควัน แถมยังแทรกตัวเข้ามาตรงกลางระหว่างควันกับไอติมเสียอีก ไอติมจึงได้ยินบทสนทนาของเธอไปด้วย

“มีอะไรครับ”

“ขอไลน์หน่อยได้มั้ยคะ”

เธอแจกรอยยิ้มหวานพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้ ไอติมมองนิ่ง ๆ ก่อนจะปรายสายตากลับมายังโต๊ะของตัวเอง มองพีชที่ตอนนี้ลุกขึ้นเต้นโดยที่มีวินทร์คอยดึงให้นั่งลงอยู่เรื่อย ๆ แต่หูเจ้ากรรมดันได้ยินเสียงควันพูดตอบเสียอย่างนั้น

“คงไม่ได้หรอกครับ ผมกลัวคนหึง”

“ว๊า มีแฟนแล้วเหรอคะ แย่จัง”

“หึ มีแต่ผมอยากเป็นแฟนเขาแหละครับ แต่ไม่รู้ว่าเขาอยากเป็นแฟนกับผมรึเปล่า”

“ใครจะไปใจร้ายปฏิเสธคนหล่อได้ลงคออ่ะ งั้นไม่รบกวนแล้วดีกว่าค่ะ เดี๋ยวแฟนมาเห็นแล้วจะแย่เอา”

เธอว่าอย่างนั้นก่อนจะเดินจากไป ควันจึงหันกลับมาในวงของตัวเองแล้วเทเบียร์ลงในแก้วที่พร่องไปให้เต็ม

“แปลกเนอะ วันนี้ปฏิเสธทุกคนที่เข้ามาทักหมดเลย” เสียงของคนข้าง ๆ ทำเอาควันชะงักไป ก่อนจะหันมามองไอติมที่สายตายังคงจ้องอยู่บนเวทีที่นักร้องกำลังร้องเพลงอยู่ เขาคิดว่าเขาคงไม่ได้หูฝาดไปหรอกใช่มั้ย

“ไม่ชอบที่กูปฏิเสธสาว ๆ งั้นเหรอ”

“เปล่าหนิ มึงจะทำอะไรมันก็เรื่องของมึง กูแค่สงสัยเฉย ๆ”

“หึงกูเหรอ”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้ควันพลั้งปากถามไปแบบนั้น และก็ได้ผลเมื่อดวงตากลมใสนั้นหันมาสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ และวินาทีนั้นหัวใจไอติมกลับกระตุกราวกับถูกกระชากจากมือที่มองไม่เห็น ใบหน้านั้นชะงักไปสักพักก่อนจะหลบตาควันแล้วเอ่ยตอบอย่างตะกุกตะกัก

“อะ...อะไร...ไม่ได้หึงสักหน่อย”

“มึงหึงกูใช่มั้ย”

“ไม่ได้หึง”

ไอติมยืนยันเสียงแข็งก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทุกคนในโต๊ะมองอย่างงุนงงกับท่าทีอย่างนั้น ก่อนจะเลิกสนใจเมื่อไอติมบอกสาเหตุของท่าทางเหล่านั้น

“ไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมา”

ไอติมพูดรัวเร็ว ก่อนจะรีบลุกออกจากโต๊ะ เขายังไม่เมาเท่าไร และยังมีสติพอที่จะประคับประคองตัวเองให้หลุดออกมาจากสถานการณ์นั้นได้...หึงบ้าบออะไรกัน เขานี่นะจะหึงควัน ก็แค่สงสัยเฉย ๆ ว่าทำไมปฏิเสธผู้หญิงทุกคนก็เท่านั้นแหละ

“ไอติม...เดี๋ยวนี้เข้าผับแล้วเหรอ”

เสียงเรียกพร้อมกับท่อนแขนที่ถูกคว้าเอาไว้ทำให้ไอติมต้องหันกลับไปมองด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าคนที่ทักเขาคือใคร ไอติมก็ต้องอ้าปากค้างอย่างลืมตัว

“พะ...พี่กร”

“ตกใจอะไร พี่ต้องตกใจมากกว่ามั้ยที่เห็นเราที่นี่”

“ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่กรที่นี่เหมือนกันครับ”

“แล้วมากับใคร แล้วนี่จะไปไหนล่ะหืม?”

“มากับเพื่อนครับ ผมกำลังจะไปเข้าห้องน้ำ ว่าแต่พี่กรสบายดีนะครับ สอบเสร็จแล้วใช่มั้ย” ได้โอกาสคุยกับพี่กรอย่างนี้ ไอติมก็เลยถามไถ่ถึงรุ่นพี่เสียบ้าง

“สอบเสร็จแล้ว ก็เลยมาฉลองกับเพื่อนนี่แหละ เสาร์อาทิตย์นี้พี่พอจะว่าง งั้นเราไปเที่ยววันพรุ่งนี้เลยดีมั้ย”

“ไปได้แล้วเหรอครับ ผมนึกว่าพี่จะลืมสัญญาของเราแล้วเสียอีก” ดวงตากลมหลุบต่ำ พี่กรไม่เคยรู้หรอกว่าเขานับวันรอขนาดไหน ตั้งแต่วันประกาศผลที่พี่กรส่งข้อความมาบอกว่าจะพาไปเที่ยว เขาก็รอมันมาโดยตลอด

“จะลืมได้ยังไงล่ะ แต่ปีสามเรียนหนักจะตาย แถมสอบบ่อยอีกไอติมก็น่าจะรู้นี่”

“ถ้างั้นพรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันครับ เดี๋ยวพี่ไม่ว่างอีก ผมกลัวจะได้รอเก้อ”

“โอเค งั้นพรุ่งนี้เจอกันแปดโมงเช้า ไปหัวหินกัน”

“ได้เลย เดี๋ยวผมจะรีบกลับไปจัดกระเป๋าเลยดีกว่า”

ไอติมยิ้มบาง ๆ เมื่อตกลงกับกรได้เสร็จสรรพ และคุยกันอีกนิดหน่อยก็แยกย้ายกัน กรกลับไปที่โต๊ะ ส่วนไอติมก็เดินไปเข้าห้องน้ำตามจุดประสงค์แรกที่เดินออกมาจากโต๊ะ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จและเดินออกมาจากห้องน้ำ ปลายเท้าก็ต้องสะดุดเมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนพิงกำแพงอยู่หน้าห้องน้ำ แถมคนตรงหน้ายังสูบบุหรี่อีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ไอติมไม่เคยเห็นเจ้าตัวสูบมันมาก่อนเลย

“มึงสูบบุหรี่ด้วยเหรอวะควัน”

ไอติมถามคนตัวสูงที่ดวงตายังคงเหม่อมองออกไปด้านนอก ควันไม่ได้ตอบอะไร ปล่อยควันบุหรี่ให้ล่องลอยออกมาจนไอติมเผลอเบ้หน้าเพราะไม่ชอบกลิ่นบุหรี่เสียเท่าไร

“ถ้าไม่ตอบ งั้นกูกลับไปรอที่โต๊ะแล้วกัน” คนตัวเล็กกว่าบอกก่อนจะเดินออกมา แต่เพียงแค่ไม่กี่ก้าว เสียงทุ้มด้านหลังก็ดังขึ้น

“MY DRAGON มันคือใครงั้นเหรอ”

คำถามนั้นทำให้ไอติมชะงักก่อนจะหันกลับมามองควันด้วยความแปลกใจ และเมื่อได้สบกับดวงตาคู่คมในตอนนี้ มันทั้งเรียบและไร้ความรู้สึกจนไอติมไม่สามารถอ่านออกได้

“ถามทำไม”

“ก็แค่อยากรู้”

“มึงแอบเปิดแชทกูงั้นเหรอ”

ไอติมเริ่มอยู่ไม่สุข เรื่องที่เขารู้จักพี่กรมานานและแอบรักข้างเดียวมาเนิ่นนานไม่มีใครรู้ เขาเก็บมันไว้เป็นความลับมาโดยตลอด แล้วควันจะรู้จัก MY DDRAGON ได้ยังไง ถ้าควันไม่เปิดแชทของเขาดู

“ก็แค่บังเอิญเห็น...แล้วจะตอบกูได้ยังว่ามันคือใคร คือไอ้พี่กรนั้นรึเปล่าล่ะ”

“มันจะเป็นใครก็เรื่องของกู กูจะกลับไปที่โต๊ะแล้วนะ”

ไอติมตัดบทให้มันจบไป ปลายเท้าหันกลับไปตามทางเดิมที่เคยจากมา แต่ทุกสิ่งก็ไม่ได้เป็นไปอย่างใจคิด เมื่อข้อมือของไอติมถูกฉุดดึงไว้จากคนด้านหลัง อาการยื้อยุดกันอยู่สองคนเรียกให้หลายสายตาของนักท่องราตรีมองมาได้ไม่ยาก ควันจึงโยนบุหรี่ที่ถือไว้ลงในถังขยะก่อนจะลากคนตัวเล็กให้เดินออกมาที่หลังร้านด้วยกัน

“มีอะไรอีก ทำไมต้องลากออกมาด้วยวะ”

ไอติมบ่นอุบ ดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุม และมองบริเวณหลังร้านด้วยความระมัดระวัง...จากทางเดินนี้ เดินไปอีกไม่ไกลก็เป็นลานจอดรถแล้ว แต่ทั้งบริเวณมันก็ยังคงเงียบและเปลี่ยวมากอยู่ดี

“กูถามตรง ๆ นะ ไอ้ดราก้อนกับพี่กรมันคนเดียวกันใช่มั้ย” เสียงทุ้มถามอีกครั้ง ไม่มีความล้อเล่นอยู่ในน้ำเสียง มีแต่ความจริงจังและเครียดขึงจนไอติมสัมผัสได้ แต่กระนั้นคนตัวเล็กก็ยังคงปากแข็ง

“แล้วถ้ากูไม่บอกล่ะ มันเรื่องส่วนตัวของกูนี่นา”

“มึงชอบมันงั้นเหรอไอติม”

ควันไม่สนแล้วว่าไอติมจะปิดบังต่อยังไง ร่างสูงยิงคำถามที่ทำให้เขาเครียดไปตรง ๆ ตั้งแต่รู้ใจตัวเอง เขาไม่เคยหาทางออกให้กับหัวใจเจอเลย แล้วยิ่งได้รู้ความลับของไอติมอย่างนี้ ควันก็เหมือนจะเจอแต่ทางตันมากขึ้นเรื่อย ๆ

“มึงจะมายุ่งอะไรกับชีวิตกูนักหนา”

“...”

“เพื่อนก็อยู่ส่วนเพื่อนสิวะ”

“...”

“เป็นแค่เพื่อน แม่งต้องรู้ทุกเรื่องในชีวิตกูเลยหรือไง”

ไอติมก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว ตั้งแต่มาถามเรื่อง MY DRAGON เขาก็ไม่พอใจแล้วที่ควันมาแอบเปิดแชทดู แล้วยังจะมาไล่บี้เอาความจริงให้ได้ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ยอมตอบ ก็น่าจะรู้ได้แล้วว่าไม่อยากให้รู้ แล้วจะถามไปเพื่ออะไรอีก

“แล้วกูไม่มีสิทธิ์รู้เลยรึไง เพื่อนที่เอากันทุกคืนกับมึงคนนี้ไม่มีสิทธิ์รู้เลยรึไงวะ!”

เสียงทุ้มตะโกนอย่างเหลืออด มือแกร่งผลักร่างเล็กจนชิดกำแพง ไอติมตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อถูกควันตะโกนใส่อย่างนั้น คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามไม่โมโหเพราะเขาก็ไม่อยากทะเลาะกับควันอีกแล้ว ก่อนจะดันอกแกร่งตรงหน้าให้ห่างออก จากนั้นจึงปรับน้ำเสียงให้กลับมาเป็นปกติ

“กูว่ามึงคงเมาแล้ว กลับกันเหอะว่ะ”

“กูถามว่ากูไม่มีสิทธิ์รู้เลยรึไง”

ควันยังคงไม่ยอมปล่อยไอติมไปง่าย ๆ แม้ไอติมจะตัดบทไปดื้อ ๆ แต่ควันก็ถามใหม่อีกครั้ง เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องระหว่างเขากับไอติมมันจะไปสุดอยู่ที่ตรงไหน ตอนนี้ควันรู้แล้วว่าแค่ความสัมพันธ์ทางกายมันคงไม่พอ เขาอยากได้มันมากกว่านี้อีก แต่เหมือนว่าคนตรงหน้าคงจะไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับเขาเลย

“มึงรู้รึเปล่าว่าที่มึงกำลังทำอย่างนี้มันคืออาการหวง มึงจะมาหวงกูแบบนี้ไม่ได้นะควัน มึงก็รู้ว่าสัญญาของเรา...”

“เออ กูรู้”

“...”

“รู้ดีว่ากูหวงมึง อยากมีมึงเก็บไว้แค่คนเดียว กูรู้ว่าไอ้ Friend with Benefit ห่าเหวนั้นมันกำลังทำร้ายกูอยู่”

ควันระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่ทันคิด อาจจะเพราะน้ำเมาที่กำลังกดประสาทเขาเอาไว้ ไม่ทันได้ไตร่ตรอง สิ่งที่อยู่ในใจมันก็พรั่งพรูออกมาเสียหมด และสิ่งที่ได้ยินก็ทำให้ไอติมตกใจอยู่ไม่น้อย

“ควัน...มึงกำลังพูดบ้าอะไรอยู่วะ”

“กูไม่ได้บ้า! กูก็แค่หวงมึง กูแค่คิดถึงมึง กูแค่อยากกอดแต่มึง ใครที่เข้ามากูก็ปฏิเสธไปหมดก็เพราะมึง แล้วมึงเคยคิดเหมือนกูบ้างมั้ยวะ ใจของมึงเคยมีกูอยู่ในนั้นบ้างมั้ย”

ไอติมตัวชาวาบกับสิ่งที่ได้รับรู้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและควันมันถูกผูกด้วยเงื่อนไขบ้า ๆ ที่สร้างขึ้นมาด้วยกัน เขาพอใจกับความสุขทางกายที่ควันมอบให้ เวลาไหนที่คิดถึงพี่กรก็มีควันกอดเขาไว้ เวลาไหนที่พี่กรเผลอทำร้ายจิตใจเขาด้วยความรักและความเอาใจใส่พี่แจน ไอติมก็มีควันที่คอยอยู่เคียงข้างให้ลืมความเจ็บได้ชั่วคราว

เพราะเห็นควันเป็นตัวแทนของใครบางคนมาตลอด ไอติมเลยไม่รู้สักนิดว่าใจของควันได้เปลี่ยนไปเสียแล้ว

และนั้นเป็นสัญญาณเตือนว่าเรื่องราวระหว่างเขาและควันมันกำลังจะจบอย่างนั้นเหรอ...


“ควัน...มึงรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่...ทุกอย่างมันจะจบถ้าความรู้สึกของใครสักคนเปลี่ยนไป มึงก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ”

“ช่างแม่งมันสิ กูไม่สนแล้ว ถ้ากูไม่ยอมจบแล้วจะทำไม”

ควันโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจร้อนกระทบใบหน้าของไอติมก่อนที่จมูกโด่งจะคลอเคลียพวงแก้ม สันกราม และสุดท้ายริมฝีปากของทั้งคู่ก็บรรจบกัน...

ริมฝีปากร้อนผ่าวค่อย ๆ ทาบทับ ก่อนจะใช้ลิ้นดันเข้าไปในโพรงปากหวานอย่างคุ้นเคย ลิ้นร้อนกวาดเอาความหวานทั่วทั้งโพรงปากมาเป็นของตัวเอง เสียงดูดดุนดังขึ้นในความเงียบ ควันจูบจนไอติมแทบจะหมดลมหายใจคาอก ก่อนจะผละออกมาเมื่อมือขาวทุบเขาเบา ๆ เพื่อให้ปล่อยให้เป็นอิสระ

“กูไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึงแล้วว่ะติม”

“...”

“กูไม่อยากรู้แล้วด้วยว่าไอ้เหี้ยนั้นมันเป็นใคร กูไม่สนแล้วว่ามึงจะชอบใคร กูรู้แค่ว่ากูชอบมึง...ชอบมึงมากจริง ๆ ให้กูจีบมึงได้มั้ย”

คำสารภาพของควันมันทำให้ไอติมตกใจไม่น้อย เขาไม่คิดว่าควันจะรู้สึกกับเขามากขนาดนี้ และไอติมก็คิดว่าเรื่องราวระหว่างเขาและควันมันไม่ควรบานปลายไปมากกว่านี้ ทุกอย่างมันเริ่มที่เพื่อนมันก็ควรจะเป็นแบบนั้นต่อไป...สำหรับไอติม ควันคือเพื่อนที่ดีที่สุดแล้ว และเขาก็ไม่อยากเสียควันไป ไอติมจึงคิดว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกไปมันคือทางเลือกที่ดีที่สุด คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าจนสุดก่อนจะตัดสินใจพูดมันออกมา

“แต่กูไม่ได้ชอบมึง”

“...”

“ขอโทษนะ แต่กูมีคนที่กูชอบอยู่แล้ว และคน ๆ นั้นไม่ใช่มึง”

คำพูดราวกับมีดแหลมแทงลงที่อกนั้น แม้จะพอรู้ว่าผลลัพธ์ที่ได้มันคงจะเป็นแบบนี้ แต่พอได้ยินมันจากปากไอติมจริง ๆ ความเจ็บปวดที่ตอกย้ำในจิตใจมันมากมายกว่าที่เขาคิดเหลือเกิน ใบหน้าหล่อเรียบสนิท มองคนตัวเล็กที่มองเขากลับอย่างไม่วางตา

“มึงคิดว่าคำพูดของมึงจะทำให้กูยอมปล่อยมึงไปง่าย ๆ งั้นเหรอ”

“...”

“มึงรู้รึเปล่าว่านิสัยกูเป็นยังไง...ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วที่กูอยากได้อะไรก็ต้องได้ และกูก็เป็นคนหวงของมากด้วย”

“แล้วจะมาบอกกูทำไมวะ”

ไอติมแสร้างถามแม้ว่าจะพอเดาความนัยนั้นได้ ข้อมือที่ถูกจับไว้ในเจ็บจนแทบร้าว แต่ไอติมก็ยังคงกลั้นเสียงร้องเอาไว้ และในตอนนั้นเขาเริ่มก็ฉุกคิดได้ว่าการที่ตัดสินใจบอกปฏิเสธไปนั้น หรือบางทีมันอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิด...

“หึ จะได้รู้ไงว่ากูไม่มีทางปล่อยมึงไปง่าย ๆ หรอก...พรุ่งนี้จะไปเที่ยวกับมันงั้นเหรอ...งั้นคืนนี้นอนให้กูเอาจนถึงพรุ่งนี้เช้าเลยคงจะดีกว่า”
 

หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 14 - จุดเปลี่ยน [21.10.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-10-2018 00:33:41
 :pig4: :pig4: :pig4:

ง่า......สงสารควันอ่ะ
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 14 - จุดเปลี่ยน [21.10.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 24-10-2018 16:13:18
ไอติม...เฮ้อออ ทำอะไรคิดถึงใจควันบ้างไหมเนี่ย คิดจะเอาเค้ามาแทนคนอื่นแบบนี้ไม่ดีเลย
สงสารควัน  :mew4:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 14 - จุดเปลี่ยน [21.10.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-10-2018 13:50:58
จิ้มมมมมม  :z13: ตามมาจากหมอกบลูค่ะ
------------------------

โอ้ จากเรื่องนั้นดูเหมือนสงสารไอติม แต่พอมาดูดีๆ นี่มันคือ...

 :katai1: สงสารควันแทบไม่ทันเลย
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 15 - ทำไมต้องเป็นมัน [04.11.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 04-11-2018 23:01:24

บทที่ 15
ทำไมต้องเป็นมัน




“พรุ่งนี้จะไปเที่ยวกับมันงั้นเหรอ...งั้นคืนนี้นอนให้กูเอาจนถึงพรุ่งนี้เช้าเลยคงจะดีกว่า”

ไอติมเบิกตาโตด้วยความตกใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้นออกมาจากปากควัน ไม่ทันได้หายตกใจ ร่างทั้งร่างก็ลอยหวือตามแรงกระชากของคนตัวโตกว่าอย่างรวดเร็ว ควันพาไอติมเดินออกมาที่ลานจอดรถ กดรีโมตปลดล็อครถคันหรูก่อนจะยัดคนตัวเล็กเข้าไปในรถแล้วขับออกมาทันที

“ควัน...มึงใจเย็น ๆ ก็ได้”

ไอติมพูดเสียงแผ่ว เขาไม่รู้เลยว่าต้องจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไง ควันในตอนนี้เหมือนไม่ใช่คนที่ไอติมรู้จัก ร่างสูงนั้นมีแต่ความเงียบที่แสนกดดันส่งผ่านออกมาจนสัมผัสได้เท่านั้น

เข็มไมล์เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนไอติมต้องจับเบลท์เอาไว้จนแน่น และในตอนนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของควันก็ดังขึ้นในความเงียบ ไอติมจึงพอหายใจได้คล่องเมื่อควันผ่อนความเร็วลงแล้วคว้าโทรศัพท์ไปรับเสียงเรียบ

“มีอะไร”

“เออ เช็คบิลเลย กูกับไอติมออกมาแล้ว เดี๋ยวโอนคืนให้”

สิ้นคำนั้นควันก็กดตัดสายแล้วโยนโทรศัพท์เครื่องแพงมาที่ตักไอติม คนตัวเล็กได้แต่ถือมันไว้และมองทางที่ไม่คุ้นเคยอย่างระแวง และลองอ้าปากถามควันอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“มึงจะพากูไปไหน บอกกูได้มั้ย”

ไอติมถามอีกครั้งเมื่อควันยังคงเงียบใส่เขา ทางที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันเหมือนออกนอกเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ ไอติมยอมรับว่าตอนนี้เขากำลังกลัวจับใจ หวังว่าควันคงจะไม่จับเขาไปฆ่าทิ้งไว้ท้ายป่าหรอกนะ

“นั่งอยู่เงียบ ๆ ไปเถอะ”

เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ไอติมได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบ ๆ ตามคำสั่ง จนกระทั่งเมื่อรถคันหรูจอดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ไอติมเงยหน้าขึ้นมองบ้านตรงหน้า ซึ่งปิดไฟเสียมืดราวกับไม่มีคนอยู่

ควันลงจากรถไปเปิดประตูรั้ว ก่อนจะขึ้นรถมาขับเข้าไปจอดในโรงรถ ไอติมได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว มองคนตัวสูงดับเครื่องยนต์แล้วลงจากรถไป ไอติมจึงมองตามคนที่เดินออกไปแล้ว ส่วนควันที่ไม่เห็นคนตัวเล็กเดินตามออกมาจึงหันกลับไปหาคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ก่อนจะเลิกคิ้วถามเสียงนิ่ง ๆ

“จะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย”

“ให้ลงไปด้วยเหรอ”

“เออสิ ลงมา”

เสียงทุ้มพูดเสียงไม่ดังนัก แต่แค่นั้นก็ทำให้ไอติมรีบเก็บของแล้วลงมาจากรถอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เมื่อเดินตามมาแล้ว ดวงตากลมก็อดที่จะเหลือบมองบ้านหลังใหญ่นี่อย่างช่วยไม่ได้ บ้านทั้งหลังนั้นตกแต่งอย่างเรียบง่าย ตามผนังนั้นมีรูปภาพของคนในครอบครัวเรียงรายกันอยู่…

“โอ๊ย!”

เผลอร้องออกมาเสียงหลง เมื่อมัวแต่สำรวจรูปภาพในวัยเด็กของควันแล้วชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างเต็ม ๆ ไอติมเซถอยหลังแล้วกุมจมูกตัวเองไว้ แต่ข้อมือขาวก็ถูกยึดจับเอาไว้จนแน่น

“กูจะถามแค่คำถามเดียว”

“ถามอะไร” ไอติมถามอย่างระแวง ไม่กล้าแม้แต่จะสะบัดมือออกเหมือนอย่างเคย

“มึงรักมันมากงั้นเหรอ”

“...”

คำถามที่ไอติมไม่อยากได้ยินมันกลับมาอีกครั้ง ไอติมเสตาหลบคนตัวสูงที่จ้องรอเอาคำตอบ เกิดความเงียบขึ้นนานนับนาที และสุดท้ายไอติมก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“กูอยากกลับไปพักแล้วว่ะ พากูกลับได้มั้ย”

“เหอะ...แน่ใจเหรอว่ามึงจะกลับไปพัก ไม่ใช่ว่าจะกลับไปเก็บกระเป๋าไปเที่ยวกับมันงั้นเหรอ”

เสียงทุ้มขึ้นเสียงดังด้วยความแดกดันอีกครั้ง แค่คิดขึ้นมาว่าไอติมกับไอ้พี่กรนั้นจะไปเที่ยวด้วยกันแค่สองคน เขาก็ไม่ยอม มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่

“มึงรู้ได้ไงว่ากูจะไปกับใคร กูไม่ได้จะไป - “

“ไม่ต้องมาโกหกกู ที่มึงคุยกับไอ้พี่นั้นกูได้ยินทุกอย่าง”

หลังจากที่ไอติมลุกออกจากโต๊ะไปไม่กี่นาที ควันก็เดินตามออกมาเพราะรู้สึกว่าอยากจะเข้าห้องน้ำเช่นกัน แต่เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว สายตาก็สะดุดกับคนคุ้นเคยซึ่งยืนคุยอยู่กับใครสักคนที่เขามองเห็นไม่ค่อยชัด ควันจึงเดินเข้าไปใกล้ขึ้นอีกจนได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน และเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนคุยกับไอติมคือรุ่นพี่ที่ชื่อกร มันทำให้ควันเริ่มฉุกคิดจากแชทของไอติมที่เขาได้เห็นชื่อ MY DRAGON..มังกร...กร

ไม่ผิดแน่ เมื่อประโยคที่เขาได้ยินคือคำชวนของกรที่บอกให้ไอติมเตรียมตัวไปเที่ยวด้วยกันในวันพรุ่งนี้ ควันได้แต่แค่นยิ้มในความมืดเพียงคนเดียว ยิ้มสมเพชให้กับความโง่เง่าของตัวเองที่คิดว่าตลอดมาไอติมก็มีเพียงเขา เหมือนที่เขาก็ซื่อสัตย์กับคำสัญญาของพวกเขามาโดยตลอด

“แล้วกูจะไปเที่ยวกับพี่กรมันผิดมากงั้นเหรอ”

ไอติมถามเสียงแผ่วเบา เหนื่อยจะต่อกรกับควันในตอนนี้เหลือเกิน ไม่ว่าจะพูดอะไรไปคนตรงหน้าก็ไม่คิดจะฟังกันเลย

“มึงอย่าลืมสิว่าเขาก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว การที่มึงไม่บริสุทธิ์ใจอย่างนี้มันก็ไม่ได้ต่างจากการที่มึงเป็นชู้หรอก”

“ชู้...งั้นเหรอ”

ไอติมก้มหน้าจนชิดอก จู่ ๆ ก็อยากร้องไห้ออกมากับความจริงที่ควันพึ่งตอกย้ำให้เขาได้รู้อีกครั้ง ตลกดีที่คนที่รู้จักกับพี่กรมานาน แต่เป็นได้เพียงแค่ชู้...บางทีมันคงไม่ใช่ชู้หรอก เพราะพี่กรไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย มีแค่เขาที่คิดเลยเถิดไปเพียงคนเดียว

“ร้องไห้ทำไม อยากจะสำออยก็ไปทำต่อหน้ามันสิ ร้องตรงนี้มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรหรอก”

“กูไม่ได้ร้องสักหน่อย” ปากบอกแบบนั้น แต่มือขาวกลับปัดน้ำตาที่ตกจากหางตาอย่างรวดเร็ว ท่าทางเหมือนเด็กโดนจับได้ว่าทำผิดแบบนั้นไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังค่อย ๆ ละลายอารมณ์โมโหของคนตรงหน้าไปได้ในพริบตา

“เฮ้อ...มานี่มา”

จากที่ทำใจแข็งได้นาน สุดท้ายก็ใจอ่อนยวบทันทีที่เห็นคนตัวเล็กทำหน้าจ๋อยหางลู่หูตกอย่างน่าสงสาร ควันจูงมือไอติมมาถึงห้องน้ำ แล้วเปิดก๊อกน้ำล้างหน้าคนที่ยืนนิ่ง ๆ ให้เขาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ ควันมองคนที่ตาแดง สะอึกสะอื้นเงียบ ๆ แล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมา นี่เขาว่ามันแรงเกินไปรึเปล่านะ

“เลิกร้องได้แล้ว”

“ไม่ได้ร้องสักหน่อย”

“เบื่อคนปากแข็งจริง ๆ”

คนปากแข็งยังไงก็ปากแข็งอยู่วันยังค่ำ ควันขี้เกียจเถียงต่อเลยจูงมือให้ไอติมเดินตามออกมาจากห้องน้ำจนถึงห้องครัว เปิดตู้เย็นหาอะไรให้ไอติมได้กินรองท้องเสียบ้าง เพราะก่อนจะไปผับไอติมก็ไม่ได้กินอะไรสักอย่าง โชคดีที่เปิดตู้เย็นไปแล้วเจอขวดนมพาสเจอร์ไรซ์ซึ่งยังไม่หมดอายุตั้งไว้อยู่ ควันจึงเทนมใส่แก้วก่อนยื่นให้คนที่อยู่ตรงหน้า

“กินซะ ไม่มีอะไรตกท้องนอกจากเบียร์เลย เดี๋ยวจะปวดท้องเอา”

“ขอบคุณนะ”

ไอติมรับนมรสจืดมาดื่มตามคำแนะนำของควัน คนตัวเล็กดื่มนมเงียบ ๆ จนหมดแก้ว ก่อนจะวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ พอเงยหน้ามองคนตัวสูงอีกครั้งก็ต้องสะดุ้งเมื่อควันใช้มือปาดรอบริมฝีปากของเขาเบา ๆ ไอติมเผลอถอยหลังอย่างตกใจ สุดท้ายควันก็คว้าเอวไว้ได้ทัน ร่างทั้งร่างของไอติมจึงตกอยู่อ้อมกอดของควันอีกครั้ง

“กอดหน่อยไม่ได้รึไง”

“ถ้าจะหาเรื่องทะเลาะก็ไม่ต้องพูดเถอะ” ไอติมพูดอย่างหน่ายใจ เพราะน้ำเสียงของควันนั้นตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย เขาอุตส่าห์ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ไม่คิดว่าจนถึงตอนนี้ควันก็ยังกัดกันไม่ปล่อยเสียที

“รักกูไม่ได้รึไง ทำไมต้องเป็นไอ้นั้นด้วย”

“...”

“มันมีดีอะไรวะ กูสู้มันไม่ได้ตรงไหน มึงบอกกูมาสิ”

เสียงทุ้มยังคงถามไม่หยุด ไอติมได้แต่นิ่งในอ้อมกอดควันอยู่อย่างนั้น เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องตอบคำถามของควันยังไง พี่กรอยู่ในใจของเขามานานเกินไป...นานจนไอติมไม่รู้ว่าจะมีใครมาแทนที่พี่กรได้รึเปล่า

“พอเถอะควัน กูเหนื่อยแล้ว”

“ตอบคำถามกูมาก่อนสิ ทำไมวะ ทำไมต้องเป็นมัน”

“ถ้างั้นกูขอถามมึงกลับหน่อยว่าทำไมต้องเป็นกู ทั้ง ๆ ที่มึงก็มีผู้หญิงสวย ๆ เยอะแยะ”

“กูจะชอบมึง มันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ”


“คำตอบของกูก็เหมือนมึงนั้นแหละควัน”

ไอติมดันร่างสูงออกห่างจากร่างของตัวเอง แต่สุดท้ายก็ถูกดึงกลับไปในอ้อมกอดอีกครั้ง ริมฝีปากได้รูปฉกฉวยกลีบปากสีชมพูระเรื่ออย่างห้ามใจไม่อยู่ ไอติมที่ไม่ทันตั้งตัวจึงได้แต่เลยตามเลยตามที่ควันนำทาง คนตัวเล็กถูกดันจนติดกับเค้าน์เตอร์ครัว หลับตาลงรับจูบของคนเอาแต่ใจอย่างช่วยไม่ได้...เขาไม่ปฏิเสธหรอกว่าก็รู้สึกดีที่เป็นอย่างนี้ ไอติมรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและควันมันเกินเลยคำว่าเพื่อนไปมากแล้ว ครั้นจะให้กลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเพียงเพราะคำสารภาพความในใจของควันมันก็อดจะรู้สึกใจหายไม่ได้

“กูรักมึง”

เสียงกระซิบข้างหูราวกับจะย้ำเตือนไอติมอยู่ตลอดเวลาทำให้มือขาวดันอกแกร่งออกเบา ๆ แต่นั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ร่างเล็กยังคงอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวสูง ก่อนจะถูกช้อนตัวขึ้นทั้ง ๆ ที่ยังคงโดนมัวเมาด้วยรสจูบอยู่อย่างนั้น

ควันล่อหลอกคนในอ้อมกอดด้วยรสจูบที่เขามั่นใจว่าไอติมก็ชอบมัน ก่อนจะพาไอติมขึ้นไปยังห้องนอนของเขาได้สำเร็จ จากนั้นจึงวางไอติมลงบนเตียงนุ่มที่เขาไม่ได้กลับมานอนที่บ้านตั้งแต่ย้ายออกไปอยู่คอนโดกับหมอก คนตัวเล็กสะดุ้งลืมตาขึ้นเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน แต่ควันก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย ร่างสูงคร่อมกายของเพื่อนสนิทเอาไว้ก่อนจะตะโบมจูบทั่วใบหน้าขาวอีกครั้ง

“คะ...ควัน...พอได้แล้ว”

เสียงนั้นพยายามห้ามควันที่กำลังเริ่มเล้าโลม แต่ควันก็ไม่ละความพยายาม ร่างสูงไม่สนใจเสียงพร้อมใบหน้าตื่น ๆ ของไอติม ก่อนจะสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อ และนั้นทำให้ไอติมเริ่มดิ้นขึ้นมา

“ควัน ไม่เอา กูจะกลับแล้ว”

“รังเกียจกูมากนักรึไง” ควันถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ จนไอติมต้องรีบแก้ความเข้าใจผิดอย่างลนลาน

“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่...”

“แต่อะไร”

“...” ไอติมไม่กล้าบอกเหตุผลที่ควันก็รู้ดีอยู่แล้วว่ามันคืออะไร ใช่ พรุ่งนี้เขาจะไปเที่ยวทะเลกับพี่กร และไอติมต้องหาทางกลับให้ได้ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เขารอคอยมานานมันก็จะเท่ากับศูนย์

“ถ้าตอบไม่ได้ ก็ไม่ต้องตอบ” ควันปิดหนทางนั้นทันทีด้วยการรุกจูบอีกครั้ง ร่างของไอติมถูกกดจนจมลงไปกับเตียง เขาไม่สามารถร้องค้านได้เลยเพราะริมฝีปากยังคงถูกประกบอยู่อย่างนั้น ส่วนร่างกายในตอนนี้นั้นก็ถูกมือใหญ่ดึงกางเกงยีนส์ตัวโปรดไปกองอยู่ที่เข่าเรียบร้อย

“อึก...อื้อ!”

ไอติมเบิกตาโตเมื่อควันจ่อแกนกายมาที่ปากของเขา ไอติมอยากจะปฏิเสธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงต้องอ้าปากรับความใหญ่โตนั้นทั้งลำ ส่วนร่างสูงที่นั่งคร่อมกายเล็กเอาไว้ก็ยกสะโพกขึ้นเป็นจังหวะ ความอุ่นร้อนที่ห่อหุ้มรอบแกนกายนั้นทำให้เขาเริ่มอยู่ไม่สุข มือใหญ่รีบหยิบซองสีเงินข้างหัวเตียงแล้วฉีกมันก่อนจะดึงแกนกายของตัวเองออกจากโพรงปาก น้ำลายใสช่ำวาวไปทั้งแกนกายและมุมปากของไอติม

ควันละสายตาจากภาพตรงหน้าแล้วรีบสวมกระเปาะนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด ก่อนจะหันมาจัดการกับคนที่นอนหอบหายใจตรงหน้าจนไอติมก็เปลือยกายไม่ต่างกัน ควันจึงยกขาขาวทั้งสองข้างขึ้นมาแนบเอว ก่อนจะดันแกนกายจ่อไปที่ช่องทางด้านหลังที่คุ้นเคย

“เสร็จแล้วก็ปล่อยกูกลับได้ใช่มั้ย” ไอติมถามเสียงแผ่วอย่างมีความหวัง

“ได้สิ แล้วกูจะพามึงไปส่งที่คอนโด”

ควันตอบอย่างนั้น ร่างสูงยิ้มละไมให้กับเหยื่อตัวน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบไอติมอีกครั้ง พร้อมกับแกนกายใหญ่โตที่สอดเข้าไปในร่างเล็กได้สำเร็จ

ไอติมตัวแดงเถือกไปทั้งตัว แม้ว่ามันจะไม่เจ็บเหมือนครั้งแรกระหว่างเขาและควัน แต่ทุกครั้งที่ควันเข้ามาอยู่ในร่างกายของเขามันก็ยังรู้สึกไม่ชินอยู่ดี แต่เพียงแค่ไม่นาน ความเจ็บมันก็จางหายและแทนที่ด้วยความรู้สึกอีกแบบแทน

เสียงลมหายใจของคนทั้งสองดังประสานกันอยู่ในความเงียบ ควันที่แช่ตัวอยู่ในร่างเล็กมาได้สักพักก็เริ่มต้นไสกายช้า ๆ พร้อมกับเสียงครางของคนใต้ร่างที่ดังเบา ๆ เมื่อควันเผลอแตะเข้ากับจุดกระสันในร่างกาย ไม่รอช้าควันก็เพิ่มจังหวะรักให้เร็วขึ้นอีกเพราะอยากได้ยินเสียงครางหวาน ๆ ที่เขาชอบมันหนักหนา

“อ๊า...อึก...คะ...ควัน...”

“หืม?”

“ตรงนั้น”

“ชอบเหรอ”

“อ่ะ!”

ควันถามยิ้ม ๆ เพราะเขามั่นใจว่ารู้จักร่างกายไอติมดีกว่าเจ้าตัวเสียอีก ควันรู้ว่าไอติมชอบที่ให้เขาจับโดนจุดกระสันของเจ้าตัว จนร่างเล็กทั้งร่างแดงราวกับลูกตำลึงอย่างนั้น

ไม่ปล่อยให้ไอติมได้พัก ร่างสูงก็เริ่มเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น สะโพกหนาไสเข้าออกตามจังหวะอารมณ์ของพวกเขาทั้งสอง จนในที่สุดเมื่อถึงฝั่งฝันกันทั้งคู่ หยาดน้ำขาวขุ่นของร่างเล็กก็ฉีดออกมาเลอะหน้าท้องขึ้นลอนสวย ส่วนควันก็ปลดปล่อยในกระเปาะอันเดิมก่อนจะถอนแกนกายออกแล้วรูดถุงยางโยนทิ้งลงในถังขยะ

“เสร็จแล้วใช่มั้ย”

เสียงของไอติมถามปนหอบ ดวงตากลมปรือขึ้นมองคนที่สวมกอดเขาไว้ ร่างกายของพวกเขาทั้งสองนั้นยังคงร้อน เหงื่อกาฬซึมผ่านผิวหนัง แต่กระนั้นควันก็ยังคงกอดเขาเอาไว้

“รีบมากเลยเหรอ” ควันถามคนในอ้อมกอดที่พยายามจะหาทางกลับทั้ง ๆ ที่จะดวงตาจะปิดอยู่แล้ว

“อืม” เสียงตอบกลับนั้นทำเอาควันได้แต่กดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเปิดที่ลิ้นชักหัวเตียงแล้วหยิบซองสีเงินอันใหม่ออกมา

“จะทำอะไรอีก” ไอติมถามอย่างระแวงกับท่าทางนั้น ก่อนที่ใบหน้าหล่อจะกดยิ้มเจ้าเล่ห์และกระซิบข้างใบหูขาวช้า ๆ

“ก็จะทำมึงไปจนเช้าไง กูอยากเสร็จตอนไหนเดี๋ยวกูจะพามึงไปส่งเอง อย่าพึ่งหลับก่อนล่ะ”

สิ้นคำนั้นควันก็เปลี่ยนมาคร่อมกายเล็กอีกครั้ง สวมถุงยางได้สำเร็จก็เริ่มบทรักครั้งใหม่ซึ่งไอติมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมเป็นที่รองรับอารมณ์ของควันจนกว่าเจ้าตัวจะพอใจ และหวังว่าควันจะทำตามที่เจ้าตัวสัญญาจริง ๆ

.

.

“แค่นี้ก็หลับแล้วเหรอ”

ควันพึมพำ เมื่อเขาเสร็จไปสามรอบ และกำลังจะเริ่มรอบใหม่อีกครั้งแต่ไอติมกลับแน่นิ่งไปแล้ว ควันจึงไปปล่อยให้ไอติมได้พักผ่อน โดยที่ไม่ลืมที่จะหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างขาวเอาไว้ ก่อนจะเริ่มเก็บกวาดซากต่าง ๆ บนพื้นที่เขาทำรกไว้จนเรียบร้อย ร่างสูงก้มเก็บเอาเสื้อผ้าไอติมที่เขาถอดมันโยนทิ้งไว้ที่พื้นขึ้นมา เห็นว่ากระเป๋ากางเกงมันหนักจึงเปิดดูและพบโทรศัพท์มือถือของไอติมนอนแอ้งแม้งอยู่

ควันเหลือบตามองไอติมที่ยังคงนอนหลับก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วดึงนิ้วมือไอติมมาปลดล็อคโทรศัพท์ ก่อนจะเข้าไปอ่านข้อความในแชทของไอติมเงียบ ๆ

MY DRAGON : พรุ่งนี้พี่จะไปรับที่คอนโดเจ็ดโมงเช้านะ

MY DRAGON : พี่คิดทริปไว้แล้วว่าเราควรจะไปที่ไหนบ้าง ไอติมว่าดีมั้ย *แนบลิ้งค์*

ควันไม่ได้ตอบคำถามนั้นแทนไอติม เขาเลือกที่จะออกมาจากห้องแชทนั้น แล้วเลื่อนดูแชทอื่นซึ่งก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ควันจึงลองกดเข้าไปดูในรูปภาพที่ไอติมถ่ายไว้ เมื่อเข้ามาดูในอัลบั้มรูปภาพ ควันก็เผลอยิ้มออกมาเพียงคนเดียว ในนั้นมีแต่รูปเซลฟี่ของไอติมเต็มไปหมด มีแต่รูปน่ารัก ๆ ทั้งนั้น ควันจึงแอบส่งเข้าไปในโทรศัพท์ของเขาเสียหลายรูป แล้วก็ไล่ดูรูปเก่า ๆ ในโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสะดุดอยู่ที่ภาพเกือบท้ายสุด

มันเป็นภาพของไอติมที่อยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลายกับไอ้พี่กร ซึ่งถ้าให้เดา รูปนี้คงจะถ่ายสมัยที่พี่กรมันอยู่ปี 1 เพราะเขาเห็นว่าพี่กรมันใส่ป้ายชื่อซึ่งปีหนึ่งจะใส่ป้ายชื่อตัวเองเป็นธรรมเนียมทุกปี...ถ้าอย่างนั้น สองคนนี้ก็รู้จักกันมานานแล้วอย่างนั้นเหรอ...

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงสู้มันไม่ได้...

ควันเผลอแค่นยิ้มอย่างเจ็บใจ แพ้ก็เพราะมาทีหลัง มันแฟร์ตรงไหนกัน...ดวงตาคมมองรูปภาพนั้นอีกครั้ง ในรูปนั้นยิ้มของไอติมดูสว่างไสวเสียเหลือเกิน เขาชอบรอยยิ้มของไอติม ยิ้มที่เหมือนมีความสุขจากทั้งตาและปาก เขารักมัน และชั่ววูบนั้นเขาก็อยากจะเป็นเจ้าของรอยยิ้มนั้นเพียงคนเดียว




หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 15 - ทำไมต้องเป็นมัน [04.11.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-11-2018 01:34:56
 :pig4: :pig4: :pig4:

และแล้ว...ควันก็เอาไอติมไปส่งที่คอนโด  แต่เป็นเวลาหลังจากเจ็ดโมงเช้าไปแล้ว  อิอิ
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 16 - ผิดแผน [18.11.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 18-11-2018 12:53:34
บทที่ 16
ผิดแผน


ร่างเล็กบนที่นอนคิงไซส์ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาที่กำลังห่อหุ้มเขาเอาไว้ทั้งตัว ข้างกายของเขานั้นเย็นเฉียบ ไร้วี่แววของคนที่ลากเขามาอยู่ที่นี่ด้วยกันทั้งคืน

อา...นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วนะ

ไอติมดึงผ้าห่มที่คลุมกายเอาไว้ออกจนมันร่นมากองที่เอว ดวงตากลมกระพริบตามองห้องมืดที่มีแสงสลัว ๆ ลอดผ่านออกมาจากผ้าม่าน แอร์ในห้องเปิดอุณหภูมิต่ำเสียจนไอติมต้องลูบแขนตัวเอง แล้วหยีตามองหาโทรศัพท์ของตัวเองเพื่อดูเวลา

“หายไปไหนกัน”

พึมพำเพียงคนเดียวเมื่อหาโทรศัพท์ของตนเองไม่เจอ แล้วลุกเดินออกจากเตียงเพื่อไปเปิดผ้าม่านดู ตอนนี้น่าจะไม่เช้าเท่าไรล่ะมั้ง ถ้าเขาขอให้ควันไปส่งที่คอนโดตอนนี้ก็อาจจะทัน...

คิดได้ดังนั้น ไอติมก็เปิดผ้าม่านเพื่อให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้อง และเมื่อเห็นเต็มตาว่าพระอาทิตย์ด้านนอกอยู่ตรงหัวพอดี ไอติมถึงกับตื่นเต็มตาแล้วรีบมองหานาฬิกาในห้องเพื่อดูว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว แต่ก็ไม่มีนาฬิกาสักเรือน คนตัวเล็กจึงรีบหยิบชุดคลุมอาบน้ำของควันที่วางอยู่ที่เก้าอี้ขึ้นมาสวมลวก ๆ แล้วรีบออกจากห้องนอนของควันเพื่อลงมาชั้นล่าง

“ควัน! อยู่ไหน พากูกลับเดี๋ยวนี้เลยนะ”

ไอติมตะโกนเรียกเพื่อนสนิทเจ้าปัญหา ทั้งบ้านนั้นเงียบกริบเหมือนมีเขาอยู่แค่คนเดียว ไอติมจึงรีบสับเท้าไปที่ผนังซึ่งมีรูปของครอบครัวติดเรียงรายเต็มผนัง และข้าง ๆ กันนั้นมีนาฬิกาบอกเวลาอยู่ เมื่อเห็นเข็มสั้นชี้ที่เลขสิบสองในเวลานี้ ไอติมก็อยากจะร้องไห้ออกมาให้ได้

หมดกัน ทริปในฝันที่จะได้ไปเที่ยวกับพี่กรแค่สองคน

ไอติมหันไปมองรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง ตอนนี้เหมือนว่าจะมีเขาอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว แล้วควันหายไปไหน เสื้อผ้าของเขาและโทรศัพท์ก็หายไปเช่นกัน

คิดได้ดังนั้น ไอติมจึงรีบวิ่งไปที่ห้องนอนของควันอีกครั้ง เดินหาเสื้อผ้าของตัวเองจนหมดทุกมุมห้องแต่หายังไงก็หาไม่เจอ ร่างเล็กเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น แล้ววิ่งลงมาที่ชั้นล่างอีกครั้งและเห็นกระเป๋าของตัวเองวางอยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ก็รีบหยิบมาดู ซึ่งไอติมก็เจอทุกอย่างยกเว้นโทรศัพท์ของตัวเอง

“มันจะหายไปได้ยังไง”

“หาอะไรอยู่”

“เฮ้ย!”

ไอติมถึงกับร้องเสียงหลง เมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงมากระซิบอยู่ข้างหู แต่พอหันไปก็เห็นว่าเป็นควันที่อยู่ในชุดสบาย ๆ กับทรงผมที่ไม่ได้เซ็ตอย่างทุกวันที่เคยเจอมา

ก็แปลกตาดี...

“เลิกตกใจได้ยัง แล้วหาอะไรอยู่” ควันถามอีกครั้ง ดวงตาคมมองไอติมที่มือยังค้างเติ่งอยู่ในกระเป๋าของตัวเองอยู่

“โทรศัพท์...มึงเห็นโทรศัพท์กูรึเปล่า”

“ไม่ได้อยู่กับมึงเหรอ” ควันถามย้อนกลับ ไอติมถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะส่ายหัวช้า ๆ

“ไม่มี หาเท่าไรก็หาไม่เจอ มึงไม่ได้เอาไปซ่อนใช่มั้ย” ไอติมถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ควันเพียงแค่ยักไหล่ก่อนจะดึงแขนคนที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำให้เดินตามไปที่ห้องนอนของตนอีกครั้ง

“เดี๋ยวกูไปถามป้าแก้วให้ โทรศัพท์อาจจะหลงติดไปกับเสื้อผ้ามึงที่กูให้ป้าแกซักให้ มึงไปอาบน้ำรอก่อนไป”

ควันพูดพลางดันหลังไอติมให้เดินเข้าไปในห้องน้ำให้ได้ ไอติมจึงต้องยอมเข้าไปอาบน้ำในที่สุด คล้อยหลังจากที่ไอติมเข้าไปอาบน้ำแล้วควันก็เผลอถอนหายใจออกมาอย่างลืมตัว แล้วรีบเดินไปที่ห้องนอนของหมอกซึ่งเขาล็อกห้องไว้เสียแน่นหนา เมื่อเปิดเข้าไปแล้วก็เห็นโทรศัพท์เครื่องหนึ่งที่วางอยู่กลางเตียงนอน

ควันคว้ามันขึ้นมาดูอีกครั้ง...สิบมิสคอล ข้อความทั้งทางไลน์ ทางแชทเฟสบุ๊ค หรือแม้แต่ข้อความทางอินสตราแกรม...

ล้วนแล้วมาจากคน ๆ เดียว

ควันกดปิดเครื่องแล้วเดินถือมันออกมาจากห้องนอนของหมอก พอเดินกลับไปในห้องนอนของตัวเองก็พบไอติมที่อาบน้ำเสร็จแล้วนั่งอยู่ปลายเตียงในชุดคลุมอาบน้ำตัวเดิม

“อ่ะ กูไปหาให้แล้ว ป้าแก้วเกือบเอาโทรศัพท์มึงไปซักแล้ว” ควันยื่นโทรศัพท์คืนให้ไอติมที่รับไปแล้วกดปลดล็อคโทรศัพท์แต่หน้าจอก็ยังดับอยู่เหมือนเดิม

“แบตน่าจะหมดนะ” ควันบอกไอติมที่มุ่นคิ้วอยู่กับโทรศัพท์ของตัวเอง ไอติมเลยวางโทรศัพท์ไว้ข้างกายก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง

“เดี๋ยวค่อยชาร์จก็ได้ ตอนนี้ขอแต่งตัวก่อน...พอจะมีเสื้อผ้าให้ใส่บ้างมั้ย”

“ดูในตู้สิ”

ควันชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าของตัวเอง แล้วนั่งมองแผ่นหลังที่เล็กกว่าเขาเกือบครึ่งค้นหาเสื้อผ้าที่ตัวเองพอจะใส่ได้ เห็นไอติมพยายามหากางเกงขายาวมาทาบกับตัว กางเกงก็ลากพื้นเสียหมด สุดท้ายก็ได้กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวเก่าของเขาที่มันเล็กพอดีตัวไอติมอย่างเหมาะเจาะ

ส่วนด้านไอติมที่รีบแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย ก็เอาโทรศัพท์ไปชาร์จกับพาวเวอร์แบงค์ของตัวเองก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าโทรศัพท์ตัวเองไม่ได้แบตหมดอย่างที่ควันว่า และพอเห็นว่าข้อความและสายเรียกเข้ามากมายที่ปรากฏสู่สายตา ไอติมก็ต้องตกใจ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าตัวเองพลาดการไปเที่ยวกับพี่กรในครั้งนี้ แต่ไอติมก็พยายามรีบจัดการตัวเองให้เร็วที่สุดแล้วเพื่อที่จะให้ควันไปส่งที่คอนโด

มือขาวรีบกดโทรหากรเพื่อจะขอโทษที่ไม่ได้ไปตามนัด แต่ยังไม่ทันได้โทรออก โทรศัพท์ก็ถูกดึงออกไปจากมือต่อหน้าต่อตา ไอติมเบิกตากว้าง เอื้อมมือจะคว้าโทรศัพท์ตัวเองแต่ควันกลับยกโทรศัพท์ขึ้นเหนือหัวเสียอย่างนั้น

“เอาโทรศัพท์กูคืนมานะควัน”

“จะโทรหามันทำไม นี่ก็บ่ายโมงแล้ว มันคงไม่ไปเที่ยวกับมึงแล้วเหอะ”

“ก็เพราะมึงนั้นแหละ ไหนบอกว่าจะไปส่งกูไง”

“ช่วยไม่ได้ มึงอยากนอนตื่นสายเอง”

“ก็แล้วเพราะใครล่ะ” ไอติมหน้าบึ้ง พยายามเขย่งเท้าเพื่อหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกจากมือควัน แต่พยายามเขย่งเท่าไรก็แตะได้สูงสุดแค่ข้อมือของควันเท่านั้น และเพราะใกล้กันขนาดนี้มันจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่คนเจ้าเล่ห์จะตวัดแขนรวบเอวเล็กเข้ามาแนบกาย

“ควัน กูจริงจังนะ เอาโทรศัพท์คืนมา”

“ไม่คืน ถ้ามึงจะโทรหามัน กูก็จะถือไว้อย่างนี้นี่แหละ”

ยิ่งเห็นสีหน้ายียวนของคนตัวสูงกว่า ไอติมยิ่งรู้สึกอยากข่วนหน้าร้าย ๆ นั้นเสียจริง ฟึดฟัดอยู่ไม่นานสุดท้ายไอติมก็ยอมเออออไปกับข้อตกลงของควัน เพราะเขารู้ดีว่าพยศไปมันก็เปล่าประโยชน์

“ไม่โทรก็ได้ เอาโทรศัพท์ของกูคืนมาเถอะ”

ไอติมแบมือขอโทรศัพท์คืน แต่ควันกลับอมยิ้มแล้วยัดโทรศัพท์ของไอติมใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองเสียอย่างนั้น

“เฮ้ย! ควันมึงอย่าแกล้งกูอย่างนี้สิวะ”

“ไม่ได้แกล้ง แต่กูหิว อยากกินข้าวแล้ว” พูดพลางจูงมือให้ไอติมเดินตามมาที่ห้องอาหารซึ่งมีอาหารไทยไม่กี่อย่างจัดวางเอาไว้อย่างสวยงาม

“กูอยากกลับแล้ว เมื่อไรจะพากูไปส่งที่คอนโด”

“กินข้าวกับกูก่อน เดี๋ยวจะพาไป”

“ไม่ได้โกหกกูนะ” ไอติมถามอย่างไม่แน่ใจ

“แล้วกูจะโกหกมึงทำไมวะ นั่งลงแล้วกินข้าวได้แล้ว”

ควันดึงแขนไอติมให้นั่งลงที่เก้าอี้ สุดท้ายก็ต้องยอมตามใจควันอีกครั้ง และก็ได้แต่หวังว่าครั้งนี้ควันคงไม่หลอกกันอีกแล้ว...ส่วนเรื่องพี่กร...ยังไงตอนนี้เขาก็พลาดทริปที่รอคอยไปแล้ว เอาไว้ไปขอโทษทีหลังก็คงไม่สายหรอก



*




ควันทำตามที่บอกจริง ๆ คราวนี้คนเจ้าเล่ห์ไม่ได้หลอกกันอีก แต่กว่าจะกลับมาถึงที่คอนโดก็ปาไปเกือบสี่โมงเย็นแล้ว เมื่อรถคันหรูขับมาจอดที่ลานจอดรถของคอนโด ไอติมก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เปิดประตูลงจากรถด้วยความคิดที่ว่ารอดพ้นจากควันได้เสียที แต่สุดท้ายไอติมก็ต้องผิดหวังกับความคิดของตัวเอง

“จะตามมาทำไม”

ไอติมหันกลับไปถามคนที่กดรีโมตล็อกรถ แล้วเดินตามเขาเข้ามาถึงในคอนโดเงียบ ๆ

“รังเกียจนักรึไง” ควันถามย้อนกลับด้วยน้ำเสียงยียวนยิ่งกว่าเก่า ไอติมที่ทำอะไรไม่ได้จึงหันหน้ากลับแล้วเดินไปตามทางเดินโดยไม่มีบทสนทนาระหว่างกันอีก

เมื่อเข้ามาถึงห้องของไอติมแล้ว เจ้าของห้องก็ทำราวกับอีกคนไม่มีตัวตน ร่างเล็กโยนกระเป๋าของตัวเองทิ้งไว้ที่โซฟาเสร็จก็พาร่างพัง ๆ ของตัวเองเข้าห้องนอน กดล็อคห้องอย่างรวดเร็วจนควันตามไปไม่ทัน แล้วล้มตัวลงนอนเงียบ ๆ ไม่สนใจเสียงเคาะประตูห้องนอนจากคนที่กำลังเรียกร้องความสนใจอยู่ในตอนนี้

“ไอติม...มึงง่วงแล้วเหรอวะ พึ่งตื่นเองไม่ใช่เหรอ”

“...”

“งั้นกูจะไม่กวน มึงนอนพักไปเถอะ ตื่นมาแล้วเดี๋ยวจะพาไปกินอะไรอร่อย ๆ”

“...”

“กูไม่กวนแล้ว ฝันดีแล้วกัน”

เสียงนั้นเงียบไปแล้ว ไอติมได้แต่ถอนหายใจแล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้น กดพิมพ์ข้อความลงไปในนั้นเสร็จก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความคิดที่กำลังตกตะกอนช้า ๆ เพียงคนเดียว...

I-TIM
: ผมขอโทษนะครับพี่กร ที่ผิดนัดในวันนี้ ขอโทษจริง ๆ ครับ

เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนหัวค่ำ ทั้งห้องนั้นมืดสนิทไอติมจึงเปิดไฟหัวเตียงแล้วขยี้ตาสามที เดินเตาะแตะออกจากห้องนอนของตัวเองอย่างเคยชิน เมื่อออกมาก็พบว่าทั้งห้องนั้นเงียบสนิท แต่ตรงโต๊ะทานข้าวนั้นกลับปรากฏร่างของเพื่อนสนิทที่เขายังโกรธมันไม่หาย ฟุบตัวนอนอยู่บนชีทเรียนที่กำลังจะสอบในอาทิตย์หน้า

พอนอนหลับอย่างนี้ก็ดูไม่มีพิษภัยหรอก อย่าให้ตื่นขึ้นมาก็แล้วกัน เหนื่อยจะรับมือ...

ไอติมได้แต่คิด กำลังจะเดินไปเปิดน้ำมาดื่ม แต่แล้วข้อมือของเขาก็ถูกจับไว้ได้เสียก่อน ดวงตากลมมองคนที่ลืมตาขึ้นมา รับรู้ได้ถึงแรกกระตุกข้อมือเบา ๆ ไอติมจึงยอมนั่งลงด้านข้างคนเอาแต่ใจตัวเอง

“ตื่นแล้วเหรอ”

“อืม”

“หิวข้าวยัง”

“นิดหน่อย”

“งั้นเราไปหาอะไรกินกันดีมั้ย”

ควันเอ่ยปากชวน ทำท่าจะลุกแต่ไอติมก็ดึงมือเอาไว้เสียก่อน ร่างสูงจึงยอมนั่งที่เดิม ดวงตาคมมองใบหน้าที่มีความกังวลเล็ก ๆ ฉายฉัดอยู่ในนั้น ควันจึงยอมปล่อยมือให้ไอติมได้เป็นอิสระ

“มึงอยากจะพูดอะไรกับกูงั้นเหรอ”

“...”

ไม่มีเสียงตอบกลับ แต่ใบหน้านั้นพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตากลมหลุบลง ควันจึงเอ่ยปากอีกครั้ง

“งั้นก็ว่ามาสิ กูรอฟังอยู่”

“กูอยากให้เราคุยกันดี ๆ กูไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย กูอึดอัดว่ะ” ไอติมพูดเสียงเบา เขานอนคิดว่าตลอดเวลาที่อยู่ในห้องนอน ในเมื่อทุกอย่างมันเริ่มบิดเบี้ยวไปจากกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เขากับควันก็ควรจะหาทางออกให้กับความสัมพันธ์ในครั้งนี้เสียที

“อึดอัดตรงไหน มึงอึดอัดที่อยู่กับกูงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่...ไม่ใช่อย่างนั้น”

“แล้ว...”

“ถ้ามึงบอกว่าชอบกูจริง Friend with benefit มันต้องจบลง”

ไอติมรีบบอกในสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ให้ควันได้รับรู้ เกิดความเงียบขึ้นรอบตัวพวกเขาอีกครั้ง ต่างคนต่างไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมาอีก เนิ่นนานจนไอติมแทบจะหายใจไม่ออก เสียงทุ้มจึงเปล่งออกมาในที่สุด

“มึงรังเกียจกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“ไม่ใช่...”

“กูมันดูน่าสมเพชมากมั้ยวะไอติม เรียกร้องความสนใจกับมึงอย่างนี้ มึงยังไม่สนใจ เอาแต่จะขอยกเลิกกฎของเราอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ หรือว่ากูควรจะตัดใจจากมึงเหรอวะ”

“...”

“ขอโทษนะที่กูไม่ใช่พระรองในนิยายที่จะต้องหลบทางให้กับพระเอกของมึง”

เสียงทุ้มนั้นหนักแน่นและจริงจังจนไอติมสัมผัสได้ ชั่วแวบนึง หัวใจดวงน้อยกลับรู้สึกอุ่นวาบอย่างน่าประหลาด ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้เขาจะมีความสำคัญต่อใครบางคนมากขนาดนี้ ความรู้สึกของควันที่ไอติมสัมผัสได้นั้นมันทำให้ใจของเขาเริ่มเขว...

“ทำไมต้องเป็นกูวะควัน ทั้ง ๆ ที่คนอื่นดีกว่ากูตั้งเยอะ”

ไอติมถามอย่างไม่เข้าใจ เขาถามตัวเองตั้งแต่ได้รู้ความจริงว่าควันรู้สึกยังไงกับตัวเอง ไอติมก็ยังหาคำตอบนั้นไม่ได้ว่าเขามีดีอะไร...เขามันก็แค่คนใจโลเลคนหนึ่ง...แค่คนที่เอาคนดี ๆ ตรงหน้าไปเป็นตัวแทนของใครอีกคนหนึ่ง...

“กูก็หาคำตอบให้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นมึง ทั้ง ๆ ที่มีผู้หญิงเข้ามาคุยกับกูมากมาย แต่หลังจากที่เราเลือกที่จะอยู่ในความสัมพันธ์นั้น กูก็หยุดทุกอย่าง กูไม่เคยรู้สึกอยากดูแลใครเพราะทั้งชีวิตนี้กูมีทั้งพ่อ แม่ ไอ้หมอกที่มันดูแลกู...แต่มึงเป็นคนแรกที่กูรู้สึกอย่างนั้น...เวลาที่มึงร้องไห้ เวลาที่มึงรู้สึกเหนื่อย เวลาที่มึงท้อ กูรู้สึกอยากดูแลมึง อยากทำให้มึงยิ้ม ทำให้มึงหัวเราะ...”

“...”

“...เพราะเวลาที่มึงยิ้มมึงน่ารักที่สุดเลย รู้ป่ะ”


คำตอบของควันทำเอาไอติมอึ้งจนไปต่อไม่ถูก จู่ ๆ ก็รู้สึกขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อนึกไปถึงยามที่ท้อในช่วงประกวดเพราะเรียนไม่ทันเพื่อน ควันก็จะคอยติวหนังสือให้เขาดึกดื่นจนเข้าใจ ยามที่เหนื่อยจากการซ้อมของกองประกวด ควันที่คอยมารับก็จะพาเขาไปหากินอะไรอร่อย ๆ เสมอจนไอติมรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลดทิ้ง หรือแม้แต่ยามที่ร้องไห้เพราะพี่กร ควันก็คอยปลอบ คอยนั่งอยู่เป็นเพื่อนเขาแม้ว่าจะไม่รู้เลยว่าไอติมกำลังเสียใจเรื่องอะไร

ไอติมพึ่งได้รู้ในตอนนี้ว่าคนที่เขาควรใส่ใจที่สุดคือคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า...

“อึ้งเลยล่ะสิ ตื้นตันจนพูดไม่ออกเลยงั้นเหรอ”

ควันถามยิ้ม ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นกุมแก้มนิ่ม แล้วใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาใสที่ไหลออกจากหางตาของคนตัวเล็กช้า ๆ พร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นที่ยังคงติดตรึงอยู่ตรงหน้า

“ทำไมต้องทำดีกับกูขนาดนี้วะ...กูมันไม่มีค่าพอให้มึงแคร์ขนาดนั้นเลย” ไอติมพึมพำเสียงแผ่ว แต่ควันกลับได้ยินมันชัดเจน ถึงแม้ว่าควันจะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ไอติมสื่อมันหมายถึงอะไร แต่เขาก็ยังยิ้มให้กับไอติมเช่นเดิม

“มึงรู้ได้ไงว่าตัวมึงไม่มีค่า อย่าประเมินตัวเองแบบนั้นสิ”

“ควัน...มึง...”

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ถ้ามึงซึ้งใจกูมาก มึงก็ให้กูจีบดิ อยากได้มาเป็นแฟนว่ะ”

นี่แหละ จังหวะนี้แหละ ขอกันโต้ง ๆ อย่างนี้เลย ควันไม่เห็นว่าโอกาสไหนจะดีกว่าตอนนี้แล้ว ยิ่งเห็นแววตาสั่นไหวเหมือนกับว่ากำลังใช้ความคิดนั้นแล้วควันจึงยอมอยู่นิ่ง ๆ แม้ว่าอยากจะจับไอ้เจ้าตัวดีมาจูบแรง ๆ สักที แต่ก็ต้องอดใจไว้ เย็นไว้เจ้าควัน! ช้า ๆ ได้พล้าเล่มงาม มึงต้องอดใจไว้!

“มึงพูดไรออกมาวะ เราเป็นเพื่อนกันนะ”

“คนเป็นแฟน เขาก็เริ่มจากการเป็นเพื่อนทั้งนั้นแหละ ความจริงเราก็ข้ามขั้นไปนานแล้วนี่...โอ๊ย!”

พอพูดอย่างนี้ ฝ่ามือขาว ๆ ก็ฟาดลงที่ท่อนแขนหนาโดยอัตโนมัติทันที ดวงตากลมนั้นเบิกกว้างกว่าปกติเล็กน้อย ไม่คิดว่าควันจะพูดถึงเรื่องอย่างว่าได้หน้าตาเฉยแบบนี้ คนเราเขินเป็นนะเว้ย

“เขินเหรอ หน้าแดงหมดแล้วว่ะฮ่าฮ่า เวลามึงเขินก็น่ารักไปอีกแบบนะ แบบนี้กูก็ชอบ”

“หยุดพูดเลยนะควัน” ยิ่งพูดแบบนี้ ไอ้หน้ามันยิ่งจะแดงขึ้นเรื่อย ๆ ให้ตายเถอะ แล้วทำไมเขาต้องเผลอใจเต้นแรงเพราะยิ้มกว้าง ๆ ของควันด้วย แปลกมาก แปลกที่สุด ไอ้หัวใจเอ้ย ทำไมถึงได้เต้นแรงแบบนี้นะ

“ไม่หยุด กูชอบที่มึงเป็นแบบนี้ ดูดิ หน้าก็แดง หูก็แดง”

“ถ้าไม่หยุดไม่ต้องมาจีบกูเลย”

“อะไรนะ!”

ควันที่กำลังจะแกล้งต่อถึงกลับเบรกแทบไม่ทัน เมื่อกี้นี้เขาหูฝาดรึเปล่า ไอติมบอกว่าถ้าไม่หยุดแกล้งจะไม่ให้จีบ

“งั้นถ้าหยุดแกล้งแล้วจะจีบได้งั้นเหรอ”

“อะ...เออ...นั้นแหละ จะหยุดแกล้งได้ยัง”

ไอติมก็ตะกุกตะกักไม่น้อย เมื่อกี้เผลอพูดอะไรออกไป จะให้แก้ตัวก็ไม่ทันแล้ว ไหน ๆ ก็มาถึงจุดนี้แล้วถ้าเขาลองปล่อยตัวปล่อยใจดูบ้างสักครั้ง เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง บางทีมันอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้

“ถ้ากูหยุดแกล้ง มึงจะให้กูจีบใช่มั้ย”

“เออ ถามย้ำจัง ไม่เข้าใจรึไง”

“ก็อยากจะถามย้ำ เผื่อเมื่อกี้กูหูฝาดไง”

ตอนนี้ควันคิดว่าเขาคงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ไม่แกล้งก็ได้ว่ะ นี่ขนาดเลิกแกล้งแล้ว หน้าขาว ๆ นั้นก็ยังแดงไม่หยุด คนอะไรวะ น่ารักเป็นบ้า

“สรุปว่าตอนนี้มึงกับกูไม่ได้เป็น Friend with benefit กันแล้ว”

“เราเป็นแค่เพื่อนกัน และหลังจากนี้กูจะจีบมึงมาเป็นแฟน”

“ย้ำจังวะ ถ้าแน่จริงก็จีบให้ติดแล้วกัน”

ไอติมอดจะหมั่นไส้คนที่ยังยิ้มไม่หุบไม่ได้ แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น เขาก็รู้สึกใจฟูขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีค่ามากขนาดนี้ ไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกอย่างไรเพราะเอาแค่ตัวเองเป็นที่ตั้งมาโดยเสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ไอติมดึงตัวเองออกมาจากวังวนของพี่กรที่ไอติมเอาแต่จมอยู่ในนั้นมานานนับสองปี

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนนี้มันผิดแผนไปหมด เขาที่รอคอยไปเที่ยวพร้อมพี่กร สุดท้ายก็ไม่ได้ไป คิดว่าจะเลิกไอ้ความสัมพันธ์บ้า ๆ ระหว่าเขาและควัน สุดท้ายก็กลายเป็นว่าเปิดโอกาสให้ควันจีบแทน...ไอติมไม่รู้หรอกว่าหนทางข้างหน้ามันจะเป็นอย่างไร ก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่ตัดสินใจไปในวันนี้นั้นจะไม่ทำให้เขาเสียใจในภายหลังก็พอแล้ว



-------------------

คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ
ขอบคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 16 - ผิดแผน [18.11.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-11-2018 23:46:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

เข้าที่เข้าทางสักทีนะ
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 16 - ผิดแผน [18.11.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: FanclubPong ที่ 19-11-2018 07:47:31
ยอมรับและเปิดใจให้ควันเถอะ คนที่เห็นคุณค่าของเรา
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 16 - ผิดแผน [18.11.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 19-11-2018 10:09:50
เป็นแฟนกันเถอะน่านะ นะ นะ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 16 - ผิดแผน [18.11.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-11-2018 12:23:16
เดินหน้าจีบให้เต็มที่ !!!
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 16 - ผิดแผน [18.11.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 19-11-2018 19:31:09
รีบจีบไอติมให้ติดนะควัน
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 16 - ผิดแผน [18.11.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-11-2018 11:30:58
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 16 - ผิดแผน [18.11.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 12-12-2018 16:27:59
 :110011: :z7:
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 17 - เดทแรก [17.12.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 17-12-2018 23:04:35
บทที่ 17
เดทแรก


ไม่ว่าเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่ไอติมก็ยังไม่ชินเสียทีกับวิธีการจีบของควัน...

เริ่มต้นจากการมารับที่คอนโดตั้งแต่เช้า...เช้าชนิดที่ว่าไอติมยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ แต่ไอ้คนที่ตั้งหน้าตั้งตาจีบก็มากดกริ่งก่อกวนเขาจนไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกเลย พออาบน้ำเสร็จแล้วแต่งตัวออกมาจากห้องนอนก็จะเจอถ้วยโจ๊กและปาท่องโก๋รอเขาอยู่แล้ว ข้าง ๆ กันนั้นเป็นแก้วโอวัลตินร้อนพร้อมกับไอ้คนที่ยิ้มหน้าแป้นแล้นข้าง ๆ หลังจากทานมื้อเช้าด้วยกันเสร็จ เขาและควันถึงจะไปเรียนด้วยกันอย่างนี้ทุกวัน

พอมาถึงที่คณะ ก็เดินเข้าไปประจำที่นั่งของตัวเองเหมือนอย่างเคย ไม่มีใครสังเกตความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาทั้งสอง เพราะทุกคนต่างเคยชินกับภาพของเพื่อนสนิทต่างไซส์คู่นี้อยู่แล้ว

“สวัสดีตอนเช้าค่ะนักศึกษา มาต่อกันที่สไลด์ล่าสุดที่เมื่อวานอาจารย์ค้างไว้เลยแล้วกัน...”

“วินทร์กับพีชไม่มาเหรอ” ไอติมหันไปถามควันที่เริ่มเปิดสไลด์ในไอแพดของตัวเอง ควันจึงหันไปมองรอบกายตนก่อนจะหันมาส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เห็นพวกมันบอกเลยว่าจะโดดกัน”

“งั้นเดี๋ยวลองทักไลน์ดู” ไอติมพึมพำแล้วรีบถามในแชทกลุ่มของพวกเขาทั้งสี่คน โชคดีที่พวกเขานั่งอยู่บนสโลปชั้นบนสุด แถมอาจารย์ก็ยังมองแต่สไลด์ในจอ เลยไม่ต้องกลัวอาจารย์จะดุที่เล่นโทรศัพท์ในห้องเรียนอย่างนี้

I-tim : @win @Peach. หายไปไหนกัน ทำไมไม่มาเรียน

ทันทีที่ส่งข้อความไป ข้อความก็ถูกอ่านโดยทันที แต่ก็ยังไม่มีการตอบกลับ ไอติมนั่งรออยู่เกือบนาที ข้อความจากเพื่อนทั้งสองคนถึงส่งเข้ามา

Peach. : กูลืมบอกว่าจะไปรับเฮียกูที่สนามบินอ่ะ แกพึ่งกลับมาจากอเมริกา ฝากเช็คชื่อหน่อยแล้วกัน

I-tim : โอเค เดี๋ยวเซ็นชื่อให้

Peach. : แต้งค์ครับเพื่อนร๊ากกกกกกกกกก

win : เช็คชื่อให้กูด้วย พึ่งนอนตอนตี 5 ไม่มีแรงจะไปเรียนล่ะ

I-tim : เค

“พวกมันไม่มา เดี๋ยวเซ็นชื่อให้พวกมันด้วย”

“อืม งั้นเราก็เรียนกันเถอะ”

.

.

“ก่อนเลิกคลาสวันนี้ อาจารย์จะให้นักศึกษาไปศึกษาหัวข้อนี้มา เรื่องนี้อาจารย์จะไม่สอน แต่ให้ไปทำรายงานค้นคว้ามา จับคู่กับแล้วทำสไลด์นำเสนอให้เพื่อน ๆ ได้เรียนรู้ไปด้วยกัน ถ้ามีอะไรสงสัยมาถามอาจารย์เพิ่มเติมได้ วันนี้พอแค่นี้ค่ะ”

อาจารย์ปิดสไลด์ลงแล้ว นักศึกษาหลายคนก็รีบเก็บของแล้วลุกออกจากห้องเรียนเพราะมีเรียนวิชาเสรีต่อ บางกลุ่มก็วิ่งไปถามรายละเอียดของงานที่อาจารย์สั่ง และบางคนก็ยังคงมองหาเพื่อนจับคู่กันทำรายงานอยู่

“เอาไงดีเรา จับคู่กันเหมือนเดิมเหรอ” ควันถามไอติมที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าอย่างไม่รีบร้อน

“ไปคุยกับสองคนนั้นก่อนดีมั้ย กูว่าพวกมันอาจจะงงก็ได้เพราะมันไม่ได้เรียนคาบนี้”

“ก็จริง...แต่ปล่อยมันไปก่อนเถอะ วันนี้เราไปเที่ยวกันดีมั้ย”

“เที่ยวที่ไหน” ไอติมขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้นยืนตามควันที่ดึงมือเขาไปกุมไว้แล้วลากออกมาจากห้องเรียนด้วยกัน เมื่อมาถึงลานจอดรถแล้วควันถึงปล่อยมือไอติมให้เป็นอิสระ

“อยากไปเที่ยวที่ไหนล่ะ กูพามึงไปได้ทุกที่เลย วันนี้เราว่างแล้วนี่”

“ไม่อ่ะ กูอยากนอน” ไม่พูดเปล่า ยังหาวโชว์ให้ควันต้องหลุดยิ้มด้วย ก็เพราะอ่านหนังสือจนดึกดื่น นอกจากจะนอนไม่พอแล้ว ไอ้รอยคล้ำใต้ตายังฉายชัดขึ้นมาจนไอติมจะได้นับญาติกับหมีแพนด้าแล้ว

“งั้นกูมีสถานที่หนึ่งที่อยากพามึงไป มั่นใจว่ามึงจะต้องนอนหลับฝันดีแน่”

“ที่ไหนวะ”

“เดี๋ยวไปถึงก็รู้”


*


ไอติมเงยหน้ามองป้ายชื่ออาคารที่เด่นหราอยู่ตรงหน้า ได้คำตอบแล้วหลังจากที่ควันปล่อยให้สงสัยแล้วเดินตามควันขึ้นรถไฟฟ้ามาอย่างงง ๆ ดวงตากลมหันไปมองรถทัวร์ที่ปล่อยนักเรียนตัวเล็ก ๆ วิ่งลงมาจากรถเพื่อเข้าไปในอาคาร ก่อนจะหันมาถามควันอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“จะพากูมานอนที่ท้องฟ้าจำลองงั้นเหรอ”

“อืม แอร์เย็นจะตาย มึงหลับสบายแน่” ได้คำตอบพร้อมรอยยิ้ม แถมยังยักคิ้วให้อีกหนึ่งทีด้วย

“ไม่รู้ว่าจะได้นอนมั้ย แต่ได้มาแล้วก็ขอย้อนวัยหน่อยแล้วกัน”

ไอติมเดินนำหน้าไปก่อน แต่เพียงไม่กี่ก้าว คนตัวสูงก็เดินมาข้างกันก่อนจะดึงมือขาวไปกุมเอาไว้แล้วเดินไปพร้อมกัน ไอติมเหลือบมองฝ่ามือใหญ่ที่กุมมือเขาไว้ในตอนนี้แล้วรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้ง ๆ ที่การกระทำอย่างนี้เขาได้รับจากควันจนคิดว่าเคยชินแล้ว แต่แปลก...ที่หัวใจกลับเต้นแรงกว่าที่ควรจะเป็น

หรือบางที...นี่อาจจะเรียกว่าเดทแรกระหว่างพวกเขาอย่างนั้นเหรอ?

“เอาตั๋วผู้ใหญ่สองใบครับ”

“รอบการแสดงไหนดีคะ”

“รอบบ่ายสามครับ”

หลังจากซื้อบัตรเข้าชมท้องฟ้าจำลองแล้ว ควันยังซื้อบัตรเข้าชมนิทรรศการมาเพื่อเดินเล่นระหว่างรอรอบการแสดงอีกด้วย ไอติมที่ง่วงงุนเพราะนอนไม่พอกลับตื่นตาตื่นใจที่ได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง คนตัวเล็กเดินนำหน้าควันไปอ่านป้ายนิทรรศการ แล้วมองเด็กประถมที่กำลังเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน

รอยยิ้มหวาน ๆ เริ่มปรากฏบนใบหน้า ไอติมยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพเหล่านั้นเอาไว้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเขานั้นก็ถูกใครบางคนยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพเหล่านั้นเก็บไว้เช่นกัน

“ไอติม”

“หืม?”

แชะ!

ควันอมยิ้มเพียงเล็กน้อย เมื่อได้ภาพเผลอ ๆ นั้นมาเก็บไว้ แล้วยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว

“แอบถ่ายภาพกูเหรอ”

“อืม”

“เห้ย เอามาดูหน่อยดิ หน้ากูตอนเผลอหน้าเกลียดรึเปล่า ถ้าจะถ่ายก็บอกดี ๆ ก็ได้นะ”

“ไม่บอกหรอก กูชอบถ่ายตอนมึงเผลอ...น่ารักดี : )”

หลังจากเดินชมนิทรรศการอยู่ได้พักใหญ่ ก็ถึงเวลาเข้าชมการแสดงแล้ว ควันพาไอติมไปนั่งเบาะหลังสุด ซึ่งมีแค่พวกเขาสองคน รอบการแสดงนี้คนไม่เยอะเท่าไร ได้ความเป็นส่วนตัวราวกับว่าพวกเขาเหมารอบการแสดงนี้เป็นแค่ของตัวเองเท่านั้น

“คิดถึงตอนเด็ก ๆ เนอะ”

“...”

“ไม่คิดเลยว่าจะมีใครพามานั่งดูดาวแบบนี้อีก”

ไอติมพึมพำในขณะที่มองการแสดงท้องฟ้าจำลองจากระบบดิจิตัล หลายปีก่อนในตอนที่เขายังเด็ก พ่อแม่ก็พาเขากับพี่ไอซ์มาเที่ยวท้องฟ้าจำลองอย่างนี้ เด็กชายไอติมในตอนนั้นตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่าง ในตอนนั้นที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เขาคิดว่าเขามีความสุขมากกว่านี้ เมื่อโตขึ้นมา ต่างคนต่างยุ่งกับงานของตัวเอง ถ้าจะให้เขาร้องไห้งอแงเหมือนเด็กเพื่อให้พ่อแม่สนใจเขาบ้างก็คงทำไม่ได้ ไอติมจึงต้องพยายามมีความสุขกับทุก ๆ วันด้วยตัวเอง แม้ว่าการใช้ชีวิตเพียงคนเดียวในโลกใบใหญ่อย่างนี้จะไม่สนุกเอาเสียเลย แต่เขาก็ต้องหัดที่จะเรียนรู้และอยู่กับมันให้ได้

“คิดอะไรอยู่”

เสียงทุ้มกระซิบถาม ฝ่ามือบางถูกดึงเข้าไปกุมอีกครั้ง และคราวนี้มันถูกบีบเบา ๆ ราวกับว่ากำลังปลอบประโลมกันอยู่

“เปล่า”

“กูอยู่ตรงนี้”

“...”

“อยู่ข้าง ๆ มึง”

“...”

“ให้กูเป็นความสบายใจของมึงได้มั้ย”

ไอติมหันไปมองหน้าคนที่นั่งข้าง ๆ แม้ว่ารอบกายจะมืดมิด แต่กระนั้นเขากลับเห็นแววตาของควันได้อย่างชัดเจน มันทั้งหนักแน่น และมั่นคง...

อย่างน้อยในโลกที่เงียบเหงาของเขา ก็ยังมีใครบางคนที่เข้ามาแต่งแต้มสีสันให้กับชีวิตของเขาได้สดใสกว่าที่เคยเป็นอยู่

“ขอเวลากูหน่อยนะควัน”

“...”

“แล้วสักวันกูจะให้มึงเป็นทุกอย่างสำหรับกูเลย”

*

หลังจากดูการแสดงท้องฟ้าจำลองเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็เดินออกมารอขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อกลับไปยังจุดมุ่งหมายเดิม

“หายง่วงรึยัง”

“หืม”

ไอติมเอียงคอมองควันที่ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ใบหน้าหล่อเพียงแค่อมยิ้ม อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นหยิกแก้มนิ่มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะอากาศร้อนตรงหน้า

“โอ๊ย หยิกแก้มกูทำไมเนี่ย”

“หมั่นเขี้ยว”

“ตลกล่ะ”

“แล้วสรุปว่าหายง่วงยัง เมื่อกี้เห็นนั่งดูดาวตาแป๋วเลย อยากไปเที่ยวไหนต่อมั้ย”

ควันนึกไปถึงตอนที่ชวนไอติมไปเที่ยวแล้วเจ้าตัวอิดออดอยากกลับไปนอน แต่พอพามาถึงท้องฟ้าจำลองกลับตื่นเต้นราวกับเด็ก ๆ ยิ่งตอนที่ไอติมตั้งใจดูการแสดงนั้น เขาไม่สามารถละสายตาไปจากคนที่นั่งข้าง ๆ ได้เลย เพียงแค่คิดว่าเมื่อการแสดงจบแล้วทริปของเราในวันนี้ก็จบลงไปด้วย ควันรู้สึกว่ามันไม่คุ้มเอาเสียเลย ควันจึงอยากพาไอติมไปเที่ยวต่ออีกสักนิด

“เที่ยวไหนอ่ะ สยามเหรอ” ไอติมก็คิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน ที่เที่ยวในกรุงเทพมันจะมีสักกี่ทีกัน

“ถ้างั้นก็ไปสยามกัน แล้วหลังจากนั้นเราก็ไปเดินเล่นที่หอศิลป์ดีมั้ย”

“วันนี้จะเอาให้ครบทั้งวิทยาศาสตร์ ทั้งศิลปะเลยสินะ” ไอติมเอ่ยขึ้น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธความคิดของเขา สุดท้ายก็ซื้อตั๋วรถไฟฟ้าไปสยามด้วยกัน ใช้เวลาไม่นาน นักศึกษาคณะแพทย์ทั้งสองคนก็มาถึงจุดหมาย

หลังจากออกจากรถไฟฟ้าที่อัดกันเป็นปลากระป๋อง ไอติมก็รีบเดินตามร่างสูงตรงหน้าที่ก้าวฉับ ๆ รีบหนีจากฝูงคนที่ทยอยออกมาจากรถไฟฟ้า แต่เพราะขาสั้นกว่าเป็นคืบ ไอติมจึงต้องพยายามวิ่งตามให้ทัน แต่กลุ่มชาวต่างชาติที่เดินผ่านหน้าเขาไปแล้วขวางเขาเอาไว้ก็ทำให้ไอติมเสียจังหวะในการเดิน คนตัวเล็กมองหาควันที่เดินนำไปก่อนแล้ว จนเดินออกมาจากสถานีก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคนตัวสูง ไอติมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาควัน แต่ยังไม่ทันได้โทรออก ข้อมือก็ถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน

“หาตั้งนาน กูตกใจแทบแย่ตอนที่หลงกับมึง”

เสียงตื่น ๆ ของควันพร้อมกับเหงื่อที่เกาะรอบกรอบหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าอีกคนก็ร้อนใจไม่แพ้กันที่พลัดหลงกันแบบนี้ ไอติมโล่งใจที่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่ได้พลัดหลงกันนาน ดวงตากลมเหลือบมองมือที่ถูกกุมเอาไว้แล้วเดินไปพร้อม ๆ กันกับเขา ไอติมจึงบีบมือควันเบา ๆ เพื่อเป็นการขอบคุณ

“ขอบคุณนะ”

“ขอบคุณทำไม มันเป็นหน้าที่กูอยู่แล้วที่ต้องดูแลมึง”

“แต่ก็ขอบคุณ”

“ถ้าซึ้งใจมากก็มาเป็นแฟนกูเลยดีกว่า”

“จีบให้ติดก่อนแล้วค่อยว่ากันนะ”

“นี่ยังไม่ติดอีกเหรอ”

“ยังเว้ย”

“ใจแข็งจังวะ แบบนี้แหละกูชอบ”

“เลอะเทอะจริง”

ไอติมส่ายหัวให้กับคนที่เดินอยู่เคียงข้าง บทสนทนาไร้สาระที่ควันขยันหยอดเขาทุกวันนั้นไอติมได้ยินมันจนเริ่มชินเสียแล้ว แต่ที่ไม่ชินเสียทีก็ไอ้อาการหัวใจเต้นแรงผิดปกตินี่แหละ ไอติมรู้ว่ามันอันตรายแต่ก็ยังยอมปล่อยให้มันเต้นแรงอยู่อย่างนั้น

“เลอะเทอะแล้วชอบมั้ยล่ะ”

“...”

“มึงชอบมั้ยกูก็ไม่รู้ แต่ที่รู้อ่ะ...คือกูชอบมึง

หัวใจคนเราจะเข้มแข็งได้มากสักเท่าไรไอติมไม่รู้...

แต่ที่รู้ตอนนี้คือหัวใจไอติมมันจะระเบิดอยู่แล้วว้อยยยยยยยยยย



.

.


สยามสแควร์...ย่านการค้าที่มักมีเหล่านิสิต นักศึกษา และวัยรุ่นเดินเที่ยวกันอยู่หนาแน่น...ควันและไอติมก็เป็นหนึ่งในหลายพันคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ดวงตากลมใสมองไปทั่วบริเวณ เดินเข้าเดินออกร้านรวงต่าง ๆ โดยมีร่างสูงเดินตามไม่ห่าง

“ควัน...กูอยากได้เสื้อยืดตัวนั้นอ่ะ”

“ก็ลองเข้าไปดูสิ”

“อย่าพึ่งเบื่อกูก่อนล่ะ นาน ๆ จะได้มาเที่ยวแบบนี้ ขอเที่ยวหน่อยแล้วกัน”

“ตามใจเลยครับ”

พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มไม่พอ ทำไมต้องเอาฝ่ามือใหญ่ ๆ มาขยี้ผมด้วยก็ไม่รู้ ไม่รู้เลยรึไงว่าทำแบบนี้มันไม่ดีต่อหัวใจกันเลยสักนิด

“เหนื่อยยัง กินสตาร์บัคป่ะ”

“เอาดิ มึงอยากกินไรล่ะควัน”

“คาปูมั้ง มึงล่ะ ชาเขียวปั่นเหมือนเดิม?”

“อืม รู้ใจกูจริง ๆ เลยแหะ”

“ถ้าเป็นเรื่องของมึง ไม่มีอะไรที่กูจำไม่ได้หรอก”

อ่า...โดนไปอีกหนึ่งดอกเน้น ๆ

หลังจากใช้เวลาอยู่ในศูนย์การค้านานเกือบสองชั่วโมง คนทั้งคู่ก็เลือกที่จะไปหอศิลปฯ กันต่อโดยเดินผ่าน Skywalk เพื่อไปยังจุดมุ่งหมาย เมื่อมาถึงหอศิลปฯ แล้วควันก็ฝากของไว้ที่ล็อกเกอร์ แล้วเดินไปพร้อมกับไอติมที่ยืนรออยู่ด้านหลัง

“คิดยังไงถึงพามาเที่ยวที่นี่กันนะ”

ไอติมพึมพำเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน เพราะไม่อยากรบกวนคนอื่นที่กำลังเดินดูนิทรรศการอยู่

“ซึมซับอารมณ์แอ็บสแตร๊กส์ไง หรือมึงไม่มี?”

“มันก็มีอยู่...แต่บางทีก็อาจจะเข้าไม่ถึง”

ไอติมมองดูรูปภาพชวนงงตรงหน้า ที่ดูอย่างไรก็ตีความไม่ออก ได้แต่เดินเกาหัวแล้วเข้าไปอ่านรายละเอียดของภาพเพื่อจะได้เข้าใจความหมายของภาพที่ศิลปินต้องการจะสื่อ

ควันได้แต่อมยิ้มกับภาพตรงหน้า ไอติมในตอนนี้ราวกับเด็กน้อยที่กำลังเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยรู้มาก่อน คนตัวเล็กเดินดูงานศิลปะพร้อมอ่านคำอธิบายทุกภาพอย่างตั้งใจ รู้ตัวอีกที ควันก็ไม่ได้สนใจในงานศิลปะตรงหน้าเสียแล้ว

เพราะสายตาของเขาในตอนนี้มันตรึงอยู่แค่คนตัวเล็กตรงหน้าเท่านั้น...

“ควัน”

“...”

“ควัน!”

“ห๊ะ ว่าอะไร”

“เรียกตั้งนานแล้วก็ไม่หัน ใจลอยไปถึงไหนแล้วเนี่ย”

“ก็ใจลอยไปถึงมึงนั้นแหละ”

“พอเลย หยอดเก่งเกินไปแล้วนะ”

“แล้วชอบมั้ยล่ะ”

“ไม่บอกเว้ย”

ไอติมพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้ง วันนี้ทั้งวันหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไปเสียหมด ต้องโทษควันเลยที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้

“ไม่แกล้งล่ะ แล้วมีอะไรวะ”

“จะถามว่าเราจะกลับกันตอนไหน”

“อยากกลับแล้วเหรอ”

“เปล่า ก็แค่ถามเฉย ๆ”

“เรากลับกันตอนนี้ก็ได้ กว่าจะเดินทางอีกก็เป็นชั่วโมง”

และแล้วทริปในวันนี้ก็จบลง ควันเดินไปเอาของที่ล็อกเกอร์ แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินขึ้น BTS เพื่อไปยังสถานีเดิม กว่าจะมาถึงคอนโดของไอติมได้ก็สามทุ่มพอดิบพอดี

“ขบคุณนะสำหรับวันนี้” ไอติมอมยิ้ม ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความสุขจากสิ่งที่ได้รับในวันนี้

“ขอแค่มึงชอบ กูก็ดีใจแล้ว”

“ชอบมาก ๆ ขอบคุณที่พากูไปเที่ยว...”

“...”

“ไว้วันหลังเราไปด้วยกันอีกนะ”

แค่ได้ยินประโยคนั้นของไอติม ควันก็แทบจะเก็บรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ ความพยายามและความดันทุรังของเขามันไม่เสียเปล่าจริง ๆ แค่ไอติมชอบในสิ่งที่เขาทำให้มันก็ดีมากแล้ว

“ขึ้นห้องได้แล้ว กูก็ต้องกลับแล้วเหมือนกัน”

“อืม ไปแล้ว พรุ่งนี้เจอกันใหม่”

“ครับ ฝันดีนะ”

“มึงก็...ฝันดีเหมือนกัน”

ไอติมโบกมือหยอย ๆ ให้ควันจนกระทั่งรถยนต์คันสวยเคลื่อนผ่านไป ใบหน้าเนียนยังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม แล้วหอบเอาถุงเสื้อผ้าที่พึ่งซื้อมาใหม่ขึ้นห้องอย่างสบายอารมณ์

นานแล้วที่ไอติมไม่ได้รู้สึกมีความสุขแบบที่ไม่ต้องกังวลอะไรอย่างนี้ ไม่ได้รู้สึกสบายใจเพียงเพราะอยู่ใกล้กับใครคนหนึ่ง ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตของเขามีสีสันมากขนาดนี้

เป็นครั้งแรกที่ไอติมรู้สึกว่าโลกสีเทาของเขามันสดใสมากขึ้นกว่าทุกครั้ง

การที่เปิดใจรับใครสักคนหนึ่ง มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น


 Rrrrrrrrrrrrr


คิดอะไรเพลิน ๆ อยู่เพียงคนเดียว เสียงร้องของโทรศัพท์ก็กระชากความคิดจมจ่อมของไอติมออกมาสู่โลกของความจริง เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ไอติมก็ไม่ลังเลที่จะรับเลย

“สวัสดีครับ...อะไรดลใจให้พี่ชายสุดที่รักโทรมาหากันน๊า”

[พึ่งออกเวรครับน้องรัก ไม่คิดถึงพี่ชายคนนี้เลยรึไง]

“คิดถึงสิครับ อยากเจอพี่ไอซ์จังเลย”

[มาหาพี่ที่เชียงรายสิ อากาศช่วงนี้กำลังดีด้วย]

“เดี๋ยวปิดเทอมแล้วจะไปอยู่ด้วยสักเดือนดีมั้ย”

[มาเลย พร้อมต้อนรับน้องชายเสมอ]

“เตรียมตัวเอาไว้เลย ผมไปถล่มถึงเชียงรายแน่”

[จะรอแล้วกัน...ว่าแต่ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ พี่ไม่ค่อยมีเวลาโทรมาหาเลย]

“ก็โอเคครับ ช่วงแรกก็เหงานิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่เหงาแล้วครับ ผมมีเพื่อนเยอะแยะเลยนะ นี่ก็พึ่งไปเที่ยวกับเพื่อนมา”

[ได้ยินอย่างนี้พี่ก็ดีใจ ถ้ามีอะไรอยากปรึกษาก็โทรมาหาได้เสมอ ยังไงพี่ก็เคยผ่านจุดนั้นมาก่อน เข้าใจมั้ย อย่าเก็บเรื่องต่าง ๆ เอาไว้กับตัวเองคนเดียว มีอะไรไม่สบายใจ อย่าลืมว่ายังมีพี่อยู่ตรงนี้]

พอได้ยินอย่างนั้น ไอติมก็เผลอกัดปากตัวเองอย่างลืมตัว...ราวกับพี่ไอซ์กำลังใจอ่านเขาอยู่แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ตรงหน้า สมแล้วที่เป็นพี่แท้ ๆ ของเขา เพียงแค่ได้คุยด้วยก็รู้แล้วว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่

“พี่ไอซ์...งั้นผมขอปรึกษาสักเรื่องได้มั้ย”

[มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังล่ะเจ้าตัวเล็ก]

“ผม...ผมไม่แน่ใจว่าผมควรจะพูดดีมั้ย”

[พี่มีเวลารอฟังไอติมทั้งคืนเลย]

“ผมกำลังไม่แน่ใจว่าตอนนี้ผมกำลังรู้สึกยังไงอยู่...ผมแอบชอบคน ๆ นึง...ชอบมานานแล้ว และไม่เคยคิดว่าจะเปลี่ยนใจไปง่าย ๆ...แต่แล้ววันหนึ่ง คนอีกคนก็เข้ามาบอกว่าชอบผม เขาทำให้ผมรู้สึกดี ทำให้ผมรู้สึกมีค่า...แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าผมสมควรจะได้รับความรักเหล่านั้นมั้ย”

[ทำไมล่ะ]

“ผมไม่รู้...ตอนนี้ผมสับสนไปหมดเลย ถ้าจะให้ผมตัดใจจากคนที่ผมชอบมันก็ยาก แต่กับอีกคนผมก็ไม่อยากเสียเขาไป”

[น้องเราทำไมฮอตจัง...สมัยพี่เรียนอยู่ไม่เห็นจะมีใครมาจีบเลย]

“พี่ไอซ์! ไหนบอกว่าจะเป็นที่ปรึกษาให้ไง” ไอติมแหวเสียงหลง อุตส่าห์จริงจังแล้ว แต่น้ำเสียงปลายสายยังคงแซวเขาไม่เลิก คิดผิดหรือคิดถูกก็ไม่รู้ที่ปรึกษาเรื่องนี้กับพี่ไอซ์เนี่ย

[ไม่แกล้งล่ะ...พี่ไอซ์คลับฟรายเดย์จะให้คำปรึกษาแล้วน๊า]

“ผมก็รอฟังอยู่เนี่ย”

[พี่ว่าไอติมควรลองเปิดใจดูนะ]

“หมายความว่าไงครับ”

[จากที่พี่ฟังมา ไอติมเหมือนยังไม่กล้าที่จะยอมรับอีกคน ทั้ง ๆ ที่เขาก็ทำให้ไอติมรู้สึกดี แล้วไอติมก็เอาแต่ไปสนใจคนที่ไอติมชอบ แล้วพี่ถามหน่อยว่าคน ๆ นั้น ได้ทำอะไรให้ไอติมรู้สึกดีบ้างรึเปล่า...]

“...” ไอติมไม่ได้ตอบ แต่เขารู้แน่ชัดว่าพี่กรไม่เคยให้ความหวังเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

[...อย่าไปกลัว อย่าคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับความรักเหล่านั้น เราลองดูก่อนก็ไม่ได้เสียหายนี่นา...ถ้าน้องชายของพี่ตัดสินใจเลือกทางที่ถูก น้องชายของพี่ก็จะมีความสุข แต่ถ้าไอติมเลือกทางเดินผิดไป ก็แค่ถอยหลังกลับมา อย่าลืมว่าด้านหลังยังมีพี่ ยังมีครอบครัวของเราคอยรอกอดปลอบอยู่ตรงนี้เสมอ]

“พี่ไอซ์ว่าผมควรจะเลือกเดินทางไหนดีครับ”

[เรื่องอย่างนี้พี่ตัดสินใจแทนไอติมไม่ได้หรอก เพราะพี่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นกับไอติม ไม่ได้รู้จักว่าคนที่ไอติมชอบและคนที่ชอบไอติมเป็นใคร]

“...”

[พี่อยากให้ไอติมลองคิดดี ๆ ถามหัวใจตัวเองดูไอติมจะรู้คำตอบเองนั้นแหละ]

“ผม...ผมคิดว่าผมพอมีคำตอบแล้ว”

[อ่าฮะ...ถ้ามันทำให้น้องชายพี่มีความสุขก็ทำไปเถอะ ถ้าไม่ลองเสี่ยงดู แล้วเราจะรู้จักกับคำว่ารักได้ไงล่ะ จริงมั้ย]

ใช่ ไอติมควรต้องเสี่ยงดู ไม่ว่าทางที่เขาจะเลือกหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เขาก็อยากจะลองเดินไปให้สุดทางดู ถึงปลายทางมันจะดีหรือร้ายยังไง เขาก็ควรจะลองกล้าเผชิญกับมันดูสักครั้ง


-----------------------------


ช็อคมากที่มาเช็คดูแล้วพบว่าตอนนี้กับตอนที่แล้วห่างกัน1เดือนพอดี :sad4:
นักอ่านคงหายไปหมดแล้วแน่เลยฮืออออออออออ
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 17 - เดทแรก [17.12.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-12-2018 00:30:47
 :pig4: :pig4: :pig4:

ควันมีหวังแล้วเว้ยเฮ้ย
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 17 - เดทแรก [17.12.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-12-2018 12:50:00
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 18 - ความในใจจากเพื่อนสนิท [27.12.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 27-12-2018 21:57:20
บทที่ 18
ความในใจจากเพื่อนสนิท


[วันนี้จะไปหาตอนค่ำ ๆ หน่อยนะ]

“รู้แล้ว เมื่อวานก็บอกแล้ว ย้ำเก่งจัง”

[ก็กลัวว่าจะลืมไง ไม่ต้องกลัวว่าจะหนีไปเถลไถลที่ไหน สัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญ]

“รู้แล้วเหอะว่าจะกลับบ้านน่ะ จะไปเถลไถลตรงไหนกัน”

[ไว้คราวหน้าจะพามึงไปด้วย ไปเล่นกับไอ้เปี๊ยก ไปหาพ่อกับแม่]

“อือ”

[คิดถึงนะ]

“ไม่ได้เจอกัน 12 ชั่วโมงก็คิดถึงแล้วเหรอ”

[ใช่ คิดถึงมากกกกกกกกกกกกกก]

“พอเลย กลับบ้านไปได้แล้วไป แค่นี้แหละนะ”

พูดจบก็กดวางสายโดยไม่ยอมรอฟังเสียงโวยวายจากคนปลายสายทันที พอเงยหน้าขึ้นมองกระจกตรงหน้า ไอติมก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย คนตรงหน้าเขานี่กำลังมีความสุขขนาดไหนกันนะ…

ตั้งแต่ยอมรับกับใจตัวเองว่าจะยอมเปิดใจให้ควันดูสักครั้ง เขาก็พบว่ามันไม่ได้แย่เลย ตรงกันข้ามทุกอย่างกลับดีมาก ๆ เพียงแค่ละสายตาที่เอาแต่มองหาคนอื่นกลับมามองคนข้างกาย ไอติมก็พบว่าสิ่งที่ดีที่สุดมันก็อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง

วันนี้เป็นวันหยุด ควันบอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าวันนี้เจ้าตัวจะกลับบ้านพร้อมกับหมอก นั้นทำให้วันนี้ไอติมไม่มีเจ้าตัววุ่นวายอยู่ด้วยเหมือนทุกวัน และประจวบเหมาะกับที่รุ่นพี่ที่(เคย)แอบปลื้มทักมาชวนไปกินขนมหวาน ดังนั้นไอติมจึงตอบตกลงไปอย่างเต็มใจ

ไอติมเลือกที่จะปฏิเสธพี่กรที่บอกว่าจะมารับถึงคอนโด และใช้รถตัวเองบ้างสักครั้งหลังจากที่มีสารถีขับให้นั่งเป็นประจำ แต่วันนี้สารถีกลับบ้าน เขาเลยต้องขับรถเองบ้างแล้ว

เมื่อมาถึงที่ร้านขนมซึ่งนัดกับพี่กรเอาไว้ เพียงแค่มองเข้าไปในร้านก็เห็นรุ่นพี่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ไอติมจึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือไหว้อย่างสุภาพ

“สวัสดีครับพี่กร มานานรึยังเนี่ย”

“พี่ก็พึ่งมาถึงเหมือนกัน นั่งก่อนสิ”

“ครับ...แล้วพี่แจนไม่มาด้วยเหรอครับ”

“แจนไปออกค่ายกับชมรม...จะกินอะไรดี พี่ให้ไอติมเลือกเลย” พูดแล้วก็ส่งเมนูมาให้ไอติมเลือกแทน ดวงตากลมกวาดตามองเมนูแล้วก็สั่งของหวานมาสองอย่างก่อนจะส่งคืนพนักงานไป

“แล้วพี่กรมีอะไรอยากจะคุยกับผมเหรอ ถึงได้ชวนออกมาอย่างนี้อ่ะครับ”

“ก็เลี้ยงแทนที่เราไม่ได้ไปเที่ยวทะเลกันไง ความจริงก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก วันนี้ว่างพอดีหลังจากที่สอบเสร็จไปเมื่อวานเลยชวนออกมาหาอะไรอร่อย ๆ ทานด้วยกัน แล้วไอติมล่ะช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง”

“ผมเหรอ...ก็ดีครับ หลังจากผ่านช่วงประกวดมาผมก็มีเวลามากขึ้น ตอนนี้ก็อ่านหนังสือไล่ตามเพื่อนจนทันแล้ว ดีที่มีควันช่วยติวให้ผมอีกแรง ไม่งั้นผมคงแย่แน่ ๆ”

“ดีแล้วแหละ ถ้ามีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้เสมอเลยนะ”

“ได้เลยครับ” ไอติมอมยิ้มเพียงเล็กน้อย แล้วก็หันไปรับของหวานที่พนักงานเอามาเสิร์ฟ เมื่อทั้งโต๊ะเหลือเพียงแค่เขากับพี่กรอีกครั้ง ดวงตากลม ๆ นั้นก็แอบเหลือบมองกรที่กำลังโฟกัสกับจานขนมตรงหน้า แล้วพยายามเรียบเรียงความคิดในหัวอีกสักนิด

“ไอติม”

“ครับ”

“พี่ถามอะไรหน่อยดิ”

ไอติมกระพริบตาปริบ ๆ อยู่สองที แล้วจึงพยักหน้าอนุญาตให้พี่กรถามเขาได้

“ตอนนี้ความรู้สึกไอติมยังเหมือนเดิมอยู่รึเปล่า”

ไอติมแอบตกใจไม่ได้กับคำถามที่พี่กรโพล่งออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก็เพราะว่าเรื่องที่ไอติมกำลังคิดไม่ตกอยู่ในตอนนี้ก็คือเรื่องเดียวกันกับที่พี่กรกำลังถาม

“ผม...ไม่รู้สิ...เอาตรง ๆ เลยนะ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกของผมมันเปลี่ยนไปรึยัง แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองเพื่อพี่อีกแล้ว เมื่อก่อนผมอาจจะยังรอ เพราะผมหวังว่าสักวันพี่อาจจะรักผมกลับบ้าง แต่ผ่านมานานถึงสองปี พี่กับพี่แจนก็ยังรักกันดี แล้วผมจะยังขังตัวเองไว้กับความรู้สึกในอดีตทำไม ผมก็ควรที่จะมูฟออนได้แล้ว”

“ได้ยินอย่างนี้พี่ก็โล่งใจ”

“...”

“หลังจากนี้ไอติมจะสนิทใจกับพี่ชายคนนี้แล้วใช่มั้ย”

“ครับ แล้วพี่กรอยากมีน้องชายอย่างผมมั้ยล่ะ”

“อยากมีสิ ไม่งั้นจะพามาเลี้ยงขนมอย่างนี้เหรอ...ว่าแต่อยากรู้จังว่าใครที่สามารถพิชิตใจไอติมได้นะ ว่าง ๆ ก็พามาให้พี่รู้จักบ้างสิ...หรือบางทีพี่อาจจะรู้จักอยู่แล้ว”

เสียงที่แฝงไปด้วยเลศนัยพร้อมกับดวงตาเป็นประกายของกรนั้น ไอติมรู้ว่าโกหกหรือเฉไฉไปก็คงไม่มีประโยชน์ ก็คงต้องยอมรับตอนนี้แหละว่าคน ๆ นั้นคือใคร

“พี่กรก็คงจะมีคำตอบในใจแล้วใช่มั้ยล่ะว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร ยังต้องให้ผมมาแนะนำอีกเหรอ”

“ก็รู้จักในฐานะน้องในคณะคนหนึ่ง ก็อยากรู้จักในฐานะแฟนของไอติมด้วยนี่นา”

“ยังไม่ได้เป็นแฟนเลยเหอะ”

“ถ้างั้นเป็นแฟนแล้วอย่าลืมพามาแนะนำตัวด้วยแล้วกัน ไม่งั้นโกรธแน่”

“คร๊าบบบบ สัญญาว่าจะพามาแนะนำเร็ว ๆ นี้แหละ ตอนนี้รีบกินบิงซูก่อนเลย ละลายหมดแล้วเนี่ยเห็นมั้ย”



*



พอได้พูดเปิดอกกับพี่กรครั้งแรก ไอติมก็รู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก เหมือนกับว่าบ่วงที่รัดคออยู่นั้นมันคลายออกไปจนไอติมไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว

“คิดอะไรอยู่หืม เห็นนั่งนิ่งมานานแล้วนะ”

เสียงทุ้มเรียกสติของเขาให้กลับมาสู่ความจริง ไอติมมองหน้าควันที่หลังจากกลับมาจากบ้านก็มาหาเขาทันทีในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง เชื่อเขาเลย

“ก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ ไปเดินเล่นกันดีมั้ย”

“เดินเล่น? ตอนหกทุ่มเนี่ยนะ?”

“ไม่อยากเดินเล่นก็ตามใจ งั้นนอนแล้วนะ ง่วงแล้ว” พูดจบไอติมก็เดินไปหาเตียงนุ่ม ๆ ทันที แต่ก็ช้ากว่าควันที่จับแขนขาวไว้ได้ทัน แล้วดึงให้คนตัวเล็กกว่ามานั่งข้างกันเหมือนเดิม

“พูดเล่นเหอะ ไปเดินเล่นก็ไปดิ ดีเหมือนกัน ตอนนี้เริ่มหิวล่ะ ไปซื้อโจ๊กกินกันเถอะ”

หลังจากตกลงกันได้ ตอนนี้ทั้งสองคนก็มาหยุดอยู่ร้านโจ๊กหน้าปากซอย ที่ในเวลาดึกดื่นขนาดนี้ลูกค้าแถบรั้วมหาวิทยาลัยก็ยังคงกินอาหารมื้อดึกกันอยู่จนเต็มแทบทุกโต๊ะ

“เหมือนเดิมใช่มั้ย” เสียงทุ้มหันมาถาม ไอติมถึงพยักหน้าเออออตอบไป

“ป้าครับ เอาโจ๊กหมูเด้งพิเศษหนึ่ง แล้วก็โจ๊กหมูเด้งใส่ไข่ไม่ใส่ขิงอีกหนึ่งถ้วยนะป้า”

ไอติมมองควันที่สั่งเมนูโจ๊กของเขาได้อย่างแม่นยำแล้วก็ฉุกคิดในใจได้อีกครั้ง บนโลกใบนี้จะมีใครที่ใส่ใจเขาได้มากขนาดนี้อีกรึเปล่านะ ทำไมต้องทำดีมากขนาดนี้กันด้วย

ไอติมมองถ้วยโจ๊กหมูเด้งใส่ไข่ไม่ใส่ขิงตรงหน้าแล้วก็แอบอมยิ้มอยู่คนเดียวเงียบ ๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ควันจำสิ่งที่เขาชอบได้ ของหวาน น้ำปั่น กาแฟ หรือแม้แต่รหัสนักศึกษาของเขาควันก็ยังจำได้

“ควัน”

“ว่า?”

“มีเรื่องของกูที่มึงยังไม่รู้อีกมั้ยวะ ทำไมมึงจำของที่กูชอบได้ดีจัง”

“แล้วทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ เรื่องแค่นี้เอง” พูดพลางเทน้ำใบเตยต้มใส่แก้วตรงหน้าของไอติมให้ด้วย คนตัวเล็กกว่ามองการกระทำเหล่านั้นเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรอีกจนกระทั่งพวกเขากินโจ๊กด้วยกันจนหมด

“ควัน เดินเล่นกันก่อนดีมั้ย ยังไม่อยากกลับห้องเลย”

“เอาสิ เดินย่อยสักหน่อยก็คงดี” ควันไม่ได้ปฏิเสธ อีกทั้งฝ่ามือหนายังคว้ามือบางมากุมไว้ น่าแปลกที่ครั้งนี้ไอติมตอบสนองเขาแตกต่างกว่าทุกครั้ง ครั้งนี้ฝ่ามือนั้นมันบีบเขาเบา ๆ แล้วดึงให้คนตัวสูงกว่าเข้ามาใกล้กันอีกนิด

“อ้อนกันอย่างนี้ คืนนี้ไม่อยากนอนรึไง”

“อ้อนตรงไหน พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“ก็อ้อนตรงนี้แหละ เดี๋ยวจับกดเข้าพุ่มไม้ข้างทางเลยดีมั้ย” ควันแกล้งเหย้าแหย่คนตัวเล็ก ไอติมหลุดขำกับความคิดประหลาด ๆ นั้นของควัน ใบหน้าน่ารักเงยหน้าสบตากับคนตัวสูงกว่าแล้วยิ้มแป้น

“กูรู้ว่ามึงไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก”

“อย่าท้าเสือนะน้อง พี่ขอเตือนไว้ก่อน”

“น่ากลัวจังเลย...อื้อ!”

พูดไม่ได้ทันขาดคำ ริมฝีปากบางก็ถูกโฉบเฉี่ยวความหวานหอมไปอย่างรวดเร็ว ดีที่ตรงนี้มันไม่มีคนพลุกพล่าน ไอติมเลยแน่ใจว่าคงไม่มีใครเห็นว่าเมื่อครู่นี้ควันแอบขโมยจูบเขา

“อย่าไปทำหน้าแบบนี้กับใครอีกนะ ไม่งั้นเขาฉุดมึงแน่”

“...”

“แม่งโคตรน่ารักเลย กูยังแทบจะทนไม่ไหวเลยไอ้เชี่ยติม ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้กำลังจีบมึงอยู่ กูลากมึงเข้าพุ่มไม้แน่นอน”

โอเค ตอนนี้ไอติมคิดว่าเขาคงกำลังจะระเบิดแล้วล่ะ

สาม

สอง

หนึ่ง

ตู้ม!!!




.

.


เพราะไอ้คำเสี่ยว ๆ ของควันที่ทำให้เอาไอติมมึนงงจนถูกควันพากลับมาที่คอนโดได้สำเร็จ สิ่งที่คิดว่าจะพูดออกไปสุดท้ายไอติมก็ไม่ได้พูดมันออกมาเสียที

“ปิดไฟแล้วนะ”

“อือ”

เมื่อไฟในห้องปิดลง พื้นที่ข้างกายอ่อนยวบลงเมื่อมีใครอีกคนที่ล้มตัวลงนอนอยู่เคียงข้างกัน คนตัวเล็กหันหน้าเข้าหาอกแกร่ง และอ้อมกอดอบอุ่นก็โอบล้อมเขาเอาไว้อย่างเช่นทุกคืนที่ผ่านมา

“ฝันดีนะครับ”

เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบากล่อมให้เขาเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่เขามีความสุขมากจริง ๆ แค่มีควันอยู่ข้างกายแบบนี้ เขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว ก่อนที่สติจะหลุดลอยออกไป ริมฝีปากบางก็พึมพำเบา ๆ หวังว่าคนที่กอดเขาเอาไว้จะได้ยิน

“ฝันดีเหมือนกันนะ”


*


ติ้ง

ติ้ง

ติ้ง

ไอติมละสายตาจากหน้าจอบนโปรเจคเตอร์ ชำเลืองมองโทรศัพท์ตัวเองที่ร้องเบา ๆ อยู่ในกระเป๋าเป้ เขาลืมปิดเสียงโทรศัพท์ในขณะเข้าเรียนเลคเชอร์ แต่โชคดีที่เสียงข้อความมันไม่ได้ดังมากพอที่จะรบกวนเพื่อน ๆ ที่กำลังตั้งใจเรียนกันอยู่ ไอติมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความแชทจากเพื่อนต่างคณะคนนี้

Punnawit thanawatchai : ไอติม ว่างรึเปล่าอ่ะ

Punnawit thanawatchai : พอดีว่ามีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือหน่อย

Punnawit thanawatchai : ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ

ปุณณวิช ธนาวัฒน์ชัย...หรือบลู เดือนคณะวิทยาศาสตร์ แฟนของหมอกซึ่งเป็นฝาแฝดของควันที่พึ่งเปิดตัวโครม ๆ กันในโซเชี่ยลเมื่อไม่นานมานี้ทักเขามาทำไมกันนะ ถึงจะสงสัย แต่เอาไว้เลิกคลาสแล้วค่อยถามคงจะไม่สาย

I-tim wattanawutsakul : เราเรียนอยู่อ่ะ เดี๋ยวเลิกแล้วจะทักไปนะ

หลังจากเลิกเรียนไอติมก็รีบทักไปหาบลูทันที เมื่อรู้ว่าบลูอยากจะขอความช่วยเหลือจากควันเพราะว่าเจ้าตัวอยากจะเซอร์ไพร์สวันเกิดของหมอกในวันศุกร์นี้ พอรู้อย่างนั้นไอติมก็นึกได้ว่าวันนั้นมันก็ต้องเป็นวันเกิดของควันด้วย แต่ไอ้คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงหน้าเขากลับไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้นอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ก็ใกล้จะถึงวันเกิดตัวเองแล้ว

“เดี๋ยวบลูจะมาหานะ”

ควันเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือที่จะสอบในวันศุกร์นี้ขึ้นมามองคนที่อยู่ตรงข้าม นึกอยู่ไม่นานว่าบุคคลที่จะมาหาคือใคร จึงถามไอติมกลับไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“หืม? บลู...แฟนไอ้หมอกน่ะนะ”

“อืม เดี๋ยวออกไปรับบลูก่อน ตอนนี้รออยู่ที่หน้าคณะ”

พูดเสร็จคนตัวเล็กก็เดินออกมาจากห้องสมุดที่มานั่งหลบแดดอ่านหนังสือกับควันเพียงสองคน เมื่อมาถึงที่หน้าคณะแพทยศาสตร์ก็เห็นคนน่ารักยืนจ้องป้ายคณะไม่หยุด ตากลมโตรับกับผิวขาวที่มันเจือสีแดงนิดหน่อยเพราะอากาศร้อนทำให้เดือนคณะวิทยาศาสตร์เปล่งประกายได้ไม่ยากเลย

“มานานรึยัง” ไอติมเป็นฝ่ายทักก่อน เมื่อเห็นเขาแล้วบลูก็เบิกตาอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไป

“ไม่นานหรอก พึ่งมาถึงน่ะ”

“แดดแรงเนอะ ดูสิหน้าแดงหมดแล้ว” อดแซวไม่ได้ เพราะผิวขาวใสนั้นมันแดงปลั่งจนน่ารักไปหมด ไอติมจึงรีบพาบลูเข้ามาด้านในตึกเพื่อหลบไอความร้อนจากแสงพระอาทิตย์ก่อนที่ผิวขาว ๆ นั่นจะคล้ำไปเสียก่อน พอเข้ามาในห้องสมุดแล้วพามาถึงโต๊ะของพวกเขาแล้ว ควันจึงเงยหน้าขึ้นมาทักบลูที่ยังเกร็งไม่เลิก

“ว่าไงบลู ไม่ได้เจอกันนานเลย ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่กัน”

ควันยิ้มเล็ก ๆ ให้กับบลู เมื่อเห็นท่าทางเงอะงะของบลูแล้ว ไอติมจึงดึงให้บลูนั่งข้าง ๆ ตนเอง

“บลูบอกว่าวันศุกร์นี้เป็นวันเกิดหมอก” ไอติมตอบแทนบลูที่ยังไม่กล้าพูดกับควันสักเท่าไร

“วันศุกร์นี้เหรอ...อ้อ! ใช่ ๆ เกือบลืมไปเลยว่าจะถึงวันเกิดแล้วนี่หว่า”

“เหอะ วันเกิดตัวเองยังลืม คุยกันเองแล้วกันว่าจะทำอะไร”  ไอติมนึกทึ่งจริง ๆ ไม่คิดว่าควันก็จะลืมวันเกิดตัวเองเหมือนกัน ได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา แล้วปล่อยให้บลูได้คุยกับควันตามที่ขอ ส่วนเขาก็จะขอนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ไปแล้วกัน

สุดท้ายจากที่คิดว่าจะขอนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ไอติมก็ตั้งใจฟังตาแป๋ว แถมยังเสนอไอเดียเพื่อเซอร์ไพร์สฝาแฝดของควันร่วมด้วย จนอาสาจะช่วยบลูในวันที่จะเซอร์ไพร์สหมอกอีกด้วย

หลังจากที่บลูกลับไป ไอติมและควันก็ยังนั่งอ่านหนังสือกันจนพระอาทิตย์คล้อย ถึงได้ออกมาจากห้องสมุดด้วยกัน

“แล้ววันศุกร์นี้ก็วันเกิดมึงด้วยนี่นา จะเลี้ยงอะไรเพื่อนล่ะ”

ไอติมถามขึ้นมาในขณะที่รออาหารตามสั่ง ควันที่กำลังเล่นเกมในโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมองไอติมแล้วกดปิดโทรศัพท์ของตัวเองลง

“อยากกินอะไรล่ะ เนื้อย่างเหรอ หรือจะไปกินเหล้า...ไม่รู้ดิ ไม่ค่อยสนใจวันเกิดตัวเองเท่าไรว่ะ มันก็แค่วันวันหนึ่งเท่านั้นแหละ”

“แสดงว่ามึงไม่เคยตื่นเต้นกับวันเกิดตัวเองเลยงั้นเหรอ”

“อืม...ไม่รู้แหะ ที่บ้านก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรอยู่แล้ว ก็แค่มานั่งกินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาแค่นั้น กูกับหมอกเลยไม่เคยตื่นเต้นกับวันเกิดตัวเองเลย”

.

.

คำพูดของควันยังคงตกค้างอยู่ในใจของไอติมจนถึงตอนนี้ คนบ้าอะไรไม่สนใจวันเกิดตัวเองเลยสักนิด ต่างจากเขาที่พอรู้ว่าอีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดของควันแล้ว กลับตื่นเต้นแทนจนต้องมาเปิดเว็บต่าง ๆ เพื่อหาไอเดียทำของขวัญให้ควันเสียอย่างนั้น

Rrrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ร้องดังขึ้น ดึงไอติมให้หลุดจากภวังค์ เมื่อมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอในเวลานี้ ไอติมก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะรับสาย

“ว่าไงพีช”

[ไอติม ทำไรอยู่วะ]

“ก็นอนเล่นอยู่ที่ห้องอ่ะ มีอะไรเหรอ”

[กูมีเรื่องอยากปรึกษาว่ะ คุยกับมึงตอนนี้ได้มั้ย] เสียงจากปลายสายนั้นติดจะตื่นเต้นจนไอติมจับสังเกตได้

“คุยได้ดิ ว่ามาเลย”

[คืองี้...เรื่องนี้กูยังไม่ได้คุยกับใคร มึงเป็นคนแรกเลยที่กูคุยด้วย เพราะคิดว่ามึงน่าไว้ใจที่สุด และคงให้คำปรึกษากูได้ดีที่สุด]

“อ่าฮะ รอฟังอยู่”

[คือ...]

“...”

[กูแอบชอบเพื่อนว่ะ]

“เพื่อน?”

[อย่ารังเกียจกูนะ ถ้ากูจะบอกว่ากูชอบเพื่อนสนิทตัวเอง]

“เห้ย! อย่าบอกนะว่ามึงชอบไอ้วินทร์” ไอติมถามอย่างตกใจ แต่คำตอบในประโยคถัดมาของพีชกลับทำเอาไอติมรู้สึกว่าโลกมันหยุดหมุนไปดื้อ ๆ

[เปล่า กูไม่ได้ชอบไอ้วินทร์]

“หมายความว่า...”

[กูชอบควัน]

“มึง..ชอบควัน?”

ไอติมไม่แน่ใจนักว่าเสียงตอนนี้ของเขาเป็นยังไง แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองในสิ่งที่พีชกำลังบอกให้เขารับรู้

[ใช่ ตั้งแต่ที่มันช่วยกูตอนที่โดนรถชน กูคิดว่าความรู้สึกของกูมันแน่ชัดทุกวัน จนกูมั่นใจแล้วจริง ๆ ว่ากูชอบมัน...ชอบแบบที่คน ๆ หนึ่งจะมีความรู้สึกดี ๆ ให้ใครอีกคนหนึ่ง]

“งะ...งั้นเหรอ...”

[ที่กูตัดสินใจบอกมึงเพราะกูเห็นว่ามึงสนิทกับควันที่สุดแล้วในกลุ่มเรา กูอยากให้มึงช่วยกูหน่อยได้มั้ยวะ]

“จะให้ช่วยอะไรล่ะ เรื่องของตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย” ประโยคสุดท้ายนั้นเบาเสียจนอีกฝั่งสายฟังไม่ได้ศัพท์

[ก็ช่วยกูจีบไอ้ควันไง วันศุกร์นี้เป็นวันเกิดมันกูแอบเห็นมาจากบัตรประชาชนของมัน เริ่มจากเราไปซื้อของขวัญให้มันด้วยกันดีมั้ย”

“เอาที่มึงว่าดีนั้นแหละ” ไอติมไม่รู้ว่าเขาจะต้องตอบอะไร จึงทำได้แค่เออออไปเท่านั้น

[แสดงว่ามึงสนใจจะช่วยกูแล้วใช่มั้ย ดีมากเพื่อนรักกกกกกก]

“จะพยายามช่วยเท่าที่ทำได้แล้วกัน มีอะไรอีกรึเปล่า...กูว่าจะอ่านหนังสือสักหน่อย” ยิ่งพูด ไอติมยิ่งรู้ว่าเสียงของเขากำลังสั่น ตัดจบไปเสียตั้งแต่ตอนนี้คงจะดีก่อนที่เขาจะไม่ไหวจริง ๆ

[ไม่มีแล้ว งั้นพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนเราไปเลือกของขวัญให้ควันด้วยกัน โอเค๊?]

“อืม แค่นี้นะ”

ไอติมวางสายลงพร้อมกับความรู้สึกที่แปลกไป ดวงตากลมมองหน้าจอแมคบุ๊กที่ยังคงปรากฏภาพไอเดียของขวัญต่าง ๆ ตรงหน้า จู่ ๆ ก็รู้สึกหายใจไม่ออก ขอบตาที่ไร้น้ำตามานานกลับร้อนผ่าวจนน้ำใส ๆ กลิ้งตกจากหางตา...

ราวกับแสงสว่างที่ปลายทางนั้นจางหายไป และไอติมก็หลงทางอยู่ในความมืดอีกครั้ง ถ้าเขาก้าวเท้าผิดไปเพียงก้าวเดียว เขาอาจจะพลาดท่าตกเหวลึกเลยก็ได้...เขาไม่รู้เลยว่าควรจะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างไร

ไอติมไม่รู้อะไรเลย...


-------------------------------------------


เอาแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไอติมกำลังจะชัดเจน พีชมาทำไมตอนนี้คะรู๊กกกกกกก


ตอนนี้คงจะเป็นตอนสุดท้ายของปีนี้เพราะดองเก่งมาก5555
ก็ขอสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าเลยนะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามกัน
นิยายเราอาจจะไม่ได้ดี ยังมีจุดบกพร่องอยู่เยอะ จะพยายามปรับปรุงไปเรื่อยๆ
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันในปีนี้ และหวังว่าในปีหน้า ปีต่อๆไป จะยังคงอยู่ด้วยกันอย่างนี้
ถ้าไม่มีนักอ่าน ไม่มีคอมเมนต์ เราคงไม่มีกำลังใจในการแต่งนิยายออกมาแน่ๆ
ขอบคุณนักอ่านทุกคนจริงๆค่ะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ในปีหน้า
สวัสดีปีใหม่ 2562 ค่ะ <3





หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 18 - ความในใจจากเพื่อนสนิท [27.12.2018] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-12-2018 22:11:56
 :pig4: :pig4: :pig4:

ง่า...พีชช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยนะ  เด๋วตีตายเลย
หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Dearbliss ที่ 10-01-2019 20:48:25
บทที่ 19
ของขวัญวันเกิด


เป็นภาพปกติที่เมื่อเลิกคลาสแล้วทุกคนในห้องจะรีบเก็บของบนโต๊ะและสลายตัวอย่างรวดเร็ว และเป็นปกติของกลุ่มหลังห้องที่เมื่อเก็บของเสร็จแล้วจะออกไปกันเป็นกลุ่ม แต่วันนี้ทุกอย่างกลับดูแปลกไป

“เห้ย พวกมึงจะไปไหนกันวะ ไม่ชวนพวกกูหน่อยเหรอ” วินทร์ตะโกนถามทั้งไอติมและพีชที่เรียนเสร็จแล้วก็รีบเก็บของออกไปกันสองคนหน้าตาเฉย โดยไม่เอ่ยปากชวนเขากับควันเลยแม้แต่น้อย

“ไม่บอกเว้ย กูจะไปกับไอติมแค่สองคน” พีชหันมาตอบกลับ ก่อนจะลากแขนไอติมให้ไปด้วยกัน ทิ้งให้ควันและวินทร์ยืนมองด้วยความสงสัยว่าสองคนนั้นกำลังมีความลับอะไรกันอยู่

“พวกมันสองคนไปกันแล้ว งั้นเราก็แยกย้ายเหอะว่ะ”ควันพูดเสียงเนือย ๆ วันนี้ต้องลุกจากเตียงมาเรียนเพราะมีควิซตอนเช้า ตอนนี้ว่างแล้วก็ขอนอนพักเอาแรงสักหน่อยคงจะดี

“เออ กูนัดสาวไว้พอดี งั้นวันนี้ทางใครทางมันแล้วกัน”



.

.


“ไอติมมึงว่าอันนี้ดีมั้ย...ควันจะชอบรึเปล่า”

“...”

“ไอติม”

“ห๊ะ ว่าไงนะ”

เสียงของพีชดังจนเดือนคณะแพทยศาสตร์สะดุ้ง ไอติมถูกดึงออกมาจากภวังค์อีกครั้งในรอบวันนี้ พีชจึงทวนถามอีกรอบพร้อมกับชูของในมือให้ไอติมดูด้วย

“อันนี้มึงว่าดีมั้ย คิดว่าควันจะชอบรึเปล่า”

ไอติมมองนาฬิกาข้อมือเรือนแพงสองเรือนที่พีชยกขึ้นมาเปรียบเทียบ นิ่งคิดอยู่สักพักก็ส่ายหน้าช้า ๆ

“ไม่แน่ใจว่าจะชอบรึเปล่า แต่เคยเห็นควันใส่แต่นาฬิกาสีดำยี่ห้อโปรดของมันอันเดียว ไม่เคยเปลี่ยนเลย มันคงจะไม่ใช่คนสะสมนาฬิกาพวกนี้หรอก”

“งั้นเหรอ...”

“พีช ความจริงแล้วกู...”

“อย่างพึ่งพูด เราไปดูอย่างอื่นกันก่อนดีกว่า”

พีชจูงแขนไอติมเดินออกจากร้านนาฬิกาทันที ไม่ปล่อยโอกาสให้ไอติมได้พูดอะไรเลย ทั้งสองคนเดินเข้าเดินออกทุกร้านที่คิดว่าสามารถนำมาเป็นของขวัญวันเกิดให้ควันได้ จนมาหยุดอยู่หน้าร้านเครื่องประดับร้านหนึ่ง

“มึงว่าควันจะชอบรึเปล่าถ้ากูจะซื้อหมวกให้”

“ก็ดีมั้ง”

“มั้งอีกล่ะ มีอะไรที่มึงแน่ใจบ้างมั้ยเนี่ยไอติม กูกลัวซื้อของขวัญให้ควันแล้วมันจะไม่ชอบอ่ะ” พีชยู่ปากอย่างเป็นกังวลเมื่อถามอะไรไปไอติมก็ไม่ให้ความชัดเจนเลยสักนิด

“กูว่าถ้ามึงซื้ออะไรให้ มันก็คงจะดีใจหมดนั้นแหละ” ไอติมตบไหล่พีชอย่างให้กำลังใจ แล้วพยายามเลือกหมวกลวดลายต่าง ๆ ตรงหน้าช่วยอีกแรง

“แบบนี้ดีมั้ย สีดำไม่สกปรกง่ายด้วย”

“ไอติม มึงว่าควันมันชอบอะไรที่สุดวะ กูจะได้ซื้อให้เลย”

พอพีชถามอย่างนั้น ไอติมจึงนิ่งคิดอีกสักพัก นั้นสิ...เขารู้อะไรเกี่ยวกับควันบ้างกันนะ ถ้าพีชถามคำถามนี้กับควันว่าไอติมชอบอะไรมากที่สุด ควันอาจจะตอบได้เลยทันที แต่พอเป็นไอติม...เขาก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าควันชอบอะไรบ้าง ช่างเป็นคนที่โง่งมอะไรขนาดนี้กันนะ

“ว่าไงไอติม มึงรู้รึเปล่าว่าควันชอบอะไร”

“กูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“อ่าว”น้ำเสียงของพีชนั้นผิดหวังไม่น้อย ไอติมจึงพยายามคิดอย่างรวดเร็ว แล้วตอบก่อนที่พีชจะงอนในที่สุด

“แต่ว่ากูเคยสังเกตนะ ควันมันชอบฉีดน้ำหอม มึงก็ซื้อน้ำหอมให้มันสิ มันน่าจะชอบนะ”

“เออ จริงด้วย งั้นไปเลือกน้ำหอมกัน”

ไอติมช่วยพีชเลือกกลิ่นน้ำหอมที่คิดว่าควันน่าจะชอบที่สุดจ่ายเงินและห่อของขวัญเรียบร้อยแล้ว พีชจึงชวนทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนจะไปส่งไอติมที่คอนโด

“ขอบคุณนะที่มาช่วยเลือกของขวัญด้วย”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง งั้นกูไปก่อนนะ”

“อืม แล้วเจอกันพรุ่งนี้”

ไอติมออกมาจากรถของพีชแล้วยืนส่งจนพีชขับออกไปนอกคอนโด เมื่อเหลือเขาอยู่เพียงคนเดียว ไอติมก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาพยายามหาจังหวะแล้วที่จะบอกความจริงเรื่องของเขาและควัน แต่ก็ไม่มีโอกาสเสียที จึงได้แต่ปลง แล้วหันหลังเดินเข้าคอนโดเงียบ ๆ คนเดียว

เมื่อเปิดประตูห้องตัวเอง ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็กระทบหน้าเต็ม ๆ ไอติมวางกระเป๋าตัวเองเสร็จก็เห็นร่างสูงสมส่วนนอนกลางโซฟาอย่างสบายใจ โทรทัศน์ยังคงเปิดเพื่อไม่ให้ห้องนั้นเงียบเกินไป ผ้าห่มผืนบางนั้นกองอยู่ที่ปลายเท้า ไอติมส่ายหัวเบา ๆ กับสภาพที่เห็นแล้วดึงผ้าห่มขึ้นห่มจนถึงอกคนตัวสูง แล้วเก็บเศษซากขนมบนโต๊ะลงถังขยะเงียบ ๆ คนเดียว

“เห้อ นี่ห้องใครกันแน่วะเนี่ย”

บ่นเสียงเบาเงียบ ๆ เพียงคนเดียว หารู้ไม่ว่าคนที่นอนหลับอยู่ตื่นตั้งแต่ที่ไอติมเข้ามาในห้องแล้ว แต่ยังคงแกล้งหลับตาอยู่อย่างนั้น จนได้ยินเสียงพึมพำเบา ๆ นั้นแหละ ท่อนแขนหนาจึงตวัดรวบเอวบางตรงหน้าให้ล้มลงบนตัวเขาทันที

“เฮ้ย! ตกใจหมด”

ไอติมร้องเสียงหลง เมื่อถูกควันรวบกอดเอาไว้ ควันยิ้มบาง ๆ มองแก้มขาวตรงหน้าแล้วอดไม่ได้ที่จะยืดมันเล่นเสียหน่อย

“เมื่อกี้ใครบ่นว่าอะไรนะ”

“ไม่ได้บ่นโว้ย”

“ก็เมื่อกี้ได้ยินอยู่”

“งือออ เจ็บบบ” ไอติมร้องเสียงอ่อยเมื่อถูกคั้นแก้มไม่หยุด สุดท้ายควันก็ยอมปล่อยแก้มนิ่ม มองคนตัวเล็กที่คลานลงจากตัวของเขาแล้วนั่งจุมปุ๊กลงที่พื้น

“ไปไหนกับพีชมาวะ”

“ไม่บอก”

“หัดมีความลับนะ”

“คนเรามันก็ต้องมีความลับกันบ้างสิ” ไอติมบ่ายเบี่ยงและสุดท้ายก็เก็บความลับเอาไว้เพียงคนเดียวอีกครั้ง ควันไม่ได้ถามอะไรอีก เพราะถ้าไอติมคิดจะบอกคงไม่ต้องให้เขาเอ่ยปากถามเองอย่างนี้

“หิวแล้ววะ นอนรอมึงกลับมาโคตรนาน กินไรดีวะ”

“กูกินข้าวกับพีชมาแล้วอ่ะ กินมาม่าคัพแทนได้มั้ย เหมือนจะเหลืออยู่หนึ่งถ้วย”

“ไม่เอา พากูไปกินหน่อยดิ หน้าปากซอยก็ได้”

ควันยังไงก็ยังเป็นควัน คนตัวสูงลุกขึ้นแล้วดึงแขนไอติมให้ลุกขึ้นตาม ไอติมจึงยอมออกมากินข้าวเป็นเพื่อนควัน มองดูคนตัวสูงที่กำลังสั่งเมนูก๋วยเตี๋ยวกับป้าแม่ค้าแล้วก็จำไว้ในใจว่าควันมักจะกิน ‘บะหมี่แห้งเนื้อรวมพิเศษ’

“ควัน มึงลองเดาหน่อยสิว่าถ้ากูจะสั่งก๋วยเตี๋ยวกูจะสั่งเมนูอะไร”

ไอติมลองถามควันดูว่าเมนูคราวนี้ควันจะรู้ใจเขาอีกรึเปล่าว่าไอติมชอบอะไร ดวงตาคมเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์แล้วมองอย่างสงสัยว่าทำไมไอติมถึงมาถามคำถามลองใจอะไรตอนนี้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขา

“มึงจะสั่งเส้นเล็กหมูตุ๋นไม่งอกไม่ถั่วพิเศษลูกชิ้น”

“ทำไมถึงรู้ว่ากูจะสั่งอะไร”ไอติมอดแปลกใจไม่ได้ เป็นอีกครั้งที่ควันรู้ในสิ่งที่เขาชอบอีกแล้ว

“ไม่เห็นจะยากเลย มาร้านนี้ทีไรมึงก็สั่งแต่เมนูนี้ตลอด”

ไอติมพยักหน้าหงึกหงัก แล้วแสร้งยกโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแก้เก้อ ในโทรศัพท์นั้นก็สร้างโน้ตใหม่ขึ้นมาเงียบ ๆ พิมพ์ลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อบันทึกสิ่งที่ได้รู้จากควันมาบ้าง

1. ก๋วยเตี๋ยวที่ควันชอบ: บะหมี่แห้งเนื้อรวมพิเศษ

ควันเอาใจใส่เขาถึงขนาดนี้ มันก็ถึงเวลาที่เขาควรจะเอาใจใส่ควันกลับบ้างแล้วเหมือนกัน...

รอหน่อยนะ แล้วสักวันกูจะใส่ใจมึงให้ได้มากเท่าที่มึงใส่ใจกูเลย



*



พรุ่งนี้จะเป็นวันเกิดของควันแล้ว และวันพรุ่งนี้นั้นก็เป็นวันที่พวกเขาจะต้องสอบย่อยแถมยังต้องพรีเซนต์งานอีกเช่นกัน วันนี้หลังจากเลิกเรียน กลุ่ม F4 จึงรีบไปรวมพลกันที่ห้องของพีชทันที

“ซวยแล้วว่ะ กูลืมเอาแมคบุ๊คมาจากห้อง เดี๋ยวกลับไปเอาที่คอนโดแป๊บนึงนะ”

ควันรีบบอกเพื่อน ๆ หลังจากพบว่าในรถของเขาไม่มีแลปท็อปสำหรับนำไปรายงานกับเพื่อน ๆ แถมข้อมูลงานต่าง ๆ ก็อยู่ในแลปท็อปของเขาเกือบทั้งหมดเมื่อได้ยินอย่างนั้นสามคนที่เหลือจึงกระโดดขึ้นรถของพีชแล้วมุ่งหน้าไปก่อน ส่วนควันก็รีบขับรถกลับคอนโดตัวเองเพื่อไปเอาอุปกรณ์การทำรายงานให้ครบก่อนจะตามไปสมทบทีหลัง

เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องก็เจอฝาแฝดตัวเองที่นั่งอยู่โซฟาหน้าทีวี ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับโทรศัพท์อยู่เพียงคนเดียว ท่าทางเหมือนคนบ้าจนน่าหมั่นไส้

“เบื่อจริ๊ง คนมีความรัก”

“อิจฉากูเหรอ” หมอกถามทั้งที่ใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้ม ควันเพียงแค่ยักไหล่พลางปลดเนคไทออก

“จะอิจฉาทำไม เห็นพี่กูมีความสุข กูก็ดีใจด้วยครับ”

“หน้ามึงตอแหลมากน้องรัก...เอ้อ มีพัสดุส่งมาหามึงนะ กูเอาของวางไว้ในห้องมึงแล้ว”

“หืม? พัสดุเหรอ กูว่ากูไม่ได้สั่งอะไรนะ” ควันขมวดคิ้วมุ่น แล้วลุกเดินเข้าไปห้องนอนเพื่อดูพัสดุที่หมอกว่า แต่ยังไม่ทันก้าวขาเข้าห้องนอน เสียงทุ้มก็ลอยตามหลังมาแซวมาอีกระลอก

“ไม่ใช่มึงไปพรีออเดอร์หนังโป๊แล้วพึ่งส่งมาเหรอ คิดดูดี ๆ”

“ควายเถอะครับสัสหมอก ของอย่างนี้กูไม่พรีออเดอร์ให้เสียเวลาหรอกโว้ย ไปซื้อที่ร้านดีกว่าเลยมั้ย คิดนิดนึง”

กวนกันตามประสาพี่น้องเสร็จแล้วร่างสูงก็เดินเข้ามาในห้องนอนตัวเอง เห็นพัสดุจ่าหน้าซองถึงเขา แต่ไม่ได้ระบุชื่อผู้ส่งมา ควันรีบคลายความสงสัยด้วยการฉีกซองสีน้ำตาลทันที และเมื่อเจอสิ่งของข้างในนั้น ดวงตาคมก็หรี่ลงแล้วหยิบมันขึ้นมาจ้องชัด ๆ ให้แน่ใจอีกครั้ง

มันเป็นภาพที่แอบถ่ายผู้ชายสองคนในร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง สีหน้าดูมีความสุข ยิ้มแย้ม หัวเราะ ราวกับคู่รักก็ไม่ปาน...

และแน่นอนว่าสองคนในภาพนั้นเขารู้จักเป็นอย่างดี คนแรกนั้นคือรุ่นพี่ปีสามที่เป็นถึงอดีตเดือนคณะแพทยศาสตร์ ส่วนอีกคนก็เป็นเดือนคณะแพทยศาสตร์ในปีนี้

พี่กรกับไอติม...

ไปนัดเจอกันตอนไหน ทำไมเขาไม่รู้เรื่อง แล้วสรุปว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นอย่างไรกันแน่ เขาจะมั่นใจในตัวไอติมได้รึเปล่า...หรือบางทีความรู้สึกของเขาที่มีต่อไอติมมันอาจจะส่งไปไม่ถึงใจของคนรับเลยก็ได้...



ควันไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งภาพนั้นมาให้เขา และนั้นทำให้เขาไม่สามารถสลัดความกังวลใจในตอนนี้ได้เลย ดวงตาคมนั่งมองคนที่กำลังพิมพ์งานอย่างตั้งใจอยู่ตรงข้ามซึ่งจับคู่ทำรายงานกับวินทร์เงียบ ๆ อยากโพล่งถามในสิ่งที่สงสัยเสียตอนนี้เลย แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเพื่อนทั้งสองคนไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา แล้วจะถามตอนนี้เลยมันก็ไม่ใช่เรื่อง

“ควัน เป็นอะไรทำไมนั่งเงียบแบบนี้วะ”

พีชที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทักคนตัวสูง จึงทำให้ทั้งวินทร์และไอติมเงยหน้าจากหน้าจอแลปท็อปขึ้นมามองเขาด้วย

“เปล่า กูเงียบแล้วมันผิดปกติเหรอ”ควันปฏิเสธ แล้วแกล้งยิ้มกลบเกลื่อน วินทร์และไอติมจึงก้มหน้าทำรายงานต่อ ส่วนเขาก็แสร้งทำเป็นเปิดหนังสือเพื่อดูเนื้อหาสำหรับทำรายงานเพื่อไม่ให้พีชถามขึ้นมาอีก

“มึงดูแปลก ๆ นะ”

พีชพูดเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงกลับไปพิมพ์รายงานต่อ ควันไม่ได้สนใจคำพูดของพีชเลยสักนิด ดวงตาคมนั้นเหลือบมองไอติมอีกครั้ง แล้วสลัดเรื่องกวนใจทั้งหมดออกเพื่อเคลียร์งานตรงหน้าให้จบเสียที



กว่าจะทำรายงานและติวหนังสือด้วยกันเสร็จก็ตีสองพอดี วินทร์ขอติดรถควันกลับด้วย เมื่อส่งวินทร์ถึงคอนโดแล้ว รถยนต์สีดำคันสวยจึงพุ่งทะยานไปตามท้องถนนอย่างรวดเร็ว ไอติมมองท่าทางแปลก ๆ ของควันที่เขาสังเกตได้ตั้งแต่ที่ทำรายงานแล้วจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

“เป็นอะไรรึเปล่า วันนี้ดูเงียบแปลก ๆ เครียดเหรอ”

“อืม เครียด” เสียงทุ้มตอบกลับ ไอติมจับน้ำเสียงนั้นที่ห้วนสั้นได้แต่ก็ไม่เข้าใจว่าควันเป็นอะไร

“เครียดเรื่องจะสอบพรุ่งนี้เหรอ มึงไม่น่าจะเครียดนะ สอบทีไรก็ท็อปตลอด”

“ไม่ได้เครียดเรื่องนั้น”

“แล้ว...”

“ไอติม” เสียงของไอติมที่กำลังถามนั้นหยุดลง เมื่อควันเรียกชื่อของเจ้าตัวพร้อมกับรถที่จอดลง ไอติมหันไปมองควันในความมืด ไม่ทันได้เอ่ยถามอะไร สัมผัสหนัก ๆ ก็โฉบลงมาที่ริมฝีปาก ไอติมตกใจไม่น้อยแต่ก็จูบตอบกลับไปอย่างไม่เข้าใจ

ริมฝีปากหนาขบเม้มอย่างเอาแต่ใจ ดูดดึงจนเกิดเสียงในความเงียบ ร่างเล็กกว่าถูกดึงเข้ามาให้นั่งบนตักทั้งที่ริมฝีปากยังคงเชื่อมกัน ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในโพรงปากหวานเชื่อม กวาดกินความหอมหวานอย่างตะกละตะกลาม สัมผัสเหล่านั้นทำเอาคนตัวเล็กกว่าถึงกับเบลอไปชั่วขณะ แต่แล้วสัมผัสทุกอย่างก็หยุดลง ริมฝีปากของทั้งสองผละออกจากกัน

“ใจของมึงมีกูอยู่บ้างมั้ยวะไอติม”

“มึงเป็นอะไรวะควัน”

“ที่ผ่านมา ที่กูพยายามจีบมึง กูเข้าไปอยู่ในใจมึงได้สักเสี้ยวหนึ่งรึยัง”

น้ำเสียงนั้นมันแหบแห้งและแผ่วเบาจนไอติมใจกระตุก เขาไม่เคยเห็นควันในมุมนี้เลย และไอติมก็ไม่เข้าใจว่าควันเป็นอะไรไป ถึงถามเขาด้วยคำถามอย่างนี้

“มีสิ ทำไมจะไม่มี...มึงทำดีกับกูขนาดนี้นี่นา”

“งั้นเหรอ”

“อืม”

“ถ้างั้นตอนนี้เราเป็นแฟนกันได้รึยัง”

เสียงทุ้มถามขึ้นท่ามกลางความเงียบอย่างหนักแน่น แต่กระนั้นแววตาที่ไอติมเห็นตรงหน้ามันกลับสั่นไหวจนไอติมรับรู้ได้ว่าในตอนนี้ควันไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด ไม่เหมือนควันที่เขารู้จักเลยแม้แต่นิดเดียว

“กลัวเหรอ” ไอติมถามย้อนกลับ มือขาวเผลอไล้กรอบหน้าของคนตรงหน้า แล้วกุมแก้มทั้งสองข้างของควันเอาไว้

“ยอมรับว่ากลัว”

“งั้นต่อไปนี้ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”

“...”

“เพราะมึงชนะใจกูแล้วควัน”

สิ้นคำนั้นริมฝีปากอิ่มก็จรดลงแนบกับริมฝีปากของควันอีกครั้ง ไอติมหลับตาลงและบรรจงจูบอย่างลึกซึ้งหวังถ่ายทอดความรู้สึกที่เขาไม่สามารถอธิบายมันได้ผ่านสัมผัสทางกายให้ควันได้รู้ สองแขนโอบรอบลำคอแกร่ง บดเบียดร่างกายแนบกับร่างหนาที่โอบกอดเขาเอาไว้จนแน่น

“มึงจะทำกูตบะแตกอยู่แล้วไอติม”

ควันกัดฟันพูด หัวใจเต้นรัวกับการกระทำของร่างเล็กที่ยังนั่งอยู่บนตักของเขา ดวงตากลมนั้นปรือตามองราวกับยั่วยวน ไม่มีเสียงตอบกลับนอกจากรสจูบที่ปลายคางช้า ๆ ซ้ำ ๆ และควันก็จะไม่ทนอีกแล้ว

ร่างสูงปรับเบาะให้เอนต่ำจนสุด จับท้ายทอยของร่างด้านบนไว้แล้วประกบจูบด้วยรสร้อนแรง และไอติมก็ตอบสนองกลับมาอย่างถึงพริกถึงขิง ริมฝีปากร้อนบดคลึงจนปากอิ่มบวมเจ่อ ไอติมโดนจับให้นอนหงายทับร่างกายใหญ่ และริมฝีปากร้ายกาจของควันก็ลากไล้ผ่านลำคอเบา ๆ ให้ไอติมจั๊กจี้เล่น สองมือก็สอดเข้าไปใต้ร่มผ้าของคนที่นอนทับอยู่ด้านบน บดเม็ดทับทิมอันเล็กจนไอติมสะดุ้ง กายขาวบิดพลิ้วไปมา ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหยาบกร้านเลื่อนต่ำจากหน้าอกไปปดตะขอกางเกงแล้วล้วงเข้าไปจับแท่งเนื้อร้อนของเขาเอาไว้ จมูกโด่งเกลี่ยอยู่บริเวณแก้มขาวชื้นเหงื่อ กระซิบเสียงแผ่วที่ข้างใบหูขาวเบา ๆ

“วันนี้อยู่บนนะ”

“อะ...อือ”

“จะให้ขย่มให้ดู”

“ระ...รู้แล้วหน่า”

ไอติมตอบเสียงสั่น ก่อนจะโดนจับหันให้กลับมามองหน้าควัน พร้อมกับที่อาภรณ์ท่อนล่างของเขาถูกควันถอดออกไปกองอยู่ที่หัวเข่า มือขาวก็ปลดหัวเข็มขัดของคนด้านล่างออกบ้าง ค่อย ๆ ดึงซิปกางเกงลงจนเจอกับขอบชั้นในสีดำยี่ห้อ Calvin Klein ร่างเล็กเผลอสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อแตะมันผ่านเนื้อผ้าเบา ๆ ท่อนเนื้อตรงหน้าก็แข็งขื่นสู้มือของเขาเสียแล้ว

“อ่ะ...ควัน อย่าพึ่ง”

ไอติมร้องเสียงหลงเมื่อมือซุกซนของคนตรงหน้าจับที่แก้มก้นแถมยังขย้ำจนเขาร้องเจ็บ ควันไม่ฟังคำห้ามปรามแล้วแทรกนิ้วชี้เพื่อเบิกทางทันที ไอติมสะดุ้งเกร็ง รีบถอดชั้นในเจ้าปัญหาออก จับความเป็นชายของควันเอาไว้เพียงแค่นั้นลำแท่งนั้นก็ตั้งตรงพร้อมออกศึกทันที

“โทษทีนะ พอดีเป็นคนขึ้นง่าย”

“ไอ้...”

จะด่าก็ด่าไม่ออกเพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไอติมก็เป็นคนเริ่มทั้งหมด คนตัวเล็กโดนยกอุ้มขึ้น แล้วสะโพกของเขาก็ถูกดันลงมาช้า ๆ  เพียงแค่โดนแท่งเนื้อร้อนที่มาจ่ออยู่ที่ช่องทางแทนนิ้ว ไอติมก็เกร็งไปหมด

“ออนท็อปให้ดูเป็นบุญตาหน่อยสิแฟน”

คำว่า ‘แฟน’ ที่ออกจากปากควันทำเอาแก้มขาวถึงกับแดงระเรื่อ แม้ว่าควันจะไม่เห็นเพราะว่ามันมืด แต่ไอติมก็รู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังเขินมากแค่ไหน ยิ่งกับท่าทางแปลกพิลึกในตอนนี้อีก ทำไมต้องมาทำอะไรพิสดารในรถด้วยเนี่ย

“อ่ะ! ควัน อย่าพึ่ง”

ไอติมร้องเสียงหลง เมื่อไม่กล้ากดตัวลงไป ควันจึงดันสะโพกขึ้นมาแทนจนแท่งเนื้อร้อนเสียบคาเข้าไปในร่างกายเล็กเสียแล้ว ไอติมบีบรัดจนแน่นเพราะห่างหายจากกิจกรรมอย่างว่าไปนาน ควันได้แต่กัดปากข่มอารมณ์ที่อยากจะกระแทกคนตรงหน้าแรง ๆ แล้วให้ไอติมดำเนินจังหวะรักครั้งนี้แทน

“หายเจ็บยัง”

“อะ...อือ”

“เอาเลยดิ จะรออะไร”

สิ้นคำนั้น ฝ่ามือกร้านก็จับสะโพกกลมมนยกขึ้นลงสอดผสานกับกายแกร่งของเขา ไอติมสะดุ้งเป็นระยะเมื่อท่อนเนื้อนั้นสะกิดโดนปุ่มกระสันทำเอาขนลุกเกลียว และเมื่อจังหวะรักที่ค่อย ๆ ดำเนินไปอย่างเชื่องช้าเริ่มร้อนแรงขึ้น คนที่ควันพยายามให้เป็นคนคุมเกมรักครั้งนี้เริ่มขยับสะโพกเร็วขึ้นและแรงขึ้น ควันจึงนอนมองใบหน้าด้านบนที่กำลังเสร็จสมอารมณ์หมายแทน

“อ่ะ...สะ...เสียว”

“อื้อ!”

ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางควันก็ยิ่งได้ใจ สวนสะโพกย้อนคืนจนไอติมสั่นไปทั้งร่าง ร่างเล็กกระเด้งกระดอนอยู่บนร่างของเขานั้นเป็นภาพที่สวยงามอะไรขนาดนี้ เหงื่อกาฬผุดขึ้นตามกรอบหน้ายิ่งทำให้ไอติมดูเซ็กซี่มากขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าเนียนเชิดขึ้นและหลับตา เสียงร้องคราง กับท่าทางร้อนแรงนั้นมันทำเอาควันทนไม่ไหว อุ้มคนด้านบนเอาไว้ แล้วกระแทกจากด้านล่างขึ้นไปแรง ๆ

“อ๊า...ควัน...ฮะ...เสียว...ไม่ไหวแล้ว...แรง...แรงอีก...อึก”

สิ้นคำนั้นอีกไม่กี่วินาทีต่อมา หยาดน้ำสีขาวขุ่นก็ฉีดเลอะลอนท้องของควันจนเปรอะเปื้อนไปหมด ไอติมที่ปลดปล่อยแล้วซบหน้าลงกับลาดไหล่แกร่ง ส่วนควันก็กระแทกสะโพกอีกสองครั้ง ก็ปล่อยลูกรักนับล้านในร่างกายไอติมเสียจนหมด

“ขอโทษนะที่ปล่อยข้างใน มันฉุกละหุกไปหน่อย” ควันบอกอย่างรู้สึกผิด เขาไม่เคยลืมกฎของไอติม แต่ว่าคนตัวเล็กนั้นแหละที่มายั่วยวนเอาตอนนี้ ถุงยางในรถก็ไม่มี จังหวะนี้จะให้ขับรถกลับเอาในถุงยางที่ห้องงั้นเหรอ บอกเลยว่าควันไม่ทำหรอก

“ไม่เป็นไร...เสร็จแล้วใช่มั้ย” ไอติมกระซิบเสียงแหบแห้ง นี่เป็นครั้งที่สองที่ควันปล่อยด้านในอย่างนี้ ไอติมรู้สึกอึดอัดไปหมด เพียงแค่คิดว่าถ้าควันยังอารมณ์ค้างอยู่ เห็นทีคืนนี้เขาคงจะไม่ได้นอนแน่

“ถึงจะไม่เสร็จก็ไม่ทำอีกแล้ว พรุ่งนี้สอบเสร็จเมื่อไรค่อยจัดหนักแบบคอมโบไปเลย”

“ไอ้หื่นกามเอ้ย” ไอติมสบถเสียงเบา เท่านั้นก็เรียกเสียงหัวเราะจากควันได้ไม่ยาก ริมฝีปากร้อนจูบขมับบาง ๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูไอติมให้คนตัวเล็กเขินเล่น

“แล้วเมื่อกี้ใครเริ่มก่อนครับ”

“ไม่รู้”

“หึหึ ไม่รู้ก็ไม่เป็นไรครับคุณแฟน”

“อื้อ แฟนก็แฟน”

ไอติมอมยิ้มแล้วหลับตาลงเพื่อรับจูบหอมหวานจากคนตรงหน้า แล้วผละออกมาเพื่อกลับไปนั่งที่เบาะของตัวเองทั้ง ๆ ที่ขายังสั่นอยู่ แต่งตัวจนเรียบร้อยแล้วควันก็หยิบเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมท่อนล่างของไอติมไว้ เสร็จแล้วก็รีบสวมกางเกงก่อนจะพาแฟนคนใหม่กลับไปพักผ่อนเสียทีแต่ก่อนจะได้ออกรถ ควันก็หลุดยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงพึมพำแผ่วเบาจากคนด้านข้าง

“สุขสันต์วันเกิดนะควัน”


เมื่อมาถึงคอนโดของไอติม ควันก็อุ้มคนตัวเล็กที่หลับสนิทเข้ามาในคอนโดเงียบ ๆ วางเจ้าของห้องลงบนเตียง ไอติมขยับตัวเพื่อหามุมสบายก่อนจะนิ่งไป ดวงตาคมจ้องมองคนที่ผล็อยหลับไปแล้ว เกลี่ยเส้นผมนุ่มเบา ๆ แล้วลากมาที่พวงแก้มขาว พลางนึกสะท้อนไปถึงสิ่งที่เห็นเมื่อตอนกลางวัน แม้ควันจะไม่รู้ว่าใครที่ส่งรูปนั้นมาให้เขา ไม่รู้จุดประสงค์ว่าเจ้าของภาพต้องการอะไร แต่เขากลับได้ในสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้มาแทน...คำว่าแฟนจากไอติม มันคือการผูกมัดที่เขารอคอยมันมาตลอด และควันก็สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าเขาจะดูแล และรักษาความรักครั้งนี้ให้สมกับที่เขาสู้เพื่อให้ได้มันมา

ควันยิ้มให้กับคนที่นอนหลับอีกครั้ง ใบหน้าคมคายก้มลงแตะกลีบปากนั้นเบา ๆ หวังว่าคนที่นิทราไปแล้วจะหลับฝันดี

“มึงเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดเลยรู้มั้ยไอติม”



-----------------------------------------------

ตอนใหม่มาแล้วจ้า ฟินแบบจุกๆ
ใครแวะเข้ามาอ่านแล้วขอคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ
จะได้มีแรงปั่นกันต่อไป อาจจะมาอัพช้าบ้าง เข้าใจเราด้วยเนอะว่าตอนกลางวันก็ทำงาน
มีเวลาเขียนนิยายแค่ตอนกลางคืน บางวันทำงานเหนื่อยก็หมดแรง
บางวันก็ไฟมอด ต้องเข็นตัวเองมานั่งคิดพล็อต พยายามปั่นสุดแรง มันเลยช้าหน่อย ;-;

ส่วนเรื่องต่อไปที่จะคุยคือตอนนี้นิยายเราก็ผ่านกลางเรื่องมาแล้ว(รึเปล่า)
เลยอยากจะมาว่ามีใครสนใจเรื่องรวมเล่มรึเปล่า
ตอนนี้ไม่มีอะไรเลย นิยายก็ยังแต่งไม่จบ แต่ต้องคิดแล้วว่าถ้ามีคนสนใจจะได้เริ่มหาคนวาดปก คุยกับโรงพิมพ์อ่ะค่ะ
ส่วนนิยายเรื่องนี้ น่าจะมีประมาณ25ตอน(หรือมากกว่านั้น) ถ้ามีคนสนใจฝากแวะไปทำแบบสอบถามให้หน่อยนะคะ
ขอบคุณทุกคนค่ะ
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScI3eeRZQfNU9cJsdlFPWJTlc4OsqqFXzFI3DQsfv_ZiOfgxQ/viewform
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-01-2019 21:34:53
+1
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-01-2019 21:52:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีความตะหงิดว่า อิคนส่งภาพมาให้  น่าจะเป็น "พีช" อ่ะ

หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 12-01-2019 16:03:16
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: maplub_oyaya ที่ 27-01-2019 20:59:50
 :L2:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: FanclubPong ที่ 29-01-2019 03:26:00
ของขวัญวันเกิดที่ยอดเยี่ยมมาก ชอบจังเวลาควันมีความหึงไอติม
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-02-2019 22:27:56
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 16-09-2019 22:25:34
คิดถึงพี่ควันและไอติมมมม
คุณคนเขียนเป็นยังไงบ้างแล้วค้า

ถ้าว่างอย่าลืมแวะมาส่งข่าวกันน้า
ยังคงรอคอยเสมอจ้ะ สู้ๆน้าาาา
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 04-10-2019 11:28:27
พีชแอบชอบควันแล้วแน่ๆ
ส่วนควันก็ใจเย็นๆลูกเอ๊ยย ทางนี้เชียร์เต็มที่
ไอติมก็ใจแข็งจริงๆ ยอมรับเลย
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: imkhimaut ที่ 04-10-2019 21:49:19
ไม่อยากให้มีดราม่าเลยอะแม่ ปวดใจจจจจ แงงงงงงง

 :hao5:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 08-10-2019 18:58:21
มาต่อเร็วๆนะ

รอลุ้นหนักมาก o13
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: imkhimaut ที่ 11-10-2019 16:29:11
รอนะคะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 14-10-2019 01:22:11
ติดตามค้าบบบบบ :katai1:
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: marsmarseiei ที่ 26-10-2019 23:08:25
ฮือออน้องงงงง เหมือนจะสวยแล้ว ได้เป็นแฟนแล้ว แต่พีชนี่สิยังไงต่ออมกกกก
หัวข้อ: Re: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 12 - ที่ปรึกษา [20.09.2018] หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 26-11-2020 23:17:52
หลังจากอาบน้ำสระผมเสร็จ ไอติมก็หย่อนกายลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แม้ว่าเส้นผมจะยังคงเปียกน้ำแต่เจ้าตัวก็ขี้เกียจจะใส่ใจเลยปล่อยให้ผมมันเปียกอยู่แบบนั้นแล้วเริ่มทาครีมบำรุงหน้าเหมือนกับทุก ๆ วันที่ผ่านมา
อ่านเจอมาเยอะ สระผมแล้วไม่เช็ดแต่แต่งตัวเลยทั้งๆที่ผมเปียก สำหรับเราต้องเช็ดจนผมเกือบแห้งแล้วค่อยแต่งตัวเพราะถ้าแต่งตัวเลยน้ำจะไหลมาเปียกเสื้อ เราทำผิดๆมาตลอดเหรอเนี่ย